พิมพ์หน้านี้ - ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: merizel-rada ที่ 03-09-2018 20:04:51

หัวข้อ: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 03-09-2018 20:04:51
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

1997
ปั้นใจ X เกลือ

คนอ้วนอย่างเขาไม่เคยคิดจะร้องขอความรักให้เข้ามาหา แต่ทำไมความรักถึงได้เลือกที่จะวิ่งเข้ามาชนเขาจนเซล้มไม่เป็นท่าแบบนี้ล่ะเนี่ย !

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ บทนำ (3.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 03-09-2018 20:09:34
บทนำ

- ยินดีที่ได้รู้จัก -

   ผมที่นั่งถอนหายใจพลางเอาช็อกโกแลตเข้าปากแล้วมองไปที่สนามกีฬาที่ตอนนี้มีเด็กผู้ชาย ม. ต้น ม. ปลายกำลังเตะบอลกันอย่างสนุกสนาน ส่วนด้านข้างก็มีกลุ่มเด็กผู้หญิงกำลังนั่งคุยกัน ทำให้ผมที่มองคนอื่นมีความสุขในช่วงเวลานี้ก็ได้แต่ขมวดคิ้วกับเหตุการณ์ตรงหน้า

   ทำไมเพื่อนๆ ในห้องไม่มีใครยุ่งกับผม ผมก็แค่เรียนซ้ำชั้นเพราะอาการป่วย ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรสักหน่อย จะมีข้อเสียก็แค่ตัวอ้วนกับกินเยอะเท่านั้นเอง

   “พี่เกลือ ดาวขอยืนสมุดการบ้านหน่อยได้มั้ย”

   ผมที่ตอนแรกนั่งคิดอะไรไร้สาระกับตัวเองก็ต้องสะดุ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเด็กผู้หญิงที่ตอนนี้กำลังยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร ก่อนที่ตัวเองจะทำท่าอึกอักเพราะตั้งตัวไม่ทันเมื่อมีคนมาทัก

   เราจะเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ยดาว !

   “อะ...เอ่อ...ได้ๆ เราให้ยืมนะ การบ้านเราเสร็จแล้ว” ผมพูดพลางยิ้มกว้างก่อนจะรีบเอานิ้วออกจากปากแล้วเช็ดที่เสื้อของตัวเองอย่างลืมตัว แล้วหันไปหาสมุดการบ้านจากกระเป๋ามาส่งให้คนตรงหน้า

   “ขอบใจมากๆ นะ เดี๋ยวดาวเอามาคืน”

   “อ่า...” ผมที่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างที่ยืนยิ้มแย้มให้ผมจนตาพร่ามัวเมื่อสักครู่ก็วิ่งออกไปทันทีที่ได้สมุดการบ้านของวิชาที่จะเข้าเรียนคาบบ่ายนี้ ก่อนที่ผมที่ตอนแรกดีใจว่าอีกฝ่ายจะชวนเข้าไปนั่งด้วยก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งแล้วก้มมองเสื้อที่เปื้อนคาบช็อกโกแลตของตัวเอง

   เพื่อนผู้หญิงก็ไม่คบ

   ยิ่งเพื่อนผู้ชาย...

   เฮ้อ...

   ถ้าถามว่าเป็นเพราะอะไร คงเป็นเพราะผมทำอะไรเชื่องช้าด้วยขนาดตัวที่ใหญ่เกินมาตรฐาน จะให้ลงไปเตะบอลกับพวกนั้นก็คงไม่ไหว ไหนจะโรคหอบหืดที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆ อีก

   ชีวิตไอ้เกลือคนนี้จะน่าสงสารไปไหนนะ...

   ไม่ต้องเรียกเราว่าพี่เกลือก็ได้ ไม่ได้อยากเป็นพี่สักหน่อย

   ผมได้แต่บ่นให้กับความโชคร้ายของตัวเองที่ต้องเรียนซ้ำชั้นกับรุ่นน้องที่เห็นหน้าค่าตากันมานาน ทำให้ผมที่เรียน ม. 6 ซ้ำต้องอยู่โดดเดี่ยวอย่างช่วยไม่ได้ ถึงจะมีคนเข้ามาคุย เขาก็มองว่าผมเป็นพี่อยู่ดี พวกรุ่นราวคราวเดียวกันก็จับกลุ่ม ส่วนเพื่อนๆ ของผมก็จบเข้ามหาวิทยาลัยกันไปเรียบร้อย

   เมื่อไหร่ผมจะได้ตามไปบ้าง กระซิก...

   จะกินให้ตัวแตกเลย เห็นแบบนี้ไอ้เกลือก็เครียดเป็นนะ !

   เด็กปี 40 ทำไมถึงไม่คบผมกัน !

   ผมที่ได้แต่ร้องโวยวายในใจก็หยิบเอาถุงขนมที่แม่ซื้อมาตุนให้ผมไว้กินโรงเรียนออกมาแกะใส่ปากอย่างเอาเป็นเอาตาย และก็ได้แต่จำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป

   ทนอีกนิดไอ้เกลือ อีกไม่กี่เดือนมึงก็ได้เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว...

   กริ๊งงงง ~

   เสียงกิ่งที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งและรีบดันขนมปังก้อนโตเข้าปากทันทีก่อนจะเอาขยะทั้งหมดที่กองอยู่บนโต๊ะใส่กระเป๋านักเรียนด้วยความเคยชินแล้วรีบลุกเดินตามกลุ่มเพื่อนนักเรียนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันไป ไม่นานนักเรียนหลายคนๆ ก็มารวมกันอยู่ที่สนามกีฬา ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าตอนนี้เป็นคาบอะไร มันเป็นวิชาที่คนตัวอ้วนอย่างผมไม่ชอบที่สุด และเชื่อเถอะ ผมก็คิดว่าพวกคุณที่มีน้ำหนักเกินก็คงไม่ชอบเช่นกัน เพราะเราขยับตัวคล่องแคล่วสู้คนอื่นไม่ได้

   ทั้งกระโดดไกล วิ่งรอบสนาม กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง...

   ฝันร้ายชัดๆ

   “อ้าวเด็กๆ มารวมกันตรงนี้หน่อยจ้า” เสียงของสาววัยกลางคนทำให้ผมที่กลืนขนมปังที่เพิ่งเคี้ยวไปหมาดๆ ลงคอแล้วต้องมองอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องผมนั่นเอง ก่อนที่เด็กทั้งห้องจะไปยืนรวมกัน ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่ทันพวกที่ได้ยืนอยู่หน้าแน่ๆ ทำให้ผมที่ตัวเตี้ยได้แต่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง แม้จะได้ยินที่อาจารย์พูดแต่ก็ไม่เห็นเหตุการณ์ด้านหน้าอยู่ดี

   เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะ...

   ผมที่ตอนแรกเลิกล้มกับกระชะเง้อมองแล้วก็ต้องทำตาโต เมื่อเห็นว่ามีร่างที่สูงเด่นขึ้นมาจากฝูงคน ทำให้ที่แม้จะอยู่ไกลแต่กลับเห็นคนๆ นั้นได้อย่างชัดเจน

   และก็เป็นจังหวะเดียวที่เขาหันมาเห็นผมที่ยืนตัวอ้วนเตี้ยอยู่ด้านหลังเช่นกัน

   อ๊ะ...

   ผมก้มหน้าหลบตาเขาทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปใหม่ก็เห็นว่าอีกฝ่ายได้หันหน้าหนีไปแล้ว

   ทะ...ทำไมผมไม่ยิ้มให้เขาไปนะ เราอาจจะเป็นเพื่อนกันได้ !

   แต่หล่อมากเลย...

   ผมที่ตอนนี้กำลังเขย่งปลายเท้าป้อมๆ ของตัวเองเพื่อชะเง้อมองใบหน้าหล่อของคนๆ นั้นก็ต้องเซถอยหลังเมื่อเพื่อนด้านหน้าเริ่มถอยออกมา

   “วันนี้ครูพาเด็กใหม่มาฝากตัว ตั้งแต่วันนี้ไปเขาจะย้ายมาเรียนกับเราในชั้น ม.6 ห้อง 11 นี้”

   “สวัสดีครับ ผมชื่อปั้นใจ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”

   “ยังไงก็อย่าแกล้งเด็กใหม่กันล่ะ”

   “ค่า อาจารย์ ~”

   เสียงเด็กผู้หญิงที่เหมือนจะดังกว่าผู้ชายทำให้ผมต้องเซถอยหลังเมื่อตอนนี้ทุกคนเริ่มแยกย้ายหลังจากที่อาจารย์ที่ปรึกษาห้องผมได้เดินออกไปแล้ว เหลือแค่เด็กใหม่ที่สวมชุดนักเรียนชายแตกต่างจากเพื่อนทั้งห้องที่สวมชุดพละสีแดง

   คะ...โคตรสูงเลย...

   ผมที่มองอยู่ห่างๆ ได้แต่มองคนๆ นั้นอึ้งๆ หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายออกไปแล้ว ทำให้ร่างกายสูงที่สมส่วนของอีกฝ่ายดึงดูดสายตาของผมได้เป็นอย่างดี เขาทั้งหน้าตาดี ตัวสูง ร่างกายก็สมส่วนเหมือนกับได้ออกกำลังกายมาอย่างโชกโชน

   ตัดภาพมาที่ผม...

   อ้วน เตี้ย จนกลายเป็นกลม...

   เอ่อ...พอเถอะ ไม่พูดถึงตัวเองแล้ว พูดไปก็เท่านั้น ผมคงไม่ยอมเลิกกินง่ายๆ หรอก

   ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเมื่อดูเหมือน ‘เด็กใหม่’ ที่เป็นความหวังเดียวในการหาเพื่อนของผมในช่วง ม.6 นี้จะต้องล้มเลิกไป เมื่อดูเหมือนอีกฝ่ายนั้นจะเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นๆ ภายในห้องอย่างดี และคงไม่ได้มีโอกาสมาสนิทกับผมแน่ๆ

   โชคดีไปแล้วน้า...

   ผมที่เดินคอตกมารออาจารย์พละก็ต้องถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก เพราะรู้สึกอิจฉาคนที่เพิ่งมาใหม่ได้ไม่นานก็ดูเหมือนจะเป็นที่สนใจไปแล้ว และเชื่อเถอะว่าปั้นใจคนนั้นจะต้องมีเพื่อนอย่างรวดเร็วแน่ๆ

   “ปั้นเดี๋ยวเอาตารางเรียนกับเราก็ได้นะ”

   “ขอบใจนะ”

   เชื่อมั้ย ตารางเรียนผมก็ต้องไปขออาจารย์เอามาซีร็อกเอง ทำไมเพื่อนที่แจกถึงแจกมาไม่ถึงผมไม่รู้

   ชีวิตไอ้เกลือนี่มันน่าสงสารจริงๆ

   เพื่อนๆ ที่น่ารัก เกลือจะรีบเรียนจบแล้วไปหาที่มหาวิทยาลัยนะ

   เพราะงั้นสู้ๆ นะไอ้เกลือ !

   ผมที่ตอนนี้ฮึดสู้กับตัวเองในใจก็ต้องหันไปมองรอบๆ ที่ตอนนี้เพื่อนๆ เริ่มเข้ามายืนรออาจารย์พละเหมือนกับผมแล้ว ซึ่งผมที่ขยับมาด้านหลังเรียบร้อย ซึ่งผมก็ไม่ได้อะไร เพราะวิชานี้เป็นวิชาที่ผมไม่ชอบ อยู่แบบเงียบๆ นี่ล่ะดีที่สุด

   “สวัสดี”

   “อะ...!” ผมที่ตอนแรกยืนหลบอยู่ก็สะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้นข้างตัว ก่อนจะหันไปมองก็เห็นคนที่สวมชุดนักเรียนเพียงคนเดียวอยู่ข้างๆ

   ดะ...เดี๋ยวนะ เมื่อกี๊เสียงของเขาหรือเปล่า...

   “หยิ่งเหรอ”

   “อะ...เอ่อ ไม่ใช่ คะ...คือเราไม่แน่ใจว่านาย...เอ่อ...ปั้นคุยกับใคร...”

   “คุยกับมึงนั่นล่ะ”

   ผมที่ตอนนี้ช็อกไปเรียบร้อยกับคำพูดที่แทนตัวเองเหมือนสนิทสนมสุดๆ นั่นก็ต้องอ้าปากค้าง ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก

   “อะ...อื้อ สวัสดีนะ เราชื่อเกลือ”

   “เกลือเค็มๆ น่ะเหรอ”

   “ชะ...ใช่ พี่เราชื่อน้ำตาล...”

   “น้องล่ะ”

   “เอ่อ...น้องไม่มี” ผมส่ายหัวก่อนจะมองคนที่พยักหน้าเข้าใจ ก่อนที่ตัวเองจะต้องสะดุ้งเมื่ออีกฝ่ายหันมามองทางผมอีกครั้ง

   เชื่อเถอะว่าทั้งผมและเขาก็เมื่อยไม่ต่างกัน เพราะเขาก็ต้องก้มลงมาเพื่อคุยกับผม ส่วนผมก็ต้องเงยขึ้นไปเพื่อคุยกับเขา

   ขอโทษนะที่สูงได้แต่ไหล่ของปั้น...

   ไม่สิ ต่ำกว่าด้วย...

   “มีตารางเรียนหรือเปล่า”

   “อื้อ ก็มีนะ...”

   “งั้นถ่ายรูปส่งมาให้บ้างสิ”

   “ได้สิได้...”

   ผมได้แต่พยักหน้าก่อนจะต้องขมวดคิ้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผมจะส่งรูปให้เขายังไง ในเมื่อ...

   “เดี๋ยวขอเฟซบุ๊กด้วย”

   “...”

   ผมที่ไม่รู้จะตอบอะไรก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ก่อนที่ทั้งผมและเขาจะต้องหยุดการสนทนาเพียงแค่นั้นเมื่ออาจารย์เข้ามา

   “วันนี้อาจารย์ยิ่งศักดิ์ไม่มาสอนนะคะ เขาเลยฝากครูมาเช็คชื่อให้”

   สิ่งที่ผมได้ยินทำให้ตัวเองกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่เมื่อรู้ว่าอาจารย์ไม่มา และยิ่งเป็นอาจารย์เจ้าของวิชาที่ผมไม่ชอบแล้วยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ซึ่งดูเหมือนเพื่อนๆ ในห้องก็เช่นกัน คงดีใจกันถ้วนหน้า เพราะนอกจากจะว่างไปหนึ่งคาบแล้วคงได้มีเวลาปั่นงานที่ต้องส่งในคาบต่อไปด้วย

   “กันชัย”

   ดีนะงานผมเสร็จแล้ว เพราะงั้นได้นั่งสบายๆ ทั้งคาบ

   “กันชัยมามั้ยคะ !”

   โอ๊ย ขนมของแม่ก็ยังเหลืออยู่ เอ่อ...ถ้าชวนปั้นใจกินด้วย...

   “มึง”

   “หะ...หืม”

   “กันชัย”

   “กันชัยไม่มานะคะ”

   ‘กันชัยไม่มานะคะ’

   อ๊ะ เดี๋ยววววว !

   “มะ...มาครับ กันชัยมาครับ ผมเองครับ !” ผมรีบยกมือพลางเขย่งร่างอ้วนของตัวเองเพื่อที่จะให้อาจารย์สาวเห็น ก่อนที่ทั้งห้องจะพากันขำผมทำให้ตัวเองต้องก้มหน้าลงด้วยความอาย

   โอ๊ยยยย ไอ้เกลือ ทำไมมึงมันเบอะอย่างนี้ !

   “ครูใส่ชื่อเด็กใหม่เข้าไปแล้วนะ วันนี้ดีจริงๆ มากันครบด้วย”

   หลังจากที่เรียกชื่อผมที่เป็นอักษร ก ไก่ เป็นคนแรกก็ไล่ไปจนคนสุดท้ายและปิดท้ายด้วยเด็กใหม่อย่างปั้นใจที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม

   “อย่าเหม่อสิ”

   เสียงจากคนข้างๆ ทำให้ผมเงยหน้าไปมอง ก่อนจะพยักหน้า แล้วเริ่มมองไปตรงหน้าที่ตอนนี้อาจารย์ผู้หญิงที่เก็บแฟ้มไปแล้วได้แต่ยืนมองพวกเราอย่างพิจารณา

   “วันนี้ครูจะไม่ให้ทำอะไรมากเนอะ ไปวิ่งรอบสนามสักสามรอบแล้วค่อยแยกย้าย”

   “โห่ อาจารรรย์”

   “ไปได้แล้วค่ะ เรียงหนึ่งไปเลย ครบไวก็แยกย้ายไว” เสียงของอาจารย์ที่สั่งเด็ดขาดทำให้เพื่อนๆ ในห้องที่ตอนนี้เริ่มเรียงหนึ่งออกวิ่งทำให้ผมต้องมองตามด้วยสายตาตื่นๆ ก่อนจะเลือกเดินไปหาอาจารย์ที่ยืนอยู่ เนื่องจากถ้าท่านเดิมเขาจะรู้ว่าผมเป็นโรคหอบหืดจะให้แค่วิ่งอยู่กับที่เท่านั้นในระหว่างที่เพื่อนวิ่ง

   “เอ่อ...อาจารย์ครับ...”

   “ว่าไงคะกันชัย รีบไปวิ่งสิ วิ่งไม่ครบครูไม่ปล่อยนะ”

   “คือว่าผม...”

   “ไปวิ่งเลยค่ะ น้ำหนักอย่างนี้ต้องวิ่งเยอะๆ ไปเร็วๆ” ผมที่โดนอาจารย์สาวดันหลังให้ออกวิ่งตามเพื่อนๆ ก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ ก้าวออกวิ่งตามหลังเพื่อนคนอื่นๆ ไป และคนที่ออกไปก่อนหน้าผมได้ไม่นานอย่างปั้นใจตอนนี้กลับวิ่งแซงเพื่อนๆ ไปแล้ว

   หายใจเข้าลึกๆ เอานะไอ้เกลือ...

   ผมที่ตอนนี้พยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ทันกับจังหวะการวิ่ง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรนัก และตอนนี้ร่างผมเต็มไปด้วยเหงื่อ ความเร็วที่ตอนแรกออกตัวมาเต็มที่ตอนนี้กลับช้าลงเรื่อยๆ ก่อนจะเห็นว่าผู้ชายชุดนักเรียนเพียงคนเดียวได้วิ่งแซงผมไปหนึ่งรอบแล้วทั้งๆ ที่ผมยังไปไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ

   เหนื่อย...

   หายใจไม่ทัน...

   ผมที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนตกนรกกลายๆ ก็ต้องเร่งวิ่งตามเพื่อน ดูเหมือนบางคนจะวิ่งครบสามรอบเป็นที่เรียบร้อย แต่ผมยังลากร่างกายช้าๆ ของตัวเองวิ่งอยู่ จนตอนนี้มันแทบกลายเป็นการเดิน และผมก็เริ่มมองหาอาจารย์คนเมื่อสักครู่เพื่อจะบอกว่าผมไม่ไหว แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหายไปแล้ว

   ผมหยุดวิ่งได้มั้ย ไม่วิ่งแล้วได้มั้ย...

   ผมที่เริ่มหอบหลังจากใช้แรงไปมาก จากแรงวิ่งก็กลายเป็นแรงเดินทันที ซึ่งตอนนี้เพิ่งได้แค่รอบกว่าเท่านั้น ก่อนจะหันไปมองทางเพื่อนๆ ที่มองมาก็เห็นว่าทุกคนกำลังมองผมอย่างลุ้นๆ

   ‘ถ้าไม่ครบไม่ปล่อยนะ’

   ผมได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง ก่อนจะเริ่มออกแรงวิ่งอีก แต่ดูเหมือนใจผมที่ฮึดสู้ขึ้นมาจะไม่ส่งผลให้ร่างกายผมสู้ไปด้วย เพราะไม่นานผมก็ล้มลงท่ามกลางสีหน้าตกใจของคนอื่นๆ รวมถึงอาจารย์ผู้หญิงที่เดินกลับมาหลังจากออกไปคุยโทรศัพท์

   ยะ...ยาพ่น...

   ร่างของผมที่ตอนนี้ทิ้งตัวนอนหงายมองท้องฟ้าอยู่กับพื้นพร้อมกับหน้าอกที่กระเพื่อมอย่างรุนแรงได้แต่นอนนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่นานเพื่อนๆ ก็ต่างพากันเข้ามา...

   หลังจากนั้นดวงตาของผมก็มืดสนิท มีเพียงความคิดในเรื่องเดิมๆ ที่ยังคงก้องอยู่ในหัวของผมซ้ำๆ

   เมื่อไหร่ผมจะได้เข้ามหาวิทยาลัยสักที

   ทำไมชีวิตไอ้เกลือถึงบัดซบขนาดนี้...!


-------------------------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
เรื่องนี้นายเอกอ้วนนะคะ และจนจบเรื่องก็คงจะไม่ผอม ^^
ฝากเกลือกับปั้นใจไว้ด้วยค่า
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ บทนำ (3.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-09-2018 04:34:01
เรียกโรงพยาบาลด่วนนนนนนนนนนนนนน  :katai1:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ บทนำ (3.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-09-2018 05:53:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ บทนำ (3.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 05-09-2018 08:09:33
มาต่อด่วนๆ ชอบแนวนี้มากๆ ติดตามๆ และ รอๆ^^
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ บทนำ (3.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 05-09-2018 10:45:52
ชูป้ายไฟเชียร์ น้องเกลือ สู้ๆๆ อ้วนๆ น่ารักดีจะตาย กอดแล้วอุ่น
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ บทนำ (3.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: onlyplease ที่ 05-09-2018 19:57:12
อาจารย์ แม่งต้องถามก่อนป่ะ ว่าใครมีโรคประจำตัวบ้าง  โรงเรียนไรว่ะ ไม่ได้มาตรฐานเลย เอิ่มมม
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 1 คำขอเป็นเพื่อน (10.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 10-09-2018 19:26:53
ตอนที่ 1
คำขอเป็นเพื่อน



# มหาวิทยาลัย
   “แม่ เกลือไปก่อนนะ”
   “จ้ะหมูอ้วนของแม่ ตั้งใจทำกิจกรรมนะ”
   “ค้าบ ~”
   ผมขานรับอย่างอารมณ์ดีหลังจากที่วันนี้เป็นกิจกรรมวันแรกของเด็กมหา’ลัย ทำให้เด็กปีหนึ่งอย่างผมอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ก่อนจะหันไปจุ๊บที่แก้มของแม่หนึ่งทีแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถทันที ไม่นานภาพบรรยากาศที่ผมตั้งตาและรอคอยก็มาถึง
   ชีวิตในรั้วมหา’ลัยยยย ~
   พะ...เพื่อนใหม่ ใช่ ผมต้องหาเพื่อน !
   ผมมองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นเต้นก็พบปะผู้คนมากหน้าหลายตาหัวใจก็พานเต้นตึกตักขึ้นมา ก่อนที่ตัวเองจะก้าวเดินเข้าไปด้านใน ซึ่งโชคดีที่แม่ผมขับรถวนมาส่งที่หน้าคณะ ‘วิศวะกรรมศาสตร์’ แล้ว เลยทำให้ไม่นานผมก็เจอผู้คนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นปีของผมแน่ๆ
   วันนี้ผมจะกลมกลืนไปกับเด็ก 1997 แล้ว !
   “นาย...” ผมสะดุ้งเมื่อมีแรงสะกิดเบาๆ เข้าที่ไหล่ ก่อนจะหันไปมองก็เห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มองมา ก่อนที่เธอจะทำตาโตมองใบหน้าของผม ซึ่งผมเองที่ตอนแรกขมวดคิ้วก่อนจะต้องเบิกตากว้างขึ้นตามคนตรงหน้า “ไอ้เกลือ !”
   “พะ...พะ...พะ...”
   “ไอ้เกลือจริงๆ ด้วย”
   “พาฝัน !”
   “กรี๊ดดดดด มึงจริงๆ ด้วยอ่ะ มึงจริงๆ ด้วย” ผมที่ตอนนี้อ้าปากพะงาบๆ มองผู้หญิงที่กระโดดกอดผมไว้
   “มะ...มาได้ยังไง...” ผมสะบัดหัวเบาๆ เพื่อตั้งสติแล้วมองผู้หญิงตรงหน้า เธอเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับผมเมื่อสมัย ม. 5 พอผมดร็อปเรียนไปเราก็ไม่ค่อยได้คุยกัน และเธอก็จบออกไปพอดี แต่มันบังเอิญไปมั้ยที่มาเจอกันที่นี่ “ฝะ...ฝันจริงๆ เหรอ...”
   “เออสิ กูเอง”
   “มาได้ยังไง เอ่อ...ฝันเป็นรุ่นพี่ที่นี่เหรอ”
   “รุ่นพี่อะไรล่ะ รุ่นเดียวกับมึงนี่ล่ะ”
   “ฮะ...”
   “กูซิ่ว !”
   “ห๊า !”
   ผมที่ร้องออกมาด้วยความตกใจก็โดนผู้หญิงตรงหน้าเข้ามาอุดปากไว้ แล้วกระซิบ
   “ไอ้หมูอ้วนนี่ เสียงดังทำไมห๊ะ มึงควรทำตัวกลมกลืนกับเขาสิ !”
   “อะ...อื้อ”
   ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะมองคนที่ความสูงพอๆ กับผมแล้วก็ต้องทำหน้าดีใจออกมาอย่างปิดไม่มิด
   มะ...มีเพื่อนแล้ว...
   ไอ้เกลือมีเพื่อนแล้ว !
   “มึงนี่ไม่เจอกันปีเดียวอ้วนขึ้นโขเลยนะ”
   “อะ...” ผมที่ตอนแรกยิ้มกว้างก็ต้องหุบยิ้มลงแล้วมองคนตรงหน้าที่พูดจาขวานผ่าซากเหมือนเดิม “ก็เรากินเก่งอ่ะ”
   “โอ๊ย ลดบ้าง จะวิ่งตามเขาทันมั้ยเนี่ย รู้มั้ยที่นี่รับน้องโหด วิศวะมีวิ่งรอบสนามด้วย เตรียมตัวเลยมึง !”
   วะ...วิ่งรอบสนาม...
   “ฝันรู้ได้ยังไง”
   “ก็ปีที่แล้วกูก็เรียนที่นี่ คณะใกล้ๆ นี่ล่ะ รับน้องก็เห็นหมด”
   “วะ...วิ่งจริงเหรอ”
   “เออสิ” เธอพูดพลางมองไปรอบๆ โดยที่ตอนนี้ผมเหงื่อตกไปเรียบร้อย ก่อนที่คนตรงหน้าจะหันมาเจอก็ทำหน้าตกใจ “เฮ้ย ใจเย็นๆ มึง อาจจะไม่ได้วิ่งวันนี้ก็ได้ หรือปีนี้อาจจะไม่มี...”
   “ทุกคน หลังจากเรียนปรับพื้นฐานเสร็จแล้วรุ่นพี่เรียกรวมกันที่สนามบอลนะ”
   เฮือก...!
   “ใจเย็นๆ ไอ้เกลือ เขาก็แค่จะแนะนำตัว แนะนำคณะ ต้อนรับน้อง”
   “อะ...อื้อ...”
   ผมพยักหน้าหงึกหงักก่อนที่ฝันจะลากผมให้เดินตามตัวเองเข้าไปในชั้นเรียน ซึ่งผมเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งด้วยสติที่ไม่ค่อยจะมีนัก มือก็ควานหาช็อกโกแลตในกระเป๋าออกมาแกะใส่ปาก
   กินไอ้เกลือ กินแล้วมึงจะได้ไม่เครียด...
   ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ แล้วเตรียมตัวกับการเรียนปรับพื้นฐานก็ต้องหันมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้เริ่มหยิบสมุดขึ้นมา ผมเลยต้องหยิบขึ้นมาบ้าง เด็กสาขาผมมีแค่ไม่กี่คน แต่ก็ดูคึกคักกันมากพอสมควรและดูเหมือนผู้ชายจะเยอะกว่าผู้หญิงด้วย
   “เฮ้อ...คิดถูกแล้วสินะที่มาซิ่วมาเรียนวิศวะ เขาว่ามีผู้ชายหล่อๆ เต็มไปหมด”
   “ระ...เหรอ”
   “เออสิ แต่มึงมองหรือเปล่า ผู้ชายหล่อๆ อ่ะ”
   “...” ผมได้แต่ส่ายหัวให้คนที่ตอนนี้ทำหน้าเพ้อในคำพูดตัวเอง ก่อนที่ผมจะก้มหน้าลงแล้วหันไปมองข้างๆ ที่มีเพื่อนใหม่เข้ามานั่ง
   “เอ่อ...สวัสดี”
   “สะ...สวัสดีครับ...”
   “สวัสดีจ้า เราชื่อฝันนะ พาฝัน ส่วนตุ้ยนุ้ยข้างๆ เราชื่อเกลือ”
   “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เราชื่อออย”
   “เช่นกันครับ”
   “เฮ้อ วันนี้รุ่นพี่จะให้ทำอะไรบ้างนะ”
   “ไม่รู้สิ”
   “ขี้เกียจเรียนจังเลยยย ปีที่แล้วก็ต้องมานั่งปรับพื้น...”
   “หืม...” ออยที่ตอนแรกนั่งตั้งใจฟังพาฝันพูดก็ต้องแสดงความแปลกใจ ทำให้ผมต้องมองอีกคนเพื่อเตือนสติ
   ไหนบอกจะกลมกลืนไง
   “ก่อนเปิดเรียนน่ะ ไปเรียนพิเศษมา น่าเบื่อออออ ~”
   ฝันพูดเสียงดัง ทำให้ออยหัวเราะออกมา ซึ่งผมที่นั่งคั่นกลางก็หัวเราะตามไปด้วย แม้จะไม่เข้าว่าทั้งคู่กำลังหัวเราะกันเรื่องอะไรก็ตาม
   ว่าแต่...
   มีเพื่อนสองคนแล้ว !
   “ใครน่ะ...”
   “สูงจัง...”
   “หล่อสุดๆ” ผมที่ตอนแรกกำลังเขียนชื่อลงที่หน้าสมุดก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองพาฝันที่ตอนนี้ขยับตัวนั่งดีๆ โดยที่สายตาก็มองไปที่หน้าชั้นเรียนทำให้ผมต้องมองตามไปบ้าง ก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างคุ้นตาที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง ทำให้ตัวเองจะต้องฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อหลบเลี่ยงการพบเจอกับคนๆ นั้น
   ปั้นใจ...
   “โอ๊ย คนอะไรโคตรหล่อเลย !”
   ผมได้แต่ก้มหน้าแล้วกัดแขนตัวเองไว้ เพราะเวลาผมมีอาการตื่นเต้นทีไรผมมักจะทำแบบนี้เสมอซึ่งมันก็ช่วยได้เยอะ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าอีกฝ่ายทิ้งตัวลงนั่งทางด้านหน้าแล้ว
   เฮ้อ...
   แล้วถ้าถามว่าผมหลบหน้าเขาทำไม คงเป็นเพราะความรู้สึกอึดอัดเมื่อตอน ม.6 ล่ะมั้ง
   ‘ไม่ชอบกูก็บอกมาตรงๆ จะได้ไม่มากวนอีก’
   คำพูดของปั้นใจในวันที่เขาเข้ามาขอเฟซบุ๊กผมอีกครั้งหลังจากที่ผมหายเข้าโรงพยาบาลไปสองอาทิตย์เต็มและเขาก็ไม่เข้ามายุ่งกับผมอีกเลยจนกระทั่งจบ ม. ปลาย
   ผมไม่ได้ไม่ชอบเขา แต่ตอนนั้นผมแค่ไม่ได้เล่นเฟซบุ๊ก...
   “เฮ้อ...ไอ้เกลือนะไอ้เกลือ...”
   “หืม บ่นอะไรวะ” ผมสะดุ้งเมื่อพาฝันทักขึ้น ทำให้ผมต้องหันไปมองอีกฝ่ายก่อนจะส่ายหัว คนตรงหน้าเลยได้แต่ขมวดคิ้วก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแก้มผมแรงๆ “แก้มมึงนี่มันน่าหมั่นเขี้ยวชะมัด เอามาฟัดทีนึงสิ”
   “งื้อ...ไม่เอานะ...”
   “ฮ่าๆ ดูสิ เป็นรอยแดงเลย” ผมจับแก้มตัวเองที่โดนอีกฝ่ายขย้ำแรงๆ ไปหลายที เนื่องจากผมเป็นคนขาวจัดเลยทำให้มันขึ้นรอยได้อย่างง่ายดาย “ว่าแต่หมอนั่นเสน่ห์แรงจังแฮะ”
   “...” พาฝันหันมาพูดกับผมก่อนจะชะงักแล้วมองผ่านไปหาออยที่อยู่ข้างๆ แทน
   “ว่ามั้ยออย”
   “หล่อมากเลยฝัน เราชอบ ~”
   ผมมองทั้งสองคนที่ตอนนี้ทำหน้ามีความสุขกันอยู่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดดูชื่อเฟซบุ๊กที่ผมจำได้ขึ้นใจจากการนั่งฟังเพื่อนผู้หญิงให้ห้องตอน ม.6 พูดกัน และเป็นประวัติเพียงชื่อเดียวที่ผมค้นหาไว้ แต่จนถึงวันนี้ผมก็ไม่กล้ากดขอเป็นเพื่อนเขาไปแม้ผมสร้างบัญชีเฟซบุ๊กบัญชีนี้ไว้หลังจากที่เขามาขอวันนั้นแล้วก็ตาม
   ไอ้เกลือ มึงมันขี้ขลาดชะมัด...
   “เฮ้อ...” ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา ทำให้ทั้งสองคนข้างๆ หันมามองอย่างสงสัย ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มให้ทั้งคู่เท่านั้น ก่อนจะกดปิดหน้าจอโทรศัพท์เก็บไว้เหมือนเดิม สายตาก็ได้แต่จับจ้องไปที่แผ่นหลังกว้างที่ตอนนี้เขาได้กลายเป็นคนที่ทั้งชั้นเรียนได้ให้ความสนใจอีกครั้ง
   ไม่ว่าเมื่อไหร่ปั้นใจก็ยังคงน่าอิจฉาเสมอ
   ตอนนี้แล้วเขาจะยังยอมคุยกับผมมั้ยนะ...
   อยากเข้าไปทักจัง





   “เอ้าน้องๆ มารวมกันได้แล้วครับ !” เสียงเรียกที่ดังเกินขีดจำกัดคนทั่วไปนั่นทำให้หลายๆ คนสะดุ้ง ก่อนจะรีบก้าวเดินไปนั่งรวมกันที่สนามโดยด้านหน้าก็มีรุ่นพี่หน้าตาน่ากลัว กำลังยืนขมวดคิ้วมองไปรอบๆ แล้วตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “เอ้าๆ อย่าลีลากัน รีบนั่ง !”
   ทะ...ทำไมต้องทำเสียงโหดด้วย...
   ผมที่ตอนนี้ทิ้งตัวลงนั่งแล้ว และความชุลมุนทำให้ออยกับฝันที่ควรจะมานั่งใกล้ๆ กันกลายเป็นผมที่ต้องกระเด็นมานั่งคนเดียวอย่างช่วยไม่ได้ และเมื่อชะเง้อมองหาทั้งสองคนก็เห็นว่าทั้งคู่นั้นนั่งอยู่ห่างออกไปจากผมไกลโข จนตัวเองต้องถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปมองรอบด้านที่ตอนนี้เริ่มมีคนอื่นๆ เข้ามานั่งจนเกือบเต็มพื้นที่
   โห...คณะเรามีคนเยอะขนาดนี้เลยเหรอ...
   “นี่...แลกที่กันหน่อยได้มั้ย” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมต้องหันไปมอง แต่ดูเหมือนทางนั้นจะไม่ได้เรียกผม และไม่นานคนตัวสูงที่ผมอยากทักนักทักหนาก็ได้แลกที่กับใครสักคนที่เคยอยู่ข้างๆ ผม จนผมได้แต่เบิกตากว้างมองการแลกที่ที่ดูเหมือนจะวุ่นวาย แต่สุดท้ายทางนั้นก็สามารถนั่งลงข้างๆ ผมได้อย่างสวัสดิภาพ
   ปั้นใจ...
   “ไง”
   “อะ...เอ่อ...สวัสดี...”
   “มาเรียนที่นี่ทำไมไม่บอก”
   “เราก็ไม่รู้ว่าปั้นจะมา...”
   “จำชื่อกูได้ด้วยเหรอ”
   “จำได้สิ”
   “อืม”
   คนข้างๆ ผมพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่ผมจะหันหน้าหนีไปอีกทางอย่าลำบากใจ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนเขายังเคืองผมอยู่เรื่องเฟซบุ๊ก
   “อะ...เอ่อ...ปั้น...”
   “ทำไมคุยกับกูต้องมีคำว่าเอ่อด้วย” คนที่หันมาถามผมพร้อมกับมองหน้าทำให้ตัวเองต้องอ้าปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะตอบอะไร “มีอะไร”
   “คือเรื่องเฟซบุ๊ก...”
   “เอ้าน้องๆ ลุกขึ้นๆ”
เสียงของพี่คนหนึ่งด้านหน้าตะโกนขึ้นมาทำให้ปั้นใจที่ตอนแรกฟังผมพูดอยู่หันไปอีกทาง ส่วนผมเองก็ได้แต่หุบปากแล้วพาสังขารอันหนักอึ้งของตัวเองลุกขึ้น ดูเหมือนเพราะมีคนอยู่ข้างๆ เลยทำให้คนตัวใหญ่อย่างผมลุกได้ไม่ถนัดนัก
   เฮ้อ...ลุกได้สักที...
   “เดี๋ยวพี่จะแจกป้ายชื่อให้กับน้องๆ ทุกคนนะครับ” เสียงพี่ที่ไม่ใช่คนเดิมพูดขึ้นทำให้ผมอยากจะชะเง้อหน้าไปมองแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่าย สุดท้ายผมก็ได้แต่ยืนทำตัวเตี้ยอยู่แบบนี้เมื่อคนที่อยู่ข้างหน้าผมบังทิวทัศน์ด้านหน้าจนมิด “แต่ก่อนจะได้คงต้องให้น้องๆ ออกกำลังกายกันหน่อย...”
   “อะ...ออกกำลังกาย...”
   “เดี๋ยวพี่จะให้วิ่งรอบสนาม 5 รอบ ครั้งละ 2 แถวแล้วมาเอาป้ายชื่อกับพี่ที่ใต้ตึกนะครับ เอ้าตอนนี้นั่งลงกันก่อน วอร์มๆ”
   ผมที่ตอนนี้เหงื่อแตกพลั่กแล้วทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรงเมื่อได้ยินคำว่า ‘วิ่ง’ แล้วก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะกลับไปลดความอ้วน แต่ถึงลดใช่ว่าโรคหอบของผมจะหายไปสักหน่อย
   ทะ...ทำไงดี...
   “รุ่นพี่ครับ” ผมที่ตอนแรกคิดไม่ตกก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้ยกมือขึ้น ทำให้พี่ที่กำลังถือป้ายชื่อเดินไปใต้ตึกต้องหันมามอง
   “ว่าไงครับ”
   “เพื่อนผมเป็นโรคหอบ”
   “ไหน คนไหนครับ” รุ่นพี่ที่หันมามองทำให้ปั้นใจลุกขึ้นก่อนจะชี้มาทางผมที่นั่งอยู่ข้างๆ
   หะ...หือ...
   “คนนี้ครับ”
   ผมที่ตอนนี้เบิกตากว้างมองไปทางรุ่นพี่กับคนที่ชี้มาทางผมสลับไปมา ก่อนที่รุ่นพี่คนเดิมจะเดินเข้ามาแล้วมองผมอย่างพิจารณา
   “อ้วนเลยแค่เหนื่อยง่ายหรือเปล่า”
   “ไม่ครับ เขาเป็นโรคหอบ”
   “เป็นจริงๆ เหรอเรา”
   “ปะ...เป็นครับ...” ผมได้แต่พยักหน้า ก่อนที่รุ่นพี่ตรงหน้าจะทำท่าคิด โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ใช่คนเสียงโหดๆ คนเดิม เลยทำให้ผมไม่ค่อยกลัวเขานัก “เอาไงดี หรือจะไม่ต้องเอาป้ายชื่อ...”
   ผมเริ่มกลัวเขาแล้วแหละ...
   “เขาเป็นโรคหอบจริงๆ” คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมยังคงพูดคำเดิมออกมา ทำให้รุ่นพี่เริ่มทำท่าคิดหนักก่อนจะเรียกให้ผมลุกขึ้น
   “เอายังไงดี จะให้ป้ายไปง่ายๆ ก็กลัวจะไม่ยุติธรรมกับเพื่อนคนอื่นๆ”
   “เดี๋ยวผมวิ่งแทนเขาเอง”
   ผมที่หันไปมองปั้นใจด้วยความตกใจกับคำอาสานั่น และมันก็ทำให้รุ่นพี่ตรงหน้าเริ่มขมวดคิ้วซึ่งดูเหมือนจะไม่ชอบใจกับคำพูดของของปั้นใจนัก แต่ก็เลือกที่จะพยักหน้าเบาๆ แล้วหันไปหารุ่นน้องคนอื่นๆ
   “ไหน มีใครในที่นี้เป็นโรคหอบอีกมั้ย !” เสียงของรุ่นพี่ทำให้คนที่อยู่รอบด้านสะดุ้ง ก่อนจะเริ่มมีคนอื่นๆ ยกมือขึ้นมา และมันก็มีจำนวนห้าถึงหกคนเลยก็ว่าได้ “นี่เป็นกันหมดนี่เลยเหรอ”
   “ปะ...ปั้น...” ผมเรียกคนข้างๆ เสียงเบาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านนัก “ปั้นไม่ต้องช่วยเราขนาดนี้ก็ได้...”
   “วิ่งไหวเหรอ”
   “...”
   “ถ้าไม่ไหวก็เงียบไป กูอยากทำ ไม่ต้องมาห้าม” ปั้นใจพูดโดยที่ไม่มองหน้าผมด้วยซ้ำ ก่อนที่ตัวเองจะเลือกก้มหน้าลงเพราะดูเหมือนจะเป็นผมซะแล้วที่ทำให้รับน้องวันนี้ดูวุ่นวายขึ้นมา โชคดีที่พวกรุ่นพี่ท่าทางน่ากลัวได้แยกย้ายไปแล้ว เหลือแค่รุ่นพี่ที่ทำหน้าที่แจกป้ายเท่านั้น “อยู่หอไหน”
   “หืม...”
   “มึงอ่ะ อยู่หอไหน”
   “เอ่อ...เราอยู่บ้าน”
   ผมตอบก่อนจะเงยหน้ามองอีกฝ่าย ซึ่งก็เป็นเช่นเดิมเมื่อเขาไม่ก้มลงมามองผมสักนิด และก็ตอบมาเพียงแค่...
   “เหรอ”
   “น้องชื่ออะไร” อยู่ๆ รุ่นพี่ที่ตอนแรกกำลังมองคนที่เพิ่งลุกขึ้นมาใหม่ก็หันมาทางปั้นใจอีกครั้ง
   “ปั้นใจครับ”
   “โอเค ปั้นใจนะครับ...” รุ่นพี่คนนั้นพยักหน้าแล้วก้มหาป้ายชื่อในมือ ก่อนจะหยิบเอาใบหนึ่งขึ้นมาคล้องคอให้คนข้างๆ ผม “แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะวิ่งแทนเพื่อน”
   “ครับ”
   “น้องๆ ทั้งหกคนจำไว้นะครับ ว่าผู้ชายคนนี้ชื่อปั้นใจ และเขาจะเป็นคนวิ่งแทนน้องๆ ที่เป็น ‘โรคหอบ’ ที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด !”
   คำพูดที่คนตรงหน้าหันไปบอกกับคนที่ยืนอยู่ทำให้ผมเบิกตากว้างกับสิ่งที่อีกฝ่ายมอบมาให้ปั้นใจ ก่อนจะเงยหน้ามองคนข้างๆ ผมที่ตอนนี้ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดนั้นเท่าไหร่นัก แต่กลับกลายเป็นผมที่ตอนนี้แทบจะล้มทั้งยืนไปทั้งแบบนั้น
   หะ...หกคน รวมปั้นใจเป็นเจ็ด เจ็ดคนคนละห้ารอบ...
   สามสิบห้า !
   ผมเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อคนข้างๆ ทันที ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมามองแล้วทำหน้าสงสัย ซึ่งผมที่ได้แต่เป็นห่วงก็อยากจะให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ซะ
   “มะ...ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้”
   “วิ่งไหวหรือไง” คำถามเดิมถูกส่งมาให้ ทำให้ผมได้แต่ส่ายหัว
   “วิ่งไม่ไหว รอบเดียวก็ล้มแล้ว แต่แค่พาเราส่งโรงพยาบาล ปั้นจะได้ไม่ต้องเหนื่อยด้วย”
   “...”
   “เราวิ่งเองได้”
   “ไว้ครั้งหน้า”   
   คนข้างๆ ผมพูดแค่นั้นก่อนจะจับมือของผมที่จับแขนเสื้อเขาออกแล้วเดินออกจากแถวไปหลังจากที่รุ่นพี่ตัดสินใจให้เขาออกไปวิ่งเป็นคนแรก
   “สามสิบห้ารอบนะครับน้องปั้นใจ”
   อึก...
   ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอแล้วมองร่างสูงที่เริ่มออกวิ่งไป ส่วนตัวเองก็ได้แต่มองเขาคนนั้นเช่นเดียวกับสายตาหลายๆ คู่ที่มองไปทางเขาเช่นกัน
   ขอบคุณนะปั้นใจ
   จบกิจกรรมวันนี้ไป ไอ้เกลือคนนี้ได้ตัดสินใจแล้ว แม้ความกล้าของผมจะมีไม่เท่าเขา แต่ผมก็อยากจะทำ
   ผมจะแอดเพื่อนในเฟซบุ๊กเขาไป !
.
.
.
คำขอเป็นเพื่อน
Punjai Siriwakron
ยืนยัน        ลบ

----------------------
เนื่องจากคนเขียนไม่เคยมีประสบการณ์การเรียนมหาวิทยาลัยมาก่อน หากติดขัดยังไงต้องขออภัยด้วยค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 1 คำขอเป็นเพื่อน (10.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 10-09-2018 23:45:02
ปันใจเท่สุดๆ เกลือก็น่าร๊ากกกกก :-[

มาต่อไวๆน๊าาาาาาา
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 1 คำขอเป็นเพื่อน (10.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-09-2018 00:10:41
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 1 คำขอเป็นเพื่อน (10.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-09-2018 02:59:15
ตอนม.ปลาย คงจะมีเรื่องมากกว่านี้ใช่ปะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 1 คำขอเป็นเพื่อน (10.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 13-09-2018 10:10:21
เกลือ รีบใช้โอกาสนี้แก้ตัว ดูแลปั้นให้ดีๆ เลย เนี่ย วิ่งแทนเพื่อนตั้งหลายรอบ
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 1 คำขอเป็นเพื่อน (10.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 13-09-2018 12:10:20
รุ่นพี่ คืออออ ...
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 2 (13.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 13-09-2018 12:23:27
ตอนที่ 2


   “เอ่อ...”
   “...”
   “ปั้น...”
   “ว่า”
   ปั้นมาทำอะไรที่นี่เหรอ...
   คำถามที่ผมสงสัยสุดๆ แต่ได้แค่ถามขึ้นในใจพลางมองคนที่ตอนนี้กำลังนั่งกินข้าวอยู่ตรงข้าม ส่วนผมเองก็มีแซนวิสที่ซื้อมาจากเซเว่นเป็นมื้อเช้า
   และผมก็กำลังสงสัยว่าคนที่โดนชวนให้นั่งร่วมโต๊ะจากคนอื่นๆ มาตั้งแต่ร้านข้าวทำไมถึงมานั่งอยู่กับผมตรงนี้ซะได้
   หืม...
   ผมที่หยิบแซนวิสจากถุงเซเว่นก็ต้องชะงักเมื่อมือสัมผัสโดนเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่ในถุง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมซื้ออยาทาสำหรับแก้ปวดมาให้เขา เพราะเชื่อว่าการวิ่งเมื่อวานคงหนักหนาสำหรับปั้นใจแน่ๆ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาก็ตาม
   “ปั้น”
   “ว่า” คนที่นั่งกินข้าวไม่สนรอบข้างขานขึ้นอีกครั้ง
   “นี่...” ผมว่าเสียงเบาก่อนจะยื่นกล่องยาขนาดเล็กไปให้อีกฝ่าย ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมามองแล้วรับไปแต่โดยดี
   “ขอบใจ”
   “อะ...อืม...”
   “ทำไมไม่กินข้าว” เขาถามขึ้นทำให้ผมที่กำลังเอาแซนวิสเข้าปากต้องชะงักก่อนจะเลือกกัดไปหนึ่งคำโดยมีปั้นใจนั่งมองอยู่ เมื่อเคี้ยวหมดผมจึงตอบเขาไป
   “เราไม่ค่อยชอบกินข้าว”
   “ห๊ะ”
   “ปกติกินนี่” ผมว่าก่อนจะเทของในถุงเซเว่นให้อีกฝ่ายดู จนคนตรงข้ามขมวดคิ้วเมื่อเห็นขนมหลากหลายของผมกองอยู่บนโต๊ะ ซึ่งแม่ผมก็บ่นอยู่เสมอเรื่องไม่ยอมกินข้าว แต่ผมก็กินพวกขนมปังและของพวกนี้แทน “อร่อยนะ กินมั้ย”
   “ไม่ล่ะ”
   ปั้นใจตอบทันทีก่อนจะก้มหน้ากินข้าวของตัวเองต่อ ทำให้ผมต้องเก็บของบนโต๊ะใส่ถุงไว้เหมือนเดิม พลางกินแซนวิสที่ตัวเองกินค้างไว้ แล้วมองใบหน้าของคนตรงข้ามไปด้วย
   หน้าตาดี ตัวก็สูง...
   ผมไม่เคยเห็นใครเพอเฟคเท่าเขาเลย จะว่าผมไม่ค่อยสังเกตคนอื่นๆ ก็ได้
   แต่ปั้นใจเป็นคนที่ผมอยากจะสำรวจทุกส่วนของร่างกาย
   “อะ...!”
   ผมที่กำลังไล่มองลำคอของเขาขึ้นมาอย่าเพลินๆ ก็ต้องตกใจเมื่อปะทะเข้ากับสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาพอดี
   ดะ...เดี๋ยว...
   กึด !
   “โอ๊ย !”
   ผมร้องออกมาเมื่อกัดเข้าที่ลิ้นของตัวเองเต็มแรง ก่อนจะวางของกินในมือลงแล้วตั้งใจซึมซับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจนน้ำตาคลอ
   ฮ่อวววววววว ~
   เจ็บง่ะ ฮื้อ...
   “เป็นอะไร”
   “อื้อ...อัดอิ้น...”
   “ไม่ระวัง” คำตำหนิของคนที่อยู่ตรงข้ามผมทำให้ตัวเองรีบยกมือปาดน้ำตาก่อนจะเห็นว่าปั้นใจกินข้าวต่อโดยไม่ได้สนใจมากผมนัก ซึ่งผมเองที่ตอนนี้ก็ได้แต่ก้มหน้ารับความเจ็บจากความไม่ระวังของตัวเอง พลางเก็บแซนวิสที่เหลือใส่ถุงไว้ก่อน
   “เราจะไปซื้อน้ำ...”
   “เอาน้ำอะไร” อยู่ๆ คนที่ตอนแรกกินข้าวอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับถือจานข้าวไว้ ทำให้ผมที่กำลังจะอาสาไปซื้อน้ำให้เขาด้วยต้องมองตามอย่างแปลกใจ “จะเอาจานไปเก็บด้วย เร็วๆ จะเอาน้ำอะไร”
   “อ่า...ชาเขียวก็ได้”
   “แค่นี้นะ”
   “อะ...อืม”
   ผมมองคนที่กลับหลังหันเดินออกไปอย่างไม่เข้าใจนัก ซึ่งตั้งแต่มานั่งกินข้าวปั้นใจก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมเลย ไม่พูดถึงเรื่องเก่า เรื่องวันก่อน หรือเรื่องที่ว่าทำไมเขาถึงมานั่งกับผม
   ที่สำคัญคือเรื่องที่เขาแอดเฟซบุ๊กผมมาก่อนด้วย
   แต่ผมก็ไม่กล้าถามอยู่ดี
   “เฮ้อ...”
   “ไอ้เกลือ !”
   “เฮือก...!” ผมสะดุ้งเมื่อมีมือมาคว้าหมับเข้าที่เอวทำให้ตัวเองต้องหันไปมองก็พบกับพาฝันที่ตอนนี้เอากระเป๋าวงลงบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ “ฝะ...ฝัน”
   “เออสิ กูเอง”
   “มาแล้วเหรอ”
   “เอ๊ะ ไอ้เกลือ มึงก็ถามแปลกๆ ถ้ายังไม่มาจะมายืนตรงนี้เหรอ” ผู้หญิงที่วันนี้แต่งตัวได้รัดรูปและเซ็กซี่สุดๆ ทำหน้าเซ็ง แล้วเท้าคางมองหน้าผมราวกับมีอะไรจะถาม
   “มีอะไรกับเราหรือเปล่า”
   “มี”
   “อ่า...”
   “คนที่ชื่อปั้นใจเป็นเพื่อนมึงเหรอ” ผมที่ตอนนี้ทำได้แค่กระพริบตาปริบๆ หลังจากฟังคำถามจากคนข้างๆ ก็โดนเขกหัวมาหนึ่งที “กูถาม มาทำหน้าเอ๋อใส่ทำไมห๊ะ”
   “เราไม่รู้”
   “ห๊ะ”
   ไม่รู้ว่าปั้นใจนับว่าผมเป็นเพื่อนหรือเปล่า...
   “ปั้นใจเป็นเพื่อนโรงเรียนเก่า”
   “หืม...เด็กโรงเรียนเราเหรอ ทำไมกูไม่เคยเห็นวะ” คนสวยทำหน้าสงสัยพลางมองผมอย่างคาดคั้น
   “ปั้นเพิ่งย้ายมาตอนเทอมสอง ม. 6”
   “อ๋ออออ ถึงว่าล่ะ ปกติถ้าหน้าตาดีขนาดนี้ไม่น่าจะหลุดกูไปได้”
   พาฝันพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะหันมามองทางผมอีกครั้งจนตัวเองต้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจนัก ก่อนจะหลบหน้าหนี แต่ก็โดนคนข้างๆ ใช้มือทั้งสองข้างจับแก้มแล้วดึงให้หันไปหา
   “ฝะ...ฝัน...”
   “แนะนำให้กูรู้จักบ้างสิ”
   “...”
   “นะไอ้เกลือเพื่อนรัก พาฝันคนนี้โคตรถูกใจเพื่อนมึงเลย ~” คนข้างๆ ขยับเข้ามาใช้ใบหน้าถูไถไหล่ผม จนตัวเองต้องมองตามอย่างหนักใจ เพราะไม่รู้จะแนะนำปั้นใจให้อีกฝ่ายยังไงดี “พลีชชชชช ~”
   “จริงๆ แล้วเราไม่ค่อยสนิทกับ...”
   “แค่แนะนำชื่ออ่ะ แบบให้กูเจอเขาก็พอ เดี๋ยวที่เหลือกูสานต่อเอง !”
   “อ่า แบบนั้นก็ได้...”
   “เย้ รักมึงที่สุด ~” ผมที่โดนผู้หญิงข้างๆ ขยี้แก้มอย่างเมามันจนปากจู๋ก็ได้แต่มองอีกฝ่ายพลางคิดไปด้วยว่าจะเริ่มแนะนำพาฝันให้ปั้นใจรู้จักยังไงดี
   ถ้าอยู่ๆ แนะนำขึ้นมาเฉยๆ ปั้นใจจะมองว่าผมแปลกมั้ยนะ...
   “ทำอะไรกัน”
   ผมกับพาฝันที่สะดุ้งกับเสียงที่ดังขึ้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ตอนนี้อยู่ตรงข้ามกับผมที่มองมาพลางขมวดคิ้ว โดยในมือก็มีแก้วชาเชียวปั่นกับขวดน้ำดื่มอยู่ ซึ่งพาฝันที่ตอนแรกขย้ำแก้มผมอย่างเมามันก็รีบผละตัวออกไปพลางยกมือเกาแก้มตัวเองเขินๆ ส่วนผมเองตอนนี้แก้มคงช้ำเป็นรอยมือไปแล้วเรียบร้อย
   “ปั้น นี่เพื่อนเราชื่อพาฝัน”
   “สวัสดีจ้ะ”
   “สวัสดี” ปั้นใจพูดทักทายพาฝันเช่นกันก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้ามผมเช่นเดิมพลางยื่นแก้วชาเขียวมาให้
   เดี๋ยวนะ...   
   ผมลืมให้เงินปั้นใจได้ยังไงเนี่ย !
   ผมที่มองแก้วชาเขียวด้วยใบหน้าแตกตื่นก่อนจะรีบควักเงินออกมาให้คนที่นั่งตรงข้าม
   “คะ...ค่าชาเขียว...”
   “ไม่เป็นไร”
   ปั้นใจเปิดขวดน้ำดื่มก่อนจะมองมาทางผมพลางจ้องเขม็งมาที่เงินของผมราวกับบอกว่า ‘เก็บไปซะ’ จนตัวเองต้องเอามันเก็บใส่กระเป๋าไว้เหมือนเดิม
   “ค่ายา”
   “อ้อออ ~” ผมที่ตอนแรกแปลกใจอยู่ก็พยักหน้ารับทันทีเมื่อปั้นใจพูดขึ้น “จริงๆ เราตั้งใจซื้อให้”
   “อืม”
   อืม...
   ผมที่ตอนนี้อ้าปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะต่อบทสนทนายังไง ส่วนปั้นใจเองก็ดูเหมือนจะตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน ก่อนที่พาฝันจะกระทุ้งเอวผมเบาๆ ซึ่งผมก็หันไปแล้วส่ายหัวให้
   ไม่รู้จะพูดอะไรต่อจริงๆ งื้อ...
   “ปั้นใจ นายชื่อปั้นใจใช่มั้ย”
   “อืม”
   “เมื่อวานนายเท่มากเลย ขอบคุณที่วิ่งแทนเพื่อนเรานะ”
   “ไม่เป็นไร”
   “ปั้นนี่เรียนสาขาเดียวกับเราใช่ป้ะ”
   “น่าจะใช่นะ”
   “เวลามีงานอะไรไม่เข้าใจหรืองานกลุ่มมาถามเพื่อนเราได้นะ เกลือมันเก่ง” พาฝันยิ้มกว้างพร้อมกับคำพูดที่ทำให้ผมต้องหันขวับไปมองเธอทันที ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ขยิบตามาให้จนผมต้องอ้าปากค้างแล้วหันไปมองทางปั้นใจที่มองมาทางผมเช่นกัน
   คือผมก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น...
   “รู้อยู่” ปั้นใจพูดขึ้นมา ทำให้ผมที่อยากจะเถียงใจจะขาดก็ได้แต่หุบปากเงียบแทน แล้วก้มหน้าหนีคนที่จ้องมา
   เชื่อเถอะ ว่าผมไม่ได้เก่งขนาดนั้นจริงๆ
   แค่อาจจะดูเหมือนเก่งเพราะผมต้องช่วยตัวเองและทำอะไรคนเดียวอยู่เสมอ
   “ใช่มั้ยๆ งั้นถ้ามีงานกลุ่ม...”
   “อืม เราอยู่ด้วย” ปั้นใจพูดขึ้นทันทีทำให้พาฝันหันมาทำหน้าดีใจใส่ผมทันที ก่อนที่เธอจะปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วหันไปหาคนที่เออออตามไปโดยไม่ถามสุขภาพผมสักคำ “กูอยู่ด้วยได้ใช่มั้ย”
   “หะ...อื้มๆๆ อยู่ได้ๆ” ผมรีบพยักหน้าเมื่อพาฝันหยิกเข้าที่เอวของผมเบาๆ เพื่อเรียกสติ
   “อืม”
   ปั้นใจพยักหน้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมทำให้เหลือแต่ผมกับฝันเท่านั้นที่ยังกระซิบกันอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพาฝันที่แสดงความตื่นเต้นดีใจออกมา
   “เฮ้ย ไอ้อ้วน”
   “...!”
   “ไอ้น้องอ้วนที่วิ่งไม่ไหวเมื่อวานน่ะ มานี่ดิ !” ผมที่สะดุ้งจากเสียงเรียกโหดๆ ก็รีบหันไปมองก็เห็นว่าหนึ่งในรุ่นพี่ที่เข้าร่วมรับน้องเมื่อวานกำลังกวักมือเรียกผมอยู่ ทำให้ตัวเองต้องมองไปแบบงงๆ “มึงนั่นแหละ มานี่ !”
   ผมที่ตอนนี้เริ่มทำหน้าไม่ถูกนักได้แต่พาตัวเองลุกขึ้น ท่ามกลางสายตาของพาฝันที่ดูเหมือนจะไม่ชอบใจเรื่องนี้นัก แต่ก็ช่วยพูดอะไรไม่ได้ ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปหารุ่นพี่ที่อยู่โต๊ะถัดไป ซึ่งพวกเขาตอนนี้ก็มองทางผมเป็นตาเดียวจนผมประหม่าขึ้นมา
   คะ...คงไม่ได้คิดจะแกล้งกันใช่มั้ย
   ทำไมคนที่ตัวใหญ่กว่าเพื่อนมักจะเด่นกว่าทุกคนเสมอ
   บางทีผมก็ไม่ชอบการเป็นแบบนี้เท่าไหร่นักหรอก...
   “น้องชื่ออะไร”
   “กะ...เกลือครับ”
   “เอาล่ะ น้องอ้วน เอ๊ย น้องเกลือ รู้หรือเปล่าว่าการสร้างมิตรกับพวกรุ่นพี่ไว้มันเป็นเรื่องที่ดี ต่อไปภายภาคหน้าถ้ามีอะไรให้พี่จะช่วยก็บอกได้”
   “อ่า...ครับ” ผมพยักหน้าอย่างว่าง่าย ซึ่งก็จริงอย่างที่เขาว่า แต่ผมรู้สึกว่าไม่อยากจะสร้างมิตรกับพวกพี่กลุ่มนี้เท่าไหร่
   เพราะดูแล้วภายภาคหน้าที่ว่าเขาก็คงไม่มาช่วยอะไรผมแน่ๆ
   “อืม เข้าใจง่ายดี แล้วจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ยถ้าพี่จะวานอะไรเรานิดๆ หน่อยๆ”
   “เอ่อ...ถ้าไม่เกินแรงที่ผมจะทำได้ ก็จะทำให้ครับ” ผมว่าไปทำให้รุ่นพี่ทั้งกลุ่มที่มีอยู่สามสี่คนพากันหัวเราะออกมา และส่วนใหญ่จะยิ้มออกมาอย่างพอใจซะด้วย
   “รับรองไม่เกินแรงน้องแน่ๆ”
   “...”
   “มีกระดาษมั้ย”
   “มีครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมา เขาเลยพยักหน้าอย่างพอใจแล้วชี้มาที่ปากกาที่เหน็บอยู่ที่กระเป๋าเสื้อของผมด้วย ผมจึงหยิบมาขึ้นมาตามคำสั่งนั่น
   “จดนะครับ” รุ่นพี่ตรงหน้ายิ้มให้ผมทำให้ผมพยักหน้ารับ “แดงโซดาหนึ่ง แป๊บซี่ใส่น้ำแข็งสอง ลาเต้เย็นหนึ่ง เอาร้านที่อยู่ข้างๆ ม. นะ”
   ผมพยักหน้ารับพลางจดลงกระดาษไปด้วย ซึ่งก็พอจะเดาได้อยู่ว่าเขาต้องการจะ ‘สร้างมิตร’ ที่ว่ากับผมยังไง
   “ไปซื้อน้ำให้พวกพี่หน่อยสิ” คำพูดนั้นทำให้ผมยืนนิ่ง ซึ่งไม่รู้จะตอบรับยังไง จะปฏิเสธก็คงจะไม่ได้ เลยได้แค่จำใจพยักหน้ารับเท่านั้น “แต่อีกสิบนาทีพี่จะขึ้นเรียนแล้ว ยังไงช่วยรีบๆ หน่อยแล้วกันนะ”
   “ครับ...!?” ผมที่ตอนแรกยอมรับชะตากรรมตัวเองก็ต้องเบิกตากว้างเพราะดูเหมือนเวลาสิบนาทีกับการวิ่งซื้อน้ำสามแก้วที่อยู่ห่างกันหลายเมตรนี่เป็นอะไรที่ยากเกินไปสำหรับผม “สะ...สิบนาทีเหรอครับ ไม่ทันแน่...”
   “ไม่ทันพี่สั่งซ่อมนะ”
   เฮือก...!
   ผมที่ตอนนี้ตัวสั่นไปทั้งร่างก็มองรุ่นพี่ตรงหน้าที่ผมสาบานไว้กับตัวเองว่าชาตินี้ต่อให้ผมซื้อน้ำสามแก้วได้ทันภายในเวลาสิบนาทีก็ไม่มีทางขอสานสัมพันธ์กับพวกนี้แน่ๆ
   นี่มันแกล้งกันชัดๆ !
   “สวัสดีครับ” ผมที่ตอนแรกยืนเหงื่อตกอยู่ก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นจากข้างๆ ตัวพร้อมกับร่างสูงที่เข้ามายืนที่ข้างๆ ผม พลางหยิบกระดาษในมือของผมไป “จริงๆ ผมก็อยาก ‘สร้างมิตร’ กับรุ่นพี่ด้วย ยังไงรบกวนช่วยแบ่งให้ผมได้ไปซื้อน้ำพวกนี้ด้วยได้มั้ยครับ เผื่อว่าต่อไปในอนาคตผมมีเรื่องลำบากจะได้บากหน้ามาทวงบุญคุณ...อ่า ไม่ใช่สิ มาขอความช่วยเหลือจากพวกพี่ได้”
   “ปะ...ปั้น...”
   “มึง...!”
   “ยังไงผมอาสาเลยดีกว่า พี่จะได้เอ็นดูผมเยอะๆ”
   ปั้นใจยิ้มให้กับกลุ่มคนตรงหน้าก่อนจะก้มหัวให้แล้วดึงแขนผมให้ออกจากตรงนั้นทันทีโดยไม่รอฟังคำโวยวายที่ออกจากปากของรุ่นพี่ที่นั่งอยู่นัก ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอากระดาษคืนให้ผมแล้วหันมามองด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะไม่พอใจ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ปรับสีหน้าลงเป็นปกติ
   “มึงไปซื้อแดงโซดากับแป๊บซี่ใส่น้ำแข็ง เดี๋ยวลาเต้ร้านข้างๆ ม. นี่เดี๋ยวกูวิ่งไปซื้อเอง”
   “วะ...วิ่ง”
   อีกแล้ว...
   “ตามนั้นนะ”
   “...”
   “เออ ลืมเงินเลย” ปั้นใจที่ทำหน้าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ก็หันหลังเดินกลับไปทางเดิมทำให้ผมมองตาม ซึ่งภาพตรงหน้าทำให้ผมหูอื้อตาลายไปหมด ก่อนจะเห็นว่าปั้นใจเดินกลับมาแล้วยัดแบงค์ยี่สิบสองใบให้ผม “ร้านอยู่แค่นี้เดินไหวใช่มั้ย”
   “อะ...อื้อ...”
   “งั้นเดี๋ยวกูมานะ”
   “...”
   “เป็นอะไร” ผมที่ตอนนี้ได้แต่มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก็ได้แต่ส่ายหัว ซึ่งคนที่ขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้าก็ดีดเข้าที่หน้าผากของผมเบาๆ “ไปได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ทันสิบนาที”
   “อือ”
   ผมพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนที่ปั้นใจจะเดินออกไป ผมที่มองตามแผ่นหลังกว้างที่เข้ามาช่วยผมเป็นครั้งที่สองก็ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น โดยที่ร่างกายมันก็ขยับไม่ออกนัก มีเพียงเสียงจากคนรอบข้างเท่านั้นที่ดังเข้ามาในหู
   เขาเข้ามาช่วยผมอีกแล้ว
   “เกลือ”
   “...”
   “ไอ้เกลือ !” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปเห็นพาฝันที่ตอนนี้แย่งกระดาษในมือจากผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “เหม่ออะไรของมึงห๊ะ เดี๋ยวก็ไม่ทันสิบนาที”
   “ฝะ...ฝัน”
   “โอ๊ยยย ปั้นใจก็เท่เหลือเกิน กูอยากได้เขา ~” พาฝันยิ้มกว้างพลางทำท่านึกถึงคนที่เดินจากไป ซึ่งผมเองก็ได้แต่ตอบรับไปอย่างที่ใจคิด
   “อือ”
   “ว่าแต่รีบไปเถอะ เดี๋ยวก็ไม่ทัน มึงไปซื้อแดงโซดาแล้วกันเดี๋ยวกูไปซื้อแป๊บซี่ให้ อยากสร้างมิตรกับพวกพี่เขาเหมือนกัน จะดูสิว่ามีอะไรดี”
   “ขอบใจนะฝัน”
   “เออๆ ไม่ต้องคิดมาก กูไปละ มึงก็รีบไปได้แล้ว”
   “อื้อ !”
   ผมพยักหน้าก่อนจะเริ่มทำตามสิ่งที่ได้รับมอบหมายพลางมองตามแผ่นหลังเล็กที่ตอนนี้แยกตัวไปอีกทางแล้วก้มมองกระดาษภายในมือที่พาฝันส่งคืนมา
   ขอบคุณพาฝันไปแล้ว
   ก็เหลือแต่ขอบคุณปั้นใจล่ะนะ...
   ...
   “โอ๊ย...” ผมที่ก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดเดินทั้งแบบนั้นแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้
   แก้มคนเรามันจะขยายได้ใหญ่สุดแค่ไหนกันเนี่ย
   ทำไมถึงหยุดยิ้มไม่ได้เลยนะ...

---------------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 2 (13.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-09-2018 18:47:33
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 2 (13.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-09-2018 20:26:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 2 (13.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 13-09-2018 21:56:11
เราเรียนเอกชนเลยไม่รู้นะว่าการรับน้องทุเรศแบบนี้เราไม่เคยเจออะ รุ่นพี่ทุเรศมากค่ะ เป็นพี่กี่ปีกันเชียว สร้างมิตรพ่อง สั่งซ่อมอะไรบ้าบอ อีกอย่างเขามีชื่อค่ะ 2018 แล้วเลิกเรียกอะไรแบบนี้ได้แล้ว มีโรคประจำตัวก็คือมี เกิดเขาเป็นอะไรไปมีปัญญารับผิดชอบไหม  เป็นเราเราไม่แคร์อะ มาเรียนเว้ย ประสาทจริงๆพวกรุ่นพี่อะไรนี่ โทษทีค่ะอินเกินไปหน่อย
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 2 (13.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 13-09-2018 22:32:12
เป็นเราจะด่ารุ่นพี่ให้หอบตัวเองกำเริบต่อหน้ามันเลยให้มันรู้ อีผีมาเรียนโว้ยย เดี๋ยวทำลายล้างเลย 5555 อินมาก ขนาดจบมหาลัยมาจะเป็นปีแล้ว *-*
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 2 (13.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-09-2018 02:03:02
เกลือโชคดีนะมีเพื่อนดี ๆ ช่วยเหลือกันแบบนี้ พวกรุ่นพี่ดูไว้นะค่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 2 (13.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 16-09-2018 08:25:45
อยากด่าพวกรุ่นพี่มากบอกเลยย  :katai4:
รอตอนต่อไปนะคะ สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 3 (16.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 16-09-2018 12:01:35
3




   “ทำไมไอ้กิจกรรมล่าลายเซ็นรุ่นพี่นี่มันถึงได้มีทุกปีและมีซะทุกสาขาเลยนะ...”
   “อ่า...”
   “เชื่อมั้ยว่าปีก่อนที่คณะเก่า กูก็ไปวิ่งหาลายเซ็นเหมือนกัน”
   “เขาฮิตกันเหรอ”
   “ไม่รู้ เขาบอกเป็นการทำให้รุ่นน้องรู้จักกับรุ่นพี่ แต่กูเห็นส่วนใหญ่รุ่นพี่จะแกล้งรุ่นน้องซะมากกว่า” พาฝันทำหน้าเซ็งในขณะที่พูดไปด้วย ก่อนจะเป็นผมที่ตอนนี้เหงื่อแตกพลั่กเมื่อได้ยินคำว่าแกล้ง “แต่ก็แค่บางคนแหละ รุ่นพี่บางคนก็ดี”
   “อืม...”
   “ขี้เกียจหาจริงโว้ย ทำไมชีวิตกูต้องมาวนอยู่กับอะไรซ้ำๆ แบบนี้ด้วยเนี่ย !”
   ผมที่ฟังพาฝันบ่นไม่หยุดปากก็ได้แต่พยักหน้าตามเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ก่อนที่จะมีแรงสะกิดจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมองก็ต้องผงะถอยหลังเมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นพี่แก๊งเดิมที่ใช้ผมไปซื้อน้ำเมื่อวันก่อน
   “พะ...พี่...”
   “ตกใจอะไรห๊ะไอ้อ้วน กูแค่จะเซ็นให้ จะเอามั้ย” คนตรงหน้าขมวดคิ้วใส่ผมก่อนที่ตัวเองที่ตอนนี้ทำหน้าแปลกใจก็โดนรุ่นพี่ตรงหน้าชิงสมุดเล่มเล็กในมือไปแล้ว “ค่าซื้อน้ำ ไปบอกเพื่อนอีกคนของมึงให้มาเอาด้วย”
   “อ่า...ครับ” ผมพยักหน้าอย่างงๆ เพื่อนอีกคนที่พี่เขาพูดถึงคงจะเป็นปั้นใจ ก่อนที่พาฝันที่ตอนแรกมองเหตุการณ์อยู่ก็พูดขึ้นมา
   “หนูก็ช่วยเพื่อนหนูซื้อน้ำนะคะ พี่ๆ ไม่เซ็นให้หนูบ้างเหรอ”
   “มาจ้ะคนสวย”
   “ขอบคุณค่า” พาฝันยิ้มกว้างพลางยื่นสมุดเล่มเล็กให้รุ่นพี่ตรงหน้าหลังจากที่สมุดของผมทุกยื่นคืนมา ซึ่งด้านในก็มีลายเซ็นของคนสี่คน
   “งั้นพวกพี่ไปละ”
   “ไปดีค่ะพี่ ~” ผมที่ได้แต่ก้มหัวให้พวกเขาในขณะที่พาฝันตอนนี้ก็ยิ้มอย่างพอใจก่อนจะหันมาหาผมหลังจากที่พวกพี่เขาเดินออกไปแล้ว “โชคดีจริงๆ อยู่ๆ ก็ได้มาตั้งสี่ลายเซ็น !”
   “อื้อ”
   “เพราะมึงเลยไอ้หมูอ้วน ~” พาฝันยกมือขึ้นมาขย้ำแก้มผมเหมือนอย่างเคย ก่อนจะเริ่มหันมองซ้ายมองขวา “ไปหาปั้นใจกัน !”
   “หะ...หืม”
   “ก็พวกนั้นบอกให้มึงไปบอกปั้นใจให้ไปเอาลายเซ็นไม่ใช่หรือไง”
   “อ๋อ...จริงด้วย...”
   “ไปๆๆๆ”
   พาฝันดันหลังผมให้ออกเดินทำให้ตัวเองต้องสอดส่องสายตามองหาปั้นใจไปด้วย โชคดีที่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเด่นสะดุดตาเอามากๆ ทำให้ผมสามารถเจอเขาอย่างรวดเร็วโดยตอนนี้เขากำลังยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมคิดว่าผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
   “นั่นออยใช่มั้ย”
   “ไหน...อ๋อ ใช่ๆๆ” พาฝันพยักหน้าก่อนจะรีบดันหลังผมให้เข้าไปด้านหน้าไม่นานเราทั้งคู่ก็เข้ามาถึงวงสนทนาของทั้งคู่ ซึ่งออยช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้คุยกับเธอเพราะเห็นว่าเธอก็อยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน จะทักทายบ้างนานๆ ทีเท่านั้น “หวัดดีออย”
   “อ้าว ไงฝัน เกลือ”
   “หวัดดี”
   ผมยิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้าก่อนจะหันไปมองทางปั้นใจที่มองมาด้วยสีหน้าแปลกใจ ก่อนจะเป็นผมที่เลือกหลบสายตาของเขาเช่นเคย
   อยากกัดแขนตัวเองจัง งื้อ...
   “มีอะไรกันเหรอ” พาฝันที่ชิงถามขึ้นมาทำให้ผมต้องหันไปมองพลางส่ายหัวเพื่อบอกว่า ‘ไม่เอา เราไม่ยุ่งเรื่องของเขา’ แต่กลับโดนอีกฝ่ายหยิกเอวมาหนึ่งทีจนผมสะดุ้งดีดตัวออกจากคนข้างๆ จนกระทั่งไปกระทบกับร่างของอีกคน
   เอ่อ...
   ปั้นใจอีกแล้ว
   ผมที่ทรงตัวอยู่ก็เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ตอนนี้ตัวติดกับผม และก็พบว่าเขาก็มองกลับมา...
   อีกแล้ว...
   อึ๊บ !
   ผมที่หลบสายตาของอีกฝ่ายไว้ก็ได้แต่ขยับตัวกลับไปหาพาฝันแล้วก็ได้แต่กลั้นสีหน้าประหม่าของตัวเองไว้ ซึ่งตอนนี้เหงื่อก็ตกเป็นที่เรียบร้อย
   ไอ้เกลือ ใจเย็นๆ ใจเย็น...
   “ทำหน้าอะไร” จู่ๆ ปั้นใจก็พูดขึ้นพลางขมวดคิ้วมองหน้าผม ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะยกมือขึ้นมาดีดหน้าผากของผมเบาๆ “ตลก”
   โฮ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย ~
   ตึก...ตึก...ตึก...
   เหงื่อแตกพลั่กแล้วครับท่านผู้ชม...
   ผมที่ตอนนี้อยากจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าซะให้รู้แล้วรู้รอดก็ต้องพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติไว้ เพราะดูเหมือนหน้าผมตอนนี้คงจะ ‘ตลก’ อย่างที่ปั้นใจพูด ก่อนที่เขาจะละสายตาไปจากผมจนได้ ทำให้ตัวเองต้องถอนหายใจออกมา
   เฮ้อ...
   “รุ่นพี่ฝากมาจีบปั้นใจน่ะ...”
   “หื๊อ !” ผมกับฝันหันไปมองทางออยเป็นตาเดียวหลังจากที่เจ้าตัวพูดขึ้น ทำให้ออยหลุดขำออกมาทันที คงเป็นเพราะสีหน้าของพาฝันที่ตกใจอย่างออกนอกหน้า
   “หมายถึงจีบปั้นใจให้ไปเป็นเดือนคณะเรา”
   “อ๋อ ~”
   “ขอปฏิเสธได้มั้ย” ปั้นใจพูดขึ้นพลางจ้องเขม็งไปที่ออยซึ่งเธอก็พยักหน้ารับแต่โดยดี
   “เดี๋ยวเราลองไปบอกรุ่นพี่ให้นะ”
   “อืม”
   “งั้นเราไปหาเพื่อนก่อน ไว้เจอกัน” ออยที่เดินแยกออกไปจนทำให้ตอนนี้ตรงนี้เหลือเพียงผม พาฝันและปั้นใจเท่านั้น ก่อนที่พาฝันจะหันมากระซิบผม
   “ออยโดนเลือกเป็นดาวแน่เลย”
   “อือ”
   ก็น่าจะนะ ออยน่ารักขนาดนั้น...
   ผมที่พยักหน้าเออออไปกับพาฝันแล้วหันไปหาอีกคนที่ยืนอยู่ก็ต้องผิดหวังเมื่อตอนนี้ปั้นใจไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ก่อนที่ผมจะสะกิดพาฝันทำให้เธอเบิกตากว้างแล้วรีบลากผมให้วิ่งตามปั้นใจที่เดินไปหาโต๊ะนั่ง แล้วทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับคนที่มาถึงก่อน ทำให้เขามองพวกผมสองคนด้วยสีหน้างงๆ ซึ่งคนที่ลากผมมาก็รีบพูดเข้าเรื่องทันที
   “ปั้นใจ รุ่นพี่แก๊งเมื่อวานฝากมาบอกว่าให้ไปเอาลายเซ็นกับเขาได้”
   “อืม” ปั้นใจพยักหน้ารับ ก่อนจะมองมาทางผมที่ตอนนี้ยังคงยืนตัวเกร็งอยู่ข้างๆ พาฝันโดยคิดว่าเมื่อเธอบอกข่าวกับปั้นใจแล้วเราจะออกไปจากตรงนี้กัน “ยืนทำไม นั่งสิ”
   แล้วนั่นล่ะ ผมก็ต้องทิ้งตัวลงนั่งอยู่ตรงนี้อย่างช่วยไม่ได้ โดยมีสีหน้าดีใจของพาฝันเป็นตัวประกอบ ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะเริ่มการสนทนากับเจ้าของโต๊ะที่ตอนนี้กำลังเล่นเกมโทรศัพท์อยู่
   “ปั้นอยู่หอของมหาวิทยาลัยเหรอ”
   “อืม ว่าจะย้ายแล้ว รำคาญรูมเมท”
   “อ๋อ ~”
   พาฝันขานรับเพียงแค่นั้นก่อนจะหันมาหาผมเพื่อให้เริ่มชวนคนตรงข้ามคุยบ้าง ตัวเองเลยได้แต่ส่ายหัวเพราะไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี
   เอ๊ะ...ผมมีขนมอยู่นี่นา !
   ว่าแต่ปั้นจะชอบกินช็อกโกแลตมั้ยนะ...
   “ปั้น...เอ่อ กินช็อกโกแลตมั้ย” ผมพูดขึ้นพลางหยิบห่อช็อกโกแลตขนาดพอดีคำขึ้นมา ทำให้คนที่ตอนแรกมองจอโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมแล้วตามด้วยขนมที่อยู่ในมือ “อร่อยนะ”
   “อืม”
   อืม...
   นี่คือกินใช่มั้ย...?
   “อ่ะ...” ผมที่ไม่รู้จะถามยังไงว่ากินหรือไม่กินก็ยื่นก้อนช็อกโกแลตกลมๆ ไปให้เขาทันที
   และก็ได้แค่สายตาของอีกฝ่ายมองกลับมาเท่านั้น...
   “เล่นเกมอยู่”
   “อะ...อ๋อ...งั้นไว้ก่อนเนอะ”
   “มันเย็นมั้ย”
   “เย็น เราเพิ่งซื้อมาเลย” ผมว่าพลางมองของในมือที่เริ่มมีไอน้ำติดที่ซองพลาสติก เนื่องจากตอนซื้อผมเพิ่งเอามันออกมาจากตู้แช่แข็ง
   “อยากกิน”
   “หะ...หืม...”
   ผมที่ตอนแรกมองช็อกโกแลตของโปรดในมืออยู่ก็ต้องเงยหน้ามองคนที่ตอนนี้ปลายตามองผมเช่นกัน ก่อนที่เขาจะก้มลงไปเล่นเกมยิงปืนในมือถือต่อ
   ‘อยากกิน’
   เอ่อ...ผมพอจะช่วยอะไรเขาได้บ้างมั้ยนะ...
   “มึงก็แกะซองให้เขาสิ !” พาฝันเข้ามากระซิบก่อนจะทำให้ผมตั้งสติได้แล้วพยักหน้า ก่อนจะแกะช็อกโกแลตออกจากซองพลาสติกพลางลังเลอยู่ว่าจะยื่นให้ปั้นใจเลยดีมั้ย เขาจะหยุดเล่นเกมแล้วรับของจากมือผมได้หรือเปล่า   
   “ปะ...ปั้น” ผมเรียบเสียงเบาก่อนจะยื่นช็อกโกแลตไปให้เขา ซึ่งคนที่เล่นเกมอยู่ก็ส่ายหัวเพื่อเป็นเชิงบอกว่าไม่สามารถรับของจากมือของผมไปได้ ก่อนที่เขาจะก้มมองหน้าจอโทรศัพท์เหมือนเดิมแล้ว...
   อ้าปาก...
   เอ่อ อ้าปากจริงๆ ครับ...
   “กรี๊ดดดด ไอ้เกลือออ ~” ส่วนอันนี้เป็นเสียงของพาฝันที่กรอกเข้าหูผมเต็มๆ
   งื้อออ ผมควรจะทำยังไง ป้อนเขาใช่มั้ย หรือส่งให้ฝันป้อนดี...
   ผมที่ตอนนี้มือสั่นพลางมองคนที่ยังอ้าปากอยู่ก่อนจะตัดสินใจกลั้นหายใจแล้วเอื้อมมือข้างที่มีของหวานส่งไปให้เขา ไม่นานก้อนช็อกโกแลตเย็นๆ กลมๆ ก็ถูกส่งเข้าปากของปั้นใจจนได้
   ส่วนผมตอนนี้ก็ใจเต้นตึกตัก เหงื่อแตกพลั่กอีกแล้ว
   โฮ่ยยยยยยยยยยย ~
   “อืม...อร่อย” เสียงของปั้นใจขานรับหลังจากที่เคี้ยวของในปาก ก่อนที่ผมจะเห็นว่าอีกฝ่ายมีรอยยิ้มเล็กๆ อยู่ที่มุมปากด้วย “มีอีกมั้ย”
   เขาแกล้งผมแน่ๆ ฮื้อ...
   “อะ...อื้อ มี...”
   ผมพยักหน้าแล้วหยิบช็อกโกแลตอีกซองขึ้นมา โดยสายตาก็มองคนตรงข้ามที่ตอนนี้มือยังคงเล่นเกมอยู่ ก่อนที่เขาจะมองมาที่ช็อกโกแลตในมือของผม
   “กูขอได้มั้ย”
   “ได้ อื้อ ได้สิ”
   “อืม”
   ปั้นใจขานรับแค่นั้น แต่คราวนี้เขาไม่ได้อ้าปาก ผมเลยคิดว่าเขาขอแต่เขาคงไม่ได้ให้ผมป้อนแล้ว แต่เขาจะเอาช็อกโกแลตในมือของผมนี่จริงๆ ใช่มั้ย
   และผมคิดว่าผมไม่ได้ตาฟาด ที่ยังเห็นว่ารอยยิ้มของเขาไม่ได้หายไปไหน
   นี่ปั้นแกล้งเราจริงๆ สินะ...




(ปั้นใจ)
   “โอ้โห มาไวกว่าที่คิดว่ะ”
   เสียงที่ดังขึ้นไม่ห่างจากร่างกายของผมทำให้ตัวเองต้องละความสนใจกับของตรงหน้าแล้วมองคนที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับใบหน้าทะเล้น ก่อนจะเก็บซองช็อกโกแลตที่ได้มาใส่กระเป๋าไว้ ซึ่งคนที่เข้ามาทักทายก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเด็กคณะบริหารที่ชื่อว่าฟาง ที่มีสถานะเป็นทั้งเพื่อนเก่า และรูมเมทของผม
   “อืม”
   “ฮั่นแหน่ ไอ้ปั้น เมื่อกี๊มึงดูอะไรอยู่ แอบซ่อนอะไรไว้”
   “ไม่เสือกดิ”
   “แต่กูเห็นว่าเป็นช็อกโกแลต” ไอ้คนหูตาไวมันพูดขึ้นทำให้ผมได้แต่ทำหน้าเซ็งๆ “สาวให้มาเหรอ ปกติมึงไม่กินช็อกโกแลตนี่หว่า”
   “ไม่เสือก”
   “ก็ได้วะ ไม่ยุ่งก็ได้ !” ไอ้ฟางมันทำหน้าไม่พอใจก่อนจะล้วงเอาของที่ผมต้องมาเอาถึงที่นี่ออกมาให้ “เอ้า เอาไป”
   วัตถุสีเงินชิ้นเล็กถูกส่งมาให้ ทำให้ผมมองมันอย่างไม่ชอบใจนัก เพราะมันเป็นสิ่งที่เพิ่งสร้างปัญหาให้ผมไปเมื่อวันก่อน
   กุญแจห้อง
   “ขอบใจ”
   “แล้วก็หาเวลาไปปั๊มด้วย จะได้ไม่ได้ลำบากถ่อมาเอาที่กูถึงคณะ แม่งแค่กุญแจห้องยังไม่รู้จักรักษา”
   “บ่นมาก” ผมว่ามันก่อนส่ายหัวกับความขี้บ่นของอีกฝ่าย ซึ่งไอ้ฟางเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ซึ่งมันเองก็คงจะเหนื่อยหน่ายกับผมเช่นกัน
   ใช่ ผมเป็นคนไม่ค่อยรักษาของ ที่สำคัญยังขี้ลืมด้วย ซึ่งกุญแจห้องของหอผมก็เพิ่งได้มาพร้อมๆ มันเมื่อวันก่อน และมันก็หายไปเมื่อวันก่อนเช่นกัน
   ให้ตายสิ...
   “เออๆ กลับไปก่อนไป เดี๋ยวกูตามกลับไป ไม่ต้องล็อกห้องล่ะ เผื่อมึงหลับจะได้ไม่ต้องตื่นมาด่ากูเวลากูเคาะ”
   “อืม”
   “ไว้เจอกันเว้ย” ไอ้ฟางมันทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะวิ่งกลับเข้าตึกไป ทำให้ผมเก็บกุญแจห้องใส่กระเป๋ากางเกง แต่กลับหลังหันยังไม่ทันเดินออกจากตึกคณะก็ได้ยินเสียงคนที่เพิ่งวิ่งออกไปตะโกนเรียกไว้ “เฮ้ย ไอ้ปั้น !”
   “...”
   “กุญแจกูอ่ะ อย่าทำหายนะ แล้วก็...” ไอ้คนกวนประสาทมันทำหน้าทะเล้นก่อนจะมองมาที่กระเป๋ากางเกงผม “ว่างๆ พาเจ้าของช็อกโกแลตมาให้กูรู้จักบ้าง !”
   “ฝัน”
   ผมตอบเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันหลังเดินกลับทางเดิมโดยมีเสียงหัวเราะของไอ้คนที่ผมคิดว่ามันกวนประสาทที่สุดตั้งแต่เคยพบเจอคนอื่นมาอย่างไอ้ฟางไล่ตามหลัง
   ผมควรจะจดโน้ตไว้ว่าต้องไปปั๊มกุญแจ...
   ผมที่เพิ่งเดินพ้นจากรั้วมหาวิทยาลัยก็ต้องชะงักหยุดการเดินเมื่อสายตาไปสะดุดเข้าที่ร่างกลมๆ ขาวๆ ที่ดูเหมือนจะนุ่มนิ่มสุดๆ ยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์ โดยที่เจ้าตัวกำลังหันมองซ้ายมองขวาแล้วพองแก้ม จนผมที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ได้แต่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเลือกเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแทนที่จะกลับไปที่หอ
   นี่มันหนู...
   “ยืนทำอะไร”   
   ผมทักคนที่เตี้ยกว่าผมหลายสิบเซนติเมตรทำให้เขาสะดุ้งแล้วผงะถอยหลัง ไม่นานใบหน้าขาวที่มีพวงแก้มอมชมพูก็เงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ
   “ปะ...ปั้น”
   “อืม”
   “เรายืนรอแม่” เกลือตอบออกมาก่อนจะเลือกหลบตาผมเหมือนอย่างเคยทำให้ผมพยักหน้ารับพลางมองหัวถุยของคนที่เตี้ยกว่า ดูเหมือนร่างที่เชื่องช้าเพราะขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่จะค่อยๆ ขยับถอยออกห่างจากผมทีละน้อย “แล้วปั้นไม่กลับหอเหรอ”
   “กูรอเพื่อน”
   “อ๋อ...” คนข้างๆ ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเงียบไปทั้งอย่างนั้น ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าจะชวนอีกฝ่ายคุยอะไรเหมือนกันเลยได้แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะเป็นฝ่ายเริ่มสนทนาอีกครั้ง “เอ้อ พรุ่งนี้เอาช็อกโกแลตอีกมั้ย เดี๋ยวเราซื้อมาฝาก ท่าทางปั้นจะชอบนะ”
   คนตัวขาวส่งยิ้มกว้างๆ มาให้ผม ซึ่งผมเองก็เลือกที่จะมองไปที่พวงแก้มสีชมพูที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรู้สึกขัดใจ
   อยากฟัด...
   ผมละสายตาจากพวงแก้มยุ้ยนั่นแล้วมองไปที่ดวงตากลมโตของอีกฝ่ายที่จ้องมาด้วยท่าทางอารมณ์ดี ใจที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะปฏิเสธไปเพราะผมไม่ได้ชอบของหวานเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่พยักหน้าเท่านั้น
   “อืม งั้นเดี๋ยวกูฝากซื้อด้วยแล้วกัน”
   “ไม่เป็นไร เราอยากซื้อให้” คนตรงหน้ารีบส่ายหัวแล้วพูดออกมา “ปั้นช่วยเรามาตั้งเยอะ”
   เสียงเบาๆ ที่เปล่งออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ผลุบลงต่ำทำให้ผมมองตามและไม่ได้ขัดอะไรกับความคิดของเกลือนัก แต่ทุกการกระทำของของอีกฝ่ายกับดึงดูดสายตาของผมได้เป็นอย่างดี
   ผมสนใจเขา
   ถ้าให้ยอมรับตรงๆ คงเป็นอย่างนั้น มันเริ่มจากที่ผมพบเขาครั้งแรกที่โรงเรียนใหม่ตอน ม. 6 เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ดูเหมือนจะคุยไม่เก่งและขี้อาย ที่สำคัญคือร่างกายไม่แข็งแรงด้วยเลยทำให้ผมรู้สึกว่าอยากจะคอยดูอีกฝ่ายอยู่ตลอดว่าอันนี้สามารถทำได้มั้ย อันไหนทำไม่ได้ จากที่คอยมองด้วยความเป็นห่วงกลับกลายเป็นเฝ้ามองทุกการกระทำของเจ้าตัวมากกว่า จนบางทีก็เห็นความน่ารักที่คนอื่นไม่ได้เห็น
   รู้ตัวอีกทีก็ชอบมองและเข้าหาไปแล้ว
   และเราคงจะสนิทกันกว่านี้ถ้าผมเลือกที่จะแอดเฟซบุ๊กเขาไปตั้งแต่ตอนเรียน ม. 6 แม้อีกฝ่ายจะปฏิเสธก็ตาม ซึ่งความกล้าทั้งหมดของผมเพิ่งมาเกิดขึ้นในวันที่ผมเจอเขาวันรับน้องวันแรก กล้าที่จะเข้าไปทักก่อน กล้าที่จะแอดเฟซบุ๊กก่อน แม้ผมไม่รู้ว่าเขาอยากจะเป็นเพื่อนกับผมหรือเปล่า แต่สุดท้ายเกลือก็รับแอดผมจนได้
   ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี
   “ปั้น”
   “หืม...” ผมที่ตอนแรกคิดเรื่องเก่าๆ อยู่กับตัวเองก็ต้องหลุดออกจากความคิดนั้นแล้วมองดูปากเล็กสีแดงที่ตอนนี้กำลังเรียกชื่อผมอยู่ “ว่าไง”
   “แม่เรามาแล้ว งั้นเราไปก่อนนะ”
   “อืม”
   “ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
   เกลือส่งยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปขึ้นรถยนต์ที่เข้ามาจอดเทียบข้าง ไม่นานรถคันที่ว่าก็ขับออกไปเหลือแค่ผมที่ยืนมองตามไปแล้วพึมพำเบาๆ กับตัวเองเท่านั้น
   “น่าจะมาช้ากว่านี้หน่อยนะ...”
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 3 (16.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-09-2018 13:10:28
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 3 (16.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 16-09-2018 14:17:56
ปั้นเท่มาก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 3 (16.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 16-09-2018 15:06:46
ปั้น อย่าเท่มาก เดี๋ยวเกลือจะไปไหนไม่รอด 555
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 3 (16.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-09-2018 21:16:27
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 3 (16.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-09-2018 22:24:20
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 3 (16.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: papapoope ที่ 17-09-2018 00:30:00
หลงรักปั้นฮือออ ผช.อะไรดีขนาดนี้ :-[
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 3 (16.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-09-2018 03:52:13
ติดเกลือ ระวังเป็นไตนะจ๊ะ  :mew4:
หัวข้อ: Re: เทพบุตรกับหนูอ้วน #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 3 (16.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 17-09-2018 12:28:39
นั่น แอบปิ๊ง  หมูอ้วน ละสิ 55
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 22-09-2018 13:21:45
4


   คนอ้วนอย่างผมที่หลงรักหน้าหนาวที่เมืองไทยไม่ค่อยจะมี และเกลียดหน้าร้อน เพราะมันทำให้ร่างกายผมชุ่มได้ด้วยเหงื่ออย่างง่ายดาย และตอนนี้ก็เริ่มจะไม่ชอบหน้าฝนแล้วด้วย...
   ซ่าาาาา ~
   เสียงฝนที่ดังทะลุกระจกรถเข้ามาทำให้ผมแทบน้ำตาไหลกับความหนักหน่วงนั่น ก่อนจะเริ่มสวมใส่เสื้อกันฝนที่แม่เตรียมไว้ให้อย่างทุกลักทุเล
   “เกลือพร้อมแล้วแม่ !”
   “สู้ๆ ลูกรัก วิ่งฝ่ามันไปให้ได้ !”
   “ครับ !”
   ผมที่รับพลังจากแม่ที่กำลังจัดหมวกและผูกเชือกให้หมวกรัดที่ใบหน้าผมพอดี ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะชะงักไปแล้วมองออกไปตรงหน้ารถทำให้ผมมองตาม ซึ่งตัวปัดน้ำฝนที่ช่วยให้เห็นภาพได้เพียงเลือนรางแต่ก็พอจะรู้ว่าสิ่งที่แม่ของผมมองอยู่นั้นคืออะไร
   ปั้นใจกำลังยืนหลบฝนอยู่ที่ป้ายรถเมล์
   “นั่นเพื่อนลูกใช่มั้ย”
   “อ่า...ใช่ครับ...” ผมพยักหน้าให้แม่ ซึ่งเมื่อวานแม่ผมก็เจอเขาและตั้งใจจะทักทายตั้งแต่ตอนมารับผมแต่ผมได้ห้ามไว้ ก่อนที่ผมจะมองไปที่ปั้นใจที่ตอนนี้ยืนเฉยๆ ราวกับแค่กำลังรอให้ฝนหยุดตกเท่านั้น ไม่ได้เดือดร้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ “เกลือว่าเขาต้องยังไม่ได้กินข้าวแน่เลยอ่ะแม่”
   “นั่นสิ”
   “เขาช่วยเหลือเกลือไว้เยอะด้วย เกลืออยากช่วยเขาบ้าง...” ผมว่าพลางมองไปที่ร่างที่อยู่ห่างออกไป ก่อนที่จะหันไปหาแม่ที่ตอนนี้ส่งยิ้มมาให้ผมแล้วเอื้อมมือไปหยิบร่มจากหลังรถมาให้
   “แม่ให้ยืม”
   “หือ...”
   “ฝนคงไม่หยุดตกง่ายๆ หรอก”
   แม่ผมว่าก่อนจะเอาร่มส่งให้ทำให้ผมที่ตอนแรกเบิกตากว้างอยู่ก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะเข้าไปหอมแก้มแม่เหมือนอย่างเคย แล้วรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถให้รวดเร็วที่สุด ก่อนจะรีบพาร่างอ้วนๆ ของตัวเองเดินดิ่งไปที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งดูแล้วเสื้อกันฝนสีส้มของผมจะเด่นไม่น้อยถึงทำให้ปั้นใจหันมามองผมอย่างรวดเร็ว และไม่นานร่างของผมก็เข้ามาอยู่ภายใต้หลังคาของป้ายรถเมล์จนได้ เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาค่อนข้างเช้าเลยทำให้ที่นี่ไม่ค่อยมีคนนัก มีเพียงพนักงานที่มารอรถประจำทาง ส่วนผมที่ต้องติดรถแม่มาแบบนี้ทุกวันอยู่แล้วเลยทำให้ไม่ว่าวันไหนจะมีเรียนเช้าหรือสาย ผมก็จะมาเวลานี้ตลอด
   ว่าแต่ทำไมปั้นใจถึงมาเช้าจัง...
   “ทำไมไม่รีบเดินเข้าไปด้านใน”
   “เราเอา...”
   “เดี๋ยวก็เป็นหวัด” สีหน้าไม่ชอบใจของปั้นใจที่มองมาทางผมที่ตอนนี้กำลังลูบหยดน้ำออกจากใบหน้าของตัวเองก็ต้องมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ เพราะดูเหมือนว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรให้เขาไม่พอใจสักนิด “ก็เมื่อก่อนเห็นป่วยง่าย”
   “อะ...อ๋อ...” ผมพยักหน้ารับก่อนจะเลือกหลบตาอีกฝ่ายที่จ้องมองมา ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาว่า ผมเป็นคนป่วยง่าย โดนฝนนิดหน่อยก็สามารถเป็นหวัดได้แล้ว “ไม่เป็นไรหรอก เรามีเสื้อกันฝน”
   “อืม”
   “เราเอาร่มมาให้”
    ผมยื่นของในมือที่ตั้งใจเอามาให้ปั้นใจไปตรงหน้าทำให้เขามองมาจากที่สีหน้าไม่ชอบใจเมื่อสักคู่ก็ปรับเปลี่ยนเป็บใบหน้าเรียบเฉย แต่สุดท้ายก็ยอมรับไปแต่โดยดี
   “ขอบใจ”
   “ไม่เป็นไร”
   “รอให้ฝนซาอีกหน่อยแล้วกัน” ปั้นใจพูดก่อนจะดึงร่างผมให้หลบเข้ามาด้านใน โดยที่ผมก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ทำไมมาเช้า”
   “แม่เราออกมาทำงานอ่ะ เลยต้องตื่นเช้ามาพร้อมแม่ทุกวัน”
   “อ๋อ...”
   “แล้วทำไมปั้นมาเช้า”
   “รำคาญรูมเมท แล้วก็มาหาอะไรกิน” ปั้นใจตอบใบหน้าเรียบเฉยทำให้ผมแอบสงสัยว่าคนที่เป็นรูมเมทของปั้นนี่เป็นคนยังไงกันแน่
   เพราะเขาพูดว่ารำคาญมาสองรอบแล้ว...
   เอ๊ะ แล้วทำไมผมต้องสังเกตปั้นใจขนาดนี้ด้วยล่ะเนี่ย
   “กินข้าวหรือยัง” คนข้างๆ ถามขึ้นโดยที่เขาไม่ได้หันมามองผม ได้แต่มองทอดไปข้างหน้า
   “ยัง เรามีขนมปัง ปั้นกินมั้ย” ผมว่าก่อนจะทำท่าจะหยิบออกจากกระเป๋า แต่ลืมไปว่าตอนนี้สวมเสื้อกันฝนอยู่ “หยิบไม่ได้...”
   “ไม่เป็นไร”
   ปั้นใจตอบผมเพียงแค่นั้นก่อนที่เขาจะเงียบไปอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ผมเองก็ไม่รู้จะชวนคุยอะไรเลยได้แต่ยืนเงียบรอฝนซาเช่นกัน ไม่นานป้ายรถเมล์ก็เริ่มมีคนเข้ามาหลบฝนรวมถึงพวกพนักงานที่มารอรถ ทำให้ด้านในทั้งแออัดทั้งร้อนจนผมเริ่มอยากจะถอดเสื้อกันฝนออกเร็วๆ
   “ร้อนเหรอ”
   “อือ อึดอัดอ่ะ” ผมว่าเมื่อตอนนี้เหงื่อในร่างกายผมเริ่มออกจนทำให้เสื้อกันฝนแนบไปกับตัวของผมจนมันรู้สึกอึดอัดไปหมด ท้องก็เริ่มหิวแล้วด้วย
   “งั้นไปเลยมั้ย”
   “อือ” ผมพยักหน้ารับ เพราะดูเหมือนแค่ผมมีเสื้อกันฝนก็เพียงพอแล้ว ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะดันร่างผมออกมาแล้วกลางร่มพลางดึงผมเข้าไปด้วย
   เอ่อ...ถึงหัวจะเข้าไปแต่ไหล่ผมก็หลุดออกมาจากร่มอยู่ดี
   “ฝนจะได้ไม่โดนหน้า”
   คนที่ถือร่มพูดก่อนที่เขาจะเริ่มดันหลังให้ผมเดิน ซึ่งตอนนี้ผมที่มีตั้งเสื้อกันฝนและมีร่มที่กลางให้ก็ได้แต่พยายามขยับออกเพื่อให้อีกคนได้อยู่ในร่มมากที่สุด ไม่นานความทุลักทุเลของร่มหนึ่งคันและคนสองคนก็สามารถเดินมาถึงโรงอาหารของคณะจนได้
   เฮ้อ...
   ผมรีบถอดเสื้อกันฝนออกด้วยอึดอัด และเมื่อร่างกายได้สัมผัสกับอากาศเย็นๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที ส่วนคนข้างๆ ผมก็จัดการหุบร่มแล้วถือมันไว้อย่างระมัดระวัง
   “ไปหาโต๊ะนั่งกัน” ผมพยักหน้าพลางเดินตามปั้นใจไปหาโต๊ะ โชคดีที่ช่วงนี้ยังเช้าอยู่ คนเลยไม่ค่อยเยอะมาก ไม่นานเราก็หามุมดีๆ ได้ ปั้นใจจึงเลือกที่จะพิงร่มไว้กับโต๊ะแล้วหันมาหาผมที่เอาเสื้อกันฝนใส่ถุงก็อบแก๊บเช่นกัน “เอามานี่”
   ผมมองคนที่แบมือตรงหน้าก่อนจะทำหน้างง เขาเลยถอนหายใจแล้วคว้าเสื้อกันฝนของผมไป ก่อนจะเดินเอามันและร่มไปตากตรงที่ว่างของโรงอาหารแล้วเดินกลับมา ซึ่งผมเพิ่งสังเกตว่าแขนเสื้อของเขาเปียกฝนด้วย
   คงเพราะผมไปเบียดเขาแน่ๆ
   “งั้นไปซื้อข้าวก่อนนะ” ปั้นใจพูดขึ้นโดยที่ผมตอนนี้ก็มองแขนเสื้อเขาอยู่ ก่อนจะพยักหน้าไม่นานคนที่ฝ่าฝนมากับผมก็เดินไปที่ร้านข้าว ผมจึงนั่งลงก่อนจะหยิบเอาถุงขนมปังออกมาจากกระเป๋า และตั้งใจว่าจะรอกินพร้อมอีกคน ซึ่งไม่นานปั้นใจก็กลับมาพร้อมกับจานข้าวสองจาน ทำให้ผมมองอย่างแปลกใจ เขาเลยอธิบาย “เพื่อนฝากซื้อ เดี๋ยวมันมา”
   “อ๋อ...” ผมพยักหน้าก่อนจะหยิบแซนวิสจากถุงเซเว่นขึ้นมา ซึ่งปั้นใจเองตอนนี้ก็ยังไม่ยอมกินข้าวของตัวเอง เขาได้แต่นั่งเล่นโทรศัพท์เท่านั้น ผมเลยลังเลว่าควรจะกินก่อนหรือรอเขาดี
   แต่หิวแล้วง่ะ...
   “เพื่อนไม่มาแล้ว”
   “หะ...หืม”
   “มึงกินแทนหน่อยได้มั้ย” ผมที่ถือแซนวิสไว้ในมือก็ต้องมองตามมือของอีกฝ่ายที่เลื่อนจานข้าวที่มีถ้วยต้มจืดถ้วยเล็กวางอยู่ข้างๆ มาให้ ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเขาอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ “ถ้าให้ทิ้งคงเสียดาย”
   “...”
   “ว่าไง” ปั้นใจถามย้ำพลางมองหน้าผม ทำให้ตัวเองต้องเลือกเก็บแซนวิสในมือใส่ถุงเหมือนเดิมแล้วพยักหน้ารับ
   “อือ”
   ผมเอื้อมมือไปเลื่อนจานข้าวตรงหน้ามา ก่อนจะมองปั้นใจที่ตอนนี้วางโทรศัพท์ลงแล้วหยิบช้อนขึ้นมาแทน ก่อนที่เขาจะเงยหน้ามามองผมที่ตอนนี้ยังไม่กล้าแม้แต่จะหยิบช้อน
   “กินสิ”
   “...”
   “หรือไม่ชอบต้มจืด เอาของกูมั้ย” ปั้นใจถามขึ้นพลางทำท่าว่าจะแลกจานข้าวกับผม ทำให้ตัวเองรีบส่ายหัว
   “เราชอบกินต้มจืด”
   “อืม”
   “ขอบใจนะ”
   “ขอบใจที่กินแทนเพื่อนกูเหมือนกัน” ปั้นใจพยักหน้าก่อนจะเริ่มกินข้าวของตัว ซึ่งผมเองก็เช่นกันแม้วันนี้ได้เปลี่ยนเมนูอาหารเช้าไปแบบงงๆ ก็ตาม
   อืม ต้มจืดอร่อยจริงๆ ด้วย
   ผมควรกินผักให้หมดด้วยสินะ ก็ปั้นใจอุตส่าห์...
   อ่า...
   คิดว่าซื้อให้แล้วกัน
   


   “เกลือ”
   “หืม”
   “รู้หรือยังว่าปั้นใจได้เป็นเดือนคณะเรา”
   “จริงเหรอ”
   “จริงสิ หล่อขนาดนั้นมึงว่าใครจะแย่งชิงตำแหน่งไปได้อีกล่ะ”
   พาฝันที่ตอนนี้หันมากระซิบให้ผมฟังก็ทำให้ผมได้แค่พยักหน้ารับและแอบเห็นด้วยกับคำพูดนั้น ซึ่งวันนี้เป็นอีกวันที่ผมชอบมากที่สุดเพราะไม่มีกิจกรรมรับน้อง ทำให้แผนที่จะเดินหาอะไรกินในระหว่างที่รอแม่เลิกงานจึงดูเหมือนจะเกิดขึ้นได้เร็วๆ นี้
   ผมว่าผมเห็นร้านเค้กด้านหน้า ม. ด้วยแหละ...
   “เอ่อ...เดี๋ยวเราว่าเราจะกลับเลยนะ...”
   “อะไรวะ รีบกลับไปไหนมึง วันนี้อุตส่าห์ว่าง นั่งส่องหนุ่มเป็นเพื่อนกูก่อนสิ !”
   “ไม่เอาอ่า อยากลองไปดูร้านเค้กหน้า ม. ฝันไปกับเรามั้ย” ผมที่ส่ายหัวรัวๆ ก็ได้แต่ชวนคนตรงหน้า แต่เธอเองก็ส่ายหัวกลับมาเช่นกัน
   “ไม่เอาย่ะ อ้วน”
   “งื้อ...”
   ผมที่ดูเหมือนจะโดนว่าทางอ้อมเลยได้แต่ร้องออกมา ทำให้พาฝันเข้ามาหยิกแก้มผมอย่างที่ชอบทำ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ จริงๆ
   “นั่งเป็นเพื่อนกูก่อนน้า สักยี่สิบนาทีก็ได้ รอปั้นใจออกมาก่อน กูอยากเห็นหน้าเขาก่อนหยุดเสาร์อาทิตย์ จะได้ฝันดีทั้งสองวัน”
   “ก็เห็นทุกวันอยู่แล้ว”
   “อยากเห็นอีกไง มึงไม่เข้าใจอารมณ์ของคนแอบรักหรือไงห๊ะ !”
   “ฝันก็แอบรักทุกคนแหละ”
   “แหมมม ไอ้หมูอ้วน เดี๋ยวนี้ทำรู้ดีนะ แต่ก็ถูก กูแอบรักทุกคนแหละ ใครหล่อกูรักหมด อิอิ”
   พาฝันที่ยิ้มกว้างให้ผมพร้อมกับยืดแก้มผมไปด้วยทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมา เธอเป็นแบบนี้ตั้งแต่ช่วง ม. ปลาย ซึ่งดูเหมือนเธอจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชายไม่น้อย แต่ก็ไม่เคยเห็นพาฝันมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักคน
   “อยากเจอปั้นใจจังเลย ~” เสียงที่ยังคงร่าเริงอยู่ทำให้ผมล้มเลิกความคิดที่จะไปร้านเค้กแล้วนั่งเป็นเพื่อนอยู่เป็นเพื่อนพาฝันแทน ซึ่งถ้าปั้นใจมาไว ผมก็ยังอาจจะไปร้านเค้กทันอยู่ อย่างน้อยก็ซื้อกลับไปทานที่บ้านก็ได้ แต่ถ้าปั้นใจมาช้า ผมก็แค่ไว้ไปที่นั่นวันอื่น
   จะเป็นอะไรมั้ย ถ้าผมเองก็อยากเจอเขาก่อนกลับบ้านเหมือนกัน...
   “ขอโทษนะครับ”   
   เสียงที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นทำให้ผมกับพาฝันต้องหันไปมองก็พบว่าเป็นผู้ชายที่ผมไม่คุ้นหน้าและไม่น่าจะใช่เด็กในคณะของเรา โดยตอนนี้เขากำลังยืนเก้ๆ กังๆ หลังจากทักพวกเราไป
   “ว้าว คนนี้ก็หล่อ...” พาฝันเข้ามากระซิบผม ก่อนที่ผมจะหันไปมองเธอเพราะกลัวว่าคนที่อยู่ใกล้จะได้ยิน พาฝันจึงหัวเราะชอบใจแล้วถามคนที่เข้ามาทัก “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ”
   “พอดีผมมาหาเพื่อนที่คณะนี้ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าเด็กคณะนี้หายไปไหนหมด...”
   “กลับบ้านไปหมดแล้วค่า พอดีทางนี้รอเพื่อนอยู่เช่นกัน”
   “อ๋อ...” เขาพยักหน้ารับคำของพาฝันก่อนจะหันมองซ้ายมองขวาแล้วพึมพำออกมาเบาๆ “แล้วไอ้ปั้นมันจะกลับไปหรือยังวะ...”
   แต่ผมกับพาฝันก็ได้ยินล่ะนะ...
   “ปั้นใจยังไม่กลับค่ะ พอดีพี่ๆ เขาเรียกไปคุยเรื่องเดือนมหา’ลัย” พาฝันรีบพูดขึ้น ทำเอาคนที่ดูเหมือนจะมาหาปั้นใจต้องหันมามองพลางทำตาโต
   “ไอ้ปั้นได้เป็นเดือนเหรอครับ”
   “ใช่จ้ะ เดี๋ยวสักพักก็คงจะออกมา” พาฝันยิ้มกว้างดูเหมือนจะเป็นมิตรกับคนตรงหน้าสุดๆ ก่อนที่เพื่อนของปั้นใจจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับพวกเรา
   “งั้นผมขอนั่งรอเพื่อนผมด้วยนะ รบกวนด้วยคร้าบ ~”
   “ยินดีจ้า ~”
   พาฝันที่ดูเหมือนจะได้เพื่อนคุยใหม่ไปแล้วได้แต่ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา เพราะดูเหมือนเธอจะสามารถมีเพื่อนได้ง่ายๆ แตกต่างจากผมที่การจะรู้จักใครสักคนเป็นเรื่องยากเกินไป จนคนรู้จักตอนนี้มีอยู่แทบนับคนได้
   “ผมชื่อฟางนะ ยินดีที่ได้รู้จัก เรียนบริหาร กับข้าวที่นั่นอร่อยมาก ว่างๆ แวะไปได้” คนที่เข้ามาใหม่พูดขึ้นทำให้ผมกับพาฝันได้แต่ยิ้มให้คนที่อยู่ตรงข้าม ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะเป็นคนแนะนำตัวเองและผมขึ้นเหมือนอย่างเคย
   “เราชื่อฝัน ส่วนคนข้างๆ นี่ชื่อเกลือ เพื่อนสนิทเราเอง”
   “ยินดีที่ได้รู้จักทั้งคู่นะ”  เพื่อนของปั้นใจยิ้มให้ผมกับพาฝันอย่างเป็นมิตร ซึ่งผมเองก็ได้แต่ยิ้มตอบเขาไป เพราะนานๆ ทีจะเจอคนที่ยินดีที่จะรู้จักกับพาฝันแล้วยังยินดีรู้จักกับผมด้วย
   ได้เพื่อนเพิ่มอีกคนแล้ว
   “ปั้นใจมาแล้ว !” อยู่ๆ พาฝันที่ตอนแรกกำลังสนใจเพื่อนของปั้นใจอยู่ก็เบิกตากว้างแล้วลุกขึ้นมองไปทางด้านหลังก็เห็นว่าปั้นใจกำลังเดินออกมาจากตึกพร้อมข้างๆ กายก็มีออยอยู่ด้วย ส่วนผมเองก็แอบดีใจเหมือนกัน เพราะดูเหมือนยังมีเวลาที่จะแวะไปร้านเค้กอยู่
   “เฮ้ย ไอ้ปั้น !”
   ฟางที่ดูเหมือนจะดีใจมากที่เห็นปั้นใจ ก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นแล้วมองไปทางเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้กำลังขมวดคิ้วเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นว่าผม พาฝัน และฟางนั่งร่วมโต๊ะกัน ส่วนออยนั้นได้แยกเดินไปอีกทางแล้ว
   “ทำอะไรกัน”
   “กูมารอมึง”
   “เรากับเกลือมานั่งส่องผู้ชาย” พาฝันที่ตอบแทนทำให้ผมทำตาโตก่อนจะหันไปมองทางเธอทันที เพราะดูเหมือนจะเป็นเธอคนเดียวมากกว่าที่นั่งส่องผู้ชาย
   ผมแค่มานั่งเป็นเพื่อนต่างหากเล่า...
   “มานั่งส่องผู้ชายเหรอ” ผมที่ตอนแรกหันไปมองค้อนใส่พาฝันก็หันกลับมาทางคนถาม ก่อนจะต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าปั้นจ้องมาทางผมด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก ก่อนที่ผมจะหันมองซ้ายมองขวาเพราะไม่แน่ใจว่าเขาถามผมหรือเปล่า ก่อนที่เขาจะพูดย้ำ “ว่าไง มานั่งส่องผู้ชายเหรอ”
   อ่า...เขาถามผมจริงๆ ด้วย
   “เปล่า” ผมรีบส่ายหัวทันที แต่ปั้นใจก็ยังคงจ้องมองมาอยู่ไม่ละสายตาไปไหน “เรามานั่งเป็นเพื่อฝันเฉยๆ”
   “อืม” คนที่ฟังคำตอบของผมไปก็พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปหาฟางที่ตอนนี้ยืนมองพวกเราอย่างงงๆ “ว่าแต่มึงมีอะไร”
   “โอ้โห กว่าจะหันมาหากูได้เนอะ” ฟางที่ตอนแรกมองผมกับปั้นสลับกันก็พูดขึ้นพลางทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะต้องเบิกตากว้างขึ้นมา “เออ ลืมเลย !”
   คนที่พูดขึ้นเสียงดังจนผมสะดุ้งก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะรีบเอายัดใส่มือของปั้นใจที่มองตามการกระทำนั้นอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไรนัก
   “ขอบใจ”
   “อืม งั้นกูไปก่อนนะ ซื้อเค้กเสร็จจะตามกลับไป”
   “อืม”
   “หืม เค้กเหรอ ร้านหน้า ม. มั้ย” ฝันที่ท้วงขึ้นทำให้ฟางที่ตอนแรกทำท่าจะวิ่งออกไปแล้วต้องหันมามองแล้วพยักหน้า “พอดีเลย ฝากเพื่อนเราไปด้วยสิ เกลือมันก็จะไปร้านเค้กเหมือนกัน !”
   “เอ๊ะ...ไม่เป็น...!”
   “ได้สิ มาด้วยกันก็ได้” ฟางที่พยักหน้ารับทำให้ผมที่ตอนแรกจะหันไปท้วงพาฝันก็ต้องเงียบลงกับจะพยักหน้า
   “อือ งั้นเราไปก่อนนะ”
   ผมลุกขึ้นก่อนจะคว้ากระเป๋า ทำให้ฝันได้แต่ส่งยิ้มกว้างมาให้พลางโบกมือลา โดยที่เธอเองหลังจากที่ได้เห็นหน้าปั้นใจแล้วก็คงจะแยกย้ายกลับบ้านเหมือนกัน ผมที่เห็นว่าปั้นใจน่าจะเดินทางกลับหอก่อนจึงตั้งใจจะหันไปพูดลาเขา แต่อีกฝ่ายกลับเดินไปหาฟางแล้วเอื้อมมือไปจับมือฟางขึ้นมาแล้วยัดบางอย่างลงในมือ
   “คืน”
   “หะ...”
   “รอกลับพร้อมมึง” ปั้นใจพูดโดยที่ฟางได้แต่ทำหน้างงๆ ก่อนจะมองวัตถุสีเงินที่เขาเพิ่งเอามาให้ปั้นใจเมื่อสักครู่
   “เดี๋ยวนะไอ้ปั้น ช่วยอธิบายขยายความคำว่า ‘รอกลับพร้อมมึง’ ให้กูเข้าใจที”
   “...”
   “มึงจะไปร้านเค้กกับกูเหรอ” ฟางขมวดคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจขั้นสุด แต่ดูเหมือนทางปั้นใจจะไม่ตอบรับได้แต่ปล่อยมืออีกคนแล้วออกเดิน โดยมีผมที่มองตามทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ
   “ไปกัน”
   “เฮ้ย เอาจริงดิ !”
   “อย่าพูดมาก” ปั้นใจหันมาพูดกับเพื่อนของเขาด้วยสีหน้าตายๆ ทำให้ฟางได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัว โดยหันมามองทาผมกับพาฝันที่ได้แต่ทำหน้างงเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่ เพราะผมคิดว่าไม่น่าแปลกอะไรที่ปั้นใจจะไปร้านเค้ก...
   “ไอ้ปั้น มึงจะไปร้านเค้กทำไมวะ มึงไม่ชอบของหวานไม่ใช่เหรอ !”
   “หุบปากมึงแล้วเดินตามมาได้แล้ว !”
   “เออๆ ไปกัน นายด้วย ป้ะๆ ส่วนเธอไว้เจอกันใหม่นะ”
   ฟางที่หันมากวักมือเรียกผมแล้วออกวิ่งตามเพื่อนของตัวเองไปทำให้ผมกับพาฝันได้แต่หันมองหน้ากัน ก่อนที่เธอจะส่ายหัวแล้วดันหลังให้ผมออกเดิน ผมเลยได้แต่ยอมก้าวเดินหลังจากโบกมือลาพาฝันแล้ว
   ว่าแต่...
   ปั้นใจไม่ชอบของหวานงั้นเหรอ

---------------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ บ่นถึงปั้นเกลือติดแท็ก #เทพบุตรกับหนูอ้วน ได้นะคะ เดี๋ยวตามไปส่องงับ ^^
ติดตามนักเขียนได้ที่
 เพจ (https://www.facebook.com/YaoiMysteriousGirl/)
 ทวิต (https://twitter.com/merizelrada)
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-09-2018 13:48:29
มีคนขี้หวงหนึ่งอัตรา
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 22-09-2018 14:21:24
รอตอนต่อไปจ้าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-09-2018 19:38:33
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-09-2018 20:56:05
 :z1:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-09-2018 02:15:10
ปัั้นไม่ชอบหวานๆ แต่ชอบเค็ม ๆ ใช่ป่ะ  o18
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-09-2018 17:20:31
 :L2: :pig4:

น่ารัก
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 23-09-2018 19:13:25
โงยยยย อยากฟัด เอ้ย น้องเกลือน่ารัก พี่ปั้นเขาฟัดได้คนเดียว (ถึงจริงๆ จะเป็นพี่เกลือกับน้องปั้นก็เถอะ 555) ดูท่าจะหวงหนักมากนะนั้น
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-09-2018 20:51:52
ชอบบบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
น้อยคนที่จะชอบคนอ้วน ทำให้คนอ้วนส่วนใหญ่มีปมด้อย
เกลือ ทั้งอ้วน ทั้งมีโรคหอบหืดประจำตัว
ดร็อปเรียนอีก ทำให้เพื่อนใหม่ไม่ยอมรับ  ทำตัวห่างเหิน
ยิ่งทำให้เกลือไม่มั่นใจในตนเอง

ปั้น น่ารักมาก มาคุยกับเกลือ   :mew1: :mew1: :mew1:
ปั้น เกลือ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 23-09-2018 21:35:19
ปั้น-เกลือ น่ารัก
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 24-09-2018 17:27:51
น้องเกลือน่าเอ็นดูไปอี๊กกกก...  :impress2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 4 (22.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 24-09-2018 20:39:52
 :L1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 5 (26.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 26-09-2018 18:41:37
#เทพบุตรกับหนูอ้วน
ตอนที่ 5


   “เกลือ”
   “หืม...” ผมที่กำลังตักวิปครีมในแก้วชาเขียวปั่นต้องเงยหน้ามองคนตรงข้ามที่ตอนนี้มองมาพลางทำหน้าเครียด “มีอะไรหรือเปล่า”
   “มี”
   “อะไรอ่ะ”
   ผมเสียบหลอดสีส้มของตัวเองลงแก้วพลางตั้งใจมองพาฝันที่ตอนนี้กำลังนั่งทำหน้าเศร้าอยู่จนผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ถึงได้มีท่าทางแบบนี้
   “หลังจากที่กูได้ดูหน้าปั้นใจไปเมื่อวันศุกร์ และกูก็กลับไปนอนคิดที่บ้านมาสองวัน...”
   “อืม”
   “กูตัดสินใจแล้ว”
   “อืมๆ” ผมพยักหน้าตามพลางมองวิปครีมสีขาวที่โรยด้วยเกล็ดน้ำตาลหลากสีก็อยากกจะเอามันเข้าปากซะให้ได้ ถ้าไม่ติดว่าตั้งใจฟังพาฝันอยู่
   “กูจะเลิกชอบปั้นใจ”
   “อืม...ห๊ะ...” ผมเงยหน้าขึ้นมามองพาฝันทันทีก็เห็นว่าเธอตอนนี้กำลังทำหน้าเศร้าอยู่เหมือนเดิม ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจนัก ก่อนที่พาฝันจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
   “ฮื้ออออออออ”
   “อะ...เอ่อ...ฝัน...”
   “ไอ้เกลืออออ กูอกหักเข้าแล้ว ~”
   น้ำเสียงเศร้าๆ ของพาฝันทำให้ผมได้แต่มองแก้ววิปครีมตรงหน้าก่อนจะเอื้อมมือไปตบไหล่คนที่ฟุบหน้าอยู่เบาๆ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วเบะปากทำท่าจะร้องไห้
   “ไม่เป็นไรนะ”
   “อือ ไม่เป็นเป็นไร...” พาฝันที่ตอนแรกทำหน้าเศร้าก็เด้งตัวลุกขึ้นก่อนจะคว้าแก้ววิปครีมชาเขียวของผมไป
   “อ๊ะ...!”
   “เพราะกูมีคนดามใจแล้ว อิอิ” พูดด้วยความอารมณ์ดีแตกต่างจากเมื่อครู่ล้านเท่า พร้อมกับจ้วงวิปครีมเนื้อขาวของผมเข้าปากไปคำใหญ่
   “อ๊าาาาา พาฝันนนน ~”
   ผมร้องออกมาสุดเสียงพลางมองคนที่จ้วงเอาของในแก้วเข้าปากจนเป็นผมอยากจะร้องไห้ขึ้นมาซะเอง ก่อนที่คนที่นั่งตรงข้ามจะเลียริมฝีปากแล้วเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมแรงๆ
   “โอ๋ๆ เดี๋ยวตอนเย็นกูเลี้ยงเค้กนะเพื่อนรัก ตอนนี้กูแย่งมึงกินเพราะต้องการของหวานมาชะโลมใจเท่านั้น”
   “อื้อ...”
   “ทำหน้าเศร้าเชียว ฮ่าๆๆๆๆ” พาฝันหัวเราะออกมาสุดเสียงก่อนจะยื่นแก้วชาเขียวที่ตอนนี้วิปครีมเหลืออยู่เพียงน้อยนิดเป็นคราบติดแก้วเท่านั้น ก่อนที่ผมจะรับมาแล้วดูชาเขียวที่เหลืออย่างเศร้าใจ
   วิปครีม ~
   ผมที่ปาดคราบวิปครีมขอบแก้วกินก็ต้องทำใจเพราะดูเหมือนปริมาณที่มีจะไม่ให้ให้ต่อมรับรสทำหน้าที่นัก
   ไว้กินใหม่พรุ่งนี้ก็ได้...
   “เกลือ เดี๋ยวกูมาแป๊บนะ”
   “อือ”
   ผมพยักหน้าให้พาฝันก่อนจะมองอีกคนที่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากโต๊ะทำให้ตอนนี้เหลือแค่ผมเพียงคนเดียวที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
   ติ๊ง ~
   หืม...
   ผมที่ตอนแรกกำลังดูดชาเขียวหวานๆ อยู่ก็ต้องมองไปที่โทรศัพท์ที่ถูกวางไว้ข้างตัว โดยก่อนหน้านี้ผมไม่ได้คิดจะสนใจมันเลยแต่เป็นเพราะเสียงที่ผมไม่ได้ฟังบ่อยนักอย่างเสียงแจ้งเตือนแชทเข้าดังขึ้นทำให้ผมต้องกลับมาสนใจมันอีกครั้ง
   มันแปลกมากจริงๆ นะ...
   ผมมองซ้ายมองขวาเพราะไม่รู้ว่าเสียงแชทที่เกิดขึ้นนั้นดังมาจากโทรศัพท์ของตัวเองจริงมั้ย ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบของข้างตัวขึ้นมาดู
   “มะ...มาจากโทรศัพท์เราจริงๆ ด้วย...!”
   ผมมองชื่อของคนที่ทักมาราวกับไม่เชื่อนัก แต่ชื่อที่ผมท่องตัวอักษรภาษาอังกฤษเขาได้อย่างแม่นยำทุกตัวตอนนี้กลับทักเข้ามาหาผมจริงๆ
   ปั้นใจ...
   ผมรีบปลดล็อกโทรศัพท์ก่อนจะกดเปิดแชทที่เข้ามา

   Punjai : อยู่ไหน
   
   ผมอ่านแชททวนอยู่สองสามรอบแม้จะเป็นเพียงแค่คำสั้นๆ ก็ตาม ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ตอบกลับไป

   Gunchai : เราอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ

   แชทที่ถูกอ่านอย่างรวดเร็วทำให้ผมแปลกใจ ก่อนจะต้องวางโทรศัพท์ลงเพราะดูเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้ตอบกลับมาแล้ว ผมเลยก้มหน้าไปดูดชาเขียวอีกครั้งก่อนจะต้องตกใจจนเกือบสำลักเมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งทักผมมาเมื่อสักครู่ตอนนี้กำลังเดินเอากระเป๋าพาดบ่าเข้ามาหา
   “แค่ก...!”
   ไม่ใช่เกือบสิ แต่สำลักไปแล้ว...
   “ไง” ร่างสูงของปั้นใจทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามผมพร้อมกับทักขึ้น
   “เอ่อ...ไง...” ผมเองก็ทักกลับไปพลางมองคนตรงข้ามที่เอากระเป๋าวางไว้แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นทำให้ผมได้แต่มองอีกฝ่ายงงๆ
   “นั่งคนเดียวเหรอ”
   “อื้อ ฝันไปไหนไม่รู้”
   “อ่อ...” ปั้นใจว่าเพียงแค่นั้นก่อนจะหยิบหูฟังมาเสียบโทรศัพท์แล้วเอายัดใส่หูไปทำให้ผมที่นั่งมองการกระทำเขาได้แต่เงียบลงเพราะไม่รู้จะพูดอะไร ก่อนจะเริ่มดูดชาเขียวของตัวเองต่อ ส่วนคนตรงข้ามเองก็นั่งฟังเพลงเล่นเกมของเขาไปเรียบร้อยแล้ว
   อ่า...สรุปแค่มานั่งด้วยเฉยๆ สินะ...
   ผมที่ตอนนี้เลิกสนใจคนตรงข้ามแล้วก็ได้แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้างแม้จะไม่รู้ว่าจะเล่นอะไรก็ตาม แต่การเอาแต่ดูดชาเขียวอย่างเดียวมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้
   “นี่”
   “หะ...หืม...”
   “ถ้าไอ้...”
   “น้องปั้นนนน ~”
   เสียงของผู้หญิงที่ดังขึ้นทำให้ผมกับปั้นใจต้องหันไปมองพร้อมๆ กันก็พบว่าเป็นรุนพี่สองคนที่ไม่คุ้นหน้าเดินเข้ามาหา ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ปั้นใจ ส่วนอีกคนก็เดินมานั่งข้างๆ ผมจนผมต้องขยับให้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะนั่งได้ไม่สบายนัก เธอจึงยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร
   นะ...น่ารัก...
   “ครับ...” ปั้นใจที่ขานรับขึ้นด้วยใบหน้าแปลกใจก็มองไปทางรุ่นพี่ทั้งสองคนสลับกันไปมา ก่อนที่รุ่นพี่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขาจะเป็นคนพูดขึ้นมาแล้วยิ้มกว้าง
   “พี่สองคนเป็นแอดมินเพจคิ้วท์บอยของมหาลัยนะคะ แล้วน้องปั้นดูเหมือนจะโดนเสนอจากสาวๆ หลายคนๆ ใน ม. ที่อยากให้พี่มาทำความรู้จัก”
   “อ่า...”
   “ไม่ทราบว่าน้องปั้นใจสะดวกมั้ยคะ พี่ขอเวลาเพียงสิบนาทีเท่านั้น รับรองจะไม่กวนเวลานานแน่นอนจ้า”
   “ได้ครับ” ปั้นใจที่ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตกใจอะไรออกมาก็พยักหน้ารับ ส่วนผมตอนนี้ใจเต้นตึกตักไปแล้วเรียบร้อย
   ปั้นใจนี่เป็นที่สนใจของคนอื่นๆ จริงๆ ด้วย !
   “ขอบคุณมากๆ นะคะ พี่ชื่อวาส ส่วนอีกคนชื่อว่าฝ้ายจ้า” พี่ที่ชื่อวาสแนะนำตัวเองทำให้ผมที่ตอนแรกดูเหมือนจะมีส่วนร่วมด้วยแบบงงๆ ก็เตรียมจะลุกขึ้นเพราะดูเหมือนเขาจะทำอะไรกันโดยที่ผมไม่ควรเข้าไปยุ่งหรือเปล่า และเมื่อเอื้อมมือเพื่อไปหยิบแก้วชาเขียวก็ต้องชะงักเมื่อมือของคนที่อยู่ตรงข้ามไวกว่า เขาคว้าแก้วของผมไว้ ทำให้ผมต้องมองไปทางปั้นใจงงๆ
   “จะไปไหน”
   “เอ่อ...เราเห็นว่าปั้นกับพี่...”
   “นั่งอยู่นี่ล่ะ”
   “...”
   “นี่โต๊ะมึงนะ ไม่ต้องไป” ปั้นใจพูดพลางจ้องหน้าผมเขม็งทำให้ตัวเองที่ลังเลอยู่ว่าควรจะเชื่อเขาดีมั้ยก็ได้แต่มองกลับไปอย่างหนักใจ ก่อนที่ปั้นใจจะพูดต่อ “เกลือ”
   “หะ...หืม...”
   “นั่งเป็นเพื่อนปั้นหน่อย”
   ผมมองคนที่พูดขึ้นแล้วเปลี่ยนจากจับแก้วเป็นจับมือของผมก็ทิ้งตัวลงนั่งทันที ก่อนจะก้มหน้าลงโดยที่ไม่กล้าสบตากับคนตรงข้าม ไม่นานปั้นใจก็ปล่อยมือผมออกทำให้ตัวเองรีบชักมือกลับมาด้วยความประหม่า
   ‘นั่งเป็นเพื่อนปั้นหน่อย’
   ปั้นแทนตัวเองด้วยชื่อ...
   ตะ...ตื่นเต้นมากเลย !
   ผมที่ตอนนี้ยกมือขึ้นกุมอกไว้ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองทางปั้นใจอีกครั้งก็เห็นว่าตอนนี้เขาได้หันไปสนใจกับพี่ที่ชื่อวาสแล้ว ส่วนคนข้างๆ ผมก็เริ่มหยิบสมุดขึ้นมา และผมเองก็เลือกที่จะอยู่เงียบๆ โดยไม่กล้าแม้แต่ก้มดูดชาเขียวแล้วตั้งใจฟังบทสนทนาที่เริ่มขึ้น
   “ช่วยแนะนำตัวแบบคร่าวๆ หน่อยได้มั้ยคะ”
   “ชื่อปั้นใจครับ ปั้นใจ ศิริวกรณ์”
   “น้ำหนักส่วนสูงล่ะคะ...”
   “น้ำหนัก...ส่วนสูง...”
   เชื่อเถอะว่าผมหนักกว่าเขาและเตี้ยกว่าเขาเยอะเลย...
   หุ่นดีจังน้า...
   “วันเกิดและอายุ”
   “วันเกิด 2 มิถุนายน 2541 อายุ 18 ปี...”
   “ฮึ...!” ผมที่ตอนแรกกำลังตั้งใจฟังอยู่ก็ต้องเงยหน้ามองคนตรงข้ามด้วยความตกใจ ทำให้ทั้งโต๊ะต่างหันมามองทางผม “ขะ...ขอโทษครับ...”
   ผมรีบก้มหน้าลงต่ำก่อนจะบีบมือตัวเองแน่น
   ปั้นใจเกิด 41
   ขะ...เขาเข้าก่อนเกณฑ์งั้นเหรอ...
   ผมที่ตอนนี้รู้สึกตกใจกับเรื่องที่ได้ยินก็ต้องเงยหน้ามองคนที่ยังคงตอบคำถามรุ่นพี่อยู่โดยที่คำถามอื่นเริ่มจะไม่เข้าหูผมแล้ว เพราะตอนนี้คนตรงหน้าที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่ กล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ และดูเท่สุดๆ ในสายตาของผมเขาเป็นน้องผมถึงสองปี
   อ่า...
   แต่ยังไงปั้นใจก็ดูเท่อยู่ดี...
   ผมซ้ำชั้น ส่วนเขาเขาก่อนเกณฑ์...
   ผมที่ตอนนี้เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวก็ได้แต่ก้มหน้าลงเพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นสีหน้าตลกๆ นี่ และในหัวก็มีความรู้สึกหนึ่งที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
   ความรู้สึกที่ว่าไม่ได้แย่นักที่ผมเรียนซ้ำแบบนี้...
   อย่างน้อยก็ได้มาเจอปั้นใจล่ะนะ
   “น้องปั้นคะ คำถามสุดท้ายแล้ว สาวๆ อยากรู้มากๆ เลย...”
   “ครับ”
   “น้องปั้นมีแฟนหรือยังคะ” คำถามของพี่วาสทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองอย่างสนใจ ซึ่งปั้นใจเองก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนกับเจอคำถามอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ก่อนที่เขาจะตอบออกแบบไม่ต้องคิดนานนัก
   “ไม่ยังมีครับ”
   “ว้าว สาวๆ ดีใจกันถ้วนหน้าแน่...”
   “แต่มีคนที่ชอบแล้ว”
   “เพล้ง ~!” พี่วาสและพี่ฝ้ายที่ตอนแรกทำหน้าดีใจกันก็พูดออกมาพร้อมๆ กันด้วยท่าทีทีเล่นทีจริงกับคำพูดของปั้นใจที่ต่อเติมประโยคของตัวเอง ส่วนผมเองก็ได้แต่มองใบหน้านิ่งๆ ที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่โกหกนั่นก็สะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ปั้นใจก็หันมามอง ผมเลยได้แต่มองเขากลับไปแต่รู้สึกว่าเหงื่อตกไปเรียบร้อย จะหันหน้าหนีก็ไม่กล้า จนสุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายหันหน้ากลับไปเอง “สงสัยสาวๆ คงต้องเสียใจกันถ้วนหน้าแล้วเนอะ”
   “ครับ”
   “ไม่พอจะมีหวังให้บ้างเลยเหรอคะ แบบยังไม่ได้เป็นแฟนกัน...”
   “ไม่ครับ”
   “...”
   “ไม่ได้คิดจะชอบใครแล้ว”
   “ฮื้อ น้องปั้นยืนยันแบบนี้ พี่เองก็เสียใจเหมือนกันนะคะ ~” พี่สาวที่นั่งอยู่ได้แต่ทำท่าปาดน้ำตา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาร้องไห้จริงมั้ย ว่าแต่ปั้นใจนี่เท่ชะมัดเลย “พอกระซิบได้มั้ยคะ ว่าน้องปั้นชอบใคร...”
   “ไม่ได้ครับ”
   “เสียใจยกสอง แต่ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้เป็นเจ้าของก็ไม่เป็นไร สาวๆ ที่ได้มองอยู่ห่างๆ ก็คงพอใจแล้วเนอะ” พี่วาสพูดด้วยน้ำเสียงเสียดายสุดๆ ผมเองก็เสียดายเหมือนกันเพราะถ้าได้รู้ว่าคนที่ปั้นใจชอบคือใครคงจะรู้สึกว่าตัวเองพิเศษแน่ๆ
   ก็รู้เรื่องของเขาที่คนอื่นไม่รู้...
   “เพื่อนน้องปั้นคะ...” เสียงของพี่วาสทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะมองซ้ายมองขวา แต่ดูเหมือนว่า ‘เพื่อนของปั้นใจ’ ตอนนี้จะมีผมอยู่แค่คนเดียว ทำให้ผมต้องชี้หน้าตัวเองงงๆ “น้องนั่นแหละค่า ทำท่าตกใจซะน่ารักเชียว”
   ผมที่โดนชมไปก็ได้แต่ยิ้มเขินๆ ก่อนจะมองอีกฝ่ายราวกับถามว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่ดูเหมือนพี่วาสจะยังไม่ทันถามอะไรผมก็ต้องสะดุ้งผงะซะก่อนเมื่ออยู่ๆ แก้มก็โดนสัมผัสโดยนิ้วอุ่นๆ ของใครบางคน พอหันมาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อตอนนี้ปั้นใจลุกขึ้นโน้มตัวเข้ามาโดยที่มือของเขาก็เอื้อมมาจับแก้มของผมที่นั่งอยู่ตรงข้าม ซึ่งสีหน้าของอีกฝ่ายเองตอนนี้ก็แสดงออกว่าตกใจราวกับเด็กที่โดนจับได้ว่ากระทำความผิดอะไรสักอย่างเมื่อสบตากับผมเข้า
   อะ...เอ่อ...
   “ทะ...”
   “...”
   “โทษที...”
   ปั้นใจรีบชักมือกลับไปก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งเหมือนเดิม ก่อนที่ผมจะเห็นว่าเขาตอนนี้กำลังขมวดคิ้วมุ่นแล้วมองมือตัวเองอยู่ ดูเหมือนจะไม่ชอบใจในสิ่งที่เพิ่งทำไปนัก ที่สำคัญหูของเขาขึ้นสีแดงเรื่อจนน่าเป็นห่วง
   ส่วนผมตอนนี้ก็ใจเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุไปแล้ว...
   กะ...เกิดอะไรขึ้น...
   “เอ่อ...น้องคะ...” ผมที่สะดุ้งแล้วรีบละสายตาไปจากปั้นใจแล้วมองไปทางพี่วาสที่ตอนแรกเรียกผมไปแล้วครั้งหนึ่งก็ต้องอ้าปากพะงาบๆ เพราะไม่รู้จะส่งเสียงอะไรออกมา ก่อนที่เธอจะเริ่มพูดกับผมอีกครั้ง “เพื่อนน้องปั้นใจ...”
   “คะ...ครับ...”
   “บอกชื่อหน่อยได้มั้ยคะ”
   “ชื่อเกลือครับ...” ผมพูดเสียงเบาโดยตอนนี้ไม่กล้าหันไปมองทางปั้นใจแม้แต่น้อย ได้แต่หลบตาลงต่ำโดยบางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมามองพี่วาสบ้าง
   “คือพี่อยากจะถามความคิดเห็นของน้องที่มีต่อเพื่อนอย่างปั้นใจหน่อยน่ะค่ะ พอจะตอบได้มั้ยคะ เอาโดยภาพรวมที่น้องเห็น...”
   พี่วาสที่กำลังพยายามอธิบายให้ผมฟังก็เงียบลงเมื่อผมพยักหน้าทันทีตั้งแต่ได้ยินว่า ‘ความคิดเห็นที่มีต่อปั้นใจ’ ส่วนผมที่ตอนนี้คำตอบนั้นดังก้องอยู่ในใจอยู่แล้วก็ได้แต่บีบมือตัวเองแน่นเพราะกลัวว่าคำตอบที่ผมคิดนั้น มันจะน่าตลกสำหรับคนฟังหรือเปล่า
   แต่ผมคิดแบบนั้นจริงๆ
   ก็ปั้นใจน่ะ สำหรับผมแล้ว...
   “เขาเท่มากๆ เลยครับ”

------------------------------------
 สาววายผู้ลึกลับ Fanpage (https://www.facebook.com/YaoiMysteriousGirl/)
 สาววายผู้ลึกลับ Twitter (https://twitter.com/merizelrada)
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 5 (26.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 26-09-2018 21:09:17
เกลือน่ารัก
ปั้นใจ มีหลุดด้วย55

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 5 (26.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 26-09-2018 21:30:47
น้องเกลือคนซื่อ ..เอ็นดูนาง  :impress2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 5 (26.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-09-2018 21:33:55
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 5 (26.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-09-2018 21:36:01
 :z1:



 :L1: :pig4: :L1:



หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 5 (26.9.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-09-2018 02:59:17
แค่อยากรู้ว่าฝันได้ใครมาดามหัวใจ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 6 (2.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 02-10-2018 20:41:49
ตอนที่ 6


   “อ้าวปั้น อยู่กับเกลือหรอกเหรอ”
   “อืม...”
   “แล้วเกลือทำไมนั่งทำหน้าแบบนั้นล่ะ เป็นอะไรกัน หรือว่าโกรธกัน...”
   “เปล่านี่...”
   ผมตอบออกมาเสียงเบาโดยตอนนี้ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นว่าปั้นใจกำลังมองมาทางผมเช่นกัน ก่อนที่เขาจะหลบสายตาแล้วยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองไว้
   ผมเองก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน งื้อ...
   ไอ้อาการหน้าร้อนแบบไม่มีสาเหตุนี่มันคืออะไรกันนะ
   “แปลกๆ นะ” พาฝันที่ตอนนี้ขมวดคิ้วมองพวกเราทำให้ผมได้แต่มองกลับไปเพราะไม่รู้จะทำหน้ายังไงเวลามองปั้นใจดี ก่อนที่คนที่เข้ามาทักพวกผมหลังจากที่พวกรุ่นพี่ลุกออกไปก่อนหน้านี้จะหันไปพูดกับปั้นใจ “เอ้อ ปั้น เห็นออยตามหาอยู่”
   “ไม่ไปได้มั้ย”
   “อ่า...เราก็ไม่แน่ใจ...”
   “ไม่อยากไป” ปั้นใจที่ตอนนี้ขมวดคิ้วอยู่ก็ทำให้ผมกับพาฝันทำหน้าไม่ถูก ก่อนที่จะเห็นว่าออยได้เดินเข้ามาทางพวกเราแล้ว และคิดว่าปั้นใจน่าจะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้แล้วด้วย “งั้นไปก่อนนะ”
   ปั้นใจพูดพลางลุกขึ้นหลังจากที่โดนสะกิด ก่อนจะยอมเดินตามออยออกไปแต่โดยดี โดยเหลือผมกับพาฝันที่ยังอยู่ที่เดิม ก่อนที่คนที่เพิ่งกลับมาจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามผมแล้วมองหลังออยกับปั้นใจที่เดินออกไปแล้วหันมามองทางผมด้วยแววตาสงสัย
   “ไอ้เกลือ”
   “หะ...ห๊ะ...”
   “มึงว่า...”
   “...”
   “ปั้นใจตั้งใจทิ้งไอ้นี่ไว้มั้ย” พาฝันพูดพลางหันไปมองข้างตัวที่มีโทรศัพท์ของคนที่ลุกออกไปวางอยู่ ทำให้ผมทำตาโตก่อนจะอ้าปากเตรียมตะโกนเรียกคนที่เดินไปได้ไม่ไกลนัก แต่พาฝันกับรีบเอื้อมมือมาปิดปากผมไว้ “ไอ้เกลือนี่ !”
   “อื้อ !”
   “เงียบๆ เลยนะ”
   ผมพยักหน้าหลังจากที่พาฝันพูดใส่ ทำให้เธอยอมปล่อยผมแต่โดยดี ก่อนที่ผมจะมองคนตรงข้ามอย่างไม่เข้าใจนัก
   “เราจะเป็นขโมยเหรอพาฝัน”
   “ขโมยอะไรล่ะ ปั้นใจเขาตั้งใจทิ้งไว้ !”
   “ห๊ะ...”
   “ตามนั้นเลย...”
   “ทิ้ง...ทิ้งทำไมล่ะ ปั้นใจจะทิ้งไว้ทำไม...”
   “ถ้าให้เดาคงไว้เป็นข้ออ้าง...”
   “ข้ออ้าง...”
   “ไม่บอกมึงดีกว่า จริงๆ ข้ออ้างน่าจะเยอะ แต่มีเกี่ยวกับมึงด้วยไอ้เกลือ”
   “ห๊ะ...”
   ผมได้แต่ทำหน้างงๆ ทำให้พาฝันยักคิ้วมาให้สองทีจนตัวเองต้องขมวดคิ้ว ก่อนที่คนตรงข้ามจะเอื้อมมือมาดึงแก้มผมอย่างที่เคยทำ
   “ทำหน้าตาน่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ เลยมึงนี่ !”
   “อื้อ เอ็บอ้ะ...”
   ผมพูดไม่เป็นภาษานัก ก่อนจะลูบแก้มตัวเองเบาๆ หลังจากที่พาฝันยอมปล่อยแล้ว ซึ่งทางนั้นก็คว้าเอาโทรศัพท์ของปั้นใจมาแล้วเลื่อนมันมาให้ผม ทำให้ตัวเองต้องเบิกตากว้างแล้วส่ายหัว
   “มาส่ายหงส่ายหัว มึงนั่นล่ะที่ต้องเก็บไว้ให้ปั้นใจ เพราะเดี๋ยวกูจะไปแล้ว”
   “งื้อ จะไปไหนอ่ะ ฝันจะทิ้งเราเหรอ”
   “ใช่ จะทิ้ง มีธุระ” พาฝันว่าพลางจับมือของผมให้ไปรับโทรศัพท์เครื่องสีดำและหูฟังมา ทำให้ผมได้แต่มองของในมืออย่างหนักใจ ก่อนที่พาฝันจะลุกขึ้นแล้วคว้ากระเป๋าไปสะพาย “กูไปก่อนนะ พอดีมีธุระกับที่บ้าน มึงกลับเย็นอยู่แล้วก็ฝากให้ปั้นใจด้วยแล้วกัน”
   “อ่า...”
   “ไม่ต้องมาอ่าเลย ถ้าไม่ใช่มึงแล้วใครจะคืนเล่า”
   “อื้อ เดี๋ยวคืนให้ก็ได้”
   ผมพยักหน้ารับอย่างจำยอม ก่อนจะมองพาฝันที่โบกมือให้แล้วเดินออกไปจนตอนนี้เหลือแค่ผมคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เวลาตอนนี้เพิ่งบ่ายสองกว่าเท่านั้น และกว่าแม่ผมจะมาก็สี่โมงเย็น เลยทำให้การรอปั้นใจไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
   อ่า...
   แสดงว่าก่อนกลับบ้านผมจะได้เจอเขาอีกครั้งสินะ...
   ผมหลุดยิ้มออกมาก่อนจะมองโทรศัพท์ตรงหน้าที่ตอนนี้เปิดเพลงอยู่ ทำให้ผมมองชื่อเพลงที่อยู่บนหน้าจอก็ได้แต่ไล่อ่านทุกตัวอักษร
   ‘ดอกไม้กับหัวใจ’
   ผมไม่รู้จักและไม่เคยฟังเพลงนี้
   สงสัยต้องไปหาฟังบ้างแล้ว...
   ผมที่มองหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงชื่อเพลง พลางมองไปที่หูฟังที่เสียบอยู่อย่างชั่งใจ ก่อนจะเงยหน้ามองซ้ายมองขวา ซึ่งตรงนี้แทบไม่มีคนรู้จักของผมอยู่เลย ก่อนที่ตัวเองจะค่อยๆ หยิบหูฟังขึ้นมาหนึ่งข้างแล้วใส่เข้าหู...
   “ยังไม่กลับเหรอ”
   เฮือก...!
   ผมที่สะดุ้งพลางดึงหูฟังออกแล้วรีบวางโทรศัพท์ลงก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองทางคนที่เข้ามายืนอยู่ตรงหน้า
   ปั้นใจ
   เขากลับมาแล้ว
   “ยะ...ยัง เรารอแม่...”
   “อ่อ...”
   “รอเอานี่คืนด้วย” ผมพูดก่อนจะดันโทรศัพท์ของปั้นใจไปด้านหน้า ทำให้คนที่ยืนอยู่มองลงมาที่โทรศัพท์บนโต๊ะ แล้วเงยหน้ามามองผมเหมือนเดิม
   งื้อ...ผมควรทำหน้ายังไงดี เขาจะเห็นหรือเปล่า...
   “โทษทีกูลืม”
   “อืม ไม่เป็นไร”
   “จะออกจาก ม. เลยมั้ย”
   “อ่า...เราอยากไปดูของกินพอดี” ผมพูดออกไปแม้จะประหม่าอยู่บ้าง เพราะไม่รู้ว่าปั้นใจจะมองว่าผมเอาแต่กินหรือเปล่า
   “ร้านเค้กหน้า ม. เหรอ”
   “อืม แม่เราว่าอร่อย เลยจะซื้อไปฝากด้วย”
   “ไปสิ”
   “อื้ม...เอ๊ะ...”
   “ไปสิ จะไปด้วย” ปั้นใจว่าพลางเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์และหูฟังบนโต๊ะไปเก็บใส่กระเป๋าไว้ ทำให้ผมค่อยๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะเห็นว่าคนตรงข้ามนั้นเดินเข้ามาหาแล้ว “มีอะไรหรือเปล่า”
   ปั้นใจที่เห็นว่าผมยืนนิ่งอยู่ก็ถามขึ้น ทำให้ตัวเองต้องส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะคว้ากระเป๋ามากอดไว้แล้วเริ่มออกเดิน โดยมีคนตัวสูงเดินตามมาด้วยติดๆ ก่อนที่ผมกับคนข้างๆ จะต้องชะงักขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อปั้นใจจากด้านหลัง
   “ปั้น...!”
   ผมที่กำลังหยุดเดินแล้วหันไปมองก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ คนตัวสูงข้างๆ ผมก็เข้ามาจับแขนผมไว้ โดยที่มืออีกข้างก็แย่งกระเป๋าเป้ที่ผมกอดไว้ไปด้วย ก่อนที่เขาจะออกแรงดึงให้ผมออกเดิน
   “เดินเร็วได้มั้ย”
   “อะ...อื้อ...”
   ผมที่โดนลากไปตามแรงดึงของตรงข้างๆ ก็ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่กล้าถามอะไร ได้แต่ปล่อยให้ปั้นใจจับแขนแล้วพาเดินไปข้างหน้าอย่างเดียว โดยที่คนข้างๆ ผมนั้นไม่คิดจะหันไปสนใจกับคนที่เรียกเขาแม้แต่น้อย
   เขาหนีอยู่เหรอ
   “กูแค่เบื่อๆ”
   ปั้นใจพูดขึ้นก่อนจะดึงร่างผมให้หลบเลี้ยวมาที่ทางแยก แล้วรีบออกเดินอีกครั้ง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ตอบกลับเขา ได้แต่เดินตามที่อีกฝ่ายนำเท่านั้น ไม่นานเราทั้งคู่ก็เดินออกห่างจากรั้วมหาวิทยาลัยมาได้ และผมก็แอบได้ยินเสียงถอนหายใจของคนข้างๆ เบาๆ ด้วย
   “เป็นเดือนไม่สนุกเหรอ”
   “ไม่เลย” ปั้นใจว่าพลางหันมามองผม เขาแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมาก่อนจะปล่อยแขนผมออกแล้วมองไปรอบๆ พลางถามขึ้นใหม่ “แม่มาสี่โมงเย็นใช่มั้ย”
   “อื้อ”
   “งั้นไป...” ปั้นใจที่พูดขึ้นก็ชะงักก่อนจะมองมาทางผมที่เงยหน้ามองเขาอยู่อย่างลุ้นๆ ว่าเขาจะชวนไปไหน “ไปหาอะไรกินกัน”
   “อื้อ !”
   “อ่า...ร้านชาไข่มุก” คนข้างๆ ผมพูดขึ้นพลางชี้ไปที่ร้านชาไข่มุกที่อยู่อีกฝั่งของถนน พลางหันมามองทางผมราวกับถามว่า ‘เห็นด้วยมั้ย’ ผมเลยได้แต่พยักหน้า ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาจับแขนผมอีกครั้งแล้วพาเดินข้ามไปอีกฝั่ง ก่อนที่ผมจะนึกขึ้นได้ว่าปั้นใจเอากระเป๋าผมไปถือให้ตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว
   “ปั้น เดี๋ยวเราสะพายกระเป๋าเอง” ผมรีบพูดเมื่อข้ามมาที่ร้านชาไข่มุกแล้ว ก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วส่งกระเป๋าคืน ผมจึงรีบรับมาสะพายหลัง ก่อนจะมองไปที่ร้านตรงหน้า โชคดีที่คนไม่เยอะมากทำให้ผมสามารถมองเห็นเมนูที่ติดอยู่หน้าร้าน
   อยากกินชาเขียววิปครีม...
   ผมที่เลือกเมนูได้แล้วก็เดินเข้าไปด้านหน้าร้านโดยมีปั้นใจอยู่ข้างๆ ไม่นานก็ถึงคิวของผมจนได้
   “ชาเขียวปั่น...” ผมชะงักแม้ตอนแรกจะพูดออกไปด้วยสายตาลุกวาว เพราะหลังจากที่พาฝันแย่งผมวันนั้นผมก็ไม่มีโอกาสได้ออกมากินอีก ก่อนจะกัดปากตัวเองแน่นแล้วมองคนข้างๆ พลางคิดอยู่ว่าจะพูดมันออกไปดีมั้ย แต่สุดท้ายดูเหมือนพลัง ‘อยากกิน’ ลึกๆ ของผมก็ชนะ “ขอเพิ่มวิปครีมด้วยเยอะๆ นะครับ...”
   ผมกลั้นใจพูดออกไปแม้จะเขินๆ อยู่บ้าง เพราะปกติผมมาสั่งคนเดียวก็จะเพิ่มวิปครีมเป็นประจำ แต่พอมีปั้นใจมาด้วยแล้วผมกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาทั้งอย่างนั้น แม้จะเป็นแค่การสั่งเพิ่มวิปครีมก็ตาม ในใจลึกๆ ก็กลัวว่าเขาจะคิดว่า ‘คงไม่แปลกเลยที่ผมจะอ้วน’
   ก็คนมันชอบกินนี่...
   ผมที่ตอนแรกยืนเหม่ออยู่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อพ่อค้าเรียกให้ผมรับแก้วชาเขียว และดูเหมือนต่อให้รีบเอื้อมมือไปรับก็ไม่ทันคนข้างๆ ที่รับให้และจ่ายเงินไปแล้วเรียบร้อย ก่อนที่เขาจะยื่นมามันให้ ทำให้ผมที่รับมารีบเอาหลอดเข้าปากทันที โดยที่ปั้นใจก็รีบดึงแขนผมที่ยืนนิ่งอยู่ให้ออกมาจากหน้าร้าน
   “เดี๋ยวจะไปร้านเค้กต่อใช่มั้ย”
   “อื้อ แม่เราชอบกินเค้กส้ม”
   “แล้วมึงชอบกินอะไร”
   “อ่า...คงสตอเบอร์รี่...” ผมพูดพลางนึกถึงรสเปรี้ยวหวานที่เคยได้ลิ้มรส ก่อนจะมองคนข้างๆ ที่พยักหน้ารับ
   “จะไปร้านเค้กเลยมั้ย”
   “เดี๋ยวกินนี่ก่อนก็ได้” ผมว่าก่อนจะชูแก้วในมือ ซึ่งตอนนี้รู้สึกดีใจและสุขใจสุดๆ ที่ได้กินวิปครีมอย่างที่อยากกินมาหลายวัน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าผมต้องจ่ายเงินให้ปั้นใจด้วย “ค่าน้ำ...”
   “ไม่เป็นไร ไว้ซื้อขนมมาให้กูแล้วกัน”
   “แบบนั้นก็ได้”
   ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มมองไปรอบๆ ที่ตอนนี้มีนักศึกษาใน ม. เดินเพ่นพ่านอยู่บ้าง ซึ่งตอนนี้ผมกับปั้นใจก็ยืนกันอยู่ที่ริมถนนโดยที่ผมดูดชาเขียวหวานๆ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา รู้สึกว่าจะประหม่าก็ใช่ ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะเป็นฝ่ายพูดถามก่อนอีกเช่นเคย
   นี่ผมควรชวนเขาคุยบ้างสิ
   “พรุ่งนี้จะมา ม. มั้ย”
   “น่าจะไม่อ่ะ พรุ่งนี้อยากนอนยาวๆ เลย”
   “นั่นสิ...” ปั้นใจพึมพำเบาๆ ก่อนจะมองทอดออกไปที่ถนน “ไปนั่งในร่มกัน”
   เขาพูดพลางมองไปที่ป้ายรถเมล์ที่มีคนอยู่น้อยก่อนจะเดินนำผมออกไป ทำให้ผมเดินตามไปอย่างว่าง่าย ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่ม้านั่งป้ายรถเมล์แล้วมองคนข้างๆ ที่นั่งลงเช่นกัน
   “แล้วพรุ่งนี้ปั้นจะมามั้ย”
   “คงไม่ ถ้าไม่โดนตาม” เขาตอบโดยที่ใบหน้าแฝงอารมณ์เซ็งๆ ไว้ ทำให้ผมที่มองอยู่ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะดูแล้วปั้นใจจะไม่ชอบการเป็นเดือนคณะแม้แต่น้อย
   “สู้ๆ นะ”
   “หืม...”
   “ก็...สู้ๆ ถ้าโดนรุ่นพี่เรียกบ่อยๆ” ผมพูดเบาๆ พลางมองคนข้างๆ ที่หันมามองทางผมเช่นกัน ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วหันกลับมาดูชาเขียวในแก้วต่อ
   “อืม ขอบใจ”
   “อื้อ...” ผมขานรับเสียงเบาโดยที่ก็ดูดชาเขียวในแก้วไปด้วย ซึ่งการรับรสของหวานๆ รสชาติที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันอร่อยกว่าทุกครั้ง “ปั้นกลับหอกี่โมง”
   “สี่โมง”
   “อ่อ...”
   “กินเสร็จเดี๋ยวไปเดินเล่นแถวๆ นี้มั้ย แล้วสักบ่ายสามครึ่งค่อยไปร้านเค้ก”
   “อือ เอาสิ” ผมพยักหน้าเพราะก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน ก่อนจะเริ่มตั้งใจดูดของในแก้วให้หมดไวๆ เพราะดูเหมือนกันเดินเล่นกับปั้นใจนั้นคงไม่ได้หาได้ง่ายๆ และตอนนี้เองหน้า ม. ผมก็มีของมาขายมากมาย คงจะดีกว่าการเดินคนเดียวเป็นไหนๆ
   อย่างน้อยวันนี้ก็มีคนรอแม่เป็นเพื่อนผมแล้ว
   “นี่...” เสียงของปั้นใจทำให้ผมหันไปมองก่อนจะเห็นว่าเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามขึ้นมา “ไอ้ฟางได้เข้ามาวุ่นวายอะไรกับมึงหรือเปล่า”
   “ไม่นะ” ผมตอบออกไปเพราะเพื่อนของปั้นใจนั้นเขาไม่ได้เข้ามายุ่งกับผมจริงๆ ก่อนจะเห็นว่าใบหน้าคิ้วขมวดตอนแรกตอนนี้ได้คลายลงแล้ว “มีอะไรหรือเปล่า”
   “ไม่มีหรอก แค่ไม่อยากให้มันมายุ่ง...”
   ปั้นใจตอบออกมาทำให้ผมพยักหน้ารับ แม้จะไม่เข้าใจเขาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรต่อดี แม้บางทีผมก็คิดว่าผมมีเรื่องอยากจะถามเขามากมายก็เถอะ
   ผมควรคุยกับเขาสิ !
   “นี่...” ผมที่กลั้นใจพูดขึ้นบ้าง ทำให้คนที่เริ่มนั่งเงียบเช่นกันก็หันมามอง “เพลงดอกไม้กับหัวใจเพราะหรือเปล่า”
   “ที่กูฟังเหรอ”
   “อือ”
   “ก็เพราะ...”
   “...”
   “ฟังหรือเปล่า” ปั้นใจถามขึ้น ทำให้ผมที่ยังไม่ทันตอบอะไรก็ได้แต่มองคนข้างๆ ที่หยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วเสียบหูฟังพลางมองมาที่ผม ทำให้ตัวเองตอนนี้ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงก็ได้แต่พยักหน้า ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือเอาหูฟังข้างหนึ่งมาใส่หูผม “เพลงเก่าแล้ว”
   “อ่อ...อืม”
   ผมพยักหน้าก่อนจะตั้งใจฟังดนตรีที่ดังขึ้น ซึ่งมันเป็นเพลงที่ผมไม่เคยได้ยินจริงๆ แต่ก็รับรู้ได้ว่ามันเพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟังแม้ผมจะไม่ฟังแนวนี้ก็ตาม
   อืม เหมือนจะเป็นเพลงเศร้าแต่ก็ไม่ใช่...
   ผมที่ตอนแรกตั้งใจฟังเนื้อร้องอยู่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมือของปั้นใจที่ทำท่าว่าจะเอื้อมมาเอาหูฟังคืนโดนที่แก้มผมเบาๆ และผมคิดว่าเขาจะรีบเอามือออกไปเหมือนคราวก่อน แต่ไม่ใช่ ครั้งนี้เขากลับแช่ไว้แบบนั้นจนผมรู้สึกถึงความอุ่นของมือคนตรงหน้าที่แผ่ลงมาบนแก้มของผมก่อนที่เสียงเบาๆ ที่ดังขึ้นจะทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเจ้าของมือบนแก้มก็เห็นว่าอีกฝ่ายมองหน้าผมอยู่เช่นกัน
   “นี่...”
   “หะ...หืม...”
   “พรุ่งนี้...”
   “...”
   “ออกมาเจอกันหน่อยมั้ย”

TBC.

------------------------------------
 สาววายผู้ลึกลับ Fanpage (https://www.facebook.com/YaoiMysteriousGirl/)
 สาววายผู้ลึกลับ Twitter (https://twitter.com/merizelrada)
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 6 (2.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-10-2018 21:21:43
 :-[

พี่เกลือโดนน้องรุกแล้ว
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 6 (2.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 02-10-2018 22:52:14
ชอบ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 6 (2.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Kirana9165 ที่ 02-10-2018 23:07:40
ไม่รู้จะบอกอย่างไรดีนะ มันจะได้ให้ความรู้สึกที่ดี อ่านไปอมยิ้มไป มีความสุขที่ได้อ่านมาก ชอบมากเลยค่ะ มาต่อบ่อยๆ หน่อยนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 6 (2.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 02-10-2018 23:38:21
น่ารัก ลุ้นดีด้วย อยากให้ปั้นใจได้ฟัดแก้มน้องเกลือไวๆ
เกลือขี้อายมาก สู้ๆ นะ แต่ฟางมีไรเหรอ ปั้นถึงดูระแวงระวัง
แน่ะ มีความชวนเดทเด้อ


ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 6 (2.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-10-2018 23:47:09
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 6 (2.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-10-2018 03:50:40
มีจับแก้มด้วย  :m3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 6 (2.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 03-10-2018 18:10:44
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 7 (7.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 07-10-2018 11:18:50
ตอนที่ 7


   “มะ...แม่...”
   “ว่าไงน้องเกลือ”
   “เกลือมีชุดไหนเท่ๆ บ้าง” ผมพูดโดยที่ตอนนี้ก็เดินวนไปวนมาในบ้าน หลังจากที่แม่ไปรับผมที่มหาวิทยาลัยแล้วดูเหมือนผมจะคิดไม่ตกเรื่องที่ปั้นใจชวนออกไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้
   และผมก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาด้วย
   “หืม มีอะไรหรือเปล่า”
   “คะ...คือเกลือจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน เกลือเลยอยากดูดีในสายตาเขา” ผมพูดออกมาตามตรงพลางมองแม่ที่ตอนนี้ตาโตไปเรียบร้อย ก่อนที่แม่จะเดินเข้ามาหาผม
   “หมูอ้วนของแม่จะไปเดทเหรอเนี่ย ~” แม่ผมพูดด้วยท่าทีตกใจและแสดงรอยยิ้มว่าดีใจออกมาตามๆ กัน ก่อนที่ผมจะรีบส่ายหัวรัวๆ แต่ดูเหมือนแม่จะเชื่อไปอย่างนั้นซะแล้ว “สาวที่ไหนกัน พามาแนะนำให้แม่รู้จักบ้างสิ”
   “ไม่ใช่สาว แล้วเกลือก็ไม่ได้ไปเดทด้วย”
   “หืม...”
   “ปั้นใจชวนเกลือออกไปเที่ยวพรุ่งนี้...”
   “...”
   “เอ่อ...แบบเพื่อน...” ผมพูดเสียงเบาพลางหลบสายตาของแม่ด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมผมต้องทำแบบนี้ แต่สายตาของคนตรงหน้านั้นทำให้ผมรู้สึกเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
   “อ่า...”
   ทำไมแม่ต้องเหมือนไม่เชื่อผมด้วยล่ะ งื้อ...
   “อะ...เอ่อ...”
   “เดี๋ยวแม่หาชุดให้นะ”
   “ขอบคุณครับ...”
   “หมูอ้วนของแม่ใส่ชุดไหนก็เท่”
   “...”
   “เชื่อมือแม่ได้เลย”




   “กระต่ายเหลืองเหรอ”
   เสียงทักของปั้นใจคำแรกทำให้ผมอยากจะยกมือมาปิดหน้าด้วยความอาย หลังจากที่เมื่อวานผมให้แม่ช่วยเลือกเสื้อผ้า แม่ผมก็ตรงไปหยิบเสื้อฮู้ดสีเหลืองแบบแขนสั้นและมีหมวกด้านหลังที่เป็นหูกระต่าย
   มันเท่ตรงไหนเนี่ย...
   “แม่ช่วยเลือกอ่ะ” ผมพูดออกไปตามความจริง เพราะไม่อยากให้ปั้นใจหัวเราะผมนัก ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนผมนั้นก็เอาแต่ก้มหน้า วันนี้เรานัดเจอกันที่หน้า ม. โดยที่แม่อาสาขับรถมาส่งผมถึงที่ และปั้นใจก็ได้ไหว้แม่ผมไปแล้วด้วย เพราะแม่ดูเหมือนจะดีใจมากที่มีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยชวนผมออกมาเที่ยว
   อืม...จริงๆ วันนี้ปั้นใจดูดีๆ มากๆ เขาใส่เสื้อยืดเรียบๆ แล้วทับด้วยเสื้อแขนยาวสีดำอีกที ส่วนกางเกงก็ขายาวแตกต่างจากผมที่เป็นขี้ร้อนจึงเลือกแบบแค่เลยหัวเข่าลงมาเล็กน้อยเท่านั้น
   “เหมือนหนูมากกว่ากระต่าย...”
   “หะ...หืม...”
   “ช่างมันเถอะ” ปั้นใจพูดก่อนจะเอื้อมมือมาจับฮู๊ดกระต่ายของผมขึ้นทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเขางงๆ จนกระทั้งอีกฝ่ายจัดหมวกมีหูให้ผมเสร็จแล้ว “ไปกัน”
   “อื้อ”
   ผมพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนที่ปั้นจะเดินออกไปโบกแท็กซี่ ซึ่งผมที่ยืนรอในร่มไม่นานเข้าก็กวักมือเรียกผมเมื่อแท็กซี่มาจอดเทียบข้าง ทำให้ผมรีบเดินออกไปซึ่งปั้นใจก็เปิดประตูรอแล้วโดยเขาให้ผมเข้าก่อน ตามด้วยร่างสูงข้างๆ ไม่นานเราทั้งคู่ก็มาอยู่ในรถแอร์เย็นๆ และที่ๆ ปั้นใจจะไปนั้นก็เป็นห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ม. ทำให้ผมที่ไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวกับเพื่อนบ่อยนักก็ได้แต่แอบตื่นเต้นอยู่ในใจ   
   “กินข้าวมาหรือยัง”
   “กินแต่ข้าวเช้า” ผมตอบไปตามความจริง เพราะผมก็คนที่ขาดข้าวเช้าไม่ได้ ทำให้ปั้นใจพยักหน้ารับ ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว และผมเชื่อว่ายังไงวันนี้ผมคงได้นั่งกินข้าวกับปั้นใจอีกแน่ๆ แม้ที่ ม. จะนั่งอยู่บ่อยครั้งก็เถอะ แต่ความรู้สึกมันคงไม่เหมือนกัน “แล้วปั้นกินหรือยัง”
   “ยัง”
   “อ่า...งั้นเดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน”
   “อืม อยากกินอะไรหรือเปล่า”
   “อะไรก็ได้”
   “มึงเลือกเลย”
   “ไม่เอา เราแล้วแต่ปั้น”
   “กูยังไงก็ได้”
   “แต่...”   
   “งั้นไปถึงค่อยเลือกแล้วกัน” ปั้นใจเลือกที่จะตัดบทขึ้นเมื่อเห็นว่าผมเองก็ไม่ยอมเขาเช่นกัน ก่อนที่ตัวเองจะพยักหน้ารับแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความประหม่าแม้จะเป็นแค่การถกเถียงกันเรื่องมื้อกลางวันก็ตาม ไม่นานรถแท็กซี่ก็พาพวกเรามาส่งที่จุดหมาย โดยปั้นใจที่จ่ายเงินและออกไปก่อนก็ยืนรออยู่หน้าประตูรอผมให้ตามออกไป
   “ค่ารถ...”
   “ไปด้านในกัน ร้อน” ปั้นใจที่พูดขัดขึ้นมาก่อนจะออกเดินนำผมเข้าไปด้านใน ซึ่งแดดเวลานี้ก็ร้อนจริงๆ ทำให้ผมได้แต่เดินตามเขาเข้าไปอย่างว่าง่าย ไม่นานแอร์เย็นๆ ภายในห้างก็ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา แต่เผลอยิ้มได้แป๊บเดียวก็ต้องหุบปากลงเมื่อคนที่มาด้วยหันมามอง “หายร้อนมั้ย”
   “อื้อ เย็น”
   ผมบอกเมื่อเขาถามแบบนั้น ผมเองก็ชอบอากาศเย็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอเข้ามาก็ทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาก ก่อนที่ปั้นใจที่หันมาสนใจผมอยู่จะพูดขึ้นเบาๆ
   “ทำอะไรก่อนดี...”
   “ไปกินข้าวมั้ย ปั้นยังไม่ได้กินนี่”
   “เพิ่งกินมาไม่ใช่เหรอ หิวแล้วหรือไง”
   “จริงๆ กินตั้งแต่แปดโมงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็ได้ เดี๋ยวปั้นเป็นลม”
   “ไม่เป็นหรอก”
   “เดี๋ยวปวดท้อง”
   “ไม่เคยเป็น”
   “อ่า...”
   “เป็นห่วงกูเหรอ” คำถามของปั้นใจทำให้ผมที่ตอนแรกไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี ก็เงยหน้าขึ้นมองเขา ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร จนผมไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับคำถามที่ถามผมออกมา
   อาจจะถามเพราะผมไปยุ่งกับเขามาเกินไป
   หรือเขาอาจจะแค่อยากรู้เฉยๆ
   ผมที่คิดหนักกับคำถามตรงหน้าเพราะไม่รู้จะตอบยังไง สุดท้ายก็ได้แค่พยักหน้าตามความจริงที่ผมคิดว่าผมเป็นห่วงเขาเท่านั้น
   ก็ปวดท้องเพราะอดข้าวไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนี่นา...
   “งั้นเดี๋ยวไปเช็ครอบหนังแล้วไปกินข้าวกัน” คำพูดของคนข้างๆ ทำให้ผมเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง ก่อนที่ตัวเองจะพยักหน้า
   สรุปการมาเที่ยวกับเพื่อนวันนี้ของผมคือการกินข้าวแล้วก็ดูหนัง
   ตื่นเต้นจัง
   “ปั้นเป็นเพื่อนคนแรกเลยที่ชวนเรามาดูหนัง”
   “อืม”
   “ขอบคุณนะ”
   ผมพูดขึ้นเพราะรู้สึกดีจริงๆ เรียกว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ผมเคยมาดูหนังกับแม่อยู่บ้างนานๆ ทีแต่ไม่เคยมากับเพื่อนสักครั้ง คงจะมีปั้นใจนี่ล่ะที่เลือกชวนผมมา
   นิสัยดีจริงๆ ด้วย...
   “ดูเรื่องอะไรดี” คนข้างๆ ผมหันมาถามหลังจากที่เราทั้งคู่เดินมาถึงป้ายโชว์รายการหนังที่ใกล้จะฉาย และฉายไปแล้ว ทำให้ผมได้แต่มองไปตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วยุ่ง
   อ่า...เรื่องอะไรดี
   “จริงๆ แล้วเราดูอะไรก็ได้...”
   “เลือกมาเลย วันนี้ตามใจ”
   “อ่า...”
   ผมที่ตอนนี้คิดหนักเมื่อโดนโยนหน้าที่ในการเลือกหนังในวันนี้ก็ได้แต่จ้องไปที่ภาพตรงหน้าก่อนจะตาโตเมื่อเห็นว่ามีการ์ตูนที่ผมจำได้ว่าคลับคล้ายคลับคาว่าจะมีกระแสอยู่ตอนนี้ ก่อนที่ตัวเองจะหันไปมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังมองไปด้านหน้าเหมือนกัน โดยคิดว่าถ้าชวนปั้นใจดูการ์ตูนเขาจะมองว่าผมเด็กหรือเปล่า
   แต่ผมแก่กว่าปั้นใจตั้งสองปีนะ...
   “คิดได้หรือยัง”
   “อะ...อื้อ”
   “เรื่อง...?”
   “อ่า...อยากดูอันนั้น” ผมว่าก่อนจะชี้ไปที่การ์ตูนที่เพิ่งเข้าโรงได้สองสามวันและผมก็ได้ดูตัวอย่างมันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ใจคิดว่าจะไว้รอดูออนไลน์เอาเพราะว่าช่วงนี้แม่ไม่ว่างด้วย แต่พอผมพูดออกไปแล้วก็รีบชักมือกลับแล้วก้มหน้าเมื่อเห็นว่าปั้นใจนั้นหันไปมองตามแล้วเงียบไป “ถ้าปั้นไม่ชอบเราไม่...”
   “เรื่องนี้ก็ได้ กูก็อยากดูเหมือนกัน”
   “จริงเหรอ”
   “อืม” คำตอบของปั้นใจทำให้ผมเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มกว้างออกมาอย่างเก็บไม่อยู่ ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะส่งยิ้มบางๆ มาให้ และนั่นก็ทำให้ผมหน้าร้อนฉ่ากับรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูบ่อยนักของเขา และยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่อปั้นใจก็ออกเดินไปซื้อตั๋วหนังแล้วโดยทิ้งให้ผมยืนใจเต้นกับตัวเองอยู่ที่เดิม
   อยากเห็นอีก...
   ตะ...ต้องทำยังไงถึงจะได้เห็นอีก...
   “กูเลือกรอบบ่ายสองไว้ เดี๋ยวไปกินข้าวกันก่อนแล้วมาค่อยมาดูหนัง”
   “...”
   “ว่าไง”
   “อะ...อื้อ !” ผมที่ตอนแรกมองใบหน้าของเขาตอนพูดเพลินๆ ก็รีบพยักหน้ากับคำถามย้ำของปั้นใจ และก็เพิ่งนึกได้อีกแล้วว่าเขาจ่ายค่าตั๋วหนังให้ผมอีกแล้ว “ปั้น ค่าตั๋ว...”
   “เดี๋ยวเลี้ยง”
   “เอ่อ...” ผมพูดไม่ออก เพราะดูเหมือนเขาจะรู้ว่าผมจะพูดอะไร และนี่ปั้นใจก็จ่ายให้ผมตั้งแต่ค่ารถ ค่าตั๋วแล้ว ถ้าอย่างนั้นค่าข้าว... “งั้นข้าวเราขอเลี้ยงเองได้มั้ย”
   “วันนี้เดี๋ยวกูจ่ายเอง กูเป็นคนชวนมึงมานะ”
   “อ่า...” ผมได้แต่มองเขาที่พูดออกมาพลางเก็บตั๋วหนังเข้ากระเป๋า ทำให้ผมได้แต่คิดว่าส่วนใหญ่เพื่อนชวนเพื่อนเที่ยวนี่คนชวนต้องเป็นคนเลี้ยงงั้นเหรอ “งั้นคราวหน้าให้เราเลี้ยงปั้นบ้างได้มั้ย”
   “คราวหน้า” คำถามของผมทำให้ปั้นใจเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ผมเลยพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่ตัวเองจะได้เห็นรอยยิ้มที่ผมอยากจะเห็นนักเห็นหนาอีกสักครั้งของเขาเข้าจริงๆ แม้จะเพียงครู่เดียวก็ตาม แต่ผมก็คิดว่าผมได้เห็นอีกครั้งแล้ว “ได้”   
   “อะ...อื้อ !”
   “คราวหน้าที่ว่า...”
   “..”
   “เป็นวันอาทิตย์นี้เลยดีมั้ย”
   “อะ...เอ๋...”
   “ออกมาเที่ยวกันอีกไง”
   “...”
   “หรือไม่สนุกที่มากับ...”
   “ได้สิ ได้ๆ วันอาทิตย์...” ผมรีบพยักหน้าเมื่อเห็นว่าปั้นใจจะพูดอะไรที่ผมไม่คิดว่าเป็นแบบนั้นขึ้นมา ผมสนุกและดีใจที่ได้มาเที่ยวกับเขา แล้วถ้ามีครั้งหน้าอีกก็คงจะดีไม่น้อย “งั้นเราขอเป็นคนชวนบ้างนะ”
   “อืม”
   “เอ่อ...วันอาทิตย์นี้...”
   “...”
   “ปั้นออกมาเที่ยวกับเราอีกได้มั้ย”



   รู้สึกว่าการเที่ยวในวันนี้จะผ่านไปด้วยดี เพราะหลังจากที่ผมกับปั้นใจกินข้าวกันด้วยเมนูง่ายๆ ก็ไปดูหนังต่อ ซึ่งการ์ตูนที่ผมเลือกและปั้นใจบอกว่าอยากดูเช่นกันนั้นสนุกอย่างที่ผมคิดไว้จนทำให้ผมยิ้มมาได้ตลอดทางตั้งแต่ออกจากโรง และตอนนี้เองผมก็กำลังพูดจ้อไม่หยุดทั้งๆ ที่ในมือก็มีไอศกรีมวนิลาที่ต้องรับผิดชอบกินมันด้วย
   “สนุกอย่างที่คิดไว้เลย ตอนแรกเราดูแค่ตัวอย่างผ่านๆ ตั้งใจว่าจะไว้ดูออนไลน์ พอได้มาดูในโรงจอใหญ่ๆ แล้วตื่นเต้นมาก !”
   “...”
   “ดีใจที่ได้สนับสนุนการ์ตูนของคนไทยด้วย ขอบคุณปั้นมากๆ ที่ชวนเรามาวันนี้”
   “อืม”
   “สนุกมากๆ เลย”
   “หนังเหรอ”
   “มากับปั้นอ่ะ สนุกแล้วก็มีความสุขมากๆ เลย” ผมว่าก่อนจะหันไปยิ้มกว้างๆ ให้เขาตามที่ตัวเองตั้งใจ ซึ่งปั้นใจเองดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายเขาก็ยิ้มกลับมาให้ผมเช่นกัน แต่เพียงแป๊บเดียวเขาจะเลือกหันหน้าหนีไปอีกทางทำให้ผมอดเสียดายไม่ได้
   อยากเห็นอีกแล้ว ผมจะเสพติดมั้ยนะ...
   ผมที่ตอนแรกกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องหยุดเดินทันทีเมื่อสายตาไปปะทะกับร้านเบอเกอร์รี่ขนาดเล็กที่น่ารักสุดๆ และเมนูของหวานที่น่ากินนั่นก็ดึงดูดผมเต็มๆ
   วะ...ไว้วันหน้าก็ได้...
   จะแวะมากินให้ได้เลย !
   “อยากกินเหรอ” เสียงของคนข้างๆ ที่ถามขึ้นทำให้ผมละสายตาจากร้านสีชมพูไปมองทางเขา ทำให้ตัวเองที่ตอนนี้เม้มปากแน่นไม่รู้จะตอบออกไปยังไงเพราะไอศกรีมที่อีกฝ่ายซื้อให้ก็ยังคามืออยู่ “กินมั้ย เดี๋ยวพาไป”
   “อ่า...”
   “ว่าไง”
   “อะ...อื้อ !”
   ผมที่กลั้นใจยอมรับความจริงและผงกหัวก็ได้แต่เดินตามปั้นใจเข้ามาในร้านเค้ก ซึ่งผมที่ตอนนี้ตื่นเต้นสุดๆ ก็ได้ไปสั่งเมนูเค้กหลากสีน่ากินพร้อมชาเขียวเย็นมาหนึ่งชุด ส่วนปั้นในนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาไม่ได้กินกับผมแต่อย่างใด และเมื่อได้ของที่ต้องการผมก็กลับมาที่โต๊ะด้วยอาการที่แสดงออกว่ามีความสุขสุดๆ ซึ่งปั้นใจเองก็นั่งมองผมกินเงียบๆ และก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ เขาทำให้ใครหลายๆ คนรอบๆ หันมาสนใจได้ไม่น้อยแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมากับผมหรือเปล่าเลยไม่มีใครกล้าเข้ามาทัก
   ถ้าเขามาคนเดียวจะมีคนเข้าหามากกว่านี้หรือเปล่านะ...
   “นี่...”
   “หืม...” ผมที่กำลังตักเค้กเข้าปากก็ต้องเงยหน้ามองคนตรงข้าม ก่อนที่ตัวเองจะรีบวางช้อนลงแล้วตั้งใจฟังเขาพูด
   “กินก็ได้ ไม่ได้ว่า”
   “อ่า...” พยักหน้าและหยิบช้อนมาตักเค้กเข้าปากต่อ
   “แค่จะบอกว่าเวลายังเหลือ เดี๋ยวไปด้วยกันหน่อยได้มั้ย”
   “ไป...?”
   “อืม”
   “...”
   “มีที่นึงที่อยากให้ไปด้วยกัน”
   ที่ๆ อยากให้ไปด้วยกันเหรอ...



   สระว่ายน้ำ...
   ปั้นใจพาผมมาที่สระว่ายน้ำจริงๆ
   ผมที่ตอนนี้มองคนที่พาผมมายืนอยู่ที่ป้ายใหญ่ๆ ที่บอกเวลาเปิดและเวลาปิดก็ต้องก้มหน้าลงและรู้สึกอายขึ้นมา
   เขาไม่ชอบที่ผมอ้วนจริงๆ ด้วย...
   “จะพามาว่ายน้ำ”
   “...”
   “เป็นอะไร”
   “...”
   “เกลือ ปั้นถามว่าเป็นอะไร” การเรียกตัวเองแทนชื่อของเขาทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย ซึ่งปั้นใจก็กำลังมองผมมาด้วยความสงสัยในท่าทีของผมตอนนี้
   “คะ...คราวหน้าเราไม่กินเยอะแล้วก็ได้...”
   “...”
   “ปั้นไม่อยากให้เราอ้วนใช่มั้ย แต่เราอ้วนไปแล้ว...”
   “คิดอะไรแบบนั้น” คนที่ชวนมาถามขึ้นพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยทำให้ผมต้องก้มหน้าลงหลบสายตาของเขา และรู้สึกอายขึ้นมาจริงๆ เพราะวันนี้ผมกินเยอะต่อหน้าปั้นใจไปตั้งหลายอย่าง “แค่จะพามาออกกำลังกาย จะได้ไม่ป่วยง่าย”
   “...”
   “ถ้ากลัวว่าจะผอมขนาดนั้นเดี๋ยวจะพาไปกินอีกก็ได้ จะให้กินทุกอย่างที่อยากกิน ไม่ห้ามเลย”
   “...”
   “และจะเป็นคนพามาออกกำลังกายด้วย”
   คำพูดของปั้นใจทำให้ผมเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง และสายตาของเขาก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก เขาไม่ได้ไม่ชอบที่ผมอ้วน
   แต่เขาแค่กำลังเป็นห่วงผมเท่านั้น
   “ขอบใจนะ ถ้าปั้นอยากให้เราผอม เราจะลองพยายาม...”
   “ไม่ต้องผอมหรอก”
   “...”
   “ที่เป็นอยู่ตอนนี้ มึงก็ดีที่สุดในสายตากูแล้ว” คำพูดของเขาทำให้ผมไม่สามารถละสายตาไปจากคนตรงหน้าได้ และผมก็เพิ่งจะรู้ตัว ว่าผมเองก็มีดีในสายตาของเขาเหมือนกัน
   “อื้อ...”
   “...”
   “ปั้นเองก็ดีที่สุดสำหรับเราเหมือนกัน”
   ที่สุดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...

----------------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 7 (7.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-10-2018 12:10:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 7 (7.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-10-2018 19:53:50
นี่เรียกว่าต่างคนต่างหยอด แล้วใครจะเป็นคนแคะล่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 7 (7.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-10-2018 20:44:00
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 7 (7.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 07-10-2018 20:54:48
ขออีกเยอะๆ รอจ้าาา
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 7 (7.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-10-2018 21:54:38
หวาย น่ารักกกก ปั้นตามใจทุกอย่างเลยนะ ดีตรงที่ชอบที่เกลือเป็นเกลือ
น้องเกลือของเราน่ารักจะตาย ชอบตอนเกลืออยู่กับแม่ น่ารัก

ขอบคุณค่ั
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 7 (7.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-10-2018 22:26:59
 :man1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 7 (7.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 07-10-2018 22:35:32
โชคดีจังน้าา น้องเกลือ เจอคนดีๆแบบปั้น  5555 พี่นี่เหมือนเกลือเลย แต่ต่างกันที่ไม่มีใครมองมา  :laugh:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 12-10-2018 18:40:18
ตอนที่ 8


(ปั้นใจ)
   “ออกมาไม่ได้เหรอ”
   {อืม วันนี้แม่เราจะให้ช่วยทำขนมอ่ะ}
   “ขนม...”
   {พวกทองหยอด ฝอยทอง เห็นว่าดูหนังเมื่อคืนเลยอยากทำ วันหยุดพอดีด้วย}
   “อ่า...” ผมที่ตอนนี้นั่งขมวดคิ้วอยู่บนเตียงหลังจากที่รู้ว่าเกลือไม่สามารถออกมาเจอกันในวันอาทิตย์ได้ ทำให้การนอนไวและตื่นเช้ากว่าปกติของผมนั้นดูเหมือนจะเสียเปล่าไปเฉยๆ “นี่...”   
   {หืม...}
   “กูก็ชอบกินนะ”
   {จริงเหรอ}
   “อืม”
   {งั้นเดี๋ยววันไป ม. เราห่อไปให้นะ}
   “วันไป ม.”
   {อือ}
   มันอีกหลายวันเลยไม่ใช่หรือไง...
   ผมที่ไม่รู้จะพูดยังไงต่อ เลยได้แต่ถอนหายใจออกมา ดูเหมือนแผนวันนี้จะต้องล่มไปไม่เป็นท่า ก่อนที่จะได้ยินเสียงของเกลือที่เหมือนจะคุยกับคนที่อยู่ใกล้ตัว
   {แม่ ถ้าทำเสร็จแล้วเกลือขอห่อไปให้ปั้นใจบ้างได้มั้ย...ช่าย ปั้นใจชอบกิน...เอ๊ะ...อีกหลายวันไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ชวนมากินที่บ้านเลยล่ะ...} เสียงประโยคสุดท้ายไม่ใช่ของเกลือ แต่มันก็ทำให้ผมเด้งตัวลุกขึ้นยืนทันที และไม่นานเสียงที่ผมรอคอยก็ดังขึ้น {เอ่อ...ปั้น...}
   “ว่าไง”
   {แม่เราชวนมาบ้านอ่ะ แต่ถ้าไม่ว่าง...}
   “ว่าง !”
   {อะ...อื้อ งั้นวันนี้มาบ้านเรา...}
   “อืม ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
   ผมที่รีบคว้ากระเป๋าสะพายที่เตรียมไว้ขึ้นมาโดยที่โทรศัพท์ยังแนบอยู่ที่ข้างหู ก่อนจะต้องชะงักการเดินเมื่อเห็นว่าไอ้ฟางมันเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วขมวดคิ้วมองมาด้วยใบหน้าสงสัย
   “เดี๋ยว ไอ้ปั้น มึงจะรีบไปไหนแต่เช้า”
   “ไปบ้านเพื่อน”
   “ห๊ะ...”
   “กูไปละ” ผมบอกคนที่ทำหน้าไม่เข้าใจสุดขีดแค่นั้น ซึ่งก็พอจะเข้าใจอยู่เพราะไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ผมไม่เคยคิดเรื่องที่จะไปบ้านเพื่อนสักครั้ง
   อืม แต่อยากไปบ้านเกลือ
   {ปั้นมาถูกมั้ย}
   “เดี๋ยวกูลองบอกทางแท็กซี่”
   {อืมๆ งั้นเดี๋ยวเราส่งโลไปให้นะ}
   “อืม”
   เกลือที่วางสายไปพร้อมกับแชทไลน์ที่เด้งเข้ามาทำให้ผมที่ตอนนี้หยุดยืนอยู่หน้าห้องเปิดเข้าไปดูก็พบกับแผนที่ของจุดหมายที่ผมจะไปวันนี้
   อ่า...
   แป๊บเดียวก็ได้
   ก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอล่ะนะ...



(เกลือ)
   “เกลือ เพื่อนจะมาตอนไหนเหรอ”
   “เห็นว่ากำลังจะมา...”
   “หืม ไม่ได้บอกเขาเหรอว่าเราทำขนมตอนบ่าย”
   “จะ...จริงด้วย เกลือลืมเลย...!”
   “น่าจะไม่ทันแล้วน้า...” ผมที่ตอนนี้รู้สึกผิดสุดๆ เพราะลืมบอกปั้นใจว่าขนมจะเริ่มทำตอนบ่าย เพราะตอนนี้ของอะไรก็ยังไม่ได้เตรียม และผมกับแม่ก็กำลังจะออกไปซื้อของกันข้างนอกด้วย
   ทะ...ทำยังไงดี...
   “แม่...”
   “งั้นเดี๋ยวแม่ออกไปซื้อของคนเดียวก็ได้ เกลือก็อยู่รอรับเพื่อนเนอะ”
   “ครับ...”   
   ผมที่ก้มหน้าขานรับอย่างว่าง่ายเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี แต่ก็ต้องขอบคุณแม่ที่ช่วยหาทางออกให้ ก่อนที่มืออุ่นๆ จะลูบที่หัวของผมเบาๆ ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมองอีกฝ่าย ก็เห็นว่าแม่กำลังส่งยิ้มให้ผม มันเป็นยิ้มที่อบอุ่นจนผมต้องเผลอยิ้มตาม
   “มีเพื่อนดีขนาดนี้ ก็ต้องรักษาเขาไว้ให้ดีเข้าใจมั้ย”
   “อือ เกลือจะรักษาปั้นใจไว้ดีๆ และเกลือก็จะทำตัวดีๆ ด้วย”
   เพราะผมก็ไม่อยากเสียเขาไปเหมือนกัน...
   “ดีมากเจ้าหมูอ้วนของแม่”
   “รักแม่ที่สุดเลย”
   “แม่ก็รักเกลือเหมือนกัน”
   คนตรงหน้ากอดผมไว้ ซึ่งหลายต่อหลายครั้งที่มีคนมาเห็นผมพูดแบบนี้และถามว่าผมไม่เขินกับการบอกรักแม่บ้างเหรอ แต่ผมกลับมองว่ามันไม่เห็นจะน่าเขินตรงไหน แม่เองก็บอกรักผมอย่างไม่อายใครเหมือนกัน ทำไมผมต้องอายในเรื่องที่แสดงความรักกับคนที่รักผมด้วยล่ะ
   ก็ผมรักแม่มากจริงๆ นี่...
   “งั้นแม่ไปซื้อของก่อนนะ เกลือก็อยู่บ้านรอรับปั้นใจอแล้วกัน เดี๋ยวแม่จะรีบกลับมา”
   “ได้ครับ”
   ผมยิ้มกว้างๆ ก่อนจะคลายกอดออกแล้วมองแม่ที่เดินออกไปจนตอนนี้เหลือแค่ผมที่นั่งอยู่ที่เดิมเพื่อรอคนที่จะมาบ้านผมในวันนี้
   อ่า...ตื่นเต้นจัง
   ละ...แล้วทำไมต้องตื่นเต้นด้วยเล่า !
   Rrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะรีบหยิบมันขึ้นมาก็พบว่าเป็นปั้นใจที่โทรเข้ามาจริงๆ ทำให้ผมรีบกดรับเพราะกลัวว่าเขาจะมาไม่ถูกหรือเปล่า
   “ปะ...ปั้น...”
   {เข้ามาในซอยแล้ว}
   “งั้นเดี๋ยวเราไปยืนรอหน้าบ้านนะ !”
   {อืม}
   ผมวางสายก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปหน้าบ้านทันที เพราะกลัวว่ารถแท็กซี่ที่ปั้นใจนั่งมานั้นจะเลยบ้านผมไป แต่ดูเหมือนว่าพอออกมาแล้วถนนในหมู่บ้านยังคงเงียบกริบ ทำให้ผมถอนหายใจออกมา เพราะคิดว่าเขายังมาไม่ถึงแน่ๆ
   ระ...รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกแล้ว...
   ผมที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าบ้านโดยที่สายตาก็พยายามมองหารถแท็กซี่ที่ปั้นใจบอกว่าเข้ามาในซอยแล้ว แต่กลับไม่มีวี่แววแม้แต่น้อย ซึ่งบ้านผมก็ไม่ได้อยู่ลึกมาก แต่ทำไมปั้นใจถึงยังมาไม่ถึงสักที
   หรือจะเลยไปแล้วจริงๆ
   “เอ๊ะ...”
   ผมที่ตอนแรกคิดไม่ตกอยู่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าร่างสูงในชุดเสื้อยืดกางเกงขาวยาวธรรมดาๆ แต่ก็สามารถดูดีได้สุดๆ ตอนนี้กำลังเดินอยู่ไม่ไกลนัก ทำให้ผมต้องแปลกใจว่าทำไมเขาถึงไม่ให้รถเข้ามาส่ง แล้วยังเลือกที่จะเดินฝ่าแดดช่วงสายเข้ามาอีก
   “ไง”
   ผมที่ตอนแรกมองด้วยความสงสัยปนเป็นห่วงอยู่ห่างๆ ก็ได้แต่มองคนที่ก้าวเข้ามาใกล้แล้วทักทายขึ้น ก่อนที่ผมจะมองใบหน้าที่มีเหงื่อซึมของเขาจึงรีบชวนเข้าบ้าน
   “ขะ...เข้าไปข้างในกัน !”
   ผมพูดก่อนจะเดินนำคนมาใหม่เข้าไปในบ้าน ซึ่งปั้นใจก็ไม่ได้ขัด เขาเดินตามผมเข้ามาอย่างว่าง่าย และเมื่อแอร์เย็นๆ ภายในบ้านสัมผัสโดนร่างกายผมก็รู้สึกดีขึ้นมาก ขนาดผมออกไปตากแดดแค่แป๊บเดียว แต่ปั้นใจนี่สิ เดินมาตั้งไกล
   ถึงบ้านผมจะอยู่ไม่ลึก แต่ผมว่ามันก็ไกลมากอยู่ดีสำหรับคนที่เดิน...
   “อ่า...เย็น...”
   “ปั้นไปนั่งก่อน เดี๋ยวเราหาน้ำให้”
   “ขอบใจ”
   ผมมองปั้นใจที่ตอนนี้กำลังมองไปรอบๆ บ้านของผมแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาแต่โดยดี ทำให้ผมต้องเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำเย็นๆ มาให้เขา พอได้ของที่ต้องการและเดินออกมาก็เห็นว่าปั้นใจนั้นตอนนี้กำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ที่โซฟา จนผมที่เดินเข้าไปหาต้องทักขึ้นด้วยความสงสัยในท่าทางแบบนั้น
   “เป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าป่วย...”
   “ไม่ๆ”
   “อ่า...”
   “แม่...”
   “อ๋อ” ผมที่พอจะรู้สาเหตุที่ทำให้ปั้นใจนั่งตัวเกร็งแล้วก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เขาก่อนจะเอาน้ำเปล่าที่รินใส่แก้วให้อีกฝ่าย ซึ่งเขาก็รับไปแต่โดยดีและมองมาที่ผมอย่างต้องการคำตอบ “แม่ออกไปซื้อของ จริงๆ แล้ววันนี้จะทำขนมตอนบ่ายอ่ะ”
   “...”
   “ขอโทษนะ ถ้าเราบอกก่อน ปั้นก็ไม่ต้องรีบมาขนาดนี้”
   “ไม่เป็นไร”
   “ว่าแต่ทำไมถึงเดินเข้ามาไหนว่ามาแท็กซี่...”
   “ลุงเขารีบไปที่อื่นต่อ เลยให้ส่งกลางทาง”
   “อ่า...”
   “ขอโทษที่ทำให้มึงต้องยืนรอ”
   “ไม่เป็นไร เรารอปั้นแป๊บเดียวเอง !”
   “อืม”
   ปั้นใจพยักหน้ารับก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบเพียงนิดเดียวก็วางแก้วลง ซึ่งตอนนี้ใบหน้าของเขาเริ่มแห้งแล้ว ผมที่สังเกตอยู่เลยต้องยอมละสายตาออกมาเพราะกลัวว่าอีกคนจะจับได้ว่าแอบมองเขาอยู่ขนาดนั้น
   วะ...ว่าแต่ผมควรจะชวนเขาคุยอะไรต่อดี...
   “ปั้นกินข้าวมาหรือยัง”
   “ยัง”
   “เอ่อ กินมั้ย บ้านเรามีข้าว”
   “ไม่เป็นไร ยังไม่ค่อยหิว” ปั้นใจว่าพลางมองไปรอบๆ ผมเลยมองตาม ซึ่งบ้านของผมหลังไม่ใหญ่มาก เป็นสองชั้นที่ดูจะเรียบๆ สำหรับสองแม่ลูก ซึ่งพี่น้ำตาลพี่สาวของผมจะกลับมานานๆ สักครั้ง ตอนนี้เลยมีแค่ผมกับแม่อยู่ที่นี่กันแค่สองคน “บ้านน่าอยู่ดี”
   “อือ เรากับแม่ช่วยกันเลือกเฟอนิเจอร์ล่ะ”
   “เข้าดีนะ” คำชมที่ธรรมดาของปั้นใจทำให้ผมยิ้มกว้างออกมา แม้มันจะไม่ได้ดูเยินยออะไรมาก แต่ผมกลับดีใจที่ได้ยินคำชมจากเขา แม้จะเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยก็ตาม “นี่...”
   “หืม...”
   “ทำไมแก้ม...”
   คำถามของปั้นใจพร้อมกับสายตาที่จับจ้องมาที่แก้มของผมทำให้ตัวเองต้องหุบยิ้มลงแล้วยกมือจับแก้มของตัวเองไว้
   แก้มใหญ่ หรือแก้มเยอะ...
   ปั้นใจคิดว่ามันน่าเกลียดหรือเปล่า
   “เราอ้วน...”
   “ไม่ได้ว่าอะไร แค่คิดว่ามันคงนิ่ม”
   “อือ ก็เนื้อเยอะอ่ะ” ผมว่าพลางหลบสายตาของเขาด้วยความประหม่า จะว่าเขินก็ใช่ อายก็ใช่อีก ก่อนที่ผมจะต้องสะดุ้งเมื่อสัมผัสอุ่นๆ ของมือคนข้างๆ จับที่มือของผมที่จับแก้มอยู่แล้วเอามันออก และมือข้างเดิมก็ขยับขึ้นมาจับแก้มของผมเบาๆ
   “อืม นิ่มอย่างที่คิด”
   “อะ...อื้อ”
   ผมที่ตอนนี้มองคนที่กำลังลูบและขย้ำแก้มของผมเบาๆ ก็ต้องนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น ซึ่งปั้นใจเองก็ดูเหมือนจะเพลินกับการเล่นแก้มของผม
   อ่า...แอบเห็นรอยยิ้มเล็กๆ ของปั้นใจอีกแล้ว
   “มองอะไรขนาดนั้น”
   “หะ...”
   “แก้มแดง...”
   เสียงของคนตรงหน้าทำให้ผมเบิกตากว้างก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นทำให้มือของปั้นใจหลุดออกไปด้วย ก่อนที่ตัวเองจะรีบถอยออกมาให้ห่างจากคนที่ตอนนี้ลุกขึ้นตามผม
   “อะ...เอ่อ...เราว่าเราไปหาอะไรให้ปั้นกินดีกว่า แม่บอกว่าอดข้าวเช้าไม่ดี ให้เราหาอะไรให้กินนะ !”
   “อืม ก็ได้”
   “อะ...อือ ทะ...ทำอะไรดี ไข่เจียว หรือหมูทอด...” ผมที่ตอนนี้รู้สึกว่าลิ้นพันกันสุดๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อคนที่ตอนแรกอยู่ห่างออกไปก้าวเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะหนีเขาต้องยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่
   “อะไรก็ได้ เดี๋ยวกูช่วย”
   “อะ...อื้อ...”
   ผมพยักหน้ารับก่อนจะกลับหลังหันด้วยร่างกายเกร็งๆ แล้วเดินนำปั้นใจเข้ามาในครัว ซึ่งคนที่เดินตามมาอย่างเงียบๆ ก็ไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไรมากนัก เมื่อเข้ามาเขาก็มองไปรอบๆ ราวกับสำรวจอีกครั้ง ก่อนที่ปั้นใจจะหันมาถามผม
   “แล้วกินข้าวหรือยัง”
   “กินแล้ว กินตั้งแต่เช้า”
   “อ่อ...” เขาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “งั้นเอาไข่เจียวก็ได้ ง่ายดี”
   “เอ่อ...ใส่หมูสับด้วยมั้ย”
   “ไม่เป็นไร”
   “แต่ใส่ก็ได้นะ เราทำได้”
   “...”
   “หรือว่าปั้นไม่ชอบหมู...”
   “งั้นทำอะไรมาก็ได้ กินได้หมดแหละ” เขาตอบออกมาทันที ทำให้ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบเดินไปเอาเนื้อหมูจากในตู้เย็นที่แม่ชอบซื้อติดตู้ไว้ให้ผมในวันหยุด เพราะรู้ว่าเมนูง่ายๆ ที่ผมชอบทำกินกลางดึกบ้าง เวลาอยู่คนเดียวบ้างคือไข่เจียวหมูสับ หรือไม่ก็หมูทอด
   ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมผมถึงไม่ผอมสักที...
   ก็คนมันอดใจกับความหิวไม่ได้นี่นา...
   “ให้ช่วยทำอะไรมั้ย”
   “ไม่เป็นไร ไข่เจียวหมูสับของถนัดเราเลย”
   “ชอบกินเหรอ”
   “อื้อ มันทำง่ายสุดแล้ว” ผมว่าพลางหันไปยิ้มให้ปั้นใจที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ก่อนเริ่มเอาเนื้อหมูสับสำเร็จรูปออกมาแล้วตามด้วยไข่ไก่อีกสองใบ ซึ่งคนที่ยืนดูอยู่ห่างๆ ก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ ทำให้ผมต้องเบาใจอยู่บ้าง เพราะถ้าปั้นใจเข้ามาใกล้กว่านี้ผมต้องตื่นเต้นและทำมันออกมาได้ไม่อร่อยแน่ๆ
   “อยากช่วย”
   เสียงเบาๆ ที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ผมที่ตอนแรกเร่งมือทำอยู่ต้องหันไปมองก็พบกับใบหน้าที่ตอนนี้ดูเหมือนแอบขัดใจนิดๆ ของปั้นใจอยู่ ก่อนที่ตัวเองจะทำได้แค่มองอีกฝ่ายแล้วยอมตอบกลับไปเสียงเบาเช่นกัน
   “งั้นช่วยก็ได้...”
   “อืม”
   คนตัวสูงเดินเข้ามาหาผมทันทีจนตอนนี้ร่างของแทบติดกันแล้ว ผมเลยหาสิ่งที่คิดว่าง่ายที่สุดอย่างการตีไข่ให้เขาทำ ซึ่งปั้นใจเองก็ไม่ได้ขัดเท่าไหร่ เขารับไปทำอย่างว่าง่าย ก่อนที่ผมจะเอาเนื้อหมูและเครื่องปรุงใส่ตามโดยมีคนที่ช่วยผสมทุกอย่างให้เข้ากันอย่างปั้นใจนั้นทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่นานไข่ในถ้วยก็พร้อมลงกระทะแล้ว
   “เดี๋ยวที่เหลือเราทำเอง ปั้นไปนั่งรอข้างนอกก่อนก็ได้”
   “...”
   “อ่า...หรือจะรอในนี้ก็ได้...” ผมที่พูดออกไปพลางหลบสายตาคนตรงหน้าที่บ่งบอกว่าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของผมเมื่อสักครู่ทำให้ตัวเองต้องเอาถ้วยไข่มาจากเขา สุดท้ายปั้นใจก็ยอมขยับออกห่างไปและยืนดูผมที่ตอนนี้ตั้งกระทะเตรียมเทไข่ลงแล้ว และแน่นอนว่าพอโดนจ้องอยู่แบบนี้ก็ทำเอาผมไปไม่เป็นเหมือนกัน “เราจะตั้งใจทอดนะ”
   ผมเคยคิดว่าการทำไข่เจียวหมูสับนั้นง่ายมากมาตลอด แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่ความคิดสำหรับวันนี้สักนิด
   ผมกลัวว่าจะทำมันออกมาไม่อร่อย
   กลัวว่ารสชาตจะหนักไป หรือเบาไป ไม่พอดี
   กลัวว่าหมูที่ใส่ลงไปนั้นเยอะเกินไปหรือเปล่า คนกินจะชอบมั้ย เขาชอบไข่เยอะกว่าหมู หรือชอบหมูเยอะกว่าไข่
   และผมก็เชื่อว่าถ้าผมถามเขาออกไป ปั้นใจจะต้องตอบกลับมาแบบนี้แน่ๆ
   ทำมาเถอะ...
   “กูกินได้หมดนั่นล่ะ”
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-10-2018 19:37:09
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 12-10-2018 19:48:48
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 12-10-2018 20:13:04
ความมั่นใจในไข่เจียวหมูสับสั่นคลอนซะแล้ว   o22
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 12-10-2018 20:45:56
เกลือน่ารัก  :-[
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 12-10-2018 23:54:18
 :man1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-10-2018 01:15:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-10-2018 01:46:05
โอ๊ยย อิจฉาหมูอ้วน อิอิ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-10-2018 03:25:39
ไปถามปั้นอีกทีไหม ว่าชอบกินไข่เจียวหมูสับแบบไหม้ไหม้ไหม  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Nureeta ที่ 14-10-2018 06:52:12
รอค่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Nureeta ที่ 14-10-2018 06:52:53
 :call:รอค่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 8 (12.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-10-2018 09:45:41
หนูอ้วนน่ารัก ปั้นรอกินไข่เจียวนานแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 21-10-2018 18:51:36
ตอนที่ 9


   “อืม...”
   “...”
   “อร่อย”
   คำพูดสั้นๆ ง่ายๆ ทำให้ผมที่ตอนนี้นั่งอยู่ตรงข้ามเขาและกำลังมองอีกคนตักข้าวไข่เจียวราดซอสกินก็ต้องถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มให้คนตรงข้าม
   “ตื่นเต้นตั้งนาน”
   “ตื่นเต้นอะไร”
   “ก็...” ผมที่กำลังจะพูดว่า ‘กลัวไม่อร่อย’ ก็ได้แต่หุบปากลง เพราะกลัวว่าเขาจะหัวเราะกับการคิดเล็กคิดน้อยของผมหรือเปล่า ก่อนที่ตัวเองจะส่ายหัว “ไม่มีอะไรหรอก เราคิดไปเรื่อยอ่ะ ปั้นกินเถอะเดี๋ยวหายร้อน”
   “อืม”
   คนตรงข้ามผมขานรับอย่างว่าง่าย โดยที่ในขณะที่เขากินนั้น ปั้นใจไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาเล่น เขาเหมือนสนใจกับแค่อาหารตรงหน้าเท่านั้น ทำให้ผมที่เฝ้ามองอยู่อย่างลุ้นๆ ในทุกคำที่เขาเอาเข้าปากได้แต่มองเพลินๆ ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อเจอสายตาของอีกฝ่ายมองมา แต่ดูเหมือนว่าผมจะหลบไม่ทันซะแล้ว
   “อะ...เอ่อ...”
   “มีอะไรหรือเปล่า อยากกินหรือไง”
   “เปล่าๆ แค่คิดว่ามองปั้นกินแล้วเพลินดี”
   “...”
   “อึดอัดมั้ย ไม่งั้นเราไม่มอง...”
   “ไม่เป็นไร มองเถอะ”
   ปั้นใจก้มหน้ากินข้าวต่อโดยที่เขาไม่ได้เงยหน้ามองมาทางผมแล้ว ไม่รู้ว่ากลัวผมอึดอัดหรือเขาแค่กำลังประหม่าเองกันแน่ และไม่นานข้าวไข่เจียวฝีมือผมก็หมดลง ทำให้ผมได้แต่มองอย่างดีใจเพราะปั้นใจไม่ได้เหลือไว้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะข้าวหรือไข่ก็ตาม
   เจอแบบนี้คนทำก็ปลื้มเหมือนกันนะ...
   “เดี๋ยวเราเอาจานไปเก็บให้ !”
   ผมรีบพูดก่อนจะลุกขึ้นคว้าจานข้าวของปั้นใจแล้วเดินเข้ามาในครัว ซึ่งคนที่ดื่มน้ำอยู่ก็ไม่ทันทักท้วงอะไร จึงได้แต่นั่งรออยู่กับที่เท่านั้น ผมที่เก็บจานเรียบร้อยก็ออกมาก็เห็นว่าปั้นใจนั้นมองมาที่ผมไม่ละสายตาไปไหน จนกระทั่งผมเดินกลับมาถึงที่เขาจึงถามขึ้น
   “แม่จะกลับมาตอนไหน”
   “อ่า...น่าจะอีกสักพักนะ...”
   “อ่อ...” ปั้นใจพยักหน้ารับ ดูเหมือนเขาจะสีหน้าดีขึ้นทันที ทำให้ผมที่สังเกตท่าทางเขาตั้งแต่มาถึงอดถามออกไปไม่ได้
   “ตื่นเต้นเหรอ”
   “...”
   “แม่เราใจดี” ผมรีบพูดขึ้นเมื่อเขามองกลับมาทันที ก่อนที่คนตรงหน้าจะพยักหน้ารับ “แม่เราอยากเจอปั้นด้วย”
   “ทำไม”
   “ก็ปั้นดี...” ผมตอบออกไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ก่อนจะคิดได้ว่าคำพูดของผมนั้นนะทำให้เขาเข้าใจได้หรือเปล่า “ก็แบบ ปั้นเป็นเพื่อนที่ดี”
   “อ่า...”
   “อือ...”
   แล้วอยู่ๆ ทั้งผมและเขาก็เงียบกันไปทั้งอย่างนั้น ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนปั้นใจนั้นแน่นอนว่าเขาตอนนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะยื่นแก้วน้ำที่ตอนนี้ไม่เหลือของเหลวด้านในแล้วมา
   “ขอน้ำอีกแก้วได้มั้ย”
   “ดะ...ได้ๆ มีน้ำส้มด้วย เอามั้ย”
   “ไม่เป็นไร น้ำเปล่าก็พอ”
   “อือ ได้” ผมพยักหน้ารับก่อนจะรีบคว้าแก้วแล้วเดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง ก่อนจะรินน้ำอุณหภูมิห้องให้เขา ซึ่งปั้นใจบอกว่าเขาไม่ค่อยชอบกินน้ำเย็นเท่าไหร่นัก และเมื่อผมออกมาก็เห็นว่าปั้นใจกำลังมองโทรศัพท์ด้วยใบหน้าคิ้วขมวดอยู่ จนผมอดเป็นห่วงไม่ได้ และเมื่อผมเดินเข้ามาหาเขาก็รีบวางโทรศัพท์ลงแล้วรับแก้วน้ำจากผมไป
   “เผลออ่านไปแล้ว”
   “หะ...หืม...” ผมได้แต่ทำหน้างง ก่อนจะทำตัวเสียมารยาทโดยการมองไปที่โทรศัพท์ของปั้นใจที่ตอนนี้กำลังเปิดแชทของใครสักคนค้างไว้ ซึ่งดูเหมือนเขาจะอ่านอย่างเดียวแต่ยังไม่ได้ตอบกลับไป “มีธุระเหรอ”
   “อืม นิดนึง”
   “สำคัญมั้ยอ่ะ ถ้าสำคัญไปก็ได้นะ เดี๋ยวทองหยอดเราห่อไว้ให้”
   “ไม่อยากไป”
   “นั่นสิเนอะ ก็วันหยุดทั้งที” ผมได้แต่ทำหน้าเข้าใจเขา เพราะวันนี้เป็นวันหยุดจริงๆ และท่าทางแชทนั่นก็เป็นแชทของพวกรุ่นพี่นั่นล่ะ “ลองบอกเขาว่าไม่ว่างสิ”
   “คราวก่อนบอกไปแล้ว”
   “อ่า...งั้นบอกว่าป่วย”
   “...”
   “ถ้าบอกว่าป่วยเขาให้ปั้นหยุดแน่ๆ”
   “ให้โกหกว่าป่วยเหรอ”
   “กะ...โกหกเหรอ...” ผมที่ตอนแรกยิ้มกว้างกับความคิดของตัวเองก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนถึงผมจะบอกทุกคนว่าป่วย แต่ผมก็ป่วยจริงๆ แต่ปั้นใจนั้นเขาไม่ได้ป่วยสักนิด “คือเราไม่ได้ตั้งใจจะให้ปั้นโกหกนะ”   
   “งั้นไม่โกหกแต่บอกว่าป่วยแล้วกัน”
   “...”
   “ลองจับตัวกูสิ ร้อนนะ” ปั้นใจที่มองมาทางผมทำให้ตัวเองที่ตอนแรกรู้สึกผิดว่าได้ชักชวนให้คนทำไม่ดีไปแล้วก็โดนคนตรงหน้าเอื้อมมือมาจับมือผมให้ไปแตะที่หน้าผากของเขาเบาๆ “ร้อนมั้ย”
   ระ...ร้อนที่ไหนล่ะ เย็นมาก...
   แต่...
   “ร้อน...”
   ก็ได้...
   “ถ้าร้อนแสดงว่าป่วย”
   “...”
   “มีพยายานบอกว่าป่วยแล้วหนึ่งคน ตามนั้นนะ” ปั้นใจยิ้มให้ผมก่อนที่ตัวเองจะรีบชักมือกลับมาด้วยความประหม่า โดยที่ใจตอนนี้ก็เต้นตึกตักกับรอยยิ้มเมื่อสักครู่ไปแล้ว ก่อนที่ผมจะมองปั้นใจที่กำลังพิมพ์แชทกลับไป “เรียบร้อย”
   “ขะ...เขาไม่ให้ไปแล้วเหรอ”
   “อืม ก็ป่วย ไปไม่ไหวหรอก”
   “...”
   “เหมือนจะกลับบ้านไม่ไหวแล้วด้วย...”
   “เอ๊ะ...”
   ผมที่ตอนแรกมองคนตรงหน้าที่พูดออกมาตอนนี้ก็ต้องอ้าปากพะงาบเพราะไม่รู้จะตอบยังไง ยิ่งโดนสายตาของปั้นใจมองมายิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังพูดไม่ออก และดูเหมือนคนตรงข้ามเองเขาก็ไม่คิดจะอธิบายคำพูดเมื่อสักครู่แม้แต่น้อยโดยตอนนี้มีเพียงรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของอีกฝ่ายเท่านั้น
   มะ...เหมือนโดนเขาแกล้งเข้าแล้วยังไงไม่รู้ !
   “พรุ่งนี้กูน่าจะต้องไปมหา’ลัยมึงไม่ไปใช่มั้ย”
   “อือ ถ้าไปก็ไม่รู้จะไปทำอะไรอ่ะ” ผมที่ตอนแรกกำลังคิดกับตัวเองอยู่ก็ต้องพยายามสลัดเรื่องก่อนหน้านี้ออกไปแล้วตอบคำถามของปั้นใจ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนอีกคนจะเริ่มหายเกร็งหลังจากมาที่บ้านผมแล้ว “พรุ่งนี้เราน่าจะนอนอยู่บ้าน...”
   “นอน”
   “ก็อาจจะไม่ได้นอนทั้งวันหรอก แต่ก็อยู่บ้านอ่ะ ทำอะไรเรื่อยเปื่อย”
   “...”
   “แม่ไม่อยู่ด้วย...”
   “พรุ่งนี้อยู่บ้านคนเดียวเหรอ”
   “อือ แม่ไปทำงานอ่ะ” ผมตอบออกไปตามความจริงทำให้ปั้นใจที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเรื่องของผมนักตอนนี้เขากับยืดตัวขึ้นราวกับเจอเรื่องอะไรดีๆ เข้า ก่อนที่คนตรงข้ามผมเขาจะรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทำให้ผมได้แต่ทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจการกระทำของคนตรงหน้านัก
   “นี่”
   “หะ...หืม...”
   “ทองหยอดน่ะ...”
   “...”
   “ถ้ามากินพรุ่งนี้จะได้มั้ย” คำถามพร้อมกับแววตาที่ดูเหมือนเด็กของปั้นใจทำให้ผมไม่กล้าปฏิเสธ จึงได้แต่พยักหน้ารับ
   “ก็ได้...แต่พรุ่งนี้ปั้นต้องไปมหา’ลัยไม่ใช่เหรอ”
   “อ่า...” คนตรงข้ามผมก้มหน้าลงมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นทำให้ผมได้แต่มองงงๆ สุดท้ายก็ยอมลุกตาม ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะเดินกลับไปที่ห้องรับแขกแล้วเอากระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาหยิบเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ทำให้ผมเห็นว่ามันคือขนมคุกกี้ที่มีแพ็คเกจจิ้งน่ารักขนาดไม่ใหญ่มากโดยปั้นใจยื่นมันมาให้ผม “กูเลือกของฝากให้ผู้ใหญ่ไม่ค่อยเก่ง”
   “ให้แม่เหรอ”
   “อืม”
   “แม่ต้องชอบแน่ๆ” ผมรับของตรงหน้ามา ซึ่งมันดูน่ารักและน่ากินจนตัวเองยังเผลอกลืนน้ำลาย ก่อนที่ถุงห่อขนมช็อกบอลลูกเล็กๆ จะถูกส่งมาให้อีกชิ้น “หืม...”
   “อันนี้ของเกลือ”
   ของที่ถูกยื่นมาให้ทำให้ผมรับมาโดยที่ตอนนี้ในใจก็ดีใจสุดๆ เพราะอย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้ของฝากจากเขาตั้งหนึ่งชิ้น
   “ขอบใจนะ”
   “อืม ยังไงไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ และคราวหน้าจะอยู่ไหว้แม่ให้ได้”
   “เอ๊ะ...”
   “รุ่นพี่เขาอยากให้ไปวันนี้ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องไป” คำตอบของปั้นใจทำให้ผมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย
   “อืม เราก็อยากให้แม่เจอปั้นเหมือนกัน”
   “ไว้เย็นนี้จะทักมาหา”
   “...”
   “ทักแชท” ปั้นใจพูดพลางก้มมองโทรศัพท์ในมือของตัวเอง ทำให้ผมพยักหน้าตาม ซึ่งผมเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเป็นเพื่อนกับเขาในเฟซบุ๊กแล้ว “ได้ใช่มั้ย”
   “ได้ๆ จะรอนะ”
   ผมพูดออกไปแม้ตอนนี้จะแสดงออกว่ากลั้นยิ้มไปแล้วก็ตาม ซึ่งปั้นใจเองก็ไม่ต่างกัน เขาดีดูจะดีใจเมื่อได้ยินคำตอบของผม และผมก็ไม่ได้คิดว่าผมคิดไปเอง ปั้นใจแสดงออกแบบนั้นจริงๆ เขาเหมือนเด็กที่เก็บความดีใจไว้ไม่มิด คิดยังไงก็แสดงออกแบบนั้น
   แต่เขาก็เด็กกว่าผมจริงๆ ล่ะนะ
   “งั้นไปก่อนนะ”
   “อือ”
   ผมมองคนที่เอากระเป๋าพาดบ่า ก่อนจะเดินตามไปส่งปั้นใจที่หน้าบ้าน ซึ่งขาออกไปเขาก็เลือกที่จะเดินเหมือนตอนเข้ามา ซึ่งตอนแรกผมตั้งใจว่าจะโทรเรียกวินที่หน้าปากซอยให้ แต่เขาบอกไม่เป็นอะไร และเดินแค่นี้ก็ไม่ได้หนักหนานัก สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ยืนมองอีกคนที่เริ่มเดินออกจากซอยบ้านผมไปจนสุดสายตา
   อืม...
   ถึงจะได้เจอแค่แป๊บเดียวแต่ก็ทำให้รู้สึกดีสุดๆ ไปเลย



   ติ๊ง...
   เสียงแชทเข้าที่ดังขึ้นทำให้ผมที่กำลังนอนมองรูปถ่ายขนมทองหยอดและฝอยทองหลังจากที่ช่วยแม่ทำจนถึงเย็นต้องละสายตาจากภาพแล้วกดเข้าแชทที่เด้งขึ้นมาทันที
   
   Punjai : กลับห้องแล้ว

   อ่า...
   ผมหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้ว ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่เขาไปทำกับพวกรุ่นพี่วันนี้คงจะหนักหนาเอาเรื่อง ผมจึงกดส่งรูปถ่ายขนมไปให้เขา
   
   Gunchai : (รูป)
   Gunchai : เราก็ทำขนมเสร็จแล้ว
   Punjai : น่ากิน
   Gunchai : อร่อยด้วย
   Punjai : พรุ่งนี้ฝากท้องอีกครั้งนะ
   Gunchai : ได้เลย

   ผมที่พิมพ์แชทตอบกลับไปในขณะที่นอนเล่นอยู่บนเตียง ซึ่งวันนี้ผมเลือกที่จะนอนเฉยๆ แทนที่จะดูหนังหรือฟังเพลงฆ่าเวลาแบบทุกครั้งเพื่อรอแชทปั้นใจ และเขาก็ทักมาหาผมจริงๆ ทำให้แชทที่เงียบมานานของผมได้มีปฏิกิริยาอีกครั้ง
   “พรุ่งนี้ทำอะไรให้ปั้นใจกินดี...”
   ผมที่นอนนึกเมนูสำหรับพรุ่งนี้ก็ได้แต่หลุดยิ้มออกมา ก่อนจะดูที่หน้าจอโทรศัพท์ที่มีแชทใหม่เข้ามาอีกครั้ง

   Punjai : จะนอนหรือยัง
   Gunchai : ยังไม่ง่วงเลย
   Punjai : ไม่ง่วงเหมือนกัน
   
   ผมอ่านแชทที่ถูกตอบมาอย่างรวดเร็ว จนไม่รู้ว่าเขาเป็นเหมือนผมหรือเปล่าที่ไม่ได้กดออกจากแชทเลย ก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้นนั่งแล้วมองโทรศัพท์ด้วยความอารมณ์ดี แต่ยังไม่ทันจะพิมพ์อะไรกลับไป อีกฝ่ายก็พิมพ์มาหาผมซะก่อน

   Punjai : ทำอะไรอยู่
   Gunchai : นอนเล่นอ่ะ ไม่มีอะไรทำ ปั้นอ่ะ
   Punjai : ว่าจะอาบน้ำ ร้อน
   Gunchai : อ๋อ งั้นไปอาบน้ำก่อนก็ได้
   Punjai : อาบเสร็จแล้วจะคุยด้วยต่อเหรอ
   Gunchai : อืม ก็ถ้าปั้นอยากคุย เราคุยเป็นเพื่อนก็ได้
   
   ผมที่ตัดสินใจพิมพ์กลับไปก็ได้แต่มองแชทที่จะตอบกลับมาอย่างลุ้นๆ ซึ่งผมเองก็ยอมรับว่าอยากคุยกับเขาเหมือนกัน เพื่อนผมไม่ได้มีเยอะแยะ และการคุยผ่านแชทกับเพื่อนครั้งแรกก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นไม่น้อย
   ถ้าขอให้ปั้นใจกับพาฝันสร้างกลุ่มแชทจะเป็นไรมั้ยนะ...   
   ติ๊ง...
   เสียงแชทที่ดังขึ้นทำให้ผมก้มไปมองหน้าจอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

   Punjai : ขอเวลา 10 นาที เดี๋ยวมา

   ผมที่พิมพ์ตอบกลับไปแค่ ‘อืม’ ก็ได้แต่มองแชทตรงหน้าอย่างกลั้นยิ้มไม่อยู่ ผมรู้ว่าการคุยแชทกับ ‘เพื่อน’ มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขขนาดนี้หรอก
   แต่เป็นเพราะเจ้าของแชทที่ผมคุยด้วยเป็นปั้นใจต่างหาก
   อ่า...เรื่องกลุ่มคงต้องไว้สร้างทีหลังแล้วกัน
   ผมวางโทรศัพท์ลงตรงหน้าก่อนจะเอามือขึ้นกุมแก้มของตัวเองไว้ ซึ่งแก้มผมก็ยังคงเยอะเหมือนเดิมและผมก็เริ่มรู้สึกว่ามันเยอะกว่าเดิมแล้วด้วย ก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้ากระจก ซึ่งผมเป็นคนตัวขาว คอสั้น เนื้อที่แขน ขา พุง แก้มมีเยอะจนถ้าตัดขายคงได้หลายกิโล ซึ่งผมไม่เคยคิดเรื่องลดความอ้วนมาก่อน ผมไม่เคยอยากดูดีในสายตาคนอื่น แม้ว่าหลายๆ คนจะบอกว่า ลดหน่อยเถอะ อนาคตจะได้มีโอกาสในเรื่องการงานมากขึ้น ซึ่งผมก็รู้ดีว่าบุคลิกเป็นเรื่องสำคัญ ใช่ว่าคุณจะเก่งแล้วจะได้งานเลย แต่ผมก็ยังก้มหน้าก้มตากินอยู่โดยไม่สนเรื่องอื่น จนกระทั่งผมได้รู้จักกับปั้นใจ ผมเริ่มอยากจะดูดีในสายตาเขา แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
   ผมควรจะลดความอ้วนดีมั้ย...
   ถ้าปั้นใจเดินกับเพื่อนที่อ้วนอย่างผม เขาจะอายคนอื่นหรือเปล่า...ไม่สิ ปั้นใจไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่มีทางที่จะอายแค่เรื่องคบผมเป็นเพื่อนแน่...
   งั้นก็ไม่ต้องลดก็ได้มั้ง...
   Rrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะเดินกลับไปที่เครื่องมือสื่อสารเล็กๆ บนเตียง ก่อนที่ตัวเองจะต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่โทรมานั้นเป็นเจ้าของแชทที่เพิ่งบอกผมว่าไปอาบน้ำเมื่อสักครู่ ทำให้ผมที่ตอนแรกตกใจอยู่ก็ได้แต่กัดปากข่มความประหม่าไว้ก่อนจะเอื้อมมือสั่นๆ ไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
   “ปะ...ปั้น...”
   {นอนแล้วเหรอ}
   “ยังๆ ยังไม่นอน แค่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย...”
   {คิดอะไร}
   “เรื่องลดความอ้วน”
   {อยากลดเหรอ} คำถามของคนในสายทำให้ผมได้แต่คิดหนักก่อนจะขึ้นไปนั่งบนเตียงเหมือนเดิม {ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากลดล่ะ}
   “ไม่รู้อ่ะ...”
   {ไม่อยากกินเค้กแล้วเหรอ}
   “อยากสิ !” ผมรีบพูดออกไปและรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเมื่อนึกถึงว่าถ้าลดน้ำหนักผมต้องอดกินเค้กแน่ๆ “งั้นไม่ลดแล้ว...”
   {อืม ก็ไม่ได้อ้วนขนาดนั้น ไม่ต้องพยายามลดหรอก แค่ออกกำลังกายบ้างก็พอ} ปั้นใจที่พูดขึ้นทำให้ผมพยักหน้าตามแม้เขาจะไม่เห็นก็ตาม {แล้วทำอะไรอยู่}
   “ตอนแรกก็คิดเรื่องลดน้ำหนักแหละ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคุยกับปั้นแล้ว”
   และผมก็ไม่รู้ว่าเราเปลี่ยนจากการคุยแชทเป็นคุยด้วยเสียงกันได้ยังไง...
   {อ่อ...} เขาขานรับก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงจากฝั่งนั้นเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็ไม่กล้าถามเหมือนกัน เขาจึงเป็นฝ่ายถามขึ้น {พรุ่งนี้เอาขนมอะไรมั้ย}
   “ง่ะ...”
   {เป็นอะไร}
   “ก็เมื่อกี๊เราบอกว่าจะลดความอ้วนอยู่เลย ตอนนี้ปั้นกลับถามเราละว่าจะกินอะไรมั้ย แกล้งเราหรือเปล่าเนี่ย...”
   {อ้าวเหรอ โทษที} เสียงหัวเราะเบาๆ ของปลายสายทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาเช่นกัน
   “คงไม่ผอมง่ายๆ แน่”
   ผมพูดขำๆ ทำให้ทางนั้นเองก็หัวเราะออกมาอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน ก่อนที่เสียงของปั้นใจจะทำให้ผมที่กำลังหัวเราะอยู่ต้องค้างไปทั้งอย่างนั้น มีเพียงหัวใจเท่านั้นที่เต้นแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว
   {อืม...}
   “...”
   {คงไม่ปล่อยให้ผอมง่ายๆ เหมือนกัน}
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-10-2018 19:32:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 21-10-2018 20:11:40
มีความไม่ปล่อยให้ผอมด้วยคนเรา 555  :m20:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-10-2018 23:31:52
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-10-2018 00:44:00
กลัวว่าถ้าเกลือผอมไป จะมีคนเข้าหาเยอะกว่าเดิมล่ะซิ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-10-2018 05:49:58
น่ารัก แน่ะมีขยำแก้มกันด้วย ไม่รุ้จะหลอกทำไรน้องป่าว แม่ไม่อยู่เนี่ย
ปั้นอ่อนโยนกับเกลือนะ ส่วนเกลือ น่ารักเกินไปละ เดั๋ยวกินเข้าไปทั้วตัวซะเลย

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-10-2018 06:48:58
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-10-2018 11:57:48
 :man1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 22-10-2018 16:18:33
โดนจีบอยู่ยังไม่รู้อีก เจ้าหมูความรู้สึกช้ามาก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-10-2018 22:12:10
กลัวว่าถ้าเกลือผอมไป จะมีคนเข้าหาเยอะกว่าเดิมล่ะซิ  :hao3:

โดนจีบอยู่ยังไม่รู้อีก เจ้าหมูความรู้สึกช้ามาก  :laugh:

คิดเหมือนเลย
ชอบบบบบบ  น่ารักมาก
ปั้น เกลือ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 23-10-2018 14:27:01
รอตอนต่อไปจร้า  :-[
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 9 (21.10.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 23-10-2018 16:31:06
วางแผนขุนให้อ้วน เพราะกลัวจะผอมแล้วออร่าเปล่งประกายเข้าตาคนอื่นแหงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 10 (1.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 01-11-2018 20:51:28
ตอนที่ 10


   “เกลือ”
   “ครับ”
   “แม่ไปทำงานก่อนนะ”
   “อะ...อื้อ...!”
   ผมรีบพยักหน้ารับก่อนจะเดินมาส่งแม่เหมือนอย่างเคย ซึ่งแม่เองก็มองมาทางผมยิ้มๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินเข้ามาแล้วหยิกแก้มเยอะๆ ของผมไปหนึ่งที
   “ตื่นเต้นที่เพื่อนจะมาเหรอเรา”
   ผมไม่ได้ตอบแต่เชื่อได้เลยว่าสีหน้าของผมคงจะแสดงออกให้แม่รู้ไปแล้ว ก่อนจะเลือกพยักหน้า แม่จึงลูบหัวของผมพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แล้วเดินขึ้นรถไป ส่วนผมเองก็ได้แต่มองแม่ขับรถออกไปจนลับสายตา ก่อนจะปิดบ้านเพราะตอนนี้เพิ่งแปดโมงเช้า ส่วนปั้นใจผมคิดว่าเขาน่าจะมาสายๆ
   คิดว่านะ...
   Rrrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะรีบล้วงมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงก็พบว่าเป็นคนที่นัดมาบ้านผมวันนี้ ก่อนที่ตัวเองจะรีบกดรับไม่นานเสียงของอีกฝ่ายก็ดังขึ้น
   {เกลือ...}
   “หะ...หืม...”
   {ตื่นแล้วเหรอ}
   “ตื่นแล้ว”
   {...}
   “แม่ออกไปทำงานแล้วด้วย” ผมพูดเสียงเบา ทั้งๆ ที่ตอนนี้ที่บ้านก็เหลือผมอยู่คนเดียว ก่อนที่ตัวเองจะเดินเข้าไปในบ้าน โดยวันนี้ผมเลือกที่จะยังไม่กินข้าวเช้าเพื่อรออีกคน แต่ก็ไม่แน่ใจอยู่ดีว่าเขาจะมาตอนไหน
   ถ้าไม่ได้กินข้าวเช้า กินข้าวเที่ยงพร้อมกันก็ได้...
   {อืม นี่รอไอ้ฟางตื่น เดี๋ยวจะออกไปแล้ว}
   “อ๋อ...งั้นเดี๋ยวเรารอนะ”
   {อืม} เสียงตอบรับอย่างว่าง่ายของปั้นใจทำให้ผมที่ไม่รู้จะชวนเขาคุยอะไรต่อดี เพราะตอนนี้ก็รู้แล้วว่าเขามาแน่นอน แต่แค่รอเพื่อนตื่น ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตอนไหน และไม่รู้ว่าจะได้กินมื้อเช้าด้วยกันหรือเปล่า และสุดท้ายผมก็อดถามออกไปไม่ได้จริงๆ
   “จะกินข้าวมาหรือเปล่า”
   {แล้วกินข้าวหรือยัง} คำถามที่ออกมาพร้อมๆ กันทำให้ทั้งผมและเขาต่างเงียบไปทันทีแทนที่จะตอบคำถามของอีกฝ่าย และก็เป็นปั้นใจเองที่ตอบคำถามของผมก่อน {น่าจะไม่ได้กินไป}
   “อะ...อือ เราก็ยังไม่ได้กิน”
   {อ่า...}
   “มากินพร้อมกันมั้ย แม่ทำกับข้าวไว้เยอะเลย...”
   {อืม งั้นเดี๋ยวรีบไปนะ รบกวนด้วย}
   “อือ”
   ผมพยักหน้า แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นจะไม่เห็นท่าทางของผมก็ตาม ก่อนที่สายจะตัดไปทำให้ผมต้องถอนหายใจออกมา ไม่รู้ว่าเกิดอาการโล่งใจเรื่องอะไร แต่พอได้คุยกับปั้นใจผมก็รู้สึกเกร็งๆ ทุกครั้งเลยจริงๆ
   เฮ้อ...
   ผมถอนหายใจออกมา แต่สุดท้ายก็หลุดยิ้มจนได้ ก่อนจะเดินมานั่งที่โซฟาเพราะที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อ จะทำกับข้าวก็ไม่ได้เพราะแม่ทำไว้แล้ว และการนั่งอยู่นิ่งๆ ก็ไม่ใช่เรื่องสนุกนัก ผมจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปหน้าบ้านอีกครั้งโดยเลือกที่จะรดน้ำต้นไม้ในเช้านี้แทน
   ปกติตอนนี้ผมคงยังนอนอยู่สินะ
   ผมรีบจัดการเปิดน้ำและหยิบสายยางมารดน้ำต้นไม้ที่บริเวณบ้านทันที บ้านของผมมีสนามหญ้า แต่ไม่กว้างนัก เพราะบ้านไม่ได้ใหญ่โตขนาดนั้น อยู่กันสองคนได้อย่างไม่รู้สึกว่ามันกว้างเกินไป ก่อนที่ผมที่ไล่รดน้ำต้นไม้ทุกต้นในบ้านจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีพื้นที่ว่างอยู่
   อืม...สงสัยต้องหาต้นไม้มาปลูกเพิ่มแล้ว
   ผมเดินไปรอบๆ บ้าน จนกระทั่งรดน้ำเสร็จ แต่ดูเหมือนเวลาก็เพิ่งผ่านไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้น และท้องผมก็เริ่มหิวแล้วด้วย ก่อนจะเก็บสายยางลงที่เดิมแล้วเริ่มมองหาอะไรทำเพื่อรอเวลาและเพื่อลืมความหิวที่เกิดขึ้น ก่อนจะเดินไปเอาไม้กวาดมากวาดใบไม้ที่มีอยู่น้อยนิด ไม่นานมันก็เสร็จจนผมต้องเริ่มมองหาอย่างอื่นต่อ
   หิวแล้วนะ
   ผมลูบท้องตัวเอง เพราะปกติผมจะกินข้าวเช้าช้าสุดก็แปดโมงกว่า และตอนนี้ก็เลยเวลากินข้าวผมไปนานแล้วด้วย
   งื้อ เมื่อไหร่ปั้นใจจะมา...
   ผมที่ลูบท้องตัวเองไปสองสามทีก็เอาไม้กวาดไปเก็บก่อนจะเริ่มเดินรอบบ้านราวกับชมวิวที่ไม่เคยเห็น แต่ดูเหมือนยิ่งเดินยิ่งเหนื่อย พอเหนื่อยก็เพิ่มความหิวเข้าไปอีก ผมเลยเลือกที่จะยืนนิ่งๆ แทน โชคดีที่แดดตอนนี้ยังไม่ร้อนมากนักผมเลยยืนหน้าบ้านได้อย่างสบายๆ
   กริ๊ง ~
   หืม...
   ผมที่ตอนแรกยืนนิ่งๆ ก็ต้องเบิกตากว้าง ก่อนจะมองไปทางหน้าบ้านที่มีรถส่งเสียงคุ้นหูปั่นผ่านมาทำให้ตัวเองต้องรีบวิ่งไปเกาะรั้วไว้ ก่อนจะตะโกนเรียกสิ่งที่ทำท่าว่าจะผ่านหน้าบ้านไป
   “ไอติม !”
   กินนี่ก่อนแล้วกัน !
   ผมรีบเปิดรั้วบ้านก่อนจะเดินออกมาก็เห็นว่ารถของพ่อค้าของหวานนั้นจอดรอผมแล้วทำให้ตัวเองต้องยิ้มกว้างเดินไปหาไอศกรีมกะทิที่มีทั้งใส่ถ้วย ใส่ขนมปัง และใส่กรวย
   อยากกินหมดเลย !
   ผมที่ตัดสินใจเลือกอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเอาแบบใส่ขนมปังมา ซึ่งรอไมนานไอศกรีมสีขาวที่ราดด้วยซอสช็อกโกแลตบนขนมปังสีเขียวราคาอันละสิบบาทก็ถูกส่งมา ทำให้ผมยิ้มรับอย่างมีความสุข ก่อนจะมองพ่อค้าที่ปั่นรถออกไปโดยที่เสียงกระดิ่งก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ผมจึงเดินถือของหวานเพื่อกลับเข้าบ้าน แต่ดูเหมือนพอหันกลับมาจะต้องชะงักเมื่อพบกับคนคุ้นหน้าที่ตอนนี้ยืนอยู่ที่หน้าบ้านผมโดยที่เขามองมาที่ผมที่ถือขนมปังไอศกรีมอยู่
   ปั้นใจ...
   มะ...มาเร็ว...
   ผมอ้าปากพะงาบๆ เมื่อรู้สึกประหม่าขึ้นมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมองมาที่ของในมือ ราวกับว่าการแอบกินของหวานก่อนกินข้าวของผมนั้นจะโดนจับได้ซะแล้ว
   “อร่อยมั้ย”
   “ยะ...ยังไม่ได้กินเลย...”
   “กินสิ เดี๋ยวละลายหรอก” ปั้นใจว่าก่อนที่ผมจะรีบเอาของในมือเข้าปากทันที โดยที่สายตาก็มองไปที่เขาอยู่ และแน่นอนว่าอีกฝ่ายเองก็มองผมกลับมาเช่นกัน ก่อนที่ผมจะรีบเดินเข้าบ้านแล้วเชิญอีกคนเข้ามาด้วย
   “เราหิวอ่ะ...”
   “ไม่ได้ว่าอะไร”
   “อือ” ผมว่าก่อนจะกินไอศกรีมในมือโดยมีคนที่มาใหม่ยืนมองไม่วางตาจนผมไม่รู้จะแสดงท่าทางยังไงออกมา ก่อนที่เขาจะชูถุงพลาสติกใสๆ ที่ด้านในมือขนมมาการองสีสันหน้ากินอยู่ “น่ากิน”
   “ซื้อมาฝาก”
   “ขอบใจนะ” ผมยิ้มให้อีกคนก่อนจะเดินนำเข้ามาในบ้าน โดยที่ก็ยังคงพยายามรีบกินของหวานให้หมดไวๆ เพื่อที่จะได้กินข้าวต่อ และดูเหมือนปั้นใจที่มาคราวนี้จะไม่ค่อยเกร็งแล้ว ผมเลยเลือกที่จะถามสิ่งสงสัยออกไป “เรานึกว่าจะมาช้ากว่านี้”
   “รีบมา กลัวจะหิว” คำพูดของปั้นใจพร้อมรอยยิ้มที่เกิดขึ้นทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวเพราะดูเหมือนสายตาของเขาที่มองมานั้นรู้เรื่องของผมจนทะลุปรุโปร่งแล้ว
   และก็เถียงไม่ได้ด้วย เพราะผมหิวจริงๆ
   “แม่เราทำกับข้าวไว้เยอะเลย...”
   “กินไอติมก่อนก็ได้” เขาว่าพลางมองมาที่ผมที่ยืนนิ่งค้างอยู่ ก่อนที่ตัวเองจะรีบกัดก้อนไอศกรีมเย็นๆ หวานๆ ตามด้วยขนมปัง ไม่นานของในมือก็โดนผมส่งเข้าปากจนหมด แต่ดูเหมือนปากของผมนั้นจะไม่สมดุลกับแก้มใหญ่ๆ เท่าไหร่ มันจึงปิดสนิทจนไม่สามารถเคี้ยวได้ โดยที่ตอนนี้ขนมปังก็เต็มกระพุงแก้มของผมจนมันบวมเป่ง
   งื้อ...น่าเกลียดแน่ๆ
   “อื้อ...” ผมรีบยกมือปิดปากไว้ ก่อนจะพยายามเคี้ยวโดยที่ปั้นใจนั้นก็จ้องมองมาแล้วพูดออกมาคำเดียว
   “หนู...”
   หนู ?   
   ผะ...ผมฟังผิดหรือเปล่า อาจจะเป็นหมู...
   “อื้อ !”
   “ค่อยๆ กินสิ”
   ไม่ทันแล้ว !
   ผมที่ตอนนี้พยายามตัดความคิดทุกอย่างออกแล้วรีบเคี้ยวของในปาก ไม่นานมันก็สามารถกลืนลงคอได้แม้จะใช้เวลานานไปหน่อย และคงเป็นผมที่ผิดเองที่รีบยัดมันเข้าปากเพื่อที่ได้จะกินข้าวไวๆ โดยตอนนี้หิวไม่ไหวแล้ว ของหวานกับของคาวผมไม่นับรวมกันนะ เหมือนกระเพราะมีช่องหนึ่งไว้ใส่ของหวาน ถึงจะกินไปเยอะยังไงก็หิวของคาวอยู่ดี
   “หิวแล้ว”
   ผมพูดออกไป ทำให้ปั้นใจหลุดยิ้มออกมา พลางเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ซึ่งผมที่โดนแบบนี้ครั้งแรกก็ได้แต่เอื้อมมือจับหัวตัวเองไว้ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นมา
   “กินข้าวเลยมั้ย”
   “อือ” ผมพยักหน้าก่อนจะเดินนำอีกคนไปที่โต๊ะกินข้าว ซึ่งตอนแรกผมตั้งใจว่าจะไปยกกับข้าวออกมาเอง แต่ปั้นใจก็อาสามาช่วย ไม่นานทั้งต้มข่าไก่ ต้มจืด และผัดผักที่อุ่นร้อนแล้วก็มาวางอยู่บนโต๊ะ เหลือแค่ไข่เจียวที่คนมาเยือนขอให้ผมทำไว้ตั้งแต่คุยกันตอนกลางคืน ไม่นานไข่เจียวหมูสับฝีมือของผมก็ตามออกมาติดๆ โดยมีปั้นใจที่ถือจานข้าวสวยร้อนๆ สองจานเดินตามมา
   น่ากินสุดๆ !
   “น่ากิน”
   ดูเหมือนความคิดของผมกับปั้นใจนั้นจะตรงกัน แต่อีกคนเลือกที่จะพูดออกมาตรงๆ มีแค่ผมเท่านั้นที่คิดอยู่ในใจ ผมจึงยิ้มกว้างให้เขาโดยที่คนตรงข้ามก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน ก่อนที่เราทั้งคู่จะทิ้งตัวลงนั่งคนละฝั่งแล้วเริ่มมื้อเช้าของวันนี้กันอย่างเงียบๆ
   แต่ผมคิดว่าการทานอาหารมื้อนี้ให้ความรู้สึกที่ ‘อร่อย’ สุดๆ ไปเลย
   หวังว่าปั้นใจเองจะคิดเหมือนกัน...




   “เกลืออออออออ ~!”
   “ฝัน !”
   “ไอ้หมูอ้วนนนนนนนน ~!” ผมที่ตอนนี้ยิ้มกว้างแล้วรับผู้หญิงร่างสูงมาในอ้อมกอด โดยที่พาฝันแสดงออกว่าดีใจที่เจอผมมากๆ ก่อนที่เธอจะหยิกแก้มผมไปแรงๆ หนึ่งที “คิดถึงแก้มอวบๆ ขาวๆ เหมือนซาลาเปาของมึงที่สุด !”
   “งื้อ...”
   ผมที่โดนทำร้ายร่างกายก็ได้แต่หลุดยิ้มออกมา โดยที่คนตรงหน้าเองก็ยังเล่นแก้มผมไม่เลิก ซึ่งผมก็ได้แต่ยินยอมให้อีกฝ่ายกระทำอยู่แบบนั้น
   ก็มันให้ความรู้สึกดีมากกว่ารู้สึกแย่นี่นา...
   วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกหลังจากที่หยุดไปหนึ่งเดือน หลังจากนี้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของผมคงเริ่มขึ้นจริงๆ แล้ว และผมรู้สึกดีใจมากๆ เพราะรู้สึกว่าการได้มาเจอเพื่อนจะดีกว่าการอยู่บ้านไปวันๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะได้เจอปั้นใจบ้าง แต่หลังจากที่เขามาหาผมวันนั้นเขาก็กลับบ้านต่างจังหวัดไป ผมไม่รู้ว่าเขากลับกรุงเทพฯ มาตอนไหน เราคุยผ่านแชทกันนานๆ ครั้ง ส่วนเรื่องกิจกรรมต่างๆ ผมก็ไม่ได้ติดตามนักรู้แค่ว่าคนที่ได้เป็นเดือนนั้น คือปั้นใจแน่นอน
   การอยู่ในจุดที่มีคนสนใจมากๆ นี่มันเป็นยังไงนะ
   “แล้วกินข้าวมาหรือยังห๊ะ”
   “กินขนมปังแล้ว”
   “กินแต่ขนมปัง แม่ไม่ทำกับข้าวหรือไงยะ”
   “วันนี้ไม่ทำอ่ะ แล้วเราก็อยากกินขนมปังด้วย...” ผมตอบออกไปโดยที่พาฝันก็เขกหัวผมเบาๆ ก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะประจำ ซึ่งดูเหมือนก่อนหน้านี้เป็นยังไง ตอนนี้ผมและเธอก็ยังเหมือนเดิม เช้านี้ดูเหมือนจะคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งนักศึกษาที่มากหน้าหลายตา ไหนจะเสียงที่ดังกว่าปกติทำให้ผมอดตื่นเต้นไม่ได้ คงจะมีแต่พาฝันเท่านั้นที่กำลังนั่งมองบรรยากาศรอบๆ ด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
   “สถานการณ์เหมือนกันทุกปี...”
   “ตื่นเต้นนะ”
   “ไม่เลย น่ารำคาญจะตาย”
   “โหย แต่เราชอบ” ผมพูดออกไปพลางส่งยิ้มให้คนตรงข้าม ซึ่งเธอก็ได้แต่ส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่โทรศัพท์ที่ผมเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงจะมีเสียงแชทเกิดขึ้น ทำให้ผมต้องล้วงมันออกมาดู ก็พบว่าเป็นปั้นใจที่ทักแชทมา และใครจะรู้ว่าการกระทำของผมที่เกิดขึ้นนั้นเรียกความสนใจจากคนตรงข้ามไม่น้อย “มีอะไรหรือเปล่า”
   “หืม...ใครทักแชทมาน่ะ”
   “อ่า...” ผมก้มมองแชทก่อนจะเงยหน้ามองพาฝันที่จ้องมองมา ก่อนจะเลือกหลบตาแล้วอ่านแชทตรงหน้าแทน

   Punjai : มามหาลัยหรือยัง

   “ฮั่นแหน่ กูรู้นะว่าใคร !”
   “หะ...หืม...”
   “ไปๆ ตอบแชทไป ไม่แซวหรอก กลัวมึงเขินจนระเบิดตาย แค่นี้ก็หน้าแดงละ” พาฝันกว่าพลางหันหน้าหนี ซึ่งผมที่ฟังคำว่า ‘ไม่แซว’ ของเธอนั้นก็ได้แต่ก้มหน้าลง ก่อนจะพิมพ์แชทตอบกลับคนที่ทักมา ซึ่งผมเองก็อดตื่นเต้นกับแชทตรงหน้าไม่ได้จริงๆ แม้แชทใหม่ๆ ของปั้นใจนั้นจะเข้ามานานๆ ครั้ง แต่ก็ผมนับจำนวนข้อความที่คุยกับเขาไม่ได้แล้ว
   
   Gunchai : มาแล้ว ตอนนี้อยู่กับฝัน
   Punjai : อ่อ...
   Gunchai : แล้วปั้นมาหรือยัง
   Punjai : ถึงแล้ว เดี๋ยวเดินไปหา
   
   ผมที่อ่านแชทก็รีบหันมองซ้ายมองขวาด้วยหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมา แต่ดูเหมือนคนที่บอก ‘จะมาหา’ นั้นยังไม่มา ทำให้ผมต้องก้มมองแชทอีกครั้งที่ตอนนี้ปั้นใจได้ส่งข้อความมา และก็ทำให้ผมต้องเบิกตากว้าง

   Punjai : เห็นเกลือแล้ว
   
   ผมรีบเงยหน้าขึ้นก่อนจะมองไปรอบๆ โดยคราวนี้พยายามจับจ้องไปทุกที่ แต่ก็หาเจ้าของแชทไม่เจอสักที

   Gunchai : อยู่ตรงไหนอ่ะ
   Punjai : ก็ไม่ใกล้เท่าไหร่
   Gunchai : แกล้งเราเหรอ
   Punjai : เห็นจริงๆ

   ผมขมวดคิ้วใส่หน้าจอโทรศัพท์ ซึ่งดูเหมือนจะโดนอีกคนแกล้งให้แล้ว ก่อนจะหันมองรอบๆ อีกครั้ง จนมั่นใจว่าปั้นใจนั้นไม่ได้อยู่แถวนี้แน่ๆ
   
   Gunchai : เพราะเราตัวใหญ่ปั้นเลยเห็น แต่ปั้นตัวเล็กเราเลยไม่เห็นหรือเปล่า

   ผมพิมพ์แชทตอบกลับไปก่อนจะหลุดยิ้มออกมาและทางปั้นใจนั้นก็อ่านทันทีแต่ไม่ได้ตอบกลับมาทันทีเหมือนครั้งก่อนๆ ก่อนที่ผมจะวางโทรศัพท์ลงแล้วเงยหน้าขึ้นก็ต้องรีบหุบยิ้ม แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้วเมื่อมีสายตาแซวๆ จากพาฝันมองมาอย่างไม่ปิดบัง
   “คุยกับใครเหรอจ๊ะ”
   “ปั้นใจอ่ะ...” ผมตอบออกไปตามความจริง โดยที่พาฝันนั้นก็ยิ้มออกมากับคำพูดตรงๆ ของผม ก่อนที่คนตรงข้ามจะเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมแรงๆ
   “ได้ข่าวว่าไปเที่ยวบ้านกันด้วย”
   “หะ...หือ...”
   “ร้ายๆ” ผมที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปแล้วก็ได้แต่มองคนตรงข้ามที่หัวเราะออกมา จนตัวเองคราวนี้ได้แต่ก้มหน้าหนีจริงๆ ซึ่งผมไม่รู้ว่าพาฝันรู้ได้ยังไง แต่ผมเองก็ไม่กล้าเถียงหรือโกหกออกไป “งั้นเดี๋ยวกูมานะ แป๊บบบบบ”
   ผู้หญิงตรงข้ามผมลุกขึ้น ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองตามคนที่เดินออกไปจากโต๊ะก่อนจะเห็นว่าคนที่พาฝันเดินไปหานั้นเป็นเพื่อนของปั้นใจที่ไม่รู้ว่ามานั่งอยู่ที่คณะเราตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินออกไป ส่วนผมที่มองตามสุดท้ายสายตาก็ไปหยุดที่ผู้ชายตัวสูงในชุดนักศึกษาที่โดนเพื่อนของเขาตบบ่าเบาๆ แล้วเดินสวนกันไป โดยที่คนที่ผมจับจ้องอยู่ตอนนี้ก็กำลังเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ
   “เจอแล้ว”
   “ปะ...ปั้น...”
   “เจอตัวจริงแล้ว” ปั้นใจพูดหลังจากที่มายืนอยู่ตรงหน้าผม ทำให้ผมได้แต่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่จะร้อง ‘อ๋อ’ ขึ้นมาในใจเมื่อเขาโชว์รูปถ่ายของผมจากระยะไกลๆ ให้ผมดู จนผมรู้แล้วว่าที่เขาบอกว่า ‘เห็นผม’ แล้วนั้นมาจากที่ไหน
   เพื่อนที่ชื่อฟางถ่ายให้นั่นเอง
   “อือ” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเงยหน้ามองเขาหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน แล้วพูดออกไปเสียงเบา “เจอปั้นแล้วเหมือนกัน”
   ไม่ต้องมองหาแล้ว
   ก็มาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้แล้วนี่เนอะ...
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 10 (1.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-11-2018 22:25:34
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 10 (1.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 02-11-2018 01:27:06
ปั้นจีบเบาเบา เดี๋ยวหนู(เกลือ)ตื่น  :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 10 (1.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-11-2018 02:05:49
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 10 (1.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-11-2018 02:17:17
 :กอด1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 10 (1.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-11-2018 03:39:24
ปั้นจ้างเพื่อนเป็นสายสืบหรือเปล่านะ รู้เรื่องเกลือดีจังเลย  o18
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 22-11-2018 15:34:23
ตอนที่ 11


   “กินข้าวหรือยัง”
   “กินขนมปังแล้ว”
   “ทำไมไม่กินข้าว”
   “อ่า...” ผมมองคนถามที่มองมา ก่อนจะตัดสินใจว่าจะกินข้าวอีกคงไม่เป็นไร เพราะแค่ขนมปังก็ไม่ได้ทำให้ผมอิ่มเท่าไหร่นัก “งั้นเดี๋ยวกินข้าวก็ได้”
   ดูเหมือนปั้นใจจะพอใจกับคำพูดของผม เขาจึงลุกขึ้นทำให้ผมลุกตาม และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมกับเขากินข้าวเช้าพร้อมกันอีกแล้ว
   “จะไปด้วยเหรอ”
   “ก็จะไปซื้อข้าว...”
   “ซื้อให้มั้ย”
   “มะ...ไม่เป็นไรดีกว่า เราไปเลือกเอง...” ผมว่าพลางมองคนตรงหน้าที่อาสาขึ้น โชคดีที่ปั้นใจเองก็ยอมง่ายๆ ก่อนจะเดินนำผมออกไป ผมเองก็เดินตามเขาไปเงียบๆ ก่อนที่เราจะมาถึงที่ร้านข้าวแกง ซึ่งวันนี้คนเยอะเลยทำให้คิวยาว แต่สุดท้ายทั้งผมและเขาก็ได้ข้าวมาคนละหนึ่งจาน “คิดถึงข้าวร้านนี้...”
   “อืม”
   “ปั้นสั่งอะไรมาอ่ะ...”
   “ผัดผัก”
   “อ่า...” ผมมองของในจานของปั้นใจแล้วก็แอบถอยออกมาเพราะตัวเองไม่ชอบผักนัก เลือกกินแค่บางชนิด “สุขภาพดีสุดๆ”
   “แล้วเลือกอะไรมา”
   “หมูทอดอ่ะ” ผมว่าพลางโชว์ของในจานบ้าง ทำให้ปั้นใจหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะแวะซื้อน้ำแล้วเดินนำไปที่โต๊ะ แต่ดูเหมือนเราทั้งคู่จะเดินกันยังไม่ได้ครึ่งทางก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเพื่อนต่างคณะเดินเข้ามาทักทาย
   “ไงปั้น”
   ทักทายปั้นใจล่ะ...
   “ไง”
   “สวัสดีเพื่อนของปั้น”
   อ่า เขาทักทายผมด้วย !
   “สวัสดีครับ” ผมยิ้มให้กับกลุ่มผู้หญิงตรงหน้า ซึ่งพวกเธอก็ยิ้มกลับมาก่อนจะหันไปมองทางปั้นใจที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมเลยหันไปมองเขาที่ดูท่าว่าน่าจะมีธุระกับกลุ่มนี้เข้าให้แล้ว “ปั้น งั้นเดี๋ยวเราถือจานข้าวไปที่โต๊ะให้ก่อนมั้ย”
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเดินไปด้วย...”
   “เดี๋ยวสิปั้น เราขอเวลาแป๊บเดียว นะ แป๊บเดียวจริงๆ”
   “จะกินข้าว”
   “รับรองว่าไม่เกินห้านาที !”
   “นะๆๆๆๆ” ผมมองกลุ่มผู้หญิงที่ตอนนี้กำลังมองทางปั้นใจอย่างอ้อนๆ ก่อนจะมองมาทางผมราวกับขอความช่วยเหลือ ทำให้ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงดีก็ได้แต่ถอยออกมาเล็กน้อย ก่อนที่หนึ่งในกลุ่มผู้หญิงจะเข้ามาดึงแขนผมให้ออกจากตรงนั้น พลางทำท่ากระซิบ
   “พวกเราขอคุยกับปั้นใจแป๊บนึง นายไปก่อนได้มั้ย”
   “อ่า...”
   “ไว้พบกันใหม่นะ”
   ผมมองคนที่ถอยตัวออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเห็นว่าปั้นใจมองมาทางผมเช่นกันแล้วขมวดคิ้ว และทำท่าว่าจะเดินเข้ามาหา แต่กลับโดนหนึ่งในนั้นฉุดแขนไว้
   “ปล่อย !”
   สะ...เสียงดุแล้ว
   ผมรีบหลบสายตาหงุดหงิดของเขาก่อนจะจ้ำอ้าวเดินกลับมาที่โต๊ะทันที ซึ่งพอมาถึงก็ต้องถอนหายใจเมื่อสามารถหนีความวุ่นวายตรงนั้นได้
   ว่าแต่ผมควรรอปั้นใจใช่มั้ย เขาจะกลับมาที่โต๊ะในอีกไม่นานสินะ...
   ผมมองไปทางนั้นอย่างห่วงๆ และดูเหมือนปั้นใจจะไม่สามารถออกมาจากกลุ่มนั้นได้ง่ายๆ พอหันกลับมาทางเดิมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามีพี่ผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงที่ปั้นใจ
   เอ๊ะ...หรือว่าผมมานั่งผิดโต๊ะ...
   ผมรีบหันมองข้างตัว แต่ก็พบกับกระเป๋าของตัวเองอยู่เหมือนเดิม ตรงข้ามก็มีของปั้นใจด้วย เพราะฉะนั้นผมคิดว่าผมไม่มีทางนั่งผิด
   “เอ่อ...มาหาปั้นใจเหรอครับ”
   “มาหาเกลือ”
   “มะ...มาหาผม...” ผมเบิกตากว้างทันที เพราะผมไม่รู้จักคนตรงหน้าแน่ๆ แต่เขากลับเรียกชื่อของผมถูกด้วย
   “อ่า...พี่ลืมแนะนำตัวสินะ พี่ชื่อเพชรอยู่ปีสองสายรหัสสี่สิบสาม”
   “สี่สิบสาม...”
   “อืม” คนตรงหน้ายิ้มให้ผมจนตาหยี ส่วนตัวเองก็ได้แต่ขมวดคิ้วก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง
   “ผมก็สี่สิบสาม !”
   “ใช่ๆ น้องสี่สิบสาม พี่ก็สี่สิบสาม”
   “พะ...พี่เป็นพี่รหัส...”
   “ใช่ครับ ขอโทษนะ พอดีก่อนหน้านี้พี่ไปต่างประเทศมา น้องคงหาพี่ไม่เจอ...”
   “อ่า...ผมคิดว่าผมไม่มีแล้ว...” ผมพูดออกไป จะว่าดีใจก็ใช่ แต่ก่อนหน้านี้พาฝันเคยช่วยผมตามหาอยู่ แต่ก็หาไม่เจอจนผมท้อและเลิกหาไปเพราะคิดว่าเขาคงไม่อยากรับผมเป็นน้องหรือเปล่า
   “น้องเกลืออย่าทำหน้าเศร้าสิ พี่มาแล้วเนี่ย ซื้อของมาฝากด้วย ไถ่โทษๆ” พี่เพชรว่าก่อนจะยกถุงหิ้วที่มีทั้งพลาสติกและกระดาษขึ้นมาวางบนโต๊ะจนผมต้องเอาจานข้าวหลบ ก่อนที่เขาจะยื่นทั้งหมดมาให้ “ของฝาก ของขวัญรับน้อง หนังสือปีหนึ่งที่จำเป็น พี่เอามาให้หมดเลย”
   “เอ่อ...”
   “มีขนมด้วยนะ”
   พี่เพชรว่าพลางยิ้มจนตาปิดอีกครั้ง ทำให้ผมได้แต่มองเขาพลางยิ้มกลับไป ซึ่งเขาดูเป็นคนอัธยาศัยดี ถ้าตามความเป็นจริงผมก็คงอายุเท่าเขานั่นล่ะ
   “ขอบคุณนะครับ” ผมว่าพลางเอื้อมมือไปรับของพวกนั้นมา ซึ่งมันเยอะมาก เยอะจนผมไม่รู้ว่าเขาเก็บไว้ให้ตั้งแต่ตอนไหน แต่เห็นบอกว่ามีของขวัญตั้งแต่รับน้องแล้วด้วย
   แสดงว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะเมินผมสินะ...
   “ยินดีที่ได้รู้จักนะน้องรหัส”
   “ครับ”
   ผมหลุดยิ้มออกมาเพราะอย่างน้อยพี่รหัสของผมก็ยังยินดีที่จะรับผมเป็นน้องอยู่ ซึ่งผมเคยคิดว่ารุ่นพี่หลายๆ คนใจร้าย แต่คนบางคนก็มักจะพูดว่ามีไม่น้อยที่พี่รหัสนั้นจะไม่สนใจน้องนัก แต่ผมยังโชคดีอยู่ใช่มั้ย
   เพราะได้อยู่กับปั้นใจแน่ๆ
   “มาแล้ว”
   เสียงที่ดังขึ้นบนหัวทำให้ผมสะดุ้ง ก่อนจะต้องเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าปั้นใจถือจานข้าวมองมาทางผมกับพี่เพชรสลับกัน และแน่นอนว่าที่เดิมของปั้นนั้นโดนพี่เพชรแย่งไปแล้ว และข้างๆ ตัวผมก็มีของที่ถูกเอามาฝากมากมายจนตอนนี้เต็มโต๊ะไปหมด ก่อนที่พี่รหัสผมจะดูสถานการณ์ออกเขาเลยรีบลุกขึ้นแล้วคืนที่ให้กับเจ้าของเดิมทันที
   “โทดทีๆ มาๆ มานั่งนี่มาน้องเดือนมหา’ลัย” พี่เพชรว่าพลางยิ้มให้ปั้นใจ แต่คนข้างๆ ผมไม่ขยับสักนิด เขาได้แต่มองด้วยความแปลกใจและคิดว่าคงมีเรื่องที่อยากถามแน่ๆ ผมเลยเลือกที่จะพูดขึ้นมา
   “ปั้น นั่นพี่เพชรพี่รหัสเรา พี่เพชรนี่ปั้นใจเพื่อนของผมครับ” ผมพูดทำให้พี่เพชรยิ้มรับทันที แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายน่าจะรู้จักปั้นใจอยู่แล้ว
   “สวัสดีครับ”
   “ดีๆ น้องชาย” พี่เพชรว่าอย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ผมเลยได้แต่ยิ้มกลับไป “เสียดายจัง ว่าจะนั่งคุยกับน้องรหัสสักหน่อย ที่ดันเต็มซะละ”
   “เอ่อ...มานั่งกับผมมั้ยครับ เดี๋ยวผมขยับให้” ผมว่าก่อนจะจับกระเป๋าขึ้นตัก แล้วเตรียมขยับไปชิดริม ซึ่งพี่เพชรที่ดูจะเห็นด้วยก็เตรียมจะเดินมาหาผม แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมกลับดันถุงของฝากทั้งหมดไปอีกฝั่งแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมทันทีที่ผมขยับชิดริม “เอ่อ...”
   “พี่นั่งตรงข้ามนั่นล่ะ เดี๋ยวผมนั่งนี่เอง...ครับ”
   “อ่า...ได้ๆ” พี่เพชรพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ก่อนจะจับถุงที่กองอยู่บนโต๊ะไปไว้ตรงที่นั่งข้างตัวเหมือนเดิม จนตอนนี้โต๊ะก็โล่งแล้ว ส่วนปั้นใจนั้นก็ช่วยเอากระเป๋าบนตักของผมไปวางไว้ฝั่งเขาที่มีที่ว่างเหลืออยู่ จนตอนนี้คงได้เวลากินข้าวแล้วจริงๆ
   “เอาผัดผักหน่อยมั้ย”
   “หืม...” ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่มองมา ซึ่งผมก็เพิ่งจะสังเกตว่าผัดผักในจานของปั้นใจนั้นเยอะมาก จนผมคิดว่าเขาน่าจะเลือกสั่งแบบพิเศษสำหรับกับอย่างเดียวมา แต่พอมองหน้าปั้นใจผมก็เข้าใจทันทีว่าเขาคงสั่งมาเผื่อผมแน่ๆ ซึ่งตอนแรกผมที่ตั้งใจว่าจะปฏิเสธเพราะไม่ชอบกินผักก็ต้องพยักหน้ารับ “อือ...”
   “ดีมาก” ปั้นใจเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนที่เขาจะเริ่มแบ่งผัดผักมาให้ผมส่วนหนึ่ง ซึ่งมันไม่เยอะมาก ผมคิดว่าผมสามารถกินมันหมดได้แน่ๆ ก่อนที่ผมจะหันไปถามเขาบ้าง
   “ปั้นเอาหมูทอดมั้ย”
   อยากแบ่งให้ ถึงผมจะไม่ได้สั่งมาเผื่อเขาก็เถอะ...
   “ไม่เป็นไร” ปั้นใจว่า ก่อนจะเริ่มหันไปกินของตัวเอง ส่วนผมเองนั้นก็พยักหน้ารับก่อนจะกินของในจานบ้าง ซึ่งผัดผักกับหมูทอดเป็นอะไรที่เข้ากันได้ดสุดๆ เลยล่ะ
   คราวหน้าผมจะสั่งเผื่อปั้นใจด้วยแล้วกัน !
   “สองคนนี่สนิทกันดีเนอะ...” เสียงที่สามที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีพี่รหัสของผมนั่งอยู่ด้วย
   แอบลืมพี่เพชรไปช่วงหนึ่งแหน่ะ !
   “สนิทครับ” ปั้นใจที่เป็นคนตอบแทนโดยที่เงยหน้ามองคนถามครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อ ซึ่งผมเองก็ได้แต่ยิ้มรับเพราะไม่รู้จะพูดอะไร และก็แอบดีใจด้วยที่ปั้นใจบอกว่าเราสนิทกัน
   สงสัยคงได้สร้างกลุ่มแชทเพื่อนขึ้นจริงๆ แล้ว
   “อ๋อ ~” พี่เพชรขานรับคำของปั้นใจแล้วหันมายิ้มให้ผม ก่อนจะเริ่มคุยกับผมบ้าง “นี่เกลือ เดี๋ยวว่างๆ พี่พาไปหาคนอื่นในสายรหัสมั้ย”
   “อ่า...ต้องไปด้วยเหรอครับ...”
   “ต้องสิ รู้จักกันไว้ก็ดีนะ”
   “งั้นแล้วแต่พี่เพชรเลย ถ้าพี่คิดว่าดีผมก็ว่าดี...” ผมพูดเพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ผมไม่รู้ว่าในรั้วมหาวิทยาลัยต้องทำอะไรบ้าง มีรูปแบบการอยู่ร่วมกับรุ่นพี่เป็นยังไง ขนาดพี่รหัสผมยังเพิ่งได้เจอครั้งแรกเลย
   “อืม...งั้นไว้ถ้านัดพวกพี่ๆ เขาได้จะมาบอกเกลือนะ”
   “ครับ”
   “เกลือมีไลน์มั้ย พี่ขอบ้างสิ” พี่เพชรว่าพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “เผื่อไว้นัดไปเลี้ยงอะไรอร่อยๆ พาไปติวบ้างก็ดี...”
   “ได้ครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะรับโทรศัพท์ของพี่เพชรที่เขายื่นมากรอกไอดีไลน์ให้ แล้วยื่นกลับคืนไป
   “ไว้จะทักมาคุยเล่นด้วย จะได้สนิทกัน”
   “ครับ...” ผมพยักหน้ารับ ยอมรับว่าเกร็งบ้างเพราะยังไม่ชินกับพี่เขานัก แต่เชื่อว่าต่อไปผมคงสนิทกับเขาได้กว่านี้แน่ๆ
   เสียงวางช้อนเบาๆ จากคนข้างๆ ทำให้ผมหันไปมอง ก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าปั้นใจกินข้าวหมดแล้ว ในขณะที่ของผมนั้นเหลืออยู่มากกว่าครึ่งจาน ก่อนที่เขาจะหันมามองทางผมแล้วพูดเสียงเบา
   “รีบกินสิ เดี๋ยวก็ไม่ทันเข้าเรียน”
   “อะ...อื้อ...”
   “ตอนกินห้ามคุย”
   “อ่า...”
   “ถ้าพี่รหัสมึงเหงา เดี๋ยวกูคุยแทนเอง”
   ปั้นใจมองมาและมันก็ทำให้ผมแอบกลัวกับสายตาที่เหมือนจะดุแต่ก็ไม่ใช่ของเขาด้วย ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะเลื่อนจานข้าวออกแล้วมองไปทางพี่เพชร ซึ่งพี่เพชรเองตอนนี้ก็กำลังมองทางปั้นใจเช่นกัน ส่วนผมนั้นก็ทำได้แค่นั่งกินข้าวเงียบๆ และไม่กล้าส่งเสียงออกมาอีกเลย
   ละ...แล้วทำไมบรรยากาศมันถึงได้แปลกๆ ไปแบบนี้ล่ะเนี่ย !

   “พี่รหัสมึงคือพี่เพชรเหรอ !”
   “อือ”
   “โหยยยยย โชคดีไปอี๊กกกกกก” พาฝันที่พูดขึ้นหลังจากที่ทำตาโตไปแล้วทำให้ผมต้องหันไปมองแบบงงๆ โดยตอนนี้เราทั้งคู่กำลังเดินออกจากมหาวิทยาลัยกัน ซึ่งหลังเลิกเรียนผมก็พาเธอไปพบพี่รหัส ผมเลยเล่าเรื่องพี่ของผมให้พาฝันฟังบ้าง แล้วสถานการณ์ก็เป็นอย่างตอนนี้นี่ล่ะ
   “ทำไมเหรอ”
   “ก็พี่เพชรเป็นหนึ่งในผู้ชายที่กูรวมสต็อกไว้ และแน่นอนว่าสต็อกของกูนั้นคือผู้ชายที่หน้าตาดี เพราะฉะนั้นไอ้เกลือ ทอดสะพานให้กูเดี๋ยวนี้ !”
   “แล้วฟางล่ะ”
   “อันนั้นเก็บไว้ก่อน ดูใจ ดูได้หลายคน”
   “อ๋อ...เข้าใจแล้ว”
   พาฝันยักคิ้วให้ผมทำให้ผมพยักหน้ารับ ซึ่งผมพอจะรู้มาบ้างว่าช่วงก่อนหน้านี้พาฝันกับฟางเพื่อนของปั้นใจนั้นค่อนข้างจะสนิทกันเป็นพิเศษ และที่เห็นฟางที่คณะผมได้ก็เพราะมาหาพาฝันนั่นล่ะ
   ไปสนิทกันตอนไหนนะ...
   “ว่าแต่มึงเถอะไอ้เกลือ กับปั้นใจเป็นยังไงบ้าง เล่าบ้างสิๆๆ”
   “ไม่มีอะไรนี่”
   “ไม่จริง !”
   “จริงๆ นะ” ผมว่าเพราะรู้สึกว่าผมกับปั้นใจก็ไม่ได้มีอะไรจริงๆ แค่เคยไปบ้าน แล้วก็กินข้าวด้วยกัน
   “ได้ไงวะ มันต้องมีสิ !”
   “มีอะไรอ่ะ...”
   “ก็ปั้นใจไปบ้านมึงเลยไม่ใช่เหรอ !”
   “แม่ชวนให้ไปกินขนมเฉยๆ”
   “...”
   “แล้วปั้นใจก็มีธุระพอดี วันต่อมาก็เลยมาอีก...” ผมพูดออกไปทำเอาพาฝันขมวดคิ้วหยุดเดินทันที ส่วนผมก็ได้แต่มองเธองงๆ เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มทำหน้าเซ็งๆ แล้ว “มีอะไรหรือเปล่า”
   “มี”
   “อะไรอ่ะ...”
   “มึงนี่นะ ไอ้หมูอ้วน ทำไมซื่อบื้อแบบนี้ !” พาฝันเอื้อมมือมาดึงแก้มผมแรงๆ จนตัวเองร้องโอดโอย แล้วรีบจับแก้มตัวเองไว้หลังจากที่โดนกระทำไป “ก็เพราะไปบ้านไง มันเลยมี !”
   “มีอะไร...”
   “นั่นคำถามกูเว้ย กูถามมึงเนี่ย !”
   “ไม่เข้าใจเลยพาฝัน” ผมขมวดคิ้ว ทำให้คนตรงหน้ายกมือตบหน้าผากตัวเองดังป๊าบ ก่อนจะดึงผมให้ไปข้างทางเพื่อหลบคนที่เดินผ่านไปผ่านมา แล้วหันมองซ้ายขวาก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบ
   “ไอ้เกลือ”
   “หืม...”
   “ปั้นใจได้ ‘อะไรๆ’ กับมึงมั้ย...”   
   “อะไรนี่คืออะไร...”
   “ก็แบบ...โอ๊ยยยย ถ้ากูพูดจะหาว่ากูสปอยมั้ย !” พาฝันเริ่มโวยวายอีกครั้งทำให้ผมได้แต่ทำหน้าสงสัยแล้วมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าเซ็งไม่เลิก “เอาล่ะไอ้เกลือ !”
   “อือ”
   “ปั้นใจได้ทำดีกับมึงมั้ยแบบดี๊ดี...”
   “อือ ปั้นใจก็ดีกับทุกคนนะ” ผมตอบกลับ ทำเอาพาฝันส่ายหัวเบาๆ ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดนัก ก่อนที่เธอจะหันมองรอบๆ ตัวอีกครั้งแล้วขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นจนจมูกแทบจะชิดกับแก้มผมแล้ว
   ถะ...ถ้าผมเขินพาฝันนี่จะผิดมั้ยนะ...
   “นี่ไอ้เกลือ กูจะถามแบบตรงๆ เลยนะ”
   “อือ เอาสิ”
   “ปั้นใจได้จะ...”
   “ทำอะไรกัน” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นทำเอาพาฝันสะดุ้งก่อนจะรีบหันหลังกลับไปและเลิกพูดสิ่งที่ค้างไว้ทันที
   “ไงปั้น ไม่เจอกัน...”
   “เพิ่งเจอกันในห้องเรียนไง” ปั้นใจพูดแทรกทำให้พาฝันอ้าปากค้างทันที โดยตอนนี้คนที่มายืนอยู่ตรงหน้าเราตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ก็ได้แต่มองมาทางพาฝันทำให้เธอต้องค่อยๆ ขยับตัวออกห่างจากผมทีละน้อย “ไอ้ฟางรออยู่”
   “เอ่อ...ฝากบอกฟางได้มั้ย วันนี้เราว่าจะกลับกับเกลือน่ะ !” พาฝันขยับมาชิดผมอีกครั้งแล้วคล้องแขนผมไว้ทันที และนั่นก็ทำให้ปั้นใจมองคนข้างๆ ไม่วางตา ผมเลยได้แต่มองทางพาฝันที่ตอนนี้ทำหน้าไม่สู้ดีนัก “ใช่มั้ยเกลือ กูกลับด้วยนะๆๆ”
   “อือ ได้”
   “งั้นเราไป...”
   “ไอ้ฟางขอเบอร์ผู้หญิงอยู่”
   “ว่าไงนะ !” ผมสะดุ้งทันทีที่พาฝันขึ้นเสียง และปล่อยแขนผมออกทันทีโดยตอนนี้สีหน้าของพาฝันก็ดูจะไม่สบอารมณ์ของปั้นใจมากๆ “พูดจริงเหรอ !”
   “หน้ามอ”
   “ให้ตายสิ !”
   พาฝันพูดเพียงแค่นั้น ก่อนจะรีบเดินออกไปทำให้ผมที่ตอนแรกคิดว่ามีเพื่อนกลับด้วยวันนี้ต้องมองตามแบบงงๆ รวมถึงปั้นใจด้วย ก่อนที่ผมจะหันไปยิ้มให้คนตรงหน้าแบบไม่เข้าใจกับสถานการณ์นัก ซึ่งเขาก็มองผมกลับมาเช่นกัน
   “ไปรอแม่มึงกัน...”
   คนตรงหน้าผมพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะเริ่มออกเดินนำไป ส่วนผมเองที่ตอนแรกเหมือนจะ ‘ไม่เข้าใจ’ ก็ได้แต่พยักหน้ากับตัวเองแล้วก้มหน้าลงแล้วเดินตามปั้นใจไปโดยที่ปากก็ยิ้มออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ และไม่รู้วิธีที่จะเลิกยิ้มกับสถานการณ์นี้ยังไงด้วย
   วันนี้แม่จะมาเร็วมั้ยนะ...
   แต่ถ้ามาช้า...ก็คงจะดี
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-11-2018 16:04:34
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-11-2018 17:17:10
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-11-2018 17:53:37
ฝันเนี่ย เรื่องฟางไม่ได้เลยนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-11-2018 18:04:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-11-2018 19:03:52
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 23-11-2018 11:22:47
 :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 23-11-2018 21:02:10
อย่าว่ากันเลยนะ เราจะไม่อ่านเรื่องนี้เพราะการรับน้องทุเรศแบบนี้ละ
 :z3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 25-11-2018 15:39:53
 :z1:



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 25-11-2018 19:40:22
หนูเกลือลูกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 11 (22.11.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 25-11-2018 21:13:14
ปั้นฉลาดสุดๆ รู้วิธีกำจัดก้างแบบเนียนๆ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 02-12-2018 12:15:21

ตอนที่ 12


   “ปั้นใจ ทำไมนายถึงได้นิสัยแบบนี้ !”
   “...”
   “ไอ้เกลือมึงดูปั้นใจสิ เมื่อวานเขาหลอกกูอ่ะ !”
   พาฝันที่ตอนนี้หน้าบึ้งดูท่าจะอารมณ์ไม่ดีสุดๆ ก็กำลังกระทืบเท้าอยู่กับพื้นหลังจากที่เข้ามาหาผมกับปั้นใจที่นั่งประจำที่พร้อมเรียนแล้ว
   “มีอะไรเหรอ” ผมถามพาฝันออกไปพลางมองแบบงงๆ
   “ก็เมื่อวาน...!”
   “เกลือ”
   “หืม...” ผมที่ตอนแรกตั้งใจฟังพาฝันก็ต้องหันไปทางปั้นใจที่เรียกขึ้นมา
   “น่ากิน” คนข้างๆ ผมพูดพลางยื่นโทรศัพท์ที่ตอนนี้กำลังแสดงหน้าจอของรายการบน Youtube เป็นการทำขนมแพนเค้กที่ดูน่ากินสุดๆ
   “อือ น่ากินมากเลย”
   “ว่างๆ ลองทำกันมั้ย”
   “ได้สิ”
   “โอ๊ยยยยยย ~” เสียงของพาฝันทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปมองเธออีกครั้ง ส่วนปั้นใจเองก็ถอยตัวออกไปแล้วสนใจกับของในโทรศัพท์ต่อ “ถามจริง ไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ ดิ”
   “ยัง” ปั้นใจที่ตอบขึ้นมาทันทีทำให้ผมกับพาฝันหันไปมอง ซึ่งผมเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรกับคำตอบของเขานัก มีแต่พาฝันเท่านั้นล่ะ ที่ตอนนี้ขมวดคิ้วไปแล้ว
   “ปั้นใจ นายมันร้าย !”
   “ยังไง”
   “หน็อย อย่าคิดว่าพาฝันคนนี้ไม่รู้นะ คนคิดไม่ซื่อ !”
   “รู้แล้วจะบอกเหรอ”
   “ก็เปล่า...”
   “ดี”
   ผมมองคนสองคนที่สนทนากันไปมาก็ได้แต่หยิบลูกอมใส่ปากพลางทำหน้างงๆ แต่ก็คิดว่าคงไม่เกี่ยวอะไรกับผมเท่าไหร่นักเลยเลิกสงสัยไป
   “เฮ้อ ทำไมรู้สึกเหนื่อยๆ ยังไงไม่รู้” อยู่ๆ พาฝันก็เข้ามาทิ้งตัวลงนั่งที่นั่งข้างๆ ผมแล้วเอนหัวเข้ามาซบไหล่ ทำให้ตัวเองต้องหันไปทางอีกฝ่ายแล้วยื่นลูกอมไปให้หนึ่งเม็ด ซึ่งพาฝันก็รับไปแต่โดยดี “ถ้ามึงคิดให้มากกว่านี้ก็คงดีเนอะเกลือ”
   “หือ”
   “เฮ้ออออออ ~!”
   เสียงถอนหายใจยาวๆ ทำให้ผมมองเส้นผมสีน้ำตาลเกือบแดงบนไหล่อย่างงงๆ ก่อนที่เธอจะยกหัวออกไปแล้วทำหน้าคิ้วขมวด และฟาดมือลงด้านหลังผมเต็มๆ
   แต่เชื่อมั้ยว่าผมไม่เจ็บ...
   เพราะสิ่งที่พาฝันตีคือมือของปั้นใจนั่นเอง
   “หาเรื่องกันเหรอ !”
   “เห็นๆ อยู่ว่าใครหาเรื่องก่อน”
   “เอ๊ะ ไอ้เกลือ มึงดูปั้นใจสิ !”
   “หะ...” ผมที่ตอนนี้ทำตัวไม่ถูกเพราะคนที่อยู่ข้างกายทั้งสองฝั่งกำลังทำท่าจะตีกัน ซึ่งท่าทีแบบนี้ของพาฝันกับปั้นใจนั้นผมไม่เคยเห็นมาก่อน ก่อนที่คนข้างๆ ทั้งสองคนจะหยุดตีกันแล้วหันไปคนละทาง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นผมเองที่ไม่รู้จะหันไปทางไหนดี
   เอ่อ...ระหว่างปั้นใจกับพาฝันนี่...
   มีอะไรเกิดขึ้นแล้วผมไม่รู้เหรอ
   ติ๊ง ~
   เสียงแจ้งเตือนของแอพพลิเคชั่นสีเขียวทำให้ผมต้องหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า เพราะเสียงแชทแบบนี้ไม่ได้ดังขึ้นบ่อยนัก ขนาดคนส่งเกมเขายังไม่เลือกส่งมาแชทผมเลย
   “หืม...” เสียงใกล้ๆ หูทำให้ผมหันไปมองพาฝันที่ขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าปั้นใจเองก็หันมามองทางผมเช่นเดียวกัน
   เอ่อ...
   “เสียงโทรศัพท์เราดังเกินไปเหรอ...”
   “เปล๊า แค่คิดว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับแชทไลน์ของมึง คนส่งเกมมาเหรอ”
   “อ่า...” ผมส่ายหัวให้พาฝันก่อนจะก้มมองแชทไลน์ตรงหน้าอีกครั้ง ก็เห็นว่าเป็นข้อความจากพี่รหัสผมนั่นเอง “พี่เพชรทักมา...”
   
   P. : อาจารย์มาหรือยัง
   
   ผมอ่านข้อความบนหน้าจอก็ได้แต่ขมวดคิ้วไม่เข้าใจในคำถามของเขา

   เกลือ ._. : พี่เพชรทักผิดหรือเปล่าครับ
   P. : ไม่ผิดๆ พี่ถามเกลือแหละ พอดีเอาขนมมาฝาก
   เกลือ ._. : ยังไม่เข้าครับ
   P. : พี่อยู่หน้าประตู
   
   ผมเบิกตากว้างก่อนจะรีบเงยหน้าขึ้น แล้วก็เป็นอย่างที่พี่เพชรว่าเมื่อตอนนี้อีกฝ่ายยืนชูถุงขนมสีหวานอยู่หน้าประตูห้อง ทำให้ผมต้องลุกขึ้นจนทั้งสองคนข้างตัวหันมามอง
   “หือ...”
   “ดะ...เดี๋ยวเรามานะ...”
   ผมมองคนสองคนที่ทำหน้าแปลกใจ ก่อนจะเดินออกจากที่นั่งเพื่อไปหาพี่เพชรที่รออยู่ พอออกมาก็ได้รับรอยยิ้มกว้างของพี่รหัสทำให้ผมได้แต่ยิ้มกลับไปแม้จะยังประหม่าอยู่ก็ตาม
   กะ...ก็ปกติยกเว้นปั้นใจกับพาฝันแล้วก็ไม่เคยมีใครหิ้วขนมมาฝากถึงที่แบบนี้นี่ !
   “ไง” พี่เพชรที่ทักทายขึ้นทำให้ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงดีเลยได้แต่ยกมือไหว้อีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะทำท่าชะเง้อเข้ามามองในห้อง “เด็กปีหนึ่งนี่คึกคักดีจริงๆ”
   “อ่า...” ผมได้แต่หันไปมองตามพี่เพชร ซึ่งภายในห้องตอนนี้ก็ดูคึกคักจริงๆ ก่อนจะหันมายิ้มให้กับพี่รหัสตรงหน้าเพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี
   “นี่ขนม” พี่เพชรไม่ได้ว่ากับอาการพูดน้อยของผม เขาแค่ยื่นถุงขนมสีชมพูมาให้ ทำให้ผมต้องยกมือไหว้อีกครั้งแล้วรับ ซึ่งคนตรงหน้าก็ยกมือขึ้นยีหัวผมเบาๆ “ตั้งใจเรียนล่ะเรา”
   “ครับ ขอบคุณพี่เพชรมากๆ”
   “ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวพี่ไปหาเพื่อนละ ไว้เจอกันใหม่ คราวหน้าจะพาไปเลี้ยงของอร่อย”
   “ครับ ยังไงไว้เจอกันใหม่นะครับ” ผมยิ้มกว้างให้คนตรงหน้า ก่อนจะโดนอีกฝ่ายหยิกแก้มมาแรงๆ หนึ่งที “อ๋อย...”
   “แก้มนี่น่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ”
   “พี่เพชรอ่า...เจ็บนะครับ”
   “ขอโทษๆ เผลอไปนิด งั้นพี่ไปละ ฝากทักทายเพื่อนๆ ด้วย”
   “ครับ”
   ผมพยักหน้าแล้วยืนมองคนที่เดินออกไปพลางลูบแก้มของตัวเองเบาๆ โดยที่ความเจ็บยังมีอยู่ ก่อนจะเดินถือถุงกระดาษเข้ามาในห้อง และเมื่อเข้ามาด้านในก็ต้องแปลกใจเมื่อตอนนี้ทั้งพาฝันแล้วปั้นใจตอนนี้นั่งตัวติดกันแล้วมองมาทางผมเป็นทางเดียว
   เอ่อ...
   “พี่เพชรซื้อขนมมาฝากอ่ะ...” ผมว่าก่อนจะชูถุงขนมมาให้ ดูเหมือนจะเรียกความสนใจจากพาฝันได้คนเดียว ก่อนที่เธอจะย้ายกลับที่ทำให้ผมสามารถเข้าไปนั่งที่ตัวเองได้ “เขาฝากมาทักทายด้วย”
   “จริงเหรอๆๆ อยากรู้จักกับพี่เพชรบ้างอ่ะ !” พาฝันพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น ทำให้ผมยิ้มกับท่าทีของเธอ ก่อนที่พวกเราทั้งสามคนก็ต้องเข้าสู่ความสงบกันทันทีที่อาจารย์ประจำวิชาเข้ามา “เฮ้อ...เรียนอีกละ น่าเบื่อออออ ~”
   พาฝันเริ่มฟุบหัวลงกับโต๊ะ ทำให้ตอนนี้คนที่ดูเหมือนจะยังมีตัวตนอยู่อย่างปั้นใจที่นั่งข้างๆ ผมอีกฝั่ง ทำให้ตัวเองต้องหันไปหาเขาแทน แต่คนข้างๆ ตอนนี้นั้นกลับไม่หันมาสนใจผมแม้แต่น้อย ได้แต่จ้องไปด้านหน้าทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไร
   ชวนคุยดีมั้ย...
   หรือควรตั้งใจเรียนก่อนดี
   “ยืมปากกาบ้างสิ” เสียงของคนข้างๆ ทำเอาผมที่กำลังคิดกับตัวเองอยู่ต้องสะดุ้งก่อนจะพยักหน้ารัวๆ
   “ได้ๆ”
   “อ่ะปั้น” ผมที่ตอนแรกหยิบปากกาแท่งสีเหลืองจากในกระเป๋าออกมาก็ต้องทำท่าว่าจะต้องเก็บมันลงกระเป๋าเมื่อผู้หญิงข้างๆ ปั้นใจนั้นหยิบของที่ปั้นใจต้องการได้ก่อนผม
   “ยืมเพื่อนแล้ว ขอบใจนะ” คำตอบของคนข้างๆ ผมนั้นทำให้เธอได้แต่หน้าแดง และดึงปากกากลับไป ก่อนที่เขาจะหันมาแบมือตรงหน้าผม ทำให้ตัวเองต้องเอาปากกาด้ามสีเหลืองลายเป็ดวางลงบนมือของอีกฝ่าย “ขอบใจ”
   “อื้อ”
   ผมหันกลับมาสนใจกับสมุดตรงหน้าตัวเอง ทั้งๆ ที่มันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนัก ส่วนปั้นใจนั้นก็เงียบไปอีกครั้ง ก่อนที่ตัวเองจะต้องแปลกใจเมื่ออยู่ๆ คนข้างๆ ผมก็ยื่นกระดาษที่พับเป็นแผ่นเล็กๆ มาให้ ทำให้ผมต้องเงยหน้ามอง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากถาม อีกฝ่ายก็ส่ง ‘ชู่ว์’ เบาๆ ซะก่อน
   อ่า...งั้นไม่พูด...
   ผมพยักหน้าก่อนจะก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ มา และพอพลิกอีกด้านก่อนจะคลี่มันก็ต้องเบิกตากว้างแล้วขยับเอี้ยวตัวไปทางปั้นใจทันที
   ‘ห้ามให้พาฝันเห็น’
   สองคนนี้มีปัญหากันงั้นเหรอ
   ผมคลี่กระดาษออก ก่อนจะเห็นตัวอักษรเล็กที่ปั้นใจเขียนไว้ด้านใน
   ‘ตอนเที่ยงออกไปกินข้าวที่หน้า ม. กัน’
   ผมอ่านข้อความในกระดาษก็ได้แต่เงยหน้ามองอีกคน พลางหันไปมองทางพาฝันที่ตอนนี้กำลังบ่นว่า ‘เบื่อ’ ไม่หยุด จนไม่ได้หันมาสนใจผมกับปั้นใจนัก ก่อนที่ตัวเองจะมองหน้าคนที่เขียนข้อความในกระดาษอีกครั้ง โดยตอนนี้ปั้นใจเองก็มองมาทางผมราวกับรอคำตอบ สุดท้ายผมก็ได้แต่พยักหน้าแล้วพับกระดาษแผ่นนี้เก็บไว้ให้พ้นสายตาของพาฝันมากที่สุด ซึ่งคนที่โดนตอบรับก็ยิ้มออกมาเพื่อแสดงว่าพอใจในคำตอบของผมไม่น้อย
   ว่าแต่แบบนี้มัน...
   เหมือนแอบหนีผู้ปกครองไปทำอะไรไม่ดีเลย !

   “มาแล้ว !”
   ผมที่ตอนนี้วิ่งมาหาปั้นใจที่กำลังรออยู่หน้ามหาวิทยาลัยก็ต้องหอบแฮ่ก เมื่อวิ่งจากด้านในโรงอาหารมาตรงนี้ไม่ใกล้นัก ที่สำคัญกว่าฟางจะมาเบี่ยงความสนใจพาฝันจากผมได้ก็เล่นใช้เวลาไปนานเลยทีเดียว
   “วิ่งมาเหรอ”
   “อะ...อือ ขอโทษที่ช้านะ”
   “ทีหลังไม่ต้องวิ่งก็ได้” ปั้นใจว่าเมื่อเห็นผมยกแขนปาดเหงื่อ ก่อนที่ตัวเองจะต้องสะดุ้งเมื่อมือใหญ่ๆ ของคนตรงหน้าลูบมาที่ขมับและแก้มของผมเบาๆ
   “ขอบใจนะ...”
   “เรื่องอะไร”
   “ก็...” ผมที่กำลังจะตอบว่าเรื่องที่ช่วยเช็ดเหงื่อให้ก็ต้องหุบปากทันที เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามันแปลกๆ ที่สำคัญปั้นใจไม่ได้ใช้ผ้าด้วย เขาใช้มือของเขา...
   หัวใจเต้นแรงมาก ฮื้อ...
   “ไปกินข้าวกัน” คนที่ตอนแรกรอคำตอบจากผมก็เปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนจะชักมือกลับไป ผมเลยได้แต่พยักหน้าแล้วก้มหน้างุดเดินตามคนตัวสูงเงียบๆ ซึ่งตอนแรกก็เดินตามหลังเขา แต่สักพักปั้นใจก็ยอมชะลอการเดินเพื่อให้ผมได้เดินคู่ไปกับเขาได้
   มื้อเที่ยงของวันนี้ตอนแรกพาฝันก็ชวนผมไปที่โรงอาหารตามปกติ ซึ่งปั้นใจหลังจากเรียนเสร็จเราก็แยกกันทันที ผมที่ไม่รู้จะแยกไปจากพาฝันยังไงก็ได้แต่นั่งอยู่กับอีกคน จนกระทั่งฟางโทรหาพาฝันเลยทำให้ผมสามารถแยกตัวออกมาได้ และผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมปั้นใจถึงไม่ยอมให้บอกพาฝันด้วย
   หรือสองคนนี้ไม่ถูกกัน...
   “ปั้น” ผมเรียกคนข้างๆ เพราะรู้สึกข้องใจกับสิ่งที่คิดมากๆ เพราะอย่างน้อยผมก็ไม่อยากให้เพื่อนไม่ถูกกันล่ะนะ “ปั้นไม่ชอบฝันเหรอ”
   “เปล่านี่”
   “งั้นฝันไม่ชอบปั้น”
   “ไม่รู้”
   “อ่า...สองคนไม่ถูกกันเหรอ”
   “เปล่า”
   ผมที่คิดตามคำตอบของอีกฝ่ายก็ได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อปั้นใจนั้นปฏิเสธทุกคำพูดของผม ก่อนที่ตัวเองจะเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย
   “แล้วทำไมถึงบอกฝันไม่ได้ล่ะ”
   “ไม่อยากให้มาด้วย”
   “นั่นไง ปั้นใจไม่ถูกกับฝันแน่ๆ เลย...” ผมพูดโดยตอนนี้ในใจก็รู้สึกไม่ดีสุดๆ ไม่อยากให้พาฝันกับปั้นใจไม่ถูกกัน เพราะถ้าให้เลือกสองคนนี้ผมคงเลือกไม่ได้แน่ๆ “ดีกันเถอะนะ”
   “ไม่ได้ไม่ถูกกัน แค่ไม่อยากให้มาด้วยเฉยๆ ไม่ได้มีอะไร มึงคิดมาก” คนข้างๆ ผมเอื้อมมือมาโยกหัวผมเบาๆ ขณะที่เดินไปที่ร้านข้าว ซึ่งผมก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี จนสุดท้ายคนที่ผมมองอยู่ก็ถอนหายใจออกมาแล้วยอมตอบ ‘ความจริง’ “อยากมากินข้าวกับมึง...”
   “...”
   “แค่สองคน”
   “อ๋อ...” ผมพยักหน้ารับ ก่อนจะใจเต้นแรงขึ้นมาเมื่อตีความความหมายของคำพูดของปั้นใจได้ สุดท้ายเลยได้แต่หลบสายตาอีกฝ่ายเท่านั้น “จริงๆ ถ้าบอกฝัน...”
   “ตามมาแน่ๆ ไอ้ฟางด้วย”
   คนตรงหน้าผมทำหน้าเซ็ง ก่อนจะดึงผมเข้าไปในร้านอาหารเล็กๆ ที่อยู่ไม่ห่างจากเขตมหาวิทยาลัยนัก ซึ่งแน่นอนว่าทั้งร้านก็เป็นเด็กจากมหาวิทยาลัยนั่นล่ะ ด้วยความที่ร้านแต่งได้ดูน่ารัก และบรรยากาศดีสุดๆ เลยทำให้เป็นที่นิยม และเมื่อปั้นใจเข้ามาด้านในอีกคนก็หยุดชะงักกึกทันทีจนทำให้ผมที่เดินตามต้องหยุดแล้วมองไปด้านในบ้าง
   โอ้โห...คนเยอะ
   ที่สำคัญหลายๆ คนมองมาทางปั้นใจทั้งนั้นเลย
   ผมที่ตื่นเต้นทั้งกับบรรยากาศร้านและคนด้านในก็ได้แต่มองไปรอบๆ แต่ดูเหมือนคนข้างๆ ผมตอนนี้หน้าตาจะขมวดคิ้วหนักไปแล้ว
   “คนเยอะมาก...”
   “อ่า...”
   “ไปหาที่นั่งกัน” ปั้นใจที่ดูเหมือนจะไม่ชอบใจกับความคนเยอะ แต่สุดท้ายก็เดินนำผมเข้าไปด้านในจนได้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะมองไปรอบๆ ร้านและชี้ไปทางมุมสุดที่มีโต๊ะว่างอยู่หนึ่งที่พอดี แต่ดูเหมือนจะยังไม่ทันเดินไปชื่อของผมก็ดังขึ้นมาจากที่ใดที่หนึ่งของร้านซะก่อน
   “เกลือ !”
   หือ...
   ผมหันขวับไปทางต้นเสียงทันที ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าพี่เพชรที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่กลุ่มเพื่อนของเขากำลังโบกมือมาทางผมกับปั้นใจ
   นะ...นั่นมันพี่ในคณะเราทั้งนั้นเลยนี่
   บังเอิญสุดๆ !
   “ซวยฉิบ...” เสียงพึมพำเบาๆ จากปั้นใจทำให้ผมหันไปมองเขาที่ตอนนี้ดูสีหน้าไม่รับแขกสุดๆ ก่อนที่เสียงจากโต๊ะพี่เพชรจะทำให้เราทั้งคู่ไม่สามารถละสายตาไปจากตรงนั้นได้ เพราะทางนั้นชี้เป้ามาที่พวกเราสองคนเต็ม
   “น้องปั้นใจจจ มานั่งกับพวกพี่เร็ววววว ~”
   อ่า...อาจจะเป็นปั้นใจคนเดียวก็ได้
   พี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่โบกมือมาทางพวกเราทำเอาคนข้างๆ ถึงกับกุมขมับ ก่อนที่ปั้นใจจะกลับหลังหันเพื่อเดินไปทางโต๊ะที่เราเล็งไว้ตอนแรกทันที
   “แกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วกัน” ผมมองคนข้างๆ ที่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์นัก
   เอ่อ...ปั้น ดูเหมือนจะแกล้งไม่เห็นไม่ทันแล้วล่ะ...
   “น้องปั้นใจจจจจ ~”
   เสียงที่ยังคงดังขึ้นทำเอาคนอื่นๆ ในร้านเริ่มหันไปมอง ผมเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ได้แต่มองไปทางพี่ที่ตะโกนอีกครั้ง โดยที่ยังโบกมือให้ปั้นใจไม่เลิก ก่อนที่คนข้างๆ ผมจะยอมหยุดเดินแล้วหันไปมองบ้าง สุดท้ายก็ถอนหายใจออกมาแล้วยอมเดินไปหาพี่ๆ ที่ตะโกนเรียกเราไว้
   “สวัสดีครับ” ผมกับปั้นใจยกมือไหว้กลุ่มพี่ปีสองสี่ห้าคนที่ตอนนี้กำลังครองโต๊ะใหญ่สุดของร้าน ก่อนที่พี่เพชรพี่รหัสของผมจะพูดขึ้นมา
   “พวกมึง นี่เกลือน้องรหัสกู”
   “เอ่อ...สวัสดีครับ”
   “ใช่น้องที่เป็นโรคหอบวันวิ่งป้ะ”
   “อ่า...”
   “อีกคนนี่ก็...น้องปั้นใจที่วิ่งแทนนี่ จำได้ละ โห นี่มันคนดังชัดๆ ฮ่าๆๆๆ” พี่ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น ทำให้ผมทำหน้าไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าจะยังมีคนพูดเรื่องวันแรกของการรับน้องขึ้นมาอีก “แปลกแฮะ มากินข้าวด้วยกัน พี่นึกว่าหลังจากวันนั้นจะไม่ถูกกันแล้วซะอีก โดนเล่นงานไปซะหนัก ทำเพื่อนซวยนะเรา”
   “...”
   “ดีๆ เป็นเพื่อนกันได้ก็ดี”
   “ไอ้เปรม อย่าปากหมา” พี่เพชรที่นั่งอยู่พูดเตือนเพื่อนตัวเอง แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ใส่ใจนัก ได้แต่ยักไหล่แล้วหันไปสนใจพี่ผู้หญิงข้างๆ แทน ทำให้ผมที่ตอนนี้ทำหน้าไม่ถูกตั้งแต่โดนว่าว่า ‘ทำเพื่อนซวย’ ไปแล้ว
   “พวกพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมกับเพื่อนมากินข้าว ถ้าไม่มีขอตัว ใกล้เวลาเรียนแล้ว” ปั้นใจพูดขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศตรงหน้า
   “เฮ้ย สรุปนี่เพื่อนกันจริงดิ คิดว่าบังเอิญมาร้านเดียวกันซะอีก”
   “ไอ้เปรม”
   “อ่ะๆ กูไม่พูดแล้วก็ได้ ก็มันแปลกจริงๆ นี่หว่า ดูไม่เข้ากันเลยเนอะ น้องสองคนเนี่ย” พี่ที่ชื่อเปรมยังคงพูดไม่หยุดทำให้ผมได้แต่ก้มหน้าลงเพราะรู้สึกไม่อยากมองหน้าพี่คนนี้นัก และทั้งกลุ่มก็เงียบกริบไปแล้วด้วย
   “ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะ...”
   “เฮ้ย ไอ้เพชรมึงไปขอโทษทำไม กูแค่พูดความจริงเอง ถามหน่อยดิ ทั้งโต๊ะเนี่ย มีใครคิดบ้างว่าน้องสองคนนี้จะเป็นเพื่อนกัน เวลาว่างทำอะไรกันเหรอ เตะบอลป้ะ อีกคนเตะส่วนอีกคนกลิ้งเป็นลูกบอล น่ารักๆ ฮ่าๆๆๆๆ”
   “ไอ้เปรม !”
   “ปากดี...” เสียงข้างๆ ตัวทำให้ผมสะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันไปมองปั้นใจที่ตอนนี้แสดงสีหน้าน่ากลัวออกมาแล้ว โดยตอนนี้ทั้งกลุ่มรุ่นพี่เงียบกริบยิ่งกว่าเดิม ขนาดคนที่เพิ่งหัวเราะไปยังหุบปากทันที “เวลาว่างไม่เคยเตะบอล แต่เวลาก่อนกินข้าวเที่ยงวันนี้นี่ล่ะจะได้เตะปากคน”
   “ปะ...ปั้น...” ผมรีบเรียกคนข้างๆ ทันทีที่เขาพูดขึ้น ก่อนจะจับแขนอีกฝ่ายไว้
   “ฮะ...เฮ้ย อะไรวะ กูแค่แซวเล่นเอง แล้วอีกอย่างมึงเป็นรุ่นน้องกล้าพูด...”
   “ไม่ใช่แค่กล้าพูด แต่กล้าทำอย่างที่พูดด้วย”
   “มึง...!”
   “เฮ้ย พวกมึงสองคนใจเย็นกันก่อน !” พี่เพชรที่รีบพูดขึ้นทำให้เพื่อนของเขาต้องหุบปากลง ก่อนจะหันไปมองเพื่อนตัวเอง “ไอ้เปรมกูเตือนมึงแล้วนะ ว่าอย่าปากหมา ที่มึงว่านั่นน้องรหัสกู !”
   “แต่ไอ้น้องเหี้ยนี่มันก็ลามปามเกินมั้ยวะ ถ้าน้องอ้วนด่ากูกูยังไม่อะไรเลย อันนี้กูไม่ได้ว่ามัน...!”
   “ตอแหล” ดูเหมือนคำพูดของปั้นใจจะทำเอาทั้งกลุ่มสะดุ้งเฮือก
   “เอ่อ...น้องปั้นใจเย็นๆ เด้อ” พี่ผู้หญิงที่เป็นคนโบกมือเรียกปั้นใจเข้ามาหาต้องลุกขึ้นแล้วห้ามทัพ ซึ่งคนอื่นๆ ในร้านก็เริ่มหันมามองทางเราแล้ว “พี่ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะน้องปั้น”
   “พี่พริ๊ง พี่รู้ใช่มั้ยว่าผมเคารพพี่ ทั้งโต๊ะ ทั้งพี่ปีสองปีสามปีสี่ที่อยู่ที่นี่ผมเคารพหมด ทั้งรู้จักและยังไม่รู้จัก แต่ถ้ารู้แล้วว่ามันไม่น่าเคารพนักผมเองก็ไม่เกรงใจเหมือนกัน”
   “พี่รู้ๆ พี่รู้ว่าปั้นเป็นเด็กดี...”
   “ไอ้พริ๊ง ทำไมมึงเข้าข้างผู้ชายแบบนี้วะ !”
   “ไอ้ห่าเปรม มึงผิดนะเว้ย กูไม่ได้เข้าข้างน้อง แต่มึงผิด !”
   “เพื่อนเหี้ย !”
   “ไอ้เปรม !”
   เสียงของพี่พริ๊งที่ดังลั่นหลังจากที่โดนว่าไป ก่อนที่พี่เปรมจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไปทันที ปั้นใจที่ทำท่าว่าจะตามไปทำให้ผมรีบคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้
   “ปะ...ปั้น พอแล้ว...”
   “เพื่อนพวกพี่ยังไม่ขอโทษเพื่อนผม”
   “ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร...”
   “เกลือ !” ปั้นใจที่หันมามองดุใส่ผมทำให้ตัวเองรีบหุบปากก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาตรงหน้า
   “ขะ...ขอโทษ” ผมรีบพูดขึ้นเมื่อตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นสาเหตุของความวุ่นวายเข้าให้แล้ว และคำว่า ‘ทำเพื่อนซวย’ ของผมนั้นดูเหมือนจะใช้ได้ดี เพราะเรื่องนี้จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวกับปั้นใจสักนิด พี่เปรมเขาว่าผม ว่าผมคนเดียว ไม่ได้ว่าปั้นใจเลย “ขอโทษนะปั้น ทำปั้นซวยอีกแล้ว...”
   เสียงของผมสั่นอย่างห้ามไม่ได้ ซึ่งพี่ๆ ที่อยู่ในสถานการณ์นั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมา แม้แต่พี่เพชรเองก็ตาม ก่อนที่แขนของผมจะโดนคนข้างๆ ฉุดแล้วพาเดินออกไปจากร้านทันที ซึ่งวันนี้ดูเหมือนว่ามื้อเที่ยงจะไม่ได้ตกถึงท้องซะแล้ว
   “ให้ตายสิ มึงมันน่าหงุดหงิด”
   เสียงสบถเบาๆ ของปั้นใจ ทำให้ผมยิ่งไม่กล้าพูดเข้าไปใหญ่ ได้แต่ก้าวเท้าเร็วๆ ตามเขามาเท่านั้น ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าปั้นใจพาผมเดินมาที่ไหน และเราอยู่ไหนกันแล้ว รู้แค่ว่าดวงตาของผมพร่ามัวเพราะน้ำตาไปเรียบร้อย
   จะโดนปั้นใจเกลียดมั้ย
   ขอล่ะ ใครเกลียดก็ได้ แต่ปั้นใจอย่าเกลียดกันเลย
   คนที่ดึงผมออกจากร้านอาหารมาหยุดเดิน ก่อนที่มือของอีกฝ่ายจะจับไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้ ทำให้ตอนนี้รู้แล้วว่าเรากำลังหันหน้าเข้าหากันอยู่
   “เกลือ” เสียงเรียกที่ดังขึ้ง ทำให้ผมได้แต่ก้มหน้าอยู่แบบนั้น เพราะถ้าเงยหน้าไปอีกฝ่ายต้องรู้แน่ๆ ว่าผมร้องไห้เข้าให้แล้ว “เกลือ เงยหน้าขึ้น”
   “ขอโทษนะ”
   “เรื่องอะไร”
   “ทำปั้นซวย...”
   “ไม่ได้ทำ แล้วก็ไม่ได้ซวย”
   “...”
   “เลิกให้คนอื่นว่าอย่างสนุกปากสักที” คำพูดของปั้นใจทำให้ได้แต่กำมือแน่น เพราะพอจะรู้ตัวว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องไปเข้าอยู่ในบทสนทนาของคนอื่นๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไร หรือโดนแซวในเรื่องที่มันไม่ลื่นหูนัก
    มันอาจจะเรื่องเล็ก แต่เชื่อเถอะว่าผมก็ไม่ชอบแบบนี้เหมือนกัน...
   “ขอโทษนะ...”
   “ขอโทษทำไมอีก ไม่ได้ผิดอะไร จะขอโทษทำไม” ปั้นใจพูดขึ้นมา คราวนี้เสียงของเขาแสดงออกว่าหงุดหงิดเต็มขั้น ก่อนที่ใบหน้าของผมจะโดนอีกคนจับให้เงยขึ้น โดยตอนนี้น้ำตาที่ตั้งใจจะกลั้นไว้ตอนแรกกลับไหลออกมาอย่างง่ายดายแล้ว “อย่าร้องไห้สิวะ...!”
   “ฮึก...”
   ไม่ชอบแบบนี้เลย ไม่ได้ชอบให้ใครมาว่า ไม่อยากเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น
   ผมทำผิดอะไรเหรอ...
   “เกลือ อย่าร้อง” เสียงปลอบโยนของปั้นใจทำให้ผมต้องพยายามเช็ดคราบน้ำตาของตัวเองอย่างเชื่อฟัง “ดีมาก เด็กดี”
   “ระ...เราอายุเยอะกว่าปั้นนะ ไม่เด็ก...ฮึก...” ผมพูดขึ้นเมื่อโดนอีกคนโยกหัวเบาๆ ในขณะที่กำลังเช็ดคราบน้ำตาอยู่ หลังจากที่สามารถไล่หยาดน้ำออกจากดวงตาได้แล้วก็ทำให้ผมเห็นหน้าปั้นใจได้ชัดขึ้น และสีหน้าของเขาตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความสงสัย
   “หะ...”
   “หืม...มีอะไรเหรอ” ผมถามขึ้นพลางเริ่มมองไปรอบๆ โดยตอนนี้ปั้นใจพาผมมาที่ไหนสักที่ที่ไม่ค่อยมีคนนัก
   “อืม ลืมไป กูเข้าก่อนเกณฑ์...” ปั้นใจพยักหน้าพลางทำหน้าเซ็งๆ ดูเหมือนเขาจะไม่ชอบนักกับการรู้ว่าตัวเองเด็กกว่า “ก็แค่ปีเดียว...”
   “สองปี”
   “...”
   “ปั้นเด็กกว่าเราสองปี” ผมพูดขึ้นพลางชูสองนิ้วไปให้ ทำให้คนตรงหน้ายิ่งคิ้วขมวด ส่วนผมเองหลังจากที่โดนปลอบไปตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมา แต่กลับต้องมาเอ็นดูกับปั้นใจที่กำลังทำหน้าไม่เข้าใจเมื่อได้รู้อะไรใหม่ๆ แทน “เราเรียนซ้ำปีนึงอ่ะ...”
   เอ่อ...ขอโทษนะฝัน...
   “หมายความว่าไง”
   “จริงๆ แล้วถ้าตามปกติ ตอนนี้เราต้องอยู่ปีสอง” ผมพูดเสียงเบาหลังจากที่ความลับที่ปิดมานานถูกเปิดเผยให้ปั้นใจฟังคนแรก “ปั้นอย่าไปบอกใครนะ ฝันบอกว่าเราต้องกลมกลืนกับรุ่นเดียวกัน เราบอกปั้นคนแรกเลย”
   “นี่แก่กว่าสองปีเหรอ”
   “อะ...อือ แต่เราก็อยากเป็นเพื่อนกับปั้นนะ” ผมรีบพูดขึ้นเมื่อปั้นใจดูเหมือนจะอึ้งกับเรื่องของผมเอามากๆ
   “นี่กู...เอ่อ ผมเด็ก...” ปั้นใจที่ตอนนี้พูดไม่เป็นภาษาไปแล้ว ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมากับท่าทางตั้งตัวไม่ทันแบบนั้น “ยิ้มอะไร ไม่ขำนะ”
   “ขอโทษๆ ปั้นใช้มึงกูเหมือนเดิมก็ได้ เราไม่ถือ”
   “ทำไมต้องทำตัวเหมือนเด็ก...ไม่สิ ทำไมต้องทำให้รู้สึกว่าเกลือเป็นเด็กด้วย ไม่สิ...ทำไมกูต้องรู้สึกว่ามึงเด็กด้วย...!”
   “หือ เราทำเหรอ...เอ่อ...เราก็เป็นแบบนี้ ขอโทษนะ” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นอีกคนบ่นในเรื่องที่ผมไม่เข้าใจนัก ก่อนที่ตัวเองจะก้มหน้าลงอีกครั้ง
   “ไม่ต้องขอโทษแล้ว !” ปั้นใจพูดขึ้นทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง โดยตอนนี้คนตรงหน้าผมกุมขมับตัวเองเรียบร้อยแล้ว ซึ่งท่าทางแบบนี้ของเขาผมไม่ค่อยได้เห็นนัก เรียกว่าครั้งแรกเลยดีกว่าที่ได้เห็นมุมอื่นๆ ของปั้นใจ
   ซึ่งผมมองว่ามันน่ารักมากๆ
   “งั้นขอบใจก็ได้” ถ้าพูดอย่างอื่นแทนขอโทษน่าจะไม่ทำให้หงุดหงิดแล้วเนอะ
   “...”
   “ขอบใจที่ปกป้องเรานะ แล้วก็ยอมซวย...”
   “บอกว่าไม่ได้ซวยไง !”
   “อือ ไม่ซวย...” ผมรีบพยักหน้า ก่อนจะมองใบหน้าของปั้นใจที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงเรื่อ จนผมไม่รู้ว่าเขาไม่สบายหรือมีเรื่องอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า และตอนนี้คนที่เคยมีแค่ท่าทางนิ่งๆ สยบทุกอย่างกลับดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจไปแล้ว
   “เต็มใจทุกอย่างแหละ...”
   “หืม...” เสียงเบาๆ ของคนตรงหน้า ที่ตอนนี้ยกมือข้างหนึ่งปิดใบหน้าตัวเองไปกว่าครึ่งแล้ว
   เมื่อกี๊ปั้นใจพูดว่าอะไร...
   “บอกว่า...”
   “...”
   “ปั้นเต็มใจทุกเรื่องเกี่ยวกับเกลือนั่นล่ะ...”
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-12-2018 12:51:53
 :-[ :-[

นุ้งปั้นกล้าๆหน่อย
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-12-2018 14:25:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 02-12-2018 15:30:16
น้องปั้นน่าจะจัดให้พี่เค้าซักทีนะ จะได้เงียบปากไม่พูดแบบนี้อีก
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-12-2018 17:50:34
เด็กกว่าแล้วไง ใจเสียเลยหรอ ปั้น  :hao4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 02-12-2018 18:17:35
นุ้งปั้นของพี่เกลือ น่าย๊ากกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-12-2018 18:45:01
 :-[ :-[ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-12-2018 20:37:58
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Mafiaziip ที่ 02-12-2018 22:06:12
เข้าใจเลยอ่ะเวลาที่คนอื่นบอกว่าแซวเล่น ไม่ได้คิดจริง แต่ก็ทำให้เราเสียความรู้สึกไปแล้วป่ะ ไม่ชอบเลย อยากกอดปลอบเกลือเลย แต่ก็กลัวน้องปั้นจะมองแรงใส่ 555555 เอ็นดูปั้นใจตอนรู้อายุ อิอิ น้องปั้นนนนนนนนน :mew1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-12-2018 23:42:18
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 13 (3.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 03-12-2018 14:38:11
ตอนที่ 13


   “นั่งก่อน”
   “อะ...อือ”
   ผมที่ตอนนี้เดินเก้ๆ กังๆ เข้ามาในห้องของปั้นใจก็ได้แต่มองไปรอบๆ ซึ่งด้านในมีเตียงสองชั้นตั้งอยู่มุมห้อง ห้องก็ขนาดไม่ใหญ่มาก ข้าวของด้านในมีไม่เยอะนัก ตามปกติของเด็กผู้ชายทั่วๆ ไป ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือการ์ตูนมากกว่า แต่ก็สะอาดใช้ได้
   “ขอโทษที่พาโดดเรียน”
   “อือ ไม่เป็นไร เราเองก็ไม่อยากกลับไปแล้วอ่ะ โดนฝันถามแน่ๆ ว่าร้องไห้ทำไม”
   “แล้วร้องไห้ทำไม”
   “...”
   “ไม่ต้องตอบก็ได้” ปั้นใจไม่ได้ว่าอะไร เขาเดินไปเปิดตู้เย็นก่อนจะกลับมาพร้อมกับน้ำดื่มหนึ่งขวดและแก้วหนึ่งใบ “นั่งพักอยู่นี่ล่ะ เดี๋ยวลงไปซื้อข้าวให้”
   “อ่า...”
   “อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
   “ไข่เจียวก็พอ”
   “อืม” ปั้นใจพยักหน้าก่อนจะเดินไปสวมรองเท้าแล้วออกจากห้องไปอีกครั้ง โดยปล่อยให้ผมนั่งตากพัดลมตัวเล็กภายในห้องอยู่แบบนั้น ซึ่งขามาเขาก็ไม่ได้พูดถึงมื้อเที่ยง แค่ชวนมานั่งพักที่ห้องรอแม่มารับ ตอนแรกปั้นใจตั้งใจจะไปส่งผมที่บ้าน แต่ผมเกรงใจที่ต้องให้เขาไปๆ กลับๆ
   จริงๆ ผมก็กลับเองได้นั่นล่ะ แต่ก็อยากอยู่กับปั้นใจให้นานกว่านี้เหมือนกัน เลยไม่ได้ปฏิเสธที่เขาชวนมาห้อง
   ละ...แล้วทำไมต้องรู้สึกเขินกับเรื่องนี้ด้วยล่ะเนี่ย...!
   ฮื้อ...แม่ เหมือนเกลือเป็นเด็กไม่ดีเลย...
   Rrrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้ง ก่อนจะรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋านักเรียน และก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าสายที่โทรเข้ามานั้นเป็นพาฝันนั่นเอง
   ทะ...ทำยังไงดี ถ้ารับพาฝันจะต้องรู้ว่าผมโดดเรียนมากับปั้นใจแน่ๆ
   แต่ถ้าไม่รับ พาฝันก็จะเป็นห่วง...
   ผมที่ตอนแรกลังเลอยู่สุดท้ายก็ยอมกดรับโทรศัพท์ ก่อนจะต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากคนในสาย
   {ไอ้เกลือ มึงอยู่ไหน !!}
   “ฝะ...ฝัน”
   {ตอบมาเดี๋ยวนี้เลยไอ้หมูอ้วน !}
   “ระ...เราอยู่ห้องปั้นใจ ขอโทษที่โดดเรียนนะ พอดีมีปัญหา...”
   {รู้แล้วว่ามีเรื่อง แต่ไม่รู้เรื่องอะไร พี่เพชรมาตามหามึงอยู่เนี่ย !}
   “เอ่อ...ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง เราไม่เป็นอะไร ฝากบอกพี่เพชรด้วย...” ผมพูดออกไปเพียงแค่นั้น และรู้สึกผิดมากๆ ที่ทำให้คนอื่นเป็นห่วง ซึ่งพี่เพชรเองก็คงจะรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน
   ผมหวังว่าเขาจะไม่ทะเลาะกับเพื่อนนะ...
   {ให้ตายสิ มึงนี่นะ มีเรื่องอะไรไม่บอกกูห๊ะ เดี๋ยวกูออกหน้าให้เอง !} คำพูดร้อนรนของพาฝันทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา
   “ไม่มีอะไรแล้ว ขอบใจนะฝัน”
   {คราวหน้าห้ามเงียบหายไปแบบนี้นะ ฝากบอกปั้นใจด้วยว่าเดี๋ยวจะโดน บังอาจจมากที่ลักพาตัวมึงไปกกที่ห้อง !}
   “กะ...กกอะไร เราแค่มานั่งพัก...”
   {ชิส์ คิดให้เยอะไอ้เกลือ อย่าไปหลงกลไอ้เด็กปั้น !} พาฝันที่พูดขึ้นทำให้ผมได้แต่เขี่ยพื้นไปมา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าทำผิดอะไรสักเรื่องไป {งั้นกูไปเรียนละ ยังไงก็กลับบ้านดีๆ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ}
   “อือ ไว้เจอกันนะ”
   ผมพูดเสียงเบา ก่อนจะเก็บเรื่องที่ตัวเองเผลอบอกความจริงเรื่องอายุกับปั้นใจไว้ เพราะถ้าพาฝันรู้คงบ่นผมยาวแน่นอน
   ว่าแต่เรื่องที่ผมแก่กว่าปั้นใจสองปีนี่ทำให้ปั้นใจตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ...
   ทำไมถึงตกใจนะ
   ผมที่นั่งคิดอยู่ก็ได้แต่ขมวดคิ้วกับตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ ก่อนจะกดเข้าดูข้อความไลน์ที่มีคนส่งเข้ามา เมื่อเปิดก็เห็นว่าเป็นพี่เพชรนั่นเองที่ส่งเข้ามามากกว่าสิบข้อความ แต่ที่ผมจับใจความได้ก็คงเป็นข้อความขอโทษแทนเพื่อนเขานี่ล่ะ

   P. : เกลือ พี่ขอโทษแทนไอ้เปรมด้วยนะ ขอโทษจริงๆ พวกพี่ไม่น่าเรียกเกลือกับเพื่อนมาที่โต๊ะเลย
   เกลือ ._. : ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ขอบคุณพี่เพชรที่เป็นห่วงนะครับ

   ผมพิมพ์ตอบไปเพียงแค่นั้น ซึ่งพี่เพชรก็อ่านอย่างรวดเร็วและตอบกลับมาเพียงสติ๊กเกอร์เศร้าเท่านั้น ทำให้ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปอีกและเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเหมือนเดิมโดยที่ตอนนี้ก็กำลังสำรวจห้องของปั้นใจอยู่
   อ่า...เตียงล่างหรือเตียงบนนะที่เป็นของปั้นใจ ถ้าด้านล่างนี่ค่อนข้างเป็นระเบียบทีเดียว แต่ถ้าด้านบน...
   ทะ...ทำไมมันถึงได้รกแบบนั้นล่ะเนี่ย !
   ไหนจะโต๊ะหนังสือสองตัวนี่อีก มีโต๊ะหนึ่งที่ไม่เป็นระเบียบ ส่วนอีกตัวไม่ค่อยมีอะไร แต่ก็สะอาดไร้ฝุ่น
   ปั้นใจกับฟางน่าจะต่างกันสุดๆ เลยนะ...
   แกร่ก...
   ผมที่กำลังมองโต๊ะเขียนหนังสือสองตัวอย่างพินิจก็ต้องหันไปทางประตูก็เห็นว่าปั้นใจกลับมาพร้อมข้าวกล่องสองกล่อง
   “มาแล้ว”
   “อะ...อือ” ผมพยักหน้าพลางมองคนที่กำลังถอดรองเท้า ซึ่งการกระทำเพียงแค่นั้นก็ทำให้ผมมองได้อย่างไม่คิดเบื่อ ปั้นใจทำอะไรก็น่ามองไปหมด จนผมรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงเป็นที่สนใจขนาดนี้ และก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร
   “ท้องร้องหรือยัง”
   “ยังอ่ะ กินลมตอนเดินมานี่ก็อิ่มแล้ว” ผมว่ายิ้มๆ พลางมองคนที่เข้ามานั่งใกล้ๆ ปั้นใจวางกล่องข้าวลงกับพื้นก่อนจะเดินไปหาโต๊ะเขียนหนังสือขนาดเล็กมาตั้ง และเดินไปหยิบจานและน้ำจากตู้เย็นแล้วกลับมาทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามผมพร้อมกับยื่นขวดชาเขียวเล็กๆ ที่หาได้ตามเซเว่นมาให้ “หืม...”
   “ไม่มีวิปครีมนะ”
   “ขอบใจนะ” ผมว่าก่อนจะรับขวดชาเขียวเย็นๆ มาโดยที่กลั้นยิ้มไปด้วย ก่อนที่ปั้นใจจะเป็นคนเอาข้าวใส่จานแล้วส่งมาหาผม ซึ่งก็คือข้าวไข่เจียวหมูสับ พอผมมองเมนูของอีกคนก็เห็นว่าเป็นแบบเดียวกับผมเช่นกัน
   “คิดถึงไข่เจียว”
   “อือ...”
   “คิดถึงคนทำไข่เจียว”
   อยู่ๆ คำพูดของปั้นใจก็ทำให้ผมชะงักในขณะที่แกะถุงซอสแล้วเงยหน้ามองอีกคนที่ตอนนี้กำลังจัดการกับกล่องข้าวของตัวเองอยู่ พอเขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองมาทางผมด้วยใบหน้านิ่งๆ ทำให้ผมได้แต่ก้มหน้าลงเหมือนเดิมแล้วเริ่มตักข้าวไข่เจียวคำแรกเข้าปาก
   ‘คิดถึงคนทำไข่เจียว’
   คงไม่ใช่...
   “ลืมไปว่าคนทำไข่เจียวนั่งอยู่นี่” คนตรงข้ามที่พูดขึ้นเบาๆ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง และตัวเองก็แอบหน้าร้อนผ่าวไปแล้ว
   ปะ...ปั้นใจทำผมเกร็งอีกแล้ว
   ใจเต้นแรงด้วย !
   “วะ...ไว้คราวหน้าจะทำให้กินอีกนะ...”
   “อืม”
   ปั้นใจพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปสนใจกับข้าวของตัวเองต่อ ส่วนผมเองก็ได้แต่นั่งกินเงียบๆ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง ขนาดแค่ยกชาเขียวมาดื่มยังไม่กล้า ไม่นานข้าวกล่องของผมก็หมดลงพร้อมกับท้องที่ตอนแรกเบาหวิวตอนนี้ก็แน่นและรู้สึกดีสุดๆ
   “อร่อยมากเลย”
   ผมพูดออกไปโดยเจ้าของห้องอย่างปั้นใจก็จัดการเก็บของที่เหลือจากมื้อกลางวันนี้ให้ ทำให้ผมได้แต่นั่งมองเขาเงียบๆ เพราะไม่รู้จะทำอะไรที่ห้องที่ไม่ใช่ของตัวเองดี
   Rrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ปั้นใจชะงัก ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วขมวดคิ้ว ทำให้ผมมองเขางงๆ แต่ก็ไม่กล้าถามนักว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ก่อนที่อีกคนจะตัดสายแล้วเอาโทรศัพท์มาโยนไว้ที่เตียง แล้วเดินไปจัดการกับจานข้าวที่ใช้แล้วต่อ
   Rrrrrrr ~
   แต่สายที่โทรเข้ามาก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
   “ให้ตายสิ...” ผมฟังคนที่จัดการกับของในอ่างก็ทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรสำคัญหรือเปล่า และก็ไม่กล้าหันไปมองโทรศัพท์ของปั้นใจที่อยู่ใกล้ตัวด้วยว่าใครโทรมาแม้จะสงสัยก็ตาม “เกลือรับให้หน่อย”
   “หะ...หื๊อ !”
   “บอกว่าไม่อยู่ ไม่ว่าง ไม่ต้องโทรมาอีก”
   ปั้นใจหันมาพูดกับผมโดยที่มือก็ถือจานที่เต็มไปด้วยฟอง ทำให้ผมได้แต่มองเขาอย่างลังเล แต่สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้า เพราะคิดว่าปั้นใจก็แค่วานอะไรนิดๆ หน่อยๆ เอง
   คะ...แค่บอกคนที่โทรมาว่าปั้นไม่ว่าง...
   ผมเอื้อมมือป้อมๆ ไปหยิบโทรศัพท์ของปั้นใจมา ก่อนจะมองต้นเหตุที่ทำให้ปั้นใจอารมณ์เสีย
   ‘ฟาง’
   ผมที่มองดูหน้าจอครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจกดรับสายให้คนที่ล้างจานอยู่ และเมื่อผมเอาโทรศัพท์แนบหูก็ยังไม่ทันได้พูดอะไร คนที่โทรมาก็พูดขึ้นซะก่อน
   {ไอ้ห่าปั้นนน มึงมันร้าย กูจะฟ้องแม่มึงว่ามึงเอาลูกคนอื่นมากกที่ห้อง โทษฐานที่มึงแกล้งแฟนกูเมื่อวาน !!}
   “เอ่อ...ฟาง...”
   {หื้ม...ไม่ใช่ไอ้ปั้นเหรอ...}
   “อะ...อื้อ ปั้นไม่ว่าง...”
   {อ๋ออออออ คร้าบๆ งั้นแค่นี้นะครับ}
   ฟางที่ขานรับด้วยน้ำเสียงที่แอบแฝงด้วยเสียงหัวเราะก็ตัดสายไปทันที ทำให้ผมต้องเอาโทรศัพท์ออกจากข้างหูแล้วมองที่หน้าจอที่ดับไปอย่างงงๆ แล้วหันไปรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้เจ้าของโทรศัพท์ทราบ
   “วางไปแล้วนะ”
   “อืม ดี”
   “เอ่อ...ปั้น”
   “ว่าไง”
   “ฟางขู่จะฟ้องแม่ปั้นเรื่องที่ปั้นเอาลูกคนอื่นมา...”
   ผมที่ตอนนี้พูดไม่ออกนักก็ได้แต่นึกภาพที่ปั้นใจพาใครสักคนมาที่ห้องก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆ ขึ้นมา และสายตาที่ปั้นใจมองกลับมานั้นก็ทำให้ผมแทบสะอึก
   นี่ผมเผลอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือการเอาสาวเข้าห้องมันไม่ใช่เรื่องที่สมควรพูดกัน
   นะ...นั่นสินะ ก็ฟางเพื่อนสนิท แต่ผมไม่ได้สนิทขนาดนั้น ทำผิดเข้าให้อีกแล้วไอ้เกลือ !
   “ไอ้ฟางมันพูดว่าไงนะ”
   “ฟะ...ฟางบอกว่าจะฟ้องแม่ปั้นเรื่องที่ปั้นพาสาวมากกที่ห้อง...”
   “สาว ?”
   “อือ ก็ลูกคนอื่น...”
   “มันบ้า มีที่ไหนล่ะสาว แต่ลูกคนอื่นน่ะมีอยู่” ปั้นใจขมวดคิ้วก่อนจะหันไปล้างมือหลังจากที่ล้างจานในอ่างเรียบร้อยแล้ว ผมเลยได้แต่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่กับที่จนเจ้าของห้องเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แล้วเอนหลังพิงเตียงด้วยท่าทีสบายๆ ทำให้ผมต้องมองท่าทางที่เป็นกันเองของเขาด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่เคยได้เห็นมาก่อน “มองทำไม”
   และปั้นใจก็มองผมกลับมาเร็วมาก...
   “ไม่เคยเห็นปั้นใจแสดงท่าทีสบายๆ แบบนี้อ่ะ...”
   “ปกติกู...อ่า...นี่ทำตัวแปลกๆ เหรอ”
   “ไม่ๆ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แล้วก็กลับมาใช้มึงกูได้นะ เราไม่ถือ”
   “ไม่เป็นไร ไม่อยากใช้แล้วเหมือนกัน” ปั้นใจว่าก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์ที่เคยวางอยู่บนเตียงมาดู โดยที่คิ้วก็ยังขมวดมุ่นอยู่ ก่อนที่เขาจะหันมามองผมทำให้ตัวเองต้องมองกลับไป เมื่อคิดว่าเขามีเรื่องจะคุยหรือเปล่า “ทำอะไรดี”
   “ไม่รู้สิ ปั้นอยากทำอะไรล่ะ”
   “ไม่รู้เหมือนกัน” ปั้นใจตอบพลางหันไปอีกทาง ทำให้ผมมองตามก็เห็นว่าเขามองไปที่นาฬิกาห้องที่ตอนนี้บ่งบอกว่าเวลาเพิ่งจะบ่ายโมงกว่า และเหลือเวลาอีกเกือบสามชั่วโมงที่ผมจะออกไปรอแม่ ก่อนที่เราทั้งคู่จะหันมามองหน้ากันอีกครั้ง “หลับมั้ย”
   “เราไม่ง่วงอ่ะ ปั้นหลับก็ได้”
   “ไม่ง่วงเหมือนกัน”
   “อือ” ผมว่าก่อนจะหลบสายตาของอีกฝ่าย ซึ่งผมไม่รู้ว่าการมาบ้านเพื่อนจะทำให้เกร็งขนาดนี้ ขนาดปั้นใจเองยังดูไม่เป็นตัวเอง ทั้งๆ ที่ตอนกินข้าวเขายังดูสบายๆ อยู่เลย พอจะเข้าใจปั้นใจที่ไปบ้านผมครั้งนั้นแล้วสิน...
   “ดูหนังกันดีกว่า”
   อยู่ๆ เจ้าของห้องก็พูดขึ้นมาทำให้ผมพยักหน้าตามรัวๆ ก่อนที่ปั้นใจจะลุกขึ้นเดินไปหยิบโน้ตบุ๊กมาเปิด ทำให้ผมที่มองตามทุกการกระทำของเขาก็ได้แต่นั่งเงียบอีกครั้ง จนปั้นใจวางโน้ตบุ๊กลงบนโต๊ะเล็กๆ ที่เราเพิ่งใช้กินข้าว แล้วมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมเหมือนเดิม ผมที่มองเขาหาหนังที่จะเปิดก็ได้แต่ชะโงกหน้าเข้าไปมองบ้าง คนข้างๆ เองก็ขยับให้ผมได้เห็นหน้าจอมากขึ้น และรายชื่อหนังมากมายบนเว็บก็ทำให้เลือกไม่ถูกว่าจะดูเรื่องอะไรดี ซึ่งปั้นใจก็ไม่ได้หันมาถามผม แต่เขาเลือกที่จะเปิดการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งขึ้นมา และมันก็ทำให้ผมสนใจของตรงหน้าได้ทันที
   ผมกับปั้นใจขยับตัวถอยกลับมานั่งชิดกับขอบเตียงอีกครั้ง โดยเป็นผมที่ตอนนี้สนใจกับของตรงหน้าไปแล้วเลยได้แต่นั่งเงียบ เพราะคิดว่าปั้นใจเองก็คงจะตั้งใจดูเหมือนกัน แต่ไม่ทันไร คนข้างตัวผมก็ส่งเสียงขึ้นมา
   “นี่...”
   “หืม...”
   “ชอบกินอะไรที่สุด” ปั้นใจถามขึ้น ทำให้ผมหันไปมองทางเขา ก่อนจะทำท่าคิด
   อ่า...ถ้าเป็นของที่ชอบ...
   “ชอบขนมปังครัวซองต์”
   “ของคาวล่ะ”
   “ถ้ากับข้าวชอบต้มจืดกับไข่เจียว” ผมตอบออกไป ก่อนจะหันกลับมาสนใจกับการ์ตูนอีกครั้ง ซึ่งปั้นใจก็พยักหน้าแล้วพูดต่อ
   “ชอบสีเหลืองใช่มั้ย”
   “อื้อ”
   “ชอบดูอนิเมชั่นด้วย”
   “ช่ายยย เราชอบดูนะ ชอบดูกว่าหนัง” ผมว่าแล้วหันไปยิ้มกว้างให้ปั้นใจ ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกรำคาญเขาที่ชวนคุยในระหว่างดู แต่กลับรู้สึกดีมากกว่าที่ได้คุยกับเขามากขึ้น “แล้วปั้นชอบดูอนิเมชั่นเหมือนกันใช่มั้ย”
   “เปล่า ไม่ได้ชอบ”
   “อ้าว...” คำตอบของปั้นใจทำให้ผมทำหน้างงทันที ก่อนจะมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ ซึ่งอีกฝ่ายเองที่มองผมมาตั้งแต่แรกก็ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา มีแค่ผมที่แสดงออกว่าไม่เข้าใจในคำพูดของเขา “แล้วทำไมถึงเลือกดูอนิเมชั่นล่ะ”
   “ที่เลือกเพราะไม่ชอบไง”
   “หืม...” ผมยิ่งแสดงออกว่าไม่เข้าใจไปเขาเข้าไปใหญ่ โดยที่ตอนนี้ปั้นใจไม่ได้หันหน้าหนีผมไปไหน ไม่เหมือนผมที่หันไปดูภาพบนหน้าจอโน้ตบุ๊กที หันมาหาเขาที และครั้งนี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกแตกต่างจากเดิมที่ไม่ใช่แค่การสงสัยเพราะหัวใจที่เริ่มเต้นแรงขึ้นมาประกอบบทสนทนา
   “ถ้ามีของที่ชอบสองอย่างอยู่ใกล้ๆ ตัว คงลำบากใจถ้าจะต้องเลือกมองอย่างใดอย่างหนึ่ง และถ้าไม่ชอบก็จะได้ไม่มอง...”
   “...”
   “เพื่อที่จะดูสิ่งที่ชอบแค่เพียงอย่างเดียว”
   คำพูดของปั้นใจจะไม่ทำให้ผมรู้สึกได้มากขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้เขากำลังมองผมอยู่ และมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ภาพบนจอตรงหน้าเริ่มเคลื่อนไหว
   ‘สิ่งที่ชอบเพียงอย่างเดียว’
   เชื่อเถอะว่าตอนนี้ผมเองก็ไม่กล้าละสายตาไปจากเขาเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 13 (3.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-12-2018 18:01:42
อ่านเองยังระทวยเพียงนี้ เกลือได้ยินข้างหูตัวเองจะ.....  :jul1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 13 (3.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 03-12-2018 18:54:24
เด็กมันร้าย
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 13 (3.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-12-2018 19:16:57
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 13 (3.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-12-2018 21:19:13
ปั้นใจค่อยๆกระชับความสัมพันธ์
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 12 (2.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-12-2018 22:55:01
เข้าใจเลยอ่ะเวลาที่คนอื่นบอกว่าแซวเล่น ไม่ได้คิดจริง แต่ก็ทำให้เราเสียความรู้สึกไปแล้วป่ะ ไม่ชอบเลย อยากกอดปลอบเกลือเลย แต่ก็กลัวน้องปั้นจะมองแรงใส่ 555555 เอ็นดูปั้นใจตอนรู้อายุ อิอิ น้องปั้นนนนนนนนน :mew1:

คนแบบเปรม ปากหมา ใจร้าย    :fire: :angry2: :m31:
มีความสุขกับการพูดแซว ทำร้ายจิตใจคนให้เสียความมั่นใจ
พอถูกว่าบ้างก็โกรธ ไม่คิดถึงจิตใจคนที่ตัวเองว่าเขา  เลวววววววววววว   :m16:

ปั้นใจ  เกลือ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 13 (3.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-12-2018 23:55:07
 :man1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 14 (13.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 13-12-2018 13:23:08
ตอนที่ 14

   “เกลือ”
   “...”
   “เกลือ...”
   “หะ...หืม...” ผมที่ตอนนี้กระพริบตาปริบๆ หลังจากที่นั่งอึ้งกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินไปสักพัก ก่อนที่ปั้นใจที่จ้องมองมาแบบไม่ละสายตาในตอนแรกจะหันหน้าหนีไปแล้วยกมือขึ้นกุมใบหน้าไว้ข้างหนึ่ง
   “อย่าทำหน้าแบบนี้สิ...”
   เสียงพึมพำเบาๆ ของเขาทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่หลังจากที่เมื่อสักครู่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ แทบจะกลั้นหายใจเลยทีเดียว ก่อนจะหันหน้ามาทางหน้าจอโน้ตบุ๊กบ้าง
   ภาพบนจอยังคงเล่นอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวผมเองก็คิดเรื่องเมื่อสักครู่อย่างหยุดไม่ได้จริงๆ
   ปะ...ปั้นใจหมายความว่ายังไงนะ...
   “เกลือ”
   “หะ...หืม...”
   “เมื่อกี๊ที่ปั้นพูด...”
   “...”
   “พูดจริงๆ นะ”
   ผมที่ตอนแรกนั่งเกร็งพยายามจะดูการ์ตูนตรงหน้าก็ต้องหันไปทางปั้นใจอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาเองก็มองมาทางผมเช่นกัน ตัวเองที่หน้าร้อนและรู้สึกพูดไม่ออกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่แบบนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะถามต่อเพื่อให้เขาอธิบายให้เข้าใจมากกว่านี้
   พูดจริงๆ นี่หมายถึงเรื่องมองสิ่งที่ชอบงั้นเหรอ...
   ปั้นใจเขาชอบ...ผม...
   มะ...ไม่น่าใช่...
   ผมที่คิดไม่ตกก็ได้แค่จ้องมองคนข้างๆ และสุดท้ายก็ยอมพูดออกมาเสียงเบาเพื่อทำลายบรรยากาศตรงนี้
   “ระ...เรื่องอะไรเหรอ...”
   “เรื่องที่ชอบไง”
   “...”
   “ปั้นชอบเกลือ”
   “หะ...ห๊า...”
   “พูดจริงๆ”
   “ชอบเราเนี่ยนะ...” ผมที่ก้มหน้าลงเพราะตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน เป็นอาการอึ้งก็คิดว่าใช่ แต่ไม่เชื่อก็ใช่เช่นกัน เพราะไม่คิดว่าปั้นใจจะมาชอบผม คนอย่างผมเนี่ยนะ คนที่ทั้งอ้วนและก็เป็นผู้ชาย ถ้าผมอ้วนแล้วเป็นผู้หญิงมันยังน่าเชื่อถือกว่าอีก
   มะ...มันใช่เรื่องจริงแน่เหรอ...
   “ไม่เชื่อเหรอ”
   “...”
   “เกลือ”
   “ปั้นไม่ได้ถูกใครสั่งให้มาแกล้งเราใช่มั้ย”
   “ไม่ได้แกล้ง !” ปั้นใจที่รีบพูดขึ้นทำให้ผมสะดุ้งและเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง โดยคราวนี้เขาจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก “ที่ผ่านมาเกลือจะโดนคนอื่นแกล้งยังไง แต่จำไว้ว่าคนอย่างปั้นใจไม่เคยคิดจะแกล้งผู้ชายที่ชื่อเกลือ !”
   “...”
   “เชื่อกันมั้ย”
   “เชื่อ เราเชื่อ...” ผมรีบพูดขึ้นเมื่อปั้นใจนั้นแสดงท่าทีรู้สึกแย่ออกมา และผมเองก็เชื่อเขาเต็มอกว่าคนอย่างเขานั้นไม่มีทางที่จะแกล้งผมแน่นอน
   ละ...แล้วเรื่องชอบนี่...
   ชอบแบบเพื่อนเหรอ
   “นี่...”
   “เราก็ชอบปั้นเหมือนกัน !”
   “หะ...” ปั้นใจที่ตอนแรกจะพูดอะไรสักอย่างก็นิ่งและทำตาโตทันที
   “ปั้นดีมาก ดีกับเรามากๆ เลย คอยช่วยเหลือเราตลอด และยังช่วยอะไรอีกหลายๆ อย่างจนเราไม่รู้จะขอบคุณยังไง”
   “...”
   “ปั้นเป็นเพื่อนที่ดีมาก...”
   “ว่าไงนะ...”
   “เราบอกว่า...”
   “ไม่ต้องพูดย้ำแล้ว” อยู่ๆ ปั้นใจก็ขัดขึ้นมาทำให้ผมได้แต่มองเขางงๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันหน้าหนีไปแล้วสบถออกมาเบาๆ “พูดให้ดีใจทำไมวะ...”
   แต่ผมก็ได้ยินล่ะนะ...
   ผมที่ตอนนี้บีบมือของตัวเองแน่นเพื่อที่จะลบล้างความตื่นเต้นเมื่อสักครู่ ยอมรับว่าหัวใจเต้นแรงกับคำพูดของปั้นใจไปแล้ว และก็แอบดีใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ตอนนี้ผมคิดว่าแค่ปั้นใจไม่ได้เกลียดผมจากที่เป็นอยู่ก็ดีมากแล้ว จะในฐานะไหนก็ได้
   “ปั้นโกรธเราเหรอ”
   “เปล่า แค่หงุดหงิด...”
   “ขอโทษนะ”
   “ขอโทษทำไม ไม่ได้ทำอะไรผิด” คนข้างๆ ผมพูดขึ้นโดยที่เขาก็ยังไม่หันมามองผม ดูแล้วน่าจะอารมณ์เสียจริงๆ “แค่หงุดหงิดตัวเองที่พูดออกไปได้หนักแน่นไม่พอ”
   “หืม...”
   “ขนาดบอกตรงๆ ว่าชอบ คนฟังยังไม่เชื่อเลย”
   “...”
   “หงุดหงิดว่ะ” ปั้นใจที่ตอนนี้หันหลังหนีผมแล้วนั่งเงียบราวกับเด็กที่มีเรื่องไม่พอใจ ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมากับท่าทางของเขา ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่หลังของอีกฝ่าย “ช่างเถอะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
   “แน่ใจนะ”
   “อืม เกลือดูการ์ตูนไปเถอะ”
   น้ำเสียงที่ยังแสดงออกว่า ‘งอน’ ของปั้นใจไม่สามารถทำให้ผมเลิกสนใจเขาแล้วกลับไปดูการ์ตูนได้ แต่ก็ทำได้แค่มองแผ่นหลังอีกฝ่ายเท่านั้น แม้ในใจตอนนี้จะรู้สึกดีมากๆ อย่างไม่มีเหตุผล แต่ก็ไม่กล้าพูดหรือถามอะไรเขากับเรื่องก่อนหน้านี้อีก
   “ปั้นอยากดูหนังที่ชอบมั้ย เลือกได้นะ ไม่ต้องฝืนดูการ์ตูนกับเราก็ได้ จริงๆ แล้วเราดูอะไรก็ได้” ผมพูดขึ้นเพื่อหวังว่าจะทำให้ปั้นใจอารมณ์ดีขึ้น แต่อีกคนก็ยังคงเงียบอยู่ ผมจึงล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบลูกอมขึ้นมา “กินลูกอมมั้ย กินลูกอมแล้วทำให้อารมณ์ดีนะ”
   “ไม่กิน...” เสียงที่ตอบกลับมายังคงแสดงออกว่าเขายังอารมณ์ไม่ดีอยู่ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะหาวิธีไหนมาทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของปั้นใจ พร้อมกับร่างของเขาที่ค่อยๆ ขยับหันหลังกลับมามองหน้าผมครู่หนึ่งแล้วเลือกที่จะมองไปทางหน้าจอโน้ตบุ๊กแทน “ดูต่อเถอะ ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
   ผมที่มองคนข้างๆ ที่พูดออกมาแล้วจ้องไปด้านหน้า โดยที่ใบหน้าของเขานั้นดูยังไงก็ไม่เข้ากับคำพูดที่ว่า ‘ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว’ ของตัวเองสักนิด
   อ่า...จะช่วยปั้นใจยังไงดี
   “นี่...”
   “อือ...” ครางรับแต่ไม่หันมามอง
   “ถ้าปั้นไม่ชอบดูการ์ตูน งั้นทำอย่างอื่นมั้ย”
   “ไม่เป็นไร ดูก็ได้”
   “เราอยากให้ปั้นอารมณ์ดีอ่ะ...”
   “...”
   “ยิ่งรู้สึกว่าปั้นอารมณ์เสียเพราะเรา เรายิ่งอยากให้ปั้นอารมณ์ดี”
   “รู้ด้วยเหรอว่าปั้นอารมณ์เสียเพราะเกลือ”
   “อ่า...ก็น่าจะ...”
   “แล้วรู้หรือเปล่าว่าเรื่องอะไร” คนข้างๆ ผมถามกลับมา ทำให้คราวนี้เป็นผมเองที่ตอบไม่ถูก ก่อนจะเป็นฝ่ายหลบตาเขาบ้างเมื่อโดนมองมา “ไม่ต้องตอบก็ได้ ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องคิดมาก”
   “ดูยังไงปั้นก็ยังอารมณ์เสียอยู่ชัดๆ”
   “...”
   “ถ้ามีอะไรที่เราช่วยให้ปั้นอารมณ์ดีได้ บอกเรานะ” ผมพูดออกไปด้วยความเต็มใจ เพราะผมไม่ชอบให้เขาอารมณ์เสียจริงๆ แม้จะได้เห็นมุมอื่นๆ ของปั้นใจ แต่ผมก็ชอบตอนเขาอารมณ์ดีมากกว่า
   “เฮ้อ...” ปั้นใจที่ตอนแรกมองหน้าผมที่ยังคะยั้นคะยอเขาก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้าเข้ามาหาผมที่ตอนนี้หันไปทางเขาอยู่ ทำให้เราหันหน้าเข้าหากัน และการ์ตูนที่ดำเนินเรื่องอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจดูแล้ว “จะช่วยจริงๆ เหรอ”
   “อื้อ ถ้าช่วยได้เรายินดีที่สุดเลย !”
   “งั้นจะให้ช่วยก็ได้” ผมพยักหน้างึกตามคำพูดของเขา และก็ยิ้มออกมากว้างๆ เพราะอย่างน้อยตอนนี้ก็สามารถช่วยให้ปั้นใจอารมณ์ดีได้แล้ว “อยู่นิ่งๆ นะ”
   “อืมๆๆ”
   ผมขานรับ โดยไม่ได้พยักหน้าและเปลี่ยนเป็นนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา ปั้นใจที่ตอนแรกคิ้วขมวดอยู่ก็หลุดยิ้มออกมากับความกระตือรือร้นของผม ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาจับที่แก้มของผมเบาๆ
   “ขอเล่นแก้มหน่อย...”
   “...”
   “แล้วจะอารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย”

(ปั้นใจ)
   “เป็นไงบ้างมึง วันนี้ห้องเป็นสีชมพูดีมั้ยวะ” เสียงรำคาญหูที่ดังขึ้น ทำให้ผมที่นอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เพิ่งกลับเข้าห้องมา “อารมณ์ไม่ดีแบบนี้เหมือนจะแห้ว ฮ่าๆๆๆๆ”
   “หุบปากไปดิ”
   “โอ๋ๆ เพื่อนปั้น มีอะไรให้เพื่อนฟางคนนี้ช่วยมั้ยครับผม”
   “ไม่มี ช่วยตัวเองได้”
   “ช่วยตัวเองแล้วก็ล้มไม่เป็นท่าแบบนี้เนี่ยนะ”
   “รู้ได้ไงว่าล้มไม่เป็นท่า”
   “โธ่ไอ้ปั้น มึงคิดว่ากูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีห๊ะ มึงดูออกง่ายจะตาย ถ้าไปได้สวยตอนนี้มึงคงนั่งดี๊ด๊านอนยิ้มมองเพดานห้องไปแล้ว !”
   “...”
   ผมที่ฟังคำพูดของไอ้ฟางก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไรเพราะรู้ว่ามันรู้จักนิสัยผมดีกว่าใคร ก่อนจะพลิกตัวหันมาอีกทางเพื่อหนีจากคนกวนประสาท
   “มาน่าไอ้ปั้น มาปรึกษากูนี่ กูรู้นะว่ามึงไม่เคยจีบใคร มึงดูกูเป็นตัวอย่าง ปิ๊งพาฝันปุ๊บจีบติดได้เป็นแฟนเลย”
   “ไม่ต้องมายุ่งกับกู”
   “เอ้าไอ้นี่ เพื่อนจะช่วยเว้ย”
   “เกลือไม่เหมือนฝัน กูไม่เรียนรู้จากมึงหรอก” ผมพูดออกไปตามที่คิด ซึ่งตอนนี้ไม่ต้องเดาแล้ว คนใกล้ตัวหลายๆ คนก็คงจะมองออกว่าผมชอบเกลือ คงจะมีแต่เจ้าของเรื่องเท่านั้นที่มองผมไม่ออกและคิดว่าผมชอบเขาแบบเพื่อน และแน่นอนว่าตัวเองก็เพิ่งโดนบอกชอบแบบเพื่อนมาเช่นกัน
   โคตรเซ็ง...
   ผมที่อ่านหนังสือการ์ตูนไม่รู้เรื่องแล้วก็ได้แต่วางของในมือลงไว้ข้างตัว ก่อนจะมองมือตัวเองก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ วันนี้เกลือพยายามทำให้ผมอารมณ์ดีโดยการให้เล่นแก้มอยู่เกือบชั่วโมง จนขาของเขาชาแต่ก็ไม่บ่นสักคำ สุดท้ายผมก็ช่วยอีกฝ่ายขยับตัว อารมณ์ขุ่นมัวของผมก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ต้องยกความดีความชอบให้กับความน่ารักและแก้มนุ่มๆ ของคนที่มองว่าผมเป็น ‘เพื่อนที่ดี’ จริงๆ
   แล้วจะตอกย้ำตัวเองทำไมเนี่ย
   “อ่าๆ งั้นก็แล้วแต่มึง ยังไงก็สู้ๆ แล้วกัน แต่เขาว่ารักแรกมักไม่สมหวังว่ะ ฮ่าๆๆๆ”
   “ไอ้ห่าฟาง”
   “ออกไปสังสรรค์แล้วจ้า ไว้เจอกันนะเพื่อน”
   ไอ้คนกวนประสาทที่ผมลุกขึ้นเตรียมไปเอาเรื่องก็โยนกระเป๋านักเรียนไว้ที่เตียงชั้นสองของมัน ก่อนจะรีบวิ่งออกจาห้องไปทันที จนเหลือแค่ผมที่ตอนนี้ได้แต่นั่งเซ็งอยู่บนเตียง
   ให้ตายสิ...
   ต้องทำยังไงถึงจะยอมเชื่อกัน
   ผมที่นอนคิดไม่ตกกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับว่ากว่าจะใจกล้ายอมทำในสิ่งที่ไม่เคยทำอย่างการบอกชอบใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก และเมื่อเห็นใบหน้าซื่อๆ ของเกลือที่คิดว่าผมชอบเขาแบบเพื่อนเต็มอกตัวเองก็ไม่กล้าคะยั้นคะยอบอกต่อ เพราะกลัวอีกฝ่ายจะช็อก ขนาดผมบอกแค่นั้นเขายักนิ่งไปหลายนาที แต่ทำไมเกลือต้องคิดว่าตัวเองไม่น่าชอบด้วย ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าเขามีดีกว่าที่เห็นแค่ภายนอก
   ต้องให้อีกสักกี่คนได้เห็นกัน...
   Gunchai...
   การแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์จนผมนึกรำคาญหลายครั้งและมองข้ามมันไป แต่ครั้งนี้แค่เห็นเพียงครู่เดียวก็ทำให้ผมเลิกสนใจทุกอย่างที่ไล่ดูอยู่แล้วกดเข้าแชทที่เห็นว่าคนที่เพิ่งกลับไปได้สักพักทักเข้ามา และแชทของเกลือก็จมลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแชทหรือการแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นกับแอพพลิเคชั่นสีน้ำเงินของผมมันดูน่ารำคาญทั้งหมด จนผมคิดจะลบมันหลายครั้ง
   บางทีอาจจะต้องโหลดไลน์มาแทนแล้ว...

   Gunchai : เราเพิ่งถึงบ้าน แม่พาแวะกินข้าวด้วย พอดีเจอขนมแม่เลยให้ซื้อบราวนี่มาฝากปั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้เราเอาไปให้นะ
   Gunchai : (รูปกล่องเค้กบราวนี่)
   
   ผมมองข้อความและรูปที่ถูกส่งมาก็รู้สึกดีใจนิดๆ แต่นิดเดียวจริงๆ เพราะปกติผมไม่ชอบของหวาน ยิ่งของในรูปแล้วยิ่งไม่ชอบ แต่ความดีใจที่แอบเกิดขึ้นลึกๆ เพราะรู้ว่าแม่ของเกลือนั้นซื้อมาฝากผม

   Gunchai : แต่ถ้าปั้นไม่ชอบ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรากินแทนเอง แต่ต้องไว้กินที่มอ เพราะเรากินไปแล้วหนึ่งชิ้น แม่คงไม่ให้กินอีก และถ้ารู้ว่ากินของปั้นต้องโดนบ่นแน่ๆ
   
   ผมอ่านข้อความยาวๆ ของเกลือก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ วันนี้เขาพูดกับผมมากกว่าปกติ ทั้งการพยายามที่จะช่วยให้ผมอารมณ์ดี หรือให้เลิกดูการ์ตูนที่ผมไม่ชอบ
   ให้ตายสิ ผมโคตรชอบความเป็นเขาเลย...
   ต่อให้แก่กว่าสองปีก็เถอะ แต่แค่สองปีเอง...
   ก่อนหน้านี้ที่ผมตกใจเรื่องอายุของเกลือ คงเป็นเพราะผมไม่เคยถาม ผมคิดว่าผมอาจจะเด็กกว่าเขาแค่ปีเดียวเพราะผมเข้าก่อนเกณฑ์ และคิดว่าบางทีเกลืออาจจะเข้าก่อนเกณฑ์เหมือนผมด้วย เพราะเขาดูเหมือนน้องชายที่น่าทะนุถนอมคนหนึ่ง ครั้งแรกที่เจอเขาผมถึงคิดที่อยากจะช่วยเหลือและดูแล แต่นี่กลับแก่กว่าถึงสองปี...
   ช่างเรื่องอายุมัน

   Punjai : ฝากขอบคุณคุณน้าด้วยนะ
   Gunchai : อื้อ
   Punjai : ขอ line หน่อยสิ
   Gunchai : ได้ๆ Gun...

   ผมที่ได้ไลน์ของคนในแชทมาเรียบร้อย ก็จัดการโหลดแอพพลิเคชั่นสีเขียวลงในโทรศัพท์ทันที และใช้เวลาไม่นานกับการเปิดใช้งานครั้งแรก ไลน์เปล่าๆ ของผมก็พร้อมใช้งานแล้ว ผมตั้งรูปที่เปิดเจอในอัลบั้มภาพ เป็นรูปหนูแฮมเตอร์อ้วนๆ ตัวหนึ่งที่บังเอิญบันทึกมาจากไหนสักที่ ก่อนจะเพิ่มเพื่อนอีกคนไป ก็เห็นว่าโปรไฟล์ของเกลือนั้นเป็นรูปแมวสีดำหน้าตาไม่เป็นมิตรนัก
   หนูของผมน่ารักกว่าเยอะ...

   ปั้น : ไง
   เกลือ ._. : อือ
   ปั้น : ทำอะไรอยู่
   เกลือ ._. : เพิ่งขึ้นมาบนห้องอ่ะ ว่าจะไปอาบน้ำ ดูการ์ตูนแล้วค่อยนอนหลับ
   ปั้น : แค่นี้ ?
   เกลือ ._. : อือ

   ผมที่อ่านแชทที่ถูกส่งมาซ้ำหลายรอบด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองใจ ดูเหมือนว่าวันนี้ชื่อของผมจะไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เกลือคิดจะทำ
   คุยกับปั้นแบบนี้ไม่มีเหรอ
   
   เกลือ ._. : จริงๆ มีอีกอย่างนะ

   ผมที่ตอนแรกนั่งเซ็งๆ อยู่ก็ได้แต่จ้องไปที่แชทของฝ่ายตรงข้ามที่เด้งขึ้นมาใหม่ โดยที่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แม้จะรู้ว่าเกลืออาจจะไม่ได้พูดถึงผมก็ตาม
   แต่มันก็หวังนิดๆ

   ปั้น : อะไร
   เกลือ ._. : โทรไปบอกฝันว่าถึงบ้านแล้ว จะได้ไม่โดนฝันบ่นพรุ่งนี้

   “หึ...”
   ผมที่ตอนนี้รู้สึกหงุดหงิดเอามากๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ได้แต่จ้องข้อความบนหน้าจอโดยที่ยังไม่พิมพ์ตอบกลับอีกฝ่ายไป เพราะผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง กลัวว่าจะเผลอแสดงออกว่ากำลังแอบน้อยใจให้อีกฝ่ายรู้
   ให้ตายสิ บางทีผมอาจจะอาการหนักจริงๆ รู้สึกเหมือนอกหักไปแล้วเลย...
   
   เกลือ ._. : แล้วปั้นทำอะไรอยู่
   ปั้น : เปล่า ไม่ได้ทำอะไรเลย
   เกลือ ._. : อ่า...งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ
   ปั้น : อืม
   
   ผมที่มองแชทที่ตอนนี้ไม่รู้จะต่อบทสนทนายังไงดี ผมไม่รู้ว่าการไปอาบน้ำของเกลือถ้าเสร็จแล้วเขาจะไปดูการ์ตูนแล้วเข้านอนเลยหรือเปล่า ผมควรจะบอกฝันดีเขาไว้ล่วงหน้าเลยหรือเปล่า
   แต่ยังอยากคุยต่อ...

   ปั้น : อาบเสร็จแล้วจะมาคุยต่อหรือเปล่า
   เกลือ ._. : คุยกับปั้นเหรอ
   ปั้น : อืม
   เกลือ ._. : แน่นอนสิ ถ้าปั้นไม่เบื่อเราก่อนนะ
   เกลือ ._. : รู้สึกเหมือนคุยกับปั้นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ดูหนังอยู่ก็คุยได้ แล้วก็อยากคุยด้วย
   
   คำพูดที่ดูเหมือนจะไม่คิดอะไรมากของเกลือ ทำให้ผมต้องอ่านซ้ำไปซ้ำมา ริมฝีปากก็หลุดยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ และสรุปเข้าข้างตัวเองได้ว่าการคุยกับผมไม่ใส่สิ่งที่เขาต้องทำ แต่กลายเป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้ว...
   นี่ผมยังไม่เข้าใกล้กับคำว่า ‘อกหัก’ สินะ

   ปั้น : มาเร็วๆ นะ
   ปั้น : คิดถึง
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 14 (13.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-12-2018 14:36:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 14 (13.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-12-2018 15:30:48
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 14 (13.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-12-2018 17:51:08
เข้าใจเกลือนะ......  :hao3:
กลัวปกป้องต้วเอง แค่ไม่อยากเชื่อเพราะกลัวไม่จริง กลัวผิดหวัง   :ling3:

ปั้น  เกลือ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 14 (13.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-12-2018 18:21:31
ดีต่อใจจริงๆ  :o8:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 14 (13.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-12-2018 20:46:54
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 14 (13.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-12-2018 21:35:38
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 14 (13.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 13-12-2018 23:54:26
น้องหมู
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 15 (15.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 15-12-2018 17:58:52
ตอนที่ 15

   “ฮึ่ม...”
   “...”
   “สองคนนี้นี่...”
   “หือ...”
   “นั่งตัวติดกันไปป้ะ”
   พาฝันที่เพิ่งเดินเข้ามาในโรงอาหารก็หรี่ตามองผมกับปั้นใจ ก่อนที่ตัวเองที่กำลังกัดขนมปังครัวซองต์เข้าปากต้องหันไปมองคนข้างๆ ที่นั่งไหล่ชนกัน โดยที่เขากำลังกินข้าวอยู่ ก่อนที่ตัวเองจะขยับออกเล็กน้อย แล้วก้มหน้ากินของในมือต่อ
   ผมกับปั้นนั่งติดกันไปงั้นเหรอ...
   “แหม กูแค่แซวเล่น นั่งๆ ไปเถอะ ติดๆ กันก็ได้”
   “มะ...ไม่เป็นไร กลัวปั้นอึดอัด” ผมว่าก่อนจะเงยหน้ามองพาฝันที่ตอนนี้วางกระเป๋าลงโดยเธอก็ส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะคว้ากระเป๋าเงินเดินออกไปจากโต๊ะทันที ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ผมกับปั้นใจเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม
   วันนี้ผมมาเจอปั้นใจที่ป้ายรถเมล์หลังจากที่แม่ขับมาส่งในตอนเช้า แน่นอนว่าเขาก็ได้ไหว้แม่ผมและรับของฝากอย่างบราวนี่มาแล้ว ซึ่งวันนี้ดูเหมือนเขาจะยังมีความอารมณ์เสียอยู่นิดๆ เพราะตั้งแต่เช้ามาผมยังไม่เห็นเขายิ้มเลย
   อ่า...จะว่าไปปกติเขาก็ยิ้มแทบนับครั้งได้ล่ะนะ
   งั้นก็เรื่องปกติสินะ...
   “เอาขนมไปกินมั้ย”
   “หะ...หืม...”
   “ก็บอกว่าถ้ามามอแล้วจะเอาบราวนี่ไปกินแทนไม่ใช่เหรอ”
   “จะให้เรากินเหรอ”
   “อืม”
   ผมที่เงยหน้ามองเขาที่พยักหน้ารับ ก่อนจะรับถุงพลาสติกใสที่มีกล่องเค้กสีน้ำตาลเข้มมา ผมที่มองมันด้วยความรู้สึกดีใจก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะไม่คิดว่าเขาจะให้ผมกินจริงๆ
   แม่รู้ต้องบ่นแน่ๆ !
   “รู้สึกเหมือนแย่งความอ้วนมาจากปั้นเลยอ่ะ” ผมพูดพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อตอนนี้ครัวซองต์ก็ยังคาปาก แต่ก็ได้ของกินใหม่เพิ่มมาอีกแล้ว
   “พรุ่งนี้ว่างหรือเปล่า”
   “หืม...”
   “วันหยุด ว่าจะชวนออกไปข้างนอก”
   “ปกติเราก็ว่างทุกวันนะ”
   “งั้นพรุ่งนี้ออกมาเจอกันได้มั้ย”
   “ได้สิ ถ้าบอกแม่ว่าไปกับปั้น แม่ต้องให้แน่นอน” ผมยิ้มกว้างพลางมองอีกคนที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะต้องหันหน้าหนีมาอีกทางเมื่อเห็นว่าพาฝันเดินกลับมาที่โต๊ะ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องหลีกเหลี่ยงที่จะให้พาฝันเห็นว่าผมคุยกับปั้นใจด้วย
   อ่า...คงเพราะไม่อยากรับมือถ้าต้องโดนพูดอะไรแปลกๆ แน่ๆ
   “ฝากซื้อน้ำหน่อย”
   “ห๊า”
   “ก็จะไปซื้อน้ำไม่ใช่เหรอ” ผมที่ตอนแรกหลบตาปั้นใจมาอีกทางก็ต้องเงยหน้ามองคนที่ตอนนี้ยืนเท้าเอวมองคนข้างๆ ผมที่ยื่นเงินไปให้ “ฝากซื้อน้ำหน่อยครับ”
   “...”
   “พี่ฝัน”
   “ปะ...ปั้น...”
   “เดี๋ยวนะ !” พาฝันที่ตอนแรกยืนเท้าเอวมองหน้าปั้นใจอย่างเอาเรื่องอยู่ก็เบิกตากว้างแล้วพุ่งเข้ามาปิดปากปั้นใจทันที แต่ก็โดนปั้นใจปัดออก “นายพูดอะไรเนี่ย มาเรียกพงเรียกพี่ !”
   “ก็ผมเข้าก่อนเกณฑ์”
   “ไม่ต้องเรียกพี่เว้ย !”
   “พี่ฝันไปซื้อน้ำสิ”
   “เอ๊ะ !”
   “ฝากซื้อน้ำด้วย”
   “นี่กวนกันใช่มั้ยห๊ะ”
   “พี่ฝัน”
   ผมที่มองคนสองคนสนทนากันโดยตอนนี้ปั้นใจก็จ้องไปทางพาฝัน โดยใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาเลย เหมือนแค่พูดตามปกติ แต่ก็เรียกความอารมณ์เสียจากพาฝันได้เป็นอย่างดี
   “โอ๊ย ไอ้เด็กบ้านี่ เอาเงินมา จะเอาน้ำอะไรยะ !”
   “ชาเขียว”
   “ค่ะๆๆ น้องปั้น เดี๋ยวพี่มานะคะ”
   “ครับ พี่ฝัน”
   ผมมองพาฝันที่ตอนนี้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันจากชี้หน้าปั้นใจอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินออกไปจากโต๊ะ ทำให้ผมต้องหันไปมองปั้นใจที่ตอนนี้ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนัก
   ตะ...แต่ถ้าฝันรู้ว่าผมบอกปั้นคงโดนบ่นแน่ๆ
   “ปะ...ปั้นเรียกฝันว่าพี่...”
   “ทำไม อยากโดนเรียกบ้างเหรอ”
   “...”
   “พี่เกลือ”
   ผมที่ตอนนี้หน้าร้อนผ่าวอย่างไม่รู้สาเหตุหลังจากที่ปั้นใจหันมามองหน้าผมแล้วพูดออกมาอย่างนั้น และการแค่เรียก ‘พี่’ ของปั้นใจก็ทำให้ผมใจเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วผมไม่ชอบให้ใครมาเรียกแบบนี้นัก
   “ไม่เอาสิ มะ...ไม่ต้องเรียกหรอก...”
   “ไม่เรียกก็ได้” ปั้นใจพูดเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง
   “อือ แล้วก็อย่าแกล้งฝันด้วย”
   “สั่งเหรอ”
   “ปะ...เปล่านะ !” ผมรีบพูดขึ้นมาเมื่อโดนปั้นใจถามแบบนั้น
   ผมจะไปกล้าสั่งเขาได้ยังไงกันเล่า...
   “ไม่ได้แกล้ง แค่จะฝากซื้อน้ำเลยต้องพูดเพราะๆ”
   “อือ...เข้าใจแล้ว” ผมที่ตอนนี้ได้แต่พยักหน้ารับเพราะไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาดี คงจะได้แต่ปล่อยให้ปั้นใจกับพาฝันตีกันต่อไป ก่อนที่ตัวเองจะถามคนข้างๆ ขึ้นอีกครั้ง “ว่าแต่พรุ่งนี้จะไปไหนเหรอ”
   “จะพาไปซื้อชุดว่ายน้ำ”
   “หะ...หืม...”
   “เดี๋ยวมานะ”
   ปั้นใจที่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะทำให้ผมมองตามเขา จากที่ตั้งใจจะถามต่อก็ต้องเก็บคำถามไว้แล้วมองอีกคนเดินออกจากโต๊ะไป พร้อมกับพาฝันที่เดินกลับมาโดยในมือก็มือแก้วชานมกับชาเขียวอยู่ด้วย พอมาถึงอีกฝ่ายก็มองหาอีกคนทันที
   “อ้าว แล้วคนฝากซื้อไปไหนแล้วล่ะ”
   “เห็นว่าเดี๋ยวมา”
   “ให้ตายสิ ไอ้เด็กนี่ อยู่ๆ มาเรียกพี่เฉยเลย...”
    พาฝันที่ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นทำเอาผมสะดุ้ง ก่อนจะยิ้มเหยๆ ไปให้คนตรงข้ามที่ทิ้งตัวลงนั่งแล้วกินข้าวเงียบๆ โดยที่มือก็เลื่อนแก้วชาเขียวมาให้ผม
   “หืม”
   “กินแทนเลย ยังไงเจ้าตัวก็ไม่อยู่ละ”
   “ไม่ดีมั้ง...”
   “ดี”
   พาฝันพูดย้ำทำให้ผมได้แต่ส่ายหัว ส่วนคนตรงข้ามก็ไม่ได้สนใจนักหลังจากที่ยื่นแก้วให้ผมเสร็จ ส่วนตัวเองที่มองแก้วชาเขียวก็ได้แต่นึกถึงเจ้าของที่สั่งมันมาที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปไหนแล้ว และจะกลับมาที่โต๊ะหรือเปล่าด้วย
   อ่า...
   ปวดฉี่...
   ผมที่ตอนแรกนั่งคิดเรื่องอื่นอยู่ก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา จึงลุกขึ้น ทำให้คนตรงข้ามมองมาเป็นเชิงถาม
   “เราไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะ”
   “เคๆ รีบไปรีบมาล่ะ จะเข้าเรียนละ”
   “อือ”
   ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากโรงอาหารแล้วไปที่ห้องน้ำชายที่อยู่ไม่ห่างจากที่นี่นัก จริงๆ ใกล้ๆ โรงอาหารก็มีแต่ผมคิดว่าคนต้องเยอะแน่ๆ และผมคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าผมหลีกเหลี่ยงคนเยอะๆ ที่ว่า...
   “เกลือ !”
   เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองทันที ก่อนจะเห็นว่าเป็นพี่เพชรที่เดินเข้ามาหา โดยที่เขาหันไปโบกมือให้เพื่อนๆ เป็นเชิงให้ไปก่อนแล้วหันมาทักทายผมอีกครั้ง
   เอ่อ...อยากเข้าห้องน้ำจัง...
   “สวัสดีครับพี่เพชร”
   “เป็นไงบ้างเรา”
   “ก็...ปกติดีครับ ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
   “ขอโทษด้วยนะ”
   “มะ...ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ พี่เพชรไม่ต้องคิดมาก” ผมรีบพูดออกไป เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะยังรู้สึกผิดอยู่ แต่จริงๆ เรื่องนี้พี่เพชรก็ไม่ได้ผิดสักหน่อย
   คนตรงหน้าผมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเขาก่อนจะพยักหน้ายอม
   “แล้วเพื่อนไปไหน”
   “ฝันนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะครับ ส่วนปั้น...”
   “อ๋อ คนนั้นพี่เห็นอยู่ ช่วยมิลค์ยกของอยู่ที่จอดรถนู่น” ผมพยักหน้าตามเพราะผมไม่รู้จริงๆ ว่าปั้นใจไปไหน “ว่าแต่เราจะไปไหนเนี่ย”
   “ไปเข้าห้องน้ำครับ”
   “อ้าวกรรม พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจมาขวางไว้ ไปๆ พี่ก็จะไปเหมือนกัน” พี่เพชรว่าพลางเกาหัวแกรกๆ ซึ่งผมเองก็ได้ส่งยิ้มให้เขาเพราะไม่ได้โกรธเคืองอะไร แม้จะอยากเข้าห้องน้ำสุดๆ แล้วก็ตาม ก่อนจะเดินตามพี่รหัสมาที่ห้องน้ำที่คนน้อยและอยู่ไม่ไกลมาก และเมื่อมาถึงทั้งผมและเขาก็ต่างแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว แม้ผมจะแอบรู้สึกแปลกๆ บ้างเมื่อมีคนมาห้องน้ำด้วยพร้อมๆ กันแบบนี้
   ก็ไม่เคยมีเพื่อนผู้ชายนี่นา...
   ผมที่เดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าพี่เพชรยังยืนรออยู่ข้างนอก ทำให้ผมต้องเดินไปหาเขา ซึ่งคิดว่าอีกฝ่ายเองก็คงจะมีเรื่องพูดกับผมด้วย ถึงได้ยังไม่ไปไหน
   “เย็นนี้ว่างหรือเปล่า จะพาไปเปิดหูเปิดตา”
   “เปิดหูเปิดตา...”
   “จะพาไปเลี้ยงหมูกระทะร้านเด็ดแถวนี้”
   คำตอบของพี่เพชรทำให้ผมอดตื่นเต้นไม่ได้ แต่ไม่ใช่เพราะคำว่า ‘หมูกระทะ’ หรอกนะ
   มะ...ไม่ใช่จริงๆ !
   “จริงๆ ก็ว่างทุกวันครับ แต่ต้องขอแม่ก่อน”
   “หืม ขอสิ ถ้าดึกเดี๋ยวพี่แวะไปส่งที่บ้านก็ได้”
   “ไปกับเพื่อนๆ พี่เพชรเหรอครับ”   
   “เปล่าๆ ไปกับพี่สาว ย่ารหัสของเกลือน่ะ”
   “ย่ารหัส...”
   “สายรหัสเราไง ปีสี่ จริงๆ มีป้ารหัสด้วย แต่เขาซิ่วไปนานแล้ว ฮ่าๆ” พี่เพชรพูดขึ้นพลางทำท่านึกถึงป้ารหัส ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องนี้เหมือนกัน เรื่องย่ารหัสด้วย “จริงๆ ตอนแรกพี่คิดว่าสายรหัสเราจะมีแต่ผู้หญิงแล้วพี่เป็นผู้ชายคนเดียวซะแล้ว รู้สึกโชคดีที่เกลือเป็นผู้ชายเลย”
   “อ่า...ย่ารหัสจะชอบผมมั้ยครับ”
   “แน่นอนสิ พี่เอารูปเกลือให้เขาดูแล้ว พี่เขาบอกเกลือน่ารัก พี่เลยเสริมไปว่านิสัยดีด้วย”
   “ขอบคุณมากๆ ครับพี่เพชร” ผมที่ฟังคำพูดที่เหมือนจะเกินจริงของเขาก็ได้แต่ยิ้มออกมา แม้จะรู้สึกเขินบ้างที่โดนชม และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจะต้องโทรไปขอแม่เรื่องที่จะไปร้านหมูกระทะวันนี้ด้วย “งั้นเดี๋ยวถ้าผมโทรบอกแม่แล้วจะทักไปบอกพี่เพชรนะครับว่าไปได้มั้ย”
   “ได้เลย พี่จะรอนะ”
   คนตรงหน้าเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ส่วนผมเองก็ได้แต่ยิ้มให้เขา ก่อนที่สัมผัสบนหัวจะหายไปเมื่ออยู่ๆ ก็มีเงาสูงๆ ของใครบางคนที่ข้างกายผม พอหันไปมองก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นปั้นใจที่ตอนนี้กำลังจับข้อมือของพี่เพชรอยู่
   “ปั้น...”
   “ไงครับ เพื่อนน้องเกลือ” พี่เพชรที่ทักขึ้น ก่อนจะชักมือตัวเองออกมาจากการจับของคนที่เข้ามาใหม่ ทำให้ผมต้องมองคนสองคนอย่างงงๆ ก่อนที่ปั้นใจจะหันมามองผมแล้วถามขึ้น
   “มาทำอะไรแถวนี้”
   “เรามาเข้าห้องน้ำ”
   “ตรงใกล้ๆ โรงอาหารก็มี”
   “คนเยอะอ่ะ ตรงนี้คนน้อยดี...”
   “คราวหน้าเข้าใกล้ๆ นั่นล่ะ”
   “อะ...อือ...” ผมพยักหน้าตามคำพูดของปั้นใจอย่างว่าง่าย
   “หรือไม่ก็เรียกสิ เดี๋ยวมาเป็นเพื่อน...”
   คำพูดเบาๆ ของคนข้างๆ ผมทำให้ตัวเองต้องหลบตาเขาลง ซึ่งอีกฝ่ายเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ จนเป็นพี่เพชรที่เป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมา
   “งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ เกลือก็อย่าลืมไลน์มาบอกพี่ด้วยว่าได้มั้ย”
   “ครับ”
   “หวังว่าเย็นนี้เราจะได้เจอกันนะ”
   “อ่า...ครับ...”
   ผมพยักหน้าโดยที่คนตรงหน้าก็ยิ้มมาให้ผมแล้วเดินออกไปทันที ผมที่มองตามก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะต้องคิดว่าจะโทรไปขอแม่ยังไงดี เพราะปกติผมไม่เคยออกไปเที่ยวตอนดึกๆ ด้วย
   “เย็นนี้ทำไม”
   ผมสะดุ้งกับเสียงของคนข้างๆ จนลืมไปว่ายังมีปั้นใจอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ตอนนี้ขมวดคิ้วแล้วมองตามหลังพี่เพชรไป ก่อนที่สายตานั้นจะหันมาทางผม ผมเลยต้องตอบคำถามเขาไปอย่างไม่ปิดบัง
   “เย็นนี้พี่เพชรจะพาไปกินหมูกระทะกับย่ารหัสอ่ะ”
   “...”
   “อยากชวนฝันกับปั้นไปด้วย แต่ไม่รู้เขาจะให้ไปหรือเปล่า”
   “สรุปจะไป ?”
   “อะ...อื้อ...ไปเจอป้ารหัสด้วย”
   “อืม ดีแล้ว” คำพูดของเขาทำให้ผมได้แต่มองไปอย่างสงสัย “จะได้รู้จักคนอื่นบ้าง”
   “นั่นสิ...”
   “ร้านหมูกระทะใกล้ๆ นี่ใช่มั้ย”
   “น่าจะใช่นะ พี่เพชรบอกอยู่ใกล้ๆ นี่ล่ะ”
   “อยู่ใกล้กับหอพอดี”
   “หืม...”
   “กินเสร็จแล้วโทรมานะ”
   “...”
   “เดี๋ยวออกไปรับ”
   
   ช่วงเย็นผมที่ขอแม่มาร้านหมูกระทะกับพี่เพชรได้แล้ว ตอนนี้ก็นั่งอยู่หน้าเตาปิ้งย่างที่รอบข้างมีเสียงดังจากหลายๆ คนภายในร้านก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะผมไม่ได้มาร้านแบบนี้บ่อยนัก นานๆ จะมากับแม่สักที ซึ่งตรงข้ามผมก็เป็นพี่เพชรกับพี่อ้นปีสี่ที่บอกว่าดีใจที่ได้เจอผม เพราะเขาเห็นผมจากรูปแล้วรู้สึกอยากจะหยิกแก้มมากๆ
   ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแก้มตัวเองถึงได้ไปคันไม้คันมือเขาได้...
   “พี่ชื่ออ้นอยู่ปีสี่ หวังว่าปีหน้าเราคงจะไม่ได้เจอกัน เพราะพี่ไม่คิดที่จะเรียนซ้ำ ยังไงมีเรื่องอะไรให้ช่วยบอกพี่ได้เสมอนะหลานรหัส”
   ถุงกระดาษสีครีมถูกยื่นมาให้ ทำให้ผมรับมาก่อนจะก้มหัวขอบคุณ
   “ขอบคุณมากๆ ครับ”
   “น่ารักอย่างที่เพชรว่าเลย”
   “ใช่มั้ยพี่อ้น ดีนะผมยังอยู่ดูน้องไปได้อีกสองปี” พี่เพชรว่าพลางยิ้มกว้างแล้วเอื้อมมือมาโยกหัวผมเบาๆ ซึ่งผมเองก็ได้แต่ยิ้มรับเท่านั้น
   ดูเหมือนพี่อ้นกับพี่เพชรจะสนิทกันพอสมควร เพราะดูเขาจะไม่แสดงท่าทีเขินต่อกันสักนิด คงจะมีแต่ผมนี่ล่ะ ที่นั่งคีบเบค่อนใส่ปากอย่างเดียวเพราะไม่รู้จะร่วมบทสนทนากับทั้งคู่ยังไง
   “ว่าแต่เกลือโดนใครแกล้งบ้างมั้ย ถ้าโดนมาฟ้องพี่ได้นะ เดี๋ยวพี่จัดการให้”
   “เจ้านี้ไม่โดนหรอกพี่อ้น มีบอดี้การ์ดส่วนตัวอยู่”
   “จริงดิ !”
   “เพื่อนเกลือน่ะ ปกป้องเพื่อนมาก หายห่วงเลย”
   อยู่ๆ เรื่องของผมก็เข้าไปอยู่ในการสนทนาของพี่ๆ เขาซะอย่างนั้น ทำให้ตัวเองได้แต่พยักหน้ารับเมื่อพี่อ้นมองมาเป็นเชิงถามว่า ‘จริงเหรอ’ และถ้าบอดี้การ์ดที่พี่เพชรว่าหมายถึงปั้น ผมไม่รู้ว่าจะเรียกบอดี้การ์ดได้มั้ย แต่เขาก็ปกป้องผมจากหลายๆ เรื่อง แถมยังรับเรื่องซวยๆ ไปแทนด้วย...
   ควรเรียกปั้นว่าอะไรดี...
   โชคดีของผมละมั้ง
   “กินเต็มที่เลยนะ” เสียงเบาๆ ข้างตัวทำให้ผมที่ตอนแรกยิ้มอยู่กับตัวเองก็หันไปมองทางพี่เพชรที่คีบเบค่อนมาให้
   “ขอบคุณมากๆ นะครับ”
   “แล้วนี่กลับกี่โมง”
   “เดี๋ยวสักพักผมคงต้องไปแล้ว ขอโทษด้วยนะครับที่อยู่นานไม่ได้ ปกติแม่เป็นคนนอนไว แต่วันนี้ต้องอยู่รอเปิดประตูให้ผมด้วย...”
   “ไม่เป็นไรๆ แค่เกลือมาด้วยก็ดีใจแล้ว”
   “ไม่เป็นไรจ้าน้องเกลือ ไม่ใช่ว่าเราจะเจอกันแค่วันนี้สักหน่อย”
   “เดี๋ยวพี่ไปส่งมั้ย”
   พี่เพชรที่เป็นคนอาสาขึ้นทำให้ผมส่ายหัว เพราะเกรงใจเขาจริงๆ ถึงเขาจะมีรถก็เถอะ และผมคิดว่าแค่นั่งแท็กซี่กลับเองคงไม่ยากนัก ที่สำคัญดูแล้วพวกพี่เขาคงไม่อยากเช็คบิลเร็วๆ นี้หรอก
   “ผมนั่งแท็กซี่กลับแค่แป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ขอบคุณพี่เพชรมากๆ ครับ”
   “งั้นก็ได้”
   คนที่อาสาไปส่งผมพยักหน้าอย่างจำยอม ก่อนจะลุกขึ้นไปตักของกินมาเพิ่ม ส่วนผมเองก็ลุกบ้างแต่ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่ผมกินแค่เบค่อน แล้วเนื้อหมู เนื่องจากเป็นคนแพ้อาหารทะเลอยู่แล้วเลยได้แต่ดูคนร่วมโต๊ะอีกสองคนกินกุ้งย่างกันอย่างเอร็ดอร่อย
   ผมนี่ซวยจริงๆ ของอร่อยอย่างกุ้งก็กินไม่ได้...
   ผมที่นั่งกินไปได้อีกสักพักก็คิดว่าคงต้องกลับแล้วจริงๆ แม้จะเสียดายอยู่บ้าง พี่เพชรกับพี่อ้นไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเวลาอยู่กับพวกเขา ค่อนข้างจะเป็นกันเองด้วย เมื่อคนทั้งสองคนที่ผลัดกันลุกไปตักอาหารกลับมาที่โต๊ะ ผมจึงรีบพูดขึ้นทันที
   “พี่อ้นพี่เพชร เดี๋ยวผมกลับแล้วนะครับ”
   “จ้า กลับบ้านดีๆ นะเกลือ”
   “ครับ”
   “เดี๋ยวพี่เดินไปส่งขึ้นรถ”
   “ไม่เป็นไรครับพี่เพชร พี่กินต่อเลย เดี๋ยวผมเดินไปเอง” ผมยิ้มให้กับความหวังดีของคนตรงหน้า ซึ่งพี่เพชรก็ไม่ได้คะยั้นคะยอจะมาส่งผม ก่อนที่ผมจะยกมือไหว้พี่ๆ ทั้งคู่แล้วขอตัวออกมา โดยที่มือก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความหาคนที่ย้ำแล้วย้ำอีกเรื่องให้ผมโทรหาหลังจากกินเสร็จ แต่ผมเองก็เกรงใจเขาเหมือนกันถ้าจะต้องให้ปั้นใจออกมาจากหอตอนดึกๆ แล้วไปส่งผม

   เกลือ ._. : เรานั่งแท็กซี่กลับบ้านแล้วนะ ไม่ต้องห่วง ถ้าถึงแล้วจะบอกอีกที
   
   เมื่อส่งเสร็จผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ซึ่งก็เดินมาถึงหน้าร้านพอดี แต่ดูเหมือนว่าคนที่หน้าร้านจะเยอะกว่าปกติจนผมตกใจว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่หูกลับไปได้ยินประโยคหนึ่งที่ฟังดูแล้วมันน่าจะไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร
   “หล่ออ่ะ เด็กมอไหนเนี่ย...”
   “หน้ายังเด็กอยู่เลย เด็ก ม.ปลายหรือเปล่า”
   “มึง นั่นมันปั้นใจนี่ !!”
   หะ...หือ...
   ชื่อที่ดังอยู่ในบทสนทนาทำให้ผมเบิกตากว้าง ก่อนจะหาทางแทรกกลุ่มผู้หญิงที่เป็นทั้งพนักงานในร้าน และลูกค้า เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นเด็กมหาวิทยาลัยผมเลยค่อนข้างจะตกใจเมื่ออยู่ๆ ชื่อของปั้นใจก็ดังขึ้นมา
   คงไม่ใช่...
   ผมที่ตอนแรกกำลังคิดไม่ตกกับเรื่องที่ได้ยินก็ต้องหยุดชะงักการเดินเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างผู้ชายที่เป็นจุดสนใจของสายตาอื่นๆ เช่นกัน โดยตอนนี้คนที่สวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ แต่สภาพออกมากลับดูดีสุดๆ กำลังยืนก้มหน้ากดโทรศัพท์อยู่ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ และสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ผมที่ยืนอยู่หน้าร้านรวมกับคนอื่นๆ พอดี
   ปะ...ปั้นใจจริงๆ ด้วย...
   ผมที่ตอนนี้ยืนอึ้งอยู่กับที่ก็เห็นว่าคนที่ยืนห่างออกไปเดินเข้ามาหา และมันก็ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม
   ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่...
   “ก็บอกแล้วไง...”
   “...”
   “ว่าจะมารับ”
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 15 (15.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-12-2018 18:27:46
เกลือเอ้ย...........กล้าๆหน่อย
อย่ากลัวที่จะมีความสุขเลย
ชอบปั้นก็ซื่อสัตย์กับใจตัวเองสิ  :z3: :o8: :-[

 ปั้น  เกลือ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 15 (15.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-12-2018 18:44:16
อยากกินหมูกะทะด้วยจัง  :hao6:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 15 (15.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-12-2018 19:46:46
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 15 (15.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-12-2018 02:46:07
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 16 (16.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 16-12-2018 18:24:09
ตอนที่ 16

   “ออกเที่ยวอีกแล้วเหรอเรา”
   คำถามที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองทางแม่ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะสำหรับรับประทานอาหารมื้อเช้า ซึ่งวันนี้เป็นวันเสาร์และแม่ของผมก็ยังออกไปทำงานเหมือนเดิม เช้านี้ผมเลยตั้งใจจะติดรถท่านไปด้วย แต่อาจจะต้องไปนั่งรอปั้นใจที่ป้ายรถเมล์
   “ปั้นจะพาเกลือไปว่ายน้ำ”
   “ก็ดีแล้ว ออกกำลังกายบ้าง จะได้ไม่ป่วยง่าย”
   “ต้องไปซื้อชุดว่ายน้ำด้วย...”
   “เอาสิ แม่สนับสนุนเต็มที่เลย”
   “แม่...” ผมเรียกคนที่นั่งรอกินข้าวเสียงเบา ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนั่งตรงข้าม
   “ว่าไงหมูอ้วนของแม่”
   “เกลือว่ายน้ำไม่เป็น”
   “เดี๋ยวแม่ย้ำปั้นใจให้ดูลูกชายแม่ดีๆ แล้วกัน” แม่ผมยิ้มกว้างจนตัวเองที่อยากจะร้องห้ามไว้ก็โดนคนตรงหน้าหัวเราะใส่ก่อน ผมเลยได้แต่เงียบไปเพราะดูแล้วคงโดนแม่แซวทางสายตาเข้าให้แล้ว
   ไม่ได้มีเรื่องอะไรน่าแซวสักหน่อย...
   ผมที่ตอนนี้เลิกพูดแล้วสนใจกับข้าวผัดไข่ตรงหน้าที่ส่งกลิ่นหอมน่ากิน ซึ่งคนทำเองก็เช่นกัน แม่ผมไม่ได้พูดหรือถามอะไรต่อ แม้ว่าเมื่อคืนท่านจะตกใจที่รู้ว่าปั้นใจมาส่งผมถึงบ้านก็ตาม ผมตักข้าวผัดคำแรกเข้าปากก็อดเอ่ยเจ้าของฝีมือไม่ได้
   “ข้าวผัดฝีมือแม่อร่อยที่สุดเลย”
   “อร่อยก็กินเยอะๆ”
   “เกลือจะกินเยอะๆ นะ”
   “ดีมาก แต่แม่จะไม่บอกให้โตไวๆ แล้วนะ เพราะแค่นี้ก็โตเกินไปละ”
   “งื้ออออ ~”
   แม่ผมหัวเราะชอบใจหลังจากที่พูดแหย่ลูกชายตัวเองได้ ซึ่งผมเองก็หัวเราะไปด้วยเพราะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแม่ที่พูดออกมาแบบนี้ ควรภูมิใจมากกว่าว่าที่ผมอ้วนขนาดนี้เพราะกับข้าวฝีมือแม่ล้วนๆ
   “แล้วนี่จะออกไปพร้อมแม่เลยจริงๆ เหรอ ต้องไปนั่งรอหรือเปล่า”
   “น่าจะต้องรอนะครับ เพราะปั้นน่าจะมาสิบโมงกว่านู้น”
   “งั้นก็ไว้ค่อยออกสิ”
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเกลือไปนั่งเล่นที่ป้ายรถเมล์ก็ได้”
   “ดื้อจริงๆ ลูกใครเนี่ย”
   “ลูกแม่นั่นล่ะ”
   ผมยิ้มกว้างให้คนตรงข้าม ซึ่งแม่เองก็ส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่เราจะต่างคนต่างกินข้าวกันจนมื้อเช้าจบลง ผมที่เตรียมตัวออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วก็ออกไปรอแม่ที่รถ ซึ่งแม่ที่ปิดบ้านเรียบร้อยก็เดินตามมาติดๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะออกจากบ้านในเวลาเจ็ดโมงครึ่งของเช้าวันนี้ โดยที่แม่ก็มาจอดส่งผมที่ป้ายรถเมล์หน้ามหา’ลัย ที่ประจำที่ผมพบกับปั้นใจ
   “เดินทางปลอดภัยนะครับ”
   “เช่นกันจ้า”
   ผมที่ยืนส่งแม่จนรถออกห่างไป ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งวันหยุดวันนี้ยังคงมีนักศึกษามหาวิทยาลัยบางส่วนมาที่นี่ ทำให้เช้านี้ไม่ได้ดูเงียบเหงามากนัก แต่ก็ไม่มีคนที่ผมรู้จักอยู่ดี
   ก็นะ ถ้ามีก็คงจะเป็น พาฝัน ปั้นใจ ฟาง พี่เพชรและพี่อ้นเท่านั้น...
   นี่ผมรู้จักใครอีกบ้างเนี่ย...
   “นายๆ”
   ผมที่ตอนแรกก้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาฟังเพลงก็ต้องเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็นเป็นผู้หญิงที่คุ้นหน้าคุ้นตาว่าจะอยู่ต่างคณะแต่ลงเรียนวิชาเดียวกันอยู่บางวิชา ซึ่งตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอตรงหน้าผม
   “ครับ ?”
   “จำเราได้มั้ย ตอนเรียนเรานั่งใกล้ๆ กันบ่อยๆ นะ”
   “อ่า...คิดว่าได้นะครับ...”
   ผมที่ตอนนี้ทำตัวไม่ถูกเมื่อผู้หญิงตรงหน้าหันไปทำหน้าดีใจกับเพื่อนเธอ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายมีธุระอะไร
   “นายสนิทกับปั้นใจใช่มั้ย”
   เอ่อ...ผมว่าเขาน่าจะมีธุระกับปั้นใจแล้วล่ะ...
   “ผมไม่แน่ใจ...”
   “อะไรกัน อย่าตอบกำกวมสิ เราเห็นะว่าปั้นใจอยู่แต่กับนายอ่ะ”
   “...”
   “เอาเถอะๆ ช่างเรื่องนั้น คือที่เรามาคุยกับนายวันนี้เพราะอยากให้ช่วยอะไรหน่อย”
   “ถ้าผมช่วยได้นะครับ”
   “แน่นอนสิ ต้องได้แน่ !” ผู้หญิงตรงหน้ายิ้มกว้าง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมาเจอเธอที่นี่ได้ เธออาจจะมีธุระหรือแค่อยากมามหาวิทยาลัยเฉยๆ ก่อนที่คนตรงหน้าจะก้มหน้าเข้ามาใกล้ผมจนผมแทบผงะถอยหลังตกที่นั่ง แล้วเผยรอยยิ้มออกมาจนทำให้ผมทำตัวไม่ถูกพร้อมกับฟังคำขอไปด้วย “ช่วยบอกให้ปั้นใจรับเพื่อนในเฟซบุ๊กพวกเราทีสิ !”
   “...”
   “จริงๆ อยากจะขอเบอร์ด้วย แต่ตอนนี้เอาแค่นี้ก่อนแล้วกัน บอกว่าเพื่อนที่ลงเรียนวิชาเดียวกันฝากมาก็ได้ ไว้คุยงานกัน พวกเราจะเข้าไปบอกเองก็เขินๆ อ่ะ ยังไงรบกวนหน่อยนะ”
   “งั้นเดี๋ยวบอกให้นะครับ”
   ถ้าไม่ลืมล่ะนะ...
   “ขอบใจมากจ้า”
   ผู้หญิงทั้งสามคนตรงหน้าผมทำหน้าดีใจ ก่อนที่พวกเธอจะโบกมือลาแล้วเดินออกไปทันที ซึ่งผมที่เผลอรับฝากฝังบางเรื่องมาก็ได้แต่มองทั้งสามคนอย่างไม่เข้าใจ
   ถ้าแค่นี้บอกเองก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องฝากเลย...
   ปั้นไม่ได้เมินเพื่อนๆ สักหน่อย
   ผมที่นั่งทำความเข้าใจกับเรื่องเมื่อสักครู่สุดท้ายก็ยอมแพ้และปล่อยให้มันผ่านไปเท่านั้น หน้าที่ผมคงมีแค่บอกปั้นใจรับให้เพื่อนในเฟซบุ๊กของพวกเธอแค่นั้น ก่อนที่ตัวเองจะเอาหูฟังขึ้นมาใส่หูอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก เหลืออีกแค่สองชั่วโมงกว่าๆ ปั้นใจก็มาแล้ว
   ผมก็แค่รอ...
   “อ้าวเฮ้ย มาทำอะไรแถวนี้ !”
   เสียงที่ทักขึ้นในขณะที่ผมกำลังเอาหูฟังอีกข้างใส่หู และก็ต้องหยุดการกระทำเพียงแค่นั้นแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถูกจำกัดความในคำว่ารู้จักของผมอย่างฟาง
   “อ่า...หวัดดี...” ผมที่รู้สึกตกใจเมื่อเจอคนรู้จักก็เอาหูฟังออกจากหูแล้วกล่าวทักทายคนตรงหน้า ซึ่งฟางเองแค่ยิ้มกลับมาให้ผมเท่านั้น “เรามารอปั้นอ่ะ”
   “หืม รอไอ้ปั้นเหรอ...”
   “อือ เดี๋ยวสักสิบโมงก็มาแล้ว”
   “ห๊ะ !”
   “แล้วฟางมาทำอะไรเหรอ”
   “มาช่วยพี่ทำป้ายกิจกรรมอ่ะ”
   “อ๋อ...” ผมพยักหน้ารับ ซึ่งคนตรงหน้าเองก็ยังดูเหมือนจะข้องใจกับผมอยู่ “มีอะไรหรือเปล่า”
   “แค่คิดว่านี่เพิ่งสองโมงเอง กว่าจะสิบโมงอีกตั้งสองชั่วโมง”
   “แป๊บเดียวเอง เรารอได้”
   “ไม่ได้ๆ ถ้าไอ้ปั้นรู้มันว่ามึงแน่ๆ ที่สำคัญถ้ามันรู้ว่ากูมาเจอมึงแล้วปล่อยให้มึงนั่งรอตรงนี้คงโดนด่าตาย”
   “...”
   “ไปหาไอ้ปั้นที่ห้องมั้ย”
   “เอ่อ...”
   “จะได้ไม่ต้องมานั่งตรงนี้ไง เดี๋ยวสักพักแดดก็สาดเข้ามาแล้วมั้ง ร้อนแน่ๆ” ผมมองรอยยิ้มของคนตรงหน้าที่ยิ้มออกมากว้างจนให้ความรู้สึกจริงใจก็ไม่ใช่ แต่เหมือนอยากจะแกล้งมากกว่า
   ละ...แล้วแกล้งอะไรล่ะ...
   “เรารอได้ อีกแค่...”
   “เอาหน่าๆ มาๆ เดี๋ยวกูเดินไปส่ง ใกล้ๆ นี่เอง ป้ะๆๆๆๆ” คนตรงหน้าผมเอื้อมมือมาฉุดแขนให้ผมลุกขึ้น ทำให้ผมที่ตอนแรกตกใจกับการกระทำของเขาสุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยให้ฟางเดินนำและตัวเองเป็นฝ่ายเดินตามเท่านั้น ซึ่งคนที่อาสาเดินมาส่งผมถึงห้องก็หันมาชวนคุย “วันนี้จะไปเที่ยวกับมันเหรอ”
   “ครับ”
   จริงๆ ไม่รู้ใช้คำว่าเที่ยวได้มั้ย เพราะน่าจะไปซื้อชุดว่ายน้ำและก็ไปว่ายน้ำเลย
   อ่า...ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
   “อืม...ปกติไอ้ปั้นไม่ค่อยออกไปไหน นี่แปลกนะที่ช่วงนี้มันออกจากห้องบ่อยมาก...” ฟางที่พูดขึ้นมาทำให้ผมหันไปมองเขาเมื่อเขาพูดถึงปั้นใจขึ้นมา คนข้างๆ เองก็มองผมแล้วหลุดยิ้มเมื่อเห็นว่าผมหันไปสนใจทันที “อยากฟังเรื่องไอ้ปั้นเหรอ”
   “ก็...”
   “หืม...”
   “ครับ...” ผมที่ก้มหน้าก้มตายอมรับจนได้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของฟาง ซึ่งตัวเองตอนนี้ก็หน้าร้อนผ่าวไปแล้ว เพราะไม่คิดว่าจะโดนดูออกง่ายขนาดนี้
   ก็ผมแค่สนใจเรื่องของปั้นใจเอง...
   “ฮ่าๆ เรื่องของไอ้ปั้นไม่มีอะไรมากหรอก มันก็แค่เด็กใจร้อน ขี้น้อยใจ ไม่สนใจใคร พร้อมมีเรื่องกับทุกคนที่มีเรื่องกับมันแค่นั้นล่ะ”
   “...”
   “แต่ถ้ามันดีด้วยแล้ว ก็เสมอต้นเสมอปลายสุดๆ”
   คำพูดของฟางทำให้ผมได้แต่คิดตามและก็เห็นด้วยที่ว่าถ้าปั้นใจดีกับใครแล้วคงดีสุดๆ ไปเลย เพราะผมเองก็เคยสัมผัสมาแล้ว ส่วนเรื่องใจร้อน ขี้น้อยใจอะไรพวกนี้ถามว่าผมเคยเห็นไหมก็เคยเห็นนั่นแหละ แต่แค่ไม่บ่อยเท่านั้น
   “ฟางเป็นเพื่อนกับปั้นตั้งแต่ตอนไหนเหรอครับ”
   “นานแล้ว ตั้งแต่ ม. ต้น จนมันย้ายออกไปกลางคันตอน ม. 6 เทอมสองนั่นล่ะ”
   “ย้ายมาโรงเรียนผมสินะ...”
   “อืม แล้วเป็นไง ตอน ม. 6 ไอ้ปั้นเป็นไงบ้าง สาวเยอะป้ะ”
   “ก็เยอะครับ เขาเป็นที่สนใจเลยทันทีที่เข้ามา แต่ผมไม่ได้คุยกับเขาเท่าไหร่”
   “จริงดิ”
   “ครับ เพิ่งมาคุยกันตอนมาเจอกันที่นี่นี่ล่ะ” ผมหันไปยิ้มให้ฟาง ทำให้คนตรงหน้าขมวดคิ้วทำท่าคิด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้พูดหรือถามอะไรกับเรื่องของผมต่อ ก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าแล้วหันมาพูดให้ผมด้วยรอยยิ้ม
   “ความจริงมีอีกเรื่อง ไอ้ปั้นมันเป็นคนยิ้มยาก”
   “อ่า...อันนี้ผมเห็นด้วย เพราะผมก็ไม่ค่อยเห็นเขายิ้มเท่าไหร่”
   “อยากเห็นมันยิ้มบ่อยๆ หรือเปล่าล่ะ”
   “ถ้าเป็นไปได้...” ผมอยากเห็นเขายิ้มให้บ่อยกว่านี้จริงๆ แม้ช่วงนี้ปั้นใจจะเผยรอยยิ้มออกมาบ้าง และผมก็รู้สึกว่าตัวเองชอบมอง และอยากมองมันอีกหลายๆ ครั้ง
   ถ้าเป็นไปได้...
   “งั้นต่อไปนี้ก็คุยกับมันเยอะๆ สิ ทดแทนที่ ม. 6 ไม่ค่อยได้คุยกันไปเลย”
   “...”
   “ไอ้ปั้นมันจะยิ้มไม่หุบเลยล่ะ”
   ผมก็อยากเป็นคนที่ทำให้เขายิ้มบ่อยๆ ล่ะนะ...



   งะ...เหงื่อออกเยอะมาก...
   ใจเต้นแรงด้วย
   ฮื่อ...
   ผมที่ตอนนี้นั่งตัวเกร็งอยู่ภายในห้องของฟางกับปั้นใจ โดยตอนนี้เจ้าของห้องอีกคนที่นัดผมไว้สิบโมงยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงถึงขนาดที่ว่าฟางพาผมเข้ามาแล้วเขาก็ยังไม่ตื่นเลย
   ฟางบอกว่าปั้นนอนดึกมากเมื่อคืน
   คะ...คงไม่ใช่เพราะเขาไปส่งผมใช่มั้ย แต่ก็ไม่น่าดึกขนาดนั้นนี่
   หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น...
   ร่างที่ขยับพลิกตัวมาอีกทางทำให้ผมสะดุ้ง ก่อนหน้านี้มองแค่แผ่นหลังกว้างที่ไม่ได้สวมเสื้ออย่างเดียวก็ทำให้ใจเต้นแรงแล้ว ตอนนี้ยิ่งกว่าเมื่อครู่อีก เมื่อปั้นใจพลิกตัวมาอีกทางพร้อมกับหมอนข้างโดยที่เขาซุกหน้าลงไปบนนั้น และไม่รู้ว่ามุมที่ผมนั่งดีเกินไปหรือยังไงถึงได้เห็นใบหน้าเขาชัดขนาดนี้
   มะ...มันดูดีมากๆ แม้จะตอนหลับก็เถอะ
   นี่ผมมานั่งทำอะไรที่นี่กัน นั่งอยู่ป้ายรถเมล์ร้อนๆ ยังไม่รู้สึกเหงื่อออกขนาดนี้เลย !
   ไม่น่าเชื่อฟางเลย ฮื้อ...
   และอีกอย่างที่ผมรู้ได้หลังจากที่มาที่ห้องของปั้นใจวันนี้ คือเตียงที่เป็นระเบียบชั้นล่างเป็นของปั้นใจนั่นเอง ส่วนที่รกๆ นั่นน่าจะเป็นของอีกคน
   ทำไมรู้สึกดีใจแปลกๆ
   ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนบนเตียงเริ่มขยับอีก และมันก็ทำให้ผมแทบกลั้นหายใจเมื่ออยู่ๆ ใบหน้าที่ตอนแรกซุกหมอนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น ทำให้ผมตัวแข็งทื่อนั่งอยู่กับที่ไม่ขยับแม้แต่น้อย ซึ่งปั้นใจเองก็กระพริบตาถี่ๆ อยู่หลายครั้งราวกับคนไม่อยากตื่น ทุกความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ในสายตาของผมทั้งหมด ก่อนที่ตัวเองจะต้องใจเต้นแรงขึ้นมาเมื่อสายตาที่ว่านั้นมองมาทางผมที่นั่งอยู่ไม่ห่างจากเตียงนัก หรือก็คือตรงหน้าเขานั่นล่ะ
   “เกลือเหรอ...”
   “...”
   “เหมือนตัวจริง...”
   เสียงพึมพำเบาๆ ของคนเพิ่งตื่น และมันก็ทำให้ผมตัวแข็งทื่อเมื่อร่างเปลือยท่อนบนของปั้นใจเริ่มขยับและเอื้อมมือมาตรงหน้าผม และทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสเข้าที่แก้มของผมเบาๆ ก็ทำเอาคนเพิ่งตื่นเบิกตากว้าง
   “ปะ...ปั้น...”
   “...”
   “ขอโทษที่เข้ามาแบบไม่บอกนะ”
   ผมพูดโดยที่ยังมองใบหน้าของปั้นใจอยู่ ก่อนที่มือที่แตะแก้มผมเบาๆ นั้นจะชักกลับไปพร้อมกับร่างที่ตรงหน้าที่เด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงทันที
   “ตัวจริงเหรอ”
   “อะ...อื้อ...”
   “ไอ้ฟางพาเข้ามาสินะ”
   “ฟางไปเจอเรานั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์น่ะ”
   “...”
   “ระ...เราน่าจะนั่งรอปั้นที่นั่นก็ดีอยู่แล้วเนอะ...”
   “มาที่นี่ก็ดีแล้ว ไปนั่งร้อนทำไม”
   “...”
   “ไปอาบน้ำก่อนนะ” คนที่ตอนแรกนั่งอยู่บนเตียงพูดโดยไม่มองหน้าผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเร็วๆ เข้าห้องน้ำไปพร้อมกับปิดประตูเสียงดัง ทำให้ผมที่ตอนแรกนั่งตัวแข็งต้องถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มคลายความเกร็งลง
   โคร้ม !
   “...!”
   เสียงที่ดังมาจากห้องน้ำทำให้ผมหันไปมอง ก่อนจะเห็นว่าประตูห้องน้ำถูกแง้มออกมาพร้อมกับใบหน้าของปั้นใจที่ตอนนี้ดูท่าว่าจะตื่นเต็มตาแล้ว โดยที่ใบหน้าเขาเปียกโชกไปด้วยน้ำ ก่อนจะพูดขึ้นมาโดยที่ผมเห็นว่าใบหน้าของเขามีสีแดงซับอยู่ด้วย
   “หยิบผ้าเช็ดตัวให้หน่อยสิ ลืมหยิบเข้ามา...”
   “อะ...อือ”
   ผมรีบลุกขึ้นก่อนจะมองหาผ้าเช็ดตัวก็เห็นว่ามันถูกแขวนที่ตู้ และผมคิดว่าอันนี้นี่ล่ะที่เป็นของปั้นใจจึงเดินแล้วหยิบมันไปให้เขาที่ตอนนี้เอื้อมมือออกมารับไป
   “ขอบใจ”
   “ไม่เป็นไร”
   “รอแป๊บนะ...แป๊บเดียว...”
   ปั้นใจพูดเพียงแค่นั้นก่อนที่เขาจะหายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง โดยที่ยังมีผมที่กลายเป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตในห้องไปแบบงงๆ
   ผมไปรบกวนเวลานอนของปั้นใจเข้าแล้วสิ...



   - ปิดปรับปรุง –
   ป้ายขนาดกระดาษ A4 ทำให้ผมกับปั้นใจที่ตอนนี้ยืนอยู่หน้าสถานที่ให้บริการสระว่ายน้ำต้องยืนนิ่งค้างอยู่ด้านหน้า โดยที่คนที่คนที่พามาก็ขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะกดโทรศัพท์ดูอะไรสักอย่างแล้วถอนหายใจ
   “ไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวมานานแล้ว...”
   “...”
   “มันปิดปรับปรุงถึงเดือนหน้าเลย” คนตรงหน้าผมทำหน้าไม่ชอบใจ ส่วนผมเองก็ได้แต่พยักหน้าเข้าใจ เพราะปั้นใจคงไม่ใช่คนที่ชอบเล่นโซเชียลนัก ก่อนที่เขาจะดึงผมให้หลบแดดช่วงบ่ายมาในล่ม “ขอโทษนะ”
   “ไม่เป็นไร ไว้วันหลังก็ได้” ยังไงก็ได้ชุดมาแล้ว เมื่อไหร่ผมก็พร้อมแล้วล่ะ
   “แป๊บนะ” คนข้างๆ ผมพูดขึ้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกหาใครบางคน “ไอ้ฟาง”
   อ๋อ...โทรหาเพื่อนของเขานั่นเอง
   “แวะไปดูสระให้บ้างว่าคนเยอะมั้ย...เร็วๆ แค่นี้ล่ะ”
   ปั้นใจกดตัดสายไปหลังจากพูดแค่ไม่กี่ประโยค ก่อนที่เขาจะหันมามองทางผมที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆ ไม่มีปากเสียงหรือความคิดเห็นใดๆ ที่สำคัญไม่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเขาถือของด้วย
   “ไปกินข้าวกันก่อนมั้ย” คนข้างๆ ผมถามขึ้น ทำให้ตัวเองต้องพยักหน้ารับ เพราะเมื่อเช้าเขาก็ไม่ได้กินข้าวมา กินเพียงแซนวิสจากเซเว่นเท่านั้น แต่ยังไม่ทันที่เราจะคิดเรื่องมื้อเที่ยง โทรศัพท์ของคนข้างๆ ผมก็ดังขึ้นมาซะก่อน ทำให้ปั้นใจต้องล้วงมันออกมาจากกระเป๋าเพื่อกดรับ “ว่า”
   “...”
   “อืม ขอบใจ” ปั้นใจเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองผมที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆ และ อยากจะถามสถานการณ์แต่ก็รอให้เขาบอกเองดีกว่า “ไปสระว่ายน้ำของมหา’ลัยมั้ย”
   “คนเยอะแน่ๆ”
   “อืม ก็ใช้ได้”
   “อ่า...แล้วแต่ปั้นเลย เรายังไงก็ได้”
   “งั้นไปกินข้าวก่อนแล้วกัน แล้วค่อยคิดดูอีกที” ปั้นใจว่าอย่างไม่คิดมากนัก ก่อนจะมองไปตรงข้ามที่มีร้านอาหารตั้งอยู่เรียงกัน และแต่ละร้านก็น่ากินไม่น้อย ก่อนที่เขาจะหันมาหาผมแล้วถามขึ้น “เลือกมาหนึ่งร้าน”
   ซึ่งผมเองก็แอบมีร้านในใจไปแล้วด้วย...
   “อยากกินข้าวขาหมู”
   “งั้นไปกัน”
   ผมที่โดนอีกคนเดินมาช้อนหลังไว้ และไม่รู้ว่าความสูงกับแดดที่เป็นใจหรือเปล่าทำให้ร่างของปั้นใจบังแดดให้ผมทันที ก่อนที่เขาจะดันร่างของผมให้ข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อมาร้านข้าวขาหมูตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เมื่อเข้าร่มคนข้างๆ ผมก็เปลี่ยนเป็นมาเดินข้างๆ แล้วก้าวเดินไปพร้อมๆ กับผมทันที
   ขาผมสั้นกว่าปั้นใจเยอะ แต่ก็ไม่ใช่ผมที่เร่งเดินตามความเร็วการเดินของเขา
   แต่เป็นเขาที่พยายามเดินช้าลงให้เท่าผมต่างหาก...
   ให้ตายสิ...
   มีความสุขกับเรื่องแบบนี้จะผิดมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 16 (16.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 16-12-2018 18:53:35
งุ้ยย น่ารักอ่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 16 (16.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-12-2018 19:21:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 16 (16.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-12-2018 21:23:02
ปั้น คงดีใจมากๆ  :mew1:
ที่เห็นเกลือตัวเป็นๆมานั่งในห้อง   :-[

ปั้น  เกลือ    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 16 (16.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-12-2018 23:07:46
น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 16 (16.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-12-2018 01:40:34
แสดงว่าต้องการให้เกลือไปหาถึงห้องมานานแล้ว ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้วนะปั้น  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 16 (16.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 17-12-2018 13:26:08
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 17 (23.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 23-12-2018 19:28:00
ตอนที่ 17

   หลังจากวันที่ปั้นใจตั้งใจจะพาผมไปว่ายน้ำก็ผ่านมาสองอาทิตย์กว่าแล้ว ดูเหมือนแผนการนั้นจะต้องพับเก็บไปยาวๆ เพราะไม่กี่วันต่อมาปั้นใจก็หายตัวเงียบไปทันที จะเจอหน้ากันในคาบเรียนบ้าง แต่ก็ไม่มีเวลาให้คุยกันได้เหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยได้เตรียมการจัดงานกิจกรรมใหญ่ในอีกไม่กี่เดือนหน้า เลยทำให้ปั้นใจที่เป็นเดือนคนล่าสุดจึงมีส่วนร่วมกับกิจกรรมนี้เต็มๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรบ้าง แต่เท่าที่ได้คุยก็คงเป็นถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอโปรโมท
   แน่นอนว่าเด็กปีหนึ่งที่ไม่ค่อยมีตัวตนในสายตาของคนอื่นเวลามีเรื่องสำคัญอย่างผม เลยใช้ชีวิตสงบสุขเหมือนเดิม ส่วนพาฝันนั้นก็ไม่ต่างกันนัก ตอนนี้พวกเราทั้งคู่เลยกำลังนั่งเบื่อกับบรรยากาศเดิมๆ ที่ลานกว้างโดยรอบด้านก็มีรุ่นพี่ในคณะหลายคนกำลังก้มหน้ากำตาทำอะไรสักอย่าง ซึ่งผมเองก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะหน้าที่ของคนเตรียมงานดันเป็นรุ่นพี่หมดเลย ส่วนปีหนึ่งอย่างเราๆ แค่รอชมกิจกรรมวันจริงเท่านั้น
   “เฮ้อ...น่าเบื่อจัง”
   “อืม...”
   “มึงรู้สึกเหมือนกูสินะ”
   “อือ มันดูวุ่นวายไปหมดเลยน่ะ”
   “นั่นสิ” พาฝันถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า จนผมไม่รู้จะช่วยเธอยังไงดี ก่อนที่คนตรงหน้าจะยืดตัวขึ้นแล้วมองหน้าผม “นี่ไอ้เกลือ”
   “หะ...หืม”
   แอบไม่ไว้ใจแล้วสิ...
   “โดดคาบบ่ายกัน”
   “เอ่อ...”
   “มันน่าเบื่ออ่ะ แค่เข้าไปฟังๆ โดดกันเถอะ !”
   “โดดไปไหนอ่ะ”
   “ไปดูหนังหนังกันมั้ย มีหนังใหม่เข้า กูอยากไปอ่ะ แล้วก็ไปกินชาบูด้วย !” คนตรงหน้าว่าอย่างตื่นเต้น ทำผมได้แต่คิดหนัก
   “เอาจริงเหรอฝัน”   
   “เอาจริงสิ ช่วงนี้ขวัญใจมึงไม่อยู่ด้วย คาบบ่ายกูว่าปั้นใจก็ไม่น่าจะเข้านะ ยังไงมึงคงไม่ได้เจอเด็กนั่นอยู่แล้วล่ะ เพราะงั้นโดดกันเถอะ”
   “ที่เราจะเข้าเรียนไม่ใช่เพราะอยากเจอปั้นสักหน่อย”
   “จ้าๆ สรุปเอาไงห๊ะ ไม่งั้นกูจะหนีไปคนเดียวนะ !”
   “อ่าาาา ขอเราคิดก่อนได้มั้ย...”
   “ไม่ได้ ลุกเลย !” พาฝันที่ตัดสินเสร็จสรรพก็ตบโต๊ะดังป๊าบก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที ทำให้ผมที่มองตามได้แต่เบิกตากว้าง แต่สุดท้ายก็ยอมลุกตามเธอล่ะนะ “เอาน่าไอ้เกลือ มึงเองก็ไม่ค่อยจะเที่ยวกับเพื่อน วันนี้พาฝันจะพาไปเปิดหูเปิดตาเอง”
   “แม่คงดีใจที่เราได้ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง”
   “แน่นอน”
   “แต่คงดุเราแน่ๆ ที่เราโดดเรียนไป”
   “เอาหน่าๆ สักครั้งสองครั้งในชีวิต ไม่เป็นไรหรอกเว้ย !”
   “ยังมีครั้งต่อไปอีกเหรอ”
   “แน่นอนสิ !” พาฝันยิ้มกว้างทำให้ผมได้แต่ส่ายหัวเบาๆ กับท่าทางของเธอ ก่อนจะโดนคนตรงหน้าเอื้อมมือมาขย้ำแก้มเล่นจนปวดหนึบเหมือนอย่างเคย “หมั่นเขี้ยวนัก เจ้าแก้มนี่ !”
   “อ๊อย...”
   ผมที่โดนพาฝันขย้ำแก้มจนพอใจ สุดท้ายก็ได้แต่เดินตามร่างสูงเพรียวตรงหน้าออกจากมหาวิทยาลัยไป โดยที่พาฝันเลือกที่จะโบกแท็กซี่ไปยังจุดหมายที่อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก
   แล้ววันนี้ผมก็โดดเรียนเข้าจริงๆ
   รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเลยแฮะ...
   “กูอยากดูหนังฮีโร่ใหม่”
   “อืม แล้วแต่ฝันเลย เราดูอะไรก็ได้”
   “งั้นลองดูรอบก่อนดีกว่า” พาฝันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ในขณะที่เราทั้งคู่ย้ายตัวเองเข้ามาด้านในแอร์เย็นๆ แล้ว ก่อนที่ใบหน้าของอีกฝ่ายจะขมวดเล็กน้อย “แม่มึงมารับตอนสี่โมงครึ่งใช่มั้ย”
   “อือ”
   “อ่า ตอนนี้สิบเอ็ดโมง ท่าจะดูหนังสองชั่วโมงให้ทันก็น่าจะรอบ...”
   “...”
   “บ่ายโมงสี่สิบ”
   “อือ”
   “ก่อนหน้านี้เราก็ไปหาอะไรกันกินก่อน...” พาฝันพยักหน้าให้ตัวเองหลังจากที่วางแผนเสร็จสรรพ ซึ่งตอนนี้เพิ่งสิบเอ็ดโมงกว่าๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นมื้อเที่ยงไปเลย “กูลองโทรไปชวนฟางมาด้วยดีกว่า...”
   “...”
   “แต่กลัวมึงเหงา งั้นไม่ชวนก็ได้” พาฝันที่ตอนแรกยิ้มกว้างก็หุบยิ้มลงทันที
   “ไม่เป็นไร ฝันโทรชวนฟางมาด้วยก็ได้”
   “ไม่เอาหรอก ถ้าฟางมาก็ต้องเดินกับมัน กลัวมึงเหงาอ่ะ ถ้าปั้นใจมาด้วยไว้จะคิดดูอีกทีนะ”
   “ปั้นน่าจะยุ่งๆ นะ”
   “อืม เพราะงั้นไว้กูค่อยไปเที่ยวกับฟางวันหลังก็ได้ วันนี้เที่ยวกับมึงแล้วกัน แต่ขอส่งข้อความไปบอกหน่อย เดี๋ยวโดนเฉ่ง” พาฝันว่าก่อนจะก้มหน้ากดโทรศัพท์อีกครั้ง ซึ่งผมก็ได้แต่พยักหน้ารับแม้จะตามความคิดเธอไม่ค่อยทันก็ตาม ไม่นานคนข้างๆ ผมก็เก็บโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามากอดคอผมทันที “ป้ะ !”
   “ไปไหน”
   “แดก !”
   พาฝันว่าอย่างอารมณ์ดีก่อนจะกึ่งกอดกึ่งลากผมไปที่ร้านชาบู ดูท่าแล้วอีกคนคงจะหิวจริงๆ ถึงได้ตาลุกวาวขนาดนี้ ส่วนผมที่ชอบกินอะไรรองท้องอยู่แล้วจึงไม่ค่อยหิวนัก แต่ถามว่ากินได้มั้ยก็ตอบได้เลยว่ากินได้นั่นล่ะ
   ก็นะ...ขนมจุกจิกกับของคราวมันไม่เหมือนกันนี่นา...
   “สองคนค่ะ” ผมที่ตอนแรกคิดอยู่กับตัวเองก็เงยหน้าขึ้นมองพาฝันที่ยังทำหน้าอารมณ์ดีอยู่ ก่อนจะลากผมให้เดินตามพนักงานไปที่โต๊ะ เมื่อแยกย้ายนั่งคนล่ะฝั่งแล้ว เราก็ต่างเปิดเมนูดูในระหว่างที่รอหม้อน้ำซุปทันที
   ถ้าเอาชุดหมูกับชุดเนื้อ...
   Rrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขัดความคิดของผม ทำให้ตัวเองต้องวางเมนูลงก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมาจากช่องเล็กๆ ของกระเป๋าสะพายหลัง และเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามาก็ทำให้ผมเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ
   ‘ปั้นใจ’
   “ปะ...ปั้น...”
   “หืม...”
   “ปั้นโทรมา”
   “ก็รับสิ” พาฝันขมวดคิ้วก่อนจะก้มไปสนใจกับเมนูตรงหน้าต่อ ทำให้ผมต้องมองไปที่หน้าจออีกครั้งก่อนจะตัดสินใจกดรับสายจนได้
   อ่า...เขามีอะไรหรือเปล่านะ...
   “ฮัลโหล...”
   {หนีเที่ยวเหรอ} คำพูดที่ทิ่มจึกลงมากลางอกของผมทำให้ตัวเองเงียบกริบ จนปั้นใจต้องพูดขึ้นมาอีกครั้ง {คาบบ่ายปั้นเข้าเรียน}
   “เรานึกว่าปั้นจะไม่ได้เข้า...”
   {เข้า คิดว่าจะได้เจอ}
   “ขอโทษนะ”
   {ไม่เป็นไร แล้วนี่อยู่ไหน}
   “อยู่...”
   {ไม่ต้องตอบแล้ว ไอ้ฟางบอกละ} ปั้นใจพูดขัดขึ้นมาทำให้ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อ และก็เดาอารมณ์เขาไม่ค่อยถูกเหมือนกัน {เดี๋ยวไปหา}
   “หะ...หืม...”
   {มีดูหนังรอบบ่ายไม่ใช่เหรอ}
   “อื้ม”
   {ไอ้ฟางมันจะไปหาฝันด้วย} ปั้นใจพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ จนผมต้องเป็นฝ่ายถามออกไป
   “ปั้นจะโดดเรียนเหรอ”
   {อืม น่าเบื่อ} เขาตอบกลับมาทันที ทำให้ผมคิดว่าคงเป็นเรื่องปกติแล้วล่ะ มีแต่ผมที่ตื่นเต้นไปเอง ก่อนที่ตัวเองจะมองไปทางพนักงานที่เอาหม้อน้ำซุปมาเสิร์ฟพอดี ส่วนพาฝันเองก็สั่งส่วนของผมให้เรียบร้อยแล้วด้วย {แล้วนี่ทำอะไรอยู่}
   “กำลังจะกินชาบูอ่ะ”
   {หนีไปกินด้วย}
   “ฝันอยากกินต่างหาก” ผมว่าพลางมองคนตรงข้ามที่หรี่ตามองมา ทำให้ตัวเองได้แต่ยิ้มเหยๆ ไปให้ เมื่อปั้นใจไม่มีท่าทีว่าจะวางสายเลย “แล้วปั้นจะมาตอนไหนเหรอ”
   {รอไอ้ฟางอยู่ กำลังจะออกไปแล้ว}
   “อ๋อ...งั้นไว้เจอกันนะ”
   {อืม งั้นวางสายก่อนก็ได้...} น้ำเสียงที่ดูเหมือนจะเสียดายสุดๆ ของเขาทำให้ผมไม่รู้จะตอบยังไง เพราะพาฝันเองก็รอกินอยู่
   “งั้นถ้ามาถึงแล้วโทรมานะ”
   {อืม}
   ปั้นใจยอมวางสายไปอย่างง่ายดาย ก่อนที่ผมจะมองเวลาบนหน้าจอที่เราคุยกันไปไม่ถึงห้านาที แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ได้ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเหมือนเดิมแล้วหยิบตะเกียบมาแกะพลาสติกออก และสายตาก็ไปปะทะเข้ากับสายตาอีกคนที่มองมา
   “เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าฝัน”
   “ปั้นใจจะมาที่นี่เหรอ”
   “อะ...อืม...เห็นว่าฟางก็จะมาด้วยนะ...”
   “อ๋อ...”
   “งั้นกินเลยเนอะ...” ผมยิ้มกว้างให้คนตรงข้าม ซึ่งเธอที่รออยู่แต่แรกแล้วก็ได้แต่หรี่ตามองมา จนผมต้องหลบสายตาอีกฝ่ายแล้วเริ่มจัดการคีบเนื้อหมูสไลด์ลงหม้อ
   “ทำเฉไฉนะไอ้หมูอ้วน”
   “ฉะ...เฉไฉอะไร...”
   “มึงกับปั้นใจนี่ถึงไหนต่อไหนแล้วห๊ะ” พาฝันที่เอาหมูจุ่มลงน้ำซุปครู่หนึ่งก็เอามันขึ้นมาแล้วจ้องมาทางผมด้วย “จริงๆ ก็อยากจะถามนานละ”
   “ถะ...ถึงไหนอะไรเหรอ” ผมว่าพลางเอาหมูใส่ปาก “อ๊ะ ร้อน !”
   ผมที่สะดุ้งเฮือกหลังจากที่เอาหมูชิ้นแรกเข้าปาก ก่อนจะต้องอ้าปากค้างไว้เพื่อให้ความร้อนที่มีหายไป ส่วนคนตรงข้ามผมนั้นก็ขมวดคิ้วกับความซุ่มซ่ามของผมทันที
   “ก็เห็นๆ อยู่ว่าปั้นใจมันมาวอแวกับมึงตลอด”
   แต่ก็ยังถามเรื่องเดิมล่ะนะ...
   “วอแวคืออะไร”
   “ก็มาแบบ งุ้งงิ้งอ่ะ อยู่ใกล้ๆ แล้วทำตัวออดอ้อน”
   “เอ่อ...ฝัน เราว่าปั้นไม่ได้ทำแบบนั้น...”
   “อ่าจ้า ไม่ได้ทำก็ไม่ได้ทำ” พาฝันที่อยู่ก็ถอนหายใจออกมาทำให้ผมได้แต่ก้มหน้าลงแล้วสนใจกับของกินตรงหน้าแทน ซึ่งคราวนี้พาฝันก็ไม่ได้ถามอะไรแล้ว ทำให้ผมได้แต่แอบโล่งใจ เพราะไม่รู้จะตอบคำถามของอีกฝ่ายยังไงดี “ให้ตายสิ นึกว่าจะมีอะไรคืบหน้าซะอีก”
   เสียงบ่นเบาๆ ของพาฝันทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเธอ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจผมแล้ว ก่อนที่พวกเราทั้งคู่จะต่างคนต่างกินของตรงหน้าโดยที่พาฝันก็ชวนคุยบ้างเรื่องทั่วไป ไม่นานมื้อกลางวันก็จบลงโดยที่ผมกับคนตรงข้ามต่างพร้อมใจกันลูบพุงแน่นๆ หลังจากเดินออกมาจากร้าน
   “อิ่มมาก”
   “อือ มากๆ” ผมพยักหน้ารัว เพราะไม่รู้อะไรดลใจให้พาฝันสั่งของมามากมายและสุดท้ายเราทั้งคู่ก็ต้องตะบี้ตะบันกินพร้อมกับค่าอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
   ต่อไปคือการไปจองตั๋วหนังสินะ...
   “นี่ไอ้เกลือ”
   “หืม”
   “ฟางกับปั้นจะมาตอนไหนเหรอ”
   “เราไม่รู้อ่ะ แต่บอกไว้ว่าถ้าถึงแล้วให้โทรมา ยังไม่โทรมาก็น่าจะ...”
   Rrrrrrrr ~
   ผมที่ยังพูดไม่ทันจบดีก็ต้องละสายตาจากพาฝันแล้วล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายของตัวเองออกมากดรับทันที
   แล้วก็เป็นคนที่พวกผมรออยู่นั่นล่ะ...
   “ว่าไงปั้น มาถึงแล้วเหรอ” ผมถามคนในสาย ซึ่งทางฝั่งนั้นก็เงียบไปสักพัก ได้ยินเพียงเสียงกุกกักเท่านั้น ก่อนที่เจ้าของปลายสายจะค่อยๆ ดังขึ้น
   {อืม ถึงแล้ว}
   “แล้วตอนนี้อยู่ไหนเหรอ”
   {กำลังเดินเข้าไป}
   “บอกให้มาที่โรงหนังเลย เดี๋ยวกูไปซื้อตั๋วก่อน...” ผมพยักหน้า แต่ยังไม่ทันจะพูดบอกคนในสายทางนั้นก็ตอบกลับมาก่อน
   {บอกฝันว่าไม่ต้องไป เดี๋ยวไปซื้อให้}
   “ปั้นบอกว่าจะไปซื้อให้”
   “เออๆ งั้นก็ดี เลี้ยงด้วยเลยนะ ชาบูทำเงินกูละลายไปพร้อมกับน้ำซุปแสนอร่อยนั่นละ” พาฝันยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะดึงผมไปหาเก้าที่นั่ง ก่อนที่เราทั้งคู่จะมีหน้าที่แค่รอคนสองคนที่กำลังมาที่นี่เท่านั้น
   อยู่ๆ การโดดเรียนวันนี้ก็เพิ่มจำนวนจากสองกลายเป็นสี่ซะงั้น   
   อ่า...ได้ประสบการณ์ใหม่อีกแล้ว !



   “อ่าาาาา”
   “...”
   “ไอ้ที่นั่งคู่ที่ห่างกันสุดๆ นี่คืออะไร”
   “ก็ไม่อะไร”
   “นี่ฉันนั่งกับไอ้เกลือสินะ” พาฝันที่มองตั๋วหนังที่ติดกันสองใบก่อนจะคว้าคอผมเข้าไปกอดไว้ แล้วจ้องเขม็งไปทางฟางกับปั้นใจที่ตอนนี้กำลังยืนมองทางผมกับพาฝันเช่นกัน ซึ่งฟางนั้นหัวเราะอย่างชอบใจ ส่วนปั้นใจนั้นถอนหายใจยาว “อยากกินป๊อปคอร์นด้วยอ่ะ เลี้ยงด้วยดิ”
   “ฮ่าๆๆๆๆ” อยู่ๆ ฟางก็ระเบิดหัวเราะออกมาทำเอาผม พาฝัน และปั้นใจต่างหันไปมองทางเจ้าตัว ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยายามกลั้นขำแต่ดูเหมือนใบหน้านั้นจะปิดอาการไม่มิดนัก “โทษๆ อยู่ๆ ก็นึกขำขึ้นมา ไปๆ ไอ้ปั้น ไปซื้อป๊อปคอร์นกัน”
   “มึงไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” ปั้นใจที่โดนตบบ่าพูดขึ้นมาพลางขมวดคิ้วมองเพื่อน
   “พูดอะไรวะ”
   “เรื่องที่นั่งไง” ปั้นใจที่หน้ามุ่ยไปแล้วทำเอาฟางถึงกับหัวเราะออกมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้พาฝันเองก็เช่นกัน ส่วนผมนั้นก็ได้แต่ยืนกลั้นยิ้ม
   ก็ใบหน้าเหมือนเด็กถูกขัดใจของเขานี่น่าดูไม่น้อยเลยนี่นา
   “จะให้พูดอะไรวะ ถึงกูจะอยากนั่งกับพาฝันเพราะเป็นแฟนกัน แต่ถ้าฝันอยากนั่งกับเพื่อนบ้างจะให้กูพูดอะไรได้...” ฟางพยายามกลั้นขำไว้แล้วพูดออกมา มือก็ตบบ่าปั้นใจไปด้วย ส่วนคนที่ตอนนี้ดูท่าจะอารมณ์เสียที่สุดในกลุ่มก็ได้แต่ปัดมือคนข้างๆ แล้วเดินออกไปทันที ซึ่งผมคิดว่าน่าจะไปซื้อป๊อปคอร์นนั่นล่ะ “เฮ้ย รอด้วยดิ กูไปด้วย !”
   “เห็นมึงละหงุดหงิด ไปไกลๆ”
   “อะไรวะไอ้ปั้น ทำบ่นเดี๋ยวก็ต้องดูหนังนั่งตัวติดกันละ มึงไล่กูไม่ได้หรอก”
   “กูไม่นั่งกับมึง”
   “ฮ่าๆๆๆๆ กูบอกมึงแล้วว่าให้เลือกที่นั่งติดๆ กันก็ไม่เชื่อ”
   ดูเหมือนแผ่นหลังของคนสองคนที่อารมณ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ส่วนพาฝันเองตอนนี้ก็อารมณ์ดีสุดๆ ไปแล้วจากหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องที่มีเจ้ามือเลี้ยงทั้งหนังและป๊อปคอร์น ส่วนอีกเรื่องก็คง...
   “ปั้นใจแม่งตลกว่ะ กูเพิ่งเคยเห็นมุมนี้ น่ารักใช้ได้ ฮ่าๆๆๆ”
   ก็คงเป็นเรื่องที่แกล้งปั้นใจได้ล่ะนะ   
   ผมไม่ได้ตอบอะไร คงเพราะได้เห็นท่าทางแบบนี้ของปั้นใจอยู่บ้าง แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าผมเองก็รู้สึกตลกกับท่าทางของเขาจริงๆ
   อ่า...ทั้งๆ ที่ผมไม่ชอบแกล้งใคร ไม่ชอบที่ถูกใครแกล้งและก็ไม่อยากเห็นคนอื่นโดนแกล้ง...
   แต่ทำไมพอเป็นปั้นใจแล้วผมถึงหุบยิ้มไม่ได้เลยล่ะเนี่ย !
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 17 (23.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-12-2018 21:41:59
 :mew1:  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 17 (23.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-12-2018 22:33:47
เกลือออออ ใจร้ายยยยยยยยยยกับปั้นไปปะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 17 (23.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-12-2018 23:24:38
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 17 (23.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 24-12-2018 09:04:43
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 17 (23.12.61)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-12-2018 05:23:29
55555 น่ารักจัเงลยค่ะ
เอ็นดูความเด๋อและความซื่อของเกลือ
เกลืออาจจะมีระแวงเรื่องคนอื่นมองแบบไหนบ้าง
แต่เป็นคนคิดบวก เลยไม่ค่อยคิดนาน ก็ดีไป

ปั้นใจ เจ้าคนไม่มีประสบการณ์ พอมารุกคนเด๋อ
เลยต้องหวงกันไป ตามติดกันไปแบบนี้แหละ

ตอนแรกคิดว่าเกลือเข้าใจที่ปั้นบอกชอบ แล้วคิดว่าแกล้ง
กลายเป็นเกลือคิดจริงว่า ปั้นชอบที่ได้เป็นเพื่อนกัน แป่วววว

ตลกฟางกับพาฝัน ลุ้นก็แล้ว กระตุ้นก็แล้ว ยังเงียบกริบ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 18 (11.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 11-01-2019 19:05:15
ตอนที่ 18

   “ฮัดชิ้ว !”
   ผมรีบหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาปิดปากตัวเองทันที โดยตอนนี้ตรงหน้าก็มีถุงพลาสติกที่ด้านในมีกระดาษทิชชู่ที่ใช้แล้วอยู่เต็มถุง
   เป็นหวัด...
   ดูเหมือนอาการป่วยที่แวะเวียนมาหาผมบ่อยครั้งจะกลับมาอีกแล้ว ซึ่งมันเป็นการป่วยที่น่ารำคาญมาก เพราะตอนนี้ผมทั้งคัดจมูก ตาจะปิด แถมยังรู้สึกว่าอยากจะจามไม่หยุด
   พูดถึงก็มาอีกแล้ว
   “ฮะ...ฮะ...”
   “ฮัดเช้ย”
   อึก !
   ผมที่เตรียมจะจามออกมาเต็มที่ก็ชะงักกึกหลังจากที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง พอหันไปมองก็เจอกับพี่เพชรที่เมื่อสักครู่เขาได้ลงมือแกล้งผมไปเรียบร้อยแล้ว
   งื้อ...
   “พะ...พี่เพชรสวัสดีครับ” ผมที่ทักขึ้นโดยที่มือก็ถูจมูกไปด้วย รู้สึกอึดอัดสุดๆ หลังจากที่การจามเมื่อสักครู่สะดุดไป ซึ่งคนแกล้งก็ได้แต่ยิ้มรับก่อนจะเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับผม
   “เป็นหวัดเหรอเรา”
   “ครับ แต่เดี๋ยวก็หาย” ผมว่ายิ้มๆ พลางดึงทิชชู่มาซับน้ำมูกด้วย ซึ่งพี่เพชรเองก็ไม่ถามอะไรต่อ ได้แต่มองไปรอบๆ แล้วหันมาถามผมอีกครั้ง
   “เพื่อนๆ ยังมามาสินะ”
   “ผมชอบมาเช้า วันนี้มีเรียนตั้งสิบโมง”
   “ทำไมถึงมาเช้า”
   “ติดรถแม่มาครับ ผมไม่ค่อยชอบเดินทางเอง” ผมตอบตามความจริง ทำให้พี่เพชรยิ้มขำ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนที่เขาจะจะจัดการดึงกระดาษทิชชู่แล้วยื่นมาให้ผมเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะหยิบมัน “ขอบคุณครับ”
   “แล้วกินอะไรหรือยัง”
   “กินขนมปังแล้วครับ”
   “อิ่มเหรอ กินแค่นั้นเอง”
   “อ่า...ก็อยู่ท้องนะ”
   “เช้านี้กินข้าวกับพี่หน่อยสิ” คำขอของพี่เพชรทำให้ผมมองอย่างแปลกใจ อีกฝ่ายเองก็มองมาราวกับรอคำตอบ ซึ่งแน่นอนว่าผมเองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร
   “ก็ได้ครับ”
   “กินอะไรดี เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้” พี่เพชรยิ้มกว้างทันทีเมื่อผมตอบรับ ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้น ผมเลยทำท่าว่าจะลุกตาม แต่อีกฝ่ายรีบห้ามไว้ “รออยู่นี่ก็ได้”
   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปช่วยถือดีกว่า จะได้ซื้อน้ำด้วย”
   “อ่า...เค”
   พี่เพชรพยักหน้ารับก่อนจะเดินมาหาผมที่ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้ว เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ผมที่โดนกระทำก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรเพราะคิดว่าเขาคงชอบทำแบบที่คนอื่นๆ ชอบนั่นล่ะ อย่างมากเขาก็ไม่ได้หยิกแก้มผมแบบพาฝัน หรือจับแก้มแบบปั้นใจ
   ถ้าโดนพี่เพชรทำแบบนั้นอีกคน ผมคงทำตัวไม่ถูกแน่ๆ
   “เช้าๆ ร้านเปิดน้อยแฮะ...”
   “ผมกินข้าวมันไก่ดีกว่า” ผมที่ตัดสินใจหลังจากที่มองไปรอบๆ แล้วก็เลือกได้ทันทีว่าเช้านี้คงต้องเป็นข้าวมันไก่ เพราะอยากกินน้ำซุปร้อนๆ ด้วย พอหันไปมองคนที่จะร่วมทานมื้อเช้าด้วยกัน อีกฝ่ายก็กำลังไล่พิจารณาแต่ละร้านพลางทำท่าคิด แต่สุดท้ายก็มาจบที่ร้านเดียวกับผมจนได้
   “งั้นพี่กินข้าวมันไก่ด้วยดีกว่า”
   พี่เพชรว่าก่อนจะยกแขนขึ้นกอดคอผมแล้วพาเดินไปที่ร้านข้าวมันไก่โดยที่อีกฝ่ายเป็นคนสั่งทั้งสองจานและจ่ายเงินให้ด้วย พอผมทำท่าว่าจะจ่ายคืน เขาก็บอกว่าจะเลี้ยงในฐานนะพี่รหัส ผมที่ไม่เข้าใจในระบบพี่น้องรหัสนักเลยได้แต่พยักหน้ารับ ก่อนที่พี่เพชรที่รับจานข้าวมาทั้งสองจานจะเดินนำผมไปที่ร้านน้ำ ซึ่งพี่เขากินเพียงน้ำเปล่า และเมื่อเห็นว่าพี่เพชรเป็นคนจ่ายอีกครั้ง ผมเลยเลือกน้ำเปล่าที่ราคาถูกที่สุดในร้านมาเท่านั้น
   “วันนี้พี่เพชรเรียนเช้าเหรอครับ” ผมถามขึ้นในขณะที่เราทั้งคู่กลับมานั่งที่โต๊ะแล้ว
   “ใช่ เรียนเช้าน่าเบื่อมากกกกก” พี่เพชรลากเสียงยาวๆ แสดงออกว่าเขากำลังเบื่อจริงๆ
   “น่าเบื่อกว่าตอนเรียนปีหนึ่งมั้ยครับ”
   “อืม...พี่ว่าพอๆ กันนะ”
   “งั้นผมคงต้องทนอีกนานเลย” ผมหัวเราะเบาๆ ทำให้พี่เพชรยิ้มตาม ก่อนที่เราทั้งคู่จะเริ่มมื้อเช้ากัน ซึ่งการกินข้าวมันไก่กับน้ำซุปร้อนๆ ในเช้านี้ไม่ได้แย่นัก พี่เพชรชวนผมคุยบ้างเป็นครั้งคราว ทำให้มื้อนี้ไม่น่าเบื่อ และผมก็แอบดีใจที่อย่างน้อยในตอนที่ผมอยู่คนเดียวยังมีรุ่นพี่คนนี้มาอยู่เป็นเพื่อน
   Rrrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง ช่วงนี้ผมเริ่มชินกับการติดต่อที่มากขึ้นแล้ว เลยเปลี่ยนจากการเก็บไว้ในกระเป๋าสะพายเป็นกระเป๋ากางเกงแทน เพื่อที่จะได้ไม่ลำบากตอนใครสักคนโทรมา
   ซึ่งแน่นอนว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาบ่อยครั้งในโทรศัพท์ของผมนั้นคือปั้นใจนั่นเอง
   “ฮัลโหล...”
   {ไง...} ที่ผมวางมือจากการกินข้าวแล้วมาเริ่มสนทนากับคนที่โทรมาก็ต้องแปลกใจ เมื่อเสียงของอีกฝ่ายนั้นแหบพร่าจนผมรับรู้ได้ {ตอนนี้อยู่ ม. แล้วเหรอ}
   “อือ กำลังกินข้าวอ่ะ”
   {กินคนเดียวเหงาหรือเปล่า}
   “อ่า...วันนี้พี่เพชรมากินเป็นเพื่อน” ผมตอบกลับไป และนั่นก็ทำให้ปั้นใจเงียบไปทันทีจนผมแอบเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะจากน้ำเสียงแล้วเขาคงไม่สบายแน่ๆ “ปั้น เป็นอะไรหรือเปล่า”
   {เปล่า}
   “ไม่สบายเหรอ วันนี้มาเรียนไหวมั้ย ถ้าไม่ไหวพักนะ” ผมพูดไปทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่ได้บอกว่าเขาเป็นอะไร แต่ช่วงนี้ปั้นใจทำกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัยค่อนข้างเยอะ และไม่แปลกที่เขาจะป่วยบ้าง แต่มันก็ทำให้ผมแปลกใจจริงๆ ที่คนแข็งแรงอย่างเขาป่วยได้
   ตะ...ต้องหนักแน่ๆ
   {ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ไข้หวัด}
   “พร้อมใจกันเป็นเลยอ่ะ”
   {หืม...}
   “อ่า...จริงๆ เราเป็นแค่หวัด” ผมพูดขึ้น ทำให้อีกฝ่ายแค่ขานรับเบาๆ เท่านั้น
   ว่าแต่...
   ผมลืมพี่เพชรไปเลย !
   ผมที่ตอนแรกวางมือจากการกินมื้อเช้าแล้วมาคุยโทรศัพท์ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองคนตรงข้ามหลังจากที่ลืมเขาไปสนิท ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงลงมือกินข้าวอยู่ พอเขาเห็นว่าผมมองเจ้าตัวก็ได้แต่ส่งยิ้มมาให้ราวกับไม่ถือสาเรื่องที่ผมคุยโทรศัพท์ตอนกินข้าวแบบนี้
   งื้อ...ขอโทษครับ...
   {เหมือนจะป่วยหนัก แค่ก...} ปั้นใจพูดโดยที่ไอออกมาด้วย ทำให้ผมต้องกลับมาสนใจกับคนในสาย
   “ปะ...เป็นอะไรมากมั้ย...”
   {ปวดหัว แล้วก็มึนๆ ตอนนี้ยังนอนอยู่บนเตียงอยู่เลย}
   “กินข้าวหรือยังอ่ะ ต้องกินยาด้วยนะ”
   {ยัง ไอ้ฟางไม่อยู่น่ะ ปั้นลุกไม่ไหว...} เสียงที่แหบลงราวกับคนจะหมดแรงของปั้นใจทำให้ผมรู้สึกร้อนรนตามไปด้วย รู้สึกเป็นห่วงคนป่วยก็รู้สึก แต่รู้สึกเกรงกลัวความคิดของตัวเองเช่นกัน
   มะ...ไม่ดีแน่ๆ ไอ้เกลือ !
   “ปะ...ปั้น...”
   {หืม...}
   “เดี๋ยวเราซื้อข้าวกับยาไปให้ที่ห้องนะ !” ผมพูดขึ้นโดยที่ปากดูเหมือนจะไปก่อนสมองคิดแล้ว นี่แหล่ะเป็นสิ่งที่ผมเกรงกลัว
   ผะ...ผมอยากโดดเรียนไปดูแลเขา
   แม่รู้ต้องโกรธแน่ๆ ฮื้อ...
   {จะมาเหรอ}
   “อื้อ”
   {แต่เดี๋ยวมีเรียนนี่}
   “มะ...ไม่เป็นไรหรอก แค่วิชาเดียว คราวหน้าเราจะไม่โดด...” ผมพูดโดยที่ใจก็เต้นแรงไปด้วย เพราะเมื่อวันก่อนก็เพิ่งจะโดดเรียนเพื่อไปดูหนัง วันนี้ก็จะโดดอีก คงไม่ดีแน่ๆ
   {ไม่ต้องมาหรอก เรียนเถอะ วิชาเดียวเอง}
   “แต่...”
   {จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดที่โดดเรียนด้วย ถ้าอยากมาหาจริงๆ ไว้หลังเรียนเสร็จก็ได้...คิดว่าตอนนั้นน่าจะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง...}
   “อื้อ งั้นเรียนเสร็จเราจะรีบไปหานะ !”
   {...}
   “ปั้นต้องหาข้าวเช้ากินด้วย เข้าใจมั้ย”
   {อ่า...รับทราบครับ}
   ปั้นใจขานรับอย่างว่าง่าย ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา ก่อนที่ทางฝั่งนั้นจะขอตัววางสายไป ผมเลยได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถึงตอนเช้าผมจะไปหาเขาไม่ได้ แต่หลังเรียนเสร็จผมจะหิ้วข้าวกลางวันไปให้เขาแน่ๆ
   รอก่อนนะ !
   ผมที่มีเป้าหมายหลังเลิกเรียนนอกจากการนั่งร้านขนมเพื่อรอแม่แล้วก็ได้แต่รีบลงมือกินข้าวเช้า แม้ไม่รู้ว่าจะรีบทำไมก็ตาม เพราะยังไงผมก็ต้องเข้าเรียนตอนสิบโมงอยู่แล้ว
   “เพื่อนป่วยเหมือนกันเหรอ”
   “ใช่ครับ หวัดน่าจะระบาดแน่ๆ เลย พี่เพชรระวังติดจากผมนะ”
   “ฮ่าๆ พี่แข็งแรง ไม่ติดง่ายๆ หรอก” พี่เพชรหัวเราะ ข้าวในจานของเขาหมดแล้ว เหลือแต่ผมที่ยังกินไม่หมดสักที “เกลือกับปั้นนี่เป็นเพื่อนสนิทกันสินะ”
   คำถามของพี่เพชรทำให้ผมชะงักไป ก่อนจะเงยหน้ามองคนที่ตอนนี้กำลังเท้าคางมองผมแล้วยิ้มออกมาราวกับไม่ได้ใส่ใจกับคำถามที่ถามผมนัก ส่วนผมเองก็ต้องคิดคำตอบออกมา แม้มันจะไม่ใช่คำถามที่ยากขนาดนั้น
   “อ่า...ครับ แต่ถ้าเพื่อนสนิทจริงๆ ของปั้นใจน่าจะเป็นฟางมากกว่า ผมกับปั้นแค่จบ ม.ปลายที่เดียวกัน...”
   “อ้อ...”
   “แต่เรียนด้วยกันแค่ครึ่งเทอม ผมว่าผมเพิ่งมาคุยกับปั้นมากกว่า” ผมพูดโดยที่พี่เพชรก็พยักหน้าตามและเป็นผู้ฟังที่ดี พอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มพูดเยอะไปผมจึงยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะกินข้าวที่เหลืออยู่น้อยนิดให้หมด
   “เกลือ”
   “ครับ”
   “คือพี่อยาก...”
   “อ้าว ไอ้เพชร !” เสียงของบุคคลที่สามที่ดังขึ้นขัดบทสนทนาของผมกับพี่เพชร ทำให้พวกเราต้องหันไปมอง ก็เห็นว่าเป็นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่เข้ามาทักทาย น่าจะเป็นเพื่อนของพี่เพชรนั่นล่ะ “มัวนั่งทำอะไรอยู่วะ ไม่เข้าเรียนเหรอ”
   “ไงไอ้พัค มึงก็มาสายเหมือนกันนะ”
   “เออ รีบอยู่เนี่ย สายไปหลายนาทีละ !” คำพูดของเพื่อนพี่เพชรทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าพี่เขามีเรียนเช้า และนี่ก็แปดโมงกว่าแล้ว แต่ตัวพี่เพชรยังมานั่งกินข้าวกับผมอยู่เลย
   “เออๆ ไปก่อน เดี๋ยวกูรีบตามไป” พี่เพชรโบกมือไล่เพื่อนเขา ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมายิ้มให้ผมแล้ววิ่งออกไป จนตอนนี้เหลือแค่ผมกับพี่เพชรเหมือนเดิม อีกฝ่ายจึงหันมามองทางผมอีกครั้ง พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ “งั้นพี่ไปเรียนก่อนนะ”
   “อ่า...ครับ ไว้เจอกันใหม่นะครับพี่เพชร” ผมที่ตอนแรกอยากจะถามถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาก็ต้องเก็บไว้ก่อน เพราะพี่เพชรเองก็น่าจะต้องรีบตามเพื่อนเขาไป
   “อืม” พี่เพชรยิ้มให้ผมเหมือนอย่างเคย ก่อนที่เขาจะจัดการเอาจานของผมไปซ้อนกับของตัวเอง แล้วลุกถือมันออกไป ผมที่มองตามก็ไม่ได้ทักท้วง แม้จะพูดขอบคุณอีกครั้งก็เหมือนจะไม่ทันแล้ว ได้แต่คิดว่าครั้งหน้าคงต้องตอบแทนเขาบ้างเท่านั้น
   ก็วันนี้พี่เพชรทั้งเลี้ยงข้าว เลี้ยงน้ำ นั่งกินข้าวเป็นเพื่อนแล้วยังเก็บจานให้อีก
   อ่า...
   รู้สึกเหมือนไปติดหนี้ก้อนโตเข้าแล้วสิ...




   วันนี้เป็นวันที่ผมเหงามาก แม้ทุกวันจะมีเพื่อนน้อย แต่อย่างน้อยก็ยังมี วันนี้พาฝันไม่มาเพราะมีธุระกะทันหันกับที่บ้าน ปั้นใจไม่มาเพราะป่วย ทำให้การเรียนช่วงเช้าของผมเงียบเหงาจากเดิมมาก แม้จะนั่งในห้องเรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันก็ทำให้ผมรู้สึกว่านานสุดๆ
   ฮื้อ หายไปหมดเลย
   ผมที่ตอนนี้กำลังเก็บของใส่กระเป๋าก็ได้แต่ถอนหายใจ หลังจากที่ฝ่าฝันการเรียนที่น่าเบื่อนี่มาได้ และคิดว่าสิ่งที่ผมจดไว้มันคงมีประโยชน์กับพาฝันและปั้นใจแน่ๆ ก็ได้แต่ใจชื้นขึ้นมา
   Rrrrrrrr ~
   เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมที่นั่งห่อเหี่ยวตอนแรกยืดอกขึ้น ก่อนจะหยิบมันขึ้นมารับสายจากคนป่วยที่ตอนนี้น่าจะยังนอนซมอยู่ และผมก็แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้โทรมาถูกเวลาขนาดนี้ คงไม่ได้รอเวลาผมเลิกเรียน...
   มะ...ไม่ใช่หรอกมั้ง แค่บังเอิญ...
   {เลิกเรียนแล้วใช่มั้ย}
   “อะ...อือ อาจารย์เพิ่งออกไปเมื่อกี๊เลย” ผมตอบและลุกขึ้นยืนคว้ากระเป๋ามาสะพาย ซึ่งเสียงของปั้นใจไม่ได้ต่างจากตอนเช้าเลย ออกแหบและเบา ราวกับคนพูดกำลังจะหายไปซะอย่างอย่างนั้น “แล้วปั้นดีขึ้นบ้างหรือยัง หวัดเราหายแล้วนะ”
   ผมว่าตามความจริงแม้จะไม่ทั้งหมดเพราะน้ำมูกยังมีอยู่เล็กน้อย พอกินยาเข้าไปน้ำมูกก็เริ่มน้อยลง ไม่จามแล้วด้วย แต่ความง่วงที่เข้ามาแทนที่นี่สิน่ากลัวสุดๆ ผมเกือบฟุบหลับกับโต๊ะตั้งหลายหนแหน่ะ
   {ไม่ต้องมาหาหรอก กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่า ป่วยไม่ใช่เหรอ}
   “เราไม่เป็นไร ที่สำคัญเราจะรอแม่อ่ะ...” ผมพูดตามความจริงเพราะเย็นนี้แม่ผมสัญญาว่าจะพาไปกินอาหารนอกบ้านหลังเลิกงาน ผมเลยไม่อยากให้แม่ขับรถเข้าไปรับแล้วออกมาหลายหน ถ้าผมกลับบ้านแล้วจะออกมาอีกครั้งก็ลำบากด้วย เพราะซอยในหมู่บ้านค่อนข้างไกลถนนเลยนี่สิ “เอ่อ...ปั้นจะพักผ่อนหรือเปล่า เราไม่ไปก็ได้นะ”
   {เปล่า แล้วนี่อยู่ไหน}
   “กำลังจะเดินออกจากห้องอ่ะ”
   {มาที่หอถูกหรือเปล่า}
   “ถูก ใกล้ๆ เอง คราวก่อนฟางก็พาเดินไป สบายมาก”
   {อืม มาคนเดียวได้แน่นะ ให้ไปรับมั้ย}
   “ไม่เป็นไร เราไปได้จริงๆ ว่าแต่ปั้นเถอะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เดี๋ยวเราซื้อเข้าไปให้”
   {เอาอะไรก็ได้ ง่ายๆ ไม่ต้องรอนาน}
   “อะ...อือ”
   {ถ้ามาถึงแล้วโทรมาบอกนะ เดี๋ยวลงไปรับ}
   “อืม”
   ผมขานรับ ดูเหมือนปั้นใจจะเป็นไม่ค่อยไว้ใจให้ผมมาคนเดียวเท่าไหร่ แม้ผมจะไม่รู้สาเหตุก็เถอะ เขาอาจจะกลัวผมหลงก็ได้ แต่หอของเขาอยู่ใกล้จริงๆ เดินแค่แป๊บเดียวก็ถึง และผมก็คิดว่าถ้าได้ไปนั่งเล่นที่ห้องเขามันคงจะดีกว่าการนั่งรอเฉยๆ ที่มหาวิทยาลัย จะได้ดูแลเขาไปด้วยเพราะปั้นใจก็ดูแลผมมาตั้งเยอะนี่นา
   ผมที่หาเหตุผลให้ตัวเองหลังจากที่ตัดสินใจไปหาปั้นใจได้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาพลางเก็บโทรศัพท์ที่วางสายไปแล้วเข้ากระเป๋า ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินไปที่หอของคนป่วย และถึงแม้ว่าผมจะหาเหตุผลต่างๆ นาๆ มาให้ตัวเองได้ว่าวันนี้ที่ผมไปหาเขาเพราะอะไร แต่ผมก็อดยอมรับกับจากใจตัวเองลึกๆ ไม่ได้ว่าความเป็นจริงแล้วผมไม่ได้มีเหตุผลมากขนาดนั้นเลย
   ผมก็แค่เป็นห่วงปั้นใจ...
   แค่นั้น...
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 18 (11.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: tarnting2 ที่ 11-01-2019 21:26:30
พี่เพชรนี่ดูแปลกๆ จะจีบเกลือหรอ คนนั้นของปั้นใจนะ
รอตอนต่อไปค่า อยากรู้ว่าปั้นใจจะหยอดอะไรเกลือบ้าง
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 18 (11.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-01-2019 03:57:41
หวัดหายก็คราวนี้ล่ะ มียา(ใจ)ไปหาถึงห้องปั้น  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 18 (11.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-01-2019 11:30:16
 :hao6: :hao6: :hao6:  อีปั้นนี้เรียกร้องความสนใจจริงๆ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 18 (11.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 12-01-2019 21:43:42
 o13ใสๆ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 19 (14.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 14-01-2019 13:05:50
ตอนที่ 19

   “ฮะ...อุ๊บ...”
   ผมที่เตรียมจะจามต้องหุบปากลงทันทีเมื่อประตูห้องตรงหน้าเปิดออก ก่อนจะถูจมูกของตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าโดนขัดจังหวะครั้งที่สองของวันแล้ว
   อ่า...ผมคิดว่าตัวเองจะดีขึ้นแล้วซะอีก
   ผมถอนหายใจเบาๆ โดยในมือก็มีข้าวต้มสำหรับคนป่วยกับข้าวคะน้าหมูกรอบของผม ก่อนจะเห็นว่าเจ้าของห้องที่มาเปิดประตูให้ตอนนี้หน้าแดง ตาแดงจนผมตกใจกับสภาพคนตรงหน้า
   “ทำไมไม่โทรมาล่ะ”
   “เราจำห้องปั้นได้”
   “เข้ามาสิ” ปั้นใจว่าก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้อง โดยที่ผมแอบได้ยินเสียงไอเบาๆ ของเขาด้วย ก่อนที่คนป่วยจะเดินไปหยิบโต๊ะมาตั้งที่กลางห้อง ผมจึงเดินไปหยิบถ้วย จานและช้อนแล้วเดินมานั่งลงตรงข้ามกับอีกคน “เรียนเป็นไง”
   “เหงามาก”
   “หืม...”
   “ฝันก็ไม่มาอ่า เรานั่งเรียนคนเดียว” ผมว่าพลางหยิบถ้วยมาเทข้าวต้มหมู พลางดันไปให้คนป่วย ก่อนจะจัดการเทของตัวเองใส่จานบ้าง ปั้นใจที่ตอนแรกทำท่าสนใจกับเรื่องที่ผมต้องนั่งเรียนคนเดียวตอนนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนความสนใจไปที่ของที่ผมซื้อมาฝากแล้ว เขามองข้าวต้มที่น้ำเต็มถ้วยแล้วมองคะน้าหมูกรอบของผมพลางขมวดคิ้ว “คนป่วยต้องกินอาหารเบาๆ”
   “ทำไมต้องข้าวต้มด้วย คนป่วยก็กินคะน้าหมูกรอบได้”
   “แต่วันนี้คนป่วยกินไม่ได้ เพราะคะน้าหมูกรอบเป็นของเรา”
   “แบ่งหน่อยไม่ได้เหรอ”
   “ม่าย ปั้นกินข้าวต้มไปสิ” ผมว่าพลางเลื่อนจานของตัวเองหลบอีกฝ่ายที่ทำท่าว่าจะเอื้อมมือมาตักข้าวของผม ทำให้เขาหรี่ตามองมาแต่ก็ยอมชักมือกลับไป
   “ข้าวไข่เจียวยังน่ากินกว่า”
   “ไว้คราวหน้านะ ตอนแรกเราก็ว่าจะสั่งข้าวไข่เจียวให้ แต่มันเป็นของทอด ปั้นไออยู่คงได้ไอหนักแน่ๆ แล้วถ้าสั่งของเผ็ดๆ มา เราก็ไม่รู้ว่าปั้นเจ็บคอมั้ย เลยสั่งอะไรที่คิดว่าคนไออยู่กินได้ที่สุดมาน่ะ”
   “...”
   “ถ้าหายแล้วเราจะแบ่งคะน้าหมูกรอบให้นะ” ผมว่าพลางยิ้มไปให้คนตรงข้ามที่ตอนนี้ยอมสงบแล้วสนใจกับข้าวต้มตรงหน้า ปั้นใจพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเริ่มตักอาหารที่ผมเลือกมาให้ขึ้นชิม เขานิ่งไปสักพักก่อนจะลงมือกินต่อ โดยที่ผมเองก็กินข้าวของตัวเองบ้าง
   “ขอบใจนะ”
   “อือ”
   ผมพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเอง บางครั้งก็มองไปรอบๆ ห้องบ้าง ซึ่งที่เตียงและโต๊ะเขียนหนังสือของเขายังคงเป็นระเบียบเหมือนเดิม มีแต่ผ้าห่มที่ถูกพับลวกๆ หลังจากที่ใช้ไปหมาดๆ
   ปั้นใจนี่เป็นระเบียบจังเลยน้า...
   “มีอะไรหรือเปล่า”
   “หืม...”
   “เห็นมองไปทั่วเลย”
   “อ่า...กำลังคิดอยู่น่ะ”
   “คิด ?”
   “คิดว่าปั้นเป็นคนมีระเบียบดีจัง” ผมว่าพลางมองไปที่โต๊ะเขียนหนังสืออีกครั้ง และสายตาก็ไปสะดุดกับโต๊ะติดๆ กันแต่สภาพต่างกันอย่างสิ้นเชิงจนต้องหันมาหาเจ้าของห้องแล้วยิ้มแห้ง
   “แค่เก็บของให้เป็นระเบียบก็ไม่ได้ยากอะไร” เขาตอบราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ ซึ่งขนาดผมไม่ได้ซกมกเท่าฟาง แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นระเบียบเท่าปั้นจริงๆ “ว่างๆ ก็บอกให้เพื่อนมาจัดของให้ไอ้ฟางบ้างสิ”
   “ฝันเหรอ”
   “อืม”
   “คิดว่าคงไม่ไหวหรอก ฮ่าๆ” ผมว่าพลางนึกถึงพาฝัน ซึ่งอีกคนก็เป็นคนใจร้อนไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้น ถ้าให้มาจัดของแบบนี้คงไม่ยอมแน่ๆ “เดี๋ยวเราจัดของฟางให้มั้ย”
   “จัดให้มันทำไม”
   “ก็จะไม่รกหูรกตาปั้นไง ของแค่นั้นเอง แป๊บเดียว”
   “ไม่เป็นไร”
   “แต่เรา...”
   “ไว้ของปั้นรกเมื่อไหร่จะชวนมาจัดนะ” ปั้นใจพูดโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยซ้ำ เขาได้แต่ตักข้าวต้มกิน ผมเลยได้แต่พยักหน้าแม้เขาจะไม่เห็นก็ตาม “เบื่อป่วย”
   “อือ เราเข้าใจ เราก็ไม่ชอบป่วย”
   “งั้นก็อย่าป่วย” เขามองผม และสายตาที่มองมานั้นก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาจริงจังในคำพูดไม่น้อย มันเหมือนเป็นคำสั่งและคำขอร้อง “เข้าใจมั้ย”
   “ระ...เราจะพยายามไม่ป่วยนะ”
   “ดีมาก” ปั้นใจยิ้มเล็กน้อย แล้วเริ่มลงมือกินข้าวต้มอีกครั้ง ผมที่ตอนนี้รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาก็ได้แต่ตักคะน้าหมูกรอบตรงหน้าใส่ปากแล้วพยายามไม่คิดสิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้
   แต่รอยยิ้มของปั้นใจนี่ติดตาสุดๆ ไปเลย !



   “ฮัดชิ้ว !”
   ผมที่จามออกมาแล้วรีบล้วงกระเป๋าเอากระดาษทิชชู่ขึ้นมาเตรียมพร้อมก็ต้องถูจมูกเบาๆ ก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับคนที่ตอนนี้นั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ข้างๆ เขามองมาที่ผมพลางขมวดคิ้วก่อนจะแย่งห่อทิชชู่ในมือของผมไปแล้วดึงกระดาษออกมาบีบที่จมูกของผมเบาๆ ราวกับเช็ดน้ำมูกให้เด็ก ก่อนจะเอาของใช้แล้วทิ้งลงถังขยะ
   เอ่อ...
   ดะ...เดี๋ยวนะปั้น เราไม่ใช่เด็กสักหน่อย
   งื้อ...
   “บอกตัวเองไว้ ห้ามป่วย”
   “เราแค่จามเอง”
   “เห็นบอกว่าเป็นหวัด”
   “หายแล้ว”
   “แน่ใจ”
   “แน่ใจสิ” ผมตอบอีกฝ่ายเต็มเสียง ก่อนจะแย่งห่อกระทิชชู่คืนมา ปั้นใจที่มองการกระทำของผมอยู่ก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ แล้วเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ตู้เย็นแล้วเดินกลับมาพร้อมกล่องขนมหวานในมือ
   “ขนมไอ้ฟาง”
   “...”
   “อ่ะ” ปั้นใจยื่นกล่องขนมเค้กร้านโปรดของผมมาให้ ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็พอรู้ว่าฟางเองก็ชอบขนมร้านนี้เหมือนกัน แต่การถูกยื่นขนมของคนอื่นมาให้แบบนี้นี่มัน...
   “เอ่อ...ของฟางไม่ใช่เหรอปั้น...”
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวจ่ายเงินมันเอง”
   “...”
   “กินได้” ปั้นใจพูดย้ำพลางวางกล่องขนมลงตรงหน้าผม ซึ่งผมเองก็ไม่กล้ากินอยู่ดี เพราะกลัวว่าฟางกลับมาแล้วจะว่าปั้นใจ แม้จะรู้อยู่ลึกๆ ว่าฟางจะไม่กล้าก็เถอะ
   อ่า...กลัวทั้งคู่ทะเลาะกันจัง
   ผมที่ตอนนี้ขมวดคิ้วคิดหนัก เพราะของตรงหน้าก็น่ากิน แต่เจ้าของก็ยังไม่อนุญาตจะให้กินเลยมันก็ออกจะรู้สึกผิดไปหน่อย
   เอาไงดี...
   “ไม่กินเหรอ”
   “กลัวฟางว่าอ่ะ” ผมพูดตามความจริงพลางเงยหน้ามองปั้นใจ ซึ่งเขาที่ขมวดคิ้วตามก็ได้แต่มองผมสลับกับกล่องขนม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์อะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมันมาให้ผมดู
   
   Punjai : ขอซื้อต่อเค้กในตู้เย็นให้เกลือกินนะ
   Fang : ตามสบายเลยครับลูกพี่

   แชทเฟซบุ๊กที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนทำให้ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าปั้นใจทักไปขอเจ้าของเค้กชิ้นนี้ให้จริงๆ
   จะ...ใจดีเกินไปแล้ว

   Fang : ว่าแต่ลุกมาขอซื้อเค้กต่อกูได้นี่หายป่วยแล้วสินะ มียาดีนี่เนอะ
   Fang : (สติ๊กเกอร์โปรยใจ)
   
   ผมที่เห็นว่าแชทเลื่อนขึ้นเพราะอีกฝ่ายส่งข้อความมาอีกก็ได้แต่เงยหน้ามองปั้นใจ ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะเก็บโทรศัพท์ไปโดยไม่สนใจแชทของฟางด้วยซ้ำ
   “กินได้ ซื้อต่อแล้ว”
   “อะ...อือ ขอบใจนะ”
   ละ...แล้วผมที่มาดูแลปั้นใจทำไมถึงได้มานั่งกินเค้กแบบนี้ล่ะเนี่ย !
   ไม่ได้ๆ ต้องสนใจอาการป่วยของเขาบ้างแล้ว
   “เอ่อ ปั้น”
   “หืม...”
   “ตัวหายร้อนหรือยัง” ผมขยับเข้าไปใกล้เขาทำให้ปั้นใจที่ตอนแรกหันไปสนใจกับหนังสือการ์ตูนก็หันมามอง ผมจึงเอื้อมมือไปจับที่หน้าผากของเขาเบาๆ “ตัวยังอุ่นอยู่เลย”
   “...”
   “เดี๋ยวเราเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้นะ” ผมรีบพูดขึ้นเมื่อรู้สึกประหม่าขึ้นมาเมื่อเห็นว่าใบหน้าของปั้นใจอยู่ตรงหน้า แถมยังจับหน้าผากเขาแบบไม่ขออนุญาตด้วย แต่ยังไม่ทันที่ชักมือกลับมือของปั้นใจก็ปล่อยหนังสือการ์ตูนวางลงบนพื้นแล้วเอื้อมมือมาจับมือของผมไว้
   “ขอบคุณที่แวะมาหา”
   “อืม...”
   “ขอบคุณที่เป็นห่วง”
   เสียงแหบพร่าที่เปล่งเป็นคำพูดเบาๆ ทำให้ผมได้แต่พยักหน้ารับ และเลือกที่จะก้มหน้าลง เพราะไม่กล้าสบสายตาของเขาที่มองมานัก ก่อนจะต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมืออุ่นๆ อีกข้างของปั้นใจเตะที่แก้มของผมเบาๆ แรงเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ใบหน้าผมเงยขึ้นสบตากับเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ทำให้ผมแทบหยุดหายใจเมื่ออยู่ๆ ใบหน้าของปั้นใจก็ขยับเข้ามาใกล้จนริมฝีปากอุ่นร้อนแตะลงที่มุมปากของผมเบาๆ แล้วถอยออก ผมที่นั่งตัวแข็งไปแล้วก็ได้แต่กระพริบตาปริบๆ เพื่อทำความเข้าใจกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่
   จะ...จูบ...
   ไม่ใช่ แต่ก็เกือบ...
   คะ...แค่มุมปาก ไม่ใช่ปาก...
   แล้วลมหายใจร้อนๆ เมื่อกี๊มัน...
   “ปะ...ปั้น...”
   “เมื่อกี๊เรียกว่าฉวยโอกาส...”
   “...”
   “แต่ถ้าครั้งหน้าเกลือเปิดโอกาสอีกเมื่อไหร่ปั้นจะเปลี่ยนเป็นที่ปากแล้วนะ”
   รอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดบนใบหน้าของปั้นใจทำให้ผมทำหน้าทำตัวไม่ถูกไปแล้ว ไม่กล้าแม้แต่ละสายตาไปจากคนตรงหน้าด้วยซ้ำ หัวใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงราวกับจะบอกให้คนใกล้ตัวรับรู้ว่าผมตื่นเต้นและเขินมากขนาดไหน
   ถะ...ถ้ามีโอกาส...
   ที่ปาก...
   กะ...ก็จูบน่ะสิ !



   “เกลือ”
   “...”
   “หมูเกลือ !”
   เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงมัน ก่อนจะหันไปมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง
   “คะ...ครับแม่...”
   “เป็นอะไรหรือเปล่าเรา หน้าแดงเชียว หรือจะไม่สบาย”
   “ปะ...เปล่า...”
   “ไปหาหมอหน่อยมั้ย เดี๋ยวแม่พาไป”
   “เกลือไม่ได้เป็นอะไร...” ผมรีบส่ายหัวเพื่อยืนยันกับแม่ว่าไม่ได้กำลังป่วยจริงๆ แต่ที่หน้าแดงมันคงจะมีสาเหตุมาจาก...
   ‘แต่ถ้าครั้งหน้าเกลือเปิดโอกาสอีกเมื่อไหร่ปั้นจะเปลี่ยนเป็นที่ปากแล้วนะ’
   ฉ่า ~!
   ผมที่รีบก้มหัวซุกหน้าลงกับกระเป๋าก็ได้แต่เม้มปากแน่น สัมผัสอุ่นๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังติดอยู่จนรับรู้ได้ว่ารู้สึกอย่างไร และเมื่อนึกถึงหัวใจมันก็พาลเต้นแรงขึ้นมาจนกลัวว่าหัวใจอาจจะวายอย่างเฉียบพลันได้
   ปะ...ปั้นใจแกล้งผมเข้าแล้ว...
   “เป็นอะไรหรือเปล่าเรา ไม่ได้ป่วยแน่นะ”
   “กะ...เกลือไม่ได้ป่วยครับ...”
   “แล้วเกิดอะไรขึ้นหืม ทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะ”
   “เกิดอะไรขึ้น...”
   เกิด...ที่ปาก...
   บะ...บอกแม่ไม่ได้เด็ดขาดเลย !
   “ว่าไงเรา”
   “มะ...ไม่มีอะไรครับ เกลือไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
   “แน่ใจนะ”
   “ครับ...” ผมตอบเสียงเบาแม้ใบหน้าจะยังซุกอยู่ที่กระเป๋าก็ตาม ตอนนี้แม่กำลังจะพาผมไปที่ร้านอาหารร้านประจำของเพื่อนแม่ที่เราทั้งคู่ไปกินบ่อยครั้งหลังจากที่ผมออกมาจากหอของปั้นใจโดยที่ไม่ได้ช่วยทำประโยชน์อะไรให้คนป่วยแม้แต่น้อย ขนาดเช็ดตัวเขายังทำเอง ส่วนผมหลังจากที่เจอเหตุการณ์ชวนตกใจไปเลยทำให้เกิดอาการพูดน้อยและพูดไม่ออกเวลาอยู่ต่อหน้าปั้นใจซะอย่างนั้น
   ตื่นเต้นสุดๆ เลย...
   แล้วก็...รู้สึกดีด้วย...
   ผมที่หลับตาลงพลางนึกถึงสัมผัสที่ในใจลึกๆ ไม่อยากจะลืมมันนัก ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อมีแรงสั่นจากโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋า ทำให้ผมล้วงมันออกมาพลางค่อยๆ ยกหัวออกจากกระเป๋าผ้าที่ตอนนี้โดนผมทับจนไม่เป็นทรงแล้ว
   ไลน์เข้า...
   ผมจ้องไปที่แจ้งเตือนข้อความใหม่ ก่อนจะกดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียว และเมื่อเห็นชื่อของเจ้าของแชทก็ทำเอาหัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว
   ฮื้อ...ความรู้สึกที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แบบนี้มันคืออะไรกัน
   ผมที่ตอนนี้จ้องไปที่ชื่อและรูปโปรไฟล์แมวสีดำหน้าตาตลกสุดๆ ก็ได้แต่พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ เปิดแชทที่คนป่วยส่งเข้ามาหมาดๆ

   ปั้น : ลืมอะไรไว้หรือเปล่า
   
   ผมอ่านข้อความตรงหน้าก็ต้องขมวดคิ้วจนลืมเรื่องตื่นเต้นเมื่อสักครู่ ก่อนจะเปิดกระเป๋าดูของด้านในว่าไปเผลอลืมอะไรไว้
   กระดาษทิชชู่เหรอ...
   
   เกลือ ._. : กระดาษทิชชู่ใช่มั้ย
   ปั้น : อืม
   เกลือ ._. : ปั้นทิ้งไปเลย วันนี้เราจามบ่อย อาจจะมีเชื้อโรคก็ได้
   ปั้น : เดี๋ยวพรุ่งนี้เอาไปให้
   เกลือ ._. : ไม่เป็นไร ที่บ้านเรามีเยอะเลย
   ปั้น : สรุปไม่เอาแล้ว
   เกลือ ._. : อือ

   ผมพิมพ์ตอบกลับไปแค่นั้น ซึ่งทางปั้นใจก็เงียบไปสักพัก ทำให้ผมที่ตอนแรกใจจดใจจ่อกับแชทที่ขึ้นมาอย่างรวดเร็วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา รู้สึกดีขึ้นเมื่ออาการตื่นเต้นเมื่อสักครู่เริ่มหายไปแล้ว และดีใจที่ผมสามารถคุยกับปั้นใจได้อย่างปกติ
   “ฮู่ว...” ผมพ่นลมหายใจออกมาพลางกุมหน้าอกเบาๆ ก่อนจะหันไปเห็นว่าแม่กำลังมองมาพลางทำหน้าสงสัย ผมเลยได้แต่ส่งยิ้มกลับไป “เกลือไม่เป็นอะไรแล้วแม่”
   “ดีแล้ว เมื่อกี๊แม่เป็นห่วงเกลือมากเลย นึกว่าจะไม่สบายซะอีก”
   “แฮะๆ ขอโทษนะครับ”
   แม่เอื้อมมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ หนึ่งที ก่อนจะหันไปสนใจกับถนนตรงหน้าต่อ ผมจึงก้มมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง ที่คราวนี้มีข้อความใหม่ขึ้นมาแล้ว
   และมันก็ไม่ดีกับใจผมเอาซะเลย

   ปั้น : งั้นเดี๋ยวปั้นเก็บไว้ใช้เองแล้วกัน
   ปั้น : ขอบใจนะ

   ผมที่อ่านข้อความตรงหน้าก็ได้แต่หุบยิ้มลง จากที่ตอนแรกกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงคนที่ป่วยมากกว่า เพราะวันนี้ผมจามไปหลายรอบ และเจ้าทิชชู่ห่อนี้ก็อยู่ในเหตุการณ์ตลอดด้วย...
   เอ่อ...ปั้น...
   ถ้าอยากได้เดี๋ยวเราหิ้วไปให้พรุ่งนี้ก็ได้...

   ปั้น : ดีใจ นอกจากข้าวต้มแล้วยังได้ทิชชู่มาเป็นของฝากด้วย
   เกลือ ._. : ฮื้อ เดี๋ยวเราหิ้วห่อใหม่ไปฝากพรุ่งนี้ก็ได้นะ ทิ้งไปเถอะ มันเหลือนิดเดียวเอง
   ปั้น : อยากได้
   
   ผมที่อ่านแชทที่ถูกส่งเข้ามาก็ได้แต่บีบโทรศัพท์แน่น เพราะไม่รู้ว่าปั้นใจทำไมต้องดีใจกับของเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ด้วย ทั้งๆ ที่ผมคิดว่าวันนี้ยังไม่ได้ดูแลเขาสักนิด มีแต่เขานั่นล่ะที่มาดูแลผม และยังลุกมานั่งเป็นเพื่อนทั้งๆ ที่ป่วยอยู่ด้วย
   เหมือนไปกวนเขาเข้าแล้ว พรุ่งนี้จะหายมั้ยนะ...
   จะได้เจอหรือเปล่า...
   ผมที่แอบรู้สึกผิดลึกๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมองไปที่หน้าจอตรงหน้าอีกครั้ง ที่คราวนี้ปั้นใจส่งข้อความเข้ามาใหม่ และมันก็มีผลกับหัวใจของผมสุดๆ

   ปั้น : แต่ที่ดีใจกว่าการได้ของฝาก คือได้เจอหน้าคนที่หิ้วมาฝากมากกว่า
   ปั้น : เจอกันที่ ม. พรุ่งนี้นะ
   เกลือ ._. : อือ ไว้เจอกันนะ

   ผมที่ยิ้มกับข้อความตรงหน้าอย่างกลั้นไม่อยู่จนต้องยกมือขึ้นกุมแก้มตัวเองไว้ และในใจลึกๆ ก็พูดเพ้อกับตัวเองอยู่หลายต่อหลายครั้งกับความรู้สึกจริงๆ ของผมที่เกิดขึ้นมา
   อะ...อืม...
   อยากเจอปั้นใจทั้งพรุ่งนี้ มะรืนนี้ และทุกๆ วันเลย...
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 19 (14.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 14-01-2019 16:16:13
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 19 (14.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 14-01-2019 17:44:43
เอ้ยยย พัฒนาจ้า มีการพัฒนา 555
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 19 (14.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-01-2019 18:10:32
 :katai3:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 19 (14.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-01-2019 19:31:32
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 19 (14.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 14-01-2019 21:23:54
งื้ออออออ​  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 19 (14.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-01-2019 01:18:34
เกลือเสร็จปั้นอีกแล้วววววววววววว  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 20 (17.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 17-01-2019 21:15:07
ตอนที่ 20

   “ชาเขียว ชานม หรือนมเย็น...”
   ผมที่ตอนนี้กำลังมองป้ายเมนูขนาดใหญ่ก็ได้แต่ครุ่นคิดกับตัวเองว่าจะกินอะไรดี วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมีเรียนสาย ทางเลือกของการนั่งฆ่าเวลาเช้าๆ คือการนั่งที่ร้านชานมไข่มุกที่บรรยากาศน่ารักสุดๆ ที่นี่นั่นเอง
   ว่าแต่กินอะไรดี...
   “รับอะไรดีคะ”
   “เอ่อ...ผมเอาชาเขียวปั่นใส่วิปครีมไม่เอามุกครับ” ผมที่สั่งเมนูเดิมๆ แม้ตอนแรกจะคิดไว้หลากหลาย แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นชาเขียวอยู่ดี พนักงานได้แต่ยิ้มรับก่อนจะเริ่มลงมือชงชาเขียวให้ผม และกลิ่นหอมๆ ก็ทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆ “พี่ครับ ผมขอพิเศษวิปครีมได้มั้ย”
   “ได้ค่ะ”
   พี่สาวตรงหน้ายิ้มให้เป็นกันเองสุดๆ ทำให้ผมได้แต่ยิ้มกลับ แล้วยืนรอของที่ตัวเองสั่ง
   “หนู...”
   “...!”
   “เจ้าหนูอ้วน...”
   ผมที่สะดุ้งกับเสียงเบาๆ ที่กระซิบข้างหู ก่อนจะรีบหันไปมองก็เห็นว่าเป็นปั้นใจที่ตอนนี้ยืนช้อนหลังของผมอยู่
   “ปะ...ปั้น...”
   “ว่าแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่” เขาพูดพลางยิ้มให้ผมเล็กน้อย เสียงของเขายังคงแหบอยู่ แต่ใบหน้าดูดีขึ้นเยอะเลย
   กลับมาหล่อแล้ว...
   “เอ่อ...ทำไมปั้นมาเช้า”
   “กลัวเกลือเหงา เลยรีบมา” เขาว่าพลางเงยหน้าขึ้นมองป้ายเมนู และเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่พนักงานทำชาเขียวแบบวิปครีมพูนๆ ให้ผมเสร็จพอดี “เอานมร้อนแก้วนึงครับ”
   “ได้ค่ะ”
   ผมที่รับแก้วชาเขียวของตัวเองมาก็หลบทางให้คนที่สั่งนมร้อนและจ่ายเงิน ไม่นานเราทั้งคู่ก็มีเครื่องดื่มอยู่ในมือคนละแก้ว ผมที่ยืนรอเขาอยู่แล้วก็เริ่มมองหาที่นั่งที่ว่าง โชคดีที่ช่วงเช้าที่นี่ยังไม่ค่อยมีนักศึกษานัก ผมและปั้นใจจึงได้ที่ดีๆ สำหรับการนั่งรอเวลาเรียนในเช้านี้
   รู้สึกว่าห่างกับปั้นใจได้ไม่นาน แป๊บๆ ก็ได้เจอกันอีกแล้ว
   เมื่อวานผ่านไปเร็ว...
   เมื่อวาน...
   ฉ่า ~!
   งื้อออ อย่าเพิ่งนึกถึงๆๆ
   ผมที่สะบัดหัวเบาๆ ก็รีบยกแก้ชาเขียวขึ้นมาดูดราวกับว่าความเย็นและความหวานที่ได้รับจะทำให้อาการร้อนๆ บนใบหน้านั้นหายไปได้
   จริงสิ ผมมีขนมปังอยู่นี่นา !
   ผมที่นึกขึ้นได้ว่ามีของที่เป็นมื้อเช้ามื้อประจำอยู่กับ จึงเปิดกระเป๋าแล้วหยิบขนมปังครัวซองต์ออกมาแล้วยื่นไปให้คนตรงข้าม
   “นมร้อนกินกับครัวซองต์อร่อยมาก” ผมรีบพูดเมื่อเห็นว่าปั้นใจมองมาที่ผมราวกับถามว่ายื่นมาให้ทำไม และคำพูดของผมก็ทำให้เขาพยักรับแล้วหยิบห่อขนมปังไปแกะแล้วส่งเข้าปากทันที
   “อร่อย”
   “เราบอกแล้ว” ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าปั้นใจดูจะพออกพอใจกับของที่ผมให้ไป ก่อนที่ตัวเองจะหันมาสนใจกับชาเขียวปั่นเย็นๆ ตรงหน้าต่อ วิปครีมนุ่มๆ ละมุนลิ้นแบบนี้ดีต่อใจผมจริงๆ
   “แลกกัน” คำพูดเบาๆ ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง ก่อนที่ซองคิทแคทรสชาเขียวจะถูกวางลงตรงหน้า
   “ขอบใจนะ” ผมเอื้อมมือไปรับของที่ปั้นใจให้มา โดยตอนนี้รู้สึกว่าตัวเองกำลังกลั้นยิ้มจนรู้สึกปวดแก้มไปหมด ก่อนจะเก็บของหวานที่ได้มาใส่กระเป๋าไว้
   “ไม่กินเหรอ”
   “เก็บไว้กินทีหลัง” ผมรีบส่ายหัว เพราะตอนนี้ยังไม่อยากกินมันจริงๆ เพราะถ้ากินแล้วแม้แต่ซองคงจะเก็บไว้ไม่ได้แน่ๆ
   งื้อ...นี่ผมตัดใจจากของหวานได้เลยเหรอเนี่ย
   “อ้าว ปั้น !”
   ผมที่ตอนแรกนั่งก้มหน้าก้มตาสนใจแต่ซองคิทแคทก็ต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อมีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกชื่อปั้นใจขึ้นมา พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่เดินเข้ามาหาปั้นใจ ซึ่งคนตรงข้ามผมก็ยกมือไหว้ทันที
   “สวัสดีครับพี่แป้ง”
   “ทำไมเสียงเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย” เธอที่ทำท่าตกใจเมื่อได้ยินเสียงแหบๆ ของคนที่เข้ามาทักทาย
   “ไม่สบายครับ”
   “ถึงว่า...เมื่อวานทำไมไม่มา” ปั้นใจพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะยกแก้วนมร้อนขึ้นดื่ม ตามด้วยขนมปัง “งั้นเดี๋ยวพี่มานั่งด้วยนะ มีเรื่องจะคุยด้วยพอดี ไปซื้อน้ำก่อน”
   คนมาใหม่พูดพลางวางกระเป๋าลงตรงที่นั่งข้างๆ ปั้นใจ ก่อนจะเดินออกไปเพื่อสั่งเครื่องดื่มทันที ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ผมกับคนตรงข้ามเท่านั้นที่กำลังนั่งมองหน้ากันอยู่ สุดท้ายผมก็ได้แต่ยิ้มให้เขาเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ตามสบาย และไม่รู้ว่าเขาเข้าใจหรือเปล่า เพราะอีกคนตอนนี้เลื่อนแก้วนมร้อนมาที่ฝั่งเดียวกับผม ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
   “ไม่อยากทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยแล้ว”
   “สู้ๆ นะ”
   “อืมมมมม” คนที่บ่นออกมาได้แต่ขานรับยาวๆ ก่อนที่เขาจะยกแก้วนมร้อนดื่มทีเดียวจนหมด ตามด้วยขนมปังที่เหลือคำใหญ่ ไม่นานของกินตรงหน้าก็หมดลง คงเหลือแต่ผมที่ตอนนี้น้ำยังเต็มแก้ว “ง่วง”
   “อ่า...”
   “ยังไม่หายป่วยเลย” ปั้นใจพูดขึ้นพลางมองมาที่ผม ซึ่งตัวเองก็ได้แต่มองเขากลับไปก่อนจะคิดแล้วคิดอีกว่าควรจะจับหน้าผากเขาดีมั้ย “ไม่รู้ว่ายังไม่ไข้อยู่หรือเปล่า...”
   ในที่สุดผมก็เอื้อมมือไปที่หน้าผากอุ่นๆ ของคนข้างๆ ที่ตอนนี้นั่งตัวตรงราวกับรอให้ผมวัดไข้ให้ และความอุ่นร้อนที่แผ่มาที่มือของผมนั้นก็ทำให้รู้ว่าไข้ของเขายังไม่ได้หายไปไหนจริงๆ
   “ตัวยังร้อนอยู่เลย”
   “อือ...”
   “ปวดหัวหรือเปล่า”
   “นิดนึง...”
   “ทำไมไม่นอนพัก มาเรียนทำไม”
   “อยากเจอ” คำตอบของปั้นใจทำให้ผมพูดต่อไม่ถูก ก่อนจะดึงมือตัวเองกลับมา
   “เราก็อยากเจอปั้นเหมือนกัน แต่เจอตอนหายป่วยแล้วจะดีใจกว่า...”
   ผมพูดตามความจริง แม้จะอยากจะเจอ แต่การที่ได้เจอแล้วรู้ว่าเขาฝืนร่างกายตัวเองแบบนี้ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ กลัวว่าเขาจะไม่ไหว หรือเป็นหนักกว่าที่เป็นอยู่
   “เดี๋ยวนอนสักพักก็ดีขึ้น” ปั้นใจว่าเบาๆ พลางขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่หัวหนักๆ ของคนข้างๆ ผมจะทิ้งลงมาบนไหล่ ทำเอาผมนั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะยกแก้วชาเขียวขึ้นมาดูด “ขอนอนหน่อยนะ”
   “...”
   “ถ้าพี่เขากลับมาบอกว่าปั้นหลับไปแล้ว”
   คำพูดเบาๆ ที่พูดสั่งไว้ก่อนที่ร่างข้างๆ ผมจะนิ่งไป มีเพียงลมหายใจอุ่นๆ ที่ผมพอจะรับรู้ได้ ผมที่นั่งตัวตรงก็ค่อยๆ ผ่อนความเกร็งลง ก่อนจะหันไปมองคนป่วยที่ตอนนี้นั่งหลับตาซบไหล่ผมอยู่ จนผมกลัวว่าความสูงของเขาจะทำให้ทำให้เขาปวดเมื่อยหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรออกไป ได้แต่เป็นที่พักพิงจำเป็นให้กับปั้นใจเท่านั้น และผมก็หวังว่าการนอนหลับครั้งนี้จะทำให้เขาดีขึ้นมาจริงๆ
    “ฝะ...ฝันดีนะ...”
   ผมพูดเบาๆ จนไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินหรือเปล่า สุดท้ายแล้วช่วงเช้าของวันนี้ผมก็นั่งอยู่ที่ร้านชานมไข่มุกโดยมีคนป่วยนั่งหลับอยู่ข้างๆ แม้จะมีคนเข้ามาทักทายบ้างแต่ก็ไม่มีใครสามารถเรียกให้ปั้นใจตื่นขึ้นมาตอบได้สุดท้ายพวกเขาก็จากไป เหลือเพียงผมกับคนป่วยที่หลับสนิทเท่านั้น
   และผมก็หวังว่าเขาจะดีขึ้นทันทีที่ตื่นมา
   ให้ตายสิ
   ชอบความรู้สึกที่เหมือนมีกันแค่สองคนแบบนี้สุดๆ ไปเลย...



   “คอเคล็ด”
   “อ่า...” ผมมองคนที่ใช้มือบีบนวดต้นคอของตัวเองอยู่ก็ได้แต่แสดงความเป็นห่วงทางสายตาเท่านั้น ปั้นใจที่ตอนนี้ขยับคอไปมา ดูท่าจะทรมานสุดๆ ก็ทำให้ผมตะหนักแล้วว่าความสูงของผมนั้นเป็นอันตรายกับเขาอย่างร้ายแรงจริงๆ
   ฮื้อ...เราไม่ได้ตั้งใจนะ...
   “เอาน่า ความสุขที่ยิ่งใหญ่ มันก็ต้องแลกมาด้วยความทุกข์เล็กๆ เว้ย”
   “มึงหุบปากไปเลย”
   “ใจร้ายกับเพื่อนว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” ผมมองฟางที่หัวเราะออกมาราวกับมีความสุขเมื่อเห็นว่าปั้นทุกข์ ซึ่งผมเองตอนนี้ได้แต่ก้มหน้าหงุดพลางมองคนที่นวดที่ต้นคอตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว และเมื่อปั้นใจเห็นผมว่ากำลังมองเขาอยู่ เขาก็ปล่อยมือจะการบีบนวดแล้วกลับมานั่งหลังตรงทันที ราวกับว่าความเจ็บปวดเมื่อสักครู่ได้หายไปแล้ว
   ไม่ต้องเก็บอาการก็ได้...
   “มึงมาทำไมที่นี่”
   “มาหาแฟน”
   “ไหนแฟนมึง”
   “ฝันออกไปซื้อของกับรุ่นพี่น่ะ เดี๋ยวคงกลับมา” ผมพูดขึ้นเมื่อพาฝันโดนพี่รหัสชวนออกไปซื้อของเป็นเพื่อน เห็นว่าพวกพี่ปีสองมีงานใหญ่ที่ต้องทำ อย่างพี่เพชรเองช่วงนี้ผมก็เจอเขาบ่อยๆ เพราะเขารวมตัวกับเพื่อนๆ ทำงานชิ้นนั้นอยู่ใต้ตึก
   “เห็นมั้ย เดี๋ยวแฟนกูก็มา”
   ฟางยิ้มกว้างให้กับปั้นใจ ทำเอาคนที่ตอนนี้ขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเองได้แต่บ่นพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันหน้าหนีไปเลย ผมที่มองทั้งคู่อยู่ก็ได้แต่ยิ้มออกมา เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ฟางก็กวนปั้นใจได้ตลอด และอีกฝ่ายเองก็ทำท่ารำคาญฟางอยู่เสมอเหมือนกัน จนไม่รู้ว่าทั้งคู่สนิทกันได้ยังไง
   แต่ก็ดูมีสีสันดีล่ะนะ ถึงปั้นจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็เถอะ ฮ่าๆ
   “มาแล้วๆๆๆๆ”  เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างที่ทิ้งตัวลงนั่งแรงๆ จนกระแทกร่างผมจนขยับพร้อมกับใบหน้าที่เกยขึ้นบนไหล่ทำให้ผมหันไปมอง ก็เห็นว่าพาฝันที่ตอนนี้นั่งตัวติดผมกำลังหอบเหนื่อย “เหนื่อยชะมัด เขาเรียกกูไปแบกของเว้ย ไม่ได้เรียกให้ไปเป็นเพื่อน !”
   “ไหวมั้ยฝัน”
   “ไม่ไหวเลยเจ้าหมูอ้วนนนนน ~” พาฝันที่พูดโดยที่หน้าแนบไปกับแขนของผมทำให้ตัวเองมองเธออย่างขำๆ แน่นอนว่าทั้งสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ก็กำลังมองคนที่เพิ่งมาถึงอยู่เช่นกัน และเมื่อคนที่บ่นว่าเหนื่อยเริ่มหายใจหายคอได้บ้างก็ถอยตัวออกจากผมแล้วยกถุงพลาสติกขึ้นมาวางบนโต๊ะทันที “ถึงจะเหนื่อยแต่ได้ขนมมาเพียบเลยว่ะ”
   “ดีๆๆ แจกจ่ายสิ”
   “ไม่ต้องเลยไอ้ฟาง กูยังงอนมึงอยู่นะ”
   พาฝันที่หันไปพูดกับฟางทำให้ผมได้แต่ตกใจกับสรรพนามแบบนั้น แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติ เพราะพาฝันคงพูดเพราะไม่ได้นัก และยิ่งเป็นฟางด้วย คงไม่แปลกที่ขึ้นมึงกูกันเลยทีเดียว
   “โธ่ น้องฝันจ๋า อย่าใจร้ายกับพี่เลย ~”
   “มานงมาน้อง อายุห่างกันตั้งรอบปี”
   “อ้าวเหรอ มองไกลๆ นึกว่าสาว ม.ต้น !”
   “พูดดี กูแบ่งขนมก็ได้” พาฝันเบะปากก่อนจะหัวเราะชอบใจ ซึ่งฟางเองก็ไม่ต่างกัน ผมที่มองคู่รักอารมณ์ดีก็ได้แต่ยิ้มตาม ก่อนที่ฟางจะลุกขึ้นแล้วมาขอแลกที่กับผม ทำให้ตัวเองต้องขนข้าวของย้ายไปนั่งฝั่งปั้นใจ
   อ่า...นั่งใกล้กันอีกแล้ว
   “รำคาญมั้ย...” อยู่ๆ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมก็ขยับเข้ามาใกล้พลางก้มหน้าเข้ามากระซิบถาม ผมเลยได้แต่หันไปมองงงๆ “สองคนนั้น”
   “หือ ไม่นี่ น่ารักดีออก”
   “เหรอ” ปั้นใจหรี่ตาพลางหันไปมองทางสองคนนั้นอีกครั้งก่อนจะขยับตัวออกไป ทำให้ผมได้แต่มองเขาสลับกับทั้งสองคนที่ผมมองยังไงก็ว่าน่ารัก “ไม่เห็นน่ารักเลย น่ารักตรงไหน”
   “ปั้นไม่ชอบเหรอ”
   “ไม่อ่ะ”
   “ทำไมอ่ะ”
   “ไม่รู้”
   “อิจฉาก็บอกมาเถ้อออออ ~!” ฟางที่พูดขึ้นมาแม้การกระทำของเขาจะยังยุ่งอยู่กับพาฝันก็ตาม พอผมหันไปมองทางปั้นใจก็เห็นว่าอีกคนขมวดคิ้วทำหน้าเซ็งและหันหน้าหนีไปแล้ว
   โดนฟางแกล้งอีกแล้วสินะ
   ผมที่ขำทั้งหน้ามุ่ยๆ ของปั้นใจ และท่าทางของทั้งสองคนตรงข้ามก็ได้แต่หัวเราะออกมา และเมื่อเขาได้ยินว่าผมหัวเราะอยู่คนข้างๆ ก็รีบหันมามองผมทันที
   “ขำปั้นเหรอ”
   “เปล่าสักหน่อย เราตลกฟางกับฝันต่างหาก”
   จริงๆ ก็แอบขำปั้นนิดนึงแหละ ฮ่าๆ
   “เดี๋ยวจะโดน” ปั้นใจว่าก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มผมหนึ่งที แล้วดูท่าว่าจะไม่ปล่อยง่ายๆ ด้วย
   “อ๋อยยย ~”
   ไหนบอกว่า ‘เดี๋ยวจะ’ ไง นี่มันโดนเลยชัดๆ งื้อ...
   “นิ่ม”
   “แกล้งเราอ่ะ” ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะแก้มยังโดนคนตรงหน้าใช้มือทั้งสองข้างจับแล้วบีบไปมาอย่างสนุกมือ ซึ่งแน่นอนว่าผมบ่นเพียงแค่นั้นจริงๆ เพราะแก้มของผมตอนนี้ได้ทำประโยชน์เข้าแล้วเมื่อปั้นใจยิ้มออกมาหลังจากที่ดูอารมณ์เสียเมื่อสักครู่
   ประโยชน์ต่อใจผมนี่ล่ะ...
   “อะแฮ่ม”
   “แค่กๆๆๆๆ ข้าวโพดคั่วติดคอ” เสียงของสองคนที่นั่งตรงข้ามทำให้ปั้นใจหุบยิ้มลงทันที และผมก็อดเสียดายไม่ได้
   “น้ำจ้าน้ำ”
   ปั้นใจที่ยอมปล่อยมือออกจากแก้มของผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ทำให้ผมได้แต่ลูบแก้มตัวเองบ้าง พอหันไปมองพาฝันกับฟางทั้งคู่ก็พร้อมใจกันยื่นขนมมาให้ผม เป็นเยลลี่ห่อสีม่วงของพาฝันกับขนมเบงเบงที่ฟางส่งมาให้ แล้วชี้ไปทางปั้นใจ พลางพูดแบบไม่มีเสียง
   ‘เอาให้มันสิ’
   ผมที่ตอนแรกพยายามอ่านปากของเขาก็ได้แต่พยักหน้า และคิดว่าฟางจะง้อปั้นใจแน่ๆ ก่อนจะรับขนมทั้งสองแบบมาแล้วเลือกเอาช็อกโกแลตห่อสีแดงที่ผมชอบกินเมื่อสมัยเด็กยื่นไปให้คนข้างๆ เมื่อปั้นใจเห็นว่าขนมถูกยื่นไปเขาก็มองหน้าผมก่อนจะยอมรับไปทันที ผมที่หันมาสนใจกับการแกะเยลลี่กินบ้างก็เห็นว่าพาฝันกับฟางกับหัวเราะอะไรสักอย่าง พอหันไปมองทางปั้นใจอีกครั้ง ก็เห็นว่าเขากำลังมองห่อขนมเบงเบงอยู่ จนผมสงสัยว่ามันมีอะไรกันแน่ จึงขยับเข้าไปใกล้แล้วชะเง้อมองบ้าง
   ‘รักเธออ่ะ มีอะไรป้ะ’
    ข้อความด้านหลังห่อขนมทำเอาผมเกือบสำลักเยลลี่ในปากพลางเบิกตากว้าง ก่อนจะเงยหน้ามองคนข้างๆ ที่ตอนนี้เขาหันมามองผมเช่นกัน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดหรือแก้ตัวอะไร ปั้นใจเขาก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน จนผมไม่คิดว่าขนมเพียงห่อเดียวจะทำให้หัวใจของผมทำงานหนักได้ขนาดนี้
   “ไม่มี”
   “...”
   “แล้วก็เหมือนกัน”

-------------------------
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 20 (17.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-01-2019 21:27:56
มีเพื่อนดีคอยหนับหนุน ชอบๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 20 (17.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-01-2019 21:36:10
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 20 (17.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-01-2019 00:55:16
 :man1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 20 (17.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 18-01-2019 03:31:55
ใจบางงงง :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 20 (17.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-01-2019 03:43:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 20 (17.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2019 20:41:35
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 20 (17.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 18-01-2019 22:24:36
เกลือเอ๊ยยยย รู้สึกตัวเร็วๆเถอะะะ ปั้นมันจีบชัดขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 21 (21.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 21-01-2019 11:42:52
ตอนที่ 21

   ดูเหมือนชีวิตช่วงนี้ของผมก็ดูปกติทุกอย่าง ปั้นใจที่ตอนแรกชอบหายไปตอนนี้ก็เริ่มอยู่กับที่มากขึ้น มีแต่พวกรุ่นพี่เท่านั้นที่ดูจะวุ่นวายกับการทำงานอะไรสักอย่าง เลยทำให้รอบด้านเต็มไปด้วยรุ่นพี่ปีสองที่จับกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
   “กูว่าจะไปช่วยพี่รหัสทำบอร์ดหน่อย ไปด้วยกันมั้ย”
   “ปะ...”
   “ปั้นใจๆๆๆ” ผมที่กำลังจะตอบพาฝันก็ต้องชะงัก ก่อนที่เราทั้งสามคนที่ตอนนี้ยืนงงในกลุ่มคนต้องหันไปมองทางรุ่นพี่ที่หน้าตาดูคุ้นว่าผมจะเพิ่งเคยเจอมาเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ร้านชานมไข่มุก ปั้นใจที่โดนเรียกก็ได้แต่หันไปทำหน้างงๆ ใส่เธอ “มากับพี่หน่อยสิ พอดีงานที่เราทำกันวันก่อนมีปัญหานิดนึงอ่ะ”
   “ยังไม่เสร็จอีกเหรอครับ”
   “ใกล้แล้วๆ นะๆ มาด้วยกันหน่อย”
   ปั้นใจที่หันมามองทางผมกับพาฝันก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะยกมือจับไหล่พาฝันเบาๆ
   “ฝากเกลือด้วย”
   “เออย่ะ จะไปไหนก็ไป”
   “ไว้เจอกันนะ”
   สีหน้าหงอยๆ ของปั้นใจทำให้ผมรู้สึกสงสารเขาจับใจ ดูเหมือนเขาจะหนีจากรุ่นพี่ได้ไม่ทันไรก็ต้องกลับไปเจองานหนักอีกแล้ว ผมเลยได้แต่พยักหน้าแล้วมองคนที่เคยยืนด้วยกันเดินจากไป ผมจึงหันมาทางพาฝันที่ตอนนี้กำลังชะเง้อมองอะไรบางอย่าง แล้วหันมาถามผมกับคำถามก่อนหน้านี้อีกครั้ง
   “ว่าไงไอ้เกลือ ไปด้วยกันมั้ย”
   “เรา...”
   “เกลือ”
   ผมที่กำลังจะถามว่าถ้าไปด้วยจะไม่เกะกะใช่มั้ยก็ต้องหยุดคำพูดตัวเอง ก่อนจะหันไปมองอีกทางก็เห็นว่าพี่พี่เพชรกำลังหิ้วถุงพลาสติกใหญ่ๆ มาหลายถุงแล้วเดินเข้ามาหา
   “สวัสดีครับพี่เพชร”
   “สวัสดีค่ะพี่เพชร”
   “ไงเรา ไม่ได้คุยกันหลายวันเลย”
   “ผมเห็นพี่เพชรยุ่งๆ” ผมพูดตามความจริง เพราะช่วงนี้เห็นพี่เขายุ่งกันจริงๆ เราทั้งคู่เลยไม่ค่อยได้คุยกันนัก “ว่าแต่ไปไหนเหรอครับ”
   “ไปทำงานกลุ่มน่ะ นี่เพิ่งไปซื้อของมา” พี่เพชรโชว์ถุงของใช้มากมายให้ผมดู ทำให้ผมได้แต่มองอึ้งๆ โดยที่เขาก็หัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวขึ้นปีสองเราก็เจอ”
   “มันยากมั้ยครับ...”
   “ใช้ได้เลยแหละ”
   “อ่า...”
   “สนใจไปดูเป็นตัวอย่างหน่อยมั้ย” พี่เพชรเอ่ยปากชวนทำให้ผมได้แต่คิดหนัก เพราะพาฝันเองก็เพิ่งชวนผมเหมือนกัน
   “เอาไงไอ้เกลือ จะไปกับกูหรือพี่รหัสมึงอ่ะ”
   “เรา...”
   “อ้าว กำลังจะไปกับฝันเหรอ งั้นไม่เป็นไร ไปเถอะๆ” พี่เพชรหันไปพูดกับพาฝันที่ตอนนี้ยืนรอการตัดสินใจของผมอยู่
   “ฝันกำลังจะไปช่วยงานพี่นิดเหมือนกันค่ะ เลยชวนเกลือไปด้วยกัน”
   “นิดเหรอ”
   “ใช่ค่ะ”
   “งั้นก็มากับพี่เลยสิ พี่อยู่กลุ่มเดียวกับนิด”
   “หือ จริงเหรอคะ”
   “ใช่ครับ บังเอิญเนอะ” พี่เพชรว่ายิ้มๆ ส่วนผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาที่ไม่ต้องมานั่งเลือกว่าจะไปกับใครดี เพราะสุดท้ายจุดหมายของทั้งสองคนก็ที่เดียวกันนั่นล่ะ “งั้นเกลือก็ไปกับพี่ได้แล้วเนอะ”
   “ครับ”
   ผมพยักหน้าพลางยิ้มให้คนตรงหน้าที่ดูจะพอใจไม่น้อยกับบทสรุปแบบนี้ ส่วนพาฝันเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เลยเข้ามากอดคอผมแล้วพาเดินตามพี่เพชรไป พอมาถึงผมก็ต้องตกใจกับกลุ่มคนประมาณสี่ห้าคนที่ตอนนี้รอบกายมีทั้งทั้งฟิวเจอร์บอร์ด กระดาษสี และของตกแต่งอื่นๆ อยู่เต็มไปหมด บางคนก็นั่งพิมพ์งาน บางคนก็นั่งเขียน บางคนติดป้าย จนผมคิดว่ามันดูน่าจะงานใหญ่และชวนให้วุ่นวายจริงๆ
   “ไอ้เพชรเอาของมาเร็วๆ เลย” พี่สาวคนหนึ่งที่กวักมือเรียกพี่เพชรที่กำลังถือถุงพลาสติกถุงใหญ่ ก่อนที่คนที่เดินมากับพวกผมจะเดินเข้าไปส่งของที่คาดว่าน่าจะเพิ่งซื้อมาไปให้เธอ ผมที่ยืนมองสถานการณ์อยู่กับพาฝันก็ทำตัวไม่ถูกนัก ก่อนที่คนที่กอดคอผมอยู่จะดึงผมให้เดินไปหาพี่ผู้หญิงสองคนที่กำลังนั่งวุ่นวายอยู่กับกระดาษภาพและฟิวเจอร์บอร์ดสำเร็จรูป
   “พี่นิด ฝันมาช่วยแล้ว พาเพื่อนมาช่วยด้วย”
   “ดีเลยๆ ขอบใจทั้งสองคนนะ”
   “ยินดีค่า” ผมกับพาฝันทิ้งตัวลงนั่งรวมกลุ่มกับทั้งสองคน ก่อนที่กรรไกรกับกระดาษภาพจะถูกส่งมา ซึ่งหน้าที่ของผมกับพาฝันก็ไม่ใช่เรื่องยากนัก แค่นั่งตัดกระดาษเท่านั้น เพราะยังไงผมก็คงไม่กล้าไปยุ่งกับส่วนอื่นหรอก ไม่รู้เขาทำอะไรกัน เผื่อไปทำของเขาพังแล้วจะซวยแย่
   “เพชร ไหนกาวร้อนกับกาวสองหน้าวะ”
   “กูแยกกับไอ้เปรมไปซื้อ ร้านที่กูไปหมด”
   “แล้วไอ้เปรมไปไหน”
   “เดี๋ยวก็มามั้ง”
   “มาแล้วเว้ย” เสียงที่ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งไปด้วย ก่อนจะหันไปมองก็เห็นว่าเป็นเพื่อนพี่เพชรที่เคยมีปัญหากับปั้นใจเมื่อคราวก่อน ผมจึงรีบหันกลับมาสนใจกับงานตรงหน้าต่อแม้จะได้ยินเสียงบทสนทนของพวกพี่ๆ ด้วยก็ตาม “เอ้า เอาไป”
   “แล้วไหนกาวสองหน้าที่กูฝากซื้อล่ะ”
   “ห๊ะ มึงสั่งกาวสองหน้าด้วยเหรอ”
   “สั่งเว้ย ไอ้ห่าเปรม มึงอย่ามาทำลืมนะ !”
   เสียงดังที่เกิดขึ้นทำเอาทั้งผมทั้งรุ่นพี่คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ต่างหันไปมองเมื่อเห็นว่าพี่เปรมโดนพี่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมจำได้ว่าชื่อพี่พริ๊งบ่นเข้าให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ทำหน้าเซ็ง
   “เออๆ กูขอโทษ กูลืมกูผิดเองล่ะ”
   “ขอโทษไปก็ไม่ได้ของ มึงรีบไปซื้อมาเลย”
   “ไม่ไป ให้ไอ้เพชรไปซื้อนู้น หมดงานกูแล้วกูกลับแล้ว”
   “เดี๋ยวสิวะไอ้เปรม งานตรงอื่นยังไม่เสร็จเลย !”
   “แบ่งหน้าที่กันแล้วก็หมดหน้าที่กูแล้วมั้ยวะ มึงทำหน้าที่นั้นมึงก็ทำไปสิ” ร่างสูงที่เดินไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไปทันทีท่ามกลางเสียงด่าของพี่คนหนึ่งจนทำให้ผมอดรู้สึกกลัวไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นใครด่ากันได้รุนแรงแบบนี้ ซึ่งคนอื่นๆ เองก็มีสีหน้าไม่พอใจไม่ต่างกัน จนพี่เพชรต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา
   “ไอ้พริ๊งใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวกูไปซื้อให้เอง ขอโทษแทนไอ้เปรมด้วย”
   “มึงจะขอโทษแทนมันทำไมไอ้เพชร เลิกปกป้องมันได้แล้ว !”
   “กูมีเหตุผลของกู เดี๋ยวกูไปซื้อให้ จบนะ” พี่เพชรพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะทำท่าเดินออกไป แต่ไม่ทันไรก็โดนเรียกไว้อีกครั้ง
   “เดี๋ยวก่อนไอ้เพชร มึงต้องมาช่วยกูตรงนี้ มีใครพอว่างอีกมั้ย วานไปซื้อให้ที”
   “ตรงกูยังไม่เสร็จ”
   “ตรงกูก็ยัง...”
   ผมที่มองรุ่นพี่แต่ละคนที่เริ่มจะแสดงสีหน้าเครียดออกมา ซึ่งหนักสุดคงจะเป็นพี่เพชรที่ตอนนี้ดูแล้วเขาเองก็คงจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน
   เหตุการณ์แบบนี้เป็นเหตุการณ์ที่ผมไม่อยากเจอเลยจริงๆ
   “ฝัน เดี๋ยวเรามานะ”
   “หืม”
   “พี่รหัสเราเดือดร้อนอ่ะ” ผมว่าก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินไปหาพี่เพชรที่ตอนนี้ยืนนิ่งหาทางออกอยู่ “พี่เพชร”
   “หะ...หืม...” คนที่ใบหน้าคิ้วขมวดตอนแรกหันมาทางผม ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาแล้วพยายามปรับสีหน้า “ขอโทษนะที่พี่พามาเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว”
   “ไม่เป็นไรครับ”
   “ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าเรา”
   “เดี๋ยวผมไปซื้อของให้ พี่เพชรไปช่วยเพื่อนทำงานก็ได้”
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่...”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมไปได้ เทปกาวเซเว่นใกล้ๆ นี่ก็น่าจะมี เดินแป๊บเดียวเอง”
   “...”
   “ถือว่าผมตอบแทนที่พี่เลี้ยงข้าวเนอะ” ผมว่าพลางยิ้มให้คนตรงหน้าที่ตอนนี้ทำหน้ารู้สึกผิดไปแล้ว ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
   “งั้นพี่ฝากด้วยนะ ลำบากเกลือเข้าแล้ว”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมตั้งใจจะมาช่วยอยู่แล้ว”
   พี่เพชรเริ่มยิ้มออกมาหลังจากที่แสดงสีหน้าเครียดเมื่อสักครู่ และรุ่นพี่คนอื่นๆ เองก็เริ่มจะสีหน้าดีขึ้นเมื่อหาข้อสรุปได้ พี่พริ๊งที่ทะเลาะกับพี่เปรมเมื่อสักครู่จึงเดินเข้ามาหา
   “นี่เงินน้องเกลือ พี่ฝากด้วยนะ น้องซื้อขนมมากินได้เลย เดินช้าๆ ก็ได้ไม่ต้องรีบ ขอบใจน้องมากจริงๆ” พี่พริ๊งทำหน้าซึ้งพลางยัดเงินใส่มือผม จนผมเผลอลืมท่าทางน่ากลัวของเขาที่เพิ่งทะเลาะกับพี่เปรมไปแล้ว
   “มะ...ไม่เป็นไรครับ...”
   “ไอ้เพชร น้องรหัสมึงน่ารัก !”
   “เออ กูบอกแล้ว”
   พี่เพชรว่าพลางยักคิ้วให้พี่พริ๊ง ก่อนที่ผมเดินแยกออกมาหลังจากที่ได้รับหน้าที่ใหม่ ซึ่งเซเว่นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก เลยคิดว่าไม่ใช่งานหนักอะไรสำหรับผม
   อย่างน้อยผมก็พอช่วยพวกพี่เขาได้ในเรื่องเล็กๆ แบบนี้ล่ะนะ...



   ความรู้สึกของผมตอนนี้เริ่มจะไม่ค่อยดีแล้ว...
   หลังจากที่สามารถซื้อของที่พี่ๆ เขาต้องการมาได้ และเดินกลับมาอย่างราบรื่นเพียงครึ่งทาง ที่เหลืออีกไม่ไกลนักก็เจอเข้ากับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนที่ส่งฝนโปรยลงมาแบบไม่บอกไม่กล่าว โชคดีที่มันตกไม่หนักมาก แต่ก็ไม่ได้ดีกับคนที่เดินกลางแจ้งตัวเปล่าแบบผม
   เปียกเข้าแล้ว...
   ผมที่ลูบน้ำบนใบหน้าออกเมื่อทั้งหัวและชุดเปียกชื้นไปทั้งตัว โชคดีที่ว่าสามารถเดินมาถึงก่อนที่ฝนจะเทลงมาอย่างหนัก ทำให้ผมรอดจากมรสุมลูกใหญ่ได้หวุดหวิด เมื่อพี่ๆ ที่เห็นผมกลับมาก็ต่างทำหน้าตกใจ เพราะคงไม่คิดว่าผมจะเปียกฝนกลับมาแบบนี้
   เย็นชะมัด...
   ผมเดินไปยื่นถุงเซเว่นให้พี่พริ๊ง ซึ่งเธอก็รีบลุกแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้ผมทันที พี่เพชรและพาฝันที่เห็นสภาพผมก็ทำหน้าตกใจไม่ต่างกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบเดินเข้ามาหา
   “ไอ้เกลือ หัวเปียกตัวเปียกหมดแล้ว”
   “อ่า...เดี๋ยวก็น่าจะแห้งแหละ เราเปียกไม่เยอะ” ผมพูดตามความจริง เพราะชุดผมไม่ได้เปียกขนาดนั้น แต่ก็มีรอยชื้นที่เห็นได้ชัด ที่เปียกแน่นอนคงจะเป็นหัวที่รับน้ำฝนเต็มๆ มากกว่า
   “กูไม่มีผ้าด้วย ทำไงดี ไอ้หมูอ้วนกูกลายเป็นลูกหมูตกน้ำแล้ว”
   “งื้อ...ไม่ได้ตกน้ำสักหน่อย” ผมว่าทำให้พาฝันเดินเข้ามาแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าของตัวเองขึ้นมาเช็ดหัวให้ผมด้วย “ขอบใจนะฝัน”
   “เออจ้า”
   “ฝนตกทำไมไม่หาที่หลบล่ะเรา เดินตากฝนมาทำไม” คราวนี้เป็นพี่เพชรที่มองผมอยู่พลางขมวดคิ้ว ผมเลยได้แต่หัวเราะแหะๆ เท่านั้น
   “ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออก แล้วเห็นว่ามันใกล้จะถึงแล้วผมเลยรีบมา กลัวพวกพี่รีบใช้ของ”
   “คราวหน้าอย่าทำแบบนี้นะ”
   “ครับ”
   “แล้วก็ขอบใจมากที่ช่วยเหลือพี่”
   “ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มให้พี่เพชร ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นยีหัวผมเบาๆ ผ่านผ้าเช็ดหน้าของพาฝัน แล้วแยกตัวออกไปทำงานจนตอนนี้เหลือแค่ผมกับคนที่ยังยืนเช็ดหัวให้ผมอยู่เท่านั้น “ฝันไม่ไปช่วยพี่นิดแล้วเหรอ”
   “ตัดเสร็จแล้ว กูไม่รู้จะช่วยอะไรต่อ กลัวทำของเขาพัง”
   “อ่า...นั่นสิเนอะ”
   “อย่าป่วยนะมึง ถ้าป่วยกูงอน”
   “เราไม่ป่วยหรอก” ผมว่าในขณะที่หัวก็โยกตามแรงเช็ดด้วย ซึ่งผมไม่รู้ว่าผ้าผืนแค่นั้นจะช่วยอะไรได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็รู้สึกดีสุดๆ ไม่ต่างจากเวลาที่แม่ลูบหัวเลย
   พาฝันนี่มีลักษณะของคนเป็นแม่สินะ...
   “ทำหน้าเคลิ้มเชียวไอ้เกลือ”
   “สบายอ่ะ เราชอบให้ฝันทำแบบนี้”
   “เหรอออออ” พาฝันที่ตอนแรกเช็ดหัวให้ผมอยู่ก็เอื้อมมือมาดึงแก้มผมแรงๆ ไปหนึ่งที
   “งื้ออออ เอ็บบบบบ ~”
   “ทำให้เจ็บไง หมั่นเขี้ยวๆๆๆๆ” พาฝันที่ตอนนี้ดึงแก้มผมไปมา จนผมกลัวว่าแก้มเยอะๆ นี่จะย้วยซะก่อนก็ได้แต่ขยับตามแรงนั่น สุดท้ายแก้มทั้งสองข้างก็เป็นอิสระ ผมจึงรีบยกมือปิดแก้มไว้เพื่อป้องกัน “เออออ ปิดไว้เลย ปิดให้มิดนะไอ้ก้อนสองก้อนนั่นน่ะ !”
   “แก้มต่างหาก”
   “มันเป็นก้อนนนน” พาฝันว่าพลางจะแกล้งผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมเบี่ยงตัวหลบจนสุดท้ายเจ้าตัวก็ยอมแพ้ แล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมแทน
   “ขอบคุณนะฝัน”
   “เออ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร รับปากตาหนูของมึงไว้แล้วด้วย”
   “หือ ตาหนูไหน”
   “ตาหนูปั้นใจไง”
   “ทำไมฝันเรียกปั้นแบบนั้นอ่า”
   “ไม่รู้ นิสัยมันเหมือนเด็กดี” พาฝันว่าพลางมองไปรอบๆ ทั้งมองฝนที่กำลังตกบ้าง มองพี่ๆ ที่นั่งทำงานอยู่บ้าง “นี่ไอ้เกลือ”
   “หือ”
   “ทำไมมึงกับปั้นไม่คบกันไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราววะ” คำถามของฝันทำให้ผมเบิกตากว้าง ก่อนจะมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังมองทางรุ่นพี่อยู่ ซึ่งใบหน้าตอนนี้ก็รู้สึกร้อนผ่าวไปหมดสวนทางกับความเย็นที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง ก่อนที่พาฝันจะตกใจเมื่อหันกลับมามองผมเข้า “เฮ้ยๆๆๆ เป็นอะไรหรือเปล่า หรือไข้จะขึ้น”
   “ปะ...เปล่า”
   “หน้าแดงเชียวมึง กูขย้ำแรงไปเหรอวะ”
   “อะ...อือ เจ็บมากเลย”
   “โทษทีๆ” พาฝันว่าพลางขมวดคิ้ว ซึ่งผมเองก็ได้แต่พยักหน้า
   “แล้วสรุปที่ถามเรื่องคบ...”
   “คบกับปั้นเหรอ...”
   “อือ คบอ่ะ”
   “อ่า...คบ...”
   “แบบแฟนไงแบบแฟน !”
   “...”
   “โอ๊ยยย มึงนี่นะไอ้เกลือ ซื้อบื้อมากกกกกก” พาฝันลากเสียงยาวๆ พลางทำหน้าเซ็ง ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะโต้ตอบยังไงเลยได้แต่เงียบไป ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจในคำถามของฝัน แต่ผมแค่คิดไม่ออกว่าถ้าผมกับปั้นใจคบกันมันจะเป็นยังไง
   ไม่เคยคิดถึงภาพแบบนั้นเลยจริงๆ และไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ด้วย...
   “อย่างเรากับปั้นน่ะเหรอ” ผมพูดเสียงเบา ซึ่งดูยังไงก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นจริงสักนิด ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดเรื่องความรัก ผมคิดว่าไม่มีมันก็ได้ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยแอบชอบใคร หรือมีใครมาชอบ แม้ช่วงนี้จะมีเรื่องแปลกๆ ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเกิดขึ้นบ้าง แต่พอมองตามความเป็นจริงแล้ว ปั้นใจที่เป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงทำให้ผมยิ่งมองว่า ‘ความรัก’ ที่ว่ามันไกลตัวผมเข้าไปใหญ่
   ผมไม่เคยคิดว่าคนอย่างเขาจะมาชอบผมได้...
   “ช่างมันเถอะ ไม่ถามแล้ว”
   “ถามได้ แต่เราแค่พยายามจะนึกภาพให้ออกน่ะ คำว่าคบมันคงยากไปสำหรับเรา”
   “ยากตรงไหน แค่ลองเปิดใจเอง”
   “เป็นฝันนี่ดีเนอะ ไม่เครียดกับเรื่องแบบนี้...”
   “นี่ไอ้เกลือ” อยู่ๆ คนที่ทำหน้าไม่สนใจในตอนแรกก็เปลี่ยนทำหน้าจริงจังแล้วมองหน้าผมไปด้วย “ไม่มีความรักที่ไหนมันง่ายขนาดนั้นหรอก แต่แค่เราจะเลือกให้มันยากในจุดไหนมากกว่า”
   “...”
   “อย่างกูไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องให้เครียดเลย กูเองก็ผ่านเรื่องรักๆ มาเยอะ อย่างฟาง กูกับฟางทำไมถึงคบกันทั้งๆ ที่ไม่สนิทกัน ไม่รู้จักกัน แต่พวกกูแค่เลือกที่จะเรียนรู้กันเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ที่จะทำให้ใครสักคนที่ไม่รู้จักเข้ามาในชีวิตของเราได้”
   “...”
   “กูจะไม่พูดว่าเวลามีความรักมันทุกข์ขนาดไหน แต่กูอยากให้มึงรู้ว่ามันมีนะ ความทุกข์น่ะ มึงมีเรื่องให้เครียดแน่นอน แต่ความสุขมันก็มีเหมือนกัน”
   “ความทุกข์เหรอ” ผมที่ถามออกไปด้วยความสงสัยจริงๆ เพราะผมไม่เคยมีแฟน และเห็นคู่รักส่วนใหญ่เขาก็มีความสุขกันดี แต่ผมเองก็เคยเห็นคนที่เสียใจเพราะอกหักมาไม่น้อยเหมือนกัน
   “เออ เดี๋ยวจะลองยกตัวอย่างให้”
   “อือ”
   “อ่า...เอาง่ายๆ เลยนะ อย่างถ้าไอ้ฟางมันป่วย มันหายไป แน่นอนว่ากูจะต้องไม่สบายใจ เป็นห่วง กระวนกระวาย แล้วยังอีกหลายๆ ความรู้สึกที่ไม่ใช่ความสุขต้องเกิดขึ้นมาแน่ๆ นั่นล่ะมันคือความทุกข์ของกู”
   ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะผมเองก็เคยไม่สบายใจและเป็นห่วงปั้นใจมากๆ ในตอนที่เขาป่วยเหมือนกัน
   เอ๊ะ...ขะ...เข้าใจงั้นเหรอ
   “อะ...อื้อ เราเข้าใจแล้ว”
   “เฮ้ออออ ไม่รู้จะพูดยังไง กูเข้าใจมึงนะเกลือ ว่ามึงคงไม่คิดถึงเรื่องรักๆ หรอก มึงคงคิดสินะว่า ตัวเองจะมีใครมาชอบ มึงเนี่ยนะจะมีแฟน แล้วยิ่งคนๆ นั้นเป็นไอ้เด็กปั้นแล้วด้วย...”
   “อะ...อือ”
   “เอาเถอะ ถ้าอยู่ๆ ปั้นใจมันมาชอบกู กูเองก็คงจะตกใจแล้วไม่เชื่อเหมือนกันล่ะ เด็กอะไรไม่รู้ มีดีไปหมด ยกเว้นนิสัย”
   “ปั้นนิสัยดีนะ”
   “จ้าๆๆ ตาหนูปั้นเขาดีที่สุดในสายตามึงแล้วนี่”
   “ฝันก็ดีในสายตาเรานะ”
   “ย่ะ ไม่เถียงละ” พาฝันว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วยีหัวผมไปด้วย “แต่กูอิจฉามึงกับปั้นใจนะ”
   “หือ” ผมที่ตอนแรกคิดตามพาฝันอย่างไม่มีข้อโต้แย้งก็ได้แต่มองคนที่มองออกไปที่ถนนที่ตอนนี้เปียกอย่างไม่มีท่าทีจะแห้งง่ายๆ และฝนที่เคยสาดลงมาตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นแสงแดดจ้าแทนแล้ว
   “อิจฉาที่พวกมึงเหลือเพียงจุดเล็กๆ อีกนิดเดียวก็สามารถข้ามสถานะตอนนี้ได้แล้วไง ส่วนหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น หรือปัญหาใหญ่แค่ไหนมันก็จะกลายเป็นเรื่องของคนสองคนแล้ว”
   “นิดเดียวเหรอ”
   “เฮ้อ กูไม่ใช่แม่มึงนะ จะให้กูบอกทุกเรื่องเลยหรือไงห๊า !”
   “งื้อ แม่เราไม่เคยพูดแบบนี้นะ”
   “โอ๊ย ให้ตายสิ !” พาฝันที่ตอนนี้ทึ้งหัวตัวเองก็ได้แต่หันมาขมวดคิ้วใส่ผม ส่วนผมเองก็กำลังจ้องมองเธอราวกับอยากรู้อยากเห็นสิ่งที่พาฝันจะบอกมากที่สุด ในใจลึกๆ ก็พอจะรู้อยู่อยู่แล้ว แต่ผมแค่ต้องการให้ใครสักคนมายืนยันเรื่องนี้ให้เท่านั้น “เอาล่ะ กูยอมละ กูจะบอกแค่ครั้งเดียวนะ”
   “อือ”
   แค่ครั้งเดียวก็พอ ช่วยยืนยันทีเถอะ ว่าผมไม่ได้คิดไปเองคนเดียว...
   “มึงกับปั้นใจน่ะ...”
   “...”
   “ใจตรงกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 21 (21.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-01-2019 11:52:39
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 21 (21.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-01-2019 12:30:03
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 21 (21.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-01-2019 16:48:59
 :z1:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 21 (21.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 21-01-2019 19:08:08
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 21 (21.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-01-2019 01:41:51
ฝันเริ่มแล้ว อาการคุณแม่กำเริบแล้ว มีสั่งสอนลูกเกลือใหญ่เลยนะ  o18
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 21 (21.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-01-2019 06:35:21
ฝัน ฟาง รู้กันหมดแล้วว่าป้้นชอบเกลือแบบคนรัก   :z3:
เกลือ ชอบปั้น  :impress2:
แต่ไม่กล้ายอมรับกับตัวเองว่าปั้น จะชอบตัวเองแบบคนรักจริงหรือ   :really2: :เฮ้อ:
คงต้องให้ปั้น บอกเกลือแบบชัดๆดังๆว่า ปั้น ชอบเกลือ รักเกลือนะ
ปั้น  เกลือ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: merizel-rada ที่ 29-01-2019 12:03:57
ตอนที่ 22


(ปั้นใจ)
   ทำไมยังไม่มา...
   วันนี้ผมมาเร็วกว่าปกติเพื่อที่จะมารอคนที่ชอบมาเช้าทุกวัน เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเหงาหรือต้องนั่งกินข้าวคนเดียว แต่วันนี้เป็นวันที่แปลกมากเมื่อตอนนี้เกลือยังมาไม่ถึงมหาวิทยาลัยทั้งๆ ที่ควรจะถึงนานแล้ว และผมที่รออยู่อย่างนี้มาได้สักพักจึงเลือกที่จะกดโทรศัพท์โทรหาอีกฝ่าย แต่ก็ไม่มีใครรับ เมื่อลองเปิดดูเฟซบุ๊กก็เห็นว่าไม่มีการออนไลน์ตั้งแต่หลายชั่วโมงก่อน ส่วนไลน์นั้นก็ไร้วี่แววของการอ่าน
   ไปไหนนะ...
   ผมมองโทรศัพท์โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอย่างที่หวังนัก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านในมหาวิทยาลัยเมื่อตอนนี้คนที่ป้ายรถเมล์เริ่มเยอะขึ้น เมื่อเข้ามาก็เห็นว่าพาฝันกำลังนั่งกินข้าวอยู่ ผมจึงเดินเข้าไปหาเธอทันที
   “อ้าว ตาหนูปั้น มาแล้วเหรอจ๊ะ”
   ตาหนู...?
   ผมที่ขมวดคิ้วกับสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียก ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามแล้วพยายามลืมสิ่งที่ได้ยินไป พลางถามเรื่องที่สงสัยมากกว่า
   “ทำไมเกลือยังไม่มา”
   “ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ลองโทรไปถามล่ะ”
   “โทรแล้ว ส่งไลน์แล้ว ทักเฟซแล้ว”
   “แล้ว ?”
   “ไม่รับ ไม่ตอบ”
   “อ่า...” คนตรงข้ามผมวางช้อนลงพลางทำท่าคิด “คงไม่ได้ป่วยหรอกนะ...”
   “ป่วย ?”  ผมมองพาฝันที่ตอนนี้ทำท่าคิด โดยที่เธอก็มองผมกลับมาเช่นกันก่อนจะถอนหายใจ
   “เฮ้อ ไอ้เกลือนะไอ้เกลือ กูบอกแล้วเชียวว่าห้ามป่วย”
   “ทำไมถึงป่วย”
   “มันตากฝนเมื่อวาน”
   “ว่าไงนะ...”
   “มันอาสาไปซื้อของให้รุ่นพี่น่ะ ตอนไปก็ไปดีๆ แหละ แต่ขากลับฝนเท มันเลยเปียก”
   “...”
   “เดี๋ยวดีขึ้นคงติดต่อมา”
   คนตรงข้ามผมพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะลงมือกินข้าวต่อ ส่วนผมเองตอนนี้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว เพราะไม่รู้ว่าเกลือป่วยอย่างที่ว่ามั้ย แล้วถ้าป่วย ป่วยเป็นอะไร ตอน ม. 6 ผมก็เคยเห็นเขาป่วยอยู่บ้าง และมันก็เป็นเรื่องที่ทำให้เขาหายไปเป็นอาทิตย์
   หวังว่ามันคงไม่ได้หนักขนาดนั้น...



   ดูเหมือนว่าเกลือจะหายเงียบไปเลย ทำให้ผมที่ตอนนี้เริ่มจะเครียดเพราะรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่ายขึ้นมาจริงๆ ก็ได้แต่นั่งกดโทรศัพท์ แม้จะไม่ได้ส่งข้อความไปมากมาย แต่แค่หวังว่าทางนั้นจะตอบกลับมาเท่านั้น เพราะนี่ก็เที่ยงกว่าๆ แล้ว
   “ใจเย็นๆ ตาหนูปั้น เกลือมันคงนอนหลับพักผ่อนแหละ” คำพูดของพาฝันทำให้ผมละสายตาจากโทรศัพท์แล้วมองหน้าอีกฝ่าย
   “จะถามตั้งนานแล้ว อะไรคือตาหนู”
   “น่ารักดีใช่มั้ย”
   ผมขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจออกมา เพราะไม่ค่อยมีอารมณ์จะมานั่งให้อีกฝ่ายแกล้งเล่นเท่าไหร่ เลยได้แต่กดโทรศัพท์เข้าเบอร์ของคนที่ขาดเรียนวันนี้อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะตัดสินใจได้โทรออก แอพพลิเคชั่นไลน์ก็มีข้อความเข้ามาใหม่ซะก่อน และผมก็รีบเปิดมันดูทันที ซึ่งชื่อของเจ้าของข้อความก็ทำให้ปมบนคิ้วผมคลายออกทั้งหมดก่อนจะรีบเปิดเข้าไปอ่าน

   เกลือ ._. : ขอโทษที่ไม่ได้ตอบกลับนะ เราไม่สบายอ่ะ

   ผมที่อ่านข้อความที่ถูกส่งมา และก็เป็นไปตามที่พาฝันว่า เมื่อตอนนี้เจ้าตัวคงนอนพักผ่อนอยู่บ้านจากอาการป่วย
   ให้ตายสิ เป็นห่วงแทบแย่...

   ปั้น : เป็นอะไรมากหรือเปล่า
   เกลือ ._. : ม่ายยย เดี๋ยวก็หายแล้ว
   ปั้น : จริง ?
   เกลือ ._. : อื้อ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ
   ปั้น : โทรหาได้มั้ย
   เกลือ ._. : เราไออ่ะ คุยไม่ค่อยได้ ขอโทษนะ
   เกลือ ._. : แต่เราจะรีบหายไวๆ

   ผมที่อ่านข้อความที่ส่งมาก็ได้แต่เป็นห่วงอีกคนเท่านั้น แต่ก็รู้ตัวว่าไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก  แค่อีกฝ่ายยอมตอบรับความเป็นห่วงของผมแบบนี้ก็ดีใจแล้ว

   ปั้น : ไม่เป็นไร งั้นหายไวๆ นะ
   เกลือ ._. : อื้อ ขอบใจนะ งั้นเราเลิกเล่นโทรศัพท์แล้ว
   ปั้น : พักผ่อนเยอะๆ ปั้นเป็นห่วง
   เกลือ ._. : อือ...
   ปั้น : เกลือ
   เกลือ : ว่าไง
   ปั้น : เย็นนี้ขอทักไปหาอีกได้มั้ย
   เกลือ : ได้สิ
   ปั้น : อืม หายไวๆ

   ผมที่บอกให้อีกฝ่ายหายไวๆ อีกครั้ง และในใจเองก็พูดคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับกำลังภาวนาให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ตอบสติ๊กเกอร์กลับมา ผมจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วเก็บโทรศัพท์ไว้ พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่ามีสายตาที่เพิ่มมาอีกหนึ่งจ้องมองมาทางผม จนตัวเองต้องขมวดคิ้ว
   “มองอะไรกัน”
   แล้วไอ้ฟางมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่...
   “เกลือเป็นไงบ้าง” ผู้หญิงคนเดียวบนโต๊ะถามขึ้น
   “เห็นบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก”
   “เฮ้ออออ ค่อยยังชั่วหน่อย”
   พาฝันถอนหายใจออกมาพลางทำหน้าโล่งใจ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับแฟนของตัวเอง โชคดีที่วันนี้ทั้งสองคนไม่รุมหัวกันกวนประสาทผมแล้ว เลยทำให้ผมอยู่ได้อย่างสงบ ซึ่งมันเป็นเรื่องดี...
   แต่ที่ไม่ดีตรงที่ไม่มีอีกคนอยู่ด้วยนี่ล่ะ
   เฮ้อ...



   “ไอ้ปั้น กูไปข้างนอกนะ”
   “เออ”
   “กลับดึกด้วย”
   “แล้วแต่มึง” ผมตอบอย่างขอไปทีก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา วันนี้เป็นอีกวันที่ผมกลับห้องช้าเพราะต้องไปทำธุระกับพวกรุ่นพี่ กว่าถึงห้องเวลาก็ล่วงเลยมาทุ่มกว่าแล้ว
   “ไอ้ห่าปั้น สนใจเพื่อนหน่อย”
   เสียงประท้วงของเพื่อนร่วมห้องทำให้ผมต้องละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นไปมองคนที่ตอนนี้แต่งตัวเตรียมออกไปด้านนอกแล้ว และผมรู้ว่ามันแค่ต้องการกวนประสาทผมเท่านั้น
   “มึงไม่ได้น่าสนใจขนาดนั้น”
   “โธ่ เพื่อนรัก มึงอย่าเครียด ออกไปเที่ยวกับกูมั้ย”
   “ไม่เป็นไร ขอบใจที่ชวน”
   “เออๆ งั้นกูไปละ คนอุตส่าห์เป็นห่วง มึงนี่มันเย็นชาจริงๆ”
   “...”
   “ไว้เจอกันเว้ย”
   “อืม” ผมมองคนที่โบกมือให้แล้วเดินออกจากห้องไป จนตอนนี้เหลือแค่ผมที่ยังไม่ได้จัดการอะไรกับตัวเองหลังจากที่เพิ่งกลับมาถึง มีแต่รองเท้าเท่านั้นที่ถอดออก ก่อนจะเปิดแอพพลิเคชั่นสีเขียวขึ้นมาแล้วส่งข้อความไปหาคนที่อยู่ไกล แม้อีกฝ่ายอาจจะไม่ตอบ แต่อย่างน้อยผมก็ขอทักไปหน่อยแล้วกัน
   จะตอบพรุ่งนี้ก็ได้ ขอแค่ตอบกลับมาเถอะ...
   Rrrrrrr ~
   โทรศัพท์ที่อยู่ๆ ก็มีสายเรียกเข้าเข้ามาทำให้ผมแปลกใจเมื่อเห็นว่าชื่อที่โทรเข้ามานั้น เป็นคนที่ผมเพิ่งทักไปถามไถ่อาการเมื่อสักครู่ และเมื่อเห็นแบบนั้นก็ไม่รอช้าที่จะกดรับมันทันที
   “ดีขึ้นแล้ว...”
   {ปั้นใจใช่มั้ยลูก} เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงของเกลือ แต่เป็นเสียงที่ผมจำได้ว่าเป็นแม่ของอีกฝ่ายนั่นเอง {นี่แม่เกลือเองนะ}
   “ครับ...” ผมที่ตอบกลับไป แม้พอจะรู้แล้วก็ตาม
   {พอดีโทรศัพท์เกลืออยู่กับแม่ แล้วบังเอิญเห็นข้อความ ก่อนหน้านี้ก็โทรเข้ามาตั้งหลายสาย คงเป็นห่วงเกลือสินะ}
   “ครับ ตอนนี้เกลือเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นหรือยัง” ผมถามออกไป แม้จะอยากรู้เต็มแก่แล้วว่าทำไมเจ้าของโทรศัพท์ถึงไม่ได้มารับสายเอง
   ขอร้องล่ะ อย่าให้เป็นห่วงมากกว่านี้เลย...
   {ตอนนี้แม่อยู่ที่โรงพยาบาล พาเกลือมาหาหมอน่ะ แต่เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว เห็นปั้นเป็นห่วงแม่จะไม่โทรมาบอกก็รู้สึกผิด กลัวเราไม่สบายใจ แต่ไม่ต้องห่วง...}
   “แม่ครับ”
   {หืม...}
   “ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลไหน...”
   


   ผมที่ตอนนี้มาถึงโรงพยาบาลที่ไม่ได้ไกลจากบ้านของเกลือนัก เมื่อมาถึงก็เห็นว่าผู้หญิงในชุดทำงานกำลังนั่งอยู่ที่หน้าห้องคนป่วยฉุกเฉิน ผมจึงเดินเข้าไปหาเธอ
   “สวัสดีครับ” ผมส่งเสียงทักทายคนที่นั่งอยู่ไปแล้วยกมือไหว้
   “มาไวจังเรา”
   ผมไม่ได้ตอบรับได้แต่ยิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้า ซึ่งเธอก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน ก่อนที่ผมจะทิ้งตัวลงนั่งตรงที่ว่างที่เหลืออยู่ “เกลือเป็นยังไงบ้างครับ”
   “หมอพ่นยาให้อยู่จ่ะ รอบที่สามแล้ว เดี๋ยวก็คงดีขึ้น...” เธอพูดพลางยิ้มไปด้วย แต่ผมก็พอจะดูออกว่าท่านก็เป็นห่วงเกลือมากกว่าที่คิดเช่นกัน “เกลือเกิดมาก็จ้ำม่ำตั้งแต่เด็กๆ น่ารักมาก แก้มนี่เป็นก้อนเลยล่ะ ตัวขาวจั๊วะ ตอนนั้นแม่เห่อลูกชายมาก ใครเห็นใครก็หลง”
   “อ่า...ผมพอนึกภาพออก...”
   ตอนนี้คงไม่ต่างกัน ผมเองก็หลงลูกชายคุณแม่ไปแล้ว...
   “แต่เสียดายที่มีโรคประจำตัวติดมาด้วยนี่สิ”
   “...”
   “เกลือมักเป็นแบบนี้บ่อยๆ โดนฝนนิดเดียวก็เป็นหวัดละ พอมีเสมหะก็ไอ พอไอก็เหนื่อย”
   “เป็นบ่อยเลยเหรอครับ”
   “เป็นทุกปีเลยจ่ะ บางทีไม่ใช่แค่ฝน อากาศเปลี่ยนก็เป็น ต้องระวังไม่ให้เป็นหวัด ตอนนี้แม่ก็พาเกลือรักษาต่อเนื่องอยู่ หวังว่าจะดีขึ้น”
   “ผมก็หวังแบบนั้น”
   “แล้วหอเราอยู่ไหนเหรอ ขากลับให้แม่ไปส่งมั้ย”
   “ไม่เป็นไรครับ”
   เพราะคงไม่ได้คิดจะกลับเร็วๆ นี้แน่...
   ผมที่ตอนนี้มองไปที่ประตูสำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินก็ได้แต่เป็นห่วงคนด้านใน แต่ดูเหมือนว่านึกถึงไม่ทันไรประตูก็เปิดออกพร้อมกับร่างที่ผมคุ้นเคยและบ่นว่าไม่ได้เจอในวันนี้ที่ตอนนี้นั่งรถผู้ป่วยออกมาพร้อมกับพยาบาลหนึ่งคน ผมกับคนข้างๆ จึงลุกขึ้นไปหาทันที เมื่อเกลือเห็นผมก็เบิกตากว้าง คงไม่คิดว่าผมจะมาอยู่ที่นี่
   ไหนบอกว่าไม่หนักไง...
   “คุณแม่ของคุณกันชัยใช่มั้ยคะ”
   “ใช่ค่ะ”
   “วันนี้คุณหมออยากให้น้องนอนโรงพยาบาลสักคืนเพื่อดูอาการก่อนค่ะ”
   “ได้ค่ะ”
   “งั้นรบกวนมาทำเรื่องนอนโรงพยาบาลด้วยนะคะ”
   ผมมองคนที่ตามพยาบาลไป โดยตอนนี้เหลือแค่ผมกับคนป่วยหนึ่งคนที่โดนทิ้งไว้ ผมจึงก้มมองคนที่ตอนนี้มองผมเช่นกัน โดยที่เจ้าตัวนั้นหายใจแรงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
   “ปะ...ปั้นมาได้ยังไงเหรอ...”
   “นั่งแท็กซี่มา”
   “งื้อ...” ผมมองคนที่ส่งเสียงเบาๆ และไอออกมา ซึ่งท่าทางดูน่าสงสารไม่น้อย ผมเคยเหนื่อยจากการเล่นกีฬา มันคงไม่ทรมานเท่ากับการเหนื่อยทั้งๆ ที่เรานั่งเฉยๆ “ขอบคุณที่มาหานะ”
   คำพูดเบาๆ ที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างกายที่กระเพื่อมตามแรงหายใจทำให้ผมรู้สึกแย่ เพราะไม่อยากจะเห็นคนตรงหน้าเป็นแบบนี้เท่าไหร่ เมื่อก่อนถึงผมจะรู้ว่าเขาป่วยและหายไปอาทิตย์สองอาทิตย์ แต่ผมก็รับรู้เพียงแค่นั้น พอได้มาเห็นแบบนี้ในสภาพที่ผมรู้ว่าผมชอบเขามากแค่ไหนจึงรู้ตัวว่าตัวเองก็เจ็บปวดไม่ต่างจากเขาเลย
   เป็นห่วงมาก มากกว่าที่เคยคิดไว้หลายเท่า
   “ไม่ต้องพูดแล้ว พูดแล้วเหนื่อยก็ไม่ต้องพูด” ผมว่าเมื่อเห็นคนที่แค่พูดยังเหนื่อยได้ก็ได้แต่เอื้อมมือไปลูบหัวเขาเบาๆ เกลือเองก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “ปั้นเป็นห่วงมากนะ”
   ผมพูดเพียงแค่นั้น ก่อนจะเห็นว่าแม่ของเกลือกลับมาพอดี พร้อมด้วยบุรุษพยาบาลหนึ่งคนที่เข้ามาเข็ญรถคนป่วยไปที่ห้องให้ ผมที่เดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งถึงห้องผู้ป่วย ก็ได้แต่มองดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ จนกระทั่งคนป่วยขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้ว ไม่นานทั้งห้องก็เหลืออยู่แค่สามคน
   “หมอให้นอนดูอาการหนึ่งคืน เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน ถ้าพรุ่งนี้หมูอ้วนของแม่ไม่เป็นอะไรแล้วก็กลับบ้านได้เลย”
   “เกลืออยากนอนที่บ้าน”
   “เป็นอะไรเรา แค่นอนโรงพยาบาลเอง เดี๋ยวแม่ก็ขนของมานอนด้วย ไม่เหงาแล้วเห็นมั้ย”
   “แต่แม่ต้องทำงาน...”
   “แม่หยุดได้ สบายมาก”
   “เกลือรบกวนแม่อีกแล้ว...” เสียงสั่นเครือของคนป่วยทำให้ผมอยากจะเข้าไปปลอบอีกคน แต่ก็ทำได้แต่ยืนมองแม่ลูกที่กำลังกอดกันเท่านั้น “เกลือไม่อยากป่วยเลย”
   “เดี๋ยวก็หายแล้ว หมูอ้วนของแม่แข็งแรงจะตาย ป่วยแค่นี้ทำอะไรไม่ได้หรอก”
   “ครับ...”
   ผมมองคนที่พูดกับลูกชายพร้อมรอยยิ้มเสมอก็ทำให้อดชื่นชมไม่ได้ ผมรู้ว่าเธอแข็งแกร่งและเกลือเองก็โชคดี
   “งั้นแม่กลับไปเอาเสื้อผ้าก่อน จะได้แวะไปส่งปั้นใจด้วย เขาเป็นห่วงลูกชายแม่มากนะ” เธอหันมามองทางผม ซึ่งเกลือเองก็เหมือนกัน เขายิ้มให้เล็กน้อย ตัวเองก็ได้แต่ยิ้มกลับไป
   แต่ผมยังไม่คิดจะกลับครับ...
   “แม่ไม่ต้องมาเฝ้าเกลือก็ได้ วันนี้แม่ก็หยุดดูเกลือทั้งวันแล้ว”
   “ไม่เป็นไร ขืนอยู่บ้านคนเดียวแม่ต้องทนคิดถึงลูกชายไม่ได้แน่ๆ”
   “แต่เกลืออยากให้แม่พักผ่อน เกลืออยู่ได้”
   “เดี๋ยวแม่มาพักผ่อนที่นี่ไง โซฟาใหญ่จะตาย”
   “แต่...”
   “แม่ครับ เดี๋ยวผมเฝ้าเกลือให้มั้ย” ผมที่มองคนสองคนแสดงความรักต่อกันก็รีบเสนอตัวทันที ทำให้แม่ลูกหันมามองทางผมเป็นตาเดียว “คือผม...”
   “...”
   “เอาเสื้อผ้ามาพอดี” ผมว่าพลางโชว์กระเป๋าเป้ที่ใส่เสื้อผ้าอยู่ด้านใน เพราะก่อนมาแค่เตรียมมาเผื่อไว้เฉยๆ ไม่คิดว่าจะได้นำมาใช้จริงๆ
   “แม่กลัวรบกวนปั้นน่ะสิ...”
   “ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้ไม่มีเรียนพอดี” ผมพูดพลางยิ้มให้ผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าที่ทำหน้าหนักใจ ส่วนเกลือเองก็ทำท่าจะท้วงขึ้นเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ผมจึงรีบพูดขึ้นต่อ “และเกลือเองก็น่าจะรู้สึกดีกว่าถ้าแม่ได้กลับไปพักผ่อนบ้าง เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
   ผมพูดพลางมองไปที่คนป่วยที่นั่งทำตาโตอยู่ และผมก็อดยอมรับไม่ได้ว่าขนาดป่วยเจ้าหนูของผมก็ยังดูน่ารัก ก่อนที่เขาจะมองทางแม่ตัวเองทีสลับกับผมที ซึ่งคนที่ผมเสนอความคิดนี้ออกไปก็หันไปมองทางลูกชายตัวเอง สุดท้ายคนป่วยก็ยอมพูดออกมาเสียงเบา
   “เกลืออยากให้แม่พักผ่อน...” เกลือพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะก้มหน้าลง ก่อนจะสวมกอดแม่ของตัวเอง ซึ่งคนเป็นแม่เองก็ไม่ต่างกัน กอดลูกชายไว้พลางลูบหัวไปด้วย ผมที่ลุ้นอยู่ห่างๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา อย่างน้อยคืนนี้ก็ได้อยู่ดูคนที่อยากเจอนักหนาทั้งคืน
   “งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแม่จะมาหานะ”
   “ครับ”
   “แม่ฝากเกลือด้วยนะปั้น รบกวนลูกเข้าแล้ว อย่างที่เกลือว่าจริงๆ ปั้นใจเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด”   
   “ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มแม้ในใจจะไม่ยิ้มด้วยก็ตาม
   เพื่อนที่ดีอีกแล้ว...
   “ว่าแต่ปั้นกินข้าวมาหรือยัง หิวหรือเปล่า”
   “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่หิวเท่าไหร่”
   “พูดแบบนี้ยังไม่ได้กินแน่ๆ งั้นเดี๋ยวแม่ลงไปซื้อข้าวให้ก่อนกลับแล้วกัน ตอบแทนที่ช่วยอยู่เป็นเพื่อนเกลือเนอะ”
   “ขอบคุณมากๆ ครับ” ผมพยักหน้ารับ เพราะไม่อยากขัดความหวังดีของผู้ใหญ่เท่าไหร่ ก่อนที่แม่ลูกจะผละออกจากกัน ซึ่งคนป่วยก็นั่งมองแม่ที่เดินออกไปจากห้องตาละห้อย ไม่นานทั้งห้องก็เหลือแค่ผมกับเกลือเท่านั้น เมื่อเขาหันมาเห็นผมก็ได้แต่หลบตา ผมจึงเดินไปหยิบชุดคนป่วยมา เกลือจึงได้แต่ทำหน้าหวั่นๆ
   “ระ...เราใส่ชุดนอนไม่ได้เหรอ”
   “ไม่ได้”
   ผมตอบทันที และก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกคนใส่ชุดนอนลายเป็ดน่ารักเชียว
   ให้ตายสิ...
   “งะ...งั้นเดี๋ยวเราเปลี่ยนเอง...”
   “ไหวเหรอ ขยับนิดเดียวก็เหนื่อยไม่ใช่หรือไง”
   “ง่ะ...” คนป่วยไม่ได้เถียงได้แต่ก้มหน้าหงุด ทำให้ผมเดินเข้าไปหาเขาที่ข้างเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปจับใบหน้าแดงให้เงยขึ้นมา ซึ่งความใกล้ขนาดนี้ยิ่งทำให้ได้ยินเสียงหอบเหนื่อยของคนตรงหน้า เกลือมองผมกลับมาโดยที่ไม่พูดอะไร ผมเองก็เช่นกัน มันมีคำพูดมากมายที่อยากจะบอกกับเขา แต่มันก็พูดไม่ออกนัก สุดท้ายมันก็กลั่นออกมาเป็นเพียงคำสั้นๆ คำเดียว พร้อมกับริมฝีปากผมที่แตะลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย
   “ขอร้องล่ะ...”
   “...”   
   “อย่าเป็นอะไรอีกเลย”
   แค่นี้ปั้นก็เป็นห่วงไม่ไหวแล้ว...

หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: Noina_Pn ที่ 29-01-2019 15:30:53
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-01-2019 16:27:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-01-2019 18:24:36
เข้าหาว่าที่แม่ยายได้ถูกจังหวะมากๆ เลยนะ ปั้นใจ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-01-2019 19:34:40
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-01-2019 20:54:19
 ปั้น ทำดีมาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: littleduck25 ที่ 13-02-2019 19:58:37
คิดถึงน้องงง. หายไปนานเลย ทาต่อไวๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 14-02-2019 09:01:27
เกลือเป็นคนน่ารำคาญมากเลยอ่ะ ยึ่กๆยั่กๆ เหมือนจะน่ารัก แต่ไม่นะ :ruready
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: toshika ที่ 17-02-2019 17:25:14
เจ้าหนูเกลือออออน่ารักกกกกกกกก ฮรื้ออออหายป่วยเร็วๆนะลูกกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ◕‿◕。 เทพบุตรกับหนูอ้วน ◕‿◕。 #ปั้นเกลือ ▹ ▹ ตอนที่ 22 (29.1.62)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 27-07-2019 21:26:54
ทำให้อยากอ่านแล้วจากไป...ทำไมไม่มาต่อให้จบล่ะคะ...เสียใจหนักมาก  :m15: