พิมพ์หน้านี้ - [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ErrorPOP ที่ 14-09-2018 08:25:08

หัวข้อ: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 14-09-2018 08:25:08
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




“ขอให้ปลอดภัยครับ”
“พูดเพราะอีกแล้วอ่ะ”
“ขอให้ปลอดภัยโว้ยยย! พอใจยัง”
“พอใจแล้วๆ อย่างนี้ค่อยเหมือนร้อยเอกตัวจริงหน่อย”



พอเป็นเรื่องร้อยเอก เมืองน้ำไปไม่ถูกเลย
ไม่รู้วิธีเลยจริงๆ




เก่งทุกเรื่องนั่นแหละ

ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ


☆°


prologue (http://bit.ly/2OmXK45)
1 (http://bit.ly/2xh4Rnf) ☁︎ 2 (http://bit.ly/2xcgBIf) ☁︎ 3 (http://bit.ly/2xnQJsn) ☁︎ 4 (http://bit.ly/2OL3k07) ☁︎ 5 (http://bit.ly/2zqyjcH)
ตอนพิเศษ : แรกพบสบตาได้เจอหน้าเธอ (http://bit.ly/2PYVksq)
6 (http://bit.ly/2xEIxor) ☁︎ 7 (http://bit.ly/2DIepxM) ☁︎ 8 (http://bit.ly/2y2BEwt) ☁︎ 9 (http://bit.ly/2y6OZ6Z) ☁︎ 10 (http://bit.ly/2Nucwo3)
11 (http://bit.ly/2pR2vrI) ☁︎ 12 (http://bit.ly/2J25k1P) ☁︎ 13 (http://bit.ly/2CCDPLi) ☁︎ 14 (http://bit.ly/2Q3MSZD) ☁︎ 15 (http://bit.ly/2RDN5Dj)
16 (http://bit.ly/2OB5Q8p) ☁︎ 17 (http://bit.ly/2qTGZDt) ☁︎ 18 (http://bit.ly/2TCDfmL) ☁︎ 19 (http://bit.ly/2zrrM0Z) ☁︎ 20 [END] (http://bit.ly/2Ec3ImD)
Special ☆ ขอจุ๊บหน่อย (http://bit.ly/2TxHiAb)


page (http://facebook.com/errorpopas) | twit (https://twitter.com/erp_up) | #ร้อยเมือง (https://twitter.com/hashtag/ร้อยเมือง?src=hash)

หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 14-09-2018 08:35:57
(https://i.imgur.com/H8OFa9R.jpg)
(วาดโดยน้องซี - สีคิด : @zekaint)




00



น้องเอก






 
 
โปรไฟล์
Meungnam Charming Boy
697,176 คนถูกใจสิ่งนี้
มี 699,681 คนติดตามสิ่งนี้
เกี่ยวกับ : sweety, daisy, sunshine เพราะโลกมีแต่ของหวาน ดอกไม้ และแสงอาทิตย์ • ติดต่องาน mncmb@erp.com • ig : mncmb_
 





Meungnam Charming Boy
Today, 13:53 น.

วันนี้เมืองมีผลิตภัณฑ์ดีๆ มาแนะนำ ‘SIW Hi’ น้ำตบหน้าใสนำเข้าจากอเมริกาครับ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเห็นผลได้ภายใน 7 วันจริงๆ อย่างนี้ต้องลองใช่มั้ยล่ะ
ใครอยากหน้าใส ไร้สิว ผิวเรียบเนียนเหมือนเมือง คลิกดูรายละเอียดที่เพจ SIW Hi Pai Nai ด่วนๆ คลิกช้าของหมดไม่รู้ด้วยนะ!
 
ปล. อย่าลืมตั้ง see first เพจ เย็นนี้จะอัพรูปตอนไปเที่ยวทะเลให้ครับ ヾ(๑╹◡╹)ノ”
 
 
 



 
ถามว่าร้อยเอกเบ้ปากให้เมืองน้ำที่สุดตอนไหน
 
บอกได้เลยว่าตอนอ่านชื่อเพจพี่เมืองนี่แหละ
 
ไม่รู้อะไรดลใจให้พี่เมืองตั้งชื่อเพจว่าเมืองน้ำชาร์มมิ่งบอย โอ้โหหห~ โคตรตลก
 
แต่ก็แปลกที่คนพากันติดตามเป็นแสนๆ ทั้งที่วันๆ เอาแต่อัพรูปไปเที่ยว ไปกินข้าว บางรูปก็ไม่มีอะไรเลย แม้แต่รูปหน้าสด นอนทำตาปรืออยู่บนเตียง ยังมีคนไลค์เป็นหมื่น ก็แหม คุณเมืองน้ำขึ้นชื่อเรื่องหน้าสดที่โคตรจะใส ผิวดีเหมือนเด็กแรกเกิด ตาสวยจนหยุดมองไม่ได้
 
สมัยนี้ยังเชื่อเรื่องหน้าสดกันอยู่เหรอคุณ
 
เอาเหอะ แต่ก็ไม่เถียงว่าพี่เมืองหน้าดีจริง
 
ไอ้ร้อยอวยอยู่เหรอ
 
ไม่...
 
พูดไปตามเนื้อผ้า

รู้จักกันมาสามปี เห็นตั้งแต่พี่เมืองอยู่บ้านเฉยๆ ไปเรียน กลับมานอน นั่งมาส์กหน้า ทาครีมบำรุงผิว เริ่มเปิดเพจ เริ่มมีคนติดตาม จนตอนนี้พี่เมืองกลายเป็นเน็ตไอดอลคนดังที่กิจกรรมเยอะยิ่งกว่าเมืองไทยประดับชีวิต ไม่เลย ไม่เคยมีวันไหนที่ร้อยเอกจะญาติดีกับพี่เมืองสักครั้ง
 
เกลียดมั้ย ก็ไม่
 
ชอบมั้ย ก็ไม่อีกเหมือนกัน
 
แล้วถามว่ารู้สึกยังไงที่ต้องอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับคุณเมืองน้ำชาร์มมิ่งบอย(ยังเกลียดชื่อนี้อยู่)ก็...รู้สึกว่าพี่เมืองเป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อดีล่ะมั้ง
 
 
 
 
 
101 :
พี่เมือง

[ read ]

101 :
อ่านแล้วตอบด้วย
มือเป็นไร
ง่อยอ่อ

m.nam ☆° :
ง่อยบ้านแก
มีอะไร
ไม่ว่าง
ทำงาน
ไม่เล่น
ไม่คุย
 
101 :
ขนาดไม่คุยยังตอบซะเยอะ

m.nam ☆° :
โอ๊ยยย
เบื่อร้อย
 
101 :
เบื่อคนหล่อก็เหนื่อยหน่อยนะ
เพราะจะหล่อไม่หยุดเลยอ่ะ

m.nam ☆° :
โอ๊ยยยยยยยยย
 
101 :
โอ๊ยยยยยยยยย
ก็อปวางเอา

m.nam ☆° :
มีอะไร ถ้าไม่มีจะบล็อกละนะ คนมีงานมีการทำ
 
101 :
ก็จะเอางานมาให้ทำ

 
 
 
 
เงียบ...

ร้อยเอกหัวเราะใส่โทรศัพท์ เสียงหัวเราะเขานี่ ถ้าอัดเสียงส่งไปให้พี่เมือง ต้องโดนเอาขี้หมามาวางหน้าบ้านแน่

เพราะเคยโดนหรอกนะเลยพูดได้
 
 
 
 
 
m.nam ☆° :
งานอะไร
 
101 :
พูดดีๆ ก่อนดิ แล้วจะบอก

m.nam ☆° :
งานอะไรครับ
 
101 :
ดีกว่านี้เป็นมั้ย ทีคนอื่นนะแหมมม
เมืองอย่างงั้น เมืองอย่างงี้
พอพูดกับผมเหมือนจะกินหัว

m.nam ☆° :
มีอะไรครับคุณร้อยเอก
งานอะไรครับ ^.^
 
 
 
 
 
 
อีโมจิจริงใจแบบติดลบ
 
แต่ว่า เยี่ยมมาก แสดงว่าทักษะกวนประสาทของร้อยเอกยังดีอยู่
 
 
 
 
 
 
101 :
จำเรื่องที่พี่พันจะเปิดโรงเรียนติวได้ป้ะ

m.nam ☆° :
อาจารย์พันเอกบอกพี่แล้ว
 
101 :
นั่นแหละ พี่พันต้องการพรีเซนเตอร์

m.nam ☆° :
สามแสน
 
101 :
ว้อท? ถ่ายรูปรีวิวยังแค่รูปละสี่หมื่น

m.nam ☆° :
ถ่ายรีวิวเฉยๆ กับพรีเซนเตอร์ คนละเรทครับคุณร้อยเอก
(send a photo.)
ค่าพรีเซนเตอร์ ติดรูปในสินค้าทุกอย่างของอาจารย์พันเอก แถมรีวิวให้ด้วย
คิดแปดหมื่น ลดให้แล้วจากแสนนึงครับคุณร้อยเอก
ราคาคนรู้จักเลยนะครับ
 
101 :
จริงๆ แปดหมื่น แต่บอกสามแสน
แล้วที่เหลืออ่ะ เอาไปดาวน์รถเหรอวะ

m.nam ☆° :
พูดไม่เพราะ งั้นขอห้าแสนครับคุณร้อยเอก
 
101 :
อะไรของพี่วะ

m.nam ☆° :
ไม่เพราะอีกแล้ว เพิ่มเป็นหกแสนครับคุณร้อยเอก
 
101 :
นี่กวน?

m.nam ☆° :
ครับคุณร้อยเอก
 
101 :
พี่เมือง

m.nam ☆° :
ครับคุณร้อยเอก
 
101 :
เกลียด

m.nam ☆° :
ครับ ^__________^
คุณร้อยเอก
 
[ read ]

m.nam ☆° :
เงียบเลยนะครับ
 
101 :
ไม่อยากคุยกับคนบ้า

m.nam ☆° :
ถ้าไม่อยากคุยก็ไม่ต้องมาคุยก็ได้ เพราะร้อยไม่เคยคุยดีๆ กับพี่สักครั้งเลยนะ
ให้อาจารย์พันเอกติดต่อมาเอง ไม่ต้องถึงมือน้องชายอาจารย์หรอก ลำบากเปล่าๆ
ขอบคุณครับสำหรับงาน เดี๋ยวที่เหลือพี่เมืองคุยกับอาจารย์เอง
น้องเอกอยู่บ้านกินนมเนาะ ดูดขวดนมจ๊วบๆๆ
อย่าเจอกันอีกเลย
บายเด้อ
 
101 :
อย่าเรียกน้องเอก

m.nam ☆° :
น้องเอก
 
101 :
เข้าใจภาษาไทยป้ะ

m.nam ☆° :
น้องเอก
น้องเอก
น้องเอก
พิมพ์เองนักเลงพอ ไม่ก็อปวาง
 
101 :
พอใจยัง

m.nam ☆° :
น้องเอก
 
101 :
พี่เมือง

m.nam ☆° :
(send a sticker.)
 
101 :
ฝากไว้ก่อน
เจอเมื่อไหร่โดนแน่

[ read ]

 
 
 
 
 
น่ากลัวจังเลย เมืองน้ำกลัวจนขนลุกฮือไปหมดแล้ว น้องเอกน่ากลัวที่สุด!
 
น้ำตาจะไหลขอขำนะครับ
 
โถ...พ่อคนหล่อคนแมนประจำหมู่บ้าน เจอคนเรียกชื่อที่บอกเมืองน้ำบ่อยๆ ว่าห้ามเรียกถึงกับไปไม่เป็น เคยได้ยินมั้ยคุณ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
 
นั่นแหละ ยิ่งบอกไม่ให้เรียก เท่ากับขอให้เมืองน้ำเรียกชื่อนี้บ่อยๆ
 
จุดเริ่มต้นของ ‘น้องเอก’ เกิดขึ้นในวันที่ครอบครัวร้อยเอกชวนครอบครัวเมืองน้ำไปทานอาหารเย็นร่วมกันที่บ้าน ทุกอย่างดำเนินไปได้สวย วันนั้นเกือบจะเป็นวันแรกที่ร้อยเอกไม่พูดจากวนประสาทใส่เขา ก็แค่เกือบ ไม่รู้ไปกินรังแตนที่ไหนมา ถึงอยากจะแกล้งกันนัก
 
เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าเมืองน้ำหนึ่งปีเอาแต่ถามเรื่องราวความรักของเขาต่อหน้าผู้ใหญ่จนทนไม่ไหว เมืองน้ำเกือบจะใช้ช้อนส้อมจิ้มเจ้าเด็กตัวสูงนั่นเข้าแล้ว โชคดีที่ผู้ใหญ่ห้ามไว้ได้ทัน ร้อยเอกถึงรอดมือเขาไปได้
 
คุณป้าเอ็ดลูกชายคนกลางของบ้านเบาๆ ว่า ‘น้องเอก ไม่เอาสิลูก ไม่แกล้งพี่เขา พี่เมืองจะร้องไห้แล้วนะ’ หลังจากนั้นเมืองน้ำก็รู้ทันทีว่าจุดอ่อนของร้อยเอกคืออะไร
 
เชื่อมั้ยว่าสีหน้าร้อยเอกตอนถูกเรียกว่าน้องเอกเนี่ย หาที่ไหนไม่ได้แล้ว ต้องเรียกแล้วเจ้าตัวถึงจะทำเหมือนเด็กสามขวบถูกขัดใจ ต้องใช้คำนี้ให้น้องเอกทนไม่ไหวเท่านั้นนะ
 
เมืองน้ำรับประกัน ไม่พอใจยินดีคืนเงินเลยล่ะ
 
ส่วนเรื่องที่คุณป้าบอกว่าเมืองน้ำจะร้องไห้หลังโดนน้องกวนประสาทใส่ ยอมรับว่าแกล้งทำ เพราะอยากให้ร้อยเอกเป็นผู้แพ้
 
คิดว่าร้อยเอกคงเจ็บใจน่าดู แต่เมืองน้ำไม่กลัวหรอก
 
มาเล้ย จะเรียกน้องเอกให้อกแตกตายไปเล้ย
 
ถามว่าเป็นคู่ปรับกันมาตั้งแต่ตอนไหน เมืองน้ำจำไม่ได้ เจอร้อยเอกครั้งแรกตอนย้ายเข้ามาอยู่ในโครงการบ้านจัดสรรแห่งนี้ใหม่ๆ บ้านเราอยู่ข้างกัน แม้จะมีรั้วและสนามหญ้าเป็นระยะห่างระหว่างห้องนอน แต่ก็เห็นกันอย่างชัดเจนหากยืนมองตรงระเบียง
 
ร้อยเอกกวนประสาทตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่เจอ ตรงนี้คงเรียกว่าจุดเริ่มต้นได้ล่ะมั้ง
 
ตอนนั้นร้อยเอกกำลังเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย ส่วนเมืองน้ำกำลังขึ้นปีหนึ่ง นักเรียนชายตัวสูง ตัดผมรองทรง ใส่ชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงิน กลับมาทำการบ้านอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบแกทแพท อ่านเสร็จก็นั่งเล่นเกมจนถึงเที่ยงคืน ตื่นตีห้ามาอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนต่อ ความเรียบง่ายตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไป ภาพพวกนั้นน่ะ เมืองน้ำยังจำได้อยู่เลย
 
ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเด็กน่าเอามือตีปากทุกครั้งที่พูดไปได้
 
นึกแล้วคันไม้คันมือ อยากจะตีน้องเอกแรงๆ ขึ้นมาซะงั้น
 
เมืองน้ำเป็นคนซาดิสต์เหรอ
 
ไม่นะ แค่หมั่นไส้น้องเอกตะหงิดๆ แค่นั้นเอ๊ง
 
เมืองน้ำวางโทรศัพท์ลงบนเตียง ดึงความสนใจกลับมายังกล้องถ่ายรูป กดปลายนิ้วขาวบนตัวกล้องเพื่อเลือกรูปดีๆ ไปลงแฟนเพจ คิ้วสีน้ำตาลขมวดเป็นปมเมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นอีกครั้ง ยังไม่ทันได้รูปก็ต้องวางมือก่อนชั่วคราว ร้อยเอกรัวข้อความใส่กันอีกแล้ว ไม่แปลกใจเลยถ้าการแจ้งเตือนจากอีกคนจะทำให้แบตเตอร์รี่บนโทรศัพท์เครื่องนี้ลดลงไป
 
 
 
 
 
 
101 :
ลงมาเอาของ
เร็วๆ
เมื่อย
ขี้เกียจพิมพ์แล้ว
เดินลงมา
พี่เมืองเดินออกมา
 
 
 
 
 
 
ขี้เกียจพิมพ์แต่รัวมาเป็นกระสุน เป็นงี้ทุกที
 
เมืองน้ำถอนหายใจ ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันที่ดีเท่าไหร่นัก เมื่อเช้าฝนตกจนออกไปถ่ายรูปข้างนอกไม่ได้ ต้องหามุมถ่ายเอาในห้อง ตกบ่ายยังโดนรบกวนสมาธิด้วยข้อความเป็นสิบๆ จากร้อยเอกอย่างนี้อีก
 
เวียนหัวชะมัด
 
 
 
 
 
 
101 :
จะลงมายังเนี่ย หนักนะโว้ย
 
m.nam☆° :
หยาบคายตลอด รำคาญ

101 :
รำคาญก็รีบลงมา ไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นานๆ
 
m.nam☆° :
ปล่อยให้รอหน้าบ้านสักสามชั่วโมงดีมั้ย

101 :
อยากนอนไม่หลับก็ลองดูดิ
 
 
 
 
 
 
ขู่กันแบบนี้เลยเหรอ!
 
ครั้งหนึ่งเมืองน้ำเคยทำให้จอมหัวร้อนโมโหจนเลือดขึ้นหน้า ร้อยเอกแก้เผ็ดด้วยการเปิดเพลงเสียงดังจนดังมาถึงระเบียงห้องนอน ในที่สุดคนแพ้ก็คือเมืองน้ำเอง หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ใช้มุกนี้ข่มขู่กันมาตลอด
 
เฮอะ เชื่อเขาเลย
 
อย่างที่คิด พอเดินลงมาข้างล่าง เด็กตัวสูงในชุดประจำตัวอย่างเสื้อยืดธรรมดา กางเกงวอร์มขายาว และทรงผมแสกกลางแบบพี่มอสปฏิทินสมัยออกอัลบั้มยุคแรกก็ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ร้อยเอกหน้าหงิกเหมือนเล่นเกม VOR แล้วแพ้ราบคาบ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกข้าง กอดกระเป๋าเครื่องสำอางที่เมืองน้ำฝากอาจารย์พันเอกหิ้วจากญี่ปุ่นมาให้แม่แนบเอวไว้
 
กระเป๋าเครื่องสำอางที่ว่าคือของที่ร้อยเอกบอกให้รีบลงมาเอานั่นแหละ
 
“กว่าจะลงมา นึกว่าต้องรอไปถึงปีหน้าละ” ร้อยเอกถามเสียงขุ่น พลางยื่นของในมือให้คนตรงหน้า อยากตะโกนดังๆ ให้พี่เมืองเปิดประตูออกมารับเร็วๆ เอื่อยเฉื่อยแบบนี้มันแกล้งกันชัดๆ แต่แสดงออกแค่นี้พี่เมืองก็น่าจะรู้แล้วล่ะว่าเขาไม่สบอารมณ์เอาซะเลย
 
“ทำไมอาจารย์พันเอกไม่เอามาให้เอง วันนี้อาจารย์ไม่อยู่บ้านเหรอ”
 
“จะรู้เรอะ อยากรู้ก็ไปถามเอาเอง สนิทกันนี่”
 
“สนิทกันแล้วจำเป็นต้องรู้เรื่องอาจารย์ทุกเรื่องป้ะ”
 
“ไม่รู้”
 
“ก็ใช่ไง ไม่รู้ สนิทกันก็ไม่ได้แปลว่าต้องรู้เรื่องของอาจารย์ทุกเรื่อง”
 
“หมายถึงผมไม่รู้กับสิ่งที่พี่ถาม”
 
“เหรอๆ”
 
ลอยหน้าลอยตานัก อยากบีบให้แก้มแตก
 
“ไม่บอกพี่ก็ไม่รู้เลยอ่าร้อยเอก”
 
ร้อยเอกเกลียดการทำหน้าสำนึกผิดแต่แววตากลับล้อเลียนแบบนี้ที่สุด คนอย่างเมืองน้ำถนัดนัก เบื่อจะเสวนาเต็มทน ที่ควรทำตอนนี้คือจับมือขาวๆ เข้ามารับของจากมือเขา จะได้กลับบ้านไปเล่นเกมต่อ
 
“ทำไมไม่เถียงต่อแล้วอ่า”
 
เกลียด ‘อ่า’ ของพี่เมืองจริงๆ
 
“ไม่ใส่ใจดิ”
 
“ก็อยากใส่ใจอ่ะ”
 
“กลับไปทำงานต่อไป มีงานทำเยอะหนิ”
 
“ไล่กันงี้ไม่น่ารักเลย”
 
ซื้อหน้าตาโศกเศร้าปลอมๆ ไปทิ้งต้องจ่ายเท่าไหร่ บอกร้อยเอก จะกี่แสนก็บอกมา จะโอนเงินเข้าบัญชีให้ตอนนี้เลย
 
“ก็ไม่อยากน่ารักหรอก โอ๊ยยย!”
 
ใครบอกว่าพี่เมืองเป็นนางฟ้า ไหนร้อยเอกขอดูหน้าคนพูดหน่อย คนดีๆ ที่ไหนจะปล่อยพวงกุญแจหนักๆ ใส่เท้าคนอื่นโดยไม่มีสาเหตุอย่างที่พี่เมืองทำกับเขา
 
บอกเลยว่าไม่มี!
 
“ไปและ เชิญน้องเอกกลับบ้านไปกินนมนอน”
 
“เลิกเรียกน้องเอก”
 
“น้องเอกก~”
 
“พี่เมือง”
 
“น้องเอกกกกก~”
 
โว้ยยยย!
 
เท้าก็เจ็บ หมัดก็กำซะแน่น อยากร้องดังๆ เพราะเจ็บจนจี๊ดขึ้นสมอง แต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
 
นี่น่ะนะ เน็ตไอดอลความประพฤติดีเยี่ยมที่ใครๆ ต่างก็ชื่นชม
 
เบื้องหน้าเป็นนางฟ้า เบื้องหลังอย่างกับนางมาร
 
คนอื่นเป็นยังไงไม่รู้ ที่รู้ๆ คือไอ้ร้อยเห็นแต่ด้านมารร้ายมาสามปีเต็ม
 
และคงเห็นต่อไปอีกนาน

ตราบใดที่ชีวิตยังต้องรู้จักกับเมืองน้ำอยู่
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ
hashtag : #ร้อยเมือง

 
 
 
 
 
 
 
ครั้งหนึ่งไทยเคยมีข่าวดัง เป็นข่าวอาหารเสริมลดน้ำหนัก หลังจากติดตามข่าวก็ได้ไอเดียที่นายเอกเป็นเน็ตไอดอลรีวิวของต่างๆ และช่วงนั้นติดเพลงคู่กัดของพี่เบิร์ดมากค่ะ เลยให้ตัวละครเป็นคู่กัดกันสักเรื่องแล้วกัน แต่ทะเลาะกันแบบน่ารักๆ

ตอนแรกชื่อเรื่องเป็นอีกชื่อนึง เคยสปอยล์ไปในทวิตเมื่อนานมาแล้ว ประมาณต้นปี แต่พอได้ฟังเพลงยกเว้นเรื่องเธอก็เลยปิ๊งไอเดียเป็น ‘ยกเว้นเรื่องคุณ’ ขึ้นมานั่นเอง

ชื่อพระเอก รวมถึงพี่ชาย มาจากเว็บตั้งชื่อลูก ส่วนชื่อนายเอก ครั้งนึงเรานั่งรถผ่านบริษัทขายอุปกรณ์ก่อสร้าง แล้วสะดุดใจกับชื่อนี้มากเลยค่ะ ติดใจจนอยากมีนายเอกนิยายชื่อนี้เลย

ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นของยกเว้นเรื่องคุณ ฝากร้อยเอกกับเมืองน้ำไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ >///<
 
ps. เรื่องนี้เป็นแนว feel good ❤️


ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
คู่กัด - เบิร์ด ธงไชย
https://youtu.be/s0CG2PYo1cA
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ prologue ☆ น้องเอก (14/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 14-09-2018 16:24:06
1
ไม่อยากคุย









 

Meungnam Charming Boy
Today 08:13 น.


ใกล้วันหยุดแล้ว ไปเที่ยวที่ไหนกันครับ เมนต์บอกเมืองหน่อยสิ
เมืองไม่ได้ไปไหนเลย อยู่บ้าน อ่านหนังสืออย่างเดียว ชีวิตเด็กปีสี่นี่ยุ่งมากจริงๆ ToT
ฝากเที่ยวด้วยนะครับ แล้วก็อย่าลืมสวมรองเท้าดีๆ สักคู่สำหรับการเดินทางในวันหยุดด้วยนะ (^O^)




อาทิตย์ไหนเมืองน้ำไม่ขายของในเพจ อยากรู้นักว่าอาทิตย์นั้นคือวันที่เพจโดนแฮ็กรึไง

เหอะ...สร้างภาพ

โตขนาดนี้แล้ว ร้อยเอกเข้าใจนะว่าทุกคนล้วนอยากโชว์ด้านดีๆ ให้คนอื่นเห็น ใครๆ ก็เป็น แต่สำหรับเมืองน้ำ ไม่มีใครดูออกจริงๆ เหรอว่าคนคนนี้เป็นยังไง

อคติเหรอ ร้อยเอกเนี่ยนะมีอคติต่อเมืองน้ำ





Marvin :

ไอ้ร้อย
อยู่ไหนวะ ท้องกูร้องแง้วๆ เป็นลูกแมวแล้วเนี่ย
หิวววว





แจ้งเตือนจากมาวินเด้งขึ้นมาอีกสี่ห้าครั้ง ไม่นานจอก็ดับมืดลง ร้อยเอกเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าตัวเองจากเงาบนจอโทรศัพท์ คิ้วสีเข้มแนบชิดจนแทบทักทายกัน ใบหน้าบึ้งตึงที่คงเป็นแบบนี้ตั้งแต่อ่านโพสต์ของเมืองน้ำและคิดอะไรในหัวอยู่คนเดียว

เรื่องที่คิดก็เรื่องของพี่เมืองนั่นแหละ





101 :
กูอยู่บนรถ เพิ่งถึง
รถติดว่ะโทษที
กำลังไป รอก่อน






ใบหน้าบึ้งๆ กับคิ้วขมวดเวลานึกถึง สองอย่างนี้น่าจะตอบคำถามว่าเขาอคติกับเมืองน้ำหรือเปล่าได้ดีทีเดียว

อคติมั้ง...

ทำไมต้องมานั่งจำกัดความกับความรู้สึกที่มีต่อเมืองน้ำด้วยก็ไม่รู้

ร้อยเอกดึงโทรศัพท์ออกจากสายชาร์จที่เชื่อมคาไว้บนรถ ดับเครื่องยนต์ Aston Martin คันสวย คว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายบนไหล่กว้าง โดยไม่ลืมหยิบแก้วกาแฟอะเมซันที่ซื้อมาจิบระหว่างนั่งรอสัญญาณไฟจราจรออกมาด้วย

เขามีเรียนตอนสิบเอ็ดโมงครึ่ง มั่นใจว่าออกจากบ้านในช่วงที่จะไม่เจอรถติดในกรุงเทพฯ แต่ก็เจอจนได้ นี่เลยเป็นเรื่องชวนหัวเสียเรื่องแรกของวัน

เรื่องที่สองคือไลน์จากมาวินที่รัวเข้ามาไม่หยุด เอาแต่พิมพ์ถ้อยคำเดิมๆ อย่างหิว มาเร็วๆ ไม่ก็ท้องร้องจะตายแล้ว จนสุดท้ายต้องปิดเสียงห้องแชทเพื่อนรักไว้ก่อนชั่วคราว

โรงอาหารของเด็กเกษตรอยู่ไม่ไกลจุดจอดรถมากนัก ถึงเลือกไม่พิมพ์บอกเพื่อนว่าเดินใกล้ถึงแล้ว ร้อยเอกยกกาแฟขึ้นดื่ม เหลือเพียงแก้วเปล่าที่โดนบีบจนไม่เหลือรูปร่างเดิม ก่อนเบนจุดหมายหาถังขยะใบเล็กด้านหน้าตึก

เตรียมปล่อยมันทิ้ง

“ส่งแค่นี้ก็พอครับ เมืองต้องไปกินข้าวกับเพื่อนก่อน”

ทว่าน้ำเสียงคุ้นเคยก็จุดรอยยิ้มบนริมฝีปากเอาไว้เสียก่อน

ยิ้มที่แปลความหมายได้ว่า ‘อีกแล้ว’

เพื่อนในกลุ่มของเขามีสามคน ร้อยเอก มาวิน และสิงหา คนสุดท้ายเคยคุยกับเมืองน้ำอยู่พักใหญ่ น่าจะสามสี่เดือนได้ล่ะมั้ง ตลอดเวลาที่สิงหาไปไหนมาไหนกับเมืองน้ำ เขามั่นใจมากว่าสุดท้ายสองคนนี้จะพัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นแฟน สิงหาชอบเมืองน้ำมาก มากถึงขนาดที่ว่าเมื่อความสัมพันธ์ระดับคนคุยจบลง ลดขั้นลงเหลือแค่คนรู้จัก เพื่อนสนิทอีกคนของเขาขาดการติดต่อไปเป็นเดือนเพราะทำใจไม่ได้

ติดต่อเพื่อนได้อีกทีก็ตอนที่เพื่อนตัดสินใจละทางโลก หันหน้าเข้าหาทางธรรมเมื่อเดือนก่อน

หักอกเพื่อนเขาจนหลวงพี่ต้องหนีไปบวช เป็นโมเมนต์ที่ตลกดีเหมือนกัน

ทั้งตลก ทั้งเพิ่มกลิ่นชวนยี้ในตัวเมืองน้ำเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“ขอบคุณพี่รักษ์นะครับที่มาส่ง เรียนเสร็จตอนไหน เมืองจะโทรไปบอกนะ”

“ห้ามลืมนะ”

“จะลืมได้ไงครับ เรื่องสำคัญทั้งที”

“ดีมากครับ”

มีคนคุยใหม่แล้วสิ เสน่ห์แรงไม่มีตกจริงๆ

ร้อยเอกรีบทิ้งขยะ ก้าวยาวๆ เข้ามาด้านในก่อนเมืองน้ำกับเจ้าของสปอร์ตคาร์สีเทาจะเหลือบมาเห็น ไม่รู้หรอกว่าเมืองน้ำมาทำอะไรที่นี่ ตึกมนุษย์ห่างจากตึกเกษตรคนละทิศคนละทาง บางครั้งต้องใช้รถบริการของมหาวิทยาลัยเดินทางไปมาระหว่างสองคณะนี้ด้วยซ้ำ

แต่ถ้ามองภาพเมืองน้ำกับรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนจากตรงนี้ โต๊ะโล่งๆ ที่มาวินบอกให้ร้อยเอกนั่งเฝ้าไว้เพราะเจ้าตัวจะไปซื้อข้าว ก็พอเดาได้ว่าเมืองน้ำมาที่นี่ทำไม

“โพสต์สินค้าอย่างเดียว กับถือหรือใส่สินค้าด้วย จะคนละเรทกันนะครับ ยังไงลองเอาเรทราคาไปดูก่อน ค่อยตัดสินใจก็ได้”

ไอ้มาวินเฮงซวย เลือกโต๊ะไกลกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้

ได้นั่งใกล้คุณเน็ตไอดอลชื่อดัง คงเป็นมื้อที่อาหารไม่อร่อยที่สุดแน่

“มองตาเป็นมันเลยนะมึง” มาวินเดินกลับมาพร้อมข้าวราดแกงง่ายๆ แต่ราคาไม่ค่อยเป็นมิตรกับนักศึกษา ลดกายนั่งข้างร้อยเอกที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา

“กูอยากย้ายโต๊ะ”

วันๆ นึงร้อยเอกจ้องเมืองน้ำเป็นสิบครั้งได้ เมื่อก่อนไม่เท่าไหร่ ตั้งแต่หลวงพี่สิงหาลาบวชไปนี่สิ เจอทีไรเป็นต้องจ้องทุกครั้ง

ถ้าพี่เมืองเป็นปลากัด สงสัยออกลูกมาเป็นร้อยตัวแล้ว

เพราะอย่างนี้มาวินถึงเดินลงเรือ #ร้อยเมือง อย่างกล้าหาญ ถึงกัปตันจะไม่ถูกกัน แต่ทะเลาะกันก็คือโมเมนต์ ขอแค่ใจเราชิป แค่นั้นพอ

“ไม่คิดที่จะสนใจสิ่งที่กูพูดหน่อยเหรอ”

“ไม่ล่ะ”

เป็นชิปเปอร์ที่ถูกกัปตันล่มเรือทุกที ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

“กินตรงนี้ไม่อร่อย”

ร้อยเอกคิดว่าเมืองน้ำได้ยินประโยคของเขา ใบหน้าเนียนเงยขึ้นมอง ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้ ปกติเมืองน้ำจะไม่ทำเป็นหูทวนลม เพราะคุยงานอยู่ถึงได้กลับไปยิ้มแบบทันตาเห็น

ยิ้มที่ใครๆ ต่างชื่นชอบ ยิ้มที่ดูก็รู้ว่าสร้างภาพ

หมั่นไส้

ร้อยเอกสะพายกระเป๋าที่วางบนเก้าอี้ตอนเดินมาถึงขึ้นอีกหน หยิบจานข้าวแล้วส่งเสียงเร่งให้มาวินเดินตามมาเร็วๆ โต๊ะตัวใหม่ที่เดินมานั่งไกลจากจุดเดิมพอสมควร ต่อจากนี้คงไม่มีเสียงรบกวนจนแกงเขียวหวานในจานหมดความอร่อยไปอีกแน่นอน

ใบหน้าบึ้งตึงค่อยๆ ผ่อนคลาย แค่ไม่มีเมืองน้ำในสายตาก็อารมณ์ดีได้ไม่ยาก นี่คือความมหัศจรรย์ในชีวิตร้อยเอกอีกอย่างนึงล่ะ

“โรคพืชมึงทำยังวะ”

“ทำแล้ว อยู่ในกระเป๋า จะอ่านก็หยิบเอาเอง” ร้อยเอกดันกระเป๋าสะพายให้คนตรงหน้าที่เคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย

“มีตรงที่กูงงอ่ะ ก่อนขึ้นเรียนอธิบายให้กูฟังด้วยได้ป้ะ”

“ได้”

“รักมึง”

“แต่ขอสามพัน”

“พ่องงง”

เขาหลุดขำกับคำด่าที่ไม่จริงจังนัก พลางกลืนข้าวอีกคำลงท้อง

“พวกรุ่นน้องอ่ะติวให้ได้ ดี๊ดี ไม่เคยจะบ่น แต่กับกูเนี่ยเก็บตังค์จั๊ง เพื่อนเลว”

“อยากรู้มั้ยว่าทำไมกูถึงเก็บตังค์มึง”

“ทำไมวะ”

“กูไม่บอก”

“อะไรของมึงเนี่ย”

ทีแรกก็ว่าจะบอก แต่มาคิดดูแล้ว ถ้าพูดว่าแกล้งเก็บเงินเพราะมาวินชอบชงเขากับเมืองน้ำ การชงเข้มราวกับเป็นบาริสต้าของมาวินจะไม่จบง่ายๆ

ฉะนั้นร้อยเอกจะไม่พูด

“เพราะเรื่องพี่เมืองชัวร์ๆ”

ถึงไม่พูดก็ถูกพูดใส่อยู่ดี ที่คิดมาทั้งหมดโคตรไร้ความหมาย

“รู้แล้วก็หยุดพูดเหอะ มึงก็รู้ว่ากูกับพี่เมืองเป็นยังไง หยุดชง”

“ไม่ได้ว่ะ ไม่ชงก็เสียชื่อชิปเปอร์ดิ”

“เพื่อนเหี้ย”

“จ๋าาา”

ยังมีหน้ามาขานรับเสียงระรื่น

คุยกับมาวินน่ะเหนื่อยพอๆ กับสอบไฟนอลเมื่อเทอมที่แล้ว ยิ่งกว่าคุยกับฟ้ากับฝน ขออะไรไปไม่เคยทำให้สักอย่าง แต่ก็ขอบคุณที่สองนาทีต่อมาเพื่อนรักหันไปจดจ่อกับชีทงานที่เจ้าตัวถามหา เขาจึงปลีกตัวออกมาทำอย่างอื่นได้

ร้อยเอกกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย โรงอาหารคณะเกษตรออกจะกว้าง มีพื้นที่ให้เดินเยอะแยะ ไม่รู้ว่าดวงของเขามันสมพงษ์กับเมืองน้ำนักหรือไง เลือกร้านซื้อของได้ไม่เท่าไหร่ ถึงได้เจอกับคนที่อุตส่าห์ย้ายโต๊ะหนีเข้าเต็มๆ

เมืองน้ำกำลังกวาดสายตาบนขนมในตะกร้าที่เจ้าของร้านนำมาวางขาย มือเรียวข้างหนึ่งคว้าขนมถุงที่สามเข้าในอ้อมแขน มืออีกข้างยังถือถุงใส่สินค้าจากรุ่นพี่ซึ่งดีลงานด้วยเอาไว้ ไม่กี่วินาทีน้ำหนักที่เกินขนาดก็ทำให้คนตัวเล็กย่อตัวลงช้าๆ เพื่อวางถุงกระดาษสกรีนชื่อแบรนด์ใบใหญ่ลงบนพื้น

ไม่รู้รึไงว่าการวางของท่านั้น มันทำให้ซองขนมที่ใช้แขนโอบอยู่ร่วงตามลงมา

“ซุ่มซ่าม”

เมืองน้ำช้อนตามองหลังได้ยินเสียง ยู่ปากอิ่มเนื้อทันทีที่เห็น ร้อยเอกไม่พูดอะไรต่อ บ่นไว้แค่นั้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เคยเป็นมิตร เดินมาโน้มตัวหยิบขนมบนพื้นแล้วยื่นให้คนอายุมากกว่า

“ขอบคุณสักคำก็ไม่มี”

“ขอบคุณ”

สาบานเลยว่าเมืองน้ำไม่ได้อยากประชดหรือพูดกวนประสาท เมื่อกี้นี้กำลังจะพูดคำที่อีกคนอยากได้ยินอยู่แล้ว

“จริงใจ๊จริงใจ อยากให้แฟนคลับกับลูกค้าพี่มาเห็นจริงๆ”

เมืองน้ำพูดไม่ทัน เพราะอีกคนสวนขึ้นมาก่อน แถมยังจ้องจิกกัดกันตลอดเวลา เอาเถอะ ถือเป็นเรื่องปกติระหว่างร้อยเอกกับเมืองน้ำนั่นล่ะนะ

“ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณที่ช่วยเก็บขนมให้พี่เมือง พอใจมั้ย”

ร้อยเอกยักไหล่ ชักมือกลับหลังคนตรงหน้ารับซองขนมจากมือเขาไปแล้ว พี่เมืองกินขนมเก่งยิ่งกว่าอะไร แต่ก็แปลกที่ไม่เคยเห็นคนคนนี้มีช่วงน้ำหนักเกินมาตรฐานแบบคนอื่นเขาสักที

ผอมอย่างกับกุ้งแห้ง ตัวก็จิ๊ดเดียว เหมือนไม้จิ้มฟันเดินไปเดินมา

ข้อหลังยอมรับว่าเว่อร์ไปหน่อย แต่พี่เมืองผอมมากจริงๆ เคยได้ยินพวกผู้ชายในคลาสพูดกันว่าเมืองน้ำมีรอบเอวแค่ยี่สิบห้า

ไปรู้มาได้ไงวะ ขนาดอยู่บ้านข้างกันยังไม่เคยเห็นเอวพี่เมืองจริงๆ จังๆ สักที

ไม่อยากเห็นด้วย กลัวเป็นตากุ้งยิงเปล่าๆ


“พอใจแล้วก็เดินไปทางอื่นได้แล้ว ไม่ต้องมายืนตรงนี้สิ เดี๋ยวก็หมดอารมณ์ซื้อของพอดีหรอก”

เมืองน้ำพูดตามจริงนะ เพราะก่อนหน้านี้ร้อยเอกยังบอกอยู่เลยว่านั่งกินข้าวใกล้กันแล้วเมืองน้ำทำให้อาหารไม่อร่อย

ยอมรับว่ารอบนี้ประชดนิดหน่อย ก็เพราะร้อยเอกไม่ใช่รึไงที่พูดไม่ดีออกมาก่อน

“ยังไม่ได้บอกเลยว่าพอใจ”

“เห็นร้อยยักไหล่”

“ยักไหล่แปลว่าพอใจเหรอพี่เมือง ไปอ่านจากไหนมา”

ขึ้นเสียงทำไมเล่า

“สงสัยอ่านมาจากกูเกิ้ลมั้ง”

ไม่ใช่ร้อยเอกคนเดียวที่อยู่ใกล้เมืองน้ำแล้วอาหารไม่อร่อย เมืองน้ำก็เหมือนกัน แทนที่วันนี้จะเป็นวันดีๆ เมืองน้ำได้งานใหม่โดยไม่ต้องเดินทางไปคุยไกลๆ เหมือนงานอื่น รับงานเสร็จก็เดินไปเรียนต่อได้ ทำไมต้องมาเจอความกวนประสาทจากร้อยเอกก็ไม่รู้

นั่นสิ ทำไมนะทำไม

“บางทีกูเกิ้ลก็สอนอะไรผิดๆ นะพี่เมือง เสิร์ชอะไรก็พาไปเป็นมะเร็งได้หมด อย่างเช่น ทำไมคนเราถึงไม่พูดขอบคุณคนอื่นที่ช่วยเหลือเรา อ๋อ เพราะปากเราเป็นมะ...”

“เหรอๆ”

“...”

“พูดอะไรไม่รู้ เหมือนคนเพ้อเจ้อเลยอ่ะ” เมืองน้ำส่ายศีรษะเบาๆ ระหว่างที่หยิบแบงค์ร้อยมาจ่ายค่าขนมและน้ำที่ซื้อตุนเต็มกระเป๋าสะพาย

“พี่เมือง”

“ว่า...” จะกระแนะกระแหนกันด้วยคำแรงๆ ใช่มั้ยล่ะ รู้ทันหรอกนะ แต่เมืองน้ำจะไม่คุยกับคนเพ้อเจ้อต่อแล้ว

“กวน?”

“เปล๊า~”

“โกหก”

“งั้นก็แล้วแต่ร้อยเหอะ พี่ไปละ มีธุระต้องทำ ไม่ว่างมาทะเลาะด้วย”

“พี่...”

“บายยยย~”

ไม่รู้ว่าร้อยเอกทำสีหน้าแบบไหนตอนเมืองน้ำยกถุงกระดาษขึ้นจากพื้นแล้วเดินหนีคนตัวสูงออกมา แต่จากประสบการณ์ที่รบกับร้อยเอกมาเป็นหมื่นครั้ง ร้อยเอกต้องอยากพ่นไฟใส่เมืองน้ำชัวร์เลย

พ่นมาสิ ไฟน่ะ เดินมาไกลขนาดนี้คงเผาเมืองน้ำได้หรอก

เฮ้อ น้องเอกของพี่เมืองนี่ช่างเพ้อเจ้อจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



“เมื่อเช้ากูเห็นนะ”

จบหรือยัง

“มึงอ่ะ ย้ายโต๊ะหนีเขา แต่พอเห็นเขาทำของหล่น ก็เดินไปเก็บให้เขา มาว่ะ ไอ้ร้อยเพื่อนกู”

จะจบหรือยัง

“ตั้งแต่หลวงพี่ลาบวช มึงก็สนใจพี่เมืองมากขึ๊นนนนมากขึ้น รู้ตัวมั้ยร้อยเอก”

สงสัยจะไม่จบ

เพราะถ้าจบต้องหยุดพร่ำเพ้อตั้งแต่เห็นร้อยเอกทำหน้าไม่สบอารมณ์นู่นแล้ว

เรื่องชวนหัวเสียนี่แบ่งเป็นภาคเช้า ภาคบ่าย แล้วก็ภาคค่ำหรือไงนะ ภาคเช้าร้อยเอกเจอมาทั้งรถติด นั่งกินข้าวใกล้กับคนที่เห็นขี้หน้า แถมยังเถียงไม่ชนะ ภาคบ่ายนี่ตั้งแต่อาจารย์สั่งงานไม่ละเอียด ต้องมาเดาใจว่าจะเอาแบบไหน ทำผิดมาก็โดน ทำมากเกินไปก็โดน นี่มันเรื่องเฮงซวยในชีวิตนักศึกษาชัดๆ

แล้วก็...เรื่องที่สองสำหรับภาคบ่าย จะมีอะไรนอกจากประโยคชงเข้มของมาวิน

มาวินน่าจะรู้ว่าเมืองน้ำเป็นคนไม่จริงใจกับคนอื่น สร้างภาพ และเคยทำร้ายความรู้สึกหลวงพี่ยังไงบ้าง ร้อยเอกไม่ชอบคนประเภทนี้ ในเมื่อไม่ชอบ ก็จะไม่มีทางลงเอยกับเมืองน้ำเด็ดขาด

เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมมาวินคิดไม่ได้

อีกอย่าง เมืองน้ำก็มีคนคุยคนใหม่แล้ว รุ่นพี่ที่มาส่งนั่นไง

สเป็คเมืองน้ำก็ประมาณรุ่นพี่คนเมื่อเช้า หล่อ รวย ใจดี สปอร์ต กทม. ที่ผ่านมาก็เห็นคบแต่คนแบบนี้ทั้งนั้น

“มึงจะกลับเลยมั้ย”

“มีความเปลี่ยนเรื่องว่ะ”

“จะตอบดีๆ มั้ย กูไม่ถามซ้ำนะ”

“โถ่เพื่อนร้อย เพื่อนวินขอโทษ” รำคาญการเม้มปากตีหน้าเศร้าของมันจริงๆ เลยเว้ย “กูว่าจะไปดูแปลงผักต่อ มึงก็ต้องไปกับกูหนิ วันนี้เวรพวกเรา”

“เออลืม”

“ทั้งปี”

นอกจากรบกับเมืองน้ำ ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่าร้อยเอกต้องรบกับเพื่อนด้วยอีกคน

แปลงผักที่เขาพูดถึงคือผักสารพัดชนิดที่ปลูกไว้โชว์ในงานโอเพ่นเฮาส์ ส่วนหนึ่งเป็นผักสำหรับนำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่มเพื่อหารายได้เข้าคณะ และส่งขายให้คณะอื่นที่ต้องการนำไปใช้ประโยชน์ อย่างเช่นรุ่นน้องจากคหกรรมที่มาซื้อไปทำอาหาร ที่จริงคณะของเขามีไฮไลต์ในงานโอเพ่นเฮาส์อีกหลายส่วน แต่เขาไม่ค่อยรู้รายละเอียดพวกนั้น เป็นหน้าที่ของคนอื่น ลำพังดูแลงานของตัวเองกับต้องเรียนก็เหนื่อยจะบ้าตายแล้ว

พวกรุ่นพี่ชอบพูดกันว่าให้ร้อยเอกยืนเรียกแขกหน้าบูธเฉยๆ เท่านี้ก็รายได้ดี มีคนสนใจคณะเราได้ไม่ยาก แต่ขอเถอะ เขาไม่ใช่พวกคิ้วท์บอยในเพจมหาวิทยาลัยนะ แทบไม่มีคนรู้จักด้วยซ้ำ จะเอามาเรียกก็คงเรียกได้แต่วิญญาณผักหรือเปล่า

หน้าที่นี้ต้องเป็นของพวกรุ่นน้องที่ถูกถ่ายรูปไปลงเพจบ่อยๆ มีคนติดตามในโซเชียลพอสมควร ไม่ก็ใช้คนอย่างเมืองน้ำที่เป็นคนดังของจริงนู่น

ในหัวเขา...

“จะไปยังวะ คนออกจะหมดห้องแล้ว”

มีเรื่องพี่เมืองอีกแล้ว

“รอกูเก็บของแป๊บนึง นาทีเดียว”

พอเหอะน่า คิดทำไมวะ

มีแต่เรื่องไร้สาระ



(⺣◡⺣)♡*



น้ำผักโขม น้ำมะเขือเทศ น้ำตะไคร้ น้ำมะนาว สิบเมนูน่าจะพอ

ร้อยเอกพับกระดาษแผ่นเล็กที่ถูกเขียนด้วยลายมืออ่านยากของมาวินใส่กระเป๋า ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน มาวินกำชับอย่างดีว่าห้ามลืมรายการทั้งหมดนี้ไปให้รุ่นพี่ในไลน์กลุ่ม ไม่อย่างนั้นจะโทรมากวนจนเขาเล่นเกมไม่ได้ไปทั้งคืน

โคตรเว่อร์ และถึงจะไม่เคยโดน แต่เขาก็รู้ว่ามาวินพูดจริงทำจริง มีเพื่อนบ้าๆ บอๆ ก็ต้องทำใจหน่อยล่ะนะ

มือที่ยกขึ้นเสยผมอย่างลวกๆ เปลี่ยนเป็นควานหาโทรศัพท์ที่สั่นเพราะการแจ้งเตือน ร้อยเอกผ่อนลมหายใจเมื่อเห็นว่าเจ้าของไลน์เป็นใคร ขายาวก้าวหลบแดดยามเย็นที่ส่องเข้ามาถึงฟุตปาธขณะปลดล็อกเครื่องมือสื่อสาร





10 :

พี่ร้อยจะกบัยบ้านกรือยัง

สิบหิ๋ว

สิบหยากกินขนม

พี่ร้อย สิบหิ๋ว





สิบเอก ผู้ชายอายุน้อยที่สุดในบ้าน น้องคนเล็กของเขาเอง

น่าจะเรียกว่าเป็นลูกหลงได้เลย พันเอกสามสิบ เขายี่สิบเอ็ด ส่วนสิบเอกเพิ่งสิบเอ็ดขวบหมาดๆ





101 :
พิมพ์อะไรสิบ พี่อ่านไม่รู้เรื่อง
หิวขนมเหรอ


10 :

หิ๋วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



101 :

ครับๆๆ พี่กำลังกลับ รู้แล้วว่าหิว

จะเอาอะไรบ้าง

อัดเสียงมา







หน้าที่พาน้องไปซื้อขนมเวลาน้องกลับจากโรงเรียนส่วนใหญ่จะเป็นพันเอก แต่ถ้าน้องไลน์มาบอกเขา แสดงว่าพี่ชายคนโตไม่อยู่บ้าน ไม่สอนนักศึกษาที่มหา’ลัยก็ดูงานอยู่สถาบันติวเตอร์ที่กำลังสร้าง นอกจากเมืองน้ำที่กิจกรรมเยอะยิ่งกว่าเมืองไทยประดับชีวิตแล้ว คงต้องรวมพี่ชายเขาอีกคน

นึกแล้วอดแปลกใจไม่ได้ ทีแรกร้อยเอกคิดว่าเมืองน้ำจะเป็นมากกว่าคนสนิทกับพันเอกด้วยซ้ำ พูดกันตามตรง พี่พันก็เป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ไทป์เดียวกับทุกคนที่เคยคบกับพี่เมือง ถ้าเมื่อเช้าไม่เจอพี่เมืองมากับรุ่นพี่อีกคน เขาคงไม่หยุดคิดเรื่องนี้แน่

ก็อะไรๆ มันชวนคิดซะขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องคิดว่าสองคนนี้อาจจะคบกันเข้าสักวัน

ร้อยเอกเกือบฟังคลิปเสียงที่เต็มไปด้วยชื่อแบรนด์ขนมจากน้องสิบไม่จบ เพราะตาสีเข้มดันกวาดไปเห็นภาพชวนบึนปากเสียก่อน

ทำไมต้องเจอเมืองน้ำยืนคุยกับอาจารย์พิมพ์ก็ไม่รู้ คนที่อยู่ในความคิดน่ะหลุดออกมาโลดแล่นข้างนอกได้ด้วยเหรอ คราวหลังจะไม่นึกถึงแล้ว จะไม่ให้มีพี่เมืองอยู่ในความคิดอีก

บังเอิญหรือซวยกันแน่วะ

จะไม่อยากเดินหนีเลยถ้าอาจารย์พิมพ์ไม่เป็นคนรู้จักพี่พัน และ...

“น้องเอก”

ไม่เรียกเขาด้วยสรรพนามแบบนี้

อยู่ไม่ได้ ยืนตรงนี้ไม่ได้แล้ว ถึงทั้งคู่จะเห็นเขา แต่ร้อยเอกจะทำหน้านิ่ง แกล้งไม่ได้ยิน เดินย้อนกลับไปทางเดิม อ้อมข้างหลังเพื่อไปถอยรถออกจากลานจอดอีกที

ลงทุนไปมั้ย แต่ถ้าแลกกับการต้องคุยกับพิมพ์ที่เรียกเขาว่าน้องเอกตั้งแต่ยังเด็กต่อหน้าเมืองน้ำล่ะก็ ยังไงก็คุ้มล่ะน่า

“น้องเอก หยุดคุยก่อนสิคะ”

กร๊อบ~

จังหวะละครไทยไปอี๊กกกก

ร้อยเอกโว้ยยยย

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

เมืองน้ำอมยิ้มกับภาพที่เห็น เสียดายที่ยกโทรศัพท์มาถ่ายตอนร้อยเอกสะดุดกึกเพราะเหยียบเศษไม้แห้งไม่ทัน ท่าทางของน้องตลกจนต้องอมยิ้ม ยิ่งตอนร้อยเอกพยายามบังคับเสียงให้ปกติที่สุดยิ่งตลก

“จะกลับบ้านแล้วเหรอคะ”

“ครับ อาจารย์มีอะไร”

ห้วนมาก พูดกับผู้ใหญ่ที่โตกว่าตั้งสิบปีห้วนขนาดนี้ได้ไงเนี่ย

“อาจารย์พิมพ์...มีอะไรครับ”

ดูเหมือนร้อยเอกจะเห็นสายตาที่ปรามหน่อยๆ ของเมืองน้ำ ถึงถามขึ้นมาใหม่พร้อมหางเสียงเพราะๆ เมืองน้ำยิ่งอมยิ้มจนแก้มนุ่มกลมป่องออกมา

เมืองน้ำเจออาจารย์พิมพ์หน้าตึกรัฐศาสตร์ อาจารย์กำลังตามหาร้อยเอก หลังจากไปหาน้องที่แปลงสาธิตของเด็กเกษตรแล้วไม่เจอ แต่มาเจอเขาแทน เมืองน้ำก็เลยพามาลานจอดที่เห็นรถร้อยเอกจอดอยู่

“อาจารย์จะวานให้น้องเอกเอากระเช้ารังนกไปฝากพันเอกหน่อยน่ะค่ะ พันเอกไม่มีเวลามาเจอเพื่อนเลย ก็เลยอยากวานหน่อย”

อาจารย์พิมพ์พูดพลางยื่นกระเช้าผูกโบว์ที่ถือมาด้วยให้เด็กตัวสูง เห็นมั้ย เชื่อเมืองน้ำหรือยัง จุดอ่อนของร้อยเอกคือสรรพนามน่ารักที่คนรอบตัวใช้เรียกจริงๆ

น้องคงอยากโวยวายเต็มที่ แต่ก็ทำไม่ได้ ใบหน้าหล่อถึงไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก

ถ้าเมืองน้ำเป็นคนพูดคงโดนตอกกลับไปแล้ว มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

“ไม่ค่อยได้เจอพี่พันเหมือนกันครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยกลับบ้าน พี่พันอยู่แต่คอนโดครับ”

“เอาน่า อยู่บ้านเดียวกัน ยังไงก็ต้องเจอนี่คะ”

“แต่ว่า...”

“อย่าแต่เลยค่ะ ถ้าไม่ฝากวันนี้ก็อีกนานกว่าจะได้เจอ พรุ่งนี้อาจารย์ต้องบินไปอังกฤษแล้วค่ะ ไม่มีเวลามาหาน้องเอกแล้ว นะคะ ฝากน้องเอกไปให้หน่อย”

คำก็น้องเอก สองคำก็น้องเอก ร้อยเอกอยากเขียนใส่กระดาษแขวนคอไว้บอกทุกคนว่าห้ามเรียกคำนี้ ไม่สิ ไม่พอหรอก ทำป้ายติดหน้าหมู่บ้าน ประกาศลงเน็ตเลยดีกว่า

ชื่อเล่นของเขามีแค่ร้อยคำเดียว เข้าใจมั้ย ร้อยน่ะร้อย ร้อยเฉยๆ เรียกเอกเฉยๆ ยังพอทน จะเติมน้องเข้ามาทำไม

ใครเป็นคนเริ่มเรียกน้องเอกวะ

เอ่อ...
แม่เขาเอง


“ครับ ถ้าพี่พันกลับบ้านแล้ว ร้อยจะรีบเอาให้ครับ”

“ขอบคุณค่ะน้องเอก”

ร้อยเอกรับกระเช้ารังนกจากอาจารย์พิมพ์มาอย่างจำยอม วาดยิ้มให้หญิงสาวเมื่อเธอเอ่ยลา รอกระทั่งพ้นสายตาไปแล้วใบหน้าบูดบึ้งจึงปรากฏ

ได้กลับบ้านสักที สิบเอกคงงอแงอยากกินขนมจนไม่เป็นอันทำการบ้านไปแล้ว

“ไม่ค่อยเจอพี่พัน แต่ได้ข่าวว่าพี่พันกลับบ้านเกือบทุกวันนะครับ หัดเป็นเด็กโกหกไม่ดีเลย”

“ยุ่ง”

แต่ก่อนอื่นเลยนะ ก่อนจะเขียนป้ายบอกทุกคนว่าห้ามเรียกน้องเอก ต้องทำป้ายบอกเมืองน้ำก่อนว่าถ้าไม่ได้ขอให้พูด ก็ไม่จำเป็นต้องออกความเห็นหรือมาก้าวก่ายเรื่องของเขาก็ได้

ตั้งแต่ตอนเอ็ดเขาด้วยสายตาแล้ว ยอมรับว่าเผลอเพราะมัวแต่เคืองสรรพนามที่ไม่ชอบจริงๆ และเขารู้ตัวว่าต้องพูดใหม่พร้อมหางเสียงที่แสดงถึงความสุภาพกับอาจารย์พิมพ์ เมืองน้ำน่ะจุ้นไม่เข้าเรื่อง

แต่อย่างว่า ก็เมืองน้ำสร้างภาพนี่นะ

“ยุ่งเหรอ ก่อนออกจากตึกคณะพี่ก็เข้าห้องน้ำไปส่องกระจกมาแล้วนะ ไม่เห็นผมยุ่งเลย หรือว่าโดนลมจนไม่เป็นทรงไปแล้ว”

อะไรอีกล่ะ กวนทำไมอีก

“ประสาท”

“ขอบคุณที่ชม”

วุ้ยยย

“รำคาญพี่เมือง หลบไปเลยไป ผมจะกลับบ้าน”

“ไม่อยู่คุยกันก่อนเหรอ ไม่สนเรื่องที่พี่บอกด้วย”

“เรื่องไหนอีกวะ”

“ก็เรื่องที่หัดเป็นเด็กโกหกไง”

“วุ่นวายอะไรนักหนา”

“ร้อยเอก คนพูดด้วยดีๆ นะ”

“นี่ดีแล้ว?”

เมืองน้ำพยักหน้ารับ ท่าทางน่ารักชนิดที่ว่าถ้าแฟนคลับมาเห็นคงรู้สึกเอ็นดู ปลุกความเป็นแม่ในตัวคุณได้เลย

แต่สำหรับร้อยเอก บึนปากสถานเดียว

“โอ๊ยยย!”

ไอ้มือเล็กๆ นั่นน่ะ เก็บไว้จับกล้องมาถ่ายรูปตัวเองไปลงเพจเถอะ จะยกมาบีบปากเขาอย่างนี้ไม่ได้

มันน่านัก!

“พูดด้วยดีๆ จริงๆ...ยังจะบึนปากอีก อยากโดนบีบปากอีกมั้ย”

ยกมือมาเตรียมตีปากร้อยเอกด้วย น่ากลัวที่สุดในโลก

น่ากลัวเหมือนโดนลูกหมาแยกเขี้ยวขู่

“จะไม่ถามว่าทำไมถึงโกหกอาจารย์พิมพ์ว่าอาจารย์พันเอกอยู่แต่คอนโด แต่จะบอกว่าการโกหกผู้ใหญ่ไม่ดีนะ รอบหน้าห้ามทำอีก อ้อ แล้วเวลาพูดกับอาจารย์ ต้องใส่หางเสียงด้วย ไม่งั้นผู้ใหญ่จะมองว่าเราก้าวร้าวเอาได้”

เรื่องแบบนี้ใครๆ ก็รู้ ร้อยเอกก็รู้ แต่ที่ไม่รู้คือเมืองน้ำมีสิทธิ์อะไรมาสอนไม่ทราบ เพื่อนก็ไม่ใช่ คนในครอบครัวยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดคนรู้จักยังไม่อยากมอบสถานะนี้ให้เลย

ร้อยเอกไม่ได้เกลียด ไม่ได้ชอบ ออกจะเป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อด้วยซ้ำ

“เข้าใจที่พี่พูดใช่มั้ย”

แถมยังเป็นคนที่ร้อยเอกมีแต่อคติ ไม่แปลกที่ความรู้สึกของเขาตอนนี้จะติดลบเอามากๆ

“ร้อยเอก”

เหนื่อยกว่าคุยกับมาวิน คือการคุยกับเมืองน้ำนี่แหละ

เมื่อไหร่จะหยุดสักที

“ไม่คุยด้วยก็แล้วแต่”

“…”

“ก็ได้ๆ ถ้าไม่อยากคุย พี่ไปก็ได้”

“ดี”

“...”

คนฟังชะงักกับคำสั้นๆ ง่ายๆ คำนั้น ทว่าคนพูดคงไม่เห็น ไม่สังเกต และไม่ใส่ใจ อันที่จริงร้อยเอกก็ไม่เคยสนใจเมืองน้ำอยู่แล้ว แค่รู้สึกว่า ‘ดี’ ที่ร้อยเอกพูดออกมา คือการยอมรับกลายๆ ว่าไม่อยากคุยกับเขาจริงๆ

สงสัยจะหงุดหงิดเรื่องอื่นมาก่อนแล้ว พอคุยกับเมืองน้ำที่เจ้าตัวไม่ชอบหน้า ผลลัพธ์เลยออกมาแบบที่เห็น

แต่ว่า...

เมืองน้ำอยากรู้นะว่าร้อยเอกเกลียดเมืองน้ำจริงๆ หรือเราเป็นแค่คู่กัดที่ลึกๆ แล้ว ไม่มีความเกลียดชังต่อกันจริงๆ พวกเราเป็นแบบไหนกันแน่

ตั้งแต่จบความสัมพันธ์กับสิงหา ใบหน้าไม่สบอารมณ์ของร้อยเอก เหมือนจะเจอถี่ขึ้นทุกที

เจอทุกครั้งที่เจอกัน

ไม่น่าไปกวนร้อยเอกเลย

ไม่น่าเลยเมืองน้ำ :(



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง


มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ prologue ☆ น้องเอก (14/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 14-09-2018 16:26:47
----- ต่อ -----



หนึ่งเหตุผลที่ร้อยเอกบอกอาจารย์พิมพ์ว่าพี่ชายไม่ค่อยกลับบ้าน อยู่แต่คอนโด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาจารย์พิมพ์ใช้เขาเป็นสะพานทำคะแนนจีบพันเอก พี่พันไม่ใช่คนใจยักษ์ใจมารอะไร แต่คงเจอมุกจีบที่ค่อนข้างล้ำเส้นจนทนไม่ไหวมานับไม่ถ้วน ถึงบอกเขาเสมอว่าถ้าอาจารย์พิมพ์ฝากของอะไรมาให้ ก็บอกปัดไปได้เลยว่าไม่ค่อยได้เจอ

พี่ชายคนโตกลับมาถึงบ้านราวหนึ่งทุ่มเศษ หลังร้อยเอกนำรถเข้าไปเก็บในโรงจอดได้ไม่นาน หน้าที่สอนการบ้านน้องคนเล็กจึงตกไปอยู่ที่อาจารย์คนเก่ง

“พี่ร้อยเบาเสียงทีวีหน่อย สิบคิดเลขไม่ออก”

ส่วนเขาน่ะเหรอ นอนดูข่าวภาคค่ำสบายใจเฉิบ ปล่อยให้น้องสิบนั่งนับนิ้วทำวิชาคณิตศาสตร์กับพี่พันตรงโต๊ะหน้าโซฟานี่ไง

“ร้อย น้องบอกอะไร ฟังน้องหน่อย”

“รู้แล้วน่า กำลังจะลดเสียงให้นี่ไงครับ” พูดพลางคว้ารีโมทมากดลดเสียงตามที่บอก ร้อยเอกเปลี่ยนจากนอนตะแคง ใช้มือหนุนหัวแทนหมอน เป็นลุกขึ้นนั่ง เอนแผ่นหลังกว้างๆ แนบพนักพิง บิดขี้เกียจคลายความเมื่อยล้าแล้วกลับมานั่งตาปรือดังเดิม

“ง่วงมากมั้ย ขึ้นไปนอนได้นะ ถ้าแม่ทำกับข้าวเสร็จแล้วพี่จะไลน์ไปบอก”

“นอนตอนนี้ต้องปวดหัวแน่เลยครับ เก็บไว้นอนตอนกลางคืนเลยดีกว่า” คนที่ยังสวมชุดนักศึกษา แต่ถอดเนคไทออก และปลดกระดุมลงมาสามเม็ดอ้าปากหาววอด

พันเอกจุดยิ้มกับภาพที่เห็น ไม่อยากเชื่อว่าร้อยเอกโตขึ้นจนสูงเลยเขาไปแล้ว น่าจะร้อยเก้าสิบเซนได้ แต่ร้อยเอกในสายตาเขา ตัวเล็กนิดเดียว พันเอกหยุดภาพน้องชายไว้ที่ป.หนึ่ง ต่อให้โตแค่ไหนก็ยังเด็กเสมอ

ร้อยเอกเป็นเจ้าชายน้อยประจำครอบครัว เพราะแบบนั้นถึงได้มีฉายาน้องเอกที่แม่ชอบเรียก แต่เจ้าตัวดันไม่ชอบ

“งั้นก็ขึ้นไปเล่นเกมรอ”

“ได้เหรอ ปกติไม่ให้เล่นเกมก่อนกินข้าว กลัวร้อยติดลมจนไม่ลงมากินตลอด” ร้อยเอกตาลุกวาวเป็นประกาย

“ระหว่างนอนกับเล่นเกม ร้อยก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะทำอะไร”

“เล่นเกม!” ตะโกนเสียงดังจนผู้เป็นแม่ชะโงกหน้ามองมาจากในครัว ร้อยเอกคลี่ยิ้มกว้าง ดีดกายลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายและสายเนคไทมหา’ลัยเข้าไว้ในมือ “งั้นร้อยไปละ สัญญาจะไม่เล่นจนติดลม”

“เดี๋ยวก่อน”

“…?”

“พี่ซื้อมุ้งกับแป้งตรางูเขียวมาให้ใหม่ วางอยู่ตรงกระเป๋าเอกสารนะ ไปหยิบเอาเลย”

“ขอบคุณคร้าบบ”

มีพี่ชายคอยเปย์มันดีอย่างนี้นี่เอง บุญหัวร้อยเอกชัดๆ

นอกจากการเอาหน้าที่การงานของลูกหลานมาข่มกันในวันรวมญาติ สิ่งที่ร้อยเอกได้ยินทุกปีคือโตป่านนี้ยังกางมุ้งนอนอยู่อีกเหรอ ได้ยินตั้งแต่เล็กจนโต คิดว่าสงกรานต์ปีหน้าก็หนีไม่พ้นประโยคทำนองนี้อีก แล้วไงล่ะ โตแล้วจะชอบกางมุ้งนอน ชอบทาแป้งเย็นหลังอาบน้ำเหมือนตอนเด็กๆ ไม่ได้เหรอ ปู่ ย่า พ่อ แม่ พี่พัน น้องสิบ ไม่เห็นมีใครในครอบครัวเขาวุ่นวายเรื่องนี้สักคน

ร้อยเอกวางมุ้งหลังใหม่ในถุงที่แพ็คอย่างดีกับกระป๋องแป้งลงบนเตียง พร้อมกระเป๋าและเนคไทซึ่งพาดไว้บนบ่า เดินไปม้วนมุ้งหลังเก่าที่ขาดวิ่นจนต้องปิดรูรั่วด้วยหนังยางเป็นก้อนกลม ก่อนจะนำไปยัดใส่ถังขยะข้างโต๊ะคอม

เด็กตัวสูงระบายยิ้มกว้าง รีบกดสวิตช์เปิดคอมพิวเตอร์พลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี

ในบรรดาเรื่องชวนหงุดหงิดในวันนี้ ก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้ยิ้มอยู่แหละน่า

‘You just want attention, you don’t want my heart’

เพลงนี่...

‘Maybe you just hate the thought of me with someone new’

เปิดเพลงเบาๆ ไม่เป็นรึไง อีกแล้วนะพี่เมือง อีกแล้วนะ

‘Yeah you just want attention I knew from the start the start’

โถ่โว้ยยยย!

ร้อยเอกง้างกำปั้นเตรียมจะทุบโต๊ะคอมเพื่อระบายอารมณ์ แต่ลืมไปว่าโต๊ะตัวนี้เป็นโต๊ะรุ่นพิเศษที่เขาเพิ่งซื้อมาเมื่อเดือนก่อน คำนวณความเสียหายกับราคาหลายหมื่นที่ซื้อมาแล้วโคตรไม่คุ้ม มือที่กำจนแน่นจึงเปลี่ยนเป็นหยิบโทรศัพท์มารัวไลน์บอกให้คนข้างบ้านเบาเสียงเพลง

ไม่มีการตอบรับ รัวเป็นสิบครั้งแต่ก็ยังเงียบหาย เมืองน้ำยังไม่นอน เขามั่นใจ นี่เพิ่งสองทุ่มนาที ห้องนอนก็เปิดไฟสว่างจ้า ประตูระเบียงก็เปิดอ้าไว้ เว้นแค่ผ้าม่านที่ร่นมาปิดครึ่งหนึ่ง

ไลน์ไม่ตอบ โทรไม่รับ เสียงเพลงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนโมโห เหลือทางเดียวคือออกไปยืนตะโกนให้คนไม่มีมารยาทรู้สึกตัว

จะเอาคืนเรื่องเมื่อเย็นที่เขาไม่อยากคุยด้วยหรือไง

โคตรแย่ โคตรบ้า โคตรน่ารำคาญ

โคตร...

“อ้าวร้อยเอก”

เอ่อ...

“ไม่เจอตั้งเกือบเดือน โตเป็นหนุ่มขึ้นอีกแล้ว”

ร้อยเอกยังไม่ทันตะโกนเลย แม่พี่เมืองก็ส่งเสียงทักทายขึ้นมาซะก่อน

คุณน้าสวมยูนิฟอร์มสายการบินที่ตัวเองทำงานอยู่ ดูแล้วคงเพิ่งกลับมาถึงเมืองไทยได้ไม่นาน และเพราะเสียงเพลงที่ดังไม่หยุด ทำให้อีกฝ่ายต้องใช้โทนเสียงที่ดังกว่าเดิมเกือบเท่าตัว

“จะคุยกับเมืองน้ำเหรอจ๊ะ ตั้งแต่กลับมาก็นอนอย่างเดียวเลย แต่น่าจะตื่นแล้ว เปิดเพลงเสียงดังเชียว”

“เปล่าครับ...ไม่ได้จะคุย”

จะด่าต่างหาก ถ้าพูดแบบนี้ออกไป แม่พี่เมืองต้องเบิกตากว้างเพราะช็อกกับสิ่งที่เขาพูดแน่

“แค่จะบอกให้พี่เมืองเบาเสียงเพลง ยังไงคุณน้าบอกพี่เมืองให้ร้อยหน่อยนะครับ ร้อยต้องอ่านหนังสือสอบ”

ไม่...จริงๆ ร้อยเอกจะเล่นเกม แต่นั่นแหละ ขอยอมเป็นเด็กหัดโกหกอีกรอบเพื่อความปลอดภัยก็แล้วกัน

คนด้านล่างยิ้มให้เขา เดินหายเข้าไปในบ้านหลังรับปากว่าจะขึ้นไปบอกเมืองน้ำให้ สองวินาทีให้หลังเสียงเพลงก็เงียบสงบลง ร่างสูงยืนเท้าแขนบนราวระเบียงเพื่อรอดูว่าคนสร้างปัญหาจะออกมาเจอหน้าเขาหรือเปล่า

คำตอบคือไม่...

ร้อยเอกเห็นนะว่าเมืองน้ำยืนมองอยู่ตรงผ้าม่าน ห้องนอนตัวเองแท้ๆ ไม่รู้รึไงว่าผ้ามันบางขนาดนั้น เข้ามาใกล้นิดเดียวก็เห็นเงาคนแล้ว

ทำไมไม่ออกมาล่ะ ไม่กล้าสู้หน้าเหรอ

ถ้าพี่เมืองไม่ออกมาเจอ แสดงว่ายกนี้เขาเป็นฝ่ายชนะ

ทะเลาะกันมาหลายปี จู่ๆ จะมาป๊อด ไม่สมกับเป็นมารร้ายของเขาเลยนะ

ไม่สมกับเป็นเมืองน้ำเลย




#ร้อยเมือง

หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ บทนำ + CH.1 ☆ (14/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 15-09-2018 10:59:42
2
เป็นแผลก็ต้องทำแผล




พลาดอีกแล้วเมืองน้ำ

ป่านนี้ร้อยเอกสาปส่งเป็นร้อยหนได้เลย

จะสาปส่งเรื่องอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เสียงเพลงที่จู่ๆ ก็ดังไปถึงห้องนอนร้อยเอก

เมื่อคืนร้อยเอกยืนเท้าเอว มองตรงมายังห้องนอนเมืองน้ำโดยไม่ละสายตา ทำอย่างนั้นราวสิบนาทีได้ ระหว่างที่ยืนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลงฟัง ทำเหมือนยืนชมวิวยามค่ำคืน ทว่าไม่ใช่ เมืองน้ำรู้ดีว่าร้อยเอกต้องการให้เขาเดินออกไปเผชิญหน้าเพื่อสู้รบกันสักตั้ง ราวกับเขาเป็นนักโทษหนีความผิด ซึ่งก็คงจะผิดจริงๆ ที่ปล่อยให้เพลงมันดังจนรบกวนอีกคนได้

หลังกลับถึงบ้านเมืองน้ำก็เปิดเพลงอย่างที่ทำประจำทุกวัน และเปิดเสียงในระดับที่ใช้ฟังคนเดียว เขาเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ตื่นขึ้นอีกครั้งก็ด้วยเสียงเพลงที่ดังเกินความพอดีนั่นแหละ

สาบานเลยว่าเมืองน้ำไม่ตั้งใจรบกวนร้อยเอก ต้องโทษร่างกายที่กลิ้งไปทับรีโมทคุมเครื่องเล่นเพลง นั่นต่างหากที่เป็นต้นเหตุของปัญหา

เมืองน้ำสะดุ้งเล็กๆ ตอนที่รู้ตัวว่าร้อยเอกมองเห็นตัวเองแม้จะยืนอยู่หลังผ้าม่าน คนตัวสูงเลิกยกมือเท้าสะเอว ถอยกลับไปพิงประตูกระจกก่อนหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความบางอย่าง

‘ถ้าไม่ขอโทษ อย่าหวังว่าผมจะเดินเข้าไป’

ริมฝีปากสีสวยถูกกัดเม้มตอนแจ้งเตือนบนโทรศัพท์เด้งขึ้นมา นิ้วขาวพิมพ์คำขอโทษ ลบแล้วลบอีกกว่าจะได้ข้อความที่น่าจะทอนความผิดของตนได้ รู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูกกับความคิดที่ว่าส่งไปแล้วอีกคนจะให้อภัยหรือเปล่า

แต่ที่จริง...ตั้งแต่รู้จักกันมา ร้อยเอกก็ไม่เคยให้อภัยเมืองน้ำเรื่องไหนอยู่แล้ว

สิ่งที่เจอบ่อยพอๆ กับใบหน้าบึ้งตึงจากคู่กัดคนเก่ง ก็คือขนาดตัวของตัวเอง มันเล็กลงทุกครั้งเวลารู้สึกแบบนี้

เฟลเหรอ ทำไมต้องเฟลด้วยล่ะ ในเมื่อพวกเราเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว ทะเลาะกัน แกล้งกัน เอาความสะใจและชัยชนะเป็นที่หนึ่ง

ไม่เห็นต้องรู้สึกเลย

แต่มันรู้สึกไปแล้ว จะให้ทำยังไง

ไม่เข้าใจ...

เมืองน้ำไม่เข้าใจจริงๆ

“ยังไงขอรายละเอียดผลิตภัณฑ์ด้วยนะครับ ถ้าผิดกฎหมาย สวมเลขอย. เมืองขอไม่รับ ขอบคุณที่เข้าใจครับ ส่งมาที่อีเมลเดิมเลยนะครับ”

เมืองน้ำตื่นมารับโทรศัพท์ตั้งแต่เช้า นี่เป็นคนที่สองที่กดวางสาย หลังจากนี้คงมีคนโทรเข้ามาเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน แม้เมืองน้ำจะใช้อีเมลติดต่องานเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม เคยอยากหยุดรับโฆษณาลงเพจบ้างเหมือนกัน แต่ช่วงสำหรับช่วงนี้...คงต้องทำไปก่อน

นอกจากรับตัดต่อวิดีโอ นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้เขามีเงินล่ะนะ

เมืองน้ำเป็นที่รู้จักจากการรับงานฟรีแลนซ์อย่างการตัดวิดีโอโปรโมทสินค้าออนไลน์ให้แบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องสำอาง มีหลายคนแนะนำให้เปิดเพจลงผลงานเพื่อประชาสัมพันธ์ ส่วนรูปตัวเอง เมืองน้ำอัพโหลดผิดบัญชี เดิมทีจะอัพลงแต่เฟซบุ๊กส่วนตัว แต่วันนั้นดันเผลอลงเพจซะได้

รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีคนไลค์ไปพันกว่าคนแล้ว

หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นที่รู้จัก เมืองน้ำเลยคิดว่าใช้ตรงนั้นแชร์ทั้งผลงาน ตัวตน และความคิดในหลายๆ ด้านที่ได้พูดคุยกับคนอื่นไปเลยก็คงดี

ซึ่งก็ดีจริงๆ

หวังว่ามันจะดีอย่างนี้ไปเรื่อยๆ นะ

คนตัวเล็กคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ กลับออกมาใหม่เมื่ออาบน้ำและจัดการเช็ดผมจนหมาด ทิ้งสะโพกนุ่มลงบนเตียง ตำแหน่งที่มองเห็นระเบียงห้องตรงข้ามได้ถนัด ร้อยเอกไม่ชอบปิดประตูระเบียง ปล่อยให้ลมพัดโชยเข้าไปแทนลมเครื่องปรับอากาศ ผ้าม่านถูกร่นเก็บ แต่มุ้งที่เจ้าตัวกางไว้ทุกวันยังขึงครบสี่มุมอยู่เลย

ร้อยเอกยังไม่ตื่น และสาเหตุที่นอนตื่นสายขนาดนี้มีแค่ข้อเดียวคือนั่งเล่นเกม

ไม่ใช่ร้อยเอกคนเดียวที่ชอบกางมุ้งนอน เมืองน้ำรู้ว่าใครหลายคนก็เป็น แต่พอเป็นร้อยเอก ไม่รู้สิ น่าเอ็นดูมั้ง

นี่ไง น้องเอกก็คือน้องเอก

รูปลักษณ์จะหล่อแค่ไหน แต่มุมน่ารักก็ยังมีให้เห็นเสมอ เพราะแบบนี้เมืองน้ำถึงชอบแกล้งร้อยเอกไงล่ะ ถึงพักหลังจะเฟลบ่อยๆ จากคำพูดของเจ้าตัวก็เถอะ

เรื่องเมื่อคืน...ร้อยเอกน่าจะหายหงุดหงิดแล้ว

ถ้างั้น...เมืองน้ำส่งไลน์ไปแกล้งได้มั้ยนะ

ลองถ่ายรูปห้องน้องเอกส่งไปดีกว่า







m.nam ☆° :
(send a photo.)
น้องเอก น้องเอก น้องเอก
ตื่นได้แล้วน้องเอก
จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน
ตื่นนนนนน
น้องเอกกกกกกก


m.nam ☆° :
ร้อยเอกกกก
ลุกมาปิดประตูระเบียง เดี๋ยวยุงก็เข้าไปบินเล่นหรอก



[read]



m.nam ☆° :
อ่านแล้วก็ตอบด้วยสิ
(send a sticker.)
(send a sticker.)
(send a sticker.)
หยิ่งจังงงง







ร้อยเอกอ่านข้อความเมืองน้ำอีกครั้ง ทว่ายังไร้การตอบกลับ นิ้วเล็กสัมผัสบนแป้นพิมพ์ เตรียมรัวข้อความล็อตใหม่ แต่แล้วต้องหยุดไว้ก่อนชั่วคราว

แก้มสีพีชกลมขึ้น และตาคู่ใสที่เรียวลงเพราะเมืองน้ำคลี่ยิ้ม ร้อยเอกเดินตึงตังออกมาพร้อมผมแสกกลางที่ยุ่งจากการยีแรงๆ ก่อนสีหน้าเหมือนกินข้าวบูดจะหายวับราวเสกเวทมนตร์เมื่อคนตัวสูงดึงประตูระเบียงและร่นผ้าม่านปิดอย่างรวดเร็ว

จะว่าไป เวลาร้อยเอกไม่เซตผม ปล่อยให้มันแสกกลางเหมือนนักร้องยุค 90 ก็ดูดีไม่แพ้ตอนแสกข้างแล้วเซตขึ้นไปนิดหน่อยเลยนะ







101 :

วันนี้วันหยุด
ช่วยหยุดทำตัวน่ารำคาญสักวันเถอะพี่เมือง
ไม่ต้องกวนแล้วนะ จะนอน ไม่งั้นผมจะบล็อก






แล้วก็...ถึงจะพิมพ์ว่ารำคาญก็เถอะ แต่เมืองน้ำก็มั่นใจว่าเรากลับเข้าสู่สถานะเดิมแล้ว

สถานะคู่กัดคู่แกล้งที่สมน้ำสมเนื้อน่ะ



(⺣◡⺣)♡*



ร้อยเอกควรอ่านหนังสือและเลคเชอร์เก็บไว้ทบทวนในวันหยุดแบบนี้ แต่เขาบอกแล้วไงว่าวันนี้วันหยุด ฉะนั้นร้อยเอกจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นนอกจากนอน เล่นเกม ลงไปรดน้ำต้นไม้ที่เขาปลูกไว้

เมืองน้ำไลน์มากวนตอนเขาหลับไปแค่ห้าชั่วโมง หลังโดนขู่ว่าจะบล็อก อีกฝ่ายก็ไม่รบกวนเขาอีกเลย ถือเป็นเรื่องดีใช่มั้ย

ดีที่ไหนกันล่ะ

ร้อยเอกพลิกตัวไปทางนั้นที ทางนี้ทีได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว เขานอนต่อไม่ได้ เพราะถูกปลุกขึ้นมากลางคัน เพราะหงุดหงิดพี่เมือง จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ที่กล่าวมาทั้งหมด ยังเทียบไม่ได้กับความรู้สึกตอนเข้าไปอ่านไลน์กลุ่มของคณะเลยสักนิด

ไม่ได้ตั้งใจกดเข้าไปหรอก เขาไม่เปิดแจ้งเตือนห้องแชทห้องนี้ด้วยซ้ำ มือเจ้ากรรมดันกดไปโดน แถมหัวข้อสนทนายังเป็นเรื่องของเมืองน้ำอีกต่างหาก เลยไล่อ่านดูสักหน่อย

‘เมืองน้ำมีหนุ่มใหม่อีกแล้ว’

‘ชื่อภานุรักษ์ หรือพี่รักษ์คณะนิเทศ จบไปเมื่อปีที่แล้ว’

‘หล่อ รวย ใจดี สปอร์ต กรุงเทพมหานคร ตรงตามสเป็คเมืองน้ำเป๊ะๆ เลย’

‘อยากรวยบ้างว่ะ เพราะจนเมืองน้ำเลยไม่แล อดแซ่บคนดังเลยกู’

‘บ้านเมืองน้ำก็รวย คนรวยก็ต้องคบกับคนรวยอ่ะมึง เหมือนดาราที่ต้องคบกับไฮโซอ่ะ สัจธรรมโลกป้ะ’

‘ฮู้ววว แล้วที่เค้าเม้าท์กันว่าคบกับอาจารย์พันเอก คนที่เคยมาเป็นอาจารย์พิเศษมหา’ลัยเราอ่ะ ข่าว Out ไปแล้ว?’

‘อาจารย์พันเอก ที่มาสอนพวกฟิสิกส์ตอนนั้นอ่ะนะ’

ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมืองน้ำตกเป็นประเด็นพูดคุยอย่างออกรสในไลน์กลุ่ม เขาไม่รู้ว่ากลุ่มของคณะอื่นเป็นอย่างนี้หรือเปล่า แต่ในกลุ่มนี้ เมืองน้ำถูกพูดถึงในด้านลบพอสมควร แม้สิ่งที่คนอื่นพูดกัน จะเป็นเรื่องที่เขาเคยคิด และในหลายเรื่องก็คิดอยู่เสมอ

อย่างเรื่องสเป็ค เรื่องสร้างภาพเก่ง แต่พอมาเห็นแบบนี้...

เขาไม่ชอบ

อีกอย่าง...ถ้าเมืองน้ำกับพี่ชายเขาจะเคยอยู่ในความสัมพันธ์ที่มากกว่าคนรู้จักจริงๆ หรือเมืองน้ำมีคนใหม่เข้ามาติดพันอีกราย แล้วมันเกี่ยวกับคนพวกนั้นยังไง

ทำไม...รู้สึกไม่ดีสุดๆ เลยวะ

เสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากด้านล่าง ร้อยเอกปิดห้องแชท ล็อกโทรศัพท์ และนอนฟังเงียบๆ จนมั่นใจว่าเป็นเสียงพันเอกกับคนที่ยังวนเวียนในความคิดเขา คนตัวสูงเดินลงจากเตียง ก้าวยาวๆ ไปที่ประตูระเบียง ใช้นิ้วเกี่ยวผ้าม่านออกเล็กน้อยเพื่อให้มองเห็นได้ถนัด

พี่พันกับพี่เมืองจริงๆ

ถ้าไม่รู้ว่าเมืองน้ำมีรุ่นพี่คนนั้นเป็นคนคุยอยู่แล้ว ใครๆ ก็ต้องคิดว่าสองคนนี้เป็นมากกว่าคนรู้จักนั่นแหละ

เพื่อนเขา พี่ชายเขา รุ่นพี่ที่เขาเพิ่งเคยเจอ ต่อไปจะเป็นใครดีล่ะ

ร้อยเอกรีบปล่อยมือจากผ้าม่านทันทีที่เมืองน้ำหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน ดวงหน้าที่คนมากมายหลงรักเงยขึ้นมองหลังเท้าคู่เล็กเคลื่อนตัวช้าลง

เมืองน้ำเห็นเขาหรือเปล่า






m.nam ☆° :
ไหนว่าจะนอน มายืนตรงระเบียงทำไม






ข้อความที่เด้งขึ้นหลังจากนั้นไม่นานแทนคำตอบได้ดี ร้อยเอกพ่นลมหายใจใส่เครื่องมือสื่อสารที่ถือติดมือมาด้วย เขาลบการแจ้งเตือนนั้นจากหน้าจอล็อก ไม่คลิกเข้าไปดู พาร่างกายสูงยาวมุดมุ้งกลับมาทิ้งตัวนอน






m.nam ☆° :
ร้อยเอกไม่เวียนหัวเหรอ
ไปนอนเร็ว
นอนนนน






เป็นคู่กัดไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นคู่กัดจะมาทำเหมือนเป็นห่วงกันทำไม ร้อยเอกไม่พิศวาสเมืองน้ำหรอกนะ ไม่เคยคิด บอกไว้ก่อน




m.nam ☆° :

พอนอนไม่พอก็หงุดหงิดง่าย
พอหงุดหงิดก็หน้าบูด
พอหน้าบูดก็เหวี่ยง
พอเหวี่ยงก็




101:

รำคาญ



m.nam ☆° :

(◕︿◕✿)



สงสัยพี่เมืองอยากโดนบล็อกไลน์จริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



“พี่วางบิลล์ค่าไฟไว้หน้าโซฟานะ ฝากจ่ายหน่อย”

“เดี๋ยวจ่ายผ่านแอพให้ครับ พี่พันไปทำงานเถอะ ออกช้ากว่านี้สายแน่เลย” ร้อยเอกบอกโดยไม่มองหน้าคนด้านหลัง ง่วนอยู่กับการเช็ดจานที่เพิ่งล้างเสร็จ ได้ยินพันเอกร้องขึ้นอย่างเห็นด้วย ก่อนเสียงพี่ชายจะเลือนหายไป แทนด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวพ้นรั้วบ้าน

สุดท้ายร้อยเอกก็นอนต่อได้แค่ชั่วโมงเดียว เพราะนอนต่อไม่ได้ เลยลงมาหาอะไรกินสักหน่อย เหลือเชื่อเลยว่าวันนี้แม่ไม่ทำอาหารไว้ให้เขา ท่านเขียนข้อความสั้นๆ ใส่กระดาษแปะไว้ว่า ‘ต้องรีบไปช่วยงานพ่อที่กองถ่าย ทำให้ไม่ทัน น้องเอกทำเองนะคะ’ พร้อมโน้ตอีกใบที่เขียนว่า ‘รักน้องเอกม้ากมาก’

คำก็น้องเอก สองคำก็น้องเอก แม่คงเป็นคนเดียวที่เขายอมให้เรียกคำนี้ ถึงจะจำใจยอมก็เถอะนะ

บ้านของเราเป็นบ้านหลังใหญ่ แต่สมาชิกมีแค่ห้าคน แถมยังไม่ค่อยมีเวลาเจอกันเท่าไหร่นัก พันเอกกลับมาบ้านเป็นพักๆ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นงานที่มหา’ลัยมีมากน้อยแค่ไหน ส่วนพ่อและแม่ ท่านเป็นเจ้าของบริษัทผลิตสื่อบันเทิง ใช้ชีวิตอยู่ในกองถ่ายรายการ ละคร ไม่ก็ซีรีส์วัยรุ่นที่เตรียมออนแอร์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เหลือเขากับสิบเอกที่ยังเรียนอยู่ เขาเรียนจบปีหน้า ส่วนน้องสิบคงอีกนาน น้องชายเขาเพิ่งขึ้นป.ห้าเองนะ ฟันน้ำนมยังหลุดไม่ครบเลย

ร้อยเอกจ่ายค่าไฟในแอพธนาคารให้พี่ชายเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะออกจากครัวไปทำอย่างอื่นต้องทำข้าวผัดกุ้งให้น้องชายสุดที่รักที่คงนอนเล่นเกมอยู่บนห้องเสียก่อน เกิดหิวจนงอแงไม่หยุด มีหวังหมดอารมณ์ทำอย่างอื่นต่อแน่

เจ้าของส่วนสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรคีบรองเท้าแตะเดินอ้อมมาด้านหลัง พื้นที่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ของเขา ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ทั้งแปลงผักและต้นไม้หลากชนิดที่เขาชอบ ไม่ใช่พื้นที่ที่กว้างมากนัก ออกจะรกหน่อยๆ เพราะเขาจัดระเบียบอะไรไม่ค่อยเป็น ทว่าก็มีความสุขเสมอที่ได้มา

แล้วก็ไม่รู้ว่าที่พื้นที่ข้างหลังมันเหมาะทำการเกษตรนักหรือไง คนข้างบ้านถึงเอาต้นไม้มาปลูกเหมือนกันได้

ห่างกันแค่รั้วกั้น เดินชิดรั้วเข้าไปนิดหน่อยก็เห็นเลยว่าเมืองน้ำไม่ดูแลต้นไม้เอาซะเลย

“เหี่ยวไปหมด เจ้าของไม่ดูแลจนน่าสงสาร เป็นต้นไม้ที่อาภัพจริงๆ เว้ย”

บอกตรงๆ ว่าเห็นต้นไม้เหี่ยวๆ แล้วร้อยเอกทนไม่ได้ เลือดเด็กเกษตรในตัวเขาข้นยิ่งกว่าอะไรดี คนตัวสูงจิ๊ปาก ขณะลากสายยางหัวฉีดให้เคลื่อนตามเท้าของเขามาด้วย

ร้อยเอกหยุดตรงริมรั้ว มือข้างหนึ่งจับสายยาง วางนิ้วโป้งแตะไว้ตรงหัวกด ส่วนอีกข้างเอื้อมข้ามรั้วไปดึงใบไม้เหี่ยวแห้งออกจากกระถาง แล้วกดหัวฉีดเบาๆ เพื่อรดน้ำ

“ลำบากคนอื่นอยู่เรื่อย ไม่ดูแลแล้วจะซื้อมาปลูกทำไมวะ”

“รู้ได้ไงว่าไม่ดูแล”

นึกถึงก็ปรากฏตัวเชียวนะ

“เอาออกไปเลย เดี๋ยวรดเอง”

แถมยังปรากฏตัวพร้อมความน่ารำคาญเหมือนเดิมซะด้วย

เมืองน้ำสวมเสื้อยืดกับกางเกงสามส่วนเดินเข้ามาพร้อมบัวรดน้ำแปะสติ๊กเกอร์ลายการ์ตูน ทำหน้ายู่และคาดโทษเขาด้วยสายตา ก่อนจะปัดมือเขาออกด้วยมือเล็กๆ ของตัวเอง

“ร้อยเอก! จับสายยางดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง”

เพราะจู่ๆ ก็ปัดออก น้ำที่พุ่งจากสายยางจึงฉีดใส่ขาเมืองน้ำเข้าเต็มๆ

“อันนี้ต้องโทษตัวเองมั้ยพี่เมือง อยู่ดีๆ ก็มาปัดมือผมออก ที่เปียกขาอยู่เนี่ยก็สมควรแล้ว”

“ขี้บ่นอ่ะร้อย เสียงงุ้งงิ้งๆ เหมือนแมงหวี่ แบบ...น่ามคาน”

เกลียด ‘น่ามคาน’ ของพี่เมืองพอๆ กับ ‘อ่า’ เลยให้ตาย แล้วก็นะ เจอพี่เมืองพูดแบบนี้ ชัดเลยว่าวิญญาณมารร้ายกลับมาสิงร่างพี่เมืองแล้ว

“ร้อยวันพันปีไม่เห็นออกมา วันนี้กินยาผิดกระปุกรึไงถึงออกมาได้”

ถามก็ไม่ตอบ ทำตัวน่ารำคาญเก่งที่หนึ่งเลยล่ะคนนี้ ร้อยเอกคลายแรงกดบนหัวฉีด ปล่อยให้เมืองน้ำใช้ฝักบัวรดต้นไม้ของตัวเอง

“กินถูกกระปุกเหอะ ร้อยเอกนั่นแหละที่ผิด มาวุ่นวายต้นไม้คนอื่นทำไม”

เขาเดินกลับมาที่ชั้นวางกระถางดอกไม้ ตากระตุกหน่อยๆ กับประโยคที่ได้ยิน ถ้าวุ่นวายกับต้นไม้เมืองน้ำแล้วถูกกล่าวหาว่ากินยาผิดกระปุก ก็คงผิดมาเป็นสิบกระปุกแล้วมั้ง

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารดให้สักหน่อย

“แต่ขอบคุณนะ”

“ขอบคุณทำไมไม่ทราบ”

“ก็ขอบคุณที่รดน้ำต้นไม้ให้ไง ช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง เลยลืมลงมาดูแล ถ้าไม่รดให้พี่ สงสัยเหี่ยวตายแล้วมั้งเนี่ย”

“ก็เหี่ยวเหมือนเจ้าของอ่ะ”

เมืองน้ำหันขวับทันที เล่นเอาร้อยเอกหลุดหัวเราะ ไอ้การทำหน้ายู่ๆ กับมองค้อนใส่ร้อยเอกเนี่ย คิดว่าน่ารักมากนักเหรอ เออใช่ น่ารัก แต่น่ารักสำหรับคนอื่น

สำหรับร้อยเอก น่าหมั่นไส้มากกว่า

สามปีที่เห็นพี่เมืองมา มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงมากมาย แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือขนาดตัวและผิวที่เหมือนมีคอลลาเจนเด้งไปเด้งมาตลอดเวลา

อ้อ แล้วที่บอกว่าเหี่ยวเหมือนเจ้าของ เขาพูดเล่นนะ

“หัดเป็นเด็กโกหกอีกละ ยังไม่เหี่ยวเหอะ”

ตลก...

ตลกที่เมื่อเช้ายังหงุดหงิดเมืองน้ำอยู่เลย ตอนนี้กลับขำรอบสองเพราะมายืนเถียงกับเมืองน้ำซะได้ คนอะไร ทำให้รำคาญก็ได้ ทำให้ขำก็ได้อีกเหมือนกัน

“แล้วนี่...นอนไปกี่ชั่วโมงอ่ะ”

“พี่อยากได้คำตอบที่สบายใจหรือฟังแล้วรู้สึกผิดล่ะ”

แทบไม่ต้องเดาเลยว่าคำตอบที่ทำให้รู้สึกผิดคืออะไร เมืองน้ำรู้นะว่าร้อยเอกจะยกเรื่องที่ไลน์ไปกวนมาพูด

“ว่าแต่ร้อยเถอะ มายืนดูคนอื่นคุยกันทำไม”

“เปลี่ยนเรื่องว่ะ สงสัยจี้ใจดำ”

ฮึ่ยยยย!

เมืองน้ำปวดประสาทกับเสียงหัวเราะในลำคอของร้อยเอกเหลือเกิน แต่ว่า นี่แหละ พวกเขาในโหมดปกติต้องเป็นแบบนี้

“อยากรู้ว่าพี่เมืองคุยอะไรกับพี่พัน ก็เลยไปยืนดู”

“แล้วได้ยินอะไรมั้ย”

“ก็แว่วๆ แต่ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไร”

“ใส่ใจเก่งจัง”

“พี่เมือง” ร้อยเอกกัดฟันอย่างทนไม่ไหว ร้อยยิ้มกับการหัวเราะชอบใจขณะเอาฝักบัวรดน้ำใส่ต้นไม้นั่นน่ะ น่าหมั่นไส้นัก “ถ้าไม่ตอบจะเข้าบ้านละ เบื่อจะคุย”

“อาจารย์พันเอกนัดไปถ่ายงานที่โรงเรียนติวเฉยๆ แล้วก็คุยกันเรื่องทั่วไป ถามสารทุกข์สุกดิบ แค่นี้”

“สนิทกันจังเนอะ”

“ใช่ สนิทมาก!”

ตรงนี้ไม่รู้เหรอว่าร้อยเอกประชด มองจากหมอชิตก็รู้หรอกว่าสนิทกัน ไม่เห็นต้องย้ำแล้วย้ำอีกขนาดนั้น

แต่เขาเป็นคนถามเอง จะหัวร้อนทำไมวะ

“ถามอีกอย่างนึงดิ”

“ว่าไง”

“พี่ที่ชื่อรักษ์ เป็นแฟนใหม่พี่เมืองป้ะ”

“พี่รักษ์? ร้อยรู้จักพี่เขาเหรอ”

ร้อยเอกเกลียดคำว่า ‘พี่เขา’ อีกคำนึงได้มั้ย

“ไม่สำคัญว่าผมจะรู้จักเขาหรือไม่รู้จัก ประเด็นสำคัญคือคำถามของผมนะตอนนี้”

“ดุจัง”

“ตอบ”

“กำลังจะตอบแล้วๆ ทำไมต้องหัวร้อนด้วยอ่ะ” เมืองน้ำวางฝักบัวไว้บนโต๊ะไม้ริมรั้ว เดินมาหาเจ้าของคำถามที่หากจับคนกินได้ ร้อยเอกคงเขมือบเมืองน้ำลงท้องไปแล้ว

ดุอะไรขนาดนั้นเล่า

“ร้อยคิดว่าพี่กับพี่รักษ์เป็นแฟนกันมั้ย”

“อะไรวะ ถามผมกลับอย่างนี้ก็ได้เหรอ”

“อยากรู้”

“จะอยากรู้ไปทำไม ความคิดผมมันเกี่ยวอะไรกับพี่จะมีแฟนหรือไม่มีอ่ะ”

“งั้นก็ไม่ตอบ”

อะไรของพี่เมือง ร้อยเอกไม่ใช่คนที่ความอดทนสูงลิบขนาดนั้นนะ ดูทำหน้าเข้า ในใจเขาพูดคำว่าหมั่นไส้กี่รอบแล้ว ครบร้อยรอบได้เลย

เมื่อย!

หมายถึงร้อยเอกน่ะเมื่อยหน้าแล้ว เบ้หน้าจนเกร็งไปทั้งหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ร้อยเอกไม่เห็นรู้ตัวเลย แล้วก็นะ ถ้าพี่เมืองไม่หยุดทำหน้าน่าหมั่นไส้ล่ะก็...

“ร้อยเอก! มาฉีดน้ำใส่พี่ทำไมเนี่ย”

“รำคาญ”

เมืองน้ำอ้าปากเหวอ ส่วนคนบ้าที่ฉีดน้ำใส่เขาไม่หยุดยืนล้วงกระเป๋าท่าทางสบายๆ กระตุกยิ้มมุมปากพลางตวัดสายยางไปตามทิศทางที่เขาขยับหนี

หนีไม่ได้เลย แถมยังเปียกไปหมด เมืองน้ำยังไม่อยากอาบน้ำใหม่ตอนนี้นะ เก็บไว้อาบตอนมืดสิ

“อย่างกับลูกหมา”

ร้อยเอกยิ้มกว้างกับสายตาเอาเรื่องของคนที่ยกสองแขนกอดร่างกายขาวๆ นั่นไว้ วินาทีต่อมารอยยิ้มทั้งหมดก็จางหาย ตาคู่เข้มเบือนหนีทันทีที่เผลอมองเห็นว่าเสื้อเปียกชุ่มแนบลู่ไปกับสัดส่วนของอีกคน

หมั่นไส้จนลืมไปเลยว่าเสื้อพี่เมืองโคตรบาง ยืนอยู่แถวสุวรรณภูมิ แต่เห็นไปถึงสยามพารากอนนู่น ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

“ตัวเองก็เหมือนหมาบ้าอ่ะ อยู่ดีๆ ก็มาแกล้ง”

เออ สงสัยจะบ้าจริงๆ

“บัดสีบัดเถลิง ทำไมไม่ใส่เสื้อหนาๆ”

เอวยี่สิบห้าจริงด้วย เรียกบุญตาได้มั้ย

ไม่ล่ะ เรียกว่าคาวตาน่าจะเหมาะกว่า

เมืองน้ำรู้สึกถึงลมร้อนที่พัดใส่ใบหน้า แขนซึ่งกอดร่างกายยิ่งกระชับแนบแน่น ยอมรับตรงๆ ว่าร้อยเอกทำให้คำที่เตรียมเอ่ยเถียงถูกกลืนลงท้องทันที

“จะเข้าบ้านแล้ว” ริมฝีากสีอ่อนพูดเร็วๆ อย่างตัดบท มือเล็กขยำเนื้อผ้าด้วยสองมือที่เรี่ยวแรงถูกทอนออกไปด้วยคำว่า ‘บัดสีบัดเถลิง’ อยู่ตรงนี้นานๆ คงไม่ดีแน่

อากาศเย็นนะ แต่ทำไมหน้ามันร้อนอย่างนี้ล่ะ

ตุ้บ!

“โอ๊ยยย!”

“พี่เมือง!”

ฮืออออ~

เมืองน้ำอยากพ่นไฟ หน้าร้อนไม่พอ ยังสะดุดตอไม้จนเกือบล้มหน้าคว่ำอย่างนี้อีก

“ซุ่มซ่ามน่ารำคาญจริงๆ เลยเว้ย” ร้อยเอกใส่อารมณ์อย่างห้ามไม่ไหว ภาพที่เมืองน้ำสะดุดตอไม้เพราะเดินไม่ทันระวังทำเขาโมโหมากๆ แล้ว พอรีบปีนรั้ววิ่งมาหา เจอแผลถลอกบนเท้าของพี่เมือง

แม่ง โมโหกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า

“จะดุทำไม...”

“ค่อยๆ เดิน”

“เฮ้ สนใจกันหน่อยมั้ย”

“บอกให้ค่อยๆ เดิน” ร้อยเอกไม่สนใจ สอดมือจับเอวเล็ก “ผมไม่อุ้มไปหรอกนะ พี่เมืองตัวหนักอย่างกับโอ่ง ถ้าอุ้มผมแขนเคล็ดแน่”

“ร้อยเอก!”

“อะไร ตะคอกทำไม”

ปั้ก!

“โอ๊ยยย!”

นี่ร้อยเอกทำคุณบูชาโทษรึไง คนอุตส่าห์เป็นห่วง คิดว่าเจ็บมากเพราะเห็นกัดฟันน้ำตาคลอ อยากประคองเข้าบ้านไปทำแผล เมืองน้ำตอบแทนความห่วงใยของเขาด้วยฝ่ามืออรหันต์อย่างนั้นเหรอ

จำไว้เลยพี่เมือง จำไว้เลย อย่าให้ร้อยเอกมีโอกาสเอาคืนนะ

โดนแน่



(⺣◡⺣)♡*



มีต่อค่า

 :hao5:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ บทนำ + CH.1 ☆ (14/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 15-09-2018 11:00:35
----- ต่อจากข้างบน -----


เมืองน้ำล่ะแสนจะงง

ร้อยเอกหาว่าเมืองน้ำแต่งตัวบัดสีบัดเถลิง ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเป็นคนทำให้เกิดภาพติดเรทเอง เด็กตัวสูงร้องโวยวายหลังโดนฟาดเพราะฝีปากเห็นเหตุไปเต็มๆ ทำเหมือนอยากจะผลักเขาลงพื้นให้รู้แล้วรู้รอด พูดซ้ำอีกสองรอบว่าไม่อุ้ม สั่งให้เมืองน้ำเดินดีๆ แต่พอเห็นเมืองน้ำเดินกะเผลกหน่อยเดียว คนตัวสูงก็อุ้มเมืองน้ำเข้ามาในบ้านจนได้

อารมณ์ร้อยเอกขึ้นๆ ลงๆ เหมือนผู้หญิงเป็นประจำเดือน

แล้วอย่างนี้จะไม่ให้งงได้ยังไง

“ห้ามลุกไปไหนนะพี่เมือง”

“รู้แล้ว~”

“รู้แล้วก็ตามทำด้วย”

“ก็รู้แล้วไง เร็วๆ สิ พี่เจ็บแผลนะ”

ร้อยเอกวางกายนุ่มลงบนโซฟา คนเจ็บอยากจะบอกนะว่าเข้าไปนั่งในครัวก็ได้ ถึงจะไกลกว่าก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้โซฟาเปียก แต่บอกทันซะที่ไหน พอเมืองน้ำบอกว่าเจ็บแผล ร้อยเอกก็รีบเดินไปหาของที่ต้องการทันที

ร่างสูงเดินกลับมาพร้อมผ้าเช็ดตัวสองผืน กะละมังใบเล็กที่เทน้ำสะอาดใส่ไว้เรียบร้อย และกล่องปฐมพยาบาลที่หยิบมาจากในครัว แทบไม่ต้องบอกว่าอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง เพราะไม่มีเพื่อนบ้านคนไหนรู้ตำแหน่งข้าวของในบ้านเมืองน้ำเท่าร้อยเอกอีกแล้ว

ที่รู้เพราะเคยมาช่วยแม่ของเมืองน้ำเปลี่ยนหลอดไฟ ไม่ก็ยกนั่นย้ายนี่บ่อยๆ ไม่ได้มาเพราะอยากมาหาเมืองน้ำหรอกนะ บอกไว้ก่อน

“นั่งดีๆ”

บอกแค่นั้นคนตัวเล็กก็ยืดตัวขึ้น เป็นวินาทีเดียวกันที่คนตรงหน้าลดกายนั่งพื้นหลังวางผ้าเช็ดตัวบนไหล่แคบแล้ว เมืองน้ำดึงผ้าผืนหนามาปิดร่างกายส่วนบนไว้ กลัวอีกคนจะหาว่าภาพที่เห็นเป็นภาพชวนปลุกอารมณ์อีก ร้อยเอกขยับเข้ามาใกล้ ยกเท้าข้างซ้ายที่ทั้งถลอก ทั้งเปื้อนเศษดินเศษหญ้าจุ่มลงไปในกะละมัง

“เจ็บ...”

“คิดซะว่าเข้าค่ายลูกเสือ เจออะไรก็ต้องทนเอาหน่อยแล้วกัน” พูดพลางทำความสะอาดเท้าขาวๆ ด้วยมือทั้งสองข้าง

“เกี่ยวอะไรกับค่ายลูกเสือเหรอ” คิ้วสวยขมวดยู่เมื่อความเจ็บแล่นปราดไปทั่วปลายเท้า ไม่ทันได้คำตอบร้อยเอกก็ยกเท้านุ่มออกจากกะละมัง ซับความเปียกชื้นด้วยผ้าผืนเล็กอีกผืนที่จับพาดบ่ามาพร้อมผืนที่คลุมให้เมืองน้ำ

“พี่จะสงสัยอะไรนักหนา”

“ก็คนมันสงสัยนี่”

“โคฟเว่อร์เป็นเจ้าหนูจำไมรึไง”

“แล้วทำไมต้องโมโหด้วยอ่ะ”

ร้อยเอกอยากตะโกนดังๆ ว่าเพราะเมืองน้ำนั่นแหละที่ทำให้เขาโมโห คนจะทำแผลให้ ก็ไม่ควรชวนคุยในเรื่องที่ทำให้เสียสมาธิหรือเปล่า ดูสิ ดูพี่เมืองทำ สงสัยไม่เข้าเรื่องแล้วยังพยายามชักเท้าที่เขายกมาวางบนตักกลับไปอย่างนี้อีก

“เดี๋ยวกางเกงร้อยเปียก”

“ให้มันเปียกไปเหอะ ค่อยกลับไปเปลี่ยนเอา”

น่าหมั่นไส้

ร้อยเอกไม่ตอบ กดสีหน้ายุ่งๆ ลงต่ำ วางสายตาไว้ที่เท้าของอีกคน มือข้างหนึ่งจับข้อเท้าเนียนไว้ ส่วนอีกข้างหยิบก้อนสำลีไปวางเหนือปากขวดน้ำเกลือ จับขวดคว่ำลงจนมั่นใจว่าน้ำเกลือซึมเข้าสำลีแล้วพลิกขวดกลับดังเดิม

“น้ำเกลือจะแสบมั้ย”

“ถ้าคิดว่าแสบก็ไม่ต้องล้าง ตัดเท้าทิ้งไปเลยละกัน”

“ร้อย”

“ล้อเล่นน่า ไม่แสบหรอก เอางี้นะ ผมขอล่ะ ช่วยนั่งเฉยๆ นั่งเงียบๆ จนกว่าจะทำแผลเสร็จ อย่าทำผมหงุดหงิด โอเค้?”

“หงุดหงิดมากเลยเหรอ”

“อะไรอีกล่ะพี่เมือง”

“ทำแผลให้พี่ หงุดหงิดมากเลยมั้ย” เมืองน้ำเม้มริมฝีปาก อธิบายไม่ถูกว่าทำไมถึงถามแบบนั้นออกไป แค่รู้สึกไม่ชอบคำว่าหงุดหงิดของร้อยเอกเอามากๆ

อยู่ดีๆ ก็ไม่ชอบขึ้นมาดื้อๆ

คนที่อารมณ์ขึ้นลงพอๆ กับร้อยเอก เห็นทีคงหนีไม่พ้นเมืองน้ำนั่นแหละนะ

“ถ้าหงุดหงิดก็ไม่ต้องทำก็ได้ ไม่อยากทะเลาะด้วย...”

“…”

“เอาสำลีมา เดี๋ยวพี่เช็ดแผลเอง”

“เออ งั้นก็แล้วแต่พี่เหอะ”

ทำดีกับเมืองน้ำไม่ขึ้นจริงๆ ร้อยเอก คนเป็นห่วงจนโมโหขนาดนี้ยังโดนปฏิเสธจนได้ แล้วเป็นไงล่ะ พอเขายกเท้าแต้มแผลลงจากตัก ถอยออกมาและยื่นสำลีให้เจ้าตัวทำแผลเอง เมืองน้ำได้เรื่องซะที่ไหน

“เอามานี่”

“อะ…”

“อย่าปฏิเสธ”

คนตัวเล็กรีบกลืนน้ำลายทันทีที่อีกคนออกคำสั่ง ร้อยเอกกลับมานั่งท่าเดิม จับเท้าเนียนเข้าไปใหม่ แย่งสำลีไปเช็ดแผลโดยที่เมืองน้ำได้แต่ทำหน้าเหวอ

“ไม่หงุดหงิดแล้วเหรอ”

“ก็หงุดหงิดอยู่นี่ไง”

“…”

“แต่ช่างเถอะ ให้พี่เมืองทำแผลเองคงเสร็จอีกทีเที่ยงคืน”

“เว่อร์จังอ่ะ”

“ผมเว่อร์ได้มากกว่าที่พี่คิดอีก”

เออแฮะ

ลมเย็นพัดโชยเข้ามาด้านใน ฟ้าด้านนอกมืดครื้ม ทำให้รู้ว่าอีกไม่นานจะมีฝนตก ต้องออกไปเก็บผ้าหลังจบจากตรงนี้ซะแล้ว แต่จะเดินไหวหรือเปล่านั่นอีกเรื่องนึง

เมืองน้ำกัดฟันข่มความหนาว จิกปลายนิ้วลงบนโซฟาเมื่อรู้สึกแสบกับยาที่ร้อยเอกกำลังใช้สำลีแต้มลงบนแผล

มือเบาจังเลยนะ คิดว่าร้อยเอกจะมือหนักกว่านี้ซะอีก

เพราะร้อยเอกไม่เคยทำแผลให้ ถึงไม่รู้ว่าเด็กที่ดูแรงเยอะอ่อนโยนขนาดนี้

แต่สิ่งที่เมืองน้ำคิดมาตลอด...ตั้งแต่เจอกัน จนกระทั่งวันนี้

ไม่มีวันไหนที่ร้อยเอกดูดีน้อยลงเลย รู้ตัวมั้ยร้อยเอก

เห็นแค่เสี้ยวหน้าด้านข้าง ยังดูดีเป็นบ้า

“ร้อยเอก”

“ครับ”

ให้ตาย ตอบกลับดีแบบนี้ สงบศึกชั่วคราวเหรอเนี่ย

“ขอบคุณนะ”

“…”

“ไม่รู้ว่าอยากได้ยินหรือเปล่า แต่ขอบคุณจริงๆ ที่ทำแผลให้”

“อารมณ์ไหนวะ”

“ไม่อยากรับก็ไม่เป็นไรนะ”

“แล้วใครบอกว่าไม่อยากรับ”

“น้องเอกน่ารักจัง”

“พี่เมือง”

“หยอกๆ”

น่าบีบจริงเว้ย!

ที่จริงร้อยเอกไม่หวังอะไรหรอก เพราะที่ช่วยน่ะไม่ได้หวังให้เมืองน้ำเอ่ยคำขอบคุณเลยสักนิด

แต่ทำไมต้องอยากยิ้มด้วยล่ะ

หยุดได้แล้วร้อยเอก หยุด เลิกเกร็งปากจนเมื่อยไปทั่วทั้งหน้าได้แล้ว















#ร้อยเมือง


<3
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 2 ☆ (15/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 15-09-2018 11:30:52
น่าตีปากร้อยเอกจริงๆ ฮึ่ยยยย  พีเมืองสู้เค้าน้า
ว่สแต่พี่รักษ์คนนั้นนี่ใครหว่า
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 2 ☆ (15/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: cxerxx ที่ 15-09-2018 11:38:49
ร้อยเอกปากร้ายจุงงงงงง
กินไรมาทำไมดุ

 :katai1:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 2 ☆ (15/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 15-09-2018 19:55:51
ไม่ใช่บุญตาแต่เป็นคาวตา... โห ปากคอเราะร้าย  :m20:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 2 ☆ (15/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 16-09-2018 22:52:55
3
เมืองน้ำไม่ชอบเลย









“ไหวมั้ยมึง เลคเชอร์หนักเหรอวะ”

เลคเชอร์อะไรที่ไหนกันล่ะมาวินเพื่อนรัก เหตุผลที่ทำให้ร้อยเอกนั่งตาปรือ ป้องปากหาววอดกลางห้องเรียนน่ะมีแค่สาเหตุเดียวเท่านั้น

“อย่าบอกนะว่ามึงเอาแต่เล่นเกม”

ใช่ แพ้เกมสามรอบติดโคตรไม่ตลก ร้อยเอกลุกไปอาบน้ำปะแป้ง วอร์มมือรอแข่งเกมรอบใหม่เพื่อแก้ตัว ผลเป็นไปตามที่คาด หลังจากลงทุนจ่ายไอเท็มเทพๆ ในเกมแล้ว เขาก็ไม่เคยแพ้อีกเลย

เพราะไม่แพ้อีกเลยนั่นแหละ ทำให้เล่นติดลมยาวไปหลายชั่วโมง รู้ตัวอีกทีก็ตีสามเข้าไปแล้ว

เขาไม่เคยเล่นเกมดึกขนาดนั้น มากสุดแค่ตีสอง คิดไม่ออกเลยว่าถ้าไม่หยุดเล่น จะตื่นมาเรียนคาบเช้าไหวได้ยังไง ขอบคุณที่ยังมีแรงมากพอให้ขับรถมามหา’ลัยได้ และไม่เผลอหลับตอนรถติดไฟแดงซะก่อน

ตอนเขาเดินไปนอน ห้องเมืองน้ำยังเปิดไฟอยู่เลย

พี่เมืองไม่ใช่คนนอนดึก ห้าทุ่มก็หลับปุ๋ยแล้ว แต่ว่า...ไม่ใช่แค่เมื่อคืน พักนี้คนที่แผลบนเท้าเพิ่งหายดีนอนดึกแทบทุกวัน

คงอยากเปลี่ยนมานอนดึกมั้ง

“กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้ามีเรียนเช้า มึงห้ามเล่นเกมดึก แพ้แล้วของขึ้นง่ายกว่าอะไรดี”

“บ่นเก่ง บ่นเป็นพ่อกูเลยนะ”

“กูเป็นห่วง”

“ขอบใจ” ว่าพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ร้อยเอกปิดเปลือกตา เชิดหน้าขึ้นแล้วกัดฟันระงับความง่วง มึนหัวชะมัด วันนี้จะเรียนรู้เรื่องหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

เครื่องอัดเสียงก็ไม่ได้เอามา โทรศัพท์ก็แบตหมด อะไรขนาดนี้วะร้อยเอก

“อาจารย์มาแล้วเรียกกูด้วยนะ ขอนอนก่อน”

ร่างสูงฟุบศีรษะลงบนแขนที่ยกขึ้นมาใช้แทนหมอน เอียงหน้าวางแก้มขาวแนบไปกับกล้ามแขน เส้นผมที่ไม่เซตเป็นทรงลู่ลงตามแรงโน้มถ่วง บังภาพเบื้องหน้าจนเห็นภาพได้ลางๆ

“มึงดูๆๆ ไอจีพี่รักษ์ที่มาส่งเมืองน้ำเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่ะ”

“ไอ้สัส รวยเชี่ย รถคันนี้ตั้งสามสิบล้าน”

“ไม่ได้มีคันเดียวด้วย”

เห็นไม่ชัด แต่ได้ยินชัดแจ๋วเลยล่ะ

ร้อยเอกยกศีรษะขึ้นอีกครั้งเมื่อเสียงน่ารำคาญดังมาจากผู้ชายกลุ่มใหญ่ด้านหน้าเขา มาวินวางมือบนไหล่หนา กดหนักๆ เพื่อดึงสติเพื่อนรัก ไม่ให้คนที่แสดงออกชัดว่าไม่ชอบบทสนทนาของพวกนั้นของขึ้นมากกว่านี้

ลุกไปกระชากคอเสื้อได้ ร้อยเอกคงทำไปแล้ว

“แน่นอนจริงว่ะ คบแต่คนรวยจริงๆ”

“เดี๋ยวกูถูกล็อตเตอร์รี่แล้วจะเข้าไปจีบ เผื่อเมืองน้ำจะมองบ้าง ฮ่าๆ”

“ไปโมหน้าก่อน มึงต้องหล่อด้วย”

“งั้นต้องถูกสักเก้าสิบล้าน”

“เป็นเหี้ยไรกัน”

“…”

“มารยาทมีมั้ย ถ้าไม่มีก็ไปขนมาจากบ้าน รำคาญ”

“มึงเสือกไรอ่ะร้อยเอก”

“แล้วมึงเสือกเรื่องเมืองน้ำทำไม!”

ฉิบหาย!

ไม่ใช่แค่พวกนั้นที่สะดุ้ง มาวินที่กำลังห้ามปรามเพื่อนก็ไม่ต่างกัน ร้อยเอกไม่แค่ตะเบ็งเสียง เพื่อนตัวสูงที่ก่อนหน้านั้นดูอ่อนเพลียกลับมีแรงลุกขึ้นยืนเสียดื้อๆ มาวินกระตุกแขนเสื้อร้อยเอก กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วพูดเบาๆ ให้เจ้าตัวนั่งลง

ร้อยเอกทำตามความต้องการ ยังหัวร้อนไม่เลิก ตาคู่คมจ้องนิ่งๆ ไปที่กลุ่มคนปากเสีย ไม่มีใครกล้าลุกมาคุยกับเขาต่อสักคน ขึ้นเสียงใส่หน่อยก็กลัวหัวหด ทีนั่งนินทาเมืองน้ำน่ะพูดเสียงดังเชียวนะ

คนอื่นเป็นอะไรกันไปหมด พวกมันพูดเรื่องเมืองน้ำในไลน์กลุ่มคณะกี่ครั้งแล้ว นี่ยังมาพูดในห้องเรียนอีก ไม่มีใครคิดจะเตือนเลยรึไง

หรือการที่เมืองน้ำถูกเอามาพูดเสียๆ หายๆ ถกกันเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขัน คือเรื่องปกติของคนอื่นไปแล้ว

แย่มาก อารมณ์เขาตอนนี้ แย่มากจริงๆ

“มึงโอเคมั้ยวะ”

“ไม่”

“…”

“ช่างแม่งเหอะ”

“มึง…”

“กูบอกว่าช่างแม่งไง”

“กูไม่ได้จะพูดเรื่องพวกมัน” ร้อยเอกเงียบทันทีที่มาวินบอก เอนหลังกว้างแนบพนักพิงเช่นเคย เบือนสายตามามองเขา แล้วสายตาร้อยเอกนี่นะ...​ “มึงไม่เคยเป็นงี้เลยนะ”

ขุ่นมัวสุดยอด

“ยังไง”

“ก็แบบ โมโหที่มีคนว่าพี่เมืองอ่ะ ไม่เคยเลยจริงจริ๊ง หรือว่า...”

“หยุด” ร้อยเอกยกมือปรามเพื่อนรักที่ยิ้มกว้างเหมือนสาวน้อยมีความรัก “กูรู้ว่ามึงจะชง”

“เก่งมากครับกัปตัน” ...ร้อยเอกเกลียดร้อยยิ้มของมาวิน

“เลิกชง...ไม่ บอกว่าเลิกชงรอบที่ล้าน มึงก็ไม่หยุดสักที”

“มันเป็นหน้าที่ของชาวเรือ”

“ไอ้ควาย”

“โดนด่าแล้วชื่นใจ”

อยากถอนหายใจสักสิบรอบ

“พี่เมืองไม่ใช่สเป็คกู มึงก็รู้ ไม่ใช่สเป็คก็แปลว่าไม่คิดจะจีบ ไม่มีโอกาสชอบ”

“ไม่มีโอกาสชอบก็พูดเกินไป มึงรู้มั้ยว่าพระเอกนิยายใช้คำว่าไม่ใช่สเป็คมากี่เรื่องแล้ว สุดท้ายก็รักกับคนที่บอกว่าไม่ใช่สเป็คทุกทีนั่นแหละ”

“คงไม่ใช่กูกับพี่เมือง”

“แหมมมม พ่อหนุ่ม กูจะรอดู”

มาวินจะบอกอะไรให้นะ ว่าถึงร้อยเอกจะชอบคนเรียบร้อยกว่าผ้าพับไว้ บริสุทธิ์ผุดผ่อง อินโนเซนต์ต่อโลกใบนี้ เรียกง่ายๆ ว่าคนที่ตรงกันข้ามกับเมืองน้ำ

แต่ตอนที่ร้อยเอกโมโหพวกที่นินทาพี่เมือง รู้มั้ย อาการมันออกขนาดไหน

เขาไม่รู้หรอกว่ามีโมเมนต์อะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้บ้าง แต่เชื่อมาวินเถอะว่าที่ร้อยเอกเกือบลุกขึ้นไปต่อยคนพวกนั้น ไม่ใช่แค่ความรำคาญแน่ๆ

ขนาดหลวงพี่สิงหา มาวินยังคิดถูกมาแล้วว่าหลวงพี่จะไปกับเมืองน้ำไม่รอด นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่มั่นใจว่าคนที่ฟ้าส่งมาให้เมืองน้ำคือร้อยเอกกันล่ะ

แล้วมาวินจะคอยดูว่าร้อยเอกจะตกหลุมรักคนที่ไม่ใช่สเป็คอย่างเมืองน้ำหรือเปล่า



(⺣◡⺣)♡*



“ตกลงมึงจะกลับไปนอน?”

“อือ” ร้อยเอกพยักหน้าพร้อมเสียงตอบรับในลำคอ พลางล้วงกุญแจรถในกระเป๋ากางเกง กดสวิทซ์บนรีโมทเพื่อปลดล็อกรถ แล้วแทรกกายเข้าไปนั่งตำแหน่งคนขับ “นัดตั้งห้าทุ่ม นี่เพิ่งบ่ายโมง ถ้าไม่นอนกูว่ากูไปไม่ไหวว่ะ”

“เออดีแล้ว นอนคือนอนนะมึง ห้ามเล่นเกม เดี๋ยวไม่ได้นอน”

“บ่นกูอีกละ”

“ก็กูห่วงมึงไงวะ กลัวมึงหลับในตอนขับรถกลับบ้านยิ่งกว่ากลัวมึงไม่ได้นอนอีกเนี่ย”

ท่าทางโวยวายของคนที่ยืนพิงประตูรถตัวเองซึ่งจอดข้างกันทำเอาร้อยเอกหลุดขำ มีมาวินคอยเตือนสติในหลายๆ เรื่องก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเสียงบ่นของมันก็ทำให้เขาไม่อยากขัดใจเพื่อนรักล่ะนะ

ร้อยเอกรับปากมาวินว่าจะกลับไปนอนโดยไม่มีการเปิดคอมเล่นเกมอย่างเด็ดขาด เพื่อนสนิทที่ตัวสูงเกือบเท่าเขาถึงยอมเดินกลับไปที่รถ และขับรถออกจากลานจอด

นัดที่เขาพูดถึงคือนัดทั่วไปที่พวกรุ่นพี่จะมารวมตัวเมื่อมีเวลาว่างตรงกัน ทั้งรุ่นพี่ปีสี่ และกลุ่มรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว เขาไม่ไปก็ได้ ถ้าไม่ติดว่ารับปากนัดครั้งนี้ไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว อีกอย่าง อาจารย์เพิ่งประกาศยกคลาสวันพรุ่งนี้ ร้อยเอกเลยเบาใจขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยถ้าเมาก็นอนหมดสภาพอยู่บ้าน ไม่ต้องแบกร่างกายอ่อนแรงมาเรียนอย่างวันนี้อีก

ร้อยเอกเสียบกุญแจแล้วหมุนเพื่อเปิดการทำงานรถยนต์ วางแขนข้างหนึ่งบนพวงมาลัย ส่วนอีกข้างเอื้อมเปิดเครื่องปรับอากาศ เลื่อนนิ้วไปกดเปลี่ยนคลื่นวิทยุจากรายงานสภาพจราจรเป็นคลื่นเพลงสากล ก่อนจะซบศีรษะหนักๆ ลงบนแขน ปิดเปลือกตาลงช้า และปล่อยให้เสียงเพลงพาเขาเข้าสู่ความฝัน

แผนตั้งใจว่าจะงีบหลับพังไม่เป็นท่า ไม่ทันหายโมโห อาจารย์ก็เดินเข้ามาและการนั่งเรียนคาบเช้าก็เริ่มต้นหลังจากนั้น

ง่วงจะตายชัก ของีบสักสิบนาทีแล้วกัน

ไม่มีใครพูดถึงเมืองน้ำในแง่ลบต่อหน้าเขาอีก แต่ในไลน์กลุ่ม เขาไม่แน่ใจ และถ้ามีอีกครั้ง ร้อยเอกไม่รู้ว่าเขาจะทนอ่านข้อความแย่ๆ ที่คนอื่นพูดถึงเมืองน้ำได้หรือเปล่า

มีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด เขาคิดว่าคงมีคนหมั่นไส้เมืองน้ำมากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นคนอื่นคงช่วยกันเตือนพวกปากสุนัขในไลน์กลุ่มไปแล้ว

พี่เมืองมีภาพลักษณ์ที่ดีมากในโลกโซเชียล แต่ก็ยังไม่วายมีคนมาโพสต์เหน็บแนมเรื่องส่วนตัว อย่างเช่นเรื่องความรักที่คบแต่คนรวย แล้วยิ่งคนล่าสุดที่ตกเป็นประเด็นคือรุ่นพี่ที่ชื่อรักษ์ด้วยแล้ว

ไม่ใช่แค่ไลน์คณะของเขาแน่นอน

ถ้าเมืองน้ำคบกับรุ่นพี่คนนั้นจริงๆ ก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับใครเลยนี่

พี่เมืองคงไม่อยากให้ใครยุ่งด้วยเหมือนกัน ที่เขาถามวันนั้นถึงไม่ได้คำตอบ

หรือจริงๆ ต้องใช้คำว่าไม่เกี่ยวกับร้อยเอกไปด้วยอีกคน

อืม ก็ใช่แหละ

ก๊อกๆ~ ก๊อก~

ร้อยเอกสะดุ้งเล็กๆ กับเสียงกำปั้นที่เคาะเบาๆ บนกระจกรถ สติที่เริ่มพร่าเลือนค่อยๆ หวนกลับมาช้าๆ ยืดกายนั่งตรง เอื้อมมือไปลดเสียงเพลงบนเครื่องรับวิทยุเมื่อเห็นว่าเจ้าของกำปั้นคือใคร

เมืองน้ำเคาะกำปั้นใส่กระจกรถเขาอีกครั้ง ขยับริมฝีปากได้รูปเป็นประโยคที่เขาได้ยินไม่ชัด อ่านจากปากแล้วได้ใจความว่า ‘ลดกระจก’ แต่ยังไม่ทันทำตามที่อีกคนบอก คนที่หลุดมาจากความคิดเสมอก็รีบวิ่งไปขึ้นแท็กซี่ที่ขับมาจอดเทียบริมฟุตปาธเสียก่อน

คงเป็นแท็กซี่ที่พี่เมืองเรียกมา

ว่าแต่...ถ้าไม่มีใครมาส่ง ก็ขับรถมาเรียนเองไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้ถึงนั่งแท็กซี่ได้ล่ะ

“มาไวไปไวจริงๆ พี่เมือง”

กระจกหนาทึบลดลงจนสุด ร้อยเอกถึงเห็นว่าเมืองน้ำแขวนแก้วกาแฟไว้ที่กระจกมองข้าง คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ ถึงอย่างนั้นก็เอื้อมไปหยิบสิ่งที่อีกคนแขวนทิ้งไว้

แก้วกาแฟ...ไม่ใช่แก้วเปล่า ปริมาณที่ยังเต็มเต็ม และหลอดที่ไม่มีหยดน้ำข้างใน ยังไม่ผ่านการดูด

เพิ่งซื้อมาใหม่

ซื้อมาให้เขางั้นเหรอ

พักนี้ใจดีผิดปกติจริงนะ

แต่เดี๋ยวก่อนน

“อึก!...”

รสชาติที่ทำให้กาแฟในปากร้อยเอกเกือบพุ่งใส่พวงมาลัยเต็มๆ นี่มัน...

กาแฟที่ไหนมันเปรี้ยวเหมือนน้ำมะนาวขนาดนี้วะเนี่ยย



(⺣◡⺣)♡*



พอหายเจ็บเท้าก็สวมวิญญาณมารร้ายทันทีเลยนะพี่เมือง

ร้อยเอกตื่นเต็มตาหลังดื่มกาแฟผสมมะนาวเข้าไปอึกเดียว ดูจากถุงแล้วเดาได้ไม่ยากว่าซื้อมาจากใต้ตึกคณะของเขา และจำได้แม่นว่าร้านใต้ตึกไม่ขายกาแฟที่เปรี้ยวจัดถึงขนาดนี้

จงใจสั่งสูตรพิเศษมาแกล้งกันชัดๆ ถ้าร้อยเอกท้องเสียล่ะก็ คอยดูเมืองน้ำ คอยดูเลย

พอกลับถึงบ้าน กาแฟที่ดื่มไปแค่สองอึกก็หมดฤทธิ์ในทันที เขาใช้เวลาที่เหลือไปกับการนอน รู้สึกตัวอีกครั้งในตอนที่สิบเอกมาเคาะประตู และขอให้ร้อยเอกไปช่วยดูคอมให้หน่อย

ฟ้าด้านนอกคลุมด้วยสีน้ำเงินเข้ม เริ่มมีหมู่ดาวปรากฏให้เห็น อีกไม่กี่ชั่วโมงจะมืดสนิทจนดาวผุดระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ร้อยเอกกลับมาที่ห้องหลังเคลียร์ไวรัสในคอมน้องชายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาควรหาอะไรทำระหว่างรอเวลาเดินทางออกจากบ้าน อย่างน้อยๆ ก็ลงไปช่วยแม่เตรียมมื้อเย็นในครัว แต่ร่างกายดันตรงกันข้ามกับความคิด

ไม่ทันไรร้อยเอกก็เดินมาหยุดตรงระเบียงห้องนอนแล้ว

เมืองน้ำยังไม่กลับบ้าน ไม่มีรถจอด ไม่มีไฟเปิด ไม่ใช่แค่ชั้นล่าง ห้องนอนฝั่งตรงข้ามที่อยู่ชั้นบนก็เช่นเดียวกัน

เมืองน้ำไปไหน จะมืดแล้วยังไม่กลับบ้านอีก ปกติไม่ใช่คนเถลไถลไม่ใช่รึไง

โมโหทำไมร้อยเอก

ร่างสูงพ่นลมหายใจหนักๆ อย่างหัวเสีย เดินกลับเข้าไปด้านใน ลดสะโพกลงบนเตียงพลางเอื้อมคว้าเครื่องมือสื่อสาร แล้วรีบกดเข้าห้องแชทอีกคนโดยเร็ว



101 :
พี่เมืองอยู่ไหน
ทำไมไม่กลับบ้าน
เป็นอะไรรึเปล่า
พี่เมืองงง


101 :
ตอบหน่อยได้มั้ย
รู้นะว่าเห็น


ร้อยเอกพิมพ์ไปงั้นๆ ไม่รู้ว่าเมืองน้ำเห็นการแจ้งเตือนของเขาหรือเปล่า แต่ถ้าเห็นก็ถือว่าเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็ทำให้เมืองน้ำรำคาญจนหยิบโทรศัพท์มาตอบได้

แต่ว่า นี่มันสิบนาทีแล้วนะ เมืองน้ำไม่แม้แต่เปิดอ่านด้วยซ้ำ

ผิดปกติเกินไปแล้ว



101 :
พี่เมือง


m.nam ☆° :
ขอโทษๆ (◞‸◟)
ตอบแล้ววว
พี่มาทำธุระ ยังกลับไม่ได้
ดีลงานกับลูกค้า
ไม่ต้องห่วง กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน


101 :
ใครห่วงอ่ะ
ถามไปงั้นแหละ
ทำงานไป ไม่ต้องตอบ


m.nam ☆° :
นึกว่าจะห่วงกันจริงๆ ซะอีก (´・_・`)

ริมฝีปากสีอ่อนคลี่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว สายตายังจดจ้องบนหน้าจอแม้อีกฝ่ายจะตอบมาแค่สติ๊กเกอร์ ทว่าครู่เดียวที่ร้อยเอกหลุดยิ้ม ไม่กี่วินาทีต่อมา แจ้งเตือนจากไลน์เพื่อนรักก็ทำให้ยิ้มของเขาจางหายในทันที

มาวินแคปโพสต์ล่าสุดจากไอจีของใครสักคน อ่านจากชื่อก็พอจะรู้ว่าเป็นแอ็กเคาต์ของรุ่นพี่คนนั้น

ภานุรักษ์โพสต์รูปที่ถ่ายในร้านอาหารหรูหรา แท็กจานสเต็กฝั่งตรงข้ามที่มีคนนั่งแต่ไม่เห็นหน้าด้วยแอ็กเคาต์เมืองน้ำ

สองคนนี้อยู่ด้วยกัน...

ไหนพี่เมืองบอกเขาว่าทำธุระ

ไหนบอกว่าดีลงานกับลูกค้าอยู่ไงล่ะ


Marvin : ยอมเหรอครับกัปตัน ขิงสิขิง ขิงกลับด่วนโว้ย


ร้อยเอกจะเอาอะไรไปขิง ไม่สิ จริงๆ ต้องบอกว่าทำไมร้อยเอกต้องขิงกลับต่างหาก เขาไม่ได้เป็นอะไรกับเมืองน้ำสักหน่อย ที่ไลน์ไปถามก็เพราะเมืองน้ำไม่ค่อยกลับบ้านดึก กลัวจะมีปัญหา แค่นั้น และทั้งที่บอกตรงๆ ก็ได้ว่าไปดินเนอร์กับพี่รักษ์อยู่ ไม่มีเวลาตอบข้อความ แต่เรื่องแค่นี้เมืองน้ำกลับเลือกไม่บอกเขา

คู่กัดยังไงก็เป็นคู่กัด และคู่กัดก็เป็นแค่คนอื่นสำหรับเมืองน้ำวันยังค่ำนั่นแหละ

สรุปว่าคบกันจริงสินะ

เหอะ...เสียความรู้สึกสุดๆ เลย







---------------- มีต่อด้านล่างค่า ------------------
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 3 ☆ (16/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 16-09-2018 22:56:06
---------------------- ต่อ ตอนที่ 3 -----------------



“หน้าบึ้งฉิบหาย ทำหน้าให้มันมันๆ หน่อยเพื่อน ทำหน้าจอยๆ อ่ะมึงรู้จักมะ”

นึกไว้แล้วว่าประโยคแรกที่มาวินพูดกับเขาต้องเป็นคำพูดแนวนี้ ร้อยเอกไม่ตอบเพื่อนตัวสูงที่มือข้างหนึ่งถือแก้วไวน์ อีกข้างใช้ลูบปอยผมสาวน้อยหน้าตาสะสวยที่ตัวเองโอบไหล่ไว้

ร้อยเอกคิดว่าเขามาช้า ช้ามากจนเพื่อนรักได้สาวมาควงในคืนนี้แล้ว

มาผับทีไรออกลายทุกที ให้มันได้อย่างนี้สิมาวิน

“นั่งโต๊ะไหน”

“เมินคำพูดกูอ่า”

“มึงก็เมินคำถามกูเหมือนกันแหละ สรุปว่านั่งโต๊ะไหน”

“โต๊ะเดิมชั้นสอง โซนวีไอพี”

ก็แค่นั้น

มือเรียวยกขึ้นยีผมที่เซตมาอย่างลวกๆ ที่จริงก็พอมีเวลาแต่งตัวหล่อๆ มาดีลสาวเก็บแต้มเหมือนมาวิน แต่เขาไม่มีอารมณ์ เลยนอนฟังเพลงรอเวลาขับรถมาผับเท่านั้น

ไม่อยากยอมรับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมืองน้ำทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีจนถึงตอนนี้

ร้อยเอกยืนนิ่งเพื่อปรับโฟกัสในสภาพแสงน้อย เสียงเพลงจังหวะฮิปฮอปที่ดังกระหึ่มดูเหมือนจะช่วยให้เขาผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แม้แค่เสี้ยวเดียวก็ตาม คนตัวสูงก้าวขายาวๆ ขึ้นมาชั้นสอง ตรงเข้าไปด้านในสุด พื้นที่ที่เพลงไม่ได้ดังน้อยกว่าด้านล่าง แต่เด่นเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะไม่ได้ตั้งโต๊ะติดกันเหมือนด้านล่าง

ไม่เห็นมีใครนั่งอยู่เลย ยังไม่มากันเหรอ

ไม่...นี่เที่ยงคืนแล้ว คนที่มาก็คง...
ร้อยเอกเบือนหน้าหนีเมื่อเห็นรุ่นพี่ที่เป็นคนนัดเขานั่งนัวเนียกับผู้หญิงหุ่นแซ่บตรงโซฟาอีกตัว ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ทั้งที่เป็นคนนัดเขามา คนอื่นที่มาด้วยก็คงแยกย้ายไปตามจุดต่างๆ ของผับแล้ว รุ่นพี่คนเดิมยกมือทักทายและเรียกชื่อเขาดังๆ ก่อนจะหันไปนัวเนียต่อ

อีกนิดเดียวคงพากันไปเปิดห้องได้เลยมั้ง

บัดสีจริงๆ

“แน่ใจนะว่าจะนั่งอยู่บนนี้”

“แน่ใจ ลงไปเต้นเถอะ อยู่ได้”

แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันวะ

เพราะมัวแต่มองรุ่นพี่ ร้อยเอกเลยไม่ทันสังเกตว่าคนต้นเหตุของอารมณ์ขุ่นมัวนั่งอยู่ชั้นบนด้วยอีกคน เมืองน้ำสวมเชิ้ตโอเว่อร์ไซส์สีครีม กับกางเกงยีนส์ทรงสกินนี่ และเพิ่มลูกเล่นให้คนมองไม่อาจละสายตาด้วยสร้อยโชคเกอร์ลายลูกไม้

ตาคู่สวยต้องแสงไฟหยุดชะงักเมื่อมองเห็นเขา ร้อยเอกไม่สนใจมือเล็กๆ ที่ยกขึ้นโบกทักทาย ปล่อยให้เมืองน้ำลดมือลงช้าๆ ขณะลดกายนั่งลงฝั่งตรงข้าม

ขอบคุณที่โต๊ะมันยาวถึงขนาดนี้ ถ้าต้องนั่งติดกับเมืองน้ำ นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะมีเรื่องน่าหงุดหงิดเกิดขึ้นมากขนาดไหน

เห็นแค่หน้า เห็นแค่การแต่งตัวที่ไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย แต่กลับดึงดูดให้คนโต๊ะอื่นชำเลืองมองเป็นระยะ เห็นแค่นี้ร้อยเอกยังหงุดหงิดเลย

จบจากพี่รักษ์ก็มาหว่านเสน่ห์ที่นี่ต่อ

หมั่นไส้

แล้วก็นะ เขารู้หรอกว่าเมืองน้ำก็รู้จักกับรุ่นพี่ที่ชวนมาเที่ยวเหมือนกัน แต่หลายๆ ครั้งไม่เห็นเมืองน้ำมาด้วย ทุกครั้งที่มาก็ทะเลาะกันจนโดนจับแยก ทำไมวันนี้ถึงมาได้ล่ะ

ไม่กลัวเกิดสงครามระหว่างเขากับตัวเองหรือไง

หรือเขาควรลงไปชั้นล่าง เดินดีลสาวอย่างมาวินบ้าง แต่ถ้าลงไป เท่ากับว่าเมืองน้ำนั่งคนเดียว แถมยังมีสายตาแพรวพราวจากพวกนักดื่มโต๊ะอื่นจ้องไม่วางตาอีก

“มาคนเดียวเหรอครับ”

งั้นร้อยเอกนั่งมองคนเสน่ห์แรงอยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ แล้วกัน

“เอ่อ...มากับเพื่อนครับ”

“แล้วเพื่อนไปไหนเอ่ย ไม่เห็นอยู่ด้วยเลย”

“เพื่อนลงไปเต้นข้างล่างครับ เดี๋ยวก็คงขึ้นมา”

“แต่อีกนานกว่าจะขึ้นมาใช่มั้ยครับ เห็นตัวเล็กนั่งตรงนี้ตั้งนานแล้ว ไม่เหงาเหรอหืม?”

ตึก!

เมืองน้ำสะดุ้งกับเสียงแก้วเหล้าที่กระทบโต๊ะไม้เนื้อดีจากคนฝั่งตรงข้าม ตั้งแต่เดินเข้ามานั่ง กระทั่งตอนนี้ที่ผู้ชายโต๊ะข้างๆ เดินมาคุย ร้อยเอกก็ยังไม่มองหน้าเขา ไม่รู้ไปโมโหเรื่องอะไรมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังไลน์มาถามเรื่องที่เมืองน้ำกลับบ้านดึกอยู่เลย

ไปเจอเรื่องอะไรมาหรือเปล่านะ

เมืองน้ำอยากถามชะมัด แต่ร้อยเอกคงไม่อยากคุย เพราะถ้าจะคุยก็คงไม่เมินตอนเมืองน้ำยกมือทักทายหรอก

“ไม่เหงาครับ ที่จริงก็มีคนรู้จักมาด้วย”

“ใคร น้องหน้าหล่อคนนั้นน่ะเหรอ”

“ครับ” ริมฝีปากน่าสัมผัสค่อยๆ วาดยิ้ม กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะทำให้คนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อจะอารมณ์เสียจนเกิดเรื่องไม่ดี “มีน้องคนรู้จักนั่งเป็นเพื่อน ไม่เหงาหรอก”

“งั้นพี่นั่งด้วยคนได้มั้ย”

เอาไงดี...

เมืองน้ำไม่อยากตอบตกลงเลย

“เอ่อ...”

“ตอบเร็วๆ สิครับ”

“คือเมือง...”

“เหล้าผมหมดแล้วอ่ะ ของพี่เมืองหมดยัง เอามาแบ่งหน่อยดิ”

พ่นลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อจู่ๆ คนฝั่งตรงข้ามก็ลุกพรวด ก้าวเร็วๆ มานั่งบนเก้าอี้ตัวด้านข้างเขา เมืองน้ำไม่ทันได้คว้าขวดเหล้าแบรนด์หรูที่วางอยู่ด้านหน้า ร้อยเอกจัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ รินแอลกอฮอล์ใส่แก้วในมือโดยไม่พูดซ้ำ

“พี่จะนั่งด้วยกันมั้ยครับ นั่งดื่มกันสามคนไปเลย สนุกดีนะ”

“พี่อยากนั่งกับน้องตัวเล็กสองคน”

“โทษทีครับ ผมขี้เกียจเดินกลับแล้วอ่ะ เหล้าตรงนู้นไม่อร่อย ตรงนี้อร่อยกว่า”

เหล้าแบรนด์เดียวกัน สูตรเดียวกันมั้ยล่ะร้อยเอก

แต่ถ้าทำให้คนที่พยายามหว่านล้อมเมืองน้ำชักสีหน้า และเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองได้ ร้อยเอกก็คิดว่าคุ้ม

“ขอบคุณนะ”

“ไม่ต้องขอบคุณ ไม่อยากได้”

เมืองน้ำคิดว่าเสียงเพลงน่ะดังสุดๆ เลยนะ ทว่าทำไมบรรยากาศระหว่างเมืองน้ำกับร้อยเอก ดูเงียบและอึดอัดขนาดนี้ล่ะ ขอบคุณก็ไม่ได้ พูดด้วยก็ไม่พูด แถมยังขมวดคิ้วใส่อีก

“มายังไง”

“…?”

“ผมถามว่าพี่มายังไง”

นึกจะพูดก็พูด นึกจะห่วงก็ห่วง นึกจะเหวี่ยงก็เหวี่ยง อะไรของเขา

เมืองน้ำเดาใจไม่ถูกแล้ว :(

“มีคนมาส่ง”

“พี่รักษ์เหรอ”

“ก็...ใช่”

หน้าบึ้งอีกแล้ว ร้อยเอกหงุดหงิดเรื่องไหนมาเนี่ย

“ไปคุยธุระมา คุยเสร็จเพื่อนก็ชวนมาที่ร้าน พี่รักษ์ก็เลยมาส่งอ่ะ”

“เหรอ”

“ใช่สิ”

ร้อยเอกหัวเราะในลำคอ หมั่นไส้ดวงตาใสๆ ตอนพูดถึงพี่รักษ์จนอยากยกมือบีบปากนุ่มแรงๆ บอกแค่พี่รักษ์มาส่งก็ได้ เขาไม่อยากรู้รายละเอียดขนาดนั้นหรอก แล้วที่พูดมา...ไม่มีคำว่าดินเนอร์กับภานุรักษ์สักคำ ขณะที่อีกฝ่ายโพสต์ลงไอจีชัดเจน

เมืองน้ำก็ยังเป็นเมืองน้ำ เป็นคนที่ไม่จริงใจกับใครเหมือนเดิมนั่นแหละ

ก็เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาคงหวังในตัวเมืองน้ำมากไปเอง

ว่าแต่...ร้อยเอกหวังอะไรจากคู่กัดคู่แกล้งของตัวเองอยู่

“ร้อยเอกชอบเหล้าแบรนด์นี้นี่นา”

เขาไม่รู้...

“ทำอะไรอ่ะพี่เมือง” ร้อยเอกถามเสียงขุ่น แต่คนตัวเล็กกลับไม่ฟัง หยิบเหล้าอีกแบรนด์ที่วางรวมกับแบรนด์อื่นมารินใส่ทั้งแก้วตัวเองและแก้วของเขา “จะมอมเหล้าผมรึไง”

“โอ๊ย! ใครจะไปทำงั้น คิดมาได้” มือเล็กตีแขนแข็งแรงเบาๆ เป็นการลงโทษ วางขวดในมือลงที่เดิม

“ใครจะไปรู้ อยู่ดีๆ ก็มารินเหล้าให้ ปกติพี่ไม่ทำงี้ แทบจะเอาเหล้าสาดหน้าผมทุกครั้งที่มาร้านเดียวกันอ่ะ”

“เว่อร์มาก” คนตัวสูงยักไหล่ “ก็เห็นโมโหอะไรอยู่ อยากให้อารมณ์ดี ก็เลยรินเหล้าให้ไง บ้าเปล่า อยู่ดีๆ มาบอกว่าคนอื่นจะมอมเหล้าตัวเอง”

“เออบ้า”

บ้าทั้งพี่เมืองที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไว้ บ้าทั้งร้อยเอกที่แค่เห็นคนข้างกายหน้านิ่วคิ้วขมวดตอนพูดว่า ‘บ้าเปล่า’ ก็หลุดยิ้มออกมาดื้อๆ

อารมณ์เปลี่ยนไวยิ่งกว่าอะไรดี

เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย หรือเขามีหลายบุคลิกกันนะ

ไร้บทสนทนาหลังจากนั้น ความอึดอัดที่เคยก่อตัวเป็นควันสีเทาจางลงอย่างเห็นได้ชัด อาจจะน้อยจนมองไม่เห็นแล้วก็ได้ ร้อยเอกกระดกแอลกอฮอล์รสเลิศเข้าปาก เช่นเดียวกับเมืองน้ำที่ดื่มไม่หยุดมากว่าสิบนาทีแล้ว

ร้อยเอกไม่ใช่คนดื่มเก่ง คำว่าคอทองแดงน่ะตัดออกจากสารบบของเขาได้เลย แต่เขาก็ไม่ใช่คนเมาง่าย เรียกว่ารู้ลิมิตตัวเองคงเหมาะกว่า

แต่สำหรับเมืองน้ำ พี่เมืองก็มีลิมิตของตัวเองเหมือนกัน พนันได้เลยว่าไม่เกินสิบแก้ว และเท่าที่ดื่มเข้าไปตอนนั่งอยู่กับเขา หก...ไม่ น่าจะแปด

เฮ้ นี่จะเกินลิมิตแล้วนะ

“พี่เมือง ก่อนผมจะมานั่งด้วย ดื่มไปกี่แก้วแล้ว”

“อืม…” เสียงเอื่อยๆ หวานๆ กับดวงตาแวววาวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ อีกทั้งริมฝีปากที่กำลังกัดแตงโมที่จิ้มขึ้นมาจากจานผลไม้นั่นน่ะ “น่าจะสาม”

ถ้าคืนนี้จะเจอเสือสิงห์กระทิงแรดที่ไหนมาขอเบอร์อีก ร้อยเอกก็ไม่แปลกใจ

“พอได้แล้ว เกินสิบแก้วแล้วนะ”

“บ้าน่า ไม่เกินหรอก”

“พี่เมืองดื่มได้แค่สิบแก้วก็เมา ลืมไปแล้วรึไง”

“ไม่ลืมๆ แต่พี่ดื่มได้เยอะขึ้นแล้ว”

“พี่เมือง”

“ว่าแต่ร้อยเอกจำได้ด้วยเหรอว่าพี่ดื่มได้แค่ไหน”

“…”

“ดีใจจังที่จำได้”

“จะมาดีใจทำไมล่ะ”

“ก็ดีใจอ่ะ” ว่าแล้วก็ยกขึ้นดื่มอีกแก้วพร้อมเสียงหัวเราะน้อยๆ

ชัดเลย ใกล้เมาแล้วแน่นอน

“เครียดอ่าร้อยเอก”

“เครียดอะไร”

“เครียด”

“เครียดอะไรครับพี่เมือง”

คนที่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุไม่ตอบคำถามเขา เมืองน้ำตั้งท่าจะรินเหล้าใส่แก้วอีกรอบ ทำให้ร้อยเอกต้องรีบดึงออกโดยเร็ว เมืองน้ำส่งเสียงโวยวาย ฟังไม่ได้ศัพท์ พร้อมใบหน้ายุ่งๆ เหมือนเด็กถูกขัดใจ เมาทีไรเป็นอย่างนี้ทุกที และทุกๆ ครั้งพี่เมืองต้องหาเรื่องทะเลาะกับเขา แต่หนนี้...มีแค่หน้ายุ่งๆ ที่จ้องมองเขาเท่านั้น

ร้อยเอก...

ไม่ชินกับเมืองน้ำเวอร์ชั่นนี้

“พี่เมือง กลับบ้านมั้ย”

“เพิ่งมาเอง...” เมืองน้ำกระโดดลงจากเก้าอี้ทรงสูง ทำให้ร้อยเอกต้องรีบก้าวลงตาม “อยากไปเต้นอ่ะ”

“เต้น?”

จริงด้วย ดีเจกำลังเปิดเพลงมันๆ อยู่เลยนี่นะ

“เต้นๆๆๆ มีเพลงเกาหลีอ่ะอยากเต้น ไปเต้นกัน”

สุดท้ายก็ยอมจนได้ ร้อยเอกคว้ากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์เมืองน้ำ วางสายตาบนมืออีกข้างที่ถูกมือเล็กจับไว้แนบแน่น แต่แค่ครู่เดียวก็ต้องดึงสายตากลับมามองทางเดินเมื่อคนโตกว่าดึงเบาๆ ให้เดินตามไปชั้นล่าง

มาวินส่งเสียงแซวทันทีที่เห็นเขาเดินมากับเมืองน้ำ เพื่อนตัวดีกำลังเต้นคลอเคลียกับสาวคนเดิมที่ดีลไว้ก่อนเขามาถึง ปากก็ร้องแซวสู้เสียงเพลงไม่เลิก จนร้อยเอกเป็นฝ่ายดึงเมืองน้ำมายืนจุดอื่นเสียเอง

“พี่เมืองควรกลับบ้าน”

“อย่าเพิ่งดิ เต้นก่อน” ร้อยเอกผ่อนลมหายใจ เก็บทรัพย์สินส่วนตัวของเมืองน้ำที่ถืออยู่ใส่กระเป๋ากางเกง ส่วนคนที่อยู่ไม่สุขเปลี่ยนมายืนข้างหน้าเขา “เต้นๆๆ เนี่ยร้อยเอกเต้นดิ วงนี้มีคนไทยด้วยนะ”

เห้อ...

ร้อยเอกอยากจะบ้าตาย

เต้นเฉยๆ เต้นเป็นเพื่อนก็ได้อยู่หรอก แต่เขาไม่ชอบสายตาคนอื่นที่มองมาที่เมืองน้ำ คนที่มองน่ะจับเมืองน้ำกลืนได้คงทำไปแล้ว ถ้าเมืองน้ำมาที่นี่คนเดียว แล้วเมาไม่รู้เรื่องแบบนี้ เชื่อเถอะว่าไม่รอดมือใครสักคนในผับนี้แน่

ร้อยเอกโอบเอวเล็กเข้ามาประชิดกาย พาเมืองน้ำที่โวยวายไม่หยุดหลีกหนีความวุ่นวายออกมาด้านนอก แทบจะกลายเป็นอุ้มมือเดียวด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าคนโตกว่าเลิกโวยวายซะก่อน

“ร้อยเอกกก...” แล้วก็ใช้น้ำเสียงหงิงๆ เหมือนลูกหมาพูดกับเขาแทน

ถ่ายไปลงเน็ตดีมั้ย เมาแล้วกลายเป็นเด็กสามขวบขนาดนี้

ร้อยเอกพาเมืองน้ำออกมาด้านหลัง ที่ตรงนี้เป็นทางเชื่อมไปลานจอดรถที่ไม่ไกลมากนัก เดินแค่ห้านาทีก็ถึง ปัญหามันอยู่ที่เขาจะพาเมืองน้ำไปถึงรถโดยที่เจ้าตัวไม่ไหลไปกองกับพื้นก่อนได้ยังไง

หน้าแดงตัวแดงไปหมดแล้ว

พี่เมืองนี่จริงๆ เลย

“ร้อยเอก...”

“ว่าไง”

“งือ…”

“พี่เมืองตั้งสติหน่อย”

“...พี่รักษ์บอกว่า...จะมารับ”

ร้อยเอกกลอกตามองบน ดุนลิ้นใส่แก้มขาวอัตโนมัติ เริ่มไม่ชอบคำว่า ‘พี่รักษ์’ เข้าให้แล้ว

“แล้วพี่รักษ์จะมาตอนไหน”

“ม่ายยยยลู้”

สำเนียงแบ๊วมากมั้ย!

น่าโมโห

แขนที่โอบกายเล็กกระชับแน่น เมื่อมั่นใจว่าเมืองน้ำจะไม่หลุดจากอ้อมกอดเขา คนตัวสูงจึงหยิบโทรศัพท์ของคนเมาขึ้นมาไล่ดูการแจ้งเตือนในหน้าจอล็อก แจ้งเตือนล่าสุดคือข้อความที่ภานุรักษ์ส่งมาหาเมื่อยี่สิบนาทีก่อน

บอกว่ามารับไม่ได้แล้ว

แค่นี้ร้อยเอกก็กลับมายิ้มได้ดังเดิม

“กลับกับผมละกันนะ”

“อื้อ กลับกับร้อยเอก อยากขี่หลังอ่ะ ขี่หน่อยๆ”

อีกครั้งที่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว

ทุกครั้งที่เจอเมืองน้ำในผับแห่งนี้ ถ้าพี่เมืองไม่เมาก็ไม่เดือดร้อน แต่ถ้าเมา ก็เป็นเขาที่ต้องพาเจ้าตัวกลับบ้านเกือบทุกครั้ง เมืองน้ำมักขอเขาขี่หลังเสมอ เชื่อว่าพอสร่างเมาคงจำไม่ได้หรอก ไม่ว่าครั้งก่อนที่ขึ้นมาบนหลังเขาแล้วก็โวยวายจนทะเลาะกัน หรือครั้งนี้ที่ขึ้นมาแล้วไม่ชวนทะเลาะสักคำ

“ร้อยเอก...”

ดันไหล่เขาด้วยแก้มนุ่มๆ

“ว่า”

“พูดเพราะๆ หน่อยซี่”

เอานิ้วจิ้มแก้ม แถมหัวเราะชอบใจตอนเขาเบี่ยงหน้าหลบอีกด้วย

“ครับ ว่าไง เรียกร้อยมีอะไร”

นี่ร้อยเอกลงทุนพูดเพราะเหมือนตอนพูดกับคนในบ้านเลยนะ เลิกทำหน้าเศร้าได้แล้ว

“อย่าหงุดหงิดใส่เมืองน้ำเยอะเลยนะ”

อะไรของพี่เมือง

“เมืองน้ำไม่ชอบเลย เสียใจมากๆ เลยนะ”

“เพี้ยนเหรอ ทำเสียงอย่างกับจะร้องไห้”

“ฮื่อออ”

“เบ้ปากด้วย เรียนเอกการแสดงมั้ยเนี่ยพี่เมือง”

“ไม่ได้แสดงนะ”

“…”

“ทำไมมีแต่คนว่าเมืองน้ำ”

อะไรนะ...

“เมืองน้ำโดนด่าบ่อยจังเลย”

“…”

“เมืองน้ำไปทำอะไรให้ ทำไมต้องว่ากันด้วย”

“ใครว่าพี่เมืองครับ”

“เกษตร...”

“…”

“เพื่อนแคปมาให้ดู มีแต่คนว่าพี่เมือง”

เมืองน้ำรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ...

“ทุกคนว่าพี่เมืองแรงจังเลยร้อยเอก”

“พี่เมือง”

“ว่าแรงจังเลย ว่าแรงจัง ว่าแรงจัง...”

“พี่เมืองได้ยินร้อยมั้ย”

“ไม่ได้ยิน”

“ไม่ได้ยินแล้วตอบได้ไงครับ”

“ว่าเมืองน้ำแรงจัง...”

สงสัยคราวนี้จะไม่ได้ยินจริงๆ

อีกไม่ถึงสิบเมตรจะเดินถึงจุดที่จอดรถไว้ แต่ร้อยเอกเลือกที่จะก้าวช้าๆ เพื่อฟังคำพูดเดิมที่เมืองน้ำพูดซ้ำไปซ้ำมา

เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าระบายให้เขาฟัง แต่เขาก็อยากรู้ว่าเมืองน้ำจะพูดอะไรออกมาอีก

ว่ากันว่าเวลาเมาคือช่วงที่คนเราระบายความในใจออกมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเมืองน้ำรู้หรือเปล่าว่าที่แสดงออกมาทั้งหมด ไม่เหมือนเมืองน้ำที่เขาเคยรู้จัก

มารร้ายที่เขามองเห็นมาตลอดสามปี ไม่ใช่เมืองน้ำในตอนนี้

ไม่เลย...



(⺣◡⺣)♡*



#ร้อยเมือง







เอ๊ะ ยังไงกันคู่นี้ /)~(\

ขอบคุณทุกๆ ฟีดแบ็กนะคะ <3
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 3 ☆ (16/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 17-09-2018 09:23:05
 :L2:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 4 ☆ (23/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 23-09-2018 22:15:38
4



เสียใจมากนะ







 

 






‘ถ้าลงไม่ไหวก็ไม่ต้องลง ตื่นแล้วไลน์มาบอกด้วย จะเอาน้ำชาไปให้

101 สุดหล่อ’







ถึงจะเวียนหัว แต่ก็มีเรื่องให้อมยิ้มแต่เช้า



ไม่สิ ไม่เช้า กว่าเมืองน้ำจะตื่น กว่าจะเรียบเรียงว่าตัวเองสติหลุดตอนไหน และกลับถึงบ้านได้ยังไง ก็เกือบสิบเอ็ดโมงเข้าไปแล้ว



โพสต์อิทลายน่ารักช่างตรงกันข้ามกับนิสัยคนเขียน ที่เคยสงสัยว่าร้อยเอกรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองดูดีแค่ไหนคงไม่ต้องหาคำตอบให้เหนื่อยเปล่า ถ้าเจ้าตัวลงท้ายไว้ขนาดนั้น เมืองน้ำดึงกระดาษแผ่นบางที่แปะโคมไฟออกมา เตรียมขยำทิ้งถังขยะ แต่วินาทีเดียวก็เปลี่ยนเป็นเก็บโพสต์อิทแผ่นเดิมใส่ลิ้นชักข้างเตียง



โมเมนต์ดีๆ จากร้อยเอกไม่ได้มีบ่อยๆ ฉะนั้นต้องเก็บไว้เป็นที่ระลึก



มือบางคว้าโทรศัพท์ที่วางรวมกับกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาปลดล็อก พิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งให้เด็กข้างบ้านก่อนจะไล่ดูแชทคนอื่นต่อ แชทติดต่องาน ไลน์ออฟฟิเชียล โปรโมชั่นสินค้า เพื่อน และ...พี่รักษ์



พี่รักษ์ไม่ว่างมารับ เพราะงั้นร้อยเอกเลยพาเมืองน้ำกลับบ้านงั้นเหรอ



เมื่อคืนหลุดพูดอะไรไปบ้างนะ



หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องน่าอายใช่มั้ย



เมืองน้ำขยับตัวลุกขึ้นนั่งเมื่อประตูห้องนอนถูกเปิดออก เผยให้เห็นเรือนร่างสูงโปร่ง ร้อยเอกสวมชุดประจำตัวอย่างเสื้อยืดและกางเกงวอร์มขายาว ปล่อยผมแสกกลางแบบพี่มอสปฏิทิน มือข้างหนึ่งเอาถาดรองชามข้าวต้มน้ำเปล่า และชาร้อนๆ แนบเอวไว้



เป็นภาพที่คุ้นเคย ทว่าแตกต่างตรงที่ใบหน้าขาวๆ ไม่บึ้งตึงเวลามองมา



เมืองน้ำชอบที่ร้อยเอกไม่หงุดหงิดใส่



ร้อยเอกวางถาดลงบนเตียง ตำแหน่งด้านหน้าคนตัวเล็ก เสร็จแล้วจึงเดินไปที่ลากเก้าอี้ทำงานของเจ้าของห้องมาทิ้งสะโพกนั่งลงไป



“ทำข้าวต้มเองเหรอ” เมืองน้ำถามพลางหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารในชาม



“เปล่า ขับรถไปซื้อจากหน้าเซเว่นใกล้ๆ หมู่บ้าน”



“เซเว่นตรงนั้นมีข้าวต้มขาย? มีแต่โจ๊กไม่ใช่เหรอ”



“ก็ขายวันนี้วันเดียวไง”



“แต่...”



“พี่จะสงสัยอะไรนักหนา ไม่หิวหรือไง”



“หิวสิหิว สงสัยเยอะก็ไม่ได้ ดุเหมือน...”



“พี่เมือง”



คนโดนดุเงียบเสียง หยุดพูดแล้วหันมาเป่าลมไล่ควันฟุ้งบนช้อนที่ตักข้าวต้มขึ้น รีบนำอาหารเข้าปากก่อนจะถูกดุมากกว่านี้ เพิ่งคิดไปหยกๆ ว่าร้อยเอกไม่หน้าบึ้งตอนเดินเข้ามา ไม่ถึงห้านาทีก็กลับมาขมวดคิ้วใส่เมืองน้ำซะแล้ว



สรุปใครเป็นพี่ ใครเป็นน้องกันแน่



แล้วก็นะ...



ข้าวต้มรสชาติดี แถมหมูสับกับกุ้งเยอะขนาดนี้ ถ้าเป็นข้าวต้มทำขาย จะไม่ขาดทุนหรือไง



“รสชาติเหมือนร้อยเอกทำเองเลยอ่ะ”



“ยังไงไม่ทราบ”



“ก็อร่อยดีไง”



“ถ้าอร่อยก็ต้องซื้อมาจากร้านแล้ว”



“ไม่...พี่ว่าร้อยเอกทำเอง รสชาตินี้ สูตรแบบนี้พี่เคยกินนะ”



“พี่เมืองจะเคยกินได้ไง ผมไม่เคยทำข้าวต้มให้คนอื่นกินเลยนะ”



“อาจารย์พันเอกเอามาให้กิน บอกว่าร้อยเอกทำเอง ชิมหน่อย ถ้าดีจะส่งไปเรียนเชฟ ว่าแต่...เมื่อกี้เหมือนจะหลุดเลยนะว่าทำมาเองอ่ะ”



เถียงไม่ออกเลยเว้ย



ร้อยเอกแสร้งมองไปทางอื่น ปล่อยให้คนที่ต้อนเขาจนเจอทางตันจุดยิ้มบนริมฝีปาก ยอมรับก็ได้ว่าเขาเป็นคนทำข้าวต้มชามนี้เอง แต่แล้วไงล่ะ จำเป็นต้องบอกด้วยเหรอ ก็แค่ข้าวต้มชามเดียว



พี่เมืองนี่นะ แค่ยิ้มไม่พอ ยังยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายของบนถาดเก็บไว้ด้วย



“จะเอาใส่กรอบรึไง ถ่ายทำไมเนี่ยพี่เมือง”



“จะเอาลงไอจี”



“คนเราไม่จำเป็นต้องถ่ายทุกอย่างลงก็ได้มั้ย”



“ก็อยากเอาลงอ่ะ” เมืองน้ำยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายเจ้าคนช่างถามแทนจานข้าว แล้วลดมือลงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกคนไม่ชอบ



นู่นก็ไม่ชอบ นี่ก็ไม่ชอบ



ร้อยเอกไม่เคยชอบในสิ่งที่เมืองน้ำทำสักอย่าง



“ลบรูปร้อยเอกให้ก็ได้ แค่นี้ก็ต้องโกรธกันด้วย”



“ก็ไม่น่าถ่ายตั้งแต่แรก”



ริมฝีปากนุ่มยู่ย่นอย่างห้ามไม่ได้ คู่กัดก็ยังเป็นคู่กัด ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจริงๆ เมืองน้ำไม่ได้ขอให้เราต้องมาทำดีใส่กันตลอดเวลาหรอกนะ แค่หลายวันมานี้ไม่มีแรงสู้รบกับใคร เลยคิดว่าเราอาจจะคุยกันด้วยถ้อยคำดีๆ ได้บ้าง



ดูจากแววตาขุ่นเคืองของร้อยเอก เมืองน้ำคงต้องการมากไปเอง



เปลี่ยนเรื่องคุยดีมั้ย ไม่ชอบให้บรรยากาศอึดอัดเลย



“เมื่อคืน...พี่เมาหนักมากมั้ย”



“ไม่มาก แค่ไม่ได้สติ ก็เหมือนเดิม” ไหล่กว้างขยับเล็กน้อยในท้ายประโยค



“แล้ว...ได้พูดอะไรแย่ๆ ไปรึเปล่า”



“พี่เมืองหมายถึงอะไร”



“ก็...ไม่รู้สิ”



“ไม่รู้ก็แปลว่าไม่มีอะไร ไม่ต้องไปนึกถึง ผมก็พาพี่กลับมาเหมือนทุกครั้งที่พี่ไม่ได้กลับกับเพื่อนนั่นแหละ ถึงประมาณตีสาม พาพี่ขึ้นมานอนแล้วก็กลับบ้าน”



ร้อยเอกควรจะบอกตามตรงว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมาบ้าง แต่คนที่อยู่กับเขาเมื่อคืน เป็นเมืองน้ำเวอร์ชั่นที่เขาไม่เคยเห็น แม้กระทั่งตอนนี้ที่ไม่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์ เมืองน้ำยังไม่เหมือนเดิมเลย



คนที่ไม่แยแสกับคำนินทา ไม่สนใจว่าเขาจะพูดแรงใส่ตัวเองแค่ไหน แถมยังโต้เถียงกันทุกครั้ง คนที่ไม่เคยเผยด้านอ่อนแอให้ใครเห็น



เมืองน้ำที่เป็นแบบนี้ หนีไปเที่ยวที่ไหนแล้ว



มีคนเอาเรื่องที่ภานุรักษ์ไปทานข้าวเย็นกับเมืองน้ำมาพูดคุยในไลน์กลุ่ม และเหมือนเดิม ไม่มีใครห้าม ซ้ำยังกระแนะกระแหนกันอย่างออกรส อยากจะพิมพ์ด่าแทนเมืองน้ำเป็นบ้า



แต่ทบทวนดูแล้ว...



ช่างแม่งเถอะ



“พี่เป็นแฟน...”



เสียงทุ้มค่อยๆ เบาลง ไม่ทันถามจนจบริงโทนโทรศัพท์ของเจ้าของห้องก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน คนตัวสูงพิงแผ่นหลังแนบพนักเก้าอี้ จ้องมองอีกคนที่รีบกดรับด้วยสายตาเรียบนิ่ง



“ครับ พี่รักษ์ เมืองเพิ่งตื่น”



อยากลุกหนีให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพราะคาใจถึงได้นั่งรอให้น้ำเสียงหวานๆ คุยกับคนปลายสายให้เสร็จ



“ไม่เป็นไรครับ เมืองเข้าใจ เมืองกลับมากับน้องคนรู้จักน่ะครับ บังเอิญเจอกัน”



น้องคนรู้จัก...



ไม่ชอบเลยว่ะ



ไม่ชอบ ไม่ชอบ ไม่ชอบ!




“วันนี้เมืองอยู่บ้าน ไม่มีเรียนครับ มาตอนเย็นๆ ก็ได้ หรือนัดเจอที่อื่นก็ได้”



ร้อยเอกเป็นอากาศธาตุไปแล้วรึไง



เซ็งโว้ยย



“ครับผม แล้วเจอกันครับ”



นี่ขนาดไม่ได้ยินเสียงภานุรักษ์ ยังรู้เลยว่าต้องมาในมาดพระเอกนิยายมากแน่ๆ คนตรงหน้าถึงได้กลั้นรอยยิ้มไม่ไหวถึงขนาดนั้น



“เมื่อกี้จะถามเรื่องอะไรเหรอ”



เหอะ วางสายสักที



“เปล่า”



“อ้าว แต่...เมื่อกี้เหมือนร้อยเอกถามว่าพี่เป็น...”



“พี่เป็นแฟนกับพี่รักษ์หรือเปล่า”



“…”



“นั่นแหละ พี่เป็นแฟนกับพี่รักษ์รึเปล่า เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย มหา’ลัยก็ไปส่ง จะมาหาที่บ้านอีก”



เมืองน้ำมองเด็กตัวสูงอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก บอกว่าเปล่าแต่กลับยอมรับตรงๆ ในวินาทีต่อมา ถามมาเป็นชุดและเริ่มตีหน้าบึ้งตึงใส่กันอีกแล้ว



“ไม่ใช่แฟน”



“โกหก”



“…”



“ไม่ใช่แฟนแล้วพี่เมืองไปดินเนอร์กับพี่รักษ์ทำไม”



“ร้อยเอก พูดอะไรน่ะ”



“ก็ดินเนอร์ไง เมื่อวานผมเห็นพี่กลับบ้านดึก เลยไลน์ไปถามว่าอยู่ไหน พี่บอกดีลงานอยู่ ไม่ว่างตอบ แต่พี่รักษ์โพสต์ไอจีว่าดินเนอร์อยู่กับพี่ เป็นแฟนก็บอกว่าเป็นแฟน จะโกหกทำไม”



“ไม่ ไม่ได้เป็นแฟน ที่บอกว่าดีลงานก็ดีลงานอยู่กับพี่รักษ์จริงๆ”



“งั้นเป็นอะไรอ่ะ แล้วดีลงานอะไรกันวะ ถึงต้องไปกินข้าว ไปไหนมาไหนด้วย อ้อ หรือพี่ทำมากกว่างาน เหอะ รักษามาตรฐานจริงๆ”



มาตรฐานอะไร ร้อยเอกพูดเรื่องอะไร



ไม่เห็นเข้าใจเลย



พี่รักษ์เป็นรุ่นพี่ที่เมืองน้ำรู้จักมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันพี่รักษ์เปิดบริษัทผลิตคอนเทนต์โฆษณา พี่รักษ์แค่พาไปแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของแบรนด์เพราะเห็นเมืองน้ำรับตัดต่อคลิป ก็แค่นั้น



ส่วนเรื่องที่พี่รักษ์โพสต์ไอจี เมืองน้ำเพิ่งรู้จากปากร้อยเอกเมื่อกี้นี้เอง แล้วที่ร้อยเอกพูดมา...ในเมื่อตัดสินกันไปแล้วด้วยอคติที่ไม่เคยน้อยลง เมืองน้ำก็ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายให้อีกคนเข้าใจ



“ดูถูกคนอื่นไม่ดีเลยนะ” ริมฝีปากนุ่มรู้สึกวาบชากับสายตาไม่สบอารมณ์ของคนตัวสูง เมืองน้ำดึงผ้าปูที่นอนเข้ามาจับไว้แน่น พลางเค้นเสียงบอกช้าๆ “ที่พูดมาแต่ละคำ คิดถึงใจคนฟังบ้างหรือเปล่า”



“แล้วพี่เมืองคิดบ้างมั้ยว่าผมจะรู้สึกแย่ที่พี่โกหก”



“พี่ไม่ได้โกหก แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าอะไรทำให้ร้อยเอกคิดกับพี่แบบนี้”



“…”



“เคยคิดนะว่าร้อยเอกเกลียดพี่จริงๆ หรือแค่พูดจากวนๆ ใส่กันไปอย่างนั้น ในใจคงไม่คิดอะไร สงสัยมาตลอด จนตอนนี้ก็ยังคิด”



“…”



“ซึ่งคำตอบมันก็ชัดเจนแล้วล่ะ”



มือเนียนปล่อยจากผ้าปูที่นอน กลืนก้อนฝืดเคืองลงคอ สบตาคนตรงหน้า และรู้สึกได้ถึงไอร้อนผ่าว



“ขอบคุณที่พากลับบ้านนะ ขอบคุณที่ทำอาหารกับชงน้ำชามาให้ด้วย”



ชัดเจนจริงๆ...



ทั้งความรู้สึกแย่ ทั้งคำตอบ



เมืองน้ำสูดลมหายใจเมื่อร้อยเอกลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องไปแล้ว กะพริบตาปัดไล่ไอร้อนๆ แล้วยกถาดบนเตียงไปวางบนโต๊ะทำงาน เบนจุดหมายไปยังระเบียงเพื่อล็อกประตูและปิดผ้าม่านจนมองไม่เห็นห้องฝั่งตรงข้าม



แสงสว่างด้านในลดทอนมากกว่าครึ่ง เมืองน้ำไม่คิดจะเดินไปผลักหน้าต่างเพื่อเปิดให้แสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา ทำเพียงเร่งความเย็นเครื่องปรับอากาศ ทิ้งกายลงบนเตียง ใช้มือขาวๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงลำคอ ขณะที่มืออีกข้างเอื้อมหยิบเครื่องมือสื่อสาร



บนจอสี่เหลี่ยมยังค้างอยู่ในแอพรูปภาพ และภาพที่เป็นภาพของเด็กตัวสูงก็ถูกลบภาพร้อยเอกออกโดยเร็ว ทำให้ภาพล่าสุดกลายเป็นถาดอาหารที่ตั้งใจถ่ายเพื่อโพสต์ลงไอจีของตัวเอง



ถ่ายเก็บไว้เพราะร้อยเอกไม่เคยทำอาหารให้ทาน ไม่เคยชงชาให้



เป็นเรื่องเล็กๆ ที่แสนพิเศษ



ใช่...มันพิเศษกับเมืองน้ำ



เริ่มเข้าใจแล้วว่าที่รู้สึกแย่กับความใจร้ายของร้อยเอกบ่อยๆ ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกมาตลอดมันคืออะไร



ไม่อยากรู้สึกเลย ทำยังไงดี



เขาเกลียดเราขนาดนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกเมืองน้ำ



ไม่มีวัน :(




(⺣◡⺣)♡*



จะให้ร้อยเอกคิดไปทางไหนได้อีก ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นใจให้คิดมาตลอด



แม่ง...



โคตรบ้า



หมายถึงร้อยเอกนี่แหละที่บ้า ยิ่งบ้าขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อลองทบทวนความใจร้อนและความปากสุนัขของตัวเอง แทนที่จะคุยกันดีๆ ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร สุดท้ายก็ทะเลาะกันอีกจนได้



ทำไมพี่เมืองไม่ด่าเขา เถียงเขา ไม่ก็ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่การท่าทางกระอักกระอ่วน จะร้องก็ไม่ร้อง จะปกติก็ไม่ปกติอีกเหมือนกัน



สงสัยเมืองน้ำเวอร์ชั่นมารร้ายจะหนีไปเที่ยวแล้วจริงๆ



“ปากหมาพาซวยแท้ๆ เลยเว้ยไอ้ร้อย” ร่างสูงยีผมอย่างหัวเสีย ทึ้งลมหายใจและดึงสติกลับมาที่คอมพิวเตอร์ เขานั่งเล่นเกมตั้งแต่กลับจากบ้านเมืองน้ำ ยอมรับตรงๆ ว่าไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับคีย์บอร์ด จอมอนิเตอร์ หรือเมาส์ที่ต้องคลิกเพื่อโจมตีเลยสักนิด



เพราะแบบนั้นร้อยเอกจึงกดปิดคอมเมื่อแข่งเกมรอบล่าสุดจบ ลุกขึ้นเดินทั่วห้อง ไม่ทราบจุดหมายว่าจะหยุดอยู่ตรงไหน และใช่ ที่สุดท้ายที่คนตัวสูงเดินมาถึงคือระเบียงห้องนอน จุดที่มองเห็นห้องตรงข้ามได้ถนัด



พี่เมืองไม่เปิดประตูระเบียงมาห้าชั่วโมงแล้ว เขาเข้าไปดูในแฟนเพจก็ไม่เห็นมาโพสต์อะไร ไอจีที่นานๆ จะโพสต์รูปทียิ่งแล้วใหญ่



ลบรูปเขาไปรึยังล่ะ ถ้ายังไม่ลบก็โพสต์เลยสิ มัวรออะไรอยู่



จะไลน์ไปบอกก็กลัวไม่อ่าน ป่านนี้บล็อกไลน์เขาไปแล้วมั้ง



“พี่ร้อยยืนทำอะไรอ่ะ”



ร้อยเอกหันขวับเมื่อเสียงใสๆ ของน้องชายคนสุดท้องดังจากหน้าประตู สิบเอกที่เปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดลำลองเดินเข้ามาหาพี่ชายตัวสูงพร้อมสมุดเล่มเล็กในอ้อมขน



“ว่าไงสิบ”



“สอนการบ้านสิบหน่อยครับ ครูสอนไม่เข้าใจเลย”



“วิชา?”



“อังกฤษ”



“ปกติก็ให้พี่เมืองสอน...”



แค่พูดชื่อยังทำให้สะดุดได้ขนาดนี้ มันจะเกินไปแล้วเมืองน้ำ



เกินไปแล้ว



“พี่เมืองอยู่บ้านเหรอครับ สิบนึกว่าไม่อยู่”



“อยู่ แต่ไม่ต้องไปรบกวนหรอก เดี๋ยวพี่สอนเอง”



สิบเอกยิ้มกว้างจนแก้มกลมเหมือนลูกโป่ง น้องกระโดดดึ๋งขึ้นไปบนเตียงก่อนจะหยิบกล่องใส่ปากกาในกระเป๋ากางเกงออกมาวาง เห็นแบบนั้น ร้อยเอกเลยต้องกลับเข้ามาอย่างช่วยไม่ได้



ร่างสูงนั่งลงบนเตียง ขณะที่น้องพลิกกระดาษหาหน้าที่ครูปั๊มหมึกคำว่าการบ้านมาให้



“วันนี้แม่ทำต้มยำไก่ด้วยแหละพี่ร้อย แม่บอกสิบว่าให้มาบอกพี่ร้อยว่าให้พี่ร้อยไปชวนพี่เมืองมากินข้าวเย็นด้วยกัน”



“เดี๋ยวนะสิบ พูดใหม่อีกรอบได้มั้ย”



“แม่บอกสิบว่าให้มาบอกพี่ร้อยว่าให้...”



“เออพอ พี่เข้าใจแล้ว”



ยิ้มหน้าบ้านเลยนะ มันเขี้ยว



แต่ว่า...ให้เขาไปตามพี่เมืองงั้นเหรอ



“สิบ” สิบเอกช้อนหน้ามองตาแป๋ว เห็นพี่ชายกัดริมฝีปาก ไม่ยอมพูดสักทีเลยใช้มืออวบเขย่าแขนเสื้อเบาๆ “ไปตามพี่เมืองให้พี่หน่อย...ได้มั้ย”



“พี่ร้อยก็ไปตามเองซี่ สิบจะทำการบ้าน ขี้เกียจเดิน”



“งั้นโทรก็ได้”



“สิบไม่มีทอสับ”



“ใช้โทรศัพท์บ้านไง เดี๋ยวพี่จดเบอร์ให้ สิบแค่บอกว่าแม่ชวน พี่เมืองไม่ปฏิเสธหรอก แล้วก็ห้ามบอกว่าพี่ให้เบอร์มานะ”



“…”



“จ้างสองร้อย กับเติมเพชรอีกพันนึง”



“...”



“พันห้าก็ได้ ดีลไม่ดีล”



“ดีล!”



นี่สิสิบเอก ตัวแทนอันดับหนึ่งของเขา



ส่งสิบเอกไปแทนก่อนแล้วกัน เดินไปชวนเอง เมืองน้ำปาหม้อข้าวใส่หัวเขาแน่



(⺣◡⺣)♡*



“น้องเอก คอจะเคล็ดแล้วนะคะ แคร์รี่จะมาส่งของเหรอลูก หรือดีแอลเอส ชะเง้อมองนานเชียว”



“ไม่ใช่ครับแม่”



บริษัทขนส่งจะมาส่งของที่ไหนกัน



“ถ้างั้นก็เข้าบ้าน มืดแล้วนะคะ”



“...”



“น้องเอก”



“ออกมาเล่นกับแก้บนนิดเดียวเองครับ เดี๋ยวจะเข้าไปแล้ว”



เจ้าตูบพันธุ์ซามอยด์ร้องเอ๋งๆ ราวกับขานรับเมื่อถูกกล่าวถึง ร้อยเอกลูบหัวสัตว์เลี้ยงพลางถอนหายใจบางเบา นี่เขาหมดปัญญาหาข้ออ้างจนต้องใช้หมาแทนเลยงั้นเหรอ



จะอธิบายยังไงดี...



หลังจากสอนการบ้านสิบเอกเสร็จไม่ถึงสองชั่วโมง ฟ้าก็คลุมด้วยสีทึบ คืนนี้แทบไม่มีแสงดาว เช่นเดียวกับห้องตรงข้ามที่จนป่านนี้ยังไม่เปิดม่าน ไม่แม้แต่เปิดไฟทั้งที่มืดแล้วด้วยซ้ำ



ไม่แปลกที่สิบเอกจะคิดว่าคนช่วยสอนภาษาอังกฤษจะไม่อยู่บ้าน



สิบเอกโทรไปชวนเมืองน้ำตามการจ้างวานของเขา อีกฝ่ายไม่รับปากน้องซะทีเดียว บอกว่าขอดูก่อน ถ้าว่างก็จะมา



แล้วเมื่อไหร่จะว่าง รอให้บ้านเขากินข้าวเสร็จก่อนหรือไง



คนอุตส่าห์มานั่งคอยถึงหน้าบ้าน ชะเง้อมองคอแทบเคล็ด เผื่อว่าเจอหน้า จะได้พูดกันอีกรอบ อย่างนี้มันหลบหน้ากันชัดๆ



ไลน์ไปตามดีมั้ย



พิมพ์ว่าอะไรดีล่ะ ร้อยเอกต้องคีพลุคเป็นผู้ชายปากหมาหรือเปล่า



ไม่สิ อันนี้ไม่ต้องคีพ ปกติก็ปากน่าตบอยู่แล้ว



“เห้อ...ยากจังวะ”



“น้องเอก~”



“ครับแม่”



“บ่นอะไรน่ะ”



“เปล่าครับ”



ร้อยเอกโขกศีรษะใส่ประตูบ้านเบาๆ อย่างทนไม่ไหว มือกำโทรศัพท์ที่เปิดห้องแชทของอีกคนไว้แน่น เม้มปากเมื่อเสียงบ่นอุบเกือบหลุดออกมาอีกครั้ง ไม่ได้...ส่งเสียงตอนนี้ไม่ได้ ไม่งั้นแม่คงถามไม่หยุด



“แม่ตั้งโต๊ะเสร็จแล้วนะคะน้องเอก มากินข้าวเร็ว”



วันนี้ร้อยเอกถอนหายใจมาแล้วกี่ครั้ง เขาไม่ได้นับ แต่ครั้งนี้ก็ยังมีเรื่องให้ยิ้มได้ล่ะน่า



นู่น คนที่เขารออยู่เดินมานู่นแล้ว



ร้อยเอกก้าวเร็วๆ ไปยังรั้วบ้าน ไม่รอให้เมืองน้ำกดกริ่งซ้ำเป็นหนที่สอง รีบตีหน้านิ่งทันทีที่สายตาสบกับคนผิวขาว เมืองน้ำเบือนหน้าหนีคนตัวสูง ไม่เปล่งเสียงใดออกมา และเปลี่ยนเป็นกดสายตาลงต่ำเมื่อระยะห่างระหว่างตนกับร้อยเอกลดน้อยลง



ทีแรกเมืองน้ำตั้งใจจะโทรมาบอกคุณน้าว่าตัวเองไม่สบาย แต่คำกล่าวหาว่าเป็นคนโกหกก็แทรกเข้ามาจนไม่กล้าปฏิเสธคำชวน พอสงบสติอารมณ์และนั่งตัดคลิปส่งลูกค้าจนใกล้เสร็จแล้ว ก็งีบหลับไปพักใหญ่ และตื่นอีกครั้งเมื่อสิบนาทีก่อน



เวียนหัวชะมัดเลย แถมยังต้องมาเจอคนใจร้ายอีก



เมืองน้ำอยากเดินกลับบ้าน แต่เพราะทำอย่างนั้นไม่ได้ เลยเดินหนีคนตัวสูงเข้ามาด้านใน



ร้อยเอกรีบล็อกรั้วและวิ่งตามแผ่นหลังเล็กๆ นั่นเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเมืองน้ำจงใจเดินเร็ว



“พี่เมือง”



คนตัวเล็กไม่ตอบกลับตามคาด



“พี่เมือง ได้ยินมั้ย”



และเพิ่งรู้ว่าสนามหญ้าบ้านเขามันไกลจากตัวบ้านเอามากๆ ก็วินาทีนี้เอง



“จะเดินไวไปไหนอ่ะ ขาก็สั้นเท่านิ้วก้อย”



เมืองน้ำหยุดชะงัก ไม่หันกลับไปมอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้อยเอกจะมีอิทธิพลอะไรกับใจนักหนา



แค่ได้ยินเสียงก็นึกถึงคำร้ายๆ ที่อีกคนพูดใส่แล้ว



“พี่...โถ่เว้ย นึกจะหยุดก็หยุด นึกจะเดินก็เดิน”



ร้อยเอกเป็นเหมือนกันบ้างมั้ย ความรู้สึกที่สงสัยว่าทำไมเราต้อง ‘รู้สึก’ กับเขาขนาดนี้



เป็นเหมือนเมืองน้ำหรือเปล่า



“เออ”



“...”



“ไม่คุยก็ไม่ต้องคุย หงุดหงิดว่ะ ตามสบายเลยเหอะ”



คงไม่



ถ้าเรารู้สึกแบบเดียวกัน ร้อยเอกคงมีวิธีพูดที่ดีกว่านี้



ไม่รู้เลยว่าพอเข้าบ้านไปแล้ว จะปั้นรอยยิ้มให้คนอื่นไม่สงสัยได้ยังไง



พอเป็นเรื่องร้อยเอก เมืองน้ำไปไม่ถูกเลย



ไม่รู้วิธีเลยจริงๆ




(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำแทบไม่มองหน้ากัน นั่งกินข้าวเงียบๆ โดยไม่พูดก่อนหากแม่เขาไม่ถาม ความผิดปกติทำให้ท่านสงสัยจนต้องถามเป็นการส่วนตัว ร้อยเอกบอกแค่เมืองน้ำไม่ค่อยสบาย นอนตอนตะวันโพล้เพล้ ตื่นขึ้นมาก็เลยเวียนหัว



แม่เชื่อเขาง่ายอยู่แล้ว ส่วนสาเหตุจริงๆ ที่ทำให้พี่เมืองคนสดใสของแม่นิ่งถึงขนาดนั้นน่ะเหรอ



จะเป็นใครนอกจากเขา



เงียบยิ่งกว่าอะไรดี ด่าร้อยเอกสักหน่อยจะเป็นไรไป ไม่ใช่คนยอมใครง่ายๆ นี่ ด่ากันทางสายตาก็ได้



บ้ารึไงร้อยเอก คนปกติที่ไหนจะกระหายคำด่าขนาดนี้ สติยังเต็มร้อยอยู่หรือเปล่า ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้อยากโดนพี่เมืองด่าจริงๆ



เถียงกับตัวเองในใจมาเป็นชั่วโมง คิดว่าคงไม่ปกติเท่าไหร่



ร้อยเอกเดินมาระเบียงรอบที่สิบ เขาไม่มีสมาธิทำอย่างอื่น อ่านหนังสือ เล่นเกม แม้แต่ตอนนี้ที่ยืนไถจอโทรศัพท์ยังเอาแต่ชำเลืองมองระเบียงห้องตรงข้าม



ใจคอจะไม่เปิดม่านเลยใช่มั้ย



พี่เมืองเป็นแวมไพร์รึไงวะ



สุดท้ายก็ต้องปัดทุกแอพที่เปิดทิ้งไว้ออกจนหมด มีแค่ห้องแชทเมืองน้ำที่เปิดค้างอยู่แอพเดียว อยากชวนคุยแต่ก็พิมพ์ๆ ลบๆ มาพักใหญ่ ไม่รู้ต้องเริ่มด้วยประโยคแบบไหน อีกฝ่ายถึงจะกลับมาคุยกับเขาเหมือนเดิม



เพราะไม่รู้นั่นแหละ ถึงได้กลับมาหน้าแชทรวม และสัมผัสเข้าแชทของเพื่อนรักซึ่งเป็นทางเดียวที่นึกออกในตอนนี้





101 :

มึง

เคยโดนใครโกรธเพราะความงี่เง่าของตัวเองมั้ย

แบบ ปากหมา แล้วก็โดนเขาโกรธอ่ะ





101 :

ตอบหน่อยมาวิน

กูจะบ้าตายแล้ววววว

help me plsss

nowww

เข้าแชทกูสิโว้ยย!!!





Marvin :

กูมาแล้ว!!!! ใจเย็นดิสัส ไปเข้าห้องน้ำมา

เปิดประเด็นมาซะดราม่าเลย

ว่าแต่ใครโกรธมึง





101 :

อ๋อ

คือ

สิบเอกอ่ะ

กูพูดไม่ดีใส่น้อง น้องก็เลยโกรธ





Marvin :

เอ้า

เออ แต่มึงปากหมาจริงๆ





101 :

ขอบใจ

ช่วยกูได้เยอะเลยว่ะประโยคนี้





Marvin :

ล้อเล่นจ้า

เอางี้ น้องมึงชอบอะไร ซื้อไปง้อสิวะ

ชอบเล่นเกมไม่ใช่? ก็ซื้อมาแล้วตะล่อมๆ หน่อย แป๊บเดียวก็ยอม





101:

แต่ถ้าไม่ยอมอ่ะ

คือแค่ซื้อของที่ชอบไปให้ จะหายโกรธจริงเหรอวะ





Marvin :

ตอนมึงโกรธกู กูก็ซื้อของที่มึงชอบให้

เกมไง detroit become human มึงโกรธกูเพราะทำตัวละครตาย เลยจะซื้อมาเล่นเอง

นั่นแหละ พอซื้อมาแล้วมึงก็หายโกรธเลย





101:

ทำไมตอนนั้นกูติ๊งต๊องจังอ่ะ หายโกรธก็ง่ายสัส หน่อมแน้มว่ะ

แล้วรอบนี้มันจะง่ายขนาดนั้นจริงดิ

กูว่าไม่น่าหาย




Marvin :

ทำไมไม่หาย น้องมึงไม่เรื่องมากหรอกไอ้ร้อย คนเรื่องมากอ่ะคือมึง







จะบอกยังไงว่าไม่ใช่น้อง แต่ในเมื่อเลือกใช้น้องเป็นข้ออ้างแล้ว ก็ต้องไปให้สุด ขืนบอกว่าโดนพี่เมืองโกรธ ร้อยเอกโดนมาวินตีหัวตอนเจอกันที่มหา’ลัยแน่







Marvin :

คิดซะว่าเป็นข้อสอบ 100 เต็ม 100 มึงยังผ่านมาแล้ว

รอบนี้ไม่ลองก็ไม่รู้ว่าจะผ่านไปได้มั้ย ลงมือทำดีกว่านั่งเฉยๆ ดูฟ้าดูดาวไปวันๆ ล่ะวะ

มีสาระสัส รู้สึกไม่เป็นตัวเอง





101:

ยังไงกูจะลองดู





Marvin :

จัดไป เรื่องง่ายๆ

คนเก่งอย่างมึงทำได้อยู่แล้ว







เรื่องง่ายๆ จริงเหรอ



ร้อยเอกที่เพิ่งรู้สึกถึงรอยขมวดบนหว่างคิ้ว พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ทว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่ออารมณ์ของเขาไม่อำนวย ขายาวก้าวกลับมาด้านใน ทิ้งกายลงบนเตียง ขณะกำเครื่องมือสื่อสารไว้แน่น



เอาไงดี...



แค่พิมพ์ข้อความเองนะร้อยเอก ไม่เห็นมีอะไรยากเลย อย่างที่มาวินบอกว่านี่เป็นเรื่องง่ายๆ คนเก่งอย่างเขาต้องทำได้สิ



ลองดูสักตั้งแล้วกัน







101 :

พี่เมือง

ทำไรอยู่อ่ะ

ตอนกินข้าวไม่ค่อยพูดเลยนะ

ปวดหัวเหรอ

ทำไมพี่ไม่เปิดระเบียง เดี๋ยวก็ร้อนหรอก





101 :

พี่เมือง

คืนนี้มีหนังที่พี่ชอบช่อง MINI29 อ่ะ ดูป้ะ





101 :

บ้านผมมีป๊อปคอร์น





101 :

บอกเฉยๆ

ไม่มีไร





101 :

แต่หนังอ่ะ The Maze Runner เลยนะ พี่ชอบไม่ใช่เหรอ ที่มันวิ่งๆ ในเขาวงกต

พระเอกหล่อดี

แต่หล่อสู้ผมไม่ได้หรอก พูดจริง

พี่

คือแบบ

เล่นเกมกันมะ





101 :

อ่อพี่ไม่ชอบเล่นเกม

ลืม





101 :

พี่เมือง

ง่วงยัง

จะนอนยัง

มาส์กหน้าก่อนนอนยัง





101 :

เฮ้ยพี่

พิมพ์คนเดียวก็เหงานะเว้ย

ตอบบ้างดิ

ด่าก็ได้





101 :

ไอ้น้องข้างบ้านมีหมาสองตัว ตัวนึงชื่อแก้บน พันธุ์ซามอยด์ ตัวนึงชื่อร้อยเอกv.2 พันธุ์เกษตร ไรงี้

ยกตัวอย่างเฉยๆ แต่จะด่าก็ได้





101 :

ไม่ตอบจริงๆ เนอะ

งั้นผมไม่กวนแล้วครับ

อย่านอนดึกล่ะ

ขอบตาดำไม่รู้ด้วย







“เห้อ...”



มันควรจะเป็นเรื่องง่ายเพราะเมืองน้ำไม่เคยปล่อยให้แชทของเขาหนักมาทางขวา ไม่ว่างพิมพ์เป็นข้อความก็จะมีสติ๊กเกอร์ตลกๆ ส่งกลับมาเสมอ



แต่นี่...ว่างเปล่า



เมืองน้ำไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ



เคยได้ยินว่าทุกสิ่งบนโลกจะมีข้อยกเว้นอย่างน้อยหนึ่งข้อเสมอ เขาเข้าใจคำนั้น แต่ไม่เคยสัมผัสเพราะที่ผ่านมา ไม่ว่าเจอปัญหาอะไร ร้อยเอกหาวิธีจัดการได้เสมอ คนรอบข้างถึงพูดบ่อยๆ ว่าเขาเป็นคนเก่ง ตั้งใจทำอะไรก็จะทำให้ได้ ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เขาผ่านมาได้ทุกครั้ง



พอเป็นเรื่องเมืองน้ำ ทำไมไม่เก่งเหมือนเรื่องอื่นเลยนะ



คิดไม่ออก



ทำไมถึงเก่งทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องคนคนนี้



หรือจริงๆ แล้ว...



เมืองน้ำเป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียวที่ร้อยเอกจัดการไม่ได้



(⺣◡⺣)♡*



(https://i.imgur.com/tsot2U2.jpg)




#ร้อยเมือง
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 4 ☆ (23/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 24-09-2018 08:54:50
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 5 ☆ (24/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 24-09-2018 10:48:35
5
สุดท้ายก็พ่ายแพ้





Meungnam Charming Boy
Today 12:31 น.

ที่จริงตอนเที่ยงต้องแดดแรงมากๆ นี่นา แต่ฝนตกตลอดเลย
ตกมาหลายวันแล้ว ออกไปข้างนอกลำบากมากเลยครับ
ช่วงนี้เมืองไม่ค่อยว่าง อาจจะไม่ค่อยได้โพสต์รูปใหม่ๆ เท่าไหร่
ดูรูปเก่าไปก่อนนะ ^^;
แล้วเจอกันใหม่นะครับ ถ้าว่างแล้วจะรีบมาอัพรูปเลย

เมืองน้ำ <3







พิมพ์ข้อความมาโพสต์ในเพจได้ โพสต์ไอจีด้วยรูปร้องไห้รูปนั้นได้ แต่พิมพ์ข้อความตอบไลน์ร้อยเอกไม่ได้ ไม่เปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ

เจอกันที่มหา’ลัยก็เดินหนีไปอีกทาง ซื้อโจ๊กไปแขวนหน้าบ้าน เผื่อว่าคนตัวเล็กจะลงมาหยิบไปกิน ก็ไม่ยอมลงมา จนสุดท้ายต้องเดินไปหยิบถุงโจ๊กกลับบ้านมากินเองเพราะกลัวของเสีย

ให้มันได้อย่างนี้

หนึ่งอาทิตย์มีเจ็ดวัน เขาคิดเรื่องเมืองน้ำไปแล้วทุกวัน ไม่มีวันไหนหยุดคิดเรื่องพี่เมืองได้เลย บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้ ห้องก็ห่างไม่ถึงสิบเมตร แต่ทำไมพี่เมืองถึงใจแข็งนัก ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุย เจอหน้ากันก็ทำเป็นเมิน สบตาบ้างตอนเจอกันที่มหา’ลัย ทว่าสุดท้ายก็เบือนหนีเขาทุกที

ร้อยเอกอยากจับเมืองน้ำเข้ามาตีแรงๆ ไม่สนว่าเมืองน้ำจะคุยหรือไม่คุย จะโวยวาย จะด่าอะไรก็ได้ อยากลงโทษแล้วตะโกนใส่คนตัวเล็กว่า ‘หายโกรธผมได้แล้ว!’ แต่ดันไม่กล้าพอ

ถูกโกรธเพราะความปากร้าย ถ้าทำตัวแย่เพิ่มเข้าไปอีก จะไม่ถูกเมินตลอดชีวิตเลยรึไง

ถึงจะอยากทำจริงก็เถอะ แต่ไม่เอาหรอก เขาไม่กล้าเสี่ยง แค่นี้ก็คิดจนไม่มีสมาธิเล่นเกมแล้ว เพราะไม่ค่อยได้เล่นนั่นแหละ เพื่อนต่างคณะที่เล่นเกมด้วยกันประจำถึงเอาแต่ไลน์มาถามว่าเขาเป็นอะไร

ได้แต่ตอบว่าต้องอ่านหนังสือสอบ ทั้งที่ความจริงถึงจะเป็นช่วงก่อนสอบ ร้อยเอกก็ไม่เคยหนีหายจากเกมสักครั้ง

พูดตรงๆ...ไม่เคยมีใครทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวเองได้เท่าเมืองน้ำ

ไม่มีเลย

คาบเรียนชดเชยเมื่อวานทำเอาเขาหมดแรง วันนี้ร้อยเอกเลยตั้งใจตื่นสาย ทว่ามีเหตุให้ต้องตื่นเช้าจนได้ รถโรงเรียนของสิบเอกเกิดเสียกะทันหัน น้องมายืนเขย่าตัวเขาให้ตื่น ลากเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน และบอกให้ขับรถไปส่งที่โรงเรียนตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า

พอกลับถึงบ้าน ร้อยเอกก็นอนไม่หลับแล้ว เขาลงไปรดน้ำต้นไม้ที่แปลงหลังบ้าน ตั้งใจรดให้เมืองน้ำเหมือนทุกครั้ง แต่ต้นไม้ของเมืองน้ำถูกย้ายไปวางจุดอื่น จุดที่เขาเดินไปรดให้ไม่ได้

หนีกันแม้กระทั่งต้นไม้ ชีวิตร้อยเอกนี่มันดีจริงๆ เลยเว้ย

เขาไม่รู้ว่าเมืองน้ำอยู่บ้านหรือเปล่า อีกคนไม่ยอมเปิดม่าน รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มีให้เห็นมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อน พี่เมืองไปไหนมาไหนด้วยแท็กซี่ ไม่เรียกมารับที่บ้าน ก็เดินออกไปหน้าหมู่บ้านเพื่อขึ้นรถ

ทำไมต้องลำบากขนาดนั้น

อีกอย่าง ปกติไฟห้องเมืองน้ำจะดับก่อนเขา แปลว่าร้อยเอกนอนดึกกว่า แต่พักนี้ดันตรงกันข้าม

ร้อยเอกนอนก่อนเมืองน้ำทุกวัน ส่วนเมืองน้ำ ไม่รู้ป่านนี้ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้านไปรึยัง

คิดเรื่องพี่เมืองครั้งที่เท่าไหร่แล้วร้อยเอก

จนกว่าพี่เมืองจะกลับมาคุยกับเขานั่นแหละ ร้อยเอกถึงจะหยุดคิดเรื่องพี่เมืองได้

มุ้งที่ม้วนรวบจนกลายเป็นก้อนกลมถูกวางลงบนเตียง ร้อยเอกผ่อนลมหายใจ ทิ้งแผ่นหลังกว้างๆ ไปกับความนุ่มของเตียงนอน ปิดเปลือกตาและนอนฟังเสียงหยาดฝนที่จู่ๆ ก็ตกลงมาลูกใหญ่

ทีแรกจะเก็บมุ้งลงไปซัก แต่สภาพอากาศไม่เป็นใจเอาซะเลย

จัดเป็นวันแย่ๆ อีกหนึ่งวัน

ร่างสูงเด้งตัวขึ้นอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตากผ้าขนหนูไว้ตรงริมระเบียง รีบเก็บผ้าที่กลัวจะโดนละอองฝนจนเปียกเข้ามาด้านใน แต่แล้วก็เดินออกไปใหม่

เพราะเหมือนเห็นเมืองน้ำเดินออกมาจากบ้าน

ใช่จริงๆ ด้วย!

เมืองน้ำสวมชุดนักศึกษา พร้อมกระเป๋าสะพายข้างและร่มกันฝนอีกหนึ่งคัน ดูเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่ออกไปตอนฝนตกหนักเนี่ยนะ คิดอะไรอยู่เมืองน้ำ

ร้อยเอกคว้ากุญแจรถทั้งที่ยังสวมชุดเดิมอย่างเสื้อกล้ามและกางเกงวอร์ม ความใจร้อน กลัวว่าจะวิ่งลงไปไม่ทันทำให้เขาไม่มีเวลาเปลี่ยนเป็นเสื้อตัวอื่น ร่างสูงรีบล็อกบ้านและกดรีโมทเพื่อเปิดรั้ว ก่อนจะพา Aston Martin ออกมาด้วยความรวดเร็ว

ชะลอความเร็วเครื่องยนต์เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาใกล้ร่างเล็กที่รีบจ้ำอ้าวทันทีหลังมองเห็นเขา ร้อยเอกบีบแตรเป็นจังหวะสั้นๆ เพื่อให้เมืองน้ำหันมามอง ได้ผล ทว่าแค่วินาทีเดียวคนที่จับคันร่มแน่นขึ้นก็เบือนหน้าหนี

โคตรเย็นชา

ร้อยเอกบังคับพวงมาลัยมือเดียว ปรับความเร็วรถตามความเร็วของเท้าคู่เล็กที่ย่ำไม่หยุด ใช้มืออีกข้างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อก สัมผัสเข้าห้องแชทของเมืองน้ำ และพิมพ์ข้อความด้วยมืออีกข้าง



101 :
พี่เมืองจะไปเรียนเหรอ
หยุดเดินก่อน
พี่เมือง หยุดเดินมาคุยกัน
ผมพิมพ์ไม่ถนัด
พี่เมือง จะให้ลงไปอุ้มขึ้นรถมั้ย



เมืองน้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สัมผัสเข้ามาอ่านและหยุดนิ่งเมื่อเขากดส่งบรรทัดสุดท้าย



101 :
พี่เมืองครับ
หันมาคุยกันหน่อยได้มั้ย


m.nam ☆° :
พี่จะไปเรียน
เกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง
จะขับรถตามมาทำไม


101 :
เมื่อไหร่พี่จะหายโกรธ
ผมไม่รู้จะง้อยังไงแล้วนะ


m.nam ☆° :
ก็ไม่ได้ขอให้ง้อสักหน่อย



เมืองน้ำเก็บโทรศัพท์ ก้าวเร็วๆ ไปยังแท็กซี่ที่จอดเทียบได้ทันเวลาพอดี ทิ้งไว้แค่ข้อความสุดท้ายที่พิมพ์ตอบมา ร้อยเอกทุบกำปั้นเบาๆ ใส่พวงมาลัย เอนศีรษะแนบพนักพิงแล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ

“อะไรของกูวะ”

เมืองน้ำน่ะ

“ทำไมต้องมาตามง้อคนอย่างนี้ด้วยเนี่ย ปวดหัวจะตายแล้ว”

มีผลต่อความรู้สึกของเขาเกินไปแล้ว



101 :
ทำไมคนบางคนเข้าใจยากจังวะ
กูพูดอะไรก็ดูปากหมาไปหมด
ไม่รู้จะคุยกับเขายังไงเลย


Marvin :
น้องมึงยังไม่หายงอนอ่อ
ไอ้ร้อย


Marvin :
ไอ้สัส ทักมาตอนกูเล่นเกมแล้วก็หาย
หายทั้งแชททั้งเกม


101 :
ขอโทษ


Marvin :
ห๊ะ


101 :
ไม่ได้ขอโทษมึง


Marvin :
แล้วมึงขอโทษใคร



(⺣◡⺣)♡*



กี่ครั้งแล้วที่เมืองน้ำยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาบนหน้าจอ กังวลเหลือเกินว่าจะกลับไปแก้ฟอนต์ในคลิปให้ลูกค้าไม่ทัน เสร็จจากงานถ่ายแบบวันนี้คงต้องใช้บริการรถไฟฟ้าแทนแท็กซี่ ไม่อย่างนั้นเมืองน้ำกลับไปเคลียร์งานไม่ทันแน่

“น้องเมืองเอาเครื่องดื่มอะไรนะคะ พี่ลืม”

“กาแฟครับ ขอเข้มๆ เลย”

ช่างแต่งหน้าร่างใหญ่ขยับหน้าตอบรับ ละแปรงลงแป้งโปร่งแสงจากใบหน้าเนียน วางรวมกับแปรงแต่งหน้าชิ้นอื่น ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก

เมืองน้ำไม่เคยดื่มกาแฟหนักถึงขั้นนี้ ก็ต้องดื่มเพราะต้องสู้กับความอ่อนเพลียในร่างกาย

หวังว่าจะไม่หลับตอนยืนบนบีทีเอสนะ

เหนื่อยชะมัดเลย

โรงเรียนติวของอาจารย์พันเอกอยู่ในขั้นต่อเติม ฉะนั้นวันนี้ที่ต้องรีบนั่งรถจากมหา’ลัยมาที่นี่เพื่อถ่ายรูปทำภาพโปรโมท เมืองน้ำจึงได้ยินเสียงสว่าน เสียงตอกตะปู และเสียงเครื่องจักรอื่นๆ จากคนงานตลอดเวลา

ที่จริงอาจารย์พันเอกตั้งใจนัดเมืองน้ำมาถ่ายโปรโมทวันอื่น แต่เมืองน้ำไม่ค่อยว่าง เวลานอนยังแทบไม่มี อาจารย์คนเก่งก็ภารกิจเยอะไม่ต่างกัน กลัวว่าทุกอย่างจะล่าช้า เลยตกลงว่าจะถ่ายให้เสร็จวันนี้

คนที่กลับเข้ามาไม่ใช่ช่างแต่งหน้าที่เพิ่งเดินออกไป แต่เป็นเจ้าของโรงเรียนที่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาในท่าสบายๆ

เสียงรบกวนจากด้านนอกเบาลงเมื่อพันเอกปิดประตู เมืองน้ำยิ้มทักทายคนที่อิงสะโพกไปกับโต๊ะวางของข้างๆ โต๊ะแต่งหน้า ในมือพันเอกถือกาแฟเย็นแก้วหนึ่งไว้ คิดว่าเป็นของเมืองน้ำเพราะคนตัวโตวางของในมือตรงหน้าน้อง

“ไงเรา ไม่เจอนาน ไม่เห็นโตขึ้นเลย”

“นานที่ไหนครับ ยังไม่ถึงเดือนเลย” เมืองน้ำคว้าแก้วกาแฟเข้ามาดูด ช้อนตามองอีกคนที่ยิ้มบางๆ พร้อมทั้งใช้มือลูบศีรษะกลมอย่างอ่อนโยน

“แล้วนี่ไปไหนต่อมั้ย ว่าจะชวนไปกินปิ้งย่างเกาหลีสักหน่อย เห็นมีร้านเปิดใหม่แถวสยาม”

“มีใครไปด้วยมั้ยครับ เมืองต้องกลับไปแก้งานที่บ้านอ่ะ”

“ไปๆ มาๆ ไม่มีรถลำบากแย่เลย”

ก็ใช่

แต่ว่า...เมืองน้ำชินแล้วล่ะ

“คนที่ไปด้วยก็มีพี่ เมืองน้ำ แล้วก็กะจะชวนร้อยเอกไปด้วยอีกคน”

ชื่อน้องชายของพันเอกทำเอาคนตัวเล็กต้องค่อยๆ หลบสายตา กลัวคนตรงหน้าจะมองออกว่าเวลาพูดถึงร้อยเอก เมืองน้ำ ‘มีอาการ’ ขนาดไหน

นึกไว้แล้วว่าอาจารย์พันเอกต้องชวนน้องชายไปด้วย ครั้งก่อนที่เมืองน้ำไปกินปิ้งย่างกับอาจารย์โดยไม่รู้ว่ามีร้อยเอกรออยู่ในร้าน เราทะเลาะกันแทบตาย

พอมานึกย้อนถึงสีหน้าบึ้งๆ ของร้อยเอกในตอนนั้น...

ก็โดนเกลียดมาตั้งนานแล้วนี่เนอะ

“เมืองน้ำ”

“ครับ?”

“เป็นอะไรรึเปล่า”

“เปล่านะ เมืองไม่ได้เป็นอะไร คิดเพลินไปหน่อย ขอโทษนะครับ”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ต้องขอโทษหรอกน่า”

เป็นอย่างนี้ทุกทีเลย ใจดีกับเมืองน้ำตลอด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คนอื่นคิดว่าเราเป็นมากกว่าคนสนิทได้ยังไง

เมืองน้ำกล้าสาบานว่าไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับอาจารย์พันเอก ไม่เลยสักครั้ง อาจารย์ก็คิดเช่นเดียวกับเขา แต่ไม่รู้ทำไมคนอื่นถึงคิดว่าเราสองคนมีอะไรเกินเลยกันนัก โดยเฉพาะคนในคณะเกษตรที่ไม่รู้ว่าด่าเมืองน้ำไว้ว่ายังไงอีกบ้าง

ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดน เคยมีคนโพสต์ว่าเมืองน้ำในเฟซบุ๊ก ครั้งนั้นก็ทำให้เครียดไปหลายวันเหมือนกัน

ทั้งที่เมืองน้ำไม่เคยคบใครที่ฐานะ หน้าตา เงินทอง หรือชื่อเสียง ทำไมต้องมาโดนคนว่าด้วยล่ะ

ไม่เข้าใจคนพวกนั้นเลย

“พี่ไปคุมงานช่างก่อนนะ เราก็รอคนเข้ามาบรีฟงาน เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว ทนเหนื่อยเอาหน่อย”

“ครับ เมืองน้ำทนได้อยู่แล้ว แค่นี้สบายมากๆ”

“ดีมากคนเก่ง~”

เมืองน้ำยิ้มกว้างรับคำชม รอจนพันเอกก้าวออกจากห้องแล้วจึงพับยิ้มนั้นเก็บลงลิ้นชักไป

ไม่เคยคิดอะไรกับอาจารย์พันเอก คนที่เมืองน้ำคิด...คือน้องชายอาจารย์ต่างหาก

ทีแรกเมืองน้ำคิดว่าเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ ไม่นานก็หาย อาจเป็นผลข้างเคียงจากความเสียใจที่โดนร้อยเอกพูดไม่ดีใส่ก็ได้ ทว่าไม่เลย ไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ

มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน

ทำไมไม่สังเกต

ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองรู้สึกมากขนาดนี้นะ

เมืองน้ำได้อ่านข้อความร้อยเอกหลังหนีเจ้าตัวขึ้นแท็กซี่มาแล้ว มีทั้งข้อความที่ส่งมาตั้งแต่วันที่เราทะเลาะกัน วันที่ร้อยเอกเอาโจ๊กมาแขวนไว้หน้าบ้าน รวมทั้งวันนี้

ไม่ใช่ไม่อยากเปิดอ่าน แต่ไม่รู้จะตอบว่าอะไร กลัวโดนอีกฝ่ายพิมพ์ไม่ดีใส่ เลยอ่านผ่านหน้าจอล็อก และ 3d touch แล้วก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากลงไปเอาโจ๊กที่ร้อยเอกแขวนไว้ให้มากินด้วย

ตอนนั้นเมืองน้ำลุกมาเปลี่ยนรองเท้า เตรียมลงไปด้านล่างแล้ว ทว่าช้ากว่าคนซื้อ ร้อยเอกมาเอาคืนไปก่อน ก็เลยไม่ได้กิน

ส่วนเรื่องวันนี้ พิมพ์บอกไปแล้วนะว่าถ้าเกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง แต่ถ้าร้อยเอกมาวุ่นวายกับเมืองน้ำอีก...

“น้องเมือง นี่บรีฟครับ มีประมาณสิบโพส อีกสิบนาทีเจอกันหน้าเซ็ต”

“ขอบคุณครับ” คนตัวเล็กรับกระดาษจากทีมงานพร้อมหยิบแว่นตาซึ่งเป็นพร็อบประกอบฉากขึ้นมาใส่

ทีมงานคนเดิมก้าวออกไปแล้ว เมืองน้ำกวาดตาคู่สวยเพื่อจำรายละเอียดคอมโพสที่ต้องทำ ไม่นานเสียงเปิดประตูก็ดึงความสนใจจากแผ่นกระดาษ ดวงหน้าเนียนเงยขึ้นมองภาพด้านหลังผ่านกระจก และสิ่งที่เห็นก็สาปให้กายบอบบางนิ่งงัน

ร้อยเอก...

“พี่เมือง”

“…”

“นึกว่าพี่พันอยู่ในนี้ เห็นช่างแต่งหน้าบอกว่าเดินมาคุยกับพี่”

เมืองน้ำไม่ตอบกลับ กดสายตาลงมองกระดาษตรงหน้าต่อ แต่...เมืองน้ำไม่มีสมาธิ ยิ่งคนตัวสูงก้าวเข้ามาหา คอมโพสที่จำได้แล้วก็กระเจิดกระเจิงออกจนหมด

“หน้าบึ้งแบบนี้จะทำงานได้รึไง”

ใครหน้าบึ้งกันล่ะ ปรักปรำคนอื่นอย่างนี้ก็ได้เหรอ

“ใจคอจะไม่พูดกับผมจริงๆ?”

“…”

“พี่เมือง”

ริมฝีปากนุ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง

“ผมถามตรงๆ ไอจีที่พี่โพสต์ ที่เป็นรูปก้อนเมฆร้องไห้ หมายถึงผมเหรอ”

รูปนั้น...

ใช่ หมายถึงร้อยเอก และเมืองน้ำหมายถึงตัวเองด้วย

“พี่เมืองเสียใจอะไรทำไมไม่พูด ผมไม่ชอบให้เราเงียบใส่กันเลยนะ ไม่ดิ ไม่ชอบให้ผมเป็นคนพูดฝ่ายเดียวด้วย”

“…”

“อย่าเป็นแบบนี้ได้มั้ยพี่เมือง”

“พี่ไม่รู้จะพูดอะไร”

“…”

“พูดไปก็โดนร้อยหงุดหงิดใส่ ก็เลย...ไม่กล้าพูด”

จะย้ำอีกรอบว่าถ้าเกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง เพราะถ้ายังมาวุ่นวาย

“โพสต์นั้นก็โพสต์ไปงั้นๆ เซฟรูปมาวาดเล่นในโทรศัพท์เฉยๆ”

“พี่เมือง”

“พี่ไปทำงานก่อนนะ”

ก็จะคิดว่าร้อยเอกแคร์เมืองน้ำมากๆ เหมือนกัน

แล้วพอคิดแบบนี้ ก็อยากเอามือตีแขนตัวเองแรงๆ

อย่าคิดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ จำคำนี้ไว้เมืองน้ำ

ท่องให้จำขึ้นใจไปเลย



(⺣◡⺣)♡*



“หนึ่ง...สอง...สาม...ดีมากครับน้องเมือง เปลี่ยนโพสครับ”

ถ่ายแบบโปรโมทโรงเรียนติวจริงเหรอ แอคชั่นน่ารักๆ กับใบหน้าราวกับเด็กมัธยม เหมือนถ่ายโปรโมทชุดนักเรียนมากกว่า

ยืนกอดอกหลบมุมดูนายแบบตัวเล็กของพี่ชายทำงานมาครึ่งชั่วโมงแล้ว เสียงชัตเตอร์ดังสับเปลี่ยนกับเสียงตอกตะปูจากด้านนอกมาเป็นระยะ ไม่ถึงสิบนาทีเสียงทำงานของช่างต่อเติมก็เงียบสงบลง

จนช่างทำงานเสร็จแล้ว ในหัวของเขาก็ยังคิดเรื่องเมืองน้ำไม่หยุดเสียที

ร้อยเอกมาที่นี่เพราะต้องมาช่วยพันเอกดูเรื่องการตกแต่ง ไม่คิดว่าเมืองน้ำจะอยู่ที่นี่ด้วย เป็นความบังเอิญที่ไม่รู้จะขอบคุณหรืออะไรดี แทนที่เราจะได้คุยกันดีๆ สุดท้ายก็ถูกเมืองน้ำเดินหนีอีกจนได้

จะหนีกันไปถึงไหน คอยดูเถอะ เขาไม่ปล่อยให้เมืองน้ำหลุดมือไปอีกแน่

วันนี้ต้องพูดกันให้รู้เรื่อง ต้องง้อให้ได้

แต่จะง้อด้วยวิธีไหน ร้อยเอกยังไม่รู้

ถึงเวลาคงคิดออกเอง...มั้ง

เมืองน้ำทำเขาเป็นบ้าแล้วจริงๆ ผ่านมาเกือบชั่วโมง ประโยคที่เจ้าตัวพูดกับเขาก็ยังวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา เกลียดกันก็ไม่ต้องมายุ่ง ไม่รู้จะพูดอะไร พูดไปแล้วก็โดนเขาหงุดหงิดใส่ นี่ไง เพราะพี่เมืองเอาแต่ทำหน้าเศร้า พูดเสียงเอื่อยๆ ใส่เขา ไม่ยอมคุยให้จบสักที แถมยังโกหกเรื่องโพสต์ไอจีเพิ่มอีกด้วย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ร้อยเอกหงุดหงิดได้ไงล่ะ

“เมืองน้ำพรุนแล้วร้อยเอก”

น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังในระดับที่ได้ยินกันเพียงสองคน เป็นพันเอกที่ก้าวมายืนด้านหน้าน้องชายตัวสูง ทำให้ร้อยเอกรีบดึงสติกลับมา

“จะพรุนได้ไง ร้อยยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะพี่พัน”

“แค่มองก็พรุนแล้ว ถ้าพี่เป็นเมืองน้ำคงเกร็งแย่ ทำงานอยู่ดีๆ ก็มีคู่กัดมายืนมอง”

รู้ใจกันดีจริงๆ

หมั่นไส้

“หน้าบึ้งใส่พี่อีก เฮ้ นี่พี่เป็นพี่นะ”

“ร้อยเปล่าหน้าบึ้งนะ”

พันเอกหลุดขำ โกหกไม่เนียนที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้นน้องชายของเขา

“พี่พัน”

“…?”

“พี่เมืองเคยงอนพี่พันมั้ย”

“งอน?” ร้อยเอกพยักหน้ารับ “มีอะไรรึเปล่า โดนเมืองน้ำงอนเหรอ”

ไม่ต้องมีคำตอบ คนตรงหน้าร้อยเอกก็พอจะรู้ว่าที่ถามน่ะเป็นเรื่องจริง แปลกดี...ทะเลาะกับเมืองน้ำมานานหลายปี แต่พันเอกไม่เคยเห็นน้องตาเป็นประกายเพราะความอยากรู้ขนาดนี้

“ไม่เคยหรอก แล้วพี่ก็ไม่รู้นะว่าเมืองน้ำกับร้อยงอนอะไรกัน เมืองน้ำไม่ใช่คนโชว์ความอ่อนไหวให้ใครเห็นง่ายๆ ด้วย ปกติเข้มแข็งจะตาย”

ใช่ เมืองน้ำเข้มแข็ง เพราะร้อยเอกไม่เคยเห็นเมืองน้ำอ่อนแอแบบจริงๆ จังๆ นั่นแหละ เลยไม่รู้จะทำยังไงให้ความสัมพันธ์ของเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม

“แต่ช่วงนี้ เมืองน้ำมีเรื่องให้คิดเยอะ เลยเครียดๆ ล่ะมั้ง”

“คิดอะไรครับ”

“ถามเจ้าตัวดูสิ เรื่องส่วนตัวเขา พี่ตอบแทนไม่ได้หรอก”

“ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วพี่เมืองจะบอกร้อยเหรอ แค่คุยกันยังคุยดีๆ ไม่ได้เลย ไม่รู้จะง้อยังไงแล้วครับ”

“ขอโทษเมืองน้ำสิ”

“…”

“ทำผิดเรื่องไหน ก็ขอโทษเรื่องนั้น บางทีคนเราก็ไม่ต้องการอะไรมากหรอก แค่คำขอโทษที่มาจากใจจริงๆ ก็พอแล้ว”

ขอโทษแบบจริงใจ

แค่คำว่าขอโทษ ทำไมร้อยเอกถึงคิดไม่ได้นะ แล้วต้องทำยังไงเมืองน้ำถึงจะเชื่อว่าคำขอโทษของเขามาจากใจจริงๆ ล่ะ

พอเป็นคนคนนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งหมดกลายเป็นเรื่องยาก

สมแล้วที่พี่เมืองเป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียวของเขา



(⺣◡⺣)♡*



ฝนตกทั้งวันเลยแฮะ

ถ้าไม่เอาร่มมา ต้องแย่แน่ๆ เมืองน้ำ

นิ้วเล็กพิมพ์ข้อความตอบเจ้าของโรงเรียนติวเตอร์ รับปากอย่างดีว่าจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย และมีเวลาเหลือเฟือให้กลับไปแก้งาน แต่ในความเป็นจริงไม่รู้เลยว่าสภาพอากาศที่แปรปรวนจะทำให้เมืองน้ำกลับถึงบ้านก่อนสามทุ่มหรือเปล่า

ไม่ทำให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงนั่นแหละดีที่สุด

อาจารย์พันเอกติดธุระด่วน ขับรถออกไปเคลียร์งานตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว และฝากงานไว้กับน้องชายที่รับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยต่อ ร้อยเอกถึงกลายมาเป็นเจ้านายชั่วคราว คอยดูภาพรวมของภาพทั้งหมดที่ถ่ายไปวันนี้

หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้าย เหลือแค่ร้อยเอกที่เดินล็อกประตูภายในตึก และเมืองน้ำที่กำลังเดินไปหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถไฟฟ้า

ฝนนะฝน ตกแรงเป็นบ้าเลย อย่างกับโกรธใครมางั้นแหละ

แสงไฟที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้เป็นตัวเร่งฝีเท้าได้ดีเยี่ยม เมืองน้ำก้าวเร็วๆ เพื่อหนีให้พ้นรถคันหลัง แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางรอดพ้นความเร็วรถของร้อยเอกอยู่แล้ว

เครื่องยนต์คันสวยชะลอความเร็ว คนตัวสูงเปลี่ยนเป็นเกียร์ว่างและดึงเบรกมือเพื่อป้องกันรถไหล เอี้ยวตัวคว้าร่มที่เบาะหลัง ก้าวลงจากรถและรีบย่ำเท้าให้ทันคนตัวเล็กที่หันมามองเขาเพียงเล็กน้อย

เป็นครั้งแรกที่เห็นข้อดีในความขายาว ไม่กี่อึดใจร้อยเอกก็เดินมาดักหน้าคนโตกว่าได้สำเร็จ เมืองน้ำขมวดคิ้วเมื่อเกือบชนเขาเต็มๆ ฉายความไม่ชอบใจผ่านตาคู่สวยชัดเจน

ถ้าไม่หยุดด้วยวิธีนี้ พี่เมืองก็จะหนีเขาไปเรื่อยๆ

อย่างน้อยก็ทำให้เราได้คุยกัน

“กลับยังไงครับ”

ถึงพี่เมืองจะไม่คุยกับเขาก็เถอะ

“พี่เมืองไม่ได้เอารถมา กลับกับผมนะ”

“…”

“ไปเร็ว ฝนตกหนัก เดี๋ยวไม่สบาย”

ไม่แค่พูดเปล่า มือแข็งแรงยังเอื้อมไปคว้าข้อมือเล็กอีกด้วย ซึ่งแน่นอน...เจ้าของข้อมือขาวขัดขืนเขาเต็มที่

“กลับคนเดียวมันอันตราย กลับกับผมดีกว่านะ”

“กลับกับร้อยอันตรายกว่าอีก”

พอพูดด้วยก็ประชดประชัน

สุดยอดไปเลยเมืองน้ำ

“ผมเนี่ยนะ อันตรายตรงไหน ปลอดภัยที่สุดแล้ว รู้จักกันมาตั้งนาน น่าจะรู้ว่าผมไม่ทำอะไรพี่หรอก”

“ไม่ ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”

“แล้วพี่หมายถึงอะไร”

ก็หมายถึง กลับกับร้อยเอก อันตรายกับความรู้สึกไงล่ะ

อีกแล้วนะ มายุ่งวุ่นวายกับเมืองน้ำอีกแล้ว ทำไมไม่จำล่ะว่าถ้าเกลียดก็ไม่ต้องมายุ่ง

“พี่เมือง” เอ่ยเรียกคนที่เบือนหน้าหนีตัวเองแผ่วเบา ร้อยเอกปล่อยข้อมือนุ่มเมื่อมั่นใจว่าเมืองน้ำจะไม่เดินหนีเขาอีกรอบ

“มีอะไรก็พูดมาสิ ฝนสาด มันเปียกกางเกง”

“ขอโทษครับ เรื่องวันนั้นที่ปากไม่ดี”

“…”

“ร้อยขอโทษจริงๆ”

“…”

“…”

เพิ่งเข้าใจคำว่าเดดแอร์ก็วันนี้...

ร้อยเอกเป็นคู่กัดประเภทที่หากคาดหวังความร้ายกาจ ความกวนประสาท และใบหน้าบึ้งๆ จากเด็กตัวสูง คุณจะได้สิ่งนั้นโดยไม่มีบกพร่อง แต่ถ้าคุณคาดหวังร้อยเอกในโหมดน้องเอก น้องชายข้างบ้านที่ไม่ใช้ถ้อยคำร้ายๆ จ้องมองกันแน่นิ่ง และมองลึกเข้ามาในดวงตา ขอบอกว่าต้องผิดหวัง เพราะนานๆ ครั้งร้อยเอกถึงจะมีโหมดอ่อนโยน

ฉะนั้นเมืองน้ำจึงไม่คาดหวังหรอกว่าร้อยเอกจะพูดคำนี้ออกมา

แต่ก็ต้องยอมรับตรงๆ ว่าคำง่ายๆ คำนี้ เป็นคำที่อยากฟังมากที่สุด

“ถามอะไรหน่อยสิ”

“ครับ”

คำลงท้ายดีๆ อย่างคำว่า ‘ครับ’ ก็เป็นอีกคำที่เมืองน้ำอยากฟังด้วยเหมือนกัน

“ในสายตาร้อยเอก เมืองน้ำเป็นคนแบบไหน”

“…”

“ตอบตรงๆ เลยนะ ห้ามโกหก คิดกับพี่ยังไง ร้อยพูดออกมาเลย”

“เอาตรงๆ เลยเหรอ”

เมืองน้ำส่งเสียงตอบ เอื่อยเฉื่อยเหมือนคนแรงน้อย ร้อยเอกยกมือขึ้นปัดผมหน้าม้าที่ถูกลมพัดมาบังดวงตาที่เงยมองเขา และใช้มือข้างเดิมบังละอองฝนให้คนตรงหน้า

“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ”

“ยังไง...”

“ห่วงภาพลักษณ์ แบบว่า...สร้างภาพเก่ง ไม่จริงใจกับคนอื่น คบแต่คนรวย อันนี้ความคิดเมื่อก่อน”

“แล้วตอนนี้เป็นยังไงเหรอ”

“ก็...ไม่รู้สิ”

“…”

“เหมือนพี่เมืองเปลี่ยนไป”

ร้อยเอกเงียบไปพักหนึ่ง รอให้คนรอฟังคำตอบสงบตัวเองได้ คิดไว้แล้วว่าเมืองน้ำต้องอ่อนไหวกับคำพูดเขา ม่านน้ำจางๆ บนดวงตาที่กำลังแดงรื้นนั่นน่ะ

เขาโคตรไม่ชอบ

“ทั้งที่เรารู้จักกันมานาน แต่เหมือนผมไม่รู้จักพี่เมืองเลย พี่เมืองไม่เคยโกรธผม ไม่ว่าผมจะพูดอะไร พี่เมืองตอบโต้กลับทุกครั้ง ไม่เคยไม่คุย ไม่เคยหนีหาย ไม่เคยเงียบใส่ ใช่ ไม่ชอบที่สุดคือการถูกเงียบใส่ ด่าผมแรงๆ ยังดีกว่า”

“ให้ด่าว่าอะไร ไอ้น้องข้างบ้านมีหมาสองตัว หมาตัวแรกชื่อแก้บน พันธุ์ซามอยด์ ตัวนึงชื่อร้อยเอกเวอร์ชั่นสอง พันธุ์เกษตร อย่างงี้เหรอ”

“ด่างี้ก็ได้ เอาเลย”

“คนอะไรอยากให้คนอื่นด่าตัวเอง”

“คนอย่างผมนี่แหละ” รีบตอบกลับโดยเร็ว และเริ่มเข้าใจอาการชื่นใจเวลาโดนด่าของมาวินขึ้นมาบ้างแล้ว แม้สถานการณ์จะต่างกัน แต่ความรู้สึกที่บอกว่าคำด่าดีกว่าความเงียบ ร้อยเอกสัมผัสมันแล้วจริงๆ

“ไม่รู้ร้อยจะเชื่อมั้ย” ริมฝีปากสีอ่อนขบเม้มอย่างครุ่นคิด รวมความกล้าแค่ครู่เดียวแล้วเอ่ยออกมา “พี่ไม่เคยคบใครที่ฐานะเลยนะ สบายใจก็คบ ไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้มาวัดว่าจะเป็นแฟนกับใครเลย แล้วก็...เรื่องคบกับพี่รักษ์ พี่ไม่ได้โกหก ไม่เคยคุยมากกว่าพี่น้องด้วยซ้ำ ไม่เชื่อลองไปย้อนไอจีพี่รักษ์ดูได้เลยว่าพี่รักษ์มีแฟนรึยัง”

“…”

“พี่ไม่คิดว่าเราจะเกลียดกันจริงๆ โดนคนอื่นมองในแง่ร้าย ยังไม่รู้สึกแย่เท่าคนใกล้ตัว ก็เลยเสียใจมาก”

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอก ต่อไปนี้ถ้าจะเกลียดกันก็แล้วแต่เลยนะ ยังไงวันนี้พี่ก็รู้แล้วว่าที่ผ่านมาร้อยคิดยังไง”

“ร้อยไม่เคยเกลียดพี่เมือง”

“…”

“ก็แค่หมั่นไส้เฉยๆ เลยอคติกับพี่เมืองทุกอย่าง”

“ตอนนี้ล่ะ ยังหมั่นไส้อยู่มั้ย”

“ก็หมั่นไส้ด้วย มันเขี้ยวด้วย หลายๆ อย่างอะ แล้วแต่ความประพฤติ”

“แล้วแต่ความประพฤติไปอีก”

“พี่จะยิ้มทำไมเล่า”

นี่ร้อยเอกถามจริงจังนะ ไม่ใช่คำถามเล่นๆ ที่เมืองน้ำจะยิ้มกว้างกว่าเดิม

นี่ไง เขาถึงบอกว่าแล้วแต่ความประพฤติ

“หยุดยิ้มได้แล้วพี่เมือง เมาป้ะ”

“ปากหมาอีกแล้ว”

“เออ”

“เอออะไรร้อยเอก”

“เออชอบโดนด่า ด่ามาอีก ด่าเยอะๆ ด่าอะไรก็ได้”

“บ้า”

ยิ้มอีกแล้ว ยิ้มจนแก้มกลมๆ บวมเป็นซาลาเปาเลยนะ

“หายโกรธแล้วนะครับ”

“อือ”

“อืออะไรครับ”

“ก็หายโกรธแล้วไง”

“งั้นกลับกับผม ไปเร็ว เดี๋ยวรถติด”

“เฮ้ย!! อย่าลากกันสิ นี่พี่ยังไม่ตกลงเลยนะ ร้อยเอก!!”

ร้อยเอกไม่ได้ลากสักหน่อย ดึงข้อมืออีกคนให้เดินตามเขาแบบปกติเลยนะ

เมืองน้ำนั่นแหละที่ขาสั้นเอง

คนอะไร โตกว่าแท้ๆ แต่ตัวกะทัดรัดเท่าหมากระเป๋า

“พี่เมืองไม่ดื้อดิ รีบขึ้นรถ”

“กำลังขึ้นๆ ดุเป็นพ่อเลยอ่ะ”

“ตลกเหอะ ใครอยากเป็นพ่อพี่”

“ก็ไม่อยากมีร้อยเป็นพ่อเหมือนกันแหละ”

“ขึ้นรถ”

“เผด็จการ”

“อืมดี ด่าอีก ผมชอบ”

“...”

“ด่าสิพี่เมือง”

“โอ๊ย!! คิดคำด่าไม่ออก!”

คนนึงเลี้ยงหมาในปาก คนนึงเหมือนลูกหมา

นี่สิ ถึงจะเป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อกันจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



#ร้อยเมือง




ไม่อยากมีน้องร้อยเป็นพ่อแล้วพี่เมืองอยากมีน้องร้อยเป็นอัลไล ( ´ ▽ ` )

ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
ยกเว้นเรื่องเธอ - แพรว คณิตกุล
https://youtu.be/aPRoUDFs2NM (https://youtu.be/aPRoUDFs2NM)
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 5 ☆ (24/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 24-09-2018 13:07:50
เนื้อหาในตอนนี้คือการเจอกันครั้งแรกของร้อยเอกกับเมืองน้ำ
- จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ -






ตอนพิเศษ
แรกพบสบตาได้เจอหน้าเธอ








โรงเรียนธัญเดชาวิทยาลัย (Thandecha collage)
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1
ผลการสอบไล่ ประเภท English Program

ลำดับที่ 1 : นายร้อยเอก ภูริรัตนสุนทร
เกรดเฉลี่ย 3.98

ร้อยเอกเก็บใบเกรดใส่แฟ้มสะสมผลงานลายไอคอนง่ายๆ ที่คนอื่นมักเรียกกันว่ามินิมอล พี่ชายเขาบอกอยู่เสมอว่าแฟ้มผลงานไม่ใช่ทั้งหมดในการเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่รวบรวมไว้เพื่อประกอบการตัดสินใจก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

ฉะนั้นในวันสุดท้ายแห่งการปิดเทอม และเป็นวันที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจัดของในห้องให้เรียบร้อย เขาเลยตื่นมานั่งหยิบใบประกาศนียบัตร รูปที่ถ่ายในงานกีฬาสี งานเชื่อมสัมพันธ์กับโรงเรียนหญิงล้วน รวมทั้งงานประจำปีของโรงเรียนตั้งแต่เช้าตรู่

เทอมที่แล้วเหนื่อยมากกับการรักษามาตรฐานเกรดเฉลี่ย พอปิดเทอมเลยใช้เวลาแทบทั้งหมดไปกับการเล่นเกม ร้อยเอกไปแข่ง E-sport มาด้วย เป็นอีเว้นท์ขนาดย่อมที่จัดโดยเว็บขายเกมออนไลน์ชื่อดัง แม้ไม่ใช่ที่หนึ่งในเรื่องนี้ แต่ลำดับแข่งขันก็ไม่น่าเกลียดอะไร

เรื่องเล่นเกมนี่เอาใส่แฟ้มได้มั้ยนะ

เอาน่า ยังไงก็เป็นความสามารถเหมือนกัน ใส่ไปก่อน ค่อยไปถามอาจารย์มหา’ลัยอย่างพี่พันอีกที

ร้อยเอกนำขยะในถุงดำลงไปวางด้านล่าง กลับขึ้นมาใหม่และทิ้งตัวนอนบนเตียง เป็นนาทีเดียวกันที่เครื่องมือสื่อสารกระเป๋ากางเกงมีเสียงแจ้งเตือน

เขาไม่รีรอที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตรวจเช็ก และยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากไลน์กลุ่ม



Marvin :
(send a photo.)
คนเยอะเชี่ย แต่สนุกสัสๆ
กูบอกให้พวกมึงมาด้วยก็ไม่มา ฉายเดี่ยวเฟี้ยวสุดเลยกู
ได้เบอร์สาวมาเพียบ ฮอตสุดในพัทยาจ้า



มาวินจอมพูดมากนี่เอง

ก่อนปิดเทอมมันชวนเขาไปงานคอนเสิร์ตที่พัทยา รู้สึกเสียดายหน่อยๆ ที่ปฏิเสธ แต่ทำไงได้ ในเมื่องานจัดวันเดียวกับคอนเสิร์ตสุนทรีภรณ์ที่เขาต้องไปกับปู่

ถึงดนตรีจะไม่ใช่แนว แต่เขาก็นัดกับปู่ไว้แล้ว ยิ่งปีนี้ไม่มีย่าไปเป็นเพื่อนปู่แล้วด้วย ยิ่งยกเลิกนัดไม่ได้ใหญ่เลย



101 :
จะหลีสาวจะอะไร ป้องกันบ้างนะมึง
อย่าให้พลาด
กูยังไม่อยากเป็นอาตอนนี้นะ


Marvin :
แช่งกูเหรอไอ้เหี้ย
เพื่อนเลว
กูป้องกันทุกครั้งแหละโว้ยยยยย
บอกตัวเองเถอะอันนี้


101 :
บอกตัวเองห่าไร
กูไม่ได้เจ้าชู้เหมือนมึงนะ


Marvin :
รักเดียวใจเดียวก็เฟี้ยวได้จ้า


101 :
fuck


Marvin :
โห fuck เลยว่ะ เอาเรื่องว่ะพ่อหนุ่ม
อย่าบอกนะว่ามึงชวนเขามา Netflix and Chill แล้ว
แจ่มสาสสสส เพื่อนร้อย


101 :
ยัง


Marvin :
แซ่บๆ อย่างมึงอ่ะนะจะยัง


101 :
เขาบอบบาง กูก็ควรทะนุถนอม
ไม่ควรรีบมาก กลัวจะช้ำ


Marvin :
หมายถึงไม่ควรรีบแต่งมากไป คบกันยาวๆ รอเรียนจบมหา’ลัยค่อยแต่งอะไรงี้ แต่คือเข้าหอแล้วตั้งแต่สิบแปด
กรั่กๆๆๆๆ อุ้ๆๆ


101 :
ไอ้เหี้ย!


Marvin :
ย้ำอีกทีว่าเรื่องป้องกันมึงต้องบอกตัวเองด้วยจ้า



แก่แดดจริงๆ เพื่อนใครก็ไม่รู้

เรื่องแฟนของเขา จะลึกซึ้งกันแล้วหรือไม่ลึกซึ้ง ไม่เห็นต้องอธิบายให้คนอื่นรู้เลย เขาไม่ใช่พวกเปิดเผยแบบมาวินกับสิงหาสักหน่อย

มาวินกินในประเทศ ส่วนสิงหาน่ะเหรอ เมื่อเช้าเห็นโพสต์รูปไปเดทกับสาวฝรั่งโรงเรียนอินเตอร์นู่น

แบ่งฝั่งชัดเจน ไม่มีใครทับไลน์ใคร นี่แหละกลุ่มของเขา



1001 :
ว่างมั้ย
ลงมาช่วยพี่ขนของหน่อย



ร้อยเอกลุกจากเตียงนอนหลังเปิดอ่านข้อความจากพี่ชาย ได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังโยกย้ายสิ่งของมาจากบ้านหลังข้างๆ หมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แค่ปีสองปีเท่านั้นเอง และด้วยราคาที่แพงจนยากจับต้อง ทำให้คนยังย้ายเข้ามาอยู่ไม่ครบ รวมทั้งหลังนี้ด้วย

ซึ่งตอนนี้คงไม่ว่างแล้ว

ไม่รู้ว่าพันเอกคุยกับผู้ชายตัวเล็กคนนั้นว่าอะไร เดาจากความรู้สึก น่าจะรู้จักกับพี่ชายเขามาก่อน ไม่เคยเห็นพี่พันคุยกับใครด้วยรอยยิ้มถึงขนาดนั้น

แต่ว่า...มองจากไกลๆ ยังรู้เลยว่าเจ้าของผิวขาวๆ ที่กอดกล่องลังใส่หนังสือไว้ในอ้อมแขนมีเสน่ห์มากแค่ไหน

น่ารักดี

น่ารักชนิดที่ว่าถ้ามาวินกับสิงหามาเห็น ใครสักคนต้องเอ่ยปากชมคนคนนี้แน่นอน



(⺣◡⺣)♡*



“ให้ช่วยยกอะไรอีกมั้ยครับ”

“ไม่แล้วๆ พี่ยกขึ้นมาแล้วล่ะ ขอบคุณร้อยเอกมากเลย”

น่ารักจริงๆ ด้วย

เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่พันถึงเอ็นดูคนตัวเล็กที่กำลังยิ้มแก้มกลมให้เขานัก

ระหว่างที่ช่วยยกเฟอร์นิเจอร์เข้ามาด้านใน ร้อยเอกจับใจความได้ว่าสมาชิกใหม่ของหมู่บ้านเป็นรุ่นพี่เขา อายุมากกว่าเขาหนึ่งปี รู้จักโครงการบ้านจัดสรรแห่งนี้จากคำแนะนำของพันเอก แน่นอนว่าสองคนนั้นเป็นคนรู้จักกันจริงๆ รู้จักจากทางไหน เขาไม่รู้ รู้แค่รุ่นพี่หน้าตาน่ารักคนนี้ชื่อเมืองน้ำ

ใช่...

เมืองน้ำ

เพิ่งเคยได้ยินคนชื่อนี้ แปลกดี

“พ่อแม่พี่จะกลับมาช่วงเย็นๆ ท่านจะซื้ออาหารเข้ามาด้วย ร้อยเอกอยากกินอะไรมั้ย จะได้ฝากท่านซื้อ”

“ไม่ครับ ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับบ้านเลยดีกว่า”

“แต่พี่อยากตอบแทนร้อยเอกกับอาจารย์พันเอกนะ ถ้าไม่มีใครช่วยยก เสร็จพรุ่งนี้แน่ๆ”

เว่อร์สุดๆ

“นะๆ ขอเลี้ยงข้าวหน่อยนะ”

แต่เอาเถอะ รู้จักกันยังไม่ถึงสองชั่วโมง ใจดีกับเพื่อนบ้านขนาดนี้แล้ว ก็ตอบแทนน้ำใจหน่อยแล้วกัน

“เอาข้าวผัดไก่เทอริยากิ เซเว่นหน้าหมู่บ้านมีขาย ให้ท่านซื้อมานะครับ”

“ได้ๆ เดี๋ยวพี่บอกให้”

ร้อยเอกไม่พูดต่อ จับบันไดที่ใช้ปีนขึ้นไปติดวอลล์เปเปอร์บนผนังให้คนด้านหลังไว้มั่น ค่อยๆ ถอยลงมาทีละก้าว กลัวจะหงายหลังก่อนลงถึงพื้น

ข้าวของเมืองน้ำนี่เยอะชะมัด ถ้าไม่บอกว่าเป็นของใช้ส่วนตัว ก็จะคิดว่าเป็นร้านขายมือสองไปแล้ว

เพราะของที่เยอะมากๆ นั่นแหละ ถึงทำให้เขาสะดุดล้มเข้าเต็มๆ

“เฮ้ยยย!”

“เชี่ยยย!!”

ตุ้บบ...

“…”

“…”

อย่างกับซีรีส์ที่พ่อเป็นผู้จัด ล้มมาคนเดียวไม่พอ ยังพาร่างเล็กๆ นี่ล้มลงมาด้วย

“ร้อยเอก...”

ตายห่า...

ในซีรีส์ของพ่อไม่เห็นมีฉากที่ตัวละครเอาจมูกแตะแก้มกันหลังล้มทับเลยสักฉาก

“พี่…”

แล้วทำไมร้อยเอกถึงมีฉากนี้ในชีวิตล่ะวะ!!!

“เฮ้ยพี่!! ผมไม่ได้ตั้งใจนะ พี่เมื้องงง ใจเย้นนน เดี๊ยววว”

เพล้งงงงงงง!

.

.

.

ใครจะรู้ว่าตั้งแต่นั้นมา เราจะกลายเป็นเพื่อนบ้านที่ทะเลาะกันมาตลอด

ยกนี้เมืองน้ำชนะ อีกยกร้อยเอกชนะ วนเวียนไม่รู้จบ

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะยังเป็นคู่กัดกันอยู่มั้ย

เป็นสิ

เพราะนี่คือสีสันของชีวิตเลยนะ















hashtag : #ร้อยเมือง


note **
Netflix and Chill คือการชวนไป xxx—— (ประมาณว่าชวนไปดูหนังที่ห้อง แต่ไม่เคยดูจบสักที เพราะ.....ʕ⁎̯͡⁎ʔ༄)
ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์เลยนะคะ <3
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 5 + ตอนพิเศษ ☆ (24/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 24-09-2018 15:13:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 4 ☆ (23/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 24-09-2018 21:54:11
เพิ่งได้อ่านแอบมีหน่วงๆ นิดนึง
แต่ว่าก็น่าจะเข้าใจกันแล้วใช่ไหมมมม
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 4, 5, ตอนพิเศษ ☆ (24/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-09-2018 01:14:10
สนุกค่ะ ชอบๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 4, 5, ตอนพิเศษ ☆ (24/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 25-09-2018 20:08:28
6
มีคนเปลี่ยนไป





m.nam ☆° :
กินขนมเบื้องมั้ยร้อยเอก
อร่อยนาาาา

101 :
คนอะไร ชวนกินทั้งวัน
ขนมที่พี่เมืองให้มา ผมยังกินไม่หมดเลย
(https://i.imgur.com/O7jWOlm.jpg)
แต่ก็เกือบหมดแล้วนะ
มี 40 ห่อ กินเหลือ 2 ห่อ เก่งป้ะ


m.nam ☆° :
เก่งๆๆๆ เก่งกว่าพี่อีก
กินเก่งมากกกก
อ้วนหมดแล้ว ขนมมีแต่แป้ง ครีม น้ำตาล


101 :
พี่ว่าใครอ้วนนะ


m.nam ☆° :
ร้อยไง


101 :
พี่เมือง
(https://i.imgur.com/qNMGIk7.jpg)


m.nam ☆° :
(о´∀`о)


101 :
(https://i.imgur.com/tn89qkS.jpg)



m.nam ☆° :
ล้อเล่นนะๆ
ใครจะกล้าว่าน้องเอกอ้วนอ่ะ ถามจริ๊ง


101 :
ใครน้องเอกวะ


m.nam ☆° :
วะ < กับใครอ่ะ


101 :
ใครน้องเอก “ครับ”
(https://i.imgur.com/s5s3vLF.jpg)



m.nam ☆° :
ช่วยจริงใจหน่อยน้องเอก
แต่พูดเพราะแล้วน่ารักขึ้นเยอะจริงๆ


101 :
ไม่พูดอ่ะ นี่พิมพ์


m.nam ☆° :
โอ๊ยยยย!!!


101 :
โดนมดกัด?


m.nam ☆° :
ไม่คุยแล้ว


101 :
เดี๋ยวดิ
พี่เมือง
ผมจะบอกว่าขนมอร่อยดี


m.nam ☆° :
ไหนเมื่อวานบอกไม่อร่อย
รสชาติงั้นๆ


101 :
พี่คิดว่าไม่อร่อยจริงดิ
ขนมที่พี่เมืองเลือกให้
มันก็ต้องอร่อยอยู่แล้วมะ


m.nam ☆° :
โม้


101 :
พูดจริง
เนี่ยอร่อยมากเลย กินทั้งวัน พุงผมป่องไปหมดแล้ว
น้ำหนักขึ้นมาตั้งสองโล


m.nam ☆° :
เว่อร์อีกละ
รับไม่ได้!


101 :
เคยบอกแล้วว่าผมเว่อร์ได้มากกว่าที่พี่คิดอีก
(https://i.imgur.com/tm5EWOI.jpg)



m.nam ☆° :
ไม่คุยแล้ว!
รำคาญๆๆๆๆๆ


101 :
อิอิ



พิมพ์ว่ารำคาญทั้งที่ไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด

ยิ้มกว้างจนเมื่อยแก้มทั้งที่ถูกอีกฝ่ายกวนประสาท

แบบนี้เรียกว่ามีอาการหรือเปล่าเมืองน้ำ

ก็...มีอาการมั้ง

ให้เมืองน้ำทำยังไง พยายามแล้ว แต่คนมันหยุดยิ้มไม่ได้นี่ ตั้งแต่วันนั้นที่ร้อยเอกบอกว่าไม่เคยเกลียดกัน จะจำกัดความด้วยคำไหนดี ที่นอยด์เป็นบ้าเป็นหลัง เพราะคิดว่าเขาเกลียดตัวเอง พอร้อยเอกย้ำชัดว่าไม่ใช่อย่างที่เมืองน้ำคิด น่าจะเรียกว่า ‘ปลดล็อก’ มั้ยนะ

เรากลับมาเป็นคู่กัดกันเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเพิ่มเติมนอกจากบรรยากาศระหว่างเราที่ปลอดโปร่ง เหมือนถนนที่โล่งจนพุ่งใส่กันได้ถนัด ประมาณนั้น

และคงมีแต่เมืองน้ำที่ยอมถอยออกมาก่อน ไม่เคยพุ่งเข้าไปชนร้อยเอกเลยทุกครั้ง

มาตกหลุมพรางคนที่เป็นคู่กัดตัวเอง แถมรู้ทั้งรู้ว่าเขาชอบคนแบบไหน แน่นอนว่าเมืองน้ำไม่เข้าข่ายคนในแบบที่ร้อยเอกชอบ

ความรู้สึกที่กลัวว่าเขาจะรู้แล้วไม่ยอมเข้าใกล้เราอีก

เป็นการชอบใครสักคนที่ยากเอาเรื่องเหมือนกัน



m.nam ☆° :
จะนอนยังเนี่ย



ถึงจะยาก แต่เมืองน้ำก็มีความสุขดีนะ
เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว



101 :
ยังอ่ะ มีนัดเล่นเกม
เอ้อ ต้องไปอาบน้ำก่อนด้วย


m.nam ☆° :
ก็ไปอาบดิ มาแชททำไม


101 :
เอ้า ก็พี่ส่งมาอ่ะ จะให้ผมเมิน?
เดี๋ยวก็มายืนตาแดงกลางสายฝนอีก
ฮือออๆๆๆๆๆๆ
#พี่เมืองร้องไห้ทำไม



หมั่นไส้

เมืองน้ำเกือบจะเบะปากใส่โทรศัพท์อยู่แล้ว แต่ก็เปลี่ยนใจซะก่อน สะโพกกลมย้ายจากเก้าอี้ทำงานมาที่เตียง มองผ่านประตูระเบียงที่เปิดรับลมอีกครั้งไปยังห้องนอนคนตัวสูง ด้านนอกมืดทึบตามเวลาที่ใกล้ผลัดเข้าสู่วันใหม่ แสงไฟยามค่ำคืนจากห้องตรงข้ามทำให้เห็นการเคลื่อนไหวของร้อยเอกได้ถนัด

มุ้งยังไม่กาง หนังสือบนเตียงยังไม่เก็บ ชุดนักศึกษาก็ยังไม่ถอด

อะ...

ถอดแล้ว แต่เฮ้!!!




m.nam ☆° :
ร้อยเอก!!
ทุเรศ!!!
บัดสี น่าเกลียด!
ทุเรศ!!
อี๋ๆๆๆๆๆ น่าเกลี๊ยดดด


101 :
อะไรของพี่อีก


m.nam ☆° :
ทำไมไม่เอาผ้าเช็ดตัวมาคลุม
ใส่กางเกงในเดินไปเดินมาทำไมมมมม


101 :
ทำไมอ่ะ ก็ผมจะไปอาบน้ำ ก่อนอาบก็ต้องถอดเสื้อผ้าป้ะ
พี่จะอายอะไร มีเหมือนกันแหละ


101:
พี่เมือง เดินหนีผมเลยเหรอ



จะให้ไม่หนีได้ยังไง ใครใช้ให้เดินออกมาที่ระเบียงในสภาพมีชั้นในชิ้นเดียวปกปิดไว้กันเล่า



101 :
พี่อ่ะ ไม่ใจเลย ของผมออกจะดี
ตรงนี้ลมเย็นดีว่ะ
ลมเย็นดีครับ*
เป็นไง


m.nam ☆° :
เป็นไงอะไร
ทุเรศอ่ะ จะเป็นตากุ้งยิงแล้ว
TTTTTT


101 :
อ่ะ อันนี้พี่เมืองเว่อร์
ก็ของผมไง ดีมะ
พอจะสู้พวก sexy boy ในเพจม.ได้ป้ะ


m.nam ☆° :
ไม่!!!
อิ๊ อันเท่าไส้กรอกนม!


101 :
ว่าไงนะ
อันเท่าไหนนะ


m.nam ☆° :
ไส้กรอกนม!!!


101 :
พี่เมือง


m.nam ☆° :
(https://i.imgur.com/e13VSp7.png)


101 :
เดี๋ยวเหอะ
เดี๋ยวเจอของจริงแล้วจะหนาว



คนตัวเล็กยกมือกุมหน้าอกด้านซ้าย เดินไปรูดผ้าม่านแล้วกลับมาทิ้งตัวนอนทันที

ร้อยเอกพูดแบบนี้ทีไร ในหัวอีกคนต้องคิดวิธีเอาคืนเมืองน้ำเสมอ เมื่อปีที่แล้วเมืองน้ำแกล้งเอาอึน้องหมาไปวางหน้าบ้าน เพราะโดนร้อยเอกพูดจากวนประสาทใส่มาก่อน หลังจากนั้นก็โดนเอาคืนด้วยการถูกยิงด้วยปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเพราะตรงกับช่วงสงกรานต์พอดี

คิดไม่ออกเลยว่ารอบนี้จะโดนเอาคืนด้วยวิธีไหนอีก

ที่บอกว่าของร้อยเอกอันเท่าไส้กรอกนม ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าตัวเองโกหก

ไม่เป็นไรหรอก ไม่เห็นต้องพูดความจริงเรื่องนี้เลยนี่ มันใช่เรื่องที่จะมาพูดกันโต้งๆ ได้ที่ไหน ถือซะว่าลงโทษที่ร้อยเอกเดินออกมาโดยไม่ดูฟ้าดูลมแล้วกัน

แล้วก็นะ...เหตุการณ์เมื่อกี้นี้ เหมือนหัวใจจะหลุดออกมาเลย

เมืองน้ำมีงานต้องทำอีกเพียบเลยนะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนด้วย เอาแต่หน้าร้อน แถมยังใจเต้นกับภาพติดเรทของร้อยเอกแบบนี้

คืนนี้ต้องนอนไม่หลับแน่ๆ

ฮื่อออ~



(⺣◡⺣)♡*



แชะ!

“ถ่ายทำไมครับพี่”

“หล่อแบบนี้ก็ต้องถ่ายหน่อยสิน้อง เอาไปเรียกเรตติ้ง เนี่ยเดี๋ยวลงเลขบูธในเพจให้เลย วันงานคนจะได้เข้าไปเยอะๆ”

ร้อยเอกยิ้มแห้งๆ ใส่รุ่นพี่ที่เดินถ่ายรูปนักศึกษาใต้ตึกกิจกรรม เมื่อกี้ยังถ่ายพวกรุ่นน้องปีหนึ่งอยู่เลย ก้มหน้าก้มตาเทน้ำผลไม้ใส่แก้วหน่อยเดียว กล้องตัวสวยก็เคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาซะแล้ว

เรื่องเรียกคนเข้าบูธ จนป่านนี้ก็ยังไม่เลิกคิดเรื่องเอาร้อยเอกไปเรียกคนอีกหรือไง จะย้ำอีกครั้งว่าร้อยเอกไม่ใช่คนดัง แทบไม่มีใครรู้จัก เพราะงั้นถึงถ่ายไปลงก็ใช้เรียกคนไม่ได้อยู่ดี

เอาเถอะ ใครอยู่ตรงนี้ก็โดนถ่ายรูปด้วยกันทั้งนั้น คงไม่มีอะไรเสียหาย

เพราะวันนี้ไม่มีคาบเรียน แต่ก็ต้องมาช่วยคนอื่นเตรียมงาน ร้อยเอกในชุดประจำตัว บวกด้วยร้องเท้าแตะแบรนด์ดังที่เพิ่งซื้อมาใหม่เลยต้องฝ่ารถติดมาจากบ้าน และไปช่วยมาวินขนอุปกรณ์ทำน้ำผักน้ำผลไม้จากคณะมาที่นี่

ไม่เห็นเคยรู้มาก่อนว่าตึกกิจกรรมไกลจากตึกคณะขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เอารถมา เขากับมาวินได้เดินขาลากทั้งคู่แน่นอน

“กูเสิร์ฟหมดแล้ว ขอนั่งพักแป๊บ”

แค่นึกถึง เพื่อนรักก็เดินเอื่อยๆ เข้ามาวางถาดเสิร์ฟน้ำบนถังน้ำแข็ง ร้อยเอกขยับออกมาเล็กน้อยเพื่อให้มาวินนั่งพักตรงเก้าอี้ข้างหลังตนได้ถนัด

“แค่นี้ทำเป็นบ่น กูนี่คั้นมะเขือเทศจนปวดแขน ไม่พูดอะไรสักคำ”

“มึงบ่นในใจเหอะ กูรู้นะ”

“แสนรู้จังวะ”

“กูไม่ใช่หมา”

“กูบอกรึยังว่ามึงเป็นหมา”

“แหมไอ้ร้อย เจตนามึงชัดมากเลยนะ”

ขำหน่อยๆ ใส่อีกคน ก่อนจะนับดูว่าบนถาดมีน้ำส้มกับน้ำมะเขือเทศครบสิบแก้วหรือยัง

“มึงนั่งพักไปแล้วกัน เดี๋ยวรอบนี้กูไปเสิร์ฟเอง”

“อุ๊ย”

“อุ๊ยอะไรของมึง”

“คือแบบ กูยังไม่ได้เสิร์ฟให้โต๊ะพี่เมืองเลย แล้วแบบ มึงอ่า...” มาวินยิ้มแฝงเลศนัย ยืดตัวมาเกาะเอวเพื่อนตัวสูง

“เชี่ยไรเนี่ย อย่าทำตาเยิ้มได้มั้ย ขนลุก” แน่นอนว่าร้อยเอกที่ยกถาดขึ้นมาแล้วขยับหนีโดยเร็ว “จะชงอะไรอีกล่ะ”

“เปล่าชง แต่มึงแสดงออกเองน้า ว่าอยากไปเสิร์ฟให้พี่เมือง”

“กูเปล่า เห็นว่ามึงเหนื่อย เลยช่วยเสิร์ฟเฉยๆ”

“โกหกไม่เนียน กูเห็นพี่เมืองโพสต์ไอจีรูปแก้วชา ใส่แคปชั่นว่า 101 เป็นชื่อไลน์มึง ชัดเลยไอ้ร้อย มึงญาติดีกับพี่เมืองแล้วใช่มั้ยห๊ะ”

ญาติดีเหรอ

ปกติก็ไม่เคยเกลียดกันนี่

ร้อยเอกพูดตามจริง เขากับเมืองน้ำเป็นคู่กัด ที่มีแต่ความหมั่นไส้ ความอยากแกล้งกันเท่านั้น อคติที่เขามี มันจบไปตั้งแต่วันที่ง้อเมืองน้ำสำเร็จนั่นแล้ว

และที่สำคัญ เหมือนเขาไม่เคยรู้จักเมืองน้ำจริงๆ

ฉะนั้น ทุกครั้งที่เราคุยกัน ไม่ว่าคุยกันตัวต่อตัว หรือคุยในไลน์ เขาจะพยายามสังเกตเมืองน้ำให้มากๆ วางอคติลงก่อน แล้วทำความรู้จักกับคนที่มักวนเวียนอยู่ในความคิดเขาเสมอดูอีกสักรอบ

“แล้วแต่มึง” เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองเงียบนานเกินไป ร้อยเอกเลยตอบเพื่อนรักก่อนที่มาวินจะเริ่มทำหน้าที่ชิปเปอร์ต่อ “อยากคิดอะไรก็คิด ไม่อยากเถียง”

“แปลกมากกัปตัน ปกติทำหน้าเหม็นเบื่อตลอด รอบนี้อนุญาตให้เรือกูเล่นยาวๆ เลยว่ะ เอ๊ะ...ระหว่างมึงกับพี่เมือง มีอะไรที่กูไม่รู้แน่นอน”

ร้อยเอกอยากย้ำอีกครั้งว่าแล้วแต่มาวินจริงๆ

ร่างสูงหันไปสั่งให้เพื่อนรักที่นั่งยิ้มแฉ่งเก็บอุปกรณ์ไปล้างให้สะอาด มีเสียงบ่นง้องแง้งของเจ้าตัวดังมาตามคาด แต่มาวินก็บ่นไปอย่างนั้นเอง เขาจึงไม่จำเป็นต้องสน ร้อยเอกเดินเสิร์ฟน้ำในถาดให้คนอื่นที่ยังไม่ได้รับ แอบกันน้ำมะเขือเทศเก็บเอาไว้หนึ่งแก้วเมื่อนึกได้ว่าคู่กัดตัวเล็กที่นั่งจดจ่ออยู่กับงานชอบดื่มน้ำชนิดนี้

ตาคู่กลมละจากหน้าจอ ช้อนขึ้นมองคนตัวสูงที่ยกแก้วน้ำจากถาดพลาสติกมาวางบนโต๊ะข้างๆ Macbook Pro

เมืองน้ำเห็นตั้งแต่มาถึงแล้วล่ะว่าร้อยเอกมาที่นี่ด้วย แต่คิดว่ามาวินจะเป็นคนยกมาเสิร์ฟให้เสียอีก

ไม่คิดว่าจะเป็นร้อยเอกที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม

“ไม่รู้ว่าพี่กินอะไรมารึยัง ถ้ายังก็ดื่มน้ำมะเขือเทศรองท้องไปก่อนก็ได้นะ”

“ขอบคุณนะ”​ วาดยิ้มบางๆ พลางเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำเข้ามาจิบ

“อาจจะสู้ยี่ห้อดอนคำที่พี่ชอบไม่ได้ แต่ผมตั้งใจคั้นสุดๆ เลยนะ”

“สู้ไม่ได้ที่ไหน เนี่ยอ่ะ อร่อยจะตาย” ว่าแล้วก็ดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่

“จะตายเลย? เฮ้ย ผมไม่ได้ใส่ยาพิษนะ อย่าโมเมดิ”

“มุกไม่ฮาอ่ะร้อย”

ดูทำหน้าเข้า เข้าใจว่ามุกไม่ฮา แต่ช่วยหยุดทำหน้าตาน่าหยิกสักทีได้มั้ย

ตั้งแต่บอกว่าน้องชายเขาอันเท่าไส้กรอกนมแล้วนะ ตัดสินใจไม่ถูกแล้วว่าระหว่างร้อยเอกกับเมืองน้ำ ใครชอบกวนประสาทมากกว่ากัน

“แล้วนี่พี่มาทำไรอ่ะ วันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ ไม่มีเรียน แต่ก็มาช่วยงานไง อย่างตอนนี้ก็นั่งตัดคลิปพรีเซนต์ให้เพื่อน”

ร้อยเอกพยักหน้าช้าๆ ย้ายไปนั่งข้างคนที่เกือบจะร้องโวยวายทันทีที่เขาเปลี่ยนตำแหน่ง เมืองน้ำเม้มปาก ง้างมือเตรียมตีไหล่กว้างที่แกล้งเบียดไหล่ตัวเองค้างไว้ สงบสติแล้วดึงความสนใจกลับไปที่แอพตัดวิดีโอ

นั่งไกลๆ หน่อยก็ไม่ได้ เก้าอี้ยาวขนาดนี้ จะมานั่งเบียดกันทำไมเนี่ย

“พี่เมือง”

“ว่าไง...ขยับไปหน่อยได้มั้ย อึดอัด”

“ไม่ได้”

“โอ๊ยร้อยเอก”

“อ่ะ ก็ได้ๆ แค่นี้ต้องหงุดหงิดด้วย”

เมืองน้ำไม่ได้หงุดหงิดเลยสักนิด ที่บอกให้ขยับออกไปเนี่ย เพราะการอยู่ใกล้แถมยังโดนแกล้งโดนแหย่

มันทำให้ใจเต้นแรงอย่างไม่มีสาเหตุต่างหาก

“ปกติพี่ตัดคลิปเองเหรอ พวกคลิปที่เอาลงเพจ”

“ก็ตัดเองนะ ทำเองทุกคลิปเลย”

“ผมนึกว่าพี่จะมีทีมงานแบบคนอื่นที่ดังๆ ในเน็ต มีผู้จัดการอะไรแบบนี้”

“คนอื่นอาจจะมีจริงๆ แต่พี่ไม่มีหรอก ถ้าจ้างคนอื่นทำก็ต้องจ่ายเงิน เปลืองอ่ะ ทำเองได้ก็ทำไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ ประหยัดดี”

“อ่อ งกว่างั้น”

ร้อยเอกจุดยิ้มกับการหันขวับเพราะคำพูดของเขา ปากสีอ่อนขยับมุบมิบเหมือนจะโต้ตอบเขา ทว่าพึมพำกับตัวเองในใจมากกว่า แสดงว่าจี้ใจดำจริงๆ

ที่ถามเพราะอยากรู้ ไม่ตั้งใจจะกวนประสาทเลยสักนิด แต่นิสัยร้อยเอกเป็นแบบนี้ แถมคนข้างกายก็น่าหยอกให้โมโห

สุดท้ายเลยกลายเป็นกวนประสาทไปได้

“อย่างอนสิพี่เมือง ร้อยอุตส่าห์ทำน้ำมะเขือเทศมาให้เลยนะ หน้างอเป็นอะไรแล้วเนี่ย”

“เบื่อ”

“เบื่อผม?”

“เบื่อมากๆ”

เออนะ อยู่ดีๆ ก็โดนเบื่อ แถมคนที่พูดว่าเบื่อยังหน้างอเพิ่มอีกเท่าตัว

“นั่งเงียบๆ ก่อนนะ พี่ขอทำงานให้เพื่อนก่อน”

“อันนี้สั่งหรือขอร้อง”

“ขอร้องสิ”

“ขอร้องต้องทำยังไง”

“…?”

“ขอร้องต้องอ้อนด้วยดิ อย่าทำหน้างอ ทำหน้าทำตาแบบวิ้งๆ หน่อย แล้วก็พูดเสียงนุ่มๆ บอกผมว่านั่งเงียบๆ หน่อยนะร้อยเอก พี่เมืองขอทำงานก่อนน้าา~ อะไรงี้”

คนพูดสะกิดคางมนด้วยปลายนิ้ว หวังให้การออดอ้อนที่เขาพูดไปเกิดขึ้นจริง แต่สิ่งที่ได้ดันตรงกันข้าม

“ขอแค่นี้ก็ให้กันไม่ได้”

“ไปเล่นกับหมานู่นไป๊”

นอกจากไม่อ้อนแล้ว ยังถูกมือขาวตีแรงๆ บนหลังมือ

“ก็นี่ไง ก็เล่นกับหมาอยู่ แต่อันนี้เป็นลูกหมา”

ว่ากันว่ามะเขือเทศดีต่อร่างกาย ทำให้ผิวกระจ่างใส มีเลือดฝาด และมีสีแดงจางๆ ระบายแต้มไว้ แต่สรรพคุณที่กล่าวมาน่ะเห็นผลเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ

ร้อยเอกไม่เห็นรู้เลยว่าดื่มไปแป๊บเดียว จะทำให้แก้มเมืองน้ำขึ้นสีระเรื่อแบบนี้

เมืองน้ำนี่...

ผิวดีเหมือนเด็กแรกเกิดจริงๆ ด้วย






มีต่อด้านล่างค่า
 :-[
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 6 ☆ มีคนเปลี่ยนไป (25/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 25-09-2018 20:11:03
-- ต่อ --

เมืองน้ำโพสต์ไอจีเกี่ยวกับเขาสามรอบแล้ว

ครั้งแรกคือก้อนเมฆร้องไห้ ครั้งที่สองคือแก้วชาที่ถ่ายไว้ในวันที่เราทะเลาะกัน เจ้าตัวเพิ่งโพสต์เมื่อวันที่เรากลับมาสถานะเดิม รูปที่สาม น้ำมะเขือเทศที่เขาเป็นคนคั้นเองกับมือ

นี่เป็นครั้งแรกที่ร้อยเอกกดไลค์รูปในโซเชียลของเมืองน้ำ

หลังจากนั้นมาวินก็เดินมาแซวยกใหญ่ ทั้งที่รูปนั้นมีคนกดไลค์เป็นหมื่น ดันมาล้อแค่เขาคนเดียว สมกับตำแหน่งนักชงที่ไม่มีใครเทียบได้จริงๆ

งานทุกอย่างเสร็จสิ้นตอนห้าโมงเย็น ร้อยเอกขนอุปกรณ์กลับมาเก็บที่ตึกคณะ นัดเวลาเล่นเกมกับมาวินก่อนจะขับรถวนมาตึกกิจกรรมอีกรอบ

จำได้ว่าเมืองน้ำไม่ได้เอารถมา น่าจะขึ้นแท็กซี่จากหน้าหมู่บ้านมามหา’ลัย ตรงนี้เดาจากบทสนทนาที่พี่เมืองคุยกับเพื่อนตอนรอคลิปเรนเดอร์ เลยคิดว่าพาคนตัวเล็กกลับด้วยกันคงดีกว่าปล่อยให้กลับเอง และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้เด็กมนุษย์น่าจะตรวจความเรียบร้อยของวิดีโอพรีเซนต์กันอยู่

แต่...พอเขามาถึง กลับไม่มีวี่แววคนที่ตามหา

เมืองน้ำไปไหน

“พี่ครับๆ”

ร้อยเอกรีบวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหาเมื่อคนถูกเรียกเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“พี่เมืองกลับแล้วเหรอครับ“

“เมืองน้ำอ่ะเหรอ”

“ครับ เมืองน้ำ”

คณะมนุษย์นี่มีหลายเมืองรึไงนะ

“เห็นว่าจะออกไปเรียกแท็กซี่หน้ามหา’ลัยอ่ะ มีธุระต้องทำต่อ ไม่รู้ตอนนี้ออกจากม.ไปยังนะ”

“ขอบคุณครับ”

เครื่องมือสื่อสารในมือเด็กตัวสูงสั่นระรัวพร้อมเสียงริงโทน ร้อยเอกกล่าวขอบคุณรุ่นพี่ก่อนจะเดินแยกตัวกลับมาที่รถ ยกโทรศัพท์ขึ้นดูแล้วคลี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นเป็นชื่อเมืองน้ำ

ปลายสายถูกตัดไปก่อนร้อยเอกจะกดรับเสียอีก แค่นั้นความงุนงงก็ฉายชัดบนใบหน้า ร่างสูงรีบโทรกลับ ทว่าดันสายไม่ว่าง

โทรคุยกับใครอยู่ แล้วเมื่อกี้แค่กดผิดเป็นเบอร์เขาหรือไง

โมโหอะไรวะเนี่ย ร้อยเอก



101:
อยู่ไหน
พี่เมือง
โทรหาผมทำไม


101 :
พี่เมือง ตอบหน่อยครับ
เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า


101 :
ถ้าคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วช่วยตอบด้วย


101 :
พี่เมือง
ร้อยจะหงุดหงิดแล้วนะ
อ่านแล้วตอบด้วย


m.nam ☆° :
พี่กำลังไปโรงพยาบาล
ไม่ต้องห่วงๆ ไม่เป็นอะไรมาก


101 :
ไม่เป็นอะไรมากคืออะไร
คนที่ไม่เป็นอะไรมาก คือพี่เมืองเหรอ


101 :
พี่เมืองงง



m.nam ☆° :
พี่พิมพ์ไม่ถนัด
เจ็บมือ
โดนรถเฉี่ยว


101 :
โรงพยาบาลไหน
อัดเสียงมาก็ได้ ไม่ต้องพิมพ์
ถ้าไม่อัดเสียง ผมจะโทรไปแล้วนะ
นับหนึ่งถึงสิบ


101 :
ครบสิบแล้วนะครับ


101 :
รับสายหน่อยครับ


101 :
ร้อยเป็นห่วงพี่เมือง


m.nam ☆° :
(send a voice.)



(⺣◡⺣)♡*



เรื่องมันเกิดตอนที่ยืนเรียกแท็กซี่ตรงหอนาฬิกาหน้ามหา’ลัย โดนปฏิเสธเป็นคันที่สาม ให้เหตุผลว่าทางที่จะไปรถติด เลี้ยวขึ้นทางด่วนไม่ได้ เมืองน้ำเลยเปลี่ยนใจเป็นให้วินมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่รถไฟฟ้า

มีรถอีกคันวิ่งมาด้วยความเร็วสูงจังหวะที่เมืองน้ำก้าวลงจากรถและกำลังจ่ายเงิน เบรกไม่ทัน ชนท้ายรถวินมอเตอร์ไซค์เข้าเต็มๆ ส่วนคนตัวเล็กที่โดนเฉี่ยวกระเด็นไปกระแทกเสาไฟต้นใหญ่ มือซ้น เข่าถลอก มีเลือดไหลซึมกางเกง พี่วินคนเดิมที่เคลียร์เรื่องค่าใช้จ่ายกับคู่กรณีเสร็จจึงพามาส่งโรงพยาบาล

ร้อยเอกไลน์มาหาตอนเมืองน้ำกำลังม้วนผ้าเช็ดหน้ารอบรอยถลอกที่มือ นอกจากพิมพ์ไม่ถนัด ใช้เวลาพิมพ์ค่อนข้างนาน ข้อความเสียงยังมีแต่เสียงลมซ่าๆ อีกด้วย

ถึงอย่างนั้นอีกคนก็คงฟังออก ร้อยเอกไลน์มาบอกว่าถึงโรงพยาบาลแล้ว ถามตึก ถามแผนก และคงรออยู่ด้านนอก

“เสร็จแล้วครับ โชคดีที่ไม่บาดเจ็บมาก รอรับยาข้างนอกแล้วกลับบ้านได้เลย”

“ขอบคุณครับคุณหมอ”

มอบรอยยิ้มแด่ชายหนุ่มในชุดกาวน์ ก่อนจะนั่งนิ่งๆ ให้พยาบาลดันรถเข็นที่ตนนั่งอยู่ออกไปข้างนอก เมืองน้ำกัดฟันข่มความเจ็บเมื่อฤทธิ์บาดแผลแล่นพล่านขึ้นจากหัวเข่า

นัดคุยงานกับเจ้าของแบรนด์ถูกยกเลิก มือและเข่าก็เต็มด้วยผ้าพันแผล ในช่วงที่ต้องทำงานหาเงิน ทำไมต้องมาเจ็บตัวด้วยนะ

ไม่ชอบเลย

“หมดสภาพ”

เสียงทุ้มที่เดาได้ทันทีว่าเป็นของใครทำให้ดวงหน้าเนียนเงยขึ้นมอง ร้อยเอกเดินเข้ามาพร้อมการถอนหายใจหนักๆ ไม่พูดอะไรต่อ ทำแค่มองสำรวจผ้าพันแผลบนร่างกายขาวเท่านั้น

คนตัวสูงโน้มตัวลงมาคว้ากระเป๋าใส่ของรวมทั้งแล็ปท็อปบนตักนุ่ม พาดไว้บนไหล่กว้าง เดินอ้อมไปด้านหลังแล้ววางสองมือบนแฮนด์รถเข็น

“อุบัติเหตุอ่ะ แต่เจ็บมากเลย”

“ไม่เจ็บสิแปลก จะเดินไหวมั้ยเนี่ย”

“ไม่น่าไหว”

ถ้าฟังไม่ผิด เหมือนเมืองน้ำได้ยินเสียงถอนหายใจจากคนข้างหลังอีกรอบ

“ผมอยากบ่นพี่จะตายชัก แต่เห็นสภาพแล้วบ่นไม่ออก ถ้ารอผมที่ใต้ตึกกิจกรรมก็ไม่เจ็บตัวแล้ว”

“ก็ไม่รู้ว่าต้องรอ”

“หมายความว่าไง”

“ปกติเราไม่ได้กลับด้วยกัน คือพี่ไม่รู้จริงๆ ว่าร้อยอยากให้รอ”

“แล้วใครอยากให้รอวะ”

“อ้าว แล้วสรุป...ไม่ได้อยากให้พี่รอกลับพร้อมร้อยเหรอ”

เมืองน้ำไม่ตั้งใจกวนประสาทหรอกนะ และไม่รู้ว่าร้อยเอกที่เข็นเมืองน้ำไปรอรับยาตรงอีกมุมหนึ่งทำหน้ายังไง

ฟังจากน้ำเสียงและคำพูด ไม่ได้อยากให้รองั้นเหรอ ตอนคุยในไลน์ ยังบอกว่าเป็นห่วงเมืองน้ำอยู่เลย

“เห็นไม่เอารถมา ใช้แท็กซี่ไม่ก็บีทีเอสตลอด เลยคิดว่าจะพากลับด้วย กลับทางเดียวกัน ไปด้วยกัน ประหยัดเงินออก”

เด็กอะไรเข้าใจย้ากยาก

“งั้นครั้งต่อไปถ้าจะให้กลับด้วย ก็บอกกันก่อนสิ พี่จะได้รอ”

“ต้องให้บอกทุกเรื่องรึไง”

“อย่าหงุดหงิดซี่ ร้อยเอก”

ทีแรกร้อยเอกไม่เห็นหน้าเมืองน้ำ ยังรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้ที่เปลี่ยนจากเข็นรถให้เจ้าตัวมานั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เห็นใบหน้าน่ารักทำหน้าตาล้อเลียนเขาเต็มโฟกัส

แม่ง อยากบีบปาก

“ไม่ให้หงุดหงิดได้ไง ก็พี่อ่ะ”

“พี่ทำไม พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเล้ย”

“พี่เมือง นี่โรงพยาบาลนะ ไม่อยากทะเลาะด้วย”

“ไม่ได้ชวนทะเลาะสักหน่อย แค่อยากรู้เฉยๆ เองอ่ะ นะๆ บอกหน่อย ว่าทำไมต้องหงุดหงิด”

ถ้าไม่อยู่ในโรงพยาบาล และถ้าพี่เมืองไม่เจ็บตัวอยู่ ร้อยเอกจะบีบพี่เมืองให้เนื้อขาวๆ ช้ำจนเป็นรอยไปเลย เขาขอสัญญา

“บอกหมดแล้วในไลน์”

“หืม... บอกว่าอะไร พิมพ์มาแต่ละอย่าง เหมือนจะกินหัวพี่ทั้งนั้น”

“พี่เมืองยังไม่แก่เลย ทำไมตาพร่าแล้วล่ะ”

“ร้อยเอก”

“อะไร”

“ปากหมาอีกแล้วนะ”

“ด่าอีกดิ ไม่โดนด่าแล้วผมไม่มีความสุขเลยว่ะ”

เป็นคู่กัดที่รักษามาตรฐานได้ดีจริงๆ

คนตัวเล็กอมยิ้มกับคนที่มอบแววตาเกรี้ยวกราดใส่ แต่ก็ขำออกมาในที่สุด มองตามร่างสูงที่ลุกไปยังเคาท์เตอร์รับยาเมื่อโรงพยาบาลเรียกชื่อเมืองน้ำ ก่อนจะเดินกลับมาอีกครั้งหลังหย่อนถุงยาใส่กระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ร้อยเอกลดกายนั่งที่เดิม สะดุดเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าตาคู่สวยจ้องมองอยู่

ลืมไปเลยว่ายังไม่ได้ตอบคำถาม

ถ้าเมืองน้ำอยากรู้ เขาจะตอบให้แล้วกัน

“เป็นห่วง”

“…”

“หงุดหงิดเพราะเป็นห่วง กลัวพี่เมืองแขนหักขาหัก แล้วจะลุกมาทะเลาะกับผมไม่ได้ เข้าใจยัง”

“เข้าใจแล้ว~”

เข้าใจแล้วก็ช่วยสบตากันด้วยสิ ไม่ใช่หลบตาเขาแบบนี้

แปลกเนอะ...เมืองน้ำในตอนนี้ แปลกไปจริงๆ

“นี่พี่อยากกินอะไรมั้ย ถ้าไม่ก็กลับบ้านกัน ผมมีนัดเล่นเกมกับเพื่อน”

“กี่ทุ่มแล้วอ่ะ”

“เพิ่งทุ่มกว่า”

“งั้น...พาไปเคเอฟบีหน่อย ตรงปั๊มใกล้ๆ มีอยู่สาขานึง เลี้ยวเข้าไดรฟ์ทรูก็ได้”

“เป็นแผลกินไก่ได้เหรอ”

“ไม่ได้ไปซื้อไก่ อยากซื้อมันบด”

แต่ก็เป็นความแปลกที่เขาไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ เขาสังเกตความเปลี่ยนแปลงในตัวอีกคนตั้งแต่เราคืนดีกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มารร้ายในตัวเมืองน้ำหนีไปพักร้อน

ให้เมืองน้ำมีโหมดน่ารักบ้างก็ดีเหมือนกัน

เพราะเขาชอบพี่เมืองในโหมดนี้



(⺣◡⺣)♡*



เจ้าของมันบดหลับก่อนร้อยเอกจะเลี้ยวรถเข้าปั๊มน้ำมันเสียอีก

สาขาร้านไก่ทอดชื่อดังอยู่ห่างจากปั๊มไม่ถึงกิโลเมตร ระยะทางสั้นๆ ที่ใครสักคนสามารถหลับได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเหนื่อยมากจนร่างกายต้องการพักผ่อน เขาก็คิดถึงเหตุผลอื่นไม่ออก

ร้อยเอกปล่อยให้เมืองน้ำพักผ่อนแทนที่จะปลุกขึ้นมาซื้อของ เขาทำหน้าที่นั้นแทนคนอยากกิน ซื้อไก่ทอดกลับไปฝากคนที่บ้านอีกสองชุดใหญ่ สำหรับพ่อแม่และสิบเอกคนละชุด วางของตัวเองไว้ที่เบาะหลัง ส่วนมันบดในถุง เขาวางไว้บนกระเป๋าสะพายตรงหน้าตักของเจ้าตัว

ระหว่างเดินทางเมืองน้ำแทบไม่ขยับตัว ทำเพียงผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ อิงศีรษะกลมแนบพนักพิงเบาะตำแหน่งด้านข้างคนขับ

ไม่รู้อะไรดลใจให้ร้อยเอกปิดเสียงเครื่องรับวิทยุ ทั้งที่เขามักเปิดมันฟังเสมอเวลาต้องอยู่บนท้องถนน อย่างน้อยไม่มีเสียงเพลง ก็ยังมีข่าวจราจรให้ฟังตลอด

ให้พูดจริงๆ...

เขากลัวเมืองน้ำจะตื่นเพราะเสียงรบกวนนั่นแหละนะ

คนตัวเล็กบอกว่าลืมเอาพาวเวอร์แบงค์ติดตัวไปมหา’ลัยด้วย เลยขอชาร์จแบตโทรศัพท์บนรถก่อนออกจากโรงพยาบาล แจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์ในเพจ ไอจี หรือข้อความติดต่องานในไลน์อยู่ในสายตาเขาเสมอ ทั้งหมดนี้ทำให้ร้อยเอกหายสงสัยว่าเมืองน้ำเคยเช็กฟีดแบ็กในโซเชียลของตัวเองหรือเปล่า

วันนั้นที่เมาถึงระบายเรื่องโดนว่าบ่อยๆ สินะ

ไม่เคยพูด ไม่เคยแสดงออก ถ้าไม่เมาแล้วระบายอออกมา คงไม่มีทางรู้ว่าเมืองน้ำคิดอะไรอยู่

อยากรู้นักว่าในใจพี่เมืองเก็บเรื่องไหนไว้อีกบ้าง

ร้อยเอกค่อยๆ แตะเบรกเมื่อรถยนต์เคลื่อนมาถึงบ้านคนตัวเล็ก ผละมือจากพวงมาลัย เลื่อนขึ้นเหนือศีรษะหมายจะกดสวิตช์เพื่อเปิดไฟ ทว่าแจ้งเตือนล่าสุดที่ทำให้โทรศัพท์เครื่องบางสว่างวาบก็หยุดเขาไว้เสียก่อน

ข้อความคอนเฟิร์มราคารถจากบริษัทรับซื้อ แบรนด์และรุ่นที่เขาเห็นในแจ้งเตือน...

เป็นรถพี่เมือง

เขารีบหยุดความสงสัยแม้มันจะปรากฏขึ้นชัดเจน แสงบนจอดับมืดลงพร้อมกายขาวเนียนที่ขยับเคลื่อนไหว ร้อยเอกวางมือบนไหล่แคบ เขย่าเบาๆ พร้อมเอ่ยเรียก

“พี่เมือง ถึงบ้านแล้วครับ”

ไม่ต้องเรียกซ้ำสอง เปลือกตาสีอ่อนเปิดขึ้นช้าๆ ขณะที่เจ้าของรถละมือออก เมืองน้ำใช้เวลาครู่หนึ่งในการดึงสติ ปรับโฟกัสและเรียบเรียงสถานการณ์ วางดวงตาคู่สวยบนถุงมันบดตรงหน้าตัก เมื่อเข้าใจแล้วจึงเปลี่ยนเป็นมองคนข้างกาย

“แย่อ่ะ ไม่น่าหลับเลย อดซื้อโค้กเลยอ่ะ”

ยู่ปากด้วยความเซ็ง ก่อนจะดึงโทรศัพท์ออกจากสายชาร์จ ม้วนเป็นวงกลมหลวมๆ แล้วเก็บใส่กระเป๋า

“ถ้าพี่อยากกิน ไปเอาโค้กบ้านผมก็ได้ มีเยอะเลย แม่ซื้อมาตุนให้น้องสิบ”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร ค่อยซื้อกินพรุ่งนี้ก็ได้ มีเหลือในตู้เย็นอยู่ขวดนึงอ่ะ เอาไว้ให้น้องสิบเถอะ พี่ไม่อยากแย่งน้องกินนะ”

ทำเป็นเล่นทั้งที่เมื่อกี้ตอนที่จอโทรศัพท์สว่างขึ้นมาอีกครั้ง เมืองน้ำเห็นการแจ้งเตือนที่ร้อยเอกเห็นเช่นเดียวกัน คนตัวเล็กชะงักไปเสี้ยววินาที แล้วสุดท้ายก็ทำเป็นมองข้ามไป

สาบานเลยว่าถ้าไม่เห็นแจ้งเตือนนั้น ร้อยเอกจะไม่มีทางคิดแบบนี้

ฐานะทางบ้านของพี่เมืองดีมากอยู่แล้ว ทั้งพ่อและแม่ ทั้งงานพิเศษที่เจ้าตัวทำอยู่ตลอด เขาไม่เคยเห็นคู่กัดของตัวเองเจอความลำบากด้านการเงิน ไม่รู้ด้วยว่าเพราะอะไรพี่เมืองถึงต้องขายรถราคาหลายล้านที่เก็บเงินซื้อมาเป็นปี

เขาอยากรู้ แต่เมืองน้ำไม่ใช่คนที่จะเผยด้านอ่อนแอให้ใครเห็นง่ายๆ

ดังนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่ หากร้อยเอกจะก้าวล้ำความเป็นส่วนตัว

“ขอบคุณที่พากลับบ้านนะ พี่จะเข้าบ้านแล้ว ร้อยก็รีบไปเล่นเกมกับเพื่อนเถอะ”

“เดินไหวมั้ย”

“ตอนนี้น่าจะไหว”

“อวดเก่งจริงๆ”

“อะไรเล่า อยู่ดีๆ ก็มาว่า”

มุมปากหยักจุดยิ้มกับใบหน้างอๆ ร้อยเอกไม่ตอบกลับ ก้าวลงจากรถแล้วเดินไปยังประตูอีกฝั่ง

“ทำอะไรอ่ะ”

“ประคองพี่เข้าบ้านไง”

“พี่เดินเองได้”

“คนเดินเองได้ที่ไหนต้องให้ผมประคองตอนลงจากรถเข็นที่โรงพยาบาล ไหนพี่เมืองบอกผมหน่อย ว่าเดินได้เองแบบร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ”

ที่จริงก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ เต็มร้อย ให้แค่ห้าสิบยังเยอะไปเลย

เมืองน้ำไม่อยากรบกวนคนตัวสูง แค่ซื้อของแทนให้ อนุญาตให้ติดรถกลับบ้านและยอมให้ชาร์จแบตในรถ แถมเมืองน้ำยังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว แค่นี้ก็เกรงใจแทบแย่

แต่ห้ามเด็กดื้ออย่างร้อยเอกได้ที่ไหน ไม่ทันไรเจ้าของรถก็เปิดประตู ยื่นมือรอให้เมืองน้ำก้าวลงไปซะแล้ว

“ลงดีๆ ครับ เอาขาข้างที่ไม่เจ็บลงก่อน แล้วก็จับมือผม”

“พูดเพราะจัง”

เป็นคนดีไม่ขึ้นจริงๆ ร้อยเอก

อยากดีดนิ้วใส่หน้าผากอีกคนจะตายชัก แต่ทำได้แค่จับมือนุ่มที่วางบนมือของตนไว้มั่น พาดแขนแข็งแรงบนเรือนกายที่เซเล็กน้อยหลังจากก้าวลงมายืนบนพื้น

ลมเย็นๆ พัดโชยผ่านขณะถูกประคองเข้าบ้าน

และคงมีเมืองน้ำแค่คนเดียว...

ที่รู้สึกว่าใบหน้ากำลังสัมผัสลมร้อน

“เข้าบ้านแล้วก็ล็อกดีๆ ด้วยนะครับ เดี๋ยวขโมยเข้า”

“ยังไม่ทันเข้าก็แช่งเลยนะ”

“พี่เมือง”

“ล้อเล่นๆ ดุอีกแล้ว อารมณ์แปรปรวนโคตรๆ”

“นี่พี่อยากโดนจับทุ่มมากเลยสินะ”

“กล้าเหรอ”

ถามเล่นๆ ไปงั้น

“ใครจะกล้า”

คำตอบที่ได้ดันไม่ใช่เล่นๆ ไปซะได้

“เมื่อกี้ไม่ได้แช่งนะ แต่อยากให้พี่ปลอดภัยจริงๆ”

“ถ้าไม่ได้แช่ง งั้นอวยพรอีกรอบก็ได้นะ”

“ขอให้ปลอดภัยครับ”

“พูดเพราะอีกแล้วอ่ะ”

“ขอให้ปลอดภัยโว้ยยย! พอใจยัง”

“พอใจแล้วๆ อย่างนี้ค่อยเหมือนร้อยเอกตัวจริงหน่อย”

“เดี๋ยวจะโดน”

จะเป็นเรื่องเล่นๆ ได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว

เมืองน้ำหมายถึงหัวใจที่ไม่เคยรู้สึกดีกับการโวยวายของร้อยเอก กลับรู้สึกดีอย่างประหลาด

ถ้าร้อยเอกบ้าเพราะชอบโดนด่า เมืองน้ำที่ชอบน้ำเสียงเข้มๆ เวลาโวยวายเพราะถูกแกล้งเมื่อกี้นี้...คงบ้าด้วยเหมือนกัน

ใจเอ๋ยใจ เต้นเบาๆ จะได้มั้ย ถ้าอีกคนรู้ความรู้สึกของเมืองน้ำ เรื่องใหญ่ระดับชาติเลยนะ

อย่ามีอาการนักเลย เมืองน้ำคิดวิธีรับมือกับความหวั่นไหวไม่ออกแล้ว



(⺣◡⺣)♡*



แฮชแท็ก #ร้อยเมือง
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 6 ☆ มีคนเปลี่ยนไป (25/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-09-2018 22:17:44
อ่าาาาา พี่เมืองมีปัญหาอะไรรึเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 6 ☆ มีคนเปลี่ยนไป (25/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-09-2018 00:35:28
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 6 ☆ มีคนเปลี่ยนไป (25/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 26-09-2018 00:46:56
เมืองน้ำมีปัญหาอะไร จะว่าไปเห็นแต่พาร์ทบ้านร้อยเอก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 6 ☆ มีคนเปลี่ยนไป (25/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 26-09-2018 18:00:55
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 6 ☆ มีคนเปลี่ยนไป (25/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 26-09-2018 18:26:26
น่ารักอ่ะ แงงงงงง จะเอาาาา
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 7 ☆ คู่กัดเสินเจิ้น (25/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 27-09-2018 22:16:03
7
คู่กัดเสินเจิ้น




Meungnam Charming Boy
Today 10:35 น.

ในวันยุ่งๆ ที่สมองต้องทำงานหนัก มีอาหารเสริมดีๆ สักกระปุกมาเป็นตัวช่วยก็ดีนะ
เมืองกิน Banny Blink มาปีกว่าแล้ว นอนดึกแค่ไหนก็ไม่เวียนหัว
บำรุงระบบประสาท แถมยังช่วยเสริมสร้างความจำได้อีกด้วย
ตัวช่วยดีๆ ที่ทุกคนต้องมี ดูรายละเอียดที่เพจ Banny Blink Official เลยครับ

ps. ไม่ได้ไลฟ์เลย ช่วงนี้ยุ่งมากจริงๆ ครับ ว่างแล้วจะมาไลฟ์นะ T-T






เมื่อก่อนร้อยเอกคงเอาแต่คิดว่านี่เมืองน้ำหรือห้างสรรพสินค้า อยากซื้ออะไรให้เลื่อนดูเอาในเพจ เพราะเจ้าของเพจโพสต์สปอนเซอร์แทบทุกอย่าง

แต่ตอนนี้ต้องถามประโยคเดียวว่าเจ็บตัวขนาดนั้น ยังหาเวลามาโพสต์อีกหรือไง

เขาเล่นเกมเสร็จตอนตีสอง หลังปิดคอมและเดินมากางมุ้งนอน เห็นไฟห้องตรงข้ามเปิดอยู่อีกตามเคย ไลน์ไปบอกพี่เมืองให้ดับไฟและเข้านอนได้แล้ว พี่เมืองสัญญาว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะหยุดทำงานทั้งหมด แต่เมืองน้ำน่ะดื้อกว่าที่คิด เขานั่งดูอยู่ตรงระเบียง กว่าอีกคนจะปิดไฟก็เกือบตีสาม

โชคดีที่วันนี้ร้อยเอกมีเรียนตอนบ่าย ถึงนอนดึกและตื่นสายได้ ถ้าต้องเรียนคาบเช้า เมื่อคืนคงไม่เห็นว่าเมืองน้ำนอนดึกขนาดไหน

“ตื่นเร็วเชียว”

แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเดินลงมาชั้นล่างแล้วเห็นพี่ชายนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอยู่บนโต๊ะทานข้าว ร้อยเอกอยู่ในชุดนักศึกษา ตั้งใจทำอาหารให้ตัวเองทาน ทว่าพอเห็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปในตู้เย็นแล้ว ค่อยสบายไปอีกหนึ่งมื้อ

“พี่พันซื้อมาเหรอครับ” ได้ยินคนด้านหลังตอบรับเสียงนุ่ม ร้อยเอกเลยใช้เวลากับการอุ่นอาหาร สองนาทีหลังจากนั้นก็ยกจานข้าวมานั่งใกล้คนเป็นพี่ “ร้อยไม่ได้ตื่นเร็วนะ สิบเอ็ดโมงแล้วครับ ไม่เห็นเร็วเลย”

“ปกติถ้ามีเรียนบ่าย พี่เห็นร้อยตื่นเที่ยงนี่นา”

จริงด้วย

ลืมเวลาตื่นนอนตัวเองได้ไงวะร้อย

“ทำไม มีเรื่องให้ตื่นเร็วเหรอ”

“เปล่าครับ ก็มันนอนไม่หลับอ่ะ เลยตื่นมาหาอะไรทำ”

หาอะไรทำที่ร้อยเอกพูดถึงคือนอนเล่นโทรศัพท์ ไล่ดูโพสต์เก่าๆ ในแฟนเพจเมืองน้ำ เพราะไล่ดูอีกรอบนั่นแหละ เขาถึงรู้ว่าความรู้สึกตอนอ่านโพสต์เดิมในเวลาต่างกันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

ยอมรับว่าข้อความคอนเฟิร์มราคารถเมื่อคืนทำให้เขาตีความไปเองว่าที่เมืองน้ำต้องรับงานพร้อมกันหลายด้าน เพราะมีเรื่องต้องใช้เงิน

“แล้วนี่คืนดีกับเมืองน้ำรึยัง”

“คืนดีแล้ว...ยิ้มทำไมอ่ะพี่พัน” มือที่ตักข้าวขึ้นมาจ่อตรงริมฝีปากวางลงอัตโนมัติ ขมวดคิ้วใส่พี่ชาย หวังให้อีกคนหยุดยิ้มบางๆ อย่างนั้นสักที แต่พี่พันก็คือพี่พัน คนที่ปฏิบัติเหมือนเขาเป็นเด็กตัวเล็กมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

“ก็ยิ้มดีใจไง ไม่คิดว่าคนอย่างร้อยจะไปง้อเมืองน้ำจริงๆ”

นอกจากยิ้มไม่ยอมหยุด ยังใช้น้ำเสียงที่ทำให้ร้อยเอกอยากจะเดินหนีขึ้นไปชั้นสองมันซะเดี๋ยวนี้

“ร้อยทำพี่เมืองโกรธ ก็ต้องไปง้อดิ ไม่เห็นแปลกเลย”

“มันแปลกตรงที่ร้อยไม่เคยง้อ”

“…”

เหมือนถูกอะไรสักอย่างพุ่งเข้าใส่เต็มๆ ร้อยเอกรีบดึงความสนใจกลับมายังจานข้าวของตัวเอง แต่ไม่วายมีเสียงพันเอกลอยมาอีกจนได้

“สงสัยพี่จะได้ฟังข่าวดีเร็วๆ นี้”

“ข่าวดีอะไรครับ จะมีใครแต่งงานเหรอ”

“ไม่น่าถึงขั้นแต่ง แต่ขั้นคบนี่ไม่แน่”

“พี่พันพูดเรื่องไรอ่ะ”

ร้อยเอกเกลียดการไม่ตอบ แต่ช้อนมองด้วยสายตาหยอกล้อระหว่างตักโจ๊กเข้าปากชะมัดเลย

เก็บสายตาแบบนั้นเอาไว้อ่อยสาวในสต็อกของตัวเองเถอะ นี่น้องนะ ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะหลงสายตาแห่งความเป็นผู้ใหญ่ของพันเอกง่ายๆ

“ร้อยไปกินบนห้องดีกว่า ไม่อยากคุยกับพี่พันแล้ว” ว่าแล้วก็ลุกยืนพร้อมยกจานข้าวขึ้นมาด้วย

“จะหนีพี่ไปไหนล่ะ ไม่แซวแล้วก็ได้ นั่งกินตรงนี้แหละร้อย ไม่เห็นต้องเดินหนีเลย”

“ไม่ ร้อยไม่อยากฟังเสียงพี่พันแล้ว หยุดพูด!”

“ร้อยเอก”

“หยุดๆๆๆๆ! โอ๊ยร้อยเอกฟังภาษาไทยไม่ออกแล้วววว!”

พันเอกกลั้นเสียงหัวเราะไม่ไหวกับภาพน้องชายที่เดินตึงตังขึ้นไปบนห้อง อีกนานกว่าร้อยเอกจะยอมเดินลงมา และเขามีธุระต้องทำต่ออีกหลายอย่าง คงนั่งตรงนี้เพื่อรอน้องชายไม่ไหว

เมื่อกี้นี้น่ะ เขาแค่แกล้งเล่นเพราะไม่เคยเห็นร้อยเอกง้อคู่กัดตัวเองจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นอะไรดีๆ

ไม่รู้เจ้าตัวสังเกตเห็นมันหรือเปล่า แต่คนนอกที่เลี้ยงร้อยเอกมาตั้งแต่ตัวเท่าเมี่ยงอย่างเขา เห็นประกายวิบๆ วับๆ บนความสัมพันธ์ที่เรียกว่าคู่กัดของทั้งคู่ชัดเจนเลยล่ะ

เห็นทีต้องเปลี่ยนเป็นคู่กัดเสินเจิ้นซะแล้ว



(⺣◡⺣)♡*



Marvin :
กลับก่อนไม่บอกกูเลยนะ บ้านก็ไม่ได้ไกลจากม.มาก รีบจนกูงง



มาวินรัวข้อความใส่ไม่หยุด ทั้งตัวหนังสือ ทั้งสติ๊กเกอร์ โทษฐานที่ร้อยเอกหนีกลับมาก่อนโดยไม่บอก ปล่อยให้รอหน้าตึกคณะเกือบครึ่งชั่วโมง

เขาบอกมาวินตั้งแต่ในห้องเรียนแล้วว่าจะกลับบ้านเร็ว มีธุระด่วนต้องไปทำ ตอนนั้นมาวินเอาแต่กดเกมในโทรศัพท์ การรับปากส่งๆ ทำให้เข้าใจว่าเพื่อนสนิทรับทราบแล้ว ร้อยเอกจึงรีบขับรถกลับบ้านทันทีที่ส่งควิซท้ายชั่วโมงกับอาจารย์เสร็จ

ไม่ถึงสิบนาทีมาวินก็ส่งข้อความมาบอกว่าจำเรื่องที่เขาบอกได้แล้ว จบจากคำขอโทษ เพื่อนรักก็นัดเล่นเกมคืนนี้ และถามรัวๆ ว่าเขารีบกลับทำไม

อยากรีบกลับบ้านนี่ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ

’น้องเอก แม่หายาแก้แพ้ไม่เจอ ไม่ได้อยู่ในชั้นเหรอคะ’

‘น้องเอกเรียนอยู่นี่นา แม่ขอโทษค่ะ ถ้าว่างแล้วตอบแม่หน่อยนะคะ’

‘เมืองน้ำไม่สบาย เห็นว่าเป็นหวัด น่าจะไข้ขึ้นหน่อยๆ ด้วย แม่จะเอายาไปให้พี่เมือง’


ข้อความของแม่ที่ทำให้เขารีบพิมพ์ตอบ และแทบไม่มีสมาธิฟังคำบรรยายของอาจารย์ ต้องคอยถามแม่ตลอดว่าเจอกระปุกยาหรือยัง

ตรงนี้น่าจะเรียกว่าเหตุผลล่ะมั้ง

ทำงานหนัก นอนดึก โดนรถเฉี่ยว แถมเมื่อวานที่นั่งรถมากับเขา...ร้อยเอกเพิ่งนึกได้ว่าเปิดแอร์ซะเย็นฉ่ำ ไม่แปลกหากเมืองน้ำจะไม่สบาย

เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่เมืองป่วยเหรอเนี่ยร้อยเอก

“แย่จังวะกู”

ใช่ แย่มาก

อยากดูอาการเมืองน้ำจะแย่แล้ว

ร้อยเอกหมุนพวงมาลัย เลี้ยวรถเข้าโรงจอดก่อนจะรีบเดินมาบ้านคนป่วยโดยที่ยังสวมชุดนักศึกษา ยังไม่ทันได้เข้าไป แม่ก็โทรมาเรียกให้กลับไปยกข้าวต้มมาเสิร์ฟ เขาเกือบจะหงุดหงิดเพราะความใจร้อนอยู่แล้ว กุญแจบ้านที่แม่ได้มาจากเมืองน้ำนั่นแหละที่ทำให้อารมณ์เย็นลงได้

อย่างน้อยก็ไม่ต้องกดกริ่งเรียกพี่เมืองออกมา

บ้านหลังใหญ่เงียบสงบ และปิดทึบทุกบานประตู ร้อยเอกไม่กล้าเปิดม่านเพราะชั้นล่างไม่ค่อยมีใครลงมาเป็นปกติอยู่แล้ว เลยทำได้แค่เปิดไฟเพิ่มความสว่างเท่านั้น

เขาก้าวขึ้นมาหยุดอยู่หน้าห้องนอนที่มีของตกแต่งกุ๊กกิ๊กๆ เต็มไปหมดตามสไตล์ผู้เป็นเจ้าของ ลองหมุนลูกบิดและพบว่าประตูไม่ได้ล็อก คนตัวสูงจึงประคองถาดไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ใช้มืออีกข้างผลักประตูเพื่อเคลื่อนตัวเข้าไปด้านใน

“ร้อยเอก...”

“ก็ผมน่ะสิ”

ร้อยเอกวางถาดข้าวไว้บนเตียง นั่งลงบนโต๊ะทำงานโดยหันหน้าเข้าหาคนตัวเล็กที่นอนห่มผ้าขึ้นถึงลำคอ ดวงหน้าน่ารักขาวซีดเพราะพิษไข้ ตำแหน่งเดียวกับโคมไฟมีกล่องทิชชูสำหรับซับน้ำมูกที่ไหลจากจมูกแดงๆ และมีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่ตรงหน้าผาก

“ไข้ลดบ้างยังครับ”

“มาได้ไงเหรอ”

“ตอบไม่ตรงคำถาม” คนบนเตียงย่นหัวคิ้ว เห็นแบบนั้นร้อยเอกเลยรีบเอ่ยต่อ “ตอบมาก่อน เดี๋ยวผมจะบอกว่ามาได้ไง”

“ไข้ลดไปเยอะแล้ว นี่ก็เพิ่งตื่น นอนไปตั้งห้าชั่วโมง เหงื่อออกเต็มเลย”

ไม่แค่พูดเปล่า เมืองน้ำยังถลกแขนเสื้อโชว์ให้อีกคนเห็นว่าความเปียกชื้นจากเหงื่อที่ผุดขึ้นทั่วผิวขาว

ร้อยเอกหัวเราะเบาๆ กับการกระทำราวกับเขาอายุมากกว่า ได้เห็นพี่เมืองมุมนี้ก็แปลกตาดีเหมือนกัน

ปกติเห็นแต่มุมมารร้าย

เจอมุมเด็กน้อยเข้าหน่อย

“นอนเยอะๆ นั่นแหละดีแล้ว เดี๋ยวจะช็อกไปซะก่อน พี่เคยดูข่าวมั้ย ที่คนทำงานโดยไม่พักจนช็อกตายอ่ะ”

“แช่งป้ะ”

“ถ้าแช่งจะพูดแรงกว่านี้”

ไม่รู้สิ น่ารักดีมั้ง

“อย่าคิดมากน่า ไม่ได้แช่งจริงๆ เตือนเพราะว่าห่วง กลัวจะลุกมาด่าไม่ได้”

“แล้วจะบอกได้ยังว่ามาได้ไง”

“แม่ใช้”

“แค่นี้เหรอ”

“แล้วพี่จะเอาแค่ไหนล่ะ” ร่างสูงยกถาดบนเตียงขึ้นมาไว้ในมืออีกรอบเมื่อเจ้าของห้องค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง “จะให้บอกว่าผมเป็นห่วงมาก ก็เลยรีบมาดูอาการพี่ งี้เหรอ”

“ร้อยพูดงี้เองนะ”

“เดี๋ยวดิ ผมยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจริงไม่จริง”

“พี่ก็ยังไม่ได้สรุปเลยนะว่าจริงไม่จริง”

“…”

ควิซวันนี้มั่นใจว่าได้เต็ม วิชาไหนๆ ก็ไม่เคยได้ต่ำกว่า B+ สงสัยวันนี้จะติด F วิชาเอาตัวรอดจากเมืองน้ำซะแล้ว

“กินข้าวกินยาเหอะ”

“แล้วเมื่อกี้ สรุปว่าห่วงจริงมั้ย”

“มันสำคัญรึไง”

“สำคัญสิ”

“…”

“ถ้าไม่สำคัญจะอยากรู้เหรอ”

เป็นคนที่ทำให้ร้อยเอกเจอทางตันได้ตลอดเลยจริงๆ

เมืองน้ำเบนความสนใจไปที่ถาดข้าวเมื่อคนตัวสูงปล่อยให้คิดเองเออเอง แน่นอนเลย ถึงไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่อย่างน้อยในฐานะคนรู้จักก็ได้ เมืองน้ำต้องคิดว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงอยู่แล้ว

ห่วงแบบคนรู้จักก็ยังดี แค่นี้ก็ทำให้ยิ้มได้แล้ว

“แก้มจะแตกมั้ย ผมบอกให้กินข้าว”

“รู้แล้วน่าๆ ยิ้มหน่อยก็ไม่ได้”

ดุจริงจริ๊ง คู่กัดใครก็ไม่รู้

“เปิดแอร์ให้หน่อยได้มั้ย เปิดแต่หน้าต่างอย่างเดียว มันร้อนอ่ะ” คนที่ตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวจนแก้มป่องออกมาน้อยๆ เอ่ยบอกเสียงแผ่ว และคนตัวโตที่นั่งมองนิ่งๆ ส่งสายตาขุ่นๆ กลับมาตามคาด “ไข้ลดลงเยอะแล้ว มีแรงลุกนั่งแล้วเนี่ย ไม่เชื่อมาจับตัวดูเลย”

“ปกติพี่เปิดแอร์กี่องศา”

“ยี่สิบ”

“เปลืองไฟตาย” บ่นไปอย่างนั้น พอจบประโยคคนปากร้ายก็เอื้อมหยิบรีโมทคอนโทรลเครื่องปรับอากาศ “ยี่สิบห้าพอนะ เย็นกว่านี้ได้ไข้ขึ้นอีกรอบพอดี”

วางรีโมทลงบนโต๊ะทำงาน Macbook Pro ของเจ้าของห้องเปิดฝาพับค้างไว้ คงทำงานแล้วพักหน้าจอเพื่อมานอน ร้อยเอกลองเอานิ้วกดเบาๆ บนคีย์บอร์ด แค่วินาทีจอแล็ปท็อปก็พลันสว่างวาบ

มือเจ็บก็ยังนั่งตัดคลิปอยู่อีก เชื่อเขาเลย

“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย”

คนถูกเรียกเงยมองใบหน้าหล่อ เห็นร้อยเอกชี้นิ้วไปที่แอพตัดวิดีโอก็เข้าใจว่าเจ้าตัวหมายถึงอะไร

“ไม่มีหรอก เหลือแค่เรนเดอร์คลิปก็เสร็จแล้ว แต่เรนเดอร์ก็นานหน่อย ลูกค้าจะเอาโหร์เค ไฟล์มันใหญ่อ่ะ ต้องใช้เวลา”

“งั้นผมเรนเดอร์ให้มั้ย”

“ร้อยใช้แอพนี้เป็นเหรอ”

“เป็นดิ เคยใช้ตัดคลิปส่งอาจารย์ แต่ใช้ในวินโดว์อ่ะ ไม่เคยใช้ในแมค ไม่รู้มันเหมือนกันมั้ย”

“คล้ายๆ กัน แต่เดี๋ยวพี่ทำเองก็ได้”

“พี่เมือง”

“…”

“พี่นอนพักเถอะครับ ให้ผมทำให้ เอาลงไอคลาวด์ใช่มั้ย เขียนเมลส่งลูกค้าไว้ก็ได้ เดี๋ยวส่งงานให้ด้วยเอ้า”

ใจดีอีกแล้ววว~

อยากจะพูดซ้ำๆ ว่าช่วงนี้ร้อยเอกใจดีกับเมืองน้ำมากๆ ใจดีผิดปกติ ใจดีโคตรๆ ใจดีที่สุด ใจดีอะไรขนาดนี้

“งั้น...รอร้อยส่งคลิปเสร็จพี่ค่อยนอนต่อแล้วกัน”

“มีงานอื่นอีกมั้ยคืนนี้”

“เปลี่ยนเรื่องเหรอ”

“ก็เรื่องเดียวกันป้ะ”

เป็นความใจดีที่ทำให้ยิ้มและรู้สึกหมั่นไส้ไปพร้อมกัน

“ว่าจะใส่รองเท้าถ่ายรูป เอาไว้แท็กแบรนด์ในไอจีอ่ะ แต่งานไม่รีบ ลงอาทิตย์หน้านู่นเลย”

“ถ้าพี่มีแฟนผมจะคิดว่าเก็บเงินแต่งงานละ ทำงานหนักเว่อร์”

“ไม่เว่อร์หรอก แต่มันจำเป็นต้องทำ”

ส่ายศีรษะพัลวัน ขณะที่กินข้าวต้มในถ้วยจนอิ่มท้อง คนตัวเล็กพูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่ร้อยเอกที่ความสงสัยค่อยๆ มีคำตอบทีละน้อยรู้ดีว่าไม่ปกติเอาเสียเลย

ไม่ปกติทั้งเขา ทั้งพี่เมืองนั่นแหละ

เขาเป็นคนประเภทที่หากสงสัยสิ่งไหนจะถามและหาคำตอบทันที แต่กรณีนี้...ยอมรับตรงๆ ว่าไม่กล้า

เห็นแววตาตอนพูดคำว่า ‘จำเป็น’ ของพี่เมืองแล้ว คิดว่ารอจังหวะเหมาะๆ ในการก้าวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวดีกว่า

ร่างสูงยกถาดข้าวมาวางบนโต๊ะทำงาน รอคนที่ล้มตัวนอนห่มผ้าและเปลี่ยนเจลบนหน้าผากจนเสร็จจึงยื่นกระดาษให้เขียนอีเมลลูกค้า เสร็จแล้วจึงเดินกลับมาที่โต๊ะ ขณะอีกคนพลิกตัวมาทางเขา

“นอนสิ”

“เดี๋ยวสิ คนนะ ไม่ใช่สวิตช์ไฟ จะได้ปิดปุ๊บหลับปั๊บ”

ขนาดไม่สบายยังน่าบีบ

สุดยอดไปเลยเมืองน้ำ

“พี่ใส่รองเท้าถ่ายรูปคืนนี้เลยก็ได้นะ ระหว่างเรนเดอร์ไฟล์ ให้ผมช่วยใส่ให้ จะได้ประหยัดแรง”

“คุณเป็นใคร!”

ตาคู่คมละจากเมนูบนจอสี่เหลี่ยมมายังคนตัวนิ่มที่กำลังทำหน้าจริงจังใส่เขา

“คายร้อยเอกออกมา คุณเป็นใคร คายน้องเอกออกมาเดี๋ยวนี้นะ”

“พูดอีกทีสิครับ”

“น้องเอกไม่ดีขนาดนี้ คายน้องออกมานะ!”

“พูดอีก”

“น้องเอก...”

“พูดคำว่าน้องเอกอีกทีจะจับโยนจากชั้นสองตอนนี้แหละ”

“อุ้ย”

“...”

“ร้อยเอกกลับมาแล้วอ่ะ ไม่ต้องคายแล้วก็ได้”

ใครสอนให้ทำหน้าทำตาแป้นแล้นขนาดนี้นะ

ถ้าเมืองน้ำหายตัวไปก่อนไฟล์งานจะเรนเดอร์เสร็จ ขอให้รู้ไว้เลยว่าร้อยเอกกลืนเมืองน้ำลงท้องไปแล้ว

หมั่นไส้ว่ะ หมั่นไส้จริงๆ

อยากตีแรงๆ จนกว่าปากมุบมิบนั่นจะเบะเพราะร้องไห้จ้าเป็นเด็กอนุบาลสักที



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำแคปคำชมจากลูกค้าส่งให้ผู้ช่วยชั่วคราวอย่างร้อยเอก ก่อนจะเก็บลงกระเป๋าและหยิบกุญแจมาล็อกประตูเล็กให้แน่นหนา นึกว่าจะต้องป่วยเป็นอาทิตย์ซะแล้ว พิษไข้ที่บรรเทาลงหายเป็นปกติในวันต่อมา ความเจ็บที่บาดแผลทั้งมือและหัวเข่าค่อยๆ ดีขึ้นจนเดินเหินได้สะดวก เช้าวันนี้เมืองน้ำถึงลุกมาแต่งตัวไปมหา’ลัยได้

ไม่ทันก้าวพ้นหน้าบ้าน เท้าคู่เล็กก็ต้องชะงักกับรถยนต์คันสวยที่ถอยหลังมารวดเดียว และเบรกเร็วๆ จนเกิดเสียงเมื่อตำแหน่งด้านข้างคนขับตรงกับจุดที่เมืองน้ำยืนอยู่

“ถอยมาดีๆ ไม่ได้รึไง!”

ปั้นเสียงเขียวใส่คนที่ลดกระจกทึบลงจนสุด ถ้าก้าวยาวขึ้นอีกนิด ล้อราคาแพงของรถร้อยเอกต้องบดเท้าเมืองน้ำจนแบนติดถนนแน่ๆ

“ได้ แต่กลัวไม่ทัน”

“ไม่ทันอะไร”

“กลัวถอยมารับพี่เมืองไม่ทันไง”

อะไรของเขา

ร้อยเอกไม่ได้บอกไว้ว่าจะให้ติดรถไปมหา’ลัยด้วยกัน เพราะพอช่วยใส่รองเท้าและถ่ายรูปเสร็จ เมืองน้ำหลับไปก่อนไฟล์งานจะอัพโหลดเสร็จเสียอีก รู้สึกตัวอีกทีก็ไม่เห็นเจ้าตัวนั่งอยู่ในห้อง มีแค่โพสต์อิทที่เขียนไว้ว่าส่งงานให้แล้ว

ลืมบอกหรือเปล่านะ

“ทำไมไม่ไลน์มาบอกก่อนล่ะ พี่จะได้รอ”

“ไม่อยากให้เสียงไลน์รบกวน”

อยากเล่นมุกคายร้อยเอกออกมาจริงๆ แต่ถ้าเล่นตอนนี้ ต้องโดนขู่ด้วยวิธีโหดๆ ตามสไตล์อีกคนแน่

“ขึ้นรถมาครับ เดี๋ยวรถติด”

“ขึ้นทางด่วนมั้ย”

“เร็วๆ เหอะน่า”

เมืองน้ำยักไหล่ใส่เจ้าของรถที่ปลดล็อกประตูรอ ก้าวขึ้นมานั่งโดยดี และคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย

ตาคู่ใสขยายกว้างจากเดิมเล็กน้อยเมื่อนึกได้ว่าอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียน

“ต่อไปนี้พี่ไม่ต้องขึ้นแท็กซี่ไปเรียนแล้วนะ ติดรถไปกับผมก็ได้ ประหยัดน้ำมัน” พูดพลางเหยียบคันเร่ง หมุนพวงมาลัยเลี้ยวไปยังทางออกหมู่บ้าน ทำให้เมืองน้ำต้องหยุดเรื่องที่จะพูดไว้ชั่วคราว

“ไม่เป็นไรหรอก พี่ขึ้นแท็กซี่ได้ เกรงใจร้อยเปล่าๆ”

“เปลืองเงิน”

“…”

“อีกอย่างนะ ผมเช็กในเว็บดูดวงมา ช่วงนี้ราศีพี่ดวงไม่ค่อยดีด้วย ถ้าโดนรถเฉี่ยวอีกรอบจะว่าไง”

ปกติร้อยเอกไม่ค่อยเชื่อเรื่องดวงไม่ใช่หรือไง เห็นด่าเมืองน้ำตลอดเวลา เวลาส่งลิงก์ดูดวงไปแกล้งในแชท ยิ่งตอนไหนเห็นแม่ของเมืองน้ำเชิญหมอดูมาดูฮวงจุ้ยที่บ้าน ก็ยิ่งหาเรื่องกระแนะกระแหนได้เรื่อยๆ

แต่เอาเถอะ ความคิดคนเราเปลี่ยนได้เสมอ ตอนนี้ร้อยเอกอาจจะเชื่อเรื่องดวงขึ้นมาแล้วก็ได้

“สรุปว่าไง”

“ว่าไงอะไร”

“เรื่องที่ผมพูด”

“อ๋อ ได้สิ แต่ถ้าวันไหนร้อยไม่ว่าง พี่ขอขึ้นแท็กซี่ไปเองนะ”

“พี่เมืองนี่ดื้อจริงๆ”

ขนาดเมืองน้ำที่ไม่คิดว่าจะรู้สึกดีกับประโยคดีๆ ของอีกคน เคยคิดว่าถ้าวันหนึ่งโดนพูดใส่แบบนี้ ต้องขนลุกขนพองจนวิ่งแนบไปอ้วกในห้องน้ำแน่นอน

ไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกดี ยังรู้สึกได้เลย

“เอ้อนี่ เกือบลืม พี่จะบอกว่าเราเหลือเวลาอีกตั้งเยอะกว่าจะเข้าเรียน ไปหาอะไรกินก่อนได้ป้ะ ยังไม่ได้กินข้าวเลยอ่ะ” พูดพร้อมใช้มือลูบหน้าท้องแบนราบไปด้วย ร้อยเอกชำเลืองมองเล็กน้อย ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนใหญ่

“พี่เมืองอยากกินอะไร”

“อะไรก็ได้”

“พี่รู้มั้ยว่าอะไรก็ได้เนี่ยมันเป็นปัญหาระดับชาติ”

“ก็ไม่รู้ว่าจะกินอะไรจริงๆ รู้แค่หิว ยังไม่ได้กินข้าวเช้า ก็เลยชวนไปหาของกินนี่ไง”

“เห็นมั้ย แค่นี้ก็ทำให้เราเถียงกันได้ ปัญหาโคตรใหญ่เลยพี่เมือง”

ไม่ได้อยากเถียงด้วยสักหน่อย ใครกันแน่ที่ทำให้เรื่องเล็กๆ บานปลายเป็นเรื่องใหญ่

ใครฮึ ถ้าไม่ใช่ร้อยเอก

“ข้างหน้ามีร้านอาหาร ร้านนั้นแล้วกัน ค่อยเข้าไปเลือกอีกทีนะ”

ตอบมาแค่นี้ก็เรียบร้อย ทำให้หมั่นไส้ตั้งแต่หัววัน สมกับเป็นคู่กัดอันดับหนึ่งของเมืองน้ำจริงๆ

“ว่าแต่ท้องพี่ร้องดังเนอะ เสียงน่าเกลี๊ยดน่าเกลียด”

“น่าเกลียดแล้วจะมาฟังทำไมล่ะ”

“ก็นั่งใกล้กันแค่นี้ ไม่ได้ยินก็คือหูตึงแล้วครับคุณเมืองน้ำ หรือพี่ไม่ได้ยิน นั่นแน่ แก่แล้วก็แบบนี้แหละ”

“แก่อะไรเล่า ห่างกันปีเดียวมั้ย”

“ปีเดียวก็แก่...โอ๊ยยย! พี่เมื้องงงง”

นี่ไง! เห็นมั้ยว่าร้อยเอกเป็นยังไง ทำให้รู้สึกดีได้ไม่เท่าไหร่ ก็แหย่เมืองน้ำจนต้องทุบกำปั้นลงไหล่กว้างซะแล้ว

สัญญาเลยว่าถ้าอีกคนไม่ขับรถอยู่ล่ะก็ มือเล็กๆ ที่ทุบลงบนไหล่นั่นน่ะ จะเปลี่ยนเป็นดึงคนตัวโตกว่าเข้ามารัวฝ่ามือจนกว่าจะพอใจไปเลย

เกลียดสีหน้าตอนพูด ‘นั่นแน่’ ชะมัด

ทะเล้นกว่านี้ไม่อีกแล้ว มันน่านักเชียว

หมั่นไส้!!





(⺣◡⺣)♡*



มีต่อด้านล่างค่า จำนวนตัวอักษรเกินกำหนดแย้วว T^T
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 7 ☆ คู่กัดเสินเจิ้น (25/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 27-09-2018 22:18:17
ต่อฮับบบ -------




บทสนทนาในไลน์กลุ่มเพื่อนสนิทที่มีแค่สามคน เต็มไปด้วยชีทงานที่เพื่อนถ่ายรูปส่งมาให้ เพราะเมืองน้ำขาดเรียนเมื่อวาน แถมยังมีผ้าพันแผลแปะตามตัว พอเดินเข้าห้องเรียน ก็ถูกซักเอาความเหมือนตกเป็นผู้ต้องหาเสียยกใหญ่

ทุกคนสวมบทเป็นผู้ปกครอง ถ้ามีไม้เรียววางอยู่ตรงนั้นคงหยิบมาถือเพื่อเสริมความน่ากลัวไปแล้ว กำชับให้เมืองน้ำดูแลตัวเอง พักผ่อนเยอะๆ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็ต้องรีบบอก ห้ามหายไปเฉยๆ อย่างนี้อีก

ไม่ได้หายไปเฉยๆ สักหน่อย แค่ยุ่งมาก เลยลืมบอกให้เพื่อนรู้ต่างหาก

ครั้งหน้าถ้าเกิดอะไรขึ้น สัญญาว่าจะไม่ลืม แต่ถ้าเลือกได้ อย่ามีเรื่องไม่ดีเข้ามาในชีวิตอีกเลยนะ

สาธุ!



101 :
หน้าเครียดเชียว คุณครูไม่ให้นอนกลางวันเหรอ



แจ้งเตือนบนหน้าจอล็อกทำให้ตาสวยละจากสมุดจดงานตรงหน้า มือขาววางดินสอลงบนโต๊ะหินอ่อน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อกเพื่อเข้าไปพิมพ์ตอบกลับเจ้าของข้อความ



m.nam ☆° :
นอนกลางวันอะไรล่ะ
เย็นแล้วป้ะ
แล้วพี่ก็ไม่ใช่เด็กอนุบาลด้วย ถึงต้องมานอนกลางวันอ่ะ


101 :
อ้าวเหรอๆๆ
ขนาดตัวได้ นึกว่าอยู่อนุบาล



วันไหนไม่กวน วันนั้นหิมะตกเมืองไทยแน่นอน

เมืองน้ำไม่ตอบกลับ ยู่ปากใส่คนที่นั่งห่างกันแค่สี่โต๊ะ ฟาดใบหน้างอๆ แล้วจึงกดสายตากลับมาที่สมุดจดงาน

เพราะร้อยเอกบอกให้กลับด้วยกัน พอช่วยเพื่อนจัดบูธสำหรับงานโอเพ่นเฮ้าส์เสร็จ เมืองน้ำก็ถูกโทรตามให้มานั่งรอหลังตึกเกษตร

ไม่คิดว่าจะมีมุมนี้ให้เห็น

น้องเอกของใครต่อใคร พอรับหน้าที่เป็นพี่ร้อย รุ่นพี่ปีสาม ติววิชาพื้นฐานให้รุ่นน้องปีหนึ่ง

ก็...เท่ไม่เบา

หนึ่งชั่วโมงที่นั่งอยู่ตรงนี้ ไม่มีช่วงไหนที่เบื่อเลย ไล่อ่านไลน์ไปเรื่อยๆ ดูว่าใครมาดีลงาน และมีงานไหนที่พอจะทำได้บ้าง หลายครั้งที่ถูกจ้างให้รีวิวอาหารเสริมสรรพคุณแปลกๆ แบบที่กินแล้วไม่น่าจะเกิดขึ้น ก็ได้แต่ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ

อีกสิ่งที่ทำให้ไม่เบื่อนอกจากร่มเงาต้นไม้ และลมเย็นฉ่ำที่พัดอ้อยอิ่งอยู่ตลอด คือการวาดรูปติวเตอร์ชั่วคราวอย่างร้อยเอกใส่สมุด แล้วถ่ายเก็บไว้เพื่อลงไอจีไปเมื่อสิบนาทีที่ก่อน

นี่อาจเป็นสาเหตุที่อีกคนไลน์มากวนเมืองน้ำก็ได้



101 :
สามร้อย


m.nam ☆° :
อะไร


101 :
สามร้อยไง
ค่าแบบวาด อยู่ดีๆ จะมาวาดหน้าผมลงไอจีไม่ได้นะพี่เมือง


m.nam ☆° :
เกลียดอ่ะร้อย
โคตรงก


101 :
ตัวเองงกกว่าผมอีก


m.nam ☆° :
หลอออ


101 :
พิมพ์ดีๆ หน่อย


m.nam ☆° :
ดีๆ


101 :
เออ!
เกลียดผมแต่วาดรูปผม อืมๆๆๆๆ


m.nam ☆° :
ก็วาดเฉยๆ ไม่มีไรทำ


101 :
ครับ เชื่อๆๆๆๆ


m.nam ☆° :
โอ๊ยยย!!!



อยู่ดีๆ ร้อยเอกก็หัวเราะจนรุ่นน้องที่นั่งล้อมทั่วโต๊ะหันมามองเป็นตาเดียว

ให้ตาย...ถ้าเด็กพวกนี้เป็นมาวิน เขาโดนชงยับแน่

จะไม่ให้ขำได้ยังไง ในเมื่อใบหน้าน่ารักเอาเรื่องซะขนาดนั้น เข้าสู่โหมดคู่กัดตอนไหน เมืองน้ำก็หน้างอตอนนั้น น่าถ่ายไปแท็กในไอจีเป็นบ้า แฟนคลับที่มองพี่เมืองเป็นนางฟ้าจะได้มาเห็นมุมนี้บ้าง

ที่ทุบไหล่เขาเมื่อเช้า ยังจำความรู้สึกได้อยู่เลยนะ

มือเล็กแค่นี้ แต่แรงเยอะจะตาย

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน หลังโอเพ่นเฮ้าส์ค่อยมาติวใหม่ ทำข้อสอบให้ได้นะ ใครสอบตกเลี้ยงบุฟเฟ่ต์”

ชี้นิ้วคาดโทษใส่รุ่นน้องที่กำลังโอดครวญกับข้อตกลง ร้อยเอกใช้เวลาเก็บของไม่นานนัก แยกตัวจากน้องปีหนึ่งมายังโต๊ะที่ห่างออกไปสี่ตัว

“กลับบ้านกัน”

เมืองน้ำเกือบร้องเหวอตอนที่คนตัวสูงหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นไปสะพาย ริมฝีปากนุ่มเม้มอย่างครุ่นคิด ประสบการณ์ช่วงนี้สอนให้รู้ว่าร้อยเอกขัดใจไม่ค่อยได้ ฉะนั้นความตั้งใจที่จะขอกระเป๋าซึ่งเก็บของใส่หมดแล้วคืนจากอีกคน

“ดีนะรถจอดไม่ไกล พี่ไม่ต้องเดินเยอะ แล้วหิวรึยัง”

คงต้องพับเก็บไปก่อน

“หิวแล้ว อยากกินชาบูอ่ะ”

“มีอะไรที่มันง่ายกว่านี้มั้ย”

“งั้นกลับไปทอดไข่ดาวที่บ้าน”

“กว่าจะถึงบ้าน ท้องร้องเป็นฟ้าผ่าพอดี”

นี่เมืองน้ำกับร้อยเอกเข้าสู่โหมดคู่กัดอีกแล้วเหรอ

บ่นอุบในใจขณะก้าวตามคนขายาวที่เดินนำอยู่ด้านหน้า แทนที่ร้อยเอกจะตอบให้รู้เรื่อง อีกคนกลับเงียบและเดินบนฟุตปาธไปเรื่อยๆ ไม่เป็นไร สงบศึกไปก่อนก็ได้ ยังไงระหว่างทางกลับก็มีเวลาตกลงเรื่องที่คุย

ส่วนตอนนี้...

“จะเดินไวไปไหนเนี่ย”

เมืองน้ำหงุดหงิดเรื่องนี้ที่สุดเลย!

“เดินช้าหน่อยสิร้อย พี่ตามไม่ทัน”

“โทษที ผมเดินเร็วจนชิน”

ถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคนตรงหน้าค่อยๆ ชะลอความเร็ว

“ให้พี่ไปเดินข้างหน้ามั้ย มองไม่ค่อยเห็นทาง”

“พี่เมืองเดินข้างหลังนั่นแหละดีแล้ว”

“ทำไมอ่ะ”

ร้อยเอกเดานะ น้ำเสียงแบบนี้ เมืองน้ำทำหน้างออยู่แหงๆ

“พี่ตัวเตี้ยอ่ะ”

“เกี่ยวอะไรกับเตี้ย ก็ไม่ได้เตี้ยมากป้ะ ตัวเองตัวสูงเองมั้ย”

“ก็เตี้ยจนบังแดดไม่ได้มั้ยล่ะ”

“...”

“พี่อยากผิวเสียรึไง”

เมืองน้ำ...

“ถ้าพี่ผิวเสียจะรับงานได้มั้ย คิดหน่อย”

พูดไม่ออก

ร้อยเอกเป็นคิดอะไรคนลึกซึ้งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มาบังแดดให้คนอื่น ขณะที่ตัวเองโดนแดดเต็มๆ เนี่ยนะ คนที่เสี่ยงผิวเสียน่ะเป็นเด็กตัวสูงคนนี้มากกว่า

เมืองน้ำจับกระเป๋าใส่ของที่พาดอยู่บนไหล่กว้าง เปิดซิปออกและควานหาของข้างใน ไม่นานก็หยิบหลอดครีมกันแดดยื่นให้คนตรงหน้า

“คนอะไรพกครีมกันแดดมาเรียน”

“คนอย่างเมืองน้ำนี่แหละ”

“ก็ถูก”

ใช่ ก็ถูกที่คนอย่างเมืองน้ำพกครีมกันแดดมาเรียน แต่คนอย่างร้อยเอก เคยใช้ของพวกนี้ซะที่ไหน

เดินถึงรถพอดี คงไม่ต้องใช้แล้วมั้ง

แต่เขาจะจำชื่อแบรนด์ไว้ เพราะคงต้องไปหาซื้ออีกที

จู่ๆ ร้อยเอกก็อยากลองใช้ครีมกันแดดครั้งแรกในชีวิต ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



101 :
(https://i.imgur.com/8n4XkHS.jpg)
คนอะไรซัดชาบูจนท้องป่อง ยังจะมากินไอศกรีมอีก
อ้วนหมดแล้ว เมืองน้ำลงพุงๆๆๆ 5555555555


101 :
อ้าวสัส
ผิดแชท


Marvin :
อุ้...


101 :
อย่าชง


Marvin :
กัปตัน...


101 :
อย่านะมึง


Marvin :
กัปต๊านนนนนนนนนนน!!!


101 :
มีเพื่อนอย่างมึงคือกูอยากตาย!!
พอ!



(https://i.imgur.com/MrRL4gF.jpg)
(กดที่รูปเพื่อขยาย)


tbc



ติดตามกันได้ที่ทวิต @erp_up + เพจ errorpop author
หรือบอกเล่าความรู้สึกผ่านคอมเมนต์และแท็ก #ร้อยเมือง ได้เลยนะคะ <3

ขอบคุณเสมอที่เอ็นดูน้องๆ ค่าา /)///(\

ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
อยากเป็นคนสำคัญของเธอ - ยิปโซ อริย์กันตา
https://youtu.be/PGfPNuFMNfg  (https://youtu.be/PGfPNuFMNfg)
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 7 ☆ คู่กัดเสินเจิ้น (27/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 28-09-2018 02:45:08
ขำความผิดแชท 55555555 ลูกเรือไม่ต้องพายแล้ว กัปตันมาเอง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 7 ☆ คู่กัดเสินเจิ้น (27/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-09-2018 14:36:39
จะ unsent ก็คงไม่ทันสิ่นะร้อย 555
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 7 ☆ คู่กัดเสินเจิ้น (27/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-09-2018 16:14:38
อุ๊!!!!  :hao7:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ update chapter 7 ☆ คู่กัดเสินเจิ้น (27/09/18) ⎮
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 29-09-2018 19:10:05
 :hao7: กัปต๊านนนนน
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 8 ☆ ผัวเตี้ย เมียนางแบบ (01/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 01-10-2018 14:19:03
8

ผัวเตี้ย เมียนางแบบ




“เมื่อวานอ่ะไม่ใช่การผิดแชทแน่ๆ แต่มึงตั้งใจส่งมาให้กูเพื่อบอกว่ามึงเลิกเป็นคู่กัดกับพี่เมืองแล้วใช่มั้ยเพื่อนร้อย กูรู้ทันมึงนะ”

“รู้ทันอะไรวะ”

“อย่าให้กูต้องพูดซ้ำ”

“โอ๊ยยย! อะไรของมึงเนี่ย”

มโนเป็นตุเป็นตะ

จะมีใครตั้งใจส่งแชทหาเพื่อนที่คอยชงตัวเองกับคนอื่นให้มันยิ่งชงกว่าเดิมแบบที่มาวินคิดบ้าง ร้อยเอกอยากรู้นัก เขาพยายามไม่สนใจคำพูดเพ้อเจ้อของมาวินก็แล้ว แต่แววตาเป็นประกายและมือที่มักจะหงิกงอบวกกับเสียงหงิงๆ เวลาฟินขั้นสุดก็สร้างความหงุดหงิดให้จนได้

ตั้งแต่เดินเข้าบูธคณะมาจัดของ จนงานโอเพ่นเฮ้าส์ของมหา’ลัยเริ่มขึ้นแล้ว มาวินยังไม่หยุดชงเลย

อยากทุบหัวมันให้แบะ เพื่อนเวร

“มาช่วยกูเรียงโบว์ชัวร์นี่มา อย่ามัวแต่เขิน” พูดพลางยื่นกระดาษปึกใหญ่ให้คนตรงหน้าที่ยังยิ้มไม่หยุด

“ก็กูเขินจริงๆ มึงคิดดูดิ เรือที่กูพร่ำชงทุกวี่ทุกวัน จู่ๆ ก็มีแววว่ากัปตันจะรักกันจริงๆ ขึ้นมา ไอ้เชี่ย คือกูแบบ เป็นชิปเปอร์ที่คอมพลีทสัสๆ”

รับโบว์ชัวร์ไปเรียงด้วยท่าทางระริกระรี้...

สุดแสนจะอยากถีบ

เรื่องแชทเมื่อวาน ขอสาบานต่อหน้าฟ้าดินเลยว่าร้อยเอกส่งผิดแชทจริงๆ

เขาเถียงกับเมืองน้ำอยู่นานว่าจะกินชาบูร้านไหน เห็นตัวเล็กแบบนั้นแต่พอหิวแล้วเหมือนองค์ลง เพิ่งรู้ว่าพี่เมืองกินเก่งกว่าเขาเสียอีก เขาถ่ายรูปไอศกรีมรูปนั้นไว้ตอนที่อีกคนลุกไปคีบกุ้งเทมปุระที่พนักงานเพิ่งยกมาเสิร์ฟตรงเคาน์เตอร์อาหารญี่ปุ่น และกว่าจะกลับถึงบ้านก็เล่นเอาเหนื่อย

เพราะความเหนื่อยถึงทำให้เบลอจนส่งผิดแชทไป

ร้อยเอกขี้เกียจอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ระหว่างเขากับเมืองน้ำ ที่จริงไม่มีอะไรพิเศษจนต้องเล่าด้วยซ้ำ แค่ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น เรียกว่าญาติดีกันได้มั้ย ก็อาจจะ...แค่อาจจะไม่ได้แปลว่าญาติดีแล้วสักหน่อย

จริงๆ นะ

“เดี๋ยวมึงเอาโบว์ชัวร์ไปให้น้องที่ขายน้ำในบูธ แจกให้ทุกคนที่มาซื้อ แล้วก็ไปแปลงสาธิตกับกู ป่านนี้พวกรุ่นพี่บ่นกูจะตายละ”

“เปลี่ยนเรื่องไวจริ๊ง”

“จะไปไม่ไป”

“ไปแล้วโว้ยยย ไม่ต้องยกตีนมาขู่กูก็ได้”

“คนวอนตีนต้องได้ตีน เก็ทไม่เก็ท”

“มึงมันป่าเถื่อนเหมือนพระเอกตบจูบ!!”

เพ้อเจ้อ

ร้อยเอกถอนหายใจเบาๆ เหนื่อยหน่ายกับเพื่อนสนิท วางเท้าที่ยกขึ้นขู่มาวินลงที่เดิม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไล่ดูข้อความในแอพไลน์

มีแต่แชทกลุ่มคณะที่เด้งตลอดเวลา กลุ่มเล่นเกมที่ชวนซื้อไอเท็มเด็ดๆ ที่เขามีเก็บไว้แล้ว หรือไม่ก็พวกที่ทักมาชวนพัฒนาความสัมพันธ์ทุกวันแม้เขาจะไม่เคยตอบ มีสองพันข้อความที่ยังไม่เปิดอ่าน ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีแชทจากเมืองน้ำ

นี่เขา...

รอข้อความจากพี่เมืองเหรอ

ในวันโอเพ่นเฮ้าส์ที่ผู้คนคึกคัก ทุกคณะ ทุกสาขาจัดกิจกรรมให้คนภายนอกเข้ามาเยี่ยมชม มีสื่อมวลชนเข้ามาทำข่าวทั้งสื่อออนไลน์ สื่อวิทยุโทรทัศน์ และสื่อสิ่งพิมพ์ คนดังอย่างเมืองน้ำคงยุ่งจนไม่มีเวลาหันซ้ายหันขวา

รู้อยู่แล้วว่าพี่เมืองยุ่งมาก แล้วทำไมต้องรอล่ะร้อยเอก

ก็คง...ชินมั้ง ช่วงนี้คุยกันบ่อย พอไม่ได้คุยเลยรู้สึกแปลกๆ

เกิดจากความเคยชินทั้งนั้นล่ะ ไม่เห็นต้องคิดเยอะเลย

‘มึงเห็นยังวะ พี่รักษ์เลิกกับแฟนแล้วนะ’

ข้อความล่าสุดในกลุ่มคณะทำให้มือที่เตรียมกดล็อกโทรศัพท์หยุดชะงัก ร้อยเอกเผลอกำตัวเครื่องในมือแน่นขึ้นเมื่อข้อความต่อมามีชื่อใครบางคน

‘แซ่บนัวๆๆ เห็นแฟนเก่าโพสต์ด่าพี่รักษ์ซะยับ ฝั่งพี่รักษ์ก็ลบรูปคู่แฟนออกจากไอจีหมดเลยจ้า’

คนที่เป็นคู่กัดของเขา...

‘พริกสิบเม็ดเลยว่ะ 5555555’

‘งี้ก็เข้าทางเมืองน้ำเลยดิ ถ้าพี่รักษ์เลิกกับแฟนแล้ว’

‘บ้าน่า อาจจะไม่มีอะไรในกอไผ่ก็ได้’

‘กูว่ามีเต็มกอไผ่ เผลอๆ ล้นออกมาด้วยว่ะ มึงไม่เห็นอ่อว่าเมืองน้ำโพสต์ไอจีแปลกๆ ไม่แท็กหา แต่แคปชั่นหมายถึงใครสักคน พี่รักษ์ชัวร์’

‘รอบนี้ไม่พลาด พี่รักษ์เปลี่ยนมาคบกับเมืองน้ำแน่ๆ’

เขาเปิดเข้าไปอ่านโดยไม่ต้องชั่งใจเลยด้วยซ้ำ คนตัวสูงกัดฟันกรอด พยายามระงับอารมณ์เพื่อไม่ให้มาวินที่เดินกลับมาสงสัยเอาได้ คว้ากระเป๋าขึ้นมาพาดไหล่ แล้วก้าวตามเพื่อนที่เดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปยังแปลงสาธิตหลังตึกคณะ

สัญญาว่าถ้าพวกคนที่พูดเรื่องเมืองน้ำเสียๆ หายๆ ยืนอยู่แถวนี้ เขาจะเข้าไปเอาเรื่องพวกมันทีละคน

ถึงไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็หวังว่าเพื่อนพี่เมืองจะไม่แคปไปให้ดูอีก พี่เมืองไม่แสดงออก ก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรกับข้อความของคนพวกนั้น

ที่จริงต้องพูดว่าเมืองน้ำไม่เคยแสดงออกเลยต่างหาก

แล้วเรื่องโพสต์ในไอจี ไม่ใช่ภานุรักษ์เลยสักนิด

ทั้งรูปก้อนเมฆร้องไห้ แก้วชา และอีกหลายรูปที่พี่เมืองถ่ายไปลง พี่เมืองหมายถึงเขา

เข้าใจมั้ย พี่เมืองโพสต์ถึงร้อยเอกคนเดียว



(⺣◡⺣)♡*



“พี่เมืองคะ หนูชอบพี่เมืองมากๆ เลยค่ะ”

“กรี๊ดดด!! ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะพี่เมือง”

“เรียนมนุษย์แต่ทำไมเป็นนางฟ้าล่ะคะ!!”

“ขอท่าชูสองนิ้วด้วยนะคะ”

“มินิฮาร์ทกับท่าบันทึกคุณไว้ในหัวใจด้วยค่ะพี่ เนมาอึมโซเก ช้อจัง! ท่านี้ฮิตมากๆ หนูช้อบชอบ”

เป็นวันที่เมืองน้ำรู้สึกหล่อมาก

ถ้าถามว่าใครชม ตอบโดยไม่ต้องคิดว่าไม่มี

อุตส่าห์แต่งตัวดีๆ ผูกเนคไทอย่างเรียบร้อย เซตผมด้วยทรงที่คิดว่าดีที่สุด ออกมายืนต้อนรับนักเรียนและคนนอกที่เข้ามาเยี่ยมชมโซนแสดงผลงานคณะมนุษยศาสตร์ ตั้งแต่งานเริ่ม ไม่มีเพื่อนหรือรุ่นน้องคนไหนชมว่าเมืองน้ำหล่อสักคน

นอกจากคำว่าน่ารัก ก็ไม่ได้ยินคำไหนอีกเลย

ฉะนั้นทุกครั้งที่มีคนมาทักทายและขอถ่ายรูป เมืองน้ำจะคิดถึงเรื่องความหล่อของตัวเองเสมอ

ไม่มีใครชมก็ต้องให้กำลังใจตัวเอง ชีวิตมันก็มีแค่นี้

“หนูขอไปดูข้างในก่อนนะคะ เดี๋ยวจะแท็กรูปในไอจีไปให้ค่ะ”

“ได้เลย พี่จะรอนะ”

คนตัวเล็กยิ้มกว้างจนแก้มสีพีชกลมมน โบกมือลาน้องมัธยมที่พากันเดินไปอีกทาง พาร่างกายผอมบางอ้อมไปนั่งด้านหลังบูธ กิจกรรมช่วงเช้าเสร็จสิ้นไปแล้ว จากนี้ไปเป็นหน้าที่ของคนอื่น เมืองน้ำมีงานต้องทำต่ออีกสองงาน หนึ่งคือให้สัมภาษณ์กับนิตยสารออนไลน์เพื่อประชาสัมพันธ์มหา’ลัย และสอง...ถ่ายแบบให้เพื่อนคณะนิเทศศาสตร์

ที่ร้อยเอกชอบพูดว่าเมืองน้ำมีกิจกรรมเยอะยิ่งกว่าเมืองไทยประดับชีวิต เห็นทีคงจะจริงล่ะนะ

มือคู่ขาววางแก้วน้ำที่หยิบมาเจาะหลอดดูดลงบนเก้าอี้อีกตัว เอื้อมคว้ากระเป๋าที่แขวนรวมกับกระเป๋าคนอื่นลงมาวางบนหน้าตัก ใช้เวลาครู่เดียวในการหาเครื่องมือสื่อสาร และไม่รอช้าที่จะเข้าไปเช็กห้องแชทของเด็กตัวสูง

ไม่มีข้อความจากร้อยเอก...

นี่เมืองน้ำ...ตั้งตารอ แถมยังรู้สึกนอยด์ที่ไม่มีประโยคกวนๆ จากอีกฝ่ายให้อ่านตั้งแต่เมื่อไหร่

ก็ตั้งแต่รู้สึกดีกับเจ้าตัวนั่นแหละ



101 :
พี่เมืองเป็นไงบ้าง
เหนื่อยมั้ย



ให้ตาย พอคิดถึงแล้วมีข้อความจากอีกคนเด้งขึ้นมา ปากนุ่มก็พลันอมยิ้มน้อยๆ ทาบมือแนบแก้มเนียนเมื่อรู้สึกได้ถึงไอร้อน มั่นใจว่าไม่ใช่เพราะอากาศ แม้จะเลยเที่ยงตรงมาแล้ว แต่แดดแทบไม่มีเลยด้วยซ้ำ คิดว่าเย็นนี้ฝนจะตกแน่นอน ควันร้อนๆ บนแก้มเมืองน้ำมาจากคำถามสั้นๆ ง่ายๆ จากร้อยเอกต่างหาก



m.nam ☆° :
เหนื่อย T^T
เมื่อคืนนอนห้าชั่วโมงเอง โคตรง่วงเลย


101 :
ผมบอกให้นอนไม่เกินเที่ยงคืนไง
นอนดึกเลยได้นอนแค่ห้าชั่วโมงเนี่ย
แล้วก็มาบ่นว่าเหนื่อย
เห้อ ดื้อชิบ


m.nam ☆° :
ก็งานมันยังไม่เสร็จอ่ะ ต้องทำงานก่อน
อย่าดุเซ่
แล้วนี่อยู่ไหนเหรอ


101 :
แปลงสาธิต รอคิวไปโชว์ปลูกข้าวให้น้อง ม.ปลายดู


m.nam ☆° :
หูยยย เท่จัง
พี่อยากปลูกมั่งๆๆๆ ขอไปปลูกด้วยได้มั้ย


101 :
เดี๋ยวมือเลอะ ไม่ต้องมาหรอก
มีแต่ดินแต่โคลน ให้พี่เมืองลงนามีหวังผื่นขึ้นพอดี


m.nam ☆° :
;___;
อยากไปอ่าาาา



101 :
พี่เมือง


m.nam ☆° :
นะๆ เนี่ยพี่มานั่งพักแล้ว
ว่าจะไปหาอะไรกิน
มีร้านขายไก่ทอดมาขายด้วย



101 :
หิวอีกละ หิวทั้งวัน


m.nam ☆° :
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
ไม่มีอาหารในท้องจะใช้ชีวิตยังไง
ให้พี่ไปที่แปลงสาธิตนะ



101 :
พี่เมือง


m.nam ☆° :
นะ


101 :
จะมาก็มา เคยฟังกันบ้างมั้ย


m.nam ☆° :
ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ฟังหมดก็ไม่ใช่พี่เมืองดิ
ฮี่ๆ



ก่อนหน้านี้ยังนอยด์อยู่เลย ตอนนี้ดันตรงกันข้ามซะแล้ว

นอกจากทำให้หยุดน้อยใจได้ ร้อยเอกยังทำให้หายเหนื่อยได้ในเวลาเดียวกัน นี่คนหรือยาวิเศษกันเนี่ย



(⺣◡⺣)♡*



“ดื้อ”

สิบเอกยังไม่ดื้อเท่าเมืองน้ำ

นี่ไม่ใช่การใส่ร้าย เขาแค่พูดความจริง แล้วก็...ใช่เลย พอพูดคำนี้ใส่คนตัวเล็กที่ซื้อไก่ทอดกับเฟรนช์ฟรายส์ติดมือมาสามชุด ริมฝีปากสีสดก็ยู่ใส่เขาจังๆ

ร้อยเอกเปลี่ยนชุดนักศึกษาเป็นเสื้อยืดและกางเกงขายาวสีดำ เขาและรุ่นน้องคนอื่นช่วยกันสาธิตวิธีปักดำต้นกล้าบนผืนนาเสร็จก่อนเมืองน้ำจะมาแค่ไม่กี่นาที นั่นทำให้คนที่อยากลงไปเดินในนาด้วยกันอดทำตามใจโดยปริยาย

ขายาวก้าวนำรุ่นน้องไปล้างเนื้อล้างตัวตรงก๊อกน้ำที่ต่อสายยางเส้นยาวเอาไว้ แวะดื่มน้ำที่ทางคณะจัดบริการก่อนจะหยิบขึ้นมาสองแก้ว แล้วเดินตรงมาหาคนที่โบกมือหยอยๆ อยู่ตรงจุดที่คนไม่ค่อยเดินผ่าน

ตรงนี้ไม่มีเก้าอี้ เขากลัวเมืองน้ำจะคันเพราะมีแต่หญ้าแห้งๆ ใต้ต้นไม้ เลยเดินไปขอผ้าปูจากจุดบริการ ตอนนี้คนที่งอแงอยากจะมาให้ได้นั่งอยู่ข้างเขา เอาเจลฆ่าเชื้อออกมาให้เขาล้าง ขณะที่หน้ามุ่ยๆ เพราะโดนพูดคำว่าดื้อเพิ่งจะหาย

ที่บอกว่าดื้อน่ะหมายถึงเรื่องที่คุยในไลน์ พี่เมืองฟังบ้างไม่ฟังบ้างจริงๆ บอกไม่ให้มายังจะมา แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายก็ต้องมานั่งบนผ้าปูบางๆ กับเขา แทนที่จะเข้าไปนั่งรับแอร์เย็นฉ่ำในโรงอาหาร

“โรงอาหารคนเยอะมาก ดีนะที่ร้านไก่ทอดอยู่ข้างนอก แต่ก็ต้องต่อคิวนานอยู่ดี”

คนอะไร พูดขึ้นมาเหมือนรู้ความคิดร้อยเอก

“เพราะงั้นพี่ก็เลยซื้อมาตั้งสามชุดเหรอ”

“แหงสิ เผื่ออร่อยจะได้ไม่ต้องกลับไปต่อคิวอีกไง ป่านนี้ขายหมดแล้วมั้ง ช่วงเที่ยงด้วย เนี่ยคนกำลังหิวเลย”

“คนกำลังหิวนี่หมายถึงคนอื่นหรือหมายถึงตัวเอง”

“ทั้งสองอย่าง”

“เหรอๆ”

ร้อยเอกเบี่ยงตัวหลบมือที่เตรียมจะทุบเพราะน้ำเสียงและสีหน้ายียวนของเขา ปากเรียวจุดยิ้มน้อยๆ ส่วนคนที่บ่นว่าเหนื่อยแต่พูดไม่หยุดลดกำปั้นลงบนตัก เบนความสนใจไปที่ไก่ทอดในถุงกระดาษแทน

จริงๆ ก็รู้ว่ากวนประสาทพี่เมืองแล้วทำให้ยิ้มได้

แต่ไม่คิดว่าจะมีความสุขขนาดนี้

“เย็นนี้กลับก่อนก็ได้นะ พี่ต้องอยู่ถ่ายแบบกับพวกนิเทศอ่ะ น่าจะค่ำเลย” คนตัวเล็กพูดพลางกัดไก่ป๊อปราดซอส เคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนจะยื่นถุงไก่อีกถุงให้คนข้างกาย

“อยู่ถึงกี่ทุ่มครับ”

“น่าจะ...สอง” แล้วก็ชูนิ้วสั้นๆ ขึ้นมาสองนิ้ว

“สองเลย? มหา’ลัยเราโคตรวังเวงเลยนะ ตอนมืดอ่ะ ผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า กลัวพี่เมืองโดนผีหลอก”

“เฮ้ย พี่ไม่กลัวผีนะ”

“พี่ไม่กลัวแต่ผมกลัว”

“มันเกี่ยวอะไรอ่ะร้อย ถ้ากลัวก็กลับบ้านไปก่อนไง ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อน”

“พี่นี่เข้าใจอะไรยากว่ะ ผมเหนื่อยจะพูดละ”

อยู่ดีๆ ก็เหมือนโดนงอน

เฮ้ บอกหน่อยว่าเมืองน้ำผิดอะไร ก็ที่ร้อยเอกบอกมาน่ะงงจริงๆ นะ ไม่อยากกลับก่อนเพราะกลัวเมืองน้ำโดนผีหลอก เมืองน้ำไม่กลัวผี ส่วนตัวเองกลัว เพราะฉะนั้น ให้อีกคนกลับบ้านไปก่อนก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ

แต่ว่า...

“จะให้พูดกี่ครั้งว่าเป็นห่วง ไม่อยากให้พี่เมืองกลับคนเดียว”

ได้ยินแบบนี้ เมืองน้ำก็เริ่มเข้าใจแล้วล่ะ

“ไม่กลัวพี่โดนผีหลอกแล้วเหรอ”

“ไม่อ่ะ ถ้าเข้าบ้านผีสิงคือผมเอาพี่ไปสู้กับผีได้เลย ส่วนผมก็เกาะหลังพี่ตอนสู้”

“ชอบพูดอะไรเว่อร์ๆ เนอะ”

“แต่ตอนพูดว่าห่วงไม่ได้เว่อร์นะ”

อยากให้ไก่ป๊อปติดคอเมืองน้ำนักรึไง...

คนที่พูดออกมานิ่งๆ ตรงไปตรงมา และไม่คิดอะไร คนคนนั้นไม่รู้หรอกว่าคนที่คิดกระโดดโลดเต้นไปไกลแค่ไหนแล้ว

ถ้าคนร้อยเอกรู้สึกเหมือนกันก็คงดี...

แต่อะไรๆ มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ร้อยเอกชอบคนเรียบร้อย ซึ่งเมืองน้ำคงห่างไกลจากคำนั้นในสายตาอีกคน เคยเห็นเจ้าตัวมีแฟน คนนั้นที่ร้อยเอกคบนั่นน่ะ ดูเป็นคนในอุดมคติของเจ้าตัวมากๆ เลยล่ะ

ความหวังของเมืองน้ำช่างริบหรี่เหลือเกิน...

ไม่เป็นไร ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ดีมากๆ แล้ว

“แก้มผมเลอะโคลนอ่ะ เหมือนล้างออกไม่หมด พี่เมืองเช็ดให้ผมหน่อยดิ”

เมืองน้ำชอบที่เราเป็นแบบนี้

“เช็ดเองไม่ได้รึไง”

“มือผมจับไก่ทอดอยู่เนี่ย ไม่เห็นเหรอ”

“ใครบอกให้ใช้มืออ่ะ ไม้จิ้มก็มี”

“โอ๊ยพี่เมือง เวลากินไก่ทอดก็ต้องใช้มือป้ะ จะมัวมาเอาไม้จิ้มมันจะฟินอะไร ตกลงจะเช็ดไม่เช็ด ไม่เช็ดก็ได้ ไม่ว่ากัน”

ไม่ว่ากันแต่ทำหน้างอน แล้วใครจะกล้าขัดใจพ่อคนหล่อได้ลงคอ

คนตัวเล็กปล่อยไม้จิ้มไก่ทอดในถุง หันมาค้นผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าที่วางอิงกายอยู่ข้างๆ หยิบออกมาและค่อยๆ เช็ดคราบโคลนที่เปรอะแก้มขาว

ร้อยเอกหยุดกินก่อนชั่วคราว กลัวคราบโคลนที่แห้งเป็นผงจะร่วงใส่มื้อกลางวันของเขา

ไม่ได้หรอก พี่เมืองซื้อให้ทั้งที แม้แต่ฝุ่นก็ปล่อยให้เปื้อนไม่ได้

กระทั่งผ้าเช็ดหน้าผืนบางถูกผละออกไป คนตัวสูงถึงกลับมากินอีกครั้ง

“เดี๋ยวผมเอากลับไปซักให้ วางไว้บนกางเกงผมนะ ห้ามปฏิเสธ”

“พี่ยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ”

“ผมรู้ว่าพี่จะพูด”

ใช่แล้ว เขารู้ ก็เมืองน้ำน่ะเกรงใจเก่งจะตาย

“งั้นใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มหอมๆ มาเลยนะ ขอแบบกลิ่นฟุ้งๆ”

“รีเควสเก๊งเก่ง”

“แล้วจะทำให้มั้ย”

“ผมบอกรึยังล่ะว่าไม่ทำ”

“ก็ไม่...”

“นั่นแหละ เดี๋ยวใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มหอมๆ ให้เลยครับคุณเมืองน้ำ”

ลมเย็นชะมัด แดดก็แทบไม่มี แน่นอนว่าอากาศไม่ร้อน เมฆเกาะกลุ่มเป็นก้อนจนฟ้าเริ่มครึ้มแล้วด้วย

แต่ทำไม...

“อื้อ ใส่มาเลย”

พี่เมืองแก้มแดงจังเลยนะ

ปกติไม่เห็นแก้มแดงขนาดนี้

จริงด้วย...เขาที่คิดว่าพี่เมืองน่ารักเวลาแก้มขาวระบายด้วยสีแดง ก็คงไม่ปกติเหมือนกัน

สงสัยเพราะฝนจะตกแน่ๆ



(⺣◡⺣)♡*



----- มีต่อค่า -----
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 8 ☆ ผัวเตี้ย เมียนางแบบ (01/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 01-10-2018 14:20:30
----- ต่อ -----


งานโอเพ่นเฮ้าส์เกือบหยุดชะงักเพราะหยาดฝนที่เทลงมาไม่หยุด โชคดีที่ช่วงเย็นไม่ค่อยมีคนเดินอยู่ในงานแล้ว ตาคู่ใสมองทิวทัศน์ด้านนอกผ่านหน้าต่างชั้นสี่บนตึกคณะนิเทศศาสตร์ ภาพที่ทุกคนช่วยกันเก็บของแม้เนื้อตัวเปียกปอนทำให้นึกถึงเจ้าของใบหน้ากวนๆ อย่างห้ามไม่ได้

ร้อยเอกบอกว่าต้องช่วยคนอื่นดูความเรียบร้อย และคนแรงเยอะแบบเจ้าตัวก็มีอยู่ไม่กี่งานที่รุ่นพี่มอบหมายให้ทำ ถ้าไม่ยกของจนเปียกโชกทั่วทั้งตัว เมืองน้ำก็คิดไม่ออกว่าตอนนี้อีกคนจะทำอะไรอยู่

มาหาเมืองน้ำที่สตูดิโอบนตึกนิเทศเหรอ ไม่เด็ดขาด เพราะเมืองน้ำยืนอยู่บนนี้มาครบชั่วโมงแล้ว เพิ่งเดินมาริมหน้าต่างก็ตอนที่ทีมงานขอเวลาเคลียร์ปัญหาเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี่เอง

จู่ๆ นางแบบที่ต้องถ่ายคู่กันก็ท้องเสียกะทันหัน ทำให้ต้องหาคนใหม่ภายในครึ่งชั่วโมง และครึ่งชั่วโมงที่ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เมืองน้ำเลยขอให้เปลี่ยนเป็นใช้นายแบบแค่คนเดียว ซึ่งไม่ได้ผล เพราะงานชิ้นนี้เสนอไอเดียกับอาจารย์ไปแล้ว สุดท้ายเลยทำให้ได้แค่รอทีมงานหานางแบบคนใหม่เท่านั้น

“เมือง”

“…?”

“หาได้แล้ว ไปเตรียมตัวได้เลยนะ”

ไวจังแฮะ...

คนตัวเล็กยิ้มรับเพื่อนต่างคณะที่สะกิดเรียกด้วยการใช้มือแตะบนเนินไหล่

ความคิดมากมายค่อยๆ เลือนหายเมื่อต้องกลับมารวบรวมสมาธิเพื่อทำงาน เมืองน้ำกลับเข้ามาด้านใน และเสียงโวยวายจากห้องแต่งตัวก็ทำเอาคิ้วสีน้ำตาลสวยขมวดเข้าหากัน

“ไอ้มาวิน เพื่อนเลว นี่มึงหลอกกูมาเหรอ”

“หลอกเชี่ยไรวะ กูก็บอกมึงแล้วว่าช่วยเป็นแบบให้เฉยๆ”

“แต่มึงไม่บอกกูว่าต้องมาเป็นนางแบบ!!”

แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเจ้าของเสียงทุ้มที่เถียงกับเพื่อนสนิทอยู่คือใคร ปมบนคิ้วค่อยๆ คลายออก รีบก้าวเร็วๆ เพื่อเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน ริมฝีปากนุ่มคลี่ยิ้มจางๆ เกือบหลุดขำกับภาพที่เห็นเข้าอย่างจัง ถ้าเด็กตัวสูงที่นั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งไม่หันมาเห็นเสียก่อน

“ขำไรอ่ะ”

“เปล่าๆ”

จะไม่ให้ขำได้ยังไงเล่า ในเมื่อน้องเอกของเมืองน้ำปรากฏตัวเหนือความคาดหมายขนาดนี้

ไม่รู้หรอกว่าเป็นไงมาไงนางแบบถึงกลายมาเป็นร้อยเอกได้ แต่ภาพที่เด็กผู้ชายตัวสูงถึงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร สวมชุดเดรสเปิดไหล่สีแดงสด ใบหน้าหล่อที่สุดแสนบึ้งตึงถูกทาด้วยคุชั่นสีเดียวกับผิว และปิดท้ายด้วยไฮไลต์สำคัญอย่างวิกผมภาพนี้น่ะ

ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ

“ทำไมจู่ๆ มาเป็นนางแบบให้พี่เนี่ย”

พูดพลางเดินเข้าไปหยิบคอลซีลเลอร์ให้ช่างแต่งหน้า ยิ่งยิ้มมากขึ้นเมื่อร้อยเอกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตอนถูกสั่งให้หลับตา

“คือพี่แวนบอกว่านางแบบท้องเสีย ช่วยหานางแบบให้หน่อย เอาผู้หญิงหรือผู้ชายมาเป็นนางแบบก็ได้ มาวินก็เลยจัดให้นี่แหละครับ” มาวินอธิบายพร้อมกับยกมือขึ้นตบแผงอกอย่างภาคภูมิใจ มองคนตัวเล็กที่ตอบรับในลำคอขณะสายตายังจดจ้องเพื่อนรักของเขา

“ร้อยเอกยอมง่ายๆ เลยเหรอ”

อุแหมะ...

“ตอนแรกก็ไม่ง่ายนะครับพี่เมือง แต่พอบอกว่านายแบบอีกคนคือพี่เมืองเท่านั้นแหละ วิ่งแน่บมาคณะก่อนผมอีก”

“มึงอย่าเว่อร์ได้ป้ะ กูไม่ได้วิ่งเหอะ”

“มึงนั่นแหละอย่าปฏิเสธ กูมีหลักฐานนะ ไปขอดูกล้องวงจรปิดมหา’ลัยก็ได้จ้า”

อย่าหาว่ามาวินเว่อร์เลยนะ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาน่ะเว่อร์จริงๆ

โถ่...ก็หลักฐานมันชัดจนเก็บความฟินไม่ไหว อยากให้ทุกคนเห็นว่าขนาดมาวินไม่ได้สวมฟิลเตอร์สีชมพูไว้ที่ตา ความเอ็นดูบนตาสวยๆ ของพี่เมืองตอนมองร้อยเอกยังเปล่งประกายถึงขั้นนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามาวินหยิบฟิลเตอร์มาใส่ตอนมองสองคนนี้ด้วย จะหวานถึงขั้นไหน

“สรุปวิ่งไม่วิ่ง”

“ผมไม่ได้วิ่งเว้ยยย เดินเร็วเฉยๆ ไม่เรียกว่าวิ่ง”

“แล้วร้อยเดินเร็วทำไมอ่ะ เดี๋ยวก็สะดุดล้มหรอก”

“นี่พี่เมืองรวมหัวกับไอ้เพื่อนเวรกวนประสาทผมป้ะ”

เรียกเมืองน้ำว่าพี่เมือง แต่เรียกมาวินว่าไอ้เพื่อนเวร

อืม...

เป็นชิปเปอร์ที่น่าสงสาร

“แต่ขอบใจนะที่มาช่วย ไม่งั้นพี่กลับบ้านช้า ไปเคลียร์งานต่อไม่ทันแน่เลย”

“ผมช่วยเพราะมาวินบอกว่าถ่ายไม่เห็นหน้าหรอก นี่ถ้ารู้ว่าต้องมาเป็นนางแบบนะ เหอะ!”

“ถ้ามาเป็นนางแบบก็จะไม่ช่วยเหรอ”

“ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”

เมืองน้ำยิ้มกว้างกับคำตอบที่ได้ยิน ร้อยเอกถูกสั่งให้นั่งนิ่งๆ เพราะช่างแต่งหน้าต้องการทาลิป และดูเหมือนเด็กตัวสูงจะเริ่มสงบสติอารมณ์ได้แล้ว คนตัวเล็กเลยยืนนิ่งๆ ไม่ส่งเสียงรบกวนการทำงานของคนอื่น ทำเพียงยิ้มและแกล้งเบือนมองทางอื่นตอนที่คนถูกจับแต่งหญิงตวัดแววตาขุ่นๆ ขึ้นมามองเท่านั้น

กลั้นยิ้มจนจะเมื่อยหน้าไปหมด อยากยิ้มกว้างๆ อีกรอบแต่ก็กลัวร้อยเอกลุกมาเอาเรื่อง ถ้าเมืองน้ำถูกอุ้มไปโยนทิ้งลงหน้าต่าง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นฝีมือใคร

“จะหยุดยิ้มได้ยัง ทั้งพี่เมืองทั้งมึงเลยไอ้เพื่อนชั่ว”

ฝีมือสาวน้อยจอมเกรี้ยวกราดคนนี้นี่แหละ

“พี่เมืองหยุดยิ้มได้แล้ว”

“พี่ยิ้มตรงไหน ไม่มี้”

“เสียงสูงขนาดนี้ต้องให้ผมอธิบายมั้ย จะเอาไง”

“ไปดีกว่า เบื่อคนอารมณ์ไม่ดี”

โบกมือลาเลยแล้วกัน อีกนิดเดียวน้องเอกจะลุกขึ้นมากินหัวทั้งเมืองน้ำทั้งมาวินอยู่แล้ว

คนหรืออะไรเนี่ย บทจะดุก็แยกเขี้ยวขู่ไม่ยั้ง ไม่ชอบ เขินอาย อารมณ์ไหนของเขา

ไหนว่ามาที่นี่เพราะได้ยินชื่อเมืองน้ำไงล่ะ ทำให้คนอื่นสับสนอย่างนี้ไม่ดีเลย

น่าตีจริงๆ เจ้าเด็กคนนี้



(⺣◡⺣)♡*



“ร้อยเอก นั่งหุบๆ หน่อย จะอ้าขาทำไมเนี่ย”

“หุบแล้วนั่งไม่ถนัด”

“อ้าขาไปกระโปรงก็จะขาดนะ”

“ไม่ขาดหรอก ผมลองแหกขามาแล้ว กระโปรงตัวนี้ใหญ่กว่ามุ้งที่บ้านผมอีก นี่พี่เมืองพาผมพูดเรื่องทะลึ่งเหรอ”

“บ้าป้ะ พี่ก็พูดเรื่องธรรมดา มีแต่ตัวเองนั่นแหละที่วกเข้าเรื่องทะลึ่ง”

ร้อยเอกหลุดขำพร้อมเสียงชัตเตอร์และแสงแฟลชที่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาเพิ่งทำใจเรื่องที่จู่ๆ ก็ต้องมาแต่งตัวเป็นผู้หญิงได้แล้ว และเกือบหงุดหงิดอีกรอบหลังเถียงเรื่องนั่งอ้านั่งหุบกับเมืองน้ำมาสักพัก แต่พอเห็นคนตัวเล็กพยายามบังคับไม่ให้ใบหน้าน่ารักๆ ง้ำงอจนผิดคอนเซปต์งาน อารมณ์ขุ่นมัวก็สว่างสดใสขึ้นมาได้

ถูกบรีฟมาว่าให้ทำท่าทางแบบผู้หญิง จริตจะก้านเหมือนสาวแรกแย้ม กระมิดกระเมี้ยนที่สุดเท่าที่ทำได้

แล้วท่าทางที่ว่ามันทำยังไงล่ะวะ

เมื่อกี้ร้อยเอกลองนั่งหุบขา เอาเข่าชิดกันตามที่เมืองน้ำบอก แล้วก็...นั่นแหละ นั่งไม่ถนัด รู้สึกอึดอัดจนต้องอ้าออกมาอีกรอบ

“โอ๊ย! เกือบโดนหัวพี่แล้วเห็นมั้ย”

โดนบ่นอีกตามเคย

ร้อยเอกถอนหายใจ ต่อให้นั่งไม่ได้ก็คงต้องได้แล้วล่ะจุดนี้ คนตัวเล็กที่รับบทเป็นเจ้าชายรูปงามจะได้นั่งพิงขาสาวน้อยอย่างเขาได้ถนัด

คิดถูกคิดผิดกันแน่ที่ช่วย รู้งี้หาอะไรทำอยู่ข้างล่างต่อก็ดี แต่ร่างกายเขาช้ากว่าความคิดซะที่ไหน พอได้ยินว่าช่วยพี่เมืองทำงาน เท้าทั้งสองก็อยู่ไม่สุข รีบหยิบกระเป๋าแล้วเดินเร็วๆ มาที่นี่ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่ารายละเอียดงานเป็นยังไงบ้างเลยด้วยซ้ำ

เดินเร็วๆ ของเขา หรือที่มาวินเรียกว่าวิ่งนั่นแหละนะ

เพิ่งรู้ว่าขายาวๆ ของเขามันทำให้เพื่อนรักตีความไปได้ถึงขนาดนี้

“เหมาะกันดีว่ะ” ช่างภาพผิวแทนกล่าวชมเบาๆ ขณะที่มือยังกดชัตเตอร์ไม่หยุด เล่นเอาคนที่ยืนชมอยู่ด้านหลังอย่างมาวินยิ้มกริ่ม ไม่เสียแรงที่นึกถึงร้อยเอกเป็นคนแรกหลังพี่แวนติดต่อให้ช่วย

“เนาะพี่ เหม๊าะเหมาะ ตาผมนี่เฉียบแหลมจริงๆ” ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคัก จนรุ่นพี่ต้องหันมามองด้วยความงุนงง

“อย่าบอกนะว่าเชียร์ให้สองคนนี้ชอบกัน”

“แหงดิครับ แต่ตอนนี้คงไม่ต้องเชียร์แล้วแหละ”

“ทำไมวะ”

“ไม่บอก”

“ไอ้สัส”

“ฮี่ๆ”

“คุยกับมึงนี่เสียเวลาทำงานฉิบหาย”

เอาน่าพี่แวน เชื่อมาวินเถอะว่าคงไม่ต้องเชียร์ให้สองคนนี้ชอบกันแล้ว เชียร์ไปก็เสียแรงเปล่า เพราะจากสายตาอันเฉียบคมของเขา...กลับมานั่งลุ้นว่าจะคบกันเมื่อไหร่อย่างเดียวพอ

ถึงภาพตอนนี้จะดูสลับโพสิชั่นไปหน่อยก็เถอะ แต่เห็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ลองเดินสายผัวเตี้ยเมียนางแบบสักหน่อยจะเป็นอะไรไป

ฟินโว้ยยยยย



(⺣◡⺣)♡*



“นั่งเฉยๆ สิ อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว”

“พี่ก็เบามือหน่อยไม่ได้รึไง”

“พี่เบาแล้วนะ”

“เบาเท่าแรงช้าง...อื้อออ! อ๊อยยยย!”

ทะเลาะกันตอนถ่ายแบบแล้ว ไม่ยักรู้ว่าพอเสร็จงาน ต้องมาทะเลาะกับสาวน้อยจำเป็นของตัวเองด้วยอีกรอบ

ช่างแต่งหน้าขอตัวกลับก่อนเพราะรับจ็อบพิเศษไว้ ระหว่างที่คนอื่นช่วยกันเก็บอุปกรณ์ และเช็กรูปถ่ายบนจอแล็ปท็อป เมืองน้ำก็เดินไปดึงร้อยเอกที่ยืนตัวสูงเด่นเข้ามาในห้องแต่งตัว

มือเล็กกดไหล่กว้างแทนคำพูดให้อีกคนนั่งลง และขอเดาว่าร้อยเอกคงไม่ค่อยสัมผัสกับเครื่องสำอางใดๆ นอกจากแป้งเย็นที่ชอบทาหลังอาบน้ำ เจอกลิ่นคลีนซิ่งบนสำลีแผ่นที่เมืองน้ำเช็ดทำความสะอาดใบหน้าหล่อๆ เข้าหน่อย คนตัวสูงก็โวยอย่างที่เห็น

เมืองน้ำแก้ปัญหาด้วยการใช้มือข้างหนึ่งล็อกท้ายทอยอีกคนไว้ ส่วนอีกข้างแกล้งเช็ดแรงๆ เมื่อคนตรงหน้าบอกว่าตนมือเบาเท่าแรงช้าง

ร้อยเอกส่งเสียงอู้อี้ให้เจ้าของมือเนียนผละออกเสียที ดิ้นซ้ำมากกว่าสามครั้ง คนโตกว่าถึงจะยอมปล่อยเขา จะบ้าตาย...พี่เมืองตัวเล็กแค่นี้ ปกติแรงก็ไม่ได้เยอะมากมายอะไร แต่พอโดนยั่วน้ำโหเข้าหน่อย องค์เดอะฮัคเข้าสิงรึไงไม่รู้

กลายเป็นหน้าคิตตี้ เอเนอร์จี้มาร์เวลเลยว่ะ

“ล้างหมดแล้ว ทีนี้ก็ไปเปลี่ยนชุด จะได้กลับบ้านกัน”

เสร็จสักที

“ทำหน้าโล่งใจอะไรขนาดนั้นล่ะ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อคนที่เก็บสำลีไปทิ้งเอ่ยถามเขา เมืองน้ำง่วนอยู่กับการเคลียร์อุปกรณ์บนโต๊ะ จัดเครื่องสำอางให้เข้าที่เข้าทาง

“ผมแสดงออกเบอร์นั้นเลย?”

“ใช่สิ หน้างี้บูดเป็นตูดลิงด้วย”

“ตูดลิงเลยเหรอพี่”

“ก็บอกว่าใช่ไง”

“หูยยย เชื่อๆๆๆ”

ชอบตอนหันมาทำหน้าบูดใส่กันชะมัด ว่าแต่เขาแสดงออกถึงความไม่พอใจ เมืองน้ำควรรู้ตัวว่าตัวเองก็เป็นเหมือนร้อยเอก ดูความน่ารักเวลาปากมุบมิบยู่ไปยู่มาเวลาถูกเขากวนประสาทนั่นสิ

ไม่ต่างกันเลยพี่เมือง

“บอกให้ไปเปลี่ยนชุดไง”

คนพูดย้ำวางมือจากขวดรองพื้น หันมาดันไหล่กว้างของคนตัวสูงที่จู่ๆ ก็เดินเข้ามาใกล้ ร้อยเอกควรถอยหลังกลับไปสิ ไม่ใช่ยิ่งผลักยิ่งขืน ใครกันแน่ที่แรงเท่าช้าง

“พี่เมือง”

“อะไร จะเดินเข้ามาทำไมเนี่ย”

“เปลี่ยนชุดด้วยกันมั้ย ประหยัดเวลานะ”

“ตลกเหรอ”

“เห็นผมขำรึยังล่ะ ถ้ายังก็แปลว่าไม่ตลก”

“โอ๊ย! อย่ากวนได้มั้ยร้อยเอก พี่จะช่วยเพื่อนเคลียร์ของ”

รอยยิ้มจุดยิ้มน้อยๆ ทว่าสร้างความหมั่นไส้ได้อย่างดีเยี่ยม

“ผมกวนตรงไหน นี่ถามจริงจังนะ เรื่องเปลี่ยนชุดด้วยกันอ่ะ”

“ไม่”

“ตอบไวจัง ไม่คิดเลยเหรอ”

“ไม่จำเป็นต้องคิดสำหรับความทะลึ่งตึงตัง”

“ผมทะลึ่งยังไง กล่าวหากันอ่ะ นิสัยไม่ดี”

เมืองน้ำอยากถามนักว่าร้อยเอกไปกินอะไรมา อารมณ์ถึงแปรปรวนง่ายยิ่งกว่าอะไรดี

ก่อนหน้านี้ยังโมโหเหมือนโดนแตนต่อยอยู่เลย วินาทีนี้ทำไมหน้าตาชื่นบานอย่างนี้ล่ะ

เพิ่งอินบทสาวน้อยเริ่มมีความรักตามที่โดนบรีฟไปเหรอ

เข้าใจยากจริงๆ เลย

“ทะลึ่งหรือไม่ทะลึ่ง คำตอบก็คือไม่”

“นะๆ เปลี่ยนชุดพร้อมกัน ประหยัดเวลาดี กลับบ้านช้ากว่านี้รถติดตายเลยเนี่ย”

“ไม่”

“เดี๋ยวพาไปซื้อไก่ทอด”

“ไม่”

“มันบดด้วยก็ได้”

“ไม่”

“ช่วยตัดคลิปก็...”

ปั่กกก!

“โอ๊ยยยย!”

เมืองน้ำไม่ใช่คนใจร้ายหรอกนะ แต่เวลานี้ที่ต้องรีบจัดของเพื่อกลับบ้านไปเคลียร์งานอื่นต่อ คนที่กวนประสาทไม่รู้เวล่ำเวลาอย่างร้อยเอก

“มือหนักเป็นช้างจริงๆ โว้ย”

“รอบต่อไปเอามากกว่ามือมั้ยล่ะ”

“ไม่!!!”

ก็ต้องเจอฝ่ามืออรหันต์แบบนี้

ดีแล้ว ดีที่ตอบกลับมาว่าไม่ ถ้าร้อยเอกยังกวนประสาทกันต่อ รับรองเลยว่าเมืองน้ำจะจัดคอมโบ้เซตให้อีกชุดใหญ่แน่นอน

น่าโมโห!



(⺣◡⺣)♡*



#ร้อยเมือง
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 8 ☆ ผัวเตี้ย เมียนางแบบ (01/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-10-2018 16:30:16
 :man1:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 8 ☆ ผัวเตี้ย เมียนางแบบ (01/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 01-10-2018 16:40:19
ลงไปดิ่นตายยยย
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 8 ☆ ผัวเตี้ย เมียนางแบบ (01/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 01-10-2018 17:23:59
นึกภาพตาม 555555
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 9 ☆ 101 is so sad (02/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 02-10-2018 20:06:53

9

101 is so sad







** ลืมบอกว่าเรื่องนี้ก็ต้องอ่านช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปนะคะ **





ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง

I like me better - Lauv

https://youtu.be/a7fzkqLozwA (https://youtu.be/a7fzkqLozwA)
















คนอยากกินมันบดไม่หลับระหว่างทางเหมือนครั้งก่อนแล้ว แถมยังขอให้ร้อยเอกเปิดเครื่องรับวิทยุเพิ่มอีกด้วย เมืองน้ำบอกว่าบรรยากาศในรถของเขาน่ะเงียบเกินไป มากกว่านี้คงนึกว่านั่งอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม ต้องหาเพลงฟังเพื่อทำลายความเงียบทั้งหมดทิ้ง

เงียบเหรอ ร้อยเอกคิดว่าไม่เงียบนะ

แค่เสียงเมืองน้ำคนเดียวก็ไม่มีช่วงไหนที่เงียบนานๆ แล้ว ไม่รู้ไปเอาความช่างพูดมาจากไหน ตั้งแต่ขึ้นรถมาถึงมีเรื่องคุยกับเขาตลอด

เมื่อฝ่ายหนึ่งพูด อีกฝ่ายก็ต้องเป็นผู้ฟัง ร้อยเอกเลือกเป็นผู้ฟัง ตอบรับพอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้เมืองน้ำรู้สึกว่าตัวเองพูดคนเดียว แต่คงตอบอีกคนน้อยไปหน่อย พี่เมืองถึงคิดไปทางนั้นได้

“อยากฟังเพลงสากลอ่ะ”

นี่ไง บอกแล้วว่าไม่เงียบหรอก มีเสียงนุ่มๆ ดังอยู่เสมอ จะเงียบได้ไงล่ะ

“ไม่รู้ตอนนี้มีคลื่นไหนเปิดเพลงสากลมั้ย ถ้าพี่อยากฟังก็เปิดจากโทรศัพท์ผมได้นะ”

“ได้เหรอ”

ร้อยเอกส่งเสียงตอบในลำคอ

“รหัสเป็นเลขที่บ้าน ถ้าพี่จำเลขที่บ้านตัวเองได้ ก็จำเลขที่บ้านผมได้ เอาไปเปิดเพลงเร็ว ในแอปเปิ้ลมิวสิคนะครับ”

“คนอะไรเอาเลขที่บ้านมาตั้งรหัสโทรศัพท์”

“เอาเลขอื่นเพื่อนก็จำได้ดิ ไม่ชอบให้ใครยุ่ง เมื่อก่อนเพื่อนมันชอบเอาไปเล่น”

“อ้าว ถ้างั้น...”

“แต่พี่เมืองยุ่งได้”

อะไรดลใจให้พูด...

หวังว่าเมืองน้ำจะไม่คิดว่าเขาผีเข้าหรอกนะ

“ตกลงจะฟังเพลงมั้ยเนี่ย มัวแต่นิ่งอยู่ได้”

“ฟังสิ บ่นอีกแล้ว ไม่อยากคุยกับคนขี้บ่นละ”

เขาขับรถมาตามเส้นทางที่คุ้นเคย ไม่มีอะไรแปลกใหม่ โดยเฉพาะจราจรที่แสนเอื่อยเฉื่อย หลายครั้งที่ไม่ชอบใจจนต้องเปลี่ยนไปใช้ทางด่วนแทน แต่ครั้งนี้กลับแตกต่าง

การมีคนนั่งมาด้วยกัน ทำให้อารมณ์ดีอย่างไม่น่าเชื่อ

กลับบ้านช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ตุ๊กตาหน้ารถของเขากลับไปทันเคลียร์งานก็น่าจะพอ

“เอาเพลงไหนดี”

“ไหนบอกไม่อยากคุย”

“กวนพี่อีกแล้วอ่ะ”

ก็มันน่ากวนมั้ยล่ะ ปากบอกไม่อยากคุย แต่แค่ครู่ก็คุยกับเขาเรื่องเพลง ตกลงอยากคุยหรือไม่อยากคุยกันแน่ พี่เมืองนี่...อารมณ์แปรปรวนง่ายไม่ต่างจากเขาเลยนะ

“เอาเพลงไหนดี ช่วยพี่เลือกหน่อย”

“แค่เลือกเพลงยังต้องให้ผมช่วยเลือกอีกเหรอ” ชำเลืองมองคนข้างกายที่หยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นไปปลดล็อก เห็นว่าปากเล็กๆ มู่ทู่เพราะประโยคที่ได้ยิน จึงละสายตากลับมามองถนนและเอ่ยตอบไป “เปิดแล้วสุ่มไปห้าครั้ง เอาเพลงนั้นเลยครับ”

“พูดเพราะจัง”

“เอาเพลงนั้นเลยโว้ยยย จะให้เล่นมุกนี้อีกมั้ย”

“ไม่ต้องแล้ว ฟังเพลงๆ”

ยิ้มทำไมน่ะ อารมณ์ดีผิดปกติเกินไปแล้ว

มือเล็กวางโทรศัพท์เครื่องบางลงบนตัก ทอดมองทางด้านหน้าที่เห็นเพียงแสงไฟจากรถยนต์คันอื่น ร้อยเอกไม่ใช่คนขับรถเร็ว ค่อนข้างนุ่มนวลหากเทียบกับการขับรถของเมืองน้ำเอง ไม่รู้ว่าเพราะมีคนนั่งมาด้วยหรือปกติขับอย่างนี้อยู่แล้ว

แต่เมืองน้ำชอบมากเลย

อีกสักพักกว่าจะถึง ควรหาเรื่องมาคุยอีกดีมั้ย ร้อยเอกชอบฟังเรื่องไหน ไม่สิ...ต้องถามว่าที่ฟังเมืองน้ำพูดมาตลอดทาง ตั้งแต่ออกจากมหา’ลัยมา รำคาญกันบ้างหรือเปล่า

เปลี่ยนมาฟังเพลงไปเรื่อยๆ ก็ดีเหมือนกันนะ สุ่มมาโดนเพลงที่ฟังบ่อยในช่วงนี้อย่าง I like me better ด้วย...บังเอิญดีจัง

“พี่เมือง”

คนที่จดจ่ออยู่กับเสียงเพลงและถนนหนทางเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ หันมองเจ้าของรถที่หมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวรถเข้าสู่ซอยเล็กๆ ซึ่งแทบไม่มีใครสัญจร

คงเป็นทางลัดที่เลี่ยงรถติดได้ดีทีเดียว

“ผมถามอะไรหน่อย”

“ว่าไง”

“พี่รู้รึยังว่าพี่รักษ์เลิกกับแฟน”

ร้อยเอกไม่พูดถึงพี่รักษ์มาเป็นอาทิตย์แล้ว ตั้งแต่ปรับความเข้าใจกัน ที่ผ่านมา เมืองน้ำก็พอมองออกว่าเด็กตัวสูงไม่ชอบพี่รักษ์เอามากๆ แล้วทำไมวันนี้ถึงถามขึ้นมาล่ะ

หรือว่า...

“พี่รู้แล้ว เพื่อนบอก แต่พี่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลิกกันนะ”

“แปลว่าพี่เมืองไม่ใช่มือที่สามใช่มั้ย”

“…”

ใช่จริงๆ

“พี่เมือง”

จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมา...

ถ้าคนอื่นถามคงรู้สึกเฉยๆ แต่กับคนคนนี้ ไม่มีทางที่จะ ‘เฉย’ ได้เลย

เมืองน้ำกับภานุรักษ์ไม่เคยเป็นมากกว่าคนรู้จัก แม้แต่คนคุยก็ไม่ใช่ แม้จะจริงที่ภานุรักษ์เคยพยายามพัฒนาความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ แต่เพราะขีดเส้นไว้ชัดเจน อีกคนถึงยอมถอยกลับไปเป็นคนรู้จักตามเดิม

ไม่เคยคิดเกินเลย และไม่เคยปล่อยให้ใครล้ำเส้นที่ขีดไว้นับแต่จบความสัมพันธ์กับสิงหา เคยสงสัยว่าทำไมไม่ยอมให้พี่รักษ์เลื่อนจากคนรู้จักมาเป็นคนคุย เวลานั้นหาคำตอบไม่ได้ แต่พอความรู้สึกชัดเจนมากขึ้น เมืองน้ำก็รู้สาเหตุ

เพราะมีคนที่ชอบแล้ว เลยไม่อยากเริ่มใหม่กับใคร

คนที่ชอบ...

“ร้อยเอกไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน จากกลุ่มคณะเหรอ”

ก็เป็นคนที่อยู่ข้างๆ กันนี่ไง

“ครับ เห็นคนในกลุ่มคุยกัน เพื่อนพี่เมืองไม่ได้แคปไปให้ดูใช่มั้ย”

“แคป...มีเยอะเลย จริงๆ ก็แคปให้ดูตลอด”

“จะดูทำไม บอกให้เพื่อนเลิกแคปมาได้แล้ว เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ”

“พี่โอเค”

“โดนคนอื่นด่าในเรื่องที่ไม่จริง พี่เมืองจะโอเคได้ยังไง”

ตาคู่สวยขยายกว้างขึ้นเมื่อได้ยิน ทว่าไม่รู้จะพูดอะไร จึงทำเพียงรอคนที่เงียบไม่ต่างจากตนพูดต่อเท่านั้น

คนตัวสูงมอบคำตอบให้คำถามของตัวเองไปแล้ว พูดออกมาเองว่าเรื่องที่คนในกลุ่มคณะพูดกันเป็นเรื่องไม่จริง แถมยังรู้ด้วยว่าเมืองน้ำไม่โอเคกับเรื่องนี้

เมืองน้ำไม่เคยแสดงออก แทนที่จะอึดอัดเพราะมีคนจับความรู้สึกได้ และเป็นคนที่เคยอคติใส่กันมาตลอด

“ทำไมต้องว่าพี่แรงขนาดนั้นก็ไม่รู้เนอะ”

“...”

“แต่ก็ดีที่ร้อยเข้าใจ”

“ผมก็รู้สึกดีที่พี่เมืองไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นคิด”

ตอนนี้กลับรู้สึกดีอย่างประหลาด

“ร้อยเชื่อพี่เมืองนะ”

“…”

“ไม่อยากให้พี่เมืองแบกเรื่องเครียดๆ ไว้คนเดียว”

“ขอบคุณนะ”

“ครับ เต็มใจ”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ ไม่อยากได้ อะไรทำนองนั้น วินาทีนี้ร้อยเอกกลับเลือกที่จะพูดตามความรู้สึกที่เก็บมาตลอดทั้งวัน

เมืองน้ำดูลำบากใจเวลาพูดเรื่องความรัก คงกลัวว่าเขาจะหยิบเรื่องที่เคยคุยกับสิงหาขึ้นมาพูด เพราะเรื่องนี้ทำให้อคติที่มีต่ออีกคนเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ พูดแรงๆ ใส่พี่เมืองจนอีกฝ่ายเดินหนีก็ทำมาแล้ว

มาทบทวนดูอีกรอบ เรื่องราวระหว่างสองคนนั้น ร้อยเอกยังไม่เคยมีโอกาสได้รู้เลยนี่นะ สิงหาชิงบวชไปก่อน ส่วนเมืองน้ำ รายนี้ไม่ป่าวประกาศให้ใครรู้อยู่แล้ว

อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รอโอกาสดีๆ ก่อนแล้วกัน ส่วนตอนนี้...มาโฟกัสที่ความรู้สึกตัวเองก่อน

เขาเคยมีแฟนมาหลายคน ทุกคนเลิกกับเขาด้วยเหตุผลต่างกัน บางคนงี่เง่าจนทนไม่ได้ บางคนก็เจอทางเลือกที่ดีกว่า เขาอยากคบกับใครสักคนนานๆ แต่บางคนก็ทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดี ทุกจุดจบแตกต่างแล้วแต่สถานการณ์

แต่จุดเริ่มต้นมักคล้ายกันเสมอ

“เปลี่ยนเพลงหน่อยสิ ขอแบบร็อคๆ เพลงแบบนี้มันทำให้ผมง่วง”

“ง่วงเหรอ แต่พี่ว่าเพราะดีนะ สบายๆ ดี”

“ถ้าผมหลับในระหว่างขับรถอ่ะ เราแย่กันหมดเลยนะ”

ความรู้สึกที่อยากเรียนรู้ใครสักคน อยากรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เก็บเรื่องไหนไว้ในใจ อยากเข้าใจอีกฝ่ายให้มากๆ ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายคนคนนี้แม้จะเป็นแค่ตัวหนังสือที่พิมพ์ผ่านอินเทอร์เน็ต

หลังจบโอเพ่นเฮ้าส์ ระหว่างรอเมืองน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน จู่ๆ ก็หวนนึกถึงช่วงที่เริ่มรู้สึกดีกับแฟนคนก่อน

เขารู้ดีว่าความรู้สึกพวกนี้มันคืออะไร มันไม่ใช่แค่ความเห็นอกเห็นใจในฐานะเพื่อนมนุษย์แน่นอน

“ทำไมต้องแช่งด้วย”

“ผมแช่งที่ไหนเนี่ย แค่นี้ก็ต้องหน้ามุ่ยด้วย หน้ามุ่ยทีนี่ยับเหมือนตูดกระต่าย”

“เป็นคนดีนาทีเดียวจริงๆ เบื่อๆๆ ไม่อยากคุยแล้ว ไม่เปลี่ยนเพลงด้วย ร้อยเอก! ขำอะไรอ่ะ”

“ก็ขำพี่ไง ตกลงนี่มันโทรศัพท์ผมหรือโทรศัพท์พี่เมืองกันแน่”

ใช้ชีวิตหลังเจอจุดจบมาเป็นปี ไม่คิดว่าจะเจอจุดเริ่มต้นครั้งใหม่กับคู่กัดคู่แกล้งของตัวเอง

ไม่เลยจริงๆ

“ทำให้โมโหอยู่เรื่อยเลย”

“อย่าโมโหดิพี่ โมโหแล้วแก่เร็วนะ”

“ร้อย!”

ว่าแต่...

ทะเลาะกันทุกวันแบบนี้ จะไปต่อยังไงล่ะวะเนี่ย



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำได้รับคำชมจากผู้ใหญ่หลายฝ่ายกับบทสัมภาษณ์ในนิตยสารออนไลน์วันนี้ ถือเป็นอีกเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้นอกเหนือจากเรื่องคู่กัดคนเก่ง

ร้อยเอกสั่งเมืองน้ำให้ล็อกประตูรั้วและประตูบ้านอย่างแน่นหนา ถึงคำพูดจะกวนประสาทไปสักหน่อย แต่ถ้าไม่พูดกวนๆ ก็เป็นร้อยเอกตัวปลอมสิ เมืองน้ำทำแค่ตอบรับสั้นๆ เดินเข้ามาแล้วจัดการล็อกรั้วให้อีกคนเห็น เพื่อไม่ให้คนสั่งต้องกังวล โดนคนตัวสูงบอกว่าประชดด้วย แต่ใบหน้าไร้แววบูดบึ้ง ติดอมยิ้มหน่อยๆ ก็ยืนยันได้ว่าเป็นคำพูดที่ไม่เอาจริงเอาจังอะไรมากนัก

นิ้วเล็กพิมพ์รายงานความคืบหน้าให้ลูกค้า เลื่อนปลายนิ้วบนแทร็กแพดเพื่อไล่ดูข้อความบนจอสี่เหลี่ยม ทยอยตอบข้อความให้หมด และเขียนคิวงานใส่สมุดจดโน้ต

เมืองน้ำในชุดนอนสีพาสเทลเดินมาทิ้งตัวนอนบนเตียงหลังเคลียร์งานเสร็จ ละสายตาจากไฟดวงใหญ่กลางห้องนอนมามองจอโทรศัพท์ที่ใช้มือประคองวางไว้ตรงหน้าอก เกิดรอยยิ้มบนมุมปากในวินาทีที่สัมผัสเปิดเพลงแล้วโน้ตตัวแรกค่อยๆ ดังขึ้นมา

บอกแล้วว่าฟังเพลงนี้บ่อยจริงๆ กลายเป็นแทร็กล่าสุดในเครื่องไปแล้วด้วย

เนื้อหาไม่ตรงกับชีวิตเมืองน้ำเท่าไหร่หรอกนะ แถมทำเอาหลอนเสียงไวโอลินที่ต้นฉบับเป็นเสียงจริงของนักร้องไปพักใหญ่

แต่ท่อน I like me better when I’m with you น่ะดีจริงๆ

ยอมรับเลย...

ไม่เคยฟังเพลงรักแล้วนึกถึงใคร แต่ตอนนี้...เมืองน้ำนึกถึงร้อยเอก

เลี่ยนจัง

ปล่อยให้เพลงเปลี่ยนเป็นแทร็กอื่น แต่มวลความสุขยังตลบอบอวลใต้อกด้านซ้าย เมืองน้ำกดเข้าห้องแชทของแม่ทันทีที่แจ้งเตือนเด้งขึ้นมา แค่นั้นริมฝีปากก็วาดยิ้มได้อีกหน ทุกครั้งที่ท่านไปทำงานต่างประเทศ จะมีรูปถ่ายบรรยากาศและรูปของฝากส่งมาทุกครั้ง ครั้งนี้ก็ด้วย พิเศษหน่อยตรงที่รู้ว่าท่านจะกลับมาไทยอาทิตย์หน้า

ไม่ได้กอด ไม่ได้หอมตั้งนาน คิดถึงจะแย่แล้ว

พิมพ์ตอบด้วยประโยคและสติ๊กเกอร์น่ารักๆ กลับออกมาหน้าแชทรวม ตั้งใจกดเข้าแชทของคนห้องตรงข้าม ทว่าเสียงกริ่งที่ดังผ่านความมืดมาจากด้านล่างก็หยุดความสนใจเอาไว้เสียก่อน

คนตัวนุ่มเดินไปดูที่ระเบียง เด็กตัวสูงที่ควรจะอ่านหนังสือหรือไม่ก็นั่งเล่นเกมอยู่ในห้องยืนกอดอกรออยู่ด้านล่าง เมืองน้ำจะไลน์ไปถาม แต่ร้อยเอกกดกริ่งเรียกซ้ำอีกครั้ง จุดหมายทั้งหมดเลยเปลี่ยนเป็นหน้าประตูรั้วทันที

ร้อยเอกอยู่ในชุดกางเกงขายาวเนื้อลื่น สวมเสื้อแขนกุด โชว์กล้ามแขนแข็งแรงที่เหมาะสมกับสัดส่วนความสูง ด้านหลังเป็นรถยนต์ที่จอดเทียบบ้านเมืองน้ำ และ...ในมือถือกุญแจรถ

“ทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวอ่ะร้อย เดี๋ยวยุงก็กัดหรอก อากาศเย็นด้วยนะ”

คนฟังยิ้มเบาๆ คิดไว้แล้วว่าพี่เมืองต้องทักเขาแบบนี้

“แล้วนี่จะไปไหนอ่ะ”

“กินโจ๊ก”

“กินโจ๊กตอนห้าทุ่มเนี่ยนะ”

“ใช่ ห้าทุ่ม ก็คนมันหิวอ่ะ คิดว่าพี่ก็หิวเหมือนกัน เลยมาชวนให้ไปกับผม”

“ร้านหน้าเซเว่นใกล้ๆ หมู่บ้านอ่ะเหรอ”

ร้อยเอกพยักหน้ารับ

“ร้านที่ขายข้าวต้มที่ร้อยซื้อมาให้พี่วันนั้นด้วยใช่ป้ะ ที่บอกว่าขายวันนั้นวันเดียว”

“พี่เมือง”

โดนเมืองน้ำหยอกเข้าหน่อย เสียงเข้มเชียวน้องเอก

“ต้มมาม่ากินในบ้านไปก่อนสิ แล้วไม่เล่นเกมเหรอ ปกติก็เล่นตอนนี้นะ”

“วันนี้ไม่เล่นแล้ว ต้องอ่านหนังสือสอบ”

“งั้นก็ไปอ่าน...”

“ไม่เอา อยากกินโจ๊ก”

เมืองน้ำเริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าร้อยเอกในสายตาของอาจารย์พันเอกเป็นแบบไหน จากความสูงถึงร้อยเก้าสิบเซนติเมตร พอเริ่มโวยวายเข้าหน่อย กลายเป็นตัวเล็กเท่าสิบเอกเลย

เหมือนเห็นน้องเอกวัยสิบกว่าขวบเดินเข้ามาเขย่าชายเสื้อยังไงชอบกล

“จะไปไม่ไป ถ้าไม่ไปผมก็จะกลับไปนอนละ”

เฮ้ ต้องอ้อนด้วยคำพูดแนวๆ ‘นะๆ พี่เมืองไปกินโจ๊กกับร้อยหน่อย’ สิ ไม่ใช่เผด็จการใส่เมืองน้ำแบบนี้

ผิดคาดไปหน่อย แต่ว่า...อุตส่าห์มาชวนถึงที่ทั้งที

“ไปสิไป แต่ขอไปเปลี่ยนกางเกงก่อนนะ”

ตามใจหน่อยก็ได้

“แค่นี้ก็ยาวแล้วมั้ย คลุมเข่าแล้ว”

“แต่อากาศมันหนาว นี่พี่จะเอาเสื้อกันหนาวด้วย รอพี่แป๊บเดียว เดี๋ยวลงมา”

“พี่นี่มากมายจริงๆ”

“มากมายอะไร”

“เปล๊า”

โดนมองค้อนใส่อีกตามเคย

ร้อยเอกมองตามร่างเล็กที่วิ่งเหยาะๆ เข้าไปในบ้าน ขนาดท่าวิ่งยังทำให้รู้สึกเอ็นดูได้ เริ่มเข้าใจคนที่เป็นแฟนคลับเมืองน้ำขึ้นมาบ้างแล้ว

อมยิ้มค้างจนเมื่อยหน้า เลยไม่ทันสังเกตว่ามียุงตัวจิ๋วมาเกาะบนหัวไหล่ มือหนาเกือบจะยกขึ้นตบ แต่เปลี่ยนใจเป็นปัดออกแทน

อยู่ในช่วงหัวใจกระชุ่มกระชวย เขาไม่อยากฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

เว่อร์ไปมั้ยร้อยเอก

เออว่ะ สงสัยจะเว่อร์จริงๆ



(⺣◡⺣)♡*




————— มีต่อนะคะ —————


หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 9 ☆ 101 is so sad (02/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 02-10-2018 20:09:28
————— ต่อจ้า —————

ก่อนจะลงไปชวนเมืองน้ำออกมาร้านขายโจ๊กด้วยกัน ร้อยเอกคิดว่าจะใช้มอเตอร์ไซค์แทนรถยนต์ แต่อย่างที่เจ้าตัวบอก ตอนนี้อากาศเย็นมาก ฝ่าลมหนาวมาด้วยรถยนต์คงปลอดภัยมากกว่า อย่างน้อยก็มั่นใจว่าคนที่มาด้วยกันจะไม่แพ้อากาศจนล้มป่วยอย่างที่เคยเป็นอีก

ป่วยแล้วเหมือนเด็ก แต่ตอนไม่ป่วยก็ไม่ต่างจากเด็กนักหรอก

ไม่ได้ปรักปรำนะ เขาพูดเรื่องจริงทั้งนั้น

“อร่อยอ่ะ”

โดยทั่วไปคนเราต้องกินของคาวก่อนของหวาน แต่สำหรับเมืองน้ำที่หากหิวแล้วองค์ลงคงไม่ใช่ พอเขาเลี้ยวรถเข้าลานจอดหน้าร้านสะดวกซื้อ คนตัวเล็กที่สวมเสื้อกันหนาวและกางเกงขายาวก็ขอตัวเข้าไปซื้อของกินด้านใน กลับออกมาพร้อมถุงใส่ขนมปังปิ้งร้อนๆ

สารภาพเลย ตอนเมืองน้ำเดินเข้าไป ปล่อยให้เขาเดินมาสั่งโจ๊กกับป้าเจ้าของร้าน เกือบนึกว่าจะไม่มีเพื่อนร่วมกินอาหารมื้อดึกในคืนนี้ซะแล้ว

“กินขนาดนี้ พุงแตกเหมือนพลุปีใหม่แน่”

“ไม่ปากหมาสักวันจะขาดใจรึไง”

“แล้วไม่บอกว่าผมปากหมาสักวันจะขาดใจรึไง”

คนถูกถามกลับละดวงตาคู่สวยจากขนมปังโชยกลิ่นหอมขึ้นมองเขา ยู่หน้าใส่หนึ่งครั้ง ก่อนจะกลับไปกัดขนมปังต่อ

“กินเก่งจริงๆ ใครได้เป็นแฟนคงล้มละลายเพราะเอาเงินมาเลี้ยงพี่หมดแน่ๆ”

เมืองน้ำแกล้งทำหูทวนลม ตบท้ายด้วยสีหน้าล้อเลียนคำพูดคนตรงหน้า ร้อยเอกควรจะกลับไปหยิบเสื้อกันหนาว ไม่ก็เสื้อแขนยาวมาคลุมตอนที่เมืองน้ำเข้าไปเปลี่ยนชุดในบ้าน แต่อีกคนกลับไม่ทำอย่างที่คิด

ใส่เสื้อกล้าม ขับรถหรู สู้ลมหนาว สโลแกนคุณร้อยเอกเขาล่ะ

สุดท้ายเลยต้องขอเวลากลับเข้าไปหาของในบ้านอีกรอบ และออกมาพร้อมสเปรย์กันยุงที่หยิบมาให้คนชวน

เมืองน้ำที่เคี้ยวของหวานในปากจนแก้มตุ่ยกลืนขนมปังลงท้อง ดึงความสนใจกลับมาที่โจ๊กร้อนๆ ตรงหน้า เริ่มต้นด้วยการตักเครื่องปรุงมาใส่

“ไม่ถ่ายรูปก่อนเหรอ” ขณะที่คนตรงหน้าเอ่ยถามขึ้นเรียบๆ

คนผิวขาวส่ายศีรษะเล็กน้อย

“ไม่ล่ะ เห็นร้อยไม่ชอบก็ไม่อยากทำให้หงุดหงิด กินเลยดีกว่า หิวอ่ะ”

“อยากถ่ายก็ถ่ายดิ ครั้งที่แล้วตอนกินชาบูก็ถ่าย”

“กว่าจะได้ถ่ายก็โดนว่าไปตั้งเยอะ”

“จะเก็บไปคิดอะไรนักหนา”

แล้วไม่ใช่เรื่องจริงรึไง ถึงวันนั้นจะมีความสุขกับการได้กินบุฟเฟ่ต์ชาบูก็เถอะ แต่เมืองน้ำก็โดนร้อยเอกกวนประสาทไปตั้งหลายหน แถมตอนจะถ่ายรูปเก็บไว้ลงเพจกับไอจี คนที่พาไปก็บ่นซะเกือบหูชา

ใจร้ายโคตรๆ เลย

“ถ่ายๆ ไปเหอะ ถ้าพี่อยากถ่ายก็ถ่ายไป ผมจะไม่ยุ่ง”

“งั้นพี่ถ่ายเฉพาะชามตัวเองก็ได้” พูดพลางหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะขึ้นมาปลดล็อก

“พี่เมือง”

แต่แล้วเสียงเรียกชื่อก็ทำให้ต้องเงยมองอีกหน

“มาสองคนจะถ่ายชามเดียวได้ไง”

“…”

“ถ่ายผมด้วยสิ โพสต์แล้วแท็กมาบัญชีผมด้วย”

“ทำไมต้องแท็กด้วยอ่ะ”

“คนอื่นจะได้รู้ไงว่ามากับผม แต่อย่าให้เห็นหน้าผมแล้วกัน ไม่อยากออกสื่อ”

“กฎเยอะจัง”

“จะถ่ายมั้ย”

“ถ่ายซี่”

ร้อยเอกเอนตัวออกห่างเพื่อให้เห็นแค่ชามของเขา ได้ยินเสียงชัตเตอร์จากโทรศัพท์เครื่องบางแล้วจึงกลับมานั่งท่าเดิม มื้อดึกของเราดำเนินไปอย่างเรียบง่าย และมันควรเป็นแบบนี้ไปตลอด ทว่าไม่กี่นาทีต่อมา ประกายความสุขเล็กๆ ก็ดับมอดลงซะได้

“เมืองออกมากินข้าวกับน้องคนรู้จักครับ พี่รักษ์มีอะไรเหรอ”

ภานุรักษ์...ดึกดื่นขนาดนี้ยังมีอารมณ์โทรหาคนอื่น ไม่มีใครให้โทรหาแล้วรึไง แฟนก็ไม่ใช่ มีสิทธิ์อะไรมาทำลายบรรยากาศดีๆ ระหว่างเขากับพี่เมือง

แล้วพี่เมืองนี่นะ เข้าใจว่าต้องรักษาน้ำใจคนโทร แต่ช่วยตัดสายเร็วๆ ได้มั้ย

น่าโมโห

“ถ้าไม่มีอะไร เมืองขอวางสายก่อนนะครับ ครับ...ฝันดีครับ”

“เหอะ”

ตายห่า

เผลออุทานเต็มเสียง คนที่เพิ่งวางสายจากรุ่นพี่ที่โทรเข้ามาไม่รู้เวลาเลยมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ ร้อยเอกรีบกระแอมไอ ให้คนตัวเล็กเข้าใจว่าเสียง ‘เหอะ’ เมื่อกี้เป็นเสียงไอของเขา แม้จะไม่ค่อยเนียนก็เถอะ แต่ถ้าทำให้เมืองน้ำกลับไปกินโจ๊กต่อได้ วิธีนี้ก็คงได้ผลในระดับนึงล่ะนะ

จะว่าไป เมืองน้ำยังไม่ได้บอกร้อยเอกเลยว่าที่ถูกเข้าใจผิดคิดว่าไปดินเนอร์กับพี่รักษ์ ความจริงแล้วคืออะไร

บอกดีมั้ย...

ไม่รู้ว่าร้อยเอกอยากรู้หรือเปล่า

“วันนั้นที่ไปกินข้าวกับพี่รักษ์...”

แต่เมืองน้ำอยากบอกมากเลย

“พี่รักษ์พาไปรู้จักกับเจ้าของแบรนด์เพราะเห็นพี่รับตัดต่อคลิป รู้จักกันไว้เฉยๆ ถึงไม่ได้ร่วมงานกันตอนนี้ แต่อนาคตถ้าแบรนด์มีงานอะไร จะได้นึกถึงเราคนแรก ไม่ได้ไปดินเนอร์กันสองคนนะ ถึงโดนชวนก็ไม่ไปด้วย แฟนพี่รักษ์ขี้หึงจะตาย ตอนที่ยังไม่รู้ว่าพี่กับพี่รักษ์รู้จักกันอยู่แล้ว เคยไลน์มาด่าพี่ตั้งเยอะ”

ด่าเลยเหรอ...

ถ้าได้ฟังเรื่องนี้ตอนที่ความรู้สึกไม่บอกให้เชื่อใจคนคนนี้ ร้อยเอกคงคิดว่าเมืองน้ำพูดเรื่องโกหก และถามตรงๆ ว่าบอกทำไม แต่สีหน้าเซ็งเป็ดตอนพูดเรื่องถูกไลน์มาด่า ทำให้เขาตัดสินใจสวมบทผู้ฟังที่ดีอีกครั้ง

เพื่อนแคปคำด่าในไลน์กลุ่มคณะไปให้ พี่เมืองยังเก็บไปคิดขนาดนั้น นี่โดนพิมพ์ด่าตรงๆ ในไลน์ส่วนตัว จะไม่นอยด์แย่เลยเหรอ

ประสาทรึไงวะ ถ้าแฟนเจ้าชู้ก็ด่าแฟน ไม่ใช่มาด่าคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

โมโหย้อนหลังได้มั้ย ในฐานะน้องข้างบ้านก็ได้

“เป็นคนดังมันก็ลำบากหน่อย มีคนคอยมองตลอด ใครๆ ก็ตัดสินเราได้ทั้งนั้น พี่ไม่ต้องไปคิดมากหรอก”

“พี่ไม่ได้ดังขนาดนั้นหรอก” คนตัวเล็กถอนหายใจแผ่วผ่าว “ถ้าไม่เป็นเมืองน้ำที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ไม่รู้จะมีโอกาสดีๆ เข้ามาเยอะแยะแบบนี้รึเปล่า อาจจะเป็นแค่เมืองน้ำที่ตั้งใจเรียนเฉยๆ ก็ได้”

“ผมถึงบอกไงว่าไม่ต้องไปสนใจ ยังไงมันก็เป็นสิ่งที่เราเลือกที่จะเป็นแล้วนะ แล้วที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผมว่าดีแล้ว มีโอกาสต่อยอดงานได้เยอะเลย”

“อันนี้คือเกร็ดความรู้ใช่มั้ยเนี่ย”

“แหงสิ” ร้อยเอกหัวเราะหน่อยๆ คว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้ววางลงที่เดิม “ผมเห็นพ่อทำงานเบื้องหลังมาตั้งแต่เด็ก ทุกยุค ทุกสมัย หลายๆ ค่ายมักจะดึงคนที่มีกระแสอยู่แล้วไปร่วมงานด้วย ผมว่าพี่ก็น่าจะมีคนติดต่อมาให้ร่วมงานในวงการบันเทิงเยอะนะ”

จริงอย่างที่พูด...อย่างน้อยๆ หนึ่งในคนหยิบยื่นโอกาสก็คือพ่อของร้อยเอก ทุกวันนี้ก็ยุ่งอยู่แล้ว คิวงานตัดต่อยาวไปอีกสองเดือน เมืองน้ำเลยปฏิเสธน้ำใจของท่านเพราะรู้สึกว่าตัวเองคงทำได้ไม่เต็มที่

อะไรที่เกินกำลัง เมืองน้ำจะไม่ทำ เพราะเคยเจอปัญหาจากการรับงานที่ยากเกินความสามารถมาแล้ว ทั้งเหนื่อย ทั้งเกิดปัญหาระหว่างทาง กว่าจะฝ่าฟันมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เมืองน้ำมีภาพลักษณ์ที่ดี เพราะเมืองน้ำไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้ว่าเจออะไรมาบ้าง คิดว่าไม่จำเป็นต้องเล่า คงไม่มีใครอยากรู้เรื่องเครียดของตัวเองนอกจากคนใกล้ตัว

แต่พอมีร้อยเอก คนที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นอีกหนึ่งความสบายใจให้กันได้

ไม่รู้สิ...

ดีมั้ง

อื้อใช่ ดีมากเลย


“ถามอะไรหน่อยสิ”

มันคงจะดีถ้าเมืองน้ำได้รับหน้าที่เป็นผู้ฟังบ้าง

“ทำไมร้อยถึงเลือกเรียนเกษตรเหรอ เห็นอาจารย์พันเอกเคยบอกว่าร้อยติดหมอก่อนจะติดเกษตร”

อย่างน้อยการฟังเรื่องของอีกฝ่ายก็ทำให้รู้จักคนตรงหน้ามากขึ้นล่ะนะ

“ไม่ใช่ว่าหมอไม่ดีนะ หมอก็ดีครับ แต่ผมชอบเกษตรมากกว่า ไม่ค่อยมีคนเชื่อหรอกว่าผมชอบต้นไม้ แต่ชอบมากจริงๆ”

“ทำไมถึงชอบล่ะ”

“ติดมาจากปู่มั้ง” ร้อยเอกหัวเราะหน่อยๆ วางข้อศอกลงบนโต๊ะ และประสานมือทั้งสองไว้ใต้คาง “ตอนเด็กๆ ผมไปเที่ยวบ้านปู่ อยู่สุโขทัยนู่น บ้านปู่มีแต่ต้นไม้ มีสวนไว้ปลูกผักด้วยนะ ปู่ชอบเอานั่นเอานี่มาทำให้กิน ที่จำได้ขึ้นใจเลยคือปู่เอามันฝรั่งมาหั่นเป็นแท่งเล็กๆ เอาไปต้ม แล้วก็เอามาทอด”

“เฟรนช์ฟรายส์?”

“ใช่ เฟรนช์ฟรายส์ ตอนนั้นไม่รู้นะว่าเรียกว่าอะไร แต่รู้สึกอะเมซิ่งมาก ผมรู้สึกว่าเฮ้ย มันทำอย่างนี้ได้ด้วยเหรอ เป็นความชอบแบบเด็กๆ แหละครับ แต่ก็ทำให้ผมสนใจเรื่องพวกนี้มาจนโตเลยนะ”

“พูดซะอยากไปบ้านปู่ร้อยเลยเนี่ย ไว้ถ้ามีโอกาส พาพี่ไปเที่ยวบ้างสิ”

“สามหมื่น”

“…?”

“ค่าพาไปสามหมื่น เคป้ะ”

“กวนประสาทอีกละ”

ใครจะกล้าเก็บเงินเมืองน้ำกันเล่า ร้อยเอกก็พูดไปอย่างนั้นเอง เขาไม่ทำจริงหรอก บอกให้พาไปฟรียังได้เลย แค่แกล้งหยอกเล่นเพราะไม่คิดว่าเราสองคนจะมีช่วงเวลาแบบนี้ด้วยกัน

หรือจะเป็นคู่กัดเสินเจิ้นจริงๆ นะ

“แค่นี้ก็ต้องเก็บเงินด้วย ใช่ซี้ เรามันไม่สำคัญหนิ”

“อะไรอีกล่ะ”

ไม่หรอก เขากับเมืองน้ำยังเป็นคู่กัดเหมือนเดิมนั่นแหละ

“ไม่รู้สิ ถ้าเป็นคนสำคัญคงไม่เก็บเงินมั้ง”

“ถ้าคนสำคัญหมายถึงแฟน ผมไม่มีแฟนมาเป็นปีแล้วนะพี่เมือง ตกข่าวอ่ะ ทำไมไม่อัพเดทเลย”

ดูทำหน้าเข้า ดีนะร้านไม่ได้ขายก๋วยเตี๋ยว ไม่งั้นเมืองน้ำคงหยิบตะเกียบขึ้นมาจิ้มหน้าผากเขาไปแล้ว

“อ้าวเหรอๆ ไม่รู้ว่าเลิกกันนานแล้ว เห็นน้องเขาดู...ดูตรงสเป็กร้อยเอกดี เลยนึกว่าคบกันอยู่”

“ใช่ ตรงสเป็ก น่ารัก เรียบร้อย พูดเพราะ ดีทุกอย่าง”

ทำไมบทสนทนามันมาถึงจุดที่ร้อยเอกชื่นชมคนรักเก่าให้เมืองน้ำฟังได้ ย้อนกลับไปเปลี่ยนเรื่องทันมั้ย รู้แล้วว่าชอบคนแบบไหน รู้แล้วว่าเมืองน้ำไม่เข้าข่ายสเป็กของร้อยเอกหรอก

ต้องมานั่งฟังคำพูดทำนองนี้

มันตอกย้ำกันชัดๆ

“คนไม่ดีคงเป็นผมมั้ง” ร่างสูงพูดด้วยท่าทางเซ็งๆ คนตัวเล็กเลยดึงสติกลับมาทันที เมืองน้ำคิดว่าตัวเองนอยด์มากแล้วนะ เจอสีหน้าร้อยเอกตอนนี้เข้าไป คูณสองเลยแล้วกัน “คบกับคนอื่นทั้งที่คบกับผมอยู่ ตลกดีเนอะ”

ให้ตาย...

“บอกว่าคนอื่นดีกว่า ทั้งที่เป็นแฟนเรา พยายามแค่ไหนเขาก็ไม่เลือกเรา ไม่เคยเจอใครใจร้ายขนาดนี้เลย”

“ทำไมเขาไม่เลือกร้อยล่ะ ร้อยก็ดูเป็นแฟนที่ดีนะ”

รู้สึกผิดเลยแฮะ

“ไม่รู้สิ เพราะผมเป็นแค่นักศึกษา ยังไม่มีงานทำ ยังไม่มั่นคงในสายตาเขาล่ะมั้ง นักศึกษาที่ยังเรียนอยู่กับนักธุรกิจที่รวยเป็นพันล้าน เป็นพี่เมือง พี่เมืองจะเลือกอะไร”

“พี่คง...เลือกทางที่ไม่ทำให้แฟนเราเสียใจ คนเรา ถ้าไม่รู้สึกต่อกันแล้ว ก็อย่าทนคบกันเลย เลิกกันไปคนละทางนี่แหละ เจ็บน้อยที่สุดแล้ว”

“ใช่ครับ โดนบอกเลิกนี่แหละ เจ็บน้อยกว่าโดนหลอกไปเรื่อยๆ อีก แต่เขาคงไม่คิดแบบพี่เมือง ช่างเหอะ ป่านนี้ก็คงมีความสุขดี บล็อกผมทุกทาง สุดยอดเลย”

ร้อยเอกรักแฟนคนเก่ามากเลยใช่มั้ย

ทำไมจู่ๆ บรรยากาศถึงหม่นขนาดนี้ได้ล่ะ

“ผมถามพี่กลับบ้างสิ”

“พี่มีอะไรให้ถาม”

“โอ๊ยเยอะแยะว่ะ” คิ้วบนใบหน้าน่ารักที่ขมวดใส่ร้อยเอกนั่นน่ะ ตลกชะมัด เครียดเรื่องไหนอยู่หรือไงเมืองน้ำ “ผมอยากรู้ว่าทำไมพี่ถึงไม่คบกับเพื่อนผม”

“หลวงพี่สิงหาน่ะเหรอ” ร้อยเอกพยักหน้ารับ ขณะที่ปากนุ่มนิ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง ความรู้สึกห่อเหี่ยวเหมือนถูกเป่าลมให้ค่อยๆ ล่องลอยขึ้นมา ร้อยเอกไม่เคยอยากรู้เรื่องของเมืองน้ำกับสิงหาเลย หนำซ้ำตอนจบความสัมพันธ์ อคติในตัวอีกคนที่มีต่อเมืองน้ำก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว “พี่ไม่ได้เป็นคนขอหยุดนะ หลวงพี่เป็นคนขอ”

ขอบคุณ...

ใช่เลย ความรู้สึกนี้ ขอบคุณที่ถาม เพราะมันทำให้เมืองน้ำได้อธิบายเรื่องของตัวเอง

“ก่อนจะบวชก็มาขออโหสิกรรมที่เคยทำให้พี่เสียใจ จริงๆ แล้ว...ไม่เคยเสียใจเลยนะ เพราะเราต่างไม่รู้สึกอะไรต่อกันทั้งคู่”

“…”

“หลายเดือนที่คุยกัน มันมีแต่ความไม่สบายใจ เกร็งไปหมด ไม่ถึงขั้นเสียใจ แต่ก็ไม่มีความสุขเลย เลยกลับไปเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันดีกว่า พี่แค่อยากคบคนที่ทำให้เราสบายใจ...”

“ตอนนี้เจอรึยัง คนที่ทำให้พี่เมืองสบายใจ”

ได้ยินมั้ย

เสียงหัวใจของร้อยเอก

ไม่รู้อะไรดลใจให้ถาม แต่มันเต้นรัวไม่หยุดเลย

“เจอแล้ว”

“…”

“ทั้งทำให้สบายใจ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์ ทำอะไรก็ได้ตอนอยู่ด้วยกัน แล้วก็ทำให้ชอบตัวเองเวลาอยู่กับเขา”

บ้าเอ๊ย

ทำไมรู้สึกเหมือนโดนเหยียบที่ใจเลยวะ

“น้ำเน่าอ่ะ ถ้าคนคนนั้นของพี่มาได้ยิน สงสัยต้องหาของเปรี้ยวมาดับละมั้ง หวานเลี่ยนสุด”

“ไม่รู้สิ”

“…”

“ก็เขาคงไม่ชอบพี่”

“ใครอ่ะ”

“ไม่รู้อีกเหมือนกัน”

“เอ้า กวนป้ะ ถามดีๆ นะ”

“ก็ตอบดีๆ นะเนี่ย”

มีคนที่ชอบแล้ว แล้วอย่างนี้ร้อยเอกจะเดินเข้าไปอยู่ในใจพี่เมืองได้ยังไง

รู้ตัวช้าไปรึไงวะ ทำไมนะทำไม ทำไมไม่รู้ก่อนที่พี่เมืองจะชอบคนอื่น

อย่างนี้เรียกว่าอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้จีบได้มั้ย

“เซ็ง”

“เซ็งอะไรเหรอ”

“โจ๊กไม่อร่อย อยากกลับบ้านละ”

“อ้าว...”

“อากาศหนาวทำผมขมคอ”

ยอมรับเลยว่าร้อยเอกอยากเป็นคนนั้น คนที่พี่เมืองอยู่ด้วยแล้วสบายใจ เป็นตัวของตัวเอง เป็นคนที่พี่เมืองชอบ

คนที่พี่เมืองชอบ อย่าชอบพี่เมืองกลับเลยนะ

รู้ว่าบาป แต่จังหวะนี้ก็เหลือแค่หนทางเดียว

เซ็งเว้ย แม่ง เรื่องมันเศร้าขอเหล้าเข้มๆ

อยากย้อมใจโว้ยยยย




(⺣◡⺣)♡*




—————————







101 :
เพื่อนรัก
มึงรู้มั้ยว่าพี่เมืองชอบใคร

101 :
ถ้ารู้บอกกูด้วยนะ

101 :
มึงแม่งชงกูกับพี่เมืองทุกวัน ทั้งที่พี่เมืองมีคนที่ชอบอยู่แล้วเนี่ยนะ

101 :
มึง แม่ง สัส
กูโมโหๆๆๆๆ
ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย ไอ้เหี้ย

101 :
โมโหว่ะ

Marvin :
ใจเย็นไอ้สัส ขอกูย้อนอ่านแปป

Marvin :
อุ้...
แหม ทำไมจู่ๆ มาถามเรื่องพี่เมืองล่ะจ๊ะเพิ่ลรวักซ์

101 :
ให้โอกาสมึงพิมพ์ดีๆ อีกแค่ครั้งเดียว

Marvin :
*เพื่อนรัก
ทำไมล่ะ รู้ใจตัวเองแล้วเหรอจ๊ะ
แหม่ะ กูนี่ชงเช้าชงเย็น ยิ่งกว่าคนชงชาชัก
ไงมึง

Marvin :
เอ๊ะ หรือมึงโกรธกูจนไม่อยากตอบแล้ว
เฮ้ย กูล้อเล่นนะเว้ย ใจเย็นก่อนนะ
ร้อยเอกกกกกกกกก

101 :
มึงอ่ะใจเย็น

Marvin :
แหะ

101 :
มึง

Marvin :
ว่า

101 :
เห้อ

Marvin :
จะพิมพ์อะไรก็รีบๆ มิดเทอมรอฆ่ากูอยู่จ้า

101 :
อืม

Marvin :
อืมเหี้ยไร ขยายความสิวะ


101 :
กูว่ากูชอบพี่เมือง

Marvin :
……………..

101 :
กูชอบพี่เมือง

Marvin :
เดี๋ยว

101 :
กูชอบพี่เมืองจริงๆ
แต่พี่เมืองมีคนที่ชอบแล้ว
เหี้ย พูดแล้วกูเศร้าเลย

Marvin :
เดี๋ยวก่อนเพื่อนร้อย

101 :
อยากแดกเหล้า ขับรถออกเซเว่นอีกรอบได้ป้ะ
แม่งเอ๊ย

Marvin :
โอ๊ยยยยย!!
บทจะยอมรับมึงก็ยอมง่ายๆ
แต่มึงแม่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ที่กูชงมาเหมือนไม่มีความหมาย ไอ้เวร

101 :
อะไร

Marvin :
โง่ฉิบหายยยยย

101 :
ด่ากูทำไม

Marvin :
ไม่ด่าไม่ได้แล้วพ่อหนุ่ม
ไอ้โง่ เพื่อนกูโง่เหี้ยๆๆๆๆ
มึงมันๆๆๆๆ โว้ยยยย กูน้ำลายฟูมปากเพราะความง่าวของมึง
มึงสงบอารมณ์นะ ได้สติแล้วกลับมาอ่านหนังสือ

101 :
กูโซแซดว่ะ

Marvin :
กูแซดกว่ามึงอีก มีเพื่อนโง่ในเรื่องที่ไม่ควรโง่

101 :
มึง

Marvin :
พอ จบ แยก!!

101 :
ตกลงพี่เมืองชอบใคร

Marvin :
กูไม่บอก
ไปอ่านหนังสือ!!!








#ร้อยเมือง







กด 1 เป็นกำลังใจให้ร้อยเอก
กด 2 เป็นกำลังใจให้มาวิน

ส่งข้อความมาที่ prayfor101 นะคะ 55555

ปล. ไม่มีดราม่าแฟนเก่าจะหวนกลับมาอะไรยังงิแน่นวลลล เลิกแล้วเลิกเลยเน้อ สบายใจได้โลยย


นอกจากเมืองน้ำจะมีความสุขที่ได้อยู่กับร้อยเอกแล้ว เราเองก็มีความสุขกับการได้เขียนนิยายเรื่องนี้เช่นกันนะคะ ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์เลยค่ะ



มีความสุขกับร้อยเมืองไปเรื่อยๆ เลยนะคะ ❤︎
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 9 ☆ 101 is so sad (02/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-10-2018 21:17:58
 o13  เพื่อนวิน
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 9 ☆ 101 is so sad (02/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 02-10-2018 22:24:57
ขอยาดกด2 สงสารมือชงอันดับ1 55555555555
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 9 ☆ 101 is so sad (02/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 03-10-2018 02:01:16
เหนื่อยใจจะชง เพื่อนโง่จนปลงแบบนี้ 55555  :laugh:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 9 ☆ 101 is so sad (02/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 03-10-2018 18:58:43
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ chapter 10 ☆ ให้ฉันดูแลเธอ (07/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 07-10-2018 19:40:55
10
ให้ฉันดูแลเธอ






มื้อดึกที่ร้อยเอกชวนไปกินด้วยกันเมื่อคืน จะว่าดีก็ดี จะบอกว่าไม่ดีก็ไม่เชิง

จนตอนนี้เมืองน้ำยังไม่รู้เลยว่าร้อยเอกเซ็งเรื่องอะไร บอกว่าโจ๊กไม่อร่อย แต่กินหมดชามก่อนเมืองน้ำจะกินหมดซะอีก บอกว่าอากาศหนาวทำให้รู้สึกขมคอ ถึงไม่เกี่ยวกันก็เถอะ แต่ก็เป็นร้อยเอกเองที่ไม่ยอมสวมเสื้อแขนยาว ทั้งที่เมืองน้ำบอกไปแล้ว

เป็นผู้ชายเข้าใจยากยังไง ก็ยังเป็นผู้ชายเข้าใจยากวันยังค่ำ เชื่อเขาเลย

หรือว่า...จะโกรธที่เมืองน้ำไม่เฉลยว่าคนที่ตัวเองชอบคือใคร

พี่เมืองชอบน้องเอกนั่นแหละ! ขืนบอกแบบนี้ มีหวังโดนเกลียดขี้หน้าไปอีกสิบปีแน่ๆ เผลอๆ อาจอคติต่อเมืองน้ำยิ่งกว่าแต่ก่อนชัวร์เลย

ยืนยันอีกครั้งว่าเป็นการชอบใครสักคนที่ยากชะมัด

ร้อยเอกตื่นแต่เช้า โทรมาปลุกเมืองน้ำให้ลุกมาอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นก็ขับรถมาส่งที่มหา’ลัยด้วยสีหน้าเรียบๆ ติดบึ้งตึงหน่อยๆ อยากเอานิ้วไปนวดรอยขมวดตรงกลางระหว่างคิ้วได้รูป ให้ปมยึกยือหายไป แต่ดูจากรูปการณ์แล้ว...อย่าดีกว่า

น้องเอกเวอร์ชั่นงอนอะไรไม่รู้นี่น่าตีจริงๆ

เวลาดำเนินมาถึงช่วงบ่ายแก่ หลังคุยเรื่องสถานที่ฝึกงานในเทอมหน้าเสร็จ เพื่อนในกลุ่มก็ขอแยกตัวเพื่อกลับบ้าน เพราะฝนที่ตกตลอดทั้งวัน ทำให้ด้านนอกมีแต่ความเปียกชื้น คนตัวเล็กเลือกเก้าอี้ข้างโต๊ะไม้หินอ่อนเป็นที่พักพิง ถูกสั่งว่าห้ามกลับเอง ให้หาอะไรทำขณะรอเจ้าของคำสั่งขับรถมารับ ฉะนั้นตอนนี้ที่ร้อยเอกยังไม่มา เมืองน้ำเลยหาอะไรอ่านในโซเชียลไปพลางๆ

มีคนคิดว่าเมืองน้ำเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่รักษ์เลิกกับแฟนจริงๆ ด้วย จะคิดก็คิดไป ไม่เห็นต้องมาคอมเมนต์ถามในไอจีของเมืองน้ำเลย

ไม่เคยตอบเลยนะ แต่บางคนใช้คำรุนแรงเกินไปจริงๆ

ตอบหน่อยดีมั้ย



101 :
เลิกหรือยัง



อ่า

ยิ่งตอบยิ่งโดนว่านะ ปิดแจ้งเตือนคอมเมนต์ดีกว่า



m.nam ☆° :
เลิกแล้ววว
อยู่ไหนอ่ะ
พี่รอข้างล่างตึกนะ ใกล้ๆ ร้านถ่ายเอกสาร



101 :
กำลังไปครับ
รอหน่อยนะ แป๊บเดียว
พอดีแม่มาตัดแว่นใหม่แถวนี้ ก็เลยแวะไปรับแม่ด้วย



m.nam ☆° :
อื้อๆ
มาไวๆ นะ



พอคิดถึงคำพูดดีๆ ของร้อยเอก คำพูดที่บอกว่าอย่าไปสนใจ นั่นแหละ...จากที่นอยด์ก็ผ่อนคลายขึ้นมาได้

ถ้าได้คุยกับพ่อ เมืองน้ำคงดีกว่านี้

ไม่รู้ว่าความเข้มแข็งหนีไปเที่ยวที่ไหนหมด ไม่เห็นมีเยอะเท่าเดิมเลย



101 :
เอ้อพี่เมือง
แม่บอกว่าจะไปทำบุญ วัดที่หลวงพี่สิงหาจำพรรษาอยู่
ไปด้วยกันมั้ย



นอกจากคอมเมนต์แย่ๆ ก็ยังมีคอมเมนต์ดีๆ ให้เห็นอยู่บ้าง มีทั้งคอมเมนต์ที่ตอบโต้กับคนที่คิดว่าเมืองน้ำเป็นมือที่สาม คอมเมนต์น่ารักๆ ที่บ่นคิดถึง อยากให้ลงรูปเยอะๆ ลงโฆษณาอะไรก็ได้ ไม่ใช่หายไปนานหลายวันขนาดนี้ แล้วก็คอมเมนต์ที่ถามถึงความสัมพันธ์เจ้าของชามโจ๊กในไอจีเมื่อคืน

ไอจีเจ้าของชามโจ๊กมีแต่รูปต้นไม้ ลงรูปตัวเองก็ปิดหน้าปิดตา ถ่ายเหมือนไม่อยากถ่าย เชื่อแล้วว่าร้อยเอกไม่ชอบให้ถ่ายหน้าจริงๆ



m.nam ☆° :
ไปสิ งั้นถ้ามารับพี่แล้ว แวะร้านสังฆภัณฑ์หน่อยได้มั้ย
อยากซื้อของไปทำบุญ



101 :
ได้ๆ
แม่มาแล้ว ขอขับรถก่อนนะ ฝนตกหนักโคตรๆ เลยเนี่ย
อวยพรให้ผมด้วยพี่เมือง



m.nam ☆° :
ขอให้ปลอดภัยโว้ยยย
หยอกๆ ขอให้ปลอดภัยครับ



101 :
เลียนแบบเหรอ
จ่ายค่าแลคตาซิดมาเลยนะ



m.nam ☆° :
ลิขสิทธิ์!!!



นึกจะเล่นมุกก็เล่นมาดื้อๆ นึกจะดีก็ดี นึกจะงอนก็งอน อะไรก็ไม่รู้ เอาแต่ใจที่สุด แต่ก็เป็นความเอาแต่ใจที่ทำให้ยิ้มได้

คิดถูกแล้วล่ะที่ปิดแจ้งเตือน กลับถึงบ้านค่อยเช็กแล้วกันนะ



(⺣◡⺣)♡*



ร้อยเอกคิดว่าฝนคงตกตลอดทั้งวัน และเป็นอย่างนี้ไปอีกหลายวันแน่นอน คำเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาในรายการวิทยุยืนยันความคิดนี้ได้เป็นอย่างดี

สิ่งหนึ่งที่ดีขึ้นแม้หยาดฝนจะโปรยปราย อากาศเย็นชื้น แถมยังใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นเพราะเสี่ยงไม่สบายได้ง่ายๆ คืออารมณ์ของเขา เมื่อวานที่บอกว่าเศร้า เขาเศร้ามากจริงๆ ทักไปถามมาวินก็โดนเพื่อนด่า สมาธิอ่านหนังสือลดน้อยลงเพราะเอาแต่คิดเรื่องเมืองน้ำ หัวใจแทบไม่เป็นสุข แค่นึกภาพพี่เมืองกับคนที่ชอบ คนคนนั้นที่ไม่ใช่ตัวเขาเอง แค่นี้ก็หงุดหงิดจะตายชัก

เรียกว่าหึงมั้ย

เออ หึงก็หึง

เกือบจะหยุดความเศร้าไม่ได้ แต่พอเห็นใบหน้าน่ารักที่ดูอยากรู้ว่าเขาเป็นอะไร นั่นแหละ เห็นแล้วโกรธไม่ลง เพราะพี่เมืองไม่มีความผิด หงุดหงิดเป็นบ้าเป็นหลังเพราะตัวเองล้วนๆ

“ของครบแล้วใช่มั้ยคะน้องเมือง”

“ครบแล้วครับ เมืองช่วยถือนะ”

จริงๆ แล้วเห็นแค่ตาใสๆ ก็อ่อนยวบไปทั้งใจ

เป็นได้เบอร์นี้เลยเหรอร้อยเอก

“ผมถือให้เอง พี่เมืองกางร่มไปกับแม่เถอะครับ” พูดพลางคว้าถังสังฆทานและของทำบุญอื่นๆ ที่แวะซื้อจากมือคู่เล็กมาไว้ในมือตัวเอง ทีแรกเมืองน้ำจะไม่ยอม และขอบคุณที่ฝนยังตกจนถึงตอนนี้ เจ้าของแก้มเนียนที่ป่องเพราะอีกคนอมลมไว้หน่อยๆ ถึงยอมหยิบร่มมากางให้แม่เขาได้

เพิ่งรู้ว่าลูกหมาตาแป๋วอมลมเป็นด้วย มหัศจรรย์ดีจริงๆ

ร้อยเอกหยิบร่มอีกคันออกมากันฝนให้ตัวเอง กดสวิตช์ล็อกรถแล้วก้าวตามสองคนที่เดินนำเขาไปก่อนแล้ว มือเมืองน้ำเล็กมาก ใส่ฟิลเตอร์น่าเอ็นดูลงไปหน่อยคงไม่ต่างจากมือนุ่มๆ ของเด็ก และถึงจะเล็กแค่นั้น แต่ก็ยังยกขึ้นมาบังละอองฝนให้แม่ของเขา

เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงเอ็นดูพี่เมืองนัก

เพราะเป็นเด็กดีอย่างนี้นี่เอง

กุฏิของหลวงพี่สิงหาค่อนข้างไกลจากจุดที่ร้อยเอกจอดรถไว้ ทำให้สายตาเก็บรายละเอียดความสวยงามของสถาปัตยกรรมได้ตลอดทาง

ใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเดินมาถึงจุดหมาย นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ร้อยเอกได้พบกับเพื่อนในกลุ่มของตัวเอง หลวงพี่สิงหาเปลี่ยนไปมาก เขาไม่เคยเห็นหลวงพี่ในมาดสงบนิ่ง แววตาอ่อนโยน และดูใจเย็นถึงขนาดนี้

“โยมเมืองน้ำสบายดีนะ”

ภาพที่เพื่อนเสียใจกับความสัมพันธ์ที่พังทลายในวันนั้น กับภาพที่เห็นตอนนี้

ไม่รู้สิ...เรียกว่าโล่งใจ แล้วก็รู้สึกดีล่ะมั้ง

“สบายดีครับ แต่งานเยอะมากเลย”

พวกเขาถวายของทำบุญครบหมดแล้ว กรวดน้ำและนำออกไปเทในกระถางต้นไม้หน้ากุฏิ กลับเข้ามารับพร และเหลือแค่การพูดคุยที่คงจบลงในไม่ช้า

หลวงพี่ยิ้มพอใจกับคำตอบที่ได้ยิน

“อย่าหักโหมล่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะ”

ขณะที่เมืองน้ำขานตอบอย่างสุภาพ

“โยมป้าจะปิดทองต่อมั้ย กางร่มแล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปประมาณร้อยเมตรมีศาลาที่คนจะมาสักการะขอพรกัน”

คนถูกกล่าวถึงอ้ำๆ อึ้งๆ ด้วยไม่รู้จะไปดีหรือเปล่า จนร้อยเอกต้องสะกิดเบาๆ ให้เอ่ยตอบเพราะกลัวหลวงพี่จะรอนาน

“ไปเถอะ ไปกับโยมเมืองน้ำก็ได้ ไม่ต้องกลัวเสียมารยาท อาตมาอยากคุยกับโยมร้อยเอกอยู่พอดี”

ร้อยเอกเลิกคิ้วกับประโยคที่ได้ยิน ทว่าไม่พูดอะไรต่อ รอให้แม่กับเมืองน้ำกราบนมัสการแล้วเดินไปยังอีกศาลาด้วยกัน คนตัวสูงเปลี่ยนตำแหน่งเข้ามาใกล้ช้าๆ ระมัดระวังกิริยาให้มากที่สุด

“เป็นไงมาไงถึงมากับโยมเมืองน้ำได้ล่ะ”

คำถามนี้ทำเอาเขาไปต่อไม่ถูก ถ้าคุยกับมาวินคงหาข้อแก้ตัวได้ง่ายๆ เหมือนที่ผ่านมา แต่เวลานี้ที่ทุกอย่างค่อยๆ เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนมากที่สุดคือความรู้สึกที่เขามีต่อคู่กัดตัวเล็ก

ใครๆ ก็รู้ว่าเขากับพี่เมืองไม่ถูกกัน และเป็นเขาเองที่อคติกับเมืองน้ำทุกอย่าง พอจะอธิบาย ก็รู้สึกยากจริงๆ

“ห้ามโกหกนะ พูดปดเป็นบาปหนักนะโยม”

ใช่ โกหกไม่ได้ หาข้ออ้างไม่ได้

ถ้างั้น...

พูดความจริงนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว

“ช่วงนี้...สงบศึกชั่วคราวครับหลวงพี่ คุยกันบ่อยขึ้น ไปไหนมาไหนด้วยกัน พี่เมืองไม่มีรถ ผมก็เลยไปส่ง วันนี้ก็พามาด้วยเพราะไปรับพี่เมืองที่คณะพอดี”

“แค่นี้เหรอ”

“ครับ”

หลวงพี่สิงหาเงียบเสียงครู่หนึ่ง เหลือบมองสายฝนก่อนจะกลับมามองร้อยเอก

“แล้วความสัมพันธ์ล่ะ ไปถึงไหนแล้ว”

“ก็ไม่ไปถึงไหนครับ เป็นคนรู้จักเหมือนเดิม”

“หายอคติกับโยมเมืองน้ำหรือยัง”

“…”

“เคยโกรธหนักเรื่องอะไรล่ะ รู้ตัวมั้ย”

“ผมไม่ได้โกรธ...” ใช่ ร้อยเอกไม่ได้โกรธ ก็แค่...​ “ผิดหวังครับ ตอนนั้นผิดหวังมาก ก็เลยตั้งแง่อคติ ทุกอย่างที่เห็นก็เป็นใจกับสิ่งที่คิดมากๆ ด้วย หลายเดือนที่ผ่านมาก็เลยคิดลบกับพี่เมืองเยอะมาก”

“ผิดหวังเพราะไปหวังกับเขามากน่ะสิ หวังโดยไม่รู้ตัว คิดว่าเขาจะเป็นแบบที่ใจเราต้องการ ใช่มั้ย”

หลวงพี่สิงหาพูดถูกทุกอย่าง ตั้งแต่ทะเลาะกับเมืองน้ำ และคืนดีกัน ร้อยเอกคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหลวงพี่จะลาบวชมาตลอด ยิ่งช่วงนี้ที่อยู่ใกล้เมืองน้ำมากกว่าช่วงไหนๆ ได้เจอเมืองน้ำในด้านที่ไม่เคยเห็น ยิ่งคิด

พอถูกจี้ถาม ก็ได้คำตอบอย่างที่เห็น

เขาหวังว่าเพื่อนกับรุ่นพี่ที่รู้จักจะคบกัน หวังให้ทั้งสองคนมีความสุขกับความสัมพันธ์ และพอผลลัพธ์ไม่เป็นดังที่คิด ก็โทษว่าเป็นความใจร้ายของเมืองน้ำมาตลอด

ร้อยเอก...

งี่เง่าชะมัด

“โยมร้อย”

“ครับ”

“เราไม่ควรเอาความคาดหวังของตัวเองไปวางไว้บนบ่าคนอื่นนะ บางคนอาจจะแบกเรื่องนั้นเรื่องนี้เยอะอยู่แล้ว ให้เขามาแบกความคาดหวังของเราอีก พอไม่ได้ดั่งใจ ก็ผิดหวังในตัวเขา ทั้งที่เขาไม่อยากให้เราไปหวังอะไรในตัวเขาเลย เขาอยู่เฉยๆ เป็นตัวเขาแบบนั้นมาตั้งนาน เรามากกว่าที่วาดภาพต่างๆ นานาไว้ในความคิดของเราเอง เข้าใจที่พูดใช่มั้ย”

“เข้าใจครับหลวงพี่”

“โยมเมืองน้ำชอบเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว ต่อไปนี้อยากรู้เรื่องไหนก็ให้ถาม ถ้าเขาไว้ใจเรา เขาจะบอกเอง อย่าคิดไปเอง สงสารโยมเขา”

“ถ้าพี่เมืองไม่บอกล่ะครับ”

หลวงพี่ถอนหายใจบางเบา

“โยมร้อยนี่...ไม่สมกับเป็นเพื่อนรักอาตมาเลย โยมเก่งทุกเรื่องแล้ว อยากให้เก่งเรื่องโยมเมืองน้ำด้วยนะ”

“...”

“ลองคิดดูว่าโยมเมืองน้ำยอมให้โยมร้อยเอกเข้าไปในพื้นที่ของตัวเองหรือยัง ต้องหาคำตอบเอาเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องทางโลก อาตมายุ่งมากไม่ได้หรอก”

“...”

“ถ้าคิดถึงก็ขอให้พ้นช่วงออกพรรษาไปก่อน อาตมาใกล้สึกแล้วล่ะ โยมไปหาโยมป้ากับโยมเมืองน้ำเถอะ จะได้กลับบ้าน เย็นแล้ว รถติด”

“ครับ กราบนมัสการครับหลวงพี่”

“เจริญพร”

หลวงพี่สิงหาเปลี่ยนไปมากจริงๆ การพูดคุยวันนี้ก็ทำให้ความคิดหลายๆ อย่างของร้อยเอกค่อยๆ เปลี่ยนเช่นกัน

เขาวาดภาพเมืองน้ำไว้ และตัวตนที่เมืองน้ำเป็นตอนนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น

เพราะไม่เคยคิด ถึงรู้สึกชอบที่เมืองน้ำแสดงออกเอามากๆ ท่าทาง คำพูด แม้แต่ตัวอักษรที่เจ้าตัวพิมพ์ใส่ห้องแชทของเขามา

อยากรู้นักว่าต่อไปนี้จะได้เห็นอะไรจากเมืองน้ำอีก พนันเลยว่าร้อยเอกต้องชอบทุกอย่างที่ได้เจอแน่ๆ

บ้ามาก

นี่มันในวัด หยุดยิ้มก่อนร้อยเอก หยุดเดี๋ยวนี้เลย



(⺣◡⺣)♡*



ทุกคำของหลวงพี่แทรกซึมในความรู้สึกของเขา เหมือนฝนที่เทลงมาเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกในใจจนคราบเขรอะค่อยๆ หลุดออก มีเรื่องราวมากมายที่หวนกลับมาเหมือนนาฬิกาทวนเข็ม ทุกเรื่องเป็นเรื่องของเขากับเมืองน้ำ และส่วนใหญ่เป็นการกระทำที่พอนึกดู ร้อยเอกที่เต็มไปด้วยอคติ ไม่น่ารักเอาซะเลย

ประโยคเรียบง่าย ใช้ถ้อยคำธรรมดา แต่ทำให้เขายังกลับไปเป็นร้อยเอกเวอร์ชั่นเดิมไม่ได้ เรียกได้ว่าตัวเขาเป็นร้อยเอกที่สงบเสงี่ยมที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา

ระหว่างกลับบ้าน เขาเงียบยิ่งกว่าตอนที่รับบทเป็นผู้ฟังรุ่นพี่ตัวเล็กที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ข้างๆ เขาเสียอีก

“นิ่งจังเลยน้องเอก”

“ไม่อยากคุยเยอะน่ะครับ เห็นแม่มีเพื่อนคุยแล้ว”

แม่ยังรู้เลยว่าเขานิ่งมาก เพื่อนคุยที่ว่าหมายถึงเมืองน้ำ ส่วนหนึ่งที่ทำให้อยากนั่งเงียบๆ ฟังบทสนทนาที่เต็มไปด้วยเรื่องนั้นเรื่องนี้ของผู้โดยสารทั้งสองคน ก็เพราะแม่มีเพื่อนคุยจริงๆ

“น้อยใจเหรอลูก”

“เปล่าครับเปล่า แค่คิดอะไรนิดหน่อย”

“อ้อ แม่นึกว่าน้องเอกน้อยใจซะอีก”

“ร้อยไม่ได้น้อยใจนะครับแม่”

เขาพูดเรื่องจริงนะ แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ ทีนี้รู้ซึ้งเลยว่าเมื่อก่อนที่เคยทำตัวงี่เง่า ชักสีหน้า หรือพูดจากวนประสาทตอนแม่อยู่กับพี่เมือง มันทำให้ผู้ใหญ่คิดกับเขายังไง

ในสายตาพันเอก เขาเป็นเด็กประถม ในสายตาแม่ ก็คงต้องเพิ่มความงอแงงี่เง่า เอาแต่ใจแบบเด็กๆ เข้าไปอีกหน่อย แม่ถึงคิดว่าเขาน้อยใจได้

จะกลับมาเป็นคนเดิมเมื่อไหร่

บอกเลยว่าคงไม่ใช่ชั่วโมงหรือสองชั่วโมงนี้

“แม่เข้าบ้านเถอะครับ เดี๋ยวร้อยตามไป”

ความเร็วรถยนต์ค่อยๆ ชะลอกระทั่งหยุดนิ่ง ร้อยเอกเอ่ยเรียบๆ ขณะเปลี่ยนเกียร์รถเป็นเกียร์ว่าง สาวสวยของเขาที่นั่งอยู่ตรงเบาะอมยิ้มหลังพูดประโยคนั้นออกไป แม่คงดีใจที่เขาไม่บอกให้เมืองน้ำรีบลงจากรถดังเช่นเมื่อก่อน เห็นดวงตาที่มองเขาด้วยความรักเสมอมีประกายเล็กๆ ปรากฏอยู่ ทว่าไม่นานก็ขอตัวลงจากรถ และกลับเข้าบ้านตามคำขอ

“ไม่ลงไปกับคุณป้าด้วยเหรอ”

“ไม่ล่ะ รอให้พี่เมืองเข้าบ้านก่อน ผมค่อยเอารถไปเก็บ”

“แปล๊กแปลก”

“แปลกอะไรล่ะ”

“ก็วันนี้มาแปลก เมื่อวานยังงอนพี่อยู่เลย”

ให้ตาย ที่บอกว่าร้อยเอกคงไม่กลับมาเป็นคนเดิมในชั่วโมงสองชั่วโมงนี้ เห็นทีคงต้องถอนคำพูด

“ผมไม่ได้งอน”

“ร้อยเอกงอน”

ร้อยเอกอยากทึ้งหัวตัวเอง

“บอกว่าไม่ได้งอน”

“ไม่ได้งอนแล้วชักสีหน้าใส่ทำไม ทั้งเมื่อคืน ทั้งตอนนี้เลยนะ”

“พี่นี่...” ไม่เข้าใจอะไรเลย เมืองน้ำไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาเลยสักนิด อยากโมโหก็ทำไม่ได้ เพราะที่ทำได้... “เข้าบ้านเถอะครับ ฝนยังไม่หยุดตกเลย อากาศมันเย็น เดี๋ยวไม่สบาย”

ก็มีแค่ทำตัวดีๆ เพื่อเพิ่มคะแนนให้ตัวเองเท่านั้นล่ะ

“นี่เรียกว่าเป็นห่วงป้ะ”

“แล้วแต่จะคิด”

“ไม่อยากคิดเอง กลัวคิดผิด”

“ถ้าบอกว่าคิดถูกพี่เมืองจะเชื่อมั้ยล่ะ”

คะแนนเพิ่มจริงมั้ยไม่รู้ ที่รู้ๆ คือพี่เมืองแกล้งทำเป็นหูทวนลมใส่เขาอีกแล้ว ศีรษะกลมส่ายไปส่ายมาคล้ายกำลังล้อเลียนเขา ร้อยเอกอยากบีบแก้มนุ่มๆ ให้ช้ำกันไปข้าง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่จะได้ยินเขาพูดแบบนี้ แต่ดูเมืองน้ำทำสิ

มันเขี้ยว

“จะเข้าบ้านได้ยัง มืดแล้ว ไม่มีงานทำรึไง”

“มีสิมี โมโหอีกละ” คนตัวเล็กทำปากมุบมิบขณะที่มือคว้าสายกระเป๋าขึ้นมาพาดไหล่

“ผมยังไม่ได้โมโหอะไรเลยเนี่ย พี่เมืองก็ชอบว่าผมจัง”

“เอ๊า พี่ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเล้ย”

“เสียงสู้งงงงสูง โคตรไม่เนียน”

เมืองน้ำหัวเราะแห้งๆ ใส่เจ้าเด็กตัวสูง รอให้ร้อยเอกปลดล็อกประตูฝั่งตรงข้ามคนขับ ขยับตัวเตรียมลงจากรถ แต่ถูกมือแกร่งคว้าข้อมือไว้เสียก่อน

“ผมจะเล่นเกมกับอ่านหนังสืออยู่บนห้อง”

“อื้อ”

“อื้ออะไรล่ะพี่เมือง”

“อื้อที่แปลว่ารับรู้ไง”

“ทำไมพี่เข้าใจอะไรยากจังวะ”

“...”

“ต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนก็ไลน์มาละกัน”

เมืองน้ำเข้าใจยาก หรือร้อยเอกพูดอะไรที่คนฟังเข้าไม่ถึงกันแน่

แต่ว่า...เชื่อเมืองน้ำหรือยัง ร้อยเอกดูแปลกจริงๆ โดนหลวงพี่สิงหาเทศน์เรื่องไหนมารึไงนะ ถึงดูใจดีขนาดนี้ได้ สงสัยน้องเอกคนเก่าโดนกลืนไปแล้วจริงๆ

จะไม่เล่นมุกคายน้องเอกออกมาหรอกนะ เพราะเมืองน้ำชอบที่ร้อยเอกใจดีแบบนี้

“พี่อยู่ได้”

“ก็หมายถึงถ้าอยากมีคนอยู่เป็นเพื่อนไง”

“รู้แล้วๆ”

หน้าหงิกอีกแล้ว อุตส่าห์ไปวัดมา จิตใจไม่เบิกบานเลยเหรอ

“ขอบคุณมากนะ แล้วนี่จะปล่อยมือพี่ได้ยัง”

เจ้าของรถสะดุ้ง ปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระก่อนถอยกลับไปที่เดิม ริมฝีปากนุ่มวาดยิ้มจางๆ ทว่าก็ทำให้แก้มสีพีชกลมขึ้นอย่างน่ารัก

“อย่าอ่านหนังสือดึกเกินไปล่ะ ยิ่งดึกสมองยิ่งล้า เดี๋ยวจะอ่านไม่รู้เรื่องเอา”

“อันนี้ต้องบอกตัวเองด้วยมั้ย ทั้งทำงาน เรียน อ่านหนังสือ สารพัด”

“ครับๆ รับทราบครับคุณพ่อ”

“เคยบอกแล้วไงว่าผมไม่อยากเป็นพ่อ”

ได้ยินสองครั้งแล้วนะคำนี้ ไม่อยากเป็นพ่อแล้วร้อยเอกอยากเป็นอะไร

อ้อ เมืองน้ำพอเดาออก

“ครับๆ รับทราบครับคุณคู่กัด”

คนตัวสูงกลั้นขำ อยากจะพูดคำว่ามันเขี้ยวใส่พี่เมืองอีกสักร้อยรอบ

ทำอะไรก็น่าหยิกไปหมด พี่เมืองทำให้เขาเหมือนคนบ้า กับคนก่อนๆ ไม่เห็นเกิดความรู้สึกที่ทั้งอยากหยิก อยากกวนประสาท ทั้งน่าเอ็นดูเท่าเมืองน้ำเลย

เป็นถึงขั้นนี้เลยเหรอร้อยเอก

“พี่เข้าบ้านแล้วนะ ฝนตกหนักอีกแล้ว ไม่อยากตัวเปียก”

“ก็ไปสิ”

“ไล่เหรอ”

“ผมเปล่า ไปเถอะพี่เมือง เดี๋ยวทำงานไม่ทัน”

พูดดีๆ ไม่ค่อยเป็น ทั้งที่เจตนาไม่ใช่อย่างนั้น สมกับความปากหมาที่สั่งสมมาทั้งชีวิต

แล้วก็นะ แค่เมืองน้ำลงจากรถ ล็อกประตูรั้วและรีบวิ่งฝ่าฝนเข้าไปในบ้าน ภาพง่ายๆ ที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ทำเอาคู่กัดอย่างเขายิ้มค้างไม่หยุดจนขำกับอาการของตัวเอง

เออ เป็นถึงขั้นนี้จริงๆ ว่ะ




(⺣◡⺣)♡*



----- มีต่อ -----
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮ 10 ☆ ให้ฉันดูแลเธอ (07/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 07-10-2018 19:42:22
——— ต่อ ———


ร้อยเอกเปลี่ยนคลื่นวิทยุหลังนั่งฟังข่าวน้ำท่วมกรุงเทพมหานครในบางพื้นที่มาสักพัก หยุดที่คลื่นเพลงสากล และช่างบังเอิญที่ดีเจกำลังเปิดเพลงที่เมืองน้ำเคยสุ่มเจอในโทรศัพท์ของเขา

I like me better ฟังกี่ทีก็ชอบ ไม่รู้ชอบเพลงหรือชอบที่เคยฟังเพลงนี้กับคนห้องตรงข้ามมากกว่ากัน

ก็ทั้งสองอย่าง

คนตัวสูงสวมเสื้อกล้ามและกางเกงขายาว ชุดนอนประจำตัวของเขา อุณหภูมิที่ลดต่ำทำให้ไม่ต้องทาแป้งเย็นเพื่อคลายร้อน แถมไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศให้เปลืองค่าไฟเพิ่มอีกด้วย

หนึ่งในข้อดีของฝนตก คงเป็นการประหยัดไฟล่ะมั้ง

ร้อยเอกพักสายตาจากเลคเชอร์ที่จดเก็บไว้ตั้งแต่ต้นเทอม เหลืออีกนิดหน่อยจะอ่านจนครบทุกแผ่นแล้ว หลังจากนั้นก็แค่รอสอบมิดเทอมให้เสร็จ ค่อยกลับมาเล่นเกมเต็มเวลา

พาร่างกายมานอนลงบนเตียง พร้อมหันหน้าไปทางบ้านหลังข้างๆ ม่านทั้งผืนถูกรูดเก็บจนหมด และเป็นครั้งแรกที่เขานอนมองห้องฝั่งตรงข้ามได้นานขนาดนี้ เมืองน้ำเปิดม่านไว้แค่ครึ่งหนึ่ง ประตูระเบียงถูกปิดสนิทเช่นเดียวกับเขาเพื่อกันหยาดฝนที่สาดเข้ามา ร้อยเอกมองไม่เห็นเจ้าของห้องเพราะตำแหน่งโต๊ะทำงานถูกม่านบังเอาไว้ เลยไม่รู้ว่าคนตัวนุ่มทำอะไรอยู่

ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากมอง เห็นแค่ปลายเตียงและตุ๊กตาขนฟูตัวเล็กๆ นับร้อยตัวกับของตกแต่งน่ารักๆ ที่พี่เมืองชอบสะสมก็ยังดี

ของสะสมยังน่าเอ็นดู

ยิ้มแล้วยิ้มอีก เมื่อยแก้มไปหมดแล้ว

ร้อยเอกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเคลียร์การแจ้งเตือน ไม่มีข้อความจากเมืองน้ำจึงเข้าไปเช็กโซเชียลอีกคนเพื่อดูความเคลื่อนไหว ขนาดพี่เมืองลงรูปโจ๊กที่ไปกินกับเขา แท็กมาที่ไอจีเขา ยังมีคนมาคอมเมนต์แย่ๆ หาว่าเปลี่ยนจากพี่รักษ์เป็นคนอื่นได้ ทั้งที่พี่เมืองไม่เคยเกินเลยกับรุ่นพี่คนนั้น

สัญญาว่าถ้าเขาเป็นเจ้าของไอจีจะบล็อกให้หมด โต้ตอบให้สิ้นซาก ไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นเข้าใจผิดแน่ๆ

แต่พี่เมืองไม่ใช่เขา มีอะไรอีกมากที่ต้องแคร์ อย่างน้อยก็ผลลัพธ์และภาพลักษณ์ที่จะตามมา ทุกอย่างส่งผลถึงงานในอนาคตทั้งนั้น เพราะงั้นอีกคนถึงเลือกความเงียบเป็นคำตอบ



m.nam ☆° :
เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตก
(*´ー`*)



พอนึกถึง เจ้าตัวก็ส่งข้อความมาหาเขา ร้อยเอกไม่รอช้าที่จะกดเข้าไปดู



m.nam ☆° :
ตัดคลิปใกล้เสร็จแล้ว เหลือใส่เสื้อถ่ายรูปอีก งานเยอะมากๆ เลย
ทำอะไรอยู่เหรอ
ก็ต้องอ่านหนังสืออยู่แล้วสิ
เล่นเกมแล้วก็อ่านหนังสือ!
แหะๆ ไม่น่าถาม
(´-`).。oO



รัวข้อความมาจนร้อยเอกตอบไม่ทัน แถมยังส่งอีโมจิญี่ปุ่นแนวนี้มาอีก

ทำให้ยิ้มจนเมื่อยหน้า แล้วก็ทำให้ถอนหายใจเพราะเป็นห่วงอีกจนได้

เขามั่นใจว่าเมืองน้ำกำลังคิดมากกับคอมเมนต์แย่ๆ ในไอจีแน่นอน



101 :
ให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนมั้ย
หรือจะไปเซเว่นดี



m.nam ☆° :
งืมมม
ขอคิดก่อน



101 :
อย่าคิดเยอะล่ะ
คิดมากปวดหัว
หมายถึงทุกเรื่องเลยนะ



m.nam ☆° :
เรื่องไหนเหรอ



101 :
ในไอจี



m.nam ☆° :
อ่า



101 :
ขอโทษที่พูดตรงๆ
เป็นห่วงก็เลยไม่อยากอ้อมค้อม
ถ้าไม่ไหวก็บอก จะไปอยู่เป็นเพื่อน



101 :
สิบนาทีแล้วนะครับ
ตอบร้อยหน่อย



m.nam ☆° :
ㅠㅠ
เอาหนังสือมาอ่านที่บ้านพี่ได้มั้ย
มาดูหนังหรืออะไรก็ได้
สัญญาว่าจะไม่ส่งเสียงรบกวน



101 :
ได้ๆ เดี๋ยวผมเอาหูฟังไปด้วย
จะได้ไม่รบกวนพี่เหมือนกัน
ว่าแต่ อะไรอ่ะพี่เมือง มีความชวนดูหนัง
จะชวนผมไป netflix and chill เหรอ



m.nam ☆° :
ไอ้บ้า!!!!
คนกำลังนอยด์ๆ อย่าทะลึ่งตึงตังได้ป้ะ



101 :
อุแงงงง
ร้อยเอกขอโทษค้าบบ
/ me นั่งคุกเข่าห้านาที



m.nam ☆° :
เว่อร์อีกแล้ว น่าตีโคตรๆ
แต่ยิ้มออกเลย ㅜㅇㅜ
รีบมาๆ จะลงไปรอข้างล่างนะ
อย่าลืมกางร่มมาด้วย



ยิ้มออกจริงด้วย

หมายถึงร้อยเอก ยิ้มออกเหมือนที่เมืองน้ำบอกเลย

วันนี้ยิ้มไปกี่รอบแล้ว ถ้าลองนับดู จำนวนนิ้วมือของเขาคงไม่พอ



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำไม่ส่งเสียงรบกวนร้อยเอกจริงๆ พอขึ้นไปถึงบนห้อง เจ้าของบ้านก็ขนอุปกรณ์ทำงานพร้อมหนังสืออ่านสอบลงมาชั้นล่าง เมืองน้ำนั่งตัดคลิปอยู่ตรงโต๊ะด้านหน้าโซฟา ส่วนเขานอนอ่านเลคเชอร์ให้ครบทุกแผ่น

อากาศเย็นชื้น บวกกับความเงียบที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ระหว่างเขากับเมืองน้ำทำให้เผลอหลับก่อนจะได้เล่นเกมเสียอีก

เขารู้สึกตัวอีกครั้งตอนตีหนึ่ง พบว่าคนตัวเล็กส่งไฟล์งานให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว มีเสื้อแบรนด์ดังถูกพับวางเอาไว้ข้างกาย คงใส่ถ่ายรูปขณะที่เขาไม่รู้สึกตัว แล็ปท็อปถูกพักการทำงาน แต่เปิดฝาพับค้างไว้อย่างนั้น ส่วนเจ้าของ...เอาแก้มนุ่มๆ แนบบนหนังสือเรียนที่เปิดค้างไว้ มือข้างหนึ่งถือปากกาไฮไลต์สีเดียวกับสีที่ขีดลงบนกระดาษ เมืองน้ำใช้แขนเล็กๆ แทนหมอน ซึ่งคงช่วยอะไรไม่ได้มาก

ร้อยเอกดึงปากกาไฮไลต์ออกจากมือเนียน จัดการปิดฝาให้เรียบร้อย สะกิดเรียกคนทำงานหนักให้รู้สึกตัวตื่น ทีแรกจะบอกให้เมืองน้ำขึ้นไปนอน แต่เจ้าตัวยังยืนยันที่จะอ่านหนังสือต่อ เขาเลยปล่อยให้คนโตกว่าอ่านบทที่ค้างอยู่ให้จบ หลังจากนั้นก็ถูกอีกคนชวนออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อใกล้หมู่บ้าน

เพราะต้องกลับไปเอารถตอนเกือบตีสองนั่นแหละ ถึงโดนเจ้าแก้บนเห่าใส่เสียงดังตอนยังไม่เห็นหน้าเขา

เกือบโดนหมาสุดที่รักขย้ำเข้าให้ ประสบการณ์ที่จะจำไปอีกนาน

“ไส้กรอกแบบไหนดีอ่ะ”

“แบบไหนก็เอาไปเถอะ อร่อยเหมือนกัน”

“ไม่ดิ มันไม่เหมือนกัน คนละสูตรก็รสชาติไม่เหมือนกันแล้วนะ”

“มันก็กินได้เหมือนกันมั้ยพี่เมือง ไม่เห็นต้องเลือกเยอะเลย”

คนฟังตวัดสายตามามองเขา ทำปากเบี้ยวไปเบี้ยวมาให้รู้ว่าไม่พอใจกับคำตอบ

แม่งเอ๊ยยยย

“ทีร้อยเอกยังเลือกเลยอ่ะว่าจะกินนมรสไหน ทำไมพี่จะเลือกไม่ได้”

น่ารักว่ะ

โดนหมาที่บ้านเห่าไม่พอ ยังมาโดนลูกหมาที่อุตส่าห์ขับรถพามาหาของกินเตรียมขบเนื้อด้วยฟันน้ำนมอีก

อยากบีบปาก!

“งั้นเอาทุกอัน”

“เปลือง”

พี่เมืองนี่มันพี่เมืองจริงๆ

“ผมเลี้ยง”

“รวยเหรอ”

“ใช่ รวย” คนตัวสูงดึงถุงไส้กรอกจากมือน้อย หย่อนใส่ตะกร้าขณะที่อีกคนทำหน้าเหมือนหมั่นไส้เขาเต็มแก่ “อยากกินอันไหนหยิบใส่ตะกร้ามาเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

นอกจากหมั่นไส้แล้ว คงอยากปฏิเสธเพราะเกรงใจเขา แต่เมืองน้ำก็น่าจะรู้ว่าเขาคงไม่ยอมง่ายๆ คนผิวขาวถึงหันไปหยิบของที่อยากกินออกมาวางใส่ตะกร้าตามที่บอก

“พี่ไปรอข้างนอกก็ได้นะ เดี๋ยวผมรอพนักงานเวฟให้เอง”

“ใจดีจัง”

“หรือจะให้ใจร้าย”

“ไม่เอาดิ”

ร้อยเอกอมยิ้มกับการตอบกลับทันทีของอีกฝ่าย ดันไหล่แคบเบาๆ แทนคำพูด รอให้คนตัวเล็กเดินออกไปรอข้างนอกแล้วจึงนำของในตะกร้าไปวางที่เคาท์เตอร์

ร่างสูงเดินออกมาด้านนอกหลังรับเงินทอนจากพนักงาน ก้าวไปหาอีกคนที่นั่งรอเขาอยู่บนเก้าอี้หน้าร้านสะดวกซื้อ เมืองน้ำหยิบถุงไส้กรอกที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พร้อมราดซอสตามที่เจ้าตัวชอบขึ้นไปก่อนร้อยเอกจะลดกายนั่งเสียอีก

“กินมั้ย”

ใบหน้าหล่อส่ายเบาๆ ใส่คนที่เอาไม้จิ้มชิ้นไส้กรอกขึ้นมาจ่อตรงริมฝีปากของเขา ไม่ใช่ไม่อยากกิน แต่เพราะเขามีนมกล่องที่ซื้อมาดื่มรองท้องอยู่แล้ว บวกกับเห็นเมืองน้ำดูเอร็ดอร่อยกับของที่เขาซื้อให้ เลยคิดว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนกินเก่งดีกว่า

“เร็วๆ พี่ป้อน”

“นี่บังคับ?”

“ไม่ได้บังคับ แต่อยากให้กิน”

“ไม่บังคับก็เหมือนบังคับอ่ะ”

“ก็บอกว่าไม่ได้บังคับไง อ้าปาก”

ไม่บังคับแต่สั่งให้เขาอ้าปาก แถมยังเป่าลมใส่ไส้กรอก ลดความร้อนให้เขาก่อนจะป้อนอย่างนี้อีก

สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ จากที่ไม่กินก็ต้องกลืนลงท้อง ให้มันได้อย่างนี้

ร้อยเอกปล่อยให้เมืองน้ำใช้เวลาอยู่กับการกิน เบนสายตามองความมืดมิดเบื้องหน้า หยาดฝนที่ยังโปรยปรายไม่หยุด อากาศเย็นเฉียบ และความเงียบสงบเพราะไม่มีรถเคลื่อนผ่านคือสิ่งที่เขาชอบ บรรยากาศตอนนี้ทำให้นึกถึงความทรงจำดีๆ ซึ่งเกิดขึ้นทุกครั้งที่ไปเที่ยวบ้านปู่

ล้อมรอบด้วยไร่นา สวนผัก สวนผลไม้ ห่างไกลผู้คนแต่ไม่กันดาร มีอินเทอร์เน็ตแต่เขากลับไม่ค่อยใช้ยามอยู่ที่นั่น

ไม่รู้ว่าพี่เมืองชอบบรรยากาศแบบนี้หรือเปล่า ถ้ามีโอกาส เขาก็อยากให้คนตัวเล็กไปสัมผัสดูสักครั้ง

อย่างน้อยก็น่าจะคลายความเครียดได้บ้าง

เอาไว้ค่อยชวนแล้วกัน

“พี่เมือง...”

มีเสียงตอบรับสั้นๆ จากคนข้างกาย ร้อยเอกคิดไว้แล้วว่าความอ่อนเพลียจะทำให้เมืองน้ำเริ่มง่วงหลังจากอิ่ม เขาหยิบถุงไส้กรอกออกจากมือเล็ก เก็บใส่ถุงและขยับเข้าไปใกล้ เคลื่อนมือแข็งแรงดันศีรษะกลมที่กำลังโอนเอนมาซบบนไหล่ของเขา

“ขออนุญาตจับโทรศัพท์นะครับ”

“อื้อ...เอาไปทำอะไรเหรอ”

“ทำเรื่องสำคัญ”

เมืองน้ำขมวดคิ้วโดยที่ยังหลับตา ความง่วงงันส่งผลให้สติเริ่มพร่าเลือน ไม่เห็นว่าอีกคนหยิบโทรศัพท์ไปแล้ว แต่รู้สึกได้จากการถูกจับปลายนิ้วทาบบนปุ่มโฮม

ร้อยเอกปลดล็อก...

เอ๊ะ เสียงนี้มัน...

เสียงชัตเตอร์?

“พี่เมือง ร้อยพิมพ์แคปชั่นอะไรดี”

“แคปชั่นอะไรเหรอ”

“โพสต์ในไอจีไง รูปที่ถ่ายด้วยกันเมื่อกี้”

หือ...

“ร้อย...ร้อยไม่ชอบให้พี่ถ่ายรูป”

“ช่างแม่งเหอะ”

“…”

“เร็วๆ คนจะได้เลิกคิดว่าพี่เมืองทำให้พี่รักษ์เลิกกับแฟนสักที”

เมืองน้ำเข้าใจแล้ว

ไม่คิดว่าร้อยเอกจะห่วงถึงขนาดนี้ ใจดีจังเลยนะ

“อะไรก็ได้”

“อะไรก็ได้คือปัญหาระดับชาตินะพี่”

ริมฝีปากนุ่มจุดรอยยิ้ม อยากลืมตาแต่ง่วงจนไม่มีแรง เลยทำได้แค่เอ่ยตอบเสียงแผ่วเท่านั้น

“Special”

“…”

“พิมพ์แค่นี้แหละ จะพิเศษในฐานะอะไรก็ได้ ไม่ต้องอธิบายเพิ่ม ให้คนคิดเอาเอง”

งั้นร้อยเอกคิดเองด้วยดีมั้ย

ขอคิดว่า Special ของพี่เมือง คือทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเรา

มาวินไม่ยอมบอกว่าพี่เมืองชอบใคร ถามเท่าไหร่ก็ไม่บอก ไล่ให้เขาไปหาคำตอบเอาเอง เพราะงั้นตราบใดที่ยังไม่รู้ ร้อยเอกก็จะคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เป็นคนพิเศษของพี่เมืองเสมอ

มาถึงจุดนี้ได้ไงวะเนี่ยร้อยเอก

“โพสต์เสร็จแล้ว กลับบ้านไปนอนกันครับ”

“ขออยู่ตรงนี้ก่อน...”

“…”

“อยากนอนบนไหล่ร้อย”

น่ารัก

แล้วอย่างนี้ร้อยเอกจะหยุดชอบเมืองน้ำได้ยังไง

ความรู้สึกของเขา เป็นความรู้สึกที่ไม่ทันระวังตัว รู้อีกทีก็ดึงเอาความรู้สึกดีๆ กลับมาจากคู่กัดคนเก่งไม่ได้แล้ว

นี่เขา...

หยุดชอบเมืองน้ำไม่ได้เลย




(⺣◡⺣)♡*



#ร้อยเมือง



เป็นเรื่องแรกที่แต่งให้เพื่อนพระเอกเป็นพระค่ะ 55555 เมื่อก่อนหลวงพี่สิงหายิ่งกว่ามาวิน (เรื่องสาวๆ) แต่บวชแล้วก็สงบลงเนอะ

ดีใจที่ชอบ ‘ยกเว้นเรื่องคุณ’ นะคะ ❤︎
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.10 ☆ ให้ฉันดูแลเธอ (07/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-10-2018 21:28:50
 o13
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.10 ☆ ให้ฉันดูแลเธอ (07/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-10-2018 12:07:53
เทคแคร์ดีจังเลยยย
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.10 ☆ ให้ฉันดูแลเธอ (07/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 09-10-2018 14:17:11
เทคแคร์ได้ละมุนสุดๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.10 ☆ ให้ฉันดูแลเธอ (07/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 10-10-2018 00:13:28
พัฒนาไปอีกขั้นเพราะได้หลวงพี่ชี้แนะเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.10 ☆ ให้ฉันดูแลเธอ (07/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 12-10-2018 18:18:27
11
ทดลองเป็นน้องชาย










101 :
สวัสดีครับ ผมชื่อร้อยเอกนะครับ
อยู่ปีสาม เป็นน้องคนรู้จักของพี่เมือง
พี่เป็นคนที่แคปข้อความในไลน์กลุ่มคณะเกษตรมาให้พี่เมืองใช่มั้ยครับ


101 :
ผมมีเรื่องจะขอร้อง
อย่าแคปมาให้พี่เมืองดูอีกได้มั้ยครับ
ใครจะว่าพี่เมืองยังไงก็ช่าง พี่อย่าแคปไปให้พี่เมืองอ่านเลยนะครับ


101 :
ไม่รู้พี่จะเข้าใจหรือเปล่า
ผมไม่อยากให้พี่เมืองเครียดกับคำพูดแย่ๆ ของคนอื่น
ถ้าไม่พอใจต้องขอโทษด้วยครับ
ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ
ขอบคุณนะครับที่รับฟัง



จะหาว่าร้อยเอกจุ้นจ้านก็ได้ แต่ถ้าเมื่อคืนไม่ถือวิสาสะไล่ดูข้อความในไลน์ของเมืองน้ำ คงไม่มีทางรู้ว่าเพื่อนที่แคปข้อความในไลน์กลุ่มคณะมาให้พี่เมืองดู ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทที่มีแค่สามคน เขาพยายามไม่ด่วนตัดสินใคร ไล่หาข้อความเก่าๆ เพื่อดูว่าคุยอะไรกับพี่เมืองไปบ้าง เผื่อจะเจอบทสนทนาที่มากกว่าการส่งรูปที่แคปไว้

ไม่มี...

ถ้าเป็นเพื่อนสนิทของเมืองน้ำ ก็ต้องรู้ว่าทุกอย่างที่แคปมาทำให้เพื่อนตัวเองเครียด และควรหยุดสิ่งที่ทำอยู่

แต่นี่...เป็นเพื่อนประสาอะไรวะ

เขาหัวเสียมาก เผลอกำโทรศัพท์อีกคนจนมือสั่น ความคิดตอนนั้นมีแต่ความใจร้อน โมโหที่ต้องมารู้ว่ามีคนแบบนี้อยู่ในชีวิตพี่เมือง อยากดุคนตัวเล็กที่นอนซบไหล่ด้วยซ้ำว่าปล่อยให้เพื่อนคนนี้เข้ามาในชีวิตได้ยังไง

สุดท้ายก็ปล่อยความเลือดร้อนของตัวเองทิ้ง ร้อยเอกส่งคอนแท็กเพื่อนเมืองน้ำเข้าไลน์ของเขา จัดการลบข้อความที่ส่งเพื่อไม่ให้เมืองน้ำรู้ ส่งข้อความไปขอร้องหลังจากกลับมาที่บ้าน ส่งเมืองน้ำเข้านอน และเห็นว่าไฟห้องนอนฝั่งตรงข้ามถูกดับลงแล้ว

เพื่อนพี่เมืองเปิดอ่านแล้ว แต่ไม่มีคำตอบให้เขา ซึ่งก็ไม่ได้หวังว่าจะทำตามในทันที อย่างน้อยๆ อีกฝ่ายก็น่าจะรู้แล้วว่าไม่ควรทำ

ที่สำคัญ พวกที่ชอบเอาเรื่องพี่เมืองมาด่าเสียๆ หายๆ ไม่มีความเคลื่อนไหวในกลุ่มคณะตั้งแต่เขาโพสต์รูป พวกมันคงเห็นว่าเป็นเขา ร้อยเอกที่ต้องเจอในคาบเรียนทุกครั้ง และครั้งก่อนที่พูดเรื่องเมืองน้ำต่อหน้าเขา ก็เกือบถูกเขาเล่นงาน เลยไม่กล้าพิมพ์คำแย่ๆ มาในกลุ่มอีก

ถ้าคนปากเสียพวกนั้นจะไปตั้งกลุ่มแยกเพื่อนินทาโดยเฉพาะ เขาคงห้ามไม่ได้

ที่เขาทำเพื่อเมืองน้ำทั้งหมด ได้ผลลัพธ์เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

ร้อยเอกวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทานข้าว หลังส่งข้อความหาคนตัวเล็ก ดึงสติกลับมาจดจ่อที่กระทะบนเตาไฟฟ้า ทีแรกว่าจะทอดเฟรนช์ฟรายส์สูตรคุณปู่เป็นของว่างในมื้อเช้า แต่โรงปลูกของเขาไม่มีมันฝรั่ง ที่พอเก็บมาทำได้ ก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง เลยเก็บคะน้ามาล้างให้สะอาด หั่นเห็นชิ้นเล็กๆ เตรียมวัตถุดิบอย่างอื่นอีกครู่หนึ่ง สุดท้ายความตั้งใจของเขาก็ถูกกลั่นกรองออกมาในรูปของผัดคะน้า

พี่เมืองชอบกินผัก และชอบผัดคะน้าเป็นพิเศษ เขาจำได้แม่นเลยล่ะ

แต่ว่า...

“เวรแล้วกู ลืมหุงข้าว”

ร้อยเอกอยากทึ้งหัวตัวเองแรงๆ เขาตักผัดคะน้ามาจัดใส่จานเสร็จเรียบร้อย หลังจากนี้มันควรเพอร์เฟกต์ตามที่คิดไว้ คดข้าว ยกไปบ้านพี่เมือง ชวนพี่เมืองลงมากินมื้อเช้าในช่วงเกือบเที่ยงด้วยกัน กลับกลายเป็นว่ามัวแต่คิดเรื่องส่งข้อความ เลยขาดองค์ประกอบสำคัญอย่างข้าวสวยร้อนๆ ไป

เอาไงดีวะ...

หิวจะตายแล้ว

“เป็นไรอ่ะ หน้าเครียดเชียว”

คนตัวเล็กที่ยังสวมชุดนอนชุดเดิมเดินเข้ามาพร้อมแววตาสงสัย มองจานผัดคะน้าแล้วอมยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะเงยขึ้นมองเขา

“หอมมากเลย นี่ใช่มั้ยที่บอกจะทำให้พี่กิน”

“ใช่ นี่แหละ แต่ผมยังไม่ได้หุงข้าวเลย แม่ก็ไม่อยู่ ไปช่วยพ่อที่กองถ่าย”

คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย ไม่ส่งเสียงตอบ เหมือนรอให้ร้อยเอกพูดต่อ

“พี่เมืองรอหน่อยได้มั้ย ผมขอหุงข้าวก่อน แป๊บเดียว ครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้วครับ”

“พี่หุงให้มั้ย ร้อยจะได้ไปนั่งพัก”

“พี่หุงเป็นเหรอ”

พี่เมืองนี่นะ

ทำหน้าตาน่ารักใส่กันตั้งแต่ยังไม่พ้นเที่ยงวันเลย

“ผมไม่ได้ว่านะ ก็เห็นพี่เมืองทำงานบ้านไม่ค่อยเป็น ถ้ามันรบกวนพี่ ผมทำเองก็ได้”

“ไม่รบกวนหรอกน่า แค่หุงข้าวเอง”

ใช่ แค่หุงข้าวเอง งานบ้านง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่กับเมืองน้ำที่แค่ทอดไข่เจียวหมูสับ ยังต้องเปิดกูเกิ้ลดูวิธีทำ ร้อยเอกคิดว่าไม่ง่าย

ฟังกันซะที่ไหน คนตัวเล็กดึงจานผัดคะน้าออกจากมือเขา วางบนโต๊ะอาหาร แล้วเดินไปหยิบหม้อข้าวมาตักข้าวสารเทใส่โดยไม่รอให้เขาปฏิเสธจนหน้างออีกรอบ

ร้อยเอกเดินไปหยิบฝาชีสแตนเลสมาครอบจานผัดคะน้า ก่อนเดินเข้าหาเมืองน้ำที่กำลังเทน้ำจากขวด

“ใส่น้ำเยอะขนาดนั้นพี่จะทำข้าวต้มรึไง”

ว่าจะไม่หงุดหงิดแล้วนะ แต่ดูสิ ดูปริมาณน้ำที่พี่เมืองเทลงไป เยอะเหมือนชีวิตไม่เคยกินข้าวแฉะมาก่อน

“อย่าดุสิ แค่นี้ต้องทำหน้าหงิกด้วย ก็พี่ไม่รู้ว่าข้าวยี่ห้อนี้ต้องใส่น้ำเยอะแค่ไหน ไม่ถึงกับเป็นข้าวต้มหรอกน่า”

“ไม่ถึงกับเป็นข้าวต้มแต่แฉะจนเละเนี่ยนะ”

คนผิวขาวขบริมฝีปาก ไม่กล้าเถียงต่อเพราะกลัวถูกคนเด็กกว่าดุใส่อีกหน ได้แต่มองคนตัวสูงที่สลับอายุกับตัวเองยกหม้อข้าวไปเทน้ำทิ้งเท่านั้น

“ข้าวแต่ละชนิดใส่น้ำไม่เท่ากัน ยี่ห้อที่บ้านผมกินใส่แค่หนึ่งข้อครึ่ง อ้อ พี่เมืองนิ้วสั้น ต้องสองข้อนิ้ว”

“อะไรอ่ะ โดนหาว่านิ้วสั้นเฉยเลย”

ร้อยเอกเกือบหลุดขำ ท่าทางตอนได้ยินเขาบอกว่าเจ้าตัวนิ้วสั้นน่ะน่าเอ็นดูชะมัด

“ปกติพี่หุงข้าวกินเองมั้ยเนี่ย”

“ก็หุง แล้วก็ใส่น้ำเยอะแบบนี้แหละ”

“แฉะมั้ย”

“ก็...แฉะ”

“แล้วทำไมไม่ใส่ให้น้อยลง”

เมืองน้ำเถียงไม่ออก...

“ทีนี้ก็ใส่น้ำให้น้อยลง ถ้าไม่มั่นใจก็มาถาม”

“ขอบคุณนะ แต่แบบ พ่อบ้านมากเลยอ่ะ”

“ยิ้มทำไม เป็นบ้าเหรอ”

เมืองน้ำไม่ตอบ ไม่หยุดยิ้มเช่นเดียวกัน รีบเดินออกมารอที่โซฟาก่อนคนตัวสูงจะเอาเรื่อง ไม่ได้เป็นบ้าหรอก ยังปกติดีทุกอย่าง ที่ยิ้มจนแก้มกลมแบบนี้ เพราะชอบที่ร้อยเอกทำเป็นทุกอย่าง ตั้งแต่งานบ้านจนถึงงานสวนต่างหาก

ถึงจะขี้บ่นไปสักหน่อย แต่มีร้อยเอกคนเดียวก็สบายไปทั้งชีวิตแล้ว

ใครได้เป็นแฟนนี่น่าอิจฉาตายเลย

ก็นะ

อยากให้คนคนนั้นที่น่าอิจฉามากๆ เป็นตัวเองจัง



(⺣◡⺣)♡*



ผ่านพ้นมื้อแรกของวันด้วยเมนูโปรดที่ไม่คิดว่าร้อยเอกจะทำให้ทาน เมืองน้ำตอบแทนคนใจดีแต่ขี้ดุไปสักนิดด้วยการอาสาล้างจานให้ รับรองว่าเรื่องล้างจานต้องไม่ล้มเหลวเหมือนหุงข้าวแน่ๆ พูดอยู่นานกว่าคนตัวสูงจะยอม ไม่รู้จะห้ามทำไมนักหนา กลัวเมืองน้ำทำจานแตกรึไงนะ

บอกแล้วไงว่าเมืองน้ำน่ะฟังบ้างไม่ฟังบ้าง อีกอย่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มั่นใจว่าทำได้เต็มร้อยด้วย เพราะงั้นร้อยเอกห้ามไม่ได้หรอก

วันนี้คุณป้าไม่อยู่บ้าน ร้อยเอกรู้สึกเหงา พอเห็นว่าเมืองน้ำจะกลับไปทำงานต่อก็บอกให้รออยู่ชั้นล่างก่อน รอให้น้องเอกวิ่งขึ้นไปหยิบหนังสือเรียนบนห้องนอน ค่อยเดินไปบ้านพี่เมืองพร้อมกัน

“ไอ้เหี้ย!!!”

พอจะรู้มาบ้างว่าเวลาร้อยเอกเล่นเกมน่ะหัวร้อนง่าย บางวันได้ยินเสียงโวยวายมาถึงระเบียงห้อง แต่ไม่คิดว่าจะเดือดดาลถึงขั้นนี้

“มึงรอกู อย่าเพิ่งหนี รอกู”

ริมฝีปากสีสวยจุดยิ้ม สายตาจดจ้องอยู่ที่แอพตัดคลิป และเห็นสีหน้ายุ่งๆ ของร้อยเอกผ่านเงาบนจอแล็ปท็อป มีดังขึ้นเบาๆ หลังนิ้วเรียวทาบบนปุ่มโฮม รู้ทันทีว่าคนที่นอนเล่นเกมอยู่บนโซฟาลงทุนซื้อไอเท็มเด็ดๆ ไปแก้แค้นคู่ต่อสู้แล้ว

ดูเหมือนร้อยเอกจะแก้แค้นสำเร็จ สิบนาทีต่อมาเด็กที่บอกจะมาอ่านหนังสือที่นี่ก็หยิบเลคเชอร์บนโต๊ะด้านหน้าโซฟาไปอ่านเสียที

“พี่เมือง...”

เมืองน้ำหยุดแตะนิ้วบนแทร็กแพด รอคนที่เอื้อมแขนมาหยิบกระดาษซึ่งเขียนด้วยปากกาหลากสีสันพูดต่อ

“ผมเสียงดังมากเลยเมื่อกี้”

“...”

“รบกวนพี่มั้ย”

“ไม่รบกวนเท่าไหร่นะ”

“แปลว่ารบกวน”

เจ้าของคำถามหยิบเฮดโฟนที่ถือติดมือมาด้วยสวมบนศีรษะกลม พร้อมกับเสียบตัวเชื่อมเข้ากับ Macbook Pro โดยที่เมืองน้ำยังไม่ทันได้ตอบ

อยู่ดีๆ ก็เจอแบบนี้ จะตอบต่อยังไงไหว

ได้แต่นั่งบังคับหัวใจไม่ให้เต้นแรงไปมากกว่านี้

“รุ่นนี้กันเสียงพอสมควร ถ้าไม่โอเคบอกได้นะ บนห้องมีอีกหลายรุ่น กันเสียงกว่านี้อีก”

เมืองน้ำไม่มีสมาธิตัดต่องานแล้วเห็นมั้ย ทำไมต้องมาพูดใกล้ๆ กันด้วย

“อือ ร้อยเอกอ่านหนังสือเถอะ”

“ครับ”

ชอบมาก ชอบคำว่า ‘ครับ’ จังเลย

เมืองน้ำเกือบกลั้นหายใจไม่ไหวในตอนที่ลมอุ่นๆ จากปลายจมูกโด่งรินรดข้างใบหน้า แก้มเนียนมีสีแดงจางระบายอยู่ และยิ่งแดงมากขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าตัวเองบนจอแล็ปท็อป

น่าเกลียดชะมัด

น่าเกลียดมากๆ

รู้ว่าเขิน แต่เขินแล้วทำหน้าตาแบบนี้ ไม่โอเคเอาซะเลย

“พี่เมือง”

“...”

“วันนี้จะได้งานมั้ย ทำงานสิพี่ นั่งก้มหน้าอยู่ได้”

“พี่รู้แล้วน่าๆ เสียงเข้มเชียว”

“พี่เมือง”

“เสียงเข้มอีกแล้ว”

“อยากโดนบีบปากก็ลองล้ออีกที”

“ซาดิสต์”

“ไม่โดนด่านานละ รู้สึกมีแรงอ่านหนังสือ”

“ประสาท”

“ด่าเบาไปอ่ะพี่เมือง ขอแรงๆ กว่านี้อีก”

“โอ๊ยย! ไม่อยากคุยแล้ว”

ใครมีวิธีระงับความเขินกระซิบบอกเมืองน้ำที

เมืองน้ำกลั้นยิ้มจนแก้มจะแตกอยู่แล้ว



(⺣◡⺣)♡*



Meungnam Charming Boy
Today, 13:15 น.

มีใครทันไลฟ์บ้างครับ ห้องไม่ได้จัดก็จะรกๆ หน่อย แต่ก็หายคิดถึงกันใช่มั้ย
ใครไม่หายคิดถึงไม่รู้ แต่เมืองอ่ะหายคิดถึงสุดๆ เลย
ใกล้สอบมิดเทอมแล้ว ใครที่อ่านหนังสือก็สู้ๆ นะครับ
อย่าหักโหม อย่าอ่านจนเช้า หาเวลาพักสายตาบ้างเนอะ
เป็นห่วง ❥



“พี่เมืองไม่ใช่สเป็ก ไม่ใช่สเป็กก็ไม่คิดจะจีบ ไม่มีโอกาสชอบ เห้ออออ พูดเป็นพระเอกนิยาย มาวันนี้กัปตันกลับลำซะแล้ว”

ร้อยเอกกลอกตากับเสียงเพื่อนรักที่ดังขึ้นขัดบรรยากาศดีๆ ของเขา มุมปากที่ยกยิ้มกับข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์กลายเป็นเส้นตรง พร้อมลมหายใจหนักๆ ที่แสดงถึงความเบื่อหน่าย

“ยิ้มจนปากจะฉีก พอกูแซวนี่หน้าหงิกเลยนะ ใช่ซี้ ก็กูไม่ใช่พี่เมืองที่จะได้รอยยิ้มจากมึงทุกวัน”

“รู้แล้วก็เจียมตัวสิ ไม่ใช่มาพร่ำเพ้อใส่กู”

“ไอ้ร้อย ไอ้เชี่ย มึงนี่มัน ออกตัวแรงสัส เอาซะไม่เหลือหน้าที่ชิปเปอร์ให้กูเลยนะ”

หน้าที่ชิปเปอร์เหรอ หน้าที่ที่มาวินพูดมันจบตั้งแต่ปิดปากเงียบ ไม่ยอมบอกเขาว่าเมืองน้ำชอบใครนั่นแล้ว ร้อยเอกไม่ได้เคืองเพื่อนตัวเองหรอกนะ แต่ทุกๆ ครั้งที่มาวินชงเขากับพี่เมือง สมองก็จะคิดตลอดว่าพี่เมืองมีคนที่ชอบแล้ว ทำไมเพื่อนรักยังชงแบบไม่มีวันหยุดราชการอยู่อีก

ใช่ เขาชอบพี่เมืองที่พูดนักพูดหนาว่าไม่ใช่สเป็ก เขาย้อนแย้ง เขากลืนน้ำลายตัวเอง แต่แล้วไงต่อ ในเมื่อคนมันชอบไปแล้ว จะให้ร้อยเอกทำยังไง

บอกแล้วไงว่าทำอะไรไม่ได้ นอกจากทำคะแนนให้พี่เมืองชอบเขามากกว่าคนในใจคนนั้น

ถ้าได้เจอจะสะกดรอยตาม อยากรู้นักว่าทำยังไงถึงทำให้พี่เมืองหลงชอบได้

“กูจะกลับบ้านเลยนะ วันนี้เล่นเกมได้แป๊บเดียว ไม่ว่างว่ะ” ร้อยเอกปิดฝาปากกา ก่อนจะเก็บสมุดและอุปกรณ์การเรียนทุกชิ้นใส่กระเป๋าสะพาย เว้นแต่โทรศัพท์ที่ยังวางไว้บนโต๊ะ

มหา’ลัยอื่นต้องมาเรียนก่อนวันสอบมิดเทอมหรือเปล่า ไม่แน่ใจ แต่สำหรับเขา ต้องมาแบ่งหน้าที่ในงานกลุ่มที่จะทำหลังมิดเทอมตั้งแต่เช้า โชคดีที่พายุไม่เข้ากรุงเทพฯ วันนี้ ฝนไม่ตก อากาศปลอดโปร่งเหมือนอยู่คนละฤดูกับเมื่อวาน รอยยิ้มบนใบหน้าเขาจึงเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

“เป็นไรไม่ว่าง ปกติมึงไม่เคยขาดเลยนะ”

“ก็ไม่ว่างไง กูก็มีธุระมั้ยล่ะ”

“มีธุระหรือติดใครเอ่ย กูเห็นนะ มึงนั่งดูไลฟ์พี่เมืองอ่ะ”

ไม่ใช่เพราะอากาศดีอย่างเดียวหรอก เพราะไลฟ์ในเพจเมืองน้ำด้วยต่างหาก

อยากลองใช้ชีวิตแฟนคลับ ก็เลยกดติดตามเพจและเปิดดูไลฟ์ที่เด้งขึ้นมาตอนพักเที่ยงพอดี หลังจากนั้นก็อารมณ์ดีลากยาวมาถึงตอนนี้

เมืองน้ำพูดคนเดียวเป็นชั่วโมงได้ยังไง น้ำเสียงนุ่มๆ กับสำเนียงยามอธิบายโครงสร้างแกรมม่าภาษาอังกฤษให้เจ้าของคอมเมนต์ที่ขอเรื่องนี้ฟัง

โคตรน่ารักเลยว่ะ

“มึงหยุดโยงพี่เมืองสักประโยคได้มั้ย รำคาญ”

“รำคาญพี่เมืองเหรอ กูจะฟ้องพี่เมือง”

“รำคาญมึงนั่นแหละไอ้เวร”

“อุ้ย...” เกลียดท่าทางสะดีดสะดิ้งของมาวินชิบเป๋ง “จ้าๆ ถ้าจะไปทำธุระก็ไปเถอะพ่อหนุ่ม กูก็ว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน มีนัดกับสาว”

“จะไปไหนก็ไปไป๊”

“ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนตกหลุมรักพี่เมืองเลย

“เอาตีนกูมั้ย”

“ไม่! ไอ้เวร ไอ้คนหยาบคาย ไอ้พระเอกตบจูบ อย่าทำกู๊ กูไปแล้ววว!”

วอนจริงๆ

ร้อยเอกถอนหายใจหนักๆ ตามหลังเพื่อนตัวดีที่วิ่งหนีเขา ไม่ทันได้ถีบจังๆ มาวินก็วิ่งเตลิดเปิดเปิงหนีเขาไปแล้ว เขาก้าวออกจากห้องเรียนเกือบคนสุดท้าย เดินตรงไปยังร้านขายชานมไข่มุกตรงหัวมุมใต้ตึกคณะ รู้สึกโล่งใจเมื่อเหลือเมนูที่เขาต้องการ อากาศอบอ้าวแบบนี้ ถ้าไม่หมดตั้งแต่หัววัน ก็ต้องหมดก่อนเขาเลิกเรียน

“เอานมเย็นครับลุง ใส่ไข่มุกเยอะๆ เลยนะครับ”

ลุงคนขายทำหน้างง แต่ก็ชงนมเย็นให้เขาโดยดี ร้อยเอกซื้อน้ำร้านนี้ตั้งแต่ปีหนึ่ง เรียกว่าสนิทกับลุงคนขายเลยก็ได้ และเขาไม่ค่อยชอบกินนมเย็น มันค่อนข้างเลี่ยนเพราะลุงใส่นมข้นเยอะ แต่เห็นเมืองน้ำบ่นว่าอยากกินในไลฟ์ ก็...ซื้อไปฝากสักหน่อยแล้วกัน

หวังว่านมเย็นที่เขาซื้อกลับไปฝากจะไม่ละลายกลางทางหรอกนะ

ข้อความที่เขาส่งไปเมื่อชั่วโมงก่อน เมืองน้ำยังไม่อ่าน ฉะนั้นตอนนี้ที่ซื้อชานมใส่ไข่มุกให้คนโตกว่าเสร็จแล้ว ร้อยเอกจึงใช้โทรหาแทนพิมพ์ข้อความในแชทไลน์

ให้ตาย...

ทำอะไรอยู่นะ รับช้าชะมัด

[ว่าไง...]

คิ้วเข้มเคลื่อนเข้าหากัน พร้อมความสงสัยที่ปรากฏโดยไม่รู้ตัว

[เมื่อกี้รถไฟฟ้าวิ่งเสียงดังมาก ก็เลยไม่ได้ยินเสียงริงโทน]

“ไม่ได้อยู่บ้านเหรอ มีเสียงคนเยอะแยะเลย”

[ไม่ได้อยู่ ออกมาข้างนอก มาหาพ่อ...]

เสียงพี่เมือง...

ไม่รู้คิดมากไปเองหรือเปล่า แต่ถ้าไม่โทรหา อ่านแค่ข้อความ เขาอาจไม่รู้เลยว่าโทนเสียงตอนเมืองน้ำพูดถึงพ่อดูแปลกไป

พ่อของเมืองน้ำทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องจักร ท่านมีความจำเป็นต้องดูแลการทำงานของลูกน้องอย่างใกล้ชิด กลับมาบ้านอาทิตย์ละหน หรือบางครั้งสองอาทิตย์ต่อหนึ่งครั้ง แต่พักนี้ จริงด้วย...เพราะเขาไม่ได้สังเกต เลยเพิ่งเอะใจว่าไม่เห็นคุณอามาหลายเดือนแล้ว

อีกอย่าง เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเมืองน้ำ

เขาไม่กล้าก้าวก่าย

“พี่เมืองโอเคมั้ย”

[พี่โอเค เนี่ยเดี๋ยวจะกลับบ้านแล้ว ร้อยเลิกเรียนแล้วเหรอ]

“เลิกแล้วๆ ผมซื้อนมเย็นใส่ไข่มุกไปฝากพี่เมืองด้วยนะ”

[รู้ได้ไงว่าพี่อยากกิน]

“เห็นพี่พูดในไลฟ์”

[เดี๋ยวนะ แปลว่าร้อยเอกดูไลฟ์พี่เหรอ]

“เพื่อนมันเปิด ผมไม่ได้ตั้งใจดู”

นี่ร้อยเอกไปเอาวิชาโกหกหน้าตายมาจากไหน ในหลักสูตรมีสอนหรือไง

ตลกตัวเองเป็นบ้า

[อ่ะเชื่อๆๆ เชื่อก็ได้]

ส่วนคนนี้ก็น่าหยิกแม้กระทั่งตอนไม่เห็นหน้ากัน

ทำได้ไงวะ

“พี่อยู่ห้างไหน”

[พารากอน]

“ผมต้องไปเซ็นทรัลเวิลด์ ต้องไปซื้อของเข้าบ้านให้แม่ ไปซื้อของกับผมมั้ย”

[…]

“นะ พี่เมือง เหงาอ่ะ อยากมีเพื่อนเดิน”

[มาวินไง]

“ไม่เอา ไม่อยากไปกับมัน มันกลับบ้านไปแล้วด้วย เหลือแต่ลุงคนขายชานมเนี่ย จะให้ผมไปกับลุงเหรอ ลุงก็ต้องขายของป้ะ รบกวนลุงเปล่าๆ อย่าใจร้ายดิ”

[โอ๊ยๆ มาเป็นชุดเลย] ร้อยเอกมั่นใจว่าได้ยินเสียงหัวเราะหน่อยๆ จากคนปลายสาย เท่านั้นปากก็พลันยกยิ้ม [พี่เดินเล่นรอนะ พาไปโคเรียทาวเว่อร์ด้วยสิๆ อยากกินเคียวโชน]

“เคยกินน้อยสักวันมั้ย”

[งั้นไม่รอละ กลับบ้านเลยแล้วกัน]

“ได้ไงอ่ะพี่เมือง”

[ตกลงจะพาไปมั้ยเนี่ย]

“ผมพูดว่าไม่ไปรึยังล่ะ ถึงรถพอดี แค่นี้ก่อนนะครับ แล้วเจอกัน”

ยังไม่ต้องเล่าให้ฟังก็ได้ อย่างน้อยคำพูดกวนๆ ของเขาก็ทำให้เมืองน้ำอารมณ์ดี

แค่นี้ก็พอใจแล้ว



(⺣◡⺣)♡*



ตอนได้ยินร้อยเอกบอกว่าจะซื้อของใช้เข้าบ้านให้แม่ เมืองน้ำคิดว่าจะซื้ออุปกรณ์งานช่างภายในบ้าน หรือของจำพวกที่ถ้าให้ผู้ชายเป็นคนเลือก จะถนัดกว่าผู้หญิงเลือกเอง

เมืองน้ำคิดผิด พอมาถึงห้างสรรพสินค้า ร้อยเอกก็กดลิฟต์ขึ้นมาชั้นซูเปอร์มาร์เก็ต ดึงรถเข็นจากจุดบริการ และเดินเข้าล็อกนั้นที ล็อกนี้ที ถือโทรศัพท์ซึ่งเปิดรายการสินค้าที่ลิสต์ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างใช้ดันรถเข็นและเอื้อมหยิบของที่ต้องการบนเชลฟ์

คนตัวสูงเลือกของเข้าบ้านเก่งมาก เก่งกว่าเมืองน้ำเสียอีก เมืองน้ำมีหน้าที่แค่เดินตามเฉยๆ มองร้อยเอกในชุดนักศึกษา ปล่อยชายเสื้อไว้นอกกางเกง ถอดเนคไททิ้งไว้บนรถ ร่นแขนเสื้อขึ้นมาครึ่งหนึ่ง ผมสีเข้มที่เซตเป็นทรงเริ่มหลุดลุ่ย แต่ไม่มากนัก ถึงอย่างนั้นก็ยังน่าชม

ถ้าร้อยเอกเป็นคนดังในโซเชียล ต้องมีแมวมองติดต่อให้ไปแคสติ้งละครแน่ๆ โครงหน้าจัดอยู่ในไทป์พระเอกซีรีส์ซะขนาดนี้

“อยากกินอะไรอีกมั้ย”

“ทำไมเหรอ”

จากที่ยืนปกติก็ราวได้ยืดตัวขึ้นเมื่อคนตัวสูงส่งเสียงถาม ร้อยเอกละความสนใจจากการพิจารณาความคุ้มค่าของสินค้าที่ถืออยู่ มองคนตัวเล็กที่เปลี่ยนตำแหน่งจากด้านหลังมายืนเกาะรถเข็นของเขา

“เปล่า ไม่มีอะไร ถามเฉยๆ”

“อ้าว”

“ผมล้อเล่น” วาดยิ้มจางๆ กับลูกหมาหูลู่ที่พลันหูตั้งขึ้นมาอีกครั้ง “หมายถึงถ้าพี่อยากกินอะไรนอกจากเคียวโชนไง จะได้ทำให้กิน”

เมืองน้ำนึกว่าจะถามเฉยๆ ถามไปงั้นจริงๆ ซะอีก นมเย็นที่ร้อยเอกซื้อมาให้ เมืองน้ำดื่มหมดตั้งแต่บนรถ โดนหาว่ากินดุด้วย คนกินดุต้องกินเยอะกว่านี้สิ ตอนนั้นรู้สึกหิวมากก็เลยกินนมเย็นรองท้องไปก่อนแค่นั้นเอง แล้วถ้าเมืองน้ำกินน้อย หรือเลือกไม่กินของที่ร้อยเอกซื้อให้เลย พนันมั้ยล่ะว่าร้อยเอกจะไม่ว่าอะไรเมืองน้ำอีก

เปลี่ยนจากคนกินดุเป็นคนใจร้ายมากแน่นอน

“พี่เอาอะไรก็ได้ แล้วแต่ร้อยเอกเลย กินทุกอย่างนั่นแหละ ได้หมด”

“คนหรือเครื่องย่อยอาหาร”

ร้อยเอกเบี่ยงตัวหลบมือเล็กที่เตรียมจะฟาดไหล่เขา กลับมายืนองศาเดิมเมื่อมือขาวลดลงวางบนขอบรถเข็น

“เห็นช่วงนี้พี่กินไก่ทอดบ่อย งั้นผมซื้อแป้งทอดกรอบไปไว้ทอดไก่ให้พี่กินดีกว่า” พูดพลางเลี้ยวรถเข็นเข้าล็อกที่มีวัตถุดิบที่ต้องการ

“ไม่กลัวพี่อ้วนเหรอ ให้กินแต่ของทอด”

“อันนี้พี่ต้องถามตัวเองป้ะ กินเยอะอย่างกับองค์ลง”

“พี่ก็กินปกตินะ”

“ไม่อ่ะ ไม่ปกติ”

“ร้อยเอก”

เมืองน้ำเปลี่ยนตัวเองจากลูกหมาเป็นลูกหมูได้ด้วย ดูสิ ลูกหมูของเขากำลังทำหน้าโกรธอยู่ล่ะ

ถ่ายรูปไปประมูลในเพจคงได้หลายหมื่น เอามาซื้อของกินให้ลูกหมูต่อดีมั้ยนะ

“พี่เมือง”

“อะไร”

“งอนเหรอ”

“แล้วแต่จะคิด”

งอนชัวร์

“อย่างอนเลยนะ โอ๋เอ๋~”

“เกลียดโอ๋เอ๋”

เกลียดมาก เกลียดตรงที่ร้อยเอกทำหน้าทำตาประกอบตอนพูดคำนี้

อยากเอามือตีปาก

“แต่พี่ไม่ได้งอนจริงๆ กำลังคิดอยู่ว่าจะกินอะไร เอาไก่ทอดก็ได้ ขอน่องไก่เยอะๆ เลยนะ เอาแบบกรอบๆ จะกินให้หมดเลย”

“รีเควสเก่งอีกละ”

“แล้วจะทำมั้ย ไม่ทำก็ไม่ต้องทำ พี่ไปซื้อกินเองก็ได้”

“พี่เมืองอย่าตีความไปเองได้มั้ย หลายรอบแล้วนะ ผมยังไม่พูดอะไรเลยเนี่ย”

“เหรอๆๆๆ”

“พี่เมือง”

เมืองน้ำเวอร์ชั่นมารร้ายกลับมาแล้ว แถมยังเป็นมารร้ายที่อยากจะปราบสุดๆ เลยด้วย

คอยดูเถอะ สักวันจะร้ายไม่ออกเพราะทำให้เขามันเขี้ยวบ่อยๆ

ร้อยเอกหยิบแป้งทอดกรอบ พร้อมด้วยเกล็ดขนมปังใส่รถเข็น ตั้งแต่เจอหน้ากัน เมืองน้ำดูผ่อนคลายขึ้นมาก โทนเสียงแปลกๆ ที่ได้ยินตอนคุยโทรศัพท์ไม่เหลือให้ได้ยิน เหมือนไม่เคยเกิดขึ้น แต่เขาที่แอบสังเกตเมืองน้ำตลอด มั่นใจว่าสิ่งที่คิดไม่ใช่แค่คิดไปเอง

เมืองน้ำ...ชอบเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวจริงๆ

“ร้อยเอกนี่เก่งงานบ้านเนอะ”

“ไม่ขนาดนั้น แต่ก็ทำเป็นบ้าง ที่ทำได้ทุกวันนี้ก็จำมาจากพ่อบ้าง แม่บ้าง พี่พันก็ด้วย แต่ส่วนมากก็จำมาจากปู่”

“อบอุ่นดีจัง”

เมืองน้ำพูดโดยไม่มองหน้าเขา อยู่ดีๆ ก็เงียบเสียงจนเขาต้องสะกิดไหล่นุ่มเบาๆ

“พี่เมือง...”

“...”

“เป็นอะไรรึเปล่า”

“เปล่าๆ” ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะเงยมองเขา คนตัวเล็กสูดลมหายใจ คล้ายเรียกพลังให้ตัวเอง “เมื่อก่อนพี่ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกคนที่มีพี่น้องไง เพราะเป็นลูกคนเดียว พอนึกถึงบ้านร้อยเอกที่มีคุณลุง คุณป้า อาจารย์พันเอก น้องสิบ แถมยังมีคุณปู่ที่ร้อยดูรักมากๆ ก็เลยคิดว่าครอบครัวร้อยอบอุ่นดี”

ก็คงได้ผล เพราะเมืองน้ำกลับมาเป็นปกติแล้ว

แต่ให้ตายเถอะ

เขาเป็นห่วงพี่เมืองชะมัด

“ผมเป็นน้องชายให้เอามั้ย”

“…?”

“ลองดู พี่จะได้เข้าใจความรู้สึกเวลามีน้อง”

“มีน้องแบบร้อยเอกเนี่ยนะ”

“ทำไม น้องแบบผมแล้วทำไม”

“เห็นจากอาจารย์พันเอกแล้วคงปวดหัวน่าดู”

“ปวดหัวก็กินยาดิ จะทนปวดทำไมอ่ะ”

“ก็เนี่ย ตัวอย่างความปวดหัว”

เราหัวเราะออกมาพร้อมกัน เป็นเสียงหัวเราะที่ร้อยเอกชอบ

“ก็ได้ๆ ทดลองเป็นน้องชายพี่ดูก็ได้ สักสามเดือนแล้วกัน เริ่มพรุ่งนี้เลยมั้ย”

“ไม่เอาอ่ะ นานไป เริ่มวันนี้เลยดิ”

“นี่ก็เร็วไปป้ะ”

“งั้นเริ่มตอนสามทุ่มมั้ยล่ะ เจอกันตรงกลาง”

“ก็ได้ ดีล”

“ดีลง่ายๆ งี้เลย?”

“หรือจะเอาพรุ่งนี้”

“สามทุ่มก็สามทุ่มดิ”

ไหนๆ ก็ปรับสถานะจากคู่กัดคู่แกล้งมาเป็นคู่กัดเสินเจิ้น และเปลี่ยนมาเป็นน้องชายระยะทดลองแล้ว ต่อไปขอมากกว่าน้องเลยได้มั้ย

“มาเกี่ยวก้อยก่อน”

“ต้องทำด้วยเหรอ”

“ต้องทำดิ เวลาผมสัญญาอะไรกับพี่พัน ก็เกี่ยวก้อยทั้งนั้นแหละ มาเร็ว”

“ก็ได้ๆ น้องเอกก็คือน้องเอกจริงๆ”

“เดี๋ยวจะโดน”

น้องที่มากกว่าน้อง น้องที่พี่เมืองไว้ใจ

น้องที่เป็นที่พักพิงให้คนคนนี้ได้

น้องที่จะทำให้พี่เมืองไม่ต้องคิดถึงเรื่องเครียดๆ เวลาอยู่ด้วยกัน

ร้อยเอกอยากเป็นคนนั้น คนที่เมืองน้ำยอมให้เดินเข้าไปในพื้นที่ของตัวเอง




(⺣◡⺣)♡*



#ร้อยเมือง




น้องเอกไม่อยากเป็นน้องค้าบพิเมือง /)_(\
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.11 ☆ ทดลองเป็นน้องชาย (12/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-10-2018 20:15:20
พ่อพี่เมืองเป็นอะไรอ่ะ ป่วย?
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.11 ☆ ทดลองเป็นน้องชาย (12/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 12-10-2018 20:40:36
มาไกลนะร้อยเอก จากศัตรู มาเป็นกัปตันเรือ ตอนนี้เป็นน้องชาย ใกล้ถึงฝั่งฝันแล้ว :m20:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.11 ☆ ทดลองเป็นน้องชาย (12/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-10-2018 20:45:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.11 ☆ ทดลองเป็นน้องชาย (12/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 13-10-2018 00:26:14
เรื่องนี้ดี๊ดี น่ารักมากกก อ่านรวดเดียวหมดเลยยยยยยย
รอมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.11 ☆ ทดลองเป็นน้องชาย (12/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Josett ที่ 14-10-2018 00:34:19
เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว แงงงง ชอบอะน่ารักมากก
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.11 ☆ ทดลองเป็นน้องชาย (12/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-10-2018 02:59:09
สถานะเยอะจริงๆ รอดูตอนเป็นแฟนกันแล้วววว
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.11 ☆ ทดลองเป็นน้องชาย (12/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 14-10-2018 08:36:55
ต้องไปถามพี่พันว ่าจริงป่ะ น้องร้อยเกี่ยวก้อยสัญญากับพี่พัน 5555
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.12 ☆ เราสนิทกัน (17/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 17-10-2018 14:25:05
12
เราสนิทกัน



เมืองน้ำบอกเขาว่าเกลียดคำว่า ‘โอ๋เอ๋’

ไม่ชอบแต่เอาคำนี้ไปหลังชื่อไลน์ของเขา จาก 101 เฉยๆ กลายเป็น ‘101 โอ๋เอ๋’

ตอนเห็นจากจอโทรศัพท์เจ้าตัว ได้แต่ถามตัวเองในใจว่าได้เหรอ ไม่ชอบแต่เอาไปตั้งชื่อไลน์ร้อยเอก ได้จริงๆ ใช่มั้ย

แต่เห็นพี่เมืองดูชอบ และเขาก็ชอบที่เห็นว่าอีกคนอมยิ้มตอนเขาแกล้งโวยวายเรื่องนี้ ถ้าพี่เมืองชอบ คำถามที่ว่าได้เหรอ คำตอบก็กลายเป็น ‘ได้’ ขึ้นมาทันที

โคตรลำเอียง

แต่ยอมรับนะว่าตัวเองลำเอียงจริงๆ

“มานี่เลยๆ”

แม้เราจะทะเลาะกันมาตลอด แต่ร้อยเอกคิดว่าความสัมพันธ์ของเขากับเมืองน้ำเป็นความเรียบง่ายมาตั้งแต่ต้น ดังนั้นช่วงแรกของการทดลองเป็นน้องชาย จึงไม่มีความพิเศษใดๆ เกิดขึ้น ในความไม่หวือหวานี่แหละ ที่พิเศษสำหรับเขา

ศึกหนักที่เรียกว่ามิดเทอมยังไม่จบง่ายๆ ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตัวเอง เหนื่อยหน่อย แต่ถ้ามีชีวิตรอดจากศึกครั้งนี้ได้ ร้อยเอกก็คิดว่าคุ้ม

เทอมหน้าเป็นเทอมแห่งการฝึกงาน เดาได้เลยว่าพี่เมืองต้องเหนื่อยมากกว่านี้ และคงไม่มีเวลาเจอกันเยอะๆ เหมือนตอนนี้แล้ว

แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอพี่ชายปลอมๆ ของตัวเองบ่อยๆ ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

ของอแงเรื่องนี้ได้มั้ย

คำตอบคือไม่ได้ เพราะงั้นตอนนี้ที่เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งเทอม น้องชายระยะทดลองเลยต้องรีบทำคะแนนสักหน่อย

“คนดูแลแกตื่นรึยังไม่รู้ นอนดึกทุกวัน โคฟเว่อร์เป็นนกฮูกเหรอ”

วันนี้สิบเอกไม่ทันรถโรงเรียนอีกแล้ว เดือดร้อนให้เขาที่นอนไปแค่สี่ชั่วโมงต้องขับรถไปส่ง ร้อยเอกเห็นถุงกาแฟแขวนอยู่ตรงรั้วบ้านตอนกลับมาถึง มีโน้ตสั้นๆ ที่เขียนว่า ‘กลัวน้องชายง่วง’ แปะไว้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครทำให้เขายิ้มได้ตั้งแต่เช้า

ร้อยเอกนำแก้วกาแฟของเมืองน้ำไปแช่ตู้เย็น ขึ้นไปนอนให้หายเวียนหัว และลงมาเติมพลังดีๆ จากรสชาติหวานขมหลังตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

เขานั่งอ่านหนังสืออยู่ชั้นล่างเกือบครบชั่วโมง คิดถึงโรงปลูกเลยพับหนังสือแล้วคีบรองเท้าแตะเดินมาด้านหลัง เห็นกระถางต้นไม้ที่เมืองน้ำย้ายกลับมาจุดเดิมตั้งแต่วันที่คืนดีกันเลยลากสายยางมารดน้ำให้

“โตไวจังนะเราน่ะ เพราะฝนตกบ่อยล่ะสิ”

ใช่ เขาคุยกับต้นพลูด่างของพี่เมืองอยู่

เขาเชื่อว่าการพูดกับต้นไม้บ่อยๆ เทคแคร์เหมือนคนในครอบครัวจะทำให้ต้นไม้โตเร็ว ที่สำคัญ การทำแบบนี้ถือเป็นการเพิ่มพลังบวกให้ตัวเอง ถ้าคนอื่นมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนคลายเหงา เขาก็มีต้นไม้เป็นเพื่อนคู่ใจเหมือนกัน

ร้อยเอกหยุดแรงกดบนหัวฉีด วางกระถางพลูด่างบนชั้นไม้ พาดสายยางบนรั้วกั้น ก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาถ่ายผลงานตัวเอง


101 :
(send a photo.)
อาบน้ำให้น้องแล้ว
ชุ่มฉ่ำไปหมด


m.nam ☆° :
ขอบคุณนะะ
น่ารักจัง
หมายถึงพลูด่าง


101 :
ตอบไวอ่ะ
แล้วผมไม่น่ารักอ่อพี่เมือง
ใช่สิ


m.nam ☆° :
อะไรเล่า -.-;;



เคยได้ยินคำว่ามีเสียงดังมาจากข้อความมั้ย ตอนนี้ร้อยเอกกำลังสัมผัสอะไรแบบนั้นอยู่ล่ะ

ไม่ใช่แค่เสียง แต่นึกภาพออกเลยต่างหาก



101 :
อย่าทำหน้ามุ่ยดิ
หน้ามุ่ย = แก่เร็ว


m.nam ☆° :
มุ่ยตรงไหน!
รู้ได้ไงว่าแก่!
เพิ่ง 22 เองป้ะ


101 :
ครับๆๆๆ


m.nam ☆° :
-*-!!!!


101 :
แล้วพี่ไม่นอนต่อเหรอ เมื่อคืนนอนดึกนะ


m.nam ☆° :
นอนแล้วๆ พี่เพิ่งตื่น กำลังแต่งตัว ตอนบ่ายจะไปงานอีเว้นท์


101 :
พักบ้างเถอะคุณ
เดี๋ยวงานนั้นเดี๋ยวงานนี้ วิ่งวุ่นเป็นหนูติดจั่นแล้ว


m.nam ☆° :
รับงานไว้นานแล้วอ่ะ ไม่อยากปฏิเสธ ไหนๆ ก็เชิญมาแล้ว
ไปด้วยกันมั้ย เป็นงานแฟชั่นโชว์ นั่งดูเฉยๆ แต่สนุกดีนะ


101 :
ผมไม่ค่อยชอบงานแบบนี้อ่ะ วุ่นวาย


m.nam ☆° :
พี่มีบัตรสองใบ ใบนึงของตัวเอง อีกใบยังไม่รู้เลยว่าจะชวนใครไป
ถ้าร้อยไปก็จะได้นั่งด้วยกันนะ


101 :
ได้นั่งด้วยกันด้วย?
งั้นขอคิดก่อนละกัน เดี๋ยวให้คำตอบ



ร้อยเอกสอดโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงวอร์ม ดึงสายยางมาเก็บให้เรียบร้อย ก้าวเข้าประตูหลังบ้านเพื่อเดินขึ้นห้องนอน ร่างสูงตรงเข้าหาตู้เสื้อผ้า แล้วเปิดออกโดยไม่รอช้า

ร้อยเอกไม่ใช่คนสนใจเรื่องแฟชั่น เขาแต่งตัวไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ เสื้อผ้าทุกชิ้นมีแต่ดีไซน์ธรรมดา ชิ้นไหนที่มีสีสันล้วนแล้วแต่เป็นเสื้อผ้าที่ครอบครัวเลือกให้ นั่นทำให้เขาคิดไม่ตก

แต่เดี๋ยวนะ...

“ไหนบอกขอคิดดูก่อนไงวะกู”

หัวใจมักไวกว่าความคิดเสมอ ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องของเมืองน้ำ

นี่แหละคำนิยามความเป็นร้อยเอกในตอนนี้



(⺣◡⺣)♡*



ตอนที่ชวนร้อยเอกไปด้วยกัน ไม่ได้คิดหรอกว่าเจ้าตัวจะโอเค เมืองน้ำเข้าใจเรื่องที่ร้อยเอกไม่ค่อยชอบสายงานที่เมืองน้ำทำอยู่เท่าไหร่ แต่เพราะต้องออกไปข้างนอก ยังไงคนตัวสูงก็ต้องขอไปส่งอยู่แล้ว ก็เลยลองชวนดู

ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเสมอไปหรอก

‘ผมไปนะ ออกจากบ้านกี่โมง’

ขนาดคนที่ทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ ยังตอบตกลงได้เลย

ประตูเล็กข้างรั้วถูกล็อกอย่างแน่นหนา พร้อมรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าน่ารัก เมืองน้ำสวมกางเกงยีนเนื้อดี เสื้อเชิ้ตสีขาว สวมทับด้วยเสื้อแจ็คเกตขนาดพอดีตัว เช็กความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย มั่นใจแล้วว่าไม่มีส่วนไหนประดักประเดิดจนไม่เหมาะสมกับงานแฟชั่นจึงก้าวไปหยิบกุญแจสำรองบ้านข้างๆ จากที่ซ่อนที่เจ้าของบ้านบอกไว้ตั้งแต่วันที่มากินข้าวเช้าด้วยกัน

คุณลุงคุณป้าไม่อยู่บ้าน น่าจะทำงานอยู่กองถ่ายซีรีส์อีกตามเคย น้องสิบไปโรงเรียน อาจารย์พันเอกก็ต้องทำงาน เหลือแต่เด็กตัวสูง

เงียบพอๆ กับบ้านเมืองน้ำเลยแฮะ

ร้อยเอกไม่อยู่ด้านล่าง ไม่ทันประมวลผลก็ได้ยินเสียงทุ้มๆ ดังมาจากด้านบน คนตัวเล็กเปลี่ยนจุดหมายเป็นบันไดทางขึ้นชั้นสองทันที

เมืองน้ำไม่เคยขึ้นไปบนห้องนอนร้อยเอก แม้เราจะรู้จักกันมานานก็ตาม ร้อยเอกเอง ก็เพิ่งจะเข้าไปในห้องนอนเมืองน้ำในช่วงหลังที่เราไม่ค่อยทะเลาะกันแล้วนี่เอง

“ร้อย...”

ตื่นเต้นแปลกๆ แฮะ

“แต่งตัวอะไรเนี่ย”

เมืองน้ำไม่ตั้งใจทำให้ร้อยเอกเสียความมั่นใจหรอกนะ ไม่มีเจตนาแอบแฝงแบบนั้นเลย แค่แปลกใจเพราะไม่เคยเห็นคนตัวสูงแต่งตัวแบบนี้

ฮู้ด Supreem สีแดงสด กางเกงยีนขายาวสีน้ำเงิน หมวกสีเหลือง คาดกระเป๋าใส่ของไว้ตรงอก ผ้าพันคอไหมพรม แล้วก็สวมแมสลายเท่ๆ อีกหนึ่งชิ้น

“แฟชั่นไงพี่เมือง”

คำตอบของคนที่ดึงแมสออกจากหน้าเล่นเอาเมืองน้ำอมยิ้ม ที่จริงก็พอไหว แต่ผิดธีมงานไปหน่อย ถ้าให้ร้อยเอกไปในสภาพนี้ ต้องเป็นจุดเด่นของงานแน่ เผลอๆ อาจเด่นยิ่งกว่านายแบบบนแคทวอล์กเสียอีก

“ยิ้มอะไรล่ะ นี่ก็พยายามสุดๆ แล้วนะ อันไหนที่คิดว่าดีก็จับมาใส่หมด น้อยไปเหรอ”

“ไม่น้อยๆ”

เยอะมากเลยแหละร้อยเอก

“แล้วยิ้มทำไม”

“เอ็นดูน้องชาย”

บ้าเอ๊ย...

ที่ว่าไม่น้อยน่ะการแต่งตัวของร้อยเอก หรือจังหวะหัวใจที่เต้นไม่หยุด แถมแก้มยังร้อนเหมือนถูกไฟเผาจนต้องยกมือขึ้นมาเกาแก้เขินอย่างนี้กันแน่

ร้อยเอกอยากจะบ้าตาย

“มาๆ พี่แต่งให้”

“ทำไมอ่ะ มันไม่โอเคเหรอ”

“เหอะน่า ให้พี่แต่งให้ ยืนเฉยๆ”

“พี่…”

“ร้อยเอก เดี๋ยวไปสายนะ”

“…”

ที่เงียบไม่ใช่เพราะไม่กล้าเถียง พูดไปแบบนี้ก็เหมือนโกหก เพราะงั้นยอมรับก็ได้ว่าความไม่กล้าขัดใจเมืองน้ำเป็นส่วนหนึ่งในความเงียบ สาเหตุหลักมาจากการเห็นภาพตัวเองหลังถูกมือเล็กจับเข้าที่ไหล่ บีบเบาๆ ให้หมุนตัวเข้าหากระจกต่างหาก

เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่เมืองถึงต้องแต่งตัวใหม่ให้เขา

เว่อร์มาก เว่อร์ได้อีกร้อยเอก

“เอาผ้าพันคอออกก่อนนะ หมวกกับแมสด้วย กระเป๋าด้วยๆ” เมืองน้ำนำของที่หยิบออกแล้วไปวางในตู้เสื้อผ้าที่เปิดค้างไว้ กวาดสายตาหาเครื่องแต่งกายที่ต้องการ ก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับแจ็คเกตยีนกลับมายื่นให้คนตัวสูง “ใส่แค่นี้ก็พอ”

“พอจริงอ่ะ น้อยมากเลย”

“พอจริงๆ แค่นี้ก็หล่อแล้ว”

“โหย โดนชมด้วยว่ะ โคตรไม่ชิน”

คนตัวเล็กถอนหายใจกับความกวนประสาท เงยหน้ามองอย่างเหลืออด

“ไม่กวนสักวันได้ป้ะ”

“ไม่ได้”

“โคตรเกลียด เกลียดมาก”

“พี่อย่าพูดอะไรที่มันไม่จริงสิ โกหกว่าเกลียดผมนี่ไม่ดีเลย คนเกลียดกันที่ไหนจะช่วยแต่งตัวขนาดนี้”

ร้อยเอกหัวเราะหน่อยๆ เห็นแก้มนุ่มๆ กลมเพราะเจ้าของพวงแก้มอมลมแล้วอยากหยิกให้แดงช้ำ

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้เลย”

“เถียงต่อไม่ได้ก็เปลี่ยนเรื่องเลยครับคุณ”

“จะโมโหแล้วนะ”

น่ารักจังโว้ย!

“ไปเปลี่ยนก็ได้ แต่เปลี่ยนตรงนี้ได้ป้ะ”

“ไม่ได้ ไปเปลี่ยนในห้องน้ำดิ”

“แต่นี่มันห้องผมนะพี่เมือง”

“งั้นก็แล้วแต่!”

กระแทกเสียงก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียง หันหน้าไปอีกทางที่มองไม่เห็นร่างกายแข็งแรงของคนขี้แกล้ง ร้อยเอกขยับปากล้อเลียนประโยคสุดท้ายของคนผิวขาว จับชายเสื้อแล้วถอดอาภรณ์ชิ้นบน สวมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่แล้วยิ้มออกมาเมื่อเห็นแจ็คเกตยีนในมือ

ใส่ชุดคู่เหรอวะ เกือบเหมือนกันเป๊ะๆ เลย

เอาน่ะ ไหนๆ โอกาสก็มาแล้ว จังหวะก็เป็นใจ

ร้อยเอกจะคิดว่านี่คือชุดคู่ของเขากับเมืองน้ำก็แล้วกัน



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำบอกว่าแล้วแต่เขา เพราะงั้นถ้าร้อยเอกจะเปลี่ยนเสื้อผ้าตรงหน้ากระจก ไม่เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำตามที่อีกคนต้องการ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด

แต่การที่เขาจงใจเปลี่ยนเสื้อผ้าช้าๆ ชวนคุยนั่นคุยนี่เพื่อให้อีกคนหันมาคุยด้วย

“เลิกหน้ามุ่ยได้แล้วน่าพี่เมือง งานจะเริ่มแล้วนะ ทำหน้าเหมือนตูดกระต่ายอีกแล้ว”

ดูเหมือนจะผิดเต็มๆ

ก็คนมันเห็นแล้วอดไม่ได้ ไม่โดนด่าไม่ชื่นใจ อยากแกล้งแล้วแกล้งอีก แกล้งจนกว่าจะพอใจ ช่วยเข้าใจร้อยเอกหน่อยเถอะ

“ไม่อยากคุยกับคนบ้า”

โดนหาว่าเป็นคนบ้าซะงั้น

ร้อยเอกดึงคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ บีบไหล่แคบที่กำลังขัดขืนเบาๆ แทนคำสั่งให้ยืนนิ่ง เมืองน้ำตั้งท่าจะโวยวายใส่เขา แต่พอเห็นคนข้างๆ เดินชนกันด้วยความไม่ระวัง ริมฝีปากสีอ่อนถึงหยุดโวยวายขึ้นมาได้

ยังยืนยันว่าไม่ค่อยชอบแฟชั่นโชว์ที่เต็มไปด้วยเซเลบคนดังที่แบรนด์เชิญมาร่วมงานจริงๆ ผู้คนพลุกพล่าน อึดอัดยิ่งกว่าอยู่ในที่แคบ แถมยังรู้สึกรำคาญเสียงพูดคุยที่ดังเซ็งแซ่เหมือนเสียงแมงหวี่จากคนรอบตัวอีกด้วย

ถ้าไม่ใช่เพราะเมืองน้ำ สาบานเลยว่าจะไม่มีทางเห็นร้อยเอกยืนอยู่ในงานแบบนี้แน่

“จะปล่อยพี่ได้ยัง”

“ปล่อยครับปล่อย” ละมือจากไหล่นุ่ม จุดยิ้มหน่อยๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าการที่เมืองน้ำพูดกับเขาก่อน เท่ากับหยุดงอนเรื่องเมื่อเช้าแล้ว “มีแต่คนถือกล้อง เป็นอย่างนี้ทุกงานเลยเหรอพี่เมือง”

“ก็ทุกงานนะ ที่ถือกล้องส่วนใหญ่เป็นยูทูบเบอร์ มาถ่ายวล็อกกันอ่ะ”

“แล้วพี่เมืองไม่ถ่ายบ้างเหรอ”

คนที่ดูดีเป็นพิเศษ​ น่ารักมากกว่าทุกวันส่ายหน้าช้าๆ

“พี่มาร่วมงานเฉยๆ แต่ก็ว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้นะ เอาไว้ลงเพจ ได้มางานฟรีทั้งที ก็ต้องตอบแทนเจ้าของงานหน่อย ถือเป็นมารยาทสำคัญเลย”

“พูดกับผมดีขนาดนี้ หายงอนจริงๆ แล้วใช่ป้ะ”

“ไม่อยากคุยละถ้างั้น”

“เดี๋ยวดิ”

“อะไรเล่า”

“เปล่า” เมืองน้ำขมวดคิ้วใส่คนตัวสูง “อย่าไม่คุยสิ อยากให้คุย ผมไม่ชอบให้พี่เมืองเมินใส่นะ”

“ก็ไม่ชอบให้แกล้งเหมือนกัน”

“อันนี้ห้ามยาก ก็พี่น่าแกล้งอ่ะ”

ร้อยเอกก็เป็นแบบนี้ เห็นว่าช่วยเมืองน้ำไม่ให้เดินชนกับคนอื่นหรอกนะ เลยยกโทษเรื่องที่กวนประสาทจนโมโห

แล้วคนตัวสูงก็ไม่ได้ยั่วให้เมืองน้ำรู้สึกหมั่นไส้จนไม่อยากคุยเรื่องเดียวด้วย ไอ้การดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ ทั้งที่เมืองน้ำบอกแล้วว่าทำเองได้ ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบกลับมาด้วยประโยค ‘ผมทำหน้าที่น้องชาย’ คิดว่าเป็นฉากในหนังโรแมนติกหรือไง

เดี๋ยวต้องไปถามอาจารย์พันเอกสักหน่อยแล้ว ว่ากับอาจารย์ ร้อยเอกเคยทำอย่างนี้หรือเปล่า

“งานจะเริ่มแล้ว ไปนั่งในงานกันเถอะ”

ร้อยเอกตอบรับในลำคอ ก้าวตามคนตัวเล็กที่เดินนำเข้าไปด้านใน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ชอบความพลุกพล่านของผู้คนอยู่ดี ที่นั่งของเราเป็นที่นั่งแถวที่สอง นับจากเวทีลงมา ร้อยเอกปล่อยให้เมืองน้ำทักทายผู้ใหญ่ที่นั่งแถวหน้า ไม่ส่งเสียงรบกวน หรือทำอะไรที่จะส่งผลเสียกับภาพลักษณ์ของคนตัวเล็ก

น้ำเสียงนุ่มๆ ถ้อยคำที่มีแต่คำสุภาพ รอยยิ้มและดวงตาหวานๆ บนใบหน้าขาว

นี่ใช่มั้ยที่เรียกว่าเสน่ห์

เมืองน้ำกลับมานั่งในท่าเดิมหลังพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ กับเจ้าของงาน แฟชั่นโชว์เริ่มต้นขึ้นแล้ว บนเวทีเต็มไปด้วยเสื้อผ้าดีไซน์เรียบหรูบนเรือนร่างได้สัดส่วนของนายแบบ อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าคนข้างบนเป็นร้อยเอกที่ตรงตามมาตรฐานของเหล่านายแบบทุกอย่าง ผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง

ต้องดีมากแน่ๆ

“เสื้อยืดตัวนั้นสวยดี”

“พี่อยากได้เหรอ”

คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย หันมองคนข้างกายที่พูดตอบโต้เสียงเพลง

“บ้า ไม่อยากได้หรอก พี่มีเสื้อผ้าเยอะแล้ว”

“มีแล้วก็มีอีกได้ ผมก็ว่าสวยดีเหมือนกัน ถ้าอยากได้...ผมซื้อให้เอามั้ย”

“จะซื้อให้ทำไม ตัวนึงตั้งหลายหมื่น ซื้อสองตัวก็เป็นแสนแล้ว”

ร้อยเอกยักไหล่ จะใช้มุกหน้าที่น้องชายอีกรอบก็กลัวว่าคนข้างกายจะเปลี่ยนมาทำหน้างอใส่เขา เมื่อเช้าที่คาดเข็มขัดให้ก็ทีนึงแล้ว

เวลาพี่เมืองหน้ามุ่ยเนี่ย ต่อให้แบรนด์ขายเสื้อตัวละสองล้าน ร้อยเอกก็ซื้อให้ได้นะ

“ผมอยากซื้อให้”

“มันแพง”

“อยากซื้อ”

“ร้อยเอก”

เอาเรื่อง

หมายถึงพี่เมือง เสียงเข้มเอาเรื่องว่ะ

ร้อยเอกหยุดคำพูดทั้งหมด เปลี่ยนเป็นนั่งนิ่งเพราะกลัวลูกหมาของเขาแยกเขี้ยวใส่ซะก่อน เบือนสายตามองเวที นอกเหนือจากเมืองน้ำ แฟชั่นสวยๆ บนตัวนายแบบก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายกับการต้องอยู่ในงาน แต่ว่า...

“พี่รักษ์...”

แม่งเอ๊ย

งานอีเว้นท์มีเป็นล้านงาน ทำไมต้องมาเจอคนที่ไม่อยากเจออย่างภานุรักษ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพวกเขาด้วย

ใครจัดที่นั่งวะ อยากรู้นัก

เมืองน้ำที่พึมพำชื่อรุ่นพี่หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อออกมาปลดล็อก แจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาเมื่อสักครู่แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นของใคร


Phanurak :
คนข้างๆ ใช่คนที่ถ่ายรูปคู่กับน้องเมืองในไอจีรึเปล่า
มากับแฟนเหรอครับ


“ใช่ครับ ตอบไปสิ”

“...?”

“ผมหมายถึง ใช่ คนที่ถ่ายรูปคู่กับพี่เมืองในไอจี”

หัวใจเมืองน้ำเกือบหยุดเต้นไปแล้ว ตอนที่ตีความหมายไปว่าร้อยเอกหมายถึงเมืองน้ำมากับแฟน


Phanurak :
ถ้าใช่ งั้นพี่ก็เดินหน้าต่อไม่ได้แล้วสิ


เดินหน้าอะไรของเขา...

เมืองน้ำไม่เคยคุยกับภานุรักษ์เกินกว่าคนรู้จัก ที่เคยให้รุ่นพี่จอมเจ้าชู้คนนี้ไปส่งที่มหา’ลัย เพราะเมืองน้ำเอารถไปขายให้คนรู้จักของภานุรักษ์ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ไม่มีทางไปไหนมาไหนด้วย ที่เคยให้ไปรับที่ผับตอนนั้น ก็เพราะอีกคนบอกว่าจะมาหาเพื่อนสมัยมัธยม แต่สุดท้ายก็ไม่มา

ยอมรับตรงๆ ว่ามีหลายครั้งที่พี่รักษ์ดูเหมือนจะคุยในทำนองที่มากกว่าคนรู้จัก เรียกง่ายๆ ว่าจีบทั้งที่มีแฟนอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งมันไม่ชัดเท่าครั้งนี้ หลายๆ ครั้งก็ดูเข้าใจว่าเมืองน้ำขีดเส้นความสัมพันธ์ของเราไว้แค่ไหนด้วยซ้ำ

เพราะเลิกกับแฟนแล้วงั้นเหรอ

เลิกกันทั้งที่เมืองน้ำไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ต้องถูกคนอื่นคิดว่าเป็นมือที่สามในความสัมพันธ์ของตัวเองเนี่ยนะ

“พี่เมือง”

“...”

“โอเคมั้ย”

“พี่โอเค”

กายบางสะดุ้งเมื่อจู่ๆ คนตัวสูงก็พาดแขนบนไหล่เล็ก

“เมื่อย”

ดึงเมืองน้ำเข้าไปใกล้ แถมกระชับเรียวแขนจนไร้ช่องว่างระหว่างเรา

“เก็บโทรศัพท์ได้แล้วครับ อันไหนเป็น junk mail ก็ลบ หรือถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ”

junk mail

จดหมายขยะ...ร้อยเอกพูดถึงข้อความของภานุรักษ์ เป็นการเปรียบเทียบที่แรงไปหน่อย แต่ก็ทำให้เมืองน้ำตัดสินใจลบแชทรุ่นพี่จริงๆ

“พี่รักษ์จะจีบพี่เมืองเหรอ”

“...”

“หรือพี่รักษ์เป็นคนที่พี่เมืองชอบ”

“ไม่ใช่นะ พี่ไม่ได้ชอบพี่รักษ์”

“แล้วเรื่องที่จะจีบล่ะ”

“อันนี้...ก็คงใช่”

“ผมไม่ให้”

“...”

“ไม่ให้จีบ ในฐานะน้องชาย ร้อยเอกไม่อนุญาต”

กับพันเอกเขาไม่เคยหวงพี่ชายขนาดนี้ แต่กับเมืองน้ำ ร้อยเอกขอหน่อยเถอะ

อยากขึ้นไปตะโกนดังๆ บนเวทีว่า ‘หวงโว้ย!’ ให้รู้แล้วรู้รอด

“ไม่ให้จีบๆ ไม่เคยให้พี่รักษ์จีบเลย พอใจมั้ย”

“พอ-ใจ-มาก”

ทำขนาดนี้แล้ว ทั้งห้ามไม่ให้พี่เมืองตอบ ทั้งแสดงออกว่าหวง ทั้งโอบไหล่ไม่ยอมปล่อย ช่วยชอบร้อยเอกสักทีเถอะ

จะได้หยุดสถานะน้องชายก่อนครบสามเดือนสักที

แค่อาทิตย์เดียวก็เหมือนจะตาย ร้อยเอกอยากข้ามขั้นจะแย่แล้ว



(⺣◡⺣)♡*



“รีบกลับจังเลยครับ น่าจะอยู่คุยกันสักหน่อย พี่ว่าจะชวนเมืองไปกินข้าวต่อ”

“เมืองมีธุระต้องทำอีกเยอะเลยครับ อยู่นานไม่ได้จริงๆ”

“ธุระอะไร งานส่วนตัวเหรอ หรือต้องไปต่อกับคนที่มาด้วย”

“งานส่วนตัวครับ”

“พี่เชื่อได้รึเปล่า”

ซักไซร้เอาความขนาดนี้ เอากุญแจมือมาล็อกตัวเมืองน้ำเลยดีมั้ย

ร้อยเอกทนฟังน้ำเสียงนุ่มๆ ที่แฝงความเจ้าชู้ของภานุรักษ์ไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากเดินหนีไปไหน เพราะถ้าหนี เขาจะไม่รู้ว่ารุ่นพี่หน้าหล่อคุยอะไรกับเมืองน้ำ และไม่มีทางรู้เลยว่าที่เมืองน้ำเคยบอกว่าไม่เคยคุยกับภานุรักษ์มากกว่าคนรู้จัก จากที่เชื่ออยู่แล้ว วันนี้ยิ่งตอกย้ำว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด

แขกทุกคนแยกย้ายตามอัธยาศัยหลังจบงาน เมืองน้ำบอกเขาว่าอยากกลับบ้านเลย มีงานส่วนตัวต้องทำต่อ นั่นก็ใช่ เพราะไม่อยากอยู่เจอภานุรักษ์ นี่ก็ใช่อีกเหมือนกัน

เขาพาคนตัวเล็กเดินออกมาด้านหลัง พื้นที่ซึ่งเชื่อมไปยังลานจอดรถ ไม่ทันถึงจุดหมาย คนที่ไม่อยากเจอก็มาดักหน้าไว้เสียก่อน

นี่แหละคือที่มาของบทสนทนาที่มีแต่ความกระอักกระอ่วนใจ

“เชื่อได้สิครับ พี่รักษ์ก็รู้ว่าเมืองงานเยอะ อย่างวันนี้ก็ต้องตัดคลิปอีกเยอะเลย”

“มิน่า พี่ไม่เห็นเมืองโพสต์ในเพจเท่าไหร่”

เมืองน้ำยิ้มจางๆ ให้คนตรงหน้า เริ่มไม่ชอบความขี้เกรงใจของตัวเองขึ้นมาซะแล้ว อยากเดินหนีจากตรงนี้ แต่นั่นก็คงไม่ใช่มารยาทที่ดีเท่าไหร่ ตัดเรื่องเจ้าชู้ออกไป อย่างน้อยรุ่นพี่คนนี้ก็ช่วยเหลือเรื่องงานมาตลอด ถ้าหักหน้าด้วยการตัดบทอีกคนดื้อๆ คงเกิดผลเสียตามมาแน่นอน

“ถ้าช่วงไหนว่างก็จะโพสต์เยอะหน่อยครับ แต่ช่วงนี้ยุ่งมากจริงๆ”

“นั่นสิ เมืองน่ะยุ่งมากเลย”

“ครับ...”

“ถ้างั้นพี่ให้เมืองกลับเลยก็ได้ แต่อย่าลืมเรื่องบ้านที่เคยคุยกันไว้นะ”

“…”

“หวังว่าเราจะไม่เปลี่ยนใจทีหลัง”

ริมฝีปากนุ่มขบเม้มจนเป็นเส้นตรง โน้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อบอกลารุ่นพี่ตัวโต ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อภานุรักษ์ก้าวพ้นพื้นที่ตรงนี้แล้ว เมืองน้ำสูดอากาศเข้าไปใหม่เพื่อเรียกพลังให้ตัวเอง หมุนตัวกลับมาหาเด็กตัวสูงที่ยืนรออยู่ด้านหลัง

“เรื่องบ้านอะไรเหรอครับ”

“…”

“ไม่เปลี่ยนใจทีหลัง หมายความว่าไง”

“…”

“พี่เมือง”

ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย...

ความรู้สึกที่อยากจะพูด แต่ก็อึดอัดจนเอ่ยออกไปไม่ได้ หัวใจที่พองโตค่อยๆ มีขนาดเล็กลงเมื่อมองเห็นแววสงสัยบนตาคู่คม

ร้อยเอกรอให้เมืองน้ำตอบคำถาม แต่คนตัวเล็กก็ยังเงียบ

“ถ้าไม่บอกก็ไม่เป็นไร กลับบ้านกันเหอะ เมื่อยละ”

เงียบจนอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องที่ตกลงกับรุ่นพี่สองคน เป็นเรื่องที่คนนอกไม่มีสิทธิ์รับรู้

อยากรู้เรื่องไหนให้ถาม ถ้าเมืองน้ำไว้ใจ จะเล่าเรื่องที่ถามออกมาเอง

ทั้งที่เรื่องนี้ดูเป็นเรื่องสำคัญ และคนใกล้ตัวอย่างเขาควรได้รับคำตอบ ไม่เลย ยังไงร้อยเอกก็ยังเป็นคนที่ไม่ได้รับสิทธิ์นั้นอยู่ดี

ไม่อยากน้อยใจ เพราะรู้ว่าพี่เมืองมีเรื่องเครียดอยู่แล้ว แต่เจอแบบนี้ เป็นใครก็ต้องน้อยใจทั้งนั้นแหละ

คิดถูกหรือคิดผิดที่มาด้วยกันนะ



(⺣◡⺣)♡*



ร้อยเอกยังไม่พูดอะไรตั้งแต่ขึ้นรถมา ทอดสายตามองถนน และขับรถไปเงียบๆ เปิดวิทยุเพื่อใช้บทเพลงเพราะๆ จากการเลือกสรรของดีเจบรรเทาอารมณ์ขุ่นมัว แต่เพลงพวกนั้นช่วยให้บรรยากาศสีเทาลอยออกจากรถของเขาไม่ได้เลย

เขาไม่ใช่คนขี้น้อยใจ ไม่ใช่เด็กงอแงขนาดนั้น พยายามไม่คิดไปเอง หวังว่าความเงียบจะทำให้คนตัวเล็กเรียบเรียงสิ่งต่างๆ และยอมเล่าเรื่องบ้านที่ภานุรักษ์พูดถึงให้เขาฟัง

อีกครึ่งทางจะถึงบ้านอยู่แล้ว เมืองน้ำยังนิ่งเฉย

รู้มั้ยว่าตัวเองน่ะเงียบยิ่งกว่าเขาเสียอีก

ร้อยเอกชะลอความเร็วรถ หมุนพวงมาลัยเทียบรถเข้าข้างทาง ก่อนเปลี่ยนตำแหน่งปลายเท้าเป็นแตะเบรกเพื่อหยุดการเคลื่อนที่ของเครื่องยนต์ เขาปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย หมุนตัวเข้าหาตุ๊กตาหน้ารถที่มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ และวางเรียวแขนไว้บนพวงมาลัยเพื่อใช้เป็นที่พิง

“จอดทำไมเหรอ”

“จอดเพื่อฟังพี่เมืองไง”

“…”

“ไม่อยากให้เราทะเลาะกัน หรือไม่คุยกันอีก ผมไม่ชอบโมเมนต์นั้น”

“…”

“เล่าให้ฟังหน่อยนะครับ”

เล่าให้ฟัง...

เรื่องที่พี่รักษ์พูดทิ้งท้ายไว้น่ะเหรอ

เมืองน้ำอยากพูดนะ ตลอดเวลาที่นั่งนิ่งๆ บนรถ ก็พยายามร้อยเรียงสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจ ไม่ใช่ไม่อยากเล่า แต่มันยากที่จะพูดออกมา

“คือพี่...”

“…”

“คิดว่าจะขายบ้านน่ะ”

“ขายบ้าน?”

“อื้อ ขายบ้าน”

อย่างที่คิดไว้เลย พอบอกร้อยเอกแบบนี้ คนตัวสูงก็ดูตกใจขึ้นมาทันที

“เพื่อนพี่รักษ์อยากซื้อต่อ แต่ก็ยังไม่ได้นัดมาดูบ้านหรืออะไรนะ แค่คุยกันไว้เฉยๆ ว่าอยากจะขาย”

“ทำไมต้องอยากขาย ขายแล้วพี่เมืองจะไปอยู่ที่ไหน”

“พี่กับแม่หาบ้านเช่าไว้แล้ว แถวๆ นครปฐม ไกลจากสุวรรณภูมิมากเลยเนอะ แต่มันโอเคนะ ร่มรื่น สวย ค่าเช่าก็ไม่แพง”

“ผมไม่ให้ย้าย”

“…”

“อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี จะย้ายง่ายๆ ได้ไง เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมพี่เมืองไม่บอก ผมคิดว่าเราจะสนิทกันจนคุยได้ทุกเรื่องแล้วนะตอนนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละ แบบที่พี่เมืองเคยพูด คนสนิทกัน ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของกันและกันก็ได้”

เมืองน้ำไม่ชอบร้อยเอกเวอร์ชั่นนี้

“ผมคงคิดไปเองว่าเราสนิทกัน”

โวยวาย เอาแต่ใจ พูดเสียงแข็งใส่กันโดยที่ไม่แคร์ว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง

“ฟังกันก่อนได้มั้ย แล้วค่อยตัดสินว่าตัวเองคิดไปเอง”

ไม่ชอบเอามากๆ

“นอกจากร้อยเอก ตอนนี้พี่ก็ไม่ไว้ใจใครเท่าร้อยแล้ว ทำไมต้องมาพูดเหมือนคนอื่นไม่ให้ความสำคัญกับตัวเองด้วย”

“พี่เมือง...”

“ถ้าไม่สำคัญจะให้ไปรับไปส่งมั้ย จะให้เข้ามาอ่านหนังสือในบ้านมั้ย จะให้ทำอาหารให้กิน จะไปซื้อของ หรือไปกินโจ๊กหน้าเซเว่นเป็นเพื่อนร้อยเอก จะชวนมางานวันนี้ทั้งที่พี่ชวนคนอื่นก็ได้แบบนี้มั้ย ทำไมร้อยไม่คิดถึงตรงนี้บ้าง”

“…”

“หรือว่าอคติกับพี่จนไม่อยากญาติดีกันแล้ว ที่บอกว่าไม่ได้เกลียด ที่บอกว่าเป็นน้องชายให้พี่ก็ได้ พูดจากใจจริงๆ รึเปล่า”

“พี่เมือง...อย่าร้อง”

“ไม่ต้องมาพูด” เมืองน้ำกะพริบตาไล่ไอร้อนผ่าว เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังจะร้องไห้ก็ตอนที่คนตรงหน้าพูดขึ้นมานี่เอง “ไม่อยากฟังแล้ว”

และคนที่ต้องน้อยใจ...

“เบื่อคนใจร้าย เบื่อมาก เบื่อร้อยเอก”

คือเมืองน้ำต่างหาก : (



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง[/center]



เข้าสู่ครึ่งหลังของเนื้อเรื่องแล้วววว
ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์เลยนะคะ <3

ps. เรื่องนี้ยังเป็นฟีลกู้ดที่อ่านได้เรื่อยๆ ทุกเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาจะทำให้ความสัมพันธ์ของตัวละครก้าวไปข้างหน้า เข้ามาแล้วผ่านไป สบายใจได้เลยยย ♥︎
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.12 ☆ เราสนิทกัน (17/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 17-10-2018 15:27:45
โธ่เมืองน้ำตัวน้อยของพ่อ อย่าร้องสิลูกกก :m15:
ที่บ้านต้องมีปัญหาอะไรแน่เลยถึงต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้ พี่รักษ์ก็รู้จักใช้จุดนี้เป็นประโยชน์จริงๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.12 ☆ เราสนิทกัน (17/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-10-2018 16:47:29
โดนงอนกลับเฉยร้อยเอก  TT
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.12 ☆ เราสนิทกัน (17/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-10-2018 17:51:27
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.12 ☆ เราสนิทกัน (17/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Josett ที่ 17-10-2018 20:01:25
เป็นความสำคัญที่แปลกๆ ถ้าสำคัญทำไมไม่เล่าให้ฟังหละน้อยใจน้องกลับอีก
มันจะได้คบกันวันไหนหละคู่นี้ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.12 ☆ เราสนิทกัน (17/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 17-10-2018 20:21:28
สงสารพี่เมืองงงงง พี่เมืองตัวเร้กๆ ของน้องไม่ร้องนะคะ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.12 ☆ เราสนิทกัน (17/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 17-10-2018 22:39:37
โอ้ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.12 ☆ เราสนิทกัน (17/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 18-10-2018 15:54:36
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.12 ☆ เราสนิทกัน (17/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 25-10-2018 15:41:11
13
ไปกินดิน = ชอบร้อยเอกมาก




เรื่องปากหมาที่สั่งสมบารมีมาทั้งชีวิต ร้อยเอกพอเข้าใจว่าทำไมถึงมีคำพูดแย่ๆ หลุดจากเขา แต่เรื่องความใจร้อน ทำตัวเหมือนคนไม่รู้จักโต ไม่รู้ไปคว้ามาจากไหน ถึงกลายเป็นฟังคำอธิบายของคนอื่นไม่จบไปได้

เพราะได้ยินว่าคนที่อยู่ใกล้กันมากว่าสามปีกำลังจะย้ายไปอยู่ที่อื่น ถึงจะยังไม่ตัดสินใจ แต่แค่คิดว่าห้องตรงข้ามจะไม่ใช่ห้องของเมืองน้ำ เป็นของคนอื่นที่มาซื้อต่อ แค่นั้นก็ทนไม่ไหวแล้ว

ชีวิตที่ไม่มีเมืองน้ำ ร้อยเอกยอมไม่ได้หรอกนะ

เข้ามาอยู่ในชีวิตคนอื่นแล้ว จะเดินออกไปง่ายๆ ได้ยังไง

ขอบคุณที่เมืองน้ำไม่ร้องไห้ แค่น้ำตาคลอ ร้อยเอกก็รู้สึกผิดจนแทบบ้า เขาปล่อยให้เมืองน้ำสงบสติอารมณ์ ไม่กล้าพูดอะไรในตอนนั้น ตำหนิตัวเองในใจและหยุดเลือดร้อนๆ ที่ปะทุอยู่ในกายไปด้วย

เหตุการณ์เล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นกับใครสักคน แต่กลับยิ่งใหญ่ และมีผลต่อความรู้สึกของเขา

พี่เมืองน่ะ...สำคัญกับร้อยเอกจริงๆ

‘กลับบ้านก่อนนะครับ แล้วเราค่อยคุยกันใหม่’

อีกคนทำเพียงพยักหน้ารับ ไม่ส่งเสียงตอบ ไม่มองหน้าเขา ซึ่งก็สมควรแล้วที่เมืองน้ำจะมีท่าทีแบบนี้ เขาที่ดึงตัวเองกลับสู่ความปกติได้เพิ่มช่องว่างให้อีกคนโดยการขับรถกลับบ้านโดยไม่พูดอะไร ไม่อยากให้คนสำคัญของเขารู้สึกอึดอัด หรือรู้สึกว่าเขาเป็นคนใจร้ายอีก

มาวินเคยด่าเขาด้วยคำที่แรงกว่านี้ร้อยเท่า ยังไม่เจ็บเท่า ‘คนใจร้าย’ คำเดียวเลย

ร้อยเอกหยุดรถเมื่อขับมาถึงหน้าบ้านเมืองน้ำ ปลดล็อกประตูอีกฝั่งให้ แต่อีกคนกลับนั่งเฉย เพราะแบบนั้นเลยปล่อยให้เสียงเพลงจากวิทยุซึมซับเอาความอึดอัดระหว่างเราออกไป

ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างล้มเหลว ร้อยเอกเลยปิดเครื่องรับวิทยุ และหันไปมองคนข้างกาย

“ขอโทษครับ”

เมืองน้ำหันมองเขา ถอนหายใจเบาๆ ขณะรอฟังประโยคถัดมา

“น่าจะฟังให้จบก่อน แต่ก็ระงับอารมณ์ไม่ได้ แถมยังพูดไม่คิด”

“…”

“ต่อไปจะระวังมากกว่านี้ ผมขอโทษจริงๆ”

“ไม่เป็นไร” ริมฝีปากนุ่มเม้มจนเป็นเส้นตรง ตาคู่หวานที่พยายามหันมองทางอื่นเบือนกลับมาสบกับคนตัวสูง “พี่ก็ขอโทษเหมือนกันที่โวยวาย”

ฝนตกอีกแล้ว ชุ่มฉ่ำพร้อมกับความอึดอัดที่กำลังเลือนหาย ขอบคุณที่ตกได้ตรงจังหวะพอดี เพราะเมืองน้ำเชื่อเหลือเกินว่าหยาดฝนทำให้รู้สึกดีมากกว่าเสียงเพลงในวิทยุ

แต่ทั้งสองอย่างนี้ ไม่ว่าสิ่งไหนก็เทียบไม่ได้กับคำขอโทษที่เราต่างมอบให้กันและกัน

“ถ้างั้นเราหายกันแล้วนะ”

เมืองน้ำส่งเสียงตอบในลำคอ คลี่ยิ้มให้คนตรงหน้าที่ยิ้มให้ตนก่อน

“ที่พี่เมืองบอกว่าผมสำคัญ...”

“พี่พูดจริงนะ”

“…”

“ไม่มีคำไหนโกหกเลย”

“ผมเชื่อ แล้วผมก็อยากรู้ว่า...”

ร้อยเอกนิ่งไปครู่หนึ่ง คล้ายทบทวนสิ่งที่กำลังจะพูดต่อ ยิ่งนาน อกข้างซ้ายของเมืองน้ำก็ยิ่งเต้นรัว ไม่รู้หรอกว่าอีกคนจะพูดอะไร แต่ลางสังหรณ์มันบอกว่าเรื่องที่เจ้าตัวจะพูด คือเรื่องที่ทำให้ใจดวงนี้ไม่สามารถอยู่อย่างสงบสุขได้

“สำหรับพี่เมืองแล้ว ร้อยเอกสำคัญกว่าคนที่พี่เมืองชอบหรือเปล่า”

ร้อยเอกเข้าใจว่าเมืองน้ำชอบคนอื่น เห็นได้ชัดจากประโยคที่เอ่ยออกมา

อย่างที่คิดเลย...หัวใจเมืองน้ำกำลังเต้นระรัว สั่นรุนแรงเพราะไม่คิดว่าร้อยเอกเข้าใจแบบนี้

“บอกไปแล้วอย่าเกลียดพี่นะ”

จู่ๆ ก็ไม่กล้าสบตาขึ้นมาซะงั้น

“ร้อยเอกกับคนที่พี่ชอบ สำคัญเท่ากัน”

“ครับ?…ทำไมสำคัญเท่ากัน”

บอกไปสิ...

“ให้ร้อยสำคัญกว่าไม่ได้เหรอ”

บอกไปเลยเมืองน้ำ โอกาสบอกชอบมาแล้ว พูดออกไป

“ไม่เป็นไร ยังไม่ต้องตอบก็ได้ เอาไว้ตอบทีหลัง ตอนนี้เราต้องเข้าบ้าน”

“…”

“แล้วพี่เมืองก็ต้องเล่าเรื่องที่ยังเล่าไม่จบให้ฟังด้วยนะ จะไม่ขัดแล้ว จะฟังจนกว่าจะจบเลย”

สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว...

เมืองน้ำก็ยังเป็นแค่คนแอบชอบที่กลัวว่าบอกไปแล้วทุกอย่างที่เป็นอยู่จะเปลี่ยนไปนั่นแหละ จากที่เป็นผู้ฟังที่ดีให้ อาจจะกลายเป็นคนที่ไม่เคยพูดดีใส่กันเหมือนเมื่อก่อนก็ได้

ไหนๆ ก็อยากสำคัญมากกว่าคนที่ชอบ ถ้าร้อยเอกอยากเป็นคนคนนั้นที่เมืองน้ำชอบก็คงดี

จะมีโอกาสที่เราจะใจตรงกันบ้างมั้ยนะ



(⺣◡⺣)♡*



‘เมื่อก่อนพ่อกับแม่เป็นคู่รักที่รักกันมาก พี่ไม่เคยเห็นพวกท่านทะเลาะกันเลย ตั้งแต่เด็กๆ บ้านเรามีแต่ความสุข พี่อยากได้อะไร พ่อกับแม่ก็หามาให้ อยากไปเที่ยวที่ไหนก็พาไป เราเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก แล้วพี่ก็คิดว่าเราจะเป็นอย่างนี้ไปตลอด แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่’

‘ทำไมครับ’

‘...’

‘พี่เมือง’

‘ขอโทษๆ พี่ใจลอยไปหน่อย’

‘ไม่เป็นไร เล่าต่อเถอะ’

‘พวกท่าน...หมดรักกันนานแล้ว หลังจากย้ายมาอยู่ที่นี่ได้สักพักก็เริ่มรู้ตัว แม่บอกว่าทะเลาะกันบ่อยมาก แต่พี่ไม่เคยเห็น’

‘...’

‘ในสายตาพ่อแม่ ต่อให้โตแค่ไหน เราก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ไม่มีใครอยากให้พี่รู้ รอให้พี่เรียนจบก่อนค่อยบอก จนวันนึงที่พี่ไปเห็นเองที่บริษัทของพ่อนั่นแหละ แม่ถึงเล่าให้ฟัง แล้วอะไรๆ ก็แย่ไปหมด’

‘...’

‘คนเราน่ะ หมดรักกันได้ด้วยเหรอ ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว สร้างครอบครัวมาด้วยกันตั้งนาน ทำไมถึงไม่อยู่ด้วยกันตลอดไปล่ะ ในหัวพี่มีแต่คำถาม จนบางทีก็รู้สึกว่าเรายังไม่โตเหมือนที่พ่อแม่คิดจริงๆ นั่นแหละ พี่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่ทำให้พ่อกับแม่กลับมารักกันได้ พยายามคุยทุกวิถีทาง แต่พวกท่านแยกกันอยู่ไปแล้ว ตัดสินใจไปแล้ว และนัดวันหย่าเอาไว้แล้ว พี่เปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย’

‘...’

‘พ่อมีแฟนใหม่แล้ว พี่เคยตามไปดู...ดูมีความสุขกับคนคนนั้นมากเลย มีความสุขกว่าตอนอยู่กับแม่อีก จนวันนี้ภาพที่เห็นยังติดตาอยู่เลย ลบยังไงก็ลบไม่ออก ไม่รู้ว่าพ่ออยากทำให้พี่ดีขึ้นกับเรื่องตรงนี้หรือเปล่า พ่อถึงพยายามขอให้พี่ไปอยู่กับพ่อหลังหย่ากับแม่เสร็จ แน่นอนว่าแม่ไม่มีทางยอม’

‘คุณน้าไม่ยอม...เพราะแบบนี้เลยมีปัญหาเรื่องเงินเหรอครับ’

‘อื้อ...’

‘เล่าต่อได้มั้ย มีอะไร เก็บเรื่องไหนไว้ก็เล่าออกมาเลย’

‘...’

‘พี่เมืองอย่าเก็บไว้คนเดียวเลยนะ’

‘...’

‘...’

‘หลังจากนั้นพ่อก็ไม่กลับมาบ้านอีกเลย’

‘...’

‘พ่อประชดแม่โดยการไม่ส่งค่าใช้จ่ายอะไรมาจนกว่าแม่จะยอมให้พี่ไปอยู่กับพ่อ เมื่อก่อนพวกท่านรับผิดชอบร่วมกัน แต่พอตัดขาด ทุกอย่างเป็นหน้าที่ของแม่ พี่ก็เลยทำงานเยอะๆ เพื่อเอาเงินมาจ่ายแทนแม่ แล้วก็ขอให้แม่เก็บเงินไว้ใช้ในอนาคตที่ไม่รู้จะเป็นยังไงแทน’

‘...’

‘หลังจากขายรถ พี่ก็เพิ่งมารู้ว่าพ่อไม่ยอมจ่ายค่าผ่อนบ้านด้วย เราค้างไว้หลายเดือนแล้ว รวมแล้วก็เยอะเหมือนกัน พี่กับแม่ก็เลยคิดว่าถ้าเราย้ายไปอยู่ที่อื่นที่ใช้เงินน้อยกว่านี้ ก็คงลดปัญหาได้อีกหน่อย’

‘แล้วพ่อพี่เมืองยอมมั้ย’

‘ไม่รู้สิ’

‘...’

‘ไม่อยากใช้คำว่าทิ้ง แต่พ่อก็เหมือนทิ้งเราไปจริงๆ วันนั้นที่บอกว่าไปหาพ่อ พี่ดีใจมากเลยนะ แต่พ่อก็เอาแต่พูดเรื่องที่ให้พี่เลือกเขาหลังหย่ากับแม่ จนพี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว’

‘ถามอะไรหน่อยสิ’

‘ว่าไง’

‘ชื่อเพจพี่เมือง ได้มาจากพ่อเหรอครับ ผมเพิ่งเห็นคำนี้บนกรอบรูปตรงหน้าทีวี’

‘ใช่ พ่อเขียน Charming Boy ใส่อัลบั้มรูปของพี่ตอนเด็กๆ ทุกหน้า พี่ชอบ ก็เลยเอามาใส่เป็นชื่อเพจ แต่เดี๋ยวจะเอาออกแล้วล่ะ’

‘...’

’คนที่เป็นฮีโร่ของเรามาทั้งชีวิต ทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นคนที่ทำให้เราเสียใจที่สุดก็ไม่รู้’

เมืองน้ำไม่เล่าต่ออีกเลยหลังจากนั้น เป็นคำถามที่พูดกับตัวเองมากกว่าต้องการคำตอบจากคนฟัง เวลาล่วงเลยมากว่าสิบนาทีแล้ว ร้อยเอกเองก็หมดข้อสงสัยในสิ่งที่อยากรู้ เขาคิดว่าสิ่งที่คนตัวเล็กเล่ามามันเพียงพอที่จะไขข้อสงสัยในใจของเขาทั้งหมด

เพราะแบบนี้พี่เมืองถึงต้องทำงานหนัก

เพราะแบบนี้ถึงไม่เห็นคุณอามาหลายเดือน

เพราะแบบนี้พี่เมืองถึงอยากย้ายบ้าน

เมืองน้ำเอาทุกเรื่องแบกไว้บนบ่า แต่ตัวเล็กแค่นี้เอง แบกไหวได้ไงนะ ถ้าเป็นเขา ต่อให้โตแค่ไหน ก็ทำใจเรื่องพ่อแม่เลิกกันในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ได้อยู่ดี

เก่งจริงๆ ลูกหมาของร้อยเอกเนี่ย

“ผมไปหาอะไรให้ดื่มนะ”

ใบหน้าขาวที่ดูผ่อนคลายมากขึ้นขยับตอบรับช้าๆ มองคนตัวสูงที่ลุกจากโซฟา ก้าวไปยังห้องครัวจนแผ่นหลังกว้างลับหายไป ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กและเสียงกดน้ำร้อนดังจากตรงนั้น แค่ไม่กี่นาทีเด็กที่นั่งฟังเมืองน้ำอย่างใจเย็นก็เดินกลับมาพร้อมแก้วนมอุ่นๆ

“ดื่มก่อน จะได้หายหนาว”

ที่จริงก็ไม่หนาวเท่าไหร่ ตั้งแต่ให้ร้อยเอกเอารถเข้ามาจอดในบ้าน พามานั่งในห้องนั่งเล่นเพื่อระบายเรื่องตัวเอง ยังไม่เปิดแอร์เลยด้วยซ้ำ ความเย็นที่ได้มาจากฝนที่ตกไม่หยุด และเมืองน้ำคิดว่าแอร์ในรถร้อยเอกน่ะหนาวยิ่งกว่าอากาศตอนนี้เสียอีก

แต่ร้อยเอกอุตส่าห์ชงนมมาให้เลยนะ เมืองน้ำจะไม่ขัดอะไรแล้วกัน

“ขอบคุณครับ หายหนาวขึ้นเยอะ”

ร้อยเอกยิ้มจางๆ พร้อมนั่งลงที่เดิม ตำแหน่งข้างกายเจ้าของบ้าน มองริมฝีปากสีธรรมชาติที่เปื้อนคราบนมแล้วยิ้มออกมาอีกรอบ

เหมือนเด็กสิบขวบจริงๆ

“สบายใจมากขึ้นด้วย ถ้าไม่มีร้อยเอก พี่คงไม่รู้จะไประบายกับใคร” เมืองน้ำวางแก้วนมลงบนโต๊ะด้านหน้าโซฟา

“ไม่เป็นไร ผมเต็มใจฟังนะ ต่อไปนี้ถ้าพี่เมืองเครียดเรื่องไหน ก็อย่าเก็บไว้คนเดียว”

“รู้แล้วๆ ไม่เก็บไว้คนเดียวแล้ว จะเล่าให้ฟังทุกอย่างเลย”

“น่ารัก”

“…?”

“หมายถึงลายแก้วนมพี่อ่ะ น่ารักดี”

คนฟังร้องอ้อเบาๆ ส่วนคนหลุดปากพูดได้แต่ทำเป็นมองแก้วนมเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในคำแก้ตัว

ถึงจะบอกว่าชมลายบนแก้วนมก็เถอะ แต่ความรู้สึกบางอย่างก็บอกเมืองน้ำซ้ำๆ ว่าอย่าเชื่อร้อยเอกเรื่องนี้ คนอย่างร้อยเอกน่ะเหรอ จะชมแก้วมัคที่มีการ์ตูนง่ายๆ สกรีนไว้บนแก้ว

แต่ลายนี้...ก็น่ารักจริงๆ นะ

“พี่เมือง”

ดวงตาสองคู่กลับมาสบกันอีกครั้ง เป็นเมืองน้ำเองที่ลดสายตามองมือแกร่งที่เคลื่อนมาจับมือของตัวเองไว้ ร้อยเอกจับไว้หลวมๆ ชั่งใจหลายวินาทีก่อนจะกระชับแรงบีบ

“ผมอยู่ตรงนี้นะ”

“อะไรเหรอ”

“ก็บอกว่าผมอยู่ตรงนี้ไง”

“รู้แล้วว่าอยู่ตรงนี้ แต่ช่วยขยายความหน่อยได้มั้ย พี่ไม่เข้าใจร้อยเลย”

ร้อยเอกไม่ยกมือบางออกไปวางบนตักของเขา ทำเพียงเพิ่มแรงบีบเมื่อได้ยินเมืองน้ำพูดออกมา

“ผมใช้คำซึ้งๆ ไม่เก่ง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“…”

“พี่เมืองยังมีน้องชายข้างบ้านที่เป็นคู่กัดตลอดกาลคนนี้นะ”

รู้มั้ยว่าเมืองน้ำชอบร้อยเอกตรงไหนที่สุด

ตรงนี้ไง...ตรงที่ไม่ว่าชีวิตจะเจอสถานการณ์แบบไหน ไม่ว่าร้ายหรือดี จะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้อง ก็จะมีเด็กคนนี้วนเวียนอยู่ในชีวิตตลอด

อยากขอบคุณซ้ำๆ อยากให้ร้อยเอกรู้ว่ามีความสุขแค่ไหนที่ความสัมพันธ์ของเรามาถึงจุดนี้ได้

“นี่”

“ครับ”

“รู้มั้ยว่าทำไมร้อยเอกถึงสำคัญเท่าคนที่พี่ชอบ แล้วทำไมถึงสำคัญกว่าคนที่พี่ชอบไม่ได้”

“ผมไม่รู้ แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย”

“ทำไมล่ะ”

“ก็ไม่อยากสำคัญน้อยกว่าคนที่พี่เมืองชอบไง”

เมืองน้ำน่ะ...ชอบร้อยเอกมากจริงๆ

“แล้วร้อยเอกไม่คิดเหรอว่าสองคนนี้...”

“…”

“เป็นคนเดียวกัน”

ชอบจนรู้สึกว่าปล่อยให้ช่วงเวลาแบบนี้ผ่านไปไม่ได้แล้ว

“พี่เมืองอย่าพูดบ้าๆ นะ”

เมืองน้ำเคยคิดว่าการบอกชอบร้อยเอกเป็นเรื่องอันตรายที่สุดในชีวิต เป็นความเสี่ยงที่ผลลัพธ์มีแต่เสียกับเสีย ถึงเราจะไม่ทะเลาะกันแล้ว แต่การที่เมืองน้ำไม่ตรงสเป็กร้อยเอกเอาเสียเลยก็เป็นเรื่องยากที่อีกฝ่ายจะรู้สึกเหมือนกัน

และเมืองน้ำก็ไม่เก่งถึงขั้นเดาใจใครออกทั้งหมด แต่การที่ร้อยเอกอยากสำคัญกว่าคนที่เมืองน้ำชอบ ก็ช่วยทำให้เมืองน้ำอยากจะลองเข้าข้างตัวเองสักครั้ง

“พี่ไม่ได้พูดบ้าๆ พี่พูดความจริง”

“พี่เมือง”

“พี่ชอบร้อยเอกจริงๆ นะ ชอบมากเลย ชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้”

“เฮ้ยพี่ ผมไม่ตลก”

“พี่ก็ไม่ตลก”

“…”

“พี่ชอบร้อยจริงๆ”

“แป๊บนะ”

มันควรจะมีผลลัพธ์อยู่สองทางคือสมหวังกับไม่สมหวัง ซึ่งเมืองน้ำก็โอเคถ้าอีกคนจะตอบกลับมาตรงๆ ว่าไม่คิดอะไรด้วย เพราะที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้มาตลอด แค่ครั้งนี้อยากลองเข้าข้างตัวเอง ก็เลยบอกออกไปตรงๆ

ทำไม...

ทำไมร้อยเอกถึงขอตัววิ่งออกไปหน้าบ้าน แล้วตะโกนลั่นสู้เสียงฝนอย่างนั้นล่ะ

“ดีใจโว้ยยย!!!”

คนตัวสูงใจเต้นเหมือนมันจะหลุดออกจากร่าง ทุกคำที่พี่เมืองพูดมาเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย และดูเหมือนเป็นความฝันด้วยซ้ำ แต่ร้อยเอกทดลองหยิกแขนตัวเองดูแล้ว นี่ไม่ใช่ความฝัน เพราะตั้งตัวไม่ทัน เลยวิ่งออกมาสงบสติอารมณ์ด้านนอก

พอตั้งสติได้ก็รีบยกมือปิดปากตัวเอง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเผลอตะโกนออกไปอย่างน่าอาย และยิ่งอายเมื่อตัดสินใจเดินกลับเข้าไปด้านในแล้วเห็นว่าเมืองน้ำกำลังมองเขาอยู่

ต้องเป็นฉากระบายความในใจที่จบด้วยความซึ้ง ไม่ใช่ฉากโดนสารภาพรักจากคนที่เคยทำให้เศร้าจนถึงขั้นไม่มีสมาธิอ่านหนังสือ เพราะเข้าใจว่าอีกคนชอบคนอื่นแบบนี้สิ

โง่มากร้อยเอก

สมแล้วที่โดนมาวินด่า

“เอ่อ...”

ฉิบหาย!

พี่เมืองแก้มแดงโคตรน่ารัก

“ผม…”

เอาว่ะร้อยเอก ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว สารภาพรักกลับไปเลย อย่ามัวแต่พูดติดอ่าง พูดออกไปสิ

“ผมก็…”

“…”

“ผมก็ชอบพี่เมือง...”

ปี๊นนนน! ปี๊นนนน!

ไม่ใช่แค่ร้อยเอกคนเดียวหรอกที่ใจเต้นเหมือนจะหลุดออกจากร่าง เมืองน้ำที่ฟังประโยคเมื่อกี้ทันก่อนเสียงแตรรถจะดังจากรั้วบ้านก็ตกใจไม่ต่างกัน

เมืองน้ำจำได้ดีว่าเป็นรถของแม่ ทำให้สติที่กระเจิดกระเจิงค่อยๆ หวนกลับ บทสนทนาที่ควรมีมากกว่านี้ชะงักกลางคันทันทีเมื่อเจ้าของบ้านอีกคนบีบแตรซ้ำ

“พี่...ไปเปิดรั้วให้แม่ก่อนนะ”

“ครับ”

เขินจะตายแล้ว อย่าใช้น้ำเสียงอย่างนั้นสิ

คนตัวเล็กรีบเดินไปกดรีโมทเพื่อเปิดรั้วบ้านให้ผู้เป็นแม่ สวมรองเท้าและเดินออกไปพร้อมร่มคันใหญ่ แม้ถูกหยาดฝนลดความชัดเจนลงไปบ้าง แต่เมืองน้ำก็เห็นแววตาแปลกใจตอนท่านเจอรถร้อยเอกจอดอยู่ก่อนแล้ว

นิรดามองลูกคนเดียวของเธอด้วยความไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นเด็กตัวสูงที่เดินตามหลังเมืองน้ำออกมายิ่งหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมเด็กๆ ที่ไม่เคยญาติดีถึงพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ในบ้านของเธอได้

มีอะไรเกิดขึ้นตอนเธอไม่อยู่งั้นเหรอ

“เมืองน้ำ”

“ครับแม่”

“เป็นอะไร แก้มแดงเชียว ไม่สบายเหรอ”

“เปล่าครับ” แก้มกลมๆ ขยับไหวตอนเมืองน้ำส่ายหน้าปฏิเสธ

“ทำไมร้อยเอกอยู่ที่นี่ล่ะลูก”

“เรื่องมันยาวครับ เข้าบ้านกันดีกว่า”

เมืองน้ำพรูลมหายใจเมื่อนิรดาเปลี่ยนความสนใจมาที่ของฝากตรงเบาะหลัง ร้อยเอกอาสาเป็นคนช่วยยกของทั้งหมด คนตัวเล็กที่คิดว่าจะเดินตามแม่เข้าบ้านเลยต้องรับหน้าที่กางร่มให้เด็กดีก่อน

พออยู่ด้วยกันสองคน เหตุการณ์ชวนใจเต้นก็ฉายซ้ำอีกจนได้

“ไม่มีอะไรแล้วนะ”

“อือ หมดแล้วแหละ เข้าบ้านกันดีกว่า” ก้าวถอยเพื่อให้คนตัวสูงที่ถือถุงของฝากเต็มไม้เต็มมือยืนได้ถนัด

“พี่เมือง”

“อะไร”

“เสียงเข้มว่ะ ไม่เห็นเหมือนตอนบอกว่าชอบผมเลย”

“ร้อยเอก!”

ร้อยเอกหลุดขำกับท่าทีน่าหยิกของคนตรงหน้า เมืองน้ำอยากเอามือฟาดเขาเต็มแก่ เห็นแค่นี้ก็พอดูออก แต่ครั้งนี้ เขามั่นใจว่าตัวเองรอด เมืองน้ำจะไม่กล้าทำอะไรเขาแน่ๆ

“ยิ้มเยอะๆ เลยนะครับ ร้อยชอบเห็นพี่เมืองมีความสุข”

“พี่ก็ชอบตอนร้อยแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นเหมือนกัน น่ารักดี”

“ให้พี่เมืองน่ารักไปคนเดียวเถอะ แค่นี้ก็ไม่เหลือให้คนทั้งโลกละ”

“พอแล้ว”

“…”

“หยุดทำหน้าระรื่นด้วย เข้าบ้านเดี๋ยวนี้เลย”

“คร้าบบ~”

บอกแล้วไงว่าเมืองน้ำไม่กล้าทำอะไร เพราะแค่นี้ก็เขินจนไม่เหลือแรงมาเถียงกับเขาแล้วล่ะ

ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้เมืองน้ำจะมีความสุขในทุกครั้งที่อยู่กับเขา และหยุดเครียดกับปัญหาภายในครอบครัวที่กำลังเกิดขึ้นสักที

มีเขาอยู่ตรงนี้ และเขาจะเป็นความสบายใจให้เมืองน้ำเอง



(⺣◡⺣)♡*



พ่อกับแม่ออกกองต่างจังหวัดหลายวัน ส่วนสิบเอกต้องไปดูโชว์ไอซ์สเก็ทซ์ที่สยาม พี่ชายคนโตอย่างพันเอกที่สัญญากับน้องว่าจะพาไปเลยให้น้องไปอยู่ที่คอนโด เพราะต้องอยู่บ้านคนเดียว เลยต้องฝากท้องไว้กับบ้านเมืองน้ำ

มื้อเย็นจบลงตอนสองทุ่มเศษ เขาไม่มีโอกาสได้คุยกับเมืองน้ำมากนัก คนตัวเล็กช่วยแม่ขนของในรถเข้าบ้าน ร้อยเอกจึงอาสาช่วยอีกแรง

เขาได้ขนมกลับมาบ้านหนึ่งถุง คุณน้าบอกว่าพี่เมืองเป็นคนฝากซื้อ เจาะจงใส่ชื่อร้อยเอกต่อท้ายขนมยี่ห้อนี้เลยทีเดียว ยิ่งทำให้เขาเอาแต่ยิ้มเหมือนคนไม่มีสติ พอให้อาหารเจ้าแก้บนเสร็จ ก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปแกะขนมกินทันที

เหมือนคนบ้า แต่ไม่ใช่ ร้อยเอกเป็นคนอินเลิฟต่างหาก

ใครจะคิดว่าพี่เมืองก็ชอบเขาเหมือนกัน

เห้อ...

ไม่เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อน



101 :
ตื่นยังจ๊ะ


วันนี้เขาตื่นเช้า ลุกมาแต่งตัวตั้งแต่เก้าโมง เมืองน้ำบอกว่าต้องไปถ่ายโฆษณาที่ภานุรักษ์ติดต่อไว้เมื่อเดือนก่อน อยากให้ยกเลิกใจจะขาด แต่เพราะทำอย่างนั้นไม่ได้ เมืองน้ำเลยขอให้เขาไปเป็นเพื่อน

ได้ยินชื่อนี้แล้วเลือดในกายมันร้อนขึ้นมา ไม่ต้องเอ่ยขอก็เต็มใจไปด้วยอยู่แล้ว


101 :
ตื่นยังจ๊ะคลตัลล้าค


ไม่ได้หรอก ให้พี่เมืองเจอรุ่นพี่ขี้หลีบ่อยๆ ไม่ได้

เขาหึง


101 :
โถ่ อ่านแล้วก็ไม่ตอบ น้อยใจนะ


m.nam ☆° :
พิมพ์ดีๆ ก่อนสิ
แล้วจะตอบ


101 :
ดีๆ


m.nam ☆° :
ขอนุยาดกดตุ่มบล็อกเด้อ


101 :
พี่เมือง!


m.nam ☆° :
หยอกๆ
เห็นพิมพ์งี้แล้วขนลุกอ่ะ กลับมาเป็นร้อยเอกคนเดิมเถอะ


101 :
ร้อยเอกคนเดิมก็คือร้อยเอกที่พี่เมืองไม่ชอบอ่ะ
อยากเป็นร้อยเอกคนนี้ที่พี่เมืองชอบ
ได้ป้ะ


m.nam ☆° :
ไม่อยากคุยแล้ว


101 :
เขินอ่ะเด้


m.nam ☆° :
เกลียด!!!


101 :
อย่าเกลียดผมเลย ;-;
ชอบผมดีกว่า อิอิ
พี่เมืองก็ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมก่อนสิ
เหมือนที่เราเคยทำไง ทะเลาะกันทุกวันอะไรแบบนี้


m.nam ☆° :
มันจะเหมือนเดิมได้ไง
ไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้วร้อยเอก


101 :
เหมือนที่พี่ไม่ได้รู้สึกกับผมเหมือนเดิมใช่ป้ะ


m.nam ☆° :
ไปกินดินเหอะ


101 :
ไปกินดิน = ชอบร้อยเอกมาก


m.nam ☆° :
ประสาท!


101 :
ชื่นใจจัง


m.nam ☆° :
เลิกกวนได้แล้วววว
ถ้ายังกวนอยู่ พี่จะฟ้องมาวินนะ


101 :
ฟ้องเล้ย
นี่มันดีใจมากเลยนะที่ผมหายโง่สักที
มันอยากไปฉลองด้วย


m.nam ☆° :
ไปฉลองที่ไหนอ่ะ มีของกินมั้ย
อยากกินบุฟเฟ่ต์อีกๆ


101 :
พูดถึงของกินแล้วสนใจขึ้นมาเลยนะ
หวงว่ะ
#เมืองน้ำพุงแตก


m.nam ☆° :
block na krab nong’Ek
( ̄^ ̄)


เห็นคำว่าน้องเอกแล้วอยากบล็อกเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าคนใช้เป็นเมืองน้ำ ร้อยเอกคงไม่ปล่อยผ่านขนาดนี้

นี่พี่เมือง...

กลายเป็นข้อยกเว้นสำหรับคำนี้ไปซะแล้ว

ร้อยเอกที่สวมกางเกงขายาวตัวเดียวและเปลือยท่อนบนเดินไปนั่งลงบนเตียง ตำแหน่งที่มองเห็นห้องตรงข้ามได้ถนัด วางโทรศัพท์ไว้ด้านข้าง ยันร่างกายโดยพาดแขนไปด้านหลัง ทอดสายตามองระเบียงฝั่งตรงข้าม

ก่อนยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดม่านออกจนหมดตกใจกับสภาพเปลือยท่อนบนของเขาจนต้องดึงม่านปิดอีกครั้ง

ทำเป็นเขินไปได้ ไม่เห็นโป๊สักหน่อย

ร้อยเอกใส่ชั้นในตัวเดียวเดินทั่วห้อง เมืองน้ำยังเห็นมาแล้ว

สงสัยคราวหน้าต้องถอดให้หมด จะได้รู้ว่าเมืองน้ำมีอาการยังไง

เพราะแค่ถอดเสื้อยังน่าเอ็นดูขนาดนี้เลย



(⺣◡⺣)♡*

มีต่อ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.12 ☆ เราสนิทกัน (17/10/18) ⎮P.2
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 25-10-2018 15:42:21
ต่อ

.
.


เมืองน้ำขยี้ตากับภาพกึ่งเปลือยของร้อยเอกตั้งหลายรอบ อุณหภูมิบนแก้มร้อนขึ้นทุกทีที่คิด กว่าจะหยุดนึกถึงตอนที่เปิดม่านไปเจอแจ็คพ็อตในห้องฝั่งตรงข้าม ก็หลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน

คำขู่ที่ว่าจะบล็อกถ้าหากร้อยเอกยังไม่เลิกพิมพ์ข้อความกวนๆ ให้คนอ่านควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจไม่ได้ สุดท้ายก็เป็นคำขู่ที่ไร้ความหมาย นอกจากไม่ยอมทำตามแล้ว ร้อยเอกยังเพิ่มความกวนด้วยการพิมพ์แกล้งเมืองนำ้ไม่หยุดอีกด้วย

เมืองน้ำไม่เคยคิดเลยว่าเราจะใจตรงกัน ได้แต่หวังเล็กๆ และคิดว่าความหวังนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะงั้นเรื่องที่ร้อยเอกบอกว่าชอบเมืองน้ำ บางครั้งก็ทำให้เมืองน้ำทำตัวไม่ถูก

“ดูดีแล้ว ไม่ต้องส่องกระจกแล้วครับ”

อย่างเช่นครั้งนี้

“มานั่งได้แล้ว เดินไปเดินมาเมื่อยขาเปล่าๆ”

ร้อยเอกพูดพลางตบที่ว่างข้างกายเบาๆ ส่งสายตาแกมบังคับมาให้คนตัวเล็กที่กำลังเช็กความเรียบร้อยของชุดที่ใส่เพื่อถ่ายโฆษณาซีนแรกเดินมานั่งข้างเขา ริมฝีปากนุ่มบิดเบี้ยวราวเด็กถูกขัดใจ แต่ก็ยอมทำตามที่อีกคนบอก

“เอากำลังใจมั้ย จะได้มีแรงทำงาน”

ไม่ชินกับความอบอุ่นของร้อยเอกเลย...

“พี่เมือง เงียบทำไมเนี่ย”

“เปล่าๆ เอากำลังใจด้วยก็ได้”

คนฟังวาดยิ้ม เป็นยิ้มที่เล่นเอาใจเมืองน้ำเต้นรัวอีกรอบ จะบอกอีกครั้ง ย้ำซ้ำๆ ว่ายังไม่ชิน เมื่อก่อนยังมีคำว่าคู่กัดเป็นกำแพงคั่นกลางระหว่างเราไว้ แต่ตอนนี้...ไม่รู้ เมืองน้ำไม่รู้อะไรทั้งนั้น

ก็ยังเป็นคู่กัดนั่นแหละ แค่เป็นคู่กัดที่ดันชอบกันขึ้นมา

นี่ไง แค่พูดก็อยากสลายตัวเป็นผงต่อหน้าร้อยเอกให้รู้แล้วรู้รอด

“อ่ะ กำลังใจ” ร้อยเอกแตะมือบนอกข้างซ้าย กดลงไป แล้วนำมือข้างนั้นมาแตะบนไหล่เล็กเบาๆ สองที “สู้ๆ พี่เมืองเก่งอยู่แล้ว ถ่ายแป๊บเดียวก็เสร็จ”

“ขอบคุณนะ”

“สามร้อย”

“ไอ้บ้า”

“เอ้าพี่ ของฟรีไม่มีในโลกมั้ย”

ก็ใช่ ของฟรีไม่มีในโลก แต่เก็บเงินค่ากำลังใจกันแบบนี้ น่าเอามือฟาดแรงๆ

ถึงจะโดนกวนประสาท แต่เมืองน้ำก็ยังไม่ถอนคำพูดที่บอกว่าร้อยเอกอบอุ่นหรอกนะ จะบ้าตายแล้ว เดี๋ยวชอบเดี๋ยวหมั่นไส้ รู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก

“ไปทำงานเถอะครับ ผมจะออกไปรอข้างนอกแล้ว อยู่ในนี้นานๆ กลัวได้หาเรื่องคน”

ร้อยเอกหมายถึงภานุรักษ์ เจ้าของสตูดิโอที่ย้ำกับเขาสามรอบแล้วว่าคนนอกห้ามเข้าไปในพื้นที่ทำงาน ถ้าอยากรอก็ให้ไปรอข้างนอก ห้ามเข้ามาด้านในโดยไม่ได้รับอนุญาต เขาได้ยินประโยคแนวนี้ตั้งแต่มาถึง และเข้ามารอเมืองน้ำในห้องแต่งตัว

“อย่าอารมณ์ร้อนสิร้อยเอก ใจเย็นๆ”

“บอกเฉยๆ ยังไม่ได้หงุดหงิดเลย”

“แต่กำลังจะหงุดหงิด”

“ก็มันน่าหงุดหงิดมั้ยล่ะ”

แต่เห็นหน้าตาน่ารักของพี่เมืองแล้วความขุ่นเคืองก็หายไปซะดื้อๆ

ร้อยเอกโดนขมวดคิ้วใส่ก่อนเมืองน้ำจะถูกเรียกตัวให้ไปเตรียมพร้อม เขาออกมารอด้านนอก ก่อนเดินเข้าไปเห็นมีม้านั่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ แต่โชคไม่ดีที่ตรงนั้นโดนแดดสาดเข้ามาจนนั่งไม่ได้ นอกนั้นก็ไม่มีที่นั่งว่าง จะขับรถออกไปเดินเล่นในห้างแถวนี้ก็ไม่กล้าทิ้งให้เมืองน้ำอยู่คนเดียว

อีกหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จ นั่งเล่นเกมตรงเก้าอี้หน้าห้องน้ำก็แล้วกัน

“ไม่เห็นรู้เลยว่าคุณรักษ์คือพี่ใหญ่”

มือที่หยิบเครื่องมือสื่อสารจากกระเป๋ากางเกงชะงักค้าง ร้อยเอกรีบกดกลับมาหน้าโฮมก่อนเสียงในเกมจะดังประสานกับเสียงแปลกๆ ในห้องน้ำชาย เขารีบปิดเสียงโทรศัพท์ และตั้งใจฟัง

“ทำไมล่ะ แปลกใจเหรอ พี่ก็ไม่คิดว่าเราจะเป็นเด็กที่พี่เล็งไว้เหมือนกัน”

“แปลกใจสิครับ ก็ในทวิตพี่ใหญ่ดังจะตาย”

ร้อยเอกก้าวไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดไม่สนิท เหลือช่องว่างแคบๆ ให้พอมองเห็นด้านในได้ แววตาแฝงความสงสัยเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคนด้านในคือมารหัวใจอันดับหนึ่งของเขา

ภานุรักษ์...กับใครสักคน

ห้อยป้ายพนักงาน น่าจะเป็นคนของที่นี่

“ไม่ได้ดังขนาดนั้นหรอก แค่มีเข้ามาเรื่อยๆ”

“ดังสิ ไม่มีใครไม่รู้จักพี่ใหญ่เก้านิ้วหรอกครับ”

“เด็กเว่อร์”

อะไรวะเนี่ย...

“ไม่ไปล็อกประตูเหรอครับ เดี๋ยวคนมาเห็น”

“ตรงนี้ห้องน้ำส่วนตัว คนอื่นทำงานแล้ว ไม่มีใครเดินมาเห็นเราหรอก”

“อึก...ไปล็อกประตูก่อนครับ”

ก่อนจะรู้ว่าพี่ใหญ่เก้านิ้วคืออะไร ร้อยเอกควรพาตัวเองออกจากตรงนี้ เดินไปทางไหนก็ได้ที่จะพ้นภาพเรทอาร์จากคนทั้งคู่ ยืนมองต่อไปคงได้เห็นหนังโป๊จากคนทั้งคู่แน่ๆ

ร้อยเอกเดินมาหลบแสงแดดตรงโขดหินใต้ต้นไม้ในลานจอดรถ คงเป็นพื้นที่ที่ไกลที่สุดในตอนนี้แล้ว จะบ้าตาย ลมเย็นๆ ที่พัดผ่านมาไม่ช่วยให้ภาพที่สองคนนั้นนัวเนียแทบเป็นหนึ่งเดียวเลือนรางลงได้เลย

“แม่งเอ๊ย”

ทำไมต้องมาเห็นคนกำลังจะฟีทเจอริ่งเบ่เบ๋กันด้วยวะ

คนตัวสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อลบไม่ออก ก็ต้องสืบหาว่าชื่อที่เด็กอีกคนเรียกภานุรักษ์คืออะไร เขาจำได้แม่นกับคำว่าทวิต หมายถึงทวิตเตอร์เหรอ

ลองเสิร์ชดูหน่อยแล้วกัน


@touchmysexx กล่าวถึง @youcantfindmebitch : หวัดดีครับ พี่ใหญ่เก้านิ้ว
@touchmysexx กล่าวถึง @youcantfindmebitch : อยู่แถวไหนในกรุงเทพครับ
@touchmysexx กล่าวถึง @youcantfindmebitch : ชอบสดไม่สด
@touchmysexx กล่าวถึง @youcantfindmebitch : ผมอยู่จตุจักร


ผลลัพธ์ที่เจอทำเอาร้อยเอกขมวดคิ้ว เลื่อนดูซ้ำๆ เพราะเขาอาจจะค้นผิดคีย์เวิร์ดก็ได้ แต่ไม่เลย...นี่แหละถูกแล้ว แอ็กเคาต์ที่เจอคือสิ่งที่เขาตามหาจริงๆ

แต่นี่...ทำไมมีแต่รูปของสงวนกับคลิปตอนมีเซ็กส์

มาวินเคยพูดถึงแอ็กเคาต์ประเภทนี้ให้ฟัง เพื่อนรักของเขาเจอตอนเสิร์ชหางานทำส่งอาจารย์ และถ้าจำไม่ผิด บัญชีพวกนี้ คนในโซเชียลเรียกว่า...


พี่ใหญ่ 9”
@youcantfindmebitch
ข้อมูลส่วนตัว : หนีเมียมาเล่น แต่ปัจจุบันเลิกกับเมียแล้ว | ใหญ่มาก 9 นิ้ว | ใครอยากลองทัก DM | ซื้อคลิปเต็มแอดไลน์

@youcantfindmebitch
6 วันที่แล้ว
คิดถึงน้องคนนั้นจัง เมื่อไหร่จะได้แซ่บกับน้อง

@youcantfindmebitch
5 วันที่แล้ว
ขาว น่ารัก ตัวเล็ก สเป็กพี่ใหญ่

@youcantfindmebitch
4 วันที่แล้ว
เอว 25 ด้วย น้ำลายไหลละ อยากทำน้องแรงๆ เอาให้ช้ำจนเดินไม่ได้

@youcantfindmebitch
3 วันที่แล้ว
ใครอยากดูคลิปรอเลย รับประกันอีก 2 เดือนได้แน่ จัดสดชุดใหญ่ตามสไตล์พี่

@youcantfindmebitch
2 วันที่แล้ว
พรุ่งนี้ได้เจอน้องเค้าว่ะ ฮ่าๆ งานแฟชั่นโชว์

@youcantfindmebitch
1 วันที่แล้ว
ว้าา~ มากับคนใหม่ด้วย เสน่ห์แรงจริ๊ง

@youcantfindmebitch
วันนี้
ขาวมากจริงๆ ว่ะ หุ่นน่าเจี๊ยะสัส อย่างนี้ต้องโดนแรงๆ

.

.

.

แอคเค่อ



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง



เพิ่งว่างค่ะ แงง T^T
ผ่านเข้ามาแล้วผ่านไปจริงๆ นะคะ /)___(\

ปล. ได้แรงบันดาลใจบทพี่รักษ์มาจากตอนที่มีแอคเค่อติดแท็กนิยายเรื่องก่อนๆ มาค่ะ 555555
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.13 ☆ ชอบร้อยเอกมาก (25/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-10-2018 16:06:46
โอ้โห
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.13 ☆ ชอบร้อยเอกมาก (25/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 25-10-2018 22:03:18
พี่เมืองต้องระวังตัวดีๆ
ร้อยเอกต้องกันอิพี่รักษ์นี้นะ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.13 ☆ ชอบร้อยเอกมาก (25/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 26-10-2018 02:41:13
ร้อยเอก triggered!!!  :m31:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.13 ☆ ชอบร้อยเอกมาก (25/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-10-2018 12:32:23
ไม่คิดว่าจะบอกชอบกันแล้ว แต่ก็ซักที แงงงงงงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.13 ☆ ชอบร้อยเอกมาก (25/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 29-10-2018 23:13:52
14
จะดูแลอย่างดี




ร้อยเอกไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา และไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องใต้สะดือ ผ่านมาเยอะเลยด้วย เรื่องของอารมณ์มันห้ามกันยาก แต่อย่างน้อยการมีเซ็กส์ในห้องน้ำบริษัทก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำไม่ใช่เหรอ

เขาเข้าใจนะ ทุกคนต้องมีด้านมืดในตัวเอง แต่ภานุรักษ์น่ะมืดเกินไปหรือเปล่า ภาพที่เขาเห็น ต่อให้เอาแอลกอฮอล์มาล้างก็คงลบภาพสยิวพวกนั้นไม่ได้หรอก ติดหนึบยิ่งกว่ากาวตราช้างเสียอีก

เหอะ...

ต่อหน้าทำเป็นอยากจีบเมืองน้ำ พยายามหว่านเสน่ห์ เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องที่เมืองน้ำต้องการได้ตรงจังหวะ ลับหลังหวังเคลมลูกเดียว คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ

ร้อยเอกอยากกลั้นใจตายไปซะเดี๋ยวนี้

“เสร็จแล้ววว”

แต่ก็ตายไม่ได้ เพราะยังต้องมีชีวิตเพื่อปกป้องเมืองน้ำจากมนุษย์แอคเค่ออย่างภานุรักษ์อยู่

“เสร็จเย็นมากเลย หิวมั้ย เดี๋ยวไปหาอะไรกินกัน”

“พี่เมืองอยากกินอะไร ผมกินได้หมด แล้วแต่เลย”

ร้อยเอกกัดฟันกรอด ข่มอารมณ์ขุ่นเคืองที่เดือดขึ้นเพียงเพราะเห็นเจ้าของสตูดิโอเปิดประตูเข้ามาเช็กงาน แค่เห็นก็นึกไปถึงข้อความแย่ๆ ที่ภานุรักษ์สื่อถึงเมืองน้ำ อยากเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วชกหน้าคนอายุมากกว่าแรงๆ พูดถึงเมืองน้ำกี่ทวีต ก็ต่อยกลับคืนเท่านั้น

แต่วิธีที่ว่าไม่ใช่ทางออกสำหรับเรื่องนี้ เขาไม่เชื่อว่าความรุนแรงจะขัดเกลาจิตใจหยาบกระด้างของใครได้

หนทางที่จะจัดการภานุรักษ์ มีไม่กี่วิธีหรอก และแน่นอน หลังจากพาเมืองน้ำไปส่งที่บ้านแล้ว เขาจะเริ่มจัดการทันที

“ช่วยกันคิดหน่อยดิ พี่คิดอะไรไม่ออกแล้ว เหนื่อยมากๆ เลยเนี่ย”

ร้อยเอกดึงความสนใจกลับมายังคนตัวเล็กที่นั่งลงด้านข้างเขา ใบหน้าขาวงอแงคล้ายจะสื่อว่าตัวเองเหนื่อยมากจริงๆ

มันเขี้ยว

“ขนาดนั้นเลย?”

“ใช่สิ คิดว่าพี่โกหกเหรอ”

“ผมเปล่านะ”

“เหรอๆๆ”

“เออดิ”

“พูดไม่เพราะเลยอ่ะร้อยเอก”

คนถูกดุถอนหายใจ โมโหภานุรักษ์ก็โมโห อยากบีบปากนุ่มๆ เพราะมันเขี้ยวก็อยากทำ เขาสับสนไปหมดแล้ว

ร้อยเอกอยากเข้ามาในสตูดิโอใจจะขาด กลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองน้ำ แต่เขาเข้ามาไม่ได้ เลยต้องนั่งบนโขดหินใกล้ลานจอดรถทั้งที่ความเป็นห่วงลอยทะลุกำแพงไปแล้ว แถมยังเจอแจ็คพ็อตตอนที่ภานุรักษ์เดินนำพนักงานคนนั้นไปที่รถเพื่อสานต่อเรื่องในห้องน้ำอีก

กระจกหนาทึบ มองไม่เห็นภาพด้านใน คนพวกนั้นถึงกล้ามีเซ็กส์กันในรถต่อ แต่รถที่โยกเป็นจังหวะเพราะกิจกรรมเร้าใจนั่นน่ะ ไม่กลัวใครเดินผ่านมาเห็นหรือไง

อืม…

แถวนั้นก็มีแค่ร้อยเอกคนเดียวนั่นแหละ


“ไปเปลี่ยนชุดสิครับ”

“รอทีมงานมาแจ้งเรื่องค่าตัวก่อนอ่ะ แล้วถึงจะไปเปลี่ยนชุดได้”

“น้องเมืองครับ...”

เหมือนตากระตุกยังไงไม่รู้

คนที่เดินเข้ามาหาเมืองน้ำควรเป็นทีมงานมากกว่าภานุรักษ์ รุ่นพี่ตัวโตระบายยิ้มเมื่อนายแบบตัวจิ๋วขานรับและลุกไปหา บทสนทนามีแต่เรื่องค่าตัว กำหนดโอนเงินที่ย้ำอีกรอบ และคำชมสุดเลี่ยนทำเอาร้อยเอกกลอกตา จังหวะรถโยกลอยเข้ามาในหัวเขาอีกแล้ว

ซวยสุดๆ เลยเว้ย

“แล้วเรื่องบ้านว่าไงครับเนี่ย เพื่อนพี่อยากเข้าไปดูบ้านแล้วนะ”

“เมืองยังไม่คุยกับแม่เลยครับ พอดีแม่เพิ่งกลับจากทำงาน เลยอยากให้แม่พักผ่อนก่อน”

“นานจัง”

เมืองน้ำยิ้มแห้งกับน้ำเสียงนุ่มที่เหมือนประชดประชัน ก้าวเท้าถอยเพื่อเว้นระยะห่างจากคนตรงหน้าที่พยายามจะลูบศีรษะของตน

หลบไม่พ้น ช้าเกินไปสำหรับการหว่านเสน่ห์

“ไม่เป็นไร ค่อยๆ คุยแล้วกันครับ ยังไงก็ไปดูบ้านหลังใหม่มา พี่ว่าโอกาสย้ายก็สูงแหละเนอะ”

ก็ใช่

แต่ว่านะ เรื่องนี้...เมืองน้ำไม่อยากให้พี่รักษ์พูดต่อหน้าร้อยเอกเลย ถ้าฟังไม่เพี้ยน ตอนถูกรุ่นพี่คนนี้ลูบหัว เหมือนได้ยินเสียงจิ๊ปากเบาๆ มั้ยนะ

“วันนี้กลับยังไง”

“กลับกับร้อยเอกครับ น้องมาเป็นเพื่อน”

“อ้อ ไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนแฟนเลยเนอะ”

“…”

“พี่นึกว่าเมืองน้ำจะคบกับอาจารย์พันเอกซะอีก เอ้ย ไม่ใช่สิ อาจารย์พันเอกไม่ใช่เรื่องจริง สิงหาใช่มั้ยที่เคยกิ๊กกัน”

“กลับบ้านกันเถอะพี่เมือง”

เมืองน้ำสะดุ้งกับการถูกดึงให้ก้าวไปอยู่ด้านหลัง ภาพของรุ่นพี่เปลี่ยนเป็นแผ่นหลังของเด็กตัวสูง ขนาดที่ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของภานุรักษ์ และความแข็งแรงที่มีมากกว่า

ร้อยเอกทำให้เมืองน้ำรู้สึกปลอดภัย

“รีบกลับจัง”

“มีธุระต้องทำต่อครับ”

“ไปเดทเหรอ นี่พี่หมดโอกาสจริงๆ แล้วสินะ”

ร้อยเอกยังยืนยันความคิดเดิม...เขาอยากชกหน้ารุ่นพี่คนนี้จริงๆ

“ที่จริง...”

“…”

“บางคนก็ไม่มีโอกาสตั้งแต่แรกแล้วมั้งครับ”

ร่างสูงกำหมัดแน่นในวินาทีที่เห็นภานุรักษ์ขมวดคิ้วใส่เขา อย่างที่คิดเลย แวดล้อมที่เต็มไปด้วยผู้คน หัวหน้าที่ต้องรักษาความเชื่อมั่นในตัวพนักงานจะไม่มีทางทำอะไรเขา

ร้อยเอกจ้องมองเรียบนิ่ง ได้สติอีกครั้งก็ตอนที่มือคู่เล็กดึงแขนเสื้อเขาเบาๆ กระซิบเสียงแผ่ว บอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนชุดแล้ว เพราะแบบนั้นเลยต้องปล่อยให้เมืองน้ำกล่าวลารุ่นพี่ตามมารยาท ก่อนจะแยกตัวออกมาเพื่อเข้าไปในห้องแต่งตัว

จริงสิ...ภานุรักษ์ขายคลิปด้วย

“ผมเข้าไปด้วยได้มั้ย”

เมืองน้ำที่หยิบกระเป๋าใส่เสื้อผ้า เตรียมตัวเดินเข้าห้องเปลี่ยนชุดมองคนตัวสูงด้วยความแปลกใจ ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ เมื่อจู่ๆ เจ้าของคำถามก็ก้าวไปยืนในห้องเปลี่ยนชุดก่อนได้คำตอบเสียอีก

“เข้ามาทำไม พี่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้านะ”

“ผมไม่มองพี่หรอก เดี๋ยวหันหลังให้ ไม่อยากให้พี่อยู่คนเดียว”

“พี่ไม่เป็นไรเลย ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนหรอก แค่เปลี่ยนชุดเอง”

“พี่เมืองรู้สึกแย่กับคำพูดพี่รักษ์”

“…”

“ผมเป็นห่วง ไม่อยากอยู่ห่างจากพี่เมืองเกินสามสิบเซ็นเลยครับ”

“เว่อร์แล้วๆ”

“มาเร็ว”

บอกเมืองน้ำไปตรงๆ คงรู้สึกแย่กว่าเดิม เอาไว้จัดการเสร็จค่อยเล่าทีเดียว เขาจะเล่าให้ฟังทุกอย่าง

ร้อยเอกกวาดมองทั่วห้อง ขณะที่อีกคนก้าวเข้ามาพร้อมกระเป๋าเป้ในอ้อมแขน เมืองน้ำเกี่ยวกระเป๋าไว้บนที่แขวน ก่อนจะร้องเหวอเมื่อถูกมือหนาจับให้หันไปยืนอีกทาง

“เปลี่ยนตรงนี้ เดี๋ยวผมหยิบชุดให้”

แม่งเอ๊ย...

“เมื่อเช้าพี่เปลี่ยนชุดในนี้ด้วยใช่มั้ย”

“ใช่ ทำไมเหรอ”

“เปล่า ถามเฉยๆ”

แม่งติดกล้องแอบถ่ายในห้องแต่งตัว

ไอ้เหี้ย...


“ร้อยเอกหยิบกางเกงให้หน่อย”

“ครับ” ร้อยเอกทำตามที่อีกคนบอก ยื่นกางเกงสีครีมให้คนด้านหลังโดยไม่หันมอง ในใจมีแต่คำสบถ หมัดอีกข้างก็กำแน่นจนไม่เหลือพื้นที่ว่าง

ถ้าไม่ยืนบังให้เมืองน้ำ ภานุรักษ์จะมีคลิปแอบถ่ายคนอื่นไปกี่คลิปแล้ว

“ร้อยเอก”

“ว่าไง”

“พี่กลัว”

“พี่เมืองกลัวอะไร”

“ที่เราไปไหนมาไหนด้วยกัน พี่กลัวคนอื่นจะคิดว่า...เพราะร้อยเอกรวย”

เรื่องนี้เขาก็เคยคิด และสารภาพเลยว่ารู้สึกผิดมากที่มองเมืองน้ำในแง่ร้าย

“ถ้าร้อยไม่โอเค ไม่ต้องไปรับไปส่งพี่ก็ได้”

“เรื่องไปรับไปส่ง เราคุยกันจบไปแล้วนะ”

“…”

“ร้อยเต็มใจ แล้วก็ไม่แคร์คนอื่นด้วย ไม่มีอะไรต้องแคร์”

“ร้อย...”

“ร้อยแคร์พี่เมืองคนเดียว”

ต่อให้คนล้านคนมาร้องไห้ใส่เขา ก็ไม่รู้สึกอะไร ไม่มีใครทำให้เป็นห่วงได้เท่าเมืองน้ำ

เห็นเมืองน้ำทำหน้าเศร้านิดเดียว แค่นั้นก็รู้สึกมากกว่าเห็นคนล้านคนมานั่งร้องไห้ข้างหน้าเขาแล้ว

“รีบเปลี่ยนชุดเถอะครับ ในนี้มันแคบ ปลอบพี่เมืองไม่ถนัดเลย”

“ขอบคุณนะ”

“ยินดีครับ”

อยากเล่นมุกให้กำลังใจแล้วเก็บเงินสามร้อยบาท แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่วนเวียนอยู่ในหัวทำให้กวนประสาทไม่ออก

“ขาหมูมั้ย มีร้านเปิดใหม่แถวเยาวราช ถ้าอยากกินจะพาไป”

“กิน อยากกินขาหมู!”

“เร็วเชียว”

“แหะ...”

เมืองน้ำน่ะ...

ไม่สมควรถูกใครทำร้ายจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำใช้เวลาทั้งวันไปกับการทวนหนังสือเพื่อเตรียมสอบวิชาสุดท้าย ข้อเขียนสุดโหดของเมื่อวานทำเอาหมดแรงจนกลับมาเคลียร์งานต่อไม่ไหว เป็นคืนแรกในรอบหลายเดือนที่ได้นอนก่อนห้าทุ่ม แถมยังนอนเต็มอิ่มแบบสุดๆ เลยล่ะ

ส่วนหนึ่งที่ทำให้เข้านอนเร็ว ก็มาจากข้อความของเด็กบ้านติดกันนั่นแหละ

ร้อยเอกบอกให้เมืองน้ำไปอาบน้ำนอน หลังห้าทุ่มห้ามเปิดม่าน เปิดระเบียง หรือแม้แต่เปิดไฟ ไม่งั้นจะมานั่งเฝ้าจนกว่าจะหลับ เป็นความเว่อร์ที่รู้ดีว่าจะเว่อร์ได้มากกว่านี้ถ้าไม่ยอมทำตาม

พอรู้สึกตัวตื่นจากการนอนตอนเย็น เช็กข้อความในโทรศัพท์เสร็จ ก็เดินโซเซเข้าไปอาบน้ำ กลับออกมาพร้อมชุดนอน กินข้าวที่แม่ยกขึ้นมาเสิร์ฟ พร้อมยาแก้ปวดหัวอีกหนึ่งเม็ด ก่อนจะหลับอีกรอบโดยที่ร้อยเอกไม่ต้องส่งข้อความมาย้ำรอบสอง

หนังสือเรียนถูกวางลงเมื่อทวนถึงหน้าสุดท้าย ต่อไปเป็นช่วงเวลาของการเคลียร์งานตัดคลิปที่ยังทำไม่เสร็จ คนตัวเล็กอ้าปากหาว กะพริบเปลือกตาหนักๆ เพื่อปัดไล่ความง่วง ทว่าไม่ดีขึ้น เลยเดินมาทิ้งกายลงบนเตียงพร้อมคว้าโทรศัพท์ติดมือมาด้วย

อย่างที่คิดเลย มีข้อความจากร้อยเอก


101 :
ผมอยู่สยาม เอาอะไรมั้ย


m.nam ☆° :
อะไรอ่ะ
ไปเที่ยวไม่ชวนเลย


101 :
รู้เลยนะว่าหน้าหงิกอยู่


m.nam ☆° :
เอ๊ะๆๆๆ
มีตาทิพย์เหรอพ่อคุณ


101 :
ผมอ่ะยิ่งกว่าตาทิพย์อีกนะพี่เมือง



เห็นมั้ยล่ะ เรื่องเว่อร์ๆ ขอให้บอก ร้อยเอกเว่อร์ได้มากกว่าที่เมืองน้ำคิดอีกนะ



m.nam ☆° :
ฝากซื้อสายชาร์จโทรศัพท์หน่อย อันที่ใช้อยู่จะขาดแล้วอ่ะ
ว่าแต่ไปทำอะไรเหรอ


101 :
คิดถึงผมล่ะสิ


m.nam ☆° :
หลงตัวเองงงงง


101 :
หรือไม่จริง


m.nam ☆° :
จะเอาคำตอบแบบไหนอ่ะ
จริงก็ได้
เพราะไม่เห็นร้อยตั้งแต่เช้าหรอกนะ เลยคิดถึงอ่ะ


101 :
อ่ะๆ จะใช้เหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ให้เต็มที่
ยังไงปลายทางก็คือคิดถึงผมอยู่ดี



ไม่ใช่ร้อยเอกที่นึกสีหน้าเมืองน้ำออกคนเดียวหรอก คนทางนี้ก็พอเดาออกว่าอีกคนกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่

ถ้าอยู่ใกล้ๆ จะฟาดเข้าให้ หมั่นไส้ชะมัด



101 :
ผมมาทำธุระนิดหน่อย กลับเย็นๆ
ว่าจะซื้อเฟรนช์ฟรายส์ไปฝากพี่ด้วย


m.nam ☆° :
เอา


101 :
ยังไม่ถามเลยนะว่ากินมั้ย


m.nam ☆° :
อุ้ย
แต่ยังไงร้อยก็ต้องให้พี่กินอยู่แล้วอ่
รีบกลับมานะ
อยากกินเฟรนช์ฟรายส์


101 :
ไม่อยากเจอหน้าผมไวๆ บ้างเหรอ


m.nam☆° :
อย่าพูดอะไรเลี่ยนๆ ได้มั้ย พี่ขนลุกกกก


101 :
ไม่ได้!


m.nam☆° :
โอ๊ยยยย
รีบๆ กลับมา อยากเจอทั้งของกินทั้งคนซื้อของกินเลย
หิวแล้วว


101 :
แท็ก #พุงไม่แตกไม่ใช่เมืองน้ำ ติดเทรนด์แน่วันนี้



มีแฮชแท็กติดให้ตลอด ไม่รู้จะเคืองเพราะแต่ละแท็กที่คิดให้ล้อเรื่องกินของเมืองน้ำทั้งนั้น หรือเขินกับความเอาใจใส่ของร้อยเอกมากกว่ากัน

พอคิดดูแล้ว...ไอร้อนๆ บนแก้มก็แทนคำตอบได้ดีเลยนะ

เมืองน้ำสัมผัสกลับมาหน้าโฮม เมื่อเด็กตัวสูงขอไปทำธุระต่อ ห้องแชทล่าสุดเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทที่พักนี้คุยแต่เรื่องสอบ เรื่องฝึกงานในเทอมหน้า รวมถึงความสัมพันธ์ของเมืองน้ำกับร้อยเอก

มีแต่คนแปลกใจว่าทำไมคู่กัดที่เป็นเหมือนเส้นขนานถึงมาสนิทสนมกันได้

ไม่ใช่แค่คนอื่น จนถึงตอนนี้เมืองน้ำก็ยังหาเหตุผลไม่เจอ รู้แค่สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้...ดีที่สุดแล้ว


my dad :
จะมาหาก็มา แต่ไม่ต้องเอาแม่มานะ
พ่อไม่อยากเจอ


และคงดีกว่านี้ถ้าความรู้สึกแย่ๆ ไม่หวนกลับมาเพราะข้อความของพ่อ

วันนั้นที่ไปหา ท่านดูโกรธที่เมืองน้ำพยายามไม่พูดถึงเรื่องที่อยากให้ไปอยู่ด้วย บางครั้งก็ทำเสียงกร้าวใส่ มองตาแข็งเหมือนระงับอารมณ์ไม่ได้ ฮีโร่ผู้อบอุ่นและสร้างความเข้มแข็งให้เด็กคนหนึ่งเหมือนลาจากโลกใบนี้ไปแล้ว

พ่อไม่เหมือนเดิม ที่จริงต้องบอกว่าไม่มีใครเหมือนเดิมเลยต่างหาก

เป็นคนสร้างฟองสบู่สีรุ้งไว้รอบๆ ตัวเมืองน้ำ ปล่อยให้ฟองสบู่ก้อนนั้นลอยอยู่บนฟ้า บนโลกที่สวยงาม โลกที่มีแต่ความสุข แล้วก็เป็นตัวท่านเอง ที่เจาะฟองสบู่ที่ตัวเองสร้างไว้ให้ลูกจนแตกสลาย

เมืองน้ำตกลงมาในโลกแห่งความจริง โลกที่เห็นว่าพ่อกับแม่ไม่มีความรักต่อกันแล้ว

จากสีรุ้งก็เหลือเพียงสีเทา และเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้องทำใจยอมรับว่าทุกอย่างใกล้ถึงจุดสิ้นสุด

ย้อนเวลากลับไปได้มั้ย...

ไม่อยากให้พ่อกับแม่เลิกกันเลย


m.nam☆° :
ร้อยเอก
กลับมาไวๆ นะ
แม่ออกไปธนาคาร พี่ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวเลย
อยู่ดีๆ ก็กลัวผีอ่ะ _φ(·_·




(⺣◡⺣)♡*




คนอะไร อยู่ดีๆ ก็กลัวผีกะทันหัน

เมืองน้ำไม่ได้กลัวผีหรอก เรื่องกลัวผี เปลี่ยนเป็นร้อยเอกยังน่าเชื่อถือมากกว่า ไม่รู้ว่ารายนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ประโยคที่บอกว่าไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว ก็พอเดาได้ว่าลูกหมาของเขาเป็นอะไร

อยากให้ทุกเรื่องที่ทำให้เมืองน้ำคิดมากหายไปสักที และเขาก็อยากกลับบ้านเร็วๆ เหมือนกัน


BIG 9 :
ถึงยังครับ


แจ้งเตือนบนหน้าจอทำเอาร้อยเอกเบ้ปาก

พอเห็นกล้องในห้องแต่งตัว ในหัวของเขามีแต่คำว่าต้องจัดการภานุรักษ์ให้ได้ หมอนั่นน่าจะรู้เต็มอกว่าเขาไม่ชอบหน้า ฉะนั้นการยอมออกมาเจอตรงๆ เลยเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก

ร้อยเอกใช้แอ็กเคาต์ทวิตเตอร์ร้างๆ ของตัวเองเป็นตัวล่อภานุรักษ์ออกมา เขาลบทวีตเก่าๆ ทั้งหมดทิ้ง เปลี่ยนชื่อบัญชี ชื่อโปรไฟล์ และใช้รูปท้องฟ้าเป็นดิสเพลย์เพื่อไม่ให้เห็นหน้า

ใช่ อยากนัดเจอแอคเค่อ ก็ต้องเป็นแอคเค่อเหมือนๆ กัน

ร้อยเอกเสิร์ชดูว่าคนอื่นนัดเจอวิธีไหน ใช้ภาษายังไง พยายามใช้ตามอย่างแนบเนียนและทักไปคุย

สาบานเลยว่าไม่เคยทำอะไรที่โคตรไม่เป็นตัวเองเท่านี้มาก่อน


Wah :
ถึงแล้วคร้าบ
จะไปโรงแรมเลยมั้ย
หรือหาไรกินก่อนดี


BIG 9 :
หาไรกินก่อนดิครับ
พี่หิวอยู่พอดี


Wah :
ครับพี่
งั้นเจอกันที่ร้าน StarBook
ผมใส่เชิ้ตสีขาวนะ เดี๋ยวไปนั่งรอ


BIG 9 :
ได้ครับหวา


บทสนทนาระหว่างภานุรักษ์กับเขาไม่มีอะไรนอกจากเรื่องบนเตียง อีกหนึ่งสิ่งที่เขาเพิ่งรู้คือรุ่นพี่คนนี้ตกลงเรื่องถ่ายคลิปตอนมีเซ็กส์ก่อนทุกครั้ง ถ้าไม่ตกลงจะไม่นัดเจอ ใครอยากเจอก็ต้องยอม

แน่ล่ะ ร้อยเอกตอบตกลง

ไอ้คนใจหยาบจะไม่มีทางได้แตะต้องเขา แค่คิดก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่า ไม่ต้องรอจนถึงโรงแรมหรอก เดี๋ยวก็จัดการเสร็จแล้ว เชื่อมือเขาได้เลย

ใช้เวลาไม่นานในการหาที่จอดรถ ขอบคุณที่วันนี้คนมาใช้บริการไม่มากเท่าวันหยุด ร้อยเอกเข้าไปสั่งเครื่องดื่มในร้านกาแฟและเลือกที่นั่งด้านในสุด ส่งข้อความไปบอกตำแหน่งของตัวเอง ก่อนจุดยิ้มบนริมฝีปากเมื่อเห็นว่าภานุรักษ์ใกล้มาถึงแล้ว

“หวาป้ะครับ”

มาไวกว่าที่คิด

ร้อยเอกไม่ตอบกลับเจ้าของเสียงทุ้มที่ดังขึ้นด้านหลัง พยักหน้ารับเบาๆ เพื่อให้อีกคนอยากเห็นหน้า อยากหัวเราะดังๆ กับแววตาที่ทั้งงุนงง ตกใจ แต่ก็ยังสงวนท่าที วางมาดนิ่งเฉยของภานุรักษ์ตอนเห็นว่าเป็นเขาชะมัด

รุ่นพี่ตัวสูงนั่งลงฝั่งตรงข้าม มีคำถามมากมายลอยมาจากใบหน้าหล่อเหลา

“แปลกใจเหรอครับ ที่เป็นผม”

“ใช่ แปลกใจ...ไม่คิดว่าน้องจะเล่นแอคพวกนี้ด้วย”

ร้อยเอกหัวเราะในลำคอ วางแก้วกาแฟที่ยกขึ้นดื่มลงที่เดิม พลางเคาะปลายนิ้วเบาๆ ขณะพูด

“ทำไมครับ แอคพวกนี้ไม่ดีเหรอ”

“ไม่ใช่ไม่ดี แต่คิดไม่ถึง”

“ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าพี่จะเล่น”

ภานุรักษ์ออกมาเจอเขาเพราะไม่คิดว่าจะเป็นเขา ตลอดเวลาที่เล่นแอคเค่อคงเป็นไปได้สวย นัดเจอกันเพื่อทำเรื่องอย่างว่า จากนั้นก็แยกทาง วินวินทั้งสองฝ่าย เมื่อวานเขาเข้าไปอ่านโพสต์แฟนเก่าของภานุรักษ์อีกรอบ คีย์เวิร์ดหลายๆ อย่างทำให้เดาได้ว่าสาเหตุที่เลิกกันมาจากเรื่องนี้

“เข้าเรื่องเลยนะครับ”

หนีเมียมาเล่นจริงๆ พอเมียรู้ เมียรับไม่ได้ เมียก็เลยขอเลิกตามสเต็ป

ซึ่งก็...ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนกับการเลิกกับเมียเท่าไหร่นัก

“พี่รักษ์มีคลิปพี่เมืองกี่คลิป”

นัยน์ตาคู่คมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ทว่าครู่เดียวก็เรียบนิ่งดังเดิม

“คลิปที่แอบถ่ายในห้องแต่งตัว”

“พูดเรื่องอะไร”

“อย่าหนีนะ ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจ” ตอบกลับโดยเร็ว ทำให้คนที่เตรียมลุกยืนชะงักค้าง “ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง พี่รักษ์ก็ไม่จำเป็นต้องหนี แต่ร้อนรนขนาดนี้ แสดงว่าผมพูดถูก”

“พี่มีธุระว่ะ ต้องกลับก่อน”

“เมื่อวานพี่บอกว่าวันนี้ว่างทั้งวัน อย่าลืมสิครับ”

ภานุรักษ์กัดฟันกรอด สบถในลำคอก่อนจะยกสองแขนขึ้นกอดอก

“รู้ได้ไงว่ามีกล้องแอบถ่าย มโนไปเองรึเปล่า ถึงมีมันก็ไม่ใช่เรื่องของน้องป้ะ”

“ไม่น่าเชื่อนะว่าคำพูดแบบนี้จะหลุดมาจากปากคนที่เป็นเจ้าคนนายคน”

“…”

“ผมย้อนอ่านที่พี่เอาความคิดแย่ๆ มาทวีตถึงพี่เมืองหมดแล้ว แคปไว้หมดแล้วด้วยนะ”

“เกินไปมั้ยวะ มีสิทธิ์อะไรมายุ่งวุ่นวาย”

“ว่าไงครับ จะยอมรับมั้ย”

“…”

“ถ้าพี่ไม่ยอมรับว่าซ่อนกล้องถ่ายคนอื่น ผมจะส่งให้พี่เมืองดำเนินคดี”

“เออ กูถ่ายเองแหละ แล้วไงวะ ก็ถ่ายเก็บไว้ดูเล่นป้ะ คลิปที่ลงทวิตก็ไม่เคยเปิดหน้าใคร คนที่มาหาก็ยอมให้ถ่ายด้วยซ้ำ”

ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ใครต่างก็นับถือจะมีความคิดพวกนี้จริงๆ

ร้อยเอกพยายามสงบสติอารมณ์อย่างมาก ยิ่งคุยยิ่งไม่ชอบ ยิ่งฟังคำพูดของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เขาเกลียดชุดความคิดแย่ๆ ของภานุรักษ์

เกลียดมาก

“พี่จะมีอะไรกับใคร จะถ่ายเก็บไว้ปล่อยขาย หรือลงให้ดูฟรี ถ้าอีกฝ่ายยินยอมก็แล้วแต่พี่เลยครับ ไม่ผิด แต่การที่พี่แอบถ่ายคลิปคนอื่น ถึงจะบอกว่าเก็บไว้ดูเล่น แต่มันก็ผิดกฎหมาย”

“…”

“สตูดิโอของพี่เปิดมาหนึ่งปี ใช้งานอาทิตย์ละครั้ง ทุกๆ อาทิตย์จะมีนายแบบนางแบบเข้าไปเปลี่ยนชุด เดือนนึงมีสี่อาทิตย์ หนึ่งปีพี่จะมีคลิปแอบถ่ายสี่สิบแปดคน หนึ่งในนั้นคือพี่เมือง ผมพูดถูกมั้ย”

“ต้องการอะไร ล่อกูออกมาเจอทำไม”

“ลบคลิปแอบถ่ายให้หมด ลบทุกทวีตที่สื่อถึงพี่เมืองด้วย อย่าเอาความคิดหยาบๆ มาใช้กับพี่เมือง”

“…”

“อ้อ แล้วก็อย่าคิดนะครับว่าจะแกล้งปล่อยคลิปเพื่อเอาคืนผม เพราะผมไม่ยอมแน่”

ร้อยเอกแตะนิ้วชี้บนกระดุมเม็ดที่สาม ขณะที่อีกคนมองเขาด้วยความโกรธ

ใช่ หลังกระดุมของเขามีกล้องแอบถ่าย ทุกบทสนทนาถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว บอกแล้วไงว่าเขาจัดการภานุรักษ์ได้แน่นอน

“คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน ถึงมีอำนาจสั่งให้คนอื่นทำตามได้”

“พี่จะไม่ทำตามก็ได้ แต่พี่ควรจะรู้ไว้ว่าพ่อผมทำให้พี่ต้องยอมทำเพื่อรักษาหน้าที่การงานของตัวเองได้”

“…”

“พี่ก็รู้ว่าในวงการบันเทิงที่พี่หากินอยู่เป็นยังไง บริษัทพ่อผมก็มีอิทธิพลสุดๆ เลยด้วย”

“…”

“งานที่สร้างเงินให้เป็นกอบเป็นกำ กับคลิปแอบถ่ายที่ทำให้เสี่ยงติดคุก ผมว่าเลือกงานดีกว่านะ”

ร้อยเอกไม่เคยยกพ่อไปข่มใคร นี่เป็นครั้งแรก และเขาจะไม่ให้มีครั้งต่อไปถ้าสถานการณ์ไม่บีบบังคับ หวังว่าภานุรักษ์จะชั่งน้ำหนักกับความคุ้มค่าหากเกิดข้อผิดพลาดในสิ่งที่ตัวเองทำ หวังว่ารุ่นพี่คนนี้จะทำตามที่เขาบอก

“เหอะ”

“ว่าไง”

“งั้นกูขอยกเลิกงานที่จะจ้างเมืองน้ำทั้งหมดแล้วกันนะ แลกกับการลบคลิป”

“เท่าไหร่”

“…”

“ค่าจ้างพี่เมือง รวมแล้วเท่าไหร่”

“เหลืออีกห้างาน ค่าจ้างแสนเจ็ด”

“ได้ ผมจะจ่ายให้พี่เมืองเอง แต่พี่รักษ์ต้องบอกพี่เมืองว่าเป็นเงินชดเชยในการยกเลิกสัญญา”

ภานุรักษ์กระตุกยิ้ม ในรอยยิ้มนั้นมีความไม่พอใจแอบแฝง คงจะโกรธและไม่คิดว่าจะมีคนมาลูบคมเขี้ยวของตัวเอง อีกคนไม่ไว้ใจเขาหรอก มองดูก็รู้ เขาเองก็ไม่ไว้ใจรุ่นพี่คนนี้ จะลบคลิปจริงหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แต่ตอนนี้เขามั่นใจว่าภานุรักษ์เลือกงาน และถ้าวันไหนเปลี่ยนใจมาเลือกคลิปที่ถ่ายไว้ ภาพในกล้องกระดุมก็พร้อมส่งให้ตำรวจเหมือนกัน

“เงินชดเชย? เมืองน้ำไม่ได้งานยังมีเงินชดเชย แล้วกูที่ต้องหาคนมาถ่ายใหม่ได้อะไรวะ”

“ได้รู้ไงครับว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากคนอื่น”

“…”

“ผมจะจ่ายแค่เงินชดเชยของพี่เมือง อย่าลืมที่ตกลงกันไว้นะ หวังว่าเราจะจบกันแค่ตรงนี้”

จากนี้ไปช่วยอยู่คนละทิศคนละทาง อย่ากลับมาเจอกันอีกเลย

เขาไม่ต้องการให้คนคนนี้อยู่ใกล้เมืองน้ำอีกแล้ว

ไม่ต้องการ



(⺣◡⺣)♡*



มีต่อ



30/10/61

** แก้ไขเนื้อหาช่วงที่ร้อยเอกเคลียร์กับพี่รักษ์ เรากลับมาอ่านทั้งเนื้อหาทั้งคอมเมนตอีกรอบ คิดว่าการให้เงินพี่รักษ์เพิ่มไม่โอเคเหมือนกันค่ะ ก็เลยเปลี่ยนตรงจุดนี้ ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์นะคะ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.13 ☆ ชอบร้อยเอกมาก (25/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 29-10-2018 23:14:43
ต่อจ้า




ทีแรกว่าจะเอาเฟรนช์ฟรายส์กับสายชาร์จไปให้เมืองน้ำแล้วก็กลับมานอนพักที่บ้าน ร้อยเอกนอนแทบนับชั่วโมงได้เลย แต่เพราะภานุรักษ์โทรมายกเลิกงานตอนเขาเอาของไปให้พี่เมืองพอดี ความสงสัยและเป็นกังวลที่เห็นได้ชัดจากคนตัวเล็กก็กลายเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ตัดสินใจอยู่ต่อ

ร้อยเอกเดินตามเมืองน้ำเข้าบ้านในสภาพหมดแรง คนโตกว่าเลยบอกให้เขานอนพักเอาแรงสักหน่อย หลังตื่นค่อยเล่าทุกอย่างให้ฟังก็ได้

หลังจากนั้นเกือบสองชั่วโมงจึงเป็นชั่วเวลาแห่งการพักผ่อน เขารู้สึกตัวตื่นตอนบ่ายแก่ เห็นเมืองน้ำเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมแก้วชาร้อนในมือ แค่เห็นก็เกิดรอยยิ้มบนริมฝีปาก ร้อยเอกจิบชาเพื่อชาร์จพลังให้ร่างกาย ก่อนจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เมืองน้ำฟัง ยกเว้นเรื่องเงินชดเชยที่เป็นเงินส่วนตัวของเขา

ไม่ได้หรอก ขืนให้พี่เมืองรู้ ต้องไม่ยอมรับเงินของเขาแน่นอน

เมืองน้ำต้องการคนอยู่เคียงข้าง ไม่ใช่เงินฟรีๆ จากใคร แม้ที่ให้ไปจะให้ด้วยความเต็มใจก็ตาม

อย่างน้อยเงินชดเชยที่ได้ไปก็เพียงพอกับค่าเช่าบ้านที่ค้างไว้ แถมยังเหลือเก็บไว้ใช้ส่วนอื่นได้อีกหลายเดือน

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ...

“ทีนี้พี่เมืองจะยังย้ายบ้านอยู่มั้ย”

“...”

ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากจิ้มลิ้ม คนตัวเล็กที่นั่งบนพื้นพรม ปล่อยให้เขานอนพาดตัวบนโซฟาลดสายตามองต่ำ ความสงสัยและความกังวลเรื่องงานที่โดนยกเลิกจางลงบ้างแล้ว แต่เรื่องอื่นที่ยังติดค้างก็ทำให้ความสดใสหม่นหมองได้อยู่ดี

ไม่ชอบ

ไม่อยากเห็นเมืองน้ำที่เอาแต่คิดมากแบบนี้เลย เสกคาถาเรียกมารร้ายของเขากลับมาได้มั้ยนะ ไม่ก็ลูกหมาที่คอยแต่จะแยกเขี้ยวใส่ก็ได้

“เพื่อนพี่รักษ์ก็คงไม่มาดูบ้านแล้วล่ะ ถ้าจะขายก็ต้องขายทอดตลาด ราคาคงถูกลงอีกหน่อย”

“งั้นก็ไม่ต้องย้าย อยู่ด้วยกันที่นี่ ดีมั้ยครับ”

“แต่ว่า...”

“กลัวอนาคตจะมีปัญหาเรื่องเงินเหรอ”

คนตัวเล็กพยักหน้ารับ เห็นแบบนั้นร้อยเอกเลยเปลี่ยนเป็นลงไปนั่งข้างๆ

“ตอนนี้พี่เมืองมีเงินเก็บเท่าไหร่”

“ก็...ไม่เยอะหรอก ตั้งแต่พ่อไม่กลับบ้านก็เอาออกมาใช้หลายๆ อย่าง พี่ก็ทำงานเพื่อหาเงินมาคืนส่วนนั้นนะ แต่ก็ยังไม่ครบเลย”

“เดี๋ยวก็ได้เงินจากงานอื่นแล้วครับ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ”

“อือ ก็ใช่ แต่พี่กลัวว่าสักวันจะมีปัญหา เลยต้องเก็บเงินไว้เยอะๆ เข้าใจใช่มั้ย”

“ผมเข้าใจ งั้นเอาอย่างนี้ หลังสอบมิดเทอมเสร็จพี่เมืองไปแคสติ้งซีรีส์บริษัทพ่อผมดูมั้ย จริงๆ วันแคสติ้งที่พ่อเปิด ไม่ได้หาคนไปเล่นซีรีส์อย่างเดียว พ่อบอกว่าถ้าตรงกับคอนเซ็ปต์โฆษณาก็จะเอาไปเล่นโฆษณาด้วย ถ้าได้งานตรงนี้อีกก็น่าจะมีเงินเก็บเพิ่มนะ”

“หลังสอบมิดเทอม...ก็ได้นะ แต่ร้อยไม่ว่างใช่มั้ยช่วงนั้น ต้องทำงานกลุ่มไม่ใช่เหรอ”

“ผมว่างให้พี่เมืองเสมอแหละ”

“...”

“ไม่ได้หยอดนะ นี่พูดความจริง ดูดิ ช่วงนี้ผมเล่นเกมที่ไหน เอาเวลาเล่นเกมมาอยู่กับพี่หมดแล้ว”

“โหยยย~ พูดซะรู้สึกผิดเลย”

คนรู้สึกผิดที่ไหนอมยิ้มแก้มป่องอย่างเมืองน้ำกันนะ

“ขอพี่คุยกับแม่ก่อนนะ ได้เรื่องยังไงจะมาบอก”

“ครับ ผมจะรอนะ”

ร้อยเอกเคยคิดว่าจะซื้อบ้านเมืองน้ำเป็นของตัวเอง ไม่ให้เจ้าตัวย้ายไปอยู่ที่อื่น ถ้าอยากอยู่บ้านเช่าก็จะปล่อยให้เช่าในราคาไม่แพง เพราะให้อยู่ฟรีก็คงไม่ยอมอีก

ที่จริงเมืองน้ำคงไม่ยอมตั้งแต่ขอซื้อบ้านต่อนู่นแล้ว

“เอ้อนี่ พี่เอาผ้าเย็นมาให้ด้วย เกือบลืมแน่ะ”

คนพูดว่าพลางหยิบซองสีขาวบนโต๊ะด้านหน้ามาให้คนตัวสูงรับไว้ ร้อยเอกรับไปแกะก่อนจะยื่นให้เมืองน้ำ

“อะไรอ่ะ”

“เช็ดให้ผมหน่อยสิ”

“...?”

“เร็วๆ เดี๋ยวผ้าหายเย็นหมด”

“เช็ดเองก็ได้มั้ย ทำไมต้องให้คนอื่นเช็ดให้ด้วย”

“แต่พี่เมืองไม่ใช่คนอื่น”

เถียงไม่ออกเลย...

คนอะไรเนี่ย เมืองน้ำนั่งอยู่เฉยๆ ก็ทำให้หน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เห็นเป็นขนมครกรึไง หยอดได้หยอดดี หยอดจนเต็มกระทะแล้วนะวันนี้

“นะๆ ถือซะว่าให้รางวัลผลที่ช่วยจัดการพี่รักษ์ให้ เนี่ยร้อนมากเลย เหงื่อจะท่วมตัวละ”

“แต่พี่ไม่เห็นร้อยมีเหงื่อสักเม็ด”

“เหงื่อมันมาจากความรู้สึก ไม่ได้ออกมาทางผิวหนัง ถ้าใจเราร้อน ไม่ต้องมีเหงื่อก็ร้อนนะพี่เมือง”

“ได้เหรอมุกนี้”

“ไม่ได้ก็ต้องได้แล้วอ่ะจุดนี้”

หมั่นไส้!

อยากฟาดไหล่กว้างที่แกล้งทำเป็นอ่อนปวกเปียก รอให้เมืองน้ำเอาผ้าเย็นมาเช็ดให้ชะมัด แต่ก็อย่างที่ร้อยเอกบอก นี่เป็นการให้รางวัลที่ช่วยเรื่องภานุรักษ์ เพราะงั้นจะยอมแพ้น้องชายปลอมๆ ของตัวเองยกนึงแล้วกัน

จะว่าไป...

ในเมื่อต่างฝ่ายต่างชอบกัน เรื่องที่ทดลองเป็นน้องชายสามเดือน จะยังเป็นอยู่อีกเหรอ

ไม่นะๆ เมืองน้ำอย่าคิดไปไกลกว่านี้สิ ไม่เอาๆ

“พี่เมือง”

“เห? อ...อะไร พี่ไม่ได้คิดอะไรนะ”

“ผมก็ยังไม่บอกว่าพี่คิดอะไรเลยนะ”

“...”

“พี่เมือง”

“เปล่าๆ ไม่คิดอะไรจริงๆ นั่งเฉยๆ สิ จะเอนหัวมาทำไม พี่เช็ดไม่ถนัดนะ”

“ง่วงครับง่วง อยากนอนยังไงไม่รู้ ขอยืมไหล่พี่เมืองหน่อยนะ”

“ร้อยเอก!”

“ร้อยหลับแล้ว ไม่รู้ไม่ชี้แล้วครับ”

ทะเล้นเป็นบ้า ให้มันได้อย่างนี้

ถ้าไม่มีร้อยเอก เมืองน้ำจะรู้ว่ารุ่นพี่ที่เคยไว้ใจเข้าหาเพราะเรื่องบนเตียง รู้ว่ามีกล้องแอบถ่ายตอนตัวเองเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือรู้ว่าภาพลักษณ์ซึ่งน่าเคารพนับถือมีด้านหยาบโลนซ่อนอยู่ตอนไหนนะ

ดีจริงๆ ที่มีร้อยเอก

เมืองน้ำโชคดีเหลือเกินที่ชีวิตมีคนคนนี้



(⺣◡⺣)♡*




พี่ใหญ่เก้านิ้วกู๊ดบายสเตจแล้วววว

ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
ให้ฉันดูแลเธอ - แหนม รณเดช
https://youtu.be/cci7_Zf6nfA
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.14 ☆ จะดูแลอย่างดี (29/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 29-10-2018 23:58:02
ดูแลอย่างดีจริงๆจ้ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.14 ☆ จะดูแลอย่างดี (29/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2018 02:35:48
จะต้องมีใครอีกหลายคนเลยนะที่โดน
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.14 ☆ จะดูแลอย่างดี (29/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 30-10-2018 02:48:22
ไม่น่าต้องเสียเงินให้คนแบบนั้นเลย อยากเรียกตำรวจมาจับ  :m31:
ดูแลดีจริงๆ ทำความดีขนาดนี้ขอเลื่อนขั้นได้แล้วมั้ง  :-[
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.14 ☆ จะดูแลอย่างดี (29/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 31-10-2018 01:01:52
ร้อยนี่ครบสูตรมากกกกก
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.14 ☆ จะดูแลอย่างดี (29/10/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 05-11-2018 20:08:12
15
จูบ




“ลืมตาหน่อยไอ้ร้อย ทำตาปรือแบบนี้จะขับรถไหวเหรอวะ”

อยากนอนให้ลืมตื่นสักอาทิตย์ เอาให้คุ้มกับพลังงานที่ใช้ไปตลอดทั้งสัปดาห์ แต่ร้อยเอกทำอย่างนั้นไม่ได้ ทำได้มากสุดก็คือนั่งหาววอดจนเพื่อนรักที่นั่งเล่นเกมในโทรศัพท์บนโซฟาอีกตัวเอ่ยบอกเขา

คนมันง่วง จะให้ทำไงล่ะ กะพริบตาวิ้งๆ แบบการ์ตูนตาหวาน ร้อยเอกไม่เอาด้วยนะ

จบจากภานุรักษ์ก็ต้องสู้รบการสอบกลางภาคต่อ ข้อสอบที่ยากขึ้นทุกเทอมทำให้มีเสียงบ่นจากนักศึกษาหลายสิบคนที่สอบวิชาเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่ร้อยเอก เมืองน้ำถามเขาว่ากลายเป็นคนขี้บ่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ คำพูดคำจาอย่างกับคนแก่ แค่รถติดไฟแดงยังเอามาบ่นได้

ไม่อยากจะบ่นเหมือนคนมีอายุหรอกนะ แต่วันนั้นเหลืออดจริงๆ ทั้งข้อสอบ ทั้งการจราจร ทั้งนู่นนี่นั่นสารพัด ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องบ่นจุกจิกไปเรื่อยๆ ให้หายหงุดหงิดสิ

ถึงจะถามแบบนั้นแต่เมืองน้ำก็เป็นผู้ฟังที่ดี มักจะมีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นเสมอเมื่อรู้สึกเอ็นดู ร้อยเอกไม่ชอบรอยยิ้มประเภทนั้น เพราะมันเหมือนรอยยิ้มที่พันเอกมอบให้เขาตั้งแต่จำความได้

ยิ้มที่พี่เอ็นดูน้องชาย ยิ้มที่มองเขาเป็นเด็กสิบขวบ

ร้อยเอกไม่อยากเป็นน้อง แต่ก็ยอมรับว่ารอยยิ้มประเภทที่ไม่ค่อยชอบนี่แหละ เป็นยาวิเศษที่ทำให้เขาอารมณ์ดี

“ถ้ากูขับไม่ไหว มึงขับนะ ง่วงจริงๆ ว่ะ”

“นอนกี่ทุ่มอ่ะเมื่อคืน”

“ตีหนึ่ง”

“ทำสถิติเหรอวะ นอนดึกฉิบหาย”

อยากเถียงกับมาวินสักตั้ง แต่ก็ขี้เกียจเถียง รู้ดีว่าเพื่อนเป็นห่วงเขา วันก่อนเขาบ่นมาเยอะแล้ว วันนี้ก็ปล่อยให้เพื่อนบ่นใส่สักหน่อยจะเป็นไรไป

“อีกครึ่งชั่วโมงออก มึงนอนพักเหอะ ถึงเวลาแล้วเดี๋ยวกูปลุก”

“เออ ไลน์ไปบอกพี่เมืองให้กูด้วยว่าอีกครึ่งชั่วโมงออก”

“อุ๊ย”

“ไอ้สัส กูรู้นะว่าคิดอะไรอยู่”

รำคาญสีหน้ากรุ้มกริ่มเวลาพูดถึงพี่เมืองของมันชะมัด

“น้องวินยังไม่ได้คิดอะไรเลยนะครับกัปตัน ทำไมกัปตันมโนยัง แย่งหน้าที่น้องวินอ่ะ”

“น้องวินที่หน้า อย่าพูด ขนลุก”

“ทีมึงใช้สติ๊กเกอร์แบ๊วๆ กับพี่เมืองอ่ะ ไม่คิดว่าคนอื่นจะขนลุกเลยไง้ ขนาดกูเป็นคนเห็นยังขนลุกเลย มึงก็คิดดิว่าพี่เมืองจะรู้สึกยังไง”

“ใครใช้ให้มึงเสือกเวลากูคุยกับพี่เมืองล่ะ”

“ไม่ได้เรียกเสือกโว้ย ตอนนั้นกูอยู่กับมึงพอดี ก็เลยเห็นพอดี บังเอิญอ่ะ รู้จักป้ะ บังเอิ๊ญบังเอิญ”

“เหี้ย”

“ผู้ชายด่าแปลว่าผู้ชายรัก”

อยากเอาเท้ายันให้หงายหลัง ดูซิว่าจะคิดว่ารักอีกมั้ย

มาวินพูดถึงตอนที่เรานั่งอยู่ด้วยกันในโรงอาหาร ผลัดกันถามตอบเพื่อติวก่อนเข้าสอบ ยังไม่ทันจบแจ้งเตือนในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัด เห็นว่าเป็นไลน์จากเมืองน้ำ เพื่อนตัวดีเลยปล่อยให้เขาคุยกับเมืองน้ำก่อน

เรียกง่ายๆ ก็คืออยากใส่ใจว่าเขากับพี่เมืองจะคุยอะไรกันนั่นล่ะนะ

เซลฟี่หน้าตัวเอง กับนิ้วเล็กๆ ที่ชูขึ้นมาสองนิ้ว พร้อมข้อความสั้นๆ อย่าง ‘สู้ๆ’ ทำให้ทั้งยิ้มขำ ทั้งเขินจนอยากละลายมันซะเดี๋ยวนั้น ร้อยเอกไม่รู้จะตอบอะไร เลยส่งสติ๊กเกอร์น่ารักๆ กลับไป

แค่นั้นมาวินก็ล้อยาวๆ จนถึงตอนนี้

ทำไมล่ะ คนอย่างร้อยเอกจะซื้อสติ๊กเกอร์แบ๊วๆ มาไว้ใช้กับเมืองน้ำไม่ได้เหรอ ก็คนที่คุยน่ารักซะขนาดนั้น ต้องหาอะไรที่มันกุ๊กกิ๊กมาสู้หน่อยสิ

ร้อยเอกพาเมืองน้ำไปแคสติ้งที่บริษัทของพ่อหลังจากสอบเสร็จ เพราะโปรเจกต์นี้ประกาศรับสมัครผ่านทางออนไลน์ เลยมีคนมาร่วมแคสติ้งหลายร้อยคน กว่าจะถึงคิวพี่เมือง กว่าจะสัมภาษณ์ ไหนจะเทสต์หน้ากล้องก็ลากไปจนตอนห้าทุ่มกว่า ดีที่พ่อยกเลิกเรื่องที่บอกให้อยู่รอเพื่อทานข้าวด้วยกัน ไม่อย่างนั้นคงนอนช้ากว่าตีหนึ่งแน่ๆ

ไม่รู้ป่านนี้จะตื่นหรือยัง บอกให้นอนพักก็ไม่เชื่อ จะไปด้วยกันท่าเดียว บทจะดื้อก็ดื้อจนเป็นเมืองน้ำซะเองที่ดูอายุน้อยกว่าเขา

“พี่มาแล้ว อ้าว...ร้อยหลับอยู่เหรอ”

แค่คิดถึงก็ปรากฏตัว คนถูกน้ำเสียงเจื้อยแจ้วกล่าวถึงลืมตามอง เมืองน้ำอยู่ในชุดเสื้อยืดสีฟ้าพาสเทล กางเกงยีน ถุงเท้าลายแครอท กระเป๋าเป้ที่บอกจะใส่ของกินมาให้เต็ม และหมวกแก๊ปสีขาว

จัดเต็มมาก เหมือนตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่หกโมง คนอยากเห็นทุ่งนากระตือรือร้นอย่างนี้นี่เอง

“ร้อยเอกยิ้มอะไรอ่ะ”

เขายิ้มเหรอ

เออแฮะ ยิ้มจริงๆ ด้วย

“ไปกันเลยมั้ยครับ ผมหายง่วงละ”

“มึงแน่ใจนะ”

“ไม่แน่ใจว่ะ” มาวินด่าเพื่อนรักทางสายตา สร้างเสียงหัวเราะให้ร้อยเอก “มึงขับแล้วกันนะ กูของีบต่อบนรถ ครึ่งทางแล้วค่อยเปลี่ยนกันขับ”

“ถ้าง่วง พี่ขับให้ก็ได้นะ”

“ไม่ได้!”

สองหนุ่มตอบพร้อมกัน ขณะที่เมืองน้ำขมวดคิ้วจนยุ่ง ปากนุ่มบิดเบี้ยวเพราะถูกขัดใจ อยากจะงอแงต่อ แต่ก็ทำได้แค่ยอมและก้าวตามเจ้าของบ้านไปที่รถ

สาเหตุแรกที่ร้อยเอกและมาวินไม่ให้เมืองน้ำขับรถ เพราะรุ่นพี่ตัวเล็กเป็นอีกคนที่นอนน้อย เกิดหลับในตอนขับน่ะเรื่องใหญ่เลยนะ ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมนั่นแหละดีที่สุด

ส่วนสาเหตุที่สอง...

“ร้อยเอก พี่หนักนะ”

“ขอหนุนตักหน่อย”

อีกครั้งที่เมืองน้ำพูดไม่ออก ไม่ทันได้เถียงเจ้าเด็กตัวสูงก็ล้มตัววางศีรษะบนหน้าตักนุ่มๆ ซะแล้ว โจ่งแจ้งแบบนี้ ไม่กลัวมาวินแซวหรือไง ไหนว่าไม่ชอบให้เพื่อนรักทำหน้าที่มือชงอันดับหนึ่งไงล่ะ

“รอบนี้ง่วงจริงๆ ไม่ง่วงหลอกๆ แบบวันนั้นแล้วครับ”

อะไรเนี่ยยย

“พี่เมืองอย่าขยับเยอะได้ป้ะ คนจะนอน” ร้อยเอกพูดทั้งที่หลับตา รอให้คนผิวขาวหยุดเคลื่อนไหวแล้วจึงหรี่ตามองมาวินที่ประจำตำแหน่งคนขับ

มาวินหันมามองใบหน้าหล่อ เกิดประกายวิบวับผ่านแววตาของคนทั้งคู่

เป็นอันรู้กันว่าครั้งนี้กัปตันยอมให้พายเรือได้ง่ายๆ

“แค่ขยับเพราะนั่งไม่ถนัดเฉยๆ แค่นี้ก็ต้องดุด้วย”

“ผมดุตรงไหน มีคำไหนที่เรียกว่าดุ”

“เสียงดุ”

ร้อยเอกขำกับสิ่งที่ได้ยิน

“ครับๆๆ ดุก็ดุ ไม่อยากให้ดุก็นั่งนิ่งๆ เอาหมอนรองคอตรงเบาะหน้ามาหนุนได้นะ พี่เมืองก็น่าจะง่วงเหมือนกัน”

“หมอนครับพี่เมือง”

เยี่ยมมากเพื่อนรัก สมกับเป็นชิปเปอร์คู่ร้อยเมือง ทำหน้าที่ได้ดีจริงๆ

ร้อยเอกหลับตาลงอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนตัวนุ่มรับหมอนรองคอจากมาวินมาแล้ว น้ำหนักบนเปลือกตาค่อยๆ จางหาย พร้อมความฝันที่เดินทางไปพร้อมกับรถยนต์

เมืองน้ำเบือนสายตาจากโครงหน้าได้รูปเป็นนอกกระจกรถ วินาทีเดียวก็กลับมามองเด็กตัวสูงที่นอนผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เมื่อวานร้อยเอกต้องเสียพลังงานไปเท่าไหร่กันนะ ทั้งสอบ ทั้งขับรถ ทั้งรอเมืองน้ำแคสติ้งตั้งหลายชั่วโมง วันนี้ยังต้องไปเก็บข้อมูลทำงานที่ต่างจังหวัดอีก

ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ

มือเล็กเลื่อนขึ้นวางบนศีรษะของอีกคน มอบสัมผัสอ่อนโยนผ่านการลูบเบาๆ บนเรือนผมสีน้ำตาล

ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เมืองน้ำสนใจเรื่องราวในชีวิตร้อยเอกมากขนาดนี้ เห็นว่าจะไปเก็บตัวอย่างงานที่บ้านคนรู้จักในสุพรรณบุรี ก็อยากรู้ว่าสภาพแวดล้อมที่นั่นเป็นยังไง บรรยากาศแบบไหนที่ร้อยเอกชอบ จะเหมือนที่จินตนาการไว้หรือเปล่า

พอคิดถึงตรงนี้ หัวใจก็อัดแน่นด้วยความตื่นเต้น และริมฝีปากก็เผยรอยยิ้มได้ไม่ยาก

มีความสุขง่ายๆ เพราะแค่ได้เห็น ได้นึกถึง ได้ทำอะไรดีๆ ให้คนที่เป็นความสบายใจของเรา

เมืองน้ำไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครเลย



(⺣◡⺣)♡*



รูปถ่ายรูปใหม่ถูกอัพโหลดลงเพจและอินสตาแกรม ไม่ถึงสิบนาทีก็มีคอมเมนต์มากมายเด้งมาให้อ่านเหมือนเคย หนนี้ดูจะเยอะกว่าทุกครั้งที่โพสต์ ซ้ำยังเต็มไปด้วยข้อความที่จับใจความได้ว่าคิดถึง

เมืองน้ำไม่ได้โพสต์รูปเยอะเท่านี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว เพราะไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวในที่สวยๆ มีแต่โพสต์โฆษณา ซึ่งพอย้อนอ่าน เพจของเมืองน้ำก็ดูเหมือนเป็นห้างสรรพสินค้าอย่างที่คนอื่นเขาว่า

เห็นทีคงต้องรีบเคลียร์ตัวเองให้กลับไปว่างเท่าเมื่อก่อนสักหน่อยแล้ว จะได้มีเวลาหาเรื่องราวมาแชร์ให้คนในเพจได้อ่าน

เหมือนวันนี้ที่โพสต์ถามว่ามาทุ่งนาควรเอาอะไรมาด้วย หมวก แว่นกรองแสง เสื้อแขนยาว กระเป๋าใส่ของ ขนม ของกิน ที่ชาร์จแบตสำรอง มีอะไรอีกนะ...

“ครีมกันแดด”

เมืองน้ำทาครีมกันแดดมาจากบ้าน ไม่ได้พกใส่กระเป๋ามา เพราะทั้งมาวิน ร้อยเอก รวมถึงเพื่อนที่ทำงานกลุ่มด้วยกันอีกสองคนไม่มีใครใช้

แต่ว่า...

“รับไปทาสิพี่เมือง”

ไม่ยักรู้ว่าร้อยเอกมีครีมกันแดดติดกระเป๋ามาด้วย

“พี่ทามาแล้ว นี่ร้อยซื้อเองเหรอ”

“ใช่ ผมซื้อเอง”

“ยี่ห้อเดียวกับพี่ด้วย” เรียวปากอิ่มอมยิ้มน้อยๆ

“อะไร ผมไม่ได้ซื้อตามนะ เห็นลดราคาเลยซื้อเก็บไว้ แค่นั้นแหละ”

“พี่ก็ยังไม่ได้บอกว่าร้อยซื้อตามเลยนะ”

ร้อยเอกยืนอยู่ด้านล่าง ส่วนเมืองน้ำนั่งอยู่บนแคร่ที่วางไว้ในเพิงเล็กๆ ใต้ต้นไม้ มองเลยไหล่หนาออกไปด้านหลังจะเห็นทุ่งนาสีเขียวขจี กว้างใหญ่ ไกลสุดลูกหูลูกตา น้องควายตัวเล็กที่เดินตามแม่ควายไปกินหญ้า และรุ่นน้องคนอื่นๆ ที่แยกกันทำงานคนละมุม

รุ่นน้องที่แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เก็บตัวอย่างงานใกล้เมืองน้ำ วางเคียวเกี่ยวข้าวบนแคร่ มือที่ใส่ถุงมือผ้าจับหมวกปีกกว้างเอาไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างยื่นหลอดครีมกับหมวกอีกใบมาให้

เมืองน้ำรับของจากร้อยเอก ขณะที่ริมฝีปากยังอมยิ้มกับคำแก้ตัวของอีกคนไม่หยุด

“ใช้หมวกนี้ดีกว่าครับ บังแดดบังลมได้เยอะกว่าหมวกแก๊ป”

“ครับผม”

เคยบอกใช่มั้ยว่าร้อยเอกเก่งทุกอย่าง ตั้งแต่งานบ้านไปจนถึงงานช่าง ความรู้รอบตัวมีเยอะพอๆ กับต้นข้าวในผืนนาซะอีก มีร้อยเอกคนเดียวก็สบายไปทั้งชีวิต

ถึงตอนนี้เมืองน้ำก็ยังยืนยันคำเดิมนะ

“แล้วนี่ร้อยทำงานเสร็จแล้วเหรอ”

“ระดับไหนแล้วผมอ่ะ ไม่เสร็จไม่เดินมาตรงนี้หรอก”

“เว่อร์มาก ไม่เว่อร์สักวันจะขาดใจเลยมั้ย”

“คิดว่าขาด เอ๊ะ หรือไม่ขาดดี แต่ผมว่าขาดดีกว่า”

“กวนประสาท”

ร้อยเอกคว้ากำปั้นเล็กๆ ที่ง้างขึ้นเตรียมทุบลงบนไหล่ ดูจากใบหน้าน่ารักที่เกี่ยวพันยุ่งเหยิงคงหมั่นไส้เขาเต็มทน ได้ยินเสียง ‘ฮึ่ย’ เบาๆ ตามหลังแรงขัดขืนบนข้อมือที่จับกุมอยู่ รอจนมั่นใจว่าเมืองน้ำจะไม่อยากทุบเขาอีกรอบจึงยอมปล่อยโดยดี

ร้อยเอกปัดเศษใบไม้บนแคร่ให้ร่วงลงพื้น ก่อนจะขึ้นมานั่งข้างคนตัวเล็ก

เมืองน้ำปิดเปลือกตารับสายลมที่พัดผ่าน ความเย็นของอากาศเหมือนเศษแก้วที่เสียดกระทบผิว แต่เป็นเศษแก้วที่ไม่ทำให้บาดเจ็บ เมืองน้ำกลับรู้สึกดีที่ได้สัมผัสบรรยากาศดีๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ

“พี่เมืองชอบที่นี่มั้ย”

“ชอบสิ พี่ชอบมากนะ”

ชอบทั้งบรรยากาศ ชอบทั้งคนที่อยู่ข้างๆ กันเลย

“ที่บ้านปู่ผมก็มีอะไรคล้ายๆ ที่นี่นะ แต่ไม่ได้มีแค่นาอย่างเดียว”

คิ้วสีน้ำตาลเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ขณะที่คนเด็กกว่าถอดถุงมือไปวางบนแคร่

“อย่างที่เคยบอกแหละครับ มีต้นไม้ มีสวนปลูกผัก แล้วก็มีบ่อน้ำไว้พายเรือด้วยนะ ที่นั่นห่างจากตัวเมืองเยอะหน่อย แต่ก็มีเน็ตให้เล่น เวลาผมปิดเทอมก็จะไปหาปู่ ไปนอนเล่นเฉยๆ ก็มีความสุขแล้ว เหมือนได้ชาร์จพลัง”

“…”

“ผมอยากให้พี่เมืองไปชาร์จพลังที่นั่นดู”

“จะชวนพี่ไปเที่ยวบ้านปู่เหรอ”

“ไปนอนเฉยๆ ก็ได้นะ”

กวนประสาททุกที แต่ก็เป็นการกวนที่ทำให้ยิ้มอีกครั้งจนได้

“ปู่ร้อยดุมั้ย พี่กลัวจะทำอะไรให้ท่านไม่พอใจ”

“ก็ต้องลองไปเอง ถึงจะรู้ว่าปู่ผมดุหรือเปล่า”

“อะไรอ่ะ นี่คือมัดมือชกให้พี่ไปให้ได้เหรอ”

“ผมเปล๊า”

“เสียงโคตรสูง”

เมืองน้ำเคยได้ยินเรื่องราวของปู่ร้อยเอกจากคุณป้า ท่านเป็นคนง่ายๆ รักธรรมชาติ ใช้ชีวิตอยู่กับไร่กับสวน ตอนพ่อของร้อยเอกตัดสินใจเปิดบริษัทที่กรุงเทพฯ ก็ไม่ยอมย้ายมาอยู่ด้วยกัน อ้างว่าขี้เกียจเดินทาง ใครอยากไปก็ไป ถ้าคิดถึงค่อยกลับมาหา ถึงจะเสียภรรยาไปแล้ว ก็ยังมีเด็กๆ แถวนั้นอยู่เป็นเพื่อน ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมย้ายจากสุโขทัยเด็ดขาด

ร้อยเอกเคยบอกว่าความชอบในทุกวันนี้ได้มาจากปู่ แสดงว่าท่านต้องเป็นคุณปู่ที่ดีมากแน่ๆ

“ตอนผมเป็นเด็ก ปู่สอนผมว่าธรรมชาติคือสิ่งสวยงาม ต่อให้เราตายไป ธรรมชาติก็ยังอยู่ ถ้ารักธรรมชาติก็รักให้มากๆ วันไหนที่ไม่ได้อยู่กับธรรมชาติแล้ว จะได้ไม่เสียดายว่าทำไมวันนั้นถึงไม่รัก”

“...”

“เวลาผมชอบหรือสนใจเรื่องไหน ผมก็เต็มที่กับทุกอย่าง บางอย่างพยายามสุดตัวแล้วล้มเหลว ไม่ได้ดั่งใจ ก็เสียใจนะ แต่ไม่เสียดาย”

“...”

“ผมไม่เชื่อเรื่องความพยายามไม่เคยทำร้ายใคร ถ้าไม่เคยทำร้ายใครจริงๆ ในโลกนี้ก็คงไม่มีความผิดหวัง กับแฟนคนก่อนที่เคยเล่าให้ฟัง ผมก็มั่นใจว่าตัวเองพยายามจนถึงที่สุดแล้ว แค่ความพยายามของเรามันไม่มากพอสำหรับเขา ทุกอย่างมันเลยจบ”

“คนนั้น...ใจร้ายกับร้อยจังเลยนะ”

“ครับ ใจร้ายมาก”

“...”

“แต่พี่เมืองคงไม่ใจร้ายกับร้อยแบบเขาหรอกเนอะ”

อะไรนะ

เดี๋ยวก่อนสิ จู่ๆ ก็โดนพูดใส่แบบนี้ ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ทำให้หน้าร้อนผ่าว แถมยังเพิ่มจังหวะชีพจรใต้อกด้านซ้ายได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

ถ้าเมืองน้ำหมดลมหายใจ ขอให้รู้ไว้เลยว่าร้อยเอกคือสาเหตุ

“เขินก็บอก”

“เขินอะไรเล่า”

“โกหกเป็นบาปนะพี่เมือง”

ฮื่อออ~

กลับไปเป็นร้อยเอกคนเดิมไม่ได้เหรอ ร้อยเอกเวอร์ชั่นนี้น่ะอันตรายสุดๆ เลย

“ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ผมยังมีเวลาถามอีกเยอะ เผลอๆ อาจได้ถามไปจนแก่”

“ใครจะอยู่กับร้อยจนแก่อ่ะ”

“อ้าว พี่ไม่อยากอยู่กับผมไปนานๆ เหรอ นึกว่าจะอยู่บ้านข้างกันไปตลอดซะอีก”

“...”

“หรือจะอยู่บ้านเดียวกันดี”

“อยากโดนทุบจริงๆ ก็ลองพูดอีกทีดิ”

เหมือนลูกหมาแยกเขี้ยวขู่ชัดๆ น่ากลัวจนอยากหยิกให้หูตั้ง ที่ไม่พูดต่อ ไม่ใช่ว่ากลัวโดนทุบหรอกนะ แต่เห็นสีแดงจางๆ บนแก้มเนียน ร้อยเอกก็คิดว่าพอจะรู้คำตอบที่เมืองน้ำไม่ยอมรับแล้ว

เขินได้โคตรน่ารัก

“ไม่เบื่อหน้าพี่เหรอ ต้องอยู่ด้วยกันจนแก่เลยนะ”

“แล้วพี่เมืองล่ะครับ ถ้าต้องอยู่ด้วยกันจนแก่ จะเบื่อหน้าผมมั้ย”

“ไม่เบื่อ”

คำพูดคำจาก็สุดแสนน่าเอ็นดู

“พี่นี่มัน...”

ร้อยเอกมันเขี้ยวเมืองน้ำจะตายอยู่แล้ว อยากจับเข้ามาบีบให้ตัวแตก!

“อะไร พี่อะไร พูดดีๆ นะ”

“ไม่พูดละ ผมไปขุดไส้เดือนต่อดีกว่า”

“อย่าทำให้อยากรู้แล้วจากไปนะร้อยเอก ห้ามไปไหนทั้งนั้น” เมืองน้ำคว้าแขนคนตัวโตที่เตรียมกระโดดลงจากแคร่เอาไว้มั่น ดึงให้คนที่ตั้งใจหนีกลับมานั่งที่เดิม ร้อยเอกแกล้งทำหน้าเจ็บปวดกับการถูกดึง และวินาทีต่อมาก็ถูกฟาดด้วยมือเล็กเข้าเต็มๆ

มือหนักอย่างกับช้าง โกรธเกลียดอะไรร้อยเอกวะเนี่ย

“ไหนบอกว่างานเสร็จแล้วไง ถ้าเสร็จก็ไม่ต้องไปขุดไส้เดือนเพิ่มสิ”

“ก็อยากขุดอีก ผมขุดมาแค่ตัวเดียว อยากเอาอีกตัวมาอยู่เป็นเพื่อน”

“เหรอ”

“ใช่”

“เชื่อตายแหละ”

แค่พูดไม่พอ ต้องทำหน้าตาเหมือนได้กลิ่นเหม็นอย่างนั้นด้วย

“น้องเอกมาช่วยน้ายกปิ่นโตหน่อยลูก!”

“น้าเรียกผมแล้ว จะปล่อยได้ยัง” ร้อยเอกพยักพเยิดใบหน้าไปด้านหลัง ตำแหน่งมีเสียงเรียกจากญาติดังแว่วมา ลดสายตาลงมองมือขาวที่วางอยู่บนแขนของเขา แค่นั้นคนจับก็ชักมือออกทันที

“ปล่อยแล้ว จะไปก็ไปดิ”

“ทีงี้อ่ะไล่เลยนะ”

“ไปเร็วๆ เดี๋ยวคุณน้ารอนาน”

“ทราบแล้วครับคุณยายยย~”

วันไหนที่ร้อยเอกไม่กวนประสาทเมืองน้ำจนเสี่ยงโดนทุบ วันนั้นถือเป็นร้อยเอกตัวปลอม เมืองน้ำจะจำคตินี้ไว้รับมือกับอีกคนในอนาคต

ร้อยเอกเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนอีกสามคนที่ทำงานเสร็จแล้ว และกำลังเดินมาทางนี้ เมืองน้ำเลยจัดแจงพื้นที่สำหรับมื้อเย็นโดยเร็ว เริ่มจากหยิบเคียวเกี่ยวข้าวที่เด็กตัวสูงวางทิ้งไว้ไปเก็บในที่ปลอดภัย เก็บหมวกแก๊ป รวมถึงครีมกันแดดใส่กระเป๋าเป้ ปัดเศษใบไม้ และผูกริบบิ้นของหมวกปีกกว้างเป็นโบว์หลวมๆ ไว้ที่ปลายคาง

“คอแห้งมั้ยครับพี่เมือง ผมพกน้ำผลไม้มาจากกรุงเทพด้วยนะ”

“เอามาก็ได้ พี่กำลังหิวอยู่พอดีเลย”

เชื่อว่าอาหารมื้อนี้จะต้องเป็นมื้อที่อิ่มทั้งกายและใจอีกหนึ่งมื้อแน่นอน ก็เพื่อนของร้อยเอกใจดีกับเมืองน้ำขนาดนี้นี่นา



(⺣◡⺣)♡*


มีต่อ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.15 ☆ จูบ (5/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 05-11-2018 20:11:35
ต่อค่ะ

.
.
.

Album created.
Total: 58


101 :
ถ่ายไปทำโฟโต้บุ๊กรึไง เยอะเกิ๊น


โดนบ่นอีกตามเคย ที่จริงก็บ่นตั้งแต่เมืองน้ำขอถ่ายเลยล่ะ

ลานกว้างที่แวะก่อนกลับกรุงเทพฯ กับแสงยามเย็นสีส้มนวล ไหนจะดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้านั่นอีก พอเอามารวมกับร้อยเอกที่ดูดีอย่างกับดารา จะนั่งเฉยยังไงไหว อีกอย่างนึงนะ ตอนนั้นไม่มีมาวินคอยแซวคอยชงแล้วด้วย รายนั้นกลับกับเพื่อนอีกสองคนเพราะจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ เท่ากับว่ามีแค่เมืองน้ำกับร้อยเอก ไม่มีอะไรต้องอายเลย

แม้จะบ่นไม่ขาดสาย แถมยังชอบทำหน้าหงิกใส่กันอีกด้วย แต่นายแบบสุดหล่อก็ยอมให้ถ่ายจนจบ

ผู้ชายปากร้ายใจดีเป็นอย่างนี้นี่เอง


m.nam ☆° :
เดี๋ยวเปิดพรีเลยดีมั้ย 55555
จะเอารูปไหนไปลงไอจีก็เซฟไปเลยนะ
ถ้ายังไม่สวยก็แต่งในแอพก่อนก็ได้
โทรศัพท์ร้อยไม่มีแอพแต่งรูปหนิ ใช่ป้ะ
ถ้าจะแต่งก็บอก พี่จะแนะนำแอพให้
ลงรูปตัวเองบ้าง โพสต์แต่ต้นไม้ใบหญ้า
นึกว่าต้นไม้เล่นไอจีได้แล้วเนี่ยยย


101 :
แล้วแต่


เมืองน้ำวาดยิ้มกว้างกับข้อความที่อีกฝ่ายส่งกลับมา สั้นๆ ง่ายๆ ทว่าแตกต่างจากเมื่อก่อน ถ้าเป็นเมื่อเดือนสองเดือนที่แล้ว ร้อยเอกคงใช้คำพูดแรงๆ จนไม่กล้าพิมพ์ต่อไปแล้ว แต่ครั้งนี้คู่กัดคนเก่งตามใจเมืองน้ำสุดๆ เลยนะ จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง

แต่ว่านะ...นั่งใกล้กันแค่นี้ จะแชททำไมก็ไม่รู้

นิ้วเล็กๆ สัมผัสสลับแอพไปยังบราวเซอร์ซึ่งเปิดวิธีทำอาหารค้างไว้ แล้ววางมันไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นที่นำออกมากางแทนโต๊ะอาหาร เจ้าของห้องนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม กินข้าวผัดฝีมือเมืองน้ำโดยไม่พูดอะไร มือข้างหนึ่งจับโทรศัพท์ เลื่อนนิ้วไปมาขณะอ่านข้อความบนจอ หลุดขำเมื่อเจออะไรตลกๆ ในนั้น ส่วนอีกข้างหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเมื่อทานอาหารในจานหมดแล้ว

ก่อนยกมาที่นี่ เมืองน้ำก็อ่านทวนจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีขั้นตอนไหนขาดตกบกพร่อง เครื่องปรุงเอย วิธีทำเอย ต้องอร่อยอย่างที่คิดไว้สิ

“จืดมากเลยอ่ะ”

ใช่ จืดมาก จืดจนคิดว่าผัดข้าวกับน้ำมัน

“ไม่หรอกครับ อร่อยดี”

“รักษาน้ำใจพี่เหรอ มันจืดจริงๆ นะ ทำไมพี่ทำไม่อร่อยเหมือนร้อยเลยอ่ะ”

ขำอีกแล้ว มีอะไรตลกนักหรือไงร้อยเอก

“ถ้ามันจืดมากจริงๆ สิบเอกก็ต้องเดินมาบ่นแล้วมั้ง นี่หายไปเลย อย่าคิดมากน่า”

มันจืดจริงๆ นะ เมืองน้ำสาบานได้ น้องสิบที่ขอเอาข้าวไปกินที่ห้องเพราะอยากกินไปเล่นเกมไปอาจจะคิดเหมือนกัน แต่ไม่อยากทิ้งเกมเพื่อเดินมาบอกเมืองน้ำว่าจืดก็ได้

“พี่เมืองอย่าคิดอะไรหยุมหยิมสิ มันอร่อยตั้งแต่พี่เมืองตั้งใจทำให้ผมกับสิบแล้วนะ”

ตั้งแต่กลับมา ร้อยเอกเอาแต่นอน ถ้ามีรับจ้างนอนเป็นงานประจำ เชื่อว่าอีกคนคงสมัครทำงานไปแล้ว ถึงอย่างนั้นก็แวะมาตอบไลน์นิดๆ หน่อยๆ แล้วก็หายไปพร้อมกับประตูระเบียงและผ้าม่านที่ปิดสนิท ไม่รู้ว่าลงจากห้องมากินข้าวบ้างหรือเปล่า ยิ่งวันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเป็นเพื่อนนอกจากสิบเอกแล้วด้วย ยิ่งเป็นห่วงเข้าไปใหญ่

เมืองน้ำก็แค่อยากทำอาหารอร่อยๆ มาเติมพลังคนเหนื่อย แต่เพราะรสชาติไม่เป็นอย่างที่หวัง ก็เลยเกิดอาการผิดหวังแค่นั้นเอง

เปล่าหยุมหยิมสักหน่อยนะ

“อย่าทำปากยู่ได้มั้ย”

“โอ๊ย!” ส่งเสียงร้อง พลางเอนตัวหลบคนตัวสูงที่ยื่นมือมาบีบริมฝีปากจิ้มลิ้มอย่างมันเขี้ยว “มาแกล้งพี่ทำไม”

“ก็พี่เมืองน่าแกล้ง”

คำพูดนี้ทำให้ร้อยเอกถูกมองค้อนเข้าจังๆ แต่เขาไม่สนใจหรอก ก็พี่เมืองน่าแกล้งมากจริงๆ

ร้อยเอกโยนโทรศัพท์ไว้บนปลายเตียง เก็บจานข้าวทั้งของตัวเองและคนตัวเล็กไปวางไว้ตรงมุมห้อง เก็บโต๊ะให้เรียบร้อย แล้วก้าวช้าๆ ไปเปิดม่านออกจนสุด

ไม่ได้เห็นแสงสว่างอย่างนี้มาหนึ่งวันเต็ม เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการนอน และกะจะนอนต่ออีกหน่อยถ้าไม่มีคนส่งรูปถ่ายตอนตั้งใจหั่นหัวหอมจนน้ำตาไหลมาให้ ไม่เถียงว่าอาหารที่เมืองน้ำทำให้น่ะจืดจริงๆ แต่พอนึกถึงความตั้งใจแล้วร้อยเอกก็ติไม่ลง

คิดดูสิ แค่ทำข้าวผัดจืดยังนอยด์ขนาดนี้ ถ้าโดนคนบอกว่าไม่อร่อย พี่เมืองจะเศร้าขนาดไหน

นึกแล้วมันเขี้ยวชะมัด อยากบีบปากนุ่มๆ อีกสักสิบรอบ

“แล้วนี่แปรงฟันยังอ่ะ”

“ยัง”

“กินข้าวโดยไม่แปรงฟันเนี่ยนะ”

“ทำไมอ่ะ แปรงทีหลังก็ได้นี่ครับ ไม่เห็นแปลก”

“แปลก แปลกมากๆ ไม่เคยเห็นใครกินข้าวแล้วค่อยแปรงฟันอย่างร้อยเอกเลย” เมืองน้ำเดินเข้ามาหาเขา ชี้ปลายนิ้วไปทางห้องน้ำ “ไปแปรงฟันเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวนะ...ยิ้มอะไรอ่ะ”

“เทคแคร์ดี๊ดี อย่างนี้ต้องให้รางวัลเพื่อนบ้านดีเด่นสักหน่อยละ”

“อย่าเว่อร์ พี่บอกให้ไปแปรงฟันไง”

“แปรงให้ผม...”

“ไม่!”

ยังพูดไม่จบประโยค รีบตอบกลับมาเชียวนะ

“พี่เชื่อจริงๆ เหรอว่าผมยังไม่แปรงฟัน”

“ก็ร้อยบอกเองว่ายังไม่แปรง”

“งี้ถ้าผมบอกว่าไม่อาบน้ำมาสามวัน พี่เมืองจะเชื่อมั้ย”

“ทำไมต้องชวนทะเลาะด้วยอ่ะ”

“ผมเปล่าชวนทะเลาะนะ”

“ชวน”

ร้อยเอกเพิ่งสังเกตตัวเองว่าเขาน่ะเหมือนโรคจิตขึ้นทุกวัน ชอบเวลาได้เถียงกับเมืองน้ำ ชอบเวลาคิ้วสีน้ำตาลเข้มย่นเข้าหากัน ชอบเวลาใบหน้าน่ารักง้ำงอเพราะอยากจะเอาชนะเวลาเถียงกับเขา ซึ่งหลายๆ ครั้งเขาก็เป็นฝ่ายยอมแพ้เพราะไม่อยากให้การเถียงกันเล่นๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่โต

ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

“โอเคๆ ผมชวนก็ได้”

ร้อยเอกเวอร์ชั่นยอมแพ้ไม่เป็น อ่อนข้อให้คู่กัดตัวเล็กไม่ได้

ร้อยเอกเวอร์ชั่นนั้น ค่อยๆ หายไปตั้งแต่หัวใจเปิดให้คนคนนี้เดินเข้ามาเลยมั้ง

“แล้วนี่พี่เมืองจะกลับบ้านเลยมั้ย”

“อืม…” ตาคู่ใสขยับไปมาราวครุ่นคิด ก่อนจะหยุดมองเขาตรงๆ เมื่อได้คำตอบ “ก็มีงานต้องเคลียร์นะ แต่พี่ยกมาทำที่นี่ได้มั้ย ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว”

แปลกดี

เมืองน้ำไม่เคยอยู่ในห้องร้อยเอกนานเกินหนึ่งชั่วโมงเลยสักครั้ง ไม่คิดว่าจะขอเอางานมาทำบนห้องเขาด้วย

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ พี่เมืองไปเอางานมาทำเถอะ เดี๋ยวผมยกจานลงไปล้าง น่าจะเสร็จพร้อมกันพอดีนะ”

“ใจดีจัง”

“งั้นไม่ต้องมาละ อยู่คนเดียวเหอะ”

“ไม่เอา อย่าไล่พี่ดิ”

น่ารักแบบไม่เผื่อแผ่ใครจริงๆ

ไม่กี่วินาทีต่อมา คนตัวเล็กก็หมุนตัวก้าวลงไปด้านล่าง เหลือเพียงเจ้าของห้องที่มองตามหลังจนลับสายตา ร้อยเอกเดินมายกถาดอาหาร ชะงักหน่อยๆ กับปริมาณข้าวในจานของคนตัวเล็ก

ปกติพี่เมืองกินเยอะจะตาย เพราะเสียความมั่นใจกับเมนูที่ตั้งใจทำให้เขากับสิบเอก เลยกินข้าวไม่หมดงั้นเหรอ

อ่อนไหวง่ายๆ กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่สินะเมืองน้ำตัวจริงเสียงจริง พอเห็นแบบนี้ก็คิดถึงเมืองน้ำตอนเป็นมารร้ายที่ร้ายสุดกู่ขึ้นมาเสียดื้อๆ

ถ้าลูกหมาของเขาผ่านพ้นช่วงที่เอาแต่คิดมากไปได้ก็คงดีไม่น้อย คิดว่างั้นมั้ย



(⺣◡⺣)♡*



เตียงนอนห้องร้อยเอกนี่นุ่มชะมัด เมืองน้ำอยากจะซื้อมาไว้ที่ห้องตัวเองบ้าง

แต่ว่า... ความนุ่มระดับโรงแรมห้าดาว ราคาก็คงเอาเรื่องน่าดู

ตาคู่สวยละจากจอแล็ปท็อป เปลี่ยนเป็นมองเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่นั่งตรวจงานอยู่อีกมุม ร้อยเอกเป็นผู้ชายที่จริงจังกับเรื่องเรียนเสมอ แยกโต๊ะทำงานกับโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ออกจากกัน โต๊ะคอมพิวเตอร์มีแต่รูปตัวละครในเกม ส่วนโต๊ะทำงานมีกระดาษโพสต์อิทแปะไว้เต็มกระดาน เขียนข้อความสำคัญจากเนื้อหาที่เรียน กำหนดส่งงานวิชาต่างๆ แพลนเนอร์ที่วาดขึ้นเองและเขียนไว้ว่าในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง


เป็นผู้ชายที่...ละเอียดอ่อน แล้วก็น่าทึ่งในเวลาเดียวกัน

มีรูปต้นไม้พันธุ์ต่างๆ แปะเอาไว้ด้วย ที่บอกว่าชอบเรื่องไหนแล้วจะชอบแบบสุดตัว เมืองน้ำเห็นชัดแล้วว่าร้อยเอกเป็นอย่างที่พูดจริงๆ

ที่เขียนว่า ‘บ้านปู่ - กับพี่เมือง’ ไว้บนแพลนเนอร์ของตัวเองนั่นน่ะ คือเรื่องที่ชอบมากๆ ด้วยใช่มั้ย

คิดเองเขินเอง เมืองน้ำต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

สะบัดหัวไล่ความคิด ทว่าไอร้อนยังคุกรุ่นอยู่บนแก้ม เมืองน้ำดึงความสนใจกลับมาที่แล็ปท็อปคู่ใจ ลากเอฟเฟกต์มาใส่ในคลิปแล้วลองกดเพลย์เพื่อเช็กความเรียบร้อย

หูฟังที่ร้อยเอกบอกว่าดีกว่าอันที่เคยให้ใส่ มันดีมากจริงๆ นะ อาจจะเป็นเพราะเจ้าของหูฟังสวมให้ด้วยนั่นแหละ เมืองน้ำถึงรู้สึกดีขนาดนี้

เขินอีกแล้ว จะเขินทำไมนักหนาเนี่ย

ร้อยเอกวางมือจากงานที่นั่งทำมาจวนครบชั่วโมง ไล่สายตาดูคร่าวๆ แล้วพาร่างกายสูงโปร่งไปล้มกายนอนบนเตียง เมืองน้ำนอนคว่ำ ส่วนเขานอนหงาย อีกคนเหลือบมองเขา ทว่าครู่เดียวก็กลับไปมองจอสี่เหลี่ยม

“งานเสร็จยังครับ”

“อีกนิดนึง”

ตอนพูดว่า ‘นิดนึง’ นี่น่ารักโคตรๆ

“พี่เมือง”

“…?”

“ไปดูหนังกันมั้ย”

เมืองน้ำเลิกคิ้ว ขณะที่มือยังง่วนอยู่กับแทร็กแพด

“ว่าจะชวนตั้งแต่เช้าแล้ว แต่ลืม วันนี้มีหนังเข้าใหม่เยอะเลยด้วย น่าดูทั้งนั้นเลย”

“ร้อยจะดูเรื่องไหน”

“Stay Home”

“หนังรักอ่ะเหรอ”

“ไม่ค่อยรักเท่าไหร่ เห็นคนรีวิวว่าดราม่า”

“พี่ไม่ค่อยชอบดูหนังดราม่าอ่ะ อินง่าย ดูอะไรเศร้าๆ พี่จะเศร้าตาม”

“แต่ผมอยากดูกับพี่เมืองนะ”

มือบนแทร็กแพดหยุดเคลื่อนไหว และแก้มสีระเรื่อก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก

ร้อยเอกอยากซื้อสีแดงทั้งโลกมาไว้บนพวงแก้มของเมืองน้ำ มีเท่าไหร่ขอเหมาให้หมดเลย

“งั้นดูเรื่องอื่นก็ได้ เอาเรื่องที่ไม่ดราม่า”

“ก็ได้ๆ ร้อยจะไปดูที่ไหนล่ะ”

“เซ็นทรัลเวิลด์มั้ย ผมต้องไปเอาน้ำหอมให้แม่พอดี”

“รอบก่อนที่ไปด้วยกัน ร้อยพาพี่หลงนะ หาทางออกตั้งนานกว่าจะเจออ่ะ”

“ผมก็หลงทุกรอบนั่นแหละ ห้างมันซับซ้อนจริงๆ แต่เดี๋ยวนี้ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะนะ เมื่อก่อนผมหลงกว่านี้อีก”

“ไปทีไรพี่ก็หลงเหมือนกัน อย่างกับเขาวงกตแน่ะ”

เมืองน้ำหันมองคนที่ขำเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เห็นแล้วอดขำตามไม่ได้

“แต่หลงตลอดก็ดีนะ ร้อยจะได้เดินกับพี่เมืองนานๆ”

“เลี่ยน”

เป็นอีกครั้งที่หัวเราะออกมาพร้อมกัน ร้อยเอกปล่อยให้เมืองน้ำกดเรนเดอร์ไฟล์ให้เสร็จ นอนนิ่งๆ ไม่ส่งเสียง พร้อมกับเก็บรายละเอียดทุกการกระทำของอีกคนไปด้วย เขาชอบเวลาเมืองน้ำตั้งใจทำงาน ยิ่งเห็นว่าแววตาคู่ใสที่สะท้อนภาพบนแล็ปท็อปไม่สั่นไหวเหมือนตอนมองเขา ยิ่งชอบ

ชอบทุกอย่างที่เห็นในตอนนี้

“พี่เมือง”

ร้อยเอกไม่รู้ว่าบรรยากาศพาไปหรือเปล่า แต่ริมฝีปากนุ่มๆ ที่เม้มจนเป็นเส้นตรงตอนหันมาสบตาเขา น่าสัมผัสชะมัด

มองแค่ตายังรู้เลยว่านิ่ม ถ้าได้ลองพิสูจน์ ร้อยเอกอาจจะคลั่งตายเลยก็ได้

“ร้อยขอ...”

“ร้อยจะขออะไร”

ขอเอาปากแตะปาก

ร้อยเอกไม่กล้าบอกตรงๆ กลัวลูกหมาตัวน้อยจะตกใจและวิ่งหนีเขาก่อนจะลงมือทำ เพราะแบบนั้นจึงค่อยๆ ลดระยะห่างระหว่างเราแทน

เมืองน้ำไม่ขัดขืน ซ้ำยังคลายริมฝีปากที่ถูกกัดจนมีรอยช้ำเหมือนจะบอกว่าอนุญาต

ใจเต้นแรงชะมัด

ยิ่งใกล้ ยิ่งแรง

อีกนิด...

อีกแค่นิดเดียว...

เขาจะได้ครอบครอง

ตุ้บ!

“พี่ร้อย...”

แม่ง...

“สิบจะฟ้องแม่!”

แม่งเอ๊ยย!!

“พี่ร้อยจะจุ๊บพี่เมือง สิบจะฟ้องแม่!”

เมืองน้ำอยู่ในอาการไปต่อไม่ถูก สติถูกดึงกลับมาและสั่งให้ดึงผ้าห่มมาบังใบหน้าแดงแจ๋ทันที ส่วนร้อยเอก เขาอยากสบถด้วยคำแรงๆ แต่น้องชายที่ยืนนิ่งตรงประตูพร้อมห่อขนมที่ร่วงลงพื้นคงช็อกกว่าเดิมถ้าได้ยินคำหยาบ ขายาวก้าวลงจากเตียง รีบเดินไปหาน้องชายตัวจิ๋ว ปิดใบหน้ากลมด้วยมือใหญ่ และดันไหล่เล็กให้เดินกลับไปทางห้องตัวเอง

“สิบฟ้องแม่แน่ พี่ร้อยทำทะลึ่งกับพี่เมืองในบ้าน”

“ทะลึ่งอะไรสิบ ไม่ทะลึ่งเลยนะ แล้วก็ไม่ต้องฟ้องแม่ด้วย”

“ทะลึ่ง พี่ร้อยโคตรทะลึ่งเลย”

“สิบ ไม่...สิบฟังพี่ มันไม่ทะลึ่ง”

“พี่ร้อยจะจุ๊บพี่เมือง พี่ร้อยทำทะลึ่งให้สิบเห็น!!”

“สิ๊บบบบบบ!”

จูบก็ไม่ได้จูบ แถมน้องยังเข้ามาเห็นภาพที่เด็กไม่ควรเห็นอีก

ร้อยเอกอยากตายมากๆ ก็วันนี้

ปัดโถ่โว้ยยยยยย



(⺣◡⺣)♡*


(https://i.imgur.com/8LYLooy.jpg)
คลิกที่รูปเพื่อขยาย



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง




เวลาผ่านไปเร็วมากเลยค่ะ อีกไม่นานยกเว้นเรื่องคุณก็จะเดินทางถึงตอนจบแล้ว โค้งสุดท้ายของนิยายเรื่องนี้ยังมีสิ่งที่เราอยากบอกเล่าอีกหลายอย่าง และบางตอนอาจจะใช้เวลาแต่งนานกว่าตอนแรกๆ เพราะมีเนื้อหาเยอะพอสมควร แต่จะพยายามมาให้ไวที่สุดนะคะ
ขอบคุณมากจริงๆ ที่ติดตามกันจนถึงตอนนี้นะคะ
ทอล์คซะยาวเลย 5555
เจอกันตอนหน้าจ้า สุโขทัยรออยู่วววว -.,-

ปล. น้องสิบน่าจ๋งจ๋านนนนนน
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.15 ☆ จูบ (5/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-11-2018 00:43:07
 o13
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.15 ☆ จูบ (5/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 06-11-2018 12:19:44
น้องสิบลูก 5555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.15 ☆ จูบ (5/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 06-11-2018 22:01:57
ขอบคุณน้าาาาา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.16 ☆ ไม่มีน้องแล้วนะ (13/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 13-11-2018 20:12:27
16
ไม่มีน้องแล้วนะ

** อ่านช้าๆ นะคะ **



ถามว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นยังไง

ก็...สิบเอกเกือบเอาเรื่องที่เห็นโดยบังเอิญไปฟ้องแม่ คนเป็นพี่ขอร้องและอธิบายภาพที่น้องเห็นอยู่นาน สุดท้ายก็จบตรงที่สองพี่น้องทำข้อตกลงซึ่งกันและกัน ร้อยเอกต้องเติมเพชรในเกมให้น้องเป็นเวลาสามวันติด ห้ามเลท ห้ามขาด ห้ามเบี้ยว ไม่งั้นน้องจะเอาภาพติดเรททั้งหมดไปฟ้องแม่

พอทำข้อตกลงเสร็จ ร้อยเอกก็เดินกลับมาที่ห้อง ถอนหายใจอย่างโล่งอก กลับมาทำสีหน้าชวนหมั่นไส้อีกครั้งเมื่อเห็นว่าเมืองน้ำยังมุดตัวใต้ผ้าห่ม

ร้อยเอกล็อกห้องนอน ป้องกันไม่ให้ใครพรวดเข้ามา ก้าวขึ้นมาบนเตียงและบอกให้เมืองน้ำหยุดเอาผ้าห่มบังหน้าเสียที ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ทุกอย่างมันเกิดไปแล้วเต็มๆ

เมืองน้ำไม่กล้าร่นผ้าห่ม ซ้ำยังคลุมจนมิดทั้งตัวเพื่อไม่ให้อีกคนใช้คำพูดแกล้งกันได้อีก

มันเขิน เขินมาก นึกถึงตอนที่คนตัวสูงค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้ามาแล้วควันร้อนๆ ก็ฟุ้งกระจายทั่วพวงแก้ม ใจก็เต้นรุนแรงเหมือนมีคนไล่ตาม

หัวใจเกือบวาย

ถ้าน้องสิบไม่เข้ามา ป่านนี้คงสติหลุดไปแล้วแน่ๆ

เมืองน้ำไม่ใช่คนไร้ประสบการณ์สักหน่อย จะได้แปลไม่ออกว่าตอนนั้นร้อยเอกต้องการอะไร ถึงร้อยเอกไม่ตอบแต่ก็พอเดาได้

พอรู้ว่าร้อยเอกอยากจะ...จูบ ทุกอย่างก็เป็นไปตามธรรมชาติ

พอมานึกย้อนดู ไอ้การเป็นไปตามธรรมชาตินั่นแหละที่ทำให้เขินจนไม่กล้าโผล่หน้าออกไปเจอ

‘เห็นพี่เมืองเขินแล้วอยากขออีกเลยเนี่ย’

‘ไม่ให้แล้ว!’

‘น่านะ ผมขออีกนะ’

‘ไม่เอา!’

เสียงหัวเราะของร้อยเอก ทั้งน่าหมั่นไส้ ทั้งเพิ่มความเขินอาย คนที่ทะเลาะกันตลอด กลายมาเป็นคนที่ทำให้แก้มแดงทุกวันได้ยังไงเนี่ย

เมืองน้ำนอนคลุมโปงอยู่อย่างนั้นเกือบครึ่งชั่วโมง รู้สึกได้ถึงเม็ดเหงื่อและความอบอ้าวใต้ผ้าห่ม และสงบตัวเองได้แล้วจึงยอมโผล่หน้าออกมา ร้อยเอกไม่ได้อยู่แกล้งกันเหมือนเดิมแล้ว คนตัวสูงจดจ่ออยู่กับงาน บอกจะเคลียร์ให้เสร็จก่อนถึงเวลานัด เมืองน้ำเลยรีบส่งงานให้ลูกค้า ทำทุกอย่างให้เสร็จพร้อมเจ้าของห้อง แต่ก็ช้ากว่าอีกคนอยู่ดี

เห็นทีต้องเก็บเงินซื้อเครื่องใหม่ซะแล้ว เครื่องปัจจุบันนี่ไม่ทันใจเลย

‘ผมซื้อให้เอามั้ย’

‘จะบ้าเหรอ เครื่องนึงตั้งแพง พี่เก็บเงินซื้อเองได้’

‘เก็บเองแล้วเมื่อไหร่จะได้ซื้อ พี่เมืองต้องเอาเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคตไม่ใช่เหรอ’

ร้อยเอกเป็นอะไรไม่รู้ เอาแต่พูดเรื่องซื้อคอมให้อยู่ได้ ทั้งที่รู้ว่าเมืองน้ำไม่อยากรบกวนคนอื่น แต่ก็ย้ำแล้วย้ำอีก ย้ำตั้งแต่บ้านจนมาถึงช็อปของแบรนด์ในเซ็นทรัลเวิลด์ กว่าจะหยุดพูดเรื่องที่เมืองน้ำยืนกรานปฏิเสธ ก็ตอนหนังเข้าฉายนู่นเลย

ที่สุดของความดื้อ

เมืองน้ำเข้าใจนะว่าทำไมร้อยเอกถึงอยากซื้อให้ ถึงคำพูดจำกวนประสาทอยู่บ่อยๆ แต่คนคนนี้ก็ทำให้รู้สึกดีอีกแล้ว

เพราะมันสำคัญกับเมืองน้ำ เพราะต้องใช้คอมทำงานหาเงินไงล่ะ ร้อยเอกเลยคะยั้นคะยอขนาดนั้น เรียกง่ายๆ ว่าห่วงนั่นแหละ

ประโยคหลัง...เจ้าตัวบอกมาเองนะ ไม่ได้คิดไปเอง

“รอบนี้หาทางออกไวเนอะ นึกว่าจะหลงนานกว่านี้ซะอีก” ร้อยเอกเดินล้วงกระเป๋ากางเกงระหว่างที่เดินไปตามสกายวอล์กบีทีเอสชิดลม คนตัวเล็กเดินอยู่ข้างเขา ขาที่สั้นจนเดินช้าอยู่แล้วยิ่งช้ามากขึ้นเพราะเอาแต่ตักไอศกรีม

เมืองน้ำกินเก่งจนน่าทึ่ง ป๊อปคอร์นถังใหญ่ที่ซื้อก่อนเข้าโรงหนังก็กินจนไม่เหลือ ยังแวะซื้อไอศกรีมก่อนเดินออกมารับลมกับเขาอีก

ไม่เป็นไร กินเก่งแค่ไหนก็น่ารักอยู่ดี ร้อยเอกชอบเวลาอีกคนเคี้ยวหนุบหนับในปาก ให้นั่งมองทั้งวันยังได้เลย

“เพราะอะไรรู้ป้ะ”

“ครับ?”

“เพราะร้อยเอกเก่งไง เลยเจอทางออกไวกว่าทุกรอบ”

มันเขี้ยวว่ะ

พอได้กินก็อารมณ์ดี พออารมณ์ดีก็เปลี่ยนจากเถียงมาเป็นชมเลยนะ ให้มันได้อย่างนี้

“กินดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง เลอะหมดแล้วเนี่ย”

“อื้อ!”

เมืองน้ำส่งเสียงท้วงเมื่อจู่ๆ ร้อยเอกก็หยิบทิชชู่มาซับคราบช็อกโกแลตบนเรียวปากจิ้มลิ้ม ความนุ่มที่สัมผัสผ่านมือช่วยตอกย้ำว่าน้องชายทำเขาพลาดโอกาสดีๆ ไปจริงๆ

มีทิชชูกั้นยังนุ่มขนาดนี้ ถ้าได้จูบจริงๆ จะนุ่มขนาดไหน

มองเฉยๆ ก็หลงจะแย่แล้ว

“หมดแล้วๆ ไม่เลอะแล้วเนี่ย ฮึ่ย ร้อยนี่จริงๆ เลย”

เป็นเสียง ‘ฮึ่ย’ ที่น่าเอ็นดูที่สุดในโลก

ร้อยเอกนำถ้วยเปล่าในมือเล็กมาถือไว้เอง ให้อีกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายตรงจุดที่เราหยุดเดินเพื่อมองวิวหน้าห้างสรรพสินค้า จุดที่ยืนอยู่ไม่ได้เห็นอะไรมากนักหรอก ก็แค่จราจรติดขัด กับแสงไฟยามค่ำคืน ไหนจะเสียงรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านไปผ่านมาข้างบนนี่อีก

“สวยจัง”

ถ้าเมืองน้ำชอบ เขาก็โอเค

“จริง สวยมาก เวลาผมมากับมาวินนะ ก็จะมาตรงนี้ประจำ มายืนคุยกันเฉยๆ บางทีมีเรื่องเครียดก็พากันมาปรับทุกข์ตรงนี้ คุยเสร็จก็หายเครียดเลย”

“หายเครียดเลยเหรอ”

ร้อยเอกพยักหน้ารับ

“ในกรุงเทพมีจุดที่สวยกว่านี้เยอะนะ แต่ตรงนี้มันพิเศษ”

“พิเศษยังไงอ่ะ”

“พิเศษเพราะมากับพี่เมืองไง”

เมืองน้ำรู้สึกหน้าร้อนอีกแล้ว...

จู่ๆ ก็ทำให้ใจสั่นไหว แล้วอย่างนี้จะกล้าสบตากับร้อยเอกได้ยังไงล่ะ หนีกลับบ้านตอนนี้ดีมั้ยนะ เก็บไว้เขินพรุ่งนี้บ้างได้มั้ย วันนี้น่ะ...เมืองน้ำก็ทำให้เขินมากพอแล้ว

“วันหลังถ้ามีเวลา ไปล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยามั้ย ตอนผมเด็กๆ พี่พันพาไปบ่อย สนุกดี”

“พี่กลัวเรืออ่ะ ตอนเด็กๆ...เคยตกเรือ”

คิดไว้แล้วว่าร้อยเอกต้องแปลกใจ เมืองน้ำถอนหายใจเมื่อนึกถึงตรงนี้ รอจนกว่าไอร้อนบนแก้มจะเบาบางลงแล้วจึงหันกลับมาสบตากับคนตัวสูง

“ยังไงครับ เล่าให้ฟังได้มั้ย”

แววตาของร้อยเอก มีแต่ความเป็นห่วง ทั้งที่เมืองน้ำยังไม่เล่าให้ฟังเลยด้วยซ้ำ

ตั้งแต่มีความรักมา ไม่เคยมีใครเป็นห่วงเมืองน้ำเท่าเด็กคนนี้

“ไม่รู้จะเล่ายังไงเหมือนกันนะ เป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดีตอนเด็กๆ จำได้ว่าตอนนั้น...พ่อพาไปทำงานด้วย ติดตั้งเครื่องจักรบนเรือ พี่ก็วิ่งวุ่นไปทั่ว เล่นซนจนโดนท่านดุ ก็เลยไปนั่งหงอยอยู่คนเดียวบนขอบเรือ พี่เห็นเงาตัวเองในทะเล ด้วยความที่เราไม่รู้ เราพยายามแตะเงาตัวเองในน้ำ หลังจากนั้นก็ตกลงไป แล้วจำอะไรไม่ได้”

“…”

“ตื่นมาอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว แม่บอกว่าพี่จมน้ำ คนไปช่วยคือพ่อ พี่รู้สึกว่าพ่อเท่มาก รู้สึกว่าเราเป็นเด็กดื้อด้วย ทำให้พ่อร้องไห้เพราะเป็นห่วง ก็เลยพยายามเชื่อฟังพ่อแม่มาตลอด”

“เรื่องนี้ทำให้พี่เมืองเห็นพ่อเป็นฮีโร่ด้วยใช่มั้ย”

“ใช่เลย ตอนนั้นพ่อเป็นฮีโร่ของพี่จริงๆ ไม่มีใครเท่เท่าพ่อพี่แล้วล่ะ” เมืองน้ำวาดยิ้มจางๆ ภาพความสวยงามและความสุขในตอนนั้นยังอบอวลอยู่ในความรู้สึก แม้ตอนนี้จะพังทลายไปหมดแล้ว แต่ก็ยิ้มได้ยามคิดถึง

“แล้วตอนนี้ล่ะครับ”

ไม่มีคำตอบในทันที ราวกับคิดทบทวนคำตอบ ร้อยเอกเลือกที่จะเงียบเพื่อให้เวลากับอีกฝ่าย เขารู้...เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เมืองน้ำอยากจะเก็บให้ลึกสุดใจ ไม่แสดงออกเหมือนโยนทิ้งและจมหายไปในทะเล หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ที่คนภายนอกเห็น ก็มีแต่ความสวยงามของเกลียวคลื่น

คนอื่นเห็นแค่ผิวน้ำที่ระยิบระยับไม่ว่าต้องแสงจันทร์ หรือกระทบกับแสงอาทิตย์เท่านั้น

“ไม่ใช่แล้วล่ะ”

ขอบคุณที่เมืองน้ำยอมให้เขาได้มองเห็นสิ่งที่จมอยู่ใต้ทะเล

“พ่อยังเป็นคนที่พี่รักและเคารพ เป็นคนที่พี่อยากให้อยู่ในชีวิต เป็นคนที่พี่อยากดูแลท่านจนวันสุดท้าย แต่พ่อไม่ใช่ฮีโร่สำหรับพี่แล้ว”

ขอบคุณจริงๆ

“หลายคนมีพ่อแม่เป็นคอมฟอร์ตโซน ซึ่งพี่ก็เคยมีช่วงเวลานั้น แต่ตอนนี้...ไม่ใช่ เพราะพี่เหลือแค่แม่”

ตาคู่สวยสะท้อนแสงไฟ สั่นไหวเมื่อพูดถึงวรรคสุดท้าย ควรร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ ความอัดอั้นที่ไม่ว่าใครก็สัมผัสได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าเนียน แต่เมืองน้ำก็ยังเป็นเมืองน้ำ ที่จะไม่ร้องไห้หากเรื่องนั้นไม่เหลืออดจริงๆ

เมืองน้ำสูดลมหายใจแรงๆ เพื่อลดทอนความเจ็บปวด หันกลับมาหาเขา และยิ้มให้เขาอีกครั้ง

“ช่างเถอะ พี่ก็ไม่รู้นะว่าจะยังไงต่อ แต่พี่โชคดีมากที่มีร้อยเอก”

“ผมก็โชคดีนะ ที่ได้มายืนตรงนี้กับพี่เมือง”

แน่ล่ะ มันเป็นคำพูดที่ทำให้ร้อยเอกกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้ เขาคว้ามือเล็กเข้ามากุม บีบเบาๆ เพื่อย้ำคำพูดของตัวเอง

“นี่เราเคยทะเลาะกันทุกวันจริงๆ ใช่มั้ย”

“ใช่สิ เมื่อก่อนนะ เถียงกันไม่เคยจบเลย” เมืองน้ำหัวเราะใส่อีกคน ถอยศีรษะหนีคนตัวสูงที่ยกนิ้วโป้งขึ้นมาซับความชื้นตรงปลายหางตา ทว่าไม่ทัน เครื่องทำความร้อนบนแก้มเลยกลับมาทำงานโดยเร็ว

“เอ้อนี่ แต่พี่ก็ไม่ได้กลัวเรือขนาดนั้นนะ แค่ไม่ชอบนั่งเรือคนเดียว ถ้าต้องนั่งคนเดียวพี่จะกลัวมาก”

“ผมไม่ปล่อยให้พี่เมืองนั่งเรือคนเดียวหรอกน่า ไม่ต้องกลัว”

“แค่นั่งเรือเหรอ”

“ครับ?”

“เรื่องอื่น...ก็อย่าปล่อยให้พี่อยู่คนเดียวนะ”

ถ้าไม่มีร้อยเอก ก็ไม่รู้จะกลับมาเป็นปกติได้เร็วอย่างนี้หรือเปล่า ตอนรู้เรื่องพ่อกับแม่แรกๆ เมืองน้ำยังจำภาพที่ตัวเองใช้ชีวิตเหมือนคนหมดอาลัยได้ดี ผ่านไปหลายวันเลยล่ะ กว่าจะกลับมาเป็นคนที่ทุกคนเห็นแต่ความสดใส

“ไม่ขอก็ทำให้อยู่แล้ว”

“…”

“ถ้าจะทิ้งพี่เมืองให้เจอเรื่องแย่ๆ คนเดียว คงทิ้งตั้งนานแล้วครับ”

“…”

“แล้วถ้าพี่เมืองอยากไล่กันตอนนี้ บอกเลยว่าผมไม่ไปเด็ดขาด”

ตั้งแต่รู้ว่าร้อยเอกพังกำแพงที่สลักคำว่าคู่กัดได้สำเร็จ ตั้งแต่รู้ว่าคนคนนี้มีอิทธิพลกับความรู้สึก เมืองน้ำก็ไม่เคยชอบการอยู่คนเดียวอีกเลย

“ขอบคุณนะ”

“ยินดีครับ”

เป็นความรักที่ธรรมดา ผูกพันง่าย แทรกซึมโดยไม่รู้ตัว แต่ก็เป็นความธรรมดาที่เมืองน้ำชอบมากที่สุด ไม่ต้องเดทในที่หรูหรา ไม่มีการเซอร์ไพรส์ที่ทำให้ใจเต้นรัว แค่ยืนคุยในที่ที่เราได้ยินและมองเห็นกันได้ถนัด

นี่น่ะเป็นความธรรมดาที่มีค่าที่สุดแล้ว



(⺣◡⺣)♡*


(https://i.imgur.com/FJhmR8S.jpg)



(⺣◡⺣)♡*



“เหลืออะไรอีก”

“รองเท้าๆ พี่ซื้อรองเท้าหูคีบมาใหม่ ลืมเอาออกมาอ่ะ”

“ลืมทั้งปีเลย”

“ทั้งปีอะไรเล่า เพิ่งลืมครั้งแรกเอง”

ริมฝีปากนุ่มบิดเบี้ยวใส่คนตัวสูงที่ยืนเท้าสะเอว ขมวดคิ้วใส่ตนอยู่ตรงฝากระโปรงหลัง ด้านในมีกระเป๋าเดินทาง ใบสีเข้มเป็นของร้อยเอก อีกใบที่สกรีนลายการ์ตูนมาร์เวลเป็นของคนตัวเล็กที่วิ่งหลุนๆ เข้าไปเปลี่ยนรองเท้า เมืองน้ำกลับออกมาใหม่ จัดการล็อกรั้วบ้านให้เสร็จ ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ มาหาคนขับรถที่ยืนรออยู่

“เสร็จแล้ว เลิกขมวดคิ้วได้ยังเนี่ย”

“ก็พี่เมืองอ่ะ”

“พี่ทำไม”

“เปล่า” ขี้โม้ชะมัด แต่ไม่เป็นไร วันนี้ถือเป็นวันดีที่เมืองน้ำจะไม่ถือสาร้อยเอก “ขึ้นรถเถอะครับ เดี๋ยวไปเช็กอินไม่ทัน”

“จะไม่ขับรถไปจริงๆ อ่ะ”

“จริง” ร้อยเอกพูดขณะปิดฝากระโปรงรถ “ฝากไว้ที่สนามบินนั่นแหละ เดี๋ยวไปถึงก็มีคนมารับ ผมบอกปู่ไว้แล้ว นี่ปู่ตื่นเต้นมากเลยนะที่จะเจอพี่เมือง”

เมืองน้ำยิ้มจนแก้มฟูกับคำพูดของอีกคน พยักหน้ารับรัวๆ แม้ร้อยเอกจะไม่เห็นเพราะเดินไปเปิดประตูรถแล้ว เห็นแบบนั้นจึงรีบเดินไปนั่งในรถทันที

“ปู่ตื่นเต้นเลยเหรอ”

“อื้อ ตื่นเต้น ในที่สุดก็จะได้เจอพี่ชายปลอมๆ ของผมซะที”

“หมายความว่าไง”

“เมื่อวานผมเล่าเรื่องที่เราทดลองเป็นพี่น้องสามเดือนให้ปู่ฟัง”

“แล้ว...คุณปู่ว่าไงบ้างเหรอ”

ร้อยเอกอมยิ้ม ล็อกเข็มขัดนิรภัยแล้วสตาร์ทรถ

“ปู่บอกว่าจะเป็นพี่น้องทำไม เสียเวลา”

“อันนี้ปู่พูดหรือร้อยพูดเอง”

“ปู่พูดจริงๆ...แน่ะ ไม่เชื่อผมอีกละ”

ก็ท่าทางทะเล้นแบบนั้น มันน่าเชื่อซะที่ไหน

ย้ำอีกทีว่าวันนี้เป็นวันดีที่ร้อยเอกจะพาไปสุโขทัย เมืองน้ำจะสงบสติอารมณ์ ไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่ทำร้ายร่างกายร้อยเอกด้วยการฟาดฝ่ามือลงไปบนกล้ามแน่นๆ ของเจ้าเด็กสุดกวนประสาท

“เดี๋ยวพี่จะไปถามปู่”

“ถามทำไมให้เขิน แค่นี้ก็หน้าแดงจนแทบจะมุดเบาะรถอยู่แล้ว”

“ร้อยเอก”

“อะไร...โอ๊ยยย! พี่เมื้องงง”

ไม่ได้...

เมืองน้ำทำไม่ได้ เอาเป็นว่าแม้จะเป็นวันดีก็ตาม แต่ถ้าร้อยเอกทำให้หมั่นไส้ ก็ต้องโดนลงโทษไปตามระเบียบ

คันมือมากบอกเลย พูดอีกสิ กวนประสาทอีกสิ ได้โดนเมืองน้ำทุบอีกแน่

จัดมาเลยร้อยเอก



(⺣◡⺣)♡*



สิ่งแรกที่นึกขึ้นได้ระหว่างเดินทางมาสุโขทัย คือเมืองน้ำไม่เคยมาเที่ยวที่นี่อย่างจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง กล้องถ่ายรูปที่พกมาจากกรุงเทพฯ จึงเต็มไปด้วยภาพบรรยากาศ ภูเขา ทุ่งนา บ้านเรือนที่มีทั้งร่วมสมัยและบ้านเรือนไทย อุทยานเมืองเก่าซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์คของนักท่องเที่ยว แล้วก็คนตัวสูงที่หลับสนิทตลอดทาง

ร้อยเอกรู้สึกตัวตอนที่รถกระบะคันใหญ่ที่ปู่ส่งมารับเคลื่อนเข้าสู่บริเวณบ้าน เขาไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ยิ่งโตยิ่งเรียนหนัก ยิ่งมีอะไรให้ทำมากขึ้น หากไม่ปิดเทอม หรือไม่มีโอกาสจริงๆ คงไม่ได้มา

ที่นี่แบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือที่อยู่อาศัย ตอนเด็กๆ มีบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ที่ครอบครัวของเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ตอนนี้เหลือบ้านไม้สักยกสูง ปู่ใช้เหลือพื้นที่ได้จากการรื้อบ้านทิ้งทำเป็นเล้าไก่และพื้นที่นั่งรับลม ส่วนที่สองคือพื้นที่ทำนา เลี้ยงควาย ปลูกไร่อ้อยไว้ข้างๆ กัน ส่วนสุดท้ายเป็นสวนผัก สวนผลไม้ อยากปลูกอะไรก็ปลูก ตามใจชายวัยเกษียณ

ตรงนั้นปู่เกือบโละทิ้งเพราะไม่มีคนดูแล แต่เขาขอให้ปู่เก็บไว้ แล้วจ้างคนงานมาดูแลแทน ท่านเลยให้คนงานดูแลส่วนอื่นด้วย

ที่ชอบที่สุดคงเป็นบ่อน้ำสำหรับพายเรือ เขาอยากพาเมืองน้ำไปตรงนั้น แต่แดดค่อนข้างร้อน ไม่อยากให้ผิวขาวๆ โดนแดดเผา เดี๋ยวผิวเสียเปล่าๆ ให้ตายเถอะ ร้อยเอกเว่อร์เกินไปรึเปล่า แต่เรื่องเว่อร์ๆ นี่แหละงานถนัดของเขา

ทุกๆ วันปู่จะออกมานอนเล่นใต้ต้นมะม่วง เปิดวิทยุทิ้งไว้ นอนฟังไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงเย็นแล้วกลับเข้าบ้านไปทำอาหาร วันไหนเบื่อก็จะหาอะไรมาทำเป็นกิจกรรมแก้เซ็งตามประสาคนแก่ อย่างเช่นวันนี้ที่ตัดทางมะพร้าวมาเหลาเพื่อนำใบออก เหลือแต่ก้านเล็กๆ ที่จะเอาไปมัดรวมกันเป็นไม้กวาด

“ปู่ครับ”

คุณปู่เงยหน้ามองเสียงเรียกของหลานชาย ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าคร้ามคมตามวัย เมืองน้ำสัมผัสความอบอุ่นจากสายตาที่มองมาได้อย่างชัดเจน ความประหม่าที่คิดไปเองขณะเดินตามร้อยเอกถึงจางหายไปช้าๆ

“นี่ใช่มั้ยเมืองน้ำ”

“ครับ สวัสดีครับคุณปู่”

มือเล็กยกขึ้นไหว้พร้อมรอยยิ้ม ลดมือลงข้างกายและเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ ร้อยเอกก็คว้าข้อมือโดยไม่บอกไม่กล่าว เมืองน้ำเตรียมส่งเสียงท้วง ทว่าอีกคนกลับดึงเบาๆ ให้ก้าวตาม

“เห็นเจ้าร้อยบอกว่าตัวนิดเดียว แต่ปู่ไม่คิดว่าจะเล็กขนาดนี้”

“…”

“เหมือนลูกหมาจริงๆ”

เมืองน้ำรู้แล้วว่าร้อยเอกเหมือนใคร ไม่ใช่คุณลุงกับคุณป้าหรอก นี่ไงล่ะ ร้อยเอกเหมือนคุณปู่เป๊ะๆ เลย

“ถามปู่สิครับพี่เมือง”

“ถาม? ถามอะไร”

“เอ้า ก็พี่บอกว่าจะถามปู่เรื่องที่ผมพูดเมื่อเช้าไม่ใช่เหรอ”

ตาคู่สวยเจือแววสงสัย เห็นสายตาแบบเดียวกันจากเจ้าของบ้านแล้วไอร้อนๆ ก็ปกคลุมทั่วพวงแก้ม นึกออกแล้วว่าเรื่องไหน แต่ว่านะ...พอถึงสถานการณ์จริง ประโยค ‘เป็นพี่น้องทำไม เสียเวลา’ ที่อยากรู้ว่าคุณปู่พูดจริงหรือเปล่า เมืองน้ำกลับไม่กล้าถาม

ไม่กล้าจริงๆ

“ไม่ถามแล้ว ช่างมันเถอะ พี่ไม่อยากรู้แล้วอ่ะ”

“ได้ไง อุตส่าห์มาถึงที่ทั้งที”

“ก็บอกว่าไม่ไงเล่า”

“อย่าแกล้งพี่เขา ร้อยเอก”

นี่อาจเป็นข้อแตกต่างข้อเดียวระหว่างปู่กับหลานชายก็ได้ เด็กตัวสูงทำหน้าเซ็งหน่อยๆ กับการถูกห้าม ปล่อยมือเมืองน้ำแล้วเดินไปนั่งบนเสื่อด้านข้างปู่ กอดรัดร่างกายที่ยังแข็งแรงแม้อายุมากไว้แนบแน่น จนคนถูกกอดร้องโอดโอยเพราะกอดแน่นเกินไปนั่นแหละ ถึงยอมมอบอิสระให้คุณปู่

“เมืองมานั่งข้างปู่นี่มา ยืนนานๆ เมื่อยตัวพอดี”

“ครับ”

เมืองน้ำพยักหน้ารับก่อนทำตามโดยเร็ว

“ร้อยขึ้นไปเอาน้ำบนบ้านมาให้พี่เมือง ปู่แช่เย็นไว้แล้ว หยิบจากตู้เย็นลงมาได้เลย”

“ครับปู่ งั้นร้อยเอากระเป๋าไปเก็บเลยนะ”

“ปู่ไม่ได้ล็อกห้องร้อยไว้นะ เข้าไปกวาดห้องมาเมื่อเช้า เลยไม่ได้ล็อก”

ร้อยเอกขานรับขณะที่ลุกไปหยิบกระเป๋าสะพายทั้งของตัวเองและของเมืองน้ำ หันกลับมามองแวบเดียว ก่อนจะเดินขึ้นไปบนตัวบ้าน

เหลือกันแค่สองคน แต่เมืองน้ำกลับไม่รู้สึกอึดอัดเลยแม้แต่น้อย

“เมืองเป็นรุ่นพี่เจ้าร้อยปีนึงใช่มั้ย ร้อยบอกปู่”

“ใช่ครับคุณปู่ โตกว่าร้อยปีนึง เมืองอยู่ปีสี่แล้วครับ”

ดีจัง ดีสุดๆ เลย

“ฝึกงานรึยังล่ะเรา”

“ฝึกงานเทอมหน้าครับ ยื่นขอฝึกงานไปหลายที่แล้ว ตอนนี้รอให้บริษัทติดต่อมา”

“ปู่ได้ยินชื่อเมืองน้ำมาหลายทีแล้วนะ พ่อเจ้าร้อยเคยบอกว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับร้อยเอก เจ้าร้อยก็อย่างนี้แหละ เถียงเก่ง แต่จริงๆ น้องเป็นคนน่ารักนะ”

ท่านพูดพลางเหลาทางมะพร้าวไปด้วย ลมเย็นๆ พัดผ่านให้ใจดวงน้อยกระชุ่มกระชวย เมืองน้ำกวาดมองธรรมชาติที่ไม่มีให้เห็นในเมืองหลวง ก่อนจะหันกลับมาหาคุณปู่

“เมืองเห็นด้วยครับ” ว่าแล้วก็ยิ้มจนแก้มกลมป่อง “ร้อยเอกเถียงเก่ง ชอบแกล้งด้วย เมื่อก่อนทะเลาะกันบ่อยมาก แต่ตอนหลังๆ ที่ไม่ค่อยทะเลาะกันแล้ว เมืองก็คิดว่าจริงๆ แล้วน้องเป็นคนน่ารักเหมือนกัน”

“ชอบล่ะสิ”

เดี๋ยวนะ...

“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ปู่เข้าใจหัวอกวัยรุ่น ไม่มีอะไรต้องเขินเลย”

คำว่าไม่มีอะไรต้องเขินของคุณปู่นี่แหละ ทำเอาเมืองน้ำไปต่อไม่ถูก

อยู่ดีๆ แก้มก็อุ่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ให้เมืองช่วยเหลามั้ยครับ”

“เปลี่ยนเรื่องเหรอเรา”

เหมือนมาก คุณปู่ทำให้เมืองน้ำคิดว่าท่านเหมือนร้อยเอกจนน่าตกใจ แล้วอย่างนี้จะทำอะไรได้ นอกจากยอมรับตรงๆ ว่าเมื่อกี้ตั้งใจเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นเพราะเขินจริงๆ

“เอาปลอกไปใส่นิ้ว แล้วก็นี่ มีดที่ปู่ใช้เหลา มีไม่เยอะหรอก แต่ถ้าเมืองอยากทำก็ทำได้”

คนตัวเล็กยิ้มกว้างอีกครั้ง รับปลอกนิ้วกับมีดเล่มเล็กจากมือคุณปู่แล้วหยิบทางมะพร้าวเข้ามาเหลาตามแนวยาวของก้านไม้

“ช่วยเล่าเรื่องร้อยเอกให้เมืองฟังหน่อยสิครับ”

ท่านเลิกคิ้ว ทว่าไม่พูดต่อ เห็นแบบนั้นเมืองนำ้เลยรีบอธิบาย

“เมืองอยากรู้ว่าตอนร้อยอยู่ที่นี่เป็นยังไง เพราะร้อยพูดถึงบ้านปู่หลายครั้งแล้วน่ะครับ ดูผูกพันมากเลย”

“ผูกพันเหรอ ก็คงใช่นะ” ถ้ามองไม่ผิด เมืองน้ำเห็นท่านอมยิ้มตอนพูดถึงหลานชายด้วยล่ะ “เวลาเจ้าร้อยอยู่ที่นี่ ก็...นอน นอนอย่างเดียว อยู่แต่บนห้อง จะลงมารดน้ำต้นไม้ตอนเช้า ไปเดินเล่นในสวน ไม่ก็พายเรือเล่นในบ่อน้ำ พอตกค่ำก็ไม่ออกไปไหนแล้วล่ะ”

อบอุ่นเป็นบ้าเลย

“ทำไมไม่ออกไปไหนตอนมืดเหรอครับ”

“หลานปู่กลัวผี”

ส่วนนี่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่พอเกิดขึ้นกับร้อยเอก ผู้ชายลุยๆ รักธรรมชาติ...น่ารัก โคตรน่ารักเลยล่ะ

“เจ้าร้อยกลัวผีมากจริงๆ ที่นี่ไม่เหมือนกรุงเทพ ตอนกลางคืนไม่มีไฟตามทาง ตอนเด็กๆ นี่ไม่ค่อยกล้านอนคนเดียวเลยนะ ต้องให้พันเอกไปนอนด้วยตลอด แล้วต้องกางมุ้งนอนด้วยนะ ถึงจะหายกลัว”

“เมืองเห็นร้อยเอกกางมุ้งนอนมานานแล้วล่ะครับ เพิ่งรู้ว่าเพราะกลัวผี”

“ไม่กางก็ไม่ปลอดภัย เหมือนร้อยนอนกลางทุ่งนา ปู่จำประโยคนี้ได้มาสิบกว่าปีแล้วล่ะ ตั้งแต่น้องยังเรียนปอหนึ่ง”

“เพราะอย่างนี้คนในบ้านถึงเห็นร้อยเอกเป็นเด็กตลอดเวลาใช่มั้ยครับ”

“ก็คงใช่ แต่คงต้องยกเว้นสิบเอกไว้คนนึง รายนั้นมองเจ้าร้อยเป็นฮีโร่ล่ะมั้ง”

มองพี่ชายเป็นฮีโร่ เหมือนที่เมืองน้ำเคยยกให้พ่อเป็นฮีโร่ของตัวเองสินะ

บทสนทนาจบลงเพียงแค่นั้น คนถูกกล่าวถึงเดินลงมาพร้อมกางเกงตัวใหม่ที่เปลี่ยนจากกางเกงขายาวเป็นกางเกงสามส่วน เป็นเวลาเดียวกันที่เมืองน้ำช่วยคุณปู่เหลาไม้กวาดเสร็จพอดี ร้อยเอกเดินมานั่งข้างๆ มองมือขาวที่เลอะฝุ่นแล้วขมวดคิ้ว

“ทำไมมาเหลาไม้กวาดได้อ่ะ เดี๋ยวก็ผื่นขึ้นหรอก”

“ไม่ได้แพ้ง่ายขนาดนั้นซะหน่อย”

“ไม่รู้แหละ ห้ามทำอีกนะพี่เมือง ถ้าผื่นขึ้นจะว่าไง”

“โอ๊ยเว่อร์มาก”

ใช่ เว่อร์มาก แต่ก็เว่อร์ได้อีก กับการที่ยกขันใส่น้ำขึ้นมาจ่อตรงริมฝีปากเมืองน้ำ

“อะไรอ่ะ”

“ป้อนไง มือพี่เมืองเลอะ ไม่อยากให้จับขัน”

“อะแฮ่ม!”

บ้าเถอะ...

“แค่นี้ก็ต้องป้อนด้วย ปู่นั่งอยู่ตรงนี้นะร้อย”

เมืองน้ำอยากหายตัวได้จริงๆ แค่ร้อยเอกป้อนก็ทำให้ใจเต้นแรงสุดๆ แล้ว ยังถูกคุณปู่แซวอีก

จากนี้ไปจะใช้ชีวิตยังไงเนี่ย หวังว่าจะไม่เขินจนสติหลุดก่อนเดินทางกลับหรอกนะ

“ดื่มเร็วครับ ผมเมื่อยแขนแล้วนะ”

“…”

“พี่เมือง”

“รู้แล้วๆ​ จะดื่มแล้ว ป้อนพี่สิ”

สติจะหลุดหรือไม่หลุด เมืองน้ำไม่รู้ ที่รู้ๆ คือตอนนี้หยุดแก้มร้อนไม่ได้เลย

ใครก็ได้ช่วยที

ฮืออออ~



(⺣◡⺣)♡*


มีต่อ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.16 ☆ ไม่มีน้องแล้วนะ (13/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 13-11-2018 20:14:58
ต่อค่า


.
.
.


ครั้งล่าสุดที่ต้องนั่งเรือคือตอนถ่ายงานกับเพื่อนสมัยอยู่ปีหนึ่ง จำได้ว่ารู้สึกกลัวจนขาสั่น ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว แต่เพื่อนทุกคนก็ช่วยกันดูแลจนเมืองน้ำผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ หลังจากนั้นก็ค้นพบว่าเมืองน้ำสามารถนั่งเรือนานๆ ถ้ามีใครสักคนนั่งอยู่เป็นเพื่อน

ใครก็ตามที่เรารู้สึกว่าเขาปลอดภัย

ใครที่ในตอนนี้มีแค่ร้อยเอกเท่านั้นที่เป็นได้

“โอเคมั้ยครับ”

ร้อยเอกถามขณะที่พายเรือช้าๆ เด็กตัวสูงนั่งฝั่งตรงข้าม รับหน้าที่เป็นสารถีบวกกับคนดูแล เมืองน้ำเว้นช่องว่างตรงกลางไว้วางสายบัวที่ดึงขึ้นจากบ่อน้ำและตัดด้วยกรรไกรที่ถือเอาไว้แน่น

“โอเคนะ แต่มันก็กลัวอยู่นิดนึงอ่ะ”

เมืองน้ำเป็นคนที่พูดคำว่า ‘นิดนึง’ ได้น่ารักที่สุดในโลกแล้วล่ะ ร้อยเอกกรับประกันเลย

“ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ ผมจะพากลับฝั่ง”

“ไม่เป็นไรๆ” ส่ายหน้าจนแก้มกลมๆ สั่นไหวไปมา “ร้อยอุตส่าห์พามาทั้งที จะกลับเข้าฝั่งง่ายๆ ได้ไง”

“ร้ายเนอะ”

“…?”

“ทำให้ผมอยากยิ้มอีกละ”

ร้อยเอกอยากให้เมืองน้ำทำอะไรไม่ถูกจนกระโดดลงน้ำไปรึไงนะ

ก่อนหน้านี้ก็ทีนึงแล้ว ตอนที่อีกคนป้อนน้ำต่อหน้าคุณปู่ เมืองน้ำอยากจะสลายตัวเป็นผงไปให้รู้แล้วรู้รอด อายก็อาย เขินก็เขิน แต่หิวน้ำก็หิวอีกเหมือนกัน ในเมื่อความหิวนำทางทุกความรู้สึกก็ต้องนั่งอยู่ตรงนั้นไปเรื่อยๆ

ร้อยเอกพาเมืองน้ำไปล้างเนื้อล้างตัวบนห้องนอน สิ่งที่ทำเอายิ้มไม่หยุดคือผ้ายันต์ซึ่งแปะไว้หน้าประตูห้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าตัวแปะไว้กันผี กับความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ที่อีกคนคงคิดไม่ถึงว่าจะทำให้เมืองน้ำประทับใจ

ผ้าห่มสองผืน ไม่ห่มผืนเดียวกัน หมอนสองใบ กับฟูกนุ่มๆ ที่เอามาปูด้านล่าง ยกเตียงนอนคิงไซส์ด้านบนให้แขก

นอนเตียงเดียวกันก็ได้ ไม่มีปัญหาหรอก ถ้าร้อยเอกไม่ทำอะไรเมืองน้ำน่ะนะ

เชื่อว่าอีกคนจะไม่ทำ แต่เรื่องที่ริมฝีปากของเราเกือบแตะกัน...

อา ควรลืมเรื่องนี้ไปได้แล้ว

“พี่เมือง”

นึกถึงทีไรอกแทบระเบิดทุกที

“พี่เมืองคิดอะไรอยู่”

“ป…เปล่านะ คิดอะไรเพลินๆ นิดหน่อยอ่ะ”

หรี่ตามองเหมือนไม่เชื่อกันเลยนะ ร้อยเอกนี่น่าหมั่นไส้สุดๆ

“ถ้าไม่ได้คิดอะไรก็ดึงสายบัวขึ้นมาสิครับ อีกนิดเดียวก็เก็บเสร็จแล้วล่ะ”

“อื้อ ได้ๆ อันนี้เหรอ” นิ้วเล็กๆ ชี้ไปทางฝักบัวดอกตูมที่โผล่พ้นน้ำ

“ครับ อันนั้นแหละ”

ก่อนจะดึงขึ้นมาตัดตามที่อีกคนบอก

คุณปู่บอกเมืองน้ำว่าจะทำแกงสายบัวให้กิน มีลูกมือเป็นร้อยเอก เมืองน้ำก็เลยมาเก็บสายบัวให้ท่านหลังหลานชายสุดที่รักอาสามาที่นี่ มีสวนผลไม้หลากชนิดเรียงรายตลอดทางเดิน มาสิ้นสุดก็ตรงศาลาท่าน้ำนี่เอง

ร้อยเอกจะพาเมืองน้ำไปเก็บผลไม้กลับกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น ส่วนวันนี้...ใช้เวลาดีๆ กันบนเรือไม้ไปก่อนแล้วกัน

“พี่เมืองชอบมั้ยครับ”

“หมายถึงบ่อน้ำนี่เหรอ”

“ก็...หลายๆ อย่าง บ่อน้ำ ฝักบัว บ้านปู่”

“ชอบสิ ทำไมจะไม่ชอบล่ะ”

“ไม่รู้สิ” คนตัวสูงยักไหล่ “ผมอยากพาพี่มาที่นี่จริงๆ นะ แต่บางทีก็กลัวพี่จะไม่ชอบ พี่เมืองที่ต้องเล่นโซเชียล ต้องใช้แล็ปท็อปทำงานอยู่ตลอด”

“ดูขัดๆ กันเหรอ”

“ไม่ขนาดนั้น แต่ก็แอบคิด”

“พี่ก็ไม่คิดว่าร้อยจะกลัวผีมากๆ เหมือนกัน ถึงกับต้องกางมุ้งนอนตั้งแต่เด็กยันโตแน่ะ”

“เฮ้ยๆ อะไรอ่ะ ใครเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ปู่ผมเหรอ”

“แหงสิ ไม่ใช่ปู่แล้วจะเป็นใคร”

พ่อคนหล่อของเมืองน้ำทำหน้าเซ็งเป็ดอย่างที่คิด อย่างกับเด็กกำลังโวยวายเพราะไม่อยากยอมรับความจริงงั้นแน่ะ

จะเท่แค่ไหนก็มีมุมน่ารักตลอดเลยนะ ร้อยเอกเนี่ย

“ก็บ้านปู่ตอนกลางคืนมันน่ากลัวจริงๆ นะพี่เมือง เมื่อก่อนมีข่าวลือเรื่องผีปอบเยอะมาก กระสืออีก สารพัดผีของไทยเลย...ขำอะไรอ่ะ”

“ขำคนกลัวผี”

อยากบีบแก้มเมืองน้ำให้แตก!

ร้อยเอกกัดฟันอย่างมันเขี้ยว ใช่สิ คนไม่กลัวผีแบบพี่เมืองไม่มีวันเข้าใจคนที่กลัวขึ้นสมองอย่างร้อยเอกหรอก

เหอะ

“อย่าทำหน้าแบบนี้สิร้อยเอก”

เกือบร้องเหวอในวินาทีที่มือเนียนยกขึ้นบีบแก้มขาว ร้อยเอกเอนตัวหนี ทำให้คนอยากแกล้งบีบแก้มน้องต่อไม่ได้ เมืองน้ำกลับมานั่งในองศาเดิม รู้สึกแปลกใจเล็กๆ ที่ตอนนี้แทบไม่มีความกลัวในวัยเด็กหลงเหลืออยู่เลย

พอรู้สึกปลอดภัยแล้วกลัวน้อยลงจริงๆ

“นี่ร้อยเอก”

“ครับ”

“พี่ชอบบ้านปู่ร้อยเอกมากๆ เลยนะ ถ้ามีโอกาส พาพี่มาอีกได้มั้ย จ่ายเงินก็ได้”

“ไม่ต้องจ่ายเงินหรอกพี่เมือง ให้ร้อยจ่ายเองดีกว่า”

“ร้อยจะจ่ายทำไมอ่ะ เป็นคนพามาไม่เห็นต้องจ่าย”

“จ่ายดิ ยังไงก็ต้องจ่าย”

“...”

“ร้อยหมายถึงจ่ายเป็นสินสอด...”

เพียะ!

“โอ๊ย! ตีปากผมทำไม”

“พูดจาเลอะเทอะก็ต้องตี ยิ่งเลอะเทอะก็ยิ่งตี พูดอีกดิ พี่จะตีให้ปากแตก”

แค่พูดไม่พอ ยังง้างมือรอตีปากร้อยเอกด้วย

“ไม่เอาแล้ว ไม่พูดก็ได้ โถ่ หมดกัน โมเมนต์หวานๆ”

“หวานจนเลี่ยน! อี๋เลยอ่ะ”

“พี่เมืองอย่าเว่อร์ได้มั้ย”

“เฮอะ”

ร้อยเอกมองเห็นอนาคตเลยล่ะ รู้เลยว่าถ้าอยู่ด้วยกันไปนานๆ ใครจะเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า

จะเป็นใครถ้าไม่ใช่เมืองน้ำ มีคนเดียวที่ร้อยเอกจะยอมอ่อนข้อ แบบที่ไม่เคยยอมใครเท่านี้มาก่อน

สมแล้วที่เมืองน้ำเป็นข้อยกเว้นหนึ่งเดียวของเขา



(⺣◡⺣)♡*



“เอาผ้าห่มเข้าไปรึยังเจ้าร้อย”

“เรียบร้อยครับปู่” ร้อยเอกพูดพลางยีเรือนผมชื้นน้ำ เขาอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดนอนตั้งแต่จบมื้อเย็น แต่จนตอนนี้ผมยังไม่แห้ง มันน่าหงุดหงิดนิดหน่อยที่ต้องดูละครหลังข่าวกับปู่ไปพร้อมกับการใช้ผ้าซับความชื้นบนศีรษะ

ร้อยเอกปล่อยผ้าที่ถือไว้ลงบนไหล่ เหลือบมองห้องนอนตัวเองก่อนจะหันกลับมาเมื่อถูกคุณปู่สะกิดเบาๆ

“ครับ?”

“อยากไปนอนก็ไปเถอะ ปู่อยู่คนเดียวได้”

“ร้อยอยากอยู่เป็นเพื่อนปู่”

คนฟังถอนหายใจ อยากดีดหน้าผากหลานชายเต็มทน อยากอยู่เป็นเพื่อนที่ไหนเอาแต่มองประตูห้องนอนตัวเองขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าคิดถึงคนในห้องจนกระวนกระวาย อยากจะกลับเข้าห้องไปซะเดี๋ยวนี้หรือไง

ทีแรกเมืองน้ำจะมานั่งดูด้วยกัน แต่มีคนโทรมา แขกคนสำคัญของบ้านหายเข้าไปในห้องครบชั่วโมงแล้ว แล้วหลานชายสุดที่รักก็ดูห่วงเขาเหลือเกิน

หลานปู่ทั้งคน ปู่ดูออกนะ

“ละครมันไม่สนุก ปู่ว่าจะเข้านอนแล้ว ร้อยไปปิดทีวีให้ปู่ไป จะได้เข้านอน”

“เอางั้นเหรอครับ”

ร้อยเอกรู้ด้วยตัวเองว่าต้องทำตามที่ปู่บอกแม้ท่านจะไม่เอ่ยตอบ ร่างสูงลุกไปปิดทีวี เดินกลับมาประคองคุณปู่ทว่าถูกปฏิเสธ

“ปู่เดินเองๆ ไม่ต้องประคอง”

“แต่ร้อยอยากประคองนี่ครับ”

“ดื้อวุ้ย หลานปู่เนี่ย”

ร้อยเอกยิ้มกว้าง ยอมปล่อยมือจากปู่แล้วก้าวตามหลังไปจนถึงห้องนอนห้องใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามห้องนอนของเขา ก้าวไปดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงหน้าอกของคนที่เอนกายลงบนเตียง

“ฝันดีครับปู่”

เอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม เดินไปปิดไฟและปิดประตูห้องให้เรียบร้อยเมื่อคุณปู่เดินทางเข้าสู่ความฝัน

เขากลับมายังห้องนอน ล็อกประตูให้เรียบร้อย เมืองน้ำหันมองเขา ยิ้มให้จางๆ ก่อนจะดึงสายตากลับไปจดจ่อกับจอโทรศัพท์ คนตัวเล็กขอตัวเข้ามาคุยโทรศัพท์กับพ่อ ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไร กลัวจะเป็นเรื่องที่ทำให้ลูกหมาของเขาหูลู่หางตกอีก ร้อยเอกก็เลยห่วงจนดูละครไม่รู้เรื่อง ปู่คงรู้ว่าเขาห่วงเมืองน้ำมาก จากที่ตั้งใจดูละครให้จบ ก็เลิกดูแล้วเข้านอนเพื่อให้เขากลับมาที่ห้อง

พอเห็นว่าเมืองน้ำไม่เป็นอะไรมาก ก้อนหินหนักๆ ในความรู้สึกก็กลิ้งหายไป

ขอบคุณที่อีกคนยังโอเค

“ทำอะไรอยู่ครับ”

“กำลังเขียนโพสต์ในเพจ พี่ว่าจะเขียนแคปชั่นยาวๆ รูปที่ถ่ายมาสวยมากเลย แต่ก็เขียนไม่ออก พิมพ์ๆ ลบๆ มาชั่วโมงนึงแล้ว”

ร้อยเอกที่กำลังแกะมุ้งออกมากางสะดุดเล็กน้อย ช้อนตามองคนตัวเล็กที่ถอนหายใจบางเบา

“มีเรื่องอะไรเหรอ”

“ไม่มี” ส่ายหน้าช้าๆ “แค่คิดไม่ออกเฉยๆ งั้นพี่ไม่เขียนแคปชั่นดีกว่า โพสต์แต่รูปก็พอ”

“เอางั้นก็ได้นะ คิดไม่ออกก็ไม่ต้องเขียน อย่าฝืน”

“อือ ก็คงต้องเป็นแบบนั้น”

เมืองน้ำวางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน มองคนตัวสูงที่กำลังเกี่ยวเชือกผูกมุ้งตามจุดต่างๆ ของห้องนอน ทั้งชั่วโมงที่อยู่คนเดียว มีความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามา ทั้งดี ทั้งไม่ดี ทั้งทำให้ยิ้ม และทำให้เจ็บปวดในเวลาเดียวกัน อยากให้ร้อยเอกเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน แต่เจ้าตัวก็ต้องใช้เวลาอยู่กับคุณปู่ เพราะฉะนั้นตอนนี้ที่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว...

“ขึ้นมานอนข้างบนกับพี่มั้ย”

ร้อยเอกเลิกคิ้ว เดินเข้ามาข้างใน และมือยังง่วนอยู่กับการกันมุ้ง

“ข้างบนก็นอนสองคนได้นะ เตียงไม่ได้แคบด้วย ร้อยไม่ต้องไปนอนข้างล่างหรอก ปวดหลังเปล่าๆ”

“จะดีเหรอ”

“ไม่รู้อ่ะ” ประโยคนี้ทำให้ร้อยเอกอมยิ้ม “แต่ไม่อยากให้ร้อยนอนข้างล่าง เป็นเจ้าของเตียงจะลงไปนอนที่อื่นทำไม”

“ผมอยากให้พี่เมืองนอนสบายๆ ไง”

“พี่ก็อยากให้ร้อยนอนสบายๆ เหมือนกัน”

รู้เลยว่าขัดใจคนโตกว่าไม่ได้ ร้อยเอกปิดไฟกลางห้อง เหลือแค่ไฟหัวเตียงสีส้มอ่อน อยากล้มตัวนอนบนฟูกที่ปูไว้ แต่ตาคู่ใสที่ดูอ้อนวอนก็สั่งให้เขาขยับตัวขึ้นไปนอนด้านบน

เมืองน้ำกระเถิบไปนอนอีกฝั่ง เว้นที่ว่างไว้ให้เขา มองไม่วางตา ขณะที่มือก็ยื่นผ้าห่มผืนเดียวกับตัวเองมาให้

“แอร์หนาวไปมั้ย ถ้าหนาวผมจะปรับให้”

“ไม่หนาว แต่จริงๆ ไม่ต้องเปิดก็ได้ ลมจากหน้าต่างก็เย็นพอตัวเลยนะ”

“กลัวพี่เมืองไม่ชิน”

เมืองน้ำไม่เอ่ยต่อ ทั้งที่บทสนทนาไม่ควรหยุดลงแค่นี้ ไม่อยากจะหยุดหรอกนะ อยากจะคุยกับร้อยเอกไปเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ แต่พอเห็นว่าอีกคนเป็นห่วง เอาใจใส่ในเรื่องที่เมืองน้ำเองก็ไม่เคยคิดถึงมันเลย ไม่รู้สิ เรียกว่าซึ้งใจล่ะมั้ง

“วันนี้พ่อโทรมาหาพี่...”

มือคู่ขาววางไว้บนหมอน หนุนแก้มกลมๆ ระหว่างที่พูดกับคนที่นอนหันหน้าเข้าหากัน ช่องว่างที่ไม่มากนัก กับแสงสว่างที่ทอประกายบนตาสีเข้ม ทำให้เห็นว่าร้อยเอกไม่ละสายตาไปที่ไหนเลย

มองอยู่ตลอด คอยรับฟังเมืองน้ำเสมอ

“พ่อถามว่าเมื่อไหร่จะไปหา อยากคุยด้วย พี่รู้นะว่าพ่อจะคุยเรื่องอะไร”

ชอบจัง

หมายถึงชอบร้อยเอกมากเลย

“พี่ตั้งใจจะไปหาพ่ออยู่แล้ว อยากไปหาเพราะคิดถึง แต่พอพ่อพูดแบบนี้ พี่ก็ไม่รู้ว่าจะไปดีมั้ย กลัวทำใจในสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้...มันแย่จังเลยเนอะ”

“เข้าใจนะว่าทำไมพี่เมืองถึงรู้สึกแย่ รู้ว่าพี่เมืองกลัวจุดจบของครอบครัว แต่ถ้าหนีไปเรื่อยๆ ไม่ตัดสินใจแบบเด็ดขาด ก็ไม่รู้ผลลัพธ์จริงๆ ของมันนะครับ”

“…”

“วันสุดท้ายก่อนเลิกกับแฟนเก่า ผมไปหาเขาที่บ้าน เจ็บปวดดีนะกับการที่เห็นแฟนเราอยู่กับผู้ชายอีกคน ทุกๆ ครั้งผมเลือกที่จะหนี พยายามทำตัวให้ดีเพราะอยากให้เขาเลือกเรา วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมอยากเผชิญหน้า แล้วก็เป็นวันที่ชัดเจนที่สุดเลยด้วย”

“ชัดเจนยังไง”

“ก็ชัด...ว่าเขาไม่แคร์เราแล้ว”

เมืองน้ำเม้มริมฝีปาก ไม่ใช่รู้สึกไม่ดีที่ต้องมาฟังร้อยเอกเล่าเรื่องแฟนเก่า แทบไม่มีความรู้สึกนั้น สิ่งที่กำลังคิดในหัว

“แฟนเก่าร้อย...ใจร้ายจริงๆ นะ”

คือความรู้สึกนี้ต่างหาก

“แต่ผมโอเคแล้วนะ แค่อยากเล่าให้พี่เมืองฟัง อยากให้พี่เมืองพยายามกับเรื่องพ่อแม่ ถ้าอยากให้ท่านคืนดีกัน ก็ลองคุยดู”

“…”

“บางครั้งความพยายามก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีกับเรา แต่ก็ยังดีกว่าไม่เคยสู้จริงๆ จังๆ เลยสักครั้งไม่ใช่เหรอครับ”

“พี่ไม่อยากให้พ่อหย่ากับแม่ แต่พ่อพี่มีแฟนใหม่แล้วนะ ทำยังไงก็ไม่กลับมาคืนดีกับแม่หรอก”

“ถ้างั้นก็ทำให้พ่อแม่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แบบนี้โอเคมั้ย”

คนฟังเงียบไปอีกครั้ง ลดสายตามองต่ำราวกำลังทบทวนในสิ่งที่ร้อยเอกพูด ถ้ามองเป็นทางเลือก ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แต่เป็นหนทางที่เมืองน้ำไม่อยากเลือกเลย

อยากให้พ่อกับแม่คืนดีกัน อยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม

เมืองน้ำรู้ดีว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิมได้ตลอด คำว่าตลอดไปไม่มีจริง ดังนั้นตอนนี้ที่ต้องคิดเรื่องครอบครัว...

“พี่เมือง...”

“ขอกอดหน่อย”

“…”

“คิดแล้วปวดหัว ไม่อยากคิดเรื่องนี้แล้ว”

ร้อยเอกนิ่งงันชั่วครู่ คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เมืองน้ำจะขยับเข้าหาเขา เรียวแขนที่โอบกอด ศีรษะกลมที่จมอยู่ในแผงอกกว้าง และการขยับตัวเพื่อให้กอดได้ถนัดเรียกสติได้เป็นอย่างดี

ไม่รอช้าที่จะรวบร่างกายนุ่มๆ ไว้ใต้อ้อมแขน ร้อยเอกวางปลายคางบนไหล่มน ถึงได้รู้ว่ามีแรงสั่นน้อยๆ อยู่ตรงนี้ เมืองน้ำไม่ร้องไห้หรอก แต่กำลังหยุดความรู้สึกแย่ๆ อยู่ต่างหาก เขาเลยกระชับแรงกอด เพิ่มความแนบแน่นเพื่อตอกย้ำว่าจะไม่ไปไหน รอจนแรงสั่นมลายหายไปแล้วค่อยๆ ผละตัวออกมา

ไม่ร้องไห้จริงๆ ด้วย

เห็นมั้ย ลูกหมาของเขาเนี่ยเก่งมากเลย

“ขอบคุณนะ”

“ด้วยความยินดีเลยครับ”

“ไม่ได้กอดใครอย่างนี้มานานมากๆ แล้วล่ะ พี่...”

“พี่เมืองทำไม”

“พี่ชอบที่เรากอดกัน”

เมืองน้ำกำลังทำให้เขาเป็นบ้า และเป็นคนไม่รู้จักพอ ไม่รู้หรือไงว่าระยะห่างที่น้อยแค่นี้สร้างแรงดึงดูดมากแค่ไหน ไม่รู้เหรอว่ากำลังยั่วให้เขาอยากสัมผัสความนุ่มบนริมฝีปากสีพีชนั่นอีกครั้ง

ร้อยเอกกำลังโลภมาก รู้ตัวบ้างมั้ย

“ร้อย...”

“ครับ”

“ไม่มีน้องสิบแล้วนะ”

พี่เมืองรู้...

“อยากจูบ...ก็จูบ”

“อย่าพูดเล่นนะ ถ้าทำจริงก็ย้อนเวลากลับคืนไม่ได้แล้ว”

“แต่พี่อยากย้อนเวลานะ”

“...”

“ย้อนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว จะชอบร้อยเอกตั้งแต่ตอนนั้นเลย”

“พี่เมือง”

แน่ล่ะ

ร้อยเอกจะไม่สนอะไรอีกแล้ว

“อย่าบอกให้ร้อยหยุดจูบก็แล้วกัน”

ไม่มีสิบเอกเข้ามาขัด ไม่มีใครโผล่พรวดเข้ามาในห้องนอนเขาอีกแน่นอน

ร้อยเอกจับเมืองน้ำนอนหงาย พลิกตัวมาอยู่ด้านบนอย่างไม่รอช้า เพราะความรวดเร็วที่คิดไม่ทันนั่นแหละ ใจดวงน้อยถึงเต้นแรงขึ้น และยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อคนด้านบนทาบริมฝีปากลงมา

เกิดเสียงครางแผ่วผ่าวเมื่อสติเริ่มพร่าเลือน เปลือกตาสวยแนบสนิทหลังภาพทุกภาพคลุมด้วยสีขาวโพลน จูบของร้อยเอกเป็นจูบที่เอาแต่ใจ เหมือนความกระหายที่พร้อมกลืนกินทุกอย่าง ไม่เคยจินตนาการเลยว่าคู่กัดของเมืองน้ำจะจูบเก่งขนาดนี้

หนักหน่วง แต่กลับนุ่มนวล ผสมผสานอย่างลงตัว และสูบวิญญาณได้อย่างอัศจรรย์ใจ

คนตัวสูงถอนริมฝีปาก รู้ซึ้งแล้วว่ากลีบปากที่เต็มด้วยน้ำชื้นๆ นุ่มถึงขนาดไหน การตอบสนองแบบคนมีประสบการณ์ทำให้เขาไม่อยากหยุดแค่ปากแตะปาก

แค่นี้...มันไม่พอ

ต้องมากกว่านี้สิ มากกว่านี้

“พี่เมืองครับ”

แขนแข็งแรงวางอยู่บนหมอนที่อีกคนใช้หนุน ส่วนมืออีกข้างลูบไล้อยู่บนเนื้อแก้มกลมนิ่ม ปลอบประโลมเพื่อบรรเทาความเขินอายที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

“ขอลิ้นหน่อยครับ”

ชอบเวลาพี่เมืองหน้าแดงชะมัด อยากฟัดให้ช้ำไปทั้งตัว

ร้อยเอกทาบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ละลายกลีบปากแสนอร่อยด้วยปลายลิ้นร้อนๆ เกี่ยวพันความหวานที่ถูกมอบให้ตามคำขอ และเขาคงเป็นพวกที่จูบเหมือนคนกระหายจริงๆ นั่นล่ะนะ

ลองมาเป็นร้อยเอกแล้วจะรู้ ว่าความอยากจูบโดยไม่รู้จักพอน่ะเป็นยังไง

เมืองน้ำส่งเสียงพอใจอยู่ในลำคอ ได้ยินเสียงทำนองเดียวกันจากคนด้านบน ทว่าทุ่มต่ำ อีกทั้งเชื่องช้า สะดุ้งเล็กๆ เมื่อปลายลิ้นถูกแกล้งด้วยการดูดแรงๆ กำปั้นเล็กจิ๋วทุบเข้าที่ไหล่หนาเบาๆ ก่อนสติจะล่องลอยอีกครั้งหลังคนตัวสูงหยุดแกล้ง

เมืองน้ำจะตายแล้ว เหมือนกำลังจมน้ำเลย ดิ่งสู่ใต้ทะเลอันแสนอ้างว้าง เต็มด้วยอันตราย และไม่รู้ว่าจะขึ้นมาข้างบนได้ยังไง

พอสติหลุดมากๆ ก็พานนึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก ตอนนั้นพ่อเป็นคนช่วยเมืองน้ำไว้ แต่ตอนนี้...ความหวาดกลัวที่ค่อยๆ หายไป เป็นเพราะคนคนนี้

ร้อยเอกที่ยื่นมือเข้ามาดึงเมืองน้ำให้พ่นเขตอันตราย

เราจูบกันนานแค่ไหน ไม่มีใครนับ รู้แค่หายใจไม่ทั่วปอด ต้องการออกซิเจนอย่างมหาศาลตอนริมฝีปากผละจากกัน แก้มเมืองน้ำกำลังร้อนฉ่า ยิ่งเห็นร้อยเอกหอบหายใจไม่ต่างจากตนยิ่งไม่กล้ามองใบหน้าคมตรงๆ

เซ็กซี่ชะมัด ดูดีสุดๆ

แถมปากของร้อยเอกยัง...บวมเจ่อมากๆ ด้วย

“ไม่มีน้องสิบมันดีอย่างนี้นี่เอง”

“อย่าโทษน้อง”

“ไม่โทษน้องก็ได้ เพราะพี่เมืองขอหรอกนะ”

“พี่อยากนอนแล้ว”

“หายใจก่อนครับ ค่อยนอน”

อยากจะโกนใส่หน้าว่าไอ้บ้า! พูดจาเหมือนไม่รู้ว่าคำพูดแนวนี้มันสื่อถึงอะไร แต่เพราะร้อยเอกจงใจแกล้งกันนั่นแหละ เมืองน้ำถึงทำได้แค่โกยอากาศเข้าปอดเท่านั้น

“กลับไปนอนที่เดิมได้แล้ว ร้อยเอก” ว่าพลางดันอกกว้าง

“อยากจูบอีกจังครับ”

“ไม่เอา”

“ได้มั้ย”

“บอกว่าไม่เอาไง พอแล้ว พี่อยากนอนแล้ว”

“เพิ่งสี่ทุ่มเอง”

“สี่ทุ่มเกือบห้าทุ่มต่างหาก อย่ามาขี้ตู่นะ”

“งั้นจูบถึงห้าทุ่มค่อยพอ”

“ไม่”

“นะ...”

“อื้อออ~”

ให้ตายสิ เรี่ยวแรงมันหายไปไหนหมดนะ จะผลัก จะปฏิเสธ เมืองน้ำทำไม่ได้เลยสักอย่าง

อีกตั้งสิบนาทีกว่าจะห้าทุ่ม กว่าจะถึงตอนนั้นได้หัวใจวายเพราะทนรสจูบไม่ไหวจริงๆ แน่

แต่ก็ต้องยอมรับว่าจูบของร้อยเอกน่ะดีมากจริงๆ

ดีที่สุดในชีวิตเลย



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง



ร้อยเอก = เงาแค้นน้องสิบเอก 55555
ตอนนี้ยาวที่สุดในเรื่องเลยค่ะ จิ้มไปเจ็ดพันกว่าคำเลย หวังว่าจะชอบกันนะคะ ไม่มีน้องสิบตามชื่อตอนเล้ยยย ><

ฝากคอมเมนต์กับแท็กให้กันด้วยน้า เจอกันตอนหน้าค่ะ ❤︎
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.16 ☆ ไม่มีน้องแล้วนะ (13/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 14-11-2018 00:22:03
สงสารน้องสิบ น้องผิดอัลลัย 5555555
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.16 ☆ ไม่มีน้องแล้วนะ (13/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-11-2018 11:17:07
 :-[  โอ้ย เขินมากมาย
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.16 ☆ ไม่มีน้องแล้วนะ (13/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 15-11-2018 08:05:23
งุ้ยยยยยยยย มาต่อเร็ว ๆ นะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.16 ☆ ไม่มีน้องแล้วนะ (13/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-11-2018 10:42:33
อย่าแกล้งน้องสิบบบบ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.17 ☆ เหนื่อยล้า (19/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 19-11-2018 11:26:41
17
เหนื่อยล้า

ไก่ที่ปู่เลี้ยงไว้คงคิดถึงร้อยเอกมาก ถึงขันปลุกเขาตั้งแต่ฟ้ายังไม่รุ่งสาง ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ตื่น เมืองน้ำที่นอนอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกตัวเพราะเสียงไก่ขันด้วยเหมือนกัน

สิบนาทีกว่าความสงบจะกลับมา ร้อยเอกนอนมองคนตัวเล็กที่นอนนิ่งๆ ไม่พูดอะไร ทำแค่ส่งเสียงท้วงหลังโดนเขารวบตัวเข้ามากอด คงอยากขัดใจเขา แต่ก็ขัดไม่ได้เพราะความง่วงอยู่เหนือทุกสิ่ง ในที่สุดเมืองน้ำก็คล้อยหลับโดยมีเขานอนกอดอยู่ข้างๆ

ที่จริงก็ขอนอนกอดตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ แต่ไม่รู้ทำไมตอนตื่นมาอีกที เมืองน้ำถึงหลุดจากอ้อมแขนของเขาไปได้

ร้อยเอกได้คำตอบหลังมองลูกหมาขนฟูไปสักพัก คนหลับสนิทมักจะขยับขลุกขลักอยู่เสมอ นอกจากน้องชายคนสุดท้องอย่างสิบเอก เมืองน้ำเป็นอีกคนที่เขาเพิ่งรู้ว่าเจ้าตัวนอนดิ้น

เพราะแบบนั้นเลยถือโอกาสกอดกายนุ่มไว้แน่นๆ กระทั่งหลับไปอีกรอบ

เป็นคนถูกกอดเสียเองที่ตื่นก่อนเจ้าของห้อง หนนี้ไม่ใช่เสียงไก่ขัน แต่เป็นแรงสั่นจากโทรศัพท์ร้อยเอกต่างหาก เมืองน้ำสะบัดหัวไล่ความง่วงให้พ้นทาง ไม่ได้ผลมากนัก ทว่าก็ทำให้มีแรงลุกไปคว้าเครื่องมือสื่อสารที่สั่นไม่หยุดขึ้นมาดูชื่อคนปลายสาย

ปู่...

รับแทนร้อยเอกได้มั้ยนะ จะดูก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวไปหรือเปล่า แต่คุณปู่โทรเข้าเครื่องหลานชายคนกลางเป็นครั้งที่สามแล้ว

“ร้อยเอกยังไม่ตื่นเลยครับ”

รับหน่อยแล้วกัน เผื่อท่านมีเรื่องเร่งด่วนจะได้ช่วยจัดการได้

[ปู่ว่าแล้ว] มีเสียงหัวเราะหน่อยๆ ดังตามมา ขณะเมืองน้ำวางสายตาไว้ที่ใบหน้าหล่อ [อยู่ที่นี่ทีไรเจ้าร้อยหลับลึกทุกที]

เมืองน้ำไม่ทันระวัง ห้ามใจไม่ให้คิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ หัวใจเลยเต้นรุนแรงอย่างกะทันหัน

เราจูบกันถึงห้าทุ่ม กว่าจะถึงก็แทบหมดแรงเพราะร้อยเอกไม่ปล่อยให้เมืองน้ำหายใจเลย ซ้ำยังจูบอย่างเดียวไม่พอ เด็กตัวสูงยังเอาไรหนวดข้างแก้มที่กำลังขึ้นใหม่เป็นตอเล็กๆ สีเขียวอ่อนมาถูเบาๆ บนผิวเนียนเพื่อแกล้งให้คนโตกว่าจั๊กจี้เล่นอีก

กว่าจะหยุดก็ขำจนไม่มีแรง ไม่น่าเกิดมาบ้าจี้เลยเมืองน้ำ

ส่วนร้อยเอก ไม่โดนตีก็ไม่หยุด คนอะไรชอบความรุนแรงขนาดนี้นะ

“มีอะไรเหรอครับ ฝากเมืองไปบอกน้องได้นะ”

[ปู่จะเอารายชื่อของที่จะฝากซื้อไปให้ร้อยเอก นี่ปู่ไปหามาแล้วรอบนึงนะ แต่น้องล็อกห้อง ปกติไม่ค่อยล็อกนะเมือง ทำอะไรกันล่ะเมื่อคืน]

“เปล่านะครับ...ไม่ได้ทำอะไร”

[จริงอ่ะ โม้ปู่รึเปล่า]

ก็โม้คุณปู่อยู่น่ะสิ ใครจะกล้าบอกความจริงเล่า

“เปล่าจริงๆ นะครับ เมืองไม่รู้ว่าร้อยจะล็อกห้อง...ยังไงคืนนี้เมืองจะบอกให้น้องไม่ต้องล็อกให้นะครับ”

[เอ้า อยากล็อกก็ล็อกสิน้องเมือง ปู่ไม่ถือ]

ไม่อยากโกหกเลย แต่จำเป็นจริงๆ ก็ดูสิ นึกว่าร้อยเอกถอดวิญญาณมาสิงร่างปู่ไปแล้ว

เมืองน้ำจะเขินตายจริงๆ ก็คราวนี้

[ไหนๆ เมืองก็ตื่นแล้ว ลงมาเอากระดาษที่ปู่หน่อยได้มั้ย]

“ได้ครับ เดี๋ยวเมืองลงไป อยู่ตรงไหนเหรอครับ เมืองจะได้ไปถูก”

[ตรงที่ปู่นั่งเหลาไม้กวาดเมื่อวาน เมืองลงมาเลยลูก ปู่รออยู่]

“ครับปู่ รอเมืองแป๊บนึงนะครับ”

เมืองน้ำวางสายหลังมีเสียงตอบรับนุ่มๆ แทบไม่มีแจ้งเตือนอื่นๆ นอกจากข้อความโปรโมชั่นจากเครือข่าย ก่อนที่นี่...ร้อยเอกคงปิดไว้ทั้งหมด ต่างจากเมืองน้ำไม่ปิดแจ้งเตือนแอพไหนเลย เห็นทีต้องทำตามเจ้าตัวบ้างแล้ว

สองแก้มเนียนก็ระบายสีแดงขึ้นอีกครั้ง มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ระหว่างที่เอี้ยวตัวเอาของในมือมาคืนเจ้าของ เลยไม่ทันเห็นว่าท่านี้ทำให้หน้าของเราใกล้กันเต็มๆ

ผิวดีเหมือนกันแฮะ ไรหนวดที่ใช้แกล้งให้เมืองน้ำจั๊กจี้เล่นเมื่อคืน จะว่าไปก็เซ็กซี่ไม่เบา

จากที่ตั้งใจว่าจะถอยออกมาเงียบๆ ก็เปลี่ยนใจกะทันหัน เมืองน้ำฝังปลายจมูกบนแก้มของคนหลับสนิท สูดความหอมเข้าปอดหนึ่งฟอด ก่อนจะยิ้มพอใจเมื่อใบหน้าหล่อบิดเบี้ยวเหมือนกระดาษยับๆ ทำเสียงฟึดฟัดทั้งที่หลับอยู่เหมือนเด็กถูกรบกวนในเวลานอน โชคดีที่เมืองน้ำกลับมานั่งตัวตรงก่อนเด็กตัวสูงจะพลิกตัวไปอีกทาง ไม่งั้นคงได้ลักหลับรอบสองแน่ๆ

เมืองน้ำกลับขึ้นมาด้านบนอีกครั้งหลังผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทีแรกจะขึ้นมาเลยหลังรับของจากคุณปู่ แต่เพราะท่านชวนคุย แถมยังเป็นคนที่คุยสนุกมาก ไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องน่าเบื่อ ก็เลยนั่งฟังท่านจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็โดนคุณปู่บอกให้ขึ้นมานอนต่อแล้ว

อยากนอนต่อนะ แต่ให้นอนตอนนี้ก็นอนไม่หลับจริงๆ อีกอย่างเจ้าของห้องก็ตื่นมาเก็บที่นอนแล้วด้วย ถ้าจะนอนก็ทำได้แค่นอนเล่นรออาบน้ำต่อจากร้อยเอกนั่นล่ะนะ

เมืองน้ำวางกระดาษโน้ตบนโต๊ะไม้ใกล้ประตู เดินมาคว้าโทรศัพท์แล้วล้มกายนอน เช็กดูแจ้งเตือนในเครื่องพลางไล่ปิดแจ้งเตือนในแอพที่ไม่จำเป็น เสียงน้ำกระทบพื้นจากฝักบัวดังผ่านประตูห้องน้ำได้สักระยะหนึ่งแล้ว ทว่าครู่เดียวก็ค่อยๆ เลือนหาย

ร้อยเอกเปิดประตูออกมาในสภาพพันผ้าขนหนูผืนเดียวไว้บนเอว มีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กอีกผืนที่ใช้ซับหยดน้ำชื้นๆ บนร่างกาย ตาคู่เข้มมองคนตัวเล็กที่นอนเล่นอยู่บนเตียงเป็นสิ่งแรก จุดยิ้มหน่อยๆ เมื่อเห็นว่าเมืองน้ำพยายามไม่มองมาทางเขา

“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า”

เขินแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ท่าทางเกร็งๆ แต่ก็ยังถามเสียงเขียวเหมือนกำลังโกรธของเมืองน้ำนี่...น่ารักเนอะ

น่ารักมากจริงๆ

“เสื้อผ้าผมอยู่ข้างนอกไงครับ ก็เลยไม่ได้ใส่ออกมา”

“อยู่ข้างนอกแล้วทำไมไม่เอาเข้าไปด้วยอ่ะ”

“ขี้เกียจ”

เท่านั้นแหละ โดนทำหน้าหงิกใส่จนได้

ที่จริงไม่ใช่ขี้เกียจหรอก เมื่อคืนเขาก็เอาเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนตอนอาบน้ำ กลัวเมืองน้ำจะช็อกเพราะคงไม่ชินกับเขาที่ชอบถอดเสื้อผ้าเดินทั่วห้อง ร้อยเอกคิดว่าเมืองน้ำจะขึ้นมาช้ากว่านี้ เห็นนั่งฟังปู่เล่าเรื่องราวตอนยังเป็นหนุ่มอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็เลยเอาเสื้อผ้าไว้ข้างนอก

มีความรักทีไร ไม่เคยมีใครอยากมาบ้านเขาสักที ทั้งที่บรรยากาศร่มรื่นขนาดนี้ เมืองน้ำเป็นคนแรกที่ยอมมาตามคำชวนของเขา ไม่แปลกหากปู่จะชอบแขกของหลานชายคนกลางเอามากๆ

“ทำอะไรอ่ะพี่เมือง”

“ถ่ายรูปไง”

“ถ่ายรูปผมเนี่ยนะ”

“ใช่ เอาไว้แบล็กเมล์”

ร้อยเอกขำกับคนที่รัวชัตเตอร์บนโทรศัพท์ไม่หยุด

“อยากถ่ายตอนผมเกือบโป๊ทำไมไม่บอก จะได้ยืนนิ่งๆ ให้ถ่าย”

“ใครอยากถ่ายอ่ะ ก็บอกแล้วว่าจะเอาไว้แบล็กเมล์”

คนเก่งผงะเล็กน้อยเมื่อคนตัวโตเดินเข้ามาใกล้และดึงโทรศัพท์ไปไว้ในมือตัวเอง ร้อยเอกจุดยิ้มมุมปาก ข้อดีของการมีผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบตัวคือเมืองน้ำไม่กล้าลุกมาชิงของคืน ดีไม่ดีเกิดผ้าหลุดกลางคันน่ะเรื่องใหญ่เชียวนะ เพราะแบบนั้นเลยทำให้เขาไล่ดูรูปที่อีกคนถ่ายไว้ได้สะดวก

ให้ตาย มีเซลฟี่ที่พี่เมืองถ่ายตัวเองเก็บไว้เต็มเลย

“พี่เมืองส่งรูปเซลฟี่มาให้ผมอีกสิ ผมชอบ”

“รูปพี่เนี่ยนะ”

“ใช่ แบบตอนที่ผมสอบมิดเทอมไง ที่ส่งมาให้กำลังใจ”

“มันแปลกๆ อ่ะร้อย ส่งรูปตัวเองไปให้คนอื่นบ่อยๆ”

“แต่ผมไม่ใช่คนอื่นไม่ใช่เหรอ”

ไม่ใช่สังเวียนนักมวยด้วย แต่ทำไมเมืองน้ำเหมือนโดนหมัดฮุคจากร้อยเอกเข้าเต็มๆ

“อื้อ ก็ได้ๆ เดี๋ยวพี่ส่งให้ แต่ขอเลือกรูปก่อนนะ ยังไม่ได้แต่งรูปเลย” พูดพลางรับโทรศัพท์คืนจากเด็กตัวสูง

“ไม่ต้องแต่งแล้ว จะแต่งทำไมครับ ไม่ได้เอาลงเพจซะหน่อย ถ่ายแบบหน้าสดก็ดูดีแล้วนะ ทำอะไรอ่ะ”

ร้อยเอกขมวดคิ้ว อยู่ดีๆ มือเล็กก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดใบหน้า เหลือแค่ตาใสๆ ที่กะพริบมองเขาเท่านั้น

“เขิน”

“...”

“เขินจริงๆ อย่าชมเยอะดิ เดี๋ยวพี่ก็ทนไม่ไหว”

ประโยคนี้ช่วยลบความสงสัย และแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้างๆ

“ไม่ทำตัวน่ารักสักวันสงสัยพี่เมืองจะขาดใจแน่ๆ”

“แต่พี่ไม่รู้ว่าอะไรทำแล้วน่ารัก ร้อยเอกคิดไปเองทั้งนั้น”

นอกจากน่ารักทุกวัน ยังน่าเอ็นตลอดเวลาเลยด้วย

ร้อยเอกใช้จังหวะที่มือคู่เล็กผ่อนแรงจับบนผ้าห่มร่นผ้าผืนนั้นลงมา ชันเข่าลงบนเตียงเพื่อทรงตัว กดริมฝีปากบนกลีบปากนุ่ม แล้วบดคลึงอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะผละออกมายืนที่เดิม

โดนจูบโดยไม่ทันตั้งตัว แก้มเลยแดงเป็นลูกตำลึงตามที่คิด

ถ้าเมืองน้ำเป็นนักร้อง แล้วเขาเป็นแฟนคลับ บอกเลยว่าหวีดจนเป็นลมตั้งแต่เห็นแววตาตื่นๆ ตอนเขาเคลื่อนตัวเข้าหานู่นแล้ว

“พี่เมืองน่ารักทุกอย่างแหละครับ ทำอะไรก็น่ารัก แต่ยกเว้นตอนกินนะ”

“ทำไมอ่ะ ตอนกินพี่เป็นยังไง”

“ตอนกินเหมือนองค์ลง ไม่คีพลุคเลย เสียชื่อเมืองน้ำคนดังหมด”

“น่าเกลียดมากเลยเหรอ”

“ใช่ น่าเกลียดมาก จากลูกหมาเป็นลูกหมูเลย”

“น่าเกลียดจริงๆ อ่ะเหรอ”

“จริง”

หน้าเครียดมาก เครียดเหมือนไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน อะไรที่เกี่ยวกับเรื่องกินนี่ยอมไม่ได้จริงๆ สินะ ตลกชะมัด ทำให้ร้อยเอกหลุดขำอยู่เรื่อย

“ไม่ต้องมาใกล้เลย”

พอรู้ว่าโดนเขาแกล้งเต็มๆ คนหน้าเครียดก็ผลักเขาออกโดยเร็ว ดูริมฝีปากสีพีชที่บิดไปเบี้ยวมานั่นสิ คงหมั่นไส้เขาเต็มทน

“พี่เมืองคิดว่าผมพูดจริงรึไงเนี่ย”

“ไม่รู้”

“อะไรคือไม่รู้”

“ก็ไม่รู้จริงๆ ร้อยพูดเหมือนจริงมากเลย แล้วเมื่อก่อนก็ชอบว่าพี่ด้วย ก็เลยนึกว่าพูดจริง ไม่ต้องมาขำเลยนะร้อยเอก”

“อ่ะๆ ผมไม่ขำก็ได้ๆ เดี๋ยวพาไปกินของอร่อยสุโขทัย ตลาดในเมืองมีของกินดีๆ เยอะมาก”

บอกแล้วไงว่าเป็นเรื่องกินแล้วเมืองน้ำยอมไม่ได้ ดูตากลมๆ ที่เป็นประกายตอนร้อยเอกยกของกินมาไถ่โทษนั่นสิ

น่าเปย์โคตรๆ เลยว่ะ

“พี่เมืองไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวร้อยจะลงไปยืมรถปู่”

“ก็ได้ แต่พี่เหมือนหมูจริงเหรอ”

“ไม่จริง ผมพูดเล่น”

“จริงอ่ะ”

“จริงสิ”

“ร้อยเอกโคตรขี้โม้”

“เอ้า ผมผิดอะไรอีกเนี่ย ไปเลยๆ ไปอาบน้ำ”

ร้อยเอกคิดว่าตัวเองจะพ้นโทษตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ แต่พอรับคนตัวเล็กที่ถูกดึงขึ้นจากเตียงไว้ในอ้อมกอด แล้วถูกผลักจนเซไปข้างหลัง รู้เลยว่าความผิดยังไม่ถูกลบล้าง

เอาน่า ปล่อยให้เดินดุ่มๆ เข้าห้องน้ำไปก่อนนั่นแหละดีแล้ว จะได้มีเวลาคิดเมนูที่จะเอามาง้อคนถูกแกล้งด้วย

พี่เมืองกินเก่งจะตาย เลี้ยงบุฟเฟ่ต์สักครั้ง หวังว่าจะหายงอนนะ



(⺣◡⺣)♡*



พอมีของกินก็หายงอนจริงๆ ด้วย แต่ดูดีๆ แล้ว...ร้อยเอกถูกคนกินเก่งแกล้งกลับแน่ๆ

แค่บุฟเฟ่ต์ไม่พอหรอก ต้องต่อด้วยไก่ทอดอีกชุดใหญ่ บอกว่าอยากให้ร้อยเอกกินเยอะๆ ทั้งที่ความจริงคนจ่ายเงินอย่างเขากินไปแค่นิดเดียว ที่เหลือน่ะเหรอ หายไปอยู่ในท้องเมืองน้ำนู่น

ใครได้เป็นแฟนต้องล้มละลายเพราะเอาแต่ซื้อของกินชัวร์ๆ

แต่คนคนนั้น...ร้อยเอกก็อยากเป็นนี่นะ บ่นไปบ่นมารู้สึกเข้าตัวยังไงไม่รู้

คนกินไม่ยั้งบ่นว่าแน่นท้องตอนอยู่ในรถ ร้อยเอกเลยแวะซื้อยาคลายกรดก่อนจะเดินทางกลับ เขาเอาของไปให้ปู่ ช่วยท่านจัดนั่นจัดนี่อยู่พักใหญ่ เปิดทีวี เครื่องปรับอากาศ และปล่อยให้คนตัวเล็กนอนตีพุงนุ่มๆ ของตัวเองอยู่ในห้อง กลับห้องอีกทีก็เห็นเมืองน้ำนอนหลับทั้งๆ ที่มือยังถือรีโมททีวีไว้ไม่ปล่อย

‘เห็นพี่หลับทำไมไม่ปลุกอ่ะ’

‘ไม่รู้ว่าต้องปลุกนี่ครับ เห็นพี่เมืองหลับสบายผมก็ไม่กล้าปลุกหรอก’

‘แต่นี่มันเลยเวลาไปปิกนิกแล้วนะ’

‘อะไรวะพี่เมือง ผมผิดเหรอ’

สุดท้ายก็เข้าโหมดคู่กัดอีกจนได้ ใครกันแน่ที่เป็นเด็ก ร้อยเอกคิดว่าไม่ใช่ตัวเองแน่นอน

ปิกนิกที่เมืองน้ำพูดถึงคือนัดที่ร้อยเอกจะพาไปเดินเล่นในสวนผลไม้ เลยบ่ายโมงซึ่งเป็นเวลานัดมานิดหน่อย อีกคนที่กลัวเวลาไม่พอเลยดูกังวลขนาดนั้น แต่เอาเข้าจริงร้อยเอกคิดว่าการไปที่สวนตอนบ่ายแก่น่ะดีกว่าตอนกลางวันตั้งเยอะ แดดไม่ร้อน มีลมพัด ไม่มืดจนเกินไป ถ้าทำของว่างไปกินก็ถึงเวลาท้องหิวพอดี

“พี่เมืองอยากกินอะไรก็ตัดได้เลยนะ”

“ทราบแล้วๆ พี่ชอบทุกอย่างเลย”

เสียงใสๆ ที่หาไม่ได้ในครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เมืองน้ำเดินออกจากโหมดคู่กัด ซ้อนจักรยานที่ร้อยเอกเป็นคนปั่นมาที่สวนอย่างว่าง่าย แถมยังวิ่งลงไปหาต้นส้มก่อนเขาเสียอีก

ทำอะไรก็น่ารัก คำขวัญประจำตัวพี่เมืองเขาล่ะ

ร้อยเอกปล่อยให้เมืองน้ำเลือกผลไม้ใส่ตะกร้าที่เตรียมไว้ได้ตามใจชอบ เดินมาปูเสื่อใต้ต้นไม้ใหญ่ เดินกลับไปอีกรอบพร้อมถุงมือและกรรไกสำหรับตัด

“จะเอาส้มเหรอ” พูดพลางตัดผลส้มที่สุกได้ที่ออกจากกิ่ง

“อื้อ พ่อชอบ”

“จะเอาไปฝากพ่อเหรอครับ”

“ใช่ พี่จะเอาไปฝากพ่อ ไม่รู้พ่อจะชอบหรือเปล่านะ แต่ก็อยากเอาไปให้เขา”

“ต้องชอบอยู่แล้ว พี่เมืองตัดไปให้ทั้งคน”

ร้อยเอกไม่ได้มองหน้าเมืองน้ำอยู่หรอก แต่เขารู้สึกได้ว่าอีกคนกำลังยิ้ม เรื่องเมื่อคืนที่เขาพูด อย่างน้อยๆ คงบรรเทาความเครียดในใจเมืองน้ำได้บ้าง แค่เล็กน้อยก็ยังดี และจะดีกว่านี้ถ้าสิ่งไม่ดีหายไปทั้งหมด

เคยได้ยินคำว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าหรือเปล่า ช่วงที่เลิกกับแฟนคนเก่า ร้อยเอกพูดกับตัวเองบ่อยมาก เขามีครอบครัวที่เข้าใจ มีพี่ชายที่ผ่านโลก ผ่านประสบการณ์ด้านความรักมามากกว่า คำพูดดีๆ จากคนใกล้ตัวทำให้ความเจ็บปวดกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อผ่านมันมาได้ กับเมืองน้ำก็เหมือนกัน

“อีกสามวันพี่จะไปหาพ่อ เป็นกำลังใจให้พี่ด้วยนะ”

“ไม่ต้องขอ ร้อยก็จะเป็นกำลังใจให้พี่เมืองอยู่แล้ว”

“ขอบคุณครับ”

“ยินดีครับ”

ร้อยเอกอยากให้คนคนนี้ดีขึ้นพร้อมกับเขา

“ถ้าเมื่อยก็ไปนั่งรอที่เสื่อได้นะ ผมปูไว้แล้ว”

“ดูแลดี๊ดี”

“ก็ต้องดูแลดีสิ”

“…”

“พี่เมืองมีคนเดียว ไม่ให้ผมดูแลพี่เมือง แล้วจะให้ไปดูแลใคร”

อยากให้เรื่องแย่ๆ ทิ้งเมืองน้ำไปสักที



(⺣◡⺣)♡*



ไม่ให้ดูแลพี่เมือง แล้วจะให้ไปดูแลใคร เป็นประโยคง่ายๆ ไม่หวือหวา ไม่ซึ้งกินใจ แต่เมืองน้ำกลับรู้สึกขอบคุณทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดดีๆ ของร้อยเอก

คนพาไปเก็บผลไม้บอกว่าอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนก็ได้ ตามใจเมืองน้ำทุกอย่าง แต่พอฟ้าเริ่มมืด ตะวันเริ่มตกดิน บรรยากาศเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงลมพัดผ่าน แค่นั้นแหละ ผู้ชายตัวโตแต่กลัวผียิ่งกว่าอะไรดีก็ชวนปั่นจักรยานกลับบ้านซะแล้ว

ตอนกลางคืนไม่มีไฟ แถมยังมืดมากจนน่ากลัวอย่างที่คุณปู่บอกจริงๆ ถ้าเมืองน้ำกลัวผีเหมือนร้อยเอกล่ะก็ รับรองเลยว่าจะชวนกลับจากสวนผลไม้ตั้งแต่ห้าโมงเย็น

เพราะความไม่กลัวนั่นแหละ ถึงหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาชวนร้อยเอกคุยระหว่างกลับมาที่บ้านได้เรื่อยๆ จะนับตรงนี้ให้เป็นข้อดีอีกข้อของตัวเองแล้วกันนะ

“ครบแล้วนะร้อย”

“ครบแล้วครับปู่ เอาไปฝากที่ขนส่งเสร็จแล้วก็จะไปสนามบินครับ” ร้อยเอกพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะแกล้งเบะปากเมื่อคุณปู่เดินเข้ามากอด

เห็นงอแงตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะว่าไม่อยากกลับกรุงเทพ อยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานๆ เหมือนช่วงปิดเทอม พอบอกออกไปแบบนั้น ก็โดนเจ้าของบ้านดีดหน้าผากเข้าเต็มๆ

ไม่ใช่เมืองน้ำคนเดียวที่ทั้งเอ็นดูทั้งหมั่นไส้ร้อยเอกเวลาทำตัวเหมือนเด็ก คุณปู่คงไม่ต่างกัน ตัวจะโต หรือในบางมุมจะเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน แต่น้องเอกก็ยังเป็นน้องเอกของทุกคนอยู่วันยังค่ำ

ไม่ได้แกล้งร้อยเอกด้วยคำต้องห้ามมาสักพักแล้วแฮะ

“พระคุ้มครองนะหลานปู่ ว่างแล้วค่อยมาอีกนะ นี่เดี๋ยวก็ปิดเทอมแล้วนี่ ปิดแล้วค่อยมา โอเคมั้ย”

“โอเค้” ร้อยเอกหยุดตีหน้าเศร้าหลังได้รับพรจากเจ้าของบ้าน เดินมาหาเมืองน้ำที่ยืนรออยู่ด้านหลัง

“เมืองกลับแล้วนะครับ สวัสดีครับคุณปู่”

“เดินทางปลอดภัยนะน้องเมือง”

และคว้าข้อมือนุ่มไว้ใต้อาณัติ สำรวจลังผลไม้ที่แพ็คอย่างดีตรงกระบะหลังด้วยสายตา เห็นว่าเรียบร้อยแล้วจึงพาเมืองน้ำมาขึ้นรถ

ถึงเวลาต้องกลับบ้านแล้ว สิ่งหนึ่งที่เมืองน้ำเรียนรู้ได้จากที่นี่คือความสงบ ความสงบที่เปรียบดั่งยาเม็ดเล็กๆ ซึ่งช่วยรักษาอาการอ่อนเพลีย สรรพคุณของยาเม็ดนี้น่าจะเรียกว่าความสุข แต่ก็เป็นความสุขที่ขยายความลึกลงไปในรายละเอียดไม่ได้

“คิดอะไรอยู่ครับพี่เมือง”

“คิดไปเรื่อยเปื่อย ร้อยจะนอนมั้ย นอนตักพี่ได้นะ”

“ไม่นอนๆ ผมไม่ง่วง”

“งั้นนั่งรถไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงสนามบินแล้วกันเนอะ”

“ครับ”

เมืองน้ำอธิบายไม่ถูก...รู้แค่มีความสุขกับการได้อยู่ในที่นี่

อยากอยู่ไปนานๆ แต่ในความเป็นจริงเมืองน้ำทำไม่ได้ สิ่งที่ต้องพบเจอหลังจากนี้ หวังว่าเมืองน้ำจะผ่านไปได้ง่ายๆ เหมือนสายลมที่พัดผ่านมา แล้วก็พัดผ่านไป

ขอให้ความเข้มแข็งกลับมาหาเมืองน้ำสักทีเถอะนะ



(⺣◡⺣)♡*



มีต่อ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.17 ☆ เหนื่อยล้า (19/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 19-11-2018 11:28:47
ต่อ

.


.



พรีเซนต์งานกลุ่มรอบแรกผ่านไปอย่างทุลักทุเล เริ่มจากร้อยเอกตื่นสาย รถติด เกือบมาถึงห้องเรียนไม่ทัน งานที่ลงรายละเอียดไปแล้วเกือบไม่ผ่านเพราะอาจารย์ไม่ชอบเรื่องที่กลุ่มเขาทำ ร้อยเอกไม่อยากดูเป็นเด็กแย่ๆ ในสายตาผู้ใหญ่หรอกนะ งานที่ยังอยู่ในขอบเขตที่อาจารย์กำหนด ถึงจะไม่ชอบเป็นการส่วนตัว แต่ก็ย้ำนักย้ำหนาว่าทำเรื่องไหนก็ได้ที่อยู่ในขอบเขตของวิชา เขาก็มีสิทธิ์ท้วงไม่ใช่เหรอ

โจทย์ที่ยากที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เนื้อหาที่ต้องทำ กลุ่มเขาช่วยกันลุยได้สบายอยู่แล้ว ที่ยากจนรู้สึกเบื่อหน่ายคือทำยังไงให้อาจารย์เปลี่ยนใจมาชอบหัวข้อที่เขาทำส่งต่างหาก

ถ้างานมันแย่จะไม่ว่าอะไรเลย พร้อมแก้ให้ด้วยซ้ำ นี่งานดี แต่อาจารย์ไม่ชอบ ก็เกินไปหน่อย

“เมื่อไหร่จะจบวิชานี้ ไอ้เหี้ย โดนด่าซะกูอยากไปเกิดใหม่ ย้ายคณะไปเรียนอย่างอื่นก็ไม่ทันแล้ว”

เขาเห็นด้วยกับมาวิน ร้อยเอกหัวเสียระดับสิบ มาวินก็คงระดับหมื่น ยังไม่รวมเพื่อนในกลุ่มอีกสองคนที่บ่นเป็นเสียงเดียวกัน

ดีที่สองคนนั้นกลับไปแล้ว ภาพตอนพวกมันเกือบระเบิดลงยังติดตาร้อยเอกอยู่เลย

เอาเรื่องกันทุกคน

“ช่างเหอะ ยังไงงานเราก็ดีแหละว่ะ มึงก็ไปแก้ตามที่กูบอกแล้วกัน อาจารย์จะได้ชอบ”

“เห้อ”

“ถอนหายใจทำเหี้ยไร”

“ถ้ากลุ่มเราไม่มีมึงนะไอ้ร้อย ตายหยังเขียด ตายแหง่กกันทุกคน”

“หมายถึงตายเพราะรบกับอาจารย์ไม่ชนะอ่ะนะ”

“ไอ้สัส”

ร้อยเอกเบี่ยงตัวหลบคนตรงข้ามที่เตรียมฟาดงวงฟาดงาใส่เขา ขำใส่คนหน้าหงิกก่อนจะดึงสมาธิกลับมาที่หนังสือเรียนวิชาอื่นต่อ

เกินสี่โมงเย็น เขาควรกลับบ้านไปนอนพัก เพราะถ้าไม่กลับตอนนี้ ต้องเจอมหกรรมรถติดอีกแน่ๆ แต่ร้อยเอกกลับไม่ได้ วันนี้เป็นวันที่เมืองน้ำจะไปหาพ่อ ให้กลับไปอยู่คนเดียวโดยไม่รู้ว่าเมืองน้ำเป็นยังไง เขาทำไม่ลง

ห่วง ห่วงมาก เขาเป็นห่วงเมืองน้ำจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว

ขอไปด้วยก็ไม่ให้ไป บอกให้เขารับผิดชอบหน้าที่ตัวเอง เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว ร้อยเอกไม่เคยบกพร่องในเรื่องเรียนเลยสักครั้ง แต่หลังเลิกเรียนเนี่ย ร้อยเอกก็ยังไปไม่ได้จริงๆ เหรอ

“จะอ่านหนังสือก็มองหนังสือ ไม่ใช่มองโทรศัพท์ จะอ่านรู้เรื่องมั้ยเนี่ยมึง”

ความคิดถึงไม่ใช่สิ่งเดียวที่ฆ่าคนได้นะ ความห่วงใยก็พรากชีวิตคนได้เหมือนกัน

“เมื่อไหร่พี่เมืองจะโทรมาวะ”

“อะไรของมึง”

“กูรอไม่ไหวแล้ว”

มาวินขมวดคิ้วในทีแรก วินาทีต่อมาก็เข้าใจในคำพูดของเพื่อนรักทุกอย่าง ร้อยเอกบอกว่าเมืองน้ำมีธุระ อยากตามไปด้วย อยากอยู่ข้างๆ พี่เมือง และอีกสารพัด ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นเพื่อนรักแสดงออกชัดเจนขนาดนี้ ทริปสุโขทัยที่ผ่านมาต้องมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นแน่นอน

แค่คิด มาวินก็มีความสุขแล้ว

“ใจเย็นๆ นะมึง เดี๋ยวพี่เมืองก็โทรมา”

“แล้วถ้าไม่โทรอ่ะ”

“มึงก็โทรไปเองดิวะ”

“กูโทรแล้ว พี่เมืองไม่รับ”

“เวรกรรม”

“อืม เวรมาก”

ดราม่าเฉยเลยว่ะ เพื่อนมาวินเป็นเอามาก

“กูก็ไม่ใช่คนมีสาระอะไร...บางอย่างเราเข้าไปช่วยเขาแก้ไขไม่ได้ แต่เราอยู่ข้างๆ เวลาเขามีปัญหาได้นะ”

“กูก็อยากอยู่ข้างๆ เขา แต่เขาไม่ให้กูไปด้วยไงวะ”

“อยู่ข้างๆ ไม่ได้แปลว่าต้องตัวติดเขาตลอด ให้เขามีพื้นที่ของตัวเองบ้าง ไม่กลัวพี่เมืองอึดอัดเหรอวะ”

“ไม่ ตอนกูอยู่กับพี่เมือง มีแต่ความสบายใจทั้งนั้นเลย”

“ไอ้เหี้ย กูฟินมาก”

ขัดอารมณ์ร้อยเอกไปหน่อย แต่มาวินอดใจไม่ไหวจริงๆ

“มึงมองออกว่ากูชอบพี่เมืองตั้งแต่เมื่อไหร่วะมาวิน”

“ถามทำไมอ่ะ”

“อยากรู้ คุยกับกูหน่อย กูฟุ้งซ่าน”

“เออ! มึงมันเด็กน้อยจริงๆ ว่ะ”

เกือบโดนร้อยเอกมอบฝ่าเท้าเข้าให้แล้ว โชคดีที่นั่งตรงข้ามกัน เลยมีพื้นที่ให้หลบอีกคนได้บ้าง

มาวินกลับมานั่งท่าเดิม กระแอมไอเล็กน้อย แกล้งให้เพื่อนหมั่นไส้เล่น ก่อนจะตอบออกไปตรงๆ

“ตั้งแต่พี่เมืองคุยกับหลวงพี่สิงหา”

“นานขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“เออสิ แต่มึงคิดว่าตัวเองเกลียดพี่เมืองมาตลอดไง ไม่ใช่อ่ะ ไม่เกลียดแน่ๆ ยิ่งเวลาไปเที่ยวด้วยกันแล้วมีพี่เมืองไปด้วยนะ มึงแทบจะกินหัวพี่เมืองอยู่แล้ว ที่บอกว่าเป็นคู่กัดเลยทะเลาะกันบ่อยของมึงเนี่ย เมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่พอพี่เมืองมาคุยกับหลวงพี่ ไม่ใช่เพราะความเป็นคู่กัดแล้ว เพราะมึงหึงล้วนๆ”

“มึงก็เลยชงกูกับพี่เมืองมาตลอดเลยเหรอ”

“ถูกต้องนะครับเพื่อนร้อย”

“ขอบใจว่ะ”

“ขอบใจเหี้ยไร”

“ขอบใจที่มึงชงกูกับพี่เมืองไง”

“ทีงี้อ่ะมาขอบใจกู เมื่อก่อนด่ากูทุกวัน ใช่สิ ถ้าไม่มีกูคอยชงร้อยเมืองมึงก็คงคิดว่าตัวเองไม่ชอบพี่เมืองไปอีกนาน สำนึกบุญคุณกูเลยนะ ไม่มีมาวินก็ไม่มีเมีย...อย่ายิ้ม! ไอ้ร้อย กูขนลุก”

ยิ้มให้ก็ไม่ได้ จะให้ร้อยเอกทำหน้าแบบไหนล่ะ

แต่ก็ถูกอย่างที่มาวินบอก อยู่ข้างๆ ไม่ได้แปลว่าต้องตัวติดตลอด แต่ร้อยเอกอยากอยู่ใกล้เมืองน้ำจริงๆ

ลางสังหรณ์บางอย่างมันบอกเขาว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี

ขอให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวเขา อย่าเกิดกับเมืองน้ำเลยนะ ขอร้องล่ะ

ร้อยเอกไม่อยากให้เมืองน้ำเจอเรื่องร้ายๆ อีกแล้ว



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำเพิ่งเคยมาบ้านหลังนี้ครั้งแรก บ้านหลังใหญ่ที่เป็นบ้านใหม่ของพ่อ ไม่ตั้งใจจะมาหรอก แต่ท่านบอกให้มา อย่างน้อยก็มาดูว่าชอบหรือไม่ชอบส่วนไหนของบ้าน ถ้าไม่ชอบจะได้ปรับปรุงให้ถูกใจ

ไม่มีตรงไหนที่ไม่ชอบ ห้องนอนห้องใหญ่สุดที่แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนนึงสำหรับนอน อีกส่วนจะทำเป็นห้องทำงาน ตรงนั้นน่ะดีที่สุดในบ้านหลังนี้เลย

เมืองน้ำไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็น แต่ระหว่างที่เดินลงมา เห็นห้องเล็กๆ อีกห้องที่ตกแต่งด้วยเตียงนอนและเปลสีสันสดใส ของตกแต่งที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นของใช้สำหรับเด็ก สิ่งที่เห็นก็พอเดาได้ว่าแฟนใหม่ของพ่อกำลังจะมีน้อง

น้องที่หากเกิดมาก็จะห่างจากเมืองน้ำถึงยี่สิบสองปี

น้องที่ไม่มีความผิดอะไร แต่เมืองน้ำกลับไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกในตอนนี้

เหมือนถูกแย่งความรัก...

พอคิดแบบนี้แล้ว เมืองน้ำดูเป็นคนไม่ดีไปเลยใช่มั้ย

“เมือง คิดอะไรอยู่”

เกลียดตัวเองสุดๆ เลย

“ไม่ได้คิดอะไรครับ พ่องานเยอะมั้ย เมืองงานเยอะมากเลย”

“เยอะสิ ยุ่งมาก บางวันพ่อก็ต้องนอนที่บริษัทนะ”

“เหรอครับ”

“ใช่”

และแล้วทุกอย่างก็เงียบลงอีกครั้ง ประโยคที่อยากตอบไม่ใช่คำที่ดีเท่าไหร่นัก เมืองน้ำไม่อยากให้พ่อได้ยิน กลัวท่านจะคิดว่าลูกเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปแล้ว

บางวันก็ต้องนอนที่บริษัท แปลว่าไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่วันนี้นัดมาที่บ้าน ก็แสดงว่าพ่อไม่สนใจบ้านหลังเก่าแล้ว

เวลาเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน ไม่มีสิ่งไหนยั่งยืน จะเป็นฮีโร่ของเมืองน้ำตลอดไป ไม่ใช่ความจริง

ทำไมถึงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย

“เมืองว่าพ่อซื้อเตียงขนาดไหนดี เอาหกฟุตมั้ย นอนสบายเลยนะ”

ริมฝีปากสีพีชเม้มจนเป็นเส้นตรง มองผู้เป็นพ่อแน่นิ่ง พยายามเก็บความรู้สึกแต่ก็เป็นเรื่องยากที่สุดของวัน เราอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขก นั่งข้างกันอย่างที่ทำมาตลอด คุยกันหลายเรื่อง  ส่วนมากเป็นเรื่องทั่วไป บทสนทนาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สุดท้ายก็กระอักกระอ่วนเพราะวกเข้ามาเรื่องนี้

เรื่องที่เมืองน้ำไม่ชอบ...

“หรือจะใหญ่กว่านั้น แต่ถ้าใหญ่มากก็จะไม่มีชั้นเก็บตุ๊กตาของเมืองนะ”

พ่อยังเป็นคนที่เท่มากๆ ในสายตาเมืองน้ำเสมอ แม่เคยเอารูปท่านตอนหนุ่มๆ ให้ดู หล่อระดับขวัญใจสาวๆ เลยล่ะ ตอนนี้ที่แก่ลงตามวัย แต่ก็ยังดูกระฉับกระเฉงเหมือนไม่แก่ตามอายุอย่างงั้นแหนะ

“เอ...โต๊ะทำงานก็สำคัญ เอ้อ แล็ปท็อปเครื่องที่เมืองซื้อมาทำงาน มันก็หลายปีแล้วนะ เริ่มอืดบ้างหรือยัง”

“เริ่มอืดแล้วครับ เมืองเบื่อมาก เวลามันเรนเดอร์ไฟล์ช้า”

“เอาเครื่องใหม่มั้ย พ่อเห็นยี่ห้อที่เมืองใช้มีรุ่นใหม่ออกมา”

“เป็นแสนเลยนะครับ ถ้าจะเอาสเป็กแรงสุด”

“จิ๊บๆ น่า เพื่อเมืองพ่อซื้อให้ได้อยู่แล้ว”

แล็ปท็อปราคาเป็นแสนยังซื้อให้ได้ แล้วทำไมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นกับแม่และเมืองน้ำ พ่อถึงไม่ยอมจ่ายให้ล่ะ อะไรที่เกี่ยวกับแม่ จะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีเลยหรือไง เกลียดกันมากขนาดนั้นเลยเหรอ

“ถ้าเมืองอยากได้รถใหม่ พ่อจะซื้อให้มั้ยครับ”

“ได้สิลูก เอารุ่นไหนล่ะ เบนซ์มั้ย พ่อว่าดีนะรุ่นนี้”

“ก็ดีครับ”

“แล้วคันเก่าที่เมืองเก็บเงินซื้อมาเองล่ะ ไม่ใช้แล้วเหรอ”

“ไม่ใช่ไม่ใช้” ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ “แต่เมืองขายไปแล้ว”

คนฟังเบิกตาขึ้นเล็กน้อย คงคาดไม่ถึงกับสิ่งที่ได้ยิน และไม่คิดว่าเมืองน้ำจะกล้าขายรถที่เก็บเงินซื้อนานเป็นปี ใครๆ ก็ตกใจ คนที่เป็นเจ้าของอย่างเมืองน้ำยังเสียดายรถคันนั้นเลย

“เมืองจะขายทำไม”

“จำเป็นครับ เมืองอยากเก็บเงินไว้เยอะๆ ก็เลยขาย”

“อยากมีเงินทำไมไม่ขอแม่ล่ะ ไหนว่าลูกคนเดียวฉันเลี้ยงได้”

เห้อ...

ในหัวมีแต่ความคิดไม่ดีเต็มไปหมด...

“เมืองอยากให้แม่เก็บเงินไว้ใช้ ก็เลยขายรถเพื่อเอาเงินเก็บตัวเองมาใช้กับแม่”

“พ่อไม่ชอบที่เมืองขายรถเลยนะ แต่ก็อย่างว่าแหละ เป็นแอร์เงินเดือนไม่กี่หมื่น จะเอาเงินจากไหนมาเลี้ยงลูกนักหนา สุดท้ายลูกก็เดือดร้อน”

“พ่ออย่าว่าแม่ได้มั้ย”

“ทำไมจะว่าไม่ได้ แม่บอกพ่อเองนะว่าเลี้ยงเมืองได้ แต่เมืองก็เดือดร้อน”

“แล้วใครล่ะครับที่ทำให้เมืองเดือดร้อน”

“เมือง”

“ถ้าพ่อรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองควรรับผิดชอบ แม่ก็ไม่ต้องลำบาก เมืองก็ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่ต้องเอาเงินเก็บมาใช้ ไม่ต้องขายรถ ไม่ต้องเสียใจแบบนี้ด้วย”

“นี่เมืองว่าพ่อเหรอ”

เมืองน้ำเปล่านะ...

ไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีเจตนาว่าท่านเลยสักนิด ที่พูดเพราะความอดทนมันมาถึงจุดสูงสุดแล้ว

“พ่อบอกแล้วไงว่าถ้าไม่อยากทำงานหนักก็มาอยู่กับพ่อ พ่อซัพพอร์ตเมืองได้ทุกอย่าง โดยที่เมืองไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องรับตัดคลิปไปวันๆ ไม่ต้องถ่ายรูปลงเพจเพื่อรับเงินด้วย เมืองจะไม่ทำงานตลอดชีวิตก็ได้ ขอแค่มาอยู่กับพ่อ”

พ่อไม่เคยโทษตัวเอง ไม่เคยคิดว่าที่กำลังทำอยู่ทำให้เมืองน้ำที่ต้องอยู่ตรงกลางระหว่างความร้าวฉานต้องลำบากใจ

พ่อเมืองน้ำในตอนนี้...ไม่เหมือนพ่อที่เคยรู้จักเลยนะ

“ถ้าเมืองมาอยู่กับพ่อ แล้วแม่จะอยู่กับใครล่ะครับ”

“…”

“เมืองทิ้งแม่ไม่ได้หรอกนะ”

“งั้นแปลว่าเมืองจะทิ้งพ่อสินะ”

อะไรทำให้พ่อคิดแบบนี้ มีประโยคไหนที่เมืองน้ำสื่อความหมายไปในทางที่ท่านพูดออกมาหรือเปล่า

ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากของคนเป็นพ่อด้วยซ้ำ ทำไมล่ะ ทำไมถึงเป็นเมืองน้ำที่ต้องเลือกว่าจะไปทางซ้ายหรือทางขวา

ทำไมทุกอย่างถึงมาเจอกันตรงกลางไม่ได้

ตั้งใจว่าจะมาคุยเรื่องหย่า จากที่ไม่อยากคุยเลยสักครั้ง แทบทุกครั้งจะพูดเรื่องอยากให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม อยากให้เรากลับไปอยู่ด้วยกัน แต่ความต้องการของเมืองน้ำในตอนนี้ แค่อยากให้พ่อและแม่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ แค่นั้นเอง

“เมืองไม่เคยอยากทิ้งพ่อเลย”

“งั้นก็มาอยู่กับพ่อ”

“เมืองบอกแล้วไงว่าทิ้งแม่ไม่ได้”

“แล้วเมืองจะเอายังไง จะให้กลับไปคืนดีพ่อไม่เอาด้วยนะ”

ซึ่งมันก็...ยากจัง

“เมืองถามหน่อยสิ”

“…”

“ที่ผ่านมา ไม่มีความหมายกับพ่อเลยเหรอ ตลอดเวลาที่อยู่กับแม่ พ่ออึดอัดมากเลยเหรอครับ”

“ถามทำไม”

เมืองน้ำพยายามเต็มที่แล้ว สุดแล้วจริงๆ...

“เมืองอยากรู้ว่ามันไม่มีความหมายจนต้องเกลียดกันขนาดนี้เลยหรือเปล่า”

แต่พยายามไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีอะไรดีขึ้นมา มีแต่ความเข้มแข็งที่เปราะบางขึ้นทุกวัน

“พ่อไม่ต้องห่วงนะครับ เมืองกับแม่จะไม่รบกวนพ่อแล้วล่ะ จะหย่าก็หย่าได้ เห็นแม่บอกว่าอาทิตย์หน้าก็หย่าแล้ว ดีเลย เมืองจะได้ตัดสินใจถูก”

“อย่าประชดพ่อนะเมือง”

“พ่อก็บังคับเมืองทางอ้อมด้วยการไม่รับผิดชอบอะไรเลยเหมือนกัน”

“เมืองน้ำ”

ไม่ได้ยินพ่อเรียกชื่อเต็มที่เป็นคนตั้งให้มานานแล้วล่ะ เจ็บปวดดีจัง

“เมืองโตแล้ว เมืองมีสิทธิ์เลือกนะ แล้วเมืองก็คิดแล้วว่าจะเลือกใคร”

“…”

“ในเมื่อมาเจอกันตรงกลางไม่ได้ เมืองก็จะอยู่ในที่ที่สบายใจ”

“…”

“เมืองขออยู่กับแม่นะครับ”

“ไม่ พ่อไม่ยอม อยู่กับแม่แล้วลำบากขนาดนี้เมืองก็ควรจะอยู่กับพ่อสิ จะไปอยู่กับแม่ทำไม เมือง! อย่าเพิ่งกลับนะ คุยให้รู้เรื่องก่อน”

วันนี้เป็นอีกวันที่แย่จนไม่รู้จะรับมือยังไง เมืองน้ำเคยเป็นคนที่เข้มแข็งมากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ว่าเรื่องไหนก็ผ่านไปได้ง่ายๆ เพราะมีคำสอนดีๆ จากคนในบ้านคอยรักษาหัวใจที่บอบช้ำในทุกๆ ครั้ง

ยาวิเศษที่เรียกว่าครอบครัว นับจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว

ตอนนี้เมืองน้ำก็เป็นแค่คนที่ไม่อยากฟังเสียงเรียกจากคนที่เคยเป็นความสบายใจของตัวเอง เป็นคนอ่อนแอ และเป็นเด็กดื้อที่ไม่รู้จักฟังผู้ใหญ่ ไม่สนว่าพ่อจะเรียกตัวเองด้วยน้ำเสียงแบบไหน ทำหูทวนลม หยิบกระเป๋าสะพายแล้วก้าวออกจากบ้านพร้อมก้อนหนักๆ ที่จุกอยู่ในคอ

จุกจริงๆ จุกจนพูดไม่ออก

เมืองน้ำคิดว่าพ่อคงหงุดหงิดไม่น้อย มีเสียงสบถและเสียงโครมครามดังตามมา ทุกอย่างค่อยๆ กลายเป็นความเงียบเมื่อเดินออกมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงหน้าปากซอย

เมืองน้ำกัดฟันข่มอารมณ์ เรียกแท็กซี่และขึ้นไปนั่งโดยไม่รีรอ เป็นวินาทีเดียวกันที่โทรศัพท์สั่นครืนอยู่ในกระเป๋าซึ่งวางไว้บนตัก คนตัวเล็กสูดลมหายใจ หยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดรับสายน้องชายตัวสูง

[พี่เมืองอยู่ไหน]

“พี่กำลังกลับ ร้อยอยู่ไหนเหรอ”

[ในมอ]

“ทำไมไม่กลับบ้าน ใกล้มืดแล้วนะ”

[กลับไม่ได้ เป็นห่วง]

“…”

[ให้ผมไปรับมั้ย อยู่บนแท็กซี่หรือเปล่า]

“…”

[ทางกลับมันผ่านมหา’ลัยเราใช่มั้ย ให้แท็กซี่จอดข้างหน้านะ ผมจะออกไปรอ แล้วค่อยกลับพร้อมกัน]

“อื้อ”

คลื่นทะเลคลื่นเล็กๆ ซัดใส่กลางลำตัว เมืองน้ำรู้สึกอึดอัดกว่าที่เคย เหมือนลูกโป่งที่ถูกอัดลมจนแทบระเบิด ขอบตาร้อนผ่าว และภาพที่เคยเห็นชัดเริ่มพร่ามัวจนรู้สึกได้

“ร้องเพลงให้ฟังหน่อยสิ”

[อารมณ์ไหนอ่ะ จู่ๆ จะมาขอให้ร้องเพลง]

“พี่...บอกไม่ถูกเหมือนกัน นะ...ร้องเพลงให้ฟังหน่อย”

อย่านะ...อย่าร้องไห้นะ รอให้เจอร้อยเอกก่อน

อย่า...

[เอาเพลงไหนดีครับ เดี๋ยวไปกินน้ำมะนาวแป๊บ]

มีเสียงกระแอมไอด้วย ร้อยเอกก็ยังเป็นร้อยเอก เด็กที่ทำให้รู้สึกหมั่นไส้ได้เสมอ

[เพลงนี้แล้วกัน เข้ากับเราดี]

แต่ก็เป็นความหมั่นไส้ที่ทำให้เมืองน้ำยังทนไหวกับความเจ็บปวด

[ลิ้นกับฟัน พบกันทีไรก็เรื่องใหญ่ น้ำกับไฟ ถ้าไกลกันได้ก็ดี หมากับแมวมาเจอะกัน สู้กันทุกที ต่างไม่เคยมีวิธีจะพูดจา]

เพลงเก่ามาก เกิดหลังเมืองน้ำไม่ใช่เหรอ หลุดมาจากยุคไหนเนี่ยพ่อคุณ

แต่ว่า...เข้ากับพวกเราจริงๆ ด้วยล่ะ

จะปล่อยให้ร้อยเอกร้องจนจบเพลง จะฟังไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงมหา’ลัย และจะทนกับความรู้สึกตอนนี้ให้ได้

เมืองน้ำควรหลับหรือเปล่า ถึงแล้วค่อยตื่น ปิดเปลือกตา...แล้วเปิดขึ้นใหม่พร้อมภาพของคนที่กำลังหาเพลงมาร้องให้ฟังไม่หยุด

ทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว

นิดเดียว...



(⺣◡⺣)♡*



ท้องฟ้าคลุมด้วยสีน้ำเงินเข้ม มีแค่แสงไฟที่ส่องสว่างตามทางเดิน คนที่ไม่ชอบความมืดอย่างร้อยเอกควรกลับบ้านไปตั้งนานแล้ว

แต่ยังกลับไม่ได้...

ลานจอดรถใกล้ประตูมหา’ลัยเหลือรถยนต์อยู่ไม่กี่คัน หนึ่งในนั้นคือรถของเขา ร้อยเอกมองนาฬิกาบนข้อมือสลับกับมองจอโทรศัพท์ เมืองน้ำบอกว่าอีกไม่นานจะมาถึง เลยขอวางสายเพราะแบตใกล้หมด แต่นี่ผ่านมาสิบนาทีแล้ว เขายังไม่เห็นคนตัวเล็กเดินเข้ามาเลย

เมืองน้ำปล่อยให้เขาร้องเพลงตลอดเวลาที่คุยกัน เอ่ยตอบบ้างเป็นบางครั้ง และทุกครั้งเขาเป็นคนชวนคุย ร้อยเอกไม่อยากคิดมาก แต่เสียงเมืองน้ำตอนคุยกับเขา...รู้นะว่าพยายามควบคุมให้เป็นปกติที่สุด แต่เสียงที่ไม่โอเคขนาดนั้น ไม่มีทางที่เขาจะฟังไม่ออก

ลางสังหรณ์ที่ไม่อยากให้เป็นจริง ทำไมต้องจริงขึ้นมาด้วยนะ

ร้อยเอกปิดเครื่องรับวิทยุเมื่อมองเห็นร่างเล็กๆ ใต้แสงไฟ แม้จะเห็นไม่ชัดแต่ก็มองออกว่านั่นคือเมืองน้ำ คนที่เขาเฝ้ารอเดินช้าๆ ราวกับคนหมดแรง เพราะแบบนั้นเลยรีบลงจากรถ ก้าวขายาวๆ ไปหาอีกคนโดยเร็ว

เมืองน้ำหยุดเดินเมื่อมองเห็นเขา ยืนนิ่งเพื่อรอให้เขาเดินเข้าไปใกล้ สภาพเมืองน้ำแย่มากตามที่คิด ดวงตาที่มีประกายความสดใสทออยู่เสมอหม่นเศร้าอย่างเห็นได้ชัด

เขาไม่ชอบเมืองน้ำในสภาพนี้

“พี่มาถึงนานแล้ว แต่ไม่กล้าเข้ามา”

“ทำไมไม่เข้ามาล่ะครับ ร้อยเป็นห่วงนะ”

ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากที่ปิดสนิท

เมืองน้ำไม่รู้จะตอบยังไง เรียงความรู้สึกให้เป็นรูปเป็นร่างไม่ได้เลย รู้แค่มันแย่มาก ก้อนที่จุกอยู่ในลำคอ ก็ยังจุกอยู่อย่างนั้น

กลัวว่าเจอร้อยเอกแล้วสิ่งที่กำลังต่อสู้จะพังทลายลง

“พี่เมือง...”

“...”

“หนักมากมั้ย”

“…”

“ที่พี่เมืองแบกไว้ตรงนี้” ร้อยเอกวางมือบนไหล่แคบ บีบเบาๆ ให้รู้ว่าหมายถึงตรงนี้ “หนักมากหรือเปล่า”

“…”

“ถ้ามันหนักจนทนไม่ไหว แบ่งมาให้ร้อยช่วยถือบ้างได้มั้ย”

“…”

“อย่าทนต่อไปเลยนะ”

ไม่ทนแล้ว...

ยิ่งทนยิ่งไม่ไหว ยิ่งสู้ ยิ่งอดทน ก้อนที่จุกอยู่ในคอก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้น จนตอนนี้มันแตกละเอียดเป็นหยดน้ำตา

นานมากแล้วที่ไม่ได้ยินเสียงสะอื้นของตัวเอง จำไม่ได้ว่าร้องไห้ครั้งล่าสุดตอนไหน ชีวิตที่มีแต่ความสุขทำให้น้ำตาไม่เคยแวะมาทักทาย

ตอนที่ร้อยเอกกอดเมืองน้ำ แล้วเมืองน้ำก็กอดอีกคนแน่นๆ นั่นแหละ ถึงรู้ว่าความเสียใจอย่างสุดซึ้งที่เคยลืมไปแล้วมันเป็นยังไง

ไม่อยากร้องไห้เลย แต่ไม่ไหวแล้ว

ขอร้องไห้สักวันนึงนะ

พรุ่งนี้จะกลับมายอมรับความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในชีวิต แล้วก็เป็นเมืองน้ำที่เข้มแข็งเหมือนเดิม

ขอฟังเสียงสะอื้นตัวเองแค่วันเดียวก็พอ



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง



ตอนนี้เป็นตอนที่ดราม่าที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ โทนเรื่องโดยรวมยังเป็นฟีลกู้ดอยู่นะ แง ;-;

อีก 3 ตอนจบแล้วววว ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ

ขอบคุณทุกๆ ฟีดแบ็กเลยค่ะ อ่านแล้วชื่นใจมากๆ เลย ♥︎
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.17 ☆ เหนื่อยล้า (19/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-11-2018 14:50:47
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.17 ☆ เหนื่อยล้า (19/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 19-11-2018 20:34:58
สงสารเมืองที่มีพ่อคิดแบบนี้
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.17 ☆ เหนื่อยล้า (19/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-11-2018 00:35:05
เมืองน้ำจะผ่านมันไปได้นะ มีร้อยเอกอยู่ตรงนั้นทั้งคน TT
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.17 ☆ เหนื่อยล้า (19/11/18) ⎮P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 23-11-2018 20:02:34
18
ฟ้าหลังฝน



สิ่งที่ร้อยเอกไม่ชอบตั้งแต่เล็กจนโตคือความมืดและทุกเรื่องเกี่ยวกับผี อีกสิ่งที่เพิ่งค้นพบในวัยยี่สิบเอ็ด...คือหยดน้ำตา

เขาเคยร้องไห้อย่างหนักสองครั้ง ครั้งแรกคือตอนย่าเสียชีวิต ครั้งที่สอง แน่นอนว่าต้องเป็นครั้งที่เลิกกับแฟนเก่า ทุกๆ ครั้งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียคนสำคัญในชีวิต จึงเข้าใจดีว่าทำไมเมืองน้ำถึงร้องไห้หนักขนาดนั้น

เมืองน้ำกำลังสูญเสียความสมบูรณ์ของครอบครัว

หนที่แล้วเขาผ่านมาได้เพราะมีคนรอบตัวคอยอยู่ข้างๆ ร้อยเอกเลยรู้สึกขอบคุณตัวเองที่ไม่กลับบ้านไปก่อน อย่างน้อยการรอเจอเมืองน้ำ ทำให้เมืองน้ำรู้ว่าไม่ได้ร้องไห้เพียงลำพัง ยังมีร้อยเอกอยู่เป็นเพื่อน มีเขารับรู้ว่าอีกคนกำลังเจอปัญหาอะไร คงเป็นสิ่งที่เขาทำได้มากที่สุดแล้ว

เรายืนอยู่ตรงลานจอดรถในมหา’ลัยจนท้องฟ้าระบายด้วยสีดำทึบ เสียงสะอื้นจากคนในอ้อมกอดค่อยๆ เบาลงเมื่อเวลาผ่านไป เชื่อเลยว่าการร้องไห้จนตัวโยนสูบพลังจากคนตัวเล็กไปอย่างมหาศาล เมืองน้ำแทบไม่เหลือแรงเดินจากที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว เปลือกตาคู่สวยที่ไม่เคยมีตำหนิคลอด้วยหยดน้ำชื้นๆ และผิวรอบดวงตาก็แดงช้ำจนน่ากลัว

เมืองน้ำไม่พูดอะไรมากนัก บอกสั้นๆ ว่าอยากกลับบ้าน หลังจากนั้นอีกสองชั่วโมงคนตัวเล็กก็ขึ้นไปพักบนห้องนอน เขาเป็นห่วง เพราะเมืองน้ำอยู่บ้านคนเดียว พยายามชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ในไลน์ แต่อีกคนคงไม่ไหวจริงๆ สุดท้ายเลยปล่อยให้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองตลอดทั้งคืน

คนสัญญาจะไม่ทำงาน เก็บไว้ทำวันอื่น และเข้านอนตั้งแต่ห้าทุ่มผิดสัญญากับเขา ตีสองแล้วไฟในห้องนอนฝั่งตรงข้ามยังสว่างจ้าอยู่เลย แต่ก็เป็นการผิดสัญญาที่เขาเอาผิดไม่ได้ เมืองน้ำบอกว่านอนไม่หลับ อยากนั่งทำงานจะได้ไม่คิดมาก

แค่นี้ก็ไม่กล้าขัดใจอะไรแล้ว บอกแล้วไงว่าร้อยเอกไม่เคยยอมใครเท่าเมืองน้ำจริงๆ

“แม่ฝากซุปไปให้พี่เมืองด้วยนะคะน้องเอก ใส่ถ้วยไว้ให้แล้ว”

“ครับแม่ ไปกองถ่ายเถอะครับ เดี๋ยวสาย”

“จ้าๆ”

ร้อยเอกมองตามหลังมารดาที่เข้ามาทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปพร้อมบทละครปึกหนาในอ้อมแขน ถ้าจำไม่ผิด สิ่งที่แม่ถือออกไปเป็นบทซีรีส์ที่เขาพาเมืองน้ำไปแคสติ้ง ผลแคสติ้งน่าจะออกตั้งแต่เมื่อเช้า และหนึ่งในนั้นไม่มีชื่อของเมืองน้ำ

พ่อบอกเขาว่าไม่อยากให้เล่นทั้งที่ไม่ตรงกับคาแร็คเตอร์ กลัวจะมีกระแสต่อว่านักแสดงในสังกัด ยังมีบทดีๆ อีกเพียบอยู่ในคลัง เจอบทที่เหมาะสมจะติดต่อกลับมาอีกรอบ

ร้อยเอกยังไม่ได้บอก แต่คิดว่าเมืองน้ำคงรู้ด้วยตัวเองจากการประกาศในเพจของบริษัท เขาเพิ่งกลับจากมหา’ลัยเมื่อชั่วโมงก่อน นอนพักครู่เดียวก็เดินไปเก็บวัตถุดิบในโรงปลูกมาทำอาหารให้เมืองน้ำและสิบเอกที่ทำการบ้านในห้องนอน

อาหารในถาดใบเล็กที่ครอบด้วยฝาชีสแตนเลสมีกระดาษแปะไว้ให้น้องชายรู้ว่ามื้อเย็นของตัวเองวางอยู่ตรงนี้ ส่วนถาดใหญ่ที่มีอาหารสามชุด บวกด้วยน้ำซุปของแม่ ร้อยเอกยกมาที่บ้านหลังข้างๆ

หนึ่งชุดเป็นของคุณน้า จัดไว้บนโต๊ะในครัว และอีกสองชุดที่เหลือเป็นของเขากับเมืองน้ำ

ประตูห้องเมืองน้ำไม่ได้ล็อก เปิดอ้าค้างไว้อย่างนั้น ทำให้เห็นว่าอีกคนกำลังคุยกับมารดาอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะคุยเสร็จแล้ว พอร้อยเอกเดินเข้าไป เธอก็เดินออกมาพอดี

“ร้อยทำมื้อเย็นมาให้ มีของคุณน้าด้วยชุดนึง วางอยู่ในครัวนะครับ”

เธอกล่าวขอบคุณเขาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะปิดประตูห้องลูกชายเมื่อร้อยเอกก้าวเข้าไปด้านในแล้ว

เมืองน้ำนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน จอแล็ปท็อปที่เปิดค้างไว้มีอีเมลติดต่องานนับสิบฉบับที่เมืองน้ำยังอ่านไม่หมด ดวงหน้าขาวซีดหันมองเด็กตัวสูงพลางจุดยิ้มบนริมฝีปาก

จัดการพับจอแล็ปท็อปแล้วลุกมาช่วยร้อยเอกจัดวางจานข้าวบนโต๊ะญี่ปุ่นที่หยิบออกมากาง นั่งลงฝั่งตรงข้ามเหมือนที่เคยเข้าไปกินมื้อเช้าในห้องร้อยเอก

“ทำไมมีซุปถ้วยเดียวล่ะ ร้อยไม่ตักมาให้ตัวเองเหรอ”

“อันนี้แม่ผมทำให้พี่เมืองโดยเฉพาะเลย ก็เลยไม่มีของผม”

“ไม่น้อยใจแล้วเหรอ เห็นเมื่อก่อนเอาแต่บอกว่าคุณป้ารักพี่มากกว่า”

“คำพูดพวกนี้เนี่ย ผมพูดเล่นนะพี่เมือง ตอนนั้นหมั่นไส้จริงๆ”

“แล้วตอนนี้ล่ะ ยังหมั่นไส้อยู่มั้ย”

เมื่อวานเป็นวันที่แย่จนไม่อยากจดจำ แต่ความเจ็บปวดที่มากมายถึงขั้นทำให้ร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่มีทางที่จะจำไม่ได้ จนวันนี้ก็ยังนึกถึง แต่เมืองน้ำคิดว่าตัวเองโชคดีที่ยังมีแม่ มีร้อยเอก และคนรอบตัวที่ดีมากๆ คอยอยู่เคียงข้าง

ดังนั้นเมืองน้ำจะไม่อ่อนแอแบบเมื่อวานอีกแล้ว

“ไม่หมั่นไส้แล้วครับ ตอนนี้นะ อยากให้พี่เมืองกินเยอะๆ ถ้าไม่พอก็บอก เดี๋ยวผมทำให้ใหม่”

ห้ามร้องไห้ และห้ามทำให้คนอื่นเป็นห่วง แม้ข้อหลังจะปรามความคิดคนอื่นได้ยาก แต่เมืองน้ำก็จะทำให้ได้

“ต้องลองกินดูก่อน แล้วจะรู้ว่ากินพอมั้ย”

“แต่ผมว่าไม่พออ่ะ ระดับพี่เมืองต้องกินสามจาน”

“โคตรเว่อร์”

ร้อยเอกหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตักข้าวผัดฝีมือตัวเองเข้าปาก บนโต๊ะทำงานมีผ้าเย็นวางเอาไว้ด้วย แปลว่าเมืองน้ำเอาผ้าผืนนั้นมาประคบดวงตาตามที่เขาบอก จากที่บวมช้ำก็บรรเทาลงบ้างแล้ว

เขาดีใจนะที่เมืองน้ำกลับมาพูดคุยกับเขาได้เหมือนเดิม ไม่ถามคำตอบคำอย่างเมื่อวานอีก แม้ไม่เต็มร้อย แต่ก็ดีกว่าไม่ดีขึ้นเลยไม่ใช่เหรอ

ทุกอย่างต้องใช้เวลา การรักษาความเจ็บปวดก็เช่นกัน

“วันนี้มีงานต้องทำอีกเยอะมั้ย”

“ก็เยอะนะ เพราะพี่เอางานของเมื่อวานมาทำวันนี้อ่ะ ก็เลยเยอะหน่อย ทำไมเหรอ” เมืองน้ำเลิกคิ้วขณะที่เคี้ยวข้าวผัดจนแก้มป่อง

“ว่าจะชวนไปดูหนัง”

“ดูหนังอีกแล้ว?”

“ก็ไม่รู้จะทำอะไร เล่นเกมมั้ยล่ะ ผมสอนเล่นได้นะ”

“มีคนสอนเล่นแบบร้อยเอกนี่พี่ไม่โดนด่าตายเลยเหรอ”

“ผมไม่หัวร้อนง่ายขนาดนั้นสักหน่อย”

“ไม่เชื่ออ่ะ ไม่รู้ใครที่ไหนเคยตะโกนลั่นห้องตอนแข่งเกมแพ้ แล้วอย่างนี้จะสอนพี่ที่ไม่ชอบเล่นเกมได้เหรอ”

“ได้สิ อยู่กับพี่เมืองผมก็ใจเย็นลงแล้ว”

เมืองน้ำดูไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ที่พูดมาทั้งหมด ร้อยเอกพูดความจริงนะ

“งั้นดูที่บ้านได้มั้ย ในแอพดูหนังก็ได้ ถ้าพี่ทำเสร็จเร็วก็คงได้ดูเร็วนะ”

“ไม่เป็นไรๆ ไม่ต้องดูก็ได้ ผมกลัวพี่เมืองนอนดึกอ่ะ พรุ่งนี้มีเรียนนี่ครับ”

“พี่เรียนตอนบ่าย ไม่เป็นไรหรอก ตื่นสายได้”

“งั้นก็ไปมอพร้อมผม”

“ร้อยไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ”

“ไม่มี แต่ผมก็ต้องไปทำงานกลุ่มกับเพื่อนไง”

คนตัวเล็กร้องอ๋อเบาๆ เปลี่ยนความสนใจกลับไปที่มื้อเย็น จัดการจนเรียบแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอึกใหญ่

ทุกการกระทำอยู่ในสายตาร้อยเอก เขาชอบเวลาได้มองทุกอิริยาบถของคนคนนี้ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่าเสน่ห์ส่องประกายอยู่รอบตัวเมืองน้ำเสมอ เพราะจ้องมองไม่วางตา ถึงได้เห็นว่าเมืองน้ำพยายามสดใสที่สุดเท่าที่ทำได้ และเขาไม่อยากขัดหรือพูดออกไปตรงๆ ว่าถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน

ความร่าเริงที่เมืองน้ำกำลังสร้างขึ้นมาใหม่หลังแหลกสลายไปเมื่อวาน ก็เหมือนกับเขาในตอนที่ไม่อยากให้ใครต้องมาคอยเป็นห่วง

“พี่เล่าเรื่องเมื่อวานให้แม่ฟังแล้วนะ”

เขาเข้าใจเมืองน้ำ เข้าใจมากเลยล่ะ

“ครับ แล้วคุณน้าว่ายังไงบ้าง”

“ก็...ฟีดแบ็กจากแม่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นโกรธพ่อนะ แค่ช่วยกันตัดสินใจอะไรหลายๆ อย่าง แต่เรื่องย้ายบ้านต้องคุยกับพ่อก่อน”

จะเข้าใจแค่ไหน ยังไงร้อยเอกก็ไม่อยากให้เมืองน้ำย้ายบ้านอยู่ดี

แค่คิดว่าทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมา จะไม่เห็นเมืองน้ำอยู่ในห้องฝั่งตรงข้าม แค่นี้ก็ใจหายจนไม่รู้จะไปตามหาที่ไหนแล้ว

“เมื่อวานพ่อโทรมาหาแม่ โทรหาในรอบหลายเดือนเลย แม่บอกว่าพ่อคุยด้วยน้ำเสียงไม่ดีเท่าไหร่ คงโมโหที่พี่เดินหนีพ่อ...พี่ไม่เคยเดินหนีเขาเลยนะ เหมือนตัวเองเป็นเด็กนิสัยเสียเลย”

ริมฝีปากนุ่มขบเม้มเมื่อจบประโยค พยายามพูดต่อทว่าก็ทำไม่ได้ในทันที เห็นแบบนั้นร้อยเอกเลยเลื่อนมือเข้ามากุมมือเล็กเอาไว้ บีบเบาๆ ให้รู้ว่าเขารอฟัง เมืองน้ำถึงกลับมาเล่าต่อได้

“แต่พอคุยไปสักพักพ่อก็ใจเย็นลง พ่อบอกว่าจะกลับมาบ้านวันนี้”

“จะมาตอนไหนครับ”

เมืองน้ำชำเลืองมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนหันกลับมาสบตาคนตรงข้าม

“เดี๋ยวก็คงมาแล้วล่ะ พี่กลัวพ่อทะเลาะกับแม่อีกจัง”

“พี่เมืองเคยบอกว่าเวลาพ่อแม่ทะเลาะกัน จะไม่ให้พี่เมืองเห็นใช่มั้ย”

คนถูกถามพยักหน้ารับ

“ถ้างั้นการมาเจอกันวันนี้ ผมคิดว่าคุณลุงคุณป้าจะไม่ทะเลาะกันหรอกนะ เพราะพี่เมืองก็อยู่ด้วย”

“พี่ก็ขอให้เป็นอย่างที่ร้อยเอกบอกนะ”

ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เข้าไปเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันด้วยตัวเอง ไม่มีการทำร้ายร่างกาย พ่อไม่เคยทำ แต่คำพูดที่แหลมคมยิ่งกว่าหนามนั่นแหละรุนแรงที่สุด

ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี อย่ามีปัญหาเกิดขึ้นอีกเลย



(⺣◡⺣)♡*



ห้องสิบเอกมองเห็นระเบียงห้องเมืองน้ำได้แค่ครึ่งเดียว ถ้าไม่สังเกต ร้อยเอกคงไม่รู้ว่าถ้าจะดูความเป็นไปในบ้านหลังข้างๆ ห้องของเขาจะเป็นตำแหน่งที่ชัดที่สุด

ห้องรับแขกชั้นล่างคือพื้นที่ที่ครอบครัวเมืองน้ำใช้พูดคุย ร้อยเอกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งที่อยากรู้จนแน่นอก หลายชั่วโมงที่เขาเห็นแค่แสงไฟที่ปรุผ่านม่านผืนใหญ่ ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นนอกจากความเงียบ

โล่งใจได้หนึ่งเปราะ อย่างน้อยก็ไม่มีความรุนแรง

คงจะดีถ้าเขาได้ยืนมองอยู่ที่ห้องตัวเอง เพราะสิบเอกขาดคนสอนการบ้าน และคืนนี้เขาอยู่กับน้องแค่สองคน ทำได้มากสุดก็แค่เดินไปดูตรงระเบียงห้องน้องชายว่าไฟชั้นล่างในบ้านเมืองน้ำปิดลงหรือยัง

อยู่เคียงข้างไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ เป็นอย่างที่มาวินบอกเขาจริงๆ แต่การไม่รู้ถึงความเป็นไป ทำร้อยเอกเป็นห่วงชะมัดเลย

“พี่ร้อย สิบเวียนหัว”

เท้าที่ย่ำไม่อยู่สุขชะงักกลางคัน มองดูน้องชายที่นอนห่มผ้าถึงหน้าอกแล้วถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่มานอนกับน้อง แทนที่น้องจะได้นอน กลายเป็นว่าเขาทำน้องนอนไม่หลับ แถมยังเวียนหัวซะอย่างนั้น

“โทษทีสิบ พี่คิดอะไรนิดหน่อย” คนพี่ว่าพลางก้าวขึ้นมานอนบนเตียง มุดกายเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับน้อง

“คิดเรื่องพี่เมืองเหรอ”

“พูดอะไรอ่ะ”

“ก็สิบเห็นพี่ร้อยสนิทกับพี่เมือง ไม่ว่าพี่เมืองบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน”

คำพูดคำจา ใครสอนให้เด็กประถมพูดแบบนี้กันนะ

“สิบอยากกินไอติมอ่ะพี่ร้อย”

“มันดึกแล้วนะสิบ ถึงเวลานอนแล้ว”

“ไม่ๆๆ ไม่กินวันนี้ ไปกินวันอื่นได้มั้ย” สิบเอกหันตัวเข้าหาพี่ชาย มองคนตัวโตด้วยแววตาใสซื่อ

“ถ้าว่างพี่จะพาไปนะ แต่คิดว่าอาทิตย์นี้ว่าง ไม่ต้องไปทำงานกับเพื่อน”

ร้อยเอกนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาที่นอนหันเข้าหาน้อง คุยกับน้องเพื่อดับความร้อนใจ กับน้องชายที่ยังไร้เดียงสา พูดตรงๆ ตามประสาเด็ก

ภาพนี้มัน...เหมือนเขากับพันเอกเมื่อสิบปีก่อนไม่มีผิด

เริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าตัวเขาที่เป็นเด็กตัวเล็กในสายตาพี่ชายเป็นยังไง

“พี่ร้อยหน้าเครียดจัง”

“ขนาดนั้นเลย?”

“ครับ” พยักหน้าจนผงแป้งที่ทาอยู่บนแก้มร่วงลงมา

ร้อยเอกมองออกไปนอกระเบียง จากที่ตรงนี้เห็นแค่หลังคาบ้านเมืองน้ำ ไม่รู้ว่าคุยกันจบหรือยัง ได้แต่หวังว่าจะไม่มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับคนที่มีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขาขนาดนี้

ไปกดกริ่งเรียกหน้าบ้านได้มั้ย จะเสียมารยาทเกินไปรึเปล่า

เห้อ ยากไปหมดทุกอย่าง

“อยู่โรงเรียนเป็นไงบ้างสิบ เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ”

“สนุก...แต่สิบไม่ชอบวิชาคณิต สิบปวดหัว”

“ทำไมไม่ชอบ สนุกนะวิชานี้”

“สิบชอบคิดเลขผิด ครูดุด้วย”

“แต่ครูคนนี้สอนแค่ปอห้าใช่มั้ย ขึ้นปอหกก็เจอกับครูคนอื่นแล้ว อดทนนะ จำได้มั้ย ที่พี่เคยบอกว่าให้อดทน”

“อื้อ แต่สิบไม่ชอบวิชานี้เลย”

“บอกให้อดทนไง”

“ดุอ่ะ”

ร้อยเอกวาดยิ้มกับท่าทางงอแงของสิบเอก น้องชายเขาอายุแค่สิบเอ็ดขวบ เรื่องใหญ่ที่สุดคือวิชาคณิตศาสตร์ เกม และการไม่ได้กินของอร่อยในวันหยุด

ตอนเขายังเป็นเด็ก ไม่มีวิชาที่เขาไม่ชอบเรียน มีแต่เรื่องอื่นที่ไม่ชอบในสภาพแวดล้อมที่เด็กคนหนึ่งต้องเจอ โลกของเขากว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเติบโต โลกยิ่งกว้าง ยิ่งต้องเจอเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นใหม่ในทุกๆ วัน พอมองย้อนกลับไป สิ่งที่เขาไม่ชอบในตอนนั้น ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปแล้ว

สิ่งที่เขาสอนน้อง ก็เหมือนกับที่พี่ชายสอนเขามาตลอด

เดี๋ยวมันก็ผ่านไป อดทนไว้ เรายังต้องเจออะไรอีกมาก ไม่เคยเข้าใจจนกระทั่งพบเจอด้วยตัวเอง

นึกถึงเมืองน้ำอีกแล้ว ร้อยเอกอยากจะบอกเมืองน้ำด้วยประโยคที่เขาพูดกับน้อง อยากกุมมือนุ่มๆ นั่นไว้แล้วหลับไปด้วยกัน

เขาไม่อยากให้เมืองน้ำอยู่คนเดียวจริงๆ

ร้อยเอกพลิกตัวไปหยิบเครื่องมือสื่อสารมาเช็กข้อความในแอพไลน์ ไล่ดูความคืบหน้าของงานกลุ่มในกรุ๊ปแล้วเปลี่ยนเป็นแชทของเมืองน้ำ พิมพ์ๆ ลบๆ หลายครั้ง ในที่สุดก็กดออกมาจนได้

“พี่ร้อยชอบพี่เมืองเหรอ”

“พูดอะไรน่ะสิบ”

“ก็สิบเห็นพี่ร้อยจะจุ๊บพี่เมือง”

“ไหนสิบบอกว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับพี่แล้วไง”

“สิบบอกว่าจะไม่ฟ้องแม่เฉยๆ นะ มั่วอ่ะ เร็วเด่ะ ตอบสิบๆ”

“เออชอบ ชัดยัง ชอบมาก”

“แล้วเป็นแฟนกันยังง่ะ”

“ยัง”

“ไม่เป็นแฟนแล้วไปจุ๊บพี่เมืองได้ไง”

อยากมอบมะเหงกให้น้องตัวเอง โทษฐานแก่แดดเกินอายุ

ร้อยเอกไม่ตอบคำถาม สัมผัสเข้าห้องแชทเมืองน้ำอีกครั้ง สูดลมหายใจราวรวบรวมความกล้า ก่อนจะรัวปลายนิ้วบนแป้นพิมพ์อีกรอบ

“ฝัน...อะไรข่างๆ”

ข่างอะไรน้องสิบ พี่ร้อยน่ะพิมพ์ไปว่า ‘ฝันดีครับ ยังมีร้อยเอกอยู่ข้างๆ’ ต่างหาก

“พอเลยๆ นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนนะ”

“พี่ร้อยหน้าแดงด้วยอ่ะ”

“นอนนนน~”

“ฮี่ๆ”

สู้กับงานกลุ่มยังไม่พอ ยังต้องมารบกับน้องชายอีกเหรอ ช่างเถอะ ถึงเวลาต้องพาน้องเข้านอนแล้ว

จะว่าไป...แม้วันนี้จะไม่ใช่วันที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นวันที่ดีกว่าเมื่อวาน ฉะนั้นร้อยเอกเชื่อว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้แน่นอน

ไม่รู้อีกคนเปิดอ่านข้อความหรือยัง แต่ก็หวังว่าจะรู้ถึงความห่วงใยของเขา

ถ้าได้คุยกับเมืองน้ำตอนนี้ก็คงดี



(⺣◡⺣)♡*



ร้อยเอกตัดใจเรื่องไปหาเมืองน้ำ เกือบจะหลับตามน้องชายไปแล้วด้วยซ้ำ เขาตื่นจากความง่วงเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ เมืองน้ำเปิดอ่านไลน์ที่เขาส่งไปบอกฝันดี ถามว่าลงมาหาได้มั้ย มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง แทบไม่ต้องคิดมากความ ยังไงคำตอบก็ต้องเป็น ‘ได้’ อยู่แล้ว

ห้าทุ่มสิบนาที...

ตอนแรกจะยืนคุยกันตรงประตูบ้าน ทว่าจู่ๆ ฝนก็เทลงมาจนคุยที่เดิมไม่ได้ ร้อยเอกพาเมืองน้ำเข้ามาด้านใน ตั้งใจว่าจะนั่งด้วยกันในห้องรับแขก แต่คนตัวเล็กอยากมองสายฝน สุดท้ายก็จบที่พามานั่งบนพื้นเย็นๆ ตรงประตูบ้าน

จุดที่เขากับเมืองน้ำนั่งอยู่ไม่โดนฝนเลย แต่อากาศเย็นเป็นบ้า ถึงอย่างนั้นก็เถอะ สภาพอากาศก็ไม่ทำให้เราเดือดร้อนเท่าไหร่ ดีเสียอีกที่ได้นั่งมองฟ้าด้วยกันอีกครั้ง

“เอานมมั้ยครับ ผมกลัวพี่เมืองจะหนาว”

คนข้างกายหยุดคิดพักหนึ่ง แววตายังคงทอดมองหยาดฝน ราวกำลังทบทวนและเรียบเรียงสิ่งต่างๆ ที่อัดแน่นอยู่ในใจ

“ก็ได้นะ”

“กับเรื่องกินไม่เคยปฏิเสธเล้ย”

“ไปชงนมเร็วๆ ซี่”

เมืองน้ำยังไม่เล่าเรื่องไหนให้เขาฟัง ร้อยเอกคิดว่ายังไม่ถึงเวลา ระหว่างรออีกคนพร้อมก็หาอย่างอื่นทำไปก่อน เช่นการเดินเข้าครัวไปชงนมให้ลูกหมาของเขา

ร้อยเอกเดินกลับมาพร้อมแก้วนมอุ่นๆ ที่ยื่นให้เมืองน้ำ และอาหารเม็ดในกล่องที่เทให้เจ้าแก้บนในบ้านของน้อง

“ทำไมแก้บนถึงชื่อแก้บนเหรอ”

คนถูกถามหันมอง ขณะที่มือยังลูบหัวซามอยด์ขนฟูไม่หยุด แก้บนครางหงิงเหมือนออดอ้อน ก่อนก้มหน้าก้มตากินอาหารในถ้วยอย่างเอร็ดอร่อย

“ทำไมอยากรู้ล่ะครับ” ถามพลางเดินมานั่งข้างๆ เมืองน้ำ

“ก็น้องชื่อแปลกดี”

“แก้บนไม่ใช่หมาผมหรอก หมาพี่พัน”

“อาจารย์พันเอกไปบนอะไรไว้เหรอ น้องถึงชื่อแก้บน”

“บนเรื่องงานมั้งนะ ผมจำไม่ได้ ไม่ได้ไปด้วย พี่พันไปบนกับแม่ รู้อีกทีแก้บนก็มาอยู่ที่บ้านแล้ว”

“พี่อยากเลี้ยงหมาบ้างจัง แต่กลัวดูแลไม่ดีอ่ะ”

ตัวเองเป็นลูกหมาอยู่แล้ว จะอยากเลี้ยงหมาทำไมอีกล่ะ อย่าน่ารักผิดเวลาได้มั้ยเมืองน้ำ

“ถ้ากลัวดูแลไม่ดี ก็ช่วยผมเลี้ยงแก้บนสิ เลี้ยงหมาตัวเดียวกันก็ได้”

“แต่แก้บนเป็นหมาของอาจารย์พันเอกนะ”

“ตั้งแต่พี่พันย้ายไปอยู่คอนโด แก้บนก็เหมือนหมาผมเข้าไปทุกวัน ถึงบอกไงว่าถ้าพี่เมืองยังไม่มั่นใจ ก็ช่วยผมเลี้ยงไปก่อนก็ได้”

“แล้ว...น้องเลี้ยงยากมั้ย”

“ไม่ยาก แก้บนเป็นหมาอารมณ์ดี กินง่ายอยู่ง่าย วิ่งเล่นในสวนจนเหนื่อยก็มานอน หายเหนื่อยก็ไปวิ่งเล่นใหม่”

“พี่ก็เลี้ยงไม่ยากเหมือนแก้บนนะ”

คำพูดทีเล่นทีจริงทำให้ร้อยเอกหันมอง ยอมรับว่ากำลังมันเขี้ยว อยากหยิก อยากบีบริมฝีปากสีพีชให้บวมช้ำ แต่พอเห็นคนข้างกายหัวเราะหน่อยๆ กับการพูดเล่นของตัวเอง ร้อยเอกคิดว่าอย่าดีกว่า

เวลาเห็นเมืองน้ำมีความสุขต่อหน้าตัวเอง เมื่อก่อนมีแต่ความหมั่นไส้ คนอะไร...ยิ้มได้ตลอดเวลา ความสดใสที่เห็นอยู่เสมอกลายเป็นอคติ ทั้งที่รอยยิ้มเป็นสิ่งที่คู่ควรกับคนคนนี้ที่สุดแล้ว

“คุยกับพ่อเสร็จแล้ว”

เขากล่าวหาว่าเมืองน้ำเป็นพวกสร้างภาพ ไม่จริงใจกับคนอื่นไปได้ยังไงนะ

“ทำไมคนเราถึงต้องพูดร้ายๆ ใส่กันตลอดด้วยนะ” นี่ใช่มั้ยที่เมืองน้ำจะเล่าให้เขาฟัง คนตัวเล็กไม่แค่พูดเปล่า วางแก้วนม ขยับกายเข้าไปใกล้คนตัวโต กอดสองขาที่ชันขึ้นมาด้วยเรียวแขน แล้ววางปลายคางไว้บนเข่า “ไม่รุนแรง...แต่อึดอัด พี่อึดอัดมากเลย เคลียร์กันจบแล้ว แต่ไม่รู้ว่านี่จะเป็นจุดจบจริงๆ หรือเปล่า”

“คุยว่าไงบ้างครับ”

“พ่อบอกว่าไม่หย่ากับแม่ก็ได้ อยู่ดีๆ ก็บอกแบบนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่คงดีใจ แต่ตอนนี้เราดีใจไม่ได้แล้ว เพราะแฟนใหม่พ่อกำลังท้อง พี่กำลังจะมีน้องแล้วนะ ห่างกันตั้งยี่สิบกว่าปีแน่ะ”

เมืองน้ำวาดรอยยิ้ม แต่ครั้งนี้...ดูเป็นยิ้มที่เศร้าเหลือเกิน

“เมื่อวานพี่รู้สึกแย่มาก ตอนรู้ว่ากำลังจะมีน้อง มันเหมือนเรากำลังจะโดนแย่งความรักไปเลย พอพ่อบอกว่าที่ไม่หย่าเพราะไม่อยากทำให้พี่เสียใจ จะพยายามทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นเหมือนเดิมตามที่พี่ต้องการ นั่นแหละ...พี่ถึงรู้ว่าความต้องการพี่เปลี่ยนไปแล้ว”

“…”

“คงไม่เรียกว่าทำใจได้เร็วหรอกเนอะ เพราะเอาจริงๆ ก็ยังทำใจไม่ได้ แต่พี่คิดว่าให้พ่อกับแม่หย่ากันไปเลยดีกว่ามาแกล้งทำเป็นรักกันให้พี่สบายใจ ถ้าเป็นแบบนั้น พี่ก็ไม่ต่างอะไรจากคนเห็นแก่ตัว อีกอย่าง...พี่สงสารน้องที่กำลังจะเกิดมา ไม่อยากให้น้องเจอปัญหาแบบเดียวกัน อยากให้น้องมีความสุข”

“แล้วพี่เมืองล่ะครับ”

“…”

“มีความสุขหรือเปล่า”

“เดี๋ยวก็มี”

เดี๋ยวก็มี แปลว่าตอนนี้ยังไม่มี หรือมีก็ไม่เต็มร้อย

มั่นใจว่าเมืองน้ำอยู่ในจำพวกหลัง

“มันพูดยากนะ กับความรู้สึกนี้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีความสุขไปซะทีเดียว แค่ยังหยุดคิดถึงความเจ็บปวดไม่ได้ พี่คิดเยอะเลยนะ ระหว่างที่เราคุยกัน มันมีทางออกกี่ทาง ทางไหนจะแฟร์กับทุกฝ่ายมากที่สุด แล้วพี่ก็คิดว่าทางนี้โอเคที่สุดแล้ว”

“…”

“เมื่อวานที่พี่เดินหนี พ่อบอกว่ารู้สึกผิดมากตอนเห็นพี่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ พ่อโมโหและโกรธตัวเอง ที่พ่อไม่ส่งเงินให้เลยเพราะโดนแม่พูดไม่ดีใส่ แม่บอกว่าเลี้ยงพี่คนเดียวได้ ก็เลยประชดแม่ด้วยวิธีนี้ พ่อไม่เคยคิดเลยว่าวิธีที่ใช้จะทำให้พี่ลำบาก พ่อคิดแต่ว่าเดี๋ยวแม่ก็ยอม ไม่กี่เดือนก็จบ”

“…”

“พี่พูดนานมากเลย กว่าพ่อจะเปลี่ยนใจกลับมาหย่าเมือนเดิม กับยอมให้พี่มาอยู่กับแม่ พ่อพี่ดื้อมากเลยเนอะ ดื้อมากจริงๆ”

เมืองน้ำสูดลมหายใจ ขอบตาร้อนผ่าวจนต้องกะพริบตาถี่

“พ่อจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ไม่ส่งให้ที่บ้านเลยตลอดหลายเดือน หลังจากนี้ทุกคนก็จะทำหน้าที่พ่อแม่ให้พี่เหมือนเดิม ส่วนเรื่องที่จะกลับมาเป็นเพื่อนกันได้มั้ย พี่ก็ไม่รู้ แต่พี่คิดนะว่าไม่ต้องดีกันเหมือนเดิมก็ได้ แค่ไม่เกลียดกันก็พอแล้วล่ะ พ่อแม่หย่ากัน ยังไม่เจ็บเท่าเห็นคนที่เรารักเกลียดกันเลย”

“ผมดีใจนะที่พี่เมืองคิดแบบนี้”

วิธีให้กำลังใจที่ร้อยเอกเคยถูกปฏิบัติจากคนในบ้าน โดยเฉพาะพี่ชายที่มอบคำสอนดีๆ ให้เขาเสมอ นอกจากอยู่เคียงข้าง อดทน ยังมีการจับมืออีกฝ่ายเข้ามากอบกุม กระชับแรงบีบให้รู้ว่ายังมีเราอยู่ตรงนี้

แน่นอน เขากำลังจับมือเมืองน้ำเอาไว้

“บางอย่างมันยากที่จะยอมรับ ยากที่จะผ่านไป แต่ถ้าเราผ่านไปได้ แล้วย้อนกลับมามอง เราจะรู้สึกว่าตัวเองโคตรเก่งเลย พี่เมืองอยากรู้สึกว่าตัวเองเก่งสุดๆ เลยมั้ย”

อีกคนส่งเสียงตอบผ่านลำคอ ขยับศีรษะเบาๆ เป็นการยอมรับ

“ถ้างั้นผ่านมันไปให้ได้นะครับ”

“...”

“ผ่านไปพร้อมกับร้อยเอกนะ”

ฝนเริ่มหยุดตกแล้ว จากที่เทลงมาลูกใหญ่ ก็เหลือแต่น้ำหยดเล็กๆ ความเสียใจจากทุกปัญหาในชีวิตก็เหมือนหยาดฝนในค่ำคืนนี้

เดี๋ยวก็หยุด เดี๋ยวก็ผ่านไป

“ร้อย...”

“ครับ”

“เรื่องบ้าน...”

หลังจากนี้จะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ เขาเชื่ออย่างนั้น

“พี่ไม่ย้ายบ้านแล้วนะ”

“…”

“จะอยู่ที่นี่แหละ อยู่เป็นคู่กัดกับร้อยเอกไปอีกนานเลย”

เหมือนที่เขาได้รับข่าวดีเรื่องที่รออยู่ และกำลังยิ้มกว้างกับสิ่งที่รอนี่ไง

จะบ้าตาย...

เมืองน้ำไม่ใช่ลูกหมาที่เลี้ยงง่ายอย่างเดียวนะ เป็นลูกหมาตัวเล็กๆ ที่ทำให้เขายิ้มได้ง่ายๆ ด้วยต่างหาก

เขาบอกแล้วว่าฟ้าหลังฝนงดงามมากจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*
#ร้อยเมือง



หมดดราม่าแล้วน้า เจอกันตอนหน้าฮับบ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.18 ☆ ฟ้าหลังฝน (23/11/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-11-2018 20:55:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.18 ☆ ฟ้าหลังฝน (23/11/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-11-2018 02:34:38
บางทีความสมบูรณ์ของครอบครัวก็ไม่ใช่จำนวนนะเมืองน้ำ TT
แต่ก็นั่นแหละเดี๋ยวมันก็ผ่านไปผ่านไปพร้อมกับร้อยน่ะแหละะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.18 ☆ ฟ้าหลังฝน (23/11/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 26-11-2018 19:48:50
19
เมื่อไหร่จะเป็นแฟน



‘Meungnam Charming Boy ได้เปลี่ยนชื่อเพจเป็น Meungnam’s Diary’

Meungnam’s Diary
Yesterday, 19:34 น.

เปลี่ยนชื่อเพจต้อนรับสัปดาห์ใหม่ อย่าเพิ่งงงกันนะครับ เมืองเอง~
ไม่ค่อยได้คุยกันเลย เป็นยังไงกันบ้าง เล่าให้เมืองฟังหน่อยนะ มาแชร์กัน เดี๋ยวเมืองจะกลับมาอ่าน

เมืองน้ำ <3



คิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตเมืองน้ำ

คำตอบอาจเป็นเรื่องครอบครัว แต่พอเอาเข้าจริง ตอบไม่ได้หรอกว่าเป็นเรื่องไหน เพราะแต่ละช่วงเจอเรื่องราวไม่เหมือนกัน ดังนั้นคำตอบจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ที่พบเจอ

หนึ่งเดือนก่อนเป็นเรื่องพ่อแม่หย่าร้าง ตอนที่พวกท่านวางปลายปากกาบนกระดาษ และตวัดไปมาเพื่อเขียนลายเซ็นลงในใบสำคัญการหย่า แม้ไม่มีน้ำตา ไม่รู้สึกอยากร้องไห้ แต่หัวใจก็อัดแน่นเหมือนลูกโป่งที่กำลังจะแตก ไม่อยากมองก็ต้องมอง เมืองน้ำอยากจะย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ว่ายากแค่ไหนก็ต้องผ่านไปให้ได้

หลังจากวันนั้นบาดแผลก็ค่อยๆ หายดี ความเจ็บปวดที่เคยมีค่อยๆ ลดน้อยลง

เมืองน้ำสัญญากับพ่อว่าจะไปหาอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ไม่ให้พ่อรู้สึกว่าการที่เลือกมาอยู่กับแม่ เท่ากับตัดขาดความเป็นพ่อลูก ตัวท่านเองก็สัญญาว่าจะไม่งี่เง่าและเอาแต่ใจแบบที่ผ่านมา ความคิดแย่ๆ ที่เคยมี จะพยายามปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น และท่านก็ทำให้รู้สึกได้

แล้วมันจะผ่านไป ตอนนี้คงต้องพูดว่า ‘และแล้วทุกอย่างก็ผ่านมาด้วยดี’ มั้ยนะ

ตอนนี้ยังไม่มีสิ่งที่รู้สึกว่าผ่านไปได้ยาก จะมีก็แต่น้องชายข้างบ้านที่เข้ามารบกวนใจทุกวันอย่างร้อยเอกนี่แหละ

“กว่าจะลงมา ต้นไม้เหี่ยวตายหมดละ”

พอจบปัญหา ร้อยเอกก็กลับเข้าสู่โหมดเดิมนั่นคือโหมดคู่กัดจอมกวนประสาท ขยับความสัมพันธ์ขึ้นมาอีกหน่อยด้วยการเป็นคนคุย แต่อย่าคิดนะว่าพอเป็นคนคุยกันแล้วจะมีโมเมนต์โรแมนติกแบบในนิยาย

“ถ้าผมไม่มาคอยรดน้ำ ใครจะมาทำให้พี่เมือง อ้อ ไม่มีหรอก มีผมคนเดียวที่ดูแลพี่เมืองดี๊ดี”

หมั่นไส้การบ่นพร้อมๆ กับชงเข้าตัวเองชะมัด ทำหน้าที่คนชงแทนมาวินตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย

ทำให้อยากทุบด้วยกำปั้น แล้วก็ทำให้หวั่นไหวในเวลาเดียวกัน อะไรแบบนี้ไม่น่าจะเรียกว่าโรแมนติกอย่างเต็มปากหรอกมั้ง

“เป็นอะไรล่ะ หน้าบึ้งเชียว”

“เพิ่งตื่น ง่วงอ่ะ”

“ก็พี่เมืองนอนน้อยเอง ช่วยไม่ได้”

“ร้อยเอก”

“อะไร”

“ปากหมาแต่เช้าเลยนะ”

ริมฝีปากที่บิดเบี้ยวจนไม่เป็นรูปทรง กับแววตาคาดโทษสร้างรอยยิ้มเล็กๆ ให้คนตัวสูง จะพูดก็พูดเถอะ ร้อยเอกชอบเวลาเมืองน้ำด่าเขาหลังถูกกวนประสาทที่สุดแล้ว รู้สึกโรคจิตไปหน่อย แต่ชอบมากจริงๆ

“ไม่เช้าแล้วป้ะ ดูนาฬิกาบ้านใครถึงคิดว่าเช้า”

“เพิ่งสิบโมงเอง”

“สายแล้วครับคุณ เช้าสำหรับผมมีถึงแค่เก้าโมงแค่นั้นแหละ”

“เหนื่อย ไม่อยากคุยด้วยละ”

“ไม่อยากคุยก็อย่ายิ้มดิ ถ้ายิ้มแปลว่าอยากคุยนะรู้ป้ะ”

“โอ๊ยๆๆๆ ไม่อยากได้ยินเสียงแมงหวี่”

นี่ไง ชอบสุดๆ เลยว่ะ

เมืองน้ำพยายามไม่สนใจเขา หันไปหาต้นไม้บนชั้นวางที่สูงแค่เอวแล้วรดน้ำด้วยฝักบัวที่ถือติดมือมาด้วยต่อ ร้อยเอกที่ลากสายยางมาพรมน้ำให้ต้นไม้ของคนตัวนุ่มคลายแรงกดตรงหัวฉีด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าตัว แล้วกลับเข้ามาในโรงปลูกของตัวเอง

ถ้ามองไม่ผิด ใบหูขาวจัดกำลังระบายด้วยสีแดงจางๆ ใช่มั้ยนะ

เมืองน้ำกำลังเขินเหรอ หลายเดือนก่อนยังทะเลาะกันตรงนี้อยู่เลย เขาเองก็แกล้งฉีดน้ำใส่จนเห็นไปถึงไหนต่อไหน มาวันนี้กลับเขินใส่เขาซะแล้ว ให้ตายเถอะ...ไม่มีใครน่าเอ็นดูเท่าลูกหมาของร้อยเอกแล้วทุกคน ไม่มีจริงๆ

ร้อยเอกทำป้ายไวนิลคำว่า ‘พี่เมืองน่ารัก!!!’ ไปติดไว้หน้าหมู่บ้านดีหรือเปล่า หรือจะเอา ‘ไม่มีใครน่ารักเท่าพี่เมือง’ ดีล่ะ

ตลก...

“ยิ้มอะไรอ่ะ”

ตลกความคิดตัวเอง ตลกที่พอได้ยินเสียงน่าฟัง ก็ดันหลุดขำโดยไม่มีสาเหตุ

“เป็นบ้าเหรอ”

เออนะ สงสัยร้อยเอกจะบ้าจริงๆ

“ยิ้มจนแก้มจะแตกแล้ว”

“เว่อร์ว่ะ”

“อยู่กับร้อยบ่อยๆ ก็งี้แหละ ติดความเว่อร์จากร้อยเอกมา”

“มันจะติดต่อกันทางไหนเนี่ยพี่เมือง ทางปากรึไง”

“…”

“จริงสิ น่าจะทางปากแหละ เพราะจูบกันบ๊อยบ่อย”

ไม่เห็นหรอกว่าเมืองน้ำทำสีหน้ายังไง แต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าสีแดงที่ปรากฏอยู่ตรงใบหูกำลังกระจายไปทั่วพวงแก้ม

ร้อยเอกหันไปมองคนที่ห่างกันแค่รั้วกั้น และยิ้มพอใจเมื่อสิ่งที่เขาคิดเป็นความจริง

แดงกว่านี้ก็ลูกตำลึงแล้ว พูดจริงๆ ไม่ได้โม้

“เสร็จแล้ว...พี่ขึ้นบ้านก่อนนะ ว่าจะไปนอนต่อ”

“เขินแล้วหนีทุกที”

“ไม่ได้เขินสักหน่อย”

“อย่าโกหกตัวเองสิพี่เมือง”

“พี่…"

เวลาเมืองน้ำเขินมากจะมีอาการอยู่สองอย่าง หนึ่งคือหน้าแดงหูแดง สองคือทำอะไรไม่ถูก แน่นอนว่าประโยคที่ขาดหายเพราะนึกคำพูดไม่ทันคือส่วนหนึ่งในอาการที่เมืองน้ำเป็น

เพราะแบบนี้ ร้อยเอกถึงอยากจะแกล้งบ่อยๆ นอกจากชอบโดนด่า ยังชอบเห็นคนตัวเล็กเขินมากอีกด้วย

“ว่าไง สรุปจะพูดว่าอะไรครับ”

“พี่...ง่วง! จะขึ้นห้องแล้วนะ”

“ให้ผมไปนอนกล่อมมั้ย”

“ไม่!”

ร้อยเอกขำออกมาเบาๆ กับการเทน้ำใส่ต้นไม้จนหมด แล้วกอดฝักบัวเดินขึ้นบ้าน รีบวิ่งไปไหน เดี๋ยวก็สะดุดล้มอีกหรอก

ร้อยเอกม้วนสายยางเป็นวงกลมเพื่อนำไปวางในที่ที่ใช้จัดเก็บ หลังจากนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการอ่านหนังสือ อีกไม่กี่อึดใจจะถึงช่วงสอบปลายภาค เขาไม่แน่ใจว่าจะสอบเสร็จตรงกับเมืองน้ำหรือเปล่า เรื่องที่รู้อยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้นคือเทอมหน้าจะไม่มีเวลาเจอเมืองน้ำบ่อยๆ เหมือนตอนนี้

ถึงจะฝึกในบริษัทของพ่อก็เถอะ แต่แผนกที่อยู่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับส่วนที่พ่อดูแลโดยตรงเลยสักนิด จะใช้อภิสิทธิ์ในการเป็นลูกเจ้าของไปหาเมืองน้ำในเวลาทำงานติดกันหลายครั้งก็คงจะดูไม่ดี แถมเทอมหน้ายังเป็นเทอมที่เรียนหนักมากซะด้วย

แค่คิดก็เวียนหัว ข้ามไปตอนเรียนจบทั้งคู่เลยได้มั้ย

พอถึงเวลานั้นพี่เมืองก็คงทำงานอะไรสักอย่างอยู่ในวงการบันเทิง ส่วนร้อยเอก...คงเริ่มลงทุนธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตรตามที่เคยฝันไว้

หวังว่าเราจะเติบโตไปพร้อมกัน เป็นคู่กัดกันไปเรื่อยๆ นะ


Marvin :
ที่กูบอกให้ทำ มึงทำรึยังไอ้ร้อย


ร้อยเอกทิ้งกายลงบนเตียงเมื่อกลับขึ้นมาบนบ้าน พลิกกายไปยังห้องนอนฝั่งตรงข้ามที่ร่นม่านปิดเอาไว้ครึ่งหนึ่งขณะเปิดอ่านข้อความเพื่อนรักที่เด้งแจ้งเตือนไปด้วย ตรงปลายเตียงมีบางอย่างขยับเคลื่อนไหวอยู่ใต้ผ้าห่ม เขามองเห็นไม่ชัด แต่รู้ว่านั่นคือปลายเท้าของเจ้าของห้อง เมืองน้ำคงหลับไปแล้ว เพราะถ้าไม่ คงรูดม่านเก็บจนหมด

ไม่ใช่ความแปลกใหม่กับภาพในห้องนอนที่เห็นมาตลอด หลายๆ อย่างยังเหมือนเดิม เขายังชอบมองความเป็นไปในห้องเมืองน้ำผ่านพื้นที่ตรงนี้ ยังเปิดฟังเพลง I like me better บ่อยๆ เพราะชอบความหมายที่เหมือนตัวเขาเวลานึกถึงเมืองน้ำ ยังไปเรียน เล่นเกม ไปเที่ยว ยังใช้ชีวิตในรูปแบบที่เคยเป็น

สิ่งที่เปลี่ยนคือความรู้สึก ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ ยิ่งอยู่ด้วยกัน ยิ่งได้เรียนรู้ว่าเมืองน้ำเป็นยังไง

ยิ่งเรียนรู้ก็ยิ่งชัดเจนในความรู้สึก ถ้าวันหนึ่งไม่มีคนคนนี้อยู่ในชีวิต ต่อให้ดูหนังตลกเป็นพันเรื่องก็คงหัวเราะไม่ออก


101 :
ยัง

Marvin :
ไอ้เวร!
อยากด่ามึงอีกแล้ว
แม่ง เมื่อไหร่มึงจะขอพี่เมืองเป็นแฟน
มึงรอใครมาตัดริบบิ้นเหรอ

101 :
ไม่ด่ากูสักวันสงสัยจะขาดใจตายเลยมั้ง
จะรีบขอไปไหนวะ
คุยไปเรื่อยๆ ก็ดีแล้วป้ะ

Marvin :
เหรอ ก็ดีเหรอ
ใครน้าาา มาปรึกษากูเรื่องพี่เมืองมีคู่จิ้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ระวังเหอะ คนอื่นจะเอาไปแดก


คู่จิ้นที่มาวินหมายถึงมันเริ่มมาจากเมืองน้ำถูกเรียกตัวให้ไปแคสติ้งซีรีส์อีกรอบ ครั้งนี้เป็นซีรีส์เรื่องใหม่ แนวสยองขวัญที่พ่อการันตีว่าถ้าเมืองน้ำเอาบทอยู่จะดังเป็นพลุแตก

เมืองน้ำเป็นตัวเต็งในบรรดาคนแคสติ้งทั้งหมด เริ่มเวิร์กช็อปปีหน้า ตรงกับช่วงที่ลูกหมาของเขาฝึกงานจบพอดี ระหว่างนี้ ถ้าผ่านจะให้เรียนการแสดงพร้อมกับทุกคนที่ได้รับเลือกไปก่อน

ทั้งที่ไม่ใช่ซีรีส์แนวคู่จิ้น แต่พอภาพแคสติ้งถูกปล่อยลงอินเทอร์เน็ต เมืองน้ำดันถูกจับจิ้นกับนักแสดงอีกคนจนได้

หลายคนก็รู้นะว่าเมืองน้ำคุยอยู่กับเขา เจ้าตัวโพสต์นั่นโพสต์นี่ในไอจีแล้วแท็กมาบ่อยๆ ตัวเขาเอง ก็มีบางรูปที่แท็กเมืองน้ำไปเหมือนกัน แต่ก็ยังถูกจิ้นจนแท็กติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ร้อยเอกถึงกับมึนไปเลย


101 :
ก็แค่คู่จิ้นแหละวะ
กูต่างหากตัวจริง
เหอะ

Marvin :
แหม่ะ ผมสัมผัสถึงความหัวร้อนได้เลยนะครับกัปตัน
ตัวจงตัวจริงอะไรของมึง ตัวจริงที่ยังไม่ใช่แฟนอ่ะนะ

101 :
เออ ไม่ใช่แฟนแต่ก็เป็นตัวจริงไงวะ

Marvin :
ไอ้เวร ไม่ใช่แฟนแล้วเป็นตัวจริงตรงไหน
ถ้ามึงไม่ใช่แฟน พี่เมืองก็มีสิทธิ์เปลี่ยนใจได้ป้ะ

101 :
มึงแช่งกูเหรอ

Marvin :
ถ้ามึงคิดว่ากูแช่งมึงก็บล็อกกูเลยจ้าา
วันนี้มึงจะไปซื้อของกับพี่เมืองหนิ งั้นก็ขอซะสิ ให้มันจบๆ ไป

101 :
ขอตอนเดินเลือกผงชูรสอยู่ในห้างอ่ะนะ
ไม่โรแมนติกเลยมึง

Marvin :
จริงๆ เรื่องของมึงกับพี่เมืองมันก็ไม่ได้เริ่มจากความโรแมนติกมั้ยวะ
แม่งเป็นรูปเป็นร่างจากแรงชงของกูทั้งนั้น
อย่าให้เสียชื่อเรือร้อยเมืองที่มีกูลงเรืออยู่คนเดียว ไม่ต้องเขิน
แล้วก็คิดเอาแล้วกัน
จะทนหึงพี่เมืองกับคู่จิ้นต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อะไรเลย
กับเป็นแฟนแล้วใช้สิทธิ์หวงพี่เมืองได้เต็มที่ อันไหนจะคุ้มกว่ากัน

101 :
อันที่สอง

Marvin :
เออไง เพราะงั้นก็ลุยเลยเว้ยพ่อหนุ่ม
กูรอฉลองเพราะเพื่อนสละโสดอยู่นะ


จะลุยยังไงไหว จะขอทีไรกลายเป็นร้อยเอกขี้ป๊อดทุกที

สารภาพเลยว่าตอนพรีเซนต์งานยังไม่กลัวคำตอบเท่าเรื่องขอเมืองน้ำเป็นแฟน ไม่รู้สิ...จะบอกว่าร้อยเอกคิดมากไปเองก็ได้ แต่ความสัมพันธ์ของเรามันเพิ่งเริ่มต้น เขาไม่อยากรีบร้อน ถึงจะใจตรงกัน แต่เพิ่งคุยกันจริงๆ จังๆ ได้แค่เดือนเดียวเอง

ถ้าพี่เมืองยังไม่อยากคบกันล่ะ ถ้าพี่เมืองรู้สึกว่ามันเร็วเกินกว่าจะขยับเส้นความสัมพันธ์ขึ้นไปอีกขั้น ร้อยเอกไม่หงอยไปเป็นเดือนๆ เลยเหรอ

เรื่องคู่จิ้น...เขาเข้าใจว่าเป็นการตลาดอย่างหนึ่งที่จะเรียกกระแสจากคนดูได้ พ่อไม่เคยบอกให้นักแสดงเซอร์วิส และไม่เคยเข้าไปยุ่งกับการจับคู่ของคนดู พ่อคิดว่าเป็นเรื่องดีถ้าได้เรตติ้งจากตรงนี้ เลยปล่อยผ่านมาตลอด

เพราะพ่อปล่อยผ่านนั่นแหละ ร้อยเอกถึงหงุดหงิดทุกครั้งที่เปิดเฟซบุ๊กเข้าไปเจอคนชงเมืองน้ำกับนักแสดงคนนั้น จะสั่งห้ามไม่ให้ใครจิ้นก็ไม่ได้ จะบอกให้พี่เมืองเลิกยุ่งก็ไม่ใช่เรื่อง ทุกคนต้องทำงาน ทำได้มากสุดแค่หึงและหวงไปวันๆ เท่านั้นล่ะ

แค่คิดก็เวียนหัว เปลี่ยนจากติดป้ายเรื่องความน่ารักของพี่เมือง เป็นซื้อโฆษณาในเน็ตเพื่อบอกว่าพี่เมืองเป็นของเขาดีมั้ย

ไม่ดีหรอก...หยุดเว่อร์ได้แล้วร้อยเอก

สงบสติอารมณ์ แล้วกลับมาคิดเรื่องขอเมืองน้ำเป็นแฟนสักที



(⺣◡⺣)♡*



หมอนั่นชื่อสอง ลุคแบดบอย บ้านรวยมาก เรียนปีสี่ คนละมหา’ลัย และคนละคณะกับเมืองน้ำ ตอนมัธยมปลายเคยเรียนพิเศษที่เดียวกัน พอกลับมาเจอกันอีกครั้งก็เหมือนเพื่อนเก่ารำลึกความหลัง ร้อยเอกเคยคุยอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนไปรับคนโตกว่าที่บริษัทพ่อ เป็นประโยคทั่วไป แต่ก็สัมผัสได้ว่าสองไม่ได้แบดบอยอย่างที่เห็น

ดูเป็นมิตร และไม่ก้าวก่ายเมืองน้ำ มั่นใจว่าสองมองออกว่าเมืองน้ำคุยอยู่กับเขา เลยมีกำแพงบางอย่างที่คั่นไว้ เว้นระยะไม่ให้เกินงามจนตัวจริงอย่างเขารู้สึกไม่ดี เพราะระยะที่เว้นไว้นี่แหละ คนถึงฟินเพราะอยากให้ทั้งสองคนสนิทกันกว่านี้

คำที่เห็นคนพูดกันบ่อยๆ คือแตกต่างอย่างลงตัว

เออ เอาเข้าไป ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ไม่มีใครชอบคู่ร้อยเมืองนอกจากมาวินเพื่อนรักแล้วเหรอ

ไม่เป็นไร ถ้าเรื่องมันมาทางนี้ ร้อยเอกชอบคู่ตัวเองก็ได้

เหอะ...

“อันนี้มั้ย”

“ครับ อันนี้แหละ”

ร้อยเอกหลุดจากภวังค์ เอ่ยตอบเสียงเรียบ ขณะที่มือเล็กๆ หยิบผงปรุงรสยี่ห้อที่เขาให้เมืองน้ำหัดเลือกของเข้าครัวใส่ลงในรถเข็น เมืองน้ำเดินนำไปอีกสามก้าว ไล่สายตามองของบนเชลฟ์สลับกับโพยกระดาษในมือ

พี่เมืองเคยบอกว่ามีเขาแค่คนเดียวก็สบายไปทั้งชีวิต แต่พักหลังเจ้าตัวเริ่มอยากลองเข้าครัวดูบ้าง ทุกครั้งที่มาซื้อของในห้างสรรพสินค้าด้วยกัน ก็เลยให้พี่เมืองหัดเลือกวัตถุดิบจำเป็น เก็บไว้ทำเมนูง่ายๆ เวลาอยู่บ้านคนเดียว

“ผงปรุงรสนี่ทำได้หลายอย่างเลยใช่มั้ย”

“ใช่ หลายอย่างเลย ต้มผัดแกงทอดตามคำโฆษณาไง เวลาทำไข่เจียวก็ใส่ได้นะ ผมว่าอร่อยดี”

“ใส่อย่างเดียวมันจะอร่อยเหรอร้อย”

“อร่อย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่เมืองจะใส่เยอะแค่ไหน ถ้าไม่มั่นใจก็ใส่ซอสหอยนางรมเพิ่มได้นะ ไม่รู้บ้านอื่นทำไข่เจียวสูตรเดียวกันมั้ย แต่บ้านผมใช้สูตรนี้”

“โอเค งั้นพี่เอาซอสหอยนางรมไปด้วยดีกว่า”

“เอาขวดเล็กก็พอนะ เปลืองตังค์”

“ครับคุณพ่อ~”

จะทำตัวน่าบีบกลางแผนกซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้นะเมืองน้ำ

อยากโดนจับฟัดอีกหรือไง สงสัยจะไม่เข็ด

“หนังเข้าโรงกี่โมงอ่ะร้อย” คนเสียงใสมองเขาตาแป๋ว น่ารักโคตรๆ

“อีกสองชั่วโมง เลือกของไปก่อนก็ได้นะ เสร็จแล้วก็เอาของไปเก็บที่รถ แล้วค่อยดูหนังกัน”

มีหลายเรื่องที่เราความเห็นไม่ตรงกัน ชอบต่างกัน และเถียงกันบ่อยๆ ตามประสาคู่กัด เรายังรักษามาตรฐานของคำนี้ได้ดี ถึงจะเป็นคู่กัดเสินเจิ้นมาตั้งนานแล้วก็เถอะ แต่สิ่งที่ชอบเหมือนกันและไปด้วยกันได้ ก็คงเป็นเรื่องดูหนัง

ทุกครั้งที่พาเมืองน้ำมาเลือกของ หากคนตัวเล็กมีเวลาว่างจากงานตัดคลิปอย่างเช่นวันนี้ ก็จะอยู่ต่อเพื่อหาหนังดูสักเรื่อง

ขอเมืองน้ำเป็นแฟนตอนดูหนังดีมั้ยนะ

แต่ว่า...ร้อยเอกเคยขอเมืองน้ำจูบตอนหนังกำลังฉาย โดนฟาดด้วยมือไม่พอ ตอนออกจากโรงยังโดนบ่นว่ารบกวนสมาธิในการดูเพิ่มอีกด้วย

จูบก็ไม่ได้จูบ แถมยังเจ็บตัวอีก งั้นไม่ดีกว่า

“คิดอะไรอยู่อ่ะ เหม่อสองรอบแล้วนะ”

กำลังจะเถียงว่าไม่จริง แต่พอทบทวนดู สิ่งที่เมืองน้ำพูดมาก็เป็นเรื่องที่เถียงไม่ออก ร้อยเอกทำแค่ยิ้มแห้งๆ ส่ายหน้าช้าๆ พร้อมกับดันรถเข็นตามคนตัวเล็กไปเท่านั้น

“ก็คิดไปเรื่อยเปื่อย”

“จริงอ่ะ”

“จริ๊ง”

เสียงสูงขนาดนี้ ใครเชื่อก็บ้าแล้ว แต่ก็ขอบคุณที่เมืองน้ำยอมเป็นคนบ้าให้เขา

“นี่พี่เมืองต้องไปเทสต์หน้ากล้องอีกวันไหนนะ”

“คิดเรื่องพี่เหรอ”

ให้ตาย...

“เรื่องพี่กับสอง”

เหมือนโดนยิงยังไงไม่รู้

“ครับ นิดหน่อย”

เมืองน้ำหยุดก้าวเท้า วางความสนใจจากของบนเชลฟ์ เดินเข้าหาคนตัวสูงที่ดูแล้วคงไม่ใช่นิดหน่อยอย่างที่พูด

ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ เราคุยกันทุกวัน ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าร้อยเอกไม่ค่อยโอเคที่มีคนจับคู่ให้เมืองน้ำกับเพื่อนเก่าที่กลับมาเจอกันอีกครั้งอย่างสอง แสดงอาการทั้งในแชท ทั้งต่อหน้าเลยนะ อย่างนี้เรียกว่าหึงชัดๆ

“ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิน้องเอก”

“เกลียดพี่เมืองว่ะ”

เมืองน้ำอมยิ้มกับคนที่ไม่ว่าจะยังไงก็จะไม่มีทางชอบสรรพนามน่ารักๆ ที่ตนเรียก ยกมือขึ้นบีบแก้มขาวเบาๆ ก่อนจะดึงไปมาจนอีกคนเบี่ยงตัวหนี

“ผ่านมาตั้งหลายอาทิตย์แล้ว เลิกหึงได้แล้วน่า”

“ใครหึง บ้าเหรอ ไม่มี”

“โกหกไม่เนียนเลยเนอะ”

“ผมไม่ได้โกหกนะ”

“เหรอๆๆ”

“หมั่นไส้ว่ะ”

ใบหน้าหงิกงอของร้อยเอก กำลังทำให้เมืองน้ำยิ้มกว้าง คนตัวเล็กเดินกลับมาที่เดิม ปล่อยให้คนขี้หึงสงบสติอารมณ์ เท่าที่เคยคุยกับสองมา รายนั้นก็มีคนของตัวเองอยู่แล้ว ดูไม่อะไรกับกระแสในโลกออนไลน์เท่าไหร่ แรกๆ อาจจะมีตกใจบ้าง แต่ก็แค่ช่วงแรกเท่านั้นล่ะ

ร้อยเอกก็คงอยู่ในช่วงที่ยังไม่ชิน ต้องให้เวลาน้องสักน่อยแหละนะ

“เลือกของครบแล้ว ไปจ่ายเงินกัน”

“อืม”

“โอ้โห เย็นชาเว่อร์”

“อะไร ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะ พี่เมืองอย่าชวนทะเลาะดิ”

“พี่ก็ไม่ได้ชวนทะเลาะซะหน่อย แค่แซวเล่นเฉยๆ”

“เหรอ”

“แน่น้อนนน”

“เดี๋ยวบีบปากเลย เดี๋ยวเหอะ”

แต่หึงบ่อยๆ ก็ดีไปอีกแบบ ตอนร้อยเอกหึงเนี่ย กลายเป็นน้องเอกตัวน้อยๆ ขึ้นมาเชียว แล้วแบบนี้จะเลิกเรียกน้องเอกได้ยังไง

เป็นน้องเอกหนึ่งครั้ง ก็ต้องเป็นน้องเอกตลอดไป ใช่เลย ประโยคนี้เหมาะกับร้อยเอกที่สุดแล้ว

“ยิ้มอะไร แก้มจะแตกแล้ว”

“ยิ้มเพราะคนขี้หึง”

“พี่เมือง!”

สำหรับเมืองน้ำ...ไม่มีใครน่ารักและตรงใจเท่าน้องเอกแล้วล่ะ



(⺣◡⺣)♡*



สุดท้ายก็ไม่ได้ขอ แถมเนื้อหาหนังก็เอื่อยจนร้อยเอกผล็อยหลับในโรงหนัง เหลือเมืองน้ำที่ตั้งใจดูและตีความสิ่งที่หนังต้องการจะสื่ออยู่คนเดียว

ตรงนี้ล่ะมั้งที่ต่างกัน ร้อยเอกไม่ชอบอะไรที่ซับซ้อน ส่วนอีกคน จะทำความเข้าใจกับความซับซ้อนที่เจอให้มากที่สุด ตลอดทางกลับบ้านเลยมีแต่ภาพที่คนตัวเล็กเปิดอ่านกระทู้วิเคราะห์หนังในพันทิป

จริงจังอะไรเบอร์นั้น กลับถึงบ้านก็ยังอ่านไม่เลิก กว่าจะหยุดก็ตอนที่โดนเรียกให้มาเอาของออกจากถุง แล้วนำไปจัดในครัวนู่นเลย

เมืองน้ำลองทำอาหารให้เขากิน แต่แค่เมนูง่ายๆ อย่างไข่เจียวยังไม่รอด กลิ่นไหม้ฟุ้งเสียทั่วบ้าน ลอยไปไกลถึงบ้านของเขาจนแม่ต้องเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นในครัว ท่านยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนเห็นว่าเมืองน้ำทอดไข่ไหม้ บอกให้เขากับคนตัวเล็กทำความสะอาดให้เรียบร้อย เมื่อถึงเวลามื้อเย็นก็ให้ไปกินด้วยกันที่บ้าน

“เอาน่า รอบหน้าแก้มือใหม่ เดี๋ยวผมสอน”

พอเจอความผิดพลาด หมาน้อยหัดเข้าครัวก็หูลู่หางตกไปเลย ถอนหายใจใส่ร้อยเอกที่นอนหนุนตักนุ่มๆ อยู่บนโซฟา ริมฝีปากนุ่มบิดเบี้ยวอย่างขัดใจ ก่อนใบหน้าน่ารักจะส่ายไปมาเพราะถูกมือหนายกขึ้นบีบแก้ม

ทำเหมือนตอนโดนบีบในห้างนั่นแหละ แต่ทำไมถึงน่าเอ็นดูกว่าก็ไม่รู้

“อย่าแกล้งดิ”

“หายหน้างอก่อน”

“หายแล้ววว”

“ไหนยิ้มให้ดูหน่อย”

ได้รับคำสั่งแล้วคนผิวขาวก็ยิ้มยิงฟัน เล่นเอาร้อยเอกกลั้นเสียงหัวเราะไม่ไหว

เหมือนโดนประชดแปลกๆ แต่ถ้าทำให้เมืองน้ำค่อยๆ อารมณ์ดีได้ ก็โอเค

“เก่งมากครับเก่งมาก”

“หยุดยิ้มเลยร้อย”

ร้อยเอกยิ้มอยู่เหรอ ก็คงใช่...ไม่ทันสังเกตตัวเองเลยแฮะ

“ง้วงง่วง ผมอยากนอนจัง” พูดพลางลดมือลงมาจับมือนุ่มวางไว้บนอกตัวเอง

“ทำไมขี้อ้อนจังอ่ะวันนี้ มีอะไรรึเปล่า หรือว่า...ร้อยอยากได้อะไร”

ร้อยเอกเพิ่งอ้อนตอนที่มานั่งเล่นนอนเล่นบนโซฟานี่เองนะ ไม่ใช่ทั้งวัน พี่เมืองของใครเนี่ย ขี้เว่อร์เหมือนกันไม่มีผิด

“ก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากอ้อนเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”

“จริงอ่ะ ก็ปกติไม่อ้อนพี่เลยนะ”

“เอ๊า คนเรามันก็ต้องมีโมเมนต์นี้บ้างป้ะ จะให้ผมแข็งทื่อตลอดเลยก็ไม่ใช่”

“แต่ปกติร้อยก็ไม่ได้แข็งทื่อ”

“แล้วร้อยเป็นแบบไหน”

“ไม่รู้ แต่ไม่ได้อ้อนขนาดนี้ไง”

ขำอีกแล้ว เมืองน้ำเป็นเรื่องตลกของร้อยเอกหรือไง พูดนิดก็อมยิ้ม พูดหน่อยก็ขำ น่าหมั่นไส้เป็นบ้า

“ว่าไง ตกลงที่อ้อนนี่จะเอาอะไร”

“เปล่า ไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ ร้อยอยากอ้อนเฉยๆ”

“ไม่เชื่อๆๆ ร้อยเอกไม่มีทางอ้อนเฉยๆ แน่นอน”

“ไม่มีจริงๆ”

“พี่ก็ไม่เชื่อจริงๆ”

“พี่เมือง”

ลอยหน้าลอยตานัก ถ้าไม่ติดว่าใกล้ถึงเวลามื้อเย็นที่แม่บอก ร้อยเอกสัญญาว่าจะจับเมืองน้ำเข้ามาฟัดแรงๆ เอาให้มีรอยเต็มคอจนต้องกลบด้วยคอลซีลเลอร์เหมือนที่เคยทำไปเลย

เขาไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ แค่อยากอ้อนเพราะตอนกลางวันหน้าหงิกใส่คนตัวเล็กเยอะไปหน่อย เขาไม่ชอบให้เมืองน้ำเครียด เมืองน้ำก็คงไม่ชอบที่เห็นเขาหึงกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนกัน

เหตุผลมีแค่นี้ หรือการกระทำของร้อยเอกมันสื่อความหมายมากกว่านั้นเหรอ

เอ...หรือว่าจะใช้มุกอ้อนเพราะอยากได้พี่เมืองเป็นแฟนดี แต่ถ้าเจ้าตัวตอบกลับมาว่ามันเร็วเกินไป ร้อยเอกจะทำไงล่ะ นั่งซดน้ำใบบัวบกดีมั้ย

“คิดอะไรอีกแล้ว คิดเยอะจังเลย คิดอะไรทำไมไม่พูด”

กล้าพูดที่ไหน ป๊อดในเรื่องบ้าๆ บอๆ นี่ยกให้ร้อยเอกเป็นตัวท็อปในหมวดนี้ได้เลย

“พี่เมืองว่า...” คนที่ใช้ปลายนิ้วนวดรอยย่นบนหว่างของเขาเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย หยุดนวดเมื่อกลายเป็นฝ่ายขมวดคิ้วเสียเอง “เรา...”

“หืม? เราอะไร”

“เรา…”

“…”

“เราสองคน...”

“ครับ เราสองคนทำไม”

“เราสองคนหาเวลาไปเที่ยวด้วยกันดีมั้ย”

ไอ้กาก

ถ้ามาวินอยู่ด้วยต้องโดนด่าด้วยคำนี้แน่นอน กากมาก กากจริงๆ ร้อยเอกยอมรับด้วยตัวเอง

“เลี้ยงรุ่นคณะพี่ไง ว่าจะไปต่างจังหวัดกันอ่ะ อีกสองอาทิตย์”

“เหรอ เอ่อ...แล้ว...เขาให้คนนอกคณะไปได้ใช่ป้ะ”

“ได้สิ แต่ถ้าจะไปต้องออกเงินเองนะ ถ้าไม่ไปก็รอบายเนียร์อีกรอบที่มอหลังปีสี่ฝึกงาน”

“จะไปที่ไหนกันครับ”

“ยังไม่รู้เลย เอาไว้ถ้าชัวร์แล้วพี่จะบอกนะ ว่าแต่ร้อยจะไปจริงมั้ย”

“พี่เมืองไปด้วยใช่มั้ย”

“อื้อ” เมืองน้ำพยักหน้ารับ ช้อนมองนาฬิกาแล้วดึงสายตากลับมามองคนตัวสูง “ต้องไปอยู่แล้ว เหนื่อยกันมาทั้งเทอม ไม่ไปก็เสียดายแย่สิ”

“งั้นผมไปด้วย จองห้องสวีทเลยนะ”

“ร้อยจะเอาห้องสวีทไปทำอะไร ห้องธรรมดาก็ได้”

“ก็นอนกับพี่เมืองสองคนไง ไม่อยากนอนรวมกับคนอื่น”

“หวงพี่อีกแล้ว”

ร้อยเอกเบ้หน้าเล็กๆ แกล้งทำเป็นเจ็บมากกับการถูกดีดหน้าผาก ทั้งที่เมืองน้ำออกแรงแค่นิดเดียว เล่นใหญ่ไม่มีใครเกินเลยล่ะ

“นะๆ เอาห้องสวีท ใครไม่โอเคก็มาคุยกับผม ผมเคลียร์เอง”

“ใหญ่เนอะ”

“ใช่ ใหญ่มาก ลองป้ะ”

“ทะลึ่ง!”

เกือบโดนฟาดไปอีกหนึ่งที ดีที่คว้ามือนุ่มไว้ทัน บทสนทนายังดำเนินไปเรื่อยๆ จากเรื่องไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่น

แค่ขอเป็นแฟนเอง ไหนบอกว่าจะพยายามเรื่องเมืองน้ำแบบสุดตัวไงล่ะ ไม่ลองขอแล้วจะรู้เหรอว่าตอนนี้เป็นแฟนกันได้หรือยัง

กล้าๆ หน่อยสิร้อยเอก

ไม่เป็นไร วันนี้ไม่สำเร็จ วันอื่นก็ยังมีโอกาส

ยังไงเมืองน้ำก็เป็นของเขาคนเดียวอยู่แล้ว นั่นสิเนอะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ; )



(⺣◡⺣)♡*
Hashtag #ร้อยเมือง



ไม่ต้องคิดมากจริงเหรอพ่อหนุ่ม /)__(\

รู้สึกใจหายที่ต้องบอกว่าตอนหน้าเป็นตอนจบ แต่ก็มีความสุขมากที่ได้พาร้อยเอกและเมืองน้ำไปถึงตอนสุดท้ายค่ะ

ขอบคุณที่เอ็นดูเด็กๆ ของเรานะคะ ฝากคอมเมนต์เพื่อเติมพลังให้กันเช่นเคยจ้า ❤︎
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.19 ☆ เมื่อไหร่จะเป็นแฟน (26/11/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-11-2018 22:36:52
กล้าๆหน่อยสิ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.19 ☆ เมื่อไหร่จะเป็นแฟน (26/11/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 27-11-2018 09:32:50
จะขอเมืองน้ำเป็นแฟนได้มั้ยน้าาาา
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.19 ☆ เมื่อไหร่จะเป็นแฟน (26/11/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BaGgYsOdA ที่ 02-12-2018 03:41:02
สู้ๆนะร้อย
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.19 ☆ เมื่อไหร่จะเป็นแฟน (26/11/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 04-12-2018 14:45:39
20
รักที่ไม่คาดฝัน



Meungnam’s Diary
20:19 น.

ในชีวิตล้วนเต็มไปด้วยเรื่องที่เราคาดไม่ถึง บางเรื่องก็ดี บางเรื่องก็ร้าย
แต่ทุกๆ เรื่องมอบสิ่งดีๆ ให้เราเสมอ บางคนอาจจะบอกว่าเจอเรื่องร้ายแล้วจะมีเรื่องดีได้ยังไง
โอเค...ไม่เถียง บางเรื่องมันก็เจ็บปวดโดยที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องเจ็บมากขนาดนี้
อย่างน้อยความเจ็บปวดที่เกิดจากเรื่องไม่ดี ก็ทำให้เรารู้ว่ามันเจ็บยังไง ไม่ดียังไง อนาคตต้องทำแบบไหน ถึงจะไม่ย้อนกลับมาหาเราอีก
เห็นมั้ย ต่อให้เป็นเรื่องไม่ดี เราก็หาข้อดีจากตรงนั้นได้
เมื่อก่อนไม่เข้าใจเลย หาข้อดีจากเรื่องไม่ดีไม่ได้เลย แต่ตอนนี้ไม่คิดเหมือนเดิมแล้ว

ความคิดของเราก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาก็เหมือนน้ำ แสงแดด ปุ๋ยและดิน
อยากให้เมล็ดพันธุ์เติบโตแบบไหน ก็ปลูกแบบนั้น

มีคนคนนึงบอกว่าถ้าอยากได้ต้นไม้ดีๆ ก็ให้พิถีพิถันในขั้นตอนการปลูก เราปรุงดินไม่เป็นหรอก ไม่รู้วิธีขนาดนั้น แต่เราอยากเติบโตไปเป็นต้นไม้ที่มีคุณภาพ เราจึงปลูกตัวเองด้วยวัตถุดิบที่ดีต่อเมล็ดพันธุ์ของเรา
เราไม่รู้เลยว่าวันข้างหน้าจะเจอกับอะไรบ้าง คาดเดาไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะป้อนแต่สิ่งดีๆ ให้ความคิด

แล้วทุกคนล่ะ มีอะไรที่คิดว่านี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงกันมั้ย
เล่าให้เมืองฟังได้เลยนะ มาแชร์กันครับ

เช้าวันศุกร์ที่ดีมากๆ อีกหนึ่งวัน
เมืองน้ำ



ไม่กี่วันมานี้เกิดเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิด แต่ก็เป็นเรื่องที่เมืองน้ำไม่แปลกใจเท่าไหร่ สื่อทุกแขนงตีแผ่เรื่องราวเจ้าของสตูดิโอรายหนึ่งที่ติดกล้องแอบถ่ายนายแบบและนางแบบในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่มีใครเปิดเผยชื่อ แต่ชาวเน็ตก็พอจะเดากันได้ เช่นเดียวกับเมืองน้ำที่เห็นแค่ภาพเบลอในลิงก์ข่าวก็รู้แล้วว่านั่นคือภานุรักษ์

รุ่นพี่สุดหล่อไม่ติดต่อมาอีกเลยหลังจ่ายค่าชดเชย เมืองน้ำไม่รู้ถึงความเป็นไป อ่านจากเนื้อหาข่าวก็พบว่าถูกจับได้จากคู่นอนที่เป็นหนึ่งในเหยื่อ สถานการณ์รุนแรงพอสมควร แต่ก็ขอบคุณที่พี่รักษ์ได้รับผลการกระทำของตัวเองสักที

เมืองน้ำเพิ่งรู้เงินชดเชยจากรุ่นพี่เป็นเงินส่วนตัวของร้อยเอก เจ้าตัวปฏิเสธท่าเดียวตอนขอโอนเงินคืน บอกว่าให้แล้วให้เลย หว่านล้อมอยู่นานกว่าจะยอม

เข้าใจนะว่าทำไมร้อยเอกถึงเลือกไม่บอกกันตั้งแต่แรก แต่เงินที่ไม่ได้หามาด้วยตัวเอง แถมยังมากมายขนาดนั้น เมืองน้ำรับไว้ไม่ได้จริงๆ

แค่ช่วยเหลือและปกป้องจากสิ่งแย่ๆ ที่ภานุรักษ์ทำ เท่านี้ก็มากพอแล้ว

ชีวิตเมืองน้ำยังวนเวียนอยู่กับสิ่งเดิมๆ ถ่ายรูปลงเพจ เขียนโพสต์ด้วยประเด็นที่อยากเขียน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนในโซเชียล ร้อยคนร้อยความคิด ร้อยคนร้อยความรู้สึก พอมุมมองต่อโลกเปลี่ยนไป การได้อ่านทัศนคติของผู้คนก็เป็นอีกสิ่งที่ชอบมาก

เมืองน้ำยังรับตัดต่อวิดีโอ ต่างจากเดิมแค่งดรับงานใหม่จนกว่าจะฝึกงานเสร็จ หลังจากนั้นต้องดูอีกที ไม่อยากหักโหมทำงานจนนอนน้อยอย่างเดิมอีก กลัวส่งผลเสียต่อสุขภาพ กลัวโดนร้อยเอกบ่นเรื่องนี้ด้วย ทั้งที่ตัวเองก็เล่นเกมจนดึกดื่นแทบทุกวัน

คิดถึงเรื่องนี้แล้ว ปากเมืองน้ำก็มู่ทู่ขึ้นมาเลย

“พี่เมือง”

“…”

“พี่เมืองครับ”

เมืองน้ำสะดุ้งน้อยๆ กับเสียงนุ่มทุ้มที่ดังจากตำแหน่งใกล้ตัว ความสนใจถูกดึงกลับมายังคนตัวสูงที่เดินมานั่งลงฝั่งตรงข้าม โต๊ะนั่งใต้ต้นไม้ข้างคณะเกษตรศาสตร์เป็นจุดนัดพบที่หาเจอง่ายอีกจุดหนึ่ง ร้อยเอกถึงขอนั่งคุยกับเพื่อนตรงนี้ก่อนไปสตูดิโอถ่ายแบบด้วยกัน

“คุยเสร็จแล้วเหรอ”

“ครับผม เสร็จแล้ว”

นานหลายเดือนแล้วที่ไม่มีโอกาสได้เห็นร้อยเอก มาวิน และสิงหาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า รายสุดท้ายเพิ่งสึกจากการบวชพระเมื่อสัปดาห์ก่อน เมืองน้ำยังไม่มีโอกาสได้เจอแบบจริงๆ จังๆ วันนี้ที่พบหน้ากันอีกครั้งเมื่อตอนกลางวัน ก็คุยกันแค่เล็กน้อย

ถึงจะแค่เล็กน้อย แต่ก็สัมผัสได้ว่าความอึดอัดระหว่างเราไม่มีอีกต่อไปแล้ว

ชอบจัง กับความรู้สึกสบายใจแบบนี้

ไม่รู้ว่าทั้งสามคนคุยเรื่องไหนกันบ้าง เมืองน้ำนั่งห่างออกมาค่อนข้างไกลเพราะอยากมอบพื้นที่ส่วนตัว มีเสียงเซ็งแซ่จากนักศึกษากลุ่มอื่นดังคลออยู่ตลอด จะอ่านจากปากด้วยความอยากรู้ก็เกินความสามารถไปหน่อย เพราะเรื่องที่คุยคงไม่ได้มีแค่เรื่องเดียว

“เพื่อนผมกลับบ้านไปแล้ว เราก็ไปกันเลยมั้ย”

“ไปเลยก็ได้ เดี๋ยวต้องแต่งหน้าแต่งตัวอีก กว่าจะเสร็จน่าจะดึกเลยอ่ะ”

“ไม่เป็นไร ผมเตรียมเกมไปเล่นรอพี่เมืองละ”

“เยี่ยมมากน้องเอก”

“เรียกน้องเอกอีกทีจะตีจริงๆ แล้วนะ”

เดี๋ยวนี้กล้าหือกล้าอือกับเมืองน้ำแล้ว!

ใครกันแน่ที่น่าตีไม่หยุด

“ผมถือให้ครับ”

ปากนุ่มกำลังจะปฏิเสธ แต่เหตุการณ์แนวนี้ที่เกิดขึ้นเสมอก็ทำให้เปลี่ยนเป็นยอมให้อีกคนคว้ากระเป๋าขึ้นไปพาดไหล่ หยิบของทุกชิ้นของเมืองน้ำขึ้นไปถือ และเดินตัวปลิวตามแผ่นหลังกว้างๆ ไปเท่านั้น

วันนี้แดดไม่ร้อน บรรยากาศร่มรื่น อุณหภูมิค่อนข้างเย็น แต่ร้อยเอกก็ยังเดินนำหน้าเพราะต้องการบังแดดให้เมืองน้ำเสมอ

ให้ตาย...เมืองน้ำกลั้นยิ้มไม่ได้อีกแล้ว

“นี่ๆ”

“ครับ ว่าไง” ร้อยเอกเอ่ยตอบโดยไม่หันมอง ทว่าก้าวเท้าช้าลงเพื่อรอฟัง

“คุยอะไรกันบ้างเหรอ”

“หมายถึงคุยกับใคร ผมกับเพื่อนเหรอ”

“ใช่ พี่อยากรู้อ่ะ จะหาว่าขี้เผือกก็ได้นะ แต่อยากรู้จริงๆ”

“ใครจะกล้าว่าพี่เมืองขี้เผือก” คนตัวโตขำในลำคอ “ก็เรื่องทั่วไป นั่นนี่นู่น หยิบมาคุยกันตามประสาเพื่อนนั่นแหละ ผมไม่ได้คุยกับสิงหาแบบธรรมดามานานแล้วนะ มีอะไรให้คุยเยอะเลย มันโคตรใจเย็นเลยรู้มั้ย เปลี่ยนไปเยอะมาก กลายเป็นผมที่ห้าวที่สุดในกลุ่มซะงั้น”

ใครบอกว่าห้าวที่สุด สำหรับเมืองน้ำ น้องเอกน่ารักที่สุดต่างหาก แต่เมืองน้ำจะไม่เรียกเจ้าตัวด้วยสรรพนามนี้อีกรอบ ไม่ได้หรอก ขืนพูดไปนะ ต้องโดนงอน แถมไม่ยอมเล่าต่อแน่ๆ

“มีเรื่องพี่เมืองด้วยนะ”

“หืม อะไรเหรอ”

“ก็...พี่เมืองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อันนี้ผมถามเอง เรียนรู้ไว้ใช้ในอนาคต มันรู้เรื่องพี่เมืองเยอะดีนะ ความสัมพันธ์กับพี่เมืองไปถึงไหนแล้ว อันนี้สิงหาเป็นคนถาม แซวผมด้วยนะว่าฟอร์มจัด ไม่ยอมรับตัวเองว่าชอบพี่เมืองตั้งแต่แรก ถ้ายอมตั้งแต่แรกคงลงเอยกันนานแล้ว ก็ผมไม่รู้ตัวนี่นาว่าชอบพี่เมือง”

“...”

“เขินอ่ะดิ”

“...”

“แดงทั้งหูทั้งหน้าแล้วม้างงง”

“เกลียดร้อยอ่ะ”

“คำว่าเกลียดจากพี่เมือง แปลว่ารักร้อยเอกนะรู้ป้ะ”

ถอนคำพูดที่บอกว่าน้องเอกน่ารักที่สุดได้มั้ย

ไม่ได้หรอก มันฝืนตัวเองเกินไป

งั้นต้องบอกว่าน้องเอกทั้งน่ารัก ทั้งชอบแกล้งให้เมืองน้ำไปต่อไม่ถูกก็แล้วกัน บทสนทนาของเราควรไปต่อเรื่อยๆ ถามมาตอบไป คุยกันเหมือนที่ทำทุกวันไม่ใช่เหรอ

ดูเขาทำกับเมืองน้ำสิ

“ถึงรถแล้ว รีบๆ ปลดล็อกเลยนะ”

“หอมแก้มก่อนดิ ค่าปลดล็อกรถ”

“ไอ้บ้า ประสาทเหรอ ทำไมต้องหอมแก้มด้วย”

“ไม่หอมก็ไม่ออกรถจ้า ยืนอยู่ตรงนี้ยันเช้านี่แหละ”

“พี่เรียกแกร๊บก็ได้ ไม่ง้อหรอก เฮอะ”

“เฮ้ยได้ไง อันนี้ผมไม่ยอมนะพี่เมือง เออๆ ก็ได้วะ ยอมก็ได้”

จุดชนวนให้เราเถียงกันทุกวัน แต่ก็ทำเอาใจเต้นแรงไม่หยุดเลย

เป็นคนที่ทำให้เมืองน้ำรู้สึกหวั่นไหวได้เสมอ เหลือเชื่อมากจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



“ไปทะเลก็ต้องเล่นน้ำไม่ใช่เหรอ”

“ก็เล่นไปสิ ใครห้าม”

“แต่เมื่อกี้ร้อยห้ามพี่นะ”

“ผมหมายความว่าถ้าพี่เมืองจะใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวลงทะเล ก็ห้ามลงไปเล่นต่างหาก”

บทสนทนาระหว่างทางกลับบ้านมีแต่เรื่องไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนปีสี่ในวันพรุ่งนี้ มีความหึงหวงจากร้อยเอก และความอยากแกล้งให้อีกคนโวยวายซ่อนอยู่ในประโยคที่เรียบง่าย เมืองน้ำทำเป็นไม่สนใจใบหน้ายุ่งๆ ของคนข้างกาย ไล่ดูกางเกงว่ายน้ำในแอพช็อปปิ้ง แล้วก็ต้องร้องเหวอเมื่อจู่ๆ ร่างสูงก็ดึงโทรศัพท์ออกจากมือทั้งที่ยังบังคับพวงมาลัยรถอยู่

“พอได้แล้ว เลิกดู”

“…”

“ไม่ให้ใส่ด้วย หวง”

ถ้าร้อยเอกหันมามองตุ๊กตาหน้ารถตอนนี้ จะเห็นว่าคนอยากแกล้งเริ่มมีสีแดงระบายบนแก้มคู่กลมแล้ว

ดูโรคจิตมั้ยนะ รู้ว่าอีกคนจะทำให้เขิน แต่ก็อยากจะแกล้งให้หึงอยู่ดีนั่นแหละ ก็ตอนร้อยเอกหึงเนี่ย เหมือนเด็กหวงของอย่างนั้นเลย

“โอเคๆ พี่ไม่ใส่ก็ได้ เลิกหน้าหงิกได้แล้วน่า”

“ก็พี่เมืองอ่ะ”

“พี่ทำไม”

“ยังจะถามอีก”

โถ่ พ่อคุณ ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน

“คืนโทรศัพท์พี่มาได้แล้ว”

“ห้ามดูกางเกงว่ายน้ำอีกนะ”

“ทราบแล้วครับๆ ไม่ดูแล้ว”

รับโทรศัพท์คืนจากคนตัวโต ปิดทุกแอพที่เปิดดูกางเกงว่ายน้ำค้างไว้ เป็นนาทีเดียวกันที่ Aston Martin ของคนขี้หึงเคลื่อนตัวมาถึงหน้าบ้าน มีเสียงพ่นลมหายใจหนักๆ จากเจ้าของรถ แววตาที่เพิ่งเห็นชัดตอนจอดสนิทและเปิดไฟบนเพดานทำให้เมืองน้ำชะงักน้อยๆ

ร้อยเอก...กำลังคิดมากงั้นเหรอ

ไม่สิ ไม่ถึงขั้นคิดมากเรื่องไหนอยู่หรอก ตอนคุยเล่นกับเมืองน้ำก็ดูปกติดีทุกอย่าง ที่หวงจนหน้าบูดก็หายเป็นปกติดีแล้ว

ความรู้สึกแบบนี้...เหมือนจะเป็นก่อนพาเมืองน้ำไปถ่ายแบบ แสดงว่าคิดอะไรมาตั้งแต่ช่วงเย็น

“เครียดอะไรอยู่ครับ”

อีกคนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย ทว่าไม่ตอบกลับในทันที ร้อยเอกปิดประตูรถ เดินมาหาเมืองน้ำที่กำลังควานหากุญแจบ้านในกระเป๋าเป้

“เปล่า”

มือที่ล้วงกระเป๋าพลันหยุดนิ่ง ดวงหน้าน่ารักช้อนขึ้นมองคนสูงกว่า ดึงมือออกจากกระเป๋าแล้วยกสายสะพายขึ้นพาดบ่า

“จริงเหรอ พี่เห็นร้อยทำหน้าทำตาแบบนี้มาตั้งแต่ที่มอแล้วนะ”

“พี่เมืองสังเกตด้วยเหรอ ผมว่าผมปิดเก่งพอตัวนะ”

“ไหนบอกว่าเปล่าไง”

ร้อยเอกลืมอะไรไปหนึ่งอย่าง ถึงมั่นใจว่าตัวเองเก็บอารมณ์เก่งขนาดนั้น เขาลืมไปได้ยังไงว่าพอเป็นเรื่องของเมืองน้ำ ความสามารถทุกย่างก็ถูกละลายจนหมดสิ้น

ถ้าเรื่องที่คิดอยู่ในหัวเป็นเรื่องของเมืองน้ำล่ะก็...ร้อยเอกไม่เก่งเลย

“ก็คิดอะไรนิดหน่อย”

“นิดหน่อยที่ว่าคืออะไรครับ บอกพี่เมืองได้มั้ย”

“ไม่อยากบอกเลยครับ กลัวจะดูเป็นเด็กงี่เง่า”

“พี่ไม่คิดอย่างนั้นหรอก” อมยิ้มจางๆ พลางเดินเข้าไปใกล้คนตัวสูง “เราคุยกันได้ทุกเรื่องไม่ใช่เหรอ ที่ผ่านมาก็แลกเปลี่ยนเรื่องนั้นเรื่องนี้กันตลอด ไม่ต้องกลัวหรอกร้อย”

“มันดูงี่เง่าจริงๆ นะพี่เมือง”

“พี่ยังไม่รู้เลยว่าร้อยเอกคิดเรื่องอะไร เพราะงั้นพี่ตัดสินไม่ได้หรอกว่างี่เง่าหรือไม่งี่เง่า ว่าไง ตกลงคิดเรื่องไหนอยู่ครับ”

“เรื่องพี่เมือง”

“…”

“แค่คิดว่าสิงหามันรู้เรื่องพี่เมืองเยอะดี เยอะกว่าผมอีก”

นึกว่าเรื่องอะไร...

ที่จริงเมืองน้ำได้ยินประโยค ‘รู้เรื่องพี่เมืองเยอะดี’ มาครั้งนึงแล้วล่ะ ตอนร้อยเอกเล่าให้ฟังว่าคุยอะไรกับเพื่อนบ้าง แค่ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะเก็บมาคิดเล็กคิดน้อย

นอกจากเรื่องคู่จิ้นก็ยังมีเรื่องนี้อีก น้องเอกนี่มันน้องเอกจริงๆ เลยนะ

“ตัวก็โต๊โต” เมืองน้ำยกสองมือทาบลงบนแก้มขาว จับใบหน้าหล่อส่ายไปมาสองสามครั้งด้วยความเอ็นดู “แต่ใจปลาซิวจัง แค่นี้ก็ต้องนอยด์ด้วย”

“ไม่ได้นอยด์สักหน่อย”

“โม้นะอันนี้ ใครจะเชื่อ”

หน้านิ่งเชียว แล้วอย่างนี้จะให้เมืองน้ำเชื่อว่าร้อยเอกไม่ได้นอยด์ยังไงไหว

“ปล่อยมือจากผมเลย เข้าบ้านได้แล้วครับ อากาศมันเย็น”

“อยากให้พี่เข้าบ้านแน่นะ”

“อือ”

“จริงอ่ะ ให้เข้าจริงๆ นะ”

“จริง อะไรของพี่เมืองเนี่ย”

ร้อยเอกนั่นแหละเป็นอะไร บอกให้ปล่อยมือ บอกให้เมืองน้ำเข้าบ้าน แต่ก็ยืนนิ่งๆ ให้จับแก้มตามใจชอบ การกระทำสวนทางกับคำพูดขนาดนี้ เมืองน้ำขอไม่ทำตามแล้วกันนะ

คนตัวเล็กเกลี่ยแก้มขาวด้วยนิ้วโป้งช้าๆ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มที่มองลงมา ลดระยะห่างโดยการเขย่งปลายเท้าจนสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นร้อน

“ทำอะไร...”

เมืองน้ำไม่ตอบคำถาม กดจมูกลงบนแก้มขาว สูดดมกลิ่นหอมของคนคิดมาก ทำอย่างเดิมซ้ำๆ กระทั่งความรักฟุ้งทั่วทั้งใจ เมื่อมั่นใจว่าก้อนหินหนักๆ ในใจร้อยเอกถูกยกออกไปแล้วจึงถอยกลับมายืนที่เดิม

“เดี๋ยวสิบเอกก็ลงมาเห็นหรอก”

“ถ้าเห็นก็ซื้อเพชรในเกมให้น้องสิ”

“เข้าบ้านได้แล้วครับ ไปนอนพัก พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”

“เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องอ่ะ”

“ใครเขิน”

ปฏิเสธอะไรก็ปฏิเสธได้นะ แต่จะถามกลับว่าใครเขินแล้วก็บอกว่าตัวเองไม่ได้เขิน รู้มั้ยว่าใบหูแดงๆ ของร้อยเอกใช้เป็นหลักฐานชิ้นดีได้เลยล่ะ

“พี่เข้าบ้านก็ได้ แต่ยังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลยอ่ะ”

“ผมก็เหมือนกัน อ่านหนังสือเพลินเลยไม่ได้เก็บสักที”

“งั้นเก็บพร้อมกันมั้ย ใช้กระเป๋าเดินทางใบเดียวกันก็ได้ ชุดร้อยกับชุดพี่รวมกันก็ไม่เท่าไหร่หรอก ประหยัดดี”

“ไม่มีกางเกงว่ายน้ำใช่ป้ะ”

“…?”

“ในกระเป๋าเดินทางของเราอ่ะ จะไม่มีกางเกงว่ายน้ำของพี่เมืองใช่มั้ย”

“ไม่มีหรอก” ใบหน้าขาวส่ายเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม เป็นภาพที่แสนน่ารัก “เดี๋ยวพี่เอากางเกงสามส่วนใส่กระเป๋าไป ร้อยก็ด้วยล่ะ ห้ามแต่งตัวตกสาวๆ นะ”

น่ารักจนอยากแกล้งกลับเลยล่ะ

“ระดับผมอ่ะ ต่อให้แต่งตัวมิดชิดก็ตกสาวได้สบายอยู่ละ”

“พอเลยๆ คุยแล้วเวียนหัว”

“เอ้า อะไรเล่า ทำไมอ่ะ หรือไม่จริง โถ่ พี่เมือง กลับมาคุยกันก่อนสิ”

อยากถ่ายคลิปเมืองน้ำตอนที่แกล้งทำเป็นหูทวนลม หยิบกุญแจมาไขประตูเล็กข้างรั้ว และรีบก้าวเร็วๆ เข้าบ้านไว้ชะมัด เหมือนเด็กวิ่งเข้าโรงเรียนอนุบาลไม่มีผิด

ยังไม่ได้เอาคืนเรื่องที่ยั่วให้ร้อยเอกหึงเพราะจะใส่กางเกงว่ายน้ำเรื่องนั้นเลยนะ แต่สัมผัสดีๆ ตอนจมูกมนฝังลงมาบนแก้มของเขา...สัมผัสที่เกิดขึ้นเพราะไม่อยากให้เขาคิดมาก มันดีสุดๆ เลย

จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ขอเมืองน้ำเป็นแฟน ต่างคนต่างยุ่งกับการสอบปลายภาค โดยเฉพาะรุ่นพี่ปีสี่ที่ต้องจัดการทุกอย่างให้เสร็จก่อนเริ่มฝึกงานในเทอมหน้า หลังสอบเสร็จ ถ้าไม่กลับมาบ้านก็ต้องไปถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา ไม่ก็ไปคุยงานกับเจ้าของแบรนด์

เรื่องของเขากับเมืองน้ำไม่ได้เริ่มจากความโรแมนติก หาคำนั้นได้ยากหากมองย้อนกลับไป ฉะนั้นถ้าต้องขออีกฝ่ายเป็นแฟนจริงๆ เขาก็อยากให้เราทั้งคู่อยู่ในสถานการณ์ที่น่าจดจำ

ไปเที่ยวครั้งนี้นี่แหละเหมาะที่สุด ทั้งระยะเวลา สถานที่ ทั้งความกล้าที่รวบรวมมาตลอดสองอาทิตย์

เลิกใจเสาะได้แล้ว ไอ้กากเอ๊ย



(⺣◡⺣)♡*




มีต่อค่า
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.19 ☆ เมื่อไหร่จะเป็นแฟน (26/11/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 04-12-2018 14:48:32
ต่อ








“พี่เมืองออกไปก่อนเลย เสร็จแล้วผมจะตามไป”

“โอเคๆ รีบมานะ”

“ครับผม”

ร้อยเอกยิ้มจางๆ ให้คนตัวเล็กที่สวมเสื้อยืดฮาวายกับกางเกงสามส่วน เครื่องแต่งกายที่พอรวมกับรองเท้าผ้าใบสีขาวและหมวกปีกกว้างที่เตรียมมาให้เขาอีกหนึ่งใบ ของทุกชิ้นก็ดูน่ามองขึ้นได้ง่ายๆ

ความสามารถพิเศษอีกอย่างของเมืองน้ำล่ะมั้ง ไม่แปลกใจที่แบรนด์เสื้อผ้าต่างก็ชอบส่งของมาให้เจ้าตัวถ่ายลงเพจ

ร้อยเอกก้าวเข้าหาคนตัวนุ่มที่ยืนจับหมวกอยู่ตรงหน้าประตู เมืองน้ำดูแปลกใจที่เห็นว่าเขาวางมือจากกระเป๋าเดินทางในห้องพัก ทว่าก็ยอมยืนนิ่งให้เขาจับเชือกที่ปลิวตามแรงลมมาผูกเป็นโบว์ยึดหมวกไว้ตรงปลายคาง

“ขอบคุณครับ”

เมืองน้ำพูดพร้อมวาดรอยยิ้มกว้างๆ แก้มนุ่มป่องขึ้นมาอย่างน่ารัก ร้อยเอกบีบแก้มกลมๆ นั่นด้วยความมันเขี้ยว ทำให้เกิดเสียงท้วงเล็กๆ จากเจ้าของแก้มเนียน

“ปล่อยพี่เลยนะ ห้ามจับห้ามบีบ”

“ปล่อยแล้วครับปล่อยแล้ว บีบนิดบีบหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมต้องห้ามด้วย”

“อันนี้ไม่เรียกบีบนิดบีบหน่อยแล้วมั้ย นึกว่าเกลียดพี่แล้วเนี่ย”

“คนเว่อร์” ว่าแล้วก็ดีดหน้าผากคนที่สูงเท่าไหล่ของเขาไปหนึ่งที “ผูกเชือกเสร็จแล้ว ไปเถอะครับ เดี๋ยวเพื่อนรอนานนะ”

“อีกนานมั้ยกว่าร้อยจะตามไป”

“นานอยู่ อย่าทำหน้างอดิ”

เมืองน้ำทำหน้างอเหรอ อืม...ใช่แหละ มาทะเลทั้งที ก็อยากจะใช้เวลาอยู่กับร้อยเอกให้มากที่สุด

“ขอไปถ่ายรูปสักครึ่งชั่วโมง เสร็จแล้วจะตามไป พี่เมืองก็คงเล่นบานาน่าโบ๊ทเสร็จพอดี”

อีกคนตอบกลับมาด้วยคำสั้นๆ เป้าหมายถูกเปลี่ยนเป็นกลุ่มเพื่อนที่ยืนถือเสื้อชูชีพรอบนชายหาด ร้อยเอกเดินกลับเข้ามาด้านในเมื่อภาพที่โฟกัสห่างไกลจนเห็นได้เพียงเลือนราง

เป็นวันเสาร์ที่แสนสงบสุข ในที่สุดก็ได้ห้องสวีทมาครอบครองสมใจอยาก ไม่มีใครคัดค้านร้อยเอกเรื่องนี้ ทุกคนเป็นมิตรกับเขาจนอยากชวนมาวินกับสิงหามาด้วยกัน แต่สองคนนั้นก็คงมีแพลนพักผ่อนเป็นของตัวเองแล้ว

ทุกคนนั่งเรือมาถึงเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ช่วงบ่าย เพราะแดดร้อนจัด สภาพอากาศไม่เป็นใจ สิบกว่าคนในทริปจึงนัดรวมตัวในช่วงเย็น เขาพาเมืองน้ำมาที่ห้องพัก ต่างคนต่างหลับด้วยความอ่อนเพลีย ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นเมืองน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมเล่นน้ำกับเพื่อนๆ แล้ว

เมืองน้ำบอกว่าจะมีเพื่อนต่างมหา’ลัยที่คุ้นเคยกันตามมาด้วย เขาไม่รู้ว่ามีใครบ้าง ได้แต่ภาวนาอย่าให้มีคู่จิ้นสุดฟินของพี่เมืองเลย

ไม่ได้เกลียดหรอกนะ ไม่มีอคติจริงๆ แค่ไม่ชอบเวลามีคนถ่ายรูปคนของเขากับรุ่นพี่อีกคนไปลงโซเชียล ยิ่งเป็นเพื่อนที่เคยรู้จักกันสมัยยังวัยรุ่นแบบนี้ พล็อตนิยายชวนฝันชัดๆ

ร้อยเอกถูกชวนให้ไปเล่นบานาน่าโบ๊ทด้วยกัน แต่เขามีเรื่องต้องทำ เลยต้องปฏิเสธไปอย่างน่าเสียดาย

พักหลังมานี้ร้อยเอกนึกถึงความโรแมนติกที่สามารถเกิดขึ้นได้ระหว่างเขากับเมืองน้ำ อะไรก็ตามที่ไม่ต้องหวือหวา เพราะเขาไม่ชอบ

ความเรียบง่ายที่หากย้อนกลับมานึกถึงช่วงเวลาเหล่านี้ อะไรที่ว่าจะกลายเป็นช่วงเวลาที่จดจำ

แทนที่จะเล่นน้ำทะเลเหมือนคนอื่นๆ ร้อยเอกใช้เวลาหลังจัดของในกระเป๋าเดินทางใบเดียวกับเมืองน้ำเดินลัดเลาะไปตามชายหาด เก็บภาพสวยๆ ของบรรยากาศยามเย็นด้วยกล้องถ่ายรูปที่นำติดกระเป๋ามาจากบ้าน

เขาซื้อกล้องตัวนี้เก็บไว้นานแล้ว น่าจะเกินสองปีได้ ภาพด้านในมีแต่กิจกรรมในคณะ รวมถึงภาพประกอบโปรเจกต์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาพร้อมเกรด A จากอาจารย์ เขาไม่ชอบการถ่ายรูปพร่ำเพื่อ แทบไม่มีรูปตัวเองอยู่ในกล้องตัวนี้ หรือแม้แต่กล้องในโทรศัพท์ ในไอจีจึงมีแต่รูปต้นไม้ เขาชอบ และคิดว่าสิ่งนี้บ่งบอกตัวตนของเขาได้

ทุกรูปที่ถ่ายในตอนนี้ ทะเลสีสวย ดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้า ก้อนเมฆที่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน หาดทรายสีขาว และผู้คนที่ค่อนข้างบางตา ที่กล่าวมาไม่ใช่สไตล์ของเขาเลยสักนิด แต่สำหรับเมืองน้ำ...รายนั้นต้องชอบแน่นอน

คงจะดีถ้าได้ขอเมืองน้ำเป็นแฟนระหว่างที่เปิดดูภาพในกล้องด้วยกัน

นี่แหละความโรแมนติกในแบบของเขา

มาวินจะได้ฉลองที่เขาสละโสด ดูแล้วเพื่อนรักคงได้ฉลองแค่ครั้งเดียว เพราะร้อยเอกจะไม่ยอมโสดอีกเลยตลอดชีวิต

โอเว่อร์เนอะ ก่อนขอเป็นแฟน ต้องเลิกเป็นไอ้กากก่อนนะร้อยเอก

คนตัวสูงหยุดเดินทันทีเมื่อใครบางคนปรากฏอยู่ในกล้องที่กำลังขยับหามุมสวยๆ เพื่อถ่ายรูป ร้อยเอกลดกล้องลง หรี่ตามองภาพตรงหน้าให้แน่ใจ แล้วหัวเราะหึในลำคอ

“ร้อยเอก”

“สวัสดีครับพี่สอง”

คู่จิ้นสุดฮอตของเมืองน้ำ เดินมาพร้อมกับเพื่อนที่มากับพี่เมืองซะด้วย แปลว่าเพื่อนต่างมหา’ลัยที่จะตามมาทีหลัง มีพี่สองอยู่ในลิสต์ด้วยงั้นเหรอ

ทริปที่ควรสงบสุข ดูเหมือนจะมีเรื่องน่าหงุดหงิดซะแล้ว

“มากับเมืองน้ำเหรอ”

“ครับ”

“อ้อ มิน่า พี่เห็นเมืองถ่ายรูปอยู่กับเพื่อนตรงนั้น แล้วเราไม่ไปอยู่กับเมืองเหรอ”

“กำลังจะไปครับ”

พูดเพราะอะไรปานนี้พ่อคุณ ขัดกับลุคแบดบอยที่คนภายนอกหวีดกันจริงๆ

หน้าตาดี หล่อมากเลยล่ะ พูดจาสุภาพ น้ำเสียงเป็นมิตร เป็นรุ่นพี่ที่น่าเคารพนับถือคนหนึ่ง อ้อ พกแฟนมาด้วย แฟนพี่สองเดินตามหลังมา พอถึงก็โอบกันกลมดิ๊ก ปลอดภัยกับความสัมพันธ์ของร้อยเอกกับเมืองน้ำร้อยเปอร์เซ็นต์

ที่ไม่ปลอดภัยน่ะคือมือกล้องทั้งหลายต่างหาก ถ้ามีคนถ่ายไปลง ไม่ว่ารูปหรือคลิป แล้วแฟนคลับเห็นว่าสองคนนี้มาทริปเดียวกัน นึกภาพออกมั้ยว่ากระแสคู่จิ้นของทั้งคู่จะเป็นยังไง

“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ ยินดีที่ได้เที่ยวด้วยกันครับ”

“เช่นกันครับพี่สอง”

แต่มีพี่สองก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ทำให้ร้อยเอกรู้ว่าอยู่เฉยๆ ไปวันๆ ไม่ได้แล้ว จงเป็นตัวจริงที่มีสิทธิ์หึงและหวงเมืองน้ำอย่างเต็มทีเสียที

เขาจะยืนประกบเมืองน้ำตลอดเวลา ดูซิว่าจะมีคนชงได้อีกมั้ย

“โอ๊ยย!”

“ร้อยเอก!”

แม่งเอ๊ย!

ไม่ได้ทำบาปทำกรรมอะไรไว้เลยนะ แต่ทำไมต้องเดินเหยียบเปลือกหอยจนล้มหน้าคะมำลงพื้นด้วยก็ไม่รู้

เจ็บชะมัด เลือดออกด้วย เป็นแผลไปอีก

ร้อยเอกจะบ้าตาย แทนที่จะมีแต่เรื่องดีๆ ดันซวยเพราะความซุ่มซ่ามของตัวเองจนได้

แล้วอย่างนี้จะได้ขอพี่เมืองเป็นแฟนวันไหนวะเนี่ยยยยย



(⺣◡⺣)♡*



วันนี้กลายเป็นวันพักผ่อนที่มีเรื่องร้อนใจเข้าจนได้

จู่ๆ เพื่อนก็โทรมาบอกว่าร้อยเอกโดนเปลือกหอยบาดเท้า ต้องปฐมพยาบาลโดยด่วนเพราะเลือดไหลไม่หยุด แพลนทุกอย่างถูกพับเก็บ แทนที่ด้วยความเป็นห่วง ร้อนใจ หลากหลายความรู้สึกที่เบียดเสียดอยู่ในอก

ร้อยเอกถูกพาตัวไปที่สถานีอนามัยของเกาะด้วยความช่วยเหลือจากสอง เพิ่งรู้ว่าสองอยู่ที่นี่ตอนเพื่อนโทรมาบอกนี่เอง เรื่องแรกที่คิดคือความรู้สึกของร้อยเอก เมืองน้ำกลัวเจ้าตัวจะไม่โอเคกับการมีสองอยู่ในทริป ทว่าผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามก็ทำให้รู้สึกโล่งใจ

ดูเป็นมิตรมากขึ้น แม้จะไม่เต็มร้อยแต่ก็ดีกว่าไม่โอเคขึ้นเลย

“อยู่กันสองคนได้แน่นะ”

“ได้ๆ ไม่เป็นไร”

“งั้นถ้าปาร์ตี้เริ่มแล้วจะโทรหา”

“โอเค ขอบคุณนะ เดี๋ยวขอตัวไปดูร้อยเอกก่อน”

เมืองน้ำถอนหายใจเบาๆ เมื่อเพื่อนสนิทเดินลงจากชานไม้หน้าห้องพักไปพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน

ทุกคนเป็นห่วงร้อยเอก พาน้องมาส่งแล้วก็ถามย้ำไปย้ำมาเพื่อให้มั่นใจว่านับจากนี้เมืองน้ำจะดูแลน้องเล็กของทริปได้จริงๆ

ดูแลได้สิ ทั้งอยากดูแล ทั้งอยากตีเด็กตัวสูงที่นั่งพักอยู่บนเตียงให้เนื้อเขียว ร้อยเอกบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ก็เพราะความไม่ระวังนั่นแหละ เลยทำให้เดินกะเผลกทุกฝีก้าวแบบนี้

“เจ็บมากมั้ย”

“มากกกกกครับ”

ลากเสียงยาวๆ แถมยังทำหน้าตาน่าสงสารใส่เมืองน้ำด้วย นี่ไง บอกแล้วว่าร้อยเอกน่าตีจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้อยากตีเพราะเจ้าตัวไม่ระวัง หรือมาจากความหมั่นไส้กันแน่

“ไหนดูซิ เจ็บตรงไหนบ้าง”

“ทุกที่เลย เข่าก็เจ็บ”

“เข่าเจ็บด้วยเหรอ” มองคนเด็กกว่าอย่างไม่เชื่อนัก แต่อีกคนก็พยักหน้ารับรัวๆ

เมืองน้ำระบายยิ้มกับการกระทำของคนที่นั่งเท้าแขนอยู่บนเตียง เดินไปดึงเก้าอี้มานั่งลงใกล้ๆ ตำแหน่งที่มองเห็นความสมบูรณ์แบบบนใบหน้าร้อยเอกได้ถนัด

“ขอพี่ดูหน่อย” ใช้สองมือยกขาแข็งแรงขึ้นมาวางบนตักนุ่ม ร่นชายกางเกงขายาวมากองไว้เหนือหัวเข่า “มีแผลจริงๆ ด้วย แต่หมอก็เช็ดแผลให้แล้วใช่มั้ย”

“ครับ แต่ก็ยังเจ็บอยู่อ่ะ”

“เดี๋ยวก็หาย พรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ ร้อยเอกเก่งอยู่แล้ว แผลไม่อยู่กับร้อยนานหรอก”

เมืองน้ำทำเหมือนร้อยเอกเป็นเด็กสามขวบที่จะเชื่อคำปลอบโยนโดยไม่คิดอะไรซับซ้อน คนตัวเล็กดึงกางเกงให้กลับไปคลุมข้อเท้า ใช้มือน้อยๆ ยกขาของเขาวางลงที่เดิม ทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง ราวหวาดกลัวว่าเขาจะเจ็บไปมากกว่านี้

ไม่เจ็บหรอก มีเมืองน้ำดูแลแบบนี้ แม้คำปลอบโยนจะเป็นคำที่ใช้พูดกับเด็กตัวเล็ก ร้อยเอกก็จะยอมเป็นเด็กให้เมืองน้ำจนกว่าแผลจะหาย

ทีแรกก็โกรธตัวเองที่ทำเอาความโรแมนติกหนีหายไปจนหมด แต่พอคิดดูแล้ว เทียนหอมหน้าทีวี เตียงนอนนุ่มๆ ขนาดคิงไซส์ แสงไฟสีนวลตรงระเบียงหลังห้อง สิ่งเหล่านี้ก็สร้างบรรยากาศดีๆ ได้เหมือนกัน

“มานอนกอดร้อยหน่อยสิพี่เมือง”

คิดไว้แล้วว่าเมืองน้ำจะต้องแปลกใจกับคำขอของเขา มันดูเป็นคำขอที่ไร้ที่มาที่ไป เอ่ยขึ้นมาดื้อๆ แถมยังล้มตัวนอนรอเพื่อบังคับกลายๆ อีกต่างหาก

ถึงอย่างนั้นคนที่ดวงตาเต็มด้วยประกายสงสัยก็คว้ากล้องถ่ายรูป แล้วก้าวขึ้นมานอนหนุนแขนที่พาดเตียงรอศีรษะกลมอยู่

“อ้อนพี่อีกแล้วนะร้อย”

ไม่เอ่ยตอบ และไม่ปฏิเสธว่ากำลังอ้อนอยู่จริงๆ

“ต้องการอะไรครับ บอกพี่มาซิ”

นอกจากกลิ่นหอมอ่อนๆ บนผิวขาวเนียน ใบหน้าน่ารักที่ช้อนมองเขายังทำให้เขารู้สึกดีเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกว่ามีสเน่ห์เท่าเมืองน้ำเลย

“อยากอ้อนพี่เมืองเฉยๆ”

“แน่นะ”

“แน่สิครับ พี่เมืองมองผมเป็นคนยังไงเนี่ย”

“ไม่รู้สิ”

“พี่เมือง”

“อะไร พี่ยังพูดไม่จบเลย” ร้อยเอกทำให้เมืองน้ำวาดยิ้มอีกจนได้ ท่าทางเหมือนเด็กถูกขัดใจนั่นน่ะ ซื้อเก็บไว้ดูคนเดียวได้มั้ย ไม่อยากแบ่งให้คนอื่นเห็นร้อยเอกเวอร์ชั่นนี้ “จะบอกว่าไม่รู้สิ มองว่าร้อยเอกเป็นเด็กดื้อล่ะมั้ง”

“ผมดื้อตรงไหน”

“ทุกตรง”

“ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย”

“แล้วใครที่เดินไม่ระวังจนได้แผล ใครล่ะที่ไม่ใช่ร้อยเอก”

“อันนี้มันอุบัติเหตุจริงๆ มัวแต่คิดอะไรนิดหน่อย ก็เลยไม่ทันมอง”

“หืม? คิดอะไรครับ ตอนแรกที่บอกพี่ ไม่ได้พูดว่าคิดอะไรอยู่นี่”

ร้อยเอกหยุดพูดทันที กลอกตามองไปรอบๆ ราวกับหาตัวช่วย และหยุดที่กล้องถ่ายรูป

“ดูรูปในกล้องดีกว่า ผมถ่ายมาเยอะเลยนะ พี่เมืองต้องชอบแน่ๆ”

“ไม่เอา อย่าเปลี่ยนเรื่อง”

“ผมเปลี่ยนเรื่องยังไง”

“เมื่อกี้บอกว่าคิดอะไรนิดหน่อย”

“มันไม่สำคัญ”

“ไม่สำคัญทำไมทำร้อยไม่มีสติจนถึงขั้นเหยียบเปลือกหอยได้ล่ะ”

นอกจากเป็นเน็ตไอดอล เป็นนักศึกษาเตรียมฝึกงาน เป็นฟรีแลนซ์รับตัดต่อวิดีโอ เป็นว่าที่นักแสดง เพิ่งรู้ว่าเมืองน้ำยังเป็นนักสืบสวนเพิ่มอีกหนึ่งบทบาท

“บอกพี่มาเลยนะ พี่อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้ร้อยเอกของพี่ไม่มีสติขนาดนี้ ห้ามถามกลับด้วยว่าไม่บอกได้มั้ยครับ เพราะพี่จะบอกว่าไม่ได้”

มาเป็นชุด

ตอนได้ยินคำว่า ‘ร้อยเอกของพี่’ ความคิดที่จะปฏิเสธก็ถูกทำลายเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น แปลว่าเขาไม่มีความคิดที่จะถามกลับตามที่อีกคนพูดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

“ห้ามหัวเราะร้อยนะ”

“ทำไมอ่ะ เป็นเรื่องตลกเหรอ”

“เหอะน่า ห้ามหัวเราะ”

“ก็ได้ๆ ไม่หัวเราะก็ได้” เมืองน้ำวางกล้องถ่ายรูปไว้เหนือศีรษะ ดึงมือกลับมาวางไว้ตรงหน้าอกแล้วเอ่ยบอกซ้ำสอง “เล่ามาเร็ว พี่พร้อมแล้ว”

“หงุดหงิดเรื่องพี่สอง”

“...”

“พี่สองไม่ได้ทำอะไรให้นะ ดีกับผมมากเลยแหละ แค่ตกใจว่าทำไมถึงมาเที่ยวด้วยกันได้”

“พี่ก็เพิ่งรู้ว่าสองมาด้วย รู้ตอนเพื่อนโทรบอกว่าสองพาร้อยไปอนามัย”

“นั่นแหละ แค่คิดว่าถ้าเพื่อนพี่เมืองถ่ายรูปไปโพสต์ในไอจี พอคนเห็นว่าอยู่ในงานเดียวกันก็จะมีกระแสเกิดขึ้นอีก มันหงุดหงิดนะ ทั้งที่พี่เมืองเป็นของผม แต่คนอื่นดันจับคู่ให้พี่เมืองกับคนอื่น”

“วงการบันเทิงก็แบบนี้แหละร้อย”

“ก็ใช่ไง เพราะวงการบันเทิงเป็นแบบนี้ เลยน่าหงุดหงิด ผมคิดว่าตัวเองอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว ต้องประกบพี่เมืองตลอดทริป คนจะได้เอาไปมโนไม่ได้ ขำอะไรอ่ะ บอกว่าอย่าขำไง”

พยายามแล้วนะ เมืองน้ำกลั้นขำอย่างเต็มที่แล้ว แต่เรื่องที่ร้อยเอกเล่ามา ไม่ขำด้วยความเอ็นดูไม่ได้จริงๆ

นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เพราะหึงหวงเมืองน้ำนี่เอง

“คราวหน้าต้องระวังนะรู้มั้ย พี่ไม่อยากให้เจ็บตัวอีก”

“รู้แล้วน่า”

“รู้แล้วก็ต้องทำตามด้วย เข้าใจมั้ยครับ”

“เข้าใจแล้วครับคุณ”

“ว่าแต่มีแค่นี้เหรอ”

“ครับ?”

“เรื่องที่ร้อยคิดไง มีแค่นี้ใช่มั้ย”

ที่จริง...ก็ไม่ใช่เท่าไหร่ ตรงอยู่เฉยไม่ได้ ไม่ได้หมายถึงแค่มาตามประกบเมืองน้ำ ยังรวมไปถึงเรื่องขอเป็นแฟน แต่พอถึงเวลาจริงๆ...

“พี่นึกว่าจะมีเรื่องสิงหาด้วย”

ใจปลาซิวจริงๆ เลยเว้ย

“นึกว่าร้อยยังคิดเรื่องสิงหาอยู่ แต่ก็ดีแล้วนะที่ไม่คิด เรื่องของสองก็ไม่ต้องคิดเหมือนกัน มันไม่มีอะไรเลย พี่กับสองเป็นแค่เพื่อนกัน และมันก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ”

“จะไม่เปลี่ยนใจจากผมใช่มั้ย”

“ทำไมถึงคิดว่าพี่จะเปลี่ยนใจล่ะ”

“ก็...คนโสด แบบว่ายังโสด มีสิทธิ์คบใครก็ได้ เปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา”

เมืองน้ำขมวดคิ้วยุ่ง

“แต่เราคุยกันมาตั้งเป็นเดือนแล้วนะ เดือนกว่าแล้วเนี่ยร้อย พี่ว่าพี่ก็ไม่ได้โสดสนิทอะไรขนาดนั้น งอแงอะไรเนี่ย”

“ผมงอแงอะไรเล่า”

“นี่แหละเรียกว่างอแง”

ทะเลาะกันจนได้

ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กตัวโต สูงกว่าตัวเองตั้งเกือบยี่สิบเซนติเมตรจะใจเล็กจิ๋วขนาดนี้ เรื่องอื่นไม่เป็นหรอกนะ เป็นอยู่แค่เรื่องเดียว

เรื่องของเมืองน้ำเอง

“ร้อยรู้มั้ยว่าทำไมพี่กับสิงหาถึงไปด้วยกันไม่ได้”

“ทำไมครับ”

“ที่จริง...ไม่ใช่แค่รู้สึกอึดอัด เลยเลิกคุยกัน เหตุผลหลักมันอยู่ตรงที่ไม่เคยรู้สึกพิเศษกับสิงหา พี่คิดว่าเพราะพี่ชอบคนอื่น”

“...”

“คนอื่นที่หมายถึง...ร้อยเอก”

คนฟังดูตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เมืองน้ำเลยให้เวลาร้อยเอกทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างที่คงปรากฏขึ้นในความคิด

“แต่พี่รู้ตัวว่าชอบร้อยตอนโดนร้อยว่าเยอะๆ ปกติไม่รู้สึกอะไรเลยตอนที่เราทะเลาะกันรอบนั้น รอบที่พี่โกรธร้อย ไม่คุยกับร้อยนานๆ”

“งั้นแปลว่าตอนที่พี่ผมว่าพี่เมือง พี่เมืองก็ยังชอบผมเหรอ”

“อื้อ” พยักหน้ารับช้าๆ “ถ้าเมื่อก่อนคงตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้...แม้แต่ตอนโดนว่าก็ยังชอบ”

และแล้วบทสนทนาที่ควรดำเนินไปเรื่อยๆ ก็หยุดกลางคัน

เมื่อก่อนเราเถียงกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาคู่กัดบ่อยมากก็จริง ทุกวันนี้ก็ยังเป็น เรื่องที่เถียงกันอยู่ตลอดเป็นเรื่องที่ไม่จริงจังอะไร แค่ตอนนั้น ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเมืองน้ำ มันเต็มไปด้วยอคติ มักจะมีความคิดแย่ๆ และคำพูดร้ายๆ พ่นใส่อีกคนอยู่เสมอ

สารภาพตามตรงว่าร้อยเอกกำลังรู้สึกผิด

“ร้อยเอก...”

“ขอโทษนะครับ”

“ขอโทษเรื่องอะไรครับ”

“ทุกเรื่อง”

“พี่งงนะร้อย”

“ทุกเรื่องที่เคยทำไม่ดีใส่พี่เมือง”

ไม่แค่พูดเปล่า แขนแกร่งยังรวบเอวเล็กเข้ามาแนบชิด ระยะห่างที่ลดน้อยลงอย่างรวดเร็วทำเอาคนผิวขาวไปต่อไม่ถูก ทั้งตกใจ งุนงง และใจเต้นแรงในเวลาเดียวกัน

ร้อยเอกวางจมูกบนแก้มนิ่ม ทำเหมือนที่เมืองน้ำเคยทำกับเขาเวลารู้สึกไม่ดี สูดดมความหอมแล้วปล่อยลมหายใจเอื่อยๆ รดผิวเนียนสวย

“ร้อย...”

เมืองน้ำขนลุกซู่ ดันแผ่นอกกว้างเบาๆ ด้วยมือทั้งสองข้าง ทว่าไม่เป็นผล ร้อยเอกยังหอมแก้มตนอยู่แบบนั้น เลยปล่อยให้ทำตามใจจนกว่าจะพอ

“ถ้าไม่อยากรู้สึกผิดก็ดูแลพี่เป็นการไถ่โทษดีมั้ย”

“ดีครับ จะดูแลตลอดชีวิตเลย”

“ถ้างั้นหยุดก่อนนะ”

แต่ดูเหมือนคนตัวสูงจะไม่พอใจสักที เมืองน้ำเลยต้องเอ่ยปากขอจนได้ มีเสียงหัวเราะดังคลอหน่อยๆ ตอนที่อีกคนผละศีรษะออกห่าง ร้อยเอกกอดเมืองน้ำไว้ไม่ปล่อย ยกนิ้วขึ้นเกลี่ยปอยผมที่ไหลลงมาบังผิวแก้มสีระเรื่อ

“กับสิงหา เคยให้มันทำแบบที่ผมทำมั้ย”

“ทำ...หมายถึงทำแบบไหน”

“กอด หอมแก้ม จูบ มากกว่าจูบ แต่ไม่ถึงขั้นนั้น”

ขั้นนั้นที่ร้อยเอกพูดถึง คือขั้นที่ต้องติดเรทสิบแปดบวก

จะว่าไป...เขาก็ยังไม่เคยไปถึงขั้นนั้นกับเมืองน้ำเลยสักครั้ง ทั้งที่ไม่ใช่คนไร้เดียงสาในเรื่องนี้ แต่พอคิดว่ามันจะถึงเวลาเหมาะสมหรือมีสิทธิ์ทำได้หรือยัง ก็ไม่เคยทำจนถึงจุดนั้นสักที

“เคยให้กอด จูบก็เคย แต่ครั้งเดียว ส่วนอย่างอื่น...ไม่เคย“

“ดีใจจังครับ”

“ยิ้มกว้างมาก หมั่นไส้อ่ะ”

“หมั่นไส้ผมทำไมเล่า”

“ก็ร้อยทำตัวน่าหมั่นไส้จริงๆ”

โดนปรักปรำซะงั้น ดีใจก็ผิดรึไงเนี่ย

เมืองน้ำเคยมีแฟนมาก่อน แน่นอนว่าประสบการณ์ตรงนี้ย่อมมีอยู่แล้ว แต่เขาไม่สนใจหรอก เลิกกันแล้วก็แล้วกันไป แค่อยากยืนยันว่าขณะที่อีกคนมีเขาอยู่ในใจ จะไม่ยอมให้คนอื่นมาทำในสิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิด

“สบายใจแล้วเนอะ”

“ครับผม สบายใจแล้ว”

“ถ้างั้นนอนพักก่อนนะ อีกสักพักเพื่อนพี่คงโทรมาตามแล้วล่ะ”

“ไม่อยากออกไปปาร์ตี้เลย กลัวคนถ่ายรูปพี่เมืองกับพี่สองไปลง”

“ต้องมีคนถ่ายอยู่แล้วแหละร้อย แต่พี่ก็อยู่กับร้อยตลอดนะ วันนี้พี่มากับร้อยนี่ ใครจะคิดยังไงก็ช่างเขาสิ”

“เห้อ”

“ถอนหายใจทำไม”

“พี่เมืองน่ารักจนเหนื่อย”

เดี๋ยวก่อนนะ อย่างนี้ก็ได้เหรอพ่อคุณ

ร้อยเอกกระชับอ้อมกอด โอบคนตัวเล็กเข้าหาอีกครั้ง ทาบริมฝีปากบนเนื้อหยุ่นนุ่มโดยที่เมืองน้ำไม่ทันตั้งตัว เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆ ปิดลงเมื่อตั้งสติได้ เผยอเรียวปากเพื่อเปิดทางให้ลิ้นร้อนได้แทรกเข้ามา

จูบของร้อยเอกเป็นจูบที่ดีเสมอ จูบที่ทำให้เมืองน้ำรู้สึกว่าตัวเองยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาว

ไม่เย็นเกินไป ไม่ร้อนจนเกินทน ความอบอุ่นที่ได้รับสามารถหลอมละลายอะไรก็ตามในตอนนี้ได้

ช่างวิเศษ

จะพูดอีกครั้งว่าเมืองน้ำโชคดีเหลือเกินที่มีคนคนนี้อยู่ในชีวิต

โชคดีมากจริงๆ



(⺣◡⺣)♡*



มีต่อ
หัวข้อ: Re: ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮up ch.19 ☆ เมื่อไหร่จะเป็นแฟน (26/11/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 04-12-2018 14:52:19
ต่อ



.

ร้อยเอกลืมเรื่องที่จะเปิดดูรูปในกล้องกับเมืองน้ำไปสนิท แต่ถึงจะพลาดเรื่องนี้ ก็ยังมีเรื่องดีเรื่องอื่นเกิดขึ้น ได้พูดคุย ได้รู้ว่าเมืองน้ำชอบเขาตั้งแต่ตอนไหน ทั้งยังได้ลิ้มรสหวานๆ จากริมฝีปากจิ้มลิ้ม มองให้เป็นข้อดีก็ถือว่าไม่เสียเปล่า

เมืองน้ำขอร้องไม่ให้ทำรอยที่คอ ตอนที่เขาผละจูบ ลดใบหน้าลงต่ำ ไล่ปลายจมูกไปกับผิวขาวเนียน และหยุดที่ลำคอ ที่จริง...ไม่จำเป็นต้องขอก็ได้ ร้อยเอกตั้งใจไม่ทำตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพื่อนเมืองน้ำโทรมาตามได้ตรงจังหวะพอดี เราทั้งคู่ก็เลยหยุดแค่นั้น

งานปาร์ตี้จัดขึ้นในบาร์เล็กๆ ของรีสอร์ท ร้านไม่ใหญ่มาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวคนอื่นอยู่ในร้านด้วย บทสนทนาตามประสาเพื่อนรุ่นเดียวกันดำเนินไปพร้อมบทเพลงไพเราะที่ร้านคัดมาเปิด มีอาหาร เครื่องดื่มนานาชนิดยกมาเสิร์ฟตลอดงาน แต่ที่ชอบที่สุดคือเก้าอี้ชายหาดริมทะเลที่เป็นมุมพักผ่อนของร้าน

“อย่าเมานะพี่เมือง”

ร้อยเอกบอกคนตัวเล็กที่กำลังจิบเหล้าในแก้วอยางอารมณ์ดี เมืองน้ำพยายามดื่มทีละน้อยเพราะไม่อยากให้ถึงลิมิตที่ตัวเองรับไหวเร็วเกินไป แต่เห็นคนที่ดื่มเอาๆ มาสั่งห้ามไม่ให้เมาแล้วเกิดอาการอยากแกล้ง

“พี่เมาไม่ได้เหรอ อยากเมาอ่ะ อยากขี่หลังร้อยอีก” ...เลยยั่วโมโหเข้าหน่อย

“ห้ามเมา”

เสียงเขียวปั๊ดอย่างที่คิด

“รู้แล้วน่าๆ ทำเป็นดุไปได้ พี่ไม่เมาหรอก นี่เพิ่งแก้วที่สาม อีกตั้งเจ็ดแก้วแน่ะ กว่าจะเมา”

“รู้แล้วยั่วผมทำไม”

“ก็ร้อยเอกน่าแกล้งอ่ะ”

ไม่โดนบีบจมูกที่แดงอยู่แล้วให้แดงมากกว่าเดิม สงสัยคืนนี้เมืองน้ำจะนอนไม่หลับแน่ๆ

“ไปนั่งเล่นที่เก้าอี้ชายหาดกันมั้ย คนไม่มีเลย พี่อยากไปรับลม”

“ไปสิครับ ผมอยากไปอยู่พอดี”

ร้อยเอกค่อยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยขาข้างที่ไม่เจ็บ หยิบขวดแอลกอฮอล์ที่เมืองน้ำอยากดื่มเข้าไว้ในมือ ขณะที่อีกคนประคองเขาที่เดินกะเผลกออกไปด้านนอก

คนตัวสูงลดกายนั่งบนเก้าอี้ชายหาดที่วางเรียงรายเป็นคู่ สายลมเอื่อยเฉื่อย เสียงคลื่นทะเล กับดวงจันทร์บนท้องฟ้า เข้าใจแล้วว่าทำไมคู่รักถึงชอบมาเที่ยวทะเลด้วยกันนัก พ่อและแม่ของเขาก็เคยไปฮันนีมูนที่ทะเลด้วยกัน ร้อยเอกเห็นจากอัลบั้มรูปสมัยพวกท่านยังเป็นหนุ่มสาว

“พี่ชอบเหล้ายี่ห้อนี้ มันหวาน”

เสียงนุ่มนวลของเมืองน้ำดึงความสนใจจากเขาได้ดี คนตัวเล็กอยู่บนเก้าอี้ชายหาดตัวถัดไป หันตัวมาทางเขา มีโต๊ะตัวเล็กคั่นกลางระหว่างเราไว้ ใช้วางแก้วทรงสูง และขวดแอลกอฮอล์ที่อีกคนถืออยู่

เมืองน้ำรินเหล้าใส่แก้วทั้งสองใบ ยกมันยื่นให้เขารับไว้แก้วหนึ่ง

“เหล้าหวานด้วยเหรอพี่เมือง ผมดื่มแต่รสขมๆ”

“หวานสิ แต่ไม่มาก มีความหวานนิดเดียว ตรงนี้แหละที่ชอบ ไม่เชื่อร้อยลองดื่มดู”

ไม่ใช่ไม่เชื่อ แค่ชอบดื่มเหล้าที่มีรสขมมากกว่ารสหวานเท่านั้น ร้อยเอกทำตามที่เมืองน้ำบอก ของเหลวในแก้วค่อยๆ ปรากฏรสชาติบนเรียวลิ้น

ตามที่เมืองน้ำพูดเลย หวานจริงๆ ด้วยแฮะ

“อร่อยมั้ย”

“อร่อยครับ แต่ยี่ห้อไหนก็อร่อยทั้งนั้นแหละ”

“…?”

“ถ้าพี่เมืองรินให้”

“ไอ้เว่อร์”

ร้อยเอกยิ้มขำกับคนที่เขินจนแก้มขึ้นสี โดนด่าแล้วเขาชื่นใจจริงๆ คำที่พูดออกมาด้วยท่าทางน่ารักๆ แบบนั้น เต็มไปด้วยพลังงานดีๆ

พลังงานที่ทำให้หัวใจของเขาสูบฉีด

“พี่ลืมเอากล้องมาด้วย อดดูรูปในกล้องร้อยเลยอ่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ นี่ไง ไม่ต้องดูรูปในกล้อง ดูฟ้าด้วยกันก็ได้ สวยดีเนอะ”

“ใช่ สวยจริงๆ เอ้อนี่ ช่วงนี้พี่สงสัยอะไรอยู่อย่างนึงล่ะ”

“อะไรครับ” ร้อยเอกกลืนแอลกอฮอล์รสอร่อยลงคอ วางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะคั่นกลาง ขณะที่คนตัวเล็กลุกมานั่งข้างเขา “เล่าให้ร้อยฟังหน่อย”

“พี่สงสัย...ว่าคนเราจะหมดรักกันตอนแก่ทุกคู่เลยหรือเปล่า”

“ทำไมพี่เมืองสงสัยเรื่องนี้ครับ”

คิ้วเข้มขยับเข้าหากัน ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ตั้งแต่จบปัญหาครอบครัว เมืองน้ำก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เติบโต และมองโลกในแง่ดี ร้อยเอกไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ถามเป็นเรื่องไม่ดีนะ แค่ไม่คิดว่าเมืองน้ำจะข้องใจกับอะไรทำนองนี้

“ไม่รู้สิ พี่กลัวมั้ง...”

“…”

“กลัวว่าเราจะเป็นเหมือนพ่อกับแม่”

เป็นความสงสัยที่ได้คำตอบอย่างรวดเร็ว ร้อยเอกเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง ไม่ถึงนาทีก็ยกเรียวแขนขึ้นโอบไหล่แคบเข้ามาแนบชิด

“ไม่เห็นต้องกลัวเลยพี่เมือง”

“ก็มันกลัวนี่”

“พี่เมืองเคยได้ยินประโยคนี้มั้ย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”

“เคย…”

“นั่นแหละ เหมือนที่เราไม่เคยคิดว่าจะชอบกัน ก็ดันชอบกันได้”

เมืองน้ำหันมองคนตัวสูง แววตาเห็นด้วยจากคนตัวนุ่มทำให้คนมองโล่งใจได้เปราะหนึ่ง ร้อยเอกลดสายตามองมือเล็กๆ ที่กำลังใช้ปลายนิ้วลูบวนทั่วปากแก้ว

การกระทำแบบนี้ แปลว่ายังกังวล

อย่างนี้ต้องทำให้เลิกกังวลสักหน่อย

“ผมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอกครับ”

“…”

“ตอนนี้ไม่มีลดลงเลยนะ มีแต่เพิ่มขึ้น ร้อยเอกชอบพี่เมืองเพิ่มขึ้นทู้กกกวัน”

ให้ตาย...ร้อยเอกทำตัวน่าหมั่นไส้ใส่เมืองน้ำอีกแล้ว ไม่ใช่แค่พูด หรือโอบไว้ แต่ยังกอดแล้วเขย่าตัวเหมือนโอ๋เด็กตัวน้อยอีกด้วย

น่ารักเนอะ น่ารักจนกลั้นยิ้มไม่ได้เลย

“พี่มีอะไรจะบอกร้อยด้วยนะ”

“ครับ อะไรเหรอ”

“เอาโทรศัพท์ร้อยมาสิ”

“ครับ?”

“เปิดอ่านในเพจ ดูคอมเมนต์ในโพสต์ล่าสุดของพี่”

“พี่เมืองไปเมนต์ไว้เหรอ”

“อื้อ แต่ใช้เฟซอื่นนะ ร้อยไล่หาเอาเลย”

“แล้วผมจะหาเจอได้ไงเนี่ย คนเมนต์ทีเป็นร้อยเป็นพัน”

“เจอสิ ยังไงก็เจอ”

จะไม่เจอได้ไง ก็ตอนที่เข้าไปเช็กล่าสุด มีคนกดไลค์ไปตั้งเยอะ

ช่วงก่อนสอบเสร็จ เมืองน้ำมีความคิดที่จะทำอะไรบางอย่าง คิดนั่นคิดนี่ วาดภาพไว้หลายเส้นทาง ค่อยๆ เลือกว่าทางไหนจะเป็นไปได้มากที่สุด สุดท้ายก็ออกมาเป็นวิธีนี้

ไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าเมืองน้ำหมายถึงอะไร ร้อยเอกเองด้วย แต่ถ้ากดเข้าไปอ่านคอมเมนต์ใต้โพสต์ล่าสุดในแฟนเพจ โพสต์ที่พูดถึงเรื่องที่คาดไม่ถึง เลือกให้เฟซบุ๊กแสดงผลความคิดเห็นยอดนิยม แล้วไล่ลงไปเรื่อยๆ ก็จะเจอบัญชีที่ใช้ชื่อโปรไฟล์แปลกๆ

“ถึงคู่กัดที่ไม่คาดฝันว่าจะรักคุณ...”

ใช่ อันนี้แหละ บัญชีที่เมืองน้ำสมัครไว้

“ร้อยลองอ่านดูสิ”

ขอให้ฟีดแบ็กจากร้อยเอกออกมาดีด้วยเถอะนะ



ถึงคู่กัดที่ไม่คาดฝันว่าจะรักคุณ
1 วันที่แล้ว, แสดงความรู้สึก 1,246 คน

’อะไรที่คาดไม่ถึงเหรอเมืองน้ำ ถึงกับต้องสมัครเฟซใหม่มาเมนต์เลย

อืม...อะไรดีล่ะ ที่จริงช่วงหลายเดือนมานี้ มีเรื่องที่เราไม่คิดว่าจะเกิดหลายเรื่องเลยล่ะ

หนึ่งคือเรื่องครอบครัว อยู่ๆ เราก็พบว่าพ่อแม่หมดรักกันนานแล้ว

ที่ผ่านมา พวกท่านแกล้งดีต่อกันเพื่อให้เราสบายใจ

เราคิดว่าเราโตแล้วนะ แต่เอาเข้าจริง พอเจอเรื่องนี้เราไปไม่เป็นเลย

เราโคตรเด็กน้อย

เราทำใจไม่ได้ที่พ่อแม่ต้องเลิกกัน คิดว่าตัวเองจะเป็นตัวเชื่อมให้พ่อแม่กลับมาคืนดี

แต่ไม่สำเร็จ พ่อมีแฟนใหม่ แถมยังบังคับให้เราเลือกอยู่กับพ่อ บังคับโดยการทำให้เรากับแม่ลำบาก

เราคิดว่าโลกนี้แย่มาก มืดบอดไปหมด แต่ก็ต้องเก็บซ่อนทุกอย่างไว้

ต่อหน้าทุกคน เราเป็นคนเข้มแข็งคนหนึ่ง ใช่ เราเคยเข้มแข็ง เราไม่ชอบน้ำตา เกลียดความเสียใจทุกชนิด แต่เราก็หลีกเลี่ยงความเสียใจไม่ได้เลย

มันมีนะ บางมุมที่เราคิดว่าผ่านไปไม่ได้ มันยาก เราไม่เคยเจอคำว่า ‘ปัญหา’ ในครอบครัว

ชีวิตเรานี่โคตรเพอร์เฟกต์เลยอ่ะ มีแต่คนชื่นชม ทำอะไรก็ดีไปหมด จู่ๆ จะมาดิ่งลงเหวได้ไง มันไม่ใช่

แต่จริงๆ แล้ว เราเป็นคนธรรมดา และทุกๆ คนก็ต้องเจอปัญหาเหมือนกันทั้งนั้น

จู่ๆ ฟ้าก็ส่งใครไม่รู้มาในชีวิต

อืม...ไม่เรียกว่าจู่ๆ หรอกมั้ง เรากับเขารู้จักกันมานานมากแล้ว สามปีแน่ะ รวมตอนนี้ด้วยก็เกือบสี่

เขาอายุน้อยกว่าเราหนึ่งปี เป็นเด็กผู้ชาย ตัวสูงมาก หน้าตาดี ชอบเล่นเกม เรียนเก่ง รักต้นไม้ รักธรรมชาติ แต่ปากโคตรจัด เหมือนเลี้ยงหมาไว้ในปาก

คนคนนี้แม่งธรรมดากว่าเราอีกอ่ะ ใช้ชีวิตง่ายๆ ไม่ต้องแคร์สายตาใคร

ไม่เหมือนเรา ที่ต้องแคร์ภาพลักษณ์เสมอ

เขาเรียกเราว่ามารร้าย เพราะเวลาเราอยู่กับเขา พวกเราเถียงกันตลอด ใครๆ ก็รู้ว่าเราไม่ถูกกัน

เราไม่เคยคิดอะไรกับเขาเลย เวลาโดนด่า เรารู้สึกเฉยๆ ตอบโต้ตลอดด้วยซ้ำ

อยู่มาวันนึง ความรู้สึกของเราเปลี่ยนไป เรารู้สึกเจ็บมากเวลาโดนว่า เราไม่อยากให้เขาเกลียดเรา ไม่ชอบเลย เวลาเขาหน้าหงิกใส่ เวลาเขาไล่ให้เราไปไกลๆ

เราค้นพบว่าหัวใจเรามีเขาตั้งนานแล้ว

เขาเป็นผู้ชายปากร้ายก็จริง แต่ใจดีมาก ความธรรมดาที่เขามี คือความพิเศษสำหรับเรา

เขาเป็นคนที่มีความสุขกับเรื่องง่ายๆ ในชีวิต อย่างเช่นการคุยกับต้นไม้ แม้ต้นไม้จะไม่เคยตอบ

เขาชอบเล่นเกม พอเล่นไม่ผ่าน พอหัวร้อน ก็ซื้อไอเท็มเด็ดๆ มาเล่นใหม่จนกว่าจะชนะ

เขาพาเราไปบ้านปู่ สภาพแวดล้อมที่สงบสุข ห่างไกลความเจริญ สถานที่ที่เราไม่เคยคิดจะไป แต่เมื่อไปแล้ว เรากลับชอบที่นั่นพอๆ กับกรุงเทพฯ

เขาไม่เชื่อเรื่องความพยายามที่คนชอบพูดกันว่ามันไม่เคยทำร้ายใคร เพราะเขาเคยถูกความพยายามทำร้ายมา แต่เขาเชื่อว่าถ้าพยายามจนสุดความสามารถแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมายังไง เราอาจเสียใจ แต่เราจะไม่มีวันเสียดาย

วันที่เราไม่รู้ว่าเราจะพยายามให้พ่อแม่กลับมาคืนดีกันไปทำไม คำพูดของเขาเหมือนอะไรสักอย่างที่ผลักให้เราเดินไปข้างหน้า จากที่หยุดนิ่ง หรืออยากถอยกลับ เราก็จบปัญหาได้ด้วยการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด

เราเสียใจกับผลลัพธ์จริงๆ แต่เราไม่รู้สึกเสียดาย

เราเปลี่ยนให้โลกเป็นอย่างที่ต้องการไม่ได้ แต่เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้

แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี จะยาก จะง่าย แต่สุดท้ายมันจะผ่านไป

เขาทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย ง่ายในแบบที่ตัวเราเองไม่เคยมอง

นี่คือสิ่งดีๆ ที่เขามอบให้เรา


คงเรียกว่าสิ่งที่คาดไม่ถึงสำหรับเราล่ะมั้ง


เรา...โคตรแพ้

แพ้ในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะแพ้ได้

แพ้ทุกอย่างที่เป็นเขา


เอาจริงๆ นะ สเป็คของเราไม่ใช่คนแบบเขาเลยสักนิด ตลอดเวลาที่รู้จักกัน เราถึงไม่เคยมองเขามากกว่าน้องข้างบ้าน

แต่วันดีคืนดีก็มารู้สึก มาชอบ มารัก เขาก็พังสเป็คที่เราตั้งไว้หมดเลย

รู้ตัวอีกที คนคนนี้ก็กลายเป็นคนในใจของเราซะแล้ว เป็นอะไรที่ตลกดี


ความสัมพันธ์ของเรากับเขาพัฒนามาไกลมากในระยะเวลาไม่กี่เดือน

ไกลขนาดที่ว่าเพื่อนสนิทของเขาแอบมาถามเราว่าเขาขอเราเป็นแฟนหรือยัง


ไม่รู้สิ หลายๆ ครั้งเขาก็เหมือนจะขอ สุดท้ายก็ไม่พูดออกมาสักที อาจจะเขิน หรือยังไม่อยากขอก็ได้

อ้อ ไม่กี่วันก่อน เพื่อนสนิทคนเดิมบอกเราว่าเขากลัวว่าเราจะปฏิเสธ กลัวเราบอกว่าเร็วเกินไป


ทำไมเขาถึงกลัวล่ะ ไหนบอกจะเต็มที่กับทุกอย่าง ไหนจะเชื่อว่าเราจะไม่ใจร้ายกับเขา

ป๊อดอะไรขนาดนี้คุณ ป๊อดนานขนาดนี้ ไม่กลัวเราเปลี่ยนใจหรือไง


ถ้ามาอ่านก็ขอให้รู้ไว้ด้วยว่ารีบๆ จบทุกสถานนะ และขอเราเป็นแฟนได้แล้ว


รออยู่นะ

คุณคู่กัดเสินเจิ้นของเรา’




สองบรรทัดสุดท้ายทำให้คอมเมนต์นิรนามของเมืองน้ำกลายเป็นความเห็นยอดนิยมภายในวันเดียว มั่นใจว่าร้อยเอกไม่ได้เข้าไปเช็กหรือตามอ่านอะไรในเพจในช่วงนี้ ไม่อย่างนั้นคงเห็นตั้งแต่มันเด้งขึ้นท็อปแล้ว

เกิดความเงียบตั้งแต่คนตัวสูงหาคอมเมนต์เจอ กระทั่งตอนนี้ที่อ่านจบจนหน้าจอดับมืดไปแล้ว ตาคู่คมก็ยังจ้องที่มือของตัวเอง

จับมือร้อยเอก แล้วก็ดึงโทรศัพท์ออกมาดีมั้ย

“ผมไม่ใช่สเป็คพี่เมืองจริงๆ เหรอ”

ไม่ดีกว่า...

“จริง ก็เหมือนที่พี่ไม่ใช่สเป็คร้อยเอกไง”

“ก็ใช่”

เมืองน้ำยังจำได้อยู่เลย สเป็คร้อยเอกคือคนเรียบร้อย ผ้าพับไว้นั่นแหละคือคำจำกัดความ จริงๆ เมืองน้ำตรงข้ามกับคำนั้นนะ ตรงข้ามสุดๆ เลยล่ะ

แต่ก็...

“เป็นแฟนกันนะ”

“…”

“คบกับร้อยนะพี่เมือง”

ขอบคุณที่ตัวเองได้เป็นคนในใจร้อยเอกตอนนี้

“ไม่ป๊อดแล้วเหรอ”

“ก็รออยู่ไม่ใช่เหรอครับ”

จริงด้วย...

“คำตอบของพี่อยู่ในประโยคที่ร้อยพูดไปแล้ว”

“ครับ?”

“เรื่องรักหมดอายุนั่นไง”

ที่ร้อยเอกบอกว่าจะไม่ยอมให้เขากับเมืองน้ำเป็นแบบนั้น หมายถึงไม่ยอมให้รักหมดอายุไปจากเราน่ะเหรอ

เขาไม่รู้เลยว่าคนรอบข้างเชียร์ให้คบกันขนาดนั้น มาวินถึงขั้นไปถามพี่เมืองตรงๆ ว่าเขาขอเป็นแฟนรึยัง ขณะที่เขาเอาแต่คิดว่าจะขอยังไง ยังไม่ถึงเวลา และกลัวคำตอบ

ทั้งที่อีกฝ่ายมีคำตอบให้อยู่แล้ว


“พูดให้ฟังอีกรอบนึงสิ”
“เอาแบบเดิมเลยเหรอ”
“ไม่ต้องเหมือนมากก็ได้ แค่ใจความเดิมก็พอ”


ถ้าจะเอาเหมือนเดิมก็ต้องดึงเมืองน้ำมากอดเป็นอันดับแรก


“ร้อยเอกชอบพี่เมืองมากขึ้นทู้กกกกวัน”


เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้


“เป็นแฟนกับร้อยนะครับ ร้อยจะไม่ยอมให้รักเราหมดอายุเลย”
วางริมฝีปากข้างใบหูนิ่มที่แดงจากความเขินอาย
“ว่าไงพี่เมือง จะเป็นแฟนร้อยมั้ย”
“เป็น...”


กดจูบเข้าอีกหน่อย ให้สีแดงบนหูกระจายสู่พวงแก้ม


“พี่เป็นแฟนร้อยแล้วครับ”
“น่ารักเนอะ”
“น่ารักก็รักพี่เยอะๆ สิ”


แล้วก็เปลี่ยนมาจูบแก้มนุ่มเป็นการตบท้าย


“ก็เนี่ย พี่เมืองเป็นแบบนี้ตลอด น่ารักตลอดเลย”
“น่ารักแล้วทำไมไม่ขอพี่เป็นแฟนตั้งนานแล้ว”
“ล้อเหรอ คนล้อต้องโดนลงโทษนะรู้ป้ะ”
“อะ...อะไรร้อยเอก หยุด ไม่งั้นพี่วิ่งหนีนะ”
“ได้ไง พี่เมืองวิ่งหนีร้อยก็วิ่งตามไม่ได้ดิ ร้อยยังไม่หายเจ็บแผลเลยนะ”
“ไม่รู้ไม่ชี้ ซุ่มซ่ามเองก็ช่วยไม่ได้”


แสบนักนะเมืองน้ำ ทำหน้าตาชวนฟัดอีกแล้ว รอหายเจ็บก่อนเถอะ หนีไม่รอดแน่


แต่ที่เมืองน้ำบอกเขา ก็ใช่เลย รู้แบบนี้ร้อยเอกขอเมืองน้ำเป็นแฟนนานแล้ว
ก็อย่างว่าแหละ ถ้าเก่งเรื่องคนคนนี้ทุกเรื่อง
เมืองน้ำจะเป็นข้อยกเว้นข้อเดียวของเขาเหรอ


หัวใจมันขีดเส้นไว้แล้ว
ร้อยเอกจะเก่งกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คนนี้


นับจากนี้ไป เมืองน้ำจะหมดความรู้สึกกับใครก็ได้ แต่คนคนนั้นต้องไม่ใช่เขา
เตรียมชอบร้อยเอกมากขึ้นทุกวันได้เลย


คุณคู่กัดเสินเจิ้น คนที่เป็นมากกว่าความชอบ


ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันนะครับ

better with you : )





บทส่งท้าย





ร้างกว่าป่าช้า (3)
16:34 น.

101 :
พวกมึง
ถ้าไม่รู้จะเอาเงินไปใช้อะไร
อุดหนุนเสื้อผ้าที่พี่เมืองเป็นพรีเซนเตอร์ได้นะ
ตัวละพันห้า จัดไปคนละสองสามตัว


Marvin :
อีกแล้วเหรอ!
ครั้งที่แล้วก็บอกให้กูซื้อสินค้าโรงเรียนติวของพี่มึง
ปากกาหน้าพี่เมือง สมุดหน้าพี่เมือง ยางลบก็หน้าพี่เมือง
รวยนักรึไง ซื้ออะไรนักหนา


101 :
พอดีว่าต้องช่วยแฟนกูทำมาหากินอ่ะครับ


Marvin :
แฟนเต็มปากเลยนะเพื่อนร้อย
เพื่อนสิงว่าไงครับ @singhaismyname


singhaismyname :
แท็กกูทำเชี่ยไร


Marvin :
อุ้...
คนเพิ่งสึกทำไมหยาบคายจัง


singhaismyname :
สึกนานแล้วไอ้เวร
เป็นเดือนแล้วมะ


Marvin :
สร้างบุญเสร็จแล้วก็สร้างบาปเลยน้า


singhaismyname :
รำคาญ


101 :
#มาวินร้องไห้ทำไม


Marvin :
สัส อย่ารุมกู


singhaismyname :
555555555555555


101 :
อย่าลืมซื้อของที่กูบอก
ถ้าพวกมึงไม่รู้จะเอาเงินไปใช้อะไรน่ะนะ


singhaismyname :
ขอดูก่อนแล้วกันว่าจะซื้อมาใช้อะไร
สเปรย์เซตผมที่ซื้อมาก็ยังใช้ไม่หมด
มันดีอยู่ เลยจะใช้ให้หมดก่อน


101 :
มาว่ะ
สิงหาผู้ไม่เคยประหยัดเงินเลยในชีวิต
บวชครั้งเดียวกลายเป็นคนมัธยัสถ์
พ่อพระของกู


singhaismyname :
คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้
ขนาดมึงที่ย้ำบ่อยๆ ว่าพี่เมืองไม่ใช่สเป็ค
ทุกวันนี้ยังนั่งเปย์ของที่พี่เมืองเป็นพรีเซนเตอร์ได้เลย


Marvin :
#ขยี้โดยไม่มีผงซักฟอก


101 :
กูรักของกูจ้า
เดี๋ยวมึงมีบ้างแล้วจะรู้ว่าทำไมกูถึงต้องเปย์


Marvin :
#เหม็นกลิ่นขิง


singhaismyname :
ไปละ ขี้เกียจคุย
แม่เรียกไปเดินจงกรม


Marvin :
#โกหกเป็นบาป


singhaismyname :
@Marvin #แซะเพื่อนก็เป็นบาป


Marvin :
แงงงงงงงงง T^T


101 :
เพื่อนวินน่าสงสาร
55555555555555555555





ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ
— end —




ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษของยกเว้นเรื่องคุณที่คิดไว้มีอยู่ 2 ชื่อ หนึ่งคือ sds ย่อมาจาก sweety, daisy, sunshine (คนรู้จักช่วยคิด) เป็นสิ่งที่เมืองน้ำชอบ สองคือ better with you ที่เราคิดไว้เอง และคิดว่าประโยคนี้เหมาะกับสิ่งที่เราตั้งใจนำเสนอผ่านเนื้อเรื่องอย่างมาก

ไม่คาดฝันว่าจะรักคุณ และ ดีขึ้นไปพร้อมกับคุณ

ไม่ใช่แค่เมืองน้ำกับร้อยเอกที่จะดีขึ้นไปด้วยกัน ตัวเราเอง ระหว่างที่เขียนเรื่องนี้ ก็ดีขึ้นไปพร้อมๆ กับตัวละครด้วยค่ะ เมื่อก่อนเราอัพนิยายช้ามาก จัดระเบียบในตัวเองไม่ค่อยได้ ตอนที่เขียนนิยายเรื่องเก่าจบ เราตั้งใจไว้เลยว่าเรื่องต่อไปจะขยันให้มากขึ้น จะไม่ปล่อยให้คนอ่านรอนานเหมือนเรื่องก่อนๆ ไม่ว่าฟีดแบ็กจะออกมายังไง มากหรือน้อย เราก็จะขยันอัพนิยายให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ

เดิมทีพล็อตยกเว้นเรื่องคุณเป็นเรื่องเกี่ยวกับเน็ตไอดอลกับเด็กแว้น ใช่ค่ะ พระเอกเป็นเด็กแว้น 5555 แต่เปลี่ยนไปปรับมา ก็ออกมาเป็นร้อยเอกและเมืองน้ำในตอนนี้

หลายๆ ฉากที่คิดไว้ก็ไม่ได้ใช้ ด้วยอารมณ์และเหตุการณ์ในเรื่องที่คิดว่าไม่ใส่เข้าไปดีกว่า โดนตัดทิ้งเยอะเลยค่ะ ตอนแรกมีฉาก nc แต่ก็ตัดใจให้ไม่มี ความรุนแรงในครอบครัวเมืองน้ำ จากที่เป็นเหตุการณ์โดยเราเล่าตามลำดับ ก็ให้เมืองน้ำเล่าให้ร้อยเอกฟัง คิดว่าถ้าใส่ฉากครอบครัวทะเลาะกันแรงๆ มา จะหลุดความฟีลกู้ดพอสมควรค่ะ

เราสร้างเมืองน้ำให้มีความเข้มแข็ง ดูเหมือนเก่งแต่จริงๆ แล้วซ่อนอะไรไว้มากมาย และเราก็สร้างให้ร้อยเอกเป็นคนปากร้าย แต่ลึกๆ แล้วเป็นคนใจดีมาก เป็นห่วงเมืองน้ำตลอด

เราอยากให้พระเอกเป็นคนที่เก่ง หล่อ แต่มีมุมกากๆ แต่ทุกอย่างในตัวร้อยเอกจะเติมเต็มในสิ่งที่เมืองน้ำขาดหายได้เสมอ

เราอยากให้เรื่องนี้เป็นโรแมนติกคอมเมดี้ เพราะเราไม่ค่อยได้เขียนแนวนี้เท่าไหร่ เรียกว่าไม่ถนัดเลยก็ได้


และเป็นครั้งแรกที่ได้ลงนิยายเรื่องยาวในเล้าเป็ดจนจบ ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามยกเว้นเรื่องคุณ ขอให้มีความสุขกับการอ่านนิยายของเรา เราเองก็มีความสุขเสมอเลยค่ะ


ฝากเอ็นดูเด็กๆ ของเราไปเรื่อยๆ นะคะ ❤︎



ช่วง #ร้อยเมืองชวนฟังเพลง
ไม่ธรรมดา - มุก วรนิษฐ์
ลิงก์ : https://youtu.be/w5qOoL6wx2A (https://youtu.be/w5qOoL6wx2A)


ด้วยความรักและความตั้งใจ
ป๊อป ❤︎



page : errorpop author
twitt : @erp_up
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Ch.20 ☆ รักที่ไม่คาดฝัน (4/12/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-12-2018 19:34:59
 :กอด1: รักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Ch.20 ☆ รักที่ไม่คาดฝัน (4/12/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-12-2018 02:20:45
เป็นคู่ที่น่ารักมากๆ เลย
better with you จริงๆน่ะแหละ TT
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Ch.20 ☆ รักที่ไม่คาดฝัน (4/12/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-12-2018 10:19:51
ชอบร้อยเมืองจริง ๆ เลย
น้องสิบด้วย เด็กอัลลัยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Ch.20 ☆ รักที่ไม่คาดฝัน (4/12/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 07-12-2018 18:18:42
ขอบคุณค่ะ อ่านไปก็สงสารเมืองน้ำไป
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Ch.20 ☆ รักที่ไม่คาดฝัน (4/12/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 08-12-2018 04:20:54
เราว่ารักษ์ควรได้บทเรียนมากกว่านี้นะคือมันแบบไม่ได้สำนึกใดๆเลยอ่ะจริงๆเรื่องแบบนี้ต้องถึงตำรวจด้วยซ้ำอะไรคือนางยังได้เงินไปเฉยแย่อ่ะแบบนี้ นางอาจจะทำกับคนต่อๆไปอีกที่ตกเป็นเหยื่อได้เลยถ้าในชีวิตจริงเนี่ยพวกแบบนี้ต้องให้รับโทษให้เข็ดรู้สึกไม่สะใจแบบอิหยังวะะะะะะะะ 55555555555 เราอินเกินนนนน
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Ch.20 ☆ รักที่ไม่คาดฝัน (4/12/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2018 01:18:54
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Ch.20 ☆ รักที่ไม่คาดฝัน (4/12/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 10-12-2018 19:16:15
อ่านมาหลายวัน จนจบ เราชอบความสัมพันธ์ของร้อยเอกกับพี่เมืองที่ค่อย ๆ ปลูกฝังความรู้สึกกันเรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ จนความรักเติบโต มอบแต่สิ่งดี ๆ ให้กัน
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Ch.20 ☆ รักที่ไม่คาดฝัน (4/12/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 15-12-2018 20:09:57
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Ch.20 ☆ รักที่ไม่คาดฝัน (4/12/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-12-2018 21:13:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Ch.20 ☆ รักที่ไม่คาดฝัน (4/12/18) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 16-12-2018 13:49:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Special ☆ ขอจุ๊บหน่อย (4/1/19) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 04-01-2019 14:06:20
Special
ขอจุ๊บหน่อย




ร้อยเอกควรได้ตำแหน่งแฟนที่ดีที่สุด

ยอมรับว่าประโยคนี้เต็มไปด้วยความลำเอียง อวยแฟนเหรอ ใช่สิ ไม่อวยแฟนแล้วจะให้ไปอวยใครล่ะ

ต้องมีคนสงสัยแน่ๆ ว่าเมืองน้ำเป็นบ้าหรือเปล่า นั่งยิ้มคนเดียวทั้งที่บทละครที่ถืออยู่เป็นบทเศร้าเคล้าน้ำตา เนื้อหาในบทละครปึกนี้น่ะ ทั้งตีความ ทำความเข้าใจตัวละคร ทั้งลองต่อบทด้วยตัวเองจนจำได้ทุกบรรทัดแล้ว เพราะงั้นเมืองน้ำไม่ได้บ้าสักหน่อยนะ

ชีวิตของนักศึกษาฝึกงานเป็นชีวิตที่ที่เหนื่อยมาก ตั้งแต่เช้าถึงห้าโมงเย็น เป็นเวลาที่ต้องแปลเอกสารทั้งวัน ไทยเป็นอังกฤษ อังกฤษเป็นไทย ซ้ำๆ วนๆ จนรู้สึกเวียนหัว หลังจากนั้นเมืองน้ำจะได้พักประมาณหนึ่งชั่วโมง หกโมงเย็นถึงสามทุ่มต้องขึ้นไปเรียนการแสดงพร้อมนักแสดงคนอื่นที่ได้เล่นซีรีส์เรื่องเดียวกัน กว่าจะเสร็จ กว่าจะกลับถึงบ้าน บางวันเผลอหลับบนรถร้อยเอกก็มี

มันเหนื่อยมากจริงๆ

ถึงจะเหนื่อย แต่ผลลัพธ์ที่จะตามมา เมืองน้ำก็คิดว่าผลที่ได้จะคุ้มกับความตั้งใจและทุ่มเทในตอนนี้ล่ะนะ

ร้อยเอกกลายเป็นรุ่นพี่ที่มีรุ่นน้องชื่นชมมากมายจากงานกลุ่มที่ทำร่วมกับเพื่อนในเทอมที่แล้ว ในสายตาคนอื่นคงเท่แบบสุดๆ แต่ยังไงน้องเอกก็คือน้องเอก ยังเป็นเด็กที่มักจะส่งข้อความออดอ้อน อยากเข้ามานั่งให้ห้องเรียนการแสดงด้วยทั้งที่เข้าไม่ได้ ส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้มาเป็นสิบ ตบท้ายด้วยข้อความดีๆ ที่เป็นกำลังใจให้กันในทุกๆ วัน

เห็นห้าวๆ แบบนี้ ร้อยเอกเคยเซลฟี่หน้าตัวเองส่งมาให้เมืองน้ำด้วยแหละ ไม่รู้ว่าตอนนั้นอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ก็เป็นอะไรที่น่ารัก

ใช่ น้องเอกของเมืองน้ำน่ารักมาก

เมืองน้ำไม่กล้าไปเล่าให้คนอื่นฟังเลย ขืนเล่าออกไป เจ้าตัวคงโดนแซวไม่หยุด เรื่องนี้ถึงหูมาวินไม่ได้เลยนะ ชิปเปอร์ร้อยเมืองหนึ่งเดียวและตลอดกาลรายนั้นน่ะ ชงเก่งกว่าบาริสต้าอีก

‘เสร็จแล้วโทรมาด้วย ผมจะเล่นเกมรอในห้องทำงานพ่อ’

‘ทำไมพ่อไม่ให้ร้อยเข้าไปนั่งดูอ่ะ ผมเศร้า TT’

งอแงรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ แถมังมีอีโมติค่อนร้องไห้แนบมาด้วย

ร้อยเอกส่งมาตั้งแต่ช่วงเย็น นึกถึงทีไรก็อยากหยิกผิวขาวๆ ของเจ้าตัวทุกที มีแฟนเทียวรับเทียวส่ง มานั่งรอนอนรอเพื่อกลับบ้านพร้อมกันมันดีอย่างนี้นี่เอง

ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่าเมืองน้ำกำลังยิ้มเพราะเรื่องอะไร


m.nam ☆° :
เสร็จแล้วครับน้องเอก
พี่เมืองกำลังเก็บของ
อยู่ที่ห้องคุณลุงเหมือนเดิมมั้ย
เดี๋ยวพี่ขึ้นไป


101 :
โกรธที่เรียกน้องเอกได้ป้ะ


m.nam ☆° :
จะโกรธจริงเหรอ


101 :
ไม่ต้องมาทำเป็นถาม


m.nam ☆° :
ไม่ได้ทำเป็น พี่ถามจริงๆ นะ
จะโกรธจริงๆ เหรอครับ น้องเอกของพี่เมือง


101 :
ไม่จริง!


m.nam ☆° :
55555555555
น่ารักจุมมมมม
อยากเจอร้อยละ
ขอพี่เก็บของก่อนเนอะ
❤︎

101 :
พิมพ์หัวใจมางี้ ผมใจเต้นเลยนะ


m.nam ☆° :
ปกติหัวใจคนเราก็เต้นอยู่แล้ว
เพราะถ้าใจไม่เต้นก็คือ...
ไม่เล่นดีกว่า กลัวไม่ฮา


101 :
อะไรของพี่เมืองอ่ะ


เกิดรอยยิ้มเล็กๆ บนริมฝีปากจิ้มลิ้ม เมืองน้ำวางโทรศัพท์ลงบนหน้าตัก เก็บบทละครและข้าวของอื่นๆ ใส่กระเป๋าสะพาย โดยไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่เพื่อโพสต์รูปที่ถ่ายเก็บไว้ในแฟนเพจ

วันนี้ไม่มีงานที่ต้องนำกลับไปเคลียร์ต่อที่บ้าน ที่จริง...ตั้งแต่ฝึกงาน นานๆ ครั้งถึงจะมีสักที ไม่ต้องทำงานหนักจนนอนน้อยแบบเมื่อก่อนแล้ว มีร้อยเอกคอยเตือนเรื่องเวลานอน รวมทั้งเรื่องอื่น ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนกันหรือเปล่า แต่ชีวิตนักศึกษาฝึกงานของเมืองน้ำ มีความสุขสุดๆ เลย

ส่วนร้อยเอก แม้หลายสิ่งหลายอย่างจะเปลี่ยนไป แต่คนคนนี้ก็ยังใช้ชีวิตในรูปแบบของตัวเอง โดยเฉพาะตั้งใจเรียนเพื่อรักษามาตรฐาน พนันได้เลยว่าเจ้าตัวต้องได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาครอบครอง

นอกจากเรื่องเรียนแล้ว ร้อยเอกยังจริงจังเรื่องเล่นเกมไม่เปลี่ยน แต่ก็แบ่งเวลามาอยู่กับเมืองน้ำมากขึ้น บางครั้งก็หอบเกมมาเล่นที่บ้านเมืองน้ำ จนถูกคนในบ้านแซวอยู่บ่อยๆ ว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันให้จบๆ ไปเลยดีมั้ย

นึกถึงเรื่องนี้แล้วขำทุกที

เพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือนเอง ถึงไม่ย้าย บ้านเมืองน้ำก็เหมือนเป็นบ้านหลังที่สองของร้อยเอกอยู่ดีนั่นแหละ


101 :
วันนี้ไม่ต้องรีบกลับนะครับ
ครูงิ้วปล่อยเร็วใช่มั้ย ผมเห็นครูขึ้นมาคุยกับพ่อ
พ่ออยากกินข้าวกับพี่เมือง
ไปกินข้าวเย็นด้วยกัน


หนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้การฝึกงานเต็มไปด้วยความสุขคือรอบตัวมีแต่คนดีๆ พ่อร้อยเอกดีกับเมืองน้ำมาก เวลาอยู่บ้าน ท่านเป็นคุณลุงที่ใช้ชีวิตอยู่ในสวนหน้าบ้าน ชมนกชมไม้ นอนเล่นรับลมธรรมชาติ อยู่ที่นี่เป็นบอสใหญ่ที่น่าเคารพนับถือ คุณลุงกำชับเสมอว่าให้ตั้งใจ อย่าทำให้คนที่รอดูผลงานของเราผิดหวัง

ทุกคนที่เรียนการแสดงด้วยกันก็เลยตั้งใจกับตรงนี้มาก บางวันโดนชม บางวันโดนติ ได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง ถือเป็นเรื่องปกติในชีวิตไปแล้ว


m.nam ☆° :
โอเคได้เลยยย
เจอกันนะ


101 :
ครับ ❤︎


ไม่ใช่ร้อยเอกคนเดียวที่ใจเต้นเวลาเห็นหัวใจในข้อความที่เราคุยกันหรอกนะ เมืองน้ำก็เหมือนกัน

เป็นคู่กัดที่ทำให้หวั่นไหวได้เสมอ แล้วก็เป็นคนรักที่ทำให้รักมากขึ้นทุกวัน

สงสัยใช่มั้ยว่าทำไมยังเป็นคู่กัดกันอยู่ ก็เคยสลัดคำนี้ออกจากความสัมพันธ์ของเราสองคนแล้ว แต่ทำไม่ได้สักที หยุดได้จริงๆ ก็มีแค่สถานะพี่น้องที่เคยทดลองแค่อย่างเดียวนั่นแหละ



(⺣◡⺣)♡*



เมืองน้ำได้ร่วมทานอาหารกับพ่อของร้อยเอกไม่บ่อยนัก คุณลุงงานยุ่ง เวลาของเราก็ไม่ค่อยตรงกัน แต่ถ้าวันไหนมีโอกาส ทั้งคุณลุง ร้อยเอก และตัวเมืองน้ำเอง ก็จะสั่งข้าวจากโรงอาหารใต้ตึกบริษัทขึ้นมาทานด้วยกัน

เพราะเราเจอกันหลังร้านในโรงอาหารปิดทำการกันหมดแล้ว ร้อยเอกจึงรับหน้าที่เป็นสารถี ขับรถวนรอบเมือง หาร้านอาหารดีๆ สักร้านสำหรับมื้อดึกวันนี้

แม่เคยบอกบ่อยๆ ว่าการพูดคุยระหว่างทานข้าวจะทำให้ดูเป็นคนพูดมาก และถ้าร้องเพลงระหว่างที่ยังกินข้าวไม่หมดก็จะทำให้มีแฟนแก่ เมืองน้ำเคยเชื่ออย่างนั้น แต่พอโตขึ้น คำสอนแบบนี้ก็เลือนหายไปตามกาลเวลา และได้รู้ว่าบทสนทนาดีๆ มักเกิดขึ้นในเวลานี้เสมอ

“ครั้งหน้าถ้าไปเที่ยวบ้านปู่อีก ชวนแม่เมืองไปด้วยสิ ไปพร้อมลุงกับป้าตอนปีใหม่ก็ได้นะ”

เราสั่งอาหารและเครื่องดื่มมาคนละชุด ที่นี่เป็นเหมือนสวรรค์เล็กๆ สำหรับมนุษย์กลางคืน มีวงดนตรีเล่นเพลงเพราะๆ อย่างต่อเนื่องอยู่ตรงเวทีด้านในสุด มีบาร์เทนเดอร์คอยชงแอลกอฮอล์ตรงเคาน์เตอร์ที่ห่างจากตรงนี้ไม่มากมายนัก คิดว่าหลังเที่ยงคืนไปแล้ว ลูกค้าจะเยอะพอสมควรเลย

“เมืองจะลองชวนแม่ดูนะครับ ปีใหม่นี้ไม่รู้จะหยุดหรือเปล่า แม่ต้องบินตลอดเลย”

คนฟังระบายยิ้มให้ ขณะที่มือก็หยิบแก้วเบียร์ขึ้นมาจิบ ทีแรกก็สงสัยว่าทำไมคุณลุงถึงดื่มเยอะเป็นพิเศษ แก้วนี้ที่จิบอยู่นี่ปาไปแก้วที่สี่แล้ว พอนึกแบบนี้ คำตอบก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพราะไม่ต้องขับรถเอง มีลูกชายสุดหล่อรับหน้าที่ดูแลทุกคนอยู่นี่ไง

“ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะเมือง ลองชวนดูก่อน ลุงไม่บังคับ”

“ครับ เมืองจะลองชวนดู ได้เรื่องยังไงเดี๋ยวเมืองบอกอีกทีนะครับ”

“จ้า”

ชอบคำว่า ‘จ้า’ ชะมัด ได้ฟีลเหมือนคุยกับคนในบ้านจริงๆ เลย

จะว่าไป...คุณลุงก็ถือเป็นญาติผู้ใหญ่ที่เมืองน้ำเคารพมากๆ คนหนึ่งนี่นะ

“เอาเบียร์เพิ่มมั้ยน้องเอก พ่อจะไปสั่งให้”

“จะสั่งเพิ่มอีกแล้วเหรอครับ พ่อดื่มเยอะแล้วนะ”

“มีปัญหากับพ่อเหรอ”

“เปล๊า ใครจะกล้ามี”

“ดีมาก”

เมืองน้ำอมยิ้มทุกครั้งที่ได้ยินคำว่าน้องเอกจากคนที่ไม่ทำให้ร้อยขมวดคิ้วใส่ อย่างเช่นคุณลุงที่คงเรียกแบบนี้มาตั้งแต่ลูกชายยังตัวน้อยๆ

ร้อยเอกเอาแต่จัดการกับเนื้อย่างชุดใหญ่ในจาน ไม่พูดอะไรหากไม่โดนกล่าวถึง ได้ตำแหน่งคนที่เงียบที่สุดในเวลานี้ไปโดยปริยาย แต่ก็เข้าใจนะ เห็นว่ายังไม่ได้กินอะไรรองท้องมาเลย ตลอดเวลาที่รอเมืองน้ำอยู่ในห้องทำงานของพ่อก็มีแค่น้ำเปล่า

“น่ารักเนอะ” เมืองน้ำพูดขึ้นเมื่อผู้ใหญ่ใจดีลุกจากโต๊ะไปแล้ว คนฝั่งตรงข้ามละสายตาจากอาหาร มองกลับมาอย่างสงสัย ผงะเล็กน้อยเมื่อมือเนียนหยิบทิชชูขึ้นมาซับความมันบริเวณมุมปาก “กินเลอะเป็นเด็กเลยอ่ะร้อย”

“ชมใครอ่ะเมื่อกี้”

“ก็พี่นั่งอยู่กับใครล่ะ”

“กับผม”

“อยู่กับร้อยก็ต้องชมร้อยไง”

“จะไปรู้เหรอ นึกว่าชมนักดนตรีบนเวที”

“พี่จะไปชมเขาทำไม ชมร้อยดีกว่า ร้อยน่ารักกว่าตั้งเยอะ”

เมืองน้ำตั้งใจชักมือกลับ ทว่าอีกคนกลับจับมือไว้ ทำให้ต้องออกแรงดึงเพื่อให้หลุดจากการจับกุม แน่นอน ร้อยเอกไม่ยอม ซ้ำยังแกล้งต่อด้วยการจุ๊บเบาๆ บนหลังมือ

เพียะ!

“โอ๊ย!”

ร้อยเอกนี่นะ คุยดีๆ ไม่ชอบ ชอบยั่วโมโหให้ตัวเองโดนตีอยู่เรื่อยๆ แล้วดูสิ พอเมืองน้ำใช้มืออีกข้างตีไหล่หนาแรงๆ คนที่ยอมปล่อยมือก็ทำสีหน้าโอเว่อร์แบบสุดๆ

“ไม่เจ็บขนาดนั้นสักหน่อย หยุดทำหน้าเศร้าเลยนะ”

“ไม่เจ็บขนาดนั้นแต่ก็เจ็บ ไหล่ผมหักแล้วมั้งเนี่ย ต้องไปโรงพยาบาลก่อนกลับบ้านละ”

“ไอ้เว่อร์”

“ถึงเว่อร์ก็รักเธอนะ”

“ประสาท!”

“โดนด่าไปอีก ไม่ไหวๆ นั่งคนละฝั่งยังตีผมได้อ่ะ แขนก็สั้นนิดเดียว ผมเจ็บนะ”

“ก็ตีให้เจ็บไง อย่ามาทำทะลึ่งในร้านอาหารนะร้อย คนอื่นก็อยู่เห็นมั้ย”

ทำหน้าเฉไฉไม่รู้ไม่ชี้ สงสัยร้อยเอกอยากโดนตีอีกแน่ๆ

“ก็พี่เมืองมือห๊อมหอม ผมอดใจไม่ไหว”

“ถ้าไม่หยุดจะไปนั่งโต๊ะอื่นแล้ว”

ร้อยเอกหัวเราะในลำคอ จับมือและมีดขึ้นมาจัดการกับเนื้อในจานต่อ

“หยอกๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ กินต่อแล้วครับ”

“เฮอะ”

“แน่ะ โดนงอนอีกแล้ว”

“มันน่ามั้ยล่ะ”

“ไม่เถียง เพราะเถียงไม่ออก ยอมแล้วครับที่รัก”

เกลียดอะไรแบบนี้ เกลียดมากๆ ทำไมต้องพูดคำหวานเลี่ยนทั้งที่ปกติก็ไม่ค่อยพูด บทจะทำให้เมืองน้ำเขินจนอยากมุดแผ่นดินหนีก็กลายเป็นผู้ชายโรแมนติกขึ้นมาดื้อๆ หมั่นไส้ อยากตีซ้ำๆ ให้ไหล่หักของจริงไปเลย

“ลุงสั่งเบียร์มาให้เมืองด้วยนะลูก เครื่องดื่มอย่างอื่นอีก เลยต้องรอแป๊บนึง เดี๋ยวพนักงานเอามาเสิร์ฟ”

เมืองน้ำปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเจ้าของเสียงแหบทุ้มเดินกลับมานั่งที่เดิม ทว่ายังรู้สึกได้ถึงไอร้อนๆ บนแก้ม

“ขอบคุณครับคุณลุง เมืองจะดื่มให้เต็มท้องไปเลย”

ที่บอกไปว่าเกลียด แท้จริงแล้วช่างตรงกันข้าม

ป่านนี้แก้มคงแดงจนสังเกตได้ ไม่อย่างนั้นร้อยเอกคงไม่แอบยิ้มอย่างนี้หรอก

โดนกวนประสาททุกวัน ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพราะแบบนี้ เมืองน้ำถึงย้ำเสมอว่าสลัดคำว่าคู่กัดออกจากความสัมพันธ์ของเราไม่ได้สักที

เห็นทีคงจะอยู่กับคำคำนี้ไปจนวันสุดท้ายเลยล่ะ



(⺣◡⺣)♡*



ร้อยเอกนำเงินใส่ซองผ้าป่าที่ได้รับจากน้ายามหน้าหมู่บ้าน ซองละหนึ่งพันบาท เขียนหน้าซองเป็นครอบครัวของเขาและครอบครัวเมืองน้ำนามสกุลละหนึ่งซอง จากนั้นก็นำไปวางบนโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยกระดาษโน้ต

มีแต่งานที่ต้องทำ

เมืองน้ำน่ะ...เป็นคนที่ทำแต่งานตลอดเลยแฮะ

เขานอนอยู่บนเตียง มองคนตัวเล็กในชุดนอนที่เดินไปเดินมาเพื่อหารีโมทเครื่องปรับอากาศ เห็นทุกการเคลื่อนไหว และท่าทางเล็กๆ น้อยๆ ตอนดีใจที่หาของเจอก็ตรึงเขาไว้เหมือนโดนเวทมนตร์

ละสายตาไปมองทางอื่นไม่ได้เลย เพราะมองทางไหนก็ไม่มีความสุขเท่ามองเมืองน้ำหรอก

“พี่ปิดไฟนอนเลยนะ”

“ครับ”

ร้อยเอกตอบเสียงนุ่ม เปลี่ยนจากนั่งเอนตัวพิงหัวเตียงเป็นวางศีรษะบนหมอนใบนุ่ม วันไหนที่มีโอกาส อย่างเช่นวันนี้ที่ไม่มีงานต้องเคลียร์ ไม่มีเกมต้องแข่ง แถมสิบเอกยังมีทั้งพ่อและแม่คอยอยู่เป็นเพื่อนน้อง เขาก็จะขอมานอนที่ห้องเมืองน้ำ

ตั้งแต่กลับมาถึง เจ้าของห้องก็จดจ่ออยู่กับงานลงภาพสินค้าในแฟนเพจ ไล่อ่านอีเมลเพื่อดูว่ามีงานไหนที่รับทำได้ในช่วงนี้ เพิ่งจะหยุดและลุกไปอาบน้ำก็ตอนที่เขาไลน์มาบอกว่ากำลังจะมาเมื่อชั่วโมงที่แล้วนี่เอง

“พรุ่งนี้ต้องตื่นกี่โมงครับ”

“เวลาเดิมเลย”

“ตีห้าเนอะ ผมจะได้ตั้งปลุกไว้ให้”

“ขอบคุณครับน้องเอก”

“เรียกน้องอีกแล้วนะ”

ไฟห้องนอนถูกปิดไปแล้ว เหลือแค่แสงสีนวลจากโคมไฟ ถึงอย่างนั้นก็เห็นชัดว่าเมืองน้ำกำลังยิ้ม แก้มเนียนกลมป่องกับได้แกล้งเขา ชวนมันเขี้ยวเป็นบ้า

“จะยืนยิ้มอีกนานป้ะ ขึ้นมานอนดิ”

คนถูกเรียกไม่รอช้า เคลื่อนตัวขึ้นมาบนเตียงแล้วล้มกายนอนในที่ของตัวเอง ก่อนลุกไปหารีโมท เมืองน้ำนอนหนุนแขนของเขา เปิดบทสนทนาด้วยเรื่องทั่วไป เราหัวเราะกับเรื่องง่ายๆ ทุกครั้งที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน วินาทีนี้ที่คนตัวเล็กนอนอยู่ในอ้อมกอดเขาอีกรอบ ร้อยเอกก็อยากจะยิ้มด้วยเรื่องธรรมดากับเมืองน้ำดังเช่นทุกครั้ง

ร้อยเอกชอบความสัมพันธ์แบบนี้ที่สุด

เรื่อยๆ เรียบๆ แต่สร้างความผูกพันได้อย่างลึกซึ้ง

“อยากให้พี่เมืองฝึกงานเสร็จเร็วๆ จัง”

“หืม? ทำไมครับ”

“อยากมีเวลาอยู่กับพี่เมืองเยอะๆ”

“แต่พี่เพิ่งฝึกงานได้แค่เดือนเดียวเองนะร้อย ยังไม่ค่อยเป็นงานเลย”

“ไม่จริงหรอก ที่บอกว่าไม่เป็นงานอ่ะ พ่อบอกว่าคนในแผนกชมตลอดเลยว่าพี่เมืองเก่งจะตาย นิสัยดีด้วย”

“คือยังไงเนี่ยร้อย กำลังอวยพี่อยู่เหรอ”

“ก็เหมือนที่พี่เมืองชอบอวยผมไง”

เมืองน้ำขำออกมาเบาๆ สบตาคู่เข้มแล้วยิ้มจางๆ เห็นมาวินบอกประจำว่าร้อยเอกเป็นรุ่นพี่สุดเท่ในสายตารุ่นน้อง อยากให้คนอื่นมาเห็นแบบที่เมืองน้ำเห็นชะมัด ยกไปไว้ที่ไหนแล้วนะ ความเท่ที่สั่งสมมา ทำไมถึงใช้แต่ลูกอ้อนกับเมืองน้ำล่ะ

“วันนี้ร้อยต้องกู๊ดไนท์คิสหรือเปล่า”

เวลาร้อยเอกเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น รู้สึกดีเหมือนยืนสัมผัสเกลียวคลื่นริมทะเลเลย

“แล้วแต่ร้อยสิ”

“งั้นจุ๊บร้อยหน่อย ให้ร้อยจุ๊บก่อนตลอดเดี๋ยวพี่เมืองขาดทุน”

“ทำตัวน่ารักอีกแล้ว”

“หรือจะให้ปากหมาตอนนี้ อยากนอนหรืออยากหงุดหงิด เลือกเอานะ”

ยื่นคำขาดแบบนี้ ถึงจะพูดเล่นๆ ก็เถอะ แต่แทบไม่ต้องเลือกเลย ยังไงคำตอบต้องเป็นอยากนอนอยู่แล้ว

มือเล็กเลื่อนขึ้น ทาบลงบนแก้มขาว รู้ว่าร้อยเอกจะไม่หนีไปไหน แต่ก็ทำเหมือนล็อกเพื่อป้องกันการหลบหนี เมืองน้ำชอบเวลารู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ยามที่เราห่างกันเพียงเสี้ยว ที่ชอบที่สุดคงเป็นรสชาติหวานนุ่มราวเนื้อครีมตอนที่ริมฝีปากของเราสัมผัสกัน

เป็นแค่การจุ๊บเบาๆ แต่ควบคุมจังหวะหัวใจไม่ได้

“พี่ก็อยากฝึกงานให้จบไวๆ เหมือนกันนะ” เมืองน้ำผละริมฝีปากออกห่าง และกลับมานอนที่เดิม “อีกไม่นานหรอกเนอะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

“พอเสร็จแล้วก็เริ่มเวิร์กช็อปซีรีส์”

“ใช่ ช่วงนั้นพี่ว่าพี่ว่างกว่าเดิมเยอะเลย นี่ก็รับงานตัดคลิปน้อยลงแล้วนะ เวลานอนพี่เยอะกว่าเดิมมาก”

ร้อยเอกหยุดคิดไปพักหนึ่ง ตอนนี้น่าจะเลยสี่ทุ่มมาแล้วนิดหน่อย เทียบกับเมื่อก่อนที่เมืองน้ำได้นอนวันละห้าชั่วโมง ก็จริงอย่างที่อีกคนพูด

“แล้วช่วงนี้พี่เมืองว่างอีกวันไหนครับ”

“อืม...พุธหน้าพี่ว่าง ไม่มีเรียนการแสดง”

“งั้นไปดูหนังกันมั้ย”

“เอาสิ ดูที่ไหนดี”

“ที่ห้องผม” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน “ดูหนังไป กินป๊อปคอร์นไป ดื่มเป๊ปซี่ไป แล้วก็...”

เด็กทะลึ่งทำน้ำเสียงไม่น่าไว้ใจ เคลื่อนใบหน้าเข้าหาจนอีกคนต้องถอยหนี เมืองน้ำคลายปมบนคิ้ว ทำหน้าเหยเกใส่คนตรงข้าม ก่อนจะผลักอกกว้างแรงๆ เพื่อให้ร้อยเอกถอยไปนอนที่เดิม

“ทะลึ่งตลอดเลย คนอะไรเนี่ย”

“คนแบบร้อยนี่แหละครับ”

คนแบบร้อยเอกคือคนประเภทที่ทำให้รักและหมั่นไส้ในเวลาเดียวกัน และตอนนี้เจ้าตัวก็กำลังทำให้เมืองน้ำรู้สึกแบบนั้นอยู่ล่ะ

“พี่เมือง”

“ครับผม”

แต่ถ้าคิดในแง่ดี ก็ดีแล้วที่ร้อยเอกทะลึ่งกับเมืองน้ำคนเดียว ลองไปพูดหรือทำอะไรสองแง่สองง่ามกับคนอื่นดูสิ จะตามไปพากลับบ้านถึงที่เลย

ไม่ได้หรอก น้องเอกของพี่เมืองทั้งคน ห้ามไปหว่านเสน่ห์ใส่ใครทั้งนั้น

“ถ้าดังแล้วห้ามลืมร้อยนะ”

“อะไรของร้อย”

“ก็เห็นคนพูดคำนี้บ่อยๆ ว่าถ้าดังแล้วห้ามลืมนะ แบบนี้อ่ะ ต่อไปถ้าพี่เมืองเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงแล้วก็ห้ามลืมร้อยนะรู้มั้ย”

“ทำไมร้อยชอบคิดเล็กคิดน้อยจังอ่ะ”

“เปล่านะ อันนี้จริงจัง”

“พี่ก็จริงจัง ไหนอธิบายมาซิว่าทำไมพี่ต้องลืมร้อย”

“ก็พอดังแล้วงานก็จะเยอะ คนเข้าหาเยอะขึ้น เดี๋ยวก็มีคนมาจีบเยอะขึ้นไปอีก”

“ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนมาจีบสักหน่อย แต่พี่ก็ยังรักร้อยคนเดียว”

“พี่เมือง”

ร้อยเอกตีเสียงเข้ม จะบอกว่าเขินก็เขิน แต่นึกถึงเรื่องเมืองน้ำมีคนมาจีบไม่ขาดสาย ชนิดที่ว่าหัวกระไดไม่เคยแห้งแล้วหงุดหงิดทุกที

ฮอตนัก ฮอตแบบนี้ต้องหวงให้สุด

“พูดคำนั้นอีกที”

“คำไหน”

“คำนั้นอ่ะครับ คำนั้น”

“แล้วคำไหนอ่ะ”

อยากฟัดโว้ย!

รู้ทั้งรู้แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ลักษณะประจำตัวของมารร้ายในตัวเมืองน้ำเลยล่ะ วันไหนอยากปั่นร้อยเอกเล่น ก็จะงัดความร้ายออกมาใช้ทุกที

มาถึงจุดนี้แล้ว ยอมรับตรงๆ เลยว่าร้อยเอกแพ้เมืองน้ำทั้งในยามปกติ ทั้งตอนที่เป็นคู่กัดตัวแสบ

“ร้อยคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้”

ดูความน่ารักของพี่เมืองสิ

“แต่อยากให้รู้ไว้ว่าต่อให้พี่จะดังมากขึ้น หรือดังน้อยลง พี่ก็จะเป็นเหมือนเดิม ไม่ๆ...”

“…”

“พี่จะดีให้มากกว่าเดิม ต้องพูดแบบนี้ต่างหาก”

เป็นแบบนี้ร้อยเอกจะไปไหนรอด

เจอดารามาก็เยอะ เด็กในสังกัดของพ่อมีตั้งกี่คน แต่เขาไม่รู้หรอกว่าชีวิตดาราจริงๆ มันเป็นยังไง ถ้าเรียนจบ และเข้าสู่วงการบันเทิงเต็มตัว เขากับเมืองน้ำจะห่างกันมากขึ้นหรือเปล่า

ตั้งแต่พี่เมืองฝึกงาน เจอกันน้อยลงก็จริง แต่ก็ไม่ห่างเหินขนาดนั้น เรายังคุยกันทุกวัน น้อยบ้าง มากบ้าง แล้วแต่โอกาส สำหรับความสัมพันธ์ที่ดีมากๆ ในตอนนี้ ร้อยเอกไม่กลัวเลยว่าใครคนใดคนหนึ่งจะเปลี่ยนใจ สิ่งที่เขาคิดอยู่เสมอคือทำยังไงให้เรายังรักกันแม้จะเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ

“พี่เมืองรักน้องเอกคนเดียว รักจริงๆ นะ รักมาก รักที่สุดแล้วเนี่ย”

“รักพี่เมืองมากๆ เหมือนกันครับ ขอจุ๊บหน่อย”

“อะไร มาจุ๊บอะไรอีก พอแล้ว พี่ง่วงนะ”

เคยอ่านเจอมาว่าเมื่อถึงเวลาหนึ่งคู่รักทุกคู่จะถึงจุดอิ่มตัว จากที่รักก็เหลือเพียงความผูกพัน มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย อย่างเช่นพ่อแม่ของเมืองน้ำ แต่คู่รักที่ยังรักกันไม่เปลี่ยน มากขึ้นในทุกๆ วันก็ยังมีให้เห็น แน่นอน ปู่กับย่า พ่อกับแม่ของเขาก็จัดอยู่ประเภทนี้

เขาเองก็อยากรักพี่เมืองให้เหมือนที่เห็นจากครอบครัวมาตลอด

“ก็ร้อยรักพี่เมืองอ่ะ รักแล้วขอจุ๊บไม่ได้หรอก นะๆ ขอจุ๊บหน่อย น้องสิบไม่เห็นหรอก”

“เกี่ยวอะไรกันอ่ะร้อย แล้วก็นะ เลี่ยนมาก ทำไมเราถึงอยู่โหมดนี้กันได้เนี่ย”

“ตลกหน้าพี่เมืองอ่ะ สงสัยจะเลี่ยนจริงๆ”

“อึ๋ยยย”

“เว่อร์ละอันนี้”

“อึ๊ยยย”

“พี่เมืองงงง”

“ฮ่าๆ”

มั่นใจมากว่าจะไม่มีทางรักเมืองน้ำน้อยลง

จะบอกว่าเขามั่นใจเกินไปก็ได้ แต่เรื่องนี้ ชัวร์ยิ่งกว่าตอนทำข้อสอบไฟนอลอีก

พูดจริงๆ ไม่ได้โม้ เขาน่ะรักพี่เมืองที่สุดแล้ว ❤️



(⺣◡⺣)♡*
- end special -
#ร้อยเมือง



สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้ปีนี้เป็นปีที่มีความสุขมากๆ นะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านน้า ❤︎
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Special ☆ ขอจุ๊บหน่อย (4/1/19) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 05-01-2019 04:24:06
 :L2: ละมุนหัวใจ
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Special ☆ ขอจุ๊บหน่อย (4/1/19) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: praewypn ที่ 20-04-2019 12:13:30
น้องเอกกับพี่เมืองน่ารักมากๆเลยค่า   :mew1: :-[
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ ⎮Special ☆ ขอจุ๊บหน่อย (4/1/19) ⎮P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ErrorPOP ที่ 22-06-2019 19:17:02
สวัสดีค่ะ ตอนนี้ 'ยกเว้นเรื่องคุณ' เปิดจองรูปเล่มแล้วนะคะ สามารถสั่งซื้อได้ถึงวันที่ 19 กรกฎาคม 2562

ดูรายละเอียดทั้งหมดในลิงก์นี้เลยค่ะ https://forms.gle/KtKQ9P3qtitnV4vc7 (https://forms.gle/KtKQ9P3qtitnV4vc7)

(https://lh3.googleusercontent.com/ta9_Q19X6ay31dilqahWlVgIvTwxKBPGJaQXrk76eiGWBjtqZQXBgbWJ55YS_ksu9CZdixEFPg=w1185)

สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ทวิตเตอร์ : @erp_up
เพจ : ErrorPOP Author
แฮชแท็กในทวิตสำหรับติดตามการรวมเล่ม : #รวมเล่มร้อยเมือง #รวมเล่มยกเว้นเรื่องคุณ

อย่าลืมรับเด็กๆ ไปดูแลด้วยนะคะ ☁︎

ป๊อป <3
หัวข้อ: Re: [END] ย ก เ ว้ น เ รื่ อ ง คุ ณ⎮แจ้งข่าว P.4
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:30:45
 :pig4: