พิมพ์หน้านี้ - ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ไมเลอร์ ที่ 15-08-2018 21:12:12

หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 15-08-2018 21:12:12
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



สารบัญ

Chapter-0-บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68086.msg3874626#msg3874626)
Chapter-1-พ่อค้าขายข้าวแกง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68086.msg3874951#msg3874951)
Chapter-2-เผชิญหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68086.msg3875298#msg3875298)
Chapter-3-ผู้บุกรุก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68086.msg3875802#msg3875802)
Chapter-4-คุณพ่อมือใหม่ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68086.msg3876508#msg3876508)
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.0 บทนำ l Up:15-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 15-08-2018 21:13:56
พี่ชายที่ร้าย (Mpreg)

บทนำ



            ผมเชื่อว่าทุกคนคงอยากจะมีชีวิตที่สวยหรู เกิดมามีพร้อมทุกสิ่งอย่าง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ มีความรักที่สุดแสนจะงดงาม...

            แต่ทว่าความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้นมันเป็นโอกาสของคนแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์บนโลกใบนี้ เพราะส่วนใหญ่ก็ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อจะได้อยู่อย่างสุขสบาย

            เพียงแต่ว่าชีวิตผม...มันบัดซบกว่านั้นอีก

            ตั้งแต่จำความได้ผมก็เติบโตขึ้นมาในบ้านเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง จำได้ว่าชีวิตช่วงนั้นมีความสุขมากจนกระทั่งผมอายุได้เจ็ดขวบ มีสามีภรรยาคู่หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับลูกชายที่มีอายุห่างจากผมสามปี พวกเขาทั้งสองคนอยากมีเด็กไว้รองมือรองตีนลูกชาย และผมคือผู้ถูกเลือก และนั่นก็ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปตลอดกาล

            สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘นายธาวิน ตั้งพาณิชย์สกุล’ เรียกผมสั้นๆ ว่า **‘วิน’**ตอนนี้อายุ 17 ปีแล้ว ผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ไม่เคยคิดร้ายกับใคร นั่นเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ชีวิตผมต้องโดนใครต่อใครรังแกมาตลอด โดยเฉพาะครอบครัวที่รับผมมาอุปการะเลี้ยงดู พวกเขาทำกับผมอย่างกับเป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่งเท่านั้น

            ช่วงชีวิตในวัยเด็กของผมมันไม่น่าจดจำเอาเสียเลย เพราะต้องอยู่เป็นทาสรับใช้ของคนในบ้านหลังนั้นมาตั้งแต่เด็ก ถูกตี ถูกด่าว่าสารพัด แถมยังใช้แรงงานผมอย่างกับทาส ทั้งที่มีคนรับใช้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่รู้ทำไมทุกคนในบ้านถึงได้เกลียดผมนักหนา เว้นแต่พ่อคนเดียวที่ดีกับผมมาตลอด เพียงแต่ว่าท่านเป็นคนที่กลัวแม่มากจนไม่กล้ายื่นมือมาช่วยเหลือผมได้มากนัก ถ้าเกลียดกันขนาดนี้ไม่รู้ทำไมถึงพาผมมาอยู่ด้วยก็ไม่รู้ ปล่อยให้ผมอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าซะจะยังดีกว่า

            ตอนนี้ผมย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้นได้หนึ่งปีเต็มแล้ว ตั้งแต่คืนที่ผมโดนพี่ชายข่มขืน ใช่ครับผมโดนชายที่ผมรักข่มขืนอย่างโหดร้ายทารุณ ไม่ใช่เพราะเขารักผม แต่เพราะเขาเกลียดผมต่างหาก เกลียดจนต้องยัดเยียดข้อหาโจรขโมยทองคำหนักห้าบาทให้ผมอีกหนึ่งกระทง หากผมไม่หนีออกมาในคืนนั้นผมคงจะต้องถูกแม่บุญธรรมส่งเข้าไปในสถานพินิจอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจหนีออกมาและไม่มีวันคิดจะกลับไปที่นั่นอีก

            หลังจากออกมาผมก็ใช้ชีวิตอย่างคนเร่ร่อนอยู่พักหนึ่ง จนวันหนึ่งผมเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้เรี่ยวแรงจนเป็นลมอยู่ข้างถนนเนื่องจากไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน ยายจันทร์ที่มีอาชีพขายข้าวแกงเห็นเข้าจึงช่วยเหลือเอาไว้ เมื่อเห็นว่าผมไม่มีที่ไปก็ตัดสินใจพาผมไปอยู่ที่บ้านด้วย แกเองก็ไม่มีลูกหลานอยู่ตัวคนเดียว จึงรักผมและลูกชายของผมเหมือนลูกหลานแท้ๆ ใช่แล้วครับผมท้องกับพี่ธี และตอนนี้ ‘ธนนท์’ ก็อายุได้หนึ่งขวบแล้ว ผมกับยายจันทร์ช่วยกันเลี้ยงดูแกมาเป็นอย่างดี และจะไม่มีทางให้ลูกผมกลายเป็นเด็กที่อาภัพเหมือนอย่างผมแน่นอน


-----------------------------------------------
สวัสดีครับ แวะมาเปิดเรื่องใหม่(เปิดไว้หลายเรื่องมากก555) เรื่องนี้เคะท้องได้ ดราม่าหนักมากกก ฝากติดตามด้วยน้า จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.0 บทนำ l Up:15-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-08-2018 22:56:39
 :z13: ติดตามค่า~~
------------------------
แง้ เพิ่งเห็นที่ผู้แต่งบอกว่าดราม่าหนักมาก.. :o12:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.0 บทนำ l Up:15-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-08-2018 00:05:54
อื้บๆ อ่านด้วยๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.0 บทนำ l Up:15-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-08-2018 00:21:19
นายเอกช่างมีโชคชะตาโหดร้าย ติดตาม
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.0 บทนำ l Up:15-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 16-08-2018 00:21:42
น่าติดตามค่ะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.0 บทนำ l Up:15-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-08-2018 01:59:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.1 พ่อค้าขายข้าวแกง l Up:16-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 16-08-2018 18:21:37
Chapter-1-พ่อค้าขายข้าวแกง



            วันนี้ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อช่วยยายจันทร์ทำกับข้าวเหมือนทุกวัน พอเสร็จแล้วก็นำอาหารที่แบ่งใส่ถุงไว้ไปใส่บาตรที่หน้าบ้าน เพื่อเพิ่มความสุขทางใจ แม้มันอาจจะเป็นความสุขเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้จิตใจของคนจนๆ อย่างพวกผมมีความสงบสุขได้ และใช้ชีวิตในแต่ละวันได้อย่างสบายใจ

            บ้านที่ผมอาศัยอยู่ในปัจจุบัน เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวหลังเล็กๆ อยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งย่านชานเมือง ด้านหลังจะเป็นคลองน้ำมีเรือแล่นผ่านทุกวัน ทำให้บรรยากาศค่อนข้างดีและน่าอยู่มาก

            ตอนนี้ธนนท์ลูกชายสุดที่รักของผมยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่บนที่นอน ส่วนผมกับยายจันทร์ก็กำลังเตรียมของขึ้นรถเพื่อเข็นไปขายตามย่านชุมชน ลูกค้ากลุ่มหลักก็จะเป็นชาวบ้านและผู้ใช้แรงงานในละแวกนี้ เอาเป็นว่าที่ไหนมีลูกค้า ผมกับยายจันทร์ก็จะเข็นรถไปขายให้ถึงที่เลยทีเดียว โดยไม่ลืมที่จะกระเตงลูกน้อยไปด้วยทุกครั้ง

            “เดี๋ยวผมไปดูตาหนูก่อนนะครับยาย สงสัยคงจะตื่นแล้ว”

            “จ้ะ เดี๋ยวยายนั่งรออยู่ตรงนี้” ยายจันทร์ผู้ใจดียิ้มให้ผม

            เมื่อเข้าไปในห้องนอน ไอ้ตัวเล็กก็ตื่นอย่างที่ผมว่าแล้วจริงๆ อาการงัวเงียของธนนท์ ทำเอาผมหุบยิ้มไม่ได้ ลูกชายผมน่ารักน่าชังมากเหลือเกิน ดวงตาสีดำกลมโตจ้องมองดูผม ในขณะที่ริมฝีปากน้อยๆ ก็ยิ้มออกมา ทำให้พวงแก้มอวบอิ่มนั้นน่าหยิกซะจริงๆ แต่ทว่าเมื่อเห็นลูกชายทีไรผมก็อดที่จะนึกถึงพ่อของลูกไม่ได้ เพราะใบหน้าถอดแบบมาราวกับคนคนเดียวกัน

            “แมะ” เจ้าตัวน้อยที่นั่งอยู่ส่งเสียงเรียกผม แม้จะยังไม่ชัดถ้อยชัดคำแต่ผมก็ดีใจ เพราะคำแรกที่ลูกพูดได้ก็คือคำว่าแม่ ตอนแรกที่ได้ยินผมถึงกับปล่อยโฮออกมา ชาตินี้จะไม่มีทางให้ลูกเรียกพี่ธีว่าพ่อเด็ดขาด ผมเกลียดคนพวกนั้นมากเหลือเกิน จะไม่มีทางให้ลูกกลับไปนับญาติด้วยเด็ดขาด และคิดว่าคนพวกนั้นคงจะไม่อยากนับญาติกับผมเหมือนกัน

            เมื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ลูกแล้ว ผมก็อุ้มเจ้าตัวเล็กออกมาหายายจันทร์หน้าบ้าน

            “มาแล้วครับ”

            เมื่อยายจันทร์เห็นก็รีบเดินเข้ามาอุ้มธนนท์ต่อจากผม “มาแล้วหลานรักของยาย” ธนนท์ติดผมพอๆ กับยายจันทร์ เพราะพวกเราต่างก็ช่วยกันเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เกิด

            “ไปกันเถอะครับยาย”

            ผมเอ่ยแล้วก็เข็นรถเดินไป ส่วนยายจันทร์ก็อุ้มธนนท์เดินตามหลังไปติดๆ แม้ใครจะมองว่าอาชีพที่ผมกับยายจันทร์ทำนั้นดูต่ำต้อย แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขมากกว่าอยู่ในบ้านหลังนั้นเสียอีก ทุกวันมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากคนรอบตัว มันเป็นอะไรที่วิเศษสุดในชีวิตผมแล้ว มีครอบครัวที่อบอุ่น อยู่ในสังคมที่ไม่ได้สูงแต่กลับมีแต่คนจริงใจ

            เข็นรถมายังที่ประจำแล้วผมก็จอดรถ หยิบเก้าอี้พลาสติกออกมาวางไว้เพื่อเป็นที่นั่ง อีกส่วนก็เตรียมไว้ให้ลูกค้าที่มานั่งกินที่ร้านอีกด้วย

            เช้าๆ อย่างนี้เป็นช่วงเวลาที่คนในชุมชนพลุกพล่านมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา และผู้คนหลากหลายอาชีพ

             ตอนนี้ผมนั่งขายข้าวแกงอยู่ตรงหน้าปากซอย ข้างกันนั้นก็เป็นที่ตั้งของคิวรถวินมอเตอร์ไซต์ และคนกลุ่มนี้ล่ะที่เป็นลูกค้าขาประจำของผมอีกด้วย

            “วันนี้มีอะไรบ้างจ้ะหนูวิน” ลุงจอมคนขับวินเจ้าประจำเดินตรงเข้ามาหา ตาก็มองไปยังหม้อที่วางเรียงรายกันอยู่บนรถเข็น

            “สวัสดีครับลุง วันนี้มีกับข้าวห้าอย่าง ไข่พะโล้ กะเพราทะเล แกงส้มชะอมไข่ ผัดพริกแกงหมู แล้วก็ปลาราดพริกครับ” ผมเปิดฝาหม้อให้ลุงจอมดูด้วย

            “กับข้าวน่ากินทั้งนั้นเลยนะเนี่ย ลุงเอาไข่พะโล้กับผัดพริกแกงหมูราดข้าว”

            “รอสักครู่นะครับลุง” เมื่อลุงสั่งแล้ว ผมก็รีบหยิบจานในตะกร้าออกมา คดข้าวใส่ให้ค่อนข้างเยอะ ก่อนจะตักกับข้าวราด ยื่นให้ลุงจอม “ได้แล้วครับ”

            ลุงทองรับไปแล้วเดินไปนั่งทานที่ซุ้มวินมอเตอร์ไซต์ ระหว่างรอลูกค้าคนอื่นผมก็หันไปหายายจันทร์กับไอ้ตัวเล็กที่ปูเสื่อนั่งให้กำลังใจผมอยู่ด้านหลัง

            “อย่างอแงนะครับน้องนนท์” ผมหันไปหยอกลูกชาย ที่กำลังนั่งอยู่บนตักยายจันทร์ ในมือก็ถือตุ๊กตาหมีตัวเล็กเอาไว้ด้วย ผมซื้อให้เมื่อตอนไปเที่ยวงานวัดเดือนที่แล้ว และนั่นก็เป็นของเล่นชิ้นโปรดของธนนท์มาตลอด

            “แมะ” ธนนท์เอ่ยออกมาแล้วยิ้มให้ รอยยิ้มของลูกทำให้ผมมีกำลังใจสู้ในทุกๆ วัน

            “เมื่อไหร่จะเรียกยายได้บ้างเนี่ย ยายอยากได้ยินจะแย่แล้ว” ยายจันทร์เอ่ยกับเจ้าตัวเล็ก

            “อีกไม่นานหรอกครับยาย ถ้าพูดได้ผมกลัวว่าแกจะพูดมากจนยายขี้เกียจพูดด้วยเลยล่ะ”

            “อย่างนั้นยายยิ่งชอบ มีความสุขดีออก” ยายจันทร์ยิ้มให้ผม

            ในระหว่างนั้นก็มีลูกค้ามาซื้อข้าวแกง ผมจึงหันไปสนใจหน้าร้านต่อ

            “อ้าว! นึกว่าใคร พี่เพชรรับอะไรดีครับ” ผมเอ่ยทักทายลูกค้าขาประจำ เขายืนสวมชุดนักศึกษาส่งยิ้มให้ผมอยู่ตรงหน้า พี่เพชรเป็นลูกชายของเจ๊เก๋ เจ้าของร้านขายส่งอาหารทะเลที่ใหญ่สุดในย่านนี้ ที่บ้านค่อนข้างมีฐานะมาก แต่พี่เพชรกลับชอบมากินข้าวแกงข้างถนนร้านของผมเป็นประจำ ตอนนี้พี่เพชรเป็นนักศึกษาวิศวะปีหนึ่ง มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง

            “วันนี้มีอะไรแนะนำบ้าง เอาที่อร่อยสุดสองอย่างครับ” พี่เพชรยิ้มให้ผมเหมือนทุกวัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่หน้าตาหล่อเหลาและนิสัยดีอย่างนี้จะยังไม่มีคนที่รู้ใจ

            “ถ้าให้ผมแนะนำ ก็ต้องกะเพราทะเลแล้วก็แกงส้มชะอมทอดครับ”

            “ถ้างั้นเอาตามที่วินบอกเลยครับ”

            “ใส่ถุงกลับบ้านหรือว่าทานที่นี่ครับพี่เพชร”

            “พี่เคยเอากลับบ้านซะที่ไหนกันล่ะ ถามเหมือนคนไม่รู้ใจกันเลยเนาะ” พี่เพชรแกล้งพูดแซวผม

            “คนเราจะชอบอย่างเดียวไปตลอดได้ไงกันครับ ก็ต้องมีเปลี่ยนใจกันบ้างสิน่า” ผมว่าพลางตักกับข้าวใส่จาน แล้วยื่นให้พี่เพชร

            “แต่พี่เป็นคนที่ชอบอะไรแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ” พี่เพชรยื่นมือมารับจานข้าวแล้วส่งยิ้มให้ผม ไม่ใช่ผมไม่รู้นะว่าพี่เพชรมาเกือบทุกวันเพราะต้องการมาจีบผม แต่ผมไม่สามารถเปิดใจรับใครได้อีกแล้ว ชีวิตและหัวใจดวงนี้มันมอบให้ลูกหมดแล้ว

            พี่เพชรนั่งทานข้าวไปมองผมไปด้วย ส่วนผมก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนี้กำลังขายข้าวแกงให้กับลูกค้าคืนอื่นอยู่ ในระหว่างนั้นก็มีสายโทรเข้ามาหาพี่เพชร

            “กูอยู่หน้าปากซอยว่ะ กำลังกินข้าว”

            “ร้านนี้อร่อยนะเว้ย วันหลังจะชวนมึงมากินด้วย”

            “จะมารับกูงั้นเหรอวะ เออๆ มาก็มา”

            “แค่นี้ล่ะ บาย”

            เมื่อพี่เพชรอิ่มแล้วผมก็รับจานมาเก็บ หันมาอีกทีก็ไม่เห็นนั่งอยู่ที่เดิม แต่กลับได้ยินเสียงกำลังหยอกล้อเล่นกับธนนท์อยู่

            “ทำไมแก้มน่าหม่ำขนาดนี้ไอ้ตัวเล็ก” พี่เพชรว่าแล้วก็หอมแก้มไอ้ตัวเล็กอย่างเอ็นดู จับมือทั้งสองข้างยกขึ้นลง ดูท่าทางคงจะเอ็นดูไม่น้อย

             เห็นภาพนี้แล้วก็ทำให้ผมนึกถึงใครบางคนขึ้นมา พี่เพชรรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ธี ป่านนี้คงจะเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย มีความสุขกับสาวๆ โดยไม่รู้เลยว่าตนเองมีลูกชายที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจอยู่ทางนี้หนึ่งคน

            “พี่ขอไอ้ตัวเล็กไปเลี้ยงที่บ้านได้ไหมเนี่ย น่ารักน่าชังซะจริงๆ” พี่เพชรหันมาเอ่ยกับผม

            “พี่เพชรไปทำเอาเองเลย จะเอาน่ารักกว่านี้ก็ได้” ผมเอ่ยแซว พี่เพชรเป็นคที่หล่อมาก ใบหน้าคมสัน จมูกโด่ง ตาตี่ ผิวขาว ถ้าได้สาวสวยๆ มาเป็นภรรยา คงจะได้ลูกที่หน้าตาน่ารักอยู่ไม่น้อย

            “พี่เหมาเลยได้ไหมล่ะทั้งแม่ทั้งลูก รับรองพี่จะเลี้ยงดูอย่างดี”

            “คงไม่ได้หรอกครับ เพราะยายจันทร์คงไม่ยอมยกผมกับลูกให้ใครหรอก จริงไหมยาย”

            “ใช่แล้ว ยายไม่มีทางให้แก้วตาดวงใจของยายไปอยู่กับคนอื่นหรอก”

            “ว้า แห้วเลยเรา” พี่เพชรทำหน้าเซ็ง แต่ก็ยิ้มออก “น้าไปเรียนก่อนนะตัวเล็ก เดี๋ยววันหลังจะแวะมาหยอกใหม่” พี่เพชรหอมแก้มตาหนูฟอดใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นยืน จ่ายตังค์ค่าข้าวแกงให้ผม

            “ขอบคุณนะครับพี่ วันหลังมาอุดหนุนใหม่นะ” ผมบอกหลังจากคืนเงินทอนให้แล้ว

            “ถ้าวินมาขายทุกวันพี่ก็จะแวะมาอุดหนุนทุกวัน” พี่เพชรตอบ แต่กลับยืนอยู่หน้ารถเข็นไม่ยอมไปไหน

            “ให้จริงนะครับ ผมจะรอทุกวันเลย อยากทานอะไรบอกมาได้ เดี๋ยวผมทำพิเศษมาให้”

            “จริงดิ เดี๋ยววันหลังพี่จะบอกละกัน เพราะพี่อยากเป็นลูกค้าที่พิเศษกว่าคนอื่น” ทำไมต้องส่งสายตาอย่างนั้นมาให้ผมด้วยนะ บางทีก็รู้สึกผิดที่ไม่เคยปฏิเสธความรู้สึกไปเลยสักครั้ง นั่นทำให้เขายังคงคิดว่าผมไม่ปิดโอกาส

            “ฮ่าๆ พี่ก็พูดไป ผมให้ความสำคัญกับลูกค้าเท่ากันหมดแหละครับ ว่าแต่ทำไมพี่เพชรยังไม่ไปอีกล่ะครับ เดี๋ยวก็เข้าเรียนสายหรอก”

            “พี่รอเพื่อนอยู่ มันแวะมาแถวนี้พอดีเลยจะมารับพี่ไปมหาลัยด้วยกัน”

            “ปกติผมเห็นพี่เพชรขับรถมา แต่ทำไมวันนี้ถึงได้ให้เพื่อนมารับครับเนี่ย”

            “อ๋อ พอดีรถพี่มันเสียอ่ะเอาไปส่งศูนย์ วันนี้จึงถือโอกาสนั่งวินมา นานๆ ครั้งก็รู้สึกดีเหมือนกัน” ถ้าผมไม่มีมลทินมาก่อนหน้านี้ บางทีอาจจะได้คบกับพี่เพชรไปแล้วก็เป็นได้ เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากจริงๆ บ้านรวยแต่สามารถใช้ชีวิตติดดินได้อย่างสบายๆ ไม่เหมือนพี่ธีรายนั้นถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก ในชีวิตไม่เคยไปไหนนอกจากบ้านกับห้างสรรพสินค้า

            “ออครับ” ผมตอบรับไปสั้นๆ เพราะตอนนี้ลูกค้ากำลังมาพอดี

            ระหว่างนั้นรถคันหรูก็มาจอดตรงหน้าร้าน พี่เพชรโบกมือลาผมก่อนจะขึ้นรถไป ผมได้แต่ยิ้มให้แล้วมองตามรถไปแวบหนึ่ง ดูท่าทางเพื่อนของพี่เพชรเองคงจะรวยมาก รถยุโรปยี่ห้อนี้ราคาคงหลายล้านบาทน่าดู

            ขายข้าวแกงในช่วงเช้าจนเกลี้ยงหม้อแล้ว ผมกับยายจันทร์ก็กลับมาที่บ้าน เพื่อพักผ่อนและเตรียมของออกไปขายอีกในช่วงเย็น แต่จะขายเป็นแกงถุงในตลาด ช่วงเย็นผมจะออกไปขายคนเดียว ให้ยายจันทร์เลี้ยงตาหนูอยู่ที่บ้าน

            วงจรชีวิตผมก็เป็นอย่างนี้ทุกวัน แม้มันค่อนข้างจะเหนื่อยมากแต่ผมกลับมีความสุขมากเช่นเดียวกัน หากตอนนี้ยังอยู่ในบ้านหลังนั้นคงจะไม่ต่างจากเด็กรับใช้คนหนึ่ง ที่โดนโขกสับไปวันๆ แต่ผมก็ยังคงเป็นห่วงและคิดถึงคุณพ่ออยู่ตลอดเวลา ท่านไม่เคยดุด่าว่ากล่าวผมเลย หากมีโอกาสก็อยากจะกลับไปกราบท่านสักครั้ง

            ในขณะที่ผมกำลังเขียนบัญชีรายรับรายจ่ายอยู่นั้น ยายจันทร์ก็อุ้มธนนท์เข้ามาหาผม ผมรับลูกมานั่งตักก่อนจะหันไปยิ้มให้ยายจันทร์ ผู้หญิงที่เป็นทั้งชีวิตของผม

            “นั่งเหม่ออะไรอยู่ลูก”

            “เปล่าครับยาย กำลังเขียนบัญชีรายรับรายจ่ายอยู่” ผมตอบออกไป แต่มีหรือที่ยายจะไม่รู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

            “อย่าโกหกยายเลย แววตาเอ็งมันฟ้องว่ากำลังคิดถึงเรื่องราวในอดีต”

            “ผมคงโกหกยายไม่ได้เหมือนเดิมสินะ” ผมแค่นยิ้มออกมา ตาหนูที่นั่งอยู่บนตักก็กำลังงุ่นกับการดูดนมจากขวด

            “ถึงแม้จะไม่ได้เลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่เกิด แต่ยายก็รู้จักนิสัยเอ็งดี อย่าคิดมากเลยลูก คนใจร้ายแบบนั้นควรตายจากชีวิตเราได้แล้ว”

            “ผมก็ว่าจะไม่คิดหรอกครับ แต่บางทีมันก็ลอยขึ้นมาในหัวซะอย่างนั้น”

            “เหนื่อยไหมอยู่กับยาย”

            “ทำไมยายถามอย่างนี้ล่ะครับ ถึงแม้จะเหนื่อยกว่านี้เป็นร้อยเท่าผมก็จะอยู่กับยาย ผมมีครอบครัวที่แสนอบอุ่นขนาดนี้แล้ว ยังไงซะก็ไม่มีทางไปไหนเด็ดขาด ผมจะอยู่กับยาย เลี้ยงดูยายไปตลอดชีวิตเลยครับ”

            “เป็นบุญของยายที่เจอเอ็งในวันนั้น ไม่นึกเลยว่าจะมีลูกมีหลานกับเขา”

            “เป็นบุญของผมกับลูกเหมือนกันที่ได้มาอยู่กับยาย ถ้ายายไม่ช่วยไว้ป่านนี้ผมกับลูกคงจะเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่ไป”

            “ยายขอถามเรื่องหนึ่งได้ไหม” สีหน้าของยายจันทร์เหมือนมีคำถามที่ค้างคาในใจ ที่อยากจะถามผมมากเหลือเกิน

            “ได้สิครับยาย”

            “เอ็งไม่คิดอะไรกับพ่อเพชรบ้างเลยเหรอ ยายว่าเขาก็เป็นคนดีนะ ดูเหมือนว่าจะชอบเอ็งมากด้วย”

            “มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกครับยาย ไอ้เรามันก็แค่นี้ไม่คู่ควรกับคนระดับนั้นหรอก อีกอย่างผมเองก็ไม่ได้รักพี่เพชรด้วย เพราะในหัวใจของผมตอนนี้มอบให้ยายกับตาหนูไปหมดแล้ว อยู่กันไปอย่างนี้ดีแล้ว บอกตรงๆ ว่าผมเข็ดขยาดกับพวกคนรวยมาก ยายเองก็น่าจะรู้”

            “ยายก็ถามไปอย่างนั้นล่ะ เพราะยายเองก็มีแต่จะแก่ตัวไปเรื่อยๆ อยากให้เอ็งกับลูกสบาย ไม่ต้องมาทนขายข้าวแกงเหงื่อไหลไคลย้อยอย่างนี้ไปตลอด”

            “เราทำงานหาเงินเองมันน่าภูมิใจนะครับยาย ไม่ต้องไปขอเงินใครใช้ ยายไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงซะถ้าเราขยันมันไม่มีวันอดตาย อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ผมว่ามันก็มีความสุขทางใจมากเหลือเกิน”

            “ยายคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่ตั้งใจฝากชีวิตในช่วงบั้นปลายไว้กับเอ็ง”

            เรายิ้มให้กันอย่างจริงใจ ไม่ว่าในอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ผมจะขออยู่เคียงข้างคนที่ผมรักทั้งสองคนนี้ไปตลอดชีวิต
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.1 พ่อค้าขายข้าวแกง l Up:16-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 16-08-2018 19:01:10
 :oo1: เอาใจช่วยคุณแม่ลูกอ่อน ถ้าจะดราม่าจริงๆด้วย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.1 พ่อค้าขายข้าวแกง l Up:16-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 16-08-2018 22:30:17
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.1 พ่อค้าขายข้าวแกง l Up:16-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-08-2018 22:54:19
สู้ๆ พ่อค้าข้าวแกงลูกอ่อน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.1 พ่อค้าขายข้าวแกง l Up:16-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-08-2018 15:39:03
ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่น
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.1 พ่อค้าขายข้าวแกง l Up:16-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 17-08-2018 17:57:45
สนุกกกกมากกกกกก น่าติดตามจ้าา

แต่ขอติงเรื่องเวลาหน่อยน้า

หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.2 เผชิญหน้า l Up:17-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 17-08-2018 19:48:15
Chapter-2-เผชิญหน้า







            “มาแล้วครับยาย” ผมอุ้มลูกชายตัวน้อยเดินมาหายายจันทร์ หลังจากพาไอ้ตัวเล็กไปเข้าห้องน้ำมา

            “เอ็งนั่งพักเถอะเดี๋ยวยายจะขายเอง” ยายจันทร์บอก ผมยิ้มให้แล้วพาตาหนูไปนั่งบนเสื่อ ผมกับยายจันทร์จะสลับกันขายอย่างนี้เป็นประจำ

            “วันนี้ไม่เห็นพี่เพชรมาเลยอ่ะยาย สงสัยคงจะรีบไปเรียน” ผมบ่นหาพี่เพชร เพราะวันนี้ยังไม่เห็นหน้าเลยสักครั้ง ขาดลูกค้าขาประจำไปสักคน ก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง

            “ช่วงที่เอ็งพาตาหนูไปห้องน้ำ พ่อเพชรเขามาแล้ว แต่ซื้อใส่กล่องไป” ยายจันทร์หันมาบอก

            “อ๋อ ผมก็นึกว่ายังไม่มาซะอีก”

            “เอ๊ะ! นี่มันหนังสือพ่อเพชรรึเปล่าวิน” ยายจันทร์หยิบหนังสือเล่มหนึ่งยกขึ้นให้ผมดู ผมอุ้มลูกลุกขึ้นไปหายายจันทร์ หยิบหนังสือเล่มนั้นมาดูใกล้ๆ ใช่จริงๆ ด้วย หนังสือพี่วิน

            “ใช่ครับยาย ผมจำได้เห็นพี่เขาถือมาด้วยบ่อยๆ” แล้วอย่างนี้ผมจะติดต่อพี่เพชรยังไง เบอร์โทรก็ไม่มีซะด้วยสิ

            “จะรู้ตัวไหมเนี่ยว่าลืมของไว้” ยายจันทร์เอ่ย

            “ไม่เป็นไรหรอกครับยายเดี๋ยวพี่เพชรคงจะมาเอาแหละ”

            “ถ้างั้นเอ็งก็เก็บไว้ให้พี่เขาด้วยละกัน”

            “ครับยาย”

            ผมอุ้มลูกไปนั่งที่เดิม นั่งเล่นกับธนนท์ได้สักพัก ก็มีเสียงที่คุ้นหูเอ่ยกับยายจันทร์

            “ยายเห็นหนังสือผมวางอยู่แถวนี้ไหมครับ” เป็นพี่เพชรนั่นเองที่เดินเข้ามาถามยายจันทร์

            “อ้าว! มาพอดีเลย ยายนึกว่าจะมาเอาพรุ่งนี้ซะอีก” ยายจันทร์เอ่ย ผมลุกขึ้นหยิบหนังสือไปให้พี่เพชรทันที

            “นี่ครับพี่เพชร ของสำคัญอย่างนี้ลืมได้ไงเนี่ย”

            “พี่มันคนขี้ลืมอ่ะ ขอบใจนะ” พี่เพชรยิ้มให้ผม

            “ครับ...วันหลังห้ามลืมนะ ผมไม่เก็บไว้ให้ด้วย” ผมแกล้งแหย่ไป

            “จริงๆ แล้วพี่ก็ลืมของไว้ที่นี่ทุกวันนะ”

            “ลืมอะไรครับ ผมไม่ยักเห็นเลย” ผมทำหน้างง

            “ก็หัวใจพี่ไง ลืมไว้กับวินทุกวันเลย แต่อันนี้ไม่ต้องคืนนะพี่อยากให้วินเก็บไว้ตลอดไป” ว่าแล้วไง ยิงมุขมาซะผมหน้าเหวอเลยทีเดียว

            “ตลกแล้วพี่ รีบไปเรียนเถอะครับเดี๋ยวอาจารย์ก็ตัดคะแนนหรอก”

            “ครับผม เห็นหน้าหวานๆ อย่างนี้ดุจังเลยนะเรา”

            “ก็นิดหน่อยครับ...ตั้งใจเรียนนะครับพี่เพชร”

            “ได้ยินอย่างนี้พี่ยิ่งมีกำลังใจเรียน น้าไปก่อนนะครับตัวเล็ก” ว่าแล้วพี่เพชรก็ก้มมาหอมแก้มตาหนู เหมือนลูกชายผมจะชอบพี่เพชรมาก หัวเราะชอบใจทุกครั้งเวลาเห็นเพี่เพชร ไม่แน่ตาหนูอาจจะคิดว่าพี่เพชรเป็นพ่อไปแล้วก็ได้ เพราะแวะเวียนมาหาผมแทบทุกวัน

            “ชักช้าอยู่ได้มึงเดี๋ยวก็สายหรอก” เสียงใครบางคนดังมาจากด้านหลัง ทำเอาหัวใจผมหล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เสียงทุ้มนั้นช่างคล้ายกับเสียงของพี่ธีมากเหลือเกิน หวังว่าคงจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดหรอกนะ โลกมันคงจะไม่กลมขนาดนั้นหรอก

            “กูกำลังไปอยู่นี่ไงวะ เป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้” พี่เพชรหันไปเอ่ยกับเพื่อน ส่วนผมลังเลใจว่าจะหันไปมองดีหรือเปล่า ถ้าใช่พี่ธีจริงๆ ผมจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย

            “พ่อ” อยู่ๆ ตาหนูก็เอ่ยคำว่าพ่อออกมา ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะผมไม่เคยสอนให้ลูกพูดคำนี้เลย หรือว่าอาจจะได้ยินจากในละคร เพราะช่วงนี้นั่งดูกับยายจันทร์บ่อยๆ

            “สงสัยไอ้ตัวเล็กคงอยากให้พี่เป็นพ่อนะเนี่ย ถึงเรียกพี่ว่าพ่อ” พี่เพชรยิ้มให้ผม ดูท่าทางดีใจซะเหลือเกิน

            “เฮ้ย! ไอ้ธีนี่น้องวินเว้ย เจ้าของร้านขายข้าวแกงที่อร่อยที่สุดในย่านนี้” อยู่ๆ พี่เพชรก็แนะนำผมให้รู้จัก แต่เอ๊ะ! เขาคนนั้นชื่อธี มันไม่จริงใช่ไหม...

            “ทำไมต้องแนะนำ กูไม่อยากรู้จักสักหน่อย” ประโยคที่เอ่ยออกมานั้นทำให้ผมมั่นใจแล้วว่าเขาคือพี่ธีจริงๆ ชอบดูถูกคนอื่นอย่างนี้มีเพียงคนเดียวในโลกแน่นอน

            “ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับพี่เพชร” ผมเอ่ยแล้วรีบเดินไปหายายจันทร์ก่อนที่เขาจะเห็นใบหน้าผม

            “เดี๋ยว! ทำไมฉันรู้สึกคุ้นเสียงนายจัง” เขาสั่งให้ผมหยุด แม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นผม แต่เขาก็ยังชอบออกคำสั่งอยู่เหมือนเดิม

             นิสัยเสียไม่เคยเปลี่ยน...

            “มึงไม่ต้องเลยไอ้ธี เสียมารยาทกับน้องวินขนาดนั้นแล้วใครอยากจะคุยกับมึงวะ” ยิ่งพี่เพชรเอ่ยชื่อผมให้เขาได้ยิน ผมยิ่งรู้สึกกลัว กลัวว่าถ้ารู้ว่าผมมีลูก แล้วจะแย่งตาหนูไปจากผม

            “วินงั้นเหรอ..” เขาเอ่ยออกมาเสียงดัง ในวินาทีนี้ผมไม่รอให้สิ่งที่ผมกลัวเกิดขึ้นแน่ รีบเดินออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

            “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เขาตะโกนตามหลังมา ผมรีบอุ้มลูกเดินเร็ว แล้วนั่งวินหนีไปทันที



            เมื่อลุงวินขับออกมาได้สักพักผมก็หันกลับไปมอง เขาคนนั้นยังคงมองมาที่ผม เขาจะรู้ไหมนะว่าเป็นผม ถ้าเขารู้จะทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้สมองมันตันไปหมด

            ผมให้ลุงวินมาส่งที่บ้าน และฝากไปบอกยายจันทร์ด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อลูกชายหลับไปแล้วผมก็นั่งคิดหาทางออก หากพี่ธีไม่รู้ว่าตาหนูคือลูกก็คงดี เขาคงไม่มาตามรังควานผมแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ก็อยากให้ผมออกจากบ้านหลังนั้นอยู่แล้ว แต่ทว่าพี่ธีอาจจะถามเรื่องผมจากพี่เพชร แน่นอนว่าเขาต้องรู้อยู่แล้ว เพราะพี่เพชรเองก็รู้ว่าผมเป็นแม่แท้ๆ ของตาหนู

            นั่งคิดใคร่ครวญอยู่ได้สักพักยายจันทร์ก็เดินเข้ามาหา

            “วินเอ็งเป็นยังไงบ้าง ยายเป็นห่วงเลยรีบกลับมาดู” ยายจันทร์เดินเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง

            “ผมไม่เป็นไรครับยาย ผมขอโทษที่อยู่ๆ ก็รีบกลับมา”

            “ไม่เป็นไร ขอแค่เอ็งกับตาหนูไม่เป็นไรยายก็หายห่วงแล้ว สักพักถึงจะกลับไปดูร้านต่อ ฝากยายปลีช่วยดูให้” ยายปลีคือคนขายลูกชิ้นทอดร้านที่อยู่ใกล้กัน

            “เดี๋ยวผมกลับไปขายเองก็ได้ครับยาย ยายอยู่ดูตาหนูที่นี่ล่ะ”

            “ไม่เป็นไรยายไปเองก็ได้ ยายรู้ว่าตอนนี้เอ็งกำลังหลบหน้าใครบางคนอยู่ ว่าแต่เอ็งรู้จักกับเพื่อนของพ่อเพชรมาก่อนเหรอ ถึงได้หนีมาซะอย่างนั้น” ยายจันทร์เอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย

            “ยายครับ...ผมกลัวว่าเขาจะมาพรากตาหนูไป เพื่อนพี่เพชรก็คือพ่อของตาหนูครับ ทำไมโลกมันถึงได้กลมอย่างนี้นะ” ผมเอ่ยแล้วถอนหายใจเสียงดัง จนยายต้องเดินเข้ามาจับมือผมไว้เพื่อปลอบใจ

            “ยายจะไม่ให้ใครมาพรากเอ็งกับตาหนูไปจากยายแน่นอน ถ้าเอ็งกลัวเราจะเปลี่ยนที่ขายกัน ไปขายที่อื่นไม่ให้พ่อเพชรรู้ดีไหม” ยายจันทร์แนะนำ

            “ยังไงพี่เพชรก็ต้องรู้อยู่ดีครับยาย ใครๆ ก็รู้จักเรายังไงซะก็หนีไม่พ้นหรอก”

            “แล้วจะทำยังไงดีล่ะ หรือเอ็งกับลูกจะย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนสักพัก”

            “ผมจะไปอยู่ไหนล่ะครับยาย อีกอย่างจะให้ผมทิ้งยายอยู่คนเดียวผมทำไม่ได้หรอก ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกัน” ทำไมผมจะต้องหนีด้วยล่ะในเมื่อผมไม่ได้ทำอะไรผิด เอาวะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ในเมื่อผมคิดจะตัดขาดจากคนพวกนั้นแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร ตาหนูเป็นลูกผมเพียงคนเดียว ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปไหนเด็ดขาด

            “อย่างนี้เอ็งก็ต้องเดือดร้อนน่ะสิ” 

            “ช่างมันเถอะยาย ผมตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตเหมือนเดิม ถ้าใครมาทำผม ผมก็จะไม่มีทางยอมเด็ดขาด ผมกับคนพวกนั้นตัดขาดกันไปตั้งนานแล้ว พวกเขาไม่มีสิทธิ์ในตัวผมกับลูกเลยแม้แต่น้อย” ผมจับมือยายจันทร์ไว้แน่น ส่งยิ้มให้ เพื่อให้ยายไม่ต้องคิดมาก

            “ยายจะอยู่ข้างเอ็ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป” ยายจันทร์เอ่ย ผมได้ยินก็น้ำตาร่วงทันที ตั้งแต่เกิดมาไม่นึกว่าจะมีคนที่ดีกับผมอย่างนี้ ทั้งที่เราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันเลย แต่คนที่มีสายเลือดเดียวกับผม กลับทิ้งผมไว้ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ผมจะไม่มีทางไปสืบเสาะหาว่าใครคือพ่อแม่เด็ดขาด เพราะคนที่เป็นทั้งพ่อและแม่ผมตอนนี้ก็คือยายจันทร์คนเดียวเท่านั้น



            หลังจากปรับทุกข์กับยายจันทร์แล้ว ผมก็นั่งวินกลับมาขายข้าวแกงต่อ ตอนนี้ของใกล้จะหมดหม้อแล้ว อีกไม่นานคงได้กลับบ้าน ผมจึงเตรียมตัวเก็บของบางส่วน ในระหว่างนั้นก็มีลูกค้ามายืนตรงหน้ารถเข็น จึงเงยขึ้นไปดู เข่าแทบทรุดเมื่อรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร

            “พี่ธี!” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ หัวใจผมเต้นแรง มือสั่นเทาทำอะไรไม่ถูก

            “ในที่สุดกูก็ได้เจอมึงอีกครั้ง ที่ไหนได้มาขายข้าวแกงข้างถนนอยู่ที่นี่เอง” พี่ธียืนกอดอกมองเหยียดผมด้วยความสมเพช

            “ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคนอย่างพวกคุณแล้ว อย่างมายุ่งกับผมอีกเลยครับ ในเมื่อพี่เองเป็นคนทำให้ผมต้องหนีออกมา แล้วจะมาอะไรกับผมอีก” ผมตั้งสติตอบกลับเสียงแข็ง ต้องเข้มแข็งเข้าไว้เพื่อลูก

            “สันดานมึงยังเหมือนเดิมเลยว่ะ จับแต่คนรวยๆ คนก่อนก็เพื่อนเก่ากู ตอนนี้ก็ไอ้เพชรอีก มึงมันจะร่านไปถึงไหนกันวะ” พี่ธีตะโกนใส่หน้าผมเสียงดัง จนคนแถวนั้นมองดูอย่างสนใจ

            “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ นี่มันชีวิตผม ผมจะเอากับใครมันก็เรื่องของผม พี่ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับผมอีกไม่งั้นผมแจ้งตำรวจมาจับพี่แน่” ผมรู้ว่าตำรวจคงไม่สามารถทำอะไรคนพวกนั้นได้ แต่มันไม่มีวิธีไหนที่จะข่มขู่อีกฝ่ายได้อีกแล้ว

            “กูไม่อยากจะยุ่งกับมึงนักหรอก คนอย่างมึงคงจะร่านให้ใครต่อใครเอา เนื้อตัวน่ารังเกียจยิ่งกว่าอะไร” คำพูดนั้นทำเอาผมถึงกับน้ำตาไหล ในชีวิตนี้ผมไม่เคยมีอะไรกับใคร นอกจากคืนนั้นที่พี่ธีข่มขืนผม เขาทำร้ายร่างกายไม่พอ ยังทำร้ายจิตใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า

            “ผมดีใจที่พี่คิดอย่างนี้ เราจะได้ต่างคนต่างอยู่ ผมเองก็ไม่อยากเห็นหน้าคนที่ทำร้ายผมนักหรอก”

            “มึงอย่าเพิ่งดีใจไปสิวะ คนอย่างกูถ้าไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่มีทางทนยืนอยู่หน้าร้านขายข้าวแกงสกปรกๆ อย่างนี้หรอก”

            “พี่หมายความว่าไง” หัวใจผมเต้นแรง กลัวว่าประโยคที่พี่ธีจะเอ่ยออกมามันจะเกี่ยวกับเรื่องลูก ถ้าเป็นอย่างนั้นแสดงว่าพี่ธีเริ่มสงสัยแล้วว่าตาหนูคือลูกของเขา

            “เด็กคนนั้นเป็นลูกกูใช่ไหม” เขาเอ่ยเสียงเย็นยะเยือก จ้องตาผมเขม็ง เหมือนข่มขู่ว่าให้พูดความจริงออกมา แต่มันไม่สามารถขู่ผมได้หรอก เพราะถึงยังไงผมก็ไม่มีทางให้พี่ธีรู้ความจริงเด็ดขาด

            “ไม่ใช่!”

            “แล้วมันเป็นลูกใคร” เขาตะคอกถามผม

            “พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เพราะถึงยังไงตาหนูก็ไม่ใช่ลูกของพี่”

            “กูไม่เชื่อมึง จนกว่าจะได้ตรวจดีเอ็นเอ”

            “ไม่ได้! ผมไม่ยอมให้ตรวจเด็ดขาด บอกไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ไง ทำไมถึงได้เข้าใจยากนักวะ” ผมทนไม่ไหวกับความรั้นของพี่ธี จึงตะโกนใส่เสียงดัง ในขณะที่น้ำตาผมก็ไหลลงมาเป็นสายไม่ยอมหยุด ผมกลัวว่าเขาจะทำอย่างนั้นจริงๆ

            “ยิ่งมึงมีพิรุธอย่างนี้กูยิ่งมั่นใจว่าเด็กคนนั้นคือลูกกูแน่นอน ไม่ตรวจก็ได้แต่เด็กคนนั้นต้องไปอยู่กับกู”

            “ไม่มีทางผมไม่ยอมให้ตาหนูไปไหน เขาคือลูกผมคนเดียว พี่ไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับพวกเราเลยนะ ตอนนี้ผมมีชีวิตใหม่แล้ว เห็นใจผมเถอะนะครับพี่ธี” ผมยกมือไหว้ขอร้องเขา ทำทุกอย่างให้เราสองแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันอย่างไม่มีอุปสรรค

            “แต่กูคือพ่อ กูทำมันมากับมือ”

            “พ่องั้นเหรอ? ทำมากับมืองั้นเหรอ? พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าพี่ข่มขืนผม ยังจะมาอ้างสิทธิ์ความเป็นพ่ออีก หน้าไม่อายเลยจริงๆ สิ่งที่พี่ทำกับผมไว้ ผมจะไม่มีทางลืมมันไปตลอดชีวิต”

            “อย่ามาทำปากดีกับกู” เขาเดินเข้ามาใกล้ จับแข็นผมบีบไว้แน่น จนผมต้องทำหน้าเหยเกเพราะรู้สึกเจ็บ

            “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!”

            “ทำไมต้องปล่อยวะ ในเมื่อมึงมันก็เคยเป็นของที่กูเคยเอามาแล้ว กูจะทำอะไรกับมึงก็ได้” เขาพูดจาหยาบคายใส่หน้าผม ราวกับเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่งที่จะทำอะไรก็ได้

            “ถ้าไม่ปล่อยผมจะร้องให้คนช่วย ถ้าพี่ไม่อยากเจ็บตัวก็เชิญ”

            “ถ้ามึงทำอย่างนั้นกูรับรอง ว่ามึงจะไม่มีทางได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นอน ร้านสัปปะรังเคของมึงกูจะสั่งคนมาทำลายตอนไหนก็ได้ ถ้ามึงไม่ให้ลูกมาอยู่กับกู มึงจะโดนรังควานอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ เลือกเองว่าจะเอาแบบไหน” เขาขู่ผมอีกแล้ว ทุกเสี้ยวความคิดของผู้ชายคนนี้ มีแต่เรื่องเอาชนะ

            “ผมไม่กลัวพี่หรอก ลูกจะต้องอยู่กับผมเท่านั้น” ผมจ้องตาอย่างไม่ลดละ ก่อนจะตะโกนเรียกให้ลุงวินแถวนั้นเข้ามาช่วย “ช่วยด้วยครับ! ช่วยด้วย มีคนจะทำร้ายผม!”

            “ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” เมื่อเห็นกลุ่มลุงวินวิ่งตรงมา พี่ธีก็ปล่อยมือผมแล้วรีบวิ่งขึ้นรถขับออกไป เห็นอย่างนั้นผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง

            “เอ็งเป็นอะไรรึเปล่าวิน” ลุงจอมวิ่งมาถึงก็เอ่ยถามผมทันที

            “ไม่เป็นไรครับลุง ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่มาช่วยผม”

            “ว่าแต่ทำไมจู่ๆ มันถึงได้จะทำร้ายเอ็งวะ ลุงเห็นยืนคุยกันอยู่ตั้งนาน นึกว่ารู้จักกันซะอีก”

            “ใช่ครับ เราเคยรู้จักกัน แต่เราเคยมีเรื่องกันมาก่อน เขาเคยทำร้ายร่างกายผมมาหลายครั้งแล้ว ทั้งที่ผมไม่เคยเอาเรื่อง แต่เขากลับไม่ยอมจบเสียที ถ้าลุงเห็นผู้ชายคนนี้อีกบอกผมหน่อยนะครับ ผมจะได้ระวังตัว ผมไม่อยากมีเรื่องครับลุง” อย่างน้อยผมก็ยังมีพี่ๆ วินช่วยดูต้นทางให้อีกแรง เผื่อคราวหน้าเกิดเรื่องขึ้นอีกจะได้มีคนคอยช่วยเหลือ

            “ถ้าเห็นมันมาอีก เดี๋ยวลุงจะช่วยจัดการเองไม่ต้องห่วง คนสมัยนี้มันใจร้ายใจดำกันจังวะ ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ได้ลงคอ” ลุงวินบ่น

            “ขอบคุณมากๆ นะครับ ถ้าไม่มีทุกคนผมคงแย่ไปแล้ว”

            “ไม่เป็นไรหรอก เอ็งอยู่ที่นี่นานจนเป็นเหมือนลูกหลานคนที่นี่ไปแล้ว เดี๋ยวพวกลุงไปขับวินต่อก่อนนะ ระวังตัวด้วยล่ะ”

            “ครับลุง”

            หลังจากทุกคนเดินไปแล้วผมก็นั่งลงที่เก้าอี้ ปาดเหงื่อที่มันผุดออกมาไม่ยอมหยุด จากนี้ผมจะต้องเจออะไรอีกบ้างก็ไม่รู้ นั่นเป็นการบ้านที่ผมจะต้องคิดต่อว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ชายเลวๆ คนนั้น ไม่ต้องมายุ่งกับผมและลูกอีก
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.2 เผชิญหน้า l Up:17-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 17-08-2018 20:05:10
มาต่อๆ ถึงจะเป็นนิยายน้ำเน่า
พลอตเดิมๆแต่เราก็จะอ่าน แลดูมีอะไร
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.2 เผชิญหน้า l Up:17-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 17-08-2018 21:44:51
ยังไงต่อน้าาา
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.2 เผชิญหน้า l Up:17-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-08-2018 00:32:47
พี่ธีหลงรักวินมานานแล้วรึเปล่าแต่ปากแข็ง
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.2 เผชิญหน้า l Up:17-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-08-2018 03:47:19
ปากบอกไม่ชอบ แล้วแกจะตอแยน้องเขาทำไมห่ะ  นังธี  :m16:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.3 l Up:17-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 18-08-2018 21:33:50
EPISODE 3

ผู้บุกรุก





          สองวันที่ผ่านมาไม่มีวี่แววว่าพี่ธีจะมารังควานผมเลย แต่สำหรับพี่เพชรยังคงมาอุดหนุนผมทุกวันเหมือนเช่นเคย เขาเอาแต่ถามผมว่ารู้จักกับพี่ธีมาก่อนเหรอ ผมจึงตัดสินใจบอกความจริงไป เพราะอย่างน้อยพี่เพชรก็เป็นคนดีที่ผมไว้ใจได้ ตอนแรกที่รู้ว่าพี่ธีคือพ่อของธนนท์แกก็ตกใจ แต่พอผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แกก็เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่อย่างผม แถมยังบอกว่าจะช่วยกันพี่ธีออกให้ และนั่นคือข้อดีที่ผมคิดว่าจะได้จากพี่เพชร

            เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาตักบาตรตั้งแต่เช้าตรู่ โดยไม่ลืมปลุกลูกชายมาด้วย เพราะอยากให้เราสามคนได้ทำบุญร่วมกัน จะได้แคล้วคลาดปลอดภัยจากเรื่องร้ายๆ

            เมื่อเห็นพระสงฆ์สองรูปเดินถือบาตรมาในท่าทีสำรวม โดยมีเด็กวัดตัวน้อยที่สะพายย่ามตามหลังมาติดๆ ผมก็เอ่ยนิมนต์ท่านเหมือนเช่นทุกวัน

            “นิมนต์ครับหลวงพ่อ”

            “วันนี้ทำไมเจ้าหนูถึงตื่นแต่เช้าได้ล่ะโยม” หลวงพ่อถาม พลางยิ้มให้กับธนนท์ ที่เอาแต่มองท่านตาแป๋ว

            “นานๆที อยากทำบุญพร้อมหน้ากันครับหลวงพ่อ” ว่าแล้วก็เอ่ยกับตาหนู จับมือให้ไหว้หลวงพ่อ “สาธุสิครับลูก”

            จากนั้นผมกับยายจันทร์ก็ช่วยกันนำอาหารที่เตรียมไว้มาใส่บาตร ก่อนจะนั่งรีบศีลจากพระทั้งสองรูปพร้อมทั้งกรวดน้ำจนเสร็จ เมื่อท่านเดินไปแล้ว พวกเราก็เข้าไปในบ้านเพื่อทานอาหารเช้า

วันนี้เป็นวันหยุดจึงไม่ได้ออกไปขายข้าวแกง ปกติในหนึ่งสัปดาห์พวกผมจะหยุดหนึ่งวัน โดยส่วนมากจะเป็นวันอาทิตย์

            “วันนี้ยายอยากไปเที่ยวไหนไหมครับ เดี๋ยวผมจะพาไป” ผมเอ่ยกับยายจันทร์ขณะนั่งทานข้าวอยู่บนพื้นไม้

            “ยายแก่แล้วไปไม่ไหวหรอก เอ็งไปกับตาหนูเถอะ”

            “ถ้ายายไม่ไปผมก็ไม่อยากไปไหนหรอก ช่วยยายทำงานบ้านดีกว่า”

            “พาลูกไปเปิดหูเปิดตาบ้างเถอะ ไม่ได้พาตาหนูออกไปเที่ยวนานแล้วไม่ใช่เหรอ”

            “ไม่เป็นไรหรอกครับยาย อยู่บ้านก็มีความสุขจะตาย อีกอย่างช่วงนี้ผมยังไม่กล้าพาลูกออกไปไหน กลัวว่าพี่ธีจะตามมาแย่งตาหนูไป” แม้ว่าช่วงสองวันที่ผ่านมา พี่ธีจะไม่มาให้เห็นหน้า แต่ผมก็ยังไม่วางใจว่าเขาจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับผม และมั่นใจว่าตอนนี้คงจะหาวิธีมาเล่นงานผมอยู่อย่างแน่นอน

            “เอ็งคิดมากไปรึเปล่า ยายว่าบางทีเขาอาจจะไม่ทำอย่างที่เรากลัวอยู่ในตอนนี้ก็ได้นะ” ยายจันทร์ไม่รู้นิสัยของพี่ธีจึงพูดอย่างนี้ออกมา แต่ผมรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่ชอบเอาชนะ อยากได้อะไรก็ต้องได้

            “ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางปล่อยผมกับลูกไปง่ายๆ หรอกครับยาย เขาเป็นคนชอบเอาชนะ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่งั้นคง...ไม่ข่มขืนผมหรอกครับ” ภาพวันนั้นยังติดตาผมไม่หาย

            “เอ็งอย่าเอาเรื่องนั้นมาคิดให้มันเจ็บใจอีกเลย ให้ถือซะว่าเขาได้มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้กับเอ็งมา นั่นคือตาหนู เอ็งจะได้ไม่ต้องเอามันมาเป็นปมในชีวิต” ใช่อย่างที่ยายจันทร์พูด ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ในคืนนั้น ตาหนูคงไม่ได้เกิดมา ทำให้ชีวิตผมอยากมีชีวิตต่อไปอย่างมีความหวังแบบนี้

            “ผมจะพยายามคิดอย่างนั้นให้ได้ครับยาย ผมต้องขอบคุณที่เขาได้มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตให้”

            “คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว ชีวิตเราจะได้เดินหน้าต่อไป ไม่ต้องไปสนใจอดีตพวกนั้นอีก”

            “ขอบคุณยายที่ช่วยเตือนสติผมนะครับ”

            “ไม่เป็นไรเอ็งสบายใจ ยายเองก็สบายใจ”

            ผมรีบโผเข้าไปกอดยาย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงเวลาสุขหรือทุกข์ ยายจันทร์คือคนเดียวที่เห็นช่วงเวลานั้นของผมมาตลอด และเป็นคนเดียวที่ผมสามารถสละชีวิตแทนได้

            เมื่อไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนแล้ว พวกเราทั้งสามคนจึงนั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ ผมกับยายช่วยกันทำข้าวต้มมัด ส่วนตาหนูก็นั่งอยู่บนตักผม คอยจับโน่นจับนี่ก่อกวนไปเรื่อย

            “แอะๆ”

            ธนนท์เห็นพวกผมช่วยกันห่อใบตอง ก็เอื้อมมือมากะจะช่วย ส่งเสียงอ้อแอ้ราวกับดุพวกเราทั้งสองคนซะอย่างนั้น ชอบออกคำสั่งเหมือนพ่อตั้งแต่เด็กเลยนะไอ้ตัวเล็ก

            “ยายครับ ทำไมตาหนูถึงได้เอ่ยคำว่าพ่อออกมา ยายได้สอนแกรึเปล่าครับ” ข้อสงสัยนี้ผมยังไม่ได้ถามยายจันทร์เลยตั้งแต่เกิดเรื่อง

            “ยายไม่ได้สอนนะ หรือว่าวันนั้นที่ยายนั่งดูละครกับตาหนู นางเอกตะโกนเรียกหาพ่อในละคร แกคงจะจำมาพูด ถ้าเป็นอย่างนั้นตาหนูต้องเป็นเด็กฉลาดมากแน่ๆ” ยายจันทร์ว่า

            “อ๋อ ผมเองก็เดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น แต่บังเอิญจังเลยนะ ไปเรียกพ่อในวันที่เจอพี่ธีพอดีเลย”

            “แอ้” แหนะยังมีหน้ามายิ้ม เหมือนเข้าใจที่ผมพูดซะงั้น ลูกเทวดาจริงๆ

            “ความเป็นพ่อเป็นลูกยังไงก็มันต้องมีอะไรสื่อถึงกันนะยายว่า”

            “แต่ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลยยาย ผมไม่อยากให้ตาหนูรู้ว่าพี่ธีคือพ่อ”

            “มาถึงขั้นนี้แล้วเขาคงไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน บอกให้รู้ยังดีกว่าให้ตาหนูรู้จากคนอื่น”

            “ถ้าถึงวันนั้นผมจะเป็นคนบอกตาหนูเองครับยาย”

            “ดีแล้วจ้ะ”

            เพล้ง!

            เสียงเหมือนอะไรหล่นอยู่หน้าบ้านดังขึ้น ผมกับยายหันไปยังต้นเสียง แล้วมองหน้ากันด้วยความสงสัยปนตกใจ

            “เสียงอะไรครับยาย”

            “เดี๋ยวยายไปดูเอง เอ็งกับตาหนูนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนละกัน”

            “ให้ผมไปดูเองดีกว่าครับยาย” ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เป็นห่วงยายจันทร์เหลือเกิน

            “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวยายไปเอง”

            “ถ้างั้นระวังตัวด้วยนะครับยาย”

            “จ้ะ” ยายจันทร์ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าบ้าน

             ผมได้แต่มองตามหลังอย่างเป็นห่วง

            “จะเป็นยังไงบ้างนะ”

            เพิ่งพูดจบไปไม่กี่วินาที ผมก็ได้ยินเสียงยายจันทร์ร้องมาจากหน้าบ้าน

            “กรี๊ดดด อย่าทำของฉันนนน”

            เห็นท่าไม่ดีผมก็รีบลุกขึ้น อุ้มตาหนูวิ่งไปหายายจันทร์ที่หน้าบ้านทันที เมื่อไปถึงก็ใจแทบสลาย เพราะรถเข็นรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ถูกทำลายจนไม่มีชิ้นดี มันเกลื่อนอยู่บนพื้น ส่วนยายจันทร์เองก็นั่งร้องไห้อยู่ใจแทบขาด ใช่สิ! เพราะของพวกนั้นเป็นเครื่องมือทำมาหากินของยายจันทร์มาตั้งแต่สมัยยังสาวๆ ของทุกชิ้นมันมีค่ามากกว่าเป็นสิ่งของ แต่มันเป็นเหมือนทั้งชีวิตของคนหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเรา

            “ยาย!” ผมรีบลงไปนั่งข้างยายจันทร์

            “ของพังหมดแล้ววิน มันพังของเราหมดแล้ว ฮือๆ” ผมไม่เคยเห็นยายจันทร์ร้องไห้มาก่อน นั่นทำให้ผมโกรธจนหน้าแดง วางลูกไว้ข้างยายจันทร์แล้วลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับพวกมัน

            “พวกมึงต้องการอะไรกันแน่ ไอ้พวกหมาบ้าอ!” ชายฉกรรจ์ทั้งสองที่ยืนยิ้มเหี้ยมอยู่ตรงหน้าผม ค่อยๆ ย่างกรายเข้ามาหา เห็นอย่างนั้นผมก็ถอยหลังทันที

            “พวกกูไม่ได้ต้องการอะไรหรอก แต่นายกูต้องการ”

            “นายพวกมึงเป็นใคร”

            “กูเอง!”

             เสียงนั่น ผมจำได้ดี มันคือเสียงพี่ธีนี่นา ผมรีบคว้าตาหนูขึ้นมาอุ้มไว้ กลัวว่าเขาจะแย่งตาหนูไปจากผม

            “พี่ธี!”

            “ใช่กูเอง พวกมึงสองคนหลบไปก่อน กูจะพูดกับลูกกับเมียกูเอง” เขาเดินเข้ามาหาผม มองตาหนูตาเป็นมัน บ่งบอกว่าเขาต้องการตัวตาหนูมากขนาดไหน

            “ใครลูกใครเมียพี่”

            “อ้อ...กูลืมไปว่าแค่ครั้งเดียว คงจะทำให้มึงลืมไปแล้วว่ามึงเป็นเมียกู ส่วนเด็กที่มึงอุ้มอยู่นั้นมันเกิดจากอสุจิกู มันก็ต้องเป็นลูกกู”

            “พ่อหนุ่มยายขอล่ะ อย่ามายุ่งกับวินอีกเลย ถือว่าเห็นแก่คนแก่เถอะนะ”

            “ยายไม่ต้องไปขอร้องคนอย่างนั้น แค่ที่เขาทำกับเรามันก็บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าเลวแค่ไหน”

            “ปากดีนักนะมึง เอาลูกมาให้กูแล้วกูจะไม่มายุ่งกับมึงอีก”

            “ไม่! ผมไม่ให้ ตาหนูเป็นลูกผมคนเดียว พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้ตาหนูเกิดมาด้วยซ้ำ แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาทวงสิทธิ์”

            “ถึงกูจะไม่ตั้งใจทำให้ลูกเกิดมา แต่กูตั้งใจยัดเยียดความเป็นผัวให้มึงไงล่ะ” พี่ธีตะโกนใส่หน้าผม ผมไม่สามารถยอมรับคำหยาบคายพวกนั้นได้อีกแล้ว น้ำตาผมไหลลงมาเป็นสาย

            เพี๊ยะ!

            “นี่มึงกล้าตบกูเหรอวะ!”

            “ใช่! นี่มันยังน้อยไปสำหรับที่พี่ทำกับผม หยุดทำพฤติกรรมต่ำๆ ได้แล้ว แค่นี้ลูกก็ต้องมาทนดูอะไรแย่ๆ มากพอแล้ว”

            “กูไม่หยุดจนกว่าจะได้ลูกกลับบ้าน ตอนนี้กูบอกพ่อกับแม่แล้วว่าเจอมึงและมึงก็มีลูกกับกู อย่างนี้แล้วมึงคิดว่าใครจะคุ้มกะลาหัวมึงได้อีกนอกจากกู มึงก็รู้ว่าแม่โหดแค่ไหน” ถึงจะเอาเรื่องใครมาขู่ผมก็ไม่กลัวทั้งนั้น เพราะผมต้องหาทางปกป้องลูกไม่ให้ไปตกอยู่ในมือคนพวกนั้นให้ได้ ผมกลัวว่าลูกจะโดนเหมือนผม ถูกเลี้ยงทิ้งๆ ขว้างๆ

            “ผมไม่กลัวใครทั้งนั้น”

            “ได้! ถ้ามึงชอบความรุนแรงกูจะจัดให้” ว่าแล้วพี่ธีก็ทะยานตัวเข้ามาแย่งตาหนูไปจากผม เรายื้อแย่งกันจนตาหนูร้องไห้เสียงดัง

            “แงๆๆๆ”

            “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะพี่ธี” ผมตะโกนเสียงดัง แต่เขาก็พยายามมาแย่งลูกไป ผมเกลียดเขาที่ทำให้ลูกต้องมาเจอเรื่องแบบนี้

            “เอาลูกกูคืนมา เฮ๊ยพวกมึงมาช่วยกูดิ๊” เมื่อยื้อแย่งไม่สำเร็จ พี่ธีก็ตะโกนสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่

            “มึงลองเข้ามาสิวะ ถ้าไม่อยากตาย” เป็นยายจันทร์นั่นเองที่หยิบมีดอีโต้มาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ยืนขู่พวกนั้นไม่ให้มายุ่งกับพวกผม

            “แค่คนแก่คนเดียวพวกมึงจัดการไม่ได้เลยเหรอวะ” พี่ธีตะโกนบอก

            “ทำไมพี่ถึงได้เลวอย่างนี้นะ ทั้งเด็กทั้งคนแก่พี่ก็ยังไม่เว้น ยังมีความเป็นคนอยู่รึเปล่าเนี่ย ฮือๆ” ผมทนไม่ไหวตะโกนไปทั้งน้ำตา ผมเกลียดเขา ผมเกลียดผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงได้ใจร้ายใจดำอย่างนี้นะ

            “ก็นี่ลูกกูไงกูจะเอาไปเลี้ยงเอง” เขายังไม่หยุด ไม่มีความสำนึกเลยแม้แต่น้อย

            “ถ้าพี่ไม่มาแย่งลูกไปจากผม ผมสัญญาว่าจะให้พี่มาหาลูกได้ จะให้ลูกรู้ว่าพี่เป็นพ่อ ขอร้องเถอะนะพี่ ถ้าพี่รักลูกเห็นแก่ลูกจริงๆ พี่ต้องไม่ทำให้ลูกร้องไห้อย่างนี้”

            “แงๆๆ” ตอนนี้ตาหนูร้องไห้จนใบหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว ผมสงสารลูกมากเหลือเกิน

            “ทำไมกูต้องเชื่อที่มึงพูดด้วย” ผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้พี่ธีเริ่มลังเลใจบ้างแล้ว แววตาเขาลดความเกรี้ยวกราดลงพอสมควร

            “ผมขอร้องเถอะนะพี่ แค่นี้ชีวิตผมมันก็บัดซบมากพอแล้ว ลูกคือชีวิตของผม ถ้าขาดแกไปสักคนผมขอตายดีกว่า ผมจะไม่กีดกันลูกกับพี่เลยผมสัญญา” ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกอยู่กับผม

            “ก็ได้ กูจะไม่เอาลูกไป แต่กูจะมาหาลูกทุกวัน”

            “ขอบคุณครับพี่ธี ขอบคุณมากจริงๆ” หลังจากพี่ธียอมปล่อยมือแล้ว ผมก็โอ๋ลูกให้หยุดร้องทันที “โอ๋ ธนนท์อย่าร้องนะลูก ไม่มีอะไรแล้วครับ” กล่อมลูกได้ไม่นานตาหนูก็หยุดร้อง แต่กลับมองพี่ธีด้วยสายตาที่หวาดกลัว

            “ขอกูอุ้มลูกได้ไหมวะ” ดูจากแววตาของเขาแล้ว คงอยากจะอุ้มลูกจริงๆ แต่ผมจะไว้ใจได้ยังไงล่ะ พออุ้มแล้วอาจจะพาลูกวิ่งหนีไปใครจะรู้

            “ตอนนี้ลูกยังไม่คุ้นกับพี่ เอาไว้วันหลังละกันนะ ตอนนี้ตาหนูยังงอแงอยู่ อีกอย่างแกคงกลัวพี่ไปแล้ว คงไม่ให้อุ้มแน่นอน” ผมเริ่มใจเย็นลง พยายามพูดกับพี่ธีดีๆ ดูท่าทางแล้วความเป็นพ่อคงจะทำให้เขาสำนึกอะไรได้บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีทางเชื่อใจง่ายๆ หรอก

            “ก็ได้...วันหลังกูจะมาใหม่ มึงต้องให้กูอุ้มลูก ถ้ามึงยังหวงลูกอยู่อีกกูจะพาลูกไปแน่” เขาชี้หน้าขู่ผม

            “แล้วผมจะเชื่อใจพี่ได้ยังไงล่ะ ถ้าเกิดพี่อุ้มตาหนูแล้วพาหนีไป ผมจะทำยังไง”

            “มึงรักลูก กูเองก็รักลูกเหมือนกัน กูไม่มีทางทำให้ลูกร้องไห้แน่นอน”

            “ไม่มีทางแล้วเมื่อกี้คืออะไรล่ะ พี่ทำลูกร้องไห้ไปแล้ว”

            “เออ..ครั้งนี้กูยอมรับผิดก็ได้”

            “ตกลงกันอย่างนี้ได้ยายก็สบายใจขึ้น เอาเป็นว่าบ้านหลังนี้ต้อนรับพ่อหนุ่มเสมอนะ จะมาวันไหนตอนไหนก็ได้ยายยินดีต้อนรับ ขอแค่อย่าทำให้วินกับลูกต้องเสียน้ำตาอย่างนี้อีกก็พอ อย่าว่ายายสอนเลยนะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ยังไงก็ต้องนึกถึงลูกก่อนเสมอ ยายอยากให้ตาหนูมีทั้งพ่อและแม่ โตขึ้นมาแกจะได้ไม่ต้องเป็นเด็กมีปัญหา” ยายจันทร์เอ่ย ดูเหมือนว่าพี่ธีจะยอมอ่อนลงมาก

            “ผมต้องขอโทษยายด้วยนะครับที่ทำลายข้าวของเสียหาย เดี๋ยวผมจะซื้อมาให้ใหม่”

            “ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่ต้องซื้อมาหรอก แค่นี้มันยังพ่อใช้ได้อยู่”

            “พี่รีบกลับไปเถอะ ถึงพวกเราจะจนก็ไม่ได้อยากรับของจากใคร”

            “อวดเก่งตลอดเลยนะมึง ฝากไว้ก่อนเถอะ รอให้ลูกติดกูเมื่อไหร่มึงได้เป็นหมาหัวเน่าแน่” เขาชี้หน้าก่อนจะมองหน้าลูกแวบหนึ่ง แล้วเดินออกไปจากหน้าบ้านพร้อมกับสมุนทั้งสองคน

            เมื่อแน่ใจแล้วว่าปลอดภัย ผมก็รีบอุ้มลูกมาหายายจันทร์ กลัวว่าแกจะได้รับบาดเจ็บ

            “ยายเป็นอะไรไหมครับ”

            “ยายไม่เป็นไรหรอก เอ็งนั่นล่ะเป็นอะไรรึเปล่า”

            “ไม่ครับ แต่ตาหนูนี่สิคงขวัญเสียน่าดู”

            “โถ...ตาหนูของยาย” ยายจันทร์ลูบกลางกระหม่อมตาหนูเบาๆ

            “วันนี้รอดไปได้แต่วันพรุ่งนี้สิจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ผมต้องทำให้ยายเดือดร้อนอีกแล้ว”

            “อย่าคิดมากน่า อย่างน้อยมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น ยายเชื่อว่าพ่อธียังพอจะเปลี่ยนเป็นพ่อที่ดีได้ ดูอย่างวันนี้สิเอ็งเอาเรื่องลูกมาอ้าง ยังยอมใจอ่อนไม่พาตาหนูไป ยอมที่จะมาหาที่นี่ อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะพรากตาหนูไปจากเรานะ”

            “แต่ถึงยังไง ผมก็ไม่เชื่อว่าคนอย่างพี่ธีจะยอมอะไรง่ายๆ ผมจะจับตาดูไม่ให้คลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียวเลยคอยดู”

            “ยายจะช่วยดูอีกแรงละกัน แล้วพ่อธีเขาร้ายกับเอ็งมากเลยเหรอ สมัยอยู่ที่บ้านหลังนั้น”

            “ครับยาย คอยแกล้งผมตลอด บางทีก็มีทำร้ายร่างกายด้วย แต่ก็เป็นตามประสาเด็กทะเลาะกัน เพียงแต่ผมต้องเป็นฝ่ายยอมตลอด แต่คนที่ร้ายกว่าพี่ธีก็คือแม่ครับ รายนั้นเวลาไม่พอใจเฆี่ยนผมจนจับไข้มาก็หลายครั้งเลย ถ้าพี่ธีรับนิสัยพวกนั้นมาหมด ป่านนี้ผมคงไม่รอดแล้วล่ะครับ” ผมไม่อยากคิดถึงเรื่องเก่าๆ เลย มันทำให้รู้สึกหวาดกลัวแทบทุกครั้ง

            “ตอนนี้เราก็ไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว ลองเปลี่ยนเขาดูสิเผื่อว่าอะไรมันจะดีขึ้น”

            “ยากครับยาย ถ้าเปลี่ยนคนคนนี้ได้ คงเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืนในพริบตาได้แล้วล่ะ”

            “ยังไม่ลองเลยจะรู้ได้ไง ถ้าเปลี่ยนเขาได้ เอ็งก็จะได้อยู่กับตาหนูที่นี่ไปตลอด แถมตาหนูยังมีพ่อที่นิสัยดีอีกด้วย ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนะ” สิ่งที่ยายจันทร์แนะนำมาก็ดีนะ...ถ้าทำได้

            “ผมจะลองคิดดูละกันครับยาย แต่ตอนนี้เราต้องช่วยกันเก็บของก่อน จะได้ไปทำข้าวต้มมัดต่อ”

            ผมกับยายจันทร์ช่วยกันเก็บกวาดผลงานที่ลูกน้องของพี่ธีทำไว้ คนอะไรจะเลวทรามได้ขนาดนี้ ผมจะทำให้ใจเขามาหาลูกที่บ้านทุกวันได้ยังไงกันเนี่ย...เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.3 ผู้บุกรุก l Up:18-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 18-08-2018 23:28:05
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.3 ผู้บุกรุก l Up:18-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 19-08-2018 00:29:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.3 ผู้บุกรุก l Up:18-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-08-2018 01:24:22
แม่จ้าว...... นังธีเลว ชั่ว โหด เหี้ยม ยันแม่นังธีเลยหรอ  :3125:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.3 ผู้บุกรุก l Up:18-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-08-2018 02:58:09
 :z6: อะไรจะร้ายขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.3 ผู้บุกรุก l Up:18-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 19-08-2018 05:07:55
แม่ผัว ,สามี  โคตรร้าย  ดีนะพ่อผัวไม่ร้ายแต่ดันกลัวเมีย
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.3 ผู้บุกรุก l Up:18-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 19-08-2018 22:07:22
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.3 ผู้บุกรุก l Up:18-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-08-2018 01:24:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.4 คุณพ่อมือใหม่ l Up:20-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 20-08-2018 16:47:08
EPISODE 4

คุณพ่อมือใหม่





          เมื่อคืนนี้ผมนอนแทบจะไม่หลับ เพราะยังคงเป็นกังวลเรื่องของพี่ธี สงสัยว่าทำไมเขาถึงได้ยอมอ่อนข้อให้ผมง่ายดายขนาดนั้น ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยจะเป็นอย่างนี้ ผมพยายามคิดในแง่ดีเหมือนที่ยายจันทร์บอก แต่ทว่ากลับยังทำใจไม่ได้ เพราะกลัวว่าจะโดนพรากลูกไปจากอก

            เช้านี้ผมกับยายจันทร์ออกมาขายข้าวแกงตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกตินั่นคือมีหนุ่มหล่อสองคนมาคอยนั่งเฝ้า อย่างกับเป็นบอดี้การ์ดซะอย่างนั้น โชคดีที่มีทั้งยายจันทร์และพี่เพชรอยู่ด้วย ไม่งั้นผมคงจะหวาดระแวงไม่เป็นอันทำอะไรแน่นอน

            “ตาหนูมาให้พ่ออุ้มหน่อยสิครับ” ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันหลังกลับไปมอง ทั้งที่มีลูกค้ายืนรอข้าวแกงอยู่ก็ตาม

             ยายจันทร์มองมาที่ผมสื่อว่าคงจะห้ามไม่ได้ ก่อนจะยอมให้พี่ธีอุ้มตาหนูอย่างจำใจ

            “เอ่เอ้ ทำไมลูกพ่อตัวหนักจังเลยครับเนี่ย” ดูท่าทางพี่ธีคงจะมีความสุขมาก ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขามาก่อนเลย

            “เท่าไหร่คะ” เสียงของลูกค้าดังขึ้นทำให้ผมต้องหันกลับมามอง

            “สี่สิบบาทครับพี่”  ผมรับเงินมาแล้วก็ยิ้มให้ลูกค้าสาวก่อนจะเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณครับพี่”

            ในระหว่างนั้นพี่เพชรก็เดินเข้ามายืนข้างผม วันนี้ไม่ได้มาในฐานะลูกค้า แต่ดูเหมือนว่าจะมาในฐานะผู้ช่วยมากกว่า

            “เหนื่อยไหมครับน้องวิน”

            “ไม่เลยครับ”

             “เดี๋ยวพี่ช่วยขายนะ”

            “ไม่เป็นไรครับพี่เพชร ช่วยไปดูตาหนูดีกว่าผมกลัวว่าพี่ธีจะขโมยลูกผมไป” ผมว่าพลางมองอีกฝ่ายด้วยหางตา

            “กูไม่ทำอย่างนั้นหรอกน่า บอกแล้วไงว่าจะไม่ทำให้ลูกร้องไห้อีก”

            “ผมจะเชื่อใจพี่ได้ยังไงกัน คนเคยเลวยังไงก็เลววันยังค่ำ”

            “วินพอแล้วลูก ไหนบอกจะไม่คิดมากเรื่องนี้แล้วไง” ยายจันทร์ปรามผมไว้ก่อนที่จะทะเลาะกันอีก

            “เห็นแก่ยายหรอกนะ ไม่งั้นผมไม่ยอมหยุดแน่”

            “แล้วแต่มึงจะเชื่อกูไม่ได้สนอยู่แล้ว กูสนแค่ลูกคนเดียวเท่านั้น” เขาตอบกลับมาอย่างเจ็บแสบ ใช่สิผมมันไม่เคยสำคัญกับเขาอยู่แล้วนี่นา เคยทำอะไรไว้บ้างผมจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด

            “มึงเองก็หยุดเลยไอ้ธี กูจะคอยจับตาดูมึงเหมือนกัน ถ้ามึงทำอย่างที่วินคิดจริงๆ มึงได้โดนกูแน่”

            “ใช่สิ! ตอนนี้มึงเห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อนแล้วนี่”

            “มันแน่อยู่แล้วว่ะ มึงทำอะไรเหี้ยๆ กับน้องไว้วินเยอะขนาดนั้น กูยังคบกับคนเลวย่างมึงมันก็เป็นบุญนักหนาแล้วเว้ย” พี่เพชรพูดเอาใจผมเต็มที่ ถ้าไม่มีลูกทั้งคนผมคงจะคบกับพี่ธีแล้วแน่นอน เป็นสุภาพบุรุษกว่าพี่ธีเยอะเลย

            “มึงเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังได้ไงวะไอ้วิน” พี่ธีอุ้มลูกมายืนตรงหน้าผม ทำสีหน้าไม่พอใจ

            “ก็มันเรื่องจริงนี่นา พี่เพชรไม่ใช่คนอื่นสำหรับผม ทำไมจะเล่าให้ฟังไม่ได้”

            “อ้อ กูลืมไปสงสัยไอ้เพชรคงจะเป็นบ่อเงินบ่อทองของมึงสินะ ถึงได้เอาอกเอาใจกันซะขนาดนี้”

            “หุบปากมึงเลยไอ้ธี พาตาหนูกลับไปนั่งก่อนที่กูจะต่อยปากมึง” พี่เพชรชี้หน้าเขา

            ในระหว่างนั้นลุงจอมก็เดินเข้ามาหาพวกเรา เมื่อเห็นหน้าพี่ธีก็ทำท่าตกใจ เพราะจำได้ว่าวันก่อนพี่ธีมาก่อกวนหาเรื่องผมนั่นเอง

            “อ้าว! มึงนี่หว่า เอาตาหนูคืนให้วินไปเดี๋ยวนี้” ลุงจอมทำท่าจะพุ่งทะยานเข้าใส่ แต่ผมห้ามเอาไว้เสียก่อน

            “อย่าครับลุง เขาเป็นพ่อของตาหนูเองล่ะ” ผมจำใจยอมบอกความจริงกับลุงจอมไป ไม่รู้ว่าแกจะเอ็ดผมไหม เพราะวันก่อนยังมีหน้าบอกให้แกช่วยอยู่เลย

            “อ้าว! โกหกลงนี่หว่า ถ้าวันนั้นลุงทำร้ายมันสงสัยคงได้นอนอยู่ในคุกแล้วมั้งป่านนี้” ลุงจอมว่าให้ผมแต่เหมือนไม่ได้จริงจังอะไร

            “ขอโทษครับลุง ตอนนั้นผมรู้สึกกลัวจริงๆ ไม่ได้คิดจะโกหกลุงเลยนะครับ”

            “ลุงพูดเล่นไปงั้นล่ะเห็นตาหนูมีพ่อลุงก็ดีใจ”

            “ครับลุง” ผมยิ้มแหยๆ ให้กับลุง ส่วนพี่ธียิ้มมุมปากให้มุม สงสัยคิดว่าตัวเองเอาชนะได้สินะ ผมเห็นแก่ลูกเท่านั้นเอง ถ้างั้นคงไม่ทำอย่างนี้หรอก อยากจะเอาค้อนทุบหัวให้ตายลงตรงนี้เสียด้วยซ้ำ

            “เอาข้าวมาให้ลุงจานนึง เอาเมนูที่หนูวินคิดว่าอร่อยสุด”

            “ครับลุง รอแป๊บครับ” ว่าแล้วผมก็รีบตักข้าวแกงให้กับลุงจอมทันที วันนี้ผมไม่คิดเงินหรอก เพื่อเป็นการขอบคุณในวันนั้น “ได้แล้วครับลุง มื้อนี้กินฟรีครับเพื่อเป็นการขอบคุณวันนั้นที่ช่วยผม”

            “ไม่เป็นไรลุงจ่ายดีกว่า ของซื้อของขาย”

            “ไม่เป็นไรจริงๆ ครับลุง”

            “ถ้างั้นก็ขอบใจเอ็งมาก คนนิสัยดีๆ อย่างเอ็งใครได้เป็นเมียนี่ถือว่าโชคดีที่สุดในโลกแล้ว ดูแลวินมันให้ดีๆ ล่ะยังไงก็ผัวเมียกัน” อ้าว! ลุงครับทำไมหันไปพูดกับพี่ธีอย่างนั้นล่ะ

            “ครับลุง” เขายิ้มรับอย่างหน้าไม่อาย แต่ผมนี่สิแทบจะกระอักเลือด อยากอธิบายให้ลุงเข้าใจว่าตอนนี้ผมกับพี่ธีไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว แต่คงไม่ทันเพราะตอนนี้ลุงจอมถือจานข้าวไปเสียแล้ว

            “คราวหลังถ้าอะไรมันไม่จริงก็หัดปฏิเสธบ้างนะ พี่ก็รู้ว่าตอนนี้ผมกับพี่ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”

            “ใช่! มึงมันก็แค่พ่อของลูก ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”

            “แต่ถึงยังไงกูก็เคยได้ว่ะ” เขาพูดใส่หน้าพี่เพชร ก่อนจะอุ้มลูกเดินไปนั่งกับยายจันทร์

            พี่เพชรไม่กล้ามองหน้าผมตรงๆ ได้แต่ปรายตามองเพียงเล็กน้อย คงกลัวว่าผมจะอายที่โดนพี่ธีพูดแบบไม่ไว้หน้าอย่างนั้น



            ในที่สุดการขายข้าวแกงที่สุดแสนจะวุ่นวายในช่วงเช้าก็จบลงไป พวกเรากลับมาที่บ้านโดยมีสองหนุ่มที่ไม่ได้รับเชิญกลับมาด้วย ผมเริ่มไม่สบายใจแล้วเพราะรู้สึกว่าตาหนูเริ่มจะติดพี่ธีมาก ไม่ตื่นกลัวเหมือนในช่วงแรก ผมกลัวว่าพี่ธีจะใช้ความสนิทสนมนี้ มาทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับลูกต้องพังทลายลงไป

          “เมื่อไหร่พี่จะกลับ” เมื่อมาถึงบ้านแล้วผมก็เดินมาหาพี่ธี ที่กำลังอุ้มลูกอยู่ จึงเอื้อมมือไปจะขออุ้มลูกบ้าง

            “ไม่ต้องกูอุ้มเอง” เขาเอี้ยวตัวหนี เห็นอย่างนั้นผมก็เริ่มโมโห

            “พี่ธีเอาลูกผมมาเดี๋ยวนี้”

            “ไม่! กูจะอุ้มลูกเอง”

            “ตาหนูมาหาแม่เร็ว” เมื่อได้ยินอย่างนั้นตาหนูก็โน้มตัวมาหาผม อ้าแขนรอให้ผมอุ้ม แต่พี่ธีกลับเบี่ยงเบนความสนใจลูกโดยการเปิดการ์ตูนในโทรศัพท์มือถือให้ดู

            “ตาหนูเราไปดูการ์ตูนกันนะครับ” ว่าแล้วเขาก็อุ้มลูกเข้าไปในบ้านอย่างถือวิสาสะ ผมกับพี่เพชรและยายจันทร์มองหน้ากันอย่างเหนื่อยใจ         

            ใน่ช่วงเวลาที่พี่ธีอยู่กับลูก ผมแทบจะไม่มีเวลาได้เข้าใกล้เลย นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมาก ผมยอมรับว่ากลัวลูกจะรักเขามากกว่าผม มันอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะผมผ่านอะไรร้ายๆ มาเยอะมาก และรู้สึกว่าลูกต้องเป็นของผมเท่านั้น คนบ้านนั้นไม่ควรจะได้ความรักจากใครเลย

            ผมกับพี่เพชรเดินเข้าไปหาพี่ธี ที่กำลังนั่งหยอกล้อเล่นกับตาหนูอย่างมีความสุขในศาลาริมคลอง เมื่อเขาเห็นพวกผมก็เอาลูกมานั่งตักตัวเองไว้ ราวกับหวงของซะอย่างนั้น

            “พี่ไม่ต้องกลัวว่าผมจะแย่งตาหนูหรอก ยังไงซะคืนนี้ผมก็ได้นอนกอดลูกทั้งคืนอยู่แล้ว ช่วงนี้ผมเปิดโอกาสให้ก่อน” ผมเอ่ยประชดไป ให้เขารู้ว่ายังไงผมก็เป็นฝ่ายได้อยู่กับลูกมากกว่าอยู่ดี

            “ถ้างั้นคืนนี้กูจะนอนที่นี่” เขาพูดออกมาหน้าตาเฉย ทำเอาผมตัวสั่นเทาด้วยความโมโห

            “ไม่ได้! ผมไม่ยอมเด็ดขาด”

            “ใช่! กูก็ไม่ยอมเด็ดขาด มึงชักจะมากเกินไปแล้วนะ” พี่เพชรเองก็ค้านอีกเสียง

            “ทำไมพวกมึงต้องทำหน้าตาตื่นขนาดนั้นด้วยวะ กูแค่อยากจะอยู่กับลูก อยากให้พ่อนอนที่นี่ไหมครับตาหนู” เขาก้มลงไปถามลูก

            “แอ้” ตาหนูยิ้มหน้าบานเหมือนรู้ว่าพี่ธีกำลังถามอะไร

            “เห็นไหมลูกยังอยากให้กูนอนด้วยเลย”

            “แต่ผมไม่มีทางยอมเด็ดขาด แค่นี้ผมก็ถือว่าให้โอกาสพี่มากแล้วนะ คนอย่างพี่มันไม่ควรจะมีโอกาสแบบนี้ด้วยซ้ำ”

            “ถ้ากูจะค้างจริงๆ ยังไงมึงก็ห้ามกูไม่ได้หรอก” เขายังหน้าด้านไม่เลิก

            “พี่ธี!” ผมตวาดเสียงดัง จนตาหนูเริ่มเงียบ มองดูพวกผมอย่างประหลาดใจ

            “ว่าแต่กู มึงเองก็ทำตัวไม่ดีให้ลูกเห็นเหมือนกันนั่นล่ะ กูไม่ค้างก็ได้แต่เฉพาะวันนี้เท่านั้นนะ”

            “วันไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น”

            “มึงชักจะมากไปแล้วนะ แค่นี้กูก็ทนมึงมากแล้ว อย่าให้กูต้องทนไม่ไหวไปมากกว่านี้” เขาชอบขู่ผมอยู่เรื่อย

            “มึงแม่งใช้แต่กำลังแก้ปัญหา หัดทำตัวเป็นพ่อที่ดีได้ไหมวะ ถ้ามึงทำไม่ได้กูจะเป็นพ่อของตาหนูให้เอง กูว่าอย่างมึงหาแม่ของลูกได้ไม่ยาก ใครๆ ก็อยากได้มึง มึงจะมีลูกกี่คนก็ได้ ทำไมจะต้องมายุ่งวุ่นวายกับวินและตาหนูด้วยวะ ทั้งที่มึงเองไม่ใช่เหรอที่อยากให้วินออกจากบ้าน” พี่เพชรพูดตรงใจผมมาก อยากจะพูดอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว แต่เขาสำนึกบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้

            “นั่นมันเป็นเรื่องของอนาคต กูจะมีลูกมีเมียกี่คนก็ได้ แต่ตอนนี้ตาหนูคือลูกคนแรกของกู เพราะมีแม่ร่านๆ อย่างมึงไงกูถึงอยากจะเอาลูกไปเลี้ยงเอง”

            “พี่ธี! มันชักจะมากไปแล้วนะ แม้ว่าผมจะร่านมากแค่ไหน แต่ผมก็มีความเป็นคนมากกว่าคนรวยๆ อย่างพวกคุณแน่นอน” ผมไม่ยอมให้ใครมาว่าฝ่ายเดียวหรอก ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนั้นแล้วจะกลัวอะไร

            “ไอ้วิน! มึงไม่เคยสำนึกบุญคุณที่พ่อกับแม่เลี้ยงดูมาเลยเหรอวะ ไอ้เนรคุณ” เขาขี้หน้าผม

            ตอนนี้ตาหนูเริ่มท่าไม่ดีแล้ว ผมกลัวว่าลูกจะร้องไห้จึงยอมเป็นฝ่ายเงียบไปซะเอง

            “ผมไม่เคยลืมบุญคุณของท่าน แต่ผมก็ไม่มีวันลืมสิ่งที่ท่านทำกับผมเหมือนกัน เอาตาหนูคืนมาผมจะพาลูกไปอาบน้ำ” ผมไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดแล้ว อ้างเรื่องนี้พี่ธีน่าจะยอมปล่อยตาหนูมาให้ผม

            “กูจะอาบให้เอง”

            “อย่ามาอวดเก่ง มึงให้น้องวินอาบน้ำให้ลูกเถอะ กูกลัวว่าตาหนูจะสำลักน้ำตายก่อนน่ะสิ” พี่เพชรว่า

            “เออๆ ก็ได้ แต่อาบน้ำแล้วตาหนูต้องมาอยู่กับพ่อนะลูก” เขาเอ่ยกับลูกแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ ทำไมอยู่กับลูกถึงได้มีความอ่อนโยนอย่างนี้นะ ทีกับผมไม่เคยทำแบบนี้เลยสักครั้ง แข็งกระด้างใส่ตั้งแต่เด็กจนโต

            “มึงกลับกับกูตอนนี้เลย ปล่อยให้ลูกอยู่กับแม่เขาบ้าง ยังไงวันหลังก็ได้มาอีกอยู่ดี เขาไม่ย้ายบ้านหนีมึงไปไหนหรอกไอ้ธี”

            “ตาหนูมาหาแม่ครับ” ผมไม่รอให้ลูกมาหา รีบแย่งตัวมาอุ้มไว้ทันที “พวกพี่กลับเถอะครับ พวกผมขออยู่กันตามประสาคนในครอบครัวบ้างเถอะ” ผมจงใจพูดให้พี่ธีรู้ตัวว่ากำลังเป็นส่วนเกินของบ้านหลังนี้

            “ถ้างั้นพี่กลับก่อนนะน้องวิน เดี๋ยววันหลังจะมาใหม่”

            “ถ้าจะให้ดีพี่เพชรช่วยพาเพื่อนมาสักอาทิตย์ละครั้งก็ได้นะครับ ถ้าบ่อยเกินผมว่ามันอาจจะทำให้ตาหนูอึดอัด ที่มีคนอื่นเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตมากเกินไป” ผมพูดประชดประชันพี่ธี พี่เพชรเองก็รู้ดีจึงไม่เอ่ยอะไรตอบกลับมา ได้แต่พยักหน้ารับ

            “ถ้าจะพูดกับกูก็พูดมาตรงๆ อย่าอ้อมค้อม”

            “ก็รู้ตัวนี่”

            “มึงอย่าคิดว่าที่กูยอมเพราะใจดีกับมึง สักวันเถอะมึงจะได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่” เขาชี้หน้าขู่ผม อย่างนี้จะให้ผมไว้ใจได้ยังไงกันล่ะ

            “พี่คิดจะทำอะไร”

            “เปล่าไม่ได้จะทำอะไร” เขาทำหน้ากวน นั่นยิ่งทำให้ผมโมโหเข้าไปใหญ่

            “ยิ่งพี่พูดอย่างนี้ผมยิ่งไม่ไว้ใจ”

            “กูก็พูดเอาชนะมึงไปอย่างนั้นล่ะ”

            “รีบกลับไปเถอะ วันนี้ผมปวดหัวกับพี่มากพอแล้ว”

            ขณะผมกำลังจะอุ้มตาหนูเดินมานั้น พี่ธีก็รั้งแขนผมไว้ แล้วโน้มใบหน้าเข้ามาหอมแก้มตาหนูอีกครั้ง ทำให้ใบหน้าเราทั้งคู่อยู่ใกล้กันมาก จนผมได้กลิ่นกายที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา ผมยังคงจำกลิ่นนี้ได้ไม่มีวันลืม ในคืนนั้น คืนที่ผมกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แต่กลับถูกฉุดเข้าไปในห้องของเขาแทน

            “พ่อ แอ้ๆ” ตอนนี้ตาหนูเริ่มเรียกเขาว่าพ่อบ่อยขึ้น เพราะวันนี้ทั้งวันเขาเอาแต่สอนลูกพูดคำนี้ ทำอย่างกับกลัวว่าลูกจะจำไม่ได้อย่างนั้นล่ะ

            “พ่อไปแล้วนะครับตาหนู เอาไว้พรุ่งนี้พ่อจะมาหาใหม่” เขาพูดกับลูกแล้วมองผมแวบหนึ่ง ก่อนจะผละใบหน้าออกไป

            “ขับรถกลับดีๆ นะครับพี่เพชร ขอบคุณมากที่ช่วยขายของ ลำบากแย่เลย” ผมอยากให้เขารู้ว่า คนอย่างเขาไม่ได้มีตัวตนในสายตาผมเลย จึงเลือกที่จะพูดเอาใจพี่เพชรต่อหน้า

            “ไม่เป็นไรครับพี่ยินดี ขายข้าวแกงก็สนุกดีเหมือนกันนะ เอาไว้ว่างๆ พี่จะมาช่วยอีก”

            “อย่าเลยครับแค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว มาเป็นลูกค้าเหมือนเดิมดีกว่าเนาะ” ผมส่งยิ้มให้ พี่ธียืนอยู่ตรงกลางฟังพวกผมสนทนากัน ดูท่าทางจะอารมณ์เสียไม่น้อย

            “ถ้าน้องวินต้องการแบบนั้นพี่ก็ไม่ขัด จะตามใจน้องวินทุกอย่างเลยครับ”

            “ขอบคุณครับที่เข้าใจผมมาตลอด”

            “ไอ้เพชรมึงจะกลับได้รึยังวะ”

            “อ้าว! มึงก็กลับไปดิวะ วันนี้กูกับมึงมาคนละคันเว้ย”

            “แล้วไง! เจ้าของบ้านเขาอยากจะให้เราออกไปจะแย่แล้ว ยังจะมายืนเพ้ออยู่ได้” ว่าแล้วพี่ธีก็ดึงแขนเพื่อนออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง คงทนฟังไม่ได้ล่ะสิที่เห็นคนอื่นได้รับความสนใจมากกว่า คนอย่างเขาเป็นพวกชอบเรียกร้องความสนใจ เห็นคนอื่นได้รับความรักกว่าไม่ได้

            “เดี๋ยวลุงมาหาใหม่นะครับตาหนู” พี่เพชรยังอุตส่าห์หันมาเอ่ยกับตาหนู ขณะโดนเพื่อนรักลากตัวออกไป

            มีพี่เพชรมาด้วยอย่างนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้น แต่วันหลังหากพี่ธีมาเพียงคนเดียว พวกเราคงได้ทำสงครามน้ำลายกันอีกอย่างแน่นอน ด้วยความกวนของเขาผมกลัวว่าจะอดใจไม่อยู่ จำต้องด่าออกไปด้วยความโมโห สงสัยผมคงจะเก็บกดมาตั้งแต่อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว สมัยก่อนผมแทบไม่กล้าพูดตอบโต้อะไรเลย เพราะกลัวว่าแม่จะตีที่บังอาจต่อล้อต่อเถียงกับลูกชายสุดที่รัก แต่วันนี้ผมไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองแบบนั้นอีกแล้ว...
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.4 คุณพ่อมือใหม่ l Up:20-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-08-2018 20:31:34
เอาใจช่วยๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.4 คุณพ่อมือใหม่ l Up:20-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-08-2018 21:49:24
โอ๊ยยย เอาเพชรเป็นพระเอกเลยเหอะ นิสัยดี สุภาพ ไม่เหมือนอีธีเหี้ยที่สุด
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.4 คุณพ่อมือใหม่ l Up:20-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-08-2018 00:21:20
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.4 คุณพ่อมือใหม่ l Up:20-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-08-2018 00:32:09
เลวเข้าเส้นจริงๆ นังธี  :serius2:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 22-08-2018 23:30:12
บทที่ 5

ความสูญเสีย



           “แค่กๆๆ”

          “ยายครับ! เข้ามาหาผมหน่อย”

          “มีอะไรวิน เรียกยายซะเสียงดังเชียว”

           “ตาหนูตัวร้อนจี๋เลยครับ แถมยังไอไม่ยอมหยุดเลย”

            เมื่อคืนอาการยังไม่หนักขนาดนี้เลย แต่พอผมออกไปทำกับข้าวช่วยยายแล้วเข้ามาอีกที ตาหนูกลับตัวร้อนจี๋ ไอไม่ยอมหยุดอีกด้วย

            ยายจันทร์ใช้หลังมือแตะที่หน้าผากตาหนูแล้วหันมาเอ่ยกับผม “เอ็งรีบพาตาหนูไปหาหมอก่อนเร็ว เดี๋ยวทางนี้ยายจัดการเอง”

            “ครับยายจันทร์ ถ้างั้นฝากดูตาหนูก่อนนะครับ ผมจะไปเรียกวินหน้าบ้าน”

            “ได้จ้ะเดี๋ยวยายดูให้”

            ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกไปหน้าบ้าน ในใจก็เป็นห่วงตาหนูมาก กลัวว่าแกจะเป็นอะไรหนักไป ตาหนูเป็นคนที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หากสัมผัสอากาศเย็นหน่อยก็จะไม่สบายทันที อาจจะเป็นเพราะช่วงท้องผมเกิดอาการเครียดบ่อย จึงทำให้ลูกเกิดมาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอย่างนี้

            ยืนรออยู่เกือบห้านาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวินมอเตอร์ไซต์ผ่านหน้าบ้านเลย เป็นอย่างนั้นทำให้ผมร้อนใจแทบจะเป็นบ้า ทำไมวันที่เรามีเรื่องจำเป็นถึงต้องมีอุปสรรคอย่างนี้ด้วยนะ ในระหว่างนั้นรถยนต์หรูสัญชาติเยอรมนีก็ขับมาจอดที่หน้าบ้าน จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ธีนั่นเอง

            หลังจากเขาลงจากรถแล้วก็เดินตรงมาหาผมทันที มองหน้าเหมือนมีคำถาม เพราะสภาพผมตอนนี้แทบจะดูไม่ได้

            “มายืนทำอะไรตรงนี้” เขาถามผมด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน ถ้าไม่ชอบใจไม่ต้องถามก็ได้นะ

            “รอรถ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงห้วนสั้น ไม่มีทางอ้อนวอนขอร้องเขาเด็ดขาด ทั้งที่ความจริงแล้วผมควรจะทำทุกวิถีทาง เพื่อพาตาหนูไปส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

            “จะไปไหนทำไมต้องมารอตั้งแต่เช้าอย่างนี้”

            “เรื่องของผม”

            “แล้วตาหนูล่ะ”

            “อยู่ข้างในกับยายจันทร์”

            ในระหว่างนั้นวินมอเตอร์ไซต์ก็มาพอดี ผมเริ่มยิ้มออก รีบโบกรถเอาไว้ทันที

            “ลุงรอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปอุ้มลูกในบ้านแปบนึง” ว่าแล้วก็เอี้ยวตัวหมุนกลับ จะเดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็มีมือดีมารั้งแขนผมไว้เสียก่อน

            “มึงจะพาลูกไปไหน” เขาถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

            “ไปหาหมอลูกไม่สบาย”

             พี่ธีทำสีหน้าเบื่อหน่าย ส่ายศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาวินมอเตอร์ไชต์ “ลุงไปเถอะครับ อ่ะนี่ค่าเสียเวลา” เขาล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมา หยิบธนบัตรใบสีแดงยื่นให้ พี่วินยิ้มพอใจแล้วขับรถออกไปทันที

            “ทำไมพี่ทำอย่างนี้ผมจะพาตาหนูไปหาหมอ!” ผมตะโกนใส่หน้าเขาเสียงดัง

            “มึงเป็นบ้าไปแล้วเหรอ จะพาลูกนั่งวินไปหาหมอ ไอ้โง่เอ๊ย!”

            “เรื่องของผม...ลูกผม”

            “กูจะพาลูกไปหาหมอเอง” ว่าแล้วพี่ธีก็เดินดุ่มๆ เข้าไปในบ้านไม่รอฟังผมพูดเลย

            ผมรีบเดินตามหลังไปด้วยความโมโห ผมไม่อยากให้ลูกขึ้นรถของเขา เพราะกลัวว่าพี่ธีจะพาผมกับลูกไปที่อื่น ที่ไม่ใช่โรงพยาบาล

            “เดี๋ยวผมจะพาตาหนูไปหาหมอเองครับยาย” พี่ธีเอ่ยกับยายจันทร์

            “ไม่! ผมไม่มีทางให้ตาหนูขึ้นรถพี่แน่นอน”

            “ลูกป่วยหนักขนาดนี้มึงยังจะมางี่เง่าอีกเหรอวะ หรือจะให้ลูกตายก่อน” เขาตวาดใส่หน้าผม สายตาคมคู่นั้นจ้องมองมา ราวกับจะฆ่ากันให้ตายเสียอย่างนั้น

            “พาตาหนูไปโรง’บาลก่อนเถอะ อย่าเพิ่งมาทะเลาะกันตอนนี้เลย” ยายจันทร์เตือนสติพวกผมทั้งสองคน

            ใช่สิ! ตอนนี้ควรนึกถึงตาหนูเป็นอันดับแรก ผมมันงี่เงาจริงๆ “ได้ครับยาย...แต่ผมจะเป็นคนอุ้มลูกเอง” ว่าแล้วผมก็เดินไปอุ้มตาหนู เดินออกไปไม่รอเขา พี่ธีส่ายหน้าให้กับความบ้าของผมอย่างเซ็งๆ

            แล้วแต่จะรู้สึกยังไง เพราะผมไม่ได้แคร์ความรู้สึกเขาอยู่แล้ว

            ผมกับตาหนูนั่งอยู่เบาะหลัง จากนั้นก็สั่งให้พี่ธีขับรถไปยังโรงพยาบาลใกล้บ้าน แต่ทว่าเขากลับปฏิเสธที่จะทำตามคำสั่งของผม ให้เหตุผลว่าโรงพยาบาลที่ผมจะพาลูกไปนั้นมันเกรดต่ำ ไร้มาตรฐาน เขาจะพาลูกไปรักษาโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศเท่านั้น



            ไม่นานนักพวกเราก็มาถึงโรงพยาบาลหรูแห่งหนึ่ง เขาแย่งลูกจากผมมาอุ้มไว้เอง แล้วเดินเข้าไปในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ต่างก็ให้ความสำคัญกับลูกของผมมาก เมื่อพวกเขารู้ว่าเด็กคนนี้คือลูกชายของพี่ธี ราวกับว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลของเขาเองซะอย่างนั้น

            ในระหว่างที่หมอกำลังตรวจอาการอยู่นั้น พี่ธีเป็นคนอุ้มตาหนู ส่วนผมยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง พวกเราลืมความบาดหมางไปครู่หนึ่ง ให้ความสำคัญกับตาหนูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

            ด้วยเพราะพิษไข้ทำให้ตาหนูหลับไปในระหว่างทำการตรวจ จึงต้องพามานอนพักที่ห้องพิเศษ และตอนนี้คุณหมอก็มาที่ห้อง เพื่อตรวจอาการของตาหนูให้ชัดเจนอีกที

            “เป็นยังไงบ้างครับหมอ” ผมเอ่ยถามทันทีหลังจากคุณหมอตรวจอาการตาหนูเสร็จแล้ว

            “เด็กมีไข้สูงและพบว่ามีอาการปอดบวมด้วยครับ คงต้องให้นอนที่โรงพยาบาล เพื่อสังเกตอาการสักสองสามวัน”

            “ลูกชายผมจะปลอดภัยใช่ไหมครับหมอ”

            “ครับปลอดภัยแน่นอน ช่วงที่อยู่ในโรงพยาบาลหมอจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลยครับ”

            “ขอบคุณมากๆ นะครับคุณหมอ” ผมยกมือไหว้ขอบคุณด้วยความดีใจ

            “ถ้างั้นหมอขอตัวไปดูคนไข้ห้องอื่นก่อนนะครับ”

            คุณหมอส่งยิ้มให้เราทั้งสอง ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

            ผมรีบหันไปสนใจตาหนูที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง ในห้องพิเศษหรูหราราวกับไม่ใช่โรงพยาบาลอย่างนี้ ค่ารักษาพยาบาลคงจะแพงน่าดู แต่ผมคงไม่ให้เขามารับผิดชอบแน่นอน เพราะไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร

            “มึงเลี้ยงลูกยังไงปล่อยให้เป็นอย่างนี้” เขาเริ่มยิงคำถามที่สื่อว่ากำลังโทษผมซะอย่างนั้น

            “จะเลี้ยงยังไงก็เรื่องของผม เพราะตาหนูคือลูกผมคนเดียว”

            “อย่ามาทำเป็นปากดีใส่กู ถ้าไม่มีปัญญาก็เอาตาหนูมาให้กู กูจะเลี้ยงเอง”

            “ไม่มีทาง ผมจะเลี้ยงลูกเอง ไม่มีทางให้ตาหนูไปอยู่กับคนอื่นหรอก”

            “คนอื่นงั้นเหรอ...สงสัยมึงคงจะลืมไปแล้วว่ากูเป็นใคร ต้องรื้อฟื้นความจำกันหน่อยแล้วมั้ง” เขาไม่ว่าเปล่า สาวเท้าเดินเข้ามาหาผม ทำหน้าเหี้ยมราวกับมัจจุราชที่กำลังจะเข้ามากระชากวิญญาณ

            “พะ...พี่จะทำอะไรนี่มันโรงพยาบาลนะ” ผมเดินถอยหลังไปจนแผ่นหลังสัมผัสกับผนังห้อง

            “แล้วไง” ดูเหมือนคนเลวๆ อย่างเขาไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย “ที่นี่มันโรงพยาบาลแม่กูรู้ไว้ด้วย” ในที่สุดผมก็รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงพาผมมาที่นี่

            “ถ้าผมรู้จะไม่มีทางพาตาหนูมาที่นี่เด็ดขาด คนอย่างพี่มันก็ไม่ต่างจากสัตว์เดียรัจฉานตัวหนึ่ง ไม่สิ! พี่มันต่ำกว่าสัตว์เดียรัจฉานพวกนั้นซะอีก” ผมด่าออกไปซึ่งๆ หน้า ให้เขารู้ตัวว่าทำตัวเลวทรามต่ำช้ามากแค่ไหน

            “มึงหลงกลกูเข้าให้แล้วล่ะไอ้วิน หึๆ กูอยากรู้จังว่ามึงจะตัวหอมเหมือนเดิมไหม” สายตาของเขาโลมเลียไปตามเนื้อตัวผม ราวกับจะกลืนกินไปทั้งร่าง เห็นอย่างนั้นผมก็พยายามจะวิ่งหนีออกไปอีกทาง แต่เขากลับรั้งตัวผมมากอดจากทางด้านหลังไว้

            “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะไอ้สารเลว ลูกนอนอยู่นี่ทั้งคนมึงยังจะทำระยำอย่างนี้อีกเหรอ!” ตอนนี้สรรพนามที่เคยใช้ถูกเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ผมจะไม่มีวันยอมให้เขาทำร้ายอีกเด็ดขาด

            “มึงก็รู้ว่าคนอย่างกูทำได้ทุกอย่าง” ว่าแล้วเขาก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าสาว กระตุกยิ้มเย้ยประกาศชัยชนะ ก่อนจะพาเดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งผมเพิ่งรู้ว่ามันมีประตูเชื่อมหากันได้

            ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าห้องที่เชื่อมอยู่ข้างกันนั้นจะเป็นห้องนอนหรู มีทุกอย่างครบครัน

            “โอ๊ย!”

            เขาโยนผมลงบนเตียงแล้วรีบคร่อมตัวผมไว้ ตรึงข้อมือทั้งสองข้างไว้เหนือศีรษะ โน้มใบหน้าคมเข้ามาใกล้จนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขา ผมพยายามเบนหน้าหนี ไม่อยากสบตาคมคู่นั้นให้มันรู้สึกเจ็บปวดไปมากกว่านี้ ผมเกลียดเขา เกลียดมากที่สุดในชีวิต

            “ไอ้เลว มึงปล่อยกูไปเดี๋ยวนี้นะ จะจองเวรจอมกรรมกันไปถึงไหน ฮึก” น้ำตาผมไหลลงมาเป็นสาย เสียใจที่เสียท่าให้กับเขาจนได้ พี่ธีคนนี้เจ้าเล่ห์มากกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก ตั้งแต่เด็กจนโตผมรู้จักเขาน้อยไปจริงๆ

            “ทำไมว่าผัวตัวเองอย่างนั้นล่ะ” เขายกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ ก่อนจะใช้ลิ้นสากเลียบนใบหน้าผมอย่างช้าๆ เมื่อได้รับสัมผัสนั้นทำให้ขนผมลุกซู่ มันไม่ได้รู้สึกเสียวซ่านอะไรเลย แต่เป็นเพราะผมขยะแขยงต่างหากล่ะ

            “ฮือๆๆ ไอ้ทุเรศ ไอ้ระยำ มึงมันไม่ใช่คน ปล่อยกูเดี๋ยวนี้” ผมร้องไห้เสียงดัง พยายามดิ้นรนขัดขืนเขา

            “กูปล่อยแน่! แต่ขอให้กูได้ตักตวงความสุขจากมึงก่อนละกัน” ว่าแล้วเขาก็ซุกใบหน้าลงที่ซอกคอผมทันที

            “ไอ้เหี้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ อื้ออ...” ผมยังพ่นคำก่นด่าไม่สะใจเลย พี่ธีก็หยุดมันด้วยการประกบริมฝีปาก

            เขาบดจูบผมอย่างดูดดื่ม ราวกับโหยหาสิ่งนี้มาแสนนาน แต่ผมกลับรู้สึกขยะแขยงรสสัมผัสนี้ เขาขืนใจผมอีกแล้ว และครั้งนี้มันเจ็บปวดกว่าครั้งที่แล้วมาก เพราะลูกชายผมนอนป่วยอยู่ห้องข้างกันนี่เอง เขายังทำได้ลงคอ

            เสื้อผ้าผมถูกเปลื้องออกไปจนหมด ร่างกายที่บดเบียดกันของเราทั้งคู่ไร้ซึ่งอาภรณ์ใดๆ เนื้อตัวผมเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งรสสวาท เนินอกที่เคยขาวสะอาดถูกดูดเม้มจนเป็นรอยจ้ำสีแดง

            “ตัวมึงยังน่าสัมผัส ยั่วตายั่วใจกูอยู่เหมือนเดิมเลยว่ะ” เขาพร่ำบอก แต่ผมได้แต่นอนนิ่ง น้ำตาไหลพราก ปล่อยให้เขาทำตามใจ เพราะถึงยังไงก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้อยู่แล้ว

            “อ๊ะ” ผมจำเป็นต้องร้องเสียงหลงออกมา เมื่อเขาส่งแท่งร้อนเข้าไปรวดเดียวจนสุด ผมเบิกตากว้าง ขบเม้มริมฝีปากล่างเอาไว้ มือทั้งสองข้างกำผ้าปูที่นอนเอาไว้อย่างนั้น ปล่อยให้เขาเสพสมกับเรือนร่างของผมให้หนำใจ ถือซะว่าทำบุญทำทานให้สัตว์ตัวหนึ่งไปเท่านั้นเอง

            “มึงยังแน่นเหมือนเดิมเลยว่ะ จำได้รึยังว่ามึงเคยเป็นเมียกูมาก่อน” พี่ธียังพูดจาเยาะเย้ยถากถางผมไม่หยุดหย่อน แม้ว่าจะทำระยำกับเรือนร่างผมอยู่ก็ตาม

            เขายัดเยียดมันเข้าไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เปลี่ยนท่วงท่าไปเรื่อยๆ จนเขาพอใจ ผมจะจำความเจ็บปวดนี้เอาไว้ในใจ สักวันผมจะต้องทำลายเขาให้ได้ จากคนที่ไม่เคยคิดจะจองเวรจองกรรมกับใคร แต่คราวนี้เขาเป็นคนที่ปลุกไฟแค้นในตัวผมให้มันลุกโชนขึ้นแล้ว

            “อ๊ะ จะ...จะแตกแล้ว อ๊ากกก!!!”

            หลังจากเขาเร่งจังหวะรัวบั้นท้ายถี่ยิบติดต่อกันหลายครั้ง ผมก็รู้สึกได้ว่ามีของเหลวพุ่งกระฉูดเข้ามาในช่องทางปริมาณมาก ในขณะเดียวกันเขาก็ส่งเสียงร้องครวญครางอย่างพอใจเหลือเกิน

            “พอใจแล้วก็ออกจากตัวกูเดี๋ยวนี้ กูจะไปหาลูก ฮึก” ผมพยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ เอ่ยกับเขาด้วยสรรพนามที่หยาบคาย

            “ไม่! กูยังไม่พอใจ” เขาลูบไล้เนินอกผมเล่นอย่างพอใจ สายตาคมจ้องมองมาที่ผมปานจะกลืนกิน

            “มึงยังต้องการอะไรอีก แค่นี้ชีวิตกูก็พังมากพอแล้ว”

            “ชีวิตมึงจะพังมากกว่านี้อีก ถ้าไม่ยอมให้ลูกไปอยู่กับกู”

            “หมายความว่ายังไง?” ผมได้ยินก็หันขวับไปมองหน้าเขาทันที อย่าบอกนะว่าจะพรากลูกไปจากผม ผมไม่มีวันยอมเด็ดขาด

            “กูจะให้เงินมึงสิบล้านบาท เพื่อแลกกับตาหนู นี่ถือว่ากูใจดีกับมึงมากพอแล้วนะ”

            “ไม่! ต่อให้เงินร้อยล้านผมก็ไม่ยอม” ว่าแล้วก็ผลักอกเขาให้ออกห่างจากตัว ผมจะต้องพาลูกออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนเขาจะพรากลูกไปจากผม

            ความเจ็บปวดทางร่างกายในตอนนี้ มันไม่สามารถทำให้ผมละความพยายามในการลุกขึ้นจากเตียงได้ เพราะลูกคือสิ่งที่สำคัญกับผม สิ่งที่จะทำให้ผมเจ็บปวดเจียนจะขาดใจได้ก็คือเรื่องลูกเท่านั้น จึงพยายามลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเลรีบสวมใส่เสื้อผ้า

            “มึงจะไปไหน” เขาถามขณะยังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจ

            “กูจะพาลูกไปรักษาที่อื่น” เขายังคงนอนนิ่งไม่ได้ทำอะไร เห็นอย่างนั้นผมก็เอะใจเล็กน้อย แต่ก็พยายามเดินออกไปจากห้องเพื่อไปหาลูกชาย แต่พอเปิดประตูเท่านั้นล่ะ ก็พบกับชายหนุ่มฉกรรจ์สวมชุดสูทสีดำขลับ สวมแว่นตาดำยืนเฝ้าประตูอยู่ถึงสี่คน

            “นี่มันอะไรกัน!” ผมเดินถอยหลังกลับมาเรื่อยๆ จนแผ่นหลังชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ไม่นานพี่ธีก็สวมกอดผมจากด้านหลังไว้

            “พวกมึงเฝ้าลูกกูไว้ อย่าให้ใครเข้าใกล้เด็ดขาด”

            “ครับ”

            สิ้นเสียงรับคำสั่งประตูก็ถูกปิดลงอีกครั้ง ผมพยายามขัดขืนดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระ ผมต้องไปเอาลูกกลับมาให้ได้

            “ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะไอ้สารเลว ทำไมพวกมึงถึงได้เลวกันอย่างนี้วะ ฮือๆๆ ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!”

            “กลับบ้านไปซะแล้วเอาเงินสิบล้านไปใช้ให้สบายๆ กูสัญญาว่าจะเลี้ยงลูกเป็นอย่างดี”

            “ไม่! กูไม่มีทางยอมเด็ดขาด” ผมหมุนตัวกลับมา แล้วฟาดมือเข้าที่ใบหน้าหล่อนั้นอย่างระรัว เขายืนนิ่งให้ผมทำอยู่อย่างนั้นจนใบหน้าเริ่มแดงช้ำไปเสียหมด ทำไมนะ อยู่ๆ ถึงได้ยอมผมอย่างนี้

            “กูจะให้โอกาสมึงตบตีกูแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว หลังจากนี้เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา

            “พี่ธีครับ ผมขอร้องล่ะอย่าทำอย่างนี้เลย ไม่มีลูกผมก็ไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว” ผมนั่งลงกับพื้นยกมือไหว้เขา ร้องไห้อ้อนวอนอยู่อย่างนั้น

            “ถึงมึงจะดิ้นตายอยู่ตรงนี้ กูก็ไม่มีทางยอมให้ลูกไปอยู่กับมึงเด็ดขาด ถ้ามึงเห็นแก่ลูกจริงๆ ออกไปจากชีวิตลูกซะ แล้วก็ไม่ต้องมาให้แกเห็นหน้าอีก นี่คือสิ่งที่กูจะพูดกับมึงเป็นครั้งสุดท้าย” เขาพูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องไป ผมไม่ยอมรีบกอดขาพี่ธีไว้ เพื่อขอร้องเขาอีกครั้ง

            “พี่ธีครับ ฮือๆๆ ผมขอร้องล่ะอย่าทำอย่างนี้เลย ถ้าพี่พาลูกไปผมจะฆ่าตัวตายให้ดู” เขาหยุดชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยกับผม

            “เอาเลยถ้ามึงคิดว่าการตายคือทางออกที่ดีแล้วจริงๆ กูพูดได้แค่นี้ล่ะ” เขาสลัดเท้าจนผมล้มฟลุบลงบนพื้น ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ผมจึงเดินตามไปที่ห้องพักผู้ป่วยซึ่งอยู่ติดกัน

            “พวกมึงเอาตัวมันกลับไปที่บ้านเดี๋ยวนี้” เขาสั่งลูกน้องทั้งสี่คน ได้ยินอย่างนั้นผมก็ตั้งท่าจะสู้แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะผมโดนล็อกตัวเอาไว้ขยับแทบไม่ได้ จากนั้นก็ชักปืนมาขู่ผม

            “ตาหนูลูกแม่ ฮือๆๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้กูจะไปหาลูก” ผมเอื้อมมือจะไปหาลูก แต่พวกนั้นยังคงจับตัวผมไว้ พี่ธีนั่งอยู่ข้างเตียงได้แต่ยิ้มเยาะ ก่อนจะปัดมือเป็นสัญญาณให้พาตัวผมไป

            “พามันกลับไปที่บ้าน ก่อนไปกูขอเตือนมึงไว้ก่อนเลยว่า มึงจะไม่มีวันได้เห็นหน้าลูกอีกแน่นอน และไม่ต้องตามหาเพราะกูจะพาลูกไปอยู่ในที่ที่มึงตามหาไม่เจอแน่นอน”

            “ไอ้สารเลวสักวันกรรมจะตามสนองมึง กูขอแช่งให้มึงไม่ตายดี” มีโอกาสได้พูดแค่นั้น ผมก็โดนลากตัวออกจากห้อง และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นหน้าลูกชาย มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของคนเป็นแม่แล้ว

            ผมถูกนำตัวขึ้นรถตู้มาส่งที่หน้าบ้าน พวกมันผลักผมลงจากรถจนล้มลงกับพื้น น้ำตาผมมันไหลจนเหือดแห้งไปหลายรอบ จนไม่มีจะไหลแล้ว นั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านราวจะขาดใจอยู่อย่างนั้นสักพัก ก็เดินอย่างไร้สภาพเข้าไปในบ้าน ป่านนี้ยายจันทร์คงจะไปขายข้าวแกงแล้ว ผมจะบอกกับยายจันทร์ยังไงดี

             เดินเข้าไปในบ้านกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะข้าวของหล่นกระจายเกลื่อนพื้นไปหมด เห็นอย่างนั้นผมก็เริ่มใจไม่ดีแล้ว กลัวว่ายายจันทร์จะมีอันตราย

            “ยายจันทร์ครับ! ยายอยู่ไหน ฮึก”

              ผมเดินอย่างลนลานตามหายายไปทั่วบ้าน ในที่สุดผมก็เจอยายจันทร์ แต่เป็นการเจอในสภาพที่ไม่เหมือนเดิม ภาพที่เห็นนั้นทำเอาผมหัวใจแหลกสลาย น้ำตาไหลพรากลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

            “ยาย!! ฮือๆๆ ไม่นะยาย มันต้องไม่เป็นอย่างนี้!!!”

            ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องเหี้ยเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นกันผมในวันเดียวกัน โดนพรากลูกไปจากอก แถมยายจันทร์ผู้ที่เป็นทุกอย่างของผม ต้องมาโดนฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณอย่างนี้ สภาพยายจันทร์ตอนนี้เลือดไหลท่วมตัว โดยเฉพาะที่บริเวณคอ มีบาดแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่ที่เกิดจากของมีคมกรีด ผมกอดยายจันทร์เอาไว้อยู่อย่างนั้นร้องไห้จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด

            “ฮือๆ ใครทำยายอย่างนี้ครับ ยายจันทร์ฟื้นขึ้นมาหาผมสิครับยาย” ผมกอดยายจันทร์ไว้แน่น ร้องไห้ราวจะขาดใจเสียให้ได้

            ในระหว่างนั้นก็มีเสียงหวอรถตำรวจดังมาจากหน้าบ้าน ทั้งที่ผมยังไม่ได้แจ้งความเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไมตำรวจถึงได้รู้ล่ะ ผมเริ่มคิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำแน่นอน หรือว่าจะเป็นฝีมือของพี่ธี ใช่แน่ๆ ต้องเป็นเขา เรื่องเลวๆ อย่างนี้คงไม่มีใครแน่นอน

            “นายธาวินออกมามอบตัวเดี๋ยวนี้ ตำรวจล้อมที่นี่ไว้หมดแล้ว” ได้ยินอย่างนั้นผมก็ตกใจ อย่าบอกนะว่ามีคนฆ่ายายจันทร์แล้วใส่ร้ายผม จะทำอย่างไรล่ะทีนี้ ผมจะทำอย่างไรดี

            “ยายครับถ้ามีโอกาสผมจะมากราบยายอีกครั้ง ผมสัญญา” ผมตัดสินใจ วางยายจันทร์ไว้บนพื้นดังเดิม มองภาพนั้นอีกครั้งให้มันติดตา เผื่อในอนาคตมันจะได้ช่วยเตือนสติผม ว่าพวกเขาทำอะไรกับคนที่ผมรักเอาไว้บ้าง

            ก่อนตำรวจจะบุกเข้ามาด้านใน ผมจึงตัดสินใจวิ่งออกไปทางหลังบ้าน กระโดดลงคลองน้ำเพื่อหนีการถูกจับกุม จากสิ่งที่ผมไม่ได้ทำมันเลย ผมสัญญาว่าจะทำทุกวิถีทาง เพื่อจะเอาลูกคืนมาและแก้แค้นให้ยายจันทร์ให้ได้...ผมสัญญา
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-08-2018 23:36:14
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: naya-devil ที่ 22-08-2018 23:45:52
มาม่าจริงๆๆ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-08-2018 23:56:33
เฮ้อออ อะไรจะดราม่าขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Fufufeel ที่ 23-08-2018 00:08:19
ชีวิตดราม่าจังเลยค่ะ เราชักสงสัยแล้วว่าใครเป็นพระเอกกันนะ :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-08-2018 00:16:45
ทำไมทำร้ายกันขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-08-2018 00:20:55
 o22  o22  o22
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-08-2018 00:36:54
 :a5: ไอ้นี่เป็นพระเอกจริงๆอะ เลวช้าขนาดนี้แล้วมากลับตัวกลับใจแล้วใช้ชีวิตดีหวานชื่นไม่เอานะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-08-2018 02:00:40
เลวสุดขั้ว ชั่วสุดใจเลยนังธี  :katai1: :fire:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-08-2018 03:11:18
มันใช่เหรอพระเอก เลวจัง
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: yymomo ที่ 23-08-2018 04:12:44
 :katai1:   อื้อหือ นี่คือพระเอกจริงอ่ะ ทำไมเลวเหี้ยได้บริสุทธิผุดผ่องจริงๆ

คือดูจากชื่อเรื่อง แล้วทำไมมีแววว่าจะกลับไปมุ้งมิ้งกันแน่ๆ  คือถ้าเลวขนาดนี้แล้วยังได้คู่กัน คงต้องขอผ่าน
แต่จะแอบๆตามไว้ก่อน เผื่อเราเดาผิด
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 23-08-2018 11:58:07
หืมมมมม เล่นอย่างนี้เลยเหรอ?!
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-08-2018 01:59:02
 :a5:

เดี๋ยวๆๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.1 พ่อค้าขายข้าวแกง l Up:16-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 27-08-2018 14:08:21
หวังว่าเพื่อนเพชรคงไม่ใช่ธีหรอกนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.5 ความสูญเสีย l Up:22-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 27-08-2018 15:05:27
เดี๋ยวนะ  :a5:  :z6:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 27-08-2018 17:17:49
บทที่ 6

ความโชคดี



          ผมหลบหนีจากการถูกจับกุมมาได้ ผ่านการดำน้ำคลองมาเรื่อยๆ มาโผล่อีกทีก็ถึงสะพานแห่งหนึ่ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าปลอดภัยจึงขึ้นไปหลบอยู่ข้างพุ่มไม้ด้วยอาการหนาวสั่น นอนอยู่อย่างนั้นทั้งคืนจนรุ่งเช้า

          ตื่นเช้ามาผมได้แต่นั่งเหม่อลอย ไม่รู้จะไปแห่งหนไหนดี ผมต้องใช้ชีวิตคนเร่ร่อนอีกแล้วอย่างนั้นหรือ ตั้งแต่จำความได้ผมก็ไม่เคยคิดร้ายกับใครมาก่อน แต่ความเป็นคนดีนั้นกลับไม่มากพอ ที่จะทำให้ผมรอดพ้นจากอันตรายทั้งปวงได้เลย จากนี้ผมจะไม่ยอมใครอีกแล้ว จะไม่ยอมให้พวกมันมาทำผมอะไรผมอีกแล้ว ผมสาบานว่าจะเอาคืนคนพวกนั้นให้สาสมอย่างที่สุด

            “ฮือๆๆ ยายจ๋า ผมสาบานว่าจะแก้แค้นพวกมันคืนให้ยายนะจ๊ะ ตาหนูของแม่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ แม่คิดถึงหนูมากเหลือเกิน” ผมนั่งกอดเข่าร้องไห้ พร่ำเพ้ออยู่อย่างนั้น มองไปทางไหนทุกอย่างก็ดูเป็นแต่สีเทาไปหมด มันช่างดูหมองหม่น ไร้ซึ่งความหวัง ผมยากจะตายตกตามยายจันทร์ไปเหลือเกิน แต่ถ้าทำอย่างนั้นยายจันทร์ก็ต้องตายเปล่า ผมจะอยู่เพื่อรอสักวัน ที่จะทำให้พวกมันไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ชีวิต

            ผมปาดน้ำตาที่แก้มออกไปจนหมด ตั้งสติคิดหาทางเพื่อเอาตัวรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ให้ได้เสียก่อน ตอนนี้ตำรวจกำลังตามจับตัวผม จะทำอย่างไรดีเพื่อจะสามารถไปไหนมาไหนได้สะดวกโดยไม่มีใครผิดสังเกต จู่ๆความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัว ผมพอมีเงินติดตัวอยู่บ้างจึงเดินเข้าไปในตลาดอย่างระแวดระวังตัว เดินหาร้านขายเสื้อผ้าและวิกผม ในวินาทีนี้ผมจะต้องอำพรางตัวเป็นผู้หญิง เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต

            “พี่จ๊ะมีวิกผมขายด้วยไหม หนูอยากแต่งหญิงเต็มตัวแล้ว” ผมทำท่าทางเลียนแบบสาวประเภทสองให้เนียนที่สุด คนขายจะไม่ได้ผิดสังเกต

            “มีสิจ๊ะ อย่างหนูถ้าได้แต่งหญิงครบเครื่องต้องสวยมากแน่ๆ” แม่ค้ามองหน้าผมอย่างพินิจพิจารณา ผมได้แต่ยิ้มรับอย่างช่วยไม่ได้

            “นี่จ้ะ ทรงนี้เหมาะกับหนูมาก ใส่แล้วลองมาส่องกระจกดูสิ”

            ผมรับวิกผมมาใส่ แล้วจ้องมองดูตัวเองในกระจกบานใหญ่ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทำเอาผมแทบจำตัวเองไม่ได้ วิกผมหน้าม้ายาวสลวยถึงกลางแผ่นหลัง รับกับใบหน้ารูปไข่ของผมได้เป็นอย่างดี ดูแทบไม่ออกว่าผมเป็นผู้ชายมาก่อน

            “สวยมากจ๊ะ ถ้าได้สวมชุดยิ่งดูไม่ออกเลยว่าหนูเป็นกะเทย”

            “ถ้างั้นหนูขอเปลี่ยนเลยได้ไหมจ๊ะพี่”

            “ได้สิจ๊ะเข้าไปเปลี่ยนในนั้นได้เลย”

            ผมเดินถือชุดที่เลือกไว้ก่อนหน้านี้เข้าไปในห้องลองเสื้อ จัดการถอดเสื้อผ้าชุดเก่าออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ทันที ชุดที่ผมใส่ตอนนี้เป็นเดรสสั้น สายเดี่ยวสีแดงเพลิง เห็นตัวเองในกระจกแล้วก็ยิ้มอย่างพอใจ นี่คือรูปลักษณ์ใหม่ของผมที่จะแอบเข้าไปหาตาหนูที่โรงพยาบาล ก่อนจะออกจากห้องแต่งตัว ผมก็หยิบเสื้อผ้าชุดเดิมใส่ถุงพลาสติก กะจะเอาไปทิ้งในถังขยะด้านนอกด้วย

            “เป็นยังไงบ้างจ๊ะพี่หนูสวยหรือเปล่า” ผมถามแม่ค้าเจ้าของร้าน เธอมองผมอย่างตะลึง เดินเข้ามาสำรวจรอบตัวผมอย่างเหลือเชื่อ

            “สวยมากจ้ะหนู พี่ดูไม่ออกเลยว่าหนูเคยเป็นผู้ชายมาก่อน”

            “ขอบคุณจ้ะพี่ แล้วพี่ว่าหนูควรซื้ออะไรเพิ่มหรือเปล่า ช่วยแนะนำหน่อยจ้า”

            “ชุด ผม ก็โอเคแล้ว จะเหลือก็แค่รองเท้าส้นสูง แล้วก็กระเป๋าสะพายใบเล็กๆ ถ้าได้ทั้งหมดนี้รับรองผู้ชายมองตาเป็นมันแน่เลย”

            “ถ้างั้นจัดมาเลยจ้ะหนูอยากสวยครบเครื่อง” ผมยิ้มให้แม่ค้าสาว เจ้าหล่อนเดินไปเลือกหยิบของมาให้ผม ในใจตอนนี้ผมคิดแต่เรื่องแก้แค้นคนพวกนั้นเพียงอย่างเดียว

            “นี่จ้ะกระเป๋ากับรองเท้า”

            “ถ้างั้นหนูใส่เลยนะจ๊ะพี่” ด้วยความไม่คุ้นชินกับการใส่ส้นสูง ทำให้ผมแทบจะล้มลงกับพื้น แต่ก็พยายามใส่แล้วเดินอยู่หลายรอบก็เริ่มคล่องตัว แต่จะติดปัญหาตรงที่มันเจ็บเท้าเพราะเป็นของใหม่

            หลังจากจ่ายเงินแล้วผมก็ออกมาจากร้านในรูปลักษณ์ใหม่ โยนเสื้อผ้าชุดเดิมทิ้งลงถังขยะไป สถานที่ที่ผมจะมุ่งหน้าไปตอนนี้ก็คือโรงพยาบาล ผมจะไปดูว่าตาหนูเป็นอย่างไรบ้าง ป่านนี้คงจะร้องไห้งอแงอย่างแน่นอน คิดได้อย่างนี้ก็คิดถึงลูกชายมากเหลือเกิน

            ผมนั่งแท็กซี่มาถึงหน้าโรงพยาบาล พอก้าวขาลงจากรถแล้วก็สวมแว่นกันแดด มองดูโรงพยาบาลสุดหรูของครอบครัวนั้นอย่างโกรธแค้น หากไม่จำเป็นว่ามาหาลูกชายผมจะไม่มีวันเข้ามาเหยียบที่นี่เด็ดขาด

            ผมเดินเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างระแวดระวัง แม้ว่ารูปลักษณ์ใหม่จะไม่มีใครจำตัวผมได้ แต่ทว่ามันก็ยังไม่คุ้นชินอยู่ดี ขึ้นลิฟต์มาจนถึงชั้นที่ตาหนูอยู่ ผมก็มองซ้ายขวาเพื่อดูว่ามีใครอยู่บ้าง หากมีลูกน้องของพี่ธีอยู่จะได้ระวังตัวมากขึ้น

            หน้าห้องที่ตาหนูนอนพักรักษาตัวอยู่ ไม่ได้มีการ์ดยืนเฝ้าอย่างที่ผมคิดเลยด้วยซ้ำ จึงเดินตรงเข้าไปอย่างช้าๆ ก่อนจะมองผ่านกระจกช่องเล็กที่บานประตู ปรากฏว่าตาหนูไม่ได้นอนอยู่บนเตียงแล้ว พี่ธีเอาตาหนูไปไว้ไหน? โธ่! ลูกชายแม่จะโดนพาตัวไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ คิดแล้วน้ำตาก็จะไหลลงมา

            “ไม่ทราบว่ามาเยี่ยมผู้ป่วยเหรอคะ” เสียงพยาบาลสาวดังขึ้น ทำเอาผมแทบสะดุ้งด้วยความตกใจ รีบสวมแว่นตาทันที

            “เอ่อ....ค่ะมาเยี่ยมผู้ป่วย”

            “ห้องไหนคะให้ดิฉันช่วยหาไหม”

            “เอ่อ...คนไข้ห้องนี้ไปไหนแล้วเหรอคะ พอดีฉันเป็นญาติของคุณธีภพน่ะค่ะ” ผมรู้ถ้าโกหกว่าเป็นญาติของพี่ธี จะทำให้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

            “อ๋อ ญาติคุณธีภพนี่เอง คุณธีภพเพิ่งย้ายลูกชายกลับไปรักษาตัวที่บ้านเมื่อช่วงเช้านี่เอง คุณธีภพไม่ได้บอกคุณหรอกเหรอคะ”

            “สงสัยดิฉันรีบมาจนลืมโทรไปถามน่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที

            พี่ธีพาตาหนูย้ายไปอยู่บ้านงั้นหรอกเหรอ อย่างนี้แล้วผมจะไปเจอหน้าลูกได้ยังไงกัน เพราะคงไม่มีทางเข้าไปในนั้นได้ ผมเกลียดเขาที่สุด คิดจะกีดกันแม่กับลูกไม่ให้เจอกัน ถึงยังไงผมก็จะไปบ้านหลังนั้น ได้เห็นหน้าบ้านก็ยังดี

            ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้ารั้วคฤหาสน์หรู สถานที่ที่เคยอาศัยอยู่มานานหลายปี ผมได้แต่ยืนอยู่หน้าประตูรั้ว มองเข้าไปด้านในด้วยแววตาเศร้า ภาพแห่งความทรงจำอันเลวร้ายผุดขึ้นในหัวไม่หยุดหย่อน ภาพที่ผมโดนแม่ทุบตีมาตั้งแต่เด็ก ภาพพี่ธีข่มเหงผม ภาพเหล่านี้ทำให้ผมเป็นห่วงลูกชายมากเหลือเกิน กลัวว่าพวกเขาจะเลี้ยงดูแก ให้เติบโตมาเป็นเหมือนพวกเขา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆผมจะเสียใจมาก ผมอยากให้ลูกเป็นคนดี เป็นที่รักของทุกคน แต่คงได้แค่ทำใจเพราะทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากภาวนาให้ตาหนูรับเอาแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิต และอย่าได้มีอันตรายใดๆเลย

            “แม่สัญญาว่าจะหาทางพาหนูออกมาจากบ้านหลังนั้นให้ได้” ขณะยืนมองเข้าไปในบ้านตาละห้อยอยู่นั้น ก็มีเสียงบีบแตรดังมาจากด้านหลัง

            ปี๊บๆ

            “มาทำอะไรลับๆ ล่อที่หน้าบ้านฉันยะ” เสียงแหลมนี้ผมจำได้ดี มันคือเสียงของแม่ แม่ที่ไม่เคยนับว่าผมเป็นลูกเลย แม่ที่รับผมมาเลี้ยงให้เป็นแค่คนใช้เท่านั้นเอง

            “ขอโทษค่ะ พอดีดิฉันมาขายประกัน” ผมแสร้งพูด ก้มหน้าไม่กล้าสบตา กลัวว่าแม่จะจำผมได้

            “บ้านนี้ไม่ทำประกันกับคนต่ำๆ อย่างหล่อนหรอกย่ะ อย่ามาสะเออะยืนอยู่บ้านฉันรีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจมาจับ มาขายประกันหรือขายตัวกันแน่ก็ไม่รู้” แม่ยังคงเป็นคนเดิมไม่เคยเปลี่ยน นิสัยชอบดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่า แถมยังปากร้ายเหมือนเดิม

            “ดิฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ” ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกไป แต่ทว่ากลับมีเสียงผู้ชายเอ่ยทักไว้เสียก่อน

            “เดี๋ยว! เธอมีนามบัตรไหมล่ะเผื่อฉันสนใจอยากจะทำ เดี๋ยวจะติดต่อไป” พ่อนั่นเองที่เอ่ยกับผม ในบ้านหลังนี้คนที่ผมยังคงรักและคิดถึงอยู่ตลอดเวลานั่นมีเพียงพ่อ แม้ว่าท่านจะช่วยอะไรผมได้ไม่มาก แต่ท่านก็เมตตาและเอ็นดูผม ที่เป็นอย่างนั้นเพราะทรัพย์สมบัติเป็นของแม่ทั้งหมด พ่อเคยเล่าให้ฟังว่าตอนแต่งงานกับแม่พอมีแต่ตัว นั่นทำให้พ่อเป็นเบี้ยล่างแม่มาตลอดไม่ต่างจากผมเลย

            “มะ...ไม่มีค่ะ” ผมถือโอกาสมองหน้าพ่ออีกครั้ง พ่อดูแก่ไปเยอะพอสมควร

            “คุณอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เห็นสาวๆ สวยๆ เป็นไม่ได้ เธอรีบไปเลยก่อนที่ฉันจะให้คนมาลากตัวออกไป”

            “ผมแค่สงสารแม่หนูนั่นต่างหาก เขาอุตส่าห์มาขายถึงหน้าบ้าน” เสียงพ่อทะเลาะกับแม่ในรถ

            “ขอบคุณนะคะพี่สงสารหนู แต่ไม่เป็นไรก็ได้ค่ะหนูขอลานะคะ” ผมยกมือไหว้พ่อ ก่อนจะรีบเดินออกมาโบกรถออกไปทันที

            ทำไมคนดีๆอย่างพ่อต้องมาใช้ชีวิตคู่กับคนเลวอย่างแม่ด้วย ก็อย่างว่ามันคงเป็นเวรกรรมที่สร้างไว้เมื่อชาติที่แล้ว ก็เหมือนผมที่ต้องมาเจอเรื่องร้ายๆจากการกระทำของคนบ้านนี้

            ในเมื่อสิ้นไร้หนทางแล้ว ผมก็ตัดสินใจไปที่ตลาดอีกครั้ง ซื้อกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบเพื่อใส่สัมภาระ ก่อนจะเจียดเงินที่มีติดตัวอยู่ ซื้อเสื้อผ้าผู้ชายไว้ใส่สองสามชุด เข้าไปในห้องน้ำสาธารณะเปลี่ยนกลับมาเป็นผู้ชายอีกเหมือนเดิม สวมหมวกแก๊ปแว่นกันแดดสีดำเพื่ออำพรางตัว เดินถือกระเป๋าไปตามถนนเรื่อยเปื่อย ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนดี อาการเหม่อลอยผมเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว แสงแดดจ้าทำให้ร้อนจนเหงื่อกาฬไหลไม่หยุดหย่อน ก่อนภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันจะค่อยๆเลือนราง รู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน และนั่นก็ทำให้สติผมดับวูบ พร้อมกับร่างที่ล้มลงข้างถนน

            ไม่รู้ว่าผมหมดสติไปนานแค่ไหน แต่ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็อยู่บนเตียงในห้องที่ไม่คุ้นตา ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างหรูหราราวกับอยู่ในราชวังทางยุโรป ผมพยายามพยุงตัวลุกขึ้นแล้วมองไปรอบห้อง ก็พบว่าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลอย่างที่คิด แล้วใครกันที่ช่วยผมไว้ อยากไหว้ขอบคุณเขาเหลือเกิน เพราะถ้านำตัวผมไปส่งโรงพยาบาลรับรองว่าตำรวจได้ตามตัวผมเจอแน่นอน

            “ฟื้นแล้วเหรอคะ” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยกับผม เธอเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วน้ำดื่มเย็นๆ ดูท่าทางน่าจะเป็นสาวใช้ของบ้านหลังนี้

            “ครับ ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนครับ”

            “ที่นี่เป็นบ้านของคุณโจวค่ะ”

            “คุณโจว? แล้วใครเป็นคนผมมาที่นี่ครับ”

            “ก็คุณโจวนั่นล่ะค่ะ”

            “แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน ผมอยากจะขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้” เขาคนนั้นจะเป็นใคร ไว้ใจได้หรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ที่รู้เขาคือคนดีที่ช่วยเหลือผมไว้

            “รอสักครู่นะคะคุณโจวกำลังจะเข้ามา คุณรออยู่ในห้องนี้ก่อน” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผมนั่งครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง ว่าเขาคนนั้นจะรูปร่างหน้าตา และนิสัยเป็นอย่างไรบ้าง

            ไม่นานหลังจากนั้น ชายสูงวัยสวมเสื้อเชิ๊ตสีขาวทับด้วยเสื้อกั๊กสีเทาอีกที เดินเข้ามาหาผมในห้อง คงไม่ต้องเดาว่าเขาคนนั้นคือใคร เพราะมั่นใจว่าจะต้องเป็นคุณโจวอย่างแน่นอน

            “ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือผมเอาไว้” ผมรีบยกมือไหว้เขาทันที ผู้ชายคนนี้อายุราวหกสิบกว่าแล้ว วัยใกล้เคียงกับพ่อของผม ดูจากหน้าตาแล้วเขาคงจะเป็นคนใจบุญน่าดู

            “ไม่เป็นไรอั๊วเต็มใจช่วย ว่าแต่ลื้อชื่ออะไรล่ะจะได้เรียกชื่อถูก”

            “ผมชื่อเอ่อ....” กำลังคิดอยู่ว่าจะบอกชื่อจริงไปดีไหม ผมยังไม่รู้จักเขาดีพอเลย กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย

            “ไม่ต้องห่วงอั๊วไม่ทำร้ายลื้อหรอก ไว้ใจได้”

            “ผมชื่อธาวินครับ หรือเรียกสั้นๆ ว่าวินก็ได้”

            เขานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงแล้วเอ่ยถามผมต่อทันที “ลื้อกำลังจะไปไหน ทำไมถึงได้นอนเป็นหมดสติอยู่ข้างถนนอย่างนั้น”

            “คือผม...เป็นคนเร่ร่อนครับ เดินไปเรื่อยเปื่อยไม่มีจุดหมายปลายทาง ตอนนี้ผมก็อาการดีขึ้นแล้ว ผมขอตัวนะครับ ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยเหลือผม” ผมยกมือไหว้เขาอีกครั้ง แล้วจะลุกขึ้นจากเตียง

            “ถ้าไม่มีที่ไปอยู่กับอั๊วที่นี่ก็ได้นะ ที่นี่มีงานเยอะแยะให้ทำ อั๊วรู้ว่าลื้อไม่ใช่คนเร่ร่อนหรอก และกำลังหนีอะไรบางอย่างด้วย จริงไหม?”

             ผมหยุดชะงักอยู่ที่เดิมเมื่อได้ยินอย่างนั้น

            “ถ้าผมเล่าความจริงให้คุณฟัง คุณจะจับผมส่งตำรวจไหม” ผมลองเสี่ยงดูว่าเขาคนนี้จะทำอย่างไรกับผม หลังจากรู้ความจริงแล้ว หากโชคดีอาจจะได้ที่ซุกหัวนอน และมีกำลังใจสู้เพื่อกลับไปแก้แค้นพี่ธีอีกก็เป็นได้

            “แสดงว่าลื้อต้องคดีมา?”

            “ใช่ครับ แต่ผมโดนใส่ร้าย ผมไม่ได้เป็นคนทำ มีคนต้องการแกล้งผม”

            “อั๊วเชื่อลื้อ เล่าเรื่องทั้งหมดให้อั๊วฟัง บางทีอั๊วอาจจะช่วยเหลือลื้อได้”

            “ทำไมคุณถึงเชื่อผมง่ายอย่างนั้นล่ะ” ผมสงสัยว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้เชื่อและไว้ใจผมง่ายดายขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งจะได้นั่งคุยกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ

            “เพราะอั๊วดูคนออกยังไงล่ะ อายุปูนนี้แล้วผ่านอะไรมาก็เยอะ ทำไมแค่คนอย่างลื้ออั๊วจะดูไม่ออก แววตาของลื้อบอกว่าเรื่องที่พูดมาเป็นความจริง การพูดการจาก็มีสัมมาคารวะไม่ได้เลวร้ายอะไร”

            “ถ้าคุณเชื่อใจผม ผมก็จะเชื่อใจคุณ เรื่องมันเริ่มต้นจาก........” หลังจากนั้นผมก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้กับคุณโจวฟัง ในระหว่างเล่าน้ำตาผมก็ไหลลงมาอยู่เนืองๆ ว่าจะไม่ร้องแต่มันก็กลั้นไว้ไม่ได้ “เรื่องทั้งหมดมันเป็นอย่างนี้ล่ะครับ”

            “ลื้อต้องการจะแก้แค้นเขาคนนั้นใช่ไหม” เขาอ่านใจผมออกมาโดยตลอด ทำให้ผมเริ่มศรัทธาผู้ชายคนนี้เข้าให้เสียแล้ว ผมอยากเก่งเหมือนเขา ผมอยากจะเรียนรู้การอ่านใจคนออกบ้าง เผื่อว่ามันจะได้ใช้ในอนาคต

            “ใช่ครับ ผมจะเอาคืนเขาให้สาสม แก้แค้นให้ยาย และเอาลูกชายผมกลับคืนมาให้ได้” ผมเอ่ยด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ไม่ว่าเขาจะให้ทำอะไรผมก็ยอม เพื่อให้ความตั้งใจของผมในครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี

            “ของอย่างนี้มันต้องใช้เวลา ถ้าลื้อต้องการจะแก้แค้นคนพวกนั้น ลื้อต้องไปเมืองจีนกับอั๊ว ไปชุบตัวใหม่ เปลี่ยนนิสัยใหม่ เรียนรู้การเข้าสังคมใหม่ๆ ลืมตัวตนเก่าที่เคยเป็น ลื้อจะทำได้ไหม”

            “ผมทำได้ทุกอย่าง ขอแค่มีโอกาสได้กลับมาแก้แค้นเขาให้ได้” ผมตอบด้วยสายตาที่มุ่งมั่น ไฟแค้นในดวงตาผมมันลุกโชน พร้อมจะแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้ได้ในพริบตา

            “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เตรียมเดินทางได้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องพาสปอร์ตเพราะอั๊วจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้เอง”

            “ขอบคุณครับคุณโจวที่ช่วยเหลือผม ทั้งที่ยังไม่ได้รู้จักผมดีด้วยซ้ำ” ผมยกมือไหว้เขาอีกครั้ง เป็นความโชคดีเหลือเกิน ผมต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนถึงสองครั้งสองครา แต่ก็มีคนใจดีช่วยเหลือผมทุกครั้ง คิดแล้วก็คิดถึงยายจันทร์ที่เคยช่วยเหลือผมไว้อย่างนี้ แต่ก็ต้องมาจากโลกนี้ไปเพราะผมเป็นต้นเหตุ ผมจะไม่มีวันให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเด็ดขาด ผมจะเข้มแข็งและเป็นฝ่ายเข้าไปทำลายคนพวกนั้นบ้าง

            “ต่อไปนี้ลื้อคือ ‘อี้เฟย’ ลูกชายของอั๊ว จากนี้ไปลื้อต้องเรียกอั๊วว่าเตี่ยเข้าใจไหม” คุณโจวสร้างตัวตนให้ผมใหม่ ผมรู้สึกว่ากำลังได้เกิดใหม่อีกครั้งแล้ว

            “ครับเตี่ย อี้เฟยคนนี้จะทำตามคำสั่งของเตี่ยอย่างไม่มีข้อแม้เลยครับ”

            เราทั้งสองคนยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่คุณโจวช่วยเหลือผมเพราะอะไร แต่ผมก็จะจงรักภักดีกับเขา ถือซะว่าเขาเป็นพ่อแท้ๆ

             เมื่อมีโอกาสได้เริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว ผมจะทำทุกวินาทีให้คุ้มค่าสุด เพื่อฝึกฝนตนเองตัวเองให้แข็งแกร่ง พร้อมสำหรับการแก้แค้นในอนาคตที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร่...แต่มันต้องมีวันนั้นอย่างแน่นอน
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-08-2018 18:26:45
ความแซ่บมาแล้ว  อดใจรอไม่ไหวแล้วววว
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-08-2018 18:37:52
ได้เวลาเอาคืน
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 27-08-2018 18:50:07
มาต่อออ พระเอกแม่งเหี้ย
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-08-2018 21:51:34
 :katai1: ยายตายอาจไม่ใช่ธีทำ
แต่ธีก็ซวยโดนรวบยอดทีเดียว
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 27-08-2018 22:01:56
พระเอกแม่งเลวเกิน รับไม่ได้
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-08-2018 22:57:46
 :katai2-1:


รอๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 27-08-2018 23:31:22
จริงๆธีอาจจะไม่/ด้สั่งให้คนไปฆ่ายายหรอก อาาจจะเป็นแม่ธีอีกที
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-08-2018 01:07:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-08-2018 01:24:14
สงสารแต่ลูกตัวน้อย ๆ ไม่รู้ว่าชะนีย่ามันจะทำร้ายหรือเปล่านะ  :m16:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 30-08-2018 21:25:47
บทที่ 7

หวนคืน



           ห้าปีผ่านไป

            มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน

            “คุณอี้เฟยครับ”

            เสียงเข้มของใครบางคนเอ่ยเรียก ขณะที่ผมยืนจ้องมองท้องฟ้ากว้างสุดลูกหูลูกตาบนตึกสูงระฟ้า ผ่านกระจกใสในห้องทำงานส่วนตัว

            ผมหันกลับไปมองแล้วส่งยิ้มให้เขา “ว่าไงอาหยาง”

            ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมคือ ‘อาหยาง’ เป็นมือขวาคนสนิทผมเอง อาหยางสูงประมาณ 180 เซนติเมตร รูปร่างกำยำสมส่วน เป็นหนุ่มหน้าตี๋ฉบับจีนแท้ เตี่ยมอบหมายให้อาหยางเป็นทั้งพี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดส่วนตัวผม และเขาคนนี้ก็ดูแลผมมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา จนเราสนิทสนมกันมากในระดับหนึ่ง ผมนับถือเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง

           “ที่คุณอี้เฟยสั่งให้ไปจองตั๋วเครื่องบิน ตอนนี้ได้ไฟลท์เรียบร้อยแล้วครับ เป็นพรุ่งนี้ตอนแปดโมงเช้า”

            “ดีมาก นายเองก็ไปเตรียมตัวให้พร้อม เราจะกลับไปหาเตี่ยที่กรุงเทพกัน”

            “ครับคุณอี้เฟย” เขายืนถือกล่องอะไรบางอย่างไว้ในมือ ผมขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย เหมือนอาหยางรู้ตัวเลยชูขึ้นมาให้ผมดู ยิ้มแหยๆ อีกด้วย

            “นั่นอะไรเหรอ” ผมมองหน้าเขายิ้มให้เล็กน้อย

            “คือ...ผมซื้อขนมมาฝากคุณอี้เฟยครับ ขนมเจ้านี้อร่อยมาก ลองชิมดูครับ” อาหยางยื่นถุงขนมมาให้ผม

            “ขอบคุณนะที่ดีกับฉันมาตลอด นายคือคนที่ฉันไว้ใจมากที่สุดในชีวิตแล้ว” ผมยิ้มให้ ยื่นมือไปรับมา

            “ผมจะจงรักภักดีกับคุณอี้เฟยไปตลอดชีวิตครับ”

            “ขอบคุณอีกครั้งนะที่คอยอยู่ข้างๆ ฉันมาตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา กลับกรุงเทพครั้งนี้คงจะเหนื่อยน่าดู ฉันคงไม่มีอะไรจะตอบแทนนอกจากความรักและความหวังดีเท่านั้นเอง”

            “แค่นั้นมันก็เพียงพอสำหรับคนอย่างผมแล้วครับ”

            “ถ้างั้นกลับไปพักผ่อนเถอะ ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก”

            “ครับคุณอี้เฟย” เขาโค้งคำนับให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

            หลังจากอาหยางออกไปแล้ว ผมก็วางถุงขนมไว้บนโต๊ะทำงาน หันกลับไปมองยังท้องฟ้าสีครามเช่นเดิม พรุ่งนี้แล้วสินะที่ผมจะได้กลับเมืองไทยเป็นครั้งแรก หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่เซี่ยงไฮ้เกือบจะห้าปีแล้ว

            ครั้งแรกที่ได้ก้าวเท้าลงเหยียบผืนแผ่นดินแดนมังกรแห่งนี้ ผมรู้สึกว่ากำลังได้เริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ เตี่ยพาผมเข้าไปทำความรู้จักกับลูกน้องในบริษัท และเรียนรู้งานในอาณาจักรธุรกิจมูลค่ามหาศาลของเตี่ย มีทั้งธุรกิจสีขาวและสีเทา

            เตี่ยเล่าให้ฟังว่าเคยมีลูกชายคนหนึ่ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม แถมใบหน้ายังละม้ายคล้ายผมราวกับคนเดียว แต่ทว่าเขาคนนั้นได้เสียชีวิตก่อนหน้าที่จะเจอผมหลายปีแล้ว เตี่ยเห็นผมครั้งแรกก็รู้สึกตกใจปนดีใจ ทำให้หวนคิดถึงลูกชายทันที และนั่นก็คือเหตุผลที่เตี่ยพาผมไปรักษาตัวที่บ้านแทนที่จะเป็นโรงพยาบาล และชื่ออี้เฟยคือชื่อของลูกชายของเตี่ยที่เสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง

            ผมใช้เวลาทั้งหมดฝึกฝนด้านต่างๆ ทั้งด้านบุ๋นและบู๊ ปรับบุคลิกภาพใหม่ให้ดูเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งขึ้น ทำให้ภาพลักษณ์ใหม่ของผมเป็นหนุ่มแบดบอยหน้าตี๋ที่มีความหล่อระดับเทพ วินคนเก่าที่เคยจืดชืดได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ผมฝึกยิงปืน เรียนทั้งอังกฤษและจีนกลางจนพูดได้ราวกับเจ้าของภาษา ทุกอย่างที่ทำนี้เพื่อให้เกิดความแตกต่างจากวินคนเดิม หากไปเผชิญหน้ากับคนที่เคยรู้จัก นั่นจะทำให้พวกเขาเชื่อว่าผมไม่ใช่วินคนนั้นจริงๆ ตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะกลับไปทำลายเขา และพาลูกชายกลับมาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง

            ช่วงเวลาที่อยู่เมืองจีนผมไม่เคยลืมเรื่องราวในอดีตเลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะสิ่งเหล่านั้นมันเป็นแรงกระตุ้นให้ผมต้องฝึกฝนตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อกลับไปทวงความยุติธรรมคืนให้กับตัวเองและยายจันทร์ ป่านนี้ตาหนูคงโตขึ้นมากแล้ว รู้สึกหวั่นใจว่าถ้าได้เจอหน้ากันอีกครั้งแกจะจำแม่คนนี้ได้ไหม และกลัวว่าแกจะถูกเลี้ยงให้เติบโตมาเป็นเด็กที่นิสัยไม่ดีเหมือนคนพวกนั้น ก็ได้แต่หวังว่าเลือดครึ่งหนึ่งของผมที่มีอยู่ในตัวตาหนู จะทำให้เขาเอาชนะความเลวร้ายพวกนั้นกลายเป็นเด็กที่ดีได้

*-*-*-*-*-*-*

            เวลาสี่ชั่วโมงกว่าที่ผมต้องนั่งอยู่บนเครื่องบิน ในที่สุดเครื่องก็แลนดิ้งลงบนผืนแผ่นดินไทย การกลับมาครั้งนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองคืออี้เฟย ลูกชายของคุณโจวนักธุรกิจพันล้านไม่ใช่วินคนเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยฝึกฝนในขณะอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ มันกำลังจะถูกนำมาใช้ในอีกไม่ช้า

            ก้าวแรกที่เหยียบย่างลงบนพื้น ผมรู้สึกได้ถึงชัยชนะที่จะเกิดขึ้นในเร็ววัน วินาทีนั้นผมยิ้มเหี้ยมเดินเชิดหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ ลุคใหม่ของผมทำเอาทั้งหนุ่มและสาวที่อยู่ในสนามบิน ต่างก็มองตาเป็นมันด้วยความสนใจ เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ที่รูปลักษณ์ใหม่นั้นชวนให้คนหลงใหลได้ไม่ยาก

            “เตี่ยครับ!” เมื่อเห็นเตี่ยยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ผมก็ตะโกนเรียก รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดทันที ผู้ชายคนนี้ดีกับผมมากเหลือเกิน จนชาตินี้ทั้งชาติคงไม่สามารถตอบแทนบุญคุณท่านได้หมด

            “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะไอ้ลูกชาย”

            “ครับเตี่ย ขอบคุณที่มารับผมด้วยตัวเองนะครับ” ตอนนี้น้ำตาผมเริ่มซึมออกมา จนต้องยกหลังมือขึ้นไปเกลี่ยมันออกจากขอบตา

            “กลับบ้านเรากันเถอะ อั๊วเตรียมของบางอย่างไว้รอต้อนรับ รับรองจะต้องถูกใจ”

            “อะไรน้าตื่นเต้นจังเลย”

            “ตื่นเต้นก็รีบกลับไปดูกัน..ป่ะ”

            หลังจากนั้นพวกเราก็นั่งรถลีมูซีนกลับไปที่บ้าน บ้านที่ผมเคยได้รับโอกาสจากเตี่ยเมื่อห้าปีก่อน และบ้านหลังนั้นจะเป็นฐานที่มั่นของผม ในการต่อสู้กับคนบ้านนั้นในอีกไม่ช้า

            เมื่อรถเคลื่อนล้อมาหยุดที่หน้าบ้าน ก็มีชายฉกรรจ์นับสิบมายืนรอรับ พวกเขาสวมชุดสูทสีดำท่าทางดูน่าเกรงขาม พวกเขาเหล่านั้นคือลูกน้องเตี่ย ที่คอยรับใช้มานานหลายปี แต่ละคนฝีมือเก่งกาจระดับพระกาฬทั้งนั้น ถูกฝึกฝนในทักษะการต่อสู้มาจากเมืองจีนอย่างเข้มข้น ก่อนจะถูกส่งตัวกลับมาที่นี่

            ลงจากรถแล้วเตี่ยก็หันมาเอ่ยกับผม

            “อั๊วจะพาไปดูอะไรบางอย่าง”

            “ครับเตี่ย”

            ว่าแล้วผมก็เดินตามหลังเตี่ยด้วยความตื่นเต้น เตี่ยมักมีเรื่องอย่างนี้ให้ผมประหลาดใจอยู่บ่อยครั้ง เตี่ยพาผมเดินมาที่โรงรถ นั่นทำให้ผมเดาว่าสิ่งที่เตี่ยจะมอบให้คงต้องเป็นรถอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเป็นคนไหนกันแน่ เพราะรถที่จอดอยู่นั้นมีมากถึงสิบคัน

            “อย่าบอกนะว่าเตี่ยซื้อรถให้ผม”

            “ถูกต้อง กลับมาเมืองไทยทั้งทีลูกชายอั๊วต้องมีหน้ามีตาในสังคมไฮโซ คนจะต้องนับหน้าถือตาอี้เฟยคนนี้ นอกจากเงินทองและทรัพย์สินจะเป็นเครื่องประดับบารมีแล้ว รถก็เป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกว่าเราไม่ใช่คนธรรมดา นี่คือรถที่เตี่ยตั้งใจซื้อให้เพื่อต้อนรับกลับบ้าน” ว่าแล้วเตี่ยก็เปิดผ้าคลุมรถออก เผยให้เห็นรถซูปเปอร์คาร์สีบรอนซ์เงิน ราคาหลายสิบล้าน ผมยิ้มให้เตี่ยก่อนจะโผเข้ากอดขอบคุณ

            “ขอบคุณเตี่ยมากๆ นะครับ ขอบคุณจริงๆ”

            “จะลองเข้าไปนั่งดูก่อนไหมแล้วค่อยเข้าไปในบ้าน”

            “ได้เลยครับเตี่ย”

            ว่าแล้วผมก็รีบเดินเข้าไปข้างตัวรถ เอื้อมมือไปสัมผัสลูบไล้อย่างเบามือ ชมความงดงามของรถคู่ใจคันใหม่ของผม จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไปนั่ง กวาดตามองดูไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้นดีใจ มันช่างดูหรูหราสมราคาเสียจริง

            ออกมาจากรถแล้วพวกผมก็เดินเข้าไปในบ้าน เพื่อร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยกันถึงเรื่องงานที่ต้องรับผิดชอบที่เมืองไทย และที่สำคัญคือเรื่องที่จะหาทางแก้แค้นพี่ธีคืนให้อย่างสาสม

            บนโต๊ะหรูที่ทำมาจากไม้สัก มีจานอาหารระดับภัตตาคารวางเรียงรายอยู่ เมนูแต่ละอย่างน่ารับประทานทั้งนั้น เตี่ยรู้ว่าผมไม่ค่อยได้ทานอาหารไทย วันนี้จึงจัดแต่เมนูอาหารไทยให้เกือบทั้งนั้น พวกเราสามคนนั่งรับประทานอาหารอยู่บนโต๊ะอย่างพร้อมหน้า ในระหว่างนั้นก็สนทนาพูดคุยกันอย่างสนุกสนานไปด้วย

            “ขอบใจมากนะอาหยางที่ดูแลลูกชายอั๊วมาตลอด” เตี่ยเอ่ยกับอาหยางที่นั่งอยู่ข้างผม

            “ไม่เป็นไรครับท่านประธาน ผมยินดีรับใช้คุณอี้เฟยจนกว่าชีวิตจะหาไม่ครับ”

            “ขอบใจมาก ลื้อคือคนที่อั๊วไว้ใจมากที่สุด อั๊วเชื่อว่าลื้อจะไม่ทำให้อั๊วผิดหวัง จงช่วยเหลืออี้เฟยให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี จบงานแล้วอั๊วจะมีสิ่งตอบแทนให้แน่นอน”

            “ผมไม่ต้องการอะไรเป็นสิ่งตอบแทนครับ ผมขอแค่ได้ดูแลคุณอี้เฟยกับท่านประธานอย่างนี้ตลอดไปก็พอแล้วครับ” ผมเห็นแววตาที่มุ่งมั่นจริงใจของอาหยางก็รู้สึกซาบซึ้งใจ น้อยคนนักที่จงรักภักดีกับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่อย่างนี้ ผมนับถือน้ำใจเขาจริงๆ

            “ขอบคุณนายมากนะ” ผมยิ้มให้ เอื้อมไปกุมมือของอาหยางบีบเบาๆ สื่อว่าขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา

            “ผมยินดีครับ” อาหยางยิ้มตอบ ยิ่งเขายิ้มอย่างนี้ความหล่อยิ่งเพิ่มทวีคูณ ผมเชื่อว่าอาหยางจะต้องเจอใครสักคนที่ถูกใจในเร็ววันอย่างแน่นอน

            “เตี่ยครับแล้วเรื่องแก้แค้นของผมล่ะครับ เตี่ยว่าเราควรจะเริ่มยังไงดี” ผมเปลี่ยนประเด็นเข้าเรื่องที่อยู่ในหัวทันที ใจจริงผมอยากจะเริ่มต้นการแก้แค้นตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบผืนแผ่นดินไทยซะด้วยซ้ำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับเตี่ย เพราะเตี่ยได้เตรียมวางแผนหาข้อมูลอะไรไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว

            “ใจเย็นๆ ไอ้ลูกชาย รับรองว่าลื้อได้แก้แค้นผู้ชายคนนั้นสมใจอยากแน่ แต่เราต้องวางแผนเรื่องนี้ให้ดี จะได้ไม่มีข้อผิดพลาด อั๊วเชื่อว่าตอนนี้ลื้อพร้อมทั้งกายและใจแล้ว”

            “ครับเตี่ย ผมพร้อมมาก ผมอยากเจอหน้าลูกชายเต็มทนแล้ว”

            “อั๊วมีเรื่องจะบอกให้ลื้อรู้ก่อนที่จะเข้าไปเจอเขา”

            “เรื่องอะไรครับเตี่ย”

            “ตอนนี้นายธีภพแต่งงานแล้ว กับลูกสาวหนึ่งในหุ้นส่วนของโรงแรมที่บริหารงานอยู่”

            แม้ว่าผมจะโกรธแค้นเขามากเพียงใด แต่ทำไมเมื่อได้รู้ว่าพี่ธีแต่งงานแล้ว หัวใจผมมันกลับรู้สึกเจ็บแปลบๆ ไม่นะ! ผมจะต้องไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น มันจะต้องมีเพียงความแค้นในใจผม คิดได้อย่างนั้นผมจึงยิ้มให้กับเตี่ย แล้วถามอะไรบางอย่างต่อไป

            “แล้วเขามีลูกด้วยหรือเปล่าครับเตี่ย”

            “ยังไม่มี รู้สึกว่าเมียของนายธีภพจะรักสวยรักงามมากจนไม่อยากมีลูก และที่สำคัญเธอคนนั้นเป็นลูกค้าประจำที่บ่อนของเราอีกด้วย” เตี่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ผมรู้ทันทีว่าตอนนี้เตี่ยกำลังคิดอะไร

            “ถ้าอย่างนั้นผมต้องเข้าไปดูแลบ่อนซะหน่อยเผื่อจะได้เจอเมียของศัตรูผม เผื่อว่าเธอจะมีประโยชน์อะไรบ้าง”

            “นั่นคือสิ่งที่อั๊วคิดเอาไว้ เธอคนนี้ล่ะจะเป็นคนที่เปิดประตูให้ลื้อได้เข้าไปในบ้านหลังนั้น”

            “ผมอยากจะเห็นสีหน้าคนบ้านนั้นจัง ว่าถ้าเห็นผมแล้วจะเป็นยังไง วินคนนั้นที่พวกเขาเคยข่มเหงรังแก มีใบหน้าเหมือนคุณอี้เฟย ทายาทนักธุรกิจพันล้านอย่างกับแกะ คิดแล้วก็น่าสนุกดีนะครับเตี่ย” แววตาที่เคยอ่อนหวานของผม ตอนนี้กลับกลายเป็นแววตาที่กระหายสงครามและชัยชนะไปเสียแล้ว ผมอยากเข้าไปในบ้านหลังนั้นให้เร็วที่สุด อยากไปเจอหน้าลูกชายที่ผมคิดถึงมาตลอด

            “เรื่องลูก ถ้าลื้ออยากเจอหน้าให้หายคิดถึงอั๊วพอมีวิธี”

            ได้ยินอย่างนั้นผมก็รีบวางช้อนลงบนจานจนเกิดเสียง มองหน้าเตี่ยด้วยรอยยิ้ม ผมกำลังจะได้เจอตาหนูอย่างนั้นเหรอ ห้าปีแล้วสินะ ตาหนูโตขึ้นแล้วจะเป็นอย่างไรบ้างผมอยากรู้เหลือเกิน

            “ยังไงครับเตี่ย!”

            “ตอนนี้ตาหนูเข้าเรียนชั้นอนุบาลที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ถ้าลื้ออยากเจอต้องไปช่วงเวลาเลิกเรียน ช่วงนั้นเด็กๆ จะออกมารอผู้ปกครองมารับ” เตี่ยแนะนำผม

            “ครับเตี่ยถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะไปที่โรงเรียน ผมอยากเห็นหน้าลูกจะแย่แล้ว”

วันพรุ่งนี้แล้วสินะที่ผมจะได้เจอหน้าตาหนู รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ

*-*-*-*-*-*-*

            วันต่อมาอาหยางเป็นสารถี ขับรถพาผมมาหน้าโรงเรียนที่ตาหนูเรียนอยู่ ภายในรั้วโรงเรียนเอกชนแห่งนี้ มีแต่อาคารเรียนที่หรูหรา นั่นทำให้ค่าเทอมแพงหูฉี่ เด็กที่นี่ล้วนแต่เป็นลูกหลานของเศรษฐี เห็นอย่างนี้ผมก็อุ่นใจ ที่อย่างน้อยเขาก็ส่งเสียให้ตาหนูได้เรียนโรงเรียนดีๆ

            “คุณอี้เฟยจะลงไปดูใกล้ๆ ไหมครับ” อาหยางที่นั่งคุมพวงมาลัยอยู่เบาะคนขับเอ่ยถาม

            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันนั่งรอในนี้ก่อนดีกว่า” ผมตอบขณะจ้องมองที่หน้าประตูรั้วโรงเรียนอย่างไม่วางตา ตอนนี้เด็กๆ กำลังทยอยเดินออกมา โดยมีคุณครูยืนรอส่งนักเรียนอยู่สามคน

            ผมเฝ้าจับตามองดูเด็กทุกคนที่เดินออกมาอย่างไม่คลาดสายตา ในที่สุดผมก็เห็นเด็กชายหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวพรรณขาวสะอาด ไว้ผมรองทรงต่ำ สะพายกระเป๋าใบเล็กนักเรียนเดินยิ้มออกมากับเพื่อน แม้ว่าตาหนูจะโตขึ้นมาก แต่ผมก็ยังจำโครงหน้าหน้าแกได้ดี แววตาคู่นั้น รอยยิ้มนั้น ผมไม่เคยลืมเลือนไปจากใจ

            “ตาหนูของแม่ ฮึก” เมื่อเห็นหน้าลูกชายเป็นครั้งแรกในรอบห้าปี ผมจึงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ยิ่งเห็นความน่ารักของแก ยิ่งทำให้น้ำตาผมไหลลงมาไม่ขาดสาย

            ในระหว่างนั้นผู้ชายที่ผมเกลียดมากที่สุดก็ปรากฏตัว เขาเปิดประตูรถลงมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่งตัวเปรี้ยวฉ่าดูเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ หน้าตาสะสวย แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากภรรยาของพี่ธี

            เมื่อตาหนูเห็นทั้งสองคนมารับ ก็รีบวิ่งเข้าไปกอดพี่ธี ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็ดูยิ้มแย้มท่าทางจะรักตาหนูดี ทำไมผมเห็นภาพนั้นแล้วถึงได้รู้สึกอิจฉา ทั้งอิจฉาและเกลียดไปพร้อมๆ กัน ผมเกลียดที่เขาให้ผู้หญิงคนอื่นมาเป็นแม่แทนผม ทั้งที่ตรงนั้นมันควรจะเป็นผมไม่ใช่คนอื่น

            “กลับเลยไหมครับ” อาหยางมองผมผ่านทางกระจกหน้า เขาคงเห็นสีหน้าผมไม่ค่อยดีนักจึงเอ่ยถาม

            “ยัง...พาฉันไปที่ที่หนึ่งก่อน”

            “ที่ไหนครับคุณอี้เฟย”

            “บ้านเก่าฉันเอง”

            ผมบอกเส้นทางให้อาหยางขับรถไปยังบ้านของยายจันทร์ บ้านที่เคยให้ที่ซุกหัวนอน บ้านที่เคยให้ความรักและความอบอุ่นผมมาเป็นเวลานานนับปี บ้านที่ผมเรียกได้เต็มปากว่ามันคือบ้านที่แท้จริง

            เมื่อรถมาจอดเทียบถนนหน้าบ้านแล้ว ผมก็เปิดประตูก้าวขาลงไปเหยียบบนผืนแผ่นดินที่เป็นสมบัติของยายจันทร์ บ้านไม้ชั้นเดียวที่เคยมีชีวิตชีวา ตอนนี้โทรมไปมาก มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นปกคลุมเกือบทั่วทั้งหลัง ลานหน้าบ้านพื้นที่เล็กๆ เคยเป็นที่จอดรถเข็นขายข้าวแกง ตอนนี้เต็มไปด้วยหญ้ารกชัฏ เห็นแล้วน้ำตาผมก็ไหลลงมา ผมคิดถึงยายจันทร์เหลือเกิน ป่านนี้ยายคงจะมองดูผมจากบนสวรรค์อยู่แน่นอน คิดแล้วจึงเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่สดใส ส่งยิ้มให้ยายจันทร์ ให้รู้ว่าตอนนี้ผมกลับมาหายายแล้ว

            “จะเข้าไปข้างในไหมครับคุณอี้เฟย” อาหยางถามผม หลังจากยืนเงียบอย่างนั้นได้สักพัก

            “นายรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปข้างใน”

            “แต่ผมเกรงว่ามันจะไม่ปลอดภัย ให้ผมเข้าไปด้วยเถอะนะครับ”

            “ไม่เป็นไรหรอก ที่นี่คือบ้านของฉัน ไม่มีอะไรอันตรายหรอก” ผมยิ้มให้อาหยาง ก่อนจะหันกลับไปมองประตูหน้าบ้าน แล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน

            เมื่อเดินเข้าไปผมแทบจำสภาพเดิมไม่ได้ ข้างในเต็มไปด้วยหยากไย่ พื้นไม้ที่เคยแข็งแน่นตอนนี้กลับผุพัง บางจุดแตกเป็นโพรงลงไปจนเห็นพื้นดิน แถมมีหญ้าขึ้นแซมไปทั่ว เครื่องครัวที่เคยใช้ขายข้าวแกงหล่นกระจุยกระจายไปทั่ว ดูแล้วน่าจะเป็นฝีมือวัยรุ่นแถวนี้ ที่เข้ามาใช้พื้นที่ในการมั่วสุมยาเสพติด เพราะมีเศษก้นบุหรี่ถูกทิ้งเกลื่อนไปทั่ว แถมยังมีอุปกรณ์สำหรับเสพยาถูกทิ้งไว้อีกด้วย เห็นสภาพบ้านแล้วทำเอาผมแทบจะรับไม่ได้

            เดินไปตรงยังเตียงนอนที่ยายจันทร์เคยใช้เป็นที่พักผ่อนกายา ก็เจอเสื้อตัวเก่งของยายถูกวางทิ้งอยู่บนพื้น มันถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ ผมปัดฝุ่นออกเบาๆ แล้วหยิบมันขึ้นมาถือไว้

            “ยายจ๋า ผมจะเอาตัวคนที่มันฆ่ายายมาเข้าคุกให้ได้ ผมสัญญา”

            หลังจากนั้นก็เดินไปศาลาริมน้ำ ตอนนี้ไม่สามารถนั่งชมบรรยากาศริมคลองได้เหมือนมัน เพราะมีหญ้าขึ้นปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ผมจึงเดินกลับออกมาด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก อาหยางเห็นอย่างนั้นก็มองด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเอ่ยปากถามผมทันที

            “คุณอี้เฟยเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

            “ฉันไม่เป็นไร เรากลับบ้านกันเถอะ”

            “ครับ”

            ว่าแล้วอาหยางก็เปิดประตูรถให้ ผมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถด้วยอาการเหม่อลอย ผมขอเป็นคนอ่อนแอแค่วันเดียว เพราะจากนี้ไปการแก้แค้นมันจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 30-08-2018 21:34:04
 :monkeysad: เศร้านัก ต้องเอาคืนให้หนัก
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-08-2018 23:20:34
ขออย่าง อย่าให้ไอ้คนนั้นเป็นพระเอกเลย
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-08-2018 23:41:52
จัดให้หนักเลย ให้สาสม
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-08-2018 01:38:00
ได้เวลาเอาคืนแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-08-2018 01:54:32
ขอแบบสาสมเลยนะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-08-2018 02:15:06
 :katai2-1:


เริ่มมม
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-08-2018 04:41:39
ถ้าจะแก้แค้นจัดหนักไปเลย หนับหนุน กลัวแต่เด็กน้อยนี่ซิ นังธีมันจะฝังอะไรร้าย ๆ เกี่ยวกับธีไว้ในสมองเด็กน้อยบ้างหรือไม่นะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 31-08-2018 05:40:51
แก้แค้นให้สาสม
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Hibird1827 ที่ 31-08-2018 22:11:36
น่าติดตามมาก ๆ อยากอ่านต่อแล้ว :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.7 หวนคืน l Up:30-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 31-08-2018 23:01:10
สงสารวิน โดนพรากลูกไปห้าปีแล้ว ต้องเอาคืนอย่างสาสมนะ
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.8 ก้าวแรก l Up:03-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 03-09-2018 21:10:13
​บทที่ 8

ก้าวแรก



          ตอนนี้ผมกำลังเข้าไปที่บ่อนเป็นวันแรกในฐานะผู้บริหารคนใหม่ โดยมีอาหยางเป็นสารถีขับรถให้เหมือนเดิมทุกครั้ง ส่วนรถที่เตี่ยซื้อให้ผมอยากจะรอประเดิมขับเข้าไปเหยียบในบ้านหลังนั้นเป็นครั้งแรก เป็นการตอกย้ำว่าผมไม่ใช่วินคนนั้นที่เคยเป็นเด็กกำพร้า เป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่ไป ไม่ใช่วินคนเดิมที่พวกเขาเคยรู้จัก

          ระหว่างทางผมเอาแต่นึกถึง วันที่ธุรกิจของครอบครัวนั้นตกเป็นของผม ผมจะทำให้พวกเขาจะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ขณะทอดสายตามองสองข้างทางไปเรื่อยเปื่อย อีกเพียงห้าร้อยเมตรก็จะถึงบ่อนแล้ว แต่ทว่ากลับเจอคนถูกทำร้ายอยู่ข้างทาง ผมจึงสั่งให้อาหยางหยุดรถเพื่อไปช่วยผู้หญิงคนนั้น

            “อาหยางลงไปช่วยผู้หญิงคนนั้นที”

            “ครับคุณอี้เฟย”

            อาหยางจอดรถทันควันก่อนจะลงไปช่วยหญิงวัยเกือบห้าสิบ ที่กำลังโดยชายวัยรุ่นเหมือนพยายามแย่งอะไรบางอย่างจากเธอไป ผมเห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ เพราะนึกถึงสภาพตัวเองตอนที่เคยเร่ร่อนอยู่ข้างถนน

            เมื่ออาหยางจัดการกับชายวัยรุ่นคนนั้นจนวิ่งหนีหางจุกตูด ผมจึงลงจากรถไปถามไถ่อาการของเธอ ว่าเหตุใดถึงได้มาอยู่ข้างถนนในสภาพมอมแมมอย่างนี้

            “เป็นยังไงบ้างครับป้า”

            “ป้าไม่เป็นไร ขอบใจพ่อหนุ่มสองคนมากนะ ถ้าไม่ได้พวกคุณป้าคงจะโดนขโมยของไปแล้ว” ป้าคนนั้นกำที่นิ้วมือเอาไว้ ผมเดาว่าน่าจะเป็นแหวน คงจะเป็นของที่สำคัญสำหรับป้ามาก

            “บ้านป้าอยู่ไหนครับเดี๋ยวพวกผมจะไปส่ง”

            “ป้าไม่มีบ้านหรอกจ้ะ ป้าเป็นคนเร่ร่อน หากินตามถนนไปเรื่อย” ป้าก้มหน้าพูด ไม่กล้าสบตาผมกับอาหยางเลย สงสัยคงจะเคยโดนคนทำร้ายมาบ่อยๆ จนกลายเป็นโรคกลัวคนไปเสียแล้ว ยิ่งเห็นอย่างนี้ยิ่งน่าสงสาร

            “ป้าไปทำงานกับผมไหมล่ะครับ ผมมีที่พักและงานให้ทำด้วย มีรายได้ป้าจะได้ไม่ต้องลำบากไงครับ” ผมส่งยิ้มให้ป้า

            “ไม่เป็นไรจ้ะป้าอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว” ป้าปฏิเสธผม ก่อนจะพยายามเดินหนีไป แต่ผมไม่ยอมหรอกยังไงก็จะทำให้ชีวิตผู้หญิงคนนี้ดีขึ้นให้ได้ ผมอยากให้โอกาสเธอเหมือนที่ยายจันทร์เคยให้ผมมาแล้ว

            “ป้าครับไปทำงานกับผมเถอะนะ ผมรับรองว่าจะไม่ให้ใครทำร้ายป้าได้เด็ดขาด ผมสัญญานะครับ” พอได้ยินอย่างนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็หยุดชะงัก แล้วหันมามองหน้าผมด้วยแววตาเศร้า เธอคนนั้นมองผมอย่างมีความหวัง ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมา

            “คุณจะไม่ให้ใครมาทำร้ายป้าจริงๆ นะ ฮึก”

            “ครับป้าผมสัญญา”

            ได้ยินอย่างนั้นป้าจึงยอมเดินเข้ามาหาผม ก่อนจะยกมือไหว้ “ขอบคุณนะจ๊ะพ่อหนุ่ม”  ผมรีบจับมือเธอเอาไว้ เพราะกลัวว่าจะอายุสั้น

            “ป้าอย่าไหว้ผมเลยนะครับ ถ้างั้นขึ้นรถไปพร้อมกับผม ผมจะพาป้าไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ว่าแต่ป้าชื่ออะไรครับ”

            “ป้าชื่อกิ่งจ้ะ”

            “ผมอี้เฟยนะครับ ส่วนนั่นชื่ออาหยาง”

            “ค่ะคุณอี้เฟย คุณอาหยาง”

            “ถ้างั้นเราไปกันเถอะ” ผมจะพาป้าไปนั่งเบาะหลังด้วย แต่อาหยางเอ่ยห้ามเอาไว้เสียก่อน

            “คุณอี้เฟยครับ ให้ป้ามานั่งข้างหน้ากับผมดีกว่า” อาหยางเอ่ย

            “ไม่เป็นไรหรอกอาหยาง”

            หลังจากนั้นพวกผมก็ขึ้นรถ เพื่อเดินทางเข้าไปยังบ่อน

            ตอนนี้ผมเข้ามาถึงห้องทำงานของเตี่ยแล้ว ซึ่งต่อจากนี้ไปมันจะเป็นที่ทำงานของผม เพราะผมจะต้องมาประจำที่นี่ เพื่อจะได้มีเวลาทำความรู้จักกับเมียของพี่ธี

            หลังจากแนะนำตัวกับพนักงานทุกคนในฐานะผู้บริหารคนใหม่แล้ว ผมก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ จะเหลือก็แต่ผู้จัดการบ่อนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เพราะต้องการให้เขาจัดการหาที่หลับที่นอนให้กับป้ากิ่ง

            “คุณโอภาสนี่ป้ากิ่ง ผมจะรับเธอมาเป็นแม่บ้านที่นี่ รบกวนคุณโอกาสจัดหาห้องว่างในบ้านพักพนักงานให้ป้าด้วยนะครับ” ผมจัดแจงงานให้คุณโอภาสทำ

            “ได้ครับคุณอี้เฟย ผมจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด”

            “ป้ากิ่งนี่คุณโอภาสนะ ต่อไปนี้เขาจะเป็นหัวหน้างานป้า มีอะไรขาดเหลือก็แจ้งคุณโอภาสได้”

            “สวัสดีค่ะ” ป้ากิ่งยกมือไหว้ทันที

            “สวัสดีครับป้า ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ” คุณโอภาสยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง

            “ถ้าอย่างนั้นคุณโอภาสพาป้าไปพักก่อนเถอะครับ ผมฝากจัดหาเสื้อผ้าเครื่องใช้ให้เธอด้วยละกัน ค่าใช้จ่ายมาเบิกที่ผม พรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานวันนี้ให้ป้าไปพักก่อน”

            “ครับคุณอี้เฟย”

            “ป้าไปก่อนนะคะคุณอี้เฟย ป้าจะไม่มีวันลืมบุญคุณคุณเลยค่ะ” ป้าซึ้งกับน้ำใจของผมจนน้ำตาไหล ทำไมผมถึงได้แพ้น้ำตาของผู้หญิงคนนี้มากเหลือเกิน รู้สึกจะร้องตามไปด้วยซะงั้น

            “ป้าอย่าร้องเลยนะครับ ผมเคยอยู่ในสถานการณ์แบบป้ามาก่อน ผมรู้ดีว่ามันรู้สึกยังไง ป้าไปพักผ่อนให้สบายตัวก่อนเถอะครับ”

            “ค่ะ” ป้ายกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาบนแก้มออก ก่อนจะเดินตามหลังคุณโอภาสไป

            เมื่ออยู่กันเพียงลำพังแล้ว อาหยางก็หันมาเอ่ยกับผมทันที

            “คุณอี้เฟยเป็นคนใจดีมากเลยนะครับ ถ้าผมจะมีแฟนสักคนต้องหาให้ได้อย่างคุณอี้เฟยนี่ล่ะครับ”

            “อาหยางก็ชมฉันเกินไปแล้ว ฉันเคยลำบากมาก่อน พอมีโอกาสก็อยากช่วยเหลือคนอื่นบ้างเท่านั้นเอง ส่วนใครที่เคยทำอะไรกับฉันไว้ ฉันก็จะเอาคืนให้สาสมเช่นเดียวกันนั่นล่ะ”

            “จะเริ่มวันนี้เลยไหมครับ”

            “แน่นอน ยิ่งเร็วยิ่งดี”

            “ถ้าอย่างนั้นผมจะออกไปดูว่าเธอคนนั้นมาหรือยัง”

            “เดี๋ยวก่อนอาหยาง”

            เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากผม อาหยางก็หยุดชะงัก หันกลับมามองหน้า เลิกคิ้วเชิงตั้งคำถาม

            “อะไรครับ”

            “ถ้าฉันอยากจะให้นายช่วยอะไรสักอย่าง นายพอจะทำได้ไหม” ใจจริงผมเองก็ไม่อยากจะทำอย่างนี้ แต่เพื่อเอาคืนเขาให้เจ็บแสบผมจำเป็นจะต้องทำมัน นั่นคือการเป็นชู้กับเมียพี่ธี ผมจะทำให้เขาเจ็วปวดที่สุด แต่ผมคงไม่ลดตัวไปเกลือกกลั้วกับคนพวกนั้นอย่างแน่นอน

            “ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณอี้เฟยครับ”

            “ฉันตั้งใจว่าจะแก้เผ็ดผู้ชายคนนั้นด้วยการเป็นชู้กับเมียเขา”

            “วะ...ว่าไงนะครับ เป็นชู้งั้นเหรอ” ดูท่าทางอาหยางคงจะตกใจมาก ถึงได้ขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่น่าเชื่อ

            “ใช่! สิ่งเดียวที่จะทำให้เขาเจ็บปวดได้ก็คือเรื่องนี้ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก คงต้องอีกสักพักก่อน รอให้ได้ทำความรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นก่อน”

            “แล้วที่ว่าจะให้ผมช่วยล่ะครับ”

            “ฉันจะให้นายช่วยมีอะไรกับเธอแทนฉันได้ไหม เพราะฉันไม่อยากจะไปเกลือกกลั้วกับคนพวกนั้นอีกแล้ว ฉันว่านายคงจะชอบเธออยู่ไม่น้อย ดูจากรูปร่างหน้าตาเธอก็สวยใช่ย่อย” ผมมั่นใจว่าคนอย่างอาหยางคงไม่คิดอะไรมากกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ผู้ชายแมนๆ อย่างเขามีผู้หญิงมาประเคนให้อยู่ตรงหน้า มีหรือจะปล่อยให้ลอยนวล ผมจะหาวิธีทำเรื่องนี้ให้แยบยลที่สุดแน่นอน

            “เธอสวยมากครับ และผมก็เต็มใจที่จะมีอะไรกับเธอแทนคุณอี้เฟยได้ทุกครั้ง แต่ความสวยของผู้หญิงคนนั้น มันเทียบไม่ได้กับความดีของคนที่อยู่ในใจผมหรอกครับ” ผมเพิ่งรู้ว่าอาหยางมีคนที่อยู่ในใจแล้ว ใครกันนะที่เป็นผู้หญิงโชคดีคนนั้น

            “ขอบใจนะ ว่าแต่ผู้หญิงที่อยู่ในใจนายคือใครกัน ฉันรู้จักหรือเปล่า”

            “เอ่อ...คุณอี้เฟยรู้จักครับ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่เมืองไทยหรอก” เขาเอ่ยแต่ไม่กล้าสบตาผม สงสัยคงจะอายมากสินะ

            “แสดงว่าไปพบรักกันที่เมืองจีนสินะ ฉันรู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้นจังที่ได้คนดีๆ อย่างนายมาเป็นคนรัก” ผมยิ้มให้อาหยางด้วยความยินดี

            “จริงๆ แล้วผมกับเธอคนนั้นยังไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกครับ ผมแค่แอบชอบเธอเท่านั้นเอง” แววตาของอาหยางเริ่มเศร้า เมื่อเอ่ยประโยคนั้นจบลงไป

            “อ้าว! ทำไมล่ะอาหยาง ทำไมนายไม่บอกกับเธอไป ฉันเชื่อว่าถ้าเธอคนนั้นรู้ว่านายแอบชอบ เธอคงจะตอบรับโดยเร็วแน่นอน”

            “มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นน่ะสิครับ เพราะเธออยู่สูงเกินกว่าที่ผมจะเอื้อมถึง”

            “เอาน่า อย่าคิดมากเลย ถ้าจบงานนี้แล้วฉันสัญญาว่าจะพาเธอกลับไปเมืองจีน ไปสารภาพรักกับเธอคนนั้นด้วยตัวเอง” ผมเดินเข้าไปยืนตรงหน้าอาหยาง เอื้อมมือไปวางบนบ่าหนา บีบเบาๆ ให้กำลังใจ ส่งยิ้มให้เขาอยู่ตลอดเวลา

            “ขอบคุณครับคุณอี้เฟย เขาเริ่มยิ้มออก

            ผมนั่งอ่านเอกสารเพื่อศึกษางานอยู่ในห้อง ส่วนอาหยางก็ออกไปดูแลความเรียบร้อยข้างนอก บ่อนของเตี่ยมีระบบความปลอยภัยที่แน่นหนามาก แม้ว่าจะมีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ให้ความคุ้มครองดูแลอยู่ เพื่อแลกกับเม็ดเงินจำนวนมากต่อเดือน แต่ถึงกระนั้นเตี่ยก็ยังไม่ไว้ใจใคร

            ลูกค้าที่นี่ส่วนมากจะเป็นเศรษฐี นักธุรกิจและข้าราชการระดับสูง ที่ชื่นชอบการเสี่ยงดวงเป็นชีวิตจิตใจ บางคนก็มาเพื่อคลายเหงาเท่านั้นเอง เม็ดเงินสะพัดในแต่ละวันไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาทเลยทีเดียว นั่นเป็นที่มาของรายได้มหาศาลของเตี่ย

            “คุณอี้เฟยครับ”

            เมื่อได้ยินเสียงอาหยางเอ่ยเรียก ผมจึงเงยขึ้นมามองหน้า ส่งยิ้มให้ “ว่าไงอาหยาง”

            “ตอนนี้เป้าหมายของเรามาถึงแล้วครับ”

            “ดีเลย ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

            “ตอนนี้เธอกำลังนั่งดื่มอยู่ เป็นช่วงเวลาเหมาะที่คุณอี้เฟยจะเข้าไปทำความรู้จักกับเธอ”

            “ไปกันเถอะ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินนำหน้าไปอย่างอารมณ์ดี

            เดินมาถึงโซนเครื่องดื่ม ผมก็เจอเธอคนนั้นที่เคยเห็นเมื่อครั้งไปหาตาหนูที่หน้าโรงเรียน ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ยิ่งรู้ว่าเธอสวยมาก ช่างเหมาะสมกับพี่ธีเหลือเกิน แต่ผมจะเป็นคนทำให้ความรักของพี่ธีต้องย่อยยับลงในพริบตา แต่ต้องหลังจากผมได้ครอบครองธุรกิจของบ้านหลังนั้นเสียก่อน ผมจะทำทุกวิธีเพื่อทำให้พวกเขาเหลือเพียงแต่ตัว ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนเหมือนอย่างที่ผมเคยเป็น

            “สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหม” ผมยืนผงกศีรษะให้เธอเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย

            “สวัสดีค่ะ ฉันจำได้ว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน” เจ้าหล่อนว่าแล้วก็ยกแก้วไวน์ที่อยู่ในมือเรียวขึ้นมาจิบเล็กน้อย ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะกระจกตรงหน้า

            “ใช่ครับ เราอาจจะไม่เคยรู้จักกัน แต่จากนี้ไปคุณอาจจะต้องเจอผมบ่อยๆ แน่นอน เพราะผมคือลูกชายเจ้าของบ่อนแห่งนี้ และจากวันนี้เป็นต้นไปผมจะมาบริหารงานแทนเตี่ยครับ เลยอยากจะทำความรู้จักกับลูกค้าวีไอพีเอาไว้”

            “อ้อ...ลูกชายของคุณโจวนี่เอง เชิญนั่งค่ะ” เมื่อเธอรู้ว่าผมคือลูกชายของเตี่ย ท่าทีของเจ้าหล่อนก็เปลี่ยนไป ดูยิ้มแย้มและเป็นมิตรกว่าเมื่อครู่

            “ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ ผมอี้เฟย” ผมยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อรอรับมิตรไมตรีจากเธอ

            “ฉันอรจิราหรือเรียกว่าอรเฉยๆ ก็ได้ค่ะ” เธอยื่นมือมาจับ ก่อนที่ผมจะโน้มศีรษะลงไปจุมพิตที่หลังมือของเธออย่างนุ่มนวล ก่อนจะเงยขึ้นไปจ้องมองใบหน้าสวย ให้เธอรู้ตัวว่าผมกำลังสนใจอยู่ไม่น้อย

            “ท่าทางคุณอี้เฟยจะไม่ธรรมดานะคะ มาวันแรกก็ทำรุ่มร่ามกับฉันซะแล้ว” แทนที่อรจิราจะโกรธผม แต่เธอกลับยิ้มมุมปากราวกับพอใจซะเหลือเกิน

            “ผมเป็นคนตรงๆ ครับถ้าเจอผู้หญิงถูกใจ ก็จะแสดงออกให้เธอรู้ตัว” ผมยังคงส่งสายตาเจ้าชู้ยักษ์ให้เธออยู่ตลอดเวลา

            “งานนี้คุณต้องผิดหวังซะแล้วล่ะค่ะ เพราะฉันแต่งงานแล้ว ไม่ได้เป็นสาวโสดอย่างที่คุณเข้าใจ”

            “เรื่องนั้นผมไม่สนครับ ผมสนแค่ว่าเธอคนนั้นจะยินดีให้โอกาสผมไหม”

            เจ้าหล่อนยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น นี่เหรอผู้หญิงที่พี่ธีเลือกมาเป็นภรรยาและเป็นแม่เลี้ยงของตาหนู ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยสักนิด

            “ถ้าอย่างนั้นเราก็คุยกันได้ ฉันเองก็ไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ผู้ชายคนไหนให้ความสุขกับฉันได้ฉันก็พร้อมที่จะเปิดใจให้เขาเหมือนกันค่ะ” ว่าแล้วอรจิราก็ยกมือมาวางไว้บนหน้าขาผม ลูบไล้เบาๆ ผู้หญิงคนนี้คงจะสวมเขาให้พี่ธีมานักต่อนักแล้วสินะ ความสวยระดับนี้คงจะมีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามารุมจีบเป็นแน่ คิดแล้วก็สมน้ำหน้า

            “แล้วอย่างนี้สามีคุณจะไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ”

            “สามีฉันโง่จะตาย วันๆ เอาแต่ประคบประหงมลูกชายขี้โรค นอกจากนั้นก็ทำงานน่าเบื่อจะตายชัก เขาไม่มีเวลามาสนใจฉันหรอก” เมื่อเอ่ยถึงสามี เธอก็ทำหน้าตาเบื่อหน่ายขั้นสุด

            ผมรู้สึกขัดใจที่เธอบอกว่าพี่ธีโง่ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างพี่ธีจะโง่จนไม่รู้ว่าภรรยาตัวเองเป็นคนอย่างไร ทำไมตอนอยู่กับผมถึงได้ดูฉลาดและเจ้าเล่ห์มากเหลือเกิน อย่างนี้สินะที่เขาบอกว่าถึงผู้ชายจะเก่งกล้ามากแค่ไหนก็ต้องตายเพราะผู้หญิง

            “คุณพูดราวกับว่าเด็กไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณ” ผมแกล้งถาม

            “ใช่ค่ะ! เขามีลูกติดคนหนึ่ง ขี้โรคซะเหลือเกิน ป่วยออดๆ แอดๆ ฉันเบื่อที่จะทำตัวเป็นแม่เลี้ยงแสนดีซะเหลือเกิน แต่บางทีก็อดไม่ได้ที่จะดุด่าเพราะรำคาญ ฉันมาที่นี่เพราะต้องการหนีจากเรื่องน่าเบื่อพวกนั้น หวังว่าคุณอี้เฟยคงจะไม่รำคาญ ถ้าเห็นหน้าฉันที่นี่บ่อยๆ นะคะ”

            ผมคิดผิดว่าเธอจะดีกับลูกชายผมจากใจจริง ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย ภาพที่เห็นหน้าโรงเรียนวันนั้นเป็นภาพที่เธอสร้างขึ้นมา ไม่อยากคิดเลยว่าตาหนูจะโดนเธอทำอะไรลับหลังบ้าง

            “ผมจะรำคาญคนสวยอย่างคุณได้อย่างไรกันครับ ยิ่งถ้าคุณมาบ่อยๆ ผมยิ่งมีสิทธิพิเศษให้กับคุณ พิเศษจนคุณต้องร้องขอมันอีกครั้งแน่นอน” ผมเอ่ยกับเจ้าหล่อนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แฝงไปด้วยความต้องการที่เปี่ยมล้น

            “ฉันอยากจะร้อง...ใจจะขาดแล้วล่ะค่ะ” ผมยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ยกมือไปวางไว้บนหน้าขาขาวๆ ของเธอก่อนจะลูบไล้อย่างเชื่องช้า

            “อีกไม่นานคุณได้ร้องแน่นอนครับ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอ ก่อนจะปรายตามองอาหยางที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขาเองก็ส่งยิ้มมุมปากมาให้ผม ราวกับว่าตอนนี้เหยื่อได้ติดกับแน่แล้ว

            ผู้หญิงคนนี้อ่านใจง่ายเหลือเกิน เธอเป็นคนที่มีความต้องการไม่รู้จักหยุดหย่อน ใจง่ายขนาดนี้พี่ธีเอามาเป็นภรรยาได้อย่างไรกัน แต่ก็นะ เหมาะสมกันจะตายผู้หญิงใจง่ายกับผู้ชายโคตรเลว ผมจะปรนเปรอเธอคนนี้ด้วยเงินทอง และความสุขทางกามารมณ์จากอาหยาง และเธอคนนี้จะพาผมเข้าไปทำลายคนบ้านนั้นในอีกไม่ช้า

            นอกจากจะเข้าหาอรจิราแล้ว ตอนนี้ก็ผมส่งคนไปทำลายชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของธุรกิจของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือโรงแรม พอมีข่าวฉาวก็ไม่มีลูกค้า ไม่มีรายได้ หุ้นส่วนก็จะพร้อมใจกันถอนตัวออกมา ทำให้สภาวะทางการเงินขาดสภาพคล่อง หลังจากนั้นผมนี่ล่ะจะเข้าไปทำทีเป็นสนใจร่วมหุ้นผ่านการแนะนำของอรจิรา และทำให้ทุกอย่างกลายมาเป็นของผมให้จงได้
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.8 ก้าวแรก l Up:03-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-09-2018 21:24:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.8 ก้าวแรก l Up:03-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-09-2018 04:38:46
ไงพฤติกรรมนังธี มันผิดไปจากหน้ามือ เป็นหลังเท้าได้น่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.8 ก้าวแรก l Up:03-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-09-2018 12:36:15
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.8 ก้าวแรก l Up:03-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-09-2018 23:14:13
รอดูต่อไป :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.6 ความโชคดี l Up:27-08-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 05-09-2018 19:53:47
เอาจริงดิ จะให้ธีเป็นพระเอกจริงดิ คือแบบต้องมีเหตุการณ์ไหน

หรืออะไรยังไงถึงจะทำให้ธีคิดได้อะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.8 ก้าวแรก l Up:03-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 05-09-2018 20:23:16
ทำไมธีเหมือนจะเป็นคนดีขึ้นมา หรือเพราะโตขึ้นเลยคิดได้

หรือเพราะสำนึกผิด อืม แต่ว่านะป้ากิ่งเนี่ยจะมีบทบาทสำคัญ

ในเรื่องใช่ไหมคะ หรือแค่ช่วยไว้เฉยๆ
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.9 เผชิญหน้า l Up:11-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 11-09-2018 20:43:49
บทที่ 9

เผชิญหน้า



          “กาแฟค่ะคุณอี้เฟย”

            เสียงป้ากิ่งดังขึ้นอยู่ตรงหน้า ผมจึงเงยขึ้นไปส่งยิ้มให้ ตอนนี้กาแฟร้อนๆ ถูกวางอยู่บนโต๊ะทำงานผมเรียบร้อยแล้ว หลายวันที่ผ่านมาผมสังเกตได้ว่า ป้ากิ่งมีความสุขมากกับการทำงานมาก เธอเป็นคนยิ้มง่ายและมีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก ทำให้พนักงานและลูกค้าต่างก็ชอบใจ ให้ทิปเธออยู่บ่อยๆ

            “ขอบคุณครับป้า”

            “ถ้าคุณอี้เฟยต้องการอะไรบอกป้าได้เลยนะคะ” ป้ากิ่งจ้องมองใบหน้าผมแล้วยิ้มอยู่อย่างนั้น ทำเอาผมรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก เลิกคิ้ว ยิ้มตอบก่อนจะเอ่ยถาม

            “หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าครับป้า ทำไมถึงได้มองอย่างนั้น”

            “เปล่าค่ะ ป้าขอโทษด้วยที่เสียมารยาท พอดีว่าป้าเห็นคุณอี้เฟยแล้วนึกถึงลูกชายน่ะค่ะ” เธอเอ่ยกับผมด้วยแววตาเศร้า ดูแล้วช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน

            “อ้าว! ป้ามีลูกชายด้วยเหรอครับ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนทำไมปล่อยให้ป้าลำบากอย่างนี้ล่ะครับ” ผมเริ่มสนใจเรื่องของป้ากิ่งเสียแล้ว เธอมีเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจมากเหลือเกิน ยิ่งได้พูดคุยยิ่งมีอะไรให้น่าค้นหา

            “เอ่อ..”

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            ป้ากิ่งกำลังจะเอ่ยกับผม แต่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะก่อน เป็นอาหยางนั่นเองที่กำลังเดินเข้ามา

            “คุณอี้เฟยครับ ผมมีความคืบหน้าเรื่องนายธีภพมารายงานครับ”

            ได้ยินอย่างนั้นผมก็พยักหน้ารับเชิงเข้าใจ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับป้ากิ่งอีกที

            “ป้าครับเอาไว้เราค่อยคุยกันนะ ผมมีธุระต้องคุยกับอาหยาง”

            “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นป้าขอตัวไปทำงานก่อน”

            ผมยิ้มให้ ก่อนเธอจะออกไปนอกห้อง

            “นั่งลงก่อนสิอาหยาง”

            “ครับ”

            เมื่ออาหยางนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานผมแล้ว ผมก็ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบสองสามอึกก่อนจะวางลงไว้บนโต๊ะเช่นเดิม

            “เป็นยังไงบ้าง สำเร็จลุล่วงทุกภารกิจไหม”

            “แน่นอนครับ หลังจากที่เราส่งหน้าม้าไปป่วน ทั้งโรงแรมและโรงพยาบาลของพวกมัน รวมถึงสร้างข่าวเสียๆ หายๆ ผ่านทางโลกโซเชี่ยว ทำให้ตอนนี้ผู้ถือหุ้นต่างก็เริ่มทยอยขายหุ้นคืนให้พวกมัน อีกไม่นานบริษัทของมันคงจะเจ๊งแน่นอน เพราะคงแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ตอนนี้แทบจะไม่มีลูกค้าเข้าไปใช้บริการเลย หลังจากมีข่าวพวกนั้นออกไป” อาหยางเล่ารายละเอียดความคืบหน้าให้ผมฟัง

            “ดีมาก ต่อให้มันรวยแค่ไหน ก็คงแบกรับค่าใช้จ่ายมหาศาลขนาดนั้นไม่ไหวหรอก ตอนนี้มันคงจะนั่งกลุ้มใจอยู่สินะ...สมน้ำหน้า” ผมยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ อีกไม่นานเราจะต้องได้เจอกันแน่พี่ธี

            “แล้วเรื่องอรจิราล่ะครับ เราจะเอายังไงต่อ”

            “วันนี้ฉันนัดเธอไปดินเนอร์ เพื่อจะได้เกลี้ยกล่อมให้พาฉันไปที่บ้านหลังนั้น และขอเจรจาเป็นผู้ร่วมทุน ฉันเชื่อว่าคนอย่างพี่ธีฉลาดพอที่จะยอมรับข้อเสนอดีๆ จากฉันแน่นอน”

            “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอตามไปดูแลคุณอี้เฟยด้วยนะครับ”

            “แน่นอนเธอต้องไปอยู่แล้ว เพราะวันนี้ฉันจะให้เธอได้มีความสุขกับอรจิราไงล่ะ”

            “ครับ” อาหยางขานรับก่อนจะก้มหน้าเล็กน้อย

            “นายโอเคใช่ไหมอาหยาง ถ้านายต้องฝืนไม่ต้องทำก็ได้นะ ฉันแคร์นาย” ผมอยากถามให้แน่ใจ เพราะดูจากสีหน้าของเขาแล้ว เหมือนจะมีความกังวลใจเล็กน้อย

            “ผมทำได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไร” เขาเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม เป็นยิ้มที่จริงใจมากจนผมรู้สึกได้

            “ถ้างั้นคืนนี้เตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปที่นั่นพร้อมกัน”

            “ครับคุณอี้เฟย”

            ผมอยากจะรู้นัก ถ้าพี่ธีได้เห็นคลิปวิดีโอของภรรยาแอบเริงรักกับชายชู้ เขาจะรู้สึกยังไง แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก เพราะผมจะเก็บคลิปนี้ไว้ใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

            ช่วงเย็นผมแต่งตัวให้ดูดีมีระดับมากที่สุด เพื่อจะได้มัดใจอรจิราให้อยู่หมัด ผมมาถึงก่อนจึงนั่งรอที่โต๊ะอาหารในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง สั่งอาหารไว้รอเธอเสร็จสรรพ จะเหลือก็เพียงเจ้าหล่อนเท่านั้นที่ยังมาไม่ถึง นั่งรอไม่นานอาหยางที่ยืนอยู่ด้านหลัง ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบงัน ด้วยการโน้มตัวมากระซิบที่ข้างใบหูผม

            “เธอมาโน่นแล้วครับ”

            เมื่อมองไปตรงหน้าก็เจอกับหญิงสาวรูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงเพลิง เข้ารูปจนเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ยั่วตายั่วใจชายหนุ่มที่อยู่ตามรายทางได้ไม่น้อย

            “ขอโทษนะคะ พอดีฉันแต่งตัวนานไปหน่อยเลยมาช้า หวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะคะ” มาถึงเธอก็เอ่ยขอโทษขอโพย ที่มาถึงช้ากว่าเวลานัดหมาย

            “ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ เชิญนั่งเลยดีกว่า” ผมลุกขึ้นยืน  เดินอ้อมไปเคลื่อนเก้าอี้ให้เจ้าหล่อนนั่ง พยายามทำให้เธอประทับใจมากที่สุด

            “ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ย พร้อมส่งยิ้มหวานมาให้

            “ผมสั่งอาหารไว้รอแล้วนะครับ หวังว่าคุณคงจะถูกใจ ทุกอย่างที่สั่งมาล้วนแต่เป็นเมนูจานเด็ดของที่นี่”

            “ว้าว! ขอบคุณนะคะที่ทำเพื่อฉันขนาดนี้ ทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน”

            “ไม่เป็นไรครับ ถึงแม้ว่าเราเพิ่งจะเจอกัน แต่ผมก็รู้สึกดีกับคุณมาก ราวกับเคยรู้จักกันมาเป็นสิบปีซะอย่างนั้น”

            ในระหว่างที่เราสนทนากันอยู่นั้น พนักงานเสิร์ฟที่ยืนอยู่ก็มาบริการรินไวน์ลงในแก้วให้

            “ปากหวานอย่างนี้ คงจะพาสาวๆ มาดินเนอร์บ่อยสินะคะ”

            “ไม่เลยครับ คุณคือคนแรกที่ผมพามา”

            “พูดเอาใจเก่งอย่างนี้ ไม่หลงก็ไม่รู้จะว่ายังแล้วล่ะ”

            “คุณอรครับผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” ผมพยายามหาทางพูดเข้าเรื่อง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

            “ได้เลยค่ะ ถามมาเลย” เธอเอ่ยหลังจากจิบไวน์แล้วอึกหนึ่ง

            “ผมได้ยินข่าว ว่าช่วงนี้ธุรกิจที่บ้านสามีคุณไม่ค่อยสู้ดีนัก ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยผมยินดีนะครับ”

            “คุณรู้เรื่องได้ยังไงคะเนี่ย” เธอจ้องมองหน้าผมด้วยความประหลาดใจ

            “ก็ข่าวออกจะดังซะขนาดนั้น ใครก็พอจะเดาออกทั้งนั้นล่ะครับ ผมเห็นว่าคุณเป็นคนสำคัญเลยอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ ได้ยินข่าวว่าผู้ถือหุ้นขายหุ้นกลับคืนไปหมด ผมเลยอยากจะเข้าขอซื้อหุ้นพวกนั้นจากสามีคุณ เพื่อช่วยพยุงกิจการน่ะครับ”

            “เรื่องนี้ฉันตัดสินใจเองไม่ได้หรอกค่ะ ต้องให้สามีและแม่สามีฉันเป็นคนตัดสินใจ แต่ถ้าคุณสนใจจริงๆ ฉันสามารถพาคุณเข้าไปเจรจาได้นะคะ พรุ่งนี้เลยไหมล่ะ” เธอเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ รับประทานอาหารบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย

            “ได้เลยครับผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” ทำไมทุกอย่างมันถึงได้ง่ายดายขนาดนี้ ฟ้าช่างเป็นใจให้ผมซะเหลือเกิน

            “ฉันแค่ล้อเล่นเองนะคะ” เธอขำออกมาเล็กน้อย เมื่อเห็นผมรีบตอบรับอย่างไม่ลังเลใจ

            “แต่ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ที่ผมตอบรับอย่างไม่คิดอะไรมาก เพราะมั่นใจว่าหากเข้าไปช่วยบริหารงาน จะสามารถทำให้ธุรกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น คุณก็รู้ว่าผมมีเงินทองมากมายขนาดไหน เงินจะสามารถทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะเดิมได้เร็วดั่งที่ใจต้องการ ผมเองก็อยากจะทำธุรกิจอย่างอื่นบ้าง จะได้มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นไปอีก”

            “แหม แค่บ่อนก็ไม่รู้จะเอาเงินเก็บไว้ไหนแล้ว ยังจะขยันอีก ฉันน่าจะเจอคุณก่อนพี่ธี จะได้ไม่ต้องมีชีวิตที่น่าเบื่อหน่ายอย่างนี้” เธอพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็งขั้นสุด

            “เจอตอนนี้ก็ยังไม่สายนี่ครับ ถ้าคุณไม่ว่าอะไรผมอยากจะชวนคุณไปต่อ” ผมส่งสายตาเจ้าชู้ยักษ์ให้เธอ

            “ที่ไหนคะ”

            “ที่ที่จะทำให้เรามีความสุขกันไงล่ะครับ คุณพร้อมจะไปมีความสุขกับผมไหมล่ะ”

            “ถ้าฉันไม่พร้อม...ก็บ้าแล้วล่ะค่ะ คนที่เพียบพร้อมอย่างคุณ หาได้ง่ายๆ ซะที่ไหนกันล่ะ” เธอไม่ว่าเปล่า กลับส่งสายตาหวานเยิ้ม ยั่วยวนผมซะเหลือเกิน คืนนี้เธอได้มีความสุขสมใจอยากแน่ แต่กับอาหยางนะไม่ใช่ผม หึๆ

            “ดีมากครับแล้วเราจะได้ไปมีความสุขกัน ว่าแต่เรื่องไปที่บ้านคุณล่ะตกลงว่ายังไง”

            “ถ้าคุณต้องการอย่างนั้นจริงๆ ฉันจะแจ้งทางครอบครัวสามีฉันให้เอง ส่วนคุณก็ไปหาฉันที่บ้านพรุ่งนี้ได้เลยค่ะ ”

            “ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างนั้นเรารีบทานกันดีกว่าจะได้ไปต่อเร็วๆ”

            “ค่ะ”

            พวกเรารับประทานอาหารมื้อเย็น ไปพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่อาจจะดูมีความสุข แต่นั่นมันเฉพาะกับอรจิรา แต่ผมมันคือการเข้าใกล้ความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้น มีแต่ความสะใจและสะใจเท่านั้นเอง

            หลังจากทานมื้อเย็นแล้ว ผมก็พาเจ้าหล่อนมาเปิดห้องในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง โดยให้อาหยางรออยู่หน้าห้อง รอจังหวะที่ผมจัดการทุกอย่างในห้องแล้ว จึงจะส่งสัญญาณให้อาหยางเข้าไปรับช่วงต่อ

            ตอนนี้ผมกับอรจิราอยู่ในห้องเรียบร้อยแล้ว ผมนั่งรออยู่บนเตียงขณะเจ้าหล่อนกำลังเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ หลังจากนั้นไม่นานอรจิราก็ออกมาในสภาพล่อแหลม มีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันรอบตัว เผยให้เห็นท่อนขาเรียวที่ขาวสะอาดหมดจด แต่นั่นไม่สามารถปลุกความเป็นชายในตัวผมได้เลย แต่สำหรับอาหยางผมมั่นใจว่าไม่ยากเลยสำหรับเขา

            “คุณอี้เฟยไม่เปลี่ยนชุดบ้างเหรอคะ” เธอเดินเข้ามานั่งข้างผม ก่อนจะเอื้อมมือเรียวมาเกลี่ยนิ้วไล้ไปตามแผงอก มืออีกข้างก็คล้องคอผมเอาไว้

            “ไม่ล่ะครับผมอยากจะเปลี่ยนในระหว่างที่เราสนุกกัน มันน่าตื่นเต้นเร้าใจกว่า” ว่าแล้วผมก็ผลักตัวเธอให้นอนลงบนเตียง แล้วเดินไปหยิบผ้าปิดตาที่เตรียมมาด้วยไว้ในมือ ยืนจ้องมองเธอปานจะกลืนกิน เห็นอย่างนั้นอรจิราก็มองหน้าผมด้วยความสงสัย

            “คุณถือผ้ามาทำไมคะ”

            “ผมเป็นคนที่ชอบอะไรตื่นเต้นเร้าใจครับ เวลาผมมีอะไรกับสาวๆ มักจะปิดตาไว้อย่างนี้แล้วก็จัดการปรนเปรอพวกเธออย่างถึงใจ” ผมว่าพลางเดินขึ้นไปบนเตียง ก่อนจะค้ำยันมือทั้งสองข้างคร่อมตัวเธอไว้ จ้องมองดวงตาหวานนั้นอย่างหื่นกระหาย จากนั้นก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปประกบจูบเธออย่างดูดดื่ม เมื่อเธอเริ่มเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบผมแล้ว ผมก็ผละใบหน้าออกมาจัดการใช้ผ้าปิดตาเธอทันที

            “ปิดตาก่อนนะครับคนดี แล้วคุณจะได้รู้ว่าความตื่นเต้นมันเป็นยังไง”

            “อย่าทำรอยบนตัวฉันนะคะ เดี๋ยวสามีฉันจะสงสัย”

            “ครับผม จะไม่ให้ผิวขาวๆ ของคุณมีรอยช้ำแม้แต่น้อย”

            “พร้อมรึยังครับที่รัก”

            “พร้อมแล้วค่ะ”

            ในจังหวะนั้นผมก็ส่งข้อความทางไลน์บอกให้อาหยางเข้ามาในห้อง เมื่อเขามาถึงผมก็พยักหน้าส่งสัญญาณให้อาหยางตักตวงความสุขจากเธอตามต้องการ

            “ห้ามเปิดตาจนกว่าผมจะอนุญาตนะครับคนดี” ผมกระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

              ขณะนั้นอาหยางก็กำลังเปลื้องผ้าตัวเองออกจนหมด เผยให้เห็นร่างกำยำสมส่วน จากนั้นก็ก้าวขาขึ้นไปบนเตียง จัดการดึงผ้าเช็ดตัวที่ปกปิดเรือนร่างสวยนั้นออกไป ความงดงามตรงหน้าทำให้ความเป็นชายของอาหยางตื่นตัวได้ไม่ยาก จากนั้นเขาก็ละเลงบทรักบนตัวเธออย่างชำนิชำนาญ ส่วนผมก็ยืนอยู่ข้างเตียงมองดูความร่านรักของผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของพี่ธี พร้อมกับบันทึกวิดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐานชิ้นโบแดงอีกด้วย

--*-*-*-*-*

            และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง ผมตื่นขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเตรียมตัวเข้าไปที่บ้านหลังนั้น อรจิราได้แจ้งกับพี่ธีเรื่องที่ผมจะเข้าไปเจรจาธุรกิจในวันนี้ และเขาก็ตอบตกลง ผมจะได้เจอหน้าตาหนูใกล้ๆ แล้วสินะ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกตื่นเต้นซะเหลือเกิน

            ผมขับรถซูปเปอร์คาร์ที่เตี่ยซื้อให้ ตรงไปยังบ้านของพี่ธีอย่างคุ้นชินเส้นทาง โดยมีอาหยางขับบิ๊กไบค์ตามประกบคอยรักษาความปลอดภัยให้อยู่ตลอดทาง

เมื่อรถเคลื่อนล้อเข้ามาให้รั้วบ้าน ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะได้เผชิญหน้ากับคนบ้านนั้นอีกครั้ง แต่ทว่าไม่ได้มีความรู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย เพราะมีแต่ความแค้นเข้ามาแทนที่ความรู้สึกพวกนั้นไปหมดแล้ว

            เมื่อรถจอดนิ่งสนิทแล้ว ผมก็เปิดประตูก้าวขาลงจากรถด้วยท่วงท่าที่สง่าผ่าเผย ยืนมองคฤหาสน์หลังนั้นด้วยแววตาที่แข็งกร้าวภายใต้แว่นกันแดดสีชา ก่อนจะถอดมันออกเหน็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อแบรนด์ดังที่สวมใส่อยู่

            “คุณอี้เฟยจะให้ผมเข้าไปด้วยไหมครับ” เมื่ออาหยางลงจากรถแล้ว ก็เดินมาเอ่ยถามผมทันที

            “ไปสิ! เราจะไปด้วยกัน ไปดูหน้าผู้ชายคนนั้นใกล้ๆ ดูให้ชัดๆ ให้จำขึ้นใจ ว่าเขาเคยทำอะไรกับฉันไว้บ้าง”

            “ครับคุณอี้เฟย”

            “ว่าแต่เป็นยังไงบ้างมีความสุขใช่ไหมล่ะ” ผมเอ่ยถามถึงเรื่องเมื่อคืนนี้

            “ก็ดีครับ” เขาตอบแค่นั้นก่อนจะส่งยิ้มอายๆ ให้ผม

            “ทำไมยิ้มแบบนั้นล่ะอาหยาง หรือว่านายอายที่ฉันยืนดูด้วย”

            “ก็นิดหน่อยครับ ผมไม่เคยแก้ผ้าทำอะไรอย่างนั้นต่อหน้าใครมาก่อน”

            “อีกหน่อยนายก็จะชินเองล่ะ มันคงไม่ได้มีแค่ครั้งเดียวแน่นอน”

            “ครับ”

            ในระหว่างที่พวกเรากำลังสนทนากันอยู่นั้น อรจิราก็เอ่ยเสียงแทรกเข้ามา ทำให้เราทั้งสองต้องหันไปมองยังต้นเสียงทันที

            “คุณอี้เฟยสวัสดีค่ะ” เธอส่งยิ้มหวานมาให้ ทำหน้าเขินอายเล็กน้อย ผมรู้ว่าเธอกำลังนึกถึงรสสวาทของอาหยางเมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน

            “สวัสดีครับ คุณอรนอนหลับฝันดีใช่ไหมครับเมื่อคืนนี้”

            “แน่นอนค่ะ ฝันดีมากที่สุด”

            “ผมก็ฝันดีเหมือนกันครับ ฝันเห็นคุณอรทั้งคืนเลย” ว่าแล้วก็ส่งสายตาหื่นกระหายไปให้เธอ

            อรจิราทำท่าเหนียมอายก่อนจะเอ่ยต่อไป “เชิญด้านในเลยค่ะ ทุกคนรออยู่ในบ้านแล้ว”

            “ครับผม”

            พวกเราเดินตามหลังอรจิราเข้าไปในบ้านอย่างมั่นอกมั่นใจ อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าผมก็จะได้เผชิญหน้ากับเขาแล้ว ผู้ชายที่เป็นต้นเหตุให้ชีวิตผมต้องเจอแต่เรื่องร้ายๆ นับจากวินาทีนี้เขาจะเป็นเพียงแค่เศษดิน ที่ผมจะเหยียบย่ำเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ รวมถึงใครก็ตามที่เคยทำอะไรผมไว้เอาจะเอาคืนให้สาสมที่สุด

            แวบแรกที่เราทั้งคู่เห็นหน้ากันและกัน พี่ธีก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ลุกขึ้นจากโซฟาทันที รวมถึงพ่อกับแม่ที่ต่างก็จ้องมองมาที่ผมอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง คงกำลังคิดว่าผมคือวินคนเดิมสินะ แต่ขอโทษด้วยผมไม่ใช่คนที่พวกเขารู้จักเลยสักนิด

            “ทุกคนนี่คือคุณอี้เฟยที่อรพูดถึงไงคะ” อรจิราแนะนำผมให้กับทุกคนในบ้านรู้จัก

            “สวัสดีครับทุกคน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ผมเอ่ยทักทายแต่ไม่ยอมยกมือไหว้ ส่งยิ้มหน้าระรื่นให้กับพวกเขา รู้สึกสะใจไม่น้อยเมื่อเห็นสีหน้าแต่ละคน...ราวกับเห็นผีซะอย่างนั้น

            พี่ธีจ้องหน้าผมอย่างจับผิด เขาไม่ละสายตาจากผมแม้แต่วินาทีเดียว ก่อนจะเผลอเอ่ยคำที่คิดอยู่ในใจออกมา

“วิน! มึงใช่ไหม”

            “ใช่! แกแน่ๆ แกคือไอ้วินใช่ไหม ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับแกไอ้ฆาตกร” แม่บุญธรรมผมเองก็เอ่ยทักทายด้วยข้อกล่าวหาเมื่อห้าปีที่แล้ว คงจะคิดถึงผมมากสินะ หึๆ

            “ขอโทษนะครับ ใครคือวินงั้นเหรอ?” ผมถามกลับด้วยสีหน้างงงวย ทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น

            “ทุกคนคงจำคนผิดแล้วล่ะค่ะ นี่คุณอี้เฟยนักธุรกิจพันล้าน เพิ่งกลับมาจากเมืองจีนเมื่อไม่นานมานี้เอง” อรจิราเองก็รู้สึกงง จึงเอ่ยชี้แจงให้ทุกคนฟังอีกครั้ง

            “ไม่อยากเชื่อเลย ว่าจะมีคนหน้าเหมือนกันอย่างนี้บนโลกด้วย” แม่บุญธรรมผมเอ่ยขึ้น สายตายังคงจับจ้องมองมาที่ผมอย่างจับผิด แต่ผมไม่แสดงพิรุธอะไรให้พวกเขาเห็นแม้แต่น้อย เพราะทุกอย่างที่ผมฝึกฝนมาจากเมืองจีนเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ

            “บนโลกใบนี้ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นล่ะครับคุณเอ่อ...”

            “ฉันชื่อวรรณีค่ะ”

            “ครับคุณวรรณี”

            “แล้วคุณล่ะครับ” ผมเอ่ยถามพ่อ ท่านเองยังคงอึ้งมองหน้าผมแทบไม่กะพริบตา

            “ผมพงษ์ศักดิ์ครับ”

            “ยินดีที่ได้รู้จักทั้งสองท่านนะครับ”

            “ถ้างั้นเชิญนั่งก่อนดีกว่าครับคุณอี้เฟย” พี่ธีผายมือเชิญผมให้นั่งลงที่โซฟาข้างกัน

“ขอบคุณครับ” เมื่อนั่งลงแล้วก็มีสาวใช้นำน้ำมาเสิร์ฟทันที

            “แล้วที่มาด้วยนั่นคือ” พี่ธีถาม พลางมองหน้าอาหยางไปด้วย

            “นั่นอาหยางเป็นบอดี้การ์ดผมเองล่ะครับ”

             พี่ธีพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะเอ่ยกับผมต่อไป

            “ผมต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องรู้สึกอึดอัดใจ คุณหน้าคล้ายกับคนที่ผมรู้จักมากเหลือเกิน เหมือนมากราวกับคนเดียวกัน” เขายังคงจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่ละสายตา

            “ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ ทุกวันนี้คนหน้าตาเหมือนกันออกเยอะแยะ ผมเองก็เคยทักคนผิดมาหลายครั้งอยู่เหมือนกัน” ผมเอ่ยกับทุกคนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพื่อให้พวกเขาเลิกระแวงผม

            “ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ...ผมธีภพ”

            “ผมอี้เฟย ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

            เราทั้งสองจับมือกันเพื่อสร้างมิตรภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น สายตาเราประสานกันแวบหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายละสายตาออกไป

            “ไม่ทราบว่าคุณอี้เฟยอายุเท่าไหร่แล้วครับ”

            “ครบยี่สิบสี่ปีนี้ครับ”

            “บังเอิญจังเลยนะครับ ใบหน้าก็เหมือนกันอายุก็เท่ากัน ถ้าไม่บอกว่าคุณเป็นนักธุรกิจพันล้านผมคงเชื่อว่าคุณคือคนที่ผมรู้จักไปแล้ว”

            “คนที่ชื่อวินเป็นใครกันเหรอครับ ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสำคัญกับพวกคุณทุกคนสินะ เห็นทำท่าตกใจกันซะทั้งบ้าน”

            พี่ธีหันไปมองหน้าพ่อกับแม่แวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองผมอีกที

            “เป็นเมียเก่าผมเองล่ะครับ”

            อรจิราได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์ เธอคงรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นเมียน้อยซะอย่างนั้น

            “อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วคุณวินอยู่ที่ไหนล่ะครับตอนนี้” ผมยังคงยิ้มให้เขา แต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บแปลบๆ ทำไมที่ธีถึงได้บอกว่าผมเป็นเมีย ทั้งที่ความเป็นจริงผมแทบจะไม่เฉียดเข้าใกล้สถานะนั้นเลยแม้แต่น้อย

            “ผมขอไม่ตอบละกันนะครับ ผมว่าเรามาคุยธุระกันต่อดีกว่า”

            “ได้เลยครับ เข้าเรื่องเลยนะครับ คือผมได้ยินข่าวว่าตอนนี้ธุรกิจของคุณ สถานการณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ผู้ถือหุ้นเทขายหุ้นคืนให้คุณหมด ผมเลยอยากจะเสนอตัวเข้ามากอบกู้วิกฤติทางการเงินในครั้งนี้ครับ” ผมบอกความต้องการไป

            “รู้สึกว่าคุณจะรู้ข้อมูลบริษัทผมดีจังเลยนะครับ ราวกับว่าคุณตั้งใจจะเข้ามาหาพวกผมก่อนอยู่แล้ว” พี่ธียังคงเป็นพี่ธี เขายังคงไม่วางใจผม

            “เพราะผมกับคุณอรเป็นเพื่อนกันยังไงล่ะครับ เห็นเพื่อนมีปัญหา ผมเลยอยากช่วยเหลือเพื่อน ไม่มีอะไรมากกว่านั้น”

            “เพื่อนในบ่อน” พี่ธีเอ่ยประชดประชันภรรยา ได้ยินอย่างนั้นอรจิราก็หันขวับไปมองหน้าสามีด้วยความไม่พอใจ

            “คุณอย่าทำให้เสียบรรยากาศได้ไหม” อรจิราทักท้วงสามี

            “ใช่ครับเราเจอกันที่บ่อน มันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนี่ครับ มีเงินทั้งทีก็เอาไปใช้ปรนเปรอความสุขให้กับตัวเอง แก้เบื่อ แกเซ็ง ชีวิตคนเรามันสั้นครับ อยากทำอะไรก็ควรรีบทำ ชีวิตมันไม่แน่ไม่นอน บางทีเราอยู่ที่บ้านตัวเองแท้ๆ อาจจะมีคนมาฆ่าเราถึงที่ก็เป็นไปได้” ผมร่ายยาว พลางนึกถึงเรื่องของยายจันทร์ที่โดนฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในบ้านตัวเอง

            “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยสักหน่อย รู้สึกว่าคุณกับภรรยาผมจะสนิทกันมากจนเกินไปนะครับ” คงจะเริ่มระแวงเมียตัวเองแล้วสินะ อีกไม่นานหรอกคุณจะได้รู้ได้เห็นกับตาแน่นอน

            “คุณชักจะเสียมารยาทแล้วนะคะธี”

            “เสียมารยาทตรงไหน ผมแค่ถามทำไมคุณถึงได้เดือดเนื้อร้อนใจอย่างนี้ หรือมันมีอะไรจริงๆ” เขาตวาดแหวใส่หน้าภรรยาอย่างลืมตัว

            “ตาธีอย่าอารมณ์ร้อนสิลูก ส่วนเธอออกไปกับฉัน ปล่อยให้ผู้ชายเขาคุยกัน ถ้าเธออยู่ด้วยคุยกันไม่รู้เรื่องแน่”

            “แต่คุณแม่คะ”

            “ไปดูแลลูกบ้าง ตานนท์ไม่สบายอยู่ข้างบนโน่น”

            “ก็ได้ค่ะ”

            ได้ยินอย่างนั้นผมก็หันขวับไปมองแม่บุญธรรมอย่างลืมตัว ตาหนูไม่สบายงั้นเหรอ มิน่าล่ะตั้งแต่มาถึงยังไม่เห็นหน้าเลย วันนี้คงไม่ได้เห็นหน้าตาหนูแล้วสินะ

            “คุณอี้เฟยครับ” เสียงเข้มของพี่ธีเอ่ยเรียก ทำให้ผมหลุดจากภวังค์หันไปมองด้วยสีหน้าเหลอหลา

            “ตกใจอะไรงั้นเหรอครับ หน้าซีดเชียว”

            “เปล่าครับไม่มีอะไร”

            “ผมต้องขอโทษเรื่องเมื่อครู่ด้วยนะครับ ผมคงหวงภรรยามากเกินไป”

            “ผมไม่เคยโกรธใครอยู่แล้วครับ ยกเว้นถ้าเขาคนนั้นมาทำร้ายผมก่อน” ผมเอ่ยประชดประชันคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

            “ผมก็เหมือนกันครับ” เขาจ้องมองมาที่ผมอย่างมีเลศนัย ทำไมผมถึงอ่านความรู้สึกนั้นไม่ออกนะ มันยากจริงๆ

            “ผมว่าเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ” ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ ผมจึงพยายามดึงเข้าประเด็นที่ต้องการทันที

            “ถ้าคุณอี้เฟยต้องการซื้อหุ้นจริงๆ ผมก็ยินดีขายให้ครับ แต่แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ คุณจะไม่มีสิทธิ์มายุ่งวุ่นวายกับการบริหารงาน หน้าที่นั้นจะยังคงเป็นของผมเหมือนเดิม คุณแค่รอรับเงินปันผลประจำปีเท่านั้นเอง ถ้าคุณรับข้อตกลงได้ผมก็ยอมครับ” เขายังคงไม่ไว้ใจ จึงดักผมไว้ทุกทาง แต่คนอย่างผมไม่มีทางยอมแน่นอน

            “คุณคิดดีแล้วเหรอที่จะขายหุ้นให้ผมแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ อย่าลืมนะว่าตอนนี้คุณกำลังแบกรับภาระไว้ตั้งมากมาย ไหนจะค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน เงินเดือนลูกน้อง ลูกค้าก็หนีหายไปหมด ไม่มีรายรับเข้า ถ้าไม่ได้รับเงินค่าหุ้นจากผมคุณจะยังไหวอยู่ไหม ขายให้ผมสี่สิบเก้าเปอร์เซ็นต์เถอะนะครับ อย่างน้อยคุณก็มีเงินสำรองมากขึ้น ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินใคร ผมอยากช่วยเหลือคุณจริงๆนะ ถึงยังไงคุณก็เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดเหมือนเดิมอยู่แล้วนี่ แต่ขอให้ผมเข้าไปช่วยคุณบริหารงานด้วยเท่านั้นเอง” ผมศึกษาข้อมูลมาก่อนล่วงหน้าจึงรู้ภูมิหลังของบริษัทนี้เป็นอย่างดี

            “ผมบอกตรงๆ ว่าผมยังไม่เชื่อใจคุณ”

            “ทำไมล่ะครับ หน้าผมมันเป็นคนขี้โกงขนาดนั้นเลยเหรอ”

            “ก็เปล่า...แต่ผมรู้สึกว่าคุณไม่ได้ต้องการแค่ลงทุนอย่างเดียว”

            “คุณคิดมากไปแล้วนะครับ ผมแค่ต้องการช่วยเหลือคุณเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านี้เลย” ผมแค่นยิ้มให้กับความหวาดระแวงของเขา

            “......”

            พี่ธีนั่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพรูลมออกจากปากเบาๆ เหมือนได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว

            “ว่าไงครับ”

            “ตกลงผมจะขายหุ้นให้ตามจำนวนที่คุณร้องขอ และให้คุณเข้ามาบริหารงามร่วมกับผมได้ แต่ในฐานะที่ปรึกษาพิเศษก็แล้วกัน”

            ก็แค่นี้ล่ะผมไม่ได้สนว่าจะได้ตำแหน่งสูงสุดของบริษัท แต่ผมแค่ต้องการเข้าไปอยู่ใกล้ๆ เขาเพื่อจับตามองและหาทางจ้องทำลายเขาเท่านั้นเอง

            “ไม่มีปัญหาครับผมพร้อมที่จะร่วมงานกับคุณทุกเมื่อ เพื่อทำให้ผลประกอบการไตรมาสนี้ดีขึ้นให้ได้”

            ผมส่งยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ แต่ในดวงตาคมคู่นั้นกลับยังมีความคลางแคลงใจในตัวผมอยู่ แต่ก็ช่างเถอะเพราะนั่นมันคือจุดประสงค์ของผม ให้เขาอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่มีความสุขไปตลอดชีวิตยิ่งดี
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.9 เผชิญหน้า l Up:11-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-09-2018 21:16:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.9 เผชิญหน้า l Up:11-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-09-2018 23:57:18
 :katai2-1:


ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.9 เผชิญหน้า l Up:11-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 12-09-2018 00:25:02
ดูๆแล้วอิตาพี่ธีน่าจะสำนึกบ้างแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.9 เผชิญหน้า l Up:11-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-09-2018 02:03:38
ใครฆ่ายายจันทร์กันนะ หนึ่งในสามคนนี่แหละ  :m16:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.9 เผชิญหน้า l Up:11-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-09-2018 03:50:06
ยัยแม่คือคนสั่งฆ่ายายจันทร์รึเปล่า เซ้นส์มันบอกแบบนั้น
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.9 เผชิญหน้า l Up:11-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 15-09-2018 00:54:13
ป้ากิ่งคือแม่ของวินหรือเปล่านะ
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.10 แผนร้ายทำลายรัก l Up:22-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 22-09-2018 19:57:04
บทที่ 10

แผนร้ายทำลายรัก



          เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ผมก็ต้องมีภาระเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาพิเศษให้กับบริษัทพาณิชย์เซอร์วิส โดยมีธุรกิจในเครือนั่นคือโรงแรมและโรงพยาบาลนั่นเอง ผมเจียดเวลาเข้าไปบ่อนในช่วงเย็น เพื่อไปรับฟังสรุปรายงานประจำวันจากผู้จัดการ ส่วนช่วงเวลาที่เหลือผมต้องมาคลุกคลีอยู่กับพี่ธี และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ผมจะต้องเข้าไปที่บริษัท

            ตึก ตึก ตึก

            ผมกำลังเดินตรงเข้าไปที่ประชาสัมพันธ์ เพื่อขอเข้าพบประธานของบริษัท ที่นี่คือออฟฟิศของบริษัทพาณิชย์เซอร์วิส สถานที่ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นกองบัญชาการใหญ่ ในการบริหารจัดการธุรกิจในเครือทั้งหมด

            “สวัสดีครับ ผมขอพบคุณธีภพครับ” ผมเอ่ยกับประชาสัมพันธ์สาวสวย ผู้ซึ่งกำลังส่องกระจกอัดแป้งพับลงบนใบหน้าสวยนั้นให้สวยเด้งยิ่งขึ้นไปอีก เธอได้ยินเสียงผมจึงวางตลับแป้งลง ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้

            “ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ ได้นัดท่านประธานไว้หรือเปล่า”

            “ผมอี้เฟยครับ นัดไว้ครับ”

            “ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ ดิฉันขอโทรไปแจ้งท่านประธานก่อน”

            “ครับผม”

ผมส่งยิ้มให้ ก่อนจะกวาดสายตามองดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย

            “คุณคะ...ขึ้นไปที่ชั้นห้าออกจากลิฟต์แล้วจะมีเลขาของท่านประธานมารอรับนะคะ”

            “ครับผม”

            ผมเดินตรงไปยังลิฟต์ซึ่งอยู่เยื้องออกมานิดหน่อย ก่อนจะเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยม กดปุ่มวงกลมเล็กๆ ที่มีตัวเลขกำกับอยู่ ยืนรออยู่ในนั้นไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนส่งยิ้มให้อยู่ตรงหน้า ผมพอจะเดาออกว่าเธอคนนั้นคงจะเป็นเลขาของพี่ธีแน่นอน

            “สวัสดีค่ะ คุณอี้เฟยใช่ไหมคะ”

            “ใช่ครับ”

            “ฉันชื่อเมษา เป็นเลขาคุณธีภพ ท่านให้ดิฉันมารับคุณค่ะ”

            “ออครับผม”

            “ถ้าอย่างนั้นเชิญทางนี้เลยค่ะ ท่านประธานรออยู่ในห้องแล้ว” เธอผายมือบอกทิศทางให้ผม

            “ครับผม” ผมส่งยิ้มให้เจ้าหล่อนอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเดินไปพร้อมกัน

            ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าห้องทำงานส่วนตัวของผู้บริหารสูงสุดแล้ว เมื่อเจ้าหล่อนเปิดประตูให้ ผมก็เอ่ยขอบคุณ สาวเท้าก้าวเข้าไปอย่างมั่นอกมั่นใจ

            “สวัสดีครับคุณอี้เฟย” เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน ปรายตามองมาที่ผมอย่างไม่ให้เกียรติกัน ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ทำตัวแย่ไม่รู้จักจบสิ้น ทั้งที่ตัวเองควรจะต้องเอาอกเอาใจผม ในฐานะผู้ให้เงินทุนในการอุ้มชูบริษัทไว้

            “สวัสดีครับคุณธีภพ”

            “เชิญนั่งครับ”

            “ขอบคุณครับ”

             ว่าแล้วผมก็หย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานเขา พี่ธีจับตามองทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวร่างกายของผมตลอดแทบไม่คลาดสายตา นั่นทำให้ผมทำหน้าไม่ถูกเล็กน้อย

            “คุณอี้เฟยจะรับเครื่องดื่มอะไรคะ” เลขาของพี่ธีเอ่ยถาม

            “ผมรับกาแฟก็แล้วกันครับ น้ำตาลหนึ่ง ครีมหนึ่งครับ”

            “ได้ค่ะ แล้วท่านประธานล่ะคะ”

             เธอหันไปเอ่ยกับผู้เป็นเจ้านาย ส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ผมดูออกทันทีว่าหล่อนคนนี้คงจะแอบชอบพี่ธีอยู่เป็นแน่ เผลอๆ อาจจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปแล้วก็เป็นได้

            “เอาเหมือนเดิม รู้แล้วยังจะมาถามฉันอีก” เขาดุให้เลขาสาว แต่ทว่าเจ้าหล่อนกลับทำหน้าระรื่นไม่ได้รู้สึกน้อยใจแต่อย่างใด

            “ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ”

            หลังจากเธอไปแล้วผมก็หันไปสนใจเขาอีกครั้ง เราจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับว่าก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทหรือผิดใจกันมาก่อน

            “คุณมองผมอย่างนั้นหมายความว่ายังไงครับ” ผมเป็นคนเอ่ยถามขึ้นมาก่อน เพราะเขาเอาแต่จ้องมองแต่ไม่ยอมเอ่ยอะไร

            “ทำไม?  ผมมองคุณไม่ได้งั้นเหรอ คุณเป็นคนอยากเข้ามาที่นี่จนตัวสั่น คุณก็ต้องทนนิสัยผมให้ได้” เขาเอ่ยกับผมอย่างไม่สะทกสะท้าน

            “ผมทนได้แน่นอนครับ เพราะผมตั้งใจเข้ามาที่นี่เพราะอยากจะช่วย แต่ถ้าผู้บริหารอย่างคุณจะทำตัวไม่เข้าท่าอย่างนี้ ผมก็จะไม่ถือสา คิดเสียว่ามันเป็นสันดานที่แก้ไม่ได้” ในเมื่อเขาไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยใจคอ ให้เข้ากับคนอื่นอย่างนี้ ผมเองก็ไม่มีทางยอมก้มหัวให้เด็ดขาด เพราะเกมนี้ผมจะเป็นคนคุมมันเอง

            “นี่คุณ! มันจะมากไปแล้วนะ ผมให้คุณมาเป็นที่ปรึกษาผม ไม่ใช่ให้มาเป็นเจ้านายคิดอยากจะพูดอะไรก็ได้ อย่าคิดว่าตัวเองมีเงินแล้วจะทำก็ได้ ถ้าคุณยังทำตัวแย่ๆ อย่างนี้ ผมเองนี่ล่ะจะเขี่ยคุณออกจากที่นี่” พอโดนด่าเข้าให้ก็เริ่มจะหัวร้อน เฮ้อ! ผู้ชายคนนี้สงสัยจะดัดสันดานไม่ได้แล้วจริงๆ

            “คุณอย่าคิดว่าจะทำอะไรคนอื่นได้เพียงฝ่ายเดียว ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะต้องรองรับอารมณ์คุณหรอกนะ ลืมไปแล้วเหรอว่าผมไม่ใช่ลูกน้องคุณ จะพูดจะจาอะไรก็ระวังปากบ้างนะ”

            “ผมไม่น่าเอาคุณมาเป็นหอกข้างแคร่เลยจริงๆ” เขาส่ายหน้าอย่างหัวเสีย สงสัยคิดว่าการตัดสินใจเอาผมเข้ามาที่นี่ เป็นเรื่องผิดพลาดซะเหลือเกินกระมัง

            ในระหว่างนั้นเลขาสาวก็เดินเข้ามาเสิร์ฟกาแฟ

            “ขออนุญาตนะคะ ดิฉันเอากาแฟมาเสิร์ฟค่ะ”

            “ครับผม” ผมยิ้มรับ

            จากนั้นเมษาก็ยกแก้วกาแฟมาวางตรงหน้าผม ก่อนจะเดินอ้อมไปฝั่งที่พี่ธีนั่งอยู่ แล้วยกถ้วยกาแฟร้อนๆ ให้เช่นกัน ดูท่าทางแล้วคงจะอ่อยเจ้านายสินะ เสื้อสีขาวเว้าลึกจนเห็นเนินอกทรงโต แต่ทว่าพี่ธีกลับไม่ได้สนใจเธอเลย

            “ออกไปได้ อ้อ..ถ้าไม่ได้สั่งห้ามเข้ามา ฉันมีธุระจะคุยกับคุณอี้เฟย”

            “ค่ะท่านประธาน” เธอตอบรับด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

            ผมเกลียดสายตาคู่นั้น ที่เอาแต่จ้องมองมาที่ผมอยู่ตลอดเวลา ราวกับต้องการกดดันผมให้รู้สึกอึดอัด แต่ผมไม่ยอมทำให้เขาสมใจแน่ หากเล่นเกมจ้องตากันอย่างนี้ ผมก็จะยอมเล่นด้วย ดูซิว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้

            “หน้าผมมีอะไรติดอยู่งั้นเหรอครับ”

            “ก็เปล่า” เขาว่าพลางจิบกาแฟในถ้วยไปด้วยอย่างสบายอุรา

            “เปล่าแล้วมองมาเพื่อ ถ้าอาหยางมาด้วยคงจะกระชากตัวคุณให้นอนหมอบลงกับพื้นไปแล้ว ไม่เคยมีใครจ้องหน้าผมได้นานเท่าคุณมาก่อนเลย”

            “นี่สินะนิสัยของพวกมาเฟีย ใช้แต่กำลัง”

            “ใช่ครับพวกผมเป็นมาเฟีย แต่ก็เล่นงานซึ่งๆ หน้าอย่างลูกผู้ชาย ไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมลอบทำร้ายคนอื่นอย่างกับไอ้พวกหน้าตัวเมียหรอกครับ” ผมว่าพลางแสยะยิ้มใส่อย่างไม่ยี่หระ

            “คุณคงไม่ได้ว่าผมหรอกนะ”

            “ถ้าคุณไม่ใช่คนแบบนั้นก็อย่าร้อนตัวครับ สรุปว่าเราจะคุยเรื่องงานกันได้หรือยัง อย่าบอกนะว่าจะให้ผมมาเป็นเพื่อนคุยเรื่องไร้สาระแบบนี้ไปทั้งวัน”

            “ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะ”

            “ไม่มีปัญหาครับ อย่างน้อยผมก็ได้รู้แล้วว่า ที่บริษัทกำลังจะเจ๊งมันมีสาเหตุมาจากอะไร”

            “ก็แล้วแต่คุณจะคิด เพราะผมรู้ดีว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร มันมีพวกจ้องจะทำลายธุรกิจผม ตอนนี้กำลังตามสืบอยู่ อีกไม่นานหรอกจะได้รู้ว่าพวกมันเป็นใคร และต้องการอะไรกันแน่” สายตาคมที่จ้องมองมานั้น ราวกับมั่นใจเสียเหลือเกิน ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือผม ได้ยินอย่างนี้แล้วผมจะต้องบอกให้อาหยางระวังตัวมากขึ้นไปอีก

            “แล้วคุณเคยไปทำอะไรใครไว้หรือเปล่าล่ะครับ”

            “ก็ไม่นะ ผมไม่เคยทำร้ายหรือมีเรื่องกับใครมาก่อน” เขาตอบออกมาหน้าระรื่น ผมเกลียดสีหน้าที่เขาแสดงออกมา ราวกับต้องการเย้ยหยันผมซะอย่างนั้น ไอ้คนสารเลว!

            “โกหก!” ความเกรี้ยวกราดในใจผมมันระเบิดออกมาโดยไม่รู้ตัว พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ขมวดคิ้วเป็นปม มองหน้าผมอย่างจับผิดไปเสียแล้ว “เอ่อ...ขอโทษครับ”

            “มึงใช่ไหม?” เขาจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาที่แข็งกร้าว ราวกับมั่นใจว่าผมคือวินที่เขาเคยรู้จัก

            “อะไรกันครับ จู่ๆ ก็พูดคำหยาบใส่ผมซะอย่างนั้น เสียภาพลักษณ์ท่านประธานบริษัทหมดเลย” ผมแสยะยิ้มให้ ไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธวลีที่เขาเอ่ยมาก่อนหน้านี้

            ปึง!

เขายกมือขวาทุบลงบนโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้ามาหาผม แต่มีหรือที่ผมจะกลัว กลับนั่งอยู่ที่เดิมไม่หนีไปไหน ไม่แสดงท่าทีตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อย

            “มึงต้องการอะไรกันแน่ กูรู้ว่าเป็นมึงตั้งแต่แรกแล้ว ไอ้วิน!” เขาจับคอเสื้อผมดึงตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วกึ่งลากกึ่งดึงตัวไปจนหลังผมชิดกับผนังห้อง ก่อนจะใช้ลำตัวทับทาบประกบตัวดันผมเอาไว้อย่างนั้น

            “ผมเพิ่งรู้ว่าผู้บริหารที่นี่นอกจากจะเป็นคนหัวร้อนแล้ว ยังมีอาการโรคประสาทร่วมด้วยอีก แถมสายตาก็พร่ามัว ชอบคิดว่าผมเป็นคนอื่นอยู่เรื่อยเลย หึๆ” ผมจ้องตาเขา แค่นยิ้มออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

            “มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดประชดกูหรอก กูไม่รู้ว่ามึงไปชุบตัวมาได้ยังไง แต่กูรู้ว่ามึงคือไอ้วินคนที่กูเคยยัดเยียดความเป็นผัวให้ ไปชุบตัวมาใหม่แต่คิดเหรอว่ากูจะจำกลิ่นตัวมึงไม่ได้” ผมทำเป็นยิ้มสู้เข้าไว้ แต่ใจกลับเต้นระส่ำ เมื่อพี่ธีกดจมูกลงมาดอมดมที่ซอกคอผมอย่างหื่นกระหาย แต่ผมยังคงยืนนิ่งให้เขาทำอยู่อย่างนั้นจนพอใจไม่ได้ขัดขืนอะไร

            “พอใจหรือยังครับคุณธีภพ ผมจะไม่ถือสาคุณหรอก เพราะเข้าใจว่าคุณคงจะทำอะไรคนที่ชื่อวินไว้เยอะ จนกลายเป็นวัวสันหลังหวะไปแล้ว” ผมขยะแขยงดีเอ็นเอของเขาที่แปดเปื้อนอยู่บนซอกคอผมเหลือเกิน หากกลับไปผมคงจะต้องรีบอาบน้ำล้างตัวออกให้เกลี้ยง

            “มึงจะหน้าด้านหน้าทนได้นานแค่ไหนกันวะ กูอยากจะรู้นัก” เขาผละจากตัวผมแล้วเดินไปที่ประตูห้องก่อนจะล็อกมันไว้

            ผมได้แต่เหลือบตามองแล้วยิ้มมุมปาก คิดจะทำอะไรโง่ๆ อีกแล้วสินะ มีปัญญาคิดได้แค่การใช้กำลังข่มเหงคนอื่นเหมือนเดิม

            เขาเดินย่างสามขุมยิ้มมุมปากเข้ามา พร้อมทั้งคลายเนกไทที่คอออกด้วย สงสัยคงจะใช้วิธีเดิมที่เคยทำกับผมสินะ แต่ขอโทษด้วยผมไม่ใช่วินคนเดิมที่จะใช้กำลังบังคับข่มเหงได้ ผมจะตอกย้ำให้เขารู้ว่าผมไม่ใช่วินคนที่เขารู้จักอย่างแน่นอน

            “คุณจะทำอะไรครับคุณธีภพ” ผมเอ่ยถาม ไม่ได้มีความตื่นกลัวเลยแม้แต่น้อย

            “ก็จะทำอย่างที่กูเคยทำกับมึงยังไงล่ะ มีชีวิตที่สุขสบายแล้วยังจะกลับมารนหาที่อีก มึงเลือกเองนะ”

            “ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่วินคนที่พวกคุณรู้จัก ผมจะบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่าผมไม่ใช่ อื้อ..” พูดยังไม่ทันจบ พี่ธีก็เข้ามารวบตัวผมไว้แล้วประกบริมฝีปากทันที เขาจัดการดึงชายเสื้อผมออกจากกางเกง ล้วงมือหนาเข้าไปซุกซนที่เนินอกผมอย่างหื่นกระหาย

            ผมปล่อยให้เขาทำตามใจมากพอแล้ว จึงเป็นฝ่ายเริ่มออกแรงบ้าง มือทั้งสองข้างของผมยกขึ้นมาวางไว้บนอกแกร่ง ก่อนจะออกแรงผลักให้ร่างกำยำนั้นออกห่างจากตัวผม จากนั้นก็ส่งหมัดเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยแรงอันหนักหน่วงซัดเข้าที่ใบหน้าคมนั้นจนเซถลา ผมไม่รอให้เขาหันกลับมามองหน้า จึงยกเท้าขึ้นไปถีบที่หน้าท้องจนล้มลงกับพื้น จากนั้นก็จับพลิกตัวให้นอนคว่ำหน้าลง จับแขนทั้งสองข้างขึ้นมาไขว้บนหลังไว้ ผมไม่ใช่วินคนเดิมที่ร่างกายอ่อนแออีกแล้ว...จำไว้ด้วย

            “ปล่อยกูสิวะ!” ตอนนี้คนที่เคยรังแกผมมาตลอด ได้นอนอยู่ใต้ฝ่าเท้าผมเสียแล้ว ดูท่าทางเขาคงยังไม่หมดฤทธิ์ เอาแต่ตะโกนด่าทอผม นี่หรือสันดานของผู้บริหาร หากแม้นว่าผมไม่ได้เข้ามาทำลายธุรกิจเขา แต่อีกไม่นานผมเชื่อว่ามันคงจะเจ๊งด้วยน้ำมือของพี่ธีเองแน่นอน

            “ผมจะบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายว่าผมไม่ใช่วิน ผมคืออี้เฟย แล้วแต่คุณจะเชื่อหรือไม่นะ ถ้าคุณไม่ใช่สามีคุณอรผมคงจะถอนหุ้นออกไปแล้ว”

            “ถอนออกไปสิ! ถอนเลย!”

            “ผมไม่โง่อย่างนั้นหรอก ยิ่งเห็นคุณหัวร้อนอย่างนี้ผมยิ่งอยากจะอยู่ที่นี่ คอยช่วยเหลือคุณ เพราะอะไรรู้ไหม เพราะผมรู้สึกสมเพชคุณไง เป็นผู้บริหารแท้ๆ ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย แล้วอย่างนี้บริษัทจะไปรอดได้ยังไงกันครับ ผมจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นละกัน ผมยังยืนยันที่จะอยู่เป็นที่ปรึกษาให้คุณที่นี่เหมือนเดิม”

            “อย่ามาทำเป็นหวังดีเลย กูไม่มีทางเชื่อมึงหรอก มึงแค้นที่กูแย่งลูกมาจากมึงใช่ไหมล่ะ มึงถึงได้กลับมาเอาคืนกู” เขายังไม่สำนึกเลยแม้แต่น้อย ผมได้แต่ทำหน้าเบื่อหน่ายให้กับความรั้นของพี่ธี คนอะไรจะหัวดื้อขนาดนี้นะ

            ในเมื่อไม่ยอมรับฟัง ผมก็จะใช้ความรุนแรง โดยการบิดข้อมือให้เขาเจ็บมากขึ้นไปอีก

            “โอ๊ย!! กูเจ็บนะโว้ย”

            “เจ็บสิดี คุณจะได้ตื่นจากฝันซะที ถ้าคุณยังบ้าอยู่อย่างนี้ผมจะไม่ใจดีกับคุณแล้วนะ” ขณะพูดผมยิ่งเพิ่มแรงบิดข้อมือเขา จนคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่นั้นใบหน้าแดงก่ำราวกับลูกตำลึงซะอย่างนั้น

            “โอ๊ยยย!!! ผมยอมแล้ว ผมยอมแล้ว ปล่อยผมเถอะครับ” คงเจ็บจนทนไม่ได้สินะ ถึงได้ยอมเสียศักดิ์ศรีอ้อนวอนขอร้องผม

            ในที่สุดผมก็สามารถใช้กำลังเอาชนะเขาได้เป็นครั้งแรกในชีวิต รู้สึกสะใจมากเหลือเกิน

            “ถ้าคุณยังไม่เลิกคิดว่าผมเป็นคนที่ชื่อวิน ไม่แน่ผมอาจจะให้เตี่ยอุ้มคุณไปที่ไหนสักแห่งเพื่อตัดรำคาญก็เป็นได้นะครับ ผมไม่ได้ขู่ แต่มันจะเกิดขึ้นจริงหากผมไม่สามารถทนกับนิสัยของคุณได้”

            “.........”

            เขาไม่ตอบอะไรได้แต่นอนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดรับฟังผม ผมรู้ว่าพี่ธีคงไม่ยอมอะไรง่ายๆ หรอก แต่เขาฉลาดพอที่จะเอาตัวรอดได้ คงไม่คิดสั้นแน่นอน

            ผมปล่อยมือเขาให้เป็นอิสระ แล้วลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพเหมือนเดิม ส่วนพี่ธีก็ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิทำหน้าเหยเกอยู่บนพื้น จับข้อมือตัวเองพลางบีบเบาๆ สงสัยคงจะเจ็บมาก ระหว่างนั้นก็จ้องเขม็งมาที่ผมอย่างเดือดดาล คงยังไม่หายแค้นแต่ก็ทำอะไรผมไม่ได้

            สมน้ำหน้า!

            “ผมขอโทษที่ทำให้คุณเจ็บตัว” ผมยื่นมือไปรอให้เขาจับเพื่อพยุงตัวลุกขึ้น แสดงความมีน้ำใจให้เขาเห็น แต่ไม่รู้ว่าคนอย่างนั้นจะยอมรับมิตรไมตรีจากผมหรือเปล่านะ”

            “ผมเองก็ต้องขอโทษที่ล่วงเกินคุณ ผมรู้แล้วว่าคุณคงไม่ใช่วินที่ผมเคยรู้จักแน่นอน เพราะเขาคนนั้นไม่ได้สู้คนอย่างที่คุณเป็น” ผมไม่รู้ว่าพี่ธีคิดอะไรอยู่ในใจถึงได้พูดอย่างนั้นออกมา แต่แววตาที่ส่งมานั้นมันแฝงไปด้วยความจริงใจ ผมดูออก หรือว่านี่มันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น

            เขายื่นมือมาจับก่อนที่ผมจะดึงตัวเขาให้ลุกขึ้นยืน จากนั้นผมก็เดินเข้าไปประชิดตัว เอื้อมมือไปจัดเสื้อให้อย่างถือวิสาสะ สายตาผมจ้องมองไปที่คอเสื้ออย่างตั้งใจ ส่วนพี่ธีคงกำลังอึ้งกับการกระทำผมอยู่ ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังจ้องมองการกระทำของผมอยู่เช่นเดียวกัน

            “เสร็จแล้วครับ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาพร้อมส่งยิ้มให้

            “ขอบคุณครับ” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย

            “เย็นนี้คุณพอจะมีเวลาว่างไหมครับ ผมอยากจะชวนคุณไปทานมื้อเย็นด้วยกันสักมื้อ เพื่อเป็นการปรับความเข้าใจกัน และเพื่อธุรกิจของเรา”

            “ได้สิครับ ไม่มีปัญหา” ท่าทีของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ราวกับว่าเรื่องเมื่อสักครู่ไม่ได้เกิดขึ้นเลย

            “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

            “เชิญตามสบายครับ ให้เมษาพาไปก็ได้นะครับ คุณคงยังไม่รู้จักทาง”

            “ครับ”

            ผมหันหลังเดินออกมาจากเขา ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ทำไมแผนร้ายๆ ในหัวผมมันผุดขึ้นได้ตลอดเวลาเลยนะ รู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นปีศาจร้ายซะอย่างนั้น

            เดินออกมาแล้วผมก็เอ่ยถามเมษาที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าห้อง เจ้าหล่อนกำลังงุ่นอยู่กับการจ้องมองหน้าจอมอนิเตอร์อย่างตั้งใจ

            “คุณเมษาครับ”

            “มีอะไรคะคุณอี้เฟย”

            “คือผมรบกวนช่วยพาไปที่ห้องน้ำได้ไหมครับ ผมยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ตรงไหน”

            “อ๋อ...ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเดินตามดิฉันมาเลยค่ะ” เธอส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินนำหน้าผมไป

            เมื่อมาส่งผมถึงที่แล้ว เธอจึงหันหลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ผมจึงเอ่ยเรียกเอาไว้เสียก่อน

            “คุณเมษาอย่าเพิ่งไปครับ”

เจ้าหล่อนหันกลับมายิ้ม เลิกคิ้วเชิงตั้งคำถาม “มีอะไรคะ”

            “ถ้าผมเดาไม่ผิดคุณคงแอบชอบคุณธีภพอยู่ใช่ไหม?”

            “คะ” เธอทำหน้างงเล็กน้อย

            “ผมพอจะดูออกว่าคุณชอบคุณธีภพมาก ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมช่วยคุณได้นะครับ”

            “เราเพิ่งรู้จักกันทำไมคุณอี้เฟยถึงได้ทำอย่างนี้ล่ะคะ มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า” เธอคงคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะไว้ใจผม

            “ผมเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นครับ ผมเคยแอบชอบใครบางคนเหมือนกัน รู้ดีว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน แต่ถ้าคุณเมษาไม่สนใจก็ไม่เป็นไรนะครับ ถือซะว่าไม่ได้ยินที่ผมพูดก็แล้วกัน” ผมว่าแล้วก็ส่งยิ้มให้เธอ หมุนตัวกลับจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ

            “เดี๋ยวค่ะ!”

            ได้ยินอย่างนั้นผมก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะหันกลับไปยิ้มละมุนให้กับเธอ

            “ว่าไงครับ”

            “คือ...ฉันสนใจค่ะ ว่าแต่คุณจะช่วยฉันยังไงล่ะ”

            “คืนนี้ผมนัดคุณธีภพไปทานอาหารเย็น ถ้าคุณอยากครอบครองเขา ผมจัดให้คุณได้ขอแค่คุณเอ่ยปากมา”

            “ฉันต้องการอย่างนั้นค่ะ”

            “ถ้าอย่างนั้นคุณไปเปิดห้องรอได้เลย ผมจะส่งเขาไปให้คุณถึงที่เลย รับรองว่านับจากนี้ไปผู้ชายคนนี้จะอยู่ในกำมือคุณอย่างแน่นอน”

            “ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉัน ถ้าคุณต้องการให้ฉันช่วยอะไรบอกได้นะคะฉันทำให้ได้ทุกอย่าง” เธอแสยะยิ้มให้ผมอย่างพอใจ

            แน่นอนว่าผมเองก็เช่นเดียวกัน เราต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ เธอได้ตัวพี่ธี ส่วนผมก็ได้ใช้เธอเป็นเครื่องมือในโอกาสถัดไป
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.10 แผนร้ายทำลายรัก l Up:22-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-09-2018 20:51:10
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.10 แผนร้ายทำลายรัก l Up:22-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 22-09-2018 21:53:44
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.10 แผนร้ายทำลายรัก l Up:22-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 22-09-2018 22:17:10
เรื่องมันต้องมีอะไร ากกว่านี้แน่ๆ
ต้องมีบุคคลที่สามสร้างเรื่องแน่นอน :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.10 แผนร้ายทำลายรัก l Up:22-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-09-2018 00:55:43
 :laugh:

จะเป็นใหญ่ ใจต้องนิ่ง
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.10 แผนร้ายทำลายรัก l Up:22-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-09-2018 01:27:32
เริ่มสนุกละสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.10 แผนร้ายทำลายรัก l Up:22-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 23-09-2018 02:53:49
คิดว่าธีร์จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ตอนนี้คือ  :z6: สมควรจบแบดเอนด์

เรามองไม่ออกเลยว่าจะเอาเรื่องไหนมาโยงได้ ให้จบแฮปปี้
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.10 แผนร้ายทำลายรัก l Up:22-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-09-2018 03:13:21
ความน่าจะเป็นว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือตัวแม่นะ แต่มันจะใช่หรือเปล่าหน่า  :hao4:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.11 หวั่นไหว l Up:30-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 30-09-2018 21:51:32
บทที่ 11

หวั่นไหว



ณ ภัตตาคารในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง

“เชียร์!”

แกร๊ง!

“แด่มิตรภาพของเราครับ” พี่ธีชูแก้วไวน์สีแดงเลือดนกขึ้นตรงหน้า ส่งสายตาคมมาให้ผมอย่างมีเลศนัย

“แด่มิตรภาพของเราเช่นกันครับ” ผมเองก็ส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะจิบไวน์ในแก้วเล็กน้อย

"ขอบคุณนะครับที่ไม่ถือสาเอาเรื่องผมเรื่องเมื่อเช้า”

“เรื่องแค่นี้เองชิวๆ ครับ หนักกว่านี้ผมก็เคยโดนมาแล้ว”

เรื่องที่ว่านั่นก็มาจากฝีมือคุณนั่นล่ะ...คุณธีภพ

“หนักกว่านี้หมายความว่ายังไงครับ” เขาจ้องหน้ารอฟังคำตอบ มือก็หั่นสเต๊กชิ้นหนาในจานไปด้วย

“เอ่อ...อย่าพูดถึงมันเลยครับ มันไม่น่าฟังเท่าไหร่หรอก” ผมแค่นยิ้มให้

“ถ้างั้นไม่เป็นไรครับ ผมไม่น่าเสียมารยาทถามเลยเนาะ”

“เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่หรอกครับ”

“จะเสียมารยาทเกินไปไหม ถ้าผมจะถามเรื่องของคุณบ้าง เราจะได้รู้จักกันมากขึ้นไงครับ”

“ได้ครับ ไม่มีปัญหา ผมยินดี” จะมาไม้ไหนอีกนะผู้ชายคนนี้

“คุณอี้เฟยเกิดที่เมืองไทยหรือเมืองจีนครับ”

“ผมเกิดที่เมืองไทยครับ เรียนที่เมืองไทย จนเตี่ยมั่นใจว่าดูแลตัวเองได้จึงส่งไปเรียนต่อเมืองจีนอยู่นานหลายปีเลยทีเดียว และเพิ่งกลับมาได้ไม่นานนี้ล่ะครับ”

“อ๋อ มิน่าล่ะคุณถึงได้ดูเปลี่ยนไปเยอะเลย” เขาเอ่ยก่อนจะหันไปสนใจแก้วไวน์ จิบสองสามอึกแล้ววางข้างมือเหมือนเดิม ทำตัวราวกับกำลังเป็นต่อผมซะอย่างนั้น

“เปลี่ยนไปเยอะ? หมายความว่ายังไงครับ” ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย มองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ คำพูดที่เอ่ยออกมาราวกับต้องการสื่อให้ผมรู้ว่า เขาเองก็รู้อยู่แล้วว่าผมคือใคร เพียงแต่ยังไม่เอ่ยมันออกมาเท่านั้นเอง

“เปล่าครับ ผมพูดตามที่ผมคิดเท่านั้นเอง อย่าถือสาผมเลยนะครับ” เขายิ้มมุมปาก ทำหน้าตายียวน ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะเลิกทำพฤติกรรมอย่างนี้ แต่มันก็มีมาให้เห็นเรื่อยๆ ราวกับผู้ชายคนนี้กำลังต้องการเล่นสงครามประสาทกับผมซะอย่างนั้น

ทำเป็นเก่งไปเถอะ อีกไม่นานชีวิตนายจะต้องเข้าสู่ความหายนะ

“ครับ...ผมไม่ถือสาหรอกเพราะรู้ดีว่าคุณเป็นคนยังไง” ผมแสร้งยิ้มพิมพ์ใจให้เขา

“ผมเป็นคนยังไงเหรอครับ อยากจะรู้จากปากคุณจัง” เขาแค่นยิ้มจ้องมองมาที่ผมรอคำตอบ

“ไร้สาระไปวันๆ แต่จะจริงกับเรื่องที่ตัวเองเสียผลประโยชน์” ผมตอบออกไป

ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่เขาขืนใจผม และใส่ร้ายว่าผมขโมยทองคำของแม่เลี้ยง เพราะเหตุผลใดกันแน่ ถ้าเดาไม่ผิดผมคิดว่าเขาคงจะอิจฉาที่พ่อรักผมมากกว่า

“รู้สึกว่าคุณจะรู้จักผมดีซะเหลือเกินนะครับ”

“ก็คงเหมือนคุณที่คงจะรู้จักผมดีเช่นกัน จริงไหม?”

“เปล่าเลย! ผมบอกตรงๆ ว่ายังไม่รู้จักคุณดีพอ แต่กับวินคนที่ผมเข้าใจผิดว่าคุณคือเขา ผมรู้จักดีเลยล่ะ คุณอยากจะฟังเรื่องของเขาไหมล่ะครับ” พี่ธีแสยะยิ้มออกมาราวกับเป็นซาตานร้าย แม้ว่าผมจะเกลียดรอยยิ้มนั้นจับใจ แต่ผมก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มให้เขา ทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด

“ดีเหมือนกัน...ผมเองก็อยากจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุณวินมานานแล้ว”

“วินเป็นเด็กที่พ่อกับแม่ผมรับอุปการะมาจากบ้านเด็กกำพร้า รู้ไหมครับว่าแม่ผมเคยบอกว่ายังไง แม่บอกว่าเด็กคนนี้จะมาเป็นทาสรับใช้ผม แต่ด้วยที่รับมาอย่างถูกกฎหมาย ท่านจึงยอมยกให้วินมีสถานะเป็นน้องชาย แต่ผมไม่เคยคิดกับมันอย่างนั้นหรอกครับ ผมคิดกับมันเป็นแค่ทาสเท่านั้นเอง มันน่าสนุกนะครับที่มีคนให้แกล้งทุกวันเช้าเย็น โดยที่มันไม่กล้าหือกับผมเลยแม้แต่น้อย” เขาเอ่ยพลางจ้องตาผมไปด้วย ดูเหมือนว่าเขาจะภูมิใจกับสิ่งที่ทำกับผมซะเหลือเกิน

“พูดอย่างนี้ไม่กลัวว่าผมจะมองบ้านคุณเป็นโรคจิตหรอกเหรอครับ ที่เอาเด็กมาทารุณกรรมซะอย่างนั้น”

“ไม่กลัวครับ เพราะคนรวยๆ อีกหลายบ้านก็ทำอย่างที่พวกเราทำ ชีวิตของคนจนมันไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้นหรอกครับ ขนาดพ่อแม่มันยังไม่ต้องการเลย แล้วทำไมพวกผมจะทำอย่างนั้นมันไม่ได้ล่ะ”

ผมยังคงฝืนทำหน้าให้เป็นปกติ แต่แววตาผมที่มองเขามันกลับร้อนเป็นไฟ ที่พร้อมจะแผดเผาเขาเต็มทนแล้ว

“ผมว่าเราเลิกพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่าครับ ผมว่าผมไม่ควรจะต้องมารับรู้เรื่องทางบ้านคุณสักเท่าไร” ผมไม่ไหวแล้ว เพราะหากเขาพูดถึงเรื่องที่ทำกับผมได้หน้าตายอย่างนี้ ผมคงอดรนทนไม่ไหวได้ฆ่าเขาตายตรงนี้แน่

“อ้าว! ผมก็นึกว่าคุณจะสนใจเสียอีก ไม่เป็นไรครับถ้ามีเวลาเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังอีก” เขาทำหน้าเสียดายขั้นสุด คิดจะกวนประสาทผมงั้นเหรอ เดี๋ยวจะโดน!!!

“จะเอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ผมยินดีรับฟัง...แต่ไม่ใช่ตอนนี้” ว่าแล้วผมก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบเล็กน้อย เหลือบตามองเขา ก่อนจะยิ้มมุมปาก

อีกไม่เกินสามวินาทีโทรศัพท์มือถือของเขาจะต้องมีสายเข้าแน่นอน 3 2 1….

Rrrrr….

“เมษาโทรมาทำไมตอนนี้นะ” พี่ธีขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ลังเลใจที่จะรับสาย

“คุณจะไม่รับเหรอครับ เผื่อว่าคุณเมษาอาจจะมีธุระด่วน ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรมาช่วงเวลาอย่างนี้หรอก”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นเขาก็กดรับสายทันที

“ว่าไงเมษา”

(คุณธีคะช่วยฉันด้วย ฉันโดนผู้ชายฉุดมาที่โรงแรมค่ะ ตอนนี้มันเข้าห้องน้ำอยู่ คุณรีบมาช่วยเมตอนนี้เลยนะคะ ที่โรงแรมXXX ห้องXXX)

ตู๊ดๆ ๆ

“เมษาเดี๋ยวก่อน!” ดูสีหน้าพี่ธีไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อรู้ว่าเลขาสาวกำลังตกอยู่ในอันตราย

“คุณเมษาเป็นอะไรอย่างนั้นเหรอครับ” ผมแสร้งถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“เมษาโดนฉุด ผมต้องไปช่วยเธอตอนนี้”

“ถ้าอย่างนั้นผมไปด้วยนะครับ”

เขาพยักหน้าหงึกเป็นการอนุญาต หลังจากนั้นเราทั้งสองก็รีบบึ่งรถไปที่นั่นทันที



มาถึงแล้วพี่ธีก็รีบเดินดุ่มๆ เข้าไปในโรงแรมอย่างเป็นกังวล โดยมีผมเดินตามหลังไปติดๆ ผมกะเวลาไว้แล้วเมื่อพี่ธีเข้าไปถึงห้อง ยาปลุกเซ็กส์ที่ผมใส่ลงไปในแก้วไวน์จะต้องออกฤทธิ์พอดิบพอดี เมื่อเข้าไปเห็นเมษาในสภาพล่อแหลมอย่างนั้น มีหรือที่เขาจะปล่อยให้เธอรอดไปได้

ปังๆ ๆ !!!

“เมษาฉันมาแล้ว! เปิดประตูสิวะ” ในระหว่างนั้นผมสังเกตได้ว่า ใบหน้าของพี่ธีเริ่มแดงก่ำ ความกำหนัดในตัวเขาเริ่มปะทุออกมาเป็นระลอก ที่สำคัญตอนนี้เป้ากางเกงของพี่ธีเริ่มตุงขึ้นมาแล้ว “ทำไมถึงได้ครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างนี้นะ” เขาเอ่ยกับตัวเองเบาๆ เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะเป็นฝ่ายยื่นมือไปหมุนลูกบิดประตู เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้ล็อก

แก๊รก!

“ประตูไม่ได้ล็อกครับ”

“จริงสิ!” เขาไม่รอช้ารีบเปิดเข้าไปช่วยเหลือเลขาสาวในห้อง ส่วนผมไม่ได้เข้าไปด้วย เพราะรู้ดีว่าเมษาคงไม่ยอมปล่อยให้พี่ธีรอดออกมาเป็นแน่

นับจากนี้ไปชีวิตของพี่ธีจะต้องวุ่นวายจากผู้หญิงทั้งสองคน ไม่ว่าจะเป็นอรจิราเมียในสมรส หรือเมษาเลขาสาวสุดแสบ ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นเมียน้อยของพี่ธีไปเรียบร้อยแล้ว กลับบ้านก็ต้องทะเลาะกับเมีย มาทำงานก็ต้องทำสงครามประสาทกับผม เจออย่างนี้มีหรือที่จะนั่งยิ้มอยู่ได้

*-*-*-*-*-*-*

หลายวันต่อมา

อรจิราเข้ามาที่บ่อนอีกครั้งด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก ตอนนี้เราทั้งสองนั่งดื่มอยู่ในห้องทำงานผม เธอตัดพ้อกับผมว่าตอนนี้สามีเริ่มนอกใจ นั่นเพราะมีผู้หญิงส่งภาพเริงรักมาให้เธอ นั่นทำให้หญิงสาวที่เป็นเมียในสมรสกรี๊ดแทบจะลั่นบ้าน มีปากมีเสียงกันจนเธอต้องออกมาหาความสุขนอกบ้าน โดยการมาที่บ่อนนั่นเอง

“คุณอี้เฟยช่วยฉันคิดหน่อยสิคะ ว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี”

“ผมว่าของอย่างนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกนะครับ ถ้าผู้ชายไม่เล่นด้วยมันก็ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน” ผมเติมเชื้อไฟ ให้ความคับแค้นใจของเธอมันเพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีก

“ก็จริงค่ะ แต่ฉันยังอยากจะตบนังนั่นอยู่ดี ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าหล่อนคนนั้นเป็นใคร มันส่งภาพมาไม่พอยังส่งข้อความมาเยาะเย้ยฉันอีก ตอนแรกก็ว่าจะอยู่เฉยๆ เพราะฉันเองก็ทำผิดกับเขาไว้เหมือนกัน แต่นังนั่นมันไม่ยอมเลิกกะจะเอาพี่ธีไปกอดคนเดียวให้ได้ เมียน้อยสมัยนี้มันร้ายกว่าที่คิดอีก เชื่อไหมคะว่าตั้งแต่แต่งงานกันมา พี่ธีไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงให้ฉันกลุ้มใจเลย” เธอเอ่ยพลางจิบไวน์ลงคอไปหลายอึกจนเกือบจะหมดแก้ว สงสัยวันนี้อาหยางจะต้องทำงานหนักอีกแล้วสินะ

“สันดานผู้ชายยังไงก็หนีไม่พ้นเรื่องอย่างนี้หรอกครับ ต่อให้ไม่เคยมีประวัติแต่พอได้เห็นผู้หญิงสาวๆ สวยๆ กว่าคนเก่าย่อมมีความอยากเป็นธรรมดา” ผมเผลอพูดแทงใจดำเธอออกไปอย่างลืมตัว จนอรจิราหันขวับมามองค้อนผมทันที

“นี่คุณอี้เฟยกำลังว่าฉันแก่อย่างนั้นเหรอคะ”

“เปล่านะครับผมแค่เปรียบเปรยกับคู่รักที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้”

“ก็แล้วไปค่ะ วันนี้อรขอค้างที่นี่ได้ไหมคะ อรไม่อยากกลับบ้านน่าเบื่อจะตาย ทั้งผัวทั้งแม่ผัว”

“แม่สามีทำอะไรคุณงั้นเหรอครับ”

“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ คุณแม่แค่ชอบบ่นชอบด่าให้ฉัน ราวกับฉันไม่ใช่สะใภ้ บางทีก็อยากจะตบสักฉาดให้หายแค้นซะเหลือเกิน” เธอเอ่ยด้วยแววตาที่แข็งกร้าว มือจับแก้วไว้แน่นจนสั่น ราวกับกำลังโกรธแค้นแม่บุญธรรมผมซะอย่างนั้น

“ดูท่าทางคุณจะไม่ชอบแม่สามีมากเลยนะครับ” ผมแกล้งเอ่ยถาม เพราะตอนนี้เธอเริ่มจะมีอาการมึนเมาบ้างแล้ว ถามอะไรมีหรือที่เธอจะไม่ตอบ

“มากที่สุดเลยล่ะค่ะ คุณแม่ชอบบังคับคนอื่นให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ บังคับให้ฉันโกหกว่าเป็นแม่แท้ๆ ของธนนท์ ทั้งที่ฉันไม่ชอบเลี้ยงเด็ก ฉันไม่ชอบเด็กเลย แถมยังพูดจาดูถูกฉันสารพัด ว่าเป็นสะใภ้ที่ไม่มีศักดิ์ศรี แลกมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล นั่นเพราะพ่อกับแม่ฉันทำธุรกิจขาดทุนเลยต้องกู้เงินคุณแม่ไปหมุน พอไม่มีจ่ายก็ยกหนี้ให้เป็นค่าสินสอดทองหมั้น” เธอพูดหมดเปลือกแบบไม่มีกั๊ก

ถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง ชีวิตอรจิราก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อย เพราะผมรู้จักนิสัยของแม่บุญธรรมดี เธอเป็นคนอารมณ์ร้ายและอำมหิตมาก แต่ตอนนี้ผมคงจะสงสารเธอไม่ได้ เพราะเธอคือตัวแปรสำคัญที่จะเปิดประตูให้ผมเข้าไปแก้แค้นพี่ธีคืนได้

ระหว่างนั้นอรจิราก็ลุกขึ้นจากโซฟา เดินมานั่งบนตักผม ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างมาคล้องคอผมไว้ กดจมูกสวยได้รูปลงมาที่แก้มผมจนพอใจ

“คุณอี้เฟยคะ เรามามีความสุขกันเถอะค่ะ” เธอนัวเนียผมอยู่อย่างนั้นไปได้สักพัก ผมจึงอุ้มเธอเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวซึ่งอยู่ติดกับห้องทำงาน โดยมีประตูเชื่อมต่อหากันได้

ด้วยความเมามายทำให้เธอนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ส่งเสียงอ้อแอ้ไปเรื่อยฟังไม่ได้ความ ก่อนที่ผมจะเดินออกไปจากห้องนั้น อรจิราก็ได้เอ่ยประโยคหนึ่งออกมา ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก มองกลับไปที่หล่อนอย่างสนใจ

“ถ้าหนูทนไม่ได้ หนูจะแฉเรื่องคุณแม่ให้หมดเปลือกเลยคอยดู”

“คุณอรจะแฉเรื่องอะไรเหรอครับ” ผมก้มลงไปถามเจ้าหล่อนใกล้ๆ ใบหู แต่ทว่าตอนนี้อรจิรากลับหลับไม่รู้เรื่องไปเสียแล้ว

กำลังจะรู้อะไรดีๆ อยู่แล้วเชียว ตอนแรกกะจะเรียกอาหยางเข้ามาให้ความสุขเธอ แต่เมื่อเห็นสภาพอย่างนี้ปล่อยให้เธอนอนพักผ่อนจะดีกว่า

เดินออกมาจากห้อง ผมก็เห็นอาหยางยืนรออยู่ตรงหน้าแล้ว เขามองมาที่ผมราวกับกำลังน้อยใจอะไรบางอย่าง เห็นอย่างนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะอาหยาง” ผมเอ่ยแค่นยิ้มออกมาเล็กน้อย

“คือ...คุณอี้เฟยกับเธอมีอะไรกันแล้วเหรอครับ” อาหยางก้มหน้าเอ่ย ไม่กล้าเงยขึ้นมาสบตาผม

“จะบ้าเหรออาหยาง ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก นายกลัวว่าฉันจะแย่งหน้าที่นายรึไงกัน ยังไงซะหน้าที่นั้นมันต้องเป็นของนายอยู่แล้วไม่ต้องห่วง เพียงแต่ว่าตอนนี้อรจิราเมาหลับไม่รู้เรื่อง เลยปล่อยให้เธอนอนยังไงล่ะ” ผมขำกับท่าทางราวกับเด็กของอาหยาง ทำไมเขาทำอย่างนี้แล้วถึงได้ดูน่ารักน่าเอ็นดูซะเหลือเกิน

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ เพียงแต่ผมไม่อยากให้ตัวคุณอี้เฟยต้องมาแปดเปื้อนครับ เรื่องอย่างนั้นให้ผมเป็นคนทำจะดีกว่า”

“นายพูดอย่างนี้ฉันยิ่งรู้สึกผิด” ใช่...ผมรู้สึกผิดที่ทำให้อาหยางต้องมาทำเรื่องอย่างนี้ ทั้งที่เขามีคนที่อยู่ในใจแล้ว

“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกครับ ผมเคยบอกแล้วไงว่าชีวิตผมก็ให้คุณอี้เฟยได้” แววตาที่เขาส่งมานั้นสื่อถึงความจริงใจขั้นสุด แรงดึงดูดนั้นทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้ ราวกับมีเวทมนตร์สะกดใบหน้าผมให้อยู่นิ่ง เพื่อรอให้เขาโน้มใบหน้าเข้ามาตักตวงความสุขจากริมฝีปากผม

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้พวกเราทั้งสองคนหลุดจากภวังค์ ละสายตาออกจากกันโดยทันที ใบหน้าของผมร้อนผ่าว รู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกเมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่นะ

“มีลูกค้าต้องการจะกู้เงินครับคุณอี้เฝย”

“โอเคเดี๋ยวฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”

“ครับ”

หลังจากลูกน้องในบ่อนเดินออกไปแล้ว ผมก็ทำทีหันไปมองหน้าอาหยางอีกครั้ง ประหนึ่งว่าเรื่องก่อนหน้านั้นไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย

“เราออกไปข้างนอกกันเถอะอาหยาง”

“ครับ” เขาส่งยิ้มทำหน้าเขินให้ก่อนจะเดินตามหลังผมออกไป

หรือว่าผมจะจมอยู่กับความแค้นมากเกินไป จนลืมไปแล้วว่าคนเรามันต้องมีความรัก ซึ่งสิ่งนี้จะสามารถทำให้หัวใจที่เคยมืดดำ กลับกลายเป็นสีชมพูได้ในพริบตา สำหรับอาหยางผมรู้สึกกับเขาแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ทว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่กลับทำให้ความรู้สึกของผมเปลี่ยนไป ไม่นะ! มันต้องไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นกับผม อาหยางเองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้ล่ะ ผมจะไม่มีทางให้อย่างเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด... ไม่มีวัน



หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.11 หวั่นไหว l Up:30-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 30-09-2018 23:00:40
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.11 หวั่นไหว l Up:30-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-09-2018 23:12:00
อาหยางสู้ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.11 หวั่นไหว l Up:30-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 01-10-2018 00:41:46
ทีมอาหยางคร่าาา เอาพี่ธีทิ้งไป555
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.11 หวั่นไหว l Up:30-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 01-10-2018 01:14:26
เรื่องนี้นังมีปมที่เราอ่านแล้วคาใจ รอลุ้นกันต่อไป :katai3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.11 หวั่นไหว l Up:30-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-10-2018 01:15:55
ยังไม่ได้เจอน้องนนเลย ไม่รู้ว่าโดนล้างสมองไปมากแค่ไหนนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.11 หวั่นไหว l Up:30-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-10-2018 01:24:08
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.11 หวั่นไหว l Up:30-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 01-10-2018 10:07:13
ดะ เดี๋ยวนะ วินกับอาหยาง...
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.11 หวั่นไหว l Up:30-09-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-10-2018 10:33:22
นั่นไง~พ่อ่อพ่อชักมักได้กันเอง 555
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.12 วันนี้ที่รอคอย l Up:16-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 16-10-2018 22:48:16
บทที่ 12

วันนี้ที่รอคอย



“ทำไมเธอถึงทำอย่างนี้เมษา จะไปก่อกวนอรเขาทำไม”

“ก็เมรักคุณนี่คะ อยากให้คุณเปิดตัวเมบ้าง ยังไงเมก็เป็นเมียคุณแล้วนะ”

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีทาง เธอเป็นคนอยากเข้ามาอยู่ในสถานะนี้เอง ก็ต้องอยู่แบบนี้ไปตลอด”

“เมไม่มีทางยอมหรอก”

“แต่เธอก็รู้ว่าฉันมีเมียมีลูกแล้ว ยังจะมาทำอย่างนี้อีก ฉันไม่เขี่ยเธอทิ้งมันก็ถือว่าเป็นบุญแล้วนะ”

“ถ้าคุณยังไม่ให้เมเป็นเมียที่ออกหน้าออกตาอีกคน รับรองว่าเมไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่”

“ถ้าเธอทำอย่างนั้นฉันไม่เอาเธอไว้แน่”

ผมยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ตอนนี้ผมอยู่ประตูหน้าห้องกะว่าจะเข้าไปหาพี่ธี แต่ก็มาได้ยินอะไรดีๆ เข้า ไม่เสียแรงที่ผมวางแผนเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เมษาทำหน้าที่ได้ดีมากเลยทีเดียว ทำเอาพี่ธีถึงกับกุมขมับได้เกือบทุกวัน เพราะเจ้าหล่อนตามตื๊อไม่เลิกเพื่อจะได้เดินควงอย่างออกหน้าออกตา แต่พี่ธีไม่ยอมเพราะกลัวว่าจะเป็นขี้ปากพนักงานในออฟฟิศ รวมถึงหากอรจิรารู้เรื่องเข้าจะมาตามอาละวาดถึงที่แน่นอน

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ผมเคาะประตูห้องแล้วถือวิสาสะเปิดเข้าไป ก็เห็นทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ข้างกัน เมษาส่งยิ้มมาให้ผมเล็กน้อยอย่างรู้กัน ส่วนพี่ธีก็เอาแต่จ้องหน้าผมอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

“ผมมาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่ครับ” เขาเอ่ยกับผม ก่อนจะหันหน้าไปเอ่ยกับเลขาสาวบ้าง “เธอออกไปก่อนเมษา”

“ค่ะท่านประธาน” เมษาส่งยิ้มให้กับเจ้านาย ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว พี่ธีก็เชิญผมนั่งที่เก้าอี้ เขานั่งจ้องหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังคิดอะไรในใจ ทั้งสีหน้าและแววตาคู่นั้น บ่งบอกว่าเขากำลังรู้สึกไม่พอใจผมซะเหลือเกิน

“ทำไมคุณชอบมองหน้าผมแบบนั้นล่ะครับ”

“ทำไม? ผมมองไม่ได้เหรอ”

“เปล่าครับ ตาของคุณจะมองใครก็ได้ แต่ที่คุณแสดงออกมามันไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง”

“ผมรู้ว่าคุณคือคนวางแผนเรื่องทั้งหมด”

ผมรู้ว่าพี่ธีหมายถึงเรื่องเมษา แต่ผมกลับทำหน้างงเล็กน้อย ราวกับไม่รู้ว่าเรื่องที่พูดมามันคืออะไรกันแน่

“วางแผนเรื่องอะไรครับ”

“ก็เรื่องเมษาโดนฉุด เรื่องที่ผมโดนวางยาปลุกเซ็กส์ ทุกอย่างมันดูบังเอิญไปหมด ราวกับมีคนวางแผนเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว และคนที่ผมสงสัยก็คือคุณ เพราะตั้งแต่คุณเข้ามาชีวิตผมก็มีแต่เรื่องวุ่นวายเต็มไปหมด” เขาชี้หน้าผม ทำหน้าถมึงทึงราวกับยักษา

“คุณชอบคิดไปเองอยู่เรื่อยเลยคุณธี ผมจะทำอย่างนั้นไปทำไมล่ะครับ” ผมแค่นยิ้ม ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยียวนกวนประสาทเขา

“ก็คุณ....” เขาจ้องเขม็งมือที่วางอยู่บนโต๊ะกำจนสั่นเทา สายตาคมที่มองมานั้นเต็มไปความเกรี้ยวกราด แต่ทว่ากลับไปยอมเอ่ยปากออกมาว่าจะพูดอะไรกับผม

“ก็คุณอะไรครับ” ผมเลิกคิ้วถามเขาอีกครั้ง

“เปล่า...ไม่มีอะไรครับ ผมว่าผมต้องไปพบจิตแพทย์บ้างแล้วล่ะ ช่วงนี้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยอยู่ ขอโทษด้วยนะครับ” ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างปุบปับ ทำเอาผมถึงกับงง พี่ธีจะพูดอะไรออกมานะผมอยากจะรู้จริงๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจว่าช่วงนี้คุณคงมีเรื่องให้คิดหนักน่าดู” ใช่สิทั้งเรื่องเมียทั้งสองคน แถมยังมีเรื่องธุรกิจที่กำลังจะดิ่งลงเหวอีกด้วย คิดเหรอว่าผมมาเป็นที่ปรึกษาจะทำให้บริษัทดีขึ้น ผมมาช่วยฉุดมันดิ่งลงเหวต่างหากล่ะ

“ครับ ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยเรื่องงานกันดีกว่าไหม”

“ดีครับผมกำลังจะแนะนำคุณอยู่พอดีเลย เราควรจะหาผู้ถือหุ้นรายใหม่ ที่มีธุรกิจสื่ออยู่ในมือเข้ามาร่วมบริหารนะครับ เพราะตอนนี้สถานการณ์มันไม่ได้ดีขึ้นเลย ผมกลัวว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปทุกอย่างมันจะพังไปมากกว่านี้อีก”

“ไหนคุณบอกว่าจะช่วยผมไงล่ะ แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้แนะนำผมให้หาผู้ร่วมทุนคนใหม่”

“ผมเป็นนักธุรกิจก็ต้องการกำไรเป็นธรรมดา ที่นี่ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ทำอะไรก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย หากเป็นอย่างนี้ต่อไปมีแต่ทุนจะจม บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ผมเองก็ไม่ไหวเหมือนกัน” ถึงคราวที่ผมจะต้องเป็นผู้บริหารของที่นี่อย่างเต็มตัวแล้วสินะ เพราะอีกไม่นานผู้ร่วมหุ้นรายใหม่ซึ่งเป็นหน้าม้าของผมจะเข้ามาถือหุ้นจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นผมก็รวบหุ้นทั้งสองส่วนเข้ามาเป็นของผม และสัดส่วนที่มากเกินกว่าครึ่งนั้นก็จะทำให้ผมมีอำนาจในการบริหารงาน

“ผมเองก็คิดว่าคุณจะมีดีมากกว่านี้ซะอีก ที่ไหนได้ก็แค่นักธุรกิจธรรมดาไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย” เขาเอ่ยประชดประชันผม

“ผมยอมรับว่าผมไม่ได้เก่งอะไรมากนัก แต่ผมก็เป็นคนที่กว้างขวางพอตัว รู้จักคนในแวดวงสื่อหลายคน ผมสามารถแนะนำให้เขามาลงทุนกับเราได้นะครับ ผมจะยอมแบ่งหุ้นในส่วนของผมให้กับเขา และคุณเองก็ควรจะแบ่งในส่วนของคุณขายด้วยเช่นเดียวกัน”

“ทำไมผมจะต้องทำตามที่คุณแนะนำด้วยล่ะ”

“ก็แล้วแต่นะครับ ถือว่าผมแนะนำแล้ว การมีผู้ถือหุ้นทำงานในวงการสื่อ มันก็ดีที่เราจะสามารถให้เขาโปรโมตธุรกิจในเครือได้ โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายมากเท่าที่ควร หากมีฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้นรายได้ก็จะมากขึ้น ถึงตอนนั้นแล้วมันมีแต่ได้กับได้ไม่ใช่เหรอครับ ที่พูดเพราะผมเป็นห่วงคุณที่ต้องแบกรับภาระมาตลอด คิดดูดีๆ นะครับ ผมว่ามันดีกว่าการไปกู้เงินจากธนาคารมา ดอกเบี้ยก็ไม่ใช่ถูกๆ”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอคิดดูก่อนก็แล้วกัน” พี่ธีขมวดคิ้ว มีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เพราะเรื่องนี้มันเป็นการตัดสินใจที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ผมว่าเขาคงจะยอมทำตามคำแนะนำผมแน่นอน เพราะตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ที่เป็นอย่างนั้นเพราะผมได้ไปปล่อยข่าว ทำลายชื่อเสียงของธุรกิจในเครือของพี่ธีอยู่เป็นระลอก

ในระหว่างที่เรากำลังอยู่ในห้วงแห่งความเงียบงันนั้น ก็มีสายโทรเข้ามาหาพี่ธี

Rrrrr….

“ว่าไงอร”

(นังนั่นส่งข้อความมาหาอรอีกแล้ว คุณกำลังอยู่กับมันใช่ไหม)

“คุณจะบ้าเหรอผมทำงานอยู่บริษัท อย่าทำตัวน่าเบื่อได้ไหม”

(ฉันไม่เชื่อคุณจะต้องกกมันอยู่แน่ๆ ถ้าฉันจับได้จะจับนังนั่นแก้ผ้าประจานเลยคอยดู)

“เฮ้อ! แค่นี้ล่ะผมไม่อยากจะเสียเวลากับคุณแล้ว”

(กรี๊ดด!! ไอ้ผัวเฮงซวย วันนี้คุณไปรับลูกคนเดียวเลยฉันไม่ไปด้วยหรอก)

ตู๊ดๆ ๆ ๆ

วางสายแล้วพี่ธีก็ถอนหายใจเสียงดัง ผมได้แต่นั่งปรายตามองออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอก ผ่านกระจกแก้วบานใหญ่

เห็นสภาพแล้วก็รู้สึกสมน้ำหน้าซะเหลือเกิน

“จริงๆ ผมควรจะออกไปข้างนอกก่อน ไม่น่ามานั่งฟังเรื่องส่วนตัวของคุณเลย”

“ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ ในเมื่อคุณเองก็รู้จักกับภรรยาผมดี เผลอๆ อาจจะรู้จักดีกว่าผมก็ได้”

“คุณพูดราวกับว่ากำลังหึงหวงภรรยา”

“ก็คงงั้นมั้งครับ” เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย คาดเดาอารมณ์ได้ยากซะเหลือเกิน

“ผมกับคุณอรเป็นแค่เพื่อนกับจริงๆ ครับ คุณสบายใจได้ ผมไม่มีทางคิดอย่างนั้นกับคุณอรแน่นอน”

“ก็คงจะจริง เพราะว่าคุณคงจะทำอย่างนั้นนกับเมียผมไม่ได้หรอก” เขาเอ่ยอย่างมีเลศนัย ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

“ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะครับ” ทำไมเขาชอบพูดทิ้งปริศนาไว้อย่างนี้อยู่เรื่อยเลยนะ

“ผมก็แค่ล้อคุณเล่นเท่านั้นเองครับ อย่าคิดอะไรมากเลย หึๆ” เขาพูดแล้วก็ขำออกมาเบาๆ ทำเอาผมถึงกับกำมือจนสั่น แต่ใบหน้ากลับส่งยิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ”

“อ้าว! คุณจะไปไหนงั้นเหรอ”

“ผมมีธุระต่อครับ” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะเดินออกไป แต่จู่ๆ พี่ธีก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมา มันเป็นประโยคที่ทำให้หัวใจผมเต้นระรัว รู้สึกตื่นเต้นมากเหลือเกิน

“เย็นนี้ไปรับลูกกับผมไหมครับ”

“ระ...รับลูกงั้นเหรอครับ” ผมเอ่ยตะกุกตะกัก แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้มไม่ยอมหยุด

“ใช่ครับรับลูกของเราไง” เขามองหน้าผมแล้วยิ้มน้อยๆ ออกมา

ไม่นานนักผมก็เริ่มได้สติ หลังจากเผลอแสดงพิรุจให้เขาเห็นเสียนาน

“ลูกของเราหมายถึง...”

“โทษทีครับ ผมอาจจะพูดไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร เรานี่หมายถึงผมกับอรน่ะครับ”

“ออครับ ผมไปด้วยก็ได้ครับ อยากเห็นหน้าลูกชายคุณอยู่เหมือนกัน อยากรู้ว่าจะหน้าตาน่ารักเหมือนกับคุณอรไหม”

“ผมรับรองว่าน่ารักเหมือนแม่มากครับ เหมือนมากจริงๆ” เขาเอ่ย พลางจ้องมองใบหน้าผมแทบไม่ละสายตาไปไหนเลย

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวออกไปข้างนอกสักครู่นะครับ”

“เชิญครับ”



เมื่อเดินออกมานอกห้องแล้ว ผมก็ส่งสัญญาณโดยการยักคิ้วให้กับเมษาหนึ่งที ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินตามหลังผมไปที่บันไดหนีไฟ

“เป็นยังไงบ้างครับคุณเมษา”

“ตอนนี้ฉันกำลังกวนประสาทยัยเมียหลวงเกือบทุกวันค่ะ อีกไม่นานหรอกเธอจะทนไม่ไหวจนเลิกกันแน่นอน หลังจากนั้นฉันก็จะได้เป็นเมียที่ออกหน้าออกตาแต่เพียงผู้เดียว” สีหน้าของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน ที่มันอาจจะเป็นจริงได้ยากซะเหลือเกิน เพราะผมคิดว่าแม่บุญธรรมคงไม่ยอมให้เลิกกันง่ายขนาดนั้นแน่

“ขอให้คุณโชคดีนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ ถ้าไม่มีคุณอี้เฟยมาจุดประกายให้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ได้เป็นเมียอีกคนของคุณธีภพอย่างนี้”

“ไม่เป็นไรครับผมยินดี”

“แล้วคุณอี้เฟยจะให้ฉันทำอะไรเป็นการตอบแทนล่ะคะ”

“ผมไม่ต้องการอะไรหรอกครับ ขอแค่ให้คุณได้สมหวังกับความรักก็พอ”

“ขอบคุณนะคะ ฉันจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้ของคุณเลยค่ะ”

“ครับผมขอให้คุณโชคดีนะครับ และที่สำคัญผมแนะนำให้คุณเปิดตัวกับคุณอรไปเลยว่าเป็นเมียอีกคนของคุณธี ถ้าอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ อย่างนี้ เมื่อไหร่จะได้มีหน้ามีตาในสังคมล่ะครับ”

“แต่ฉันยังกลัวๆ ว่าคุณธีจะไม่พอใจเอา แค่ฉันไปป่วนคุณอร คุณธีก็ยังไม่ค่อยชอบใจเลยค่ะ”

“มาถึงขั้นนี้แล้ว จะกลัวอะไรล่ะครับ ยังไงคุณก็เสียตัวให้เขาไปแล้ว ผมเชื่อว่าเขาไม่มีทางทิ้งคุณแน่”

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำตามคำแนะนำของคุณค่ะ ฉันจะบุกไปถึงบ้านให้พ่อกับแม่ของคุณธีรู้เรื่องด้วย คราวนี้ล่ะทุกคนจะได้รู้ว่าฉันก็มีสิทธิ์ในตัวคุณธีไม่ต่างจากคุณอรเลยแม้แต่น้อย” แววตาที่มุ่งมั่นของเธอ ทำให้ผมเชื่อได้ว่าอีกไม่นานบ้านหลังนั้นจะต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน



เมื่อถึงเวลาต้องไปรับตาหนูที่โรงเรียน พี่ธีก็เร้าหรือให้ผมนั่งรถไปกับเขา ผมจึงโทรเรียกให้ลูกน้องมาขับรถกลับไปไว้ที่บ้าน นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถไปพร้อมกับเขา ระหว่างทางพี่ธีชวนผมคุยไปเรื่อยเปื่อย โดยจะถามเรื่องผมซะเป็นส่วนมาก จนเบื่อที่จะตอบคำถามซะเหลือเกิน

พวกเรามาถึงก่อนเวลานิดหน่อย จึงเข้าไปนั่งรอที่ม้านั่งในสนามเด็กเล่น พี่ธีคงไม่รู้ว่าภายในใจผมมันตื่นเต้นมากแค่ไหน เพราะท่าทางที่แสดงออกมา ให้เขาเห็นนั้นไม่มีพิรุธใดๆ พูดคุยยิ้มแย้มเป็นปกติ

“ทำไมคุณถึงชวนผมมาที่นี่ด้วยล่ะครับ” ผมหันไปเอ่ยกับเขาที่นั่งอยู่ข้างกัน

“ผมก็แค่อยากให้คุณมาเห็นความน่ารักของลูกชายผมเท่านั้นเอง ตอนนี้มันคงใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ” พี่ธีเอ่ยกับผมเสียงเอื่อยๆ ท้ายประโยค

“ใกล้ถึงเวลาอะไรครับ คุณชอบพูดจาแปลกๆ อยู่เรื่อยเลย” ผมเอ่ย พลางชะเง้อมองหาตาหนู เมื่อไหร่จะออกมาก็ไม่รู้ นี่ก็เลยเวลาเลิกเรียนมาตั้งหนึ่งนาทีแล้ว

ใช่ครับตั้งหนึ่งนาทีแล้ว...

“ใกล้ถึงเวลาที่ลูกชายผมจะออกมาแล้วไงครับ” เขาส่งยิ้มมาให้ ทำไมผมถึงรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนี้มันเป็นยิ้มที่บริสุทธิ์ปราศจากการปรุงแต่งใดๆ ซึ่งผมไม่เคยเห็นอย่างนี้จากตัวเขามาก่อน

“อ้อ...ลืมถามไปเลยว่าลูกชายคุณชื่ออะไรครับ”

“นนท์ครับ เด็กชายธาดา ตั้งพาณิชย์สกุล”

หือ!

“ธาดางั้นเหรอครับ” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ที่ธีเปลี่ยนชื่อจริงให้ตาหนู เขาถือวิสาสะอะไรมาเปลี่ยนชื่อให้ลูกผมอย่างนี้

“ใช่ครับ...คุณอี้เฟยมีอะไรงั้นเหรอ”

“ปะ...เปล่าครับผมแค่คิดว่าชื่อเพราะดี” ผมยิ้มแห้งๆ ให้เขา

ในระหว่างนั้นก็มีเสียงเด็กชายตะโกนดังแว่วมา ผมรีบหันขวับไปมองก็เห็นคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด วิ่งตรงเข้ามาหาพวกเรา พร้อมกับรอยยิ้มกว้างราวกับกำลังดีใจมากเหลือเกิน ที่เห็นผู้เป็นพ่อมารับถึงในโรงเรียน

“คุณพ่อคร้าบบบ!!!”

“มาแล้วเหรอครับคนดีของพ่อ” เขานั่งชันเข่าข้างหนึ่ง ก่อนจะอ้าแขนรอรับกอดจากลูกชาย หอมแก้มซ้ายขวาอย่างชื่นอกชื่นใจ มันเป็นอะไรที่ทรมานมากเมื่อผมไม่สามารถกอดลูกชายตัวเองได้ ผมคิดถึงเด็กคนนี้มากเหลือเกิน อยากกอดเขาเหมือนที่พี่ธีกอดอยู่ตอนนี้

“น้องนนท์ไหว้คุณอาอี้เฟยสิครับ”

“สวัสดีครับ” ตาหนูยกมือไหว้ ส่งยิ้มมาให้ผม

“สวัสดีครับน้องนนท์” ผมอยากจะเอื้อมมือไปจับแก้มใสๆ นั่นเหลือเกิน แต่คงทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น

“วันนี้ทำไมคุณแม่ไม่มาด้วยล่ะครับ” ตาหนูหันไปสนใจพี่ธี ก่อนจะเอ่ยปากถามถึงอรจิรา

หากผมไม่โดนเขาพรากลูกไปจากอก ป่านนี้คนที่ตาหนูเรียกว่าแม่คงจะเป็นผมไปแล้วสินะ แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้มีโอกาสอย่างนั้นบ้าง แต่ก็มีบางเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจได้ นั่นคือเห็นตาหนูเป็นเด็กดีมีสัมมาคารวะ ไม่ได้รับนิสัยร้ายๆ จากพ่อและย่าของเขามาด้วย

“คุณแม่ติดธุระครับ พ่อว่าเรากลับบ้านกันเถอะ”

“ครับคุณพ่อ”

“ป่ะคุณ เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านก่อน”

“ไม่เป็นไรครับผมให้คนที่บ้านมารับแล้ว” ใจจริงผมก็อยากจะให้เขาไปส่ง เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับลูกนานขึ้น แต่ผมก็ไม่อยากให้พี่ธีรู้จักบ้าน ซึ่งเป็นฐานที่มั่นที่ใช้วางแผนเล่นงานเขา

“ออครับ” เขาว่าพลางส่งยิ้มมาให้ ขณะยืนจูงมือตาหนูอยู่ ท่าทีที่เขาอยู่กับลูก ช่างเป็นผู้ชายที่ดูอบอุ่น ผิดคาดกับที่ผมคิดเอาไว้มาก

“ตาหนูอยู่กับคุณอาแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวพ่อไปเข้าห้องน้ำก่อน”

“ได้ครับคุณพ่อ”

“ฝากลูกชายผมสักครู่นะครับ”

“ครับ”

หลังจากพี่ธีเดินไปเข้าห้องน้ำข้างอาคารเรียนแล้ว ผมก็หันไปส่งยิ้มให้กับตาหนู นั่งลงตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะอย่างเบามือ ในที่สุดผมก็ได้สัมผัสตัวลูกชายแล้ว ช่างมีความสุขมากเหลือเกิน

“วันนี้น้องนนท์เรียนเหนื่อยไหมครับ”

“ไม่เหนื่อยเลยครับ น้องนนท์ชอบเรียนหนังสือมากที่สุด คุณพ่อสอนว่าให้น้องนนท์ตั้งใจเรียน โตขึ้นจะได้ไปช่วยคุณพ่อทำงานครับ” ตาหนูเป็นเด็กที่พูดเก่ง ยิ้มเก่ง และมีอัธยาศัยดีมาก ไม่ได้ตื่นกลัวผมที่เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรกเลย

“ดูท่าทางน้องนนท์จะรักคุณพ่อมากเลยนะ” ตอนนี้ขอบตาผมร้อนผ่าว กำลังจะร้องไห้ออกมา ยิ่งเห็นใบหน้าที่ใสซื่อนี้ ยิ่งทำให้ภาพความทรงจำเมื่อห้าปีก่อน ที่เคยนอนกอด เคยอุ้ม เคยดูแลไม่เคยห่าง มันกลับมาฉายวนซ้ำในหัวอีกครั้ง

“ครับ...น้องนนท์รักคุณพ่อมาก เพราะคุณพ่อใจดีแถมยังชอบพาน้องนนท์ไปเที่ยวบ่อยๆ คุณอาทำไมตาแดงอย่างนั้นล่ะครับ”

“ฝุ่นเข้าตาอาครับ” พูดจบน้ำตาผมก็ไหลลงมาทันที ผมพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองสะอื้นไห้ออกมา

“คุณอาร้องไห้ทำไมครับ ไม่ร้องนะครับ” ตาหนูไม่พูดเปล่า กลับเอื้อมมือมาปาดน้ำตาบนแก้มผมออกให้ เห็นอย่างนั้นน้ำตายิ่งไหลลงมาไม่ยอมหยุด

“อาไม่ร้องแล้วครับ” ผมรีบเกลี่ยน้ำตาตัวเองออกจนหมด แล้วจับมือน้อยๆ นั่นมากุมไว้ที่กลางอก

“คุณพ่อบอกว่าถ้าร้องไห้แสดงว่าเราอ่อนแอ ฉะนั้นห้ามร้องไห้ให้ใครเห็นเพราะเขาจะมองว่าเราอ่อนแอ คุณอาอย่าร้องไห้อย่างนี้อีกนะครับ คนอื่นจะว่าคุณอาอ่อนแอ”

“ครับผม...คุณอาจะไม่ร้องไห้ให้น้องนนท์เห็นอีกแล้วนะ”

“เก่งมากครับคุณอา” ตาหนูยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร

ผมจะจำรอยยิ้มนี้ไว้ให้แม่น เพื่อเป็นแรงผลักดันให้แก้แค้นคืนให้สำเร็จโดยเร็ว เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

“ไปกันเถอะครับ”

เสียงพี่ธีดังมาจากข้างหลัง ทำให้ผมต้องรีบลุกขึ้นยืนทันที ก่อนจะพยายามปรับสีหน้าและอารมณ์ให้เป็นปกติ หยิบแว่นสีชาในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาใส่ เพื่อบดบังร่องรอยของการร้องไห้มาเมื่อสักครู่

“คุณพ่อครับคุณอาระ...” ผมยกมือขึ้นมาจุ๊ที่ปากห้ามตาหนูไว้เสียก่อน เห็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยักคิ้วให้ผมทันที

“คุณอาทำไมครับ” เขาเดินมายืนข้างลูกชายแล้วก้มหน้าถาม

“คุณอาน่ารักมากๆ เลยครับ” ได้ยินอย่างนั้นผมก็ส่งยิ้มให้ตาหนู ผมไม่รู้ว่าเขาเลี้ยงลูกมาแบบไหน แต่สิ่งที่ตาหนูเป็นอยู่ในตอนนี้มันโอเคมากๆ และสิ่งที่เขาสอนลูกมันเป็นอะไรที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานทางด้านจิตใจได้ดีเช่นเดียวกัน ฉะนั้นแล้วผมจะถือว่านี่คือผลงานหนึ่งเดียวของเขาที่ทำให้ผมรู้สึกยอมรับได้

“อ๋อ พ่อก็นึกว่าอะไร ตาถึงนะเราเนี่ย”

“ไปกันเถอะครับคนน่ารัก...ของน้องนนท์” เขาหันมาเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ผมเริ่มมั่นใจแล้วว่าเขาควรจะไปพบจิตแพทย์ เพราะในช่วงที่เราได้มีโอกาสคลุกคลีกันนั้น เขาอารมณ์แปรปรวนอย่างนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เขากลับทำให้ผมรู้สึกอยากจะอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว มีพ่อ แม่ และลูก อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าอย่างนี้ตลอดไป...ซึ่งมันคงไม่มีวันนั้นแน่นอน
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.12 วันนี้ที่รอคอย l Up:16-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-10-2018 23:32:32
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.12 วันนี้ที่รอคอย l Up:16-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-10-2018 23:42:00
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.12 วันนี้ที่รอคอย l Up:16-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-10-2018 02:27:30
มีอะไรเกิดขึ้นในครอบครัวธีที่คนนอกไม่รู้บ้างนะ ธีเป็นอะไรถึงต้องไปหาจิตแพทย์ แลวน้องนนก็อารมณ์ดีผิดกับพ่อเลย  :ruready
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.12 วันนี้ที่รอคอย l Up:16-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-10-2018 15:49:58
 :ruready เริ่มแล้วใช่ไหมคะ  มาค่ะ เตรียมพร้อมละ
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.13 แค้นนี้ต้องชำระ l Up:18-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 18-10-2018 16:42:06
บทที่ 13

แค้นนี้ต้องชำระ



ในที่สุดแผนการที่ผมวางแผนไว้ก็สำเร็จลุล่วงเสียที พี่ธียอมแบ่งหุ้นบางส่วนขายให้กับนายทุนหน้าม้าที่ผมแนะนำมา นั่นทำให้ผมยิ้มในใจอย่างผู้ชนะ เพราะหากรวมกับส่วนที่ผมมี หุ้นทั้งหมดก็จะมากกว่าครึ่ง นั่นจะทำให้ผมสามารถนั่งเก้าอี้ประธานบริษัทได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ ต้องหลังจากให้ผมได้บ้านหลังนั้นมาก่อน ผมจะใช้อรจิราให้เป็นประโยชน์อีกครั้ง โดยการหลอกใช้เธอให้เอาโฉนดบ้านหลังนั้นมาขายให้ผม

วันนี้เธอเข้ามาหาผมที่บ่อนอีกครั้ง เรานั่งดื่มกันเหมือนเช่นเคย เธอระบายความอัดอั้นในใจ ที่เกิดจากการกระทำของคนในบ้านหลังนั้นให้ผมฟัง ในช่วงที่อ่อนแออย่างนี้เหมาะนักล่ะ ที่จะจูงจมูกเธอให้ทำตามที่ผมต้องการ

“ดูท่าทางวันนี้คุณอรจะเครียดกว่าทุกวันนะครับ”

“ใช่ค่ะทั้งเครียดทั้งกลุ้มใจ คุณรู้ไหมว่าคนที่เป็นเมียน้อยของพี่ธีคือนังเมษา เลขาหน้าห้องของพี่ธีนั่นเอง”

ผมแสร้งทำเป็นตกใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเธอต่อไป “คุณเมษางั้นเหรอ! ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเป็นเธอ”

“วันก่อนมันมาหยามฉันถึงที่บ้าน แสดงตัวว่าเป็นเมียอีกคนของพี่ธี ฉันทนเห็นความร้ายกาจของมันไม่ไหวเลยมีเรื่องตบตีกับมัน จนข้าวของในบ้านเสียหาย คุณแม่เห็นอย่างนั้นก็ทนไม่ไหวถึงขนาดกับสาดน้ำเย็นเข้ามาห้ามเราทั้งสองคน แถมยังไล่ฉันกับนังนั่นออกไปจากบ้านอย่างกับหมูกับหมา จริงๆ แล้วคุณแม่ควรจะไล่นังนั่นออกไปคนเดียว ทำไมต้องไล่ฉันด้วยล่ะคะ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ” เธอเล่าให้ผมฟังอย่างคับแค้นใจ ผมว่าเธอคงจะโดนคุณแม่กดดันมานาน เลยอยากจะระบายบ้าง

“ผมว่าแม่สามีคงจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าคุณอรสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นผมจะไม่ยอมให้ตัวเองโดนกดขี่ห่มเหงอย่างนั้นเด็ดขาด”

“คุณอี้เฟยก็คิดอย่างนั้นเหรอคะ”

“ใช่ครับ ถ้าเป็นผมจะเอาคืนให้สาสม ในเมื่อเขาไม่ได้เห็นความสำคัญของเรา เราก็ไม่ต้องให้ค่าคนพวกนั้นหรอก”

“ฉัน...ฉันไม่กล้าทำหรอกค่ะ คุณแม่น่ากลัวกว่าที่คุณคิดไว้ซะอีก คนธรรมดาอย่างฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ” ดูท่าทางเธอคงจะกลัวแม่บุญธรรมผมน่าดู อาจจะเป็นเพราะเธออยู่ที่นั่นมาหลายปี รู้เห็นอะไรหลายๆ อย่างจนกลัวขึ้นสมองไปแล้ว

“มันไม่ยากหรอกครับถ้าเราตั้งใจจะทำจริงๆ ผมจะอยู่ข้างคุณเองไม่ต้องห่วง” ผมจับมือเธอไว้เพื่อให้กำลังใจ

“แล้วฉันต้องทำยังไงล่ะคะ ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ”

“ผมมีวิธีครับ คุณจะได้ทั้งเงินก้อนใหญ่และความสะใจไปพร้อมๆ กันแน่นอน” ได้ยินอย่างนั้นเธอก็ตาลุกวาวเลยทีเดียว สิงการพนันอย่างอรจิราถ้าเอาเรื่องเงินเข้ามาล่อ มีหรือจะไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม

“ยังไงคะ?”

“คุณก็หลอกให้แม่สามีคุณโอนกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้นมาให้คุณไง แล้วคุณก็เอามาขายต่อให้ผม ผมเห็นว่าบ้านหลังนั้นสวยดี เลยอยากจะเก็บเอาไว้เป็นเรือนหอของเรา คุณว่าดีไหมครับ”

“ดีเหมือนกันฉันจะได้ปลดแอกจากชีวิตเน่าๆ อย่างนี้ซะที ฉันอยากมีอิสระ แต่ว่าฉันจะทำให้คุณแม่เซ็นต์ยินยอมได้ยังไงล่ะคะ รายนั้นไม่เคยยอมอะไรง่ายๆ หรอก” อรจิราแสดงสีหน้าหนักใจออกมาให้ผมเห็น

“ได้สิครับไม่มีปัญหา เพราะผมมีตัวช่วยให้คุณ” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบขวดแก้วเล็กๆ ที่มีของเหลวสีเขียวบรรจุอยู่ด้านใน “นี่ครับตัวช่วยที่จะทำให้คุณทำงานได้ง่ายขึ้น”

“มันคือ...” เธอรับไปแล้วจ้องมองที่ขวดอย่างสนใจ

“ยาวิเศษไงครับ ผมได้มาจากเมืองจีน หากใครได้กินเข้าไปแม้ในปริมาณเพียงเล็กน้อย ก็จะทำตามคำสั่งของเราทุกอย่าง แถมเมื่อได้สติแล้วจะลืมเรื่องก่อนหน้านั้นอีกด้วย”

“ว้าว! สุดยอดเลยค่ะฉันจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลยค่ะ”

“อนาคตอยู่ในมือคุณแล้ว ถ้าทำสำเร็จเราจะแต่งงานกันนะครับ ผมจะใช้บ้านหลังนั้นเป็นเรือนหอของเรา คุณต้องทำให้ได้นะครับ คุณจะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง ได้ทั้งเงินและได้ทั้งชีวิตใหม่อีกด้วย”

“ขอบคุณนะคะที่ชี้ทางสว่างให้กับฉัน ฉันรักคุณที่สุดเลยค่ะ” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เขยิบตัวเข้ามานั่งใกล้ ก่อนจะเข้ามาสวมกอดผมทันที

“ผมก็รักคุณครับ”

จู่ๆ เจ้าหล่อนก็เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยกับผม “แล้วเรื่องพี่ธีล่ะคะ ถ้ายังมีเขาอยู่ฉันก็มาหาคุณไม่ได้น่ะสิ”

“ผมถามจริงๆ คุณรักคุณธีบ้างหรือเปล่า ตอบผมตามความจริง”

“คือ...ถ้าบอกว่ารักไหมก็รักค่ะ แต่ฉันรักคุณมากกว่า มาถึงตอนนี้แล้วถ้าเขาจะเลือกเมษาฉันก็ไม่ว่าอะไร”

“ถ้าอย่างนั้นคุณไม่ต้องห่วงเรื่องคุณธีภพหรอกครับ ขอแค่คุณทำงานนี้ให้เสร็จ เรื่องอื่นเดี๋ยวผมจัดการเอง”

“ฉันจะเชื่อใจคุณค่ะที่รัก”

ผมได้แต่ยิ้มมุมปาก หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบเล็กน้อย นึกถึงภาพที่คนบ้านนั้นไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ธุรกิจที่เคยเป็นเจ้าของกลับต้องกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายเล็ก ไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆ แค่คิดก็สะใจแทบบ้าแล้ว

*-*-*-*-*-*-*-*

หลายวันต่อมาอรจิราทำงานให้ผมได้สำเร็จ เธอเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับโฉนดที่ดิน จากนั้นเราทั้งสองก็ได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ผมจ่ายเงินให้เธอจำนวนหนึ่ง ซึ่งมากพอที่จะทำให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ไปทั้งชาติ

ตอนนี้ผมได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนั้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โดยที่คนในบ้านหลังนั้นยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังจะโดนเฉดหัวออกไปในเร็ววัน

“เตี่ยครับในที่สุดผมก็ทำได้แล้ว ผมทำให้เขาไม่เหลืออะไรแล้ว” ผมเอ่ยกับเตี่ย ขณะที่เรากำลังนั่งดื่มชาอยู่ในศาลาข้างบ่อปลาคาร์ฟภายในสวนหลังบ้าน

“อั๊วดีใจกับลื้อด้วย ในที่สุดลื้อก็จะได้อยู่กับลูกสมใจเสียที”

“เรื่องลูกผมยังกลัวๆ อยู่ครับ ตาหนูจำผมไม่ได้เลย เกรงว่าจะทำให้ตาหนูปรับตัวไม่ได้น่ะสิครับ” ผมห่วงความรู้สึกของลูกมากเหลือเกิน

“ความจริงก็คือความจริง ลื้อคือแม่ของตาหนู ทุกอย่างมันจะต้องถูกเปิดเผย ในวันที่ลื้อย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นอยู่แล้ว ลื้อต้องใจแข็งเข้าไว้ นึกถึงวันที่ผู้ชายคนนั้นพรากตาหนูไปจากอกลื้อสิ มันเจ็บปวดมากแค่ไหน ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้อีเจ็บปวดอย่างที่ลื้อเคยโดนมา”

“แต่ผมเกรงว่าตาหนูจะสับสนน่ะสิครับเตี่ย แล้วเรื่องอรจิราผมเองก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะปฏิเสธเธอยังไงดี หากเธอรู้ความจริงว่าผมเป็นแม่ของตาหนู เธอคงจะทำใจยอมรับไม่ได้แน่นอน” นี่คือสิ่งที่ผมยังคิดไม่ตก

“มาถึงขั้นนี้แล้วลื้อจะกลัวอะไร อรจิราเองก็ใช่ว่าจะเป็นผู้หญิงรักนวนสงวนตัวเสียหน่อย ตอนนี้เธอได้เงินจำนวนมากแล้ว มันก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วไม่ใช่เหรอ” เตี่ยเอ่ยกับผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไร้ซึ่งความรู้สึกกังวลใจ ซึ่งต่างจากผมโดยสิ้นเชิง สมแล้วที่เตี่ยเป็นถึงประธานของลูกน้องนับพันคน เรื่องเล็กน้อยอย่างนี้เขาคงไม่เก็บเอามาคิดให้ปวดกบาลอย่างแน่นอน ผมจะต้องตามรอยเตี่ยให้ได้ในสักวัน

“ผมจะพยายามมองข้ามเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ครับ เพราะเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้มันยิ่งใหญ่กว่านี้เป็นร้อยเท่า” ผมเอ่ยกับเตี่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจัง

“ดีมากลูกชายอั๊วมันต้องได้อย่างนี้สิวะ” เตี่ยยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวผม

อีกไม่นานหรอกผมจะเดินเข้าไปที่บ้านหลังนั้นในฐานะเจ้าของบ้านคนใหม่ ผมจะเฉดหัวทุกคนในบ้านหลังนั้นออกไปให้หมด คงจะเป็นอะไรที่สะใจน่าดู

*-*-*-*-*-*-*

หลังจากที่ผมจัดการเรื่องซื้อขายหุ้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงตั้งใจเอาเอกสารนั้นไปให้พี่ธีดูให้เต็มตา เพื่อทวงตำแหน่งประธานบริษัทจากเขา เดินมาถึงหน้าห้องก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเห็นโต๊ะทำงานที่เคยเป็นของเมษากลับว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของเจ้าหล่อน เข้าใจว่าวันนี้เธอคงจะลางานหรือมีธุระอะไรเทือกนั้น

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ผมเคาะประตูห้องตามมารยาท ก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน ก็เห็นพี่ธียืนกอดอกมองดูวิวทิวทัศน์ภายนอกห้องผ่านกระจกใสอย่างนิ่งสงบ ปกติแล้วหากได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างนี้ เขามักจะจ้องมองมาดูว่าเป็นใครทุกครั้ง

“สมใจอยากคุณแล้วสินะ” เขาเอ่ยกับผมทั้งที่ยืนหันหลังให้

“เรื่องอะไรกันครับ”

“ก็ทุกเรื่องที่คุณกำลังพยายามทำ ตอนนี้มันสำเร็จไปหมดทุกอย่างแล้วนี่” หรือว่าเขาจะรู้เรื่องแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ดีจะได้ไม่ต้องพูดมากให้เปลืองน้ำลาย

“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมกำลังทำอะไร”

“ก็ผมกำลังจับตาดูคุณอยู่ทุกฝีก้าวยังไงล่ะ” เขาหันกลับมามองหน้าผมด้วยแววตาที่แข็งกร้าว สายตาที่มองมามันเหมือนเมื่อครั้งที่เขาเคยทำร้ายผมไม่ผิดเพี้ยน แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย

“คงรู้เรื่องนี้ด้วยสินะ” ผมยื่นสัญญาซื้อขายหุ้นให้เขาดู เพื่อแสดงให้เขารู้ว่าตอนนี้ ผมมีสิทธิ์นั่งเก้าอี้ประธานบริษัทแทนเขาไปแล้ว

พี่ธีรับไปแล้วก็ขยำทันที ก่อนจะปาเข้าที่ใบหน้าผมอย่างจัง แต่ผมกลับยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจ

“รู้ไหมว่าสิ่งที่มึงกำลังทำอยู่ ทำให้มีคนต้องตาย ได้ทุกอย่างไปแล้วก็หยุดซะเถอะวิน” แววตาที่เคยแข็งกร้าว กลับกลายเป็นแววตาที่ซ่อนความปวดร้าวไว้ในพริบตา หรือว่าที่ผ่านมาเขารู้อยู่แล้วว่าผมคือวินตั้งแต่แรก แล้วทำไมถึงได้ยอมทำตามที่ผมแนะนำทุกอย่างเลยล่ะ จนต้องสูญเสียอำนาจในการบริหารงานอย่างนี้

“ใคร! ใครตาย คุณอย่ามาพูดมั่ว ๆ นะ แล้วก็อย่าเรียกผมว่าวินอีกเด็ดขาด” ผมจ้องหน้าเขาอย่างไม่ลดละ

“ก็เมษายังไงล่ะ เธอตายแล้วเพราะเชื่อคำยุแยงของมึงไงล่ะ” เขาตวาดใส่ผมเสียงดัง

“ไม่จริง! เมษาจะตายได้ยังไงกัน หรือว่าคุณฆ่าเธอเหมือนที่เคยฆ่าคนอื่นๆ” ผมหน้าถอดสีทันที เมื่อได้ยินว่าเมษาเสียชีวิตแล้ว แสดงว่าต้องมีใครสักคนที่ฆ่าเธอ และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพี่ธีเท่านั้น เขาคงจะฆ่าเมษาเหมือนที่ฆ่ายายจันทร์แน่นอน แล้วครั้งนี้เขาจะใส่ร้ายใครกันล่ะ

“กูไม่ได้ฆ่า คนที่ฆ่าเมษาก็คือ...อร อรจ้างให้คนไปฆ่าเมษาถึงห้องพักยังไงล่ะ” เขาหลบตาผม ไม่กล้าสู้หน้า นั่นทำให้ผมมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเอ่ยออกมามันไม่ใช่เรื่องจริงเลย

“ไม่จริง! คุณโกหก คุณนั่นล่ะที่เป็นคนฆ่า เมษาไปอาละวาดที่บ้านคุณแล้วมีเรื่องกับคุณอร คุณเลยฆ่าเธอใช่ไหม แล้วโบ้ยความผิดให้เมียตัวเอง ไอ้เหี้ย! เคยเลวยังไงก็เลวอย่างนั้น” ผมเหลืออดจึงตะโกนใส่หน้าเขา เขาทำกับอรจิราเหมือนที่เคยทำกับผม เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง

“มึงยอมรับแล้วสินะว่าคือไอ้วิน” เขายังคงยืนนิ่ง ไม่ได้เข้ามารุกรานผมแต่อย่างใด

“ใช่! กูคือไอ้วินคนที่มึงเคยพรากลูกไปจากอกกูไง คนที่มึงเคยใส่ร้ายว่าเป็นคนฆ่ายายจันทร์ ทั้งที่ความจริงมึงนั่นล่ะที่เป็นคนทำ กูไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรแล้ว เพราะตอนนี้กูได้สิ่งที่กูต้องการทั้งหมดแล้วยังไงล่ะ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือแม้กระทั่งบ้านที่มึงใช้ซุกหัวนอนมาตั้งแต่เกิด” ผมยิ้มมุมปาก ในเมื่อเขามั่นใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าผมคือวิน ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องปิดบังกันอีก จากนี้ไปผมจะเล่นงานเขาทุกวิถีทางให้ตกนรกทั้งเป็นเลยทีเดียว

“บ้าน! หมายความว่าไง” เขาขมวดคิ้วจนเกือบจะชนกัน มองหน้าผมอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

คงยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ เก่งไม่จริงนี่หว่า...

“มึงเคยทำให้กูเป็นคนไร้บ้าน กลายเป็นคนเร่ร่อนหากินตามข้างถนน กูจะทำให้พวกมึงเป็นอย่างนั้นบ้าง มึงคงยังไม่รู้สินะว่าเมียสุดที่รักของมึง เป็นคนจัดฉากให้แม่ของมึงเซ็นต์โอนกรรมสิทธิ์บ้านหลังนั้นให้เธอ จากนั้นคุณอรก็นำมาขายให้กู อ้อ! อีกอย่างกูจะบอกให้เอาบุญนะ ไม่ใช่แค่มึงหรอกที่มีชู้ แต่คุณอรเองก็มีชู้ มึงจะดูคลิปไหมว่าตอนที่เมียของมึงโดนกูเอาเธอมีความสุขมากแค่ไหน หึๆ” ว่าแล้วผมก็หัวเราะออกมาเบาๆ เพื่อเยาะเย้ยเขาให้เจ็บแสบที่สุด

“ไอ้เหี้ยวิน!”

ผั๊วะ!

พลั่ก!

ผมโดนต่อยหน้าจนล้มลงนอนราบกับพื้น จากนั้นพี่ธีก็ลงมาคร่อมตัวผมไว้ ซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าผมหลายต่อหลายครั้ง ผมไม่ต่อสู้หรือป้องกันตัวเลยแม้แต่น้อย กลับหัวเราะเสียงดังราวกับคนไร้สติ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทำร้ายผม เพราะจากนี้ไปผมจะเป็นฝ่ายทำให้เขาเจ็บปวดที่สุดและจำไปจนวันตาย

“พอใจหรือยัง?”

“มึงทำแบบนี้ทำไมวะ!”

“ทำไมงั้นเหรอ? มึงถามมาได้ยังไงกันวะ มึงเคยทำอะไรกับกูไว้บ้างจำไม่ได้รึไง กูจะให้เวลามึงและพ่อกับแม่มึงย้ายออกไปจากบ้านภายในสามวัน ไม่งั้นกูจะให้คนของเตี่ยมาลากตัวมึงออกไป ส่วนลูกมึงไม่ต้องเป็นห่วง เพราะกูได้ส่งคนไปรับที่โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว” พูดแล้วผมก็แสยะยิ้มให้เขาอย่างผู้ชนะ

“มึงทำร้ายลูกแบบนั้นไม่ได้นะไอ้วิน ลูกจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามึงเป็นแม่ รู้อย่างนี้แล้วมึงยังจะทำให้ลูกร้องไห้งอแงได้ลงคอเหรอวะ” เขาตะโกนใส่หน้าขณะจับคือเสื้อผมเอาไว้

“กูจำเป็นต้องทำเพราะมึงเป็นคนทำกับกูก่อน ถ้ามึงไม่พรากลูกไปจากกู ไม่ฆ่ายายจันทร์อย่างโหดเหี้ยม ป่านนี้พวกเราคงได้อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าแล้ว”

“กูก็จำเป็นต้องทำ มึงไม่เข้าใจกูหรอกว่าต้องเก็บอะไรไว้ในใจมากมายแค่ไหน” เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินผมเอ่ยอย่างนั้นออกไป

“ไม่ต้องมาแก้ตัว! มึงมันเป็นคนเห็นแก่ตัว กูจะทำทุกทางเพื่อให้มึงไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต มึงเคยพรากลูกไปจากกู กูเองก็จะพรากลูกไปจากมึงเหมือนกัน” ไม่ใช่ผมไม่สงสารลูก แต่ผมต้องทำเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ที่ผมควรจะได้

“ตั้งแต่เห็นมึงที่บ้านในวันนั้น กูก็มั่นใจว่าเป็นมึง และรู้อยู่แล้วว่ามึงต้องกลับมาแก้แค้นกู กูจะยอมรับความผิดทุกอย่างเอาไว้เพียงคนเดียว กูยอมแกล้งโง่เพื่อให้มึงเอาชนะได้ ถือว่าเป็นการไถ่โทษที่ทำให้ชีวิตมึงต้องพัง ตอนนี้กูสบายใจแล้วที่มึงดูแลตัวเองได้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่มึงเอาแต่อ่อนแอไม่สู้คน” พี่ธีเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขอบตาของเขาร้อนผ่าว ไม่นานก็มีน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย ผมไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะร้องไห้ต่อหน้าผม

คงคิดว่าผมจะใจอ่อนสินะ...ไม่มีทาง

พี่ธีลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปเก็บของบนโต๊ะทำงาน ส่วนผมเองก็ลุกขึ้นนั่ง ใช้หัวแม่มือเช็ดเลือดที่มุมปากออก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนมองดูการกระทำของเขาอย่างสะใจ

“ในเมื่อมึงมีอำนาจสูงสุดแล้ว กูฝากด้วยละกันทำที่นี่ให้เป็นเหมือนเดิม อย่างที่เคยเป็นมา” เขาเอ่ยด้วยแววตาเศร้า ก่อนจะเดินถือกล่องออกไปจากห้อง

“เดี๋ยวก่อน!”

เขาหยุดชะงัก ก่อนจะหันมามองหน้าผมอย่างไม่สบอารมณ์ “มึงต้องการอะไรอีก”

“เอารูปครอบครัวมึงกลับไปด้วย เพราะถ้ามันยังอยู่ในห้องนี้ กูคงจะเอามันทิ้งลงในถังขยะแน่นอน”

ได้ยินอย่างนั้นพี่ธีก็เดินมาหยิบกรอบรูปบนโต๊ะใส่กล่องไปด้วย

“เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้หรอกเตรียมตัวรับกรรมที่มึงเคยก่อไว้ด้วยละกัน หึๆ”

เขาไม่พูดอะไรได้แต่เดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ

ห้องนี้เป็นของผมแล้วสินะ ผมยิ้มอย่างผู้ชนะขณะปรายตามองไปรอบห้อง น้ำตาแห่งความตื้นตันดีใจไหลลงมาเป็นทาง นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเอง ผมยังต้องมีอะไรสะสางอีกเยอะพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของยายจันทร์ ผมจะหาหลักฐานมามัดตัวพี่ธี ให้เขาไปชดใช้กรรมในคุกให้จงได้

เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของพี่ธีแล้ว ผมก็ยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ แต่นั่งยิ้มอยู่ได้ไม่นานก็มีสายโทรเข้ามา เมื่อเห็นชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอ ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย

“ว่าไงครับคุณอร”

(คุณอี้เฟย ฮือๆ ๆ ช่วยฉันด้วยค่ะ ตอนนี้ฉันโดนตำรวจจับตัวมาที่สน.XXX)

“คุณอรใจเย็นๆ นะครับ เกิดอะไรขึ้น”

(ไอ้คนร้ายที่ตำรวจจับตัวได้ มันใส่ร้ายว่าฉันเป็นคนจ้างวานให้มันไปฆ่านังเมษาค่ะ แต่ฉันไม่ได้ทำนะคะ ฉันโดนใส่ร้าย)

“คุณอรไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะไปประกันตัวคุณเดี๋ยวนี้ล่ะ”

(เร็วๆ นะคะฉันไม่อยากอยู่ในคุกอย่างนี้แล้ว)

“รอผมนะครับเดี๋ยวผมไป”

ขนาดเมียที่เคยอยู่กินด้วยกันมานานหลายปี พี่ธียังทำได้ลงคอ ทำไมจิตใจเขาถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ ผมจะไม่มีวันให้เขาทำอย่างนี้กับใครได้อีกแล้ว

หลังจากวางสายอรจิราไปแล้ว ผมก็รีบโทรหาอาหยางทันที เพื่อถามเรื่องลูก

“ฮัลโลอาหยาง”

(ครับคุณอี้เฟย)

“ตอนนี้นายรับลูกฉันมาที่บ้านแล้วใช่ไหม”

(ใช่ครับ)

“แล้วตาหนูงอแงหรือเปล่า”

(ยังครับตอนนี้คุณหนูกำลังสนุกกับการเล่นเกมอยู่ครับ)

“อย่าบอกนะว่านายกำลังเล่นเกมกับตาหนูอยู่”

(เอ่อ...ใช่ครับ)

“ขอบใจนะ นายพยายามถ่วงเวลาอย่าให้ตาหนูงอแง กลับจากสถานีตำรวจแล้วฉันจะรีบกลับทันที”

(เกิดอะไรขึ้นครับ! คุณอี้เฟยเป็นอะไรหรือเปล่า) อาหยางยังคงเป็นห่วงผมไม่เคยเปลี่ยน

“ฉันไม่เป็นไร แต่คุณอรกำลังมีเรื่อง ถึงบ้านแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันนะ”

(ครับคุณอี้เฟย ดูแลตัวเองด้วยนะครับ ผม....เป็นห่วง)

“โอเคฉันจะดูแลตัวเองดีๆ จะไม่ทำให้นายต้องเป็นห่วง”

อย่างน้อยในช่วงเวลาที่เคร่งเครียดอย่างนี้ ยังคงมีกำลังใจเล็กๆ จากอาหยาง ซึ่งเป็นกำลังใจที่ทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยทีเดียว เขาไม่เคยทำให้ผมผิดหวังหรือเสียใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เหมือนพี่ธี ซึ่งปฏิบัติกับผมราวกับทาสในเรือนเบี้ยมาตลอดชีวิต ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นพ่อของตาหนูเลยแม้แต่น้อย

หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.13 แค้นนี้ต้องชำระ l Up:18-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-10-2018 17:06:55
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.13 แค้นนี้ต้องชำระ l Up:18-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-10-2018 20:04:34
เอาแล้วๆ มันส์ล่ะทีนี้.  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.13 แค้นนี้ต้องชำระ l Up:18-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-10-2018 22:23:45
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.13 แค้นนี้ต้องชำระ l Up:18-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-10-2018 14:39:49
นั่นไง งานงอก
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.13 แค้นนี้ต้องชำระ l Up:18-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-10-2018 00:16:57
วุ่นวายน่าดู.  ลองตามดูเนาะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.13 แค้นนี้ต้องชำระ l Up:18-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 20-10-2018 18:10:25
รอลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.14 ฆาตกรตัวจริง? l Up:24-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 24-10-2018 15:48:36
บทที่ 14

ฆาตกรตัวจริง?



ขับรถมาไม่นานผมก็มาถึงสถานีตำรวจ เมื่อเดินขึ้นไปหาเธอด้านบน ก็พบว่าอรจิรากำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องขัง เห็นสภาพแล้วอดสงสารเธอไม่ได้

“คุณอรครับผมมาแล้ว”

เมื่ออรจิราได้ยินเสียงผมเอ่ยเรียก เจ้าหล่อนรีบหันขวับมามอง ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เธอลุกขึ้นยืนแล้วพุ่งตัวเข้ามาจับกรงเหล็กห้องขังไว้ เพื่อมาสนทนากับผม

“คุณอี้เฟย คุณอี้เฟยจริงๆ ด้วย”

“ครับผม ผมมารับคุณกลับบ้านแล้ว”

“จริงๆ นะคะ ฉันกลัวที่นี่ ฉันไม่อยากอยู่ในคุกแล้ว ฉันไม่ได้ฆ่าเมษาจริงๆ นะคะ”

“ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ฆ่า เดี๋ยวผมจะไปขอประกันตัวคุณกับร้อยเวร คุณรอที่นี่ก่อนนะ”

“เร็วๆ นะคะฉันอยากออกจากที่นี่เต็มทนแล้ว”

ผมเดินตรงไปหาร้อยเวรที่นั่งอยู่บนโต๊ะเขียนเอกสาร เพื่อขอเจรจาประกันตัวอรจิรา เห็นสภาพอรจิราก็นึกถึงตัวเองเมื่อห้าปีที่แล้ว เธอโดนพี่ธีทำร้ายเหมือนที่ผมเคยโดน ผมจะไม่ปล่อยให้เขาลอยนวลเด็ดขาด

“สวัสดีครับผมจะมาขอประกันตัวคุณอรจิราครับ”

“ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับผู้ต้องหาครับ”

“ผมเป็นเพื่อนครับ”

“เราต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ให้ประกันตัวเธอไม่ได้ เพราะคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ ผู้ตายโดนฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ แถมเธอยังถูกซัดทอดว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่าอีกด้วย ทางเราจึงคัดค้านการประกันตัวครับ” ร้อยเวรเอ่ยอย่างนั้นผมก็ยิ่งสงสารเธอเข้าไปใหญ่ ในเมื่อเธอไม่ได้ทำแล้วทำไมถึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย

“ถ้าอย่างนั้นผมขอคุยอะไรกับผู้ต้องหา ที่ซัดทอดมาถึงคุณอรจิราได้ไหมครับ” ผมอยากเห็นหน้าคนที่เป็นฆาตกร ผมอยากจะรู้ว่ามันเป็นคนเดียวกันกับที่ฆ่ายายจันทร์ไหม เพราะทั้งสองคดีพี่ธีเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งนั้น

“อืม...ผมให้เวลาคุณห้านาทีเท่านั้นนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

จากนั้นคุณตำรวจก็พาผมเดินไปที่ห้องขังอีกห้องหนึ่ง ผมเห็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาดี เขาไม่เห็นเหมือนฆาตกรฆ่าคนตายเลย แล้วทำไมถึงได้คิดสั้นยอมเป็นทาสคนอย่างพี่ธีอย่างนี้

“นายเหมมีคนอยากจะคุยด้วย”

นายเหมคนนั้นหันหน้ามา ก่อนจะขมวดคิ้วมองผมอย่างตั้งใจ

“แค่ห้านาทีนะครับ” คุณตำรวจบอกผม

“ครับคุณตำรวจ”

เมื่อคุณตำรวจเดินไปแล้วผมก็หันไปสนใจมองเขาคนนั้นอีกครั้ง

“ไอ้วิน!”

ทำไมนายเหมถึงได้รู้จักผมล่ะ ในเมื่อผมไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลย

“กูไม่ใช่คนที่มึงพูดถึง”

“ไม่ใช่ได้ยังไง กูจำมึงได้แม่น”

“กูจะเป็นใครมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เรื่องที่กูต้องการจะพูดก็คือ ใครเป็นคนสั่งให้มึงใส่ร้ายคุณอร”

“ไม่มี! คุณอรนั่นล่ะที่เป็นคนสั่งให้กูไปฆ่าเมษา”

“ไม่จริงคุณอรไม่ได้ทำ มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังก็คือคุณธีภพ”

“ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงวะ! คุณอรเป็นคนสั่งกูจริงๆ” เขาเริ่มหงุดหงิดกับสิ่งที่ผมพยายามยัดเยียดให้

“ยังไงซะ กูก็ไม่ยอมให้มึงมาทำลายชีวิตคนอื่นอย่างนี้หรอก อย่าคิดนะว่าทำแบบนี้แล้วเรื่องมันจะจบ เพราะถึงยังไงเวรกรรมมันก็มีจริง ไม่ช้าก็เร็วกรรมมันจะต้องสนอง”

“อ้าวเหรอ! แล้วที่กูเคยฆ่าผู้หญิงแก่ๆ คนหนึ่งแล้วใส่ร้ายมึง ทำไมคดีนั้นคนที่ยังเป็นผู้ต้องหาอยู่ก็คือมึงล่ะวะ”

ผมพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา กำมือจนสั่นแทบจะเป็นบ้า เมื่อเห็นฆาตกรที่ฆ่ายายจันทร์อยู่ตรงหน้านี้แล้ว ผมอยากจะฆ่ามันให้ตายลงตรงหน้านี้เสียเหลือเกิน แต่คนอย่างมันจะต้องตายทั้งเป็น ผมจะทำทุกวิถีทางให้มันเจ็บปวดยิ่งกว่า

“ไอ้สารเลว! มึงสินะที่เป็นคนฆ่ายายจันทร์ มึงทำแบบนั้นทำไมวะ” ผมอดรนทนไม่ไหว เอื้อมมือเข้าไปกระชากคอเสื้อมันทันที

“ยอมรับแล้วสินะว่ามึงคือไอ้วิน  กู...ไม่...บอก” มันพูดเน้นคำเยาะเย้ยผม แถมยังหัวเราะออกมาอย่างน่าหมั่นไส้อีกด้วย หากไม่อยู่ในสถานีตำรวจ ผมคงจะฆ่ามันให้ตายลงตรงนี้ไปแล้ว

“กูสัญญาว่าจะทำให้มึงไม่มีวันได้ออกมาจากคุกแน่ และอย่าคิดว่าคนที่มึงปกป้องอยู่จะรอดจากเนื้อมมือกูได้ กูเองนี่ล่ะจะกระชากหน้ากากนายของมึงออกมาเอง…ไอ้เหี้ย”

“ถ้ามึงมีปัญญาก็เชิญ ต่อให้ตายกูก็ไม่มีวันปริปากพูดแน่นอน” มันยังคงทำเป็นปากเก่งต่อหน้าผม คนพวกนี้ขุดสันดานไม่ขึ้นจริงๆ สินะ ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง

“มึงไม่พูดแต่กูจะทำให้เจ้านายมึงเป็นคนพูดเอง มึงคิดเหรอว่ากูเป็นวินคนเดิมที่อ่อนแอให้คนอื่นกดขี่ข่มเหงเหมือนเดิม ตอนนี้กูมีอำนาจ มีเงิน จะสั่งให้ใครอยู่หรือตายก็ได้ แม้กระทั่งคนอย่างมึงกูจะสั่งเก็บเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าทำเป็นดีใจไปนักเลยไอ้ฆาตกร”

“กูจะคอยดูว่าคนอย่างมึงมันจะทำอะไรได้”

“มึงก็คอยดูละกัน”

“กูมั่นใจว่ามึงต้องมีลูกเมีย มีพ่อมีแม่ มันไม่ยากสำหรับกูเลยที่จะตามสืบว่าครอบครัวมึงอยู่ที่ไหน กูจะทำอย่างที่มึงทำกับยายจันทร์ จะทำให้มึงรู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง”

“มะ....มึงจะทำอะไร” นายเหมเริ่มมีสีหน้าตื่นกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว ใช่สิ! ใครๆ ก็รักคนในครอบครัว อย่างนี้สิเรื่องมันถึงจะสนุก

“กูก็จะทำกับคนในครอบครัวมึงบ้างยังไงล่ะ ถ้ามึงไม่ยอมพูดความจริงกับตำรวจ กูจะเป็นคนทรมานลูกเมียมึงด้วยตัวเอง กูจะให้เวลามึงคิดหนึ่งอาทิตย์ ถ้าเกินนั้นแล้วมึงเตรียมรับข่าวร้ายได้เลย” ว่าแล้วผมก็แสยะยิ้ม มองดูสีหน้าที่ซีดเซียวของนายเหม

“ถ้ามึงทำอย่างนั้นนายกูไม่ปล่อยมึงไว้แน่”

“มึงคิดเหรอว่ากูจะกลัว ตอนนี้นายธีภพไม่สามารถคุ้มกะลาหัวมึงได้แล้วรู้ไว้ด้วย กูปล้นเอาทั้งบ้านและบริษัทมันมาเป็นของกูหมดแล้ว ตอนนี้มันเหลือแต่ตัว ถ้ายังพอมีสมองก็คิดเอาเองนะว่าจะทำยังไง”

“กูน่าจะฆ่ามึงตั้งแต่วันนั้น แต่มึงเสือกหนีออกจากบ้านมาก่อน ไม่งั้นมึงคงได้กลายเป็นศพไปแล้ว ไม่มีโอกาสมายืนขู่กูอยู่อย่างนี้หรอก ไหนๆ ก็จะติดคุกแล้ว กูจะบอกให้เอาบุญว่ากูเป็นเด็กกำพร้าเว้ย ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีเมีย ไม่มีลูก แล้วทีนี้มึงจะไปทรมานใครล่ะวะ เรื่องที่มึงขู่กูก็แค่แกล้งตกใจเล่นไปเท่านั้นเอง หึๆ เป็นไงล่ะสะใจมึงไหม ฮ่าๆ ๆ”

มันพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงกันแน่ มันคิดจะฆ่าผมตั้งแต่อยู่ในบ้านงั้นเหรอ ผมเริ่มงงแล้วสรุปว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่

“รู้อย่างนี้แล้วถึงกับหน้าซีดเลยเหรอวะ”

“ไอ้เหี้ย! อย่าคิดว่าถ้าปิดปากเงียบแล้วจะช่วยนายมึงไว้ได้ เพราะกูไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน”

“ถ้ามึงทำได้กูจะก้มลงกราบตีนมึงเลย เพราะทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ปากกูเท่านั้น”

“กูอยากจะรู้จังว่าพี่ธีให้เงินมึงเท่าไหร่ ถึงได้ยอมปกป้องเขาขนาดนั้น ถ้ามึงต้องการเงินกูให้ได้มากกว่าพี่ธีเป็นร้อยเท่า”

“เงินมึงซื้อกูไม่ได้หรอก”

“ทำเป็นปากดีไปเถอะ กูจะเป็นคนส่งเจ้านายมึงเข้ามาอยู่ในคุกกับมึงเอง มึงเตรียมตัวก้มกราบตีนกูได้เลย”

ในระหว่างนั้นคุณตำรวจก็เดินเข้ามาเสียก่อน

“หมดเวลาแล้วครับคุณ”

“ครับคุณตำรวจ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”

ก่อนเดินออกมาผมก็ไม่วายส่งสายตาเหี้ยมให้มันอีกครั้ง นายเหมยิ้มเยาะผมอย่างสะใจ มันคงฆ่าคนเป็นว่าเล่น จนไม่มีความเป็นมนุษย์เหลือในตัวแล้ว



ผมออกจากตรงนั้นแล้วก็เดินตรงไปหาอรจิรา เพื่อไปแจ้งข่าวร้ายให้เธอรับรู้

“คุณอรครับ”

เมื่อได้ยินเสียงผมเอ่ยเรียก เธอก็รีบลุกขึ้นมาจับที่กรงเหล็กห้องขังเอาไว้ จ้องมองมาที่ผมอย่างมีความหวัง ยิ้มไม่ยอมหุบเลยทีเดียว

“คุณอี้เฟยฉันจะได้ออกไปแล้วใช่ไหมคะ”

“เอ่อ...ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ช่วยคุณอรออกไปไม่ได้ ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ให้ประกันตัวครับ แต่ผมสัญญาว่าจะหาทางพาตัวคุณออกมาให้ได้เร็วๆ นี้แน่นอน”

ได้ยินอย่างนั้นอรจิราก็ปล่อยโฮออกมาราวกับเด็ก เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารซะเหลือเกิน

“ฮือๆ ๆ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้ ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้ทำ” อรจิราร้องไห้เสียงดังระงมไปทั่วทั้งโรงพัก อย่างไม่อายผู้ใด ผมจึงยื่นมือเข้าไปจับมือเธอไว้เพื่อให้กำลังใจ

“คุณอรไม่ต้องกลัว ผมสัญญาว่าจะพาตัวคุณออกไปจากที่นี่ให้ได้อย่างแน่นอน”

“จริงๆ นะคะ ฉันจะรอคุณ ต้องช่วยฉันให้ได้นะคะคุณอี้เฟย”

“ครับผมสัญญา แต่ตอนนี้ผมต้องไปก่อน แล้ววันหลังผมจะมาเยี่ยมใหม่”

“ชีวิตฉันอยู่ในกำมือคุณแล้ว ฉันรักคุณนะคะคุณอี้เฟย”

“ผมก็รักคุณครับ”

ผมยิ้มให้เธอก่อนจะเดินออกมาอย่างเป็นกังวล ตอนนี้เรื่องเข้าใกล้ความจริงขึ้นมาทุกทีแล้วสินะ อย่างน้อยผมก็ได้รู้ตัวคนที่มันฆ่ายายจันทร์แล้ว

ยายจ๋า...ผมจะได้แก้แค้นคืนให้ยายแล้วนะจ๊ะ



ผมรีบบึ่งรถกลับมาที่บ้านพร้อมกับคำถามมากมายที่ยังคงต้องหาคำตอบ ราวกับว่าเพิ่งกลับจากโรงเรียนแล้วต้องมาทำการบ้านต่อซะอย่างนั้น เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบว่าตอนนี้ตาหนูได้หลับไปเสียแล้ว สงสัยคงจะเล่นเกมกับอาหยางจนเหนื่อย และเผลอหลับไปสินะ เห็นสภาพตาหนูตอนนี้ก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้ ผมสงสารลูกที่ต้องมาเจอเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจตั้งแต่เด็กจนโต ผมจะทำอย่างไรให้ตาหนูยอมรับในฐานะแม่โดยไม่ต้องใช้วิธีแย่งมาแบบนี้ได้นะ แค่คิดมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ คงมีทางนี้ทางเดียวเท่านั้นให้ผมต้องเลือก

“อาหยาง” ผมพยายามเอ่ยเรียกอาหยางให้เสียงเบาที่สุด

อาหยางได้ยินก็หันมามองผมทันที เขาส่งยิ้มละมุนให้เหมือนทุกครั้ง “คุณอี้เฟย”

“ตาหนูหลับนานหรือยัง”

“ยังครับไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เอง”

“ออ...ถ้าอย่างนั้นนายช่วยอุ้มแกไปนอนบนห้องฉันหน่อยนะ”

“ได้ครับ”

อาหยางรีบอุ้มตาหนูขึ้นในท่าเจ้าสาว แล้วเดินตามผมเข้าไปในห้องนอน

“ขอบใจนะ”

“ไม่เป็นไรครับ คุณหนูน่ารักมากผมใจดีด้วยนะครับที่คุณได้ลูกกลับคืนมา”

“ยังหรอก ตอนนี้ฉันยังมีเรื่องกังวลใจอยู่”

“เรื่องอะไรครับ”

“ฉันกลัวตาหนูจะรับฉันในฐานะแม่ไม่ได้ ฉันกลัวว่าลูกจะเสียใจร้องไห้และเกลียดฉันที่แย่งจากพ่อเขามา” ผมหันไปมองหน้าลูกชายด้วยแววตาเศร้า

อาหยางเห็นอย่างนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะสวมกอดผมไว้หลวมๆ เพื่อให้กำลังใจ ราวกับรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังต้องการใครสักคนเข้ามาปลอบประโลมใจ กลิ่นกายที่หอมเป็นเอกลักษณ์ของเขาทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จนต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นไปวางไว้บนแผ่นหลังของอาหยาง เพื่อตอบรับความหวังดีนั้นไว้อย่างสุดซึ้ง

“ขอบใจนะที่นายอยู่ข้างๆ ฉันอย่างนี้มาตลอด”

“คุณอี้เฟยคือชีวิตของผม ผมให้คุณได้ทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิต”

“ฉันไม่มีทางให้นายทำอย่างนั้นเด็ดขาด นายต้องอยู่ข้างๆ ฉันอย่างนี้ไปตลอดนะเข้าใจไหม ช่วงเวลาที่หัวใจฉันมันอ่อนแอ ก็มีนายนี่ล่ะที่ช่วยปลอบประโลมใจฉันให้มันหายดีได้”

“ขอบคุณที่คุณอี้เฟยไม่รังเกียจผมนะครับ ผมจะอยู่ข้างกายคุณอย่างนี้ตลอดไป ผมสัญญา” เขาเอ่ยพลางส่งยิ้มให้

จะผิดไหมถ้าผมต้องการจะจูบเขา จะผิดไหมที่ผมเริ่มจะหวั่นไหวกับผู้ชายที่นิสัยดีๆ อย่างนี้ แต่ทว่าหัวใจของเขากลับมีใครบางคนจับจองไว้แล้ว

“อืมมม”

ในที่สุดริมฝีปากเราทั้งสองคนก็ประกบกันจนได้ ผมไม่รู้ว่าอาหยางไปฝึกความชำนาญเหล่านี้มาจากใคร เขาบดจูบริมฝีปากบางของผมอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน ทำให้ร่างกายของผมอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมกอดที่แข็งแกร่งของเขา มือทั้งสองข้างของผมปีนป่ายขึ้นไปรั้งที่ต้นคออาหยางไว้ ส่วนมือหนาทั้งสองข้างของเขาบีบเคล้นที่แก้มก้นงอนของผมไปด้วย

ในห้องที่เงียบสงบ กลับมีเสียงลมหายใจของเราทั้งสองคน ที่มันดังถี่ระรัวราวกับไปวิ่งรอบสนามกีฬามาสักห้ารอบซะอย่างนั้น

เมื่อได้สติแล้วผมก็รีบผละใบหน้าออกมา ก่อนจะหลบตาเขาแล้วเอ่ยอะไรบางอย่าง ที่ทำให้อาหยางถึงกับหน้าเสีย “ยะ...หยุดเถอะอาหยาง เราไม่ควรทำเรื่องอย่างนี้อีกแล้ว”

“ผมขอโทษครับที่ล่วงเกินคุณอี้เฟย ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำให้คุณอี้เฟยเสียหายอีกแล้วครับ” เขาเอ่ย สีหน้าของอาหยางบ่งบอกว่ารู้สึกผิดมากแค่ไหน นั่นทำให้ผมเองก็รู้สึกผิดตามไปด้วย

“ฉันสิที่ต้องขอโทษนาย ฉันควรจะเป็นฝ่ายยับยั้งชั่งใจเสียเอง นายไปพักก่อนเถอะพรุ่งนี้เรามีงานใหญ่ที่ต้องทำ”

“ครับคุณอี้เฟย”

อาหยางเดินคอตกออกไปจากห้อง ผมมันเลวเองที่เผลอตัวทำอย่างนั้นออกไป จนอาจจะทำให้อาหยางรู้สึกหวั่นไหว ผมจะไม่มีวันทำอย่างนั้นอีกแล้ว...ไม่มีวัน

ผมเดินไปนั่งบนเตียงข้างลูกชายตัวน้อย คนที่ผมเคยเฝ้าฟูมฟักดูแลตั้งแต่อยู่ในท้อง ตาหนูเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน จนผมรู้สึกผิดที่แย่งแกมาจากพี่ธี ผมไม่อยากให้ดวงใจของผมต้องเสียใจและร้องไห้ ไม่อยากให้แกต้องมีปมตั้งแต่เด็ก เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะพี่ธีคนเดียวแท้ๆ หากเขาไม่พรากลูกไปจากอกผม ตาหนูคงต้องไม่เจอกับเรื่องพวกนี้แน่นอน

ผมเกลียดเขา เกลียดเขาที่สุด

พรุ่งนี้แล้วสินะวันที่ผมรอคอย จะได้เข้าไปในบ้านหลังนั้นในฐานะเจ้าของบ้าน ผมอยากเห็นสีหน้าและแววตาของคนที่พ่ายแพ้ซะเหลือเกิน มันคงจะสะใจไม่น้อย...

หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.14 ฆาตกรตัวจริง? l Up:24-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-10-2018 16:03:55
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.14 ฆาตกรตัวจริง? l Up:24-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-10-2018 19:48:37
 :z2: ใกล้แล้วๆ เอาคืนให้สาสม
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.14 ฆาตกรตัวจริง? l Up:24-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-10-2018 20:05:19
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.14 ฆาตกรตัวจริง? l Up:24-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-10-2018 20:11:49
ใครหว่า แม่นังธีหรือป่าว  :hao4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.14 ฆาตกรตัวจริง? l Up:24-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-10-2018 22:00:03
ขอให้รอดนะ อย่าขว้างงูไม่พ้นคอ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.14 ฆาตกรตัวจริง? l Up:24-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-10-2018 22:32:41
สรุปหักมุม เป็นพ่อพี่ธีจ้า จะพีคมาก
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.14 ฆาตกรตัวจริง? l Up:24-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-10-2018 23:33:10
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.14 ฆาตกรตัวจริง? l Up:24-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 25-10-2018 00:25:37
 :m15:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.15 ความเจ็บปวด l Up:29-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 29-10-2018 16:56:31
บทที่ 15

ความเจ็บปวด



ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ จากการได้ยินเสียงร้องไห้งอแงของตาหนูดังไม่หยุดหย่อน เจ้าตัวเล็กเอาแต่ร้องเรียกหาพี่ธี ผมพยายามเข้าไปกอดเพื่อปลอบใจแต่ก็รับการปฏิเสธ แต่พอบอกว่าจะพาไปหาพี่ธีที่บ้านเช้านี้แล้ว ตาหนูถึงหยุดร้องและเริ่มเชื่อฟังผมมากขึ้น

“คุณอาสัญญาแล้วนะครับว่าจะพาผมไปหาคุณพ่อ”

“คุณอาสัญญาครับ น้องนนท์ไปทานข้าวกับลุงอาหยางก่อนนะ อีกประเดี๋ยวเราจะเข้าไปหาคุณพ่อที่บ้านกัน”

“ครับคุณอา”

“อาหยางฝากด้วยนะ”

“ครับคุณอี้เฟย”

เราส่งยิ้มให้กันอย่างเขินๆ ภาพเมื่อคืนนี้ยังคงไม่จางหายไปจากความทรงจำเลยแม้แต่น้อย แต่ผมจะพยายามลืมมันให้ได้ เพราะวันนี้มีงานใหญ่มากกว่านั้นที่จะต้องทำ

ผมเดินเข้าไปหาเตี่ยที่กำลังนั่งดื่มชาในศาลาสวนหลังบ้าน ใจจริงผมอยากให้เตี่ยไปที่บ้านหลังนั้นด้วยกัน แต่ก็ไม่อยากให้ท่านต้องไปรับรู้เรื่องบ้าบออะไรพวกนั้น อยากจะแก้ปัญหาด้วยตนเอง แค่ท่านช่วยผมมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เป็นบุญคุณเหลือล้นจนไม่สามารถตอบแทนได้หมดในชาตินี้แล้ว

“เตี่ยครับ” ผมเอ่ยเรียกก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม

“ลื้อเตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม”

“ครับเตี่ยผมพร้อมซะยิ่งกว่าพร้อมแล้ว”

“มาถึงขั้นนี้แล้วอย่าใจอ่อนให้ใครเด็ดขาด นึกถึงสิ่งที่พวกมันทำกับลื้อเข้าไว้ อีกไม่นานทุกอย่างที่ลื้อหวังไว้ก็จะเป็นจริง อั๊วเอาใจช่วย”

“ขอบคุณครับเตี่ย ผมจะเข้มแข็งเข้าไว้ เอาไว้ผมจะมาหาเตี่ยที่นี่บ่อยๆ นะครับ”

“ขอให้ลื้อโชคดี”

ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ลงไปนั่งที่พื้น ก่อนจะกราบแทบเท้าเตี่ยเพื่อขอบคุณสำหรับทุกสิ่งอย่างที่เตี่ยทำให้ผม และเรียกกำลังใจให้ตัวเองเอาฤกษ์เอาชัยในวันนี้อีกด้วย



ผมขับรถพาตาหนูล่วงหน้าไปที่บ้านหลังนั้นก่อน ส่วนอาหยางแวะไปรับป้ากิ่งที่บ่อน ป้ากิ่งเป็นคนที่ผมไว้ใจจึงจะให้มาช่วยดูแลเป็นแม่บ้าน เป็นหูเป็นตาให้ผม นอกจากนั้นเตี่ยยังส่งลูกน้องมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้เกือบยี่สิบนาย วางกำลังไว้รอบบ้านก่อนที่พวกผมจะไปถึงเสียด้วยซ้ำ ป่านนี้คนในบ้านคงจะวุ่นวายกันน่าดูสินะ

มาถึงแล้วผมก็ขับรถไปจอดที่หน้าบ้านอย่างถือวิสาวะ ลงรถแล้วก็เดินอ้อมไปเปิดประตูให้กับตาหนูบ้าง ผมสูดอากาศเข้าปอดจนสุดแล้วผ่อนลมหายใจออกอย่างเชื่องช้า เพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะจูงมือลูกชายเข้าไปเผชิญหน้ากับคนบ้านนี้อีกครั้ง ในฐานะนายธาวินและเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่อีกด้วย

เข้าไปถึงก็เจอคนพวกนั้นนั่งรออยู่ภายในห้องรับแขก ทุกคนจ้องมองมาที่ผมอย่างไม่สบอารมณ์ ราวกับแค้นเคืองมานานเป็นชาติ เว้นแต่พ่อที่มองผมด้วยความดีใจ ยิ้มอย่างมีความสุข ผมอยากจะให้พ่ออยู่ที่นี่ต่อเหลือเกิน แต่คงทำไม่ได้เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้ทุกคนออกไปจากที่นี่ ไม่ยกเว้นใครแม้แต่คนเดียว

“คุณพ่อ!” เมื่อตาหนูเห็นพี่ธีก็ปล่อยมือผมรีบวิ่งเข้าไปกอดเขา ผมยอมปล่อยลูกไปหาเขาแต่โดยดี

“ไอ้คนเนรคุณ! แกทำอย่างนี้กับคนที่เลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็กได้ยังไงกัน” แม่บุญธรรมลุกขึ้นจากโซฟา ชี้หน้าด่าผมเป็นคนเป็นแรก ท่าทางคงจะโมโหหนักมากที่โดนอรจิราหลอก

“ผมเนรคุณตรงไหนครับคุณแม่ คุณแม่เองต่างหากที่เสียท่าให้กับลูกสะใภ้อย่างอรจิรา ผมก็แค่รับซื้อบ้านหลังนี้ต่อเท่านั้นเอง” ผมเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน ยิ้มเยาะอย่างสะใจ

พี่ธีจ้องหน้าผมอย่างเดือดดาล คงจะโกรธที่ผมพูดกับแม่ของเขาอย่างนั้น ก็แล้วแต่ผมไม่แคร์ เพราะตอนนี้มันถึงเวลาของผมแล้ว ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง

“กรี๊ดดด!! ไอ้สารเลว ฉันอุตส่าห์เลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เด็ก รู้อย่างนี้ฉันน่าจะปล่อยแกไว้ในบ้านเด็กกำพร้าซะก็ดี จะได้ไม่ต้องโดนแว้งกัดอย่างนี้”

“เลี้ยงดูผมมาอย่างนั้นเหรอครับ คุณไม่เคยรักไม่เคยสนใจผมเลย คุณเลี้ยงดูผมไม่ต่างจากทาส ตบตีทรมานสารพัด อย่างนี้เขาเรียกว่าเลี้ยงอย่างนั้นเหรอครับคุณแม่ ถ้าผมเลือกทางเดินชีวิตเองได้ ผมคงจะอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าเหมือนเดิม มันคงจะดีกว่าต้องมาอยู่ในนรกขุมนี้ ต้องมาโดนลูกชายของคุณข่มขืน ต้องมาเห็นยายจันทร์ตายต่อหน้าต่อตา ต้องโดนพรากลูกไปจากอก ชีวิตผมมันบัดซบเพราะพวกคุณพาผมมาเลี้ยงที่นี่ยังไงล่ะ” ผมตะโกนใส่หน้าพวกเขาอย่างเดือดดาล แต่ทว่ากลับไม่ได้มีน้ำตาหยดลงมาเลยสักเม็ด

“วินใจเย็นๆ นะลูก” พ่อพยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมใจเย็นลง แต่มันไม่สำเร็จหรอกเพราะผมไม่เชื่อฟังใครในบ้านหลังนี้อีกแล้ว

“ไม่! ทำไมผมจะต้องใจเย็นด้วยล่ะ ในเมื่อตอนนี้ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับคนในบ้านหลังนี้แล้ว พ่อนั่นล่ะหยุด เลิกอยู่ใต้กระโปรงผู้หญิงคนนี้แล้ว คนอย่างพ่อเคยกล้าทำอะไรบ้างไหม ผมรู้ว่าพ่อเป็นคนดี แต่ความดีของพ่อไม่สามารถหยุดผมได้หรอก เพราะตอนนี้ผมไม่ได้ใสซื่ออ่อนแอ ปล่อยให้คนพวกนี้มารังแกผมเหมือนเดิมได้อีกแล้ว พ่อไม่เคยเสียคนที่รักไปพ่อไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน”

“ไอ้วิน! มึงจะพูดกับพ่อแบบนั้นไม่ได้” พี่ธีตะโกนมาห้ามผม

“ทำไมจะพูดไม่ได้ กูจะพูด”

“ทำไมพ่อจะไม่เคยเสียคนรักไปล่ะ” พ่อเอ่ยออกมาด้วยแววตาเศร้า ก่อนจะปรายตาไปมองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างกัน ราวกับว่าพ่อมีอะไรในใจแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา

“แต่มันคงไม่เหมือนที่ผมโดน พ่อรู้ไหมว่าลูกชายพ่อฆ่ายายจันทร์ของผมอย่างโหดเหี้ยม แถมยังพรากลูกชายมาจากผม พ่อไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน” ว่าแล้วผมก็หันไปมองตาหนูที่อยู่ในอ้อมกอดพี่ธี สายตาที่มองมานั้นทำให้ผมแทบกระอักเลือด ตาหนูแสดงท่าทีกลัวผมมากเหลือเกิน

“ลูกชายฉันไม่ได้ทำเรื่องอย่างนั้น ลูกชายฉันไม่ได้ฆ่าใคร แกนั่นล่ะที่ฆ่ายายตัวเอง”

“ผมจะฆ่าคนที่มีพระคุณกับผมทำไมล่ะ ในเมื่อยายจันทร์ให้ชีวิตใหม่กับผม ชีวิตที่ดีกว่าอยู่ในบ้านหลังนี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า”

“ทำไมจะทำไม่ได้ เพราะขนาดพวกฉันที่มีพระคุณกับแกยังทำได้ลงคอเลย” แม่บุญธรรมเบะปากใส่ผม ป่านนี้ยังไม่สำนึกอีก มันคงถึงเวลาที่ผมจะไล่ตะเพิดพวกเขาออกไปแล้วสินะ

“คนอย่างพวกคุณพูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ เก็บของออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ”

“ไม่! ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น นี่มันบ้านของฉัน”

“ใช่! มันเคยเป็น แต่ตอนนี้มันเป็นของผมอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จะดูหลักฐานไหมล่ะ” ว่าแล้วผมก็โยนสัญญาซื้อขายไปจนปลิวลอยกลางอากาศ ก่อนจะตกลงสู่พื้นตรงหน้าแม่บุญธรรมพอดิบพอดี

“พวกกูจะออกไป แต่ลูกต้องไปอยู่กับกู”

“ไม่ได้ลูกต้องอยู่กับกูเท่านั้น น้องนนท์นี่แม่ของหนูเองนะลูก มาหาแม่นะเราจะอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม” ว่าแล้วผมก็รีบเดินตรงไปหาพี่ธีเพื่อแย่งตาหนูมา

“คุณอาไม่ใช่แม่ คุณแม่น้องนนท์คือแม่อร” ได้ยินอย่างนั้นยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดเข้าไปใหญ่

“มึงได้ทุกอย่างไปแล้วแต่ลูกต้องอยู่กับกู” พี่ธีกอดลูกชายเอาไว้แน่น ผมพยายามบยื้อแย่งมา จนทำให้ตาหนูตกใจร้องไห้งอแงเสียงดัง แม้จะสงสารจับใจแต่ผมจะไม่มีทางยอมปล่อยลูกไปเด็ดขาด

“อย่ายุ่งกับหลานฉันนะ” แม่บุญธรรมเดินเข้ามาดึงตัวผมออกอีกแรง

ในระหว่างที่พวกเรากำลังทำศึกสงครามแย่งตาหนูกันอยู่นั้น องครักษ์ประจำตัวผมก็มาถึง

“หยุดเดี๋ยวนี้!” อาหยางนั่นเองที่เดินเข้ามาพร้อมกับป้ากิ่ง

ทุกอย่างหยุดชะงัก เพราะอาหยางเล็งปลายกระบอกปืนมาที่พวกเรา แต่ทว่าแม่บุญธรรมที่ดึงคอเสื้อผมอยู่นั้นกลับยืนนิ่ง เบิกตากว้างด้วยความตกใจจ้องเขม็งไปยังป้ากิ่ง

“นังกิ่ง”

“กิ่ง” พ่อเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นป้าแก่ง

นั่นยิ่งทำให้ผมยิ่งงเข้าไปใหญ่ ป้ากิ่งรู้จักคนพวกนี้ได้อย่างไรกัน

ผมเบนความสนใจมาที่ป้ากิ่งทันที เธอปล่อยโฮออกมาเมื่อเห็นหน้าพ่อ ราวกับได้เจอคนที่รอคอยมาแสนนานซะอย่างนั้น

“นี่มันอะไรกันครับป้า รู้จักคนพวกนี้ด้วยเหรอ” ผมรีบเดินไปยืนข้างป้ากิ่งก่อนจะเอ่ยถาม ป้าเอาแต่ร้องไห้ ส่ายหน้าไม่ยอมพูดอะไร

“ฮือๆ ป้า..”

“กิ่งเธอยังไม่ตาย เธอยังมีชีวิตอยู่ ฉันดีใจเหลือเกิน” พ่อร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ

“หยุด! ห้ามเข้าไปหามันอีกเด็ดขาด ฉันไม่ยอมให้คุณกับมันได้อยู่ด้วยกันอีกแน่นอน” แม่บุญธรรมรั้งแขนพ่อไว้ ไม่ให้เข้ามาหาพวกเรา

“ปล่อยผม”

“ไม่ปล่อย! ถ้าคุณไปหามันฉันไม่ปล่อยมันไว้อีกแน่”

“มาถึงตอนนี้แล้ว ทำไมคุณไม่ปล่อยวางอะไรเลย เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วนะ”

“ฉันไม่มีวันลืม ฉันไม่มีวันลืมสิ่งที่คุณกับมันทำกับฉันหรอก”

“นั่นมันเรื่องของคุณ แต่ผมจะไปหาคนที่ผมรัก”

“กรี๊ดดด”

ขณะทั้งสองคนกำลังยื้อแย่งฉุดกระชากกันอยู่นั้น ผมก็หันมาเอ่ยกับป้ากิ่ง

“สรุปว่าป้าคือเมียของพ่องั้นเหรอครับ” ผมพยายามคาดคั้นเอาความจริงจากป้ากิ่ง มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่คนเราจะมาพบเจอกันโดยบังเอิญอย่างนี้

“ใช่ค่ะคุณอี้เฟย ป้าเคยเป็นคนรับใช้ที่บ้านหลังนี้มาก่อน ป้าผิดเองที่ไปมีอะไรกับคุณพงษ์ศักดิ์ เป็นเมียน้อยอีกคนของเขา ฮึก” ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินอย่างนั้น โลกมันช่างกลมเหลือเกิน

“เป็นไปได้ยังไงกัน แล้วทำไมคุณพ่อถึงได้ทิ้งขว้างป้าให้เร่ร่อนข้างถนนอย่างนั้นล่ะครับ” ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าประเด็นเรื่องของป้ากิ่ง กำลังเป็นที่สนใจแทนเรื่องของผมซะงั้น

“คือ...นั่นเป็นเพราะ....” ป้ากิ่งอ้ำอึ้งไม่กล้าพูดออกมา ผมรู้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ แต่ป้าคงจะกลัวใครบางคนที่อยู่ในนี้อย่างแน่นอน

“ป้าบอกผมมาเถอะ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้มันจบๆ ไปทีเดียวเลย”

“ป้าโดนคุณวรรณีตามรังควานและพยายามฆ่าค่ะ แต่ป้ารอดมาได้ เลยต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ”

ได้ยินอย่างนั้นผมก็รีบหันขวับไปมองหน้าแม่บุญธรรมทันที เลวทั้งแม่ทั้งลูก คิดจะฆ่าใครก็ฆ่าอย่างนั้นเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ

“ป้าไม่ต้องห่วงผมจะแก้แค้นคืนให้ป้าเอง”

ผมจับมือป้ากิ่งเอาไว้เพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับคนพวกนั้นอีกครั้ง

“เลวทั้งแม่ทั้งลูก นี่พวกคุณยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า”

“มึงจะมากไปแล้วนะ มึงกล้าว่าแม่กูอย่างนั้นได้ยังไง” พี่ธีชักสีหน้าใส่ผม แววตาที่แข็งกร้าวนั้นบ่งบอกว่าเขากำลังโมโหมากเหลือเกิน นั่นยิ่งทำให้ผมสะใจที่ทำให้เขาเดือดดาลได้

“แม่มึงไม่ใช่แม่กู”

“ไอ้วิน! กูยอมมึงมากพอแล้วนะ”

“แค่นี้มันยังน้อยไป กับสิ่งที่มึงทำกับกู สิ่งที่แม่มึงทำกับป้ากิ่ง บ้านหลังนี้มันก็มีแต่คนเลวๆ ทั้งนั้นล่ะวะ”

“คุณพ่อครับน้องนนท์กลัว น้องนนท์ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ฮือๆ” ตาหนูร้องไห้งอแง กอดพี่ธีอยู่อย่างนั้น ผมได้แต่มองตาละห้อย

ผมไม่อยากให้ลูกเสียใจเลย ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้

“ตาหนูลูกแม่ แม่ขอโทษนะลูก แต่แม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้”

“คุณอาไม่ใช่แม่ คุณอาไม่ใช่แม่น้องนนท์”

“หึๆ ๆ สมน้ำหน้า ฉันจะบอกให้เอาบุญก็ได้ ถ้ารู้สิ่งที่ฉันจะบอกอย่าช็อกตายไปก่อนล่ะ” แม่บุญธรรมยิ้มมุมปาก ขณะควงแขนพ่อเอาไว้แน่น ไม่ยอมให้ไปหาป้ากิ่ง สีหน้าและแววตาของพ่อนั้นบ่งบอกว่ารู้สึกเจ็บปวดมากเหลือเกิน

“ทำไมผมต้องฟังสิ่งคุณจะพูดด้วยล่ะ พวกคุณรีบเก็บของออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้ อย่าต้องให้ใช้กำลัง”

“แกไม่อยากรู้เหรอว่าพ่อกับแม่แท้ๆ ของแกเป็นใคร” แม่บุญธรรมยกยิ้มมุมปาก แววตาของเธอช่างแข็งกร้าว ราวกับกำลังจะประกาศชัยชนะต่อหน้าผมซะอย่างนั้น

“อย่ามาหลอกผมซะให้ยากเลย คุณไม่มีทางรู้เพราะผมเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เกิด” ผมไม่มีทางเชื่อว่าเธอจะรู้เรื่องจริงๆ

“คุณรู้งั้นเหรอว่า...” พ่อหันไปมองหน้าแม่บุญธรรมอย่างประหลาดใจ ราวกับโดนอีกฝ่ายล่วงรู้ความลับที่เก็บงำไว้ซะอย่างนั้น

แม้ว่าผมจะไม่เคยคิดตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง แต่ลึกๆ ภายในใจมันกลับมีแวบหนึ่งที่คิดเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง จนมาถึงวันนี้ที่ผมได้ยินจากปากแม่บุญธรรม มันกลับทำให้ผมสนใจอยากรู้เรื่องมากเหลือเกิน

“ใช่! ฉันรู้ความจริงว่าคุณหลอกฉันมาตลอด หลอกให้ฉันรับเด็กกำพร้าที่เป็นลูกของคุณกับนังกิ่งมาเลี้ยง คุณทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน คุณก็รู้ว่าฉันเกลียดนังกิ่งมากแค่ไหน” แม่บุญธรรมตะโกนใส่หน้าพ่อเสียงดัง

“ผม...ผมขอโทษ” พ่อทำหน้าสำนึกผิด ก่อนจะหันมามองหน้าผม สื่อว่าสิ่งที่แม่บุญธรรมพูดเมื่อสักครู่คือเรื่องจริง

มันไม่จริงใช่ไหม?

เด็กกำพร้าคนนั้นเป็นผมงั้นเหรอ?

ผมเป็นลูกชายแท้ๆ ของพ่องั้นเหรอ?

หญิงเร่ร่อนข้างถนนที่ผมช่วยชีวิตเอาไว้คือแม่แท้ๆ ของผมงั้นเหรอ?

ทำไมทุกอย่างมันถึงได้กลับตาลปัตรอย่างนี้ ผมสับสนไปหมดแล้ว

ผมทรุดตัวนั่งลงกับพื้นน้ำตานองหน้า คนที่ตกใจไม่ต่างจากผมก็คือพี่ธี เราทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยแววตาที่ปวดร้าวและเจ็บปวดเหลือเกิน ผมกับพี่ธีเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันอย่างนั้นเหรอ ผมโดนพี่ชายร่วมสายเลือดข่มขืนจนตั้งท้อง มันเป็นเรื่องอัปยศที่สุดในชีวิตที่เกินจะรับได้ ผมอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด เกิดมาเป็นคนทั้งทีก็เจอแต่เรื่องเหี้ยๆ ไม่จบไม่สิ้น ผมอยากตาย.....

หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.15 ความเจ็บปวด l Up:29-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-10-2018 17:06:16
 :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.15 ความเจ็บปวด l Up:29-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 29-10-2018 19:19:20
แอบสมน้ำหน้าวิน ในความมั่นใจไร้สติ ตอนนี้ก็รอเหลือแค่ว่าใครเป็นคนสั่งฆ่า
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.15 ความเจ็บปวด l Up:29-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-10-2018 20:25:24
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.15 ความเจ็บปวด l Up:29-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-10-2018 23:35:35
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.15 ความเจ็บปวด l Up:29-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-10-2018 00:00:42
เห่ออ จ้ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.15 ความเจ็บปวด l Up:29-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-10-2018 01:08:05
หักมุมจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.15 ความเจ็บปวด l Up:29-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-10-2018 02:33:58
อ้าว ๆๆๆๆ ไม่ใช่ว่าท้ายที่สุด เด็กที่เก็บมาเลี้ยงจะเป็นพี่ธีแทนนะ  :katai1:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.16 ดวงใจร้าว l Up:01-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 01-11-2018 21:41:25
บทที่ 16

ดวงใจร้าว



“คุณอี้เฟยคือลูกชายฉันจริงๆ เหรอเนี่ย...ลูกแม่ ฮึก” ป้ากิ่งที่ตอนนี้มีสถานะเป็นแม่ของผมแล้ว เธอนั่งลงข้างผมก่อนจะเอื้อมมือที่สั่นเทามาสัมผัสที่แก้มเบาๆ นี่หรือคือสัมผัสจากแม่ที่ผมไม่เคยได้รับมาตั้งแต่จำความได้ มันช่างรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากเหลือเกิน

“แม่ครับ ฮือๆ ๆ” ผมโผเข้ากอดแม่ที่แท้จริงของผม ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่มีกั๊ก ตอนนี้ความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด ทั้งดีใจที่ได้รู้ว่าตัวเองมีพ่อแม่เหมือนคนอื่น แต่ความเสียใจที่มีอะไรกับพี่ชายตัวเองมันก็ยังคงวนเวียน ราวกับเป็นตราบาปอยู่ภายในใจ

“วินลูกแม่ ฮือๆ ๆ”

เรากอดกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะตั้งสติได้ ปาดน้ำแล้วลุกขึ้นยืนเดินไปหยุดตรงหน้าแม่บุญธรรม มองเธอด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว ผมอยากจะฆ่าเธอให้ตายลงตรงหน้าด้วยมือของผมเอง เพื่อชดเชยกับสิ่งที่เธอทำกับผมและแม่ แต่ผมไม่อยากจะมีมลทินเพราะคนอย่างนี้หรอก

“ออกไปจากบ้านหลังนี้พร้อมลูกและสามีคุณเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะให้คนลากตัวพวกคุณออกไป”

“ฉันไม่ไป! ที่นี่บ้านฉันแกนั่นล่ะที่ต้องไป”

“ผมพูดดีๆ กับคุณแล้วนะ” ผมยืนกำมือไว้แน่น ผู้หญิงคนนี้ร้ายเกินกว่าที่ผมจะให้อภัยได้

“โถๆ ๆ เมื่อกี้ถึงขนาดกับเข่าทรุดเลยเหรอ ที่รู้ว่าโดนพี่ชายร่วมสายเลือดข่มขืนจนมีลูก สะใจฉันจริงๆ” เธอแสยะยิ้ม เหลือบตามองผมอย่างสะใจ

“โธ่โว้ย! หยุดเดี๋ยวนี้เลย ผมจะไม่ทนอะไรอีกแล้ว ผมเกลียดแม่ ผมเกลียดแม่!”

พี่ธีตะโกนแทรกเข้ามาเสียงดัง ดังจนผมถึงกับสะดุ้ง ไม่นึกว่าเขาจะสติแตกได้ถึงขนาดนี้ พี่ธีตัวสั่นเทา ใบหน้าแดงก่ำราวกับคนที่เพิ่งเจอเรื่องกระทบจิตใจขั้นสุด จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

“ธีทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก”

“ผมยอมให้คนที่ผมรักต้องตราหน้าว่าเป็นฆาตกรเพื่อปกป้องแม่ ผมข่มขืนน้องชายร่วมสายเลือดเพื่อทำให้เขาเกลียดผมและหนีออกจากบ้านไป เพื่อไม่ให้แม่ทำผิดฆ่าคนตายและให้วินมันมีชีวิตรอดต่อไป ผมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องแม่ แต่แม่กลับไม่ยอมหยุด แม่ส่งคนไปฆ่ายายจันทร์ แม่ฆ่าเมษา แม่ฆ่าทุกคน แต่ดูสิ่งที่ผมได้รับสิครับ ฮึก มันมีแต่ความเจ็บปวด เจ็บปวดมากเหลือเกิน แต่แม่! แม่ได้แต่ความสะใจไม่รู้จักจบสิ้น ผมเกลียดแม่! ฮือๆ ๆ”

ผมได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับอึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมจะเข้าใจผิดมาตลอด ว่าพี่ธีคือคนที่อยู่เบื้องหลัง คนที่ฆ่ายายจันทร์อยู่ตรงหน้าผมแล้วงั้นเหรอ

พี่ธีร้องไห้หนักมาก ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้มาก่อน ผมไม่เคยเห็นเขาอ่อนแออย่างนี้มาก่อน

เอ๋!

พี่ธีบอกว่ารักผมอย่างนั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ คนรักกันจะไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงซะตอนนี้สถานะของเรามันก็ไม่สามารถลงเอยกันได้แล้ว เพราะเราเป็นพี่น้องกัน

“ธีแม่ขอโทษ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ลูกเข้าใจนะ เอาไว้แม่จะอธิบายให้ฟังนะลูก”

“ไม่! ผมจะไม่ฟัง จะไม่ทนอะไรอีกแล้ว ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากเห็นหน้าแม่ ไม่อยากเห็นหน้าใครอีกแล้ว” พี่ธีพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนนั่งลงตรงหน้าตาหนู แล้วเอ่ยอะไรบางอย่าง “น้องนนท์อยู่ที่นี่กับแม่นะครับ คุณอาคือแม่ที่แท้จริงของลูก”

“ไม่เอาน้องนนท์ไม่อยู่ น้องนนท์จะไปอยู่กับคุณพ่อ ฮือๆ ๆ”

“น้องนนท์อยู่กับพ่อไม่ได้แล้วนะลูก พ่อต้องไป พ่อต้องไปจากที่นี่ พ่อไม่อยากให้น้องนนท์ไปลำบากกับพ่อ” ว่าแล้วพี่ธีก็กอดตาหนูเอาไว้แน่น สักพักก็คลายอ้อมกอดแล้วลุกขึ้นจะเดินออกไป แต่ตาหนูกอดขาพี่ธีเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“น้องนนท์ไม่ให้คุณพ่อไปไหน ฮือๆ ๆ”

อาหยางรู้งานรีบไปจับตัวตาหนูไว้ ส่วนพี่ธีก็มองมาที่ผมผ่านม่านน้ำตา แววตาของเขาเศร้าสร้อย บ่งบอกว่ารู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกเขามากขึ้น พี่ธีต้องการช่วยผมให้รอดพ้นจากการถูกแม่บุญธรรมฆ่า จึงใช้วิธีข่มขืนผมพยายามผลักดันให้ผมหนีออกจากบ้าน แต่ทว่าวิธีนั้นกลับเป็นวิธีที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับทั้งผมและเขา เพราะเราคือพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ความรู้สึกผิดจึงถาโถมเข้ามาหาเขา ต้องการปกป้องคนที่รักทั้งสองแต่ทว่าสิ่งที่เขาได้รับกลับมีแต่ความเจ็บปวด

“คุณพ่อ น้องนนท์จะไปหาคุณพ่อ” ตาหนูตะเกียกตะกายเพื่อพยายามให้หลุดจากวงแขนแกร่งของอาหยาง

“ธี! จะไปไหนลูก ฟังแม่ก่อน” ผู้หญิงใจร้ายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม จะเดินตามหลังพี่ธีไป แต่ผมไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ ผมไม่มีทางปล่อยให้เธอลอยนวลแน่นอน เพราะผมได้ยินจากปากพี่ธีแล้วว่าเธอคือคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของทุกคน

“จะไปไหน”

“เอามือสกปรกของแกออกจากตัวฉัน”

“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดคำนั้น ตัวของคุณสกปรกยิ่งกว่าอะไรดี คุณฆ่ายายจันทร์ของผมทำไม บอกมาสิ!” ผมตะโกนใส่หน้า ตอนนี้พ่อเริ่มกลัวว่าผมจะทำร้ายเธอจึงรีบเดินเข้ามาอยู่ใกล้ๆ

“เพราะฉันอยากจะทำให้แกเจ็บปวดยังไงล่ะ ในเมื่อแกคือลูกของคนที่ฉันเกลียดเข้าไส้ ฉันก็จะทำให้แกมีจุดจบเหมือนแม่แก ตอนนี้ฉันสะใจมากเหลือเกิน ที่ทำลายพวกแกทุกคนได้” ว่าแล้วเธอก็หัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ จนถึงป่านนี้แล้วยังไม่มีความสำนึก ผมไม่มีทางปล่อยคนจิตใจอำมหิตอย่างนี้ให้ลอยนวลแน่นอน

ผมอยากจะตบหน้าเธอ แต่ครั้งหนึ่งผมก็เคยเรียกเธอว่าแม่ จึงพยายามยับยั้งชั่งใจเอาไว้

“อาหยางโทรเรียกตำรวจมาเดี๋ยวนี้ เรียกให้มาเอาตัวผู้หญิงคนนี้ไปเข้าคุกแทนคุณอร”

“นังนั่นมันสมควรอยู่ในคุก มันทรยศฉัน แกคิดเหรอว่าตำรวจจะเอาฉันเข้าคุกได้ ไหนล่ะหลักฐานในเมื่อไอ้เหมมันซัดทอดว่านังอรมันเป็นคนว่าจ้าง ใครจะมาเอาผิดฉันได้ล่ะ”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เพราะเมื่อสักครู่ลูกชายคุณเป็นคนบอกเองว่าคุณเป็นคนทำเรื่องทั้งหมด ตำรวจคงไม่คิดว่าลูกจะใส่ร้ายแม่ตัวเองได้ลงคอหรอกนะ” ผมยิ้มมุมปาก ก่อนจะสั่งให้อาหยางเปิดคลิปที่อัดไว้เมื่อสักครู่

เธอได้ยินอย่างนั้นก็มองผมด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด กรีดร้องเสียงดัง

“กรี๊ดดด! ไอ้สารเลวแกกล้าตลบหลังฉันเหรอ” เธอพุ่งตัวเข้ามาจะทำร้ายผม แต่พ่อดึงตัวเอาไว้ก่อน

“หลักฐานที่มันออกจากปากลูกของคุณ น่าจะพอเอาคุณเข้าคุกได้แล้วนะ แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับคนจิตใจโหดเหี้ยมอย่างคุณ ผมขอสาปแช่งให้คุณอย่าได้ออกมาเห็นโลกภายนอกอีกตลอดชีวิต ตายไปก็อย่าได้ผุดได้เกิดมาเป็นคนอีก ไปชดใช้เวรกรรมในคุกซะเถอะ”

“กรี๊ด! ฉันไม่ยอมจบแค่นี้แน่”

“คุณยังจะมีอะไรมาสู้ผมได้ ป่านนี้ลูกชายคุณคงจะสติแตก เดินข้ามถนนให้รถชนตายไปแล้วมั้ง รู้สึกยังไงที่เป็นคนทำร้ายลูกชายตัวเอง กรรมมันมีจริงและวันนี้มันได้สนองคุณแล้ว”

“ฉันไม่โง่อยู่ที่นี่ให้ตำรวจจับหรอก” ว่าแล้วเธอก็หันมาเอ่ยกับพ่อ “คุณเราไปกันเถอะ”

“....”

พ่อเอาแต่ก้มหน้า ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา นั่นทำให้เธอรู้แล้วว่าตอนนี้พ่อไม่ได้อยู่ข้างเธอแล้ว

“คุณเงียบอย่างนี้ แสดงว่าคุณไม่ได้อยู่ข้างฉันแล้วใช่ไหม”

“ผมว่ามันถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะได้รับผลกรรมที่ทำกับคนอื่น ผมเสียใจจริงๆ”

“ไอ้คนเนรคุณ พวกแกก็เหมือนกันหมดทุกคน หักหลังฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่แกมีชีวิตสุขสบายทุกวันนี้เพราะเงินของฉันทั้งนั้น ลืมไปแล้วหรือไง!”

เพี๊ย!

“ฉันไม่ยอมจบแค่นี้แน่” ว่าแล้วเธอก็หยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปหาตาหนู แต่อาหยางกลับกันตัวไม่ให้เข้าใกล้

“อย่าเข้าใกล้ลูกผมเด็ดขาด”

“นี่หลานฉันให้ฉันกอดหลานก่อนไปไม่ได้หรือยังไงกัน”

“ไม่ได้! คนอย่างคุณสกปรกเกินไปที่จะแตะเนื้อต้องตัวลูกชายผม”

“คุณย่า ฮือๆ ๆ จะหาคุณย่า” ในบ้านหลังนี้ไม่เหลือคนที่คุ้นเคยให้ตาหนูได้พึ่งพาอีกแล้ว นอกจากเธอกับคุณพ่อ เอาวะ! อย่างน้อยก็ทำเพื่อลูกให้แกได้กอดกับย่าเป็นครั้งสุดท้าย

“อาหยางปล่อย”

เมื่ออาหยางปล่อยตัวตาหนูแล้ว ตาหนูก็โผเข้าไปกอดแม่บุญธรรมทันที ผมจะปล่อยเธอได้กอดร่ำลากับลูกชายผมเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนที่ตำรวจจะมา

“ย่าขอโทษนะลูกที่ต้องทำอย่างนี้” เธอเอ่ยอย่างนั้นแล้วก็ล็อกคอตาหนูไว้ ก่อนจะหยิบปืนในกระเป๋าสะพายออกมา

“ตาหนูลูกแม่!”

“คุณย่าปล่อยน้องนนท์ ฮือๆ ๆ”

“พวกแกบังคับให้ฉันต้องทำอย่างนี้เองนะ”

“ปล่อยลูกกูเดี๋ยวนี้นะ” ผมอดรนทนไม่ไหว จึงสบถคำหยาบออกมา

“ปล่อยให้โง่สิวะ วันนี้ฉันจะพาเด็กคนนี้ไปด้วย เพื่อทรมานมันเหมือนที่กูทำกับมึงยังไงล่ะไอ้วิน”

“คุณปล่อยหลานเดี๋ยวนี้ นั่นหลานเรานะ”

“ใช่! มันเป็นหลานแต่มันมีเลือดชั่วๆ ของคนที่กูเกลียดด้วยไงล่ะ นังกิ่งวันนี้แกไม่โชคดีเหมือนเมื่อยี่สิบปีที่แล้วแน่นอน” ว่าแล้วเธอก็เล็งปลายกระบอกปืนมาที่แม่ผมทันที

“อย่านะคุณ!” พ่อรีบวิ่งเข้าไปกางแขนยืนบังแม่เอาไว้

“รักกันมากสินะ”

“คุณวรรณีฉันร้องขอล่ะ ปล่อยหลานไปเถอะ แกไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย”

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ถ้ารักกันมากขนาดนั้น ฉันจะส่งพวกแกให้ไปลงนรกพร้อมกันเดี๋ยวนี้ล่ะ”

“ไม่นะ! อย่า!” ผมตะโกนร้องดังลั่น เมื่อเธอลั่นไกปืน น้ำตาผมไหลพรากลงอีกครั้งเพราะกลัวว่าจะเสียคนที่รักไปจากชีวิตอีกครั้ง

ปัง!

“กรี๊ดดด! คุณพงษ์ศักดิ์”

“พ่อออ!!”

พ่อโดนยิงเข้าที่กลางอก จนล้มลงกับพื้นแม่รีบเข้ามาพยุงตัวไว้ นั่งลงวางศีรษะพ่อไว้บนตัก วินาทีนี้พวกเราไม่ได้สนใจว่านางฆาตกรคนนั้น จะลั่นไกปืนมาอีกครั้งหรือไม่ สนใจแต่ชีวิตของพ่อที่กำลังอยู่ในวินาทีอันตราย

“อาหยางเรียกรถพยาบาลที” ผมตะโกนสั่งอาหยางแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อ

“พ่อขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริงลูกมาตั้งแต่แรก พอมันขี้ขลาด แค่กๆ” พ่อเอ่ยกับผม

“พ่อครับ ฮือๆ ๆ ผมไม่ได้โกรธพ่อเลยนะครับ ผมรักพ่อ ไม่ว่าจะยังไงผมก็รักพ่อเหมือนเดิม” ผมจับมือพ่อไว้เอาไว้แน่น

“ฉันดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง และก็ดีใจที่ได้ช่วยชีวิตเธอไว้ แค่นี้ฉันก็ตายตาหลับแล้วล่ะกิ่ง” พ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ราวกับกำลังจะหมดลมหายใจในอีกไม่ช้า

“ไม่นะคะ คุณต้องไม่เป็นอะไร ตอนนี้เราได้อยู่พร้อมหน้ากันแล้ว คุณต้องอยู่กับฉันและลูกนะคะ”

“ฉันรักเธอนะกิ่ง ฉันเฝ้าตามหาเธอกับลูก มีคนบอกว่าเธอตายแล้วแต่ลูกของเรายังอยู่ ฉันตามสืบจนรู้ว่าลูกของเราอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าจึงรับแกมาอยู่ด้วย เฮือก แต่ฉะ...ฉันจำเป็นต้องปิดบังความจริงเรื่องลูกเพราะไม่อยากให้แกโดนวรรณทำร้าย แต่ฉันก็ทำไม่สำเร็จ”

“คุณทำดีที่สุดแล้วค่ะ ฉันรักคุณ” แม่กอดพ่อเอาไว้แน่น ร้องไห้จนแทบจะเป็นสายเลือด

“ผมเข้าใจพ่อแล้ว ฮือๆ ๆ พ่อสัญญาว่าจะอยู่กับเรานะครับ”

“พะ...พ่อไม่ไหวแล้ว วินต้องดูและแม่ดีๆ นะลูก เฮือกก” พูดจบพ่อก็หายใจถี่รัวก่อนจะหมดลมหายใจไป

“พ่อออ!!”

“คุณคะ ฮือๆ ๆ”

เมื่อพ่อสิ้นลมหายใจแล้ว ผมจึงเงยหน้าขึ้นไปมองหาคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อต้องตาย ปรากฏว่าเธอไม่อยู่ในบ้านแล้ว ผมจึงรีบวิ่งออกไปดูที่หน้าบ้าน ก็พบว่าตอนนี้ตำรวจล้อมตัวเธอไว้แล้ว แต่ตาหนูยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนเธอ

"วางปืนลงเดี๋ยวนี้ คุณไม่มีทางหนีไปไหนได้หรอก”

“ไม่! กูไม่มีทางยอมติดคุกหรอก หลีกไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นเด็กคนนี้ตายคามือกูแน่”

“ปล่อยลูกกูเดี๋ยวนี้นะ มึงฆ่าพ่อฆ่ายายกู กูไม่มีทางปล่อยมึงไว้แน่”

“ฮือๆ ๆ คุณอาช่วยน้องนนท์ด้วย”

“น้องนนท์ไม่ต้องห่วงแม่จะช่วยลูกให้ได้ หนูไม่ต้องกลัวนะลูก”

“หลีกไปสิวะ” เธอยังคงตะโกนสั่งตำรวจ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะยอมทำตามที่เธอสั่ง

ผมทนเห็นลูกชายอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นไม่ได้ จึงเสนอตัวเข้าไปเป็นตัวประกันแทน

“เอากูไปเป็นตัวประกันแทนเถอะนะ”

“ไม่! กูไม่มีทางหลงกลมึงหรอก”

ในระหว่างนั้นอาหยางก็เริ่มหาวิธีจัดการกับเธอ โดยการย่องเข้าไปด้านหลังอย่างระแวดระวัง เห็นอย่างนั้นผมจึงพยายามเบนความสนใจโดยการหาเรื่องคุยกับเธอ

“ยังไงซะมึงก็ไม่มีทางรอดไปจากที่นี่ได้หรอก มอบตัวซะเถอะเพื่อพี่ธีไง ปล่อยน้องนนท์เถอะนะ น้องนนท์เห็นหลานมึงนะ”

“อย่าเข้ามาใกล้ไม่งั้นกูยิงไอ้เด็กนี้ไส้แตกแน่ อ๊ะ!” ในช่วงจังหวะนั้นอาหยางก็ล็อกตัวเธอไว้ แล้วพยายามแย่งปืนในมือ

“น้องนนท์วิ่งมาหาแม่เร็วๆ ครับ” ผมตะโกนบอกทันทีที่มีโอกาส ตาหนูรีบวิ่งมาหาผมทันที

ผมกอดลูกชายเอาไว้แน่นปลอบดวงใจน้อยๆ ของผมให้หายจากอาการตื่นกลัว ก่อนจะรีบอุ้มพาเข้าไปในบ้านเพื่อความปลอดภัย เรื่องตรงนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการ

ปัง!

เดินเข้ามาในบ้านได้สักพักผมก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น แต่ผมไม่ได้สนใจเดินกลับไปดูว่าใครโดนยิง เพราะตอนนี้ผมจะต้องพาลูกไปอยู่ในที่ปลอดภัยเสียก่อน



เมื่ออุ้มลูกชายเข้ามาในบ้านแล้ว ก็พบว่าแม่ยังกอดร่างไร้วิญญาณของพ่ออยู่เหมือนเดิม เห็นภาพนั้นก็ทำให้ผมแทบจะเป็นบ้า ได้รู้ความจริงว่าตัวเองมีพ่อกับแม่ทั้งที กลับต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ ผมตัดสินใจพาตาหนูขึ้นไปบนห้องก่อน เพราะไม่อยากให้เห็นภาพนั้น กลัวว่ามันจะเป็นภาพจำติดตาไปตลอดชีวิต

ขึ้นมาบนห้องแล้วผมก็กอดปลอบตาหนูอยู่ครู่หนึ่งจนสภาพจิตใจเริ่มดีขึ้น จึงพยายามพูดคุยกับลูกชายเพื่อให้แกเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านไปเสียก่อน

“ฮึก คุณพ่อไปไหนแล้วครับคุณอา น้องนนท์อยากไปหาคุณพ่อ” ตาหนูสะอื้นไห้อยู่บนเตียง ผมได้แต่นั่งกอดปลอบใจอยู่อย่างนั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ธีอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าเขาจะคิดสั้นทำอะไรบ้าๆ ไปหรือเปล่า

“อีกไม่นานคุณพ่อก็จะกลับมานะครับ น้องนนท์สัญญากับแม่ได้ไหมว่าจะไม่งอแง เราจะรอคุณพ่อที่นี่ด้วยกันนะครับ”

“น้องนนท์จะไม่งอแง” ว่าแล้วตาหนูก็ยกมือน้อยๆ ขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้าง

“ดีมากครับ”

“แล้วคุณแม่ล่ะครับ คุณแม่ไปไหน”

“คุณแม่ของน้องนนท์อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไงครับ แม่อรเป็นคนที่เลี้ยงดูน้องนนท์มา แต่แม่วินคนนี้คือคนที่คลอดน้องนนท์มา เมื่อก่อนน้องนนท์ก็เคยอยู่ในท้องแม่มาก่อนรู้หรือเปล่าครับ” ผมไม่รู้ว่าตาหนูจะยอมรับผมได้ไหม แต่จะพยายามให้แกได้ซึมซับความเป็นแม่จากผมไปเรื่อยๆ จนกว่าแกจะยอมรับได้

“แสดงว่าน้องนนท์มีแม่สองคนงั้นเหรอครับ”

“ใช่แล้วครับ”

อย่างน้อยได้เป็นแม่อีกคนของตาหนู แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว

“แล้วแม่อรไปไหนล่ะครับ”

“แม่อรไปทำงานต่างจังหวัดครับ อีกไม่นานก็คงจะกลับมา”

“ถ้าอย่างนั้นน้องนนท์จะรอที่นี่ น้องนนท์จะไม่ไปไหน แม่วินอย่าทำกับน้องนนท์เหมือนคุณย่าได้ไหมครับ”

“ได้สิครับ แม่รักน้องนนท์มากที่สุดในชีวิตเลยรู้ไหม ในที่สุดหนูก็เรียกแม่อีกครั้ง แม่มีความสุขที่สุดเลยครับ” น้ำตาผมไหลลงมาเป็นทาง เมื่อได้ยินคำว่าแม่จากปากลูกชาย มันช่างมีความสุขมากเหลือเกิน

แม้ว่าวันนี้จะเสียพ่อไปแล้ว แต่ผมก็ยังโชคดีที่ได้แม่และลูกชายกลับมาอยู่ข้างกายอีกครั้ง ทำไมชีวิตผมกว่าจะได้อะไรมา มันต้องแลกด้วยสิ่งที่มีค่าและสำคัญกับชีวิตทุกครั้งด้วยนะ มันคงจะเป็นเวรกรรมที่ผมเคยทำไว้เมื่อชาติที่แล้วสินะ



เมื่อตาหนูนอนหลับไปแล้ว ผมก็รีบลงมาด้านล่าง สภาพบ้านที่เกิดเรื่องเมื่อสักครู่ยังอยู่ในสภาพเดิม มีตำรวจหลายสิบนายกำลังเก็บหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุ ผมยังมองหาคนที่รู้จักไม่เจอสักคน จึงเดินไปถามคุณตำรวจที่ยืนอยู่

“คุณตำรวจครับ ตอนนี้ผู้ต้องหาอยู่ที่ไหนเหรอครับ”

“เมื่อสักครู่เราเพิ่งนำตัวเธอไปคุมขังที่สถานีตำรวจครับ ส่วนคนเจ็บก็ถูกนำตัวไปส่งโรงพยาบาลแล้ว” คนเจ็บงั้นเหรอนอกจากพ่อที่โดนยิงแล้วยังจะมีใครอีกนะ

“คนเจ็บนี่หมายถึง...” ใจผมเต้นตึกตักกลัวว่าใครจะได้รับอันตรายอีก

“ก็คนที่เข้าไปช่วยลูกคุณไว้ยังไงล่ะครับ เขายื้อแย่งปืนกับคนร้ายจนโดนยิงหลังจากคุณเดินออกไปแล้วครับ”

“อาหยาง! ไม่จริง! อาหยางนายห้ามเป็นอะไรไปนะ  ห้ามเด็ดขาด...”

“คุณอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะครับ ถ้าถึงมือหมอเร็วน่าจะปลอดภัย”

“ขอบคุณครับคุณตำรวจ ตามสบายเลยนะครับ ผมต้องไปที่โรงพยาบาลตอนนี้เลย”

ว่าแล้วผมก็รีบวิ่งไปหน้าบ้าน สั่งให้ลูกน้องขึ้นไปดูเฝ้าตาหนูหน้าห้องนอน ก่อนจะขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลทันที อาหยางรอฉันก่อน ฉันกำลังจะไปหานายแล้ว

หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.16 ดวงใจร้าว l Up:01-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-11-2018 22:01:36
เห้ออออ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.16 ดวงใจร้าว l Up:01-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-11-2018 22:14:48
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.16 ดวงใจร้าว l Up:01-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-11-2018 22:29:15
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.16 ดวงใจร้าว l Up:01-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-11-2018 23:23:38
คลายปมทุกอย่างแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.16 ดวงใจร้าว l Up:01-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-11-2018 04:19:48
ธีร์กลับมาดูลูกก่อน หายไปไหนแล้ว  :sad2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.16 ดวงใจร้าว l Up:01-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-11-2018 13:11:25
อาหยางอย่าเป็นอะไรไปนะ ให้อาหยางเป็นพระเอกแทนได้ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.15 ความเจ็บปวด l Up:29-10-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 02-11-2018 15:59:47
นั่นไง ว่าละป้ากิ่งต้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ต้องเป็นตัวแปรที่สำคัญพอตัว
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.16 ดวงใจร้าว l Up:01-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 02-11-2018 16:14:33
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.17 สารภาพ l Up:06-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 06-11-2018 13:35:51
บทที่ 17

สารภาพ



ผมบึ่งรถมาถึงโรงพยาบาล ก็รีบเดินตรงเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน ตอนนี้คุณหมอกำลังทำการผ่าตัดเอาลูกกระสุนออก ผมได้แต่เดินไปวนมาอยู่หน้าห้องด้วยความกระวนกระวาย กลัวว่าอาหยางจะเป็นอันตรายร้ายแรง ผ่านไปชั่วโมงกว่าคุณหมอก็ออกมาจากห้อง ผมจึงรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปถามอาการของอาหยางทันที

“คุณหมอครับอาหยางเป็นอย่างไรบ้าง”

“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ แต่ตอนนี้คนไข้ยังไม่ได้สติ รบกวนคุณรอไปเยี่ยมในห้องพักฟื้นอีกทีนะครับ”

“ขอบคุณครับคุณหมอ” ผมยกมือไหว้คุณหมอ น้ำตาไหลลงมาด้วยความโล่งใจ หากอาหยางเป็นอะไรไป ผมคงไม่ให้อภัยตัวเองแน่นอน

ระหว่างรอให้ถึงเวลาเยี่ยม ผมก็แวบไปหาแม่ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในห้องดับจิต



มาถึงห้องดับจิตก็พบว่าแม่ยังคงนั่งเฝ้าศพพ่อ ที่ตอนนี้นอนกำลังนอนอยู่บนรถเข็นศพ มีผ้าสีขาวคลุมร่างไร้วิญญาณไว้ มือของแม่ยังคงประสานมือพ่อไว้ตลอดเวลา ความเงียบงันของห้องดับจิตถูกทำลายลงด้วยเสียงสะอื้นไห้ของแม่ ท่านยังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุด ผมจึงเดินเข้าไปลากเก้าอี้มานั่งข้างท่านแล้วกอดให้กำลังใจ

“พ่อไปสบายแล้วนะครับแม่”

“แม่ไม่นึกเลยว่าการได้เจอกันครั้งนี้ มันจะเป็นครั้งสุดท้าย ฮึก”

“อย่างน้อยเรายังได้มีโอกาสได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้านะครับแม่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาแค่ไม่กี่นาที แต่มันก็คุ้มค่าที่สุดแล้ว พ่อทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้พวกเรามีชีวิตรอด ต่อไปนี้เราก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข เพื่อไม่ให้การตายของพ่อเสียเปล่านะครับแม่” ผมพยายามพูดในแง่ดี เพื่อไม่ให้แม่วิตกกังวล และเครียดจนเกินไป

“จ้ะแม่จะอยู่ต่อไปเพื่อลูกและพ่อของลูก แม่เฝ้าฝันว่าก่อนตายจะต้องเจอหน้าลูกให้ได้ ในที่สุดแม่ก็ได้เจอหน้าลูกจริงๆ มันเป็นเพราะแหวนวงนี้ที่พ่อเคยให้แม่ไว้ตอนที่รู้ว่ามีลูก แม่เก็บรักษามันไว้เท่าชีวิต เพื่อไว้ดูเมื่อเวลาคิดถึงลูกกับพ่อของลูก” แม่ว่าพลางลูบเบาๆ ที่แหวนทองฝังเพชรที่สวมไว้นิ้วนางข้างซ้าย

“วันนั้นที่ผมเห็นแม่ อย่าบอกนะครับว่าโจรมันต้องการแหวนวงนี้”

“ใช่จ้ะ แหวนวงนี้ทำให้เราได้เจอกัน ถ้าวันนั้นไอ้โจรมันไม่มาแย่งแหวนในมือแม่ เราก็คงจะไม่ได้เจอกันแน่นอน”

ผมยิ้มให้แม่ และเชื่อว่าเรื่องมหัศจรรย์ยังคงมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ เหมือนที่ผมได้เจอกับแม่ ได้มานั่งด้วยกันอยู่ตรงนี้ แม้ว่าเราจะสูญเสียคนที่สำคัญในชีวิตไป แต่ทว่านับจากนี้เราจะเป็นคนสำคัญของกันและกัน และผมจะดูแลแม่ให้ดีที่สุด ไม่ให้เราต้องแยกจากกันไปไหนอีกแล้ว

หลังจากนั่งทำใจอยู่นาน ผมก็รับศพพ่อกลับไปทำพิธีตามหลักศาสนาที่วัดใกล้บ้าน เมื่อจัดการเรื่องที่วัดเสร็จแล้ว ผมก็ไปส่งแม่ที่บ้านเพื่อให้ท่านได้พักผ่อนเอาแรงบ้าง ส่วนผมก็กลับไปโรงพยาบาลอีกครั้ง เพื่อเข้าไปเยี่ยมอาหยางนั่นเอง



เมื่อมาถึงโรงพยาบาลอีกครั้ง ผมก็เดินตรงเข้าไปหาอาหยางที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วย ซึ่งเป็นห้องพักพิเศษที่ผมได้แจ้งความจำนงกับทางโรงพยาบาลเอาไว้ ภายในห้องตอนนี้พยาบาลกำลังวัดไข้ให้กับอาหยาง ก่อนจะช่วยปรับสายน้ำเกลือให้ ส่วนผมก็ได้แต่ยืนดูรอเวลาที่จะได้เข้าไปนั่งใกล้ๆ

มาถึงตอนนี้ผมยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกที่มีต่ออาหยางเลยด้วยซ้ำ มันก้ำกึ่งระหว่างพี่ชายกับคนรัก ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่มีเขาอยู่ข้างกาย เขาคอยเป็นที่ปรึกษา เป็นคนที่คอยสนับสนุนผมทุกอย่างไม่เคยปฏิเสธแม้แต่ครั้งเดียว แม้กระทั่งที่ผมสั่งให้มีอะไรกับอรจิราเขาก็ยังทำ ทั้งหมดที่อาหยางทำให้ผมมันมากมายเหลือเกิน เกินกว่าที่ผมจะเมินเฉยกับความรู้สึกของเขาคนนี้ได้

“เสร็จแล้วค่ะ ถ้ามีอะไรกดกริ่งเรียกพยาบาลได้เลยนะคะ”

“ครับผม ขอบคุณมากครับ”

“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“ครับ”

หลังจากพยาบาลสาวออกไปแล้ว ผมก็เดินไปยืนอยู่ข้างเตียง มองดูใบหน้าหล่อที่ตอนนี้ช่างซีดเซียว แต่ทว่ากลับยังดูดีในสายตาผมอยู่ไม่คลาย ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ แล้วเอื้อมไปจับมือเขามากุมไว้

“ฉันดีใจที่นายปลอดภัยแล้ว จากนี้ไปนายห้ามเป็นอะไรนะอาหยาง ฉันอยากมีนายอยู่ข้างๆ อย่างนี้ไปตลอดชีวิต”

ว่าแล้วผมก็จับมือเขามาสัมผัสที่แก้มผมเบาๆ ก่อนจะหลับตาลงพร้อมกันนั้นน้ำใสๆ จากดวงตาก็ไหลลงมาเป็นทาง ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้รับสัมผัสจากอาหยาง

ผมเผลอฟลุบหลับอยู่ข้างเตียง จากความเหนื่อยล้าที่ได้รับมาเกือบทั้งวัน ในระหว่างนั้นก็ฝันว่ามีใครบางคนกำลังลูบไล้ที่เรือนผมอย่างแผ่วเบา และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ผมเงยขึ้นไปมองหน้าคนป่วยด้วยอาการงัวเงีย ก็พบว่ามาอาหยางฟื้นขึ้นมาแล้วและกำลังส่งยิ้มให้ผมอยู่

“อาหยางนายฟื้นแล้ว”

“ครับคุณอี้เฟย ขอโทษด้วยที่ผมทำให้คุณตื่น”

“นายไม่ได้ทำซะหน่อย ฉันตื่นเองต่างหากล่ะ นายเป็นยังไง เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า”

“ไม่เลยครับ แค่นี้ไม่ทำให้ผมเจ็บได้หรอก”

“อย่าทำเป็นปากเก่งไป เจ็บก็บอกว่าเจ็บ อยู่ต่อหน้าฉันไม่จำเป็นต้องทำเข้มแข็งตลอดก็ได้นะ” เขายังคงยิ้มราวกับเป็นเรื่องสนุก ส่วนผมกลับเอาแต่เป็นห่วง มันช่างสวนทางกันซะเหลือเกิน นี่สินะที่ทำให้ผมประทับใจในตัวเขามาตลอด

“ก็ผมไม่อยากให้คุณอี้เฟยเครียดนี่ครับ ผมอยากเห็นคุณยิ้มตลอดเวลาเมื่ออยู่กับผม”

เขาทำให้ผมยิ้มจนได้ ยิ้มจนแก้มแทบจะปริ แม้ว่าอาหยางจะมีความสุขุมนุ่มลึกอยู่ตลอดเวลา แต่ทว่าเขาเองก็มีมุมน่ารักๆ อย่างนี้มาให้เห็นอยู่บ้าง และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้เห็นมัน

“ฉันก็ยิ้มแล้วนี่ไง”

“เวลาคุณอี้เฟยยิ้มทำให้โลกของผมมันสดใสขึ้นมากเลยครับ พรุ่งนี้ผมคงจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ”

“ใครจะให้นายออก นายต้องนอนพักรักษาตัวที่นี่จนกว่าจะหายดี...นี่คือคำสั่ง”

“ไม่! ผมไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ผมอยากไปช่วยคุณอี้เฟยสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้”

“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้ว คนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก็โดนจับเข้าคุกแล้ว จะเหลือก็แต่คลิปหลักฐานที่นายถ่ายเอาไว้ เราจะได้ไปช่วยคุณอรให้ออกมาจากคุก เรื่องทุกอย่างมันจะได้จบเสียที”

“เรื่องคลิปผมให้คุณตำรวจไปแล้วล่ะครับ”

“ให้ตอนไหนเนี่ยนายโดนยิงไม่ใช่เหรอ”

“ก็ตอนที่โดนนั่นล่ะครับ ผมอยากให้คดีนี้มันจบเร็วๆ คุณอี้เฟยจะได้มีความสุข”

“นายนี่นะควรจะห่วงตัวเองบ้าง ฉันไม่ได้เป็นเด็กสักหน่อย ดูแลตัวเองได้น่า” ทำไมผมต้องยิ้มและเขินด้วยก็ไม่รู้สิน่า

“ก็บอกแล้วไงครับว่าชีวิตผมมอบให้คุณอี้เฟยไปแล้ว”

“นายอย่าพูดอย่างนี้อีกเด็ดขาดเลยนะ ชีวิตนายมันมีค่ามากกว่าที่จะต้องมาสละให้ฉัน เพราะยังมีคนอื่นที่นายควรจะใส่ใจมากกว่าฉัน” ผมอยากให้เขานึกถึงคนที่อยู่ในใจมากกว่าผม และมันควรจะเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“คนที่คุณอี้เฟยพูดถึงใครกันเหรอครับ” อาหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับกำลังสงสัยสิ่งที่ผมเอ่ยออกไปเมื่อสักครู่

“ก็คนที่อยู่ในใจนายไงล่ะ” ผมฝืนยิ้มให้เขา

“ใช่สินะผมเองก็ลืมไป ว่าเคยบอกคุณอี้เฟยไว้ ว่ามีคนที่อยู่ในใจแล้ว”

“นั่นล่ะคนที่ฉันเอ่ยถึง นายควรนึกถึงเธอให้มากๆ นะ” ผมฝืนยิ้มให้เขาเป็นครั้งที่สอง

“คุณอี้เฟยอยากรู้ไหมครับว่าคนที่อยู่ในใจผมคือใคร”

“ไม่ดีกว่า ถึงนายพูดไปฉันก็คงจะไม่รู้จักหรอก”

“ทำไมคุณอี้เฟยจะไม่รู้จักล่ะครับ”

“เอ๋ ฉันรู้จักด้วยเหรอ”

“ใช่ครับคุณอี้เฟยรู้จักเป็นอย่างดีเลยล่ะ”

ผมมองหน้าเขาอย่างสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน จะมีใครที่ไหนกัน ที่ผมรู้จักเป็นอย่างดีและน่าจะเข้าข่ายเป็นคนที่อาหยางแอบรัก

“ใครกันอาหยาง”

“ก็คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมนี่ไงครับ คนที่ผมแอบชอบมาตลอดก็คือ...คุณอี้เฟย” สีหน้าของอาหยางจริงจังมาก หลังจากเอ่ยคำนั้นออกมา

เป็นไปได้ยังไงกัน อาหยางต้องล้อผมเล่นแน่ๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน...

“นะ...นายล้อฉันเล่นใช่ไหม”

“เปล่าครับผมพูดเรื่องจริง ผมแอบชอบคุณอี้เฟยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันที่เมืองจีนแล้ว คุณอี้เฟยเป็นคนที่ผมตามหามาตลอดทั้งชีวิต ชาตินี้ผมจะไม่มีทางเปลี่ยนใจจากคุณไปไหนอีกแล้วครับ”

ได้ยินอย่างนั้นน้ำตาผมก็ไหลลงมา ผมไม่รู้ว่ามันไหลลงมาเพราะความรู้สึกอะไร ไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาไปอย่างไรดี ผมยังไม่ชัดเจนกับความรู้สึกที่มีต่อเขา ผมไม่อยากจะตัดรอน แต่ก็ยังไม่อยากจะเอ่ยว่าผมเองก็รู้สึกดีกับเขา มันยังไม่ใช่ตอนนี้

“อาหยาง....นายพักผ่อนให้หายดีก่อนนะ แล้วฉันจะมาเยี่ยมบ่อยๆ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยะ ฉันต้องกลับบ้านไปหาตาหนูก่อน” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้น แต่อาหยางกลับรั้งมือผมไว้ ไม่ยอมให้ไปไหน

“ผมทำให้คุณอี้เฟยรู้สึกอึดอัดสินะ ผมขอโทษ” สีหน้าของอาหยางเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่อยากให้เขาเป็นอย่างนี้เพราะผมเลย ผมเกลียดตัวเองจริงๆ

“นายอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะ รอให้เรื่องยุ่งๆ พวกนี้มันผ่านไปก่อน แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันอีกที นายเป็นคนดีนะ ดีที่สุดกว่าคนอื่นๆ เท่าที่ฉันเคยรู้จักมาเลยล่ะ”

เขาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะปล่อยมือผมให้เป็นอิสระ ผมส่งยิ้มให้ก่อนจะออกมาจากห้อง หวังว่าเคลียร์เรื่องทุกอย่างได้หมดแล้ว หัวใจผมมันจะชัดเจนกับเรื่องนี้ตามไปด้วย

*-*-*-*-*-*-*

เช้าวันต่อมาขณะที่ผม แม่และตาหนู กำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นบนของตัวบ้าน ตั้งใจจะเดินทางไปที่วัด แต่ก็ต้องมาเจอกับคนคุ้นเคยในอดีต ที่ผมเคยรู้จักเป็นอย่างดียืนรออยู่ที่ห้องโถงก่อนแล้ว

“พี่เพชร!”

“ว่าไงวิน”

ผมเห็นพี่เพชรครั้งแรกก็รู้สึกตกใจปนดีใจ แต่สำหรับพี่เพชรกลับไม่ได้มีท่าทีเหมือนผมเลย ทั้งที่เราเพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกในรอบห้าปี นั่นทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ลุงเพชรสวัสดีครับ” ตาหนูยกมือไหว้แล้ววิ่งเข้าไปกอดขาพี่เพชร ดูท่าทางแล้วคงจะสนิทสนมกันพอสมควร พี่ธีคงจะพาลูกไปหาพี่เพชรที่บ้านบ่อยๆ

“สวัสดีครับคนเก่งของลุง”

“ลุงเพชรเห็นคุณพ่อบ้างไหมครับ คุณพ่อออกไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อวาน ยังไม่กลับมาหาน้องนนท์เลย” ตาหนูเอ่ยกับพี่เพชรด้วยแววตาเศร้า เห็นอย่างนั้นผมก็รู้สึกสงสารลูกชายจับใจ ผมรู้ดีว่าความรู้สึกนี้มันเป็นอย่างไร มันคงไม่ต่างจากตอนที่ผมต้องแยกจากลูก

“ลุงไม่เห็นเลยครับ อีกไม่นานเดี๋ยวคุณพ่อก็คงกลับมาหาน้องนนท์แน่นอนครับ”

“อ้าว! แล้วคุณพ่อไปอยู่ที่ไหนกันเนี่ย” ตาหนูบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ

“น้องนนท์รักคุณพ่อไหมครับ” พี่เพชรถาม

“รักสิครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเด็กดีรอคุณพ่อนะครับ”

“ครับผม”

เมื่อคุยกับตาหนูจนเข้าใจกันแล้ว พี่เพชรก็เงยขึ้นมามองหน้าผม ก่อนจะส่งยิ้มให้

“วินดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

“พี่เพชรเองก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน สบายดีนะครับ” พี่เพชรดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก มีท่าทีสุขุม ดูเป็นคนนิ่งๆ ไม่เหมือนเมื่อห้าปีก่อนเลย

“พี่สบายดี ว่าแต่นี่ใครกันครับ”

“แม่ผมเองครับ”

“อ้าว! สวัสดีครับคุณน้า” พี่เพชรรีบยกมือไหว้ ก่อนจะทำหน้าสงสัยนิดหน่อย เขาคงยังไม่รู้ว่าแม่กิ่งคือแม่ของผม

“สวัสดีจ้ะ” แม่ยิ้มให้พี่เพชร

“ว่าแต่พี่เพชรมาที่นี่มีอะไรงั้นเหรอครับ”

“พี่ว่าจะมาถามข่าวคราวไอ้ธีน่ะ เห็นข่าวเมื่อวานนี้แล้วแต่ติดต่อมันไม่ได้ เลยกะจะมาหามันที่บ้าน วินรู้ไหมว่ามันไปอยู่ที่ไหน”

“ผมไม่รู้ครับ”

ใช่ว่าผมจะไม่เป็นห่วงพี่ธี อย่างน้อยเขาก็เป็นพี่ชายผม เป็นพ่อของลูก เรื่องที่ผ่านมาแล้วคงไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ตอนนี้คนที่ฆ่ายายจันทร์ถูกจับเข้าคุกผมก็พอใจแล้ว ส่วนเรื่องที่ผมโดนข่มขืนก็ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว ถือซะว่ามันเป็นเวรกรรมที่ผมต้องชดใช้ให้เขาก็แล้วกัน คิดอย่างนั้นผมจะได้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขเสียที

“จะไม่ถามเลยเหรอ ว่าทำไมพี่ไม่ตกใจเลยที่เห็นวิน”

“ผมก็ว่าจะถามอยู่เหมือนกัน”

“นั่นเป็นเพราะตั้งแต่ไอ้ธีมันเจอวินอีกครั้ง มันก็โทรมาบอกพี่ มันมั่นใจว่าอี้เฟยกับวินคือคนเดียวกัน หลังจากนั้นมันก็โทรมาปรึกษาเรื่องวินกับพี่ตลอด จนพี่รู้เรื่องทั้งหมดว่าวินทำอะไรกับมันบ้าง แม้กระทั่งเรื่องที่คุณน้าวรรณีเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดมันก็มาระบายกับพี่ จริงๆ แล้ว....ธีมันเป็นคนน่าสงสารนะ ที่ต้องมารับรู้และแบกรับอะไรไว้เพียงคนเดียว มันรักวินมากเพียงแต่ว่ามันแสดงความรักไม่เป็น และตัดสินใจพลาดที่แก้ปัญหาด้วยวิธีขืนใจวิน” พี่เพชรเล่าเรื่องที่เขารับรู้มาตลอดให้ผมฟัง ผมเองก็ได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องของพี่ธีดี

“มาถึงตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้ติดใจเรื่องที่เขาทำกับผมแล้วล่ะครับ พี่เพชรคงยังไม่รู้ว่าที่จริงแล้วผมเองก็เป็นลูกชายแท้ๆ ของพ่อเหมือนกัน เพียงแต่คนละแม่เท่านั้นเอง”

“อะ...อะไรนะ ทำไมเรื่องนี้พี่ไม่เคยรู้มาก่อน” เรื่องนี้ทำให้พี่เพชรดูตกใจไม่น้อย ใช่! ใครรู้ก็ต้องตกใจเพราะพี่น้องมาได้กันเอง แถมมีลูกด้วยกันอีกต่างหาก

“พวกเราทั้งหมดก็เพิ่งจะรู้ความจริงตอนที่เกิดเหตุเมื่อวานครับ และเรื่องนี้ล่ะที่ทำให้พี่ธีรับไม่ได้ จนต้องออกไปจากบ้าน”

“พี่เสียใจด้วยจริงๆ ไม่นึกว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้”

“ขอบคุณครับ มันคงเป็นเวรกรรมของพวกเราเองล่ะ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องยอมรับความจริง และอยู่กับมันให้ได้ครับ”

“ว่าแต่นี่จะไปงานศพคุณลุงกันใช่ไหม”

“ใช่ครับ”

“พี่ขอไปด้วยคนนะ เอ้อ...ว่าแต่ธีมันรู้ยังว่าพ่อเสียแล้ว”

“ตอนที่พี่ธีออกไปจากบ้านคุณพ่อยังไม่เสียครับ แต่ตอนนี้น่าจะรู้จากข่าวแล้วล่ะ ผมเองก็หวังว่าเขาคงจะมากราบศพพ่อเป็นครั้งสุดท้าย” ผมเองก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น

จากนั้นเราทั้งหมดก็ออกเดินทางไปที่วัด ผมยังคงหวังว่าพี่ธีจะคิดได้แล้วกลับมาไหว้ศพพ่อที่วัดเป็นครั้งสุดท้าย แค่เรื่องที่เราสองคนเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันก็ยังทำให้พี่ธีสติแตกได้ พอมีเรื่องพ่อที่ตายเพราะฝีมือแม่ของเขาอีก ผมเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าเขาจะยังประคับประคองสติตัวเองได้ไหม ตอนนี้ผมก็ได้แต่ภาวนาให้พี่ธีเข้มแข็งพอที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้ หากเจอเขาอีกครั้งผมจะบอกว่าเรื่องทั้งหมดผมไม่ติดใจอะไรแล้ว ไม่ได้โกรธหรือเกลียด เพราะอย่างน้อยตอนนี้เราก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.17 สารภาพ l Up:06-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-11-2018 13:59:46
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.17 สารภาพ l Up:06-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-11-2018 16:24:07
จะเลือกใครดี พี่ธีร์ หรือ อาหยาง  :serius2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.17 สารภาพ l Up:06-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-11-2018 16:52:35
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.17 สารภาพ l Up:06-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-11-2018 16:53:58
วินจะเลือกใครน๊าาาา :hao4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.17 สารภาพ l Up:06-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-11-2018 20:55:37
 :serius2:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.17 สารภาพ l Up:06-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-11-2018 21:55:30
จ้ะ
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.18 ความจริง l Up:09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 09-11-2018 22:17:45
บทที่ 18

ความจริง



วันนี้เป็นวันที่ต้องฌาปนกิจศพพ่อแล้ว แต่ทว่าไร้ซึ่งวี่แววว่าพี่ธีจะมาร่วมงานด้วย ผมภาวนาขอให้เขายังคงปลอดภัย และกลับมากราบศพพ่อเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าจะเป็นแค่เพียงความหวังลมๆ แล้งๆ แต่ผมก็ยังจะหวังต่อไป

“แม่ครับ”

“ว่าไงจ๊ะ”

“ผมกลัวว่าพี่ธีจะไม่มา”

“ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกลูก แม้ว่าธีเขาจะไม่มาแต่แม่ก็เชื่อว่า เขาคงจะระลึกถึงพ่ออยู่ในใจเสมอ” แม่ยิ้มให้ผมพลางจับมือไว้

“แต่ผมอยากให้เขามา อย่างน้อยผมได้รู้ว่าพี่ธียังมีชีวิตอยู่” นั่นคือสิ่งที่ผมกลัว กลัวว่าพี่ธีจะคิดสั้น

“ไม่หรอกน่า อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะลูก ธีเขาอาจจะไปสงบจิตสงบใจอยู่ที่ไหนสักแห่ง”

“ครับแม่ผมจะพยายามไม่คิดอะไรมาก” ตอนนี้ผมรู้สึกเป็นห่วงพี่ธีมากเหลือเกิน ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

“แม่อร!” ตาหนูที่ยืนอยู่ข้างผม ตะโกนเรียกชื่ออรจิราเมื่อเห็นเธอเดินสวมชุดแดงเพลิงเข้ามาในงาน

ผมลืมไปเลยว่าตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่ได้เข้าไปหาเธอที่สถานีตำรวจอีกเลย หลังจากแม่บุญธรรมผมถูกจับไปแล้ว เธอคงจะถูกปล่อยตัวออกมา

เธอดูเย็นชากว่าเมื่อตอนที่ผมเห็นครั้งล่าสุด แม้ว่าตาหนูจะเดินเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาเธอ แต่เธอก็ไม่ไยดีเลยแม้แต่น้อย

“คุณอรผม..” ผมจะขอโทษที่ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมเธอเลย และไม่ได้ไปรับเธอออกมาด้วยตัวเอง

เพี๊ยะ!

ใบหน้าผมรู้สึกชาและหันไปตามแรงตบในทันที แค่นี้ผมก็พอจะเดาออกว่าเธอรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว คงจะเป็นแม่บุญธรรมผมสินะที่บอกกับเธอ

“แกกล้าหลอกฉันได้ยังไงกัน แกเป็นเมียเก่าพี่ธี เป็นแม่ของน้องนนท์ แล้วยังจะมีหน้ามาหลอกมีอะไรกับฉันอีกอย่างนั้นเหรอ ไอ้สารเลว!”

“ผม...ผมขอโทษครับ ผมยอมรับผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมเสียใจ” ผมคงพูดได้แค่นั้นจริงๆ เพราะมันคือความผิดที่ผมได้ก่อไว้กับเธอ

แขกที่มาร่วมงานศพต่างก็มองมาที่เรา พลางซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก

“ขอโทษแล้วฉันจะหายเจ็บไหม ฉันเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้แกนะไอ้วิน หน็อยมาหลอกฉันว่าเป็นทายาทนักธุรกิจพันล้าน ที่แท้ก็เป็นแค่เด็กกำพร้า” เธอพูดจาเหยียดผม ตอนแรกว่าจะเฉยๆ กับเรื่องนี้แล้ว แต่อรจิราก็ทำให้ผมต้องอารมณ์เสียจนได้ นี่มันงานศพพ่อผมจะไม่ยอมให้เธอมาทำลายบรรยากาศเด็ดขาด

“ถ้าคุณพูดจาไม่รู้เรื่องก็รีบกลับไปซะ ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหว”

“แกจะทำอะไรฉันงั้นเหรอ หรือจะทำกับฉันเหมือนที่ทำกับคนอื่น ถ้าแกไม่เดินเข้ามาทุกคนก็ไม่ต้องมีจุดจบอย่างนี้หรอก ทั้งพี่ธี ทั้งคุณพ่อ และทั้งตัวฉันเองด้วย”

“ผมเป็นคนช่วยคุณออกมานะอรจิรา คุณลืมไปแล้วเหรอ” ผมพยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด

“คุณแม่อย่าโมโหสิครับ” ตาหนูที่ยืนเกาะขาเธออยู่เอ่ยขึ้น เธอจึงก้มหน้าลงไปตวาดใส่ทันที

“ฉันไม่ใช่แม่แก ออกไป๊! ไปหาแม่แท้ๆ ของแกโน่น” เธอผลักตาหนูจนล้มลงกับพื้น แม่ผมจึงรีบไปพยุงตัวลุกขึ้นมาทันที

“แงๆ ๆ คุณแม่ใจร้าย”

“มันจะมากไปแล้วนะคุณอร ถ้าคุณไม่ออกไปดีๆ ผมจะให้คนลากตัวคุณออกไปเอง แล้วก็จะเอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ผมเคยให้คุณกลับมา” ผมเหลืออดกับผู้หญิงคนนี้แล้ว สงสัยจะซึมซับเอานิสัยเลวๆ จากแม่ผัวมาสินะ

“ไม่นะ! แกให้ฉันแล้ว แล้วอีกอย่างที่ฉันเสียตัวให้แกแล้วล่ะแกจะเอายังไง ฉันต้องการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่ม” ผู้หญิงคนนี้ยังไงก็หน้าเงินอยู่ดีสินะ ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะบอกความจริงกับเธอว่าคนที่มีอะไรด้วยไม่ใช่ผม เธอคงจะช็อกน่าดู

“มาเรียกร้องเอากับผมสิ ผมต่างหากที่เป็นคนมีอะไรกับคุณ” เป็นอาหยางนั่นเองที่เดินเข้ามาพอดี เขาควรจะนอนพักอยู่โรงพยาบาลแต่ทำไมถึงได้ดื้อออกมาอย่างนี้นะ

“กะ...แกหมายความว่าไง” อรจิราหน้าถอดสีทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะครับเมีย ผมพร้อมรับผิดชอบคุณหากคุณต้องการ แต่ผมไม่มีเงินทองให้คุณถลุงใช้หรอกนะครับ” อาหยางเอ่ยแล้วยิ้มมุมปาก

หัวใจผมหล่นวาบเมื่อได้ยินอาหยางเรียกคนอื่นว่าเมียอย่างนั้น ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น

“ไม่จริง! ฉันไม่เชื่อ”

“ถ้าไม่เชื่อจะดูคลิปหรือเปล่าครับ ดูให้ชัดๆ ว่าคนที่มีอะไรกับคุณคือใครกันแน่” อาหยางว่าพลางล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“ไม่! ฉันไม่ดู พวกแกรวมหัวหลอกฉัน ฉันไม่ยอมจบแค่นี้แน่”

“คุณอรครับ ผมขอโทษที่ทำกับคุณอย่างนี้ แต่ถ้าคุณยังจะตามจองเวรจองกรรมกันอีก ผมว่าคนที่จะมีแต่เสียนั่นก็คือคุณ สู้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเงินจำนวนมหาศาลพวกนั้นจะไม่ดีกว่าเหรอครับ ผมเตือนด้วยความหวังดี เพราะถ้าหากคุณกลับเข้ามาในชีวิตพวกเราอีกครั้ง ผมรับรองว่าคุณจะไม่ได้ใช้เงินพวกนั้นแม้แต่บาทเดียว พูดอย่างนี้คุณคงจะเข้าใจนะครับ” ผมเตือนเธอด้วยถ้อยคำที่สุภาพที่สุด...เท่าที่จะทำได้

อรจิรายืนขมวดคิ้วทำหน้าคิดเล็กน้อย ก่อนเธอจะสูดลมหายใจเข้าปอดจนสุด แล้วผ่อนลมหายใจออกมา ราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

“ได้! ฉันจะไป แต่ก่อนไปฉันขอเอาคืนแกให้หายเจ็บใจก่อน” ว่าแล้วอรจิราก็หันไปหาอาหยาง ก่อนจะฟาดมือเรียวเข้าที่ใบหน้าหล่อนั้นเต็มแรง

เพี๊ยะ!

“ถือว่าเราหายกันแล้ว”

พูดจบเจ้าหล่อนก็สะบัดหน้าเดินออกไปจากงาน ตาหนูเห็นอย่างนั้นก็ร้องไห้จะวิ่งตาม แต่ผมได้รั้งตัวเอาไว้เสียก่อน

“คุณแม่! ฮือๆ ๆ น้องนนท์จะไปหาคุณแม่”

“แม่อรจะไม่กลับมาหาเราอีกแล้วนะครับน้องนนท์ ต่อไปนี้จะมีแค่เราสองแม่ลูกเท่านั้น”

“ไม่เอาน้องนนท์จะไปหาแม่อร”

“น้องนนท์ฟังให้ดีนะครับ ถ้าน้องนนท์ไปอยู่กับแม่อร น้องนนท์จะไม่ได้เจอหน้าพ่อธีอีกเลย น้องนนท์จะเอาอย่างนั้นเหรอครับ” ผมพยายามหาทางทำให้ตาหนูหยุดร้องไห้งอแงให้เร็วที่สุด ก่อนที่พิธีเผาศพพ่อจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าแล้ว

“ฮึก ถ้าอย่างนั้นน้องนนท์จะรอพ่อธีที่นี่ครับ”

“ถ้าอย่างนั้นเลิกร้องไห้นะครับ แล้วเราไปหาคุณปู่เป็นครั้งสุดท้ายกัน”

“ครับคุณแม่”

ผมเอื้อมมือไปปาดน้ำตาบนแก้มนุ่มของตาหนูออกให้จนหมด ก่อนจะดึงตัวเข้ามากอดไว้แน่นเพื่อปลอบใจ เมื่อตาหนูปรับสภาพจิตใจได้แล้ว ผมก็หันไปคุยกับอาหยางทันที ผมอยากจะหยิกแขนเขาให้เนื้อหลุดซะเหลือเกิน ในฐานะฝ่าฝืนคำสั่ง

“นายออกมาจากโรงพยาบาลทำไมอาหยาง” ผมถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจขั้นสุด

“ถ้าผมไม่มาคุณอี้เฟยก็ต้องโดนอรจิราเล่นงานสิครับ” อาหยางเอ่ยยิ้มๆ ไม่ได้มีความกังวลใจแต่อย่างใด

“แค่อรจิราฉันจัดการเองได้น่า นายไปนั่งพักก่อนเถอะเดี๋ยวแผลปริกันพอดี บอกอะไรก็ไม่เคยฟังกันเลย” ผมบ่นให้

“คุณอี้เฟยเป็นห่วงผมเหรอครับ”

“ก็ใช่น่ะสิใครจะไม่ห่วง”

“ดีใจจัง ถ้าอย่างนั้นผมจะเข้าไปนั่งพักตามคำสั่งของคุณอี้เฟยเดี๋ยวนี้ล่ะครับ” อาหยางยิ้มไม่ยอมหุบเมื่อรู้ว่าผมเป็นห่วงเป็นใยมากแค่ไหน ส่วนผมกลับได้แต่หน้าแดงก่ำเพราะเห็นรอยยิ้มนั่นของเขา



ในที่สุดก็ถึงเวลาที่จะต้องขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์แล้ว พวกเราทุกคนต่างก็ยืนอยู่บนเมรุมองดูกรอบรูปที่มีพ่อกำลังยิ้มอยู่ในนั้น แต่บรรยากาศกลับอบอวลไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ มีเสียงร้องไห้ของแม่ดังระงมอยู่เนืองๆ มีพบก็ต้องมีจากเป็นเรื่องธรรมดา พ่อจะเป็นฮีโร่ในใจผมไปตลอดชีวิต

“เกิดชาติหน้าขอให้เราได้รักกันอีกครั้ง อย่าได้มีอุปสรรคเหมือนในชาตินี้เลยนะคะคุณ” แม่ผมเอ่ย ก่อนจะเดินไปวางดอกไม้จันทน์ในโลงศพ

“ผมสัญญาว่าจะดูแลแม่ให้ดีที่สุดแทนพ่อเอง หลับให้สบายนะครับพ่อ” ว่าแล้วก็วางดอกไม้จันทน์ ก่อนจะก้มลงไปเอ่ยกับตาหนูบ้าง “น้องนนท์มีอะไรจะบอกคุณปู่ไหมครับ”

“น้องนนท์รักคุณปู่นะครับ”

ตาหนูพูดสั้นๆ แค่นั้น ก่อนที่ผมจะอุ้มลูกชายขึ้นให้ไปวางดอกไม้จันทน์บ้าง จากนั้นก็ถึงคิวคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่เพชรหรือเตี่ย รวมถึงเพื่อนๆ และคนรู้จักของพ่ออีกด้วย

ผมพยายามมองหาเขาคนนั้น แม้พิธีการจะมาถึงลำดับสุดท้ายแล้ว แต่ยังคงไร้เงาพี่ธีเช่นเดิม เขาจะไม่มาจริงๆ อย่างนั้นหรือเนี่ย

“คุณแม่ครับเมื่อไหร่คุณพ่อจะมา”

“คุณพ่อคงไม่มาแล้วล่ะครับ”

“ทำไมคุณพ่อถึงได้ใจร้ายอย่างนี้ น้องนนท์คิดถึงคุณพ่อ”

“แม้ว่าวันนี้คุณพ่อจะไม่มา แต่วันต่อๆ ไป แม่มั่นใจว่าคุณพ่อจะต้องกลับมาหาน้องนนท์แน่นอนครับ”

ผมได้แต่ปลอบใจลูกไปอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วผมไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะกลับมาหรือเปล่า

เราทั้งหมดยืนมองควันสีดำที่ลอยออกมาจากยอดปล่องเมรุด้วยอาการนิ่งสงบ พร้อมใจกันส่งดวงวิญญาณของพ่อขึ้นไปบนสรวงสวรรค์ จากนี้ผมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และจะลืมเรื่องราวบาดหมางในอดีตออกจากใจให้หมด เพื่อทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีความสุขที่สุด

*-*-*-*-*-*-*

แม้ว่าเรื่องราวต่างๆ จะผ่านพ้นไปเกือบเดือนแล้ว แต่ทว่าผมยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้พี่ธีอยู่ที่ไหน เขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั่นยังคงเป็นคำถามที่ค้างคาในใจผม ตาหนูเฝ้ารอวันพ่อของเขาจะกลับมาอยู่เสมอ นั่นทำให้ผมรู้สึกสงสารลูกชายจับใจ ผมพยายามสั่งให้ลูกน้องไปตามหาว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว

ผมกับแม่ได้เปิดใจกันแล้วว่าจะเข้าไปเยี่ยมแม่บุญธรรมในเรือนจำ เพื่อบอกกล่าวให้เธอได้รู้ว่าตอนนี้งานศพของพ่อได้ผ่านไปด้วยดีแล้ว และเพื่อขออโหสิกรรมเรื่องทั้งหมด จากนี้ไปอย่าได้จองเวรจองกรรมกันอีกเลย นั่นเพื่อความสบายใจของพวกเราทั้งสองคน

ผมกับแม่นั่งรอให้เจ้าหน้าที่นำตัวเธอออกมา ครั้งแรกที่เห็นใบหน้าเธอผ่านกระจกใส ก็แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะเธอดูโทรมขึ้นมากเหลือเกิน ผมเผ้ายุ่งราวกับไม่ได้หวีแปลงเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าดำคล้ำบ่งบอกว่าเจ้าหล่อนไม่ได้มีความสุขกับชีวิตในเรือนจำเลย ก็คงใช่เพราะการอยู่ในนั้นมันคงจะทำให้คนที่เคยมีชีวิตอิสระอย่างเธอต้องสภาพจิตใจย่ำแย่ลงไม่น้อย

“สะใจพวกแกแล้วสินะที่เห็นฉันในสภาพแบบนี้” เธอเอ่ยกับเราด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเช่นเดิม ความแค้นในใจเธอยังคงมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย

“ถ้าจะบอกว่าสะใจก็คงใช่ แต่สะใจแล้วมันได้อะไรขึ้นมาละ ยายจันทร์กับคุณพ่อจะฟื้นขึ้นมาไหมก็ไม่ คุณเองก็น่าจะรู้ว่ามันมีแต่ความสูญเสีย ไม่มีใครได้อะไรเลยจากเกมนี้” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ฉันมาที่นี่เพราะต้องการมาขอโทษกับสิ่งที่ทำไว้กับคุณเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว และจะบอกว่าตอนนี้งานศพคุณพงษ์ศักดิ์ผ่านไปด้วยดีแล้วนะ” แม่เอ่ยหลังจากนั้น

“ถึงตายฉันก็ไม่ยกโทษให้ แกเป็นชู้กับผัวฉัน กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา” เธอยังคงเอ่ยเสียงแข็ง ไม่มีท่าทีจะอ่อนลงเลย

“แต่ฉันจะยกโทษให้กับคุณทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณสั่งให้คนมาฆ่าฉัน เรื่องที่คุณฆ่าคุณพงษ์ศักดิ์เสียชีวิต ฉันอโหสิกรรมให้ทั้งหมด เกิดชาติหน้าเราจะได้ไม่ต้องมาจองเวรกันอีก”

“ผมก็ต้องขอโทษที่ทำกับคุณไว้ ส่วนเรื่องที่คุณสั่งให้นายเหมฆ่ายายจันทร์แม้ว่ามันอาจจะทำใจยาก แต่ผมก็จะยอมให้อภัยคุณ จากนี้เราจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันอีก”

“พวกแกไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ที่ฉันเป็นอย่างนี้ก็เพราะพวกแกทุกคน”

“ไม่จริง! คุณทำตัวคุณเองต่างหาก หากใจคุณมันมีความเมตตามากกว่านี้ เรื่องทุกอย่างมันก็คงจะไม่เกิดขึ้น คุณไม่ได้ทำลายแค่พวกเรา แต่คุณยังทำลายลูกชายตัวเองด้วย คุณรู้ไหมว่าตั้งแต่ออกจากบ้านไปวันนั้นพี่ธียังไม่ได้กลับมาให้พวกเราเห็นหน้าอีกเลย เขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้”

“โธ่! ตาธีลูกแม่ ป่านนี้ลูกจะเป็นอย่างไรบ้างนะ” เมื่อได้รู้ข่าวลูกชาย เธอก็น้ำตาไหลทันที

“จุดประสงค์ที่พวกเรามาก็เพื่อเท่านี้ล่ะ เราถือว่าได้อโหสิกรรมให้คุณแล้ว ส่วนคุณจะยอมอโหสิกรรมให้เราหรือเปล่าเราก็ห้ามคุณไม่ได้ เพราะหากคุณเก็บความแค้นนั้นเอาไว้ในอก คุณเองนั่นล่ะที่จะเจ็บปวดมากกว่าใคร” ว่าแล้วผมก็หันไปเอ่ยกับแม่ เพื่อเราจะได้ออกไปจากที่นี่กันเสียที “แม่ครับเราไปกันเถอะ”

แม่พยักหน้าให้ผมก่อนจะหันไปเอ่ยกับเธออีกครั้ง “ดูแลตัวเองให้ดีนะคะคุณวรรณี อยู่เพื่อลูกชายของคุณเอง เหมือนที่ฉันเอาชีวิตรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพื่อต้องการได้เห็นหน้าลูกชายอีกครั้ง ฉันหวังว่าคุณเองก็คงจะสู้เหมือนกัน” ผมรู้สึกภูมิใจที่มีแม่คนนี้ ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกชายท่าน ท่านมีจิตใจที่เมตตาโอบอ้อมอารีมากเหลือเกิน

“เดี๋ยว!”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นผมกับแม่ก็หันกลับไปมองหน้าเธออีกครั้ง

“มีอะไรอีกงั้นเหรอครับ” ผมขมวดคิ้วมองหน้าเธอด้วยความสงสัย

“จริงๆ แล้วตาธีไม่ได้เป็นลูกชายแท้ๆ ของพ่อเธอหรอก” เธอเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด

ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่เธอบอกความจริงต้องการอะไรกันแน่ แต่มันทำให้ผมเริ่มยิ้มได้ รู้สึกว่าโลกมันสดใสขึ้นทันที ผมกับพี่ธีไม่ได้เป็นพี่น้องกันแท้ๆ งั้นเหรอ ผมดีใจเหลือเกินที่เรื่องบัดสีนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับพวกเรา

“ทำไมตอนนั้นคุณถึงได้โกหก รู้ไหมว่ามันจะทำร้ายลูกชายคุณไปด้วย คุณรู้หรือเปล่า” ผมบอกกับเธอ

“ฉันยอมรับว่าต้องการทำให้เธอเจ็บปวดมากที่สุดเลยโกหกไปอย่างนั้น ตอนนั้นฉันมั่นใจว่าตาธีจะเข้มแข็งพอ กะว่าจะบอกความจริงแกหลังจากนั้น แต่ตาธีก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้ จิตใจเขาอ่อนแอเกินกว่าจะรับเรื่องนี้ได้ เขาไม่ได้อยู่ให้ฉันได้พูดความจริง ฉันเสียใจ ฉันเสียใจ ฮือๆ ๆ” เธอคงเป็นห่วงลูกชายมากถึงได้ยอมบอกความจริงกับพวกเรา

“ผมดีใจที่คุณยอมพูดความจริงกับพวกเรา”

“ที่ฉันพูดความจริงเพราะอยากจะขอร้องให้เธอช่วยตามหาตาธี และช่วยบอกความจริงให้เขารู้ เขาจะได้ไม่ต้องอยู่กับความทุกข์ไปตลอดชีวิต เธอพอจะยอมช่วยเหลือฉันได้ไหม” แววตาของเธอดูอ่อนโยนลงมาก ในที่สุดความเป็นแม่ในตัวเธอก็ทำให้หัวใจที่เคยแข็งกระด้างอ่อนโยนลงได้

“ผมสัญญาว่าจะตามหาพี่ธีให้เจอ แล้วจะบอกความจริงให้เขาได้รู้ ว่าแต่คุณพอจะบอกได้ไหมว่าพ่อของพี่ธีเป็นใครกันแน่” ผมเองก็อยากรู้ว่าใครเป็นพ่อแท้ๆ ของพี่ธี ทำไมเธอถึงได้ปกปิดมาได้นานขนาดนี้

“พ่อของตาธีก็คือ....นายเหม นายเหมเคยเป็นคนขับรถให้พ่อสมัยที่ฉันยังเป็นวัยรุ่น นายเหมคือรักแรกของฉัน เราแอบได้เสียกันมาตลอดจนพ่อฉันรู้และไล่นายเหมออกจากบ้าน ท่านจึงจับฉันให้แต่งงานกับคุณพงษ์ศักดิ์ ซึ่งตอนนั้นเขาเป็นลูกน้องที่พ่อรักและไว้ใจมาก แต่หลังจากแต่งงานแค่ไม่กี่วันก็พบว่าตัวเองตั้งท้อง แต่ฉันก็เลือกที่จะเก็บความลับนั้นไว้มาจนถึงตอนนี้” เธอเล่าให้พวกเราฟังด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ราวกับสิ้นหวังในชีวิตเสียเหลือเกิน

“มิน่าล่ะนายเหมถึงได้ยอมทำเพื่อคุณถึงขนาดนี้”

“ถ้าเจอตาธีแล้วฝากบอกเขาด้วยว่าไม่ต้องมาเยี่ยมฉัน ฉันไม่อยากให้ลูกต้องมาเจอฉันในสภาพแบบนี้ ฉันไม่อยากให้ลูกต้องมาเจอทั้งพ่อและแม่ในคุกแบบนี้”

“ผมจะบอกให้ แต่ผมมั่นใจว่าพี่ธีต้องรับได้ เอาเป็นว่าคุณไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมรับรองว่าจะตามหาพี่ธีให้เจอ”

“ขอบใจเธอมากนะวิน ฉันขอโทษกับสิ่งที่ทำกับพวกเธอเอาไว้ ท้ายที่สุดแล้วฉันก็ต้องเป็นฝ่ายขอร้องให้พวกเธอช่วย ฉันจะยอมรับกรรมที่ตัวเองก่อไว้ จะไม่ปฏิเสธแม้แต่ข้อหาเดียว”

ผมและแม่ยิ้มให้เธอก่อนที่เราจะแยกจากกัน การมาหาแม่บุญธรรมในเรือนจำครั้งนี้ ทำให้ผมได้ปลดแอกกับเรื่องราวเลวร้ายในชีวิตที่ผ่านมา ปลดแอกกับความแค้นที่ฝังใจมานาน และที่สำคัญผมกับพี่ธีไม่ได้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกโล่งใจมากที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้

หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.18 ความจริง l Up:09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-11-2018 22:45:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.18 ความจริง l Up:09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-11-2018 00:14:39
ให้มันจบกันไปเนาะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.18 ความจริง l Up:09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-11-2018 03:25:26
พี่ธีหายไปไหนล่ะเนี่ย หรือตอนออกมาพี่ธีรู้ความจริงแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.18 ความจริง l Up:09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-11-2018 08:42:46
แล้วจะตามหายังไงละที่นี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.18 ความจริง l Up:09-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 10-11-2018 20:04:39
รอนะคะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 17-11-2018 16:57:46
บทที่ 19

เจอตัว



ถึงแม้ว่าผมจะใช้เวลาในทุกๆ วันออกตามหาพี่ธีแต่ทว่าก็ยังไม่พบตัว ยิ่งนานวันผมยิ่งรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา ไหนจะความรู้สึกของตาหนูอีก ผมอยากให้แกได้เจอหน้าพ่ออีกครั้ง อยากให้ลูกมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่นๆ หลังจากต้องเจอเรื่องราวที่กระทบกระเทือนจิตใจมาถึงสองครั้งสองครา

หลายวันที่ผ่านมา ผมได้ส่งช่างเข้าไปรีโนเวทบ้านของยายจันทร์ให้กลับมาอยู่ในสภาพดีเหมือนเดิม ผมอยากให้บ้านหลังนี้มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง และวันนี้ผมพาแม่และตาหนูมาที่นี่ เพื่อย้อนรำลึกถึงวันวานที่เคยใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ผมตั้งใจไว้ว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่หลังจากเจอตัวพี่ธีแล้ว แม้ว่าบ้านหลังนี้จะไม่ได้หรูหราเหมือนบ้านเตี่ยหรือบ้านพี่ธี แต่ที่นี่ก็ให้ผมมีความสุขผมได้มากกว่าที่อื่นๆ

“แม่ครับหลังจากเจอพี่ธีแล้วผมกะว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่”

“ก็ดีนะแม่เห็นด้วย ที่นี่ก็น่าอยู่มากๆ เงียบสงบดี แถมยังมีศาลาท่าน้ำด้วย” แม้ว่าแม่จะเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก แต่ดูท่าทางแล้วคงจะชอบที่นี่อยู่ไม่น้อย

“ผมไม่อยากให้ยายจันทร์อยู่ที่นี่เพียงลำพังอีกแล้ว ยายจันทร์ดีกับผมมากเหลือเกินครับแม่ ท่านเป็นคนให้ชีวิตใหม่กับผม” ผมเอ่ยขณะมองดูกรอบรูปของยายจันทร์บนหิ้ง ข้างกันนั้นก็เป็นโกศบรรจุอัฐิที่ผมไปขอมาจากวัด ผมอยากให้ยายจันทร์ได้กลับมาอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม เราจะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว

“ฉันขอบคุณยายมากนะจ๊ะที่ช่วยเหลือลูกชายฉันไว้ หากชาติหน้ามีจริงขอให้ฉันได้เกิดเป็นลูกหลานของยาย ได้ตอบแทนบุญคุณ ยายจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเหมือนชาตินี้” แม่เอ่ยต่อหน้าอัฐิยายจันทร์

“น้องนนท์ครับ...รู้ไหมว่าตอนน้องนนท์ยังเป็นเด็ก เราเคยอยู่ที่นี่กันนะครับ”

“จริงเหรอครับคุณแม่ ทำไมน้องนนท์จำไม่ได้”

“จริงสิครับ ยายจันทร์คนนี้เคยเลี้ยงน้องนนท์ด้วยนะ ยกมือไหว้ยายจันทร์สิครับ”

“สวัสดีครับยายจันทร์ ขอบคุณที่ช่วยเลี้ยงน้องนนท์มาตั้งแต่เด็กนะครับ” ตาหนูยกมือไหว้ตามที่ผมบอก ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ผมก็คาดไม่ถึง ตาหนูฉลาดมากเหลือเกิน ผมได้แต่มองดูแล้วยิ้มตาม

“ก่อนเสียยายจันทร์ขายข้าวแกงใช่ไหมลูก”

“ครับแม่ยายจันทร์ทำกับข้าวอร่อยมาก จนชาวบ้านแถวนี้เป็นลูกค้าประจำกันทั้งนั้น” ว่าแล้วก็นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ เหลือเกิน ผมคิดถึงยายจันทร์จัง

“ถ้าเรามาอยู่ที่นี่แล้วแม่อยากจะขายข้าวแกง แม่อยากจะสานต่อสิ่งที่ยายจันทร์ทำ เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่แม่จะทำให้ยายจันทร์ได้ ในฐานะที่ท่านช่วยเหลือลูกเอาไว้”

“แต่ผมไม่อยากให้แม่ลำบากอีกแล้วนะครับ อีกอย่างตัวผมเองคงต้องไปๆ มาๆ เพราะต้องไปดูแลเตี่ยด้วย คงช่วยแม่ขายตลอดไม่ได้”

“แม่ไม่ลำบากหรอก เพราะคงไม่เข็นไปขายแต่จะตั้งขายตรงหน้าบ้านไง จะได้ไม่เหนื่อย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจแม่ครับผมยังไงก็ได้”

“น้องนนท์จะช่วยคุณยายขายด้วยนะครับ”

“ครับผม แต่ต้องหลังจากน้องนนท์เลิกเรียนแล้วนะ”

“ครับคุณแม่” ตอนนี้ตาหนูเริ่มจะสนิทใจกับผมมากขึ้นแล้ว ส่วนอรจิราเธอไม่เคยกลับมาให้เห็นหน้าเลย ตาหนูจึงไม่ค่อยเอ่ยถึงเธอ แต่ที่ถามหาอยู่บ่อยครั้งก็เป็นพี่ธีเหมือนเดิม

“ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันก่อนเถอะครับ วันหลังค่อยมาใหม่”

“จ๊ะ”

จากนั้นเราทั้งสามคนก็ออกมาจากบ้าน เดินขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าบ้านพร้อมกับอาหยาง ผมบอกอาหยางขับรถแวะเข้าไปในตลาด เพื่อทักทายลุงวินที่ผมเคยรู้จัก ไม่รู้ว่าป่านนี้จะล้มหายตายจากย้ายถิ่นฐานกันไปไหนบ้างหรือยัง หากได้ย้ายมาอยู่ที่นี่เราคงจะได้มีโอกาสไปมาหาสู่กันบ่อยขึ้น

“อาหยางจอดข้างหน้านี้ล่ะ”

“ครับ”

“นั่งรออยู่ในนี้ก่อนนะครับแม่ ผมขอลงไปทักทายคนรู้จักแปบเดียว” แม่พยักหน้ายิ้มให้ ผมจึงหันไปเอ่ยกับตาหนูต่อ “นั่งรอแม่อยู่ในรถก่อนนะครับ”

“ครับคุณแม่”

ผมเดินลงจากรถไปหาลุงวินมอเตอร์ไซต์ที่นั่งรอลูกค้าอยู่ในศาลาหน้าปากซอย ผมจำหน้าพวกเขาได้ดีแม้ว่าหน้าตาของแต่ละคนจะเปลี่ยนไปบ้างตามวัยที่เพิ่มมากขึ้น

“สวัสดีครับลุงๆ”

ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียวกัน ก่อนจะขมวดคิ้วมองราวกับคุ้นหน้าผม แต่นึกชื่อไม่ออกอะไรเทือกนั้น คงจะจำไม่ได้สินะ

“จะไปไหนครับคุณ เอ...ว่าแต่ทำไมถึงหน้าคุ้นๆ เหมือนกับว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน” ลุงจอมเอ่ย

“ลุงจอมจำผมไม่ได้เหรอครับ ผมวินหลานยายจันทร์ไง”

“อ้อ...ไอ้วินนี่เองลุงจำได้แล้ว ทำไมเอ็งดูเปลี่ยนไปเยอะอย่างนี้วะ ดูมีสง่าราศีขึ้น แล้วเอ็งหายไปไหนตั้งหลายปี”

“ลุงก็รู้ว่าผมต้องหนีคดี ตอนนี้จับฆาตกรตัวจริงได้แล้ว ผมคิดว่าจะกลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิมครับ เลยมาทักทายลุงๆ ไง”

“เออใช่ว่ะ ตอนเกิดเรื่องลุงเองก็ไม่เชื่อว่าเอ็งจะเป็นคนทำ เอ็งรักยายจันทร์มากขนาดนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ ว่าแต่ตอนนี้เอ็งดูร่ำรวยแล้วทำไมถึงจะมาอยู่ที่เดิมล่ะวะ” ลุงจอมทำหน้าสงสัยเล็กน้อย

“จริงๆ แล้วผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรหรอกครับ ทุกอย่างที่มีก็เป็นของคนอื่นทั้งนั้น ที่นี่คือบ้านของผม ยังไงผมก็ต้องมาอยู่ที่บ้านสิครับ” ผมส่งยิ้มให้ลุงจอม

“ว่าแต่ตอนนี้ลูกเอ็งอยู่ไหนล่ะ ป่านนี้คงโตแล้วสินะ”

“ตาหนูนั่งรออยู่ในรถครับ วันนี้ผมต้องรีบกลับก่อน ถ้ายังไงวันหลังผมจะพามาไหว้ลุงนะครับ”

“เออๆ โชคดีว่ะไอ้วิน ลุงดีใจนะที่ได้เจอเอ็งอีกครั้ง”

“ถ้างั้นผมกลับแล้วนะครับลุง” ผมยกมือไหว้ลุงจอมแล้วเดินออกมาจากจากตรงนั้น

แต่เดินมายังไม่ถึงสามก้าวลุงจอมก็เอ่ยเรียกผมอีกครั้ง

“วิน!”

“อะไรครับลุง” ผมหันกลับไปมองหน้าลุงจอม เลิกคิ้วทำหน้าสงสัยเล็กน้อย

“เอ็งยังคบกับผัวเอ็งอยู่หรือเปล่าวะ ไอ้คนที่มันมาตามรังควานเอ็งเมื่อห้าปีก่อน”

“เปล่าครับลุง มีอะไรงั้นเหรอครับ”

“ลุงคลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นไอ้หนุ่มคนนั้น แต่ก็ยังไม่มั่นใจนะเพราะสภาพมันดูซกมกมาก”

ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น ขอให้เป็นพี่ธีจริงๆ เถอะ ผมอยากบอกความจริงกับเขาจะแย่แล้ว

“เจอที่ไหนครับลุง!”

“อยู่แถวกองขยะท้ายตลาดโน่น วันก่อนลุงไปส่งคนแถวนั้นบังเอิญเห็นว่า...” ลุงจอมเหมือนไม่อยากจะพูดให้ผมฟัง ราวกับสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องไม่ค่อยดีนัก

“ว่าอะไรครับลุงรีบบอกผมมาเถอะ ผมกำลังตามหาเขาพอดี”

“สภาพมันดูไม่ได้เลย ไม่ต่างจากคนเร่ร่อนคุ้ยขยะในถังกิน”

“ไม่เป็นไรครับลุงพาผมไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย ผมอยากจะไปดูว่าใช่เขาหรือเปล่า”

“ป่ะเดี๋ยวลุงพาไป”

“เดี๋ยวผมแวะไปที่รถแปบนะครับลุง”

มือไม้ผมสั่นเดินไปที่รถเพื่อบอกให้อาหยางขับรถตามลุงวินไป ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าพี่ธีอีกครั้ง ถ้าเป็นเขาจริงๆ ก็คงน่าสงสารมาก ที่ต้องมาใช้ชีวิตอย่างนี้อยู่นานเป็นเดือน ผมเคยอยู่ในสภาวะแบบนั้นมาแล้ว รู้ดีว่ามันเป็นอย่างไร



ผมนั่งซ้อนท้ายลุงจอมมาที่ท้ายตลาด บริเวณนี้เป็นพื้นที่โล่งเต็มไปด้วยกองขยะสูงเกือบเท่าภูเขาส่งกลิ่นเหม็นเน่า มีชาวบ้านสองสามคนกำลังคุ้ยขยะเพื่อเก็บพวกขวดพลาสติกและของเก่าไปขาย

ลงมาจากรถแล้วผมก็กวาดสายตามองหาพี่ธีทันที ที่มองเห็นในตอนนี้ยังไม่เจอแม้แต่เงาเขาเลย

“ตรงไหนครับลุง”

“ตอนที่ลุงเห็นมุมโน้น แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะไปที่อื่นแล้วหรือเปล่าน่ะสิ”

“ไม่เป็นไรครับลุงเดี๋ยวผมจะลองเดินหาแถวนี้ดู ลุงกลับไปก่อนได้เลยนะครับ” ว่าแล้วผมก็เอาเงินค่ารถให้กับลุงจอม

“ถ้ามีอะไรให้ช่วยเรียกลุงได้นะ”

“ครับลุง ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

หลังจากลุงจอมขับรถกลับไปแล้ว ผมจึงเดินตามหาบริเวณรอบๆ กองขยะ โดยไม่ส่งเสียงเรียกเพราะกลัวว่าถ้าพี่ธีได้ยินจะเตลิดหนีไปอีก

มาถึงอีกฝั่งหนึ่งของกองขยะ ผมก็เจอแผ่นหลังของใครบางคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างขยะกองโต เขาคนนั้นเหมือนกำลังก้มหน้าทานอะไรบางอย่างอยู่ หัวใจผมเต้นเร็วและแรงขึ้นขณะเดินเข้าไปใกล้ ใช่แน่ๆ ต้องใช่พี่ธีแน่ๆ ทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในสถานที่อย่างนี้ได้

“พี่ธีครับ ฮึก”

“...”

เขาเมื่อได้ยินเสียงเรียกก็นั่งนิ่งหยุดทุกการเคลื่อนไหว

ใช่แน่นอนแล้ว...

ผมจำได้เสื้อผ้าชุดนี้เป็นชุดเดียวกับที่เขาใส่ออกมาจากบ้านวันนั้น แต่ทว่าตอนนี้มันกลับเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสีดำ จนแทบไม่เหลือเค้าเสื้อผ้าราคาแพงเลย

น้ำตาผมหยดแหมะเมื่อเห็นสภาพของพี่ธี ทำไมเขาต้องพาตัวเองมาอยู่ในสภาพนี้ ผมสงสารเขาเหลือเกิน

“พี่ธีจะไปไหน” ผมตะโกนห้ามทันทีที่เขาลุกขึ้นจะเดินหนีไปจากผม พร้อมทั้งพุ่งตัวเข้าไปรั้งมือไว้ทันที

“ผมไม่ใช่คนที่คุณรู้จักหรอกนะครับ” เขาเอ่ยทั้งที่ยังหันหลังให้ผม

“จะไม่ใช่ได้ยังไงกันพี่อย่าหนีไปไหนอีกเลยนะครับ กลับบ้านเราเถอะนะ ฮึก...เรื่องที่ผ่านมาผมไม่ได้โกรธหรือเกลียดพี่แล้ว ผมให้อภัยพี่ทุกอย่างแล้ว”

“กูมันเลว! กูสร้างมลทินให้กับมึง กูอยากชดใช้ความผิดที่ทำให้มึงต้องหนีออกจากบ้าน ต้องมาตกระกำลำบาก กูอยากรู้รสชาติของการเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่ไปว่ามันเป็นอย่างไร กูเจ็บปวด ทรมาน หิว หนาว ต้องนอนข้างถนน วันนี้กูได้รู้รสชาติของความทรมานที่มึงเคยได้รับแล้ว” พี่ธีตัวสั่นเพราะกำลังร้องไห้ แม้ว่าเนื้อตัวเขาจะมอมแมม แต่ผมก็ไม่รังเกียจที่จะไปกอดเขาจากด้านหลังเอาไว้

“พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้ว เพราะความจริงเราไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ กันนะครับ ฮึก” ผมปล่อยโฮออกมา

“มะ...หมายความว่าไง” เขารีบพลิกตัวหันมามองหน้าผมทันที จับต้นแขนทั้งสองข้างผมเอาไว้ ทำให้ผมเห็นใบหน้าที่มอมแมมและหนวดเคราที่ยาวเฟื้อย หากดูผิวเผินผมคงจะจำเขาไม่ได้แน่

“ผมไปเยี่ยมแม่พี่ที่เรือนจำ ท่านบอกความจริงกับผมหมดแล้ว ว่าพี่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อ คนที่เป็นพ่อแท้ๆ ของพี่ธีก็คือ...นายเหม” ผมกลัวว่าเขาจะรับความจริงเรื่องพ่อไม่ได้ จึงเอ่ยออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก

“นายเหม...งั้นเหรอ ไม่จริง” ตอนแรกที่รู้ว่าเราไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ พี่ธีดีใจจนเริ่มยิ้มออก แต่พอรู้ว่าใครเป็นพ่อที่แท้จริงเขาก็หุบยิ้มทันที ความเจ็บปวดเริ่มเข้ามาแทนที่อีกครั้ง

“ผมรู้ว่ามันอาจจะทำใจยอมรับยาก แต่ความจริงก็คือความจริงนะครับ อย่างน้อยตอนนี้เราก็ไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ กัน พี่เองก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้ว ผมให้อภัยพี่ทุกอย่างแล้วนะ”

“ถึงมึงจะอภัยให้ แต่กูคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้แล้ว แม่กูฆ่าพ่อมึงตาย ฆ่ายายจันทร์ กูรู้สึกละอายใจที่พ่อกับแม่กูทำลายคนที่มึงรักจนไม่เหลือใครอีกแล้ว”

“ใครบอกว่าผมไม่เหลือใครแล้ว ผมยังมีแม่ มีพี่และน้องนนท์ยังไงล่ะครับ ส่วนพี่เองก็ยังมีพวกเราทุกคน เราจะมาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ” ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขากลับมาใช้ชีวิตดังเดิมให้ได้

“กู...ฮึก ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา กูเสียใจที่ทำให้มึงต้องเจ็บปวดไม่รู้ต่อกี่ครั้ง กูรักมึงมากนะวิน แต่กูไม่สามารถพูดคำนี้ออกไปได้” พี่ธีร้องไห้อย่างหนักหน่วงผมจึงโผเข้ากอดเขาไว้เพื่อปลอบใจ

“ไม่ต้องคิดมากแล้วนะครับ น้องนนท์รอพี่กลับบ้านทุกวัน กลับไปหาน้องนนท์นะครับ”

“คุณพ่อ!”

เราทั้งสองได้ยินเสียงตาหนูตะโกนเรียก จึงผละออกจากกัน ก่อนจะกันไปมองยังต้นเสียง ก็เห็นแม่ ตาหนู และอาหยางยืนมองอยู่ก่อนแล้ว

“น้องนนท์ลูกพ่อ” พี่ธีนั่งคุกเข่ารอรับอ้อมกอดจากตาหนู ทั้งสองกอดกันแน่นราวกับโหยหากันและกันมาแสนนาน ผมได้แต่มองแล้วยิ้มตามอย่างโล่งใจ ในที่สุดเรื่องทุกอย่างก็จบลงด้วยดีแล้วสินะ

“น้องนนท์คิดถึงคุณพ่อ ฮือๆ ๆ ทำไมคุณพ่อไม่กลับมาหาน้องนนท์บ้างเลย”

“พ่อขอโทษนะครับคนดี พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกต้องร้องไห้ ต่อไปนี้พ่อจะกลับไปอยู่กับน้องนนท์แล้วนะครับ”

“จริงๆ นะครับคุณพ่อ”

“จริงสิครับ” พี่ธีผละตัวจากตาหนูก่อนจะส่งยิ้มให้ผ่านม่านน้ำตา

ในขณะที่ผมกำลังยืนยิ้มอยู่นั้น ก็นึกถึงใครบางคนขึ้นมา ไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นคืออาหยาง ผมจึงหันไปมองหน้าเขา แม้ใบหน้าหล่อนั้นจะยิ้มให้ผมอยู่ก็ตาม แต่แววตาที่มองมานั้นช่างเป็นแววตาที่ปวดร้าว ราวกับกำลังจะสูญเสียผมไปซะอย่างนั้น เห็นอย่างนั้นผมก็ยิ้มไม่ออก เพราะกลัวว่าจะทำให้อาหยางรู้สึกแย่กับผมไปมากกว่านี้

“เรากลับบ้านกันเถอะครับ” ผมเอ่ยกับสองพ่อลูก

“ผมต้องขอโทษคุณน้าด้วยนะครับที่เคยทำไม่ดีกับวินเอาไว้ แถมยังต้องให้ลำบากมาตามหาในสถานที่อย่างนี้อีกด้วย” พี่ธียกมือไหว้ขอโทษแม่

“ไม่เป็นไรจ้ะเรื่องมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป เราเองก็สูญเสียด้วยกันทั้งหมด จากนี้เราก็มาเริ่มต้นกันใหม่นะ” แม่ยิ้มให้

“ขอบคุณมากๆ นะครับที่ยอมให้อภัยผม”

“น้ายินดีจ้ะ”

จากนั้นเราทั้งหมดก็เดินไปที่รถ ตาหนูที่เดินอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับพี่ธี ยกมือขึ้นมาจับมือเราทั้งสองคนไว้ แล้วส่งยิ้มให้อย่างมีความสุข ผมไม่เห็นตาหนูมีความสุขอย่างนี้มานานแล้ว และผมเองก็อยากให้มันเป็นอย่างนี้ตลอดไป 
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-11-2018 17:48:08
สงสารพี่หยางจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-11-2018 18:14:30
หาคู่ให้พี่หยางด่วน พลีส  :hao5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 17-11-2018 18:17:12
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-11-2018 19:03:35
สงสารอาหยางจังเลย
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 17-11-2018 19:19:49
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 17-11-2018 19:47:44
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-11-2018 21:11:43
สู้ๆอะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-11-2018 21:57:19
สงสารอาหยาง
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-11-2018 22:13:36
 :mew2: อาหยางอกหัก รีบหาคนมาดามอกให้อาหยางหน่อยยยย :m15:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.19 เจอตัว l Up:17-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 18-11-2018 14:54:18
อาหยาง มามะ มาให้แม่ยกกอดปลอบใจ
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.20 คนที่เลือก l Up:21-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 21-11-2018 22:29:10
บทที่ 20

คนที่เลือก



ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากพี่ธีกลับมาบ้าน ตอนนี้สภาพจิตใจเขาเริ่มดีขึ้น อีกไม่นานคงกลับไปทำงานได้ตามปกติ ผมตั้งใจจะคืนทุกอย่างให้พี่ธีรวมถึงบ้านหลังนี้ด้วย ส่วนผมจะกลับไปอยู่บ้านยายจันทร์พร้อมกับแม่และตาหนู สำหรับตาหนูอาจจะต้องไปๆ มาๆ ทั้งสองบ้าน

เรื่องงานผมต้องกลับไปช่วยเตี่ย ใจจริงอยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วกลับมามีชีวิตเหมือนดังเดิม แต่ทว่าเตี่ยคือคนที่ชุบชีวิตผมขึ้นมา ดังนั้นผมจะต้องตอบแทนบุญคุณท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่

หลังจากพี่ธีกลับมาบ้านตาหนูดูมีความสุขขึ้นมาก ตอนนี้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแล้ว หลังจากผ่านเรื่องราวเลวร้ายมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรกับความสัมพันธ์ของผมกับพี่ธีดี เพราะตอนนี้ผมยังรู้สึกคลุมเครือกับหัวใจของตนเองมากเหลือเกิน

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

ขณะนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้องนอน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู

“อ้าว! พี่ธี” เป็นพี่ธีนั่นเองที่ยืนยิ้มแหยๆ เกาหลังคอไปด้วย ผมเลิกคิ้วมองเชิงตั้งคำถาม

“พี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”

“ได้ครับ ถ้างั้นเข้ามาข้างในก่อนก็ได้” ผมเอ่ยปากเชิญชวนก่อนจะเดินนำเข้ามา

ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นคุยกับเขาอย่างไรดี เพราะนี่เป็นการพูดคุยกันสองต่อสองครั้งแรก แถมสรรพนามที่เขาพูดแทนตัวเองนั้นเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ ผมรับรู้ได้ถึงความจริงใจและตั้งใจของเขา ที่พร้อมจะเริ่มต้นแสดงตัวตนที่เขาปกปิดมานานให้ผมรับรู้

“ผมเองก็มีเรื่องจะคุยกับพี่ธีอยู่เหมือนกันครับ”

“ถ้าอย่างนั้นวินเริ่มก่อนเลย เรื่องของพี่เอาไว้ทีหลังก็ได้”

“ตอนนี้พี่ก็ดีขึ้นแล้ว ผมว่าจะคืนทุกอย่างให้พี่ธีครับ”

“จริงๆ แล้วพี่เองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ถ้าทุกอย่างจะยังคงเป็นของวินเหมือนเดิม เพราะยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้วนี่นา” เขาพูดอย่างนี้ ทำเอาผมแทบไม่กล้าจะเอ่ยเรื่องถัดไปเลยทีเดียว

“ทุกอย่างมันเป็นของพี่ธีตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ ผมควรจะทำให้มันถูกต้องและอีกอย่างผมกะว่าจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านยายจันทร์พร้อมกับแม่และตาหนูครับ ผมไปปรับปรุงบ้านไว้จนเสร็จแล้ว” ผมไม่กล้าสบตาเขาดีนัก เพราะสีหน้าของพี่ธีเริ่มเศร้าลงเล็กน้อย ผมกลัวว่าเขาจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้อีก

“ทำไมไม่อยู่ที่นี่ด้วยกันล่ะหรือว่าวิน...รังเกียจพี่แล้ว” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย ทำท่าทางราวกับเด็กที่กำลังโดนผู้ใหญ่ดุซะอย่างนั้น

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ แต่เป็นเพราะบ้านหลังนั้นมีความหมายกับผมมาก ผมอยากกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นเหมือนแต่ก่อน ผมไม่อยากให้บ้านของยายจันทร์เป็นบ้านร้างอีกต่อไปแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นให้พี่ไปอยู่ด้วยนะ เมียกับลูกไปอยู่ที่นั่นพี่ก็ต้องไปด้วยสิ”

“คือ...ผมว่าพี่อยู่ที่นี่จะดีกว่าครับ หากไม่มีพี่ทั้งคนบ้านก็คงจะไม่เป็นบ้าน”

“วินไม่อยากให้พี่ไปอยู่ด้วยใช่ไหม...พี่เข้าใจแล้วล่ะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับพี่ธีคือผมแค่คิดว่า...ตอนนี้สถานะของเรามันไม่ได้เหมือนพ่อกับแม่คนอื่นๆ เกรงว่าหากไปอยู่ด้วยกันมันจะไม่เหมาะ”

“จริงสินะ....ที่เรามีลูกด้วยกันเพราะพี่เอาเปรียบวิน วินเองก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เอาเป็นว่าพี่ตกลงละกัน แต่ขอให้พี่ไปหาตาหนูบ่อยๆ วินคงไม่ว่านะ” พี่ธีถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มน้อยๆ ให้

ทำไมผมรู้สึกเจ็บมากเหลือเกิน เจ็บที่เห็นพี่วินต้องเสียใจอีกแล้ว แม้ว่าเราทั้งสองคนจะไม่ได้มีโมเม้นต์หวานๆ เลย แต่ทว่าเขาคืนคนที่เข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตผมตั้งแต่เด็กจนโต แม้ว่ามันจะมีแต่เรื่องร้ายๆ แต่พอได้รู้ความจริงแล้ว สิ่งที่เราได้เคยทำร่วมกันมามันกลับกลายเป็นความรู้สึกผูกพันไปซะอย่างนั้น

“ได้สิครับไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ว่าแต่เรื่องที่พี่ธีอยากจะคุยกับผมล่ะครับ”

“คือ....พี่อยากจะมาขอโทษวินกับเรื่องที่ผ่านมาน่ะ”

“ก็ผมบอกแล้วไงว่าไม่โกรธหรือเกลียดพี่แล้ว” ผมยิ้มให้เขา แต่สีหน้าพี่ธียังคงไม่สู้ดีนัก ราวกับว่ายังมีเรื่องที่ยังไม่สบายใจอยู่

“พี่รู้ว่าวินยอมให้อภัยพี่แล้ว แต่แค่คำขอโทษพี่ว่ามันยังน้อยไปกับสิ่งที่พี่เคยทำกับวิน” เขาก้มหน้าราวกับรู้สึกผิดมาก ผมจะทำอย่างไรดีให้ความรู้สึกผิดนี้มันหายไปจากใจเขาได้นะ

ผมไม่อยากให้เขาพูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว จึงเดินเข้าไปยืนตรงหน้าก่อนจะเอื้อมไปคว้ามือพี่ธีมาจับไว้ ส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“พี่อย่าคิดมากเลยนะลืมเรื่องพวกนั้นไปซะ และคิดถึงตาหนูให้มากๆ ตอนนี้ลูกต้องการพี่มากพี่อย่าทำให้ลูกต้องไม่มีความสุขด้วยสิครับ ถ้าพี่ยังรู้สึกผิดอยู่ผมเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน”

“วินรู้ไหมว่าพี่รักวินมาก” พี่ธีโผเข้ามาสวมกอดผมไว้ก่อนจะนิ่งไปสักพัก นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาให้ความอบอุ่นทางกายผมอย่างอ่อนโยน หัวใจผมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ภาพความทรงจำในวัยเด็กกลับมาฉายในหัวผมอีกครั้ง

ผมมีพี่ธีเป็นเพื่อนเล่นมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต แม้ว่าเขาจะแกล้งผมอยู่บ่อยครั้ง แต่ทว่าผมกลับรู้สึกดีทุกครั้งที่เราได้อยู่ใกล้และสัมผัสกายกัน ผมไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกอะไรกันแน่ เขามักจะเล่นรุนแรงแต่เวลาที่เขากอดผมในห้องนอนกลับอ่อนโยน ผมมักจะถูกเขากอดไว้แน่นราวกับตุ๊กตาตัวโปรดตัวหนึ่งเลยทีเดียว ทุกครั้งที่ผมโดนแม่บุญธรรมเฆี่ยนตีเขาก็เป็นคนทายาให้ทุกครั้ง แม้ว่าเขาจะบ่นว่าไม่เต็มใจก็ตามที

“ผม....” ในขณะที่ผมกำลังจะเอ่ยออกไปนั้นพี่ธีก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

“ขอให้พี่กอดวินอย่างนี้สักพักก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยนะ” ประโยคนั้นทำให้ผมไม่กล้าเผยอปากเอ่ยอะไรเลยแม้แต่น้อย

“...”

เราสองคนกอดกันอยู่อย่างนั้นเกือบห้านาที มันเป็นห้านาทีที่มีความหมายกับผมมาก เพราะความรู้สึกที่เคยมีต่อพี่ธีสมัยเด็กนั้นมันเริ่มกลับมามีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เราต่างก็เงียบมีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่ดังอยู่ข้างใบหูของกันและกัน ผมรู้ว่าตอนนี้พี่ธีกำลังร้องไห้ จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นคนที่เข้มแข็งอะไรเลย เขาอ่อนแอกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ

“ฮึก...พี่อยากมีโอกาสทำอย่างนี้มานานแล้ว ขอบคุณนะที่ยอมให้คนเลวๆ อย่างพี่กอดอย่างนี้” รู้สึกว่าตอนนี้เสื้อตัวบางของผมมันกำลังเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำตาของพี่ธี

“ทำไมโทษตัวเองอีกแล้ว ถ้าพี่ยังพูดแบบนี้อยู่อีกผมจะไม่ยอมยกโทษให้พี่แล้วนะ” ผมแกล้งพูดแหย่พี่เขา ก่อนที่เราจะผละออกจากกัน

“พี่สัญญาว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ต่อไปนี้วินคือเจ้าของชีวิตพี่แล้วนะ พี่จะเชื่อฟังคำสั่งวินทุกอย่างเลย” พี่ธีเริ่มยิ้มออก นี่สินะพี่ธีตัวจริงที่คอยมองผมมาตลอด แต่ผมกลับเห็นเพียงแค่ตัวตนที่เขาสร้างให้เกลียดเท่านั้น จากนี้ไปพี่ธีคนนั้นคงจะไม่มีอีกแล้ว จะมีเพียงพี่ธีคนนี้พี่นิสัยน่ารัก

“ชีวิตมันเป็นของพี่ ผมไม่สามารถสั่งให้พี่ทำอะไรได้” ทำไมผมต้องเขินกับสายตาที่เขามองมาด้วยนะ

“มันจะสายเกินไปไหมถ้าพี่อยากจะขอเป็นคนดูแลวินไปตลอดชีวิต นี่คือสิ่งที่พี่อยากจะบอกกับวินมาตั้งนานแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงซะที” แววตาที่เขามองผมเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและจริงใจ เพื่อลูกแล้วผมควรจะตอบรับโดยทันที แต่สำหรับเรื่องหัวใจแล้วผมกลับยังไม่มั่นใจ เพราะตอนนี้ผมมีอีกคนที่ควรจะแคร์ความรู้สึกนั่นคืออาหยาง

“...”

“ใช่สินะ มาถึงตอนนี้มันอาจจะสายไปแล้วจริงๆ พี่น่าจะรู้ตัวตั้งแต่วินบอกว่าจะย้ายออกไปแล้ว แต่ไม่เป็นไรพี่เข้าใจว่าวินเจออะไรมาเยอะ ถ้าเป็นพี่เองก็คงจะตัดสินใจอย่างนี้ล่ะ” พี่ธีฝืนยิ้ม ถอนหายใจยาวเพื่อทำใจ

“พี่ธีครับผม....” ผมไม่รู้จะเอ่ยคำไหนที่ทำให้เขาฟังแล้วรู้สึกเจ็บปวดน้อยลงกว่านี้

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะพี่เข้าใจความรู้สึกของวินดี จากนี้ไปเราจะช่วยกันดูแลตาหนูในฐานะพ่อกับแม่ แต่ความสัมพันธ์ของเราก็คือพี่น้องกันเท่านั้น” เขาฝืนยิ้มให้ผมอีกครั้ง แต่ทว่าน้ำตากลับไหลลงอาบสองแก้ม เขาหันหลังเดินออกไปจากห้องอย่างเชื่องช้า ยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากแก้มราวกับเด็กน้อย

ผมเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกัน ผมเกลียดตัวเองมากเหลือเกิน ที่ไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธออกไปตรงๆ แต่ก็ไม่กล้าตอบรับความหวังดีจากพี่ธี เหมือนเมื่อครั้งที่ทำกับอาหยางไม่ผิดเพี้ยน ตอนนี้ผมทำให้ผู้ชายทั้งสองคนต้องมาเสียใจเพราะผม ผมจะทำอย่างไรดี

ผมนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงได้ไม่นานแม่ก็เข้ามาในห้อง เมื่อผมเห็นแม่ก็รีบโผเข้ามากอดทันที แม่คงตกใจไม่น้อยที่เห็นผมอยู่ในสภาพนี้ ท่านเอื้อมมือขึ้นมาลูบบนเรือนผมอย่างปลอบโยนไม่ได้เอ่ยถามอะไร เพราะรู้ดีว่าในอีกไม่กี่วินาทีผมจะต้องเป็นฝ่ายระบายให้ฟังเอง

“แม่ครับ ฮึก ผมจะทำยังไงดี”

“ไหนเล่าให้แม่ฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ผมกำลังจะทำให้ผู้ชายที่รักผมต้องเสียใจ ผมมันใจโลเลไม่สามารถตัดใครออกไปจากใจได้เลย จะเป็นไปได้ไหมครับแม่ที่ผมจะรักผู้ชายพร้อมกันถึงสองคน”

“ความรักมันเป็นไปได้ทุกรูปแบบล่ะลูก ค่อยๆ คิดอย่าไปกดดันตัวเองให้มากนัก แม่เชื่อว่าตอนนี้วินต้องมีใครในใจแล้วล่ะ เพียงแต่อาจจะยังกลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจเท่านั้นเอง เลยยังไม่กล้าตัดสินใจ” แม่แนะนำผม

“ผมจะคิดทบทวนให้ดีๆ ครับแม่ ผมจะต้องรีบจัดการเรื่องนี้เสียที”

“ลูกลองชั่งใจดูดีๆ ว่าคนที่ซ่อนอยู่ในใจลูกมาตลอดคือใครกันแน่ แม่เชื่อว่าคนที่ลูกเลือกคือคนที่ทำให้ชีวิตของลูกเดินหน้าต่อไปมีความสุขได้”

“ขอบคุณนะครับแม่ที่อยู่ข้างๆ ในช่วงเวลาที่ผมอ่อนแออย่างนี้”

“ลูกคือดวงใจของแม่ แม่คนนี้จะอยู่ข้างๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้ตลอดไปนะ”

ผมขอบคุณที่ฟ้าประทานแม่คนนี้มาให้ ผมเองก็สัญญาว่าจะทำให้แม่มีความสุขเช่นกันครับ

*-*-*-*-*-*

หลังจากนอนคิดใคร่ครวญมาตลอดทั้งคืนแล้ว ในที่สุดผมก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกที่จะปฏิเสธความสัมพันธ์กับใครดี ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องมันคาราคาซังอย่างนี้ต่อไปแน่นอน

หลังจากไปส่งตาหนูที่โรงเรียนแล้ว ผมก็ขับรถตรงไปหาเตี่ยที่บ้าน จริงๆ แล้วจุดประสงค์หลักไม่ได้ต้องการมาหาเตี่ยหรอกครับ ผมอยากมาหาอาหยางมากกว่า เพราะตั้งแต่พี่ธีกลับมาแล้วเขาก็กลับมาอยู่รับใช้เตี่ยที่บ้านหลังนี้

เดินเข้าไปในบ้านก็พบว่าเตี่ยกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมทั้งจิบชาไปด้วย

“สวัสดีครับเตี่ย”

“อ้าวอาอี้เฟย ทำไมวันนี้ลื้อเข้ามาหาอั้วได้” เตี่ยวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะก่อนจะหันมาสนใจผมแทน

“เตี่ยเป็นไงบ้างผมไม่ได้มาหาตั้งหลายวัน ขอโทษด้วยนะครับ”

“อั๊วสบายดี ว่าแต่ลื้อล่ะเป็นไงบ้างทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วใช่ไหม”

“เรียบร้อยดีครับเตี่ย”

“ดีแล้วล่ะอั๊วจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

“เตี่ยครับคือ...ผมว่าจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านยายจันทร์น่ะครับ”

“อ้าว! ทำไมล่ะอั๊วนึกว่าลื้อจะอยู่ที่บ้านหลังนั้นต่อเสียอีก”

“เปล่าครับเตี่ย ผมไม่อยากให้ยายจันทร์ต้องอยู่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว และที่นั่นก็เหมาะกับผมมากกว่า แต่เตี่ยไม่ต้องห่วงนะครับผมจะแวะมาหาเตี่ยบ่อยๆ ส่วนเรื่องงานผมก็ยังจะช่วยเตี่ยเหมือนเดิม”

“เตี่ยดีใจที่ลื้อเป็นคนกตัญญูรู้คุณ ไม่เสียแรงที่ช่วยเหลือลื้อไว้เลย” เตี่ยยิ้มให้ผมอย่างภูมิใจ

“ถ้าไม่มีเตี่ยก็ไม่มีผมวันนี้ ขอบพระคุณเตี่ยมากนะครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เตี่ยผิดหวัง”

“ได้ยินอย่างนี้อั๊วก็สบายใจ เพราะสมบัติทั้งหมดของอั๊วตั้งใจว่าจะยกให้ลื้อกับอาหยางช่วยกันดูแล” สีหน้าของเตี่ยดูมีความสุขมาก แต่ผมกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง

“ขอบคุณครับเตี่ยที่รักและไว้ใจผมมาโดยตลอด”

“อั๊วรักลื้อเหมือนลูกแท้ๆ ตอนนี้อั๊วคงนอนตายตาหลับแล้วล่ะ ยิ่งถ้าได้เห็นลื้อกับอาหยางได้ครองคู่กันคงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ”

“เตี่ยครับเรื่องนี้ผม....”

“อั๊วรู้ว่าความรักมันบังคับใจกันไม่ได้ แต่อั๊วเห็นว่าอาหยางเป็นคนดีอีจะดูแลลื้อได้เท่านั้นเอง” เตี่ยส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผม

“ผมเข้าใจครับว่าเตี่ยหวังดี แต่เรื่องนี้ผมได้ตัดสินใจไว้แล้ว”

“ไม่ว่าคนที่ลื้อเลือกไว้ในใจจะเป็นอาหยางหรือไม่ แต่อั๊วรู้ว่าลื้อต้องเลือกคนที่ทำให้ลื้อมีความสุขได้”

“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นครับเตี่ย ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปคุยกับอาหยางก่อนนะครับ”

เตี่ยยิ้มให้ก่อนจะที่ผมจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น



ตอนนี้อาหยางยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างนิ่งสงบอยู่ในสวนหลังบ้านเพียงลำพัง ผมจ้องมองแผ่นหลังกว้าง ที่เคยปกป้องและดูแลผมมาตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมาอย่างใจหาย ถึงเวลาแล้วสินะที่ผมจะต้องบอกให้เขารับรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไร

“อาหยาง”

เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากผม เขาก็หมุนตัวกลับมาก่อนจะส่งยิ้มละมุนให้เหมือนทุกครั้ง ผมเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ จนยืนอยู่ตรงหน้าเขา ด้วยความสูงที่แตกต่างกันทำให้ผมต้องเงยขึ้นไปมองหน้าผู้ชายคนนี้ให้ชัดๆ อีกครั้ง ก่อนที่สถานะเราจะชัดเจนในอีกไม่กี่นาที

“ผมกำลังคิดถึงคุณอี้เฟยอยู่พอดีเลยครับ”

“ฉันก็คิดถึงนายนะอาหยาง ฮึก....” ผมหลั่งน้ำตาออกมาราวกับเด็กน้อย ผมไม่อยากทำให้ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้ต้องกลายเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไป

“คิดถึงแล้วทำไมต้องร้องไห้งอแงงราวกับเด็กน้อยด้วยล่ะครับ” เขายกมือขึ้นมาปาดน้ำตาบนแก้มให้ผมอย่างอ่อนโยน ราวกับกลัวว่าผมจะเจ็บซะอย่างนั้น

“ที่ฉันมาเพราะมีเรื่องบางอย่างจะบอกกับนายยังไงล่ะ ฮึก” ผมเอ่ยกับเขาด้วยแววตาเศร้า นั่นทำให้อาหยางรู้ทันทีว่าผมกำลังจะเอ่ยอะไร

“ต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆ เลย คุณอี้เฟยถึงได้ร้องไห้อย่างนี้ ผมพร้อมจะฟังแล้วนะครับ” อาหยางเอ่ยยิ้มๆ แต่ทว่าดวงตาของเขากลับแดงก่ำ น้ำใสๆ เริ่มไหลหลั่งออกมาจนคลอเบ้า

“ฉัน.....”





---------------------------------

เฮลโลรีดทุกท่าน จะมาแจ้งข่าวว่าตอนหน้าก็จะจบแล้วนะครับ







หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.20 คนที่เลือก l Up:21-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-11-2018 22:56:28
ห๋า........ คำตอบรอตอนหน้า  o22
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.20 คนที่เลือก l Up:21-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-11-2018 23:10:35
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.20 คนที่เลือก l Up:21-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-11-2018 23:13:18
 :jul3: เอ้า...ปูเสื่อรอกันจ้า :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.20 คนที่เลือก l Up:21-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-11-2018 00:03:47
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.20 คนที่เลือก l Up:21-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-11-2018 03:27:13
ค้างงงง
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.20 คนที่เลือก l Up:21-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-11-2018 03:45:10
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 24-11-2018 15:14:41
บทที่ 21

อวสาน



“ฉัน...อยากให้นายเจอคนดีๆ ไม่มีพันธะเหมือนอย่างฉันนะ” ผมเอ่ยกับเขาทั้งน้ำตา ทั้งที่รู้ว่าต้องเห็นเขาร้องไห้เสียใจแต่ผมยังคงจ้องมองใบหน้าหล่อนั้นอย่างไม่ละสายตา เพื่อตอกย้ำว่าตอนนี้ตัวเองได้ทำร้ายผู้ชายคนหนึ่งที่รักผมสุดหัวใจลงไปแล้ว

“ผมดีใจนะที่คุณอี้เฟยเลือกเขา” เขายิ้มให้ผมผ่านม่านน้ำตา

“ฉันขอโทษที่ทำให้นายผิดหวังเสียใจ นายจะโกรธหรือเกลียดฉันก็ได้นะที่ให้ความหวังนายมาตลอด”

“ทำไมผมจะต้องรู้สึกอย่างนั้นด้วยล่ะครับ ในเมื่อผมรักคุณอี้เฟย รักโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น รักโดยไม่ต้องการอยากครอบครอง แค่คุณอี้เฟยมีความสุขผมเองก็มีความสุขตามไปด้วย”

ยิ่งได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกมาน้ำตาผมยิ่งไหล ผมโผเข้าไปกอดเขาทันที อยากจะกอดเขาไว้อย่างนี้ไปตลอดชีวิต แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะต่อไปนี้เราจะอยู่ในสถานะพี่น้องเท่านั้น

“ฮือๆ ๆ ฉันขอโทษจริงๆ อาหยางฉันขอโทษ”

“ไม่เป็นไรนะครับ ผมยังอยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” แทนที่ผมจะเป็นฝ่ายปลอบใจเขาในฐานะที่โดนปฏิเสธ แต่ทว่ากลับเป็นอาหยางที่ต้องเป็นฝ่ายปลอบประโลมผมซะงั้น ผมนี่มันแย่มากๆ

“ฉันจะไม่มีวันลืมความรักที่นายมีให้ ฉันจะจำมันไปตลอดชีวิตเลยนะอาหยาง นายควรจะหาใครดีๆ สักคนเข้ามาเติมเต็มในชีวิตนะ” ผมเอ่ยหลังจากเราผละออกจากกันแล้ว

“ชาตินี้ผมคงจะรักใครไม่ได้อีกแล้ว ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะอยู่รับใช้ท่านประธานและคุณอี้เฟยไปจนตาย คุณอี้เฟยไม่ต้องห่วงนะครับเพราะทุกวันนี้ผมก็มีความสุขมากแล้ว”

“อาหยาง....นายทำให้ฉันรู้สึกผิดจริงๆ นายเป็นคนดีเกินกว่าที่จะต้องมาเสียใจเพราะฉันฮึก...”

“คุณอี้เฟอยากทำให้ผมรู้สึกดีไหมล่ะครับ” เขาเอ่ยยิ้มๆ

“อยากสิ...นายบอกมาเลยว่าฉันต้องทำยังไงนายถึงจะรู้สึกดีขึ้น” ผมจะทำตามที่เขาบอกทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้

เขาจับมือทั้งสองข้างผมขึ้นมา ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตด้วยสัมผัสที่แผ่วเบาแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม

“คุณอี้เฟยช่วยจูบผมอีกสักครั้งได้ไหมครับ แล้วกลับไปบอกรักเขาคนนั้น สร้างครอบครัวที่น่ารักครองคู่กันไปตลอดชีวิต แค่นี้ผมก็รู้สึกดีที่สุดแล้ว”

“อาหยาง....” ผมเอ่ยออกมาอย่างเบาเสียง ก่อนจะโน้มใบหน้าขึ้นไปประกบจูบเขาทันที มันเป็นจูบที่ผมตั้งใจที่สุดในชีวิต เพื่อเป็นการไถ่โทษกับการต้องมาทำลายความรู้สึกของอาหยาง จากนี้ไปเราจะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างในใจแล้ว

เรายืนจูบกันอยู่อย่างนั้นราวสามนาที ก่อนจะผละใบหน้าออกมาอย่างช้าๆ

“รู้สึกดีจัง...ต่อไปนี้คุณอี้เฟยไม่ต้องรู้สึกผิดอีกแล้วนะครับ ตอนนี้ผมโอเคขึ้นมากแล้ว” สีหน้าของอาหยางเริ่มดีขึ้นเมื่อได้รับสัมผัสจากผม ผมรู้ว่าเขาแกล้งข่มความเสียใจเอาไว้เพื่อให้ผมสบายใจเท่านั้น

“เห็นนายโอเคฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้น ต่อไปนี้เราจะช่วยกันดูแลเตี่ยนะ” ผมพยายามยิ้ม

“ครับคุณอี้เฟยผมจะอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้เสมอนะ”

“ขอบคุณนะอาหยางที่ช่วยดูแลฉันมาตลอด นายคือพี่ชายที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน”

“คุณก็เป็นคนที่ผมรักและเทิดทูนที่สุดในชีวิตเช่นกันครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”

“อื้ม” ผมยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา

อาหยางส่งยิ้มให้ผมทั้งที่น้ำตายังคลอเบ้า ก่อนจะเดินผ่านหน้าผมไป ผมปิดเปลือกตาตาลงอย่างช้าๆ ทำให้น้ำตาที่เอ่อล้นในนั้นไหลลงมาเป็นทาง ผมจะเสียใจให้กับเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกลับไปทำตามที่อาหยางบอกและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง



ผมรีบบึ่งรถกลับมาที่บ้านหลังจากนั้น วันนี้ผมต้องย้ายที่บ้านยายจันทร์แล้ว ป่านนี้แม่กับตาหนูคงจะรอผมอยู่ รวมถึงพี่ธีเองที่คงจะเตรียมรอไปส่งพวกเราที่นั่น

เมื่อมาถึงแล้วผมก็รีบเดินเข้าไปในบ้าน พบว่าตาหนูและแม่กำลังนั่งรอผมอยู่ในห้องโถง ผมเดินเข้าไปหาทั้งสองคนโดยไม่ลืมที่จะกวาดสายตามองหาเขาคนนั้น คนที่ผมต้องการจะมาบอกความรู้สึกที่แท้จริง จะมาบอกให้เขาดูแลรับผิดชอบชีวิตผมไปตลอดชีวิต

“คุณแม่กลัวมาแล้วววว” ตาหนูเห็นผมก็ลุกขึ้นมาแล้วรีบวิ่งมากอด

“น้องนนท์เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหมครับ”

“ครับผม”

“แล้ว...คุณพ่อล่ะครับตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“คุณพ่อเอาของไปเก็บไว้ในรถแล้วครับ”

“ถ้างั้นเราไปกันเถอะครับ” ผมเอ่ยกับตาหนูก่อนจะจับมือไว้เตรียมตัวเดินไปที่รถ “แม่ครับเราไปกันเถอะ” แม่ส่งยิ้มมาให้

ก่อนเราทั้งสามคนจะเดินออกไปผมก็หันกลับมามองบ้านหลังนี้ให้ชัดๆ อีกครั้ง เพื่อบอกลามันในใจ เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้จะเป็นความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืม จุดเริ่มต้นของความรักและความเกลียดชังที่ก่อให้เกิดเรื่องราววุ่นวายมากมายในชีวิตของพวกเราทุกคนได้จบลงแล้วสินะ ต่อไปนี้มันจะมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาเท่านั้น

เดินออกมาจากบ้านแล้วก็พบว่าพี่ธีกำลังยืนกอดอกพิงข้างรถรออยู่ เขาวางสายตาไว้ที่พื้นราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ เดาว่าคงจะเป็นเรื่องที่คุยกับผมเมื่อคืน บวกกับเรื่องที่เราจะย้ายออกจากบ้านในวันนี้ด้วยแน่นอน

“พี่ธีครับ” ผมเอ่ยเรียกเมื่อเดินมาถึง เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียก ก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้ แต่ทว่าสายตาคมนั้นกลับไม่ได้สดใสเลยสักนิด ราวกับว่าเมื่อคืนนี้อดหลับอดนอนมาตลอดทั้งคืน

“เสร็จแล้วเหรอ”

“ครับ”

“ถ้างั้นก็ขึ้นรถกันเถอะป่ะ” เขายิ้มน้อยๆ ให้ก่อนจะขึ้นรถไปก่อน ราวกับคนที่งอนกันซะอย่างนั้น

ระหว่างที่นั่งรถมานั้นผมกับพี่ธีเอาแต่เงียบไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรเลย ตาหนูนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือไม่ได้สนใจใคร ส่วนแม่ก็นั่งมองตาหนูแล้วยิ้มตามไปด้วย ผมปรายตามองดูพี่ธีอยู่บ่อยครั้งแต่เขาก็เอาแต่สนใจมองทาง ทำเป็นไม่สนใจผม

สาเหตุที่ผมตัดสินใจเลือกพี่ธี นั่นเพราะเราต่างก็ผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวดมาด้วยกันทั้งคู่ กว่าจะมาถึงวันนี้ต่างฝ่ายต่างบอบช้ำทางใจมาพอสมควร ผมไม่อยากให้เขาต้องรู้สึกเจ็บปวดอีกแล้ว ผมอยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเสียที หลังจากที่เราต้องแยกกันอยู่มานาน ส่วนเรื่องความรักนั้นผมยอมรับว่ารู้สึกดีกับอาหยางมากกว่า แต่ความรู้สึกดีนั้นผมมองว่ามันไม่ใช่ความรักเชิงชู้สาว แต่มันเป็นความปรารถนาดีต่อกันอย่างบริสุทธิ์ใจ เขาเข้ามาในช่วงที่หัวใจผมอ่อนแอเลยอาจจะเผลอเกินเลยไปบ้างเท่านั้น

“ฮัลโลอาหยาง”

“ทำอะไรอยู่เหรอ...ฉันคิดถึงนายจัง”

“คิดถึงเหมือนกันงั้นเหรอ ดีใจจัง”

“จ้า”

“จะมาที่บ้านงั้นเหรอ ได้ๆ รีบมานะ”

“ใกล้จะถึงแล้ว จ้าแค่นี้นะแล้วเจอกัน”

ในระหว่างที่ผมคุยกับอาหยางอยู่นั้น พี่ธีก็แอบปรายตามองอยู่บ่อยครั้ง ตอนนี้เขาคงจะรู้สึกแย่มากที่ได้ยินผมคุยกับอาหยางแบบสนิทสนมอย่างนี้ คงนึกไม่ถึงว่าผมกับบอดี้การ์ดส่วนตัวจะมีซัมติงกัน

“สนิทกับอาหยางขนาดนี้เลยเหรอ” เขาทนไม่ไหวจึงเอ่ยปากถาม หลังจากนั่งกระสับกระส่ายอยู่นาน

“ครับสนิทมาก สนิทจนเตี่ยว่าจะให้เราคบกันเลยล่ะ” ผมตอบกวนๆ ไป ยั่วให้เขาอารมณ์เสียเล่นๆ

“นี่สินะเหตุผลที่ปฏิเสธพี่”

“ก็ไม่เชิงครับอาหยางเขาเป็นคนดีมาก คอยช่วยเหลือผมมาตลอด ไม่แปลกถ้าผมจะรู้สึกดีกับเขา”

“ใช่สินะพี่มันคนเลวทำร้ายวินไว้เยอะ แต่ก็ดีแล้วล่ะวินได้เจอคนดีๆ พี่ก็ดีใจด้วย”

“ขอบคุณครับ”

ผมแทบกลั้นขำไม่อยู่เมื่อเห็นว่าตอนนี้พี่ธีแอบร้องไห้ เขาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่มันดันไหลลงมาเป็นสายซะอย่างนั้น พี่ธีใช้มือเกลี่ยมันออกพยายามไม่ให้ผมเห็น นั่งใกล้ขนาดนี้จะไม่เห็นได้อย่างไรกัน เพียงแต่ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็นเท่านั้นเอง

พี่ธีสายโหดในวันนั้นเป็นคนเดียวกับที่นั่งข้างผมจริงๆ เหรอเนี่ยไม่อยากจะเชื่อเลย เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว



ในที่สุดก็มาถึงบ้านเสียที ผมได้กลิ่นอายของความสุขเมื่อได้ย่างกรายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างถาวร ผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้ยายจันทร์กำลังยิ้มต้อนรับพวกเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง

ผมกลับมาแล้วนะครับยาย ผมจะไม่มีทางย้ายออกไปจากบ้านของเราอีกแล้ว

“พี่ธีอยู่ทานข้าวก่อนนะครับ” ผมเอ่ยกับเขาหลังจากช่วยกันจัดบ้านอยู่นาน จนตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

“คือ...พี่” ผมรู้ว่าพี่ธีคงไม่อยากเห็นผมอยู่กับอาหยางแน่นอน แต่ผมจะรั้งเขาไว้ให้ได้

“เพราะอาหยางใช่ไหม”

“คงงั้นมั้ง” เขาถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะเสตาไปมองทางอื่น

“ผมรับรองว่าจะไม่ทำตัวรุ่มร่ามกับอาหยาง ผมเองก็กลัวว่าพี่จะไม่สบายใจเหมือนกัน แต่มาขึ้นบ้านใหม่ทั้งทีผมก็อยากให้ทั้งคนรักและพ่อของลูกอยู่พร้อมหน้ากัน” ยิ่งได้ยินคำว่าคนรักพี่ธียิ่งขมวดคิ้วจนเป็นปม

“กล้าเอ่ยปากว่าคนรักพี่คงหมดหวังแล้วสินะ” เขาว่าก่อนจะเดินไปที่ศาลาท่าน้ำ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาจะอยู่ที่นี่ต่อ ผมไม่เคยเห็นท่าทีขี้งอนอย่างนี้มาก่อนเลย...ก็น่ารักไปอีกแบบนะ

จากนั้นผมก็เดินเข้าไปในครัว ตอนนี้แม่กำลังทำกับข้าวอยู่ ส่วนตาหนูกำลังนั่งปั้นแป้งให้เป็นลูกกลมๆ เล็กๆ เพื่อนำมาทำบัวลอยไข่หวาน ดูท่าทางตาหนูคงจะสนุกมากราวกับได้ของเล่นชิ้นใหม่ซะอย่างนั้น

“เก่งจังเลยครับน้องนนท์” ผมเอ่ยชมก่อนจะนั่งลงข้างลูกชาย

“สนุกมากๆ เลยครับคุณแม่ น้องนนท์ไม่เคยเล่นอย่างนี้มาก่อน” ตาหนูส่งยิ้มมาให้ ขณะที่มือน้อยๆ ก็บรรจงปั้นแป้งวางไว้ในถาดอย่างขะมักเขม้น

“สนุกก็ทำให้เสร็จนะครับ คุณยายจะได้เอาไปทำเป็นขนมให้ทาน”

“ขนมอะไรครับคุณแม่ น้องนนท์ไม่เห็นเคยรู้จักเลย”

“ก็บัวลอยไข่หวานไงครับ”

“บัวลอยไข่หวาน ว้าว! ชื่อน่ากินจังเลย”

“ถ้างั้นเรารีบทำกันเถอะครับจะได้เสร็จเร็วๆ”

“ครับคุณแม่” ผมยิ้มให้ลูกชายอย่างมีความสุข ไม่นึกเลยว่าเราจะได้กลับมาอยู่ที่นี่ด้วยกันอีกครั้ง แถมยังมีแม่แท้ๆ ของผมมาอยู่ด้วยอีกคนมันเหมือนฝันมากเหลือเกิน ตอนนี้จะเหลือก็แต่พ่อของลูกเท่านั้นที่ยังไม่ได้ถูกเอ่ยปากชวนให้มาอยู่ที่นี่อย่างเป็นทางการ

“อ้าว! พ่อธีล่ะลูกหรือว่ากลับไปแล้ว” แม่ที่กำลังยืนอยู่หน้าหม้อแกงหันมาเอ่ยถาม

“อยู่ที่ศาลาท่าน้ำครับแม่”

“เรานี่นะไปพูดอย่างนั้นได้ไงตอนอยู่บนรถ อย่างนี้พ่อธีก็เสียใจแย่สิ” แม่เอ่ยตำหนิผมพลางส่ายหน้าเล็กน้อย

“ก็ผมตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นนี่ครับแม่”

“อ้าวไอ้ลูกคนนี้สรุปเราเลือกได้แล้วใช่ไหมว่าเป็นอาหยาง”

“เปล่าครับแม่”

“แล้วทำไมถึงพูดอย่างนั้นออกไปล่ะ”

“จริงๆ แล้วอาหยางไม่ได้โทรมาหรอกครับผมแค่แกล้งพี่ธีเท่านั้นเอง”

“เรานี่นะรีบออกไปบอกความจริงพี่เขาเลย อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นอย่างนี้อีกนะ ไม่งั้นแม่จะหยิกให้เนื้อเขียวเลยคอยดู” แม่ว่าให้ผม

“โอเคครับแม่จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ผมอยากแกล้งพี่ธีคืนบ้างก็โดนมาเยอะแล้วนี่นา” ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นยืน จะเดินออกไปหาพี่ธีที่ศาลาท่าน้ำ “น้องนนท์ครับเดี๋ยวแม่เข้ามาช่วยนะ”

“ครับคุณแม่” ตาหนูเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ เด็กคนนี้ช่างน่ารักว่านอนสอนง่ายเหมือนผมซะจริงๆ



ผมเดินออกมาหลังบ้านก็เห็นพี่ธีกำลังยืนกอดอก ทอดสายมองดูเรือหางยาวที่กำลังแล่นผ่านไปมาจนน้ำในคลองกระเพื่อม บรรยากาศที่นี่ยังคงน่าอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน ผมคิดถูกแล้วที่พาทุกคนกลับมาใช้ชีวิตที่นี่

ผมเดินอย่างเบาเสียงเข้าไปหาพี่ธี เขายังไม่รู้สึกตัวเลยว่าตอนนี้ผมได้ยืนอยู่ข้างหลังแล้ว ผมมองไปที่แผ่นหลังกว้างของเขา เห็นแค่นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากเหลือเกิน ต่อจากนี้ไปเขาจะเป็นที่พึ่งทั้งทางกายและใจให้กับผมและลูก ฉะนั้นแล้วผมเองก็ต้องเป็นภรรยาและแม่ที่ดีด้วยเช่นกัน เพื่อให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์แบบอย่างที่ตั้งใจไว้

หมับ!

ผมกอดเขาจากด้านหลังก่อนจะซบใบหน้าลงที่แผ่นหลังกว้างอย่างออดอ้อน

“พี่ธีครับ”

“วิน! พี่ก็นึกว่าใคร” น้ำเสียงเขาดูตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ ผมก็เข้ามากอดอย่างนี้

“ผมเองครับ”

“ทำไมจู่ๆ ถึงมากอดพี่อย่างนี้ล่ะ เดี๋ยวอาหยางก็มาเห็นเข้าหรอก” เขาเอ่ยแต่ทว่ากลับกุมมือผมเอาไว้ ปากไม่ตรงกับใจเลยจริงๆ

“อาหยางไม่มีทางมาเห็นหรอก”

“อ้าว! เห็นคุยกันว่าจะมาไม่ใช่เหรอ”

“ผมโกหกพี่ต่างหากล่ะ”

“หมายความว่าไง ทำไมต้องโกหกพี่ด้วยเนี่ย” เขาดึงมือผมออกก่อนจะหมุนตัวกลับมามองหน้าผม

“ที่คุยโทรศัพท์กับอาหยางบนรถผมแค่แกล้งหลอกพี่เท่านั้นเอง”

“เด็กบ้าทำเอาพี่แทบจะขาดใจตายเลยรู้รึเปล่า” เขาพรูลมออกจากปากราวกับว่าตอนนี้ได้ยกภูเขาออกจากอกไปแล้ว

“พี่ธีครับ...ผมรักพี่นะ”

“วะ...วินกำลังล้อพี่เล่นใช่ไหมเนี่ย” พี่ธีเยิ้มกว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น

“หน้าผมจริงจังขนาดนี้ยังจะมาว่าล้อเล่นอีกนะ” ผมดุให้เขาเชิงหยอก

“พี่ขอโทษ...แต่ตอนนี้พี่รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันอยู่”

“นี่คือเรื่องจริงครับ พี่ธีย้ายมาอยู่ที่นี่กับพวกเราได้ไหม มาอยู่ในฐานะพ่อของตาหนู แล้วก็ในฐานะ...สามีของผมด้วย” ผมส่งยิ้มหวานให้เขา ทำหน้าไม่ถูกเมื่อต้องมาสารภาพอะไรอย่างนี้ รู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก

“พี่โคตรดีใจเลยรู้ไหมครับ” พี่ธียิ้มกว้างเขย่ามือผมไม่หยุด ผู้ชายคนนี้กำลังจะร้องไห้ออกมาอีกแล้ว เห็นอย่างนั้นผมก็น้ำตาคลอตามไปด้วย

“เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ จากนี้ไปชีวิตผมและลูกอยู่ในกำมือพี่แล้วนะ”

“พี่สัญญาว่าจะไม่มีวันทำให้วินเสียใจเด็ดขาดครับ”

“สัญญาแล้วนะ ถ้าผิดสัญญาผมจะหนีไปหาอาหยางจริงๆ ด้วย”

“อย่าแม้แต่จะคิด พี่ไม่มีทางยอมให้วินไปเป็นของคนอื่นเด็ดขาด” เขาว่าก่อนจะรวบตัวผมเข้ามากอดไว้ มือทั้งสองข้างของผมวางทับทาบลงบนอกแกร่ง ดุจลูกนกตัวน้อยที่ถูกขังอยู่ในกรงทรงของพี่ธี แววตาที่เขาจ้องมองมานั้นปานจะกลืนกินผมเสียให้ได้ในตอนนี้

“พี่ขออนุญาตจูบเราได้รึเปล่า” เขายิ้มเขินต่างจากท่าทีเมื่อสักครู่ ผมกลั้นขำเอาไว้ จะจูบทำไมต้องขออนุญาตด้วยนะไม่เข้าใจเลยจริงๆ กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่แล้วแท้ๆ

“ทำไมต้องมีมารยาทตอนนี้ด้วยเนี่ย”

“ก็พี่ไม่อยากทำรุ่มร่ามกับวินเหมือนเมื่อก่อน กลัวว่าจะทำให้วินรู้สึกไม่ดี” เขายิ้มอายๆ

แหม่...ช่างเป็นสุภาพบุรุษซะจริงๆ เลยนะครับพ่อคุ๊ณ!!!

“ตอนนี้ผมเป็นเมียพี่แล้วนะอยากจะทำอะไรก็ทำสิ ผมเต็มใจทุกอย่าง พูดแค่นี้พอจะเข้าใจนะ” ผมเปิดโอกาสให้เขาทำตามใจเต็มที่ ก่อนที่แม่หรือตาหนูจะออกมาเจอเข้าเสียก่อน

เขาเม้มริมฝีปากไว้แน่น จ้องมองที่ริมฝีปากบางของผมแทบไม่กะพริบตา พร้อมทั้งกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาประกบจูบผมอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบา นี่สินะจูบที่ผมต้องการมาโดยตลอด จูบที่อ่อนโยนจากพี่ชายที่ผมแอบรักมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าเขาจะเคยเป็นพี่ชายที่ร้ายกาจในสายตาผมอยู่ช่วงหนึ่ง แต่วันนี้เขาได้พิสูจน์ให้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิดมาตลอด เนื้อแท้ของพี่ชายคนนี้ช่างเป็นสุภาพบุรุษ แถมยังเป็นสามีที่จูบได้ดูดดื่มมากที่สุดอีกด้วย



จบบริบูรณ์
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 24-11-2018 17:09:14
น้องนนท์น่ารักเป็นเด็กดี
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 24-11-2018 17:29:08
 :mew3: ขอบคุณสำหรับนิยายสายหน่วงเรื่องนี้จ้า
 :mew2: มาปูเสื่อรอเนื้อคู่อาหยางงงง
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-11-2018 18:50:33
จุ๊บ จุ๊บ จบแล้ว  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-11-2018 20:25:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-11-2018 03:25:25
สงสารอาหยางงง
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 25-11-2018 13:30:48

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jenney108 ที่ 26-11-2018 00:25:18
สนุกมากคะ อ่านรวดเดียวเลยคะ ลุ้นแทบแย่
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-11-2018 02:29:07
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 26-11-2018 05:23:53
เย้ๆ จบแล้ววว  :katai2-1: หลังจากที่กินมาม่ากันมาเป็นช่วงๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 26-11-2018 19:28:19
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 26-11-2018 23:08:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: shironeko ที่ 27-11-2018 10:30:28
 :o8:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 27-11-2018 15:32:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 27-11-2018 15:57:29
ลงเรือผิดลำ 555555
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 27-11-2018 20:10:22
กว่าจะลงเอยกัน สนุกจ้า ชอบๆ มากๆ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 29-11-2018 16:17:29
ดีใจที่ได้อ่าน ถึงจะน้ำเน่า ภาษาสวยงามมาก
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-11-2018 23:05:27
ธีร์เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยนะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 03-12-2018 01:53:33
ขอตอนพิเศษหวานๆ หน่อยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 05-12-2018 04:25:36
ถึงจะเดาออกว่พล็อตเรื่องเป็นแนวตบจูบยุงวางไข่..จบสวยฟีลกู๊ดไม่มีหักมุม  :heaven

อ่านจบก็ดีต่อใจแบ่งฝั่งลงเรือกันไป...โอเคดี  o13 o13

                  :pig4: :pig4: :pig4:



หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 05-12-2018 20:05:38
เหมือนนางจะเคลิ้มๆกับอาหยางแต่ก็เลือกพี่ธีร์สินะ พี่แกทำทุกอย่างเพื่อปกป้องทุกคนแต่ตัวเองเจ็บ น่าสงสาร นึกว่าเป็นคนไม่ดีซะอีก
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 07-12-2018 07:55:24
สงสารอาหยางจัง
จริงๆเชียให้วินคู่กับอาหยาง
ธีไม่ไหวอ่ะ บอกที่ทำเพราะรักวิน
แต่ปกป้องวินไม่ได้เลย กลับทำร้ายวินซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่โอเคกับพระเอกมากๆ
อาหยางน่าจะได้เป็นพระเอก เสียดาย
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 18-12-2018 22:17:59
สงสารอาหยางจุงงง มาซบอกเรานี้มา  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-12-2018 15:44:44
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 24-12-2018 12:56:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 24-12-2018 22:43:07
สงสารอาหยาง


Sent from my iPad using Tapatalk
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 26-12-2018 20:28:53
 :mew6: สงสารอาหยางค่ะ :oo1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: MeganMP ที่ 27-12-2018 04:07:28
เออ มันก็นิยายน้ำเน่าจริงๆอะแหละ แต่ถามว่าอ่นจบมั้ย จบค่าาาา 555555555555
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: teamkoyza ที่ 28-12-2018 12:23:03
อาหยางดีเกินไป คนดีๆ มักไม่ได้รักดีๆ หัดสารเลว แบบไอ้ธีอะ แล้วจะได้ เมีย 55+
คนเลว ทำตัวเลวๆ เท่านั้นมักได้ทุกอย่าง ได้รักดีๆ ได้รับการให้อภัย ไม่ต้องมาแก้ไข แค่ใช้คำแก้ตัว
ไอ้ธี ทำเลวทุกอย่าง แต่มันกลับได้ทุกอย่างไปครอบครอง  ชิลไหมละ ก๊าก
จริงๆไม่ต้องหนีไปจากมันหรอก ไปอยู่กับมันตั้งแต่แรกก็ดีแล้ว ทนทุกข์ ทรมาณ ดีจะตาย
จะไป ชุบตัวมาทำไม เพราะยังไง ก็ เอากับมันอยู่ดี
เสียเวลา คนอื่น ต้องมาโดนดึง ให้มาจมปลัก ซะจริงๆ
ปล. อินไปหน่อย นะไรท์ แค่คิดว่า คนแบบนี้ สมควรสำหวังหรอ?
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: blugar ที่ 13-01-2019 21:24:02
อ่านจบแล้ว อันนี้ขอโทษคนเขียนก่อนเลยนะคะถ้าสิ่งที่พิมพ์ต่อจากนี้ทำให้ไม่สบายใจ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีน้า :mew2:

    เราสัมผัสไม่ได้ถึงความรักที่ทั้งคู่มีให้กันเลยอ่ะ T___T ธีคือทำร้ายเขาสารพัดมากนอกจากที่ยอมให้แก้แค้นนี่ ไม่มีส่วนไหนที่ดูรักวินเลย แถมไปพรากลูกเขาอีก คืออันนี้ความคิดเรานะ วินอยู่ของวินดีๆอยู่แล้วกับบ้านใหม่อ่ะ ทีนี้ก็มาเอาลูกไป เอาไปทำไม? แงงง คืองงพระเอกมาก ถ้าจะปกป้องอย่างที่พูดควรต่างคนต่างอยู่ นี่มาวอแววุ่นวาย แม่ธีก็ตามมาเก็บยายอีก เห้อ สรุปแล้วจากคิดจะปกป้องกลายเป็นทำลายคนที่ตัวเองรักเองกับมือ

 แต่เรื่องพล็อตเราว่าไปสุดดดมาก พลิกแล้วพลิกอีก สงสารวิน แปลว่าชาติที่แล้วทำกรรมไว้เยอะเลยสิเนี่ยลูก ขอแซวหน่อย55555 นี่เห็นใจมากตอนน้องนนท์บอกว่าวินไม่ใช่แม่ คนมีลูกเจอลูกพูดงี้ใส่นี่เจ็บมากเลยนะ ทั้ง ๆที่วินเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยอ่ะ ส่วนอีตาพระเอกอยากจะบอกว่าระหว่างอ่านสบถด่าบ่อยมาก!!!!!! ไปเข้ามุมเรยนะ!!!! ฮึ่ยโมโห พระเอกบ้าไรเนี่ย นี่ตัวร้ายชัดๆ  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 14-02-2019 15:15:42
 :haun4: จริง. อยากให้ยาวกว่านี้ แต่แค่นี้ก็ชอบแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: DalbitDef ที่ 14-02-2019 16:59:04
ขัดใจความเป็นคนดีและอารมณ์เปลี่ยนไวของยายและวินมาก 5555
คือบิ๊วท์อารมณ์มาจนถึงจุดพีคมีลงไม้ลงมือ ทำลายข้าวของ ฉุดกระชากเด็ก ยายคว้ามีดอีโต้มาแกว่ง กำลังพีคๆ อยู่ๆทุกอย่างก็กลายเป็น เอาเป็นว่าบ้านนี้ยินดีต้อนรับนะ 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: DalbitDef ที่ 14-02-2019 17:11:31
วิธีใช้คนที่ฉลาดที่สุด คือการสร้างบุญคุณ ...
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 16-02-2019 18:37:55
งุ้ยย สุดท้ายก็จบลงด้วยดีสินะะ

อยากอ่านตอนพิเศษพ่อแม่ลูกจัง อิอิ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 22-02-2019 15:37:20
ลุ้นหนักมากกกกกก
ขอบคุณสำหรับนิยาย o13
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 21-03-2019 19:01:31
สนุกดีค่ะ ถึงแม่เนื้อเรื่องจะห้วนๆไปหน่อยแต่โดยรวมโอเคเลย เพราะอ่านรวดเดียวจบ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-03-2019 21:08:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Wtftt ที่ 22-03-2019 00:55:13
น้ำตาไหลไปอีก  :mew6:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 30-03-2019 19:02:57
จบปิ๊ง
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 03-08-2019 16:32:59
อยากได้อาหยาง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Rateesiri ที่ 04-08-2019 18:06:05
มาม่าทั้งเรื่อง จบด้วยดีสักที
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 12:19:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 16-04-2020 13:38:45
 :-[
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 30-04-2020 01:59:46
น้องนนท์น่ารักก
พี่เพชรกับหยาง แห้วเลย
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 30-04-2020 14:24:36
อ่านจบแล้ว
เหตุผลของพระเอก ดูน้อยไปไม่สมกับที่ต้องทำกับนายเอกแบบนั้นเลย ตอนเลวทำได้มากมาย ตอนท้ายเหมือนไม่มีสมอง แต่ก็จบแบบ มีความสุข สงสารนายเอก ที่ต้องสู้ทุกอย่าง ด้วยตัวเอง
ขอบคุณนักเขียน เป็นกำลังใจให้ต่อไปนะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 30-04-2020 20:14:40
 :-[
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 30-04-2020 23:15:47
 o13
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: kamikame ที่ 01-05-2020 00:41:36
อ่านจบแล้ว สนุกดี ขอบคุณจร้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❤️::::พี่ชายที่ร้าย[Mpreg]::::❤️ EP.21 อวสาน l Up:24-11-2018
เริ่มหัวข้อโดย: Bebii123 ที่ 21-06-2020 17:17:54
เรื่องนี้ดีอ่าา~  :impress2: :pig4: