เขาเพียงแค่ต้องการยืดช่วงเวลาของชีวิตออกไปให้นานตราบชั่วนิจนิรันดร์
แต่ดาวเคราะห์ที่เรียกว่าโลกแห่งนี้ไม่สามารถให้เวลานั้นได้
และเขาก็ไม่ประสงค์อยู่บน ‘โลก’ อีกต่อไปเช่นกัน
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่หนึ่ง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3896859#msg3896859)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สอง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3897095#msg3897095)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สาม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3897180#msg3897180)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สี่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3897208#msg3897208)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่ห้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3897495#msg3897495)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่หก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3897529#msg3897529)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่เจ็ด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3897946#msg3897946)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่แปด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3898132#msg3898132)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่เก้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3899299#msg3899299)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3900582#msg3900582)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบเอ็ด (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3902537#msg3902537)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบสอง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3907487#msg3907487)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบสาม (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3910464#msg3910464)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบสี่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3914783#msg3914783)
- หนึ่งวันบนดาวพุธ - ตอนที่สิบห้า (ตอนจบ) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68597.msg3918804#msg3918804)
************************************
ตอนที่หนึ่ง
วันที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจพิรัลไม่แปลกใจเลยสักนิด เขารู้ตัวมาได้สักระยะหนึ่งแล้วเพียงแต่ยังไม่แน่ใจนัก ในความจริงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ความแปลกใหม่บนโลกใบนี้เลย เกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดาบนดวงดาวที่เรียกว่า ‘โลก’
แม่ของพิรัลไม่สดใสและมีท่าทีซึมเศร้าลง แต่เธอก็พยายามเป็นกำลังใจให้ลูกด้วยดวงตาที่ส่อแววเข้มแข็งและคำพูดปลอบประโลมอ่อนโยน พ่อของพิรัลก็เช่นเขาเข้มแข็งหากไม่แสดงออกทางคำพูดมากนัก พวกเขาคุยเปิดใจกันอย่างสม่ำเสมอถึงสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่พวกเขาเห็นตรงกันนั่นคือการบอกให้พิรัลยอมรับความเป็นจริงและมองว่านี่มันเป็นวัฏจักรอันน่าสลดเศร้า
พิรัลไม่ต้องการธรรมมะ ไม่ต้องการพระเจ้า ไม่ต้องการเข้าวัดเพื่อทำบุญทำทาน พิรัลไม่ฝักใฝ่ศาสนาใดบนโลกใบนี้ นามธรรมเหล่านั้นไม่อาจช่วยขัดเกลาจิตและไม่อาจรักษาใจของเขาได้ พิรัลไม่ลบหลู่ความเชื่อของใครแต่ก็ไม่มีความศรัทธาในสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน ‘อย่าบังคับให้ผมพนมมือไหว้พระเพื่อขอพรเลย’ พิรัลเคยบอกแม่กับพ่อแบบนั้น ความตกใจที่ฉาบบนสีหน้าพิรัลรู้ทันทีว่าพวกเขามีความคิดเห็นไม่ตรงกัน จากนั้นก็ไม่มีใครพูดสิ่งใดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเลย
หมอแจ้งเกี่ยวกับระยะเวลาและขั้นตอนการรักษาพอสังเขป พิรัลไม่ค่อยเข้าใจนักเพราะได้ยินแต่ไม่ได้รับฟัง ในหูของเขากำลังได้ยินเสียงเพลงเพลงหนึ่งที่เขาไม่รู้ชื่อของมัน แต่ท่วงทำนองกำลังขับกล่อมให้สมาธิหลุดออกไปจากโลกตรงหน้านี้ พิรัลได้กลิ่นบางอย่างจากธรรมชาติแทนที่กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อของโรงพยาบาล มันกล่อมเกลาห้วงความคิดให้เตลิดเปิดโปง
พิรัลมารู้ทีหลังว่าต้องเข้ารับการรักษาตามวันนัด เขาเห็นตรงกันข้ามกับหมอในเรื่องที่เธอแจ้งว่าพิรัลจะหายดี เขาปลดปลงในอาการป่วย ไม่อยากรับการรักษา แต่พิรัลยังไม่อยากตาย ยังไม่ใช่เวลานี้ พิรัลแค่อยากใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆเหมือนปกติและทำเหมือนหัวใจที่เหนื่อยหนักอยู่นี้ไม่มีตัวตน แสร้งทำเป็นว่าตัวเองแข็งแรงดี มากกว่านั้นพิรัลไม่ต้องการกำลังใจจากใคร เขาต้องการแค่เวลาที่ยืดยาวออกไปอีกเพียงหนึ่งวันก็ยังดี
“เจตน์ไปคนเดียวได้ครับแม่”
“เดี๋ยวเกิดเจตน์อาการกำเริบใครจะดูแล ไม่มีเพื่อนไปด้วยจริงๆเหรอลูก”
“เจตน์ไม่ได้เป็นอะไรนี่ เจตน์แค่ไปเที่ยวเฉยๆ”
พิรัลได้ยินเสียงถอนหายใจยาวจากปลายสาย แม่คงจะหนักใจที่เขากำลังเดินทางเที่ยวอย่างใจต้องการโดยไม่สนใจกับโรคที่รุมเร้าในทรวงอก “แล้วจะกลับวันไหน”
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว ไปสามวันเองครับ”
เขาร่ำลากับแม่อีกสองสามประโยคก่อนจะปิดโทรศัพท์มือถือและตั้งใจที่จะไม่เปิดมันอีกในช่วงที่ตะลอนเที่ยวสามวัน พิรัลลางานเพียงแค่สามวันสำหรับการเที่ยวครั้งนี้แต่เขาเพิ่งจะบอกแม่ก่อนเดินทางเพียงหนึ่งวัน จึงไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่หากแม่จะเป็นห่วงเป็นใย จุดหมายคือทะเลทางใต้ เขาได้ยินเสียงจากผู้คนรอบกาย เห็นภาพของพนักงานต้อนรับผู้หญิงที่ทาปากสีแดงสดสวย เขาหลับตาลง ช่วงเวลานั้นประสาทการรับรู้แทนที่ด้วยเสียงคลื่นทะเลซัดเข้าหาดทราย และภาพท้องทะเลสีครามใสแจ๋ว เรือยอร์ชลำเล็กสีขาวลอยละล่องอยู่บนผืนน้ำ เขาอยู่บนเรือลำนั้นและไม่สนใจผู้ใดบนโลกใบนี้อีก
เปลือกตาของเขาเปิดขึ้นหลังจากสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือน ล้อของเครื่องบินกระทบกับพื้นถนนลานจอดไม่นุ่มนวลนัก ผู้โดยสารส่งเสียงตกใจเล็กน้อยแต่ไม่เกินกว่าเหตุ พลันหลังจากนั้นเสียงประกาศต่างๆจากนักบินก็ดังขึ้น
นิพัทธ์ลูบหน้าตัวเองให้ส่างจากอาการงัวเงียเพราะหลับมาตลอดการเดินทาง เขามองไปด้านข้างนอกกระจกและพบเห็นว่าตอนนี้เครื่องบินกำลังถูกนำเข้าจอด ด้านข้างที่ติดหน้าต่างของเขาเป็นผู้ชายที่ยังคงหลับสนิทหากแต่นิพัทธ์ไม่ได้สนใจ ส่วนตรงกลางมันเป็นของผู้โดยสารที่ไม่มาขึ้นเครื่องบินเที่ยวนี้ นิพัทธ์ปลดเข็มขัดออกหลังจากเครื่องบินจอดสนิท เขาอาสาหยิบกระเป๋าเดินทางให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ก่อนจะหยิบสัมภาระของตัวเองและนั่งลงเพื่อรอให้ผู้โดยสารคนอื่นเดินออกไปก่อน
ในเครื่องบินนั้นค่อนข้างวุ่นวายกับการหยิบสัมภาระของตัวเองอยู่พอควร นิพัทธ์นึกรำคาญคนเหล่านั้นหากแต่เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างยังคงพิงศีรษะอยู่ที่กระจกและไม่มีท่าทีตื่นขึ้น นิพัทธ์ลังเลว่าจะปลุกให้เขาตื่นหรือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพนักงานต้อนรับสาวสวยเหล่านั้นดี
“พ่อหนุ่มนั่นดูหลับลึกนะ”
นิพัทธ์หันไปมองต้นเสียง เธอเป็นหญิงสูงอายุที่มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าชัดเจน ดวงตาของเธอมองไปที่ผู้ชายคนนั้น
“ปลุกเขาหน่อยเถอะ” เธอว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินออกไปตามกระแสผู้โดยสารคนอื่นและไม่ได้สนใจนิพัทธ์อีก
นิพัทธ์เหลือบมองและตัดสินใจปลุกผู้ชายคนนั้น “คุณครับ เครื่องแลนด์ดิ้งแล้วครับ”
อีกฝ่ายหนึ่งขยับตัวลืมตาขึ้นแต่ท่าทางจะยังงัวเงียนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นตื่นแล้วนิพัทธ์จึงลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่รอฟังคำขอบคุณ เขาไม่ต้องการสิ่งใดจากชายคนนั้นเพียงแต่ตอนนี้เขาต้องรีบออกไปขึ้นเรือตามเวลานัดหมาย
“ขอบคุณนะครับ”
น่าเสียดายอยู่สักหน่อยที่ผู้ชายคนนั้นไม่อยู่ฟัง พิรัลมองเห็นเพียงแค่แผ่นหลังในเสื้อยืดสีขาวเดินสะพายกระเป๋าออกไปอย่างว่องไว ผู้โดยสารจากท้ายเครื่องทยอยออกไปจนจะหมด พิรัลจึงลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเองและเดินออกไปจากเครื่องบินบ้าง
ทะเลใต้ที่เขาเฝ้าฝันไว้กำลังรออยู่เบื้องหน้านี้แล้ว
พิรัลถอนหายใจยาวหลังจากเห็นจักรยานที่ติดต่อเช่าไว้กับโฮสเทล ที่ถอนหายใจไม่ใช่เพราะว่ายานพาหนะดูเก่าซอมซ่อเพียงแต่เขากำลังครุ่นคิดว่าตัวเองจะขับมันไปได้ไกลสักแค่ไหน
หลายนาทีก่อนหน้านี้พิรัลเดินทางเข้าสู่ที่พักด้วยรถรับจ้างราคาขูดรีดขูดเนื้อ เขาจองโฮสเทลเล็กๆไว้สำหรับการพักผ่อนสองคืน มันไม่ใช่ที่พักหรูหราแต่ตกแต่งสวยงามและดูสะอาดสะอ้าน เจ้าหน้าที่ต้อนรับแจ้งว่าห้องที่เขาพักนี้ยังไม่มีคนอื่นร่วมเข้าพักด้วย พิรัลถือว่าเป็นโชคร้ายอยู่สักหน่อยที่พลาดโอกาสได้ทำความรู้จักกับคนหน้าใหม่ มันเป็นเหตุผลที่เขาพักโฮสเทลแทนที่จะเป็นโรงแรมที่มีห้องพักเป็นสัดส่วนและมีความเป็นส่วนตัว เขามาที่นี่เพื่อสร้างเพื่อน คาดหวังว่าจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆจากคนต่างชาติต่างภาษา เขาชอบที่จะได้ยินได้ฟังเรื่องราวจากทั่วทุกมุมโลกมันทำให้เขาตื่นเต้นอย่างน่าประหลาด ถึงแม้ในคืนนี้อาจจะต้องนอนคนเดียวแต่พิรัลก็ยังคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวที่วอคอินเข้ามาพักในห้องเดียวกัน
ล้อของรถจักรยานค่อยๆหมุนไปตามกลไก เสียงล้อบดถนนดังเป็นเพื่อนพิรัลไปตลอดเส้นทางที่ไร้จุดหมาย แต่เพียงหนึ่งกิโลเมตรแรกพิรัลก็รู้สึกเหนื่อยมากกว่าคนปกติทั่วไป เขาหยุดพักอยู่ที่ร้านกาแฟขนาดเล็กในตัวเมือง ไม่ได้สั่งกาแฟแต่สั่งน้ำผลไม้มาแทน เขาเอ่ยขอพนักงานเพื่อถ่ายรูปภายในร้าน กล้องแบบมืออาชีพถูกยกขึ้นเพื่อเก็บภาพตามมุมต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่าทว่าไม่ใช่เพราะพิรัลพิศวาสการถ่ายรูป หากเป็นเพราะการถ่ายรูปทำให้พิรัลมีกิจกรรมทำในระหว่างที่เดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวคนเดียว และอีกอย่างการถ่ายรูปมันทำให้พิรัลไม่ถูกสงสัยมากนักในช่วงที่จดจ้องผู้คนซึ่งกำลังใช้ชีวิตไปตามปกติ อาจจะดูแปลกอยู่สักหน่อยที่พิรัลชอบมองวิถีชีวิตของผู้คนที่กำลังดำเนินไปอย่างรีบเร่ง เขารู้สึกเสมอว่าคนเหล่านั้นใช้ชีวิตกันเร็วกันเกินไป รีบคุย รีบกินข้าว รีบเดิน ทุกอย่างมันดูไวว่องไปหมด พิรัลต้องการความเนิบช้า ไม่รีบเร่ง มันทำให้เขารู้สึกไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป
พิรัลขออนุญาตถ่ายรูปหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่นั่งล้อมวงอยู่ประมาณห้าหกคน พวกเธอหยอกล้อพิรัลว่าจะเข้ามาจีบใครในกลุ่มเพื่อนไปตามประสา พิรัลหัวเราะและยิ้มให้แต่ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาถ่ายรูปพวกเธอและถ่ายรูปอาหารเครื่องดื่มบนโต๊ะ จากนั้นก็พูดคุยกับหญิงสาวกลุ่มนั้นอีกสองสามประโยคก่อนจะเปลี่ยนไปถ่ายรูปภายในร้านในมุมอื่น เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ตรงประตูดังขึ้น เขาไม่ทันเห็นหน้าของคนที่เดินเข้ามาเพราะมัวแต่ถ่ายรูปชั้นวางเค้ก เงยหน้าขึ้นมาอีกทีเห็นแผ่นหลังที่อยู่ในเสื้อยืดสีขาวกำลังยืนสั่งเครื่องดื่มอยู่ที่เค้าท์เตอร์ พิรัลคุ้นแผ่นหลังของชายหนุ่มคนนั้นและได้เก็บภาพเบื้องหลังรูปนี้เอาไว้ในกล้องเป็นที่เรียบร้อย
น้ำผลไม้ที่ซื้อไว้ละลายจนเห็นเลเยอร์ระหว่างเนื้อผลไม้และน้ำแข็งที่ละลายลอยอยู่ด้านบน พิรัลทิ้งน้ำที่เหลือกว่าค่อนแก้วลงถังขยะสักแห่งหลังจากขับจักรยานออกมาจากร้านกาแฟแห่งนั้น เขาแวะกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เป็นร้านในตึกแถวที่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากราคาที่สูงลิบราวกับใช้ชีวิตอยู่ในยุโรป เขาขับจักยานกลับที่พักเพื่อรอรถตู้จากทัวร์ที่ซื้อไว้ในงานท่องเที่ยวไทย พิรัลไม่คาดหวังอะไรมากนักเขาแค่ซื้อทัวร์เพื่อพบเจอลูกทัวร์คนอื่นๆ ส่วนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าทัวร์ตามแต่เขาจะพาไป
หัวหน้าทัวร์ที่พากรุ๊ปทัวร์ไซส์เล็กหกคนไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆชื่อคุณเนย เธอเป็นสาววัยประมาณสี่สิบมีใบหน้าใสซื่อและเสียงดังร่าเริงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง คณะลูกทัวร์ต่างถูกเชื้อเชิญให้แนะนำตัวเองโดยหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นลูกทัวร์ที่มาจากกรุงเทพทั้งนั้น คุณเนยพูดถึงสถานที่ที่เรากำลังจะไปกันแต่รถตู้คันที่เราโดยสารอยู่นี้ก็ยังไม่ออกรถเสียที จนอีกพักหนึ่งประตูรถตู้ก็ถูกเปิดออก พิรัลเห็นผู้ชายในเสื้อสีขาวเหงื่อพราวเกาะใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด เขาเอ่ยถามว่านี่คือทัวร์ของบริษัทแห่งหนึ่งหรือเปล่า คุณเนยตอบรับด้วยเสียงดังฟังชัดและแจ้งให้ลูกทัวร์คนอื่นฟังว่าเธอกำลังรอลูกทัวร์คนสุดท้ายคนนี้อยู่ เขาเลือกที่จะนั่งอยู่ด้านหน้าทำให้พิรัลมองเห็นแผ่นหลังชัดเจน และพิรัลก็มั่นใจว่าชายหนุ่มคนนั้นคือคนเดียวกับที่เจอในร้านกาแฟ
รถตู้ขับออกมาหลายกิโลเมตรแล้วแต่พิรัลก็ไม่เห็นวี่แววว่าคุณเนยหัวหน้าทัวร์จะพลังลดน้อยลง เธออธิบายถึงที่มาที่ไปของน้ำตกร้อนแห่งนี้ในจังหวัดกระบี่ ทั้งอุณภูมิของน้ำ ส่วนไหนที่ควรไปหย่อนตัวลงแช่น้ำและส่วนไหนสวยสุด พิรัลไม่ได้สนใจฟังมากนักเพราะมัวแต่ดูรูปในกล้องถ่ายรูป เงยหน้าขึ้นมาบางครั้งบางคราวเพื่อดูสถานการณ์โดยทั่วไปแล้วก็ก้มหน้าลงรูปต่ออีก
ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเดินทางมาถึงน้ำตกร้อนแห่งนี้ คุณเนยทวนกำหนดการอีกครั้งโดยย่อและซักถามลูกทัวร์ว่าอีกนิดหน่อยเพื่อให้เข้าใจตรงกัน จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าเข้าสู่เขตน้ำตกร้อน พิรัลเดินอยู่กลางคณะก่อนจะถูกรั้งท้ายเพราะหยุดถ่ายรูปในบางจุด ในบริเวณของน้ำตกร้อนนั้นมีต้นไม้ใบเขียวและห้อมล้อมด้วยเสียงน้ำตลอดเวลา พิรัลเชยชมธรรมชาติเหล่านั้นผ่านทางเลนส์กล้องถ่ายรูปสลับกับจดจ้องธรรมชาติด้วยสายตาของตนเอง กว่าจะเดินถึงจุดที่เป็นน้ำตกร้อนจริงๆก็เล่นเอาพิรัลเหนื่อยเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ไม่น่าเป็นห่วง เขาไม่ได้แจ้งบริษัททัวร์ว่ามีโรคประจำตัวเพราะไม่ชอบถูกปฏิบัติผิดแปลกไปจากคนอื่น แต่กระนั้นพิรัลก็ยังทำตัวเป็นปกติและไม่มีอะไรให้น่าสงสัย
“คุณเหนื่อยมั้ย”
เสียงนั้นเอ่ยขึ้นอยู่ที่ด้านหลังของพิรัล เขาไม่แน่ใจว่าตนเองถูกชวนคุยจึงหยุดถ่ายรูปและหันไปตามเสียง
“ผมว่าจะนั่งพักตรงนี้สักหน่อย ผมเหนื่อย” เจ้าของเสียงเป็นชายหนุ่มเสื้อยืดสีขาวคนนั้น แม้ว่าจะเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนาแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจคุยกับพิรัลมากนัก เขานั่งลงบนโขดหินที่แห้งสนิทและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเล่น
พิรัลไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ที่เห็นคนติดเล่นโทรศัพท์มือถือทั้งที่ออกมาเที่ยวชมธรรมชาติ แต่หากจะพูดออกไปก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปสอดรู้ได้
“ผมถ่ายรูปคุณได้มั้ย” เขาลองยื่นข้อเสนอเพื่อดึงความสนใจไปจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือโง่เง่านั่น และมันก็ได้ผลเมื่อชายหนุ่มเสื้อสีขาวเงยหน้าขึ้นมา เมื่อเห็นใบหน้าชัดแจ้งแบบนี้พิรัลมองเห็นแก้มของอีกฝ่ายที่แดงระเรื่อเพราะเป็นคนผิวขาวมากคนหนึ่ง พิรัลจัดแจงให้ชายหนุ่มคนนั้นขยับท่าทางอีกเล็กน้อยก่อนจะตั้งกล้องอยู่ในระดับสายตา มองภาพผ่านเลนส์และเก็บบันทึกภาพไว้ “คุณมาเที่ยวกี่วัน”
“สามวันครับ ลางานได้ไม่นาน”
พิรัลถ่ายรูปของอีกฝ่ายไว้อีกหลายรูปก่อนจะหยุดมือเพื่อตรวจดูรูปสักหน่อย
“แล้วคุณมากี่วัน”
“สามวันเหมือนกันครับ” พิรัลตอบขณะที่เลื่อนดูรูปในกล้องไปเรื่อยๆ ภาพของชายหนุ่มเสื้อขาวดูเข้าท่าดีอยู่หรอกแต่ก็ยังต้องใช้โปรแกรมเพื่อลบคนอื่นที่ติดมาในภาพออกและเมื่อภาพมันไม่สมบูรณ์พิรัลจึงไม่ได้ชักชวนให้อีกฝ่ายดูรูป
นิพัทธ์นึกแปลกใจที่ตากล้องคนนี้ไม่ได้ชวนดูรูปถ่าย แต่เขาก็ไม่อยากเซ้าซี้ยุ่มย่ามมากนักจึงปล่อยให้อีกฝ่ายยืนถ่ายรูปต่ออีก นิพัทธ์คิดจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเล่นเพื่อรอแต่เขากลับหยุดชะงัก และเปลี่ยนใจมามองบรรยากาศรอบข้างแทน มันก็ไม่เชิงว่ามองบรรยากาศรอบข้างหรอกแต่นิพัทธ์กำลังมองผู้ชายที่ถือกล้องคนนี้อยู่ต่างหาก นิพัทธ์ไม่แน่ใจนักว่าอะไรที่ทำให้เขาเริ่มต้นบทสนทนากับผู้ชายคนนี้ แต่เมื่อได้เริ่มต้นไปแล้วนิพัทธ์คิดว่าชวนเขาคนนี้มาเป็นเพื่อนร่วมทางในระหว่างที่อยู่กระบี่ก็น่าจะเป็นเรื่องไม่เลว
“ผมจะไปฝั่งนู้น ไปด้วยกันมั้ยครับ”
เขาเอ่ยขึ้นและเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้า นิพัทธ์สบมองดวงตาอีกฝ่ายก่อนจะเดินตามข้ามลำธารไปอีกฝากฝั่งหนึ่งของบริเวณน้ำตกร้อนโดยไม่ได้ตอบคำถามนั่นเลยสักคำ
ชายคนนั้นเดินอย่างไม่รีบเร่งมันทำให้นิพัทธ์จำต้องชะลอระดับการก้าวขาของตัวเองลง นิพัทธ์ยืนมองชายคนนั้นถ่ายรูปอยู่กลางลำธาร มองสายน้ำที่ไหลผ่านน่องขาไป เขาเป็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ กล้องแบบมืออาชีพที่อยู่ในอุ้งมือของชายคนนั้นดูเล็กลงเล็กน้อยกว่าปกติอย่างไร้เหตุผล เขาสวมเสื้อยืดสีเทาไร้ลวดลายแต่ขนาดตัวที่กำยำทำให้เสื้อยืดธรรมดาดูตึงแน่นขึ้นนิดหน่อย นิพัทธ์เริ่มคุ้นลักษณะท่าทางจนในที่สุดก็พบว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นคนเดียวกับที่อยู่บนเครื่องบิน เขาคิดได้อย่างนั้นแต่ไม่ได้สนใจจะบอกกล่าวอีกฝ่ายให้รับทราบ สิ่งที่นิพัทธ์สนใจไม่ใช่เรื่องที่เจอกันบนเครื่องบินแต่เป็นเนื้อหนังมังสาที่อยู่ภายใต้อาภรณ์เหล่านั้นมากกว่า หากแต่นิพัทธ์พยายามหันเหความสนใจไปทิศทางอื่น และซ่อนเร้นความรู้สึกในห้วงลึกนั้นไว้
ชายหนุ่มสองคนเดินเคียงข้างกันในบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะกลับมายังจุดนัดหมาย พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากไปกว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้และอาหารกล่องที่ได้กิน รถตู้ขับเคลื่อนไปยังสถานที่ต่อไปที่เรียกว่าท่าปอมคลองสองน้ำซึ่งคุณเนยก็ได้อธิบายว่าสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาเพื่อการเรียนรู้ ในระหว่างที่คุณเนยและลูกทัวร์คนอื่นเดินอยู่ด้านหน้า ชายหนุ่มสองคนที่เพิ่งรู้จักกันก็เดินรั้งท้ายอยู่ที่ด้านหลัง ท้องฟ้าแจ่มใส บรรยากาศโดยรอบยังคงห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ใบเขียวนานาพันธุ์ เสียงบรรยายจากคุณเนยไขกระจ่างในพันธุ์ของต้นไม้เหล่านั้น นิพัทธ์ไม่ได้สนใจเสียงคุณเนยมากนักนอกเสียจากเสียงของการกดชัทเตอร์จากผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างนี้ เขาดูในอนาทรร้อนใจกับชะโงกทัวร์แต่กลับยืนเล็งถ่ายรูปตามมุมต่างๆนานสองนาน นิพัทธ์ไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำว่าทำไมถึงต้องเดินรั้งท้ายอยู่กับผู้ชายคนนี้ทั้งที่ลูกทัวร์คนอื่นเดินไปไกลที่ด้านหน้านู่นแล้ว ไม่มีใครรั้งไว้แต่นิพัทธ์ก็ยังเดินตามผู้ชายคนนั้นไปอย่างเงียบๆและถูกถ่ายรูปบ้างเป็นครั้งคราว
“ผมเดินช้า คุณจะเดินไปก่อนก็ได้นะครับ”
นิพัทธ์ไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงแค่มองอีกฝ่ายที่ยกกล้องขึ้นเพื่อเก็บภาพแอ่งน้ำที่เป็นสีฟ้าขุ่น
พิรัลกังวลเล็กน้อยที่เพื่อนหน้าใหม่คนนี้ต้องหยุดรอให้เขาถ่ายรูป จึงได้เสนอแนวทางอื่นไปเพื่อไม่ให้รู้สึกเกรงอกเกรงใจกัน ฝ่ายนั้นไม่ตอบแต่ก็ไม่ได้หนีหายไปไหนพิรัลจึงอนุมานเอาเองว่าเขาคงจะพอที่ร่วมทางไปด้วยกัน พิรัลมองเห็นน้ำสีฟ้าขุ่นปะปนกับน้ำสีใส เห็นพืชพันธุ์ต้นไม้และปลาที่ว่ายวนอยู่ใต้ผืนน้ำอย่างชัดเจน แต่เบื้องหน้าที่รออยู่นี้กลับสวยมากกว่าพิรัลจึงชักชวนให้เพื่อนหน้าใหม่ออกเดินทางต่อ
เสียงผู้คนบางเบาลงแต่เสียงน้ำไหลเอื่อยตามธรรมชาติกลับทดแทนเข้ามา พิรัลนั่งลงบนรากไม้ขนาดใหญ่ยาวโดยมีชายคนนั้นตามลงมานั่งข้าง พวกเขามองดูสายน้ำสีประหลาดที่ไม่ได้สวยเหมือนในรูปถ่ายด้วยความเงียบงัน มีเสียงน้ำไหลและแมลงร้องไปตามเรื่องราวแต่แล้วมันก็เงียบลงอย่างน่าประหลาด พิรัลมองไปสุดสายตาที่ต้นสายของแหล่งน้ำซึ่งอยู่ลิบลับนั่นก่อนจะชำเลืองมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขากำลังแกว่งปลายนิ้วบนผืนน้ำให้กระจายเป็นวงกว้าง ผิวเท้าของเขาขาวและดูสะอาดสะอ้านดี พิรัลนึกอยากลองเอาเท้าของตัวเองสัมผัสที่ใต้ฝ่าเท้านั่นสักครั้งแต่ก็ยับยั้งความคิดนั่นไว้เพียงลำพัง
แสงสะท้อนจากอาทิตย์วูบไหวไปตามระลอกน้ำ มันลอยละล่องสาดแสงเข้าที่ใบหน้าของชายหนุ่มผิวขาวจนแสบตาและต้องหยีตาลง หากแต่ดวงตาของพิรัลที่ยังชำเลืองลอบมองอยู่ที่คนด้านข้างไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก ตะวันคล้อยลงแล้วทำให้พิรัลรู้ตัวว่าวันอีกวันหนึ่งกำลังผ่านพ้นไป มันรวดเร็วจนพิรัลร้อนรนใจและเขาหาคำตอบในเรื่องนั้นไม่ได้
“คืนนี้ผมจะไปเดินที่ตลาดโต้รุ่ง” พิรัลเอ่ยเพียงแค่นั้นและหยุดชะงักไปเมื่อมองเห็นดวงตาสีน้ำตาลที่สะท้อนแสงพระอาทิตย์อยู่ในนั้น ดวงตาที่ดูใสแจ๋วกำลังรอคอยประโยคถัดไปแต่พิรัลก็ยังคงเงียบ
“ผมก็ว่าจะไปหาอะไรกินที่นั่นเหมือนกัน”
นิพัทธ์เอ่ยเช่นนั้น ค่อนข้างมั่นใจว่าทั้งเขาและชายหนุ่มด้านข้างรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
“ไหวมั้ยพี่ ผมสูบลมให้ก็ได้นะ”
พิรัลปาดเหงื่อที่ข้างขมับก่อนจะเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่ตัวผอมแห้งผิวคล้ำที่อยู่ตรงหน้า เขาเป็นหนึ่งในคนที่ทำงานในโฮสเทลแห่งนี้และกำลังยื่นข้อเสนอให้พิรัลไม่ต้องเหนื่อยมาก “ไหว เดี๋ยวผมทำเอง”
“โอเค งั้นฝากพี่ลากที่สูบไปเก็บไว้หลังเค้าท์เตอร์ให้ด้วยนะ”
น้ำเสียงที่ติดสำเนียงแบบคนต่างจังหวัดกล่าวแล้วเดินหายไปอย่างว่องไว พิรัลมองถังเหล็กที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะลงมือสูบลมยางจักรยานต่อจนเสร็จ เขาเหนื่อยเล็กน้อยกว่าคนปกติทั่วไปนิดหน่อยแต่พิรัลไม่ได้สนใจ เขาลากที่สูบลมไปเก็บที่ด้านหลังเค้าท์เตอร์ตามที่น้องผู้ชายคนนั้นได้บอกไว้และปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยังตลาดโต้รุ่งทันท่วงที
พิรัลไม่แน่ใจว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือไม่ในตอนที่เห็นตลาดโต้รุ่ง เขาหันรีหันขวางมองหาที่จอดจักรยานแต่ก็ยังไม่รู้ว่าควรจะจอดไว้ตรงไหนเพื่อไม่ให้โดนขโมย แต่กระนั้นกลับมีทั้งรถจักรยานและจักรยานยนต์จอดเรียงรายซ้อนแถวมั่วสั่วไปหมด สุดท้ายก็เลือกจอดไว้ที่ข้างต้นไม้ริมทางใกล้ตลาด เขาเดินอย่างเชื่องช้าไม่เร่งรีบและหยุดซื้อน้ำปั่นดื่มแก้กระหายแต่พบว่ามันหวานจากน้ำเชื่อมมากเสียจนแสบคอ พิรัลโยนน้ำแก้วนั้นทิ้งไปอย่างไม่ใยดีหลังจากเดินไปห่างออกมาจากร้านน้ำ
ในตลาดโต้รุ่งที่เดินอยู่นี้ก็เหมือนกับตลาดนัดโดยทั่วไปในกรุงเทพเพียงแต่มีอาหารทะเลเยอะกว่าก็เท่านั้น พิรัลแวะซื้อไก่ย่างจากร้านที่คนขายเป็นอิสลาม หยุดคุยกับเธอเล็กน้อยเมื่อโดนถามว่ารูปที่ถ่ายนี้จะเอาไปลงในเวปไซต์ใด พิรัลหัวเราะและบอกเธอว่าจะเอาไปลงในแอพพลิเคชั่นยอดนิยอมชนิดหนึ่ง เธอดูขัดเขินเมื่อพิรัลเปิดรูปให้ดู มันเป็นรูปของเธอกับลูกชายที่ยืนอยู่ด้านหลังแผงขายไก่ย่าง แสงสีในรูปเป็นธรรมชาติและพิรัลก็ไม่คิดจะแต่งภาพนี้เพราะพอใจกับผลลัพธ์แล้ว เธอบอกว่าเธอไม่ได้เล่นแอพพลิเคชั่นยอดนิยมนั่น บอกต่ออีกว่ารีทัชใต้ตาที่ดูคล้ำของเธอให้เสมอกับสีผิวด้วย พิรัลหัวเราะอีกครั้งเพราะความใสซื่อในแบบฉบับของคนต่างจังหวัด เขาบอกเธอว่าจะลงภาพสดแบบนี้และไม่เติมแต่งหรือลบสิ่งใดเพราะเขาชอบธรรมชาติของเธอ แม่ค้าวัยกลางคนหัวเราะเขินก่อนจะแถมตับไก่ย่างให้พิรัลอีกอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าชอบตนเองชอบพูดคุยกับคนแปลกหน้าหลังจากฟังผลตรวจในครั้งนั้น มันเริ่มจากตอนที่เขาไปเดินออกกำลังกายในสวนสาธารณะและเจอสัตว์ตัวยาวกำลังเลื้อยขึ้นมาจากบึงน้ำเพื่อมาตากแดด คุณลุงที่ยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ตรงนั้นหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางพิลึกพิลั่นของหนุ่มเยาว์วัย จากนั้นคุณลุงก็ชวนเด็กหนุ่มคุยเรื่องตัวเงินตัวทองที่อยู่ในสวนสาธารณะแห่งนั้น พิรัลที่ไม่ได้เป็นคนช่างพูดในตอนนั้นรู้สึกแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่เมื่อลองได้คุยอีกสองสามประโยคเขาก็ได้ฟังเรื่องราวอื่นๆจากคุณลุงอีกมากมาย พิรัลชอบฟังเรื่องราวของคนอื่น มันทำให้เขาลืมเรื่องของตัวเองไปชั่วในขณะนั้น
พิรัลเดินทอดน่องไม่อนาทรร้อนใจพร้อมกับกินอาหารย่างที่ซื้อมา เดินไปได้พักหนึ่งก็เห็นแผ่นหลังคุ้นตาในเสื้อยืดสีขาวยืนอยู่ที่ร้านเนื้อทอด เขาหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายด้านหลังของชายหนุ่มคนนั้นไว้ก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล ดวงตาของชายหนุ่มคนนั้นยังคงใสแจ๋วเป็นประกายจากหลอดไฟ พวกเขายิ้มให้แก่กันจากนั้นก็เดินเคียงไหล่อยู่ในตลาดนัดโต้รุ่ง หาของกินไปตามเรื่องตามราวและคุยเรื่องดินฟ้าลมอากาศ พิรัลมองอีกฝ่ายดื่มน้ำจากขวดในตอนที่หยุดพักกินอาหารที่ซื้อมา ข้างทางที่หลบมุมเข้ามานั้นไม่ได้ร้างไร้ผู้คนตรงกันข้ามทั้งผู้คนท้องถิ่นและต่างถิ่นยังคงเดินกันให้ขวักไขว่ แต่พิรัลมองเห็นใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้านี้ชัดเจน ในหูของเขาเงียบสนิทไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกจากแม่ค้าพ่อขายที่ชักชวนให้ซื้อของ ชายคนนั้นรู้ตัวและเผยยิ้มให้พิรัลเล็กน้อยก่อนจะชวนพิรัลไปเดินเล่นที่ชาดหาดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดนี้
รอยยิ้มของอีกฝ่ายทำให้พิรัลตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้เขาคงจะได้ชิมของฝากจากกระบี่อย่างแน่นอน