阳鳳
หงส์สุริยาแห่งวังต้องห้าม
คำพังเพย กล่าวไว้ว่า “ดอกไม้งามกลิ่นหอมเย้า ไม่แคล้วเหล่าภมรรุมตอมกลิ่น”
แต่ว่า...เรื่องราวกลับยุ่งเหยิงเกินกว่าคาดคิด เพราะหากดอกไม้งามเหล่านั้นมิใช่หญิงสาว แต่กลับเป็นชายชาตินักรบเช่นนั้นแล้วคำพังเพยจะมีความหมายอันใด...
คำพังเพยยังมีอีกว่า “จักรวาลไร้พรมแดน ไม่ต่างจากหัวใจถวิลหา ดอกเหมยงดงามตา พลิกชีวาชั่วนิรันดร์”
นั่นต่างหากที่อยากให้รู้ หัวใจดวงเล็กๆ แต่กลับสร้างความรู้สึกที่แผ่กว้างและซับซ้อนเกินพรรณนา ด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย จึงไม่อาจถูกมองข้ามได้
แดนมังกรนั้นกว้างใหญ่ มากเผ่าหลายแคว้น หากแต่จะลืมสิ้นไม่ได้ ถึงศูนย์กลางแห่งประชาราช ราชวังเหลืองอร่ามงดงามและยิ่งใหญ่แห่งเมืองต้าชิง ยุคแห่งจักรพรรดิเกาอู่หลง ยุคที่ปราศจากดินแดนคาวเลือด แต่วังหลังกลับยุ่งเหยิง
“ดอกไม้หลากหลายพันธุ์ ต่างดอกต่างงดงามในตัว หากแต่จับใส่รวมตัว แทบชิงชังโดดเด่นจนดอกโรย”
สาวงามอยู่ร่วมรวมกัน มิอาจเป็นผลดีนัก แต่นี่หาใช่หญิงสาวแต่เป็นชายล้วน ในยุคจักรพรรดิเกาอู่หลงขึ้นครองบัลลังก์ พระองค์ประสงค์ชายาเป็นชายชาตรีมากกว่าหญิงสาว
เหล่าชายทั้งหลายบุคลิกสงบนิ่ง ยากหยั่งถึงจิตใจ หากอ่อนข้อต่อโชคชะตา นั่นคือปรารถนาในความตาย เพราะฉะนั้น ในวังหลังแห่งนี้ หากหลวมตัวก้าวเข้ามาแล้ว ทางรอดมีเพียงหนึ่งเดียว คือฝืนชะตา และตัดชีวาคนอ่อนแอ เพราะนี่คือ
“วังต้องห้าม”
หยางเฟิ่ง เด็กหนุ่มอายุ สิบเจ็ดปีเศษ ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ขาวกระจ่างสมลูกชายขุนนางขั้นสี่นั่งมองปลาทองในสระน้ำหลังบ้าน โดยมีคนรับใช้ยืนมองอยู่ห่างๆ ผ่านไปหลายชั่วยามแล้วเขายังคงมองชื่นชมอยู่เช่นนั้น
“ลูกเฟิ่ง เจ้านั่งดูปลาแบบนี้นานแล้วนะ ไม่เบื่อหรือไง”
“ท่านแม่...ข้าไม่เบื่อหรอก นี่...สีหน้าท่านไม่ดีเลย มีอะไรรึเปล่า”
“จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ก็ไม่เชิง”
“ท่านพูดเช่นนี้ ข้าอยากรู้แล้วสิ”
“ท่านพ่อของเจ้า ถูกเรียกตัวเข้าพบฮ่องเต้ พร้อมขุนนางคนอื่นๆ เจ้าลองเดาดูสิว่าจะมีเรื่องอะไรอีก”
“เกิดศึกที่ชายแดนเหนือหรอท่านแม่”
“จะเป็นไปได้ยังไง ฮ่องเต้กับท่านข่านเผ่าแดนเหนือกลมเกลียวปรองดองกันดี เรื่องศึกสงครามเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว”
“แสดงว่าที่ท่านกำลังจะสื่อคือ...”
“ใช่แล้ว ทุกๆปี ลูกชายลูกสาวขุนนางต่างๆ ต้องเข้าร่วมพิธีการรับเลือกให้เข้าวัง”
“ข้า...ข้าเพิ่งอายุสิบเจ็ด”
“หยางเฟิ่ง สิบเจ็ดไม่ใช่เด็กแล้วนะ แม่เองก็ลำบากใจ แต่เจ้าคือลูกชายคนเดียวของของแม่ที่ยังไม่ออกเรือน เจ้าต้องช่วยแม่กับพ่อนะ”
“ท่านแม่ ข้าไม่อยากเข้าวัง”
“แม่ก็จนปัญญา แต่เรายังพอมีหวัง หากฮ่องเต้ไม่โปรดเจ้า เจ้าก็ได้ออกจากวัง แล้วกลับมาใช้ชีวิตอยู่เหมือนพี่ชายของเจ้า แต่งงานมีทายาทต่อไป”
ฮูหยินตระกูลหยาง มองดูลูกชายคนเล็กน้ำตาล้นเอ่อ หัวอกผู้เป็นแม่ย่อมรักและเป็นห่วงลูกตนธรรมดา ในวังหลวงการเป็นอยู่แก่งแย่งชิงดีแค่ไหน ผู้ใดล้ม เท่ากับความตายมาเยือนถึงตัว
และแล้ววันแห่งการพลัดพรากก็มาถึงเหล่าทายาทขุนนางทั้งชายและหญิงถูกเรียกตัวเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เพื่อคัดตัวต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้และไทเฮา
“ดอกไม้งาม ยามจะโดนเด็ด กลับอิดออดไม่เบ่งบานให้เชยชม ”
นี่ก็คงเช่นกัน หยางเฟิ่งผู้ร่าเริงและสดใส อยู่ต่อหน้าพระพักตร์จอมจักรพรรดิ กลับยืนนิ่งมิกล้าสบตา ในใจอกสั่นขวัญแขวนนัก ยากใครจะเห็นได้
“หยางเฟิ่งถวายพระพรฮ่องเต้และไทเฮา ขอจงมีพระวรกายที่แข็งแรงพะยะค่ะ”
“เจ้า...อายุเท่าไหร่”
“สิบเจ็ดพะยะค่ะ”
“เงยหน้าขึ้นให้ข้าดูหน่อย” ไทเฮารับสั่ง หยางเฟิ่งผู้หวั่นกลัวค่อยๆเงยหน้าขึ้น อย่างกล้าๆกลัวๆ
ทันใดนั้นสองดวงตาประสานรับอย่างรวดเร็ว “ดั่งดอกไม้บาน ส่งกลิ่นหอม เหล่าแมลงบินล้อมรองรับไม่ห่างหาย”
“เจ้าแม่ ข้าเลือกหยางเฟิ่ง”
“หยางเฟิ่ง ลูกชายขุนนางหยางอี้ ได้รับคัดเลือก ประทานตำแหน่งสนมขั้นหนึ่ง หยางต๊ะอิ้ง” กงกงคนในราชพิธีแต่งตั้งคัดเลือก
เหล่าสนม กล่าวเสียงดังฟังชัด หยางเฟิ่งได้ยินเช่นนั้นแทบล้มทั้งยืน
.
.
.
.
.
.
.
วันเวลาผ่านเลยไป
‘นับแต่นั้นมาชีวิตของข้าก็เปลี่ยนไป จากสามัญชนทั่วๆไปในดินแดนมังกรแห่งนี้ ชีวิตของข้าผ่านวันและเวลาจากหนุ่มวัยสิบเจ็ด ไต่เต้าสู่การเป็นจอมหงส์สุริยันคู่บัลลังก์มังกร ภายใต้คราบเลือดและนองน้ำตา การสูญเสียมิตรภาพคือเรื่องปกติ ผู้ที่พ้นจากอันตรายคือผู้ที่เอาตัวรอด ในวังหลังแห่งนี้ ถือตัวถือดีมากเกินงามไม่เป็นผลดีนัก ทุกสิ่งทุกอย่างคือโอกาส เมื่อได้มันมาแม้จะเต็มใจหรือไม่ ก็ต้องเลือกที่จะทำ
‘อย่างเช่นข้าทุกวันนี้ ข้าไม่อาจเลือกชะตาได้ แต่ข้าใช้ชะตาของข้า กำหนดทุกอย่างให้ดีที่สุด ในวัยห้าสิบกว่าปี กับตำแหน่ง หวงกุ้ยเฟย นับว่าสูงส่งนัก บนที่สูงเช่นนี้มีแต่ความโดดเดี่ยวและไร้ซึ่งความอบอุ่น ชีวิตของข้าเพียงต้องการใช้ชีวิตแบบธรรมดากับคนที่ข้ารัก ฝ่าบาทคือคนที่ข้ารักอย่างหมดใจแต่เพราะนั่นคือ ฝ่าบาท ข้าถึงได้...รู้สึกกับความรักที่ไม่สมบูรณ์แบบ’
ศาลากลางสวนหลวง เหล่าขันทีและนางกำนันรับใช้นับสิบคน ยืนเฝ้ารายล้อมไม่คลาดสายตา หวงกุ้ยเฟย ตำแหน่งสูงสุดของเหล่าสนม แต่งองค์ทรงเครื่องดั่งหงส์ทองสง่างาม ยืนนั่งเหม่อมองดอกไม้เหล่านั้นที่เบ่งบานแข่งกันอย่างจรรโลงใจ นึกถึงบรรยากาศเก่าๆที่ผ่านมา รอยยิ้ม คราบน้ำตา ความอ่อนโยน ความเด็ดเดี่ยว ความโดดเดี่ยวเดียวดาย แทนที่จะชินชากลับไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“หงส์ทองงามสยายปีกจับต้องแสงสุริโย ประหนึ่งมองงดงามจับใจ หากแต่บินสูงเทียมฟ้าไร้คู่แข่งวาสนา กลับทนฝืนบินเดียวดาย ปกครองแผ่นดินมังกร”
อวสาน
นี่คือนวนิยายฉบับสั้น หากต้องการอ่านซึมซับชีวิตของ หยางเฟิ่ง ท่านสามารถแจ้งเจตนารมณ์ของท่านได้ในคอมเม้นนะครับ อิอิ เรื่องราวถ้าจะให้แต่งเป็นนวนิยายฉบับยาว คงหลายตอนน่าดู แต่ทั้งนี้ ท่านก็พอจะทราบจุดเริ่มต้นและจุดจบของตัวละครตัวนี้ ที่เหลือคือเรื่องราว แก่นของเนื้อหานั่นเอง
ปล.สิ่งที่ท่านควรรู้ ในราชวงศ์ชิง สมัยนั้นแบ่งยศนางสนมออกเป็น 7 ระดับ คือ
1.หวงกุ้ยเฟย (皇貴妃) มีได้เพียงคนเดียว รองจากฮองเฮาเท่านั้น
2.กุ้ยเฟย 貴妃 มีได้ 2 คน
ตำแหน่ง 1 กับ 2 ถือเป็นสนมขั้นสูง
3.เฟย 妃 มีได้ 4 คน
4.ผิน (嬪) มีได้ 6 คน
ตำแหน่ง 3 กับ 4 ถือเป็นสนมขั้นกลาง
5. กุ้ยเหริน (貴人)
6. ฉางจ้าย (常在)
7. ต๊ะอิ้ง (答應)
ตำแหน่ง 5 ถึง 7 ถือเป็นสนมขึ้นต่ำ และมีได้นับไม่ถ้วน
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1: