พิมพ์หน้านี้ - ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: dusitta ที่ 03-01-2019 19:16:38

หัวข้อ: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 03-01-2019 19:16:38
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขวัญใจ....ขวัญรัก
โดย  ดุสิตา

1.จุดนัดพบ
................ค่ำคืนที่มืดมิด กบเขียดร้องแข็งกับสายฝนและสายลมพัดกระหน่ำ ราวกับใต้ฝุ่นถล่มลงมา พร้อมสายฝนที่สาดชัดกระทบหลังคา แสงวาปจากสายฟ้าดูน่ากลัวยิ่งนัก  หลังคาบ้านพักราชการครูทรงสูงสองซั้น สะท้อนกับแสง ทำให้มองเป็นเป็นเงาตะคลุ่มเห็นเป็นหลัก ๆ ที่ปลูกห่างกัน ท่ามกลางหมู่แมกไม้ อัฐณพ อาจารย์หนุ่มที่เพิ่งย้ายมาทำงานที่นี้ มีอาการตกใจทุกครั้งที่ฟ้าแลป ทำให้อัฐณพนั่งไม่ติดพื้นเมื่อสองเดือนที่แล้วเขาถูกเรียกให้มาบรรจุที่นี้ หลังจากที่มุ่งหมั่นให้เรียนจบโดยเร็ว ตามความคาดหมายจบภายในสี่ปี พยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมให้ได้ ไม่อยากทำตัวมีปัญหา สงสารแม่กับน้องที่ต้องช่วยกันหาเงินให้เขาเรียนจนจบ

“น้องนพ ครูนพครับ อยู่ไหมครับ” เสียงตะโกนจากชั้นล่าง เสียงของครูชัชวาลนั้นเอง อัฐณพใจชื่นขึ้นมา รีบชะโงกหน้าออกหน้าต่างบ้านจากชั้นบน

“ครับ พี่ชัช นพยังอยู่ครับ” อัฐนพตะโตนออกมาแข่งกับเสียงฝน ส่งรอยยิ้มให้ผู้ร้องเรียก ทำให้ผู้มาเรียกรู้สึกโล่งใจ

“ครูอยู่ได้ไหม ฝนตกแรงหน่อย เป็นธรรมชาติของพื้นที่เราครับ” ครูชัชวาลอธิบาย ทำให้อัฐณพรับทราบข้อมูลใหม่

“ออ ครับ ผมเพิ่งรู้ อยู่ได้ครับครู” อัฐณพ พูดขึ้น มองดูสายฝนที่พัดกระหน่ำลงมาเรื่อย ๆ 

“หรือครูจะไปอยู่กับแม่บ้านผมก่อนไหม แบบนี้คงตกอีกนาน ฝนแรกของฤดูนะครับ” ครูชัชวาลกล่าวต่อ

“ไม่เป็นไรครับ ผมพออยู่ได้ครับ” อัฐณพ บอกด้วยความเกรงใจ อีกทั้ง ต้องปรับสภาพตัวเองให้สามารถอยู่ในที่ใหม่ให้ได้ อัฐณพสอบบรรจุได้

“แล้วพี่ชัช จะไปไหนครับ ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม” อัฐณพตะโกนแข่งกับสายฝน

“ไม่เป็นไร พี่ไปคนเดียวสะดวกกว่า อีกอย่างพี่จะไปดูห้องทำงานพี่นะ หน้าต่างห้องพักยิ่งไม่ดีอยู่ จะเลยไปดูหน้าโรงเรียนด้วยครับ กลัวน้ำพัดพาจะไปชวนภารโรงไปเป็นเพื่อน” ครูชัชวาลตอบ อัฐณพพยักหน้ารับทราบ มองดูสายฝนที่โปรยปลายลงมาอย่างไม่ขาดสาย พร้อมแสงแลบจากสายฟ้า

“ถ้าอย่างนั้นผมไปดูโรงเรียนก่อนครับ ดีที่ช่วงนี้เปิดเทอม ถ้ายังปิดเทอมอยู่จะไม่รู้ว่ามีอะไรเสียหายบ้าง” ครูชัชวาล กล่าวต่อ

“แน่ใจนะครับว่าจะไม่ให้ผมไปเป็นเพื่อน”  อัฐนพกล่าวแสดงความมีน้ำใจกับเพื่อนครูรุ่นพี่  แล้วหลบสายฟ้าที่คำรามอยู่

“ไม่เป็นไรครับ สักครู่เดียวผมก็กลับแล้ว” ครูชัชวาลเดินไปยังอาคารเรียน ลัดเลาะไปตามอาคารเรียน โรงเรียนแห่งนี้มีสามอาคารเรียน มีครูประจำการ ห้าคน ครูผู้ช่วยอีก สามคน นักการภารโรงอีกหนึ่งคน รวมเป็นเจ้าหน้าที่ประจำการอยู่เก้าคน  โรงเรียนตั้งห่างจากหมู่บ้านสองกิโลเมตร ด้านข้างโรงเรียนเป็นคลองน้ำขนาดใหญ่ เมื่อมีครูชัชวาลมาเรียกทำให้ใจชื่นขึ้นบ้าง อัฐณพจึงเริ่มสำรวจดูรอยรั่วภายในบ้านพัก กลัวจะมีน้ำหยดลงมา โชคดีอย่างหนึ่งที่ หลังคาบ้านยังคงปกติดี อัฐณพเดินสำรวจชั้นล่าง เสียงน้ำที่เริ่มไหลแรงลงคลองน้ำ

“มันจะท่วมโรงเรียนไหมแบบนี้” อัฐณพกล่าว เปิดประตูหน้าบ้าน มองสายฝนที่สะท้องแสงไฟดวงริบหรี่ ด้านนอกเสียงฟ้าคำรามดังเรื่อย ๆ ก่อนสายฟ้าฟาดลง

“โอ้ย ตาย พ่อแก้ว แม่แก้ว ช่วยลูกด้วย” อัฐณพร้องเสียงหลง นั่งลงตรงประตูหน้าบ้าน

“ลูกแก้วไม่ได้สาบานที่ไหนนะ อย่าเพิ่งให้ลูกต้องตายจากที่นี้เลยน้องลูกแก้วยังเรียนไม่จบเลย” อัฐณพ ยกมื้อท้วมหัว รีบปิดประตูบ้าน

“เปรี้ยง.............ปัง ปัง ปัง ...........”  สิ้นเสียงฟ้าผ่า ความเงียบปกคลุมพร้อมเสียงสายฝนเบาลง อัฐณพ นิ่งสักครู่ พยายามเอียงหูฟังทิศทางที่มาของเสียง เปิดประตูหลังบ้าน ใช้สายตาเพ่งมองฝ่าความมืดออกไป พยายามหาที่มาของเสียงผสานกับเสียงฟ้าผ่า รีบหลบเข้าบ้านพัก

“ตูม ๆ ..............” เสียงน้ำแตกกระจายเหมือนมีการโยนของหนักลงน้ำ อัฐณพ สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนตั้งสติได้ รีบออกไปด้านหลังบ้านที่ติดกับลำคลอง ใจเต้นตุ๊บๆ กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายอะไรขึ้น พยายามมองหาสิ่งที่ผิดปกติ แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ สายฝนเริ่มพัดกระหน่ำอีกครั้ง ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า กลับมาอีกครั้ง

“อย่าทักท้วงลูกแบบนี้เลย” อัฐณพกล่าว รีบกลับเข้าบ้าน แต่ยังไม่ถึงประตูบ้าน

“ช่วยด้วย.....” อัฐณพชะงักเมื่อได้ยินเรียกดังแว่วจากกลางลำคลอง

“ช่วยพวกเราด้วย” น้ำเสียงเหมือนได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก  อัฐณพขนลุกความหนาวเย็นเข้าเกาะกุมหัวใจเลยก็ว่าได้

“อย่ามาหลอกมาหลอนลูกเลย ลูกหลานจะทำบุญอุทิศไปให้นะครับ” อัฐณพยกมือท้วมหัว หันซ้ายทีขวาที พยายามเพ็งมองฝ่าความมืด

“ช่วย..ด้วย...” เสียงที่ขาดเป็นห้วง ๆ

“กะ  เกิด  อะไรขึ้นกันแน่” อัฐณพถามตัวเอง พยายามรวบรวมสติ คิดว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ รีบเข้าไปในบ้านไปหยิบไฟฉายตรงข้างบันใดบ้าน แล้วหันกลับออกไปอีกครั้ง

“สาธุ อย่ามาหลอกหลอนลูกเลย แต่เสียงร้องต้องใช่คนแน่นอน” อัฐณพปลอบใจตัวเอง มองฝ่าความมืด เห็นบางอย่างเคลื่อนไหว อัฐณพรีบลงคลองซึ่งน้ำยังไม่มีมากนัก พร้อมตะโกนกลับ 

“ใคร ร้องให้ช่วย” อัฐณพตะโกนออกไป เอียงหู เพื่อหาต้นเสียงตอบกลับ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 1 จุดนัดพบ (3 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 03-01-2019 19:17:17

“ช่วยด้วย..........ช่วยด้วย.......” เสียงร้องแผ่วเบาลงและขาดเป็นห้วง ๆ  อัฐณพดีใจที่ยังได้ยินต้นเสียง ส่องไฟฉายลงไปกลางแม่น้ำ อย่างน้อยก็เป็นมนุษย์ สีน้ำเริ่มเปลี่ยนสีเห็นได้ชัด จากวันก่อน ระดับน้ำอยู่แค่หน้าแข้งเท่านั้น แต่ตอนนี้ระดับน้ำอยู่ตรงสะโพกแล้ว อัฐณพต้องรีบทำเวลา คำนวณความเร็วของน้ำ

“อยู่ตรงไหนครับ ผมมองไม่เห็น” อัฐณพร้องลงไปยังพื้นน้ำ

“อยู่นี้ครับ พวกเราอยู่นี้” อีกฝ่ายร้องขึ้น อัฐณพพยายามสายไฟฉายไปเรื่อย ๆ จนอีกฝ่ายตีน้ำให้เห็น อัฐณพจึงส่องไฟไปเจอร่างดำสองคนที่หงายตัวเห็นใบหน้า

“ช่วยด้วย ช่วยลูกพี่ผมด้วย” เสียงร้องเรียก ทำให้อัฐณพ รีบฝ่าพื้นน้ำเข้าไปหา

“คุณๆ เป็นอะไรครับ” อัฐณพถาม รีบฉุดร่างคนที่ไร้สติไว้

“ช่วยด้วย ช่วยลูกพี่ผมด้วย” คนที่มีสติพยายามดันร่างอีกคนให้เหนือพ้นน้ำ  คนบาดเจ็บ กลิ่นคาวเลือดเริ่มเข้าจมูกอัฐณพ รีบเข้าพยุงร่าง คนหมดสติ เกาะหลัง อีกมือคว้าร่างอีกคนไว้ พยายามดึงให้ขึ้นฝั่ง

“ทำใจดี ๆ นะครับ ไหวไหมครับ” อัฐณพ ร้องถามฝ่าเสียงฝน เสียงน้ำที่ดังมาแต่ไกล แต่คนสามคนยังอยู่กลางลำน้ำ

“ปล่อยผมไปครับ” คนที่มีสติกว่าพยายามสลัดให้หลุด เสียงกระแสน้ำเหนือคลองไหลลงมาใกล้เข้ามาทุกที 

“ช่วยลูกพี่ผม ปล่อยผมไป เราจะตายด้วยกันทั้งหมด” ชายที่มีสติอยู่กล่าว เขาพยายามแกะมืออัฐณพให้ออกตัวเขา

“คุณ ผมไม่ทิ้งใคร ไปด้วยกัน” อัฐณพพยายามคว้าตัวไว้อีกครั้ง

“ผมฝากลูกพี่ผมด้วย อย่าให้เขาเป็นอะไร เขาจะช่วยผมเองครับ” สิ้นเสียงบอก เขาก็ผละร่างที่โชกด้วยเลือดออกไป แล้วปล่อยให้ไหลไปตามกระแสน้ำที่ตอนนี้เริ่มจะเพิ่มขึ้น

“คุณ เดียว คุณ” อัฐณพพยายามจะดึงอีกร่างขึ้นแต่ไม่ทันเสียแล้ว สถานการณ์เริ่มคับขันเมื่อน้ำป่ากำลังไหลหลากลงมา

“คุณจะต้องไม่เป็นอะไร” อัฐณพต้องรีบพาอีกร่างไร้สติขึ้นจากลำคลองโดยเร็วที่สุด พยายามให้ร่างไร้สติอยู่เหนือน้ำ แต่ตัวเขาใหญ่เกินกำลัง จึงได้แต่พยายามแบกและลากลากขึ้นริมตลิ่ง กว่าจะขึ้นตลิ่งได้ น้ำป่าไหลลงมาอย่างรวดเร็ว อัฐณพหายใจอย่างแรงกึ่งแบกกึ่งลากขึ้นหลังบ้าน

“ทำไมหนักจังวะ คนอะไร ตัวนิดเดียวหนักแทบตาย” อัฐณพรากคนไร้สติ มาว่างลงตรงหน้าห้องน้ำ สภาพตอนนี้ เหมือนเขาโดนทำร้ายมา มือถูกมัดไพล่หลัง ปากโดนหมัด เท้าโดนมัดติดกัน ตรงหน้าอกมีแผลยิงสองจุด จึงรีบแก้มัด

“เอาไงดีที่นี้” อัฐณพอยากร้องเรียกหาคนช่วย แต่พอเห็นคนที่นอนไร้สติอยู่ ต้องรีบช่วยเหลือทำอะไรสักอย่างแล้ว

“คิดซิ นพ คิดๆ” อัฐนพกล่าวกับตัวเอง จากนั้นเริ่มสำรวจชีพจร คลำหาสัญญาณชีพโดยเร็ว 

“คงไม่ช่วยคนผิดนะ” อัฐณพบ่นแทบจะร้องไห้ พยายามสำรวจรอบตัวอีกครั้ง ใบหน้าซีดเซียว

“อย่ามาตายในบ้านนะเฮ้ย” อัฐณพจับชีพจรอีกครั้ง สัญญาณชีพเต้นแผ่วเบาอย่างมาก ต้องสำรวจว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง

“จะไปโรงพยาบาลยังไงเนี้ย อยู่ตั้งไกล คุณ เป็นไรมากไหม คุณ อย่าเพิ่งตายนะเว้ย” อัฐณพถามคนเจ็บด้วยความตื่นเต้น  ตบเบา ๆ ที่ใบหน้าฉีกเสื้อคอกลมสีดำที่เต็มไปด้วยเลือดออก เผยให้เห็นอกกำยำและหน้าท้องซิกแพกอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ

“คงไม่ใช่พวกค้ายา หรือทำผิดกฎหมายนะ คุณได้ยินเสียงผมไหม” อัฐณพใช้มือตบที่ใบหน้าเบา ๆ ใบหน้าคมเข้มแบบคนจริงจังกับชีวิต คิ้วหนา ตรงปลายคิ้วแตกเลือดยังซึมออกมา หนวดเขียวครึ้ม ตัดกับสีผิวที่ออกสีแทน ความสูงน่าจะอยู่ที่ร้อยแปดสิบเซนติเมตร นอนเหยียดยาวไปตามพื้น ตาที่ปิดอยู่ขยับนิดหน่อย   

“คุณ ๆ ได้ยินผมไหม ลืมตาซิ” อัฐณพพยายามเรียกสติคนไร้สติให้คืนมา แต่ก็ยังนิ่ง

“เอาไงดี ไปอยู่ตรงกลางห้องดีกว่านี้นะ” อัฐณพจึงลากคนที่ยังไร้สติไปกลางห้อง

“ต้องทำอะไรก่อน ไอ้นพคิดซิ คิด ๆ วิชาลูกเสือ น้ำร้อน” อัฐณพพยามตั้งสติ  จากนั้น รีบเสียบกาน้ำร้อน ชุดอุปกรณ์ทำแผลไม่มีสักอย่าง ‘ทำไงดีจะทำไงดี

“ออ คิดออกแล้ว พอดีมีเหล้าเหลือจากงานเลี้ยงรับคราวก่อน เอาอันนี้ช่วยก่อนละกัน” อัฐณพรีบขึ้นไปชั้นบนได้ขวดเหล้าสี รีบลงมาเอาเหล้าเหลือเทลงบาดแผลจุดโดนยิง อย่างไรเสียแอลกอฮอล์นี้คงไม่ทำให้แผลติดเชื้อ หยิบผ้าเช็ดตัวที่ตากไว้ นำมาซับเลือดแล้วกดลงที่แผล

“โอ๊ะ !!!!!” สัญญาณชีพมาแล้ว พอดีน้ำในกาเดือดพอดี เอาน้ำร้อนมาเทลงกะละมังผสมน้ำเย็นลงพออุ่น แล้วเอาผ้าเช็ดตัวลงชุบบิดมาด มาเช็ดตรงแผล

“คุณ ได้ยินผมไหม” อัฐณพเรียกอีกครั้ง

“เจ็บ....”เจ้าของร่างเริ่มรู้สึกตัว พยักหน้ารับทราบ ทำให้อัฐณพปฐมพยาบาล ใจชื้นขึ้น

“ไม่เจ็บได้ไง รอดมาได้ก็บุญแล้ว” อัฐณพกล่าว คนเจ็บเอามือมาลูบตรงแผลที่โดนกด   

“คุณ โดนยิงสองที่นะ ผมเห็นกระสุนฝั่งในจุดหนึ่ง ดีที่มันไม่เข้าลึก ทนเจ็บนะผมจะเอาออก” อัฐณพ กล่าวให้คนเจ็บทราบ แล้วลงมือเอาคีมเล็ก ๆ ที่หาได้เทเหล้าลงอีกและลงจุ่มคีมเล็ก ๆ และดึงลูกปืนออกมา หัวกระสุนหลุดออกมาอย่างง่ายดาย

“คงหมดแล้วนะ” อัฐณพกล่าว แต่เพื่อความแน่ใจจึงสำรวจอีกที่ว่ามีเหลืออยู่หรือไม่ คนเจ็บคงหลับตานิ่งกัดฟันจนเห็นรอยกรามเป็นสันนูน

“ผมจะแจ้งตำรวจนะ” อัฐณพบอกผู้บาดเจ็บ ที่พยายามเก็บอาการเจ็บจากรอยแผลไว้

“ไม่ต้อง” เสียงตบสั้นๆห้วนๆ จากคนเจ็บ ก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
.............สายฝนส่าลงแล้ว เสียงกบเขียดยิ่งดังขึ้น อัฐณพนั่งพิงฝาบ้าน สักครู่สายฝนพัดกระหน่ำอีกครั้ง เป็นสัญญาณบอกว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูเพาะปลูกอีกในไม่ช้าแน่นอน ท้องฟ้าทางทิศใต้ส่งแสงแวบวาวและประกายแปรบปราบ ตามด้วยเสียงฟ้าร้องครึ้ม ๆ     

“ครูนพครับ ครูนพ” เสียงครูชัชวาลนั้นเอง อัฐณพหน้าตื่นพยายามเซ็คคราบเลือดที่ติดตามมือ

“ครับพี่ชัช” อัฐณพขานรับมองดูร่างที่ยังนอนแน่นิ่งตรงจุดเดิม ลังเลนิดหนึ่งจะบอกครูชัชวาลดีไหม

“ระวังหน่อยนะครับ ผมว่าวันนี้ อาจมีการขนยากัน เกิดการปะทะกันเกิดขึ้นมื้อกี้ ผมได้ยิน ใครมาเคาะประตูก็อย่าเปิดรับนะครับ ครั้งก่อนมันยิงครอบครัวนักเรียนตายยกครัว” ครูชัชวาลกล่าว อัฐณพเสียวสันหลังวาบ หันไปมองร่างที่ไร้สติอีกครั้ง

“ครับ” รับคำสั้น ๆ ใจสั่นดังตู๊บ ๆ มากขึ้นอยากจะบอกครูชัชวาลเหมือนกัน ตอนนี้ครูมาเตือนไม่ทันการณ์แล้ว

“ถ้ามีอะไรก็ไปที่บ้านนะผมไปดูที่บ้านก่อนครับ” ครูชัชวาลกล่าวแล้วรีบกลับไปที่บ้าน

“พี่ชัช.....” อัฐณพเปิดประตูบ้านออกมา เรียกตามไม่ทันละ อาการขนลุกซู่เกิดขึ้นเป็นระยะ ถ้าเกิดเป็นเหมือนที่ครูชัชวาลพูดละจะทำไง ‘แต่เขาได้รับบาดเจ็บนี้ จะสู้แรงเราไหวหรอ’  พยายามปลอบใจตัวเอง

‘เอาไงเอากันอย่างน้อยช่วยเพื่อนมนุษย์’ อัฐณพสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ตั้งมั่นก่อนเข้าบ้าน พยายามเดินด้วยปลายเท้า ให้เบาที่สุด ค่อยๆ เข้าไปภายในบ้าน สายตาเพ่งไปตรงจุดหน้าห้องน้ำ

‘หายไปไน............’ อัฐณพความตกใจรีบเดินหักมุมห้องน้ำไปหลังบ้าน

“โครม......โอ้ย.......ซี๊ด.......” อัฐณพล้มลงข้าง ๆ เต็มเปา สะดุดขาคนเจ็บ ที่ตอนนี้นอนลืมตาดู ในมือถือปืนแนบอก เมื่อได้สติอัฐณพ รีบตะกายออกมาอีกฝั่งของบ้าน หน้าตาตกใจ

“ใครมา” เสียงถามห้วน ๆ จากคนบาดเจ็บ ใบหน้าแสดงอาการเจ็บปวด ทั้งตัวเลือดเริ่มออกอีกครั้ง ความแดงของเลือดอาบตัวอีกครั้ง

“เออ.....ครูชัช เพื่อนครู วางปืนลงก่อน จะอาบน้ำให้ใหม่ ดูเลือดมันออกเยอะแล้ว ” อัฐณพตอบเบา ๆ ยังมีอาการกลัว ๆ กล้า คนเจ็บเริ่มวางปืนลงข้าง ๆ ตัว แสดงอาการเจ็บอย่างเห็นได้ชัด 

“คุณเป็นใคร” อัฐณพกล่าว จ้องหน้าคนเจ็บ

“จะให้พาไป รพ. ไหม เลือดคุณออกมาก” อัฐณพถาม ใจนั้นอยู่ถึงตาตุ่มแล้ว ลุกขึ้นก้าวขาแทบไม่มีแรง เอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่ง

“คิดยังไงมาช่วยผม” คนเจ็บถามก่อนหมดสติไป

“เพื่อมนุษยชาติมั่ง เออ ดีจะไม่ต้องมากลัวอีก” อัฐณพกล่าว จากนั้นลากให้คนเจ็บมากลางห้องอีกครั้ง ลงมือทำความสะอาดบาดแผลใหม่ ปลดกางเกงทหารออก กางเกงชั้นใน ถอนหายใจ

“อย่าว่าผมลวนลามนะ ไม่ต่างกันหรอกผมก็มี” อัฐณพกล่าว จากนั้นทำแผลให้ใหม่  อีกอย่างฟ้าฝนก็กำลังเทลงมาอีกครั้ง เสียงน้ำป่าดังขึ้นเรื่อย ๆ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
.............สายของวันที่สอง คนป่วยเริ่มรู้สึกตัว ลืมตาปรับสภาพสายตา เห็นเป็นห้องทึบ มีหน้าต่างหลายบานปิดสนิท พยายามจะลุกแต่ก็ไม่สามารถทำได้ได้  อาการปวดเกิดขึ้นแทบจะทั้งตัว จึงหันไปด้านซ้ายซึ่งเป็นบันไดบ้าน เห็นอีกร่างหลับอยู่ตรงบันได ห้อยขาตรงซอกบันได เอาใบหน้าวางตรงขั้นบันไดอีกขั้น ใบหน้าเล็กเรียว คิ้วบาง จมูกโด่งนิด ทายได้เลยว่าเป็นคนรั้นไม่ผิดแน่ ใบหน้าซีด สภาพมอมแมมไม่ต่างจากเด็กน้อย มองไปด้านขวาเห็นกาต้มน้ำกะละมัง และผ้าหลายผืนที่มีคราบเลือด คนป่วยกำลังคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น มองสภาพตัวเอง ที่โดนเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้น ผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ พยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นผิดตรงไหน เพื่อนคู่หูหายไปไหน ภาวนาให้ไม่เป็นไรมาก 

“น้องนพ น้องนพค่ะ อยู่ไหม” เสียงเรียกหน้าบ้านทำให้คนที่นอนอยู่ตรงบันไดสะดุ้ง ไม่ทันระวังตัว หงายหลังลงจาดบันได

“อ๊าย!!!!!!!!!!!!!!!!!!......ตุ๊บ...” ดีที่อยู่ขั้นที่สามจึงไม่เป็นไรมาก  คนป่วยรีบทำตัวนิ่งเหมือนหลับแต่ก็หรีตามองความเคลื่อนไหวว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“น้องนพเป็นไรคะ” เสียงจากข้างนอกตะโกนเข้ามาอีกเพราะประตูบ้านพักยังไม่ทันเปิด คนตกบันไดพยุงตัวลุกขึ้น

“ออ พี่นี นพตกบันไดครับ พี่นีมีอะไรหรือเปล่าครับ” อัฐณพถามออกไป แต่ตาหันมาดูคนป่วยนอนหลับอยู่ ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา

“พี่มาชวนนพไปในเมืองด้วยกัน จะไปซื้อของมาซ่อมบ้านที่โดนพายุถล่มมื้อคืน ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ” พี่นีหรือสุนีกล่าวทำเสียงอ้อนให้ชายหนุ่มไปช่วยเลือกซื้อของ  อัฐณพค่อย ๆ ย่องเข้าไปดูคนที่นอนอยู่ บนพื้นมีเสื่อเก่า ๆ รองรับ เอามือวางที่หน้าผาก ไม่มีไข้แสดงความโล่งอก จึงออกไปเปิดประตู ชะโงกหน้าออกไป

“ได้ครับ พี่นี ผมอาบน้ำก่อนนะครับ จะไปสบทบครับ” ชายหนุ่มตอบ พยายามเลี่ยงไม่ให้สุนีเข้ามาในบ้านพัก 

“ไม่เป็นไร พี่รอได้” ครูสาวแย้งแทบจะทันที ยิ้มสวยให้

“ผมไม่สะดวกครับ” อัฐณพกล่าวทำหน้าละห้อย หญิงสาวทำท่าลังเล

“อย่างนั้นพี่ไปรอนพที่ บ้านก็แล้วกัน” สุนีหันหลังกลับ อัฐนพผ่อนลมหายใจ โล่งอก กลับมาดูคนป่วยอีกครั้ง เก็บอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ เข้าไว้ตามเดิม จากนั้นรีบอาบน้ำ ออกจากบ้าน

...........การกระทำทุกอย่างหาได้รอดพ้นสายตาคนป่วยไม่คงหรี่ตาดู แม้ว่าจากที่เฝ้าดู เป็นคนที่ระแวงมากคนหนึ่ง แต่ก็สำนึกในน้ำใจที่ยังช่วยเหลือเขาไม่ให้ตาย อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายไม่ค่อยจะได้ อาจจะต้องอยู่ตรงนี้อีกสักพัก พยายามมองหาอาวุธคู่ใจแต่ก็ยังหาไม่เจอ ขนาดชุดที่ใส่มามื้อคืนยังหายไปหมดแล้ว พยามจะลุกขึ้นนั่ง แต่ก็เจ็บแปลบที่แผล จึงคลายผ้าออกดูบาดแผล สภาพแผลมีรอยเย็บตึงและปวดอยู่ ชายหนุ่มจึงนอนลงท่าเดิมอีกครั้ง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
..........บ้านพักหลังใหญ่ ภายในอานาเขตเกือบห้าไร่ ที่ถูกปกคลุมด้วยพืชผลต่าง ๆ ดูร่มรื่น น่าพักผ่อนเป็นยิ่งนัก เจ้าของบ้านมีตำแหน่งถึงนายอำเภอ

“เฮ้ย...เป็นไงมื้อคืน เรียบร้อยไหม” เสียงทรงพลังของเจ้าของบ้าน ถามคนที่นั่งจิบกาแฟหน้าเค้าเตอร์

“มือชั้นนี้ ทำไมจะไม่เรียบร้อย ปานนี้เป็นอาหาร ปูปลาใต้บาดาลแล้วมั่ง” ลูกน้องคนสนิท ตอบ

“เออ กูเชื่อ แต่อย่าให้มันสาวมาถึงกูก็แล้วกัน ไอ้เด็กใหม่ไฟแรง” เจ้าของบ้านกล่าว พลางนั่งลงที่ชุดรับแขก ในอารมณ์ที่สบายใจเป็นอย่างมาก

“รับรองท่าน ไม่เหลือทั้งสอง จุดสำคัญทั้งนั้น” ลูกน้องคนสนิท ยิ้มอารมณ์ดีอวดฝีมือของตน อยากให้เจ้านายตัวเองรับรู้ว่ามันตายแบบไหน

“ครั้งนี้บอกไอ้ยุทธนา หยุดก่อนนะ เกิดเรื่องแบบนี้ ข่าวมันจะดัง” เจ้าของบ้านหันไปกำชับลูกน้อง

“ครับ” ลูกน้องรับคำสั่ง พอดีกับหญิงสาวร่างน้อยเดินลงมาจากชั้นบน เจ้าของบ้านจึงส่งสัญญาณให้รีบหลบออกจากบ้านไป

“คุณพ่อขา วันนี้ว่างหรือค่ะ หรือไม่ไปทำงาน” หญิงสาวออดอ้อนผู้เป็นบิดา

“ก็ว่าจะไปสาย ๆ หนูมีอะไรหรือเปล่า” ถามลูกสาวด้วยความสงสัย ปกติลูกสาวจะไม่ค่อยถามเรื่องการทำงานของตน

“ก็ว่าอยากจะติดรถคุณพ่อ ไปหาพี่โรช” ลูกสาวกล่าว ทำให้พ่อสะดุ้งนิดหนึ่ง เพิ่งคุยกันไม่ถึงเดือน

“ทำไม เดี๋ยวนี้สนิทกัน จนเรียกมันว่าพี่แล้วหรอ” ผู้พ่อออกอาการห่วงลูกสาว

“แม้พ่อก็   ไม่มีไรหรอกค่ะ ก็อยากหาลูกเขยราชการให้พ่อได้มีหน้ามีตาไงค่ะ” ลูกสาวตอบส่งสายตาหวานและท่าทีออดอ้อนผู้พ่อตามเคย

“ปลัดสาโรช พ่อไม่ต้องการ” บิดาออกคำสั่งเหี้ยมขึ้นมา ไม่อยากสบตาลูกสาว

“พ่อเป็นนายอำเภอ ไม่ต้องการลูกเขยว่าที่นายอำเภอ ถ้าไม่เอาจะให้หนูเอาใครค่ะพ่อ”ลูกสาวกล่าวกึ่งประชดประชัน และค้อนผู้เป็นพ่อไปวงหนึ่ง ลุกขยับออกห่างจากบิดา

“ลูกแวว หนูจะเอาใครได้ทั้งหมดยกเว้นปลัดสาโรช ไม่รู้มันจะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า” ผู้เป็นบิดากล่าวขึ้นลูกสาวรีบขยับมานั่งข้างๆ

“อะไรนะค่ะพ่อ” แววมยุราถามด้วยความตื่นเต้น สายตาหวานกลายเป็นตาโต

“พ่อ ยังไม่เห็นปลัดสาโรชของลูกมา 3 วันแล้ว ปานนี้เป็นตายร้ายดียังไงไม่รู้” นายอำเภอพยายามแก้ตัว

“คุณพ่อเป็นถึงนายอำเภอ จะไม่รู้เลยหรือค่ะว่าลูกน้องไปไหน” แววมยุราแสดงอารมณ์งอนผู้เป็นบิดา

“พ่อก็ดูแลหลายตำบล มอบหมายให้ทำงานแล้วก็มารายงานพ่อ” นายอำเภอกล่าวเอาใจลูกสาว พอดีกับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อน

“นายอำเภอการันพูด...เออ...ว่าไง.....เดี่ยวไป พบกี่ศพ” วางสายหน้าเครียดทันที

“อะไรค่ะพ่อ เกิดไรขึ้น”แววมยุรา ลุกขึ้นหน้าตื่น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
............บรรยากาศภายในห้างสรรพสินค้า ที่เย็นชำไปด้วยแอร์คอนนิชั่น ผู้คนกำลังเลือกซื้อสินค้ากันอย่างสรนุกสนาน เพราะถือว่าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์

“น้องนพ เอาอันนี้ไปติดผนังบ้านดีไหม” สุนีโชว์แผ่นโปรเตอร์วิวสวยให้อัฐณพดู ชายหนุ่มยิ้มเห็นดีด้วย

“ก็ดีครับพี่ ธรรมชาติดี หรือลองแบบอื่นดูไหมครับ ประเภทลูกเด็กน้อยน่ารัก ๆ ” อัฐณพกล่าว อยากให้สุนีลองดูหลาย ๆ แบบ สายตาสอดส่ายหาร้านขายยา บริเวณใกล้เคียง

“ถ้าอย่างนั้น นพไปติดให้พี่ที่ห้องได้ไหม” หญิงสาวพูดเบา ๆ แบบอาย ๆ ส่งสายตาหวานถึงหวานที่สุด

“ได้ครับพี่  แต่ตอนนี้ผมขอไปร้านยาสักครู่นะครับ ผมไปซื้อยาก่อน มื้อคืนตากฝนกลัวจะไม่สบาย พี่นีเลือกก่อนนะครับ ผมไปติดให้” ชายหนุ่มส่งรอยยิ้มให้ หญิงสาวอายแทบจะม้วน อัฐณพจึงรีบมาที่ร้านขายยา เภสัชกรรีบกล่าวต้อนรับ

“รับยาอะไรครับ” เภสัชกรถาม

“ชุดทำแผลครับ เยอะ ๆ หน่อยนะครับ แอลกอฮอล์ สำลีม้วนใหญ่ ยาระงับปวด ยาแก้ไข้ ยาแก้อักเศษ”ชายหนุ่มรีบสั่งของ

“เอาไปทำอะไรเยอะแยะครับ” เภสัชกรหนุ่มสงสัย

“เออ ผมจะใช้เออ ผมเตรียมการสอนนะครับ ต้องผ่าตัดสัตว์ด้วย” ชายหนุ่มพยายามอธิบาย เภสัชกรพยักหน้า เข้าใจและจัดของตามที่สั่ง

“เรียบร้อยครับ” เภสัชกร ยื่นถุงยาพร้อมบอกเงิน

“เท่าไหร่ครับ” อัฐณพถามอีกครั้ง เมื่อได้รับการยืนยันราคา ชายหนุ่มรีบค้นกระเป๋าสะพาย มือก็แตะเอาวัตถุบางอย่างเย็น ๆ จนต้องสะดุ้งนิดหนึ่ง

‘ไม่รู้จะเอามาด้วยทำไม เกิดตำรวจค้นมิแย่หรอ เอาหนาเผือความปลอดภัย อีกอย่างถ้าเป็นโจร ของที่บ้านพักก็ไม่มีอะไรที่มีค่า พอที่จะขโมยได้’  ชายหนุ่มคิดแล้ววางวัตถุไว้ตรงที่เดิม รีบจ่ายเงิน พอหันออกมาจากร้านก็ชนเข้ากับร่างคนหนึ่งเข้า ทำให้ข้าวของหลุดมือ

“ขอโทษครับ ผมเดินไม่ดูเอง” อัฐณพรีบกล่าวขอโทษ มองดูคนที่เดินชน ชายหนุ่มชุดตำรวจ อาการตกใจเริ่มมากขึ้นมือไม้สั่นไปหมด

“ผมก็ขอโทษด้วยเช่นกัน” เสียงใสอ่อนนุ่มทำให้อัฐณพ ตะลึงเล็กน้อย มองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าที่กำลังเก็บของช่วย  ใบหน้าเรียวมน เวลายิ้มเหมือนโลกทั้งโลกประกายสว่างจ้า

“ครับ ไม่เป็นไรครับ” อัฐณพรีบรับของอย่างเกรงใจ พยายามกระชับกระเป๋าสะพาย มองป้ายชื่อ นิติกร ธัญราช และดาวบนบ่า ร้อยตำรวจเอก

“ชุดทำแผล เอาไปทำไมเยอะแยะนะครับ ใครเป็นอะไรหรือครับ” ตามวิสัยของผู้พิทักษ์สันติราชถาม

“ออ เป็นอุปกรณ์การสอนนะครับ” อัฐณพตอบ

“เป็นครูหรือครับ” ชายหนุ่มชวนคุย เพราะรู้สึกถูกชะตาขึ้นมา

“ครับ เป็นครูที่โรงเรียน....” อัฐณพตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“สอนวิชาอะไรครับ ถึงใช้อุปกรณ์พวกนี้” คุณตำรวจยังคงซักต่อ

“วิทย์  วิทยาศาสตร์ครับ” ตำรวจทำท่าทึ่งกับสิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้ากล่าว

“หัวผมไม่ไปด้านนี้ผมจึงได้มาเป็นตำรวจ”  คุณตำรวจออกตัว ยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้า แววตาพึงพอใจอย่างมาก 

“ผมว่า ตัวผมมากกว่าครับ ที่ไม่เอาไหนจึงได้มาเป็นครู”  ชายหนุ่มกล่าวยิ้ม ๆ อาย ๆ

“ลืมเลย ผมร้อยเอกนิติกร ครับ หรือกร ครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัว

“ผมอัฐณพ หรือนพครับ” ชายหนุ่มแนะนำตัวเช่นเดียวกัน ทั้งสองพยักหน้าให้กันเชิงรับทราบ 

“นพ เรียบร้อยหรือยังค่ะ” เสียงหญิงสาวกล่าวแทรกขึ้นมาก่อน เป็นการยุติการสนทนาที่กำลังจะเริ่มต้น สุนียิ้มหรามาแต่ไกล นิติกรมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้า คงไม่ใช่หรอก หรือถ้าใช่ ก็จะต้องเอามาเป็นของตัวเองให้ได้

“พี่นีเรียบร้อยแล้วหรือครับ”ชายหนุ่มถามบ้าง แต่สายตาหญิงสาวกลับมองตำรวจตรงหน้า พลางยิ้มกว้าง

“สวัสดีค่ะ คุณตำรวจ”  หญิงสาวเริ่มทอดสะพาน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
..........อากาศด้านนอกเริ่มเย็น คนบาดเจ็บสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เกือบจะเที่ยง รู้สึกกระวนกระวาย ความรู้สึกร้อนแผ่ไปทั้งร่างกาย ชายหนุ่มพยายามยันตัวอีกครั้ง เพื่อจะได้หาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัว แต่ก็ต้องชะงักด้วยความเจ็บปวด

“ตื่นแล้วหรอครับ” เสียงมาพร้อมกับตัว มองหน้าคนเจ็บที่นิ่วหน้าอยู่

“อย่าเพิ่งลุกครับ แผลจะปริ” อัฐณพพยายามหยั่งไว้ ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าหยั่งตัวนิดหนึ่ง

“คุณเป็นหมอหรอ” คำถามแรก ถามขึ้น หลังจากรู้สึกตัว

“คุณเป็นใคร” อัฐณพสวนกลับมันควัน เช่นเดียวกันมองหน้าคนป่วยอย่างไม่ไว้ใจ 

“อุ้ย......คุณเอาปืนผมไว้ไหน” อาการเจ็บปวดกำเริบ อัฐณพ จึงต้องหยุดติการซักถาม

“คุณต้องทานข้าว แล้วทานยา แผลนี้ผมจะดูแลให้ใหม่” อัฐณพ จัดแจงข้าวต้มปลาที่แวะซื้อก่อนเข้ามาบ้าน ตอนแรกวางให้คนปวยทานเอง แต่ดูสภาพแล้วคงต้องได้ป้อน จึงค่อยๆ ป้อน คนป่วยทานได้ สี่ห้าคำก็หยุด หลับตา เป็นการบอกว่าอิ่มแล้วอัฐณพจึงให้ทานยา

“อาจจะเจ็บนิดหนึ่งนะครับ ผมจะทำแผลใหม่ ผมไม่รู้คุณเป็นใคร ก็เลยไม่กล้าพาคุณไปหาหมอ และอีกอย่างคุณตัวใหญ่กว่าผม ผมแบกคุณออกไปไม่ไหว” ด้วยฤทธิ์ของยาแก้ปวดด้วยทำให้คนป่วยที่อ่อนเพลียจากการเสียเลือดหลับได้ง่ายขึ้น เมื่อเสร็จการการทำความสะอาดแผล อัฐณพจึงเช็ดตัวเพื่อให้ร่างกายปรับสภาพ และระบายความร้อนออกจากร่างกาย.......
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 1 จุดนัดพบ (3 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: อะไร ที่ 03-01-2019 20:43:13
เปิดเรื่องมาขอแปะไว้นะคะ555 :mew1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 1 จุดนัดพบ (3 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-01-2019 20:56:56
เหมือนเคยอ่านนานแล้วแต่ไม่กี่ตอนก็หายไปชอบนะเรื่องนี้รอตอนต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 1 จุดนัดพบ (3 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Toey0810 ที่ 04-01-2019 23:15:50
เรื่องนี้เราจำได้ ..ขอบคุณที่มาลงใหม่น่ะค่ะ...ชอบมากเลย..
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 1 จุดนัดพบ (3 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 05-01-2019 08:35:43
ตัวลพครน่าติดตามมากไม่เหมือนที่มีบ่อย
ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 1 จุดนัดพบ (3 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-01-2019 01:53:23
อย่าลืมมาต่อนะ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 2 ตามหา (13 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 13-01-2019 18:49:15
2. ตามหา...........
   อากาศยามเย็นหลังฝนตกกระหน่ำวันก่อนยังคงเหลือปรอยฝนในบางช่วงของวัน ลมเย็นสบาย เพราะมีความชื่นอยู่ในอากาศเยอะ เป็นวันแรกที่คนป่วยรู้สึกดี อาจเพราะได้ออกกำลังกายเป็นประจำทำให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวเร็วขึ้น จึงลงจากชั้นสองออกมาสูดอากาศหลังบ้าน ที่มีคลองขนาดกลางปริมาณน้ำมากและน้ำไหลเอื่อย ๆ เขาจึงนั่งลงตรงเก้าอี้นักเรียนเล็ก ๆ หลังบ้าน ทอดมองผิวน้ำ คิดถึงเพื่อนคู่คิด หายไปไหน ทำไมเหลือแต่เขาคนเดียว หรือเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกันแน่ ‘ขออย่าให้เป็นอะไรมากเช่นกัน ขอให้มีคนช่วยเหลือเหมือนกับเขาที่มีคนช่วยเหลือ’

   มองขนาดความกว้างของคลอง ก็ถือว่ากว้างเอาการเหมือนกัน คงต้องออกแรงมากเลยในการลากเขาเข้ามาในฝั่ง น่านับถือตัวเล็ก ๆ สามารถเอาคนตัวใหญ่ขนาดเขาขึ้นมาได้  ถือว่าเป็นคนมีน้ำใจมากที่เดียวที่ยังสามารถลงไปช่วยชีวิตเขาได้ แถมยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ายังให้พักห้องเดียวกัน เสื้อผ้าที่ใส่ ก็เกือบ ๆ เท่ากัน บางตัวก็รู้สึกอึดอัดเพราะตัวเขาใหญ่กว่าหนากว่า

   นั่งได้สักพักรู้สึกเจ็บบริเวณปากแผล แปลบๆ พอก้มลงดูบริเวณที่มีผ้าปิด เห็นมีเลือดซึมออกมาบ้าง จึง ลองแกะผ้าพันปากแผลออกมาดู สภาพแผลถูกเย็บด้วยด้ายปาน ถือว่าฝีมือใช้ได้ทีเดียว ที่สามารถทำให้ปากแผลหุ้มและปิด ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ดีนะที่ยังมีคนรู้จักการรักษาแผล พอถอนหายใจก็รู้สึกเจ็บแปลบ ๆ ขึ้น 

“หยุดเลย!!!!!” ต้นเสียงดังมาก่อนที่ตัวปรากฏ ชายหนุ่มที่กำลังจะแกะผ้าปิดแผลออกให้หมดต้องชะงัก แล้วแสดงความรู้สึกเจ็บออกมาทางใบหน้า

“ออกมานั่งทำอะไรแถวนี้” อัฐณพเอ่ยขึ้นไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายต้องได้พูดอะไรมาก สายตาเริ่มสำรวจสิ่งที่ชายหนุ่มตรงหน้ากำลังทำ พลางถอนหายใจเบา ๆ ถ้าเป็นนักเรียนนะ จะลงไม้เรียว ศูนย์จุดห้าให้เลยทีเดียว 

“ถ้าอยากให้ติดเชื้อ ก็เชิญนะ ถ้าดื้อ และเป็นแบบนี้ไม่ช่วยตั้งแต่ทีแรกก็แล้ว” อัฐณพกล่าวเหน็บให้ สายตาเขียวจ้องมองชายหนุ่ม จนคนที่นั่งอยู่ต้องวางมือ อัฐณพยื่นกล่องข้าวให้

“มันเจ็บ ๆ คัน ๆ เลยอยากดู” ชายหนุ่มกล่าวแล้วปิดบากแผลไว้เหมือนเดิม รับกล่องข้าวมาไว้

“ขอบคุณครับ” คนป่วยรับกล่องอาหารมาเปิดดู แอบมองคนที่ยื่นอยู่ตรงหน้ากว่าซื้อมาให้ นับถือน้ำใจจริง ๆ ไม่รู้จักกัน ก็ดูแลกันเพียงนี้ คิดได้ก็ยิ้มบาง ๆ ให้ พร้อมส่งสายตารู้สึกขอบคุณ อัฐณพหลบสายตานั้นทันที หันข้างให้ 

“เอาอาหารอ่อน ๆ ไปก่อน ต้องพักฟื้นให้เร็ว ก่อนจะ.....แล้วก็กินยา” อัฐณพเริ่มออกคำสั่ง และทิ้งช่วง ใจคอไม่ค่อยจะดีนัก เกิดเป็นโจรผู้ร้าย แล้วมาทำร้ายตัวเขาเองละ แต่ก็พยายามใช้เสียงข่ม คล้ายกับอีกคนคือเด็กนักเรียนตัวเล็ก ๆ จากการสังเกตสองสามวันที่ผ่านมา ไม่เห็นคนป่วยมีพิษมีภัยอะไร เลยรู้สึกอุ่นใจหน่อย ลึกๆ ยังไว้ใจไม่ได้ ต้องแอบมาดูบ้างเป็นบางครั้ง พอเห็นว่าปกติดีจึงเริ่มเบ่ง อัฐณพยิ้มบาง ๆ มองดูคนป่วยกินอาหารอย่างเก้งๆกัง เพราะไม่สะดวก ดูอาการเจ็บแผลจะออกทางสีหน้ามาก ชายหนุ่มที่นั่งอยู่จะวางซ้อน

“กินให้เยอะ ๆ จะได้กินยา” อัฐณพออกเสียงต่ำ จนอีกฝ่ายขอความเห็นใจ ค่อย ๆ ยกแขน อาการเจ็บตรงแผลก็เกิดขึ้นเมื่อต้องยกมือเคลื่อนไหว

“ผมไม่ป้อนนะ ต้องทำเองได้” อัฐณพกล่าวดักคอ เมื่อชายหนุ่มทำตาปริบ ๆ

“ไม่เป็นไรแค่นี้ก็ถือว่า เป็นพระคุณมากๆ” ชายหนุ่มตอบ พยายามตักอาหารเข้าปากให้เป็นปกติ อัฐณพดึงเก้าอี้เล็ก ๆ อีกตัว มานั่งลงข้าง ๆ มองสายน้ำที่ไหลเอื่อย ๆ ปล่อยให้เวลามันผ่านไปเรื่อย ๆ จนอัฐณพรู้สึกอึดอัดเอง   

“ขอโทษนะ คุณเป็นใคร บอกผมได้ไหม ถึงขนาดต้องฆ่าต้องแกงกัน” อัฐณพเอ่ย ทนต่อความเงียบไม่ไหว สายตาหวาดระแวงฉายแววออกมา หลังจากที่เก็บความแคลงใจมาหลายวัน อีกฝ่ายวางกล่องข้าวลง ใบหน้าขรึม อัฐณพกลั้นหายใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะลุกขึ้นมาจู่โจม

“ความลับ จะรู้ไปทำไม” ชายหนุ่มตอบเสียงเข้ม ใบหน้าดุดัน จนอัฐณพเองงเหมือนกันบทจะร้ายก็มาเลย อัฐณพ เตรียมจังหวะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา แต่ดูสารรูปแล้ว คงทำอะไรไม่ได้มากหรอก จึงลุกขึ้นทำทีกอดอกหันมาตะหวาดอีกฝ่าย อย่างกับตัวเองเป็นต่อ

“อาว เดี้ยะๆ ห้าวหรอ โดนหลังแหวนสักทีไหม” อัฐณพใช้เสียงเข้าข่ม ใจหล่นลงตาตุ๋มทำทีลุกขึ้นเดินเข้าบ้าน ค้นหายาหลังอาหาร กลบเกลื่อนความกลัว ‘ตายถ้า เขาสวนกลับมา จะเอาอะไรไปปกป้องตัวเอง’ อัฐณพคิด จัดยาแก้อักเสบ ยาแก้ไข ถือกลับออกมาด้วย

“กินข้าวแล้วก็ต้องกินยา จะได้หายเร็ว ๆ เสร็จแล้วจะล้างแผลให้” อัฐณพทำใจดีสู้ ชายหนุ่มแอบชำเลืองดูนิดหนึ่ง รับยามาถือ

“ล้างแล้วไงมื้อเช้า จะล้างอะไรอีก” ชายหนุ่มทำทีประท้วง พลางหันหาขวดน้ำ อัฐณพจึงต้องกลับไปกดน้ำอุ่นใส่แก้วมาให้อีกครั้ง

“แล้วเมื่อกี้แกะแผลหรือเปล่าละ เกิดเป็นอะไรตายขึ้นมา กลัวจะได้เป็นพยาน” อัฐณพตอบ แต่ทำทีขนลุกแทน ชายหนุ่มจึงหัวเราะเบา ๆ ภายในลำคอ

"ตกลงจะบอกได้ไหม ว่าเป็นใครมาจากไหน” อัฐณพรวบรวมความกล้าอีกครั้ง ถามออกไป

“อยากรู้อะไรนักหนา รู้แล้วมันช่วยอะไรได้ไหม” ชยหนุ่มฉุนนิด ๆ ที่ถูกถาม

“เป็นพวกคน จรจัด พวกลักเล็กขโมยน้อยหรือเปล่าละ แต่เอ้...หน้าตาแบบนี้ ไม่น่าจะทำนะ” อัฐณพเดินมานั่งข้าง ๆ พลางพิจารณา

“ประสาท มองไปขนาดนั้น เอาเป็นว่า ไม่อยากเปิดเผยตัว ไม่อยากให้คุณเดือดร้อน”  ชายหนุ่มคนข้าง ๆ ตอบ อัฐณพเหมือนร้อนใจ “คิดได้เน๊าะไม่อยากให้เดือดร้อน’ ค้อนวงใหญ่ให้วงหนึ่ง

“จริง ถ้ารู้แล้ว อาจจะรู้สึกไม่ดีก็ได้” ใบหน้าจริงจังของชายหนุ่ม ทำให้อัฐณพถอนหายใจ   

“คราบ.....ท่าน” อัฐณพลากเสียงยาน ๆ  แล้วเอี้ยวตัวมาดูแผลที่ชายหนุ่มเปิดเมื่อสักครู่ ชายหนุ่มรู้สึกเขินนิด ๆ ที่มีผู้ชายอีกคนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ตรงหน้าท้อง

“คุณชื่ออะไร ตั้งแต่ลากขึ้นมาจากน้ำไม่รู้จักชื่อเลย” อัฐณพถามต่อ มือค่อย ๆ แกะผ้าปิดแผลออก แล้วนำสำลีชุบแอลกอฮอล์จากขวดเล็ก ๆ มาลูบรอบ ๆ ปากแผล

“คุณจะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ ผมไม่อยากเปิดเผยชื่อตอนนี้” ชายหนุ่มทำหน้านิ้ว เมื่ออัฐณพจิ้มยาเหลืองละเลงลงบนแผลอีกครั้ง

“โอ๊ะ !!!!!! มือหนักมาก รู้หรือเปล่า” คนป่วยประท้วงในที แต่ก็ยอมทนให้อัฐณพทำคววามสะอาดต่อ

“อาว เริ่มกวนประสาทอีกละ เอ่อคนเรา” อัฐณพรู้สึกว่าอีกคนจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือสักเท่าไหร่

“เวลาไปโรงพยาบาล เขายังถามชื่อเสียงเรียงนาม” อัฐณพพยายามอธิบาย ทำใจดีสู้

“โอ๊ะ เบา ๆ หน่อยซิคุณ” ชายหนุ่มประท้วง จะเรียกชื่อก็ยังไม่รู้จักกัน อัฐณพเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

“เห็นไม่ละ ผมชื่ออัฐณพ เรียกนพเฉย ๆ ก็ได้” อัฐณพเอ่ยขึ้น ส่วนอีกคนไม่พูดอะไรเหมือนกำลังใช้ความคิด

“หายดีแล้วจะไปไหนต่อ คิดไว้หรือยัง” อัฐณพชักเริ่มรำคาญเหมือนกัน เอาไม้พันสำลีชุบแอลกอฮอล์ เช็ดรอบๆนอกผ้าปิดแผล แล้วเก็บชุดทำความสะอาดไปทิ้งขยะ เดินออกไปดูลำคลอง ‘คนอะไรไม่มีชื่อ หรือจะให้เรียก ไอ้ดาร์วดี’ คนที่มีความบกพร่องทางโครโมโซม แอบชำเลืองแล้วยิ้มไปกับสายน้ำ 

“ยังไปไหนไม่ได้หรอก แบบนี้ ขอความกรุณาได้ไหม ขอกลบดานสักพักจะได้ไหม” ชายหนุ่มกล่าวเสียงพูดห้วน แต่แววตานั้นส่งมาอ้อนวอนขอความเห็นใจ ทำให้อีกคนหันกลับมาอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ย ๆ ได้ไง อยู่แก๊งขนยาหรือเปล่า เกิดพวกตามล่าคุณมาเจอ ยิงกัน ฆ่ากันตาย ผมจะไม่โดนลูกหลงไปด้วยไหม” อัฐณพพูดเสียงต่ำอ้างเหตุ จ้องมาที่ชายหนุ่มที่ยังนั่งที่เดิม 

“แล้วปืนผมอยู่ไหน” อีกฝ่ายถามขึ้น

“เอ้ย เกิดฆ่ายกครัว แล้วหนีไป” อัฐณพ ตั้งข้อสงสัย ชายหนุ่มส่ายหน้า กับความคิดเล็กคิดน้อย เบือนหน้าหนีไปอีกทาง พยายามกลั้นเสียงหัวเราะ

“ระดับหัวหน้า.....ทำไม ไม่ฆ่าง่าย ๆ หรอก ถ้าปากโป้งเมื่อไหร่ เตรียมตัวไปนอนในคลองได้เลย” ชายหนุ่มกล่าวแล้วลุกขึ้นก้าวเท้าย่างสามขุมมาหา อัฐณพเขาอ่อน ต้องจับรั้วไม้ไผ่ไว้ เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้า ‘เฮ้ยจริงหรือวะ เอาไงดีวะ ชักศึกเข้าบ้านแล้วเรา’ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เป็นไงเป็นกันงานนี้ 

“ว่าแล้วเชียว แล้วอาชีพดี ๆ ไม่ทำกันหรือไงต้องมาขนยา รู้หรือเปล่าว่ามันไม่ดี มันทำลายทุกสิ่งอย่าง จิตสำนึกมีบ้างไหม ลูกเล็กเด็กแดงต้องมากำพร้า ก็เพราะพวกนี้ละ” อัฐณพแทบจะตะโกนออกมาเลยทีเดียว

“ครูบาอาจารย์ไม่เคยสอนหรือไง สิ่งไม่ดีมันทำลายชาติ” อัฐณพสวมวิญญาณคุณครูดีเด่นสอน  ส่วนคนเจ็บทำตาปริบ แล้วลุกขึ้นยืน สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดทำหน้าบึ้งตึงเดินสามขุมมาหยุดตรงหน้า

“เอ่อ ทำไงได้ เกิดมาจน ไม่มีจะแดก อาชีพดี ๆ คนอื่นก็เอาไปหมดแล้ว เหลือแบบนี้ก็ดีแล้ว” ชายหนุ่มตรงหน้าตอบ ใบหน้าเคราครึ้ม ดู ๆ ไปออกเถื่อนๆ ยังไงชอบกล แว่วตามุ่งมั่น อัฐณพต้องถอยชิดรั่วไม้

“แล้ว....แล้วครอบครัวนายไม่ว่าเอาหรือ ที่ทำแบบนี้” อัฐณพกล่าวเบา ๆ หลบสายตาดุคู่นั้นลง ใจเต้นไม่เป็นท่า

“ให้รู้ไม่ได้หรอก พวกเขาคนดีเกินไป” ชายหนุ่มตอบ เดินมาพิงรั่วไม้อีกด้าน อัฐณพจึงผ่อนลมหายใจ อย่างน้อยเขาก็มีความคิดที่ดี ไม่ทำให้ครอบครัวเดือนร้อน

“ผม......เออ   ให้อยู่แค่อาการดีขึ้น จากนั้นคุณก็.....ออกไปก็แล้วกัน” อัฐณพค่อยๆ เลี่ยงออกจากชายหนุ่ม พยายามหายใจให้ทั่วท้อง ‘นึกว่าช่วยคนดี ต้องมาช่วยพวกทำลายชาติ หรือเราจะเปลี่ยนแปลงคนดีเหมือนกันนะ ไอ้ดาร์วเอ้ย เกิดมันฆ่าหมกห้องน้ำทำไง’ ในสมองคิดไปต่าง ๆ นานา

“แล้วไม่คิดจะกลับตัว กลับใจบ้างหรอ” อัฐณพพยายามกล่อม ชายหนุ่มยืนพิงรั้วไม้ไผ่ ริมตลิ่ง ยิ้มบาง ๆ กับความคิดความมโนของอีกคน เอี้ยวตัวมาแอบมองเสี้ยวหน้านิดหนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะกล่าวอะไรอีกครั้งเสียงร้องทักจากคนเดินเข้ามาจากหน้าบ้านดังขึ้น

“น้องนพ  น้องนพคะ” เหมือนเสียงสวรรค์ อัฐณพยิ้มกว้างออกมาเมื่อได้ยินเสียงพี่นี

“ออกไปรับซิ จะให้เขาเข้ามาถึงนี้หรอ” ชายหนุ่มพยักหน้าส่งซิกให้ออกไปรับหน้า อัฐณพรีบออกไปด้านหน้าของบ้านพักราชการหลังเล็ก ชายหนุ่มคนเจ็บจึงทำการสำรวจบริเวณหลังบ้านแบบคราว ๆ ไม่อยากเข้าไปในบ้าน เกิดเจ้าของบ้านพากคนอื่นเข้ามาอีกจะเป็นเรื่องขึ้นมาอีกได้ 

“ครับพี่นี” อัฐณพขานรับ รีบออกมาหน้าบ้าน หญิงสาวกำลังจะเดินเข้าในเขตตัวบ้าน ยิ้มสวยให้อัฐณพ เธอเป็นหญิงสาวที่ไม่ค่อยจะมีใครคบมากนัก เนื่องจากครูที่นี้ก็มีจำนวนน้อยด้วย ตั้งแต่อัฐฯพมาบรรจุลงที่นี้มีพี่นี้นี้ละที่เข้ามาเป็นเพื่อนพูดคุย หรือเรียกอีกอย่างคือ โสดเหมือนกัน   

“เห็นน้องนพออกมานานก็เลยมาตาม ทานข้าวหรือยัง” หญิงสาวชวนคุย พลางชำเลืองเข้าไปภายในบ้านอยากจะเข้าไปภายในตัวบ้าน อัฐณพรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย กลัวว่าจะเจอกับอีกคนแล้วโดนฆ่าปิดปากไปด้วย 

“เรียบร้อยแล้วครับ พอดีทำธุระส่วนตัวนะครับ” ชายหนุ่มออกตัว หญิงสาวจึงพยักหน้ารับทราบ

“เรากลับเข้าโรงเรียนกันเถอะ นพทำธุระส่วนตัวเสร็จหรือยัง” หญิงสาวฉุดมือชายหนุ่ม พลางถาม

“ให้นพปิดบ้านสักครู่ครับ” อัฐณพกล่าวแล้ว หันกลับไปปิดประตูหน้าบ้าน จากนั้นจึงเดินตามหลังออกจากบ้าน การกระทำทั้งหมดหารอดพ้นสายอีกคนที่แอบดูอยู่ตรงช่องลมของบันได

“มีแฟนสวยเหมือนกันนี้ ไม่เบาจริง ๆ ”ชายหนุ่มพึมพร่ำ จากนั้นจึงเดินขึ้นบันไดจะขึ้นชั้นบน เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น  ‘ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม ไม่ต้องมีเพิ่มเติม........’ ชายหนุ่มมองหาที่มาของต้นเสียง เมื่อเจอแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู หมายเลขที่โทรเข้ามาปรากฏอยู่หน้าจอ ‘ขอเป็นคนนิสัยไม่ดีแล้วกัน เผือจะได้อะไรเกี่ยวกับตัวครูคนนี้ก็ได้’ ชายหนุ่มกดรับ

“สวัสดีครับ” ชายหนุ่มพยายามทำเสียงให้ดีที่สุด

“นพหรือลูก ไม่ใช่เสียงลูกแม่ ขอโทษนะจ๊ะ อีฉันโทรผิด” ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงเอ่ย

“คืออย่างนี้ครับ โทรศัพท์ใช่ครับ พอดีเจ้าตัวเขาลืมโทรศัพท์ไว้นะครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างนุ่มนวล

“ออ หรือจ๊ะ เพื่อนลูกนพ แม่ฝากบอกด้วยนะ นี้เบอร์แม่เองนะ ปิดเทอมแล้วจะกลับหรือเปล่า” ปลายสายพูดต่อ

“ได้ครับ ผมจะบอกให้นะครับ คุณแม่สบายดีนะครับ” ชายหนุ่มถามต่อ

“สบายดี ปิดเทอมก็มาเที่ยวบ้านเราด้วยกันนะ” ปลายสายยังคงพูดเสียงแจ่มใส

“ครับ ได้ครับ ผมจะบอกให้นพพาไปเที่ยวครับ” ชายหนุ่มกล่าว รู้สึกถูกชะตากับน้ำเสียงนี้จัง

“ถ้าอย่างนั้น แค่นี้ก่อนนะลูก แม่ฝากบอกนพด้วย รีบ ๆ กลับนะ น้อง ๆ มันรออยู่” อีกฝ่ายคงกล่าวต่อ 

“ครับ” ชายหนุ่มรับคำ จากนั้นปลายสายกดวาง ชายหนุ่มกำลังวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม สมองฉุดคิดบางเรื่องได้ ‘ขอใช้ต่อละกัน’ ชายหนุ่มจึงกดหมายเลขที่จดจำได้ต่อ แต่ไม่มีสัญญาณ จึงต่อหมายเลขใหม่ สัญญาณติด ไม่มีการรับสาย จึงได้ฝากข้อความ
“ติดตามลูกน้องผมด้วย ผมบาดเจ็บ ผมขอเวลาสองเดือน ตามล่าหาเบาะแสต่อครับ” ชายหนุ่มพิมพ์เสร็จจึงกดส่ง แววตาโกรธเกรี้ยวและใบหน้าเข้มขรึม จ้องมองโทรศัพท์ในมือแล้วลบเบอร์ที่ติดต่อออกจากตัวเครื่อง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ห้องสูตรหรูหรา บ่งบอกรสนิยมของเจ้าของห้อง การตกแต่งอย่างกับมีรสนิยม ภายในห้องมีชายวัยกลางคนกำลังนั่งตรวจเอกสารตรงหน้าตรงโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ โดยมีหญิงสาวอีกคนในชุดลำลองแนบเนื้อนั่งอ่านนิตยสารที่ชุดโซฟาอันหนานุ่ม เมื่ออ่านได้สักครู่ก็วาง แล้วหยิบเล่มใหม่ขึ้นมาเปิดแบบผ่าน ๆ จากนั้นก็วางหนังสือลง แล้วหันไปมองชายวัยกลางคน

“คุณพ่อคะ นานปานนี้แล้ว ยังไม่ได้เบาะแสพี่โรชเลยหรือคะ แววร้อนใจมากเลยนะคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ของความเห็นใจ ชายวัยกลางคนจึงวางปากกาลงจากกองเอกสาร หยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบต่อ 

“จะห่วงกันไปทำไม” ชายวัยกลางคนเอ่ย พลางอัดควันบุหรี่เข้าเต็มปอด แล้วพ่นออกมาอย่างกับคนสบายใจ

“แววร้อนใจนี้ค่ะ ปานนี้ไม่รู้ว่าพี่โรชไปตกระกำลำบากที่ไหน หายไปไหนตั้งนาน” หญิงสาวกระแทกเสียงงอน ๆ

“ให้มันตาย ๆ ไปเสียได้ก็ดี” ชายวัยกลางคนเอ่ยออกมาเบา ๆ

“อะไรนะคะ คุณพ่อพูดอะไร” น้ำเสียงแววมยุรา ทำให้นายอำเภอสำราญได้สติจึงได้ปรับน้ำเสียงเสียใหม่ 

“ลูกแวว ไม่ใช่พ่อนิ่งนอนใจ ตอนนี้ทุกคนตามหากันทุกวัน สายข่าวภายในก็ตาม ลูกแววจะพูดให้พ่อว่าไม่ตามหรอ” นายอำเภอผู้เป็นบิดากล่าว รู้สึกระอากับลูกสาวตัวเอง แล้วขยี้บุหรี่ลงทิ้ง แววมยุราลุกขึ้นเดินมาหาบิดาที่โต๊ะทำงาน

“วันก่อน แววได้ข่าวมาว่าเจอตัวแล้ว” แววมยุราเอ่ย

“เจอที่ไหนละ นั้นลูกน้องปลัดสาโรช มันกลายเป็นศพไปแล้ว” นายอำเภอสำราญกล่าว 

“แววอยากไปดูให้เห็นกับตา ถ้าไม่เจอคุณพ่อต้องส่งคนค้นหาให้มากยิ่งกว่านี้อีก” แววมยุรากล่าวไม่สบอารมณ์ หันหลังพิงโต๊ะบิดา ขบคิดถึงชายหนุ่มที่ตัวเองหมายปอง ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน

“เจอในสภาพที่ไร่วิญญาณจะทำไงได้ เบาะแสก็ไม่มีต้องสั่งปูพรมค้นหากันแล้วละอีกวันสองวันนี้ คงจะเจอ ภาวนาอย่าให้เป็นเหมือนลูกน้องเขาก็แล้วกัน” นายอำเภอกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะยัน

“คุณพ่อ ทำไม่พูดแบบนี้ แววไม่พอใจนะ” แววมยุราหันมาเท้าโต๊ะทำงาน พอดีกับเสียงเคาะประตูห้อง นายอำเภอเลิกคิ้ว สงสัยจ้องหน้าบุตรสาวอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะด้วยที่ตามใจมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย อะไรที่อยากได้ก็ต้องได้

“เข้ามา” สิ้นเสียงทรงอำนาจ ประตูห้องถูกเปิดออกายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามา สมาร์ท สูง ตัดผมรองทรงสูง สวมเสื้อผ้าเสื้อเชิ้ต กางเกงเข้ารู้ ใบหน้าเกลี้ยงเกรา แววตาส่อแววเจ้าชู้มองมาที่หญิงสาว แววมยุรารู้สึกไม่ชอบแววตาแบบนี้มากนัก จึงเดินออกมานั่งดูนิตยสารต่อ ปล่อยให้สองหนุ่มต่างวัยคุยกัน ผู้มาใหม่ แสดงท่าทีสนใจหญิงสาว จนผู้มำอำนาจกว่าเอยขึ้น

“ว่าไง ปลัดสมศักดิ์ เชิญนั่งก่อน” นายอำเภอกล่าว เรียกสติผู้มาใหม่ ให้หันมาสนใจกับเรื่องที่มาติดต่อ แววมยุราได้ยินเสียงของบิดาไม่ค่อยจะพอใจนัก จึงจำใจเดินออกมานั่งในส่วนรับรอง

“ผลชันสูตร สิบตำรวจเอกชัยชนะ” ชายหนุ่มยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ มาให้นายอำเภอ  ชายกลางคนหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาอ่านแล้ววางลงตามเดิม

“ปรากฏว่ากระสุนเจาะคอทะลุท้ายทอย และเสียชีวิตจากการจมน้ำครับ” ปลัดสมศักดิ์ เอ่ยสำทับอีกครั้ง

“ได้วี่แววปลัดสาโรชไหม” นายอำเภอ เอนตัวไปตามเบาะนุ่ม ๆ พลางเคาะนิ้วบนโต๊ะ สมองกำลังคิดเรื่องราวต่าง ๆ 

“ยังครับ เราอาจจะต้องเดินเท้าขึ้นไปยังต้นน้ำแล้วครับ” ปลัดสมศักดิ์แนะนำ ถอนลมหายใจออกมา

“ทำอะไร อย่าให้มันสาวมาถึงเราก็แล้วกัน” นายอำเภอสำราญเอ่ยเสียงเย็น ปลัดสมศักดิ์แสยะยิ้ม

“ลูกน้อง ท่านนายอำเภอฝีมือดีก็หลายคน” ปลัดสมศักดิ์กล่าว

“ทางนี้ อั่วก็สั่งอยู่เหมือนกัน” นายอำเภอกล่าวพลางสูดลมหายใจลึก ๆ แววตาแข็งกร้าว

“จะให้ผมเก็บแบบเงียบ ๆ เลยไหมละครับ” ปลัดสมศักดิ์เอ่ยเสียงเย็น

“ตามคุณ ก็แล้วกัน อย่างไรก็ต้องหาให้เจอ แบบไม่มีลมหายใจ ผมจะได้รายงานหน่วยเหนือ” นายอำเภอสำราญกล่าวถือเป็นการตัดบทสนทนา ปลัดสมศักดิ์ลุกเดินออกจากห้อง นายอำเภอหรี่สายตาลง

“กูจะไม่ไห้มึงได้กลับออกมาเปิดโปงกูแน่ไอ้สาโรช” เสียงรอดไรฟัน พร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นต่อสาย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   บริเวณกลางบ้าน สายหนุ่มสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากัน อัฐณพกำลังค่อย ๆ แกะผ้าปิดแผลออกทีละชิ้น ดูสภาพบาดแผลที่กำลังแห้ง ไม่มีน้ำเหลืองไหลออกมาแล้ว

“แผลไม่มีน้ำเหลืองละ น่าจะหายเร็ว ๆ วัน” อัฐณพตรวจดูบาดแผล ก้มมองดูบาดแผลทั้งสองจุดเป็นที่น่าพอใจ จึงเงยหน้าขึ้นมา ส่วนอีกคนก็ทึ่งกับการดูแลเขาไม่ขาดตกบกพร่อง พลันสายตาสบกัน อัฐนพเกิดอาการตะลึงนิด ๆ กระพริบตาทีๆ เรียกสติ อีกคนจ้องนิ่งไม่ไหวติง

“จ้องอะไร ไม่เคยเห็นคนหรือไง” อฐณพทำลายความเงียบแทน เรียกสติของอีกคนกลับมา ถึงจะเป็นผู้ชายจ้องก็เถอะเขินก็เป็นเหมือน ยิ่งผู้ชายหน้าเข้ม ๆ จ้อง

“อยากให้ไปเร็ว ๆ หรือไง” ชายหนุ่มกล่าว ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ระคนกัน   

“ก็ ไม่มีอะไรแล้ว ก็น่าจะไปได้แล้ว” ตอบไม่เต็มเสียงนัก ทำเสียงอ่อนลง เลี่ยงกับความจริงที่กำลังก่อตัวแบบไม่รู้ตัว

“หรือว่า กลัวแฟนรู้” ชายหนุ่มกล่าวเสียงสูง จนอัฐณพชะงักเหมือนกัน ลบสายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมอง

“ใช่” อัฐณพเอ่ย พลางหยักไหล่ทั้งสองข้าง

“ไม่นึกว่า หน้าตาแบบนี้ก็มีเสน่ห์เหมือนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น พลางหรี่ตามอง

“ทำไมละ ทุกคนมีสิทธิ์” อัฐณพทำเสียงสูง พลางเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลไปทิ้ง ชายหนุ่มอีกคนหัวเราะชอบใจ เขายอมรับว่า บางครั้งอาการงอน ๆ หรืออาการที่แสดงออกเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของอีกคนมันทำให้รู้สึกทึ่งมาก ๆ

“พูดจริง” ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง พลางเอนตัวลงพิงราวบันใดบ้าน แม้ว่าสายตาจะไม่มอง แต่ก็ยังมีแอบชำเลือง เพื่อไม่ให้อีกคนดูรู้สึกอึดอัดใจ อัฐณพถอนหายใจ อย่างน้อยก็ไม่อยากจะโกหก

“เปล่า ผมหน้าตาแบบนี้หรือจะมีใครจีบ อยากให้มีมาจีบเหมือนกันนะ ใครมันจะมาชอบครูบ้านนอก มีแต่เปลือก” อัฐณพกล่าว เหมือนจี้จุดปมด้อย ลบปมในใจบางอย่าง อาการร้อนผ่าวเกิดที่หน้าสลับกัน หันมามองอีกคนที่นั่งพิงราวบันได ทำทีไม่สนใจ   

“ดีซิ อยู่แบบนี้ก็สบายดี  จะไม่ต้องเรื่องมาก ไม่มีใครมาทำให้รู้สึกแย่” ชายหนุ่มตอบ อัฐณพเตรียมอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำมาวางข้าง ๆตัวชายหนุ่ม

“เป็นพวกแอบหรือเปล่า!!!!!!!”อัฐณพโพล่งออกมา จนอีกคนสะดุ้ง อัฐณพยิ้มอย่างมีเลศนัย   

“เช็ดเองนะเตรียมให้หมดละ เบื่อทำแล้ว” อัฐณพเปลี่ยนเรื่องทันที เดินไปห้องน้ำ 

“ได้ไง ปกติก็ทำให้ทุกครั้ง” ชายหนุ่มประท้วง พลางลุกขึ้นนั่งตัวตรง

“อุ้ย” อาการเจ็บที่แผลมีขึ้น

“ค่อย ๆ มันยังไม่แห้งสนิท” อัฐณพเอ่ย

“ช่วยเช็ดตัวผมด้วยซิ ขอบคุณนะ เช็ดด้านหลังไม่ถึง คุณช่วยหน่อย” ชายหนุ่มอ้อนพลางขอร้อง พร้อมถอดกางเกงออก จนทำให้อีกฝ่ายต้องหันหลังหลบ ไปทำอย่างอื่นแทน ชายหนุ่มอดยิ้มไม่ได้

“อายก็เป็น” ชายหนุ่มกล่าวแล้วหัวเราะเบา ๆ  ‘ไอ้บ้า คนนะเว้ย’ อัฐณพค้อนวงใหญ่

“ไม่ได้บ้าเหมือนนายนี้ ถึงผู้ชายด้วยกัน ก็มียางอายครับ” อัฐณพตอบเชิดจมูกรั้นขึ้น

“แปลกนะ ......แล้ววันที่คุณเอาผมขึ้นมาจากน้ำ........ คุณทำไงกับการแก้” ชายหนุ่มถามต่อแต่ไม่จบประโยค ถือว่าเป็นที่เข้าใจ แล้วเอาผ้าเช็ดตัวอีกผืนมาปิดช่วงล่างไว้ ถึงจะแก่นๆ ห้าว ๆ เขาก็รู้สึกอายเหมือนกัน

“ไม่เกี่ยวกัน อันนั้นคุณได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้รู้ตัวแบบนี้” อัฐณพตอบแล้ว ใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงวันที่สำรวจร่างกายชายหนุ่มคนนี้ พร้อมกันนั้นก็ยื่นผ้าเช็ดตัวผื่นเล็กมาให้ ชายหนุ่มรับผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวด้านหน้า 

“ว่าจะถามคุณว่า ไปเรียนพวกนี้มาจากไหน” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม อัฐณพจึงรับผ้ามาซัก 

“อันไหน” อันณพตอบไม่เข้าใจคำถาม แล้วยื่นผ้าเช็ดตัวให้ชายหนุ่มอีกครั้ง

“การเย็บแผล ทำแผลพวกนี้ ทำอย่างกับมืออาชีพเลยนะ เป็นครูจริงหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย อัฐณพถอนหายใจ   

“สมัยเรียน.....เขาไม่มีสอนบ้างหรือไง.... ออ คงไม่มีหัวทางนี้ จนต้องมาขนยาค้ายา เขามีสอนในวิชาลูกเสือ และอีกอย่างผมเรียนด้านวิทยาศาสตร์” อัฐณพตอบรับผ้าเช็ดตัวมาซักอีกครั้ง แล้วเดินไปด้านหลัง ลงมือเช็ดแผ่นหลังชายหนุ่ม สังเกตผิวกายเหมือนไม่ใช่พวกที่เป็นกรรมกรสักนิด ผิวเนียนสีเข้ม อัฐณพวางผ้าเช็ดตัวและเช็ดไปตามแผ่นหลังอย่างอ่อนโยน อาการร้อน ๆ หนาวเกิดขึ้นกับอัฐณพ

“มีด้วยหรอ ผมเพิ่งรู้ สงสัยผมไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ไง เลยไม่รู้” ชายหนุ่มกล่าวพลางหันหน้ามา จมูกของอัฐณพแทบจะถูกแก้มชายหนุ่ม อัฐณพหยุดนิดหนึ่งแล้วตอบ

“มีมากมาย ทั้งผ่า เย็บ ดูแลสัตว์บาดเจ็บ เท่าที่เรียนมามีแต่กับสัตว์ แต่กับคนไม่เคย นายรายแรก” อัฐณพเอ่ยเช็ดตามซอกรักแร้ แล้วเอาผ้าไปซัก

“เสร็จละนอกนั้นเช็ดเองละกัน” อัฐณพวางผ้าเช็ดตัวลงบนมือชายหนุ่ม   

“โอ้ ๆ เห็นเราเป็นตัวทดลอง เป็นตัวทดสอบหรอเนี้ย” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง อัฐณพพยักหน้าแล้วเชิดหน้าขึ้น ลุกเดินออกมา 

“วานนี้แม่คุณโทรมา ถามว่าจะกลับบ้านหรือเปล่า” ชายหนุ่มกล่าวแล้วเช็ดขาต่อ อัฐณพหยุดรีบหาโทรศัพท์

“เอาโทรศัพท์มา ตอนนี้อยู่ไหน ลืมเลย นายเอาโทรศัพท์ฉันโทรหาพวกค้ายาหรือเปล่า” อัฐณพหันมาทางชายหนุ่มที่กำลังโยนผ้าเช็ดตัวลงไปในกะละมัง 

“ใครจะกล้า เกิดมันดักฟัง มิจบกันเลยหรอ” ชายหนุ่มเอ่ย หลบตา
แล้วตอนนี้ โทรศัพท์อยู่ไหน” อัฐณพ ร้อนรน   

“น่าจะอยู่ใน โถนั้นมัง ” ชายหนุ่ม ชี้นิ้วไปยังโถใส่เอกสาร แบบไม่ทันระวังตัวผ้าเช็ดตัวผื่นใหญ่ก็ล่วงลงพื้น เผยให้เห็นร่างกายกำยำ อัฐณพรีบหันหน้าหนี ‘อ๊ายๆ’ สภาพชายหนุ่มยืนตัวเปล่าไม่มีอะไรปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว ชายหนุ่มยิ้มขำ กริยาท่าทางที่อัฐณพทำ

“เป็นอะไร เอานี้” ชายหนุ่มชอบใจ ไม่แคร์เดินไปหยิบมือถือมาใส่มืออัฐณพ

“จะทำอะไร หัดเกรงใจกันมั่ง วัฒนธรรมนะหัดมีมั่ง ไอ้ดาร์ว” อัฐณพพูดลอดไรฟัน หน้าแดงจนถึงใบหู

“ทำยังกะไม่เคยเห็น” ชายหนุ่มกล่าวแล้วหัวเราะชอบใจใหญ่ จากนั้นเริ่มโยกเอวเล็กน้อยให้แก่นกายไหวไปมาตามแรงโยก อัฐณพทนไม่ไหว รีบกำโทรศัทพ์วิ่งขึ้นชั้นบน

“ไอ้ผี หัดอายผีบ้านผีเรือนมั่งได้ไหม ทำอะไรเกรงใจด้วย” อัฐณพเอ่ย  ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ แล้วรีบหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันกาย จากนั้นจึงลงมือทำความสะอาดแผล 

“ทำเหมือนเกย์ กะเทย เดียวเถอะ เอ๊ะหรือจะใช่......วะ แล้วถ้าเกิดว่าใช่ละ” ชายหนุ่มกล่าวกับตัวเองเบา ๆ ความคิดกำลังสับสนสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองชั้นสองของบ้าน

“หรือว่าเราจะลองวะ” ชายหนุ่มถามตัวเองอีกครั้ง เผยลอยยิ้มออกมา

“แล้วเกิดว่า เขาไม่ใช้มึงโดนตีนเขาแน่ ๆ นะไอ้ปลัด” ชายหนุ่มกล่าวกลับตัวเองอีกครั้ง

“ไม่ลองก็ไม่รู้นะเว้ย แล้วถ้าเกิดว่าใช่ มึงจะทำไงต่อไปดีละ” ชายหนุ่มหน้าหม่นลงนิดหนึ่ง สำรวจบาดแผลต่อจนเสร็จแล้วหยิบกางเกงและเสื้อเชิ้ตตัวบางมาใส่ ‘แต่สิ่งที่เขาดูแลเราอยู่แบบนี้มันก็น่าลุ้นเหมือนกัน นี้หว่า’ คิดแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง

“ครูนพ อยู่ไหมครับ” ครูชัชวาลนั้นเองที่มาร้องด้านหน้าบ้าน

“ครับครู” เสียงร้องตอบของอัฐนพอยู่ด้านบน แล้วตามด้วยเสียงวิ่งลงจากบ้าน ชายหนุ่มจึงเดินขึ้นบ้านบน ขณะที่เดินสวนตรงราวบันได ชายหนุ่มทำทีสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด อัฐณพตกใจเกือบตกบันใด จนชายหนุ่มต้องรับคว้าไว้
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 2 ตามหา (13 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: อะไร ที่ 13-01-2019 20:51:54
นานๆทีจะมีนิยายที่เปิดมาก็น่าสนใจเเล้ว บอกเลยชอบมาก ปักรอละ o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 2 ตามหา (13 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 13-01-2019 23:30:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 2 ตามหา (13 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-01-2019 23:48:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 2 ตามหา (13 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-01-2019 02:46:15
รอตอนต่อไปจ้าาา
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 3 ผู้...ข้องเกี่ยว (31 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 31-01-2019 21:40:28
บทที่ 3 ผู้....ข้องเกี่ยว
   จากวันกลายเป็นสัปดาห์ จากหนึ่งสัปดาห์เข้าสู่สองสัปดาห์แล้ว เม็ดฝนยังคงหลั่งรินลงมาเรื่อย ๆ ผู้คนที่ทำไร่นาคงดีใจ ที่ฝนตกลงมาทำให้พืชผลเจริญงอกงามยิ่งนัก สาโรชลุกขึ้นนั่ง บิดกายไล่ความเมื่อยขบออกไปจากตัว

“สายขนาดนี้แล้วหรอนี้” สาโรชพูดกับตัวเองเมื่อมองนาฬิกาเรือนเล็กตรงหัวนอนของอัฐณพ แล้วมองไปที่นอนของอัฐณพ ที่ตอนนี้เก็บเรียบร้อย ถือว่าครูคนนี้ก็มีน้ำใจไม่ปล่อยให้ตัวเขาต้องนอนอยู่บนพื้นซีเมนต์ด้านล่าง จากนั้นจึงเอามือลูบตรงแผลที่ถูกยิง สิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างคือสามารถรักษาคนได้ด้วย ดูปากแผลเริ่มที่จะตกสะเก็ดแล้วอีกไม่นานคงจะหายเป็นปกติ เมื่อคืนเขาคิดอยู่นาน ว่าจะเริ่มต้นจากไหนก่อน จะสามารถสาวถึงตัวการได้

   จะล้มตัวลงนอนอีกก็รู้สึกอย่างไงอยู่ ปกติเป็นคนตื่นเช้าแล้วออกวิ่งไปทั่วทั้งอำเภอ พอมาอยู่แบบคนป่วยไม่ได้ออกกำลังกายชักจะอ้วนขึ้นมาแล้วซิ สาโรชรีบสปริงตัวลุกขึ้น แล้วเดินออกจากห้อง ใส่เพียงกางเกงขาสั้นของเจ้าของห้อง เดินขึ้นลงบันไดบ้านสักสิบรอบได้ เสียงเปิดประตูดังขึ้น คงเป็นเจ้าของบ้านกลับมานั้นเอง สาโรชยิ้มกับตัวเอง เอ๊ะ ทำไมถึงรู้สึกยินดีที่อีกคนกลับมา เม็ดเหงื่อตอนนี้ไหลเป็นทาง แสงจากหน้าต่างบ้านส่องเข้ามาปะทะกับผิวกายทำให้น่ามองขึ้น อัฐณพเดินขึ้นมาบนบ้าน สายตาประสานกันพอดี อัฐณพรู้สึกเขิน ๆ อย่างไรชอบกล

“ตื่นแล้วหรอ เมื่อคืน นายเป็นไข้ วันนี้ออกไปซื้อยาแก้อักเสบมาให้ด้วย” อัฐณพกล่าวพร้อมยื่นกล่องข้าวและถุงยามาให้ ชายหนุ่มรับไว้ พอดีมีถุงผ้าอีกถุงใหญ่มาด้วย

“อันนี้ละ” ชายหนุ่มถามขึ้น

“ออ เห็นไม่มีเสื้อผ้าใส่เลยซื้อมาให้” อัฐณพตอบ ชายหนุ่มเลยค้นดูชุดที่อัฐณพซื้อมา ภายในถุงมีกล่องกางเกงชั้นในอีกหนึ่งกล่อง ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาพิจารณา มีสีเทากับสีดำขนาดไซต์ตรงตามที่เขาใช้ไม่มีผิด

“รู้ขนาดด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยออกมา

“ตัวแค่นี้ จะเอาขนาดไหนอีกละ” อัฐณพตอบ แล้วเดินกลับลงไปชั้นล่าง ชายหนุ่มยิ้มขำ ๆ ว่าจะเอ่ยอะไรออกมา แต่อีกฝ่ายออกจากบ้านไปเสียแล้ว

“เมื่อคืนเราไม่สบายหรอ” ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง ทำหน้าสงสัย แต่ก็ช่างเถอะ ไปอาบน้ำมาทานกข้าวกินยาก่อนดีกว่า   
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“สวัสดีครับ” เสียงทักทายดังขึ้น ทำให้กลุ่มครูที่เดินออกมาหาซื้ออาหารกลางวันหยุดยืน

“อุ้ย คุณตำรวจ วันนี้แต่งตัวเท่จังเลยค่ะ” ครูสุนีทักก่อน เมื่อเห็นว่าเคยรู้จักกันแล้ว

“มิได้ครับ มาทานข้าวเที่ยงกันหรือครับ” นิติกรตอบและถาม

“มาทานกับพวกเราซิค่ะ ทานกันหลายคนอร่อยดีค่ะ” ครูสุนีเอ่ยชวน เพื่อน ๆ ครูที่มาด้วยก็พยักหน้าตาม เข้าไปในร้านอาหาร

“แล้ว ครูอีกคนไม่มาด้วยหรือครับ” นิติกร ถามขึ้นเมื่อไม่เห็นครูอัฐณพ

“ใครหรือคะ” ครูสุนีถามคืนและทำท่าครุ่นคิด

“น้องที่เคยเจอตอนยู่ห้างนะครับ” นิติกรเอ่ยทบทวนความจำ

“ออ น้องนพ จะตามมาค่ะ เห็นว่าจะกลับไปที่บ้านก่อนลืมของไว้ นั่นไงค่ะ มาพอดีเลย” ครูสุนีกล่าวพลางชี้ไปที่ประตูหน้าโรงเรียน อัฐณพกำลังเดินข้ามถนนออกมา

“น้องนพ มาทางนี้จ๊ะ” เพื่อนครูอีกคนร้องขึ้น อัฐณพมองตามเสียง แล้วรีบเข้าไปที่โต๊ะ

“ตายจริง ที่นั่งไม่พอ น้องนพนั่งเบียดกันได้ไหม” ครูสุนีย์เอ่ย

“ไม่เป็นไรครับ นพนั่งตรงนี้ก็ได้” อัฐณพชี้ไปที่โต๊ะข้าง ๆ

“ถ้าอย่างนั้น พี่กรนั่งเป็นเพื่อนก็แล้วกันนะ” นิติกรเอ่ยขึ้น พร้อมลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะข้าง ๆ อัฐณพมองเพื่อน ๆ ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย ยกเว้นสุนีย์ที่มีอาการรู้สึกผิดหวังนิด ๆ

“ทำไมคุณตำรวจ ถึงได้มาถึงที่นี้ได้ครับ” อัฐณพเอ่ยขึ้น

“พอดี ได้ออกลาดตระเวนพื้นที่ เลยได้แวะมาถึงนี้” นิติกรตอบ อัฐณพพยักหน้ารับทราบ

“นึกว่ามา เพราะมีธุระ” อัฐณพกล่าว

“ที่จริงก็มีนะ พอดีเห็นว่ามีพวกขบวนการขนยา ผ่านมาทางนี้ สายบอกว่าปะทะกัน มีผู้เสียชีวิตและสูญหาย ยังจับใครไม่ได้เลย” นิติกรกล่าว อัฐณพทำตาโต

“พวกขนยาหรอครับที่ตาย” อัฐณพรีบถาม

“ใช่ มีตายสามคน สูญหายอีกหนึ่ง คุณปลัดฝีมือดีด้วย” นิติกรกล่าว อัฐณพใจฝ่อ เหงื่อที่ฝ่ามือแตกจนซุ่ม พอดีกับเจ้าของร้านเข้ามารับออร์เดอร์เสียก่อน  อัฐณพลอบกลื่นน้ำลายรู้สึกคอแห้งเป็นผง

   ทางอีกฝ่ายเมื่อทานอาหารเช้าในตอนเที่ยง ก็นอนพักอีกครั้งจนบ่ายแก่ ๆ ท้องฟ้าปลอดโปร่งฝนหยุดเม็ดแล้ว จึงลุกขึ้น เก็บที่นอนได้ มองซ้ายทีขวาที ไม่รู้จะทำอะไร

“ครูนพ เก็บปืนไว้ที่ไหน” สาโรชพูดกับตัวเอง หันไปยังโต๊ะเตี้ย ๆ ที่อัฐณพไว้สำหรับเขียนหนังสือ จึงลองรื้อค้นไปค้นมา ภาพถ่ายใบหนึ่งตกลงพื้น สาโรชหยิบขึ้นมาดู เป็นภาพหนุ่มน้อยยิ้มร่าในชุดพระราชทานปริญญา ท่าทีที่ดีใจแสดงออกมา จนคนมองก็รู้สึกยินดีไปด้วย คนนี้จำได้ดี แต่เมื่อพิจารณาชายหนุ่มอีกคนที่ยื่นข้าง ๆ ที่แอบมองคนที่ยิ้มหราด้วยแววตาอาลัย ทำให้รู้สึกสงสัยอยู่นิด ๆ 

“ชักยังไงแน่วะ” มือลูบปลายคางที่ตอนนี้หนวดเริ่มเขียวครึ้มมากกว่าเดิม

“มันน่าสงสัยแล้วละ” สาโรชเอ่ยกับตัวเอง

“แต่ว่า เท่าที่อยู่มานี้ ครูนพก็ไม่ได้แสดงท่าที ที่เป็นอย่างคนอื่นเขาเป็นนี้” สาโรชพูดกับตัวเอง พลางนึกคิดเวลาที่ผ่านมานั้นอัฐณพแสดงท่าทีอะไรเล็ดลอดออกมาหรือเปล่า

“สงสัย เพื่อนแอบรักเพื่อน ซะละมั่งแบบนี้” สาโรชเอ่ยสรุปให้กับตัวเองแล้วจึงเก็บภาพถ่ายไว้ตรงเดิม ลงมือค้นหาสิ่งที่ต้องการต่อ

“เอาไปไว้ไหนละ เกิดไอ้พวกนั้นมันรู้ว่าเรายังไม่ตาย มันตามมาเก็บจะหาที่ไหนได้ทันท่วงที” สาโรชบ่นกับตัวเองต่อ จนแล้วจนรอดก็หาไม่เจอ สาโรชถอนหายใจ กลับมานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ นั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ความเงียบเข้าปกคลุม จนได้ยินเสียงน้ำจากลำคลองที่ไหล่กระเซ็นกระทบตลิ่ง เสียงรถจักรยานยนต์ดังมาแต่ไกล สาโรชขมวดคิ้วเข้าหากัน

“ปกติที่นี้ไม่มีรถนี้หวา” สาโรชพูดกับตัวเอง จากนั้นจึงรีบลุกขึ้นแล้วลงไปตรงช่องลมบันได แนบสายตาส่องออกไปด้านนอก นายตำรวจหนุ่มควบรถจักรยานยนต์แบบหน่วยลาดตระเวนเข้ามาคนซ้อนท้าย ทำตัวแข็ง ไม่กล้ากระดิกตัว 

“ถึกแล้วครับ ถะถึงแล้ว” อัฐณพรีบเอ่ยขึ้น นิติกรเบรกรถตัวโก่ง อัฐณพเองก็เอียงไปตามแรงฉุด

“บ้านหลังนี้หรอครับ” นิติกรเอ่ย พลางหันไปมองที่ตัวบ้าน

“ครับ ใช่ครับ” อัฐณพรีบตอบ พร้อมลงจากรถทันที มายืนข้าง ๆ

“สภาพไม่ต่างกันเลยนะ บ้านพักราชการ” นิติกรกล่าว พร้อมยิ้มอวดเรียวฟันสวย ๆ

“ครับ มีเท่านี้ก็นับว่าดีแล้วครับ นพขอบคุณพี่กร นะครับ ที่มาส่ง” อัฐณพกล่าว ท้ายประโยครู้สึกอีดอัดนิดหน่อย

“ไม่เป็นไร พี่จะมารับไปเที่ยวบ่อย ๆ” นิติกรกล่าวต่อ รอให้อีกฝ่ายเชิญเข้าบ้าน แต่พอเห็นท่าที่ของอัฐณพแล้ว เอาไว้วันหลังดีกว่า ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงามแน่ ๆ นิติกรยิ้มให้อัฐณพอีกครั้ง

“เอาเป็นว่า วันนี้พี่ออกตรวจพื้นที่ก่อน เดี๋ยวจะเสียงาน วันหน้าค่อยคุยกัน” นิติกรเอ่ย จากนั้นสตาร์ทเครื่องยนต์ อัฐณพได้แต่ยิ้มเจือน ๆ ให้นิติกร รถพุ่งทะยานออกไป

“ดะ...เดี๋ยว ครับ” อัฐณพตะโกนตามหลัง ไม่ทันเสียแล้ว จากนั้นจึงหันไปมองบ้านพักของตัวเอง สูดลมหายใจเจ้าปอด จนเต็ม

“เอาวะ จะเกิดอะไรก็ต้องเกิด” อัฐณพเอ่ยกับตัวเอง แล้วเดินเข้าบ้าน เมื่อเปิดประตูเข้ามาถายในบ้านพัก ชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ตรงหน้าต่างหลังบ้าน

“ดีเหมือนกัน จะได้ไม่เป็นหง่อย” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายหันมามอง

“ปากคอหรือนั้น สมกับที่เป็นครูสอนเด็ก” สาโรชเองก็ไม่ลดละ ต่อปากต่อคำ

“ทำไมหรือครับ เป็นครูก็พูดได้นี้ครับ” อัฐณพตอบ พร้อมกับยืดอกขึ้นเชิดหน้ารั้นจมูกให้สูง

“ไม่ทำไม ก็ครูที่ดีไม่ควรนินทาว่าร้าย ลับหลัง” สาโรชเอ่ย อัฐณพรู้สึกมีก้อนแข็งมาจุกตรงลำคอ

“ไม่ได้ว่าร้ายใคร ก็พูดตมที่เห็น” อัฐณพเริ่มหาช่องทางหนี

“รับราชการครู ทำไมกลับมาบ้านเร็ว นี้ยังไม่เย็นเลย” สาโรชเปลี่ยนเรื่องและชะโงกหน้าออกไปดูท้องฟ้า อัฐณพเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง

“บ่ายไม่มีชั่วโมงสอน” อัฐณพตอบห้วน ๆ กำลังก้าวขาจะขึ้นด้านบน

“ออ ก็เลยกะว่าจะให้ตำรวจมาจับ ว่างั้น” สาโรชเอ่ย อัฐณพชะงัก

“แอบฟังหรือไง” อัฐณพหันมามองสาโรช

“นิสัยมหาโจร นิสัยคนร้าย ที่กลับมานี้กลัวว่าจะมีของหาย กลัวจะโดนยกเค้าเลยกลับมา” อัฐณพตอบ

“แล้วไม่คิดกลัวหรือไง กลับมาคนเดียวแบบนี้” สาโรชถามต่อ อัฐณพอึ่ง ชายหนุ่มพูดถูก เกิดพวกที่ตามหาเข้ามาเจอเข้า โอ้ยไม่อยากจะคิด อัฐณพรีบวิ่งขึ้นบนบ้าน สาโรชแอบยิ้มกับตัวเอง เมื่อเข้ามาในห้องจึงไปเปิดกล่องไม้ข้างหัวนอนออกมา หยิบโลหะหนักขึ้นมาถือ แล้วนำมาแนบกับอก

“มาซิ จะเอาให้ตายทั้งหมดเลย” อัฐณพเอ่ย แล้วถอนหายใจ เสียงริงโทลดังขึ้น อัฐณพรีบวางโลหะหนัดกลับไว้ที่เดิม แล้วควนหาโทรศัพท์ เบอร์แปลกโทรเข้ามา

“สวัสดีครับ ครูนพพูดครับ” อัฐณพพูดกับปลายสาย

“อุ้ย เข้ม แมนมาก ๆ” ปลายสายตอบกลับมา

“นิมิต เราจำเสียงได้” อัฐณพเอย ใบหน้าแสดงความยินดียิ่งนัก หวนนึกถึงเพื่อนสมัยเรียนมัธยมมาด้วยกัน ซึ่งมาแยกกันก็ตอนที่ต่างคนต่างได้ที่เรียนใหม่ ยังจำได้ดีว่านิมิต เป็นเพื่อนที่สนิทด้วยคนหนึ่ง ตัวผอมสูงกว่าอัฐณพสักห้าเซนติเมตรได้ ใบหน้าคม ผิวเข้มตามแบบฉบับของคนใต้ พ่อของนิมิตเป็นคนใต้แล้วมาได้แม่ของนิมิต

“เอา จำได้อีก เราว่ากะเชอร์ไพร ไปหาแม่นายมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว” นิมิตอธิบายให้อีกฝ่ายทราบ

“เสียงนี้ สำเนียงนี้ใครจะจำไม่ได้” อัฐณพเอ่ยยิ้ม ๆ

“โทรมาแสดงความยินดี กับคุณครูคนใหม่” นิมิตกล่าว

“ขอบคุณมาก นายละทำอะไรตอนนี้” อัฐณพเอ่ยถามอีกฝ่าย

“เราจะไปไหนได้ ที่เดิม เพิ่มเติมคือความคิดถึง” นิมิตตอบพร้อมหยอดคำหวาน

“เดือนหน้าจะกลับบ้าน หยุดหลายวัน” อัฐณพกล่าว

“กลับมาวันไหน บอกเราด้วย เราจะได้ไปรับ” นิมิตเอ่ย

“ได้เลย อยากไปไหว้พ่อแม่นิมิตด้วย ฝากกอดท่านด้วยนะ โทรคุยนานแล้วเปลืองเงิน” อัฐณพกล่าว

“ได้ ๆ จะบอกว่า ลูกสะใภ้ฝากกอดแม่กับพ่อ” นิมิตกล่าวแล้วกดว่างสาย

“บ้า” อัฐณพพูดกับโทรศัพท์ แล้วถอนหายใจ อัฐณพรู้ว่านิมิตนั้นคิดกับเขาเกินคำว่าเพื่อน ด้วยความที่ไม่อยากเสียเพื่อน จึงทำทีไม่รู้บ้างในบางครั้ง


“ช่วยด้วย” เสียงตะโกนดังมาจากเบื้องล่าง อัฐณพสะดุ้งตกใจ

“ตาย ไอ้ดาวร์ นี้หว่า” อัฐณพจำเสียงได้รีบลงไปด้านล่าง


“ช่วย....ผมด้วย” เสียงร้องขาดเป็นห้วง ๆ    อัฐณพรีบวิ่งออกไปด้านหลังบ้าน

“ไอ้ดาวร์ อยู่ไหน” อัฐณพร้อนใจหันซ้ายขวาแล้ววิ่งลงไปริมลำคลอง เห็นชายหนุ่มกำลังดบกมือขอความช่วยเหลือ อัฐณพสลัดรองเท้าออกแล้วกระโจนลงไป

“ช่วย....ผม...ด้วย....ผม...เป็น ....ตะคริว” สาโรชร้องเป็นคำ พร้อมกับกลิ่นน้ำเข้าไป อัฐณพเข้าถึงตัวพอดี จากนั้นพยุงให้ชายหนุ่มขึ้นด้านบน

“ผมเจ็บที่ขา” สาโรชเอ่ย อัฐณพไม่พูดอะไร รีบพยุงร่างชายหนุ่มขึ้นถึงฝั่ง ชายหนุ่มแสดงสีหน้าว่าเจ็บที่ขา อัฐณพจึงรีบบีบนวดและคลายเส้นเอ็น


 “ลงไปทำไม” คำถามแรกจากอัฐณพ สั้นห้วน ๆ สาโรชคลายอาการเจ็บลง


“ผมจะลงไปดูว่า มันลึกแค่ไหน” สาโรชตอบ


“แล้วเป็นไงละ ลึกไหม” อัฐณพเอ่ย กึ่งประชดประชัน

“อยากรู้ว่า ลูกน้องผมเป็นยังไงบ้าง” สาโรชเอ่ยออกมา อัฐณพรู้สึกโมโห


“อยากรู้ทำไม ลูกน้องนายนั้นหรอ ตายสามคน รู้ไหม ว่าทางราชการเขาเสียปลัดฝีมือดีไปคนหนึ่ง เพราะขบวนการยานรกของพวกนายที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ถ้าพวกนักเรียนที่ผมสอนกินเสพเข้าไปด้วยจะเป็นยังไงคิดถึงบ้างไหม อนาคตของชาติ” อัฐณพแทบจะตะโกนออกมา


“เออ...คือ....”สาโรชจะอธิบาย


“ไม่น่าช่วยไว้เลย” อัฐณพโพล่งออกมาก่อน เมื่อเห็นแววตาแข็งกร้าวก็มีความรู้สึกผิด


“ขอโทษ อารมณ์มันพาไป” อัฐณพรีบอธิบาย ชายหนุ่มจึงพยายามจะลุกขึ้น อัฐณพจึงรีบเข้าพยุงด้วยความที่ริมตลิ่งเป็นเลนจึงทำให้อัฐณพลื่นไถลลงไปอีก ชายหนุ่มจึงคว้าแขนไว้มีผลให้ร่างของทั้งสองไถลลงไปริมน้ำอีก อัฐณพรีบยึดร่างแกร่งนั้นเป็นฐาน ชายหนุ่มจึงทับลงบนตัวทันที ริมฝีปากอิ่มแตะที่กึ่งมุมปากกึ่งแก้ม อัฐณพเบิกตากว้าง


“นะ...นาย...นาย เป็นอะไรหรือเปล่า” อัฐณพเรียกสติของอีกฝ่าย ชายหนุ่มหันมามองจังหวะพอดีกับริมฝีปากจรดกันพอดี


“นะ...นาย...ลุกไหวไหม” อัฐณพรวบรวมสติ ค่อยดันร่างแกร่งให้ลุกออก


“นายต้องชวยพยุงด้วย” อัฐณพกล่าวอีกครั้ง พร้อมสบตากับชายหนุ่มที่คร่อมร่างและจ้องมองอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ


“นาย อย่าให้แผลโดนน้ำ” อัฐณพกล่าวเบา ๆ หลบสายตา สาโรชได้สติขึ้นมาจึงได้พยายามดันร่างตัวเองให้ยกตัวขึ้น เพื่อให้อีกฝ่ายสามารถขยับเขยื้อนได้


“ขอโทษ” สาโรชเอ่ยออกมา มีน้ำเสียงแข็งและห้วน


“นายพอยืนไหวไหม” อัฐณพดันตัวเองออก แล้วนั่ง สำรวจตัวเองว่าได้แผลเพิ่มขึ้นหรือไหม สาโรชพยุงตัวลุกขึ้นแต่ก็รู้สึกเจ็บที่แผลบ้าง จึงไม่ฝืนตัวเองยอมนั่งลง


“เราต้องรีบกลับขึ้นไปทำความสะอาดแผล เกิดแผลติดเชื้อจะยุ่งกันไปใหญ่” อัฐณพอธิบาย แล้วนุกขึ้นยื่น เพื่อจุฉุดให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ลุกขึ้น


“เป็นห่วงผมด้วยหรอ” สาโรชเอ่ย น้ำเสียงอย่างกับคนน้อยใจ



“ถ้าไม่ห่วง จะไปลากขึ้นมาจากน้ำทำไม” อัฐณพเองก็เริ่มฉุนเหมือนกัน สาโรชเปลี่ยนแววตาแข็งกระด้างเป็นแววตาอ่อนโยนแทบจะทันที



“ไป ลุกขึ้น จะได้ทำความสะอาดแผล” อัฐณพเข้ารั้งรักแร้อีกฝ่าย ลากให้ลุกขึ้น


“ผมเจ็บแผล” สาโรชเอ่ยเบา ๆ


“เจ็บก็ต้องลุก....ได้แล้ว นี้ก็เย็นแล้วนะ” อัฐณพพยามยามพยุงร่างชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน 


“คุณครูห่วงผมจริงหรือเปล่า” สาโรชเอ่ย ด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง


“ปากดีนักนะ” อัฐณพไม่ตอบ ดันให้ชายหนุ่มเดินขึ้นตลิ่งอย่างทุลักทุเล จนกลับเข้ามาภายในบ้าน อัฐณพให้ชายหนุ่มนั่งอยู่ตรงหน้าห้องน้ำ จากนั้นจึงเตรียมอุปกรณ์ล้างแผล และทำความสะอาดร่างกาย


“นายต้องอาบน้ำ” อัฐณพออกคำสั่ง ชายหนุ่มมองหน้า รับผ้าเช็ดตัวมา



“จะอาบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น” อัฐณพถามอีกครั้ง



“ยังไงก็ได้” สาโรชตอบ แล้วเข้าไปในห้องน้ำ เสียงสาดน้ำกระเซ็นสักครู่ใหญ่ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ชายหนุ่มออกมามีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว


“ครูนพก็ควรอาบน้ำก่อนนะครับ ผมรอได้” สาโรชเอ่ย เพราะสภาพของอัฐณพก็ไม่ต่างกัน



“ถ้าอย่างนั้น รอสักครู่ จะออกมาดูด้วย” อัฐณพไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนแล้วเข้าไปชำระคราบโคลนตม สาโรชไปนั่งรอที่ขั้นบันได



“ครูนพครับ ครูนพ” เสียงเรียกอยู่หน้าบ้าน สาโรชรีบลุกขึ้น เดินไปที่ช่องลมตรงบันได ครูชัชเพื่อนบ้านนั้นเอง



“ครับ ผมอาบน้ำอยู่ครับ” อัฐณพตอบออกไป ไม่รู้ว่าใครเรียก



“ผอ.ให้มาตามครับ” ครูชัชตะโกนเข้ามาอีกครั้ง


“ออ ครับ ๆ ผมอาบน้ำเสร็จจะไปครับ” อัฐณพตอบพลางเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เห็นชายหนุ่มอีกคนยื่นอยู่ตรงช่องลม



“นายลงมา ทำความสะอาดแผล” อัฐณพสั่งราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นนักเรียน สาโรชกลับลงมา



“ไม่เช็ดตัวให้แห้งก่อน” สาโรชเอ่ย อัฐณพหันซ้ายหันขวาเพื่อหาผ้ามาเช็ดตัว ก็ไม่มี ครู่หนึ่งมีผ้าอีกผื่นหนึ่งยื่นมาให้ อัฐณพรับไว้ นำมาเช็ดหยดน้ำที่เกาะตามตัว


“เอ๊ะ นี้ผ้าเช็ดตัว” อัฐณพพรึมพรำ มองไปที่ชายหนุ่ม ยืนเป็นชีเปลือยอยู่ข้าง ๆ



“ทำไม ก็เคยเห็นอยู่แล้วไม่ใช่หรอ” สาโรชเอ่ย โดยเน้นคำว่าเคย ให้อีกฝ่ายรู้สึกอาย แล้วยื่นผ้าเช็ดตัวคืน



“อย่ามาทำตัวไร้วัฒนธรรมที่นี้” อัฐณพกล่าวจากนั้นหันไปหยิบสำลีและอุปกรณ์ต่าง ๆ มาใกล้ตัว สาโรชจึงรีบนุ่งผ้าเช็ดตัวให้เรียบร้อย มานั่งตรงบันไดอีกครั้ง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   บ้านพักข้าราชการหลังเล็กที่อยู่ในอาณาบริเวณของอำเภอแห่งหนึ่ง ผู้ชายวัยฉกรรจ์สามคนกำลังนั่งล้อมวงกัน 


“จะได้เรื่องไหมพี่สมศักดิ์” ชายหนุ่มวัยอ่อนกว่าเอ่ยขึ้น พร้อมกับยกแก้วน้ำสีอำพันกระดกลงคอ


“ยังไม่รู้เหมือนกัน ทางผู้ใหญ่ก็ให้เร่งหาช่วยกัน” สมศักดิ์เอ่ย ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นกระดก


“ตัวผมนะ ภาวนาให้ปลัดสาโรชปลอดภัย ปลัดฝีมือดีแบบนี้ อนาคตไกลด้วย ไม่อยากให้ท่านเป็นอะไร”ชายอีกคนพูดขึ้น


“ไอ้โม่ง มึงอย่าพูดเรื่องนี้ให้ นายอำเภอไดเยินนะมึง” ชายคนแรกเอ่ยเตือน


“ทำไมวะ ไอ้ต๊อด กูพูดจริง ทำไมนายอำเภอถึงไม่ชอบ” คนทีชื่อโม่งเถียง


“เอาละ ๆ อย่าถียงกัน” สมศักดิ์เอ่ยห้ามทัพ สองคนจึงหยุดแล้วหันมาผสมเครื่องดื่มกันต่อ สักพักใหญ่หญิงสาวร่างระหงเดินเข้ามาบริเวณบ้านพัก


“ปลัดสมศักดิ์” แววมยุราตะโกนเข้ามา


“พี่ สงสัยคงชอบพี่จริง ๆ แล้วมั่ง” ต๊อดกระซิบเบา ๆ สมศักดิ์หันไปทางต้นเสียง


“คุณแววมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” สมศักดิ์เอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืนเป็นการต้อนรับหญิงสาว


“ฉันจะมาตามเรื่องพี่สาโรช ตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงไหน” แววมยุราเอ่ย น้ำเสียงวางอำนาจ พลางชายตามองลูกน้องของสมศักดิ์ ที่มองส่งสายตากรุ่มกริ่ม


“พวกเราก็ตามกันอยู่ครับ พวกผมเองยิ่งร้อนใจ” โม่งเอ่ย


“ตามกันยังไง ปานนี้แล้วยังไม่ได้ข่าวคราวอะไร จะเข้าเดือนแล้วนะ” แววมยุราแผดเสียงขึ้น ด้วยอารมณ์ไม่ชอบใจ อย่างกับวิสัยคุณหนูที่ถูกตามใจนั้นเอง


“ผมว่า คุณแววกลับไปคอบฟังข่าวกับนายอำเภอที่บ้านไม่ดีกว่าหรือครับ” สมศักดิ์เอ่ยพลางรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้า แววมยุราหันมาพร้อมสะบัดผม


“ทำอะไรชักช้า คนจะเป็นจะตายไม่รู้เรื่อง” แววมยุราเอ่ย ยอมถอยกลับ


“ให้ผมไปส่งไหมครับ” ต๊อดเอ่ยยิ้ม ๆ ส่งสายตาเจ้าชู้ใส่


“ระวังตัวไว้นะแก ถ้าไม่อยากตาย” แววมยุราเอ่ย สะบัดหน้าออกจากบ้านพักราชการ


“พี่สมศักดิ์ แน่ใจหรอว่า จะกำราบผู้หญิงคนนี้ได้” ต๊อดเอ่ยแล้วยกแก้วขึ้นกระดก



“มันก็ต้องลองกันสักตั้ง” สมศักดิ์กล่าว สองลูกห้องส่งเสียงหัวเราะชอบใจ กับคำพูดของเจ้านาย

หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 3 ผู้...ข้องเกี่ยว (31 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-02-2019 00:37:11
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 3 ผู้...ข้องเกี่ยว (31 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-02-2019 21:18:19
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 3 ผู้...ข้องเกี่ยว (31 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-02-2019 22:00:36
จำได้ว่าเคยอ่านแล้วหายไป อย่าหายไปอีกนะคราวนี้
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 3 ผู้...ข้องเกี่ยว (31 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 04-02-2019 10:29:56
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 3 ผู้...ข้องเกี่ยว (31 มกราคม 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-02-2019 16:00:56
จำได้..........เหมือนกัน  :mew1:
นายอำเภอ เป็นคนร้ายเสียเอง  :เฮ้อ:
ปลัดสาโรช ก็ปิดบังตัวเองต่อไป  :hao3:
แวว ลูกนายอำเภอ ทำตัวเหมือนเป็นผู้บังคับบัญชาอีกคน
สุนี จะได้แฟนสักคนไหมนะ
นิมิตร ,กร เป็นคู่แข่งของสาโรชสินะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 4 อารมณ์ ...ตัวเอง (7 กุมพาพันธ์ 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 07-02-2019 17:35:23
บทที่ 4 อารมณ์...ตัวเอง
   ความเขียวขจีของใบไม้ หนาทึบเริ่มบดบังทิวทัศน์ บางต้นแผ่ยอดพันรอบต้นอื่นให้ตัวเองขึ้นหาแสง และรอรับความชุ่มชื่นจากเม็ดฝน ชายหนุ่มหนวดหนาครึ้ม เดินลัดเลาะตามแมกไม้ ค่อย ๆ ทะลุออกแนวชายป่า ปรากฏท้องทุ่งนาโล่ง ชาวนากำลังปักดำต้นกล้า

“ไปไหนละพ่อหนุ่ม” ชายชราทักขึ้น สาโรชหันไปยิ้มให้

“ลองสำรวจเส้นทางแถวนี้ดูครับ” สาโรชตอบ ชายชราเพ่งพินิจดู

“พ่อหนุ่มไม่ใช่คนแถวนี้” ชายชราถามกลับ

“ครับ ผมเพิ่งย้ายมาครับ ลองเดินเลาะริมคลองมาครับ” สาโรชอธิบาย พร้อมชี้นิ้วไปยังลำคลองที่ตัวเองเดินผ่านมา

“ออ จากหลังโรงเรียน” ชายชราตอบ

“ระวังหน่อยนะพ่อหนุ่ม แถวนี้พวกค้ายามันเยอะ พวกมันไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น” ชายชรากล่าวแล้วก้มหน้าปักดำต้นกล้าต่อ สาโรชจึงรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วนั่งลง

“มันเยอะเลยหรือครับตา” สาโรชเอ่ยเบา ๆ ชายชราแอบมองแว๊บหนึ่ง ดูรูปร่างลักษณะคงไม่ใช่พวกค้ายาหรือสายตำรวจแน่ ๆ

“เยอะ มากเลย ไม่รู้มันจะผลิตกันมาทำอะไร” ชายชราตอบ พลางวางหมัดกล้า ยื่นเช็ดเหงื่อที่หยุดลงมาออกจากใบหน้า

“พ่อหนุ่มเป็นใครรึ” ชายชราถามขึ้นทันที

“ผมเป็นแฟน ครูที่สอนอยู่โรงเรียนโน้นครับ เพิ่งมาได้ไม่กี่เดือน” สาโรชปด พลางยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจให้กับชายชราเชื่อใจ

“ออ นึกว่าเป็นพวกสายตำรวจ” ชายชรากล่าว เดินขึ้นมาจากที่นาแล้วพนักหน้าให้ชายหนุ่มเดินตามไปตรงห้างนา สาโรชเดินตาม

“ออกมาเดินแบบนี้ ระวังหน่อยนะ พวกขนยามันก็เยอะ” ชายชรากล่าวต่อ ยกขวดน้ำขึ้นดื่ม

“วันก่อน เห็นว่ายิงกันสนั่นหวั่นไหว” ชายชรากล่าวนั่งลง หยิบยาสูบแบบพันขึ้นมามวน

“แล้วพวกตาไม่กลัวบ้างหรอครับ” สาโรชถาม ชายชราพันยาแล้วจุดสูบ

“ชินแล้วละ ลูกหลานในหมู่บ้านก็หลายคน” ชายชรากล่าว พลางพ่นควันบุหรี่ออกมา

“เพิ่งย้ายมาไม่ได้สอนนักเรียนหรอ” ชายชราหันมาถามสาโรช

“ออ ผมไม่ได้เป็นครูครับ ผมลาพักงาน พอดีมาส่งแฟน เลยพักยาว”สาโรชกล่าวเป็นเรื่องเป็นราว

“ดี ๆ ดูแลกันดี ๆ ขอโทษนะพ่อหนุ่ม อายุเท่าไหร่แล้ว” ชายชราถาม สาโรชทำหน้าสงสัย

“ก็เห็น พ่อหนุ่มยังหนุ่มยังแน่น คิดไว้หนวดไว้เครา แบบนี้เหมือนคนแก่” ชายชราเอ่ยต่อ สาโรชหัวเราะออกมาเบา ๆ


“แฟนยังไม่มีเวลาทำให้เลยครับ” สาโรชตอบ


“ดูพ่อหนุ่มพูดเหมือนรักแฟนคนนี้มากเลย” ชายชราเอ่ย ก่อนสูบบุหรี่มวนเข้าเต็มปอด


“รักครับ คิดว่าไม่มีใครที่ดีกว่าคนนี้ไปแล้วครับ” สาโรชตอบใบหน้าแดงระเรื่อ ขับกับหนวดครึ้ม ชายชราหัวเราะเบา ๆ 


“เอา นี้ก็จะเที่ยงแล้ว กลับได้แล้ว อย่าไปมากกว่านี้เลย หรือจะมากินข้าวกับตา” ชายชรากล่าว และเอยชวนชายหนุ่ม



“โอ้ ไม่เป็นไรครับตา  ขอบคุณมาครับ ผมจะกลับแล้วครับ เดี๋ยวคนที่บ้านกลับมาไม่เจอจะเป็นเรื่องใหญ่”  สาโรชตอบและสาธยาย ทำให้ชายชราหัวเราะออกมา



“เออ ที่บ้านอยู่กินกันยังไง มาเอาปลาช่อนที่ตาจับได้ไปทำกินกัน” ชายชรากล่าวพร้อมลุกขึ้นไปเปิดฝาโอ่งน้ำใบเล็ก ๆ คว้าเอาปลาช่อนตัวเขื่องขึ้นมา


“ไม่เป็นไรครับตา พวกผมอยู่กันง่าย ๆ ครับ” สาโรชรีบปฏิเสธ



“เอาไปเถอะ แถวบ้านเรามีให้กินเยอะแยะ” ชายชรากล่าว แล้วเอาเชือกเส้นเล็ก ๆ มาร้อยเหงือก พร้อมยื่นให้ชายหนุ่ม



“ผม ขอบคุณครับ ไม่รู้จะตอบแทนคุณตาอย่างไร” สาโรชเอ่ยอย่างเกรงใจ


“ไม่ต้องหรอก ขอให้แฟนพ่อหนุ่มสอนนักเรียนเป็นคนดีไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเป็นพอแล้ว” ชายชรากล่าว สาโรชทึ่งในความคิดของชายชราตรงหน้า เขาต้องกำราบพวกที่ทำผิดพวกนี้ให้ได้


“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับ” สาโรชยกมือไหว้


“ใช้เส้นนี้นะ จะออกไปถนนใหญ่แล้วค่อยวกกลับเข้าโรงเรียน” ชายชรากล่าว และรับไหว้ชายหนุ่ม สาโรชมองตามทิศทางที่ชายชราบอก จากนั้นจึงเดินออกไป ถนนแคบ ๆ ค่อย ๆ กว้างขึ้น และเริ่มมีบ้านราษฎรปลูกเรียงราย  บ้างก็ห่างกัน พร้อมทั้งมีป่าไม้ขนาดย่อมคั้นระหว่างบ้านเรือน ภูมิทัศน์เหมาะกับการขนย้ายอะไรที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ถึงว่า สายรายงานว่าแถวนี้เหมาะสมกับการทำผิดกฎหมาย ชยหนุ่มเดินลักเลาไปตามเส้นทาง ออกสู่ถนนใหญ่ ผู้คนมากขึ้น บางคนก็มองมาที่ตัวเขาเอง บางก็ขับรถผ่านเลยไป


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   ภายในห้องพักครู ครูหลายคนกำลังดูงานตัวเองบนโต๊ะทำงาน บ้างก็ตรวจการบ้าน เวลาตรงข้างฝากบอกไว้ สิบเอ็ดโมงสี่สิบห้าแล้ว อัฐณพรู้สึกระวนกระวายนิดๆ จนเพื่อนร่วมงานสังเกตเห็น


“น้องนพ เป็นอะไรหรือเปล่า” เพื่อนครูเอ่ยขึ้น ทำหน้าสงสัย 


“อะ ออ ไม่เป็นอะไรครับ” อัฐณพรีบตอบกลับทัน


“พี่เห็นนพมองนาฬิกาบ่อย ๆ” เพื่อนครูคนเดิมถาม อัฐณพทำหน้าเหรอ แล้วยิ้มแห้ง ๆ ให้เพื่อนครู


“จริงซิ นี้ก็จะเที่ยงแล้ว หรือนพนัดพี่สุนีไว้” เพื่อนครูอีกคนถามขึ้น



“ปะ เปล่าครับ นพไม่ได้นัดใครไว้” อัฐณพรีบปฏิเสธทันที



“เอ๊ะ รีบปฏิเสธ นี้ยังไงอยู่นะ” เพื่อนครูแซว นักเรียนชายคนหนึ่งรีบเข้ามาห้องพักครู


“นายพิชิต มีอะไรวิ่งพรวดเข้ามา” ครูในห้องพักเอ่ยขึ้น ผู้มาใหม่ทำหน้าเหรอ



“ผม เอา ข้าว กล่อง มา ส่ง ครูนพ ครับ” เด็กชายติดอ่างชะงั้น อัฐณพจึงกวัวมือเรียก เด็กชายจึงนำกล้องข้าวไปให้



“ขอบใจมากพิชิต” อัฐณพกล่าวกับนักเรียน เด็กชายยกมือไหว้แล้วรีบออกจากห้องพักครู



“เอ๊ะ น้องนพ วันนี้ไม่ออกไปทานด้วยกันหรอจ๊ะ” เพื่อนครูเข้ามาทัก



“ไปครับ”อัฐณพรีบตอบ



“แล้วนี้ของใคร” เพื่อนครูชี้ไปที่กล่องข้าว



“พี่หรือว่า ของพี่สุนีเอามาส่งให้นพ” เพื่อนครูเข้ามากระซิบใกล้ ๆ ทั้งสองหันมามองอัฐณพ



“พี่ถามจริง น้องนพคิดอะไรกับพี่สุนี” เพื่อนครูถามขึ้น อัฐณพแทบจุก พยายามกลืนก้อนจุกลงไป



“นพ ไม่ได้คิดอะไรครับ นพคิดกับพี่เขาเหมือนพี่” อัฐณพตอบเบา ๆ


“ไม่คิดแต่ นี้คืออะไรละ” เพื่อนครูอีกคนเอ่ย


“นพสั่งมาเอง คือว่าเย็นนี้ นพอาจจะต้องพิมพ์ข้อสอบ แล้วอยู่ดึก ก็เลยให้แม่เด็กนักเรียนที่ทำอาหารมาส่งให้ครับ” อัฐณพอธิบาย สองสาวมองหน้ากันทำท่าไม่ค่อยเชื่อมากนัก



“จะสอบกลางภาคแล้วหรอ” เพื่อครูเอ่ย แล้วแยกย้ายกันไป อัฐณพได้แต่ผ่อนลมหายใจ มองนาฬิกาอีกครั้ง จะเที่ยงแล้ว ไอ้ดาร์
ดเอย รอหน่อยนะ ทนหิวไปก่อน คิดในใจ พร้อมเก็บของเข้ลิ้นชัก มองบางอย่างที่อยู่ในลิ้นชักแล้วรีบปิด


“น้องนพ วันนี้เราจะไปทานอะไรดี” เสียงสุนีดังมาแต่ไกล อัฐณพรีบลุกจากเก้าอี้


“ผมไปก่อนนะพี่ แล้วเจอกันที่ร้าน” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ กับสองสาว ที่แอบอมยิ้ม พร้อมพยักหน้าให้ อัฐณพรีบหลบออกด้านหลังห้องพักครู


“สงสัยแห้วรับประทานพี่สุนี” เพื่อนครูเอ่ยแล้วหัวเราะคิกคัก


“น้องนพ อาว” สุนีเอย ซึ่งไม่มีคนที่จะมาชวนไปทานข้าว



“นี้น้องนพไปไหนแล้ว”สุนีหันมาทางสองสาวที่กำลังเก็บของ


“น้องนพ เขาออกไปตั้งนานแล้วคะ พี่” เพื่อนครูเอ่ยตอบ



“ไปไหน พวกเธอรู้ไหม” สุนีถามแทบจะทันที สองสาวส่ายหน้า แล้วลุกจากที่ออกไปสุนีเก็บความสงสัยหันซ้ายทีขวาทีจึงเดินลงส้นเท้าออกไป


   ทางด้านอัฐณพเมื่อหลบออกมาได้ รีบลัดเลาะออกจากตัวอาคารออกไปด้านหลัง เสียงรถจักรยานยนต์เลี้ยวเข้ามาจอดดัก
หน้าพอดี


“จะไปไหนหรือน้องนพ” เสียงทุ่มเอ่ยขึ้น อัฐณพหันกลับมาตามเสียงเรียก นิติกรยังคร่อมอยู่บนจักรยานยนต์สายตรวจ ในชุดครึ่งท่อน



“โอ พี่กร มีอะไรหรือเปล่าครับ” อัฐณพตอบและถาม


“ไม่ได้มีอะไรหรอก เพียงแต่อยากมาชวนน้องนพไปทานข้าวด้วยกัน” นิติกรมองสายตากรุมกริม จนอัฐณพเองยังเขินอาย


“คือว่า...พอดีนัดเพื่อน ๆ ไว้แล้วครับ” อัฐณพกล่าว


“ถ้าอย่างนั้นไปด้วยกัน” นิติกรกล่าว อัฐณพรู้สึกลังเลนิดหนึ่ง


“ทานข้าวด้วยกัน ดูกันไปศึกษากันไป ในฐานะเพื่อน” นิติกรเอย รู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่เปิดใจแต่อย่างน้อยก็ค่อย ๆ ไปดังคำโบราณว่าไว้ น้ำหยดลงหินสักวันหินมันยังกร่อน อัฐณพยิ้มบาง


“ได้ครับ แต่นพขอเอาข้าวกล่องไปเก็บที่บ้านพักก่อนนะครับ” อัฐณพชูถุงกล่องข้าวขึ้นให้ดู นิติกรพยักหน้า


“ถ้าอย่างนั้น ขึ้นมาเลย” นิติกรกล่าวพลางตบเบาะหลัง เพื่อจะให้อัฐณพได้ซ้อนท้าย


“ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว” อัฐณพกล่าว


“อย่างไรเราก็ต้องออกไปด้วยกันอยู่แล้ว มาเถอะ” นิติกรคะยั้นคะยอ  อัฐณพลังเล ชึ่งขณะเดียวกันสาโรชเดินมาถึงซอยเข้าบ้านพอดี จึงแอบหลบเข้าดงหญ้าที่ขึ้นสูง อัฐณพลังเลนิดหนึ่งก่อนก้าวขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ที่ขับเลี้ยวออกมาจากซอยบ้านพักครู เมื่อรถสายตรวจออกไปจนลับสายตา สาโรชจึงออกมาแล้วรีบกลับไปที่บ้านพัก 


   ภายในบ้านกล่องข้าวถูกวางไว้ตรงบันไดบ้าน สาโรชมองนิ่งพร้อมชูปลาช่อนตัวเขื่องขึ้นมาดู


“เขาคงไม่คิดจะกินกะเราแล้วละ” สาโรชเอ่ยกับตัวเอง เดินไปหลังบ้านหาที่ก่อไฟ


“นี้ละหนาชีวิตครูบ้านนอก ไม่มีอะไรสักอย่าง เสร็จงานนี้คงจะซื้อเครื่องครัวให้เป็นการตอบแทนซะแล้ว” สาโรชพูดกับตัวเองอีกครั้งพลาง จัดการหาทางก่อไฟ แต่ก็ไม่วายที่จะเดินไปมองกล่องข้าวอีกครั้ง คราวนี้ความหิวมันรุมเร้าเสียเหลือเกินจึงจัดการข้าวกล่องเสียงเรียบร้อย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   เสียงเปิดกระตูบ้านดังขึ้น อัฐณพเดนหิ่วกล่องข้าวสองกล่องมาว่าง  สาโรชที่กำลังนั่งเผาปลาอยู่หลังบ้านชะโงกหน้าเข้ามาดู


“กลับมาแล้วหรอครับคุณครู” เสียงทักดังขึ้น อัฐณพวางสัมภาระตงทางขึ้นชั้นสอง


“นายไปไหนมา” คำถามแรกสวนมาทันที อัฐณพรีบเดินมาหลังบ้าน


“ไปดูข้างนอก” สาโรชตอบหน้าตาเฉย


“นายไม่กลัวโดนจับหรือไง นายมีคดีติดตัวอยู่นะ” อัฐณพก้าวเข้ามาประชิดตัวสาโรช


“ไปได้นี้มา” สาโรชยกไม้เสียบตัวปลาเผาเกลือขึ้นมาคั้นระหว่างกลาง จนอัฐณพต้องถอยออก มองดูปลาช่อนตัวโตเผาเกลือ



“ถ้านายโดนจับ แล้วนายชัดทอดมาถึงที่นี้ รู้ไหมจะเกิดอะไรขึ้น” อัฐณพเริ่มฉุน


“ไม่ทำให้ครู โดนด้วยหรอก” สาโรชตอบอย่างไม่แยแส



“อย่ามาทำกิริยาแบบนี้นะ” อัฐณพสวมวิญญาณคุณครูอีกครั้ง มองคนตรงข้ามเหมือนเด็กชายที่ตัวเองสอน



“จะให้ทำอย่างไรละครู” สาโรชตอบพลางหยักไหล่ หยักคิ้ว อัฐณพแทบจะเข้าไปหยิกเนื้อ แต่ก็ต้องหยุดก่อน สติพยายามเตือนตัวเอง ว่านั้นไม่ใช่เด็กนักเรียนแต่นั้นคือโจรขนยา



“หึ ดีเหมือนกัน หายแล้วจะไปไหนก็ได้” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ สาโรชจึงยอมบอก



“ก็ไม่ได้หายไปไหน เหมือนกับคนบ้างคนที่มีหนุ่มตำรวจมารับ” สาโรชเอย อัฐณพเองปรับอารมณืแทบจะไม่ทันใบหน้าปรับสีไม่ทันแล้ว 


“นายแอบดู” อัฐณพเอ่ยลอดไรฟัน



“เปล่า ไม่ได้แอบ ตั้งใจเลย แถมยังขับรถผ่านเราหน้าตาเฉย” สาโรชกล่าว เห็นว่าอีกฝ่ายเขินอายมากขึ้น เลยรีบพูดต่อ


“สงสัยมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่เลย หรือว่าจะให้ตำรวจมาจับผม” สาโรชกล่าว



“พูดอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร ฉันไม่ทำร้ายคนที่คิดจะกลับตัวกลับใจ ยังพอมีจิตสำนึกให้โอกาสคนเสมอ” อัฐณพกล่าวต่อ จากอารมณ์เขินอายกลายเป็นอารมณ์ฉุนนิด ๆ พลางถอยห่างออก


“จริงหรอ เราก็นึกว่าแจ้งตำรวจมาจับเรา” สาโรชพูดลอย ๆ หันกลับไปเผาปลาต่อ อัฐณพเลยกลับขึ้นบนบ้าน เพื่อเปลี่ยนชุด


“คิดได้เน๊าะ แจ้งตำรวจจับก็จะโดนของหาให้ที่พักพิงด้วยซิ เฮ้อ เมื่อไหร่นายจะไปเสียที” อัฐณพพูดกับตัวเอง



“เอ้า ลืม ปืนอยู่ที่โต๊ะทำงาน ไอ้ดาร์วไป ต้องให้ปืนไปด้วย” อัฐณพเอ่ย พลางส่ายหัวกับความหลงลืมของตัวเอง จากนั้นจึงเปลี่ยนชุดลงไปอาบน้ำด้านล่าง


“คุณครูจะทานด้วยไหมครับ ปลาเผานี้” สาโรชยกปลาขึ้น


“จะกินได้หรือนั้น” อัฐณพเอ่ยถามอีกฝ่าย



“ดูถูก อย่างน้อยๆ ก็ผ่านวิชาลูกเสือสามัญมานะครับ” สาโรชกล่าว พลางยืดอกขึ้น



“ไปจับที่ไหนมาละ ฝีมือดีนี้เรา” อัฐณพถามต่อ



“ออกไปท้องทุ่งนาฝั่งโน้นมา ไปคุยกับคุณตาที่ทำนา ตรงนั้นแล้วคุณตาให้มา” สาโรชเฉลย



“โอย ก็นึกว่าไปทำเบ็ดตกปลา ที่แท้ชาวบ้านให้มา” อัฐณพกล่าวหัวเราะชอบใจ



“นึกว่า ใช้วิชาลูกเสือสามัญ หาทางเอาตัวรอด” อัฐณพกล่าวต่อ



“วิชาลูกเสือแค่เผาเกลือ” สาโรชกล่าวเสียงเข้ม อัฐณพหยุดหัวเราะแทบจะทันที



“แล้วไปหาเกลือที่ไหนมาทำ” อัฐณพถาม เปลี่ยนเรื่องทันที



“บ้านข้าง ๆ ครับ” สาโรชตอบ ทำท่าบุ้ยไปบ้านพักครูอีกหลังที่อยู่ข้าง ๆ อัฐณพตกใจเล็กน้อย



“นี้นายไม่กลัวอะเลยหรอไง กล้าออกไปแสดงตัว” อัฐณพเอ่ย



“ใครจะมาจำผมได้ ดูซิหน้าตาแบบนี้” สาโรชตอบ พร้อมชี้มาที่หน้าตัวเอง



“แล้ว เขาก็ให้มา เหมือนที่ได้ปลามา” อัฐณพเอ่ย 



“ผมเดินไปขอกับภรรยาคุณครูที่เดินผ่านหน้าบ้านประจำ” สาโรชอธิบาย อัฐณพมือเท้าเย็น



“แล้ว พี่เขาไม่ตกใจหรอ” อัฐณพรีบถาม



“ตอนแรกพี่เขาก็ตกใจ แต่ผมอธิบายว่า ผมเป็นแฟนคุณครูนพ เพิ่งมาพักด้วย เขาเลยให้มา” สาโรชกล่าว ยิ้มอวดฟันสวย



“เฮ้ย ได้ไง ไอ้ดาร์ว พูดอะไรแบบนั้น” อัฐณพแทบจะเจ้าเข้า เมื่ออีกฝ่ายประกาศให้บุคคลอื่นรู้



“เอาผมก็เห็นว่า ครูครูรู้ไส้รู้พุงผมหมดแล้ว จะทำไมละ ครูนพต้องรับผิดชอบผมด้วย” สาโรชเอ่ยยิ้ม ๆ



“นาย ไอ้ดาร์ว พูดแบบนี้ ฉันเสียหายนะเว้ย มาขี้ตู่ แล้วคนอื่นเขาจะคิดยังไง” อัฐณพเริ่มฉุนอีกครั้ง



“ทำไงได้ละ พูดไปแล้ว” สาโรชเองก็ไม่ลดละ แล้วกลับเข้ามาในบ้าน



“นี้ นายจะทำอะไร จะมาเอาอาชีพการงานของฉันให้มัวหมอง มีความผิดไปกับนายนะไอ้ดาร์ว” อัฐณพเริ่มขึ้นเสียง สาโรชหัวเราะเบา ๆ



“ไม่ทำให้มัวหมองหรอก หรือจะไม่รับผิดชอบผม” สาโรชกล่าวต่อ



“รับผิดชอบอะไร มีอะไรต้องรับผิดชอบ” อัฐณพสวนกลับแทบจะทันที อาการเหมือนหนูติดจั่น



“เอาผมขึ้นมารักษา มาดูแลต้องดูแลให้ตลอด ต้องรับผิดชอบผมด้วย” สาโรชลากเสียงยาว



“นายจะมาใช้บ้านพักครูเป็นฐานขายยาบ้าไม่ได้ นะ ถ้านายหายเป็นปกติแล้ว นายควรออกไปจากบ้านพักครูได้แล้ว” อัฐณพเริ่มโมโห



“ถึงกับออกปากไล่ ผมไม่อยู่ให้เป็นหนามยอกใจหรอก ผมหายดีผมไปแน่” สาโรชเอ่ยเสียงเข้ม อัฐณพนั้นพยายามกดอารมณ์ไว้อย่างที่สุด


“จำคำของนายไว้ด้วย” อัฐณพเอ่ยแล้วเข้าห้องน้ำ


“จะกินไหมปลาเผาเกลือ” สาโรชเอ่ย ยิ้มให้กับตัวเอง ที่ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียได้ สักพักได้ยินเสียงน้ำกระทบผนัง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   สาโรชล้มตัวลงนอนหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว อัฐณพเองก็กำลังดูใบงานของเด็กนักเรียน อารมณ์ฉุนเมื่อตอนหัวค่ำยังกรุ่นอยู่ในใจ แลดูอีกฝ่ายด้วยหางตา


“ครูนพครับ ครูนพ” เสียงครูชัชวาลดังจากหน้าบ้าน


“ครับพี่ชัช” อัฐณพขานรับ แล้วเปิดหน้าต่าห้องนอน ออกไป



“ครู ระวังตัวด้วยนะ วันนี้ เห็นชาวบ้านเขาบอกว่า จะมีการขนของผิดกฎหมายอีก ให้ระวังตัวด้วย กลัวจะโดนลูกหลง” ครูชัชวาลตะโกนบอก


“จริงหรอครับ” อัฐณพใจหาย หันไปดูชายหนุ่มอีกคนที่นอนฟัง



“ครับ ชาวบ้านบอกว่า เห็นมีคนคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านและแถว ๆ โรงเรียนเรา” ครูชัชวาลกล่าว



“แล้ว ผมต้องทำอย่างไรบ้างครับ” อัฐณพเริ่มกลัว



“ถ้ามีอะไรก็อย่าลงมาจากบ้านนะครับ” ครูชัชวาลกล่าว แล้วเดินเข้าบ้านตัวเอง สิ้นเสียงของครูชัชวาลสาโรชลุกขึ้นนั่งทันที อัฐณพเองหันมาเห็นยังตกใจ



“เป็นอะไร” อัฐณพถาม สาโรชหันมาจ้องหน้า



“ปืนอยู่ไหน” สาโรชถาม



“ไม่มี ไม่ได้อยู่ที่นี้ แล้วนายจะไปไหน” อัฐณพถามอีกครั้ง


“จะไปดู” สาโรชตอบเตรียมตัวจะลุก



“เห็นไหม นายเปิดเผยนตัวให้ชาวบ้านเห็น สักหน่อยตำรวจก็จะมาจับนาย” อัฐณพกล่าว


“ไม่เคยกลัวสักนิด” สาโรชตอบลุกขึ้นยืน


“ไม่ได้ ห้ามไปข้องเกี่ยวกับสิ่งพวกนี้อีก” อัฐณพพยายามห้าม สาโรชไม่ฟังเปิดประตูห้องลงไปชั้นล่าง


“ล๊อกห้องด้วย บ้านไม่ต้องล๊อก กลับมาจะเคาะ” สาโรชกล่าว แล้วออกจากบ้านฝ่าความมืดออกไป



“ไอ้ดาร์วเอ้ย จะช่วยยังไงดี” อัฐณพกล่าว รีบวิ่งตามลงไปชั้นล่าง


“ตายคราวนี้ ก็สิ้นเวรสิ้นกรรมต่อกันนะไอ้ดาร์ว” อัฐณพเอ่ยกับตัวเอง มองฝ่าความมืดออกไป มือเท้าเริ่มชื้นจากเหงื่อ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 4 อารมณ์ ...ตัวเอง (7 กุมพาพันธ์ 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-02-2019 20:32:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 4 อารมณ์ ...ตัวเอง (7 กุมพาพันธ์ 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-02-2019 20:48:19
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 4 อารมณ์ ...ตัวเอง (7 กุมพาพันธ์ 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-02-2019 21:22:30
ชอบเขาแล้วละสิครูนพ
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 4 อารมณ์ ...ตัวเอง (7 กุมพาพันธ์ 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-02-2019 23:12:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 4 อารมณ์ ...ตัวเอง (7 กุมพาพันธ์ 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-02-2019 05:24:41
แต่ละคนปากแข็งๆทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 4 อารมณ์ ...ตัวเอง (7 กุมพาพันธ์ 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 08-02-2019 15:23:36
ครูนพ เลือกปลัดก็ดี ตำรวจก็ดี ของดีเบิ้ลสอง
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 4 อารมณ์ ...ตัวเอง (7 กุมพาพันธ์ 2562)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 08-02-2019 17:16:01
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 5 ค่ำคืน แสงจันทร์ส่อง (12/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 12-02-2019 20:35:54
บทที่ 5 ค่ำคืน....แสงจันทร์ส่อง
   ภายในอาคารเอนกประสงค์ กำลังมีงานเลี้ยงเพื่อหารายได้ในการจัดงานบุญประจำปีของอำเภอ ซึ่งมีหลายหน่วยงานเข้าร่วม เพราะทางอำเภอเป็นเจ้าภาพ บุคคลากรของโรงเรียนได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ครูอัฐณพ ครูสุนี ครูกี๊กกาบ ครูชัชวาล ครูอนงค์ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามผู้อำนวยการโรงเรียนไปด้วย เพลงลูกทุ่ง ลูกกรุงถูกขับกล่อมสลับกัน ถึงงานจะไม่ได้ใหญ่นัก ซึ่งได้รับความร่วมมือกับทางหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเช่นเดียวกัน


“ท่าน ผอ. ค่ะ รับเครื่องดื่มอะไรคะ” สุนีที่นั่งข้าง ๆ ผู้อำนวยการเอ่ยถาม และชายตามองมายังครูเพื่อนสวที่มาด้วย ให้คอยฟังท่านผู้อำนวยการสั่ง


“นพ ไปดูอาหารกันดีกว่า” กิ๊กกาบ กระซิบข้าง ๆ หู พลางพยักหน้าให้กับครูอนงค์ไปพร้อม ทั้งสามคนจึงลุกจากที่


“น้องนพจะไปไหนกัน” สุนีถาม ใช้สายตามปราบกิ๊กกาบ และอนงค์ด้วย


“จะไปดูซุ้มอาหารครับ” อัฐณพตอบ แล้วเดินตามสองสาวไปที่ซุ้มอาหาร ทำให้สุนีรู้สึกขัดใจนิด ๆ ที่เป็นว่าตัวเองต้องอยู่ดูแล ผู้อำนวยการเสียงเอง ชัชวาลถือจานของขบเคี้ยวมาว่าง


“เอา น้อง ๆ ไปไหนละครูสุนี” ชัชวาลถาม สุนีค้อนวงใหญ่


“คงไปหาเครื่องดื่มให้ตัวเองกระมั่งคะ” สุนีตอบ บนเวทีมีการแสดงแสงสีเสียง ตามลำดับขั้นตอน อัฐณพเดินดูอาหารต่าง ๆ ตามร้านที่ออกจำหน่าย


“สวัสดีครับ ครูนพ” เสียงทักจากด้านหลังทำให้ทั้งกลุ่มหันไปมองเจ้าของเสียง ชายหนุ่มในชุดครึ่งท่อน เดินมาหากลุ่ม 


“สวัสดีครับ สวัสดีค่ะ คุณตำรวจ” ทั้งหมดกล่าวพร้อมกัน


“ครับ มากันกี่คนครับ” นิติกรโค้งคำนับและถามต่อ มองดูจานอาหารในมือของอัฐณพ



“แปดคนครับ นั่งอยู่ตรงโน้น” อัฐณพตอบพลางโบยหน้าไปทางฝั่งซ้ายของเวที



“แล้วพี่ตำรวจกรละ มากันกี่คนค่ะ” กิ๊กกาบเอ่ยถาม



“มากันห้าคนครับ ยังไม่มีที่นั่งเลย”นิติกรตอบ สุนีเดินเข้ามาสมทบพอดี



“อุ้ย สวัสดีค่ะคุณตำรวจ มาด้วยหรือคะ มีที่นั่งหรือยัง ที่โต๊ะเรายังเหลือที่ให้นะคะ มาค่ะสุนีจะพาไป” อาจารย์สุนีรีบเสนอตัวก่อนคล้องแขนชายหนุ่มและออกแรงดึงเล็กน้อย นิติกรเลยค่อมตัวลงเล็กน้อย กิ๊กกาบและอนงค์มองหน้ากัน



“ดูซิ ทำไมทำตัวแบบนี้” อนงค์เอ่ยเบา ๆ



“นั้นซิ พี่อนงค์ ดูซิเป็นเจ้ากี้เจ้าการ” กิ๊กกาบเอ่ย อนงค์ถือว่าเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มสุดเลยได้แต่หัวเราะ



“นั้น หัสเราะทำไม หรือกิ๊กกาบพูดอะไรผิด” กิ๊กกาบค้อนให้เล็กน้อย 



 “พี่เขา ไม่มีใครสนใจไง เห็นไหม ตอนที่น้องนพมาใหม่ ๆ ก็ทำท่าทางหึงหวงนพจะเป็นจะตาย” อนงค์อธิบาย อัฐณพที่ยืนฟังยังรู้สึกเขินเล็กน้อย



“อย่ามาทำเขินที่นี้นะ ไม่เห็นหรือวันก่อนวิ่งมาหาถึงห้องพักครู” กิ๊กกาบกล่าวอย่างฉุน ๆ



“ก็ ไม่รู้จะให้พูดอะไรนี้” อัฐณพเอ่ย



“ใครหล่อ ใครหน้ารัก พี่สุนีนี้ละก่อนเพื่อน”กิ๊กกาบค้อนไปทางโต๊ะที่ผู้อำนวยการนั่งอยู่ อัฐณพหันไปมองสุนีกำลังดูแลนิติกร สายตาประสานกัน รู้สึกว่านิติกรเองก็อย่างออกมาจากตรงนั้น ซะมากกว่า แต่ก็โดนสุนีรั้งไว้เหมือนเดิม



“ไปดูของตรงนั้นดีกว่า แล้วเราค่อยไปหาโต๊ะใหม่นั่ง” อนงค์กล่าว กิ๊กกาบเลยรีบตาม อัฐณพจึงต้องตามสองสาวและช่วยถือของให้ สักครู่ใหญ่สามคนจึงได้ที่นั่งอีกด้าน การแสดงบนเวทีกำลังสนุกสนาน สองสาวโยกไปตามเสียงเพลง



“ไม่ค่อยเห็นน้องนพ ออกสเต็ปแดนซ์เลย” อนงค์เอ่ยขึ้น



“ไม่เคยครับพี่” อัฐณพตอบ


“พี่นงค์ก็ถามได้ ที่โรงเรียนกำลังหาฉายาให้นพอยู่นะ” กิ๊กกาบเอย



“ฉายาอะไร” อัฐณพและอนงค์เอ่ยพร้อมกัน



“ฉายาพระเวสสันดร” กิ๊กกาบตอบพลางหัวเราะ อนงค์ทำหน้างง ส่วนอัฐณพนั้นยิ้มบาง ๆ



“เกี่ยวอะไรกันยายกิ๊ก กับพระเวสสันดร” อนงค์ สงสัย


“ก็อบายมุขทุกอย่าง ไม่ยอมแตะ กิ๊กละอยากรู้จริง ว่าใครจะได้เป็นแฟน” กิ๊กกาบกล่าว



“ทำไม อยากลงแข่งกับพี่สุนีหรือไง” อนงค์กะโกนแข่งกับเสียงเพลง พอดีนิติกรเดินมาที่โต๊ะ


“คนเยอะมากเลยนะ ขนาดว่าไม่ใช่งานใหญ่โต” นิติกรเอ่ยขึ้น พร้อมกับลากเก้าอีกออกมานั่ง อัฐณพยิ้มให้ มองรอบ ๆ งานเป็นจริงอย่างกับชายหนุ่มพูด



“แม่เสือสาวยอมปล่อยออกมาได้ไง” กิ๊กกาบเอ่ยขึ้น ทำให้นิติกรสงสัย



“คุณตำรวจกร อย่าไปถือยายกิ๊กบ้าเลยค่ะ” อนงค์อธิบาย นิติกรยิ้มรับ



“งานแบบนี้คงไม่มีเรื่องราวหรอกนะครับ จนต้องใช้การรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มพิกัด” อัฐณพกล่าว เมื่อเห็นว่าตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาภายในงานด้วย



“ไม่แน่นะน้องนพ” อนงค์กล่าว



“ผมขอตัวสักครู่นะครับ” นิติกรเอ่ยแล้วลุกไปหากลุ่มตำรวจที่เข้ามาภายในงาน



“พี่อนงค์เรากลับไปร่วมกลุ่มดีไหม” กิ๊กกาบเอ่ยชวน ทั้งสามจึงรีบลุกไปรวมกลุ่ม การแสดงบนเวทีต้องมีอันยุติลงก่อน เมื่อตำรวจในเครื่องแบบเข้ามาภายในงาน นายตำรวจเชิญแขกที่อยู่ในงานออกไปด้านนอก จากนั้นหลาย ๆ โต๊ะที่นั่งอยู่ก็เริ่มทยอยออกไป


“พวกเราจะกลับกันเลยไหม” ผู้อำนวยการโรงเรียนถาม


“กลับซิคะ สุนีกลัว” สุนีรีบตอบ


“งานเลยกร่อยเลย” ชัชวาลรีบพูด ขึ้น


“เอาไปดื่มต่อที่บ้านก็ได้ ครูชัช” อนงค์เอ่ยบ้าง



“ได้ไง เมียครูชัชจะได้เขกกบาลให้” สุนีตอบสวนมาทันที จนครูชัชวาลเองต้องยอมปล่อยขวาเหล้า



“กลับกันเถอะ พรุ่งนี้จะไปทำบุญหยุดยาวหลายวันพวกเราไม่คิดจะกลับบ้านกันบ้างหรือไง” ผู้อำนวยการกล่าว ถือว่าเป็นคำสั่งภายในตัว ทุกคนเลยลุกเตรียมออกจากงาน


“เดี๋ยวครับ รอผมด้วย” นิติกรวิ่งมายังกลุ่ม



“คุณตำรวจคะ เกิดอะไรขึ้น สุนีตกใจแทบแย่” สุนีเอ่ย พรายออดอ้อนชายหนุ่ม



“ตำรวจเขาขยายผลจับผู้อยู่เบื้องหลัง พวกขายยานะครับ” นิติกรกล่าว ทั้งหมดเลยพยักหน้าเข้าใจ



“ตาย จริง ที่เขาเชิญไปผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมองทั้งนั้นนะคะ” สุนีทำท่าตกใจ


“ครับ งานก็เลยต้องยกเลิกโดยปริยาย” นิติกรกล่าว



“ถ้าอย่างนั้นเราก็กลับกันได้แล้ว” ผู้อำนวยการเอ่ยอีกครั้ง ทุกคนจึงต้องเดินตาม นิติกรคว้ามืออัฐณพไว้



“พี่ไปส่ง” นิติกรกล่าว พลางฉุดดึงให้อัฐณพเดินตาม



“พี่อนงค์กลับเลยครับไม่ต้องห่วงนพ” อัฐณพกล่าวกับอนงค์ที่เดินมาด้วยกัน 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   เงาตะคลุ่ม นั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่ เพ่งสายตาสอดส่องผ่านสลัวของแสงจันทร์  เสียงกบเขียด หริ่งเรไรร้องประสานเสียงกันเบา ๆ แสงไฟจากจากแบตเตอรี่ของคนที่หากบเขียดส่องแวบวาวไปมา



“วันนี้ มีแสงจันทร์มันไม่ขนกันหรือไงวะ วันก่อนเล่นกันเป็นลัง ๆ” สาโรชบ่นกับตัวเอง จากนั้นจึงค่อย ๆ ปีนลงจากต้นไม้ใหม่ มือก็คอยระวังมัจจุราชเหล็กที่อัฐณพคืนมาให้เมื่อวันก่อน เมื่อลงมาถึงพื้นจึงเดินทางกลับ



“เอาไว้วันหน้าก่อนเถอะ กลับไปนี้จะสาวให้ถึกตัวการใหญ่เลยที่เดียว” สาโรชพูดกับตัวเอง แล้วรีบเดินทางกลับบ้านพักครู เมื่อมาถึงจึงจัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมพักผ่อน ความรู้สึกคล้าย ๆ จะมีไข้ ภาวนาอย่าให้มีไข้ไม่อย่างนั้นโดนบ่นแน่ ๆ เมื่อล้มตัวลงนอน คิดอะไรเพลิน ๆ จึงลุกขึ้นนั่งมองไปที่โต๊ะอ่านหนังสือเล็ก ๆ สาโรชลุกขึ้นไปเปิดดูหนังสือบางเล่ม ก็เจอภาพถ่ายอีกภาพที่คั้นหนังสือไว้ ภาพของอัฐณพกำลังร่วมกิจกรรมกับเพื่อน ๆ สาโรชไล่ดูกิริยาของแต่ละคน มีบางคนในภาพที่จ้องมองอัฐณพ อย่างกับพออกพอใจ


“สงสัย มีรักในวัยเรียน” สาโรชพูดกับตัวเองแล้วยิ้มขบขัน วางรูปไว้ที่เดิม จากนั้นลองเปิดหน้าหนังสือใหม่ พิจารณาลายมือ ถือว่าคัดลายมือได้สวยที่เดียว เสียงรถจักรยานยนต์ดังมาแต่ไกล สาโรชจำได้เสียงรถแบบนี้ไม่ใช่อื่น และมาจอดที่หน้าบ้าน


“วันนี้บุกถึงหน้าบ้านเลยหรือวะ” สาโรชเอ่ย จากนั้นลงไปตรงช่องตรงบันได ชายหนุ่มมองสองหนุ่มที่ลงจากรถแล้วเดินข้ามาตรงหน้าบ้าน แสงไฟจากใต้ถุนบ้านส่องให้เห็นทั้งสองคนอย่างชัดเจน


“พอเห็นชัด ๆ น่าตาดีเหมือนกันนี้คุณตำรวจ” สาโรงเอ่ยกับตัวเอง


“ขอบคุณพี่กรมากนะครับที่มาส่ง” อัฐณพเอยขอบคุณ นิติกรคว้ามืออัฐณพมาจับไว้และบีบเบา ๆ


“ไม่เป็นไรครับ พี่เต็มใจ สำหรับน้องนพ พี่ยินดี” นิติกรกล่าวพลางส่งสายตากรุมกริมให้กับชายหนุ่มตรงหน้า อัฐณพรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย พยายามดึงมือออกจากการกุ่มไว้


“พี่กร เออ คือว่า” อัฐณพอยายามอธิบาย


“ว่าไงครับ คนดี” นิติกรหยอดความหวานต่อ


“พี่กรปล่อยนพเถอะครับ” อัฐณพเอ่ยออกมา นิติกรจึงจำยอมต้องปล่อย



“น้องนพ ให้โอกาสพี่สักครั้งได้ไหม” นิติกรเอ่ยแล้วถอนหายใจออกมา เหมือนโดนกดดันอย่างไรไม่รู้ กลัวว่าผู้ชายตรงหน้าจะไม่ชอบด้วย 


“เราเป็นพี่น้องกันไม่ได้กว่าหรือครับ” อัฐณพเอ่ย พยายามรักษาน้ำใจของนายตำรวจหนุ่มด้วย


“พี่อยากเป็นมากกว่าพี่น้อง” นิติกรเอ่ย ยื่นคำขาด  พอดีกับครูชัชวาลเดินมาถึงหน้าบ้านพอดี


“มาถึงเร็วกว่าพวกเราอีกนะครับ คุณตำรวจ” ครูชัชวาลกล่าว


“ครับ จักรยานยนต์มันขับซอกแซกได้” นิติกรกล่าวตอบ


“รู้ไหมว่า น้องนพมากับตำรวจ ยายสุนีแทบจะกรี๊ดในรถตู้เลย” ครูชัชวางเข้ามากระซิบกับอัฐณพ


“ขนาดนั้นเลยหรอครับ” อัฐณพกล่าว พลางขบขัน


“ไปก่อนละ เดี๋ยวเมียไม่ให้นอนบ้าน” ครูชัชวาลกล่าว พลางโบกมือให้นิติกร


“เดินดี ๆ นะครับ ระวังพวกสัตว์เลื้อยคลานด้วย” นิติกรเอ่ยตามหลัง


“ไม่เป็นไร พวกงูพวกนี้มันกลัวผม” ครูชัชวาลตอบ จากนั้นก็ร้องเพลงเบา ๆ ไปยังบ้าน


“สรุป ครูเขาเมาหรือเปล่า” นิติกรหันมาถามอัฐณพ


“ก็คงอย่างนั้นมั่งครับ” อัฐณพตอบ   


“เล่นมาจีบกันถึงบ้านเลยนะตำรวจ” สาโรชเอ่ยกับตัว ซักรู้สึกไม่คอยจะชอบสักเท่าไหร่


“เอ้ คนของเราก็เล่นตัว” สาโรชกล่าวต่อ พลางใช้นิ้วมือลูบหนวดบริเวณคางเบา ๆ


 “ดึกแล้วพี่กรก็ควรกลับได้แล้วนะครับ” อัฐณพบอกด้วยความห่วงใย


“พี่ว่าจะขอ....กาแฟสักแก้ว” นิติกรเอ่ย เว้นวรรคให้อีกฝ่ายนั้นตีความหมาย


“โอ้ พอดี ที่บ้านไม่มีกาแฟเลยครับ”อัฐณพออกตัว 


“หรือครับหว่า ว่าจะอยู่คุยเป็นเพื่อนต่ออีกคงไม่ได้” นิติกรแสดงอาการผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด


“จริงครับ นพมาอยู่นี้ก็จะครบเทอม แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย” อัฐณพตอบ


“ถ้าอย่างนั้นไปบ้านพักที่ดีไหม” นิติกรเอ่ยปากชวน


“ไม่ดีมั่งครับ นะครับ” อัฐณพตอบสวน พร้อมอ้อนนิด ๆ นิติกรชังใจ


“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้วันหน้าพี่จะมาใหม่นะ” นิติกรกล่าว คว้ามืออัฐณพมาวางตรงหัวใจ  อัฐณพเขินอายใบหน้าแดงขึ้นมา ดีที่เป็นเวลากลางคืนจึงไม่มีใครเห็น


“ยะ อย่า ๆ ทำแบบนี้ครับ” อัฐณพเอ่ย นิติกรยิ้ม


“ทำให้รู้ว่า พี่กรคิดอย่างไรกับน้องนพ” นิติกรเอ่ยและจะโน้มตัวเข้าประทับรอยจูบ อัฐณพเห็นท่าไม่ดีจึงถอยออกมาหนึ่งก้าว


“เอาไว้  ค่อยมาใหม่นะครับ” อัฐณพเอ่ย ค่อยๆ ดึงมือกลับ นิติกรนั้นดีใจจนเนื้อเต้น คิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้เปิดโอกาสให้เขาแล้ว 


“ได้ครับ” นิติกรก้าวเข้ามาแล้วโน้มตัวเข้ามาหอมแก้มแทน  อัฐณพตกใจรีบสลัดมือให้หลุด


“พี่กรครับ คือ ......” อัฐณพติดอ่าง ใจร้อนร่น ตั้งแต่เกิดมามีแค่แม่กับน้องสาวเขาเท่านั้นที่ทำกับเขาแบบนี้ อัฐณพกระพริบตาถี่ ๆ


“อะไรครับน้องนพ”นิติกรส่งสายตาหวานมาให้อีกครั้ง มีความรู้สึกพึงพอใจผู้ชายที่ยืนตรงหน้านี้มาก


“ผมว่าพี่กร    กลับดีกว่าครับ” อัฐณพกล่าวตัดบท ทำให้นายตำรวจหนุ่ม ชะงักนิดหนึ่ง


“อือ ไม่เป็นไรครับ ถือว่าพี่เร็วเกินไปน้องนพไม่พร้อม” นิติกรกล่าว และถอยออกมา คิดเอง เออเองครบ อัฐณพเงียบไม่พูดอะไรต่อ ตำรวจหนุ่มจึงต้องหันกลับไปขึ้นรถขับออกไป อัฐณพถอนหายใจออกมา หันไปเปิดประตูบ้าน ร่างชายหนุ่มอีกคนยืนตระหง่านตรงบันได ไอ้ดาร์วมาตั้งแต่เมื่อไร


“ยังไม่นอนอีกหรอไง” อัฐณพเอ่ยเมื่อรวบรวมสติได้


“ยัง” สาโรชตอบ สั้นๆ ห้วน ๆ จนคนฟังรู้สึกกลัว


“ขอตัวนะ อยากอาบน้ำ พรุ่งนี้จะกลับบ้านแต่เช้า” อัฐณพเอ่ยเสียงเข้มเหมือนกัน ทำให้อีกสาโรชแปลกใจ คงนัดอะไรกันไว้แน่ คิดดังนั้นจึงขบกรามแน่


“จะให้ผมอยู่กับใคร”สาโรชถาม อัฐณพหยุดนิ่ง  จากนั้นจึงก้าวขาขึ้นบนบ้าน


“จะทิ้งผมไปหรือไง” สาโรชเริ่มพาล อัฐณพหันหลับมา


“ก็ ถ้าจะอยู่ต่อก็ได้ เฝ้าบ้าน อาหารมีพวกบะหมี่สำเร็จอยู่ในถุง ปลากระป๋อง ข้าวหุงเองนะหรืออกไปซื้อหน้าโรงเรียน แต่เท่าที่ดูแผลก็เริ่มแห้งแล้ว น่าจะไปตามทางของนายได้แล้วนายดาร์ว” อัฐณพกล่าว


“ใครดาร์ว” สาโรชสวนกลับ ทำหน้างง และจ้องหน้าอัฐณพที่อยู่บันไดขั้นสูงกว่า


“ก็นายให้ผมเป็นคนตั้งชื่อเองไม่ใช่หรือ” อัฐณพท้วงความจำ


“ผมมีชื่อมีนาม ไม่ได้ต้องให่ใครมาตั้งให้” สาโรชเริ่มโมโห นัยน์ตาแดงกำ


“จริงของนาย แล้วนายชื่ออะไร มาอยู่นี้ก็นานแล้ว เมื่อไหร่นายจะไปเสียที” อัฐณพกล่าว ออกปากไล่ ยิ่งเป็นการจุดฉนวนความโกรธให้สาโรช


“ออกปากไล่เลยหรือ ออลืมไปมีแฟนเป็นตำรวจแล้วนี้” สาโรชเอ่ยเยาะหยัน


“มันไม่เกี่ยวกับนาย คนละเรื่อง” อัฐณพเอ่ยเลือดฉีดทั่วหน้า


“ทำไมจะไม่เกี่ยว” สาโรชก้าวเท้าขึ้นบันได อัฐณพเห็นท่าไม่ดีรีบหันหลังกลับวิ่งขึ้นไป สาโรชนั้นเร็วกว่าอยู่แล้วอัฐณพก้าวขึ้น
บันไดขึ้นสุดท้าย สาโรชก็รวบตัวได้ทันที อัฐณพล้มลงสาโรชใช้แขนอีกข้างโอบให้ร่างของอัฐณพทับลงไป


“ปล่อยนะ ไอ้ดาร์ว ไอ้มหาโจร ไอ้ทำลายชา....”ยังไม่ทันหมดคำริบฝีปากหนาประทับลงฝีปากบาง อัฐณพเบิกตากว้าง สาโรชได้ทีบีบตรงขากรรไกรล่าง อัฐณพเปิดปากให้สาโรชครวญหาความหวานในอุ้มปาก อัฐณพยายามดิ้นจนสาโรชหลุด


“จะมากไปแล้วนะ ปล่อยนะ ไม่อย่างนั้นโดนหมัดนี้แน่” อัฐณพหง่างหมัดเตรียมตัวป้องกันตัว สาโรชไม่กลัวรวบหมัดแล้วอุ้มอัฐณพขึ้น


“เฮ้ย มันไม่ใช่แบบนี้นะ ปล่อยนะ” อัฐณพตะกายทั้งถีบ ทั้งถ่องใส่สาโรช


“อย่าฤทธิ์เยอะ เดี๋ยวฆ่าปิดปากเสียเลย” สาโรชพูดลอดไรฟัน อัฐณพสั่นเป็นเจ้าเข้า รีบวางลงที่นอน


“อย่าทำอะไร เราเลยนะนาย เรากลัวแล้ว” อัฐณพใจสั่น สาโรชยิ้มบางยียวนอีกฝ่าย


“ช้าไปแล้วละครู” สาโรชกล่าว พร้อมรวบข้อมือด้วยมือข้างเดียวอีกมือหนึ่งบีบตรงปากให้อ้าออกก่อนประกอบริมฝีปากลงอีกครั้ง ใช้ลิ้นคว้านหาความหวาน


“อือ” อัฐณพประท้วงที่โดนล้วงล้ำ นานหลายนาที สาโรชจึงถอนริมฝีปากออก ยอมรับว่าเห็นภาพก่อนหน้านั้นรู้สึกไม่ดี เหมือนจะเสียของรักไป


“ห้ามกัดลิ้น ถ้ากัดจะเอาให้ตายคาเตียงนี้ละ” สาโรชกล่าว อัฐณพเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ
“นายปล่อยเราไปเถอะ อย่าทำอะไรเราเลย เราไม่เอาเรื่องนายหรอก” อัฐณพลองใช้ไม้อ่อนดูบ้าง แววตาเหมือนกวางน้อยที่ถูก
พยักขย้ำ 


“ไม่มีทาง เคยลองกับผู้หญิงวันนี้จะลองกับผู้ชายดูจะเป็นไง”สาโรชกล่าวเสียงเข้ม พร้อมกับจูบลงอีกครั้ง คราวนี้ยาวนาน อัฐณพที่อยู่ด้านล่างอ่อนระทวย จากที่ขัดขื่นก็ยอมอ่อนตาม บทเพลงนี้ช่างยาวนานยิ่งนัก 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   พายุอารมณ์พัดผ่านไป สาโรชกอดอัฐณพไว้ภายในอ้อมกอด ดูอัฐณพนั้นพยายามที่จะขยับออกแต่เขาทำเสียงขู่ไว้ จึงยอมสงบแล้วหลับไปโดยดี ตั้งแต่รู้ความจำความได้ ชีวิตผ่านมาตั้งนาน หญิงหลายคน แต่กลับชายคนนี้ คนที่นอนอยู่ในอ้อมกอดเขานี้ช่างหอมหวานเหลือเกิน ไม่มีจริต จะกร้าน หนักบ้างผ่อนตามบ้าง และแปลที่ตัวเขาเอง ก็รู้สึกดีที่คนนี้อยู่ในอ้อมกอด ชายหนุ่มจูบลงที่เปลือกตา ที่ตอนนี้ยังปิดสนิท นวดทิ่มตรงแก้ม


“ได้ดาร์ว ปล่อยกู ไอ้สัส ไอ้.........อุ๊ป” อัฐณพสถบ เมื่อตื่นขึ้น สาโรชเลยใช้ปากประกบริบฝีปากเก่ง อัฐณพพยายามดิ้นให้หลุด แต่ก็โดนอีกฝ่ายเกาะเกี่ยวไว้ สะบัดหน้าให้หลุดจากรสจูบนี้ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนแก่นกายของผู้เป็นต่อกำลังตื่นตัว สายตาเหลือบเห็นบาดแผลที่ตอนนี้แห้งแล้วกำลังตกสะเก็ด จึงกัดลงไปเต็มรัก


“โอ้.....เจ็บ....ซี๊ด ๆ พี่ ปล่อยแล้ว” สาโรชร้องออกมา เป็นผล เป็นการหยุดการกระทำได้ชะงัก สาโรช จำเป็นต้องคลายอ้อมแขนออก แต่ก็ยังไม่คลายออกหมด ยังคงประคอง ไว้อยู่ เลือดจากแผลหัดเริ่มไหล่ออกมาอีก


“เลือด” อัฐณพอุทานด้วยความตกใจ สัญชาตญาณการรักษา


“กดแผลไว้นะ” อัฐณพกล่าวแล้ว รีบลุกขึ้นหาชุดทำแผล ทำความสะอาดบาดแผล ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่สนิทใจ   ลืมแม้กระทั่งตอนนี้ที่ไม่มีอะไรใส่ รีบทำความสะอาดบาดแผลและกดแผลไว้ เงยหน้ามองคนที่นอนอยู่ สายตาประสานจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว อัฐณพชะงักปล่อยมือจากการกดแผล ช้าไป เพราะอีกคนรวบตัวไว้ทันพอดี


“ไปไหน พี่ขอโทษนะ”สาโรชเอ่ยเสียงทุ่มข้างหู อัฐณพขันขืนเล็กน้อย 


“ปล่อยเถอะ” อัฐณพกล่าวเสียงเรียบ เจ็บใจตัวเองกำสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด สาโรชเองก็รู้สึกผิดที่ทำอะไรลงไปแบบนั้น จึงเอื้อมมือไปวางตรงหัวไหล่


“ถอยออกไป”  อัฐณพกล่าวเสียงเข้ม


“พี่ยอมทุกอย่าง พี่ขอรับ” สาโรชเอย


“ไม่ต้อง ออกไปจากนี้ ออกไปจากชีวิตฉัน” อัฐณพสวนออกมา สาโรชได้แต่ส่ายหน้า


“นพ นอนเถอะ พี่ไปเอง” สาโรชเอ่ย แล้วลุกมานอนตรงที่นอนตัวเอง


“นายควรออกจากบ้านไปตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่ฉันจะโทรเรียกตำรวจ” อัฐณพเอ่ย ก้าวมาหาสาโรชที่ล้มตัวนอน อัฐณพกระโดดขึ้นทับร่างสาโรชรั่วหมัดเข้าใส่ 


“จะฆ่าผัวหรอ” สาโรชเอ่ยพลางหยักคิ้วข้างหนึ่งให้อย่างเป็นต่อ เมื่อรวบร่างนั้นไว้ในอ้อมกอด


“หยุด ไอ้เวร ไอ้ห้าร้อย ไอ้ขนยา” อัฐณพสถบออกมา เจ็บใจยิ่งนักไม่น่ารนเข้ามาหาเขาเอง


“จุ ๆ  ไม่น่าเชื่อจะได้ยินคำก่นด่าจากแม่พิมพ์ของชาติ” สาโรชเอ่ยเสียงเข้ม คำพูดนี้ยิ่งทำให้อัฐณพโมโหยิ่งขึ้น


“แกไอ้ขายยา ไอ้พวกไม่มีความเป็นคน” อัฐณพสถบอีกครั้ง สาโรชส่ายหัวไปมา


“บอกให้หยุด ไม่งั้นตายคามือแน่” ชายหนุ่มขู่ทำให้อัฐณพหยุดนิดหนึ่ง ก่อนสัญชาตญาณเอาตัวรอดเริ่มขึ้นใช้เท้าถีบทุกอย่างที่ขวางทิศทาง


“พอๆ พี่ยอมละ อย่าเพิ่งตัดสินใครจากสิ่งที่เราไม่รู้ความจริง พี่ขอนอนพักพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” สาโรชเอย  ส่งเสียงอ่อนโยนลง ทำให้คนที่อาละวาทสงบลงนิดหนึ่ง


“จะไปไหนก็ไป” อัฐณพพยายามลุก แต่สู้แรงสาโรชไม่ไหว ต้องนอนอยู่อ้อมกอดสาโรชต่อไป
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 5 ค่ำคืน แสงจันทร์ส่อง (12/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-02-2019 21:04:48
 :hao6: :hao6:
หวายๆ จะฆ่าผัวเหรอ พูดมาได้ยังไงเนี่ย นพเขาอายนะ
ไม่ดีเลยความหึง สามารถทำให้คนปกติมาเป็นเมียได้
แต่ก็ดีใจกับทั้งคู่ด้วยนะ ที่เป็นของกันและกันแล้ว
ตำรวจก็หมดสิทธิ์มาตอแยครูนพ บอกไปเลยว่ามีปั๋วแล้ว
 :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 5 ค่ำคืน แสงจันทร์ส่อง (12/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-02-2019 21:55:03
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 5 ค่ำคืน แสงจันทร์ส่อง (12/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 12-02-2019 22:55:23
สาโรชช่างร้ายนักรวบหัวรวบหางกินน้องไม่เหลือให้ตำรวจเลย
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 5 ค่ำคืน แสงจันทร์ส่อง (12/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-02-2019 00:48:14
รีบๆบอกน้องสักที
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 5 ค่ำคืน แสงจันทร์ส่อง (12/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 14-02-2019 07:36:31
หวานนนน
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก) บทที 5 ค่ำคืน แสงจันทร์ส่อง (12/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 16-02-2019 22:52:42
 :katai5: :katai5: :katai5:
วันนี้มาไหมน้อ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 6 หวาน ขม กล้ำกลืน (20/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 20-02-2019 21:16:46
   การเดินปูพรมเพื่อค้นหาคนที่หายไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนกำลังดำเนินไปอย่างรีบเร่ง หลายฝ่ายประสานงานกันทำงานเป็นทีมรวมทั้งชาวบ้านและผู้มีจิตใจช่วยเหลือ วางแผนแนวทางค้นหา ถ้าไม่พบศพก็ถือว่ามีชีวิตอยู่

“วันนี้ เราจะขยายวงกว้างค้นหาขึ้นอีกหลายพื้นท้นที่ ต้องทำกันอย่างรัดกุม” สมศักดิ์กล่าวกับลูกน้อง


“ดีนะครับ วันนี้มีคนมาเยอะ” ต๊อดเอ่ย มองดูรอบๆ อำเภอ


“แปลกนะนาย ทำไมนายอำเภอไม่ค่อยจะพอใจนัก” โม่งเอ่ย


“แต่ก็ยังส่งคนมาช่วยนั้นไง” สมศักดิ์ หันไปทางลูกน้องของนายอำเภอ ซึ่งทั้งต๊อดและโม่งหันไปมอง


“ตั้งทีมคนหา เซอะคงได้เห็นหรอก ปานนี้มันเป็นอาหารปูปลาหมดแล้ว” ชายร่างใหญ่หนาเทอะเอ่ยกับคนที่เดินมาด้วย


“ยังไงช่วงนี้พวกมึง เงียบๆไว้ก่อนนะ นายใหญ่สั่งมา พวกนั้นกำลังเพ่งเล็ง คนหายไปทั้งคน” ชายร่างใหญ่หนา รีบสั่งลูกน้อง


“ครับพี่ยักษ์” ลูกน้องร่างผอม น้อมรับคำ


“โดยเฉพาะมึงไอ้สน นายสำราญกำชับหนักหนา อย่าปากโป้งไปเชียวมึง” ยักษ์หันไปกำชับทางลูกน้องที่ชื่อว่าสน 


“ไม่ต้องห่วงพี่ยักษ์ ฉันจะรูดซิบปากเชียว” สนกล่าวให้คำมั่น ทั้งสามเดินมาสมทบกับสมศักดิ์


“นายสำราญให้มาช่วย” ยักษ์กล่าวกับสมศักดิ์ ซึ่งสมศักดิ์กดโทรศัพท์รายงานความคืบหน้า


“ท่านครับ พบโทรศัพท์ปลัดสาโรชตรงทางลงสะพานครับ แบตหมดครับ นอกนั้นยังไม่มีเบาะแสเลยครับ” สมศักดิ์รายงาน สำราญ


“ให้ลูกน้องไปช่วยอีกแรง พวกเขาไปถึงหรือยัง” สำราญกล่าว สมศักดิ์สบตากับยักษ์


“ครับท่าน มาถึงแล้วครับ” สมศักดิ์รับคำ


“ตามเบาะแสให้ได้นะปลัด ผมเชื่อมือคุณ” สำราญกำชับ สมศักดิ์ปรับสีหน้าเข้ม แล้วกดวางสาย


“วันนี้ ตามแผนเราจะเข้าโรงเรียน” สมศักดิ์เอ่ยกับทุกคน


“ไกลไหมครับท่านปลัด” เจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ ๆ ถามขึ้น


“ถ้าเราออกตอนนี้ คงถึงบ่าย ๆ ครับ อย่างไรเราก็ต้องรีบ” สมศักดิ์ตอบ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงรีบจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการเดินทาง 


“เราใช้เส้นทางตรงนี้ไปถึงโรยงเรียนกี่กิโล” สมศักดิ์ถาม เมื่อกางแผนที่ออกมาดู


“ประมาณ 50 กิโลเมตรครับท่านปลัด” เจ้าหน้าที่อีกคนเอ่ย


“อย่างไรก็อย่าทำให้ แตกตื่นกันละ” สมศักดิ์กำชับลูกน้อง


 ตอนนี้โรงเรียนปิดหยุดยาว ก็จะมีแค่พวกครูครับที่ยังทำงานอยู่” เจ้าหน้าที่คนเดิมรายงาน


“ขอความอนุเคราะห์ทางพื้นหรือยัง” สมศักดิ์หันไปหาลูกน้องตัวเอง


“เรียบร้อยครับนาย” โม่งเอ่ย


“ถ้าอย่างนั้นเราเดินทางกัน อย่างไรต้องทำให้กระจ่างโดยเร็วทางผู้ใหญ่สนใจอยู่” สมศักดิ์กล่าว กระชับอีกครั้งจากนั้นทุกคนพร้อมเดินทาง

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ 


    อากาศยามเช้าเย็นสบาย แว่วเสียงประกาศในหมู่บ้านดังแว่วมา  แม้จะอยู่ในช่วงฤดูพระพิรุณ พระพายยังหอบเอาความชื่นมาให้ หน่อเนื้อสองหนุ่มต่างให้ไออุ่น ซึ่งกันและกัน ชายหนุ่มร่างสันทัดกว่าซุกตัวตรงอกหนา นกกระจิบร้องริมหน้าต่าง ปลุกให้ชายอัฐณพรู้สึกตัว พอจะขยับกายก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพกาย ลืมตามองหน้าอก ความรู้สึกมื้อคืนกลับมาในห้วงความคิด


“ไอ้ดาร์ว ไอ้เลว” อัฐณพผลักให้หนายหนุ่มอีกคนออกจากร่าง ซึ่งไร้แรงตอบโต้เช่นกัน


“ตื่นขึ้นมานะ แกไอ้ ๆ.....” อัฐณพคิดหาคำสบถ แต่ก็ไร้วี่แววของอีกคน อัฐณพชักไม่แน่ใจ เลยเข้าไปขยับร่าง


“อุ้ย ตัวร้อนเลยหรือเนี้ย” อัฐณพพูดกับตัวเอง



“ไอ้ดาร์ว ๆ” อัฐณพปลุก ใช้ฝ่ามือตบที่แก้มเบา ๆ ซึ่งอีกฝ่ายยังเงียบอยู่



“เฮ้ย อย่างมาตายในนี้นะเว้ย” อัฐณพร้องขึ้น ใช้สมองครุ่นคิด แล้วรีบลงไปชั้นล่าง ในสภาพเปลือยเปล่า หาผ้าเช็ดตัว ขึ้นมาพร้อมกับกะละมังใบเล็กและน้ำธรรมดา จากนั้นจึงทำการเช็ดตัวให้อีกฝ่าย พร้อมกับสำรวจร่างกายของคนที่หยังหลับแบบพิจารณา


“พ่อเทพบุตร ทำไมต้องเป็นคนชั่ว คนเลวได้ หน้าตาก็ดี ทำผิดซ้ำไปซ้ำมา สงสารก็แต่พ่อแม่ ญาติพี่น้อง” ปากบ่นไป ก็เช็ดตัวไป จนมาถึงจุดยุทธศาสตร์ จากหนอนชาเขียวเริ่มกลายเป็นปลาชะโดตัวใหญ่ อัฐณพหน้าแดง


“อย่ามาหาเรื่อง ตายตอนนี้นะเว้ย” อัฐณพขู่ ปลาชะโดเลยต้องกลับมาเป็นหนอนชาเขียว ยอมรับกับตัวเอง รสชาติแปลกๆ ที่ได้รับ มันทำให้รู้สึกสับสนอย่างไรชอบกล หันไปมองนาฬิกาปลุกข้างหัวนอนบอกเวลาเก้าโมงเช้า พอจะลุกขึ้นอีกครั้งก็รู้สึกระบบไปทั้งตัว โดยเฉพาะช่วงล่าง ความรู้โล่ง ๆ พอได้สติก็ตัดใจลุกขึ้น ไปหาผาเช็ดตัวมาพันรอบกายมองไปดูอีกคนที่นอนอยู่ไม่ห่มผ้าปล่อยกายเปลือยเปล่า ก็รู้สึกโกรธอย่างแรง ชาตินี้อย่าได้เผาผีกันเลย ไปตายไหนก็ไปซะ  อัฐณพ ค่อย ๆ เดินผ่านร่างที่นอนนิ่ง ก็ได้ยินเสียงครางเบา ๆ


“หิวน้ำ” สาโรชออกแสนจะยากเย็น


“เซ็ง ต้องให้ดูแลกันอีกแล้ว หายคราวนี้ไล่ออกจากบ้านไปเลย” อัฐณพพูดด้วยความโมโห


“น้ำ.......หนาวๆ” สาโรชเอ่ยซ้ำๆกันไป


“แน่ละซิ นอนแก้ผ้าตากลมอย่างนี้ ไม่ปอดบวมให้รู้ไป” อัฐณพจึงจำใจคลี่ผ้าห่ม ห่มให้แล้วรีบลงไปชั้นล่างถือขวดน้ำดื่มขึ้นมา



 “น้ำได้แล้วนะไอ้ดาร์ว ลุกขึ้นมากิน” อัฐณพพูดเสียงห้วน ๆ ด้วยอารมณ์โกรธยังไม่จางหาย สาโรชปรือตาขึ้น หนังตาหนักเสียเหลือเกิน อัฐณฑจ่อขวดน้ำที่ปาก สาโรชรีบดื่มจนสำลัก


“จะตายเพราะสำลักน้ำนี้ละไม่ได้ตายเพราะไข้ ไหนเอาแผลมาดูซิ” อัฐณพกล่าวพลักให้สาโรชลงนอนอีกครั้งจากนั้น จึงร่นผ้าห่มออก  ดูตรงแผลที่ตัวเองกัดมื้อคืนเริ่มบวม นี้คือสาเหตุ


“ต้องกินยาแก้อักเสบ” อัฐณพกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง หันไปคว้าซองยาที่เหลืออยู่ออกมาแกะแล้วป้อนให้ตามด้วยน้ำ คนถูกป้อนคว้ากอดคนป้อนยาเอาลงไปนอนอีกครั้ง แรงกอดเริ่มแน่นเข้า


“ไอ้ดาร์ว ปล่อยหายใจไม่ออก” อัฐณพประท้วง ไร้การตอบรับ


“หนาว ขอกอดคลายหนาว” สาโรชเอย พลางแกะและดึงผ้าเช็ดตัวพันกายของอัฐณพออก อัฐณพตกใจไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะทำอะไร สาโรชรวบตัวแล้วกอดไว้อีกครั้ง อัฐณพหน้าแดงจนร้อน เมื่อร่างกายต่างสัมผัสกัน ความรู้สึกเริ่มมาอีกแล้ว จากหนอนชาเขียวปลายเป็นปลาชะโด


“ไม่เอา ตอนนี้เจ็บอยู่เลย” อัฐณพพูดอ่อนหวานทำให้อีกคนรู้ดีมากจึ่งรัดอ้อมกอดเข้าอีก


“พักรักษาตัวก่อน” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ สาโชเริ่มสงบลง


“ตอนนี้พี่บอกอะไรไม่ได้ เมื่อถึงเวลาพี่จะบอกเอง เชื่อพี่นะ” สาโรชเอ่ย แววตามุ่งมั่นมองมา อัฐณพหลบสายตา พยายามดิ้นแต่อีกฝ่ายก็คงกอดไว้เหมือเดิม


“จะต้องบอกอะไร ไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งนั้น” อัฐณพเอ่ยออกมา ความรู้กำลังคัดค้านกันเอง


“พวกค้ายา ขนยาเสพติด ชั่วทุกคน” อัฐณพเอ่ยต่อ


“พี่ไม่ชั่วก็แล้วกัน”สาโรชกล่าว แล้วคลายอ้อมกอดออก ปล่อยให้อีกคนเป็นอีสระ จึงไปนอนที่นอนตัวเอง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
   รถยนต์กลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้าสู่สถานีขนส่ง ชัชวาลลงจากรถ อัฐณพที่นั่งด้านหลังรีบเปิดประตูออกมา แล้วรีบมาเปิดประตูรถด้านหน้า


“ไหวไหมน้องนพ” ชัชวาลถามด้วยความห่วงใย


“ไหวครับพี่ชัช ขอบคุณมากนะครับที่มาส่งพวกเรา” อัฐณพเอ่ย พลางพยุงร่างของชายหนุ่ม


“ขอบคุณมากนะครับพี่” สาโรชพยายามเอ่ย


“อือ ไม่เป็นไร รีบไปหาหมอเถอะ” ชัชวาลตอบพร้อมตบที่ต้นแขนชายหนุ่มเบา ๆ


“ลืมไป ยังไม่ได้เอากระเป๋าออกมาเลย” ซัชวาลกล่าวพร้อมไปเปิดประตูรถอีกด้านแล้วยกกระเป๋ามาให้


“ขอบคุณครับ” อัฐณพกล่าวขอบคุณ


“แล้วกลับมาเที่ยวบ้างนะ หนุ่ม”ชัชวาลกล่าวซึ่งหมายถึง สาโรชนั้นเอง อัฐณพทำหน้าสงสัยและรู้สึกอย่างไรไม่รู้


“คงไม่มาแล้วละพี่ชัช” อัฐณพเองเป็นคนตัดสินในพูดออกไป สาโรชจึงแอบชำเลืองมอง เขาคงไม่ต้องการเราแล้วละมั่งแบบนี้ อัฐณพพยุงสาโรชไปนั่งที่ชานศาลารอรถ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่ดีขึ้น อัฐณพจึงพาไปที่คลินิกใกล้ ๆ กัน


“วัดดวงเอาละกัน” อัฐณพเอย แล้วพยุงเข้าไปภายใน 


“คนไข้ชื่ออะไรค่ะ” พนักงานคลินิกเอยถาม


“เอ่อคือ...” อัฐณพติดอ่าง


“อัฐณพครับ” คนข้าง ๆ ตอบแทน พนักงานคลินิก รีบจดรายชื่อ


“นั่งรอสักครู่นะคะ คุณหมอจะเข้ามาอีกชั่วโมงคะ” พนักงานคลินิกกล่าว


“ทำไมไม่แจ้งชื่อนาย” อัฐณพกระซิบ กับคนเจ็บที่นั่งอยู่ข้าง ๆ


“จะให้พี่โดนจับหรือไง” สาโรชกล่าว อัฐณพถอนหายใจ


“ฉัน ไม่มีพี่อย่างนาย” อัฐณพเริ่มฉุน ได้ยินคำนี้มาตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วรู้สึกอย่างไรไม่รู้ แต่ก่อนเรียกแต่นาย ๆ พอมามีเรื่องเกิดขึ้น กลับกลายได้พี่ได้น้องเพิ่มชะงั้น อัฐณพหันไปมองด้านนอกแทน 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    เป็นอันว่า การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้ มีบุคคลติดสอยห้อยตาม โดยมีชายหนุ่มร่างใหญ่ นั่งพิงไหล่ไปตลอดทาง รถเคลื่อนออกมาเรื่อย ๆ ผ่านหมู่บ้าน ผ่านตำบล


“หมอฉีดยาแก้อักเสบให้แล้ว และทานยาตามนี้นะคะ” หมอสาวกล่าว อัฐณพหยิบซองยาขึ้นมาดู


“ระวังหน่อยนะคะ เล่นกันก็ระวังด้วย ริมฝีปากคนเราอาจจะมีเชื้ออยู่ ต้องระมัดระวัง” หมอสาวกล่าวต่อ อัฐณพทำหน้าตกใจ ทำไหมหมอถึงรู้ว่าโดนกัด หันไปดูอีกคนที่นั่งทำตาปรือ จะหลับให้ได้


“หมอดูจากบาดแผล คนเราคงก้มลงกัดตัวเองไม่ได้แน่นอน” หมอสาวกล่าวต่อ อัฐณพยิ้มเขิน ๆ


“แล้วทำไม เขาเป็นแบบนั้น” อัฐณพถาม หมอยิ้มให้


“พอดีหมอให้ยานอนหลับไปด้วย จะได้พักผ่อนยาว ๆ” หมอสาวอธิบาย


“ชวยเลยที่นี้” อัฐณพพูดออกมา จึงเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ ชายหนุ่มสองคน คนหนึ่งหน้าใสแต่บึ่ง อีกคนหน้าครึ้มไปด้วยเคราเข้ม นอนพิงไหล่ ตลอดทาง ‘ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ของให้นักเท่าเดิม .......’  ริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้น อัฐณพรีบล้วงเข้าไปใน
กระเป๋าเสื้อ เอาออกมาดู หมายเลขที่ปรากฎบนหน้าจอเป็นหมายเลขแปลกๆ 


“สวัสดีครับ นพพูดสายครับ” อัฐณพรีบกดรับ เพราะเสียงเริ่มรบกวนคนอื่น ๆ แล้ว


“สวัสดีครับ พี่กรเองครับ” ปลายสายตอบมาก่อน อัฐณพสะดุ้ง ได้หมายเลขโทรศัพท์ไปได้อย่างไรเนี้ย


“ครับพี่กร ว่าไงครับ ตอนนี้นพกำลังเดินทางกลับบ้านครับ”  อัฐณพกล่าวกลับไป คนข้างๆ เริ่มยุบหยิบ แถมกระแอมใส่


“พี่กรมาหาน้องนพ ตามใจเรียกร้องครับ แต่ไม่พบ” นิติกรหยอดคำหวาน เสียงปลายสายดังทำให้คนที่นอนอยู่ได้ยิน ลืมตาขึ้นมอง แล้วลุกขึ้นนั่งตัวตรง 


“ออครับ ....เดียว” อัฐณพยังพูดไม่ทันได้จบ มือใหญ่ก็คว้าหมับที่โทรศัพท์ ก่อนจะทิ้งลงพื้น ใช้เท้าขยี้ให้แตกละเอียด สายตาคนข้าง ๆ หันมาดูเหตุการณ์


“ไอ้ดาร์ว” อัฐณพลุกพรวดขึ้นทำท่าจะกินเลือดกินเนื้อ สายตาหลายคู่หันมามอง เกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น


“รบกวน คนจะหลับ” สาโรชเอ่ย เสียงเข้ม อัฐณพรู้สึกเจ็บแปลบ อารมณ์โกรธพุ่งปรี๊ด น้ำตาความอ่อนแอความพ่ายแฟ้ไหลออกมา จนต้องนั่งลงนิ่งๆ หน้าเชิดขึ้นหันไปมองหน้าต่าง ปล่อยความเงียบให้ครอบงำอีกครั้ง สาโรชจึงพิงไหล่ตามเดิน อัฐณพขยับจนคนนอนหลุดไหล่ลง รถโดยสารประจำทางเดินทางมานานแล้ว อัฐณพยังคงนั่งเชิดหน้าอยู่ริมหน้าต่าง สาโรชเห็นดังนั้น จึงเอื้อมมือรั้งให้อัฐณพหักบ้าง อัฐณพขัดขืนเล็กน้อย เวลานี้ทุกคนในรถกำลังหลับ เลยไม่อยากทำให้เกิดความรำคาญ จำต้องยอมผ่อนตาม อารมณ์โมโหยิ่งเพิ่มทวี ทำให้น้ำตาไหลออกมาอีก


“จุ อย่าทำเป็นเด็ก” สาโรชทำเสียงปราม กระซิบเบา ๆ


“ถึงบ้านเมื่อไร ตายแน่ไอ้ดาร์วซินโดม ไม่ปล่อยไว้เป็ฯเสี้ยนหนามสังคมหรอก” อัฐณพพูดเบา ๆ กับตัวเอง แต่ก็ยอมนอนพิงอกกว้างของชายหนุ่ม  สาโรชได้ทีจึงโอบกอดกระชับให้อัฐณพอยู่ในวงแขนให้เกิดความอบอุ่น อัฐณพรู้สึกอึดอัดจึงศอกถองเข้าสีข้างตรงแผล


“อุ๊ป” สาโรชอุทาน พยายามกลืนก้อนจุกให้ลงท้อง แล้วจึงเงียบเสียง รถโดยสารประจำทางมุ่งหน้าต่อผ่านไปหลายชั่วโมง จากที่ขัดขืนความอ่อนแอของร่างกายต้องพ่ายแพ้ จึงซุกหน้าเข้าอกกว้าง อัฐณพหลับอย่างสบาย แสงไฟจากเสาไฟข้างทางทำให้เห็นใบหน้าเรียวยาวรับจมูกโด่ง ๆ บ่งบอกนิสัย ดื้อ รั้น ริมฝีปากแดงจิ้มลิ้ม คิ้วหนาดำรับกับใบหน้าที่ขาวนวล คงนอนฝันดีแน่น อยากเก็บห้วงเวลานี้ไว้นาน ๆ สาโรชยิ้มกับตัวเอง ร่างที่หลับกอดตอบคงเพราะหนาวจากเครื่องปรับอากาศ  สาโรชจึงขโมยหอมตรงไรผม ถามใจตัวเองว่า แปลกหรือ ที่รู้สึกผูกพันกับคนที่กอดเขาอยู่ตรงนี้ ผู้หญิงหลายคนเคยทอดสะพาน ก็ไม่เคยวอกแวก หรือจะไม่ชอบ แต่ก็เคยผ่านผู้หญิงหลายคนมาเหมือนกัน ไม่ใช่ผู้ชายบริสุทธิ์อะไร แต่ผู้หญิงเหล่านั้นก็สร้างความลำบากใจ จนไม่ต้องการมีชีวิตคู่ กลับคนนี้ ที่ยังจำได้ วินาทีที่พยายามช่วยชีวิตคนที่กำลังจะตาย ด้วยความมุ่งมั่น ไม่เคยรังเกียจว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้า อาจจะระแวงอยู่บ้างว่าเป็นพวกขายยา อืม แต่ก็ยอมมาดูแลอย่างดี ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา รู้สึกว่าห่วงตลอดเวลา กลัวจะไม่รอด เอ้หรือคิดว่า เป็นสัตว์ทดลองวะ ก้มมองดูอีกครั้ง ทำไงได้ เกินเลยมาขนาดนี้แล้ว จะลองสักตั้งวะ


“ผู้ชายคนนี้ขอดูแลครูนพจนแก่จนเฒ่า พี่โรชให้คำมั่นสัญญานะ” สาโรชเอ่ยเบา ๆ พรางจูบเบา ๆ ที่กลางกระหม่อม 


“อะไร เจ็บแผลหรอ ระวังนะไอ้ทำลายชาติ” เสียงพูดเบาๆ ทำเอาสาโรชสะดุ้งเล็กน้อย ก้มดูใบหน้าอีกครั้ง ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียงจากริมฝีปากน้อย ๆ นั้น ขมุบขมิบ สาโรชอดขำ หลับ เออ ละเมอ  ขนาดนี้ยังห่วงอีก คิดว่านิสัยดีแน่ ๆ เรื่องอื่น ๆ ค่อย ๆ แก้กันไป พลางกระชับกอด


“ว่าไงครับคุณนายของพี่” สาโรชเอยเบาๆ คลี่ผ้าห่มมาคลุมร่างทั้งสองคนอีกครั้ง



   รถโดยสารประจำทางเข้าจอดเทียบท่า ผู้โดยสารหลายคนกำลังเก็บสัมภาระต่าง ๆ แล้วทยอยลงจากรถ

“คุณครับ รถหมดระยะแล้วครับ” พนักงานขับขึ้นมาสำรวจความเรียบร้อยเอ่ย สองหนุ่มสะดุ้งสะลืมสะลือขึ้นมา อัฐณพกำลังงงว่านอนหนุนอกอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่


 “ดาร์ว ๆ ถึงแล้ว” อัฐณพเขย่าเล็กน้อย


“อือ รู้แล้ว” สาโรชเอ่ยพลางบิดขี้เกียจ อาการเจ็บหายแล้ว แต่ก็เอามือลงลูบตรงบาดแผล หันมองคนข้าง ๆ ทำหน้าบึ้ง เหมือนโกรธมาเป็นชาติ


“จะลุกไหม” อัฐณพเอ่ยน้ำเสียงเข้ม สาโรชมองดู มองดูนาฬิกาตรงพนังหน้ารถ เวลาเก้านาฬิกากว่า   


 “ถึงแล้วหรือคุณนาย” สาโรชพูดกึ่งหยอก แต่อัฐณพไม่ได้ยินเก็บสัมภาระลงมาจากช่องเก็บของ สาโรชจึงต้องลุกแล้วถอย อัฐณพลุกเดินลงจากรถด้านหน้า สาโรชรีบตามลงจากรถด้วย


“รอพี่ด้วย คุณ ...นาย”  สาโรชเอ่ยเบาๆ อัฐณพหันซ้ายทีขวาที วันก่อนนัดกับนิมิตไว้ ว่าจะมารอรับที่สถานี สงสัยไม่มาแน่ๆ เนื่องจากผิดเวลานั้นเอง


“รอคนไม่สบายด้วยซิ” สาโรชประท้วง


“นายไม่มีที่จะไปแล้วหรือ นายดาร์ว” อัฐณพหันมาเอ่ย กับชายหนุ่มที่เดินตามมา จนเกือบชน


“จะช่วยก็ขอให้ไปตลอดรอดฝั่งได้ไหม” สาโรชเอ่ย ด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ขอความเห็นใจ


“นายจะตามไปบ้าน ฉันไม่ได้” อัฐณพพูดเสียงเข้ม สาโรชเมมริมฝีปากเป็นเส้นตรง


“ถ้าอย่างนั้น ขอให้แผลนี้หาย จะไปตามทาง” สาโรชเอ่ย อัฐณพรู้สึกใจหายอย่างไรชอบกล ถอนหายใจออกมาเบา ๆ


“รอตรงนี้ จะไปซื้อยาให้อีก” อัฐณพเอ่ย


“คงอยากให้ไปเร็ว ๆ มั่งแบบนี้” สาโรชเอ่ย ในใจยังรู้สึกขอบคุณ อือก็ยังเป็นห่วงอยู่ แล้วยิ้มให้คนที่กำลังเดินไปร้านยา ท่าเดินแปลกๆ ปกติจะเดินก้าวซับๆ และเร็ว คราวนี้ทำไมเดินช้า หรือว่าคงยังเจ็บอยู่ บ่อย ๆ เดี๋ยวก็หาย อดขำไม่ได้ ชายหนุ่มร่างสันทัด ผมรองทรงสูง เสื้อเข้ารูปกางเกงยีน แต่เดินคล้ายขาไม่เท่ากัน  ที่ว่าซื้อยาให้นี้ อย่าซื้อให้ตัวเองด้วยนะคุณนาย อดขำจนตัวงอไม่ได้ สาโรชมองโดยรอบ เป็นเมืองที่น่าอยู่เหมือนกันนะ ลองพิจารณาคนที่เดินจับจ่ายของ คงเป็นคนที่มีจิตใจดี เหมือนกันชายหนุ่มคนนั้นที่ไปหาซื้อยามาให้นั้นเอง มองดูอะไรอย่างเพลิดเพลิน 


“ยาลดไข้ครับ” อัฐนพเอ่ย เมื่อเข้าไปในร้านขายยา


“ไม่สบายเป็นอะไรครับ”เภสัชกรสอบถาม


“เป็นไข้ครับ” อัฐณพตอบ ประตูร้านขายยาถูกผลัดเข้ามา ชายหนุ่มผู้มาใหม่เข้ามาพิจารณา


“นพหรือเปล่า?” เสียงทักดังขึ้น อัฐณพหันไปตามเสียง กำลังทบกวนว่าบุคคลตรงหน้าที่นี้คือใคร ชายหนุ่มตรงหน้า ร่างสูง อวบนิดหนึ่ง ไม่ถึงกับอ้วน เริ่มมีเนื้อมีหนัง


“เรามิตไง” ชายหนุ่มแนะนำตัว อัฐณพยิ้มออกโผเข้ากอด ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกันได้รับการปกป้อง


“นิมิต นายจริง ๆ ด้วย นายไม่เคยทิ้งเรา” อัฐณพกระโดดกอดคอ


“โอยๆ หนักเว้ย จะทิ้งก็ตอนนี้ละ” นิมิตกล่าวพร้อมรั้นให้คนตัวเล็กกว่า ยืนให้มั่น


“อย่าพูดแบบนี้นะ เพื่อนกันแล้วไม่ทิ้งกันนะเว้ย” อัฐณพกล่าว ค้อนให้เพื่อนวงใหญ่


“ทำไม ไปทำอะไรมา ถึงกับมีเนื้อมีหนังขนาดนี้ แต่ก่อนผมกว่าเราอีก” อัฐณพกล่าว นิมิตกางแขนแล้วหมุนตัวให้ดู


“ถ้ารักกันจริงอย่าทักท้วงเรื่องนี้ เป็นเหมือนปมด้อย เลยนะเนี้ย เอาเป็นว่าพ่อแม่เลี้ยงดี” นิมิตกล่าว พลางทำท่าให้ไปดูเจ้าของร้านยา   


“ออ ลืม สักครู่นะ” อัฐณพหันไปจ่ายเงินกับเจ้าของร้านขายยา


“เป็นอะไรจึงต้องมาซื้อยา” นิมิตถามขึ้น อัฐณพชะงัก



“ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันเถอะ” อัฐณพชวน นิมิตจึงออกจากร้านตามมา


“รอตั้งแต่บ่าย ทำไมเพิ่งถึง  โทรไปก็ปิดเครื่อง” นิมิตกล่าวตามหลัง 


“มีปัญหานิดหน่อย” อัฐฯพตอบยิ้ม


“ปัญหาอะไร ให้เพื่อนคนนี้ช่วยได้ไหม” นิมิตเอ่ย พยายามข่มใจตัวเอง ตอนที่เห็นอัฐณพลงมาจากรถเขาก็รู้สึกหัวใจเต้นตุ้ม ๆต่อมๆ แล้ว ดูว่าอัฐณพนั้นไม่ค่อยจะเปลี่ยนไปจากเดิมเลย เขาจำได้ดี สมัยเด็ก เคยเล่นกันยังไง อัฐณพก็ยังเป็นอย่างนั้น แม้ว่าชายหนุ่มนั้นจะรู้สึกดี รู้สึกเกินคำว่าเพื่อน แต่อัฐณพก็ยังคงเส้นคงวา


“นพยังเหมือนเดิม” นิมิตเอ่ยต่อ ขณะที่เดินตามหลังมา อัฐณพจึงหันมามองหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง


“เราเหมือนเดิม” อัฐณพกล่าว โผเข้ากอดชายหนุ่มตรงหน้า ท่ามกลางสายตาหลาย ๆ คู่ที่มองมา แต่ไม่เท่ากับสายตาของชายหนุ่มอีกคน สันกรามขึ้นนูนอย่างเห็นได้ชัด พายุอารมณ์เริ่มก่อตัว แต่แสดงออกทางสายตาและสีหน้า ตัดสินใจเดินข้ามฝากถนนมาหาคนทั้งคู่

หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 6 หวาน ขม กล้ำกลืน (20/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 20-02-2019 23:22:25
ปลัดหึงแล้ว  :serius2:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 6 หวาน ขม กล้ำกลืน (20/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-02-2019 00:08:27
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 6 หวาน ขม กล้ำกลืน (20/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-02-2019 00:42:06
ตายแน่ครูนพ ทำอะไรไม่ระวัง อ้อ ยังไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบหึงอยู่
 :hao3:  :hao7:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 6 หวาน ขม กล้ำกลืน (20/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-02-2019 01:57:31
พายุหึงมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 6 หวาน ขม กล้ำกลืน (20/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 21-02-2019 13:53:28
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 6 หวาน ขม กล้ำกลืน (20/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 25-02-2019 08:18:56
ครูก็ดีใจหาย
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ (28/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 28-02-2019 13:51:23
บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ

   พายุอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความหึงหวง โหมเข้าสู่หัวใจ ทำไมต้องทำตัวแบบนี้ เห็นคนอื่นดีกว่าตัวเขาไปได้ ขาก้าวเดินเท่าความคิด พุ่งตรงไปยังร่างทั้งคู่ที่กอดรัดกันอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะรอยยิ้มอย่างกับคนรักที่เพิ่งจะพบกันนั้นเอง


“ยิ่งกอด ยิ่งอุ่น”อัฐณพเอ่ย ยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้า


“ทำอะไรกัน” เสียงดังมาจากบุคคลอื่น สองหนุ่มหันไปตามเสียง นิมิตมองมาทำหน้าไม่ถูก ผู้ชายตรงหน้า สูง ผมเผ้ายาวหนวดยาวจนจะปิดใบหน้าสีเข้ม สายตาปานเหล็กล้า ใส่เสื้อกระดุมแทบปริ กางกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบเก่า ๆ  หันไปมองเพื่อนที่พบกันทำหน้าสงสัย


“เสร็จหรือยัง” สาโรชเอยขึ้นห้วนๆ เหมือนจะหาเรื่อง แล้วหันไปสบตากับนิมิต อัฐณพหันหน้าประจัน ท่าทีปกป้องชายหนุ่มผู้มาใหม่ ทำให้สาโรชเจ็บนิด ๆ 


“เสร็จแล้ว กำลังจะกลับ อย่ามาทำเป็นเจ้าถิ่นที่นะ” อัฐณพตอบเสียงพูดห้วน ๆ เช่นกัน เพราะถือว่าตัวนั้นมีเพื่อนแล้ว


“ใครนพ เพื่อนหรอ” นิมิตถามเพื่อความแน่ใจ จ้องอีกฝ่ายกลับเช่นกันอย่างไม่ยอมแพ้


“ใช่ หรือมากกว่า” สาโรชตอบแทนพยายามทำให้อีกคนเข้าใจในความคิด


“อะไร คือมากกว่า อย่ามาพูดให้คนอื่นเข้าใจผิดนะ” อัฐณพกล่าวพร้อมผลักให้สาโรชถอยห่าง


“นพ พอ ๆ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่” นิมิตเข้ามาดึงอัฐฐณพไว้


“อย่ามาพูดแบบนี้นะ” อัฐณพชี้หน้าอีกคน


“นพ ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ต้องไปหาเรื่อง” นิมิตพยายามเตื่อนสติ แล้วดึงให้อัฐณพห่างออกมา สาโรชยืนมองแล้วรีบก้าวตามมา


“จะให้บอกไหมว่าเป็นอะไรกัน” สาโรชเอ่ย อัฐณพจึงยอมหยุด นิมิตสะดุดค้าง


“ตกลงเป็นเพื่อน” นิมิตเอ่ยหันมามองอัฐณพ


“ไม่ใช่” อัฐณพสวนออกมา สาโรชทำท่าหยักไหล่ ยิ้มยี่ยวนให้อัฐณพ


“อาว ใช่หรือไม่ใช่” นิมิตกล่าวย้ำอีก มองหน้าสลับกันไปมา 


“ใช่/ไม่ใช่”สาโรชและอัฐณพตอบขึ้นพร้อมกัน


“เอา เป็นว่า มีคนติดตามเรามานะ นิมิต” อัฐณพเอ่ยต่อ เพราะนิมิตเริ่มสงสัยมากแล้ว อีกอย่างคนที่อยู่ข้าง ๆ นี้ก็พร้อมที่จะเปิดเผยตัวตนอยู่แล้ว ทั้งหมดจึงยุติเรื่องทั้งหมด นิมิตเดินนำหน้าไปก่อน อัฐณพถอนหายใจเดินตาม สาโรชจึงค่อยออกเดิน สักครู่อัฐณพหยุดยืน


“อุย หยุดยืนทำไม” สาโรชเอ่ย เมื่อชนเข้าเต็มแรง


“จะเข้าบ้านตอนนี้ไม่ได้” อัฐณพเอ่ย



“มีอะไรอีกหรือเปล่านพ” นิมิตกลับมาหาอัฐณพ สายตามองสาโรชไม่ค่อยไว้วางใจ



“นิมิตเอารถอะไรมารับเรา” อัฐณพถามนิมิต


“รถมอไซต์” นิมิตตอบ อัฐณพทำท่าครุ่นคิด


“ถ้าอย่างนั้น เราขอความช่วยเหลือจากนายหน่อยได้ไหม” อัฐณพเอ่ย


“ได้ซิสำหรับนพ เรายอมช่วยตลอด” นิมิตกล่าว



“หาชุดให้ผู้ชายคนนี้ที กลับบ้านแม่เพ็งกระบาลแน่” อัฐณพเอ่ย นิมิตพยักหน้าเข้าใจ



“เราจะอยู่ที่ร้านตัดผมนะ” อัฐณพเอ่ยต่อ นิมิตยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู



“จะดึกแล้ว ร้านมันจะเปิดไหม” นิมิตกล่าว



“ขอร้องละช่วยเราสักครั้ง” อัฐณพกล่าวพลางคว้ามือของนิมิตมากุมไว้ นิมิตชั่งใจสักครู่แล้วพนักหน้า



“ตรงหัวมุมนั้นมีร้านตัดผมนะ อีกสามสิบนาทีเจอกันที่นั้น” นิมิตกล่าวพลางชี้มือไปที่ร้าน


“เดี๋ยวมิต เราไปด้วย เอาตัวนายนี้ไปที่ร้านก่อน” อัฐณพเปลี่ยนใจ หันมาคว้ามือของสาโรชเดินนำไปที่ร้านที่นิมิตบอก ซึ่งพอดีกับทางร้านกำลังจะปิดร้าน 


“ขอโทษครับช่าง ผมขอให้ช่วงช่วยแปลงโฉมเขาให้ผมที” อัฐณพเอ่ยอย่างเกรงใจ ช่างตัดผมจึงกวักมือเรียกให้สาโรชเข้าไป


 “ทรงไหนดีครับ” ช่างตัดผมถาม สาโรชมองตัวเองในกระจก ก็รู้สึกตกใจ ปล่อยตัวได้ถึงเพียงนี้ 


“เอาสั้น ๆ นะช่าง” อัฐณพเอ่ย


“จะดีหรอ ต้องตามใจเจ้าของผม” ช่างตัดผมเอ่ย



“ตามใจเขาครับช่าง เขาอยากได้อะไรก็ตามใจเขาเถอะผมยอม” สาโรชเอ่ยกึ่งประชด อัฐณพสบตาผ่านกระจก นึกมั่นไส้ยิ่งนัก



“ตัดคอเลย ช่าง อยากรู้นัก” อัฐณพประชดคืนเสียเลย



“ตายเลยนะครับนั้น” ช่างตัดผมหันมาทางอัฐณพ


“นพ ไปกันเถอะ ร้านจะปิดนะ” นิมิตค่อยดึงอัฐณพออกมา ถึงหน้าประตู


“เอาทรงเดิมก็ได้ครับช่าง” สาโรชกล่าวรู้สึกเริ่มร้อนๆหนาวๆ


“เสร็จแล้วคอยที่นี้ก็แล้วกัน เดียวมา” อัฐณพเอ่ย นิมิตจึงดึงออกจากร้านตัดผม เมื่ออยู่กันสองคนนิมิตจึงเอ่ยถาม



“ตกลงเขาเป็นเพื่อนหรือเปล่านพ” นิมิตถามเดินเคียงข้างและหันไปที่ร้านตัดผม



“เฮ้อ เรื่องมันยาว ตอนนี้พูดอะไรไม่ได้” อัฐณพตอบ



“ขนาดนั้นเชียวหรอ มีอะไรบอกเราได้นะเราจะอยู่เคียงข้างนายเสมอ” นิมิตเอ่ยอีกครั้ง อัฐณพหันมามองด้วยความรู้สึกขอบคุณ



“เมื่อถึงเวลา เราจะบอกนายเองมิต” อัฐณพเอ่ยอย่างกับเหนื่อยมาเป็นปี ๆ แล้วพิจารณารูปร่างของนิมิตอีกครั้ง



“หุ่นคงเกือบพอ ๆ กัน คงได้อยู่หรอก” อัฐณพกล่าวต่อ พร้อมเดินเข้าร้าน เลือกชุดใหม่สามชุด แบบลำลองแขนสั้น



“เอาตัวเล็กลงกว่าเพื่อนผมก็ได้ครับ” อัฐณพเอ่ยเมื่อเจ้าของร้านเลือกชุดมาให้ตามที่ชายหนุ่มต้องการ ทั้งสองลองเลือกชุดมาดู



“นิมิต จะเอาไหม เราออกให้” อัฐณพเอ่ย นิมิตรู้สึกลังเลนิดหนึ่ง



“เอาน่า เราได้ทำงานแล้ว เราซื้อให้มิต” อัฐณพกล่าว และหันไปพักหน้ากับเจ้าของร้าน



“เราเพิ่งจบ เลยไม่ค่อยจะมีตังส์” นิมิตกล่าวอย่างเกรงใจ



“ก็ใครให้ออกไปทำไร่ทำสวนก่อนละ” อัฐณพแซว นิมิตเลยได้แต่เกาศีรษะ เพราะเศรษฐกิยมันย่ำแย้ไม่มีใครมาเห็นใจนัก นิมิตจำใจต้องมาทำงานช่วยพ่อแม่ก่อน



“พ่อบังคับให้เอาเมีย” นิมิตกล่าวออกมาจนได้



“ห๊า !!!! ทำไม เราไม่รู้เรื่องเลย” อัฐณพร้องเสียงดัง นิมิตอายหน้าแดงเป็นลูกตำลึง



“ตกลงมีลูกมีเมียหรือยัง” อัฐณพถามต่อ สนใจใคร่รู้ความเป็นไปของเพื่อน



“เราไม่เอา เหตุนพน่าจะรู้” นิมิตเอ่ยเศร้า ๆ อัฐณพเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน



“สักวัน มิตจะเจอคนที่ดี” อัฐณพเอ่ยปลอบใจเพื่อน



“นพพูดแบบนี้ คืออะไร” นิมิตถามกลับแทบจะทันที อัฐณพอ่ำอึ่ง



“เกี่ยวกับนายคนนั้นหรือเปล่า” นิมิตถามต่อ อัฐณพได้แต่ส่ายหน้า



“ตอนนี้ เราไม่พร้อมสำหรับทุกเรื่อง” อัฐณพเอ่ยออกมาเบา ๆ พอดีกับเจ้าของร้านนำชุดที่ได้มาส่ง อัฐณพจ่ายเงิน จึงได้ออกจากร้าน ทั้งสองกลับมาถึงร้านตัดผม ชายหนุ่มนั่งรออยู่ด้านหน้าของร้านพร้อมเจ้าของร้าน



“นึกว่าจะไม่มาเสียแล้ว” สาโรชเอ่ย ยิ้มอวดฟันขาวให้อัฐณพ นิมิตตะลึงนิดหนึ่ง แล้วมองเพื่อนสลับกับชายตรงหน้าไปมา ความรู้สึกใจหายเข้ามาแทนที่ มือเท้าเย็นเฉียบ




“เอานี้ ชุดใหม่เอาไปเปลี่ยนในห้องน้ำร้านก็ได้ ขออนุญาตนะครับคุณลุง” อัฐณพเอ่ยหันไปหาเจ้าของร้านพร้อมยื่นถุงชุดใหม่ให้กับชายหนุ่ม เจ้าของร้านพยักหน้าแล้วชี้เข้าไปในร้าน




“นพ รอเราที่นี้ก่อนนะ เราจะไปเอารถยนต์กับพ่อที่ทำงานพ่อ” นิมิตตัดสินใจเอ่ย หลังจากลังเลนิดหนึ่ง



“ไม่เป็นไร นิมิตเรากลับเองได้” อัฐณพรีบปฏิเสธ แต่ก็ช้าไปนิมิตรีบวิ่งกลับไปตรงที่จอรถจักรยานยนต์ไว้  อัฐนพจึงมาเคลียร์ค่าตัดผม ‘ไม่รู้จะได้คืนไหม แต่เอาเถอะ ช่วยให้ถึงที่สุด สักหน่อยคงไปอยู่ในคุก หรือไม่ก็ตายเพราะโดนยิงอีกครั้ง’ อีกด้านของร้าน ชายหนุ่มกำลังรื้อดูชุดที่อัฐณพซื้อมาให้ หยุดกางเกงในอีกสองตัวขึ้นมา



“เข้าใจเลือกให้ผัว คุณนายปลัด” สาโรชเอย แล้วอมยิ้มไป จากนั้นรีบเปลี่ยนชุดใหม่ทันที เปลี่ยนลุกซ์ไปอีกแบบจากที่เคยใส่แต่กางเกงขายาว เสื้อแขนยาว กลับเป็นกางเกงขาสามส่วน เสื้อแขนสันปล่อยชาย สีก็ถูกใจเพราะเลือกสีอ่อนไว้ไม่เน้นฉูดฉาด มองตัวเองผ่านกระจกก็ยิ้มไป



“ดาร์ว เสร็จหยัง” อัฐณพเรียกหน้าประตู



“เสร็จแล้ว” สาโรชเอ่ยพร้อมประตูถูกเปิดออก ทำให้คนที่อยู่นอกห้อง ตะลึง หนุ่มแอนดี้ วัชระ มาได้ไง อัฐณพถอยออกมาหน้าร้าน



“อาวคุณนาย ไปไหน รอพี่ด้วยซิ” สาโรชรีบหอบของตามออกมา ถึงหน้าร้าน เจ้าของร้านรีบปิดร้านทันทีเมื่อทั้งสองออกมาจากร้าน   



“นายดาร์ว นายเป็นใคร ทำไมมาขนยา” คำถามแรกที่ออกจากปากอัฐณพ พร้อมจ้องหน้า 



“เฮ้อ....ทำไม คนเราเลือกเกิดไม่ได้ รับไม่ได้ที่พี่เป็นแบบนี้หรือ” สาโรชเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง น้ำเสียงเรียบๆ



“เปล่า แค่แปลกใจ ว่าคนหน้าตาดี ๆ ทำไมถึงทำแต่เรื่องไม่ดี ไม่รู้จักคิดเสียก่อน” อัฐณพโพล่งออกมาทันที



“เรื่องอะไร ที่ไม่ดี” สาโรชตอบสวนกลับแทบทันทีแต่ยังคงน้ำเสียงเรียบๆ


“ก็......นายทำ   ร้าย    ฉัน” อัฐณพเอ่ยออกมา



“เคยทำร้ายตรงไหบ้าง” สาโรชตอบ ก้าวเดินเข้ามาประชิดตัว



“มื้อคืน นายทำอะไร”  อัฐณพกลั้นลมหายใจ เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สาโรชรู้ว่าคนที่ยืนข้างหน้าตัวกำลังสับสน กลั่นหัวเราะไว้ในที



“จริงหรือ พี่ทำร้ายหรือ เท่าที่รู้ นพผ่อนปรนตามพี่นะ” สาโรชเอ่ยเบาๆ เกือบกระซิบข้างใบหูแล้วยิ้มอย่างเป็นต่อ อัฐณพหน้าแดง อยากจะตะบันหน้าสักหมัด



“ไปเถอะเพื่อนคุณมาแล้ว” สาโรชกล่าวพร้อมฉุดแขนให้เดินตามไปที่รถยนต์ที่นิมิตขับมาจอดพอดี อัฐณพแสดงอาการไม่พอใจนิด ๆ  จะสะบัดออก คนอื่นจะมองว่าจริตเป็นกะเทยแตกสาว จึงต้องเดินตาม



“ผมนึกว่า คุณเป็นดาราหนัง” นิมิตเอ่ย เมื่อทั้งสองมายืนตรงหน้า อัฐณพและสาโรชเปิดประตูรถ นิมิตตั้งสติรีบกลับขึ้นรถเช่นกัน



“รับรองผมเป็นได้มากกว่านั้น” สาโรชตอบ พลางหันชำเรือง เห็นอัฐณพนั่งมองความดำมืดข้างทาง แสงจากเสาไฟทำให้เห็นสวนสนุกขนาดใหญ่



“นิมิต ตรงนี้เราเคยมาถ่ายรูปด้วยกัน เขาปรับใหม่แล้วหรอวะ” อัฐณพไม่สานใจเปลี่ยนเรื่องใหม่



“อือ เจ้าของที่เขาทำเป็นสวนสนุกให้เด็ก” นิมิตตอบ มองผ่านกระจกหลัง 



“ตอนนั้น เรายังมาที่นี้บ่อย ๆ น่าเสียดายจัง บรรยากาศตรงนี้ เราชอบมาก” อัฐณพกล่าวพร้อมหลับตาหวนนึกถึงสมัยเด็กรอยยิ้มจางๆปรากฏ



“เราก็ชอบ” นิมิตตอบน้ำเสียงราวกับอยู่ให้ห้วงแห่งความสุข บทสนทนาปลื้มกัน สาโรชรู้สึกไม่ชอบใจอย่างไรไม่รู้ เอ๊ะใจ หันมามองคนขับรถชัด ๆ อีกครั้ง 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   ตึกทำงานขนาดใหญ่ เวรยามรักษาการณ์อย่างแน่นหนา สายหญิงสูงวัย สองคนกำลังเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร


“เชิญคุณหญิงนั่งครับ” ชายสูงวัยเอยพลางผายมือไปยังโซฟาตัวนุ่ม หญิงสูงวัยนั่งลงตามคำเชิญ


“ได้ข่าวตาโรชแล้วหรอยังค่ะท่าน” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย ชายวัยกลางคนล้วงบางสิ่งจากอกเสื้อแล้วเรียกลูกน้องคนสนิท


“พิทักษ์ เอาอันนี้ไป ติดตามให้ได้นะ ตามเบอร์นี้ ความลับสุดยอด” ชายสูงวัยกำชับลูกน้อง ชายนามว่าพิทักษ์รับขึ้นมาเปิดดู


“ครับ” พิทักษ์รับคำแล้วถอยออกจากห้อง


“ตอนนี้เราได้เบาะแสเดียวคือ เบอร์มือถือ ที่จับสัญญาณได้จากการส่งข้อความออกมา” ชายสูงวัยเอ่ย


“ท่านคะ ในฐานะที่ท่านเป็นถึงหัวหน้าลูกชายดิฉัน ถามตรง ๆ นะคะ ลูกชายดิฉันจะได้กลับมาไหม” คุรหญิงพิมประภากล่าว น้ำตารื้อขึ้นมา สาโรชเป็นลูกชายคนเดียว คนสุดท้าย อุปนิสัยนั้นชอบในความท้าทาย มุทะลุเหมือนกับผู้เป็นบิดา ต้องการเอาชนะด้วยกำลังของตัวเอง จึงเป็นจุดบอดของการทำงาน   


“ผมพยายามถึงที่สุดครับคุณหญิง สาโรชเป็นมือดีของผม อย่างไรเสียเขาก็เปรียบเสมือนลูกชายผม พ่อเขาก็เพื่อนผม”ชายสูงวัยเอย


“ดิฉันกลัวใจเขานี้ละค่ะ ทำอย่างไรก็แก้ไม่หาย” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย สีหน้ามีแววกังวลเช่นกัน


“หาแฟนให้สักคน ผมว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้นมาเอง ผมมีลูกสาวคุณหญิง คุณนายนิสียดี ๆ หลายคน” ชายวัยกลางคนกล่าวอย่างอารมณ์ดี


“จะดี หรือค่ะ คราวก่อน ทำบ้านแทบแตก” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย นึกถึงครั้งก่อน ที่สามีเธอไปรู้สึกกับเพื่อนแล้วจะแนะนำให้ลูก ๆได้รู้จักกันจะได้มั่นหมายกันไว้ พอสาโรชรู้ว่าจะไปดูตัวถึงกับอาละวาท จนอีกฝ่ายต้องถอยกลับ สงสารก็แต่พ่อแม่ฝ่ายหญิง ที่ถูกลูกชายถอนหงอก ชายสูงวัยหัวเราะเบา ๆ เพราะเขาก็อยู่ในเหตุการณ์ สงสารหลานสาวก็สงสาร เป็นแม่เหย้าแม่เรือน มาเจอฤทธิ์พายุอารมณ์ก็เหวอเหมือนกัน


“ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ คุณหญิง คราวนี้เราก็ทำแบบให้มาเจอกันโดนบังเอิญก็ได้” ชายสูงวัยแนะนำ


“ไม่เอาหรอกค่ะ ท่านจะหาให้ก็เชิญคะ ดิฉันกลัว” คุณหญิงพิมประภามีท่าทีอ่อนลง และผ่อนคลาย


“ประทานโทษครับท่าน ตรวจสอบหมายเลขเป็นของค่าย.....แบบเติมเงิน ขณะนี้สัญญาณปิดครับ ผมให้เจ้าของค่ายเช็คหมายเลขนี้มีการโทรเข้าออกย้อนหลังที่ไหนบ้าง ในระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมามีการโทรเข้าหกหมายเลขที่ซ้ำ ๆ พิกัดจังหวัดชายแดน ครั้งสุดท้ายที่ใช้งานกำลังเดินทางขึ้นเหนือครับ ได้ตรวจสอบหมายเลขกับอีกหมายเลขที่โทรเข้า นี้คือเจ้าของเบอร์นี้ครับ” พิทักษ์ รายงานพร้อมยื่นกระดาษที่มีชื่อ อัฐณพ พร้อมสถานที่ ชายวัยกลางคนยิ้มออก


“ขอบใจมาก” ชายวัยกลางคนกล่าว พิทักษ์ คำนับแล้วถอยออกห่าง


“โล่งอก เท่าที่ผมได้รับข้อความที่เขาฝากไว้ ผมว่ามีชีวิตอยู่แน่” ชายวัยกลางคนหันมาทางคุณหญิงพิมประภา รู้สึกโล่งใจขึ้นด้วยเช่นกัน


“ฉันมีลูกชายเดียว ที่จะฝากเผาผี อย่าให้คนหัวหงอกมาส่งคนหัวดำก่อนเถอะค่ะท่าน” คุณหญิงพิมประภากล่าว 


 “ตอนนี้ขอให้ลูกน้องทางผมตรวจสอบ อีกครั้งก่อนคุณหญิง อย่าพึ่งตีโพยตีพายไปเลย” ชายวัยกลางคนปลอบ


“ดิฉันอดห่วงลูกชายไม่ได้ กลัวแต่ลูกจะเป็นอันตราย” คุณหญิงพิมประภากล่าว


 “คุณหญิง อย่าเพิ่งคิดมากเลยครับ คิดสิ่งดี ๆ ภาวนาให้สาโรชทำงานสำเร็จและปลอดภัย” ชายวัยกลางคนเอ่ย พร้อมกับไนไปทางพิทักษ์ที่ยืนข้าง ๆ


“แจ้งพิกัดที่ได้ไปหรือยัง” ชายวัยกลางคนกล่าว


“ส่งไปแล้วครับ ทางโน้นรอรับคำสั่งอยู่ครับ” พิทักษ์รายงาน


“ให้การช่วยเหลือ ปลัดสาโรชให้เร็วที่สุด และถ้าเขาขอความต้องการอะไรก็พร้อมส่งให้เขา” ชายวัยกลางคนเน้นย้ำ พิทักษ์คำนับแล้วออกจากห้องไป


“ผมว่า สาโรช ต้องมีข้อมูลอะไรบางอย่างแล้ว เพียงแต่ต้องการให้ได้มากขึ้น  ถึงยังไม่ติดต่อเรา ส่วนทางเราต้องหาคนที่ชื่ออัฐณพให้เจอ จะรู้ว่าสาโรชเป็นอย่างไร งานนี้ผมสนับสนุนเขาเต็มที่ อนาคต นายอำเภออยู่ใกล้ ๆ ไม่แน่ ถ้าผลงานเขาดีจริง ๆ ผมว่า ผู้ว่าฯ ก็ไม่พ้นมือเขา หรือจะได้เป็นอธิบดีด้วยก็ได้” ชายวัยกลางคนหมายมาด ทำให้คุณหญิงพิมประภายิ้มออกมา มองเห็นอนาคตของลูกชายแล้วก็ใจชื้นขึ้นเยอะ พิทักษ์เดินออกมาที่ห้องสื่อสาร


“เจ้านายอนุมัติคำสั่งให้ช่วยเหลือปลัดสาโรช โดยเร็วที่สุดและรัดกุมด้วย” พิทักษ์สั่งลูกน้อง


“ต้องแจ้งสายด้วยไหมพี่” เจ้าหน้าที่อีกคนเอ่ย


“แจ้งไปเลย” พิทักษ์ตอบ


“ทางอำเภอละครับ” เจ้าหน้าที่อีกคนถาม


“ไม่ต้อง ความปลอดภัยของปลัดสาโรชคือความลับสุดยอด” พิทักษ์เอ่ย เจ้าหน้าที่ที่ถามพนักหน้ารับ พร้อมจดรหัสบางอย่างส่งออกไป
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   รถยนต์จอดตรงหน้าบ้านพอดี เงาตะคลุมบนบ้านเกินออกมาตรงชาน ดวงยี่หว่านั้นเอง สาวร่างเล็กรีบลงมาจากบ้าน


“พี่นพมาแล้ว” เสียงหวีดร้องดังขึ้น อัฐณพรีบลงจากรถ โผสวมกอดกับน้องสาว


“ไอ้หว่าคิดถึงจัง แม่ละ” อัฐณพเอ่ยถามน้องสาว


“แม่ไปจำศีลที่วัดจ๊ะ พรุ่งนี้ออกศีล” ดวงยี่หว่ากล่าว ยิ้มหวานแจกทุกคน สายตาพลันมาหยุดตรงหน้าข้างหลังพี่ชาย แล้วทำหน้าสงสัย


“พี่นพ ใครจ๊ะ หล่อมากเลย” ดวงยี่หว่าเอ่ย พร้อมทำหน้าปลื้ม อัฐณพแต่สายหน้า


“ห้าม เข้าใจ รู้ไหม” อัฐณพออกเสียงเข้ม ดวงยี่หว่าเลยทำหน้าสลด นิมิตหัวเราะกับกริยาของของสาวเพื่อนรัก แล้วเข้าไปหยิบกระเป๋าออกมาให้


“มิต ขึ้นไปกินข้าวด้วยกัน” อัฐณพเอ่ยชวน


“จะดีหรอ” นิมิตถามอย่างเกรงใจ เพราะมากันเหนื่อย ๆ อยากให้พักผ่อน อีกอย่างก็ดึกมาแล้ว


“ทำอย่างกับไม่เคยมากินมานอนที่นี้” อัฐณพกล่าว รับกระเป๋าจากเพื่อนมาถือเอง


“ไปกันพี่มิต” ดวงยี่หว่า เอ่ยชวนอีกครั้ง ดวงยี่หว่าเดินนำหน้าตามด้วยนิมิต และอัฐณพ ส่วนสาโรชยังคงยืนที่เดิม มองดูบริเวณโดยรอบ บ้านยกพื้นสูง ใต้ถุนบ้านโล่ง


“เอา หิวไหมละนั้น มากินข้าวจะได้กินยา จะได้หายเร็ว ๆ” อัฐณพเอ่ยขึ้น สาโรชได้สติ รีบก้าวเดินขึ้นไปบนบ้าน


“รอสักครู่ได้ไหม หว่าจะทำไข่เจียวเพิ่ม ไม่คิดว่าจะมีแขกมาเพิ่ม” หญิงสาวเอ่ย


“ไปเลย พี่มิตหิวจะแยกอยู่แล้ว ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย” นิมิตเอ่ยพลางลูบตรงท้องที่แบนราบ


“อย่าอ้วนกว่านี้นะพี่มิต สาว ๆ จะไม่ชอบ” ดวงยี่หว่าแซวก่อนวิ่งหลบมะเหงก


“ไม่ได้กลับมาหลายเดือนมากแล้ว ยังดูเหมือนเดิม” อัฐณพกล่าว พลางวางกระเป๋าไว้ตรงหน้าห้อง แล้วกลับมานั่ง ตรงชานบ้านด้านหน้า สาโรชอยากสำรวจดูตรงหลังบ้านด้วย


“ห้องน้ำตรงไหน” สาโรชถาม


“เดินเลยไปตรงนั้น ข้าง ๆ ห้องครัวโน้นละ” อัฐณพเอ่ยพร้อมชี้นิ้วไปตรงไป


“ยังจำได้ดี เมื่อก่อน เคยมานอนฟังเพลงอ่านหนังสือตรงนี้” นิมิตเอ่ย สาโรชหยุดเดินหันไปมองทั้งสอง


“เอา รออะไร ก็ไปซิ” อัฐณพออกไปไล่ เมื่อเห็นว่าสาโรชยังยืนอยู่ที่เดิม


“กลัวไปไม่ถูก” สาโรชเอ่ยเบา ๆ อัฐณพจึงต้องลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าไป   
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ (28/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 28-02-2019 16:25:42
แหม นายดาว์น วิธีการแยกคนของนายจะเนียนไปไหน
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ (28/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 28-02-2019 21:53:35
ตามมาถึงบ้านจะฝากตัวกะแม่ยายเลย
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ (28/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 28-02-2019 23:02:08
ไปห้องนำไม่ถูก
จ๊ะดีมากเลย
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ (28/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-02-2019 23:50:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ (28/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-03-2019 01:01:15
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ (28/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-03-2019 02:40:37
พิษรักแรงหึง 555
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ (28/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 01-03-2019 16:55:25
+1  o13 ขอบคุณครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ (28/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 02-03-2019 01:20:35
หนุกดี
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 7 เข้าถ้ำเสือ (28/2/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: yumsonteen ที่ 02-03-2019 22:08:39
สนุกมากครับ รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 8 พบปะหน้าตา (13/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 13-03-2019 10:24:50
ขออภัยที่ให้รอครับ พอดีเครื่องคอม ไปพบหมอ ต้องขออภัยอย่างยิ่งครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทที่ 8  พบปะ หน้าตา

   รถตู้สามคันวิ่งเข้ามาจอดตรง ลานกีฬาหน้าอำเภอ แต่ละคนทยอยลงจากรถด้วยท่าที่ที่อ่อนล้า สมศักดิ์ และลูกน้องคนสนิทมานั่งอยู่ด้านหนึ่งของตัวอาคาร


“แก้เมื่อยหน่อยไหมลูกพี่” ต๊อดเอ่ยขึ้นก่อน


“นั้นซิพี่ เมื่อยมาทั้งวัน” โม่งเอ่ย ลูบริมฝีปาก


“เออ เหนื่อยมาทั้งวัน เอาซิวะ” สมศักดิ์สนับสนุนลูกน้อง


“ลูกพี่ ดูนั้น” โม่งโบยหน้าไปทางหน้าอำเภอ สำราญ แววมยุรา ลงจากรถ ทีมของนายอำเภอสำราญที่มาช่วยสมศักดิ์ เข้ารับหน้า ส่วนแววมยุราเดินเลยมาหาสมศักดิ์


“ปลัดสมศักดิ์ ตกลงได้ข่าวพี่โรชบ้างหรือยัง” แววมยุรา เดินนวยนาดมาแต่ไกล ลูกน้องคนสนิทสมศักดิ์เลี่ยงออกมา


“โอ้ วันนี้ช่างเป็นวันดีจริง ๆ เป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้ต้อนรับคนสวยลูกสาวท่านนายอำเภอ” สมศักดิ์กล่าวยี่ยวน พร้อมส่งสายตาหวาน


“อย่างมาทำอะไรแบบนี้นะ ฉันมาถามข่าวพี่โรช” แววมยุราแทบจะปรี๊ดแตก


“ถามหาแต่ไอ้สาโรช ทำไมไม่ลองถามพวกผมดูบ้าง พวกผมก็มีเลือดเนื้อเชื้อไข” สมศักดิ์เค้นคำพูดออกมา แววมยุราเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ค้อนวงใหญ่ไม่พอใจที่สมศักดิ์พูดแบบนี้


“ก็ฉันร้อนใจ” แววมยุราเอ่ยออกมา พร้อมสะบัดหน้ากลับไปสมทบกับผู้เป็นบิดา ลูกน้องสามคนของนายอำเภอขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว



“เป็นไงลูกพี่นางฟ้ามาหา” โม่งเอ่ยขึ้นด้วยความสนิทสนมกัน



“ปากดี อวดดีนัก คอยดูถ้าได้ทำเมียเมื่อไร จะเอาให้อยู่หมัด” สาศักดิ์เอ่ย ลูกน้องสองคน อดขำ



“จะรับเดนปลัดสาโรชหรือครับลูกพี่” ต๊อดเอ่ยบ้าง สมศักดิ์หันไปมองลูกน้องสองคนเชิงปรึกษา



“ไม่มีทางเสียละ” สมศักดิ์เอ่ยหมายมั่น



“ไม่แน่หนา” โม่งเอ่ยบ้าง



“ไม่แน่อะไรวะ” สมศักดิ์หันไปหาลูกน้อง แล้วเดินนำหน้าไปที่ร้านค้าหน้าอำเภอ



“ใครจะไปรู้ละครับ ว่าคุณแวว เที่ยวไล่เที่ยวขื่อปลัดสาโรช แล้วปลัดจะไม่เอาบ้าง” โม่งออกความคิดเห็น



“ไม่มีทางหรอก สาโรชไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก อุปนิสัยไม่ชอบผู้ใหญ่เก่งกว่าและไม่ชอบผู้หญิงเรียบร้อยจนเกินไป ชอบลักษณะคนลุย ๆ เหมือนกัน” สมศักดิ์เอ่ยให้ลูกน้องฟัง



“ทำไมลูกพี่รู้ละครับ” โม่งเอ่ยถาม



“ก็สืบมาจนหมดแล้ว เป็นลูกคุณหญิงพิมประภา กับท่านปพน ที่เสียชีวิตไปเมื่อห้าหกปีที่แล้ว ลูกชายเลยเจริญรอยตามพ่อ” สมศักดิ์อธิบาย



“รู้จริงรู้ลึก” โม่งเอ่ยพร้อมยกนิ้วให้ สมศักดิ์จึงเดินเข้าร้านค้าเลือกของกับแกล้มขบเคี้ยวได้สักครู่



“สมศักดิ์” เสียงเรียกดังอยู่หน้าร้าน จำเสียงได้ดี กระจำรถถูกเลื่อนลง



“ครับท่าน” สมศักดิ์รีบออกมา ยืนข้างรถยนต์



“คงพักสักวันสองวันนะ ผมให้ลูกน้องผมออกตามก่อนล่วงหน้าไปแล้ว” นายสำราญกล่าว



“ท่านรู้แล้วหรือครับ ว่าปลัดสาโรชอยู่ไหน” สมศักดิ์ถามคืนบ้าง



“ปลัดสมศักดิ์ ทำอะไรล้าช้า ถ้าไม่ได้ลูกน้องคุณพ่อนะ ปานนี้คงไม่ได้ข่าวพี่โรชแน่” แววมยุราเอ่ย นั่งข้าง ๆ บิดา สมศักดิ์จ้องหน้าหญิงสาวที่นั่งเชิดราวกับหงส์



“เฮ้ย เอานา ปลัดสมศักดิ์ เขาก็ทำงานเต็มที่แล้ว” สำราญหันไปปรามลูกสาว



“เสียเงินภาษีประชาชนเปล่าๆ” แววมยุราไม่หยุด ดวงตาสมศักดิ์แข็งกร้าวขึ้น



“ลูกแวว ถือว่าดูถูกเจ้าพนักงานนะแบบนี้” สำราญปรามลูกสาวเสียงเข้ม




“อย่าถือสาลูกแวว นะปลัด ขอโทษแทนด้วย” สำราญหันมาสมศักดิ์ พร้อมตบมือลงที่บ่าชายหนุ่มเบา ๆ




“ครับ นาย” สมศักดิ์เอ่ยเบา ๆ รถยนต์เคลื่อนออไป




“นี้หรอนาย แม่ของลูกนาย” ต๊อดโดดเข้ามาใกล้ ๆ




“หึ หึ คอยดูนะ จะกำราบพยศแม่ม้านี้ให้อยู่หมัด” สมศักดิ์เอ่ย ลูกน้องสองคนมองหน้ากัน งงในความคิดของเจ้านายตัวเอง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ทั้งสี่คนก็นั่งสนทนากันพลาง ๆ จนเริ่มดึกแล้ว นิมิตเริ่มขยับตัวก่อนเพื่อน


“นพ พรุ่งนี้เราจะมาหาแต่เช้านะ” นิมิตเอ่ยพร้อมลุกขึ้นยืนเข่า สาโรชมองหน้าอัฐณพแว๊ปแรกแล้วหันไปหายาที่ซื้อมาทาน



“พี่มิต หว่าจะเตรียมของใส่บาตรให้ละกัน” ดวงยี่หว่ากล่าว อัฐณพพยักหน้าแล้วยิ้มให้อีกฝ่าย



“อย่ายิ้มแบบนี้ซิ ใจจะละลาย” นิมิตโน้มตัวเข้ามากระซิบ 



“คิดอะไรบ้า ๆ” อัฐณพตอบทันที



“หยอดเข้าไป หว่าชักอิจฉาพี่นพแล้ว ซิ” ดวงยี่หว่าเอ่ย พลางค้อนให้วงใหญ่



“อะไรน้องสาวพี่ เราก็น่ารัก แต่ทำไงได้พี่มีใจให้คนอื่นไปหมดแล้ว” นิมิตหันมากล่าวกับดวงยี่หว่า



“คอยดู จะแอบปล่อยลมรถพี่มิต” ดวงยี่หว่ากล่าว ที่เล่นที่จริง



“โอ้ ๆ  มีให้น้องยี่หว่าด้วยก็ได้ เนาะนพเนาะ” ท้ายประโยคนิมิตหันไปทางอัฐณพ



“ไม่เกี่ยวกัน” อัฐณพตอบแวหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ทั้งสามคน พอดีกับหญิงสูงวัยเดินขึ้นมาบนบ้าน



“มากันแล้วหรือลูก” เสียงหวานของผู้สูงวัยเอยขึ้น นางอยู่ในชุดพราหมณี



“แม่” อัฐณพรีบลุกขึ้นเข้าโอบกอดผู้เป็นมารดา




“แม่ดูผอมไปนะ นพว่า” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ นางบุบผาใช้มือลูบตรงหน้าตาบุตรชายคนเดียวของนาง



“ลูกนพก็ผอมลงนะ แม่ว่า” บุบผาเอ่ยเสียงเครือ สองแม่ลูกโอบกอดกันเหมือนกับอยากจะให้ความรู้สึกแผ่ไปถึงกันนั้นเอง 



“มาเหนื่อย พักกินข้าวกินปลากันหรือยัง” บุบผาเอ่ยกับบุตรชาย



“เรียบร้อยแล้วแม่” อัฐณพตอบเสียงเครือ บุบผาค่อยๆ ดันร่างลูกชายออก แล้วพิจารณาเค้าหน้า ซึ่งอัฐณพเองก็หลบสายตาของมารดา กิริยาแบบนี้บุบผารู้ดีว่าในใจลึก ๆ ของบุตรชายนั้นมีเรื่อง



“เอาไว้ ให้คลายเหนื่อย ค่อยมาคุยกับแม่” บุบผาเอ่ยกับลูกชาย อัฐณพพยักหน้าช้า ๆ



“แม่ไปจำศีล ทำไมขึ้นมาได้ละ” นิมิตนั้นเองเอ่ยขึ้น บุบผาหันไปมองเพื่อนลูกชายของนางแล้วเลยไปหาอีกคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ชายหนุ่มยกมือไหว้ บุบผารับไหว้แล้วยิ้มให้



“แม่เป็นห่วงบ้าน เลยกลับมาก่อน แล้วนี้ใครละ ตานิมิต” บุบผาเอ่ย สำเนียงนี้ชายหนุ่มจำได้ดี



“เพื่อน นพมั่งครับแม่ มาด้วยกัน” นิมิตกล่าวตอบ พลางยิ้มบาง ๆ



“เพื่อนนพเองครับแม่” อัฐณพเอ่ยรับ



“เป็นไงละพ่อหนุ่ม มาเที่ยวบ้านนอกบ้านนา” บุบผาเอ่ยเป็นกันเอง อัฐณพพยุงมารดาไปนั่งในเรือน




“น่า...น่าอยู่มากครับ” สาโรชเอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม อัฐณพอดแปลกใจไม่ได้ ปกติพวกโจร พวกทำผิดกฎหมายจะชอบแสดงกริยากักขฬะ




“หรอ ถ้าน่าอยู่ก็มาบ่อย ๆ” บุบผาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ น่าฟัง อัฐณพนั้นสะกิดมารดา



“นี้ต่างกันกับ ตานพ นาน ๆ ถึงจะมาที มาแล้วก็รีบกลับชะอย่างนั้น” บุบผาได้ทีนินทาลูกชายตัวเอง



“แม่” อัฐณพเรียกมารดาเสียงยาว 



“ถ้าอย่างนั้นเรากลับก่อนนะ นพ จะเอารถไปคืนพ่อ” นิมิตเอ่ยเมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว




“ขับรถดี ๆ ละ” อัฐณพเอ่ย แล้วลุกขึ้นเดินไปส่งเพื่อน



“พรุ่งนี้เราจะมารับแต่เช้า” นิมิตกล่าว ขณะเดินเคียงข้างกันไป



“เขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยทิ้งกัน” บุบผาเอ่ย ชายหนุ่มจึงหันมายิ้มให้



“แล้วพ่อหนุ่ม ชื่อไรละลูก คนเดียวกันกับที่รับโทรศัพท์แม่หรือเปล่า” บุบผาเอ่ยมาถามต่อ ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ น่าฟัง



“สาโรชครับคุณแม่” ชายหนุ่มตอบด้วยความนอบน้อม บุบผาพยักหน้าช้า ๆ ยิ้มให้ชายหนุ่ม ดวงหยี่หวากลับมาจากครัวจึงมานั่งฟังข้าง ๆ 



“เป็นเพื่อนครูที่โรงเรียน” บุบผาเริ่มซักไซ แต่ไม่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดสักนิด สาโรชยิ้มที่มุมปากแล้วตอบ



“เปล่าครับ พอดีผมไม่ค่อยสบาย ได้นพเขาช่วยชีวิต และดูแลครับ” สาโรชตอบตามความเป็นจริง บุบผายิ้มบาง ๆ



“ออ แล้วหายหรือยังละ” บุบผาถามต่อ ชายหนุ่มยืดตัวตรง 



“ใกล้แล้วครับ ถ้าไม่มีลูกแม่ ผมไม่รู้จะไปถึงไหนแล้ว ลูกชายคุณแม่รักษาดีวันดีคืน” สาโรชตอบ บุบผายิ้มเปิดเผยให้ชายหนุ่ม



“ยี่หวา พาพี่เขาไปพักไป” บุบผาเอ่ยกับบุตรี สาโรชสงสัยนิดหนึ่ง ดวงยี่หว่าพยักหน้าให้สาโรชเดินตาม ส่วนบุบผานั่งรอลูกชาย อัฐณพกลับขึ้นมาแล้วเข้าสวมกอดมารดา น้ำตาซึม คิดว่าจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าแม่อีกแล้ว



“นิมิต กลับแล้วหรอ” บุบผาถามลูกชาย



“ห่วงแต่คนอื่น” อัฐณพเอ่ยกับอกมารดา บุบผาได้แต่ส่ายหน้ามองลูกชายด้วยความเอ้นดู



“ห่วงทุกคน ไม่ได้รักใครไปมากกว่ากัน มาคราวนี้เป็นอะไร แล้วจะมาอยู่กับแม่กี่วัน” บุบผาเอ่ยเสียงเย็นตามบุคลิก เว้นวรรค คนฟังรู้สำชุ่มฉ่ำใจ



“มาก็จะไล่ลูกแล้วหรือครับ” อัฐณพประท้วงเบา ๆ



“โตปานนี้แล้ว ทำตัวเป็นเด็กนะเรานะ” บุบผาเอ็ดลูกชาย ไม่ค่อยเต็มเสียงนัก



“เปล่า ไม่ได้เด็ก นพคิดถึงแม่ เกือบเอาชีวิตไม่รอดมาเจอหน้าแม่” อัฐณพกล่าวท้ายประโยคพูดให้ดูตื่นเต้น



“เกี่ยวกับพ่อหนุ่มคนนั้นด้วยหรือเปล่า” บุบผาเอ่ย อัฐณพเอนตัวตรง



“หะ ไปไหนแล้วแม่ ไอ้ดาร์วไปไหนแล้ว” อัฐณพรีบถาม หันซ้ายทีขวาที



“แม่ให้ยี่หว่าพาไปที่ห้องแล้ว” บุบผาเอ่ย



“ตายละหว่า” อัฐณพรีบลุกขึ้น วิ่งเข้าไปในบ้าน บุบผาได้แต่ส่ายหน้า



    ในห้องนอนของอัฐณพจัดเป็นระเบียบการจัดว่างเป็นไปอย่างลงตัว โทนสีฟ้าครามเป็นสีที่อัฐณพชอบอยู่แล้ว เตียงเดียวขนาดหกฟุตอยู่มุมห้องด้านใน มีโตอ่านหนังสือเล็ก ๆ อยู่อีกมุม ต่อจากนั้นเป็นชั้นวางหนังสือแบบสามชั้นติดกันสองอันมีหนังสือยู่จนเต็ม หักมุมห้องเป็นตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กๆ



“น่าอยู่เหมือนกันนะ ห้องนี้” สาโรชเอ่ย



“ตามสบายนะพี่” ดวงยี่หว่ากล่าวแล้วออกจากห้อง สาโรชพยักหน้า



“ไม่ยักรู้ ว่ามีสไตล์เหมือนกัน คิดว่าจะเป็นครูตามแนวตะเข็บชายแดนไม่มีสีสัน” สาโรชเอ่ยเบา ๆ จากนั้นจึงวางกระเป๋าและถุงชุดที่อัฐณพซื้อให้ แล้วนั่งลงตรงปลายเตียง มือลูบไปตามผืนผ้าห่ม กลิ่นอ่อน ๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่มแตะจมูก



“สมแล้วที่เป็นแม่ศรีเรือน แล้วลูกชายแม่จะได้เชื้อมาบ้างไหม” สาโรชเอ่ยพร้อมกับเอนตัวลงนอน



“ไอ้ดาร์ว” เสียงเรียกมาถึงก่อนที่ตัวจะโผล่ สาโรชหันไปตามเสียง


“ครับ...คุณ....” สาโรชกลื่นคำสุดท้ายลงคอ เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังจะกลายร่างแล้ว สาโรชรีบลุกขึ้นนั่ง



“กรุณา ไปอาบน้ำ เนื้อตัวสกปรก ลงไปนอนที่นอนสะอาด ๆ” อัฐณพกล่าวพยายามข่มน้ำเสียง พร้อมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้



“ออกไปอาบน้ำตรงข้างห้องครัว” อัฐณพชี้นิ้วไปทางประตูห้อง สาโรชจำใจลุกจากที่นอน มาหยิบผ้าเช็ดตัวที่อัฐณพยื่นให้



“จัดยาให้ด้วย กลับมาจะได้มากิน” สาโรชเอ่ยเสียงเข้ม



“นายก็จัดกินเองก็เป็นทำไมต้องให้คนอื่นทำให้ด้วย” อัฐณพกล่าวพยายามข่มเสียงให้เบาลง



“ภรรยาต้องดูแลสามีซิครับ คุณนาย” สาโรชเล่นลิ้น



“อะไรนะ ว่าอะไร” อัฐณพถามกลับทันที สาโรชทำหน้าเซ่อ



“ไม่มีอะไร แค่เห็นคุณครูนพชอบออกคำสั่งเหมือนเจ้านาย ก็เลยบอกว่าคุณเจ้านาย” สาโรชแถไปก่อน ยิ้มกับตัวเองแล้วออกจากห้อง



“อย่าลืมจัดยาให้ด้วย” สาโรชหันกลับมาอีกครั้ง อัฐณพทำหน้าบึ้ง




“โอย ทำไมไม่ตายไปตั้งแต่วันนั้นนะ จะไม่ต้องมีวันนี้” อัฐณพสะกดความโกรธ แต่ก็ต้องเดินไปจัดยาไว้ให้เหมือนเดิม เสียงเคาะประตูดังขึ้น



“อะไรอีกละ” อัฐณพเอ่ย วางยาลงตามเดิม




“พี่นพ หว่าเอาผ้าห่มมาให้” ดวงยี่หวาเอ่ย ตรงประตู



“หวาหรอ เข้ามาซิ” อัฐณพตอบ หันไปจัดยาให้ชายหนุ่มเหมือนเดิม ดวงยี่หวา เข้ามาพร้อมผ้าห่มผืนใหญ่




“แม่กลัวว่าจะแย่งกันเลยให้เอามาให้” ดวงยี่หวากล่าว อัฐณพพยักหน้ารับทราบ




“พี่จะมากี่วันละ” ดวงยี่หวาถามต่อ ขณะที่จัดผ้าห่มและที่นอนให้พี่ชาย




“ไม่กี่วันหรอก นี้ก็หยุดคลอมวันเสาร์อาทิตย์เฉยๆ ถามทำไมหรอ” อัฐณพตอบน้องสาว




“ไม่มีอะไรหรอ อยากรู้โปรแกรมเที่ยวพี่นพ” ดวงยี่หว่าตอบ




“ไม่ได้ไปไหน อยากกลับมาบ้าน พักผ่อนอยู่กันครบหน้า” อัฐณพตอบ วางยาให้กับชายหนุ่มตรงโต๊ะเครื่องแป้ง




“ดีจัง ยี่หวาก็อยากอยู่ครบพร้อมหน้า” ดวงยี่หวาตอบเศร้า ๆ ตั้งแต่บิดาเสียชีวิต ก็เหมือนบ้านแตกสาแหรกขาด อัฐณพต้องทำหน้าที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือ



“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ไปวัด จากนั้นแล้วแต่มิต จะพาพวกเราไปไหน”  อัฐณพตอบ ดวงยี่หวา โผเข้ากอดพี่ชาย




“ถ้าอย่างนั้น ไม่รบกวนแล้ว ไปนอนก่อนละ” ดวงยี่หวากล่าว เมื่อผละออกจากพี่ชาย แล้วเดินไปเปิดประตู




“อุ้ย” ดวงยี่หวาอุทานออกมา เพราะตรงหน้าประตู คือชายหนุ่ม มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันกาย หยดน้ำยังเกาะตรงอกกว้าง สาโรชรีบถอยออกห่าง ดวงยี่หวาหัวเราะคิกคัก




“ทำอะไร ควรจะมิดชิดบ้าง” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ




“ไม่รู้ ว่าน้องเขาเข้ามา ปกติที่บ้านพัก ยังแก้ผ้าเดินโทง ๆ เลย” สาโรชตอบ เดินเข้ามาภายในห้องพร้อมผิดประตูห้อง



“ที่บ้านพัก มีแต่.....” อัฐณพเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง สาโรชเลยยิ้มยี่ยวนพร้อมยักคิ้วให้



“ไปหาเช็ดตัวให้แห้ง แล้วยาอยู่ตรงนั้น” อัฐณพเอ่ย พร้อมผลักหน้าอกชายหนุ่มให้หลีกไป สาโรชเอียงตัวนิดหนึ่ง อัฐณพเลยเสียหลัก สาโรชรีบคว้าไว้



“ปล่อยนะ อย่ามาทำอะไรในบ้านนะ” อัฐณพเอ่ยออกมาเสียงเข้ม พยายามปัดป้องตัวเอง สาโรชจึงมองด้วยแววตาสงสัย



“ทำเป็นผู้หญิงไปได้ รู้ไหม ถ้าผู้หญิง เห็นรูปร่างพี่แบบนี้นะ อย่าให้พูดเลย” สาโรชเอ่ยพร้อมดันให้อัฐณพยืนตัวตรง



“สำคัญตัว” อัฐณพเอ่ยเมื่อยืนเต็มตัว พลางค้อนให้วงใหญ่




“ไม่ได้สำคัญตัว แต่สำคัญที่ลีลา” สาโรชกล่าวแล้วหัวเราะเสียงดัง




“ไอ้ดาร์ว อย่างมาทำเสียงดัง” อัฐณพแทบกระโจนเข้าใส่ พอสติมาเบรกตัวโก่ง




“ทำไม รับฟังไม่ได้” สาโรชกล่าว ชำเรืองมองอัฐณพนิดหนึ่ง แล้วจับปมผ้าเช็ดตัวคลีออกจากตัว ชายผ้าเช็ดตัวที่ผันกายไหล่ลงไปกองกับพื้น อัฐณพอ้าปากค้าง สาโรชยักคิ้วยกยิ้มให้ 



“ไอ้บ้า มาทำอะไรแบบนี้” อัฐณพกล่าว สาโรชหัวเราะชอบใจ 



“ทำอย่างกับไม่เคยเห็น หนอนน้อยอันนี้ ของน้องนพ พี่ไม่คิดจะให้ใคร” สาโรชเอ่ยแล้วเดินโท่ง ๆ ไปหยิบยาขึ้นมา อัฐณพตามหลังมา



“อ๊ะ ๆ พี่พร้อมแล้ว” สาโรชหันมาพร้อมโยกเอวพลิ้ว อัฐณพ เม้มริม แสดงอาการไม่พอใจ   




“น้ำละ ไม่มีหรอ ” สาโรชถามเปลี่ยนเรื่อง พร้อมชูเม็ดยาในมือให้ดู เพื่อสื่อให้รู้ว่าจะกินยาต้องมีน้ำด้วย 




“ไม่อายคน ก็หัดอายผีบ้านผีเรือนบ้านนะ” อัฐณพกล่าว กระแทกน้ำเสียง แล้วรีบเดินลงส้นออกจากห้อง



“อายทำไม ผัวเมียกัน” สาโรชกล่าวตามหลัง แล้วไปนั่งรอน้ำจากอัฐณพ ที่กำลังเดินกลับเข้ามาในห้อง สายตาพลันเห็นกรอบรูปเล็ก ๆ จึงหยิบขึ้นมาดู เป็นภาพชายวัยรุ่นสองคนหุ่นเท่า ๆ กัน โดยที่อีกคนอุ้มอีกคน ไว้ในอ้อมกอด อัฐณพเดินเข้ามาหยิบเอากรอบรูปจากมือไปถือ แล้วยื่นแก้วน้ำให้



“นี้น้ำ” อัฐณพกล่าว พร้อมยื่นแก้วน้ำ สาโรชนิ่งมองหน้าชายหนุ่ม แล้วรับแก้วน้ำขึ้นดื่ม



“อย่าแตะต้องของในห้องนี้ จะหาไม่เจอ” อัฐณพเอ่ย แล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินออกจากห้อง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



   เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึก สำราญลุกขึ้นมองนาฬิกาแล้วรีบยกหูรับ ดึกปานนี้แล้ว ใครมันจะโทรมาอะไรนักหนา


“นายครับ” ปลายสายตอบกลับมา



“ว่าไง ได้เรื่องไหม” สำราญกล่าวพลางลุกขึ้นนั่งรอฟังผลจากลูกน้องคนสนิท



“ได้เรื่องครับ ผมลองสืบดูรู้แล้วว่าบ้านครูอะไรนั้นอยู่ที่ไหน ตอนนี้กำลังลงพื้นที่ครับ” ปลายสายรายงาน



“ทำอะไรอย่างให้สาวมาถึงข้า เก็บให้มิดด้วย” สำราญกล่าวสำทับ



“ครับ นาย จะไม่ให้เห็นเลยว่ามีชีวิตอยู่แน่นอน” ปลายสายตอบ



“ดี ถ้าเรื่องนี้เสร็จ พวกเอ็งออกจากพื้นที่ก่อนนะ มันคงจะดังใหญ่แล้ว” สำราญกล่าว



“ครับ พวกผมขอเบิกล้วงหน้าก่อนได้ไหมครับ” ปลายสายเอ่ยปากขอ



“ขอให้งานเสร็จก่อนเถอะ โอนไปให้แน่” สำราญเอ่ย ก่อนกดวางสาย



“พวกมึงนี้ไม่รู้จัก นายอำเภอสำราญชะแล้ว” สำราญกล่าวกับตัวเอง แล้วกดเบอร์โทรออกไปอีกสาย รอสักครูปลายสายรับ



“ครับนาย” ยักษ์กรอดเสียง



“ไอ้ยักษ์ พรุ่งนี้เอ็งกับลูกน้องของเอ็ง ตามกลุ่มของไอ้หมอกไป” สำราญกล่าว



“ได้เรื่องแล้วหรอครับ” ยักษ์ถาม



“เออ หลังจากที่มันเก็บไอ้ปลัดนั้นได้ พวกเอ็งก็เก็บมันด้วย อย่าให้เหลือสาวมาถึงกูได้ละ” สำราญกระแทกเสียงแล้ววางโทรศัพท์



“พวกมือ พรุ่งนี้เตรียมตัว นายเขาให้พวกเราเก็บ ทั้งสอง” ยักษ์หันไปหาลูกน้องที่นอนบนเปลยวนในป่า



“ดี พี่ จะได้ออกจากป่าสักที” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้น




“เมื่อจัดการงานนี้เสร็จ พวกเราก็ต้องออกจากพื้นที่โดยเร็ว” ยักษ์เอ่ย



“จะไปไหนละพี่” ลูกน้องคนเดิมถาม



“ไปอยู่กับนายใหญ่สักพัก แล้วค่อยออกมา” ยักษ์ตอบ ทุกคนจึงเอนตัวลงพักผ่อน ตามมุมของตัวเอง     

หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 8 พบปะหน้าตา (13/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-03-2019 11:09:47
นพน่ารักขึ้นทุกวัน ส่วนสาโรชก็กวนได้ไม่หยุด
ระวังตัวด้วยน้าาา ภัยกำลังจะมาถึง
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 8 พบปะหน้าตา (13/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-03-2019 13:21:06
ระวังตัวเน้อ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 8 พบปะหน้าตา (13/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 13-03-2019 15:17:15
ลุ้นจัง
เมื่อไหรจะบอกนพนะ
เหมือนช่วยแล้วมีแต่เรื่องไม่ดี
ปลัดนี่น่าจะโดน..ซักหน่อย
 :beat: :beat: :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 8 พบปะหน้าตา (13/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 13-03-2019 21:19:59
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 8 พบปะหน้าตา (13/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-03-2019 23:44:00
 :katai1:


เป็นห่วงครอบครัว แม่กับน้องสาว
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 8 พบปะหน้าตา (13/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 14-03-2019 08:23:03
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 8 พบปะหน้าตา (13/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-03-2019 11:23:23
อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป รอลุ้น
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 8 พบปะหน้าตา (13/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: yumsonteen ที่ 25-03-2019 13:24:55
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 9 ก้าวพิสูจน์ (25/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 25-03-2019 15:46:11
9.ก้าวพิสูจน์.....


   นกดุเหว่า ส่งเสียงร้องเมื่อยามเช้า  ลมเย็นช่วงเช้ามืดพัดมา ทำให้ต้องซุกตัวอยู่ใต้ผ้านวมผื่นใหญ่ เสียงเจื้อยแจ้วของน้องสาวดังมาเป็นระยะ ๆ จากหลังบ้านที่เป็นสวนผลไม้และพืชหลายชนิด อัฐณพลืมตา มองดูรอบห้อง ไม่พบคนที่เคยนอนข้าง ๆ  เลยรีบลุกออกไปนอกบ้าน


“หว่า แม่ละ” อัฐณพเดินมาที่ชานหลังบ้านแล้วเอ่ยกับน้องสาวที่กำลังนั่งเตรียมสำหรับอาหารไว้ไปวัด เนื่องจากมีงานประจำปี


“โน้น อยู่กับพี่เขา ท้ายสวนโน้น” ดวงยี่หวาชี้นิ้วไปท้ายสวน อัฐณพมองตาม เห็นคนสองคนกำลังช่วยกันสอยผลไม้ลงมา จึงกลับมานั่งชวนน้องสาว จัดสำหรับ



“พี่นพไปอาบน้ำดีกว่าไหม เดียวพี่มิตรมารับ” ดวงยี่หวากล่าว



“อาว  นัดกันตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่อง” อัฐณพเอ่ยด้วยความสงสัย



“พี่มิตร โทรมาเมื่อเช้านี้” ดวงยี่หว่าตอบ พอดีกับบุบผาและสาโรชเดินขึ้นมาบนบ้าน



“เอาไปวางตรงนั้นก่อนก็ได้ลูก” บุบผาชี้มือไปตรงชานบ้าน สาโรชจึงหิ้วเครือกล้วย และกระท้อนลูกใหญ่ไปวางไว้



“เอาไปขายไหมแม่” อัฐณพเอ่ย



“แม่จะเอาไว้ไปวัด กระท้อนเอาไว้แช่อิ่ม” บุบผากล่าว แล้วมานั่งสมทบกับลูก ๆ ดวงยี่หว่าจึงลุกไปดูเครือกล้วยที่กำลังแก่เต็มที่



“นพ เป็นอะไร เหมือนไม่ได้นอน หึ พ่อโรช มื้อคืนพากันไปทำอะไรมา” บุบผาหันไปถามสาโรช เมื่อเห็นลูกชายหน้าซีดๆ ดวงยี่หวาหัวเราะเบา ๆ สาโรชได้แต่ยิ้ม



“สงสัย ไล่ตีแมวกันแม่ แมวตัวใหญ่มาก ๆ” ดวงยี่หว่าชิงตอบ ลากเสียงยาว มองหน้าพี่ชายยิ้ม ๆ ดวงยี่หว่านั้นพอจะมองออก ว่าตอนนี้พี่ชายตัวเองเปลี่ยนไปมากแค่ไหน สมัยก่อนนั้น พี่ชายตัวเองยังปกติอยู่ แต่พอเริ่มเรียนหนังสือที่ต้องห่างกันไป และเห็นนิมิตตามแจทำให้แน่นใจมากขึ้น



“บ้านเรามีแมวด้วยหรอ” บุบผาเอ่ย ดวงยี่หว่าแทบจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมา



“ ไม่มีอะไรหรือแม่ นพนอนดึกนะ เปลี่ยนที่ด้วย หว่าก็เดาไปเรื่อย ๆ ขอไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวมิตมาจะไม่ทัน” อัฐณพแก้ตัวไม่อยากให้แม่สงสัย และเลี่ยงออกไป



“พ่อโรช ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วจะได้ไปวัดกัน” บุบผาหันมาทางสาโรชที่นั่งข้าง ๆ



“คือ ผมไม่มีชุดจะใส่ไปวัดเลยครับ” สาโรชเอ่ย



“ลองไปถามกันดู ซิ ตานพน่าจะมีชุดอยู่ในตู้ หุ่นจะเท่า ๆ กันน่าจะใส่ได้” บุบผากล่าว สาโรชจึงลุกตาม 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   เช้ามืดมีแค่เสียงนกร้องในตอนเช้า แววมยุรารีบลงจากบ้านออกประตูหลังบ้าน ตัวเธอแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เมื่อคืนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เธอจึงลองยกหูฟังการสนทนาด้วย ทำให้เธอต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด และมุงหน้าไปยังอำเภอที่บิดาตัวทำงานอยู่


“ปลัด” แววมยุราเอ่ย เงียบไม่มีเสียงตอบรับใด ๆทั้งสิ้น


“เมาตามเคย หายหัวกันไปไหนหมดวะ” แววมยุราสบถกับตัวเอง เดินออกมาด้านหลังบ้านพัก ก็พบกับสามหัวหน้าลูกนอนนอน
กองกันตรงแคร่ไม้ไผ่


“ปลัดสมศักดิ์” แววมยุราเค้นเสียงใส่ สามคนลูกพี่ลูกน้องค่อย ๆ ขยับตัว


“หมาตัวไหนมาเรียกลูกพี่กูวะ” ต๊อดเอ่ย พลางลูบหน้าลูบตา



“ระวังปากด้วยนะ” แววมยุราเอ่ยสวนแทบทันที ต๊อดสะดุ้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นตรงหน้า



“ลูกพี่ ๆ ตื่น ๆ”ต๊อดรีบเขย่าร่าง



“หือ อะไรวะ ไอ้นี้” สมศักดิ์เอ่ย ๆ



“ลูกพี่ นางฟ้ามาบ้าน” โม่งตื่นก่อน เอ่ยตามมา



“นางฟ้าที่ไหน กูจะเอาเป็นเมีย” สมศักดิ์เอ่ย



“ไอ้ปลัดสมศักดิ์” แววมยุราเริ่มมีอารมณ์โมโห หันไปเห็นกระติกน้ำแข็งที่ปิดฝาทิ้งไว้ จนน้ำแข็งละลายหมด จึงจับได้พร้อมยกสาดลงไปหาทั้งสามคน  คราวนี้สมศักดิ์รีบลุกขึ้นนั่งทันที



“คุณแวว มาแต่เช้าจังครับ” สมศักดิ์เอ่ย ลิ้นยังพันกัน ดวงตาแดงก่ำ



“ลุกไปเตรียมรถ” แววมยุราออกคำสั่ง



“คุณนางฟ้าจะไปไหนหรือครับ” สมศักดิ์เอ่ย



“จะลุกหรือไม่ลุก” แววมยุรา เดินเข้ามาประชิด สมศักดิ์ส่งแววตายี่ยวน แววมยุราเลยส่งหมัดตรงเข้าเบ้าตา



“โอ้ย เล่นกันแบบนี้เลยหรือ” สมศักดิ์ประท้วง โม่งและต๊อดรีบลุกถอยห่าง แววมยุราตาขวางใส่สองหนุ่ม แล้วหันมาทางสมศักดิ์



“ไปขึ้นรถถ้าไม่อยากเจ็บตัว” แววมยุราหันมาพูดกับสมศักดิ์



“จะไปไหนครับ คุณ” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น มือปิดตาข้างที่โดนหมัดแววมยุรา



“นั้นซิครับ ไปไหนครับนี้ยังไม่สว่างเลย” โม่งพยายามเข้ามาช่วยลูกพี่



“จะไปดี ๆ หรือจะให้ลากตัวไป” แววมยุราเอ่ยพร้อมกับคอเสื้อสมศักดิ์ โม่งรีบปล่อยลูกพี่ทันที แววมยุราจึงออกแรกฉุดให้สมศักดิ์ลุกขึ้น



“ไปดีนะลูกพี่” ต๊อดโบกมือลา




“พวกมึงช่วยกูด้วยซิวะ” สมศักดิ์หันมาพูดกับลูกน้อง แววมยุราลากสมศักดิ์มาถึงรถยนต์



“คุณบอกผมก่อนซิจะไปไหน” สมศักดิ์เอ่ยใช้น้ำเย็นเข้าลูบ



“ไปช่วยพี่โรช” แววมยุราเอ่ย บึ้งหน้าใส่สมศักดิ์



“ไม่ไป” สมศักดิ์ตอบทันที



“นี้ไอ้ปลัดกิ๊กก๊อก” แววมยุราเอ่ยพร้อมส่งหมัดเข้าชายโครงของสมศักดิ์จนตัวงอ



“มึงว่าไหม สองคนนี้ถ้าได้กัน ลูกจะออกมายังไง กูคิดภาพไม่ถูก” โม่งเอ่ยกับต๊อดที่ตามมาแอบดูตรงมุมบ้าน



“กูไม่อยากคิด ลูกพี่กูติดคุกทั้งชีวิต” ต๊อดเอ่ยแล้วค่อย ๆ คอยกลับ



“ไอ้โม่ง ไอ้ต๊อดมาช่วยกูที” สมศักดิ์ตะโกนไปหาลูกน้อง แววมยุราพยุงร่างของสมศักดิ์เปิดประตูรถยนต์แล้วผลักร่างหนานั้นเข้าไป แล้วไปอีด้านฝั่งคนขับ



“เจ้า ๆ นาย จะให้ช่วยยังไง” ต๊อดรีบวิ่งมาหาที่รถ แววมยุราออกตัวรถเหวี่ยงซ้ายทีขวาที



“คุณ ขับเป็นหรือเปล่า” สมศักดิ์เอย แววมยุราชำเรืองมาทางสมศักดิ์ แล้วออกรถอีกครั้งพุงไปที่หน้าประตู



“เร็วพวกมึงมาช่วยกูด้วย กูไม่อยากตาย” สมศักดิ์เรียกลูกน้อง ทั้งสองกำลังพยายามเปิดประตู แล้วโดดขึ้นกระบะหลังแทน รถจิ๊ปกลางเก่ากลางใหม่ทะยานออกไปเรื่อย ๆ



“คุณแวว ตกลงจะไปช่วยไอ้ปลัดสาโรช รู้ที่อยู่หรือยัง” สมศักดิ์ค่อย ๆกล่าว เมื่อรถออกมาห่างจากตัวอำเภอและมุ่งตรงไปยังเส้นทางหลัก


“รู้ ถึงให้มาช่วยนี้ไง” แววมยุราเอ่ยเสียงเครียด สมศักดิ์รีบลุกนั่งตัวตรงทันที


“ถ้าอย่างนั้นผมว่าให้ลูกน้อง มันขับดีกว่าไหม สงสารมัน” สมศักดิ์เอย พยายามมองไปที่กระบะหลัง สภาพสองคนไม่ต่างกัน ลมพัดตีใบหน้าจนมองแทบไม่ออกแล้ว



“สภาพเมาแบบนี้จะขับได้ไง” แววมยุราเอ่ย


“ก็ยังดีกว่าคุณขับตอนนี้ ผมกลัวว่าพวกเราจะไม่ได้ไปช่วยปลัดสาโรชของคุณ ต้องมาตายกันก่อน” สมศักดิ์เน้นคำว่าของคุณ
แววมยุราจึงค่อย ๆ ผ่อนความเร็วรถลง


“คุณพ่อ สั่งฆ่าพี่โรช” แววมยุราเอ่ยขึ้น ความคิดเริ่มสับสน ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร แววมยุราค่อย ๆ ประคองรถเข้าข้างทาง



“นายอำเภอ สั่งฆ่า” สมศักดิ์เอ่ยทบทวน พลางใช้ความคิดและทบทวนสิ่งต่าง ๆ ที่พอจะเป็นเหตุให้เกิดการสั่งฆ่า สมศักดิ์มองไปที่แววมยุราอย่างเต็มตัวอีกครั้ง



“คุณแวว ถ้าผมจะถามอะไรคุณจะตอบผมตามตรงไหม” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น แววมยุราหันมาทางสมศักดิ์



“นายจะถามอะไร” แววมยุราเชิดหน้าขึ้น



“เจ้านาย เป็นไงบ้างครับ” ต๊อดโดดลงจากหลังรถ เข้ามาเปิดประตูถาม สมศักดิ์ส่ายหน้า



“ผมว่า เราไปนั่งตรงโน้นดีกว่า ไอ้ต๊อด ไอ้โม่ง ไปหากาแฟ ปาท่องโก๋มาให้คุณแวว กับกูที” ท้ายประโยคหันไปสั่งลูกน้อง แล้วเปิดประตูออกมา แววมยุรามีอาการลังเลนิดหนึ่ง จึงตามลงจากรถ แล้วตามสมศักดิ์ไปนั่งที่ศาลารอรถริมทาง โม่งและต๊อดจึงขับรถออกไป



“คุณกับท่านนายอำเภอ มีเหตุอันใดที่ต้องสั่งฆ่าไอ้สาโรช” สมศักดิ์เอ่ยเสียงเข้มแต่พอได้ยินแค่สองคน แววมยุราจึงเชิดหน้าขึ้น



“ไม่รู้” แววมยุราตอบ



“ผมคิดว่า ไอ้สาโรช มันคงไปรู้เรื่องอะไรเข้า” สมศักดิ์เอ่ย แววมยุราหันมาทางสมศักดิ์สีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด



“ธุรกิจผิดกฎหมาย” สมศักดิ์เอ่ยออกมาเบา ๆ แววมยุราเริ่มเปลี่ยนสีหน้าจากบึ่งตึงเป็นแววกังวลใจ



“คุณพ่อไม่เคยพูดอะไรให้รู้ เรื่องธุรกิจ แม้แต่ตัวฉันเอง” แววมยุราตอบ สมศักดิ์จ้องหน้าแววมยุราหาข้อพิรุธ แต่ก็ไม่พบอะไรในแววตา



“แล้ว ลูกน้องของพ่อคุณ มาจากไหน” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น แววมยุราได้แต่ส่ายหน้า




“รู้แต่ว่า ลูกน้องของพ่อ ติดตามพ่อมานานหลายปีแล้ว ตอนแรกมาทำหน้าที่เป็นคนสวนดูแลบ้าน ฉันเองก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร เพราะพ่อชอบเลี้ยงคนมาก ๆ” แววมยุราตอบ



“ย้อนหลังไปก่อนนั้น ท่านนายอำเภอสำราญได้ไปท่องเที่ยวอะไรที่ไหนบ้างหรือไม่” สมศักดิ์ถาม แววมยุราส่ายหน้าอีกครั้ง



“ตั้งแต่แม่ตาย พ่อก็เก็บตัวเงียบ เอ๊ะ หรือว่า” แววมยุราเอย สีหน้าตื่นเต้น สมศักดิ์ที่มองอัปกิริยาอยู่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วย



“ก่อนแม่เสีย แม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง คุณพ่อทำทุกวิถีทางที่จะช่วยให้แม่หาย กู้เงินหยิบยืมพ่อทำมาหมด แต่พ่อก็ไม่สามารถจะรั้งชีวิตแม่ไว้ได้” แววมยุรากล่าว หวนคิดถึงวันที่แม่จากไปด้วยอาการที่ทรมาน



“พ่อหายออกจากบ้านไปเกือบอาทิตย์” แววมยุราเอ่ยต่อ



“ท่านไปไหน พอจะบอกได้ไหม” สมศักดิ์ถามต่อ



“พอกลับมา พ่อมีแต่เงียบ จากนั้นก็ไม่พูดเรื่องใด ๆ อีกเลย” แววมยุรากล่าวแล้วถอนหายใจ



“ไอ้สาโรชคงรู้เรื่องอะไรเข้า” สมศักดิ์เอ่ย แววมยุราหันไปมองสมศักดิ์ พยายามค้นหาคำตอบ



“แล้วคุณรู้นี้คือที่ไหน” สมศักดิ์เอ่ยถามต่อ



“รู้แต่ที่อยู่ครู เราต้องตามเจ้ายักษ์ให้เจอ เพราะเจ้ายักษ์จะเป็นกุญแจสำคัญ” แววมยุราเอ่ย ขึ้น



“คุณอย่าพลีพล่ามออกไปนะ อยู่กับผมคุณจะปลอดภัย” สมศักดิ์เอ่ยด้วยความเป็นห่วง



“คนอย่างนายจะปกป้องฉันได้ไง ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด จะมาหาปกป้องคนอื่น” แววมยุราเปลี่ยนอารมณ์ทันที ตะโกนใส่หน้า จนสมศักดาต้องถอยออกมา



“หรือจะเอาอีกสักหมัด” แววมยุราเอ่ยลุกขึ้นจะส่งหมัดอีกข้าง เสียงรถเข้ามาจอด



“เอาอีกแล้ว ถ้าได้เป็นคู่กันนี้ หัวปีท้ายปีแน่” ต๊อดเอ่ย โม่งหัวเราะแล้วทั้งสองจึงลงมา พร้อมยื่นแก้วกาแฟมาให้ทั้งสอง



“ออกเดินกันเถอะ” สมศักดิ์หันมาคุยกะลูกน้อง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
   ลานวัดตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คน ทุกสารทิศ ต่างมุ่งมาร่วมกิจกรรม อันมีจิตใจเลื่อมใสศรัทรา บางก็ถือเพศพรหมจรรย์ นุ่งขาวห่มขาว แต่ก็จะบริสุทธิ์ชะเทียเดียว  ศาลาการเปรียญยกกพื้นสูง ด้านล่างมีกลองหลายขนาดและหลายใบถูกห้อยอยู่ ทุกคนต่างขึ้นไปชั้นบน เมื่อไหว้พระประธานเสร็จแล้วจึงเลี่ยงออกมาสำหรับหาที่นั่งของตนเอง


“แม่บุบผา มาแล้วหรอ ตายจริงมีแต่คนหล่อๆ” เสียงทักขึ้นบนศาลาวัด ขณะที่ครอบครัวของบุบผากำลังนั่งลงพร้อมจัดของสำรับถวายพระ บุบผายิ้มหใคนที่ทัก


“ตายจริง คนไหนละลูกเขย นางยี่หว่าก็ไวไฟ ไม่ต่างจากพี่มัน” คนที่นั่งเยื่องกันไปเอ่ย


“ยาย สงบปากสงบคำหน่อยซิครับ” นิมิตเหลืออดเอ่ยขึ้น


“ตาย เขยใหญ่ออกตัว” เจ้าเดิมเอ่ยเรียกเสียงหัวเราะครึงศาลาวัด นิมิตมีอาการฮึด อยากจะไปเอาเรื่อง บุบผาจึงแตะที่มือของนิมิต


“ปล่อยไปเถอะลูก บางครั้งหมามันก็อยากเห่าหอนหาพวก ถ้าเราไม่ไปเขี่ยของเล่นมัน มันก็คงไม่เห่า” บุบผาเอ่ยเสียงเย็น ๆ อัฐณพยิ้มกว้าง ๆ หน้าบานเป็นจาน


“ยี่หวาเอาสำรับไปจัดได้แล้ว” บุบผาบอกลูกสาวคนเล็กที่กำลังรื้อเถาปิ่นโต สาโรชจึงหันไปช่วย


“ไม่ต้องหรอพี่ หว่าทำได้” ดวงยี่หว่ากล่าวยิ้มกว้าง สาโรชจึงขยับเขามาใกล้ๆ อัฐณพแทนพร้อมยกจานของที่จะใส่บาตรเข้ามาชิดกัน


“ตาหนุ่มคนนั้นหล่อจริง ๆ ผิดกับ อ้วนดำนี้” เสียงแทรกขึ้นจาดก้านหลังของกลุ่ม


“ใครดำ” นิมิตหันหลังมา ดีที่อัฐณพคว้าตรงบ่าชายหนุ่มไว้ไม่อยากให้ก่อเรื่อง


“ตายจริง พูดแค่นี้ทำเป็น จะพาลหาเรื่อง ถ้าไม่ติดว่าพ่อเป็นถึงนายก อบต. จะเอาขันนี้เพ็งกะบาลเลยนะ” เสียงอีกคนพูดขึ้น


“ช่างเถอะมิต  อย่าไปถือสาเลย” อัฐณพค่อยปลอบ ข้าง ๆ


“ก็เพราะลูก นายกอบต.นี้ละที่ไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้” นิมิต เอ่ย       


 “ไปตักบาตร ไป๊ ถวายภัตตาหารได้แล้ว” บุบผาหันมาไล่ลูก ๆ ไปใส่บาตร ทั้งสามค่อย ๆ คลานเข้าไปตักบาตร เมื่อถือที่บาตรสาโรชจึงเอื้อมมือมาจับเอาถาดใส่ของที่อัฐณพถือ


“เดียว เอามานี้ให้พี่ถือ”สาโรชเอ่ยหน้าตาเฉย อัฐณพมองหน้าการกระทำของชายหนุ่ม โดยเขาเอาของที่เจรียมมาใส่บาตรเทลงไปรวมกันในถาดใบเดียวกัน


“คุณ....นาย....ต้องจับบนมือพี่” สาโรชจัดแจงเสร็จสรรพ อัฐณพทำหน้างง คนข้างหลังเริ่มดันให้ต้องขยับ สาโรชจึงต้องดันอัฐณพให้ขยับ


“ทำไม” อัฐณพถาม แต่ก็ทำตามอยู่ดี การกระทำดังกล่าวไม่ได้ลอดพ้นสายตาของนิมิตเลย ชายหนุ่มมองทั้งของคนกระทำ เหมือนกับคู่แต่งงานเขากำลังทำกัน จึงยอมถอยออกมาห่าง ๆ และไปช่วยยกเข่งมารัมารับของใส่บาตรที่ล้น ตัดบาตรเสร็จ ก็เตรียมถวายภัตตาหาร โดยให้ยกขันโตกพร้อมกัน


“เออ ให้มีความสุข อยู่รอดปลอดภัย ค่อยพูดค่อยจ้ากันนะ” หลวงตาแก่ให้พร ทั้งสองน้อมรับคำแล้วถอยออกมาให้คนอื่นถวายองค์อื่น ๆ บ้าง


“แม่บุบผา มีลูกน่ารักนะ ทั้งลูกสาวลูกชาย” เสียงเอ่ยจากป้า ๆ ด้านหลัง บุบผาได้แต่ยิ้มรับ


“เด็กมันรักดี มันก็เลยได้ดี” บุบผาเอ่ยตอบอย่างอ่อนโยน


“ได้ข่าวว่าลูกชาย สอบได้ครูหรอ ดีใจด้วยนะ” อีกคนเอ่ย


“จ๊ะ กว่าจะได้อ็นานโขเหมือนกัน” บุบผาเอ่ยตอบ


“แล้วนั้นใครละ” ป้าคนเดิมชี้ไปทางสาโรช บุบผาหันไปมองแล้วยิ้ม


“ออ เพื่อนเขานะ มาเที่ยว” บุบผาตอบ


“ลูกนายก อบต. นี้ก็ยังเหมือนเดิมนะ” ป้าคนเดิมเอ่ย บุบผาเลยได้แต่ยิ้ม


“พี่โรช ระวังขี้ปากชาวบ้านนะ” ดวงยี่หว่ามากะซิบข้าง ๆ 


“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่ถือ ชาวบ้านก็คือชาวบ้าน” สาโรชตอบเบา ๆ แล้วนั่งนิ่งดูชาวบ้านเข้าไปประเคยสำรับ


“สวัสดีครับ ทุกคน สวัสดี” เสียงจากชายร่างท้วม เดินขึ้นศาลาวัด หลายคนยกมือรับไหว้ สาโรชมองตาม


“ใครหรือหว่า” สาโรชเอ่ยถาม


“พ่อพี่มิต” ดวงยี่หว่าตอบ สาโรชพยักหน้า จากนั้นจึงขยับตัวให้ ชายสูงวัยเดินผ่านไปด้านหน้า นิมิตขึงกลับมานั่งกับกลุ่ม


“ทำตัวเป็นคนดีศรีสังคม อนาคตนายกอบต.แทนพ่อแน่ ๆ” อัฐณพเอ่ยกับเพื่อน นิมิตถอนหายใจ


“เพราะแบบนี้ละ มิตรจึงไปไหนไม่ได้” นิมิตเอ่ย


“ดีแล้ว มิต เข้ากับสังคมไว้ อนาคตจะได้ดีเอง” สาโรชเอ่ยบ้าง อัฐณพแปลกใจกับคำพูดที่ชายหนุ่มเอ่ย


“บางครั้งก็เหนื่อย อยากหลุดออกจากวงจรนี้สักที” นิมิตเอ่ยต่อ เมื่อทุกอย่างจัดพร้อมไว้หมดแล้ว เสียง มัคทายกจึงเอ่ยขันตอนการปฏิบัติต่อไป  นายกอบต.สุทินและภรรยาพิกุลทอง จึงมานั่งกับทางบุบผาด้วย อัฐณพและนิมิต จึงเลี่ยงลงไปด้านล่าง สาโรชนั้นยังคงนั่งอยู่ที่เดิม


“คิดถึงวันเก่าๆ ที่เราเคยมาช่วยเขาจัดงาน” นิมิตเอ่ย อัฐณพยิ้มบางให้ชายหนุ่ม


“วันเก่า มีแต่สิ่งดีๆที่ควรจำ” อัฐณพเอ่ย นิมิตยิ้มรับ


“เราไปดูเขาตั้งร้านยิงตุ๊กตากันดีกว่า” นิมิตกล่าวพร้อมกับจับมือของอัฐณพให้เดินตาม ภาพชายหนุ่มสองคนเดินคู่กันไปไม่ได้พ้นสายตาของชายหนุ่มอีกคนที่เดินไปยืนดูนอกชานศาลา ใบหน้าเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ สายตามองผ่านเลยไปนอกเขตอาราม กำลังใช้ความคิด 


“ที่ นี้ บ้านทุ่ง บ้านป่า คงไม่ค่อยสะดวกสบาย” เสียงทักขึ้นจากด้านหลัง สาโรชหันไปก็พบว่าเป็นนายก อบต.สุทินนั้นเอง ถึงแม่จะอายุเยอะแล้ว แต่ดูแข็งแรง และน่าเกรงขาม


“พอดี แม่บุบผาเล่าให้ฟังว่าเป็นเพื่อนกับพ่อนพ ตามมาเที่ยว” สุทินเอ่ยเป็นกันเอง สาโรชจึงคำนับแทนการตอบ


“มี ว.9 เหตุ 231” สาโรชเอ่ยเบาๆ สุทินนิ่งพิจารณาชายตรงหน้า อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง


“ทราบแล้วครับ” สุทินตอบ แล้วคอยชำเลืองบุคคลรอบ ๆ งาน


“ผมคือเป้า” สาโรชเอ่ย สุทินหันกลับมามองชายหนุ่มอีกครั้ง


“ตามผมมา เราต้องคุยกัน” สุทินเอ่ย จากนั้นก้าวขาลงจากศาลาการเปรียญทันที สาโรชจึงเดินตามด้วย


“ผมขอรายละเอียดคราว ๆ” สุทินเอ่ย เมื่อเดินห่างออกมาจากผู้คน


“นั้นพ่อจะไปไหน” อัฐณพเอ่ย เมื่อเห็น สุทินและสาโรชเดินออกห่างไปจากวัด นิมิตหันมามองตาม


“คงอยากให้พี่เขาช่วยยกของละมั่ง อย่าไปสนใจเลย เราไปทางโน้นดีกว่า” นิมิต กล่าวแล้วดึงแขนให้อัฐณพเดินตามไปอีกทาง อัฐนพยังคงมองเหลียวหลัง ตามหลังสาโรชออกไป


“อย่าให้เกิดเรื่องนะไอ้ดาร์ว” อัฐณพเอ่ยเบา ๆ กับตัวเอง


“สารเสพติด เกลือเป็นหนอน” สาโรชเอ่ย สุทินหน้าเคร่งเครียดขึ้น


“ต้องแจ้งส่วนกลางเลยไหม” สุทินเอ่ย ถึงแม้ว่าจะไม่รู้เกลือเป็นหนอนนั้นเกี่ยวกับอะไร แต่สิ่งที่ชายหนุ่มพูดคงทำให้วงการบางอย่างสะเทือนแน่


“ตอนนี้คิดว่าส่วนกลาง คงได้ข่าวแล้วครับ เขาคงส่งลูกทีมลงมาช่วยแน่ และทางเหลือเป็นหนอน ก็คงต้องส่งทีมสังหาร ออกมาด้วย” สาโรชเอ่ย เมื่อเห็นว่าปลอดคนแล้ว


“ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าใครเช่นกัน” สุทินเอ่ย


“ครับ” สาโรชเอ่ย


“พรุ่งนี้ผมจะเข้าอำเภอ จะไปด้วยไหมครับ” สุทินถาม


“จะเป็นเป้าสายตามากกว่า ผมขอดำเนินการเอง” สาโรชตอบ


“ถ้าอย่างนั้นผมจะให้กำลังพลคอยสอดส่อง การเคลื่อนไหวของคนแปลกหน้า ส่วนคุณปลัด ขอโทษนะครับ” สุทินเอ่ย สาโรชพยักหน้าอนุญาตให้เปิดเผยได้


“ขอให้เก็บตัวเงียบ ๆ ก่อน อยู่ทีนี้ผมรับรองความปลอดภัย” สุทินกล่าวต่อ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 9 ก้าวพิสูจน์ (25/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-03-2019 19:12:12
 o13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 9 ก้าวพิสูจน์ (25/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 25-03-2019 19:18:42
อ้าว พ่อนิมิต รู้จักกับสาโรชแล้วหรือ
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 9 ก้าวพิสูจน์ (25/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-03-2019 23:52:19
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 9 ก้าวพิสูจน์ (25/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-03-2019 21:30:36
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 9 ก้าวพิสูจน์ (25/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-03-2019 15:33:35
ดีจังคุณปลัดมีสายข่าวในทุกพื้นที่
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 9 ก้าวพิสูจน์ (25/3/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-03-2019 01:12:21
เอาใจช่วยให้ปลอดภัย
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 10 แอบหวัง (04/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 04-04-2019 17:52:44
บทที่ 10 แอบหวัง

   แมลงตัวเขียวกำลังขยายปีกนอกและปีกในกรีดกันเพื่อให้เกิดเสียงนั้นเอง ส่งผลให้ชายหนุ่มนั้นลุกขึ้นมาจากที่นอน หันไปดูโดยรอบไม่เห็นร่างของชายหนุ่มอีกคน

“ไอ้ดาร์ว ไปไหนนะ หรือว่าไปแล้ว” อัฐณพเอ่ยกับตัวเอง ใจรู้สึกเบาหวิว อย่างไรชอบกลนัก แล้วลุกขึ้นโดดลงจากเตียงนอน ออกไปนอกห้องนอน จึงมาเจอกับบุยผาที่นั่งเลือกผลไม้อยู่นอกชาน


“เป็นอะไรละ วิ่งหน้าตั้งมา” บุปผาเอ่ย อัฐณพเบรกตัวโก่ง แล้วกลับมานั่งข้างๆ มารดา


“ดูชิ ตื่นสายอีกตามเคย” บุปผาเอ่ยตำหนิ แต่ไม่ได้จริงจังนัก


“หยุดทั้งทีขอ ตื่นสายหน่อยได้ไหมแม่” อัฐณพทำทีอ้อน


“ได้นะได้หรอก นี้มีเพื่อนมาอยู่ด้วยไม่คิดจะดูแลเขาเลยหรอ” บุปผาตำหนิอีกครั้ง


“เออ ใช่แม่ วันนี้ไอ้ดาร์วหายไปไหนแต่เช้า” อัฐณพเอ่ยขึ้น


“สายที่ไหน นี้จะเก้าโมงแล้ว และควรพูดดี ๆ ด้วย พ่อโรชเขาออกไปข้างนอกกับนิมิต ดูซิ ไปหาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เป็นถึงครูอาจารย์ ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างให้นักเรียนเห็น” บุปผายังไม่ทันได้พูดจบ อัฐณพรีบลุกเดินกลับห้องทันที


“ทำตัวแบบนี้ ใครจะมาเอาเป็นแฟน” บุปผาพูดไล่หลังมา อัฐณพถอนหายใจ


“แม่พูด ไม่รู้อะไรเลย ไอ้ดาร์ว นั้นนะพ่อโรชของแม่” อัฐณพ ลากเสียงยาวกับตัวเอง จากนั้นจึงไปค้นผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้าออก
มา มองดูตะกร้าผ้า จึงหิ้วออกไปซักด้วย จนเกือบสิบโมงเช้า รถของนิมิตเลี้ยวเข้ามาภายในบ้าน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ ชายสูงวัยกำลังจ้องมองตัวอักษรที่ทางเจ้าหน้าที่นำมารายงาน เมื่อครู่ ประตูห้องถูกเปิดออกมา หญิงสูงวัยเดินเข้ามา ชายสูงวัยจึงลุกขึ้นยืนต้อนรับ


“สวัสดีครับคุณหญิง มีเรื่องอะไรหรอครับ” ชายสูงวัยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ


“ท่านคะ ดิฉันยอมรับว่าร้อนใจเรื่องลูก ดิฉันเลยมาตามข่าวเรื่องลูก” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยขึ้น ชายวัยกลางคน พนักหน้า


“เชิญคุณหญิงนั่ง จิบกาแฟก่อนไหมครับ” ชายสูงวัยกล่าว และพาคุณหญิงพิมประภาไปนั่งตรงมุมห้อริมหน้าต่าง


“ตอนนี้เราได้ส่งข่าว ไปยังสายเราที่คิดว่า สาโรชจะไป และเพิ่งได้การตอบรับมาว่าเจอตัวแล้วปลอดภัยดีครับ” ชายสูงวัยกล่าว คุณหญิงพิมประภา มีสีหน้าที่สดใสขึ้น เผยยิ้มให้กับคู่สนทนา


“แล้ว เมื่อไหร่ลูกชายดิฉันจะได้กลับมาทำงานตามปกติ” คุณหญิงพิมประภาถามต่อ


“ผมว่า สาโรชเองก็คงคิดจะทำอะไรอยู่ สักอย่างจึงไม่สามารถกลับเข้ามาได้ คงต้องรอสักพัก ผมให้ส่งข่าวไปที่สายของเราแล้ว ให้สาโรชกลับเข้ากรมก่อนครับ” ชายสูงวัยเอ่ย กาแฟกลิ่นหอมละมุนถูกยกเข้ามาเสริฟ บรรยากาศจากที่ตรึง ๆ ผ่อนคลายลงไปเยอะ


“ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ผมขอเป็นความลับของทางราชการนะครับ” ชายสูงวัยเอ่ยต่อ คุณหญิงพิมประภา พยักหน้ารับทราบ


“กลับมาคราวนี้จะพาไปรดน้ำมนต์ เก้าวัดเลยเชียว” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย จนชายวัยกลางคนหัวเราะในลำคอ 


“ท่านยังจะมาหัวเราะอีก ลูกชายดิฉันทั้งคนเชียวนะ” คุณหญิงพิมประภากล่าว ค้อนวงใหญ่ให้อีกฝ่าย


“ผมเข้าใจความรู้สึกครับ สาโรชเขามีผลงานดี ไม่แน่ ไม่กี่ปีผมว่าได้เป็นนายอำเภอก่อนเพื่อนรุ่นเดียวกันกับเขาแน่” ชายสูงวัยเอ่ย


“จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยค่ะ พ่อเขาคงดีใจมาก” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย


“ไม่แน่หรอก คุณหญิง ผมว่า อนาคตเขาได้ขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดก่อนเกษียณแน่ ๆ” ชายสูงวัยเอ่ย ทำให้คุณหญิงพิมประภารู้สึกดีขึ้น พิทักษ์เปิดประตูห้องเข้ามาคำนับ แล้วก้าวเท้าอย่างฉับไว ยื่นเอกสารในมือให้กับชายสูงวัย แล้วถอยห่าง


“เตรียมตัวให้พร้อม งานนี้คงได้ถึงตัวการ” ชายสูงวัยเอ่ย พิทักษ์คำนับแล้วออกไป


“สาโรชนี้ หนังเหนี่ยวใช่เล่น” ชายสูงวัยหันมาคุยกับคุณหญิงพิมประภา คุณหญิงรีบวางถ้วยกาแฟลง


“สาโรชส่งข่าวมา สอดคล้องกับข่าวของสายเราทางเพื่อนบ้าน” ชายสูงวัยเอ่ยต่อ คุณหญิงพิมประภามือวางทาบอก ภาวนาขอให้ลูกชายอยู่รอดปลอดภัย


ที่กรมการปกครอง วันนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหว เพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายนายถูกเรียกประชุมโดยด่วน ความลับสุดยอด ทำให้หลายคนตื่นตัว การประชุมเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด แต่สักพักเบาะแสใหม่ถูกส่งเข้ามา เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเริ่มตระหนัก และรอคำตอบจากผู้บริหารระดับสูง


“ออกหมายจับรอเลย และขอให้ประจักษณ์ด้วยหลักฐาน” เสียงคณะผู้บริหารเอ่ย ชายสูงวัยพยักหน้ารับทราบ


“ผมขอความร่วมมือ อีกอย่างนะครับ สายของเราคนนี้เป็นคนดี อย่าให้เป็นอะไร” ชายสูงวัยเอ่ย


“ครับ” หลายคนรับคำสั่ง


“นำกำลังจากเราเองไป อย่าทำให้เหยื่อ แตกตื่นก่อนห้ามแพร่ข่าวนี้เด็ดขาด” ชายสูงวัยเอ่ยต่อ ประตูห้องประชุมถุกเปิดออก หน่วยทหารนอกเครื่องแบบเข้ามา


“พร้อมออกเดินทางแล้วครับท่าน” หน่วยทหารเอ่ยขึ้น



“พิกัดอย่าให้ไปถึงใครเด็ดขาด สาโรชจะเป็นอันตราย” ชายสูงวัยเอ่ย สิ้นคำพูดทุกคนออกจากห้องประชุม
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   อัฐณพพยายามหิ้ว ทลายหมากทลายใหญ่ใส่บ่าตัวเองแล้วกึ่งลากกึ่งหิ้วตะกร้าหมากอีกใบออกมาจากส่วน หลังจากที่ซักผ้าเสร็จเรียบร้อยจึงเดินเข้าสวนหลังบ้าน วิถีชีวิตคนบ้านนอกคนป่าคนเขาก็เป็นเช่นนี้ละ ผลผลิตที่เกิดขึ้นในสวนเล็ก ๆ หลังบ้านแห่งนี้ มันเป็นขุมทรัพย์ที่คอยเลี้ยงดูสามคนแม่ลูก อัฐณพเรียนสูง ๆ ได้ก็เพราะเงินเก็บจากการขายผลผลิตเหล่านั้น อัฐณพมองไปยังที่วางเปล่าถัดไป   


“สักวันจะต้องเป็นของเรา” อัฐณพเอ่ย มองพื้นที่วางที่มีต้นใหม่ขึ้นรกรุงรัง จากนั้นจึงแบกทลายหมากและลากตะกร้าทลายหมากต่อจนออกมาถึงร่มต้นพิกุล ที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมเป็นร่มเงาอย่างดี อัฐณพวางทลายหมากลงตรงแคร่อีกฝั่ง ส่วนอีกฝั่งนั้นถูกยึดจากชายร่างใหญ่ไปเสียแล้ว   


“นิมิต” อัฐณพเรียกเบา ๆ สิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบ


“นิมิต โว้ย” พร้อมหมอนอิงที่ลอยตามมาลงร่างหนาที่นอนอยู่


“เฮ้ย อะไรวะฟ้าจะผ่าหรือไง” นิมิตลุกขึ้นมาเกาศีรษะ มองอีกฝ่ายที่หน้ามันเยิ้ม


“วัน ๆ ไม่ไปไหนหรือไง เอาแต่นอนอยู่ได้” อัฐณพกล่าวพลางยื่นค้ำเอว


“ทำเป็นรู้ดี” นิมิตตอบ อยากจะให้อัฐณพรู้ว่าเขาจะมาหาอัฐณพก็เฉพาะช่วงนี้เท่านั้น อัฐณพจึงนั่งลงเลือกทลายหมากเพื่อจะได้นำส่งขาย


“เข้าสวน ทำไมไม่บอกเขาจะได้ไปช่วย” นิมิตเอ่ยเสียงออดอ้อน


“ไปช่วยพ่อ ไม่ดีกว่าหรอ”อัฐณพพูดขึ้น นิมิตเลยมีอาการเซ็ง


“ปกติก็ช่วยอยู่แล้ว แต่คนพิเศษมาทั้งทีขออยู่ด้วยไม่ได้หรือไง”นิมิตเอย อัฐณพนิ่ง เพิ่งคิดขึ้นได้


“ไอ้ดาร์วไปไหน” อัฐณพเอ่ยพร้อมลุกขึ้น นิมิตรับคว้าข้อมือไว้ก่อน


“ดาร์วไหน ใครดาร์ว” นิมิตรีบถาม อัฐณพหันมาจ้องชายหนุ่มเขม็ง จนนิมิตเข้าใจ


“ออ พี่โรช ไปอำเภอเมื่อเช้านี้ ยังไม่กลับ พอดีไปกับพ่อนะ” นิมิตเอ่ยตอบ อัฐณพเองรู้สึกตกใจเล็กน้อย


“ไปสนิทกับพ่อ ตั้งแต่เมื่อไหร่” อัฐณพรีบถามต่อ


“ไม่รู้ เมื่อเช้าไปมิต ไปส่งพี่เขาที่อำเภอ พอเจอพ่อแล้วก็เนเข้าไปในอำเภอกับพ่อ มิตขี้เกียจรอเลยกลับมาก่อน” นิมิตอธิบาย 


“ไอ้ดาร์วนั้นนะ” อัฐณพเอ่ยเสียงทุ่ม ไม่อยากจะเชื่อ ว่าพวกขนยาค้ายาจะเข้ากับหน่วยงานราชการได้ อัฐณพ จึงนั่งลงทำความสะอาดทะลายหมากต่อ ในสมองนั้นกำลังคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ จนลืมอีกคนที่ยังนั่งอยู่ข้าง ๆ นิมิตค่อย ๆ ขยับตัวเข้ามาหา อัฐณพก็ไม่รู้สึกตัว นิมิตจึงจู่โจมเข้าหอมแก้มชายหนุ่มทันที   


“เฮ้ย” อัฐณพสะดุ้งตัว หันมาทางชายหนุ่มข้าง ๆ


“นิมิต ชักระลามแล้วนะ” อัฐณพเอ่ยพร้อมหยิบหมากขึ้นมาจะปาใส่


“นพเปลี่ยนไป” คำพูดนี้หลุดออกมา ด้วยทำเสียงอันอ้างว้าง อัฐณพได้สติ


“ไม่ได้เปลี่ยน จะเปลี่ยนไปไหน นี้มันที่บ้าน แล้วอยู่ในที่โล่ง” อัฐณพพยายามอธิบายเหตุผล โดยใช้น้ำเสียงขึ้นข่ม


“แต่ก่อนไม่เคยหึงหวงตัวขนาดนี้” นิมิตรตัดพ้อ ตอนที่เรียนด้วยยังเคยนอนกอดในอ้อมกอด เพียงแต่ไม่เคยเกินเลยกันมากกว่านี้ เนื่องจากถูกข้อร้องไว้ก่อนทุกครั้ง ด้วยเหตุที่กลัวเสียการเรียน จึงทำได้แค่กอดและหอม เท่านั้น


“ตอนนี้ ก็เหมือนเดิม เพียงแต่มันโล่งแจ้งเกินไป เกิดใครมาเห็นเข้าจะว่าไง” อัฐณพเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง


“ก็ว่าไปนพแฟนเรา”  นิมิตเอ่ย กอดอกจ้องมองมาทางอัญณพ


“อุ้ย” อัฐณพอุทาน พร้อมสะดุ้ง


“ทำไม อายหรอ หรือว่าไม่ชอบเรา” นิมิตถามต่อ เมื่อเห็ฯอีกฝ่ายตกใจ


“เราเป็นเพื่อนกันนะนิมิต”อัฐณพพยายามอธิบาย


“เพื่อน ได้แค่เพื่อน” นิมิตเอ่ยเสียงห้วน ๆ ไม่พอใจนัก ลุกจากแคร่เดินลงส้นขึ้นไปบนบ้าน อัฐณพได้แต่ส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วลงมือเลือกและทำความสะอาดทลายหมากตรงหน้า ดวงยี่หว่าลงมาช่วยพี่ชาย


“เป็นอะไรกันอีกแล้วพี่นพ” ดวงยี่หว่าเอ่ยเมื่อมาถึง


“เป็นอะไร” อัฐณพตอบน้องสาวไม่มองหน้า


“ดูหน้าพี่มิต อย่างกับโมโหใครมา” ดวงยี่หว่าตอบ ลงเมือคัดแยกทหลายหมากับพี่ชาย


“พี่มิต น่าสงสารนะพี่” ดวงยี่หว่าเอ่ยต่อ อัฐณพเลยวางมือ


“น่าสงสารอะไร” อัฐณพหันมาหาน้องสาว


“พี่มิต เหมือนมดแดงแฝงมะม่วงเลย” ดวงยี่หว่ากล่าว


“นี้ ๆ แม่ยี่หว่า เรานี้จะเกินเด็กไปแล้วนะ ดูพูดดูเปรียบเปรย” อัฐณพเอ่ย


“ก็มันจริงนี้ ถ้าเป็นแต่ก่อนนะ ตัวติดกันอย่างกับปลาท่องโก๋ มาเดี๋ยวนี้ โอ้ยไม่อยากจะพูด” ดวงยี่หว่างเอ่ย อัฐณพเลยส่งมะเหง็กให้


“โอ้ย ดูซิพูดแค่นี้ทำเป็น ฟังไม่ได้” ดวงยี่หว่าประท้วง     
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   รถฝ่ายปกครองวิ่งเข้ามาภายในหมู่บ้าน ผ่านเลยเข้าไปมุงหน้าสู่อำเภอ ชายหญิงสี่คนที่อยู่ภายในรถมีท่าที่กระวนกระวายนิด ๆ


“เมื่อไหร่จะถึง นะปลัด” แววมยุราเอ่ยขึ้น ลูกน้องคนสนิท ต๊อดและโม่งแอบมองหน้ากันแล้วยิ้ม


“นี้ก็ถึงที่หมายที่ได้จากคุณแล้วนี้” ปลัดสมศักดิ์เอ่ย


“แล้วพี่โรชไปไหน อยู่ไหนนะ” แววมยุราเอ่ย สมศักดิ์ชำเลืองมองนิด ๆ รู้สึกไม่พอใจหน่อย


“ดูห่วงใยกันจริง” สมศักดิ์เอ่ย แววมยุราหันมาทางสมศักดิ์ทันที


“ก็คนรัก จะไม่ห่วงได้ไง” แววมยุราเริ่มจะพองขนขู่


“คู่รัก พูดออกมาได้ มันคิดหรือเปล่าว่าคุณคือคนรัก” สมศักดิ์หันมาจ้องหน้า



“พูดแบบนี้หมายความว่าไง” แววมยุรากระโจนเข้าหาชายหนุ่มทันที ทั้งหยิกทั้งข่วน 

“โอ๊ะ ๆ ท่านครับ หยุดเถอะครับ นี้เราก็ตะเวนกันมาจนเหนื่อยแล้ว ยังจะมากัดกันยังกะ..” โม่งเอ่ยขึ้น สมศักดิ์และแววมยุราจึงหยุด


“ไอ้โม่ง” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น


“หัดรู้จักสังสอนลูกน้องตัวเองหน่อย ใช่ซินิสัยเหมือนกันถึงอยู่ด้วยกันได้” แววมยุราเอ่ยออกมาแล้วหันออกไปหน้าต่าง


“ผมว่าเราพักกันที่นี้ก่อน หาเบาะแสจากชาวบ้านก่อนดีไหมครับนาย” ต๊อดผู้ทำหน้าที่สารถี่เอ่ยแสดงความคิดเห็น   


“ก็ดีเหมือนกัน นั่งรถมาจนจะเข้าวันที่สองอยู่แล้ว” สมศักดิ์เอ่ย ต๊อดจึงเลี้ยวรถเข้าไปยังตลาดกลางใจอำเภอแทน


“แบบนี้จะได้เรื่องไหมเนี้ย” แววมยุราเอ่ย สำเสียงไม่พอใจนัก


“พูดแบบนี้ คุณจะหาเองไหม” สมศักดิ์ต่อปากต่อคำ



“ถ้ามีคนอื่นที่ดีกว่านี้ ฉันไปแน่” แววมยุราเอ่ยหันมาจ้องหน้าสมศักดิ์อีกครั้ง


“นายครับ” ต๊อดเอ่ย สมศักดิ์หันมาหาทางสารถี


“นั้น คนนั้นฉันเคยเห็น” แววมยุราชี้นิ้วไปอีกทาง เมื่อเห็นชายร่างกะร่องเดินริมฟุตบาตร


“คุณแน่ใจนะ” สมศักดิ์หันไปตามและเอี้ยวตัวไปจนทับกับร่างหญิงสาว



“ออกห่าง ๆ ฉัน” แววมยุราผลักสมศักดิ์ให้ออกห่าง สมศักดิ์จึงกลับมานั่งที่เดิม ต๊อตขับตามไปอย่างช้า ๆ เรียบริมฟุตบาตร 


“อย่าให้ตื่นนะมึงไอ้ต๊อด” โม่งเอ่ย


“หาที่พักกันดีกว่า โม่งเอ๋งลงตาม เมื่อได้ที่พักแล้วจะวนกลับมารับ” สมศักดิ์สั่งเป็นงาน


“ทำใมไม่ขับรถตาม” แววมยุราเอ่ยขึ้น ขณะที่ต๊อดค่อย ๆ จอดรถ


“จะให้มันสังเกตได้หรอ โม่งมันทำได้นะ” สมศักดิ์เอ่ย พยักหน้าให้กับลูกน้องคู่ใจคู่กาย ต๊อดออกรถวนหาที่พัก


“จะพักกันแบบนี้หรอ ฉันพักไม่ได้นะ” แววมยุราเอ่ย เมื่อเห็นสภาพโรงแรม


“จะพักหรูหรือครับคุณผู้หญิง ไม่มีหรอก นี้ก็ถือว่าหรู้แล้ว และอีกอย่างมาทำงาน อย่าเรื่องมาก” สมศักดิ์กระแทกเสียง เปิดประตูรถลง แววมยุรารีบลงตาม เดินเข้าไปในล๊อบบี่โรงแรม

“คุณ เหลือห้องเดียว เตียงเดียว” สมศักดิ์หันมาทางแววมยุรา


“เต็มหมดเลยหรอ” แววมยุราเอ่ยกับพนักงาน


“พรุ่งนี้ห้องจะว่างมากขึ้นครับ เพราะแขกจะเริ่มทยอยกลับกัน” พนักงานโรงแรมกล่าว


“มีโรงแรมที่อื่นอีกไหมนอกจากที่นี้” แววมยุราถามต่อ


“พอแล้วคุณ เอาห้องนี้ละ ไปขึ้นห้อง” สมศักดิ์ตัดปัญหา แล้วคว้าต้นแขนแววมยุราให้เดินตาม


“เจ็บนะไอ้ปลัด” แววมยุราเริ่มจะแผดเสียง สมศักดิ์หันกับมาจ้องหน้าด้วยแววตาดุดัน แววมยุราเลยต้องเงียบเสียง พนักงานโรงแรมจึงเดินนำทั้งสองไปที่ห้องพัก


“อย่าทำให้แผนเสีย” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


     ย่ำสนธยา รถกระบะคันค้นตาเลี้ยวเข้ามาภายใน เมื่อรถยนต์จอดสนิทประตูฝั่งคนขับถูกเปิดออกมา ชายสูงวัยนั้นเอง อีกฝั่ง

ชายร่างสูงก็เดินลงมาเช่นกัน


“ไอ้มิต กลับบ้านได้แล้ว ไปดูแลแม่บ้านช่องไม่มี” เสียงของนายกอบต.สุทินเอ่ยไล่ลูกชาย


“เสียงนี้มาอีกแล้ว” นิมิตเอ่ย พลางบิดตัวไปมา


“พ่อพูดถูกนะมิต จะมาเฝ้าเรายังกะเราจะหายไปไหน” อัฐณพเอ่ย


“นี้ก็อีกคน” นิมิตเอ่ย อัฐณพได้แต่ส่ายหน้า สาโรชเดินขึ้นมาบนบ้าน นิมิตจึงลุกขึ้นเดนลงจากบ้าน


“ขอบใจมากนะ” สาโรชเอ่ยกับนิมิต


“ไม่เป็นไรพี่ ด้วยความยินดียิ่ง” นิมิตตอบ แล้วตามบิดาไป สาโรชเดินกลับเข้าห้องไป อัฐณพมองด้วยสายตาที่ส่งสัย จึงลุกเดินตามสาโรชไปในห้อง   


“ไปทำอะไรที่อำเภอ” อัฐณพเอ่ยคำถามแรกถูกถามเมื่ออยู่ในห้องส่วนตัว สาโรชหยิบผ้าเช็ดตัวพาดบ่า


“ไปทำธุระ สำคัญ” สาโรชตอบ จัดแจงเตรียมเสื้อผ้าใส่


“สำคัญมาก กับการส่งยานั้นหรอ” อัฐณพเอ่ย ด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน สาโรชชำเลืองมอง แล้วยิ้มอ่อน

“คิดไปนั้น ไม่ได้ไปส่งยา แต่ไปส่งข่าว พอใจหรือยังคุณนาย” สาโรชตอบ ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ


“แล้วรู้จักกับนายก ได้ไง เพิ่งมาไม่ใช่หรอ” อัฐณพเข้าประชิดตัวทันที ด้วยความที่ลืมตัว สาโรชส่งสายตากรุ่มกริ่มมาให้ อัฐณพ
เองเริ่มได้สติจะก้าวถอยออกห่าง แต่สาโรชรบตัวไว้แล้วพร้อมจุมพิตลงริมฝีปากนุ่ม


“อือ” อัฐณพประท้วงทันที พร้อมผลักอกชายหนุ่มให้ออกห่าง


“ฝากปลาไว้กับแมวตัวโต มีอะไรเสียหายไหมนะ” สาโรชเอ่ย แล้วหัวเราะเบา ๆ อัญณพเมมริมฝีปากจนเจ็บ


“ไปทำหน้าที่คุณนาย ได้แล้วผัวหิว” สาโรชเอ่ยเน้นคำว่า ผัว อย่างชัดเจน แล้วจะออกจากห้อง พอเปิดประตู ดวงยี่หว่าทำตาแป๋วอยู่


“แม่ให้มาตามไปกินข้าว” ดวงยี่หว่าเอ่ย อัปกิริยาอาย ๆ


“ขอพี่อาบน้ำก่อนนะ น้องสาวสุดสวย หิวเหมือนกัน ชวนพี่เราไปยกสำรับรอ” สาโรชเอ่ยเบา ๆ แล้วเลียงไปอาบน้ำ อัฐณพจึงเดินออกมา ดวงยี่หว่ามองหน้าทำตาแป๋วเช่นเดิม


“มีอะไร ยี่หว่า” อัฐณพเอ่ย


“อาการมันฟ้อง” ดวงยี่หว่าเอ่ย แล้ววิ่งกลับไป


“อะไร กลับมาอธิบายเลย” อัฐณพเอ่ยตามหลัง ดวงยี่หว่าออกมาตรงชานบ้าน


“มีอะไรกัน เอ๊ะอะโวยวาย ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” บุปผาเอ่ย ขณะเดินขึ้นมาจากใต้ถุนบ้าน


“แม่ไปไหนมาครับ” อัญณพถามมารดา


“ไปเก็บค่า กล้วยที่เอาไปขายเมื่อวันก่อน” บุปผาตอบลูกชาย


“แล้วนี้ พ่อโรช กลับมาหรอยัง” บุปผาเอ่ยต่อ


“กะ กลับ มาแล้วครับ” อัฐณพตอบ


“อือ จะกลับกันวันพรุ่งนี้แล้วใช่ไหม” บุปผาเอ่ยต่อ แล้วมานั่งรอรับสำรับตรงชานบ้าน


“ใช่ครับแม่ นพรู้สึกยังไงไม่รู้ คิดถึงบ้านหลังนี้มาก ๆ” อัฐณพมานั่งใกล้ ๆ มารดา


“วันหยุดยาวก็กลับมาบ้านเรา” บุปผาเอ่ย อัฐณพพยักหน้า



“แม่ที่ ตรงข้าง ๆ สวนเรา เขายังประกาศขายอยู่หรือเปล่า” อัฐณพถามขึ้น



“ที่ตรงนั้น มันเป็ฯที่ตาบอดใครละจะซื้อ หรือถ้าซื้อต้องมีใครคนใดคนหนึ่งละที่ต้องเสียงสละเป็นทางออกไปสู่ถนนใหญ่” บุปผาเอ่ย


“นพอยากได้ อยากสร้างบ้าน” อัฐณพเอ่ยขึ้น พอดีกับสาโรชออกมาจากห้องน้ำพอดีได้ยิน


“บ้านที่เราอยู่นี้ก็อยู่ได้” บุปผาเอ่ยไม่เห็ฯด้วยกับบุตร


“ในวันข้างหน้า ที่ยี่หว่าออกเรือน อยากให้น้องมันได้” อัฐณพเอ่ย เบาๆ บุปผาพยักหน้ารับทราบ ดวงยี่หว่ายกสำหรับออกมาพอดี
กับสาโรชตรงหน้าประตูห้องครัว


“ที่ตรงไหน” สาโรชถามดวงยี่หว่า


“ตรงโน้นพี่ ติดกับสวน” ดวงยี่หวาตอบ แล้วเดินยกสำรับมาวาง สาโรชจึงเข้าร่วมวงสำรับ

“วันพรุ่งก็จะกลับกันแล้ว เราไปทำบุญให้พ่อดีไหม นพ” บุปผาเอ่ย


“ดีครับ นพก็คิดถึงพ่อ” อัฐณพเอ่ย ด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ จนสาโรชเองก็รู้สึกเศร้าไปด้วย คิดถึงบิดาที่จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 10 แอบหวัง (04/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-04-2019 18:57:45
แหม..พูดว่าผัวเต็มปากเต็มคำเลยนะคุณปลัด อยู่บ้านเขาก็เกรงใจแม่ยายบ้างนะ อิอิอิ
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 10 แอบหวัง (04/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 04-04-2019 20:50:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 10 แอบหวัง (04/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-04-2019 23:38:42
 :katai2-1:


สงสารนิมิตร
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 10 แอบหวัง (04/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-04-2019 03:33:22
ขอให้สาโรชปลอดภัย
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 11 จากลา (26/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 26-04-2019 14:24:41
บทที่ 11 จากลา 



ผู้คนเริ่มทยอยลงจากศาลาวัด ต่างแยกย้ายกันลงไปใต้ต้นไม้ เพื่อไปเทน้ำที่เปรียบเสมือนสายบุญที่มอบไปยังผู้ที่อยูเบื้องหน้า สาโรชเดินตามอัฐณพมานั่งลงข้าง ๆ พุ่มไม้ ถึงเวลาต้องจากกันแล้ว ภูมิประเทศแถบนี้คงจะเอื้อต่อการหลบหนี หรือข้ามไปอีกประเทศหนึ่งได้ อย่างไรเสียก็ขอให้โชคดี และเดินตามเส้นทางของตนเอง


“นายควรไปได้แล้ว แผลก็หายแล้ว” อัฐณพเอ่ยขึ้น ขณะที่กำลังเทน้ำออกจากขัน สาโรชรีบจับขันน้ำร่วมเทลงไปยังต้นไม้


“จะให้ไปไหน” สาโรชถาม อัฐณพเงยหน้าประสานสายตา อีกฝ่ายคงจ้อมองมาเช่นกัน จนอัฐณพเองเป็นคนที่ต้องหลบสายตา


“ไป  ไปในสิ่งที่นายชอบ นายต้องการ” อัฐณพตอบ


“ไม่มีทางหรอก ความตายเท่านั้นที่จะพรากเรา” สาโรชเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น อัฐณพรู้สึกชื่นใจในส่วนลึกของหัวใจ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร


“ไปเถอะ ไปตามทางของนาย ปืนก็คือให้นายไปแล้ว” อัฐณพเอ่ยอีกก่อนลุกขึ้น เดินจากไป สาโรชมองตาม ถอนหายใจใหญ่แล้วลุกขึ้นเดินตาม ขณะเดียวกัน นิมิตก็วิ่งมาหาอัฐณพ


“นพ ว่าแล้วต้องอยู่ที่นี่” นิมิต เอ่ยด้วยความยินดี ยิ้มหร่ามาแต่ไกล


“มาทำบุญให้พ่อ” อัฐณพเอ่ยตอบ นิมิตพยักหน้ารับทราบ


“จะกลับวันนี้แล้วซินะ” นิมิตกล่าวด้วยใบหน้าเศร้า


“อือ ทำไมหรอ” อัฐณพถามขึ้น อดแปลกใจ


“คงไม่ได้เจอกันอีกนาน” นิมิตกล่าว 


“โทรหาก็ได้นี้ หรือไปหาก็ได้” อัฐณพพูดขึ้นทันที นิมิตเอียงตัวไปมองชายหนุ่มอีกคนที่เดินตามมา


“จะดีหรอ” นิมิตกล่าว อัฐณพหันลังกลับไปมอง ก็รู้ว่านิมิตรหมายถึงใคร


“ดีซิ เราเป็นเพื่อนกัน ทำไมจะไม่ได้” อัฐณพหันมากล่าวกับนิมิต ที่พยักหน้ารับทราบ


“วันนี้พ่อต้องออกพื้นที่กับทางหลายอำเภอ โครงการหลวงนะ มิตอาจจะไม่ได้ไปส่งเพราะต้องไปกับพ่อ” นิมิตเอ่ยน้ำด้วยเสียงเศร้า ๆ


“เราจะกลับค่ำ ๆ ไปซิอยากไปกับพ่อ เหมือนครั้งก่อน ๆ” อัฐณพเอ่ย พร้อมฉุดมือนิมิตรให้เดินตามออกมา นิมิตหันไปมองสาโรชที่มองมาที่ทั้งคู่ พร้อมพยักหน้าให้ตามมา


“อุ้ย ลืม” อัฐณพเอ่ยแล้วปล่อยมือนิมิต วิงกลับไปที่ศาลาวัด


“ไปพี่ ไปรอที่รถ” นิมิตเอ่ยชวนสาโรช


“เขาไปไหน”สาโรชเอยถาม


“คงจะไปบอกแม่นะ เราไปรอที่รถเถอะ” นิมิตตอบ แล้วเดินต่อ สาโรชรู้สึกทึ่งในความเอาใจใส่และดูแลกันจนรู้ใจกันว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่


“คงรู้ใจกันซินะ” สาโรชเอ่ยขึ้นลอย ๆ นิมิตหันมามองคนพูด


“พี่โรชครับ ถ้าเป็นแต่ก่อนนะครับ พี่โรชไม่ได้เหยียบบันไดบ้านนั้นหรอก จะบอกให้” นิมิตเอ่ย สาโรชเลยยิ้มเจือน ๆ นิมิตยืนรอที่รถยนต์


“พี่ขอโทษละกัน” สาโรชเอ่ยขึ้นเบา ๆ


“รักษาเขาเหมือนที่ มิตรักษาให้ได้ก็แล้วกัน” นิมิตเอ่ยตอบ


“พี่คิดว่า พี่คงเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ติดจะทิ้งสัญญา” สาโรชตอบ สองหนุ่มจ้องหน้ากัน มองกันด้วยแววตาลูกผู้ชายคนหนึ่งพึงให้คำมั่น อัฐณพวิ่งกลับมาพร้อมถุงหิ้วที่มีของกินเต็มไปหมด


“ไปกัน นี้แม่ฝากมา เอาไว้ตอนหิว” อัฐณพเอ่ยพร้อมชูถุงขนม ข้าวต้มมัด  นิมิตยิ้มแล้วเปิดประตูรถ สาโรชเดินไปด้านฝั่งข้างคนขับ อัฐณพเลยต้องทำคอตก เดินตาม สาโรชเปิดประตูแล้วผลักเบาะนั่งให้ขยับมาด้านหน้า เพื่อให้อัฐณพเข้าไปได้


“เชิญคุณ...นาย” สาโรชเอ่ยเบา ๆ เมื่ออัฐณพขึ้นนั่งเรียบร้อยจึงได้ปรับเบาะตามเดิม


“ทำไมไม่เอารถเก๋งมา” อัฐณพบ่น


“บุกป่าฝ่าดงแบบนี้ เอารถเก๋งมา ตาสุทินก็เขกกะบาล เอาซิ”  นิมิตกล่าว พร้อมออกรถมุ่งหน้าจุดหมาย รถอีกคันค่อย ๆ เคลื่อนตามมา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


“นี้ละหนา ผู้หญิง ทำอะไรชักช้า” เสียงบ่นของสมศักดิ์ดังขึ้น


“อย่ามาว่าให้นะ” แววมยุราเอ่ย เมื่อนั่งรถเรียบร้อยแล้ว


“อาว ออกรถซิ นั่งบื้อทำไมอยู่” แววมยุราเอ่ย เมื่อต๊อดยังคงนิ่ง


“ไอ้โม่ง โทรมาบอกว่าคลายกับกลุ่มไอ้พวกนั้นครับ” ต๊อดเอ่ย แววมยุราทำหน้าเสีย


“เห็นไหมละ ต้องอาบน้ำก่อน อย่างนั้นอย่างนี้” สมศักดิ์ได้ที หันมาพูดให้กับแววมยุรา


“ใครจะไปทั้งทีไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน ฉันไม่ได้ซกหมกอย่างพวกนาย” แววมยุราหันมาแผดเสียงกับสมศักดิ์ ต๊อดเห็นท่าไม่ดีจึงออกรถ จนแววมยุราเสียงหลักล้มทับลงบนตัวสมศักดิ์ที่อ้าแขนรับพอดี


“ไอ้ต๊อด มึงขับยังไง” สมศักดิ์หันไปโวยวายกับลูกน้อง แต่ไม่ปล่อยให้แววมยุราออกจากอ้อมกอด


“ขับอย่างที่ขับละครับ” ต๊อดเอ่ยแล้วออกรถอีกครั้ง


“ปล่อยฉันซิไอ้ปลัดสมศักดิ์” แววมยุราผลักออกสมศักดิ์ สมศักดิ์เองได้สติรีบปล่อยให้แววมยุรากลับขึ้นนั่งตรงเบาะอีกครั้ง แววมยุราค้อนให้วงใหญ่ สมศักดิ์แอบยิ้มอย่างพอใจ ต๊อดขับรถออกมาเรื่อย ๆ มารับโม่งตรงแยกพอดี


“ทำไม ทำให้คลาดกันวะ” สมศักดิ์เอ่ยขึ้น เมื่อโม่งขึ้นนั่งรถเรียบร้อยแล้ว


“สงสัยเราตื่นสายนะลูกพี่ พวกมันคงออกเช้า” โม่งเอ่ย


“พี่โรช” แววมยุราเอ่ย ขณะที่มองผ่านกระจกด้านข้างตัวรถ เห็นรถที่สาโรชขับผ่านไป


“ตามเร็ว ๆ” แววมยุราสั่ง ทั้งสามคนมองตามรถข้างหน้า ที่มีรถอีกคันตามผ่านไป


“เฮ้ย นั้นไง มันอยู่นั้น” โม่งชี้ไปยังรถที่ตามไป ต๊อดออกตัว พอดีกับรถอีกคันเข้ามาปาดหน้าเสียก่อน


“เฮ้ย นายยักษ์” สมศักดิ์เอ่ย จำคนที่นั่งมากับคนขับได้ดี


“พวกมัน ตามพี่โรชได้แล้ว” แววมยุราเอ่ย ด้วยความร้อนใจ


“มึงตามเลยได้ต๊อด” โม่งออกคำสั่ง ต๊อดรีบเร่งเครื่องออกตาม


“พ่อคุณ คิดจะปิดปากไอ้สาโรชเลยหรอ” สมศักดิ์หันมาทางแววมยุรา ที่ได้แต่ส่ายหน้าไม่รับรู้ ขอภาวนาไม่อยากให้ใครเป็นอะไรอีกเลย


 
     ขบวนรถทั้งหมดเริ่มออกสู่ทางเปลี่ยว ต้องผ่านป่าโคก สาโรชสังเกตเห็นรถที่วิ่งตามมาอย่างไม่ลดความเร็ว


“เร่งเครื่องให้เร็วกว่านี้ได้ไหม” สาโรชเอ่ย อัฐณพแปลกใจ นิมิตมองผ่านกระจกหลังก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่สาโรชพูด จึงเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น รถที่ตามมาเริ่มเร่งความเร็วตาม นิมิตหักรถออกนอกเส้นทางหลักเข้าสู่เส้นทางรอง จนรถที่ตามมาเสียหลัก


“ชินเส้นทางไหม” สาโรชถาม นิมิตพยักหน้า จากนั้นเลี้ยวเข้าสู่เส้นทางแคบลง ฝุ่นตลบขึ้นบดบังทัศนียภาพสองข้างทาง จนรถอีกสามคันต้องชะลอ


“มันคืออะไร” อัฐณพถามด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจ


“ต้องออกจากจุดนี้ให้ได้ก่อน เข้าสู่เส้นหลัก” นิมิตตอบ สาโรชพยักหน้าเข้าใจ คลำที่ข้างเอวตัวเอง รู้สึกอุ่นใจนิด ๆ นิมิตทำหน้าที่เป็นสารถีอย่างดีเยี่ยม หลบมุมเข้าออกสองสามครั้งก็ออกสู่ถนนใหญ่อีกครั้ง รถทั้งสามที่ตามมาเริ่มทิ้งระยะห่างพอสมควร


“บอก นพมาซิมิต มันเกิดอะไรขึ้น” อัฐณพหันไปทางนิมิต


“นั่งไปเถอะ ออกจากนี้ได้ค่อยอธิบายให้ฟัง” นิมิตกล่าว สายตาเพ่งไปด้านหน้า


“ปัง. . . . ปัง....” เสียงกัมปนาถดังขึ้น นิมิตเหยียบคันเร่งจนมิดเท้า


“พ่อ ช่วยเราด้วย” นิมิตหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา อัฐณพหันมามองทางสาโรช ที่มีสีหน้าตื่นตระหนกไม่ต่างกันสักเท่าไหร


“นายจะทำอะไร” อัฐณพเอ่ยขึ้น นิมิตเลี้ยวรถอีกครั้ง จนอัฐนพกระเด็นกระดอนไปอีกฝั่งของรถ


“ตอนนี้ เราต้องรอการช่วยเหลือกับพ่อ”นิมิตกล่าว


“ปัง...ปัง...” เสียงปืนคงดังตามมา


“ตามให้เร็ว” แววมยุราเองก็ร้อนใจ ตะโกนใส่ต๊อด


“เร็วอยู่แล้วครับ” ต๊อดตอบกลับมา


“คุณอยู่เฉย ๆ เถอะน่า” สมศักดิ์เอ่ย พร้อมหยิบอาวุธคู่กายออกมา


“จะเฉยได้ไง ไม่ได้ยินหรือไง เสียงปืน” แววมยุราแผดเสียงออกมา


“ได้ยิน เราก็ขับตามอยู่นี้ไง อย่างพูดเหมือนมานั่งดูหนังไทยได้ไหม” สมศักดิ์หันมาทางแววมยุรา


“ถ้าพี่โรชเป็นอะไรไป ฉันนี้ละจะเป็นคนจัดการ” แววมยุราพูดไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากหนาประกบริมฝีปากบางนั้นเรียบร้อยแล้ว


“อยู่นิ่งๆ” สมศักดิ์เอ่ย เมื่อถอนริมฝากปากออก จากนั้นก็ผละออกมาตาจ้องไปข้างหน้า มองรถสองคันข้างหน้าที่พยายามขับส่ายไปมา


“ต๊อดระวังด้วยมึง” สมศักดิ์เอ่ยกับลูกน้องพร้อมตบมือลงบ่า
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
   บ้านยกใต้ถุนสูง สายลมเย็นพัดผ่าน บุบปากกำลังเลือกผลไม้ที่จะให้ลูกชายนำไปไว้ทานที่โรงเรียนของตน ดวงยี่หว่ายกข้นน้ำมาให้


“น้ำจ๊ะแม่” ดวงยี่หว่ายื่นขันน้ำให้มารดา บุปผารับมาแล้วรู้สึกหน้ามืดปล่อยขันน้ำล่วงลงพื้น


“แม่” ดวงยี่หว่าร้องขึ้นทันทีรีบเข้าประคองร่างของมารดา


“แม่เป็นอะไร แม่” ดวงยี่หว่าร้องขึ้น บ่อน้ำตาแตกทันที รีบหาพัดข้าง ๆ มาพัดเอาลมเย็น ๆ เข้าหาบุปผาพร้อมบีบนวด


“แม่ไม่เป็นไร แค่รู้สึกหวิว ๆ เฉยๆ” บุปผาเอยเบา ๆ กับลูกสาว


“งั้น แม่อยู่ตรงนี้รอ หว่าจะไปเอายาดมยาหอม มาให้” ดวงยี่หว่าเอ่ยพร้อมลุกขึ้นวิ่งไปบนบ้านทันที บุปผามีความรู้สึกคิดถึงลูกชายขึ้นมาอย่างไรอธิบายไม่ถูก

“ขอให้ลูกแม่อยู่รอดปลอดภัย” บุปผายกมือขึ้นท้วมหัว ดวงยี่หวารีบลงมาถือถ้วยยาหอมมาให้


“แม่ดื่มก่อน” ดวงยี่หวายกแก้วขึ้นจรดปากมารดา บุปผารีบดื่ม


“เป็นห่วงพ่อนพ อย่างไรไม่รู้” บุปผาเอ่ยขึ้นมองหน้าลูกสาว


“แม่ พี่นพมีพี่โรชอยู่ไม่เป็นไรหรอก” ดวงยี่หวาปลอบ บุปผาพยักหน้า


“พ่อโรช เขาจะช่วยอะไรพี่เราได้” บุปผาเอ่ยเนิบ ๆ


“คนรัก จะทิ้งกันได้ไง” ดวงยี่หวาเอ่ย


“ใคร คนรักใคร” บุปผาเอ่ยถามด้วยความสงสัย


“คนแก่ ไม่ทันวัยรุ่น เสียแล้ว” ดวงยี่หวาเอ่ย


“แม่ไม่สังเกต พี่นพหรอ มาคราวนี้รู้สึกอย่างไงชอบกล พี่โรชก็อีกคน คเชนเราถ้าเป็นแขกเพื่อนกันก็ไม่น่าจะแสดงท่าทางกันแบบนี้” ดวงยี่หวาพูดต่อ


“ยังไง แม่ไม่เข้าใจ” บุปผาหันมาหาลูกสาวอีกครั้ง


“แม่ วันที่ไปใส่บาตร หว่าดูก็รู้แล้ว มีอย่างที่ไหน พี่โรชจับมือพี่นพใส่บาตร ทำแบบนั้นเขาเรียกคู่ตุนางันกันแล้ว” ดวงยี่หวา

อธิบาย บุปผาตีมือลงบนต้นแขนลูกสาวเบา ๆ


“พูดเข้า ระวังเถอะ” บุปผาเอย พลางถอนหายใจ คิดทบทวนสิ่งที่ลูกสาวตัวเองพูด


“หรือมันจะจริง” บุปผาเอยเบา ๆ กับตัวเอง


“แม่นะดื่มให้เยอะ นะเลือดลมไม่ค่อยจะดีขึ้นมาละซิ” ดวงยี่หว่าเอ่ยต่อ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 “ไอ้ต๊อดระวัง” สิ้นเสียงสมศักดิ์ รถยนต์คันใหญ่เริ่มหมุนเคว้งลงไหล่ทาง


“ระวังคุณแวว”สมศักดิ์ดึงแววมยุรามาที่อกตัวเอง


“วาย” แววมยุราลอยลิ่วตามแรงดึงเข้าหาอกกว้าง


“ระวังไอ้ต๊อด ไอ้โม่ง” สมศักดิ์ร้องขึ้น จากนั้นเสียงห่ากระสุนก็ดังขึ้น ต๊อดและโม่งเปิดประตูออก สมศักดิ์และแววมยุราคลานลง

ตาม เมื่อได้ที่มั่น สมศักดิ์และลูกน้องเริ่มเปิดฉากยิงไปหารถด้านหน้า ซึ่งยักษ์และลูกน้องก็หันมาเปิดฉากใส่ทางสมศักดิ์เช่นกัน


“พวกมึงอย่าให้มันรอดออกไปได้สักคน” ยักษ์หันไปสั่งลูกน้องคนสนิท ทั้งหมดตีวงออก เสียงปืน อาวุธสงคราม ดังสนั่นด้านหน้าและด้านหลัง รถของนิมิตหลบเข้าพุ่มไม้ได้


“นิมิต ดูแลนพด้วย” สาโรชออกคำสั่ง แล้วรีบออกหลบออกจารถ


“ไอ้ดาร์ว ไอ้..” อัฐณพพยายามจะเรียก


“นพลงมาด้านล่างเถอะ มันไม่ปลอดภัย” นิมิตกล่าว เอื้อมมือมาคว้าแขนแล้วกึ่งดึงกึงลากลงจากรถ เสียงห่ากระสุนแหวกอากาศ ผ่านไปหลายนัด อัฐณพอกสั่นขวัญหาย รีบลงตามนิมิต ที่คอยช่วยสอดส่องดูแล สาโรชเองเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนลงมาได้แล้วจึงคอย ๆ แอบตามพุ่มไม้ คิดหาทางกำจัด


“มันจะทำอะไรเราไหม” อัฐณพเอ่ย คลานตามนิมิตออกไปจากตัวรถ รถที่ขับตามมาเข้ามาเทียบรถของนิมิต จากนั้นลงมาดู
“ปัง” นัดเดียวทำให้ร่างของคนที่ลงมาดูรถทรุดฮวบ อีกสองคนในรถจึงต้องระวังตัว อีกฝั่งเสียงปืน หยุดลง เสียงรถดังกระหึมเข้ามาใกล้บริเวณรถขอนิมิต


“มันมีพวกสนับสนุน” นิมิตพูดรอดไรฟัน จ้องมองดูกลุ่มคนที่กำลังสำรวจ รถและเริ่มขยายวงออกมาทางนิมิตและอัฐณพ


“ปัง” นัดที่สองร่างที่ย่างสามขุมล้มลงไม่เป็นท่า ทำให้ อีกคนที่เดินสำรวจเริ่มใจคอไม่ดี หันหลังก้าวจะกลับขึ้นรถ


“เฮ้ย มึงจะไปไหน” เสียงของยักษ์นั้นเอง ทำให้ร่างนั้นสะดุ้ง


“ปัง” กำลังที่จะตอบ ก็ต้องสะดุ้งด้วยคมกระสุน


“ถ้าคิดจะเป็นโจร ใจมึงต้องนิ่ง” ยักษ์กล่าวอย่างเยือกเย็น


“พวกมึงตามเก็บให้หมดอย่าให้เหลือ” ยักษ์สั่งลูกน้อง


“แล้วพวกที่ตามมาละพี่” ลูกน้องถามขึ้น


“รีบจัดการ แล้วรีบออกจากพื้นที่โดยเร็ว” ยักษ์สั่งอีกครั้ง ทั้งห้าคนรีบกระจายกำลัง  นิมิตค่อยๆ คลานออกห่าง ตามด้วยอัฐณพ แต่ด้วยความที่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ข้อเข่าของอัฐณพไปทับกับกิ่งไม้ทำให้เกิดเสียง ลูกน้องของยักษ์จึงรีบวิ่งไปที่ทั้งสองคน
“พี่ ไม่ใช่คนที่เราตามหา” ลูกน้องคนสนิทเอ่ย เมื่อพาอัฐณพและนิมิตออกมาที่โล่ง


“ปลัดไปไหน” ยักษ์เอ่ยเสียงเข้มพร้อมตะหวาด


“ปลัดไหน ใครปลัด” อัฐณพเอ่ย ท้ายปืนเอ็มสิบหกถูกกระเคนเข้าที่ชายโครง จนตัวงอ


“นพ” นิมิตพยายามจะเข้าพยุง ก็โดนท้ายปืนเสยที่ปลายคางเสียก่อน จนต้องหงายหลังนับดาว


“อย่าคิดหดหัว ออกมาเสียดี ๆ หรือจะให้พวกนี้เป้ฯศพก่อน” ยักษ์ประกาศกร้าว


“ปัง” แม่เหมือนจับวาง ร่างของลูกน้องยักษ์ล้มลง ที่เหลือจึงต้องระวังตัว หาที่หลบเข้ากำบัง


“มันมาทางไหน” ยักษ์ถามลูกน้อง ยังไม่ทันได้ตอบอะไร รถของสมศักดิ์ก็ตามมาถึง สถาพดูไม่ได้แต่ก็พร้อมลุยทุกสถานการณ์


“ปัง...ปัง” เริ่มเปิดฉากกันอีกครั้ง พวกของยักษ์ต้องรีบปิดฉากให้เร็ว ก่อนที่จะสายเกินไปกว่านี้ อัฐณพค่อยๆลุกมาเขย่าร่างของนิมิต


“มิต ลุก มิต เป็นไง บ้าง” อัฐณพพยายามเขย่า ร่างหนานั้นให้ลุกขึ้น นิมิตพยายามกระพริบตาถี่ไล่อาการมึนงง สักครู่ให้ออกไป


“มึงมานี้เลย” ยักษ์คว้าข้อมือขออัฐณพและเล็งปืนไปที่นิมิต


“พวกมึงหยุด” ยักษ์ตะโกนออกไปที่ฝั่งตรงข้าม พร้อมปืนเล็งที่หัวของอัฐณพ ต๊อด โม่ง และสมศักดิ์มองหน้ากันเชิงปรึกษา


“มันมีตัวประกัน” ต๊อดเอ่ย


“แต่ไม่ใช่พี่โรชนี้ ช่างมัน” แววมยุราเอ่ย สามหนุ่มมองหน้าหญิงสาว


“หน้ามืดตามัว บ้าผู้ชายจริง คุณนี้” สมศักดิ์ตะคอกใส่แววมยุรา


“ปัง” กระสุนโดนที่ข้อมือของยักษ์ จนเจ้าตัวต้องเซไปตามแรง เมื่อรู้ทิศทางของกระสุนแล้วยักษ์รั่วห่ากระสุนออกไปตามทิศทาง


“เอาให้มันตายไปเลย” ยักษ์สั่งลูกน้อง จากนั้นทั้งฝั่งของสมศักดิ์ก็โจมตีด้วยอีกด้าน เสียงหวอรถตำรวจดังมาแต่ไกล


“เอาไงดีพี่” ลูกน้องคนสนิทเอ่ย


“อย่าให้เหลือ เร็ว” ยักษ์สั่งหันมาจะยิงอัฐณพ สาโรชเข้าประชิดตัว หวดวัตถุสีดำลงตรงทัดดอกไม้ ยักษ์เซไปตามแรง จึงต้องปล่อยให้อัฐณพเป็นอิสระ อัฐณพถูกเหวี่ยงลงด้านข้าง 


“ออกมาแล้วหรอ วันนี้มึงไม่รอดหรอก” ยักษ์ขบกรามแน่ พยายามเรียกสติให้กลับคนมา ลุกขึ้นหยิบปืนที่เหน็บข้างกาย สาโรชเตะไปที่ข้อมือของยักษ์ ปืนจึงกระเด็นออกไปด้วย ยักษ์ตะกายตามปืน พร้อมคว้ามากำในมือ จึงเอี้ยวตัวกลับมาพร้อมเล็งปืนไปที่สาโรช


“มึงตาย” ยักษ์กล่าวพร้อมลั่นไกล


“ปัง” ร่างบางกอดร่างชายหนุ่มอีกคน พอดีกับคมกระสุนเจาะเข้าไปในร่าง

“นพ” สาโรชเอ่ย มองหน้าชายคนที่รัก อัฐณพค่อย ๆ ลู่ลงตามแรงโน้มถ่วง


“นพ” นิมิตรีบเข้ามากอดชายหนุ่มจากด้านหลัง


“ลูกพี่ไปเร็ว” ลูกน้องของยักษ์รีบมาช้อนร่างของยักษ์ให้ลุกขึ้นไปที่รถ


“นิมิต พี่ฝากนพด้วยนะ เขาคือ หัวใจของพี่” สาโรชเอ่ย พร้อมลุกขึ้นวิ่งไปคว้าปืนจากศพแล้ววิ่งตามรถของยักษ์ออกไป สาโรชไปที่รถของนิมิต ขับตามออกไปติด ๆ เสียงปืนดังเป็นระยะ ๆ 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++   


      รถตำรวจและรถพยายามเข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุ เมื่อความเงียบสงบกำลังคืบคลานเข้ามา ตำรวจหลายนายออกสำรวจ อีกชุดก็ตามสาโรช


“พ่อ นพถูกยิง” นิมิตเอ่ย น้ำตาไหลนองหน้า พยาบาลจึงรีบเข้าช่วยเหลือ


“คุณปลัดละ” สุทินถามลูกชาย ที่หน้าตาสะบัดสะบอมไม่ต่างกัน


“ตามพวกมันไป” นิมิตตอบปนเสียงสะอื้น


“พี่โรชไปไหนแล้วพี่โรช” แววมยุรารีวิ่งออกมาที่กลุ่มคนเจ็บ สมศักดิ์ได้แต่ส่ายหน้า ทั้งที่ตัวเองก็โดนยิงเช่นเดียวกัน


“นายรู้ไหมพี่โรชไปไหน” แววมยุราถามนิมิต


“คุณแวว ออกมา” สมศักดิ์เข้าไปคว้าร่างแล้วลากออกมา แววมยุราไม่พอใจ กำปั้นทุบลงที่ต้นแขน


“โอ๊ะ” สมศักดิ์อุทานออกมา


“นายเป็นอะไร” แววมยุราเอ่ยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าเจ็บปวด เลือดไหลทะลักออกมา


“นายถูกยิง” แววมยุราอุทานออกมา
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 11 จากลา (26/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-04-2019 14:56:00



 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 11 จากลา (26/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-04-2019 16:32:10
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 11 จากลา (26/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 26-04-2019 17:47:42
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 11 จากลา (26/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiw ที่ 26-04-2019 20:03:52
นพอย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 11 จากลา (26/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-04-2019 22:16:26
มาต่อเร็วๆ นะ
 :katai4:
นพอย่าเป็นอะไรมากเลย สงสารมากๆ
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 11 จากลา (26/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-04-2019 01:43:46
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 11 จากลา (26/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-04-2019 03:34:59
ขอให้ปลอดภัยนะ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 11 จากลา (26/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 23-05-2019 11:36:36
ต้องขออภัยด้วยครับ พอดีติดภารกิจ จะรียบมาต่อให้ครับ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 11 จากลา (26/04/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 23-05-2019 19:20:46
 :o11:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 12 พบเจอ (29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 29-05-2019 15:20:58
บทที่ 12 พบเจอ
   การไล่ล่าของสองฝ่ายดำเนินไปอย่างดุเดือด มีตำรวจตามหนุนหลัง เป็นฝ่ายที่สาม เสียงปืนดังสนั่นผ่านหมู่บ้าน ก่อนจะเลยออกสู่ท้องทุ่ง ที่ตอนนี้มีแต่ความแห้งแล้ง สาโรชลัดเลาะ ป่าหญ้าออกไปอีกเส้นทาง คนร้ายหันกลับมามองหา พร้อมเล็งปืนมาที่ตัวสาโรช กระสุนพุ่งเจาะตัวรถ ต้องรีบหาที่กำบัง เฝ้ามองดูพฤติกรรมของคนร้าย มองลูกปืนตัวเองที่เหลือน้อยเต็มที  อย่างไรก็ต้องจับเป็น เพื่อสาวถึงผู้บ่งการ สมองคิดหาวิธีหยุดรถคนฝ่ายให้ได้ จึงรีบย้ายที่กำบัง ลัดเลาเข้าดงต้นอ้อ และเลยเข้าสวนอ้อย พยายามให้การเคลื่อนไหวน้อยที่สุด


“ไอ้สาโรช วันนี้มึงหนีไม่พ้นหรอก มึงเป็นผีเฝ้าทีนี้แน่” เสียงคำรามออกมา ยักษ์ส่งสัญญาณให้ลูกน้องโอบล้อม


“ปัง” นัดแรกถูกยิ่งขึ้นฟ้าเป็นการยิงเพื่อล่อเป้า สาโรชนิ่งหันซ้ายทีขวาที 


“มึงคิดหรือว่ามึงจะรอด” ยักษ์ส่งเสียงคำราม เพ่งมองดงอ้อย คอยมองและบอกลูกน้อง ลำตัวเมื่อคลานผ่านต้นอ้อย ใบอ้อยเริ่มไหวติง


“เฮ้ยพวกมึงทางโน้น” ยักษ์ชี้นิ้วให้ลูกน้องดู ลูกน้องต้องเข้าไปดู สาโรชค่อย ๆ คลานออกไปอีกที่หนึ่ง  ทีนี้ดงป่าอ้อยมีการเคลื่อนไหวพร้อมกันหลายทาง ยักษ์เองเริ่มลังเล ก่อนตัดสินใจเล็งกระบอกปืนไปดีด้าน แล้วลั่นไกล


“มึงตาย” ยักษ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหด จากนั้นเงียบ ลูกน้องของยักวิ่งไปดูตามที่ยักษ์ยิง ปรากฏเป็นหมูป่าตัวใหญ่ที่ออกมาหากินตรงไร่อ้อย


“บ้า ซิบหาย แม่...งหายไปนะว่ะ” ลูกน้องของยักษ์สบถกับตัวเอง


“ไม่ใช่แล้วลูกพี่ มันเป็นหมูป่า” ลูกน้องของยักษ์วิ่งออกมา


“พวกเรา ไปก่อน พวกมันตามมาแล้ว” ยักษ์เอ่ยพยุงร่างตัวเองให้นั่งลงตามเดิม


“ถ้าอย่างนั้น มึงก็กลายเป็นผีเฝ้าไร่อ้อยไป” ลูกน้องพูดขึ้น พลางจุดไฟเผาไร่ พระเพลงเมื่อได้เชื้อเพลิงอย่างดีก็โหมกระหน่ำขึ้น พร้อมทั้งลมพัดเอาเปลวไฟ ให้ลุกลามอย่างรวดเร็ว


“ปัง ๆ” สิ้นเสียงปืนร่างชายสูงใหญ่ก็ร่วงลงจากรถ เสียงรถจักรยานยนต์วิบากดังขึ้นพร้อมเร่งเครื่องออกไป สาโรชได้แต่ถอนหายใจคงต้องหาหลักฐานใหม่เสียแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   แววตาหมองหม่นมองดูลูกชาย นอนนิ่งบนเตียงในของบุบผานั้น เจ็บปวดยิ่งนัก ตอนที่นางรู้ข่าวนางแทบจะดับดิ้นตายไป ทำไมเรื่องร้าย ๆ จึงมาเจอกับลูกของนางด้วย ประตูห้องพักถูกเปิดออกเบา ๆ ผู้เข้ามาใหม่ เดินมาที่หญิงสูงวัย


“แม่ครับ แม่กลับไปพักกับยี่หว่านะครับ ทางนี้มิตดูแลต่อเอง” นิมิตเอ่ย หญิงสูงวัยหันไปสบตากับบุตรี


“มิตปานนี้ เจ้านพยังไม่ฟื้นเลย” บุบผาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง


“ต้องฟื้นซืครับ มิตรับรอง แต่ตอนนี้แม่กลับไปพักก่อนนะ” นิมิตกล่าวให้กำลังใจผู้สูงวัยกว่า



“แล้วเรื่องคดี เป็นอย่างไรบ้าง” บุบผาถามขึ้น



“เรื่องนี้ระดับประเทศเลยแม่ ปล่อยให้เจ้านายเขาดำเนินการกันต่อเถอะ เราอย่าไปยุ่งกับเขาเลย” ดวงยี่หวาตอบคำถามมารดา เพราะเมื่อวานตัวเธอก็ถูกเรียกตัวเข้าสอบเช่นกัน   


“ไม่ได้ยุ่งอะไร ห่วงแต่พ่อโรช” บุบผาเอ่ยเบา ๆ ทุกคนเลยเงียบ



“เอาเป็นว่าพี่โรชปลอดภัย ละกัน ตอนนี้ท่านเจ้านายเขาไม่อยากให้เราพูดอะไรมากเกี่ยวกับพี่โรช” ดวงยี่หวาเป็นคนทำลายความเงียบเสียเอง บุบผาได้แต่พยักหน้า แล้วหันไปมองทางลูกชายที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่ตรงเตียงคนไข้ บุบผาถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเก็บของใช้ส่วนตัวของตัวเอง



“มิต แม่ฝากด้วยนะ” บุบผาหันมาทางนิมิต ก่อนออกจาห้องไป



“แม่พักผ่อนนะครับ” นิมิตกล่าวตามหลัง เมื่อความเงียบกลับเข้ามาภายในห้องพัก นิมิตรเดินไปยึ่นข้างเตียงคนไข้ มองดูใบหน้าที่ราบเรียบของอีกฝ่าย หัวใจดวงน้อยเต้นแรง นี้หรือยอดดวงใจ ที่ต้องจากไปให้คนอื่น จะมีสักคราไหมที่หัวใจดวงน้อยดวงนั้นรับรู้ถึงความคิดคนึงจากเขา นิมิตถอนหายใจระบายอารมณ์ที่วิ่งพล่า จากนั้นจึงไปเก็บของใช้ที่ถือมาตอนที่ไปรับดวงยี่หวา ผลไม้สองสามอย่างซื้อมาไว้เผื่อคนไข้ฟื้น หรือให้คนที่มาเยี่ยมได้รับประทานกัน จากนั้นจึงนำเข้าไปในห้องน้ำล้างให้สะอาด ขณะที่กำลังล้างผลไม้ต่าง ๆ อยู่นั้น หน้าห้องพักผู้ป่วยใน ชายร่างสูงตัวโตมายืนอยู่ เมื่อเห็นรายชื่อผู้ป่วยจึงผลักประตูเข้าไป ชายหนุ่มก้าวขาฉับ ๆ เข้าไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงหลับนิ่งอยู่บนเตียง มีเพียงเครื่องมือแพทย์ที่ระโยงระยาง ไปหมด เสียงสัญญาณชีพจากเครื่องวัดความดันเท่านั้นที่ยังส่งสัญญาณปกติ ชายหนุ่มค่อย ๆ ก้มเข้าไปใกล้


“นายเป็นใคร” เสียงดังจากประตูห้องน้ำ ทำให้ชายหนุ่มชะงัก หันไปมองตามเสียง นิมิตรีบวางถุงผลไม้ลงแล้วรีบมาดึงร่างชายหนุ่มผู้มาใหม่ให้ออกห่าง ด้วยที่รูปร่างที่ไม่ค่อยต่างกันนัก ร่างของชายหนุ่มผู้มาใหม่ไม่ขยับไปไหน


“ออกมา นายจะมาทำร้ายคนป่วยหรือไง” นิมิตเริ่มจะเสียงดัง ชายหนุ่มผู้มาใหม่รับตะคลุบปากไว้ก่อน การต่อสู้ชุลมุนจึงเกิดขึ้นเล็กน้อย


“หยุด อย่าเสียงดัง” เสียงเข้มต่ำผ่านลำคอ แรงผลักและดึงทำให้ร่างของชายสองคนไปกระทบเตียงคนไข้อย่างจัง


“หมอ” นิมิตได้จังหวะรีบตะโกน แต่อีกฝ่ายตะคลุบปิดปากไว้ทัน แต่ก็พลาดเมื่ออีกฝ่ายนั้นกัดลงที่นิ้วมือ ความอดทนของผู้มา

ใหม่ พยายามสะกดกลั้นความเจ็บไว้


“แคร่ก ๆ” เสียงที่แทรกเข้ามา ทำให้ทั้งสองเบิกตากว้างหันไปทางต้นเสียง


“นพฟื้นแล้ว” นิมิตเอ่ย เมื่อดึงมืออีกฝ่ายออก อัฐณพยิ้มเจือน ๆ มาหาทั้งสองคน



“น้องนพ เจ็บตรงไหนบอกพี่” ชายผู้มาใหม่รีบผละออกจากนิมิต รีบเข้าจีบมือบีบเบา ๆ



“นาย ออกไปจากห้องพัก” นิมิตรีบเข้ามาดึงชายหนุ่มออกจากอัฐณพราวกับแม่ไก่หวงลูกไก่



“เจ็บ....อยู่.....ครับพี่กร” อัฐณพเอ่ยออกมาเบา ๆ 



“อาว รู้จักกันหรอ” นิมิตเอ่ยออกมา มองหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ จากนั้นจึงกดสัญญาณเรียกหมอพยาบาล



“ญาติผู้ป่วย ออกห่างก่อนนะค่ะ” พยาบาลเอ่ยเมื่อเข้ามาในห้อง นิมิตจึงไปเก็บผลไม้ ส่วนนิติกรเองก็ตามมานั่งที่โซฟาข้าง ๆ แทน นิมิตแอบชำเลืองมองมาที่ชายหนุ่ม สายตาพลันประสานกัน เพราะอีกฝ่ายก็มองมาอยู่ก่อนแล้ว จึงต้องหลบสายตา หันไปทำอย่างอื่นแทน จนเมื่อหมอพยาบาลออกแล้วแล้ว นิติกรจึงเข้ามานั่งข้าง ๆ เตียงคนป่วย


“พี่รู้ข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ พี่ใจแทบจะขาด” นิติกรเริ่มหยอดคำหวาน อัฐณพได้แต่ยิ้มเจือน ๆ


“ออกหนังสือพิมพ์เลยหรอครับ” อัฐณพถามเบา ๆ



“พี่ว่า อย่ากลับมาเลย ที่มันอันตรายแบบนี้” นิติกรเอ่ย



“ไม่กลับได้ไง บ้านเขาอยูที่นี่” นิมิตเองเป็นคนสวนออกมา ขณะเดินเข้ามาใส่ส่วนด้านข้างห้องพัก



“บ้านน้องนพอยู่นี้หรอครับ” นิติกรถาม อัฐณพพยักหน้าช้า ๆ



“จะมาเยี่ยมก็หัดเรียนรู้ด้วยว่าที่ไหน อย่างไร” นิมิตเหน็บกลาย ๆ อัฐณพตาปรือด้วยฤทธิ์ยานอนหลับ นิติกรจึงเงียบไม่พูดต่อให้คนป่วยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ นิมิตกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง พลางนอนลงตามความยาวของโซฟา และแอบชำเลืองแผ่นหลังชายหนุ่มที่นั่งเฝ้าอัฐณพเป็นระยะ ๆ สักพักใหญ่นิติกรหันกลับมา นิมิตรีบทำทีเป็นหลับ ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืน จ้องพิจารณาอัฐณพสักครู่ก่อนก้มลงหอมที่เปลือกตาและหน้าผากแล้วเดินออกจากห้องไป
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


   หน้าต่างห้องนอนถูกเปิดออกจนกว้างให้ลมพัดผ่านได้เป็นอย่างดี นิมิตกลับมาดูอัฐณพยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติ่ง พลางถอนหายใจ แล้วเตรียมตัวลงไปอาบน้ำ ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลแล้วมาพักฟื้นที่บ้านพัก นิมิตเป็นคนที่ดูแลอัฐณพตลอดเวลา


“มิต นพอยากลุก” เสียงคุ้นหูเอยขึ้น นิมิตจึงวางผ้าเช็ดตัวกลับมาดูคนป่วย


“ค่อย ๆ ลุก ไวไหม” นิมิตพยุงเพื่อนให้ลุกจากที่นอน คิดถึงเขาคนนั้นที่อัฐณพเคยพยุงตัวให้ลุกขึ้น ล้างหน้าตา คอยป้อนยา


“เราไม่เป็นไรแล้ว อย่าทำเป็นคนป่วยง่อยขา” อัฐณพเอ็ดเบา ๆ ค่อยลุกขึ้นเดิน


“จะไปไหน” นิมิตรีบถามทันที


“จะไปห้องน้ำ อยากสูดอากาศตอนเช้า ๆ “ อัฐณพตอบ ออกจากห้องลงไปเข้าห้องน้ำ


“ระวังด้วยนะ” นิมิตกล่าวอย่างเป้ฯห่วงแล้วรีบหยิบผ้าเช็ดตัวตามลงไป


“เราไม่ได้ป่วยขนาดต้องเดินไม่ได้” อัฐณพกล่าว ทำให้หวนคิดถึงใครอีกคน


“เพิ่งออกจาก โรงพยาบาลทำเป็นเก่ง” นิมิตตอบ


“โรงเรียนเปิดมาสองสามวันแล้ว เราจะต้องหายให้เร็ว เด็ก ๆ จะได้เรียนหนังสือ” อัฐณพตอบ กลบสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่นั้นเอง


“น่าภูมิใจ” นิมิตกล่าวแกมประชด พร้อมเปิดประตูห้องน้ำ


“ไม่ต้อง เราเข้าเองได้” อัฐณพกล่าว เมื่อนิมิตทำทีจะเข้าไปด้วย นิมิตจึงจำยอมปล่อยให้อัฐณพเข้าห้องน้ำเอง รอสักครู่อัฐณพจึงออกมาและเดินเลี่ยงออกไปหลังบ้าน


“แล้วจะไปไหน” นิมิตเกาศีรษะ งงกับคนป่วย


“จะไปรับลมข้างนอก” อัฐณพตอบ เริ่มรู้สึกหงุดหงิด ถึงว่าไอ้ดาร์ว ไม่ใช่ชิ ปลัดถึงรู้สึกรำคาญ 


“ระวังด้วยนะ ขอมิตอาบน้ำก่อน จะมานั่งเป็นเพื่อน” นิมิตกล่าวแล้วเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้อัฐณพเดินไปหลังบ้านคนเดียวเดียว


“น้องนพจ๊ะ อยู่ไหม” เสียงทักมาจากหน้าบ้าน น้ำเสียงนี้ อัฐนพจำได้ พี่ยาใจแฟนอาจารย์ชัชวาลนั้นเอง


“ครับพี่ยาใจ นพอยู่หลังบ้านครับ” อัฐณพตอบ ผู้มาใหม่จึงเดินเข้ามาภายในบริเวณบ้านพัก พร้อมกับหม้อข้าวต้มขนาดย่อม


“ตอนแรกคิดว่ายังไม่ตื่น” ยาใจกล่าว พร้อมเดินเลี่ยงเข้าหลังบ้าน


“เพิ่งตื่นมื้อกี้ครับ” อัฐณพตอบ


“พี่เอาข้าวต้มมาส่ง ทำให้พิเศษ เผื่อน้องมิตด้วย” ยาใจกล่าวแล้ววางหม้อลง


“ขอบคุณแทนมิตด้วยนะครับพี่” อัฐณพกล่าว


“ไม่เป็นไร บ้านใกล้เรือนเคียง พี่ไปขายกับข้าวละ” ยาใจตอบแล้วยิ้มให้อัฐณพ พอดีกับนิมิตเปิดประตูห้องน้ำออกมา


“ถึงว่า กลิ่นหอมเข้าไปในห้องน้ำเลยพี่ยาใจ” นิมิตหยอดคำหวาน


“อุ๊ย ตายจริง” ยาใจอุทาน เมื่อมองเห็นแผ่นอกเปลือยของนิมิต ถึงจะมีเนื้อมีหนังแต่ส่วนโค้งเว้าก็เหมือนกับออกกำลังกายเป็นประจำ นิมิตได้สติ


“ผมไปใส่เสื้อผ้าก่อนครับ” นิมิตกล่าวพร้อมหัวเราะกลบเกลื่อน


“อย่าถือสาเลยครับ” อัฐณพเอ่ย


“อุ้ย ไม่เป็นไร พี่ไปขายของก่อน ไปละ แต่ว่า ลืมถาม น้องอีกคนไม่เห็นกับมาด้วย” ยาใจถาม


“ไม่กลับมาแล้วครับพี่” อัฐณพตอบ ยาใจพยักหน้าเข้าใจ


“พี่เห็นแว๊บ ๆ ยังไม่ได้คุยกันเลย” ยาใจกล่าวต่อ


“ใครหรือครับพี่ยาใจ” นิมิตเอ่ยกลับลงมาในชุดที่เรียบร้อยขึ้น



“อุ้ย อย่าลืมเอาหม้อถ้วยจานออกมาไว้ตรงหน้าบ้านด้วยนะ พี่ไปละ” ยาใจกล่าวแล้วรีบออกจากบ้าน



“สมกับเป็นแม่บ้านจริง ๆ เลย” นิมิตกล่าวแล้วเดินมาเปิดหม้อข้าวต้มที่ยาใจวางไว้



“จะกินเลยไหมจะได้กินยา” นิมิตหันไปทางอัฐณพที่ยืนตรงหน้าประตูหลังบ้าน อัฐณพส่ายหน้า



“เอา ๆ แล้วมันจะหายไหมครู ไม่กินข้าวกินยาแบบนี้นะ เอาแต่เดินไปเดินมาอยู่นั้นแหละ” นิมิตถือถ้วยข้ามต้มตามออกมา


“ไม่เป็นไรหรอก แต่ก่อนดาร์วมันก็ทำ” อัฐณพหลุดคำพูดออกมา คิดถึงใครบางคน ที่เคยทำแผลให้แล้ว พยายามไม่อยากให้คนป่วยเดินไปมามากนัก เหมือนที่นิมิตกำลังทำกับเขาเช่นกัน ใจเขาใจเรา ถ้าไม่เจอเองก็ไม่รู้


“เฮ้อ เออ ก็ได้ หิวเมื่อไหร่ก็เข้ามากิน” นิมิตตัดปัญหา โดยการตักข้าวต้มชดเสียเอง อัฐณพเดินไปที่ริมรั่วมองไปยังเวิงท้องน้ำ คิดถึงความหลังที่ผ่านมา 


“อีกนานไหม จะได้สอบ” อัฐณพเอ่ยถามเพื่อนที่ตามมาเฝ้าไข้ ตั้งแต่หมออนุญาตออกจากโรงพยาบาล


“พ่อบอก เดือนหน้าโน้น ไม่รู้อะไร จะให้สอบเข้าทำงานที่ อบต แล้วจะให้แต่งงาน เฮ้อ คงได้แต่งหรอก” นิมิตทำมุมปากจุบจิ๊บแสดงอาการไม่พอใจ อัฐณพยิ้มบาง ๆ แอบชำเลือง พอดีกับนิมิตหันมาสบตาพอดี


“อะไร ทำหน้าแบบนั้น” นิมิตเอาเสียงเข้ากลบเกลื่อน อัฐณพจึงยิ้มกว้างออกมา


“แล้วว่าที่เจ้าสาวว่าไง” อัฐณพถามน้ำเสียงปกติ


“จะว่าไง ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ แล้วเราคิดว่า...... คนที่เป็นเจ้าสาวเรา นายก็คงรู้ดี” นิมิตตอบกลับมาจนได้ ทำให้อัฐณพ หน้าแดงเล็กน้อย เอ หรือว่าจากไอแดดยามบ่าย เจอขนมจีบก้อนใหญ่


“คงไม่มีทางเป็นไปได้หรอกมั่ง” อัฐณพตอบเศร้าๆ แสร้งมองลงไปยังคลองน้ำ ที่ตอนนี้ เรือหาปลาหลายลำกำลังผ่านไป


“งง กับพ่อเหมือนกัน ดูลูกไม่ออกเชียวหรอ ว่าลูกชอบแบบไหน” นิมิตกล่าวพลางตักข้าวต้มต่อ


“ก็คงอยากให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ไง” อัฐณพกล่าว พลางสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เมื่อยืดลำตัวขึ้นอาการเจ็บแปล๊บก็เกิดขึ้น พยายามข่มความเจ็บไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้


“รอเมื่อไหร่นพพร้อม จะไปคุยกะพ่อเอง” นิมิตเอย อัฐณพหันควับทันที


“พูดเข้า พ่อจะได้เสียใจ” อัฐณพกล่าว


“เสียใจอะไร เราก็แสดงตัวให้รู้มาตั้งแต่ต้นแล้ว” นิมิตกล่าวแล้วกลับเข้าไปตักข้าวต้มอีกถ้วย พอดีกับเสียงรถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าบ้าน


“ใครมาว่ะ” นิมิตกล่าว


“เพิ่งกลับบ้านพักได้สามวันก็มีคนมาหาแล้วหรอ” นิมิตบ่นเบา ๆ  มองหน้าคนป่วยก็ทำหน้าสงสัยเช่นเดียวกัน


“น้องนพของพี่ อยู่ไหมครับ” เสียงตะโกนดังจากหน้าบ้าน นิมิตจึงเดินออกไปดเปิดประตูหน้าบ้านมองผู้มาใหม่ ชายหนุ่มคนที่เคยเจอที่โรงพยาบาลนั้นเอง มาในชุดหนังแน่นเปี้ยะ เผยให้เห็นแผงอกกล้ามโตนิด ๆ นิมิตได้แต่ส่ายหน้า


“น้องน....พ..”ผู้มาใหม่ชะงัก


“ใครยืนอยู่ เข้าบ้านผิดหรือเปล่า” นิติกรเอ่ยกับตัวเอง แล้วถอยหลังออกมาสองก้าว ก็เคยมาบ้านนี้


“ออ คิดออกละ” นิติกรตอบตัวเองแล้วยิ้มกว้าง 


“ขอโทษครับ ผมมาหาน้องนพ ผมเข้าถูกบ้านไหม” นิติกร ถอดแว่นตาดำ และทำทีถามอย่างนอบน้อมกึ่งประชด เพราะเคยปะลองพละกำลังกันมาครั้งหนึ่งแล้ว


“อยู่ อยู่หลังบ้าน” นิมิตตอบแบบห้วน ๆ ชักไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย  รูปร่างก็โอเค สูงโย่ง ๆ กล้ามหน้าอกเป็นมัดเพราะใส่เสื้อดำรัดรูปอวดลำแขน กับกางเกงยีนขาดเข่า หน้าตาก็งั้น ๆ ผมกดดำ หน้าผากสูง สมกับขี้จักรยานยนต์


 “ขอบคุณครับ คุณตาแป๊ะยิ้ม” นิติกรเอ่ยที่เล่นทีจริง พลางยักคิ้วให้อีกฝ่าย


“อ้าว พูดดี ๆ ก็ได้ อย่ามาทำเป็นปากสุนัข ดิ” นิมิตส่วนกลับทันที จนนิติกรสะดุ้ง 


“อุ้ย แรงเหมือนกันนะเรา” นิติกรเอ่ยพร้อมกับผลักอกให้อีกฝ่ายหลีกทาง นิมิตจึงเดินออกไปดูหน้าบ้าน เผื่อจะมีใครมาเพิ่มอีก


“ผมร้อยตำรวจโทนิติกร มารายงานตัวครับผม” นิติกรกล่าวรายงานตัวพร้อมทำท่าตะเบ๊ะ เหมือนกับรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชา จนอัฐณพอายหน้าแดง


“ครับ พี่กร มาได้ไงครับ” อัฐณพค่อยลุกขึ้นยืน มือจับราวรั้วไม้ไผ่ ที่นิมิตซ่อมแซมตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน


“มื้อวานพี่ไปโรงพยาบาล พยาบาลบอกว่าน้องนพออกจากโรงพยาบาลแล้ว พี่เลยลองเสี่ยงมาที่นี่ พี่ไม่รู้จักบ้านน้องนพครับ” นิติกรกล่าว ยิ้มอาย ๆ เดินเข้าหาอัฐณพ จะประคองกอด


“จะเอาข้าวต้มเลยไหมนพ” เสียงของนิมิตทำให้นิติกรต้องหยุดเสียงก่อน


“น้องนพยังไม่ทานข้าวเช้าหรอครับ” นิติกรถามแก้เก้อ อัฐณพยิ้มเจือน ๆ ให้


“คราวก่อนพี่ไปเยี่ยมไม่ได้คุยกันเลย” นิติกรเปลี่ยนเรื่อง อัฐณพรู้สึกแปลกใจ


“ไม่รู้ว่าพี่กรไปเยี่ยมครับ” อัฐณพกล่าว นิติกรเข้าประคองให้อัฐณพไปนั่งที่เก้าอี้


“ขอบคุณครับ” อัฐณพกล่าวขอบคุณ


“พี่ไปตามหัวใจเรียกร้อง” นิติกรเอ่ยเบา ๆ พอได้ยินสองคน


“กินให้หมดจะได้กินยา” นิมิตเอยเสียงห้วน ๆ วางถ้วยข้าวต้มลงตรงหน้า นิติกรจึงเลื่อนถ้วยมาหาตัวเอง


“นายจะทำอะไร” นิมิตถามทันที นิติกรยิ้มบาง ๆ


“จะป้อนข้าว” นิติกรตอบ


“โอ้ว ไม่เป็นไรครับ นพทานเองได้ครับ” อัฐณพรีบกล่าว


“ไม่เป็นไรให้พี่กรได้ดูแลน้องนพบ้าง ไม่อยากให้คนอื่นมาดูแลแทน” นิติกรเอ่ย


“ไม่ต้อง เอามานี้” นิมิตแย่งถ้วยข้าวต้มมาถือเอง นิติกรลุกขึ้นยืน จ้องหน้าอีกฝ่ายเตรียมตัวหาเรื่อง


“พี่กรครับ นพขอโทษแทนเพื่อนนพด้วย” อัฐณพลุกขึ้นห้ามทัพ


“นิมิต เอาถ้วยมานี้ เราจะกินเอง” อัฐณพหันไปทางนิมิตด้วยน้ำเสียงเข้ม แล้วนั่งลง นิมิตจึงยอมคืนถ้วย


“แล้วขอโทษพี่กรด้วย” อัฐณพเอ่ยเสียงต่ำ นิมิตขบกล้ามแน่น


“ขอโทษ” นิมิตเอ่ยเสียงห้วน ๆ เสียไม่ได้ แล้วถอยออกห่างอย่าไม่สบอารมณ์ นิติกรจึงยอมนั่งลงตามเดิม


“เพื่อนนพ จะห้าวๆห้วน ๆ หน่อย ต้องขอโทษแทนอีกครั้งครับพี่กร” อัฐณพกล่าวกับนิติกร


“ไม่เป็นไรหรอก พี่ให้อภัยได้” นิติกรกล่าวแต่ก็เชิดหน้าใส่ไปทางนิมิตบ้าง เมื่อเห็นอากัปกิริยาอย่างนั้นยิ่งทำให้นิมิตอารมณ์เสีย เตะรั้วไปทีหนึ่งเดินกลับเข้าไปในบ้าน


“เพื่อนคนนี้ดูไม่ค่อยจะเข้าตาพี่กรเลยน้องนพ” นิติกรเอ่ย


“เพื่อนรักของนพ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้วครับพี่กร นิมิตเป็นคนดีนิสัยดี ถ้าดูผิวเผินเป็นดูหามๆ หน่อยนะครับ” อัฐณพกล่าวพลางตักข้าวต้มขึ้นทาน


“ออ ลืมถาม พี่กรทานอะไรมาหรือยัง” อัฐณพถามต่อ นิติกรมีท่าทีจะบอกปฏิเสธ


“มิต ขอข้าวต้มสักถ้วยให้พี่กรหน่อยซิ” อัฐณพเรียกนิมิต


“ไร้มารยาท มาบ้านคนอื่นหยังจะมาสร้างความลำบากให้คนอื่นอีก” นิมิตเอ่ยลอย ๆ แต่ก็ยอมหันกลับเข้าบ้านไป มองหาถ้วยช้อนที่พี่ยาใจเตรียมไว้ให้ไม่พอ จะเอาอะไรใส่ให้ละที่นี่ เหลือบไปเห็นถ้วยใบเก่าของตัวเองที่กืนค้างไว้ จึงหยิบมามอง


“เจอฤทธิ์ไอ้มิตก่อนเถอะ” นิมิตเอ่ยกับคัวเอง พร้อมตักข้าวต้มก้นหม้อใส่ถ้วย จากนั้นจึงเพิ่มน้ำปลาไปอีกจนหมดถุงแบ่งที่พี่ยาใจเตรียมไว้ให้


“อย่ามาแสดงความเก๋า ใส่หน้าไอ้มิต” นิมิตกล่าว แววตาอาฆาตนิดๆ จากนั้นจึงยกออกไปให้


“พี่กรไม่ได้ออกพื้นที่เลยหรอครับ” อัฐณพถาม นิติกรรับถ้วยข้าวต้มมาตรงหน้า


“ตอนนี้พรรคพวกอีกอำเภอออกพื้นที่ที่บ่อยพี่เลยได้พักบ้างนะ” นิติกรตอบ พร้อมตักข้าวต้มเข้าปาก ก็ต้องชะงัก รสชาติที่ลิ้นรับ
รสทำให้นิติกรแทบจะคายข้าวต้มนั้นออกมา


“ฝีมือแม่บ้านครูชัชวาล อร่อยมากเลยพี่กร” อัฐณพกล่าวสนับสนุนฝีมือ นิติกรฝืนกลืนข้าวต้มลงไป   


“หรอครับ” นิติกรตอบเสียงอ่อย พลางหันไปมองนิมิตที่ยืนห่าง ๆ ออกไป
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 12 พบเจอ (29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-05-2019 15:57:10
พี่กรต้องเจอกับมิต ถึงจะเหมาะสมกัน อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 12 พบเจอ (29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 29-05-2019 16:32:54
สมนำ้สมเนื้อกันจริงๆ พี่กรกับน้องมิตร
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 12 พบเจอ (29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-05-2019 02:56:48
คุณปลัดหายไปเลย
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 12 พบเจอ (29/05/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-05-2019 13:47:07
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 13 การก่อตัวก้าวต่อไป (7/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 07-07-2019 12:26:27
ขอโทษที่ให้รอนานครับ ผู้เขียนเข้า รพ. ครึ่งเดือน เพิ่งออกจาก รพได้ 2อาทิตย์ครับ

บทที่ 13 การก่อตัวก้าวต่อไป
   สายฝนโปรยลงเป็นระยะ ด้วยเข้าฤดูมรสุม พืชพรรณนานาพันธุ์ต่างชูยอดแตกผลิใบ รับความชุ่มฉ่ำ รถครอบครัวขนาดใหญ่ บุกฝ่าโคลนตมมาจอดที่หน้าบ้าน

“บ้านหลังนี้แน่นะแม่กลาง” เสียงทรงอำนาจเอ่ยขึ้น


“ไม่รู้เหมือนกัน เฮียเล็กบอกมาว่าหมู่บ้านนี้ นี้ค่ะคุณแม่” ผู้หญิงนามว่ากลางตอบพร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นคนขับรถคันใหญ่


“แน่ใจนะแม่กลาง ว่าถูกตามที่พ่อเล็กบอก” หญิงสาวอีกคนเอ่ยขึ้นพลางมองผ่านกระจกออกไปนอก ที่บ้านแต่ละหลังต่างปิดบ้านเงียบ


“แน่ใจซิพี่ใหญ่ นี้ไงเฮียเล็กเขียนที่อยู่มาให้พร้อม แผนที่ก็บอกว่าจุดนี้” กลางคลี่กระดาษที่น้องชายเขียนไว้ให้มาให้พี่สาวดู


“แล้วขับเข้ามาถูกทางหรือเปล่าแม่กลาง ไม่ใช่มั่วกันมานะ แม่นี้ร้อนใจอยู่แล้ว” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยเสียงเข้ม


“มือชั้นนี้แล้ว จะพลาดได้ไงคะ” กลางกล่าวพร้อมกับค้อนวงใหญ่ให้ผู้เป็นมารดา


“พ่อเล็กนะพ่อเล็ก ทำไมต้องให้แม่มาลำบากไกลขนาดนี้” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยรู้สึกเคืองไปยังบุตรชาย ที่เมื่อวันก่อนได้มีการพูดคุยกัน


“พ่อเล็กกลับมาคราวนี้ ภารกิจไม่เสร็จสิ้นอีกหรอลูก” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยถามบุตรชายคนเล็กขณะที่กำลังรวบรวมเอกสารบนโต๊ะทำงาน เงยมองหน้ามารดาที่เดินมานั่งข้างๆ โต๊ะ


“ยังเลยครับแม่ เล็กต้องสาวให้ถึงต้นตอให้ได้ก่อนจบคดีนี้” สาโรชเอย พลางยิ้มให้มารดา


“พอเห็นพ่อเล็กตอนนี้ ทำให้แม่คิดถึงพ่อของลูกขึ้นมาถนัดเลย” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยขึ้นยิ้มอ่อนๆ ให้ลูกชาย สาโรชจึงลุกขึ้นมากอดประคองผู้สูงวัย   


“ผมก็คิดถึงพ่อครับ” สาโรชเอย ลูบต้นแขนของมารดาปลอบใจ


“แม่อยากเห็นพ่อเล็กเป็นฝั่งเป็นฝา” คุณหญิงพิมประภาเอ่ย ทำให้สาโรชชะงักนิดหนึ่ง


“แม่อยากอุ้มหลานเต็มทนแล้ว” คุณหญิงประภาเอ่ยต่อ


“ลูกพี่ใหญ่ ลูกพี่กลางก็มีให้อุ้ม” สาโอ้ยเอ่ยเสียงเรียบ ๆ พยายามหาข้ออ้าง


“ไม่รู้ละ แม่อยากอุ้มหลานที่เกิดจากพ่อเล็กก่อนแม่ตาย” คุณหญิงพิมประภา เอ่ยค้อนลูกชายน้อย ๆ


“คงยาก แล้วละครับ ผมมีคนที่อยู่ในใจแล้ว” สาโรชเอ่ย กลับมานั่งที่เก้าอีตัวเดิม เขายังจำได้ดีที่มารดาและเจ้านายรวมหัวกันจับคู่ให้เขา


“ใครหรือลูกเต้าเหล่าใด บอกแม่ซิ” คุณหญิงพิมประภาเอยด้วยความดีใจ


“ไว้ให้ผมเคลียร์งานนี้เสร็จจะบอกแม่คนแรกเลย” สาโรชเอ่ยเสียงทุ้ม ยิ้มหวานให้มารดา หัวใจตอนนี้เต้นไม่เป็นจังหวะ ตั้งแต่กลับเข้ามาที่กรม เขาก็ไม่ได้ติดต่อคนนั้นเลย


“บอกแม่ก่อนได้ไหม แม่อยากเห็นใบหน้าคาดตา ว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ก่อน” คุณหญิงพิมประภาคะยออ้อนลูกชายคนเล็ก สาโรชนั้นรู้อยู่แล้วว่ามารดาตัวเองนั้นต้องหาทางล้วงความลับจากตนแน่ ๆโดยมีวิธีที่แยลยล จึงหันมาทางมารดาอีกครั้ง


“แม่ครับ เล็กมีเรื่องอยากให้ช่วยเหลือ อย่างหนึ่งได้ไหม” สาโรชเอ่ย เปลี่ยนเรื่อง คุณหญิงพิมประภากำลังใช้สมองคิดหาหนทาง


“ได้ ๆ ลูกจะให้แม่ช่วยเหลืออะไรบอกมาเลย แม่พร้อมสนับสนุนเต็มที่” คุณหญิงพิมประภากล่าว


“พอดี เล็กไปเจอที่แห่งหนึ่ง เห็นว่าสวยดี อยากซื้อไว้ จะปลูกเรือนหอ” สาโรชเอ่ย คุณหญิงพิมประภาทำสายตาแวววาว พร้อมยิ้มออกมา จนหลายวันผ่านมา สามคนแม่ลูกจึงได้มาถึงที่หมาย


“พี่ใหญ่ลงไปถามซิ ว่ารู้จักบ้านแม่บุบผาไหม” กลางหันไปบอกพี่สาว


“ตายแล้ว ฝนตกแบบนี้จะให้พี่ลงไปอย่างไร”ใหญ่เอ่ยพลางค้อนน้องสาวที


“ในรถไม่มีร่มเลยหรือแม่กลาง” คุณหญิงพิมประภาถามลูกสาวคนกลาง กลางจึงลองก้มค้นหาร่มภายในช่องเก็บของด้านหน้ารถ


“เอานี้ พี่ใหญ่ลงไปถามเลยคะ” กลางยื่นร่มมาให้ ใหญ่จึงจำใจต้องรับร่มมา พลางถอนหายใจแล้วเปิดประตูออกไป กางร่มเสร็จ จึงก้าวเท้าไปหาบ้านที่ยกใต้ถุนสูง ฝ่ายเจ้าของบ้านเห็นแขกผู้มาเยื่อนเดินเข้ามาภายในบริเวณบ้านก็สงสัย


“ใครละจ๊ะ” บุบผาเอ่ยขึ้น พลางขยับตัวจัดท่าทาง


“ขอโทษนะคะคุณป้า นี้บ้านของคุณยายบุบผาหรือเปล่าจ๊ะ” ใหญ่เอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาภายในใต้ถุนบ้าน   บุบผาใช้ความคิด คุณยายบุบผาในตำบลนี้จะมีใคร ก็มีแต่ตัวเอง


“คุณยายบุบผา ในตำบลนี้มีอีฉันคนเดียวจ๊ะ” บุบผาตอบ


“คุณยายบุบผาที่มีลูกเป็นครู นั้นนะคะ” ใหญ่ถามให้แน่ใจ บุบผาตบฝ่ามือลงบนแคร่


“ค้า มีที่นี่ที่เดียว ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมีธุระอะไรกับอิฉันหรือจ๊ะ” บุบผาเปลี่ยนสำเสียงนิด ๆ


“หรือคะ รอสักครู่คะ พอดีคุณหญิงแม่อยากคุยกับคุณยาย อุ้ย คุณป้านะคะ”  ใหญ่รีบเปลี่ยนสรรพนามแล้วรีบออกไปที่รถ   


“คุณแม่ค่ะ เราเจอแล้วค่ะ บ้านที่ตาเล็กให้หา” ใหญ่กล่าวด้วยท่าทีกระตือรือร้น คุณหญิงพิมประภา ขยับแว่นตา หันมาทางลูกสาวคนโต



“ตรงไหนพี่ใหญ่” กลางรีบสวนออกไปทันที


“ก็บ้านหลังนั้นละบ้านเขา” ใหญ่ตอบพลางชี้นิ้วเข้าไปในบ้าน


“แน่ใจนะแม่กลาง” คุณหญิงพิมประภาพเอ่ย พลางมองสภาพบ้านลอดกระจก บ้านที่ดูครึ้มจากต้นใหญ่ใหญ่หลายต้น หน้าบ้านมีต้นพลับพลึงที่ปลูกติดรั่วบ้านพอดี 


“หนูถามมามื้อกี้จะไม่ใช่ได้อย่างไรคะแม่” ใหญ่เอ่ย คุณหญิงพิมประภาพจึงยอมลงจากรถ กลางหาที่จอดรถแล้วลงมาสมทบ


“แม่ จริงหรอที่ ตาเล็กจะแต่งเมียแล้วพากันมาอยู่ที่นี่” กลางกระซิบถามมารดา เพื่อความแน่ใจ


“แม่กลาง ก็หล่อนเองไม่ใช่หรอที่ไปรับข้อมูลจากน้องมัน” ใหญ่กระซิบบ้าง ทั้งสามมองหน้ากันแล้วพยักหน้า ต่างคนต่างกลืนน้ำลายตัวเองลงคออย่างหนืด ๆ เพราะสภาพหมู่บ้าน ที่เป็นบ้านนอกคอกนา แบบนี้หรือที่ชายหนุ่มจะเลือกมาอยู่


“เชิญจ๊ะ บ้านนอกคอกนาไม่รู้ว่าคุณหญิงคุณนาย คนสวยโสภาจะมาเยี่ยมเยือน” บุบผาเอ่ย

**********************************************

 “ไหวไหม รอสักครู่ได้ไหม” นิมิตเอ่ยเมื่อต้องพยุงร่างของอัฐณพ มาที่หน้าอาคาร เพื่อนครูที่เห็นต่างเข้ามาช่วย


“น้องนพ ไม่ไหวก็ไม่เป็นไรพักก่อน” ครูอนงค์เอ่ย กิ๊บกาบตามมาด้วย


“นั้นซิ ที่นี่เรายังช่วยกันได้” ครูกิ๊กกาบเอ่ย อัฐณพมองหน้าอย่างเกรงใจ


“ไม่ได้หรอกครับ แค่นี้เด็กก็จะเรียนไม่ทันอยู่แล้ว นพทำได้” อัฐณพตอบออกแรงดันร่างของนิมิตให้รู้ว่าตัวเองจะไปต่อ


“ดื้อจริง ๆ เลยนะคะ” ครูกิ๊กกาบเอ่ยกับชายหนุ่มอีกคน


“โดยนิสัยเขาเลยละครับ” นิมิตตอบยิ้ม ๆ แล้วหันไปทางคนป่วย


“จับเราไว้จะพยุงขึ้นบันได” นิมิตกล่าว อัฐณพพยักหน้าพร้อมที่จะถูกฉุดให้ขึ้นบันได ครูสาวสองคนรีบเข้าประคองช่วย


“ถ้าเป็นที่บ้าน ตีก้นให้แดงเลยครับ” นิมิตกล่าว สองสาวมองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคัก


“ทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย” อัฐณพเอ่ยเสียงเข้มกับคนที่ช่วยพยุง


“นพได้อะไรกินหรือยังตอนเช้า พี่จะให้เด็กวิ่งไปหน้าโรงเรียนให้” ครูอนงค์เอ่ย


“เรียบร้อยแล้วครับ” อัฐณพตอบ เมื่อขึ้นมาชั้นสองของอาคาร และนั่งลงตรงม้าหนั่งหน้าห้องเรียน


“แบบนี้แผลจะปริไหม นะนพ” ครูกิ๊กกาบเอ่ย


“ถ้าขึ้นลงแบบนี้บ่อย ๆ คงได้นอน โรงพยาบาลอีกแน่” นิมิตเอ่ย ขณะที่หอบเล็ก ๆ เลย


“เอาอย่างนี้ เปลี่ยนให้น้องนพไปสอนเด็กที่อาคารอเนกประสงค์แทนก่อนแล้วกันช่วงนี้ เด็ก ๆ คงไม่เป็นไรมาก เราต้องตามสถานการณ์” ครูอนงค์เอ่ย กิ๊กกาบพยักหน้าเห็นด้วย


“ยุ่งยากเปล่าๆ ครับพี่อนงค์” อัฐณพเอ่ย


“ได้ไง ถ้าเกิดนพจะเข้าห้องน้ำละ” กิ๊กกาบเอ่ยขึ้น อัฐณพหันไปมองหน้าเพื่อน นิมิตทำหน้าเซ็ง


“เดี๋ยวเรื่องนี้พี่จะไปคุยกะ ครูใหญ่เอง” อนงค์กล่าวต่อ  เสียงรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดหน้าอาคารเรียน ชายแต่งกายชุดตำรวจลงจากรถ ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเริ่มหันมอง เดินขึ้นชั้นสองพร้อมของในถุง  เมื่อเจอเพื่อนครูก็เลยทำท่าทำความเคารพ เพื่อนครูยกมือไหว้ตอบ


“ยังไม่หายดี ก็มาทำงานแล้ว” นิติกรเอ่ยขึ้น อัฐณพยิ้มให้


“มาได้ไงครับ” อัฐณพเอ่ย


“มาตามกลิ่นมั่ง” นิมิตเอ่ย มองอีกฝ่ายด้วยหางตา นายตำรวจสะอึกนิด ๆ


“พี่ไปหาที่บ้านไม่มีใครอยู่บ้าน หมาเฝ้าบ้านก็ไม่อยู่เลยตามมาที่นี่” นิติกรตอบ เน้นคำว่าหมาเฝ้าบ้าน จนนิมิตชักสีหน้าไม่พอใจ


“นั่งรอตรงนี้ก่อน ไปหาน้ำมาให้คุณตำรวจ” กิ๊กกาบกล่าว


“ไม่ต้องครับ ผมดื่มมาแล้วไม่ต้องมากเรื่องครับ นี้ผมเอากับข้าวมาให้น้องนพแล้วก็จะกลับ” นิติกรรีบปฏิเสธทันที


“หรือคะ” ครูอนงค์ตอบยิ้ม ๆ นิติกรยกถุงอาหารเช้ามาให้ แต่นิมิตรับไปก่อนพลางเปิดดูข้างใน ปรากฏว่ามีชุดอาหารอยู่เพียงชุดเดียว


“ถ้าคิดจะดูแลกัน ก็ช่วยเผื่อแผ่ถึงหมาเฝ้าบ้านด้วยนะ” นิมิตพูดเสียงเข้ม นิติกรมองหน้าอย่างไม่ลดละ ยิ่งทำให้สองสาวอดหัวเราะไม่ได้ เสียงออดโรงเรียนดังขึ้นทำให้ทุกคนต้องแยกย้ายกัน 


“เที่ยงพี่จะมากินข้าวด้วยนะ” นิติกรเอ่ย แล้วลุกขึ้น


“ไม่ต้องลำบากก็ได้ครับ ผมหาให้ได้” นิมิตตอบ


“ได้ไงละ นพเขาเจ็บแบบนี้” นิติกรเอ่ย



“แต่คนดูแลก็มีมือมีตีนเหมือนกัน ไม่ปล่อยคนที่รักที่ชอบต้องอดตายหรอก”นิมิตรกล่าวเน้นคำว่าคนที่รักที่ชอบให้นิติกรรู้สึก ฝ่ายนิติกรลมออกหูเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ย


“นิมิต พูดไม่ดี” อัฐณพปรามเพื่อน


“เอาเป็นว่าเที่ยงนี้พี่จะมานะครับ” นิติกรกล่าวย้ำ อัฐณพยกมือไหว้ขอบคุณ สองสาวยกมือไหว้นายตำรวจ เดินลงจากอาคาร


“จะเข้าห้องเรียนเลยไหม” นิมิตกล่าว


“วันนี้ต้องทนแบบนี้ไปก่อนคะ” อนงค์เอ่ยกับนิมิต


“ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่กับเขาจนกว่าจะดีขึ้น” นิมิตตอบ จากนั้นสองสาวจึงไปทำหน้าที่ครูเวรหน้าเสาธง อัฐณพและนิมิตจึงมีโอกาสได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง นิมิตก้มดูถุงอาหารและผลไม้ที่นิติกรซื้อมาให้ พลางทำท่าไม่พึงใจ


“ซื้อมาทำไม แบบนี้” นิติกรเอยเบา ๆ อัฐณพทำหน้าสงสัย


“ก็ดูซิ ซื้อมาได้ต้มยำ กับข้าวต้ม แล้วนี้อะไร ส้มเขียวหวาน ถ้าเป็นเราเป็นคนป่วยนะข้ามหน้าต่างโรงเรียนไปแล้ว” นิมิตเอ่ย มองถุงกับข้าว


“รู้สึกว่ามิตจะไม่ชอบพี่กรเลยนะ” อัฐณพเอ่ยขึ้น


“ไม่รู้ซิ เหมือนขัดหูขัดตาไปเสียหมด” นิมิตตอบ


“เขาไปทำอะไรให้ละ ถึงรู้สึกไม่ดีกับพี่เขา” อัฐณพชักต่อ นิมิตทำท่าครุ่นคิด


“รู้หรือเปล่า ว่าวางมวยกันครั้งหนึ่งแล้วกับนายตำรวจนี้” นิมิตเอ่ยออกมา พอคิดได้จึงเงียบ อัฐณพทำท่าสงสัย และส่งสายตาเชิงถาม


“ไม่มีอะไรหรอกเข้าใจผิดกัน” นิมิตตอบและหลบสายตา


“พี่เขาตำแหน่งใหญ่และกำลังก้าวหน้า อย่าทำอะไรที่ไม่ดีละ” อัฐณพกำชับเพื่อน



“บอกเขาอย่างมายุ่งกับของ ๆ เราก็แล้วกัน” นิมิตเอ่ย อัฐณพได้แต่ส่ายหน้า รู้ว่านิมิตหมายถึงอะไร


“ขอบคุณมิตมาก มิตเป็นเพื่อนที่ดีกับเรามาโดยตลอด แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปหลายอย่างแล้ว” อัฐณพเอ่ย นิมิตทำหน้าเศร้า



“พี่โรช ใช่ไหม” นิมิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า อัฐณพเงียบไม่ตอบ


“ไม่มีใครหรอก บางทีกาลเวลาอาจทำให้เราเปลี่ยนไปก็ได้” อัฐณฑกล่าว มองเสี่ยวหน้าเพื่อนสนิท ถ้าเป็นแต่ก่อนนี้ อัฐณพอาจจะเปิดใจรับผู้ชายตรงหน้านี้ก็เป็นได้ แต่เดี๋ยวนี้หัวใจเขากำลังจะปิดตาย ไม่ใช่เพราะใครคนไหน แต่อาจจะเป็นที่ตัวเองนี้ละที่แพ้ใจตัวเอง


“แต่...”นิมิตจะกล่าวต่อ สัญญานออดเข้าเรียนดังขึ้น เสียงนักเรียนวิ่งขึ้นชั้นเรียนดังแทรกเข้ามา จึงเป็นการยุติการพูดคุยโดยปริยาย
**********************************

   ร้านอาหารเล็ก ๆ หน้าโรงเรียนตอนนี้มีกลุ่มครูหลายคนกำลังจับกลุ่มกันรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย นิมิตและนิติกรพยุงอัฐณพมาคนละข้าง


“อาวครู มาทานด้วยกันครับ” เพื่อนครูที่เห็นเอ่ยทักขึ้น


“ไม่เป็นไรครับ ผมมากับเพื่อน” อัฐณพปฏิเสธ ซึ่งเพื่อนครูก็เลยเงียบรับประทานอาหารกันต่อ  ทั้งสามจึงเลือกมุมที่นั่งได้สะดวก


“เชิญตามสบายนะครับ คุณหมาเฝ้าบ้าน” นิติกรเอ่ยออกมาเบา ๆ พอได้ยินกันสองคน


“ได้เลยครับ วันนี้จะเอาชนิดแบบกระเป๋าฉีกกลับบ้านแน่” นิมิตตอบ


“คุยอะไรกันครับ” อัฐณพหันมาพอดี


“เปล่าไม่มีอะไรครับ แค่อยากให้น้องอะไรนะ ออ น้องมิต รับประทานอาหารอร่อย ๆ” นิติกรตอบ นิมิตหน้าบึ้งแต่ก็รับเมนูอาหารขึ้นมาดู แล้วเลือกอาหารสองสามอย่าง จากนั้นจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ


“ดูเป็นคนไม่ค่อยยอมใครเลยนะครับ” นิติกรเอ่ยขึ้นเมื่อนิมิตเดินห่างออกไป


“ปกติมิตไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกครับ นิสัยดีเสียด้วยซ้ำ” อัฐณพเอ่ย อย่างน้อยก็ไม่ควรนินทาเพื่อนแล้วหันไปสั่งอาหารสำหรับตัวเอง อาการปวดที่แผลแปลบขึ้นมา อัฐณะแสดงอารเจ็บนิด ๆ


“เจ็บที่แผลหรอ” นิติกรถามด้วยความห่วงใย



“ครับ นิด ๆ อาจเป็นเพราะเราเดินมาไกล” อัฐณพให้เหตุผล


“พี่ขอโทษจริง ๆ วันหน้าพี่จะเอารถยนต์มารับครับ” นิติกรกล่าวจากใจจริง


“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นก็ได้รับพี่กร นพไม่ได้เป็นไรมาก” อัฐณพกล่าว


“แล้วผลทางคดีเป็นยังไงบ้างแล้วครับ” นิติกรถามต่อ


“นพปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ ก่อนออกจากโรงพยาบาลก็โดนสอบปากคำไปเยอะเหมือนกัน” อัฐณพกล่าว


“ถ้าจำไม่ผิดนี้ มีหลายหน่วยงานหลายฝ่ายเข้ามาข้องเกี่ยวกันมากเลย” นิติกรกล่าว


“อันนี้ นพไม่ทราบจริง ๆ ก็งงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกัน”อัฐณพตอบ นิมิตกลับเข้ามานั่งที่เดิม


“เป็นตำรวจก็ควรไปหาข่าวกับทางผู้ร้านโน้น มาหาข่าวกับคนเจ็บได้ไง” นิมิตเอ่ยขึ้น ทำให้นิติกรรู้สึกหน้าตึง ๆ คล้ายกับโดนตำหนิ


“ไม่ได้หาข่าวครับ แค่สอบถาม ถ้าหาข่าวผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะมันอยู่นอกอำนาจหน้าที่ผม” นิติกรเอ่ยเสียงเข้ม จนนิมิตหน้าตึงเหมือนกัน


“มิต ไม่เอาเดี๋ยวกินข้าวไม่อร่อย” อัฐณพเอ่ย นิมิตจึงค้อนวงใหญ่ให้กับนิติกร บริกรยกอาหารเข้ามาเสริฟพอดี นิมิตจึงไม่ต่อความยาวต่อ


“ว่าแต่น้องนพ โดนยิงนี้มีคนคอยเฝ้าดูแล แล้วถ้าพี่โดนยิงบ้างจะมีใครมาดูแลบ้างหนา” นิติกรเอ่ยสงสายตาหวานไปให้อัฐณพ


“ตายเลยซิ” นิมิตโพล่งออกมา ทำลอยหน้าลอยตา


“มิต พูดไม่ดีไม่น่ารัก” อัฐณพเอ่ยขึ้น ทำเสียงงอน ๆ


“ใครจะไปรู้ว่าโดนจุดสำคัญหรือเปล่า” นิมิตตอบเลี่ยง ๆ


“ที่แน่ ๆ มีแน่นอนพี่กร” อัฐณพเอ่ยยิ้ม ๆให้กับนิติกร


“จริงหรือครับ ดีใจนะเนี้ย” นิติกรเอ่ยมีความรู้สึกสุขใจอย่างเห็นได้ชัด


“นั้นไง อยู่ดีไม่ว่าดีอยากโดนยิงตาย” นิมิตเอ่ยขึ้นมาอีก อัฐณพได้แต่ส่ายหน้า


“คนอย่างพี่ตายอยากไอ้น้อง” นิติกรหันมาพูดกับนิมิตพร้อมยักคิ้วให้


“สาธุ ขอให้เป็นตามคำอธิฐานเถอะ” นิมิตรีบยกมือขึ้น


“พี่ก็จะมีคนมาดูแลเร็ว ๆ” นิติกรตอบกลับ นิมิตได้แต่เบ๊ะปาก
++++++++++++++++++

   เมื่ออยู่ในรถทั้งสามคนต่างพากันพ่นลมหายใจออกมา ต่างอารมณ์กัน คุณหญิงพิมประภาคลี่พัดอันใหญ่ขึ้นมาพัดให้ตัวเอง

“ตาย ๆ คุณแม่ ทำไมตาเจ้าของที่ถึงขายแพงอย่างนั้นละ” ใหญ่เอ่ยขึ้น

“คุณป้าบุบผา ก็ดีพาไปถึงบ้านเจ้าของเขา” กลางเอ่ยสวนทันควัน

“นั้นซิตอนแรกคิดว่าเป็นของแม่บุบผาเสียเอง แต่ที่ไหนได้เป็นของอีกคน” คุณหญิงพิมประภากล่าว


“ตอนแรก กะจะกดราคาให้มาก ๆ ถ้าเป็นของยายบุบผาอะไรนั้น”ใหญ่กล่าวต่อ


“ถ้ากลางเป็นคุณป้าบุบผา และเป้นเจ้าของที่นะจะเอา มีดเฉาะปากพี่ใหญ่ก่อนเลย” กลางเอ่ยออกมา


“แม่กลาง พูดมันดี ๆ นะ” ใหญ่หันมาทางคนขับรถที่กำลังออกตัว


“พี่ใหญ่คะ คุณป้าก็บอกแล้วว่า เขาไม่ขายจะเก็บไว้ให้ลูก พี่ใหญ่ก็ยังไปพูดขอซื้ออย่างเดียว แถวต่อรองราคาเสียจนน่าอาย พี่ใหญ่คิดว่าเขาเป้นคนบ้านนอกเห็นแก่เงินหรอ เดียวนี้บางคนเขาก้เห็นกันด้วยจิตใจ” กลางพูดเสียยืดยาว


“กลับๆ กันเถอะ มาเถียงกันอยู่ได้ แม่อยากพัก” คุณหญิงพิมประภากล่าว กลางเลยต้องเร่งคันเร่ง


“พ่อเล็กนะพ่อเล็ก เกือบให้เขามาถอนหงอกแม่ได้ อยากรู้จริง ๆ ว่ามารู้จักที่ตรงนี้ได้ไง” คุณหญิงพิมประภาพูดต่อ

“นั้นซิคะ คุณแม่ เฮียเล็กมาเจอที่ตรงนี้ได้ไง บ้านนอกก็บ้านนอก แล้วเมียที่จะแต่งด้วยนี้เขารู้เรื่องหรือยังว่าจะพาเขามาอยู่ด้วยที่นี่” ใหญ่ตั้งข้อสังเกต


“เรื่องนั้นแม่ก็ยังไม่รู้เลย รูปร่างคาตา เป็นคนแบบไหน ยังไม่รู้เลย” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยขึ้น

“ตายจริง แล้วอย่างนี้ว่าที่น้องสะใภ้เราเป็นแบบเหมือนในละครหลังข่าวละแม่กลาง” ใหญ่เอ่ย ซึ่งกลางก็ค้อนพี่สาววงใหญ่


“ตีตนไปก่อนไข้ ยังไม่เจอเขาก็ตัดสินใจเขาไปแล้ว” กลางเอ่ยพร้อมเร่งความเร็ว


“ตาย ๆ คนดีที่เคยหาให้กลับไม่เอา แล้วนี้จะไปหาเอาใครที่ไหนไม่รู้มาร่วมชายคา” ใหญ่เอ่ยต่อแบบมีอคติ


“รอให้เขาเข้ามาก่อนเถอะพี่ใหญ่” กลางกล่าวขัดคอ


“กลับไปนี้คุณแม่ต้องพูดกับตาเล็กแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้วนะคะคุณแม่” ใหญ่หันไปด้านหลังของรถ


“เอาเถอะแม่ใหญ่ แม่ว่าให้เขาพามาก่อน แม่บอกตามตรงนะแม่กลัวเมื่อนคราวก่อน” คุณหญิงพิมประภาเอ่ยกับบุตรียังคิดถึงครั้งอดีตที่ สาโรชอาลวาด 

หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 13 การก่อตัวก้าวต่อไป (7/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-07-2019 21:59:25
ได้มาอ่านต่อแล้ว   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

นิมิต นิติกร คู่กัด จะกลายเป็นคู่รักใช่ไหม   :m20: :laugh:
สาโรช  อัฐณพ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:     
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 13 การก่อตัวก้าวต่อไป (7/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 08-07-2019 00:07:18
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 13 การก่อตัวก้าวต่อไป (7/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-07-2019 01:58:36
พี่ใหญ่กับคุณแม่เรื่องมากจัง :hao4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 13 การก่อตัวก้าวต่อไป (7/07/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 08-07-2019 07:54:08
คนเขียนหายไปนาน คิดถึง รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ
ตอนนี้ มีคู่แง่แม่งอน มิตกับนิติกร ดูๆ แล้วน่ารัก
ส่วนคุณหญิงคุณนายเนี่ย นพจะไปสู้รบปรบมือได้หรือ
ดีว่าพี่กลางเป็นคนใจดีหน่อย สู้ๆๆ น้าานพ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: dusitta ที่ 22-08-2019 13:58:12
บทที่ 14 การกลับมา
   เสียงเพลงเบา ๆ บอกคุณลักษณะเด็กดี ดังตามสายจนถึงหน้าโรงเรียน นี้เป็นเทอมแรกของปีการศึกษาใหม่ เนื่องจากเป็นโรงเรียนขยายโอกาส ที่กำลังเปิดการเรียนการสอนให้ครบหกชั้นปี ตามระเบียบศึกษาธิการ แต่โรงเรียนยังอยู่ห่างอำเภอ หลายคนจึงส่งผู้หลานไปเรียนตัวอำเภอ มีส่วนน้อยที่ต้องการให้ลูกเรียนใกล้ ๆ ผู้ปกครองหลายคนเดินทางมาส่งลูกเอง


   อัฐณพและนิมิตมาโรงเรียนแต่เช้า อัฐณพใส่ชุดราชการกากีสีอ่อน ยังไม่ทันเข้าห้องพัก ก็ออกมายืนรับนักเรียนหน้าโรงเรียนก่อน นิมิตออกมายืนห่าง ๆ


“น้องนพ ไม่สบายอยู่ มาเร็วกว่าพี่อีก” พี่สุนีย์เดินตามออกมาหน้าโรงเรียน


“ครับพี่ ยังไม่ได้เข้าห้องพักเลยพี่” ชายหนุ่มทัก ยิ้มตอบ


“หล่อฟิ้ว จริง ๆ วันนี้” พี่สุนีย์คงเอ่ยปากชม


“ไม่หรอกครับ ก็นาน ๆ ครั้งได้ใส่” อัฐณพตอบด้วยความเกรงใจ


“แล้วแผลเป็นไงบ้าง พี่เพิ่งกลับมาสองวันก่อน เพิ่งรู้ จะไปเยี่ยมก็ไม่ว่างสักที พอดีญาติตามมาอยู่เป็นเพื่อน ก็เลยยังไม่มีโอกาส” หญิงสาวอธิบายเสียยืดยาว


“สวัสดีครับ” เด็กชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง ยกมือไหว้ทำความเคารพ ทั้งสองคน



“สวัสดีครับ/ค่ะ”รับไหว้เด็กชายตัวน้อย ยิ้มให้ผู้ปกครอง สักครู่ใหญ่เสียงรถจักรยานยนต์เลี้ยวเข้ามาจอดด้านหน้าโรงเรียน


“สวัสดีครับ” เสียงทุ้มใหญ่ของผู้มาใหม่ อยู่ในยูนิฟอร์ม มือหนึ่งหอบช่อดอกไม้ช่อใหญ่มาด้วย


“ครับ” อัฐณพขานรับ ดูแปลกใจนิดหนึ่ง


“ไม่ทราบว่าครูอัฐณพ อยู่โรงเรียนหรือเปล่าครับ” คนที่อยู่ตรงหน้าถามขึ้น นิมิตรีบเข้ามาประชิดตัว ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่าง
สงสีย นิมิตพยีกหน้าให้


“ค...ครับ ผมครับ” อัฐณพตอบกลับคนที่ยืนตรงหน้า


“มีคนให้ทางร้าน ส่งดอกไม้มาให้ครับ ของคุณอัฐณพครับ” ชายหนุ่มกล่าวพร้อมยื่นช่อดอกไม้ช่อใหญ่ อัฐณพตกใจ มองหน้าสุ
นีย์ ทั้งเด็กนักเรียนผู้ปกครองหลายคนก็มองมาที่จุดเดียว


“รับซินพ” นิมิตเอ่ย อัฐณพสะดุ้ง แต่ก็ยังคงไม่แน่ใจว่าเป็นการล้อเล่นอะไรหรือเปล่า 


“ชะ...ใช่ผมจริงหรอ” อัฐณพถามกลับไปยังคนที่ยืนตรงหน้า


“ถ้าครูชื่อนายอัฐณพ ผมว่าใช่ครับ” คนส่งดอกไม้ตอบ อัฐณพพยักหน้าอีกครั้งก่อนรับช่อดอกไม้ดอกช่อใหญ่มาไว้ในอ้อมกอด เคยแต่ได้รับช่อดอกไม้ตอนที่รับปริญญาเท่านั้น จากนั้นไม่เคยคิดว่าจะได้อีกครั้ง


“ขอบคุณครับ” อัฐณพเอยขึ้นเบา ๆ มองดูดอกไม้ที่อยู่ในอ้อมกอด อย่างชื่นชม ตื่นเต้น ใครส่งมาให้


“อยู่นี้นพ” สุนีย์ชี้ตรงซองจดหมายสีชมพู่ นิมิตรีบแกะออกมาแล้วยื่นให้อัฐณพ


“............หอมกลิ่นกรรณิกา ลอยลมมาจากแดนไกล…………
.............หัวใจพี่ลำพอง คิดถึงวันวาน คอยประคอง............”
            คิดถึงครับ รอพี่ด้วย
              พี่ดาร์วของคุณนาย



“บ้าเอ้ย” อัฐณพเอยออกมาเบาๆ ใบหน้าแดงก่ำ มองลายมือที่เขียนแบบหวัด ๆ แล้วรีบเก็บลงซองจดหมาย


“ใครหรอ นพ” หญิงสาวที่ยืนข้าง ๆ ลุ้นด้วยความสงสัย นิมิตได้แต่ส่ายหน้า พร้อมรับช่อดอกไม้ไปถือไว้แล้วถอยออกมาห่าง ๆ


“ไม่รู้ครับ” อัฐณพแสร้งตอบ แต่ก็หน้าแดงถึงใบหูมันฟ้องอยู่แล้ว สักครู่ใหญ่ รถยนต์ตำรวจเข้ามาจอเทียบ


“เนื้อหอมจริง” สุนีย์เอ่ยขึ้น นิติกรลงมาจากรถยิ้มกว้างมาแต่ไกล ขณะที่อัฐณพและสุนีย์ทำหน้าที่รับนักเรียนอย่างขะมักเขม้น นิติกรเลยต้องเดินมายืนข้าง ๆ นิมิตแทน


“อ้วน” คำทักทายแรกเมื่อเจอหน้า นิมิตเฉย


“อาว ทำเป็นเล่นตัวนะอ้วน ดอกไม้ช่อโตนี้ของใคร” นิติกรเอ่ยมองช่อดอกไม้ในมือนิมิต แล้วหันซ้ายขวาหวังว่าจะเห็นคนที่มอบดอกไม้ช่อนี้


“หรือซื้อให้ใคร” นิติกรถามเสียงเข้ม นิมิตสะแยะยิ้มนิดหนึ่ง ก่อนหันไปทางอื่น ทำให้อารมณ์ของนิติกรเริ่มก่อตัว จึงเดินไปหาอัฐณพแทน


“น้องนพ พอจะรู้ไหมว่าดอกไม้ช่อนั้น” นิติกรกระซิบข้าง ๆ อัฐณพปรับสีหน้าให้ปกติ


“ของครูนพคะ คุณตำรวจ” สุนีย์เป็นคนเฉลยแทน นิติกรยิ่งสงสัย


“โรแมนติกมากเลย สุนีย์อยากได้แบบนี้บ้างจัง” สุนีย์เอ่ยต่อ นิติกรมองนิมิตและอัฐณพสลับกันไปมา จากนั้นจึงเดินจากไปขึ้นรถ



“อาว เป็นอะไรของเขา” สุนีย์เอ่ยตามหลัง 

จะรู้ว่าคนที่ตัวเองเคยรักษานั้นไม่ใช่คนไม่ดี แต่ก็ไม่น่าจะปิดบังกันขนาดนี้ จนต้องเกือบเอาชีวิตมาเสี่ยงด้วยกัน ทำเป็นเด็กน้อยในบางเรื่อง ทำเป็นคนแก่ในเรื่องที่ตัวขาเองไม่ยอม เกือบจะเดือนเต็ม ๆ ถึงติดต่อมา เลยไม่รู้ว่าทำอาชีพอะไร


“กลับเข้าโรงเรียนเถอะนพ” สุนีย์มองนาฬิกาข้อมือ อัฐณพหันไปพยักหน้ากับนิมิต จับเอาช่อดอกไม้ นิมิตพยุงให้เดินต่อไป


“สวยเนาะ พี่คงไม่มีโอกาสได้แบบนี้” สุนย์เอยขึ้นลอย ๆยังคงฝันต่อไป แล้วเดินลัดสนามเข้าแถวเคารพธงชาติ
++++++++++++++++++++++++++++++++++


   โต๊ะเล็ก ๆ ที่เดิมที่เคยนั่ง ชายหนุ่มกำลังมองดูเอกสารในมือ สายตาไล่ไปตามตัวอักษรแต่ใจนั้นกลับคิดอะไรไปเรื่อย ถ้าคนอื่นสังเกตก็จะพบรอยยิ้มบาง    ๆ ที่มุมปากของชายหนุ่ม ความรู้สึกตอนนี้เหมือนต้นไม้ที่เคยแห้งกำลังได้น้ำรดลง


“ขอโทษคะ ปลัดค่ะ” เลขาหน้าห้องเข้ามาก่อน ทำให้ชายหนุ่มตื่นจากพวังค์


“พี่โรชค่ะ” เสียงใสแจวลากมากแต่ไกล สาโรชมองดูต้นเสียง แล้วพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่ หญิงสาวจึงต้องถอยออกไป 


“คุณแวว” สาโรชเอ่ย หญิงสาวผู้มาใหม่ในชุดสวยหรูตามแบบฉบับของตัวเธอเดินเข้ามาที่หน้าโต๊ะทำงาน



“ทำไมตกใจที่เจอแวว หรอค่ะ” แววมยุราถามเสียงสูง



“ครับ แค่ผมไม่ได้เจอคุณแววนานแล้ว” สาโรชเอ่ยแล้วลุกยื่น ผายมือไปยังที่นั่ง แววมยุราจำใจต้องทิ้งตัวลงนั่ง พร้อมบีบน้ำตา



“รู้ไหมตั้งแต่เกิดเรื่อง แววไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้ว” แววมยุราเริ่มเอ่ยขึ้นเบา ๆ



“สมศักดิ์ละครับ” สาโรชเอ่ย เขารู้แต่เพียงว่า แววมยุรานั้นไม่ได้มีส่วนข้องเกี่ยวกับยาเสพติดที่พ่อเขาทำอยู่ แววมยุราเชิดหน้าขึ้นน้ำตานองหน้า



“อย่าเอ่ยถึงเลย เขารู้ว่าแววเป็นเบี้ยล่าง รังแกแต่แวว” แววมยุราเอยต่อ  สาโรชได้แต่ถอนหายใจเบาๆ




“ตั้งแต่เกิดเรื่อง ทุกคนมองว่าแววเป้นส่วนหนึ่งของขบวนการ ที่พ่อแววทำไว้” แววมยุราเริ่มสะอื้นต่อ สาโรชนั่งไม่ติด รีบหาผ้าเช็ดหน้าที่พกไว้ขึ้นมา พอมองผ้าเช็ดหน้าก็รู้สึกถึงอีกคนที่เป็นเจ้าของ จึงวางลงในลิ้นชักโต๊ะ แล้วหันไปหยิบทิชชูส่งให้หญิงสาวแทน หญิงสาวรับมาซับน้ำตาเบา ๆ



“ผมว่า คุณแววอย่าไฟฟังคนเหล่านั้นเลย” สาโรชให้กำลังใจ



“พี่โรช แววรู้ว่าพี่โรชกลับมา แววก็เลยรีบมาหาแต่เช้าคะ” แววมยุราส่งสายตาอ้อน



“ครับ ผมเพิ่งกลับมาทำงาน” สาโรชกล่าวรับ แววมยุราเอื้อมมือเกาะแขนสาโรชที่นั่งตรงข้าม จนชายหนุ่มรู้สึกอึดอัดพยายามแกะมือออก



“เวลาแววไปไหนมาไหน ผู้คนชอบมองแวว แววยอมรับว่าแววอายมาก” แววมยุราเอ่ย



“คุณแวว อยู่กับใครครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามพยามแกะมือออก



“แวว อาศัยบ้านพักปลัดสมศักดิ์ พักไปก่อนคะ จนกว่าแววจะได้ที่อยู่ไหม แววไม่มีใครแล้วตอนนี้” แววมยุราเสแสร้งบีบน้ำตา จนทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนลง


“ตอนนี้ สมศักดิ์เป็นอย่างไรบ้างครับ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง


“จะเป็นอย่างไรละ ชอบทำตัวหาเรื่องแววไปเรื่อย แววเบื่อ” แววมยุราถอนหายใจออก


“ต้องเข้าใจครับ คนเจ็บ ผมต้องฝากขอบคุณ คุณแววและปลัดสมศักดิ์ด้วยที่เข้าไปช่วยเหลือผม” สาโรชเอ่ยเป็นทางการ ตั้งแต่งเขาเข้ากรมเพื่อรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ และขยายผลการจับกุมครั้งนี้ทำให้หลายคนถูกสอบและให้ออกจากราชการ คาด
โทษ หลายตำแหน่งว่างลง และหลายตำแหน่งกำลังถูกปรับเปลี่ยนกัน



“แวว มาพี่โรชอยากให้พี่โรชช่วย” แววมยุราเอ่ย


“จะให้ช่วยอย่างไรบอกมาเลยครับ” สาโรชเอย



“แววอยากออกไปจากที่นี่” แววมยุราเอ่ยกลับ



“คุณแววมีญาติพี่น้องไหมละครับ” สาโรชถาม แววมยุราส่ายหน้า สาโรชได้แต่ถอนหายใจ



“ผมว่าเราค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ หาทางดีกว่าไหมครับ” สาโรชเสนอ



“แวว ว่าอยากจะขอมาอยู่กับพี่โรชจะได้ไหมค่ะ” แววมยุราเอ่ยออกมาตรง ๆ พลางบิดตัวไปมา



“มันจะไม่ดีนะซิครับ สมศักดิ์จะมีใครดูแล” สาโรชเอ่ยเบา ๆ



“ก็มีลูกน้องสองคนนั้นไงที่ดูแล แววไม่มีใคร แววอยากมีคนดูแลเหมือนกัน” แววมยุราเอยตอนท้ายประโยคอ้อนสาโรชมากขึ้น



“เกรงว่าจะไม่สะดวกด้วยซิครับ เพราะช่วงนี้พี่ต้องขึ้นลงกรุงเทพบ่อย” สาโรชหาทางเลี่ยง



“แววก็จะไปด้วย” แววมยุราส่งแววตาอ้อนวอน  พอดีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดจังหวะ สาโรชจึงกดรับสาย



“ของที่ส่งปลายทางได้รับเรียบร้อยแล้วครับ” ปลายสายเอ่ย



“ขอบคุณมากครับ” สาโรชตอบยิ้ม ๆ ดูอารมณ์ดีอย่างยิ่งจนเกือบลืมคู่สนทนาตรงหน้าเสียด้วยซ้ำ ถ้าแววมยุราไม่ทำเสียงเล็กเสียงน้อยลอดออกมา



“พี่เกรงว่าจะไม่เหมาะนะซิครับ” สาโรชเอ่ยอีกครั้ง แววมยุราทำท่าทีอารมณ์เสีย



“อะไรก็ไม่ได้ รู้แบบนี้ไม่เข้าไปช่วยก็ดี”แววมยุราบ่น เบา ๆ



“เอาเป็นว่า พี่จะลองไปคุยกับสมศักดิ์ดู ให้ดูแลคุณแววดีกว่านี้” สาโรชเอย



“แววไม่มีที่ไป เห็นว่าแววสิ้นไม้ไร่ตอกแล้วทุกคนก็ไม่ต้องการแวว” แววมยุราเอ่ยออกมา



“ขอประทานโทษค่ะ มีแขกมาขอพบค่ะ” เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาแจ้งให้สาโรชทราบ แววมยุรามีอาการไม่พอใจอย่างยิ่ง รีบลุกขึ้นยืนแล้วสะบัดหน้าให้กับเจ้าหน้าที่


“ว่างแล้วผมจะไปเยี่ยมสมศักดิ์นะครับ” สาโรชเอ่ยตามหลัง แววมยุราไม่หยุดเดิน จึงได้แต่พยักหน้าให้กับเจ้าหน้าที่



“ปลัดคะ คือว่า ไม่มีใครมาขอพบหรอกค่ะ” เจ้าหน้าที่เฉลย มองตาแป๋วให้กับสาโรช สาโรชได้เพียงแต่ยิ้มบาง ๆ


“ขอบคุณครับ” และเอ่ยขอบคุณที่เข้ามาช่วย  เมื่อทางเจ้าหน้าที่ออกไปแล้ว สาโรชจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสักครู่ก่อนกดโทรออก สัญญาณปลายสายติแต่ไม่มีใครรับ



“ไปไหนของเขาหนา” สาโรชเอ่ยกับตัวเอง แล้วว่างโทรศัพท์ลงตามเดิม จากนั้นจึงหันมาสนใจเอกสารตรงหน้าแทน จนเวลาล่วงเลยผ่านไป   



“เจ้านายครับ จะรับของเที่ยงตรงนี้ไหมครับ” เสียงของคนขับรถนั้นเองที่เอ่ยออกมา สาโรชมองดูนาฬิกาที่ฝ่าผนังห้อง จะเที่ยงแล้วนี้นา



“แปลกนะน้ากล่ำ ปกติไม่ค่อยมาถามผมแบบนี้” สาโรชเอ่ยติดตลก



“ฝึกไว้ครับ”คนขับรถชื่อกล่ำเอ่ย สาโรชทำหน้าสงสัย


“ก็ใคร ๆ เขาพูดกันว่า ปลัดจะขึ้นเป็นนายอำเภอที่นี่แทน” นายกล่ำเอ่ย



“ใคร ๆ ที่ว่าใครหรอครับ” สาโรชเอ่ย




“พวกที่อยู่ฝั่งทางโน้นเขาพูดกันครับ” นายกล่ำชี้ไปทางฝ่ายบริหารอีกฝั่ง สาโรชได้แต่ส่ายหน้าไปมา



“ไม่เป็นไรครับ ผมจะออกไปข้างนอก ส่วนเรื่องผมจะขึ้นแทนใครนั้น คงไม่ใช่แน่ ๆ” สาโรชตอบ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พร้อมกดโทรออกอีกครั้ง
+++++++++++++++++++++


วันเปิดเทอมใหม่ ทั้งนักเรียนเก่า ใหม่ ผู้ปกครอง ยังคงอยู่ที่ห้องวิชาการ เพื่อลงทะเบียนการเรียน และเคลียร์เกรดการศึกษาของ

บุตร



“ยังจะไปอยู่อีกหรือเปล่าคนเยอะขนาดนี้” นิมิตถาม พยุงเพื่อนลงมาจากชั้นบนของอาคาร



“เบื่อจริง มิต ไม่รู้เมื่อไหร่จะหาย” อัฐณพเอ่ยออกมา



“สักพักนั้นละ”นิมิตตอบ


“มิตไม่ได้มีเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบด้วย” อัฐณพเอ่ยพลางขยับไปนั่งที่มานั่งด้านหน้าอาคาร



“เรื่องแค่นี้ ไม่ต้องห่วงหรอก” นิมิตตอบ อย่างกับรู้ว่าอย่างไรเสียตัวเองก็ต้องได้ทำงาน



“นพ พอดีเมื่อเช้ามีคนเขาฝากของมาให้” เสียงครูหัวหน้าวิชาการเดินมาพร้อมกล่อง นิมิตและอัฐณพ มองหน้ากันเชิงคำถาม



“เขามาฝากไว้แต่เช้าแล้ว พอดีพี่ไม่มีเวลาไปไห้” หัวหน้าวิชาการเอ่ย อัฐณพรับของมาดู



   “ไม่ต้องรักเท่าฟ้า แต่ขอให้รักเท่าเดิม.................................”
    ริงโทนเพลงนี้ดังขึ้น ทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามอง



“อะไรนะมิต ของใคร” อัฐณพตกใจรีบยื่นให้เพื่อน


“หึ ไม่ใช่ของมิต จะเอามาให้ได้ไง” นิมิตปฏิเสธ



“แล้วของใครละ” อัฐณพใจคอไม่อยู่กับตัว นิมิตได้สติรีบแกะห่อขอขวัญนั้นออกมา ปรากฏโทรศัพท์เครื่องเล็กน่ารักที่ยังคงส่งเสียงเพลงดังขึ้นเรื่อย ๆ


“รีบรับเลย” นิมิตยื่นให้ อัฐณพมองหน้าก่อนรับโทรศัพท์ขึ้นมาดู



“สวัสดีครับ” อัฐณพกล่าวทักทาย สักครู่ปลายสายจึงทักมา


“(คุณนายครับ)” เสียงหวานแจ้วมาก่อนเลยที่เดียว



“(อะ ๆ อย่าเพิ่งวางสาย) ปลายสายดักคอไว้ก่อน อัฐณพใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสี



“สวัสดีครับ” อัฐณพกล่าวกลั้นหายใจสักครู่ นิมิตมองด้วยความสงสัย 



“หายดีหรือยัง พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ไปดูแล พี่ไม่มีข้ออ้างนะ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างจงรู้ไว้ว่าพี่เป็นห่วงเสมอ” สาโรชเอ่ยพลางเอามือมาลูบตรงที่เคยโดนยิง


“ครับ” อัฐณพตอบ เสียงต่ำ จนอีกฝ่ายรู้สึกแปลกใจ



“(ดอกไม้สวยไหม)” ปลายสายยังคงกล่าวต่อ นิมิตนั่งลงข้าง ๆ



“ครับ” อัฐณพคงเสียงพูดแบบเย็นชา ไม่ยินดียินร้าย



“(ทานข้าวเช้าหรือยัง เย็นนี้พี่ไปทานด้วยนะ)”ปลายสายคงออดอ้อนคำหวาน อัฐณพถอนหายใจ


“คงไม่สะดวกครับ มีคนอยู่ทานด้วยแล้วครับ” อัฐณพตอบเสียงแข็ง



“(ใคร...)” น้ำเสียงจากปลายสายทำให้รู้ว่าอารมณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว อัฐณพจึงตัดสายไป เบื่อจะตอบคำถาม ดีเหมือนกันถ้าไม่มีเครื่องมือสื่อสาร แล้วหันไปทางนิมิต ที่นั่งตาแป๋วมองอยู่



“สรุปของใคร” นิมิตถามขึ้น



“ช่างเถอะ ไปกันเถอะหิว” อัฐณพกล่าวพร้อมลุกขึ้นยืน นิมิตลุกยืนตาม อัฐณพเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง 



“ตามใจ” นิมิตตอบพร้อมพาเพื่อนลงจากอาคาร นักเรียนสองสามคนมาช่วยพยุงลงบันได
+++++++++++++++++++++++++++++++++
   ทางด้านอีกคนเมื่อโทรศัพท์ถูกตัดสายไป อารมณ์ฉุนก็เข้าแทนที่ เก็บของบนโต๊ะได้ก็เดินตรงลงจากอาคารสำนักงาน



“ลุงกล่ำ”เสียงตะโกนจากชั้นล่างดังขึ้นทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้ง ปกติไม่เคยได้ยินเสียงเรียกแบบนี้สักที เจ้าของเสียงนั้นรู้ว่าเป็นใคร


“ครับปลัด” นายกล่ำไวเท่าเสียงเรียก รีบมารับหน้า


“เจ้านาย จะไปไหนครับ” นายกล่ำเอ่ย



“เอารถออก ไปโรงเรียน.........”สาโรชเอ่ยด้วยสีหน้าขรึมบ่งบอกอาการคนโมโหสุดๆ



“ครับ สักครู่นะครับ” นายกล่ำตอบ แล้วรีบกลับขึ้นชั้นบน



“เกิดไรขึ้นพี่” ธุรการหลายคนสนใจ เพราะไม่เคยได้ยินเสียงปลัดสาโรชแบบนี้สักที



“ไม่รู้ สงสัยเกี่ยวกับคุณนาย” นายกล่ำรีบค้นหากุญแจรถ ปล่อยให้สาว ๆ ภายในอาคารต่างมองหน้ากัน 



“ห๊า......” สาว ๆ หลายเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน




“คุณนายปลัด” เสียงประสานกันออกมา ถือเป็นข่าวใหม่ ทุกคนที่มาทำงานที่นี่รู้แค่ว่าสาโรชโสด แล้วมีเพียงแววมยุราเท่านั้นที่ตามไล่ตามถือ



“คุณนายจะสวยไหมพวกเราว่าไง” สาว ๆ เริ่มจับกลุ่ม



“ไปก่อน เดี๋ยวจะมาบอก” นายกล่ำบอกสาว ๆ แล้ววิ่งลงชั้นล่าง หรือท่านปลัดไปมีตอนหายไปหกเดือนกว่า สักพักข่าวคุณนายของปลัดสาโรชก็ดังกระหึมทั่วทั้งสำนักงาน



“เร็ว ๆ” สาโรชตะวาด เมื่อนายกล่ำวิ่งออกมา



“ครับ ๆ” นายกล่ำรีบไปที่รถ แล้ววนออกมารับสาโรชที่ด้านหน้า ดูอารมณ์ของสาโรชนั้นบึ้งตึงยิ่งนัก สาโรชขบกรามแน่น ทำไมไม่ถึงเดือน จึงเปลี่ยนไป ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ ตัดเขาเสียดื้อๆ ต้องไปดูให้เห็นกับตา ว่าเกิดไรขึ้น



“เร็วได้ไม่ลุงกล่ำ” ชายโรชเอ่ย




“ครับ ๆ ได้รับ” ลุงกล่ำเร่งความเร็ว ใจชายหนุ่มนั้นร้อนดังไฟไปถึงที่แล้ว




“มีเรื่องเร่งด่วนหรือครับเจ้านาย” ลุงกล่ำสอบถาม



“นิดหน่อย อยากไปเห็นกับตาตัวเองมากกว่า” สาโรชเอ่ย ขบกรามแน่นจนเป็นเส้นนูนให้เห็นเป็นระยะ นายกล่ำลอบมอง คงต้องมีเรื่องไม่ดีแน่ แต่ทำไมต้องไปที่โรงเรียน หรือว่าคุณนายเป็นครู ครึ่งชั่วโมงรถของอำเภอเข้ามาจอดภายในหน้าอาคารเรียน สาโรชเปิดประตูก้าวลงจากรถ หันซ้ายหันขวาแล้วตรงดิ่งไปยังอารคารเรียน ด้วยว่าเป้นครั้งแรกที่มาอาคารเรียนจึงไม่รู้ว่า คนที่ตามหานั้นอยู่ตรงไหน นายกล่ำวิ่งตามหลังมาติด ๆ



“ไปทางไหนลุงกล่ำ” สาโรชถาม นายกล่ำส่ายหน้า สาโรชจึงมุ่งหน้าไปที่กลุ่มนักเรียนเยอะสุด



“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาพบใคร” ครูเดินเข้ามาทัก



“ผมจะมาหาครูอัฐณพครับ” สาโรชเอ่ย



“อาว น้องคนนั้นนี้” ครูชัชวาลออกมาจากห้องพอดี สาโรชยกมือไหว้ ครูชัชวาลแปลกใจเล็กน้อย



“ครูนพ สงสัยไปกินข้าวแล้วครับ” ครูชัชวาลตอบ



“แล้วเขาไปกับใครครับ” สาโรชเอ่ยด้วยความร้อนใจ



“ก็เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนนี้ละครับ สักครู่คงมา บาดเจ็บแบบนั้นไปได้ไม่นายหรอกครับ” ครูชัชวาลกล่าว สาโรชพยักหน้ารับทราบ ผ่อนอารมณ์ลด



“นั้นไงมาพอดี” ครูชัชวาลชี้ไปยังกลุ่มครูสามสี่คนที่เดินกลับมา สาโรชมองตามที่ครูชัชวาลชี้ สายตาประสานกันอย่างจัง การมาครั้งนี้สร้างความแปลกใจให้กับคนที่รู้จักอยู่หลายคน     

หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 22-08-2019 17:06:00
เย้ๆๆๆมาต่อแล้ววว
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-08-2019 17:20:21
เปิดตัวได้อลังการมากพ่อเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 22-08-2019 20:46:27
่ตัดจบแบบขัดใจแม่  o18
ดีใจที่มาต่อนะ คิดถึงมากมาย อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-08-2019 21:39:30
แวว ทอดสะพานคอนกรีตเลยนะนาง....ช่างกล้า   :z6:
คุณนายสวยไหม ?   o22
ลุงกล่ำจะไปบอกเจ้าหน้าที่ที่ทำการอย่างไรน้อ  :m20: :laugh:
สาโรช  อัฐนพ    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 23-08-2019 20:35:52
ต่อๆอีกๆๆ
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: แก้วมาลูน ที่ 23-11-2020 06:01:15
รออ่านครับ ตามมาจากครั้งที่แล้ว
หัวข้อ: Re: ขวัญใจขวัญรัก (ปลัดขี้ยา&ครูบ้านนอก)บทที่ 14 การกลับมา (22/08/2562)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 31-07-2021 22:01:34
 :call: :call: :call: