IN TO THE NIGHT I SEE NOTHING BUT STAR FALLING
เคยมีคนบอกผมว่าผมเป็นคนเก็บตัว และผมไม่คิดจะเถียง มันจริง จริงทั้งหมดนั่นแหละ ถ้าให้อธิบายความเป็นตัวผมง่ายๆก็คงเหมือนกับเครื่องคิดเลขที่มีแค่บวก ลบ คูณ หาร กับเลขง่อยๆ ผมไม่ใช่คนซับซ้อนคิดอะไรก็ออกมาทางสีหน้า โกหกไม่เก่ง ไม่ชอบความวุ่นวาย ฟังแต่เพลงง่ายๆ และเชื่อว่าชีวิตมันควรจะง่าย เพราะแบบนั้นถึงไม่เคยพาตัวเองเข้าไปในจุดที่จะทำให้เกิดความวุ่นวายเลยซักครั้ง แต่เหมือนว่าบางครั้งคนเราก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง
2.00 AM
“อาร์ตไหวมั้ยเอาไรแก้เมาหน่อยมั้ย”คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคือพี่โจอา ความจริงแล้วเขาเป็นบอสของผมแต่เพราะเรารู้จักกันตั้งแต่มหาลัยเลยไม่ต้องเกรงใจอะไรกันมากนัก
“ผมขอน้ำซักแก้วนะครับ”ผมโกหกก็แค่อยางอยู่กับเขาให้นานหน่อย ผมไม่ได้เมาห่างจากคำว่าเมาประมาณสามล้านโยชน์ด้วยซ้ำ ก็แค่เป็นคนผิวบางดื่มแอลกอลฮอล์ไปไม่มากก็ทำให้ตัวเริ่มแดงจนทำให้คนตรงหน้าคิดว่าผมเมาก็แค่นั้น
แผ่นหลังกว้างที่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อเชิตสีขาวสะอาดน่ามองทำให้ใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอย่างกับเด็กน้อยวัย18ทั้งที่ตอนนี้อายุก็ปาไปตั้ง28แล้ว ใช่ครับผมชอบพี่โจชอบตั้งแต่เริ่มรู้จักกับพี่เค้าตอนปีสองตอนนั้นเราทำค่ายด้วยกันพี่โจอยู่ปีสามเราค่อนข้างสนิทกันก่อนที่เค้าจะไปเรียนต่อเมืองนอกหลังจากเรียนจบปี5 แล้วเราก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีก เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในตอนที่พี่โจมาเป็นCEOที่บริษัทที่ผมทำงานอยู่ทุกช่วงชีวิตที่ผมกล่าวมาผมก็ยังมีเค้าอยู่ตลอดไม่เคยเลิกชอบได้เลยซักวันเดียว ขนาดตอนนี้เป็นลูกน้องที่บริษัทของเค้าก็ยังคงชอบอยู่ แต่ก็นั่นแหละถึงแม้จะชอบเขามาเกือบ8ปีเราก็ไม่เคยไปไกลกว่าคำว่าพี่น้องร่วมสถาบันหรือว่านายจ้างกับลูกน้องเลยซักวินาทีเดียว
“อ่ะนี่”มือขาวยื่นแก้วน้ำมาให้ ผมรับเอามาจิบ ก่อนที่อีกฝ่ายจะนั่งลงข้างๆผมบนโซฟานุ่มตัวใหญ่ เราสองคนทอดมองวิวของเมืองใหญ่ด้านนอกผ่านกระจกใส ตอนนี้วิวเบื้องหน้าทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
“ผมคิดว่าพี่โจจะอยู่ที่ธารารินซะอีกไม่คิดว่าอยู่ที่นี่”เสียงหัวเราะเบาๆหลุดมาจากคนข้างๆ ผมเอียงคอหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่มีแสงจากโคมไฟข้างๆมาตกกระทบยิ่งทำให้ดูหน้าค้นหา
“มันใหญ่ไปพี่อยู่คนเดียวไม่ได้หรอก มันเหงาเกิน” ก็จริง ถึงแม้พี่โจจะเป็นCEOบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่แต่การอยู่ในบ้านหลังใหญ่อย่างกับคฤหาสน์นั้นคนเดียวก็คงจะเหงาพิลึก
“ที่นี่ก็ไม่ได้เล็กเลยนะครับ แถมอยู่ตั้งชั้นที่69 อยู่คนเดียวไม่เหงาหรอครับ”ผมเพ่งมองห้องรับแขกที่ประดับประดาด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในห้องที่ตอนนี้แทบจะมืดสนิทมีเพียงแสงโคมไฟริบหรี่
ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่เลยแฮะ….พี่โจคงแทบจะไม่ได้ตกแต่งอะไรเพิ่มจากเดิมเท่าไหร่เพราะผมคือทีมที่ออกแบบคอนโดนี้เลยฉุกคิดตั้งแต่เดินเข้ามาแล้วว่ามันเหมือนเดิม …..เหมือนแบบที่ผมเป็นคนออกแบบแทบจะไม่ผิดเพี้ยน
“นั่นสิ่ ฮ่าฮ่า อาร์ตชอบมั้ยตั้งแต่พี่ย้ายมาอยู่พี่แทบไม่เปลี่ยนแบบของอาร์ตเลยนะ”ใบหน้าอมยิ้มเล็กๆของเขาทำให้ผมรู้สึกเขินอายโชคดีที่ห้องยังคงมือสนิท ไม่อย่างนั้นอีกคนคงสังเกตเห็นแน่ๆ
“ชอบครับ แล้วพี่โจไม่คิดจะหาคนมาอยู่ด้วยหรอครับแบบว่าชวนแฟนมาอยู่ด้วยหน่ะ”ผมถามออกไปทั้งที่ในหัวใจเริ่มรู้สึกปวดหนึบ อีกแล้วผมหาเรื่องให้ตัวเองอีกแล้ว
“ไม่มีหรอกพี่ไม่คบใครมาจะ4ปีแล้วล่ะ แฟนคนล่าสุดก็กิ่งไงที่พี่เลิกตอนก่อนจะไปเมืองนอก”กิ่งคือแฟนของเขาในตอนที่ผมรู้จักกับเขาช่วงแรกๆแต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าทั้งสองเลิกกันแล้วจะหาว่าบ้าก็ได้แต่ผมไม่เคยติดตามชีวิตเขาเลยเพราะถือคติที่ว่าไม่รู้ก็ไม่เจ็บ ถ้าจะเจ็บก็ขอเจ็บครั้งเดียววันงานแต่งงานเค้าเลยก็แล้วกัน
“หรอครับ พี่โจรู้มั้ยแบบห้องนี้ผมสร้างให้อยู่เป็นครอบครัวนะครับ แบบนี้ต้องรีบหาแล้วหรือเปล่าน้า”ผมเย้าถึงว่าจะเจ็บแต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องตามน้ำไปเรื่อยๆ หรือว่าจะบอกว่าหายเมาแล้วขอกลับบ้านดีนะถ้าอยู่แบบนี้ต่อไปผมคงต้องพูดคำทำร้ายจิตใจของตัวเองไปเรื่อยๆแน่เลย
“อาร์ตมีแนะนำมั้ยล่ะ”คนตัวสูงแกล้งเย้าคืนโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นการสะกิดแผลใจอีกฝ่ายให้เลือดไหลซิบ
“พี่โจชอบคนแบบไหนล่ะครับ” ถ้าจะให้แนะนำผมขอแนะนำตัวเองได้มั้ยล่ะ พี่จะชอบหรือเปล่า…….
พี่โจทำท่าคิดอยู่พักนึงก่อนจะหันมาสบตา
“อาร์ตลองเดาดูสิ่ เรารู้จักกันมาเจ็ดปีแถมทำงานด้วยกันมาจะครบปีแล้วอาร์ตรู้มั้ยว่าพี่ชอบคนแบบไหน”คนขี้แกล้งถามคนตัวขาวที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างนึกสนุก
พี่โจชอบคนแบบไหนงั้นหรอ…..อาจจะชอบคนที่สวย เพราะพี่กิ่งสวยมาก และคนที่ทำงานเก่งเพราะพี่เค้าทำงานหนักล่ะมั้ง
“คนสวยแล้วก็คนที่ทำงานเก่งมั้งครับ”เขาตอบไปตามที่คิด
“เกือบถูกแล้ว พี่ชอบคนทำงานเก่ง แล้วก็สบายๆ ยิ้มน่ารักๆเวลาพี่ได้มองเค้าแล้วทำให้ตัวเองรู้สึกโชคดีเป็นบ้าอะไรแบบนั้นหน่ะ”คนหน้าหล่อส่งยิ้มมาให้เมื่อคนตัวเล็กกว่าตอบได้ถูกใจ
“บอกลักษณะขนาดนี้คงมีแล้วใช่มั้ยครับคนคนนั้นหน่ะ”ปากแดงเผลอเม้มเข้าหากันด้วยความอึดอัดผมเกลียดที่ตัวเองเป็นแบบนี้เป็นมนุษย์นี่ช่างโง่งมชอบตอกย้ำให้ตัวเองเจ็บปวดซ้ำๆ
“ใช่แล้วล่ะอาร์ตอยากรู้มั้ยว่าใคร”พี่โจขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับระซิบที่ข้างหูทำให้รู้สึกหวิวที่หน้าอก พี่เค้าจะทำอะไรน่ะ
“เอ่อ….ผมรู้ได้หรอครับ”ร่างเล็กเผลอถอยห่างออกมาอย่างตกใจจนแผ่นหลังติดโซฟาแต่อีกคนก็ไม่ลดละขยับตามเข้ามาใกล้กลายเป็นว่าคนตัวสูงกว่าแทบจะอยู่ในท่าคร่อมร่างบางตรงหน้า
“ได้สิ่คนที่ควรรู้ที่สุดบนโลกก็คืออาร์ตนั้นแหละ”ร่างสูงโน้มลงกระชิบเบาๆเราสบตากันใบหน้าหล่อเหลาที่ลางเลือนของเขาอยู่ห่างจากผมไม่ถึงคืบตอนนี้ในหัวของผมตื้อไปหมดไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมจะเกิดอาการเมาขึ้นมาจริงๆหรือเพราะกลิ่นหอมของคนตรงหน้ากันแน่ สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ข้างแก้มลามมาจนถึงใบหูยิ่งทำให้ผมเตลิดทำได้เพียงแค่หลับตาพริ้มรับสัมผัสจากอีกฝ่าย
ร่างสูงผละออกมาจากลำคอหอมกรุ่นของคนใต้ร่างอย่างรู้สึกผิดเมื่อนึกขึ้นได้ว่ากำลังเผลอลวนลามคนเมา
“พี่ขอโทษ พี่ไม่หน้าทำแบบนี้”อาร์ตมองใบหน้ารู้สึกผิดของคนด้านบนแล้วจึงส่งมือขึ้นไปกอด เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องบอก มันคงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง
“อาร์ตชอบพี่โจครับ…..ชอบมาตลอด”เสียงหวานที่กระซิบอยู่ริมใบหูกับอ้อมกอดอุ่นที่คนตัวเล็กมอบให้ทำให้เขารู้สึกดี
ดีมากจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
“ทำไมพี่โจไม่พูดอะไรเลยล่ะครับ”เสียงออ้มแอ้มอย่างคนไม่มั่นใจกล่าวถามเมื่ออีกฝ่ายนิ่งไป
มือใหญ่ดึงคนตัวเล็กให้ออกมาสบตาก่อนจะส่งมือไปประคองแก้มนุ่มๆนั่นด้วยความหลงใหล
“พี่ก็ชอบอาร์ต…ชอบมานานมากๆความจริงแล้วที่พี่เลิกกับพี่กิ่งก็เพราะรู้ว่ารู้สึกกับอาร์ตมากกว่าน้อง ตอนนั้นพี่ไม่กล้าเลยพี่รู้สึกผิดมากเลยต้องไปเมืองนอกแล้วไม่เคยติดต่ออาร์ตเลยพี่ขอโทษพี่มันโง่เอง” ร่างสูงพ่นความรู้สึกทั้งหมดที่มีออกมาให้คนตรงหน้ารับรู้ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีความสุขเลยทำได้แต่คิดถึงคนตัวเล็กตรงหน้าพยายามใช้เวลาให้ทุกอย่างมันเลือนหายแต่มันกลับยิ่งชัดเจนชัดเจนจนทำให้รู้ว่ายังไงก็คงหนีมันไม่พ้น
คนตัวเล็กกว่าก้มหน้าลงสะอื้นฮักๆเมื่อได้รู้ความจริง เขาคิดมาตลอดว่าที่พี่โจหายไปเป็นเพราะเขาเผลอแสดงความรู้สึกจนอีกฝ่ายไม่ยอมแม้จะคุยกับเขาคิดไปไกลว่าอีกฝ่ายคงจะรังเกียจตนจนไม่อยากจะมองหน้า
“อาร์ตเป็นอะไรครับร้องให้ทำไม”เสียงเข้มกล่าวอย่างตกใจเมื่อคนตรงหน้าร้องไห้
“ฮึก ทำไม พี่โจรู้มั้ยอาร์ตทรมานมากเลยนะที่ต้องอยู่กับความรู้สึกที่ว่าพี่โจรังเกียจอาร์ต อาร์ตพยายมจะตัดใจทุครั้งตัดทุกอย่างจากพี่โจแต่ก็ต้องแพ้ แพ้ทั้งที่พี่ไม่อยู่แล้ว เลิกคิดถึงก็ไม่ได้ ฮึก เลิกชอบก็ไม่ได้ ฮึก ผมคิดถึงพี่คิดถึงขนาดมาสมัครงานบริษัทของพ่อพี่เพียงแค่หวังว่าจะได้เจอกันซักครั้ง…….” ในตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำใสตัดพ้อคนตรงหน้าก่อนจะผลักให้อีกฝ่ายล้มลงไปบนโซฟาคนตัวเล็กกว่าขึ้นไปนั่งบนตัวอีกฝ่ายก่อนจะจู่โจมคนด้านล่างด้วยจูบ จูบที่ไม่ประสีประสา เขาไม่รู้ว่าทำแบบนี้ไปทำไม่ ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน จูบนี้เป็นจูบแรกของเขาแต่เพราะสมองมันสั่งสั่งในทำอะไรซักอย่างทำให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเขาทรมานขนาดไหน จากการที่ต้องรักเขามานานขนาดนี้
มือใหญ่กอดตอบร่างเล็กด้านบนก่อนจะเป็นฝ่ายขยับปากเปิดรับความหอมหวานที่ไม่ประสีประสาของคนด้านบนรับน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ตกลงมาที่แก้ม เขายกตัวขึ้นให้น้องนั่งคร่อมบนตักเพื่อนเป็นฝ่ายคุมเกม
“อาร์ตโอเคใช่มั้ยถ้าพี่จะรักอาร์ต ถ้าอาร์ตยังไม่แน่ใจหรือว่าอาร์ตเมา บอกพี่ได้นะ พี่จะหยุด ถ้าไม่ใช่ตอนนี้พี่คิดว่าพี่คงหยุดไม่ได้แล้วหล่ะ”เสียงทุ้มกระเส่าของคนตัวสูงย้ำเพื่อความแน่ใจ เขากลัว กลัวว่าหากตื่นมาแล้วทุกอย่างจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดไม่อยากให้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้คนตรงหน้าเสียใจ
“อาร์ตไม่ได้เมาอาร์ตมีสติดีและถ้าพีโจหยุดอาร์ตจะโกรธ โกรธมากๆด้วย”เสียงตอบจากคนตัวเล็กทำให้สติของเขาขาดผึงมือใหญ่ปลดกระดุมเสื้อเชิดสีฟ้าอ่อนออกอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นเอวคอดกับผิวที่ขาวราวกับน้ำนมของคนบนตัก ก่อนจะสัมผัสคนตรงหน้าอย่างทะนุถนอม
“อึก พีโจ อือ..” ผมไม่เคย ชีวิตของผมห่างไกลเรื่องแบบนี้มาก เพียงแค่พี่โจลากสัมผัสลงมาที่บริเวณเนินอกก็แทบจะทำให้ผมเสียความเป็นตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง
คนด้านบนรุกเร้าอย่างหนักหน่วงด้วยความต้องการ เป็นเวลาเกือบปีที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ทุกครั้งที่เจอเขาอยากเข้าไปสัมผัส เข้าไปกอด แต่ในความเป็นจริงแค่จะพูดคุยกันยังแทบจะไม่กล้าเมื่อคิดว่าน้องคงจะโกรธที่เขาหายไป
“อาร์ต เรียกกชื่อพี่อีกสิ่ครับ เรียกอีก พี่อยากได้ยินเสียงอาร์ต”ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ไปทั่วจนทำอีกคนตัวอ่อนนอนแนบตัวไปบนโซฟา ก่อนที่ร่างหนาจะปลดเสื้อเชิตและกางเกงไห้พ้นไปจากตัวเขาและคนใต้ร่าง สัมผัสเนื้อแท้ของกัน เนื้อตัวของน้องนุ่มไปหมด ร่างกายเล็กๆ ผิวเนื้อนวลนิ่มทำให้เขาไม่สามารถหยุดตัวเองได้ มันทำให้เขาต้องการ ต้องการย่างที่ไม่มีวันพอ
ปากหนาสัมผัสทุกอณูบนร่างกายที่ส่งกลิ่นหอมจางๆยิ่งกลิ่นนั้นปะปนกับแอลกอฮอล์ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้ต้องเขากดกดย้ำตัวตนลงไปเรื่อยๆ
“อ๊ะเจ็บ พี่โจ เจ็บ…..”เสียงหวานเอื่อยเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเขามา เพราะความกลัวและความไม่เคยยิ่งทำให้คนตัวเล็กผวาจนน้ำตาพาลจะไหลลงมาอีกระรอก
“ไม่เป็นไรนะครับ พี่อยู่นี่”คนตัวสูงมองคนน่ารักด้านล่างด้วยความสงสารก่อนจะก้มลงไปจูบให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลาย
นิ้วมือค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้นเมื่อน้องเริ่มปรับตัวได้ ความคับแน่นที่ตอดรัดนิ้วมือ ทำให้เขาอึดอัดจากความต้องการที่ท่วมท้น แต่ก็ต้องอดกลั้นเมื่อคิดได้ว่ามันเป็นครั้งแรกของคนตรงหน้ายิ่งน้องมอบมันให้กับเขาแล้วมันควรจะเป็นอะไรที่ทำให้น้องมีความสุข
“พี่ขอเข้าไปนะครับ”ใบหน้าเล็กพยักหน้าเบาๆเมื่อถูกปลุกเร้าอารมณ์จนไม่สามารถปฎิเสธได้อีกต่อไป
เขาจัดการสวมถุงยางก่อนจะกดแท่งร้อนเข้าไปในส่วนที่อ่อนนุ่มนั้นช้าๆ ความคับแน่นของน้องทำให้เขาแทบจะสำลักความสุขตาย
“อื้มมม….. อาร์ต อ่า”เขาค่อยๆดันเข้าไปช้าๆเพราะรู้ว่าขนาดของเขามันใหญ่เกินไปที่จะรีบร้อน ถ้าหากไม่ใจเย็นคนตัวขาวคงจะต้องเจ็บตัวอย่างไม่ต้องสงสัย
เสียงครางในลำคอของคนด้านบนทำให้ผมอาย ช่องทางด้านหลังคับแน่น สัมผัสได้ถึงของของเขาที่สอดใส่เข้ามาช้าๆจนแทบจุก
“อ๊ะพี่โจมันแน่น…” ความเจ็บในตอนแรกเริ่มหายไปเหลือเพลงความคับแน่นและความเสียว
เขาหยุดนิ่งให้น้องปรับตัวเมื่อใส่มันเข้าไปในตัวน้องจนหมด แรงตอดรัดทำให้เขาทรมานจนต้องขยับเล็กน้อย
“อื้อพี่โจขยับเถอะครับอาร์ตไม่ไหวแล้ว”
เสียงเล็กกล่าวบอกคนด้านบนให้ขยับ เมื่อไดั้รับอณุญาตคนด้านบนด็เริ่มขยับตัวเบาๆก่อนจะ รุนแรงขึ้น เรื่อยๆตามอารมณ์จนทำให้โซฟาแทบลุกเป็นไฟ ภายในห้องที่เงียบสงัดมีเพียงเสียงกระทบกันของเนื้อและเสียงครางกระเส่าบอกรักกันของคนทั้งสอง ร่างกายไขว่ขว้าหากันส่งมอบความรักที่มีให้ผ่านร่างกายที่เชื่อมถึงกัน
ภายในห้องแห่งนี้ ความรักของเขาทั้งสองจะเริ่มต้นขึ้น ในค่ำคืนที่มืดมิดมีเพียงแสงรำไรตกกระทบผิวเนื้อของคนทั้งสองที่กระโจนส่งมอบความรักให้กันและกัน
มีเพียงดวงดาวที่ตกลงมาเท่านั้นที่เป็นพยาน
END