พิมพ์หน้านี้ - ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) เริ่มการปรับปรุงเนื้อหาครั้งที่1 28/5/62

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: minibearsecret ที่ 31-07-2018 21:06:15

หัวข้อ: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) เริ่มการปรับปรุงเนื้อหาครั้งที่1 28/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 31-07-2018 21:06:15
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

.................................................

สามารถติดตามนิยายเรื่องใหม่และข่าวสารการอัพนิยายได้ที่เพจด้านล่างนะคะ
https://www.facebook.com/MinibearSecretWriter/ (https://www.facebook.com/MinibearSecretWriter/)

นิยายเรื่องอื่นๆของนักเขียน

(เรื่องสั้น) 4P ไอ้แว่นเนี่ย!แฟนพวกผม YAOI    (มิค, ไมค์, โม x มิลค์)    สถานะ จบแล้ว https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1237829 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1237829)

(เรื่องสั้น)(3P Yaoi) Love Away! รักมาหลายปี...เจอทั้งทีขอก(อ)ดหน่อยนะ   (ไวน์, วิน x บูม)    สถานะ จบแล้ว https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43083.0;topicseen (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43083.0;topicseen)

(เรื่องสั้น)Control Love รักครั้งนี้ผมควบคุม (Yaoi)   (ฮยอนชิก x อิลฮุน)   สถานะ จบแล้ว https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1054991 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1054991)

(เรื่องสั้น)Hate เกลียดอะไรได้อย่างนั้น ผมเกลียดเด็กช่างก็เลย... (Yaoi)   (เฟียส x ณโม)   สถานะ จบแล้ว https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1240000 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1240000)

(เรื่องสั้น)รักวุ่นวายของคุณชายต่างขั้ว (Yaoi 4P)    (พี, เอ็น, เค x ต้นรัก)   สถานะ จบแล้ว https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43081.0;topicseen (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=43081.0;topicseen)

End  ผู้ชายอบอุ่นกับคนขี้บ่น (YAOI)      (เอล x เพื่อน)   สถานะ จบแล้ว https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67075.0#top (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67075.0#top)

End (6P)I Hate They But I Love They รักของผมคือพวกเขา(Yaoi)    (บาร์เทน, โดนัล, เลนโว, ไลฟ์ลี่, ดีเลย์ x โซฟา)      สถานะ จบแล้ว https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50474.0;topicseen (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50474.0;topicseen)

End click love ยัยยากูซ่ากับนายตัวแสบ   (ไค x มิ)      สถานะ จบแล้ว https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1009757 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1009757)

End My Love เพราะเป็นมึงกูถึงยอม (Yaoi)    (คอกเทล x เบค่อน)   สถานะ จบแล้ว https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1016261 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1016261)

End NEWS! ข่าวลับ ข่าวรัก YAOI 3P   (ฟาเรนไฮน์, เซลเซียส x มิกกี้)   สถานะ จบแล้ว https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1171585 (https://my.dek-d.com/dekdee/writer/view.php?id=1171585)

End ผมเป็นพ่อมดฝึกหัดที่ชอบผู้ชายครับ!!! (Yaoi)(3P)   (อัล, ฮาฟ x ราสเต้)      สถานะ จบแล้ว https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67230.msg3834235#msg3834235 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67230.msg3834235#msg3834235)

(...) จงเติมคำในช่องว่าง (Yaoi)   (วีอาร์ x ของขวัญ)   สถานะ  จบแล้ว https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67587.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67587.0)

เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้แต่แมวอยู่ได้นะรู้ยัง!! (Yaoi)  สถานะ OnAir
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68134.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68134.0)

****นิยายเรื่องนี้นักเขียนจะลงทุกวันอังคารและพฤหัสบดีนะคะ****

หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) ปรับปรุง 28/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 31-07-2018 21:20:45

# บทนำ

   เฮือก ผมสะดุ้งตื่นจากความฝัน ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ความฝันมันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผม ชายหนุ่มอายุห้าสิบสี่ปี เรื่องราวเริ่มต้นจากผมหรือคนอื่นๆ เรียกกันว่าหนู และคุณแม่ที่บ้านเด็กกำพร้าเรียกว่าลูกหนู ผมเป็นเด็กที่ถูกนำมาทิ้งไว้ตั้งแต่ตัวแดงๆ เลยเป็นที่มาของชื่อ ผมเติบโตมาคล้ายเด็กคนอื่นๆในบ้านเด็กกำพร้า ใช่ครับแค่คล้าย

ผมต่างจากเด็กคนอื่นในบ้านเด็กกำพร้าที่ระดับสติปัญญา ตามที่ทุกคนคิด ผมเป็นเด็กอัจฉริยะ หลังจากนั้นไม่นานก็มีองค์กรลับองค์กรหนึ่งมาขอรับตัวผมไปดูแลตั้งแต่ห้าขวบ จนกระทั่งอายุห้าสิบปีผมก็ลาออกจากที่นั่น

ผมทำงานเป็นพนักงานบริษัทให้คำปรึกษาด้านการลงทุนตั้งแต่ออกมา จนอายุห้าสิบสี่ปี และเรื่องที่ทำให้ผมตายคงเป็นเรื่องราวหลังจากที่ผมเลิกงานในวันหนึ่งตามปกติ แต่มันมีจุดที่ไม่ปกติอยู่ตรงที่มีเด็กวัยรุ่นที่มีอาการคล้ายคนติดยาสามคนเดินเข้ามารุมทำร้ายผมเพื่อหวังเอาทรัพย์สินมีค่าในตัวของผม ผมที่กำลังคิดเรื่องเงินเดือนของตัวเองตอนปลายปีเลยไม่ทันได้ระวังตัว

และนั้นแหละครับ ผมถูกทำร้ายโดยที่ยังไม่ได้ตั้งตัว จากความรู้สึกผมน่าจะถูกแทงไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง และหนักที่สุดคงเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติ ความเจ็บที่อกซ้ายก่อนที่ร่างของผมจะกระตุกและผมก็ตื่นขึ้นมาในตอนนี้

เดี๋ยวก่อนนะครับ ผมว่ามันมีอะไรที่ไม่ปกติ ผมตายไปแล้ว แล้วตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนกัน ผมยังหายใจแถมไม่รู้สึกเจ็บปวด หรือว่าที่นี่จะเป็นโลกหลังความตายกัน น่าจะใช่ ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมเบากว่าปกติ

หลังจากที่รวบรวมความคิดเสร็จผมก็ลืมตาขึ้น จะว่าไปทำไมผมพึ่งจะคิดได้ว่าไม่ได้ลืมตากันนะ บางทีความตายอาจทำให้สมองของผมเกิดการประมวลผมต่อสิ่งเร้ารอบกายได้ช้ากว่าตอนเป็นก็ได้นะครับ

ผมหลับตาลง ลืมตาอีกครั้ง หลับตา ลืมตา หยิกแขนตัวเอง โอ๊ยเจ็บ ผมว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติแล้วครับ ผมโดนทำร้ายจนตายที่ซอยทางเข้าบ้าน แต่ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนเตียงรูปทรงแปลกตาแต่ก็คุ้นๆ รอบด้านมีผ้าม่านบางๆสีขาวกั้นลักษณะที่นอนเป็นฟูกนอนหนาประมาณฝ่ามือแต่ก็ไม่ได้นุ่มเหมือนเตียงเก่าผม

การแต่งห้องที่ผมมองเห็นในระยะของแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาจากทางหน้าตาที่ถูกเปิดไว้ ผมมองเห็นเสาที่ดูเหมือนจะเป็นเชิงเทียนเพราะมีเทียนตั้งอยู่ด้านบน หันไปอีกด้านเจอตะเกียงน้ำมันรุ่นเก่าคุ้นตาที่ถูกหรี่แสงเล็กน้อย

ผมหยิบแท่งไม้ที่อยู่ข้างตะเกียงมาต่อไฟจากตะเกียงไปที่เทียน แสงสว่างจากเทียนที่ถูกผมไล่จุดตามมุมต่างๆของห้องเผยภาพของห้องนอนที่ดูคุ้นตา จากช่วงหลังที่ออกมาทำงานที่บริษัทนี้หลังจากเลิกงานผมจะกลับบ้านมาเพื่อดูซีรีย์จีน ผมชอบพลังยุทธ์ การฝึกลมปราณพวกนั้น เพราะพอดูแล้วลองทำตามก็คล้ายกับการนั่งสมาธิ ทำให้ผ่อนคลายมาก

แต่เดี๋ยวก่อนนะครับ ภาพที่ผมเห็นตอนนี้ไม่ต่างจากห้องนอนในหนังจีนโบราณที่ผมเคยเห็น ผมหลับตาตั้งสติอีกครั้ง นับถึงสิบแล้วลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง ชัดเลยครับ นี่มันเรื่องอะไรกันครับ เกิดอะไรขึ้นกับผมกันครับ

ผมยกมือลูบหน้าตัวเองก่อนจะสะดุดกับมือของตัวเอง ก่อนที่ผมจะตายผมมีอายุห้าสิบสี่ปี ร่างกายเริ่มจะเหี่ยวย่นพอสมควรแต่มือของผมในตอนนี้ดูเล็กแถมยังอ่อนเยาว์กว่าเดิม ผมว่าสิ่งแรกที่ต้องคิดและสำรวจเห็นจะเป็นร่างกายของผมในตอนนี้มากที่สุดครับ ผมเดินตามหาสิ่งที่เรียกว่ากระจกก่อนจะเห็นมันที่มุมหน้าฉากกั้น ผมว่าโซนนี้น่าจะเป็นที่แต่งตัว ส่วนถังน้ำอันเล็กน่าจะเป็นสิ่งที่ไว้ขับถ่ายยามค่ำคืน

ใบหน้าที่ผมเห็นอยู่ในตอนนี้เป็นใบหน้าของบุรุษธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นตรงส่วนไหน ตาคมแต่ตี่ตามแบบฉบับภูมิลำเนา ใบหน้าเรียว ปากสีพีช ส่วนที่เด่นน่าจะเป็นผิวของร่างนี้ที่เนียนนุ่มคล้ายผู้หญิงแถมยังมีผิวที่ขาวเหมือนไม่ได้ออกแดดมาก่อนจนซีดแต่ดูเปล่งประกายคล้ายมีแสงในตัวเองแบบหิงห้อย

ผมเรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนจะเริ่มสำรวจการแต่งกายของร่างนี้ ชุดที่ผมใส่เป็นเสื้อกับกางเกงสีขาวบาง ถ้านี่เป็นจีนโบราญตามที่เคยดูน่าจะเป็นชุดนอน หลังจากลองคิดทบทวน ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากครับ คนที่ตายไปแล้วแบบผมกลับถูกดึงตัวมาอยู่ในโลกใหม่ จากผมที่เป็นชายแก่อายุห้าสิบสี่ปีกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มอายุไม่เกินสิบห้าปีตรงหน้า

ผมเคยได้ยินพนักงานเด็กๆช่วงวัยรุ่นหลายคนที่เคยชวนผมอ่านนิยายหรือดูหนังแนวหลุดโลกหรือข้ามมิติไปเกิดใหม่ในร่างคนอื่นมาบ้าง แต่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องมาเผชิญกับมันแบบนี้ และหลังจากที่ทำใจได้ตัวละครนั้นๆจะได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างที่ตัวเองมาอาศัยอยู่

แต่หลังจากที่ผมลืมตามาจนถึงตอนนี้ผมกลับไม่รับรู้ถึงเรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างกายนี้แม้แต่น้อย หรือสำหรับผมอาจจะต้องใช้เวลาที่มากกว่านั้นหรือมีกุญแจอย่างอื่นที่ต้องค้นหาเพื่อรับความทรงจำจากเจ้าของร่างนี้ก็ได้นะครับ

ผมเดินมาที่หน้าต่างที่ถูกเปิดเอาไว้ ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มที่จะสว่าง ผมคิดว่าน่าจะใกล้เช้า ดูท่าน่าจะช่วงตีห้าแล้วก็ได้ ผมเริ่มที่จะเห็นผู้คนสัญจรผ่านไปมาด้านล่าง มองจากความสูงคาดว่าตัวผมน่าจะอยู่ชั้นสามของที่นี่

ผมหันกลับมาเพื่อตรวจสอบอย่างอื่นต่อแต่กลับสะดุดตากับสมุดบันทึกเล่มหนึ่งบนโต๊ะที่ไม่ห่างออกไปนักคาดว่าน่าจะเป็นโต๊ะทำงานของเจ้าของร่างนี้ ผมลังเลว่าจะเปิดมันดีหรือไม่เพราะผมไม่ได้สังเกตเห็นมันตั้งแต่รอบแรก แล้วก็กลัวที่จะเสียมารยาทกับเจ้าของห้องด้วย แต้ว่าตอนนี้ผมก็อยู่ในร่างของเจ้าของห้องนี่นะครับ คงจะไม่ผิดเท่าไหร่ที่ผมจะทำตัวไม่มีมารยาทแอบดูเรื่องส่วนตัวของร่างตัวเองตอนนี้

แต่แล้วผมก็ได้รับรู้ว่ากุญแจที่ตามหาคือสมุดเล่มนี้ เพราะเมื่อผมเปิดบันทึกออกมาเพียงเล็กน้อย ภาพความทรงจำที่เป็นเรื่องราวทั้งตัวผมและเจ้าของร่างก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวผมอย่างรวดเร็วจนผมไม่สามารถประคองสติของตัวเองได้อีกต่อไป โลกของผมก็ดับวูบลง

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

ลูกหนู : ผมเห็นนิยายหลายเรื่องเกิดใหม่ต้องหล่อรูปงามหรือไม่ก็สวยล่มเมือง
ฟางเซียนอวี้ : ท่านกำลังทำร้ายจิตใจตัวข้าที่ไม่มีบทอยู่นะขอรับ
ลูกหนู : ..................ขออภัยขอรับ


ลงวันที่ 31/7/61
ปรับปรุงเนื้อหาครั้งที่ 1 28/5/62

หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #เริ่มปรุง 31/7/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-08-2018 06:16:46
ตามแล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #เริ่มปรุง 31/7/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Pandora20 ที่ 01-08-2018 14:46:15
น่าสนใจจังงง ว่าแต่อยู่องค์กรนั้นทำอะไรบ้างน้ออ
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่1 28/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 02-08-2018 11:28:21
#1

   ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมยังนั่งอยู่ที่เดิมแต่ไม่มีสมุดต้นเหตุอีกแล้ว แปลว่าผมอาจจะได้รับความทรงจำของเจ้าของร่างคนเดิมครบแล้ว

เจ้าของร่างนี้มีชื่อว่า “ฟางเซียนอวี้” เป็นลูกชายของทางร้านอาหารและบ้านที่ผมอยู่ในขณะนี้ ร่างนี้ได้รับบาดเจ็บจากลูกหลง ครับลูกหลง ดูเหมือนว่าเมื่อสามสัปดาห์ก่อนจะมีเหตุทะเลาะวิวาทกันที่ตลาดแล้วเป็นช่วงจังหวะที่พอดีจนเกินไปที่เจ้าของร่างนี้ออกไปตามหาวัตถุดิบเตรียมเข้าร้านบริเวณใกล้ท่าเรือ

ตอนนี้บาดแผลหายไปหมดแล้วจนผมที่ตื่นมาไม่รู้สึกถึงมันมาก่อน แถมเจ้าของร่างนี้ช่างเป็นผู้ชายที่คล้ายผู้หญิงมากเลยครับ เอวบางส่วนสูงไม่น่าจะเกินร้อยหกสิบห้า ดูท่าจะอยู่แต่ในครัวไม่ได้ออกไปเจอแดดเจอฝนร่างกายเลยดูเหมือนคนที่อ่อนแอขนาดนี้

“นายน้อยขอรับ มีเรื่องอันใดหรือไม่ขอรับ” เสียงของชายดูมากอายุดังมาจากทางด้านหน้าประตูห้องเอ่ยทักเจ้าของร่างที่ผมมาอาศัยอยู่ในตอนนี้

พอลองมองออกจากบริเวณหน้าต่าง สิ่งที่มองเห็นตอนนี้แปลว่าเป็นเวลาที่คนเริ่มทำงานกันแล้ว และดูเหมือนร่างนี้จะพักรักษาตัวอยู่หลายวันเลยทีเดียว เพราะร่างกายบอบบางอ่อนแอเหมือนจะปลิวไปกับลมแบบนี้ยังไงครับถึงได้ต้องพักนานกันเลยทีเดียว

“ไม่มีอันใด รบกวนท่านพ่อบ้านแล้ว” ผมตอบกลับไปตามนิสัยของร่างนี้ที่เป็นคนนอบน้อม รักครอบครัวและสุภาพเสมอ คำพูดคำจาผมก็คงต้องพยายามฝึกให้คุ้นชินให้ได้เพราะถ้าผิดแปลกไปมากจะโดนสงสัยเอาว่าเจ้าของร่างนี้อาจจะโดนวิญญาณร้ายเข้าสิงเอาก็ได้

“มิได้ขอรับนายน้อย หากเป็นเช่นนั้นข้าน้อยจะบอกเด็กๆเตรียมของนะขอรับ”

“รบกวนท่านด้วย”

หลังจากนั้นไม่นานก็มีเหล่าเด็กรับใช้เข้ามาเตรียมชุดพร้อมอ่างล้างหน้าและน้ำบ้วนปากตามที่ผมเคยเห็นตามหนังหรือิอ่านนิยายจากที่โลกก่อน ผมทำตัวตามน้ำเพราะไหนๆก็ได้รับชีวิตใหม่มาแม้จะเป็นการเข้ามาแย่งร่างกายของคนอื่นก็ตาม ผมขอทำตามใจตัวเองสักครั้ง ขอใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากว่าที่ผ่านมา เป็นตัวของตัวเองให้มากขึ้นเพื่อที่วันข้างหน้าเจ้าของร่างกายคนนี้มองกลับมาจะได้หมดห่วงคนเบื้องหลังสักที

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมก็บอกกับพ่อบ้านว่าจะทานข้าวเช้ากับท่านพ่อของร่างนี้ และตอนนี้ผมก็มาอยู่ที่ห้องทานอาหารของบ้านหลังนี้ มีผู้ชายวัยกลางคนแต่น่าจะอายุน้อยกว่าอายุวิญญาณผมเยอะทีเดียว

จะว่าไปแล้วครอบครัวของเซียนอวี้หรือเจ้าของร่างนี้ก็มีฐานะที่ดีพอสมควร ดูจากการเปิดกิจการร้านอาหารแบบนี้ และเป็นมาแบบสืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆด้วยจนมาสุดที่รุ่นพ่อของร่างนี้ และกำลังจะส่งต่อให้กับบุตรชายคนนี้อีกครั้งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

“อาการเจ้าเป็นเช่นไรบ้างลูก หายดีแล้วหรือถึงออกมาเดินเหินเช่นนี้”

“ลูกดีขึ้นแล้วขอรับท่านพ่อ ขออภัยที่ทิ้งหน้าที่ของตนไปเสียนาน”

“อย่าได้กล่าววาจาเช่นนั้น ขอแค่ลูกปลอดภัยและหายดีคนเป็นพ่อก็สบายใจ”

“ช่วงที่ลูกพักรักษาตัว ลูกคิดสูตรอาหารแปลกใหม่ออกมาได้หลายอย่าง ลูกเลยอยากมาขออนุญาตท่านพ่อเข้าครัวเช่นเดิมได้หรือไม่ขอรับ”

“หากเจ้าคิดว่าร่างกายของตนเองดีขึ้นแล้วก็ตามแต่ใจของเจ้าเถิด พ่อไม่ว่ากะไร แต่ห้ามหักโหมเกินไปจนเสียสุขภาพเอาเสียเล่า”

“ขอบคุณท่านพ่อ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”

“มาๆ กินข้าวเสียก่อน มีหลายอย่างที่เจ้าชอบอยู่”

“ขอรับ”

อาหารบนโต๊ะเป็นอาหารจีนทั่วไปครับ และมีที่เห็นตามหนังหรือนิยายที่เคยอ่านมา ผมคิดว่าจะเอาอาหารที่อยู่ในโลกก่อนมาใช้เพื่อเพิ่มรายได้ของทางร้าน

เพราะจากการที่ได้ลองคิดและวิเคราะห์ดูแล้ว โลกที่ผมอยู่ปัจจุบันต่างจากอีกโลกเลยครับ ไม่ใช่การย้อนเวลากลับมาในจีนโบราญ แต่ที่นี่คือโลกเสมือนจีนโบราญ ซึ่งเปรียบได้ง่ายๆว่าอาจจะเป็นโลกคู่ขนานกันก็ได้ครับ ผมเลยไม่กลัวที่การกระทำของผมจะส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคตอีก

หลังจากนั้นผมก็เข้ามาที่ส่วนของห้องครัวเพื่อสำรวจวัตถุดิบและอุปกรณ์ ผมเริ่มที่จะคิดเมนูต่างๆและเริ่มลงมือทำ ครัวนี้เป็นครัวที่แยกออกมาจากครัวใหญ่ของร้าน แต่วัตถุดิบผมก็ฝากซีเอ๋อร์ให้ไปหยิบมาเป็นครั้งคราวจากครัวใหญ่ ซึ่งครัวใหญ่ก็ให้ความร่วมมือเพราะซีเอ๋อร์บอกว่าผมกำลังจะเริ่มอาหารจานใหม่อีกครั้งหลังจากหยุดไปนาน

เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วยาม(สี่ชั่วโมง) ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ยามอู่(สิบเอ็ดโมงถึงเที่ยงห้าสิบเก้า)ได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี ผมสั่งบ่าวที่ยืนรอ อยู่ให้ช่วยกันลำเลียงอาหารที่ผมทำขึ้นมาไปที่ห้องทานข้าวของทางร้านที่ผมใช้เมื่อเช้า และฝากพ่อบ้านหูให้บอกกับท่านพ่อไว้แล้วเรื่องอาหารเที่ยง

“อาหารอันใดกัน รูปแบบแปลกตานัก”

“ลูกจะแนะนำไปทีละจานนะขอรับท่านพ่อ”

“ถ้าอย่างนั้นเริ่มจาก อืม เจ้าก่อนกลมๆนั้นก่อนเป็นไร”

“สิ่งนี้เรียกกันว่า “เมี่ยนเปา” ขอรับ เป็นการนำแป้งมานวดแล้วอบด้วยความร้อนที่พอเหมาะจนขึ้นฟู” มันคือขนมปังครับ ผมว่าหลังจากนี้คงต้องจ้างช่างตีเหล็กให้ทำเตาอบสักหน่อยแล้วครับ จะได้ง่ายขึ้น

“รสชาติดี คล้ายหมั่นโถว แต่ทานเปล่าๆดูจะจืดชืดไปเสีย”

“ขอรับ มันสามารถทานเปล่าๆได้แต่จะจืดไปสักนิด ลูกเลยทำสิ่งนี้มาเพื่อทานร่วมขอรับ มันเรียกว่าแยมผลไม้ของรับ”

“แยมผลไม้ สีสันแปลกตานัก ทำจากสิ่งใดกันเล่า”

“ถ้วยนี้ทำจากผมจวี่จื่อ(ส้ม) ถ้วยนี้ทำจากผลเฉาเหมย(สตรอเบอรี่) ถ้วยนี้ทำจากผลโปหลัว(สับปะรด) ขอรับ”

“รสชาติดีนัก แล้วจานต่อไปเล่า มันคือสิ่งใดกัน เหมือนผลไม้ปลอกเปลือกรวมกันเพียงเท่านั้น”

“มันเรียกว่า “ซาลา” ขอรับเป็นการนำผลไม้ต่างๆเช่นกุ่ยเถา(กีวี), เซียงเจียว(กล้วยหอม), ผิงกัว(แอปเปิ้ล), ผูเถา(องุ่น), ลี่(สาลี่), เฉาเหมย(สตรอเบอรี่), ฟานซีหลิว(ฝรั่ง) ขอรับ คลุกเคล้ากับน้ำเชื่อมสูตรลับ ส่วนภาชนะนี้เป็นการนำผลมู่กวา(มะละกอ) มาหั่นเป็นเส้นก่อนที่จะชุบแป้งและทอดออกมาเป็นตะกร้าขอรับ”

“ดียิ่งทานได้กระทั่งภาชนะบนจานเช่นนี้”

“ส่วนจานนี้ลูกคิดว่าจะจัดเป็นอาหารด่วนสำหรับนักเดินทางที่แวะเข้ามาทานที่ร้านหรือจอมยุทธ์ที่กำลังเล็งหาห่อข้าวเพื่อติดตัวเดินทาง และเป็นอาหารจานเดียวที่ทำได้ง่ายและทานง่ายด้วยขอรับ”

“มันคือสิ่งใดกันเล่า”

“ชื่อเรียกของจานนี้คือ “เฉาฟ่าน”(ข้าวผัด) ขอรับสามารถเลือกส่วนผสมที่จะนำมาใส่ได้ขอรับ ไม่ว่าจะหมู, ไก่, เป็ด, ปลา, อาหารจากท้องทะเล, หรือเพียงแค่ไข่ไก่เท่านั้นก็ได้ขอรับ”

“ดียิ่งๆ พ่อบ้านหูเจ้าไปเรียกพ่อครัวจางมาพบพวกข้าตอนนี้เลย”

“ขอรับนายท่าน”

“พ่อจะให้พ่อครัวจางนำสูตรอาหารจากเจ้าไปลงมือต่อ เจ้าก็คอยบอกกล่าวแก่เขาด้วยแล้วกัน”

“ขอรับท่านพ่อ ท่านพ่อขอรับที่ร้านเรามีเพียงน้ำชากับน้ำเปล่า ส่วนนอกนั้นเป็นสุราทั่วไป ลูกอยากจะขอเพิ่มน้ำแก่ร้านเราเพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าสตรีได้หรือไม่ขอรับ”

“น้ำอันใดกันที่จะถูกใจสตรีตามที่เจ้าว่า”

“ซีเอ๋อร์”

“เจ้าค่ะ นายน้อย” ไม่นานเธอก็กลับมาพร้อมน้ำผลไม้สีสันต่างๆ

“มันคือสิ่งใดกัน สีสันแปลกตา ทานได้จริงหรือ”

“ทานได้ขอรับ ถ้วยนี้คือนี้จากผลจวี่จื่อ(ส้ม)ขอรับ ทานแล้วจะรู้สึกสดชื่นยิ่งนักขอรับ”  มันเป็นน้ำในดวงใจของผมเลยครับ ผมชอบที่จะดื่มมันมากที่สุดในโลกก่อน

“ถ้วยที่เหลือเล่า”

“เรียงไปถ้วยนี้คือน้ำจากผิงกัว(แอปเปิ้ล), เฉาเหมย(สตรอเบอรี่), ฟานซีหลิว(ฝรั่ง), กุ่ยเถา(กีวี)และหลงเหยียน(ลำไย) ขอรับ”

“หลงเหยียน เหตุใดจึงมีสีสันเช่นนี้เล่า”

“ลูกนำผลหลงเหยียนไปอบก่อนนำมาต้มขอรับเพื่อเพิ่มรสชาติขอรับ”

“แล้วสิ่งที่อยู่ในขวดนี้เล่าคือสิ่งใดกัน”

“เป็นสุราชนิดหนึ่งที่ลูกปรุงขึ้นมา รสชาติคล้ายสุราแต่ดีกว่าขอรับ เมื่อทานแล้วไม่เมามายเท่าสุราขอรับ เหมาะแก่การทานกับอาหารจานใหม่ที่ลูกจะทำในวันหน้าขอรับ”

“ยังไม่สามารถทานได้ตอนนี้หรอกหรือ”

“ยังขอรับ สิ่งนี้ต้องใช้เวลาในการหมักเช่นเดียวกับสุราขอรับ”

“หมักแล้วเจ้าใช้สิ่งใดไปหมักกัน”

“ผลผูเถาขอรับ เมื่อครบกำหนดเราจะเรียกมันว่า “ผูเถาจิ๋ว” ขอรับ”

“ผูเถาจิ๋ว อีกนานเพียงใดถึงจะได้ลองทานมัน”

“ประมาณสามสัปดาห์ขอรับ”

ตามจริงต้องใช้เวลาหลายเดือนในการหมัก ยิ่งนานยิ่งรสชาติดี แต่เพราะที่โลกนี้ผมสังเกตดูแล้วมีหลายคนที่มีกำลังภายในตามความถนัดอย่างที่ผมขอความช่วยเหลือคือพวกที่เกี่ยวกับความร้อน ผมเลยให้มาช่วยในการปรับอุณหภูมิในห้องเก็บไวน์พวกนี้แทนการใช้เวลาที่นานตามโลกก่อน

“ดียิ่ง พ่อจะรอวันที่ได้ลิ้มรสมัน พ่อครัวจางมาพอดี มาคุยกันเถิด ไม่นานร้านของเราจะต้องร่ำรวยมากกว่าเดิมเป็นแน่”

ก็ขอให้มันเป็นไปตามที่ท่านพ่อบอกแล้วกันครับ ผมคงตอบแทนให้เจ้าของร้านได้แค่นี้ ผมจะไม่ทิ้งร้านนี้ไปหรอกครับเพราะเป็นของเจ้าของร่างเดิมอีกทั้งยังเป็นที่พักของผมในตอนที่ลืมตา แถมพ่อของร่างนี้ก็ยังใจดีมากด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าผมคงจะสามารถนำความรู้ความสามรถในโลกเดิมมาใช้เพื่อยืดอายุตัวเองอีกนานได้นะครับ


TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ดูเหมือนเจ้าของร่างคนเก่าจะจากไปเป็นที่เรียบร้อย ผมที่เข้ามาอยู่แทนจะขออนุญาตยึดร่างเลย  แล้วกันนะครับ
ฮุ่ยเอิง : เหตุใดลูกข้าจึงพูดจาแปลกยิ่งนัก
เซียนอวี้ : ข้าเพียงท่องบทตามละครที่เห็นมาขอรับท่านพ่อ
ฮุ่ยเอิง    : เป็นเช่นนั้น
เซียนอวี้ : ขอรับ (ยิ้มทั้งน้ำตาตกใน)

ลงเนื้อหา 2/7/61
ปรับปรุงเนื้อหา 28/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 1 2/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-08-2018 11:33:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 1 2/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-08-2018 16:44:30
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 2 28/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 07-08-2018 11:49:05
#2

   ผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์สำหรับการใช้ชีวิตในโลกใหม่ของผม ผมเริ่มที่จะปรับตัวได้มากขึ้นกับการใช้ชีวิตเมื่อไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกแบบที่เคยอยู่ในโลกเดิม

ชีวิตก่อนผมก็อายุมากแล้วก็เริ่มที่จะปลงกับชีวิตพอสมควร พอได้มาอยู่ในร่างเด็กสิบสี่แบบนี้จะให้ทำตัวแบบเด็กๆนั้นคงต้องขอเวลาทำใจสักพัก เพราะรู้สึกอายวิญญาณตัวเองแปลกๆ แต่ถ้าจะให้ทำตัวเป็นตาแก่ไปเลยก็ดูจะแปลกไป ผสมกันที่ตรงกลางคงไม่ผิดหูผิดตามากนักหรอกครับ

“ท่านพ่อขอรับ ข้าคิดสูตรชาใหม่มาให้ท่านลองทานขอรับ”

“ช่างเป็นบุญของข้ายิ่งนักที่มีบุตรที่ขยันเช่นเจ้า ข้านึกเสียใจที่มิได้ส่งเจ้าไปร่ำเรียนในชั้นสูงเช่นบุตรตระกูลอื่น”

“ท่านกล่าวหนักไปแล้วขอรับ ข้ามีความสุขดีกับตรงนี้ขอรับ หากต้องเข้าไปศึกษาเพื่อห่างไกลจากท่านข้าคงไม่ยินดีเช่นกัน”

“อวี้เอ๋อร์”

“ลองทานดูเถิดขอรับ จะช่วยให้ท่านผ่อนคลายยิ่งขึ้น”

“รสชาติดี กลิ่นดี มันคือชาใดกัน”

“ถ้วยนี้คือชาเหมยกุ้ย(กุหลาบ)ขอรับ ส่วนถ้วยนี้คือชาโม่ลี่ฮวา(มะลิ)ขอรับ”

“นอกจากทานอย่างเดียวมีสิ่งใดที่จะแนะนำหรือไม่”

“ทานคู่กับขนมเปี๊ยะและขนมทั่วไปขอรับ ท่านพ่อลูกจะขอเสนอการจัดอาหารแก่ลูกค้าได้หรือไม่ขอรับ”

“เจ้าลองเขียนมาให้พ่อดูเถิดแล้วพ่อจะจัดการตามที่เจ้าว่ามาตามสมควร”

“ขอรับ”

ผมคิดมาหลายวันแล้วครับ เรื่องการจัดรายการอาหารภายในร้าน ผมอยากจะลองทำอาหารชุดไว้เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่เคยสั่งอาหารมาก่อนหรือต้องการความรวดเร็วในการสั่ง

ผมคิดที่จะทำใบเมนูไว้ตามโต๊ะเหมือนกับร้านอาหารในโลกก่อน แถมเรายังจะควบคุมการสั่งปริมาณวัตถุดิบและการใช้วัตถุดิบในแต่ละวันเพื่อลดรายจ่ายได้ด้วย

“ได้ข่าวว่าคณะทูตจากแคว้นหยุนเดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้ว ข้าไปดูมาเช่นกัน”

“ข้าก็ไปดูมาเห็นว่าสีตาแปลกยิ่งนัก แถมชาวแคว้นหยุนยังมีร่างกายที่สูงใหญ่กว่าชาวแคว้นเซียนเช่นเราอีก ดูน่ากลัว ข้าไม่อยากจะนึกว่าถ้าเราผิดใจกับแคว้นหยุนจะเป็นเช่นไร”

“ข้าได้พูดคุยกับบัณฑิตที่รู้จัก ท่านบอกว่าแคว้นหยุนเป็นแคว้นที่ห่างไกลจากแคว้นเรามาก ต้องใช้เรือสำเภาขนาดใหญ่ข้ามมหาสมุทรมาเลยทีเดียว”

“ถึงจะเป็นแคว้นใหญ่แต่ก็น่ากลัวดั่งเจ้าว่า หากไม่อยากให้เกิดสงคราม อย่างไรเราก็ต้องต้อนรับขับสู้อย่างดีเช่นเดิม”

เสียงพูดคุยจากลูกค้าที่เข้ามาทานข้าวกันที่ร้านของผม ตาสีแปลกหรอครับ อาจจะเป็นชาวยุโรปแบบที่โลกก่อนก็ได้นะครับ คงจะเป็นเรื่องปกติของที่นี่ที่จะหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่เคยพบเจอแบบนี้

“นายน้อยเจ้าคะ ดูเหมือนว่าเรือของคณะทูตแคว้นหยุนจะนำสินค้าของทางแคว้นมาขายด้วยนะเจ้าคะ”

“จริงหรือซีเอ๋อร์ เช่นนั้นเราย่อมมิพลาดสินค้าต่างแดนเช่นนี้ ไปลองดูกันเถิด อาจจะมีเครื่องเทศใหม่ๆ”

“เจ้าค่ะ”

ผมเดินออกมาจากร้านฟางกับซีเอ๋อร์และชายสองคนที่ท่านพ่อบอกว่าเป็นผู้คุ้มกันของผม หลังจากที่เปิดขายอาหารสูตรใหม่ดูเหมือนว่ารายได้ของทางร้านจะเพิ่มขึ้นมาก จนมีคู่แข่งเข้ามาสอดส่องอาหารและพยายามทำตามกันมากมายแต่ก็ยังไม่สามารถลอกเลียนได้เช่นที่ร้าน จึงไม่แปลกหากจะต้องมีคนมาคอยคุ้มครองเวลาที่ต้องออกจากร้านแบบนี้

“ซีเอ๋อร์ เจ้าพอจะรู้จักร้านขายสัตว์ทะเลหรือไม่” เมื่อมาถึงที่ท่าเรือผมก็รีบบอกความต้องการกับเด็กสาวที่มาด้วยกันเพราะผมเจอเครื่องเทศคุ้นตาอย่างผงกะหรี่ที่ติดมากับสินค้าแคว้นหยุน

“รู้จักเจ้าค่ะ นายน้อยต้องการสิ่งใดหรือเจ้าคะ”

“เราพอจะคิดอาหารจานใหม่ขึ้นมาได้เลยจะติดต่อพ่อค้าสัตว์ทะเลอีกที่”

“จริงหรือเจ้าคะ ซีเอ๋อร์อยากจะเห็นอาหารจานที่นายน้อยว่ายิ่งนัก” 

ซีเอ๋อร์เป็นลูกสาวของพ่อครัวจางที่ทำหน้าที่พ่อครัวใหญ่อยู่ภายในร้านร่วมกับท่านพ่อมาก่อน มีอายุน้อยกว่าผมในตอนนี้สองปีเลยเป็นเพื่อนเล่นกันมา ซีเอ๋อร์ถูกท่านพ่อวางตัวให้เป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของร่างนี้ตั้งแต่เด็ก ไม่แปลกถ้าเราสองคนจะสนิทกันเกินกว่านายบ่าวบ้านอื่นแบบนี้

“ตามเรามาเถอะ เราจะเข้าไปดูเครื่องเทศด้านนั้นต่อสักหน่อย”

ผมเดินตรงไปที่ถุงเครื่องเทศชนิดต่างๆ ในร้านมีคนน้อยจนบางตาเพราะส่วนมากชาวบ้านจะยังคงกลัวการเข้าใกล้ชาวแคว้นหยุนที่มีรูปร่างและสีตาที่แตกต่างกับตน ส่วนเรื่องเครื่องครัวที่ทางแคว้นหยุนเอามาด้วยเป็นลักษณะคล้ายกับทางยุโรปจริงๆครับ ทั้งผงปาปริก้า ชีสและดูเหมือนผมจะเห็นอะไรบางอย่าง

“ท่านพ่อค้า นั่นใช่เส้นสปาเก็ตตี้หรือไม่ขอรับ” ผมหันไปสบตากับพ่อค้าที่มองผมตั้งแต่เข้าร้านมา

“โอ้ ไม่น่าเชื่อว่าคนจากแคว้นเซียนจะรู้จักมัน คุณชายน้อยท่านรู้จักมันได้อย่างไรกัน และเป็นอย่างที่ท่านว่ามันคือเส้นสปาเก็ตตี้ขอรับ” สำเนียงที่แตกต่างแต่พอเข้าใจของพ่อค้าคนนี้มาพร้อมกับความแปลกใจในน้ำเสียงที่ถามผมจริงๆ

“เราขอซื้อมันได้หรือไม่ และดูเหมือนจะมีสินค้าของท่านหลายอย่างที่เราต้องการสั่งซื้อ” ผมเมินคำถามเรื่องรู้จักได้ยังไงมาถามเรื่องขอซื้อแทน ถ้าได้พวกมันมา อีกหลายเมนูที่ผมชอบเมื่อโลกก่อนจะได้ออกมาโลดแล่นที่นี่แล้วครับ แค่คิดก็สนุกแล้ว
“ยินดียิ่งขอรับ หากวันนี้คุณชายน้อยต้องการสินค้าจำนวนมากทางร้านเรายินดีส่งถึงที่อาศัยของท่านเลยขอรับ” มีบริการหลังการขายแบบจัดส่งถึงบ้านด้วยครับ ทำเอาคิดถึงโลกเก่าขึ้นมาเลยครับ

“หากสินค้าของข้าหมดไม่ทราบว่าจะสามารถสั่งจากท่านได้อย่างไรกันหรือขอรับท่านพ่อค้า”

“ท่านต้องการสินค้าจำนวนมากติดต่อกันหรือขอรับคุณชายน้อย”

“เป็นเช่นนั้น ข้าต้องการสินค้าเมื่อยามหมด เป็นการสั่งสินค้าจากท่านในระยะยาว”

“ถ้าเช่นนั้นโปรดรอสักครู่ ข้าจักไปตามนายท่านมาพูดคุยกับท่าน เชิญเลือกสินค้าอื่นรอก่อนขอรับ” ทำไมถึงเรียกนายท่านไม่เรียกเถ้าแก่กันนะ

ไม่นานหลังจากนั้นก็มีชายหนุ่มร่างสูงโปร่งอายุน่าจะมากกว่าร่างนี้ไม่เท่าไหร่ มีดวงตาสีฟ้าจางแต่งกายด้วยชุดสีขาวมีพู่หยกอยู่ตรงผ้าคาดเอว ผมพอจะรู้แล้วว่าทำไมไม่เรียกว่าเถ้าแก่เพราะแบบนี้เองสินะครับ

“เป็นคุณชายน้อยท่านนี้ใช่หรือไม่ที่ต้องการทำการค้ากับแคว้นหยุนของเรา”

“จะคิดเช่นใดก็ตามที่ท่านพึงพอใจเถิดขอรับ ข้าเพียงต้องการติดต่อซื้อขายสินค้ากับทางร้านท่านเท่านั้น โปรดระวังวาจาที่กล่าวออกมาด้วยข้าจะไม่ถือหากท่านมิได้ตั้งใจกล่าวมันออกมา”

คำพูดของชายตรงหน้าเหมือนกับว่าผมกำลังจะเข้าพวกกับชาวแคว้นหยุนเสียแบบนั้น มันอาจจะทำให้เกิดการต่อต้านกับคนบางกลุ่มที่นี่ก็ได้นะครับ คิดจะมากวนกันหรือยังไงกันครับ ถึงตอนนี้จะอยู่ในร่างเด็กอายุสิบสี่แต่อายุวิญญาณลุงก็ปาไปห้าสิบสี่แล้วนะไอ้หนุ่ม หึ

“ข้าน้อยต้องขออภัยคุณชายน้อยด้วยที่กล่าววาจาไปเช่นนั้น ขอข้าอภัยท่าน” ปากบอกขอโทษแต่สายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาตั้งแต่เริ่มไม่เปลี่ยนแปลงสักนิด อย่าบอกว่าคิดอะไรกับเจ้าหนูนี่นะ ลุงอุตส่าห์ดีใจที่เกิดมาธรรมดาไม่เป็นที่สนใจแล้วนะไอ้หนุ่ม

“ข้าไม่ถือสาหาความไม่รู้กับผู้ไม่รู้ เอาเถิดมาพูดคุยเรื่องสินค้ากันเถิด เกรงว่าทั้งท่านและข้ามีธุระจักต้องไปจัดการต่อกระมัง”

“ขอบคุณคุณชายน้อยที่ไม่ถือสาหาความ ว่าแต่ท่านต้องการสิ่งใดจากทางเรากัน” จ้องจนตัวลุงจะพรุนแล้วไอ้หนุ่มเก็บอาการบางก็ได้ ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้ด้วยสินะถึงมาทำท่าทางแบบนี้ใส่ เดี่ยวลุงก็หลุดสั่งสอนเอาหรอก

“ข้าอยากได้วัตถุดิบของท่านในระยะยาว ข้าจักหาช่องทางในการส่งข่าวบอกท่านได้อย่างไรเมื่อสินค้าใกล้จะหมด”

“เรือสินค้าของทางแคว้นหยุนจะเข้ามาขายสินค้าที่นี่ในทุกเดือน ต่อจากนี้หากท่านต้องการติดต่อสามารถส่งใบรายการของท่านได้ที่เราเพื่อนำสินค้ามาถึงท่านในครั้งต่อไป”

“หากเป็นจริง เช่นนั้นก่อนที่คณะทูตของท่านจะกลับข้าจะให้คนนำใบรายการมาส่งที่ท่านอีกครา”

“คณะทูตของทางแคว้นหยุนเราจะเดินทางกลับในอีกสองสัปดาห์ แต่พวกพ่อค้าจะเดินทางกลับในสัปดาห์หน้าที่จะถึง”

“ข้ารู้ว่าพ่อค้าเช่นพวกท่านน่าจะมาขายเพียงสัปดาห์เดียว”

“ถ้าเช่นนั้นท่านก็ส่งคนมาส่งใบรายการในอีกสัปดาห์ข้างหน้าเถิด”

“ข้าจะส่งให้ท่านในวันสุดท้ายของการเยือนของคณะทูตแคว้นหยุน”

“เหตุใดคุณชายน้อยถึงไม่เข้าใจที่ข้าบอกเล่า”

“ข้าหรือท่านกันที่ไม่เข้าใจ ตอนนี้ข้าทำการค้ากับท่านเหตุใดข้าจะต้องส่งให้กับพวกพ่อค้าด้วยกันในเมื่อท่านเป็นนายใหญ่ เอาเถิดข้าจะส่งคนนำทางกับพวกท่านในการส่งสินค้าครั้งนี้ ข้าขอตัว”

“ช้าก่อน ท่านเป็นใครกัน เหตุใดจึงดูเหมือนว่าท่านจะรู้จักข้า”

“ข้ามิได้รู้จักกับท่าน และข้าเป็นเพียงบุตรชายของร้านอาหารเพียงเท่านั้น”

“ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่ ข้ามีนามว่า ซางไป๋ ท่านเล่า”

“เป็นเกียรติที่ได้พบท่าน ข้ามีนามว่าเซียนอวี้”

“เช่นกัน หากมีเวลามากกว่านี้ให้ได้สนทนากันคงจะดียิ่งนัก”

“กระหม่อมคงมิกล้าขัดพระประสงค์ของพระองค์ในวันหน้าได้หรอกพะยะค่ะ เห็นทีวันนี้กระหม่อมต้องขอทูลลาพะยะค่ะ”

“อืม เอ๊ะ เซียนอวี้ ช้าก่อน เจ้าพูดสิ่งใดกัน เซียนอวี้”  มีเพียงแต่เสียงที่ดังตามมาเพราะหลังจากที่จบคำพูดก็เหลือเพียงแต่แผ่นหลังบอบบางที่อยู่สุดสายตา

“เดินหนีออกมาแบบนี้จะดีหรือเจ้าคะนายน้อย”

“ดีแล้วปล่อยให้ท่านซางไป๋หาสิ่งรบกวนจิตใจเองเถิด เราต้องรีบไปคุยกับร้านสัตว์ทะเลต่อ”

“เจ้าค่ะนายน้อย”

ผมเดินนำซีเอ๋อร์ออกมาไม่สนใจเสียงที่พยายามถามจากด้านหลัง ถ้าสังเกตอีกนิดจะเข้าใจว่าเพราะอะไรผมถึงทำแบบนั้น ไม่แปลกถ้าอ่านหนังสือวันละหลายๆเล่มแบบไม่เกี่ยงเนื้อหาแบบผมที่มีนิสัยนี้ติดมาจากโลกเดิม อย่ามาดูถูกลุงเลยไอ้หนุ่ม ลุงผ่านละครชีวิตมาเยอะ อย่ามาทำให้ลุงต้องอายอายุวิญญาณตัวเองเลย

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

ซางไป๋ : เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ใช่พ่อค้ากัน
เซียนอวี้ : เพราะข้าฉลาดอย่างไรเล่า
ซางไป๋ : รู้ทันกันเช่นนี้อนาคตข้าคงไม่อาจแต่งอนุได้สินะ
เซียนอวี้ : ท่านกำลังกล่าวสิ่งใดกัน
ซางไป๋ : เปล่า ข้ามิได้กล่าวสิ่งใด (ไขว้นิ้วแทบไม่ทัน) 

ลงเนื้อหา 7/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 28/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 2 7/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-08-2018 16:14:38
พระเอกโผล่แล้วเหรอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 2 7/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-08-2018 06:30:14
ชอบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

มาต่อไวๆนะ  :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 3 28/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 09-08-2018 14:21:17
#3

   หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์พ่อค้าแคว้นหยุนก็เดินทางกลับ ตอนนี้ที่ร้านมีกิจการรุ่งเรืองยิ่งขึ้นและดูเหมือนความสัมพันธ์กับแคว้นหยุนจะดียิ่งขึ้นอีกด้วย เนื่องจากทางร้านที่นำเอาวัตถุดิบจากทางแคว้นหยุนมาปรุงทำให้มีการสั่งสินค้ารวมถึงวัตถุดิบจากแคว้นหยุนมากมาย ถือเป็นผลพลอยได้จากร้านของผมก็แล้วกันครับ

ส่วนเรื่องการจัดอาหารเป็นชุดก็ได้กระแสตอบรับที่ดีมากครับ ดูเหมือนมีลูกค้าที่พึงพอใจกับชุดอาหารมาก ไหนจะน้ำผลไม้ที่สั่งกลับบ้านจนคนคั้นแทบจะข้อมือพังไปตามๆกัน

“ข้าช่างโชคดียิ่งนักที่มีบุตรเช่นเจ้าอวี้เอ๋อร์” ตอนที่ได้ยินท่านพ่อเรียกแบบนี้ก็มีติดสตั้นกันไปช่วงหนึ่งครับ ก็ผมมันคุณลุงนี่ครับมาเรียกซะเด็กน้อยแบบนี้จะเคืองก็ไม่ได้เพราะเรามาอยู่ในร่างของลูกเขา ทำใจยอมรับก็พอครับ เฮ้อ ลุงเศร้า

“ท่านกล่าวหนักไปแล้วท่านพ่อ สิ่งที่ข้าทำก็เพื่อทดแทนบุญคุณที่ท่านเลี้ยงดูข้ามา ตามหน้าที่ของบุตรเพียงเท่านั้น ยามข้าได้เห็นท่านสุขกายสบายใจข้าก็รู้สึกเหมือนได้รับรางวัลแล้ว”

“อวี้เอ๋อร์ หากเจ้าต้องการสิ่งใดโปรดบอกแก่บิดาคนนี้ ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดพ่อจะหามาให้เจ้าเองลูกรัก”

“ไว้ยามใดที่ข้ามีเรื่องจะรีบมาปรึกษาท่านทันทีเลยขอรับท่านพ่อ เวลานี้ท่านต้องทานเยอะๆนะขอรับ ข้าตั้งใจทำเพื่อท่านเลยนะขอรับท่านพ่อ”

“ดีๆ”

ครอบครัวของฟางเซียนอวี้คนนี้เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากครับ ขนาดผมมาอยู่ตอนที่ร่างนี้ขาดแม่ไปแล้วนะครับ ผมแอบอิจฉาอยู่พอสมควรแต่ตอนนี้ผมมาอยู่ในร่างนี้แล้วตามที่เคยบอกกับเจ้าของร่างไว้ ผมจะทำให้ครอบครัวของเขาอยู่อย่างสุขสบายจนบั้นปลายชีวิตเลยครับ

ผมเป็นคนที่แปลกอย่างหนึ่งครับไม่ว่าจะตอนที่อยู่โลกเดิมก็ตามผมชอบอากาศเย็นๆตอนกลางคืนแบบนี้มากครับ แต่เพราะโลกเดิมไม่ว่าจะช่วงเวลาไหนก็มักจะหาความสงบไม่เจอในเมืองหลวงเลยมีหลายครั้งที่ผมออกทริปไปเที่ยวคนเดียวตามสถานที่พักผ่อนต่างๆจนโดนบ่นจากผู้คุมศูนย์บ่อยครั้งเรื่องการหาแรงบันดาลใจในชีวิตเสมอ

อากาศตอนกลางคืนของโลกนี้เย็นสบายมากเลยครับไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศจำพวกนั้นเลยสักนิด แถมที่นี่ยังไม่มีมลพิษในอากาศด้วยเพราะไม่มีควันเสียจากรถยนต์หรือโรงงาน แถมยิ่งดึกจะยิ่งเงียบสงบมากขึ้น

ผมเลยชอบที่จะจุดเทียนที่โต๊ะหนังสือเพื่อเขียนสูตรอาหารรวมเล่มไว้เผื่อทำขายในอนาคตและนั่งนึกสูตรอาหารในโลกก่อนของหลายเชื้อชาติ วันนี้ผมไปเจอข้าวสารแบบญี่ปุ่นมาครับน่าจะทำพวกข้าวปั้นหรือข้าวห่อสาหร่ายแบบญี่ปุ่นมากครับ

ถ้านับเมนูอาหารที่ผมเขียนไว้ก็เกือบสิบเล่มได้แล้วครับ แยกเป็นเครื่องดื่ม ขนม อาหาร แถมผมยังซื้อตำราศาสตร์ต่างๆจากร้านหนังสือมาศึกษาเพิ่มเติมด้วย เพราะความเป็นอัจฉริยะที่ติดตามมาด้วยทำให้ผมสามารถเข้าใจศาสตร์ต่างๆของโลกนี้มากขึ้น

ที่ติดน่าจะเรื่องการฝึกยุทธ์ที่ผมไม่มีหัวทางด้านนี้เลยบวกกับร่างกายของร่างนี้ด้วยที่ไม่แข็งแรงทำให้การฝึกยากยิ่งขึ้น แต่เรื่องการป้องกันตัวผมจำจากโลกเดิมก็พอจะดูแลตัวเองได้ แต่โลกที่การฆ่ากันเป็นผักปลาแบบนี้ผมถือเป็นเด็กน้อยเลยครับพออยู่ในร่างเจ้าเด็กคนนี้

พรึบ!!!  มีใครบางคนกอดผมจากด้านหลัง ผมเองก็ลืมคิดไปว่าถึงโลกนี้จะสงบแตกต่างจากโลกเดิมแต่ก็ยังมีสิ่งที่เรียกว่าโจรอยู่ แต่ดูเหมือนผมจะประมาทไปเพราะเจ้าโจรคนนี้น่าจะต้องการสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ทรัพย์สินแล้วละมั้งครับ

“เหตุใดเจ้าถึงไม่ดิ้น หรือว่ารู้กันว่าเป็นเปิ่นหว่าง” ไม่น่าจะเดายากหรอกครับคนที่กล้าเข้าบ้านชาวบ้านเขาหน้าไม่อายแบบนี้คงเป็นเจ้าเด็กท่าเรือคนเดียว

“กระหม่อมก็พึ่งจะรู้ว่ากิจกรรมยามว่างขององค์ชายจากแคว้นหยุนจะทรงชื่นชอบการละเล่นเป็นโจรราคะเช่นนี้” ด่าขนาดนี้ยังจะกอดลุงอีกนะไอ้หนุ่ม

“หึ เราหาได้เป็นตามที่เจ้ากล่าวไม่อวี้เอ๋อร์ และสิ่งที่เราทำก็มีเพียงแต่กับเจ้าเท่านั้น” ไอ้เด็กหน้าด้าน ลุงด่าไม่สำนึกยังจะมาหยอดคำหวานอีก

“กระหม่อมควรจะยินดีสินะพะยะค่ะ”

“ใช่ เจ้าควรยินดียิ่งนัก เจ้ารู้หรือไม่มีผู้คนมากมายทั้งชายหญิงหวังที่จะมาเป็นชายาเอกของเรา แต่เพราะเราไม่สนใจในราชบัลลังค์แบบพวกท่านพี่สักเท่าใดจึงมิลำบากยามเลือกคู่ครอง”

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทราบเรื่องราวส่วนพระองค์จากท่าน แต่จะดียิ่งนักหากพระองค์จะทรงปล่อยกระหม่อมให้เป็นอิสระสักครา”  ปล่อยลุงเดี๋ยวนี้นะไอ้หนุ่ม ลุงไม่ได้กลัวหรอกนะ ลุงแค่ป้องกันตัวเอง

“ข้าชมชอบเจ้ายิ่งนัก ยิ่งพยศยิ่งน่ากำหลาบยิ่ง”  จะไม่ฝึกสัตว์ให้เชื่องที่ไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับลุง อย่าหาว่าลุงไม่เตือนนะไอ้หนู

ผมสะบัดตัวจนหลุดแล้วทิ้งระยะห่างจากองค์ชายแคว้นหยุนมากเท่าที่จะหนีทันหากอีกฝ่ายคิดจะพุ่งใส่

“อย่าได้กลัวเราไป ขออภัยที่เสียมารยาทล่วงเกินเจ้า ทำตัวตามสบายเถิด คิดเสียว่าเป็นการหยอกล้อของสหายเท่านั้น” เพื่อนบ้านเอ็งสิไอ้หนุ่มมายืนกอดอยู่ได้นานสองนานแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าการทำร้ายเชื้อพระวงศ์ต้องโทษประหารนะ เอ็งไม่รอดจากเงื้อมมือลุงหรอกไอ้หนุ่ม

“ช่างน่ายินดียิ่งนักได้รับเกียรติเป็นถึงพระสหายขององค์ชายเช่นนี้”

“เหตุใดวาจากับการกระทำของเจ้าถึงดูสวนทางกันเยี่ยงนั้นเล่า”

“กระหม่อมควรดีใจหรือไม่พะยะค่ะที่องค์ชายบุกรุกเข้ามาในจวนยามวิกาลแถมยังทำการล่วงเกินกันถึงเพียงนี้ เราทั้งสองต่างเป็นคนแปลกหน้ากันนะพะยะค่ะ เหตุใดพระองค์ถึงคิดจะไปไหนมาไหนโดยเอาแต่ตนเป็นที่ตั้งเช่นนี้พะยะค่ะ อีกทั้งยังมานับกระหม่อมเป็นสหายด้วยตนเองโดยไม่ถามความสมัครใจอีก พระองค์คิดว่าตัวเองเป็นองค์ชายแล้วจักทำการสิ่งใดก็ได้หรือพะยะค่ะ”

“วาจาของเจ้าช่างดูดุร้ายยิ่งนัก จักให้ข้าทำเช่นไรเจ้าถึงจะหายโกรธเคืองกัน” หน้าตาเหมือนหมาหงอยแบบนี้ทำเอาลุงจะด่าเอ็งต่อก็ดูใจร้ายเลยทีเดียว

“เฮ้อ เอาเถิดพะยะค่ะ พระองค์เสด็จมาด้วยเรื่องอะไรกัน”

“พูดกับเราแบบเดิมเถอะ ยามฟังเจ้ากล่าวกับเราห่างเหินเช่นนี้ มันปวดใจยิ่งนัก”

“ท่านหยุดกล่าววาจาราวกับกำลังเกี้ยวข้าเถอะ ข้าเป็นบุรุษธรรมดาไม่ได้นิยมตัดแขนเสื้อเท่าใด”

“ข้าชมชอบกิริยาของเจ้าคราแรกพบ จนมาถึงความเฉลียวฉลาดและช่างสังเกต จนมาบัดนี้ยิ่งหลงใหลกับวาจาที่ราวกับสั่งสอนนั่นอีก แต่ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนั้น ก็ขอให้นับข้าเป็นสหายก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับเราเจ้าเป็นยิ่งกว่านั้นเสมอ เอาเถิดหากมีเรื่องอันใดก็ขอให้บอกอย่าได้เกรงใจกัน”

“ในยามนี้ข้าจำต้องทำตามที่สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะดูแลท่านพ่อให้อยู่สบายให้ได้มากที่สุดก่อน เรื่องอื่นๆข้าคงยังไม่สามารถจัดการได้ ขอให้ท่านเข้าใจ ในยามนี้เราเป็นเพียงสหายดั่งที่ท่านว่ามาเถิด ส่วนเรื่องในภายภาคหน้าก็แล้วแต่ชะตาที่จะเป็นผู้ลิขิตเส้นทางให้ก้าวเดินต่อไปเถิดขอรับ”  มีมิตรในยามที่โดดเดี่ยวในที่ที่ไม่มีคนรู้จักย่อมดีกว่ามีศัตรูนี่ครับ

ส่วนเรื่องที่จะยอมเป็นแฟนไหม อันนี้ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต อย่างในโลกก่อนผมเองก็ไม่ได้มีคนรักมาก่อนเหมือนกัน เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วผมเป็นประเภทไหนกัน ชายแท้หรืออะไร อีกไม่นานผมก็คงได้คำตอบของมันเอง

“วันนี้ข้าเพียงจะแวะเข้ามาเยี่ยมเยียนเจ้าเท่านั้น แต่นี่ก็ดึกมากแล้วข้าคงไม่ขอรบกวน อีกไม่นานข้าจะกลับแคว้นแล้ว เลยอยากมาลาเจ้าก่อนเท่านั้น”

“ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้ยามเปิดร้าน ข้าขอเชิญท่านมาเป็นแขกก็แล้วกัน ข้าจะให้ท่านได้ทานวัตถุดิบจากแคว้นท่านที่ข้านำมาปรุงเป็นอาหารตามที่คิด บางชนิดท่านอาจจะเคยได้ทานมาแล้ว แต่ข้าอยากจะให้ท่านได้ลองอาหารจากทางร้านเช่นกัน”

“พรุ่งนี้หรือ ข้าไม่แน่ใจ” อาการคิดไม่ตกแบบนี้คืออะไรกันครับ

“ท่านไม่ว่างหรือ ถ้าท่านไม่ว่างไม่เป็นไร ข้าก็เพียงแต่อยากให้ท่านได้ชิมอาหารจากข้าเพียงเท่านั้น ข้าก็แค่อยากให้ท่านมาหาเพียงเท่านั้น” ก้มหน้าทำเสียงน่าสงสารลู่ไหลลงนิดๆ นี่มันท่าไม้ตายเวลาหนีความผิดเมื่อชีวิตก่อนของลุงเลยนะ

“ข้าว่างแน่นอน พรุ่งนี้ยามเจ้าเปิดร้านข้าจะรีบมาทานอาหารของเจ้าทันที อย่าได้ทำเหมือนข้าเป็นคนใจร้ายอย่างนั้นอีก” หึหึ เสร็จลุง

เรื่องอ้อนขออะไรก็ตามไม่ยากเกินความสามารถของลุงคนนี้ได้หรอกครับ อย่าลืมว่าในชีวิตที่แล้วของลุงการเป็นเด็กอัจฉริยะที่หาตัวได้ยากย่อมต้องถูกดูแลเอาใจใส่จากคนรอบข้างนะครับ และก็ที่คิดจะมาจีบลุงก็ควรจะต้องระวังตัวหน่อยนะครับเพราะลุงคนนี้ถนัดอ้อนนะครับ

“ข้าดีใจที่ท่านว่าง ถ้าเช่นนั้นคืนนี้ท่านกลับไปก่อนเถิด หากมีคนรู้เข้าว่าท่านลอบมาหาข้าเช่นนี้จะเสื่อมเสียเกียรติของท่านได้” มงจงมาครับงานนี้ พรมแดงเมืองคานส์รอลุงเลย

“ถ้าเช่นนั้นคืนนี้อย่าลืมฝันถึงข้าเล่า ข้าจักฝันถึงเจ้าเช่นกัน” ผมไม่ได้ตอบแต่พยักหน้าแทน ไอ้หนุ่มเอ็งดีดน้ำมันพรายใส่ลุงใช่ไหม ทำไมเวลาเองทำเสียงนุ่มๆแบบนั้นใจลุงดันหวั่นไหวไปซะแล้ว ฟอด!!! แอ๊ะ

“เหตุใดท่านจึงคิดจะกินเต้าหู้ข้าเช่นนี้กัน”

“ก็เต้าหู้เจ้าช่างน่ากินยิ่งนัก เอาเถิดข้าลาก่อน” ไม่ทันได้ลงมือคนก็หายไปกับความมืดด้านนอกแล้ว บ้าจริงทำไมถึงหุบยิ้มไม่ได้กันนะ

ผมดีใจมากตอนที่เห็นหน้าของร่างนี้ ใบหน้าที่ธรรมดาไม่มีจุดเด่นอะไรให้ดึงดูดสายตาของคนอื่น เดินผ่านก็ไม่เหลียวหลัง ไม่ได้หล่อเหลาหรืองดงามแบบนิยายที่อ่านมาจนสะสมแต้มเก็บเข้าฮาเร็มทำนองนั้น

แต่พอมาเจอซางไป๋ผมก็เริ่มคิดว่าร่างนี้อาจจะไม่ได้มีดีที่หน้าตาแต่คงเป็นเสน่ห์อย่างอื่น ที่เมื่อมองผ่านๆจะไม่มีอะไรแต่เมื่อได้มองอีกครั้งก็ยากจะถอนสายตา ไม่แปลกถ้าจะมาตกหลุมที่ถูกขุดโดยบังเอิญแบบนี้ ผมว่าผมชักจะไม่แน่ใจเรื่องรสนิยมของคนโลกนี้ซะแล้วครับ

ยามเหมา(ตีห้าถึงหกโมงห้าสิบเก้า)ได้เวลาเปิดร้านแล้วครับ ผมจะนำเสนอเมนูง่ายๆอย่างพุดดิ้งกันนะครับวันนี้ ทำง่ายมากครับ อร่อยด้วย

“ข้าพร้อมแล้ว”

“เหตุใดท่านจึงมาไร้เสียงเช่นนี้ แล้วท่านเข้ามาในครัวได้เช่นไร”

“ข้าขอท่านพ่อตา อย่าทำหน้าตาเช่นนั้น ขอท่านพ่อของเจ้าแล้ว ท่านบอกว่าเจ้าอยู่ที่นี่” รีบเปลียนคำเพราะหน้าตาลุงหรือมีดในมือลุงกันแน่ไอ้หนุ่ม

“ท่านบอกพ่อข้าเช่นไร”

“ข้าบอกว่าข้าเป็นสหายของเจ้า”

“เท่านั้น”

“ข้าบอกว่าเป็นองค์ชายด้วย”

“หึ”

“อวี้เอ๋อร์ อย่าทำกับข้าเยี่ยงนั้นสิ ก็ข้ากลัวว่าพ่อเจ้าจะไม่ยอมให้ข้ามาพบเจ้านี่”

“ท่านกำลังใช้อำนาจจากยศของท่านเกินจำเป็น เพียงแค่ท่านบอกท่านพ่อว่าเป็นสหายข้าท่านพ่อก็เชื่อแล้ว”

“เหตุใดกัน”

“เพราะท่านเป็นสหายคนแรกของข้าอย่างไรเล่าซางไป๋”

“เจ้าคงมิได้กำลังล่อลวงข้าสินะ เหตุใดใจของข้าจึงส่ะนไหวรุนแรงเช่นนี้กัน”

“ท่านกำลังคิดไปเอง” เอ็งไม่ทันลุงหรอกไอ้หนุ่ม

“เมื่อครู่เจ้าคงจะตกใจสินะ ข้าจะกอดปลอบเจ้าเอง”

“สำรวมกิริยาของท่านเถอะซางไป๋”

“เจ็บปวดใจยิ่งนัก ว่าแต่เจ้ากำลังทำสิ่งใดกัน”

“ข้ากำลังเตรียมทำขนมใหม่ของทางร้าน”

“พวกเจ้าดูเถิด มีชายาเก่งด้านงานในบ้านเช่นนี้ เป็นบุญของข้ายิ่งนัก” ผมก็พึ่งจะสังเกตว่ามีคนของซางไป๋ติดตามเข้ามาไหนจะคนของผมที่กำลังยกไข่ไก่เข้ามาอีกทันได้ยินที่ซางไป๋พูด หรือว่าอยู่กันมาแต่แรกแล้วนะ

“หยุดกล่าววาจาเลื่อนลอยต่อหน้าคนอื่นเสียก่อนที่ข้าจะคิดเรื่องคำขอเป็นสหายของท่านอีกครั้ง”

“โปรดจำไว้ว่าข้ายอมเพียงแต่เจ้าผู้เดียวเท่านั้นอวี้เอ๋อร์”

“เซียนอวี้คือนามของข้าโปรดเข้าใจ”

“อวี้เอ๋อร์”

“เซียนอวี้”

“ข้าชมชอบการเรียกขานเจ้าว่าอวี้เอ๋อร์”

“ข้าจักให้โอกาสท่านกล่าวอีกครั้ง”

“เซียนอวี้ย่อมได้”

“ดี ท่านตามข้าไปที่ห้องทานอาหารเถิด คนของข้าคงจะเตรียมสำรับเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราเสียเวลามากแล้ว”

“เจ้ากำลังว่าข้าใช่หรือไม่”

“สงบคำเสียบ้างท่านจะดูน่าคบหายิ่งนัก”

“ข้ายอมเจ้าแล้ว” มันคงเป็นภาพที่แปลกตาสำหรับคนของซางไป๋น่าดูครับ ก็เล่นอ้าปากค้างกันแบบนั้น

“ตามข้ามาเถอะ ท่านจะได้ชิมเสียที”

ผมเดินนำซางไป๋และคณะไปที่ห้องอาหารผมจัดไว้สองห้องเป็นห้องของซางไป๋กับผมและองค์รักษ์ ส่วนอีกห้องเป็นของเหล่าผู้ติดตาม โดยมีซีเอ๋อร์เป็นคนคอยแนะนำอาหาร

“ลองทานดูเถิด” เมื่อนั่งเรียบร้อยผมก็เลื่อนจานอาหารให้ซางไป๋ลองทาน

“รสชาติดียิ่งเหมือนทานที่แคว้นข้าอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งมีหลายอย่างที่แปลกตา ข้าไม่คิดมาก่อนว่าวัตถุดิบเช่นนี้จะสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายยิ่งนัก”

“ท่านสามารถนำกลับไปที่แคว้นของท่านได้”

“มิได้ อาหารพวกนี้ถือเป็นของเจ้า ข้าไม่กล้านำไปบอกต่อได้ แต่ข้าจะเชิญคนที่แคว้นและผู้คนให้มาลิ้มรสที่ร้านของเจ้าแทนยามที่เดินทางมาที่แคว้นเซียน ดีหรือไม่”

“เป็นบุญคุณต่อกันแล้วที่ท่านกรุณา”

“อย่าได้กล่าววาจาห่างเหินเช่นนั้น”

“ถ้าเช่นนั้นข้าย่อมขอบใจในน้ำใจของท่านซางไป๋”

“มิเป็นไร แล้วถ้วยนั้นคือสิ่งใดกันเล่า”

“นี่เป็นขนมที่ท่านเห็นสักครู่ มีชื่อเรียกว่าไข่หวาน”

“ไข่หวาน”

“ใช่ ท่านลองดูเถิด”

“รสชาติดี เด็กๆน่าจะชอบทาน”

“ถูกแล้ว ข้าทำเพื่อเด็กๆที่มาร้านอาหารนี้ มันมีส่วนผสมของไข่ไก่ น้ำตาลและนมวัวเท่านั้น”

“เจ้าช่างยอมเยี่ยมในด้านอาหารยิ่งนัก”

“ท่านชมข้าเกินพอแล้ว”

“เอาเถิดได้เวลาแยกย้ายแล้ว อีกไม่นานคงได้พบกันอีกครั้ง โปรดรอข้า ไม่นานข้าจะกลับมาอยู่เคียงข้างเจ้าแม้ว่าในยามนั้นข้างกายของเจ้าอาจไม่ว่างเว้นเช่นยามนี้ก็ตาม”

“ได้ ข้าจะรอท่านแม้ว่าในยามนั้นข้างกายข้าอาจจะมีผู้อื่นหรือไม่แต่ข้าจะเว้นที่ไว้ให้ท่านดีหรือไม่”

“ตกลงเจ้ากำลังล่อลวงข้าอยู่จริงหรือไม่”

“มีเพียงท่านที่คิดไปเอง”

“หึ ช่างเถิด ไว้พบกันครั้งหน้า คงมิใช่ข้าที่คิดไปเอง ยามถึงเวลานั้น ข้าหวังจะเป้นมากกว่าสหายกับเจ้า”

“มีเพียงเบื้องบนเท่านั้นที่ล่วงรู้เรื่องในกาลหน้า ข้าก็หวังจะได้พบกับท่านอีกครา”

“ลาก่อนชายาข้า” ยังจะมาเนียนเรียกลุงแบบนั้นอีก

“ลาก่อนสหายข้า”

“หึ”

ซางไป๋จากไปแล้ว ผมไม่รู้ว่าคำที่บอกหมายถึงอะไร แต่ผมในตอนนี้มีเพื่อนสนิทแต่คิดไม่ซื่อหนึ่งอัตราแล้วครับ และผมจะเมินเจ้าองค์รักษ์เงาของซางไป๋ที่แอบซุ่มไปก่อนแล้วกันครับ

TBC

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ลุงไม่เข้าใจว่าผู้ชายโลกนี้เขาคิดกันแบบไหน
ซางไป๋ : ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอันใด แต่เรื่องที่ข้าชมชอบเจ้านั้นข้ากล่าวจริง
เซียนอวี้ : อย่ามาหลอกให้ลุงเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อนหน่อยเลยไอ้หนู
ซางไป๋ : แม้นมิเข้าใจแต่ผู้ใดจะได้กินโปรดทบทวนดีๆ
เซียนอวี้ : ...........
ซางไป๋ : หึ
เซียนอวี้ : ข้าลืมไปว่าทอดของทิ้งไว้ ไปละ
ฮุ่ยเอิง : ดูเหมือนข้าจักได้ลูกเขยเสียแล้ว.......เฮ้อ

ลงเนื้อหา 9/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 28/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 3 9/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-08-2018 14:52:55
เริ่มหวั่นไหวเล็กน้อยแล้วซิ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 4 28/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 14-08-2018 12:36:57
#4

   ครบกำหนดเปิดไวน์แล้วครับ ตามปกติต้องใช้เวลานานแต่ตามที่ได้บอกไปเพราะโลกนี้มีกำลังภายใน การหมักไวน์เลยเป็นเรื่องง่ายไปเลยครับ

“ท่านพ่อขอรับ นี่คือผูเถาจิ๋วที่ลูกเคยบอกท่านไว้ขอรับ”

“สีสันแปลกตายิ่งนัก กลิ่นก็หอมเช่นกัน”

“มันมีขั้นตอนการทานด้วยนะขอรับท่านพ่อ เพื่อความสุขยามทานขอรับ”

“ทำเช่นไรกัน”

“ท่านพ่อทำตามที่ลูกกล่าวนะขอรับ เริ่มจากการดูสีสันของมัน จากนั้นท่านก็ลองดมกลิ่น ทานเพียงเล็กน้อยหากแต่อย่ากลืนลงคอนะขอรับ ให้อมไว้เพื่อให้รสสัมผัสอยู่ในปากก่อน เสร็จแล้วถึงกลืนขอรับ เป็นเช่นไรบ้างขอรับท่านพ่อ”

“ยอมเยี่ยมยิ่งนัก ดั่งลิ้มรสสุราจากเทพเซียน เจ้าเป็นอัจฉริยะยิ่งนักลูกข้า”

“ท่านพ่อกล่าวเกินจริงแล้วขอรับ ลูกมิได้เป็นอัจฉริยะอันใดเพียงแค่เด็กชายอ่อนโลกเพียงเท่านั้น”

“แล้วเจ้าเรียกมันว่ากระไรนะ”

“ผูเถาจิ๋วขอรับท่านพ่อ”

“เป็นธรรมดาที่คนแก่เช่นพ่อย่อมเลอะเลือน”

“ท่านยังหนุ่มยิ่งนักขอรับ อย่าได้กล่าวเช่นนั้น”

“ถ้อยคำหวานล้ำนักบุตรข้า ตั้งแต่ที่เจ้าบาดเจ็บแล้วตื่นมาครานี้เจ้าดูเปลี่ยนไป คราแรกข้าเพียงคิดว่าตนคิดไปเองตามสภาพอายุ มาครานี้ยิ่งชัดเจนนัก แต่ดีแล้วที่เจ้าเปลี่ยนไปเช่นนี้ แต่ก่อนเจ้าเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านในครัว ไม่ยอมสุงสิงกับผู้ใด ทำตัวราวหญิงสาวในห้องหอไม่สมบุรุษชาตรีนัก ข้าดีใจที่บั้นปลายชีวิตคงจะได้อุ้มหลานก็คราวนี้ พ่อดีใจที่เจ้ามีมิตรสหายที่ดีแต่ดูๆไปข้าจะได้อุ้มหลานหรือไม่ก็คงจะแล้วแต่ชะตาละนะ แต่อย่างไรตอนนี้ข้าก็เตรียมจากไปอย่างสงบใจได้ เมื่อเจ้าเติบโตมาถึงเพียงนี้ ข้าหมดห่วงใดๆแล้ว”

“ท่านพ่ออย่ากล่าววาจาดูราวกับจะจากข้าไปสิขอรับ”

“ความตายเป็นสัจจะธรรมของโลก อย่าได้ยึดติดกายสังขาลเลย”

“ท่านพ่อขอรับ”

“เอาเถิด เรามาคุยเรื่องการค้าต่อเถิด เจ้าจะนำออกขายเมื่อใดกัน”

“วันนี้ยามอุ้ยขอรับ”

“ตามที่เจ้าว่ามาเถิด ร้านนี้พ่อยกให้เจ้าดูแลไปแล้ว หากมีสิ่งใดที่ทำได้จงทำแต่หากเกินกว่ากำลังให้มาบอกพ่อ เข้าใจหรือไม่ อย่าได้เกรงใจ เรามีกันอยู่เพียงเท่านี้”

“ขอรับ ข้าจะดูแลร้านให้ดีที่สุด ท่านอย่าได้กังวลใจเลยขอรับท่านพ่อ”

“ดีๆ เช่นนั้นข้าไปไปเดินหมากกับตาแก่ร้านผ้าก่อน เจ้าก็ดูร้านด้วยแล้วกัน”

“ขอรับท่านพ่อ”

ช่วงระยะหลังมา พ่อของเซียนอวี้มันจะพูดเหมือนปลงกับชีวิตเตรียมจะจากโลกนี้ไปแบบนั้นตลอดเลยครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรมาก่อน แต่เพราะมาอยู่ในร่างของบุตรจะปล่อยไปแบบนี้ก็ไม่ได้ แต่จะไปฝืนชะตาก็ไมได้อีก ผมก็คงทำได้แต่ทำให้ท่านมีความสุขกับชีวิตที่เหลือเท่านั้นแหละครับ เฮ้อ ลุงเซ็ง

“นายน้อยขอรับ นายน้อย”

“มีเรื่องอันใดกันเสี่ยวเปา ส่งเสียงดังโหวกเหวกเช่นนี้ ประเดี๋ยวลูกค้าพากันตกใจกันหมด”

“ขออภัยขอรับ มีคนมาพบท่านขอรับนายน้อย”

“พบข้า ผู้ใดกันรึ”

“ดูจากเครื่องแต่งกายข้าคิดว่าน่าจะเป็นขุนนางในวังหลวงขอรับ”

“เช่นนั้นเร่งนำทางเถิด หากปล่อยให้รอนานเกรงจะเสียชื่อร้านเสียเปล่า” ผมละเบื่อพวกมียศมีศักดิ์มากครับ จะอะไรนักหนา ถ้ามาเพื่อซื้อของก็ดีไป มาหาเรื่องกันดูท่าจะจบไม่สวยหรอกนะ นี่คือเซียนอวี้ที่มีลุงอยู่อย่าได้คิดมาแหยมนะขอบอก

ผมที่กำลังตรวจบัญชีของร้านตามหน้าที่ก่อนเวลาร้านปิด ตอนนี้ยามอิ่ว(ห้าโมงถึงหกโมงห้าสิบเก้า)ที่นี่จะปิดร้านเร็วเพราะหลังจากนี้จะเป็นช่วงเวลาของทางหอโคมเขียวทำงานแล้ว ไม่ควรแย่งลูกค้ากัน

“ขออภัยที่ปล่อยให้ท่านต้องคอยนาน ข้าน้อยฟางเซียนอวี้ เป็นผู้ดูแลร้านนี้ขอรับใต้เท้า”

“ตามสบายเถิด ข้าเองก็มาแบบกะทันหันมิได้แจ้งมาก่อนเช่นกัน ข้าแซ่หวัง นามกงหมิน ต้องขออภัยที่มารับกวนช่วงที่ร้านวุ่นวายเช่นนี้”

“มิได้ขอรับท่านใต้เท้าหวัง เป็นเกียรติแก่ร้านข้าน้อยยิ่งนักที่ได้ต้อนรับอัครมหาเสนาบดีคู่พระทัยองค์ฮ่องเต้เช่นท่านขอรับ”

“เจ้าอย่าได้กล่าววาจาห่างเหินไปใย นับข้าเป็นพี่ชายเถิด”

บางทีลุงก็ไม่เข้าใจรสนิยมผู้ชายโลกนี้จริงๆนะ เป็นอะไรกันไปหมด มียศสูงเปรียบก็นายกรัฐมนตรีโลกก่อนเลยนะครับจะมานับพี่น้องกับพ่อค้าชั้นล่างแบบนี้ เจตนาไม่ดีแน่นอน จะว่าเพราะรู้จักคนใหญ่คนโตก็ไม่น่าจะสงสัยขนาดเอามาไว้ข้างกายหรอกครับ

ดูจากสายตาก็น่าจะพอเดาได้ ก็มันสายตาเดียวกับไอ้หนุ่มซางไป๋เลยนี่ครับ เหอะ คิดจะมาจีบลุงหรือไอ้หนุ่ม ลุงจะหลอกให้เปย์หมดตัวเลยคอยดู หึหึ

“มิกล้าขอรับท่านใต้เท้า ข้าน้อยเป็นเพียงพ่อค้าเล็กๆเพียงเท่านั้น ไม่กล้าอาจะเอื้อมหวังสูงเช่นที่ท่านกล่าวได้” ออสก้าก็มางานนี้ บอกกแล้วพรมแดงเมืองคานส์ครั้งหน้าชมพูไม่ได้เกิดนะ บอกเลย

“เรียกข้าว่าพี่กงหมินเถิด” เนียนกว่ารองพื้นที่รุ่นน้องในบริษัทก็ท่านหวังกงหมินนี่แหละครับ

“แต่ข้าน้อยเกรงว่า”

“หืม”

“ขอรับ ท่านพี่กงหมิน”

“ดียิ่งนัก วันนี้พี่ชายคนนี้มีเรื่องจะมาพูดคุยกับเจ้าไม่มากนัก องค์ฮองเฮาทรงมีพระประสงค์อยากจะเสวยอาหารจากทางร้านของเจ้าในวันพรุ่งยามเซิน”

“องค์ฮองเฮามีพระประสงค์ต้องการอาหารชนิดใดหรือไม่ขอรับ”

“ซาลา ขนมไข่หวาน แยมผลไม้ เมี่ยนเปาและกั่วจื่อ ใช่ๆอีกทั้งอาหารแคว้นหยุนด้วยเช่นกัน”

“เช่นนั้นหากเป็นยามเซิน ข้าของถวายสุราสูตรใหม่ที่ข้าคิดค้นขึ้นมาแก่พระองค์และองค์ฮ่องเต้ด้วยได้หรือไม่ขอรับ”

“หืม มันคือสุราอันใดกัน”

“เสี่ยวเปา ข้าขอผูเถาจิ๋วสักไหเถิด”

“ขอรับนายน้อย”

“ไหนี้ข้าขอมอบให้แก่ท่านนะขอรับ นี่เป็นสุรานามว่าผูเถาจิ๋วขอรับ เป็นการหมักจากผลผูเถาขอรับ มีขั้นตอนการดื่ม เริ่มจากการดูสีสัน การดมกลิ่น การอมไว้ในปากก่อนที่จะกลืนขอรับ”

“จริงรึ ข้าคงต้องขอเสียมารยาทเจ้าแล้ว” ทานไปเถอะครับจะมามองหน้าทำไมกัน

“เป็นเช่นไรบ้างขอรับ”

“สีสันดี กลิ่นดี รสชาติดี ไม่บาดลิ้นเหมาะแก่สตรีเช่นกัน”

“ขอรับ หากได้ลองกับอาหารจานใหม่ที่ข้าคิดค้นมาและกำลังจะวางขายในอีกสามวันจะยิ่งดีขึ้นมากขอรับ”

“อาหารใหม่รึ ดียิ่งนัก ไว้ข้าจะหาเวลาว่างมาลิ้มลองอีกครา”

“ขอบพระคุณขอรับ”

“อย่าได้กล่าววาจาห่างเหินนัก นับกับเป็นพี่น้องเยี่ยงนี้อย่าได้มามัวเกรงใจกันไปใย หากมีสิ่งใดที่พี่ชายคนนี้ช่วยเจ้าได้โปรดกล่าวมา ยามนี้ก็มืดค่ำเสียแล้ว ข้าคงต้องขอตัวก่อนมารบกวนเจ้านานพอตัวเชียว”

“ไม่ได้รบกวนอะไรเลยขอรับ หากท่านคิดเช่นนั้นน้องชายผู้นี้ก็ยินดีให้ท่านมารบกวนทุกวันขอรับ”

“พูดได้ดีๆ ไว้โอกาสหน้าพบกันเถิด”

“ขอรับท่านพี่กงหมิน” เห็นเด็กแบบนี้ลุงอายุวิญญาณเยอะแล้วนะไอ้หนุ่ม ไอ้เรื่องปลูกอ้อยแล้วทิ้งนี่อย่าได้มาเล่นกับลุงเชียว ถึงลุงจะไม่เคยใช้มาก่อนแต่ทฤษฎีลุงมีเพียบนะไอ้หนู


ยามเซิน(สามโมงถึงสี่โมงห้าสิบเก้า), พระราชวัง, ตำหนักที่ประทับองค์ฮ่องเต้

“มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นรึ ข้าเห็นเจ้าอารมณ์ดียิ่งนักตั้งแต่ข้าวาราชการในท้องพระโรง” เสียงเหย้าจากผู้ปกครองแผ่นดินไถ่ถามสหายรักของตนที่อยู่ร่วมโต๊ะอาหารพร้อมกับฮองเฮาที่รัก

“พวกท่านสองคนจะคิดเช่นไรหากข้ากงหมินผู้นี้อยากแต่งฮูหยินสักครา”

“ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก ตั้งแต่ที่เรารู้จักท่านมาจนเราสมรสกับฮ่องเต้จนมีบุตรชายหญิงมากมาย ข้าพึ่งจะได้ยินท่านกล่าวเช่นนี้คราแรก ท่านไปถูกใจหญิงสาวบ้านใดกัน”

“อย่างที่ฮองเฮากล่าวมา เจ้ากำลังคิดสิ่งใดกันสหายข้า”
 
“ข้าพบเจอคนผู้หนึ่ง ใบหน้าธรรมดาไม่เป็นที่สะดุดตานัก หากแต่ความเฉลียวฉลากรอบรู้อีกทั้งเสน่ห์ที่น่าหลงใหลที่ซ่อนอยู่ภายในตัว ใจของข้าที่นิ่งสงบมากนานกลับสั่นไหวดั่งผิวน้ำที่ถูกโยนก้อนหินลงไปจนกระเพื่อมไหว”

“กล่าวเสียจนข้ายังเขินอายแทน แล้วเป็นผู้ใดกันที่ท่านกล่าวมา”

“เป็นบุตรชายเจ้าของร้านอาหารฟาง”

“ช้าก่อนสหายข้า เจ้ากำลังจะบอกกับข้าว่าผู้ที่ทำให้เจ้ากล่าววาจาราวติดอยู่ในห้วงฝันคือบุรุษ”

“ใช่ ข้าจักต้องหาวิธีให้อวี้เอ๋อร์ยอมมาเป็นฮูหยินข้าให้จงได้”

“จากที่ท่านกล่าวมา ดูท่าบุรุษผู้นั้นคงมิได้ปลงใจกับท่านกระมัง”

“ดั่งเช่นที่ท่านกล่าวฮองเฮา ตอนนี้ข้าได้เพียงสถานะพี่ชายเพียงเท่านั้น แต่ตราบใดที่ข้าตามตื้ออยู่เช่นนี้ ไม่นานอวี้เอ๋อร์ย่อมต้องยินยอมเป็นแน่”

“ข้าชักจะสนใจผู้ที่ทำให้สหายข้าแสดงอาการแปลกประหลาดเช่นนี้สักครา”

“ขอประทานอภัยพะยะค่ะ ขณะนี้อาหารจากทางร้านฟางมาถึงแล้วพะยะค่ะ”

“นำขึ้นโต๊ะเสวยเลยท่านกงกง”

“พะยะค่ะ”

“อาหารใดจึงมีหน้าตาแปลกเช่นนี้”

“ข้าได้ยินเสียงเล่าลือจากบรรดาสนมมามากนัก วันนี้ข้าจักได้ลิ้มรสสักครา”

“แล้วนั่นไหอะไรกันเสี่ยวหมิน”

“เป็นสุราสูตรใหม่ที่อวี้เอ๋อร์ของข้าคิดขึ้นมา มีขายที่ร้านอาหารฟางเท่านั้น”

“เช่นนั้นข้าคงได้พบหน้าน้องชายคนใหม่ของเจ้าแล้วกระมัง”

“จริงดังที่ท่านว่า กฎการค้าสุราของแคว้นเราหากจะค้าขายสุรากับผู้ใดต้องแจ้งแก่กรมยุติธรรมเสียก่อน”

“ในเรื่องนี้ข้าจักช่วยเจ้าเองสหายรัก”

“เช่นนั้นลองทานดูเถิด”

“สีสันแปลกตา กลิ่นดี รสชาติดี ฮองเฮาลองดูเถิด”

“เพคะ รสชาติดียิ่ง ไม่แสบร้อนยามทานลงคอเช่นสุราอื่น”

“ใช่หรือไม่ ว่าที่ฮูหยินข้าเก่งยิ่งนัก”

“ตามที่ท่านพึงใจเถิดท่านกงหมิน”

 TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : คิดจะมาเต๊าะลุงหรือไอ้หนุ่ม กลับไปฝึกมาใหม่ไป
กงหมิน : น้องอวี้เจ้ากำลังพูดกับผู้ใดกัน
เซียนอวี้ : ข้าเพียงท่องสูตรอาหารเท่านั้นขอรับท่านพี่กงหมิน
กงหมิน : เจ้าช่างขยันยิ่งนักน้องอวี้
เซียนอวี้ : เอ่อ.....ขอรับ

ลงเนื้อหา 14/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 28/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 4 14/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 14-08-2018 13:34:32
 :impress2: :impress2: :impress2: เราตามมาจากเด็กดี เราจะเมนต์ทุกตอน คนเขียนอย่าเทเรานะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 4 14/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 14-08-2018 13:39:16
เสน่ห์แรงยิ่งนักทั้งรัชทายาท ทั้งเพื่อนสนิทฮ่องเต้ แต่ละคนตำแหน่งใหญ่ๆโตๆซะด้วย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 4 14/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-08-2018 19:43:23
ลุง ดูมีความสุข ได้ย้อนอดีตไปอยู่ในสมัยโบราณ
อากาศบริสุทธิ์สดชื่่น ไม่มีมลพิษ  ❤❤❤❤❤
ที่สำคัญเงียบสงบ น่าไปอยู่ตามลุงนะ  :hao3:

ลุง กลายเป็นเชฟดังแล้ว
ทำทั้งอาหาร ขนม หมักไวน์
ที่สำคัญลุงเนื้อหอม มีผู้สูงศักดิ์อยากให้เป็นชายาถึงสองคน
แต่ดูเหมือนลุงเริ่มอ่อนไหวกับซางไป๋แล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 4 14/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 15-08-2018 08:21:37
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 5 28/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 16-08-2018 12:03:29
#5

“ยามซื่อจะมีรถม้าจากทางวังหลวงมารับท่านไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ที่พระราชวังนะขอรับ”

“ขอบคุณท่านมากที่เป็นธุระส่งสารเช่นนี้”

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาตาข้างขวากระตุกรัว ผมพยายามที่จะไม่คิดมากและบอกตัวเองว่าคงไม่มีอะไร มันเป็นปฏิกิริยาจากการทำงานของร่างกายส่วนของดวงตาที่หนักเกินไปเพียงเท่านั้น แต่พอเปิดร้านได้ไม่นานกลับมีข้าราชบริพารในวังหลวงมาส่งสารเชิญผมที่เป็นคนดูแลร้านนี้ไปเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ที่วังหลวงซะอย่างนั้น

ยามอู่ พระราชวัง ตำหนักรับรองแขกองค์ฮ่องเต้

“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานพะยะค่ะ”

“ลุกขึ้นเถิด เจ้ามีนามว่ากะไรกัน”

“ขอบพระทัยพะยะค่ะ กระหม่อมแซ่ฟางนามเซียนอวี้พะยะค่ะ เป็นบุตรชายเจ้าของร้านอาหารฟางพะยะค่ะ”

“เหตุที่เจิ้นเรียกเจ้าเข้ามาพบวันนี้ เพราะกฎการค้าสุราของแคว้นเรา เมื่อใดก็ตามที่มีผู้ประสงค์จะค้าขายสุราจำต้องส่งเรื่องเพื่อกำหนดขอบเขตการค้ากับทางเจ้ากรมยุติธรรมเสียก่อนดำเนินการค้า เจ้าคงจะรับรู้มาบ้างแล้ว”

“พะยะค่ะ กระหม่อมศึกษามาพอสมควรเรื่องการค้าสุรา ยามนี้กระหม่อมเพียงค้าในร้านของกระหม่อมเท่านั้นจึงแจ้งไปเพียงค้าขายที่ร้านเท่านั้น”

“นับจากนี้เจิ้นจะขอแจ้งแก่เจ้าเรื่องการส่งหนังสือการค้าสุราเมื่อค้าขายกับบุคคลหรือร้านอื่นนอกเหนือจากที่แจ้งไว้กับทางกรมยุติธรรมที่ท่านเสนาหวังแต่เพียงผู้เดียว เข้าใจหรือไม่”  อย่าบอกว่ามันจะเกี่ยวกับเด็กแซ่หวังคนนั้นด้วยครับ ชักได้กลิ่นทะแม่งๆยังไงๆ

“รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ หากกระหม่อมคิดจะค้าสุรานอกจากร้านตนจะแจ้งแก่ท่านเสนาหวังพะยะค่ะ”  มีเรื่องกับฮ่องเต้ก็ไม่มีประโยชน์ ดูจากสายตามที่ส่งมาแปลว่ารู้เรื่องที่หวังกงหมินคิดจะจีบลุงด้วยสินะ

“ท่านเสนาหวังมาพอดี เจิ้นมีราชกิจที่ต้องไปสะสางรออยู่ เจิ้นของมอบหมายให้ท่านเสนาหวังพูดคุยตกลงต่อจากเจิ้นก็แล้วกัน”

“น้อมส่งเสด็จพะยะค่ะ” ทั้งผมทั้งท่านหวังกงหมินต่างส่งเสด็จองค์ฮ่องเต้ที่รีบหนีไปซะงั้นเมื่อต้นเรื่องเดินเข้ามาราวกับนัดแนะกันมา

“คาราวะท่านเสนาหวังขอรับ”

“ตามสบายเถิด วันนี้พี่ชายคนนี้อยากจะชวนน้องอวี้มาร่วมทานมื้อเที่ยงได้หรือไม่ หรือมิพึงใจ”

“มิได้ขอรับอย่าได้กล่าววาจาเช่นนั้น ท่านนับเป็นพี่ชายของข้าเช่นนี้ ตัวข้าน้อยย่อมต้องยินดีที่ได้รับเชิญยิ่งนัก” จงเป็นพี่ชายลุงไปซะไอ้หนุ่ม

“ดียิ่งนัก เชิญๆ”  จงอยู่ในเขตบารเธอร์โซนไปซะ อย่ามาทำท่าหงุดหงิดใจเด็ดขาดนะ เลือกเอาไว้เอง อยากขุดหลุมไว้ก็ตกลงไปซะ คิดจะมาตีสนิทกับลุงแล้วเลื่อนขั้นต้องทำใจ อยากเป็นพี่น้องก็หยุดอยู่ตรงนั้นเถอะ ลุงขอเตือน

หลังจากนั้นกว่าจะสลัดเจ้าเสนาหวังที่เกาะแกะเป็นปลิงหวังจะเคลมน้องเป็นเมียออกไปได้เล่นเอาพลังงานในร่างเกือบหมดตัว ขากลับจากวังมีรถม้ามาส่งเหมือนเดิมแต่ว่ากลับมีเหตุการณ์ระหว่างทางเกิดขึ้นเสียก่อน

“ขออภัยโปรดหยุดรถม้าก่อนเถิด”

“มีเหตุอันใดหรือขอรับ”

“ข้าได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากทิศทางนั้น ข้าจะไปดูสักครู่”

“ข้าจะส่งทหารไปตามที่ท่านกล่าวมา คงไม่สามารถให้ท่านได้รับอันตรายใดๆได้”

“เช่นนั้นข้าขอรบกวนท่านแล้ว”

“มิได้ขอรับ” ไม่รู้ว่าเจ้าเสนาหวังคนนั้นพูดอะไรกับทหารคุ้มกันพวกนี้ถึงดูนอบน้อมกันขนาดนี้ คงไม่ได้ไปพูดอะไรแปลกๆหรอกนะ

ไม่นานทหารที่ถูกส่งไปก็กลับมาพร้อมหญิงงามคนหนึ่ง ผมให้ผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาด้วยก่อนจะส่งผ่าให้เช็ดทำความสะอาดและจัดแต่งเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยซะก่อน

หลังจากที่ถึงร้านอาหารฟาง ผมก็พาหญิงสาวที่ช่วยเหลือมาพักที่ห้องรับรองแขกของทางร้านก่อนจะพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“ขออภัยแม่นาง ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่ ข้าแซ่ฟาง นามเซียนอวี้”

“เป็นบุญคุณแล้วที่ท่านช่วยเหลือข้าคุณชายฟาง ข้ามีนามว่าอิงฮวา เป็นเจ้าของหอนางโลมฮวาที่ห่างจากร้านท่านไม่ไกลนัก”

“ข้าขอถามท่านได้หรือไม่ถึงสาเหตุที่ท่านตกอยู่ในอันตรายเช่นนั้น”

“ตามปกติแล้วเราจะมีคนทำหน้าที่ติดต่อสินค้า พวกวัตถุดิบต่างๆในการบริการที่หอของข้า แต่วันนี้คนที่ทำหน้าที่ดันหยุดงาน ข้าที่ว่างเลยคิดออกมาทำ แต่ไม่คิดว่าจะเจอเรื่องร้ายระหว่างทางเช่นนี้”

“อย่าเศร้าใจไปเลยขอรับ ตัวข้าได้พานพบท่านย่อมเป็นชะตาลิขิตจากเบื้องบนแล้ว โปรดจงวางใจ”

“ข้าเรียกเจ้าว่าเสี่ยวอวี้ได้หรือไม่”

“ได้ขอรับท่านพี่อิงฮวา”

“ข้ารูสึกถูกชะตากับเจ้ายิ่งนัก หากมิรังเกียจมีเรื่องเดือดร้อนอันใดโปรดจงบอกแก่ข้ามาได้ทุกยาม พี่สาวคนนี้ยินดีนักที่จะได้ช่วยเหลือเจ้า”

“เป็นเกียรติยิ่งนักที่ได้นับพี่ถือน้องกับหญิงสาวที่งดงามเช่นท่าน ข้าเป็นผู้น้อยจะกล้านำเรื่องเดือดร้อนอันใดไปรบกวนท่านได้”

“ปากหวานเช่นนี้คงมีหญิงสาวมาติดพันมากมายยิ่งนัก จริงหรือไม่”

“มิกล้าๆ”

“เหตุใดข้ามิเคยพบเจอเจ้ามาก่อนเล่าน้องอวี้”

“ข้าเป็นเพียงเด็กน้อยที่อ่อนต่อโลกเท่านั้น ไม่มีความกล้าที่จะเหยียบย่างออกจากชานเรือนตนนอกจากเรื่องวัตถุดิบของทางร้าน จึงมิแปลกที่จักไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาของน้องชายคนนี้มาก่อน”

“หากเป็นเช่นนั้น วันนี้พี่สาวคนนี้จะพาเจ้าได้เปิดหูเปิดตากับที่หอของข้าเสียแล้ว สนใจหรือไม่”

“จริงหรือขอรับท่านพี่อิงฮวา” เสร็จลุง คืนนี้ลุงจะแปลงร่างเป็นผีเสื้อราตรีให้ได้

“จริงแท้ ข้าจักขอท่านพ่อของเจ้าให้เอาหรือไม่”

“ข้าไม่รู้จักตอบแทนท่านเช่นไร”

“อย่าได้เกรงใจไป นับพี่นับน้อง เป็นเรื่องสามัญหากเราจะแบ่งปันความสุข”

“จริงแท้ขอรับท่านพี่”

“นายน้อยขอรับ”

“มีเรื่องอันใดรึเสี่ยวเปา”

“นายท่านให้มาเรียนท่านว่าหากเสร็จธุระท่านจักขอพูดคุยเรื่องที่ท่านเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้วันนี้ของรับ”

“ข้าลืมไปได้เยี่ยงไร เอาเถิดข้าจักรีบไป เจ้านำขนมน้ำชาตามข้าไปด้วยแล้วกัน”

“ขอรับนายน้อย”

“พี่อิงฮวา มาเถิด ข้าจะแนะนำท่านให้รู้จักกับท่านพ่อของข้า”

“ตามใจเจ้า”

ผมเดินนำหญิงสาวที่นับเป็นพี่น้อง ผมไม่เคยเจอผู้หญิงคนอื่นนอกจากคนในร้านตัวเองมาก่อน พอมาเจอก็อดตกใจไม่ได้ สวยมากครับ แล้วคิดดูว่าผมจะได้ไปอยู่ท่ามกลางเหล่าหญิงสาวที่งดงามคืนนี้

“อวี้เอ๋อร์เจ้าจักเดินเลยข้าไปแล้วนะ คิดอันใดอยู่กัน”

“ลูกขออภัย” อย่ามองลุงด้วยสายตาแบบนั้นครับ มันเพลินไปบ้างเป็นเรื่องปกติ

“ท่านพ่อขอรับท่านนี้คือท่านพี่อิงฮวา เจ้าของหอฮวาขอรับ”

“ยินดีที่ได้พบท่านเจ้าค่ะเถ้าแก่ฟาง”

“เช่นกันขอรับ”

“วันนี้ข้าขออนุญาตท่านพาน้องชายคนใหม่ของข้าไปเยือนหอฮวาได้หรือไม่เจ้าคะ”

“โอ้ดียิ่งนัก ข้ายังกลัวว่าลูกชายข้าจักเที่ยวหอนางโลมมิเป็นเสียแล้ว ได้ท่านช่วยดูแลข้าก็เบาใจยิ่งนัก”

“ท่านพ่อกล่าวเช่นนั้นไม่ไว้หน้าข้าเลยนะขอรับ”

“อย่ากล่าวเช่นนั้นลูกรัก นอกจากสหายของเจ้าก็ท่านเสนาหวังอีก ข้าต้องทำใจนานนัก”

“ท่านกล่าวอันใดกันท่านพ่อ”

“ขออภัย หากเป็นดั่งที่เถ้าแก่ฟางว่ามา น้องชายของข้าย่อมต้องหนักใจสินะเจ้าคะ”

“ดั่งที่ท่านกล่าวแม่นางอิงฮวา บุตรชายของข้าลาดเฉลียวแต่ไม่ทันใครในเรื่องรัก ต้องวานแม่นางสั่งสอนแล้ว”

“ข้ายินดีเจ้าค่ะ” ทำไมกลายเป็นว่าผมที่พามาต้องนั่งฟังสองคนนั้นคุยกันในเรื่องที่เข้าใจด้วยละครับ ดีนะครับมีขนมกุ้ยช่ายอยู่ให้ทานระหว่างมองคนคุยกัน

“ท่านพี่ขอรับ ข้ามีสิ่งที่อยากให้ท่านได้ลิ้มลอง”

“สิ่งใดกัน” ผมเตรียมขายของหลังจากที่ท่านพ่อออกไปเล่นหมากรุกกับข้างบ้านต่อ ส่วนเรื่องไปเฝ้าฮ่องเต้ก็หลังจากนี้ที่อยู่กับตามลำพังแทน

“ข้าคิดสุราใหม่มาขอรับยังไม่เปิดขายกับผู้ใดเพียงขายที่ร้านเท่านั้น ข้าหวังว่าท่านจะสนใจร่วมค้ามัน”

“สีสันแปลกตายิ่ง รสชาติดี ถ้าเช่นนั้นคืนนี้มาทำสัญญากันเถิดน้องรัก”

“ขอรับท่านพี่”

 นั่งคุยกันไปเพลินๆจนเวลาล่วงมาถึงช่วงปิดร้าน วันนี้ท่านพ่อจะทำบัญชีเองให้ผมไปกับพี่อิงฮวาได้เลย สาวๆจ๋าลุงมาแล้ววววววว

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : คืนนี้ลุงจะเป็นม้า 5555+
กงหมิน : เจ้าอยากโดนขี่รึน้องอวี้
ซางไป๋ : หนีเที่ยวเยี่ยงนั้นรึ เป็นม้าเช่นนั้นรึ อยากโดนเฆี่ยนด้วยแส้สินะ
เซียนอวี้ : นั่นพวกเจ้าพูดสิ่งใด แล้วสายตาเช่นนั้นคืออันใดกัน
ฮุ่ยเอิง : ลูกชาย เจ้าครัวทำตัวเยี่ยงภรรยาที่ดีมากกว่านะ
อิงฮวา : เหตุใดข้าถึงมีความสุขเยี่ยงนี้เล่า

ลงเนื้อหา 16/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 28/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 5 16/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 16-08-2018 12:12:20
มาแล้วๆๆๆ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 5 16/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-08-2018 13:46:28
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 5 16/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-08-2018 13:54:40
ท่านเสนากับรัชทายาทรู้เข้าหอนางโลมจะไม่โดนสั่งปิดเหรอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 5 16/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 16-08-2018 16:26:26
ขำที่เค้าคุยกันท้ายเรือง
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 5 16/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 17-08-2018 09:53:56
ขอบคุณครับ +1 ไปเลยจ้าา :a2:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 5 16/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: chun22 ที่ 19-08-2018 12:41:00
น่าติดตามๆ
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 5 16/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 19-08-2018 13:34:16
จะรอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 5 16/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 19-08-2018 18:57:59
ยิ่งอ่านยิ่งติดเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 6 28/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 21-08-2018 14:34:39
#6

   ยามซวี(หนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มห้าสิบเก้า) หลังจากที่เดินทางมาได้ไม่นานเราทั้งสองคนก็มาถึงหอฮวาของท่านพี่อิงฮวาแล้วครับ สาวๆลุงมาถึงแล้วนะ วันนี้ลุงจะต้องสำรวจทุกซอกทุกมุมของหอนางโลมให้ได้ เห็นมาในหนังเยอะแล้ว อยากจะสัมผัสจริงสักที วันนี้แหละหึหึ

“ตามพี่สาวมาเถิด หากพลัดหลงไปคงยากจะตามหากัน”

“ขอรับ”

ภายในตัวหอแห่งนี้คล้ายกับในหนังพอสมควรครับ มีเสียงพูดคุยไม่ดังมากนัก แต่ก็เกินกว่าที่จินตนาการไว้เยอะเหมือนกันครับ ทั้งบรรยากาศ ผู้คน รูปแบบการต้อนรับ รวมถึงเด็กนั่งดริ้งด้วย

ลูกค้าที่เห็นจากในหนังจะต้องมีแต่พวกแก่ๆตัณหากลับบ้าง พวกขุนนางปลอมตัวบ้าง แต่ที่ผมเห็นโดยส่วนมากจะเป็นวัยรุ่นมากกว่า แทบจะหาคนแก่ไม่เจอเลย แถมหญิงสาวก็ไม่ได้แต่งหน้าหนาแบบที่เห็นในหนังด้วย

แสงจากโคมไฟที่ประดับไว้ก็ไม่ได้สว่างมากนัก การลูบการคลำก็ไม่ได้เห็นโจ่งแจ้ง แต่ดูเร้าอารมณ์เมื่ออยู่ใต้แสงโคมแบบนี้มากขึ้น ถ้าสังเกตกันให้ดีหรือผู้มีวิชาจะรู้เลยครับว่ามีกลิ่นกำยานที่ปลุกราคะผสมอยู่ในอากาศพอสมควร

ผมเดินตามพี่อิงฮวามาที่ชั้นบนของหอ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบนายโลมที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง สวยมากครับ ไม่ต่างจากผู้หญิงเลย ข้างตัวมีกู่เจิ้งวางไว้

อาการสงบนิ่งภายนอกไม่ได้ทำให้ผมสนใจเท่าสายตาที่มองมาที่ผมในตอนนี้ ขนทั้งร่างพลันลุกแข่งกัน สัญญาณอันตรายในร่างผมร้องกันระงม บุคคลตรงหน้าอันตรายกว่าที่ตาเห็น สิ่งที่เห็นเป็นภาพลวงตาเท่านั้น

ตั้งแต่ที่ผมลืมตาขึ้นมาในร่างนี้ผมก็รับรู้ได้ว่าร่างนี้มีความลับอยู่หนึ่งอย่าง เซียนอวี้คนเดิมมีดวงตาที่ไม่ธรรมดาครับ สามารถมองเห็นกระแสปราณของฝ่ายตรงข้ามได้ถ้าต้องการ ในโลกนี้มีเรื่องกำลังภายใน การฝึกยุทธ์ เรื่องของปราณในโลกนี้น่าจะเป็นตัวบ่งบอกวิชาที่ฝึกฝนที่ไหลเวียนในร่าง ความเข้มของกระแสปราณที่เห็นขึ้นอยู่กับเจ้าของร่างว่าอยู่ในขั้นไหน ยิ่งเข้มแปลว่ายิ่งแกร่ง

แต่สิ่งแลกเปลี่ยนที่ร่างนี้ต้องเผชิญคือร่างกายที่อ่อนแอ ถึงผมจะเคยเป็นอัจฉริยะมาก่อนก็ตามแต่ และเรื่องศิลปะการป้องกันตัวในโลกก่อนผมจะทำได้ทั้งหมด แต่ร่างกายนี้ไม่สามารถทำตามที่ผมคิดได้เท่าที่ควร การป้องกันตัวก็ทำได้เล็กน้อย การจะฝึกวรยุทธ์แบบชาวบ้านคนอื่นเลิกคิดได้เลยครับ และนี่เป็นเหตุผลที่ทำไมเจ้าของร่างถึงไม่กล้าออกจากบ้านตัวเองนัก

ว่ากันถึงกระแสปราณที่เคยเห็นมาจากความสามารถของร่างนี้ องค์ชายซางไป๋จากแคว้นหยุนมีปราณสีขาวทอง เป็นการฝึกวิชาธรรมดาของราชวงศ์ไม่แปลกที่จะผสมสีทองมาด้วยความเข้มมากพอดูแปลว่าฝีมือยากจะจับตัว ผมเลยไม่กล้าที่จะทำอะไรให้เคืองใจกันมากกว่าเดิมเพราะดูแล้วถ้าเกิดซางไป๋โมโหขึ้นมาผมคงไม่รอดแน่นอน

ส่วนอัครมหาเสนาบดีหวังกงหมินคนนั้นมีปราณสีขาวเข้ม นี่ก็เป็นอีกคนที่น่ากลัวเพราะว่าเข้มที่สุดจากที่ผมสังเกตชาวยุทธ์ที่เข้ามาทานอาหารที่ร้านแล้วครับ ไม่ธรรมดา การสนิทไว้น่าจะเป็นเรื่องดีที่สุดเหมือนกัน

ส่วนคนตรงหน้าของผมคนนี้ที่ร่างกายส่งสัญญาณเตือนกันว่าอันตราย เพราะกระแสปราณที่ผมมองเห็นในตอนนี้เป็นสีดำเข้มจนน่ากลัว หมอนี่เป็นตัวอันตรายมากที่สุดในตอนนี้ สีดำคือวิชามาร ดูท่าแล้วผมคนนี้กำลังเจอกับคนระดับสูงจากพรรคมารสักที่แล้วละครับ

และนอกจากวิชาที่คงอยู่ของร่างนี้แล้ว ความสามารถที่ติดมากับวิญญาณของผมก็คือการรับรู้ถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอบตัวโดยสามารถระบุได้ว่าเป็นใครจากไอวิญญาณที่ลอยมาถึงผม ผมว่าน่าจะเป็นเพราะวิญญาณของผมที่ถูกดึงมาในตอนที่ตายเรื่องที่เห็นวิญญาณของคนอื่นก็คงไม่แปลกมากในความคิดผม

และเรื่องที่ซางไป๋กับท่านพี่กงหมินส่งคนมาคอยตามผมในเงาก็ไม่เกินขอบเขตการรับรู้ของผมไปได้หรอกครับ เรื่องที่ผมบอกไปว่าจะไปที่หอนางโลมคิดว่าเจ้านายของสองคนนั้นน่าจะรู้แล้วเหมือนกัน ผมเลยได้แต่จ้องพวกเขาและบอกเหตุผลไป

ตอนแรกก็ตกใจคิดว่าตัวเองฝีมือตกจนถูกผมจับได้ ผมเลยต้องแก้ตัวไปว่าผมมีความลับอยู่ แต่บอกแค่นั้นไม่ได้บอกมากกว่าที่ควรทำ ผมรู้ว่าความสามารถของผมมันอันตรายพอดูครับ ถ้ามีคนรู้คงจะโดนตามมาจับตัวไปทำงานด้วยแน่

“คิดสิ่งใดอยู่หรือเสี่ยวอวี้ หรือเจ้ากำลังตะลึงในรูปโฉมของนักดนตรีของข้ากัน”

“ขออภัยที่เสียมารยาทต่อท่านนักดนตรี ข้าเพียงแต่คิดเรื่องไร้สาระเท่านั้น ขออภัยพวกท่านแล้ว” อย่าคิดว่าลุงไม่เห็นว่าเอ็งกระตุกยิ้มมานะ จะทำตัวน่ากลัวไปถึงไหนกัน แปลว่าต้องรู้ถึงอะไรบางอย่างแล้วสินะ เคยอ่านเจอมาเหมือนกันว่าพวกวิชามารมีศาสตร์เรื่องลึกลับอยู่ด้วย

“คำนับนายท่าน ข้าน้อยจิวเฟย เป็นนายโลมขายฝีมือที่หอแห่งนี้ขอรับ” รอยยิ้มการค้ากับดวงตาที่เหมือนจ้องเหยื่อมันไปด้วยกันได้ยังไง ลุงไม่เข้าใจคนตรงหน้าเท่าไหร่

“ข้าแซ่ฟาง ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ”

“ข้าน้อยขอเป็นผู้ดูแลท่านในค่ำคืนนี้ได้หรือไม่ขอรับคุณชายฟาง”

“โอ้ เจ้าต้องการเช่นนั้นรึจิวเฟย หายากที่นักดนตรีมือหนึ่งคนนี้ต้องการดูแลใครในช่วงข้ามคืนเช่นเจ้า โชคดีเสียแล้ว หวังว่าคืนนี้คงไม่ได้มีการจ่ายคืนแรกกันหรอกนะจิวเฟย”

“ท่านกล่าวเช่นนั้นมิได้ ข้าเพียงต้องการรินสุราพูดคุยกับคุณชายฟางเพียงเท่านั้น”

“วันนี้ที่ข้ามาเพื่อคุยธุระกับท่านพี่อิงฮวาเพียงเท่านั้น คงไม่กล้ารบกวนท่าน” ลุงคงไม่กล้ารบกวนให้เอ็งมาใกล้ตัวหรอกไอ้หนุ่ม หวังผลอะไรอยู่สินะถึงทำแบบนี้

“เช่นนั้นเป็นข้าน้อยที่ยุ่งยากเกินไป”

“เช่นนั้นเจ้าก็มารินชาให้แก่ข้าเถิด ถึงอย่าไรก็ยังคุยธุระอีกสักพัก” ในเมื่อส่งสารกันมาขนาดนี้เอาแต่หนีก็คงไม่รู้ว่าตกลงคนตรงหน้ามาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่

“ขอรับ” เจิดจ้าไปอีกครับ ถ้าอยู่โลกเก่าลุงจะแนะนำให้ไปถ่ายโฆษณายาสีฟันสักยี่ห้อนะครับ

“เมื่อตกลงกันแล้ว เช่นนั้นมาร่างสัญญาการค้ากันเถิดน้องอวี้”

เวลาผ่านไปสักพักผมกับพี่สาวคนสวยก็ร่วมมือทำการค้าด้วยกันเสร็จสมบูรณ์และมีสิ่งมีชีวิตที่ชวนให้ขนตั้งชันตลอดเวลาร่วมอยู้ด้วยเช่นกัน

“เมื่อเรียบร้อยแล้วข้าจะแจ้งกับทางท่านเสนาหวังอีกครั้งเรื่องที่ข้าทำการค้าสุรากับท่านพี่นะขอรับ”

“ตามที่เจ้าสะดวกเถิด เมื่อได้สินค้ายามใดก็แจ้งมาล่วงหน้าก่อนก็แล้วกันนะ”

“ขอรับท่านพี่ ว่าแต่ข้ากำลังคิดจะจัดตั้งกิจการเกี่ยวกับความงามของสตรีแคว้นเรา ท่านสนใจร่วมลงทุนกับข้าหรือไม่ขอรับท่านพี่” เรื่องเงินไม่น่าจะยากเพราะที่ร้านก็พอจะมีเงินอยู่ ร่างนี้ก็มีเงินเก็บอยู่เหมือนกัน ขาดแต่เรื่องที่เท่านั้น ถ้าได้คนที่มีสายอย่างท่านพี่อิงฮวามาช่วย สปาอโรม่าของลุงคงไม่ใช่ฝัน หึหึ

“เกี่ยวกับความงามรึ เช่นไรกันเล่า”

“เป็นการนำสมุนไพรมาบำรุงผิว จนถึงการดูแลตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าขอรับ ข้าคิดว่าน่าจะทำกำไรกับเราได้มากหากคุณหนูชั้นสูงสนใจ”

“โอ้ ช่างคิดยิ่งนัก เช่นนั้นข้าสนใจ ว่าแต่เจ้าต้องการให้ข้าช่วยสิ่งใด”

“ข้าไม่เคยย่างเท้าออกมาไกลจากบ้านนักอย่างที่ท่านรู้ ข้าเลยอยากให้ท่านช่วยในเรื่องสถานที่ตั้งร้านได้หรือไม่ขอรับ”

“ไม่มีปัญหาอันใด เช่นนั้นเรื่องร้านพี่สาวคนนี้จะจัดการให้เจ้าเอง เรื่องอื่นไว้หารือกันวันหน้าเถิด พี่จักต้องไปดูงานก่อน”

“เช่นนั้นข้าจะเขียนรายละเอียดมาให้ท่านได้ตัดสินใจอีกครั้งนะขอรับ”

“ทำตามที่เจ้าว่าเถิด เอาล่ะข้าฝากน้องชายของข้าด้วย จิวเฟย”

“ขอรับนายแม่”

ไปแล้วครับ คนกลางในห้องนี้ ตอนนี้เลยเหลือแค่ผมกับบุคคลอันตรายตรงหน้า สายตาที่มองมาเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย แต่กระแสปราณที่ปล่อยออกมาดูเหมือจะมากขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพังแบบนี้

“ท่านกำลังระแวงสิ่งใดอยู่หรือขอรับคุณชายฟาง หรือท่านกำลังระแวงในตัวข้ากันขอรับ”

“มิได้ ข้าเพียงแต่ไม่คุ้นเคยกับบุคคลแปลกหน้าเพียงเท่านั้น” อย่ามากดดันกันนะไอ้หนู ลุงก็มีดีเหมือนกันนะ แม้ว่าจะโลกก่อนก็เถอะ ทำไมพูดแล้วน้ำตาจะไหล

“ข้าชมชอบความฉลาดของท่านยิ่งนัก ทั้งด้านการค้าและความสามารถในการมองเห็นของท่าน” ว่าแล้วว่าหมอนี่ต้องรับรู้อะไรสักอย่างในตัวของผมมาสักพัก ไม่อย่างนั้นจะพยายามหาเรื่องอยู่ด้วยกันตามลำพังทำไม

“ท่านพูดเรื่องใดกันขอรับ ข้ามิเข้าใจ”

“มองข้าน้อยออกสินะขอรับคุณชาย ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้มิใช่ร่างจริงของข้าผู้นี้”

“ข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูด” เหงื่อเริ่มตกแล้วครับ แรงกดดันที่ปล่อยออกมาของเจ้าของร่างตรงหน้ายิ่งหนักขึ้น ไหนจะการขยับร่างกายให้เข้ามาใกล้ผมมากขึ้นอีก ผมที่ขยับตัวหนีไม่ได้ก็ได้แต่เอนตัวหลบจนเริ่มจะปวดหลังจากการเกร็งตัวแล้วครับ

“ข้าจะให้โอกาสท่านตอบอีกครั้งคุณชายฟาง ดูเหมือนว่าร่างกายของท่านจะเริ่มทรมานแล้วสินะ ตอบข้ามาว่าท่านเป็นใคร”

“ท่านเองมิใช่หรือที่ต้องตอบข้าว่าท่านเป็นผู้ใดกันแน่ มิใช่ข้าที่เป็นเพียงคนธรรมดาเช่นนี้”

“ท่านมองออกจริงๆสินะ ถึงกล่าวเช่นนั้นกับข้าคนนี้ที่เป็นเพียงนายโลมขายฝีมือธรรมดา”

“หึ นายโลมธรรมดาเช่นท่านคงจะมีฝีมือมากเช่นกันถึงขนาดใช้วิชาลวงตาเช่นนี้ได้ในทุกยาม ข้าไม่เข้าใจในความคิดของท่านสักนิด เหตุใดต้องมากลั่นแกล้งข้าน้อยด้วย ต่างคนต่างอยู่ดั่งน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลองก็จบแล้ว”

“เหอะ ปากดียิ่งนัก ภัยมาถึงตัวยังอวดเก่ง เรี่ยวแรงรึก็เพียงทารกหัดเดิน เอาเถอะเห็นแก่ที่ข้าสนใจเจ้ามากกว่าที่ทำกับผู้ใด ข้าแซ่จิวนามเฟยหลง ประมุขพรรคเมฆาทมิฬ ข้ามาจากแคว้นโหย่วเพื่อสืบข่าวภัยแล้งที่แคว้นเซียนแห่งนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน”

“ท่านกล่าวกับข้าเพื่อสิ่งใดกัน แล้วภัยแล้งที่แคว้นข้าน้อยเกี่ยวอันใดกับแคว้นโหย่วของท่านกัน”

“ย่อมต้องเกี่ยวเพราะแคว้นของเรามีอาณาเขตติดต่อกัน อีกทั้งพรรคของข้าก็อยู่ติดกับชายแดนเจ้า หากแหล่งน้ำที่ต้นน้ำจากแคว้นเจ้าแห้งแล้ง แคว้นข้าย่อมประสบปัญหาเช่นกัน และเมื่อข้าสามารถรู้ถึงสาเหตุแล้วและได้รับวิธีแก้ไข เมื่อเกิดภัยแล้งอีกครั้งข้าจักได้รับมือทัน” พูดง่ายๆจะมาสืบข่าวว่าวิธีจัดการภัยแล้งที่แคว้นทำยังไงแล้วเอาไปใช้กับที่พรรคของตัวเองว่างั้น ลงทุนไปไหม ผมว่าไม่ได้แค่เรื่องนี้หรอก แต่ก็ไม่อยากจะรู้ด้วยว่าเรื่องอะไรอีก ยิ่งรู้เยอะยิ่งตายเร็ว

“ท่านบอกแก่ข้าเช่นนี้ แปลว่าท่านต้องมีสิ่งที่หวังไว้ อีกทั้งยังมีเรื่องที่ท่านซุกซ่อนเอาไว้เช่นกัน ข้าไม่เชื่อว่าการเดินทางมาของท่านในครั้งนี้เพื่อเรื่องแค่นี้เท่านั้น แต่ข้าจะไม่ถามว่าเรื่องอันใดที่ทำให้ท่านต้องเดินทางมาที่นี่ เพราะข้าคิดว่าเราไม่ควรจะรู้จักกันมากไปกว่านี้อีก”

“เจ้าน่าสนใจยิ่งนัก รู้จักหลบหลีกเก่งเกินอายุ แต่อย่าได้กังวลไป เพราะถึงแม้นว่าเจ้าจักไม่รู้ว่าเพราะอันใดข้าถึงมาเยือนที่นี่แต่อย่างไรเจ้าก็รับรู้ถึงตัวตนของข้าแล้ว ไม่แปลกหากข้าจะจับตาดูเจ้านับจากนี้”

“ข้าควรยินดีสินะขอรับที่จะได้คนจับตาดูเพิ่มอีกคน เหตุใดเกิดเป็นข้าช่างวุ่นวายยิ่งนักกัน”

“ปากดียิ่งนัก ข้าชักอยากจะรู้เสียแล้วว่านอกจากปากของเจ้ามีสิ่งใดที่ดีกว่าหรือไม่”

“เหตุใดบุรุษที่เข้าใกล้ข้าแต่ละคนถึงคิดไปทางเดียวกันเช่นนี้นะ”

“เจ้ากำลังคิดว่าหน้าตาเยี่ยงเจ้าไม่ควรมีผู้ใดมองมาสินะ”

“เป็นเช่นนั้น”

“เจ้าคิดผิดแล้ว ถึงแม้นหน้าตาของเจ้าจักธรรมดาไม่ได้โดดเด่นอย่างไร แต่เพราะการกระทำและเสน่ห์ในตัวของเจ้าต่างหากที่ดึงดูดคนอย่างข้าให้สนใจ”

“คงไม่ใช่ท่านเท่านั้นหรอกขอรับที่มาสนใจตัวข้าน้อยคนนี้”

“เช่นนั้นรึ ข้าคงเป็นเพียงหนึ่งในคนรักเจ้าสินะ”

“ท่านกล่าวเกินไปแล้วขอรับท่านจิว ข้าไม่มีผู้ใดเป็นคนรักทั้งสิ้น แล้วท่านก็ควรลุกออกจากตัวข้าได้แล้วขอรับ” มือไวใจไวเป็นบ้าเจ้าเด็กคนนี้ เผลอแปปเดียวมาคร่อมลุงแบบนี้ได้ยังไงกัน

“หึ” นี่มันเวรกรรมอะไรกันครับ ทำไมผู้ชายอันตรายอย่างหมอนี่ถึงมาวุ่นวายกับผมด้วย รสนิยมผู้ชายโลกนี้น่ากลัวจริงๆ

“ข้าน้อยคงต้องขอตัวก่อนนะขอรับ ยามนี้ดึกมากแล้ว ขอลา” จะอยู่ให้อันตรายต่อข้างหลังทำไมละครับ เผ่นสิครับงานนี้

ตอนนี้น่าจะล่วงเข้ายามไฮ่(สามทุ่มถึงสี่ทุ่มห้าสิบเก้า)แล้ว น่าจะเป็นช่วงที่ผีเสื้อราตรีออกหากินกัน มีผู้คนหลังไหลกันเข้ามาที่ย่านหอโคมเขียวแบบนี้ ที่นี่พอหลุดออกมาจากย่านนั้นแล้วจะเงียบสงบ ยิ่งทางเดินในตลาดยิ่งเงียบมากว่าช่วงพระอาทิตย์ขึ้นมาก

ผมไม่กลัวว่าจะมีโจรมาทำร้ายหรอกครับ หลังจากที่หลุดออกมาจากประมุขพรรคมารแล้วก็รับรู้ได้ว่าคนในเงามืดเพิ่มขึ้นมาอีกคน ดูท่าจะทำความรู้จักกันแล้วสินะครับ ถึงเดินตามกันแบบนั้น ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าเขาทำงานร่วมกันได้ด้วย

“เด็กน้อย เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่กัน เหตุใดดึกดื่นเช่นนี้มิอยู่ในเรือนตน”

“คุณชาย ข้าน้อยเป็นเพียงขอทานไร้บ้านขอรับ ข้าน้อยทนหิวต่อไปไม่ไหวเลยลักลอบหนีออกมาจากท่านผู้เฒ่ามาหาของกินยามนี้ขอรับ”

“เจ้าบอกข้าว่าหิวสินะ เช่นนั้นรับขนมจากข้าก่อนเถิด” ดีนะครับที่ผมเป็นคนติดขนมปังพอสมควร ชอบหยิบมากินเวลาที่คิดอะไรเพลินๆเลยมีมาให้เจ้าหนูตรงหน้า

“ขอบพระคุณท่านมากขอรับคุณชาย”

“มิเป็นไร ว่าแต่ข้าจะพาเจ้าไปส่งที่พักแล้วกัน นำทางเถิด” ผมรู้สึกถูกชะตาเจ้าเด็กตรงหน้าแล้วสิครับ ดูท่าจะมีอะไรมากกว่าที่เห็น ถ้าจับมาอาบน้ำใหม่คงน่าดูมากขึ้นแน่นอน ลุงอยากมีน้องมานาน มาเป็นน้องลุงเถอะเจ้าหนู

“ขอรับคุณชาย”

“ข้ามีนามว่าเซียนอวี้ เรียกข้าว่าพี่อวี้เถิด”

“ข้าไม่มีชื่อ ท่านผู้เฒ่าเรียกข้าว่ามู่ขอรับท่านพี่อวี้”

“เช่นนั้นเสี่ยวมู่นำทางพี่ชายไปพบท่านผู้เฒ่าเถิด”

“ขอรับ”

ผมเดินตามน้องชายหมาดๆไปเรื่อยๆโดยที่สามคนที่ตามมาก็เอาแต่บ่นว่าคุณชายต้องไม่พอใจกันอยู่ได้ หลังจากที่รู้ว่าผมจับสัมผัสกันได้ก็ไม่ระวังว่าผมจะรู้อีกเลย เจ้าพวกนี้นี่
 
เดินมาจนหลุดพ้นจากย่านการค้า มาที่บ้านร้าง ภายในมีแสงสลัวอยู่ทำให้รู้ว่ามีคนมาอาศัยหลบนอนที่แห่งนี้

“ข้ากลับมาแล้วขอรับท่านผู้เฒ่า”

“เจ้ามันน่าตีนักเหตุใดถึงหนีออกไปกัน รู้หรือไม่ว่าข้าตกใจยิ่งนักเมื่อตื่นมาไม่พบเจ้าเสี่ยวมู่”

“ท่านอย่าตีข้าเลยขอรับ ข้าเพียงแต่หิวจนทนไม่ได้เท่านั้น”

“ข้าผิดเองที่ไม่มีเงินซื้อให้เจ้า ว่าแต่ท่านเป็นผู้ใดกันเหตุใดจึงมากับเสี่ยวมู่ได้”

“ผู้น้อยคาราวะท่านอาวุโส ผู้น้อยแซ่ฟางนามว่าเซียนอวี้ขอรับ”

“คุณชายฟางอย่าได้ทำเช่นนั้นขอรับ ตัวข้าเป็นเพียงขอทานชราเท่านั้น”

“มิได้ ข้าเป็นผู้น้อยย่อมต้องเคารพท่านจึงสมควร”

“ท่านช่างเป็นผู้ประเสริฐยิ่งนัก ว่าแต่เหตุใดท่านจึงตามเสี่ยวมู่มาถึงที่แห่งนี้กัน หรือว่าเจ้าเด็กดื้อไปทำอันใดแก่ท่านขอรับ”

“มิได้ๆ ข้าเพียงอยากจักพบผู้ที่ดูแลเสี่ยวมู่เพียงเท่านั้น”

“พบข้า”

“ขอรับ ข้าถูกชะตากับเด็กน้อยคนนี้ยิ่งนัก จะเป็นเช่นไรหากข้าอยากดูแลเสี่ยวมู่ต่อจากนี้ พอดีข้าต้องการคนดูแลร้านที่กำลังจะเปิด หากได้ผู้มีความรู้เช่นท่านย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี” กระแสปราณสีฟ้าขาวไม่เข้มไม่จางจนเกินไปของร่างชราตรงหน้า ทำให้ผมรับรู้ได้ว่าร่างของเด็กน้อยตรงหน้าย่อมไม่ธรรมดา เพราะคนที่ดูแลเป็นหนึ่งในพรรคธรรมะแบบนี้ ดูท่าผมจะชอบวิ่งเข้าหาเรื่องวุ่นวายอีกแล้วครับ

“ท่านรู้จักข้ามาก่อนหรือไม่”

“ไม่ขอรับ แต่หากท่านตกลงที่จะทำงานกับข้า ข้าจะบอกความลับที่ทำให้ทราบว่าท่านมีความรู้ได้เช่นไร”

“ข้าจักเชื่อใจท่านได้หรือไม่”

“อยู่ที่ท่านจักพิสูจน์ด้วยกาลเวลาแล้วขอรับท่านอาวุโส”

“เช่นนั้นข้าต้องรบกวนท่านนับจากนี้แล้ว”

“รบกวนท่านเช่นกันขอรับ  เช่นนั้นพรุ่งนี้ยามซื่อข้าจักกลับมาอีกครั้ง”

“ข้าคงได้เพียงรอท่านเท่านั้น”

“ข้าจักกลับมา”

“ข้าจะรอท่าน ท่านพี่เซียนอวี้”

“ข้าจะมารับนะเสี่ยวมู่”

หลังลำลาเสร็จผมก็รีบเดินทางกลับมาที่ร้านเพื่อจัดการเรื่องที่จะทำในวันพรุ่งนี้ ก่อนอื่นต้องหาเงินทุนเปิดร้าน ไหนจะสินค้าที่เตรียมไว้ในหีบมากมายในห้องที่เตรียมขายอีก ดูท่าเรื่องไวน์ไม่เกินพรุ่งนี้ท่านเสนาหวังต้องมาเยี่ยมกันแน่นอน แต่คงไม่แปลกถ้าจะหาคนสนับสนุนเพิ่มเติมละนะ ผมคิดว่าอย่างนั้น

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ข้าจะมีน้องแล้ว เย้
ฮุ่ยเอิง : ข้ากำลังจะอุ้มหลานเช่นนั้นรึ
เซียนอวี้ : ท่านกำลังเข้าใจผิดขอรับ ข้าหมายถึงน้องชายที่จะรับมาดูแล และตัวข้าเป็นบุรุษเผื่อท่านพ่อจักลืมไป
ฮุ่ยเอิง : เป็นเช่นนั้นสินะ ข้าหลงลืมได้เช่นไร แต่มิแปลกเพราะสามีของเจ้าช่างมากมาย
เซียนอวี้ : ข้าเกรงว่าท่านคงพักผ่อนน้อยเกินไปกระมังท่านพ่อ
เสี่ยวมู่ : ตกลงท่านพี่เซียนอวี้มีสามีหรอกหรือขอรับ
เซียนอวี้ : ท่านพ่อท่านกำลังทำให้เด็กตัวน้อยเข้าใจผิดอยู่นะขอรับ
ฮุ่ยเอิง : เข้าใจผิดสิ่งใด แล้วบุรุษเหล่านั้นเล่า
เซียนอวี้ : …………….(สายตาแบบนั้นถ้าพูดอะไรไปจะโดนอะไรไหมครับ)(เหล่มองด้านหลังตัวเอง)

ลงเนื้อหา 21/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 28/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 6 21/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-08-2018 13:49:32
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 7 28/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 23-08-2018 13:21:40
#7
 
เช้าวันต่อมาผมตื่นมาพร้อมกับอากาศที่สดใสต่างกับจิตใจที่หดหู่ของผมนัก ยังจะถามกันอีกหรือครับว่าเพราะอะไร ถ้าอย่างนั้นพวกหนูลองคิดตามลุงนะเด็กๆ

การที่เราได้เข้าไปอยู่ในถิ่นของดรุณีน้อยที่เปรียบเสมือนดอกไม้งามที่กำลังเบ่งบานสะพรั่งพร้อมรับการเด็ดดมละลานตาแบบหอนางโลมฮวาแต่ ย้ำว่าแต่ แทนที่ลุงจะได้เข้าไปเป็นเหล่าภมรดอมดมดอกไม้กลายเป็นสิ่งที่ลุงต้องเผชิญคือสายตาชวนขนหัวลุกและพฤติกรรมชวนระทึกของท่านประมุขพรรคมารแบบนั้นแทน

แล้วแบบนี้พวกหนูๆยังคิดว่าลุงควรตื่นมาด้วยจิตใจเบิกบานเหมือนได้ท่องโลกกว้างแบบวิ่งไปในทุ่งลาเวนเดอร์อีกหรอครับ ฮึ่ย

เอาละตอนนี้ลุงก็พอที่จะทำใจได้แล้ว อย่าลืมไปว่าที่โลกนี้ลุงยังมีเวลาไปร่าเริงที่ร้านพี่อิงฮวาอีกมากมาย แค่คิดแบบนี้จิตใจที่หดหู่ก็เบิกบานขึ้นมาทันที

เมื่อถึงเวลาก่อนทานมื้อเช้าของเราสองคนพ่อลูกผมเลยเอาเรื่องที่คิดไว้เมื่อคืนมาบอกท่านพ่อก่อน ไม่ได้ครับเรื่องเงินๆทองๆต้องรอบคอบไว้ก่อนครับ โลกก่อนสอนลุงไว้เยอะครับ

“ท่านพ่อขอรับ ลูกมีเรื่องจะขอรบกวนท่านสักครู่”

“ว่ามาเถิด มีเรื่องอันใด พ่อฟังเจ้าอยู่”

“ข้าอยากมีกิจการใหม่เป็นของตนขอรับ”

“ร้านนี้ก็เป็นกิจการของเจ้าอยู่แล้ว”

“ข้ารู้ขอรับ แต่ข้าคิดค้นสิ่งใหม่ๆได้มากมายเลยอยากจะเอามาเป็นการค้าของตนเองเพิ่มขอรับ ข้าอยากมีร้านใหม่ไว้ขายสินค้าพวกนั้นขอรับ เพราะมีหลายสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องการอาหาร อีกทั้งเมื่อวานข้าได้พูดคุยกับพี่อิงฮวาเรื่องร้านเสริมความงามของสตรีด้วย ลูกขออภัยที่ตัดสินใจโดยพลการไม่ได้ถามท่านพ่อก่อน”

“มิเป็นไรเจ้าโตมากแล้ว อีกไม่เกินสองปีเจ้าก็จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว  สิ่งใดที่คิดว่าดีก็ตัดสินใจเถิด แต่หากเจ้ามีร้านร่วมลงทุนกับแม่นางอิงฮวาแล้ว เหตุใดจึงอยากมีร้านอีกเล่า”

“ก็ข้ามีหลายสิ่งที่อยากจะขายนี่ขอรับ ท่านพ่อ ลูกขอเปิดนะขอรับ”

“ตามใจเจ้า ขาดเหลือสิ่งใดให้บอก พ่อจักช่วย หากเหนื่อยเกินไปให้หยุด เข้าใจหรือไม่ อย่าทำร้ายตนเองเด็ดขาด”

“ขอรับ ลูกสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรจนเกินตัว ข้ารักท่านพ่อที่สุด”

“ปากหวานเสียจริง” ได้คนสนับสนุนเงินแล้วต่อไปก็ต้องหาร้านสินะ สงสัยคงต้องออกไปเดินดูที่ทางเปิดร้านซะแล้วมั้งครับ

“นายน้อยขอรับ ท่านหวังกงหมินมาขอพบขอรับ” หลังทานข้าวกับท่านพ่อเสร็จ พวกเราสองพ่อลูกก็นั่งคุยกันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติเพราะมีเหยื่อมาให้ถึงที่แบบนี้สิครับ

“มาแล้วหรือ ท่านพ่อลูกคงต้องเจรจาเรื่องการค้าสุราก่อน อย่างที่ท่านทราบ ลูกขอตัว”

“เช่นนั้นอย่าให้ท่านรอนาน หากเป็นไปได้จงระวังตัวเสียหน่อย อย่างไรคนในราชสำนักย่อมไม่ธรรมดา”

“ข้าจะจำที่ท่านสั่งสอนขอรับท่านพ่อ”  ไม่แปลกใจหรอกครับที่ท่านพ่อจะพูดแบบนั้น ก็คนในวังพวกนั้นน่ากลัวจะตายไป เจ้าเล่ห์เป็นที่หนึ่ง

“ขออภัยที่ให้ท่านพี่กงหมินรอเช่นนี้”

“มิเป็นไร ข้าผิดที่ไม่ได้บอกเจ้าก่อนล่วงหน้า”

“มิได้ขอรับ เช่นนั้นเชิญท่านพี่กงหมินทางนี้เถิดขอรับ”

ผมพาเขาไปที่หลังร้านที่มีศาลาอยู่หลังหนึ่ง เป็นที่พักผ่อนของเราสองคนพ่อลูกครับ แต่เพราะกิจการดีผมเลยไม่มีเวลามานั่งเล่มหมากล้อมมากเท่าเดิมท่านพ่อเลยออกไปเล่นกับเพื่อนบ้านแทน ศาลานี้เลยว่างมานาน ก่อนที่จะเข้ามาผมให้เด็กๆมาจัดของว่างรอก่อนแล้ว ไม่ได้หรอกครับวันนี้เราต้องมีผู้สนับสนุนที่ตั้งร้านให้ได้ครับ

“ท่านมาหาข้าวันนี้เพราะเรื่องสุราใช่หรือไม่ขอรับ”

“นั่นเป็นเรื่องหนึ่งแต่ที่สำคัญคือเหตุใดเจ้าต้องไปที่หอนางโลมตัวคนเดียวเช่นนั้น หากเจ้าต้องการใยมิบอกข้ากัน”

“ท่านพี่กงหมินอย่าโกรธข้าไปเลยขอรับ ข้าเพียงไปเพื่อพูดคุยการค้าเท่านั้น มิได้ทำเรื่องอื่นใดจริงๆนะขอรับ”

“ข้ามิเชื่อ บุรุษใดย่อมลุ่มหลงสตรีสวยงามเช่นนั้น” งอนหนักจังครับแค่ไปหอนางโลมเอง แถมเอ็งคือคนที่จะมาจีบลุงนะไอ้หนุ่ม แค่จีบยังไม่ได้เป็นอะไรกัน ความงอนนี้คืออะไร

แต่จะว่าไปมันไม่แปลกถ้าคนที่ชอบไปเที่ยวกับคนอื่นจะโมโหก็คงไม่ผิด นี่อาจเป็นการระงับอารมณ์ที่มากแล้วก็ได้ดูจากนิสัยแล้ว ยังไงชายตรงหน้าก็มีอำนาจมากพอถ้าขัดใจคงตามไปราวีที่ร้านตั้งแต่รู้เรื่องไปแล้ว ไม่รู้เพราะอะไรอาจจะเพราะผมไม่อยากจะถูกโกรธจากคนที่ไว้ใจได้ในโลกนี้ก็ได้มั้งครับ

โลกก่อนลุงเป็นเด็กกำพร้าไม่มีครอบครัว แถมพอโตขึ้นก็เจอแต่รุ่นราวคราวเดียวกัน คนที่จะมาทำตัวเป็นพี่หวงน้องแบบนี้ก็ไม่เคยเจอ ความรู้สึกดีๆไม่รู้ว่าก่อตัวจากตรงไหน มารู้ตัวก็ตอนที่โดนโกรธไปแล้ว คงไม่ผิดใช่ไหมที่ลุงจะอ้อนพี่ชายคนนี้สักครั้งให้สมอายุโลกนี้สักหน่อย

“ท่านพี่ไม่เชื่อในตัวน้องเช่นนั้นหรือขอรับ น้องคงทำท่านผิดหวังเช่นนั้นสินะขอรับ” ตัดพ้อต้องมาก่อน ก็คนมันชอบอ้อนนี่ครับงานถนัดเลย

“เฮ้อ เอาเถิด ครั้งนี้พี่จะเชื่อเจ้า เห็นแก่ที่เจ้าเข้ามาออดอ้อนหรอกนะ คราวหน้าหากต้องการสิ่งใดให้บอกกัน พี่ไม่ได้ว่าถ้าเจ้าต้องการ”  ง้อง่ายจังครับ ช่างเถอะถือว่าดีกว่าปล่อยให้โกรธกันไปจนเหลือตัวคนเดียวละครับ

“จริงหรือขอรับ ถ้าเช่นนั้นน้องชายคนนี้มีเรื่องอยากจะรบกวนท่าน”

“ไม่แทนตัวว่าน้องแล้วรึ”

“ย่อมได้หากท่านช่วยเหลือข้าก่อน”

“ช่างเจรจานัก เอาสิว่ามา น้องน้อยอยากได้สิ่งใดกันพี่ชายคนนี้จะไปหามาประเคนเจ้าถึงที่เชียว”

“เมื่อสักครู่ข้าบอกท่านพ่อไปแล้ว ข้ากำลังจะไปหาท่านเช่นกัน แต่เอาเถิดอย่างไรท่านก็อยู่ตรงนี้แล้ว ข้ากำลังจะเปิดร้านใหม่ ข้ามีสินค้ามากมายที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาหาร แต่สิ่งที่ข้าต้องการให้ท่านช่วยคือสถานที่ตั้งร้านขอรับ”

“สถานที่”

“ขอรับ ข้าไม่เคยออกไปที่ใดไกลกว่าย่านนี้นัก ข้าเลยไม่รู้ว่าจักหาที่ได้อย่างไร ในเมื่อท่านเป็นถึงคนใหญ่คนโตย่อมต้องรู้จักและแนะนำข้าได้ จริงหรือไม่ขอรับท่านพี่กงหมิน”

“เรื่องเพียงเท่านี้ พี่ย่อมช่วยเจ้าได้ เช่นนั้นจบธุระข้าจักพาเจ้าไปเดินดูเอง ดีหรือไม่”

“จริงหรือขอรับ เช่นนั้นรบกวนท่านแล้ว”

“ข้าชมชอบเวลาที่เจ้ายิ้มนัก ไม่แปลกใจที่องค์ชายและบุรุษในหอผู้นั้นจักชมชอบเจ้าเช่นกัน”

“ท่านรู้”

“สิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับตัวเจ้าเหตุใดข้าถึงไม่รู้”

“แล้วท่าน”

“ข้ารู้ เจ้าไม่ต้องคิดสิ่งใดมากไปอวี้เอ๋อร์ เพียงแค่ได้อยู่ข้างกายเจ้าเช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว ต่อให้การที่เจ้าเข้าใกล้ข้างเพราะหวังในตัวข้าก็ตาม”

“ข้าไม่ได้เข้าใกล้ท่านเพราะสิ่งใด อาจจะเป็นเรื่องจริงที่ข้าหวังบางอย่างจากท่าน แต่สิ่งที่ข้าหวังคือการมีพี่ชายเพียงเท่านั้น”

“หึหึ เจ้าจักทำให้ข้าหลงไปถึงเมื่อใดกันนะ เอาเถิด เป็นเพียงพี่ชายในยามนี้ก็เพียงพอแล้ว อวี้เอ๋อร์ข้าอยากบอกแก่เจ้าว่าข้าดีใจที่เจ้านึกถึงข้าเมื่อมีเรื่องเดือดร้อน”

“ท่านพี่” ทำไมผู้ชายคนนี้คิดน้อยจังครับ ถ้ารุกใส่มากกว่านี้ลุงพอจะหาเรื่องตีตัวออกห่างได้อยู่ แต่ไม่รู้ทำไมใจของลุงกับดีใจกับคำพูดนั้นก็ไม่รู้กัน คงไม่ใช่ว่าลุงกำลังหวั่นไหวอยู่หรอกนะ ไม่นะ!!!

“อย่าทำหน้าเช่นนั้น ข้าไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เจ้าคิดไป ข้าเพียงแต่เป็นพี่ชายเจ้าตอนนี้เท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจักเป็นตลอดไป จริงหรือไม่”

“หากจะดียิ่ง ถ้าท่านให้เวลาข้าซึ้งใจนานกว่านี้ ท่านพี่กงหมิน” เสียเวลามากครับ เอาความหวั่นไหวของลุงคืนมาเลยนะ

“หวั่นไหวกับข้าสินะ”

“เข้าเรื่องเถอะขอรับ เสียเวลามากแล้ว”

“ได้ๆ ข้ากลัวใครบางคนจะเขินอายกว่าเดิม” ภาพคนดีที่ทำเมื่อกี้คืออะไรกันครับ นี่มันจิ้งจอกห่มหนังแกะดีๆนี่เอง จริงเหมือนที่ท่านพ่อบอกไว้เลย พวกในวังคบไม่ได้

“เรื่องสุราน้องทำการค้ากับทางหอฮวาเพิ่มมาขอรับ และคิดจำหน่ายที่ร้านใหม่ด้วยเช่นกัน”

“แล้วเรื่องร่วมกิจการกับเจ้าของหอฮวาเล่า”

“ปิดท่านไม่ได้สินะ น้องจะนำสินค้าบำรุงผิวพรรณไปเปิดร้านกับพี่อิงฮวาขอรับ”

“เป็นสินค้าที่เจ้าจักนำมาขายที่ร้านใหม่ด้วยใช่หรือไม่”

“ขอรับ เป็นสินค้าเดียวกัน แต่มีให้ซื้อไปบำรุงที่บ้านเองขอรับ”

“ความคิดดี เช่นนั้นไปดูร้านกันเถิด ก่อนที่จะสายกว่านี้”

“ขอรับ เชิญท่านนำทางเลยขอรับ”

ฝากเด็กในร้านไปบอกท่านพ่อแล้วเรื่องไปดูที่ทางกับพี่กงหมินวันนี้ เดินออกไปได้ไม่ไกลก็มีทหารเข้ามาทำความเคารพคนข้างๆทันที ดูเหมือนจะมาคอยอำนวยความสะดวกอะไรสักอย่าง ก็ที่รู้มานอกจากจะเป็นอัครมหาเสนาบดีที่ใหญ่โตแล้วยังเป็นพระสหายสนิทขององค์ฮ่องเต้อีกด้วย ไม่แปลกที่จะมีคนให้ความสำคัญขนาดนี้

เมื่อคืนนัดท่านผู้เฒ่ากับเสี่ยวมู่ไว้ยามซื่อ(เก้าโมงถึงสิบโมงห้าสิบเก้า) ตอนนี้ก็ยามเฉิน(เจ็ดโมงถึงแปดโมงห้าสิบเก้า)แล้ว ดูเหมือนคนข้างตัวผมจะไม่ได้เข้างานนะครับวันนี้ถึงมาเดินแถวนี้ได้ ที่โลกนี้ฮ่องเต้จะออกว่าราชการตอนนี้แหละครับช่วงยามเฉิน เหล่าข้าราชการจะไปกันพร้อมเพียง ดูแล้วถ้าไม่ลาหยุดก็โดดงานมา

“ท่านพี่กงหมินของรับ อีกไกลหรือไม่ขอรับ”

“เมื่อยแล้วหรือ”

“มิใช่ขอรับ น้องเพียงแต่นัดคนไว้ น้องเกรงว่าจะเลยเวลานัด”

“นัดผู้ใดกัน ข้ารู้ได้หรือไม่”

“อืม ถ้าท่านไม่ว่าอะไร ไปด้วยกันดีหรือไม่ขอรับ ในเมื่อท่านเป็นพี่ใหญ่ข้าจะพาท่านไปรู้จักกับน้องเล็กดีหรือไม่ขอรับ”

“น้องเล็กรึ ไปซนมาอีกแล้วใช่หรือไม่”

“ไหนท่านว่ารู้ทุกเรื่องของน้องอย่างไรเล่า เหตุใดจึงไม่รู้เรื่องนี้กัน”

“ข้าเพียงหยอกเจ้าเท่านั้น ไปเถิด อีกไม่นานก็ถึงแล้ว”

เดินมาได้ไม่ไกลก็เจอกับร้านที่ถูกปิดอยู่ เป็นร้านค้าเก่าที่ถูกถอดป้ายร้านไปแล้ว ไม่ไกลจากย่านการค้าและร้านอาหารมากนัก พอเดินไปด้านหลังก็มีบ้านอีกหลังอยู่ด้วย

“ร้านนี้อดีตเคยเป็นโรงน้ำชามาก่อน แต่เจ้าของคนเก่ามาขายไว้กับข้าก่อนที่จะย้ายครอบครัวไปที่เมืองอื่น ข้าไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดกับมันต่อเลยปิดไว้จนถึงตอนนี้ ส่วนบ้านหลังนี้ก็เป็นของเจ้าของเดิมเช่นกัน ไปเดินดูเถิด”

เดินเข้ามาที่ตัวร้านก่อน ร้านนี้มีชั้นทั้งหมดสามชั้นและชั้นล่างมีส่วนขยายเป็นห้องเก็บของอีกหนึ่งและห้องทำงานอีกหนึ่ง ทุกอย่างในร้านยังเหมือนเดิม ส่วนของที่คิดเงินก็ยังอยู่ เมื่อเดินดูครบทุกชั้นก็มาที่ห้องเก็บของ มีชั้นวางอยู่มากมาย อืมถ้าเอาของมาเก็บไว้ก็คงมีที่พอเก็บของเป็นคลังสินค้าที่ดี ถัดมาห้องทำงาน ผมเอาไว้เป็นห้องคิดค้นดีกว่าครับ ดูแล้วน่าจะเหมาะกว่า

เดินออกมาไปต่อกันที่บ้านที่เห็นก่อนหน้านี้ ตัวบ้านมีรูปร่างคล้ายที่เห็นตามหนังเลยครับ มีประตูหน้า เปิดเข้าไปเจอลานกว้างเลยทางเดิน เมื่อเข้ามาผ่านห้องโถงกลางก่อน ถัดไปด้านหลังเป็นห้องครัว ชั้นบนมีห้องนอนอยู่สี่ห้อง มีห้องทำงานแยกมาอีกห้อง มีชั้นหนังสือเต็มไปหมดในห้องนั้น ดูท่าเจ้าของบ้านคนเก่าน่าจะชอบอ่านหนังสือพอตัว

“รวมทั้งสองหลังแล้วท่านพี่กงหมินคิดน้องเท่าใดกัน”

“เจ้าชอบหรือไม่”

“ชอบมากขอรับ”

“เช่นนั้นพี่จะคิดราคาเดียวกับที่เจ้าของเดิมขายมา สองตำลึงทองกับสามตำลึงเงิน”

ในโลกนี้มีค่าเงินเหมือนจีนโบราญครับ หนึ่งตำลึงทองเท่ากับสิบตำลึงเงิน หนึ่งตำลึงเงินเท่ากับหนึ่งพันอีแปะ ที่ร้านของผมอาหารชุดที่แพงที่สุดอยู่ที่หนึ่งตำลึงเงินครับ หรือหนึ่งพันอีแปะ ในหนึ่งวันคนงานหรือชาวบ้านธรรมดาที่ทำงานจะได้เงินคนละร้อยอีแปะในแต่ละวันหรือก็คือเดือนละสามตำลึงเงินเท่านั้น

แต่ถ้าถามพวกขุนนางก็เยอะครับขั้นต้นก็วันละประมาณห้าร้อยอีแปะตกอยู่ที่เดือนละหนึ่งหมื่นห้าพันอีแปะหรือหนึ่งตำลึงทองกับห้าตำลึงเงิน ขั้นกลางก็วันละสองพันอีแปะหรือสองตำลึงเงินตกเดือนละหกหมื่นอีแปะหรือหกตำลึงทอง ส่วนขั้นสูงหรือพวกเจ้ากรมต่างๆหรือคนข้างตัวผมก็อยู่ที่วันละห้าพันอีแปะหรือห้าตำลึงเงินตกเดือนละหนึ่งแสนห้าหมื่นอีแปะหรือสิบห้าตำลึงทอง

แปลว่าตอนนี้ที่อยู่ข้างผมก็ป๋าคนหนึ่งที่กำลังเลี้ยงต้อยสินะครับ แหมที่รู้มาอายุท่านพี่กงหมินยี่สิบห้าไปแล้วนะครับ ถือว่าแก่แล้วในโลกนี้ส่วนผมก็แค่สิบสี่เอง ห่างกันสิบเอ็ดปีด้วยซ้ำ อย่าได้นึกถึงอายุวิญญาณครับอายุโลกนี้พอ

“สองตำลึงทองสามตำลึงเงิน สองหมื่นสามพันอีแปะสินะถ้าเป็นตั๋วเงิน แล้วดอกเบี้ยเล่าขอรับ”

“พี่คิดเพียงราคาจริงเท่านั้น ส่วนดอกเบี้ยพี่จะคิดจากสิ่งนี้แทน”

“สิ่งใดกันขอระ-” ลุงโดนลวนลามเรียกตำรวจด่วนครับ เอ้ยไม่ใช่โลกนี้ไม่มี ทำไงดีๆ

“อวี้เอ๋อร์”

“ขะ ขอรับ”

“โกรธหรือไม่”

“คือ ไม่รู้”ทำไมเสียงลุงถึงแผ่วแบบนี้กัน

ใจมันสั่นระรัวตอนที่ปากเราสัมผัสกัน ลุงไม่เคยรู้จักการจูบกับใครมาก่อน ไม่แปลกที่จะตกใจ ก็เข้าใจว่ากงหมินหวังในตัวเองอยู่แต่ไม่คิดว่าจะกล้ามาจูบแบบนี้ ถึงจะแตะธรรมดาไม่ได้ล่วงล้ำก็เถอะ

“หากขุ่นเคืองทุบตีพี่ก็ได้อย่าเงียบไปเช่นนี้”

“น้องไม่ได้โกรธ เพียงแต่ตั้งตัวไม่ทันเท่านั้น เหตุใดท่านถึงจูบน้องกัน”

“พี่ห้ามตัวเองไม่ทัน บุรุษเมื่ออยู่ใกล้คนที่รัก ไม่แปลกหากยากจะหักห้ามใจ”

“แต่ท่านกล่าวว่าจักเป็นเพียงพี่ชาย”

“ยามนี้เท่านั้น ในภายภาคหน้าพี่จักแต่งเจ้าเข้าจวน”

“ขออภัยน้องคงแต่งเข้าจวนท่านไม่ได้” ไม่รู้ทำไมพอได้ยิน หน้าของอีกสองคนที่เข้ามากลั่นแกล้งก่อนหน้านี้ถึงลอยมาและแปลกที่หน้าหัวหน้าพรรคมารก็ลอยมาด้วยนี่สิครับ ลุงไม่ได้สายเอ็มใช่ไหมครับ

“เช่นนั้นข้าจะแต่งเข้าจวนเจ้าเอง เหมือนคนที่เหลือดีหรือไม่”

“อย่ากล่าวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเลยขอรับ”

“ก็ได้ เมื่อยามนั้นมาถึงค่อยเจรจากันอีกครา”

“เรื่องเงินน้องจะทยอยใช้คืนท่านจนกว่าจะหมด ท่านร่างสัญญาการซื้อขายมาได้เลยขอรับ”

“เช่นนั้นตามที่เจ้าพอไหวเท่านั้น พี่ชายคนนี้ไม่ได้เร่งรัดสิ่งใด เมื่อมีค่อยนำมาจ่ายเช่นนั้นดีหรือไม่”

“ตามที่เห็นสมควรเถิดขอรับ นี่ก็เข้ายามซื่อแล้ว ไปรับคนกันเถิดขอรับ”

“เช่นนั้นข้าจะให้คนมาทำความสะอาดที่นี่ก่อนดีหรือไม่”

“เช่นนั้นรบกวนท่านแล้ว แล้วเรื่องดอกเบี้ย”

“ข้าคิดจากจูบแล้วอย่างไรเล่า”

“จริงหรือขอรับ”

“จริงแท้” เกินไปไหมครับถึงขนาดทุ่มทุนกันขนาดนี้ มีคนเปย์มันดีแบบนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นลุงจะตอบแทนคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

“ท่านพี่กงหมินก้มลงมาสักนิดเถิดขอรับ”

“มีสิ่งใดกัน”

“ตอบแทนที่ท่านพี่คอยช่วยเหลือน้องมาตลอดขอรับ ในทุกเรื่อง”

มันอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการจูบแก้ม เทียบไม่ได้กับชื่อเสียงของร้านที่ผ่านการแนะนำจากคนตรงหน้าที่ชักนำคนเข้ามาที่ร้าน ไหนจะคอยมาดูแลเรื่องการค้าทั้งที่ไม่เกี่ยวข้อง อีกทั้งช่วยหาคนมาทำความสะอาดอีก ถึงจะแอบลวนลามเป็นดอกเบี้ยก็เถอะ

แต่ไมได้แปลว่าลุงรับว่าชอบหรอกนะ เอาไปแค่เริ่มหวั่นไหวก็พอ งุ้ยเขิน อาจจะดูเหมือนลุงใจง่าย ครั้งก่อนก็ซางไป๋ครั้งนี้มาท่านพี่กงหมินอีก คนที่ไม่เคยสัมผัสความรักแถมยังต้องการความรัก หัวใจมันบางและอ่อนไหวง่ายครับ ลุงบอกเลย

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ท่านพ่อลูกหวั่นไหวกับบุรุษขอรับ
ฮุ่ยเอิง : แปลกอันใดกัน
เซียนอวี้ : ................(ทำหน้างง)


ลงเนื้อหา 23/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 28/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 7 23/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 23-08-2018 13:24:51
:impress2: :impress2: :impress2: เราตามมาจากเด็กดี เราจะเมนต์ทุกตอน คนเขียนอย่าเทเรานะ  :mew1: :mew1:


ขอบคุณที่ติดตามมานะคะ ไม่เทแน่นอนค่ะ
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 7 23/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-08-2018 14:20:39
 :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 7 23/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2018 20:45:12
แน่ะ.........ลุง อ่อย กงหมินแล้ว    :o8: :impress2:

จีนโบราญ ------- โบราณ
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 8 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 28-08-2018 15:09:42
#8

เราสองคนไม่นับเงาทั้งสามเดินทางกันมาจนถึงบ้านร้างที่นัดคนไว้ ตอนนี้ภายในบ้านมีชายชราและเสี่ยวมู่ที่นั่งรออยู่ เมื่อเห็นผมเดินเข้าไปเสี่ยวหมู่รีบออกมาหาผิดกับอีกคนที่เมื่อเห็นว่าผมมากับใครรีบจับเสี่ยวมู่ให้ถอยห่างจากผมทันที

“ใจเย็นก่อนท่านผู้อาวุโส นี่คือพี่ชายของข้า ท่านพี่กงหมินนี่คือคนที่น้องนัดไว้ขอรับ”

“อย่าได้เกรงกลัวข้าไปท่านผู้อาวุโส วันนี้ข้ามาเพราะน้องน้อยต้องการ”

“ขออภัยท่านอาวุโสแล้ว ที่ปล่อยให้ท่านต้องรอนานเช่นนี้”

“มิได้ๆ แล้วที่ท่านกล่าวไว้ ท่านต้องการสิ่งใดกันคุณชายฟาง”

“ดั่งเช่นที่ข้ากล่าวไว้ ตอนนี้ข้าได้ที่ตั้งร้านใหม่แล้ว กำลังเร่งทำความสะอาดอยู่ในยามนี้ ข้าต้องการผู้จัดการร้าน อ่า ข้าหมายถึงผู้ช่วยข้าในการดูแลร้านขอรับ” หลุดคำโลกก่อนอีกแล้ว ถึงจะปรับตัวมากขนาดไหน พอมาเป็นเรื่องที่เคยทำเมื่อสมัยโลกเดิมจะเป็นแบบนี้เสมอ หวังว่าไม่ทันสังเกตกันก็พอนะครับลุงแถไม่เก่ง

“เหตุใดจึงเป็นข้ากันเล่าขอรับ”

“อย่างที่กล่าวไว้ข้าถูกชะตากับเสี่ยวมู่ และข้าต้องการคนที่มีความรู้ที่เชื่อถือได้มาดูแลกิจการขอข้าในยามนี้ ข้าหวังอย่างยิ่งว่าท่านจะเข้าใจที่ข้ากล่าว”

“เช่นนั้นข้าจะตั้งใจทำงานที่ท่านมอบหมายด้วยกำลังที่มีขอรับคุณชาย”

“เรียกขานข้าดั่งลูกหลานเถิดขอรับท่านผู้อาวุโส”

“ขออภัยท่านด้วยคุณชายฟาง ตัวข้าเป็นเพียงชายแก่ธรรมดาเพียงเท่านั้นมิอาจเอื้อมดั่งคำที่ท่านต้องการกล่าวขานต่อผู้น้อย”

“ตัวข้านั้นนับถือท่านเป็นดั่งตาของข้า ท่านตาจักมองผ่านหลานชายตาดำๆผู้นี้เชียวหรือขอรับ”
“มิได้ๆ เอาเถอะหากเป็นความต้องการของท่านข้าย่อมต้องทำตาม”

“ท่านตาของข้าช่างใจดียิ่งนัก”

“เจ้าเองก็เป็นเด็กดียิ่งนักเสี่ยวอวี้ ตัวข้าดีใจแทนบิดามารดาของเจ้ายิ่ง”

“เย้ ข้าจะได้ไปอยู่กับท่านพี่อวี้แล้วใช่หรือไม่ขอรับ”

“เป็นเช่นนั้นน้องข้า เสี่ยวมู่ท่านนี้เป็นพี่ชายใหญ่”

“ผู้น้อยคาราวะท่านพี่”

“เรียกข้าว่าพี่กงหมินเถิด ต่อไปนี้เจ้าเป็นน้องเล็กแล้ว อย่าได้ดื้อซนเข้าใจหรือไม่”

“ขอรับท่านพี่กงหมิน”

เก็บของที่มีน้อยนิดของทั้งสองคนเสร็จก็พากันกลับมาที่ร้านของผม ตลอดทางเสี่ยวมู่ตื่นเต้นที่จะได้มาอยู่กับผมมากครับ วันนี้ผมต้องพาทั้งสองคนมาให้ท่านพ่อรู้จักเสียก่อน เดี๋ยวจะพาลงอนที่ลูกไม่สนใจเอา

“เสี่ยวเปาท่านพ่ออยู่ที่ร้านหรือไม่”

“นายท่านอยู่ที่ศาลาด้านหลังขอรับ”

“มีแขกหรือ”

“มิใช่ขอรับ เพียงจิบชาเท่านั้น”

“ขอบใจเจ้ามาก”

“มิเป็นไรขอรับนายน้อย”

“ตามข้ามาเถิด” ผมเดินนำพวกเขามาหาท่านพ่อที่อยู่ที่ศาลาเดิมที่ผมพาพี่กงหมินมา

ภาพที่เห็นทำเอาเกิดความรู้สึกเหมือนเห็นตัวเองในโลกก่อนซ้อนทับกัน ภาพของชายสูงอายุนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้คนรอบกาย สองขาที่หยุดเดินพลันสั่นไหว

เมื่อชีวิตก่อนลุงก็อยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด ถึงจะมีผู้คนล้อมรอบตัวก็ตาม ไม่มีใครที่ลุงจะเอ่ยปากบอกได้ว่าสนิทกันสักคน ถึงจะมีความรู้ความสามารถแต่ก็ยังมีคำว่าเด็กกำพร้าที่คอยตามติดเป็นเงาอยู่ข้างหลังเสมอ ยิ่งแสงที่ส่องมาที่ตัวลุงเข้มมากเท่าไหร่ เงาจะยิ่งชัดมากเท่านั้น

ปมที่ถูกลืมกลับมาทำร้ายตัวเองทุกครั้งที่เห็นคำว่าครอบครัว ลุงไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรลุงถึงถูกทิ้งแบบนั้น ลุงพยายามหาคำตอบกับตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม ลุงผิดอะไรถึงต้องเอามาทิ้งกัน

ลุงอาจจะมีปมในเรื่องครอบครัวก็ได้ถึงรู้สึกดีเมื่อมีคนอยู่รอบกายแบบนี้ ลุงมีความสุขที่ได้มีน้องชาย ลุงหวั่นไหวกับคนที่บอกว่าเป็นพี่ชาย ลุงสนุกที่ได้พูดคุยกับองค์ชายแคว้นหยุน และเหมือนได้เจอเรื่องราวแปลกใหม่เมื่อพบเจอประมุขพรรคมาร

แต่ถ้าถามว่าเพราะอะไรถึงยังให้คนที่หวังในตัวลุงอยู่ข้างกายโดยการให้ความหวังพวกเขาแบบนี้ ไม่ยอมที่จะปฏิเสธออกไป คงเป็นความเห็นแก่ตัวของลุง เป็นความเห็นแก่ตัวของคนที่ไม่เคยรู้จักคำว่าความรัก เพียงเท่านั้น

“น้องอวี้ เจ้าเป็นอะไรไป”

“ข้าเป็นลูกที่อกตัญญูหรือไม่ขอรับท่านพี่กงหมิน ที่ปล่อยให้ท่านพ่อต้องอยู่เพียงผู้เดียวเช่นนี้ ทั้งที่พวกข้าเหลือเพียงแค่สองคนเท่านั้น”

“เด็กดี เหตุใดจึงกล่าววาจาเช่นนั้นกัน” เพราะความเห็นแก่ตัวที่บอกไปทำให้ลุงไม่ปฏิเสธอ้อมกอดในตอนนี้ของพี่ชายที่คิดเกินพี่น้องคนนี้

“อวี้เอ๋อร์เป็นอะไรไปเหตุใดจึงร้องไห้กัน” ผมได้ยินแต่เสียงท่านพ่อที่ถามเจ้าของอ้อมกอดนี้

“มิเป็นอันใดมากขอรับ มีเพียงเด็กน้อยงอแงคนนี้ที่กำลังกล่าวโทษตนเองที่ปล่อยให้ท่านต้องอยู่เพียงลำพัง”

“โธ่ ลูกรัก เหตุใดถึงคิดมากไปเช่นนี้ พ่อมิได้โดดเดี่ยวเช่นที่เจ้าว่า พ่อมีความสุขดียิ่งในทุกวันแต่ที่พ่ออยู่เพียงลำพังในยามนี้เพื่อคิดถึงมารดาของเจ้าเพียงเท่านั้น”

“จริงหรือขอรับ”

“จริงสิ ท่านพ่อเคยโกหกเจ้าหรือไม่อวี้เอ๋อร์ แล้วผู้คนที่มากับเจ้าเป็นใครกัน เหตุไฉนจึงปล่อยให้ยืนคอยเช่นนั้นเล่า”

“ขออภัยขอรับท่านตา ข้าปล่อยให้ท่านรอถึงสองครั้งแล้ว” และที่น่าสงสัยที่สุดในตอนนี้คือลุงมายืนทำเอ็มวีแล้วดราม่าอะไรกัน มันไม่ใช่แนวของลุงสักนิด ลุงไม่กินมาม่า ลุงกลัวความดัน หลบไป

“ไม่เป็นไร อย่าได้คิดมาก เจ้าเป็นบุตรที่ดียิ่งนัก ข้าคิดไม่ผิดที่ติดตามเจ้ามาเช่นนี้”

“เชิญๆ มีเรื่องอันใดกันรึ อ่าเชิญขอรับท่านเสนาหวัง”

“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเป็นเพียงผู้น้อยเท่านั้น เถ้าแก่ฟางอย่าได้เกรงใจกัน”

“จริงขอรับท่านพ่อ ยามนี้ท่านพี่กงหมินเป็นเพียงพี่ชายของข้าเท่านั้น เปรียบดั่งเป็นบุตรของท่านอีกคน เสี่ยวมู่ก็เช่นกันขอรับ”

“จริงรึท่าน เอาเถิด ไหนมาให้ท่านพ่อดูหน้าตาเจ้าเสียเสี่ยวมู่ ว่าแต่ท่านผู้อาวุโสเล่า เหตุใดจึงหลงกลบุตรชายของข้าได้”

“เสี่ยวอวี้เป็นเด็กดี อีกทั้งยังจ้างข้าให้มาช่วยดูแลร้านที่กำลังจะเปิด”

“ขออภัยที่บุตรชายข้ารบกวนท่านแล้ว”

“มิได้ๆ นับเป็นบุญของข้าที่เจอคุณชายน้อยมากกว่า”

“เสี่ยวมู่ๆ เรียกท่านพ่อสิ”

“เอ๋” ฮือ ทำไมถึงทำหน้าตาน่ารักแบบนี้กันนะ ลุงจะไม่ทน

“เรียกขานข้าว่าบิดาอย่างที่อวี้เอ๋อร์กล่าวเถิด เจ้าก็มาเป็นบุตรของข้าดีหรือไม่”

“ได้หรือขอรับ ข้ามีบิดาได้หรือขอรับ”

“พ่อของข้าก็คือพ่อของเจ้าเพราะเจ้าเป็นน้องของข้า”

“ท่านพี่ขอรับ ท่านพ่อ ข้ามีบิดาแล้วจริงหรือ ฮึก”

“โอ๋ ร้องไห้เถิดหากน้ำตาของเจ้ามาจากความยินดี พี่ชายคนนี้จะกอดเจ้าเอง”

“ท่านพี่ โฮ” ลุงไม่ได้ลวนลามนะ ใจลุงบริสุทธ์มาก ลุงรักเหมือนลูกหลานจริงๆนะ เชื่อลุงสิ

“ข้าคงต้องฝากท่านทั้งสองดูแลบุตรของข้าต่อจากนี้แล้ว” ดูเหมือนว่าท่านพ่อของร่างนี้ก็รู้ว่าชายตรงหน้าไม่ธรรมดาเหมือนกันถึงได้ฝากฝังผมแบบนี้

“ด้วยความเต็มใจยิ่งนักเถ้าแก่ฟาง ข้ามีนามว่าหลิว เรียกขานข้าเช่นนั้นเถิด”

“ขอรับท่านหลิว”

พวกเราต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกัน ดูเหมือนท่านพ่อจะเปิดทางให้ท่านพี่กงหมินมากขึ้นนะ ไม่รู้ว่าไปติดสินบนอะไรกันมา หลังจากแยกย้ายพาท่านตาหลิวกับเสี่ยวมู่เข้าห้องพักแล้ว ผมก็เข้ามาในห้องของเซียนอวี้ที่ถูกผมยึดแล้ว ผมเดินไปเปิดหีบทีเก็บพวกของที่จะนำไปขาย

มีสมุนไพรหลายชนิดที่ตากแห้งไว้เพื่อเอาไว้อบทำกลิ่นน้ำมันหอมระเหย ปลอกหมอน ตำราอาหาร ตำราขนมต่างๆที่จะทำขายในร้าน ตำราเครื่องบำรุงผิว สูตรที่จำมาจากโลกก่อนๆ เมื่อตรวจดูจนเสร็จก็เตรียมตัวเข้านอน

ที่นอนครั้งนี้ผมเอานุ่นมายัดมาขึ้นเลยทั้งอุ่นทั้งนิ่ม ผมคิดจะทำขายเหมือนกันครับ มีชาวบ้านที่เข้าไปหานุ่นในป่าออกมาได้ ผมกำลังติดต่อขอซื้อมาทำอยู่แต่ก่อนอื่นคงต้องหาแรงงานที่มากขึ้น การจะจ้างคนทั่วไปน่าจะยาก พวกทาสที่ขายส่วนมากจะเสียเงินในการซื้อที่สูง ทำไงดีนะ

เช้าวันใหม่ยามเหม่า(ตีห้าถึงหกโมงห้าสิบเก้า) ผมลุกจากที่นอนเตรียมตัวเสร็จก็ลงมาด้านล่างทักทายสมาชิกในร้าน ก่อนจะทานมื้อเช้ากับท่านพ่อ เสร็จแล้วชวนท่านตาหลิวกับเสี่ยวมู่มาที่ร้านใหม่พร้อมท่านพ่อด้วย

ร้านเซียน

ที่ร้านในตอนนี้เปลี่ยนจากที่มาเมื่อวานพอสมควร ดูสะอาดเป็นระเบียบมากขึ้น พวกโต๊ะที่จัดวางไว้เป็นโรงน้ำชาเดิม ผมว่าจะย้ายออกไปที่อื่นหรือขายที่บางส่วน เพราะไม่ได้ใช้เท่าไหร่ แล้วเปลี่ยนเงินมาเป็นชั้นวางที่ผมต้องการแทน

“ท่านตาหลิวขอรับ ข้าต้องการพนักงาน อ่า หมายถึงคนงานในร้านอีกสามสี่คน แต่ข้าไม่ต้องการซื้อทาสเพราะข้ามิชอบเท่าใด”

“ท่านไม่ชอบทาสหรือ”

“ไม่ใช่ขอรับ ข้าไม่อยากสนับสนุนการค้าทาสมากกว่า ข้าควรทำเช่นไรดีขอรับ”

“อืม อย่างไรดี”

“ท่านพี่ไม่ลองชวนพวกพี่สาวพี่ชายที่ขอทานกับข้ามาเล่าขอรับ”

“หืม อย่างไรกันเสี่ยวมู่”

“ก็ท่านพี่ไม่ต้องการสนับสนุนทาสท่านก็เปลี่ยนมาช่วยเหลือพวกข้าแทนอย่างไรขอรับ”

“เสี่ยวมู่แต่ขอทานไม่ได้แปลว่าจะมีจิตใจที่ดีในบางคน” ท่านตาหลิวเอ่นแทรกเด็กน้อยของผมทันที

“ข้าจะให้ท่านดูแลเรื่องนี้ดีหรือไม่ขอรับท่านตา ข้าเชื่อว่าท่านต้องดูคนออก”

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปจัดการเรื่องคนงานให้ท่านเอง ท่านต้องการอย่างไร”

“ต้องการทั้งชายและหญิงขอรับ ข้าต้องการคนมาผสมสินค้าเช่นกัน”

“เช่นนั้นขาคงขอตัวก่อน เมื่อเสร็จเรียบร้อยข้าจะรีบกลับมา”

“มิต้องรีบร้อนหรอกขอรับท่านตา เดินทางปลอดภัยขอรับ”

“แล้วบ้านหลังนี้เจ้าจะย้ายมาอยู่เมื่อใดกัน”

“ท่านพ่อพูดเหมือนท่านจะไม่มา”

“พ่อขออยู่ที่ร้านดีกว่า อย่างน้อยพ่อก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่น ความทรงจำมากมายของชายแก่เช่นข้ามีมากมายนัก ข้าตัดใจจากมามิได้”

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะมาเป็นครั้งคราวหรือมีงานด่วน เช่นนั้นดีหรือไม่ขอรับ ข้าไม่อยากจากท่านนาน”

“เจ้าเองก็โตแล้วใกล้จะสิบห้าปีเหตุใดจึงเป็นเด็กติดพ่อเช่นนี้กัน”

“ก็ข้ามีท่านพ่อเพียงคนเดียวนี่ขอรับ”

“ทำตัวเช่นนี้ไม่อายน้องบ้างหรือไร”

“ไม่อายขอรับ เพราะเสี่ยวมู่เข้าใจข้า จริงหรือไม่เสี่ยวมู่”

“ขอรับท่านพี่”

“เฮ้อ นี่ข้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่ที่ฝากฝังเจ้าเป็นผู้ดูแลเด็กน้อยเช่นเสี่ยวมู่เช่นนี้ แล้วเจ้าจะขายสิ่งใดบ้างเล่าอวี้เอ๋อร์”

“ท่านพ่อ นี่ลูกท่านนะขอรับ ข้าคิดว่าจะขายพวกใบชา ผ้า ชุดแต่งกาย หมอน ฟูก น้ำมันนวด ผงขัดผิว ผงอาบน้ำ”

“เจ้าคิดมาหมดแล้วสินะ”

“ขอรับ ข้าเตรียมไว้แล้ว เหลือเพียงเปิดร้านเท่านั้น”

“แล้วเจ้าจะเปิดร้านเมื่อใดกัน”

“หลังจากที่เตรียมร้านและคนงานเสร็จสิ้นขอรับ”

“ดีๆ เช่นนั้นพ่อคงกลับก่อน พ่อนัดเถ้าแก่อู๋ไว้”

“เช่นนั้นข้าเดินทางดีๆนะขอรับ”

ได้เวลาจัดร้านแล้วครับ ผมให้เสี่ยวมู่ช่วยขยับของเล็กๆน้อยๆ เปลี่ยนห้องทำงานของเจ้าของเดิมให้กลายเป็นห้องทำงานของผมแทน มีทังโต๊ะที่ไว้ออกแบบชุด ไหนจะมุมทดลองน้ำมัน ไหนจะที่เก็บของ ที่ทำบัญชี เขียนตำรา คิดสูตร และอื่นๆ

ผมปล่อยตัวไปกับงานเหมือนโลกเดิมที่บ้างานพอสมควรจนเวลาผ่านไปจนฟ้ามืด ท่านตาหลิวกลับมาพร้อมคนงานชายหญิงเมื่อหลายยามก่อนหน้านี้ ผมสำรวจดูแล้วถือว่าโอเคครับ ผมสอบถามถึงความถนัดของแต่ละคน ก่อนที่จะมอบหมายหน้าที่ ตกลงค่าแรง และงานต่างๆก่อนที่จะพากันกลับมาที่ร้านอาหารแนะนำกับท่านพ่อและเข้านอน วันนี้เหนื่อยมากเลยครับ ถึงไม่มีการใช้แรงงานแต่ใช้สมองก็ล้าเหมือนกัน

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ในที่สุดข้าก็มีร้านเป็นของตัวเองสักที
ฮุ่ยเอิง : ลูกข้าเติบโตแล้ว น่าภูมิใจยิ่งนัก
ซางไป๋ : เหตุใดข้าจึงไร้บทยาวนานนัก
เซียนอวี้ : คนไม่สำคัญต้องรอต่อไป
ซางไป๋ : .....................
เฟยหลง : ข้าคงเป็นเช่นซางไป๋สินะ
เซียนอวี้ : ....................



ลงเนื้อหา 28/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 8 28/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-08-2018 15:36:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 8 28/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 29-08-2018 08:05:21
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 8 28/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-08-2018 09:07:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 8 28/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 29-08-2018 20:12:59
ติดตามจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 8 28/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-08-2018 20:51:38
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 8 28/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 29-08-2018 21:06:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 9 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 30-08-2018 19:12:14
#9

   เมื่อคืนผมได้รับจดหมายจากท่านซางไป๋เรื่องที่จะมาค้าขายอยู่ที่แคว้นนี้ จากในจดหมายท่านซางไป๋ยังบอกผมอีกว่าเป็นเพราะว่าตัวท่านซางไป๋เป็นเพียงองค์ชายลำดับที่สองเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังชื่นชอบการค้าขายเลยหาเรื่องพาตัวเองออกจากเกมการเมืองของแคว้นมาที่แคว้นเซียน และดูเหมือนว่าในพี่น้องทั้งหมดท่านซางไป๋จะเป็นคนเดียวที่ไม่ถูกเพ่งเล็งในตำแหน่งรัชทายาทด้วย

และยังสอบถามเรื่องการย้ายที่อยู่มาที่แคว้นนี้ด้วย ผมเลยเปิดตำราการปกครองและกฎอาญาของแคว้นนี้เรื่องการเข้ามาของชนแคว้นอื่น ไม่มีข้อมูลที่แน่นอน ในห้องของเซียนอวี้ในตอนนี้มีตำรามากมายกองเต็มไปหมด

เพราะตัวลุงเป็นคนชอบอ่านมาตั้งแต่โลกก่อนเลยเอานิสัยมาด้วยกลายเป็นเจอตำราอะไรก็หามาอ่านจนหาที่เก็บไม่ได้แล้วต้องกองไว้นอกหีบก่อน ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ วรยุทธ์ การศึก การเมืองการปกครอง ความรู้รอบตัว ไปจนถึงหนังสือเตรียมสอบของพวกจองวนก็มีครับ
 
เช้าวันนี้ลุงเลยถามคนติดตามที่เป็นคนของท่านพี่กงหมินว่าวันนี้เขาจะไปที่ไหน เพราะอยากจะสอบถามถึงการเข้าออกของคนต่างแคว้นว่าจะเป็นเหมือนโลกก่อนไหมที่ต้องมีพวกเอกสารหรือพาสปอร์ต ได้ความว่าวันนี้ท่านพี่กงหมินจะมาเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ แต่ฝากมาบอกว่าเลิกแล้วจะไปหาที่ร้านเซียนเอง

“ท่านพ่อขอรับวันนี้ลูกส่งสูตรอาหารให้พ่อครัวจางแล้ว ลูกไปดูร้านเซียนนะขอรับ”

“ไปเถิด หากมีเรื่องอันใดพ่อจะให้เด็กไปตาม”

“ขอรับท่านพ่อ”


ร้านเซียน

ตอนนี้ที่ร้านกำลังไปด้วยดีเลยครับ ชั้นล่างวางขายพวกใบชา สมุนไพร ขนม และสุรา แต่ไม่มีนั่งทานนะครับ เป็นแบบซื้อกลับเท่านั้น ส่วนชั้นสองจะวางขายพวกผ้าครับ ทั้งผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนลายต่างๆ รวมถึงฟูกนอนด้วย ชั้นสามเป็นน้ำมันต่างๆ เกลือสปาขัดผิว สมุนไพรบำรุงผิว ผงขัดตัว ผงอาบน้ำ น้ำมันบำรุงผม ของที่นำมาทำทั้งหมดเอามาจากชาวบ้านโดยตรงที่บ้าน โดยให้มู่ตานกับจี้อันที่เป็นคนในร้านไปรับมาเอง ไม่เสียค่านายหน้า ค่าที่ หรืออะไร มีเพียงค่าแรงเท่านั้น

ลุงเอาความรู้ด้านการค้ามาจากลูกค้าที่เข้ามาติดต่องานเรื่องการลงทุนที่บริษัทที่โลกก่อน ทุกวันนี้ที่เห็นว่าลุงดูร่าเริงในร่างนี้ทำตัวสมวัย อ้อนคนนั้นคนนี้แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ลุงอยู่คนเดียว ลุงจะทำตัวตามเดิม คิดอ่านเหมือนเดิม พูดจาแบบเดิม และมีหลายครั้งที่ลุงหลุดเอาตัวตนเดิมออกมา ดีที่ไม่มีใครคิดอะไรมากนัก

ลุงไม่อยากที่จะลืมตัวตนของตัวเองว่าเคยเป็นใคร ถ้าการเกิดใหม่ที่โลกนี้โดยไม่มีความทรงจำเดิมหรือเกิดมาเป็นทารกไม่ได้มาแย่งร่างกายใครแบบนี้ ลุงอาจจะมีความคิดอย่างคนปกติทั่วไปได้ แต่เพราะความทรงจำวัยทำงานยังอยู่ เต็มไปหมด

ลุงยังคิดถึงเรื่องราวจากโลกเดิม ยังมีตัวตนของตัวเองที่ชื่อลูกหนู การที่มีคนมารักในโลกนี้ก็เป็นเพียงรักที่ตัวฟางเซียนอวี้ เจ้าของร่างนี้เพียงเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าลุงเป็นใคร ไม่มีใครรู้ และเหมือนกันไม่มีใครที่รักลุงที่เป็นลุง ทุกสิ่งที่ทำคือการตอบแทนเพียงเท่านั้น ความเห็นแก่ตัวที่ว่าก็คงเป็นจริง  เพราะคงเป็นความเห็นแก่ตัวที่ว่าจะขอเก็บความรักของทุกคนที่มีให้เซียนอวี้คนก่อนมาเป็นของตัวเองแบบนี้

ลุงไม่รู้ว่าวิญญาณของลุงจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน จะมีชีวิตอีกนานแค่ไหน แต่ลุงสัญญากับเจ้าของร่างนี้แล้วว่าจะทำให้พ่อของเขามีความสุขและตัวเองมีความสุขให้ได้ก่อน คนที่เคยตายมาแล้วไม่คิดที่จะหวังอะไรอีกแล้วครับ

“คุณชายขอรับ ท่านเสนาหวังมาแล้วขอรับ”

“ขอบคุณท่านมากท่านตาหลิว” เสียงเรียกของชายตรงหน้าเรียกสติที่หลุดลอยคิดไปไกลให้กลับมาที่เดิม ณ  ตอนนี้ลุงจะมาคิดถึงตัวเองที่เป็นลูกหนูไม่ได้ ลุงยังอยู่ในที่ที่ใครก็สามารถมองเห็นแบบนี้ ถ้าไม่อยากให้ใครสงสัยลุงไม่ควรแสดงตัวตนออกมา ถึงจะไม่มีใครได้รู้จักแต่ลุงก็ดีใจที่ความโดดเดี่ยวยังเป็นเพื่อนคนสำคัญของลุงเสมอมา

ลุงเดินคิดเรื่องจดหมายของท่านซางไป๋มาตลอดทางเพื่อคิดคำถามที่จะไม่ทำให้ท่านพี่กงหมินผิดใจกับท่านซางไป๋ไปซะก่อนจะเจอกัน ลุงว่ามันดีมากนะครับถ้าท่านซางไป๋สามารถทำการค้าที่นี่ได้เพราะจะง่ายต่อวัตถุดิบที่จะทำอาหารในร้านอาหารฟาง อีกทั้งมีเครื่องเทศที่สามารถนำมาทำน้ำมันวางขายที่ร้านเซียนด้วย

“คนบอกข้าว่าเจ้าต้องการพบข้าเช่นนั้นหรือ”

“ขอรับ น้องอยากปรึกษาเรื่องการค้าและการตั้งถิ่นฐานของชาวต่างแคว้นขอรับ”

“องค์ชายซางไป๋สินะ”

“ส่วนหนึ่งขอรับ”

“เช่นนั้นพี่ขอถามเรื่องที่เจ้าไปที่หอนางโลมฮวาเมื่อสามวันก่อนได้หรือไม่” ใช่ครับลุงไปหาพี่อิงฮวามาครับ หลังจากที่เปิดร้านเซียนได้ไม่นานท่านพี่อิงฮวาก็ส่งคนมาเรียกเรื่องเปิดร้าน

“น้องไปพูดคุยเรื่องการค้าที่ทำร่วมกันขอรับ พี่อิงฮวาแจ้งแก่น้องว่าหาที่ตั้งร้านได้แล้วขอรับ อีกสัปดาห์ถึงสามารถเปิดร้านได้ น้องเลยนำสินค้าไปให้พี่อิงฮวาทดลองใช้ อีกทั้งยังนำสินค้าที่เตรียมขายแก่พี่อิงฮวาไปด้วยเลยใช้เวลานานเพราะต้องทำการทดสอบขอรับ”

“มันคือสิ่งใดของที่ต้องทำการทดสอบที่เจ้าว่า” หน้านิ่งมาก่อนเลยครับ

“คือ ท่านพี่ห้ามโกรธน้องนะขอรับ”

“หากยังช้าพี่จะโกรธ” ดูท่าจะรู้เรื่องแต่อยากจะฟังจากปากลุงมากกว่าสินะ

“เป็นน้ำมันที่ไว้ใช้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดขณะร่วมรักกันขอรับ” เงียบกริบมีแต่เสียงใบไม้ที่ปลิวไปมา สีหน้าท่านพี่กงหมินดูครึ้มลงไปเยอะพอสมควร

“ทดสอบ”

“เป็นนางโลมและนายโลมที่กำลังจะรับแขกขอรับ ที่อาสาทดสอบให้ ก่อนที่จะนำผลมาบอกแก่น้องที่นั่งพูดคุยอยู่กับพี่อิงฮวาและท่านจิว อ่าน้องหมายถึงท่านจิวเฟยขอรับ” ไม่ต้องรอให้ถามจบรับรู้ได้ว่าต้องรีบอธิบายครับ

“เหตุใดที่เจ้าไปที่หอถึงต้องพบบุรุษผู้นั้นเสมอกัน”

“ท่านพี่รู้จักใช่หรือไม่ขอรับ”

“ใช่ แต่มาเรื่องที่เจ้าคิดค้นสิ่งนั้นเถิด ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสามารถจับตัวยากแต่การขายสิ่งนั้นมันใช่หรือที่เด็กแบบเจ้าจักทำ”

“ท่านพี่มันเป็นเพียงหนึ่งในจำพวกน้ำมันบำรุงผิวที่ร้านข้าขายเท่านั้นขอรับ”

“พี่จะลงโทษเจ้าเช่นไรกันอวี้เอ๋อร์ที่ทำเรื่องเช่นนี้”

“ท่านพี่ขอรับ มันเป็นเพียงสินค้าเท่านั้นนะขอรับ มันแปลกตรงไหนกันขอรับที่จะค้าขาย”

“มันไม่แปลกหากคนที่คิดคือผู้ที่ข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นพวกนางโลมหรือนายโลม แต่เป็นเจ้าที่เป็นเพียงเด็กเท่านั้น อวี้เอ๋อร์ เจ้ามีอายุเท่าใดกันบอกข้ามาสิ ถึงรู้เรื่องเช่นนี้ได้ขนาดนี้” มาเป็นชุดเลยครับ

แกะหมดทุ่งแล้วครับ ลืมคิดไปว่าที่นี่ถึงจะคล้ายจีนโบราญแต่กฎเกณฑ์อายุก็ไม่เหมือนไปหมด ที่นี่หากไม่สิบหกจะถือเป็นเด็กครับแล้วผมที่ยังแค่สิบสี่ การเข้าหอว่าแปลกแล้วแต่การคิดเรื่องแบบนี้น่าจะแปลกจนสังเกตได้ ถึงว่าตอนที่เสนอขายพี่อิงฮวากับท่านจิวถึงมองหน้าแบบนั้นกัน พลาดครับ

“คือ คือน้อง” แล้วลุงจะหาทางไปต่อยังไงกันละครับ

“เอาเถอะพี่จะไม่คาดคั้นเรื่องที่เจ้าคิดมัน แต่หลังจากนี้หากเจ้าคิดสิ่งใดที่มันเกินกว่าอายุ จงจำไว้ว่ามันอันตราย หากมีผู้ใดที่ไม่รู้จักและคิดร้ายเจ้าจะได้รับอันตราย เข้าใจหรือไม่”

“ขอรับ น้องขออภัยท่านพี่ด้วย” หงอยสิครับ บอกแล้วไงครับว่าบางครั้งที่ผมคิดอะไรได้ก็มักจะลืมว่ามันมากเกินไปที่ร่างเด็กนี้จะทำได้

“แล้วเจ้าต้องการปรึกษาสิ่งใดกับข้ากัน”

“เรื่องกฎการคงอยู่ของชาวต่างแคว้นขอรับ น้องศึกษาตำราหลายเล่มก็ไม่สามารถตอบได้ว่าหากมีผู้เข้ามาจากต่างแคว้นต้องการตั้งถิ่นฐานจักทำเช่นใด อีกทั้งเรื่องการค้าของชาวต่างแคว้นด้วย” ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องครับ ถ้าช้าอาจจะโดนดุอีกก็ได้ ลุงไม่ได้กลัวหรอกนะ

“เฮ้อ มันเป็นเรื่องที่พวกข้าต่างหาช่องทางจัดการอยู่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตั้งแต่สิ้นสุดสงครามครั้งก่อนเมื่อร้อยกว่าปีมีผู้คนหลั่งไหลกันเดินทางไปอาศัยอยู่ต่างแคว้นมากมาย พวกข้าไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีมากเพียงใด อีกทั้งมีการลอบเข้ามาเพื่อสืบข่าวสารในพระราชวังมากมาย พวกข้าไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ไม่แปลกหากจะไม่มีผู้ใดสนใจศึกษาในเรื่องนี้อีกเลย”

“แล้วเหตุใดจึงไม่ออกกฎให้ชาวต่างแคว้นที่เข้ามาลงชื่อเพื่อรับใบผ่านเข้าเมืองเล่าขอรับ” เหมือนพาสปอร์ตไงครับ

“อย่างไร” ท่านพี่กงหมินมีท่าทีสนใจมากครับ มันจะเกินเด็กไปไหมครับครั้งนี้ แต่ถ้าไม่ทำท่านซางไป๋ก็ไม่สามารถมาลงทุนได้ ลุงก็จะขาดวัตถุดิบอีก อืม เอาเถอะ ต้องลองเสี่ยงไปกับมันสักครั้ง

“ทุกครั้งที่มีการเข้าเมืองให้ตรวจสอบผู้เข้ามา หากเป็นชาวเมืองให้แสดงหยกของเมืองที่มีในทุกคนตามที่ข้าศึกษามาขอรับ แต่หากเป็นคนต่างแคว้นก็จะไม่มีใช่หรือไม่ขอรับ เช่นนั้นเราก็สามารถตรวจได้ หลังจากนั้นก็ออกใบอนุญาตผ่านเข้าเมืองแบบชั่วคราวให้ เราจะสามารถสำรวจได้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่บ้างที่เป็นคนต่างแคว้นที่เข้าเมืองมาในแต่ละวัน”

“จริงดั่งเช่นที่เจ้าว่า เหตุใดพวกข้าถึงมองข้ามเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้กัน เช่นนั้นไปกันเถิด”

“ไปที่ใดขอรับ”

“ไปเฝ้าฮ่องเต้เพื่อหารือเรื่องนี้กัน”

“เอ๋ แต่น้อง” ไม่ฟังหรอกครับ ผมก็พึ่งจะรู้ว่าเวลาที่ท่านพี่กงหมินตั้งใจกับงานไม่ยอมฟังกันแบบนี้


พระราชวัง ห้องทรงอักษรองค์ฮ่องเต้

“ถวายพระพรพะยะค่ะ”

“ตามสบายเถิด พวกเจ้ามีเรื่องอันใดกับเจิ้นหรือ ถึงได้ขอเข้าเฝ้าด่วนเช่นนี้”

“ข้ากับน้องอวี้จะมาพูดคุยกับท่านเรื่องชาวต่างแคว้น” เอิ่ม กระตือรือร้นก็ดีครับ ถ้าผมเป็นเจ้านายก็ชอบ แต่การรีบร้อนแบบนี้มันก็เกินไปครับ ถ้าฮ่องเต้ไม่ว่างหรือมีแขกจะไม่เป็นการเสียมารยาทเอาหรอครับ โธ่

“นั่งก่อนๆ มาว่า เรื่องอันใดกัน” เข้าใจแล้วครับว่าทำไมคบกันได้

“อธิบายอีกรอบเลยน้องอวี้”

“อ่า ขอรับ ที่แคว้นเซียนของเราจะมีการมอบป้ายหยกให้กับทารกทุกคนเพื่อยืนยันว่าเป็นคนของแคว้น เช่นนี้เราก็สามารถแยกคนของแคว้นเราได้แล้วอย่างหนึ่ง อย่างที่สองที่กระหม่อมเสนอ คือการร่างหนังสืออนุญาตผ่านเข้าเมืองพะยะค่ะ”

“เช่นนั้นเราจะได้สิ่งใดจากการทำเช่นนั้นกัน”

“ในการร่างหนังสือนี้ทางราชสำนักจะมีส่วนได้สองส่วนคือหนึ่ง ในครั้งแรกที่ผ่านด่าน ต้องจ่ายสิบอีแปะเพื่อการผ่านเข้ามา สองในกรณีที่หนังสือที่พกหมดอายุสัญญาที่ตกลงไว้แล้วไม่ต่อทางราชสำนักสามารถเรียกเก็บเงินเป็นสิบเท่าของของครั้งแรกคือหนึ่งร้อยอีแปะเพื่อต่อสัญญาใหม่อีกครั้งพะยะค่ะ”

“อืม ดียิ่ง ท่านกงกงตามราชเลขามาให้เจิ้นโดยเร็วที่สุด”

“น้อมรับพระบัญชาพะยะค่ะ”

“คุณชายฟางช่างฉลาดเฉลียวยิ่งนัก มีสิ่งอื่นอีกหรือไม่ที่ต้องการแจ้งแก่เรา”

“คือว่า”

“บอกไปเถิด ฮ่องเต้รู้เรื่องที่เจ้านับเป็นสหายกับองค์ชายแคว้นหยุนเช่นกัน”

“กระหม่อมมีความประสงค์ที่จะค้าขายกับท่านซางไป๋พะยะค่ะ แต่เมื่อกระหม่อมศึกษาเรื่องการค้าของต่างแคว้นกลับไม่เจอในเรื่องนี้ “

“เพราะยังไม่สามารถแก้ไขในเรื่องต่างแคว้นได้เลยยังไม่เปิดให้มีการค้าจากคนต่างแคว้นมากนัก ที่เห็นตอนนี้เป็นผู้ที่เข้ามาตั้งร้านหลายปีก่อน”

“เช่นนั้นกระหม่อมขอเสนอสักอย่างได้หรือไม่พะยะค่ะ”

“หืมเอาสิ เจิ้นอยากรู้ว่าคุณชายฟางจะมีความคิดที่น่าสนใจอย่างไรต่อ”

“เมื่อเราทำสามารถนับจำนวนคนต่างแคว้นได้แล้ว กระหม่อมจึงอยากให้มีการร่างหนังสือการค้าของคนต่างแคว้นด้วยเช่นกันพะยะค่ะ”

“ทำอย่างไร แล้วราชสำนักจักได้สิ่งใด” เข้าเส้นเลือดมากครับ เอะอะก็ถามแต่ราชสำนักได้อะไร

“ก่อนอื่นเมื่อผ่านเข้ามาแล้วจะสามารถเข้ามาทำการค้าได้แต่ต้องเป็นการค้าครึ่งเดียวเท่านั้น”

“อย่างที่น้องอวี้ร่วมลงทุนกับแม่นางอิงฮวาใช่หรือไม่”

“ขอรับท่านพี่กงหมิน”

“แล้วอย่างไรต่อ”

“ครึ่งหนึ่งในที่นี้คือการเช่าพื้นที่การค้าจากเราพะยะค่ะ ทางเราจะได้ส่วนแบ่งในการเช่าให้แก่ราชสำนักหนึ่งส่วนในทุกการค้า ยกตัวอย่าง ท่านพี่กงหมินให้ท่านซางไป๋เช่าจวนหนึ่งหลังทำการค้า ท่านซางไป๋ต้องจ่ายท่านพี่กงหมิน และหักส่วนหนึ่งของค่าเช่าให้แก่ราชสำนักพะยะค่ะ”

“หักส่วนหนึ่งแก่เรา”

“พะยะค่ะ อย่างเช่นท่านพี่กงหมินเรียกเก็บค่าเช่าท่านซางไป๋เดือนละหนึ่งร้อยอีแปะ ท่านซางไป๋ต้องจ่ายท่านพี่กงหมินหนึ่งร้อยอีแปะและจ่ายแก่ราชสำนักอีกสิบอีแปะ เช่นนี้พะยะค่ะ”

“โอ้ จดไว้ๆท่านราชเลขา เพียงเท่านี้ทางเราก็สามารถแก้ปัญหาที่ค้างคามานานอีกทั้งยังได้ส่วยด้วยเช่นกัน คุณชายฟาง เจ้าสนใจมาเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์เราหรือไม่”

“พระอาญามิพ้นเกล้า กระหม่อมขอปฏิเสธพะยะค่ะ”

“เหตุใดจึงไม่ยอมรับเล่า”

“กระหม่อมเป็นเพียงเด็กที่ยังไม่บรรลุ อีกทั้งมีกิจการที่ต้องดูแล เพียงการสนทนาเป็นครั้งคราวเช่นนี้ย่อมได้พะยะค่ะ”

“แต่เรา”

“หากน้องอวี้ไม่ต้องการเหตุใดท่านต้องเซ้าซี้กันเล่า”

“ท่านพี่ขอรับ”

“เอาเถิด เช่นนั้นมีสิ่งใดต้องการสนทนาก็เข้ามาหาเราได้เสมอ คิดเสียว่าเราเป็นพี่ชายของเจ้าเถิด”

“เป็นพระกรุณาแก่กระหม่อมแล้วพะยะค่ะ”

เป็นอีกครั้งที่ความสงสัยที่ตกตะกอนถูกกวนให้ขุ่น เรื่องที่มาของแม่ร่างนี้ที่ยิ่งค้นยิ่งคิดมากเท่าไหร่ยิ่งดูเลือนรางมากเท่านั้น ทั้งยังความลับของร่างนี้อีก ไหนจะท่านพ่อของร่างนี้ที่ไม่อยากให้เกี่ยวข้องกับราชสำนักมากเกินควร

และยิ่งสายตาของฮ่องเต้ในครั้งนี้ที่ดูเหมือนจะมีอะไรแอบแฝงอีกทั้งการเชิญชวนคนที่พบกันสองครั้งนับญาติแบบนี้ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปใหญ่ ลุงคิดไว้อยู่แล้วว่าการที่ลุงมาอยู่ในร่างนี้ย่อมต้องมีเรื่องราวอะไรบางอย่างที่ถูกกำหนดมาให้ทำ

“ได้ข่าวเรื่องร้านของเจ้ามีเครื่องบำรุงผิวอีกทั้งผม ฮองเฮาตรัสกับพี่หลายครา ไว้เสี่ยวอวี้ว่างก็เข้ามาสนทนากับนางเถิด”

ถึงจะยังสงสัยแต่ก็ต้องเก็บความคิดไปก่อน ช่างรวดเร็วมากครับเรียกแทนตัวว่าพี่แทนผมว่าน้องคล่องเหมือนเรียกกันมานาน ดูเหมือนว่ากลับบ้านครั้งนี้คงต้องหาหนังสือราชวงศ์มาตรวจสอบอะไรบางอย่างก่อนแล้วละครับ

“พะยะค่ะ”

“เช่นนั้นข้ากับน้องขอตัวลา”

“ดูท่าเจ้าจะหวงน้องเกินไปแล้วกระมัง เหตุใดจึงรีบนักเล่าสหายรัก”

“หึ กลับเถิดเรายังต้องไปจัดการเรื่องขององค์ชายซางไป๋อีกมิใช่หรือ”

“เอ๋ อ่า ขอรับ เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลาพะยะค่ะ”

“เอาเถิด เดินทางปลอดภัย”

เดินออกมาจากห้องทรงอักษรตลอดทางท่านพี่กงหมินเงียบมาตลอด แม้กระทั่งบนรถม้าในตอนนี้ ไม่รู้ว่าคิดเรื่องอะไรอยู่

“ท่านพี่กงหมินคิดสิ่งใดอยู่หรือขอรับ”

“เหตุใดเจ้าถึงตอบรับว่าเป็นน้องชายฮ่องเต้กัน”

“หืม ก็น้องไม่อยากขัดพระประสงค์นี่ขอรับ อีกอย่างมันก็ดีกับตัวน้องนี่ขอรับ”

“แต่เจ้ามีพี่แล้ว”

“องค์ฮ่องเต้อยากให้ข้าเป็นน้อง แล้วท่านเล่าขอรับอยากให้ข้าเป็นเพียงน้องเท่านั้นเหมือนกันหรือไม่”

“ก็ข้า จริงสิ”

“เลิกคิดมากได้แล้วขอรับ อีกไม่นานจะถึงร้านน้องแล้ว”

“เพราะเจ้าชอบให้ความหวังข้าเช่นนี้อย่างไร ข้าจึงปีนออกมาจากหลุมที่เจ้าขุดไม่ได้เสียที” สะอึกไปกับคำว่าชอบให้ความหวังจากปากท่านพี่กงหมิน ดูท่าจะเป็นจริงที่ผมชอบให้ความหวังคนอื่นแบบนี้

“ท่านกล่าวสิ่งใดหรือขอรับ” เพราะไม่อยากคิดมากไปเลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินดีกว่า

“ไม่มีสิ่งใด เพียงคิดอะไรไปเท่านั้น”

“ขอรับ เช่นนั้นลงกันเถิดขอรับ”

“อืม” เพราะชอบที่จะให้ความหวังทั้งที่ยังแค่หวั่นไหว ผมคงเป็นคนบาปมากเลยสินะครับ เฮ้อ


TBC.



เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ลุงเป็นคนบาป2018
กงหมิน : เจ้าพูดภาษาใดกัน
เซียนอวี้ : น้องเพียงกล่าววาจาไปเรื่อยขอรับ
กงหมิน : เป็นเช่นนั้น
เซียนอวี้ : ขอรับ (ยิ้มใสซื่อ)


ลงเนื้อหา 30/8/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 9 30/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-08-2018 19:27:50
สายตาฮ่องเต้แปลกๆ แปลกเรื่องไนนะ
ไม่ใช่สนใจลุงแบบนั้นอีกคนนะ   :-[
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 9 30/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-08-2018 20:14:52
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 9 30/8/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 31-08-2018 07:36:39
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 10 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 04-09-2018 15:06:31
#10

   หลังจากวันที่เข้าเฝ้าฮ่องเต้ มีจดหมายส่งมาจากท่านซางไป๋เรื่องการเดินทาง ที่อีกไม่กี่วันจะมาถึง ตอนที่บอกท่านพ่อเรื่องของฮ่องเต้ ท่านพ่อดูตกใจมากเหมือนมีอะไรมากกว่านั้นแต่เปลี่ยนท่าทางไปและบอกว่าเป็นบุญเป็นวาสนาอะไรมากมายที่มีผมเป็นลูกท่าน ถึงแม้ท่านพ่อจะบอกว่าในวังมีแต่คนที่คบไม่ได้แต่ก็ไม่แปลกหากจะมีคนที่คอยหนุนหลังเราเป็นคนใหญ่คนโต

“ท่านพ่อขอรับ ยามนี้ยามเซิน(บ่ายสามโมงถึงสี่โมงห้าสิบเก้า)แล้ว แต่ลูกพึ่งคิดอาหารใหม่ขึ้นมาได้เลยอยากมาให้ท่านพ่อได้ลองชิมขอรับ”

“มันคือสิ่งใดกัน”

“มันมีชื่อเรียกว่า ตำไทย ขอรับ”

“ตำไทย”

“ขอรับ เป็นการนำผลมู่กวา(มะละกอ)มาสับเป็นเส้นแล้วปรุงรสด้วยน้ำยำสูตรของลูก ท่านพ่อลองทานดูขอรับ”

“รสชาติประหลาดยิ่งนัก แต่กลับหยุดไม่ได้”

“ลูกบอกแก่พ่อครัวจางแล้วของรับ เห็นพ่อครัวจางว่าจะจัดเข้าเป็นอาหารท่านเล่นอีกอย่าง”

“ดีๆ ช่วงนี้เจ้าได้พักผ่อนหรือไม่”

“ลูกสบายดีขอรับ ไม่ได้เหนื่อยหรือทำงานหนักเกินไป”

“อย่าฝืนเล่าหากเหนื่อยล้า เจ้ายังเด็กนัก จงใช้ชีวิตเยี่ยงเด็กตามอายุเจ้าเถิด อย่างได้คิดมากไป ชีวิตคนเราใช้ไปตามที่ควรเป็นเสีย”

“เราสามารถชีวิตตามที่ควรอย่างไรหรือขอรับท่านพ่อ”

“ใช้ชีวิตตามที่ใจปรารถนา ตามหน้าที่ ตามวัย”

“ตอนนี้ข้าก็ใช้ชีวิตตามที่ควร”

“ส่วนหนึ่งเท่านั้น”

“อย่างไรกันขอรับ”

“วัยของเจ้าในตอนนี้ควรที่จะได้ศึกษาอย่างบุตรตระกูลอื่น เพียงศึกษาและอยู่บ้านในวันหยุดเพื่อพักผ่อน มิใช่ทำการค้าไม่มีเวลาพักเยี่ยงนี้  ถึงพ่อจะภูมิใจที่เจ้าฉลาดยิ่งและขยันทำงาน แต่ในฐานะบิดา หากเห็นเจ้ามีความสุขตามวัยย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ”

“ท่านพ่อขอรับ ยามนี้ลูกมีความสุขดีขอรับ มีครอบครัว มีกิจการที่มั่นคง มีสหายที่ช่วยเหลือ แม้ว่ามันจะดูไม่เหมาะแก่วัยของข้า แต่เป็นทางที่ข้าชอบยิ่งนักท่านพ่อ ท่านอย่าได้โทษตนเอง ท่านเป็นบิดาที่ดีที่สุดที่ข้าพบเจอมา ข้ามิได้คิดมากอันใด”

“อวี้เอ๋อร์ เจ้เหมือนกับมารดาของเจ้ายิ่งนัก นางก็เป็นเช่นนี้ นางมักจะทำตามที่ใจตนต้องการเสมอ ไม่สนฐานะของตน ไม่สนอายุ มีเพียงใจเท่านั้นที่นางต้องการจะทำ” เรื่องของแม่เซียนอวี้นี้ เป็นครั้งแรกที่พ่อของเขาพูดออกมาให้ได้ยิน

“ท่านพ่อ”

“ไม่แปลกหากเจ้าจะไม่รู้จักหน้าตาและนิสัยมารดาตนเอง มารดาชองเจ้านางเสียเมื่อเจ้าอายุเพียงสี่ปีเท่านั้น  นางเป็นคนดี นางขยัน กล้าได้กล้าเสีย มุทะลุ ไม่แปลกที่บิดานางจะโกรธเช่นนั้นเมื่อนางตบแต่งกับข้าหาใช่บุรุษที่ครอบครัวนางหาให้” ท่านพ่อหยุดพูดก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนกำลังรำลึกความหลัง ตั้งแต่ผมลืมตาในร่างนี้ เรื่องราวของมารดาของเซียนอวี้ไม่ปรากฏสักนิดเหมือนมีเรื่องราวเพียงนิดเท่านั้นในความทรงจำที่ถูกม่านหมอกปกคลุม

มีหลายครั้งที่ผมมักจะสงสัยในตัวของเซียนอวี้คนนี้เช่นกัน ทั้งเรื่องพลังทั้งเรื่องหน้าตา และเพราะอะไรถึงต้องเป็นร่างนี้ที่ผมเข้ามาอาศัยแบบนี้  เรื่องราวที่เหนือธรรมชาติที่น้อยคนจะรับมันได้เมื่อเผชิญกับตัวแบบผม คนธรรมดากลับมีพลังในการมองเห็น โลกที่เปลี่ยนไปจนเกินที่จะคาด และความต้องการของคนที่บงการเรื่องราวในครั้งนี้ ทุกอย่างมีข้อสงสัยในตัวของมันเอง

ในอีกสองวันต่อมาท่านซางไป๋ได้เดินทางมาถึงแคว้นเซียนแล้ว และมาพักที่ร้านเซียนของผมแทนร้านอาหารฟาง ผมบอกคนในร้านให้ดูแลรับรอง่านซางไป๋ไปก่อนเพราะติดงานที่ร้านอาหารฟาง เพราะว่าช่วงนี้คนมักจะมาเพื่อซื้อตำไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะที่ไหนส้มตำก็ยังขายดี อันนี้ลุงยืนยัน

ร้านเซียน

“ท่านเดินทางมาไกลท่านควรจะไปพักผ่อน มิใช่มาเดินตามข้าเยี่ยงนี้ ท่านซางไป๋”

“ไม่ได้พบเจอหน้าเจ้าหลายวัน คิดถึงข้าบ้างหรือไม่”

“ท่านเป็นสหายข้า ข้าย่อมคิดถึงท่านเป็นธรรมดา”

“ใจร้ายยิ่งนัก ข้าคิดถึงเจ้ามากเหตุใดถึงไปไม่ถึงใจเจ้า”

“ไหนท่านกล่าวว่าตัวข้านั้นเป็นเพียงแค่สหายของท่านกันขอรับ”

“เจ้าก็รู้ว่าข้ากล่าวเพื่อเข้าใกล้เจ้าเพียงเท่านั้น”

“มันอาจจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเพียงเท่านั้น เมื่อลมพัดผ่านก็เลือนรางไป” คนเราจะรักกันตั้งแต่แรกได้จริงหรอครับ

“ไม่รับความรู้สึกข้าไม่ว่า แต่หากมาดูถูกใจข้าเช่นนี้ ข้าเสียใจยิ่ง”

“ท่านโกรธ”

“ย่อมโกรธ”

“เช่นนั้นก็เชิญท่านโกรธไปเถิด” เพราะความสงสัยของผมทำให้ใจดวงนี้เริ่มที่จะหวาดระแวง
“ฟางเซียนอวี้!!!”

“มีเรื่องอันใดกัน” เสียงของบุคคลที่สามแทรกเข้ามาพอดีก่อนที่ท่านซางไป๋จะเหวี่ยงอารมณ์มากกว่านี้ ผมผิดสินะที่ถามไป ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะดูถูกความรู้สึกของใคร แต่เพราะอิจฉาที่คนอื่นรับรู้และเข้าใจในความรู้สึกนั้นมากกว่าตัวเอง

“ตกลงกันเถิดข้าขอตัว”

“เซียนอวี้ ข้ากำลังโกรธเจ้าอยู่นะ”

“ข้าก็กำลังจะไปให้พ้นหน้าท่านอย่างไรเล่า”

“เจ้าจะไม่ขอโทษที่ดูถูกความรู้สึกของข้าเช่นนี้หรือ”

“องค์ชายซางไป๋ ข้าของถามท่านได้หรือไม่ ข้าควรยินดีที่ถูกบุรุษเช่นกันมาเกี้ยวเช่นนั้นหรือ ข้าควรดีใจที่คนที่บอกว่าตัวข้าเป็นสหายมาพูดจาเช่นนั้นหรือ และข้าควรดีใจที่พวกท่านกล่าวว่าชมชอบข้าทั้งที่ไม่รู้จักข้าสักนิดเพียงเท่านั้นหรือ ข้าผิดเช่นนั้นหรือที่จะหวาดระแวง หากผิดที่จะตั้งคำถาม ข้าขออภัยที่ทำให้องค์ชายเช่นท่านไม่พอพระทัย หากท่านยังไม่พอใจจงลงโทษข้าเถิดที่เสียมารยาทกับท่าน องค์ชาย” ผมค่อมตัวคารวะตามทำเนียม ก่อนจะหมุนตัวออกมา

ไม่เข้าใจว่าแค่ถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้น หากมันผิดมากเกินไปก็ต้องขอโทษด้วยแล้วกันที่ทำให้ขุ่นเคืองใจกัน ถึงมันอาจจะดูแรงไปที่ถามคล้ายกับดูถูกความรู้สึก แต่คนที่ไม่เคยมีความรักต้องการความแน่ใจในความรู้สึก ผิดมากไปหรือที่อยากถาม  และถ้าการพูดคุยในเรื่องแบบนี้มันลำบากใจ ไม่ผิดใช่ไหมที่ผมจะไม่อยากคิดถึงมันอีกต่อไป

“ทะเลาะกับใครมาเล่า จึงทำหน้าเยี่ยงนั้น” ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งแต่ยังหนากว่าตัวผมในตอนนี้มาก ใบหน้าที่หล่อเลาปนสวยพร้อมผมสีดำสนิทจนหน้ากลัว ผมไม่เคยพบเจอชายตรงหน้านี้มาก่อนทำไมทักเหมือนรู้จักกัน

“ท่านเป็นผู้ใดกัน เหตุใดจึงทักทายเช่นคนรู้จัก”

“เราพบกันหลายครา ไม่แปลกที่เจ้าจะไม่รู้จักร่างจริง”

“ท่านคือ ท่านจิวเฟยหลงหรือขอรับ” ไอดำจากกระแสปราณที่ดำมืดไม่แปลกที่ผมจะรู้จักเพราะมีคนเดียวที่ผมเคยเห็นมัน

“ดีใจที่เจ้าจำได้”

“มีเรื่องอันใดกันถึงมาพบข้าด้วยร่างนี้”

“ข้าได้วันหยุดจึงออกมาเดินเล่นและหาข่าว จำได้ว่าร้านเจ้าอยู่แถวนี้จึงมาดู ว่าแต่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับเจ้าหรือ”

“เฮ้อ เพียงเรื่องน้อยนิดเท่านั้น”

“ต่อให้น้อยจนมองไม่เห็นหากเป็นเรื่องของเจ้าข้าย่อมอยากรู้”

“ท่านเกี้ยวข้า”

“ย่อมใช่”

“เหตุใดจึงเกี้ยวกัน”

“ไม่มีเหตุผล ข้าเพียงรู้สึกเท่านั้น เพียงคราแรกที่พบหน้า”

“ท่านจักกล่าวว่าชมชอบข้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ”

“ย่อมได้”

“ไม่คิดว่าแค่ความรู้สึกชั่วคราวหรอกหรือ” คล้ายกันกับคำถามของซางไป๋ที่ทำให้ทะเลาะกัน

“เจ้าอาจจะคิดเช่นนั้นได้ แต่ข้ามั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง”

“เหตุใดจึงไม่โกรธ”

“โกรธสิ่งใด”

“ที่ข้าถามท่านเช่นนั้น”

“ไม่มีสิ่งใดที่ต้องโกรธ ไม่แปลกหากเจ้าจะแคลงใจในความรู้สึกของคนที่เกี้ยวทั้งที่พบหน้าไม่กี่ครา”

“หึ ท่านเป็นคนที่น่ากลัว แต่อยู่ด้วยกลับสงบใจ”

“ดีใจที่เจ้าคิดเช่นนั้น หากไม่รับความรู้สึกของข้าในเชิงคนรัก เก็บข้างไว้ข้างกายในฐานะมิตรสหายข้าก็ยอม”

“หวังน้อยเหมือนท่านพี่กงหมินยิ่งนัก”

“มีคนรักที่มีเสน่ห์ มิแปลกหากต้องใจกว้างเช่นแม่น้ำ” 

ผมได้แต่ยิ้มบางกับความคิดของคนตรงหน้า หวังน้อยนะ ไม่รักยังไงก็ขอให้ได้อยู่เคียงข้างเท่านั้น คนที่ดีแบบนี้ ผมไม่กล้าที่จะทำร้ายจิตใจหรอกครับ แต่จะให้รักก็ยังไม่กล้าอยู่ดี ความสัมพันธ์แบบนี้ มันเรียกว่าอะไรกัน

“เซียนอวี้” เสียงท่านซางไป๋เรียกผมดังขึ้น จากทางที่ผมเดินออกมา ตอนนี้ผมกับท่านเฟยหลงอยู่ที่บริเวณลานหินหน้าบ้านพักหลังร้านเซียน ส่วนท่านซางไป๋กับท่านพี่กงหมินกำลังเดินตามออกมาจากตัวบ้าน

“ว่าอย่างไร”

“ข้าขอโทษ”

“เรื่องอันใด”

“ที่โกรธเจ้า”

“ไม่ผิดหากท่านจะโกรธ ข้าอาจจะทำให้ท่านโกรธมากกว่านี้หากยังอยู่ข้างกายในวันหน้า”

“ข้ายอม เพียงได้ยืนข้างกายเจ้า ไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม”

“เหตุใดพวกท่านจึงยึดมั่นเช่นนี้กัน ข้าเป็นเพียงเด็กชายอายุสิบสี่ปีเท่านั้น คนที่ยิ่งใหญ่เช่นพวกท่านเหตุใดจึงมาสนใจข้ากัน” นี่เป็นคำถามที่ผมอยากถามทั้งสามคนมานานแล้วครับ ทำไมถึงต้องมาสนใจ หรือว่ารู้จักและสนใจร่างนี้มาก่อนหน้าที่ผมจะมาอาศัยก่อนแล้ว หากเป็นเรื่องจริงผมคิดว่าคงต้องปล่องพวกเขาไปเพราะในตอนนี้คนที่พวกเขายึดมั่นไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว

“เพียงครั้งแรกที่พบหน้า สายตาของข้าก็ไม่อาจละไปจากเจ้า เช่นเดียวกับอีกสองท่าน” ท่านซางไป๋พูดก่อนที่สองคนจะพยักหน้าตาม

“พวกท่านเคยพบข้ามาก่อนหน้านี้หรือไม่”

“อย่างไรกัน”

“ท่านพี่กงหมิน เราสองพบกันคราแรกที่ร้านในวันที่ท่านมาสั่งอาหารจริงหรือไม่”

“เป็นเช่นนั้น”

“ท่านซางไป๋ เราพบกันคราแรกที่ข้าสั่งของท่านใช่หรือไม่”

“ย่อมใช่”

“ท่านเฟยหลง เราพบกันคราแรกที่หอนางโลมฮวาครานั้นใช่หรือไม่”

“ถ้านับการพูดคุยย่อมใช่ แต่หากพบหน้าคราแรก ก่อนหน้านั้นเป็นวันที่เจ้ายืนส่งองค์ชายซางไป๋ที่หน้าร้าน นั่นคือคราแรกที่ข้าเห็นเจ้า”

“พวกท่านไม่ได้พบข้าก่อนหน้านั้นใช่หรือไม่”

“ไม่ มีอันใดหรือ”

“ไม่มีขอรับ เพียงถามเพื่อความแน่ใจเท่านั้น”

“อย่างไร”

“ไม่มีอะไรหรอกขอรับ ว่าแต่ท่านพี่กงหมินพูดคุยเรื่องร้านกับท่านซางไป๋เสร็จแล้วหรือ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะยิ่งพูดจะยิ่งเข้าตัวมากขึ้น สรุปว่าพวกเขารู้จักฟางเซียนอวี้ที่มีผมอาศัยอยู่ในตอนนี้ ไม่ได้พบเจอกันก่อนหน้านี้ แล้วแบบนี้ผมจะต้องทำยังไงต่อไปดีกับความรู้สึกที่พยายามทิ้งตัวเป็นตะกอนในใจตอนนี้

“ยังมิได้พูดคุยสิ่งใด”

“เช่นนั้นตามข้ามาเถิด ไปพูดคุยที่ห้องทำงานของข้ากัน”

“ว่าแต่ท่านคือจิวเฟยหลงเช่นนั้นหรือ”

“ขอรับ”

เสียงพูดคุยทำความรู้จักของสามคนด้านหลังให้ความรู้สึกเหมือนบรรดาเมียๆทำความรู้จักกันหลังย้ายบ้านใหม่เลยครับ บ้าไปแล้วนี่ลุงคิดอะไรกัน

ย่านการค้า เขตท่าเรือ

เราสี่คนเดินทางมาตามที่พี่กงหมินบอกเพื่อมาสำรวจร้านค้าท่านซางไป๋จะเช่าทำการค้าต่อจากนี้ ตัวร้านมีสองชั้น คาดว่าชั้นบนน่าจะเป็นที่พัก ด้านล่างที่ชั้นแรกเป็นโถงโล่งๆไม่มีอะไร คิดว่าท่านซางไป๋น่าจะต้องหาชั้นมาใส่เพื่อตั้งสินค้าแล้วละครับ

บริเวณชั้นบนเป็นอย่างที่คิดครับมีห้องแบ่งออกเป็นห้าถึงหกห้อง มีห้องนอนอยู่สองห้อง มีห้องทำงาน นอกนั้นเป็นห้องโล่งๆเท่านั้น พี่กงหมินบอกว่าเดิมทีเป็นบ้านสายรองของสกุลหวังของเขาแต่ว่าเจ้าของบ้านย้ายออกไปอยู่บ้านใหญ่อีกแห่งเลยขายต่อไว้

ผมไม่ได้สนใจเรื่องราคาเช่าของทั้งสองคน ผมเดินออกจากร้านของซางไป๋มาที่ท่าเรือ เห็นว่ามีขนมเรียงรายเยอะแยะเลยอยากจะลองบ้าง เผื่อว่าจะมีไอเดียคิดเมนูใหม่ออกมาได้เพิ่มจากเดิมทีอยู่ในสมุดบันทึกของตัวเองที่เก็บใส่หีบไว้ที่ห้องนอน

หลังจากที่สังเกต ผมคิดว่าบ้านของผมหลังร้านเซียนน่าจะเป็นที่นัดพบของพวกเรามากกว่า เพราะว่าที่นอนหลักของผมก็ยังเป็นที่ร้านอาหารที่ผมลืมตาขึ้นมาอยู่ดี  ผมไม่อยากทิ้งให้พ่อของร่างนี้ต้องอยู่คนเดียว เลยคิดว่าเทียวไปเทียวมาเอาง่ายกว่า

“ใจลอยไปถึงที่ใดกับถึงทำเอาแก้มเลอะเช่นนี้”

“ท่านตามข้ามาหรือ ท่านเฟยหลง”

“เมื่อใดที่เจ้าจะเรียกขานข้าดั่งท่านกงหมินเสียที”

“ท่านต้องการเช่นนั้นหรือ”

“ต้องการ รู้หรือไม่ว่ายามที่เจ้าเรียกข้าว่าท่านเฟยหลงทำเอาใจข้าเจ็บยิ่งนัก”

“กล่าวเกินไปแล้วขอรับ”

“เช่นนั้นเรียกข้าว่าพี่เฟยหลงเถิด ข้าอายุมากกว่าเจ้าหลายปี”

“ก็ได้ขอรับท่านพี่เฟยหลง”

“แล้วกินอย่างไรให้เลอะกัน”

“หมดหรือยังขอรับ” ผมเช็ดแก้มตัวเองตามที่พี่เฟยหลงบอก แต่แทนที่เขาจะตอบกลับเลื่อนหน้าเข้ามาเลียคราบเลอะบนแก้มผมแทน

“ทะ ท่านทำอะไรกัน”

“เช็ดแก้มให้เจ้าอย่างไรเล่า”

“เหตุใดไม่บอกตำแหน่งแก่ข้ากัน”

“อย่างไรก็สะอาดเช่นกัน”

“ท่านกินเต้าหู้ข้านะขอรับ”

“แล้วแปลกตรงไหนกันที่ข้าจะกินเต้าหู้เจ้า ในเมื่อข้ารอเวลากินมากกว่าเต้าหู้ของเจ้าเสียอีก”

“ลามก”

“เจ้าคิดไปเอง”

“ฮึ่ย” ดีนะครับที่เราเดินกลับมาที่ร้านแล้วเลยเป็นช่วงที่คนน้อยจนไม่มีใครสังเกตเห็นภาพเมื่อกี้ ผมยังไม่อยากจะบอกหรอกนะครับ ว่าหวั่นไหวกับพวกเขาจริงๆ  บ้าจริงใจลุงจะบางเกินไปแล้ว

“เหตุใดจึงทำสีหน้าเช่นนั้นเล่าน้องพี่”

“ท่านพี่กงหมินขอรับ ท่านพี่ต้องเอาคืนให้น้องนะขอรับ ท่านพี่เฟยหลงกินเต้าหู้น้อง”

“หืมเช่นนั้นให้พี่ทำเช่นไรกัน”

“ตามที่ท่านพี่ต้องการเลยขอรับ” ผมส่งสายตาสะใจที่มีคนหนุนหลังเป็นชายคนนี้ไปให้คนที่ทำผมอาย

ฟอด!!!!

“เอ๊ะ” ผมเอามือกุมแก้มตัวเองที่ถูกขโมยหอมจากคนข้างกาย

“อยู่ใกล้เจ้าไม่แปลกที่พวกข้าชมชอบการกินเต้าหู้ของเจ้า”

ฟอด!!!

“เช่นกัน”

“ทะ ท่านซางไป๋นี่ท่าน”

“ข้าอายุมากกว่าเรียกข้าเช่นพวกเขาเถิด”

“พวกท่านร่วมมือกันใช่หรือไม่ ข้า ข้าจะ ข้าจะไปฟ้องเสี่ยวมู่”

ทำอะไรไม่ได้ก็รีบหนีออกมา คอยดูนะ กลับร้านเซียนจะฟ้องเสี่ยวมู่ให้มาเอาคืนคอยดู

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : พวกท่านช่างโหดร้ายยิ่งนัก ชอบทำร้ายจิตใจข้า
ซางไป๋ : หากการกินเต้าหู้เจ้าเป็นการทำร้ายจิตใจเจ้า การทำมากกว่านั่นเล่าจะเรียกว่าอันใด
กงหมิน/เฟยหลง : เป็นเช่นนั้น
เซียนอวี้ : เสี่ยวมู่ พี่ชายโดนทำร้าย
เสี่ยวมู่ : พวกท่านเล่นอะไรกันหรือ
เซียนอวี้ : โธ่ ผ้าขาวของพี่อวี้
เสี่ยวมู่ : …………..

ลงเนื้อหา 4/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 10 4/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 05-09-2018 08:04:06
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 10 4/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-09-2018 08:59:48
 :o8: :o8: :o8: :o8:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 10 4/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 05-09-2018 12:20:00
 :oo1: :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 10 4/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 05-09-2018 12:22:36
ติดตามจ้า :L2:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 10 4/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-09-2018 15:16:31
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 10 4/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-09-2018 19:18:13
 รอวันลุง ถูกกิน   :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 11 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 06-09-2018 11:22:01
#11

   วันนี้เป็นอีกวันที่เงียบสงบสำหรับผมในโลกแห่งนี้ เช้าๆการเดินออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ผมคุ้นชิน เมื่อวานอยู่จัดการสินค้าทดลองวางขายจนดึกเลยฝากเงาไปบอกท่านพ่อไว้ว่าจะนอนที่ร้านเซียนก่อน วันนี้พอตื่นมาก็มาเดินเล่นรับอากาศยามเช้า ก่อนที่คนอื่นๆจะตื่น

จะว่าไป ผมนำเงินมาสร้างห้องพักให้กับคนงานที่ร้านด้วยครับ อยู่ในรั้วเดียวกันแต่อยู่ในพื้นที่ของบ้านด้านหลังที่ว่างอยู่  บริเวณลานหน้าบ้านในตอนนี้มีหมอกลอยอยู่จางๆ สายตาผมไปสะดุดอยู่ที่บริเวณโคนต้นไม่ใหญ่ที่ไม่รู้ว่ามันคือต้นอะไรเหมือนกัน

“เจ้ามาจากที่ใดกันเจ้างูน้อย” เป็นงูเขียนครับ ตัวไม่ใหญ่มาก สมัยอยู่โลกก่อนผมเคยเลี้ยงงูไพธ่อนมาก่อนครับเลยไม่กลัวงูเล็กๆแบบนี้ แถมดูเหมือนมันจะหิวโซอยู่มาก

“หิวใช่หรือไม่ ว่าแต่งูเขียวกินอะไรกัน”เพราะไม่มีคนอยู่พูดภาษาโลกเดิมคงไม่มีใครได้ยินอยู่แล้ว
 
ผมหยิบเจ้างูน้อยเข้ามาในอ้อมแขนก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านอีกครั้ง  เจ้างูพอเห็นขนมที่วางอยู่บนโต๊ะก็เลื้อยหนีลงไปเอาดื้อๆ สงสัยจะกินขนม แต่ว่างูกินขนมหรอครับ

ผมเพ่งมองจนเห็นไอสีทองเข้มยิ่งกว่าไอของท่านพี่ซางไป๋ที่เป็นสีทองปนขาว ลอยออกมาจากตัวเจ้างูคลุมล้อมไว้ ไม่ธรรมดา เป็นเรื่องง่ายที่จะมองออกว่างูตัวนี้เป็นมากกว่างู ดูจากไอนั้น มันไม่ใช่กระแสปราณแบบที่ผมเคยเห็นมาก่อนและสีทองมีเพียงเชื่อสายมังกรเพียงเท่านั้นที่มีได้ แต่ก็เป็นไอสีขาวปนทองเท่านั้น แปลว่าเจ้างูตัวนี้

แต่ถึงจะรู้ว่าเจ้างูตัวนี้ไม่ธรรมดาแต่ผมว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้เรามาเจอกันแบบนี้ แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะมาร้ายจากเจ้างูที่นอนมองหน้าผมหลังจากที่กินเสร็จ

“อืม ไหนๆเจ้าก็มาอยู่ด้วยกัน ต่อไปข้าเรียกเจ้าว่า อืมงูเขียว สีเขียว อ่า ลวี่เซ่อและกัน เจ้ามีสีเขียวเจ้าชื่อลวี่เซ่อนะ” หัวที่ขยับไปมาของมันผมตีความว่าตกลงแทนละกัน อากาศกำลังดีแต่เพราะว่าผมติดการอาบน้ำเช้าเย็นไม่แปลกหากมาที่นี่ผมยังทำแบบเดิมอยู่

ผมเดินมาที่ถังอาบน้ำขนาดกลางที่มีน้ำอยู่ภายใน คาดว่าคนในร้านน่าจะมาเตรียมไว้ให้เพราะเห็นว่าวันนี้ผมอยู่ที่นี่ ผมวางเสี่ยวลวี่ไว้บนหัวก่อนจะถอดชุดนอนออกจนหมด ในห้องนี้มีแค่ผมกับเจ้างูเท่านั้นไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็น ผมเอาเจ้างูเข้ามาอาบน้ำด้วย ตอนแรกก็ขัดขืนอยู่หรอกครับ แต่พอโดนลูบไปมาเรื่อยๆก็คล้อยตาม ทำหน้ามีความสุขออกมาจนสังเกตได้

เมื่อเสร็จก็พากันออกมาเช็ดตัว ตอนที่ผมแต่งตัวผมเห็นว่าสายตาของเจ้างูน้อยมองมาที่ผมตลอด ผมไม่ได้สนใจมากนักเลยแต่งตัวต่อไป จนกระทั่งได้เวลางาน ผมมาทำงานพร้อมเจ้างูมีหลายคนเข้ามาทัก บ้างว่าอันตราย บ้างให้เอาไปปล่อย และบ้างว่าให้ฆ่าทิ้งเสีย ผมไม่ตอบอะไรไปยิ้มกลับเท่านั้น คนเหล่านั้นก็ได้แต่มองหน้าแล้วกลับไปทำงานตนเอง

ตอนที่พามันมาเจอท่านพ่อ ท่านก็บอกแค่ว่าจะเลี้ยงก็ได้ แต่อย่าทิ้งขว้างเด็ดขาด เพราะสัตว์ก็มีหัวใจของมัน ท่านพ่อเป็นคนดีมากเลยครับ เข้าใจความคิดของเขาเสมอและคอยสนับสนุนในเรื่องที่ดีงาม

และแล้วก็ผ่านมาสามวันแล้วที่ผมตัวติดกับเจ้างูน้อยตัวนี้ ผมคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันผมไปแล้ว จนมาวันนี้ วันที่ผมพบกับแขกที่ไม่ได้นัดหมายที่มาดักรออยู่ที่ร้านพร้อมหน้ากันทั้งสามคน และผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ท่านพี่เฟยหลงฝึกมาหรือเปล่า พอเห็นหน้าเสี่ยวลวี่ก็ถึงกับชักดาบแบบนี้

“วางดาบของท่านลงเสีย อย่ามาชักดาบในบ้านของข้าเช่นนี้”  ผมตกใจมากที่อยู่ๆมาจ่อปลายดาบใส่เด็กผมแบบนี้

“มันเป็นปีศาจ”

“ท่านว่าอย่างไรนะท่านเฟยหลง” ท่านพี่กงหมินรีบถามเมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมปล่อยเจ้างูออกจากอ้อมแขน

“เซียนอวี้ ปล่อยมันมาให้พวกข้าจัดการเถิด หากมันอยู่ใกล้เจ้าอาจเกิดอันตรายได้”

“ท่านมิต้องกล่าวอันใดให้มากความท่านพี่ซางไป๋ เสี่ยวลวี่เป็นของข้า เหตุใดต้องปล่อยให้พวกท่านมาทำร้ายเขากัน”

“ไม่ดีแน่ เซียนอวี้อาจถูกมนต์ร้าย”

“ข้ามิได้ถูกมนต์ใดๆทั้งนั้นท่านพี่เฟยหลง และเสี่ยวลวี่ก็มิได้เป็นปีศาจ”

“ข้ามองเห็นไอวิญญาณของมันเหตุใดเจ้าจึงไม่เชื่อกัน”

“ข้าของยืนยันว่าเสี่ยวลวี่มิใช่ปีศาจ”

“อวี้เอ๋อร์เหตุใดจึงเถียงท่านเฟยหลงกัน เจ้ายังเด็กนักไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของปีศาจหรอก”

“พวกท่านคิดว่าข้าโง่งมถึงเพียงนั้นเลยหรือถึงมองไม่ออกว่าสิ่งใดคือปีศาจ”

“เจ้ากล่าวดั่งรู้ว่ามันมิใช่ปีศาจจริง”

“ใช่ ข้ารู้ เหตุใดพวกท่านไม่สังเกตบ้างหรือว่าทำไมข้าถึงรู้ว่าพวกท่านเป็นผู้ใดท่านพี่ซางไป๋ ท่านพี่เฟยหลง  พวกท่านปลอมตัวได้แนบเนียน ตบตาผู้คน แต่คราแรกที่พบหน้าข้า ข้ากับมองเห็นตัวตนของพวกท่าน  และท่านพี่กงหมิน ท่านมิสงสัยหรือว่าเหตุใดข้าจึงรู้ว่าท่านตาหลิวมีวิชา”

“พวกข้าไม่สามารถจับกระแสปราณของเจ้าได้ หากแต่ยังคงความแคลงใจไว้แต่มิได้เก็บมาใส่ใจนัก เช่นนั้นช่วยแจ้งแก่พวกเราเถิดในความลับของเจ้า”

“เพราะข้าไว้ใจพวกท่านจึงได้บอกมัน ความลับของข้า คือไม่มีสิ่งใดสามารถลวงหลอกสายตาของข้าได้แม้แต่วิชาแปลงกายก็ตาม” ทุกอย่างดูเงียบลงเมื่อผมพูดจบ สายตาของทั้งสามคนมองมาอย่างสงสัยแต่ก็ปรากฏความดีใจกับความลับที่ผมยอมบอกไป

“แล้วที่เจ้าว่ามิใช่ปีศาจ”

“ขอรับท่านพี่กงหมิน ในคราแรกที่พบเจอน้องเพียงสงสัยในพฤติกรรมของเสี่ยวลวี่เพียงเท่านั้น ต่อมาจึงลองใช้ดวงตามองจนเห็นไอที่ลอยวนอยู่รอบกายของเสี่ยวลวี่ ไอที่มีสีเดียวกับท่านพี่ซางไป๋แต่เข้มข้นกว่ามากจนน่าสงสัย”

“เหมือนกับข้ารึ แล้วเจ้ามองเห็นสิ่งใดกัน”

“กระแสปราณขอรับ แยกเป็นการฝึกวิชาของแต่ละคน อย่างท่านพี่กงหมินเป็นสีขาวเข้ม ท่านพี่เฟยหลงสีดำเข้ม และท่านพี่ซางไป๋สีขาวปนทอง”

“เหตุใดจึงปนทองกัน”

“เพราะท่านพี่ซางไป๋เป็นเชื้อพระวงศ์อย่างไรเล่าขอรับ”

“เช่นนั้นเจ้างูตัวนี้”

“มิเหมือนขอรับ เพราเสี่ยวลวี่เป็นสีทองเพียงอย่างเดียว อีกทั้งมีความเข้มของสีที่สูง ยิ่งเข้มยิ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของปราณในแต่ละคน”

 หลังผมพูดจบบรรยากาศรอบกายของเราต่างเปลี่ยนแปลงราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกดดันพวกเราอยู่ ไอความเย็นที่เริ่มปกคลุมจนรู้สึกได้ สถานการณ์ตอนนี้ชักจะไม่ปกติซะแล้วครับ

“ข้ามิแปลกใจอันใดแล้วว่าลิขิตสวรรค์ที่ท่านผู้เฒ่าจันทราแจ้งแก่ข้าคือสิ่งใด ชะตานำพาให้ข้าได้ลงมาที่โลกมนุษย์แห่งนี้เพื่อชดใช่ความผิดที่ทำต้นท้อสวรรค์เสียหาย บทลงโทษที่จะคงอยู่ในร่างของงูน้อยเช่นนี้จนกว่าจะมีคนที่ถูกผูกชะตาด้วยด้ายแดงมาแก้ไขให้กลับมาดังเดิม”

เสียงที่ดังขึ้นจากเบื้องหลังของผมจนต้องหันกลับไปมอง ชายตรงหน้าที่อยู่ในอาภรณ์สีเขียวอ่อนที่ดูสบายตา ผิวพรรณรูปลักษณ์คล้ายบัณฑิตมากความรู้ ดูสง่างามและทรงอำนาจ แต่แฝงความซุกซนในดวงตายามที่สบกัน

“ท่านเป็นผู้ใดกัน” เสียงท่านพี่ซางไป๋เรียกถามคนตรงหน้าของผมในตอนนี้

“เสี่ยวลวี่ ไม่ใช่สิ ข้ามีนามว่าลวี่หลง เป็นเทพมังกรจากเบื้องบน” ไม่ผิดไปจากที่ผมคิดเอาไว้สักเท่าไหร่

“เทพมังกร” สามคนด้านหลังผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ ไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะพบเจอเทพสักองค์ลงมาที่ดินแดนแห่งนี้เพื่อพบปะกับเหล่ามนุษย์เดินดินธรรมดา

“เหตุใดเจ้าจึงดูไม่ตกใจกันเซียนอวี้หรือว่าที่เจ้าบอกกล่าวก่อนหน้านั้นทำให้รับรู้ตัวตนของข้า”

“เพราะตลอดสามคืนท่านแอบลอบเข้ามานอนกับข้าทั้งที่ข้าก็จัดที่นอนให้ท่านแล้วทุกคราก่อนนอน”

“หืม อะแฮ่ม ถึงท่านจะเป็นเทพก็ตาม แต่การมาแอบนอนเตียงเดียวกับอวี้เอ๋อร์ของเราเช่นนี้ ขอจงอธิบายมาเสียก่อนที่กระบี่ของข้าจะมุ่งไปโดนร่างกายของท่านเอา”

“อะ เอ่อ คือ ข้าขอภัยพวกท่านทั้งสามที่กระทำการเช่นนั้น แต่เพราะต้องการแก้คำสาปการนอนอยู่บนเตียงเดียวกันครบสามวันจะทำให้คำสาปเสื่อมลงจนกลับร่างได้ ข้ามีเหตุผลที่กระทำ พวกท่านโปรดจงเข้าใจ อย่างไรเสียเราก็เป็นพวกเดียวกันมิใช่หรือ”

“หยุดกล่าววาจาที่ทำให้ข้าต้องเสียอารมณ์ไปยิ่งกว่านี้เถิด หากจะทำความรู้จักกันก็ไปเสีย ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับพวกท่าน หึ”

ยิ่งเห็นยิ่งขัดหูขัดตา ทั้งคำว่าด้ายแดงก็แล้วยังมาคำพูดที่ดูเหมือนจะต้อนรับสมาชิกเข้าบ้านแบบนี้อีก พอนึกๆไปวันแรกที่เจอกันผมแก้ผ้าต่อหน้าเจ้างูไป หนอยไอ้สายตาที่มองตามในตอนนั้นไม่ใช้สงสัยแต่เป็นลวนลามสินะ ตกลงท่านเป็นเทพจริงหรือไม่ท่านเทพมังกร

หลังจากวันนั้นไม่ว่าผมจะไปที่ไหนก็จะมีท่านเทพไปด้วยเสมอ เห็นแบบนั้นแต่เอาเข้าจริงท่านเทพก็เป็นคนที่ขี้อายพอสมควรครับ โดนผมมองหน้าตรงๆไม่เกินห้าวิก็อายจนหน้าแดงไปหมด ไม่แปลกที่ผมจะชอบแกล้งท่านเทพเพื่อระบายความแค้นที่แอบมองผมอาบน้ำแบบนั้น

ผมแนะนำกับทุกคนว่าท่านเทพเป็นสหายที่เดินทางมาหาและพักอยู่ร่วมกันอย่างไม่มีกำหนดกลับ แต่บอกความจริงกับท่านพ่อ ท่านพ่อเพียงหันมามองที่หน้าของท่านเทพก่อนจะถอนหายใจแล้วแสดงสีหน้าโล่งใจออกมา พอถามก็ตอบแต่ว่าดีใจที่เป็นเพียงสหายเท่านั้น ถึงจะงงแต่สายตาของท่านพ่อก็ทำเอาขนแขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด
เซียนอวี้ : ข้าไม่รู้มาก่อนว่าท่านพ่อจะเป็นหนุ่มวาย
ฮุ่ยเอิง : อวี้เอ่อร์ขอแค่เจ้ามีความสุขพ่อก็เข้าใจในความรักของพวกเจ้าทั้งหมดทุกคน
เซียนอวี้ : ท่านกล่าวสิ่งใดกัน ข้าหามีคนรักไม่
ฮุ่ยเอิง : กล่าวเช่นนี้มิกลัวว่าทั้งสี่คนด้านหลังจักเสียใจหรือ
เซียนอวี้ : ข้าไม่เข้าใจคำของท่านนัก ..........(หันมองคนด้านหลังสี่คน)

ลงเนื้อหา 6/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 11 6/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 06-09-2018 17:26:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 11 6/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-09-2018 20:01:13
เอิ่มมมม........เพิ่มมาอีกคนแล้ว เป็นสี่คน  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 11 6/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 07-09-2018 15:29:14
รอ ร่อ  รอ
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 11 6/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 08-09-2018 11:23:37
รอค่าา
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 12 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 11-09-2018 11:39:45
#12

   ยามซื่อ(เก้าโมงถึงสิบโมงห้าสิบเก้า)วันนี้ผมมีเรื่องต้องเข้าวังครับ เพราะองค์ฮ่องเต้มีรับสั่งเรียกผมไปเข้าเฝ้า ก็ไม่รู้ว่าครั้งนี้มีเรื่องอะไรอีกรึเปล่า แต่หลายวันก่อนผมก็ไปเข้าเฝ้าองค์ฮองเฮามาแล้วครับ เอาของไปขายด้วย ใช้วิชาการตลาดเต็มที่ครับ

พอได้เวลารถม้าก็มารับถึงหน้าร้านเลยครับ ผมนั่งรถม้ามาได้ไม่นานก็เข้ามาถึง ตามจริงผมต้องลงเดินตั้งแต่หน้าประตูวังชั้นแรกเพราะไม่มียศศักดิ์อย่างขุนนางที่เข้าได้ถึงชั้นกลางหรือเชื้อพระวงศ์ที่เข้าได้ถึงชั้นใน แต่เพราะองค์ฮ่องเต้สั่งไว้ว่าต่อจากครั้งนั้นผมคือน้องของพระองค์มียศเทียบเท่าอ๋องท่านหนึ่งก็เลยสบายเข้ามาถึงชั้นในไม่ต้องเดิน

ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับการยอมรับง่ายขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะเพราะอะไรก็ตามแต่ผมว่าน่าจะเกี่ยวกับเซียนอวี้หรือเจ้าของร่างนี้ครับ เพราะความลับมากมายที่รอค้นหายังมีอีกมากมาย ไหนจะสายตาของฮองเฮาที่มองผมวันที่เข้าเฝ้าด้วย

ไม่ใช่สายตามุ่งร้ายหากแต่เป็นสายตาเดียวกันกับฮ่องเต้ สายตาที่แสดงออกว่าดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง ถึงจะไม่เข้าใจมากนัก แต่อีกไม่นานความลับต่างๆต้องถูกเฉลย เพราะดูเหมือนจะมีจุดเชื่อมโยงที่ผมค้นเจอมากพอสมควร

“ถวายพระพรพะยะค่ะ”

“เฮ้อ ข้าไม่รู้ว่าจักกล่าวเช่นไรให้เจ้าเลิกทำเช่นนี้ แต่เอาเถอะตามที่เจ้าสะดวกใจเถิด”

“มิบังอาจพะยะค่ะ หากไม่ทำเช่นนี้จะเกิดเป็นที่ครหาในตัวพระองค์เอาได้”

“ช่างเถิด วันนี้เจิ้นเรียกเจ้ามาเพื่อปรึกษาปัญหาภัยแล้งที่มีมาเนิ่นนานและปัญหาน้ำท่วมด้วย แต่ตามมาเจิ้นไปที่ศาลาริมบึงเถิด เรื่องที่คุยอาจจะเครียดเกินไป ควรผ่อนคลายด้วยบรรยากาศสักนิดคงจะดี”

“พะยะค่ะ”

วันนี้มีเพียงแค่ผม ฮ่องเต้และท่านราชเลขาสามคนเท่านั้น ดีแล้วครับถ้าท่านพี่กงหมินอยู่ตรงนี้ผมคงไม่เป็นอันทำอะไรหรอก เอาแต่หยอดแบบสุภาพ พยายามไม่หวั่นไหวแล้วนะครับ ใจลุงมันบางเกินไปแล้วตั้งแต่มาอยู่โลกนี้

“เมื่อยามหน้าน้ำก็มีมากเกินจะใช้ยามหมดหน้าน้ำก็ขาดแคลนจนขัดสนเกิดความทุกข์ไปทั่วแคว้น เจิ้นจนปัญญาเลยอยากจะลองถามความคิดเห็นของเจ้าเผื่อจะได้เรื่องมากขึ้น”

“อีกหนึ่งเดือนจะเข้าสู่ช่วงน้ำหลากแล้ว หากเราสามารถชะลอการไหลของน้ำและเปลี่ยนเส้นทางเพื่อกักเก็บน้ำไว้ เมื่อยามถึงหน้าแล้งเราจะมีแหล่งน้ำและสายน้ำที่ไหลตลอดปีพะยะค่ะ”

“ที่เจ้าพูดมาคือสิ่งใดกัน ทำได้ด้วยหรือ”

“ได้พะยะค่ะ ประการแรก เราควรขุดบ่อกักเก็บน้ำเพื่อเก็บไว้ใช่ยามแล้ง ประการสองคือการสร้างฝายชะลอน้ำเพื่อลดการไหลของน้ำให้เหมาะแก่การใช้น้ำของชาวบ้านและลดการเกิดน้ำหลากพะยะค่ะ”

“ขุดบ่อ สร้างฝาย อย่างไรกัน”

“การขุดบ่อคือการขุดหลุมขนาดใหญ่ที่บริเวณพื้นที่ที่สะดวกต่อการใช้สอยของทุกคน โดยการนำน้ำมาใส่เป็นการต่อท่อเพื่อเปลี่ยนน้ำจากทางน้ำให้มาที่บ่อที่ขุดไว้เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในภายหน้าพะยะค่ะ ส่วนการสร้างฝาย คือการนำไม้ไผ่และหินมากั้นทางน้ำ”

“กั้นทางน้ำหรือ แล้วจะช่วยได้อย่างไร”

“เมื่อเราสามารถลดการไหลของน้ำแล้วจะทำให้ไม่เกิดอุทกภัยกับหมู่บ้านใต้น้ำ อีกทั้งยังสามารถชะลอการไหลของน้ำให้ไม่หมดก่อนจะถึงหน้าแล้งพะยะค่ะ”

“ท่านราชเลขาเข้าใจหรือไม่”

“ยังไม่กระจ่างเท่าใดพะยะค่ะ แต่พอจะนึกออกอยู่บ้างพะยะค่ะ”

“ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยจะร่างแบบสักครู่เพื่อง่ายต่อการทำความเข้าใจดีหรือไม่ขอรับ”

“กงกงนำกระดาษแลหมึกมาให้เจิ้นที”

“พะยะค่ะ”

“เชิญเลยน้องอวี้ พี่จะฝนหมึกให้เจ้าเอง”

“ฝ่าบาทให้กระหม่อมทำเถิดพะยะค่ะ”

“อย่าเลยท่านกงกง เจิ้นเต็มใจทำให้น้องชายของเจิ้น เร็วเถิด เจิ้นอยากจะเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดเสียแล้วน้องอวี้”

“พะยะค่ะ”

มันเป็นเรื่องที่แปลกมากที่จะมาใช้ฮ่องเต้ฝนหมึกให้แบบนี้ครับ แต่จะขัดใจไปก็ใช่เรื่อง เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน หลังจากนี้ชื่อของผมคงดังขึ้นมากกว่าเก่าแน่ครับ ในเมื่อครั้งก่อนที่พระองค์แจ้งกลางที่ประชุมเรื่องการแก้ปัญหาคนต่างแคว้นแล้วบอกว่าผมเป็นคนคิดแถมยื่นสถานะน้องชายให้อีก

หลายเสียงต่างก็ห้ามแต่จะขัดใจได้ยังไง และเพราะเป็นแค่พี่น้องละมั้งครับถึงไม่มีใครเอาเรื่องอะไรมาก อีกทั้งดูเหมือนคนจะดูออกว่าคนที่คิดมากกว่าพี่น้องเป็นท่านอัครมหาเสนาบดีอีกด้วยทำเอาคนไม่กล้าพูดอะไรต่อ ปล่อยเลยตามเลยมา เลยกลายเป็นเรื่องปกติไปเมื่อใครก็ตามในวังเจอหน้าผมต้องทำความเคารพแบบอ๋องกินเมืองทั่วไป แม้ว่าผมจะเป็นเด็กอายุสิบสี่เท่านั้นก็ตาม ชีวิตใหม่ของลุงนี่ยิ่งใหญ่ดีจริง

ภาพที่ผมร่างออกมาเป็นการวางไม้ในแนวขวางลำธารและมีหินก้อนเรียงกันภายในเพื่อลดแรงปะทะของสายน้ำเมื่อเกิดการไหลของน้ำที่รุนแรงยามน้ำหลาก ต่อมาเป็นการต่อไม่ไผ่เพื่อส่งน้ำจากแหล่งน้ำจากยอดเขาเพื่อปล่อยน้ำลงมาที่บ่อที่ขุดไว้เพื่อเก็บน้ำ

ผมอธิบายตามส่วนต่างๆจนฮ่องเต้ ราชเลขา และท่านกงกงที่นั่งฟังต่างเข้าใจ และกล่าวชมในเรื่องนี้ มีการคัดลอกเอกสารอีกแผ่นเก็บไว้เพื่อส่งต่อให้แก่ขุนนางที่เกี่ยวข้อง ผมไม่หวงถ้ามีคนจะนำสิ่งนี้ไปทำบ้าง

เพราะการทำแบบนี้มีแต่ช่วยเหลือคน แถมเป็นความคิดที่มาจากโลกเก่า ผมจะหวงไปก็ใช่ที่เพราะคนที่คิดไม่ใช่ผม ผมก็แค่ทำตามเข้าเอาเหมือนกัน คล้ายกับอาหาร ไม่แปลกที่ผมจะขายสูตรอาหารบางชนิดเพื่อเป็นตำราแก่คนที่สนใจในด้านนี้ ผมไม่หวงวิชาเพราะว่าพวกนี้ ยิ่งมีคนรู้ยิ่งเป็นเรื่องดี

“เจ้าไม่สนใจตำแหน่งอ๋องจริงหรือ”

“ขอพระองค์ทรงพิจารณาใหม่เถอะพะยะค่ะ ตัวกระหม่อมเป็นเพียงบุตรชายชาวบ้านเพียงเท่านั้นหาได้มีสายเลือดมังกรเช่นพระองค์ไม่ เพียงพระองค์ออกปากรับกระหม่อมเป็นน้องชายก็เป็นพระกรุณาอย่างถึงที่สุดแล้วพะยะค่ะ อย่าได้มอบตำแหน่งเช่นนั้นกับกระหม่อมเลยพะยะค่ะ”

“ไม่มีผู้ใดขัดใจเรา”

“หากพระองค์ยังคงมีพระประสงค์จะมอบตำแหน่งอ๋องให้กับกระหม่อม กระหม่อมคงขอบังอาจกราบทูลว่าอย่าได้พบเจอกันอีกต่อไปพะยะค่ะ”

“เพราะเจ้าเป็นเช่นนี้ ไม่แปลกที่กงหมินมอบใจให้แก่เจ้าและเจิ้นก็เป็นอีกคนที่หลงใหลในเสน่หาของเจ้าด้านวาจาเช่นกัน ถึงบังคับเจ้าให้เป็นน้องเช่นนี้ อย่าได้หนีไปจากกันเลย พี่ต้องการตอบแทนเจ้าเพียงเท่านั้น เอาตามที่เจ้าสะดวกใจเถิดไม่เป็นอ๋องก็ไม่เป็น แต่อย่าลืมว่าเจ้ามีศักดิ์เช่นอ๋องตามที่เจิ้นกล่าวไป ขอจงเข้าใจ”

“น้อมรับบัญชาพะยะค่ะ”  ถึงจะรับปากไปแต่ติดตรงคำว่าตัวเซียนอวี้มีศักดิ์เป็นอ๋องอย่าลืม นี่อาจเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องบันทึกไว้เพื่อหาข้อพิสูจน์ต่อไป

หลังจากนั้นก็ตกลงที่จะลงสำรวจพื้นที่เพิ่มเริ่มการสร้างฝายและบ่อน้ำ กำหนดการอีกสามวันเดินทาง ผมเลยมาบอกท่านพ่อก่อนเพราะเป็นการเดินทางครั้งแรกด้วยที่ต้องไปนอนค้างแรมนอกบ้านตั้งแต่ตื่นมาในร่างนี้

“ท่านพ่อ ยามข้าไม่อยู่ดูแลสุขภาพด้วยขอรับ แล้วลูกจะรีบกลับมา”

“ดูแลตัวเองเถิด อย่าได้ห่วงพ่อเลย เจ้าต่างหากที่เดินทางย่อมต้องน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าพ่อที่อยู่บ้านเช่นนี้ อย่าได้นำตัวเองไปสู่อันตรายเพียงเท่านี้ที่พ่อต้องการจากเจ้า”

“ลูกจะดูแลตัวเองและรักษาร่างกายตัวเองจนครบกลับมาหาท่านขอรับ ไม่กี่วันข้าจะกลับมาขอรับ ยามนี้คงต้องไปจัดการร้านในช่วงที่ไม่อยู่ก่อน เย็นนี้ข้าจะกลับมาทานมื้อเย็นกับท่านนะขอรับท่านพ่อ”

“เช่นนั้นพ่อจะรอที่บ้าน”

“ขอรับ”

ร้านเซียน

“เหตุใดเจ้าจึงไม่ไปบอกข้าเรื่องที่จะเดินทางไปกับองค์ฮ่องเต้”

“ท่านพี่ซางไป๋ ในเมื่อข้าไม่บอกท่านก็รู้แล้วข้าจะบอกแก่ท่านอีกทำไมกัน”

“ข้าจะไปด้วย”

“ท่านจะไปด้วยเพื่ออันใดกัน ในตอนนี้ท่านเป็นเพียงองค์ชายที่เข้ามาทำการค้าที่แคว้นนี้เพียงเท่านั้น หาได้เกี่ยวข้องกับการเสด็จครั้งนี้ไม่”

“แต่ข้าเป็นห่วงเจ้า”

“ท่านพี่กงหมินก็ไปนะขอรับ”

“ทำไมเจ้าจึงไว้ใจกงหมินยิ่งนักเล่า”

“แล้วเหตุใดข้าต้องไม่ไว้ใจในตัวของพวกท่านด้วยเล่าขอรับ”

“วาจาของเจ้าทำเอาข้าสู้ไม่ได้เสมอ”

“ข้าไปช่วยงานนะขอรับ ไม่ได้หนีไปเที่ยวเสียหน่อย อีกอย่างไว้ทุกอย่างสงบเราค่อยนัดกันไปเดินเล่นดีหรือไม่ขอรับ”

“สองคนหรือ”

“ทุกคนขอรับ ข้าไม่อยากมีปัญหาภายหลัง”

“ไปกับข้าสองคนมีปัญหาอย่างไร”

“แล้วการที่ข้าไปกับท่านพี่กงหมินท่านยังมิพอใจแต่ท่านยังต้องการไปกับข้าเพียงสองคนเช่นกัน เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นขอรับ”

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าผิดเองทั้งที่เตือนตนเองเสมอว่าพวกเราจะไม่ทะเลาะกัน”

“มนุษย์ทุกคนย่อมมีความต้องการเป็นพื้นฐานต่อการดำรงชีวิตให้ก้าวเดินต่อไปในแต่ละวันเสมอ ไม่แปลกหากจะมีเสี้ยวความคิดสักคราที่เห็นเพียงความคิดตนเอง เพียงแต่เราย่อมเตือนตัวเองเสมอในสิ่งที่เคยคิดเท่านั้นว่าสมควรแก่การกระทำในสิ่งนั้นหรือไม่ ข้าหวังว่าท่านจะเลิกโทษตนเองที่คิดต่อพวกเขาที่เหลือในวันนี้ ข้าขอตัว” ไม่ใช่การชี้แนะ การสั่งสอนหรือการปลอบ แต่มันเป็นคำกล่าวธรรมดาเท่านั้น อยู่ที่คงฟังจะรับสารที่สื่อไปได้มากน้อยเท่านั้นก็เท่านั้น

ไม่นานท่านพี่ซางไป๋ก็กลับมาร่าเริงเหมือนเดิม คอยกวนคอยหยอดผมเสมอตลอดวัน จนกระทั่งยามเย็นมาถึงผมกลับมาที่ร้านอาหารฟางเพื่อกินข้าวและพักผ่อนที่นี่

เวลาผ่านไปจนถึงวันเดินทาง ไม่แปลกที่วันนี้ท่านพี่เฟยหลงและท่านพี่ซางไป๋จะมาส่งผมด้วยเช่นกันส่วนท่านเทพมังกรก็กลับเขาไปก่อนล่วงหน้าแล้วครับ ดูเหมือนว่าที่นั่นจะมีเรื่องอะไรสักอย่างให้กลับไปทำก่อน และจะกลับมาอีกครั้งหลังจากผมกลับมาพอดี ส่วนม้าที่ผมขี่วันนี้เป็นม้าของท่านพี่เฟยหลงที่หามาให้เมื่อนานวันก่อนเพื่อเป็นของขวัญและสอนขี่เรียบร้อย

วันนี้ท่านพี่กงหมินมาในชุดคุณชายธรรมดาเพราะง่ายต่อการเดินทางและดูเด็กกว่าที่คิด ท่านพี่ซางไป๋มาในชุดขาวตามเดิม ท่านพี่เฟยหลงยังมาในชุดดำตัดกับท่านพี่ซางไป๋เสมอ

ส่วนตัวของผมวันนี้มาในชุดสีฟ้าอ่อน ผมชอบชุดสีเรียบๆแบบนี้ครับ ใส่แล้วสบายตา แต่ก็เปื้อนง่ายเหมือนกันแต่ก็ถือว่าเหมาะแก่การใส่รับเสด็จอย่างในตอนนี้ละนะครับ

ตามจริงผมต้องเดินทางไปที่วังเพื่อออกมากับขบวนเสด็จแต่ฮ่องเต้กลับอ้างเหตุผลว่าเป็นทางผ่านหน้าร้านให้ผมรอที่ร้านสะดวกกว่า ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์เรื่องอะไรรึเปล่าและเมื่อบอกท่านพ่อ แม้จะเสี้ยวเวลาแต่ก็จับได้ว่าท่าทีของท่านแปลกไป แต่กลับมาเป็นดังเดิม ผมว่าท่านพ่อน่าจะรู้เรื่องอะไรมากกว่าที่คิดแล้วครับ

ขบวนเสด็จในวันนี้เป็นแบบเรียบง่ายมีเพียงการขี่ม้าของฮ่องเต้ ท่านราชเลขา ท่านพี่กงหมิน ท่านแม่ทัพและผม ส่วนทหารอื่นๆก็ขี่ม้าตามอีกที

“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆปีพะยะค่ะ” ชาวบ้านและพวกเราที่รออยู่คุกเข่าถวายความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อฮ่องเต้ลงจากหลังม้าแล้ว

“ลุกขึ้นเถิด”

“ขอบพระทัยพะยะค่ะ” ชาวบ้านต่างลุกขึ้นแต่ยังเว้นระยะห่างเอาไว้เสมอเพราะมีทหารที่คอยดูแลความเรียบร้อยเดินตรวจตรา

“ท่านนะ อะแฮ่ม เถ้าแก่ฟางวันนี้ข้าขอพาบุตรชายของท่านไปช่วยงานสักครา ขออภัยที่ไม่ได้มาแจ้งแก่ท่านก่อนทำการตกลง” คำที่หายไปคือท่านน้าหรือเปล่าครับ ทำไมฮ่องเต้เรียกท่านพ่อว่าท่านน้ากัน ดูเหมือนจะรู้จักกันแต่เล่นละครใส่กันสินะครับ

“มิบังอาจพะยะค่ะ กระหม่อมเสียเองที่เป็นเกียรติที่มีบุตรได้ช่วยเหลือแผ่นดินนี้”

“เอาเถิด อย่าได้เสียเวลาอีกเลย ข้าจะดูแลบุตรของท่านอย่างดี เพราะถือว่าบุตรชายท่านเปรียบเหมือนน้องชายของข้าเช่นกัน ขอท่านวางใจ”

“ขอบพระทัยพะยะค่ะ”  ท่านพ่อเหลือบสายตาแปลกๆมาที่ผมอีกครั้ง

“ท่านพ่อ ตามตัวขอรับ เพียงพี่ชายจริงแท้ขอรับ” ผมเดินเข้าไปกระซิบท่านพ่อเพราะท่านคงไม่ดีใจแน่ถ้าหากเป็นมากกว่านั้นแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงดูกังวลเมื่อได้ยิน

“เป็นเช่นนั้นดีแล้ว” ดูเหมือนว่าประวัติของร่างนี้จะไม่ธรรมดานะครับ หวังว่าผมคงไม่ได้เป็นญาติอะไรกับฮ่องเต้หรอกนะครับ ท่านพ่อของร่างนี้ถึงทำหน้าตากังวลเมื่อฟังคำของฮ่องเต้แบบนั้น

“ข้าขอตัวลาท่านพ่อเท่านี้ ลูกจะรีบกลับมาขอรับ” ผมบอกลาท่านพ่ออีกครั้งกอดท่านแล้วเดินไปที่ม้าที่พี่เฟยหลงจับไว้

“ข้าจะรีบกลับมาขอรับ” ผมกอดท่านพี่ซางไป๋และท่านพี่เฟยหลงก่อนจะโหนตัวขึ้นม้าตามที่เรียนมาก่อนจะพาม้าเข้าไปรวมในขบวนหลังจากเรียบร้อยก็ออกเดินทาง

“ข้าชักจะอยากเปลี่ยนใจมาเป็นคนส่งเจ้าแทนเสียจริง”

“อย่าได้กล่าววาจาราวน้อยใจอย่างนั้นเลยขอรับท่านพี่กงหมิน ท่านได้มากกว่ากอดจากน้องไปแล้วมิใช่หรือขอรับ ท่านพี่” ผมพูดหยอกท่านพี่กงหมินที่หน้าแดงไปแล้วหลังจากที่ฟังจบ บังคับม้าหนีไปคู่ท่านแม่ทัพแทนข้างผมแล้ว

“ช่างเป็นเด็กที่ดื้อซนเสียจริง หากกงหมินสหายข้าระงับตนเองไม่ได้อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าเลยน้องชาย”

“ท่านกล่าวหนักไปแล้วขอรับ ข้าเพียงกล่าวตามจริงนี่ของรับ”

“เจ้าเข้าหอกันแล้วหรือ”

“ถึงจะกล่าวว่ามากกว่าการกอดก็ไม่ได้แปล- ข้าหมายถึงก็ไม่ได้บ่งบอกว่าต้องเป็นเช่นที่ท่านกล่าวมาขอรับ ข้าหมายถึงการหอมแก้มการจูบ เท่านั้น”

“เช่นนั้นเจ้าก็จูบกับกงหมินแล้ว”

“เรื่องในมุ่งไม่ใช่เรื่องที่คนนอกต้องเข้ามายุ่งสหายข้า”

“หึ ข้าจะไปฟ้องเถ้าแก่ฟางว่าเจ้าล่วงเกินบุตรชายเขา”

“เจ้านี่มัน”

“พอเถิดขอรับ ข้าว่าพวกเร่งเดินทางเถิดขอรับ หากมืดค่ำเสียก่อนถึงที่พักจะลำบากได้” 

การพูดจาแบบนี้ก็เป็นฮ่องเต้อีกครับที่ต้องการบอกว่าคุยกันเมื่อไม่เป็นทางการให้คุยกันอย่างธรรมดาพอ ถึงจะปฏิเสธไปแต่ก็โดนบังคับอยู่ดี หากไม่เรียกตามที่ต้องการต้องรับตำแหน่งอ๋องแทน ดูเหมือนจะยังไม่จบกับเรื่องนี้นะครับ

แถมทุกครั้งที่ได้เจอกันผมรู้สึกว่าสายตาที่มองมาของฮ่องเต้มีความลับบางอย่างที่ปิดไว้อยู่เสมอ แต่เพราะยังไม่เกี่ยวกับผมมากนักถึงแม้ผมจะสงสัยจนหาคำตอบไปมากแล้ว แต่ตอนนี้ผมย่อมไม่อยากจะหาเรื่องใส่หัวให้หนักเกินไป ถึงยังไงร่างที่อยู่ในตอนนี้ก็เป็นแค่เด็กละครับ ลุงแบบผมก็ย่อมต้องปล่อยไป

ผ่านไปจนเย็นเราต้องเข้าพักที่จวนของท่านเจ้าเมืองเพื่อออกเดินทางในตอนเช้าอีกวันเพราะจะได้เริ่มงานได้ทันที วันนี้เมื่อจัดการตัวเองเสร็จหลังจากทานมื้อเย็นแล้วเริ่มทำการประชุม งานครั้งนี้ แบ่งคนออกไปขุดบ่อส่วนหนึ่งและตามไปทำฝายอีกส่วนจากคนที่เจ้าเมืองหามา

หลังจากที่ประชุมเสร็จต่างก็แยกย้ายออกไปห้องพักของใครของมัน ผมที่เดินมาถึงที่ห้องก็ต้องตกใจเพราะมีแรงกอดจากด้านหลัง เพราะมัวแต่คิดเรื่องงานจนลืมระวังตัวเองไป

“ท่านเข้ามาในห้องน้องเช่นนี้จะถูกครหาได้ท่านพี่กงหมิน อีกทั้งหากสามคนนั้นรู้ท่านจะต้องโดนบ่นเป็นแน่”

“ข้าอยากกอดเจ้าเหมือนที่เจ้ากอดพวกเขาเช่นกัน ไม่เช่นนั้นข้าจะน้อยใจ ไม่สงสารพี่หรือ”

“อย่าได้กล่าวเช่นนั้นหากท่านยังคงกอดน้องอยู่เช่นนี้ เมื่อได้แล้วก็ควรปล่อยน้องเถิด วันนี้เดินทางไกลน้องเพลียยิ่งนัก อยากรีบพักผ่อน”

“อยากให้ท่านพี่คลายเหนื่อยให้หรือไม่น้องอวี้”

“ไม่ขอรับ น้องเกรงใจ ท่านควรกลับไปก่อนที่ข้าจะไม่พูดกับท่าน หรือท่านต้องการให้เป็นเช่นนั้นกัน”

“พี่ยอมแล้ว เมื่อใดถึงเวลาพี่จะไม่ปล่อยเจ้าออกจากอ้อมกอดจนฟ้าสางข้ามวันเลยเชียว จะกกกอดเจ้าจนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง”

“หยุดกล่าววาจาที่ทำให้ข้าต้องคิดหาทางไปจากท่านเช่นนั้นเสียขอรับ “

“กลัวหรือ พี่ไม่รุนแรงกับเจ้าหรอกน้องอวี้”

“น้องง่วงแล้ว ขอให้ท่านกลับไปพักเช่นกันเถิดขอรับ”

“ช้าก่อนน้องอวี้-” ผมรีบปิดประตูขัดไม้หนีทันที จะบ้าตาย ไอ้หนุ่มไม่เกรงใจลุงเลย แล้วก็การมาหากันจำเป็นต้องพกท่อนซุงมาด้วยหรือ ที่พูดมาหากเป็นเรื่องจริงคงต้องรักษาตัวนานเลยทีเดียว บ้าไปแล้วนี่ลุงกำลังคิดเรื่องอะไรกัน

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ไม่นะ ลุงคิดอะไรออกไป ไม่จริง ลุงรับไม่ได้ ลุงไม่ควรทำตัวแบบนี้  ไม่จริง
ทุกคน : ...............................................


ลงเนื้อหา 11/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 12 11/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 11-09-2018 13:30:37
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 12 11/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-09-2018 15:14:04
หนุ่ม ๆ มะรุมะตุ้มเต็มไปหมด
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 12 11/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-09-2018 16:24:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 12 11/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 12-09-2018 06:46:15
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 13 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 13-09-2018 09:33:27
#13

   เช้าวันต่อมายามเฉิน(เจ็ดโมงถึงแปดโมงห้าสิบเก้า) ทุกคนมารวมกันครบแล้วเราทั้งหมดเตรียมที่จะออกเดินทางไปยังจุดหมายในครั้งนี้ แต่ที่ช้าคงเป็นเพราะแม่นางลู่บุตรสาวท่านเจ้าเมืองที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยท่านพี่กงหมินมากที่สุด ถึงเอาแต่ล่ำลานานสองนาน

“เหมือนข้าจะได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวคลุ้งคล้ายไหน้ำส้มแตกแถวนี้นะน้องอวี้”

“ท่านคิดไปเองท่านพี่ชิวเยี่ย” เป็นพระนามจริงของฮ่องเต้ครับ แซ่หลงนามชิวเยี่ย ตามจริงก็ไม่ค่อยมีใครเรียกหรอกครับ เพราะเมื่อรับการแต่งตั้งแล้วจะเรียกกันแต่ฮ่องเต้เอยฝ่าบาทเอย กลายเป็นห้ามเอ่ยนามขึ้นมาลอยๆไปซะงั้น แต่ผมก็ได้รับอภิสิทธิ์ อืม ลุงขอเรียกว่าโดนบังคับดีกว่าครับ

“เอาเถิด ออกเดินทางเสียที ดูเหมือนยิ่งช้ากลิ่นจะยิ่งแรง” ได้แต่มองแรงไปครับจะไปด่าว่าอะไรได้เล่นอยู่ท่ามกลางคนเยอะแยะแบบนี้อีก

การเดินทางในครั้งนี้ยังอาศัยการขี่เจ้าม้าเช่นเคยครับ แต่เพิ่มคนมาอีก มีทั้งคนงานและท่านเจ้าเมือง ขุนนางต่างๆที่ติดตามมาดูงานครั้งนี้ด้วย

“ท่านอ๋อง”

“ท่านหัวหน้าฟง เรียกข้าว่าเซียนอวี้เถิดขอรับ ข้ามิใช่อ๋องอย่างที่ท่านเรียกหรอกขอรับ”

“ขอรับคุณชายเซียน” คนที่เข้ามาทักผมเป็นหัวหน้าคนงานที่ถูกเรียกตัวมาวันนี้ครับ ถ้าเปรียบกับโลกก่อนก็คล้ายๆนักวิศวกรทำนองนั้นครับ

“ข้าต้องการเชือกกับไม้เพิ่มกำหนดระยะการขุดบ่อขอรับ ท่านหัวหน้าฟงพอจะหาให้ข้าได้หรือไม่”

“ข้าเตรียมมาแล้วขอรับ หากท่านต้องการย่อมมี”

“เช่นนั้นนำมันตามข้ามาเถิดขอรับ จะได้เริ่มงานเสียที”

เมื่อได้ของมาผมก็เริ่มการคาดคะเนพื้นที่ก่อนที่จะรับค้อนมา ตอนแรกก็โดนค้านว่าไม่ให้ทำ แต่ใครจะพลาดเรื่องสนุกแบบนี้กัน มาถึงโลกนี้หนักสุดก็เข้าครัวนี่แหละครับ ช่วยหางานที่เข้ากับความแมนของลุงหน่อยเถอะ

ผมเริ่มลงมือตอกไม้เป็นเสาหลักก่อนจะเดินตอกไปเรื่อยๆและวานหัวหน้าฟงคอยโยงเชือกตามมาจนครบบ่อ ความกว้างที่กะดูทางสายตาของผมน่าจะประมาณหนึ่งไร่สำหรับพื้นที่การขุดบ่อหลัก เมื่อเสร็จทั้งทหารและคนงานที่ตามมาก็เริ่มลงมือขุดหน้าดินกันไปเมื่อเห็นว่าฝั่งนี้ได้ที่แล้วก็ย้ายไปดูทางฝายต่อ

เมื่อมาถึงบริเวณลำธารที่เชื่อไปยังต้นน้ำที่เป็นหน้าผาที่มีน้ำตกลงมา พูดคุยกับชาวบ้านที่ใช้น้ำว่าถึงความยาวของเส้นทางนี้ เมื่อกะระยะได้ก็เริ่มลงมือสร้างฝายขั้นแรกก่อน เพราะจากความยาวถ้ากั้นคงจะต้องทำประมารสามครั้งพอ หากมากเกินไปจะเหลือน้ำน้อยลง

เริ่มต้นนำไม้ตอกทำหลักผมเป็นคนลงมือเองอีกครั้ง ต่อมาก็ไม้ไผ่ ในที่นี้ยังไม่มีตะปูเลยได้แต่เอาเชือกมามัดแทน ทำไม้ไผ่เป็นกรอบเหลี่ยมก่อนจะเอาหินมาวางตรงกลางเพื่อกั้นน้ำ เสื้อผ้าผมเปียกพอสมควรแต่เพราะสนใจงานจนไม่ได้สนใจสายตาของคนที่มองมา กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ขึ้นมาจากลำธารแล้ว

“วันพรุ่งนี้เราจะสำรวจพื้นที่การส่งน้ำจากต้นน้ำไปที่บ่อขอรับท่านพี่ชิวเยี่ย”

“พักก่อนเถิด เหตุใดต้องลงมือทำเอง”

“อย่าห่วงเลยขอรับ ข้าเป็นบุรุษงานเช่นนี้ไม่เกินกำลังเช่นนั้นหรอกขอรับ”

“ไม่เกินกำลังแต่มือแดงเสียขนาดนี้ไหนจะรอยขีดข่วนนี่อีก”

“ท่านพี่กงหมินอย่าดุน้องสิขอรับ น้องรับผิดชอบงานนี้เพราะเป็นคนเสนอ หากให้ผู้อื่นทำแล้วจะมีผู้ใดเข้าใจสิ่งที่อยู่ในความคิดของน้องเล่าขอรับ”

“ทั้งดื้อซนและชอบเถียงอีก แต่ก็อย่าทำให้พี่เป็นห่วงเจ้ามากกว่านี้เถิด กลับจวนท่านเจ้าเมืองไปเปลี่ยนชุดกันเสียก่อนทานมื้อกลางวัน ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่สบายเอา”

“จริงหรือสหายข้า มิใช่กลัวว่าผู้ใดจะมองร่างกายน้องอวี้หรอกรึ”

“หยุดก้าวก่ายม่านมุ่งขอข้าเสียที่ฝ่าบาท” ลุงว่าถ้าจะด่าขนาดนี้ไม่น่าเรียกฝ่าบาทนะท่านพี่กงหมิน

หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับมา มีการส่งเสบียงให้กับคนงานและทหารที่ประจำการเพื่อตอบแทนแรงกายที่มาช่วย แถมยังมีเงินจ่ายเมื่องานเสร็จด้วยครับ อันนี้ผมขอไว้เอง เพราะจะเป็นการให้สินน้ำใจเมื่อมีงานอีกครั้งจะได้วานได้อีก

เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จเราก็มาที่ห้องอาหารของจวน ดูเหมือนทุกคนจะมากันพร้อมแล้วแต่ขาดแค่ผมละมั้งครับ ดูจากสายตาของแม่นางลู่ที่มองมาแบบจิกกัดขนาดนี้ ถ้าหิวไม่กินกันก่อนละครับแม่นาง

“มานั่งข้างพี่เถิด”

“ขอรับท่านพี่กงหมิน”

ผมไม่รู้ตำแหน่งการนั่งแบบพิธีการเท่าไหร่ครับเพราะไม่เคยเข้า แต่การนั่งในตอนนี้หัวโต๊ะเป็นของฮ่องเต้ตามธรรมเนียมปกติฝั่งขวามือฮ่องเต้เป็นท่านเจ้าเมือง บุตรสาวท่านเจ้าเมืองและขุนนางตามลำดับไป ส่วนทางฝั่งซ้ายมือเป็นที่ว่างที่ผมถูกเรียกไปนั่งต่อมาเป็นท่านพี่กงหมิน ท่านแม่ทัพ และขุนนาง

ที่นั่งผมอยู่ตรงกลางระหว่างท่านพี่กงหมินและฮ่องเต้ ดูจากสายตาร้อนแรงของแม่นางลู่คงอยากจะข้ามมานั่งข้างท่านพี่กงหมินมากกว่าละครับ เสน่ห์แรงเสียจริง

“เริ่มลงมือเถิดในเมื่อมาพร้อมแล้ว”

“อ่า”

“เป็นอันใดไปรึน้องอวี้”

“คือ” มือมันสั่นครับ เคยเป็นไหมครับเวลาที่เราใช้งานมือหนักๆแล้วมันจะสั่นจนหยิบจับอะไรไม่ได้เลยไปสักพัก ผมในตอนนี้ก็เหมือนกัน แค่ยกตะเกียบขึ้นมาก็สั่นมากแล้วจะคีบข้าวยังไงกันละทีนี้

“พี่เตือนเจ้าแล้ว เป็นเช่นไรเล่าแล้วจะทานอย่างไรกัน”

“คงต้องรอสักครู่แล้วทานก็ได้ขอรับท่านพี่” ดูเหมือนครั้งนี้ฮ่องเต้จะคุยกับท่านเจ้าเมืองจนไม่ได้หันมามองปัญหาของผมเท่าไหร่ ยกเว้นแม่นางลู่ที่จ้องจนตัวผมจะพรุนอยู่แล้ว

“จะหิวจนพาลเป็นลมไปเสียก่อนจะได้ทาน พี่จะป้อนเจ้าเอง”

“แต่ว่า”

“อย่าให้พี่เป็นห่วงเจ้ามากกว่านี้เลย หรือชมชอบการทำร้ายจิตใจของพี่กัน”

“ข้าอยากทานเป็นน้ำแดงขอรับ”

“หึหึ” ชอบละสิครับเรื่องแบบนี้ ได้ทีเอาใหญ่ตลอด มันดูลำบากไปบ้างที่ต้องป้อนผมไปด้วยทานไปด้วย แต่พอหลายคำผ่านไปผมก็เพิ่งจะสังเกต ว่าตะเกียบที่ป้อนผมท่านพี่กงหมินก็ทานเหมือนกัน แล้วมาแย่งตะเกียบลุงทำไมไอ้หนู

“หน้าแดงเช่นนี้ ไม่สบายหรืออย่างไร”

“อั้นอี้” เพราะเคี้ยวข้าวอยู่แล้วได้แต่พูดอู้อี้ไป อีกฝ่ายดันหัวเราะชอบใจแทน

“ท่านกงหมินเจ้าค่ะ เหตุใดมิเรียกบ่าวมาทำแทนเล่าเจ้าค่ะ” มาแล้วครับเสียงจากฝ่ายตรงข้ามที่นั่งมองกัดตะเกียบมานาน

“เรียกข้าเสนาหวังเช่นผู้อื่นเถิดแม่นาง ข้าและเจ้าเรามิได้สนิทกันเช่นนั้น ผู้คนที่ได้ยินจะนำไปนินทาได้ และที่ข้าทำข้าเต็มใจ”

“ขออภัยเจ้าค่ะ แต่เด็กหนุ่มผู้นั้นก็ควรจะเรียกบ่าวมาหรือไม่ก็ไปรักษามือเสียก่อนจะกลับมาก็ได้นี่เจ้าค่ะ ทำตัวไร้มารยาททั้งปล่อยให้ผู้หลักผู้ใหญ่รอแล้วยังมาทำตัวมีปัญหาต่ออีก ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง ดูท่าคงมิมีใครสั่งสอนเสีย”

เสียงพูดคุยเริ่มเงียบลงหลังจากที่แม่นางลู่พูดจบ มาเป็นชุดเลยนะนังหนู ก็เข้าใจว่าไม่พอใจแต่การมาด่าพ่อแม่คนอื่นทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้มันเกินไปนะ ไม่แปลกที่จะไม่ถูกสนใจแบบนี้

“ขออภัยในเรื่องที่ข้ามาช้าปล่อยให้หลายท่านต้องรอ เพียงแต่ข้าต้องไปเปลี่ยนชุดเสียก่อนชุดของข้า-”

“เพราะไปเล่นซนมาเพียงเท่านั้นเหตุใดจึงไม่สนใจในมารยาทกัน”

“ข้า-”

“เจ้ามิควรมาร่วมโต๊ะเสวยเลยด้วยซ้ำ เป็นเพียงผู้ติดตามที่มากับขบวนแค่นั้นอย่าได้ทำอวดดีเสีย”

“ลู่เอ๋อร์” ท่านเจ้าเมืองเรียกบุตรสาวเสียงดังเพราะดูเหมือนท่านเจ้าเมืองจะรู้ว่าผมเป็นใคร แต่ขุนนางหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักก็ได้ถึงนั่งเงียบรอฟัง ผมบีบมือท่านพี่กงหมินแน่นทั้งที่แรงที่ส่งไปเพียงน้อยนิดจากมือที่สั่นเทาเพราะดูเหมือนคนข้างตัวจะโกรธแล้ว แต่ก็ลืมอีกคนไปได้

“แล้วเจ้าที่เป็นเพียงบุตรสาวของเจ้าเมืองแห่งนี้มีสิทธิ์ตัดสินผู้ร่วมโต๊ะเสวยของเจิ้นตั้งแต่เมื่อใดกัน เพราะท่านเจ้าเมืองเป็นขุนนางที่ดี ทำงานรับใช้เจิ้นมานานถึงอนุญาตเจ้ามา ช่างเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดเสียจริง” เงียบไปกันเป็นแถบเมื่อเจ้าแคว้นเริ่มมีน้ำโห

“ขอฝ่าบาทโปรดอภัยให้แก่ความโง่เขลาของบุตรสาวกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ ลู่เอ๋อร์ขอโทษคุณชายเซียนเสีย”

“ข้ามิเข้าใจ” นอกจากจะไม่ทำแล้วยังมาจิกตาใส่ผมอีก คือลุงงงครับ ลุงทำผิดอะไรกัน

“หึ ที่เซียนอวี้มาช้าเพราะไปเปลี่ยนชุด เป็นเจิ้นที่บอกแก่เขา อีกทั้งชุดที่เปื้อนเกิดจากการลงมือสร้างฝ่ายเพื่อประชาชนของเราชาวแคว้นเซียนทุกคนให้รอดพ้นจากอุทกภัยและภัยแล้ง หาใช่การเล่นสนุกอย่างที่เจ้ากล่าวไม่ การป้อนอาหารก็เป็นความเต็มใจของกงหมินเกี่ยวอันใดกับเจ้ากัน เจ้าเป็นอันใดกับกงหมินหรือ อีกทั้งเรื่องสุดท้ายที่เจ้าบอกว่าคุณชายเซียนเป็นผู้ติดตามขบวน ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่รู้ว่าคุณชายเซียนเป็นน้องชายของเราอีกคน มียศเทียบเท่าอ๋องผู้หนึ่ง การที่เจ้าว่ากล่าวผู้เลี้ยงดู เจิ้นเกรงว่าจะเป็นการหยามเกียรติเชื่อพระวงศ์ไปเสียแล้ว ที่นี้เจ้าเข้าใจที่เจิ้นกล่าวหรือไม่ บุตรสาวท่านเจ้าเมือง”

เงียบกริบเป็นป่าช้าเลยครับ ดูจากสีหน้าที่ซีดเหมือนกระดาษของแม่นางลู่แล้ว ผมละกลัวนางเป็นลมมากเลยครับ อีกทั้งท่านเจ้าเมืองที่หน้าเสียเพราะลูกไปแล้ว โทษของการดูหมิ่นเชื่อพระวงศ์หนักครับ ยิ่งใช้สายตาแบบนั้นอีก ถ้าเอาเรื่องจริงดูท่าจะรอดยาก เพราะมีพยานนั่งกันเต็มโต๊ะไปหมด อีกทั้งต่อหน้าฮ่องเต้ด้วย

ดูเหมือนแม่นางลู่จะเรียนแต่เรื่องงานบ้านจนลืมที่จะหาความรู้ในเรื่องรอบตัวไปแล้วครับถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หรือไม่ก็เพราะความหึงหวงที่คิดไปเองคนเดียวด้วยที่ทำให้เรื่องมันเลวร้ายไปอีก

“ขออภัยแทนบุตรของข้าพะยะค่ะฝ่าบาท คุณชายเซียน ข้าน้อยจะสั่งสอนบุตรให้ดีกว่านี้พะยะค่ะ”

“ข้าไม่ได้คิดอะไรขอรับท่านเจ้าเมือง ช่างเถิด ท่านพี่กงหมินน้องอิ่มแล้ว ขอตัว” ผมทำความเคารพทุกคนก่อนออกมา ตัวผมเองไม่คิดอะไรหรอกครับ แต่ดูเหมือนร่างกายมันจะไปเอง

ผมสัญญาไว้ว่าจะทำให้พ่อร่างนี้มีความสุข แต่ครั้งนี้เพราะการเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่จนลืมเวลาไปถึงมาช้า ท่านพ่อเลยถูกเอามาว่าแบบนี้  ไม่มีคนสั่งสอน มันแปลได้ว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนละครับ เฮ้อ ดูท่าร่างนี้จะรักครอบครัวมาก เพราะแค่นี้ก็ร้องไห้แล้ว หิวครับแต่กินไม่ลงแล้ว

และถึงจะเสียใจแต่สมองของผมก็ติดใจกับคำพูดของฮ่องเต้เมื่อครู่พอสมควร ยามที่อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลคำพูดที่ออกมาย่อมเป็นเรื่องที่อยู่ในใจปะปนมาเรื่องหยามเกียรติเชื้อพระวงศ์ เรื่องที่บอกว่าลุงเป็นน้องพอเข้าใจว่าฮ่องเต้คิดอยู่เสมอ ส่วนเรื่องยศอ๋องกับหยามเกียรติ มันดูใส่อารมณ์มากกว่าทุกครั้งที่ฟัง ไม่ใช่เพราะความโกรธเท่านั้นถ้าจับคำดีๆ แต่ตอนนี้ต้องทำให้ร่างนี้หยุดร้องก่อนดีกว่า เอาไว้เก็บรวมไปกับเรื่องก่อนเดินทาง คิดทีเดียวก็ไม่สาย

ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ไม่รู้ว่าเป็นต้นอะไรแต่กลับดูร่มรื่นน่าพักจนอดใจไม่ได้ต้องไปนั่งพิงที่โคนต้นไม้ เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา บางครั้งร่างกายนี้ก็ทำงานไปเองครับ เพราะว่าการเข้ามาของวิญญาณผมด้วยทำให้มันคงไม่เสถียรเท่าที่ควร

นิสัยร่างนี้เรียบร้อย สุภาพ อ่อนหวาน ไม่ต่างจากผู้หญิงเท่าไหร่ แถมยังไม่เคยมีคนรักด้วย หน้าตาไม่ได้ออกสาวหรือหวานแบบนายโลมในหอพี่อิงฮวาหรือสวยล่มเมืองแบบในนิยาย เป็นใบหน้าธรรมดาที่หาได้ทั่วไป

แต่เมื่อยิ้มจะมีลักยิ้มที่ข้างแก้มสองข้างดูสดใสและน่ามอง รูปร่างตามวัยไม่สูงไปเตี้ย ประมาณร้อยหกสิบกว่าๆ แต่เพราะอยู่แต่ในบ้านเลยขาวแต่ไม่ได้ซีด ร่างโปร่งแต่ไม่ได้ผอมจนเหลือแต่กระดูก ดูมีน้ำมีนวลอยู่บ้าง เพราะทดลองครีมกับสครับ ผิวเลยเนียนขึ้นนุ่มขึ้นกว่าเก่า

ถ้าจะดูรวมๆแล้วร่างนี้ก็มีเสน่ห์ในตัวเองอยู่ครับ อยู่ด้วยแล้วอบอุ่น มีออร่าความอ่อนโยนกระจายออกมา เสี่ยวมู่เคยบอกกับผมว่า ตอนที่เจอครั้งแรกผมเหมือนเทพเซียนเลยครับ ดูมีแสงสว่างรอบตัว ท่านตาหลิวก็เหมือนกัน บอกว่าผมเหมือนผู้มีบุญมาเกิดมากว่าคนธรรมดา

ประวัติของร่างนี้ยังมีข้อสงสัยอยู่อีกมากที่ต้องค้นหาแต่ก็อย่างที่คิดไป เอาไว้ว่างก่อนจะหานะครับ นี่คือความขี้เกียจของลุงเอง คิดเรื่องต่างๆให้ร่างนี้คลายเครียดจนร่างที่เกร็งกลับมาปกติ ปวดมือจังเลยน๊า แดงหมดเลย แต่ก็ดี มือนุ่มๆจะได้สมชายหน่อย แต่จะมีผลกับการนวดแป้งไหมนะ

“มาอยู่ที่นี่เอง”

“เชี่ย” ตกใจไงครับ จะอุทานออกไปก็ไม่แปลก แต่ที่แปลกน่าจะเป็นคนตรงหน้าที่ดูตกใจมาก

“เจ้าว่าอะไรนะ พี่ไม่เข้าใจ”

“น้องเพียงตกใจที่ท่านเข้ามาไม่ทันตั้งตัวเลยส่งเสียงแปลกๆไป ท่านพี่กงหมินอย่าได้สนใจเลยขอรับ”

“อืม แล้วเหตุใดมานั่งที่นี่เล่า ไม่นั่งในศาลากัน”

“ไม่รู้ขอรับ รู้อีกทีก็เดินมานั่งแล้วขอรับ”

“เฮ้อ มีเรื่องกังวลใจหรือ ถึงทำหน้าเช่นนั้น”

“ไม่มีขอรับ น้องสบายดี ว่าแต่ท่านพี่กงหมินทานเสร็จแล้วหรือขอรับ”

“ไม่มีใครกล้าทำอะไรต่อหลังจากที่เจ้าเดินออกมา พี่ก็ตามออกมาเพราะกลัวเจ้าจะคิดมาก”

“แล้วแม่นางลู่เล่าขอรับ ฮ่องเต้ทำอะไรนางไหม”

“ดูเหมือนจะให้ท่านเจ้าเมืองจัดการเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้เดินหนีไปไหนเหมือนกัน ดูท่าจะไปสงบสติอารมณ์เช่นกัน”

“เหตุใดถึงต้องทำเช่นนั้นขอรับ”

“เพราะฮ่องเต้รักเจ้าเหมือนน้องชายแท้ๆอย่างไรเล่า ถึงได้โกรธมากยามที่แม่นางลู่ว่าเจ้าเช่นนั้น”

“ข้าช่างโชคดีที่มีแต่คนรักนะขอรับ น่าอิจฉาจริง” ท้ายเสียงกลับแผ่วเบาเพราะบอกกับตัวเอง ตัวเองที่เป็นลูกหนูไม่ใช่ฟางเซียนอวี้คนนี้


TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ตอนนี้เข้าสู่ช่วงดาร์กโหมดกันแล้วครับ
กงหมิน : ผู้ใดว่าเจ้าพี่จะไปตัดลิ้นมัน
ฮ่องเต้ : ผู้ใดว่าน้องพี่จะนำมันไปตัดหัวเสีย
เซียนอวี้ : ช่างเป็นช่วงดาร์กโหมดเสียจริง (ไม่ใช่ลุงนะ)
นักเขียน : เกลียดความสปอยล์นี้


ลงเนื้อหา 13/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 13 13/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-09-2018 10:11:46
อยากรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างฮ่องเต้กับเซียนอวี้จังเลย :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 13 13/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-09-2018 20:00:12
ชะนีลู่นี่แปลกๆ กล้าว่าจิกลุง ต่อหน้าฮ่องเต้
ทั้งที่ตัวเองไม่มีหน้าที่อะไรแค่ตามพ่อมา  :really2: :really2: :really2:

ฮ่องเต้ ฮองเฮาดีต่อเซียนอวี้ เพราะอะไรนะ
หรือเซียนอวี้เป็นน้องฮ่องเต้จริงๆ  o22 o22 o22
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 13 13/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 14-09-2018 04:44:04
ติดตามค่าา แต่ขอแนะนิดนึงนะคะ ยังมีการใช้คะ ค่ะผิดอยู่ในบางประโยค เช่น "นี่เจ้าค่ะ" ตรงนี้ต้องใช้เป็น เจ้าคะ นะคะ ฝากด้วยน้า ติดตามจ้า สุดท้ายแล้วเซียนอวี้ของเราจะคู่ใครนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 13 13/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 14-09-2018 21:46:11
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 13 13/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 15-09-2018 11:10:54
 :L2:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 13 13/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 16-09-2018 09:00:59
 :katai2-1: :mew4: :z13:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 14 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 18-09-2018 21:05:39
#14

วันนี้เราเริ่มตัดไม้ไผ่เป็นแผ่นแล้วมาเรียงประกบเป็นรูปสี่เหลี่ยมเพื่อทำท่อส่งน้ำเท่าที่มีในโลกนี้ ยิ่งไกลยิ่งใช้เยอะ แต่เพราะมีคนงานเยอะเลยทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น เราใช้เวลาในการขุดบ่อสองวันกว่าจะได้ที่พักน้ำที่มีขนาดและความลึกตามที่ต้องการ มีแรงงานคนทั้งสิ้นเกือบร้อยคนที่มาทำงานนี้

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมเราก็เริ่มปล่อยน้ำไปที่บ่อ น้ำส่วนแรกที่ลงไปถูกดินดูดซึมจนแห้งหายต้องรอเวลาจนดินอมน้ำจนได้ที่แล้วน้ำจึงหยุดซึม

“เมื่อน้ำเต็มบ่อแล้วข้าขอรบกวนท่านเจ้าเมืองจัดการนำคนมาทำการปิดที่ปากปล่องเพื่อหยุดการส่งน้ำนะขอรับ และยามใดที่น้ำในบ่อนี้ลดให้ทำการเปิดจนเต็มจนกว่าจะหมดหน้าน้ำ และเมื่อน้ำหลากให้ท่านเปิดปล่องอีกสองปล่องเพื่อระบายน้ำที่จะลงไปท่วมพื้นที่ด้านล่างให้มาที่อีกสองบ่อที่เตรียมไว้เพื่อลดการท่วมของน้ำขอรับ”

“คุณชายเซียนช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนักขอรับ ทั้งที่ยังเยาว์วัยเท่านี้กลับมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลและรักใคร่ประชาชน เป็นบุญของแคว้นเราแล้วที่มีคุณชายเซียนอยู่”

“ท่านกล่าวหนักไปแล้วขอรับท่านเจ้าเมือง ข้าเป็นคนของแคว้นนี้เหตุใดจะปล่อยให้บ้านเมืองแคว้นเราต้องเดือดร้อนจากเรื่องที่ช่วยได้ด้วยเล่าขอรับ”

ได้ใจเจ้าเมืองไปอีกคนครับดูจากสีหน้าท่าทางแบบนี้แล้ว จะว่าไปฟางเซียนอวี้คนนี้ก็เป็นที่รักและเอ็นดูจากหลายๆคนเหมือนกันนะครับ กิริยามารยาทที่อ่อนหวานคล้ายผู้หญิง ขนาดผมที่เป็นวิญญาณมาอาศัยเปลี่ยนท่าทางตามตัวไปมากแต่ก็ยังดูมีความอ่อนโยนอยู่ดี แต่ไม่ว่ายังไงสิ่งที่ทุกคนเห็นทุกคนรู้ก็มีเพียงฟางเซียนอวี้คนนี้เท่านั้น ไม่ใช้ลุงที่เป็นวิญญาณเลย งดมาม่าครับ

หลังจากที่จัดการเรื่องตรงนี้เสร็จองค์ฮ่องเต้ก็มีพระประสงค์จะสำรวจการใช้ชีวิตของชาวเมืองที่นี่ต่อเพื่อเยี่ยมชาวเมืองด้วย ดูจากพื้นที่นี้น่าจะเป็นพื้นที่เพาะปลูกโดยส่วนมาก มีทั้งการเกษตรกรรมแบบนาข้าวและพืชไร่

ที่เมืองนี้ประสบปัญหาหนักที่สุดน่าจะมาจากความเสียหายของแหล่งข้าวแหล่งน้ำของแคว้นด้วยเพราะที่เมืองนี้เป็นเมืองที่ส่งออกสินค้าเกษตรมากที่สุดในแคว้นแล้วครับ อีกทั้งยังมีการส่งขายยังแคว้นอื่นด้วย

 พอมองเห็นนาข้าวแล้วนึกถึงขนมนางเล็ดเลยครับ เมนูใหม่ เห็นข้าวโพดก็นึกถึงป๊อบคอร์นอีกด้วย มาเที่ยวที่เมืองนี้ได้เมนูไปเพิ่มด้วยเลยครับ จะว่าไปถ้าทำหมูส้มเป็นกับแกล้มเหล้าคงจะดีนะครับ วิธีทำก็ง่าย แถมยังแปลกใหม่ด้วย

เสร็จจากการเยี่ยมชาวบ้านของฮ่องเต้ก็เดินทางกลับแล้วครับ พวกเราใช้เวลาครึ่งวันในการเดินทางกลับ เมื่อมาถึงต่างแยกย้ายไปตามที่พักตน ผมมาที่ร้านอาหารฟางก่อนเพราะนอนที่นี่และคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องลงครัวด้วย พูดคุยทักทายท่านพ่อเล็กน้อยแล้วเข้านอนครับ ไม่ไหว การขี่ม้าทำเอาช่วงล่างแทบพัง

ยามเหม่า(ตีห้าถึงหกโมงห้าสิบเก้า)ได้เวลาตื่นของผมไม่ว่าจะเหนื่อยหรือนอนดึกขนาดไหนร่างกายนี้ก็จะตื่นตามเวลาเดิมเสมอ เหมือนกับโลกก่อนที่ผมต้องตื่นตีห้าเพื่อเตรียมตัวไปทำงานฝ่าวิกฤติรถติดประจำวัน อย่างที่คิดไว้ วันนี้จะทำขนมกินเล่นขายที่ร้านทั้งสอง

“ตื่นเช้าเสียจริง เหตุใดไม่นอนพักกันเล่าอวี้เอ๋อร์เดินทางมาเหน็ดเหนื่อยพักสักวันก็คงไม่เป็นอะไรไปหรอกลูก”

“ท่านพ่อ ลูกพักผ่อนพอแล้วขอรับ วันนี้ลูกมีอาหารและขนมทานเล่นมาให้ท่านชิมด้วยขอรับ”

“พ่อจะรอเจ้าแล้วกัน”

“ขอรับ”

ทักทายกันยามเช้าเสร็จผมก็ลงมาที่ครัวเพื่อตรวจดูของว่ามีของที่จะทำได้ไหม ไข่เป็ดพร้อม น้ำตาลพร้อม หมูพร้อมข้าวโพดพร้อม อืมข้าวเหนียวสินะที่ยังไม่ได้ใช้ทำเมนูกินกับอย่างอื่นนอกจากหมูปิ้งกับไก่ย่าง

“ซีเอ๋อร์ข้าวานเจ้านำข้าวเหนียวที่ห้องครัวใหญ่ที่นึ่งแล้วกับข้าวสวยมาให้ข้าสักอย่างละถ้วยได้หรือไม่”

“เจ้าค่ะนายน้อย”

“เสี่ยวเปา ข้าวานเจ้าแกะเมล็ดข้าวโพดดิบให้ข้าสักสิบฝักได้หรือไม่”

“ขอรับนายน้อย”

“ข้านำข้าวเหนียวกับข้าวสวยมาแล้วเจ้าค่ะนายน้อย”

“รอข้าสักครู่ก่อนนะซีเอ๋อร์ ข้าจะวานเจ้านำไปตากแดดอีกครั้ง”

“เจ้าค่ะ”

ผมปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนกลมเล็กก่อนจะบี้ให้พอเป็นแผ่นไม่ติดกันจนแน่นไปแล้ววางลงบนผ้าขาวบางที่เตรียมไว้บนถาดอีกที ทำซ้ำๆจนหมดชามก่อนจะปิดผ้าขาวบางทับอีกครั้ง

“ข้าวานเจ้านำไปตากแดดที่ลานตากแล้ววานคนงานที่ทำงานตรงนั้นดูให้ข้าด้วยเมื่อแห้งดีให้นำมาให้แก่ข้า”

“เจ้าค่ะนายน้อย ว่าแต่ท่านจะทำสิ่งใดกับข้าวเหนียวนี้หรือเจ้าคะ”

“เป็นขนมที่มีชื่อว่านางเล็ด”

“นางเล็ด”

“ใช่ รอเสร็จแล้วจะแบ่งให้ชิมนะ”

“เจ้าค่ะ”

“แกะเสร็จแล้วขอรับนายน้อย”

“ขอบใจเจ้าทั้งสองคนมาก เสี่ยวเปาข้าวานไปหยิบเนยตรงมุมห้องมาให้ข้าสักก้อนที”

“ขอรับนายน้อย”

ผมขอบใจทั้งสองคนที่ช่วยผมในเช้านี้ ทั้งสองคนยิ้มรับแล้วทำงานที่ผมสั่งต่อ ผมเอาเมล็ดข้าวโพดที่เสี่ยวเปาแกะไว้ไปใส่ลงในหมอที่มีฝาปิดก่อนจะรับเนยมาอุ่นกับไอน้ำจนละลายแล้วราดลงไปบนข้าวโพดแล้วปิดฝาให้สนิทก่อนจะนำไม้มาเสียบคล้องหูหม้อแล้วตั้งบนเตา

ปัก ปัก ปุ๊ก แปะ เสียงระเบิดของข้าวโพกเริ่มดังให้ได้ยินหลังจากตั้งไฟไม่นาน เสี่ยวเปากับซีเอ๋อร์หลบไปอยู่อีกมุมทันทีเพราะตกใจเสียง ผมจับไม้ที่เสียบไว้พลิกหม้อไปมาบนเตาจนครบด้าน สักพักเสียงก็เงียบหายไปผมเขย่าอีกครั้งยกหม้อลงเลยเปิดหมอเทใส่กระจาดที่เตรียมไว้ ข้าวโพดคั่วร้อนๆมาแล้วครับ

“หอมยิ่งนักเจ้าค่ะนายน้อย”

“ลองชิมดูเถิด”

ผมหยิบป้อนทั้งสองคน ก่อนจะได้รับคำพูดที่ชื่นชมมาตอบแทน ผมแบ่งจากกระจาดใส่จานแล้วให้เสี่ยวเปานำไปให้พ่อครัวจางกับท่านพ่อก่อนเพราะมันจะเหนียวถ้าทิ้งตากลมนานที่เหลือผมก็ให้ซีเอ๋อร์ห่อใส่ถุงกระดาษแล้วส่งให้เงาที่ติดตามผมนำไปส่งเจ้านายตัวเองและฝากที่ร้านเซียนอวี้และท่านพี่อิงฮวาระหว่างทางด้วย

“หอมยิ่งนัก เจ้าทำสิ่งใดอยู่กัน”

“กลับมาแล้วหรือท่านลวี่หลง”

“เรียกขานข้าพี่ลวี่หลงเถิด”

“ขอรับ”

“แล้ววันนี้เจ้าทำสิ่งใด แล้วเจ้าก้อนเหลืองๆนั่นคืออะไร”

“มันมีนามว่าข้าวโพดคั่วขอรับ ท่านพี่ลวี่หลงลองทานดูเถิดขอรับ”

“รสชาติแปลกยิ่งนักแต่กลับหยุดทานเสียมิได้”

“แล้ววันนี้ท่านมีเรื่องอันใดหรือไม่ขอรับ ถึงมาหาข้ายามเช้าเช่นนี้”

“ไม่มีธุระอันใด ข้าว่างเลยมากวนเจ้าเท่านั้น”

“เช่นนั้นท่านนั่งรอก่อนเถิดขอรับ ข้าจะทำขนมให้ท่านทาน”

“เอาสิ” ท่านเทพมังกรนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ส่วนของโต๊ะวางอาหารเมื่อเสร็จแล้วเพื่อมองผมที่เดินไปมา

“อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะ/ขอรับท่านลวี่หลง”

“อรุณสวัสดิ์สาวน้อยหนุ่มน้อยทั้งสอง”  เสียงทักทายของผู้ช่วยกับท่านเทพที่เจอกันดังขึ้นด้านหลังผมที่กำลังตอกไข่เป็ดแยกไข่แดงและขาวอยู่

“เสี่ยวเปานำน้ำตาลมาใส่กระทะตั้งไฟเคี่ยวให้ข้าที”

“ใส่น้ำเยอะไหมขอรับนายน้อย”

“ครึ่งหนึ่งของน้ำตาลเท่านั้นพอ”

“ขอรับ”

“ซีเอ๋อร์ ไปนำน้ำตาลปี๊บจากห้องครัวใหญ่มาให้ข้าสักสามก้อนเถิด เสร็จแล้วนำมาใส่น้ำแล้วเคี่ยวแบบเสี่ยวเปาพอเดือดลดไฟลงแค่พออุ่นเท่านั้นนะ”

“เจ้าค่ะนายน้อย”

“เสี่ยวเปาเมื่อเสร็จแล้วนำผ้าขาวบางกรองออกแล้วใส่กระทะทองเหลือที่ข้าวางไว้เสร็จแล้วตั้งไฟอ่อนๆให้ข้าด้วย”

“ขอรับนายน้อย”

วันนี้เราจะมาทำทองหยิบทองหยอดกันครับ เพราะผมเห็นกระทะทองเหลืองที่ทางผ่านเลยขอแวะซื้อกลับมาด้วย ผมบอกทั้งสองคนไปก็ตีไข่แดงที่แยกไว้ไป ส่วนไข่ขาวผมเทใส่ขวดโหลแก้วที่ซื้อมาครั้งก่อนไว้ เอาไว้ส่งไปสปาท่านพี่อิงฮวา

พอเตรียมทุกอย่างพร้อมก็เริ่มทำการหยอดขนมเป็นรูปหยดน้ำก่อนครับ พอได้ครึ่งตามที่ตวงก็เปลี่ยนมาทำเป็นแผ่นพอสุกทั้งสองด้านก็ตักขึ้นมาแล้วพักไว้ พอหายร้อนพอประมาณก็จับวางในชามเล็กคล้ายจอกน้ำชาเพื่อปล่อยให้ขนมทองหยิบเซตตัวเป็นรูปดอกไม้เอง

“เสร็จแล้วขอรับเชิญทานขอรับ”หลังจากที่แบ่งเป็นส่วนแล้วก็หยิบจานที่แบ่งไว้ให้คนที่นั่งดูตลอดได้ลองทานบ้าง

“หวานแต่ละมุนลิ้นนัก”

“ขอบคุณขอรับ” ส่วนที่แบ่งให้เงาไปส่งจะใส่ถุงเตรียมไว้ก่อนเพราะรอนางเล็ดอีกอย่างครับจะได้ไปเที่ยวเดียวเพราะขนมรอบนี้รอเวลาได้

ระหว่างรอให้ข้าวเหนียวตากแดดจนแห้งดีก็หันมาหั่นหมูขนาดพอดีคำก่อนจะตำกระเทียมพริกไทยจนละเอียดแล้วนำมาคลุกกับหมูที่คลุกเกลือไว้ก่อนจะนำข้าวสวยที่วานซีเอ๋อร์ไปหยิบมาพร้อมข้าวเหนียวอย่างละชามเมื่อครู่ มาคลุกกับหมูที่หั่นไว้ ผสมส่วนที่ใส่ไปให้เข้ากันบีบจนข้าวเละแล้วแบ่งใส่ห่อกระดาษพับแล้วมัดเชือกเรียงไว้ในหม้อขนาดกลางปิดฝาแล้ววางไว้มุมห้องติดกระดาษวันที่ทำไว้เพื่อนับเวลาเปิดดู สักสามวันน่าจะเปรี้ยวนะครับ

“เจ้าทำสิ่งใดกัน”

“เป็นอาหารที่ไว้ทานคู่กับสุราขอรับท่านพี่ลวี่หลง”

“อีกนานหรือไม่”

“ประมาณสามวันขอรับ”

“ข้าอยากจะทานมันเหลือเกิน”

“หากครบวันข้าจะทอดให้ท่านทานนะขอรับ”

“ข้าจะรอนะ” ยิ้มสวยมากครับท่านเทพมังกร ทำเอาใจลุงสั่นเลยทีเดียว จะมาเขย่าหัวใจลุงอีกคนหรือยังไงกัน แค่นี้ลุงก็ยิ่งกว่านางวันทองสองใจในเรื่องขุนช้างขุนแผนไปแล้วนะครับ

“นายน้อยเจ้าคะ ข้าวเหนียวแห้งพอหรือไม่เจ้าคะ” เสียงของซีเอ๋อร์ดึงสายตาของผมจากรอยยิ้มคนตรงหน้ากลับไปที่เดิม สติลุงอยู่ไหนกัน เรียกกลับมาด่วนครับ

“อืม แดดแรงใช้ได้ “

ผมหยิบข้าวเหนียวที่แห้งแล้วมากองรวมกันไว้ก่อนจะเทน้ำมันใส่ลงกระทะตั้งไฟจนร้อนแล้วทอดข้าวเหนียวจนฟูเต็มที่ก่อนจะนำมาพักจนสะเด็ดนำมันก่อนจะเอาน้ำตาลที่ซีเอ๋อร์เคี่ยวก่อนหน้านี้มาราดเป็นเส้นจนทั่วพักจนแห้งแล้วแบ่งใส่ถุงกระดาษส่งให้เงาตามเดิมก่อนจะให้เสี่ยวเปาไปให้ท่านพ่อกับพ่อครัวจางและผมก็หยิบส่วนที่แบ่งไว้ให้คนที่รอดู

“เชิญขอรับ”

“อืม กรอบและยิ่งอร่อยเมื่อทานโดนน้ำตาลด้านบน”

“ในเมื่อท่านพี่ลวี่หลงว่างวันนี้ไปร้านอิงเซียนเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่ขอรับ”

“ย่อมได้ แล้วเจ้าโหลพวกนี้”

“เป็นสินค้าที่จะนำไปด้วยขอรับ”

“ไข่ขาวนี่หรือ”

“ขอรับมันบำรุงหน้าได้ขอรับ”

“ข้าจะพยายามทำความเข้าใจนะ”

“ขอรับ” ไม่แปลกที่ผู้ชายจะไม่สนใจเรื่องแบบนี้ แปลว่าที่ลุงสนใจเรื่องแบบนี้ลุงแปลกเองสินะ

ร้านอิงเซียน

หลังจากนั้นเราสองคนไม่รวมเงาอีกสามที่ตามมาก็เดินทางมาถึงร้านอิงเซียนร้านที่เป็นการร่วมลงทุนของผมและเจ้าของหอฮวาหรือท่านพี่อิงฮวานั่นเองครับ ดูจากทางเข้ามาลูกค้าเป็นคุณหนูมากมายมาใช้บริการเยอะพอสมควรครับ อีกทั้งยังมีฮูหยินน้อยใหญ่มาเลือกซื้อสินค้าที่วางขายด้วย

สินค้าที่ขายที่ร้านนี้จะไม่เหมือนที่ร้านเซียนของผมครับ ที่ร้านผมจะขายน้ำมันนวด น้ำมันหอม ส่วนพวก สปาจะวางขายที่นี่เท่านั้นครับ เพราะยังไงกำไรผมก็ได้อยู่ดีแถมยังน่าเชื่อถือต่างจากการวางขายในร้านแบบนั้นด้วยเพราะเป็นแหล่งเสริมความงามเลยสามารถวางใจยามซื้อได้ครับ

“ขนมที่ส่งมาล่วงหน้ารสชาติดียิ่งนักน้องอวี้”

“ขอบคุณที่ชมขอรับท่านพี่อิงฮวา”

“ว่าแต่ผู้ที่มากับเจ้า เป็นผู้ใดกัน เจ้านอกใจจิวเฟยหรือ”

“กล่าวหนักไปแล้วขอรับท่านพี่อิงฮวา ท่านผู้นี้เป็นสหายของข้าขอรับ มีนามว่าลวี่หลง ท่านลวี่หลงขอรับนี่คือพี่สาวขอข้านามอิงฮวาขอรับ”

“ยินดีที่ได้พบแม่นางอิงฮวา ตอนนี้ข้าเป็นเพียงสหายของน้องอวี้เท่านั้นขอรับ”

“เป็นเช่นเดียวกับองค์ชายซางไป๋และท่านเสนาหวังใช่หรือไม่น้องอวี้”

“หยุดกล่าววาจาหยอกล้อข้าเสียทีขอรับท่านพี่อิงฮวา วันนี้ข้านำไข่ขาวมาด้วยขอรับ”

“หมดพอดีเชียว เด็กๆนำไปเก็บที่เสีย” มีคนงานมารับของไปก่อนที่ผมจะเดินตามพี่อิงฮวาเข้าไปที่ห้องทำงานเพื่อตรวจสอบบัญชีตามปกติ โดยที่พี่อิงฮวาไปนั่งซักถามท่านเทพมังกรไม่สนใจว่าผมจะทำอะไรเลย ความต้องการของสตรีในเรื่องที่อยากรู้นี่น่ากลัวไม่ว่าจะโลกไหนก็ตาม ลุงยืนยันครับ

หลังจากนั้นผมก็ออกมาเดินเที่ยวตลาดเพื่อซื้อของและดูสินค้าที่จะนำไปทำอาหารเพิ่มกับท่านเทพมังกร ดูเหมือนทั้งสามคนจะมีงานเยอะนะครับช่วงนี้ไม่ค่อยว่างมาเล่นกับผมสักเท่าไหร่ จะว่าไปลุงจะคิดถึงพวกนั้นทำไมกัน พอเลิกคิด

“คุณชายเซียน”

“หืม ข้าน้อยคาราวะท่านแม่ทัพ”

“อย่าได้มากพิธีเลยขอรับ ว่าแต่คุณชายมาทำสิ่งใดที่ตลาดกันยามนี้”

“มาเดินดูวัตถุดิบทำอาหารขอรับ แล้วท่านแม่ทัพเล่าขอรับมาทำสิ่งใดกัน”

“มารับฮูหยินขอรับนางมาที่ร้านอิงเซียน”

“ถ้าเช่นนั้นนำกระดาแผ่นนี้ให้แก่เด็กในร้านยามคิดเงินเพื่อรับของตอบแทนได้ขอรับ”

“ท่านเก็บไว้เถิดขอรับ ว่าแต่ท่านเข้าร้านนั้นจนได้ตั๋วลดราคาหรือขอรับ”

“ข้าเป็นเจ้าของอีกคนของร้านขอรับ”

“โอ้ เป็นคุณชายเซียนหรือขอรับ ข้าได้ยินแม่นางฮวาพูดถึงเจ้าของร้านหลายครา”

“ขอรับ เช่นนั้นรับไปเถิดขอรับ ถือว่าของตอบแทนที่ได้ร่วมงานกันขอรับท่านแม่ทัพ”

“ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้ยามอู่ขอเชิญท่านมาทานอาหารที่จวนข้าเพื่อพูดคุยได้หรือไม่ขอรับ”

“ย่อมได้ขอรับ”

“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน ไว้พบกันยามอู่พรุ่งนี้ขอรับคุณชายเซียน”

“เช่นกันขอรับท่านแม่ทัพ”

ล่ำลากันก็แยกย้ายหวังว่าพรุ่งนี้จะได้ลูกค้าใหม่อย่างฮูหยินในจวนแม่ทัพทุกคนนะครับ ว่าแต่ท่านเทพมังกรไปเหมาซาลาเปาหมดร้านหรือยังครับ นานเกิ๊น

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : รอยยิ้มช่างเจิดจ้าจนใจสั่นไหวยิ่งนัก
ซีเอ๋อร์ : นายน้อยกล่าวสิ่งใดอยู่หรือเจ้าคะ
เซียนอวี้ : ข้าเพียงนึกถึงกลอนที่เคยอ่านเท่านั้น
ลวี่หลง :  หวั่นไหวกับข้าแล้วใช่หรือไม่เด็กน้อย
เซียนอวี้ : ท่านคิดไปเองขอรับท่านเทพมังกร
ลวี่หลง : หากเป็นเพียงสิ่งที่ข้าคิดไปเอง เหตุใดเจ้าจึงหน้าแดงกัน
เซียนอวี้ : (ปิดหน้าหันหลังเดินหนีไม่ตอบอะไร)
ฮุ่ยเอิง : นี่ข้าได้ลูกเขยเพิ่มขึ้นมาอีกจริงสินะ


ลงเนื้อหา 18/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 14 18/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-09-2018 23:39:42
ลุงเก่งมาก............  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: 
ทำอาหารไทยกินเอง อย่างนี้อยู่ที่ไหนก็ได้ไม่ง้อใคร
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 15 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 20-09-2018 19:58:02
#15

จวนแม่ทัพแคว้นเซียน

ยามอู่(สิบเอ็ดโมงถึงเที่ยงห้าสิบเก้า)  ผมมาถึงจวนท่านแม่ทัพได้สักพักแล้วครับ ภายในกว้างสมฐานะ มีสวนหินสวนดอกไม้ ไหนจะบ่อน้ำอีก และตอนนี้ผมถูกพาชมรอบบ้านรอเวลาอาหารเที่ยงอยู่ครับ ผู้ร่วมชมวันนี้มีผม ท่านแม่ทัพและชายแปลกหน้าที่แนะนำตัวว่าแซ่หม่านามอิงเชียง มีหน้าที่การงานเป็นกุนซือประจำกองทัพแคว้นเซียน ถ้าเปรียบเป็นบริษัทในโลกก่อนที่ผมทำงานก็เหมือนฝ่ายวางแผนและพัฒนากลยุทธ์ละครับ

ตั้งแต่เดินมาผมจับสังเกตได้ว่าท่านกุนซือหม่าหันมามองผมจนเรียกว่าจ้องตลอดเวลาเลยครับ แถมผมลองตรวจกระแสปราณดูแล้วแข็งแกร่งน่าดูครับมีไอปราณสีขาวเข้มเหมือนท่านพี่กงหมินเลย สายตาที่ดูเจ้าแผนการตามหน้าที่ก็หน้ากลัวไม่น้อยกว่ากระแสปราณเลยทีเดียว

หลังจากที่ชมเสร็จก็มาพบฮูหยินที่คอยอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว มีลูกชายลูกสาวจากภรรยาเจ้าของจวนมานั่งกันพร้อมหน้าพร้อมตา ผมไม่รู้ว่าการมากินข้าวครั้งนี้ท่านแม่ทัพจะให้เกียรติกันขนาดนี้นะครับ

“ข้าน้อยแซ่ฟางนามเซียนอวี้ เรียกข้าว่าเซียนอวี้เถิดขอรับฮูหยินทุกท่าน”ผมก้มหัวตามมารยาทระหว่างที่นั่งลงแล้วพูดคุย

“ยินดีที่ได้พบท่านเจ้าค่ะคุณชายเซียน ข้าน้อยต้องขอบคุณน้ำใจของท่านที่มอบตั๋วใบนั้นเป็นอย่างยิ่ง”

“มิได้ๆ ข้านับถือท่านแม่ทัพดั่งญาติมิตรเพียงแค่ตั๋วใบเดียวไม่มากเกินควรขอรับ”

“เป็นเด็กดีเสียจริง เช่นนั้นเชิญทานให้เต็มที่เถิด”

“ขอรับ”

“เรื่องตำราการรบที่คุณชายเซียนได้กล่าวไว้วันเดินทางกลับ ในเมื่อมาถึงจวนข้าแล้วอย่าได้ลืมหยิบกลับไปเสียเล่า”

“รบกวนท่านแม่ทัพแล้วขอรับ ข้าจะรีบคืนเมื่ออ่านจบนะขอรับ”

“อย่าได้เกรงใจ”

“ท่านชมชอบการอ่านตำราสงครามหรือท่านอ๋อง”

“เรียกข้าเซียนอวี้เถิดขอรับท่านกุนซือ อย่าได้เรียกตามที่องค์ฮ่องเต้กล่าวเลยขอรับ ข้ามิได้รับตำแหน่งใดๆ”

“ถ่อมตนเกินไปเสียแล้ว ในเมื่อองค์ฮ่องเต้ประสงค์เหตุใดท่านจึงขัดเล่า อีกอย่างท่านก็นับเป็นพี่น้องกับพระองค์แล้วมิใช่หรืออย่างไร”

“ถึงข้าน้อยจะนับเป็นพี่น้องกันจริงแต่ข้าที่ไม่มีสายเลือดมังกรย่อมไม่สมควรถูกเรียกขานว่าอ๋องอยู่ดี”

“เป็นเด็กดีเสียจริง น่าสนใจๆ”

“แล้วที่ท่านกล่าว ข้ามิได้ชมชอบตำราสงครามเพียงเท่านั้นสิ่งใดที่เป็นตำราข้าศึกษาทั้งหมดขอรับท่านกุนซือ”

“เช่นนั้นหลังจากนี้ไปหอตำรากับข้าดีหรือไม่ ข้าจะพาเจ้าไปดูตำราที่น่าสนใจ”

“ตำราอันใดหรือขอรับ”

“อย่างพวกการศึกสงคราม การวางแผนการรบ จำพวกที่เก็บในหอตำราหลวงที่มีเพียงขุนนางที่เกี่ยวข้องถึงเข้าได้อย่างไร”

“แล้วข้าจะเข้าได้หรือขอรับ ข้ามิได้เกี่ยวข้อง”

“เข้าได้ เชื่อข้าเถิดว่าเจ้าจะเข้าได้และข้าเป็นคนพาไปเสียอย่าง”

“เช่นนั้นรบกวนท่านแล้วขอรับท่านกุนซือ”

หลังจากที่ทานข้าวเสร็จก็ได้เวลาไปเยือนหอตำราหลวงแล้วครับ ผมกับท่านกุนซือหม่ามาพร้อมท่านแม่ทัพที่ถูกเรียกตัวเช่นกันให้เข้าวังเลยสบายไปครับ ถึงจะชอบอ่านหนังสือแต่ไม่ได้แปลว่าจะอยากอยู่ลำพังกับกุนซือหม่านะครับ สายตาที่มองยังไม่ลดเลยครับ ดูเหมือนท่านแม่ทัพจะมองออกนะครับ เห็นยิ้มแปลกๆมาทางผมด้วย

“หากเจ้าสนใจเล่มใดก็ขอยืมในนามข้าก็ได้”

“ขอบคุณท่านกุนซือมากขอรับ”

“มิเป็นไร” สายตาที่มองมาจนพ้นชั้นกั้นถึงหายไป เราแยกกันไปตามช่องที่สนใจแล้วนัดกันไปเจอที่โต๊ะหนังสืออีกหนึ่งสองยามเพราะหมดเวลาหอตำราหลวงแล้ว

ผมเดินดูหนังสือที่สนใจแล้วหยิบติดมือออกมาด้วยจนมาถึงชั้นที่ดูจะแปลกกว่าชั้นอื่นตรงปกหนังสือ ทุกเล่มจะถูกทำด้วยกระดาษแข็งแต่เล่มนี้ถูกทำด้วยหนัง ผมหันมองรอบตัวก่อนจะหยิบหนังสือที่ดึงดูดใจลงมาแล้วทิ้งตัวนั่งอ่าน เพราะมุมนี้ไม่มีคนที่จะเดินผ่านมาเลย

หน้าปกเขียนไว้ว่าราชวงศ์หลง สมัยฮ่องเต้หลงจินซี คุ้นๆว่าเป็นพระบิดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนะครับ ลองเปิดดูก็เป็นบันทึกประวัติของพระองค์กับเหล่าข้าราชกาลในยุคนั้น หืม ตระกูลหวังของท่านพี่กงหมิน อยู่เป็นที่ปรึกษามาตั้งแต่รุ่นก่อนๆแล้วนะครับ

อ่า ประวัติขององค์ไทเฮาในสมัยนั้นที่ยังคงอยู่รั้งตำแหน่งฮองเฮา พระนามเดิมคืออิ๋นเหมย จากประวัติเหมือนว่าจะเป็นบุตรสาวของอดีตอ๋องที่ออกจากตำแหน่งไปเพราะหลี้ภัยการเมือง ในยุคก่อนผมเคยได้ยินในคลาสประวัติศาสตร์ว่าด้วยเรื่องการบันทึกประวัติ

บางครั้งเป็นเจ้าของเรื่องที่บันทึกเองก็มี ดูจากลายมือที่แตกต่างกัน ผมว่าพระองค์น่าจะเป็นคนจัดทำประวัติของตัวเอง เพราะจากเนื้อหาที่อ่านมันดูซับซ้อนเกินกว่าจะเล่าให้ใครฟังแล้วบันทึกได้

สรุปย่อคือพระบิดาของฮองเฮาอิ๋นเหมยในตอนนั้นคือพระอนุชาของพระบิดาฮ่องเต้หลงจินซีที่มีพระนามว่าหลงจินเทียน ในรัชกาลของฮ่องเต้หลงจินเหอหรือตาของฮองเฮาอิ๋นเหมยในช่วงนั้นมีองค์ชายสองพระองค์ที่เกิดมา คนพี่หลงจินเทียนได้เป็นรัชทายาทส่วนคนน้องหลงเยี่ยกลัวว่าจะมาคานอำนาจกันจนเกิดเรื่องเลยเสียสละตัวเองไปอยู่กับภรรยานอกวังแล้วเปลี่ยนไปใช้แซ่ของภรรยาแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีตำแหน่งอ๋องติดอยู่เสมอ

หลังจากนั้นเมื่อเปลี่ยนรัชสมัยอดีตรัชทายาทก็ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้และมีบุตรชายหนึ่งคนหรือก็คือฮ่องเต้หลงจินซีและได้มาพบรักกับฮองเฮาโดยที่ไม่รู้ว่าทั้งคู่เป็นญาติกัน แต่เพราะว่ารักมากเลยไม่สามารถเลิกกันได้

และตามกฎแล้วเป็นการรักษาสายเลือดเช่นกันเลยไม่มีใครคัดค้านเมื่อรู้ความจริงเรื่องชาติกำเนิดฮองเฮา และทั้งคู่ให้กำเนิดองค์ชายสามพระองค์คนโตคือฮ่องเต้หลงชิวเยี่ยในปัจจุบัน คนต่อมาเป็นอ๋องที่รู้จักกันในนามหลงหยงจินและคนสุดท้ายได้ตำแหน่งอ๋องแต่ไม่ได้อยู่ในวังในปัจจุบัน

เท่ากับว่าพระบิดาและพระมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็นญาติกันสินะ แล้วองค์ชายสามที่ได้ตำแหน่งอ๋องหายไปไหนกันทำไมถึงไม่มีการพูดถึงกันละ แล้วทำไมผมถึงติดใจแซ่ขององค์ไทเฮาด้วยนะ แซ่อิ๋นทำไมถึงคุ้นเคยเหมือนเคยได้ยินหรือเห็นมาก่อนกัน อามีหมอกมาบังอีกแล้ว เดี๋ยวนะหมอกบัง มันเกิดเฉพาะเรื่องของแม่ของร่างนี้ อย่าบอกว่าเกี่ยวข้องกันนะ

ท่านพี่กงหมินเป็นเพื่อนของฮ่องเต้มานานอาจจะให้คำตอบเรื่องขององค์ชายสามที่หายไปก็ได้นะครับ ไว้มีโอกาสต้องถามดูแล้ว สายตาของฮ่องเต้มันรบกวนจิตใจมานานเกินพอแล้วไหนจะท่าทางของท่านพ่อร่างนี้ยามพบเจอกันวันนั้นอีก

“มาหลบอยู่ที่นี่เอง ข้าตามหาเสียตั้งนาน”

“อ้ะ ขออภัยขอรับข้าน้อยอ่านตำราจนลืมดูเวลาไปเสียได้”

“มิใช่ข้าเพียงมาเพื่อบอกว่าข้ามีธุระหากเจ้าเลือกเสร็จแล้วจะยืมก็รีบเถิด ข้าขออภัยที่ต้องรีบไป”

“มิได้ขอรับ เพียงเท่านี้ข้าก็รบกวนท่านมากแล้ว เช่นนั้นข้าขอยืมเพียงเท่านี้ขอรับ”

“แล้วเล่มที่ถืออยู่เล่า”

“ข้าอ่านจบแล้วขอรับ”

“เช่นนั้นตามมาเถิดข้าจะนำไปก่อน”

“ขอรับ รบกวนด้วยขอรับ” ผมมองตามหลังกุนซือที่หยิบหนังสือที่กองไว้ของผมไปด้วยก่อนจะรีบเก็บเจ้าหนังสือที่อ่านไว้ที่เดิมก่อนจะตามหลังไป

เมื่อจัดการยืมเสร็จกุนซือหม่าก็ให้รถม้ามาส่งผมที่ร้านเซียน ผมจัดการบัญชีร้านก่อนจะขี่ม้ากลับร้านอาหารฟางเล่าเรื่องกุนซือหม่าให้ท่านพ่อฟังแล้วก็เรื่องที่ได้หนังสือมาจากหอตำราหลวงด้วย

ท่านพ่อไม่ได้ถามอะไรมากทุกอย่างดูปกติ แต่พอผมบอกว่าเจอหนังสือประวัติรัชกาลของฮ่องเต้หลงจินซีด้วยท่านพ่อก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป แม้จะนิดเดียวและรวดเร็วแต่ผมก็จับสังเกตได้ ผมบอกแค่ว่าเจอแต่ไม่กล้าหยิบมาอ่าน ท่านก็ไม่พูดต่อ เปลี่ยนเรื่องคุยไปแทน

เมื่อกลับมาบนห้องผมเก็บหนังสือที่หยิบมาด้วยสองเล่มจากร้านเซียนเข้าที่เพื่อรออ่านเวลาว่าง พรุ่งนี้ผมไม่ได้เข้าร้านเซียนไปตรวจบัญชีแค่ตอนเย็นเท่านั้นเลยว่างที่จะอ่านได้ และที่ไม่ลืมคือข้อสงสัยต่างๆที่ถูกนำมาจดรวมกันไว้เพื่อกันลืม ดูเหมือนจะมีเรื่องราวในม่านหมอกมากกว่าที่ควรรู้แล้วครับ ถ้าไขเรื่องนี้ได้ ผมอาจจะเข้าใจว่ามาที่นี่เพื่ออะไรก็ได้นะครับ

เช้าวันนี้ผมเตรียมทำมันรังนกครับ เป็นขนมทานเล่นได้แถมยังสามารถเก็บไว้ได้นานพอสมควรอีกครับ ของที่ใช้ก็มีมันเทศกับมันม่วงที่ผมพึ่งจะเจอไปเมื่อวันที่ไปเดินตลาด ต่อมาน้ำตาลปี๊บ น้ำมันและสุดท้ายเกลือครับ

ก่อนอื่นก็ปอกมันทั้งสองชนิดก่อนแล้วเอามาหั่นเป็นเส้นพอดีๆไม่สั้นเกินไป เสร็จแล้วก็เทน้ำมันใส่กระทะ ใส่เกลือพอน้ำมันร้อนก็ใส่มันแล้วตามด้วยน้ำตาลปี๊บพอสุกก็ตักขึ้นมาพักแล้วทำมันม่วงต่อ พอเริ่มเย็นลงก็เอามันที่มันจับเป็นกลมวางเรียงบนถาดพอเย็นสนิทก็ฝากซีเอ๋อร์จัดใส่ถุงตามที่เคยทำ

“นายน้อยขอรับแล้วเผือกนี่ต้องทำเช่นไรต่อขอรับ”

“ขอบใจเจ้ามาเสี่ยวเปา วันนี้ข้าจะทำเผือกฉาบให้พวกเจ้าได้ลอง”

ผมรับเผือกที่เสี่ยวเปาหั่นบางเตรียมไว้ก่อนจะเอาไปทอดในน้ำมันแล้วใส่ใบเตยที่ซีเอ๋อร์ล้างไว้ให้พอเผือกสุกก็เอาออกมาพักไว้ก่อนจะเปลี่ยนกระทะใส่น้ำตาลปี๊บเคี่ยวกับน้ำเปล่าและน้ำตาลทรายแล้วใส่ใบเตยเพื่อเพิ่มความหอม เคี่ยวพอน้ำตาลละลายตักใบเตยออกแล้วใส่งาดำกับงาขาวที่ได้จากแคว้นหยุนของท่านพี่ซางไป๋ลงไป ขั้นสุดท้ายก็เอาเผือกที่ทอดแล้วลงไปคลุกจนทั่วตักขึ้นใส่จานแยกแล้วปล่อยเป็นหน้าที่ซีเอ๋อร์จัดการต่อ

“ลองทานดูรสชาติเป็นเช่นไร”

“กรอบหวานหอมใบเตยด้วยเจ้าค่ะนายน้อย” เสี่ยวเปาก็พยักหน้าเพราะยังกินไม่เสร็จ ทั้งสองคนดูมีความสุขกับของกินทุกอย่างที่ผมทำทุกครั้งเลยครับ

“เสี่ยวเปา เมื่อเช้ามืดเห็นหอบลังสิ่งใดเข้ามากันเยอะแยะเชียว” ผมที่นั่งมองน้ำตาลปี๊บอยู่ก็นึกถึงสิ่งที่คนงานชายยกมาเมื่อตอนที่ตื่น

“มีชาวบ้านนำผลหมางกั่วมาขายขอรับ เพราะเดือดร้อน นายท่านเลยรับซื้อไว้แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำสิ่งใดดี”

“หมางกั่ว ขอข้าดูหน่อย” เสี่ยวเปาเดินไปหยิบผลไม้ชื่อแปลกมาจากลังมาให้ผม อ๋อหมางกั่ว มะม่วง หมางกั่ว แมงโก้ เป็นการผันเสียงที่ดี ดูเหมือนจะเป็นมะม่วงแรดด้วยนะครับ

“ถ้าเช่นนั้นวันนี้เราจะมีอาหารทานเล่นขึ้นโต๊ะอีกชนิด”

“สิ่งใดกันขอรับ”

“น้ำปลาหวาน”

“น้ำปลาหวาน คือสิ่งใดหรือเจ้าค่ะ”

“เป็นสิ่งที่ไว้ทานคู่กับหมางกั่วอย่างไรเล่า เสี่ยวเปาเจ้าเตรียมของตามที่ข้าจะสั่งนะ ส่วนซีเอ๋อร์ให้คนงานหญิงที่ว่างสักสองคนมาช่วยกันปอกเปลือกหมางกั่วสักห้าสิบลูกนะ”

“เจ้าค่ะ”รับคำแล้วเดินออกไปทันที

“เสี่ยวเปาข้าต้องการน้ำเปล่า น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ กะปิ กุ้งแห้ง หอมแดง พริกสดแดง พริกแห้ง จัดหาให้ข้าหน่อย”

“ขอรับ”

ระหว่างที่รอของจากเสี่ยวเปาก็นึกขึ้นได้ว่ามะม่วงมีเยอะมากแถมเก็บได้ไม่นานด้วย เอามาดองดีไหมแล้วเอาไปขายที่ร้านเซียนแทน ขนมกับของกินเล่นในร้านอาหารฟางจะจัดขายเป็นชุดเท่านั้นถ้าต้องการเป็นอย่างเดียวต้องไปหาซื้อที่ร้านเซียนที่จะมีคนมารับไปวางขายเสมอ

“มาแล้วขอรับนายน้อย”

“ขอบใจพวกเจ้ามาก”

ผมขอบใจคนงานที่มาช่วยยกของก่อนจะตรวจดูของว่าครบไหม ที่โลกนี้กะปิเป็นสินค้านำเข้ามาจากแคว้นเฟยครับเหมือนกับของเค็มอย่างเกลือน้ำปลาก็มาจากทางแคว้นเฟยเหมือนกัน หลังจากที่ประกาศการเข้าเมืองและการค้า สินค้าจากต่างแคว้นก็มีมากขึ้น สบายไปอีกครับลุง

ผมเริ่มจากการซอยพริกแดงสดกับหอยแดงไว้ก่อนครับ จากนั้นเทน้ำปลาใส่กระทะตั้งด้วยไฟแรงไล่กลิ่นคาวสักประมาณห้านาที ก่อนจะยกออกมาพักแล้วใส่น้ำตาลปี๊บน้ำเปล่าและกะปิแล้วเอาตั้งไฟใหม่แต่เป็นไฟอ่อนแทน

คนไปเรื่อยๆจนเข้ากันและน้ำตาลปี๊บละลายเคี่ยวจนเริ่มใส เสร็จแล้วใส่พริกแห้งกับกุ้งแห้งส่วนหนึ่งที่ให้เสี่ยวเปาตำไว้ลงไป แล้วใส่หอมแดงกับพริกที่ซอยไว้คนให้เข้ากันแล้วยกออกจากไฟ พักไว้จนเย็นพอดีกับที่ซีเอ๋อร์นำมะม่วงที่ปอกเสร็จแล้วเข้ามา ผมจัดการหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วแบ่งใส่จานส่วนหนึ่งเท่านั้น

“ลองทานดู”

“หวา เปรี้ยวมากเลยเจ้าค่ะ แต่พอทานกับน้ำปลาหวานของนายน้อย รสชาติดีมากเจ้าค่ะ”

“เช่นกันขอรับนายน้อย อร่อยมากแบบที่นายน้อยสอนเลยขอรับ”

“เก่งมากเสี่ยวเปา ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะซีเอ๋อร์ ข้าต้องไปดูบัญชีต่อ”

“เจ้าค่ะนายน้อย”

ผมเดินออกจากครัวแล้วเอาของที่ทำวันนี้ไปให้ท่านพ่อทานดู ยิ่งมะม่วงน้ำปลาหวานพอยกออกไปให้ลูกค้าที่มาได้ลองต่างติดใจของซื้อกลับกันไปที่บ้านตัวเองเกือบทุกคน ดีนะครับว่าผมเคี่ยวน้ำปลาหวานไว้เป็นหม้อ นอกจากจะฉลาดแล้วยังเป็นคนดีอีกนะครับลุงเนี่ย

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ไม่ต้องชมลุงกันนะ ลุงรู้ตัวว่าลุงเก่ง
เสี่ยวเปา : เป็นคำใหม่หรือขอรับนายน้อย
เซียนอวี้ : เป็นเด็กดีมากเลยนะเสี่ยวเปาของข้า (กอดหมับ)
ฮุ่ยเอิง : เจ้านอกใจสามีเจ้าหรือ
เซียนอวี้ : ท่านพ่อกล่าวสิ่งใดกันขอรับ
H : จ้องมองเสี่ยวเปา
เสี่ยวเปา : เหตุใดข้าจึงรู้สึกขนลุกเช่นนี้กันขอรับ

ลงเนื้อหา 20/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62

หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 15 20/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-09-2018 20:38:46
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 16 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 25-09-2018 21:15:19
#16

หลังจากนั้นผมก็นั่งตรวจบัญชีของร้านอาหารฟางไป มีเดินไปคิดเงินบ้างถ้าคนในร้านมากจนดูแลไม่ทัน ยิ่งช่วงเที่ยงคนยิ่งหลั่งไหลเข้ามาเหมือนโลกก่อนที่คนเลิกงานพักเที่ยงพอดีเลยครับ

อืมจะว่าไปตงิดใจมาสักพักและครับเหมือนจะมีคนจ้องแต่พอหันมองก็ไม่มี เลยหันกลับมาแต่ตั้งสมาธิหาสิ่งมีชีวิตที่เป็นเป้าหมาย ทำท่าก้มตรวจบัญชีแล้วหันไปทางทิศที่รู้สึกได้ก็ทันกับที่อีกฝ่ายก้มหลบไม่ทันพอดี กระแสปราณสีฟ้าขาวเข้ม สีฟ้าวิชาการรักษา เป็นหมอที่มีวิชายุทธ์เหมือนท่านพี่กงหมิน ดูเหมือนจะเข้ม กว่าทุกคนที่เคยเจอมา

หลังจากที่กลับมาครั้งก่อนผมได้อ่านตำราว่าด้วยเรื่องขั้นพลังของโลกนี้ สีทองคือราชวงศ์ สีฟ้าวิชาการแพทย์ สีขาวสายธรรมะ สีดำสายมาร สีม่วงผู้ใช้พิษ ส่วนระดับขั้นมีตั้งแต่หนึ่งถึงสิบ จากที่ดูและอ่านมาเหมือนว่าพวกท่านพี่กงหมินกับท่านพี่เฟยหลงจะอยุ่ที่ขั้นเก้า ท่านพี่ซางไป๋กับท่านกุนซือหม่าขั้นแปด ส่วนคนที่แอบมองผมน่าจะอยู่ขั้นสุดท้ายขั้นสิบ แล้วท่านเทพมังกรไปไหน อันนี้ไม่สามารถจัดอยู่ในพลังมนุษย์ได้ครับ

แต่ถ้าจะถามว่าวัดยังไงพวกคุณรู้จักสเปกตรัมไหมครับ ผมวิเคราะห์แยกระดับพลังจากวิธีการคล้ายกัน สเปกตรัมแบ่งแยกสีจากคลื่นความถี่ของแสง ผมก็แบ่งแยกชั้นจากการมองเห็นความถี่ของระดับกระแสปราณเหมือนกันครับ มันอาจจะไม่แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นแต่ก็สามารถจะวิเคราะห์รูปแบบได้เหมือนกันครับ

ผมวางงานที่ทำอยู่เพื่อลุกไปนั่งตรงข้ามกับคนที่แอบมองผมมานานสองนาน หน้าตาปานกลางแต่ดูสุขมน่าเข้าหา ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงอยากพูดคุยให้ได้เหมือนกัน ลุงไม่ได้หมายความว่าถูกใจนะ อย่ากล่าวหากัน

“สนใจสิ่งใดในตัวข้ากันถึงมองกันนานสองนาน”

“เอ่อ ขออภัยคุณชายข้าเพียงแต่สงสัย ขออภัยที่เสียมารยาทกับท่านด้วย”

“ข้าไม่ได้มาเพื่อตำหนิท่าน ข้ามาเพื่อพูดคุย อย่าได้กล่าววาจาเช่นนั้น ข้าแซ่ฟางนามเซียนอวี้เป็นบุตรชายเจ้าของร้านอาหารนี้ ท่านเล่า”

“ข้าแซ่จางนามอวิ๋นอี้ เป็นจอมยุทธ์พเนจรจากแคว้นเฟยเดินทางรักษาผู้คนจนมาถึงแคว้นเซียนแห่งนี้”

“ดูเหมือนว่าท่านจอมยุทธ์จางจะมิใช่หมอ”

“ใช่ ข้ามิได้เป็นหมอ บิดาของข้าต่างหากเล่าที่เป็น แต่ข้าก็พอมีความรู้อยู่บ้าง หลังจากที่ครอบครัวของข้าสิ้นลมกันหมดตัวข้าที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเลยออกเดินทางใช้วิชาความรู้จากที่ท่านพ่อเคยสอนในวัยเด็กรักษาชาวบ้านแลกเงินประทังชีวิต มาวันนี้ข้าได้ยินชื่อเสียงของร้านอาหารฟางเลยถือโอกาสแวะพักจึงพบเจอคุณชายฟาง”

 ดูเหมือนจะเป็นคนที่ซื่อมากกว่าที่คิดครับ บอกซะหมดเปลือกแบบนี้ โดนหลอกง่ายนะครับคนแบบนี้ แต่รู้ไหมลุงชอบแกล้งคนแบบนี้ที่สุด หึหึ ตบปากสามครั้งคนที่ว่าลุงนิสัยไม่ดี

“เรียกข้าว่าน้องอวี้เถิดท่านพี่อวิ๋นอวี้”

“ชะ เช่นนั้นน้องอวี้” หน้าเน้อแดงหมดแล้วครับ เก็บอาการไม่เป็นขนาดนั้นเลยรึไง

“ว่าแต่ท่านสนใจข้าหรือ”

“มะ ไม่ใช่เช่นนั้นข้ามิได้คิดล่วงเกินเจ้านะ”

“ข้าหมายถึงท่านสนใจอะไรในตัวข้าท่านพี่อวิ๋นอวี้ ข้ายังมิได้กล่าวว่าท่านชมชอบข้าในทางนั้นเสียหน่อย”

“คือ...” ไปต่อไม่ถูกเลยครับ นั่งอึ้งเอ๋อไปแล้วครับ นี่เป็นจอมยุทธ์จริงไหมครับ ถ้าไม่ตรวจกระแสปราณก็ไม่เชื่อนะครับ

“ดูเหมือนข้าจะแกล้งท่านหนักมือไปเสียแล้ว เอาเถิด หลังจากนี้ก็อย่าหนีหายไปเสียเล่า ว่าแต่ท่านพี่อวิ๋นอวี้มีที่พักหรือยังขอรับ”

“ยังไม่มี ข้าเดินทางมาถึงเมื่อยามซื่อยังไม่ได้หา”

“มานอนที่ห้องข้าไหมขอรับ” ผมเอื้อมไปจับมือชายที่นั่งตรงข้าม มือสั่นมากครับ ดูเหมือนจะระเบิดแล้ว

“อึก มะ ไม่รบกวนเจ้าดีกว่า”

“ท่านคิดไปถึงไหนกัน ข้ามีร้านอีกแห่งของข้า ที่นั้นมีจวนอีกหลัง ข้ามิได้พักเลยจะยกห้องนอนที่นั้นให้ท่านชั่วคราว”

“อ่า เจ้าเป็นมารน้อยจำแลงมาหรือไม่ เหตุใดจึงชมชอบการกลั่นแกล้งข้าคนนี้นัก”

“เสียมารยาทแล้วแต่ข้าถูกชะตากับท่านจริงๆนี่ขอรับ”

“รู้หรือไม่ว่าข้าก็ถูกชะตาตั้งแต่พบหน้าเจ้าเช่นกัน แต่สิ่งที่ดึงดูดข้าให้มองคือความขัดแย้งในตัวตนของเจ้าน้องอวี้” รอบนี้กลายเป็นผมที่เอ๋อบ้าง พูดแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจังมันกร้าวใจไปแล้วครับแต่ก็เอะใจกับคำพูดอยู่บ้าง

“ความขัดแย้งในตัวข้าหรือขอรับ”

“ใช่ จากที่มองร่างกายของเจ้าดูอ่อนแรงเหมือนชาวบ้านธรรมดา แต่จากสัมผัสที่ผ่านมาตลอดการเดินทางข้ากลับรู้สึกถึงพลังแปลกๆจากตัวเจ้า เจ้าฝึกยุทธ์หรือ”

“ไม่ขอรับ ร่างกายของข้าอ่อนแอตั้งแต่ยังเล็กไม่สามารถฝึกสิ่งใดได้ข้าเลยเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเพียงเท่านั้น”

มันคือเรื่องจริงครับที่ร่างกายนี้ไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้ แต่ว่าลองหรือยังเคยครับช่วงก่อนหน้านี้แต่เพราะวิเคราะห์ถึงผลลัพธ์เลยหยุดไปก่อน ไม่เคยลองจริงๆจังๆ แต่เพราะร่างกายนี้เป็นการแลกเปลี่ยนพลังกับการมองเห็นเลยคิดได้แค่ว่าไม่สามารถทำได้แน่นอน

“หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดข้าจึงสัมผัสมันได้กัน แม้จะไม่ตลอดก็ตาม แปลกมาก เป็นพลังที่ไม่เคยพบมาก่อนด้วยซ้ำ”

“เช่นนั้นท่านก็ต้องอยู่ใกล้ข้านะขอรับ จะได้เข้าใจมันได้”

“เจ้ามันเป็นมารน้อยเสียจริง” ไอ้การด่าแล้วเขินนี่ลุงเรียกว่าซึนนะครับ โถพ่อคนซึนของลุง

“ข้ามารบกวนเจ้าหรือไม่คุณชายเซียน” เสียงทักจากด้านหลังเรียกสายตาผมให้หันไปมอง

“คาราวะท่านกุนซือ มาได้อย่างไรกันขอรับ”

“ยามเฉินข้าได้เข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้ที่ท้องพระโรงนึกเรื่องตำราการปกครองที่พูดคุยกับเจ้าได้เลยเข้าหอตำราหลวงหยิบยืมมาให้แก่เจ้า รับไว้เถิด” พูดอย่างยาวสรุปคือเอาหนังสือมาฝาก แล้วสายตานี่คืออะไร อย่างมาตกหลุมรักกันนะครับ แค่นี้ก็เกินพอแล้ว

“ขอบคุณท่านกุนซือยิ่งนักที่นึกถึงคำข้าน้อย เช่นนั้นท่านมีเรื่องอันใดต้องไปอีกหรือไม่”

“วันนี้ข้าว่างยิ่งนัก”

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะพาท่านทั้งสองไปชมห้องตำราที่ร้านของข้าดีหรือไม่”

“ข้าหรือ” ชายที่นั่งมองผมกับท่นกุนซือพูดคุยกันถามขึ้น

“ใช่ ท่านพี่อวิ๋นอี้ควรไปดูที่พักนะขอรับ”

“ท่านคือจอมยุทธ์จางใช่หรือไม่” อยู่ดีๆก็หันไปคุยกันซะงั้น

“ขอรับ ท่านคือกุนซือหม่าหรือขอรับ”

“เป็นเช่นนั้น ได้พบกันอีกครั้งถือว่าเป็นเพราะโชคชะตา ว่าแต่ท่านรู้จักคุณชายเซียนเช่นกันหรือ”

“ขอรับ ข้าพึ่งได้พบปะพูดคุยไม่นานเกิดความสนใจและนับเป็นพี่น้องกัน”

“เสน่ห์แรงยิ่งนักคุณชายเซียน ข้าเองก็คงตกเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน”

“หากจะทำความรู้จักกันก็เชิญพวกท่านตามสบายอย่างได้ดึงข้าไปเกี่ยวเลยขอรับ” ไอ้คำพูดที่เหมือนสารภาพรักนั้นมันอะไรกัน ลุงไม่ได้มาเพื่อสร้างฮาเร็มที่โลกนี้นะ

“เรายังมีเวลาพูดคุยกันอีกมาก เชิญคุณชายเซียนนำทางเถิด”

“เช่นนั้นตามข้าน้อยมาเถิดขอรับ” ระหว่างที่รอก็เดินไปฝากร้านกับเสี่ยวเปาและซีเอ๋อร์บอกเวลาการกลับร้านอีกครั้ง แล้วนำทั้งสองคนที่ยังพูดคุยกันไม่จบไปที่ร้านเซียนของผม

ร้านเซียน

หลังจากที่มาถึงก็ตอบคำถามท่านตาหลิวก่อนแล้วพาเสี่ยวมู่มาแนะนำกับทั้งสองคน เพราะอีกสี่คนนั้นเสี่ยวมู่รู้จักดีอยู่แล้ว เดินไม่นานก็ถึงห้องที่ผมแบ่งไว้เก็บหนังสือที่อ่านแล้ว มีชั้นอยู่หลายชั้นพอสมควรแต่ก็อัดแน่นไปด้วยหนังสือที่ซื้อมาเหมือนกัน

“ใฝ่รู้ยิ่งนัก ไม่แปลกที่จะเก่งกาจจนเลื่องลือ”

“กล่าวหนักไปแล้วขอรับท่านกุนซือ”

“ดูเหมือนเราทั้งสองจะมีความชอบที่คล้ายกันเรียกข้าพี่อิงเชียงเถิดน้องอวี้”

“อ่า ขอรับท่านพี่อิงเชียง” จนได้ ดูเหมือนว่าในตอนนี้ลุงจะมีพี่ชายหกคนแล้วครับและดูเหมือนว่าจะเป็นพี่ชายที่คิดเกินพี่น้องด้วยทั้งนั้น

เดินดูจนพอใจก็เข้ามานั่งที่ศาลากลางน้ำที่ขุดใหม่เพราะของเดิมเล็กเกินไป จากที่มีโต๊ะตรงกลางก็ยกออกแล้วปูเสื่อวาสงเบาะนั่งแทน ผมว่าสบายกว่านั่งปวดหลังตั้งเยอะ มีโต๊ะวางกาน้ำชาและขนมขนาดกลางอยู่อีกด้านของศาลาหลังนี้ มีหมอนที่วานสาวใช้หยิบมาเตรียมไว้ก่อนหน้าเพื่อวางมือ

“สงบยิ่งนัก เหมาะจะเป็นที่พักเรื่องเครียดจากงาน”

“นั่นคือที่มาของศาลาหลังนี้ขอรับท่านพี่อวิ๋นอี้”

“นายน้อยขอรับ” อยู่ดีๆก็มีชายชุดดำเดินเข้ามาทรุดตัวอยู่ข้างๆ

“อ่า ว่าอย่างไรกัน ช้าก่อนท่านพี่อวิ๋นอี้ นี่คือคนของข้าเองขอรับ” ถ้าห้ามช้ามีหวังเลือดแน่ครับ รู้ว่าเก่งแต่ฟังก่อนสิครับ

“เหตุใดพวกเราจึงไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของนักรบเงาพวกนี้”

“นักรบเงาหรือขอรับท่านพี่อิงเชียง”

“การแต่งกายเช่นนี้เป็นนักรบเงามิผิดแน่ เหตุใดเจ้าจึงมีนักรบเงาข้างกาย”

“จะว่าเป็นคนของข้าก็มิถูก พวกเขาเป็นคนที่มาคอยดูแลข้ามากกว่าขอรับ”

“พวกเขา อย่างไรกันน้องอวี้”

“คือ เจ้านายของพวกเขาเป็นคนส่งพวกเขามาคอยดูแลข้าเองขอรับ มีมากกว่าหนึ่งดั่งที่เห็น”

“เอาเถิดดูเหมือนเขาจะมีเรื่องมาแจ้งเจ้า”

“ว่าแต่มีเรื่องอันใดกันขอรับ”

“นายท่านทั้งสามกำลังเดินทางมาที่แห่งนี้ขอรับ มีเรื่องต้องการคุยกับนายน้อย”

“เพราะพวกเขาใช่หรือไม่”

“ขอรับ”

“ขอบคุณท่านมากที่มาแจ้งข้าก่อน”

“ขอรับ” ยังกับผี พูดจบก็หายไปเลย ยิ่งกว่าวิชานินจาที่เคยอ่านมาอีกครับ

“ฝีมือสูงส่ง ผู้เป็นนายย่อมมิใช่คนธรรมดา”

“ดั่งเช่นที่ท่านพี่อวิ๋นอี้กล่าว นักรบเงาผู้นั้นเป็นคนของท่านพี่กงหมิน อัครมหาเสนาบดีแห่งแคว้นเซียนขอรับ”

“โอ้ เช่นนั้นตัวข้าก็จักได้พบท่านเสนาหวังตัวจริงเสียแล้วกระมัง”

“ขอรับ ดูเหมือนนักรบเงาจะรายงานเรื่องของพวกท่านไปเลยเร่งมาที่แห่งนี้”

“ข้ามิเข้าใจในคำกล่าวของเจ้าน้องอวี้”  ทั้งเสียงและสีหน้ายังคงความสงสัยตามเดิมของท่านพี่อวิ๋นอี้

“แต่ข้าเข้าใจดีอย่างยิ่ง” แต่ไม่เหมือนท่านกุนซือหม่าที่คงจะเข้าใจง่ายกว่าเป็นไหนๆ

ไม่นานทั้งสามคนก็มาพ่วงท่านเทพมังกรที่หายหน้าไปด้วยอีกคน ช่วงนี้งานยุ่งกันทั้งคนทั้งเทพ แต่ยังจะมีเวลามาสนใจเรื่องของการพบเจอคนอื่นของลุงอีกนะ สายดีเกินไปแล้ว นี่พี่น้องหรือภรรยาจะมาคอยหวงอะไรขนาดนี้กัน ใครบอกภรรยาลุงจะงอน

“คาราวะท่านพี่ทั้งสี่ขอรับ” ทำความเคารพตามธรรมเนียมไปครับ เพื่อความสบายใจของทุกคน แฮร่

“ข้าคิดถึงเจ้ามากเลยรู้หรือไม่น้องวี้คนดี”

“เจอหน้าข้าคราใดถึงชมชอบกินเต้าหู้ข้าเสียจริงท่านพี่ซางไป๋” ดูเอาเถอะน้อยหน้าใครที่ไหน เจอหน้ากันทีไรเดี๋ยวกอดเดี๋ยวลูบไปทั่วทุกที

“ก็ข้าชมชอบเต้าหู้เจ้านี่น้องรักของพี่” ผมดันตัวท่านพี่ซางไป๋ออกก่อนจะรีบมาหลบหลังท่านพี่อวิ๋นอี้แทน

“คนพวกนี้คือผู้ใดกันเหตุใดถึงคุ้นหน้าคุ้นตายิ่งนัก”

“บุรุษชุดขาวผู้นั้นมีนามว่าท่านพี่ซางไป๋ขอรับ ต่อมาชุดดำนามท่านพี่เฟยหลง ชุดสีเขียว นามท่านพี่ลวี่หลงและตรงหน้าท่านคือท่านพี่กงหมินขอรับ”

“ยินดีที่ได้พบพวกท่านข้าแซ่จางนามอวิ๋นอี้ เป็นจอมยุทธ์พเนจร ปีนี้ก็สามสิบปีแล้ว”

“จอมยุทธ์จางนี่เอง ข้าก็คุ้นหน้าแต่ว่านึกไม่ออกว่าเป็นผู้ใดกัน”

“อ่า เป็นเกียรติที่ท่านประมุขพรรคเมฆาทมิฬจำข้าได้ ครั้งก่อนที่ประมือกันยังมิรู้ผลดันโดนขัดเสียได้”

“เป็นเช่นนั้น ในเมื่อได้พานพบเห็นทีคงได้ประมือกันอีกครา”

“เช่นกันๆ”

“จอมยุทธ์จาง ท่านนี่เองข้าได้ยินนามของท่านในโลกยุทธ์ภพมานาน แล้วเหตุใดจึงปฏิเสธการเป็นจ้าวยุทธภพกันเล่า”

“ท่านเทพมังกรกล่าวเกินไป ข้ามิคิดว่าจะได้เจอท่านที่โลกมนุษย์เสียแล้ว”

คืออะไรกันครับพูดคุยเหมือนรู้จักกันมานานแบบนี้ ไหนจะท่านกุนซือที่หันไปคุยกับท่านพี่ซางไป๋เป็นเรื่องเป็นราวไปแล้วเหมือนกัน เอาเถอะดูเหมือนว่าจะไม่ต้องแนะนำให้มากความละครับ ผมถอยออกมาเพื่อไปหยิบขนมกับมะม่วงมากินรอพวกเขาทั้งหกคนทำความรู้จักแทนละกันครับ

ออกมาไม่นานพอกลับมากลับเจอแต่ใบหน้าเหรอหราของท่านพี่อวิ๋นอี้ที่มองมา คนอื่นก็เอาแต่นั่งขำอะไรกันไม่รู้ จะว่าไปท่านพี่อวิ๋นอี้อายุมากที่สุดในนี้เลยนี่ครับ (เว้นท่านเทพมังกรไว้นะครับเพราะไม่ใช่มนุษย์) แถมยังดูอ่อนต่อโลกในเรื่องความรักด้วย น่าแกล้งจริงๆนั่นแหละลุงยืนยัน ตบปากตัวเองอีกครั้งใครที่ว่าลุงนิสัยไม่ดี

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด
เซียนอวี้ : ดูเหมือนลุงกำลังเปิดฮาเร็มโดยไม่รู้ตัวเลย
ฮุ่ยเอิง : เจ้าพึ่งจะรู้ตัวหรือลูกรัก
เสี่ยวมู่ : ฮาเร็มคือสิ่งใดกันขอรับท่านพี่อวี้
เซียนอวี้ : โถ เด็กน้อยของลุง

ลงเนื้อหา25/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 16 25/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 25-09-2018 21:43:34
ค่อยๆโผล่มาทีละคน

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 16 25/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 27-09-2018 12:54:25
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 16 25/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 27-09-2018 18:36:00
 :pig4: :katai2-1: o13
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 17 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 27-09-2018 21:52:37
#17

เมื่อคืนลุงทำการเชื่อมโยงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับร่างนี้เข้าด้วยกันแต่ก็ยังไม่มีจุดที่จะเชื่อมโยงทั้งสองฝั่งเข้าหากันอยู่ดี มันต้องมีสิความรู้สึกลุงมันบอกแต่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรมากกว่า

กำลังคิดจะเข้าครัวทำขนมคลายเครียด เงาจากท่านพี่กงหมินก็เข้ามาบอกว่าท่านพี่กงหมินรออยู่ที่ศาลาริมน้ำที่ร้านเซียนอวี้แล้ว อะไรกันนึกจะมาก็มาไหนว่างานยุ่งกันนักไม่ใช่หรือไง ไม่ได้งอนอะไรทั้งนั้นใครว่าลุงงอนลุงจะเคือง

ร้านเซียน

“ลมอะไรหอบท่านมาพบน้องแต่เช้ากันหรือขอรับท่านพี่กงหมิน”

“คงเป็นลมแห่งความคะนึงหาเสียแล้วกระมังที่พัดพี่มาหาเจ้า”

“กล่าววาจาเกี้ยวพาราสีคล่องปากเช่นนี้ เกรงว่าท่านพี่กงหมินคนดีคงจะใช้บ่อยเสียแล้วสินะขอรับ”

“ข้าดีใจที่เจ้าหึงหวง”

“หยุดกล่าววาจาเลื่อนลอยเสียเถิดขอรับ ว่าแต่มีเรื่องอันใดหรือไม่ที่มาพบน้อง”

“หึหึ เอาเถิดเข้าเรื่องเสียก่อนที่เจ้าจะเขินอายกว่าเดิม”

“หึ” ผมหยิบขนมปังมากินระหว่างรอว่าฝ่ายตรงข้ามที่นั่งมองหน้ากันมีเรื่องอะไรจะพูด

“นักรบเงาบอกแก่ข้าว่าเจ้ากำลังสนใจเรื่องของราชวงศ์”

“มีหลายอย่างที่น้องพยายามค้นหาแล้วไม่พบ”

“พี่ช่วยเจ้าได้หรือไม่”

“ท่านจะไม่ถามหรือว่าน้องหาสิ่งใด”

“ข้าไม่ถามเพราะรู้ว่าเจ้าไม่ได้ทำเรื่องที่เดือดร้อนต่อผู้ใด”

“ท่านก็สปอยล์ข้าดีเสียจริง”

“เจ้ากล่าวสิ่งใด”

“น้องหมายถึงว่าท่านเอาใจน้องเสียจริงขอรับ”

“ก็เพราะเป็นเจ้าหรอกนะ ข้าถึงชอบเอาใจ”

“เช่นนั้นน้องสอบถามเรื่องที่สงสัยได้หรือไม่ขอรับ”

“ถ้าพี่รู้พี่จะตอบเจ้าตามจริง”

“น้องอ่านประวัติราชวงศ์มาหลายต่อหลายเล่ม ทุกเล่มจะระบุเพียงว่าฮ่องเต้หลงชิวเยี่ยมีน้องชายสามคน คนรองหลงหยงจิน ตอนนี้รับตำแหน่งอ๋องเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นเพื่อนบ้านในฐานะทูตการค้า กับคนสุดท้องร่วมมารดา หลงจินเทา ได้รับตำแหน่งอ๋องเช่นกัน แต่ปัจจุบันหายไป ข้าอยากทราบเรื่องของอ๋องคนน้องว่าหายไปที่ใด”

เพราะอยู่กันตามลำพังและลุงไม่อยากพูดศัพท์ราชวงศ์ให้มากมายก็เอาแบบกันเองกันเองไปก่อนละกันครับ เข้าใจง่ายดี

“ข้าเป็นเพื่อสนิทของฮ่องเต้และฮองเฮาในสมัยนี้มาตั้งแต่พวกเรายังเด็ก เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถบอกแก่ภายนอกได้ แต่เพราะเป็นเจ้าเซียนอวี้ข้าจะเล่าให้ฟัง” ผมว่างของกินนั่งเรียบร้อยรอฟังเรื่องราวอย่างตั้งใจ

“ชิวเยี่ยเป็นโอรสองค์โตที่กำเนิดจากครรภ์องค์ไทเฮา หรืออดีตฮองเฮาในรัชสมัยฮ่องเต้หลงจินซี จึงได้เป็นรัชทายาทตามธรรมเนียมแคว้นเซียน องค์ต่อมาหลงหยงจินเป็นองค์ชายที่มีความสามารถด้านการพูดและชื่นชอบการค้าเลยขอพระราชทานอนุญาตจากฮ่องเต้หลงจินซีเป็นฑูตการค้าประจำแคว้นและรับตำแหน่งอ๋องเมื่อรัชทายาทชิวเยี่ยขึ้นรับตำแหน่งฮ่องเต้ในปัจจุบัน”

ผมส่งจอกน้ำชามะลิให้เพื่อแก้อาการกระหายน้ำ อีกฝ่ายรับแล้วส่งยิ้มขอบคุณมาให้ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ

“หลังจากที่ฮ่องเต้ชิวเยี่ยขึ้นครองราชย์และอ๋องหยงจิงเดินทางไปการฑูตต่างแคว้นองค์ชายหลงจินเทาก็มาเข้าเฝ้าเพื่อถอนยศอ๋องที่จะพระราชทานตามบรรดาศักดิ์เพื่อเข้ารับตำแหน่งเจ้าตำหนักชะตาลิขิต แต่ฮ่องเต้ชิวเยี่ยไม่ยอม ให้พระอนุชารับยศอ๋องตามเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง เลยกลายเป็นว่าอ๋องจินเทาก็ยังคงมียศอ๋องแต่ออกจากพระราชวังไปพำนักอยู่ที่ตำหนักชะตาลิขิตเพื่อดำรงตำแหน่งเจ้าตำหนักจนปัจจุบัน”

“ตำหนักชะตาลิขิตหรือขอรับ เหตุใดข้าถึงมิเคยได้ยินชื่อกัน” พยายามนึกแต่กลับมีม่านหมอกมาบดบังเหมือนเรื่องของแม่ร่างนี้เลย เดี๋ยวนะ ม่านหมอกบดบัง หรือว่า

“เป็นตำหนักที่อยู่ในหุบเขาไม่ย่างกลายออกมาให้โลกภายนอกรับรู้แต่จะปรากฎตัวเฉพาะกับผู้ที่ถูกลิขิตชะตาไว้เท่านั้น แม้กระทั่งฮ่องเต้หากมิได้มีเรื่องที่เกี่ยวข้องจะไม่สามารถพบหน้ากับอ๋องจินเทาเช่นกัน แต่ดูเหมือนช่วงที่เจ้าเข้าเฝ้าไม่นานอ๋องจินเทาก็มาพบชิวเยี่ย แต่ไม่รู้มาด้วยเรื่องอะไรเช่นกัน”

มาพบหลังจากที่เราเข้าเฝ้า มันต้องเกี่ยวข้องกันแน่ ทั้งเรื่องที่เรามาที่นี่และเรื่องของเจ้าเด็กคนนี้ต้องเกี่ยวกับตำหนักชะตาลิขิตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

“ข้าอยากรู้เรื่องของตำหนักชะตาลิขิต เหตุใดจึงเรียกเช่นนั้นและตำหนักนั้นเกี่ยวข้องอย่างไรกับราชวงศ์หรือขอรับท่านพี่กงหมิน”

“อืม มันเป็นเรื่องที่มีแต่คนรุ่นก่อนเท่านั้นที่รู้แต่เห็นแก่ที่เจ้าถามมาข้าจะบอกเช่นกัน เดิมทีผู้นำตำหนักมีนามว่าอิ๋นซูเป็นบุตรสาวของเจ้าตำหนักคนก่อนมีวิชาการหยั่งรู้เห็นในสิ่งที่ผู้อื่นในแผ่นดินมิมี ต่อมาท่านอิ๋นซูแต่งท่านอิ๋นเยี่ยเข้าจวนใช้แซ่ของท่าน เดิมท่านอิ๋นเยี่ยคือท่านอ๋องเยี่ยพระอนุชาอดีตฮ่องเต้หลงจินเทียนพระโอรสร่วมครรภ์ฮองเฮาอิ๋นเหมยในรัชสมัยฮ่องเต้จินเหอ”

อย่างที่เราเคยอ่านมาเรื่องการแต่งงานของญาติกัน แปลว่าไทเฮาอิ๋นเหมยคือบุตรสาวของเจ้าตำหนักชะตาลิขิต ท่านอ๋องจินเทาเลยกลับไปรับหน้าที่สืบทอดเช่นเดิม

“ท่านอิ๋นเยี่ยและท่านอิ๋นซูมีบุตรสาวฝาแฝดคนพี่คือองค์ไทเฮาส่วนคนน้องไม่ปรากฏ องค์ไทเฮามีวิชาของตำหนักชะตาลิขิตคือการหยั่งรู้และสืบทอดมาที่อ๋องจินเทาจึงเป็นเหตุผลให้พระองค์ต้องกลับไปสืบทอดรับตำแหน่งเจ้าตำหนักเพื่อการคงอยู่ของตำหนักจนปัจจุบัน”

“ท่านพี่กงหมินกล่าวว่าท่านอิ๋นซูมีวิชาหยั่งรู้และมองเห็นในสิ่งที่ผู้อื่นมิเห็นแล้วเหตุใดองค์ไทเฮาจึงมีเพียงการหยั่งรู้เล่าขอรับ”

“เรื่องนี้ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน”

“แล้วเรื่องของน้องสาวขององค์ไทเฮา ไม่มีการพบเจอเลยหรือขอรับ”

“ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่านางคือใครและตอนนี้นางอยู่ที่ใด”

“แล้วเหตุใดท่านจึงรู้เรื่องนี้ดียิ่งขอรับ”

“เพราะตระกูลของข้ารับใช้ราชวงศ์มาชั่วอายุคนจึงมีแปลกที่จะรับรู้เรื่องราวมากกว่าผู้ใด ว่าแต่เหตุใดเจ้าจึงสนใจในเรื่องของวิชาองค์ไทเฮากันเล่า”

“ไม่มีอันใดขอรับข้าเห็นว่าเป็นความรู้ใหม่เพียงเท่านั้น”

“ใฝ่รู้ยิ่งนัก นี่ก็ได้เวลาเข้าวังของข้าแล้ว ไว้วันหน้าข้าจะหาเวลามานั่งคุยเล่นกันเจ้า อืม ข้าเล่าไปหลายเรื่องทีเดียว เจ้ามีของตอบแทนพี่หรือไม่น้องอวี้”

“รับขนมไหมขอรับ”

“ข้าอยากได้ตรงนี้” อีกแล้วคิดจะลวนลามกันอีกแถมยังมีหน้ายื่นหน้ามาใกล้ แล้วไอ้ที่ชี้มันปากไม่ใช่หรือไงกัน

“น้องไม่เข้าใจ”

“ข้ารู้เจ้าเข้าใจ อย่างไรหากเจ้าทำเจ้าเลือกได้ว่าเพียงเท่าใด แต่หากข้าลงมือ อาจจะมิหยุดเพียงจะ-”

“พอใจท่านแล้วหรือไม่ น้องไม่ส่งขอรับ ขอตัว”

ลุงอายหนักมาก ถึงจะอยู่ในร่างเด็กของเจ้าหนูเซียนอวี้แต่ข้างในก็ลุงมากอายุคนหนึ่งนะ จะให้มาทำอะไรราวกับเด็กแรกรุ่นมันก็อดเขินตัวเองไม่ได้ทุกครั้ง แถมไอ้เรื่องใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้พวกเขาอีก บ้าที่สุดนอกจากจะต้องตกใจที่หวั่นไหวกับผู้ชายแล้วยังต้องมาตกใจที่จำนวนคนที่หวั่นไหวมันมากกว่าหนึ่งนี่สิ

กับท่านพี่ซางไป๋ผมมีความสุขที่ได้โต้เถียงแม้จะเป็นเรื่องไร้สาระกันก็ตาม ท่านพี่กงหมินผมแพ้ความอ่อนโยนเอาใจใส่ของเจ้าตัว ท่านพี่เฟยหลงผมแพ้ความเป็นห่วงเป็นใยกับความอบอุ่นยามพึ่งพิงแม้จะชอบแกล้งกันก็ตาม

ท่านเทพมังกรลวี่หลงผมแพ้รอยยิ้มครับ ยิ้มที่อบอุ่นและเข้าใจว่าเวลาไหนผมรู้สึกแบบไหนต้องทำแบบไหนผมถึงพอใจ ส่วนท่านพี่อวิ๋นอี้ หลังจากที่ได้พูดคุยกลายเป็นผมแทนที่ติดการแกล้งให้อีกฝ่ายเขินอาย และคงเป็นคนเดียวที่ผมเข้าหาก่อนเช่นกัน

และคนสุดท้ายท่านกุนซือที่ไม่แสดงออกมาชอบกันเหมือนคนอื่นแต่ก็คอยมาอยู่เป็นเพื่อนแม้ว่างานตัวเองจะยุ่ง จะคอยหาหนังสือที่แปลกใหม่มาเอาใจหรือชวนไปที่อื่นเพื่อผ่อนคลาย แต่เพราะสายตาละครับที่ทำให้ผมมองออกว่าอีกฝ่ายกำลังสนใจผมอยู่

โลกก่อนผมไม่จำเป็นจะต้องมาห่วงเรื่องหัวใจตัวเองแบบนี้ และในโลกนี้หากจะทำตามใจตัวเองผมก็คิดว่าไม่ไหวเหมือนกันเพราะมันเป็นเรื่องที่แปลกมากเกินไปกับการคบผู้ชายหลายคนในครั้งเดียว ยังไงความรักมันก็ขึ้นอยู่กับคนสองคนเสมอ มันเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในความคิดตั้งแต่โลกเดิม และร่างที่ผมใช้อยู่ก็ไม่ใช่ของตัวผม ผมไม่กล้าที่จะทำอะไรตามใจตัวเองมาไปกว่านี้แล้วครับ

คิดมากอะไรกัน นี่ลุงจริงหรือเปล่ามากดึงดราม่ากันทำไมนะ แนวของลุงมันต้องใช้ชีวิตสนุกให้คุ้มมากกว่า ว่าไปแล้วคนที่จะตอบเรื่องที่สงสัยให้กระจ่างคนสุดท้ายเห็นทีจะเป็นท่านพ่อของร่างนี้ซะแล้วสินะ นี่แหละแนวทางของลุง พุ่งชนเป้าหมาย มามัวคิดมากเรื่องอะไรอยู่ได้

“ท่านพ่อขอรับ ลูกได้ยินเด็กในตลาดต่างอวดอ้างว่าตนเป็นใครชื่อแซ่ของบิดามารดาต่างเอามาข่มกัน”

“ไม่ดีๆ เจ้าห้ามทำเช่นนั้นเสียละอวี้เอ๋อร์ รู้หรือไม่”

“ข้าทราบดีขอรับ เพียงแต่เมื่อได้ฟังข้ากลับย้อนมาดูตนเอง เหตุใดข้าถึงไม่สามารถพูดได้อย่างผู้อื่นเรื่องมารดาของข้ากัน ดูเหมือนหลังจากที่ฟื้นมาครานี้ข้าจำเรื่องราวของมารดายากกว่าเดิม ทั้งใบหน้าทั้งเสียง หรือแม้กระทั่งนามของมารดา”

“อวี้เอ๋อร์ เจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก เอาเถิดอยากถามสิ่งใดหรือไม่พ่อจะตอบเจ้าให้หายน้อยใจเสีย”

“ข้ามิได้น้อยใจมากเท่าใดเพียงแค่อยากรู้จักมารดาของตนเช่นรู้จักท่านพ่อเหมือนบุตรพึงทำเท่านั้นขอรับ”

“มารดาเจ้านามเซียนเป็นผู้หญิงที่สวยทั้งรูปและจิตใจ มีความเข้มแข็งต่างจากหญิงอื่น นางเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าข้ามากนัก นางปฏิเสธชายที่บิดามารดาของนางหามาให้แล้วเลือกที่จะออกมาอยู่กับข้า นางออกปากตัดขาดจากตระกูล แต่เพราะมีเพียงนางและพี่สาวฝาแฝดเท่านั้นที่เป็นบุตร จึงไม่สามารถทำได้ตามที่ออกปาก และตอนที่นางคลอดเจ้าออกมาท่านตาและท่านยายาของเจ้าก็มาหาเจ้านะรู้หรือไม่ พวกท่านจ้องมองเจ้า ข้ายังจำคำที่ยายของเจ้ากล่าวได้ดี นางบอกแก่ข้าและมารดาของเจ้าว่า ชะตาของเจ้าชั่งน่าสงสารในตอนต้นแต่จะดีเมื่ออยู่ครบดวงมีผู้ยิ่งใหญ่คอยอุปถัมภ์และได้สิ่งที่ควรจะเป็นกลับคืน  ในตอนนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าครบดวงคือสิ่งใดเช่นกัน แต่เรื่องที่เจ้าดูแปลกไปแลคนที่เข้ามาเกี่ยวพันกับเจ้าทำให้ข้านึกเรื่องนี้ขึ้นมาเช่นกัน”

“ท่านพ่อขอรับ ก่อนที่ท่านแม่จะแต่งเข้าตระกูลฟางของท่านพ่อ ท่านแม่ใช้แซ่เดิมว่าอย่างไรหรือขอรับ”

“อิ๋น แซ่เดิมของมารดาเจ้าคืออิ๋น”

“อิ๋น ตำหนักชะตาลิขิต”

“อวี้เอ๋อร์  เจ้ารู้เรื่องตำหนักชะตาลิขิตด้วยหรือ”

“ท่านพ่อขอรับ เป็นท่านแม่ใช่หรือไม่ น้องสาวฝาแฝดขององค์ไทเฮา”

“อวี้เอ๋อร์เจ้ารู้”

“เป็นเรื่องจริงสินะขอรับ กับท่าทางของท่านในยามพบหน้าฮ่องเต้และทุกอย่างที่เกิดกับข้าเมื่อเข้าไปพบพระองค์ เหตุผลที่ท่านอ๋องจินเทาเข้าพบฮ่องเต้ชิวเยี่ยก็เช่นกัน หึ เป็นเช่นนี้เอง เหตุผลที่ข้าเฝ้าถามมาเสมอเมื่อลืมตาขึ้นมาทุกเมื่อเชื่อวัน การยัดเยียดตำแหน่งอ๋องทั้งที่พบเจอกับเพียงไม่กี่ครา ข้าเข้าใจทุกย่างแล้วท่านพ่อ”

“อวี้เอ๋อร์”

“ข้ามิเป็นไรขอรับ ข้าขอตัวไปทำขนมใหม่ก่อนขอรับ” ผมยิ้มอย่างสดใสให้ท่านพ่อของร่างนี้เหมือนว่าทำใจกับเรื่องที่รับรู้ได้แล้ว

ปัญหาที่คาใจเมื่อเข้ามาอาศัยร่างนี้อยู่ ปัญหาที่เจ้าตัวอยากจะรู้แต่ไม่สามารถจัดการได้จนกระทั่งจากไป ปัญหาเรื่องชาติกำเนิดของตน ผมสามารถทำให้ร่างนี้ตัดบ่วงไปได้อีกเรื่องนอกจากเรื่องของพ่อตน ความสงสัยที่ถูกส่งต่อมาจนทำให้ผมต้องค้นหาคำตอบจนสำเร็จ

ถ้าเทียบเรื่องราวแล้วสรุปก็คงออกมาอย่างง่ายว่าร่างนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฮ่องเต้ชิวเยี่ยจริง มีสายเลือดมังกรไหลเวียนอยู่ในร่างแม้จะไม่มากเท่ากับญาติผู้พี่ทั้งสามก็ตาม และตามบรรดาศักดิ์ร่างนี้ควรได้รับยศจากสายเลือดที่สืบทอดมา

ไม่แปลกใจว่าทำไมร่างนี้ถึงมีความลับเรื่องการมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นได้ ครั้งที่ได้ยินท่านพี่กงหมินบอกก็เอะใจอยู่เหมือนกัน เพราะว่าองค์ไทเฮาหรือป้าของเซียนอวี้ได้รับการหยั่งรู้และสืบทอดให้อ๋องจินเทาไป เหมือนกับที่ท่านแม่ของเซียนอวี้สามารถมองเห็นกระแสปราณและสืบทอดมาถึงเซียนอวี้เช่นกัน

เรื่องของเซียนอวี้จบไปแล้ว แต่คำถามที่คาใจผมมากที่สุดคือเพราะอะไรผมถึงต้องมาอยู่ในร่างนี้ และคงจะไม่สามารถหาคำตอบด้วยตัวเองได้ แต่ผมว่าผมหาคนอธิบายเรื่องนี้ได้ อย่างเจ้าตำหนักชะตาลิขิตคนปัจจุบันยังไงละครับ

“นายน้อยเจ้าค่ะมีชาวบ้านนำปาเจียว (กล้วยน้ำว้า) มาขายแก่ร้านอาหารฟางจำนวนมาก ท่านจะทำอย่างไรกับมันหรือเจ้าคะ”

“มาแล้วหรือ เมื่อหลายวันก่อนข้าได้ยินชาวบ้านที่ปลูกต้นปาเจียวพากันบ่นถึงผลผลิต อ่า ข้ามหมายถึงพากันบ่นถึงผลปาเจียวที่ปีนี้มีมากจนหาที่ขายไม่ได้ และคนก็ปลูกกันแทบทุกบ้านเช่นกัน ข้าคิดขนมเก็บไว้ทานเล่นได้เลยฝากจี้อันกับกวางเฟยที่ผ่านไปรับของให้บอกชาวบ้านให้นำมาขายแก่ข้าที่นี่เอง”

“ขนมทานเล่นหรือเจ้าคะ เช่นเดียวกับมังรังนกหรือไม่เจ้าคะ”

“ใกล้เคียง รอดูตอนที่เสร็จนะซีเอ๋อร์”

“เจ้าค่ะ นายน้อย”

ระหว่างที่พูดผมก็ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าห่ามใส่ลงในน้ำที่ผสมน้ำมะนาวกันดำไว้ก่อนแล้ว พอได้ตามที่ต้องการก็จัดการฝานกล้วยเป็นแผ่นทอดลงในกระทะที่ซีเอ๋อร์จัดการตั้งไฟไว้ก่อนหน้า คนเบาๆพอไม่ให้กล้วยติดกัน พอเหลืองกรอบก็ตักออกมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน

เสร็จแล้วก็เปลี่ยนไปหยิบหม้อมาแทนที่ใส่น้ำตาลทราย เกลือและน้ำเปล่า เคี่ยวจนน้ำตาลเป็นผลึก ก่อนจะนำไปราดกล้วยที่ใส่ถาดไว้ก่อนหน้าคลุกให้เข้ากัน พักจนหายร้อน แบ่งใส่ถุงไว้ขายหน้าร้านเซียนส่วนหนึ่ง อีกส่วนแบ่งไปตามจวนของพวกท่านพี่ตามที่เคยบอกซีเออ๋ร์ไว้และแยกให้เสี่ยวเปาที่นั่งมองดูมานานไปส่งท่านพ่อเช่นเคย

เรื่องของการแบ่งก็ให้เงาของแต่ละนายเอาไปส่งนายตัวเองและฝากไปส่งที่ร้านเซียนให้ท่านตาหลิว,เสี่ยวมู่,ท่านพี่อวิ๋นอี้,ท่านเทพมังกรและเด็กในร้านได้ชิมในส่วนที่แยกจากของขาย

ตอนนี้นักรบเงาที่ตามผมมีของท่านพี่ซางไป๋ ท่านพี่กงหมิน ท่านพี่เฟยหลง ท่านพี่อิงเชียงหรือกุนซือหม่า ส่วนท่านพี่ลวี่หลงไม่ต้องส่งคนมาตามดูเพราะไม่รู้มาแอบทำพันธะสัญญากันตอนไหนก็ไม่รู้จนสามารถรับรู้ทุกการกระทำของผมจากจิตวิญญาณแทน

และคนสุดท้ายท่านพี่อวิ๋นอี้ผู้เข้าใจในเรื่องรักน้อยที่สุดย่อมไม่มีคนติดตามและไม่รู้ว่าจะมาตามผมทำไมเช่นกัน นี่อาจจะเป็นผลจากการทำเมินพวกท่านพี่ในตอนแรกก็ได้ครับตอนนี้ผมเลยโดนบ้าง
 
ลุงสงสัย ไอ้การเชื่อมจิตวิญญาณกันของลุงกับท่านเทพมังกรทำให้รับรู้ว่าลุงอยู่ในช่วงไหนบ้างทำอะไรบ้าง ถ้าลุงช่วยตัวเองอยู่ท่านเทพมังกรจะรู้ด้วยไหม อันนี้แค่คิดนะไม่กล้าถามเหมือนกัน ใครว่าลุงลามกตบปาก

“ขนมชนิดนี้มีชื่อว่าอะไรหรือขอรับนายน้อย”

“ปาเจียวเคลือบน้ำตาล”

“คล้ายถังหูลู่หรือไม่ขอรับ”

“ใกล้เคียงดีกว่านะ เพราะไม่ได้เคลือบน้ำตาลจนชุ่มเช่นถังหูลู่”

“ขอรับ แล้วกล้วยที่นายน้อยเหลือไว้คืออะไรหรือขอรับ”

“จะทำขนมขึ้นโต๊ะในร้านฟางเพิ่ม”

“ขนมหรือขอรับ”

“ใช่ จักเข้าชุดขนมหวานอีกอย่าง”

เริ่มโดยเอากล้วยมาปอกเปลือกก่อนจะหั่นขวางเป็นสองท่อนต้มในน้ำเดือดพร้อมกับใบเตยที่ให้ซีเอ๋อร์ไปขโมยในครัวใหญ่มาก่อนหน้านี้ จากนั้นประมาณสิบหานาทีโดยประมาณก็ใส่น้ำตาลทรายสีทองลงไปในหมอต้มกล้วย กับน้ำตาลปี๊บ เร่งไฟจนเดือด ช้อนฟองออก เปลี่ยนเป็นไฟกลางทิ้งไว้สองชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วยาม

ระหว่างที่รอมะพร้าวก็มาส่งพอดี ผมจัดการปอกและผ่าเอาเนื้อมาขูดกับกระต่ายที่สั่งทำไว้ก่อนหน้าเพื่อเตรียมคั่นกะทิใช้แรงงานเสี่ยวเปาหลังจากที่สอนไปให้ช่วยคั้นในครั้งต่อไปเพราะกว่าจะเสร็จและสอนทั้งคู่ก็ดูเหมือนว่าจะได้ที่พอดี

เมื่อกล้วยเริ่มเปลี่ยนสีก็บีบมะนาวลงไปเพื่อกันไม่ให้น้ำตาลตกผลึก เคี่ยวต่อจนกล้วยเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วยกออกจากเตาพักไว้

ต่อมาผมจัดการตั้งเตาวางหมอใส่กะทิที่คั้นเสร็จแล้วลงไปเติมเกลือและแป้งข้าวเจ้าจากแคว้นหยุนลงไปคนจนกะทิข้นก็ยกลง จัดการตั้งกล้วยที่เริ่มเย็นใส่ชามราดด้วยน้ำกะทิ เป็นอันเสร็จกล้วยเชื่อมแดง

“จัดการต่อได้ อย่างลืมชิมกันด้วยละทั้งสองคน”

“ขอรับ / เจ้าค่ะ”

“ว่าแต่มันเรียกว่าอะไรหรือเจ้าค่ะ”

“กล้วยเชื่อมแดง คำว่ากล้วยเป็นอีกชื่อหนึ่งของเจียวทุกสายพันธุ์  ถือเป็นคำใหม่ให้พวกเจ้าเรียนรู้กันนะ”

“เจ้าค่ะ / ขอรับ”

ผมหันไปหยิบกล้วยที่เตรียมไว้เมื่อหลายชั่วโมงก่อนที่จะเริ่มทำกล้วยฉาบมาดูเห็นว่าน่าจะพอใช้ได้แล้วเริ่มทำเมนูต่อมา ขั้นตอนตามจริงก็แค่ปอกกล้วยแช่ในน้ำเกลือประมาณห้านาที จากนั่นฝานในแนวขวางเท่าๆกันจากนั้นก็ผึ่งสักพักพอแห้งใส่ถุงกระดาษเพราะโลกนี้ไม่มีถุงพลาสติกให้ใช้ทิ้งไว้ประมาณห้าชั่วโมง แต่ตอนนี้ผ่านไปสามชั่วโมงกว่าๆแต่ผมไม่รอแล้วครับเลยขอลัดเวลาก่อนละกัน

มาเริ่มกันเลยดีกว่า ผมเอากล้วยที่ใส่ถุงไว้มาแยกชิ้นไม่ให้ติดกัน ก่อนจะพักไว้หันมาใส่น้ำตาลปี๊บที่เตรียมไว้ในหมอเพราะง่ายต่อการคนให้เข้ากัน ต่อมาใส่เนยจากแคว้นหยุน นมสดที่ขโมยครัวใหญ่มาและเกลือเล็กน้อย พยายามคนส่วนผสมให้ได้มากที่สุดเพราะในโลกนี้ไม่มีเครื่องตีแป้งนี่ครับ

จากนั้นก็ตั้งกระทะให้น้ำมันร้อน ระหว่างรอให้ร้อนก็เอากล้วยกับเครื่องที่ผสมไว้มาผสมกันจนได้ที่ น้ำมันร้อนกำลังดี ใส่กล้วยที่คลุกไว้ลงทอดในกระทะ พยายามคนให้แยกกันไว้ ทอดพอเหลืองไม่ให้สีเข้มเพราะจะมีรสขมได้ก่อนจะพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน พอแห้งดีก็แบ่งใส่ถุงไว้ขายและฝากตามปกติ

“มันมีชื่อเรียกว่ากล้วยอบเนย”

“กล้วยอบเนย แต่ข้าเห็นท่านทอดนะขอรับ มิได้อบแบบหมูอบสมุนไพรครั้งก่อน”

“เอาเถอะมันเป็นเพียงชื่อเรียกมิใช่วิธีการทำ” อันนี้ลุงก็งงนะ มันทอดทำไมเรียกอบเหมือนกัน

“ขอรับนายน้อย”

“หมูส้มที่นายน้อยทำคราก่อนลูกค้าที่มาทานต่างติดใจขอซื้อกลับบ้านมากมายเลยเจ้าค่ะ”

“จริงหรือ ผู้คนนิยมเช่นนั้นก็ดี ร้านอาหารเราจะได้มีชื่อเสียงขึ้นมาบ้าง”

“ข้าน้อยได้ยินมาว่าชื่อเสียงของร้านเราดังไกลไปจนถึงแคว้นเฟยแล้วนะเจ้าค่ะนายน้อย”

“เช่นนั้นก็ดี กิจการจะได้มั่นคงมากขึ้น”

“เป็นเพราะนายน้อยนะเจ้าคะ”

“ข้าเป็นเพียงคนที่คิดขึ้นมา มิได้ลงมือจะกล้าเอาดีเข้าตัวได้เยี่ยงไรกัน ท่านพ่อครัวจางหรอกนะที่เป็นผู้ทำขาย”

“โถ นายน้อย ถ่อมตนเกิดไปแล้วเจ้าค่ะ ชื่อเสียงของนานน้อยก็ดังไม่แพ้ชื่อร้านนะเจ้าคะ”

“ชื่อเสียงข้าหรือ”

“เจ้าค่ะ ก็องค์ฮ่องเต้ทรงติดประกาศเรื่องที่ท่านสร้างฝายกับขุดบ่อเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำหลากจนบรรเทาความเดือดร้อนได้ ไหนจะเรื่องการเปิดการค้าเสรีที่นายน้อยเสนอให้คนต่างแดนเข้ามาค้าขายได้อีกอย่างไรเจ้าค่ะ ชาวต่างแคว้นต่างนับถือท่านน่าดูเลย”

“เหตุใดข้าจึงมิรู้เรื่องเหล่านี้กัน”

“ข้าออกไปกับพวกที่ซื้อของเลยพบเห็นประกาศดูเหมือนจะติดได้ไม่กี่วันเจ้าค่ะ”

“ถึงว่า เหตุใดผู้คนจึงมองข้าเช่นนั้นยามข้าขี่ม้ากลับมาจากร้านเซียน ข้านึกสงสัยอยู่นาน”

“หลายคนบอกว่าท่านเป็นอัจฉริยะลงมาเกิดในรอบพันปีก็มีนะเจ้าคะ ไหนจะเรื่องการดูแลร้านอาหารฟางจนรุ่งเรือง ไหนจะร่วมค้าร้านอิงเซียนกับท่านอิงฮวา และร้านเซียนของท่านด้วย ตอนนี้ชื่อเสียงของท่านดังยิ่งนักเจ้าค่ะ”

“แล้วเหตุใดเจ้าดีใจยิ่งกว่าข้าเสียเล่าซีเอ๋อร์”

“ก็ข้าน้อยภูมิใจที่ได้อยู่ข้างกายท่านในฐานะบ่าวคนสนิทนี่เจ้าคะ”

“เอาเถอะๆ ข้าต้องไปดูร้านอิงเซียนก่อนแล้วตรวจบัญชีร้านเซียนด้วย ไว้ข้าจะกลับมาดูบัญชีวันนี้หลังมื้อเย็นนะ ฝากเจ้าด้วยซีเอ๋อร์”

“ยินดียิ่งเจ้าค่ะ”

มีเรื่องอะไรแปลกๆแบบนี้ด้วยหรอครับ สายตาเทิดทูนที่มองมาของชาวบ้านมากระจ่างก็ตอนที่ได้ยินจากปากซีเอ๋อร์นี่แหละครับ ไม่คิดว่าฮ่องเต้จะออกประกาศแบบนั้น แบบนี้จะมีใครมองว่าเก่งเกินเด็กไหมครับ จะมีเรื่องอันตรายเข้ามารึเปล่าก็ไม่รู้ กลัวคนที่อยู่รอบตัวจะเป็นอันตรายมากกว่าตัวผมเองเสียแล้วสิ

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : ถ้าโลกนี้มีการจัดอันดับเชฟอย่างโลกก่อนลุงคงได้ติดดาว
ซางไป๋ : เหตุใดตอนนี้จึงมีเพียงแค่ท่านหวังกงหมินออกผู้เดียวกัน
กงหมิน : พวกเจ้าก็ออกทุกคนนะ
อิงเชียง : อย่างไร
เซียนอวี้ : ข้าคิดถึงชื่อพวกท่านทุกคนตั้งหลายครั้งเชียวนะขอรับ
ซางไป๋ : ………………
เฟยหลง : ……………..
อิงเชียง : .......................
ลวี่หลง : ………………
อวิ๋นอี้ : เพียงแค่ชื่อก็ดีแล้ว (ตบบ่าที่เหลือให้กำลังใจ)

ลงเนื้อหา 27/9/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 17 27/9/2561
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 28-09-2018 18:40:45
 :laugh: :really2: :ling1:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 18 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 04-10-2018 22:45:05
#18

หลังจากวันนั้นที่เรื่องทุกอย่างกระจ่างในตัวตนของฟางเซียนอวี้ที่ผมมาอาศัยร่างแล้ว ชีวิตในแต่ละวันก็หมุนเวียนต่อไป และตอนนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ศาลากลางน้ำหลังจวนร้านเซียนของผมได้ทำการต้อนรับแขกแปลกหน้าที่มีออร่าสูงศักดิ์ตรงหน้า

“เป็นชะตาที่เราได้พานพบกันอีกครั้งน้องข้า”

“ข้าต้องขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับท่านอ๋องจินเทาอย่างสมเกียรติ”

“อย่าได้กล่าววาจาเช่นนั้น ยามนี้ตัวพี่เป็นเพียงอ๋องในนามเท่านั้นหาได้เป็นจริงไม่”

“เหตุใดท่านจึงมาพบข้าในวันนี้กันขอรับ”

“เจ้าเอ่ยนามท่านพี่ชิวเยี่ยเช่นใดโปรดเอ่ยนามตัวพี่ชายคนนี้เช่นนั้นเถิด อย่างไรเราก็เป็นญาติกัน จริงหรือไม่”

“ข้าพอทราบถึงความสามารถในการทำนายของท่านด้านการหยั่งรู้ และการสืบทอดตำหนักชะตาลิขิตของท่าน เรื่องที่เราสองเป็นญาติคือความจริงที่ตัวข้าได้รับรู้ไม่นาน แต่เกี่ยวกับที่ท่านพี่จินเทามาเยี่ยมเยียนครั้งนี้หรือไม่ขอรับ” คนที่มีความสามารถมองเห็นอนาคตแบบนี้น่าจะบอกได้ว่าเพราะอะไรผมถึงมาอยู่ที่นี่และเพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้

“ชะตาเป็นผู้ลิขิตเส้นทางการดำเนินชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งปวงให้พบเจอกับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถหลีกหนีมันเช่นกัน ไม่ว่าจะมนุษย์เดินดินหรือเทพเซียนเบื้องบนก็ตาม”

“เรื่องนั้นข้าพอจะเข้าใจที่ท่านกล่าวมาขอรับ ชะตาไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากที่ใดก็ย่อมหนีไม่พ้นเช่นกัน”

“แลเรื่องของเจ้าก็เช่นกัน สิ่งที่จากลาย่อมนับเป็นความทรงจำที่สวยงาม ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดข้าอยากให้ตัวเจ้าจดจำมันไว้เพื่อเอาตัวรอดในภายหน้า”

“ท่านรู้สิ่งใด” ทำไมพูดเหมือนรู้เรื่องของผมกัน หรือเพราะวิชานั้น

“ตัวพี่ไม่รู้สิ่งใด สิ่งที่นำทางพี่มาที่นี่เพื่อบอกว่ากงล้อของโชคชะตาของเจ้าเริ่มหมุนตั้งแต่ที่เจ้าลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้ว ชะตาของเจ้าชั่งน่าสงสารในตอนต้นแต่จะดีเมื่ออยู่ครบดวงมีผู้ยิ่งใหญ่คอยอุปถัมภ์และได้สิ่งที่ควรจะเป็นกลับคืน  คำที่ท่านยายเคยกล่าวแก่เจ้ายามเด็ก เจ้าคิดเห็นสิ่งใดกับมันกัน”

“ในยามนี้ข้าเข้าในเพียงแค่คำว่ามีผู้ยิ่งใหญ่อุปถัมภ์และสิ่งที่ได้จะหวนคืน” คนที่อยู่เคียงข้างไม่ว่าจะหน้าที่การงานหรือชื่อเสียงย่อมไม่ธรรมดาและสิ่งที่หวนคืนก็คือการค้นพบว่าตัวของฟางเซียนอวี้มีเชื่อสายมังกรเช่นกัน

“สองสิ่งหลังของเจ้าจะไม่เกิดขึ้นหากไม่ครบดวงน้องข้า”

“ดวง ท่านหมายถึง”

“เจ้าน่าจะตอบคำถามนี้ได้ดีกว่าตัวข้า จริงหรือไม่” รอยยิ้มอบอุ่นที่สะกิดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่พบหน้ายังไม่คล้าย

อะไรที่มีคำเรียกขานว่าดวง จะได้มาเมื่อครบดวง ตอนนี้ได้มา ครบดวง เรียกขานว่าดวงหรอครับ ดวง วิญญาณ หรือว่า เพราะวิญญาณของผม วิญญาณครบดวง นี่มันเรื่องอะไรกัน

“ท่านพี่จินเทา”

“อย่าได้กลัวโชคชะตา จงตั้งสติแล้วรับมันเพื่อก้าวต่อไปอย่างมั่นคง พี่บอกเจ้าได้เพียงเท่านี้ สิ่งที่เป็นคำถามในใจเจ้ายามนี้คงจะลดทอนลงไปได้ไม่มากก็น้อยจริงหรือไม่ สิ่งที่พี่เห็นก่อนมาพบเจ้าคือบุคคลที่แตกต่างจากพวกเราในที่นี้ แต่เมื่อพบเจ้าตรงหน้าในตอนนี้พี่ก็ได้รับคำตอบนั้น เช่นเดิมพี่ดีใจที่ได้พบเจ้าน้องข้า”

“ถึงจะยังไม่เข้าใจมากนักแต่ดูถูกคนจากตำหนักชะตาลิขิตไม่ได้เสียแล้วกระมังขอรับ ข้ารอคอยการมาของท่านเช่นกันขอรับและก็เป็นดั่งที่ข้าคิดว่าท่านจะตอบสิ่งที่ค้างคาใจแก่ข้าได้ ขอบคุณท่านจริงๆขอรับท่านพี่จินเทา” ถึงจะยังไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นใครแต่การที่มีคนบอกว่ารับรู้ถึงตัวตนของผมจากด้านในก็ดีใจแล้วครับ

“หากเจ้าอยากพบเจอไปที่ตำหนักชะตาลิขิตได้เสมอ เข้าใจหรือไม่ พี่จะรอเจ้าที่นั่น”

“ขอรับข้าจะหมั่นไปเยี่ยมเยียนท่าน ท่านมีที่ใดหรือสิ่งใดต้องรีบไปหรือไม่น้องชายคนนี้อยากจะของเชิญท่านร่วมทานอาหารว่างสักครู่ได้หรือไม่”

“ย่อมได้ ข้าได้ยินเรื่องการทำอาหารของเจ้ามานานแต่อย่าลืมนำความสามารถที่เจ้ามีไปช่วยเหลือด้านอื่นบ้าง เข้าใจที่ข้ากล่าวหรือไม่”

“ขอรับ สิ่งที่ข้ามี ข้าจะนำมาใช้ให้เกิดผลที่ดีให้มากที่สุดขอรับ”

“จะว่าไปนอกจากความเก่งกาจของเจ้าแล้ว ท่านพี่ชิวเยี่ยกล่าวแก่ข้าว่า เสน่ห์ของเจ้าก็มากเช่นกัน จริงหรือไม่น้องเล็ก คงกล่าวได้เพราะเจ้าเด็กสุดในพวกเรา”

“ข้ายอมรับเรื่องการเรียกขานแต่ไม่ยอมรับในเรื่องที่ท่านพี่กล่าวหาข้าขอรับ ท่านพี่ชิวเยี่ยกล่าวเกินความจริงไปมากนักขอรับ”

“จริงหรือ แต่ที่พี่เห็นด้ายแดงของเจ้ามีมากนัก และปลายของด้ายก็อยู่ข้างตัวเจ้าในยามนี้ทั้งหมดเช่นกัน”

“ท่านพี่จินเทามองเห็นด้ายแดงได้ด้วยหรือขอรับ”

“เป็นภาพจากนิมิตที่เบื้องบนต้องการให้เห็นเท่านั้นไม่สามารถกำหนดเองตามใจชอบได้ จะว่าไปความสามารถของเจ้าที่สืบทอดมาจากท่านท่านน้า คือสิ่งใดกัน”

“การมองเห็นขอรับ จำพวกกระแสปราณขอรับ”

“อืม เช่นที่ท่านน้ากล่าวยามเจ้าเล็กๆ แล้วยามนี้เจ้ามีความสามารถอีกอย่างจริงหรือไม่”

“ขอรับ เรื่องนี้ข้ามิได้บอกกล่าวแก่ผู้ใดมาก่อน ข้าสามารถสัมผัสถึงตัวตนของสิ่งมีชีวิตรอบกายได้ว่าเป็นผู้ใดขอรับ”

“เป็นความสามารถที่ดี มาจากการรวมดวงวิญญาณสินะ”

“เช่นนั้นขอรับ” ผมไม่แปลกใจกับคำพูดของคนตรงหน้าแล้วละครับ

“ขนมนี่รสดียิ่งนัก หวานพอดีนุ่มลิ้น”

“มีชื่อเรียกว่าทองหยอดขอรับ เป็นขนมที่ทำจากไข่แดงของไข่เป็ดขอรับ”

“เยี่ยมๆ ถ้าเช่นนั้นข้าจะส่งคนมาจัดกาติดต่อซื้อขายกับเจ้าไปที่ตำหนักเสียดีกว่า ข้าชักจะติดใจมันเสียแล้ว

“ข้ายินดีที่ท่านชอบ ทานเยอะๆขอรับ ข้ามีให้ท่านอีกมากมาย”

กว่าท่านพี่จินเทาจะกลับก็ล่วงเลยถึงเวลาปิดร้าน ตรวจสอบบัญชีร้านอาหารจนเสร็จก็อาบน้ำทานข้าวเย็นกับท่านพ่อ จัดการเอกสารต่างๆจนเสร็จล้มตัวนอนเหมือนทุกๆวัน แต่ดูเหมือนวันนี้จะมีอะไรที่ต่างไป

หมอกควันที่ปกคลุมรอบตัวจนแทบมองไม่เห็นมือตัวเองทำจิตใจให้สับสนวุ่นวายเพราะความหวาดกลัวจากเบื้องลึกในจิตใจตัวเอง ไม่นานหมอกควันก็เริ่มจางลงเผยทิวทัศน์ที่งดงามแปลกตาจนอดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้ตัวผมกำลังอยู่ที่เขตแดนความตายใช่ไหม

“ตัวเรายังไม่ตายอย่าได้หวาดกลัว” เสียงที่คล้ายกับตัวผมจนน่ากลัวดังขึ้นด้านหลัง เมื่อหันไปมองยิ่งตกใจกว่าเดิมเพราะคนตรงหน้าคือคนที่ผมส่องกระจกแล้วเห็นตลอดเวลาที่ฟื้นขึ้นมาในโลกนี้ ฟางเซียนอวี้

“ฟางเซียนอวี้”

“ใช่แล้ว ตัวเราในตอนนี้คือดวงวิญญาณของฟางเซียนอวี้ในโลกนี้ ส่วนตัวเราที่อยู่ตรงหน้าคือลูกหนูในอีกโลกจริงหรือไม่”

“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด” ครับ อะไรคือตัวเราที่หมอนั่นแทนตัวไหนจะรู้เรื่องชื่อของผมและอีกโลกคืออะไร

“อย่าได้หวาดกลัวไป เราคือท่าน ท่านคือเรา เราคือดวงวิญญาณเดียวกัน”

“อะไรนะ!!”

“เมื่อครั้งอดีตกาลตัวเราทั้งสองคือดวงวิญญาณเดียวกัน เป็นหนึ่งในบรรดาเซียนผู้ทำหน้าที่เฝ้าบ่อน้ำแห่งความหวังของท่านเทพบรรพกาล ในครานั้นมีมารชั่วช้ามาขโมยน้ำในบ่อที่ตัวเรากำลังทำหน้าที่เลยเกิดการต่อสู้ เพราะความแข็งแกร่งเราจึงเพลี่ยงพล้ำจนบาดเจ็บสาหัส ท่านเทพบรรพกาลหาหนทางช่วยเหลือจนผ่านไปนานตัวเราในยามนั้นก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

ก่อนที่ดวงจิตจะไปเกิดใหม่ตามวัฏจักรสงสารเกิดความแปลกประหลาดขึ้นเมื่อดวงวิญญาณของเราเกิดการแบ่งแยก ดวงจิตเมื่อแยกออกเป็นสองจะอ่อนแอลง ดวงวิญญาณตัวเราลงมาเกิดที่นี่แต่มีร่างกายที่อ่อนแอลงเพราะพลังที่ได้รับมาตอนเกิด ส่วนดวงจิตอีกดวงหรือท่านก็ไปเกิดยังที่ที่ท่านต้องการไป”

มันจะแฟนตาซีเกินไปแล้วครับ จากมนุษย์เดินดินธรรมดาตายแล้วข้ามมาเข้าร่างคนอื่นที่ต่างโลกไม่พอยังจะมารับรู้ความจริงที่ชวนช๊อคกว่าเดิมว่าดวงวิญญาณของตัวเองในตอนนี้ไม่ได้เข้ามาสิงร่างคนอื่นแต่เป็นร่างของตัวเองที่ควรจะเป็นตั้งแต่แรกหากวิญญาณผมไม่อินดี้หนีไปเกิดต่างโลกเอง

“อ่า ผมเข้าใจแล้วครับ”

“ท่านดูทำใจง่ายยิ่งนัก”

“ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรที่น่าตกใจมากไปกว่านี้แล้วละครับ”

“นี่เป็นครั้งแรกที่เราสองคนได้เจอกันและเป็นครั้งสุดท้ายเพราะดวงจิตที่อ่อนแอแบบเราเมื่อท่านกลับมารวมกันจะต้องจากไป”

“จากไป ไปที่ไหนกันครับ ในเมื่อเราเป็นดวงจิตเดียวกันทำไมต้องหายไปละครับ”

“ในยามที่ดวงจิตเราแยกเป็นสองเราทั้งสองย่อมอ่อนแอลง ท่านไปอยู่ในโลกที่ไม่มีพลังรบกวนส่วนตัวเราในโลกนี้เกิดมาพร้อมพลังที่แลกเปลี่ยนความแข็งแรงของร่างกายอีกจึงทำให้ดวงจิตยิ่งอ่อนกำลังลงกว่าเดิมจนเมื่อถึงคราวใกล้จะดับสูญดวงจิตจึงดึงดวงจิตอีกดวงที่แยกไปกลับคืนเพื่อกันการดับสูญไป”

“นั่นเป็นเหตุผลที่ผมมาที่นี่ใช่ไหมครับ”

“ใช่ ที่ท่านมาเพราะเรา เราขออภัยที่ทำให้ท่านต้องจากโลกนั้นมาแต่เราก็ขอบคุณที่ท่านกลับมา เรามีเพียงสิ่งเดียวที่อยากจะขอต่อท่าน”

“ขอผม อะไรหรอครับ”

“ต่อจากนี้ไปเราอยากให้ท่านทำความเข้าใจว่าร่างกายที่ท่านอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่ของผู้อื่นเป็นร่างกายของตัวท่านและเราคือคนเดียวกัน อย่าได้แบ่งแยกสิ่งใดอีกเลย เข้าใจที่เรากล่าวหรือไม่”

“อย่าแบ่งแยกสิ่งใด หมายถึง”

“หัวใจ สิ่งที่ท่านกำลังแคลงใจในตอนนี้อย่างไรเล่าตัวเรา”

“หัวใจหรอครับ”

“เพราะเราคือคนเดียวกัน เปิดโอกาสให้ตนเองเถิดตัวเรา สิ่งที่ท่านอยากรู้จักอยากสัมผัสกับมันหากท่านไม่ลองเสี่ยงท่านย่อมไม่มีทางเข้าใจมัน”

“หลังจากนี้คุณจะไปที่ไหน”

“เรามิได้ไปที่ใด เรายังอยู่กับท่านเพียงแต่เราจะไม่สามารถเป็นเจ้าของร่างเช่นเดิมอีกต่อไป ความรู้สึก ความทรงจำ ทุกอย่างที่เป็นเรา ท่านจะได้รับมัน และทุกอย่างที่เป็นท่านเราจะได้รับมันเช่นกัน เมื่อทำการหลอมรวมดวงจิตเสร็จสิ้นจะมีเพียงดวงจิตที่เข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่ต่อไป”

“เฮ้อ ถึงจะคิดว่าไม่มีอะไรให้น่าตกใจแล้วก็เถอะครับ แต่ผมขอเวลาทำใจก่อนนะครับ”

“ชีวิตต่อจากนี้เป็นของท่านแล้วขอรับ ทำตามที่ใจท่านปรารถนาเถิด ลาก่อน”

รอยยิ้มที่ส่งมาเป็นสิ่งที่ผมเห็นเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่จะสะดุ้งจนตื่นขึ้นมา ในมือของผมมีแหวนหยกอยู่หนึ่งวงที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน มันมาได้ยังไงกัน แต่ว่าแหวนวงนี้เหมือนที่เห็นคนในฝันสวมอยู่เลยครับ หรือว่าไม่ใช่ฝันอย่างนั้นหรอ

เมื่อผมสวมมันที่นิ้วกลางซ้ายเสร็จก็มีลมวูบหนึ่งพัดผ่านร่างไปความอึกอัดทรมานในใจเหมือนถูกปัดเป่าจนหาย ภาพต่างๆที่เข้ามาหายไปสรรพเสียงต่างๆกลับมาอยู่ในโสตประสาทอีกครั้ง  ผมลองขยับท่าทางเหมือนที่เห็นในช่วงที่ลมพัดผ่าน ภาพของเซียนอวี้อีกคนฝึกในช่วงก่อนที่ร่างกายจะทรุดตัวลง ผลปรากฏว่ามีมวลอากาศอัดแน่นเป็นลูกบอลที่ฝ่ามือ ผมที่สามารถมองเห็นได้จึงมองเห็นว่ามันคืออะไร

ผมทดลองทำไปหลายๆอย่างจนสามารถสรุปได้ว่าพลังที่ไม่เคยลองผมสามารถใช้ได้ แต่ก็ไม่แกร่งอย่างที่จอมยุทธ์คนอื่นมี เฮ้อ เรื่องราวมันชักจะแฟนตาซีไปใหญ่แล้วครับ แต่แบบนี้เท่ากับว่าผมปลดเรื่องที่คาใจได้จนหมดแล้วสินะครับ

ไม่ว่าจะเรื่องชาติกำเนิดของร่างนี้ อ่า ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าชาติกำเนิดของตัวผม แล้วก็เรื่องเหตุผลที่ผมถูกพามาที่นี่ ผมไม่ใช่คนต่างโลกแต่โลกเก่าของผมต่างหากที่ผมแตกต่างมากกว่า พูดคุยกับตัวเองทำความเข้าใจก็ไปจัดการตัวเอง จะว่าไปแล้ว เรื่องที่คุยกันมีเรื่องของหัวใจด้วยนี่ครับ เฮ้อ มันไม่ใช่แนวลุงเลยที่จะมามัวคิดเรื่องอะไรแบบนี้ ชีวิตต้องดำเนินต่อไปไม่ควรเอาเวลามาคิดอะไรมากมาย  ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ พี่ตูน เคยบอกไว้ครับ ลุงจำได้

วันนี้ผมทำงานที่ร้านอาหารช่วงเช้าครับและมาที่ร้านเซียนช่วงบ่ายหลังทานมื้อกลางวันกับท่านตาหลิวและเสี่ยวมู่เสร็จก็เข้ามาอ่านหนังสือที่ศาลากลางน้ำ ลมเย็นๆเหมาะแก่การงีบมากเลยครับ หนังท้องตึงหนังตาหย่อน นี่มันคือเรื่องจริงแน่แท้ครับ

“อึก”

“หืม” ผมลืมตามองคนที่ทำเสียงแปลกๆจากหน้าทางเข้าศาลา ก็เห็นท่านพี่อวิ๋นอี้ที่น่าแกล้งยืนเหม่อมาทางนี้อยู่ เห ช่วงนี้มีเรื่องเครียดๆเยอะลุงว่าลุงมีที่ลงแล้วละ

“เอ่อ คือ ข้าไม่คิดว่าจะมารบกวนเจ้า”

“อย่าได้กล่าววาจาห่างเหินเช่นนั้นท่านพี่อวิ๋นอี้ ในเมื่อท่านมาแล้วก็มาเถิดมาสนทนากันกันข้าดีกว่า”

“แล้ววันนี้เจ้าไม่มีสิ่งใดต้องทำหรือ”

“จัดการเสร็จแล้วขอรับ เลยมาอ่านตำราผ่อนคลาย แล้วท่านพี่อวิ๋นอี้เล่า มีสิ่งใดที่ต้องทำหรือไม่ขอรับ”

“ไม่มีวันนี้ข้าหยุดพัก” หุหุ เหยื่อติดเบ็ดแล้ว

“ท่านพี่อวิ๋นอี้ขอรับ ตรงนี้อ่านว่าอย่างไรหรือขอรับ ข้าไม่เข้าใจ” ผมเอียงตัวเพื่อให้อีกฝ่ายมองที่จุดที่ผมชี้ และการที่มัวแต่สนใจหนังสือจะลดการระวังตัวมากขึ้น

“อืม ตรงนี้หรือ ไม่เห็นจะยะ-”

“ท่านพี่อวิ๋นอี้ไม่สบายหรือขอรับ หน้าแดงมากเลย”

“อะ เอ่อ คือ ห่างหน่อยดีหรือไม่”

“หืม ท่านกล่าวสิ่งใด เหตุใดข้าไม่ได้ยินกัน” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิม ยิ่งใกล้อีกฝ่ายก็ดันตัวหนีไปจนกลายเป็นผมขึ้นมาคร่อมร่างอีกคนไปแล้ว

“นะ น้องอวี้ พี่ชายว่าเจ้าลุกไปก่อนดีหรือไม่”

“หาว จะว่าไปหากได้งีบสักคราคงจะดีไม่น้อย ท่านว่าหรือไม่ขอรับท่านพี่อวิ๋นอี้”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้ากะ-”

“ขอบคุณที่ท่านอนุญาตให้ข้านอนเช่นนี้ได้ ข้าขอไม่เกรงใจท่านนะขอรับ” พูดเสร็จก็เอียงหน้าซบกับอกของอีกฝ่าย หัวใจของร่างที่อยู่ด้านล่างเต้นแรงจนน่ากลัวจะกระเด็นออกมา ทีแรกก็ว่าจะแกล้งแต่เพราะมันสบายบวกกับความง่วงก่อนหน้าทำเอาเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ที่รู้น่าจะเป็นอ้อมกอดจากคนด้านล่างที่ประคองตัวผมไว้กันตกละครับที่สัมผัสได้

TBC.

เรื่องราวหลังครัวปิด
เซียนอวี้ : อืมหลับสบายจริงๆ
อวิ๋นอี้ : เจ้าเป็นมารน้อยจริงๆสินะน้องอวี้ เจ้าใช้วิชาใดกันถึงมากวนหัวใจข้าจนสั่นไหวเช่นนี้กัน

ลงเนื้อหา 4/10/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 19 30/5/62
เริ่มหัวข้อโดย: minibearsecret ที่ 04-10-2018 22:48:01
#19

จากที่ลองทบทวนสิ่งที่อยู่ในความคิดในช่วงหลายวันหลังจากรู้ความจริง ผมก็เข้าใจในวิธีการใช้มันมากขึ้นครับ จะว่าไปผมลองวิชามาหลายอย่างแต่เว้นเรื่องการหลบหนีที่ดูเหมือนตัวผมจะเข้าขั้นเก่งเลยละครับ นี่ลุงเป็นพวกย่องเบามาก่อนหรือเปล่าครับ

วันนี้ฤกษ์งามยามดีมากครับ เหมาะแก่การย่องเบาไปสอดส่องชีวิตประจำวันของท่านพี่ทั้งหลาย จะว่าไปอาจจะมีคนซุกกิ๊กไว้ก็ได้นะครับ งานนี้น่าจะสนุก เรื่องสนุกแบบนี้ลุงย่อมไม่พลาด

พอจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ได้เวลานอนครับ หลังจากทุกอย่างตกอยู่ภายใต้ความเงียบ นักรบเงาที่ปกติหลังจากที่ผมเข้านอนก็จะกระจายตัวออกไปเฝ้าด้านนอก แต่ก็มีการนอนเหมือนกันครับ เพราะช่วงกลางคืนมันเงียบมากจนทำอะไรนิดหน่อยก็รู้ตัวกันแล้ว

ผมใช่วิชาย่องเบาที่ลองทำหลายครั้งจนชินกับมันแอบย่องออกทางหน้าต่างที่ชอบเปิดไว้เสมอ ไม่นานก็หลุดพ้นออกมาได้ครับ ที่แรกที่ควรไปคือหอนางโลมที่ท่านพี่อิงฮวากับท่านพี่เฟยหลงอาศัยอยู่ ถ้าไปโดยไม่บอกอาจจะเจอท่านพี่เฟยหลงกกสาวก็ได้ครับ

พอมาถึงก็แอบอยู่ที่ด้านบนต้นไม้ที่ใกล้กับห้องหนึ่งที่เปิดหน้าต่างทิ้งไว้ตามความเคยชิน จนรู้ว่าเป็นตำแหน่งของห้องท่านพี่เฟยหลงอยู่ ขาผมที่แตะบริเวณกิ่งไม้ที่ยื่นออกไปใกล้กับห้องมาที่สุดหยุดชะงักกับเรื่องที่ได้ยิน เสียงพูดคุยทั้งสองแน่นอนว่าต้องเป็นเจ้าของห้องกับเจ้าของหอนี่

“ศิษย์พี่ใหญ่ ช่วงนี้ท่านไม่ได้แวะเวียนไปเยี่ยนน้องอวี้หลายวัน ไม่กลัวผู้อื่นจะแย่งความดีความชอบไปหมดหรือเจ้าคะ”

“หึหึ อิงฮวา เหตุใดจึงกล่าวดั่งเช่นไม่รู้จักตัวข้าเช่นนั้นกัน ตัวข้าชมชอบเซียนอวี้ด้วยใจจริงเหตุใดต้องกลัวว่าจะมีผู้ใดมาคิดแย่งชิงได้ ใจรักที่มั่นคงไม่อาจแปรผันของข้า ย่อมไม่ยอมให้ผู้ใดมาพรากเราสองได้หรอกนะอิงฮวา”

“เช่นที่ท่านวางแผนการทุกอย่างนี้เพียงเพราะพบหน้าน้องอวี้ครานั้นเช่นนั้นหรือเจ้าคะ”

“ใจข้ามอบให้น้องอวี้ตั้งแต่แรกเห็น ไม่แปลกหากจะต้องวางแผนเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเช่นนี้”

“หากน้องอวี้รู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งตัวข้าและท่านเป็นเพียงแผนการเพื่อใกล้ชิดเขาจะเกิดสิ่งใดขึ้นกันนะ”

“อย่าได้กล่าวมากความไปศิษย์น้องเล็ก ไปดูร้านของเจ้าเสีย ข้าจะพักผ่อน”

อ่า เป็นแบบนี้เองสินะ ทั้งการพบกันของผมกับพี่อิงฮวา ทั้งการพูดคุยต่างๆและเหตุผลที่ยกมาขู่ตอนนั้นด้วย อะไรจะทุ่มเทเพื่อคนที่สนใจกันขนาดนี้ครับ ลุงละนับถือจริงๆ

ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรให้สงสัยกับท่านพี่เฟยหลงแล้ว ต่อไปคนที่ใกล้ที่นี่ก็เป็นท่านพี่ซางไป๋สินะ พอคิดแบบนั้นก็เปลี่ยนเสนทางไปที่ร้านท่านพี่ซางไป๋

ที่ร้านนี้จะขายสินค้าจากแคว้นหยุนเป็นหลักเลยมีหน้าร้านตามปกติ ส่วนชั้นบนเป็นที่อยู่ของท่านพี่ซางไป๋กับคนของเขา พอแอบมาตอนที่ไม่รู้ตัวแบบนี้ก็เจอภาพที่หาได้ยากของคนตรงหน้า เวลาทำงานดูจริงจังจนเหมือนจะดึงดูดสายตาเอาไว้แบบนั้นเลยครับ

ดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่เห็นในทุกครั้งอีกครับ ดูน่าหลงใหลเหมือนมีออร่าออกจากตัว เพ้อไปไกลครับแทบตกต้นไม้ ลุงว่าเป็นเอามากครับ

“องค์ชายพะยะค่ะ พระองค์ไม่เสด็จกลับไปแบบนี้จะดีหรือพะยะค่ะ”

“ดีแล้วท่านพ่อบ้าน ข้ากล่าวกับเสด็จพ่อไปหลายครั้งแล้วเรื่องศึกชิงบัลลังก์นั่น ข้าไม่ขอมีอำนาจจากการเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือดเช่นนั้นหรอก อีกทั้งการที่ข้าออกมาเช่นนี้ย่อมเป็นผลดีต่อคนที่ข้ารักอย่างน้องอวี้มากกว่า ท่านไม่คิดเช่นข้าหรือท่านพ่อบ้าน”

“องค์ชาย แล้วเหตุใดท่านจึงไม่แจ้งแก่คุณชายฟางเล่าขอรับเรื่องที่ท่านทิ้งยศศักดิ์อ๋องมาเป็นฑูตต่างแคว้นเพื่ออยู่เคียงข้างคุณชายฟางเช่นนี้”

“เรื่องที่ข้าจากบ้านเมืองมาที่นี่ไม่ใช่ความผิดของเซียนอวี้เช่นที่ผู้คนกล่าว ที่ข้าจากมาเพราะข้าต้องการอยู่ใกล้กับคนที่ข้ารักเท่านั้น หยุดกล่าวเรื่องนี้เถิด ข้าต้องการตรวจบัญชีการค้า...”

เสียงปรึกษายังคงดังต่อเนื่องไม่มีหยุดหลังจากที่ผมหลบออกมาแล้ว จะบอกยังไงดีเกี่ยวกับความรู้สึกในตอนนี้ของผม ความรักของท่านพี่ซางไป๋ช่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใครจริงๆ

แผนการย่องเบาถูกเปลี่ยนไปเป็นการกลับมาทิ้งตัวที่ร้านเซียนของตัวเอง มีเรื่องให้คิดมากในช่วงนี้ จะว่าไป นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้ปล่อยตัวไปกับน้ำเมาเหมือนตอนเครียดกับงานในโลกก่อน คงตั้งแต่ที่มาที่นี่ละครับที่ห่างหายไป

ความเงียบสงบยามค่ำคืนสวนทางกับความว้าวุ่นภายในใจของผมในตอนนี้ หลายครั้งที่ลุงเอาแต่บอกว่าเรื่องเครียดไม่เหมาะกับลุง เพราะความเครียดทำให้ดูอ่อนแอลงเสมอ แต่พอปัดมันทิ้งไปหลายๆครั้งกลายเป็นว่ามันทับถมจนเต็มไปหมด การจะขจัดมันออกไปได้คงมีแต่จัดการกับมันเท่านั้น

ครั้งนี้คงจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะทำตัวแบบนี้ เหล้าที่ผมแอบหยิบมาดื่มตอนนี้มีฤทธิ์ที่ไม่แรงมากนัก แต่กับร่างกายที่เป็นเด็กในตอนนี้คงไม่แปลกหากจอกแรกจะเรียกสติที่มีให้หายไป

“เหตุใดเจ้าถึงมาร่ำสุราจนเมามายยามนี้กันน้องอวี้ “ เสียงทุ้มดังขึ้นจากตรงหน้า หน้าคุ้นๆ

“หืม เสี่ยวลวี่เองหรอครับ มาๆ มาดื่มกันๆ” พอมีคนมาก็ชวนดื่มตามมารยาทที่ดีโดยลืมที่จะคิดไปว่าพลาดไปแล้ว แต่จะว่าลืมก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้คำว่าสติสะกดแบบไหนลุงก็คงบอกไม่ได้

“ดื่มจนเมามายแล้วควรไปนอนพักเสียน้องอวี้”

“ไม่ๆ ผมยังไม่เมา ยังโอเคอยู่ครับ มาคุยกันๆผมมีเรื่องอยากระบายมากมายเลย”

“เจ้ามีความทุกข์เหตุใดจึงไปบอกกล่าวแก่พวกข้ากันนะน้องอวี้ แล้วสิ่งที่เจ้ากำลังกล่าวมีความหมายเยี่ยงไร เหตุใดข้าจึงไม่ค่อยจะเข้าใจมัน”

“อย่าถามๆ จะเล่าให้ฟัง ตั้งใจฟังดีๆละกันนะเสี่ยวลวี่”

“เช่นนั้นทุกคนควรรับรู้พร้อมกัน” ผมไม่สนใจคำพูดของคนที่ขยับมาประคองตัวผมในตอนนี้และไม่รู้ว่าร่างที่พิงอยู่กำลังทำอะไรบ้าง

“รู้ไหมว่าผมตกใจมากแค่ไหนตอนที่รู้ว่าตัวเองต้องตาย มันน่ากลัวมากเลยแต่มีเรื่องที่น่ากลัวมากกว่าคือตื่นขึ้นมาในร่างของใครก็ไม่รู้ อึก” จิบสักนิดแก้คอแห้ง

“จะโวยวายก็ไม่ได้เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด เสี่ยวลวี่คิดดูแล้วกัน ผมอายุตั้งห้าสิบสี่ปีแล้วครับ ต้องมาอยู่ในร่างเด็กอายุสิบสี่แบบนี้ รู้ไหมว่ากว่าจะปรับตัวได้มันลำบากขนาดไหน แต่เพราะผมเป็นคนที่อัจฉริยะมากๆไงครับมันเลยสมบูรณ์แบบ แต่ก็มีหลุดเหมือนกัน”

“แต่มันก็มีเรื่องแปลกเข้ามาอีก รู้ไหมผมดันเผลอใจเต้นกับคนที่เข้ามาหาผม คนที่บอกว่าอยากเป็นเพื่อน เป็นพี่ ผมก็เป็นผู้ชายครับ ทำไมถึงมาหวั่นไหวกับผู้ชายด้วยกันได้ก็ไม่รู้ โลกก่อนผมไม่เคยมีแฟนแต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะต้องเป็นเกย์นี่ถูกไหม”

“แต่คุณรู้ไหมว่าที่น่าตกใจที่สุดคืออะไร ผมเฝ้าตามหาความจริงว่าเพราะอะไรผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ และเพราะอะไรเจ้าของร่างนี้ถึงตามหาแม่ตัวเอง ความจริงอย่างแรกที่ผมได้รู้คือร่างนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฮ่องเต้ มันน่าตกใจใช่ไหมครับ ผมเป็นลูกชายคนเดียวของน้องสาวแท้ๆองค์ไทเฮา”

“ถ้าฟังเรื่องนี้แล้วตกใจ เรื่องต่อไปตกใจมากกว่าแน่นอน คุณรู้ไหม เมื่อไม่กี่วันก่อนผมรู้ความจริงเรื่องที่ผมมาที่โลกนี้แล้วครับ อย่าตกใจมากเกินไปละ เพราะว่าดวงวิญญาณหรือดวงจิตของผมกับเจ้าของร่างนี้เป็นดวงเดียวกัน ในอดีตเราสองคนเป็นเซียนดูแลบ่อน้ำแห่งความหวังของท่านเทพบรรพกาล แต่โดยทำร้ายในหน้าที่จนบาดเจ็บและตายลง”

“มันน่าขำตรงที่ดวงจิตเราแยกเป็นสอง ผมไปเกิดในโลกอื่นที่แตกต่างกับพวกคุณส่วนเจ้าของร่างเกิดที่นี่ตามชะตาลิขิตไว้ เมื่อถึงเวลาที่ดวงจิตร่างนี้อ่อนแอผมเลยถูกดึงกลับมา และการดึงกลับมา ผมที่อยู่โลกนั้นต้องตาย”

“ความตายมันน่ากลัวมากครับ ผมยังจำความเจ็บปวดยามที่มีดแทงลงมาบนตัวได้ดี มันทรมาน แต่แล้วยังไง ผมในตอนนี้ก็ยังไม่ตาย”

“คุณรู้ไหมเสี่ยวลวี่ พอผมปลดความสงสัยในเรื่องต่างๆได้หมดแต่เรื่องที่ค้างคาใจที่สุดกลับไม่ยอมไปไหน มันติดค้างจนต้องตามหาความจริง และสิ่งที่ผมได้รู้มันก็มากมายจนเกินจะรับไหว ผมรู้ว่าพวกเขารักผมมาก มากจนน่ากลัว ผมกลัว กลัวว่าจะไม่สามารถดูแลความรักของพวกเขาได้ดีอย่างที่พวกเขาต้องการ”

“คุณรู้ไหม ท่านพี่เฟยหลงยอมทำแผนการต่างๆเพื่อเข้าหาผม ท่านพี่ซางไป๋ยอมทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังเพื่อมาอยู่ที่แผ่นดินแคว้นเซียนร่วมกัน ท่านพี่กงหมินที่มีพร้อมทุกอย่างไม่ยากที่จะหาคนข้างกายกลับพยายามเอาใจใส่เด็กผู้ชายที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา ไหนจะท่านกุนสือหม่าอิงเชียงที่ได้พบกันไม่นานก็ดูรู้ว่าสนใจกัน ไหนจะท่านอีกท่านเทพมังกร ท่านเป็นถึงเทพแต่กลับต้องมาผูกติดกับข้ามนุษย์เดินดินธรรมดา ไหนจะท่านพี่อวิ๋นอี้ที่ถูกข้ากลั่นแกล้งจนวุ่นวาย”

“ตัวผมไม่ได้มีอะไรดีขนาดที่ทุกคนจะต้องมาหยุดที่ผมแบบนี้ ทำไมทุกคนถึงต้องทำอะไรมากมายเพื่อผมด้วย ผมดีใจนะที่มีคนมารักผมแต่ผมก็กลัว กลัวว่าสักวันผมจะทำร้ายพวกเขาด้วยมือคู่นี้ เหมือนที่ผมทำร้ายจิตใจของท่านพี่ซางไป๋โดยไม่รู้ตัวอย่างครั้งก่อน”

“ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปแล้วครับ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้ทุกอย่างลงตัว ผมไม่ชอบอะไรที่แปลกใหม่แบบนี้ มันแปลกจนเกินจะตามทัน ผมไม่เคยมีความรัก ไม่แปลกที่ผมจะกลัว ครั้งแรกผมยังคิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัวที่คิดจะเอาความรักของเจ้าของร่างนี้มาเป็นของตัวเอง แต่แล้วก็กลายเป็นว่าร่างนี้ก็คือผมเช่นกัน”

“มันสับสน มันดูวุ่นวายไปหมด หรือว่าผมควรจะถอยออกมาดีครับ ทุกคนจะได้ไม่ต้องทำอะไรอีก ไม่ต้องมาคอยกังวลเวลาที่ผมหนีไปเล่นซนหรือทำให้ลำบากใจ”

“ข้าไม่รู้ว่าที่เจ้ากล่าวมานั้นคือสิ่งใดบ้าง แต่อย่าบอกว่าจะหนีจากพวกข้าได้หรือไม่ หากเจ้าตัดสินใจเช่นนั้นมิเป็นการฆ่าพวกข้าทุกคนทางอ้อมหรืออย่างไรน้องอวี้” เสียงที่ดังจากร่างที่ผมใช้พยุงร่างกายตอนนี้ขัดความคิดของผม

“แต่ว่ามัน”

“วันนี้เจ้าเมามายยิ่งนัก เอาไว้เจ้ามีสติมากกว่านี้เราค่อยนำเรื่องที่เจ้าว้าวุ่นใจยามนี้มาพูดคุยกันดีหรือไม่”

“แต่ว่าข้า”

“ไม่มีแต่เช่นนั้นอีกแล้วน้องอวี้ ยามนี้เจ้าควรได้พักผ่อนก่อนดีที่สุด จนหลับเสีย พรุ่งนี้พวกเราคงต้องปรึกษากันอย่างจริงจังเสียที” นั่นเป็นเสียสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะถูกตัดไป

ยามเช้ามาเยือนอีกครั้งกับอาการปวดหัวจากการดื่มเหล้าอย่างหนักเพื่อต้องการจัดการความรู้สึกที่ติดค้างในใจอย่างที่หาทางออกไม่ได้ และก็รู้ตัวว่าถึงจะเมาขนาดไหนแต่ผลสุดท้ายปัญหามันก็ยังคงอยู่เมื่อลืมตาตื่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

“เจ้าตื่นแล้วหรือ”

“ท่านเทพมังกรหรือ” ในความทรงจำลางๆที่นึกออก ดูเหมือนว่าเมื่อคืนจะเป็นชายตรงหน้าที่คอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนทั้งรับฟังเรื่องราวที่ไม่น่าจะรู้เรื่องด้วยจากคนเมาแบบเขา อาการแบบนี้บ้านลุงเรียกเมาเหมือนสุนัขครับ

“ข้าปวดหัว”

“ดื่มน้ำแกงก่อนเถิด จะได้รู้สึกดีขึ้น”

“ขอบคุณขอรับ” ผมรับน้ำสีแปลกตามีจิบ ความขมแล่นเข้าสู่ประสาทการรับรู้เล่นเอาตื่นเต็มตาเรียกว่าสร่างเลยทีเดียว ของเขาดีจริงๆ

“ดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่”

“ขอรับ”

“เช่นนั้นก็ตามข้ามาเถิด พวกเขารอฟังคำชี้แจงจากเจ้าเหมือนกับตัวข้าเช่นกัน” ไม่เข้าใจที่ชายตรงหน้าบอกแต่ก็ยอมที่จะเดินตามออกไป

ที่ศาลากลางน้ำมีร่างของคนที่ผมคุ้นเคยทั้งห้าคนรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อผมเดินเข้าไปนั่งในส่วนที่ถูกเว้นไว้ก็กลายเป็นตอนนี้มีร่างของผู้ชายเจ็ดคนที่นั่งกันอยู่ที่ศาลากลางน้ำกับบรรยากาศยามเช้าที่เงียบสงบจนน่าแปลกในที่มันกลับผ่อนคลายกว่าที่ผ่านมา

“เจ้าเป็นญาติกับชิวเยี่ยอย่างที่กล่าวยามเมาจริงหรือไม่”

“ท่านพี่กงหมิน ท่านรู้ได้อย่างไรกัน”

“ข้าใช้พลังเพื่อให้พวกเราในที่นี้ทุกคนรับรู้การพูดคุยของข้าและเจ้ายามที่เจ้าเมามาย”

“เฮ้อ รู้ทุกอย่างใช่หรือไม่ ที่ข้าเล่าเมื่อคืนตอนเมา ตัวข้าระบายทุกอย่างจริงหรือไม่”

“เป็นเช่นนั้น” เป็นท่านพี่อวิ๋นอี้ที่ดูรับกับสถานการณ์ในตอนนี้ได้ดีเพราะไม่มีท่าทีตกใจอะไรมากอย่างคนอื่น แต่ก็สั่งเกตว่าสะดุดเพียงเล็กน้อยยามที่ได้ยินว่าผมเป็นญาติกับฮ่องเต้จริงๆ

“ชิวเยี่ยรู้หรือยัง”

“ตัวข้าคิดว่าท่านพี่ชิวเยี่ยน่าจะได้รู้จากท่านพี่จินเทาแล้วขอรับท่านพี่กงหมิน”

“พบท่านอ๋องจินเทาแล้วหรือ”

“ขอรับท่านพี่ซางไป๋”

“ยามที่เจ้าเมามายเจ้ากล่าวว่าตนเป็นดวงจิตจากอีกโลกที่ถูกดึงมาที่นี่และได้รับรู้ความจริงว่าดวงจิตนี้คือดวงจิตเดียวกันและอดีตเจ้าเคยเป็นเซียนเฝ้าบ่อน้ำแห่งความหวังของท่านเทพบรรพกาล”

“ขอรับท่านพี่ลวี่หลง” ดูเหมือนว่าตอนที่ผมหลับจะขึ้นไปตรวจสอบเรื่องราวมาแล้วเหมือนกันเลยดูจะเชื่อง่ายกว่าที่เห็น

“และที่พวกข้าทุกคนได้ยินคือเจ้ากำลังกลัวความรักจากพวกข้า เหตุใดกันน้องอวี้”

“เพราะความรู้สึกของท่านพี่เฟยหลงและทุกคนมันยิ่งใหญ่จนตัวข้าเองกลัวว่าพวกท่านจะต้องเสียใจที่ทำเพื่อข้าเช่นนั้น”

“พวกข้าจะไม่เสียใจที่ทำเพื่อเจ้าน้องอวี้ แต่พวกข้าจะเสียใจหากเจ้าปฏิเสธมันเพราะความกลัวของตัวเจ้าเอง”

“ท่านพี่อิงเชียง” สมกับเป็นกุนซือมากฝีมือ คำพูดคำจาตัดพ้อจนน่ากลัว

“ในที่นี้ดูเหมือนข้าจะอายุมากที่สุดยกเว้นท่านเทพมังกรไว้คนหนึ่ง ข้าอยากจะให้คำชี้แนะกับตัวเจ้าน้องอวี้ ในเรื่องของความรู้สึกนั้นไม่สามารถที่จะหักห้ามกันได้ และข้าเองก็คิดว่าพวกเขาคงไม่ยอมจะปล่อยมือจากเจ้าเช่นกัน ดังนั้นหากการกระทำของพวกเขาไม่ได้ทำให้เจ้ารู้สึกไม่ดีแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเปิดใจตนเองเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าหรือไม่”

“แต่ข้า”

“หรือเจ้าอึดอัดใจ”

“ไม่ใช่เช่นนั้นขอรับท่านพี่เฟยหลง เพียงแต่ว่า เฮ้อ ขอรับ นับจากนี้ข้าจะทำความเข้าใจกับมัน แต่ข้าไม่สามารถบอกได้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน”

“เพียงเจ้ายอมที่จะเปิดใจ ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวว่าจะไปได้ไกลเช่นไร พวกข้าขอแค่ยืนข้างกายเจ้าอย่างที่เจ้าไม่อึดอัดใจก็เพียงพอ”

“ขอบคุณมากขอรับที่เข้าใจข้า ว่าแต่ เหตุใดท่านพี่อวิ๋นอี้ถึงกล่าวว่าพวกเขา เช่นนั้นแปลว่าท่านไม่ได้ชมชอบข้าเช่นนั้นสินะขอรับ”

“เจ้ามารน้อยอย่าได้หลอกล่อข้าด้วยใบหน้าอันบริสุทธิ์เช่นนั้นเลย การที่ข้ามาอยู่ตรงนี้เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรืออย่างไร”

“พูดออกมาว่าชอบข้าก็จบแล้วขอรับ”

“เจ้าเด็กแก่แดด”

“ฮ่าๆๆ”

พอเข้าใจกันมันก็ดีแบบนี้เองสินะครับ เรื่องความคิดมากก็ควรที่จะปล่อยมันได้แล้ว ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ผมหนักใจอีกแล้ว การเปิดใจยอมรับในทุกๆเรื่องจะทำให้ผมเจอความสุขเข้ามาในชีวิตใช่ไหมครับ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ดีใจมากจริงๆ
TBC

เรื่องราวหลังครัวปิด

เซียนอวี้ : หลายคนอิจฉาที่ผมมีหนุ่มๆมารุมล้อมต้องเข้าใจนะครับว่าลุงเป็นคนน่าตาดีมาก
เฟยหลง : ถึงพวกข้าจะเข้าใจว่าเจ้ามาจากอีกโลกก็จริงแต่เจ้าช่วยพูดตามปกติได้หรือไม่
ซางไป๋ : เหตุใดพอได้ฟังข้าถึงนึกหมั่นไส้ในคำพูดแปลกประหลาดจากเจ้ากันแม้ข้าจะไม่เข้าใจมันก็ตาม
กงหมิน : หยุดกล่าววาจาแปลกประหลาดแล้วมาทานข้าวกันเสียที ข้ามีเรื่องต้องไปจัดการอีกมาก
เซียนอวี้ : โอ๊ะ ท่านพี่กงหมินอย่าลากตัวข้าเช่นนั้นขอรับ ข้าเดินเองได้

เสี่ยวมู่ : เหตุใดการทานข้าวของพวกเขาทั้งเจ็ดคนต้องเข้าไปทานที่ห้องนอนกันเล่าขอรับ แล้วท่านพี่เซียนอวี้ใยต้องร้องเสียงดังกัน
อิงฮวา : เสี่ยวมู่ เหตุใดเด็กน้อยเช่นเจ้าถึงมายืนเคร่งเครียดตรงนี้ผู้เดียวกัน
เสี่ยวมู่ : ข้าเพียงสงสัยในเสียงร้องของท่านพี่เซียนอวี้ที่หายเข้าไปในห้องนอนพร้อมพี่ชายทั้งหกคนขอรับท่านพี่อิงฮวา
อิงฮวา : โถ ผ้าขาวบริสุทธิ์ของข้า ไว้เมื่อเจ้าโตขึ้นเจ้าจะเข้าใจมันนะ ยามนี้ไปทานขนมกับพี่สาวดีกว่า   (จูงมือเสี่ยวมู่หลบไปอีกทาง)

ลงเนื้อหา 4/10/61
ปรับปรุงเนื้อหา 30/5/62
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 18,19 4/10/2561
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 05-10-2018 17:34:51
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 18,19 4/10/2561
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 07-10-2018 09:13:02
 :pig4: o22 :haun4:
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 18,19 4/10/2561
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 07-10-2018 16:15:58
ฤทธิ์เหล้า ทำให้ความลับถูกเอ่ย ลุงจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: ฟางเซียนอวี้ บุรุษปรุงใจ (Yaoi) (Harem) #ปรุงครั้งที่ 18,19 4/10/2561
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-10-2018 18:22:48
7p หรือนี่............   :z1: :pighaun: :haun4:
แต่ได้แค่มโน ฮือๆ.........:z3: :z3: :z3: