คุณคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน แต่ผมไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น
เพราะผมไม่เคยคิดเช่นนั้น... แม้แต่วันเดียว
บทที่หนึ่ง
คุณคือเพื่อนของผม เรารู้จักกันเมื่อปีหนึ่งภาคเรียนที่สอง ผมจำไม่ได้ว่ากลุ่มเพื่อนของคุณกับกลุ่มเพื่อนของผมเริ่มต้นรู้จักกันได้อย่างไร เราแค่รู้จักหน้าและเราไม่ค่อยได้คุยกันเพราะกลุ่มเพื่อนของคุณมักไม่เข้าเรียน
ผมจำได้ว่าคุณเมาค้างตอนมาเรียนกับกลุ่มเพื่อนของคุณในวิชาโท คุณเมาหลับอยู่ที่หน้าห้อง อาจารย์ปลุกให้คุณตื่นและคุณโดนอาจารย์หยอกล้อที่ตัวคุณมีกลิ่นแอลกอฮอล์ คุณทำให้เพื่อนร่วมเซคชั่นรวมถึงผมหัวเราะ คุณยิ้มแป้นไม่มีท่าทีโกรธเคือง คุณแค่อายนิดหน่อยแต่คุณดูคุ้นชินกับการตกเป็นเป้าสายตา และในวันนั้นกลุ่มเพื่อนของคุณกับกลุ่มเพื่อนของผมเราเริ่มสนิทกันในตอนปีสองภาคเรียนที่หนึ่ง
เมื่อตอนปีสองภาคเรียนที่สองกลุ่มเพื่อนของคุณกับกลุ่มเพื่อนของผมหลอมรวมกลายเป็นกลุ่มเดียวกัน มันคงเป็นความบังเอิญที่เราลงเรียนวิชาเหมือนกัน อยู่เซคชั่นเดียวกัน และจับกลุ่มทำงานด้วยกัน ผมไม่รู้สึกถึงความโดดเด่นในแง่การเรียนของคุณ แต่คุณเอาตัวรอดและมีความถนัดในวิชาโทมากกว่าวิชาเอก ต่างจากผมที่ไม่รู้สึกถนัดอะไรสักอย่างนอกจากวิชาภาษาอังกฤษที่เป็นวิชาบังคับเลือก ผมควรเลือกเรียนคณะที่เกี่ยวกับทางด้านภาษาแต่ตอนนั้นผมลังเลระหว่างสิ่งที่ชอบกับสิ่งที่คาดไว้ว่าหลังเรียนจบจะมีงานทำ ในตอนนั้นผมยังสับสนและไม่รู้จักตัวเองมากดีพอ
ใกล้สอบปลายภาคเรียนการศึกษาเข้ามาทุกที กลุ่มของเราสนิทกันมากและไปเที่ยวด้วยกันบ่อยครั้ง แต่ผมมักปลีกแยกตัวเพราะชอบอยู่บ้าน อยู่กับคอมพิวเตอร์ของผม และอีกอย่างบ้านของผมไม่รุ่มรวยเหมือนบ้านของคุณ ผมได้เงินค่าขนมเดือนละห้าพันบาทขณะที่คุณได้เงินค่าขนมเดือนละหมื่นกว่าบาท ผมอายที่จะบอกเพื่อนว่าไม่มีเงินไปเที่ยวจึงเลือกที่จะบอกไปว่าอยากทำกิจกรรมอย่างอื่นมากกว่า เพื่อนๆมักมองว่าผมเป็นคนติสแตกแต่มันไม่ใช่เลยผมแค่ไม่มีเงินเหลือเฟือมากพอสำหรับการไปเที่ยวกลางคืนต่างหาก
ในงานเลี้ยงอำลารุ่นพี่ปีสี่ที่เราไม่ได้สนิทด้วย หลังเลิกงานเราไปเที่ยวกันต่อเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยทั่วไป มันเป็นครั้งแรกที่ผมไปเที่ยวกลางคืน อีกทั้งยังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมายเป็นครั้งแรก คุณคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ดี คุณรู้ว่าผมจะเมาคุณจึงแกล้งผมด้วยการเอาช็อคโกแลตที่สอดไส้เหล้าหลากชนิดให้ผมกิน ผมใสซื่อเหลือเกินหากบอกว่าในตอนนั้นผมไม่รู้ว่าการดื่มเหล้าและกินของหวานจะทำให้เมาเร็วขึ้นแต่ผมไม่รู้จริงๆ
ร้านเที่ยวกลางคืนร้านนั้นผมเริ่มเวียนหัว เหงื่อออกเต็มตัว เพื่อนๆต่างล้อเลียนผม แต่ผมไม่รู้ตัวสักนิดว่าอาการเหล่านี้มันหมายถึงอะไร ผมนึกรำคาญผู้คนในร้านและไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่ร้านเที่ยวกลางคืนแบบนี้มันคงไม่ใช่วิถีชีวิตของผม ขณะที่ผมกำลังจะทนไม่ไหวคุณพาผมออกมานอกร้าน คุณไม่สูบบุหรี่เพราะคุณรู้ว่าผมไม่สูบแต่ตัวของคุณมีกลิ่นบุหรี่จนผมฉุนจมูกไปหมด เพื่อนๆตามออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน คุณหัวเราะเสียงดังและบอกเพื่อนทุกคนว่าผมเมา ผมอับอายแต่ขณะเดียวกันผมก็สนุกที่ได้เห็นเพื่อนหัวเราะ
ร้านเที่ยวกลางคืนร้านที่สอง ผมเมามากและรู้สึกคลื่นไส้อยากอ้วก แต่ผมยังไร้เดียงสาผมเก็บกลั้นความพะอืดพะอมนั่นไว้เพราะรู้สึกเสียหน้าหากบอกเพื่อนว่าต้องการอ้วก สุดท้ายหลังจากที่จอดรถเสร็จผมกลั้นไม่ไหวและอ้วกเลอะชุดของตัวเอง คุณและเพื่อนของเราหัวเราะลั่นจนเป็นจุดสนใจ เพื่อนคนหนึ่งของเราเข้ามาดูแลผมและช่วยหาชุดใหม่จากในกระเป๋าเป้ของผมให้ ผมจำได้ว่าห้องน้ำเหม็นเน่าจนแทบทนไม่ไหว ผมพะอืดพะอมอ้วกออกมาอีกรอบขณะที่อยู่ในห้องส้วมเพื่อเปลี่ยนชุด
นัทให้การช่วยเหลือดูแลผมเป็นอย่างดี แต่ผมไร้สติเหลือเกิน ผมเปลี่ยนชุดและนอนแผ่หราอยู่บริเวณหน้าทางเข้าร้านบนโซฟาตัวยาว นักท่องเที่ยวยามราตรีไม่ให้ความสนใจนัก ซึ่งส่วนนี้คงเป็นเพราะพวกเขาคุ้นชินกับสถานการณ์ที่ผมเป็นอยู่ นัทคงอยากเที่ยวจึงขอตัวเข้าไปในร้านขณะที่ปล่อยผมไว้เพียงลำพังกับกลิ่นอ้วกที่คละคลุ้งอยู่ในปาก ผมปล่อยเพื่อนไปและนอนดมยาดมเพื่อบรรเทากลบกลิ่นอ้วกตัวเอง พลางนึกถึงว่านี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมผมต้องทำในสิ่งนี้ ทำไมผมถึงปล่อยให้ตัวเองหลงระเริงไปกับคำยุยงจากเพื่อนด้วย มันคงเป็นการเข้าสังคมมั้งผมคิดเช่นนั้น
คุณสูบบุหรี่ก่อนจะมายืนอยู่ตรงหน้าขณะที่ผมกำลังดมยาดม คุณเข้ามาดูแลผมพร้อมกับถามว่าผมไหวไหมอยากกลับหรือยัง ผมพยักหน้ารับ แต่คุณหัวเราะและบอกให้ผมนอนรออยู่ตรงนี้เพราะอีกนานกว่าเพื่อนคนอื่นจะอยากกลับ ผมรู้ว่าคุณมีคำตอบอยู่แล้วแต่ผมไม่รู้ว่าคุณถามเพื่ออะไร คุณอาจต้องการกวนอารมณ์ คุณอาจต้องการให้ผมผ่อนคลาย ผมไม่สนมันนักหรอกแต่ผมดีใจที่้เห็นคุณนั่งอยู่ด้วยกันบนโซฟาตัวเดียวกับผม
คุณไม่ใช่คนช่างพูดนักแต่คุณหัวเราะเสียงดัง และผมคิดว่าเสียงหัวเราะของคุณทำให้ผมสบายใจดี คุณชวนผมคุยสองสามประโยคก่อนจะเงียบ ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือ ผมยังคงเวียนหัวเกินกว่าสรรหาสร้างสรรค์บทสนทนา ผมรู้ว่าเราคุยกันไม่ถูกคอแต่คุณก็ยังนั่งอยู่เป็นเพื่อน คงเป็นโชคดีของผมที่มีเพื่อนเป็นห่วงเป็นใย นัทออกมาดูแลก่อนจะให้คุณกลับเข้าไปในร้าน ไม่นานนักใหม่ก็ออกมาดูแลต่อ ใครต่อใครอีกหลายคนวนเวียนมาดูแลจนผมรู้สึกเกรงใจ และสุดท้ายคุณก็ออกมาจากร้านพร้อมกับเพื่อนคนอื่น ก่อนที่กลุ่มของเรามุ่งหน้ากลับไปนอนค้างคืนที่บ้านของใหม่
ใหม่เป็นเพื่อนสนิทของคุณที่จบมาจากโรงเรียนเดียวกันและกอดคอกันเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน ตัวติดหนึบกันตลอดเวลา คุณกับใหม่โดนเพื่อนผู้หญิงแซวว่าเป็นผัวเมียกัน คุณหัวเราะลั่นและตอบรับคำหยอกล้อด้วยการเดินไปนัวเนียกับใหม่
คุณก็เป็นเสียอย่างนี้ คุณหัวเราะเสียงดัง คุณเป็นจุดสนใจของเพื่อน รอบตัวของคุณมักรายล้อมไปด้วยผู้คนเสมอ
ก่อนถึงบ้านของใหม่คุณแวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งจำนวนมากเพื่อแจกจ่ายให้เพื่อนผู้หิวโหย คุณไม่เก็บเงินค่าข้าวเหนียวหมูปิ้งกับเพื่อนแต่คุณยืนกรานว่าจะไม่จ่ายเงินค่าเหล้าที่ได้ดื่มไปในค่ำคืนนี้ เพื่อนของเราโห่ร้อง คุณหัวเราะอีกก่อนจะบอกว่าล้อเล่น ผมยิ้มตามรอยยิ้มของคุณขณะกินข้าวเหนียวหมูปิ้งก่อนจะหนีหายไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน
คุณเดินเข้ามาในห้องนอนของใหม่เพื่อถามไถ่ผมว่าต้องการกินอะไรก่อนนอนอีกไหม ผมปฏิเสธและหลังจากนั้นเพื่อนคนอื่นเริ่มทยอยเข้ามานอนกันบ้างบางส่วน ผมรู้สึกแปลกตอนที่เห็นคุณเดินออกไปจากห้องนอน แต่เพราะผมง่วงมากผมจึงหลับไปโดยไม่รู้ว่าคุณเข้านอนกี่โมง
ผมตื่นหลังคนอื่นและเจอคุณนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ชานระเบียงพร้อมกับคุยโทรศัพท์มือถือ ส่วนเพื่อนคนอื่นกำลังวุ่นวายทำอาหารมื้อเช้าแบบง่าย ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านในบ้าน มองคุณโยกไหวตัวเองอยู่ในเปลที่ห้อยลงมาจากเพดานบ ผมใคร่สงสัยว่าคุณกำลังคุยอยู่กับใคร คุณพูดเสียงเบาทำให้ผมจับใจความไม่ได้ คุณมีรอยยิ้มบางเบาอยู่บนใบหน้า และในบางครั้งคุณหัวเราะ ไม่มีใครสนใจคุณนอกจากผม ผมซึ่งนั่งจิบน้ำเปล่าแก้กระหาย คุณเป็นฝ่ายจบบทสนทนา ก่อนวางโทรศัพท์มือถือและเดินไปช่วยคนอื่นทำอาหาร คุณซึ่งไม่รู้ว่าผมยังสนใจมองคุณอยู่เช่นเดิม
คุณทำอาหารอร่อยในแบบที่เกินกว่าความคาดหวังไปมากโข ผมมารู้ทีหลังว่าคุณชอบทำอาหาร ต้มจืดสาหร่ายใส่หมูสับกับเต้าหู้ไข่ของคุณอร่อยจนผมต้องเอ่ยปากชม คุณยิ้มรับ ดวงตาของคุณเองก็ยิ้มด้วยเช่นกัน กลุ่มเพื่อนของเราตั้งวงสนทนาเรื่องที่ผมเมาอ้วกแตก เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ผมนึกขึ้นได้ว่าเสื้อสูทที่ใส่ไปงานเลี้ยงหายไปไหนไม่รู้ ผมเอ่ยถามขึ้นกลางวงสนทนาแต่ไม่มีใครนอกจากคุณที่รู้ คุณบอกว่าผมอ้วกเลอะเสื้อสูทและทิ้งเสื้อสูทไว้ที่ร้านเหล้า คุณไม่ได้เก็บไว้เพราะผมเป็นคนบอกเองว่ามันเหม็นและไม่ต้องการให้ที่บ้านรู้ว่าดื่มเหล้าจนเมามาย เพื่อนของเราหัวเราะเอาเรื่องนี้มาล้อเลียนผมอย่างตลกโปกฮา ผมไม่ถือสาแม้น้อยนิดเพราะผมเองก็สนุกไปกับเรื่องขำขันในวงเหล้า
ผมเห็นคุณเดินออกไปอีกแล้ว คุณนั่งอยู่บนเปลตัวเดิมท่ามกลางสายลมที่พัดพาทำให้เส้นผมของคุณปรกหน้า คุณจับเส้นผมของคุณทัดไว้ที่หลังหู คุณคุยโทรศัพท์มือถือกับใครบางคน ใครบางคนที่ผมมีลางสังหรณ์ว่าอาจเป็นคนพิเศษของคุณ ผมเงียบงัน ไม่มีความอยากสังสรรค์กับหมู่เพื่อน
ในตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร...
************************************
ใครเคยชอบเพื่อนตัวเองบ้างคะ เราอาจเป็นหนึ่งในคนที่เคยมีความรู้สึกนั้น
:katai5: