พิมพ์หน้านี้ - {เรื่องสั้น} That bathroom with you ㄨ ผมมีนัดที่ฟิตเนส
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Homepage ที่ 09-07-2018 19:50:52
-
**************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
-
ผมมีนัดที่ฟิตเนส
"ขยันจัง เห็นมาออกกำลังกายทุกวันเลย"
"พยายามอยู่ สุขภาพดีไม่ได้มีขายทั่วไปนี่นา"
"โอเค ไปอาบน้ำก่อนละ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ"
"อื้ม บ๊ายบาย!" ผมยิ้มแล้วโบกมือให้เพื่อนใหม่ที่เจอกันในฟิตเนสซึ่งรู้จักกันมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว จากนั้นจึงหันกลับมาสนใจลู่วิ่งตรงหน้าต่อ
จำนวนแคลเลอรี่ที่โชว์บนหน้าปัดบอกว่าเผาผลาญพลังงานออกไปมากพอที่ผมจะหยุดวิ่งและออกไปหาอะไรกินได้เสียที สายตากวาดมองไปรอบด้าน ผู้คนเริ่มบางเบาแล้ว หลายคนรีบกลับไปตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ
ผมหวังว่าวันที่ทุกอย่างเงียบสงบแบบนี้ จะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นนะ เงียบแบบนี้จะได้ไม่ต้องระวังตัวมากเวลาอยู่ที่ห้องแต่งตัว...
ผมยักไหล่แล้วกดปุ่มหยุดลู่วิ่ง มือเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางพาดไว้ด้านข้างมาเช็ดเหงื่อตัวเอง ก่อนเดินออกไปทางห้องแต่งตัวที่อยู่ลึกเข้าไปในอีกมุมหนึ่ง
ภายในห้องแต่งตัวค่อนข้างเงียบ ไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว หูผมแว่วยินเสียงฝักบัวดังมาจากห้องน้ำสองสามห้อง บรรยากาศเงียบๆ แบบนี้ทำให้ผมได้อยู่กับตัวเองและคิดอะไรออกเยอะขึ้น
...ว่าเป้าหมายสำหรับการมาฟิตเนสของผมไม่ใช่เพื่อสุขภาพดีหรอก แต่ผมมาหา 'เซ็กซ์' ต่างหาก
เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของใครบางคนที่เดินเข้ามาแต่งตัว จากหางตาผมประทับใจกับรูปร่างแสนเซ็กซี่ของเขาพอสมควร หยดน้ำที่เกาะพราวตามตัวน่าหลงใหลจนอยากซบหน้าลงไป
"เอ้า กำลังเข้ามาอาบน้ำเหรอ" เขาใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมตัวเอง ขณะที่เดินมาส่องกระจกข้างผม
เขาเป็นเพื่อนใหม่ที่เพิ่งทักทายผมไปเมื่อสักครู่นั่นเอง ผมไม่รู้จักชื่อเขา เราแค่ทักทายกันผ่านๆ เท่านั้น
ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่ง ไม่คิดว่ารูปร่างจะดีมากขนาดนี้ ผ้าเช็ดตัวที่ผูกเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ทำให้ผมเผลอกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว ไรขนใต้สะดือที่หายเข้าไปใต้ร่มผ้านั่นทำเอาผมหายใจไม่ทั่วท้อง ใบหน้าผมร้อนเห่อเมื่อสังเกตการขยับของกล้ามแขนของเขายามเช็ดผมตัวเอง
เขารู้ว่าผมกำลังแอบมอง...รอยยิ้มมุมปากของเขาบอกผมว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ มองตาก็รู้แล้วว่าสิ่งที่ผมคิดกับสิ่งที่เขาเป็นเรื่องเดียวกัน
เราต่างมีเป้าหมายเดียวกันสินะ (:
"มีอะไรติดหน้าเราหรือเปล่า เห็นมองตั้งนาน" ร่างสูงเอ่ยออกมาในที่สุด เมื่อผมหยั่งเชิงมองหน้าเขาผ่านกระจกแบบนั้นสักพัก
"เปล่าหรอก แค่คิดว่า...นายหล่อดีนะ" ผมจู่โจมเขาด้วยคำพูด
ผู้ชายคนนั้นหัวเราะออกมาแล้วค่อยๆ ขยับเดินมาชิดตัวผม กล้ามแขนเขาสัมผัสโดนข้อศอกผม วินาทีนั้นเหมือนไฟฟ้าสถิตวิ่งไปทั่วร่าง นิ้วก้อยผมตกอยู่ในฝ่ามือเขาก่อนจะบีบเบาๆ
"ไม่ได้หล่ออย่างเดียวหรอกนะ อย่างอื่นก็มีดีเหมือนกัน" พูดพร้อมขยิบตาให้ผมหนึ่งที
"อะไรบ้างที่ว่าดี ช่วยบอกหน่อยสิ เท่าที่มองเห็นยังไม่เจอเลย" ผมไม่ได้ผลักตัวเขาออก แต่เดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น เขาตัวสูงกว่าผม ยิ่งขยับเข้ามาใกล้แบบนี้ ใบหน้าผมยิ่งสัมผัสกับแผ่นอกเขาได้ง่าย
เสียงหัวใจเขาเต้นไปพร้อมกับหัวใจผมเป็นจังหวะเดียวกัน
"ของแบบนี้ดูแต่ตามองไม่ออกหรอก ต้องใช้ร่างกายสัมผัสน่ะ"
แบบนี้นี่เอง...แสดงว่าเขามีจุดหมายเดียวเหมือนผมตั้งแต่แรก การที่เขามาคุยกับผม เดินมาทักทาย ถามสารทุกข์สุขดิบเพียงเพื่อต้องการจะเผด็จศึกผมเท่านั้นจริงๆ
ผมยักไหล่ยอมรับกับสัจธรรมข้อนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผมใส่ใจเลย เพราะผมเองก็หวังจะ ‘กิน’ ใครสักคนในค่ำคืนนี้เหมือนกัน และไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชายคนนี้เสมอไป
ตอนนี้ผมเจอเป้าหมายแล้ว คงไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธความต้องการของร่างกาย
"หึ" ผมยิ้มมุมปาก "ร้ายกาจไม่เบาเลยนะนาย" ผมพูดแล้วใช้ปลายนิ้ววนไล้ที่แผ่นอกเขา
"คิดว่าตัวเองบริสุทธิ์นักเหรอถึงพูดแบบนั้นออกมาได้" เขาหัวเราะในลำคออย่างไม่ถือสา "ดูจากทรงแล้ว เราคงไม่ใช่คนแรกของนายใช่ไหม"
"ถ้าถามว่าคนที่เท่าไหร่ เราไม่ได้นับหรอก" ผมตอบเหมือนมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร "ความสัมพันธ์แบบวินๆ กันทั้งคู่แบบนี้จะถามหาความบริสุทธิ์ไปทำไมล่ะ"
"เด็ดดี เราชอบคนแบบนี้แหละ ไม่ต้องมีความรู้สึกต่อกัน ไม่ต้องกอดให้เต็มแขน ต่างคนต่างไปถึงสวรรค์ได้พร้อมๆ กัน และจากกันไปโดยไม่ต้องรู้สึกอะไรเมื่อพอใจแล้ว"
คำพูดของเขาทำให้ผมเศร้า แม้จะเข้าใจรูปแบบความสัมพันธ์นี้ได้ แต่ลึกๆ ผมกลับโหยหาความจริงใจจากคนอื่น
ผมเองก็อยากเจอรักแท้เหมือนกัน
ผมส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความฟุ้งซ่านนั้นออกไป จดจ่อกับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เท่านั้น ริมฝีปากขบกันเบาๆ ก่อนมองเลยไหล่เขาไปด้านหลังที่มีประตูห้องน้ำเรียงรายอยู่
"ห้องริมสุดห่างจากห้องแรกสุดที่มีคนอยู่" ผมชี้ไปด้านนั้น "นายเข้าไปรอด้านในก่อน เดี๋ยวเราเดินตามเข้าไป"
"โอเค" เขาพูดแล้ววางผ้าผืนเล็กที่ใช้เช็ดผมเมื่อสักครู่ลงตรงเคาน์เตอร์ "สงสัยได้อาบน้ำอีกรอบแน่ๆ"
"มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว" ผมยักไหล่อีกครั้ง "นายมีถุงยางใช่ไหม"
"ไม่ใส่ไม่ได้เหรอ" เขาเลิกคิ้วถามราวกับจะกวนประสาทผม "เดี๋ยวกินยาเพร็บ เอา"
"เราไม่เสี่ยงกับนายด้วยหรอก ถ้าไม่โอเคก็ต่างคนต่างไป" ผมพูดอย่างไม่แคร์
"ล้อเล่นเฉยๆ ทำเป็นจริงจังไปได้" เขาพูดแล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องน้ำที่เป็นจุดนัดของเรา
เสียงปิดประตูดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าเขาเข้าไปรอด้านในแล้ว ผมมองซ้ายมองขวาอีกครั้งแล้วเดินตามเขาเข้าไป
คนที่รออยู่ด้านในมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ความต้องการของบุรุษเพศแผ่ไปรอบตัวจนผมสัมผัสได้ เขาปลดผ้าขนหนูออกแล้ววางไว้บนราวพร้อมกับรวบตัวผมเข้าไปกอดและมอบรสจูบสุดร้อนแรงตามลงมา ทั้งที่ผมยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออก
"อื้อ..."
เสียงครางแผ่วเบาหลุดรอดริมฝีปากผมออกไปด้วยความพอใจ ยกมือกอดคอผู้ชายแปลกหน้าและดึงเขาให้สัมผัสกับร่างกายผมมากขึ้น
อย่างน้อยคืนนี้ผมก็ไม่โดดเดี่ยว เพราะมีอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ปลอบประโลม
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำแบบนั้น ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจะมีอะไรกับใครโดยไม่ต้องรัก เพราะหัวใจผมแตกสลายไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว
ผมไม่พร้อมจะรักใครอีก ให้ได้แค่ความสัมพันธ์ชั่วคราวบนร่างกายเท่านั้น หรืออาจจะเป็นเพราะ...ผมยังไม่เจอใครที่คิดว่าจะรักได้เท่าเขาคนนั้นอีกล่ะมั้ง
รักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นที่ห้องอาบน้ำฟิตเนส ครั้งแรกที่เจอกันกรอบสายตาผมมองเห็นแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้น เสน่ห์แสนร้อนแรงกับรอยยิ้มของผู้ชายคนนั้นทำให้ผมยอมตกเป็นของเขาง่ายๆ และมันก็เกิดขึ้นอีกหลายครั้งหลังจากนั้น
ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงลมหายใจของเราสอดประสานกัน สายตาเขาที่มองผมมันพิเศษกว่าที่เขามองคนอื่นอย่างแน่นอน
ผมหลงระเริงไปกับความสัมพันธ์ทางกายที่เขามอบให้ และเรียกมันว่า 'ความรัก'
'เราชอบนาย เราไม่อยากแค่มีเซ็กซ์กับนายเท่านั้นอีกแล้ว'
'นายหมายความว่ายังไง? ครั้งแรกที่คุยกัน ทุกอย่างจะจบลงแค่เซ็กซ์เท่านั้น ไม่ใช่เหรอ?'
'เรา...อยากพัฒนาความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้เปลี่ยนไปเป็นอีกสถานะ ที่ไม่ใช่แค่เซ็กซ์เฟรนด์'
'ขอโทษนะ แต่เราไม่เคยคิดกับนายเกินกว่านั้นเลย'
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เราคุยกัน ก่อนที่เขาจะหายไปจากชีวิตผมราวกับเรื่องที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น ทุกครั้งที่เจอกันที่ฟิตเนสเขาจะมองผ่านผมไปเหมือนคนไม่รู้จักกัน
ผมเข้าใจว่าเขาไม่ชอบคนเรื่องมาก ดังนั้นผมเลยพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เขากลับมาสนใจผมอีกครั้ง อย่างน้อยแค่ให้เขาโอบกอดผมเอาไว้ก็ยังดี ก่อนจะรู้ว่าสิ่งที่ผมทำเขาไม่เคยเห็นค่าเลย
...เมื่อเย็นวันนั้นผมเห็นเขาหายไปในห้องอาบน้ำริมสุดกับผู้ชายอีกสองคน
สิ่งที่ผมเรียกว่าความรัก ช่างดูไร้ค่าสำหรับเขาเหลือเกิน...รักแรกของผมแตกสลายไปเพราะความใคร่ของมนุษย์ที่อยากทดลองสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา
น้ำตาผมไหลออกมาเงียบๆ ไม่มีแม้แต่แรงที่จะยกมือขึ้นเช็ด เมื่อรู้ว่าเขาไม่เคยไยดีผมเลยจริงๆ ความรู้สึกของผมเหมือนเศษขยะที่เขาไม่เคยต้องการ รักแรกของผมเริ่มต้นและจบลง ณ ห้องอาบน้ำที่ฟิตเนส
ผมไม่สามารถโทษใครได้ เพราะครั้งหนึ่งผมก็เป็นคนยินยอมเดินตามเขาเข้าห้องอาบน้ำไป เสียใจที่เขาไม่ได้รักผมจริง แต่ดีใจมากกว่าที่ดึงตัวเองออกมาจากวังวนนั้นได้
...ได้เสียเมื่อไหร่ล่ะ
ผมตัดสินใจเปลี่ยนที่ออกกำลังกายเพื่อรักษาแผลใจ การไม่เจอเขาคงเป็นวิธีรักษาแผลใจที่ดีที่สุด...แต่ใครจะรู้ว่าสถานที่ซึ่งคล้ายกัน รวมถึงผู้ชายหน้าตาดีหลายคนที่เดินผ่านไปจะทำให้ผมไขว้เขวยิ่งขึ้น
การสบตาใครสักคนที่เราพอใจและไปมีเซ็กซ์ด้วยกันที่ห้องอาบน้ำกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับผม มีนเป็นความต้องการทางธรรมชาติที่ร่างกายปฏิเสธไม่ได้
ผมมีเซ็กซ์ แต่ผมไม่ได้รักใคร โชคดีที่ผมไม่เคยตกหลุมรักใครอีกเลย...ผู้ชายคนนั้นสอนให้ผมรู้จักโลกอีกด้านที่เป็นสีเทาเข้ม สอนให้ผมรู้ว่าอย่าออกจาก Comfort Zone หากยังไม่แน่ใจในสิ่งที่กำลังจะเริ่มใหม่จริงๆ
ไม่รู้ว่าผมควรจะดีใจดีไหม ที่คนอื่นเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ ใครเขาก็ทำกัน...ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่แอบไปมีอะไรกันที่ห้องน้ำของฟิตเนส และยังมีอีกหลายวนเวียนอยู่แถวนั้น ซ้ำไปวนมาจนแทบจะได้กันทั่วทั้งฟิตเนสอยู่แล้ว
"วันนี้เจอกันที่เดิมไหม" เสียงทุ้มดังขึ้นด้านข้างขณะที่ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย "สักสี่ทุ่มครึ่งไหม"
ผมเหลือบตามองผู้ชายที่เข้ามาคุยกับผม เขาคือคนเมื่อวานที่พาผมโบยบินไปสัมผัสสายรุ้งแห่งความสุข และวันนี้เขามาชวนผมอีกครั้ง
"เราถือคติว่าจะไม่มีอะไรกับคนที่เราเคยได้แล้ว" ผมตอบก่อนละความสนใจจากใบหน้าหล่อเหลานั่น
"ฮะๆ" เขาหัวเราะออกมา "นายพูดแบบนี้เหมือนเราโดนฟันแล้วทิ้งเลยแฮะ"
"นายก็ฟันเราด้วย" ผมแย้งขึ้นมา "เพราะฉะนั้นนายไปหาคนอื่นเถอะ เราจะไม่ยอมมีอะไรกับนายซ้ำอีกครั้งแน่"
"น่าเสียดายชะมัด ทั้งที่เมื่อวาน...เราเข้ากันได้ดีแท้ๆ" เขาพูดแล้วขยับหน้าเข้ามาใกล้ "เราชอบมากเลยตอนที่นายจิกเล็บลงกับแผ่นหลังเราตอนใกล้..."
กึก!
"อ๊ะ..." เขาอุทานออกมาเบาๆ เมื่อผมทุบลู่วิ่งไปหนึ่งทีจนเกิดเสียง "นายเป็นอะไร"
"ขอโทษนะ แต่เราอยากอยู่คนเดียว" ผมตอบเขาแล้วกดเพิ่มระดับความเร็วของลู่วิ่งให้แรงขึ้น "ทางที่ดีเราอย่ามาคุยกันอีกเลยดีกว่า"
"ตามใจนายแล้วกัน" เขาคงหมดความอดทนกับผมถึงพูดแบบนั้น ร่างสูงเดินไกลออกไปจากตรงนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และผมพอใจที่เป็นแบบนั้น
เขาไม่ได้สร้างความประทับใจให้ผมมากถึงขั้นที่ต้องกลับไปซ้ำรอยเดิม
ผมไม่สนใจเขา แต่ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปเรื่อยๆ วันนี้ไม่ได้มีอารมณ์อยากทำอะไรแบบนั้น จนกระทั่งมีใครบางคนสะกิดไหล่ผมเบาๆ ให้หันไปมอง
เหมือนมีผีเสื้อบินไปมาทั่วช่องท้อง ข้างหลังเหมือนมีปีกงอกออกมาแล้วพาโบยบินไปบนฟ้าไกล
สายตาผมช้อนมองคนแปลกหน้า ก่อนจะรู้สึกหน้าร้อนวาบด้วยความเขินอาย…ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาสักระยะแล้วล่ะ
ผมไม่เคยเจอเขามาก่อน ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีเกินไป...ผมมั่นใจว่าเขาสูงเกินร้อยแปดสิบเซนติเมตร ผิวสีน้ำผึ้งใต้เสื้อกล้ามสีขาว กางเกงขาสั้นสีดำ รวมถึงรองเท้าออกกำลังกายสีขาว ยิ่งทำให้เขาดูเป็นสปอร์ตแมน ผมตัดสั้นรองทรงเรียบร้อย
เขายิ้มอย่างน่ารักจนตาหยีทำเอาผมร้อนวาบไปทั่วร่างจนเผลอกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว บอกได้คำเดียวว่าเขาโคตรจะสเปคเลย!
"เอ่อ...ขอโทษที่รบกวนนะ" ชายหนุ่มพูดแล้วยกมือเกาท้ายทอยเขินๆ "เราขอยืมหูฟังหน่อยได้ไหม เห็นนายวางเอาไว้บนนั้นสักพักแล้วเหมือนยังไม่ได้ใช้"
ผมเขินมาก แม้แต่น้ำเสียงยังนุ่มนวลขนาดนั้น ผมจินตนาการไม่ออกเลยว่าตอนเขาหอบหายใจแล้วขยับกายเหนือตัวผม...เสียงนั้นจะเซ็กซี่ขนาดไหน
"อะ...อื้ม ได้สิ เรายังไม่ได้ใช้หรอก" ผมปั้นยิ้มที่ดูดีที่สุดพร้อมกับกุลีกุจอหยิบหูฟังยื่นไปข้างหน้า ให้ตายสิ ผมมือสั่นต่อหน้าเขา
"ขอบคุณนะ" ชายหนุ่มรับไปเสียบกับโทรศัพท์ตัวเองก่อนส่งยิ้มมาให้ "เราวิ่งลู่ข้างๆ นายนี่แหละ ถ้าจะกลับบอกได้นะ เดี๋ยวถอดคืนให้" พูดจบเขาจึงขึ้นไปวิ่งบนลู่นั้น
ท่าทางก้าวเขากระฉับกระเฉงแบบนั้นบอกได้ว่าเขาคงชอบออกกำลังกายพอสมควร เหงื่อเม็ดเล็กที่ซึมออกมาตรงหน้าผากยิ่งทำให้เขาดูเซ็กซี่ขึ้นไปอีก
เพราะเขายิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา ผมเลยไม่คิดว่าการที่เขามาวิ่งข้างๆ คือการอ่อย แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเขาเป็นนักรักชั้นเยี่ยม
ผมวิ่งต่อไป แม้ว่าสติจะปลิวหายไปกับสายลมแล้วก็ตามที
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน น่าจะดึกพอสมควร เพราะหันไปมองรอบข้างไม่ค่อยมีคนแล้ว เหมือนทั้งฟิตเนสเหลือแค่ผมกับเขา เหลือบมองผู้ชายข้างตัวที่เริ่มปรับความเร็วบนลู่วิ่งให้อยู่ระดับที่เดินได้
สภาพเขาตอนเหงื่อเต็มตัวจากการออกกำลังกายนี่มัน...น่ากินเหลือเกิน
เขาหันมายิ้มให้ผมพลางถอดหูฟังคืนให้ "ขอบคุณมากเลยนะ"
"ไม่เป็นไร" ผมไม่อยากให้บทสนทนาระหว่างเราจบเร็วเกินไปเลยลองชวนเขาคุยต่อ "เพิ่งมาเล่นเหรอ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยเจอนายเลย"
"อ๋อ ใช่แล้วล่ะ อยากดูแลสุขภาพตัวเองบ้าง วันนี้มาเป็นวันแรกเลย" เขายิ้มอีกครั้ง ส่งมือขวามาข้างหน้า "เราชื่อกายนะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
ดูจากรูปร่างแล้วไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ว่าเพิ่งเริ่มออกกำลังกาย ดูกล้ามแขน กล้ามขากับไหล่กว้างนั่นสิ มันดูดีและยิ่งใหญ่มาก
ผมใจสั่นเมื่อเขายื่นมือมาแบบนั้น ทำได้ข่มความรู้สึกไว้ข้างในแล้วจับมือเขาตอบ "พีทนะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
เขาฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง ใบหน้าแสดงความเสียดายอย่างสุดซึ้ง "วันนี้เราต้องรีบกลับแล้ว พอดีมีธุระต่อ ไว้คุยกันใหม่วันหลังนะ"
"อะ...อื้ม ราตรีสวัสดิ์นะ" ผมอยากกัดลิ้นตัวเองที่เผลอพูดคำน้ำเน่าแบบนั้นออกไป กายหันมามองผมแล้วหัวเราะ
นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกาย หัวใจที่เคยสงบนิ่งมานานเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้งเมื่อเจอเขา...ผมตกหลุมมนต์สะกดของเขาโดยไม่รู้ตัว
มันไม่ใช่รักแรก แต่เป็นมากกว่านั้น...ทุกอย่างของเขาทำให้ผมเผลอใจโดยไม่รู้ตัว
"วันนี้มาเร็วจังพีท" ชายหนุ่มโบกมือทักผมเมื่อเดินเข้ามาใกล้แล้ว "อยากทำได้แบบนายบ้างจัง เรารู้สึกว่าตัวเองไม่มีวินัยเอาเสียเลย"
ผมยิ้มอย่างมีความสุข "นายต้องหาแรงบันดาลใจก่อนว่ามาที่นี่ทำไม" ผมคิดอะไรบางอย่างออกจึงตัดสินใจพูดออกไป "นอกจากได้สุขภาพแล้วยังได้มิตรภาพอีก แบบนี้ไม่ดีเหรอไง"
เขายกมือลูบครางทำท่าครุ่นคิดก่อนจะดีดนิ้วดังเปาะ "แบบนั้นก็ได้ ถือว่าเราได้มานั่งคุยเล่นกับนายไง จะได้ไม่เหงาด้วย ไม่อยากรีบทำงานแล้วกลับไปนอนเบื่อที่ห้องสักเท่าไหร่"
ผมเผลอยิ้มออกมากับคำพูดเขา เขาเป็นคนที่มีพลังบวกเผื่อแผ่ให้คนอื่นตลอดเวลาเลย
(มีต่อด้านล่าง)
-
ให้ตายสิ เขาไปฝึกพูดอะไรหวานๆ แบบนั้นมาจากไหนกัน แค่นี้ผมแทบจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ไหวแล้วนะ อยากกระโดดเขาไปกอดเขาเป็นบ้าเลย
ทุกวันจะเป็นแบบนี้ ผมมาถึงก่อน รีบเปลี่ยนชุดมาที่ลู่วิ่ง พอกายเลิกงานเสร็จถึงได้ตามมาสมทบ เราคุยกันไปด้วยพร้อมกับวิ่งบนลู่วิ่ง บางครั้งเขาจะใส่หูฟังแล้วฮัมเพลงออกมาอย่างมีความสุข
ผมไม่อยากให้เรื่องทุกอย่างจบแค่นี้ อยากให้ความสัมพันธ์ของเราพัฒนาไปไกลกว่านี้ จากแววตาเขาที่ทอประกายพราวระยับยามจ้องมองผู้ชายตัวเล็กน่ารัก...ผมคิดว่าตัวเองมองไม่ผิด มั่นใจว่ารสนิยมทางด้านความรักของเราไม่ได้ต่างกัน
โอกาสที่จะสานต่อความสัมพันธ์กับเขาจึงมีมากขึ้น
วันนี้ทุกอย่างดูเป็นใจไปหมด หัวข้อสนทนาของผมกับกายค่อนข้างสนุกสนาน เขาหาเรื่องมาชวนคุยได้อย่างไม่ติดขัด เราคุยกันจนลืมเวลา มองนาฬิกาอีกทีถึงเห็นว่าอีกสามสิบนาทีฟิตเนสจะปิดแล้ว
เขาชวนผมไปอาบน้ำด้วยกัน...แต่คนละห้องหรอก
ผมใจสั่นทั้งที่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผม (อาจจะ) ได้เห็นรูปร่างสุดสมบูรณ์แบบของเขาตอนกำลังแต่งตัว กายคงไม่รู้ว่าคำชวนสุดแสนจะธรรมดาของเขาทำให้คนฟังอย่างผมอ่อนไหวขนาดไหน
ตรงประตูทางเข้าห้องแต่งตัว ผมเดินสวนกับผู้ชายคนที่เคยมีอะไรกัน มาถึงวันนี้เขาแทบไม่ได้สนใจผมอีกแล้ว ร่างสูงทำเพียงแค่เดินผ่านผมไปเหมือนไม่ได้คิดอะไร คาดว่าคงเจอเหยื่อรายใหม่แล้วแหละ
พอเข้ามาด้านในห้องแต่งตัวดันไม่เจอใครสักคน กายถอดเสื้อออกแล้วโยนไว้บนโต๊ะก่อนถอดกางเกงตามลงมาทันทีจนผมหันหน้าหนีแทบไม่ทัน
"หืม?" เขาส่งเสียงในลำคอเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของผม "เป็นอะไรไปพีท? เขินเหรอ?"
"ปะ...เปล่า" ผมสงบสติอารมณ์แล้วหันหน้ากลับมา กายเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองออกมาจากล็อคเกอร์ หยิบผ้าขนหนูมาพันท่อนล่างตัวเองไว้
แบบนั้นค่อยหายใจสะดวกหน่อย เมื่อสักครู่ผมเกือบจะเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเสียแล้ว
ผมไม่กล้าขยับตัวไปไหน ความรู้สึกทุกอย่างคงแสดงออกผ่านสีหน้าไปหมดแล้ว ใบหน้าร้อนวาบเมื่อกายขยับเข้ามาใกล้ กายหัวเราะคิกคักแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะแก้มผม
"เวลาพีทอายแล้วน่ารักจัง อย่างกับเด็กน้อย"
"…!" ผมสะดุ้ง เผลอก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว "เปล่า ไม่ได้เขินสักหน่อย"
"ไม่ต้องเขินหรอกพีท ผู้ชายเหมือนกัน" เขาพูดพร้อมกับขยิบตาหนึ่งครั้ง และนั่นทำให้เส้นความอดทนสุดท้ายของผมขาดลง เขาดูจะไม่เข้าใจว่าผมต้องการสื่ออะไรกันแน่ ถึงตอนนี้ผมดันเก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ไม่ไหวเสียแล้ว
"เราไม่อยากใกล้นายมากเกินไปกว่านี้อีกแล้ว" ผมพูดแล้วหลบสายตาไปอีกทาง "มันยากที่จะควบคุมทุกอย่างที่เรากำลังคิดไว้ได้"
"ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?" กายทำหน้าเหลอหลาด้วยความไม่เข้าใจ
ผมสบตาเขาตรงๆ เผลอพูดความจริงออกไปครึ่งหนึ่ง...ว่าตัวเองอยากกอดกายใต้ฝักบัวขนาดไหน "เพราะนายทำให้ด้านมืดของเราปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เราอยากชวนกายเข้าไปในห้องอาบน้ำนั่น แล้ว..."
ผมหยุดพูดไปเมื่อหาศัพท์มาแทนที่การกระทำนั้นไม่ได้ ไม่กล้าสบตาเขา แค่นี้ก็อายมากๆ แล้ว ถ้าเขาไม่ได้คิดแบบเดียวกัน ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ
"…" กายมองผมนิ่งๆ แววตาเขาสะท้อนความรู้สึกบางอย่างที่อ่านไม่ออก ผมรู้สึกหน้าม้าน ไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดไหม "เราก็ไม่เคยห้ามพีทนี่นา"
หืม? เมื่อสักครู่เขาพูดว่าอะไรนะ? ผมทำได้เพียงเบิกตากว้างมองชายหนุ่มที่แย้มยิ้มออกมา นัยน์ตาเขาพราวระยับแสดงความต้องการของบุรุษเพศออกมา
"มะ...หมายความว่ายังไง" ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา มือที่วางแนบข้างตัวสั่นขึ้นมา เหมือนเขาจะเข้าใจความต้องการของผม
"เราก็รอพีทเอ่ยปากชวนตั้งนาน" กายหุบยิ้มแล้วทำหน้าจริงจัง "แต่มันจะเป็นความลับระหว่างเราสองคนตลอดไปใช่ไหม"
จบคำนั้นกายจึงดึงปมผ้าขนหนูจนหลุดออกจากกัน อะไรต่อมิอะไรที่ผมปรารถนาจะได้เห็นจึงปรากฏขึ้นตรงหน้า...ผมมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
กายยื่นมือมาหาผมข้างหน้าก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็กซี่ที่สุด
"มาเถอะพีท เราอยากกอดนายจะแย่แล้ว"
ผมมองเขาอย่างคิดหนัก สุดท้ายจึงพยักหน้ารับแล้วยื่นมือออกไปข้างหน้า ในใจผมมีคำตอบเดียวตั้งแต่เขาเอ่ยชวนแล้วล่ะ
กิจกรรมอะไรที่ทำแล้วติดใจ ย่อมมีครั้งที่สอง สาม สี่ตามมาอีกนับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือการได้ร่วมรักกับกาย
ผมกับกายมีอะไรกันจนได้ ทั้งที่ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างจบแบบนี้...แต่อารมณ์พาเราโบยบินไปไกลจนกู่ไม่กลับ
วันนั้นผมถึงรู้ว่าการกอดกายแล้วเปิดฝักบัวให้สายน้ำไหลผ่านร่างกายเราสองคนมันฟินขนาดไหน
ลมหายใจเขายามซบหน้าลงกับซอกคอผมเร่าร้อนพร้อมกับคำชมที่ทำให้ผมแทบจะปลดปล่อยทุกอย่างออกมาตรงหน้าท้องเขา
กายเก่งมาก เขาทำได้ดีจนผมติดใจ แม้ว่าผมจะมีกฎกับตัวเองว่าไม่มีอะไรกับใครซ้ำคนเดิมอีก แต่หากเขาเอ่ยชวนหรือลากผมเข้าห้องอาบน้ำ ผมคงพยักหน้ารับอย่างเต็มใจที่จะถวายตัวให้เขาอีก
หลังจากวันนั้นผมคิดว่ากายจะไม่มาคุยกับผมอีกแล้วตามประสาความสัมพันธ์แบบนี้ ทว่า...เขากลับโผล่มาวิ่งบนลู่วิ่งข้างผมอีก ทำเหมือนก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ไง วันนี้จะเอาออกสักกี่แคล" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับกดปุ่มเปิดลู่วิ่ง
ผมไม่ได้ตอบคำถามเขา ยังรู้สึกงุนงงอยู่ ทั้งที่ตอนแรกเตรียมใจว่าแม้แต่หน้าผมเขาคงไม่อยากมองอีกแล้ว
"เอ้า เงียบไปเลย เป็นอะไรหรือเปล่า" เขาโบกมือไปมาตรงหน้าผม "หรือว่าทำแรงไปจนเจ็บ ขอโทษนะ"
"ทะลึ่งแล้ว" ผมบ่นอย่างไม่จริงจัง มันไม่ได้แรงสักนิด กำลังดีเลยต่างหาก "ทำไมนายยังมาคุยกับเราอีกล่ะ?" ผมตัดสินใจถามสิ่งที่ยังค้างคาออกไปทันที "เรานึกว่าทุกอย่างจะจบลงตั้งแต่ตอนที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำแล้วซะอีก"
ป๊อก!
"โอ๊ย! เจ็บนะกาย" ผมยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ เมื่อเขาใช้นิ้วดีดลงมาเต็มแรง
"คิดเยอะไปแล้วพีท มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้นสักหน่อย" เขาพูดแล้วขยับเท้าวิ่งต่อไป แต่ริมฝีปากยังชวนผมคุยตลอด "มันเป็นความสมยอมทั้งคู่ ใครบอกนายว่าคนที่มีอะไรกันแล้วจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้"
ก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันนะ มีอะไรกันแล้วยังคุยเล่นกันเป็นเพื่อนกันตามปกติ
ยอมรับว่าผมดีใจที่เขายังอยู่ตรงนี้ ทั้งที่ตอนแรกเผื่อใจไปแล้วว่า...เรื่องของเราคงเดินต่อไปไม่ได้
"แต่เราทำเหมือนคนที่นัดกันผ่านแอพเพื่อไปมีอะไรกันนะ นายไม่คิดว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันแปลกไปหน่อยเหรอ" ผมท้วงอย่างไม่เข้าใจ "แบบนี้เราจะมองหน้านายติดได้ยังไง เราสองคนทำเรื่องบ้าๆ นั่นไปแล้วนะ"
กายกดปุ่มหยุดวิ่งแล้วหันมามองหน้าผมด้วยสายตาจริงจัง "แล้วยังไงล่ะ? ก็มองแบบนี้ไง"
"อ๊ะ..." ผมอุทานออกมาเมื่อเขาจ้องผมด้วยสายตาแบบนั้น นัยน์ตาเขาปรากฏภาพผมเต็มไปหมด ก่อนที่กายจะก้มลงมาจุ๊บปากผมเบาๆ อีกด้วย
"ทำหน้าน่ารักเกินไป เลยขอจูบหนึ่งที"
กายทำให้ผมรู้ว่าตัวเองสำคัญกับเขาในระดับหนึ่ง...และยังสอนให้ผมรู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่าพยายาม ความสัมพันธ์แปลกประหลาดของเราสองคนเริ่มขึ้นจากตรงนั้น...โดยไม่มีชื่อเรียก
และมันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เรามีอะไรกันในห้องน้ำที่ฟิตเนส
ความสนิทสนมที่มีมากขึ้นทำให้ผมกล้าที่จะแลกเปลี่ยนเรื่องราวของตัวเองกับเขาเยอะขึ้น กายเองก็ยอมเปิดประตูใจ เล่าเรื่องในชีวิตตัวเองให้ผมฟัง ทุกอย่างไปได้ดีจนกระทั่งเราวางใจที่จะออกไปทานข้าวข้างนอกด้วยกัน
จนถึงตอนนี้กายยังไม่ได้ให้คำจำกัดความถึงความสัมพันธ์แสนแปลกประหลาดของเรา
แฟนเหรอ? ไม่ใช่แน่นอน หรือจะเป็นเซ็กซ์เฟรนด์? แต่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะ? คู่นอนที่ไหนจะมาหอมแก้มและวิ่งไล่จั๊กกะจี้กันแบบนี้
ผมตัดสินใจมองข้ามเรื่องนี้ไปและมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นแทน
ฟึ่บ!
ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแขนล่ำๆ ของกายยื่นมาด้านหน้าผมพร้อมกระดาษแผ่นเล็กสะบัดไปมา ผมหรี่ตามองด้วยความไม่เข้าใจเพราะเขาหันด้านหลังของกระดาษให้ผมดู
"อะไรของนายเนี่ย"
"ได้ตั๋วหนังมาฟรีสองใบ คืนนี้ไปดูด้วยกันไหม รอบดึกสุดเลย" เขาพูดแล้วยิ้มจนตาหยี...เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมตกหลุมรักเขา "หนังบู๊ด้วย ดูคนเดียวคงไม่สนุก อยากหาใครไปหารค่าป๊อบคอร์น"
ผมหรี่ตามองเขาด้วยแววตาจับผิด "พูดอย่างกับจะชวนไปเดท"
"ถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะยอมไปไหมล่ะ" กายถามพร้อมยักคิ้ว
ตึก ตัก
ผมได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง ผมพยายามกลั้นยิ้มไม่อยากให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังมีความสุขขนาดไหน
"ไม่ต้องมากลั้นยิ้มเลย หน้านายบวมเหมือนลูกโป่งแล้ว" ชายหนุ่มพูดแล้วจิ้มแก้มผมไปหนึ่งที "ตกลงไปไหมเนี่ย ถ้าไม่ไปจะชวนคนอื่นแล้วนะ"
"รู้คำตอบแล้วยังจะถามอีก" ผมค้อนใส่เขาทีหนึ่ง
"ดีมาก" กายพูดแล้วก้มลงหอมแก้มผมหนึ่งที ท่าทางแบบนั้นทำเอาผมรีบผละออกอย่างรวดเร็ว ก่อนสอดสายตามองซ้ายมองขวาว่าไม่ใครเห็นไหม
"อย่าทำบ้าๆ แบบนี้สิกาย คนออกกำลังกายกันเต็มไปหมด"
"ทำมาบ่นใจจริงอยากให้ทำมากกว่านั้นก็บอกมาเถอะ" ชายหนุ่มพูดแล้วขยับเข้ามากระซิบบางอย่างข้างหูผม "อยากจับขานายขยับออกเป็นรูปตัว M"
"บ้า!"
ผมหันหน้าหนีเขาไม่อยากให้กายเห็นว่าผมกำลังเขินมากขนาดไหน หูแว่วยินเสียงกายหัวเราะ เขามองผมด้วยสายตาเอ็นดูก่อนเดินไปเล่นเครื่องออกกำลังกายอย่างอื่น
หัวใจผมเต้นแรงเสมอเวลาสบตาเขา ความสัมพันธ์เราคลุมเครือมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือความเร่าร้อนบนเตียง...บางทีผมก็ไม่อยากเป็นแค่คู่นอนเขา
มันถึงเวลาแล้วหรือยังที่ผมจำไถ่ถามถึงความสัมพันธ์ของเรา ผมไม่อยากตกอยู่ในสถานะนี้อีกต่อไปแล้ว กายควรให้คำตอบว่าสำหรับเขาผมเป็นอะไรกันแน่
ริมฝีปากผมเม้มเข้าหากันด้วยความกดดัน ตัดสินใจแล้วว่าเย็นนี้จะคุยกันเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนให้ชัดเจนเสียที
สิ่งที่สนุกที่สุดสำหรับการมาโรงหนังวันนี้คือรอยยิ้มของกาย
ผมเข้าใจดีว่าหนังรอบดึกไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ยิ่งหนังเรื่องที่ฉายอยู่ตอนนี้ไม่ได้มีคนติดตามมากนัก เป็นหนังนอกกระแส หันไปมองด้านข้างแทบไม่เจอคนเข้ามาดูเลย
บรรยากาศมืดๆ ทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่คิดอีกทีแบบนี้ก็เป็นส่วนตัวดีแฮะ และดูเหมือนกายจะพอใจกับความเงียบสงบนี้ สายตาเขาจดจ้องไปยังจอภาพยนตร์ด้านหน้าอย่างตั้งใจ
หมับ!
ผมถือโอกาสนี้แอบจับมือเขาท่ามกลางความมืดแล้วบีบนิ้วหัวแม่มือ กายหันมามองผมแล้วอมยิ้มราวกับจะถามว่าเป็นอะไร พอเห็นผมไม่ตอบเขาจึงหันกลับไปสนใจกับหนังต่อ
แค่เขาไม่ปล่อยมือออก เท่านี้ก็ดีมากแล้ว
เก้าสิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราไม่ได้ปล่อยมือออกจากกัน จนตอนนี้เดินออกมาหน้าโรงหนังเตรียมกลับแล้วสองมือยังคงจับประสานกันอยู่แบบนั้น
"สนุกเนอะ" เขาพูดแล้วหันมามองผมด้วยรอยยิ้ม "ไม่ได้ดูหนังบู๊ๆ แบบนี้มานานแล้ว"
"ไม่ได้ตั้งใจดูหรอก เรามัวแต่มองหน้านาย" ผมตอบไปตามความจริง ตัดสินใจปล่อยมือออกจากเขา "วันนี้ขอไปค้างห้องนายได้ไหม"
กายดูเหมือนจะเหวอไปนิดหน่อยพอผมจู่โจมแบบนั้น "เอาจริงเหรอ? ห้องรกหน่อยนะ"
"คงไม่รกเท่าห้องเราหรอก แล้วไม่ได้ไปสำรวจห้องด้วย ไปทำอย่างอื่นมากกว่า" ผมพูดแล้วหัวเราะ กายอมยิ้มออกมาเหมือนจะเข้าใจความนัยที่ผมต้องการจะสื่อ "ตกลงให้ไปไหมเนี่ย"
"มาสิ นอกจากเรื่องนั้นแล้วมีเหตุผลอื่นอีกไหมเนี่ย"
ผมเดินเข้าไปใกล้ชายหนุ่มมากขึ้นแล้วยกมือขึ้นสัมผัสปลายคางเขา "คืนนี้เราอยากอยู่กับนายทั้งคืน"
เป็นครั้งแรกที่ผมไปห้องกาย เขาเหมือนจะเปิดตัวตนให้ผมได้รู้จักอีกระดับหนึ่ง...ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปด้านใน เหมือนทุกคำพูดที่จะสื่อสารถูกกลืนหายไปจนหมด
ผมเห็นรองเท้าหนังสองคู่วางด้วยกัน แต่ไม่ทันคิดว่ามันอาจจะเป็นของคนอื่นหรือเปล่า
เราจูบกันตั้งแต่หน้าประตู และเริ่มบรรเลงบทรักสุดร้อนแรงตั้งแต่ตอนนั้น กายยังร้อนแรงและสัมผัสผมอย่างดุดัน เขารู้ว่าต้องแตะปลายนิ้วลงตรงส่วนไหนของร่างกายผมถึงจะพอใจ
และคืนนี้ผมก็ได้ใช้เวลากับเขาทั้งคืนจริงๆ เพราะทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว เขา 'จัดการ' ผมหลายครั้งจนแทบไม่มีแรงลุกไปไหน
กายจูบหัวไหล่ผมแผ่วเบาแล้วกระซิบข้างหู "เหนื่อยไหม"
"ไม่เท่าไหร่ ถ้านายไหวเราก็พร้อม" ตอบไปแบบนั้นทั้งที่ร่างกายระบมไปหมดแล้ว
ได้ยินผมพูดแบบนั้นเขาจึงสวมกอดผมจากด้านหลังและซุกหน้าลงกับซอกคอ ไรหนวดเขาถูไถไปกับผิวนุ่มจนผมจั๊กกะจี้ไปหมด
"ทำไมวันนี้พูดจาน่ารักผิดปกติเนี่ย อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม" พูดจบก็หอมแก้มผมอีกฟอดใหญ่
"อยากได้อยู่อย่างหนึ่ง" ผมตัดสินใจพูดออกไป "แต่ไม่รู้นายจะให้เราได้ไหม"
"ลองพูดมาก่อนสิ"
ผมเงียบไป รู้สึกพูดไม่ออก คำขอของผมมันจะมากไปหรือเปล่า กับคนที่รักกันแค่ร่างกายแต่จิตใจอยู่ที่อื่น เท่านี้มันก็มากพอแล้วไม่ใช่เหรอ? ผมไม่ควรจะเรียกร้องอะไร
ทว่าผมมีโอกาสนี้แค่ครั้งเดียวในการแสดงความรู้สึกตัวเองให้เขารู้ อยากลองเสี่ยงดูสักครั้ง
"เราอยากให้นายทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างเราดู เราไม่อยากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีกแล้ว เราต้องการความชัดเจน" ผมหลับหูหลับตาพูดออกไป ร่างสูงที่สวมกอดผมอยู่ชะงักทันที
"พีท..." เขาครางออกมาแผ่วเบาๆ อ้อมแขนที่กอดผมไว้เริ่มคลายออกจนผมใจหาย
"เป็นแฟนกันได้ไหมกาย" ผมหลับตาแล้วพูดออกไปในที่สุด คนที่อยู่ข้างหลังเหมือนจะอึ้งไป ผมเองก็ไม่กล้าขยับตัว ได้แต่นอนตัวแข็งแบบนั้น…ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หยาดน้ำตาไหลรินออกมา
ท่าทางแบบนั้น ผมพอมองออกว่าเขากำลังจะปฏิเสธ
ผมกัดริมฝีปากแน่น ไม่ให้เสียงสะอื้นตัวเองลอดออกมา แค่นี้ก็สมเพชตัวเองจะแย่แล้ว
"เราชอบพีทนะ" ผมได้ยินเสียงเขา และมันทำให้ผมดีใจมาก "พีทเป็นคนน่ารัก แต่ความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มต้นด้วยเซ็กซ์ เราคิดว่ามันยากที่เราจะคบกัน"
"ทำไม..."
ผมได้ยินเสียงเขาถอนหายใจเสียงดัง "เพราะเรามีแฟนแล้วยังไงล่ะ"
"…!" ริมฝีปากผมเม้มแน่นเข้าหากัน เหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาตรงหน้า มือผมเผลอกำแน่นเข้าหากันจนปวดไปหมด ทำไมต้องเป็นผมที่เสียใจคนเดียวอยู่ทุกครั้ง
ทำไมต้องเป็นผมที่ร้องไห้อยู่คนเดียวแบบนี้
"เราอยู่ด้วยกันที่ห้องนี้กับแฟน หมอนที่พีทหนุนอยู่ก็ของแฟนเรา" กายพูดอะไรออกมาอีกหลายอย่าง ทว่าโสตประสาทผมปิดการรับรู้ไปหมดแล้ว "ที่เรากล้าพาพีทมาวันนี้เพราะแฟนเราไม่อยู่"
"…" จิตใจผมหลุดลอยไปไกลแสนไกล คิดอะไรไม่ออกอีกทั้งนั้น
(มีต่อด้านล่าง)
-
"เฮ้อ" เขาถอนหายใจออกมาเสียงดัง "เราแค่อยากลองอะไรใหม่ๆ เท่านั้น ไม่คิดว่า...พีทจะรู้สึกกับเราจริงๆ"
สุดท้าย...ก็เป็นผมเองที่คิดไปคนเดียว
ผมเดินสาวเท้าอย่างเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยๆ ไม่อยากสนใจสิ่งรอบข้างอีกแล้ว ไม่ว่าจะมีผู้ชายกล้ามแน่นหน้าเป๊ะพยายามส่งสายตาให้ผมสักกี่คน...ผมก็ไม่อยากสนใจอีกแล้ว
ความรักผมพังไม่มีชิ้นดีเพราะการปล่อยตัวปล่อยใจมีเซ็กซ์แบบไม่ผูกมัด
เหตุการณ์เมื่อวันก่อนดาเมจหัวใจผมพอสมควร ผมเหมือนคนที่มีแค่ตัว ทว่าหัวใจโบยบินไปไกลแสนไกลเสียแล้ว หลังจากวันนั้นกายพยายามจะเข้ามาคุยกับผม แต่น่าเสียที่โอกาสนั้นมันหมดไปแล้ว
หัวใจผมด้านชาจนแทบไม่รู้สึกอะไรอีก
จากหางตาผมเห็นเขายกดัมเบลอยู่อีกทาง เขามองผมด้วยความเป็นห่วง ซึ่งท่าทางแบบนั้นทำให้ผมหงุดหงิด คนที่จะส่งสายตาแบบนั้นควรเป็นผมมากกว่าหรือเปล่า
...เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลย คนที่ควรมีสายตาเศร้าสร้อยแบบนั้นมันควรเป็นผมมากกว่าหรือเปล่า
ผมหมดอารมณ์จะวิ่งต่อแล้ว ตัดสินใจเดินไปทางห้องอาบน้ำ คิดไว้ว่าวันนี้จะกลับไวหน่อย หมดอารมณ์จะทำอะไรแล้ว ซึ่งผมต้องเดินผ่านจุดที่กายนั่งอยู่...ผมตัดสินใจสาวเท้าเดินไปให้เร็วที่สุด
"เดี๋ยวก่อนพีท" กายเดินเข้ามาดึงแขนผมไว้ "เราขอคุยด้วยหน่อย"
เขาจะมาขอโทษว่าไม่ได้ตั้งใจแอบกินผมฟรีไปตั้งหลายครั้งอย่างนั้นเหรอ?
ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ไม่ได้หันไปตอบรับอะไรเขาสักอย่าง "มีอะไรต้องคุยกันอีก"
"ขอโทษ..." เขาพูดเสียงอ่อย
ฟึ่บ!
ผมสะบัดมือเขาออกครั้งเดียวจนหลุด หมุนตัวกลับมามองเขาด้วยแววตาของคนที่ใจสลาย เสียงที่พูดออกไป ผมไม่ได้หมายความตามนั้นเลยจริงๆ
"ไม่เป็นไร และอย่ามาคุยกับเราอีก ถ้านายยังมาคุยกับเราอีก เราจะย้ายฟิตเนส"
"พีท..."
ผมรีบหันหน้าหนีแล้วเดินไปข้างหน้าทันที ขืนช้ากว่านั้นกายต้องเห็นน้ำตาโง่ๆ ของผมแน่นอน...ผมไม่อยากให้เขารู้ว่าตัวเองเสียใจ ไม่อยากให้รู้ว่าเขามีอิทธิพลต่อความรู้สึกผมมากขนาดไหน
สองเท้าพาเดินเข้ามาที่ห้องแต่งตัว โชคดีที่ด้านในไม่มีใครอยู่เลย...ผมถึงกล้าร้องไห้ออกมา จะต้องอกหักอีกครั้งถึงจะเจอรักแท้
"ฮึก..." ผมกำหมัดแน่น ส่งเสียงร้องให้เบาที่สุด
"น่าสงสารจัง สุดท้ายก็มานั่งร้องไห้คนเดียวแบบนี้"
ผมชะงักทุกการกระทำของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น พอเงยหน้ามองถึงเห็นว่าเป็นผู้ชายคนนั้นที่ผมมีอะไรด้วยตอนย้ายมาฟิตเนสนี้ครั้งแรก
ยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วทำท่าจะเดินหนีไปที่อื่น ผมไม่พร้อมจะคุยกับใครทั้งนั้นเวลานี้
"เดี๋ยวก่อน" เขาพูดแล้วเดินมาซ้อนด้านหลังผมอย่างรวดเร็ว ลมหายใจร้อนระอุเป่ารดต้นคอจนผมเสียววาบไปทั่วร่าง "เราสามารถเช็ดน้ำตาให้นายได้นะ" เขาพูดแล้วสวมกอดผมจากด้านหลัง "จะไม่ให้นายร้องไห้เสียใจแบบนี้ แต่จะให้ร้องด้วยความรู้สึกอื่นมากกว่า"
"อย่ามายุ่ง..."
"จุ๊ๆ อย่าปฏิเสธเลย" เขาพูดแล้วเอื้อมมือลงมากอบกุมส่วนกลางของร่างกายผมพร้อมหยอกล้ออย่างเอ็นดู "บอกแล้วไงว่ารักแท้มันไม่มีอยู่จริง นายอย่าพยายามไขว่คว้าความรู้สึกของคนที่นัดมาเอากันในห้องน้ำเลย"
"…" น้ำตาผมไหลออกมามากขึ้น หัวใจเจ็บร้าวจนแทบจะทรงตัวไม่ไหวแล้ว สิ่งที่เขาพูดทุกอย่างล้วนเป็นความจริงทั้งหมด
"มาเถอะ" เขาจูงมือผมให้เดินหันหลังกลับไปยังห้องอาบน้ำที่ปราศจากผู้คน "นายไม่มีวันเจอรักแท้ คนขี้เหงาอย่างเราสองคนเหมาะที่จะอยู่ในมุมมืดแบบนี้ตลอดไป"
สองเท้าผมก้าวถอยหลังตามร่างสูงไป กรอบสายตาผมมองเห็นใครคนหนึ่งที่เพิ่งเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามา
แววตาผมเบิกโพลงขึ้นทันทีที่เห็นว่ากายกำลังมองมายังผมที่กำลังเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำกับคนแปลกหน้า สายตาเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังจนใจผมร้าวไปหมด
ผมอ่านริมฝีปากเขาที่กำลังขยับพูดโดยไม่มีเสียง
ขอโทษ...
ปัง!
ประตูห้องน้ำปิดลงพร้อมกับภาพเขาที่หายไปจากสายตา...
{THE END}
-
:m15: :m15: :m15:
-
:hao5: :hao5:
-
ลุ้นในลุ้น สุดท้ายพีทก็ไม่เจอรักแท้อยู่ดี :เฮ้อ:
กายคือเห้สุด ไม่จริงจังไม่ว่าแต่คือมีแฟนอยู่แล้วไง อห. :z6:
-
อ่าสรุปเรื่องนี้ไม่มีพระเอก เดาอะไรผิดหมด คิดว่าพระเอกโผล่มาละ สรุปไม่ใช่ นึกว่าคนเก่าเป็นพระเอกด้วยก็ไม่ใช่ ยิ่งรักแรกของพีทก็ไม่ใช่ แงหนูพีทไปหารักจากที่อื่นดีมั้ยคะ ในฟิตเนสน่าจะเจอแต่คนหวังเซ็กส์ แต่กายนี่แอบแฟนมาลองอะ เลวร้ายมาก :angry2:
-
:hao5:น่าสงสารพีท
-
:hao5: o22 :a5: :hao4: :serius2: :sad11: :m15: :o12: :sad4:
โอ้ยยยยยย สงสารพีท คือแบบ น้องให้ไปเท่าไหร่ เสียแล้วเสียอีก ก็เข้าใจว่าเออต่างคนต่างแลก แต่นี่...มาชวนเดทชวนไปห้อง คุยด้วยทุกวัน เกินไปปป โอ้ยยยยหวังว่าพีทจะเจอคนดีๆเข้ามา
-
คนแบบกายคือน่ากลัวมากๆในสังคม :z3:
-
เอ้าาาาาาาาาาาา สงสาร
-
อ่านเม้นแล้วใจบ่ดีเลยจ้าา จบเศร้าแน่เลย ฮืออ
-
ว่าแล้วกาย คือไมไม่บอกแต่แรกว่ามีแฟน มาทำตัวอยากลองทำไมมมมม หวังว่าคนนั้นจะช่วยเยียวยาพีท แต่อย่างว่า จะมาหาคนที่จริงใจจากความสัมพันธ์ฉาบฉวยแบบนี้มันก็ยากค่ะ :hao5:
-
หนูต้องเลิกมาหาตามฟิตเนสลูก ไม่งั้นก็ช้ำใจวนไปแบบนี้เรื่อยๆนะ
-
ทำไมใจร้ายยยย
-
เสียใจแทนพีท เสียใจที่สุด กายรู้สึกดีด้วยแต่ใจร้ายมากเกินไปแล้วนะ
-
โอ๊ยยยยยยย สงสาร :sad4: :sad4:
-
มีแฟนแล้ว แต่ก็นะ...
เฮ้ออออ
-
:pig4: :L1:
-
ตอนแรกนึกว่าจะจบแบบฟีลกู้ด แต่พอเรื่องดำเนินมาถึงตอนมาห้องกายละเจอรองเท้าหนังวางอยู่ 2 คู่ละชัดเลย...
เจ็บซ้ำเจ็บซาก สงสารรรพะพีท
-
พีททำตัวเองทั้งนั้น...พีทเลือกแบบนั้นเองตั้งแต่แรก ไม่แปลกถ้าจะเจ็บซ้ำไปซ้ำมา :ruready
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
-
ความคิดแรกหลังอ่านจบคือ "ทำไมกายทำอย่างนี้"
แล้วสักพักก็คิดได้ ว่าอย่าพยายามหาเหตุผลจากความสัมพันธ์แบบนี้เลย