พิมพ์หน้านี้ - (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Papa614 ที่ 28-06-2018 14:19:52

หัวข้อ: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 28-06-2018 14:19:52
โค๊ด: [เลือก]
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



[color=red]1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม[/color]

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 




ติดตามนักเขียน/แจ้งข่าวสาร (https://www.facebook.com/apaphaty/)


สารบัญ
บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3852909#msg3852909)
บทที่1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3852911#msg3852911)
บทที่2 (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3854798#msg3854798)
บทที่2 (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3854799#msg3854799)
บทที่3 (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3855212#msg3855212)
บทที่3 (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3855941#msg3855941)
บทที่4 (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3856757#msg3856757)
บทที่4 (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3857660#msg3857660)
บทที่5 (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3859195#msg3859195)
บทที่5 (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3859560#msg3859560)
บทที่6 (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3860271#msg3860271)
บทที่6 (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3860272#msg3860272)
บทที่7 (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3860723#msg3860723)
บทที่7 (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3861110#msg3861110)
บทที่8 (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3861872#msg3861872)
บทที่8 (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3862564#msg3862564)
บทที่9 (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3862698#msg3862698)
บทที่9 (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3863388#msg3863388)
บทที่10 (1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3862698#msg3862698)
บทที่10 (2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3863759#msg3863759)
บทที่ 11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3864361#msg3864361)
บทที่12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3865722#msg3865722)
บทที่13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3866522#msg3866522)
บทที่14(1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3868860#msg3868860)
บทที่14(2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3869188#msg3869188)
บทที่15(1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3869991#msg3869991)
บทที่15(2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3874545#msg3874545)
บทที่16(1/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3874548#msg3874548)
บทที่16(2/2) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67633.msg3874549#msg3874549)


สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
[/b]
หัวข้อ: Re: Red fox น้องจะตอบแทนพี่เอง (Yaoi) บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 28-06-2018 14:40:19



Red fox
ชริณ x หมาจิ้งจอก



   เกือบสองสัปดาห์แล้วที่ชริณหวาดระแวงการออกจากบ้านเป็นที่สุด.... เหมือนมีบางอย่างกำลังรออยู่ข้างนอก คอยจ้องมองเขาอยู่ตลอดเวลา... ถ้าไม่จำเป็นเขาจะไม่มีทางออกจากบ้านเด็ดขาด แต่ตอนนี้...วินาทีนี้...เขาจะต้องเสี่ยง เพราะกำลังจะไปทำงานสายแล้ว!

   “เอาไงดีวะ” ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดไปทำงานเต็มตัวพูดกับตัวเอง พลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูด้วยอาการกระสับกระส่าย อยากออกไปทำงานแทบตาย แต่ตอนนี้เขาออกไปไม่ได้

   เพราะมีเจ้าจิ้งจอกแดงคอยเฝ้ามองหน้าประตูบ้านเขาอยู่!

   จริง ๆ มนุษย์ไม่ควรกลัวจิ้งจอกหรือสัตว์ตัวเล็ก ๆ ต้องเป็นเจ้าพวกสัตว์มากกว่าที่ต้องหวาดกลัวมนุษย์ เขาเป็นผู้ชายตัวสูงตามมาตรฐานชายไทย มั่นใจในระดับหนึ่งว่าตัวเองไม่ค่อยกลัวอะไร  ไม่ว่าจะเป็นงู ตุ๊กแกหรือสัตว์แปลก ๆ พวกอสรพิษ ที่คนส่วนใหญ่ต่างหวาดกลัวกัน เขาก็ไม่กลัว ใจกล้าสุดในกลุ่มเพื่อนแล้ว แต่สุดท้ายชรินก็ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับเจ้าจิ้งจอกแดงต่างถิ่นอย่างง่ายดาย

   ไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกแดงเป็นเช่นนี้ทุกตัวหรือเปล่า…

   ย้อนไปเมื่อสองสัปดาห์ก่อนเขาได้ย้ายงานประจำมาอยู่สำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เขาก็เช่าเป็นบ้านพักแทนที่จะอยู่ในหอพักแออัดเหมือนคนอื่น ๆ เพราะความชอบส่วนตัว แม้ค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นถือว่าสูงเมื่อเทียบกับของไทยและยิ่งอยู่โตเกียว แต่สำหรับเขาก็ยังอยู่ในระดับที่พึงพอใจ

   โชคดีที่ชริณได้บ้านพักราคาถูก แต่แลกมากับบ้านที่ถูกปลูกห่างไกลจากครัวเรือนหลังอื่นนิดหน่อย เพราะเจ้าของเดิมชอบอยู่แบบสันโดษ และอยู่เกือบชานเมือง หากจะเข้าไปบริษัทเขาต้องจัดสรรเวลาดี ๆ แค่บ้านนี้ไม่มีผีเขาก็โอเค

   วันแรกที่ย้ายของเข้าบ้าน เขาโคตรรู้สึกดี เรียกได้ว่าชีวิตเหมือนฝันที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ ชริณคลุกคลีกับประเทศญี่ปุ่นจนอยากมาลองใช้ชีวิตที่นี่ผ่านหนังสือการ์ตูนมังงะทั้งหลายแหล่ รวมถึงหนังผู้ใหญ่ด้วย มันเป็นความฝันที่เขาเคยวาดฝันไว้ครั้นในวัยเด็ก พอโตขึ้นมาอายุเลยสามสิบมานิดหน่อย เขาก็สามารถทำความฝันให้กลายเป็นจริงได้

   ขณะที่กำลังยกข้าวของย้ายเข้าที่พักอาศัยซึ่งไม่มีอะไรเลย นอกจากเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว เครื่องอำนวยความสะดวกและเอกสารเกี่ยวกับงานนิดหน่อย หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวเล็กค่อย ๆ เดินออกมาจากโพรงป่าหลังบ้านเขาด้วยท่าทีหวาดกลัว

   เพียงวูบเดียวเขาก็เกิดความสงสารเจ้าจิ้งจอกน้อยนี้จับใจ มันดูผอมกระจ้อยร่อยเหมือนไม่ได้มีอะไรลงท้องมานาน พวงหางก็ดูไม่สวยงามอย่างที่ควรจะเป็น หูของมันลู่ไปข้างหลัง พยายามเข้าใกล้เขาอย่างหวั่น ๆ นั่นชริณรู้ได้ทันทีว่าที่เจ้าตัวนี้พยายามเข้าใกล้เขาทั้ง ๆ ที่กลัวจับใจ คืออยากมาขออาหารเขากิน

   ด้วยนิสัยของคนไทยชอบเห็นใจ ขี้สงสารสัตว์โลกเป็นที่สุด เขาไม่รอช้ารีบวางข้าวของแล้วเข้าไปหาอาหารที่สุนัขจิ้งจอกพอจะกินได้ให้มันกิน ประทังความหิวโหย เพียงเท่านั้น....ชีวิตอันแสนสงบสุขของชริณก็เปลี่ยนไปตลอดกาล....
   



   ชริณค่อย ๆ แง้มเปิดประตูออกอย่างช้า ๆ ไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิต เขาจะต้องมาคอยหลบเลี่ยงสุนัขจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ ตัวเล็กดูไร้พิษสงแต่แสบยิ่งกว่ามดคันไฟ เมื่อเห็นข้างหน้าบ้านโล่ง ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าจิ้งจอกน้อย เขาก็ไม่รอช้า รีบคว้ากระเป๋าทำงานเตรียมเผ่นทันที

   แอ๊! แอ๊!

    ไม่ทันจะได้ปิดประตูบ้านให้สนิทดี เจ้าจิ้งจอกตัวแสบที่โผล่จากไหนก็ไม่รู้ รีบวิ่งมาตะครุบขาเขาแล้วงับขากางเกงสแลคของเขาไว้แน่น พร้อมกับล้มตัวอย่างรู้งาน ชริณมองเจ้าสัตว์ป่าด้วยความตกใจ ดูเหมือนมันรู้เวลาที่เขาต้องออกไปทำงานเวลานี้ ถึงได้แอบสุ่มโจมตีจากพุ่มไม้และทุกอย่างก็เข้าทางเจ้าจิ้งจอกแดงหมด เพราะชริณหลงเชื่อว่ามันไม่ได้อยู่แถวนี้

   มันส่งเสียงร้องเสียงดัง ความโกลาหลระหว่างมนุษย์และสัตว์เกิดขึ้นทันที เมื่อชริณพยายามดึงตัวเจ้าจิ้งจอกออกให้พ้นขา แต่ในขณะเดียวกันมันก็พยายามเกาะแข้งเกาะขาเขาแน่นยิ่งกว่าตัวตุ๊กแก

   “ปล่อยสิโว้ยย ไอ้จิ้งจอกบ้า!”

   แอ๊! แอ๊!

   มันส่งเสียตอบรับอย่างรู้งาน พร้อมกับใช้ลำตัวพันแข้งพันขาชริณยิ่งกว่าเดิม นั่นทำเอาชายหนุ่มถึงกับคิดหนักจะงัดเจ้าตัวนี้ออกจากตัวเขาได้ยังไง ไม่รู้ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่วันนั้น วันที่ชริณตัดสินใจเข้าไปเอาอาหารในบ้านมาให้มันกิน เจ้าจิ้งจอกแดงก็คอยมาหาเขาเช้า เย็น ซึ่งตอนนั้นเขาก็ไม่คิดอะไร ยังคงคิดว่ามันมาขออาหารกินอยู่ จึงได้ให้ไปซ้ำสอง แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าตัวเองคิดผิดอย่างมหันต์

   “ฉันกำลังจะไปทำงานสายนะ” เพราะยิ่งแงะร่างเจ้าจิ้งจอกน้อยมากเท่าไร มันก็ยิ่งเกาะแน่น เขาจึงตัดสินใจปล่อย แล้วคุยกับมันดี ๆ เผื่อมันจะฟังภาษาคนรู้เรื่อง

   มันจ้องเขาตาแป๋ว ลุกขึ้นนั่งอย่างสงบเสงี่ยม เมื่อเขาไม่พยายามงัดร่างมันออกให้พ้นตัว พวงหางสวยแกว่งไสวไปมา เหมือนหมาบ้านที่กำลังให้รอเจ้าของเล่นด้วย แต่มันคงจะลืมไปว่าตัวเองเป็นสัตว์ป่าและเขาไม่ใช่เจ้าของมัน!

   “เอางี้ไหม หลังเลิกงานฉันจะซื้อของอร่อย ๆ มาให้กิน” ชริณยื่นข้อเสนอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุดแสนใจดีแต่ในความเป็นจริง ตอนนี้แทบฆ่าเจ้าจิ้งจอกแดงตรงหน้าได้ด้วยซ้ำ

   “.....” เจ้าจิ้งจอกน้อยเอียงคออย่างฉงน มันไม่ได้ส่งเสียงร้องตอบเหมือนอย่างทุกที แต่ล้มตัวนอนหงายท้องแล้วพยายามใช้เท้าหน้าสะกิดเขาให้เล่นพุงมัน

   แต่ชริณกำลังจะไปทำงานสายแล้ว!

   เขาไม่มีเวลาและอารมณ์จะมาพูดเสียงที่สองกับสัตว์โลกที่น่ารักอีกต่อไป ชริณลูบหัวมันเบา ๆ ให้เคลิ้มได้ที่แล้วเริ่มออกตัววิ่งสุดแรงเกิด ทิ้งให้มันนอนหงายพุงทำหน้างงอยู่อย่างนั้น


   “นี่ไปออกกำลังกายถึงค่อยมาทำงานเหรอวะ” เมื่อมาถึงบริษัทใหญ่ เพื่อนร่วมงานและร่วมสัญชาติอย่างไอ้เมฆก็เอ่ยทักทันที หลังเห็นชริณมาทำงานในสภาพเหงื่อซกอีกแล้ว

   “เออ ช่วงนี้กูฟิตหุ่น”

   “เย—เข้ พี่เขาฟิตหุ่น”

   “ทำไมกูจะออกกำลังกาย ฟิตหุ่นแบบผู้ชายเขาทำกันไม่ได้หรือไง” ชริณย้อนถาม

   “....ยังชอบซากุระอยู่เหรอวะ”

   “.....”

   “เขามีแฟนแล้วนะมึง” บรรยากาศของบทสนทนาเปลี่ยนไป เมื่อเมฆพูดถึงซาโต้ ซากุระ เพื่อนร่วมงานคนสวยสัญชาติญี่ปุ่น แค่พูดถึงเธอยังไม่พอ ไอ้เมฆยังซ้ำเดิมเขา ตอกย้ำสถานะว่าซากุระมีแฟนแล้วอีก นั่นยิ่งไม่ต่างจากการเหยียบบาดแผลในใจที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วซ้ำเข้าไปอีก

   “เดี๋ยวเขาก็เลิกกัน” ชริณพูดเพียงสั้น ๆ อย่างเท่ ๆ ให้เพื่อนตบมืออย่างชื่นชมในความเลว ไม่ว่ายังไงก็ช่าง เขาถือคติไว้อย่างหนึ่งว่า ขนาดแต่งงานกันยังหย่ากันได้เลย นับประสาอะไรกับอีแค่คบ แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เลิกและเขานี่แหละจะเป็นมือที่สามเอง!


   ถึงต่อหน้าเพื่อนจะปากเก่งแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องแอบมาซดเหล้าแถวบ้านด้วยความช้ำใจ ชริณนั่งเท้าคางพลางจิบสาเกประจำท้องถิ่นที่อิซากายะอย่างเหม่อลอย นึกตัดพ้อถึงความใจร้ายของซากุระในใจ รู้ว่าเขาชอบแค่ไหน ยังจะให้ความหวังอีก ใจร้ายกว่านี้ไม่มีใครเกินเธอแล้ว

   ยิ่งคิดยิ่งจิบ เขารินสาเกยกดื่มเป็นหนที่สอง ถึงจะพยายามปลอบใจตัวเองว่าสักวันหนึ่งสองคนนั้นจะเลิกกัน แต่ก็เหมือนรอรถไฟที่สนามบิน เหมือนจะมีโอกาสได้ครอบครองเธอ แต่มันก็เลือนลางและไม่รู้ความหวังนั้นจะเป็นจริงตอนไหน

   หลังจากดื่มจนแทบคุมสติไม่อยู่แล้ว ชริณก็เดินออกจากร้านด้วยสภาพโซซัดโซเซ จวนจะล้มอยู่ร่อมรอ เขาพยามยามประครองสติ เดินสะเปะสะปะไปตามเส้นทางแสงไฟสีเหลืองนวลคอยส่องนำทางให้ จนในที่สุดเขาก็มาถึงบ้านพักของตัวเองด้วยสภาพที่ปลอดภัย แต่สติไม่ค่อยมี

   ก่อนจะเปิดประตูบ้าน ชริณก็เปิดกระเป๋าทำงานตัวเอง หยิบถุงขนมสุนัขออกมา เมื่อนึกได้ว่าตนเองได้ให้คำสัญญากับเจ้าจิ้งจอกน้อยเอาไว้ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ซื้อมา แต่ไหน ๆ ก็เดินผ่านร้านสะดวกซื้อมาแล้วก็อดแวะไม่ได้ เผื่อของกินจะช่วยให้เจ้าจิ้งจอกแดงเลิกยุ่งกับเขาสักระยะ

   เขาหันมองซ้ายขวา มองหาเจ้าตัวดีที่ชอบมาวอแวตอนไปทำงาน แต่กลับไร้เงาของมัน ด้วยความที่อยากจะนอนเต็มที เพียงเท่านั้นชริณก็โยนซองนั้นไว้หน้าบ้านทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้แกะห่อขนม ถ้าเจ้าจิ้งจอกฉลาดนัก เดี๋ยวมันก็คงหาวิธีเจ้าซองขนมนี้ได้เอง ชายหนุ่มคิดเช่นนั้นก่อนจะประคับประครองร่างกายตัวเองเดินเข้าบ้านพัก

   เมื่อมาเข้ามาด้านในชายหนุ่มก็ทำเพียงแค่ปลดกระดุมเสื้อสองสามเม็ด ถอดถุงเท้าโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี ตอนนี้เขาอยากจะนอนเป็นที่สุดแล้ว เปลือกตาก็ใกล้ปิดแล้ว เขาโหยหาโซฟานุ่ม ๆ เป็นที่สุด

   หลังจากปลดเปลื้องเสื้อผ้าให้ตัวเองอยู่ในสภาพนอนสบายได้แล้ว ชริณก็ไม่รอช้า เขารีบกระโดดขึ้นโซฟา คว้าหมอนนอนได้ที่ทันที ในที่สุดเขาก็เคลิ้มหลับในเวลาไม่ถึงสามนาที ทิ้งให้จิ้งจอกตัวน้อยที่แอบเข้ามาผ่านหน้าต่าง จ้องมองตาแป๊วอยู่มุมห้องท่ามกลางความมืด....

   ชา-ริน ซัง หลับไปแล้ว?

   นั่นคือสิ่งที่จิ้งจอกตัวน้อยสงสัย มันเอียงคอมองจากมุมห้องด้วยความฉงน อยากเดินเข้ามาสำรวจแทบตาย แต่ก็กลัวเจ้าของบ้านไล่ตะเพิด ขนาดเมื่อเช้ายังวิ่งหนีมันเลย นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้ ดูเหมือนโชคชะตารู้เห็นเป็นใจให้ชาริน ซังลืมปิดหน้าต่างบ้าน ทำให้จิ้งจอกแดงอาศัยความตัวเล็กลอดเข้ามาผ่านช่องแคบ ๆ ได้

   เมื่อสังเกตว่าอีกฝ่ายหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เจ้าจิ้งจอกจึงกล้าเสี่ยง มันค่อย ๆ เดินย่างเท้าออกมาจากความมืด มันใช้จมูกของตัวเองสูดดม ฟุดฟิดกลิ่นกายของชาริน ซังผ่านมือหนาที่ตกจากโซฟาลงมาอย่างระแวดระวัง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตามแบบฉบับจิ้งจอก จ้องมองใบหน้าหล่อโดยที่มีแสงจันทร์กระทบลงมาผ่านหน้าต่างบ้าน ทำให้มองเห็นสัดส่วนใบหน้าของอีกคนได้อย่างชัดเจน

   เพียงเท่านั้นหัวใจของเจ้าจิ้งจอกน้อยก็เกิดอาการเต้นแรงอีกครั้ง....

   การที่สัตว์ตกหลุมรักมนุษย์เป็นเรื่องที่ผิดมหันต์และไม่ควรอย่างยิ่ง แต่จิ้งจอกน้อยเชื่อว่าตัวเองสามารถทำได้...มันลองส่งเสียงแอ๊ ๆ ตามแบบฉบับของเจ้าจิ้งจอกอีกครั้ง มันครางดังในลำคอ จ้องหน้าชาริน ซังไม่กะพริบเผื่ออีกคนจะตื่นขึ้นมา แต่ก็มีแค่
ความเงียบตอบกลับมา
   เพียงเท่านั้นมันก็รับรู้ได้ทันทีว่าสวรรค์ได้ให้โอกาสแล้ว ไม่รู้โอกาสแบบนี้จะมีอีกกี่ครั้ง เมื่อคิดได้เช่นนั้นมันก็ไม่รอช้า ต้องรีบจัดการตัวเองให้เสร็จภายในราตรีนี้ อีกทั้งถือเป็นการขอบคุณชาริน ซังที่คอยให้อาหารและความช่วยเหลือมาตลอด

   จิ้งจอกน้อยกระโดดขึ้นไปบนโซฟานุ่ม เตียงเดียวกับชาริน ซังมันขึ้นไปนั่งบนอกของมนุษย์หนุ่มอย่างไม่กลัวตาย ก่อนร่างของจิ้งจอกแดงตัวจ้อยจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ จากขนสีน้ำตาลแดงยาวสลวยก็ค่อย ๆ สั้นขึ้น จมูกและปากยาวยืดก็ค่อย ๆ ลดลง ลำตัวขยายใหญ่ขึ้น

    ...จนในที่สุดก็อยู่ในร่างมนุษย์หมาจิ้งจอกโดยที่ไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกายและกำลังนั่งทับตักแกร่งพนักงานออฟฟิศ

   ตำนานที่เล่าขาน แต่ไม่เคยมีหลักฐานมารองรับ เพราะไม่เคยจับตัวมนุษย์หมาจิ้งจอกได้เป็น ๆ เสียที สุดท้ายก็กลายเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก แต่ใครจะรู้เล่าว่ามนุษย์หมาจิ้งจอกมีอยู่จริงและเหลือแค่เขาเพียงตัวเดียว...

   ดูเหมือนสวรรค์ได้มอบภารกิจใหญ่หลวงให้กับเขา หากสิ้นชีวิตนี้ไป เชื้อสายของมนุษย์หมาป่าก็สูญสิ้นจากโลกนี้เช่นกัน เพราะเหลือเพียงตัวเดียวที่มีเชื้ออยู่ ทำให้ธรรมชาติได้สร้างสองเพศไว้ในตัวเดียวกัน ทางเดียวที่เผ่าพันธุ์จะอยู่รอดคือเขาต้องท้อง

   เมื่อคืนร่างเป็นมนุษย์จิ้งจอก สะโพกอิ่มก็เริ่มเสียดสีขยับเป็นจังหวะ ไม่สนใจว่ามนุษย์ใต้ร่างต้องการคำขอบคุณนั้นไหม เสียงหวานเริ่มครางฮึมฮัมในลำคอ เขามีเวลาไม่มากนัก ต้องทำจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง

   “ค—ใคร” ชริณถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาหนักอึ้งไปหมดแทบไม่อยากจะลืมตาด้วยซ้ำ แต่ก็รับรู้ได้ถึงบางอย่างที่กำลังนั่งทับตนเองและเสียงเสียดสีของผ้า ดังเป็นระยะ ๆ

   “น้องเอง” คนที่แทนตัวว่าน้องเอ่ยตอบ ขณะที่ช่วงล่างก็ยังคงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ปลุกเร้าอารมณ์ทั้งคนใต้ร่างและของตัวเอง

   “อะ...อา น้องไหน ลูกคนเดียว”

   “น้องนี่ไง....นอนนะ น้องจะจัดการเอง” คนตัวเล็กพูด ก่อนจะประกบจูบแผ่วเบา หมายให้มนุษย์ใต้ร่างเคลิ้มหลับ  ตลอดทั้งคืนนี้น้องจะตอบแทนให้พี่เอง

   เมื่อการเสียดสีช่วงนั้นได้ที่แล้ว จนภายใต้กางเกงของชาริน ซังมันคับพองเหมือนถูกสูบลมเอาไว้ เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวหมายจะปลดเปลื้องกางเกงให้ แต่ต้องเจอปัญหาโลกแตกของสัตว์ เมื่อเปิดเข็มขัดไม่เป็น! น้องจ้องเข็มขัดด้วยความฉงนใจ ลองเอานิ้วถู ๆ ดูมันก็ไม่ออก พยายามกระชากก็ไม่ออก สุดท้ายก็ได้นั่งมองอย่างจนปัญญา

   “พี่..พี่จ๋า ช่วยน้องด้วย น้องเปิดไม่ออก” มนุษย์หมาจิ้งจอกพูดแผ่ว ลองเสี่ยงปลุกชาริน ซังดู เรื่องสืบพันธุ์มันสำคัญต่อเผ่าพันธุ์ของเรา หากอีกฝ่ายไม่ยินยอมหรือตื่นมาพร้อมกับสติที่หายไป มนุษย์จิ้งจอกผู้นี้ก็ต้องวิ่งหายเข้าไปในป่าลึกและก้มหน้ารับชะตากรรมว่าต้องสูญพันธุ์

   “เปิดอะไรวะเนี่ย” ชรินพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญทั้ง ๆ ที่ไม่ลืมตา สติก็พร่าเลือนเต็มทีแต่ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์อย่างว่า ภาพในหัวคือซาโต้ ซากุระแจ่มชัด

   “เปิดตรงนี้....” ว่าจบเจ้าจิ้งจอกน้อยก็จับที่หัวเข็มขัดมน “เปิดให้น้อง น้องจะทำให้พี่สบายตัว” เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดด้วยน้ำเสียงหวั่น ๆ มองคนที่เริ่มคิ้วขมวดเพราะความไม่สบายตัวอย่างลุ้น ๆ

   เมื่อได้ยินว่าต้องการอะไร ชรินก็ปลดเข็มขัดให้อย่างไม่เฉลียวใจว่าตนเองกำลังพูดกับใคร เพราะเขาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง…

   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถึงกับยิ้มอย่างดีอกดีใจ เมื่ออุปสรรคเมื่อครู่ได้หายไปแล้ว น้องไม่รอช้ารีบปีนป่ายขึ้นไปทับตักแกร่งตามสัญชาตญาณ ก่อนที่ปัญหาหนที่สองจะตามติด ๆ

   “เข้ารูไหนวะเนี่ย” น้องพูดกับตัวเอง เพราะธรรมชาติคัดสรรและสร้างให้มีสองเพศในตัวเดียวกัน ทำให้เกิดความสับสนว่าควรเข้าตรงไหนดี แม้จะทำตามสัญชาตญาณ แต่มันก็ไม่ได้บอกละเอียดนัดและนี่ก็คือครั้งแรกที่ได้ทำภารกิจ รู้แค่ว่าตอนนี้เขาต้องการเหลือเกิน

   สุดท้ายก็ต้องทำการสุ่มทางเข้า มนุษย์หมาจิ้งจอกตัวน้อยหลับตาปี๋ ค่อย ๆ จับส่วนร้อนผ่าวของอีกฝ่ายสอดเข้ามาในร่างตน กลีบปากบางถึงกับเม้มแน่นเพราะความเจ็บแปลก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเพราะความกระสันอย่ากมากมาย จึงพยายามทำให้มันเข้ามาจนสุดความยาว

   “อือ....” น้องครางฮือในลำคอ เมื่อเริ่มขยับสะโพกอิ่มตามสัญชาตญาณ ความต้องการหมุนเกลียวเหมือนเป็นลูกพายุกำเนิดอยูในร่าง จากจังหวะที่เชื่องช้าก็กลายเป็นเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ตามสัญชาตญาณความต้องการ ประกอบกับเสียงคำสั่งคนใต้ร่างที่จับใจความได้ว่าให้ทำเร็วกว่านี้

   “พี่จ๋า น้อง....น้อง” เสียงครางกระเส่าดังขึ้นขณะที่กำลังบอกความรู้สึกตนเองในตอนนี้ให้มนุษย์ใต้ร่างได้รับรู้  ฝ่ามือร้อนของมนุษย์หนุ่มเอื้อมมาจับบั้นท้ายนุ่มนิ่มที่ขยับช้าเกินไป จนเป็นฝ่ายควบคุมเสียเอง ภาพของซากุระยิ่งชัดเจน หลังความต้องการเริ่มใกล้มาถึงฝั่งฝันอยู่ในไม่ช้า ก่อนที่บางอย่างจะฉีดพุ่งเข้าไปในร่างของคนในฝัน พร้อม ๆ กับมนุษย์จิ้งจอกที่ซบลงอกแกร่งอย่างหมดแรง

   “ดี...ดีที่สุด” ชรินละเมอพูด ก่อนจะโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของซากุระ หญิงสาวที่ได้ครอบครองแค่ในความฝันเอาไว้แน่น
หัวข้อ: Re: Red fox #น้องจะตอบแทนพี่เอง (Yaoi) บทที่1
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 28-06-2018 14:43:17



01
[/b]



   ชรินตื่นมาพร้อมอาการแฮงค์และสบายตัวแปลก ๆ แต่ด้วยหัวที่หนักอึ้งเกินกว่าจะเปิดเปลือกตาไหว เขาจึงต้องโทรลางานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ต้องทำใจยอมรับว่าการลางานกะทันหันครั้งนี้ อาจถูกหักเงินเดือนตามกฎของบริษัท แต่เขาแบกสังขารไปไม่ไหวจริง ๆ

   เมื่อคืนในความฝันมันดีมาก ๆ มันดีเกินไปจนเขานึกว่าเป็นเรื่องจริง หลังจากนึกได้ว่าเมื่อคืนฝันว่าอะไร ชริณก็รีบลุกขึ้นสำรวจร่างกายและรอบตัวของเขา เผื่อเมื่อคืนเขาหิ้วผู้หญิงกลับมานอนด้วยแล้วจำไม่ได้ ทว่ารอบตัวกลับเงียบสงบ เขาไม่ได้พาใครมานอนด้วย

   ชริณถอนหายใจอย่างอก มีเพียงแค่เข็มขัดและท่อนล่างที่หลุดลุ่ย กางเกงยับยู่ยี่ไปหมด แต่ท่อนบนของเขายังอยู่ครบ จึงมีความเป็นไปได้ว่า เมื่อคืนเขาอาจโลกสวยด้วยมือเรา

   “อ้าว เมื่อวานลืมปิดหน้าต่างเหรอวะ”

   สุดท้ายวันนี้เขาก็กลายเป็นคนว่างงานโดยปริยาย ชริณนอนยาวจนถึงช่วงสายของวัน ก่อนจะลุกขึ้นทำซุปร้อน ๆ กินพร้อมกับยาแก้แฮงค์ อากาศในวันนี้หนาวกว่าปกติ สังเกตจากหิมะที่ตกโปรยปรายข้างนอก

   ในขณะที่ชริณกำลังนั่งดูโทรทัศน์และซดซุปไปด้วย เขาก็ได้ยินเสียงขูดประตูหน้าบ้านดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ไม่ต้องส่องตาแมวก็รู้ว่าคงเป็นฝีมือเจ้าจิ้งจอกตัวป่วนแน่ ไม่รู้ทำไมมันถึงตามติดเขาแจนัก พักหลังชริณก็ว่าไม่ได้ให้อาหารมันแล้ว แต่ทำไมมันถึงไม่ยอมไปเสียที

   เขาเร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้น หวังจะกลบเสียงขูดประตูของมัน ขนมที่บอกว่าจะให้ก็โยนทิ้งไว้หน้าบ้านแล้ว แต่ดูเหมือนมันยังไม่พอใจ

   คราวนี้มันไม่จบแค่การขูดประตูเรียกร้องความสนใจ แต่กลับส่งเสียงร้องดังลั่นตามแบบฉบับของมัน ขนาดเร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้นจนสุดยังไม่สามารถกลบเสียงของมันได้ กลายเป็นว่าตอนนี้ชริณกำลังสร้างสงครามประสาทกับสัตว์

   “โว้ยย! หยุดร้องได้แล้วโว้ย ไอ้จิ้งจอกบ้า!” สุดท้ายก็กลายเป็นเขาที่ทนไม่ไหว

   แอ๊! แอ๊! มันส่งเสียงตอบกลับพร้อมกับขูดประตูชุดใหญ่ คราวนี้หนักว่าเดิมจนเขากลัวว่าประตูจะเกิดรอย สุดท้ายชริณก็ต้องลุกขึ้น เขาเดินไปยังประตูหมายจะจับมันโยนทิ้งเสีย ข้อหาสร้างความรบกวนและรำคาญอย่างถึงที่สุดตั้งแต่เช้า

   ทันทีที่กระชากประตูออกอย่างอารมณ์เสีย มันก็นั่งจ้องแป๋ว ดูสงบเสงี่ยมเหมือนเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในปากของมันคาบซองขนมที่เขาโยนไว้ในเมื่อคืน มีการกัดแทะซองไปแล้ว แต่เหมือนมันยังกินไม่ได้

   “เฮ้ย! เข้ามาไม่ได้ โน!” ชริณร้องห้ามเสียงหลง เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อย ทำท่าจะเดินเข้ามาในบ้านของเขา เขารีบเอาขากั้นไว้อย่างทันท่วงที แต่มันกลับหันก้นให้ เอาก้นถูขาเขาพร้อมกับช้อนตามองยิ่งว่าผู้หญิง พฤติกรรมแบบนี้มันไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งเขาก็ตกใจมาก ยกขาขึ้นหลบมันแทนไม่ทัน

   “บอกว่าไม่ได้ไง เจ้าหมาโง่! อ้าว แล้วขาหลังเป็นไรล่ะนั่น” ชริณพูดกับมัน หลังสังเกตว่าขาหลังมันเดินกะเผลกเหมือนเจ็บสะโพก พอจะเอื้อมไปจับหมายจะดูอาการให้มันก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ สงสัยกลัวเขาทำมันเจ็บซ้ำสอง

   มันเดินนวยนาดเข้ามาในบ้านเขา คราวนี้มันชักเหิมเกริมนัก ปกติมันจะเฝ้าโจมตีอยู่หน้าบ้าน คอยงับกางเกงไม่ยอมให้เขาไปทำงาน แต่คราวนี้มันกลับมาไกลกว่านั้น อีกเพียงนิดเดียวชริณจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวยกเว้นห้องนอนแล้ว ดีไม่ดีวันข้างหน้า เขาอาจไม่มีที่ซุกหัวนอนก็ได้

   “เอาขนมมานี่ เดี๋ยวแกะให้”

   “.....”

   “ได้กินแล้ว ก็ต้องออกไปนะ ไม่ให้อยู่ เข้าใจ๊?” เขาพูดแล้วดึงซองขนมออกจากปากมันหมายจะแกะให้ มันไม่ได้ส่งเสียงตอบรับ แต่กลับชำเลืองมองเขาครู่หนึ่งและหันมองไปทางอื่นอย่างมีจริตจะก้าน ยิ่งกว่าหมาบ้านตัวเมีย

   “.....”

    “ทำไมไม่เข้าป่าวะเนี่ย แกไม่ใช่หมาบ้านนะเว้ย”

   “.....”

   “นึกว่าตัวเองเป็นหมาบ้านรึไง” เขาถาม ก่อนจะชะงักไปเมื่อมันอ้าปากกว้างเหมือนห้าว แต่โชว์เขี้ยวแหลมครบทุกซี่

   “อ้าวนี่ ขนมแกะให้แล้ว ออกไปได้เลย ว่าจบชริณก็เอาขนมยัดใส่ปากให้มันคาบไว้ออกไปแทะข้างนอก แต่มันกลับจ้องตาแป๋ว พยายามขยับเข้ามาใกล้เอาหัวซุกแขน ถูไปมาอ้อนยิ่งกว่าลูกแมว

   “อยู่ไม่ได้ จะไม่ใจดีแล้วด้วย” เขาว่าเสียงเข้ม คราวนี้มันหูลู่หางตก ดวงตาดูเศร้าสร้อยยิ่งกว่าสัตว์แสนรู้ ทำเอาคนมองรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นคนใจร้าย ใจอำมหิตมาก ๆ

   “เฮ้อ...งั้นกินเสร็จก็ต้องออกไปนะ ไม่ให้อยู่จริง ๆ” สุดท้ายชริณก็ต้องยอมมันอีกจนได้...

   เป็นครั้งแรกที่ทั้งวันเขาได้ใช้ชีวิตกับสุนัขจิ้งจอก ส่วนใหญ่เราจะเล่นซ่อนแอบกันตอนไปทำงานก็เท่านั้น แต่ครั้งนี้มันต่างจากทุกที หลังจากที่มันกินขนมเสร็จ มันก็นอนหมอบดูโทรศัพท์ พยายามทำตัวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชริณไม่ได้ลืมไล่มัน เขาแค่เห็นว่ามันไม่ซุกซน ทำตัวเป็นหมาผีเหมือนเช่นทุกวัน ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ถ้ามันเบื่อก็คงออกจากบ้านเขาเอง

   แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดผิด เพราะมันหลับคาพรมเช็ดเท้าของเขาถึงเย็น พยายามเอาเท้าเขี่ยก็ไม่ตื่น ไม่รู้หมาจิ้งจอกมันกินน้อยหรือยังไง เพราะทั้งวันมันอยู่กับเขาและกินเพียงขนมหนึ่งซองเท่านั้น

   “แกนี่มัน....”

   “.....”

   “ถ้าพรุ่งนี้เห็นว่า¬ขี้ในบ้านจะโดนไม่น้อย” สุดท้ายชริณก็ต้องเสียสละพรมเช็ดเท้าให้กับมัน เขาปล่อยให้มันนอนนอกห้องอย่างสบายใจ เพราะขี้เกียจไล่มันออกจากบ้าน ดีไม่ดีปลุกหมาจิ้งจอกตอนหลับ อาจได้แผลเป็นของฝากก็ได้ ส่วนเจ้าจิ้งจอกน้อยเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องของมนุษย์ก็โบกสะบัดพวงหางเบา ๆ ด้วยความดีใจ

   ....คืนนี้พี่จ๋ารอน้องก่อนนะจ๊ะ น้องจะไปบริการความสุขให้ถึงที่




   
   ถึงอยากจะเข้าไปคลุกคลี อยู่ใกล้ ๆ ชาริน ซังสักแค่ไหน แต่เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ต้องอดทนรอ หลังจากชาริน ซังเข้าไปในห้องนอนแล้ว เจ้าจิ้งจอกน้อยก็นั่งมองหน้าห้อง รอให้ไฟข้างในดับไปก่อนถึงจะเข้าไปได้

   ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบนโลก แบกรับภารกิจอันใหญ่หลวงเอาไว้ น้องไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ เพราะเป็นจิ้งจอกที่กลัวคน ไม่กล้าเข้าใกล้ใคร เพราะกลัวถูกทำร้าย แต่ก็เหมือนฟ้าดินเป็นใจเปิดทางให้น้องได้เจอกับชาริน ซังผู้ไม่ต่างจากเทวดา เป็นเจ้าชีวิตของน้อง ถึงแม้อีกฝ่ายจะคอยผลักไสไล่ส่ง แต่ก็คอยให้อาหารกิน ไม่เคยปล่อยให้อดอยากสักมื้อ

   ด้วยความอดอยากปากแห้ง ในป่าเย็นมีแต่หิมะโปรยปราย มองทางไหนก็เจอแต่หิมะ เพราะอากาศหนาวที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบทศวรรษของญี่ปุ่น อาหารที่เคยกินอย่างอุดมสมบูรณ์กลับขาดแคลน พ่อแม่ที่เคยอยู่เป็นครอบครัวก็ล้มหายตายจาก จนเหลืออยู่เพียงลำพัง

   ชีวิตที่เคยมีแต่ความสุขจางหายไป น้องเหลือเพียงตัวเดียว จิ้งจอกตัวอื่นก็ไม่มีตัวไหนเหมือนกับครอบครัว เพราะความอดยากบางครั้งก็ต้องแย่งอาหารกัน กลายเป็นปรปักษ์กันโดยปริยาย น้องซึ่งตัวเล็กกว่าใคร ตามประสาจิ้งจอกที่มีเชื้อมนุษย์อยู่ในตัว จึงต้องแพ้อยู่เรื่อยไป

   จากที่เคยกลัวมนุษย์มากกว่าสิ่งใดบนโลก กลายเป็นว่าการที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องน่ากลัวกว่านัก วัน ๆ นึกแต่ว่าจะมีอะไรตกขึ้นท้องไหม พรุ่งนี้อยู่รอดปลอดภัยหรือเปล่า ต้องคอยมาคุ้ยถังขยะหาเศษอาหารที่ติดตามถุงพลาสติก ข้างถนนเขตที่มนุษย์อาศัยอยู่เพื่อไม่ให้ตัวเองอดตาย

   จนกระทั่งวันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป.... เมื่อบ้านที่น้องอาศัยหลบฝน หลบพายุหิมะอยู่หลังบ้าน ที่เดิมที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ได้มีคนย้ายเข้ามา น้องแอบมองอย่างหวาดระแวง ชาริน ซังในตอนนั้นก็ดูเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันก็ดูแตกต่าง ไม่คล้ายกับคนญี่ปุ่น

   เสียงท้องที่ร้องหาอาหาร ให้หาอะไรตกลงกระเพาะได้แล้ว เร่งเร้าให้น้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะอดตายของจริง ด้วยความที่คิดไปเองว่าชาริน ซังอาจจะดีใจ เพราะหน้าตาดูแปลกประหลาดไม่เหมือนมนุษย์ที่เคยเจอ ทำให้น้องตัดสินใจค่อย ๆ เดินเข้าไปขออาหารด้วยความหวาดกลัว

    นับตั้งแต่นั้นน้องก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้คิดผิดแต่อย่างใด อย่างน้อยชาริน ซังก็คือเทวดาของน้อง

   จริง ๆ น้องฟังภาษาของชาริน ซังไม่ค่อยออกเท่านั้น ภาษาของชาริน ไม่เหมือนภาษาที่น้องรู้จัก มีฟังออกบ้างบางคำ แต่ส่วนใหญ่อาศัยฟังน้ำเสียงและท่าทางของอีกฝ่ายทั้งนั้น ถึงคุยกันรู้เรื่องมาถึงทุกวันนี้

   แม้วันนี้จะได้กินอาหารที่ชาริน ซังเรียกว่าขนมแค่ซองเดียว แต่หากเทียบชีวิตแต่ก่อนที่ยังไม่มีเทวดาคอยช่วยเหลือ อดมื้อกินมื้อ บางครั้งหาเศษอาหารไม่ได้ จนไม่ได้กินข้าวถึงสองวันติด แค่นี้สบายมาก น้องอยู่ได้

   ไฟห้องชาริน ซังดับไปแล้ว พวงหางสายจิ้งจอกน้อยขยับไปมาด้วยความดีใจตามสัญชาตญาณ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวิบวับเหมือนเห็นอาหาร เมื่อเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนกำลังจะฉายวนอีกครั้ง แม้น้องจะจับสะโพกก็ไม่เป็นไร เพื่อแลกกับการทำภารกิจของตัวเองและให้ชาริน ซังมีความสุข อย่างน้อยก็ในความฝัน น้องทำได้!

   ถึงไฟในห้องชาริน ซังจะดับแล้ว แต่น้องก็ยังต้องรอเวลา ปิดไฟแล้วใช่ว่าคนในห้องจะหลับเลย ระหว่างนั้นน้องก็มองหามุมเพื่อแปลงกายกลับคืนร่างมนุษย์ จะได้เปิดลูกบิดไปหาชาริน ซังที่รักง่าย ๆ

   ที่ ๆ เหมาะกับการแปลงร่างมากที่สุดก็คือมุมในครัวของชาริน ซังเพราะมืดทึบ น้องค่อย ๆ เดินไปตรงนั้น ขณะที่กำลังหลับตาเตรียมจะคืนร่างเหมือนอย่างเดิม จู่ ๆ ประตูห้องนอนของชาริน ซังก็เปิดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

   “....!!”

   “อ้าว หายไปไหนแล้วล่ะ” น้องแอบมองชาริน ซังอยู่มุมหนึ่งในเคาน์เตอร์ครัวด้วยความตื่นตระหนก ดีที่น้องยังไม่แปลงร่าง อาจเร็วไปนั้นไปสักนาที ความลับที่มีมาตั้งแต่กำเนิดอาจไม่เป็นความลับอีกต่อไป

   “......”

   “เฮ้อ อุตส่าห์จะเอาผ้าเน่ามาห่มให้” ชริณบ่นกับตัวเองเสียงแผ่ว เมื่ออุตส่าห์ใจดีหาผ้าห่มเล็ก ๆ ผืนที่ไม่ได้ใช้แล้วมาให้เจ้าจิ้งจอกน้อยห่ม เพราะกลัวหนาว แต่กลับไม่พบแม้แต่เงา เขาส่ายหน้าอย่างระอา เจ้าตัวนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ นึกจะมาก็มา ไล่ให้ไป ไม่เคยเขยิบ พอจะไปก็หายไปเอง

   เมื่อไม่มีใครอยู่ข้างนอกแล้ว ชริณก็กลับเข้าห้องตัวเองเตรียมตัวเข้านอนเสียที พรุ่งนี้ยังไม่ใช่วันหยุด เขาต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า ฉะนั้นควรรีบเข้านอนตั้งแต่ตอนนี้

   เสียงปิดประตูดังขึ้น ชาริน ซังเข้าไปในห้องนอนแล้ว ทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาอะไรกินในครัว แต่ก็ไม่ แอบรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยที่ชาริน ซังหาผ้าห่มมาให้ แม้จะไม่อยากให้อยู่ในบ้านเพียงใด แต่สุดท้ายก็แอบเป็นห่วงทุกที เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่เปิดประตูออกมาเป็นหนที่สองแล้ว น้องก็ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ตั้งจิตไว้ให้มั่น เพื่อทำการกลายร่างอย่างที่ควรจะเป็น

   ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่น้องกลายร่างได้ แต่ครั้งแรกที่รู้วิธี แทบเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเขา เพราะกลายเป็นมนุษย์ตอนอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่ามากกว่าห้าตัว

   การที่เป็นมนุษย์อยู่ท่ามกลางป่าเขาที่มีสัตว์ดุร้ายและอสรพิษอยู่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก จริงอยู่ที่สัตว์ป่ามักจะกลัวมนุษย์แต่ก็มีบางส่วนอยากลองดีอยู่เสมอ อย่างเช่นงู หมีหรือหมาป่า

   การกลายร่างเป็นมนุษย์อยู่กลางป่าไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก ทักษะบางอย่างของมนุษย์มีไม่เทียบเท่ากับจิ้งจอก สัตว์ที่มีพื้นเพอยู่ในป่าตั้งแต่กำเนิด และมีเลือดอีกครึ่งหนึ่งที่อยู่ในตัวน้อง จิ้งจอกว่องไวกว่ามนุษย์และสายตาเร็วกว่า จึงเหมาะที่จะอยู่ในป่ามากกว่า

   เสียงเปิดประตูห้องค่อย ๆ ดังขึ้นในความเงียบ ร่างเล็กที่ปรับสายตาได้ดีในยามวิกาลจ้องมองเตียงใหญ่ที่มีชาริน ซังนอนอยู่อย่างเป็นเป้าหมาย น้องค่อย ๆ ปิดประตูลง ลอบเลียกลีบปากอย่างประหม่าเพราะกลัวจะถูกจับได้ หัวใจดวงน้อยระส่ำระส่าย น้องสัญญาว่าคืนนี้อยู่ไม่นาน พอเสร็จภารกิจจะรีบออกจากห้องนี้ไป ไม่ปล่อยให้พี่กอดตลอดทั้งคืนเหมือนครั้งก่อน

   “.....”

   “.....”

   เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ชะโงกหน้าดูชาริน ซังอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายปิดเปลือกตาสนิท หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เหมือนกำลังอยู่ในนิทราห้วงลึก รอยยิ้มของเจ้าจิ้งจอกผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะภาพตรงหน้า ความจริงน้องไม่อยากทำตอนพี่หลับ แต่ขอถ้าทำตอนพี่ตื่น พี่ก็คงไม่สมยอม น้องจึงต้องทำในเวลานี้

   เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ไม่รอช้า รีบกระโดดขึ้นเตียงนุ่มขึ้นคร่อมชาริน ซังเอาไว้ ดวงตาเรียวจ้องหน้าเทวดาของตัวเองอย่างเคลิบเคลิ้ม ยิ่งได้มองหน้าใกล้ ๆ ก็ยิ่งใจเต้นแรงยิ่งกว่าอะไร แม้อีกฝ่ายจะหลับตาอยู่ก็ตาม

   ไม่มีใครหล่อเท่าชาริน ซังของน้องแล้ว...

   โชคดีที่วันนี้ไม่มีเข็มขัดซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำภารกิจและน้องก็ไม่สามารถเปิดมันเองได้ มีเพียงแค่กางเกงหัวยางยืดโง่ ๆ เท่านั้น แต่น้องคิดว่าตัวเองจัดการได้โดยไม่ต้องให้พี่ช่วยเหลือ

   ทุกอย่างต้องอาศัยความเร็ว น้องจะชักช้าไม่ได้ เวลาไม่เคยคอยใคร มือเล็กรีบเอื้อมไปจับหัวกางเกงของชาริน ซังด้วยอาการใจเต้นแรง ก่อนจะค่อย ๆ รั้นมันลงอย่างช้า ๆ

   น้องสูดลมหายใจเข้าเพื่อตั้งสติ ก่อนจะจับมันเข้ามาในร่างแต่เข้ามาในอีกช่องทางหนึ่ง ที่ไม่ใช่แบบเมื่อคืน ความปวดหนึบเล่นงานน้องเข้าอย่างจัง มันเจ็บจนเหมือนจะแยกร่างน้องออกเป็นชิ้น ๆ ร่างกายเกร็งไปหมด ดูผิดจากธรรมชาติ เพราะสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่าง

   “ท—ทำไม ครั้งนี้มันเจ็บล่ะ อือออ” น้องส่งเสียงร้อง มันเจ็บจนแทบน้ำตาไหล อยากจะเอาออกร่างเร็ว ๆ แต่ก็ต้องอดทน น้องต้องทำสำเร็จ!

   “อะไรเนี่ย”

   “.....!!” ทุกอย่างหยุดนิ่งชั่วขณะ เมื่อจู่ ๆ ชาริน ซังก็พูดขึ้นมา น้องที่กำลังทำภารกิจและจัดการกับสิ่งแปลกปลอมแทบหยุดสายตา หลังชาริน ซังลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ อีกฝ่ายหรี่ตามอง พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย

   “น—นี่ความฝันเหรอ”

   “จ้ะ...นะ..นี่ความฝัน” น้องตอบเสียงสั่น

   “อะ...อาละ...แล้ว ทำไม อืม....” ชริณที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าและรู้สึกดีกับบางสิ่งบางอย่างกำลังประติดประต่อทุกอย่างเข้าในหัว แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือความฝันกันแน่ มันเหมือนกับความจริงแต่ก็รู้สึกแปลกประหลาด

   “พี่จ๋า น้องขอโทษนะจ๊ะ แต่พี่จ๋าจะมาตื่นตอนนี้ไม่ได้” เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ขอโทษขอโพยยกใหญ่ ก่อนจะคว้าของบางอย่างที่อยู่ข้างตัวตบเข้าที่หัวพี่อย่างเต็มแรงจนอีกฝ่ายสลบไป

   “ฮือ...น้องขอโทษ” เจ้าจิ้งจอกแต่พรรณนาคำขอโทษ แต่พี่จ๋าจะมาตื่นตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ น้องกลัวพี่ตกใจที่แรกพบต้องมาเห็นกันในสภาพเช่นนี้



   
   “โอ้ยยยย” เสียงโอดครวญของชายหนุ่มดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ หลังเขาตื่นมาในสภาพที่หัวโน มิหนำซ้ำความเจ็บยังเล่นงานตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา

   ความเจ็บเข้าเล่นงานอย่างจัง ทำเอาชริณถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เขาจำได้แค่ว่าตัวเองฝัน แต่มันช่างเลือนลางเหลือเกิน ก่อนที่ทุกอย่างจะวูบหายไป แต่ไม่ว่ายังไง ถึงจะปวดหัวแค่ไหน ในวันนี้เขาต้องไปทำงานให้ได้ ชริณจะไม่ยอมลางานสองวันติดเด็ดขาด

   เขาเดินโงนเงนเข้าห้องน้ำ ทำกิจวัตรของตัวเองอย่างเช่นทุกวัน เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าความต้องการของเขา มันทำงานได้ดีเกินไป เมื่อคืนก่อนเขารู้สึกสบายตัว เพราะเมาแล้วโลกสวยด้วยมือเราจนจำอะไรไม่ได้ แต่คราวนี้ชริณกลับรู้สึกคั่งค้างเหมือนยังไม่เสร็จสม มันน่ารำคาญจนเขาต้องรีบจัดการมัน ก่อนที่จะเริ่มทำอย่างอื่น

   ฝั่งจิ้งจอกแดงก็ได้แต่นอนหงอยรอชาริน ซังอยู่หน้าบ้านอย่างใจจดจ่อ ถึงหิมะกำลังตกโปรยปราย แต่น้องไม่มีอารมณ์กระโดดงับเล่นเหมือนทุกที เมื่อคืนนอกจากทำภารกิจไม่สำเร็จ เพราะรู้สึกว่ามันเจ็บเกินไป มิหนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายชาริน ซังอีก เขารู้สึกผิดจนอยากหนีเข้าไปในป่าลึก แต่ก็อยากดูให้แน่ใจว่าชาริน ซังไม่ได้เป็นอะไรแล้ว

   ไม่อยากทำภารกิจแล้ว ไม่อยากให้ชาริน ซังเจ็บตัว....

   เสียงเปิดประตูบ้านทำเจ้าจิ้งจอกน้อยเลิกหงอยและรู้สึกผิดชั่วขณะ มันโบกสะบัดพวงหางไปมาอย่างดีใจ แต่ไม่ได้เข้าตะครุบขา เหนี่ยวรั้งให้ชริณเล่นด้วยอย่างทุกที เขามองเจ้าจิ้งจอกวายร้ายอย่างไม่ไว้วางใจเท่าไร ปกติมันไม่เคยเรียบร้อยแบบนี้

   “วันนี้มาแปลกนะเนี่ย”

   แอ๊!!

   “เฮ้ย! ไม่ต้องวิ่งมาเลย ไม่ได้จะมาเล่นด้วยจะไปทำงาน” ชริณร้องห้ามมันเสียงยกใหญ่ เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยทำท่าจะกระโดดเข้าใส่ เหมือนจะเล่นตัว

   “ไหน ลองเดินเข้าใกล้ ๆ นะ ไม่ต้องกระโดดนะ” เขาออกคำสั่ง มันเอียงมองหน้าด้วยความฉงน แต่เมื่อเขากวักมือเรียก เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ค่อย ๆ เข้ามาหาอย่างว่าง่าย

   “.....”

   “ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่หว่า ไม่มีน้ำมูกด้วย ไหนลองหมุนตัวหน่อย” เขาตบเข้าที่ก้นมันเบา ๆ เป็นสัญญาณให้มันหันบั้นท้ายมาให้ ซึ่งมันก็ยอมทำตามแต่โดยดี

   “ตัวก็ไม่มีแผลนี่นา แล้วทำไมทำตัวแปลก” ชริณขมวดคิ้ว

   จริง ๆ เขาก็ไม่ได้อยากจะสนใจเจ้าจิ้งจอกตัวนี้เท่าไรหรอก เดี๋ยวมันจะได้ใจไม่ยอมไปไหนสักที แต่เพราะเขาเป็นคนขี้สงสาร หนึ่งในคุณสมบัติของผู้ชายหน้าตาดี สุดท้ายก็ต้องขอดูอาการให้แน่ใจก่อน เผื่อจะได้พามันไปหาหมอ หากมันตายขึ้นมา แม้จะไม่ค่อยชอบมันเท่าไรนัก แต่ก็คงรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย เพราะมันเล่นมาหาเขาเช้าเย็นขนาดนี้

   “.....”

   “...แต่แบบนี้ก็ดี ค่อยดูน่ารักขึ้นมาหน่อย ทำตัวเรียบร้อยเข้าไว้ล่ะ เดี๋ยวเลิกงานฉันซื้อขนมมาฝากแล้วกัน” ชริณว่าเขาลูบหัวและเกาคางให้มันเคลิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผละออก เขาจะได้ไปทำงานเสียที



   
   “อะไรวะเนี่ย ลางานไปวันหนึ่งแล้ว มาวันนี้สภาพยังไม่ปกติอีกเหรอวะ”

   “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านี่มันมายังไง” ชริณว่าพร้อมกับชี้บริเวณศีรษะที่นูนออกมาอย่างปลง ๆ

   เมื่อคืนเขาจำอะไรไม่ได้จริง ๆ ดูรอบเตียงแล้วก็ไม่น่ามีอะไรที่ทำให้หัวโขลกได้ อีกทั้งชริณไม่ใช่คนนอนดิ้น ร้อยวันพันปีไม่เคยนอนแล้วได้แผล มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดที่เขาได้แผลนี้มา!

   “ชีวิตมึงนี่หรรษาสุดล่ะ ไม่เรื่องหนึ่งก็อีกเรื่องหนึ่ง ขนาดอยู่คนเดียวนะเนี่ย” เมฆถึงกับส่ายหน้า ชีวิตชายโสดไม่ควรต้องเจอความวุ่นวายแบบนี้ แค่เรื่องงานก็ปวดหัวเต็มทนแล้ว เคยได้ยินบ่นเรื่องมีสัตว์ตามติด คราวนี้ได้แผล เขายอมใจในชีวิตของชริณจริง ๆ

   “เออ ช่างมันเถอะ ถือว่าเป็นสีสันชีวิต ทำงาน ๆ” ชริณว่าแล้วก็แยกย้ายทำงานในส่วนของตัวเอง ก่อนที่นายจะมาเห็น


   “สวัดสดี/สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายของสองคนดังขึ้นพร้อมกันในห้องเอกสารของบริษัท ชริณเกาท้ายทอยแก้เก้อ ไม่คิดว่าจะได้เจอซากุระ จังที่นี่ บรรยายกาศระหว่างเราแตกต่างตอนที่อยู่กับเจ้าเมฆอย่างชัดเจน มันดูอึดอัดและชวนใจเต้นแรงพร้อม ๆ กัน

   ชริณพยักพเยิดให้เธอใช้เครื่องก่อนเลย ของเขาค่อยถ่ายทีหลังก็ได้ เราสองคนต่างกระอักกระอ่วนกันทั้งคู่ ความจริงเราก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานและชริณก็ชอบเธอมาก ๆ แต่เพราะซากุระ จังมีคนรักอยู่แล้ว เขาจึงอกหักอย่างเงียบ ๆ พยายามจะตัดใจเหมือนกัน แต่ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา

   “หัวไปโดนอะไรมาเหรอคะ”

   “ค—ครับ! อ๋อ เกิดอุบัติเหตุนิดเดียวครับ” เพราะไม่คิดว่าเธอจะเป็นฝ่ายชวนคุย ชริณจึงตั้งตัวไม่ถูก เขาใจเต้นแรงมาก ๆ ยามที่เธอกำลังให้ความสนใจเขา

   “แย่จัง... ขอให้หายเร็ว ๆ นะคะ” เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้และเดินจากไป ทิ้งให้ชริณหัวใจพองโตอยู่เพียงลำพัง





   ชีวิตชริณในการทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเรียบง่ายมาก เพราะวัน ๆ เขาทำแต่งาน เลิกงานก็แวะซื้อของกินแล้วกลับบ้าน นาน ๆ ทีถึงออกไปสังสรรคกับเพื่อนอย่างมากก็ต่อนช่วงเงินเดือนออกและวันนี้ก็เช่นกันที่เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย

   การมาทำงานที่บริษัทใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นก็ดี เงินเดือน ตำแหน่งงานขยับขยาย แต่ค่าครองชีพก็สูงตาม อีกทั้งเขายังต้องแบกรับความเครียดสะสมที่มาจากงานอีก ไม่รู้ว่าชริณจะทำงานในสภาวะแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน เขาก็ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองปรับตัวกับการทำงานเช่นนี้เร็ว ๆ

   หลังเลิกงานชายหนุ่มก็แวะเข้าร้านสะดวกซื้ออย่างเช่นทุกที เขาหยิบเอาพวกข้าวหน้าต่าง ๆ เบียร์หนึ่งกระป๋องและแฮมสดให้เจ้าจิ้งจอกโดยเฉพาะ เพราะวันนี้เขาสัญญาว่าจะซื้อของกินไปให้มัน ก็ไม่อยากผิดสัญญา มันควรจะจบแค่นั้น แต่เมื่อเดินผ่านโซนอาหารสัตว์ เขาก็เกิดความลังเลว่าควรซื้อไปให้มันดีไหม

   ภาพเจ้าจิ้งจอกตัวแสบผุดขึ้นมาในความคิดอัตโนมัติ ชริณไม่ได้อยากเลี้ยงสัตว์ ลำพังแค่เขาเองใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นในแต่ละวันก็เกือบไม่รอด แต่ก็ลังเลว่าจะควรซื้ออาหารเม็ดไปให้มันเป็นกิจจะลักษณะเลยดีไหม

   “ซื้อไม่ซื้อดีวะ”

   “ไม่ได้อยากเลี้ยงนะเว้ย”

        “ซื้อถุงเล็กไปก็คงไม่เสียหายมั้ง” สุดท้ายชริณก็หยิบเอาอาหารสุนัขถุงเล็กลงตะกร้าจนได้ เขาไม่ได้อยากเลี้ยงจิ้งจอกหรอก แต่ถ้ามันคอยประตูบ้านเขาเช้าเย็นขนาดนี้ก็คงไม่มีทางเลือก อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นค่าแรงของยามสี่เท้าที่ไม่ได้อยากจ้างก็แล้วกัน

   เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เจ้าจิ้งจอกน้อยที่นอนเฝ้าหน้าบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา ก็รีบลุกขึ้นโบกสะพัดพวงหาง ส่ายก้นไปมาอย่างดีอกดีใจ

   “เดี๋ยววว ให้ฉันเปิดประตูก่อนสิ” ชริณส่งเสียงปราม เมื่อมันตะกุยขาเขาไม่เลิก มิหนำซ้ำยังพันแข้งพันขาจนเขาเกือบล้มหน้าคะมำ

   เมื่อเปิดประตูบ้านเอากระเป๋าทำงานวางไว้เสร็จ เขาก็ออกมาฉีกแฮมสดให้มันต่อ ชริณหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีมีจริตจะก้านของเจ้าจิ้งจอก มันค่อย ๆ เล็มกินเหมือนหมามีมารยาท ซึ่งจะมาทำตอนนี้ก็คงไม่ทัน เพราะเขารู้ไส้รู้พุงมันหมดแล้ว

   ชริณนั่งดื่มเบียร์ขณะที่มองมันกินอาหารไปด้วย หลังจากมันจัดการแฮมสดจนหมดแล้ว เขาก็หาถ้วยเล็กมาลองเทอาหารเม็ดแล้วยื่นให้มันดูว่ามันจะกินไหม เพราะบางตัวก็ไม่กินอาหารเม็ดและยิ่งกับสัตว์ป่า ยิ่งเดาใจไม่ถูก แต่มันก็กินอาหารเม็ดอย่างไม่เกี่ยงงอน

   “เดี๋ยวอัพเลเวลเหรอ มีมาอ้อนด้วย” เขากลัวหัวเราะ เมื่อมันเอาคางมาเกยตักเขาไว้ ชริณลูบหัวมันเป็นรางวัลในการทำตัวดีของมัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันถึงทำตัวดีแบบนี้ ช่วงก่อนหน้านี้พฤติกรรมของมัน ทำเอาเขาถึงกับประสาทเสียและต้องผวาทุกครั้งยามออกจากบ้าน ก่อนที่เขาจะเอามือนั้นมาดมดู

   “วันหยุดฉันจะจับแกอาบน้ำ”

หัวข้อ: Re: Red fox #น้องจะตอบแทนพี่เอง (Yaoi) Ch.02(1/2)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 02-07-2018 16:50:06
02
[/b]

                แอ๊!!

                เสียงหวีดร้องของเจ้าจิ้งจอกดังขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ หลังชริณหลอกล่อมันด้วยอาหารเม็ดให้เดินเข้ามาในห้องน้ำและจัดการขังเตรียมอาบน้ำให้มัน เจ้าจิ้งจอกทำท่าจะง้างปากหันมากัดเขาอยูหลายหน แต่ก็ชะงักแล้วก็หันกลับไป ร้องโหยหวนเท่านั้น

                “แค่อาบน้ำเอง ตัวแกเหม็นนะ ไม่รู้เหรอ” ว่าจบเขาก็เทแชมพูสระขนสุนัขลงกลางหลังมันแล้วจัดการเกาขนทุกซอกทุกมุม หวังจะให้กลิ่นสาปของมันหายไป

                กลิ่นของจิ้งจอกมันเป็นเรื่องปกติ เพราะมันอยู่ในป่า แต่บางครั้งเขาก็เห็นมันคุ้ยถังขยะ นาน ๆ ทีกว่าจะได้อาบน้ำก็คงเป็นตอนหน้าฝน เขาไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งชีวิตของมันเท่าไร แต่ถ้ามันยังตามติดเขาแจและอยากเล่นกับเขามันก็ต้องอาบน้ำ จะได้น่าคบหาหน่อย

                แอ๊!

                “อีกแป๊บเดียว ยังถูไม่ทั่วเลยเนี่ย ฉันอุตส่าห์สละเวลาพักผ่อนให้แกเลยนะ!” เขาว่าเมื่อมันส่งเสียงประท้วงอีกครั้ง ก่อนที่ชรินจะตีเข้าที่บั้นท้ายของมันด้วยมันเขี้ยว หลังมันชอบส่งเสียงร้องโวยวายนัก

                ในที่สุดการอาบน้ำซึ่งน่าจะเป็นฝันร้ายของเจ้าจิ้งจอกก็สิ้นสุดลงสักที แม้มันจะตัวนิดเดียว แต่การอาบน้ำครั้งนี้ ทำเอาเขาปาดเหงื่อนับไม่ถ้วน เพราะมันทั้งดิ้น ทั้งโวยวายไม่ยอมให้น้ำโดนตัวท่าเดียว

                เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวสั่นเทาเล็กน้อยเพราะความหนาว เขาเช็ดตัวและอุ้มมันไปยืนบนเคาน์เตอร์ครัวดี ๆ เพื่อที่จะเป่าขนมันให้แห้ง พอการอาบน้ำผ่านไป มันก็กลับมาจ้องเขาตาแป๋วเหมือนเดิม

                “.....”

                “อยู่นิ่ง ๆ นะ เหนื่อยแล้วเนี่ย” เขาเหลือบมองมันครู่หนึ่ง กลัวเจ้าจิ้งจอกจะตกใจเสียงไดร์เป่าผมแล้ววิ่งกระเจิง แต่โชคดีที่มันไม่ทำแบบที่เขาคิด มันยอมนั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้เขาเป่าขนมันแต่โดยดี มันหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ ดูแล้วก็น่าขัน ชริณก็เพิ่งสังเกตว่าจิ้งจอกมีขนตายาวขนาดนี้

                “ไงล่ะ สบายตัวเลยล่ะสิ” เขาถามมันทั้งรอยยิ้ม ซึ่งมันทำตาหยี ยิงฟันเหมือนจิ้งจอกกำลังยิ้มส่งกลับมา

                ความหงุดหงิดที่มีต่อเจ้าจิ้งจอกน้อยมันลดน้อยลง เมื่อมันทำตัวน่ารัก มันคงรู้ว่าเขาชอบที่มันทำตัวแบบนี้ คราวนี้ดูเชื่องยิ่งกว่าแมว ไม่เข้ามางับแข้งพันขาไปมาเหมือนอย่างเคย ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตในวันหยุดหนึ่งวัน เขาสามารถใช้ชีวิตร่วมกับเจ้าจิ้งจอกน้อยโดยที่ไม่ต้องรู้สึกหงุดหงิดใจ

 

                คืนนี้เป็นอีกคืนที่น้องได้รับสิทธิพิเศษในการนอนบ้านของชาริน ซัง พอตะวันตกดินเทวดาของน้องไม่ได้ไล่อย่างที่กลัว นั่นทำให้มีความสุขยิ่งกว่าสิ่งใด ความรู้สึกเหมือนกำลังได้รับความรักมันดีเช่นนี้นี่เอง สี่เท้าเดินย่ำไปมาหน้าห้องนอนของชาริน ซัง ก่อนจะนั่งรออย่างเรียบร้อย รอให้แสงไฟในห้องของชาริน ซังดับลง

                ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่จิตใจของเจ้าจิ้งจอกน้อยจดใจรอแค่ไฟในห้องนอนของชาริน ซังดับ ในตอนแรกไม่กล้าทำภารกิจลับกับชาริน ซัง แต่พอได้มีโอกาสครั้งหนึ่ง ครั้งสองก็แล้ว ครั้งสามจึงตามมาอย่างหย่ามใจ ทว่าหนนี้น้องไม่ได้คิดจะทำให้ชาริน ซังเจ็บตัว ก็แค่อยากอยู่ใกล้ ๆ ก็เท่านั้น

                รอเกือบเที่ยงคืนไฟในห้องของชาริน ซังถึงดับลง เมื่อถึงเวลานั้นดวงตาของเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถึงกับพราวประกาย หลังเฝ้าคอยเวลานี้หลายชั่วโมง เสียงเปิดประตูดังขึ้นในเวลาต่อมา เมื่อจิ้งจอกน้อยกลายร่างเป็นมนุษย์อีกคราและกำลังสวมบทเป็นโจรย่องเงียบเข้าห้องชาริน ซัง

                แค่เห็นชาริน ซังนอนหลับอยู่บนเตียง น้องก็ใจเต้นแรง รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาทันที ผ้าห่มผืนหนาถูกเปิดออกอย่างช้า ๆ ร่างเล็กค่อย ๆ แทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม ในช่องว่างที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิด พยายามเบียดชิดหาความอบอุ่นจากชาริน ซังด้วยอาการหัวใจพองโต

                วันนี้เป็นอีกวันที่น้องรู้สึกมีความสุขมาก ๆ หัวใจมันพองโต อิ่มเอิบจนอธิบายไม่ถูก จากที่รักชาริน ซังอยู่แล้ว เพราะอีกฝ่ายใจดี คอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ยิ่งรักมากขึ้นไปอีก อยากอยู่ใกล้ชิด

                หงิง~

            เสียงครางหงิง ๆ ประหนึ่งลูกสุนัขดังขึ้น เมื่อน้องได้สวมกอดชาริน ซังอยากที่ใจปรารถนา ใบหน้าเล็กฝังลงกับแผ่นอกอุ่น สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอีกฝ่ายอย่างเต็มรัก มือเรียวตวัดรอบเอวหนาไว้ ก่อนจะเหลือบเห็นอะไรบางอย่างกลางหว่างขาของอีกฝ่าย ที่คุ้นเคยกันดี แล้วเผลอเอื้อมไปแตะตามสัญชาตญาณ

                “อุ้ย...ลืมตัว” น้องว่าพร้อมกับชักมือกลับ โอบเอวหนาไว้เช่นเดิม

                รักชาริน ซังที่สุด....

                “น้องขอนอนด้วยนะ”เพราะแค่กอดมันยังไม่พอใจ จึงขอเอายื่นแก้มไปแตะจมูกให้ชาริน ซังหอม วันนี้น้องตัวหอมแล้ว ชาริน ซังอาบน้ำให้แล้ว จึงกอดน้องได้ เดี๋ยวพาใกล้รุ่งสางน้องจะออกจากห้องนี้ไปเอง















                ก่อนที่ชารินซังจะตื่น น้องก็ไหวตัวทัน ออกมาจากห้องนอนก่อน จิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ค่อย ๆ กลายร่างกลับคืนเป็นดังเดิม นั่งตาแป๋วรอชาริน ซังอยู่หน้าห้องอย่างเรียบร้อย

                ชริณที่เพิ่งออกจากห้องนอนมาถึงกับชะงักไป เมื่อเห็นเจ้าจิ้งจอกน้อยนั่งตาแป๋วรอเขาอยู่หน้าห้อง เขาลืมเสียสนิทว่าเมื่อคืนใจดี ยอมให้มันค้างอยู่ในบ้านอีกคืน ดวงตากลมโตของมันแพรวพราว พวงหางโบกสะบัดไปมาราวกับว่าดีอกดีใจที่เห็นเขาออกมาจากห้องนอนแล้ว

                “ไง” เขาทักทายมันเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางครัว เสียบปลั๊กกาน้ำร้อนลงมือทำอาหารเช้าในช่วงวันหยุด เพราะอยู่ตัวคนเดียว พอวันหยุดไม่ได้ไปทำงาน ทุกอย่างก็จะเงียบสงบหน่อย ตอนที่ย้ายมาอยู่นี่ใหม่ ๆ ชริณก็เหงาอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นความชินชาแล้ว

                เขาทำการทอดไข่ดาว ไส้กรอกและปิ้งขนมปัง เพื่อทานคู่กับกาแฟ แต่ยังไม่ลืมทอดเผื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยที่ย้ายก้นตาม นั่งตาแป๋วรอเขาอยู่ในครัวอีกด้วย ระหว่างที่รอให้น้ำเดือด ชริณก็หันมาเล่นกับเจ้าจิ้งจอกแก้เซ็งก่อน

                “ยื่นหัวมา” เขาออกคำสั่ง ตั้งใจจะลองพิสูจน์กลิ่นดู ว่ากลิ่นแชมพูที่เขาละเลงลงบนตัวมันเมื่อวานยังอยู่ดีไหมหรือมันเล่นซนจนกลิ่นหอม ๆ หายไปแล้ว

                เจ้าจิ้งจอกน้อยเอียงหัวมองเขาอย่างงุนงง เหมือนจะยังไม่เข้าใจในคำสั่ง จนต้องเป็นเขาเองที่เดินเข้าไปหามันแล้วดม ๆ ตรงหัว

                “โอเค กลิ่นหอมยังอยู่” ชริณพูดงึมงำกับตัวแอง ก่อนจะเดินกลับไปทำกาแฟร้อนของตัวเองต่อ ทิ้งให้เจ้าจิ้งจอกมองตามแผ่นหลัง

                “จะให้พูดตามตรงนะ ฉันเองก็ไม่อยากให้นายกินไส้กรอกนี่หรอก เพราะมันไม่ดีต่อสุขภาพ”

                “.....”

                “แต่เพราะนายกำลังจ้องฉันตาแป๋ว หนำซ้ำน้ำลายยังไหลเป็นยางยืดแล้วด้วย ฉันยอมให้กินก็ได้” ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกจะไม่ได้ฟังเสียงของชริณด้วยซ้ำ ดวงตากลมโตตามประสาสัตว์ป่ากำลังให้ความสนใจอาหารลูกเดียว มันจ้องจานไส้กรอกไก่ที่กำลังมีควันลอยฟุ้ง กลิ่นหอมชวนหิวอยู่มือเขา ทำเอาชริณถึงกับกลั้วหัวเราะ

                “อยากกินล่ะสิ” เขาว่าอย่างลีลา รู้ทั้งรู้ว่ามันอยากกินของในมือเขาแค่ไหน แต่ก็ยังลีลาไม่ยอมให้กินง่าย ๆ ทิ้งให้มันนั่งมองน้ำลายยืดทั้งอย่างนั้น

                “....”

                “ให้กินดีไหม”

                แอ๊!

                มันส่งเสียงร้องประท้วง ย่ำเท้าไปมาบนพรมเช็ดเท้าผืนหนา ทำท่าจะกระโดดใส่ชริณ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่กล้า จึงได้แต่ส่งสายตาเร่งเร้าให้เขาเลิกลีลาแล้วยกไส้กรอกชิ้นที่เหลือให้มันเสียที

                “ก็ได้ ๆ” สุดท้ายชริณก็ใจอ่อน ยอมยกไส้กรอกที่ว่าที่เป็นของมันตั้งแต่แรกให้ เขาหั่นไส้กรอกเป็นชิ้น ๆ แล้วโยนใส่ถ้วยข้าวที่ยกให้มันตั้งแต่เมื่อวาน

                “ทำไมตัวผอมจังวะ” เขาพูดพึมพำกับตัวเอง เมื่อสังเกตเห็นกระดูกขาหลังของมัน มันดูชัดเจนเกินไป เขาเพิ่งได้สังเกตดี ๆ ว่าตัวของมันซูบผอมเกินกว่าที่จิ้งจอกป่าควรจะเป็น

                “อย่ามาเนียน” ชริณว่า หลังเห็นเจ้าจิ้งจอกกินไส้กรอกเสร็จแล้ว ค่อย ๆ เดินมาใกล้ ๆ แล้วล้มตัวนอนเอาคางพาดหลังเท้าเขาเอาไว้ ทำตัวเหมือนเป็นหมาบ้านไม่มีผิดเพี้ยน ทว่ามันกลับทำเป็นไม่ได้ยิน เจ้าจิ้งจอกหลับตาพริ้มเตรียมจะงีบหลับอย่างสบายอารมณ์

                “ไม่ได้จะเลี้ยงนะ” เขาพูดต่อ กลัวว่าเจ้าจิ้งจอกตัวแสบจะคิดว่าเขาเป็นเจ้าของของมัน อนาคตต่อไปเป็นยังไง เขาไม่รู้ แต่ตอนนี้ชริณยังไม่คิดจะเลี้ยงเจ้าจิ้งจอก มันเป็นสัตว์ป่า สิ่งที่มีให้ก็แค่ความเอ็นดูปะปนกับความสงสารเท่านั้น

                ชริณปล่อยให้มันอยู่ในบ้านถึงตอนเที่ยงเพราะเห็นว่ามันกำลังหลับอยู่ หลังกินอาหารและดูข่าวเช้าเสร็จ เขาเองก็เข้าห้องนอนไปงีบตามประสาคนว่างงาน รู้สึกตัวอีกทีออกมาตอนช่วงบ่าย เจ้าจิ้งจอกก็ไม่อยู่ในบ้านแล้ว

                ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยหลังออกจากบ้านชาริน ซังได้ก็วิ่งเข้าไปในป่าลึกตามสัญชาตญาณนักล่าที่ถูกปลุก เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอาหารอันโอชะของมันที่ไม่ได้มีให้กินบ่อยนัก กระโดดไหว ๆ ไปได้ไม่ไกลจากบ้านชาริน ซังเท่าไรนัก มันคือกระต่ายป่า

                ดวงตากลมโตที่มักใช้อ้อนมนุษย์อย่างชาริน ซังมองหลังเจ้ากระต่ายน้อยปานเหยี่ยว มันอาศัยความตัวเล็ก ปราดเปรียวตามที่ธรรมชาติให้มา วิ่งลัดเลาะในเขตป่าอย่างชำนาญ แข่งกับกระต่ายที่พยายามกระโดดหนีเพื่อเอาชีวิตรอด

                ผลสุดท้ายชัยชนะก็เป็นของจิ้งจอก...


            ปากแหลมที่ชุ่มไปด้วยเลือดกระต่าย ใครมาเห็นก็ต้องน่าผวา แม้มันจะเป็นธรรมชาติของสัตว์ก็ตาม ทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยเลือกที่จะเข้าไปในป่าลึกอีกนิด เพื่อดื่มน้ำที่ธารน้ำแล้วล้างปากก่อนที่เสนอหน้าไปหาชารินอีกครั้ง















               

                ถึงไม่ได้อยากจะเลี้ยงจิ้งจอกเจ้าปัญหา แต่ชริณก็ยังไม่วายแอบเปิดอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าจิ้งจอกแดงตัวนี้อยู่ดี เขาใช้เวลาช่วงวันหยุดของตัวเองอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับมันบนโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นตำนานความเชื่อ ปีศาจจิ้งจอก(ซึ่งเขามองว่ามันไร้สาระ) ที่อยู่อาศัย พฤติกรรมหรืออาหารการกิน

                เนื่องด้วยมันทำตัวน่ารัก ไม่กระโดดงับขาเหมือนอย่างเคย ทำให้ชริณเริ่มเอ็นดูมันมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว จนเผลอคิดว่าถ้ามันมาอยู่ใกล้ ๆ ก็คงไม่เป็นไร เพราะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับเขา

                เจ้าจิ้งจอกไม่ได้เข้ามายุ่มย่ามกับเขาตลอดทั้งบ่าย เรียกได้ว่ามันหายไปเลยซึ่งน่าจะไปเที่ยวเล่น เข้าป่าตามประสาสัตว์ หลังจากอ่านข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอกจนเบื่อแล้ว เขาก็ฟังเพลง เล่นเกมตามประสาคนว่างงานและไม่คิดจะไปสังสรรค์ที่ไหน



                ก๊อก! ก๊อก!



                เสียงเคาะประตูหน้าบ้านทำให้ชริณต้องรีบถอดหูฟังออก เขาเดินไปส่องตาแมวด้วยความสงสัยว่าใครมาหาถึงที่นี่ แต่ทว่ากลับไม่พบคนที่ยืนอยู่หน้าประตูอย่างที่ควรจะเป็น

                “ใครเล่นตลกวะเนี่ย” ชริณพูดกับตัวเองเบา ๆ อาการกลัวผีที่มีมาตั้งแต่อยู่เมืองไทยเริ่มกำเริบอีกครั้ง เพราะตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว

                “สงสัยหูแผ่วไป...มั้ง” เขาพึมพำปลอบใจตัวเอง แต่พอหันหลังให้ประตูได้ไม่ทันไร เสียงเคาะประตูบ้านก็ดังขึ้นอีกแล้ว คราวนี้ทำเอาชริณถึงกับขนลุกชันทั่วร่าง ยิ่งตอนนี้อยู่บ้านคนเดียว ยิ่งทำให้เขากลัวมากขึ้นไปอีก

                บางทีอาจจะเป็นเจ้าจิ้งจอกก็ได้ มองผ่านตาแมวเลยไม่เห็น เพราะมันตัวเตี้ยเกินไป.... ชริณปลอบใจตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าและเดินไปเปิดประตูอย่างไม่ลังเล

                “เซอร์พร๊ายยยยยยยย”

            “.....”

                “มึงจะทำหน้างงทำไม ลืมวันเกิดตัวเองแล้วเหรอ วันนี้วันเกิดมึงนะเว้ย”

                “.....”

                “ชริณ! มึงจะอึ้งอีกนานไหม กู ซากุระกับอายูหนาวจนจะแข็งตายแล้วเนี่ย”

                “เออ ๆ เข้ามา ๆ” เมื่อตั้งสติได้ชริณก็รีบเบี่ยงตัวให้เหล่าเพื่อนเข้ามาในบ้านตัวเอง เขาลืมเสียสนิทว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา ถ้าเพื่อนไม่มาเซอร์ไพรส์ถึงที่บ้าน ก็คงไม่รู้ตัวและวันนี้ก็คงเป็นแค่วันธรรมดา ๆ วันหนึ่ง

                พวกเพื่อนที่ทำงานไม่ได้มาบ้านเขาตัวเปล่า แต่ได้เตรียมพวกของสดตั้งใจจะมาทำอาหารกินที่นี่ด้วย แผนการนี้คงเป็นของไอ้เมฆแน่ เพราะมันเป็นคนเดียวที่คลุกคลีกับเขามากที่สุด อายูและซากุระคงไม่ใช่ตัวต้นคิดแน่ เผลอ ๆ มันเป็นชวนซากุระมาด้วยซ้ำ เพราะรายนั้นคงไม่ออกตัวว่าอยากมา

                “ลืมวันเกิดตัวเองจริงเหรอวะ” ไอ้เมฆถามเขา

                “ก็คงงั้น”

                “เฮ้อ จริง ๆ เลยนะมึงเนี่ย”

                “บ้านชริณดูน่าอยู่ดีนะคะ รู้สึกอบอุ่นดี”

                “แล้วอยากมาอยู่กับมันไหมครับ”

                “ไอ้เมฆ!” ชริณหันไปถลึงตาใส่เพื่อนสนิท ข้อหาเล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง รู้ทั้งรู้ว่าซากุระมีแฟนอยู่แล้วก็ยังพยายามยัดเยียดอยู่ได้ รอให้ซากุระเลิกกับแฟนแล้วค่อยชงไม่ได้หรือไง ฝั่งตัวเพื่อนตัวดีก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ไม่ได้ดูรู้สึกรู้สาอะไรในสิ่งที่ทำ

                เราทำปิ้งย่างเนื้อกันอย่างง่าย ๆ กินกัน มีเบียร์ มีเสียงกีตาร์โดยชริณเป็นผู้บรรเลงเป็นฉากประกอบ เป็นงานวันเกิดของชริณที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความกันเอง ถึงเมฆจะพยายามชงเขาให้ซากุระบ่อย ๆ จนเขาเริ่มไม่ขำ แต่ก็ขอบคุณมันที่อุตส่าห์นึกถึงกัน

                “สุขสันต์วันเกิดนะชริณ ขอให้มีความสุขมาก ๆนะคะ” อายูเพื่อนของซากุระว่าพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญขนาดกลางให้กับเขา

                “ขอบคุณมากครับ เกรงใจจัง”

                “ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย นี่ฉันกับซากุระจังอุตส่าห์ไปเลือกของขวัญให้เลยนะ หวังว่าชริณ ซังคงจะชอบ” อายูว่า นั่นทำให้ชริณเลื่อนสายตาไปมองซากุระอัตโนมัติ ประจวบเหมาะกับที่อีกฝ่ายกำลังมองเขาอยู่พอดี ทำให้เรารีบผละสายตาออกจากกันราวกับกระแสไฟฟ้าช็อต

                “ช—ชริณซัง ลองเปิดดูเลยก็ได้นะ” ซากุระว่า

                ฝั่งชริณเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ไม่รอช้า แกะของขวัญที่อายูและซากุระร่วมกันซื้อให้เขาโดยทันที ท่ามกลางท่าทางลุ้น ๆ ของเหล่าเพื่อนร่วมงานว่าเขาจะชอบมันไหม

                กลีบปากอิ่มถึงกับคลี่ยิ้มออกมาของขวัญวันเกิดปรากฏขึ้นแก่สายตา มันคือกับดักฝันสีละมุน ดูเหมาะกับบ้านของชริณเป็นอย่างมาก

                “น่ารักดี ขอบคุณครับ” ชริณกล่าวขอบคุณเพื่อนร่วมงาน

                “ชริณชอบใช่ไหม” ซากุระถาม

                “ชอบครับ” หมายถึงชอบซากุระ

                “โล่งอกไปที นึกว่าชริณ ซังจะไม่ชอบซะแล้ว เพราะมัน....ไม่ค่อยเหมาะกับผู้ชายเท่าไร” ซากุระว่าด้วยน้ำเสียงหวั่น ๆ แต่วินาทีตอนเลือกของขวัญ เธอเองก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้ชริณ ซังเหมือนกัน

                “ไม่เหมาะอะไรกันครับ อันนี้ผมยังไม่มีไว้ติดบ้านเลย ช่วงนี้ฝันไม่ค่อยดีด้วย ได้มาก็อุ่นใจแล้วเพื่อนยังให้เป็นของขวัญอีก จะไม่ชอบได้ไงครับ” ชริณพูดประโยคยาวเหยียดพร้อมกับส่งยิ้มให้ซากุระด้วย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมอบอะไรให้กับเขา (ยกเว้นแฟนของเธอ) เขาก็ชอบทั้งนั้น

                “เลิก ๆ ให้ความสนใจกับดักฝันได้แล้ว มาให้ความสนใจกับของขวัญจากกูดีกว่า” ชริณเห็นแล้วอาชีพหนึ่งที่เหมาะกับเมฆมากที่สุด นอกจากการเป็นพนักงานออฟฟิศก็คือนักทำลาย เพราะมันทำลายบรรยากาศระหว่างเขาและซากุระพังอย่างย่อยยับ

                ไอ้เมฆ มึงงงง!

            ดูเหมือนเมฆเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกเจ้าของวันเกิดกินหัวอยู่รอมร่อ เพื่อนตัวดีของชริณรีบเอากล่องของขวัญยัดใส่วงแขนเจ้าของวันเกิดพร้อมกับคะยั้นคะยอให้รีบแกะกล่องของขวัญจากเพื่อนรักเสียที

                “กูไม่อยากรู้เลยว่ะ”

                “ไม่ได้นะมึง เปิดเลยกูคิดของขวัญมึงเกือบค่อนวันเลยนะ เปิด ๆ”

                “เออ ๆ” สุดท้ายชริณก็ทนแรงรบเร้าไม่ไหว ยอมแกะกล่องของขวัญจากเมฆตามที่คนให้ต้องการ

                ใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเพื่อนจะให้อะไร แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่ามันจะเล่นพิเรนทร์ต่อหน้าสาว ๆ เห็นเพียงแค่ครู่เดียวเขาก็รีบปิดกล่องในทันที ว่าแล้วเชียวถ้าคนอย่างเมฆให้ของดี ๆ ก็คงไม่ใช่มัน ฝั่งเมฆเองก็ถึงกับระเบิดหัวเราะออกมา ให้กับท่าทางตลก ๆ ของชริณ

                “ไอ้เมฆ!”

                “เป็นไงชอบไหม? กูเห็นว่ามึงอยู่คนเดียวนี่หว่า เผื่อเหงา ๆ จะได้เอาออกมาใช้”

                “มึงไม่ต้องเลย” ชริณว่าพลางขบกรามแน่น ดีที่เขาไหวตัวทัน ไม่งั้นคงได้ขายขี้หน้าสาว ๆ แน่

                “มันคืออะไรเหรอ” อายูถามด้วยความใคร่รู้ เห็นท่าทีตลก ๆ ของเมฆและอาการหน้าแดงของชริณ ยิ่งกระตุ้นให้เธออยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน

                “ม—ไม่มีหรอก” ชริณเป็นคนตอบ

                “มันเป็นของสำหรับผู้ชายโสดจ้ะ” เมฆพูดบ้าง

                “ไอ้เวร พอเลย!” เจ้าของวันเกิดหันไปตวาดลั่นใส่เพื่อนสนิท ต่อหน้าอายูจนพอทน แต่จะมาแกล้งเขาต่อหน้าซากุระไม่ได้!

                “ฮ่า ๆ ก็ได้ เอาเป็นว่าอายูอย่ารู้เลย ปล่อยให้เป็นความลับของผู้ชายสองคนก็พอ” เมื่อเมฆเห็นว่ามีคววามเสี่ยงที่ชริณจะโกรธอย่างจริงจัง เขาจึงยอมถอยทัพ

                “เผลอแป๊บเดียวจะสามทุ่มแล้ว พวกเราแยกย้ายกันกับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวอากาศจะหนาวกว่านี้” ซากุระว่าเมื่อเห็นว่าข้างนอก หิมะเริ่มโปรยปรายอีกครั้ง

                ฝั่งเจ้าจิ้งจอกแดงที่ไปเที่ยวเล่น นอนพุงกางอยู่ใต้ต้นไม้ หลังกินกระต่ายเสร็จก็วิ่งรีบกลับมาอยู่บริเวณใกล้ ๆ บ้านของชาริน ซัง เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน ดวงตากลมโตแอบมองผ่านหน้าต่างบ้านจากด้านนอกก็พบว่าวันนี้ชาริน ซังไม่ได้อยู่เพียงลำพัง แต่มีแขกด้วย

                เจ้าจิ้งจอกมองพฤติกรรมของชาริน ซังกับคนที่อยู่ในบ้านอีกสามคนสลับไปมา ก่อนจะหยุดสายตาที่ผู้หญิงที่นั่งข้างชาริน ซังอย่างเคลือบแคลงใจ สายตาของเธอที่มองชาริน ซังไม่เหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป เจ้าจิ้งจอกน้อยรับรู้ได้ถึงพลังงานแปลก ๆ ของผู้หญิงคนนี้ที่มีต่อตัวชาริน

                ความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้า.... เกิดขึ้นในทันทีเมื่อชาริน ซังส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ผู้หญิงคนนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยมองภาพนั้นด้วยความอิจฉา รอยยิ้มของชาริน ซังต้องเป็นของน้องคนเดียวเท่านั้น!

 





                “งั้นกลับก่อนนะคะ”

                “ครับ ขอบคุณมากที่อุตส่าห์มาฉลองวันเกิดด้วย” ชริณผู้เป็นเจ้าบ้านเอ่ยร่ำลาซากุระและอายูพอเป็นพิธี เขาเห็นเจ้าจิ้งจอกที่หายหัวไปตั้งแต่ช่วงบ่าย ไปกำลังซุ่มมองเขา อายูและซากุระอยู่ข้างบ้านด้วย แต่สายตาของมันกลับจับจ้องแค่ซากุระและดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นมิตรเสียเลย

                “โอ้ย! กรี๊ดดด!”

                ไวเท่าความคิด! เจ้าจิ้งจอกที่ซุ่มมองซากุระอยู่ก่อนแล้ว กระโดดตะครุบกระเป๋าถือของเธออย่างรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้ เหมือนที่เคยกระโดดใส่ขาเขา มันใช้คมเขี้ยวอันแหลมคมของมัน กัดกระเป๋าถือของซากุระไว้แน่นแล้ วสะบัดหัวไปมา เหมือนพยายามดึงกระเป๋าถือของเธอให้ได้ จนสายกระเป๋าขาดวิ่น

                “หยุด!” ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อตั้งสติได้ ชริณก็ไม่รอช้า เขารีบวิ่งเข้าไปช่วยซากุระทันที พร้อมกับตบเข้าที่หัวเจ้าจิ้งจอกด้วยแรงที่มาพอ จะสามารถทำให้มันปล่อยยอมกระเป๋าได้

                “ไปเลย! ไปเลยจะไปไหนก็ไป!” เขาตวาดลั่นด้วยความโมโห นึกไม่ถึงว่ามันจะกล้าทำร้ายคน ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่พฤติกรรมปกติของเจ้าจิ้งจอก หากมันไม่รู้จักที่จะปรับตัว เรียนรู้ที่จะอยู่กับมนุษย์ เขาก็คงเลี้ยงมันไว้ไม่ได้....

                “ไป!” ชริณตวาดลั่นซ้ำสอง หลงเข้าใจผิดว่าพฤติกรรมของมันจะดีขึ้นแล้วเชียว เจ้าจิ้งจอกน้อยได้แต่ช้อนตามองชริณอย่างตัดพ้อ ก่อนจะหันหลังวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าลึก










หัวข้อ: Re: Red fox #น้องจะตอบแทนพี่เอง (Yaoi) Ch. (2/2)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 02-07-2018 16:51:01


                หิว....

                ความรู้สึกนี้ชัดเจนที่สุด หลังเจ้าจิ้งจอกตัดสินใจวิ่งโดยไม่แม้แต่จะหันมองหลัง กลับเข้ามาในป่าลึก บ้านที่เคยเป็นของตัวเอง หลังจากวิ่งเข้ามาได้ระยะหนึ่ง มันก็ตัดสินใจนอนพักเอาแรงที่ใต้ต้นไม้ เพราะความน้อยใจที่มีต่อชาริน ซัง ทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยวิ่งได้เร็วเกินกว่าขีดกำจัดของตัวเอง

                เสียงครางหงิง ๆ ของเจ้าจิ้งจอกดังขึ้นในยามวิกาลหลังน้ำค้างจากใบไม้ตกกระทบกับพวงหางของมัน โดยปกติจิ้งจอกที่อาศัยอยู่ในป่าจะมีโพรงดินที่ใช้หลับนอน ป้องกันภัย...แต่จิ้งจอกแดงตัวนี้กลับไม่มี เพราะอาศัยอยู่แถวเขตมนุษย์ จึงไม่จำเป็น

                มันนอนขดตัวเป็นก้อนกลม หลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์ โชคดีที่พื้นฐานของจิ้งจอกชอบอากาศหนาว หิมะที่ตกโปรยปรายลงมาตลอดทั้งคืน ไหนจะน้ำค้างเย็นบนยอดไม้อีก จึงไม่เป็นอุปสรรค

                แสงอาทิตย์แห่งเช้าวันใหม่ได้กลับมาเยือนอีกครั้ง พร้อมเสียงท้องร้องที่ดังเป็นนาฬิกาปลุก ทำให้เจ้าจิ้งจอกถึงกับยอมแพ้และลุกขึ้นมา

                ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบบริเวณที่ตนเองยืนอยู่ มันว่างเปล่าไปหมด มีแต่ต้นไม้ ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่ควรจะเป็นมื้อเช้าของมัน เจ้าจิ้งจอกน้อยได้แต่รำพึงรำพันในใจ หากรู้ว่าชาริน ซังจะไล่ออกมา คงจะเก็บซากกระต่ายเมื่อวานไว้กินวันนี้

                ปกติหวังพึ่งแต่ชาริน ซัง อย่างเดียว พอเขาไล่ไม่ให้อยู่แม้แต่ใกล้ ๆ บ้านเหมือนอย่างเคย เจ้าจิ้งจอกน้อยจึงตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ต้องฝึกการเอาตัวรอดในป่าอีกครั้ง เหมือนเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรกเกิด ต่างจากครั้งก่อนคือครั้งนี้ไม่มีครอบครัวคอยช่วยเหลือแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นเจ้าจิ้งจอกคุ้นชินกับการที่มนุษย์ให้อาหารไปแล้ว

                การกระทำเมื่อคืน...นับว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย โดยที่แม้แต่ตัวของมันเอง ก็ยังไม่เชื่อว่าจะกล้าทำร้ายมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่พื้นฐานเป็นสัตว์กลัวมนุษย์ ทุกอย่างเป็นไปตามสัญชาตญาณ ยิ่งชาริน ซังทำดีกับผู้หญิงคนนั้นมากเท่าไร เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ยิ่งไม่พอใจผู้หญิงคนนั้นมากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุดก็เกิดหลุมดำขนาดใหญ่ขึ้นในใจของจิ้งจอกแดงตัวเล็ก

                ปกติมักจะกระโดดใส่ชาริน ซัง เพราะอยากจะเล่นด้วย อยากคลอเคลีย อยากอ้อน แต่เมื่อคืน...มันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร หลุมดำขนาดใหญ่สั่งการให้มันกระโดดใส่ผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้ต้องการจะเล่นตัวด้วย แต่ต้องการทำร้าย ทำให้บาดเจ็บเพื่อรู้ว่าอย่ามายุ่งกับชาริน ซัง

                ดวงตากลมโตแบบตามฉบับของจิ้งจอกฉายแววความเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อมองหาอาหารทางสายตาไม่เจอ เจ้าจิ้งจอกน้อย ตัวกระจ้อยร่อยยิ่งกว่าใครก็เริ่มเดินออกสำรวจไปทั่วด้วยเท้าสี่ขาของมันเอง



                ขอกินอะไรก็ได้ ลดความหิวลงสักนิดก็ยังดี...



                สุดท้ายเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ตัดสินใจเดินเลียบ ๆ เคียง ๆ เดินไปแถวลำธาร ที่ ๆ มันใช้ล้างคราบเลือดกระต่ายและดื่มน้ำดับกระหายเมื่อวาน มันกวาดตามองไปรอบบริเวณ มันต้องมีสัตว์น้อยใหญ่มาดื่มน้ำจากที่ตรงนี้แน่ ๆ ฉะนั้นมันก็จะนั่งรอเลยแล้วกัน ยังไงก็ต้องมี!

                ยิ่งรอเวลานานมากเท่าไร เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ยิ่งหิวมากขึ้นเท่านั้น ถ้าตอนนี้อยู่ในบ้านชาริน ซังมันก็คงนอนหลับ พุงกางเพราะชาริน หาอาหารให้กินแล้ว แต่ก็ได้แค่คิด เพราะอีกฝ่ายไล่มันออกมาแล้ว เท่านั้นไม่พอยิ่งทำร้ายร่างกายมัน เพื่อชดใช้กับการที่มันงับกระเป๋าผู้หญิงคนนั้นอีกด้วย

                ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหน ๆ เขาคงไม่ใจดีกับเจ้าจิ้งจอกตัวนี้อีกแล้ว...

            อุตส่าห์มีความหวัง แอบนั่งรอให้สัตว์ตัวไหนก็ได้มาดื่มน้ำลำธาร แต่ก็ไร้วี่แวว จนความหวังที่มีอยู่น้อยนิด ริบหรี่ลงไป ตอนนี้สิ่งเดียวที่เจ้าจิ้งจอกน้อยต้องการ ไม่ใช่ชาริน ซัง แต่เป็นอาหารต่างหาก

                 แต่สุดท้ายมันก็ตัดสินใจเตรียมถอยทัพอย่างสิ้นหวัง ทว่าจังหวะที่กำลังจะก้าวเดิน ใบหูของมันกลับตั้งขึ้นอัตโนมัติเมื่อรับรู้ได้ถึงเสียงเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต ที่กำลังเดินตรงมาทางนี้! มันกลืนน้ำลายรออย่างใจจ่อจอ เจ้าจิ้งจอกน้อยรีบแอบอยู่หลังพุ่มไม้ รอดูว่าสิ่งมีชีวิตนั้นคืออะไร



                ถ้าเป็นกระต่ายป่าของโปรดปราน นี่หวานหมู!



            มันเฝ้ารอสิ่งมีชีวิตนั้นเดินตรงมาทางนี้อย่างใจจดจ่อ แอบมองผ่านพุ่มไม้ด้วยหัวใจระทึก นึกขอบคุณฟ้าดินที่ให้มันรอดตายไปหนึ่งวัน ฟังจากเสียงเท้า เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะจัดการกับว่าที่อาหารได้ไหม เพราะน่าจะมีขนาดตัวใหญ่กว่ามันและสิ่งที่มันกลิ่นได้ส่วนใหญ่ก็มีแต่สัตว์ตัวเล็ก ๆ



                แออออออออออ๊!



                มันเผลอส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าฟ้าดินจะส่งอาหารชิ้นโตขนาดนี้มาให้ ดีไม่ดี มันเนี่ยแหละที่อาจเป็นว่าที่อาหารตรงหน้ากินเสียเอง หมาป่าขนาดตัวมหึมา เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่มันหวาดกลัวมาโดยตลอดกำลังจ้องมองมันอยู่ เราต่างรู้ตัวว่าไม่ถูกกันและจะเป็นจิ้งจอกทุกทีที่พ่ายแพ้



                 ในตอนแรกเจ้าหมาป่าจะมาดื่มน้ำที่ลำธารเหมือนเช่นสัตว์ เจ้าหมาป่ายังไม่เห็นจิ้งจอก แต่พอเจ้าจิ้งจอกน้อยส่งเสียงร้องมันก็หันขวับมองตามต้นเสียงและเราทั้งสองตัวก็สบตากัน

                ต่อให้ไม่ต้องแยกเขี้ยวใส่กันก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เมื่อตั้งสติได้เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่รอช้า รีบออกแรงวิ่งหนีเอาตัวรอดในทันที โดยที่มีหมาป่าวิ่งตามมันมาติด ๆ จิ้งจอกแดงวิ่งหนีสุดชีวิต แต่ด้วยขนาดตัวและอาการอ่อนเพลีย ทำให้มันวิ่งได้ช้ากว่าที่ควร

                แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ย่อท้อ มันวิ่งเร็วโดยไม่หันมองหลังด้วยซ้ำ จนในที่สุดตัวของมันก็ค่อย ๆ สูงขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกอย่างหยุดนิ่งไปพร้อม ๆ กับหัวใจของจิ้งจอก เมื่อมันถูกหมาป่าตัวจับตัวไว้ทันและคาบเข้าที่หลังคอลอยขึ้นกลางอาการ

                หงิง ๆ หงิง ๆ เสียงร้องหงิง ๆ ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ด้วยความหวาดกลัว เริ่มทำใจรับโชคชะตาตัวเองแล้วว่าจะต้องตายด้วยคมเขี้ยวของหมาป่าที่มันหลีกหนีมาตลอดชีวิตอย่างแน่แท้ ต้องยอมรับในโชคชะตาว่ามันทำภารกิจไม่สำเร็จและเผ่าพันธุ์ของมันก็จะสิ้นจากโลกนี้ไป

                ไม่รู้ว่าเจ้าหมาป่าพามันไปที่ไหน แต่รู้ตัวอีกทีเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถูกปล่อยลงกับโขดหินแล้ว มันครางฮือในลำคอด้วยความเจ็บ แต่ก็พยายามกัดฟันแน่นลุกขึ้น วิ่งเข้าไปอ้อน เอาหัวถูไถขาหน้าของหมาป่าอย่างกลัวตาย หวังจะให้เจ้าหมาป่ายักษ์เห็นใจ เพราะวิธีนี้ใช้ได้ผลกับชาริน ซัง

                ทว่าเจ้าหมาป่ายักษ์กลับจ้องจิ้งจอกน้อยด้วยสายตาอันน่ากลัวและคาดเดาไม่ถูก แต่มันยังไม่ลดละความพยายาม เอาหัวถูไถขาหน้าเพื่ออ้อนขอชีวิต ทว่าเจ้าหมาป่ากลับใช้ขาหน้าเขี่ย ๆ ตัวจิ้งจอกแดงให้ออกไปไกล ๆ อย่างนึกรำคาญ แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ได้อยากเป็นมิตรด้วย

                มันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่แสดงถึงความหวาดกลัวของจิ้งจอกตัวจ้อย ยิ่งข่มขวัญจิ้งจอกแดงจนมันเผลอคางหงิง ๆ ออกมาอีกรอบ เพียงแค่หมาป่าอ้าปากกว้าง โชว์คมเขี้ยวอันแหลมคมที่สามารถฉีกเนื้อจิ้งจอกแดงได้เป็นชิ้น ๆ เจ้าจิ้งจอกเล็กก็ถึงกับถอยกรูดไปชิดกับโขดหินในทันที


                หมาป่าตัวใหญ่สาวเท้าเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ จิ้งจอกแดงถึงกับหลับตาปี๋ หยุดหายใจ เตรียมรับชะตากรรมของตัวเอง ทว่าสัมผัสที่บางเบา ทำให้มันรู้ตัวว่ากำลังถูกหมาป่าหอมแก้ม!





_________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

น้องงงงงงงงงงงงงง

ใกล้จะกลายร่างแล้ว อย่าลืมสกรีมแท็กหรือคอมเมนต์นะคะ จะได้รู้ว่ามีคนรอเราอยู่ แล้วจะได้รีบเขียน แห้งเหี่ยวมากก





หัวข้อ: Re: Red fox #น้องจะตอบแทนพี่เอง (Yaoi) Ch.2 (2/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 02-07-2018 17:48:54
เดี๊ยวว ทำไมเราเขินแทนล่ะ อะไรคือการมาหอมแก้มน้องเรา

นึกว่าน้องจะโดนกินซะแล้ว 5555 เจ้าหมาป่าอย่ากินน้องนะ

ตอนนี้เรา #ทีมหมาป่า ชารินซังคือใคร ไม่รู้จัก เชอะ! ทำร้ายน้องเรา
หัวข้อ: Re: Red fox #น้องจะตอบแทนพี่เอง (Yaoi) Ch.2 (2/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: Zenith ที่ 02-07-2018 17:57:37
จริงๆก็อยากจะบอกน้องว่าอย่านะ อย่าเทชารินซังนะ อย่าไปกับคุณหมาป่าน้าาาาา  :katai1: แต่ก็นะ ชารินซังทำร้ายน้องอ่ะ ตบน้องทำไมม ฮือออ โกรธแล้ว ไม่ยกน้องให้แล้ว :katai4:
หัวข้อ: Re: Red fox #น้องจะตอบแทนพี่เอง (Yaoi) Ch.2 (2/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-07-2018 21:39:30
น้องกลับมาแล้ววววววว จุดพลุฉลองงง เฮฮฮฮ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Red fox #น้องจะตอบแทนพี่เอง (Yaoi) Ch.2 (2/07/18)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-07-2018 21:40:06
น้องกลับมาแล้ววววววว จุดพลุฉลองงง เฮฮฮฮ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(1/2) 3.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 03-07-2018 16:01:00



03

น้องจะเป็นเด็กดี...



                เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกหอมแก้ม เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ผละหน้าออกจากจมูกยาว ๆ ของหมาป่าทันที การกระทำอย่างไม่มีที่มาที่ไปของหมาป่าทำเอามันรู้สึกสับสนไปหมด เหมือนจะมาอย่างเป็นมิตร แต่ก็ไม่... อีกทั้ง หากว่ากันตามจริง จิ้งจอกจะได้เป็นอาหารให้กับหมาป่าผู้หิวโหย จะมีใครอยากเป็นเพื่อนกับอาหารเล่า ขนาดมันเองยังไม่เคยชวนกระต่ายคุยเลย



                ดวงตากลมโตของจิ้งจอกแดงแสดงความหวาดหวั่นอีกครั้ง เมื่อหมาป่าเจ้ายักษ์โน้มหน้าเข้ามาใกล้ สบตากันในระยะกระชั้นชิด ยิ่งทำให้เจ้าจิ้งจอกแดงขวัญฝ่อ เพราะดวงตาของเจ้าหมาป่ามันดุดันและดูน่ากลัว มันถึงกับยืนสองขา เอาหลังพิงโขดหินอย่างหวาดกลัว



                เจ้าหมาป่าใช้จมูกยาว ๆ ของตัวเองฟุดฟิดข้างแก้มจิ้งจอกแดงอีกครั้ง ก่อนจะถอยเท้าไปก้าวหนึ่ง ยืนมองจิ้งจอกแดงตัวกระจ้อยร่อยด้วยท่าทีที่น่าเกรงขาม



                ด้วยความยังอยากมีชีวิตรอดของเจ้าจิ้งจอก ทันใดนั้น! เจ้าจิ้งจอกแดงก็อาศัยทีเผลอวิ่งรอดขาหมาป่าตัวใหญ่ไถลตัวไปกับพื้นดิน แล้วรีบตั้งหลักเร่งฝีเท้าวิ่งหนีสุดแรงเกิด หนีจากความตายอย่างไม่คิดชีวิต



                ทว่าเหมือนเพียงแค่ฉากตลก ๆ ฉากหนึ่ง ตัวหนึ่งวิ่งหนีตาย หวงแหนชีวิตยิ่งกว่าสิ่งใด แต่อีกตัวกลับยืนมองอย่างงุนงง หมาป่าไม่ได้วิ่งตามเจ้าจิ้งจอก อย่างที่มันกลัวในตอนแรก แต่กลับหันกลับมามองอย่างนิ่ง ๆ ด้วยท่าทีสุขุม นั่นทำให้เจ้าจิ้งจอกแดงหยุดฝีเท้า ยืนมองเจ้าหมาป่าด้วยความฉงน



                ไม่รู้ว่าหมาป่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่หลังจากนั้นเจ้าจิ้งจอกแดงก็เห็นว่าอีกฝ่ายเหมือนจะถอนหายใจและคอตก  ดวงตาคมของหมาป่าจ้องมองหน้าจิ้งจอกครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเดินจากไปอีกฝั่งหนึ่งของป่า



                นั่นทำให้จิ้งจอกแดงรู้ว่า มันถูกไว้ชีวิต...









           

                ไม่เคยคิดว่าชีวิตตัวเองจะมีค่ามากมายจนกระทั่งผ่านเหตุการณ์รอดตายมา เจ้าจิ้งจอกแดงไม่รู้ว่าหมาป่าตัวนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงเลือกที่จะไว้ชีวิตมัน ทั้ง ๆ ที่ตัวมันคงทำให้อิ่มไปได้มื้อหนึ่งแท้ ๆ แต่นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้าเป็นเจ้าหมาป่าตัวอื่น ป่านนี้เจ้าจิ้งจอกคงไม่มีโอกาสรอดและคงอยู่ในท้องไปแล้ว



                มันเดินลัดเลาะไปตามชายป่าด้วยสภาพที่อ่อนแรง จนกระทั่งกลับมาที่เดิมคือหลังบ้านชาริน ซัง เจ้าจิ้งจอกน้อยมองบ้านหลังนั้นด้วยสายตาเศร้า ๆ แต่ไม่คิดจะกลับไป เพราะไม่อยากถูกชาริน ซังออกปากไล่ซ้ำสอง



                บ้านของชาริน ซังอยู่ห่างจากบ้านหลังอื่นเกือบร้อยเมตร ทำให้มันตัดสินใจกัดฟันทนความหิว เดินเลยบ้านชาริน ซังไป หวังจะไปคุ้ยแถวถังขยะของมนุษย์ หาของกินประทังความหิว



                ทุนเดิมจิ้งจอกแดงก็ตัวเล็กอยู่แล้ว โดยเฉพาะจิ้งจอกที่ไม่เหมือนใคร เพราะได้รับพลังพิเศษและสิ่งที่มันเป็น ทำให้ตัวเล็กยิ่งกว่าเดิม ร่างกายเติบโตได้ไม่เต็มที่แลกกับการกลายร่างเป็นมนุษย์ เจ้าจิ้งจอกเดินไปตามทางอย่างเหม่อลอย มันกำลังเข้าเขตมนุษย์ ทั้ง ๆ ที่เป็นสิ่งต้องห้าม แต่เพราะความหิวทำให้มันไม่มีสติเท่าไรนัก



                พอไม่มีตกถึงท้องเกือบวันแล้ว ทำให้มันที่ผอมกระจ้อยร่อยอยู่แล้วยิ่งดูผอมโซขึ้นไปอีก มันมองเห็นถังขยะซึ่งเป็นขุมสมบัติของมันตั้งแต่ไกล ๆ นั่นทำให้มีกำลังใจจะการเดินไปหา มันรีบเร่งฝีเท้าโดยทันที อาหารซึ่งเป็นเศษขยะของมนุษย์ ขุมทรัพย์ของมันอยู่ตรงหน้าแล้ว!



                ไม่มี...ไม่มีอาหาร



            ความหวังเพียงหนึ่งเดียวหายไปในพริบตา เมื่อถังขยะที่คิดว่าจะได้มีอะไรตกถึงท้องประทังความหิวบ้าง ว่างเปล่าไม่เหลือ แม้แต่ชิ้นเดียว... เจ้าจิ้งจอกมาช้าเกินไป มนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งต้องเอาขยะพวกนี้ไปจัดการแล้วแน่ เกือบจะตกเย็นแล้วยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเสียที มันหิวไส้กิ่วจนไม่รู้จะหิวยังไงแล้ว



                หอม....



            ขณะที่กำลังตัดพ้อว่ารอดพ้นจากคมเขี้ยวหมาป่าได้ ต้องมาตายเพราะไม่มีอาหาร มันก็ได้กลิ่นหอมเหมือนอาหารของมนุษย์ลอยละลิ่วมาตามลม ยิ่งมันสูดลมกลิ่นหอมนั้นมากเท่าไร มันก็ยิ่งหิวมากขึ้นเท่านั้น ...ไม่ไหวแล้ว



                เจ้าจิ้งจอกตัดสินใจเดินตามกลิ่นนั้นไป ยิ่งอาหารของมนุษย์ช่างหอมยั่วยวนชวนน้ำลายสอ มันก็เดินต่อไปทั้ง ๆ ที่รู้ว่านั่นอาจทำให้พบเจอกับมนุษย์และไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะใจดี มีเมตตากับมัน



                ในที่สุดมันก็ค้นพบบ้านที่เป็นต้นตอกลิ่นหอมชวนทรมานเสียที เจ้าจิ้งจอกน้อยไม่รอช้า เริ่มเดินสำรวจรอบ ๆ หลังนั้นทันที แถบนี้คนญี่ปุ่นไม่นิยมสร้างรั้วบ้านกัน ทำให้ง่ายต่อการเข้าไปทักทาย



                เสียงสับของและกลิ่นหอมมันจากทางหลังบ้าน ซึ่งน่าจะเป็นครัวเหมือนครัวเรือนอื่น ๆ เจ้าจิ้งจอกไม่รอช้า รีบเดินไปใกล้ แอบซุ่มมองอยู่หลังพุ่มไม้ มันมองเห็นชายร่างท้วมผู้หนึ่งกำลังทำอาหารเสียงดังและไม่ทันได้สังเกตว่ามีสัตว์ตัวหนึ่งกำลังเฝ้ามองอยู่



                หิว~



            เสียงท้องร้องดังขึ้นอีกครา เร่งเร้าให้มันรีบทำอะไรสักอย่างได้แล้วก่อนที่จะตายเพราะความหิว ทว่าเจ้าจิ้งจอกต้องรอเวลา มันต้องอดทนให้ได้ เพราะจะสวมบทเป็นแมวขโมย หากทำอะไรบุ่มบ่ามอาจเป็นอันตรายถึงได้ตายได้



                กลิ่นหอมที่ว่าคงมาจากทงคัตสึชิ้นโตแน่ เจ้าจิ้งจอกถึงกับตาลุกวาว มองมันเป็นทองคำว่าเห็นมนุษย์ร่างท้วมทอดเพิ่งเสร็จและกำลังวางไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน มันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ หากได้ครอบครองทงคัตสึชิ้นนั้น คงอิ่มไปได้หลายวัน



                มันต้องได้มา!



                นอกจากจะต้องสืบทอดทายาทแล้ว นี่ก็คือภารกิจของมันเช่นกัน ก่อนที่เจ้าจิ้งจอกจะอดตายก่อนทำภารกิจ มันจ้องทงคัตสึชิ้นนั้นอย่างไม่วางตา รอจังหวะให้มนุษย์ร่างท้วมหันหลังให้แล้วมันจะรีบวิ่งไปคาบทันที!



                เจ้าจิ้งจอกเริ่มจัดท่าเตรียมกระโดดไปงับทงคัตสึนั้น มันเลียปากรอแล้ว จริง ๆ ไม่ได้อยากทำ เพราะไม่อยากให้มนุษย์เกลียดสัตว์อย่างทำ แต่มันไม่มีทางเลือก...



                ซุ่มโจมตีนานเกือบห้านาที ในที่สุดมนุษย์ก็หันหลังให้! มันไม่รอช้า กระโดดไปงับเอาทงคัตสึชิ้นโตนั้นตามแผนการ ทว่าทุกอย่างเหนือความหมาย เมื่อตะแกรงที่ใช้วางทงคัตสึตกหล่นพื้น เสียงดังสนั่นครัว นั่นทำให้ชายร่างท้วมหันขวับกลับมามองทันที



                “ไอ้จิ้งจอก!” ชายร่างท้วมแผดเสียงดังลั่น



                “แกแน่ ๆ แกแน่ ๆที่กินกระต่ายของลูกสาวฉัน! มันหายไปจากหลังบ้าน ไป! ไปเลยนะ” ชายร่างท้วมตวาดลั่น ประโยคของชายร่างท้วมทำเอาจิ้งจอกน้อยถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ชายร่างท้วมหันไปจับอะไรบางอย่าง ก่อนที่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มันรีบวิ่งหนีโดยที่มีอาหารคาบไว้ในปาก



                ทว่ามันออกตัวช้าเกินไป น้ำร้อนจากหม้อซุปถูกสาดใส่ช่วงบั้นท้ายของมันเต็ม ๆ มันกัดชิ้นอาหารไว้แน่น สู้คาบทงคัตสึแล้วหาที่เงียบ ๆ แอบกินอาหารของมนุษย์ประทังความหิว



                หงิง ๆ



                หลังจากกินทงคัตสึชิ้นนั้นภายในเวลาอันรวดเร็วและหายหิวแล้ว มันก็มาจัดการกับบาดแผลของตัวเองต่อ มันแสบร้อนยังอย่างครั้งไหน ๆ ขนยาวที่ปกคลุมร่างกายก็ช่วยอะไรมันไม่ได้



                ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำตา เพราะความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส พยายามหันมองบาดแผลที่เพิ่งได้สด ๆ ร้อน ๆ ตรงบริเวณช่วงบั้นท้ายแต่ก็มองได้ไม่ชัดนัก มันพยายามโน้มตัว หมายจะปลอบประโลมบาดแผลด้วยน้ำลายตัวเอง แต่ก็โน้มไปไม่ถึง



                ยิ่งขยับร่างกายมากเท่าไรก็ยิ่งเจ็บมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้มองบาดแผลตรงบั้นท้ายของตัวเองได้ไม่ชัด แต่เจ้าจิ้งจอกก็เริ่มรู้โชคชะตาของตัวเองแล้ว เพราะบาดแผลมันใหญ่จนมีความเป็นไปได้ว่าเจ้ามันอาจไม่รอด...



                แผลพุพองจนน่ากลัว ขนบริเวณที่ถูกน้ำร้อนร่วงลงมา ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าสิ่งใด พวงหางของตัวเองที่มันมั่นใจว่างดงามก็โดนน้ำร้อนกระเด็นใส่เป็นจุด ๆ อีกไม่นานแผลพุพองนี้ต้องเกิดหนองและเน่าเปื่อยแน่ หากไม่ได้รับการรักษา แล้วมันจะไปขอความช่วยเหลือจากใครได้



                บอกแล้ว...ไม่มีใครดีใจเท่าชาริน ซังหรอก อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยเอาน้ำร้อนสาดไล่กัน



                ยิ่งมีบาดแผลแสบร้อนประดับตัว ยิ่งทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยอ่อนแอไปกว่าเดิม มันเริ่มเดินกะเผลก ๆ หวังจะไปหลบลม หลบฝนหลังบ้านชาริน ซัง เพราะพลังงานวิเศษที่มันมี ทำให้แผลของเจ้าจิ้งจอกลุกลามเร็วกว่าปกติ



                เมื่อมาถึงที่หมายมันก็ล้มตัวนอน แอบ ๆ อยู่หลังบ้านชาริน ซังไม่ได้หวังให้เขาเห็น หากจะต้องตายเพราะแผลนี้จริง ๆ ก็ขอตายใกล้ ๆ บ้านชาริน ซังก็ยังดี แมลงวัน แมลงวี่เริ่มเข้ามาตอมร่าง เหมือนรู้ว่ากำลังมีสิ่งหนึ่งจะตาย มันเริ่มหายใจรวยรินมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังพอ ๆ กับเสียงปีกดังกระทบกันของเหล่าแมลงวัน



                อีกฝั่งหนึ่งชริณก็เพิ่งเลิกงานมา กำลังเดินกลับบ้านเหมือนทุกที ช่วงที่ไม่มีเจ้าจิ้งจอกคอยมาเฝ้าอยู่หน้าบ้านยอมรับว่ารู้สึกแปลกไปอยู่ไม่น้อย แต่เขาก็ยอมรับผลการกระทำ เพราะไล่มันไปแล้ว



                การกระทำที่ไม่ค่อยน่ารักของมันที่ทำต่อซากุระ เขายังคาดมันไม่ถึงเหมือนกันว่ามันจะกล้าได้ถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทำไมเจ้าจิ้งจอกถึงกับทำแบบนั้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ชอบซากุระ แต่มันไม่ควรทำกับแขกของเขา



                 ลึก ๆ แอบเสียใจอยู่ไม่น้อย เพราะปกติเขาชอบลูบหัวมัน แต่วันนั้นกลับเป็นคนตบหัวมันเอง มิหนำซ้ำมันยังมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ ยิ่งทำให้ชริณรู้สึกผิดไปกันใหญ่



                ขณะที่เขากำลังจะไขกระตูเข้าไปในบ้านเหมือนทุกที ชริณก็ได้ยินเสียงเหมือนแมลงวันกำลังตอมบางสิ่งบางอย่างอยู่แถวหลังบ้าน นั่นจึงทำให้เขาผละแวะไปดูก่อน เผื่อมีอะไรมาตายแถวนี้ อาจสร้างความเหม็นได้



                 ทว่าสิ่งที่เขาเจอทำเอาชริณแทบหยุดหายใจ เจ้าจิ้งจอกน้อยที่พยายามวิ่งมาพันแข้งพันขาเขา มาด้วยความสดใส ชอบทำตาหยี ฉีกยิ้มกว้างเหมือนหมายิ้ม กำลังหายใจพะงาบ ๆ ลืมตาค้าง เตรียมกำลังรอความตาย นั่นทำเอาเขาถึงกับใจหายวาบ



                “เจ้าจิ้งจอก....”














___________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

น้องจะตายแล้วว ชริณซังช่วยน้อยด้วย

เรื่องนี้ตอนแรกมี6-7บท เดี๋ยวเราจะขยายไปเป็น 10 บทถ้วนนะคะ

น่าจะพอดีแล้ว
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(1/2) 3.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-07-2018 16:17:48
ช่วยน้องด้วยนะ
ส่าแต่ถเาไม่กลายร่างแล้วจะคุยกันรู้เรื่องไหม
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(1/2) 3.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 03-07-2018 17:15:25
เกลียดชริณแล้ว สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(1/2) 3.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 03-07-2018 19:26:18
ไปช่วยน้องเลยนะ!!!
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 05-07-2018 02:17:15
                แอ๊!



                เสียงหวีดร้องของเจ้าจิ้งจอกแดงดังลั่นโรงพยาบาลสัตว์ขนาดเล็ก หลังทันทีที่ยาสลบสิ้นฤทธิ์ มันก็ตื่นขึ้นและความเจ็บปวดจากบาดแผลที่เพิ่งรักษาไป ก็เล่นงานมันเข้าอย่างจัง ชริณที่เพิ่งพบคุณหมอเสร็จ ถึงกับวิ่งดูมันด้วยความตกใจ ดูเหมือนมันจะเจ็บมาก สังเกตได้จากน้ำตาคลอเต็มเบ้าและพยายามขยับตัวไปมา



                “ไม่เป็นไรแล้วนะ ๆ” เขายื่นนิ้วชี้ลอดผ่านซี่กรงพักฟื้นของมัน ไปลูกสัมผัสส่วนหัวเพื่อปลอบประโลมและมันยอมสงบ รู้ว่ามันคงเจ็บมาก แต่ถ้าไม่มารักษามันก็อาจจะไม่รอดคืนนี้



                 ผิวหนังบางส่วนที่เป็นแผลของมันเริ่มตายไปแล้ว จึงต้องทำการกำจัดออก เพื่อให้ผิวหนังส่วนใหม่เตรียมขึ้นมาทดแทน ตอนนี้ทุกอย่างไม่มีน่าห่วง คุณหมอจัดการทำความสะอาดแผลและฉีดยาให้มันเรียบร้อย เหลือเพียงแค่มันต้องมาตามนัดของสัตวแพทย์และสามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้



                ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันบ้างหลังเขาเอ่ยปากไล่ตะเพิดครั้งนั้น... แต่นั่นทำให้รู้แล้วว่ามันไม่สามารถเอาชีวิตรอดในป่าได้เลย ทั้ง ๆ ที่เป็นบ้านเกิดของมัน เพราะมันคลุกคลีกับมนุษย์มากเกินไป จนทำให้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดในป่าแทบเป็นศูนย์



                หลังจากโวยวายเสร็จ มันก็นั่งซึม ดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อย คุณหมอบอกว่ามันเป็นผลข้างเคียงของยา ไม่ได้มีผลร้ายแรงมาก ใช้เวลาสักพักหนึ่งมันก็จะกลับมาสดใสเหมือนเดิม เมื่อไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงแล้ว เขาจึงจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาล พามันมาพักฟื้นที่บ้านแทน



                ชริณเคยออกปากไปแล้วว่าไม่อยากเลี้ยงดูสัตว์ หนำซ้ำเขายังไม่ชอบจิ้งจอก แต่พอเห็นมันใกล้ตายจริง ๆ กลับอยู่เฉยไม่ได้ ต้องคอยยื่นมือเข้าไปช่วย



                เขาจับเจ้าจิ้งจอกให้อยู่ในกระเป๋าสำหรับสัตว์เลี้ยง พามันมาถึงบ้านพักเขาก็ค่อย ๆ รูดซิปเปิด ให้เจ้าจิ้งจอกเดินออกมา มันยังคงซึมอยู่เหมือนเดิม เจ้าจิ้งจอกน้อยแอบชำเลือง ช้อนตามองหน้าชริณอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมเดินออกจากกระเป๋า เดินไปนอนกับเศษผ้าอยู่มุมบ้านอย่างรู้หน้าที่



                ดูเหมือนเหตุการณ์หนนั้นจะทำให้มันไม่ไว้วางใจเขาเหมือนอย่างเคย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่ได้แยกเขี้ยวขู่หรือจะทำร้ายเหมือนกับตอนซากุระ สายตาของเจ้าจิ้งจอกดูเกรง ๆ อย่างไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อชริณทำท่าจะขยับเข้าไปหามัน เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ขยับตัวหนีเล็กน้อย



                “กลัวฉันแล้วหรือไง” เขาเกลั้วหัวเราะ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิตรงข้างหน้ามัน เอามือยีหัวให้มันเลิกเกร็ง ซึ่งก็เป็นสัญญาณที่ดี เพราะมันหลับตาพริ้มยอมรับสัมผัสจากเขา



                “แล้วไปทำอะไร ถึงได้แผลมาใหญ่ขนาดนี้”



                “......”



                ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ ในขณะเดียวกันชริณก็กำลังคิดว่าจะเอายังไงกับเจ้าจิ้งจอกตัวดีนี้ อย่างที่บอกมันกลับไปใช้ชีวิตในป่าแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของชริณเองที่มักจะใจอ่อนยอมให้อาหารทุกครั้งที่มันขอ  มิหนำซ้ำยังปล่อยให้มันเข้ามาเพ่นพ่านในบ้านอีก



                “ฉันจะเอายังไงกับแก เจ้าจิ้งจอก” เขาถามมัน ซึ่งเจ้าจิ้งจอกก็ได้มองหน้ากลับอย่างซื่อ ๆ เพราะไม่เข้าใจความหมายที่ชริณสื่อ



                “.....”



                “เลี้ยงดีไหมเนี่ย?”



                 พอได้ยินคำเลี้ยงเจ้าจิ้งจอกแดงที่ตอนแรกยังคงง่วงซึมเพราะฤทธิ์ยาสลบถึงกับหูผึ่ง อาการที่เหมือนจะยังตัดพ้อและโกรธชริณหายไปเป็นปลิดทิ้ง มันหูตั้ง มองหน้าชริณอย่างกระตือรือร้น จากที่พยายามขยับตัวหนีก็เปลี่ยนเป็นขยับตัวเข้ามาเบียดเสียดแทน มิหนำซ้ำยังเอาคางมาพาดตักเขาอีก ทำเอาชริณถึงกับหลุดหัวเราะกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของมัน



                “อยากเห็นฉันเลี้ยงหรือไง หืม”



                แอ๊! คราวนี้มันส่งเสียงตอบรับ เอาหัวถูไถตักเขาช่างอ้อนราวกับลูกแมว ยิ่งไปกว่านั้นมันจ้องตาแป๋ว เรียกได้ว่าพยายามออดอ้อนทุกวิถีทางเพื่อให้เขาเลี้ยงมัน



                “โอเค ๆ ได้คำตอบแล้ว....”



                “......”



                “....ฉันจะเลี้ยงแกก็ได้ ทำตัวน่ารัก ๆ เข้าไว้ล่ะ” คำพูดของชริณทำเอาเจ้าจิ้งจอกแดงดีใจมาก จนกระโดดเลียปาก เลียหน้าจนเขาแทบปัดป้องไม่ทัน มันโบกสะบัดพวงหางแหว่ง ๆ ของมันอย่างดีใจ ในที่สุดก็ได้มีเจ้าของเสียที



                จะดูแลชาริน ซังให้ดีที่สุดเลย....



                เมื่อตัดสินใจว่าจะรับผิดชอบอีกชีวิตหนึ่งแล้ว ชริณก็ตั้งใจว่าจะเลี้ยงให้ดีที่สุด ก่อนออกจากบ้านมาเขาก็จัดการเตรียมอาหารหมา เทน้ำสะอาดเตรียมไว้ให้มันแล้ว หลังจากเลิกงานเขาก็ตัดสินใจไปร้านขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เพื่อที่จะหาซื้อเบาะนอนดี ๆ ให้กับมัน มันจะได้ไม่ต้องนอนพื้นพร้อมกอดผ้าเน่า



                นึกแล้วก็ขำตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่ก่อนเขาหวาดระแวงการออกไปทำงานและกลับบ้านมากที่สุด เพราะไม่อยากเจอเจ้าจิ้งจอก เรียกได้ว่าตอนรับมือกับมันเหนื่อยกว่าตอนทำงานอีก แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว จากตอนแรกที่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีทางใจอ่อนกับมันเด็ดขาด ตอนนี้กลับรับเลี้ยง มิหนำซ้ำยังซื้อข้าวของเต็มสองมือให้อีก



                เมื่อมาถึงประตูบ้านชริณก็ไม่รอช้า เขาจัดการไขประตูเข้าไปทันที ก่อนหลุดยิ้มตั้งแต่อยู่หน้าบ้าน เมื่อเห็นเจ้าจิ้งจอกกำลังนั่งตาแป๋วรอเขากลับมาจากที่ทำงานอย่างเรียบร้อย มันโบกสะบัดหางไปมา พยายามพันแข้งพันขาเมื่อเขากลับมา



                “เดี๋ยว ๆ วางของก่อน จะล้มแล้วเนี่ย” เขาเอ็ดมัน หลังเจ้าจิ้งจอกน้อยพยายามตะครุบขาหน้าเขา จนชริณเกือบหน้าคะมำ เขาจัดการแยกของของตัวเองและของที่ซื้อมาให้มันออก เมื่อแยกได้เรียบร้อย ชริณก็เอาพวกผงกาแฟสำเร็จรูปไปไว้ในลิ้นชักครัว ก่อนที่ชายหนุ่มจะขมวดคิ้ว เมื่อเห็นจานที่ควรจะเต็มอ่างกลับถูกล้างอย่างสะอาดและวางไว้บนชั้นอย่างเป็นระเบียบ



                บ้าน่า...เมื่อคืนเขายังไม่ได้ล้างจานเลยนะ



            เขาถึงกับนิ่งไป ทุกอย่างดูงุนงงไปหมด เมื่อคืนเขาขี้เกียจเลยตั้งใจจะมาล้างจานวันนี้ เขาจำได้แม่นว่าตัวเองวางแพลนไว้ว่าอะไร แต่ทำไมจานมันถึงถูกล้างแล้วและใครล้าง?



                ดวงตาคมกวาดมองรอบ ๆ บ้านตัวเองอย่างไม่วางใจ เผื่อมีคนแอบเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของเขา แต่ก็ไม่พบกับความปกติอะไร นอกจากเจ้าจิ้งจอกน้อยที่เดินตามเขาแจ


                หรือจะเป็นจิ้งจอกล้างจานให้เขา?


                “แกล้างจานให้ฉันเหรอ?”



                “......” มันเอียงคอมองชริณอย่างงุนงง เขาจึงได้สติว่าตัวเองบ้าไปแล้ว จิ้งจอกที่ไหนจะมาล้างจานให้ จิ้งจอกผีน่ะสิ...



                แต่แล้วชริณก็ต้องพบกับความพิศวงอีกครั้ง เมื่อตะกร้าผ้าที่ไว้เตรียมซัก กลับไม่มีผ้าอยู่ในตะกร้าเลยสักชิ้น เขารีบเดินไปพิสูจน์ตะกร้าผ้าใกล้ ๆ ด้วยความตกใจ เหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามขอบหน้าด้วยอาการขนลุก



                 ทั้ง ๆ ที่พรุ่งนี้ต่างหากถึงจะเป็นวันซักผ้า แล้วเสื้อผ้าเสื้อผ้าเตรียมซักมันหายไปไหน เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองเคลือบแคลงใจไปมากกว่านั้น ชริณรีบเดินเข้าไปในห้องนอน เปิดดูตู้เสื้อผ้าของตัวเองในทันที ก่อนจะพบว่าเสื้อทำงานที่เขาถอดซักเมื่อวาน ตอนนี้กำลังถูกแขวนอยู่ในตู้ ถูกซักเรียบร้อยมิหนำซ้ำแขนยังถูกรีดเป็นกลีบเหมือนแม่มารีดผ้าให้อีก



                นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว!



                หรือแม่จะมาญี่ปุ่นแล้วไม่บอก? แต่แม่ไม่มีกุญแจบ้านเขานะ!



            ชริณไม่รอช้า เขารีบต่อสายไปหาแม่ทันที เขารับรู้ได้ถึงอาการใจเต้นแรงระหว่างที่รอแม่ตัวเองรับสาย เขาภาวนาให้เป็นแม่ของเขาที่มาจัดการเรื่องพวกนี้ให้ ก่อนที่เขาจะขนหัวลุกไปมากกว่านี้ เอาอีกแล้ว....อาการกลัวผีกำเริบอีกแล้ว



                [ว่าไง เจ้าลูกชาย]



                “แม่มาญี่ปุ่นเหรอครับ”



                [หืม ตอนนี้แม่อยู่ไทยนะลูก]



                “แม่อำผมใช่ไหม สารภาพมาเลย ตอนนี้ผมขำไม่ออกแล้วนะครับ” ชริณจี้ถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสู้ดีนัก



                [เอ๋...แม่งงไปหมดแล้วนะ แม่อยู่บ้านนะลูก ถ้าไม่เชื่อจะคุยกับพ่อเราไหมล่ะ] แม่ว่าด้วยน้ำเสียงติดตลกแต่แฝงไปด้วยความจริงใจ



                “....ง—งั้นเหรอครับ”



                [ก็ใช่น่ะสิ มีเรื่องอะไรเปล่าลูก] แม่เริ่มถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล หลังจับสังเกตได้จากน้ำเสียงของชริณว่าแปลกไป เหมือนคนกำลังกังวลอะไรบางอย่าง



                “เปล่าหรอกครับ แต่แม่สบายดีใช่ไหม”



                [สบายใจ มีแต่พ่อนั่นแหละ ช่วยนี้ป่วยบ่อย ทำแต่งาน]



                “บอกพ่อรักษาสุขภาพดี ๆ ด้วยนะครับ แม่ก็ด้วย งั้นผมไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ สวัสดีครับ”



                เอาล่ะ....เมื่อแม่เขาพูดมาขนาดนี้แล้ว ก็ชัดเจนว่าเธอไม่ได้มาญี่ปุ่นจริง ๆ และมีคนกำลังเล่นตลกกับเขาอยู่!








                ชริณคิดไม่ออกว่าคนที่จะเล่นตลกกับตัวเองคือใคร เขาจึงพยายามปลอบใจตัวเองว่าเป็นเขานี่แหละ ที่นอนละเมอและทำงานบ้านทุกอย่างเอง ไม่ใช่ผีสางเทวดาหรือแม้แต่ผีที่ไหน หากบ้านนี้มีผีจริง ๆ ก็คงไม่ใช่ เพราะเขาเองก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้มาได้ปีกว่าแล้ว ทำไมถึงเพิ่งมาเจอสิ่งลี้ลับเอาป่านนี้



                หนแรกยังพอหลอกตัวเองให้เข้าใจอย่างนั้น แต่พอหนที่สอง...ที่สาม...ตามมาติด ๆ ชริณไม่สามารถหลอกล่อว่าเป็นตัวเองทำได้อีกแล้ว ทั้งบ้านก็มีแค่เขาและเจ้าจิ้งจอกหนึ่งตัว แล้วจะมีใครอีก หากบอกว่าโจรก็คงไม่ใช่ เพราะมีเจ้าจิ้งจอกคอยเฝ้าอยู่ แค่ไอ้เมฆมาเล่นที่บ้าน เจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาก็จ้องอย่างไม่เป็นมิตรเลย



                สุดท้ายชริณก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาต้องการพิสูจน์ความจริง!



                การพิสูจน์ความจริงนี้ จะเกิดขึ้นในวันที่บริษัททำงานเพียงครึ่งวัน เพราะเป็นนโยบายลดความเครียดให้พนักงานของบริษัทตามคำสั่งของรัฐบาล เขาจัดการกองจานไว้สูงเท่าภูเขา โยนเสื้อผ้าใส่ตะกร้าซักไว้จนมันยัดไม่ลงแล้ว สภาพบ้านรกยิ่งกว่าการใช้ชีวิตแบบปกติ ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพราะความตั้งใจของเขา



                “เจ้าจิ้งจอกเฝ้าบ้านให้ดีนะ ถ้าโจรบุกบ้านกระโดดงับขาเลย เข้าใจไหม?” เขาจัดการสั่งเสียสัตว์นี้ประจำบ้าน ซึ่งยามที่เขาไม่อยู่มันจะได้สวมบทเป็นรปภ.ให้ เจ้าจิ้งจอกขานรับในลำคอ ก่อนจะหลับตาพริ้มยอมให้ชริณลูบหัวอย่างสบายอารมณ์



                “ไปแล้วนะ”



                แอ๊! มันส่งเสียรับทราบในลำคออีกครั้ง ก่อนที่ประตูบ้านจะถูกปิดลง โดยที่มันนั่งรออยู่หน้าประตูอย่างสัตว์ผู้ซื่อสัตย์









 

                “หน้ากลุ้ม คิ้วขมวดเชียว มีไรเลยเหรอวะ”



                “หน้ากูชัดขนาดนั้นเลยเหรอ”



                “ก็เออน่ะสิ ว่าแต่มีเรื่องอะไร” เมฆเอ่ยถามเพื่อนอีกครั้ง หลังเห็นชริณทำหน้าเคร่งเครียดอยู่หน้าคอมนานสองนาน ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่ใช่คนแบบนั้น



                “ก็...เครียดเรื่องงานแหละ” ชริณตอบอย่างเลี่ยง ๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ยังหยุดคิดเรื่องนั้นไม่ได้เสียที



                “ใช่เหรอวะ วันนี้ทำงานแค่ครึ่งวันเองนะ” เมฆพูดต่อ เขาทำหน้ามีความสุขกันทั้งบริษัท มีแต่ชริณคนเดียวที่หน้าเคร่งเครียด มันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างแน่ ๆ



                “.....”



                “เอาล่ะ บอกกูมาได้แล้ว อย่าเฉไฉ”



                “เออ ๆ ...กูกำลังสงสัยว่ามีคนเล่นตลกกับกูอยู่”



                “ก็กูนี่ไง เห็นมึงขำกับมุกกูทุกวัน”



                “ไม่ใช่ตลกแบบนั้น ไอ้เมฆกูจริงจังอยู่นะเว้ย”



                “อะ ๆ เล่ามา”



                “คือบ้านกูอะ เมื่อหนึ่ง สองสัปดาห์ที่ผ่านมามีคนคอยทำความสะอาดบ้านให้ ทั้งล้างจาน ซักผ้า รีดผ้าให้กูด้วย”



                “มึงอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ?”



                “ใช่ กูไม่ได้จ้างแม่บ้านด้วยไง กูอยากรู้ว่าใครทำ”



                “เขาไม่ได้เอาทรัพย์สินไปใช่ไหม”



                “ไม่ ของทุกอย่างยังอยู่ครบ”



                “งั้นก็เป็นเรื่องดีแล้วนี่ มึงจะสงสัยไปทำไม” เมฆขมวดคิ้ว



                “มึงจะไม่ให้กูสงสัยได้ยังไง เรื่องแบบนี้เจอเองมันน่ากลัวนะไอ้เมฆ ไม่รู้ว่าหวังดีประสงค์ร้ายหรือเปล่า” ชริณว่า เขาไม่เชื่อการทำงานบ้านให้นี่จะเป็นการทำดีโดยไม่หวังผล มันไม่มีทางแน่นอน แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร



                “.....”



                “มึงคิดดูดิ ถ้าเขาสามารถเข้ามาทำงานบ้านกูได้ แต่แสดงก็สามารถเข้าออกบ้านกูได้ตลอดปะ แล้วถ้าแอบเข้ามาตอนกูนอนหลับนะ ไม่ตายห่าเลยวะ” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงเครียดจัด



                เขายิ่งเป็นคนนอนหลับลึกด้วย ชนิดที่ว่าวางนาฬิกาไว้ข้างหมอนยังไม่ค่อยอยากจะตื่น ถ้าใครเข้ามาในบ้าน ในยามวิกาลเขาจะรู้ได้ยังไง



                “มึงไม่คิดว่าจะเป็นผีบ้างเหรอวะ”



                “จริง ๆ กูก็เคยคิดนะมึง แต่พอคิดดี ๆ แล้ว...กูว่าไม่ใช่ผีว่ะ คนนี่แหละ” ชริณว่า ถ้าเป็นผีในบ้านจริง ๆ คงออกมาหลอกหลอนเขาตั้งแต่วันแรก ๆ ที่ย้ายเข้ามาอยู่แล้ว แต่นี่อยู่มาปีกว่าทำไมเพิ่งมาหลอกหลอนกัน?



                มันดูตลกเกินไป....



                “แล้วมึงจะทำยังไงต่อไป” เมฆถามต่อ



                “วันนี้กูจะพิสูจน์ความจริง”



                “งั้นให้กูไปเป็นเพื่อนไหม มันอันตรายนะ”



                “.....” ชริณนิ่งไปครู่หนึ่ง ลังเลว่าจะเอาเมฆไปเป็นเพื่อนดีไหม



                “ว่าไง”



                “ขอบใจ แต่กูคิดว่ากูจัดการเรื่องนี้ได้” ชริณว่าอย่างหนักแน่น สันนิษฐานแล้วคนทำความสะอาดในบ้านเขาคงทำแค่หนึ่งคน ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ลองสู้กันสักตั้งให้รู้กันไปเลย



                ไม่มีใครต่อบทสนทนาอีก เราต่างแยกย้ายกลับไปสวมบทเป็นพนักงานบริษัทอีกครั้ง ชริณมองเข็มนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้เขาอยากจะกลับบ้านไปพิสูจน์ความจริงแล้ว แต่ดูเหมือนวันนี้เข็มนาฬิกาจะช้าเสียเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่วันนี้ทำงานเพียงแค่ครึ่งวัน



                “ไปก่อนนะมึง” ในที่สุดก็สิ้นสุดการรอคอยของชริณสักที เมื่อถึงเวลาที่บริษัทประกาศเลิกงานครึ่งวันแล้ว เขาโบกมือลาเมฆ เตรียมจะรีบกลับบ้านอย่างที่ตั้งใจไว้



                “จะไม่ให้กูไปเป็นเพื่อนแน่นะ”



                “ไม่ต้องหรอก ขอบใจมากนะ”



                “เออ ๆ ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากล รีบโทรหากูได้เลยนะมึง”



                “เออ เจอกันพรุ่งนี้” ชริณโบกมือลาเพื่อนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะรีบตรงไปที่ลิฟต์เพื่อรีบกลับบ้าน ระหว่างทางเขาก็เห็นซากุระกำลังยืนรออยู่หน้าลิฟต์เช่นกัน เธอหันเจอเขาด้วยความบังเอิญ ก่อนจะส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้เขาตามมารยาท แต่กลับทำให้ชริณใจเต้นแรงอีกแล้ว



                “สวัสดีครับ” เขาเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายเธอก่อน



                “สวัสดีค่ะ”



                “อ้อ เรื่องแผล.... หายดีหรือยังครับ” ชริณทักท้วงเรื่องแผลที่มือของเธออย่างนึกขึ้นได้ เกิดจากเจ้าตัวป่วนที่อยู่บ้านนั่นแหละ อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เขี้ยวของเจ้าจิ้งจอกดันไปกวนมือเธอด้วย



                “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” ซากุระพูดเสียงหวาน ยิ่งทำให้ชริณรู้สึกประทับใจ “ชริณคะ”



                “ครับ?”



                “ข้างบริษัทเรา มีคาเฟ่เปิดใหม่.... ชริณ ซังสนใจไปด้วยกันไหมคะ”



                “ครับ....อา แต่วันนี้ผมคงไม่สะดวกนะครับ พอดีมีธุระที่บ้าน” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะเสียดาย อยากจะไปตามคำชวนของซากุระที่นานที มีหนเหมือนกัน แต่ดูเหมือนตอนนี้เรื่องจับโจรที่บ้านจะสำคัญกว่ามากนัก



                “อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ” ซากุระนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ชริณ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น



                ไม่เคยคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิต นอกจากบทบาทของลูกชายคนเดียวของพ่อแม่ พนักงานบริษัท จะต้องมาสวมบทเป็นตำรวจจับโจรอีก ชีวิตของเขาแฟนตาซีเกินไปแล้ว หลังจากลงรถไฟ ชริณก็รีบเร่งฝีเท้ามากขึ้น เพื่อให้รีบไปถึงบ้านตัวเองเร็ว ๆ ตลอดระยะทาง เขาใจเต้นตึกตัก คิดหาวิธีการรับมือเจ้าโจรแปลกทุกรูปแบบ



                จากเดินกลับบ้าน กลายเป็นการวิ่งแทน จนสุดท้ายชายหนุ่มต้องมาหอบแฮ่กอยู่หน้าบ้านแทน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติตัวเองแล้วค่อย ๆ เอาหูแนบประตู ฟังเสียงจากข้างในว่าได้ยินอะไรไหม



                นั่นมันเสียงโทรทัศน์นี่!



                 ชริณเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไรว่านั่นคือมนุษย์ เขาแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ ถึงกับต้องรวบรวมสติตัวเองอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ ไขประตูเข้าไปอย่างเบาเสียงมากที่สุด



                “เอาว่ะ เป็นไงเป็นกัน!” เขาพูดกับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูออก



                ไม่มีใครนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา... แต่กลับปรากฏเป็นร่างของเด็กผู้ชายคนนั้นกำลังเปลือยเปล่า ผิวขาวเหมือนเปลือกไข่ กำลังตั้งหน้าตั้งตาล้างจานอย่างสบายอารมณ์ มิหนำซ้ำยังหันหลัง โชว์แผ่นหลังอันขาวเนียนและก้นสีชมพูอ่อน ๆ มาทางเขาอีกด้วย! ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาชริณถึงกับอ้าปากค้าง



                น—นี่มันไม่ใช่ภาพที่เขาคิดไว้นี่ ภาพในจินตนาการมันไม่ใช่แบบนี้!!



                อีกฝ่ายหันมามองเขาด้วยความตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจไม่ต่างกัน พร้อมกับปล่อยจานลงสู่อ่างเหมือนเดิม ก่อนจะ พรึบ! กลายร่างเป็นเจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาอย่างรวดเร็วและ พรึบ! กลายร่างกลับคืนเป็นเด็กหนุ่มเช่นเดิม...



                “แหะๆ ส—สวัดดีฮะ ชาริน ซัง” เด็กชายตรงหน้าเอ่ยคำทักทายพร้อมกับส่งรอยยิ้มบริสุทธิ์มาให้.....

หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 05-07-2018 07:39:35
เย้เจอตัวพ่อบ้านแล้ว
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 05-07-2018 20:26:43
โดนจับได้แล้ว  :o
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-07-2018 22:38:44
แอบหมั่นไส้พ่อซารินซัง...ว่าแต่หมาป่าเป็นใคร??? :hao4:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Zenith ที่ 05-07-2018 23:26:00
แงงงง น้องโดนจับได้แล้ววว ชาริณซังอย่าพึ่งช็อคตายไปก่อนนะ อยู่กับน้องก่อน ให้น้องตอบแทนชาริณซังก๊อนนนน ตอบแทนท่าไหนดีล่ะ ท่ามาตราฐา-- แค่กๆๆ //โดนตบ// ผิดๆ ตอบแทนด้วยการช่วยดูแลชาริณซัง ช่วยทำงานบ้านไรงี้  :hao3:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.3(2/2) 5.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 05-07-2018 23:56:28
หมาป่าตัวนั่นคงเหงาไม่มีฝูงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 07-07-2018 00:26:47




04



                เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก แต่ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ยังติดตาชริณอยู่เลย ชายหนุ่มผงะถอยไปข้างหลัง ลังเลว่าจะทำยังไงต่อไปดี ควรวิ่งหนีเลยดีไหม เขาศึกษามาแค่การต่อสู้กับคน ไม่ได้ศึกษาการต่อสู้กับตัวอะไรก็ไม่รู้สักหน่อย   มิหนำซ้ำคู่ต่อสู้ของเขา ยังมีก้นสีชมพูอีก!



                เอ่อ....ประโยคสุดท้าย ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่อง



            “น—นายเป็นใคร!?” เขาเอ่ยปากถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ แปลงร่างได้ทั้งมนุษย์และสัตว์ นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว!



                “น้องไงจ๊ะ ชาริน ซังจำน้องไม่ได้เหรอ เมื่อคืนยังขย้ำก้นน้องอยู่แท้ ๆ” เด็กหนุ่มตรงหน้าว่าด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ ไม่หนำซำยังหันบั้นท้ายแน่น ๆ มาประกอบประโยคตัวเองอีก เรียกได้ว่าไม่มีท่าทีเขินอาย แม้ตัวเองจะอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าอยู่ก็ตาม



                “.....”



                “ชาริน ซังจำไม่ได้จริง ๆ เหรอ” เด็กหนุ่มพูด ก่อนจะพรึ่บ! กลับคืนเป็นร่างจิ้งจอกอีกครั้ง



                “เฮ้ยยยยยย!” ชริณส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ เมื่อสัตว์ประหลาดวิ่งเข้ามาพ้นแข้งพันขาเขา ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเป็นปกติเขาก็คงจะจับเจ้าจิ้งจอกฟัดอย่างไม่ลังเล แต่นี่มันไม่ใช่แล้ว มันไม่ใช่จิ้งจอกธรรมดา แต่เป็นเจ้าจิ้งจอกผีต่างหากเล่า!



                “เฮ้ยยยย ออกไป!!” เขาส่งเสียงขณะที่กระโดดเหยง ๆ ไม่ยอมให้มันสัมผัสร่างกายตัวเอง แต่ดูเหมือนมันจะไม่ฟังเขาเสียเลย มิหนำซ้ำยังพยายามต้อนชริณให้ล้มลงโซฟาอีก และมันก็ได้อย่างที่ต้องการ



                เจ้าจิ้งจอกผีอาศัยจังหวะที่เขากำลังตกใจ ไล่ต้อนชริณเข้ามาในบ้าน จนเขาล้มตัวลงบนโซฟาแล้วมันก็ พรึบ! กลับคืนร่างเป็นเด็กหนุ่มอีกครั้ง เดินไปล็อกประตูบ้านเสร็จสรรพ ตวัดสายตากลับมามองชริณอีกครั้ง ทำเอาชายหนุ่มถึงกับใจหายวาบ



                “ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวน้องจะทวนความจำให้พี่เอง”



                เอาแล้ว มันเล่นงานกูแล้ว....



            “ขยับออกไป ไม่งั้นฉันต่อยจริงด้วย” ชริณขู่ ต้องท่ายกหมัดขึ้นพร้อมสู้ ถ้าเจ้าตัวประหลาดนี่เข้ามาใกล้เขาอีกนิดเดียว เขาจะ....เขาจะร้องไห้แน่ ชริณพร้อมสู้กับคนมาก แต่กับเจ้าตัวนี้เขาไม่พร้อมจริง ๆ



                “ใจร้ายจัง....ทำเหมือนเราไม่เคยรู้จักกันเลยนะจ๊ะ” เด็กหนุ่มในร่างเปลือยเปล่าว่า พยายามตีเนียนเดินเข้ามาใกล้ชริณ ยิ่งเขาก็รีบขยับตัวหนีไปจนสุดขอบโซฟา



                “......”



                “แต่ไม่เป็นไรจ้ะ ใจร้ายแบบนี้น้องชอบ”



                “ใครพี่แก” เขาว่า



                “ก็ชาริณ ซังไงจ๊ะ แหม....อุตส่าห์ทำงานบ้านให้ ตอบแทนน้องแบบนี้เหรอจ๊ะ น่าเสียใจจัง” เจ้าตัวประหลาดพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ยิ่งชริณมอง ยิ่งทำให้เขานึกถึงเจ้าจิ้งจอกตัวนั้น ตัวที่เขาคิดว่ามันก็แค่จิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ แต่มันไม่ใช่



                ถึงแม้ว่าเจ้าตัวประหลาดนี่จะทำตัวน่าสงสารแค่ไหน อย่าคิดว่าชริณจะหลงกลเชียว ไม่มีทาง! เขารีบคว้าโทรศัพท์ออกมา หมายจะโทรหาเมฆเพื่อนของตนให้มาช่วยเหลือ แต่เพียงแค่ปลดล็อกหน้าจอ เจ้าตัวประหลาดที่ว่าก็โน้มตัวมา อาศัยความรวดเร็วเกินมนุษย์ ชกชิงโทรศัพท์ของเขาไป



                “เฮ้ย! เอามานะ” เขาโวยวาย



                “จะเรียกคนอื่นมาทำไมล่ะจ๊ะ เรื่องนี้คุยกันแค่เราสองคนดีกว่า”



                “งั้นออกไปจากบ้านฉันเดียวนี้”



                “.....” เจ้าตัวประหลาดเอียงคอมองเขาอย่างงุนงง จนชริณจนออกปากไล่มันซ้ำสอง



                “ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”



                “กะแล้วว่าชาริน ซังต้องพูดแบบนี้ แต่เสียใจจัง เพราะน้อง...”



                “.....”



                “ไม่ออก” ท้ายประโยคเจ้าจิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกราวนิดหน่อย ทำเอาชริณถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เริ่มกลัวมันโมโหและจับเขากินตงิด ๆ



                “ไหนบอกว่าจะรับผิดชอบชีวิตน้องจนกว่าจะตายไง ไม่ทันไรก็ออกปากไล่แล้วหรือมนุษย์เขาเป็นแบบนี้กันหมดเลย”



                “ฉันหมายความว่าจิ้งจอกธรรมดา ไม่ใช่จิ้งจอกผีแบบนาย!” เขาเถียง ใครอยากจะเลี้ยงจิ้งจอกผีกัน



                “ก็ถ้าชาริน ซังไม่พยายามค้นหาความจริงก็คงไม่ต้องรู้เรื่องนี้หรอกจ้ะ จะเข้าใจว่าน้องเป็นแค่จิ้งจอกธรรมดาตัวเล็ก ๆ ไปอีกนานแสนนาน.....”



                “......”



                “แต่ชาริน ซังอยู่ดีไม่ว่าดีเอง ชอบค้นหาความจริง ทั้ง ๆ ที่ถ้าไม่รู้ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติอยู่แล้ว...และไม่ว่าจะยังไงชาริน ซังก็ต้องทำรับผิดชอบในความอยากรู้ของตัวเอง ด้วยการ....”



                “.....”



                “เป็นผัวน้อง”



            “เฮ้ย!!” ชริณอุทานออกมาด้วยความตกใจอีกครั้ง หลังเจ้าตัวประหลาดพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉย



                “ชาริน ซังจะตกใจอะไรหนักหนา ในเมื่อชาริน ซังรู้ความลับน้องแล้ว ชาริน ซังก็ต้องรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย เพราะความลับนี้จะต้องตายไปพร้อม ชาริน ซัง” เจ้าตัวประหลาดพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง



                “ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ น้องจะทำหน้าที่เมียอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย”



                “ไม่มีทาง!” เขาพูดอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด “ใครจะอยากมีเมียเป็นตัวประหลาดกัน”



                “เลี้ยงน้องเถอะนะ ถ้าชาริน ซังเลี้ยง อืม.....” เด็กหนุ่มเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งทำเอามองรู้สึกขนหัวลุก “มีได้กับได้....”



                “เลิกเรียกฉันว่าชาริน ซังสักที น่ารำคาญ ฉันชื่อชริณ!” ชริณว่าเสียงเข้ม จ้องเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางไว้ใจ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!



                “แล้วน้องจะเรียกชาริน ซังไม่ได้เหรอ? เอาล่ะชาริน ซังลองคิดดูดี ๆ สิ ถ้าตอนกลางวัน ชาริน ซังเหงาน้องจะเป็นจิ้งจอกให้ก็ได้จะอ้อนชาริน ซังให้หายเหงาเลย.....แต่ถ้าตอนกลางคืน” เด็กหนุ่มเว้นวรรคอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ เผยรอยยิ้มกรุ่มกริ่มออกมา



                 “น้องเป็นเมียให้ก็ได้นะจ๊ะ”



                “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็น!” ชริณเริ่มขึ้นเสียงใส่เจ้าตัวประหลาดอย่างมีน้ำโห นี่มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาเถียงกับตัวประหลาด! แอบแปลกใจตัวเองอยู่ไม่น้อยที่กล้าอยู่ต่อล้อต่อเถียงกับเจ้านี่อยู่นานสองนาน เพราะในความเป็นจริงเขาควรจะวิ่งหนีป่าราบด้วยซ้ำ



                “ต้องเป็น”



                “ไม่เป็น!” เขาขึ้นเสียงใส่เจ้าตัวประหลาด จะมายัดเยียดอะไรแบบนี้กันง่าย ๆ ได้ไง



                “จะไม่เป็นได้ไงในเมื่อ ชาริน ซังได้น้องไปแล้ว ต้องรับผิดชอบ!”



                “ห๊ะ!!”



                “จริง ๆ ตอนนั้นพูดว่าอะไรนะ....อืม ซากุระ งั้นเหรอ แหวะ จะอ้วก! ทั้ง ๆ ที่น้องนอนทับชาริน ซังอยู่แท้ ๆ แถมจำอะไรไม่ได้อีก แม้แต่หน้าน้อง ชาริน ซังใจร้ายที่สุดเลย”



                คราวนี้ชริณแทบหยุดหายใจ เขาอยากจะเป็นลมไปเสียดื้อ ๆ นอกจากจะถูกตัวอะไรไม่รู้มายัดเยียดจะเป็นเมียเขา ยิ่งมีการมาบอกว่าเราสองคนมีอะไรกันแล้วอีก เขาอยากจะเป็นลม มันต้องเป็นเหตุการณ์นั้นแน่ ๆ คืนที่เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าหิ้วผู้หญิงมานอนด้วย



                .ใช่ คืนนั้นแน่ ๆ!



                “ไม่จริง....” ชริณกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอที่แห้งผาก เขาพยายามปลอบใจตัวเอง อะไรมันจะแย่ขนาดนั้นแล้วแต่ละอย่างมีแต่เรื่องเซอร์ไพรส์ ยากที่จะทำใจ ตอนนี้เขากำลังฝันแน่ ๆ ว่าจบก็ลองตบหน้าตัวเองดู เผื่อจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่านี่ก็แค่ความฝัน



                “ตื่นซีวะ!”



                “ไม่ต้องคิดว่าเป็นความฝันเลยจ้ะ เพราะมันคือเรื่องจริง” แต่แล้วเจ้าตัวประหลาดก็ดับฝันเขากลางอากาศ เขาอยากจะบีบคอให้ตายเสียจริง คนกำลังขวัญฝ่ออยู่แน่ ๆ



                “ฉ—ฉันไม่เชื่อ” เขาเถียง เจ้าตัวประหลาดนี่อาจกำลังหลอกเขาอยู่แน่ ๆ



                “น้องพร้อมทวนความจำให้เสมอ ชาริน ซังล่ะพร้อมทวนความจำกับน้องหรือยัง?” เจ้าตัวประหลาดว่าด้วยสายตาแพรวพราว ทำเอาชริณถึงกับขนลุกฮือ



                “.....”



                “มันอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ แต่เชื่อเถอะมันคือความจริง น้องเหลือตัวเดียวบนโลกแล้ว ชาริน ซังต้องช่วยน้องขยายเผ่าพันธุ์ มีลูกกับน้องหลาย ๆ คอกเลย เพราะน้องเลือกแล้ว” ว่าจบเจ้าประหลาดก็ชี้หน้าเขา



                “บ—บ้าไปแล้ว”



                “ชาริน ซังไม่ดีใจหรือไง มีเมียไม่เหมือนใคร”



                “จะบ้าหรือไง! แล้วนายเป็น....คิตสึเนะ?” ชริณสันนิษฐาน เขาเคยอ่านเกี่ยวกับตำนานพวกนี้มาบ้าง คิดว่าเป็นอาจเป็นแค่ตำนาน ไม่คิดว่าจะมีจริง ๆ พวกปิศาจในตำนานทั้งหลายแหล่น่ะ



                “ไม่ใช่จ้ะ น้องไม่ใช่ปิศาจจิ้งจอก น้องก็แค่เป็นมนุษย์ได้ เป็นจิ้งจอกก็ได้ ไม่ได้มีอำนาจวิเศษอะไรแล้ว” เจ้าตัวประหลาดว่า “บอกแล้วว่าน้องไม่มีพิษมีภัย ฉะนั้นเลี้ยงน้องไว้เถอะจ้ะ น้องอยู่ง่ายกินง่าย ทำงานบ้านเก่ง เรื่องบนเตียงก็ไม่เป็นสองรองใคร”



                “นี่เจ้าตัวประหลาด....”



                “น้องไม่ใช่ตัวประหลาด!” เจ้าตัวประหลาดเถียงทันควันและดูเหมือนจะไม่ชอบใจที่ชริณ เรียกแบบนั้นด้วย “จะเรียกน้องว่ามนุษย์จิ้งจอกก็ได้นะ หรือถ้าขี้เกียจนักก็เรียกเมียไปเลยสิ แบบนั้นค่อยลื่นหูหน่อย”



                “ม—มนุษย์จิ้งจอก”



                “ว่าไงจ๊ะ”



                “นี่มันเรื่องจริงเหรอ”



                “จนป่านนี้ชาริน ซังยังไม่เชื่ออีกหรือไง หรือจะต้องให้น้องแปลงร่างอีกรอบ”



                “ก็มันเหลือเชื่อ”



                “แต่ชาริน ซังต้องเชื่อ! แล้วอย่าคิดจะหนีด้วย เพราะชาริน ซังรู้ความลับของน้องแล้ว น้องจะตามไปทุกที่”



                “.....” ชริณถึงกับนิ่งไป ดูท่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดจริงทำจริงแน่



                “ว่าไงจะให้น้องเป็นเมียไหม ชาริน ซังอย่าลืมว่าได้น้องไปแล้วนะ!” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเร่งเร้าเอาคำตอบ



                “ขอเวลาทำใจก่อนไม่ได้หรือไง มันยากนะเว้ย!”



                “ก็ได้จ้ะ.... งั้นระหว่างนี้ น้องจะล้างจานรอก็ได้ แล้วอย่าคิดจะหนี อย่าคิดทำให้น้องโมโห เพราะมันไม่ดีต่อตัวชาริน ซังแน่” ท้ายประโยคเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกดเสียงต่ำ ราวกับจะข่มขวัญเขา



                “แล้วถ้าชาริน ซังยังไม่เชื่ออีก เดี๋ยวคืนนี้จะพิสูจน์อีกรอบก็ได้นะจ๊ะ น้องพร้อมเสมอ ถ้าพี่สะกิด” เจ้าจิ้งจอกผีว่าพร้อมเขยิบตาให้หนึ่งหน ก่อนจะเดินไปล้างจานทั้งสภาพเปลือยกายอย่างนั้น




________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

น้องไม่อ่อนโยน น้องจะล่อพี่ขึ้นเตียงอย่างเดียว





หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 07-07-2018 00:57:25
ขำคำพูดน้อง ต้องช่วยน้องขยายเผ่าพันธุ์ให้น้องหลายๆ คอก  นี่น้องกะไม่ให้ท้องว่างเลยเหรอหนักใจแทนชริณ
น่ารักงะ น้องจิ้งจอก  ติดตามตอนต่อนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 07-07-2018 08:26:32
น้องแม่งมนุษย์เมีย 555555555555
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 07-07-2018 09:13:40
คุ้มมากอะ เลี้ยงน้องได้ลูกเป็นคอกนะ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-07-2018 13:39:03
น้องจิ้งจอกไม่ใช่นายเอกละครหลังข่าว...ออกจะเปรี้ยว..วววววววว  :m20:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(1/2) 6.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Zenith ที่ 07-07-2018 14:10:59
ยัยน๊องงงงงงงง!!! โว้ยยย จะบ้า ทำไมน้องแบบ จะพูดยังไงดี พูดไม่ถูก แซ่บเหรอ เออๆ คงแซ่บได้ล่ะมั้ง55555 คือบอกไม่ถูกอ่ะ ตอนแรกๆน้องคือน่ารักมากกก อยากจับขย้ำ แต่พอชารินซีงรู้ความลับน้องคือเปรี้ยว แซ่บ น่ารักกว่าเดิม ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 08-07-2018 21:54:56

                    ชริณได้แต่ฝืนกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หลังเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเดินไปล้างจานต่ออย่างที่ว่าจริง ๆ ตอนนี้เขาชามึนไปหมด สิ่งที่เหลือเชื่อและไม่คิดว่าจะมีบนโลกใบนี้ เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันในคราวเดียว ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกหรือการที่เราได้เสียกันแล้ว ล้วนแต่ทำให้เขาตกใจไม่จบไม่สิ้น



                เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหันมามองเขาเป็นระยะ ๆ ด้วยความหวาดระแวง กลัวเขาจะหนีออกไปจริง ๆ ซึ่งชริณทำแน่ ถ้ามันเผลอ….



                “หันก้นมาทางนี้ไม่อายหรือไง เจ้าจิ้งจอกบ้า” ชริณตะโกนถามมัน หลังเจ้ามนุษย์จิ้งจอกยังคงส่ายก้นดุกดิก ขณะล้างจานไปด้วยอย่างไร้ยางอาย



                “ไม่อาย!” และเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ตอบกลับมาอย่างไม่ต้องคิด



                ฝั่งน้องเองอาการหงุดหงิดก็เริ่มทุเลาลง หลังพ้นรัศมีกลิ่นของชาริน ซังมา กลิ่นที่ติดบนตัวของชาริน ซังทำให้น้องรู้สึกหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ มันไม่ใช่กลิ่นเดิมที่น้องชอบซุกไซ้



                สัญชาตญาณด้านมืดถูกปลุกขึ้นมา เมื่อจิตใจถูกรบกวนโดยกลิ่น มันเป็นกลิ่นของเพศหญิง น้องรู้สึกอย่างนั้นไม่รู้ว่าก่อนกลับบ้าน ชาริน ซังไปทำอะไรมา แต่กลิ่นนี้น้องคุ้นเคยแปลก ๆ และมันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้หญิงคนนั้น คนที่จ้องจะง้าบชาริน ซังของน้อง!



                ในที่สุดถ้วยจานเต็มอ่างก็ถูกน้องล้างจนหมด ก็ได้เวลาที่จะกลับสะสางกับชาริน ซังต่อเสียที จังหวะที่หันกลับไปมองชาริน ซังที่ควรจะนั่งดี ๆ อยู่โซฟา กลับเห็นอีกฝ่ายกำลังย่องเงียบเปิดประตูเตรียมจะหนีน้อง



                “จะทำอะไรน่ะ!”



                “เฮ้ย!” ชริณอุทานด้วยความตกใจ ในเวลาเดียวกันเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ใช้ความว่องไว อาศัยช่วงที่เขากำลังตกใจกลายร่างเป็นจิ้งจอกอีกรอบ ทะยานตัวมาแล้วใช้ทั้งเท้าหน้าและฟันแหลมคมพยายามดึงขากางเกงเขาไว้แล้วลากเข้าบ้านเหมือนเดิม



                “ปล่อยซีวะ!”



                แอ๊!! มันแผดเสียงร้องประท้วงลั่นบ้าน ตั้งท่าจะไม่ยอมง่าย ๆ เช่นกัน ชริณเองพยายามเกาะขอบประตูไว้แน่น ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่ตัวเองมีต่อต้านแรงเจ้าจิ้งจอก ซึ่งมันเองก็สู้ยิบตาพยายามลากชริณกลับเข้าบ้านด้วยพละกำลังทั้งหมดของตัวเอง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร



                “ปล่อยยยยย”



                แอ๊!



                “ม่ายยยยยย!!” ชริณส่งเสียงโอดครวญอย่างโหยหวน ทันทีที่เขาเผลอผ่อนแรงนิดหน่อย เพราะเริ่มเหนื่อยแล้ว เจ้าจิ้งจอกก็ใช้จังหวะนั้นลากเขาเข้าบ้านได้สำเร็จ มันลากขาเขาจนมาถึงโซนห้องครัวแล้วกลับคืนร่างเป็นมนุษย์อีกครั้งวิ่งไปล็อกประตูบ้านไว้ทันที



                “น้องบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำให้น้องโมโห....ทำไมไม่เชื่อฟังกัน” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกกดเสียงเข้ม สบตาชริณด้วยความโกรธพร้อมกับค่อย ๆ เดินย่างกรายเข้ามาหาเขาที่กำลังนอนหมดแรงอยู่บนพื้น



                “ใครอยากจะฟังจิ้งจอกผีอย่างนายกัน!” ชริณเถียงอย่างไม่กลัวตาย



                “น้องไม่ใช่จิ้งจอกผี น้องเป็นเมียชาริน ซัง!”



                “ไม่ใช่เมียฉันเว้ย! ฉันไม่มีเมียเป็นตัวประหลาดแบบนี้” ชริณเถียงพร้อม ๆ กับค่อย ๆ พยุงร่างตัวเองขึ้น ตอนนี้ใกล้เวลาโพล้เพล้เต็มทีแล้ว ยังสร้างบรรยากาศชวนให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก ทว่าขณะที่เขากำลังพยุงร่างตัวเองขึ้นเพื่อตั้งหลัก เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ผลักเขาลงพื้นซ้ำสอง



                “น้องจะเตือนชาริน ซังเป็นครั้งสุดท้ายว่าอย่าทำให้น้องโมโห” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกกดเสียงต่ำ แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ใช้จมูกฟุดฟิดตามเสื้อของชริณ ราวกับกำลังหากลิ่นบางอย่างอยู่ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับสยิว



                “จะทำอะไรน่ะ!”



                “ใช่เลย....แค่กลิ่นผู้หญิงที่ติดเสื้อชาริน ซังน้องก็หงุดหงิดแทบแย่แล้ว ฉะนั้นอย่าทำให้น้องโมโห ไม่งั้นจะเป็นอันตรายต่อชีวิตชาริน ซังเอง น้องขอเตือนด้วยความหวังดี” มนุษย์จิ้งจอกว่า ปกติไม่ใช่สัตว์โมโหหรือจ้องจะทำร้ายใคร แต่เพราะถูกกลิ่นรบกวนทางจิตใจ ทำให้กลายเป็นสัตว์เจ้าอารมณ์และหงุดหงิดง่ายในบางครั้ง



                ฝั่งชริณเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ถึงกับขมวดคิ้ว พยายามคิดหาว่าทั้งวันมานี้ ตัวเองไปคลุกคลีกับผู้หญิงคนไหนบ้าง ก่อนทุกอย่างจะถึงบางอ้อ เมื่อเขาจำได้ว่าวันนี้ตนได้ลงลิฟต์พร้อมกับซากุระ น้ำหอมของเธอคงติดเสื้อเขามา จนทำให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหงุดหงิด



                “เอาล่ะ คิดได้ยัง จะเป็นหรือจะต้องเป็น” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกถามเขา



                “อะไรกัน...นี่ใจคอจะไม่ให้ฉันปฏิเสธเลยหรือไง มันไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจง่าย ๆ เลยนะ” ชริณว่าอย่างสุดจะทน ใจคอเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวนี้จะจับเขาทำสามีลูกเดียว



                “ชาริน ซังไม่อยากทำความเข้าใจเองมากกว่า ก็แค่ยอมรับน้องเองไม่เห็นจะยากอะไร น้องแสนดีขนาดนี้แล้ว อีกอย่างชาริน ซังไม่มีทางเลือกมากกว่านี้แล้วด้วย นอกจาก....”



                “นอกจากอะไร” ชริณตาย



                “ถ้าไม่เป็นผัวน้อง ชาริน ซังจะต้องตาย”



                “จะบ้าเหรอ”



                “น้อง....น้องไม่ได้อยากจะฆ่านะ แต่มนุษย์ที่จะอยู่รอดหลังจากรู้ความลับของเผ่าพันธุ์เรา คือต้องเป็นคนในครอบครัว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกรีบอธิบายใหญ่ กลัวชาริน ซังจะตกใจไปมากกว่านี้



                “เป็นข้อตกลงที่มีมานานแล้วถ้าน้องไม่ฆ่าชาริน ซัง... น้องเองที่จะต้องตาย...แต่น้องจะตายไม่ได้ เพราะถ้าหมดน้องไป บนโลกนี้ก็จะไม่มีมนุษย์จิ้งจอกแล้ว”



                “ข้อตกลงบ้าอะไรวะเนี่ย เห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า” ชริณว่า



                ถามเขาสักคำหรือยังว่าอยากรู้เรื่องนี้หรือเปล่า กลายเป็นว่าตอนนี้ชริณรู้ความจริง แต่ถอยกลับมาไม่ได้แล้ว และมีทางเดียวหากไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ก็คือความตาย แต่ไม่ว่าจะถอยไม่ถอยสำหรับเขาก็ไม่มีทางไหนดีทั้งนั้น



                “แล้วทำไมต้องยัดเยียดจะเป็นเมียฉันด้วย มีฉันเป็นเจ้าของ หาอาหารให้ไม่ต้องลำบาก มีเบาะอุ่น ๆ แค่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน ไม่ดีหรือไง”



                “ดี....แต่น้องต้องมีลูก”



                “ก็หาหมาจิ้งจอกในป่าสิ ถ้าไม่มีก็หาหมาแถวนี้เอา”



                “มันไม่เหมือนกัน! น้องต้องได้มนุษย์”



                “.....”



                “นะ ๆ เลี้ยงน้องเถอะ น้องไม่ขออะไรเลย แค่ทำลูกกับน้องนะ ไม่ต้องเลี้ยงลูกก็ได้ น้องเลี้ยงเอง แต่ช่วยให้น้องทำภารกิจสำเร็จนะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า พยายามทำตาแป๊วเพื่อที่จะอ้อนชริณ แต่มันไม่ทันแล้ว เพราะเขาเห็นด้านร้าย ๆ ของเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ไปแล้ว



                 จากที่ฟัง ๆ มา ชริณเองก็เริ่มจับใจความสำคัญได้ว่า เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็แค่อยากมีลูกเพื่อขยายเผ่าพันธุ์ของตัวเองเท่านั้น



                “แล้วฉันจะได้อะไร” ชริณถามต่อ



                “ความสุขไง” เจ้าจิ้งจอกตอบแบบไม่ต้องคิด “ชาริน ซังก็จะได้ไม่ต้องใช้มืออีก น้องรู้นะ ชาริน ซังเข้าห้องน้ำนาน ๆ เพราะอะไร”



                คราวนี้ชริณถึงกับเงียบไป ดูเหมือนเจ้ามนุษย์จิ้งจอกจะรู้เรื่องราวของเขามากเกินไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เวลาเขาอาบน้ำ มันเองก็นอนแซะกระดูกของเล่นอยู่หน้าห้องแท้ ๆ



                “ใจดีกับน้องนะ น้องจะเป็นเด็กดี”



                “ดีกับผีน่ะสิ”



                “ปกติชาริน ซังใจดีจะตาย ใจดีกับเรื่องนี้อีกไม่ได้เหรอ”



                “มันใช่เรื่องง่ายที่ไหนกัน จนถึงตอนนี้ฉันยังคิดว่าตัวเองฝันอยู่เลย” ชริณพูดพึมพำกับตัวเอง เขาอยากให้ตัวเองเข้าใจเรื่องเหนือวิทยาศาสตร์เหมือนกัน แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลาและที่สำคัญ เขาไม่สามารถทำความเข้าใจทุกอย่างได้ทั้งหมดคืนนี้แน่



                “ขอเวลาคิดหนึ่งคืนได้ไหม” เขาถามมนุษย์จิ้งจอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไหน ๆ เขาก็เลือกอะไรไม่ได้แล้ว ก็ขอเวลานอนคิดอีกสักคืนและเขาได้ทำใจก่อนจะตัดสินใจอะไรดีกว่า



                “......”



                 “สัญญาจะไม่ไล่ออกจากบ้าน อย่างน้อยก็คืนนี้” ชริณว่าต่อ เมื่อเห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกแสดงความหวาดหวั่นออกมาผ่านทางแววตา ภายใต้ความแสบสันนั้นดูเหมือนจะกลัวเขาทิ้งตลอดเวลา



                “ได้...แต่คืนนี้น้องขอนอนกับชาริน ซังได้ไหม น้องกลัวผี” สิบปากว่ายังไม่เท่าตาเห็น หลังจากที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดจบก็พยายามขยับตัวเข้าใกล้ เบียดเสียดเขา แต่ก็ยังไม่วายแอบทำจมูกฟุดฟิดกับเสื้อเขาอีก



                 “มันจะดีกว่านี้ถ้าตัวของชาริน ซังไม่เต็มไปด้วยกลิ่นนน้ำหอมของผู้หญิง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกแอบบ่นพึมพำ แต่ไม่ได้หวังจะให้ชาริน ซังได้ยิน



                “แล้วนายจะกลัวผีทำไม นายเองน่ากลัวกว่าผีอีก” เขาว่า



                “น้องไม่น่ากลัวนะ ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว น้องขอนอนด้วยนะ นอนพื้นก็ได้”



                “ก็แปลงร่างเป็นจิ้งจอกอีกสิ เก่งนักไม่ใช่หรือไง นอนเบาะข้างนอกไปเลย”



                “ชาริน ซังจะใจร้ายกับน้องจริง ๆ เหรอ”



                “ใช่!” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ไม่มีวันยอมให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวนี้เข้าไปยุ่มย่ามในห้องนอนเขาเด็ดขาด เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวนี้มันอันตรายเกินไป ไม่รู้ว่าถ้าตอนเขาเคลิ้มหลับมันจะแอบทำอะไรเขาหรือเปล่า ยิ่งแสบสันยิ่งกว่าพริกขี้หนูอยู่ด้วย



                ทว่าความตั้งใจของเขากลับพังทลายลงไปในพริบตา เมื่อเขาสลัดมันให้พ้นตัวได้ ก็รีบวิ่งเข้าห้องนอน จัดการล็อกประตูเสร็จสรรพและใช้ห้องน้ำภายในห้องนอน เพื่ออาบน้ำ ทว่าพอกลับออกมา เขาก็เห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกในร่างเปลือยเปล่าอย่างไม่อายกำลังนอนยิ้ม โบกไม้โบกมือให้เขาอยู่บนเตียง



                ยิ่งไปกว่านั้นไล่เท่าไรก็ไม่ยอมลงจากเตียง พอเขาจะออกไปนอนข้างนอกก็ตามมา อย่างช่างตื๊อ จะมานอนเบียดกันอยู่บนโซฟาแคบ ๆ อีก ยิ่งทำให้ชริณหัวร้อนเข้าไปใหญ่ จนต้องตกลงกันว่า หากมันจะนอนบนเตียงกับเขา มันต้องใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไม่โป๊เปลือย ไม่ยุ่มย่ามกับร่างกายเขา ยามเขาพักผ่อน



                “ชาริน ซัง....”



                “....อะไร” ชริณที่กำลังเคลิ้มหลับเต็มทีขานรับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย



                “เล่นผีผ้าห่มกันไหม”



                “ไม่เอา”



                “งั้นจูบหน้าผากน้องหน่อยนะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า พยายามให้หน้าผากตัวเองแตะกับกลีบปากของว่าที่สามี แต่ชาริน ซังกับหันหน้าหนีไม่ยอมง่าย ๆ



                “นะ ๆ”



                พอร่างของชาริน ซังไร้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง พายุที่อยู่ในใจของเจ้ามนุษย์หมาป่า ตั้งแต่ตอนชาริน ซังเปิดประตูบ้านเข้ามา ก็หายไปเป็นปลิดทิ้งเหมือนความแสบสันไม่เคยมีมาก่อน เหลือเพียงแค่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกขี้อ้อน ไม่ต่างจากตอนอยู่ในร่างสัตว์และตอนนี้กำลังอ้อนขอความรักจากชาริน ซังเพราะนอนไม่หลับ



                “ไม่เอา” ชริณเอ่ยปฏิเสธทั้งน้ำเสียงงัวเงีย



                “นะ ๆ ครั้งเดียว” ทว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกลับไม่ยอมเช่นกัน พยายามรบเร้าให้ชาริน ซังจูบหน้าผากตัวเองให้ได้ ด้วยความที่รำคาญ ชริณจึงตัดสินใจกดหน้าผากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกแรง ๆ หนึ่งหนให้จบ ๆ เสียที



                “เอ่า! พอใจยัง” เขาถามประชด



                “ที่สุด”







                “เป็นไงบ้างวะ เมื่อวานจับโจรได้ไหม” เมฆเอ่ยถามหลังเราลงมาทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ร้านใต้ตึกของบริษัท คำถามของเพื่อนสนิททำเอาชริณที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ถึงกับชะงักไป เขาลืมเสียสนิทว่าเมื่อวานเล่าเรื่องโจรที่บ้านให้เพื่อนฟัง



                “ได้....”



                “เฮ้ย! เรื่องจริง? แล้วที่คอมึงรอยอะไรวะนั่น” ว่าจบเมฆก็ชี้เข้าที่ซอกคอของเพื่อน แม้จะมีแสงตกกระทบ แต่รอยนั้นก็ยังเด่นชัดอยู่ดี



                “เออ นี่แหละสิ่งที่กูได้มา” ชริณพูดอย่างระอา พร้อมแตะเข้าที่ต้นคอตัวเองอย่างลืมตัว



                เจ้ามนุษย์จิ้งจอกแสบสันใช่ย่อย ทำเป็นไม่มีพิษภัย อ้อนขอจูบผากหน้าแล้วจะยอมเรียบร้อย แต่พอเขาหลับปุ๊บ มันก็อาศัยจังหวะนั้นรีบสร้างรอยไว้ที่ซอกคอเขาทันที พอชริณตื่นขึ้นมา เข้าห้องน้ำตามปกติ เขาก็ต้องออกมาถามเจ้ามนุษย์จิ้งจอกด้วยความโมโห แต่มันกลับตีหน้าซื่อ พูดเสียงเศร้าทำเหมือนจะร้องไห้ว่าแค่อยากให้ของขวัญต้อนรับก็เท่านั้น



                เขาจะบ้าตาย!



                หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เขาก็ออกมาจากบ้านตรงดิ่งมาบริษัทเลย ข้าวเช้าเขาก็ไม่กินตั้งแต่เห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกำลังนั่งตาแป๋วอยู่บนโซฟาแล้ว



                นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!



                ชริณหันมองเพื่อนอย่างลังเล ความอึดอัดเริ่มก่อตัวขึ้นมา เมื่อเขาไม่สามารถขอคำปรึกษาจากใครได้เลย เพราะลึก ๆ แล้ว เขาเองก็ยังกลัวตายอยู่ พ่อแม่ก็ยังไม่สุขสบาย ฉะนั้นเขาจะมาจบชีวิตเพราะเรื่องงี่เง่าแบบนี้ไม่ได้ ฝั่งเมฆเองก็เลิกคิ้วสูง รอฟังคำตอบจากเพื่อนตัวดีว่ารอยบนคอนั่นได้มันมายังไง



                “ตอบกูได้ยัง”



                “ยุงกัด”



                “ใช่เหรอวะ” เมฆว่าอย่างไม่เชื่อ โต ๆ เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว รู้อยู่หรอกว่ารอยนั้นคืออะไร แต่ที่ถามไป เพราะอยากให้ชริณเล่าอะไรให้ฟังบ้าง หิ้วหญิงกลับบ้านก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะชริณก็ไม่ได้มีใคร แต่ทำไมเพื่อนถึงไม่เล่า



                “.....”



                “คนเมื่อคืนเด็ดเหรอวะ”



                “หืม?” ชริณมองหน้าอย่างงุนงง



                “ก็เจ้าของรอยนี้ไง กูรู้หรอกน่าว่านี่ไม่ใช่รอยยุงกัด ว่าไงเด็ดเหรอวะ”



                “แสบล่ะสิไม่ว่า” เขาว่า พูดแล้วหน้าเจ้าตัวแสบก็ลอยขึ้นมาในความคิด เจ้ามนุษย์จิ้งจอกนะแสบสันยิ่งกว่าพริกขี้หนู....



                “มึงเปลี่ยนสเป็กแล้วเหรอ ไหนบอกว่าชอบสาวหวาน ๆ แบบซากุระ จัง”



                “ไม่ใกล้เคียงกับสเป็กกูเลยวะ ออกจะประหลาดด้วยซ้ำ” ...เดี๋ยวก็กลายร่างเป็นจิ้งจอก เดี๋ยวก็เป็นมนุษย์ เอาแต่ใจ ตามอารมณ์ไม่ทัน เอะอะใช้กำลังกับเขา มิหนำซ้ำยังพยายามยัดเยียดให้เราเป็นครอบครัวเดียวกันอีก ถ้าไม่ประหลาดก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว



                “แล้วสรุปเรื่องโจร? กูงงนะเนี่ย ผู้หญิงของมึงเป็นคนทำความสะอาดบ้านให้เหรอวะหรืออะไรยังไง”



                “เขา...” ชริณอึกอัก ไม่รู้จะตอบว่ายังไง “เขาไม่ใช่ผู้หญิง”



                “อ๋อ โอเค แล้วยังไงต่อ?”



                “เขาเป็นคนที่ชอบกูเลยมาทำงานบ้านเพื่อเอาใจกู แล้วกูเองก็จำไม่ได้ว่าเคยให้กุญแจบ้านกับเขาไว้” ชริณโกหกหน้าตาย ขนาดเมฆยังหรี่ตามองอย่างไม่เชื่อ แน่ล่ะ.... ประโยคโกหกเมื่อกี้ดูไม่ค่อยเป็นไปได้เลยที่เขาจะลืมว่าเคยให้กุญแจบ้านกับใครไว้ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องสำคัญ



                “จริง ๆ”



                “แล้วมึงจะทำไงต่อ”             



                “ก็....ถ้าเขาอยากมาทำงานบ้านกูนัก ก็ให้มาเลยดีซะอีกกูจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”



                “คนไหนวะ ทำไมไม่เคยเห็นเล่าให้ฟัง” ชริณได้แต่ด่าเมฆในใจ ทำไมวันนี้เพื่อนสงสัยมากกว่าปกติ ปกติถามสองสามประโยคก็จบ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความรำคาญออกไป เพราะเข้าใจดีว่าเพื่อนมันอาจเป็นห่วง



                “อ้าว คนนี้กูยังไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอ” ชริณยังเล่นบทคนซื่อไป



                “กูเข้าใจมาตลอดว่ามึงชอบซากุระคนเดียว”



                “งั้นแสดงว่ามึงเข้าใจกูผิดแล้ว ถึงกูจะรู้สึกดีกับซากุระ แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากูต้องมองเขาคนเดียวปะ เขามีแฟนแล้ว....” ชริณว่า แม้ในความจริงเขาจะมองแค่ซากุระคนเดียวก็ตาม ช่วยไม่ได้....เขาชอบเธอแค่คนเดียว



                 “ไว้ว่าง ๆ กูจะแนะนำคนนี้ให้มึงรู้จักแล้วกัน”



                “แล้วคนนี้มึงชอบเขาไหม”



                “.....”คราวนี้คำถามของเมฆทำเอาชริณถึงกับอึ้ง จะให้ชอบได้ยังไงในเมื่อเพิ่งเจอกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง มิหนำซ้ำยังไม่ธรรมดาอีก



                “ไม่รู้ว่ะ คงต้องดู ๆ ไปก่อน”



                “อย่าลืมพาเขามาแนะนำให้กูรู้จักล่ะ เดี๋ยวกูพิจารณาช่วยว่าผ่านไหม กูไปทำงานล่ะเพื่อน รีบมาตามนะ”



                “เออ ๆ เดี๋ยวตามไป”




 

                ฝั่งน้องเองที่ยังอยู่ในชุดนอนเมื่อคืนก็ทำงานบ้านอย่างสบายอารมณ์ หลังความลับไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์รู้สึกโล่งอก ราวกับยกภูเขาออกจากอก เพราะนึกว่าตัวเองจะได้อาศัยตอนกลางคืนลักหลับชาริน ซังจนกระทั่งตั้งท้องเสียแล้ว



                มันเป็นเพราะฟ้าลิขิตให้เมื่อวานนี้ชาริน ซังต้องรู้ความลับของน้องแน่ น่าเสียดายที่การพบกันครั้งแรกของเรา ชาริน ซังน่าจะประทับใจมากกว่านี้ แต่เมื่อวานความลับของน้องแตกไปพร้อมกับกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงที่ติดเสื้อชาริน ซังมาปลุกสัญชาตญาณบางอย่างของน้องเข้า ทำให้เรื่องราววุ่นวายมากกว่าเดิม



                น้องรู้ว่าเมื่อวานน้องนิสัยไม่ดี น้องหงุดหงิดใส่ชาริน ซัง อยากจะข่วนเสื้อที่เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงให้หายโมโหด้วยซ้ำแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะชาริน ซังคงได้ไล่น้องออกจากบ้านแน่



                 วันนี้น้องก็เลยอยากแก้ตัว ทำตัวดี ๆ เรียบร้อยเหมือนที่เคยคิดเอาไว้ว่าหากวันหนึ่งความลับแตกขึ้นมาจะทำยังไงให้ชาริน ซังประทับใจตัวเองมากที่สุด….



                ข้าวของเครื่องใช้ของมนุษย์ไม่เป็นปัญหาเมื่อน้องต้องใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้า เตาแก๊สหรือโทรทัศน์ ที่ทุกอย่างมันง่ายดายและไม่เป็นปัญหาสำหรับน้อง ก็เพราะส่วนหนึ่งเพราะมันสมองที่ฉลาดกว่าจิ้งจอกทั่วไป แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ามนุษย์และอีกส่วนหนึ่งเพราะน้องตามชาริน ซังไปทุกที่ แม้กระทั่งห้องครัว จึงได้สังเกตวิธีการใช้งานพวกนี้อยู่บ่อยครั้ง



                วันนี้พิเศษกว่าเมื่อวานอีก เพราะนอกจากทำงานบ้านแล้ว น้องยังคิดจะนวดให้ชาริน ซังด้วย!



                หลังจากทำงานบ้านเสร็จแล้ว น้องก็มานั่งจมปุ๊กอยู่บนโซฟา มองหน้าจอโทรศัพท์อย่างตั้งใจ หลังเห็นมนุษย์สองคนในจอกำลังปรนนิบัติเอาใจกัน เมื่อคนหนึ่งเอาใจ คนหนึ่งก็สีหน้าดีขึ้น



                ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างตั้งใจ อยากจะเรียนรู้อย่างเต็มที่เพื่อไปใช้งานกับชาริน ซัง เพราะเมื่อเช้าอีกฝ่ายอารมณ์เสียเพราะน้องเผลอทำรอย น้องเสียใจมาก ไม่ทันได้ขอโทษ ชาริน ซังก็ออกจากบ้านด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแล้ว แต่เย็นนี้แหละชาริน ซังจะต้องยิ้มเพราะน้องเอาใจแน่



                น้องจะทำให้ชาริน ซังยอมรับน้องให้ได้!




________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง



ใส่เหตุผลไปให้แล้วนะคะ ทำไมน้องถึงใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็น

มีคนถามทำไมเขียนว่า ชาริน ซัง แทนที่จะเขียนว่า ชารินซัง อันนี้ขอโทษจริงๆ เราติดนิสัย เว้นวรรคแล้วรู้สึกอ่านสบายตามากกว่าในความคิดเรา เพราะเวลาเขียนพาร์ทสัตว์ มันบรรยายมันเยอะจนดูลายตาค่ะเลยขอเว้น สักนิดก็ยังดี TT
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-07-2018 22:05:10
น้องน่านักนะแค่ขี้หึงมากๆ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-07-2018 22:11:40
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 08-07-2018 23:46:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 10-07-2018 23:12:16
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.4(2/2) 8.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 12-07-2018 08:23:44
น้องงงงงง  :o9:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.5(1/2) 12.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 12-07-2018 17:22:41
05


                ชริณถอนหายใจอยู่หน้าประตูบ้างตัวเองได้เกือบห้านาทีแล้ว เขาคิดหนักตั้งแต่ตอนอยู่ที่บริษัท ยิ่งใกล้เวลาเลิกงานเท่าไร เขาก็ยิ่งเครียดมากขึ้นเท่านั้น ไม่ได้อยากกลับบ้านเร็ว แต่เขาเองไม่รู้จะไปไหนต่อเหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องกลับบ้านอยู่ดี



                ชริณยืนทำใจหน้าบ้านตัวเองอยู่นาน รู้ดีว่าเข้าไปต้องเจออะไรบ้าง ดูท่าแล้วเจ้ามนุษย์จิ้งจอกคงไม่ยอมรามือจากเขาง่าย ๆ แน่ ปรึกษาใครก็ไม่ได้อีก เขาสูดลมหายใจเข้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจผลักประตูเข้าไป เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด! ยิ่งเห็นว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ส่งรอยยิ้มมาให้กับเขา ยิ่งทำให้ชริณหวาดระแวงมันเข้าไปใหญ่



                แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ ....



            “กลับมาแล้วเหรอ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเอ่ยทักเขาด้วยน้ำเสียงสดใส ถ้ามันมีหูงอขึ้นบนหัว มีหางโผล่เขาคงได้เห็นมันสับส่ายไปมาอย่างดีใจแน่



                “ก็เห็นอยู่ไม่ใช่หรือไง เห็นจะมาถามอีก” เขาตอบกลับเจ้ามนุษย์จิ้งจอกด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ พร้อมกับโยนกระเป๋าทำงานลงข้าง ๆ มัน



                เรื่องเมื่อเช้าที่มันทำไว้กับชริณ เขายังไม่ลืม ยังโกรธอยู่ด้วย! เพราะมันทำให้เขาเดือดร้อน จนต้องหาพลาสเตอร์มาปิดรอยเอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครถามอีก แสบกว่านี้ ดื้อกว่านี้ ไม่มีใครเกินเจ้ามนุษย์จิ้งจอกแล้ว



                ฝั่งมนุษย์จิ้งจอกก็ได้แต่มองชาริน ซังด้วยสายตาตัดพ้อ แต่น้องเข้าใจดีว่าตอนนี้อีกฝ่ายยังโกรธเรื่องเมื่อเช้าอยู่ ซึ่งน้องก็ผิดเองที่ไม่รู้จักหักห้ามใจตัวเอง



                “ใจร้ายจัง... แต่ชาริน ซังนั่งลงนะ ตรงนี้ ๆ” น้องมนุษย์จิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเพียงแป๊บเดียว ก่อนจะกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิม รีบลุกขึ้นดึงชริณให้มานั่งที่ของตัวเอง ก่อนจะกุลีกุจอเดินเข้าไปในครัว หยิบน้ำเปล่าเย็น ๆ ที่เตรียมไว้ให้ก่อนชาริน ซังจะเลิกงานมาเสิร์ฟ



                “เหนื่อยไหม เดี๋ยวน้องนวดให้นะ” น้องมนุษย์จิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงเอาอกเอาใจ ก่อนจะเดินอ้อมไปข้างหลังโซฟาแล้วนวดบริเวณต้นคอให้ชาริน ซัง หวังจะให้อีกคนหายเหนื่อยและเลิกโกรธตนเสียที ฝั่งชริณเองก็เงียบไป ปล่อยให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกทำ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนเหมือนกัน



                “หายโกรธน้องหรือยัง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกนวดหลังคอให้เขานานเกือบห้านาที ก่อนจะหยุดนวดแล้วกระซิบถามข้างหูเขา



                “ไม่” ชริณตอบอย่างไม่ลังเล



                “ฮือ ไม่เป็นไรน้า เดี๋ยวน้องนวดอีกก็ได้ เอาให้หายโกรธไปเลย”



                “ไม่ต้องแล้ว” ว่าจบก็จับมือเจ้ามนุษย์จิ้งจอกออกพร้อมกับลุกขึ้น เตรียมจะเข้าห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำให้หายเหนื่อยล้าแทน ทิ้งให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่ตั้งใจอยากจะเอาอกเอาใจ ปรนนิบัติเหมือนในโทรทัศน์มองตามตาละห้อย



                ฝั่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอก หลังชาริน ซังเดินเข้าห้องนอนไปแล้วก็ถึงกับไหล่ตก ได้แต่ตัดพ้อกับตัวเองในใจ ดูท่าชาริน ซังคงจะโกรธน้องมากแน่ ๆ ขนาดอยากเอาอกเอาใจเพื่อให้หายโกรธ อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอม ความลับแตกได้ไม่ทันไรก็แผลงฤทธิ์ใส่ชาริน ซังเสียแล้ว สมควรหากชาริน ซังจะตั้งแง่ใส่น้อง



                แอบนึกอยากย้อนเวลากลับไป ไม่เปิดเผยร่างแท้ของตัวเอง ปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจไปเองว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝัน สถานการณ์อาจจะดีกว่าตอนนี้ก็ได้ แต่ภารกิจน้องล่ะ? เมื่อไรจะสำเร็จและถ้าถอยตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ยกเว้นจะทำให้ชาริน ซัง ผู้เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของน้อง ยอมรับตัวเองให้ได้



                น้องได้แต่ให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อไปสู้หน้าชาริน ซังต่อที่ห้องนอน ต้องตื้อ ต้องอ้อนเท่านั้น ถึงชนะใจชาริน ซัง



                เสียงน้ำอุ่นจากฝักบัวทำให้ชริณได้คิดเรื่องราวอะไร ๆ หลาย ๆ อย่างรวมไปถึงเรื่องราวของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกด้วย หลายครั้งที่เขาเกิดคำถามในใจว่าจะเอายังไงกับมันต่อดี



                 ลึก ๆ แล้วเขาเข้าไม่อยากทิ้งมันหรือย้ายบ้านเพื่อหนีปัญหาเสีย เพราะคำพูดที่เคยให้ไว้กับเจ้าจิ้งจอกตั้งแต่เขายังไม่ล่วงรู้ความลับอันพิศวงนั่น ในขณะเดียวกันเขาเองก็ไม่อยากยอมรับให้ข้อเสนอของเจ้าจิ้งจอกด้วย แต่จะหนีปัญหาก็ใช่เรื่อง



                โตแล้ว...การหนีปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก

     

                 ถ้าเขาทำให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกท้องได้ ปัญหาจะจบหรือเปล่า? แต่ที่แน่ ๆ ชริณคงไม่สามารถทำตอนที่มีตัวเองยังมีสติแน่นอน เป็นเรื่องยากเกินไป หากต้องมีความสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คน



                แล้วถ้าเกิดเขาทำให้ตัวเองเมาล่ะ? วูบหนึ่งทำให้ชริณคิดอะไรดี ๆ ออก ครั้งแรกตอนที่มีอะไรกัน ต้นเหตุเกิดขึ้นตอนที่เขาเมามายจนไม่ได้สติ แล้วถ้าเขาทำแบบนั้นอีกครั้งล่ะ?



                “เอาวะ! วิธีนี้นี่แหละ เวิร์กสุด” ชริณว่ากับตัวเอง ขณะที่พันผ้าเช็ดตัวคาดเอวพอลวก ๆ เพื่อเตรียมไปแต่งตัวข้างนอก



                “....!!” เขาชะงัก ใจร่วงไปถึงตาตุ่ม  เมื่อเห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกำลังนั่งตาแป๋วอยู่บนเตียงอย่างเรียบร้อย เจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นหนที่สองแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ชิน เพราะคิดว่าตัวเองอยู่เพียงลำพังอยู่เรื่อย เจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่ยังอยู่ในชุดเดียวกับเมื่อวานเอียงคอมองเขาอย่างสงสัย



                “ไปอาบน้ำ” ชริณพูดกับเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเพียงสั้น ๆ พอเขาได้อาบน้ำแล้ว ไหนจะคิดวิธีดี ๆ ออก ใจก็เริ่มสงบลง ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เพื่อรีบหาชุดนอนมาใส่ พออยู่ในสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไรนัก ยอมรับว่ากลัวเจ้าจิ้งจอกจะพุ่งเข้ามาทำไม่ดีไม่ร้ายกับตน ยิ่งตอนนี้เดาทางไม่ค่อยถูก มิหนำซ้ำยังชอบเชิญชวนเขาทำลูกอยู่ด้วย



                “อาบน้ำ?”



                ฝั่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกทวนคำอย่างงุนงง เพราะธรรมชาติไม่เคยสอนในจิ้งจอกอาบน้ำ ก่อนที่ภาพเหตุการณ์บางอย่างจะฉายขึ้นมาในความคิดของน้อง เป็นเหตุการณ์ที่จัดว่าสุดแสนจะสยอง ใช่แน่ ๆ! ต้องเป็นเหตุการณ์ตอนชาริน ซังหลอกล่อน้องเข้าห้องน้ำแน่ ๆ



                “น้องไม่อาบ!” น้องถึงกับส่ายหน้าพรืด อยากเชื่อฟังเป็นเด็กดีของชาริน ซังเหมือนกัน แต่เป็นตายร้ายดี น้องจะไม่ยอมอาบน้ำเด็ดขาด



                “ต้องอาบ” ชริณที่กำลังจะใส่เสื้อยืด หันมาพูดกับเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเสียงแข็ง



                “ถ้าไม่อาบก็ไปนอนข้างนอก” เขายื่นข้อเสนอ



                “ไม่!” แต่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเองก็ไม่ยอมเช่นเดียวกันและไม่มีท่าทีจะยอมเชื่อฟังง่าย ๆ ด้วย ทำเอาชริณถึงกับถอนหายใจ ไม่ทันไรเขาก็ต้องเจอปัญหาแล้ว ไม่ว่าจะหมาที่บ้านเมืองไทยหรือสัตว์ป่าก็ต่างไม่ชอบอาบน้ำกันทั้งนั้น เห็นทีก่อนเข้านอนชริณจะต้องพาเด็กอาบน้ำเสียก่อน ถึงจะได้หลับนอน








 

                “ปล่อยน้องงง ไม่อาบ!”



                “อย่าดื้อ! เมื่อกี้จะทำอะไร! ถ้ากัด ตบนะ” ชริณว่าเสียงเข้ม เมื่อเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่ยังอยู่ในร่างมนุษย์ทำท่าจะงับนิ้วเขาอย่างดื้อรั้น เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ สุดท้ายเขาก็ต้องลากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเข้ามาอาบน้ำด้วยความทุลักทุเล



                ชริณที่อยู่ในสภาพเกงกางขาสั้นตัวเดียว ลากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเข้ามาในห้องน้ำด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดของตัวเอง  มันเหนื่อยกว่าการหลอกล่อเจ้าจิ้งจอกแดงเข้าห้องน้ำเยอะ เพราะตอนนั้นแค่ใช้อาหารล่อก็ได้แล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่... เมื่อเขาลากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเข้ามาได้สำเร็จ ชริณก็รีบปิดประตู เอาตัวบังไม่ให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกสุดดื้อหนี



                “น้องขอไม่อาบนะ ๆ สัญญาจะตามใจทุกอย่างเลย แต่ขอไม่อาบน้ำนะ” เมื่อไม่เห็นหนทางที่จะรอดแล้ว น้องก็รีบอ้อนชาริน ซังใหญ่ พยายามจะขยับตัวมาซุกอกชาริน ซัง หวังจะให้อีกฝ่ายใจอ่อน ไม่ต้องให้น้องอาบน้ำ เพราะน้องไม่ชอบจริง ๆ



                “ไม่!” ทว่ามุกอ้อนของน้องกลับไม่ได้ผล เพราะชาริน ซังเองก็ไม่ยอมแพ้ แม้น้องจะพยายามอ้อนตาแป๋วก็ตาม



                “ถอดเสื้อผ้าออก”



                “ไม่”



                “จิ๊ ทำไมดื้ออย่างงี้ว่ะ” ชริณว่าพร้อมกับขยับเข้าใกล้เจ้ามนุษย์จิ้งจอก หมายจะถอดเสื้อผ้าให้ ซึ่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็พยายามขัดขืนสุดกำลัง จนเขาต้องจ้องตาดุถึงยอมเรียบร้อย



                “ไม่อาบไม่ได้เหรอ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดใส่กำแพง ในที่สุดเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเหมือนตอนที่มา ชริณให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหันหน้าใส่กำแพง เขายอมเห็นก้นชมพูอ่อน ๆ ของมัน ดีกว่าเห็นอะไรที่เขามีเหมือนกันยังดีกว่า



                “ถ้าไม่อาบ ก็ไม่ต้องทำแล้วมั้งลูกเนี่ย” เขาว่าเตรียมจะเอื้อมมือเปิดน้ำเพื่ออาบให้มัน เพราะยิ่งอาบช้า อากาศก็ยิ่งหนาวมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้เขาจะอาบน้ำให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก่อน เพื่อสอนให้มันรู้จักวิธีการอาบน้ำของมนุษย์ ในวันหน้ามันจำได้รู้จักอาบเอง



                “ลูกงั้นเหรอ....ชาริน ซังยอมแล้วเหรอ” พอได้ยินคำว่าลูก เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็รีบหันมาถามชริณด้วยน้ำเสียงสดใส



                “ถ้าอาบน้ำ เชื่อฟัง ทำตัวเองให้หอม ๆ จะพิจารณาอีกที” เขาว่า



                “งั้นเรามาอาบน้ำกันเถอะ น้องชอบอาบน้ำ!”










                “ฮึก....”



                “ขวดนี้เป็นสบู่ เวลาใช้ก็กด ๆ แบบนี้แล้วเอามาถูให้ทั่ว กินไม่ได้เข้าใจไหม”



                “ฮ—ฮึก เมื่อไรจะเสร็จอะ”



                “ยังไม่ถึงนาทีเลย...”



                “น—น้องอยากออกไปแล้ว ฮือ...” เสียงงอแงเหมือนเด็กดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ลงชริณได้ลงมืออาบน้ำให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกอย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที เขาจับมือมันลูบไล้ตามร่างกายของตัวเอง พร้อมกับสอนว่าแต่ละขวดมีหน้าที่ทำอะไรบ้างและไว้ใช้ตรงไหน เจ้ามนุษย์จิ้งจอกฟังคำสอนของเขาขณะที่น้ำตานองหน้าไปด้วย



                ร่างเล็กเอียงเอนมาซบแผ่นอกของชริณ กลายเป็นว่าตอนนี้เขาอาบน้ำหนที่สองแล้ว เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ จากเอนเอียงก็เปลี่ยนเป็นหันหน้ามา กอดหมับเข้าที่เอวของเขาอย่างถือวิสาสะ มือนิ่มกอดเอวเขาไว้แน่น ยิ่งกว่าแมวกลัวน้ำ สงสัยจะไม่ชอบอาบน้ำจริง ๆ ที่บอกว่าชอบอาบน้ำ ทั้งหมดทั้งมวลก็แค่อยากเอาใจเขาเท่านั้น



                “ไหนบอกว่าชอบอาบน้ำ” ชริณถามทั้งหน้ายิ้ม ตอนนี้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่แสบสันที่สุดในปฐพีได้สิ้นฤทธิ์เดชไปแล้ว หรือเพียงแค่เจ้าจิ้งจอกแดงที่กลัวการอาบน้ำมากที่สุดไว้เท่านั้น



                “ไม่ชอบแล้ว... รีบ ๆ เสร็จสักที!” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกสั่งการ มิหนำซ้ำยังไม่ยอมถูสบู่อีก แต่เอามือมากอดเอวเขาไว้แทน มันน่านัก!               



                “อีกแป๊บหนึ่ง” ชริณว่า



                “ชาริน ซังแกล้งน้อง!”



                “จะแกล้งได้ไง ก็เห็นอยู่นี่ว่ามันยังไม่เสร็จ ไม่ยอมถูร่างกายตัวเองอีก ปล่อยให้ฉันถูให้ สะอาดไหมก็ไม่รู้” เขาว่ายาวเหยียด พยายามไม่ให้ความสนใจกับการลูบไล้ร่างกายของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกมากเกินไป อันไหนไม่ควรสัมผัสเขาก็พยายามเลี่ยง แต่ก็แอบสงสัยว่าทำไมผิวของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกมันถึงได้นุ่มนิ่มนัก 



                แป๊ะ!



            “โอ้ย! ตีมือน้องทำไม”



                “ทำเป็นเนียน อย่าคิดว่าไม่รู้ทัน” ชริณว่าเสียงเข้ม เขาเพิ่งตีมือเจ้ามนุษย์จิ้งจอกไป หลังมันทำเนียน พยายามจะสอดมือเข้ามาในกางเกงเขา เผลอเป็นไม่ได้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะบีบเข้าที่บั้นท้ายของเจ้ามนุษย์จิ้งจอก เพื่อเป็นการลงโทษอีกครั้ง

     

               “อย่าบีบก้นน้อง”



                “งั้นก็เก็บมือตัวเองไปเลย”



                “ฮือ...ก็ได้” สุดท้ายเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ยอมทำตามอย่างไม่เต็มใจเท่าไรนัก เลิกกอดเอวชริณแล้วกอดอกตัวเองแทน



                “เจ้าจิ้งจอก”



                “จ๋า...”



                “มีชื่อไหม? ชื่อแบบชื่อเรียกน่ะ ไม่ใช่คำว่าน้อง” ชริณชวนคุย หลังเขาเริ่มสระผมให้มัน เจ้ามนุษย์จิ้งจอกนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ



                “ไม่มีหรอก...พ่อก็เรียกน้อง แม่ก็เรียกน้อง ทุกคนเรียกน้องหมด”



                “แล้วอยากมีชื่อไหม” ชริณถามต่อ ถ้ามันไม่มีชื่อ เขาจะได้ตั้งชื่อให้ อืม...ชื่อน้องแสบสัน คงบอกอุปนิสัยของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี



                “ไม่อยาก...ไม่เอาหรอก น้องก็คือน้องไง”



                “น้องแสบสันเป็นไง” เขาลองเสนอชื่อ เผื่อเจ้ามนุษย์จิ้งจอกจะชอบ



                “ไม่เอา แล้ว...แล้วฮือ...เมื่อไรจะเสร็จอะ อยากออกไปจากห้องน้ำแล้ว”



                “งั้นก็หลับตา จะล้างผมให้”



                ในที่สุดการจับเจ้ามนุษย์จิ้งจอกอาบน้ำครั้งแรกก็สิ้นสุดลง ชริณรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นพี่เลี้ยงเด็กยังไงยังงั้น  เขายกผ้าเช็ดตัวผืนที่ไม่เคยใช้ให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหนึ่งผืน ให้มันจัดการเช็ดตัวเอาผ้าคลุมร่างเอาไว้แล้วเขาก็เดินไปหาชุดนอนอีกชุดเพื่อให้เจ้าจิ้งจอกสวมใส่ในค่ำคืนนี้ โดยที่มันยืนรออยู่ห้องน้ำ



                “ชาริน ซัง น้องหนาว...”



                “เดี๋ยวกำลังหาให้เนี่ย”



                สุดท้ายเขาก็เลือกเสื้อยืดสีขาวโง่ ๆ กับกางเกงขาสั้นให้กับมัน เจ้ามนุษย์จิ้งจอกรีบรับและใส่เสื้อผ้าที่เขาเลือกให้อย่างไม่อิดออดแม้แต่คำเดียว  พอเจ้ามนุษย์จิ้งจอกอยู่ในหมวดไม่ดื้อรั้นแบบนี้ ก็ค่อยน่าคบหาขึ้นมาหน่อย ไม่เอาแบบตอนเจอครั้งแรกแล้วนะ ชริณขยาดเหลือเกิน แบบนั้นเขาปวดหัวตาย ทำท่าจะแยกเขี้ยวใส่ตลอดเวลา มิหนำซ้ำยังใช้กำลังกันอีก



                “เสร็จแล้ว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าพร้อมกับส่งรอยยิ้มสดใสมาให้ทางเขา นั่นทำเอาเขาถึงกับกระแฮ่มเสียง เพื่อตั้งหลัก ชริณก็เพิ่งสังเกตว่ามันมีเขี้ยวด้วย สมกับที่เป็นมนุษย์จิ้งจอกจริง ๆ



                ดวงตากลมโตดูซุกซนตลอดเวลา ไหนจะรอยยิ้มสดใสนั่นอีก คงสามารถทำให้ใคร ๆ ตกหลุมรักได้อย่างง่ายดาย หากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเป็นเพียงแค่มนุษย์ปกติ..



                “ก็ดีแล้ว”



                “งั้นแสดงว่าคืนนี้น้องนอนกับชริณ ซังได้ใช่ไหม” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเอ่ยถามอย่างลุ้น ๆ



                “เออ”



                “เย้...งั้นเรามาทำลูกกันเถอะ คืนนี้เลย” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกกระโดดไปมาอย่างดีอกดีใจ ตั้งท่าจะมาโผกอดเขา ทำเอาชริณถึงกับยกมือห้ามแทบไม่ทัน



                “ใครบอกว่าจะทำลูก”



                “อ้าว...ก็ชาริน ซังไง จะผิดคำพูดกับน้องเหรอ”



                “ฉันไม่ได้บอกว่าจะทำลูกคืนนี้สักหน่อย บอกแค่ว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง”



                “ฮือ....แล้วทำไมคิดนานจัง” เมื่อไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองหวังเอาไว้ เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็แสดงท่าทีผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด เจ้ามนุษย์จิ้งจอกขยับตัวเข้ามาใกล้ชาริน ซังอย่างแนบเนียน ก่อนที่มือเล็กโอบเอวหนาอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นจ้องชาริน ซังตาแป๋วอย่างรอคำตอบ



                “แล้วทำไมถึงอยากทำลูกจัง” ชริณถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย



                “ก็มันเป็นภารกิจน้อง แล้วน้องต้องทำให้สำเร็จด้วย.....ช่วยกันหน่อยนะ ๆ ถือว่าคนญี่ปุ่นด้วยกัน”



                “ใครบอกว่าฉันเป็นคนญี่ปุ่น ฉันเป็นคนไทยต่างหาก”



                “คนไทย? คืออะไร น้องไม่รู้จัก”



                “ก็อยู่แต่ในป่าจะรู้จักได้ไงเล่า!”



                “งั้น...ถึงจะเป็นคนไทยแต่ก็ช่วยน้องหน่อยนะ ๆ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพยายามอ้อนอีกครั้ง คราวนี้นอกจากจะโอบกอดเอวชริณไว้แน่นแล้ว ยังพยายามดันตัวว่าที่สามีล้มใส่เตียงที่อยู่ไม่ไกลอีกด้วย แต่ชริณไหวตัวทัน ชายหนุ่มขืนตัวเองไว้ไม่ยอมง่าย ๆ



                ในที่สุดก็ได้เวลาเข้านอนเสียที หลังจากที่ชริณควรจะได้นอนตั้งนานแล้ว แต่ต้องเจียดเวลามาสอนเจ้าลูกหมาอาบน้ำก่อน แม้จะปิดไฟลงแล้ว แต่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหาได้สิ้นฤทธิ์ไม่ ทันทีที่ไฟในห้องดับลง เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ขยับมาใกล้ชริณ จนในที่สุดมันก็ได้นอนเกยอกว่าที่สามีอย่างสมใจอยาก



                “ชาริน ซังกอดเอวน้องหน่อยสิ น้องหนาว”



                “มากไป” ชริณตอบเพียงสั้น ๆ ยอมให้นอนเกยบนอกก็แล้ว ยังจะให้เขาโอบเอวอีก ได้คืบจะเอาศอกเสียจริง



                “ตัวชาริน ซังห๊อมหอม” เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกดังขึ้นเป็นระยะ ๆ เหมือนพลังงานของมันในแต่ละวันมีมากเกินไป ในขณะที่ชริณก็ใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราอยู่รอมร่อแล้ว เพราะวันนี้เขาทำงานเต็มวัน เหนื่อยใช่ย่อย ไหนเวลาว่างก็ไม่เคยได้พักอีก เพราะคิดหนักกับเรื่องของมนุษย์จิ้งจอกแทบทั้งวัน



                เขาว่าช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์คงต้องได้พาเจ้ามนุษย์จิ้งจอกไปห้างเพื่อเลือกซื้อของใช้จริง ๆ จังเสียที อย่างน้อยก็พวกเสื้อผ้า เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวเล็กกว่าเขา ทำให้เสื้อผ้าบางชิ้นยามมันสวมใส่ดูหลวมโคร่งไปหมด ไหนจะของใช้บางอย่างมันก็ไม่สามารถใช้ร่วมกับเขาได้อีก



                “ชาริน ซัง...”



                “.....”



                “หลับแล้วเหรอ?”



                “อือ....” ชริณได้แต่ขานรับเจ้ามนุษย์จิ้งจอกอย่างสุดแสนจะรำคาญ มันไม่เหนื่อยบ้างหรือไงถึงได้ชวนเขาคุยไม่ยอมหยุดเสียที



                “งั้นน้องขอเอาปากแตะกันได้ไหม” เมื่อเห็นว่าชาริน ซังกำลังเคลิ้มหลับและเวลานี้เหมาะสมที่สุดแล้ว เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็รวบรวมความกล้า พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา จากที่ดูโทรทัศน์ในช่วงบ่าย น้องจำได้ว่านอกจากการนวดแล้ว ยังมีการเอาปากประกบเพื่อปิดท้ายด้วย การง้อถึงจะเสร็จสมบูรณ์



                “.....”



                ฝั่งเจ้าจิ้งจอกเมื่อไม่ได้รับคำตอบจากปากชาริน ซัง น้องก็ถือว่านั่นเป็นการอนุญาตแล้ว ร่างเล็กลุกขึ้นเพื่อตั้งหลัก แล้วค่อย ๆ โน้มหน้าเข้าไปใกล้กับชาริน ซัง ก่อนที่กลีบปากเล็กประกบเบา ๆ ที่กลีบปากหนาของอีกคน หลังอยากทำมานานแล้ว และจดจำวิธีนี้มาจากโทรทัศน์ว่า หากทำแล้วจะทำให้คนที่ได้รับสัมผัสรู้สึกดี



                ....ทว่าเพียงแค่ได้สัมผัสกันอย่างบางเบา เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็รู้สึกใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง น้องไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่มันทำให้น้องรู้สึกดี ขนาดคนให้ยังรู้สึกดีขนาดนี้ ก็คงไม่แปลกหากคนรับสัมผัสจะรู้สึกดีเช่นกัน



                จังหวะที่ใกล้หมดลมหายใจแล้วน้องก็ค่อย ๆ ผละออกอย่างแสนเสียดาย ทว่าชาริน ซังกลับจับหัวน้องให้ปากของเราประกบกันอีกครั้ง ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อชาริน ซังพยายามจะสอดลิ้นเข้ามาในโพลงปากน้อง ทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่



                “อือ....” น้องได้แค่ครางงึมงำ หลังรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะหมดลมหายใจ ยิ่งชาริน ซังเป็นฝ่ายเริ่มก่อน น้องก็ยิ่งใจเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น นานเกือบนาที จนน้องต้องทุบอก ชาริน ซังถึงยอมผละออก



                “พอใจยัง” ชาริน ซังลืมตาขึ้นมา มองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกด้วยสายตาเรียบนิ่ง แต่นั่นกลับทำให้น้องหน้าร้อนผ่าว อย่างไร้สาเหตุ



                ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรออกมา ชาริน ซังเองก็ไม่ได้มีท่าทีรำคาญหรือโมโหที่น้องทำแบบนั้น แต่ก็มองน้องด้วยสายตาเรียบนิ่ง เดาทางไม่ออก



                ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของชาริน ซังจะดังขึ้นขัดจังหวะเราเสียก่อน ชาริน ซังคว้าโทรศัพท์มาดูแล้วเหลือบมองหน้าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกครู่หนึ่ง



                “เดี๋ยวมา รออยู่นี่ไม่ต้องออกไป” ชาริน ซังว่าเช่นนั้นแล้วถือโทรศัพท์ลุกออกไปคุยข้างนอก ปล่อยให้น้องสงสัยว่าใครโทรมาในเวลานี้



                ชาริน ซังออกไปแล้ว... แต่อีกฝ่ายคุยโทรศัพท์นานเหลือเกิน ปกติน้องไม่เคยสงสัย แต่ไม่เคยมีใครโทรหาชาริน ซังในเวลานี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญมาก จนน้องอดสงสัยไม่ได้ ต้องลงจากเตียง เพื่อไปแอบฟัง แอบมองผ่านประตูห้องนอนที่ยังพอมีซี่เล็ก ๆ ให้มองลอดออกไปข้างนอกได้



                ถึงร่างกายในเป็นมนุษย์ แต่ทักษะบางอย่างของจิ้งจอกก็ยังติดตัวมาด้วย อย่างน้อยใบหูที่ประสาทสัมผัสดีกว่ามนุษย์ทั่วไป ทำให้น้องลองเอาหูแนบประตูดู เพื่อได้ยินอะไรบ้าง



                เมื่อได้รับคำตอบแล้วว่าเป็นใคร น้องก็ได้แต่มองแผ่นหลังชาริน ซังตาแป๋วผ่านซี่ประตูแคบ ๆ ...แอบมอง แอบฟังชาริน ซังคุยโทรศัพท์ผู้หญิงคนนั้น....เสียงของเธอเหมือนจะกำลังร้องไห้ ฟังไม่ได้ศัพท์เท่าไรนัก และดูเหมือนเธอจะให้ชาริน ซังปลอบตลอดทั้งคืน




                 น้องรู้ดีว่าชาริน ซังมีใจให้ผู้หญิงคนนั้น เขารักเธอ รู้สึกดีกับเธอ...  แต่...แต่น้องอยากมีแบบนั้นบ้าง....อยากให้ชาริน ซังพูดน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนั้นกับน้องบ้าง โดยที่น้องไม่ต้องอ้อน ปฏิบัติกับน้องด้วยความเต็มใจ เหมือนเธอคนนั้น...เป็นน้องไม่ได้เหรอ










____________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

อยากจับน้องมากอด รีบเคลียร์เรื่องซากุระ ก่อนน้องท้องเด้อ ชาริน ซัง



ปล. วันนี้นั่งนึกๆพล็อตน้องแล้ว ร้องไห้ อินอยู่เดียว สรุปเป็นบ้า555
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.5(1/2) 12.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 12-07-2018 20:14:43
น้องอย่าเพิ่งมีลูกเลยยยย ถ้ามีแล้วหนูหนีหายไปเลยพี่ชริณจะเสียใจที่เอาแต่ไล่นะ!
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.5(1/2) 12.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 12-07-2018 20:22:44
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.5(1/2) 12.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 12-07-2018 20:49:47
เรื่องแม่ดอกกกกกกซากุระเนี่ยเมื่อไรจะเคลียร์ได้ซักทีเนี่ย เบื่อนางมากกก
ผู้หญิงดีๆที่ไหนมีผัวอยู่แล้วยังจะมาให้ความหวังคนอื่นอยู่อีก
มาอีหรอบนี้มีปัญหากับผัวมาแน่ๆแล้วต้องโทรมาร้องไห้ให้ผู้ชายปลอบด้วยนะ
ดูท่าทางนางก็เหมือนอ่อยชริณ สนใจชริณอยู่ รู้ว่าชริณก็ชอบตัวเองอยู่ป่ะ
นี่ก็งงว่าแล้วทำไมไม่คบกับชริณไปเลยอ่ะ จะได้ไม่เสียเวลามาอ่อย
ส่วนชาริน ซัง พระเอกของเราน้านนนน (เราแอบไม่ชอบค่ะ ไม่ชอบมากๆเลยด้วย 555)
เราไม่ชอบตั้งแต่ที่นางบอกว่าถึงซากุระจะมีแฟนแล้วก็จะแย่งมา ทำไมนิสัยเป็นงี้ล่ะ
อห จะชอบจะหลงอะไรเบอร์นั้นอ่ะ ยังคิดอยู่เลยผู้ชายคนนี้ควรได้รับความรักจากน้องจริงๆเหรอ
เอาตรงๆสงสารน้องอ่ะ ไม่ควรจะมาเสียเวลากับผู้ชายคนนี้อ่ะ เราอยากให้น้องได้กับคนอื่นซะจะได้จบๆ 555
ปล่อยชริณให้ไปตามหาความรักกับแม่ดอกซากุระนั่นเถอะ


หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.5(1/2) 12.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 12-07-2018 21:32:33
โถ่ น้องงงงงงงง :m15:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.5(1/2) 12.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Zenith ที่ 12-07-2018 22:33:17
เปลี่ยนพระเอกได้ไหมอ่ะ สงสารน้องมากเลย แบบทำไมชารินซังทำแบบนี้คิดแบบนี้อ่ะ คือไม่ชอบตั้งแต่บอกว่าจะแย่งซากุระมาแล้วอ่ะ เออ เข้าใจว่ารักมากชอบมาก แต่แบบสติหน่อยไหม นั้นเขามีแฟนแล้วอ่ะ คือถ้าเขาเลิกกันแล้วจะไม่ว่านะ แล้วยังคิดกับน้องแบบนั้นอีก เข้าใจว่าระแวงกลัว แต่คือแบบอยู่กันมาก็สักพักแล้วไหม น่าจะรู้ว่าน้องไม่ได้คิดร้ายกับตัวเองอ่ะ น้องรักตัวเองมากด้วยซ้ำ ทำไมคิดงั้นวะ ไม่ชอบเลย ถ้าต่อไปยังเป็นแบบนี้นะ เราจะให้น้องไปหาหมาป่าทิ้งให้ชารินซังอยู่คนเดียวไปเลย!!  :katai4: :katai1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.5(1/2) 12.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-07-2018 23:20:31
คิดว่า..ดราม่าจะบังเกิด   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.5(2/2) 13.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 13-07-2018 16:01:36

                ซากุระทะเลาะกับแฟนและเธอโทรมาปรึกษาเขา นั่นคือสิ่งที่ชริณรับรู้....



            เธอวางสายไปได้เกือบสิบนาทีแล้ว แต่ชริณยังนั่งอยู่ที่เดิม กำลังวิเคราะห์เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาไม่เข้าใจการกระทำของซากุระ เหมือนเธอจะมีใจให้ แต่ก็มาปรึกษาเรื่องแฟนกับเขา นั่นทำให้เขาสับสน เหมือนจะให้ความหวัง แต่ก็ไม่....



                เขาได้แต่ถอนหายใจออกมา ถึงปากบอกว่าจะแย่งซากุระมาจากผู้ชายคนนั้น แต่สุดท้ายก็เป็นแค่เรื่องขำขันที่เอาไว้พูดโม้กับเมฆก็เท่านั้น เขาไม่กล้าหรอก... เขาไม่กล้าแย่งคนมีเจ้าของมาจากใคร พ่อแม่ไม่เคยสอนให้ชริณทำแบบนั้นและเขาไม่แน่ใจว่าหากซากุระเล่นด้วย.. ขณะที่ตัวเธอเองมีเจ้าของอยู่แล้ว เขาจะสามารถมองเธอในแบบเดิมได้ไหม...



                “เฮ้อ...” ชริณถอนหายใจออกมาอีกระลอก พยายามเลิกสนใจเรื่องของซากุระ เธอก็แค่มองเขาเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้ามาปรึกษาเรื่องความรักกับเขาหรอก



                “....”



                เขาถึงกับชะงักไป เมื่อเดินกลับมาห้องนอนก็เห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกำลังหลับโดยการนั่งกอดเข่าเอาหัวพิงผนังห้องข้างประตูเอาไว้ เป็นท่านอนที่แปลกดี แต่ก็สามารถบอกได้ว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกได้ทำอะไรก่อนที่จะเผลอหลับไป คงจะแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์น่ะสิท่า สั่งอะไรไม่เคยทำตาม สมควรแล้วที่จะชื่อน้องแสบสัน



                “นี่ก็ซนจัง” เขาบ่นเบา ๆ แต่ถึงอย่างนั้นชริณก็ไม่ได้ใจร้าย ปล่อยให้เจ้าจิ้งจอกนอนแบบนั้นทั้งคืนได้ลงคอ เขาค่อย ๆ ช้อนร่างมันขึ้น อุ้มไปวางบนเตียงให้ได้นอนดี ๆ



                “ฮือ...อย่าทิ้งน้องนะ”



                 “หืม?”



                “ไม่เอา...ม—ไม่ทิ้งน้อง ฮึก” เสียงบ่นงึมงำของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่ไม่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์นัก แต่ก็พอเดาได้ว่ามันพูดอะไร ทำเอาชริณถึงกับขมวดคิ้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาเพิ่งสังเกตว่าขนตาของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกชุ่มไปด้วยน้ำตา...



                “ทิ้งอะไร ไม่ทิ้งหรอก” เขาว่าแล้วลูบหัวมันอย่างเผลอเอ็นดู



                พอสิ้นฤทธิ์แล้วค่อยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย จริง ๆ หากชริณไม่เห็นกับตาว่าเจ้าจิ้งจอกกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงได้ เขาคงเข้าใจว่ามันเป็นลูกครึ่งลิงค่างไปแล้ว เพราะไม่เคยอยู่เป็นสุขสักที แต่ดีหน่อยที่มันรู้ภาษา จึงไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับเขา นอกจากการชักชวนทำลูกทุกสิบนาที



                ชริณได้แต่ถอนหายใจอย่างระอา ยิ่งมองใบหน้าอ่อนเยาว์แต่นิสัยแก่แดดของเจ้าจิ้งจอก เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเลี้ยงลูกอยู่อย่างไงอย่างงั้น ก่อนจะห่มผ้าให้มัน เพราะตอนกลางคืนก็หนาวใช่ย่อย



                “ฝันดีล่ะกัน ไอ้แสบ” เขากล่าวราตรีสวัสดิ์มัน ก่อนจะหลับตาลงเก็บแรงไว้สู้กับเช้าวันใหม่







 

                “ห้ามดื้อ”



                “น้องไม่เคยดื้อ!”



                “แต่ไม่เคยอยู่เฉย”



                “ก็แค่อยากช่วย!”



                “นี่เถียงฉันเหรอ?”



                “.....”



                เสียงโวยวายระหว่างชริณและเจ้ามนุษย์จิ้งจอกดังขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าของวัน หลังก่อนออกจากบ้าน เขากำชับให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกดูแลบ้านดี ๆ หรือดื้อห้ามซน หรือทำอะไรที่เขาไม่ได้สั่งเหมือนเช่นทุกที เพราะเจ้ามนุษย์จิ้งจอกไม่เคยอยู่เฉย ทำโน้นทำนี่ตลอด รวมถึงการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย เขาก็แค่กลัวว่าหากมันทำพลาด รู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจทำให้บ้านหลังนี้วายวอดทั้งหลังก็เป็นได้



                “เข้าใจที่ฉันสั่งไหม”



                “เข้าใจแล้ว”



                “ก็ดี....”



                “ชาริน ซัง”



                “…?”

                “วันนี้จะพาน้องออกไปข้างนอกเหรอ” เจ้าจิ้งจอกทวนถาม หลังเมื่อช่วงเช้าชริณได้บอกไว้ว่าให้เตรียมตัว เลิกงานเสร็จจะแวะพาออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแถวบ้าน



                “อืม ก็เตรียมตัวไว้แล้วกัน” ชริณว่า เขารอให้ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ไม่ได้แล้ว เพราะของบางอย่างเช่นของกิน ของใช้เริ่มหมดไปแล้ว จึงต้องเปลี่ยนแผน วันนี้เลยต้องไปซื้อของเข้าตู้เย็นและถือโอกาสไปหาซื้อเสื้อผ้าขนาดเท่าตัวเจ้าจิ้งจอกเสียเลย



                “ดีใจจัง”



                “เดี๋ยวเลิกงานแล้วฉันจะรีบกลับมา ทำตัวดี ๆ เข้าไว้ล่ะ ไปแล้ว” เขาว่าเพียงสั้น ๆ ก่อนจะคว้ากระเป๋าทำงานเตรียมเดินทางไปบริษัท

         

           ชาริน ซังออกไปทำงานแล้ว แต่น้องยังหุบยิ้มไม่ได้ รู้สึกดีใจแปลก ๆ ที่จะได้ออกไปท่องโลกกว้างกับชาริน ซัง น้องดีใจมาก จนเผลอกลับคืนเป็นร่างจิ้งจอกแดงเหมือนเดิม แม้จะแอบเจ็บปวดกับเรื่องเมื่อคืน แต่พอคิดไปว่าเมื่อคืนชาริน ซังก็ประกบปากน้องกลับเช่นกัน จึงพอทำให้หักล้างไปได้ ยิ่งวันนี้จะได้ออกไปข้างนอกกับชาริน ซัง น้องก็ยิ่งดีใจ



                เจ้าจิ้งจอกเดินไปยืนอยู่หน้าตู้เย็นที่มีเงาสะท้อนของตัวเองอย่างสบายใจ ดูพวงหางตัวเองอีกครั้ง แม้พวงหางจะไม่ได้สวยเฉกเช่นเดิม พอที่จะโชว์ชาริน ซังได้อีกแล้ว เพราะบาดแผลจากน้ำมือมนุษย์คราวนั้น แต่พอมาถึงตอนนี้ มันก็ยังพอมองได้ ดีกว่าวันแรก ๆ อยู่มาก ตอนนั้นทำให้เจ้าจิ้งจอกแดงรู้สึกอาย เหมือนถูกมนุษย์แต่งแต้มความอัปยศไว้ให้



                น้องไม่รู้หรอกว่าห้างสรรพสินค้าคืออะไร ชาริน ซังจะพาน้องไปที่ไหน แต่คิดว่ามันต้องสนุกเหมือนตอนไล่ล่ากระต่ายป่าแน่ นั่นทำให้น้องในร่างจิ้งจอกแดงตัวจ้อย กระโดดไปมาบนพรมเช็ดเท้าอย่างดีอกดีใจ เฝ้ารอให้ชาริน ซังรีบกลับบ้าน



                เพราะชาริน ซังกำชับว่าห้ามทำอะไรทั้งนั้น นอกจากอยู่เฉย ๆ ทำให้น้องเลือกที่จะสงบเสงี่ยม เชื่อฟังคำสั่งของชาริน ซังแต่โดยดี รอจนกระทั่งชาริน ซังกลับบ้านมา....



                “กลับมาแล้ว!” เสียงสดใสของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกดังขึ้นทันที เมื่อได้ยินเสียงไขประตูบ้าน หากในร่างมนุษย์มีหางโผล่ตรงบั้นท้าย มีหูโผล่บนหัวจนได้เห็นภาพเจ้ามนุษย์จิ้งจอกแสดงความดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่การยืนย่ำเท้าบนพรมไปมา มองประตูที่กำลังถูกเปิดตาลุกวาว



                ชริณที่เพิ่งเปิดประตูบ้านเข้ามาถึงกับชะงักไป เมื่อเห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกำลังยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู แสดงท่าทางดีอกดีใจ เหมือนนั่งรออยู่หน้าประตูนานแล้ว



                อะไรจะดีใจปานนั้น...



            “ก็แค่ไปซื้อของเองแป๊บเดียวเอง จะดีใจทำไม ขยับไปสิ....จะเอากระเป๋าเข้าไปไว้ มันหนัก”



                “เดี๋ยวน้องช่วย” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า ก่อนจะกุลีกุจอมารับกระเป๋าทำงานจากมือชาริน ซัง เอาไปไว้ตรงที่เก็บ



                ดวงตาสุกใส ดูซุกซนและท่าทีตื่นเต้นจนดูล้น ๆ ของเจ้ามนุษย์จิ้งจอก ทำเอาชริณถึงกับหลุดขำออกมา ไม่รู้ว่าเจ้าแสบสันคิดว่าการไปห้างสรรพสินค้า มันคือการไปเล่นสวนสนุกกันหรือไง ถึงได้กระดี๊กระด๊าขนาดนี้ เลือกซื้อของที่ห้างมันสนุกน่าเบื่อจะตาย แถมยังปวดขาอีกต่างหาก



                “ไปกันเถอะ!”



                “เดี๋ยว ๆ ขอพักก่อน” ชริณว่า “หิวน้ำว่ะ ไปหยิบน้ำมาให้หน่อยดิ”



                “ได้เลยจ้ะ!” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกรับคำ รีบวิ่งไปหยิบน้ำเย็น ๆ ออกมาจากตู้ ชริณจึงเข้ามานั่งพักบนโซฟาเพื่อตั้งหลักก่อน วันนี้หลังเลิกงานเสร็จ เขาก็รีบกลับบ้านเร็วกว่าปกติ เพราะมีที่ต้องไปต่อ จากบริษัทกลับมาถึงบ้าน พอรีบกลับก็เหนื่อยใช่ย่อย ทำเอาเขาถึงคอแห้งผาก เกิดอาการกระหายน้ำกะทันหันแถมยังเหงื่อซกอีก



                “น้ำมาแล้วจ้ะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกรีบเอาน้ำเย็น ๆ มาเสิร์ฟตามคำสั่งของชาริน ซัง ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ จ้องชาริน ซังที่ดื่มน้ำตาแป๋ว ทำเอาคนถูกจ้องถึงกับดื่มไม่ลง



                “ม—มองอะไร ไม่เคยเห็นคนดื่มน้ำหรือไง” ชริณถึงกับทำตัวไม่ถูก เมื่อถูกเจ้ามนุษย์จิ้งจอกจ้องไม่เลิก



                “ชาริน ซังหล่อจัง”



                “.....”



                “อยากได้...” ตอนแรกชริณก็ตั้งรับไม่ทันที่ถูกเอ่ยชมแบบโต้ง ๆ คนปกติไม่มีใครเขาทำแบบนี้หรอก แต่ประโยคตามหลังของเจ้ามนุษย์จิ้งจอก ฟังดูทะแม่ง ๆ ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไรนัก ทำเอาเขาถึงกับหรี่ตามองมันอย่างไม่ไว้วางใจ รอดูว่าเจ้าจิ้งจอกจะมาไม้ไหนกันแน่



                “พอได้กลิ่นของชาริน ซังแล้วน้องรู้สึก....” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นหน้ามาฟุดฟิดแถวเสื้อชริณอีกครั้ง ร่างเล็กถึงกับคิ้วขมวด เพราะทุกครั้งที่อยู่ในร่างมนุษย์ ร่างกายจะไวต่อความรู้สึกมาก ๆ และคราวนี้ชาริน ซังมีเหงื่อออกมาด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกเร็วมากกว่าปกติ



                “รู้สึกอะไร” เขาถาม หากบอกว่ารู้สึกหงุดหงิดเพราะกลิ่นน้ำหอมผู้หญิง เขาจะเขกหัวเข้าให้ เพราะทั้งวันมานี้เขาไม่ได้เฉียดเข้าใกล้ผู้หญิงคนไหนเลย



                “ชาริน ซัง ทำลูกกันนะ” พอว่าจบ เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ตะปบเข้าที่คอเสื้อชริณทันควัน พยายามเบียดตัวเข้ามาชิด ทำเอาชายหนุ่มถึงกับทำตัวไม่ถูก



                “เฮ้ย! ออกไป!”



                “ทำลูกกันเถอะ!”



                “เฮ้ย ไม่ได้!!” ชริณถึงกับเซถอยหลังด้วยความตกใจ พยายามปัดมือเจ้าจิ้งจอกออกพัลวัน ไหนจะต้องเบี่ยงหน้าหนีมันอีก หลังเจ้าจิ้งจอกพยายามยื่นปากเข้ามาใกล้เขาหมายจะจูบเหมือนอย่างเมื่อคืน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ามนุษย์จิ้งจอก แต่ที่แน่ ๆ เหมือนมันจะปล้ำเขาให้ได้



                “ก็บอกว่าไม่ได้ไง! วันนี้ต้องไปซื้อของนะเว้ย”



                “ค่อยซื้อไม่ได้เหรอ น้องทนไม่ไหวแล้ว!” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าอย่างเอาแต่ใจ พยายามจะปล้ำจูบว่าที่สามีตนให้ได้ ก่อนจะรีบขึ้นไปนั่งตักชาริน ซังเพื่อที่จะได้จัดการอะไรง่าย ๆ กลิ่นของชาริน ซังมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึกน้องจริง ๆ



                “ไม่ได้! ถ้าดื้อจะไม่ให้อยู่บ้านหลังนี้แล้วนะ!” ชริณพูดเสียงเข้ม ถือว่าเป็นการยื่นคำขาดให้กับเจ้าจิ้งจอก เขาเอาจริงแน่! ถ้ามันไม่เชื่อฟังเขา บอกว่าไม่ก็คือไม่ ตอนนี้เขายังไม่พร้อมจะมีเมียและทันทีที่เขายื่นคำขาดเช่นนั้น เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ถึงกับชะงัก กลับมาหน้าหงอยเหมือนเดิม ยอมปีนลงจากตักชาริน ซังอย่างลีลา เพราะไม่อยากถูกชาริน ซังไล่ออกจากบ้าน



                “สักนิดไม่ได้เหรอ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกต่อรอง พยายามเอาความออดอ้อนเข้าสู้ แต่ชาริน ซังใจแข็งยิ่งกว่าอะไร



                “ไม่ได้!”



                “เฮ้อ...ทำไมหวงตัวจัง”



                “อ้าว ไอ้นี่!”



                “ถ้ากลัว.... ก็หลับตาลงก็ได้นะ น้องจะทำเอง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกยังคงไม่ละความพยายาม ยังขอต่รองอีกครั้ง ด้วยความหวังเล็ก ๆ ว่าชาริน ซังจะตอบตกลง



                “ไม่!”








____________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

น้องงงงงงงงงงงง เล่นตัวแบบนี้อย่ามาโหยหาให้น้องทำการบ้านทีหลังเด้อ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.5(2/2) 13.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 13-07-2018 19:45:36
ชารินซังคิดได้ซะบ้างเหอะ ผู้หญิงที่มีแฟนอยู่แล้วยังมามีท่าทีสนใจผู้ชายอื่นอีก
นี่คิดว่ามองเป็นผู้หญิงที่ดีไม่ได้แล้วนะ อย่าเสียเวลากับผู้หญิงอย่างนี้เลย ไม่ไหวจริงๆ
อยากให้ตัวชาริน ซังจัดการกับความคิด ความรู้สึกของตัวเองเรื่องซากุระให้ได้ซะก่อนจะดีกว่า
ไม่อยากให้มามีปัญหาอีกทีหลัง
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.5(2/2) 13.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-07-2018 22:14:22
เมื่อไหร่จะใจอ่อน พ่อคู๊น..นนนนนนน #ทีมน้อง  :ruready
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.6 (1/2) 14.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 14-07-2018 23:54:28


06


                “เอาตัวนี้ไหม”



                “เอา”



                “ตัวนี้ล่ะ”



                “เอา”



                “ระหว่างตัวนี้กับตัวนี้ชอบตัวไหน”



                “เอาทั้งคู่”



                “นี่ใจคอจะให้ฉันหมดตัวเลยหรือไง”



                “ก็น้องชอบอะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกจ้องชริณตาแป๋วอีกครั้ง หลังถูกพามาโซนเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายและไม่ว่าชริณจะหยิบยกเสื้อตัวไหนขึ้นมาถาม เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ชื่นชอบหมด ไม่มีอิดออดหรือลังเลเลยสักครั้ง



                “แล้วแบบนี้ชอบปะ”



                หลังจากเลือกเสื้อผ้าขนาดเท่าตัวของมนุษย์จิ้งจอกได้หกเจ็ดชิ้นแล้ว เขาก็พาเจ้ามนุษย์จิ้งจอกไปยังโซนชุดชั้นในสำหรับผู้ชายต่อ ชริณหยิบชั้นในเนื้อดีสีเหลืองอ๋อยให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกดู อยากลองใจว่ามันจะชอบไหม จะเอาลูกเดียวเหมือนเดิมไหม เพราะถ้าเป็นเขา ต่อให้แม่จ้างก็ไม่มีวันใส่แน่นอน ถ้าสาวรู้มีอาย



                “เอา....ถ้าชาริน ซังใส่สีนี้ด้วย” ว่าจบเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็หันไปคว้าชั้นในสีแดงแสบตามาให้ “ถ้าชาริน ซังใส่จะกลายเป็นคนร้อนแรง”



                “แก่แดด” ชริณว่าเพียงสั้น ๆ ก่อนจะหันไปหยิบเช็ตชั้นสีเทาและขาวใส่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกแทน การพาเจ้ามนุษย์จิ้งจอกมาห้างแห่งนี้ เหมือนได้เปิดโลกอีกใบให้เจ้าตัวได้รู้จัก เพราะเจ้ามนุษย์จิ้งจอกดูตื่นตาตื่นใจไปหมด โชคดีที่ไม่แตกตื่นผู้คนที่มาซื้อของอย่างที่ชริณกลัว



                ทันทีที่เดินผ่านผู้คนเบียดเสียด มือเล็กก็รีบคว้าหมับเข้าที่แขนของเขา ดูท่าไม่มีทางปล่อยง่าย ๆ แน่ เพราะเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกลัวชริณทิ้งไว้ที่นี่ หลังเขาขู่ว่าถ้าดื้อหรือทำให้ทุกคนสงสัย จะไม่พากลับบ้านด้วย ดูเป็นวิธีที่โหดร้ายกับเจ้ามนุษย์จิ้งจอกไปหน่อย แต่ก็ได้ผลเลยทีเดียว



                “ชาริน ซัง...อันนี้เอากลับบ้านเราได้ไหม”



                “กินเป็นเหรอ”



                “ไม่เป็นอะ แต่น้องอยากลอง นะ ๆ”



                ฝั่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอก เมื่อมาถึงแผนกข้าวปั้น ซูซิสำเร็จรูป น้องก็หยุดชะงักโดยทันที ดวงตากลมโตจ้องซูซิสำเร็จรูปตาลุกวาว ดวงตาเหมือนถูกสะกดให้มองแต่ถาดซูชิ



                ความฝันในวัยเด็กถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง หลังเคยอยากกินมาเนิ่นนาน ตั้งแต่ชีวิตนี้ยังไม่รู้จักชาริน ซัง แต่ตอนนั้นได้กินแค่คราบซอส เศษข้าวที่ติดอยู่ตามถาดโฟม แล้วอาศัยจินตนาการถึงรสชาติของมันเท่านั้น เพราะในแต่ละวันแค่อาหารตามถังขยะ หายากมาก จึงแทบไม่มีอะไรตกถึงท้อง ตัวผอมซูบ รอดมาได้ถึงขนาดนี้ก็ดีเท่าไรแล้ว



                ตอนนี้น้องคิดว่าน้องสามารถซื้อได้ แต่ติดที่ว่าไม่มีเงิน แค่น้องไม่มีเงินเอง ไม่งั้นก็ซื้อได้แล้ว....



            “แล้วมีเงินเหรอ” ชริณถามต่อ



                “ไม่มีอะ”



                “อ้าว แล้วจะซื้อไง”



                “ฮือ...ซื้อให้น้องนะ ๆ”



                “ถ้าจะให้ซื้อ ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน รู้จักไหมของฟรีไม่มีในโลก”



                “น้องจะเป็นเด็กดี!”



                “อืม...ไม่ค่อยคุ้มเลย เด็กดีนี่ต้องเป็นอยู่แล้ว”



                “งั้น...น้องจะทำงานบ้าน”



                “ก็ทำอยู่ทุกวันไม่ใช่เหรอ”



                “งั้นชาริน ซังต้องการอะไร” เมื่อไม่รู้ว่าจะต่อรองด้วยอะไร น้องก็เอ่ยถามชาริน ซังอย่างจนปัญญา หากจะบอกว่าจะทำลูกทุกวัน ชาริน ซังก็คงไม่ตอบตกลงอยู่ดี เพราะเท่านี้ยังไม่ยอมเลย



                “ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก เป็นว่านายติดหนี้ฉันไว้ก่อนแล้วกัน เจ้าตัวแสบ” ชริณว่าหน้ายิ้ม ก่อนจะปล่อยให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเลือกว่าจะเอาซูซิถาดไหน ซึ่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ฉลาดพอที่จะหยิบถาดที่แพงที่สุดในนั้นมา



                “น้องเอาถาดนี้!”



                “ร้ายนักนะ” เขากลั้วหัวเราะ แต่สุดท้ายหยิบถาดซูซิที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเลือกลงตะกร้า



                เราช่วยกันซื้อของเข้าบ้าน ไม่ว่าจะเป็นของใช้ เสื้อผ้าหรืออาหาร ชริณก็อาศัยจังหวะนี้สอนให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกได้รู้จักด้วย ว่าอะไรเป็นอะไร หากคิดจะอยู่บนโลกของมนุษย์ ไม่กลับคืนสู่ร่างจิ้งจอกแดงแล้ว มันก็ต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่มนุษย์รู้จัก มันอาจจะเป็นเรื่องยากเสียหน่อย แต่ชริณเชื่อว่ามันทำได้



                “แล้วอันนี้ไว้ใช้ทำอะไรอะ”



                “.....”



                “น้องอ่านไม่ออกด้วย”



                เมื่อมาถึงแผนกคิดเงินเตรียมกลับบ้าน เจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่กำลังเรียนรู้โลกของมนุษย์ก็เกิดความสงสัยไม่หยุด หันไปคว้ากล่องถุงยางอนามัยแบบมีปุ่มสัมผัสมาถามชริณหน้าตาเฉย



                “เอาไปเก็บ มันไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ชริณกระซิบบอกเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่เกิดอาการสงสัย ในเรื่องที่ไม่ควรสงสัย มิหนำซ้ำตอนนี้พนักงานกำลังอมยิ้มให้กับความสงสัยของเจ้าจิ้งจอกด้วย นั่นทำให้ชริณรู้สึกอาย



                “น้องอยากรู้ บอกน้องหน่อยนะ ๆ”



                “ก..ก็เอาไว้ใช้งานตอนไม่อยากมีลูก” ชริณเลือกที่จะตอบแบบเลี่ยง ๆ มันใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาอธิบายเรื่องถุงยางอนามัยกลางห้างไหมเนี่ย!



                “แต่ว่า....”



                “ขอเถอะ....เอาไปเก็บไว้ อย่าสงสัย” ชริณว่า ภาวนาให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเชื่อฟังคำสั่งของเขาเสียที เขายอมแล้ว...



 







                “แล้วถ้าน้องอยากมีลูก ก็ไม่ต้องใช้ใช่ไหม”



                “อืม”



                “งั้นแสดงว่าตอนนั้นทำถูกแล้ว”



                “ตอนไหน”



                “ก็ตอนที่เราทำลูกด้วยกันครั้งแรกไง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดออกมาหน้าซื่อ ทำเอาชริณถึงกับกุมขมับ แม้เขาจะจำเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ แต่เขาก็อายทุกครั้งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดถึงมัน เหมือนพยายามตอกย้ำว่าเขาได้ตกเป็นเมืองขึ้นของเจ้าตัวไปแล้ว



                เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาก็จัดการเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง ทำอาหารสองที่เผื่อเจ้าจิ้งจอกด้วย เขาก็ลืมไปเสียสนิทว่ามันต้องกินอาหารเหมือนกับเขา เคยชินแต่การอยู่คนเดียว จึงไม่ได้ไถ่ถามอย่างที่ควรจะทำ



                 พอชริณถามว่าก่อนหน้านี้สองสามวันที่เป็นกลายร่างมนุษย์แล้ว ได้กินอะไรบ้าง เจ้าจิ้งจอกก็ตอบกลับเสียงซื่อ ว่ากลายร่างกลับคืนเป็นจิ้งจอกแดงแล้วกินอาหารเม็ดเอา เคยลองกินอาหารเม็ดในร่างมนุษย์แล้วมันเคี้ยวยาก ติดฟันด้วย เลยต้องกินในร่างจิ้งจอก



                “เมื่อไรชาริน ซังจะใจอ่อนอะ น้องอยากแล้วน้า เป็นเด็กดีมาก ๆ แล้วด้วย ไม่ดื้อ ไม่ซนแล้ว”



                “ดูพูดเข้า อายไหมเนี่ย” ชริณถามต่อ เขายอมความมุ่งมั่นของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเสียจริง



                 ตั้งแต่วันแรกที่เขาล่วงรู้ความลับ มันก็เชิญชวนเขาเป็นสามีแทบทุกวัน ไม่มีวันไหนไม่พูดถึงเลย เรื่องภารกิจทำลูกด้วยกันเนี่ย พูดบ่อยเสียจนเขาเริ่มเกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมานิด ๆ  อดคิดไม่ได้ว่าหากให้เขาทำขึ้นมาจริง ๆ จะมาร้องโอดโอย เจ็บสะโพกไหม



                “ไม่อาย จะอายทำไมก็ภารกิจน้องนี่นา...”



                “แล้วใครบอกว่านี่คือภารกิจ มีคนบอกเหรอว่าต้องทำให้สำเร็จ” ชริณถามในสิ่งที่ตนสงสัยต่อ



                “สัญชาตญาณบอกน้องเอง”



                “ไม่มีหลักการเลยว่ะ มั่วไปเองหรือเปล่า จริง ๆ นายอาจเป็นแค่จิ้งจอกแดงลามกก็ได้”



                “ไม่ใช่สักหน่อย น้องไม่ใช่จิ้งจอกลามกนะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเถียงกลับ ก่อนจะล้มตัวนอน แล้วขยับไปซุกอกชาริน ซังอย่างช่างอ้อน ยามที่ตัวของชาริน ซังไม่มีน้ำหอมของผู้หญิง น้องรู้สึกชอบจริง ๆ อยากกอดตลอดเวลา แถมสัมผัสของชาริน ซังก็ยังอบอุ่นด้วย



                ฝั่งชริณเองก็ยอมปล่อยให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกขยับเข้ามากอดตัวเองเอาไว้ น่าแปลกที่เขาไม่คิดจะผลักไสเจ้ามนุษย์จิ้งจอกออกให้พ้นตัว ห้ามเข้าใกล้ในรัศมีห้าสิบเมตร เหมือนในช่วงแรก ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจ้าจิ้งจอกเขยิบเข้ามากอดเขาเช่นนี้ ป่านนี้คงได้ไปนอนพื้นแล้ว



                “ชอบจัง...ตัวชาริน ซังห๊อมหอมมมมม”



                “ไม่ทำ”



                “น้องยังไม่ได้พูดอะไรเลย”



                “รู้หรอก”



                “ว่าแต่ไม่ทำจริงอะ”



                “ไม่” ชริณพูดน้ำเสียงเฉียบขาด เขาเดาผิดเสียที่ไหนกะแล้วว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกจะวกมาพูดเรื่องนี้อีกครั้ง มันน่านัก



                “งั้นทำแบบเมื่อวานไม่ได้เหรอ ที่เราเอาปากแตะกันอะ” เมื่อขอสิ่งหนึ่งไม่ได้ เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็เลือกที่จะขออีกสิ่งแทน มันรู้ดีว่าจะทำยังไงให้ชริณใจอ่อน คราวนี้เอียงคอมองชริณตาแป๋วตามแบบฉบับของเจ้าตัว พยายามใช้สายตาอ้อนขออย่างที่ต้องการ ทำให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกดูน้องเข้าไปใหญ่



                “แบบเมื่อวาน เขาเรียกว่าจูบ ไม่ใช่การเอาปากแตะกัน” ชริณอธิบาย พอพูดเขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจติดขัดขึ้นมาเสียดื้อ ๆ  ขนาดเจ้ามนุษย์จิ้งจอกยังไม่เขินอายเลย พูดมันออกมาหน้าตาเฉย ทำไมเขาไม่เป็นแบบนั้นบ้าง รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองกับหูแดงแน่ ๆ



                พอนึกไปถึงเรื่องเมื่อคืนนี้ก็แอบคาดไม่ถึงเหมือนว่าว่าตัวเองจะกล้าจูบน้องกลับแบบนั้น ทุกอย่างมันเป็นไปเองตามธรรมชาติ เขารู้สึกว่าจูบรอบแรกมันไม่พอ เรียกว่าปากโดนกันเฉย ๆ ก็ได้ ชริณรู้แค่ว่านั่นไม่ใช่การจูบที่ถูกวิธี มารู้สึกตัวอีกทีเขาก็เป็นฝ่ายเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ เพื่อสอนน้องจูบเสียแล้ว



                “งั้นคืนนี้เราจูบกันอีกได้ไหม”



                “.....”



                “นะ ๆ เมื่อคืนน้องหลับฝันดีมาก ๆ เลย คงเป็นเพราะเราจูบกัน” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพยายามอ้อนขอ อยากได้รับความรู้สึกดี ๆ แบบนั้นอีก



                “ฝันดีอะไร นั่งร้องไห้ไม่ใช่เหรอ” ชริณแย้ง เขาจำได้ว่าเมื่อคืนตนเห็นคราบน้ำตาของเจ้ามนุษย์จิ้งจอก



                “แล้วเมื่อคืนร้องไห้ทำไม” เขาถามต่อ



                “ก็...ก็น้องกลัวถูกทิ้ง” เมื่อถูกถาม เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ได้แค่ตอบเสียงแผ่ว ไม่กล้าสบตา



                “ถูกทิ้ง?”



                “น—น้องรู้ดีว่าชาริน ซังแค่มีความเมตตากับน้องเฉย ๆ น้องก็แค่กลัวว่าหากวันหนึ่งชาริน ซังรักผู้หญิงคนนั้น ยอมให้เธอเข้ามาในบ้านนี้ ชาริน ซังก็จะทิ้งน้อง”



                “.....”



                “บ้านหลังนี้อยู่ด้วยกันสามหรอกคนไม่ได้หรอก ใช่ไหมล่ะ?” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง



                “แต่..แต่อย่าทิ้งน้องนะ น้องมีแค่ชาริน ซังคนเดียว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าด้วยน้ำเสียงเว้าวอน ท่อนแขนเล็กโอบเอวหนาไว้ทันที เมื่อความกลัวที่มีอยู่ในใจถูกสะกิดอีกครั้ง ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์อันซ้ำซ้อนของมนุษย์มากนัก แต่น้องก็ฉลาดพอ รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร



                “.....”



                “ถ้าน้องท้อง น้องจะหายไปก็ได้ ขอสิ่งเดียวจากชาริน ซังจริง ๆ ช่วยน้องก็พอแล้วน้องจะหายไปจากชีวิตเอง”



                “บ้า...จะให้ฉันดูเป็นคนใจร้ายไปถึงไหน” ชริณพูดเบา ๆ ก่อนจะลูบหัวเจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างอ่อนโยน “กับซากุระไม่มีทางเป็นไปได้เลย เธอมีเจ้าของแล้ว”



                “แต่ชาริน ซังรู้สึกดีกับเธอและเธอก็รู้สึกดีกับชาริน ซัง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าต่อ มั่นใจว่าสัญชาตญาณตัวเองไม่ผิดพลาด อันที่จริงน้องมั่นใจตั้งแต่เห็นผู้หญิงคนนั้นแอบเหลือบมองชาริน ซังเป็นระยะ ๆ ในบ้าน ตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว นั่นเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องไม่ชอบเธอ เพราะกลัวจะถูกแย่งชาริน ซังไป



                “ใครบอก” ชริณถึงกับขมวดคิ้ว



                “สัญชาตญาณของน้องไง”



                “เฮ้อ.... เขามีคนรักอยู่แล้วจะมีรู้สึกดีกับผู้ชายคนอื่นไม่ได้หรอกนะ มันเท่ากับไม่ซื่อสัตย์กับคนรักของเขา” ชริณว่า



                “แต่น้องมั่นใจ!” เจ้าจิ้งจอกน้อยเถียง



                “สัญชาตญาณนายผิดพลาดแล้วมั้ง” ชริณว่า ไม่รู้ว่าอะไรทำให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเข้าใจอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริง ๆ เขาก็คงมองซากุระเปลี่ยนไป



                “งั้นคืนนี้จะให้แค่จูบหน้าผากแล้วกัน ข้อหาสัญชาตญาณนายผิดพลาด” ชริณพูดตัดบท แล้วโน้มหน้าลงไปจูบหน้าผากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเบา ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเถียงเรื่องซากุระต่อ ทันทีที่ได้รับสัมผัส เจ้ามนุษย์จิ้งจอกถึงกับหลับตาพริ้มในทันที แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าชอบในสัมผัสของชริณ



                “งือ...ชอบจัง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าอย่างเพ้อ ๆ



                “ทำตัวน่ารัก ๆ เดี๋ยวจะทำบ่อย ๆ” ชริณว่า เขารู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังใจดีกับเจ้ามนุษย์จิ้งจอกสุดแสนประหลาดตัวนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เพียงเพราะคิดว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร นอกจากชอบทำตัวน่ากลัว ล่อเขาขึ้นเตียงบางครั้ง แต่โดยรวมก็ช่วยให้เขาคลายเหงาได้ดี บางครั้งก็ทำให้หายเหนื่อยเช่นการทำงานบ้านของเจ้าตัว



                “ฮือ...รักชาริน ซัง” ฝั่งเจ้าจิ้งจอกพอได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ น้องเลือกที่จะบอกรักชาริน ซังต่อหน้า จากที่แต่ก่อนมักจะแอบบอกรักลับหลัง เพราะวันนี้ชาริน ซังใจดีกับน้องมาก น้องก็จะมอบความรักให้ชาริน ซังเยอะ ๆ ทั้งต่อหน้าและลับหลังเพื่อตอบแทน



                “อือ ฝันดีครับ” ชริณว่าก่อนจะข่มตานอน ในขณะที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกอยู่ในอ้อมกอดเขาทั้งคืน




               
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.6 (2/2) 14.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 14-07-2018 23:55:10











               กลายเป็นว่าทุก ๆ เช้า ก่อนออกไปทำงาน ชริณต้องคอยกำชับให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกอย่าทำอะไรที่เขาไม่ได้สั่ง เพราะเจ้าจิ้งจอกไม่เคยอยู่เฉย



                เมื่อตื่นเช้ามาแทนที่เขาจะเห็นเจ้าจิ้งจอกนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายก็ออกไปกวาดห้อง ทำนั่นนี่ที่เรียกว่าเป็นงานบ้านไปเรื่อย พอชริณถามว่าไปจำวิธีพวกนี้มาจากไหน ก็บอกว่าจำมาจากเขาส่วนหนึ่งและอาศัยความฉลาดของเจ้าตัว พอเขาบอกว่าไม่ต้องทำอีกแล้ว ก็มีการตัดพ้ออีก บอกว่าอยากช่วยแบ่งเบาภาระ ทำเอาชริณถึงกับกุมขมับ



                “ถ้าใส่อันนี้แล้ว ไม่ใส่อันนี้ไม่ได้เหรอ”



                “ไม่ได้”



                “แล้วทำไมต้องใส่หลายชั้นด้วย”



                “ก็อันนี้ชั้นในแล้วอันนั้นชั้นนอก”



                “แล้วถ้าน้องใส่แต่ชั้นนอกล่ะ”



                “ไม่ได้”



                “แล้วถ้าใส่แต่ชั้นใน...”



                “ก็ไม่ได้อีก”



                “แต่....แต่ถ้าใส่หลายชั้น มันอึดอัดนะ”



                “เดี๋ยวก็ชิน” หลังจากบอกให้หยุดทำความสะอาด ชริณก็ต้องมาปวดหัวกับเรื่องการแต่งตัวของเจ้าจิ้งจอกต่อ หลังเจ้าตัวแสบต่อรองขอใส่แต่กางเกงขาสั้น ไม่ใส่ชั้นใน ไม่ก็ขอใส่ชั้นใน แต่ไม่ใส่กางเกงแทน



                “ชาริน ซังใส่แบบนั้นไปได้ไง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกถามอย่างอึ้ง ๆ ลำพังตอนนี้แค่ใส่ชั้นใน น้องก็รู้สึกไม่สบายตัวแล้ว ไม่รู้มนุษย์จะใส่อะไรซ้ำซ้อน



                “ก็มันชินไง ถ้าเราอยากอยู่โลกมนุษย์ก็ต้องปรับตัวให้ได้นะ จะมาไม่ใส่เสื้อผ้า ขอใส่แค่กางเกงในแบบนั้นไม่ได้หรอก” ชริณสอน



                ยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังเลี้ยงลูกอยู่ โชคดีที่วันนี้เราตื่นเช้ากว่าปกติ เขาจึงไม่ต้องรีบเร่งไปทำงานอย่างในทุกวัน ยังพอมีเวลาได้บอกได้สอนเจ้ามนุษย์จิ้งจอกให้เรียนรู้โลกของมนุษย์อยู่บ้าง แต่ชริณก็ต้องอาศัยความใจเย็นอยู่ไม่น้อย บางครั้งการอธิบายเรื่องง่าย ๆ ครั้งเดียวก็ไม่สามารถทำให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเข้าใจได้ แม้ตัวน้องจะมักอวดอ้างสรรพคุณว่าตัวเองแสนฉลาดก็ตาม



                สุดท้ายเจ้าจิ้งจอกก็ยอมใส่กางเกงชั้นในและนอกตามคำสั่งของชริณ น้องอิดออดเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามอยู่ดี ร่างเล็กอยู่ในเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นเลยหัวเข่านิดหน่อย ดูแล้วก็เหมือนคนปกติดี สามารถเนียน ๆ ไปกับคนทั่วไปได้ จะมีพอให้สังเกตว่าแตกต่าง ก็ตรงการพูดจา ที่บางครั้งก็ชะงักไป เหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจภาษามนุษย์



                “วันนี้ชาริน ซังไม่ต้องทำอาหารเผื่อนะ น้องจะกินซูซิ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า เมื่อเห็นชาริน ซังลงทุนเข้าครัวแต่เช้า เตรียมทำอาหารเช้าสำหรับเราสองคน



                “อ้าว ยังไม่กินอีกเหรอ”



                “น้องยังกินไม่หมด ตั้งใจว่าจะกินวันละคำ เดี๋ยวมันหมดเร็ว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า คาดการณ์ไว้แล้วว่าซูซิถาดนี้ น้องจะกินได้นานถึงหนึ่งอาทิตย์!



                “ของแบบนั้นจะค่อย ๆ กินไม่ได้นะ ถ้าปล่อยไว้นานแล้วมากินทีหลังจะท้องเสีย รีบเอามากินให้หมดไป”



                “แต่มันจะหมดเร็ว น้องอยากกินนาน ๆ” เจ้าจิ้งจอกว่า เพิ่งรู้ว่าของโปรดตัวเองคือซูซิ เพียงแค่ได้กินคำเดียวก็รู้เลยว่านี่สิ่งที่ตามหามาทั้งชีวิต แทบจะลืมอาหารเม็ดที่บ้านไปเลย รสชาติของเจ้าซูซิไม่ได้ต่างจากที่จินตนาการไว้ เผลอ ๆ อร่อยกว่าที่คิดเสียอีก ฉะนั้นถ้าอยากกินนาน ๆ ก็ต้องค่อย ๆ กิน เพราะเดี๋ยวจะหมดเร็ว



                “หมดก็ซื้อใหม่ได้ ถ้าอยากกินอีกก็ค่อยซื้อ”



                “ชาริน ซังจะซื้อให้น้องใช่ไหม”



                “ก็คงมีแค่ฉันนี่แหละหรือว่านายมีเงิน?”



                “ฮือ น้องรักชาริน ซังที่สุด!”



                หลังจากอาหารเช้าเสร็จ ชริณก็แต่งตัวเตรียมออกไปทำงาน ยังไม่ลืมกำชับเจ้ามนุษย์จิ้งจอกให้อยู่เฉย ๆ อีกครั้ง  อย่าทำอะไรนอกเหนือจากคำสั่งของเขรา อย่าเล่นเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะอยากทำให้ไฟไหม้ได้ ซึ่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ตกปากรับคำเสียดิบดี



                “ห้ามดื้อด้วย จะไปแล้ว”



                “ชาริน ซัง” เสียงเจ้ามนุษย์จิ้งจอกดังขึ้น เมื่อชริณหันหลังให้



                “......”



                “รีบกลับมานะ น้องจะรอ” เจ้าแสบสันว่าพร้อมกับส่งยิ้มโชว์เขี้ยวเล็ก ๆ มาให้กับเขา ทำเอาชริณถึงกับหลุดยิ้ม ดูเผิน ๆ เหมือนภรรยารอสามีไปทำงานยังไงไม่รู้...



                แต่เดี๋ยวนะ ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น ชริณบ้าไปแล้ว!



                “ไอ้บ้าเอ้ย!” เขาด่าตัวเองหนึ่งที หลังรู้สึกว่าตัวเองเริ่มคล้อยตามคำเชิญชวนของเจ้าจิ้งจอกเสียแล้ว



                ฝั่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอก เมื่อแผ่นหลังชาริน ซังพ้นสายตาไปแล้วก็กลับมาหงอยเหมือนเดิม คล้ายหมาเฝ้าหน้าประตูรอเจ้าของกลับบ้าน น้องได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ชอบเวลาที่ชาริน ซังไปทำงานแล้วน้องตามไปไม่ได้ที่สุด



                เมื่อปิดประตูบ้านและพ้นสายตาชาริน ซังไปแล้ว กางเกงชั้นนอกก็ถูกถอดออกแล้วโยนทิ้งไว้มุมบ้านอย่างไม่ใยดีทันทีโดยน้องเอง การใส่กางเกงหลาย ๆ ชั้นเป็นเรื่องที่แปลกใหม่เกินไปและน้องก็ไม่เคยชิน แต่เพราะชาริน ซังบอกให้ใส่ น้องก็เลยต้องเชื่อฟัง เพราะอยากเอาใจ



                เบื่อ....



            คำนี้สามารถอธิบายความรู้สึกของน้องได้เป็นอย่างดี ความเบื่อหน่ายเข้าเล่นงานอย่างจัง หลังชาริน ซังไม่อยู่บ้าน ครั้นจะทำงานบ้านก็ถูกสั่งไม่ให้ทำอีก ทั้ง ๆ ที่น้องฉลาดจะตาย แต่ชาริน ซังกลับไม่เชื่อใจ



                ดวงตากลมโตได้มองไปรอบ ๆ บ้านอย่างเบื่อหน่าย เพราะไม่รู้จะทำอะไรหรือว่าควรแอบออกไปเที่ยวเล่นในป่าดี พอชาริน ซังใกล้กลับบ้าน ค่อยมารอที่บ้านเหมือนเดิม ความคิดนี้ดูเหมือนจะเข้าท่าในทันที เมื่อวูบหนึ่งในความคิดอยากลองล่ากระต่ายป่าเพื่อแก้มืออีกสักครั้ง



                หนที่แล้วอาจเป็นกระต่ายของมนุษย์ที่เลี้ยงแบบปล่อย คราวนี้น้องจะเข้าไปในป่าลึก ๆ เลยจะได้ไม่ต้องถูกมนุษย์ใจร้าย (ยกเว้นชาริน ซัง) ครหาว่าเป็นฆาตกร ฆ่าสัตว์เลี้ยงของพวกเขาอีก



                 ครั้งที่แล้วน้องไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้ากระต่ายนั่นมีเจ้าของแล้ว ถ้ารู้ก็คงไม่คิดจะฆ่า ให้เขาชังน้ำหน้าจิ้งจอกแดงยิ่งกว่าเดิมหรอก



                แต่ตอนนั้นที่ฉีกเนื้อกิน น้องก็แอบแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าทำไมเนื้อตัวของเจ้ากระต่ายสะอาดสะอ้านนัก มิหนำซ้ำยังตัวเล็กกว่ากระต่ายป่าทั่วไปอีก แต่คราวนี้น้องจะไม่พลาด จะหากระต่ายป่ากินด้วยตนเอง แม้มันจะค่อนข้างยากก็ตาม



                เมื่อตั้งเป้าหมายได้แล้วว่าวันนี้จะล่ากระต่ายป่าให้ได้อย่างน้อยหนึ่งตัว ก่อนที่ชาริน ซังจะกลับบ้าน เจ้ามนุษย์จิ้งจอกแสนซุกซนในร่างมนุษย์ที่สวมใส่เพียงเสื้อยืดบาง ๆ และกางเกงในตัวเดียวก็เดินตรงไปยังประตูบ้านที่ถูกชาริน ซังล็อกไว้แค่จากด้านใน น้องบิดลูกบิดค่อย ๆ เปิดประตูออกอย่างช้า ๆ เตรียมออกจากบ้าน



                ดวงตากลมโตหันมองซ้ายขวา กวาดสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อตรวจตราว่ามีใครอยู่แถวนี้ไหม ก่อนจะจัดการล็อกประตูบ้านไว้เช่นเดิม แต่ก็ลืมเสียสนิทว่าตัวเองไม่มีกุญแจบ้านเหมือนชาริน ซัง....



                หลังล็อกประตูบ้านเสร็จสรรพแล้ว น้องเดินไปด้านหลังบ้าน เพื่อกลายร่างเป็นจิ้งจอกแดง นักล่ากระต่ายที่เก่งที่สุดในป่าอีกครั้ง ทิ้งเสื้อยืดและกางกางในไว้ข้างหลัง พอใกล้เวลาชาริน ซังกลับบ้าน น้องจะค่อยกลับมาเก็บ



 

                อยู่ไหนน้า....



            เมื่อนักล่ากระต่ายป่ากลับมาสวมบทบาทอีกครั้ง หลังเดินย่างเท้ามาได้เกือบกลางป่าแล้วและมั่นใจว่าแถวนี้จะไม่มีสัตว์เลี้ยงของมนุษย์มาโผล่แน่นอน ดวงตาคมโตก็สวมบทเป็นสายตานักล่า กวาดสายตามองรอบ ๆ บริเวณอย่างระวังภัยและมองหาอาหารในเวลาเดียวกัน



                แน่นอนเมื่อที่ตรงนี้จะไม่มีสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ ก็แปลว่าสิ้นสุดเขตมนุษย์และนิ้วตารางนิ้วต่อจากนี้ไปจะเต็มไปด้วยสัตว์ป่า ที่มีทั้งเหยื่อและผู้ล่าแทน.....



                หูที่สามารถรับความถี่ได้มากกว่ามนุษย์ถึงกับตั้งชัน เมื่อได้ยินเหมือนเสียงเคลื่อนไหวของสัตว์ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ คราวนี้เจ้าจิ้งจอกแดงไม่ใจร้อนอีกแล้ว มันยืนนิ่งฟังเสียงให้แน่ใจอีกครั้งว่านั่นไม่ใช่สัตว์ใหญ่อย่างเจ้าหมาป่า ศัตรูตลอดกาลของตนเหมือนครั้งก่อน



                เมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นเสียงขยับตัว เสียงเหยียบเศษใบไม้จนแน่ใจแล้ว เจ้าจิ้งจอกแดงตัวจ้อยก็ถึงกับเลียปากตัวเอง เพราะเสียงเคลื่อนไหวที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ บ่งบอกว่าสัตว์นั้นไม่ได้ตัวใหญ่ไปกว่ามัน ดีไม่ดีอาจจะตัวเล็กกว่าด้วยซ้ำ



                มันหยุดเคลื่อนไหวครู่หนึ่ง รอฟังเสียงขยับตัวของว่าที่อาหารอีกครั้ง เพื่อฟังว่าตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ตำแหน่งไหน ซ้ายหรือขวา ไกลจากจุดที่กำลังยืนอยู่มากน้อยเพียงใด ก่อนจะค่อย ๆ ย่องเงียบ เคลื่อนตัวเข้าไปหาว่าที่อาหารอย่างเบาเสียงยิ่งกว่าแมวป่า



                ดวงตากลมโตวูบไหวเล็กน้อยเมื่อไม่ได้กระต่ายป่าอย่างที่ต้องการ แต่กลับเป็นหนูป่าตัวเล็ก ๆ ที่กำลังแทะเมล็ดพืชโดยไม่ระแวงข้างหลังแทน แต่ถึงจะไม่ใช่กระต่ายป่า เป็นเพียงแค่หนูก็ถือว่าเป็นอาหารของจิ้งจอกแดงอยู่ดี มันจึงไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดมือ



                ตุบ!



                เท้าหน้าทั้งสองข้างตะครุบเข้าที่หนูพัลวัน ก่อนจะฝังคมเขี้ยวลงบนตัวนุ่มนิ่ม เพื่อให้เจ้าอาหารหยุดดิ้นเสียที เพราะความยังอิ่มท้องจากอาหารมนุษย์อยู่ ปากแหลมจึงทำหน้าที่คาบหนูป่าไว้ในปาก ขณะที่ดวงตาก็กวาดมองรอบ ๆ เผื่อเจอเหยื่อรายใหม่



                ตั้งใจจะเอาหนูตัวนี้ไปฝากชาริน ซัง เพื่อบอกตัวเองก็เก่งไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน....



            แม้น้องจะได้ย้ายเข้าบ้านชาริน ซังเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว แต่ป่าแห่งนี้ก็ยังคงขาดแคลนอาหารเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุไหน ที่ทำให้ธรรมชาติขาดความดุล แต่ที่แน่ ๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน อาหารก็ยังขาดแคลนเหมือนเดิม จนสัตว์ป่าต้องเข้าใกล้เขตของมนุษย์ เพื่อความอยู่รอด



                ดวงตากลมโตเบิกกว้างอีกครั้ง เมื่อเห็นเงาบางอย่างกำลังตะคุ่ม ๆ จ้องมองน้องอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ หูทั้งสองข้างตั้งขึ้นอัตโนมัติ หัวใจดวงน้อยเริ่มร่วงไปถึงตาตุ่ม กลัวประวัติจะซ้ำรอยอีกครั้ง คราวนี้ขาหลังทั้งสองข้างถอยหลังในทันที หลังเห็นพวงหางบางอย่างโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้



                ปากแหลมที่กำลังคาบซากหนูป่าเอาไว้ ถึงกับปล่อยว่าที่อาหารร่วงลงสู่พื้น เมื่อเจ้าหมาป่าปรากฏกายออกมาและกำลังจ้องเขม็งมาทางเจ้าจิ้งจอกแดงตัวจ้อย แต่ทว่ากับเจ้าหมาป่าตัวนี้ เจ้าจิ้งจอกแดงกลับรู้สึกคุ้นเคยแปลก ๆ เหมือนเราเคยพบพานกันมาก่อน



                ไม่รู้ว่านึกบ้าอะไร แต่ด้วยความสงสัย ทำให้เจ้าจิ้งจอกเลือกที่จะขยับเดินหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เจ้าหมาป่าอย่างระแวดระวัง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่านั่นมันอันตราย อยากถูกจับกินเป็นอาหารก็ได้ แต่เพราะความอยากรู้ ทำไมมันเลือกที่จะพิสูจน์หาความจริง แทนที่จะวิ่งหนี



                จิ้งจอกแดงแยกหน้าตาสัตว์ชนิดอื่นไม่ค่อยออกนัก ต้องดมกลิ่นพิสูจน์เอา...



            จมูกเล็ก ๆ ที่ยื่นยาวค่อย ๆ ดมขนตรงแผลงอกของหมาป่าอย่างระมัดระวัง ดวงตากลมโตเหลือบมองเจ้าหมาป่าอย่างหวาดหวั่น เพราะกลัวจะถูกทำร้าย ทว่าเจ้าหมาป่าหนุ่มกลับมองเจ้าจิ้งจอกแดงตัวกระจ้อยร่อยด้วยสายตานิ่ง ๆ



                แอ๊!



                เมื่อมั่นใจว่าไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เจ้าจิ้งจอกแดงก็ถึงกับส่งเสียงร้องอย่างดีอกดีใจ จำได้แม่นเลยว่าเป็นกลิ่นนี้ คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นคุณหมาป่า ศัตรูต่างสายพันธุ์เพียงตัวเดียวที่ไว้ชีวิตน้องในคราวนั้น เจ้าจิ้งจอกแดงรีบเอาหน้าถูไถแผลงอกคุณหมาป่าอย่างดีใจ อย่างกับมิตรสหายที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้ง ๆ ที่ในความจริงอีกฝ่ายก็แค่เคยไว้ชีวิตก็เท่านั้น



                แอ๊!



                ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกแดงจะดีอกดีใจฝั่งเดียว พวงหางที่ขาดวิ่นเพราะอุบัติเหตุคราวนั้น โบกสะบัดไปมาอย่างดีใจ วิ่งไปรอบ ๆ คุณหมาป่า ทำเอาสัตว์ใหญ่ถึงกับงุนงง ก่อนที่น้องจะเดินไปคาบเอาซากหนูที่เพิ่งล่ามา วางไว้ต่อหน้าคุณหมาป่า เพื่อเป็นของขวัญในการพบกันของเรา แทนที่จะเอากลับไปให้ชาริน ซังอย่างที่ตั้งใจไว้



                ฝั่งหมาป่าเองที่แอบถ้ำมอง จิ้งจอกแดงตัวน้อยอยู่นานสองนานก็ถึงกับแอบยกยิ้ม แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความสุขุม หน้านิ่ง ตามประสานักล่าและนิสัยของตนเอาไว้ ดีใจไม่น้อยที่จิ้งจอกแดงตัวนี้ยังไม่ลืมกัน ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยลืมเจ้าตัวเล็กเลย นับตั้งแต่วันนั้น....



                ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกกว้าง ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกแดงตัวนี้จะดีใจเกินไปที่เราได้กลับมาพบอีกครั้ง ถึงได้กระโดดเลียปากเขา จนเราจูบทางอ้อม...











________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

พี่หมาป่ามาแล้ววว พาว่า10บทมันไม่พออะ อันนี้บทที่6แล้ว ยังไม่ทำลูกเลย น่าจะ12-15 บทเลยค้าบ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.6 14.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-07-2018 12:28:51
เอ้า..ยังไง รักสามเส้า เราสามคน (ตัว)หรืออย่างไร รอจ้า  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.6 14.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-07-2018 13:13:11
คุณหมาป่าแปลงร่างได้คงหล่อล่ำน่าดู
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.6 14.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 15-07-2018 17:15:08
จริงๆแล้วชาริน ซังต้องเป็นแค่ตัวประกอบแน่ๆ พระเอกตัวจริงคือ หมาป่า มันต้องใช่แน่ๆ 5555555555
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.6 14.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-07-2018 17:55:30
ทำลูกเลยจ้า ในป่านี่แหละ ซารินซังไร้น้ำยา เยไปแล้วยังไม่ติดอีก
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.7 (1/2) 16.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 15-07-2018 23:58:20




07
[/b]



   อ—แอ๊!
    เสียงร้องของเจ้าจิ้งจอกแดงดังขึ้นเป็นระยะ ๆ หลังถูกคุณหมาป่าหอมแก้มซ้ายขวาจนมันล้มกองกับพื้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมหงายท้องขึ้น ให้คุณหมาป่าซุกไซ้ได้อย่างเต็มที่
   ดวงตากลมโตฉายแววความสดใสออกมา เมื่อรู้สึกกำลังจะมีเพื่อน แม้จะต่างไซซ์กันไปหน่อย แต่น้องเชื่อว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้ ขอเพียงแค่คุณหมาป่าไม่จับน้องกินก็พอ
   ซากหนูที่เพิ่งล่ามาสด ๆ ร้อน ๆ ถูกนำไปเป็นของขวัญในการพบกันอีกครั้งของคุณหมาป่า แต่ทว่าหมาป่าหนุ่มกลับไม่ยอมรับซากหนูป่านั่น จึงตกเป็นของเจ้าจิ้งจอกตัวน้อยครั้ง แต่ทว่าในเวลาเดียวกันเจ้าจิ้งจอกแดงก็ไม่ให้ความสนใจกับอาหารเท่าที่ควร เพราะยกความสนใจทั้งหมดไปให้คุณหมาป่าแล้ว
   แอบแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าทำไมคุณหมาป่าตัวนี้ถึงอยู่เพียงลำพัง ทั้ง ๆ ที่ปกติหมาป่าจะออกล่าและอยู่กันเป็นฝูง มีสองอย่างที่น้องคิดได้ในตอนนี้คือ คุณหมาป่าตัวนี้ถูกเนรเทศออกจากกลุ่ม ไม่ก็ เพราะคุณหมาป่าใจดีเกินไป ทนเห็นความโหดร้ายไม่ได้จึงเลือกที่จะออกมาจากกลุ่มนั้นเอง
   แต่ไม่เป็นไรนะ....น้องจะเป็นเพื่อนคุณหมาป่าเอง
   มีพบก็ต้องมีจาก เล่นซุกซนกับคุณหมาป่าได้ไม่ทัน ดวงตะวันก็เริ่มลับขอบฟ้า เป็นอันรู้กันว่าใกล้ถึงเวลาที่ชาริน ซังกลับบ้านแล้ว ดวงตากลมโตมองหน้าคุณหมาป่ารูปหล่อ สายตาละห้อย อยากจะอยู่เล่นอีกสักครั้ง แต่ก็หมดเวลาสนุกของน้องแล้ว
   คุณหมาป่าครางฮึมฮัมในลำคอ เมื่อน้องเดินเข้ามาเลียปากอีกครั้ง แม้จะอยู่ในสปีชีส์เดียวกัน แต่เราก็ต่างสายพันธุ์ จึงไม่รู้ภาษาของกันและกัน ต้องอาศัยการสังเกตท่าทางกันและกันเอา
   ดวงตมคมวูบไหวครู่หนึ่ง เมื่อหลังจากที่เจ้าจิ้งจอกแดงคลอเคลีย พยายามเอาหัวมาถูไถหรือแม้กระทั่งเลียปากเพื่อทักทาย เจ้าตัวเล็กก็ค่อย ๆ ก้าวถอยและหันหลังเพื่อตั้งหลัก ก่อนจะวิ่งเดินหนีไปทางฝั่งเหนือของป่าอย่างสุดกำลัง ซึ่งทางนั้นจะเป็นเขตของมนุษย์
   หมาป่าหนุ่มรีบลุกขึ้นด้วยความตกใจ มันไม่รอช้ารีบออกตัววิ่งตามเจ้าจิ้งจอกแดงในทันที ดวงตาคมกวาดสายตามองรอบบริเวณ เพื่อหาตำแหน่งของเจ้าจิ้งจอกแดงตัวจ้อย ทว่าได้พบแค่ความว่างเปล่าและเงียบเชียบ เหมือนอีกฝ่ายจะอาศัยความที่สรีระเล็กกว่า วิ่งหนีหายไปว่องไวราวกับสายลม
   อะไรกัน...อยู่ด้วยกันได้ไม่เท่าไรเอง
   
   ฝั่งน้องเองหลังวิ่งหน้าตั้งจนเข้าสู่เขตแดนของมนุษย์แล้ว ก็รีบวิ่งตรงมาหลังบ้าน กลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์แล้วคว้าหาเสื้อผ้ามาใส่ทันที เพราะเดี๋ยวอีกไม่นานชาริน ซังก็คงกลับมาถึงที่บ้านแล้ว น้องจำเวลากลับบ้านของอีกฝ่ายได้
   กางเกงในถูกสวมใส่อย่างเฉียดฉิว ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นชาริน ซังกำลังยืนตรงมาทางนี้พร้อมกับกระเป๋าทำงานเมื่อเช้า แต่ยังอยู่ไกลอีกหลายสิบก้าว น้องเดาผิดเสียที่ไหน คิดไว้แล้วเชียวว่าเวลานี้แหละ!
   เจ้าจิ้งจอกแดงตัวป่วนเลียริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะออกตัวเดินย่องสองเท้า ตั้งใจจะแอบเข้าบ้าน ก่อนชาริน ซังจะเดินมาถึง อยากรีบไปกางเกงใส่ ก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ความจริงว่าน้องใส่เพียงกางเกงใน หลังชาริน ซังหันหลังให้ไม่ถึงสิบนาที
   ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ พยายามหมุนลูกบิดประตูซ้ำ ๆ แต่มันก็เปิดไม่ออกอยู่ดี ไม่ว่าน้องจะเป็นบิดซ้ายก็แล้ว บิดขวาก็แล้ว ออกแรงเยอะที่สุดก็ตาม แต่ประตูก็ไม่ยอมเปิดออก
   ได้โปรด...ประตูจ๋าเปิดออกให้น้องเถอะ
   “ทำอะไรน่ะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกแดงในสภาพเสื้อยืดตัวบางและกางเกงในตัวเดียวถึงกับปล่อยมือออกจากลูกบิดทันที เมื่อได้ยินเสียงชาริน ซังดังมาจากด้านหลังของตน ดวงตากลมโตถึงกับหลับตาปี๋ทันที นึกไว้แล้วว่าจะเข้าบ้านไม่ทันอีกฝ่าย
   “.....”
   “แล้วทำไม...” ชริณเว้นวรรคครู่หนึ่ง ไล่สายตามองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างมึนงง ทำไมเจ้ามนุษย์จิ้งจอกถึงได้มาอยู่ข้างนอกบ้าน
   “น้องไม่รู้นะ!”
   “หืม?” ชริณยิ่งงงเข้าไปใหญ่
   “ตื่นมาปุ๊บ น้องก็มาโผล่อยู่หน้าบ้านเลย” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าเสียงซื่อ หันมาจ้องเขาตาแป๋ว ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองทั้ง ๆ ที่เขายังไม่ได้ทันได้ถามอะไร
   “.....”
   “ไม่เชื่อใจน้องเหรอ”
   “เข้าบ้านแล้วค่อยคุย” ชริณว่าเพียงสั้น ๆ ก่อนจะไขประตูแล้วให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเดินนำเข้าไปก่อน
   เพียงแค่เข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มก็หันไปเจอกางเกงตัวที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกใส่ไว้เมื่อเช้า บัดนี้กำลังถูกห้อยอยู่โต๊ะโคมไฟข้างโซฟา ก่อนจะถูกเจ้าตัวแสบวิ่งไปคว้าแล้วสวมใส่เข้าอย่างรวดเร็ว แล้วค่อยหันมายิ้มแห้ง ๆ ให้กับเขา
   ทุกอย่างถูกประติดประต่อในหัวของชริณอย่างรวดเร็ว การที่เจ้าจิ้งจอกมายืนรอหน้าบ้านแบบนี้ คงเพราะว่าเข้าบ้านไม่ได้? แสดงว่าเจ้าตัวออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านในสภาพแบบนั้นแล้วเผลอล็อกประตูไว้ แล้วลืมว่าตัวเองไม่มีกุญแจบ้าน
   “มีอะไรจะสารภาพไหม” เขากอดอก เอ่ยถามเสียงเรียบ
   “ไม่มี”
   “จริงเหรอ” เขาถามซ้ำจ้องเขม็ง
   “ก—ก็ได้ น้องออกไปเล่นที่ป่าหลังบ้านมาอะ อยู่บ้าน ไม่มีอะไรทำมันเบื๊อเบื่อ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่รู้แล้วว่าชริณรู้ทัน รีบยอมรับและหาเหตุผลมากล่าวอ้างต่อทันที ก่อนจะเดินไปอ้อนชริณโดยการไปกะพริบตาปริบ ๆ แล้วลูบแขนล่ำไปมา ทำเอาชริณถึงกับขนลุก จนเผลอสะบัดออกด้วยความตกใจ
   “ชาริน ซังก็ไม่อยู่บ้าน ลูกก็ไม่มีให้เล่นด้วย น้องก็ไม่รู้จะทำอะไรนี่นา เลยต้องออกไปเล่นข้างนอก.....” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดเสียงเศร้า ขณะเดียวกันก็ทำตัวเนียน ขยับเข้าไปใกล้ชาริน ซัง แค่เนื้อตัวสัมผัสกัน น้องก็รู้สึกมีความสุขแล้ว
   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” ชริณว่า ก่อนจะเขยิบตัวหนีเจ้าจิ้งจอกอย่างเนียน ๆ หลังอีกฝ่ายพยายามยุ่มย่ามบนร่างกายเขาไม่เลิก
   แม้เขาจะเขยิบตัวหนี หลบเลี่ยงสัมผัสจากเจ้าจิ้งจอกอย่างเนียน ๆ แค่ไหน เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็พยายามเขยิบเข้ามาใกล้อยู่ดี ในที่สุดเขาก็สามารถต้อนเขาจนถึงมุมห้องได้สำเร็จ เขามองหน้าเจ้าจิ้งจอกด้วยสายเรียบนิ่ง เบี่ยงประเด็นเก่งเหลือเกิน สงสัยกลัวเขาจะว่าที่ออกไปข้างนอก แต่ชริณก็ไม่ได้คิดจะว่า เพราะเป็นสิทธิ์ของอีกฝ่าย
   ชริณเกลียด....เขาเกลียดสายตาแพรวพราวของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่กำลังมองเขาอยู่ในขณะนี้ มองเขาเหมือนตนเองเป็นกำลังถือไพ่เหนือกว่า...
   “ขยับออกไป จะไปทำกับข้าวจะกินไหม?”
   “เดี๋ยวก่อนซี่” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกจิ๊ปากอย่างขัดใจ ดูเหมือนชาริน ซังไม่อยากฟังน้องพูด ถึงได้ตัดบทอย่างเดียว อีกทั้งอีกฝ่ายคงรู้ทันว่ากำลังเสียเปรียบ
   “อะไร” ชริณถามเสียงเข้ม
   “น้องก็แค่อยากบอก...เพราะน้องไม่มีลูก น้องก็เลยเหงา” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะอ้อน แม้ชาริน ซังจะยังไม่มีท่าทีโอนอ่อน แต่น้องก็จะพยายาม ภารกิจอันใหญ่หลวงนี้จะต้องสำเร็จให้ได้!
   “......”
   “พูดดี ๆ ก็แล้ว อ้อนก็แล้ว ทำไมชาริน ซังไม่ยอมสักทีเล่า” ว่าจบก็เขี่ยแผ่นอกชริณเบา ๆ พอให้อีกคนขนลุกซู่
   “......”
   “จะเล่นตัวไปถึงไหน ขี้เกียจรอแล้วนะ” ฝั่งคนน้องว่า
   จริง ๆ น้องก็ไม่ได้อยากจะพูดเรื่องนี้บ่อยครั้งหรอก แต่เพราะภารกิจไม่สำเร็จสักที ครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ น้องเองก็นอนไม่หลับอยู่หลายคืนเหมือนกัน ได้ทำครั้งแรกก็ใช่ว่าจะท้องเลย นี่ทำได้ไม่ถึงสามหน ชาริน ซังก็ไม่ยอมซะแล้ว ขอดี ๆ ไม่เคยมีท่าทีอ่อนให้ มีแต่พูดให้ความหวัง แต่ไม่เคยให้จริง ๆ สักที สงสัยจะชอบให้ลักหลับเหมือนตอนครั้งแรก
   “หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว....”
   “.....”
   “ชาริน ซังไม่มีน้ำยา”
   ฝั่งชริณเองเมื่อถูกเจ้าตัวแสบปรามาสก็ถึงกับชะงักไป เหมือนถูกกระตุกหนวดเสือ เจ้าจิ้งจอกคงไม่เคยรู้ว่าไม่ควรปรามาสเรื่องบนเตียงกับเพศชาย ถ้ายอมทำลูกด้วยจริง ๆ จนเจ้าตัวท้องโย้ เจ้ามนุษย์จิ้งจอกคงสมใจอยากนัก เขาได้มองเจ้าจิ้งจอกนิ่ง ๆ ไม่รู้ทำไมมันถึงกล้าท้าทายเขาแบบนั้น
   “คิดดีแล้วใช่ไหมที่พูดแบบนี้” ชริณถาม
   “ก็มันจริงนี่นา....เฮ้อ หนที่แล้วน้องก็ทำเอง เพราะชาริน ซัง เมามายจนไม่ได้สติ แล้วจะให้น้องคิดเป็นอย่างอื่นได้ไงเล่า”
   “......”
   “ขนาดน้องไม่เก่งเรื่องแบบนั้น ยังทำได้ดีกว่าชาริน ซังเลย...อ๊ะ!” ยังพูดไม่ทันจบประโยค เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ร้องเสียงหลง ใบหน้าเล็กเหยเกทันที เมื่อถูกชาริน ซังตะปบบั้นท้ายของตนเองเข้าให้ ตะปบไม่พอยังขย้ำอีก ชาริน ซังสามารถขย้ำก้นน้อง ภายใต้ใบหน้านิ่ง ๆ นั่น
   “.....”
   “อือ...ชาริน ซัง” น้องถึงกับครางฮือในลำคอ เมื่อมือที่กำลังขย้ำบั้นท้ายของตัวเอง ถูกเปลี่ยนจากหนึ่งมือกลายเป็นสอง ชนิดที่ว่าเต็มไม้เต็มมือ
   เพี๊ยะ!
   “อ๊ะ! ชาริน ซังอยากตีก้นน้อง”
   “หมั่นไส้ ทำไม? ก็อยากทำลูกไม่ใช่เหรอ ก็กำลังจะเริ่มเนี่ย” ชริณว่าหน้าตาย ในขณะที่อีกคน ที่เร่งเร้าให้ทำลูก พูดเรื่องบนเตียงแทบทุกชั่วโมง เริ่มทำหน้างอแง เมื่อถูกเขานวดบั้นท้าย ขย้ำด้วยความหมั่นไส้ กางเกงมีไม่ชอบใส่ ชอบใส่แต่กางเกงใน ไม่ก็โป๊เปลือย มันน่านัก!
   พอถูกสบประมาทเข้าหน่อย เหตุผลต่าง ๆ นานามากมายที่ชริณหามากล่าวอ้าง ว่าจะไม่มีวันทำลูกกับเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเด็ดขาด ก็หายไปชั่วขณะ ภายใต้ชีวิตเรียบง่าย ทำงานเสร็จก็กลับบ้านนอน เป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ๆ แต่พอถูกสบประมาท ปรามาส ก็ยอมไม่ได้ เขาต้องเอาชนะ ให้รู้เสียบ้างว่าชริณเองก็ไม่ได้กระจอก แค่ไม่อยากทำก็เท่านั้น หาใช่คนไร้น้ำยา
   “เตรียมพร้อมมาแล้วใช่ไหม” เขากระซิบถามข้างหูอีกคน เป็นครั้งแรกที่ชริณเป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าไปหาก่อน ฝั่งน้องเมื่อถูกลมหายใจร้อนรดแก้มเข้าหน่อยก็ถึงกับหันหนีทันที รู้สึกร้อนวูบวาบ หายใจติดขัดยังไงไม่รู้
   “ท—ทำไมต้องเตรียมร่างกายเล่า”
   “จะมาบ่นว่าเจ็บสะโพกทีหลังไม่ได้นะ จะไม่หายามานวดให้ด้วย กล้าหรือเปล่า?” เขาหยอกเย้า หวังให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกใจฝ่อ
   “.ต....แต่ครั้งที่แล้วก็ไม่เห็นเจ็บนี่” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า เพราะจำได้แม่นว่าครั้งนั้นยังวิ่งได้ปรื๋อเลย ชาริน ซังขี้โกหก ฝั่งชริณเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากยื่นหน้าเข้าไปใกล้กว่าเดิม จนกระทั่งริมฝีปากเกือบจะสัมผัสกัน แต่กลับเจียดไปโดนแก้มเนียนแทน เพราะอีกคนไม่ยอม
   “.....”
   “อย่าเพิ่งน้องยังไม่พร้อม!!” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหลับตาปี๋ เบี่ยงหน้าไปทางอื่นทันควัน เมื่อริมฝีปากของชาริน ซังเกือบจะโดนปากตัวเองอยู่รอมร่อ หัวใจดวงน้อยถึงกับเต้นแรง ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อน ๆ  ปกติน้องจะเล่นลามกคนเดียว แต่คราวนี้เหมือนชาริน ซังจะเล่นด้วย มันเลยเหนือความคาดหมายนิดหน่อย
   “ยังไม่พร้อมอะไร เมื่อกี้ยังชวนทำลูกอยู่ไม่ใช่เหรอ”
   “ไม่พร้อมก็คือไม่พร้อม!”
   “จะไปไหน....ก็เป็นคนเรียกร้องเองไม่ใช่หรือไง” ชริณว่า เมื่อเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตั้งท่าจะเดินหนีไปทางอื่น ทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายเป็นคนต้อนให้เขาเดินมาจนมุมเอง
   “ก—ก็น้องไม่มั่นใจอะ”
   “....?”   
   “ตัวยังไม่หอมเลย ไปวิ่งเล่นในป่ามาด้วย ตัวเหม็นหมดแล้ว ขอไปอาบน้ำก่อนนะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าตั้งท่าจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำอย่างที่บอกไว้
   “ไม่เป็นไร ไม่ถือ” ชริณว่าพร้อมกับคว้าข้อมือมนุษย์จิ้งจอกที่กำลังจะหลบหนีไว้ทันควัน เขาถึงกับกลั้วหัวเราะ เมื่อเห็นท่าทีทำตัวไม่ถูกของอีกฝ่าย
   ไม่แน่จริงนี่หวา....
   “แต่น้องถือ”
   “งั้นก็อาบน้ำด้วยกัน เห็นบ่นว่าอาบไม่ค่อยไม่ใช่เหรอ ปะ เดี๋ยวไปช่วยสอนอีกรอบ” พูดจบชริณก็ทำเป็นลากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวป่วนให้เดินไปห้องน้ำด้วยกัน แต่คราวนี้อีกฝ่ายกลับทิ้งตัวลงพื้น ส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่ไปด้วยลูกเดียว
   “ม—ไม่เป็นไร น้องอาบเองได้” เจ้าตัวป่วนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ส่ายหน้าปฏิเสธพยายามทำตัวเองให้หนักที่สุด เพื่อที่ชาริน ซังจะได้ลากไม่ไหว มันเกินความคาดหมายเล็กน้อย เจ้าจิ้งจอกน้อยไม่คิดว่าชาริน ซังจะใจอ่อนเร็วปานนี้ ตอนนี้ก็แค่ตั้งใจแหย่ ๆ เท่านั้น แต่เหมือนอีกฝ่ายจะเอาจริง 
   “อ้าว ยังอาบไม่เก่งไม่ใช่เหรอ คืนก่อนยังชวนให้อาบด้วยกันอยู่เลยนี่ เนี่ยมีเวลาจะสอนอาบน้ำใหม่ วันนี้งดข้าวเย็นเนอะ เรื่องสอนอาบน้ำสำคัญกว่า”
   “ไม่เป็นไร! น—น้องอาบเก่งแล้ว!”
   “จริงเปล่า”
   “ปล่อยน้องเถอะนะ ๆ เดี๋ยวน้องอาบเอง แป๊บเดียว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกรีบส่งสายตาเว้าวอนให้ชาริน ซังเพื่อที่จะขออาบน้ำเอง จริง ๆ น้องไม่ชอบอาบน้ำ ทุกอย่างที่พูดไปก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น
   “.....”
   “ชาริน ซังปล่อยน้องเถอะ พอน้องอาบน้ำ ชาริน ซังก็จะได้มีเวลาทำอาหารไง นะ ๆ ตอนนี้น้องหิ๊ววววหิว รีบทำข้าวเย็นให้น้องเถอะนะ เราคงทำกันตอนกลางคืนก็ได้นี่ แต่ข้าวเย็นเราต้องทำตอนนี้” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดประโยคยาวเหยียด หวังจะให้ชาริน ซังเห็นด้วย
   ฝั่งชริณเองก็อยากจะแกล้งต่อเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะปล่อยให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกวิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำไป เพราะเขาต้องทำอาหารเย็น แต่ไม่เป็นไร....ทั้งคืนนี้ เขายังมีเวลาแกล้งเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกเยอะ อยากเชิญชวนเขาทำลูกนัก ชริณจะเล่นด้วยสักตั้งก็แล้วกัน!

   การกลั่นแกล้งของชริณยังไม่สิ้นสุด....
   “หลับแล้วเหรอ” หลังจากที่เราทานข้าวเย็นเสร็จ เขาก็ปล่อยให้เจ้าจิ้งจอกแดงตายใจโดยการไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีก คนอย่างชริณฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ยิ่งเฉพาะเรื่องบนเตียง เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครมันจะแน่กว่ากัน
   ชายหนุ่มเลือกที่จะปล่อยให้เจ้าจิ้งจอกขึ้นไปนอนรอบนเตียงก่อน ส่วนเขาเองก็ไปอาบน้ำ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น จนกระทั่งอาบน้ำเสร็จก็ได้เวลาที่ชริณจะแก้เผ็ดเจ้าจิ้งจอกตัวแสบเสียที
   “.....” ฝั่งเจ้าจิ้งจอกก็ถึงไปหยุดหายใจไปชั่วขณะ มือเล็กเผลอกำผ้าห่มแน่นทันที หลังเสียงพร่ามากระซิบข้างหู ทำเอาเจ้าจิ้งจอกน้อยถึงกับเกร็งอัตโนมัติ ขนลุกซู่ซ่าไปหมด เพราะตั้งรับชาริน ซังในหมวดแบบนี้ไม่ทัน ลมหายใจเริ่มติดขัด เมื่อจมูกโด่งคลอเคลียข้างใบหู มิหนำซ้ำยังเป่าลมร้อนใส่อีก
   ฮือ....ทำไงดี น้องไม่คิดว่าชาริน ซังจะเอาจริงนี่นา
   “น—น้องง่วง” เจ้าตัวแสบเลือกที่จะพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย อาการใจเต้นแรงกลับมาอีกครั้ง เมื่อรับรู้ได้ถึงแรงยุบตัวข้างกาย
   “ไหนบอกว่าคืนนี้จะทำลูกกัน” ชริณถาม แอบยิ้มอย่างผู้ชนะที่แท้จริง พูดไป มือหนาก็สอดเข้าไปในเสื้อนอนตัวบาง ลูบไล้หน้าท้องขาว ๆ ให้เกร็งกล้ามเนื้อเล่น ก่อนจะสะกิดยอดอกสีอ่อน ให้คนแกล้งหลับ เผลอส่งเสียงครางกระเส่า
   “ไว้คืนพรุ่งนี้!” น้องว่า ขณะเดียวกันก็พยายามเม้มปากไว้แน่น เพื่อไม่ให้เสียงครางหลุดรอดออกมา ภาวนาให้ตัวเองรอดพ้นในคืนนี้ คืนนี้น้องยังไม่พร้อมจริง ๆ แต่วันพรุ่งนี้จะข้อแก้ตัว!
   “เอาแบบนั้นจริงเหรอ แต่ตอนนี้เครื่องพร้อมแล้วนะ” ชริณแหย่
   “อื้อ! ไว้วันหลัง วันนี้น้องเหนื่อย”
   “ก็ได้....หึ”
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.7 (1/2) 16.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-07-2018 00:25:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.7 (1/2) 16.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-07-2018 09:42:23
ขอย้ายข้างไปอยู่ #ทีมพี่หมาป่า   :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.7 (1/2) 16.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 16-07-2018 10:01:16
พี่หมาป่าาาาาาาาาา ชอบอ่าาาาาา o18
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.7 (1/2) 16.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-07-2018 17:25:31
นี่่กังวลรึว่ากลัวเจ็บกันแน่เด็กน้อย
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.7 (2/2) 17.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 16-07-2018 21:16:16
           


               “ชาริน ซังทำลูกกัน!”



                “อือ...จะนอน”



                “ทำลูกกกกกก วันนี้น้องพร้อมแล้วนะ!”



                “ก็ทำเองดิ ง่วง” ชริณพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย พร้อมคว้าหมอนมาปิดหูตัวเองเอาไว้ หลังเช้าแห่งวันหยุด เขาถูกเจ้าจิ้งจอกตัวแสบปลุกด้วยประโยคทำลูกกันตั้งแต่เช้า



                ฝั่งคนที่เตรียมใจมาทั้งคืนก็ไม่ย่อท้อเช่นกัน หลังเห็นชาริน ซังเอาหมอนปิดหู หันหลังให้ น้องก็รีบลุกขึ้นปีนไปนั่งบนตัวของชาริน ซังทันที วันนี้น้องพร้อมแล้ว แต่ทำไมชาริน ซังถึงไม่พร้อม



                “ชาริน ซางงงงงงง” น้องลากเสียงยาวพร้อมขย่ม



                “โอ้ย...คนจะหลับจะนอน แล้วจะขึ้นมามาทำไมเนี่ย อยากโดนขย้ำก้นหรือไง!” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะพลิกตัวหงายขึ้น มองเจ้าตัวแสบที่กำลังนั่งทับกลางตัวเขา มิหนำซ้ำยังขย่มลงมาอีก ตัวก็ไม่ใช่น้อย ๆ ด้วย มันน่านัก!



                “ทำลูกกันเถอะ โอ้ยยยยย อย่าบีบก้นน้อง”



                “หมั่นไส้ว่ะ” เขายังยืนยันคำเดิมว่าก้นของเจ้ามนุษย์เด้งสู้มือ ว่าจบก็ขย้ำท้ายเจ้าจิ้งจอกอีกครั้งด้วยความมันเขี้ยว ได้คืบจะเอาศอก พอเริ่มใจอ่อนเข้าหน่อย ก็พัฒนากล้ามานั่งบนตัวเขาแล้ว เหิมเกริมแบบนี้ไม่มีใครเกิน



                ชริณได้แต่มองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่กำลังนั่งบนตัวเขาอย่างเงียบ ๆ ไหน ๆ วันนี้ก็เป็นวันหยุด เขาก็อยากจะนอนต่อเหมือนกัน ตื่นให้สายกว่าทุกวัน แต่ดูเหมือนคนบนร่างคงไม่ยอมแน่



                “ง—งั้นไว้ทำตอนกลางคืนก็ได้”



                ฝั่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็เริ่มทำตัวไม่ถูก หลังถูกชาริน ซังจ้องด้วยสายตานิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร ตอนแรกตั้งใจจะขย่มตัวชาริน ซังตื่นเต็มตาอีกสักสองสามยก แต่ดูเหมือนจะไม่ต้องแล้ว มือเล็กจึงเอื้อมไปจับมือชาริน ซังที่กำลังจับบั้นท้ายของตัวเองอยู่ออก ตั้งใจว่าจะลงจากร่างอีกคน



                “จะลุกไปไหนเล่า” ชริณเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง โดยจับร่างเจ้าจิ้งจอกตัวแสบให้นั่งตักตนไว้เหมือนเดิม



                “น้องจะไปล้างจาน เมื่อคืนเรายังไม่ล้างเลย”



                “ค่อยล้างก็ได้มั้ง”



                “งั้นน้องจะไปอาบน้ำ”



                “ชอบอาบน้ำหรือไง?”



                “ไม่อะ....แต่ชาริน ซังไม่โกรธน้องใช่ไหม”



                “หืม โกรธเรื่องอะไร” ชริณถึงกับขมวดคิ้ว



                “ก็น้องปลุกชาริน ซังขึ้นมาทำลูกไง โกรธน้องไหม?” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกถามได้ไม่เต็มเสียงนัก เห็นชาริน ซังมองด้วยสายตาเรียบนิ่งก็กลัวจะถูกโกรธเข้า เพราะไปรบกวนการพักผ่อนของอีกฝ่าย ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันหยุดของชาริน ซังทั้งที



                “ถ้าโกรธแล้วจะทำยังไง” ชริณถามต่อ



                “ก็จะ...ง้อ”



                “ยังไงล่ะ”



                “.....” ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา นอกจากแขนเล็กที่ตวัดโอบรอบคอของอีกคน ก่อนจะซุกหน้าลงกับบ่าแกร่ง เอาแก้มตัวเองเกยบ่าอีกคนไว้



                “แค่นี้เองเหรอ”



                “อือ... ถ้าน้องอยู่ร่างจิ้งจอก น้องจะไปล่ากระต่ายป่ามาให้ชาริน ซังเอง แต่ตอนนี้น้องไม่มีอะไรเลย เลยง้อได้แค่เท่านี้” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดเสียงอู้อี้ ขณะที่ยังซุกบ่าชาริน ซังไปด้วย



                เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น ชริณก็ถึงกับหลุดยิ้มออกมา นึกว่าจะง้ออะไรใหญ่โตที่แท้ก็อ้อนนี่แหละ ไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ลืมหรือเปล่าว่าตัวเองไม่ใช่แมวบ้าน ถึงได้อ้อนเขาเช้า อ้อนเย็นแบบนี้ ตอนตื่นก็อ้อน ก่อนนอนก็อ้อน ตอนหิวก็อ้อน ตอนจะง้อก็ยังอ้อนอีก เรียกได้อ้อนได้ทุกสถานการณ์จริง ๆ



                ยิ่งกำลังถูกเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกอดคอไว้แล้ววางแก้มลงบนบ่าของเขา ชริณก็ยิ่งยืนยันคำเดิมว่าเหมือนเขากำลังเลี้ยงลูกจริง ๆ แต่ติดแค่ว่าลูกคนนี้ลามกเกินเด็กก็เท่านั้น



                เขารับรู้ได้เลยวาตัวเองกำลังใจดีกับเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตนนี้เรื่อย ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด พอคิด ๆ ดูแล้วเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวนี้ก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไรเลย มันกินอยู่แบบเขา มีแค่ค่าอาหารเพิ่มขึ้นก็เท่านั้น แต่ชริณก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร อีกทั้งอีกฝ่ายก็ไม่ได้มุ่งร้าย ก็แค่มาขอแลกเปลี่ยนบางอย่างจากเขา



                จากที่เคยมองว่าเป็นตัวประหลาดไม่กล้าเข้าใกล้ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นความเคยชินแทน อาจจะยังมีตกใจบ้างที่เห็นเจ้าจิ้งจอกกลายร่างไปมา แต่ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าช่วงแรก ๆ ที่อยู่ด้วยกัน



                ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าชาริน ซังในระยะใกล้ ตาไม่กะพริบ ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา นอกจากจ้องหน้ากันเงียบ ๆ น้องเองก็แอบภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่จะได้สามีหล่อขนาดนี้ บางอย่างสามารถการันตีได้เลย ว่าลูกออกมาต้องหน้าตาดีแน่นอน



                อีกทั้งชาริน ซังไฟเขียวแล้ว เดี๋ยวเราก็คงได้ทำลูกกันบ่อย ๆ



                “คิก....”



                “หัวเราะอะไร”



                “เปล่า....”



                “คิดเรื่องลามกอยู่ใช่ไหม” ชริณถามดักอย่างรู้ทัน ซึ่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ถึงกับทำตาโต ส่ายหน้าปฏิเสธยกใหญ่



                “น้องก็แค่ภูมิใจอะ”



                “ภูมิใจ?”



                “ก็จะได้สามีหล่อไง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าอย่างเขิน ๆ พร้อมกับกระชับอ้อมแขนตัวเอง นอกจากที่จะได้มองหน้าชาริน ซังใกล้ ๆ แล้ว น้องยังชอบตอนที่ตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายด้วย มันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก อยากให้ชาริน ซังกอดตัวเองแบบนี้บ่อย ๆ



                “ถามจริง วัน ๆ สมองคิดแต่เรื่องทำลูกเหรอ” ว่าจบชริณก็คลึงข้างขมับของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกอย่างนึกหมั่นไส้



                “ก็จะให้น้องคิดเรื่องอะไรล่ะ น้องไม่ได้ทำงานเหมือนชาริน ซังนะ”



                “เออ....จริงว่ะ” ชริณว่า เขาก็ลืมไปว่ามันคงไม่ต้องคิดอะไรมากมายเหมือนมนุษย์ หนังสือก็ไม่ต้องเรียน



                “แล้วนี่ครอบครัวไม่มีเหรอ ทำไมเหลืออยู่ตัวเดียว” ชริณถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัยต่อ เท่าที่เคยดูสารคดีมา หากจำไม่ผิดจิ้งจอกแดงจะจับกลุ่มอยู่ประมาณสองถึงสี่ตัว ไม่นิยมอยู่กันเป็นฝูง แต่ก็แอบทึ่งอยู่ไม่น้อย ว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวนี้สามารถดำรงชีวิตเพียงลำพังได้จริงหรือ ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเล็กจนแทบไม่น่ารอด



                “ตายหมดแล้ว พ่อก็ตาย แม่ก็ตาย เหลือแค่น้องคนเดียว”



                “.....”



                “เฮ้...ไม่ต้องรู้สึกผิดนะ น้องชินแล้ว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกรีบพูดต่อ หลังเห็นชาริน ซังเงียบไป



                “มันไม่ใช่ความผิดของชาริน ซังหน่อย ชาริน ซังไม่ได้ฆ่าพ่อแม่น้องนี่” เพราะความเคยชินทำให้น้องสามารถพูดออกมาได้โดยไม่ต้องคิดอะไร อาจจะมีคิดถึงครอบครัวบ้าง ตามประสาสัตว์ที่เคยมีครอบครัว แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าตอนนี้น้องเหลืออยู่ตัวเดียวแล้วและต่อให้ตัวเองเป็นสัตว์วิเศษ ก็ไม่สามารถเรียกวิญญาณคนรักกลับคืนมาได้อยู่ดี...



                “แล้วเหลืออยู่ตัวเดียว ใช้ชีวิตยังไง” พอรู้ว่าพ่อแม่ของเจ้าตัวเล็กล้มหายตายจากไปหมดแล้ว ชริณก็เกิดความสงสารขึ้นมาเสียดื้อ ๆ มีภารกิจไม่พอ ยังไม่มีใครยืนอยู่เคียงข้างอีก



                “แต่ก่อนน้องก็ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ป่าไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนเดิมแล้ว อาหารก็หายากมากขึ้น เลยได้กินบ้าง ไม่ได้กินบ้าง อาศัยมาหากินแถวเขตมนุษย์เอา น้องเลยตัวเล็กเท่านี้” เจ้าจิ้งจอกว่าด้วยน้ำเสียงสดใส แต่ภาพในอดีตกลับไม่ได้สดใสเหมือนน้ำเสียงของเจ้าตัว เพราะก่อนที่จะได้เจอชาริน ซัง ชีวิตของน้องลำบากจริง ๆ จนแทบอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด เพราะโลกของสัตว์มันโหดร้ายเกินไป เมื่อไม่มีอาหารและต้องกินกันเอง



                “.....” ชริณเงียบเพื่อฟังเจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดต่อ วูบหนึ่งเขามองเห็นสายตาเศร้าสร้อยของคนตรงหน้า ก่อนจะกลับมาฉายแววความสดใสเช่นเดิม



                “ตอนนั้นน้องมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะมีชีวิตอยู่รอดจนถึงอายุขัยได้ยังไง นอกจากอาหารไม่เพียงพอ ยังต้องหลบเลี่ยงศัตรูอีก ยิ่งอาหารไม่เพียงพอมากเท่าไร นักล่าก็ยิ่งต้องออกล่าหนักมากขึ้นเท่าไร พอ ๆ กับจำนวนอาหารที่ลดลง”



                 มันเป็นเรื่องธรรมดาของระบบนิเวศ แต่มันโหดร้ายเกินไปสำหรับจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่มีภารกิจติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดอย่างน้อง แค่หาอาหารกินแต่ละวันก็ยากพอแล้ว ยังต้องคอยหลบเลี่ยงศัตรูอีก ศัตรูในที่นี้ ไม่ใช่แค่หมาป่า แต่รวมไปถึงพวกงู สัตว์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่กว่าอีกด้วย



                “.....”



                “ส่วนเรื่องภารกิจน้องยิ่งแทบไม่มีหวังเลยว่ามันจะสำเร็จ แต่พอได้เจอชาริน ซังทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้วไง เพราะชาริน ซังช่วยชีวิตน้องไว้แล้วยังใจดีกับน้องมาก ๆ ด้วย น้องก็เลยรักชาริน ซังมาก ๆ น้องสามารถตอบแทนชาริน ซังได้มากกว่าที่คิดนะ นอกจากการทำลูกน่ะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าพร้อมกับยิ้มตาหยีให้ชริณ ความโหดร้ายของโลกจิ้งจอกที่เผชิญมาแทบทั้งชีวิต ถูกหยุดไว้โดยผู้ชายธรรมดา ๆ ตรงหน้าน้อง



                “ยังไง?” ชริณเลิกคิ้ว



                “ก็...สามารถตายแทนกันได้เลยไง”



                “อย่าพูดเกินจริงเลย” ชริณถึงกับกลั้วหัวเราะ การยกชีวิตของตัวเองให้กับใครคนหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะชีวิตมีแค่ชีวิตเดียว



                “น้องพูดจริง ๆ นะ” เจ้าจิ้งจอกว่าตาโต ไม่ได้พูดเล่นหรือพูดให้ชาริน ซังพอใจ แต่ทุกอย่างถูกคิดไต่ตรองมาดีแล้ว



                “น้องยอมตายแทนได้เลย แค่น้องก็ได้ใช้ชีวิตมานานถึงขนาดนี้ ไม่ต้องค่อยคุ้ยถังขยะ หลบเลี่ยงศัตรูเพราะชาริน ซัง ก็ถือว่าเป็นกำไรมากน้อย ทั้ง ๆ ที่ความจริง น้องควรจะตายตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ แค่ต้องตายแทนชาริน ซัง เพื่อปกป้องชีวิตของชาริน แค่นี้ถือว่าเรื่องเล็ก”



                “แม้ว่าเชื้อสายของนายจะสูญพันธุ์ไปน่ะเหรอ”



                “....น้องยอม”



                “โธ่...เจ้าจิ้งจอก” ไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมาจากปากชริณมากกว่านั้น เขาสวมกอดเจ้าจิ้งจอกตัวน้อยไว้แน่นโดยไม่มีคำพูดอะไรออกมา ชริณเองก็พูดไม่ออกเหมือนกัน เขาอธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูก รู้สึกดีมั้งที่มีคนยอมตายแทนกันได้ขนาดนี้




                “ถ้าให้เลือกระหว่างมีทายาทสืบต่อและปกป้องชีวิตชาริน ซัง อยากให้ชาริน ซังรู้ไว้ว่าน้องจะเลือกอันหลังอย่างไม่ลังเล”









_________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.7 (2/2) 17.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 16-07-2018 22:09:32
โถ่ น้องงงงงงงง  :m15:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.7 (2/2) 17.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-07-2018 22:33:13
ทำไมใจไม่ดี..เหมือนเป็นลางว่าจะจบเศร้า โอ โนว..วววววววว   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.7 (2/2) 17.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-07-2018 22:53:45
ไม่เอานะน้อง ไม่เอามาม่า กินตับอย่างเดวพอ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (1/2) 18.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 18-07-2018 16:28:11



08

   “ทำไมไม่ใส่กางเกง”
   “มันอึดอัด อ๊ะ....! อย่าบีบก้นน้อง!”
   “ดื้อ....”
   “โอ้ย! ชาริน ซังอะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ชริณทันที หลังถูกเขาบีบก้นเด้ง ๆ เข้าให้ รู้เหมือนจะไม่ชอบใส่กางเกงจริง ๆ ถึงได้ใส่กางเกงในตัวเดียวพร้อมกับเสื้อยืดเดินไปรอบ ๆ บ้าน ทั้ง ๆ ที่อากาศหนาวแบบนี้ ข้างนอกก็เริ่มหิมะตกแล้ว ทำเอาชริณปวดหัวอยู่ไม่น้อย พูดเท่าไรก็ไม่เชื่อฟัง
   หลังจากเราทานอาหารเช้าเสร็จ ซึ่งชริณก็สวมบทเป็นพ่อครัวอีกเช่นเคย เจ้าจิ้งจอกจึงอาสาเป็นคนล้างถ้วยจานเอง รวมถึงของเมื่อวานด้วย เพราะอยากแบ่งเบาภาระ ซึ่งชริณก็ไม่ได้ห้าม หากอีกฝ่ายอยากทำก็ทำไป ขอแค่ไม่ทำถ้วยจานแตกก็พอ
   ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอได้รู้จักความเป็นอยู่เจ้าจิ้งจอกน้อย ก่อนที่จะเจอเขา ชริณก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูอีกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น ตัวเล็กแค่นี้แต่ต้องต่อสู้อะไรมากมายโดยปราศจากพ่อแม่ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว เขาเริ่มมองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกในมุมที่แตกต่างออกไป คนเราไม่มีใครเลือกเกิดได้ เจ้าจิ้งจอกเองก็คงไม่อยากเกิดเป็นตัวประหลาดในสายตาของใครหรอก
   แต่จะทำไงได้ เมื่อทุกอย่างถูกกำหนดมาแล้ว เหลือเพียงแค่เราจะทำให้มันดีขึ้นหรือแย่ลง....
   “ช—ชาริน...”
   “หืม?”
   “จ—จมูก...ปากด้วย”
   “อืม....” ชริณขานรับในลำคอ วันหยุดทำให้เขากลายเป็นคนว่างงานโดยปริยาย ไม่รู้ตัวเองนึกบ้าอะไรอยู่ จู่ ๆ ก็อยากลองดมหลังคอเจ้ามนุษย์จิ้งจอกดู อยากรู้ความรู้สึกตอนดมจะเป็นยังไง
   จากที่บีบก้นเล่น เพราะความมันเขี้ยว ก็แปรเปลี่ยนเป็นอยากทำอย่างอื่นแทน ต้นเหตุเกิดจากความสงสัยล้วน ๆ กลายเป็นว่า ตอนนี้ชริณมายืนซ้อนหลังคนตัวเล็กกว่าที่กำลังล้างจานอย่างเป็นงานเป็นการ มือหนาที่บีบก้นอีกฝ่ายอย่างมันมือ ก็เลื่อนมาสัมผัสสะโพกอิ่มไว้แทน ก่อนจะโน้มหน้าดมหลังคอและจูบเบา ๆ อย่างที่สงสัย ทำเอาคนรับสัมผัสถึงกับสะดุ้ง
   “อืม...ก็ดี” ชริณพูดพึมพำกับตัวเอง
   เพราะลมหายใจร้อนที่เป่ารดต้นคอ ทำให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่กำลังล้างจานอย่างตั้งใจถึงกับขนลุกซู่ มือจับขอบอ่างล้างจานไว้แน่น ย่นคอหลบลมหายใจร้อนกรุ่นของชริณ
   ฝั่งชริณเองเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกคนก็เริ่มอยากแกล้งขึ้นมา ดวงตาคมเลื่อนมองบั้นท้ายแน่น ก่อนที่ก้านนิ้วยาวจะเกี่ยวขอบกางเกงในตัวบางเอาไว้ ทำท่าจะเกี่ยวแล้วดึงลง แต่เจ้าจิ้งจอกจับไว้ทันเสียก่อน
   “ทำไม? ไหนบอกว่าใส่แล้วอึดอัดไง นี่ไงกำลังจะถอดให้”
   “ไม่ต้อง น—น้องอาย”
   “เมื่อก่อนไม่เห็นอาย ชอบเดินโป๊ไปรอบบ้านไม่ใช่เหรอ”
   “ก็ตอนนี้น้องอายแล้ว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า ขณะเดียวกันแก้มบางก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ แต่ก่อนน้องไม่เคยต้องรู้สึกอาย หากต้องโป๊เปลือยต่อหน้าชาริน ซังเลย เพราะธรรมชาติของสัตว์ก็ไม่เคยสอนให้ใส่เสื้อผ้าอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป ความกล้าที่เคยมีเริ่มลดหลั่นหายไปกลายเป็นความขี้ขลาดเข้ามาแทนที่
   สุดท้ายชริณก็เลือกที่จะเลิกแหย่เจ้ามนุษย์จิ้งจอก ปล่อยให้อีกฝ่ายล้างจานต่อไปจนเสร็จ ส่วนเขาเองก็หาหนังสือที่เคยซื้อไว้แต่ยังอ่านไม่จบมาอ่านฆ่าเวลา พอให้วันหยุดผ่านพ้นไปหนึ่งวัน
   ฝั่งน้องเองก็ถึงกับถอนหายใจออกมา เมื่อชาริน ซังยอมถอยทัพ อาการใจเต้นแรงจนคงทำงานอยู่ แม้อีกฝ่ายจะเดินไปนั่งบนโซฟาเพื่อไปอ่านหนังสือ
   “ร้อนจัง...” เจ้าตัวเล็กบ่นพึมพำ หน้าก็เห่อร้อน ตัวก็ร้อนไปหมด แม้ข้างนอกหิมะกำลังโปรยปรายอยู่ก็ตาม...
   หลังจากล้างจานเสร็จ เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ไปเก็บห้องนอนต่อ มือเล็กพับผ้าห่ม จัดหมอนนอนอย่างขยันขันแข็ง จริง ๆ ห้องนอนไม่ได้สกปรก ผ้าห่มก็ถูกพับอย่างลวก ๆ ไปก่อนจะออกจากห้องแล้ว แต่น้องไม่มีอะไรทำ หนังสือก็อ่านไม่ออก ทำได้แค่การสื่อสารเท่านั้น จึงเลือกที่จะทำงานบ้านดีกว่า อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งนิ่ง ๆ
   คิ้วเรียวเผลอขมวด เมื่อจังหวะที่ก้มตัวหมายจะกวาดใต้เตียงก็เผอิญไปเห็นกล่องบางอย่างวางเอาไว้ น้องหยิบมันออกมาอย่างนึกสงสัย ก่อนจะถือวิสาสะเปิดกล่องนั้น
   “ชาริน ซัง อันนี้มันคืออะไรเหรอ” แม้จะดูของแล้ว แต่ก็ยังงุนงงอยู่ดี น้องจึงเดินไปเอ่ยถามชาริน ซังเองพร้อมกับหยิบเจ้าสิ่งนั้นไปถามเจ้าของบ้านด้วยความสงสัย ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร รูปร่าง หน้าตาแปลกประหลาด เหมือนเคยเห็นในตัวของชาริน ซังอีกด้วย
   ฝั่งชริณเองเมื่อเห็นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกถือของที่ว่าไว้ก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ รีบวางหนังสือลง แล้วลุกไปแย่งสิ่งนั้นออกจากมือเล็กทันควัน ทิ้งให้อีกคนทำหน้างุนงง
   “ไม่ใช่เรื่องของเด็กน่า” เขาพูดเพียงสั้น ๆ แล้วเอาของที่ว่าไปซ่อนไว้ด้านหลัง นึกก่นด่าเมฆในใจอยู่พันล้านคำ ข้อหาซื้ออะไรก็ไม่รู้ว่าเป็นของขวัญวันเกิดเขา
   “ก็น้องอยากรู้นี่”
   “ถ้าอยากรู้....ไว้วันหลังจะพาใช้งาน” ชริณตอบส่ง ๆ
   “แล้วมันคืออะไรอะ เห็นมีสองชิ้นด้วย” ว่าจบเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็คว้าเซ็กส์ ทอยอีกชิ้นชูให้ชริณดู ชายหนุ่มก็รีบแย่งจากมือเล็กอีกทันควัน
   “บอกแล้วไงว่าไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
   “ก็.....”
   “ไว้จะอธิบายให้ฟัง โอเคไหม” ชริณพูดแทรกก่อนเจ้ามนุษย์จิ้งจอกจะพูดจบ เรื่องสงสัยในเรื่องที่ไม่ควรสงสัยนี่เป็นที่หนึ่งเลย รอบสงสัยตอนอยู่ห้างสรรพสินค้าก็อดหนึ่งแล้ว เขาล่ะยอมใจเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเสียจริง สงสัยแต่เรื่องแบบนี้

   “อรุณสวัสดิ์ครับ เพื่อน” ขณะที่กำลังชงกาแฟร้อนอยู่ในโซนของพนักงาน เมฆเพื่อนสนิทของชริณก็เดินมาทักทายพอดี วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกหลังวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
   “เออ” ชริณพยักหน้ารับอย่างส่ง ๆ ก่อนที่กลับไปจัดการกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่
   “นี่ไม่คิดจะทักทายกูกลับเหรอ”
   “ก็ตอบเออไปแล้วไง”
   “แม่งโคตรน่าน้อยใจว่ะ ทีกลับคนอื่นทำไมไม่เห็นเป็นแบบนี้บ้าง กับเพื่อนล่ะชินชาจังเลยครับ”
   “อะไรของมึงว่ะไอ้เมฆ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้ วิญญาณสาวน้อยร่างบางเข้าสิงเหรอมึง” ชริณได้แต่มองเพื่อนอย่างงุนงง ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมาพูดตัดพ้อใส่ ทั้ง ๆ ที่เราก็ทักทายกันแบบนี้ประจำ
   “อ้อ! อีกอย่างกูยังไม่เคลียร์กับมึงนะ เรื่องของขวัญวันเกิดกูอะ” ชริณพูดต่ออย่างเพิ่งคิดได้ ให้ของขวัญธรรมดา เหมือนคนอื่นเขา คงไม่ใช่ไอ้เมฆเพื่อนรักเพื่อนแท้แน่ มันให้ทีเขาเอาไปอวดใครไม่ได้เลย ต้องแอบเก็บไว้อย่างเงียบ ๆ
   “ทำไม? ติดใจเหรอ ไม่ต้องขอบคุณกูนะมึง ไม่ต้องอายด้วย มันเป็นเรื่องธรรมดาของชายโสดอย่างเราว่ะ” เมฆว่าพร้อมกับตบบ่าชริณ ทำเป็นเข้าอกเข้าใจจนเขาอยากแตะก้นสักป้าป
   “ไอ้เวร”
   “ฮ่า ๆ แล้วตกลงมึงชอบไหม”
   “ชอบกับผีน่ะสิ กูไม่ได้ใช้โว้ยยย”
   “ไม่ได้ใช้? อะไรว่ะ กูซื้อมาตั้งแพงเลยนะ”
   “แล้วกูบอกยังว่าอยากได้ มึงน่ะคิดอะไรอยู่ถึงได้ซื้อของแบบนั้นมาให้” การชงกาแฟของเรากลายเป็นเรื่องรองไปแล้ว เมื่อเรื่องของขวัญวันเกิดเขาเป็นเรื่องสำคัญกว่า เขาแทบลืมเรื่องนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกไม่เจอกล่องนั้นเข้าเสียก่อน แถมดูจะอยากรู้มากอีกด้วย เล่นถามเขาเช้าเย็น แม้กระทั่งก่อนนอน จะให้ชริณอธิบายว่ายังไง
   “ก็มึงโสดไง เอ๊ะหรือไม่แล้ววะ? เออ นั่นแหละกูแค่คิดว่ามึงอาจเบื่อโลกสวยด้วยมือเราแล้วก็ได้ เลยซื้อให้ ของไม่ใช่ถูก ๆ ด้วยนะมึง พลาสติกเกรดดีมาก เหมือนผิวมนุษย์ ของจริงสุด แถมกูซื้อทั้งแบบของผู้ชายและผู้หญิงอะ มึงก็ควรขอบใจกูไม่ใช่เหรอวะ”
   “ก็กูไม่ได้ใช้ไง”
   “ไม่ได้ใช้ ก็ใช้เลยสิ เออ...ว่าแต่ว่าเรื่องเด็กผู้ชายที่มาทำงานบ้านเพื่อเอาใจมึง เป็นไงบ้างวะ” เมฆชวนคุยต่อ หลังเพิ่งนึกได้ว่าชริณเคยเล่าเรื่องประหลาด ๆ ของเจ้าตัวให้เขาฟัง
   เขาก็อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป เพราะตัวชริณเองก็ไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องความรักกับกลุ่มเพื่อนเท่าไรนัก เขาก็กลัวจะถูกเด็กญี่ปุ่นหลอกเอา ส่วนชริณเอง หลังถูกทักถามเช่นนั้นก็ถึงกับชะงักไป เขาลืมเกือบไปแล้วว่าเคยโกหกเมฆเอาไว้
   “กูไม่รู้แล้ว”
   “หืม?” เมฆหรี่ตามองอย่างจับผิด
   “มึงมาสงสัยอะไรเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวกูว่ะ ว่างนักก็ไปทำงานไป” สุดท้ายชริณก็เลือกที่จะเอ่ยปากไล่ ทำเป็นโวยวายกลบเกลื่อน หลังเห็นอีกคนชงกงแฟร้อนเสร็จก่อนตนแล้ว
   “ทำตัวมีพิรุธนะมึง ก็ได้....เดี๋ยวกูทำงานเสร็จ แล้วจะมาสอบสวน” ส่วนเมฆเองก็ได้แต่มองอย่างเคลือบแคลงใจ ทุกอย่างดูน่าสงสัยและพบพิรุธเต็มไปหมด ก็แต่อยากรู้เอง ไม่เห็นจะต้องโวยวาย แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเดินกลับไปโต๊ะทำงานพร้อมกับถ้วยกาแฟร้อนตัวเอง
    พ้นหลังเพื่อนไปแล้ว ชริณก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ความหนักใจเริ่มมีขึ้น เมื่อคิดว่าหากทุกอย่างยังคงเป็นเช่นนี้อยู่ ไม่ช้าก็เร็วสองคนนี้ต้องได้พบกันแน่ แต่อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
   หลังเมฆเดินออกมาไปแล้ว ซากุระก็เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วชงกาแฟพอดี เราทั้งคู่ต่างชะงัก นับตั้งแต่วันที่เธอโทรมาหาเขา ปรึกษาปัญหาหัวใจ เราก็ไม่ได้พบกันอีกเลย แม้จะอยู่ในบริษัทเดียวกันก็ตาม ก็เพิ่งมาเจอกันอีกครั้งก็วันนี้ ชริณผงกหัวแล้วทักทายเธอเสียงแผ่ว ส่วนซากุระก็เช่นกัน
   ชริณเขยิบตัวนิดหน่อย เพื่อให้เธอได้เข้ามาชงชาร้อนบนเคาน์เตอร์ได้ถนัด ความอึดอัดโรยอยู่รวมตัวเราทันที เมื่ออยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ส่วนตัวเขาเองก็เริ่มเร่งมือรีบจัดการเครื่องดื่มร้อน ๆ ของตัวเอง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องอยู่กับเธอสองต่อสอง
    เขายังชอบเธอและรู้เหมือนว่าจะรู้ว่าเขาแอบมีใจให้เช่นกัน แต่การกระทำบางอย่างเริ่มทำให้เขามองผู้หญิงคนนี้ในมุมมองที่ต่างจากเดิม....
   ชริณก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเป็นมุมที่ดีไหม...
   “เรื่องครั้งก่อน ขอบคุณชริณ ซังมาก ๆนะคะ ที่คอยให้คำปรึกษาฉัน แม้จะเป็นตอนดึก” ซากุระเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน ความกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นทันที เมื่อชริณทำตัวไม่ถูก
   “อ—อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ เป็นเพื่อนกันนี่นา...” ชริณว่าเสียงแผ่ว วูบหนึ่งในความคิดใบหน้าของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ลอยขึ้นมา นั่นทำให้เขาเขยิบห่างจากซากุระไปอีก เพราะกลัวว่าน้ำหอมของหญิงสาวจะติดตัว
   “ค่ะ....เพื่อนกัน” ฝั่งซากุระเอง เมื่อเห็นท่าทีที่แปลกไปของชริณ ทำท่าเหมือนไม่อยากเข้าใกล้ หญิงสาวก็ได้แต่ยิ้มแบ่งรับแบ่งสู้
   “ชริณ ซังคะ”
   “ครับ?”
   “วันนี้ฉันอยากเลี้ยงขอบคุณเรื่องวันนั้นน่ะค่ะ คาเฟ่เปิดใหม่แถวบริษัทเราที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง” ซากุระหันหน้ามาคุยกับชริณอย่างจริงจัง
   “ไม่เป็นไรหร--”
   “เถอะนะคะ.... “ หญิงสาวพูดแทรกก่อนที่ชริณจะเอ่ยคำปฏิเสธออกมา “ฉันไม่สบายใจจริง ๆ เหมือนกำลังติดหนี้คุณอยู่ ไปกับฉันสักครั้งเถอะนะคะ แต่ถ้าคุณรังเกียจฉัน...ก็ชวนเมฆ ซังไปด้วยกันก็ได้ค่ะ”
   เธอเดินจากไปแล้วพร้อมกับทิ้งคำชวนไว้กับเขา ทิ้งให้ชริณมองตามด้วยความหนักใจ เขาควรจะดีใจสิ....ใช่ ชริณควรจะรู้สึกเช่นนั้น คนที่ตัวเองแอบชอบมานาน ชวนไปคาเฟ่ทั้งที แต่กลับกลายเป็นว่าเหมือนเขากำลังหลอกตัวเอง ไม่มีความดีใจอะไรทั้งนั้น มีแต่ความหนักใจเต็มไปหมด    
   สุดท้ายชริณก็ต้องตอบรับคำชวนนั้นตามมารยาท ชริณไม่ได้ชวนเมฆมาด้วย เพราะกลัวซากุระจะมองว่ารังเกียจเธอ ซึ่งไม่ใช่...ชริณไม่ได้รังเกียจเธอ เขาก็แค่ไม่สบายใจ
   “ดูคุณรีบ ๆ นะคะ มีอะไรหรือเปล่า” ซากุระเอ่ยถาม หลังเห็นชริณเหลือบมองประตูอยู่หลาย ๆ ครั้งในรอบสิบนาที
   “ป—เปล่าครับ”
   “อ๋อค่ะ งั้นลองกินเค้กจานนี้ดูสิคะ เห็นเขาบอกว่าขึ้นชื่อที่สุดในร้านเลย.....”




   หนึ่งทุ่ม....

   นั่นคือเวลาที่ชริณได้แยกจากเธอ หลังเราเลิกงานกันตอนห้าโมงเย็น ขณะที่กำลังเดินกลับบ้าน เขาก็คิดเรื่องราวของวันนี้อย่างเหม่อลอย ชริณได้แต่เดินเตร็ดเตร่ระหว่างทางกลับบ้านอย่างไม่เร่งรีบนัก ชายหนุ่มถอดเสื้อสูทพาดบ่าไว้อย่างลวก ๆ ขณะที่หิ้วกระเป๋าทำงานไปด้วย
   ตอนนี้เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ถูกพรมมาอย่างลวก ๆ เขาไม่แน่ใจว่ากลิ่นน้ำหอมของซากุระติดตัวมาหรือเปล่า เพื่อไม่ให้ชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง ไม่ให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกอารมณ์เสีย เขาจึงลงทุนซื้อแอลกอฮอล์กระป๋องมาทำเป็นกระเด็นหกใส่เสื้ออย่างไม่ตั้งใจ พอให้กลิ่นของมันติดร่าง
   ชริณมองเห็นแสงหลอดไฟสีเหลืองนวลที่สว่างอยู่ในบ้านลาง ๆ เพียงเท่านั้นเขาจึงรีบเร่งฝีเท้ามากขึ้น เพราะตระหนักได้ว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกคงรอเขานานแล้ว
   “ชาริน ซัง!!” ทันทีที่เปิดประตูออก เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ถลามากอดเขาไว้แน่นทันที แก้มนิ่มแนบกับอกของเขา ทำเอาชริณถึงกับมึนงงไปหมด
   “.....”
   “เมาเหรอ” โล่งอกที่อีกฝ่ายกลับบ้านมาได้ไม่ทันไร เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ทำหน้าเหยเกทันที เมื่อได้กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งออกมาจากตัวชาริน ซัง
   “ไม่เป็นไรนะ ๆ นั่งลง ๆ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดพึมพำ พร้อมกับแบกร่างชริณที่สวมบทเป็นคนเมาชั่วคราว ไปนั่งที่โซฟา พร้อมกับเก็บซื้อสูทไปลงตะกร้าซัก หยิบกระเป๋าทำงานไปวางไว้ที่มัน ก่อนจะกุลีกุจอมานั่งลงข้าง ๆ เจ้าของบ้าน
   ดวงตากลมโตมองชาริน ซังอย่างพินิจพิจารณา นับว่าเป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้เจอชาริน ซังในหมวดคนเมา ครั้งแรกที่ได้เจอก็เป็นตอนที่มนุษย์จิ้งจอกได้เข้าบ้านหลังนี้ครั้งแรก เจ้ามนุษย์จิ้งจอกนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่รู้จะจัดการคนเมายังไง ในขณะเดียวกัน ชริณก็จ้องหน้าน้องกลับตาไม่กะพริบ
   “เมาจริงด้วยแหะ” เจ้าจิ้งจอกพูดเสียงแผ่ว อุตส่าห์เป็นห่วงนั่งไม่ติดที่ตั้งนาน เพราะอีกฝ่ายกลับบ้านช้าผิดปกติ จนนึกว่าเกิดเหตุร้ายขึ้น ที่แท้ก็ไปแวะดื่มจนเมาแอ๋นี่เอง
   “......”
   “น้องไม่รู้วิธีให้หายเมาด้วยอะ ....ชาริน ซังอย่าจ้องน้องอย่างนั้นสิ อยากนอนไหมหรือจะอาบน้ำ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังประสบปัญหา ไม่รู้วิธีรับมือกับคนเมา รีบโบกมือปัดทันที เพื่อไม่ให้ชาริน ซังจ้องนาน เพราะเห็นว่าชาริน ซังยังจ้องตนไม่เลิก จนน้องเริ่มเคอะเขิน
   แม้ถามว่าจะนอนหรือจะอาบน้ำ ชาริน ซังก็ไม่คิดจะตอบโต้อะไรออกมา ทำเอาน้องถึงงงไปหมด ตั้งใจว่าวันนี้จะทำลูกเสียหน่อย สงสัยต้องอดไป เพราะชาริน ซังเมา...
   เอ๊ะ....แต่ตอนนั้นครั้งแรกของเรา ชาริน ซังก็เมานี่นา
   ดวงตากลมโตฉายแววสนุกขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าคืนนี้แผนการของตัวเองคงไม่ล่มแน่ เพราะต่อให้ชาริน ซังเมา น้องก็ยังคิดว่าตัวเองรับมือไว้ อันที่จริงน้องคิดว่าตัวเองน่าจะจัดการชาริน ซังตอนเมาได้ดีกว่าตอนอีกฝ่ายมีสติเสียอีก
   เมื่อคิดได้เช่นนั้นแผนการจะให้ชาริน ซังเข้านอนหรือไม่ก็อาบน้ำถูกพับเก็บไว้ทันที ก่อนที่เจ้าตัวแสบจะปีนขึ้นตักอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ ฝั่งชริณเองที่อยู่ในบทบาทคนเมาก็มองตาม รอดูว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวแสบจะจัดการเขายังไง แต่ที่แน่ ๆ เขารอดตัวแล้ว เพราะอีกฝ่ายไม่ได้กลิ่นน้ำหอมของซากุระ กลิ่นแอลกอฮอล์เหม็นหึ่งคงทำหน้าที่ได้ดี
   “หอมแก้มน้องหน่อย ข้างนี้ ๆ” ว่าจบก็เอียงแก้มข้างซ้ายใส่ชาริน ซังได้หอม ยิ่งอีกฝ่ายยอมทำตามอย่างไม่อิดออด น้องก็ยิ่งชอบใจใหญ่ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นใหญ่ กำลังอยู่เหนือชริณ มีอำนาจในกำมืออย่างไงอย่างงั้น
   รังแกคนเมานี่มีความสุขเสียจริง!
   “ชาริน ๆ หอมแก้มน้องข้างนี้ด้วย” พูดแล้วก็เอียงแก้มข้างขวาให้
   “.....”
   “จูบไหล่น้องหน่อย” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าพร้อมกับดึงคอเสื้อให้ออก เปิดหัวไหล่มนเอียงให้ชาริน ซังได้จูบ ยิ่งชาริน ซังทำตามเท่าไร น้องก็ยิ่งรู้สึกดีมาก ดวงตากลมโตฉายแววความสนุกขึ้นด้วยพลัน ก่อนจะกระซิบข้างหูคนเมาที่มีกลิ่นแอลกอฮอล์อยู่ทั่วตัว
   “งั้นคืนนี้น้องจะเอาจริงแล้วนะ...” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกกระซิบบอกชาริน ซัง ในขณะเดียวกันมือเล็กก็เริ่มปลดกระดุมอีกฝ่ายอย่างถือวิสาสะ
   พอจะได้สัมผัสอารมณ์แบบนั้นอีกครั้ง เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็เริ่มใจเต้นแรง น้องเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าว่าที่สามีออกอย่างช้า ๆ ขณะที่ชาริน ซังก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนอะไร ดูเหมือนจะสมยอมด้วยซ้ำ
   พออยู่กับชาริน ซังตอนที่เมา น้องรู้สึกว่าตัวเองมีความกล้ามากขึ้น ไม่เหมือนตอนที่ชาริน ซังชักชวนให้เราทำลูกด้วยกัน ตอนนั้นความกล้าหาญหดหายไปหมดจนแทบไม่เหลือ แต่ตอนนี้น้องรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นผู้นำ ตามประสาคนที่มีประสบการณ์มาแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะมากกว่าชาริน ซัง เพราะน้องได้ทำเกือบสองครั้งเลยนะ และครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สาม!
   “ไม่เจ็บหรอกนะ นิดเดียว เหมือนมดกัด” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ หวังจะปลอบใจชาริน ซังที่กำลังมองทุกการกระทำของเจ้าจิ้งจอกเป็นตาเยิ้ม ก่อนที่เจ้าตัวเล็กจะลุกออกจากตักชาริน ซัง เพื่อที่จะได้รูดซิปกางเกงลง เพื่อที่จะได้จัดการอะไร ๆ อย่างที่ควรจะเป็น
   หลังจากจัดการถอดเสื้อผ้าชาริน ซังให้อยู่ในสภาพที่พร้อมแล้ว น้องก็เริ่มจัดการเสื้อผ้าอาภรณ์ตัวเองออกบ้าง มือเล็กค่อย ๆ เกี่ยวขอบกางเกงในของตนเองลงอย่างใจเย็น พร้อมกับถอดเสื้อผ้าด้านบนออกด้วย จนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า พอ ๆ กับชาริน ซัง
   “ไม่ต้องกลัวนะ ชาริน ซังน้องจะทำเบา ๆ”







   “อ๊ะ! ชาริน...มัน อึก! ลึกไป”
   “ลึกอะไร เท่านี้แหละ”
   “ไม่เอาแล้ว!”
   “อะ...อา ไหนบอกจะทำลูกไง ยังไม่เสร็จเลย”
   “ฮือ...มันลึกไป อ๊ะ!”
   “แล้วชอบไหม”
   “ชอบ อ๊ะ..อา ไม่ชอบแล้ว!”
   ชาริน ซังโกหก! ชาริน ซังแกล้งน้อง ชาริน ซังไม่ได้เมา!
   เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวเล็กตกเป็นรองทันที เมื่อชาริน ซังเผยตัวตนที่แท้จริงว่าตัวเองไม่ได้เมาอย่างที่น้องเข้าใจ ทุกอย่างมันกลับตาลปัตรไปหมด ทันทีที่เจ้าจิ้งจอกขึ้นคร่อมตักชาริน ซังอีกครั้ง อีกฝ่ายก็เริ่มจัดการเองทุกเอง แม้กระทั่งอุ้มน้องขึ้นควบเอว พาน้องมาที่เตียงนอนเพื่อจะได้จัดการได้อย่างถนัดถนี่
   กลีบปากบางถูกบดขยี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยินยอมสมัครใจและขัดขืนในเวลาเดียวกัน เพราะตัวตนของชาริน ซังเข้ามาลึกเกินไป ครั้งที่แล้วน้องทำเอาไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย! มันทำให้น้องใจหวิวไปหมดและในขณะเดียวกัน น้องก็อยากถูกชาริน ซังจูบซ้ำ ๆ ด้วย มันจึงกลายเป็นความย้อนแย้งไปหมด
   มือเล็กกำปูมือที่นอนไว้แน่น ปล่อยให้ชาริน ซังส่งตัวตนเข้ามาข้างใน ขณะเดียวกันชาริน ซังเองก็ฟัดเนินนมเล็ก ๆ ของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกด้วยความมันเขี้ยว ฝ่ามือหนาลูบไล้สัมผัสไปทุกสัดส่วน ก่อนจะวนมาหยุดที่เนินอกเล็กอีกหน
   “อ๊ะ! ชาริน ซัง....”
   “อะ....อา”
   “อือ...รู้สึกดี จ—จัง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดออกมา ขณะเดียวกันก็เริ่มเหนื่อยล้ากับกีฬาในร่ม หลังเราเริ่มปฏิบัติการภารกิจทำลูกร่วมกันได้เกือบชั่วโมงแล้ว
   กรอบใบหน้าของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ชาริน ซังเองก็ไม่ต่างกัน ในเวลานี้ชาริน ซังดูร้อนแรงขึ้นเป็นสิบเท่า น้องชอบกลิ่นเหงื่อ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของชาริน ซังที่บ่งบอกถึงการเป็นผู้ชายมาก ๆ เพราะมันสามารถปลุกอารมณ์ดิบของน้องได้เป็นอย่างดี
   “อ๊ะ! ชาริน พ—พอก่อนไหม” เจ้าตัวเล็กเริ่มร้อง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองหายใจไม่ทัน จังหวะขยับตัวของชาริน ซังกำลังทำให้น้องซับซ้อน ตอนนี้มันยังไม่หนักหน่วงถึงขนาดนี้เลย
   ....แต่น้องก็ชอบดี
   “ยังไม่เสร็จเลย เพิ่งได้ยก...เดียวเอง ไม่อยากท้องแล้วเหรอ” ชริณพูดต่อ ขณะที่ขบกรามและสวนสะโพกเข้าหาร่างเล็กไปด้วย แม้จะตกใจกับเพศของน้องอยู่ไม่น้อย อวัยวะเพศบางอย่างที่ไม่เหมือนมนุษย์อย่างเรา ๆ แต่พอเข้าใจว่าเพราะน้องเหลืออยู่ตัวเดียวบนโลกใบนี้ ทำให้ธรรมชาติสร้างร่างกายให้เป็นแบบนี้ ชริณก็พร้อมจะเข้าใจ
   “น—น้องอยากท้อง!”
   “งั้นถึงเช้าเลยไหม จะได้ท้องเร็ว ๆ” ชริณว่าพร้อมกับโน้มตัวลงไปหอมแก้มนิ่ม ยิ่งได้ฟัดบ่อย ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเสพติดเจ้าจิ้งจอกตัวนี้เสียแล้ว
   “หา....”
   “จะทำถึงเช้าไปเลย อยากมีลูกนักไม่ใช่เหรอ ยกเดียวไม่ติดหรอกนะ”
   “แต่...แต่น้องเหนื่อยแล้ว”
   “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง” นั่นคือสิ่งที่ชาริน ซังบอก แต่น้องเองก็เริ่มเหนื่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว เปลือกตาบางปิดสนิทลง ยินยอมให้ชาริน ซังทำลูกต่อแต่โดยดี แต่น้องไม่ทำนะ น้องเหนื่อยแล้วจึงยกหน้าที่ทั้งหมดให้ชาริน ซังรับช่วงต่อ
   แขนเล็กได้แต่กอดคล้องชาริน ซังไว้อย่างหลวม ๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายจูบ อีกฝ่ายหอมตามอำเภอใจ ย่นคอหนีบ้างยามที่อีกฝ่ายงับหู ชาริน ซังจัดการให้เองทุกอย่าง ทำจนถึงรุ่งสางตามที่อีกฝ่ายได้ลั่นวาจาไว้...



_________________________
สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
ิอย่าลืมคอมเมนต์ สกรีมแท็กนะคะ กำลังใจทั้งหมดของเรา
รักค่ะ


หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (1/2) 18.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-07-2018 18:55:31
อยากจะแหมให้ถึงสุไหง
ซารินซังแค่อยากทำลูกจริงๆหรอ แลดูมีเจตนาแอบแฝงนะ ขอให้น้องตกไข่พอดีๆ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (1/2) 18.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 18-07-2018 19:28:14
 
ฮื้ออ อยู่ทีมคุณหมาป่าใจพี่ร้าวไปหมดแล้ววววว
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (1/2) 18.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 18-07-2018 21:00:23
 :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (1/2) 18.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 18-07-2018 22:19:19
ชารินซังมันร้ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (1/2) 18.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-07-2018 23:12:51
หูย..ยยยยยยยยยยยยยยย ตาชริณ #ทำไมหมั่นไส้
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (1/2) 18.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-07-2018 23:25:42
ซารินซัง ตบะแตกแล้ว :oo1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (1/2) 18.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 19-07-2018 11:59:00
อยากจะแหมมมมมให้กับชาริน ซังซะจริงๆ  :a5:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (1/2) 18.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 19-07-2018 14:41:33
ขอบคุณครับ ให้ +1 แต้มนะครับ :a9:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (2/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 20-07-2018 02:43:38



               “เป็นไร หันหน้ามาคุยกันดี ๆ สิ”



                “.....”



                “ไม่ได้ยินหรือไง”



                “ไม่อยากคุยด้วยแล้ว ชาริน ซังแกล้งน้อง!” เสียงอู้อี้ดังออกมาจากผ้าห่ม ทำเอาชริณถึงกับหลุดยิ้ม มองผ้าห่มผืนร่างกำลังปกคลุมร่างอีกคนจนเป็นเจ้าก้อนยักษ์ วันนี้เป็นอีกวันที่เขาได้ลางานจนได้ เพราะไม่อยากปล่อยให้เจ้าจิ้งจอกอยู่ในสภาพแบบนั้นเพียงลำพัง จับเนื้อตัวแล้วดูเหมือนจะรุม ๆ อาจมีไข้ได้



                ช่วยไม่ได้นี่นา....เขาก็กลัวเจ้าจิ้งจอกจะไม่ท้อง



            “แกล้งอะไรกัน?” ชริณถามเสียงซื่อ เหมือนที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกชอบใช้น้ำเสียงแบบนั้นพูดกับเขา



                “แกล้งว่าเมาไง”



                “แล้วบอกตอนไหนว่าเมา?”



                “.....”



                “คิดเอง เออเองทั้งนั้นเลย” ชริณว่า เขาจำได้ว่าเมื่อคืนยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย แค่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากร่างเขา เจ้ามนุษย์ก็เข้าใจไปแล้วว่าเขาเมา



                ชริณไม่ผิด...



            ฝั่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอก เมื่อรู้ตัวว่าเถียงไม่ได้ก็ได้แต่มองค้อนแทน เนื้อตัวปวดไปหมด เป็นเพราะชาริน ซังทั้งนั้น หากปล่อยให้จัดการเอง น้องก็คงไม่ต้องมานอนปวดตัวแบบนี้หรอก ชาริน ซังผิด!



                “แต่ยังไงชาริน ซังก็ผิดอยู่ดีอะ!”



                “อะไรอีกล่ะ” ชริณเลิกคิ้วสูง เจ้ามนุษย์จิ้งจอกไม่ยอมจริง ๆ ด้วยแฮะ



                “ก็....ถ้าปล่อยให้น้องจัดการเอง น้องก็คงไม่ต้องปวดตัวแบบนี้หรอก”



                “ก็ไหนว่าบอกจะทำลูก นี่ก็ช่วยแล้วไง ผิดตรงไหน? แต่ก่อนก็เห็นชวนทำไม่ใช่เหรอ เร่งให้ทำลูกอยู่นั่นแหละ เคยถามแล้วด้วยว่าเตรียมร่างกายยัง ไม่เชื่อฟังเองไม่ใช่หรือไง” ชริณถามกลับบ้าง คราวนี้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็อึ้งกิมกี่ไปอีกรอบ ตั้งท่าอ้าปากจะสู้จนตัวเองชนะ แต่ชริณไม่อยากฟังแล้ว



                “ก—ก็”



                “ไม่ต้องพูดเลย ไม่อยากฟังเด็กขี้เถียงแล้ว” เขาว่า ตั้งท่าจะเดินหนีออกจากห้องนอนไปทำซุปร้อน ๆ แต่เด็กขี้เถียงอย่างเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็เรียกเขาไว้เสียก่อน



                “ด—เดี๋ยวสิ ชาริน ซังอย่าเพิ่งไป...”



                “.....”

                “อุ้มน้องไปด้วย ลุกไม่ไหว”



 





                เพราะเช้านี้อากาศค่อนข้างหนาวกว่าทุกวัน ชริณจึงเลือกที่จะทำซุปข้าวโพดร้อน ๆ ให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกได้ซด เพื่อให้ตัวอุ่น ถึงแม้ว่าจะเคยพูดไปว่าหลังเสร็จกิจ จะไม่มีการทายา นวดตัวให้ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องประคบประหงมอีกฝ่ายอยู่ดี เขาลงทุนสวมบทเป็นพ่อครัว หุงหาอาหารให้เจ้าจิ้งจอกกิน พร้อมกับให้กินยาพาราหนึ่งเม็ดก่อนที่จะมีใครได้ล้มป่วยจริง ๆ



                “ไม่กินไม่ได้เหรอ หน้าตามันไม่น่าไว้วางใจเลยอะ” เสียงเล็ก ๆ ต่อรองอีกครั้ง มองเม็ดสีขาวกลม ๆ ตรงหน้าอย่างไม่ไว้วางใจ ยิ่งลองดมกลิ่นดู ยิ่งไม่น่าไว้วางใจเข้าไปใหญ่



                “ต้องกินนะ เดี๋ยวไม่สบาย”



                “น้องแข็งแรง”



                “แข็งแรงอะไรกัน จะเป็นไข้แน่” ว่าจบเขาก็เอามืออังหน้าผากอีกคนดู คราวนี้ตัวร้อนยิ่งกว่าตอนเพิ่งตื่นเสียอีก



                “มันจะขมไหม?”



                “ไม่ขมหรอก” ชริณโกหกคำโต “รีบเอาเข้าปาก ดื่มน้ำตาม ไม่ขม” เขาว่า จ้องหน้าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเพื่อกดดันให้อีกฝ่ายรีบกินยาเสียที เจ้ามนุษย์จิ้งจอกมองหน้าชริณครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยอมทำปาก รีบโยนเม็ดยาขาว ๆ เข้าปากแล้วดื่มน้ำอึกใหญ่ตามลงไปทันที



                “อี๋....” หลังจากกินยาจนเสร็จ เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็หลับตาปี๋ ตัวสั่นเล็กน้อย ทำหน้าเข็ดขยาดทั้ง ๆ ที่มันเป็นแค่ยาพาราโง่ ๆ



                “ฝึกไว้ ตอนคลอดลูกเจ็บกว่านี้อีก” ชริณว่า



                หลังจากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกินอาหารเช้าและทานยาเสร็จเรียบร้อย อาการง่วงซึมเพราะฤทธิ์ยาก็เริ่มเล่นงานเจ้ามนุษย์จิ้งจอกอย่างช้า ๆ ขณะที่กำลังนอนดูโทรทัศน์กับชริณ ดวงตากลมโตเริ่มปรือขณะที่กำลังซุกตัวอยู่ข้างกายชริณ



                ภาพเด็กผู้ชายธรรมดา ๆ ดูไร้เดียงสาและกำลังง่วงนอน อยู่ในกรอบสายตาของชริณทั้งหมด ชายหนุ่มมองภาพเหล่านั้นนานนับนาที



                ดูเหมือนเจ้ามนุษย์จิ้งจอกพยายามฝืนตัวเองไม่ให้หลับเพื่อที่จะได้ดูโทรทัศน์กับเขา ร่างเล็กพยายามเบียดกระแซะเข้าหาชริณราวกับขาดความอบอุ่น ทั้ง ๆ ที่ผ้าห่มผืนหนาที่อีกฝ่ายขนออกมาจากห้องนอน ปกคลุมบนร่างอีกฝ่ายเกือบทั้งหมด



                “ง่วงก็นอน” ชริณพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับจับศีรษะเจ้ามนุษย์จิ้งจอกให้เอนมาซบไหล่ตน เพื่อให้อีกฝ่ายได้นอนหลับอย่างถนัดถนี่ เมื่อได้รับคำอนุญาตแล้วเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็พร้อมจะทำตามแต่โดยดี







               

                หลังจากปลุกให้ทานข้าวเย็น ทานยาและเช็ดตัวให้ ชริณก็อุ้มตัวเจ้าจิ้งจอกน้อยให้ไปนอนบนเตียงดี ๆ เพื่อที่จะได้พักผ่อน พรุ่งนี้ก็คงหายไข้ ชายหนุ่มขยับตัวเข้าไปใกล้อีกคน เอาผ้าห่มผืนหนาปกคลุมร่างเจ้าจิ้งจอกเอาไว้ เพื่ออีกฝ่ายจะได้อุ่น ๆ ยิ่งจ้องหลังคอขาวนานมากเท่าไร เขาก็ต้องใช้ความพยายามหักห้ามใจตัวเอง ไม่ให้ทำตัวรุ่มร่ามมากขึ้นเท่านั้น



                ....แต่เขาก็ทำไม่ได้



                “อือ....ชาริน ซัง”



                “ชู่ววววววว”



                “น้องง่วง” เสียงงอแงดังขึ้นมาในช่วงกลางดึก หลังเจ้าของเสียงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกรบกวนโดยคนที่ใช้เตียงร่วมกัน



                “แป๊บเดียว เดี๋ยวก็หยุดแล้ว” ชริณว่า



                หลังจากโดนชาริน ซังจัดหนักจัดเต็มไปช่วงเมื่อวาน เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ไม่คิดโหยหาที่จะทำลูกหรือชักชวนให้เราทำเรื่องอย่างว่าด้วยกันอีกเลย เนื่องจากร่างกายดูอ่อนเพลียเกินกว่าจะซ่าหรือหาเรื่องใส่ตัวไหว มิหนำซ้ำยังดูเหมือนจะซมเพราะพิษไข้อีก



                ซอกคอขาวถูกรุกรานเป็นระยะ ๆ พอ ๆ กับฝ่ามือหนาที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ ร่างเล็กกำลังถูกชายตัวใหญ่กว่าโอบกอดจากข้างหลัง แม้จะไม่ได้มีการทำภารกิจกัน แต่ก็สามารถปลุกเร้าคนที่ตัวร้อนรุม ๆ ได้เป็นอย่างดี จากที่ออกอาการรำคาญ ก็เริ่มมีอารมณ์ร่วม ยอมให้จับ ให้จูบโดยไม่ขัดขืน



                ยอมให้ถูกกระทำมากว่านี้....



            ฝั่งอีกคนก็พรมจูบหลังคอของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะรำคาญหรือไม่ ตั้งแต่ย้ายมาทำงานที่ญี่ปุ่น ชริณก็ห่างหายจากเรื่องอย่างว่าอยู่พอสมควร เขาไม่ได้เชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่ได้อดอยาก พอมาอยู่ที่ญี่ปุ่น อาจมีช่วยตัวเองบ้าง แต่ไม่เคยหิ้วใครกลับห้อง อย่างมากก็แค่ดูหนังผู้ใหญ่ตามประสาชายโสด



                จริง ๆ ชริณไม่ได้มีอารมณ์พิศวาสเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเลย เพราะเขามองเห็นแต่ความแตกต่างของเรา แต่พอได้มี ทุก ๆ อย่างที่เคยเป็นความแตกต่างระหว่างเราในตอนแรกก็กลายเป็นเรื่องเล็ก....



                หลังถูกชาริน ซังรุกรานเข้าหน่อย จนตัวอ่อนระทวยยิ่งกว่าขี้ผึ้งลนไฟ ในที่สุดเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวน้อยก็ยอมหันหน้าไปให้กลีบปากตัวเองถูกบดขยี้ซ้ำ ๆ โดยชาริน ซัง ดวงตากลมโตเริ่มปรือมองหน้าอีกคน แม้จะอยู่ในความมืด แต่น้องก็มองเห็นใบหน้าของชาริน ซังได้อย่างชัดเจน



                 ไม่รู้ว่าอะไรร้อนแรงกว่ากันระหว่างอุณภูมิในร่างกายของตนเองกับผู้ชายตรงหน้า....


   

            “ชาริน ซังทำลูกกันเถอะ”
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (2/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 20-07-2018 06:27:11
ชริณติดใจน้องแล้ว มีหวังได้ลูกหลายครอกแน่ๆ :mc3:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (2/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-07-2018 08:45:53
 :oo1:  คนนึงจะทำลูกแต่อีกคนน่ะหื่น
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (2/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 20-07-2018 09:17:38
หลงน้องแล้วว้อยยยยย 55555555
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.8 (2/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-07-2018 12:45:26
ครอบครัวของน้อง...งงงงงงงง
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.9 (1/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 20-07-2018 15:22:49
09


   “ไปทำงานดี ๆ น้า ชาริน ซังรีบกลับบ้านด้วย” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นในช่วงเช้าแห่งการไปทำงาน หลังอาการไข้ทุเลาลงแล้ว เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวเล็กก็สวมบทเป็นแม่บ้านจำเป็นเหมือนอย่างเคย วันนี้แตกต่างไปจากทุกวัน เพราะน้องมีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นคือผูกเนคไทให้ชาริน ซัง!
   หลังจากลองผิดลองถูก ให้ชาริน ซังสอนอยู่ตั้งนานสองนาน ในที่สุดน้องก็ทำสำเร็จจนได้ แม้มันจะบิดเบี้ยวไม่ค่อยสวยก็ตาม แต่ชาริน ซังก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยอมใส่แบบที่น้องผูกให้ไปทำงานอีกต่างหาก
   มันเป็นความภาคภูมิใจเล็ก ๆ ของเจ้าจิ้งจอกที่สามารถทำตัวมีประโยชน์ต่อชาริน ซังได้มากกว่าหนึ่ง อย่างน้อยก็มากกว่าการทำงานบ้านหรือเป็นเด็กดี น้องรู้ดีว่าโลกของมนุษย์กำหนดทุกอย่างไว้ด้วยเงินตรา อยากจะทำงานหาเงินเหมือนชาริน ซังเช่นกัน แต่ไม่รู้จะหายังไง สุดท้ายจึงเลือกที่จะทำตัวให้มีประโยชน์ต่อชาริน ซังมากที่สุดแทน
   หลังพิษไข้เพราะหนักเรื่องนั้นเกินไปทุเลาลงแล้ว ดวงตากลมโตก็กลับมาใสแป๋วเหมือนเดิม เจ้ามนุษย์จิ้งจอกชอบยามที่ชาริน ซังอยู่ในชุดไปทำงานมาก ๆ มันดูมีเสน่ห์อย่างอธิบายไม่ถูก น้องหลงใหลชุดไปทำงานของชาริน ซังพอ ๆ กับกลิ่นเหงื่อ กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ของอีกฝ่าย
   ฝั่งชริณเองก่อนออกจากบ้านก็เช็กกระเป๋ากางเกงว่าลืมโทรศัพท์ กระเป๋าตังไว้หรือเปล่า ก่อนจะพยักหน้ารับปากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวเล็กแล้วยีหัวอีกฝ่าย พอให้ผมยุ่ง พร้อมกับบอกว่าให้’ดูแลบ้านดี ๆ’อย่างเช่นทุกวัน
   ชริณเข้าบริษัทโดยจิตใจที่เบิกบาน อาจเพราะว่าได้ลาเฉพาะกิจเมื่อวานนี้ ทำให้เขาได้พักผ่อนอย่างจริง ๆ จัง ๆ ทำให้เขารู้สึกดีกว่าวันทำงานวันแรกหลังหยุดยาวเสียอีก
   โชคดีที่ก่อนลางานเขาไม่ได้มีงานคั่งค้างอะไร พองานใหม่ของเมื่อวานที่ลา ถูกวางไว้บนโต๊ะ ชริณก็รีบจัดการสะสางต่ออย่างไม่รีรอทันที ตั้งใจจะรีบเคลียร์รีบเสร็จ จะได้ไม่ต้องเอาเรื่องงานไปคิดที่บ้าง
   “รู้ตัวไหมวันนี้มึงผูกเนคไทเบี้ยวทั้งวันเลย”
   “อ๋อ...เห็นตั้งแต่เขาผูกให้แล้ว ช่างมันเถอะ”
   ในช่วงพักกลางวันชริณก็ออกมาทานราเม็งกับเมฆเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานแผนกเดียวกันอีกเช่นเคย อีกฝ่ายมิวายทักท้วงเรื่องเนคไทบิด ๆ เบี้ยว ๆ ของเขาที่ถูกเจ้ามนุษย์จิ้งจอกผูกให้ก่อนออกมาทำงาน
   “เขา? สรุปคนนั้นที่มึงเคยเล่าให้ฟัง จริงจังใช่ไหมวะ”
   “ก็...ระดับหนึ่ง” ชริณตอบอย่างเลี่ยง ๆ พร้อมกับโช้ยเส้นราเม็งเข้าปาก
    จะให้พูดกันตามตรงเขาก็ไม่รู้จะเอาไงเหมือนกัน เรื่องนี้จะคิดจะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ เจ้าจิ้งจอกต้องร่วมตัดสินใจด้วย ชริณไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหากถึงวันนั้น  วันที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกได้ท้องสมใจอยาก ตัวเขาเองจะยอมปล่อยไปไหม เพราะเจ้าตัวเล็ก ๆ ในท้องนั่นก็ลูกของเขาเหมือนกัน
   “ไว้ใจได้ใช่ไหมมึง” เมฆถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง กลัวเพื่อนจะถูกหลอกเอา ตามประสาคนเป็นห่วงเพื่อน อีกอย่างเขาก็ไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้นที่ชริณเล่าให้ฟัง ได้ฟังเรื่องราวจากปากเพื่อนตัวเองแค่ครั้งคราว จึงไม่สามารถประเมินได้ว่าดีไม่ดี
   “ไม่ได้ร้ายหรอก ออกจะซื่อบื้อด้วยซ้ำ มึงไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ขอบใจมาก”
   “เออ ๆ อย่ารีบร้อนแล้วกัน คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ค่อยได้อยู่ด้วย แล้วอย่าลืมพาเขามาแนะนำให้กูรู้จักด้วยนะ ดู ๆ ช่วยกัน” ในเมื่อชริณยืนยันเช่นนั้น เมฆก็เบาใจลงอีกเปราะหนึ่ง คิดว่าเพื่อนเองก็คงดูคนออกอยู่หรอกว่าคนนั้นเข้าหาด้วยความจริงจัง คนไหนเข้าหาด้วยผลประโยชน์
   “ไอ้เมฆ....”
   “หืม?”
   “กูเริ่มอึดอัดกับซากุระว่ะ” หลังลังเลอยู่ตั้งนานสองนานว่าควรเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังดีไหม สุดท้ายชริณก็ตัดสินใจเล่าออกมา หลังไม่รู้จะปรึกษาใครดีและเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังอึดอัดมาก ๆ ความอัดอัดนี้ ชริณก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันก่อตัวขึ้นตอนไหน แต่เขาแน่ใจว่ามันชัดเจน
   “ไหงเป็นงั้นล่ะ ไหนว่าชอบเขา” เมฆเลิกคิ้วสูง
   “ก็ใช่...แต่กูคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเลิกชอบเขาแล้วว่ะ” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   “.....”
   “กูยังดีใจนะที่เดินผ่านกันเขาก็ทักทายตลอด แต่กูไม่ได้ใจเต้นแรงกับซากุระแล้ว....”
   “.....”
   “อีกอย่างพักหลังมานี้ เขาชอบทักมาหากูหลังเลิกงานด้วย ถามเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานอะและซากุระเองก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย กูเลยรู้สึกอึดอัด”
   มันไม่ใช่แค่หนนั้นหนเดียวที่เธอโทรมาปรึกษาเรื่องแฟน แต่ยังมีการส่งข้อความมาหายามดึก ชวนคุยเรื่องส่วนตัวอีกด้วย ชริณเองก็ตอบตามมารยาท นาน ๆ ทีตอบหนหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสร้างความอึดอัดให้เขาอยู่ดี
   “กูไม่รู้กูเล่าเรื่องนี้ให้มึงฟังยัง วันก่อนซากุระชวนกูไปคาเฟ่ด้วย” ชริณพูดต่อ
   “ยัง เรื่องนี้มึงยังไม่เล่าให้กูฟัง”
   “เออ นั่นแหละ เขาชวนกูไป ตอนแรกกูตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เขาก็บอกว่าชวนมึงไปก็ได้ ถ้ารังเกียจเขา กูเลยต้องไป...”
   “เรื่องอะไรวะเนี่ย...เขาก็ดูสวย ๆ เชิด ๆ เหมือนจะรู้ว่ามึงมีใจให้ตั้งนานแล้วนะมึง แล้วทำไมถึงเพิ่งจะมาเล่นด้วยเอาปานนี้ อีกอย่างเขาก็มีแฟนอีก”
   “ใช่ เขามีแฟนแล้ว”
   “อันตรายว่ะชริณ เหมือนซากุระจะเอามึงเป็นกิ๊กปะ เจตนาคลุมเครือแบบนี้ ไม่ต่างจากการเริ่มนอกใจแฟนเลยนะเว้ย” เมฆว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   “กูควรทำไงดีว่ะ”
   “ไหน ๆ ก็ทำคนละแผนกกันอยู่แล้ว มึงก็บล็อกเขาเลยดิ ยังไงก็ไม่ได้ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว อีกอย่างไลน์บริษัทก็มี ถ้ามีเรื่องสำคัญ เกี่ยวกับงานก็คุยกันในนั้นเอา ถ้าเขาเห็นว่ามันไม่เล่นด้วย ก็คงยอมถอยละมั้ง....”
   “.....”
   “แต่กูอึ้งจริง ๆ นะ ถ้าเขาทำแบบนั้นอะ ก็ใช่ย่อยนะเนี่ย”
   “เฮ้อ...กูก็คิดแบบมึงนั่นแหละ ถึงกูจะชอบเขา เคยบอกว่าจะแย่งแต่ก็ไม่เคยคิดจะทำนะมึง เจอแฟนนอกใจไม่ใช่เรื่องตลก” ชริณว่า
   เขาเองก็เคยมีความรักแบบเด็ก ๆ ตอนช่วงมัธยมปลาย แต่ตอนนั้นสถานะก็แค่คนคุยกันกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทุกอย่างเข้ากันได้ดี เราคุยกันรู้เรื่อง จนชริณคิดว่าเราอาจพัฒนาไปได้ไกลว่าคนคุย ๆ กัน แต่เขาก็ต้องมาพบว่าเธอคนนั้นคุยซ้อน ขนาดยังไม่ได้เป็นแฟน แต่เขายังรู้สึกว่าถูกหักหลัง ยังเจ็บ แล้วถ้าแฟนนอกใจจะเจ็บขนาดไหน
   ถ้าเมื่อก่อนตอนที่ชริณได้พบซากุระครั้งแรก แล้วเธอตอนนั้นยังไม่มีแฟน เขาคงจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง….
   แต่นั้นก็เป็นแค่ความคิด เพราะตอนนี้เธอเองก็ยังคบกับแฟนคนนั้น และตัวเขาเองก็เริ่มไม่มั่นใจว่าถ้าหากเธอเลิกกับผู้ชายคนนั้น จะลองเสี่ยงอย่างที่อยากอยู่ไหม....
   หลังกลับเข้ามาในบริษัท ชริณเลือกที่จะทำตามคำแนะนำของเพื่อน นั่นก็คือการบล็อกไลน์ซากุระ เขาไม่สบายใจจริง ๆ ที่เธอชอบทักมาหายามดึก แม้จะไม่ได้มีการพูดคุยที่ทำให้ชวนฝัน แต่ศีลธรรมของคนไทยที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ก็อยู่ปลุกขึ้นมาอยู่ดี จนชริณรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำบาป ทั้ง ๆ ที่เขานอนอยู่บ้านเฉย ๆ
   ชริณคิดว่านี่แหละคือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว....
   เพราะวันนี้ชริณขี้เกียจทำอาหาร จึงเลือกที่จะแวะย่านโตเกียว ราเม็ง สตรีท เพื่อที่จะได้ซื้อราเม็งที่ร้านโรคุรินฉะ ร้านราเม็งเจ้าดัง เจ้าอร่อยในโตเกียว ไปฝากเจ้ามนุษย์จิ้งจอกด้วย
   
   “ถ้าอร่อยขนาดนั้น เลียถ้วยเลยไหมล่ะ”
   “น้องทำได้เหรอ”
   “ประชด!” ชริณได้แต่ส่ายหัวอย่างระอา หลังเจอเจ้ามนุษย์จิ้งจอกถามกลับตาแป๋ว เขามองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเสียสละราเม็งเกือบครึ่งถ้วยให้เจ้าจิ้งจอกจัดการต่อ หลังเห็นอีกฝ่ายเอร็ดอร่อยกับอาหารมื้อนี้จนแทบจะเลียถ้วยอยู่แล้ว
   “กินเสร็จแล้วจะตัดเล็บให้นะ” ชริณว่าต่อหลังเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าเล็บเจ้าจิ้งจอกยาว หากเราทำภารกิจกันมากกว่าหนึ่งครั้ง เห็นทีคงต้องรีบจัดการเรื่องเล็บให้ เพราะมีความเสี่ยงว่าสร้างบาดแผลให้กับแผ่นหลังของเขา เพราะเพียงแค่มองชริณก็รู้สึกแสบ ๆ แล้ว
   “ตัดเล็บ? อันนี้เหรอ” เจ้าจิ้งจอกเอียงคอมอง พร้อมกับชี้เล็บของตนเอง ซึ่งชริณที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็พยักหน้ารับ
   “ตัดทำไมอะ ไม่ตัดไม่ได้เหรอ เล็บน้องก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนะ”
   “ไม่ตัดไม่ได้ หากไม่ตัดก็ไม่ต้องทำแล้วลูก”
   “ชาริน ซังใจร้าย”
   กลายเป็นว่าตอนนี้ชริณได้ยกหน้าที่หลักของเจ้าจิ้งจอกแล้ว นั่นก็คือการล้างถ้วยจานตอนเย็น มันงานชิ้นเดียวที่เขามอบหมายให้อีกฝ่ายเป็นชิ้นเป็นอัร ซึ่งมันก็ไม่ได้มากมายอะไร อย่างมากใช้กันก็แค่หกเจ็ดชิ้น เพราะอยู่ในเพียงแค่สองคน
   ระหว่างที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกกำลังล้างจานอยู่ ชริณก็เดินไปหามีดตัดเล็บมารออีกคนแล้ว เขานั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย พอได้ย้ายมาทำงานที่ญี่ปุ่น เขาก็เล่นสื่อโซเชียลน้อยลง เพราะทำงานแต่ละวันก็เหนื่อยมากพอแล้ว  นาน ๆ ทีถึงได้อัปรูปลง พอให้กลุ่มเพื่อในไทยเลิกถามหา
   ชายหนุ่มถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ทันทีที่อัปรูปแผ่นหลังของเจ้าจิ้งจอกลง เพื่อนก็แทบเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันทันที ส่วนใหญ่แต่มีคนแซวทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้มีอะไร เขาก็แค่ช่วยเจ้าจิ้งจอกสานต่อภารกิจเท่านั้นเอง
   ไม่รู้ว่าวันนี้อีกฝ่ายจะทำอีกไหม แต่ชริณอยากให้เจ้าจิ้งจอกได้พัก เพราะเมื่อวานเขาก็รังแกจนแทบไม่ได้นอน  หลังจากเห็นว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกล้างจานเสร็จแล้ว ชริณก็เรียกให้มาใกล้ ๆ
   “นั่งดี ๆ เดี๋ยวตัดเล็บให้” ว่าจบก็ตบที่วางตรงหว่างขาตัวเอง เรียกให้เจ้าจิ้งจอกมานั่งดี ๆ จะได้จัดการเรื่องเล็บยาว ๆ ของเจ้าตัวเสียที ถ้าได้ข่วนที คงได้แผลยาว เมื่อเห็นว่าจะถูกเรียกไปทำอะไร เจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็มีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมไปนั่งที่ ๆ ที่ชริณเตรียมไว้ให้อยู่ดี
   ฟอด~
   “อือ...แก้มน้อง” เสียงเจ้าจิ้งจอกร้องประท้วง หลังทันทีที่ทิ้งน้ำหนักลงชาริน ซังก็หอมแก้มฟอดใหญ่จนเกิดเสียง
   “หมั่นไส้ อีแค่ตัดเล็บ ลีลาจังนะ”
   “ก็มันกลัวนี่ จะเจ็บไหม”
   “ไม่เจ็บหรอก เอาล่ะยื่นมือ”
   “ไม่เจ็บแน่นะ”
   “ฉันไม่โกหก” ชริณว่าก่อนจะถือวิสาสะจับมือเล็กออกมาเอง หลังเจ้าจิ้งจอกยังคงลีลา ไม่ยอมยื่นมือให้เขาดี ๆ ชริณเอาคางเกยไหล่แคบของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกเอาไว้ ขณะที่เขาค่อย ๆ ตัดเล็บที่ละนิ้วไปด้วย เพื่อที่จะให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเลือกขยุกขยิกเสียที ซึ่งมันก็ได้ผล อีกฝ่ายนั่งนิ่งยอมให้เขาตัดเล็บให้แต่โดยดี
   “ไม่เจ็บจริงด้วย”
   “บอกแล้วว่าไม่โกหก” ชริณว่าพร้อมกับตัดเล็บนิ้วสุดท้ายให้ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เจ้าจิ้งจอกน้อยถึงกับเผยรอยยิ้มร่า หลังความน่ากลัวก็ผ่านพ้นไปเสียที
   ดวงตากลมโตสบตาชาริน ซังในระยะกระชั้นชิด น้องบอกแล้วว่าชอบชาริน ซังในชุดทำงานมาก ๆ พอ ๆ กับกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ อีกฝ่าย ซึ่งบ่งบอกตัวตนของชาริน ซังได้เป็นอย่างดี พอมันมารวมกันแล้ว น้องก็...
   “อ้าว ๆ”
   “กอดน้องหน่อย”
   “ไปโดนตัวไหนมาอีกล่ะเนี่ย”
   “กอดน้องหน่อย นะๆ” ชริณถึงกับหลุดหัวเราะออกมาให้กับท่าทีตลก ๆ ของเจ้ามนุษย์จิ้งจอก หลังจู่ ๆ อีกฝ่ายก็เกิดอาการตัวอ่อนกะทันหัน จากนั่งให้ตัดเล็บดี ๆ ก็เอนตัวมาซบอกเขาแทน จริตจะก้านมารยาไม่มีใครเกิน ฝ่ามือตวัดโอบเอวอีกคนตามคำสั่ง ซึ่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็แสดงท่าทีพอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
   “ชอบแบบนี้จัง”
   “.....”
   “ชอบชุดทำงานของชาริน ซัง”
   “.....”
   “ชอบกลิ่นน้ำหอมด้วย”
   “.....”
   “แล้วก็อะไรอีกนะ...อืม ชอบหน้าหล่อ ๆ ของชาริน ซัง”
   “......”
   “ชาริน ซังทำลูกกันเถอะ!”
   “เฮ้ย! เดี๋ยว ๆ!” ทันทีที่เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดจบ ก็พลิกตัวทำท่าจะโน้มตัวมาจูบเขา แต่ชริณเอามือขึ้นมากั้นไว้ก่อนทำให้เจ้าจิ้งจอกได้จูบหลังมือเขาแทน
   “ทำไมล่ะ”
   “เมื่อวานก็เพิ่งทำไปเอง ร่างกายไหวไหมเนี่ย”
   “ไหวววววว น้องแข็งแรง”
   “เมื่อวานเป็นไข้นะ เจ้าจิ้งจอก”
   “แต่วันนี้น้องหายแล้วไง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าอย่างดื้อรั้น พยายามปล้ำจูบชาริน ซังอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ให้ความร่วมมืออยู่ดี ทำเอาเจ้าจิ้งจอกตัวเล็กถึงกับหน้ามุ้ย เพราะถูกขัดใจ
   “ไม่เชื่อน้องเหรอ น้องแข็งแรงแล้วจริง ๆ”
   “จะเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์ไหมวะเนี่ย” ชริณว่า
   “ไหวก็คือไหว เชื่อใจน้องซี่! น้องรู้ว่าร่างกายตัวเองรับได้แค่ไหน ทำกับน้องเถอะนะ ๆ จะได้มีลูกกัน” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน พยายามชักชวนชาริน ซังอย่างเต็มที่
   น้องมั่นใจว่าครั้งนี้ก็รับไหวแน่ หนที่แล้วมันก็แค่ตั้งรับไม่ทัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่ครั้งนี้คนนอนซมต้องไม่ใช่น้อง! เจ้าจิ้งจอกรับรู้ได้เลยว่าตอนนี้ร่างกายกำลังแข็งแรงเอามาก ๆ คงเพราะได้รับพลังเอาใจใส่จากชาริน ซังแน่ ๆ ถึงได้แข็งแรงขนาดนี้
   “ไม่อยากคุยด้วยแล้ว จะไปอาบน้ำ” ชริณบอกปัด ตบสะโพกอิ่มเบา ๆ ให้อีกคนลุกขึ้น ทว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกกลับมีท่าทีอิดออดอย่างเห็นได้ชัด คราวนี้ยิ่งกว่าตอนเรียกให้มาตัดเล็บเสียอีก
   “ลุก” เขาว่าสั้น ๆ
   “ทำลูกกับน้องก่อนค่อยไปอาบน้ำไม่ได้เหรอ”
   “ไม่ได้”
   “งั้นน้องอาบด้วย!” เมื่อเห็นชาริน ซังไม่มีท่าทีใจอ่อน เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กก็เลือกที่จะตามเข้าห้องน้ำไปเสียดีกว่า หลังเห็นว่าชาริน ซังก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอะไร เจ้าจิ้งจอกก็ไม่รอช้า รีบวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปรอที่ห้องน้ำทันที
   “จริง ๆ เลย” ชริณพูดเบา ๆ พร้อมกับส่ายหน้าให้เจ้าจิ้งจอกอย่างระอา ดื้อกว่านี้ไม่มีใครแล้ว

   “แน่ะ ๆ เดี๋ยวโดน”
   “แหะ ๆ” เสียงหัวเราะแห้ง ๆ ดังขึ้นเบา ๆ เมื่อถูกชาริน ซังจับได้เข้าให้ หลังพยายามยั่วยวนชาริน ซังระหว่างการสระผมให้ทำลูกอย่างแนบเนียน โดยการบดเบียดสะโพกมาทางด้านหลัง จนกลายเป็นว่าบั้นท้ายแน่นกำลังถูไถไปกับส่วนนั้นของชริณ
   “ไม่เจ็บหรือไง ทำไมลามกอย่างนี้” ชริณว่า เมื่อวานเขาก็ว่าตัวเองก็ทำหน้าที่ไม่ขาดบกพร่องแล้วนะ หนหนึ่งก็ทำมากกว่าสองครั้งด้วย แต่ทำไมเจ้าจิ้งจอกยังรู้สึกไม่พอใจอีก
   หรือชริณฝีมือตก?
   “น้องไม่ได้ลามกนะ น้องแค่ทำภารกิจ”
   “อ๋อเหรออออ” ชริณลากเสียงยาว ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
   “จริง ๆนะชาริน ซัง เมื่อวานน้องแค่ตั้งหลักไม่ทันอะ แต่วันนี้พร้อมแล้ว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกหันไปพูดกับชาริน ซังด้วยท่าทีจริงจัง แต่ทำไมชาริน ซังไม่ยอมเชื่อเสียที น้องบอกว่าไหวก็คือไหวไง!
   “หึ.....”
   





   “จูบน้องหน่อย” เสียงเล็ก ๆ เอ่ยร้องขอสิ่งที่ตัวเองต้องการ ขณะเดียวกันก็ตวัดท่อนแขนโอบกอดคอหนาเอาไว้ ดวงตากลมโตปิดสนิทลง ปล่อยให้ชาริน ซังบดจูบริมฝีปากตัวเองซ้ำ ๆ ขณะที่เรากำลังเดินตรงไปที่เตียง
   ในที่สุดคำร้องขอของเจ้าจิ้งจอกก็สำเร็จเสียที ชาริน ซังยอมใจอ่อนยอมทำภารกิจร่วมกันอีกจนได้ ทั้งคู่ที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า หลังออกมาจากห้องน้ำก็เดินตรงดิ่งไปที่เตียงทันทีโดยมีชริณเป็นฝ่ายอุ้มเจ้าจิ้งจอกออกมาจากห้องน้ำ
    จมูกโด่งสูดดมกลิ่มสบู่อ่อน ๆ ในแบบที่เขาชอบจากตัวของอีกคน ก่อนจะวางร่างเจ้ามนุษย์จิ้งจอกลงอย่างแผ่วเบา กลีบปากของทั้งคู่แทบไม่ผละออกจากกัน ต่างตักตวงและหิวกระหาย...
   “อือ....” เสียงครางแผ่วเบาของเจ้าจิ้งจอกดังขึ้น เมื่อถูกชาริน ซังดูดดุนจนแถวซอกคอ ซึ่งน้องก็เงยหน้าขึ้น หลับตาพริ้มยอมให้ชาริน ซังทำสัญลักษณ์ แสดงความเจ้าข้าวเจ้าของไว้อย่างเต็มใจ
   ดูเหมือนนอกจากกลิ่นน้ำหอม ชุดทำงาน การถูกชริณโอบกอดไว้ ก็จะเป็นอีกหนึ่งรายการที่น้องโปรดปรานเสียแล้ว น้องชอบหิมะ... น้องชอบอากาศหนาว... แต่น้องก็ชอบร่างกายอุ่น ๆ ของชาริน ซังเช่นกัน ชอบที่ตัวเองกำลังถูกโอบกอด ทุกครั้งที่ถูกกอด เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวน้อยก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกปกป้องจากผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
   มันอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเองก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองโหยหาความรักมาโดยตลอด จนกระทั่งได้พบชาริน ซัง
   ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปตามสัดส่วนต่าง ๆ ของเจ้าจิ้งจอก ขณะเดียวกันนั้นชริณก็ทำสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของอีกคนไว้ทุกแห่งหนที่ริมฝีปากของตนลากไปถึง
   ร่างเล็กบิดเร้าเมื่อชาริน ซังผละจูบแล้วเคลื่อนหน้าต่ำลงไปอีก จูบสะเปะสะปะตามซอกคอ ก่อนที่มาหยุดที่ยอดอกสีอ่อนที่กำลังชูชันอยู่แล้วใช้เรียวลิ้นแตะผะแผ่ว
   “ดีจัง....” เจ้าจิ้งจอกเล็กพูด ขณะที่หลุบตามองการกระทำทุกอย่างของชริณ ยิ่งจังหวะที่ชาริน ซังเองเงยหน้าขึ้นมามอง หน้าน้องก็ยิ่งเห่อร้อน ก่อนที่ชาริน ซังจะผละออกไป ให้น้องมองตามอย่างนึกสงสัย
   “อยากรู้ใช่ไหมว่ามันคืออะไร” ชริณถามเจ้ามนุษย์จิ้งจอก หลังผละลงจากเตียง ไปหยิบสิ่งนั้นออกมาจากกล่อง ดวงตากลมโตจ้องมองของในมือชาริน ซัง เหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่
   “แล้วมันคืออะไร” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกถามต่อ นับตั้งแต่วันนั้นวันที่น้องถาม ชาริณ ซังก็ไม่อธิบายให้น้องฟังเลย ปล่อยไว้นานจนลืมสิ่งที่ตัวเองสงสัยด้วยซ้ำ
   “จะพาใช้งานตอนนี้แหละ” ชริณกว่าพร้อมกับกลับขึ้นมานั่งบนเตียงอีกครั้ง ดวงตาคมจ้องมองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวแสบอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าสงสัยมากนัก เขาจะอธิบายแบบภาคปฏิบัติให้แล้วกัน
   หัวใจดวงเล็กถึงกับกระตุกวูบ เมื่อจู่ ๆ ชาริน ซังก็จับขาน้องอ้าออกกว้าง ดวงตากลมโตแสดงท่าทีหวาดหวั่นออกมา แต่ในขณะเดียวกันก็เชื่อในตัวชาริน ซัง
   “พร้อมไหม...” ชริณถาม
   “พร้อม” เจ้าจิ้งจอกเองก็ตอบอย่างไม่ลังเล
   ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็เริ่มทำต่ออย่างไม่ลังเล หยิบเอาเจ้าอุปกรณ์ที่อีกฝ่ายสงสัยและเป็นของขวัญวันเกิดจากเพื่อนสนิทมาตรวจตราดูความปลอดภัยอยู่ครู่นึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ จับหัวมันสอดเข้าไปในร่างของเจ้าจิ้งจอก ส่วนมือเขาเองก็รูดรั้งส่วนหน้าของเจ้าจิ้งจอกไปด้วย
   ร่างกายของเจ้ามนุษย์จิ้งจอกช่างแปลกประหลาด แต่ดูโดยรวมแล้วกลับได้เปรียบกว่ามนุษย์ธรรมดา เพราะสามารถคลอดได้ ทั้ง ๆ ที่ยังมีอวัยวะเพศชาย
   ส่วนหน้าของเจ้าจิ้งจอกเป็นเพศชาย ถัดจากถุงอัณฑะถึงจะเป็นช่องคลอดและตามด้วยช่องทวารหนัก ชริณมองท่าทีเจ้าจิ้งจอกเป็นระยะ ซิลิโคนที่เมฆซื้อให้เป็นแบบอ่อนนุ่มพิเศษ ไม่ให้สัมผัสของมันไม่เหมือนอุปกรณ์ทำรักทั่วไปที่วางขายอยู่ท้องตลอด
   “อ—อ๊ะ อือ มันใช้แบบนี้นี่เอง” เจ้าจิ้งจอกว่า รู้ซึ้งถึงประโยชน์ของมันก็คราวนี้
   “ชอบไหม”
   “ชอบ...” เจ้าจิ้งจอกตอบโดยไม่มีความลังเล “น้องชอบมากเลย” ร่างเล็กพูดขณะที่บิดเร้าร่างกายไปด้วย
   “เป็นเด็กเป็นเล็ก ใครหัดให้พูดแบบนี้”
   “ก็ชารินถามนี่นาแล้วน—น้องก็คิดว่า  อ๊ะ...อ๊า! น้องไม่เด็กแล้วอะ....ชาริน ซัง เข้ามาเลย น้องพร้อมแล้ว!” เจ้าตัวเล็กหลับตาปี๋รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะใกล้ฝั่งฝันอยู่ร่อมร่อ
   ฝั่งชริณเองเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ถอดของเล่นออกจากร่างเล็ก ชายหนุ่มโน้มหน้าไปจูบปากเจ้าจิ้งจอกพอเป็นพิธี พร้อมกับรูดรั้งส่วนนั้นของตัวเองเพื่อตั้งหลัก ก่อนจะค่อย ๆ เข้าไปในร่างเจ้าจิ้งจอกตามคำสั่งของเขา
   “อือ....ชอบ”
   “ดูเข้าคำพูดคำจา”
   “ก็น้องชอบนี่ ชาริณ ซัง อ๊ะ! เข้ามาลึก ๆ หน่อย” เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กสั่งการสามี ท่อนแขนเล็กตวัดโอบคอหนาไว้ดังเดิม ส่วนล่างถูกกระทำซ้ำ ๆ เป็นจังหวะ เหงื่อกาฬผุดขึ้นรอบกรอบหน้า เหมือนจะขาดใจ แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
   ยิ่งเห็นสีหน้าชาริน ซังในตอนนี้ เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กก็ยิ่งเขินจนอธิบายไม่ถูก ชอบที่ตัวเองได้มองเห็นชาริน ซังจากใต้ร่าง พอสิ้นคราบพนักงานบริษัทและมาอยู่บนเตียงสองต่อสองกับน้อง เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวเล็กรู้สึกได้เลยว่าชาริน ซังดูร้อนแรงเอามาก ๆ
   “หอมแก้มน้องหน่อย ๆ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกสุดอ้อนเอ่ยขอ ขณะที่ชาริน ซังเองก็กำลังขยับเข้าออกในร่างบาง เพื่อทำภารกิจการมีเจ้าตัวเล็ก ๆ ด้วยกัน
   หลังได้ยินคำเอ่ยขอเขาก็หอมแก้ม สูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเจ้าจิ้งจอกอย่างไม่มีเกี่ยงงอน กลีบปากหนาจูบพรมตามลาดไหล่เล็กตระครองกอดร่างเจ้าจิ้งจอกเอาไว้ จนในที่สุดภารกิจทำลูกครั้งที่สามของเรา ก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี




สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.9 (1/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-07-2018 17:08:06
ขยันขันแข็งดีมาก ปรบมือ
ไปซะยัยซากุนะเน่า
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.9 (1/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 20-07-2018 20:06:09
น้องต้องพักร่างบ้างนะลู๊กกกกกกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.9 (1/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 20-07-2018 20:54:14
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.9 (1/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-07-2018 21:05:11
 :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.9 (1/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 20-07-2018 21:53:57
หลงเมียเด็กแล้วม้างคนแถวนี้
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.9 (1/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-07-2018 01:42:53
 :haun4:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.9 (1/2) 20.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 21-07-2018 14:10:55
ไม่ต้องมายุ่งกับชาริน ซัง อีกแล้วนะแม่ดอกซากุระ :bye2:

ซาริน ซังเขามีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วเด้อ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.9 (2/2) 21.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 21-07-2018 21:03:58
 


   “กลับบ้านเร็ว ๆ น้า ชาริน ซัง” เสียงตะโกนไล่หลัง ในช่วงเช้าแห่งการไปทำงานวนกลับมาอีกครั้ง ทั้ง ๆ ที่ชริณรู้สึกเหมือนเขาเพิ่งพักไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ท่าทางตลกของเจ้ามนุษย์จิ้งจอก ทำเอาชริณถึงกับหลุดยิ้ม เขาหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้ว ก่อนจะโบกมือกลับไปให้



                “ดูแลบ้านดี ๆ ด้วย!” เขาตะโกนตอบกลับไป



                “อื้อ!” เจ้าจิ้งจอกเองก็ตอบรับอย่างขยันขันแข็ง



                หลังแผ่นหลังชาริน ซังอยู่ไกลจนมองไม่เห็นแล้ว เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวน้อยก็ถอนหายใจออกมา แม้จะชอบชุดทำงานของชาริน ซัง แต่น้องไม่ค่อยชอบให้ชาริน ซังไปทำงานเท่าไรเลย น้องไม่ชอบให้ตัวเองต้องอยู่ห่างจากชาริน ซังเป็นเวลานาน ๆ



                วันนี้เป็นอีกวันที่น้องได้ผูกเนคไทให้ชริณซังด้วย มันดีกว่าเมื่อวานตั้งเยอะ จนชาริน ซังถึงกับออกปากชมว่าน้องมีพัฒนาการ เรียนรู้เร็ว ชาริน ซังเอง ก็ไม่ใช่คนที่จะเอ่ยปากชมใครบ่อย พอได้รับคำชมน้องก็รู้สึกพิเศษมาก ๆ จากที่อารมณ์ดีอยู่แล้ว ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ดีจนอยากจะออกไปวิ่งเล่นหลังบ้าน



                วันนี้พิเศษกว่าทุกวัน เพราะชาริน ซังได้ยกกุญแจบ้านหนึ่งดอกให้กับน้องด้วย อีกฝ่ายให้เหตุผลสั้น ๆ ว่าไม่อยากน้องเข้าบ้านไม่ได้ ติดแหง็กอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน พร้อมกับกำชับว่าห้ามทำหายเด็ดขาด



                หลังได้รับกุญแจบ้านมาแล้ว น้องก็รู้สึกเริงร่าเข้าไปอีก อยู่ในบ้านก็มีแต่นั่ง ๆ นอน ๆ ฉะนั้นออกไปเล่นป่าหลังบ้านี่แหละ น่าจะมีอะไรสนุก ๆ ให้ทำอีกเยอะ แถมในป่ายังคุณมีหมาป่าอีกด้วย



                ดวงตากลมโตเบิกกว้างเล็กน้อย อย่างเพิ่งนึกได้พอดี ใช่แล้ว! คุณหมาป่า เพื่อนของน้องรออยู่ที่นั่น เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ไม่รอช้า รีบออกจากบ้าน ล็อกประตูลงกลอนเสร็จสรรพออกไปเที่ยวเล่นป่าหลังบ้านทันที





                ดวงตากลมโตของเจ้าจิ้งจอกกวาดตามองไปรอบ ๆ บริเวณป่าที่เงียบสงัด ป่านี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ขนาดน้องที่อยู่มาตั้งแต่กำเนิดยังไม่มีทางรู้เลยว่ามันจะไปสิ้นสุดตรงไหน ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณหมาป่า สัตว์ต่างสายพันธุ์ที่น้องนับเป็นหนึ่งสหายอยู่หนใด แต่น้องเชื่อว่าวันนี้เราต้องได้เจอกันอีกแน่



                คุณหมาป่าอยู่ไกลจากน้องหรอก น้องมั่นใจ!



                สี่เท้าย่างกรายเข้าไปในเขตป่า ห่างไกลจากตัวบ้านของชาริน ซังไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ไม่มีความอยากล่ากระต่ายเหมือนอย่างเคย เพราะช่วงนี้น้องขี้เกียจวิ่ง จึงได้แต่เดินเที่ยวเตร่รอบป่าไปเรื่อย ๆ เพราะป่าก็คือบ้านน้องเหมือนกัน



                พวงหางที่เริ่มกลับมาสวยงามเช่นเดิม โบกสะบัดไปมาอย่างสบายอารมณ์ สีขนน้ำตาลแดงตัดกับเกล็ดหิมะสีขาวโพลนที่เกาะตามกิ่งไม้ ใบหญ้าอย่างได้อย่างชัดเจน จึงทำให้เจ้าจิ้งจอกดูสง่างาม แม้ว่ามันจะตัวเล็กก็ตาม



                เมื่อได้ที่ ๆ เหมาะแล้ว เจ้าจิ้งจอกแดงก็ล้มตัวนอนกับพื้น ขณะเดียวกันก็ยังมิวายกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณด้วย ถึงแม้ป่าแห่งนี้จะเงียบสงัดก็จริง แต่มันก็เต็มไปด้วยศัตรูสำหรับจิ้งจอกแดงอย่างมันอยู่ดี



                 เมื่อเห็นว่ารอบบริเวณไม่พบความผิดปกติใด ๆ เจ้าจิ้งจอกตัวน้อยก็เริ่มทำการเสริมสวยให้กับตัวเองบ้าง พวงหางและขนของมัน ควรได้รับการดูแลได้แล้ว เพราะนาน ๆ ทีมีหน ถึงจะได้กลับคืนร่างจิ้งจอก



                ลิ้นสีแดงเลียตามขนของตัวเองเพื่อทำความสะอาด ดูแลภาพลักษณ์ยิ่งกว่าแมวบ้านของมนุษย์ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลแดงแต่อ่อนกว่าสีขน จ้องมองพวงหางตัวเอง แม้มันจะเริ่มฟื้นตัวเป็นปกติแล้ว แต่บาดแผลในใจที่ถูกมนุษย์กระทำ เจ้าจิ้งจอกก็จะไม่ลืมเด็ดขาด



                ไม่มีมนุษย์คนไหนใจดีเท่าชาริน ซังแล้ว...



            คุณหมาป่าไม่อยู่แถวนี้จริง ๆ เหรอ? หลังจากเสริมสวยให้กับตนเองจนน่าพอใจแล้ว เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กก็กวาดสายตามองรอบ ๆ ป่าอีกหน เพื่อมองหาคุณหมาป่า น้องมั่นใจว่าคุณหมาป่าต้องอยู่แถวนี้แน่ แต่ทำไมกลับไม่พบแม้แต่เงา จมูกน้องก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว กว่าจะได้กลิ่นทีต้องดมจนขนแทบติดจมูก



                เมื่อไม่ได้ออกล่ากระต่าย เมื่อไม่มีเพื่อนเล่นด้วย การเข้าป่าของน้องคราวนี้ก็ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ กลายเป็นว่าเจ้ามนุษย์จิ้งจอกตัวน้อย ก็แค่ย้ายสถานที่พักผ่อนเท่านั้น มันพยายามเงียบแล้วเงี่ยหูฟัง เผื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของสัตว์ป่า แต่ก็ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมา



                ถ้าไม่เจอคุณหมาป่า น้องก็ควรจะกลับบ้านก่อนเวลา การพักผ่อนอยู่ในป่าเป็นเวลานานไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก หากโชคไม่เข้าข้างนอกก็อาจเจอหมาป่าผู้ใหญ่ งู หรืออะไรก็ตามที่น่ากลัวกว่านั้น



                น้องไม่เคยกลัวความตาย แต่จะมาตายก่อนภารกิจจะสำเร็จไม่ได้!



                เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กถึงกับถอนหายใจออกมาอีกครั้ง แต่ก่อนไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย น้องอยู่ลำพังมาเกือบทั้งชีวิต แต่ตอนนี้พอไม่มีใครอยู่ในเล่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ น้องก็เหงาไปหมด



                สงสัยต้องรีบมีลูกซะแล้ว...จะได้มีเพื่อนเสียที



            เมื่อเห็นว่าไม่มีวี่แววของคุณหมาป่าจะอยู่แถวนี้จริง ๆ น้องก็ตัดสินใจกลับเข้าบ้านดีกว่า อย่างน้อยมันก็ดูปลอดภัยกว่าตอนอยู่ในกลางป่าเขาเช่นนี้ น้องอยากเล่นกับคุณหมาป่า แต่น้องไม่รู้จะไปวิ่งหาที่ไหน กลับบ้านก่อน วันหน้าค่อยมาใหม่น่าจะดีกว่า



                เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่รอช้า มันลุกขึ้น เดินนวยนาดกลับไปทางบ้านพักของชาริน ซัง เมื่อมาถึงหลังบ้าน เจ้าจิ้งจอกน้อยก็มองซ้ายขวา ตรวจตราว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้จริง ๆ ก่อนจะค่อย ๆ กลายร่างกลับคืนอยู่ร่างมนุษย์ สภาพเปลือยเปล่าอีกครั้ง แล้วรีบไขประตูเข้าบ้านทันที



                ....ทิ้งให้สัตว์ที่แอบสะกดรอยตามอยู่นานสองนาน ถึงกับนิ่งค้างกับความลับของเจ้าจิ้งจอกแดง หมาป่าหนุ่มจ้องภาพเหล่านั้นอย่างไร้สติ นั่นไม่ใช่จิ้งจอกแดงธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย!





หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (1/2) 21.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 21-07-2018 21:15:18



10

                เสียงโก่งคออ้วกในห้องน้ำดังขึ้นในช่วงเช้ามืด หลังเจ้ามนุษย์จิ้งจอกรู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ไม่หยุดเสียที โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้ชริณได้มีเวลาดูแลเจ้าจิ้งจอกอย่างใกล้ชิด เขาค่อย ๆ พยุงร่างเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่อยู่ในสภาพอ่อนแรงออกมาจากห้องน้ำ ให้มานั่งพักบนโซฟา



                “ไหวรึเปล่า” ชริณเอ่ยถามเจ้าจิ้งจอกด้วยความเป็นห่วง



                “ดีขึ้นนิดนึง” เจ้าจิ้งจอกว่า ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้ น้องไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเลย มันเป็นเรื่องแปลกมาก ๆ



                “อยากกินหญ้า”



                “ฮะ?”



                “น้องอยากกินหญ้า ยอดหญ้าอ่อน ๆ น่ะ” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกขยายความ จู่ ๆ ก็อยากกินยอดต้นหญ้าขึ้นมา ทั้ง ๆ แต่ก่อนไม่เคยคิดจะกินด้วยซ้ำ มีแต่ชอบกลิ่นหญ้าอ่อน ๆ ตอนช่วงหลังฝนหยุดตกใหม่ ๆ อาการอยากกินยอดหญ้าแบบนี้ มันแปลกเกินไป เป็นพฤติกรรมที่แม้แต่เจ้าของร่างกายเองยังแปลกใจ



                “.....” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฝั่งชริณก็ถึงกับชะงักไป เขาจะไปหายอดหญ้ามาจากที่ไหน ป่าหลังบ้านงั้นเหรอ?



                “น้องอยากกินหญ้า” เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดซ้ำอีกครั้ง



                “รู้แล้ว แต่จะให้ไปหามาจากไหน”



                “ไม่รู้...ฮือ แต่น้องอยากกิน ไปหามาหาให้หน่อย ไม่ไหวแล้ว”



                สุดท้ายชริณก็ต้องออกจากบ้านเฉพาะกิจ เพื่อไปหาซื้อหญ้าอ่อนที่เขาขายกันในกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ที่ร้านค้าไม่ไกลจากตัวบ้านมากนัก วันนี้เจ้าจิ้งจอกมาแปลกจริง ๆ จนเขาแอบหวั่นใจว่าอีกฝ่ายจะท้องแล้วหรือเปล่า ตามประสาคนเคยดูละครไทยหลังข่าวว่าอาการแบบนี้นี่แหละคือคนแพ้ท้องอ่อน ๆ



                ถ้าเจ้าจิ้งจอกท้องจริง ๆ ชริณนี่ก็น้ำยาดีไม่น้อย ทำ ๆ ไม่กี่ครั้ง ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายท้องป่องสมใจอยากแล้ว  เมื่อชริณมาถึงร้านค้าขายของเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เขาก็เลือกซื้อถาดหญ้าอ่อนมาหนึ่งถาด ชายหนุ่มรีบจ่ายเงินแล้วก็รีบกลับบ้านทันที เพราะถ้าปล่อยคนไม่สบายอยู่บ้านเพียงลำพัง มันก็ไม่ดีเท่าไรนัก



                “เป็นไงบ้าง” เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามา ชริณก็รีบถามอาการอีกคนทันที เจ้ามนุษย์จิ้งจอกมีสีหน้าซีดเผือกอย่างเห็นได้ชัด



                “ไหนหญ้าอ่อนของน้อง?” เจ้าจิ้งจอกถามหาสิ่งที่ตัวเองอยากทันที



                “นี่ไง...” ชริณว่าพร้อมกับชูถุงหญ้าอ่อนให้อีกคนดู



                “ฮ—ฮึก ฮือออออออออออออออออออออ”



                ทันทีที่ชริณโชว์ถาดหญ้าอ่อนให้เจ้ามนุษย์จิ้งจอกดู ดวงตากลมโตจ้องถาดหญ้าผืนเล็กครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มมีน้ำตาปริ่มและปล่อยโฮออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาชายหนุ่มถึงกับงุนงง ชริณอาการลนลานทัน เพราะไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้า



                “เป็นอะไร.... ร้องไห้ทำไม” ชายหนุ่มละล่ำละลักถามอีกฝ่าย



                “หญ้าอ่อนแค่นั้น ใครมันจะไปกินพอ! ไม่อยากซื้อให้น้องใช่ไหม ถึงได้ซื้อมาแค่เท่านั้น ฮ—ฮึก ชาริน ซังใจร้าย!” เจ้าจิ้งจอกร้องไห้ฟูมฟาย มองชริณด้วยสายตาตัดพ้อ เสียอกเสียใจอย่างถึงที่สุด ทำเอาชายหนุ่มถึงกับยืนนิ่ง เหมือนตัวเองเป็นคนบาป ทำให้อีกฝ่ายเสียใจ



                “ก็ไม่รู้นี่ว่าอยากกินเยอะแค่ไหน” ชริณว่า



                “ฮ—ฮึก ไม่ต้องเลย ส่งมันมาให้น้อง!” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเช็ดน้ำตาออกพอลวก ๆ แล้วกระดิกมือ ส่งสัญญาณให้ชริณรีบยื่นถาดหญ้าอ่อนให้เสียที ก่อนที่อีกฝ่ายจะปล่อยโฮออกมาซ้ำสอง



                ฝั่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอก เมื่อได้รับถอดหญ้าอ่อนมาก็ไม่รอช้า รีบใช้มือเด็ดกินต้นอ่อน เหลือไว้เฉพาะรากอย่างเอร็ดอร่อยทันที



                นี่แหละคือสิ่งที่น้องตามหามาทั้งชีวิต!  รสชาติมันอาจแปลกประหลาดไปหน่อย แต่ก็ช่วยทำให้ความยากและพายุอารมณ์ร้อนของน้องทุเลาลงได้



                ภาพที่เจ้าจิ้งจอกเด็ดกินหญ้าอ่อนจากถาดอย่างเอร็ดอร่อย อยู่ในสายตาของชริณทั้งหมด มันทำให้เขานึกถึงคุณยายแก่ ๆ ที่ชอบทานผักลวกจิ้มน้ำพริก อะไรทำนองนั้น ยิ่งเห็นภาพ ชริณก็ยิ่งคิดเช่นนั้นจริง ๆ ใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กก็จัดการหญ้าอ่อนในถาดเล็กจนเกลี้ยง เหลือไว้แค่ถาดหญ้าที่มีแต่รากให้ดูต่างหน้า และดูเหมือนอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อาการร้องไห้ฟูมฟายของอีกคนจะสงบลงด้วย



                “เอาอีกไหม” เขาถาม หากเจ้าจิ้งจอกยังไม่พอใจ ชริณจะได้ออกไปซื้อมาให้เพิ่ม ถาดหญ้าอ่อนมันก็เล็กจริง ๆ อย่างที่อีกคนตัดพ้อนั่นแหละ เพราะเขามีไว้ให้พวกแมว สัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆ ไม่ใช่ให้มนุษย์กิน



                “พ—พอแล้ว” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าเสียงแผ่ว พร้อมกับยื่นถาดหญ้าอ่อนที่โดนเด็ดจนเกลี้ยงให้ชาริน ซังเอาไปจัดการต่อ เพราะหากปล่อยไว้สักพัก ประมาณหนึ่งสัปดาห์ เจ้าหญ้าพวกนี้ก็จะขึ้นมาอีก ก็สามารถเล็มกินได้อีกครั้ง



                “แล้วอาการดีขึ้นยัง ยังอยากอ้วก เวียนหัวอยู่ไหม?” ชริณเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงข้าง ๆ อีกฝ่าย



                เขาเป็นห่วงเจ้าจิ้งจอกจริง ๆ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาในร่างมนุษย์ เขาไม่เคยเห็นเจ้าจิ้งจอกมีอาการเช่นนี้เลย แล้วหากมันอาการหนัก ชริณจะได้พาไปพบหมอ เพื่อตรวจดูอาการอีกครั้ง



                “ไม่ได้อยากอ้วกแล้ว แต่ว่าน้องเหนื่อย เจ็บซี่โครงไปหมดเลย” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่าด้วยน้ำเสียงเพลีย ๆ พร้อมกับเอนตัว ทิ้งน้ำหนักพิงพนักโซฟาอย่างหมดแรง น้องไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย อย่างมากก็แค่สำรอกอาหารออกมา ตอนมันย่อยไม่ได้เท่านั้น



                “ก็เล่นอ้วกซะแรงขนาดนั้น ก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว” ชริณว่า



                “งั้นอยากกินอะไรร้อน ๆ ไหม เดี๋ยวจะทำให้” ชายหนุ่มเสนอความคิด กว่าอาการจะดีขึ้นก็เข้าช่วงสายของมันแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเราสองคนเลย



                “อือ...ก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้น้องหิวมาก” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า แม้จะได้กินหญ้าไปจนเกลี้ยงถาดเล็กแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้อิ่มท้องได้อยู่ดี เมื่อชริณได้ยินเช่นนั้น เขาก็ไม่รอช้า รีบเข้าครัว เตรียมทำข้าวต้มร้อน ๆ ให้อีกฝ่ายทานและทำอาหารเช้าให้กับตัวเองด้วย



                ชริณเลือกทำอาหารตามวัตถุดิบเท่าที่เหลือ ชายหนุ่มทำข้าวต้มหมูทรงเครื่องง่าย ๆ ใส่ไข่ให้เจ้าจิ้งจอกและตัวเขา เจ้าจิ้งจอกเล็กเพิ่งอ้วกมา มีอาการไม่สบายตัว ควรที่จะได้กินอาหารอ่อน ๆ



                พอมีเจ้าจิ้งจอกเข้ามาในชีวิต ชริณรู้สึกเลยว่าเขาเข้าครัวบ่อยมากขึ้น ส่วนใหญ่ยามอยู่คนเดียว เขามักจะซื้ออาหารแช่แข็ง สำเร็จรูปมากินมากกว่า ตามประสาพนักงานบริษัทที่แสนขี้เกียจและอาศัยอยู่เพียงลำพัง แต่พอมีเจ้าจิ้งจอกเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย เขาจึงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง



                ชริณอธิบายไม่ถูก เป็นห่วงสุขภาพทั้งของตัวเองและเจ้าจิ้งจอกด้วยส่วนหนึ่ง และที่แน่ ๆ อีกหนึ่งเหตุผลคือเขาไม่อยากให้เจ้าจิ้งจอกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพียงลำพัง ยิ่งกับพวกเตาแก๊ส ไมโครเวฟต่าง ๆ ชริณก็ยิ่งไม่ไว้ใจใหญ่ กลัวอีกฝ่ายจะเผาบ้านเข้าให้ แถมบ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่ของเขาอีกต่างหาก



                “เจ้าจิ้งจอก มากินข้าวได้แล้ว” หลังจากทำอาหารเสร็จ ชริณก็เรียกเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่กำลังนอนซมอยู่บนโซฟามากินข้าวดี

               









                “อร่อยจัง ฟู่วววว” หลังตักคำแรกเข้าปากแล้ว คำที่สองกำลังตามมาติด ๆ เจ้าจิ้งจอกก็เอ่ยชมชาริน  ซังอย่างเอาใจพลางเป่าข้าวต้มคำต่อไปให้หายร้อนไปด้วย ฝั่งชริณที่อยู่ตรงข้ามกันก็ถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน อาจเพราะท่าทางตลก ๆ เจ้าจิ้งจอกตรงหน้าก็ได้มั้ง



                “ก็อยู่แล้ว...คนทำนี่นา” ชริณว่า ไม่มีการถ่อมตัวอะไรทั้งนั้น “ถ้าอร่อย ก็กินเยอะ ๆ เมื่อเช้าออกของเมื่อวานออกไปหมดแล้วมั้งนั่น”



                “งั้นน้องจะกินให้หมดถ้วยเลย ชาริน ซังไม่ต้องเป็นห่วง” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกตกปากรับคำ



                “....ก็ดี” ชริณพูดเพียงสั้น ๆ ก่อนจะซดน้ำข้าวต้มทรงเครื่องแบบไทย ๆ เข้าปาก พลางชำเลืองมองเจ้ามนุษย์จิ้งจอกที่กำลังกินข้าวต้มฝีมือเขาด้วยท่าทีเอร็ดอร่อยเป็นระยะ ๆ



                หลังจากที่เราทั้งคู่กินอาหารเช้ากันหมดแล้ว ชริณก็ให้เจ้าจิ้งจอกไปนอนพักเก็บแรงไว้ เดี๋ยวอาการเมื่อเช้าจะกำเริบอีกครั้ง ส่วนเขาเองก็ทำหน้าที่เก็บจานชามไปไว้ล้าง เช็ดถูโต๊ะอาหาร



                “อาการดีขึ้นกว่าเมื่อเช้ายัง” หลังจากจัดการเรื่องโต๊ะอาหารเสร็จ ชริณก็มาถามอาการเจ้าจิ้งจอกน้อยอีกครั้ง



                “เหมือนอาการจะหายไม่เวียนหัวแล้ว” เจ้าจิ้งจอกว่า ปล่อยให้ชาริน ซังเอามือมาอังหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายของตนเอง หลังจากได้กินหญ้าอ่อน ร่างกายก็เหมือนจะดีขึ้นมาก ราวกับอาการที่เล่นงานน้องเมื่อช่วงเช้าเป็นแค่เรื่องโกหก



                ดวงตากลมโตมองถาดหญ้าอ่อนเล็ก ๆ ที่ถูกวางไว้หน้าประตู มันเกลี้ยงไปหมดเพราะฝีมือน้องเด็ดกิน ปกติน้องไม่ชอบกินหญ้า จะกินเฉพาะยามร่างกายต้องการแร่ธาตุบางอย่างเท่านั้น



                ปกติจิ้งจอกกินแต่สัตว์เล็ก ๆ พวกหนู กระต่ายป่า ไม่ค่อยได้กินพืช อีกทั้งเหล่าหญ้าพวกนี้มันทำให้น้องอาเจียน ไม่มีรสชาติ ไม่อร่อย หากถามว่าตอนนี้อยากกินอีกไหม น้องขอบอกเลยว่าไม่ มันสู้รสชาติข้าวต้มหมูของชาริน ซังไม่ได้เลยสักนิด



                “งั้นก็ดีแล้วล่ะ  พักผ่อนเถอะ” ชริณว่า หากเจ้าจิ้งจอกไม่เป็นอะไรมาก ก็ดีแล้ว



                “อือ....”



                “แต่หรือว่านี่คืออาการท้อง?” เขาว่าในสิ่งที่ตัวเองสงสัยตั้งแต่แรก ๆ



                 จริง ๆ ก็ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งบอกว่าเจ้าจิ้งจอกจะท้องได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นชาริณก็ยังแอบสงสัย เขาก็แค่อยากรู้ว่าเจ้าจิ้งจอกท้องหรือเปล่า หรือเป็นพียงแค่เขาคิดไปเองเท่านั้น ชริณจะได้ดูแลถูก



                “ท้องงั้นเหรอ....” เจ้าจิ้งจอกพูดตามชริณ พอได้ยินคำว่าท้องก็รีบจับท้องของตัวเองทันควัน แต่เจ้าจิ้งจอกก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองท้องไหม



                “อ้าว เป็นหมาแล้วไม่รู้เหรอว่าตัวเองท้องไม่ท้อง”



                “ก็น้องไม่เคยท้อง จะรู้ได้ไง”



                “เออว่ะ” ชริณว่า เขาก็ลืมไปว่านี่เป็นท้องแรกของเจ้าจิ้งจอก เพื่อให้ทุกอย่างกระจ่างชัด ชริณก็ไม่รอช้า เขารีบไปเอาโน้ตบุ๊กส่วนตัวของตนเองออกมากาง ค้นหาพฤติกรรมยามที่สุนัขตั้งท้อง จะได้รู้ให้แน่ชัดไปเลย



                ถ้าเกิดว่าเจ้าจิ้งจอกท้องจริง เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีสัตว์เล็ก ๆ เกิดมาบนโลกใบนี้ แต่ขณะเดียวกันชริณก็เริ่มกังวลใจ เพราะเจ้าจิ้งจอกไม่ใช่จิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ สามารถกลายร่างไปมา เอาแน่เอานอนไม่ได้แล้วมันจะเป็นปัญหาตอนคลอดน่ะสิ



                หากอีกฝ่ายคลอดในร่างคน แต่ลูกออกมาเป็นเจ้าจิ้งจอกสี่ขา เขาจะทำยังไง? เพราะหากคลอดในร่างคน อีกฝ่ายต้องไปคลอดที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นความลับที่เคยเป็นลับของเจ้าจิ้งจอก ก็จะไม่ใช่ความลับอีกต่อไป คนก็จะไม่ตายกันทั้งโลกเหรอ เพราะล่วงรู้ความลับของเจ้าจิ้งจอกเข้า



                เมื่อเปิดโน้ตบุ๊คได้แล้ว ชริณก็ไม่รอช้า เขารีบเปิดอ่านบทความเกี่ยวกับพฤติกรรมของสุนัขยามที่กำลังตั้งครรภ์ทันที ทุกครั้งที่เขาได้เลื่อนสายตาอ่านแต่ละบรรทัด ชริณรู้สึกได้เลยว่าเขาใจเต้นแรง เหมือนจะดีใจแต่ก็ไม่เชิง เพราะปัญหาที่ตามมามันก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย แถมยังปรึกษาใครไม่ได้อีก แม้กระทั่งเพื่อนสนิท



                “เจ้าจิ้งจอก เมื่อเช้ามีอะไรเหลว ๆ ออกมาบ้างไหม” ชริณหันไปถามเจ้าจิ้งจอกน้อย



                “ออกจากไหนเหรอ ถ้าทางคอ น้องอ้วกออกมาเยอะเลย”



                “ไม่ ๆ ฉันหมายถึงตรงช่องนั้นของนายน่ะ”



                “ไม่มี”



                “งั้นเหรอ...” ชริณตอบกลับเสียงแผ่ว



                ขณะเดียวกันเขาก็นั่งอ่านบทความเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของสุนัขไปด้วย ช่วง 1-3 สัปดาห์แรก สุนัขที่อยู่ในเกณฑ์น่าจะตั้งท้อง จะมีอาการ mild morning sickness คืออาการดูเหมือนจะป่วยๆ นิดๆ ในตอนเช้าๆ บางตัวอาจมีของเหลวสีชมพูอ่อนออกมาจากช่องคลอด แต่เจ้าจิ้งจอกของเขาไม่มี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังฟันธงอะไรไม่ได้อยู่ดี

     

           “แล้วสัญชาตญาณนายเคยบอกไหม ว่าถ้าท้องตอนคลอดลูกจะคลอดในร่างไหน” ชริณถามต่อ หากเขารู้จะได้รับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้ทัน



                “น้องไม่รู้.....”



                “......”



                “สัญชาตญาณบอกน้องแค่ว่า น้องต้องท้อง”







 

                คำพูดของเจ้าจิ้งจอกทำเอาชริณถึงกับคิดมากไปเกือบค่อนวัน มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าจิ้งจอกหรอกที่ไม่รู้อะไร เพียงแค่ว่าชริณก็แค่เสียดาย...อย่างน้อยถ้าอีกฝ่ายรู้อะไรก่อน เขาจะได้เตรียมแนวทางแก้ไขได้ก่อนที่เรื่องจะเกิด แต่พอเจอแบบนี้ กลายเป็นว่าต้องรอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเอา ที่ทำได้ในตอนนี้คือเขาต้องคิดเผื่อสองทาง ไม่ว่าจะเป็นการคลอดในร่างคนหรือร่างสัตว์



                “ชาริน ซังคิดมากเหรอ” ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าชาริน ซังผ่านความมืด ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาเข้านอน เจ้าจิ้งจอกน้อยรับรู้ได้เลยว่าชริณกำลังคิดมาก เงียบและนิ่งจนอดเป็นห่วงไม่ได้



                น้องอยากช่วยเหลือชาริน ซัง อยากบอกทุกอย่างเท่าที่ตัวเองรู้ แต่ในตอนนี้น้องเองก็ว่างเปล่า หากว่านี่การตั้งครรภ์ ก็จะเป็นการท้องครั้งแรกของน้อง ครอบครัวที่สามารถไขความกระจ่างแจ้งให้ชาริน ซังได้ก็ตายหมดแล้ว แล้วจะให้น้องทำยังไง



            น้องดีใจที่ตัวเองท้อง นั่นเท่ากับว่าภารกิจของน้องสำเร็จเสียที....แต่ในเวลาเดียวกัน น้องก็ไม่อยากให้ชาริน ซังเป็นกังวล...



                “เปล่าหรอก” ชริณตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะพลิกตัวหันหน้าไปหาเจ้าจิ้งจอกแล้ว แล้วลูบกลุ่มผมนุ่มของอีกฝ่ายแผ่วเบา



                 “งั้นจูบหน้าผากน้องหน่อย” เจ้าจิ้งจอกตัวเล็กว่า พร้อมกับขยับตัวเข้ามาใกล้ชาริน ซังทันที ท่อนแขนเล็กตวัดกอดเอวหนาไปอย่างหลวม ๆ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ชาริน ซังได้จูบหน้าผากตัวเอง



                “เจ้าจิ้งจอกน้อย....”



                “...จ๋า”



                “พรุ่งนี้กลายร่างกลับคืนเป็นหมาจิ้งจอกแล้วไปหาสัตวแพทย์ด้วยกันนะ เราดูเองเราไม่รู้หรอกว่าจะท้องไม่ท้อง ให้คุณหมอเขาอัลตราซาวด์ดีกว่า” ชริณว่า



                 อย่างแรกที่ต้องรู้คือสรุปเจ้าจิ้งจอกน้อยตั้งครรภ์จริงหรือเขาวิตกกังวลไปเองกันแน่ ให้สัตวแพทย์ตรวจร่างกายให้ชัดเจนไปเลยดีกว่า ว่าเจ้าจิ้งจอกเป็นอะไรกันแน่ แต่ถึงแม้จะไม่พบความผิดปกติ ยังไงเสียเจ้าจิ้งจอกก็ต้องลองไปตรวจร่างกายกับคุณหมอรักษามนุษย์อีกครั้ง เพราะเจ้าจิ้งจอกเป็นได้ทั้งมนุษย์และสัตว์ จะตรวจแค่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้



                “อือ....” เจ้าจิ้งจอกน้อยครางรับ แต่ดวงตากลมโตเริ่มแสดงความหวั่นกลัวออกมาท่ามกลางความมืดของห้องนอน เมื่อชาริน ซังพูดถึงสัตวแพทย์



                 “คุณหมอเขาจะจับน้องฉีดยาอีกไหม” มนุษย์จิ้งจอกน้อยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น



                น้องไม่อยากโดนคุณหมอจับฉีดยาอีกแล้ว ครั้งแรกที่ได้ไปที่นั่น น้องจำไม่ลืมเลย แม้การรักษาของคุณหมอจะทำให้ร่างกายน้องแข็งแรงขึ้น ดีต่อตัวน้องก็จริง แต่น้องไม่ชอบอยู่ดี น้องไม่ชอบกลิ่นยา ไม่ชอบเข็มยาว ๆ ของคุณหมอ



                “ไม่ฉีดยาหรอก แค่ไปตรวจร่างกายเอง แบบเมื่อเช้าอาการไม่ปกติแล้วนะ เราไม่เคยเป็นด้วยนี่ ใช่ไหม?”




                “ก็จริง...งั้นไปก็ได้ ชาริน ซังจะได้สบายใจด้วย”





_____________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง



เห็นในคอมเมนต์ที่โยนเข้ากับเรื่องท้องจริงไม่จริงที่ขำเลย ปั่นต้นฉบับนิดนึง

จะเปิดเทอมแล้ว แง



ชี้แจงเรื่องการกินหญ้านะคะ เห็นคนคอมเมนต์ถามกัน

ไม่ใช่สุนัขจะกินหญ้าเฉพาะตอนต้องการจะสำรอกขนหรืออาหารนะคะ มีสาเหตุที่น้องจะกิน เช่นไม่สบายท้อง ,อยากกินเพราะอยากกินเฉยๆ, กินตามสัญชาตญาณ,กินเพราะต้องการแร่ธาตุ ไฟเบอร์ แบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (1/2) 21.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-07-2018 21:30:32
คุณหมาป่าจะมาดีหรือมาร้าย..ยยยยยย  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (1/2) 21.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-07-2018 21:55:26
กังวลยิ่งกว่าท้องเองอีกค่ะ แง น้องจะคลอดยังไง มือใหม่กันหมดเลย
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (1/2) 21.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 22-07-2018 00:08:10
น่าจะคลอดในร่างของสุนัขนะเหมาะกว่าลูกๆๆออกมาเป็นสุนัขกลายได้ร่างมีหูมีหางเหมือนแม่งะ :interest:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (1/2) 21.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 22-07-2018 08:26:22
ท้องเถอะนะ อยากมีหลานแล้ว
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (1/2) 21.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 22-07-2018 09:33:12
 :katai2-1:   :katai2-1:   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (1/2) 21.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 22-07-2018 11:04:17
ท้องมั่ยท้อง?!?!
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (2/2) 22.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 22-07-2018 13:56:29
       

           “เจ้าจิ้งจอกพร้อมไปกันยัง?”



                แอ๊!



                นานมากแล้วที่ชริณไม่ได้ยินเสียงเจ้าจิ้งจอกร้อง พอได้ยินเสียงอีกครั้ง ทำให้ชริณถึงกลับหลุดหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ตั้งแต่ตื่นมา เขาก็เห็นว่าเจ้าจิ้งจอกตัวเล็กกลับคืนสู่ร่างสัตว์ นอนจ้องเขาอยู่บนเตียงเดียวกัน เตรียมพร้อมจะไปพบคุณหมอแล้ว



                หลังจากทานข้าวเช้าและเทอาหารเม็ดให้เจ้าจิ้งจอกแดงได้กินเสร็จ ชริณก็หยิบกระเป๋าสำหรับหิ้วสัตว์ที่ซื้อมาตั้งแต่คราวนู้น รูดซิปเปิดแล้วตบเบา ๆ เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายเข้ามานั่งในนี้ ซึ่งเจ้าจิ้งจอกตัวเล็กก็รู้งาน มันเดินนวยนาดยามปีนเข้ามานั่งในกระเป๋าหิ้วแต่โดยดี



                “จะพาไปแล้วนะ” เขาบอกจิ้งจอกน้อง ก่อนจะรูดซิปกระเป๋า ปิดประตูบ้าน พาอีกฝ่ายไปยังโรงพยาบาลสัตว์ที่เปิดสี่ยิบสี่ชั่วโมง เพื่อให้คุณหมอได้ตรวจร่างกาย



                หนที่แล้วชริณแจ้งในใบประวัติการรักษาว่าเป็นเพศชาย แต่ครั้งนี้ชริณต้องประสบปัญหา เพราะเขากำลังเอาเจ้าจิ้งจอกแดงเพศชายมาอัลตราซาวด์หาลูก...



                “จะเอาสุนัขเพศชายมาอัลตราซาวด์หาการตั้งครรภ์เหรอคะ”



                “ครับ...คือเจ้าจิ้งจอกแดงตัวนี้ผมเองก็เพิ่งสังเกตว่าน้องมีสองเพศ มีช่องคลอดด้วย แล้วที่นี้ผมเคยเห็นว่าน้องมีอะไรกันกับหมาแถวบ้านน่ะครับ เลยอยากเอามาตรวจให้แน่ชัดว่าน้องท้องไหม”



                หมาแถวบ้านที่ไหนกันล่ะ ชริณนี่แหละที่เป็นคนทำ! เขาลงทุนว่าตัวเองว่าเป็นสุนัขแล้วนะ ได้โปรดขอให้เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสัตว์เห็นใจ อัลตราซาวด์เจ้าจิ้งจอกตามความต้องการของเขาเถอะ แต่ทว่าอีกฝ่ายกลับทำสีหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อชริณเท่าไรนัก



                “เถอะนะครับ ผมไม่สบายใจเลย”



                “ก็ได้ค่ะ งั้นขอแจ้งคุณหมอสักครู่นะคะ”



                “ขอบคุณมากครับ!”



                ในที่สุดเจ้าจิ้งจอกก็ได้อัลตราซาวด์ตามความต้องการของชริณจนได้ เจ้าตัวเล็กมีความแตกตื่นเจ้าหน้าที่และคุณหมอประจำโรงพยาบาลเสร็จอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ส่งเสียงโวยวายเหมือนหนก่อน ที่ฉีดยาไปแล้วแต่เพิ่งมาโวยวายทีหลัง หลังจากเจ้าจิ้งจอกน้อยอัลตราซาวด์เสร็จ ก็เป็นหน้าที่ของชริณที่ต้องไปฟังสัตวแพทย์อธิบาย



                “เพิ่งเคยเห็นจิ้งจอกมีสองเพศในร่างเดียวกัน...แปลกจังเลยนะคะ น้องมีช่องคลอดด้วย” สัตวแพทย์พูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ชริณ ก่อนจะรับผลอัลตราซาวด์จากเจ้าหน้าที่มาอ่าน



                “ครับ....ผมก็เพิ่งมาสังเกตช่วงหลังนี่เอง” ชริณโกหกคำโตอีกครั้ง ภาวนาในใจขอให้อีกฝ่ายอย่าระแคะระคายหรือสงสัยอะไรเลย



                “ค่ะ....สรุปไม่พบการตั้งท้องของน้องนะคะ คือสรีระของน้องไม่ได้ผิดปกติเลยค่ะ อาจมีแค่ช่องคลอดทีผิดปกติ”



                “อะไรนะครับ? สรุป....น้องไม่มีมดลูกใช่ไหมครับ”



                “ใช่ค่ะ....แต่ถ้าสมมติว่าท้องจริง ช่วงหนึ่งถึงสามสัปดาห์แรกจะไม่รู้หรอกนะคะว่าท้องหรือเปล่า เพราะถ้าอัลตราซาวด์ก็คงไม่เห็นอะไร จะสามารถตรวจได้ตอนอายุครรภ์ครบสี่สัปดาห์นะคะ...”



                “แสดงว่าตอนนี้สามารถท้องและไม่ท้องได้ใช่ไหมครับ” ชริณถามต่อ เขาแอบใจชื้นขึ้นมาเล็ก ๆ แต่ก็แอบกังวลเช่นกัน หากเจ้าจิ้งจอกท้องไม่ได้ก็แสดงว่าจะเผ่าพันธุ์ของมันก็จะสูญพันธุ์น่ะสิ



                “ใช่ค่ะ แต่ว่าน้องไม่มีมดลูกนะคะ.... หมอไม่เคยเจอเคสแบบนี้เลยค่ะ” สัตวแพทย์สาวว่า “น้องอาจมีอาการอยากกินหญ้า ดูซึม ๆ ในช่วงตอนเช้า ซึ่งน่าจะเป็นความผิดปกติของร่างกาย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถ้าน้องไม่มีมดลูกก็คงท้องไม่ได้”



                “แล้วผมขอถามไหมครับ ว่าจิ้งจอกสามารถคลอดลูกได้มากสุดกี่ตัว” ชริณถาม



                “จิ้งจอกส่วนใหญ่จะคลอดลูกครั้งละสี่ถึงห้าตัวค่ะ ใช้เวลาตั้งท้องทั้งหมดแปดถึงเก้าสัปดาห์ค่ะ”



                “.....”



                “ถ้าน้องมีอาการผิดปกติ มากกว่าอาการซึม ๆ ก็สร้างให้มาตรวจร่างกายอีกได้นะคะ ว่าแต่ชริณ ซังมีอะไรสงสัยอีกไหมคะ?”



                “ไม่แล้วครับ...ขอบคุณมากครับ”







 

                “น้องจะไม่มีมดลูกได้ยังไง น้องมั่นใจว่าตัวเองต้องท้อง!”



                “ก็คุณหมอเขาหามดลูกไม่เจอ”



                “คุณหมอมั่ว! สัญชาตญาณบอกน้องว่าต้องท้อง!” เสียงตะโกนโวยวายดังลั่นบ้าน หลังชริณบอกกับเจ้าจิ้งจอกน้อยว่าอีกฝ่ายไม่มีโอกาสท้อง เพราะสัตวแพทย์หามดลูกไม่เจอ



                ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รีบโวยวายไม่ยอมรับความจริง มั่นใจว่าตัวเองจะต้องท้องแน่ ทว่าหลักฐานอะไรกลับไม่มียืนยัน นอกจากบอกว่าสัญชาตญาณตัวเองบอกมา



                ชริณถึงกับถอนหายใจ อธิบายยังไงเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่ฟัง แล้วจะให้เขาทำยังไง สัตวแพทย์ว่าอย่างไร เขาก็ต้องเชื่อตามนั้น แถมฝั่งนั้นเองก็มีหลักฐานยืนยันด้วยว่าเจ้าจิ้งจอกไม่มีมดลูกจริง ๆ



                “งั้นไว้ท้องแล้วจะเชื่อล่ะกัน” ชริณเลือกที่จะพูดตัดบทเจ้าจิ้งจอกน้อย เพราะไม่อยากเถียงกับอีกฝ่าย แต่ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ยอมเช่นกัน จะเอาชนะเขาให้ได้



                “หยุดเดินเดี๋ยวนี้นะชาริน ซัง! นี่ชาริน ซังไม่เชื่อน้องเหรอ” เจ้าจิ้งจอกว่าพร้อมกับคว้าแขนชาริน ซังที่กำลังเดินหนีเข้าห้องนอนไว้ทันควัน ในหัวของน้องมีแต่คำว่าทำไม ทำไม เต็มไปหมด น้องว่าคุณหมอมั่วแล้ว ทำไมน้องจะไม่มีมดลูกเล่า น้องมั่นใจมากว่าตัวเองต้องท้อง!



                “ไม่ใช่ไม่เชื่อ... แต่จะอธิบายยังไงในเมื่อคุณหมอเขาอัลตราซาวด์ให้แล้ว แต่ไม่เจอมดลูก จะเชื่อได้ยังไง” ชริณถามกลับบ้าง



                “ก็เชื่อสัญชาตญาณน้องไงเล่า!”



                “เราเอาแต่ใจแล้วนะ ไว้อารมณ์ดีกว่านี้ เข้าใจอะไรง่าย ๆ ค่อยคุยกันอีกรอบ” ชริณว่าตัดบทอีกครั้ง ตั้งท่าจะเดินหนีเข้าห้องนอนอย่างเดียว ซึ่งเจ้ามนุษย์จิ้งจอกก็ไม่ได้คว้าแขนรั้งไว้อีกแล้ว กลับมาหัวเสียกับตัวเองแทน



                “น้องจะไม่ท้องได้ยังไง คุณหมอนั่นแหละมั่ว! ฮึ่ย!!”



                กลายเป็นว่าหลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาลสัตว์เราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย จะเรียกว่าทะเลาะก็ไม่เชิง แต่ไม่คุยกัน ต่างคนต่างอยู่มากกว่า เจ้าจิ้งจอกอยู่ข้างนอก นอนดูโทรทัศน์ทั้ง ๆ ที่ดูเรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ส่วนชริณก็นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน



                ตกดึกมา ยามปกติเจ้าจิ้งจอกน้อยมักจะออดอ้อนของจูบจากชริณเสมอ แต่วันนี้กลับนอนหันหน้าหนี ไม่พูดจาด้วย กลายเป็นเขาที่ต้องเขยิบตัวเข้าไปใกล้เสียเอง



                “ไม่ต้องเข้ามาใกล้น้องเลย น้องไม่อยากคุยด้วย” จังหวะที่กำลังตวัดแขนกอด เจ้าจิ้งจอกพูดขึ้นมาทันควัน ทำเอาท่อนแขนชริณชะงักกลางอากาศ



                “ก็ได้....แต่ไม่ง้อหรอกนะ” ชริณพูดอย่างวางฟอร์ม ไว้อีกฝ่ายอารมณ์ดีกว่านี้ ค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย



                “อือ!” เจ้าจิ้งจอกน้อยเองตอบกลับมาทันควัน ตั้งท่าจะไม่ยอมเหมือนกัน แม้ไม่มีมดลูก น้องก็มั่นใจว่าตัวเองต้องท้องกลายเป็นว่าคืนนี้เป็นคืนแรกที่เรานอนหันหลังให้กัน....



                เช้าวันใหม่เวียนมาถึงอีกครั้ง ชริณที่อยู่ในสภาพงัวเงีย คว้าสเปะสะปะ หมายจะดึงร่างนุ่มนิ่มเข้ามากกกอดไว้ตามความเคยชิน ทว่าคิ้วเข้มกลับต้องขมวด เมื่อเขาได้สัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่เป็นก้อนขนนอนขดอยู่ข้างกาย ทำให้ชายหนุ่มต้องงัดเปลือกตาที่หนักอึ้งตัวเองขึ้นมา เพื่อพิสูจน์ความสงสัยของตัวเอง



                “เฮ้ย!” ชายหนุ่มอุทานเสียงหลง เมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยที่ควรจะเป็นมนุษย์กลับกลายร่างเป็นเจ้าจิ้งจอกน้อยเหมือนในวันวาน



                ฝั่งเจ้าจิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังสะลึมสะลือก็ตื่นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจของชริณ ก่อนจะไล่สายตามองเนื้อตัวของตนเองด้วยความประหลาดใจ หัวใจดวงน้อยถึงกับกระตุกวูบ ไม่เคยกลายร่างกลับจิ้งจอกทุกครั้งที่ได้นอนบนเตียงเดียวกับชาริน ซัง จึงพยายามหลับตาปี๋ตั้งจิตให้แน่วแน่ เพื่อที่จะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง ทว่าร่างกายกลับไม่เป็นอย่างที่ใจปรารถนาอีกแล้ว



                น้องกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ไม่ได้!




                แอ๊!!!!!!!!!















_____________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

น้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง อีก4บทจบนะคะ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (2/2) 22.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-07-2018 14:06:49
กลับเป็นคนเถอะจะได้ปั๊มลูกกันอีก โอ้ยสงสาร
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (2/2) 22.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-07-2018 14:11:19
เกิดอะไรขึ้น!!!
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (2/2) 22.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 22-07-2018 16:04:28
น้องเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นรู้กกกก

สรุปน้องจะท้องมั้ย นี่คิดชื่อหลานรอแล้วนะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.10 (2/2) 22.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 22-07-2018 16:14:40
อ้าว ทำไมอ่าาาาา เกิดอารายขึ้้นนน :katai4:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 23-07-2018 17:15:37


11


   ความชุลมุนตกใจเกิดขึ้นในทันที เพราะไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่สามารถกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง เมื่อไม่ได้ดั่งใจเจ้าจิ้งจอกก็เริ่มน้ำตาซึม พยายามแค่ไหนทุกอย่างก็ยังล้มเหลว
   ทำไม....ทำไมน้องกลายร่างไม่ได้?
   ดวงตากลมโตคลอไปด้วยน้ำใส ผิดหวังที่ทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจตัวเอง ทำไมน้องถึงกลายร่างไม่ได้ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เลย
   “ไม่เอา ไม่ร้อง” ชริณลูบหัวเจ้าจิ้งจอกตัวน้อย พยายามเช็ดน้ำตาออกให้ หลังเขาเดินตามมันออกมาจากห้องนอน เจ้าจิ้งจอกพยายามหลับตาปี๋ เหมือนกำลังกลั้นใจอธิษฐานบางอย่างอยู่หลายหนแล้วก็เริ่มน้ำตาซึมออกมา
   “ฮึก...ก” ความเสียอกเสียใจของเจ้าจิ้งจอกน้อย ทำให้มันเลือกที่จะหันหน้าเข้ากำแพง ชริณเองก็ถึงกับไปไม่ถูก จึงทำได้แค่ลูบหัว คอยให้กำลังใจเท่านั้น
   เมื่อเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ล้มตัวนอนกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยาก มีอาการซึมเศร้าอย่างเห็นได้ชัด จนชริณอดห่วงไม่ได้ เพราะเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่กินข้าวกินน้ำเลยตั้งแต่ตื่นมา
   “กินข้าวเร็ว” เขาเรียก พร้อมกับเคาะถาดข้าวเรียก
   “.....”
   “ไม่กินข้าวก็ต้องกินน้ำนะ” เขาว่าต่อเมื่อยังคงเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกยังเงียบอยู่ ไม่ยอมขยับร่างกาย มีแต่มองหน้าชริณอย่างนิ่ง ๆ
   “เจ้าจิ้งจอก....” เขาเรียกมันอีกหน คราวนี้เจ้าจิ้งจอกถึงยอมลุกขึ้น เดินไปจิบน้ำพอเป็นพิธีไม่ให้ถูกบ่นไปมากกว่านี้แล้วกลับมาล้มตัวนอนต่อราวกับไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น ทิ้งให้ชริณถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อย หลังชาริน ซังกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วก็กลับมาเครียดเช่นเดิม...ความเครียดเริ่มกัดกินใจน้องอย่างช้า ๆ ตอนนี้ในหัวของน้องมีแต่คำว่าทำไม ทำไม อยู่เต็มไปหมด หากน้องไม่สามารถกลายร่างกลับคืนมนุษย์ได้ อยู่ในร่างนี้ตัวชีวิต เผ่าพันธุ์ของน้องจะสูญพันธ์ไปใช่ไหม...
   ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดมากขึ้นเท่านั้น หากน้องท้องไม่ได้ ก็แปลว่าภารกิจของน้องไม่สำเร็จ น้องไม่มีประโยชน์อะไร กลายคืนสู่สถานะจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ ตัวหนึ่ง.... แล้วต่อจากนี้ไปไม่มีภารกิจที่ต้องทำแล้ว ชาริณ ซังจะยังอยากอยู่กับน้องไหม?
   ฝั่งชริณเองเมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่แตะต้องอาหารสักเม็ด เขาก็ลงทุนเข้าครัวอีกครั้ง เพื่อที่จะทำอาหารสำหรับหมา เผื่อเจ้าจิ้งจอกอาจเบื่อหน่ายอาหารเม็ดก็เป็นได้
   เขาไม่รู้หรอกว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้กลับมาในร่างจิ้งจอกแดงอีกครั้ง มันเป็นความผิดพลาดหรือไม่เป็นสัญชาตญาณบางอย่างที่เจ้าจิ้งจอกอาจไม่เคยรู้ก็ได้ ชริณเองก็ไม่รู้จะช่วยเหลือยังไงเหมือนกัน พยายามลองค้นหาอ่านพวกตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกแดงอีกหลายหนแล้ว แต่ก็พบเพียงตำนานปิศาจจิ้งจอกเท่านั้น
    เขาอยากลองหาทางช่วยเหลือ แต่ก็เหมือนมืดทั้งแปดด้าน พอ ๆ กับเจ้าจิ้งจอกที่ไม่รู้สาเหตุของเรื่องนี้เช่นกัน  ตอนนี้ชริณก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากคอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ ไม่ให้อีกฝ่ายคิดมากไปกว่านี้
   “เจ้าจิ้งจอก กินข้าวเร็ว” ชริณเรียกขานเจ้าหมาง่วงซึมอีกครั้ง เคาะถาดข้าวใบใหม่เพื่อเรียกให้เจ้าจิ้งจอกลุกมากินข้าวเสียดี ๆ
   วันนี้ชริณอุตส่าห์ทำสตูหมู อาหารสำหรับสุนัขที่เขาอุตส่าห์เปิดกูเกิ้ล หาวิธีมาจากอินเทอร์เน็ต มาทำให้อีกฝ่ายกิน เอาเนื้อหมูไม่ติดมัน แครอท ไข่ไก่ มันฝรั่งออกมาจากตู้เย็น ลงทุนปรุงรสจนกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วห้องครัวเชียว เจ้าจิ้งจอกไม่ต้องกินจนหมดถาดก็ได้ แต่เจ้าจิ้งจอกต้องกิน เดี๋ยวล้มป่วยขึ้นมาแล้วจะแย่เอา
   “มากินข้าวเร็ว ๆ อุตส่าห์ลุกมาทำให้กินเลยนะ” ชริณเรียกเจ้าจิ้งจอกอีกหน คราวนี้เขาใช้โทนน้ำเสียงเข้มขึ้นเพื่อให้คล้ายกับการออกคำสั่ง นั่นทำให้เจ้าจิ้งจอกยอมเดินมากินอาหารแต่โดยดี
   เพราะไม่ได้กินอะไรเลยตลอดทั้งวัน พอร่างกายได้กลิ่นอาหารหอมฉุยเข้าหน่อย กระเพาะเล็ก ๆ ก็ส่งเสียงร้องทันควัน ลิ้นยาวค่อย ๆ กินอย่างไม่รีบร้อน แต่ทว่าใช้เวลาเพียงไม่นานสตูหมูฝีมือชาริน ซังก็เคลื่อนย้ายไปอยู่ในกระเพาะเล็ก เหลือไว้แต่ถาดเปล่าให้ดูต่างหน้าแทน
   “เก่งมากเจ้าจิ้งจอก! ต้องยังงี้สิ” เมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกจัดการสตูฝีมือเขาจนเกลี้ยงถาด ชริณก็รีบลูบหัวเพื่อให้รางวัล พอได้เห็นเจ้าจิ้งจอกกินอะไรลงท้องบ้าง เขาจะได้คลายความกังวลลงบ้างอย่างน้อยก็มีอะไรตกถึงท้องอีกฝ่าย
   ช่วงเวลาตั้งแต่เย็นจนถึงหัวค่ำ ชริณได้ให้เวลากับเจ้าจิ้งจอกน้อยไปเสียหมด ด้วยความที่ไม่อยากทิ้งมันอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง กลัวจะฟุ้งซ่าน พูดกับใครก็ไม่ได้อีก เขาจึงจัดการอุ้มเจ้าจิ้งจอกแดงขึ้นมานั่งบนโซฟา ดูโทรทัศน์ด้วยกันเสียเลย ขณะที่กำลังดูรายการข่าวหัวค่ำ ชริณก็ลูบหัวมันไปหมด เขาอยากช่วยเหลือเจ้าจิ้งจอกน้อยจริง ๆ แต่เขาก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
   กลายเป็นว่าช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ชริณใช้เวลาตะลึงไปกับเรื่องของเจ้าจิ้งจอกเป็นสิบรอบ นับตั้งแต่เช้าวันเสาร์กับอาการแปลก ๆ จนคล้ายว่าจะตั้งท้อง จนถึงวันอาทิตย์ที่จู่ ๆ ก็กลายร่างเป็นจิ้งจอกแดงเช่นเดิม มิหนำซ้ำยังกลายกลับคืนไม่ได้อีก ชริณจนปัญญากับเรื่องนี้จริง ๆ
   “อยากเข้าไปนอนด้วยกันไหม?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม หลังเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเกือบสี่ทุ่มแล้ว พรุ่งนี้เขาต้องเข้าบริษัททำงานไปอีก จะลาอีกก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะไม่ได้โบนัสพักร้อน
   เจ้าจิ้งจอกน้อยได้มองหน้าชริณอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดจาและไม่มีท่าทีจะลุกตามชริณเข้าห้องนอนมา ชายหนุ่มได้ถอนหายใจอย่างลำบากใจ สงสารก็สงสาร เรื่องเมื่อวานก็ยังไม่ปรับความเข้าใจกัน มีเรื่องนี้เข้ามาแทรกอีก
   เราสบตากันครู่หนึ่ง ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาจะมีข้อความมากมายที่อยากบอกให้ชริณได้รับรู้ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่พูด เล่าเรื่องราวผ่านสายตาเศร้า ๆ ออกมาเท่านั้น เพราะอยู่ในร่างสัตว์ พูดจาภาษามนุษย์ไม่ได้ ขีดกำจัดของร่างกายมันก็มี ทำอะไรก็ไม่เทียบเท่ากับตอนอยู่ในร่างมนุษย์อยู่แล้ว
   “งั้นถ้าอยากเข้ามานอนก็มานะ ประตูไม่ได้ล็อก” ชริณว่าสั้น ๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป ทิ้งให้เจ้าจิ้งจอกน้อยอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง

   หากมีปาฏิหาริย์....ชริณก็อยากขอให้เจ้าจิ้งจอกกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ได้เหมือนเดิม....
   เช้าแห่งการไปทำงานก็เวียนมาถึงอีกจนได้ เป็นวันที่ชริณก็ไม่อยากตื่นมากที่สุด ข้างกายของเขาไร้เงาของเจ้าจิ้งจอก เป็นอันรู้กันว่าอีกฝ่ายไม่ได้เข้ามานอนในห้องทั้งคืน ชายหนุ่มจึงยืดเส้นยืดสาย ลุกขึ้นออกไปเช็กข้างนอก ภาวนาขอให้วันนี้สถานการณ์ทุกอย่างกลับคืนปกติ
   ทว่าทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีปาฏิหาริย์อะไรทั้งนั้น ภาพที่ชริณเห็นคือภาพของเจ้าจิ้งจอกน้อยกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา ขดตัวเป็นวงกลม กกกอดตัวเองเอาไว้
   “เดี๋ยวจะรีบกลับมานะ ข้าว น้ำเตรียมไว้ให้พร้อมแล้ว ไม่ต้องเครียด ไม่ทิ้งหรอก”
   ก่อนจะออกไปทำงาน ชริณก็พูดคุยกับเจ้าจิ้งจอกอย่างเช่นทุกที เขาไม่รู้ว่าในตอนนี้ มันกำลังคิดเรื่องอะไรบ้าง ภายใต้แววตานิ่ง ๆ นั่น แต่ชริณต้องรีบบอกมันไว้ก่อนว่าจะไม่มีทางทิ้งเด็ดขาด เคยเอ่ยปากให้สัญญาอะไรไว้ เขาก็จะรักษาคำนั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนหรือสัตว์ก็ตาม...
   “ไปแล้วนะ ดูแลบ้านดี ๆ ด้วย”
   “.....” เจ้าจิ้งจอกน้อยไม่ได้ส่งเสียงร้องตอบกลับ หรือทำท่าทางร่าเริงอย่างเช่นทุกวัน แต่กลับมองหน้าชริณนิ่ง ๆ มอง...จนอีกฝ่ายอยู่ไกลสุดสายตา

   “สรุปไปบ้านชริณ ซังนะ สะดวกใช่ไหม”
   “บ—บ้านผมเหรอครับ”
   “อา...ไม่สะดวกงั้นเหรอ”
   “สะดวกครับหัวหน้า แต่ว่า....”
   “แต่ว่า?”
   “ป—เปล่าหรอกครับ สามารถมาได้” สุดท้ายชริณก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป เพราะหากพูดไป ทุกคนคงมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่เขากำลังเกรงใจเจ้าจิ้งจอก สภาพจิตใจและอารมณ์ของมัน คงไม่ได้อยู่สภาพพร้อมที่จะรับแขกเท่าไรนัก ขนาดตอนอยู่กับเขา หน้ายังไม่ค่อยอยากจะมองเลย
   “ไปได้แน่นะ”
   “ได้ครับ” ชริณยืนยัน
   “งั้นก็ตามนั้นแล้วกัน”
   “ครับ หัวหน้า”
   เหตุมันเกิดที่ว่าหัวหน้าแผนกเขาอยากจะเลี้ยงวันเกิดของเจ้าตัว ครั้นจะไปนั่งกินที่ร้านอาหารก็ไม่เหมาะเท่าไรนัก เพราะเราค่อนข้างเสียงดัง ขี้โวยวาย เวลาแอลกอฮอล์เข้าปาก จึงไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัท จึงตัดสินใจหาบ้านใครสักคนกินเลี้ยงกันดีกว่า ปรากฏว่าหวยมาลงที่บ้านของชริณ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ยังไม่มีครอบครัว บ้านอยู่ห่างไกลจากครัวเรือนอื่น
   มติเป็นเอกฉันท์ว่างานเลี้ยงวันเกิดของหัวหน้า จะใช้บ้านชริณเป็นสถานที่จัด ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้หวงอะไร แต่มาติดตรงรู้สึกว่าเกรงใจเจ้าจิ้งจอกนี่แหละ ถึงได้ทำให้เขาหนักใจจนถึงตอนนี้
   “สรุปบ้านมึงได้แน่นะ” หลังจากที่เราแยกย้ายกันแล้ว เป็นอันเข้าใจว่าจะมาเจอกันที่บ้านของชริณหลังเลิกงาน เมฆก็เดินมาคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว อีกฝ่ายคงเดาจากสีหน้าชริณออกว่าเขากำลังมีเรื่องหนัก
   “ได้ ๆ”
   “สีหน้ามึง....”
   “กูแค่เกรงใจเขา”
   “อ๋อ...คนนั้นของมันอะนะ งั้นให้กูไปคุยกับหัวหน้าให้ใหม่ไหม เอาห้องกูก็ได้ แต่ให้เบาเสียงลงกว่าปกตินิดหน่อย” เมฆเสนอความคิด
   “ไม่เป็นไรหรอก เอาบ้านกูนี่แหละ”
   หลังจากเลิกงานเสร็จ ทุกคนที่จะมากินเลี้ยงในวันนี้ก็ต่างแยกย้ายแบ่งหน้าที่กันไป บางส่วนก็ไปซื้อของที่ทำกินกันวันนี้ ส่วนชริณเองก็ต้องรีบกลับบ้าน ไปเคลียร์พื้นที่ให้กว้างพอและบอกเจ้าจิ้งจอกด้วยว่าวันนี้มีแขกมาบ้าน เขาล่ะกลัวใจเหลือเกินว่ามันจะหงุดหงิด ไล่งับทุกคนเหมือนตอนที่ทำกับซากุระคราวนั้น
   ชริณมาถึงบ้านเร็วกว่าปกติ เมื่อเปิดประตู เจ้าจิ้งจอกก็มองเขาอย่างตื่น ๆ ดูเหมือนมันเองก็คงตกใจเหมือนกันที่เขากลับบ้านเร็ว เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งแรกที่ชริณมองคือถาดข้าว ถาดน้ำของเจ้าจิ้งจอก มันพร่องไปแค่นิดเดียว เมื่อเช้าชริณใส่อาหารเม็ดให้จนพูนถาด
   “กินข้าวน้อยจัง” เขาว่าพร้อมกับเดินไปลูบหัวเจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างเช่นทุกที
   “.....”
   “ยังไม่หายซึมอีกเหรอ ไม่ต้องเครียด ๆ” ยิ่งเห็นท่าทางซึม ๆ ของเจ้าจิ้งจอกน้อย ชริณก็ยิ่งสงสารเข้าไปใหญ่ ปกติเขาเคยชินที่อยู่กับความร่าเริงของเจ้าจิ้งจอกน้อย มากกว่าจะได้เห็นเช่นนี้ ยอมรับเลยว่าไม่ชิน
   “อืม...เจ้าจิ้งจอกวันนี้จะมีคนมาบ้านนะ อย่าไปกระโดดงับเขาอีกรู้ไหม แบบนั้นมันไม่น่ารักเลย” เมื่อนึกได้ว่าวันนี้กลับบ้านเร็วทำไม เขาก็รีบพูดคุยกับเจ้าจิ้งจอกทันที ต้องบอกก่อน ไม่รู้ว่ายามมันอยู่ในร่างจิ้งจอกจะรู้ทุกคำที่ชริณพูดไหม แต่เขาก็ต้องบอกมันไว้ก่อน
   เมื่อเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่ได้มีท่าทีขัดขืนอะไรหรือแสดงความไม่พอใจอะไรออกมา ชริณก็ปลีกตัวไปล้างจาน เก็บข้าวของ เสื้อที่พาดไว้อยู่บนโซฟาให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนที่กลุ่มเพื่อนร่วมงาน ร่วมแผนกจะเดินทางมาถึง

   เฮ!!
   เสียงแก้วกระทบกันเคล้ากับเสียงเฮของเหล่าเพื่อนร่วมงาน เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีชนแก้วกันเสียที งานนี้ไม่ได้มีแต่แผนกของชริณที่มาที่บ้าน แต่รวมไปถึงซากุระที่อยู่แผนกบัญชีก็มาร่วมงานด้วย เพราะสนิทชิดเชื้อกับเจ้าของวันเกิดอย่างหัวหน้า
   โชคดีที่บริษัทของชริณไม่ได้เคร่งครัดอะไรมากนัก หลังเลิกงานเราจะไม่มีการพูดเรื่องงานอีก เพื่อเพิ่มความเครียดให้กับใครคนใดคนหนึ่งอีก ทำงานคือทำเต็มที่ ตรงต่อเวลา เลิกงานปุ๊บทุกอย่างคือจบ นอกเวลางานคือการใช้ชีวิตส่วนตัว หัวหน้าแผนกชริณก็เป็นกันเอง ทำให้ยามเราอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครเคอะเขิน ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ
   “กินกันเยอะ ๆ เลยนะทุกคน มื้อนี้ไม่อั้น มีของเต็มที่” หัวหน้าแผนกพูด
   “รับทราบครับ/รับทราบค่ะ”
   “ดื่มให้หมดแก้วสิชริณ คุง” คราวนี้หัวหน้าหันมาพูดกับชริณที่นั่งอยู่ใกล้ที่สุดและเป็นเจ้าของสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์
   “ค..ครับ” ชริณรับปาก ก่อนจะยกแก้วสาเกดื่มจนหมดจอก
   ตอนนี้เหล่าพนักงานร่วมแผนกรวมถึงคนอื่นอยู่ในบ้านชริณห้าหกคน โชคดีที่บ้านเดี่ยวของเขาไม่ได้ใหญ่และแคบจนเกินไป ทำให้เราสามารถนั่งล้อมวงรอบโต๊ะญี่ปุ่นร่วมกันได้ไม่อึดอัดและหลาย ๆ คนเราก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
   การเลี้ยงสังสรรค์ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันชริณก็เหลือบไปมองเจ้าจิ้งจอกที่กำลังนอนแนบไปกับพื้นบ้านเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่เพื่อนทยอยเข้ามาบ้าน สิ่งเดียวที่ชริณปวดหัวมากที่สุดก็คือเรื่องราวระหว่างซากุระและเจ้าจิ้งจอกน้อย…
   แม้ครั้งนี้เจ้าจิ้งจอกจะไม่ได้แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรกับซากุระ เพราะมัวแต่เศร้าเรื่องตัวเองอยุ่ แต่หญิงสาวก็แสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนชริณต้องพูดยืนยันว่าเจ้าจิ้งจอกคงไม่ได้ไม่ชอบหน้าเธอ มันก็แค่ไม่ชอบกลิ่นหอมที่ติดตัวหญิงสาวเท่านั้น แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไร พยายามจ้องเจ้าจิ้งจอกเป็นระยะ ๆ จนมันเลิกสนใจเรื่องของตัวเองและจ้องเธอตาไม่กะพริบแทน
   “อืม...เจ้าจิ้งจอกตัวนี้ชริณ คุงเลี้ยงมันมานานแล้วเหรอ” ระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งดื่ม สนทนาอย่างออกรสชาติ หัวหน้าแผนกก็ชวนชริณพูดคุยต่อ
   “ไม่นานเท่าไรครับ ยังไม่ครบปีเลย” ชริณว่า
   “เป็นจิ้งจอกป่า?”
   “ประมาณนั้นครับ ตอนผมเจอเจ้าจิ้งจอกครั้งแรก ผมเห็นมันกำลังคุ้ยขยะอยู่ ตัวของมันผอมกะหร่องมากเลย สงสารเลยหาอาหารให้กิน มันก็เลยมาอยู่ด้วยจนถึงตอนนี้นี่แหละครับ” ชริณว่า ย้อนกลับไปตอนที่เขาเจอเจ้าจิ้งจอกครั้งแรก มันน่าสงสารจริง ๆ ตัวที่ผอมกะหร่อง ผอมจนเห็นกระดูกซี่โครงชัดเจน ยังเป็นภาพติดตาชริณจนถึงทุกวันนี้
   “แล้วไม่กลัวเหรอ”
   “ครับ?”
   “อ้าว...ชริณ คุงไม่เคยได้ยินตำนานปิศาจจิ้งจอกของญี่ปุ่นเหรอ น่ากลัวไม่หยอกนะ” หัวหน้าถามหน้ายิ้ม
   “อ๋อ...ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอกครับ” เขาโกหกคำโต....ใครว่าชริณไม่เชื่อเรื่องพวกนี้กันเล่า
   จริง ๆ ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่ออะไรพวกนี้หรอก แต่พอเจ้าจิ้งจอกน้อยแสดงสิ่งที่เหนือธรรมชาติให้เห็นเป็นขวัญตา ทำให้ชริณรู้เลยว่าสิ่งที่ไม่เห็นใช่ว่ามันจะไม่มี...
   งานเลี้ยงมีเริ่มก็ต้องมีเลิกรา พรุ่งนี้ยังเป็นวันปกติที่เราต้องไปทำงานกัน ทำให้เราทั้งหมดจะอยู่ดึกกันไม่ได้ เมื่อได้เวลาที่พอเหมาะแล้ว ไม่ถือว่าดึกมาก ทุกคนก็พร้อมใจกันจะกลับบ้าน แต่ก่อนที่จะไป บางคนก็ขอใช้ห้องน้ำก่อน ซึ่งชริณก็ไม่มีปัญหาอะไร
   “ชาริน ซังคะ”
   “ครับ?” ชริณหันไปตามเสียงเรียกของซากุระ
   “ขอใช้ห้องน้ำในห้องนอนได้ไหมคะ พอดีข้างนอกไม่ว่าง” หญิงสาวว่าพร้อมกับปรายตามองห้องน้ำข้างนอก เพื่อยืนยันว่ามันไม่ว่างจริง ๆ
   “อ๋อ ได้ครับ เข้าไปในห้องนอนจะอยู่ทางซ้ายมือนะครับ”
   “ขอบคุณมากค่ะ” ซากุระว่าเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเข้าไปห้องนอนชริณ เพื่อไปให้ห้องน้ำอย่างที่เจ้าตัวบอก
   “ชริณ...เขาอยู่ไหนวะ” หลังจากพูดคุยกับซากุระแล้ว ชริณก็หันมาคุยกับเจ้าเมฆต่อ อีกฝ่ายเอ่ยถามเขาพร้อมกับชะโงกหน้ามองนั่นนี่ไปเรื่อย ราวกับว่ากำลังจับผิดกัน
   “เขาไหน?” ชริณทำหน้างง
   “ก็แฟนมึงไงเล่า”
   “อะไรของมึงเนี่ย อยากเจอขนาดนั้นเชียว”
   “ก็เออสิวะ กูหวังลึก ๆ นะเนี่ยว่าวันนี้จะได้เจอกัน”
   “เขา....ก็มีครอบครัวของเขาไหมวะ เวลาส่วนตัวของเขา จะให้อยู่กับกูตลอดเวลาเลยหรือไง” วันนี้ชริณโกหกไปนับครั้งไม่ถ้วน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบาปหนาเหลือเกิน ครั้นจะชี้เจ้าจิ้งจอกที่นอนสิ้นอาลัยตายอยากอยู่มุมบ้านแล้วว่านี่คือคนรัก ก็กลัวว่าเพื่อนจะเป็นลมไปเสียก่อน
   “เสียดาย โอกาสจะมาบ้านมึงก็ไม่ได้มีบ่อย ๆ”
   “เออน่า ครั้งหน้ายังไม่สาย ไม่เลิกง่าย ๆ หรอก” ชริณว่า
   “เออ ๆ งั้นกูกลับล่ะ เจอกันที่ทำงานมึง”
   “เออ กลับบ้านดี ๆ นะเว้ย”
   “รับทราบ” ชริณโบกมือลาเพื่อนสนิท ในที่สุดก็ส่งแขกคนสุดท้ายกลับบ้านเสียที
   “อ้าวซากุระ ซัง” นึกว่าส่งทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว ทว่าพอหันกลับเข้ามา ชริณก็เห็นซากุระกำลังยืนมองเขาอยู่พอดี เขาลืมเสียสนิทว่าเธอขอเข้าห้องน้ำในห้องนอนเขา
   “ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ ฉันบังเอิญได้ยินบทสนทนาระหว่างคุณและเมฆ ซังเข้าพอดร ว่าแต่ว่าชาริน ซัง.... มีคนรักแล้วเหรอคะ” หญิงสาวพูดอย่างไม่อ้อมค้อม ทั้งบ้านมีแค่เขาและเธอ และเจ้าจิ้งจอกตัวป่วนที่บัดนี้กำลังซากุระตาเขม็ง
   “...ครับ” ชริณตอบกลับอย่างไม่เต็มเสียงนัก
   “เมื่อไรเหรอคะ ชริณไม่ได้ชอบฉันหรอกเหรอคะ” หญิงสาวถามต่อในทันที นั่นทำให้ชริณถึงกับเงียบ อย่างที่เจ้าเมฆว่าจริง ๆ ด้วย ซากุระรู้ว่าเขาแอบมีใจให้เธอ แอบมีใจให้...ทั้ง ๆ ที่เธอมีคนรักอยู่แล้ว
   “เพราะแบบนี้ใช่ไหมคะ คุณถึงพยายามห่างจากฉัน”
   “คุณมีแฟนแล้วนะครับ พูดแบบนี้ไม่เหมาะหรอก” เขาว่า บรรยากาศระหว่างเรา เริ่มกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ
   “งั้นลองจูบฉันหน่อยค่ะ ฉันอยากพิสูจน์ว่าใจคุณยังเต้นแรงกับฉันอยู่ไหม”
   “ซากุระ ซังผมว่าคุณเมาแล้วนะครับ”
   “ไม่ค่ะ ฉันมีสติดี... ชาริน ซังเองก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอคะหรือที่ผ่านมา ฉันเข้าใจผิดไปเอง”
   “.....”
   “ช่วยลองจูบฉันหน่อยค่ะ สักครั้งหนึ่งก็ยังดี”
   “คุณมีแฟนแล้วนะครับ” ชริณพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดูเหมือนตอนนี้เธอเองก็ไม่ค่อยมีสติเท่าไรนัก ส่วนเขาเองก็พยายามคิดว่าจะสรรหาคำไหนให้เธอออกจากบ้านไป โดยไม่ทำให้รู้สึกเสียหน้าและพรุ่งนี้เรายังร่วมงานกันได้ดี
   “ตอนนี้ฉันใกล้เลิกกับแฟนแล้วนะคะ...” ซากุระโพล่งออกมา พลางถือวิสาสะจับคางชริณให้หันมาสบตาเธอดี ๆ เธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย
   “ไม่ดีใจเหรอคะ ฉันเองก็รู้สึกดีกับคุณเหมือนกัน”
   “......”
   “ตอนนี้มีแค่เราอยู่กันสองคน ทุกคนก็กลับไปหมดแล้วด้วย จูบฉันหน่อยได้ไหมคะ ฉันสัญญาว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเรา” หญิงสาวยังไม่ละความพยายามที่จะให้ชริณทำตามที่เธอปรารถนา
   “ไม่ครั—“ จังหวะที่ชริณก็กำลังเอ่ยปากปฏิเสธอีกครั้ง ซากุระก็อาศัยทีเผลอประกบปากจูบเขาอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่กี่วินาที ชริณก็ตั้งสติ ผลักเธอออกทันควัน
   ซากุระจูบเขาต่อหน้าเจ้าจิ้งจอก!
   “อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะครับ ซากุระ ซัง ผมยังอยากรักษาความสัมพันธ์ดี ๆ กับคุณไว้อยู่....” ชริณว่า “ต่อให้ผมชอบคุณมาก ต่อให้คุณจะเลิกกับแฟนแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะง่าย ๆ นะครับ มันต้องใช้เวลา”
   “.....”
   “ที่คุณเคยถามว่าผมชอบคุณเหรอ ใช่ครับ....ผมเคยชอบคุณ รู้สึกดีกับคุณ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว”
   “.....”
   “อย่าเปลี่ยนจากความรู้สึกดีของผม เป็นความรู้สึกแย่เลยนะครับ ผมไม่อยากมองคุณไม่ดี นี่ก็เริ่มดึกแล้ว กลับบ้านเถอะครับ เดี๋ยวครอบครัวจะเป็นห่วงเอา” ชริณว่าด้วยประโยคยาวเหยียด เขาขีดเส้นระหว่างเธออย่างชัดเจน ตอนนี้มันชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ได้ใจเต้นแรงกับซากุระอีกต่อไป แม้เราจะเพิ่งจูบกันเสร็จก็ตาม
   ฝั่งเจ้าจ้องจิ้งจอกน้อย มองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างช็อค ๆ แม้จะเข้าใจว่าชาริน ซังเองก็ไม่ได้อยากจูบกับผู้หญิงคนนั้น แต่น้องก็ยังตกใจอยู่ไหน น้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะได้รับจูบหวาน ๆ จากชาริน ซัง แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน จู่ ๆ ก็มาคว้าคอชาริน ซังไปจูบแบบนั้น
   รู้ตัวอีกทีดวงตากลมโตก็เริ่มคลอไปด้วยน้ำใสอีกครั้ง เจ็บใจที่ตัวเองทำได้แค่นั่งมองและส่งเสียงร้องประท้วง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจเพราะเป็นแค่สัตว์
   “มันไม่มีอะไรนะ” หลังซากุระออกพ้นประตูไปแล้ว ชริณก็รีบมาคุยกับเจ้าจิ้งจอกทันที ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แต่เขารู้แค่ว่าตัวเองต้องรีบอธิบายว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน ไม่คิดว่าซากุระจะกล้าทำแบบนั้น
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกเองก็เหมือนยังตกใจอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมเดินเข้ามาใกล้ชริณแล้วเอาหัวซุกอก พยายามเอาเนื้อตัวถูไถ หวังจะให้ชริณกอด
   “ไปนอนแล้วนะ ห้องไม่ได้ล็อก” ทุกอย่างจบลงที่ชริณกอดเจ้าจิ้งจอกเอาไว้ จนรู้สึกว่ามันดีขึ้น เขาถึงกลับเข้าห้องนอนและไม่ได้ล็อกประตูห้องเหมือนอีกเช่นเคย เผื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยอยากจะมานอนด้วย
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยเมื่อได้รับคำปลอบโยนทั้งเรื่องเมื่อกี้และเรื่องที่ตัวเองยังแปลงร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ไม่ได้ น้องก็รู้สึกว่าตัวเองมีพลังบวกมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น....บางอย่างก็ค่อย ๆ แจ่มแจ้งเช่นกัน พอมาคิด ๆ ดูแล้ว บางทีสัญชาตญาณน้องอาจจะผิดพลาด บางทีน้องอาจจะไม่ท้องก็ได้ เพราะน้องไม่มีมดลูก ธรรมชาติจึงให้น้องกลายร่างไม่ได้
   กลับคืนสู่สถานะจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ ตัวหนึ่ง
   นั่นเท่ากับทุกอย่างเคยทำมา สูญเปล่าหมดเลย ไม่ว่าเป็นความสัมพันธ์กับชริณ หรืออะไรต่าง ๆ นานาที่เคยมี ภาพบางอย่างที่เคยเลือนราง เริ่มกระจ่างชัดขึ้นมา เมื่อเห็นมุมมองของสัตว์เลี้ยง
   ยังไงเสียก็ไม่ได้เคียงข้างกับชาริน ซังหรอก เพราะน้องเป็นแค่สัตว์….
   น้องรู้สถานะของตัวเองดี...น้องรู้ว่าตัวเองไม่ใช่....ใครจะอยากได้เมียเป็นตัวประหลาดกัน น้องมันก็แค่ตัวประหลาดอย่างที่ชาริน ซังเคยว่าไว้นั่นแหละและตอนนี้ก็กลายเป็นเจ้าจิ้งจอกแดงธรรมดา ๆ แล้ว น้องทนไม่ได้หรอก หากต้องเห็นชาริน ซังใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น
   น้องมันโลภ...พอได้อยู่กับชาริน ซังแล้ว ก็อยากใช้ชีวิตร่วมกับเขานาน ๆ  ทั้ง ๆ ที่เป็นไปไม่ได้ เคยให้สัญญาเขาไว้ตั้งแต่คราวนู้น น้องก็ต้องรักษาสัญญาเหมือนที่ชาริน ซังเคยบอกไว้เช่นกัน
    ต่อให้ท้องก็ต้องไปอยู่ดี  ยิ่งตอนนี้กลับคืนร่างไม่ได้ มิหนำซ้ำยังไม่ท้องอีก แล้วน้องจะอยู่ไปทำไม ทำไมไม่กลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง น้องจำคำพูดที่เคยให้ไว้กับชาริน ซังได้ น้องต้องรักษาสัญญา...
   น้องต้องไป ก่อนที่ทุกอย่างจะถลำลึกไปกว่านี้.... เมื่อคิดได้เช่นนั้น ดวงตากลมโตก็มองไปรอบ ๆ บ้าน เพื่อหาช่องทางในการหลบหนี จะใช้ประตูอีกก็ไม่ได้ เพราะน้องไม่สามารถกลายร่างได้ ไม่มีมือเปิดลูกบิด มีแต่เท้าหน้าเท่านั้น หาช่องทางอยู่นาน ก่อนที่สายตาของเจ้าจิ้งจอกน้อยจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าต่างครัวที่ชาริน ซังเปิดแง้ม ๆ ไปเพื่อระบายอากาศ
   มาก็มาแต่ตัว....พอจะไปก็ต้องไปแต่ตัว...
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-07-2018 17:29:34
ฮรือไม่เอานะน้อง มันอันตรายนะ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 23-07-2018 20:51:58
โถลูก
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 23-07-2018 21:36:55
น้อง คิดอะไรเป็นตุเป็นตะเลยลูกกกก อย่าหนีออกจากบ้านน้าาาาาาา :sad4:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 23-07-2018 21:42:35
คุณหมาป่าไปไหนมาอยู่เป็นเพื่อนน้องหน่อย
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-07-2018 22:19:31
 :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.11 (23.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 23-07-2018 22:23:50
ยัยดอกซากุระ ชั้นไม่รู้จะด่าคนอย่างเธอยังไงแล้ววว  :angry2:

ชาริน ซังเห็นธาตุแท้ของนางรึยังห้ะ ว่าแล้วนางต้องมาแนวนี้

แค่ได้เห็นชื่อเธอชั้นยังรำคาญเลย พอมาทำแบบนี้ยิ่งเกลียดๆๆๆ

ไม่เสียแรงที่ด่าไปซะเยอะ 55555555555555

ไม่อยากให้น้องหนีไปเลย ถึงเราจะทีมหมาป่า แต่ก็อยากให้น้องอยู่บ้าน

หนีเข้าป่าไปไม่รู้ต้องเจออะไรบ้าง กลัวน้องเป็นอันตรายนะ อยากให้น้องใจเย็นๆ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 26-07-2018 14:09:35




12


   คราวนี้ชริณก็ต้องพบกับเรื่องปวดหัวอีกครั้ง เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาหายไป....
   “เจ้าจิ้งจอกอยู่ไหน...”
   หลังจากตื่นขึ้นมา ชริณก็ลุกไปสังเกตเจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างเช่นทุกวัน เผื่ออีกฝ่ายจะสามารถกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ได้แล้ว ทว่าสิ่งที่เขาออกไปพบ กลับเจอแต่เบาะที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งเงาของเจ้าจิ้งจอก ราวกับว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ในบ้าน
   นั่นทำเอาชริณถึงกับใจหาย นึกโทษตัวเองว่าทำไมพยายามเข้าใจสัตว์ได้มากกว่านี้ เขาไม่รู้ว่าภายใต้ดวงตากลมโตนั่น เจ้าจิ้งจอกกำลังคิดอะไรอยู่ มันคงอึดอัดแน่ที่ไม่สามารถพูดคุยกับใครได้ ขนาดตอนที่เขาอยากปรึกษาเมฆเกี่ยวกับเรื่องเจ้าจิ้งจอก แต่ก็ทำไม่ได้ ชริณยังอึดอัดเลย
   หรือว่ามันยังน้อยใจที่ซากุระจูบเขา? ชริณตั้งข้อสันนิษฐาน ข้อสันนิษฐานที่ว่ามันก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะเจ้าจิ้งจอกกลายเป็นสัตว์ที่พูดไม่ได้ ทำให้เขาไม่รู้ว่าเรื่องเมื่อคืนนี้มันหายคิดโกรธหรือยัง เห็นท่าทางดีขึ้นชริณก็เลยเข้าห้องไป
   “เจ้าจิ้งจอก....” ชายหนุ่มลองเรียกอีกครั้ง ขณะเดียวกันสายตาของเขาก็เริ่มสอดส่องไปรอบบ้าน มองหาว่าเจ้าจิ้งจอกออกไปทางไหน
   เรื่องเปิดประตูออกไปเอง ตัดทิ้งไปได้เลย อยู่ในร่างสุนัขคงเปิดเองไม่ได้ ก่อนที่สายตาของเขาจะไปหยุดตรงหน้าต่างฝั่งครัว ดูเหมือนมันจะเปิดกว้างกว่าปกติ ทำให้ชริณมั่นใจได้ในทันที ว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยได้ใช้ช่องทางนี้ในการออกไปแน่ ๆ
   กลายเป็นว่าตอนนี้ชริณต้องอยู่ในสภาวะต้องตัดสินใจว่าจะออกไปตามหาเจ้าจิ้งจอกหรือต้องไปทำงาน เขาพยายามปลอบใจตัวเองว่า เจ้าจิ้งจอกอาจเครียดเลยไปเล่นป่าแถวหลังบ้าน ไม่ได้ออกไปไหนไกล ตามที่อีกฝ่ายชอบทำอยู่เป็นประจำก็ได้ อีกทั้งถ้าวันนี้หากชริณลา มีหวังหนนี้เขาคงถูกไล่ออกแน่ เพราะวันนี้เขามีประชุมใหญ่กัน
   ขณะที่ชายหนุ่มกำลังลังเลตัดสินใจว่าจะเอายังไงกันแน่ จะออกไปตามหาหรือทำงานเสร็จค่อยหา ก็มีสายเรียกเข้าจากหัวหน้าแผนกคนเมื่อวานพอดี
   “สวัสดีครับ”
   [ชริณ คุงใกล้ถึงบริษัทยัง อีกหนึ่งชั่วโมงจะเริ่มประชุมกันแล้วนะ]
   “อ๋อครับ ผมกำลังออกไป”
   [งั้นก็เร็ว ๆ เข้าล่ะ รู้ใช่ไหมว่ามันสำคัญ]
    สุดท้ายชริณก็ต้องเลือกงานก่อน ชายหนุ่มต้องตัดใจจากเรื่องเจ้าจิ้งจอก เพราะมีงานที่ต้องรับผิดชอบ ทุกคนจะมาเดือดร้อน เพราะเขาคนเดียวไม่ได้ ชริณพยายามบอกตัวเองว่าเดี๋ยวตอนเย็นก็คงเห็นจ้าจิ้งจอกยืนสะบัดหางรออยู่หน้าบ้าน
   มันจะกล้าทิ้งเขาจริง ๆ เหรอ? ชริณคิดในใจ
   ชริณรู้ดีว่าไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาคิดในเวลางาน แต่ทั้งวันเขาแทบไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว จิตใจพะวักพะวงคิดแต่เรื่องเกี่ยวกับเจ้าจิ้งจอกอยู่ทุก ๆ สิบนาที เหม่อลอยมองนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด เพราะเจ้าจิ้งจอกเองก็ไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ จะออกไปไหนทีต้องมาให้เขาเห็นหน้าก่อนเสมอ
   เจ้าจิ้งจอกจะกลับบ้านหรือยัง แค่ไปเที่ยวเล่นใช่ไหม? ชริณพยายามคิดว่าเขานี่แหละ ที่คิดมากไปเอง แต่ก็เหมือนกำลังหลอกตัวเองอยู่ ลางสังหรณ์บางอย่างของเขาบอกว่ามีอะไรมากกว่าการไปเที่ยวเล่นป่าหลังบ้าน…
   
   ก้าวแรกที่ยากที่สุดคือการก้าวออกนอกเขตบ้านชาริน ซัง....
   ดวงตากลมโตของสัตว์สี่ขาที่มีใจรักมนุษย์หันกลับไปมองหลอดไฟสีเหลืองนวลเป็นครั้งสุดท้าย เรื่องตลกมันมีอยู่ว่าแรกพบอยากฝากชีวิตกับเขาไว้จนสิ้นลมหายใจ เพราะเขาดูแลดี ไม่ต่างจากเทวดาบนดิน หรือไม่ก็ทำภารกิจสำเร็จก็แยกทางกัน น้องคิดไว้แค่นั้นจริง ๆ แต่สุดท้ายก็เป็นแค่เรื่องตลก ต้องถอยออกมา เพราะทนเห็นเขาใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นไม่ได้
   ไม่มีมนุษย์คนไหนใจดีกับน้องเท่าชาริน ซังแล้ว....
   ถึงชริณจะดุ จะไม่ยอมอ่อนข้อให้ในบางครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยคิดทำร้ายน้องเหมือนอย่างที่มนุษย์คนอื่นทำ ทำให้อีกฝ่ายได้หัวใจน้องไปง่าย ๆ เพราะว่าเขาอบอุ่น อ่อนโยน น้องก็อยากอยู่กับเขาไปนาน ๆ
   นี่เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่…. แต่น้องคิดว่าน้องคิดดีแล้ว หากน้องต้องอยู่ในร่างนี้ตลอดชีวิต น้องกลับคืนสู่ชีวิตที่เคยจากมาดีกว่า มันอาจลำบากไปเสียหน่อย แต่มันก็คงดีกว่าที่น้องจะต้องทนเห็นชาริน ซังใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น
   คนกับสัตว์รักกันไม่ได้ น้องต้องมองชาริน ซังในฐานะของเจ้านาย ซึ่งน้องทำไม่ได้หรอก
   ยิ่งหันกลับไปมองบ้านเล็ก ๆ ของชาริน ซังนานเท่าไร ยิ่งทำให้รู้สึกว่าขาที่จะก้าวไปต่อจากนี้ หนักอึ้งมากขึ้นเท่านั้น ชาริน ซังไม่ผิดอะไรเลย เขายังเป็นเทวดาของน้องเหมือนเดิม มีแต่น้องนี่แหละที่ละโมบอย่างได้มากกว่านั้นและน้องจะเป็นฝ่ายเดินจากไปเอง
   เจ้าจิ้งจอกน้อยยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเพื่อตั้งสติ ก่อนจะตัดสินใจเดินหายเข้าไปในความมืดของหมาป่า น้องยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะไปไหน ไร้จุดมุ่งหมาย น้องรู้เพียงแค่ว่าจนอยู่ไกลจากบ้านชาริน ซังให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
   น้องไม่ได้อยากทิ้งชาริน ซัง แต่น้องมองชารินเป็นของคนอื่นไม่ได้จริง ๆ....

   ทุกอย่างเป็นเพียงแค่เรื่องที่เขาคิดไปเอง….
    ไม่มีหรอกก้อนขนสีน้ำตาลแดงยืนรออยู่หน้าบ้าน รอเขากลับจากที่ทำงาน....เจ้าจิ้งจอกน้อยทิ้งชริณไปจริง ๆ ไม่ได้แค่ไปเที่ยวเล่นเหมือนอย่างเคย
   ชายหนุ่มที่กับถึงชะงัก เมื่อเห็นหน้าบ้านของตัวเองว่างเปล่า ความหวังอันน้อยนิดที่เขาใช้ปลอบตัวเองตลอดทั้งวัน เพื่อให้มีกระจิตกระใจทำงาน พังทลายลงในพริบตา เมื่อกลับบ้านมาก็ไม่พบแม้แต่เงาของเจ้าจิ้งจอกน้อยที่มักจะนั่งรอหน้าประตู
   จากที่คิดว่าจะรอจนแน่ใจว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยหายไปแน่ ๆ ถึงจะค่อยตามหา กลับกลายเป็นว่าเมื่อเข้ามาในบ้านชริณคว้าเอากระเป๋าเป้ หยิบขวดน้ำ ของใช้จำเป็นที่สามารถใช้ได้ยามเข้าป่าลงกระเป๋า เพราะเขารอให้ถึงเวลานั้นไม่ไหวแล้ว อีกฝ่ายหายไปตั้งแต่เช้า จนถึงตอนนี้ยังไม่โผล่หัวมา มันแปลกเกินไป
   ในที่สุดชริณก็ตัดสินใจเข้าป่าเพื่อตามหาเจ้าจิ้งจอก ป่าทึบหลังบ้าน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ชริณเคยเข้าไปแค่สองสามครั้งเอง การเข้าป่าครั้งนี้จึงมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะเข้าไปอยู่ดี อย่างน้อยชริณก็ควรลองเสี่ยง เพราะมันอาจได้เพิ่มโอกาสที่เขาจะได้เจอเจ้าจิ้งจอกมากกว่าการที่นั่งรออยู่บ้านเฉย ๆ
   จากการสังเกตเจ้าจิ้งจอกเองก็ไม่ได้กินอาหารเม็ดหรือจิบน้ำมากมาย หากในป่าหาอาหารยาก ชริณก็คิดว่าเรี่ยวแรงของมันก็คงไม่ได้นำพามันไปไกลจากบ้านเขาเท่าไรนัก
   ขอให้การเข้าป่าครั้งนี้ ชริณโชคดี...

   แอ๊!
   เสียงร้องของเจ้าจิ้งจอกและเสียงฝีเท้าเล็กดังสลับไปมาเป็นระยะ ๆ ดวงตากลมโตฉายแววความสนุกสนาน ขณะที่สับส่ายสะโพกหยอกล้อกับคุณหมาป่า ที่เผอิญเจอกันอีกครั้งในป่าใหญ่พอดี
   จากที่ทุนเดิมคุณหมาป่าดูเป็นสัตว์เข้ม สุขุมอยู่แล้ว คราวนี้คูณเข้าไปอีกสิบเท่า อีกฝ่ายมองเจ้าจิ้งจอกน้อยไปมาตามจังหวะการเคลื่อนไหวอย่างใช้ความคิด ไม่มีท่าทีหยอกล้อเหมือนอย่างเคย ทำเอาสัตว์ที่เพิ่งหนีออกจากบ้านมา ถึงกับเลิกเล่นและหยุดมองด้วยความเป็นห่วง
   เจ้าจิ้งจอกน้อยเอียงคอมองคุณหมาป่าอย่างฉงน ยิ่งเห็นคุณหมาป่าสบตากลับอย่างนิ่ง ๆ น้องยิ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ อยากจะถามว่าเป็นอะไร ถูกมนุษย์รังแกมาหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็แค่แสดงท่าทีเป็นห่วง เพราะเราไม่รู้ภาษาของกันและกัน
   น้องดีใจมากที่เข้าป่ามาก็ได้เจอคุณหมาป่าอีก เราบังเอิญเจอกันเป็นรอบที่สามแล้ว บังเอิญจนน้องเริ่มแอบแปลกใจว่านี่ใช่ความบังเอิญจริง ๆ หรือเปล่า แล้วทำไมเราเจอกันบ่อยจัง?
   แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ทุกครั้งได้พบกับคุณหมาป่า น้องรู้สึกอุ่นใจเสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน การออกจากเขตของมนุษย์ น้องจะไม่เหงาอย่างที่กลัวอีกต่อไป แถมยังปลอดภัยมากขึ้นด้วย เพราะผู้ร่วมเดินทางของน้องคือหมาป่าเชียวนะ!
   เพราะเห็นคุณหมาป่านิ่งเกินไป หากไม่หายใจน้องก็คิดว่าเป็นรูปปั้น ทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยเริ่มเป็นห่วงขึ้นเรื่อย ๆ คิดไปต่าง ๆ นานาว่าคุณหมาป่าอาจไม่สบาย เป็นหวัดหรือเปล่า เพราะช่วงสองสามวันก่อนหน้านี้มีหิมะตก อากาศหนาว ลมแรงเป็นระยะ ๆ มีความเป็นไปได้ที่จะไม่สบาย
    ดวงตากลมโตสังเกตไปทั่วไปใบหน้าของคุณหมาป่ารูปหล่อ มองหาบาดแผล มองจมูกตรวจดูน้ำมูก แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร ยิ่งทำให้น้องงงไปใหญ่ว่าคุณหมาป่าเป็นอะไร ทำไมถึงจ้องแต่หน้าน้องเล่า!
   คราวนี้เจ้าจิ้งจอกก็เริ่มใช้หัวตัวเองซุกที่แผงอกของคุณหมาป่าบ้าง น้องจำวิธีนี้มาจากชาริน ซัง จริง ๆ น้องต้องเอาเท้าหน้าแตะ ๆ หน้าผากคุณหมาป่าเพื่อวัดอุณหภูมิ แต่เพราะคุณหมาป่าตัวสูงเกินไป น้องถึงต้องใช้วิธีเอาหัวซุกแผงอกอีกฝ่ายแทน
   มันก็น่าจะแทน ๆ กันได้นะ
   แอ๊ะ!  เจ้าจิ้งจอกน้อยส่งเสียงร้องอีกครั้ง เมื่อจังหวะที่กำลังจะสวมบทเป็นคุณหมอจำเป็น จู่ ๆ คุณหมาป่าก็ก้มมาเลียหัวน้อง จนขนบริเวณที่ถูกเลียเปียกชืดไปด้วยน้ำลายของอีกฝ่าย น้องเห็นด้วยว่าอีกฝ่ายหายใจฮึดฮัดเหมือนกำลังขำ นั่นทำเอาเจ้าจิ้งจอกน้อยถึงกับจ้องคุณหมาป่าตาเขม็ง ไม่เป็นห่วงแล้ว แกล้งน้องแบบนี้แสดงว่าไม่ป่วยแน่นอน!
   หลังจากที่สัตว์สองสายพันธุ์พักเล่นกันพอให้หายเหนื่อย เราก็เริ่มเดินทางต่อ เจ้าจิ้งจอกน้อยแอบแปลกใจเล็กน้อยที่คุณหมาป่ายอมเดินตามกันมา โดยไม่มีท่าทางลังเลเลย คุณหมาป่าไม่รู้เหรอ ว่าน้องกำลังเดินทางแบบไร้จุดมุ่งหมาย ถึงได้เดินตามกันอย่างไม่ลังเลเช่นนี้ จวบจนกระทั่งดวงตะวันจะตกดินแล้วก็ตาม คุณหมาป่าก็ยังเดินตาม พร้อมผจญภัยกับน้องอยู่ดี
   ป่านนี้ชาริน ซังคงถึงบ้านแล้ว....
   วูบหนึ่งในความคิด ทำให้สี่เท้าที่กำลังย่ำเดินทางต่อถึงกับหยุดชะงักไป เพราะคิดไปถึงเรื่องราวของเทวดาของตนเอง อีกไม่กี่ชั่วโมง จะครบหนึ่งวันที่น้องตัดสินใจออกจากบ้านที่แสนอบอุ่นนั่น ป่านนี้ชาริน ซังจะรู้ยัง? จะตามหาน้องไหม? จะเป็นห่วงน้องหรือเปล่า? คำถามสองสามประโยคนี้ดังขึ้นในใจน้องหลายร้อยครั้ง
   น้องไม่ได้อยากให้ชาริน ซังตามหาหรอก ในป่านี้ไม่ใช่ที่สำหรับมนุษย์ ยุงก็เยอะ ขนาดสัตว์ป่าอย่างน้องที่เกิดและเติบโตมาที่นี่ยังใช้ชีวิตลำบากเลย แล้วนับประสาอะไรกับชาริน ซังคนดีของน้องเล่า หากตามเข้ามาในป่าคงลำบากมากกว่าน้องไม่รู้กี่สิบเท่า
   แต่ที่เกิดคำถามขึ้นในใจซ้ำ ๆ แทบทุกเวลาขนาดนี้ น้องก็แค่อยากรู้ว่าหากน้องหายไป ชาริน ซังจะเป็นห่วงกันไหมก็เท่านั้นเอง….
   จวบจนดวงตะวันใกล้ตกดินแล้ว น้องยังเดินทางไปได้ไม่ถึงไหนเลย เพราะกินอาหารเม็ดมานิดเดียว ไม่มีเสบียง แถมช่วงนี้ยังรู้สึกเหนื่อยง่าย ทำให้น้องมีแต่เดินแล้วหยุด เดินแล้วหยุดเป็นระยะ ๆ จึงกลายเป็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยเดินทางได้ช้ากว่าที่คิดไว้
   พ้นเขตบ้านของชาริน ซังได้ไม่เท่าไรเอง....
   ฝั่งหมาป่าหนุ่มที่เดินตามเจ้าจิ้งจอกประหลาดอย่างเงียบ ๆ โดยไม่คิดจะถามว่าอีกฝ่ายเดินทางไปไหน ก็มองแผ่นหลังสัตว์ที่เล็กกว่าอย่างใช้ความคิด ไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่สิ่งที่ได้เห็นกับตาคราวนั้นก็เป็นหลักฐานชั้นดีว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง
   จริง ๆ จะว่าเจ้าจิ้งจอกเป็นสัตว์ประหลาดก็ไม่ถูกเท่าไรนัก เพราะเขาเองก็กลายร่างได้เหมือนกัน...
   ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตั้งแต่วันแรกเขาก็รู้สึกถูกชะตากับเจ้าจิ้งจอกตัวนี้อย่างบอกไม่ถูก จากที่เคยมองจิ้งจอกทุกตัวเป็นอาหารอันโอชะของตัวเอง พอมาเจอเจ้าจิ้งจอกช่างอ้อนตัวนี้ กลับลงมือฆ่าไม่ลงเสียอย่างนั้น คงเพราะเขาไม่อยากให้ป่าดูชีวิตชีวามั้ง ถึงเลือกที่จะไว้ชีวิตอาหารตัวนี้ไว้ ไม่คิดแม้แต่จะทำร้าย เพราะมองเจ้าจิ้งจอกแดงประหลาดตัวนี้ร่าเริงเหมือนผีเสื้อ
   เพราะแปลกแยกจากฝูง มีเลือดของมนุษย์อยู่ครึ่งตัว ทำให้หมาป่าหนุ่มเลือกที่จะออกจากฝูงมาใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพัง ตอนแรกการใช้ชีวิตปราศจากฝูงก็เหมือนขาดแขน ขา หู ตาให้กันก็ดูจะลำบากหน่อย แต่พอเริ่มปรับตัวได้ ทุกอย่างก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เขาสามารถใช้ชีวิตเพียงลำพังในป่านี้ได้
   เขาเองก็ไม่แน่ใจความรู้สึกที่มีต่อเจ้าจิ้งจอกตัวนี้เท่าไร เหมือนจะเป็นแค่ความเอ็นดู แต่ในขณะเดียวกันก็ดูมากกว่านั้น เขาแอบเฝ้ามอง สะกดรอยตาม มองดูชีวิตความเป็นอยู่กับเจ้าจิ้งจอกตัวนี้มาสักพัก ก่อนจะได้ล่วงรู้ความลับของอีกฝ่ายว่านอกจากจะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้แล้ว เจ้าตัวเล็กยังใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์อีกด้วย ถึงได้หายเข้าไปในบ้านหลังนั้น
   ความรู้สึกที่ต้องจ้องมองเจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ โอบกอดผู้ชายคนนั้นผ่านหน้าต่างขึ้นฝ้า เหมือนจะเจ็บปวด เพราะเผลอมีใจให้สัตว์หน้าขนเหมือนกัน แต่ก็ไม่... ทุกอย่างมันว่างเปล่าไปหมด ไม่ได้เกลียดที่ต้องเห็นภาพ แต่ถ้าเลือกได้ เขาก็ไม่อยากเห็น อาจเพราะเขาไม่ได้รู้สึกดีขนาดนั้น ก็แค่ชอบ อยากเดินเคียงข้าง พอไม่ได้สิ่งที่ปรารถนาก็ผิดหวังเล็กตามกฎของธรรมชาติ
   เขาไม่รู้เหมือนกันทำไมเจ้าจิ้งจอกถึงออกมาจากบ้านหลังนั้นในยามวิกาล ด้วยความเป็นห่วง จึงตัดสินใจออกมาจากที่สังเกตการณ์ ปรากฏตัวเดินเคียงข้างอย่างที่เคยปรารถนาไว้เสียเลย เพราะเท่าที่ดู หมาป่าหนุ่มคำนวณว่าแล้ว ตัวเล็กแค่นี้ แต่คิดจะผจญภัยในป่าอันตราย ไม่ถึงหนึ่งวันก็คงได้พลีชีพกลางป่าเขานี้แน่
   
   ฝั่งมนุษย์อย่างชริณก็ตบเท้าเข้าป่าอย่างไม่ลังเล คราวนี้ชายหนุ่มลองทำตามเจ้าจิ้งจอกดูบ้าง เขาปล่อยให้สัญชาตญาณของตัวเองเป็นตัวนำทาง
   ในการเดินทางครั้งนี้อย่างที่เคยบอก เขาไม่คุ้นชินกับเส้นทางในป่านี้เท่าไรนัก เคยเข้ามาในป่านี้เพียงไม่กี่ครั้ง ดังนั้นเขาจึงประมาทไม่ได้ ทุกครั้งที่ผ่านต้นไม้หนึ่งต้น ชริณจะใช้เศษผ้าเล็ก ๆ ที่เตรียมมาจากบ้าน ผูกที่กิ่งของมันไว้ตลอด พอจะกลับค่อยทยอยแก้ เก็บกลับบ้าน
   ในป่าไม่ใช่ที่ของชริณจริง ๆ ...   
   เคยคุ้นชินกับความสะดวกสบายของมนุษย์มาโดยตลอด พอต้องเข้าป่าแบบไม่ทันได้เตรียมใจ ไหนจะต้องคอยผูกผ้าตามต้นไม้ที่เดินผ่านมาแล้ว ชริณยังต้องคอยระวังพวกยุงป่าอีกด้วย เพราะนิสัยดุร้ายใช่ย่อย
   มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้พบเจ้าจิ้งจอกอีกครั้ง เพราะผืนป่าแห่งนี้มันกว้างใหญ่มาก ไหนจะไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกไปทางไหนอีก แต่ถึงอย่างนั้นชริณก็ขอลองสักตั้ง ดีกว่านั่งรออยู่บ้านเฉย ๆ สองขาก้าวย่ำแข่งกับเวลา เขาต้องรีบหาและออกไปจากป่านี้ก่อนที่ดวงตะวันจะตกดิน
   “เจ้าจิ้งจอกกกกกกกกกกก อยู่ไหน” ขณะที่กำลังเดินเท้า ผูกผ้าไปด้วย ชริณก็ตะโกนหาสิ่งที่ตัวเองตามหา มันคิดอะไรอยู่ถึงได้หนีออกมา ไม่รู้เหรอว่าชริณเป็นห่วงแค่ไหน
   ตอนนี้ชริณกำลังไม่เข้าใจเจ้าจิ้งจอก ทำไมมันถึงทำกับเขาแบบนี้ กล้าดียังไงถึงจะมาทิ้งเขา มาขออยู่ด้วยแล้วยังทิ้งเขาเหรอ ชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว เขาว่าเขาบอกมันแล้วนี่ ว่าต่อให้มันจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ เขาก็พร้อมจะดูแลแล้วตามคำสัญญา
    แต่แล้วทำไมมันถึงหนีเขา หรือเจ้าจิ้งจอกมองว่าเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว สนใจแต่ความสุขตัวเอง ตักตวงเอาแต่ความสุข พอหมดประโยชน์ก็เลิกสนใจอย่างงั้นเหรอ?
   “น้องงงงงงงงงงงงงงง” ชริณตะโกนเรียกหาอีกครั้ง พร้อมกับกวาดสายตามองรอบบริเวณที่ตัวเองยืนอยู่ แต่ก็ไร้เงาของสิ่งมีชีวิต
   “เจ้าตัวแสบ อย่าให้เจอตัวแล้วกัน ก้นลายแน่” แม้จะยังไม่เจอตัว ชริณก็คาดโทษไว้แล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่จุดที่เขากำลังยืนอยู่ ชริณก็เดินไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ จากข้อสันนิษฐานเจ้าจิ้งจอกกินอาหารเม็ดนิดเดียว น้ำก็พอแตะ ๆ ไม่ให้กระหาย ชริณว่ามันคงไปได้ไม่ไกลหรอก
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกที่กำลังย้ำเท้าเดินไปข้างหน้า เมื่อได้ยินความถี่ของเสียงคล้ายชาริน ซังก็ถึงกับหูตั้งทันที สี่เท้าที่กำลังออกเดินทางหยุดชะงักชั่วขณะ ยืนรอฟังเสียงอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ เผื่อจะหูฝาดไป
   “น้องงงงงงงงงงงงงงง” ชัดเจนเลยเสียงชาริน ซังจริง ๆ ด้วย น้องไม่ได้หูฝาด!
   สี่เท้าถึงกับกลับหลังหันตามสัญชาตญาณทันที ชาริน ซังเรียกก็ต้องรีบไป อีกฝ่ายเข้าป่ามาตามหาน้องจริง ๆ ด้วย อยากจะรีบวิ่งหนี แต่ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงชาริน ซังจับใจ ท้องฟ้ามืดลงทุกที อีกฝ่ายจะกลับบ้านยังไง จะออกจากป่าได้ไหม โดนเจ้ายุงร้ายกัดหรือเปล่า คำถามที่แสดงถึงความเป็นห่วงเทวดาตัวเองมากมายเกิดขึ้นในใจเจ้าจิ้งจอกน้อยทันทีที่เขาเรียกหา
   น้องต้องรีบไปหาชาริน ซัง เทวดาของน้องจะเดือดร้อนเพราะน้องไม่ได้!
   จังหวะที่กลับตัวเตรียมจะวิ่งไปตามเสียงเรียกของชาริน ซัง คุณหมาป่าผู้เป็นเพื่อนร่วมเดินทางของน้อง ก็เอาตัวมาขวางไว้ทันควัน เหมือนจะไม่ยอมให้ไปหาชาริน ซังอย่างไงอย่างงั้น
    ดวงตากลมโตของเจ้าจิ้งจอกแสดงความดื้อรั้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อถูกขัดใจเข้าหน่อย ไหนจะเท้าหน้าที่กระทืบไปมาบนพื้นดิน เหมือนเด็กกำลังถูกขัดใจ ทำเอาหมาป่าหนุ่มกับถึงนึกขัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะยอมให้กลับไปหามนุษย์ผู้นั้นง่าย ๆ
   ทำไมเหล่าสัตว์ทั้งหลายถึงชอบเข้าใกล้มนุษย์นัก ไม่เห็นว่าเขามองชีวิตสัตว์ป่าน้อยใหญ่เป็นแค่ของเล่น คิดจะทำอะไรก็ทำเพื่อความสะดวกสบายของชีวิตกลุ่มตัวเอง ไม่สนว่าชีวิตน้อยใหญ่ในป่าจะเสียหายแค่ไหน
   เขาไม่รู้หรอกว่าสาเหตุใดที่ทำให้เจ้าจิ้งจอกหนีเข้าป่ามา แต่ถ้าคิดจะหลุดพ้นจากพวกมนุษย์แล้วก็ต้องอย่าใจอ่อนอย่างเช่นตอนนี้ เขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน!
   แอ๊!
   เสียงเจ้าจิ้งจอกน้อยดังขึ้นอีกครั้ง พยายามถูกขัดใจเข้า น้องจะไปหาชาริน ซัง ทำไมคุณหมาป่าไม่ยอมให้ไป พอจะเดินไปทางซ้ายก็เอาตัวมาขวาง จะเดินไปทางขวาก็ยังเอาตัวมาขวางอีก น้องชักจะโมโหแล้วนะ!
   “เจ้าจิ้งจอกกกกก อยู่ไหน” เสียงของชาริน ซังใกล้เข้ามาทุกที ทำเอาน้องถึงกับหูตั้ง ดวงตากลมโตมองไปข้างหลังคุณหมาป่าทันที อีกหน่อยชาริน ซังต้องมาเจอน้องแน่ แต่น้องต้องแก้ปัญหาตรงนี้ก่อน ฝั่งคุณหมาป่าเองเมื่อได้ยินเสียงของมนุษย์ก็เริ่มฟึดฟัดในลำคอ เหมือนกำลังหัวเสีย ทำเอาเจ้าจิ้งจอกน้อยเริ่มหวั่นใจ กลัวอีกฝ่ายจะทำร้ายชาริน ซังของน้อง หากทั้งคู่พบกัน....
   แต่น้องขอบอกเลยว่าหากคิดจะฆ่าชาริน ต้องข้ามศพน้องไปเสียก่อน!
   เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะยอมปล่อยให้น้องไปหาชาริน ซังง่าย ๆ เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มจ้องหน้าคุณหมาป่าอย่างเอาเรื่อง ในขณะเดียวกันก็กำลังคิดว่าจะฝ่าด่านนี้ไปได้ยังไง แล้วทำไมคุณหมาป่าถึงไม่ยอมปล่อยให้น้องไปหาชาริน ซัง ไม่รู้หรือไงว่าชาริน ซังของน้องใจดี ไม่ทำร้ายสัตว์นะ
   ชาริน ซังใจดีจะตาย...
   วูบหนึ่งในความคิด เจ้าจิ้งจอกน้อยก็คิดอะไรบางอย่างออกพอดี เมื่อคิดได้เช่นนั้น น้องไม่รอช้ารีบทำตามแผนการที่เคยใช้ทันที นั่นก็คือการสไลด์ตัวลอดใต้ท้องคุณหมาป่า แล้วออกตัววิ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งไปตามเสียงของชาริน ซัง น้องรู้แค่ว่าน้องจะปล่อยให้ชาริน ซังเดือดร้อนเพราะตัวเองไม่ได้จริง ๆ
   ขอโทษที่ดื้อนะคุณหมาป่า...
   ทุกอย่างความจะจบถึงตอนแค่ที่น้องฝ่าด่านคุณหมาป่ามาได้ แต่เปล่าเลย คุณหมาป่าวิ่งตามน้องมาด้วยท่าทีฉุนเฉียว จนน้องเริ่มหวั่นว่าอีกฝ่ายพบกับมนุษย์ จะทำร้ายชาริน ซังเข้าจริง ๆ!
   
   “เจ้าจิ้งจอก!” ชริณเรียกเจ้าก้อนขนทันควัน หลังเห็นมันวิ่งหน้าตั้งมาทางเขา ชายหนุ่มทั้งดีใจและตกใจว่าทำไมมันถึงวิ่งมาแบบนั้น เหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่าง สงสัยได้ไม่นาน ทุกอย่างก็กระจ่างชัด เมื่อสิ่งที่วิ่งตามเจ้าจิ้งจอกน้อยของเขามาคือหมาป่าเจ้าใหญ่!
   “เฮ้ย หมาป่า!” ชริณอุทานออกมาด้วยความตกใจ เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ชริณก็ทำได้แค่ช็อค ทำอะไรไม่ถูก เจ้าจิ้งจอกเมื่อวิ่งมาถึงเขา ก็รีบงับขากางเกงชริณแล้วออกแรงดึงทันควัน หมายจะให้วิ่งไปด้วยกัน ทว่านั่นกลับมาทำให้ชริณล้มลงกับพื้นดังปั๊ก
   “โอ้ยยย!
   แอ๊!! เสียงร้องของชริณและเจ้าจิ้งจอกน้อยดังขึ้นพร้อม ๆ กัน พอ ๆ เสียงฝีเท้าของหมาป่ามาหยุดที่ข้าง ๆ ตัวของเขา....
   ชริณที่ล้มกองกับพื้นได้สบตากับหมาป่าตัวใหญ่อย่างจัง ๆ มันน่ากลัวกว่าในหนังตั้งเยอะ แต่นั่นไม่ใช่เวลาที่เขาจะต้องมาสังเกตลักษณะของมัน เพราะความเป็นตายอยู่ห่างจากชริณแค่เอื้อม และเจ้าหมาป่าก็มองเขาอย่างไม่เป็นมิตร
   “เจ้าจิ้งจอกหนีไปสิ!!” ชริณถึงกับตวาดลั่น แทนที่เจ้าจิ้งจอกจะวิ่งหนีไป กลับวิ่งกลับมากระโดดถีบหน้าเจ้าหมาป่าอย่างไม่กลัวตาย
   แฮ่!
   กรรรรรรรรรรซ์!
   เสียงของสัตว์ต่างสายพันธุ์ขู่กันดังไปทั่วบริเวณ ชริณไม่เห็นหนทางที่เจ้าจิ้งจอกน้อยของเขาจะชนะเลย ตัวก็เล็กจะไปสู้อะไรกับหมาป่าผู้เป็นนักล่าได้กัน ดูเหมือนฝั่งหมาป่าเองที่ไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว พอถูกเจ้าจิ้งจอกกระโดดถีบหน้าอย่างไม่เกรงตาย ทุกอย่างก็ยิ่งเลวร้ายลง
   ไม่ต้องลุ้นอะไรทั้งนั้น.... ถ้าเจ้าจิ้งจอกมันคิดจะสู้ มันไม่รอดคมเขี้ยวของหมาป่าแน่ ถึงชริณก็ไม่มีทางปล่อยให้มันตายต่อหน้าต่อตาแน่นอน
   “เจ้าจิ้งจอกอย่า!” ชริณส่งเสียงห้ามพร้อมกับดึงร่างเจ้าจิ้งจอกน้อยว่าอยู่ในอาณัติของตัวเองทันควัน เมื่อเห็นว่าเจ้าหมาป่ายักษ์อ้าปากกว้างคล้ายจะฝั่งคมเขี้ยวไม่เขาก็เจ้าจิ้งจอกที่ต้องรับ  ชริณจึงรีบใช้ตัวเองเป็นเกาะกำบัง เขากอดเจ้าจิ้งจอกไว้แน่น คิดว่ายังไงเสียเราก็คงไม่รอดแน่ หากต้องสู้กับหมาป่าที่ดุร้าย ตัวใหญ่เช่นนี้!
   หากจะตายก็ตายด้วยกันนี่แหละ!
   “.....”   
   “.....” ชริณหลับตาปี๋ เตรียมใจรับกับความเจ็บปวดจากคมเขี้ยวหมาป่า แต่ทว่ารอจนแล้วจนเล่า ความเจ็บปวดที่เขาควรจะได้ประสบ กลับมีแต่ความเงียบตอบกลับมาแทน นั่นทำให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนจะพบว่า หมาป่าหนุ่มเดินผ่านพวกเขาไปอย่างงงๆ
   “เรารอดแล้ว...เจ้าจิ้งจอก”
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 26-07-2018 14:59:04
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-07-2018 15:36:30
คุณพ่อซารินปกป้องน้องด้วยนะ งื้อออ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 26-07-2018 15:47:01
อยากให้คุณหมาป่ามีคู่จะได้ไม่เดียวดาย
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 26-07-2018 16:02:43
คุณหมาป่าเท่มาก ๆ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 26-07-2018 19:43:12
คุณหมาป่าาาาาาา แงงงงงงง :hao5:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 26-07-2018 21:02:18
ศึกชิงนางก็มา  :m20:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.12 (26.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-07-2018 22:47:56
อะไรคือคุณหมาป่าก้อแปลงร่างได้ ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ   :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 28-07-2018 01:55:32
13
เพราะชาริน ซังปกป้องน้องด้วยชีวิตของตัวเอง น้องก็เลยยิ่งรักชาริน ซังมากขึ้นไปอีก...
   การหนีออกจากบ้านของน้องไม่สำเร็จ เพราะน้องไม่ความสุข จิตใจพะวักพะวนห่วงแต่ชาริน ซัง สุดท้ายจึงยอมกลับมาเป็นก้อนขนให้ชาริน ซังได้เลี้ยงเหมือนเดิม
   เมื่อเวลาผ่านไป.... เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มทำใจได้แล้วว่าตัวเองอาจไม่มีทางได้กลับคืนร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง ตลอดชีวิตนี้ แม้จะเสียใจอยู่ไม่น้อย ต้องมองชาริน ซังในมุมมองของสัตว์เลี้ยง แต่จะให้น้องทิ้งชาริน ซังอีกครั้งก็ไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องทำใจยอมรับสภาพของตัวเองที่ต้องเผชิญ เพราะน้องเลือกไม่ได้จริง ๆ ธรรมชาติทั้งนั้นที่เป็นฝ่ายเลือกว่าน้องจะเป็นแบบไหน
   แอ๊!
   เสียงร้องของเจ้าจิ้งจอกน้อยดังขึ้นทันควัน หลังถูกชาริน ซังกลั่นแกล้งโดยการบีบบั้นท้าย กาลเวลาผ่านไปพวงหางที่ถูกน้ำร้อนลวกคราวนั้น โดยน้ำมือของมนุษย์ใจร้าย ก็กลับมางดงามเช่นเดิม หางสวยโบกสะบัดไปมาตามอารมณ์ของเจ้าตัว และกำลังบ่งบอกว่าเจ้าสัตว์สี่เท้าอยู่ในหมวดอารมณ์ดี
   เจ้าจิ้งจอกน้อยงับเข้าที่นิ้วของชริณเบา ๆ เหมือนจะประท้วงให้ชริณเลิกแกล้งเสียที ทำเอาชายหนุ่มถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เปลี่ยนจากการบีบบั้นท้ายเป็นมาลูบหัวแทนแล้วอุ้มมันขึ้นมานอนบนตัก
   เจ้าจิ้งจอกน้อยกลับมาอยู่บ้านเราได้เกือบเดือนแล้ว หลังจากที่เราเพิ่งผ่านเหตุการณ์เสียดตายมาด้วยกันมาหมาด ๆ จนถึงตอนนี้ชริณก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมหมาป่าตัวนั้นถึงเลือกที่จะไม่ทำร้ายเราสองคน แต่ที่แน่ ๆ นับตั้งแต่วันนั้น เขาก็สั่งห้ามไม่ให้เจ้าจิ้งจอกน้อยไปเที่ยวเล่นป่าหลังบ้านเป็นอันขาด เพราะมันอันตรายเกินไป เจ้าจิ้งจอกก็ตัวกระจ้อยร่อยเท่านี้ รู้ว่าสู้ยิบตาแน่ แต่สู้ใครเขาไม่ได้หรอก
   แถมเจ้าจิ้งจอกแบบนี้มีตัวเดียวด้วย หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตัว ชริณจะทำยังไง…
   ดวงตากลมโตสีเดียวกับขน สบประสานกับสายตาของชริณ จากตอนแรกที่เจ้าจิ้งจอกขัดขืน ไม่ยอมนอนบนตักของเขาดี ๆ แล้วเป็นหงายท้องขึ้นอย่างให้ท่า เป็นอันเข้าใจตรงกันว่ามันต้องการจะให้ชริณเล่นกับพุงมัน
   “อ้วนขึ้นนะเนี่ย” ชริณว่าเพียงสั้น ๆ
   เมื่อเขารู้สึกว่าหน้าท้องของเจ้าจิ้งจอกขยายใหญ่ขึ้น ดูจนอดนึกถึงวันที่เราเจอกันแรก ๆ ไม่ได้ อย่างที่เคยเล่า...มันตัวเล็กกว่าจิ้งจอกทั่วไป แถมยังผอมโซมาก ๆ อีก แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เจ้าจิ้งจอกถูกชริณดูแลดีจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเก่า จากที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะฟัดพุงให้หนำใจ หายมันเขี้ยว กลับกลายเป็นว่าชริณเลือกที่จะลูบท้องแทนเท่านั้น
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกเอง เมื่อถูกชริณลูบหัวลูบหางเข้าหน่อย ก็ถึงกับหลับตาพริ้มอย่างเคลิบเคลิ้ม น้องชอบสัมผัสอ่อนโยนจากชาริน ซังมากที่สุด การได้เป็นสัตว์เลี้ยงของชาริน ซังก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องหาอาหารเอง ไม่คิดวิตกว่าจะกินอะไรดี กิน ๆ นอน ๆ มีหน้าที่เฝ้าบ้าน ทำให้ชาริน ซังยิ้ม สร้างความสุขให้ก็พอแล้ว
   แต่ลึก ๆ ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน น้องเองก็คิดถึงช่วงเวลาที่เราทำลูกด้วยกัน....
   “เอ๋...คือจะท้อง?” จู่ ๆ ชริณก็พูดออกมา หลังลูบคลำท้องของเจ้าจิ้งจอกอยู่นานสองนาน เขารู้สึกว่ามันผิดปกติจริง ๆ ดูเหมือนในภายใต้พุงโต ๆ นี้มีอะไรมากกว่าไขมันหรือความอ้วน
   “แต่แกก็ไม่มีมดลูกนี่นา” ชริณพึมพำกับตัวเองกับตนเองอีกหนอย่างสับสน
    เขาเรียนวิทยาศาสตร์มา ของพวกนี้เป็นเรื่องพื้นฐาน หากไม่มีมดลูกก็ท้องไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เคยเป็นฝ่ายเถียงกับเจ้าจิ้งจอกว่าอีกฝ่ายไม่มีทางท้องแน่ กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่วิตกกังวล ส่วนฝ่ายที่เถียงขาดใจว่าท้องแน่นอน กลับหลับตาพริ้มนอนบนตักเขา โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
   
   “ไปทำงานแล้วนะ ดูแลบ้าน ๆ ดี เข้าใจ๊”
   ก่อนจะออกไปทำงาน ชริณก็พูดกับเจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างเช่นทุกวัน ชายหนุ่มลูบหัวลูบหางมันพอเป็นพิธี ส่วนเจ้าจิ้งจอกน้อยก็หลับตาพริ้มรับสัมผัสแต่โดยดี มันเป็นแบบนี้จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันส่วนหนึ่งของเราไปเสียแล้ว ที่เจ้าจิ้งจอกจะมาส่งเขาไปทำงาน ส่วนชริณก็จะบอกให้มันเฝ้าบ้านดี ๆ
   เมื่อตรวจตราว่าตัวเองจะไม่ได้ลืมอะไรไว้ที่บ้าน ก็ได้เวลาที่ชริณจะเข้าบริษัทเสียที ก่อนที่จะสายไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มมองภาพเจ้าจิ้งจอกน้อยจ้องเขาตาแป๋วเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปิดประตูสนิทลง
   ประตูบ้านถูกปิดลงไปแล้ว…. เจ้าจิ้งจอกน้อยก็กลับมาหงอยเหมือนเดิมอย่างไม่ผิดเพี้ยน ชาริน ซังเป็นสังคมเดียวของน้องที่มีอยู่  พออีกฝ่ายต้องไปทำงาน น้องก็ไม่มีเพื่อนเล่น
   คราวนี้น้องไม่มีเพื่อนจริง ๆ คุณหมาป่า ผู้เคยมีพระคุณกับน้อง จนน้องอยากเป็นมิตรสหายด้วย ก็เลิกนับเป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่อีกฝ่ายคิดจะทำร้ายชาริน ซังมิหนำซ้ำอีกฝ่ายยังขัดขว้างไม่ให้น้องวิ่งมาหาชาริน ซังอีก มันน่าโมโหนัก!
   น้องไม่เข้าใจสิ่งที่คุณหมาป่าทำ อีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ การที่น้องเจอคุณหมาป่าในเขตของมนุษย์แปลว่าอะไร ไม่ใช่เพราะคุณหมาป่าก็คลุกคลีกับมนุษย์เหมือนน้องหรอกเหรอ
   แต่ไม่ว่าจะยังไง นับตั้งแต่วันนั้น เมื่อชาริน ซังรู้ว่าหลังบ้านมีหมาป่า เขาก็สั่งห้ามไม่ให้น้องไปเล่นป่าหลังบ้านอีก เพราะอันตรายเกินไป หากอยากวิ่งเล่นก็ให้เล่นอยู่แถวหน้าบ้านแทน เพราะยังพอมีมนุษย์ผ่านไปมาบ้างประปรายและจะสามารถออกไปเล่นได้ ก็ต่อเมื่อชาริน ซังอยู่บ้านเท่านั้น
   พอไม่ได้อะไรทำ น้องก็นอนฟุบกับพื้น เฝ้าอยู่หน้าประตูเปิด จ้องมองลูกบิดรอเวลาที่ชาริน ซังจะกลับบ้านลูกเดียว น้องติดชาริน ซังมากจริง ๆ หลังจากที่เราผ่านเรื่องเสียดตายมาด้วยกัน จากที่เทิดทูนชาริน ซังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  คราวนี้ยิ่งเทิดทูนขึ้นไปอีก
    เพราะไม่ใช่น้องที่รักกันชาริน ซัง แต่อีกฝ่ายก็เช่นกัน ถึงได้ปกป้องน้องด้วยชีวิตของตัวเองแบบนั้น…
   หลังผ่านเหตุการณ์เสียดตายมาด้วยกัน ทำให้เราเข้าใจอะไรกันมากขึ้น ถึงแม้ชาริน ซังจะไม่เข้าใจภาษาน้อง แต่น้องก็รู้สึกได้เลยว่าชาริน ซังใส่ใจน้องมากขึ้น
   ในขณะที่กำลังใช้เวลาทั้งวันของตัวเอง เพื่อรอให้ชาริน ซังกลับบ้านอยู่นั้น เจ้าจิ้งจอกก็หายใจฮึดฮัดอย่างอึดอัดเป็นระยะ ๆ รู้สึกได้เลยว่าช่วงนี้ตัวเองอ้วนขึ้น หนักพุงอย่างเดียว จากที่ชอบนอนฟุบกับพื้น จ้องมองลูกบิดประตู รอให้ชาริน ซังกลับบ้าน เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เปลี่ยนเป็นนอนหงายท้องแทน เพราะเริ่มรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่สะดวก
   หรือเพราะว่าน้องไม่ได้ออกวิ่งนานเลยทำให้อ้วน? เจ้าจิ้งจอกน้อยสันนิษฐานเกี่ยวกับสรีระของตนเอง

   อุ้ย....อุ้ย อะไรขยับอยู่ในท้องน้อง!
   ขณะที่กำลังนอนหงายท้องอยู่นั้น เจ้าตัวเล็กที่อยู่บ้านเพียงลำพัง ถึงกับนิ่งไปเมื่อรับรู้ได้ว่ามีอะไรบางอย่างกำลังขยับ เคลื่อนไหวอยู่ในท้องตัวเอง เพียงเท่านั้นเจ้าจิ้งจอกก็รีบลุกขึ้นทันที ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปส่องกระจกแต่งตัวในห้องนอนของชาริน ซัง เพื่อที่จะได้มองเห็นสรีระตัวเองอย่างชัด ๆ
   เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายน้อง!?
   เจ้าจิ้งจอกน้อยจ้องตัวเองในกระจกนานนับนาที พักหลังมานี้น้องรู้สึกเลยว่าตัวเองอ้วนขึ้นจากเมื่อก่อนมาก น้องกินจุ กินบ่อยมากขึ้น กลายเป็นว่าตอนนี้น้องชื่นชอบการกินอาหารพอ ๆ กับการได้คลอเคลียชาริน ซังหลังกลับมาจากทำงานเลย
   อุ้ย...แล้วทำไมนมน้องตั้งเต้าด้วย!
   เจ้าจิ้งจอกน้อยที่กำลังสังเกตตัวเองอยู่ในกระจก ถึงกับต้องมองสรีระตัวเองอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแต่อย่างใด ร่างกายของน้องผิดปกติไปหลายอย่าง ตั้งแต่สรีระที่ดูอ้วนท้วม รวมถึงหัวนมที่มาลักษณะใหญ่ขึ้น คล้ายจะตั้งเต้าด้วย
   หรือว่าน้องกำลังตั้งท้อง?
   หนึ่งในข้อสันนิษฐานเกิดขึ้นมาในใจของเจ้าจิ้งจอกทันที เป็นข้อสันนิษฐานที่น้องอยากให้เป็นจริงมากที่สุด ตอนแรกความหวังเสี้ยวเล็ก ๆ ที่คิดว่าตัวเองจะตั้งท้องถูกดับไปแล้ว เพราะอยู่ในร่างนี้ ไหนจะเหตุผลที่ชาริน ซังเคยกล่าวอ้าง จนเราทะเลาะกันใหญ่โตอีก แต่พอได้เห็นสรีระของตัวเองที่เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ นับตั้งแต่วันที่น้องกลับเข้ามาในบ้านหลังนี้ น้องเองก็อยากลองเชื่อสัญชาตญาณตัวเองอีกสักครั้ง
   น้องว่าน้องท้องแน่ ๆ !
   ในตอนนี้ความรู้สึกของเจ้าจิ้งจอกน้อยคลุมเครือ เหมือนจะดีใจก็ดีใจไม่สุด เพราะอะไรก็ไม่แน่นอน ขนาดตอนไหนมั่นใจว่าตัวเองท้อง พอให้คุณหมอตรวจยังไม่เจอมดลูกเลย นั่นจึงทำให้น้องไม่มั่นใจว่าตัวเองจะท้องด้วย ตามประสาคนที่ผิดหวังหนก่อน
   แต่ถ้าน้องไม่ท้องแล้วอะไรที่กำลังดิ้นอยู่ในท้องน้องกัน?
   ปกติก็รอให้ชาริน ซังกลับมาอย่างใจจดใจจ่ออยู่แล้ว พอมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นกับตัวเอง น้องก็ยิ่งอยากให้ชาริน ซังรีบกลับบ้านเร็วมากขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตจ้องมองลูกบิดประตูบ้านตาไม่กะพริบ เพราะใกล้เวลาที่ชาริน ซังจะกลับบ้านมาแล้ว
   คอยดูนะ....ถ้าชาริน ซังกลับมาถึงบ้านปุ๊บ น้องจะรีบฟ้องทันทีว่าในร่างกายน้อง มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง!
   
   แกร๊ก!
   แอ๊ ๆๆๆๆ! เมื่อเสียงลูกบิดดังขึ้น ประตูบ้านถูกเปิดออก แล้วจิ้งจอกน้อยก็รีบส่งเสียงเพื่อฟ้องชาริน ซังยกใหญ่ว่ามีตัวดิ้น ๆ ในท้องตัวเอง นมตั้งเต้าแล้ว ทว่าเสียงที่ถูกส่งออกมา เป็นเพียงแค่เสียงร้องแอ๊ ๆ เหมือนอย่างเช่นทุกที ทำเอาเจ้าสัตว์เล็กถึงหัวเสียไม่น้อยและดูเหมือนชริณเองก็ไม่เข้าใจที่น้องจะสื่อสาร
   ฝั่งชริณเองเมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง หลังเปิดประตูเข้ามาก็เห็นเจ้าจิ้งจอกรอเขาอยู่ประตูพอดี ชายหนุ่มส่งยิ้มให้กับมัน หลังอีกฝ่ายบ่นใหญ่เลยว่าเขากลับบ้านช้า
   ….ใช่ไหม?
   “กลับบ้านช้านิดเดียวเอง....อืม ช้าไปสิบนาที ถึงกับบ่นใหญ่เลยเหรอ” ชริณถามหน้ายิ้ม
   แอ๊ ๆๆๆๆ!
   “มาเถอะเจ้าจิ้งจอก วันนี้ฉันจะทำสตูไก่ให้กิน ของโปรดนี่นา...” ชริณว่าที่เขากลับบ้านช้ากว่าปกติ เพราะแวะไปห้างสรรพสินค้า ซื้อของสดเข้าตู้เย็นและหาซื้อวัตถุดิบมาทำสตูไก่ให้เจ้าจิ้งจอกกินนั่นแหละ ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถึงกับหัวเสีย รู้เหมือนชาริน ซังจะไม่เข้าใจน้อง
   ตอนนี้น้องไม่ได้อยากกินข้าวสักหน่อย ทำไมชาริน ซังไม่เข้าใจ!
   หลังจากเขาเอาของสดเข้าตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว ชริณก็เริ่มทำสตูไก่อย่างที่พูดไว้ เขาสังเกตมาสักระยะแล้วว่าเจ้าจิ้งจอกมักจะชอบกินสตูหมู สตูไก่สำหรับสัตว์มากเป็นพิเศษ เพราะทุกครั้งที่ชริณทำให้กิน มันมักจะฟาดเรียบ แทบไม่เหลือเศษให้ติดจาน
   นับตั้งแต่เหตุการณ์ตอนมันหายเข้าไปในป่า ชริณก็ถึงความสำคัญของเจ้าจิ้งจอกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าแล้วก็นึกขำตัวเองเหมือนกัน ตอนแรกที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่ ต้องแอบเจ้าจิ้งจอกไปทำงานทุกครั้ง กลัวยิ่งกว่าผี ไม่อยากให้มันเข้าใกล้ด้วยประการทั้งปวง แต่พอเวลาผ่านไป สุดท้ายก็เป็นเขาเสียเองที่ขาดเจ้าจิ้งจอกไม่ได้
   ถึงจะเอ็นดูเจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างสุนัขมากเพียงใด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชริณก็คิดถึงเจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์เช่นกัน ได้กอดก้อนขนนุ่มนิ่มมันก็ดี แต่เขาคิดถึงร่างกายอุ่น ๆ ผิวนุ่มนิ่มของเจ้าจิ้งจอกในร่างมนุษย์มากกว่า ชริณเพิ่งรู้ว่าตัวเองแพ้พวกขี้อ้อน ซึ่งเจ้าจิ้งจอกเองก็เหมือนจะรู้งาน เล่นอ้อนเขาเช้าเย็น จนในที่สุดชริณก็ไม่ไปไหนไม่รอด
   “กินเยอะ ๆ นะ” หลังจากพักสตูไก่ให้มันเย็น จนสัตว์สามารถกินได้แล้ว ชริณก็เทมันลงถาดข้าวเพื่อให้เจ้าจิ้งจอกได้กินเป็นอาหารเย็น ทว่าคราวนี้เจ้าจิ้งจอกน้อยกลับทำเป็นเมินเฉยไม่สนใจอาหาร มีแต่จะเล่นกับเขา
   แอ๊ ๆๆๆๆ! ฝั่งเจ้าจิ้งจอกเองก็ยังคงไม่ละความพยายาม จะฟ้องชาริน ซังให้รับรู้สิ่งที่ตัวเองจะสื่อให้ได้
   “อย่าเพิ่งเล่นสิ กินข้าวก่อน” ทว่าชาริน ซังกลับไม่เข้าใจอย่างที่น้องจะสื่อ แต่กลับเข้าใจว่าน้องอยากเล่นด้วย มิหนำซ้ำยังเอ็ดน้องอีก มันน่านัก!
   “กินเสร็จก่อนนะ ค่อยมาเล่นกัน วันนี้มีเวลาอีกตั้งเยอะ” ชริณว่าเพียงสั้น ๆ ก่อนจะลุกขึ้น ไปจัดการทำอาหารมื้อเย็นของตัวเองกินบ้าน ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยจึงทำได้แค่มองตามแผ่นหลังกว้างเท่านั้น ส่งเสียงฟ้องยังไง ชาริน ซังก็ไม่สนใจจะหันกลับมาฟัง
   น้องจะทำยังไงให้ชาริน ซังเข้าใจในที่สิ่งที่น้องจะสื่อ...

   ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ชาริน ซังก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่น้องจะสื่อเสียที กลับเข้าใจไปว่าน้องเป็นจิ้งจอกขี้บ่น เพียงเพราะเจ้าของกลับบ้านช้า ซึ่งมันไม่ใช่สักหน่อย! แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าจิ้งจอกน้อยก็พยายามบอกสิ่งที่ตัวเองจะสื่ออย่างไม่ย่อท้อ แข่งกับเวลา เพราะหน้าท้องของน้องก็เริ่มใหญ่ขึ้นทุกวัน
   ชาริน ซังคงไม่เคยสังเกตเห็นหรอก มีแต่น้องนี่ที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเองทุกวัน!
   ทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้น จนน้องมั่นใจยิ่งกว่าอะไรแล้วว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตั้งครรภ์ จากที่รู้สึกเหมือนมีอะไรถีบท้องทุกช่วงเช้า พอเวลาผ่านไปมาเกือบสัปดาห์การถีบท้องของเจ้าตัวเล็กก็ถี่มากขึ้น มีแต่น้องที่รับรู้ถึงพัฒนาการของลูกน้อยและดูเหมือนไม่ถึงสัปดาห์ก็ใกล้จะถึงเวลาคลอดของตัวเองแล้ว
   จริง ๆ พอใกล้คลอดก็ไม่ควรเคลื่อนไหว เพราะยิ่งใกล้วันมากเท่าไร ลูกทั้งหลายตัวก็ยิ่งดิ้นบ่อยขึ้นเท่านั้น แต่เจ้าจิ้งจอกน้อยที่กำลังท้องโตในทุก ๆ วัน ยังต้องเคลื่อนไหวอยู่ เพราะต้องที่แอบคลอดของตัวเอง
   หลังจากที่ชาริน ซังออกไปทำงานแล้ว เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มสำรวจรอบ ๆ บ้าน มองหาซอกหลีบ หมายจะให้เป็นสถานที่คลอดลูกตามสัญชาตญาณ ครั้นจะรอให้ชาริน ซังตาบื้อรู้ตัวว่าน้องกำลังตั้งท้อง ก็คงไม่ได้คลอดลูกกันพอดี    ดวงตากลมโตสำรวจไปรอบ ๆ บ้านชาริน ซัง นอกจากจะต้องแอบให้รอดพ้นจากอันตรายแล้ว ที่ยังต้องกว้างพอให้แม่จิ้งจอกท้องแก่เข้าไปคลอดลูกได้ด้วย มันสำรวจรอบบ้าน หามุมเหมาะ ๆ อยู่นานสองนาน จนกระทั่งพบกับมุมที่พอเหมาะพอดี นั่นก็คือซอกตู้เสื้อผ้าแคบ ๆ ในห้องนอนของชาริน ซัง มันกว้างพอให้แม่หมาเข้าไปทำคลอด
   ที่ตรงนี้แหละที่น้องจะใช้คลอดลูก
   ฝั่งชริณเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของเจ้าจิ้งจอกน้อย ในเวลาพักเที่ยงเขาก็ค้นอินเทอร์เน็ต อ่านบทความเกี่ยวกับเจ้าจิ้งจอก เพื่อศึกษาดูข้อมูลเกี่ยวกับมัน เผื่อเขาจะรู้ว่าทำไมมันถึงมีพฤติกรรมที่แปลกไป แต่ข้อมูลก็ไม่ได้มีมากมายนัก เพราะจิ้งจอกเป็นสัตว์ป่า เลี้ยงให้เชื่องยาก หากไม่ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มนุษย์ไม่นิยมเลี้ยงกัน หากไม่ใช่สายพันธุ์ที่น่ารักน่าชังจริง ๆ
   “มันเป็นอะไรของมันนะ” ชริณพึมพำ ขณะที่ค้นอินเทอร์เน็ตไปด้วย
   จนแล้วจนเล่าชริณก็ยังหาสาเหตุพฤติกรรมที่แปลกไปของเจ้าจิ้งจอกไม่ได้ เขาจึงทำได้แค่เล่นกับมันบ่อย ๆ บางครั้งเขาก็กลับบ้านช้าเพราะเรื่องงาน มีการทำโอทีล่วงเวลา นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เจ้าจิ้งจอกมีพฤติกรรมแปลกไปก็ได้
   “เจ้าจิ้งจอกอยู่ไหน?” เป็นอีกครั้งที่ชริณตื่นมาแล้วไม่พบเจ้าจิ้งจอก คราวนี้เขาเริ่มใจคอไม่ดีตั้งแต่มองไม่เห็นมัน เพราะกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอีกครั้ง เพราะพักหลังมานี้ เจ้าจิ้งจอกมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ไหนเขาจะตีความท่าทางของมันไม่ค่อยออกอีก
   พอไม่เห็นเจ้าจิ้งจอกจริง ๆ อาการสะลึมสะลือ ไม่อยากลุกจากที่นอนในตอนแรกก็หายไปเป็นปลิดทิ้งทันที เมื่อเขาไม่เจอเจ้าจิ้งจอกจริง ๆ ชริณรีบลุกออกจากผ้าห่ม แล้วเดินหาไปทั่วบ้านพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยเป็นระยะ ๆ
    “เจ้าจิ้งจอกอยู่ไหน” ชริณส่งเสียงเรียก ขณะที่เขาก็ตรงไปตู้เสื้อ ตั้งใจจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลองออกไปหาข้างนอกดู เผื่อเจ้าจิ้งจอกจะแอบออกไปเล่นหน้าบ้านคลายเครียด
   กุก ๆ กัก ๆ!    
   เสียงกุกกักอยู่หลังตู้เสื้อผ้าทำให้ชริณที่กำลังจะออกจากห้องนอน ถึงกับชะงักไป คิ้วเข้มถึงขมวด หันมองตามต้นเสียงในทันที
    นึกสงสัยว่าตัวเองอะไรเข้าไปอยู่หลังตู้เสื้อผ้าเขา ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยไปมากกว่านี้ เขาค่อย ๆ ย่องไปมองแถวหลังตู้เสื้อผ้าตัวเองอย่างเบาเสียง แล้วค่อย ๆ ใช้มือดึงตู้เสื้อผ้าขนาดกลางออกอย่างช้า ๆ ก่อนที่ชริณจะได้สบประสานสายตากับดวงตาที่คุ้นเคย พร้อมกับเจ้าสิ่งเล็ก ๆ สี่ตัวกำลังส่งเสียงครางงึมงำ ขณะที่กำลังซุกตัวเข้าหาความอบอุ่น
   “ลูกหมา...ล—ลูกเรา....งั้นเหรอ” นั่นคือคำเดียวที่ชริณนึกได้
   เขาถึงกับไปไม่ถูก มองดูเจ้าก้อนขนสี่ตัวกำลังซุกเข้าหาไออุ่นเจ้าจิ้งจอกน้อยที่เขากำลังจะตามหา ทุกอย่างกระจ่างชัดในทันที เพราะเจ้าจิ้งจอกกำลังตั้งท้องใช่ไหม ถึงได้ทำให้อีกฝ่ายมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป
   ไอ้ชริณโง่เอ้ย! ทำไมไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกกำลังตั้งท้อง! เขาได้แต่สบถด่าตัวเองในใจ ชัดเจนเลย ไม่ต้องถามว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ชริณนี่แหละที่ทำเจ้าจิ้งจอกน้องท้องป่อง
   จู่ ๆ เขาก็ได้เป็นพ่อของสิ่งมีชีวิตแบบไม่ได้ตั้งตัว.... ชริณกำลังมีลูกเป็นจิ้งจอก!
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อย เมื่อเห็นว่าชริณรับรู้แล้วก็ถึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดน้องก็ทำภารกิจสำเร็จ! น้องรู้แล้วว่าทำไมสองเดือนก่อนตัวเองถึงกลับคืนร่างเป็นจิ้งจอก ไม่สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เพราะน้องกำลังตั้งท้องอยู่นี่เอง
   ดวงตากลมโตมองมือหนาของชาริน ซังค่อย ๆ จับลูกของเราที่เพิ่งคลอดหมาด ๆ ออกไปจากซอกตู้เสื้อผ้าที่มีแต่เศษฝุ่น เพื่อไปทำความสะอาดให้ เมื่อลูกน้อยออกไปหมดแล้ว เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ค่อย ๆ มุดออกมาจากซอกตู้เสื้อผ้าบ้าง ก่อนจะเริ่มหลับตาลง ตั้งสติแล้วลองกลายร่างอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าทุกอย่างน่าจะเป็นอย่างที่ตนคิดไว้จริง ๆ
   ดวงตากลมโตเริ่มเบิกกว้าง หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรง เพราะในที่สุดน้องก็กลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์จนได้!
   “ชาริน ซัง” เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างเปลือยเปล่าเรียกชื่อชาริน ซังด้วยความดีอกดีใจ พอ ๆ กับคนที่เพิ่งได้เป็นพ่อเด็กป้ายแดง ถึงกับมองค้างอย่างตกตะลึง หลังได้เห็นเจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์อีกครั้ง
   นี่มันดีเกินไปแล้ว เขาได้ทั้งลูกแถมเจ้าจิ้งจอกยังสามารถกลายร่างกลับคืนเป็นมนุษย์ได้อีก!
   “เย้! น้องกลายร่างกลับคืนได้แล้ว” เพียงรู้ว่าตัวเองทำภารกิจและสามารถกลับคืนร่างมนุษย์ได้อย่างสำเร็จ เจ้าจิ้งจอกน้อยก็กระโดดลวดเต้นอย่างดีอกดีใจไปรอบ ๆ ห้องนอนทันที แต่ก็เต้นได้ไม่แรงเท่าไรนัก เพราะเพิ่งผ่านการคลอดลูกไปไม่ถึงหนึ่งวัน
   “อ้าว ๆ เบา ๆหน่อย” ชริณที่กำลังใช้ทิชชู่เช็ดตัวเจ้าลูกหมาที่เขรอะฝุ่นทั้งหลาย ถึงกับต้องหันไปเอ็ดคุณแม่จิ้งจอกป้ายแดงที่กำลังเต้นไปมารอบห้องอย่างดีอกดีใจ เขาดีใจที่เจ้าจิ้งจอกกลับคืนร่างมนุษย์ได้ แต่ชริณจะรับมือยังไงกับเหล่าลูกหมาทั้งสี่ตัวนี่ดี!
   ตอนนี้ชริณรู้สึกมึน ๆ งง ๆ อย่างบอกไม่ถูก เขาดีใจกับเจ้าจิ้งจอกที่ทุกอย่างกำลังจะกลับเป็นเหมือนเดิม แต่ในขณะเดียวกันเขาต้องคอยเช็ดคราบอะไรต่อมิอะไรออกจากตัวลูกสุนัข ซึ่งเป็นเหล่าลูก ๆ ของเขาด้วย...

   ชีวิตชริณชักจะหรรษาเกินไปแล้ว! มีเมียเป็นมนุษย์จิ้งจอกไม่พอ ยังมีลูกเป็นมนุษย์จิ้งจอกอีก!
   แม้จะตั้งรับการเป็นคุณพ่อลูกสี่แบบไม่ทันได้เตรียมใจอะไรเลย แต่ชริณก็คิดว่าเขาจัดการปัญหาทุกอย่างได้ดี หลังจากที่ชายหนุ่มจัดการทำความสะอาดตัวเจ้าลูกหมาทั้งหลายเรียบร้อยแล้ว ชริณก็ปล่อยให้คนเป็นแม่เริ่มดูแลลูกบ้าง โดยการทำความสะอาดเลียขน ให้นมตามที่สัตว์จะทำกัน
   ทว่ายังไม่ทันไร ชริณก็เริ่มมองเห็นปัญหาเสียแล้วเมื่อเต้านมของเจ้าจิ้งจอกไม่เพียงพอต่อลูกน้อย เพราะเจ้าจิ้งจอกมีเพียงแค่สองเต้า แต่ลูกออกมากลับมีถึงสี่ตัว ตอนนี้ปัญหาอาจยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่หลังจากนี้หากไม่รีบแก้ปัญหาที่กำลังส่อเค้าลาง คงได้เป็นเรื่องใหญ่แน่…
   เหมือนทุกอย่างเพิ่งเริ่มต้นใหม่ เราทั้งคู่ต่างไม่มีใครมีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก
   ชริณยืนมองดูเจ้าจิ้งจอกน้อยที่กลายร่างกลับคืนเป็นแม่จิ้งจอกให้นมลูกอย่างเงียบ ๆ ในขณะเดียวกันในหัวของเขาก็กำลังคิดเรื่องราวอีกแปดร้อยเรื่อง
   แม้ตอนนี้ลูกที่ออกมาจะเป็นแค่เจ้าลูกหมาตัวเล็ก ๆ แต่ในภายภาคหน้าเจ้าลูกหมาพวกนี้คงจะเป็นแบบเจ้ามนุษย์จิ้งจอกแน่ ดังนั้นเขาจะต้องมองหาที่อยู่ใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เพื่อรองรับสมาชิกตัวน้อย ๆ และชริณยังต้องศึกษาเกี่ยวกับพวกนมผง สำหรับอนุบาลสัตว์แรกเกิดอีกด้วย เพราะลำพังอาศัยน้ำนมจากแม่อย่างเดียวก็ไม่พอหรอก
   หลังจากนี้ล่ะ เขาควรจะทำยังไงต่อ โทรบอกเจ้าเพื่อนรักดีไหมว่ามีลูกแล้ว หรือควรจะโทรแจ้งข่าวให้พ่อแม่ที่เมืองไทยรับทราบว่าท่านทั้งสองกำลังจะมีหลาน มีหลาย ๆ อย่างที่ชริณต้องจัดการหลังจากนี้ ไม่ใช่มีลูกกับเจ้าจิ้งจอกแล้วทุกอย่างจะจบ ชริณไม่ยอมให้อีกฝ่ายพาลูกกลับเข้าป่า เหมือนคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้แน่ ๆ
   ชายหนุ่มพอมีเงินเก็บไว้อยู่อีกบัญชีหนึ่ง มันมากพอที่จะไปหาเช่าบ้านที่กว้างกว่าเดิมตามจำนวนสมาชิก อันดับแรกชริณต้องจัดการเรื่องแม่กับเจ้าลูก ๆ ทั้งหลายให้เรียบร้อยก่อน ค่อยแจ้งข่าวให้คนอื่นได้ทราบว่าเขากำลังจะมีครอบครัว

   “เราจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดี” ชริณเอ่ยถามความคิดเห็นเจ้าจิ้งจอกน้อย พลางมองเจ้าลูกหมาสี่ตัวกำลังนอนกอดก่ายให้ความอบอุ่นกันและกันเหมือนเจ้าก้อนขนขนาดยักษ์
   “ไม่เห็นจะยากเลย ก็เรียกว่าน้อง น้อง น้องและก็น้องไง” เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดอย่างไม่ต้องคิด
   “ได้ที่ไหนกันเล่า แล้วทีนี้เราจะเรียกตัวเองว่าอะไร” ชริณถาม
   “ก็น้องเหมือนกัน” เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดพลางส่งยิ้มหยีให้ชริณ
   “ไม่แล้วน้องมั้งเนี่ย เป็นเมียแล้ว เมียเต็มรูปแบบเลย” ท้ายประโยคชายหนุ่มพึมพำเสียงแผ่ว ไม่ได้ตั้งใจให้เจ้าจิ้งจอกได้ยิน
   “เมียงั้นเหรอ...ชอบจัง” เจ้าจิ้งจอกว่า “งั้นต่อจากนี้ ชาริน ซังเรียกน้องว่าเมียนะ”
   “…..”
   “นะ…ชาริน ซัง”
   “ก็อยู่แล้ว นายเองก็ต้องเรียกฉันว่าสามีเหมือนกัน” ชริณว่าพร้อมกับหันไปสบตาคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กันอย่างขลาดเขิน ซึ่งอาการแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นกันง่าย ๆ “ก็คิดจะไม่ปล่อยให้ไปไหนอยู่แล้ว”
   ฝั่งคนฟังก็ถึงกับอมยิ้ม อาการอยากงอน เพราะชาริน ซังคนบื๊อไม่รู้ว่าน้องกำลังตั้งครรภ์หายไปเป็นปลิดทิ้ง เมื่อได้ยินคำพูดหวาน ๆ ที่ไม่มีคำว่ารัก หลุดมาจากปากอีกฝ่าย ดวงตากลมโตฉายความอบอุ่นออกมา ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนเช้าน้องยังปวดท้องคลอดอยู่เลย พอตอนเย็นมาน้องได้มายืนมองลูก ๆ ทั้งสี่ตัวข้างชาริน ซังเสียแล้ว
   ดวงตากลมโตไล่สายตามองลูกน้อยในร่างลูกสุนัขทุกตัว ลูกจะเป็นเหมือนน้องนี่แหละ ตอนเด็ก ๆ ก็จะยังเป็นลูกสุนัขอยู่ พอโตขึ้นก็จะกลายร่างแบบน้องได้ อยากให้ลูกโตเร็ว ๆ จัง น้องจะได้ไม่ต้องเหงาอีกแล้ว.....
   “แล้วเวลาจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างก่อนนะ แล้วจะพาย้ายไปอยู่บ้านที่กว้างกว่าเดิม” ชริณว่า
   “…..”
   “ลืมเรื่องที่ตัวเองเคยบอกว่าพอได้ลูกแล้วจะกลับเข้าป่า หายไปจากชีวิตฉันซะ…. เพราะฉันไม่อนุญาต”
   “…..”
   “ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เรามาสร้างครอบครัวกันเถอะ!”



_________________________________
#น้องจะตอบแทนพี่เอง
อีก1-2บทจะจบนะคะ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-07-2018 02:38:55
ครอบครัวสุขสันต์ ยังไม่อยากให้จบเลย อยากอ่านตอนคุณหมาป่ามีคู่ด้วย  :3123:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 28-07-2018 04:09:56
ลูก 4 เป็นครอบครัวอบอุ่น น้องจิ้งจอกเก่งมาก
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 28-07-2018 06:59:33
อย่าเพิ่งจบสิน้องๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 28-07-2018 11:07:19
ขอน้องซักตัวให้คุณหมาป่าได้ไหม 55555555
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-07-2018 12:29:45
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 28-07-2018 14:38:42
 สนุกมากกกกกก...รอตอนต่อไปค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: milin03 ที่ 28-07-2018 19:08:17
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-07-2018 20:53:43
พี่หมาป่าไปแล้วอ่อ???
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 30-07-2018 16:33:22
คุณพ่อคุณแม่ลูกสี่  :m1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 31-07-2018 11:55:28
น่ารักมากๆเลย น้อง น้องน้อง
น้องมีครอบครัวแล้ว
คุณหมาป่าน่าสงสาร ยกลูกชายให้คุณหมาป่าสักตัวไว้สืบเผ่าพันธ์ุได้ไหม
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 31-07-2018 13:32:39
น้อง น้อง น้อง น้องเต็มไปหมดเลยยย
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.13 (28.07.18)
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 01-08-2018 02:06:28
เอ็นดูวววว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (1/2) (1.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 01-08-2018 22:56:40




14


   แอ๊!! แอ๊ะ ๆ แอ๊ออออ!!
   “ขวดนม ๆ ขวดนมอยู่ไหน!!” คุณพ่อป้ายแดงสะดุ้งตื่นทันที เมื่อเสียงแผดร้องของเจ้าลูกหมาสองตัวที่นอนอยู่บนอกดังสนั่นลั่นห้องนอน ชริณคว้าสเปะสะปะไปทั่วบริเวณ เพื่อหาขวดนมพัลวัน
   ยิ่งได้ยินเสียงร้องของเหล่าบรรดาลูก ๆ ในคราบเจ้าลูกหมาตัวแสบนานเท่าไร ชายหนุ่มที่ยิ่งสติแตก ทำอะไรไม่ถูกมากขึ้นเท่านั้น ก่อนที่ภรรยาของเขาจะเป็นฝ่ายช่วยเหลือ จัดการอุ้มเจ้าลูกหมาสองตัวออกจากอกเขา  แอบไปกลายร่างกับคืนเป็นจิ้งจอกน้อยให้นมอีกมุมหนึ่งของห้อง หลังอีกฝ่ายเพิ่งให้นมอีกสองในสี่ตัวไปหมาด ๆ นั่นทำให้สติชริณค่อย ๆ กลับเข้าร่างอย่างช้า ๆ
   ชีวิตของพนักงานบริษัทของเขากำลังเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ....ไม่สิ ต้องเรียกว่าเปลี่ยนไปกะทันหันเสียมากกว่า เมื่อกี้เขาให้นมลูกก็การให้ดื่มนมผงจากขวดนมเด็ก หลังเลิกงาน เขาก็อยากแบ่งเบาหน้าที่ภรรยาจึงให้นมจนเผลอหลับไป จนทำให้เจ้าหนูน้อยในคราบลูกหมาตัวอ้วน ส่งเสียงงอแง เพราะไม่ได้กินนมอย่างที่ต้องการ
   เราแบ่งกันเลี้ยงเจ้าลูกหมาคนละสองจากสี่ตัว สลับผลัดเปลี่ยนไปกัน เพื่อให้ทุก ๆ ตัวได้กินนมแม่เท่า ๆ กัน อย่างที่บอกสรีระของเจ้าจิ้งจอกไม่เอื้ออำนวยต่อการมีลูกพร้อมกันสี่ตัว ดีแค่ไหนแล้วที่ร่างกายของอีกฝ่ายสามารถผลิตน้ำนมได้ ส่วนชริณเองเขาก็ประสบปัญหาเช่นกัน ชอบคิดว่าเจ้าลูกหมาไม่ใช่ลูกตัวเองอยู่เรื่อย เขาคุ้นชินแต่กับการเลี้ยงลูกสุนัขที่เกิดมาจากสุนัข ไม่ได้คุ้นชินลูกสุนัขที่เกิดมาจากเขา
   “ชาริน ซังไปนอนเลยก็ได้ เดี๋ยวน้องดูแลลูกเอง” แม่จิ้งจอกลูกสี่กระซิบบอกสามี หลังเพิ่งให้นมลูกสองตัวไปแล้ว แล้วเพิ่งพาสองตัวแรกเข้านอนไปหมาด ๆ
   ดวงตากลมโตทั้งยามเป็นมนุษย์และอยู่ในร่างจิ้งจอก แสดงความอบอุ่นออกมาทุกครั้งที่ได้มองลูกขณะป้อนนมไปด้วย เจ้าจิ้งจอกน้อยนับวันรอที่ลูกทั้งสี่เริ่มเดินได้แทบไม่ไหวแล้ว พอถึงวันนั้นเราจะกลายเป็นครอบครัวแสนวุ่นวายกว่านี้แน่ ลำพังแค่นี้เจ้าตัวแสบทั้งสี่ตัวยังป่วนคนพ่อแทบไม่ได้นอน ไปทำงานที ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า เห็นแล้วก็รู้สึกสงสารเหมือนกัน
   “ไม่เอา อยากดูด้วย” ชริณว่าด้วยน้ำเสียงงอแง พลางตวัดแขนโอบกอดคุณแม่ลูกสี่จากข้างหลัง มองดูภรรยาจัดการกับลูก ก่อนนิ้วยาวจะไปลูบหัวลูกหนึ่งในสี่แผ่วเบาแล้วยิ้มออกมา
   เจ้าก้อนขนตัวเล็ก ๆ ที่เกิดจากเขา
   “อีกนานไหมว่าลูกของเราจะกลายร่างเป็นคน” ชริณเอ่ยถาม
   “อีกไม่นานหรอก ลูกจิ้งจอกโตเร็วอยู่แล้ว”
   “ก็ดี...งั้นจะพาไปเมืองไทยนะ” ชริณว่าต่อ
   “เอ๋....”
   “ไปไหว้พ่อแม่กัน”
   ตอนนี้เขาเริ่มจัดการอะไร ๆ ได้หลาย ๆ อย่างแล้ว เหลือเพียงพ่อแม่ที่ยิ่งไม่รู้ว่าชริณกำลังมีครอบครัวรวมถึงคนรอบข้างด้วย ครั้นจะผลีผลามรีบไปบอกก็ไม่ได้ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องช่วย ฃ
   ชริณต้องรอให้ลูกทั้งสี่แข็งแรง เติบโตจนสามารถกลายร่างได้ก่อน เขาถึงจะพาข้ามน้ำข้ามทะเลกลับไปเยือนเมืองไทยถิ่นกำเนิดของเขาได้ แต่ปัญหาใหญ่คือเรื่องบัตรประชาชน การเข้าออกภายในประเทศ เอกสารต่าง ๆ ที่เหล่าครอบครัวมนุษย์ของเขาไม่มี ซึ่งนั่นอาจทำให้ต้องเปลี่ยนจากมนุษย์เป็นสัตว์ก่อน ทุกอย่างถึงจะง่ายขึ้น
   “อยากเจอพ่อแม่ชาริน ซังจัง” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่า เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาหลังสามีบอกจะพาออกนอกประเทศครั้งแรก  ตั้งแต่เกิดมาน้องไม่เคยไปที่ไหนเลย นอกจากคอยป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านชาริน ซังและป่าหลังบ้านเท่านั้น
   “เดี๋ยวจะพาไป รอลูกโตก่อนนะ”
   “อื้อ!”
   หลังจากให้นมลูกครบทุกตัวเสร็จ คุณแม่ตัวเล็กก็จัดแจงที่นอนเจ้าตัวแสบทั้งตัวในเปลขนาดกลางให้นอนดี ๆ ไม่ต้องนอนเบียดเสียดกัน
   จริง ๆ น้องเคยแย้งชาริน ซังแล้วว่าให้ลูกนอนกับพื้นดินก็ได้ เพราะตอนเด็ก ๆ น้องก็นอนกับพื้นดินในป่า มีคุณมดไต่ไปมาคอยอยู่เป็นเพื่อน ไม่เห็นจะตาย ก็อยู่รอดจนถึงทุกวันนี้ แต่ชาริน ซังก็ไม่ฟัง ยืนยันจะซื้อมาเปลมาให้ได้ จนในที่สุดเปลที่ว่าก็มาตั้งไว้ในบ้าน น้องก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย
   ของใช้ทุกอย่างที่เพิ่งซื้อไม่กี่สัปดาห์ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของทารก เด็กอ่อนอะไรเถือกนั้น แทบไม่มีของใช้เกี่ยวกับลูกสุนัขเลยยกเว้นนมผง เรามีความสับสนว่าจะเลี้ยงลูกแบบไหนกันดี จึงกลายเป็นว่าเราเลี้ยงลูกที่อยู่ในร่างสุนัขในรูปแบบของการเลี้ยงคน
   เดี๋ยวนี้น้องได้เป็นคุณแม่เต็มตัวแล้ว ยังคงมีหน้าที่เฝ้าบ้าน รอชาริน ซังกลับจากที่ทำงานเหมือนเดิม แต่ต่างตรงกันตรงที่ว่าตั้งแต่มีลูกมา น้องก็ไม่ได้รู้สึกเหงา เดียวดายหรือเหมือนถูกทอดทิ้งอีกแล้ว เพราะเจ้าตัวแสบทั้งสี่ตัว ป่วนคนแม่ตั้งแต่ยังไม่ลืมตา ทำเอาคุณแม่ป้ายแดงวิ่งวุ่นทั้งวัน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
   มันเป็นความวุ่นวายที่มีความสุข...
   หลังจากให้นมส่งลูกน้อยทั้งสี่ตัวเข้านอนแล้ว ก็ถึงเวลาที่คุณแม่ลูกสี่จะได้พักผ่อนเสียที หลังไล่ให้ชาริน ซังไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนดี ๆ เพราะทำงานมาเหนื่อย ๆ คุณแม่ก็เริ่มวอร์มร่างกายให้พร้อม
   หน้าที่ของแม่ น้องก็ทำไม่มีขาดตกบกพร่อง....หน้าที่ของภรรยาเองก็เช่นกัน
   ฝั่งชริณเองที่เพิ่งออกจากห้องน้ำมา ถึงกับชะงักเมื่อเห็นคุณแม่ลูกสี่พ่วงตำแหน่งภรรยาของเขากำลังนอนรออยู่บนเตียง สายตาแพรวพราวทำเอาชายหนุ่มถึงกับร้อน ๆ หนาว ๆ
   เอาอีกแล้ว....
   “ทำอะไร” ชริณถาม
   “เตรียมรอทำหน้าที่ของภรรยาที่ดีไง” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่าอย่างไม่อาย พลางกระดิกนิ้วเรียกชริณ ทำเอาคนมองถึงกับถอนหายใจออกมา
   “คราวนี้จะมาอ้างภารกิจไม่ได้แล้วนะ เรานั่นแหละที่หื่น” ชริณว่า จะมาอ้างว่าทำเพื่อภารกิจไม่ได้แล้ว เพราะเจ้าก้อนขนสี่ตัวที่นอนอยู่บนเปลคงเป็นหลักฐานชั้นดีว่าภารกิจสำเร็จหรือยัง
   “จ้ะ....น้องยอมรับ”
   “.....”
   “ชาริน ซังรีบมาเร็ว น้องคร้านจะคอยแล้วนะ”
   “เฮ้อ..จริง ๆ เลย” ถึงจะทำท่าทางระเอือมระอาแค่ไหน แต่พนักงานบริษัทธรรมดา ๆ ที่มีเมียไม่เหมือนใครก็เดินตามเสียงเรียกของอีกคนอยู่ดี
   เมื่อชริณเดินมาถึงปลายเตียง คุณแม่ลูกสี่ก็สลัดภาพแม่บ้านกลายเป็นจิ้งจอกยั่วสวาท ตวัดแขนโอบรอบคอสามีผู้เป็นที่รักเอาไว้ ก่อนจะจ้องตา เอียงคอมองตาแป๋วอย่างที่ชอบทำอยู่เป็นประจำ ชายหนุ่มจึงตวัดแขนโอบกอดเอวบาง ช่วงนี้เวลาส่วนใหญ่เรามักจะทุ่มให้ลูกเสียหมด ส่งลูกเข้านอนแล้วเราถึงจะได้เวลามีเวลาเป็นของตัวเอง อยู่ด้วยกันเพียงลำพัง
   “ตัวแค่นี้เก่งจังเลย” ชริณว่าพร้อมกับจูบเบา ๆ ที่หน้าผากเนียนเพื่อเป็นรางวัลให้กับคุณแม่ลูกสี่ที่รับมือเจ้าตัวแสบทั้งสี่ตัวแทบทั้งวัน ยังอยากจะปรนนิบัติสามีอีก ไม่รู้ว่าเจ้าจิ้งจอกตัวนี้ใส่ถ่านไว้ในตัวกี่ก้อนกันแน่ ถึงได้อึดถึงเพียงนี้
    “ชอบจัง” เจ้าจิ้งจอกพูดทั้งหน้ายิ้ม ชอบสัมผัสอุ่น ๆ จากชาริน ซังมาก ๆ อีกฝ่ายให้เท่าไรน้องไม่เคยเบื่อเลย
   ไม่เคยนึกฝันว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้ใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์ เคยคิดเพียงแค่ว่าทำยังไงก็ต่อ ขอให้ภารกิจสำเร็จและทุกอย่างจะเป็นแค่เพียงความทรงจำ ที่ครั้งหนึ่งเคยใกล้ชิดกับมนุษย์มากเพียงใด แต่ทุกอย่างในความจริงกลับต่างจากที่คิดไว้มากนัก พอได้อยู่ใกล้ ๆ ได้ซึมซับความใจดีจากเขา ก็ไม่อยากจากไปไหน อยากเห็นเขาอยู่ในสายตาตลอดเวลา
   ฝั่งชริณเองก็รู้สึกว่าจิตใจตัวเองสงบลง เมื่อได้กอดเจ้าจิ้งจอกไว้อย่างเงียบ ๆ นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดขึ้น ซากุระก็ไม่ได้พยายามเข้าหาเขาอีก ด้วยความที่ว่าชริณพูดอย่างชัดเจนไปแล้ว ไหนจะเรื่องน่าอายที่เธอเคยทำไว้กับเขาอีก ทำให้โลกของเราค่อย ๆ หมุนออกจากกัน จนในที่สุดชริณก็เพิ่งได้ทราบข่าวว่าเธอกำลังจะมีข่าวดีกับหัวหน้าแผนกเขาช่วงปลายปีนี้ ซึ่งฝั่งนั้นก็หย่ากับภรรยามาได้สักระยะแล้ว
   เราต่างฝ่ายต่างชาร์ตพลังงานให้กันโดยการกอด แม้ตอนนี้จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่ต่างฝ่ายก็ต่างมีเรื่องกังวลคนละแบบกัน การที่มีลูก มันเป็นเรื่องที่น่ายินดี ชริณคิดว่าไว้แล้วว่าเขาจะต้องทำงานให้หนักกว่า รอลูกสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ จะจ้างครูให้มาสอนหนังสือที่บ้าน
   ส่วนความคิดที่ว่าอยากจะพาครอบครัวย้ายไปอยู่บ้านหลังใหญ่กว่านี้ เขาก็เพิ่งได้พูดคุยกับเจ้าของบ้านมา ได้ข้อสรุปว่าช่วงต้นเดือนหน้าเราจะได้ย้ายออกจากบ้านหลังเดิม ไปอยู่ในบ้านหลังใหม่
   “พ่อแม่ชาริน ซังจะดุไหม”
   “......”
   “พ่อแม่ของน้องใจดีนะ” เจ้าจิ้งจอกเอ่ยถามสิ่งที่กำลังเป็นกังวล
   กลายเป็นว่าการปรนนิบัติสามีเป็นเรื่องรองไปก่อน เพราะเรื่องนี้สำคัญกว่า น้องรู้ดีว่ามนุษย์มีสังคม รู้เหตุผลด้วยว่าทำไมชาริน ซังถึงอยากพาไปประเทศไทยด้วยกัน เพราะถ้าเป็นน้องเอง ก็อยากเอาชาริน ซังไปแนะนำให้ครอบครัวได้รู้จักเหมือนกัน เราต้องทำทุกอย่างให้เป็นเรื่องเป็นราว
   ชาริน ซังจะมาอยู่กับน้อง สร้างครอบครัว มีลูกด้วยกันเฉย ๆ ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ปราศจากสังคมมาตั้งแต่แรก
   “ใจดีสิ....ไม่ต้องกังวล ท่านเข้าใจทุกอย่างแน่” ชริณว่า เขารู้จักพ่อแม่ของตัวเองดี ท่านรับมือสถานการณ์ได้ดีและคิดว่าท่านคงไม่ว่าอะไร หากลูกชายคนเดียวจะสร้างครอบครัวกับผู้ชายเดียวกัน
   “แต่ก่อนจะไปเราต้องให้ลูกเราแข็งแรงก่อนนะ รอให้เขาโตกว่านี้ก่อน” ชริณว่า ส่วนหนึ่งเหตุผลที่จะไปหาพ่อแม่ อยากให้ท่านรู้ด้วยว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมแต่งงานเสียที จะได้หายห่วงกัน
   เพื่อนส่วนใหญ่เริ่มรับรู้กันแล้วว่าเขากำลังมีคนรัก รวมถึงเมฆที่ทำงานอยู่ญี่ปุ่นด้วยกันด้วย แต่สองคนนี้ไม่ได้เจอกันเสียที คลาดกันตลอด
   ชายหนุ่มไม่ได้เปิดตัวเจ้าจิ้งจอก แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ได้ปิด มีถ่ายรูปลงโซเชียลบ้าง เพียงเท่านั้นเพื่อนก็เริ่มรับรู้แล้ว ชริณอยู่ในอายุอานามวัยทำงาน พอคิดจะใช้ชีวิตกับใครสักคน มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพื่อนร่วมรุ่นบางคนก็แต่งงานได้ลูกสาม ลูกสี่กันแล้ว
   แต่ครอบครัวเขา เมียคลอดครั้งเดียวได้ลูกเลยสี่ตัว....
   “เจ้าจิ้งจอก ลูกสี่ก็พอแล้วเนอะ” เขาถามภรรยา เรื่องลูกเราก็ต้องตกลงกันว่าจะอยู่กี่คน จริง ๆ เขาว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว แค่เท่านี้ครอบครัวก็วุ่นวาย หากจะมีอีกคอก ลูกออกมาสี่ตัวอีกรอบ ชริณก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาจะเลี้ยงไหวไหม
   “อืม...แค่สี่ตัวเองเหรอ” เจ้าจิ้งจอกน้อยทำท่าคิดหนัก “แล้วถ้าสี่ตัว น้องจะได้ภารกิจกับชาริน ซังอีกไหม”
   “.....”
   “น้องอยากทำภารกิจบนเตียงอะ อยากทำแต่ไม่อยากท้อง....” เจ้าจิ้งจอกขยายความ น้องเคยได้ยินว่ามีตัวช่วยที่ลดความเสี่ยงการตั้งครรภ์ ชาริน ซังเคยอธิบายตอนเราไปห้างด้วยกัน แต่น้องไม่แน่ใจว่ามันเรียกว่าอะไร ลืมหมดแล้ว
   “จะมีวิธีอยู่ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก จะจัดการเอง...แต่อยากถามว่าจะมีลูกกี่คน” ชายหนุ่มว่า ชริณภาวนาในใจขอให้เจ้าจิ้งจอกตอบว่าพอแล้ว เพราะสิ่งหนึ่งเขาไม่อยากให้เจ้าจิ้งจอกได้ตั้งท้องในร่างสุนัขจนกระทั่งคลอดด้วย พอนึก ๆ ไปแล้วก็ยังเจ็บใจไม่หาย ไม่เคยรู้เลยว่าเมียตั้งท้อง จนกระทั่งอีกฝ่ายคลอดออกมา เขาถึงค่อยรู้
   มันน่านัก....
   “สี่ก็พอแล้ว เท่านี้น้องก็ปวดหัวมาก ๆ เลยอะ” เจ้าจิ้งจอกว่า ลูก ๆ ของเราตัวเล็กพริกขี้หนู ขนาดยังแบเบาะ ก็เล่นเอาพ่อแม่ป้ายแดงถึงกับหัวหมุนไปหมด แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่งั้นคงได้วุ่นวายกว่านี้แน่ ภารกิจที่เหลือก็ให้บรรดาเหล่าลูก ๆ รับช่วงต่อไป ไม่ต้องเพิ่มจำนวนมากมาย แต่ขอให้เผ่าพันธุ์ของเราไม่สูญพันธุ์ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
   
   วันนี้เป็นวันพิเศษ...เพราะเจ้าก้อนขนตัวป่วน บรรดาลูก ๆ ของชริณจะอายุครบหกเดือนพอดี ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาจะได้เห็นหน้าลูกทั้งสี่ในร่างมนุษย์ตามคำบอกเล่าของผู้มีประสบการณ์มาก่อน นั่นก็คือคุณแม่ลูกสี่
   ชริณพยายามบอกตัวเองว่าทำใจให้ชินสักที ก็เหมือนกับเจ้าจิ้งจอกนั่นแหละ เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ ขนาดเรื่องราวดำเนินมาจนถึงตอนที่เราสร้างครอบครัวด้วยกันแล้ว ชริณยังต้องคอยศึกษาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ตามคำบอกเล่าของภรรยา ยกตัวอย่างเรื่องตอนภรรยาของเขาตั้งท้อง คลอดออกมาแล้วถึงได้รู้ว่าท้อง ต่อให้รู้ว่าสามารถอยู่ในสองร่างได้ ก็ต้องเรียนรู้อยู่ดี
   ชริณพยายามคิดเช่นนั้น พูดกับตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยว่าอย่าตื่นเต้น แต่พอใกล้ถึงเวลาจริง ๆ ชริณกลับนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะนั่นคือลูก เขาลุกขึ้นมามองเปลลูกเป็นระยะ ๆ สังเกตเจ้าหนูน้อยทั้งหลายที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ เผื่อสรีระของเจ้าหนูจะเปลี่ยนจากร่างลูกสุนัขจิ้งจอก เป็นร่างเด็กน้อยแล้ว
   ขณะที่รอให้เวลาผ่านพ้นไปเรื่อย ล่วงเลยจนถึงเช้า ชริณก็คิดไปต่าง ๆ นานา จินตนาการถึงหน้าตาเจ้าหนูน้อยในร่างมนุษย์จะเป็นเช่นไร น่ารักแค่ไหนกันนะ แก้มยุ้ยไหม ดวงตาจะได้ใคร จมูก ริมฝีปากล่ะ เขาคิดไปหมด นึกถึงความรู้สึกตอนได้เห็นหน้าลูกน้อยครั้งแรกอีกด้วย ขณะที่เขากำลังตื่นเต้นจนข่มตาหลับไม่ลง ภรรยาของเขาก็หลับสนิท เพราะทั้งวันใช้พลังงานเลี้ยงเจ้าตัวแสบทั้งหลายจนหมดแล้ว
   เฮ้อ....อยากเห็นหน้าลูกในร่างมนุษย์เร็ว ๆ จัง

   “ชู่ว....อย่ากวนคุณพ่อสิลูก เขาทำงานมาทั้งวันเลยนะ”
   “....”
   “แอ๊ะ ๆ คุงพ่อหลอ คุงพ่อหลับ คิ ๆ”
   “.....”
   “ง—งือ ทำไมหลับอ่า”
   “.....”
   “อยากเล่นกับคุงพ่อจาง”
   “.....”
   “ง—งึก คุงพ่องเล่งตื่งมาเล่งกังก่อง” เสียงเด็กพูดดังสลับกันไปมา ทำเอาชริณที่กำลังหลับอยู่ถึงกับขมวดคิ้วพลิกตัวหันไปอีกทาง ไม่อยากได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ชายหนุ่มได้แต่สงสัยในใจว่าลูกเต้าเหล่าใคร ทำไมถึงปล่อยให้มารบกวนเวลาพักผ่อนของเขาเช่นนี้
   แต่เดี๋ยวนะนี่มันบ้านเขานี่หว่า งั้นก็แสดงว่า......
   ชริณถึงกับลืมตาขึ้นหันหน้ามองตามเสียงของเด็กทันที หลังเขาเพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ เจ้าหนูน้อยทั้งหลายจะอยู่ในร่างมนุษย์!
   “...!!”
   “คุงพ่อ แอ๊ะ ๆ”
   “หน้าคุงพ่อตลกจาง”
   “เล่งกัง ๆ”
   เมื่อหันไปมองตามเสียง ชริณก็เหมือนถูกสาปชั่วขณะ มองดูเด็กตัวเล็ก ๆ ทั้งสี่คนที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง กำลังตั้งไข่หันมองเขา พร้อมกับหัวเราะทั้งฟันหลอ โดยทั้งหมดทั้งมวลอยู่ในความดูแลของเจ้าจิ้งจอกน้อย
   “นี่มัน....” ชายหนุ่มเกิดอาการน้ำท่วมปาก อึ้ง พูดไม่ออก บรรยายไม่ถูก อย่าบอกว่านะว่าเจ้าเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ชริณฟูมฟัก คอยดูแลให้ความรักตั้งแต่ยังเป็นเจ้าก้อนขน ขี้โวยวาย คือเจ้าเด็กหน้าตาน่ารักพวกนี้....เจ้าเด็กทั้งสี่หนอซึ่งเกิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา!
   “ชาริน ซัง นี่ไง....ลูกของเรา” เพราะเห็นว่าชาริน ซังอ้ำอึ้ง มัวแต่ตกใจไม่หาย คุณแม่จิ้งจอกจึงเฉลยให้ ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา เพราะหน้าตาตลก ๆ ของสามี ไม่รู้จะตกใจไปถึงไหน
   “ลูกเราจริงเหรอ” ชริณละล่ำละลักถามภรรยา ซึ่งเจ้าจิ้งจอกน้อยก็พยักหน้าตอบอย่างยินดี
   อาการง่วงนอนของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง มองเจ้าก้อนอารมณ์ดีทั้งหลาย ด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ทั้งดีใจ งุนงง อึ้ง ปะปนกันไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นชริณก็ยังเอื้อมมือไปจับแก้มยุ้ยจากหนึ่งในสมาชิกครอบครัวก้อนขน
   “ฮะ...น่ารักจัง”
   “คุงพ่อ” ทันทีที่ได้สัมผัสแก้มนุ่มนิ่มของเจ้าตัวป่วน ชริณก็ถึงหลุดหัวเราะออก รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก นี่ใช่ไหมลูกของเขา ความรู้สึกตื่นตัวเหมือนตอนรู้ว่าเจ้าจิ้งจอกได้คลอดลูกกลับมาเยือนชริณอีกครั้ง นี่เขากำลังได้เป็นพ่อคนแล้ว เป็นแฟมิลี่แมนตัวจริง!
    ชายหนุ่มกวาดตามอง สังเกตเจ้าก้อนขนในร่างมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ผิวขาวจั๊วะเหมือนได้แม่มาหมด เครื่องหน้าก็ผสมผสานกันไป ไม่มีสมาชิกคนไหนหน้าตาคล้ายกันสักคน ได้พ่อแม่ปากนิดจมูกหน่อยกันทั้งนั้น มองแค่ปราดเดียวก็รู้เลยว่าลูกใคร
   ทำลูกไม่กี่ครั้งก็ได้มาครบ ไม่มีขาดไม่มีเกิน เมียคลอดครั้งเดียวเขาได้เลยลูกชายสองคน ลูกสาวสองคน...
   เมื่อเขาเริ่มจับแก้มยุ้ยของหนึ่งในสมาชิกก้อนขนตัวป่วน ลูกที่เหลือก็เริ่มคลานเข่ามาหา หมายจะขอเล่นกับคนพ่อด้วย
   “แล้วทำไมลูกถึงมีพัฒนาการเร็วแบบนี้” ชริณเอ่ยถามคนรักอย่างงุนงง ดูเหมือนบรรดาเจ้าก้อนขนทั้งหลายจะมีพัฒนาการเร็ว ไม่ต้องฝึกอะไรมากมายก็สามารถพูดคุยกันพ่อแม่ได้แล้ว ติดตรงที่ว่าพูดไม่ชัดแค่นั้นเอง
   “ก็เป็นแบบนี้แหละ ตอนน้องอยู่ในป่าก็เป็นแบบนี้เลย เขาจะเรียนรู้ตั้งแต่ตอนแรกเกิด เขาฟังเราออกหมดเลยนะว่าพูดอะไร สนใจเขามากน้อยแค่ไหน ติดตรงที่ว่าลืมตา ตอบโต้ไม่ได้เท่านั้นเอง เวลาร้องก็ได้แต่ส่งเสียงแอ๊ะ ๆ เท่าที่ชาริน ซังได้ยินนั่นแหละ” คุณแม่จิ้งจอกว่า
   ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสุข เมื่อมองดูเจ้าก้อนตัวเล็กตัวน้อยเริ่มป่วนคุณพ่อเพิ่งตื่น บ้างก็ปีนขึ้นตัก บ้างก็จับตาจับจมูก สัมผัสใบหน้าพ่ออย่างใกล้ชิด บ้างก็ดึงหูพอให้ชาริน ซังร้องโอดโอยเคล้าเสียงหัวเราะ ขนาดตอนเกิดใหม่ ๆ บรรดาลูก ๆ ก็เล่นงานจนคนพ่อแทบไม่ได้นอน คราวนี้กลายร่างเป็นมนุษย์เจ้าก้อนขนทั้งสี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง ๆ
   “โอ้ยยยยย ตัวเล็กอย่าดึงหูพ่อ พ่อเจ็บ”





#น้องจะตอบแทนพี่เอง
สรุปมี15ตอนนะคะ พาไม่อยากยัดๆให้จบในตอนเดียว 55
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (1/2) (1.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-08-2018 23:14:12
ครอบครัวสุขสันต์   :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (1/2) (1.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-08-2018 23:23:33
น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (1/2) (1.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 02-08-2018 02:36:03
ใกล้ได้เปิดตัวความน่ารักให้คุณปู่คุณย่าหลง
อยากยืมตัวแม่มาฟัด เจ้าจิ้งจอกลามก อยากทำภารกิจอยู่เรื่อยเลย บีบก้นให้เนื้อเขียว
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (1/2) (1.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 02-08-2018 02:56:27
เด็กๆคิ้ :katai2-1:วมาก
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (1/2) (1.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 02-08-2018 03:16:45
น่ารัก
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (1/2) (1.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 02-08-2018 08:15:51
ครอบครัวสุขสันต์  :m3:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (1/2) (1.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 02-08-2018 13:34:29
เด็กๆดื้อมาก 5555
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (1/2) (1.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-08-2018 15:44:42
น้องน่ารักกกก ลูกของน้องก็น่ารักกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (1/2) (1.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 02-08-2018 17:29:06
ครอบครัวสุขสันต์ แฝดสี่มันก็จะวุ่นวายหน่อย เด็กน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 02-08-2018 18:43:27


        หลังจากที่เล่นกับบรรดาลูก ๆ ฟัดแก้มยุ้ยของลูกทั้งสี่จนหนำใจแล้ว ชริณก็ปล่อยให้ลูกได้พักผ่อนแล้วมาคุยกับภรรยาสองคน พูดคุยเรื่องลูกกัน ชายหนุ่มคิดมาสักพักแล้ว่าจะให้ลูก ๆ ชื่ออะไรกันบ้าง
   “ทำไมไม่ให้ชื่อว่าน้อง น้อง น้องและน้องล่ะ” คุณแม่จิ้งจอกเอียงคอมองสามีด้วยความสงสัย น้องว่าชื่อนี้ก็เพราะดีออก จำง่ายด้วย อีกอย่างตอนนี้น้องก็เลื่อนขั้นไปเป็นเมียแล้ว แต่น้องก็จะเรียกตัวเองว่าน้องอยู่ดี จะเรียกลูก ๆ ว่าน้องด้วย
   “ไม่ได้ ตั้งแบบนั้นสับสนตาย” ชริณว่า เขาล่ะยอมใจความคิดคุณแม่ลูกสี่จริง ๆ
   “อะ...งั้นจะตั้งชื่อลูกว่าอะไร”
   จะให้บอกชื่อเฉย ๆ ก็ไม่ได้ เพราะเราไม่ได้มีลูกแค่คนเดียว ชริณจึงพาภรรยาไปที่เปลของเจ้าของก้อน เพื่อชี้ให้ดูว่าลูกคนไหน ชื่ออะไรกันบ้าง ซึ่งบัดนี้เจ้าของเปลทั้งสี่ก็กำลังนอนกลางวัน เรียงกันอย่างพร้อมเพรียงเพื่อชาร์ตพลังชั่วคราว เพราะพลังงานเมื่อเช้าถูกใช้เล่นกับคนพ่อไปหมดแล้ว
   “คนนี้ชื่อ สายรุ้ง” ชริณว่าพร้อมกับชี้สมาชิกก้อนขนคนขวาสุด เพราะเป็นเพศหญิงจนเหมาะกับชื่อนี้มากที่สุด
   “คนนี้ชื่อดวงจันทร์” ชริณว่าพร้อมกับชี้คนถัดมา เป็นเจ้าก้อนขนเพศชาย
   “นี่ชื่อตะวัน”
   “.....”
   “และนี่ก็ชื่อดวงดาว” ชริณว่า มองเจ้าก้อนขนทั้งหลายด้วยสายตาอบอุ่น เรื่องราวของดำเนินมาถึงจุดยืนมองลูกหลับก็มีความสุขแล้ว
    “สายรุ้ง ดวงจันทร์ ตะวัน ดวงดาว” คุณแม่ว่าแล้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ
   เพราะมีเรื่องลูกมากกว่าหนึ่งตัว ต่อให้ลูกแต่ละคนมีหน้าตาไม่ได้คล้ายกันเท่าไร ถึงอย่างนั้นก็ยังทำให้คุณพ่อคุณแม่ป้ายแดงสับสนอยู่ไม่น้อย ในช่วงแรก ๆ ฝั่งคุณแม่จิ้งจอกต้องอาศัยจดจำลูก ๆ ผ่านการจำกลิ่นเอา ส่วนฝั่งจากคนพ่ออย่างชริณก็อาศัยจดจำจากเพศและลักษณะพิเศษ
   ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี มันกำลังเริ่มเข้าที่เข้าทาง แต่ก็ยังมีสิ่งที่ชริณนอนกังวลอยู่หลายคืนนั่นก็คือการบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่และเพื่อน สังคมของเขา จริง ๆ เขาเองก็เคยคิดว่าอยากเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเรื่องส่วนตัว คนอื่นอาจจะใช่ แต่เขาต้องบอกพ่อแม่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยสำหรับคนในครอบครัว
   ในตอนแรกชริณตั้งใจว่าจะพาครอบครัวเขาเดินทางไปประเทศไทยในร่างสุนัขจิ้งจอก แต่คิด ๆ ดูแล้ว หากอยู่ในร่างจิ้งจอกคงยากกว่าการเป็นมนุษย์เสียอีก เพราะหากครอบครัวก้อนขนอยู่ในร่างมนุษย์ มีบัตรประชาชน ทำพาสปอร์ต ทุกอย่างก็จะจบ แต่หากอยู่ในร่างสัตว์ อาจต้องทำเรื่องมากมาย เพราะจิ้งจอกเป็นสัตว์ป่า จะนำเข้าประเทศไทย คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่
   “คิดอะไรอยู่” ฝั่งเจ้าจิ้งจอก หลังจากทำงานบ้านเสร็จ ก็เห็นสามีนั่งซึม เหมือนมีเรื่องรบกวนใจอยู่ตลอดเวลา ทำให้อดใจที่จะถามไถ่ไม่ไหว
   คนตัวเล็กนั่งลงข้าง ๆ ชาริน ซัง สังเกตท่าทางของอีกฝ่ายไปด้วย ชาริน ซังดูแปลกไปจริง ๆ และน้องคิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังกลุ้มใจก็คงเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของเรา ชาริน ซังเคยเอาเรื่องงานมาเครียดที่บ้านที่ไหนกัน...ไม่มีหรอก
   “เครียดเรื่องที่บ้านนิดหน่อย” ชริณว่า
   “งั้นบอกน้องได้ไหมว่าเรื่องอะไร”
   “.....”
   “เรื่องที่เราจะไปไทยกันเหรอ” เจ้าตัวเล็กสันนิษฐาน ช่วงนี้น่าจะเป็นเรื่องนี้แหละ
   “ใช่...อยากพาไปไหว้พ่อแม่ แต่มันติดเรื่องเอกสาร” ชริณว่าตามตรง
   “คงไปหาพ่อแม่ไม่ได้” ชายหนุ่มว่าต่อ แต่ถึงอย่างนั้นชริณก็ต้องบินไปคุยกับพ่อแม่อยู่ดีว่าทำไมเขาถึงจะไม่แต่งงานแล้ว เพราะหากพ่อแม่ยังไม่รู้ว่าเขากำลังสร้างครอบครัว สร้างฐานะ มีหวังคงได้จับคู่ให้เหมือนในละครหลังข่าวแน่
   “ถ้าเราไปหาเขาไม่ได้ งั้นให้พ่อแม่ชาริน ซังมาหาเราได้ไหม”
   “.....”
   “น้องสัญญาว่าน้องจะทำตัวน่ารัก ๆ ให้พ่อแม่ชาริน ซังเอ็นดูน้องกับลูกขอฃเรา” เจ้ามนุษย์จิ้งจอกว่า น้องเข้าใจดีว่าชาริน ซังมีสังคม ครั้นจะปล่อยเบลอก็คงไม่ใช่ ทางที่ดีที่สุดคือเราต้องพยายามเข้าใจกัน
   น้องตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะชนะใจพ่อแม่ของชาริน ซังให้ได้ เพื่อที่ครอบครัวของเราจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข ไม่ต้องกังวลกับเรื่องแบบนี้อีก
   “ไม่ต้องเครียดน้าชาริน ซัง มีปัญหาเราก็จะแก้ด้วยกัน น้องจะไม่ปล่อยให้ชาริน ซังแก้อยู่คนเดียวหรอก เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนี่นา” เจ้าจิ้งจอกคนเก่งศรีภรรยาของชริณว่า พร้อมกับยิ้มตาหยี หมายให้อีกฝ่ายคลายความกังวลลงเสียที นั่นทำให้ชริณรู้เลยว่า เขาตัดสินใจไม่ผิดที่กล้าเสี่ยงจะสร้างครอบครัวกับเจ้าจิ้งจอกตัวนี้...

   [ช่วงนี้รู้สึกไหมว่าตัวเองไม่ค่อยได้กลับไทยนะ เจ้าลูกชาย ฮ่า ๆ] เสียงปลายสายกลั้วหัวเราะในช่วงท้ายประโยคเหมือนไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่เพิ่งถามมา แต่ชริณรู้ดีว่ามันแฝงไปด้วยความคิดถึงของคนเป็นพ่อเป็นแม่
   [งานหนักเลยลูก?] คนพ่อถาม
   “ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่ช่วงนี้ผมมัวแต่จัดการชีวิตตัวเองมากกว่า ไม่ได้กลับไทย ไม่ได้โทรหาด้วย ขอโทษนะครับ” ชริณเอ่ยขอโทษคนเป็นพ่ออย่างใจจริง ช่วงนี้เขามัวแต่ยุ่งเรื่องครอบครัวก้อนขน คอยแก้ปัญหาจุกจิกทั้งหลายแหล่ ยอมรับว่านั่นอาตทำให้เขาเผลอละเลยคนที่รออยู่ที่บ้านไป
   [ไม่เป็นไรหรอกลูก แค่ได้ยินว่ายังปลอดภัยดี พ่อแม่ก็สบายใจแล้ว]
   “ครับ....ผมจะดูแลตัวเองดี ๆ แล้วพ่อแม่เป็นยังไงบ้างครับ อย่าทำงานหนักมากนะครับ ถ้าเหนื่อยก็เพลา ๆ ลงบ้าง” บทสนทนาระหว่างพ่อลูกดำเนินไปอย่างเรื่อย ๆ พ่อแม่ของชริณรับราชการครูกันทั้งคู่ ใกล้จะเกษียณอายุราชการกันแล้ว แต่ยังมีเปิดสอนพิเศษ กวดวิชาให้เด็กที่หัวอ่อน ตามไม่ทันในห้องเรียนอยู่เรื่อย ๆ ชริณก็เริ่มเป็นห่วงสุขภาพ กลัวท่านพักผ่อนไม่พอ
   [เหนื่อยอยู่หรอก....แต่มันเหงานี่จะให้พ่อทำยังไง อยู่บ้านเฉย ๆ ก็เบื่อ]
   “แต่แลกกับสุขภาพพ่อแม่มันไม่คุ้มหรอกนะครับ”
   [งั้นเราก็มีหลานให้พ่อสักคนสิ] เมื่อฝั่งคนพ่อพูดเช่นนั้น ชริณก็ถึงกับเงียบไป อยากจะถามกลับเหมือนกันว่าอยากได้เจ้าก้อนขนตัวไหนล่ะ แต่สุดท้ายนั่นก็เป็นแค่ความคิดของเขาเท่านั้น
   “.....”
   [อายุใกล้จะสร้างครอบครัวแล้วนะ ได้คุยกับใครบ้างหรือยังลูก ได้สะใภ้เป็นญี่ปุ่นพ่อแม่ก็ไม่ขัดหรอกนะ]
   “พ่อแม่อยากได้หลานเหรอครับ” ชริณถาม เขาสามารถมีหลานให้พวกท่านได้ แต่ปัญหามันติดตรงที่ว่าจะอธิบายยังไงให้ท่านได้เข้าใจว่าแก๊งเจ้าก้อนขนเป็นบรรดาลูก ๆ ของชริณจริง ๆ ไหนจะต้องอธิบายเรื่องแม่ของลูกอีก ซึ่งนั่นก็ทำไม่ได้ เพราะว่าเผ่าพันธุ์เจ้ามนุษย์จิ้งจอกเป็นความลับ
   หากจะพูดกันตรง ๆ ชริณหาทางออกกับเรื่องนี้ไม่ได้เลย เขาจะทำยังไงให้พ่อแม่และครอบครัวก้อนขนของเขารับรู้การมีอยู่ของกันและกัน และไปด้วยกันได้ โดยที่ฝั่งของพ่อแม่ไม่ล่วงรู้ความลับของเผ่าพันธุ์จิ้งจอก
   [มีลูกชายอยู่คนเดียวไปทำงานไกลถึงญี่ปุ่น พ่อแม่ก็ต้องอยากมีหลานสิลูก อย่างน้อยก็ได้อยู่เป็นเพื่อนเล่นกัน]
   “งั้นถ้าผมไม่สามารถมีหลานให้ได้ พ่อจะโกรธไหมครับ” สุดท้ายชริณก็ตัดสินใจเอ่ยคำถามที่กดดันทั้งคนถามและคนตอบออกไป
   มันไม่ใช่แค่คำถามลองใจอย่างเดียว แต่คำตอบของพ่อจะทำให้ชริณรับรู้ว่าครอบครัวจะรับได้ไหม หากเขาคบหากับเพศเดียวกัน แม้เจ้าจิ้งจอกภรรยาของเขาจะมีลักษณะพิเศษคือมีสองเพศ แต่มองจากภายนอกก็ยังว่าเป็นผู้ชายอยู่ดี หากว่าพ่อรับได้ แม่เองก็คงไม่มีปัญหาอะไร ชริณจะฝ่าด่านพ่อ ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวไปให้ได้เสียก่อน ถึงคอยคิดเรื่องอื่น
   […..] คุณพ่อของชริณเงียบไปนานนับนาที....และทุก ๆ วินาทีที่ผ่านไปก็สร้างความกดดันให้กับชริณมากขึ้นเรื่อย ๆ
   [ชอบผู้ชายเหรอเรา...]
   “ก็ไม่เชิงหรอกครับ....ผมกำลังคบหากับคนหนึ่งอยู่ เขาเป็นผู้ชาย” ชริณยอมรับอย่างแมน ๆ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ต่อให้คำตอบของพ่อจะทำให้เขาผิดหวัง แต่ชริณหันหลังกลับไปไม่ได้แล้ว เพราะเขาสร้างครอบครัวกับเจ้ามนุษย์จิ้งจอก จนเรามีทายาทตัวน้อย ๆ แสนซนด้วยกันถึงสี่คนแล้ว
   […..]
   “พ่ออย่าเงียบสิ ผมเครียดนะครับ”
   [ถ้านั่นมีคือความสุขของลูก พ่อแม่ก็คงขัดใจไม่ได้หรอกจริงไหม? พ่อแม่ที่ดีควรสนับสนุนความสุขของลูก แล้วปรับตัวให้อยู่ร่วมกันได้ไม่ใช่เหรอ]
   “.....”
   [งั้นเราแบ่งกันคนละครึ่งทางดีไหม]
   “ยังไงครับ”
   [พ่อแม่ไม่มีปัญหาหรอก หากลูกจะคบกับผู้ชาย แต่ช่วยอุปถัมภ์เด็กกำพร้าสักคนดีไหม ลูกมีความสุข พ่อแม่ก็ไม่ต้องเหงา]
   “ได้ครับ แต่จริง ๆ ไม่ต้องถึงขั้นอุปถัมภ์เด็กหรอกครับ” พอได้ยินคำตอบจากปากพ่อ ชริณก็รู้สึกเบาใจลงเปราะหนึ่ง ต่อไปเขาต้องคุยเรื่องลูกต่อ มิวายต้องผิดศีลพูดปด เพื่อไม่ให้ความลับของจิ้งจอกแพร่งพรายอยู่ดี
   [ยังไง]
   “แฟนของผมเขามีลูกติดครับสี่คน....” ชริณเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง “หากพ่อแม่ไม่ติดขัดอะไร ผมอยากให้คิดซะว่านั่นคือหลาน คือลูกของผมจริง ๆ”
   […..]
   “และถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้พ่อแม่มาญี่ปุ่นครับ ว่าที่หลานของพ่อแม่ยังเด็กเกินไปที่จะเดินทาง หากเป็นไปได้ ช่วงหยุดยาวอยากให้พ่อแม่ถือโอกาสมาเที่ยวและได้เจอกับคนรักของผม ว่าที่หลาน ๆ ของพ่อแม่ที่นี่เลย พอจะได้ไหมครับ” ชริณว่า เริ่มเห็นเค้าลางทางออกของปัญหานี้แล้ว เหลือเพียงแค่พ่อแม่จะว่ายังไง จะมาหรือไม่มา
   [ก็ได้]
   “......” เมื่อคนพ่อไฟเขียวเช่นนั้น ชริณก็ถึงกับลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ปัญหาทีแบกไว้บนบ่ามาหลายสัปดาห์กำลังจางหายไปอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ที่ครอบครัวของเขาเริ่มเข้าใจว่าชริณชอบผู้ชายแล้ว ชริณนึกขอบคุณพ่อแม่จริง ๆ ที่พยายามเข้าใจทุกอย่างที่เขาเป็น พยายามที่จะเข้าใจความสุขของเขา
   “ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจะจองตั๋วและไปรับเองที่ไทยนะครับ ขอบคุณมากจริง ๆ ครับที่เข้าใจผม”

   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกที่เพิ่งได้พักหายเหนื่อยเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน หลังสงครามกับดวงดาวลูกสาวคนสุดท้องเพิ่งจบลง กว่าบรรดาลูก ๆ จะโตพอได้เล่นเป็นเพื่อนกัน คุณแม่ลูกสี่ก็คงเหนื่อยไม่น้อย นี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปี คุณแม่ลูกสี่ยังดูแลลูก ๆ จนหัวฟูเลย
   เลี้ยงลูกไม่ง่ายเลย....
   หลังจากกล่อมดวงดาวลูกสาวคนสุดท้องให้เข้านอนแล้ว คุณแม่จิ้งจอกก็รีบจับลูกเข้าเปลให้นอนเรียงกันแต่วัน เพื่อตัดปัญหาทันที ไว้ไปสู้รบกันต่อในพรุ่งนี้ดีกว่า โชคดีที่บรรดาแก๊งก้อนขนของเรา ไม่มีอาการงอแงยามวิกาล เพราะถ้าไม่เช่นนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยคงไม่มีเวลาอยู่กับสามีเพียงลำพังแน่
   “ลูกหลับกันหมดแล้วเหรอ”
   “อื้อ!” คุณแม่ตัวเล็กหันไปตอบคุณพ่อที่เพิ่งเดินเข้ามา หลังจากหายไปคุยโทรศัพท์อยู่ตั้งนานสองนาน “หนูดวงดาวดื้อมาก กว่าจะสิ้นฤทธิ์น้องก็แทบแย่แน่ะ” ได้ทีก็รีบฟ้องสามีทันที ลูกสาวคนสุดท้องนี่ดื้อจริง ๆ จะเรียกว่าตัวเล็ก พริกขี้หนูก็คงไม่ผิดอะไร
   “ยัยหนูทำอะไรล่ะ”
   “งอแงอยากกินนมน้องไม่หยุดเลยนะซี่ เพิ่งกินอิ่มไปก็งอแงจะกินอีก เมื่อกี้ร้องบ้านแตกเลย กินเยอะสุดในบรรดาเจ้าก้อนขนของเราแล้ว น้องให้จนไม่มีจะให้แล้ว” คุณแม่ตัวเล็กรีบฟ้องสามีทันที ดูท่าในอนาคตดวงดาวคงเป็นลูกสาวตัวอ้วนแน่
   “เดี๋ยวลองจะจุกนมมาให้ลูกดูดก็ได้ น่าจะแทนกันได้” ชริณว่าพร้อมกับกวาดสายตามองแก๊งก้อนขนที่กำลังหลับปุ๋ยอย่างมีความสุข พอปัญหาเริ่มคลี่คลาย อะไรก็ดีไปทั้งหมดจริง ๆ
   “แล้วเมื่อกี้ชาริน ซังคุยกับพ่อแม่เหรอ” เจ้าจิ้งจอกน้อยถาม
   “อืม...”
   “......”
   “พ่อแม่จะมาญี่ปุ่นนะ อะไรที่เคยบอกไว้เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อได้ยินสามีพูดเช่นนั้น ดวงตากลมโตก็เป็นประกายทันที เมื่อคืนเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แอบชาริน ซังคิดแผนการอยู่ทั้งคืนว่าจะทำอะไร เพื่อมัดใจพ่อแม่สามีดี ที่น้อง ๆ คิดไว้ก็มีแต่เด็ด ๆ ทั้งนั้น รับรองว่าพ่อแม่ชาริน ซังชอบน้องแน่นอน
   “แต่ฉันบอกว่าลูกของเราเป็นลูกติดนาย ไม่โกรธใช่ไหม....” เมื่อโกหกพ่อแม่ฝั่งทางนั้นเอาไว้ ชริณก็ต้องมาพูดความจริงกับเจ้าจิ้งจอกว่าเขาพูดอะไรไปบ้าง เพื่อที่เราจะได้เข้าใจตรงกันและไม่ทะเลาะกันภายหลังว่าทำไมเขาถึงพูดเช่นนั้น
   “ไม่โกรธ ชาริน ซังว่าดีน้องก็ดี น้องรู้ว่าชาริน ซังเองก็ทำเพื่อครอบครัวของเราเหมือนกัน” เจ้าจิ้งจอกน้อยพูดอย่างว่าง่าย ชาริน ซังว่าอะไรน้องก็ว่าตามนั้น ขอแค่เราได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวน่ารัก ๆ แบบนี้ก็พอ
   “ดีมาก...” ฝั่งชริณเองก็ลูบหัวคุณแม่ตัวเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะโอบกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง มองดูพยานรักตัวน้อย ๆ ด้วยกัน “ปัญหาทุกอย่างกำลังคลี่คลายนะ อดทนหน่อย เราจะได้อยู่กันเป็นครอบครัวแบบไม่ต้องกังวลแล้วนะ”
   “อื้อ”
   “.....”
   “ไหน ๆ ลูกก็เข้านอนแล้ว งั้นเราก็เข้าห้องกันเถอะ น้องจะให้รางวัล”
   “รางวัล? รางวัลอะไร” คนฟังถึงกับขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยจะมาไม้ไหน
   “รางวัลความน่ารัก สามีดีเด่นของชาริน ซังไงเล่า เข้าห้องนอนกันเถอะ เดี๋ยวจะเสียเวลา” เจ้าจิ้งจอกว่าแล้วหันมองหน้าสามีด้วยสายตาแพรวพราว น้องชอบตอนที่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชาริน ซังมากเลย มันแหบพร่า ยิ่งอีกฝ่ายมาครางใกล้ ๆ หู น้องยิ่งชอบ ฟังแล้วรู้สึกขนลุกซู่ซ่าแปลก ๆ ได้โอกาสทีเลยขอทำภารกิจอยู่บ่อย ๆ
   “......”
   “รับรองว่าครั้งนี้จะเด็ดจนชาริน ซังไม่ได้นอนถึงเช้าเลย”
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 02-08-2018 19:11:52
น้องนี่ศรีภรรยาที่ดีจริงๆเลยน้าาา 555555555555
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-08-2018 19:16:43
Perfect สุดๆ  ดีทั้งบนเตียงและเลี้ยงลูก
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 02-08-2018 20:14:58
อย่าพี่งได้ไหมอยากอ่านช่วงความสัมพันธ์ของลูกๆกับพ่อแม่แบบมีพัฒนาการมากขึ้นค่ะ :m5:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: OffJii ที่ 02-08-2018 21:23:15
สนุกมากๆเลยคร่า เป็นอะไรที่อยู่เหนือกฏเกณฑ์ทุกอย่างเลย ชอบแม่น้อง น้อง น้อง น้อง และน้อง
น้องแฟมิลี่ ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะอยากอ่านน้องๆไปยาวๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 02-08-2018 21:40:29
คุณพ่อลูกสี่น้องน่ารักแล้วจะพากลับไทยยังไงดี
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-08-2018 23:05:20
ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-08-2018 23:06:14
ทำไมถึงไม่ชื่อ น้อง น้อง น้อง แล้วก็น้องคะ 5555555555555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 03-08-2018 00:16:00
นี่ถ้าเป็นพ่อกับแม่นะจะตกใจมากอ่ะ ว่าแฟนของลูกชายตัวเองมีลูกติดตั้งสี่คน5555555 คนที่มีลูกติด4คนได้เนีย ไม่ธรรมดาแน่5555 :hao6:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 03-08-2018 08:24:51
 :กอด1: อยากกอดน้อง น้อง น้อง น้อง และก็น้อง งงไปนะ 55555 โถ่คุณแม่ แค่เรียกเรายังมึนเลย
น่ารักจริงน้องนิ เป็นแม่ เป็นเมีย ที่ดีจริงๆ รอเป็นลูกสะใภ้ที่ดีด้วยน๊าาา  :mew1:
 :3123:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 03-08-2018 11:31:17
จะได้เจอคุณปู่คุณย่าแล้วว  :katai5:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 03-08-2018 12:23:20
น่ารักจัง อยากเห็นความสัมพันธ์พ่อแม่ลูกอีกจังเลยค่ะ อย่าพึ่งจบได้มั้ยค่ะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: チイ ที่ 03-08-2018 12:53:31
งงๆนิดหน่อยว่าชรินจะอธิบายกับพ่อแม่ยังไงแล้วเด็กจะสลับร่างไปมาแบบนี้ไปตลอดหรอ
คือนี่สับสนจริงๆนะในหัวนี่จินตนาการกว้างไกลมากเป็นไปได้หลายกรณีสุดๆ
คุณแม่จิ้งจอกน่ารักน่าฟัดมากๆเลยคำพูดคำจาน่าเอ็นดูไปหมดอยากจับกลืนลงท้อง
จะจบแล้วใช่มั้ยคะแอบอยากอ่านตอนพิเศษนะเป็นแบบคุณพ่อคุณแม่หัวหมุนเลี้ยงเด็กๆ
ตอนกำลังซนๆหรือจะเป็นช่วงที่เด็กเริ่มโตเข้าโรงเรียนอะไรประมาณนี้คงจะสนุกดีนะคะ
ยังไงก็จะเป็นกำลังใจให้น๊าาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 03-08-2018 14:54:15
น้องว่าแสบแล้ว อีกสี่น้องก็แสบไม่แพ้กัน
แต่ก็ขอให้ผ่านด่านครอบครัวไปได้ด้วยดีนะ

ปล. นี่ยังแอบคิดถึงพี่หมาป่าอยู่นะคะเนี่ย
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 03-08-2018 16:20:52
ยัยน้อนนนนน ฮือออ5555555 มีหลานให้ป้าแล้วทำไมขยันนนน
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 03-08-2018 19:30:29
เรื่องนี้ดีจังเลยค่ะ คงเสียใจมากถ้าไม่ได้เข้ามาอ่าน น้องน่ารักมากอยากจับกลืนลงท้อง รักๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: lalun ที่ 03-08-2018 21:43:22
น้องน่าร้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: MR.J ที่ 03-08-2018 22:47:59
น้องงงงงงงงงงงงงงงงงงง น่ารักมาก เอ็นดูววววอะ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: MR.J ที่ 04-08-2018 00:16:10
แหม่ ชารินซังไม่หยุดเลยน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.14 (2/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: MR.J ที่ 04-08-2018 01:34:09
น่ารักมากมายเลยทั้งชารินซังและคุณแม่ลูกสี่ แงงงงงงง ครอบครัวอบอุ่น
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 04-08-2018 15:53:09


15


   เมื่อพ่อว่ายังไงแม่ก็ว่าตามนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เราคุยกันเสร็จ พ่อของชริณก็โทรมาอีกครั้ง เพื่อบอกว่าจะสามารถหยุดยาวมาญี่ปุ่นได้อีกตอนไหน
   หลังจากคุยกับคนพ่อเสร็จ ชริณก็นอนก่ายหน้าผากอยู่บนเตียง เขาทวนถามตัวเองในใจอีกครั้งว่าคิดดีหรือยังที่โกหกพ่อแม่ไปอย่างนั้น เขาไม่อยากโกหก...แต่หากบอกความจริงก็ต้องมีปัญหาตามมาอีก แค่การที่ชริณคบกับผู้ชาย ยังเป็นเรื่องยากเลย เขาก็โชคดีที่มีพ่อแม่พยายามเข้าใจแค่นั้น
   แม้โลกจะค่อย ๆ เปิดกว้าง ให้เสรีในสิ่งที่เป็นแล้ว แต่ลึก ๆ เราเองก็ต้องยอมรับว่าคนที่เกิดก่อนยุคสมัยที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา ลำพังบอกแค่เท่านี้ เรื่องยังยุ่งยาก ชริณไม่รู้ว่าหากพ่อแม่ของเขารับรู้สิ่งที่เจ้าจิ้งจอกเป็น ทุกอย่างจะเป็นอย่างไรต่อไปและยอมรับลึก ๆ ว่าเขาเองก็ไม่กล้าเสี่ยงด้วย
   “ชาริน....”
   “.....”
   “ชาริน ซัง!”
   “....!!” คนที่ถูกเรียกถึงกับสะดุ้ง เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกเจ้าจิ้งจอกน้อยเรียกพร้อมเขย่าตัวหลังเขานอนเหม่ออยู่นานสองนาน
   “ว่าไง มีอะไร”
   “วันนี้ชาริน ซังไม่ได้ไปทำงานใช่ไหม?” คุณแม่ลูกสี่ถามด้วยน้ำเสียงนึกสนุก ก่อนจะปีนขึ้นเตียงคลานมาหาสามีพร้อมกับโบรชัวร์สินค้าใบหนึ่ง ตอนนี้น้องกำลังมีที่ ๆ อยากไป แต่จะไปคนเดียวก็ไม่ไปเป็นอีก สุดท้ายจึงตัดสินใจกำโบรชัวร์จากหน้าห้างสรรพสินค้ากลับมาให้สามีดู เผื่อชาริน ซังจะใจดีพาน้องกับบรรดาลูก ๆ ของเราออกไปข้างนอกด้วย
   เดี๋ยวนี้คุณแม่ลูกสี่เริ่มมีการพัฒนาแล้ว จากที่ทุกครั้งต้องออกไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้ากับชาริน ซัง เดี๋ยวนี้สามารถไปซื้อคนเดียวโดยที่สามีไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว
   ฝั่งชริณเองก็รับเอาใบโบชัวร์จากเจ้าจิ้งจอกมาดู มันเป็นโบชัวร์ของสวนสนุกแห่งหนึ่งซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้านใหม่ของเราเท่าไรนัก ตอนนี้กำลังจัดโปรโมชั่นเชิญชวนให้คนไปเที่ยวสวนสนุกกัน
   “อยากไปเหรอ” เขาถามเจ้าจิ้งจอกและดูเหมือนอีกฝ่ายก็กำลังมองชริณอย่างมีความหวังเช่นกัน
   “อื้อ! ขอไปได้ไหม เอาลูกไปเที่ยวด้วย” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่าพร้อมกะพริบตาปริบ ๆ หมายจะอ้อนสามี ใจอ่อนยอมพาแก๊งก้อนขนของเราไปเที่ยว
   “ก็ดีเหมือนกัน ไม่เคยได้ออกไปไหนเลยนี่” ชริณว่า อนุมัติอย่างไม่ต้องคิด
   เขาเองก็สงสารบรรดาลูก ๆ เหมือนกัน ตั้งแต่เกิดมาก็อยู่แต่ในบ้าน มีงานหลักคือป่วนคุณแม่ ให้คุณแม่มาฟ้องพ่อ กิน ๆ แล้วก็นอนตามประสาเด็ก ออกไปเปิดหูเปิดตา สัมผัสกับโลกภายนอกก็น่าจะดีอยู่ไม่น้อย
   “เย้! ชาริน ซังน่ารักที่สุด จุ๊บ!” เจ้าจิ้งจอกน้อยโผกอดสามีด้วยท่าทางสุดดีใจก่อนจะจุ๊บแก้มของสามีเพื่อเป็นรางวัล ดีใจมาก ๆ ที่ชาริน ซังอนุมัติ น้องจะได้ไปเที่ยวแล้ว!
   การที่สามีอนุมัติ จะไปสวนสนุกด้วยกัน ทำให้คุณแม่ลูกสี่อารมณ์ดีแทบทั้งวัน พรุ่งนี้น้องจะได้ออกไปเที่ยวแล้ว น้องรอให้ถึงเวลานั้นอย่างใจจดใจจ่อ เหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ล่อด้วยขนม
   นับเป็นครั้งแรกที่ครอบครัวก้อนขนได้ออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่เจ้าจิ้งจอกเชื่อว่าแม้จะเป็นครั้งแรกของลูก ๆ ก็จะไม่สร้างปัญหาให้ใครแน่นอน เพราะวันว่าง ๆ น้องเองที่อยู่บ้านกับลูกตลอดเวลา ก็มักจะคอยสอนลูกเสมอ อย่างน้อยในตอนนี้แก๊งก้อนขนก็รู้การควบคุมวิธีการกลายร่างได้แล้ว
   “ปายยยเที่ยวว เที่ยวไหนอ่า” ตะวันลูกคนที่สามเอียงคอมองแม่ตาแป๊ว หลังเห็นคุณแม่มาบอกข่าวดีด้วยท่าทางดีใจ ขณะที่ลูก ๆ ยังงุนงงอยู่
   “เที่ยวสวนสนุกไง”
   “แล้วมันคืออะไยหลอคะ” สายรุ้งพี่สาวคนโตถามแม่ต่อ
   “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ” เจ้าจิ้งจอกถึงกับห่อไหล่อย่างหงอย ๆ เมื่อให้คำตอบบรรดาลูก ๆ ไม่ได้ เพราะตัวเองก็ไม่เคยไปเหมือนกัน เติบโตมาแต่ในป่า คลุกคลีกับมนุษย์แค่ตอนหาเศษอาหาร จะไปรู้จักได้ยังไงว่าสวนสนุกคืออะไร จริง ๆ น้องเพิ่งมารู้จักสวนสนุกก็ตอนได้เป็นครึ่งชีวิตของชาริน ซังนี่แหละ
   “อ้าว แล้วทำไมคุงแม่ดีใจอ่า” ดวงจันทร์ว่าด้วยความสงสัย
   “งืม หนูว่าถ้าที่นั่งไม่มีขนง มังก็คงไม่นุกหลอก คุงแม่เชื่อหนู!” ดวงดาวลูกสาวคนสุดท้อง ผู้มีแนวโน้มจะเป็นตุ้ยนุ้ยยิ่งกว่าใครพูดต่อ ขณะเดียวกันก็จับจุกนมเปล่า ๆ ขึ้นมาดูดอีกหน พักหลังคุณแม่ไม่ค่อยยอมให้เธอกินนมเลย จะกินได้ต้องได้กินเท่าพี่น้อง ไม่มีสิทธิ์พิเศษอีกแล้ว สุดท้ายหนูน้อยก็ต้องดูดจุกนมเปล่า ๆ เล่นพอให้แก้อยาก
   “มันต้องสนุกซี่ เชื่อแม่” คนเป็นแม่เถียงลูก ดูจากรูปภาพแล้วมันต้องสนุกแน่นอน น้องมั่นใจ!
   ในที่สุดวันที่เราจะได้ไปสวนสนุกก็เวียนมาถึงเสียที จริง ๆ น้องก็ไม่ได้รอนานอะไร แต่เพราะน้องอยากไปมาก ทำให้ทุกนาทีรู้สึกเดินช้าเหลือเกิน
   หลังจากที่ชาริน ซังอนุมัติเสร็จ วันรุ่งขึ้นเราก็จะไปกันเลย โดยที่มีชาริน ซังเป็นคนวางแผน จัดการอะไรให้เสร็จสรรพ ส่วนน้องเองก็มีหน้าที่โม้กับลูกว่าการออกไปท่องโลกกว้างครั้งนี้ มันต้องสนุกอย่างงั้นอย่างงี้ แต่เหมือนจะมีแค่คุณแม่ลูกสี่ที่ตื่นเต้นอยู่คนเดียว ส่วนลูก ๆ ก็ได้แต่ทำหน้างง เพราะไม่เคยออกไปข้างนอก
   “เจ้าจิ้งจอก พร้อมยัง?”
   “แป๊บนึงน้า” หลังจากได้ยินเสียงสามีตะโกนถามมา คุณแม่ลูกสี่ก็รีบเร่งทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ในเร็วมากขึ้น นั่นก็คือการแต่งตัวให้ลูก ๆ ของเรา เรามีเสื้อผ้ามากมายด้วยเงินของชาริน ซังทั้งนั้น ซื้อทีก็ต้องซื้อสี่ชุด เพื่อให้ลูก ๆ ได้ใส่เหมือนกันอย่างเท่าเทียม
   น้องรู้ดีว่าไม่ใช่แค่น้องที่หัวฟูเพราะเจ้าก้อนขน แต่ชาริน ซังเองก็เช่นกัน แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้คลุกคลี ให้เจ้าตัวป่วนให้เล่นงานเหมือนคุณแม่ แต่ชาริน ซังก็มีเรื่องเครียดเพราะต้องหาเงิน การเลี้ยงดูลูกหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องง่าย คราวนี้มาพร้อมกันถึงสี่คนก็ยิ่งไปกันใหญ่ ตอนนี้กลายเป็นว่าอันไหนพอช่วยเหลือชาริน ซังได้ น้องก็จะช่วย อย่างน้อยก็ได้แบ่งเบาภาระในแบบของน้อง
   “พร้อมยัง”
   “พร้อมแล้ว”
   “ฮะ เจ้าตัวเล็กของพ่อน่ารักจัง” ชริณที่เข้ามาดูความคืบหน้าการแต่งตัวของลูก ๆ ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ หลังเห็นเจ้าจิ้งจอกแต่งตัวให้บรรดาลูก ๆ ของเรา คล้ายกันหมดจนเหมือนร่างโคลนนิ่ง ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว ตรงเข้าไปฟัดแก้มยุ้ยของลูก ๆ ทันที ฟัดคนเดียวไม่ได้ ต้องฟัดรวดถึงสี่คน เพื่อที่ทุกคนจะได้รับความรักเท่าเทียมกัน
   “คุงพ่อ”
   “แอ๊ะ ๆ”
   “คุงป๊อของหนู”
   ทันทีที่ถูกคนพ่อฟัด แก๊งก้อนขนทั้งหลายก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวด้วยความชอบใจ พากันหัวเราะเรียกหาพ่อชาริน ต่างชูมือขึ้นกลางอากาศหมายจะอ้อนขอกอด แต่น่าเสียดาย เราไม่ได้มีเวลาพอจะฟัดกันให้หนำใจ ควรรีบออกจากบ้าน ก่อนจะหมดวันไปเสียเปล่า ๆ
   “พร้อมไปเที่ยวกันยัง” ชริณถามเด็ก ๆ
   “พร้อมแย้ว แอ๊ะ ๆ!”
   ชริณเลือกใช้การเดินทางด้วยรถไฟพาครอบครัวก้อนขนของเขาไปยังสวนสนุกที่คุยกันไว้ ระหว่างการเดินทางก็มีผู้คนเข้ามาทักทายพวกเราเป็นระยะ ด้วยความที่ลูก ๆ ทั้งสี่แต่งตัวเหมือนกันจนคล้ายร่างโคลนนิ่ง ทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างให้ความเอ็นดูกันทั้งนั้น
   เมื่อมาถึงสวนสนุกที่ว่า ดูเหมือนคุณแม่ลูกสี่จะตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าบรรดาลูก ๆ หันมองนั่นมองนี่ไม่หยุด จนเขาต้องปรามให้ดูลูกด้วย เชื่อเถอะว่าชริณแอบเห็นประกายในดวงตาของเจ้าจิ้งจอก ดูท่าคนแม่นี่แหละที่อยากมาสวนสนุกยิ่งกว่าใคร เมื่อมาถึงงเราก็แบ่งกันเข็นรถ รับผิดชอบลูก ๆ คนละสอง ตอนนี้บรรดาลูก ๆ ของชริณเริ่มหัดเดินได้แล้ว แต่ยังไม่แข็งเท่าไร มีล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
   พัฒนาการของแก๊งก้อนขนเป็นที่น่าพอใจสำหรับชริณ ลูก ๆ มีพัฒนาขึ้นในทุก ๆ วัน ชริณสอนในการเป็นมนุษย์ ส่วนเจ้าจิ้งจอกก็ปลุกสัญชาตญาณจิ้งจอกในตัวลูก ๆ ให้เจ้าก้อนทั้งสี่ได้เรียนรู้การเป็นมนุษย์และมีสัญชาตญาณความเป็นจิ้งจอกตามเชื้อกำเนิดไม่ทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป
   ชริณกำชับหมวกของลูก ๆ ให้เข้าที่ ก่อนจะพาเดินเข้าเขตสวนสนุกหลังซื้อบัตรมาแล้ว เขาเองก็ไม่ได้มาที่แบบนี้นานเหมือนกัน ครั้งล่าสุดเท่าที่จำได้น่าจะเป็นช่วงมัธยมต้น สวนสนุกเป็นสถานที่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ร่วมถึงเขาด้วย การพอเจ้าจิ้งจอกและลูก ๆ มา ชริณก็อยากให้ทุกคนได้ประทับใจเหมือนกับตอนที่เขาได้มาครั้งแรก
   “ชาริน ซางงงงงง”
   “หืม?” ชายหนุ่มที่กำลังง่วนอยู่กับการดูแลลูก ๆ ให้อยู่ในกรอบสายตา หันมองตามเสียงของภรรยา ก่อนจะพบว่าเจ้าจิ้งจอกกำลังยิ้มแป้นแล้นยืนข้างโซนขายสายไหมสีสดใส เป็นอันรู้กันว่าคุณแม่ลูกสี่อยากกิน
   
   “อร่อยจัง น้องให้ลูกกินได้ไหม” บัดนี้มือของคุณแม่ลูกสี่กำลังถือสายไม้สีสดใสไม้ใหญ่เอาไว้กับมือ เป็นครั้งแรกที่เจ้าจิ้งจอกได้กินสายไหม มันรสชาติดีไม่ต่างจากที่จินตนาการไว้เลย อร่อยจนอยากให้ลูก ๆ เจ้าก้อนขนของแม่ได้กินด้วย แต่ต้องถามความเห็นพ่อก่อน เพราะคนพ่อฉลาดกว่า
   “ไม่ได้ ลูกยังไม่ควรกิน ฟันน้ำนมยังไม่ขึ้นเลย” เมื่อชริณว่าเช่นนั้น คุณแม่ที่กำลังแบ่งสายไหมออกเป็นคำ ๆ เตรียมป้อนลูก ๆ ถึงกับหงอยเหมือนกำลังถูกเอ็ด ทั้ง ๆ ที่ชริณก็แค่ห้ามเอง
   “เสียดายจัง....”
   “ไว้ลูกโตค่อยให้กันนะ” ชริณว่าอย่างใจเย็น พลางเข็นลูกเข้าไปในโซนสวนสนุก ก่อนจะมีเหล่ามาสคอตทั้งหลายซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสวนสนุก ขวัญใจของเด็ก ๆ เข้ามารุมล้อมทันที
   ทุกอย่างควรจะแฮปปี้แต่ทว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยกลับมองเจ้ามาสคอตรูปร่างสัตว์ ตัวใหญ่กว่ามนุษย์ปกติด้วยความตื่นกลัว เจ้าจิ้งจอกรีบเขย่าแขนชริณยกใหญ่ เมื่อเห็นสามียังคงยืนนิ่ง ก็ตั้งท่าจะเข็นรถลูก ๆ หนีจากตรงนั้นโดยไม่ฟังเสียงสามี
   “ด—เดี๋ยว!” ชริณร้องห้ามภรรยาเสียงหลง ก่อนที่เราจะผลัดหลงกันในสวนสนุกขนาดใหญ่นี้ แต่ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกจะไม่ฟังอะไรทั้งนั้น คว้ารถเข็นลูกได้ก็จะพาเดินหนีจากตรงนั้นลูกเดียว ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน ควรจะเป็นเด็กสิที่กลัว ทว่าลูก ๆ กลับหัวเราะด้วยความชอบใจ ยกเว้นคนแม่ที่เหมือนจะไม่สนุกด้วย
   “น้อง!” ชริณเรียกภรรยาอีกครั้ง หากเป็นปกติเขาคงจะเรียกว่า เจ้าจิ้งจอก แต่เพราะเราไม่ได้อยู่กันในบ้าน เขาจึงไม่สามารถเรียกเช่นนั้นได้ นาน ๆ ทีชริณถึงเรียกเจ้าจิ้งจอกว่าน้อง ซึ่งเป็นชื่อเรียกจริง ๆ ของอีกฝ่าย การเรียกแบบนั้นได้ผลชะงัก มีใครเรียกชื่อก็ต้องหันอยู่แล้ว นั่นคุณแม่ลูกสี่หยุดยืนอยู่กับที่และหันกลับไปมองสามีตัวเอง
   ดวงตากลมโตคลอด้วยน้ำใส แสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเจ้าตัวการ์ตูนประจำสวนสนุกแห่งนี้ นั่นทำให้ชริณไม่มีทางเลือกมากนัก จากที่ตั้งใจว่าจะถ่ายรูปรวมกับครอบครัวโดยมีมาสคอตเป็นตัวประกอบเก็บไว้เป็นที่ระลึก ก็ต้องยกเลิกไป เดินเลี่ยงไปอีกทาง ไม่ให้เราได้เจอกับมาสคอตอีกหน ก่อนที่เจ้าจิ้งจอกจะปล่อยโฮกลางสวนสนุก
   เขาเข็นรถลูกอีกสองคนเดินมาทางเจ้าจิ้งจอก ตั้งใจว่าหลังจากนี้จะพาครอบครัวก้อนขนเดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อที่จะได้ไม่ต้องพบเจอเจ้ามาสคอตอีก
   “ชาริน ซังจะถ่ายรูปกับเจ้านั้นเหรอ จะถ่ายก็ได้นะ” เจ้าจิ้งจอกน้อยที่เห็นว่าสามีอยากทำอะไร ก็รีบคว้าแขนไว้ก่อนที่ชาริน ซังจะเดินนำไปอีกทาง น้องรู้ว่าชาริน ซังอยากถ่ายรูปกับเจ้าตัวประหลาดพวกนั้น จริง ๆ น้องกลัว มันตัวใหญ่เกินไป แต่ถ้าชาริน ซังอยากพาลูก ๆ ของเราไปถ่ายรูปรวมกับเจ้าพวกนั้น น้องจะรวบรวมความกล้าไปถ่ายด้วยก็ได้
   “ไม่เป็นไรหรอก กลัวไม่ใช่เรา” ชริณว่าด้วยความเสียงอ่อนโยน ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวคุณแม่ลูกสี่เพื่อปลอบโยน เห็นชัดว่าเจ้าจิ้งจอกกลัว ยิ่งจะพยายามเอาใจ เพื่อที่จะให้เราถ่ายรูปด้วยกันอีก
   “แล้วชาริน ซังจะเสียใจไหม ถ้าเราไม่ได้ถ่ายรูปกับเจ้าพวกนั้น”
   “เสียใจทำไม? ไม่ถ่ายรูปกับเจ้าพวกนั้น เราก็ไปถ่ายที่อื่นก็ได้ ไม่ต้องร้องไห้นะ...เรื่องแค่นี้เอง” ชริณว่า เพราะอยู่ด้วยกันเกือบตลอดเวลา ห่างกันแค่ตอนเขาไปทำงาน ทำให้ชริณรู้เลยว่าตอนนี้เจ้าจิ้งจอกกำลังกังวล เป็นห่วงความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเองที่กลัวจนร้องไห้
   คราวที่แล้วก็ปกป้องเขาด้วยชีวิตตัวเอง....คราวนี้ก็เป็นห่วงความรู้สึกเขามากกว่าความรู้สึกตัวเองอีก จะไม่ใช่ชริณหลงได้ยังไง
   ถ้าเป็นอยู่บ้านเขาคงจูบหน้าผากเพื่อปลอบแล้ว แต่เพราะเราอยู่ที่สาธารณะ สุดท้ายชริณถึงทำได้แค่ลูบหัวปลอบ ก่อนจะพาไปเล่นโซนอื่น ๆ ในสวนสนุกเพื่อให้อาการหวาดกลัวของคุณแม่ลูกสี่หายไปแล้วค่อยไปให้รางวัลกันที่บ้าน

   “แล้วน้องจะดูพวกการ์ตูนเหล่านี้ได้ที่ไหนอะ”
   “ในโทรทัศน์”
   “ไม่เห็นมีเลย”
   “ก็ไม่เคยเปิดให้ดู”
   “งั้นวันนี้เปิดให้น้องดูหน่อยนะ ให้ลูกเราดูด้วย”
   “อือ...” ชริณขานรับส่ง ๆ ดูเหมือนการมาสวนสนุกตามคำขอของคุณแม่ลูกสี่ครั้งนี้ จะสร้างความปวดหัวให้เขาเสียแล้ว เพราะตั้งแต่ออกมาจากสวนสนุก เจ้าจิ้งจอกก็ถามจ้อไม่หยุด คอยพูดถึงเหล่าตัวการ์ตูน มาสคอตทั้งหลายแหล่ที่เดินขบวนพาเลตมาสร้างความสนุกกับเด็ก ๆ ที่มาชื่ออะไรกันบ้าง ทำไมตัวถึงสีนี้ มีลูกไหม สารพัดสิ่งสงสัย
   ชริณว่าการมาสวนสนุกครั้งนี้ เจ้าจิ้งจอกคงมีความสุขมากกว่าใคร แม้จะเสียน้ำตาตอนเห็นมาสคอตของสวนสนุกในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ปิดฉากการมาเที่ยวครั้งแรกของเราด้วยรอยยิ้ม
   คุณแม่ลูกสี่ดี๊ด๊าเหมือนเด็กห้าขวบ ส่วนก็เจ้าก้อนขนทั้งหลายก็ได้แต่มองตัวการ์ตูนทั้งหลายอย่างมึนงง เพราะไม่เคยเห็น บ้างก็หัวเราะชอบใจ แต่คงไม่มีใครแฮปปี้เท่ากับคุณแม่แล้ว
   “ชาริน ซัง ตัวนี้ชื่ออะไรนะ มินนี่ใช่ไหม?”
   “ถามแต่เจ้าตัวการ์ตูน ชักจะน้อยใจแล้วนะ” เพราะดูเหมือนตัวเองกำลังถูกแย่งความสนใจ ชริณที่กำลังพาครอบครัวก้อนขนกลับบ้านของเราจึงหันไปพูดกับเจ้าจิ้งจอกด้วยท่าทีจริงจัง ปกติเจ้าจิ้งจอกก็มักจะให้ความสำคัญแต่เขาเสมอ ไม่เคยสนใจสิ่งใดนอกจากเขา พอเจอแบบนี้ ชริณก็ชักจะโมโหเหมือนกัน อะไรจะขนาดนั้น
   จากตอนแรกที่ตั้งใจจะให้รางวัล น่าจะเปลี่ยนเป็นการลงโทษเสียให้เข็ด....
   “ชาริน ซังโกรธเหรอ”
   “.....”
   “งั้นน้องไม่พูดถึงแล้วนะ” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่า พับความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเจ้าตัวการ์ตูทั้งหลายแหล่ลงไป ก่อนที่ชาริน ซังจะโกรธมากกว่านี้แล้วเราก็ขึ้นรถไฟกลับบ้านกันโดยที่น้องไม่พูดเรื่องเจ้าตัวการ์ตูนอีก
   ชาริน ซังบอกน้องว่าไม่ได้โกรธ... แต่กลับไม่พูดกับน้อง แบบนี้มันหมายความว่ายังไง? เมื่อกลับมาถึงบ้าน คุณแม่ลูกสี่ก็กลับมาสวมบทเป็นแม่บ้านอีกครั้ง พ่อแม่แบ่งหน้าที่กันคนละส่วน ชาริน ซังอาบน้ำให้เจ้าก้อนขนที่เหมือนจะเพลีย เพราะออกไปเที่ยวเล่นโลกภายนอกทั้งวัน ส่วนน้องเองก็รับหน้าที่ชงนม เตรียมส่งลูก ๆ เข้านอนในคืนนี้
   หลังจากชาริน ซังอาบน้ำแต่งตัว ใส่ชุดนอนให้ลูก ๆ แล้วพาเข้าเปลนอนเสร็จ ก็เดินตัวละลิ่วผ่านน้องที่กำลังถือขวดนมมาเสิร์ฟลูก ๆ โดยไม่พูดจา ทำเอาเจ้าจิ้งจอกถึงกับห่อไหล่ ทำมือสามีในรูปแบบนี้ไม่ถูก ชาริน ซังไม่ได้เมินเฉยกับน้องแบบนี้นานแล้ว ล่าสุดก็ก่อนที่เราจะสร้างครอบครัวด้วยกัน
   ขณะที่น้องกำลังยืนถือขวดนมอย่างเหม่อลอย กำลังคิดจะทำยังไงดีให้ชาริน ซังหายโกรธตัวเอง ลูก ๆ ทั้งสี่ก็ร้องหานมร้อนส่งเข้านอน เจ้าจิ้งจอกน้อยจึงไม่มีทางเลือกมากนัก ยังไงเสียตอนนี้ก็ต้องดูแลลูกให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยไปง้อสามีทีหลัง

   “ชาริน ซังงงงง น้องอาบน้ำด้วย”
   “.....”
   “อย่าเพิ่งปิดประตูซี่!”
   “จะเข้ามาก็รีบมา”
   หลังจากที่จัดการส่งลูก ๆ เข้านอนเรียบร้อยแล้ว คุณแม่ลูกสี่ก็วิ่งแจ้นตรงเข้าห้องนอนตัวเอง หมายจะง้อสามีตามที่วางแผนเอาไว้ทันที
    พอเข้ามาถึงห้องก็เห็นชาริน ซังคว้าผ้าเช็ดตัว เตรียมจะเข้าไปอาบน้ำ เจ้าจิ้งจอกก็ไม่รอช้า รีบเดินตามไปคว้าผ้าเช็ดตัวเช่นกัน ตั้งใจว่าจะขออาบน้ำด้วยคน เดี๋ยวน้องจะขัดหลังให้ชาริน ซังหายโกรธเอง ทว่าในตอนแรกทันทีที่ชาริน ซังได้ยิน อีกฝ่ายก็ตั้งท่าจะปิดประตูใส่ น้องต้องร้องห้ามเสียก่อน ชาริน ซังถึงยอมเปิดประตูให้ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก
   พอได้อยู่กับสามีเพียงลำพัง เจ้าจิ้งจอกลูกสี่ก็กลายร่างเป็นน้องเหมือนเดิม เพราะดูเหมือนชาริน ซังจะไม่เข้าเต็มใจให้น้องเข้ามาอาบน้ำด้วย เจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มเบะปากบ้าง แต่น้อยใจมากไม่ได้เพราะชาริน ซังยังโกรธน้องอยู่ ถ้าน้องน้อยใจแล้วชาริน ซังรู้ ด้วยเรื่องจะบานปลาย
   เราต่างแยกมุมปลดเปลื้องเสื้อผ้าเพื่อเตรียมอาบน้ำ บรรยากาศระหว่างมาคุจนเจ้าจิ้งจอกน้อยรู้สึกอึดอัดจึงถอนหายใจออกมา
   “ถ้าไม่อยากอาบน้ำด้วยกัน ก็ไม่ต้องก็ได้นะ ไม่ได้บังคับ” ฝั่งชริณเอง เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจก็พูดออกมาด้วยน้ำเรียบนิ่ง
   “เปล่าสักหน่อย” เจ้าจิ้งจอกเถียง
   ชาริน ซังชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย น้องบอกตอนไหนว่าไม่อยากอาบน้ำด้วย!

   หลังจากจัดการสลัดเสื้อผ้าออกให้พ้นตัวได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะได้อาบน้ำกันเสียที เจ้าจิ้งจอกน้อยค่อย ๆ เดินเลียบ ๆ เคียง ๆ เข้าไปหาชาริน ซัง บอกตามตรงว่าตอนนี้น้องเองก็ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ชาริน ซังเท่าไรนัก เพราะอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ แต่กำลังโกรธน้องอยู่และดูเงียบมาก ๆ ด้วย
   “ชาริน ซัง....” คุณแม่ลูกสี่เกริ่นนำโดยการเรียกชื่อสามีก่อน
   “.....”
   “ด—เดี๋ยวน้องขัดหลังให้นะ วันนี้เหนื่อยมากใช่ม้า จะนวดให้ด้วย” เจ้าจิ้งจอกว่าด้วยน้ำเสียงสดใส พยายามแสดงออกสุดฤทธิ์ว่าอยากปรนนิบัติสามี เมื่อเห็นว่าชาริน ซังไม่ได้พูดอะไร ก็เตรียมคว้าใยบวบหมายจะมาขัดหลังให้สามี ทว่าอีกฝ่ายกลับชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
   “ไม่เป็นไร...ไม่มีอารมณ์”
   “อ๋อ...อือ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากขานรับในลำคอ ก้อนน้อยใจเล็ก ๆ ในตอนแรกที่พยายามไม่สนใจ เพราะสามีกำลังโกรธอยู่ เริ่มขยายใหญ่มากขึ้น
   น้องก็อยากง้อชาริน ซังนะ...แต่อีกฝ่ายไม่ยอมให้ง้อแล้วน้องจะทำยังไง
   แผนที่วางไว้ถูกชาริน ซังทำพังอย่างไม่เป็นท่า กลายเป็นว่าเราต่างแยกย้ายกันอาบน้ำและแต่งตัว ไม่มีนัวเนียกันเหมือนเคย ชาริน ซังไม่ใช่ผู้ชายหวาน ไม่ค่อยแสดงความรักอย่างเปิดเผย แต่อย่างน้อย ๆ ก่อนนอนอีกฝ่ายต้องมีจูบหน้าผาก บอกฝันดีบ้าง แต่ครั้งนี้ไม่เลย
   เราแยกย้ายกันนอนอีกแล้ว....
   ดวงตากลมโตได้แต่มองตามทุกการกระทำของสามีตาละห้อย อีกฝ่ายเมินเฉยน้องอย่างตั้งใจ เมินเฉยจนกระทั่งเราจะเข้านอนกันแล้ว ไม่ต้องรอดูท่าที รู้เลยคืนนี้เรานอนหันหลังให้กันแน่
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกที่อยากจะเดินหน้าง้อเต็มที่ก็ได้แต่ปิดปากเงียบ เพราะกลัวชาริน ซังจะปฏิเสธกลับมาให้เจ็บใจเล่นซ้ำสอง
   “ชาริน ซังจะนอนแล้วเหรอ” เจ้าจิ้งจอกน้อยถาม อีกฝ่ายจะไม่จูบหน้าผากน้องก่อนนอนจริงเหรอ?
   “อืม”
   “งั้น...ลืมอะไรหรือเปล่า” เจ้าจิ้งจอกถามต่อ เอาน่า....อีกฝ่ายอยากลืมก็ได้ บอกใบ้นิด ๆ ก็คงไม่เป็นอะไร
   “ไม่ลืม”
   “อ๋อ งั้นฝันดีนะ” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่า ใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ ชาริน ซังลืมกิจวัตรที่เรามักจะทำกันจริง ๆ ก้อนน้อยใจเริ่มขยายใหญ่กว่าครั้งที่แล้ว คราวนี้มันจุก ๆ ในคอ คุณแม่ลูกสี่ต้องรีบเข้านอนก่อนที่จะได้ร้องไห้ต่อหน้าชาริน ซัง
   เพราะน้องมีชาริน ซังเป็นโลกทั้งใบมาโดยตลอด พอมีสิ่งหนึ่งของโลกภายนอกที่ดูน่าสนใจ ทำให้อดใจไม่ไหวที่จะให้ความสำคัญ แต่ในขณะเดียวกันชาริน ซังก็ยังเป็นโลกทั้งใบของน้องเหมือนเดิม เพียงแค่ว่าโลกทั้งใบของน้องมีบางอย่างเพิ่มเติม นั่นก็คือการ์ตูน
   การไปเที่ยวสวนสนุกครั้งนี้ของเรา เป็นครั้งแรกที่เจ้าจิ้งจอกน้อยได้รู้จักตัวการ์ตูน โลกในจินตนาการของมนุษย์ มันดูน่าสนุก ตัวการ์ตูนแต่ละตัวก็น่ารักน่าชัง ยกเว้นพวกเจ้ามาสคอตของสวนสนุก ทำให้น้องประทับใจอยากรู้จักมากกว่านี้ ชาริน ซังเท่านั้นที่สามารถไขความสงสัยเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ของเจ้าตัวการ์ตูนให้น้องได้ น้องถึงเอ่ยปากถามไม่หยุด จนเป็นเหตุให้ชาริน ซังโกรธ กล่าวหาว่าน้องให้ความสนใจกับตัวการ์ตูนมากกว่าเจ้าตัว
   มันไม่ใช่สักหน่อย ชาริน ซังยังเป็นที่หนึ่งในใจน้องอยู่ดี...
   “งั้นน้องปิดไฟเลยนะ” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่าต่อ ต้องรีบปิดไฟให้ห้องมันมืดก่อน น้องจะไม่ไหวอยู่แล้ว
   “......” เมื่อเห็นชาริน ซังไม่พูดไม่จา น้องก็ไม่รอช้า รีบชิงปิดไฟ ล้มตัวนอนหันหลังให้ชาริน ซังโดยไม่คิดจะหันไปมองหน้าอีกฝ่ายอีก มือเล็กคว้าผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาคลุมถึงหัวไหล่ตัวเอง ก่อนจะค่อย ๆ ร้องไห้ออกมาเงียบ ๆ ขนตายาวชุ่มไปด้วยน้ำตา ก้อนน้อยใจที่ว่ากำลังแผลงฤทธิ์อย่างช้า ๆ
   เจ็บจัง....
   ไหล่แคบสั่นเทิ้มไปตามแรงร้องไห้ กลีบปากบางเม้มแน่น ต้องการที่จะร้องไห้ให้เบาเสียงที่สุด ไม่อยากให้ชาริน ซังได้รับรู้ว่าก้อนน้อยใจขนาดใหญ่กำลังเล่นงานน้องอย่างช้า ๆ ชาริน ซังเป็นโลกทั้งใบของน้อง หากอีกฝ่ายเมินเฉย พยายามตีตัวออกห่างน้องแบบนี้น้องจะทำยังไง
   “เจ้าจิ้งจอก”
   “....!!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อชาริน ซังที่คิดว่าคงนอนหันหลังให้เช่นกันก็เรียกขานน้องขึ้นมา จะขานรับในทันทีก็ไม่ได้ อีกฝ่ายฉลาด หากตอบกลับไปในทันทีคงรู้แน่ว่าน้องกำลังร้องไห้อยู่
   “น้อง....” คราวนี้ชาริน ซังไม่พูดเปล่า น้องรับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังเขยิบเข้ามาใกล้ มือหนาจับเข้าที่ไหล่ของน้อง ส่วนจิ้งจอกเองก็หยุดร้องไห้ชั่วขณะ รีบใช้ผ้าห่มเช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะทำลายหลักฐาน อีกอย่างตอนนี้เราอยู่ในความมืด ชาริน ซังคงไม่เห็นหรอกว่าน้องกำลังอยู่ในสภาพไหน
   “ร้องไห้เหรอ?”
   “ป—เปล่า!” เจ้าจิ้งจอกน้อยรีบปฏิเสธ แต่นั่นยิ่งเป็นหลักฐานมัดตัวว่าเจ้าตัวกำลังร้องไห้ เพราะน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ชาริน ซังนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้น้องยิ่งกว่าเดิม แล้วตวัดแขนกอดเอวน้องไว้อย่างหลวม ๆ
   “แน่ใจ?” ชริณว่า งับใบหูเจ้าจิ้งจอกขี้แงเบา ๆ
   “ฮือ!น้องไม่อยากคุยด้วยแล้ว” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ว่าหันไปตีไหล่ชาริน ซังทันควัน พร้อมกับปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายอีกต่อไป รู้ทั้งรู้ว่าน้องกำลังร้องไห้ ยังมีหน้ามาถามกันอีก ชาริน ซังใจร้าย! ฝั่งชริณเองก็ถึงกับหัวเราะออกมา ไม่คิดว่าตัวเองจะทำให้เจ้าจิ้งจอกร้องไห้ การลงโทษของเขาได้ผล เขาปล่อยให้อีกคนตีครู่หนึ่งก่อนจะคว้ามือไว้ ไม่ให้ประทุษร้ายตัวเองอีกครั้ง
   “อย่าตีแรง เจ็บ” เขาว่าเพียงสั้น ๆ
   “โอ๋ ๆ ไม่ร้องน้าเจ้าจิ้งจอก” เพราะยังเห็นดวงตาของเจ้าจิ้งจอกยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา ชริณจึงลูบหัวปลอบโยนอีกฝ่ายเหมือนเด็ก ๆ
   “ไม่ต้องเลย ชาริน ซังใจร้าย” ตีเสร็จก็นอนซุกอกชาริน ซังกอดเอวไว้อย่างหลวม ๆ พร้อมกับสะอื้นไห้ อยากจะโมโหชาริน ซัง อยากจะหยิกให้เนื้อเขียว แต่ในขณะเดียวกันก็อยากกอดด้วย เมื่อกี้ที่เมินเฉยน้องทุกอย่างเป็นแค่การแสดงงั้นเหรอ
   “เมื่อกี้ ชาริน ซังโกรธน้องเหรอ” เจ้าจิ้งจอกน้อยถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย
   “ไม่ได้โกรธ” ชริณเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง
   “.....”
   “แค่ต่อหน้าอย่ามาให้ความสนใจอะไร นอกจากฉันอีกไม่ชอบ เข้าใจไหม” ชริณว่า เขาไม่ชอบที่ตัวเองถูกลดความสำคัญ ไม่ชอบที่ตัวเองถูกเจ้าจิ้งจอกละเลย
   “อือ...น้องก็ให้ชาริน ซังเป็นที่หนึ่งของน้องอยู่แล้วนี่นา” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่าเสียงอ้อมแอ้ม ก้อนน้อยใจเริ่มดีขึ้น เมื่อได้รับคำตอบและฟังเหตุผลของชาริน ซัง
   “....ก็ดี”
   “แต่ว่าพรุ่งนี้เปิดการ์ตูนให้น้องหน่อยได้ไหม”
   “เจ้าจิ้งจอก!”





__________________________
สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-08-2018 16:28:29
สามีขี้งอน
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-08-2018 17:05:40
 :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: iamew ที่ 04-08-2018 17:56:43
อ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุดเลยค่ะ อ่านแล้วก็.. น้องงงงงงงงง น้องวนไป ดีนะที่ลูกของน้องไม่ได้ชื่อน้อง น้อง น้อง กับน้องน่ะ
แต่ชารินซัง พี่อย่างอนน้องงี้ดิ โถ่ว ถ้าเกิดน้องชอบอะไรทีนี้จะเก็บไปชอบคนเดียวเงียบๆ นี่จะโทษน้องไม่ได้นะ
อยากเห็นตอนพ่อแม่ชารินซังมาเจอแก๊งก้อนขนใจจะขาด นี่ลองนั่งนึก ไม่ว่าปฏิกิริยาพวกท่านจะไปทางไหนก็น่าสนุกทั้งนั้นเลย
ดีไม่ดีแค่เห็นเค้าหน้าเจ้าก้อนขนทั้งสี่จะต้องแบบ เอ๊ะๆ
คิดถึงพี่หมาป่าด้วย อยากให้คืนดีกัน นี่ว่าพี่หมาป่าไม่ได้โกรธอะไรน้องหรอก
แค่เห็นว่ามนุษย์ชารินซังพอจะไว้วางใจได้เลยปล่อยน้องมา พี่หมาป่าเท่ที่สุด
ฟิลพี่หมาป่ากับน้องนี่เหมือนแบบพี่น้องต่างสายพันธุ์เลย

ขอบคุณคุณนักเขียนค่ะ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่สนุกและน่าจดจำมากๆ เลย
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: spanap ที่ 04-08-2018 19:31:46
ฮรืออออ มาอ่านเพราะมีคนรีวิวว่า น้อง มาอ่านละไม่อยากให้จบเลยยยยย ฮรืออออ :hao5:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 04-08-2018 21:13:35
ชารินซังงงงงง โลกของน้องแคบมากเลยนะ เอาจริงๆน้องไร้เดีนงสามากเติบโตมาในป่า มาเจออะไรใหม่ๆยอมอยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมดา ทำใจให้กว้างๆหน่อยสิเพ่!
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-08-2018 22:59:14
ถ้าทำน้องร้องไห้อีกจะตีชารินซัง !!
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 06-08-2018 21:42:00
ชาริน ซังร้ายกาจมาก
น้องข่วนหน้าลุงเลยลูก
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวเล็ก ที่ 07-08-2018 19:38:37
น่ารักมากเลยน้องงงง
ชริณก็ตามใจน้องหน่อยยย ฮิฮิ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: BeauBeeiiz ที่ 08-08-2018 08:51:05
อ่านแบบรวดเดียว นี่คือในกัววนเวียนแต่คำว่าน้องอ่ะ

อะไรจะน่าฟัดขนาดนี้
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 09-08-2018 01:03:03
ใจร้ายจริงเมินน้องได้ไง น้องเสียใจเลยเห็นมั้ย เห้อม :katai1:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (1/2) (2.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Matia ที่ 14-08-2018 12:15:45
น้องงงงงงง น่ารักมากๆเลยค่ะ

อยากให้มีภาคต่อของคุณหมาป่าด้วยจัง ><
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.15 (2/2) (15.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 15-08-2018 18:15:53
       

             “ชาริน ซังงงงงง”



                “ว่าไง หืม”



                “น้องทำท่าแบบนี้ ถูกไหม?”



                “แบบนั้นมันท่าไหว้พระแล้ว ยกถึงเท่านี้ก็พอ” กลีบปากหยักถึงกับคลี่ยิ้ม นึกเอ็นดู เมื่อเห็นท่าทีเงอะงะของคุณแม่ลูกสี่ ก่อนชริณจะแสดงตัวอย่างการไหว้ผู้ใหญ่แบบไทย ๆ ให้เจ้าจิ้งจอกดูอีกครั้งอย่างเต็มใจ ดูท่าอีกฝ่ายเองก็คงตื่นใจและเอาใจพ่อแม่ของชริณจริง ๆ



                 ในวันพรุ่งนี้ชริณจะต้องขึ้นเครื่องตั้งแต่เช้า เตรียมไปรับคุณพ่อคุณแม่มาญี่ปุ่นตามแผนการที่เขาวางเอาไว้ ยิ่งใกล้วันที่ทั้งสองจะได้พบกัน เขาก็ยิ่งกังวล ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของตัวเองจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่ชริณเชื่อหากว่าเขายังเอ็นดูเจ้าจิ้งจอกถึงเพียงนี้ พ่อแม่ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน



                “แบบนี้ใช่ไหม” เจ้าจิ้งจอกน้อยเอ่ยถามอีกครั้ง พร้อมกับแสดงท่าไหว้ผู้ใหญ่ให้สามีได้ตรวจเช็ก



                “แบบนี้แหละ”



                “งั้นน้องจะไปสอนลูกต่อ” เจ้าตัวเล็กพูดงึมงำ ก่อนจะเดินผ่านไปเข้าห้องลูกเพื่อสอนในสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้จากสามีมา



                ไม่ใช่แค่อยากไหว้เพื่อเอาใจ แต่คุณแม่ลูกสี่ยังมีการอ้อนให้สามีสอนแนะนำตัวสั้น ๆ เป็นภาษาไทยด้วย พอได้ความรู้จากสามีก็รีบวิ่งแจ้นไปสอนลูกต่อ เพราะอยากให้คุณปู่คุณย่าเอ็นดูหลาน ๆ ด้วย



                นับจากนี้ไปเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่ได้อยู่บ้านเปล่า ๆ คอยเลี้ยงลูกอีกแล้ว แต่ชริณมีโครงการจะสอนภาษาญี่ปุ่นให้ด้วย อย่างน้อยต้องอยู่ในระดับภาษาอ่านออกเขียนได้ขั้นพื้นฐาน



                เจ้าจิ้งจอกสื่อสารได้ก็จริง แต่อ่านหนังสือไม่ออก ลำพังอยู่แค่บ้านเฉย ๆ ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร แต่คนเราไม่สามารถอยู่บ้านตลอดเวลาได้ ไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องออกไปเผชิญโลกภายนอก ไกลกว่าห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านและไม่มีชริณคอยช่วยเหลือ ดังนั้นภาษาจึงเป็นเรื่องสำคัญ



                ฝั่งคุณแม่ลูกสี่เมื่อได้รับความรู้ที่ถูกต้องจากสามีแล้ว ก็รีบวิ่งมาสอนลูก ๆ ก่อนที่ตัวเองจะลืม น้องฉลาดก็จริง มีมันสมองมากกว่าสัตว์ทั่ว ๆ ไป แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ามนุษย์อยู่ดี ดังนั้นต้องมีการย้ำคิดย้ำทำบ่อย ๆ เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ลืม อาจไม่เข้าใจอะไรง่าย ๆ แต่ก็ไม่ได้โง่จนคนรำคาญ



                “ดูแม่เป็นตัวอย่างน้า...ทำแบบนี้ ๆ” หลังเรียกให้ลูก ๆ เข้ามามุงเพื่อดูตนได้แล้ว เจ้าจิ้งจอกก็เริ่มทำการไหว้แบบไทย ๆ ที่ได้ความรู้มาจากชาริน ซังมาให้ลูก ๆ ได้ดู ซึ่งเจ้าก้อนขนทั้งสี่ก็ได้ทำตาม มือป้อม ๆ ประกบกันไว้และยกขึ้น หัดเรียนรู้ตามแม่อย่างมึนงง



                “เราต้องทำด้วยหลอ คุงแม่” สายรุ้งถาม



                “ต้องทำตามนะ ๆ คุณปู่คุณย่าจะได้เอ็นดูเราไง”



                “แล้วคุงปู่คุงย่าเป็นใครอ่า” ตะวันถามต่อ ไม่เคยได้ยินคำนี้เลย ตั้งแต่เกิดมาก็รู้จักแต่พ่อแม่



                “ก็เป็นพ่อแม่ของคุณพ่อไง” เจ้าจิ้งจอกไขความสงสัยให้กับลูก



                “แล้วคุงแม่ หนูยกแบบนี้ได้ไหม” ว่าจบดวงดาวก็เอามือประกบกันทั้งสองข้างและยกขึ้นท่วมหัวโชว์ให้คุณแม่ดู



                “ท่านี้แม่ก็เคยทำให้คุณพ่อดูเหมือนกัน แต่คุณพ่อบอกว่ามันผิด ยกแค่เท่านี้ก็พอ” พูดเสร็จ คนแม่ก็โชว์ท่าไหว้ที่ถูกต้องให้ลูก ๆ ได้ดูอีกครั้ง



                มันอาจจะดูยุ่งยากไปเสียหน่อยกับการที่เราต้องเตรียมตัวครั้งนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่วัฒนธรรมของบ้านเรา แต่เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ทำด้วยความเต็มใจ เพราะอยากให้พ่อแม่ของชาริน ซัง ประทับใจตัวเองและครอบครัวก้อนขนของเราจริง ๆ



                “ถ้ามันยากก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ พ่อแม่เข้าใจอยู่แล้ว” ชริณที่เพิ่งจัดกระเป๋าเดินทางของตัวเองเสร็จ เดินเข้ามาโอบกอดภรรยาตัวเล็กไว้ข้างหลังพร้อมกับจูบข้างขมับอีกฝ่ายเบา ๆ โชว์หวานต่อหน้าพยานรักของเรา



                เขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าจิ้งจอกและแก็งก้อนขน เห็นแบบนี้ก็อดสงสารไม่ได้ ดูว่าอยากทำให้คุณปู่คุณย่าประทับใจตั้งแต่แรกเห็น แต่ถ้ามันลำบากตัวเองมากเกินไปก็ไม่ดีและชริณเชื่อว่าพ่อแม่ของเขาเข้าใจเรื่องพวกนี้ดี



                “แต่น้องอยากให้คุณพ่อคุณแม่ชาริน ซังประทับใจ”



                “ลำบากเราไหมล่ะ” เขาย้อนถาม



                “ไม่ลำบากเลย แค่นี้สบายมาก!” ว่าจบก็ส่งยิ้มแฉ่งให้สามี ตั้งใจยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูดจริง ๆ ทว่าทันทีที่ชริณได้เห็นรอยยิ้มนั้นก็ไม่รีรอฟัดแก้ม หอมฟอดใหญ่จนเกิดเสียง  ชาริน ซังพึมพำเบา ๆ ว่าน้องหาเรื่องใส่ตัว ทำเอาเจ้าจิ้งจอกน้อยถึงกับหน้าแดง เพราะเรากำลังจู๋จี๋กันต่อหน้าลูก ๆ



                ใกล้จะถึงวันที่ครอบครัวก้อนขนได้พบคุณปู่คุณย่ามากขึ้นเท่าไร คุณแม่ลูกสี่ก็รู้สึกกังวลและตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ไม่รู้ว่าผลสุดท้ายมันจะเป็นอย่างไร แต่น้องจะทำให้พวกท่านประทับใจอย่างสุดกำลัง



                ขณะที่รอสามีอาบน้ำเสร็จ เพื่อที่เราจะได้เข้านอนพร้อมกัน คุณแม่ลูกสี่ก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า พยายามท่องการแนะนำตัวเองเป็นภาษาไทยอยู่หลายหน ยิ่งใกล้วันแล้วจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด



                “ชาริน ซังน้องพูดถูกหรือยัง?” หลังลองทบทวนประโยคแนะนำตัวเป็นภาษาไทยให้สามีฟัง เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถามความเห็นชริณอีกครั้ง เผื่อได้ปรับเปลี่ยนตรงไหนอีก



                “ถูกแล้ว”



                “ดีใจจัง” พอได้ยินสามีพูดเช่นนั้น เจ้าจิ้งจอกก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง ดวงตากลมโตปิดสนิทลง ปล่อยให้สามีที่ผมเผ้ายังไม่แห้งสนิทดีเข้ามาจุ๊บหน้าผากเหมือนที่เราชอบทำกันเป็นประจำ



                หลังส่งลูก ๆ เข้านอนแล้ว เราสองคนถึงได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แก็งเจ้าก้อนขนเองก็หัดกลายร่างได้เก่งขึ้นแล้ว นั่นทำให้คุณแม่ผู้รับบทบาทเป็นครูฝึกสอนทักษะชีวิตครั้งนี้รู้สึกเบาใจลงเปราะหนึ่ง



                โดยปกติแล้วมนุษย์จิ้งจอกช่วงแรกเกิดจนถึงหกเดือนแรกจะยังควบคุมพลังที่ตัวเองมีไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จะต้องทำใจยอมรับ หากก่อนนอนจะเห็นลูก ๆ อยู่ในร่างทารก แต่พอเช้าวันต่อมาอาจอยู่ในร่างลูกจิ้งจอกแดง ซึ่งแล้วแต่ธรรมชาติจะกำหนด



                “พรุ่งนี้ชาริน ซังจะไปเช้าแค่ไหนอะ” เจ้าจิ้งจอกน้อยเอ่ยถาม หลังนึกได้ว่าพรุ่งนี้ชาริน ซังจะไม่อยู่บ้านทั้งวัน



                “เช้ามาก ๆ เลย เดี๋ยวตกเครื่อง”



                “แล้วจะอยู่ที่นั่นนานไหมอะ”



                “แป๊บเดียว แค่ไปรับพ่อแม่มาญี่ปุ่นเฉย ๆ” ชริณว่า แผนที่เขาวางเอาไว้ก็แค่ตั้งใจจะไปรับพ่อแม่มาที่บ้าน ไม่ได้ตั้งใจจะกลับไปพักผ่อนที่เมืองไทย ด้วยความที่เป็นห่วงคนทางนี้ด้วย จะรับมือแก็งเจ้าก้อนขนพ้นวันหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ

                อีกทั้งตอนนี้ชริณเองก็ได้พาครอบครัวย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่

ใหญ่กว่าเดิมตามที่เคยวางแผนเอาไว้ ซึ่งบ้านหลังใหม่ที่ว่าพ่อแม่เองก็ยังไม่เคยมา เขาจึงต้องไปรับ อำนวยความสะดวกให้พวกท่านอย่างที่ลูกคนหนึ่งควรจะทำ



                “ฉันไปแป๊บเดียว ดูแลลูกได้ใช่ไหม” ชริณเอ่ยถามเจ้าจิ้งจอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล



                “หูย...แค่นี้สบายมาก ชาริน ซังไม่ต้องห่วงเลย” เจ้าจิ้งจอกน้อยรับคำอย่างมั่นเหมาะ แค่เลี้ยงลูกสี่คนระหว่างรอพ่อกลับบ้าน มันจะไปยากอะไรกัน!       

 









                “จะไปแล้วนะ ดูแลบ้านดี ๆ ด้วย” เช้าวันต่อมา จากที่ตั้งใจจะไปสนามบินอย่างเงียบ ๆ ไม่อยากรบกวนเวลานอนของคุณแม่ลูกสี่ขึ้นมาส่งตน กลับกลายเป็นว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยกลับตื่นเช้าว่าคนที่ต้องออกเดินทางเสียอีก อีกฝ่ายตื่นเร็วกว่าถึงขั้นเตรียมอาหารเช้า กาแฟร้อนให้ชริณแล้ว



                “เดินทางปลอดภัยนะ” เมื่อมั่นใจแล้วว่าชาริน ซังไม่ได้ลืมอะไรไว้ที่บ้าน เจ้าจิ้งจอกก็เดินออกไปส่งหน้าประตูอย่างเช่นทุกวัน จริง ๆ มันก็ไม่ต่างจากวันทำงานปกติเท่าไรนัก เพราะน้องเองก็ออกมาส่งสามีไปทำงานเป็นประจำอยู่แล้ว  ต่างกันเพียงแค่ว่าครั้งนี้ชาริน ซังไปรับพ่อแม่ที่เมืองไทย มาพูดคุยทุกอย่างให้เป็นเรื่องเป็นราวอย่างที่ควรจะเป็นก็เท่านั้นเอง



            ดวงตากลมโตมองตามรถแท็กซี่จะไปส่งสามีที่สนามบินไกลสุดสายตา ถึงได้กลับเข้าบ้านเตรียมสวมบทบาทเป็นแม่ของลูก ๆ อีกครั้ง น้องก็หวังแค่ว่าขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นอย่างที่หวังไว้ก็พอ....






_______________________
สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.16 (1/2) (15.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 15-08-2018 18:18:45


16


   “มาให้แม่กอดหน่อย คิดถึงจังเลยลูก”
   “คิดถึงเหมือนกันครับ”
   “โกหก....ถ้าคิดถึงแม่จริง ต้องมาหาแม่บ่อย ๆ สิ”
   “โธ่....ผมผิดไปแล้วครับ” ชริณถึงกับหลุดหัวเราะ เมื่อเจอแม่ฟาดแขนเข้าให้เพื่อทำโทษ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปสวมกอดแม่เองอย่างลูกชายช่างอ้อน ในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองไทยเสียที กว่าจะมาถึงก็ช่วงบ่ายของวันแล้ว พอกลับมาอยู่ในบ้านเดิม ๆ ที่เติบโตมาตั้งแต่เด็ก ๆ ความรู้สึกเดิม ๆ ก็กลับมาอีกครั้ง
   แม้ตัวชริณจะไปใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นหลายร่วมปี จนส่วนหนึ่งของญี่ปุ่นกำลังกลืนกินเขาอย่างช้า ๆ แต่ยังไงเสียที่เมืองไทยบ้านก็คือบ้าน ชริณเติบโตที่นี่ ไม่มีอะไรอบอุ่นเท่าบ้านเราอยู่แล้ว เขาเองอยากพักอยู่ที่นี่นาน ๆ เหมือนกัน แต่การกลับบ้านมาครั้งนี้ เขามาเพื่อธุระ ไม่ใช่ตั้งใจจะมาพักผ่อนตั้งแต่แรก
   “พ่อ...สวัสดีครับ” หลังจากปล่อยให้แม่กอดจนหายคิดถึงแล้ว ชริณก็เข้าไปทักทายพ่อต่อซึ่งพ่อของเขาก็พยักหน้ารับอย่างเช่นทุกที
   เราไม่ได้คุยโทรศัพท์กันอีกเลยตั้งแต่ครั้งที่ชริณพูดเรื่องครอบครัวผ่านสายโทรศัพท์ให้พ่อฟังคราวนั้น อาจมีบ้างที่เขาโทรมาหา ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการจองตั๋ว เรื่องจุกจิกในการไปญี่ปุ่นมากกว่า ไม่ได้คุยเรื่องอื่นเป็นกิจจะลักษณะ
   สารภาพตามตรงตั้งแต่ที่ชริณก็ได้เล่าเรื่องราวชีวิตช่วงนี้ ครอบครัว คนที่ใช้ชีวิตร่วมกันที่ญี่ปุ่นให้พ่อฟังผ่านสายโทรศัพท์คราวนั้น เขาก็มีความเกรงใจคนเป็นพ่อมากขึ้น เพราะส่วนใหญ่เวลาเราคุยกัน เรามักจะคุยเกี่ยวกับเรื่องงาน การใช้ชีวิตมากกว่า เพิ่งจะมาได้คุยเรื่องส่วนตัวกันก็ตอนครั้งนั้น แม้บทสนทนาจะเป็นไปในทิศทางที่ดีจนทำให้ชริณโล่งอก แต่ก็เอาแน่เอานอนไม่ได้
   “เขาไม่มาด้วยเหรอ”
   “ครับ?”
   “คนที่ลูกเล่าให้ฟังไง” พ่อขยายความ
   “อ๋อ....” ชริณเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง “เขาไม่สะดวกครับ เจ้าตัวเล็ก ๆ ยังขึ้นเครื่องไม่ได้ เขาเลยต้องรออยู่ที่นั่นเพื่อดูแลลูก” ชริณว่าพร้อมกับสังเกตปฏิกิริยาของพ่อ 
   ชริณกลัวพ่อมากกว่าแม่ พ่อของเขาเป็นคนเงียบ ๆ  เวลากำลังคิดอะไรอยู่ก็จะไม่ค่อยพูดออกมา ต้องรอให้มั่นใจถึงค่อยพูดและสมาชิกในบ้านทุกคนก็จะต้องฟังเสมอ
   โชคดีที่ชริณได้พูดรายละเอียดคร่าว ๆ แล้วว่าเรื่องมันเป็นมายังไงให้ฟังแล้ว เขากำลังคบหากับใครอยู่ การพูดคุยแบบนั้น แม้จะไม่ได้พูดเป็นกิจจะลักษณะ เป็นเพียงแค่การเล่ารายละเอียดผ่านสายโทรศัพท์ แต่อย่างน้อยพ่อแม่ของเขาก็จะได้รับรู้เพื่อที่จะได้รับมือ
   ชริณรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับพ่อแม่ เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียว....แต่ทุกอย่างมันเป็นไปแล้ว
   “งั้นไม่เป็นไร....เดินทางมาเหนื่อย ๆ ขึ้นไปนอนพักผ่อนเถอะลูก”  เพราะบรรยากาศที่เริ่มเครียดตึง ทำให้พ่อเลือกที่จะปล่อยตัวเขาขึ้นมาพักผ่อนก่อน
   ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจออกมาพร้อมทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่แสนคุ้นเคย เพราะเห็นปฏิกิริยาพ่อแม่แบบนั้น เขาก็เริ่มเครียด ทั้งพ่อทั้งแม่ดูไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งนั้น เขารู้ล่ะว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับท่านทั้งสอง แต่อยากให้ท่านลองเปิดใจดูสักนิด เพราะครอบครัวก้อนขนของเขา น่ารักกันทั้งนั้น
   เหมือนความเครียดกลับมากองอยู่ที่ตัวชริณแต่เพียงผู้เดียวอีกครั้ง ทั้งเรื่องพ่อแม่ ทั้งเรื่องครอบครัวก้อนขน ไม่รู้ป่านนี้เจ้าจิ้งจอกและแก็งก้อนขนจะเป็นยังไงบ้าง คุณแม่ลูกสี่จะรับมือลูก ๆ ตัวแสบของเราได้ไหม? อยู่ห่างกันไม่ถึงวัน เขาก็เป็นห่วงฝั่งทางนั้นแล้ว  เขาอยากรีบกลับญี่ปุ่นเหลือเกิน
   ความกังวลยังคงตามหลอกหลอนชริณจนกระทั่งเวลาที่เขามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ยิ่งเวลาผ่านไปเร็วขึ้นเท่าไร ทั้งสองครอบครัวก็ยิ่งใกล้พบกันมากขึ้นเท่านั้น ไฟล์ทบินจากไทยไปญี่ปุ่นที่ชริณจองไว้ให้พ่อแม่ออกเดินทางประมาณเที่ยงคืน พอไปถึงที่นั่นก็เช้าพอดี คราวนั้นแหละทั้งสองครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที
   
   ฝั่งคุณแม่ลูกสี่คิดว่าจะสามารถรับมือกับลูก ๆ เหมือนอย่างในทุกวัน ตอนสามีไปทำงานได้ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้กำลังคิดผิดถนัด เจ้าจิ้งจอกน้อยกำลังหัวหมุน เพราะมันไม่ใช่อย่างที่คิดและน้องไม่สามารถตอบคำถามขี้สงสัยของลูก ๆ ได้หมด
   “คุงพ่อเมื่อไรจะกลับมาอ่า”
   “นี่มันหายไปนานแล้วนะ คุงแม่”
   “เลาออกไปตามหากันดีไหมคะ”
   “ฮือ...เมื่อไรคุงพ่อจะกลับมา” เสียงเล็ก ๆ ของแก๊งก้อนขนบ่นกันระนาว เมื่อเข้าใจว่าวันนี้เป็นอีกวันที่คุณพ่อจะไปทำงานและกลับบ้านมาตอนห้าโมงเย็นพอดี ทว่ารอจนแล้วจนเล่าก็ไม่ได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าประตูเสียที จนเจ้าหนูน้อยทั้งหลายเริ่มไม่สนใจของเล่น แต่กลับนั่งล้อมวงจ้องหน้าประตูราวกับกดดันให้คุณพ่อรีบกลับบ้านเสียที
   หากวัดความขี้เห่อ แก๊งก้อนขนจะเห่อคุณพ่อมาก ๆ เมื่อเทียบกับแม่ที่เจอกันตลอดเวลาตั้งแต่ตอนตื่นจนถึงตอนเข้านอน แต่คุณพ่อจะมีช่วงเวลาที่ต้องไปทำงาน หายไปจากวงจรชีวิตของลูก ๆ ครู่หนึ่ง ทำให้ทุกครั้งที่พ่อกลับบ้าน อีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายสุดฮอตของลูก ๆ เสมอ แก๊งก้อนขนจะเรียกหาพ่อจนคุณแม่ที่เลี้ยงมาทั้งวันต้องแอบหลบฉากไปก่อน
   “คุงแม่ เมื่อไรคุงพ่อจะกลับมา” ดวงดาวลูกสาวคนสุดท้อง เริ่มส่งเสียงงอแงคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เมื่อไม่เห็นคุณพ่อของเธอกลับบ้านมาเสียที
   “เดี๋ยวคุณพ่อก็มานะ รอก่อน ๆ” ฝั่งแม่เองก็รีบให้คำตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ กลัวว่าเจ้าหนูน้อยจะพากันปล่อยโฮ เพราะหากแก็งเจ้าก้อนขนร้องไห้พร้อมกันทั้งสี่คน คราวนี้ปวดหัวยิ่งกว่าการตอบคำถามไม่รู้ต่อกี่เท่าแน่
   “แล้วจะมาตอนไหนอ่า” ดวงดาวยังคงสงสัยต่อ
   “แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันลูก” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่า
   ไม่ใช่แค่เหล่าลูก ๆ รอคุณพ่อกลับบ้าน แต่เจ้าจิ้งจอกน้อยก็รอสามีกลับบ้านเช่นกัน คุณแม่ลูกสี่รู้สึกจนปัญญาเหลือเกินกับคำถามของลูก ๆ ภาวนาให้แก็งก้อนขนอย่าถามอะไรมากกว่านี้ เพราะเจ้าจิ้งจอกก็ให้คำตอบไม่ได้เหมือนกัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมืองไทยอยู่ไกลจากญี่ปุ่นเราขนาดไหน อีกทั้งก็ลืมถามชาริน ซังจึงไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้
   เพื่อเป็นการตัดปัญหา ไม่ให้ลูก ๆ จดจ่อกับการกลับบ้านของพ่อมากเกินไป เจ้าจิ้งจอกน้อยจึงเลือกที่จะใช้ขวดนมเตรียมส่งให้ลูก ๆ เข้านอนก่อนกำหนดเกือบสองชั่วโมง ภาวนาให้พรุ่งนี้เช้าเจอชาริน ซังพร้อมคุณปู่คุณย่าอยู่หน้าบ้าน น้องจะได้ไม่ต้องคอยตอบคำถามลูก ๆ ของเราอีก
   ชาริน ซังรีบกลับบ้านมานะ ลูก ๆ รออยู่...

   โชคดีที่ไม่ได้เกิดเหตุไม่คาดคิดอะไร อย่างเช่นเครื่องบินดีเลย์ ทำให้ชริณสามารถพาพ่อแม่มาเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่นได้ตรงเวลาตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้
   “อากาศเย็นกว่าที่ไทยนิดหน่อย ระวังด้วยนะครับแม่” ชริณว่าพร้อมกับกำชับผ้าพันคอของมารดาให้เข้าที่เข้าทาง ขณะที่รอให้รถแท็กซี่มาจอดตรงหน้า
   ในตอนนี้อากาศที่ญี่ปุ่นถือว่าเย็นกว่าเมืองไทยเจ็ดถึงแปดองศา ทำให้เขากลัวว่าพวกท่านทั้งสองจะไม่สบายเอาได้
   หลังจากมาถึงสนามบิน ชริณก็เลือกต่อรถแท็กซี่พาพวกท่านมายังบ้านพักใหม่ของตัวเองและครอบครัวทันที โดยปกติหากเขาเดินทางคนเดียว มักจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าและต่อด้วยรถประจำทาง แต่เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ลำบาก เบียดอัดกับผู้คน ทำให้ชริณยอมจ่ายแพงกว่านิดหนึ่ง เพื่อให้พวกท่านสะดวกสบายมากขึ้น
   “บ้านใหม่น่าอยู่ดีนะลูก” แม่ว่า เมื่อรถแท็กซี่มาจอดสนิทที่หน้าบ้านชริณแล้ว
    บ้านหลังใหม่ที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังเก่ามากนัก อยู่โซนเดียวกัน โชคดีที่ชริณสามารถหาบ้านพักหลังใหม่ได้ใหญ่กว่าเดิม แต่ยังคงอยู่แถว ๆ ขอบป่าตามจุดประสงค์ที่วางเอาไว้เพื่อครอบครัวก้อนขนในภายภาคหน้า
   บ้านหลังนี้มันอาจไม่ได้ใหญ่โตจนเหมือนบ้านเศรษฐีร่ำรวย แต่มันก็ใหญ่พอสำหรับสมาชิกสี่ห้าชีวิตที่กำลังเติบโตขึ้นในทุก ๆ วัน
   หากให้เทียบกันแล้ว แม่จะมาเยี่ยมชริณบ่อยกว่าพ่อ พ่อนาน ๆ ทีถึงมาเยี่ยมเขา เนื่องด้วยสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรนักเมื่อเทียบกับแม่ แต่ชริณก็สนิทกับพวกท่านทั้งสอง ไม่มีการรักพ่อมากกว่าหรือรักแม่น้อยกว่า พ่อแม่ของเขาจะคอยสนับสนุนเขาคนละด้าน เขาก็มีท่านเป็นแบบอย่างในการเลี้ยงลูก
   “อา...พ่อแม่เข้าบ้านก่อนนะครับ ข้างนอกอากาศมันหนาวเดี๋ยวไม่สบาย ส่วนทางนี้ผมจะจัดการต่อเองครับ” ชริณว่าเมื่อเห็นว่าเหลือเพียงแค่ขนสัมภาระเข้าบ้าน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจรับผิดชอบขนย้ายสัมภาระเข้าบ้านทั้งหมดเอง ให้พ่อแม่เข้าไปข้างในบ้านก่อนดีกว่า
   เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปไขกุญแจบ้านเปิดให้พวกท่านเข้าไปพักข้างในก่อน เราเดินทางจากประเทศไทยมายังญี่ปุ่นร่วมห้าหกชั่วโมง ทำให้เรามาถึงญี่ปุ่นค่อนข้างเช้าและเวลานี้ครอบครัวก้อนขนคงยังไม่ตื่นแน่ เขาจึงไม่ต้องไปอธิบายอะไรให้มากความ ลูก ๆ ก็ไม่ต้องแตกตื่นกับคนแปลกหน้า เพราะเวลานี้ยังไม่มีใครตื่น
    เขารู้สึกได้เลยว่าพ่อกำลังเงียบจนผิดสังเกต นั่นอาจเพราะกำลังเก็บหลักฐานบางอย่างอยู่ก็ได้ การที่ชริณคบกับใครสักคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ชาย มันเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่สำหรับครอบครัวเรา แม้วันนั้นพ่อบอกว่าจะพยายามเข้าใจ เพราะนั่นคือความสุขของเขา แต่ชริณรู้ดีว่าพ่อเองก็ทำใจยากเหมือนกัน เพราะพ่ออยากอุ้มหลาน
   ก่อนขึ้นเครื่องบินมาที่นี่แม่ก็แอบบีบมือให้กำลังใจเขา ท่านรู้ว่าชริณกำลังเครียดกับเรื่องพวกนี้ แม้เขาจะตัดสินใจบอกเรื่องราวบางส่วนให้พ่อแม่ได้รับรู้และตั้งหลักแล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องยากอยู่ดี
    ชริณรู้ดีว่าแม่เองก็ทำใจลำบากไม่ต่างจากพ่อ เพียงแค่ท่านเลือกที่จะให้กำลังใจเขาด้วยแล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของอนาคต เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรและตอนนี้เขาจะถอยกลับไม่ได้แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดฝั่งแก็งก้อนขนก็ครอบครัวเขาเหมือนกัน ฝั่งพ่อแม่ก็ครอบครัวเขาเช่นกัน

   ฝั่งคุณแม่ลูกสี่ที่เพิ่งหลับไปก่อนฟ้าสางก็ถึงกับลืมตาขึ้นมา นิ่งแล้วฟังเสียงอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้หูฝาดไป
   ชาริน ซังกลับมาได้แล้วเหรอ?
   คราวนี้ไม่ใช่นอนฟังเสียงเพื่อให้ตัวเองแน่ใจเฉย ๆ แต่เจ้าจิ้งจอกน้อยรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วเอาหูไปแนบตรงประตูห้องนอนเพื่อฟังเสียงอีกครั้ง หากอยู่ในร่างจิ้งจอกคงได้เห็นพวงหางสวยสับส่ายไปมาแน่
   พอได้ยินเสียงผู้คนพูดคุยกันข้างนอก น้องก็เริ่มมั่นใจไปแล้วเกินครึ่งว่าหนึ่งในนั้นต้องเป็นสามีน้องแน่ แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อน เพราะสามีน้องเคยสอนว่าหากมีอะไรน่าสงสัยให้ฟังจนแน่ใจเสียก่อน อย่าเพิ่งบุกออกไป มันจะเป็นอันตราย หากเป็นสมาชิกในบ้านค่อยเดินออกไปหาก็ได้
   กลีบปากบางถึงคลี่ยิ้มเมื่อมั่นใจว่าข้างนอกใช่ชาริน ซังสามีคนดีของน้อง แชาริน ซังไม่ได้อยู่ข้างนอกเพียงลำพัง น้องได้ยินเสียงผู้ชาย ผู้หญิงด้วยโทนเสียงที่แตกต่างดังสลับกันไปมาด้วย ซึ่งน้องคิดว่านั่นคงจะเป็นคุณปู่คุณย่าของลูก ๆ
   เอาไงดี...สามีก็อยากเจอ คิดถึงจะตายถ้าน้องจะบุกออกไปหาตอนนี้จะเหมาะสมไหม?
   ตั้งแต่เรามีลูก สร้างครอบครัวด้วยกัน เราก็ตัวติดกันแทบทุกวัน นอนด้วยกันทุกคืน ช่วยกันแบ่งหน้าที่ดูแลเจ้าก้อนขนทั้งสี่ตัว แต่พอสามีหายไปร่วมยี่สิบสี่ชั่วโมง แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไปทำเพื่อเรื่องครอบครัวของเรา แต่อาการความคิดถึงก็ทำงานอย่างเต็มที่อยู่ดี ไม่ใช่แค่ลูก ๆ ที่คิดถึงพ่อ แต่คุณแม่เองก็ไม่ต่างกัน เพียงแค่ว่าต้องทำตัวเข้มแข็งต่อหน้าลูก ๆ ก็เท่านั้น
   เอาน่า....ถึงจะบุกไปกอดอย่างที่ต้องการไม่ได้ ขอแง้มประตูนิด ๆ พอได้เห็นหน้าสามีให้ความคิดถึงมันหยุดทำงานสักนิดก็ยังดี...
   เมื่อคิดได้เช่นนั้นเจ้าจิ้งจอกน้อยก็ถึงกับเลียปากอย่างลุ้นระทึก กลัวว่าคนข้างนอกจะจับได้ด้วย แต่ถึงมันจะมีความเสี่ยงว่าอาจทำให้คนที่อยู่ข้างนอกจับได้ แต่น้องก็เลือกที่จะทำ เพราะคิดถึงชาริน ซังจริง ๆ ขอแค่ได้เห็นหน้าพอให้ได้ชื่นใจก็ยังดี
   หลังคิดได้เช่นนั้น มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดโดยพลัน ก่อนจะค่อย ๆ หมุนอย่างเบาเสียงให้ได้มากที่สุดและค่อย ๆ เปิดมันออกอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงสนทนาของพ่อแม่และตัวชาริน ซัง
    ทุกอย่างควรเป็นอย่างที่น้องคิด ตั้งใจจะขอแง้ม ๆ ดูหน้าสามีสักหน่อยแ ล้วกลับไปนอนรอที่เตียงอย่างว่าง่าย                                                     แต่บานพับประตูดันเกิดอาการฝืดขึ้นมากะทันหัน นั่นทำให้มันส่งเสียงดังลั่นแล้วพ่อแม่รวมถึงตัวชาริน ซังก็หันมามองประตูห้องนอนอย่างไม่ได้นัดหมายทันที
   “....!!”
   ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ร่างกายเหมือนถูกสาปชั่วขณะที่เมื่อทุกคนหันมามองน้องที่กำลังแง้มประตูแอบดู ก่อนที่เจ้าจิ้งจอกน้อยจะได้สติ รีบปิดประตูเสียงดังลั่นแล้วกระโดดหนีขึ้นเตียงไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น
   “ตายแล้ว ๆ เขาจับได้แล้ว ทำไงดี!”
   “ฮือออออออออออออ” เสียงครวญครางของเจ้าจิ้งจอกน้อยดังขึ้นลั่นผ้าห่มพื้นหนา ขาเรียวถีบสะเปะสะปะไปมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ชั่วครู่ น้องก็แค่อยากเห็นหน้าชาริน ซังเอง แต่ทำไมคุณประตูถึงต้องส่งเสียงด้วย ร้อยวันพันปีไม่เคยฝืด ดันมาฝืดจังหวะนี้พอดี พ่อแม่ชาริน ซังจะมองว่าน้องเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นไหม!
   ฝั่งพ่อแม่ของชริณที่เพิ่งเข้ามานั่งพักในบ้านได้ไม่นาน พูดคุยเกี่ยวกับบ้านหลังใหม่ของลูกชายไปได้นิดหน่อย ก็ถึงกับหันมองหน้ากัน หลังประตูห้องนอนของลูกชายเพิ่งถูกปิดไปจากคนในห้อง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้เห็นแค่ตาแป๋ว ๆ ของว่าที่ลูกสะใภ้เพียงครู่เดียวอีกฝ่ายก็รีบปิดประตูห้องเสียแล้ว สงสัยคงจะตกใจ
   “นั่น...เมียแกเหรอ” พ่อถามอย่างอึ้ง ๆ
   “ใช่ครับ...”
   “งั้นก็เข้าไปดูกันก่อนไป เผื่อเขาเป็นอะไร”
   เพราะเห็นว่าคนรักของลูกชายดูมีท่าทีแปลก ๆ จากที่ตั้งใจจะคุยเรื่องส่วนตัวที่ทำให้พ่อแม่ถ่อมาถึงที่นี่ ทำให้คนพ่อเลือกที่จะปล่อยให้ลูกชายเข้าไปดูอาการคนรักก่อน เผื่ออีกฝ่ายจะไม่สบายและตกใจที่เห็นคนแปลกหน้าอยู่ในบ้าน ฝั่งชริณเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขารีบลุกขึ้นเดินไปห้องนอน เพื่อไปดูอาการของเจ้าจิ้งจอกน้อยทันที
   “ฮือออออออออออ มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ” ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยยังคงตีโพยตีพายกับตัวเองอยู่ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เจอกันครั้งแรกพ่อแม่ชาริน ซังก็ต้องประทับใจน้องสิ ไม่ใช่มองว่าน้องเป็นพวกชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน แบบนี้ใครจะอยากให้เป็นคู่ชีวิตของลูกชายตัวเองกัน!
   เสียงเปิดประตูห้องนอนทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยรีบออกมาจากอุโมงค์ผ้าห่มของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเป็นชาริน ซังที่เดินเข้ามาหา เจ้าจิ้งจอกน้อยก็รีบออกจากผ้าห่ม ท่อนแขนเล็กอ้าออกกว้างหวังจะได้รับอ้อมกอดอุ่น  ๆ จากสามีมาปลอบใจ
   “ฮือออ ชาริน ซังช่วยน้องด้วยยยยยย” เจ้าจิ้งจอกน้อยงอแง อุตส่าห์อยากให้พวกท่านประทับใจตั้งแต่แรกเจอ แต่น้องกลับทำมันพังหมดเพียงเพราะอยากเจอหน้าสามีให้ชื่นใจ พัง พัง พัง!
   “เป็นอะไร หืม?” ฝั่งชริณเองก็ไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนอะไรกับเหตุการณ์เมื่อครู่ จึงเอ่ยถามภรรยาด้วยน้ำเสียงใจเย็นแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้าง ๆ กับอีกคน
   “เมื่อกี้พ่อแม่ได้ว่าอะไรไหม”
   “ไม่นี่”
   “ฮือ พวกท่านต้องมองว่าน้องสอดรู้สอดเห็นแน่ ๆ เลย น้องไม่ได้อยากไปฟังตอนชริณคุยธุระกับพวกท่านนะ น้องก็แค่อยากเห็นหน้าชารินเฉย ๆ แต่เจ้าบานพับประตูดันฝืดนี่สิ ฮืออออ” เจ้าจิ้งจอกน้อยโวยวายใหญ่พลางเอาหน้าซุกอกสามีไว้
   “คิดมาก...ไม่มีอะไรหรอก พ่อแม่ไม่มาคิดอะไรแบบนี้หรอก” ชริณถึงกับกลั้วหัวเราะเมื่อรู้ว่าเจ้าจิ้งจอกน้อยกำลังคิดอะไรอยู่ “ว่าแต่เราเถอะเป็นอะไร โดนจับได้แล้วทำไมถึงไม่ออกไปล่ะ”
   “ก็น้องตกใจอะ แต่พ่อแม่ชาริน ซังจะไม่มองว่าน้องเป็นพวกสอดรู้สอดเห็นใช่ไหม” เจ้าจิ้งจอกน้อยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
   “คิดมาก เอาเวลาไปคิดว่าทำยังไงถึงจะให้พ่อแม่ประทับใจดีกว่า”
   “จริงสิ....แต่ตอนนี้น้องขอกอดชาริน ซังก่อนนะ คิดถึ๊งงงงคิดถึง” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่าพลางกระชับอ้อมกอดตัวเอง สูดกลิ่นกายที่ตัวเองชื่นชอบ คุณแม่ยังคิดถึงขนาดนี้ ส่วนลูก ๆ ที่ถามหาพ่อสามเวลาหลังอาหารจะคิดถึงขนาดไหน นี่ว่าถ้าเห็นคุณพ่อกลับบ้านแล้วคงได้ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ดีใจตั้งแต่เช้าตรู่แน่ แต่ตอนนี้คุณแม่ขอกอดคุณพ่อให้หายคิดถึงก่อน ลูก ๆ ค่อยกอดต่อแล้วกัน
   “อะไรกัน ห่างกันไม่ถึงวันเอง” ถึงจะว่าเช่นนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชริณเองก็คิดถึงเจ้าจิ้งจอกเหมือนกัน เป็นห่วงไปหมดเพราะอีกฝ่ายต้องเลี้ยงลูกทั้งสี่ชีวิตเพียงลำพัง พอเห็นแบบนี้เขาก็ชื่นใจแล้ว
   “ก็ไม่เคยห่างกันนี่นา ชาริน ซังรู้ไหมลูก ๆ ของเราบ่นคิดถึงใหญ่เลย”
   “จริงเหรอ ฟังแล้วชื่นใจจัง” เขาถึงกับฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น แค่ได้ยินว่าแก็งก้อนขนถามหาตัวเองเขาก็ดีใจแล้ว หัวใจพองโตแปลก ๆ เพียงเพราะลูกถามหา
   “อื้อ! น้องตอบคำถามลูกไม่ค่อยได้ด้วย เสียใจมาก ๆ เหมือนทำหน้าที่บ้านได้ไม่ดีพอเลย” เจ้าจิ้งจอกทำหน้าสลด รู้สึกแย่นิดหน่อยที่ตอบคำถามของลูก ๆ ไม่ได้ น้องคิดว่าเป็นแม่ที่ดีต้องตอบทุกอย่างที่ลูกอยากรู้ได้ แต่นี่ไม่ค่อยรู้อะไรเลยนอกจากเรื่องในป่า
   “ไม่เห็นต้องเสียใจเลย ขนาดมนุษย์ยังใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่องเสียหน่อย”
   “จริงเหรอ”
   “อืม...การเป็นแม่ที่ดีไม่ได้หมายถึงต้องรู้ทุกเรื่องที่ลูก ๆ สงสัยนะ แค่เป็นห่วงลูกหวังดีโดยไม่หวังผลตอบแทนก็นับว่าเป็นแม่ที่ดีแล้ว” ชริณว่าพลางลูบหัวแม่ของลูก ๆ ด้วยความเอ็นดู ชริณว่าพักหลังมานี้เขาเริ่มหนักแล้ว หมายถึงหลงเจ้าจิ้งจอกหนักเลย ไม่รู้ทำไมถึงเอ็นดูในความคิดของอีกฝ่ายขนาดนี้ ดูเหมือนเจ้าจิ้งจอกจะมุ่งมั่นการเป็นแม่ที่ดีเพื่อนลูก ๆ มาก ๆ ทำให้เขาอดเอ็นดูไม่ได้
   “แล้วตอนนี้น้องเป็นแม่ที่ดีของลูกหรือยังอะ” เจ้าจิ้งจอกน้อยถามสามี
   “แล้วหวังดีกับลูกไหมล่ะ” ชริณย้อนถาม
   “ก็ขอแค่เห็นลูกกินอิ่ม นอนหลับน้องก็สบายใจแล้วนะ แต่ต้องยกเว้นดวงดาวนะ รายอันกินนมน้องเท่าไรก็ไม่อิ่ม กินนมขวดก็ไม่อิ่ม”
   “ฮ่า ๆ” ชริณถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเมื่อคุณแม่ลูกสี่พูดถึงลูกคนสุดท้องที่ดูเหมือนจะเป็นสาวจ้ำม่ำกว่าใคร “งั้นแค่เท่านั้นก็นับว่าเป็นแม่ที่ดีแล้ว”
   ฝั่งเจ้าจิ้งจอกเมื่อได้ยินสามีกล่าวเช่นนั้นก็ถึงกับยิ้ม หัวใจพองโตเหมือนตัวเองได้รับพลังวิเศษ น้องคิดไว้ตั้งแต่ตั้งท้องแล้วว่าหากลูก ๆ คลอดออกมา จะทำหน้าที่เป็นแม่ให้ดีที่สุด ต้องรอลูกโตจนลูกสามารถใช้ชีวิตในสังคมที่โหดร้ายนี้ได้ถึงจะหมดห่วง
   น้องคิดแค่นั้นจริง ๆ เป็น แต่น้องไม่รู้ว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ตัวเองเป็นแม่ที่ดีหรือยังเพราะไม่มีใครคอยบอก แต่พอได้ยินสามีการันตีเช่นนั้น เจ้าจิ้งจอกก็รู้สึกว่าตัวเองทำภารกิจสำเร็จแล้วจริง ๆ อิ่มเอมยิ่งว่าตอนรู้ว่าเผ่าพันธุ์ตัวเองจะไม่สูญหายไปจากโลกนี้แล้วเสียอีก
   “รู้สึกดีขึ้นยัง?” ชริณถาม
   “ดีขึ้นแล้ว ดีใจจังที่ตัวเองเป็นแม่ที่ดี คราวนี้เหมือนน้องได้ทำภารกิจสำเร็จจริง ๆอะ”
   “ก็ดีแล้ว อันไหนตอบลูกไม่ได้ก็ไม่ต้องเครียด โลกนี้ยังมีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกเยอะ” ชริณว่า เอ็นดูคุณแม่มือใหม่จริง ๆ แค่ตอบลูกไม่ได้ก็หน้างอแล้ว “แล้วนี่พร้อมจะเจอพ่อแม่ยัง”
   “น้องอยากแก้มือ แต่พ่อแม่ชาริน ซังไม่ดุจริง ๆ นะ”
   “เขาไม่กล้าดุเราหรอก งั้นก็ออกไปด้วยกันเลยไหม”
   “งั้นชาริน ซังรอน้องก่อน น้องขอเวลาห้านาที” เจ้าจิ้งจอกน้อยว่าก่อนจะผละออกจากร่างกาย วิ่งแจ้นเข้าห้องน้ำส่วนตัวเพื่อไปแปรงฟัน ล้างหน้า เพื่อที่จะได้เจอกับพ่อแม่สามีอย่างเป็นทางการเสียที ไหน ๆ ก็พลาดไปแล้ว งั้นน้องขอแก้มือแล้วกัน!
   หลังจากแปรงฟัน ล้างหน้าเสร็จ เจ้าจิ้งจอกน้อยก็มาเช็กสภาพตัวเองหน้ากระจกแต่งตัวเพื่อให้มั่นใจ โดยที่มีสามีนั่งรออยู่ในห้องเตรียมจะออกไปพร้อมกัน จริง ๆ น้องก็ใส่ชุดอยู่บ้านปกติ ไม่ได้ใส่ชุดพิเศษอะไร แต่ก็อยากเช็กให้มั่นใจเสียก่อน ดวงตากลมโตกวาดตามองตัวเองผ่านกระจกเงา ขณะเดียวกัน กลีบปากบางก็ขยันท่องบทแนะนำตัวเป็นภาษาไทยไปด้วย
   “พร้อมยัง”
   “พร้อมแล้ว” เจ้าจิ้งจอกน้อยยืนยันกับสามีพลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อุตส่าห์เตรียมตัวมาตั้งหลายวัน น้องจะทำตัวให้ดีที่สุด คุณพ่อคุณแม่ของชาริน ซังจะได้รัก ได้เอ็นดูน้องแล้ว
   เมื่อชริณได้ยินเช่นนั้น เขาบีบมือเจ้าจิ้งจอกเพื่อเป็นกำลังใจให้ทั้งเจ้าจิ้งจอกและตัวเขาเอง ภาวนาให้วันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จะได้หมดห่วงเสียที แต่ทว่าทันทีที่เปิดประตูออกไปแทนที่จะได้เห็นพ่อแม่นั่งรออยู่บนโซฟาเหมือนอย่างที่คิด แต่เราสองคนกับพบเพียงโซฟาที่วางเปล่าพร้อมกระเป๋าสัมภาระ ก่อนจะได้ยินเสียงพ่อแม่ดังออกมาจากห้องนอนของแก็งก้อนขน!
   “อุ้ม ๆ อุ้มโหน่ยยยย”
   “อุ้มผมด้วยค้าบบบบ”
   “ฮ—ฮึก คิดถึงคุงพ่อ”
   “ฮืออออ เมื่อไรหนูจะได้กินนม” เสียงงอแงของแก็งก้อนขนทำให้พ่อแม่ตัวจริงรีบวิ่งเข้าไปดู ทั้งคู่ต่างตกใจเมื่อเห็นว่าที่คุณปู่คุณย่าของเด็ก ๆ แทนที่จะนั่งอยู่โซฟา กลับกำลังคลุกคลีกับแก็งเจ้าก้อนขนที่เพิ่งตื่น ลูกบางคนถือวิสาสะจะปีนขึ้นหัวคุณปู่ด้วยซ้ำ ทำเอาคุณแม่จิ้งจอกแทบเป็นลม
   “อาทิตย์ ไม่เอานะลูก” เมื่อเห็นท่าไม่ดี ลูกชายกำลังลามปามเจ้าจิ้งจอกน้อยก็รีบเข้าไปอุ้มอาทิตย์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังจะปีนขึ้นหัวคุณปู่ออกทันที พอ ๆ กับชริณก็รีบเข้าไปอุ้มสายรุ้ง ลูกสาวคนโตที่กำลังเตรียมร้องไห้โฮมากอดแนบอกเอาไว้    
   “โอ๋ ๆ พ่ออยู่นี่แล้วนะคะ” สถานการณ์ยิ่งโกลาหลอยู่แล้ว พอคุณพ่อสุดที่รักปรากฏตัว เด็ก ๆ ที่กำลังเห่อกับคนแปลกหน้าอย่างปู่ย่า ก็รีบปล่อยทุกอย่างพยายามทั้งคลานทั้งเดินมาหาคุณพ่อสุดที่รักที่กำลังปลอบลูกสาวคนโตอยู่
   “คุงพ่ออออกอดหนูด้วย”
   “ฮ—ฮึก คุงพ่อกลับบ้านแล้ว”
   “คิดถึงคุงพ่อจางงงง” เด็ก ๆ รีบมารุมมาตุ้มคุณพ่อ ทำเอาชริณที่กำลังปลอบหนูสายรุ้งอยู่ ต้องนั่งลงก่อน เพื่อที่จะได้กอดลูก ๆ ทุกคน    
   “พ่อกลับมาแล้ว ไม่ร้องไห้นะลูก” ชริณว่าพลางใช้นิ้วเช็ดน้ำตาสมาชิกแก็งก้อนขนหนึ่งในสี่ออก รู้แล้วว่าลูก ๆ คิดถึงเขาจริง ๆ มันเป็นความวุ่นวายแต่กลับทำให้เขายิ้ม ฝั่งพ่อแม่ชริณก็มองภาพเด็ก ๆ ทั้งสี่วิ่งเข้าหาชริณด้วยความแปลกใจ เพิ่งจะเคยเห็นสายตาอ่อนโยนของชริณเวลามองเด็ก ๆ ที่ไม่ใช่ลูกตัวเองก็วันนี้
   เป็นแค่ลูกติดของแฟนลูกชายจริง ๆ เหรอ? คำถามนี้เกิดขึ้นในใจของคนพ่อผู้ซึ่งจะเป็นว่าที่คุณปู่ของแก็งเด็กทั้งสี่คนนี้....

หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.16 (2/2) (15.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 15-08-2018 18:20:27




          “ส—สาหวัดดีคั้บคูนพ่อ คูนแม่ โผมชื่อโอโต้โตะคั้บ ยินดีที่ด้ายลู้จักนะคั้บ”  (**น้องชาย 弟 โอ-โต้-โตะ)ภาษาไทยแปร่ง ๆ ถูกเปล่งออกมาอย่างประหม่า เมื่อประโยคแนะนำตัวเป็นภาษาไทยที่ฝึกซ้อมมาหลายวันกำลังถูกใช้ในสถานการณ์จริงต่อหน้าพ่อแม่ของชาริน ซัง ก่อนจะก้มลงไหว้ตามที่ฝึกฝนมาหลายวัน
   เจ้าจิ้งจอกน้อยรู้สึกได้เลยว่าตัวเองประหม่า น้องใจเต้นแรง เสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด ในเวลานี้ลูก ๆ สองคนอย่างหนูดวงดาวและตะวันกำลังซื้อใจคุณปู่คุณย่าโดยการกระโดดขึ้นตัก มือเล็ก ๆ คว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนของคุณปู่คุณย่ากันตก ขณะเดียวกันก็เล่นกับนิ้วท่านไปด้วย พยายามอ้อนเหมือนอ้อนคนพ่อยามกลับจากบริษัท ดูแล้วเข้ากันยังไงไม่รู้
   ส่วนดวงจันทร์และสายรุ้งคุณพ่อก็เป็นคนรับมือเอง เจ้าจิ้งจอกน้อยค่อนข้างประหม่า ทุกอย่างดูติดขัดไปหมด แม้น้องจะทำใจ เตรียมพร้อมมาหลายวันแล้ว แต่พออยู่ในสถานการณ์จริง ทุกอย่างที่ตั้งใจจะทำนอกจากการแนะนำตัว น้องก็ลืมหมดเลย ยังดีที่ไม่ลืมการไหว้ ไม่เสียแรงที่ซ้อมมาหลายวัน
   ฝั่งพ่อแม่ของชาริน ซังสบตากันครู่กัน ก่อนจะพูดคุยกับชาริน ซังเป็นภาษาไทย ซึ่งคนน้องได้แต่เอียงคอฟังด้วยความสงสัย เพราะฟังไม่ออก ได้แต่อาศัยฟังน้ำเสียงและท่าทางเท่านั้น
   “แกสอนเขาพูดเหรอ” พ่อถามชริณ
   “เปล่านะครับ อันนี้เขาเป็นคนสอนให้ผมพาพูดเองนะครับ ผมไม่ได้บังคับให้พูด” ชริณรีบปฏิเสธ กลัวว่าพ่อแม่จะเข้าใจผิดว่าเขาบังคับให้น้องจิ้งจอกพูด เพื่อที่จะเอาใจท่านทั้งสองซึ่งมันไม่ใช่เลย เพราะเจ้าจิ้งจอกสมัครใจเองทั้งนั้น เขาก็แค่มีหน้าที่สอนในสิ่งที่เจ้าจิ้งจอกอยากรู้เท่านั้น
   บรรยากาศที่ชริณคาดการณ์ไว้ว่ามันจะต้องกดดันแน่ ๆ พ่อแม่อาจซักไซ้เจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างหนัก โดยที่ใช้เขาเป็นสื่อกลางในด้านภาษาดูนุ่มนวลกว่าที่คิด อาจเพราะมีเด็ก ๆ คอยเป็นกาวเชื่อมให้ทุกอย่างมันดูไม่รุนแรง อีกทั้งพ่อแม่ของชริณก็พยายามเล่นกับเจ้าตัวแสบกันด้วย ไม่ได้พุ่งความสนใจไปหาเจ้าจิ้งจอกน้อยอย่างเดียว
   แม่ดูมีท่าทีผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด พยายามเล่นกับหลานที่นั่งอยู่บนตักซึ่งเจ้าตัวเล็กก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนพ่อของชริณก็มีท่าทีอ่อนลง แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าพึงพอใจกับเจ้าจิ้งจอก
   ไม่รู้ว่าในจินตนาการของพ่อแม่ก่อนจะมาที่ญี่ปุ่นมองเจ้าจิ้งจอกน้อยเป็นแบบไหน แต่ชริณอยากบอกว่าจริง ๆ แล้วเจ้าจิ้งจอกไม่มีอะไรชวนให้มองเป็นคนเลวร้ายเลย ขอเพียงแค่พ่อแม่ลองเปิดใจ มองข้ามสิ่งที่เจ้าจิ้งจอกเป็นก็เท่านั้นเอง
   ชริณรู้สึกว่าเขาไม่ได้คิดไปเอง เขาสังเกตท่าทางอ่อนโยนของพ่อแม่ยามเล่นกับแก็งก้อนขน ดูเหมือนบรรดาลูก ๆ ของเขากำลังซื้อใจคุณปู่คุณย่าอยู่และดูเหมือนจะซื้อใจสำเร็จด้วย
   “แล้วนี่ลูกติดเขาทั้งสี่คนเลยเหรอ” แม่ถามบ้าง คราวนี้ชริณถึงกับอ้ำอึ้งคล้ายคนน้ำท่วมปากไปไม่ถูก ไม่อยากจะโกหกและก็ไม่กล้าโกหกต่อหน้าพ่อแม่ด้วย แต่จะให้ปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกติดของเจ้าจิ้งจอกก็ไม่ได้อีก เพราะเขาได้อธิบายเรื่องนี้ผ่านโทรศัพท์กับพ่อไปแล้ว พ่อก็คงจำได้แม่น
   “ก—ก็ไม่เชิงหรอกครับ”
   “ไม่เชิง? ตอบอะไรกำกวมแบบนั้นลูก ตอบว่าใช่ไม่ใช่ก็แค่นั้นเองจะไม่เชิงได้ยังไง” เมื่อได้ยินคำตอบของลูกชาย คนเป็นแม่ก็ถึงกับทำหน้างง ไม่เข้าใจทำไมชริณถึงตอบแบบไม่มั่นใจทั้ง ๆ ที่คำตอบมันก็มีอยู่แค่สองทางว่าใช่หรือไม่ใช่
   “เขาเป็นพ่อม่ายลูกติดสี่คนแล้วมารักกับเราจนสร้างครอบครัวด้วยกัน แม่เข้าใจถูกไหม?” แม้ความสัมพันธ์ของคนสมัยจะดูยุ่งเหยิงจนคนรุ่นเก่าตามไม่ค่อยทัน แต่คนเป็นแม่ก็พยายามเข้าใจความสัมพันธ์ของลูก อย่างน้อยก็น่าจะช่วยพูดคุยกับสามีได้ในระดับหนึ่ง
   “แต่แปลก...ทำไมพ่อถึงรู้สึกว่าลูกติดเขาหน้าคล้ายแก” ฝั่งคนพ่อพูดขึ้นมาบ้าง ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอสังเกตดี ๆ กลับรู้สึกคล้ายจนนึกว่านี่คือการหลานแท้ ๆ ของตัวเอง ไม่ใช่ลูกเลี้ยงแต่อย่างใด
   “ความบังเอิญมั้งคะคุณ แหมพูดจาอะไรก็ไม่รู้ ลูกหน้าเครียดแล้วเห็นไหม” ท้ายประโยคว่าที่คุณย่าของเด็ก ๆ ก็หันไปเอ็ดสามี ไม่สังเกตหรือไงว่าตอนนี้ชริณกดดันจนยิ้มไม่ออกแล้ว หลังจากเอ็ดสามีเสร็จ ก็หันมาคุยกับลูกชายต่อเพื่อไม่ใช่บรรยากาศแย่ลงกว่านี้
   “แล้วนี่ลูกกับเขาคบหากันมานานหรือยัง?”
   “ประมาณสองปีแล้วครับ”
   “อืม ก็ไม่เร็วเกินไปนะ เฮ้อ....ชริณจริง ๆ พ่อแม่ก็ไม่อยากจะมาคุยเรื่องนี้หรอกนะ ลูกเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว” แม่ว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปัญหามันอยู่ที่ว่าคนเป็นพ่อแม่อยากอุ้มหลาน แต่ลูกชายคนเดียวกลับคบกับผู้ชายเดียวกัน พ่อแม่ก็เลยรู้สึกผิดหวังก็เท่านั้น
   คนเป็นแม่น่ะไม่เท่าไร ไม่ว่าลูกจะเลือกอะไรยังไงก็ต้องเข้าข้างลูกอยู่แล้ว แต่คนพ่อนี่สิ....ถึงแม้จะเป็นคนบอกว่าจะพยายามเข้าใจ เพราะนั่นคือความสุขของลูก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่ชริณเปิดตัวกับครอบครัวว่ากำลังคบหากับพ่อม่ายลูกสี่ มันส่งผลกระทบทางด้านจิตใจอยู่พอสมควร เพราะพ่อของชริณอยากอุ้มหลานมาก....พอเจอแบบนี้ก็เลยผิดหวังมากเช่นกัน
   “ชริณของแม่ก็โตพอที่จะแยกแยะได้แล้ว แม่ไม่เป็นห่วงหรอก แม่เชื่อว่าลูกรู้ว่าทุกคนที่เข้ามาในชีวิตคนไหนเป็นยังไง แม่คิดว่าลูกคิดดีแล้วที่จะสร้างครอบครัวกับเขา...” ท้ายประโยคว่าที่คุณย่าของเด็ก ๆ ก็เลื่อนสายตามามองคนรักของลูก
   แม้เพิ่งเคยเห็นหน้ากันครั้งแรก อาศัยได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายผ่านบอกเล่าจากปากสามี แต่เธอเชื่อว่าลูกชายคิดดีแล้วว่าจะสร้างครอบครัวกับผู้ชายตัวเล็กคนนี้
   “....ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เอาเป็นว่าแม่ไม่มีปัญหาแล้วกัน แต่ถ้าลูกมีปัญหาก็ขอให้ลูกอย่าลืมว่ามีพ่อแม่คอยให้คำปรึกษาอยู่” คำพูดของแม่ทำเอาชริณถึงกับหัวใจพองโต เหมือนเขาผ่านอุปสรรคมาได้ครึ่งทางแล้ว คราวนี้เหลือพ่อที่ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคที่ยากที่สุด
    วูบหนึ่งในความคิดชริณคิดอยากบอกความจริง ว่าแก็งก้อนขนที่กำลังนั่งตักของว่าที่คุณปู่คุณย่าเป็นหลาน ๆ ที่แท้จริง ไม่ใช่ลูกเลี้ยงของเขาแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นชริณก็ต้องยั้งปาก คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน เพราะถึงแม้จะบอกว่าว่าแก็งก้อนขนเป็นหลานของพวกท่านจริง ๆ ก็ใช่ว่าปัญหาทุกอย่างจะจบลงด้วยดี
   เมื่อว่าที่คุณย่าของเด็ก ๆ ให้ไฟเขียวอย่างว่าง่ายแล้ว คราวนี้ความกดดันก็ตกมาอยู่ที่คุณพ่อของชริณเพียงผู้เดียว ทุกสายตาจับจ้องไปยังประมุขของบ้านอย่างลุ้นระทึก ยกเว้นเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกับนิ้วหนาของว่าที่คุณปู่คุณย่าอย่างเพลิดเพลิน
   เจ้าจิ้งจอกน้อยที่ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องก็อาศัยฟังน้ำเสียงและท่าทางของคุณแม่และตัวของชาริน ซังเอา พอเห็นรอยยิ้มบาง ๆ อย่างสามีหลังจากทั้งคู่สนทนาจบ น้องจึงพอเดาได้ว่าคำตอบออกมาในรูปแบบไหน
   “ชริณ....”
   “ครับ” ชายหนุ่มขานรับคนพ่อในทันที
   “พ่อขอเวลาหน่อย.... พ่อผิดเองที่เคยพูดว่าจะพยายามเข้าใจความสุขของลูก แต่ชริณรู้ใช่ไหมว่าพ่ออยากมีหลานมาก....มันเลยเป็นเรื่องยากสำหรับพ่อ” พ่อของชริณเอ่ยขอเวลาด้วยน้ำเสียงลำบากใจ สำหรับคนใกล้เกษียณและอยากอุ้มหลานเต็มแก่ แต่ต้องก็พบกับความผิดหวังในช่วงเกือบบั้นปลายชีวิตมันเป็นเรื่องยากเกินไป
   ไม่ได้ต้องการให้ลูกเลิกรากับผู้ชายคนนี้แล้วไปแต่งงานกับผู้หญิงเพื่อมีหลานให้ตัวเอง แต่เขาก็แค่ขอเวลาที่จะยอมรับความจริงนี้ ปล่อยให้เวลาเป็นตัวเยียวยาให้ความผิดหวังนี้จางหายไป จนวันนั้นเขาคงจะยอมรับคนรักของลูกและว่าที่หลาน ๆ เป็นคนในครอบครัวอย่างเต็มใจ
   “ครับ” เมื่อพ่อเอ่ยขอเวลาเช่นนั้น ชริณจึงไม่สามารถขอคำตอบเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากจะให้เวลาพ่อตามที่อีกฝ่ายร้องขอ ชริณไม่อยากให้พ่อผิดหวัง เขาเสียใจที่ไม่สามารถเล่าความจริงทุกอย่างให้พ่อแม่ฟังได้
   หากเผ่าพันธุ์ของเจ้าจิ้งจอกน้อยเป็นความลับต้องสาป ใครรับรู้และไม่รักษาความลับจะต้องตาย งั้นเขาขอให้พ่อแม่เข้าใจผิดอย่างนั้นน่าจะดีกว่า
   หลังจากที่พ่อให้คำตอบอย่างชัดเจนว่าขอเวลาทำใจก่อน เราจึงไม่พูดคุยเรื่องนี้อีก ถือว่าพวกท่านรับรู้ว่าชริณกำลังสร้างครอบครัวกับเจ้าจิ้งจอก พ่อแม่ชริณดูคลายกังวลเมื่อครอบครัวเราไม่ได้พูดคุยเรื่องซีเรียสกันอีกแล้ว แม่เองก็ดูเหมือนจะให้ความเอ็นดูต่อเจ้าจิ้งจอกอยู่ไม่น้อย แม้ทั้งคู่จะพูดคุยต่างภาษากัน แต่ก็พยายามใช้ภาษามือเพื่อพูดคุยกันอยู่ตลอด ไม่ใช่ปล่อยให้ฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งเข้าหา
   ชริณยิ่งดีใจที่ได้เห็นแม่และเจ้าจิ้งจอกพยายามเข้าหากัน แม้จะมีอุปสรรคทางด้านภาษา แต่วินาทีนี้เขากลับมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก
   สิ่งที่ทั้งคู่กำลังทำ ยิ่งตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกสะใภ้กับแม่สามีเข้ากันได้ดี แม่เองเอ็นดูเจ้าจิ้งจอกน้อยไม่ต่างกับเขา เอ็นดู...จนถึงขั้นจะสอนทำอาหารโปรดซึ่งเป็นอาหารไทยให้เจ้าจิ้งจอกใช้มัดใจเขาด้วยซ้ำ
   เพราะแม่จะลงทุนเข้าครัวเพื่อโชว์ฝีมือและสอนทำอาหารไทยลูกสะใภ้ป้ายแดง จึงชักชวนเขาและเจ้าจิ้งจอกพาไปห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านด้วยกัน ปล่อยให้พ่ออยู่บ้านเพียงลำพังครู่หนึ่งกับเจ้าแก็งก้อนขนที่กำลังนอนกลางวันอยู่
   ตอนแรกชริณว่าจะไม่ไป เพราะกลัวว่าหากเจ้าแก็งก้อนขนตื่นขึ้นมา พ่อของเขาจะรับมือไม่ไหว แต่พอพ่อออกปากว่าสามารถดูแลได้ ชริณจึงขอฝากบ้านและลูก ๆ ไว้กับพ่อครู่หนึ่ง เพื่อพาแม่และภรรยาไปซื้อของทำอาหารกันเย็นนี้
   หลังจากลูกชาย ลูกสะใภ้และภรรยาพากันออกไปข้างนอกเพื่อหาซื้อวัตถุดิบแล้ว คนเป็นประมุขของบ้านก็ถึงกับถอนหายใจออกมา นึกว่าจะไม่มีโอกาสได้ตรวจหาความจริงด้วยตนเองเสียแล้ว
   หลังมั่นใจว่าสามชีวิตนั่นออกไปข้างนอกแล้วจริง ๆ พ่อของชริณก็ค่อย ๆ เดินกลับไปหยิบสมุดบันทึกในลิ้นชักห้องลูกชายตัวดีออกมาสืบหาความจริง
   ถึงแม้เรื่องราวของครอบครัวลูกชายและพ่อม่ายลูกติดสี่คนจะดูเหมือนเข้าใจง่าย จนภรรยาเขาเออออตามนั้น ลูกชอบใคร แม่ก็ชอบก็รักด้วย แต่ดูเหมือนไม่ใช่กับคนพ่อ... เขาไม่ได้เกลียดที่ลูกชายชอบเพศเดียวกัน ไม่ได้รังเกียจพ่อม่ายลูกสี่หน้าตาน่ารักนั่นด้วย ที่แต่ต้องขอเวลาก็เพราะอยากพิสูจน์ความจริงอะไรบางอย่างให้แน่ใจก่อนว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจริง ๆ
   มือที่เหี่ยวย่นตามช่วงวัย ค่อย ๆ เปิดดูสมุดบันทึกของลูกชายด้วยอาการใจเต้นแรง เพราะกลัวว่าจะเป็นอย่างที่ตนเองคิดไว้จริง ๆ
   พ่อของชริณอดคิดไปไม่ได้ว่าหากมันเป็นอย่างที่ตัวเองคาดการณ์ไว้ เขาจะทำอย่างไรต่อไปดี แล้วถ้าหากมันเป็นเรื่องจริง นี่คือสิ่งที่น่าเหลือเชื่อใช่ไหม สอนวิทยาศาสตร์ให้กับเด็กมาเกือบทั้งชีวิตความเป็นครู ต้องแพ้ให้กับสิ่งที่วิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้จริง ๆ เหรอ
   ดวงตาคมอ่านทุกตัวหนังสือที่ถูกเขียนไว้ในสมุดบันทึกแต่ละหน้า แค่เห็นตัวหนังสือแว็บเดียว มั่นใจเสียยิ่งกว่าใครว่านี่แหละ คือสมุดบันทึกของชริณ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองที่เขาเป็นคนฝึกฝนให้อีกฝ่ายอ่านออกเขียนได้ตั้งแต่แบเบาะแน่
   ข้างในสมุดบันทึกความลับของลูกชาย ระบุวิวัฒนาการพร้อมกับรูปถ่ายประกอบของลูกชายทั้งสี่ของคนรัก มันจะไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หากพ่อของชริณไปอ่านเจอพัฒนาการเด็ก ๆ ที่ไม่มีลูกมนุษย์ทั่วไป ไหนจะลูกชายของเขาเรียกเด็กสี่คนเหล่านั้นว่าแก็งก้อนขนอีก
   ทั้งอย่างดูยุ่เหยิงจะจนก้อนไหมพรมที่ม้วนไม่เป็นเส้น จากที่เหมือนจะเข้าใจอะไรง่าย ๆ หลังจากการสมุดบันทึกสำคัญกลับไม่ใช่เลย ยิ่งทำให้คนเป็นพ่อรู้สึกสับสนไปหมด เพราะในสมุดบันทึกมีทั้งภาพเด็กทารก สลับกับภาพลูกหมาจิ้งจอกแดงเรียงสลับกันไปมา ในจำนวนที่เท่า ๆ กัน ทำเอาคิ้วเข้มถึงกับขมวด
   “นี่มันคืออะไร...” นั่นไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เป็นประโยคอุทานกับตัวเอง ก่อนที่พ่อของชริณแทบหยุดหายใจ เมื่ออ่านเจอประโยคสุดท้ายของสมุดที่ยังจดบันทึกไม่เสร็จและกำลังรอให้เจ้าของสมุดแต่งแต้มเรื่องราวลงสมุดนี้ต่อ ๆ ไป
   ‘สิ้นสุดการรอคอย6เดือน.... แก็งก้อนขนของคุณพ่อจะได้เป็นคนแล้ว’
   
   “พ่อครับ กลับมาแล้วครับ” หลังจากพาเจ้าจิ้งจอกน้อยและคุณแม่ไปซื้อวัตถุดิบตามที่ต้องการ เราก็กลับมาบ้านในทันที ชริณสอดส่องสายตาหาผู้เป็นพ่อ  ก่อนจะแวะเข้าไปดูแก็งก้อนขนก่อน เผื่อบรรดาลูก ๆ จะตื่นหลังจากนอนกลางวันแล้ว แต่ทั้งสี่คนก็ยังหลับปุ๋ยอยู่
   “พ่อครับ” ชริณเอ่ยปากถามหาพ่ออีกครั้ง ก่อนจะมองเห็นแผ่นหลังของผู้เป็นพ่อที่กำลังยืนอยู่ตรงระเบียง มองดูทิวทัศน์ของประเทศญี่ปุ่นอย่างใช้ความคิด
   “ออกไปดูวิวข้างนอก โดยไม่ใส่เสื้อหนา ๆ แบบนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบายเอานะครับพ่อ” ชริณว่าก่อนจะยืนข้างพ่อตัวเอง โดยอีกฝ่ายกำลังยืนเอามือซุกกระเป๋ากางเกงตัวเองเอาไว้
    ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อของเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ชริณก็ยังอยากยืนอยู่ข้าง ๆ พ่อ เผื่ออีกฝ่ายอยากจะถามอะไร ลุก ๆ เขาเองก็มั่นใจด้วยว่าสิ่งที่พ่อกำลังคิดอยู่ตอนนี้คงเป็นเรื่องครอบครัวของเขา มันคงจะดี หากเราใช้ช่วงเวลานี้พูดคุยกันแบบพ่อลูก เผื่อเขาจะช่วยให้พ่อทำใจได้ง่ายขึ้น ส่วนหน้าที่ในครัวก็ปล่อยให้คุณแม่และลูกสะใภ้จัดการกันเองดีกว่า เข้าไปเขาก็คงเกะกะเปล่า ๆ
   ยิ่งชริณเห็นพ่อหนักใจมากขึ้นเท่าไร เขาก็ยิ่งอยากบอกความจริงเกี่ยวกับลูก ๆ หลาน ๆ ของพ่อมากขึ้นเท่านั้น เพราะเขาไม่ได้อยากโกหก อยากมีความลับกับครอบครัวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่สถานการณ์บีบบังคับ ทำให้ชริณต้องทำเช่นนั้น
   ชริณไม่อยากให้พ่อแม่กับตาย หากต้องรู้ความลับของเจ้าจิ้งจอกแล้วเผลอพูดให้ใครฟัง... มันเสี่ยงเกินไปที่จะต้องดึงพ่อแม่เข้ามารู้เรื่องนี้ ขนาดชริณเองตอนแรก ๆ ที่รู้ความลับของเจ้าจิ้งจอก เขายังหนักใจเลยแล้วพ่อแม่ของเขาที่จะต้องรู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวกำลังสร้างครอบครัวกับสิ่งมีชีวิตไม่เชิงเรียกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ มันเป็นเรื่องใหญ่เกินจะเก็บไว้
   ไหนจะเรื่องที่พ่อแม่ของเขาจะเก็บความลับนี้ไว้ได้หรือเปล่านั่นอีก...
   “ชริณมีอะไรจะพูดกับพ่อไหม” จู่ ๆ พ่อก็พูดคำถามนี้ขึ้นมา
   “ครับ?”
   “พ่อคิดว่าเราคงมีบางอย่างอยากพูดกับพ่อ”
   “.....”
   “หรือเพราะพ่อรู้สึกไปเองนะ?” พ่อชริณถามหน้ายิ้มเหมือนไม่ได้จริงจัง แต่นั่นกลับทำให้ฝั่งคนลูกถึงกับหน้าถอดสี อาการน้ำท่วมปาก อึกอักลังเลว่าควรสารภาพความลับตัวเองออกมาดีไหม กลับมาเยือนเขาอีกครั้ง เมื่ออยู่กับพ่อเพียงสองคน
   แม้จะไม่ได้มีบรรยากาศกดดันอะไรเข้ามาเป็นฉากประกอบ แต่ชริณกลับรู้สึกว่าเขาพร้อมจะคายความลับออกมาได้ทุกเมื่อ ก้อนความรู้สึกผิดกำลังลุกลามอย่างเรื่อย ๆ จนเขาไม่สามารถปั้นหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรได้อีกแล้ว
   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ พ่อไม่ได้คาดคั้นเราสักหน่อยเจ้าลูกชาย พ่อก็แค่สงสัย” ฝั่งพ่อของชริณเองก็ตบบ่าลูกคนเดียวอย่างให้กำลังใจ ดวงตาที่เหี่ยวย่นไปตามวัยมองลูกชายที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวยังเล็ก ๆ ด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ความสัมพันธ์พ่อลูกที่ไม่เคยมีความลับต่อกัน ตอนนี้กำลังมีกำแพงที่มองไม่เห็น?
   “พ่อครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพ...” ไม่รู้ว่าวินาทีนั้นชริณกำลังคิดอะไรอยู่ แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะพูดบางอย่างออกมา อย่างน้อยให้พ่อได้รับรู้ความจริงสักเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี ก้อนความผิดของเขาจะได้น้อยลง ชริณจะได้รู้สึกผิดน้อยลงกว่านี้สักนิด
   “.....”
   “ผมขอโทษครับที่ผมโกหกพ่อ....ความจริงแล้วเด็กทั้งสี่คนไม่ใช่ลูกติดแฟนผมอะไรทั้งนั้น แต่เป็นลูกแท้ ๆ ที่เกิดจากเขาและผมเอง”
   “.....” พ่อของชริณถึงกับชะงักไป หลังจากฟังความจริงจากปากลูก ทั้ง ๆ ที่นั่นเป็นการเกริ่นนำความจริงเท่านั้นเอง
    แม้จะทำใจไว้แล้ว เตรียมรับทุกสถานการณ์ความจริงที่เกิดขึ้น หลังจากได้รู้ความจริงแบบงงเพราะสมุดความลับนั่น แต่พอได้ยินลูกชายออกปาก เอ่ยสารภาพอีกทีก็อดใจหวั่นใจไม่ได้
   รู้สึกกลัวความจริงที่ต้องรู้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น....
   “แต่ผู้ชายกับผู้ชาย...”
   “ครับ น้องไม่เหมือนใคร” ชริณว่า เข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจยากสำหรับคนเป็นพ่อ ลำพังแค่ความรักเพศเดียวกัน พ่อเขาก็ทำใจไม่ค่อยได้แล้ว ยิ่งมารู้ว่าสามารถท้องได้อีก มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะต้องเข้าใจเรื่องแบบนี้
   “งั้นรวมถึงลูกแกด้วยหรือเปล่าที่ไม่เหมือนใคร”
   “พ่อรู้เหรอครับ” คราวนี้คำพูดของพ่อกลับทำให้ชริณชะงักแทน เขาสบตาพ่ออย่างตั้งคำถาม อึ้ง ๆ ปนระแวงกลัวว่าพ่อของเขาจะไปพบอะไรบางอย่าง ระหว่างที่ชริณไม่อยู่บ้าน
   “ฉันจะไม่ถามว่าเป็นตัวอะไร ทำไมถึงเป็นมนุษย์ ทำไมถึงเป็นจิ้งจอกได้ เพราะถ้าแกอยากบอก แกก็คงบอกฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ปล่อยไว้จนถึงตอนนี้หรอก....”
   “.....”
   “มันเป็นเรื่องยากใช่ไหมชริณ พ่อรู้...พ่อเชื่อว่าแกโตพอที่จะตัดสินใจอะไรเองได้แล้ว แต่พ่อขออย่างเดียวคือเราอย่ามีความลับต่อได้ไหม” พ่อของชริณว่าพร้อมกับสบตาลูกชายตัวดี “มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าสิ่งประหลาดเกิดขึ้นบนโลกนี้ แต่ถ้ามันเป็นไปแล้ว เด็กทั้งสี่คนเป็นลูกของแกจริง ๆ”
   “.....”
   “พ่อก็ขอเวลาทำใจก่อน คราวนี้พ่อดีใจนะที่รู้ว่าตัวเองกำลังมีหลานถึงสี่คน แม้ว่าเขาจะเป็นแบบนั้นก็เถอะ แต่สักวันพ่อเชื่อว่าตัวเองจะทำใจยอมรับแฟนแกเป็นลูกสะใภ้อย่างสนิทใจได้ เพราะต่อให้เขาจะไม่เหมือนใคร... แต่แกก็เลือกที่จะใช้ชีวิตกับเขาเหมือนเดิม”
   “.....”
   “เขาก็คงดีพอตัวใช่ไหมล่ะ แกถึงเลือกที่จะมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไป”
   “ครับ เขาคอยช่วยเหลือ คอยยืนอยู่ผมตลอด” ชริณก้มหน้าลง เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อพ่อหลุดหัวเราะและลูบหัวเพื่อปลอบโยน
   “แน่สิ....พ่อคงไม่คิดว่าแกจะเลือกใครเพียงเพราะเขาหน้าตาน่ารักอย่างเดียวหรอก”
   “ถึงเขาจะไม่เหมือนใคร แต่พ่อก็ช่วยให้ความรักเขาเหมือนที่มอบให้กับผมด้วยนะครับ คิดเสียว่าเขาเป็นลูกชายของพ่ออีกคนเถอะนะครับ” นั่นเป็นสิ่งเดียวที่ชริณอยากจะขอพ่อ
   “วางใจเถอะ นั่นคือสิ่งที่พ่อต้องทำอยู่แล้ว”





สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.16 (2/2) (15.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-08-2018 19:09:30
ปลื้มใจ น้ำตาจะไหล
คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทำดีมากนะ
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.16 (2/2) (15.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-08-2018 21:09:08
โล่งอกที่คุณพ่อยอมรับได้ชรินเองก็ได้ไม่อึดอัดโกหกพ่อแม่
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.16 (2/2) (15.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-08-2018 21:15:28
นึกภาพเจ้าก้อนขนเป็นลูกหมาป่ามารุมคุณปู่คุณย่าแล้วน่าร้ากกกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.16 (2/2) (15.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-08-2018 22:52:00
ค่อยเบาใจหน่อย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.16 (2/2) (15.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 15-08-2018 23:38:09
พอได้บอกความจริงแล้วรู้สึกโล่งตามขาริน ซัง สู้ๆค่ะคุณพ่อ  o13
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.16 (2/2) (15.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 16-08-2018 01:05:11
อ่านแบบลุ้นมากว่าก้อนขนจะหลุดแปลงร่างไหม

พอพ่อรู้ความจริง โล่งใจขึ้นเยอะเลยจ้า
หัวข้อ: Re: Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.16 (2/2) (15.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 16-08-2018 18:15:16
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Papa614 ที่ 16-08-2018 20:48:08


17
[/b]


                ต่อไปก็คือคุณแม่ของชริณที่จะต้องเคลียร์กันอีกรอบ....



                 จริง ๆ ตอนแรกชริณตั้งใจว่าจะให้ปล่อยผ่านไปเลย เพราะไม่ว่าแก็งเจ้าก้อนขนจะเป็นลูกเลี้ยงหรือลูกจริง ก็เหมือนแม่จะโอเคทั้งนั้น แต่พอเขาได้คิด ๆ ดูใหม่อีกครั้ง ยังไงเสีย...ต่อให้ท่านจะรับได้ในเรื่องราวที่เขาโกหกขึ้นมา มันก็ยังไม่ถูกอยู่ดี ชริณไม่อยากให้แม่มาเสียใจ อยู่กับคำโกหกของเขาแล้วมารู้ความจริงในภายหลัง



                หากถึงเวลานั้นท่านคงไม่ยอมเข้าใจอะไรง่าย ๆ เหมือนในตอนนี้แน่....



            หลังจากที่ชริณพูดคุยกับพ่อ ได้เคลียร์เรื่องราวทั้งหมดและขอโทษในสิ่งที่เคยโกหกไว้เสร็จ ก็เป็นเวลาเดียวกันที่ทางแม่และว่าที่ลูกสะใภ้ทำอาหารเสร็จพอดี



                เจ้าจิ้งจอกน้อยโอ้อวดใหญ่ว่าทำอะไรเป็นแล้วบ้าง คุณแม่เขาสอนเจ้าตัวแสบทำอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็นต้มยำกุ้งหรือผัดกะเพราอาหารคู่คนไทย



                หลังจากเข้าครัวเตรียมอาหารเสร็จ เจ้าจิ้งจอกก็ออกมาข้างนอกเพื่อเตรียมโต๊ะสำหรับมื้อเย็น ชริณจึงอาศัยจังหวะนั้น เข้าพูดคุยกับแม่ที่กำลังล้างอุปกรณ์อาหารอยู่ในครัว



                “แม่ค้าบบบบ” เขาเรียกเสียงยาว พออยู่กับแม่แค่สองคนก็กลายเป็นเด็กชายชริณในทันที ทุกครั้งที่ได้กอดได้อ้อนแม่ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง



                “ว่าไงเจ้าลูกชาย อ้อนแม่จะเอาอะไรหืม?” แม่ถามชริณอย่างอารมณ์ดี



                “เปล่าสักหน่อย แม่ก็พูดไป....ผมโตทำงานหาเงินเองได้แล้วนะครับ” ว่าจบก็หอมแก้มแม่ดังฟอดใหญ่ นาน ๆ ทีถึงจะได้กลับไทย คราวนี้พ่อแม่ลงทุนมาหาถึงที่นี่ เขาเลยตักตวงความสุขหน่อย



                “ก็เวลาเราชอบเอาใจแม่แบบนี้ มักจะมีเรื่องปวดหัวตามมาทุกทีนี่นา” แม่พูดพลางส่งเสียงหัวเราะออกมา เมื่อเห็นลูกชายคนเดียวทำหน้างอเหมือนเด็ก ๆ



                “คราวนี้เปล่าครับ แต่ผมมีเลยจะสารภาพนิดหน่อย” ชริณว่าเสียงอ่อน กระชับโอบกอดแม่พลางโยกตัวไปมา



                “นั่นไง แม่เดาผิดเสียที่ไหนกัน”



                “แต่คราวนี้แม่ไม่มีปวดหัวแน่นอนครับ” ชริณการันตี



                “ไหน งั้นลองพูดให้แม่ฟังซิ”



                “แต่แม่ต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธผม.....” ก่อนจะได้บอกความจริง ชริณก็ขอต่อรองเสียก่อน เพราะเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น



                “เอ๊ะ....มันเรื่องอะไรชริณ ไหนบอกว่าแม่จะไม่ปวดหัวไง”



                “ก็ไม่ปวดหัวหรอกครับ แต่แม่ต้องทำความเข้าใจนิดนึง”



                “งั้นก็เล่ามาเลย” คราวนี้แม่พลิกตัวหันมาสบตาลูกชายตัวดีอย่างจริงจัง เพราะไม่รู้ว่าลูกจะมาไม้ไหนกันแน่ ถึงได้มีเรื่องมาสารภาพเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้



                “เรื่องแฟนผมกับลูกติด มัน....”



                “เป็นเรื่องโกหก แม่เข้าใจถูกไหม?”



            “....!!” ไม่ทันที่จะได้สรรหาคำดี ๆ มาอธิบายให้แม่เข้าใจ เขาก็แค่เกริ่นนำแม่ของชริณฮุบหมัดกลับเข้าอย่างจัง ชายหนุ่มได้มองผู้เป็นแม่อย่างอึ้ง ๆ ในขณะเดียวกันแม่เองก็กอดอกมอง ไม่ได้ท่าทีตกใจอะไรด้วย นอกจากส่ายหน้าไปมาเหมือนสุดจะระอาเท่านั้น



                “แม่...แม่รู้ได้ไง” นานนับนาที กว่าชริณจะรวบรวมสติได้แล้วถามผู้เป็นแม่กลับ



                “แม่เป็นแม่นะชริณ จะมีใครรู้จักเราดีกว่าแม่ล่ะ”



                “.....”



                “ดูด้วยว่าเด็ก ๆ ทั้งสี่หน้าคล้ายกับตัวเองอย่างกับแกะ ไหนจะแฟนลูกที่ตอบไม่ได้เรื่องคนรักเก่าอีก ลูกรู้ไหมว่าลูกทิ้งหลักฐานไว้เยอะมากเลย” แม่ว่าด้วยประโยคยาวเยียด ขณะที่ชริณก็ยังคงมึนงงอยู่ ดูเหมือนพ่อแม่จะรู้ทันเขาหมดเลย พ่อก็รู้ แม่ก็รู้ เหลือแค่รอให้เขาสารภาพความจริงก็เท่านั้น



                นี่มันอะไรกันเนี่ย....



            “แล้วแม่สื่อสารกับแฟนผมได้ยังไง”



                “ท่าทางไง แฟนเราก็ฉลาดเอาเรื่องนะ แค่แม่ลองเย็บ ๆ ถาม ใช้ท่าทางช่วยนิด ๆ หน่อย ๆ เขาก็รู้แล้วว่าแม่ต้องการจะถามอะไร” ภาษาเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แต่มันสำคัญน้อยกว่าการอยากสนทนา แม้จะพูดคุยต่างภาษา แต่ถ้าหากอยากคุยกันจริง ๆ ภาษาก็ไม่ใช่อุปสรรคอะไร ใช้ท่าทางเอาก็ยังได้



                “แต่แม่อยากรู้ว่าทำไมเราถึงสามารถทำให้เขาท้องได้” ถึงจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าเด็กทั้งสี่คือลูกที่แท้จริงของชริณ แต่ก็ไม่ว่าสงสัยต่ออยู่ดี ในเมื่อทั้งคู่เป็นผู้ชาย



                “น้องมีสองเพศในร่างหนึ่งครับ....เขาไม่เหมือนกับเรา” ชริณเล่าต่ออย่างไม่ปิดบัง เขาเลือกที่จะเล่าในส่วนที่สามารถเล่าได้



                “รวมถึงเด็ก ๆ ด้วย เขาไม่เหมือนเรา”



                “จริง ๆ แม่ก็ว่าเขาแปลก ๆ อยู่นะ ถึงจะมนุษย์ แต่แม่ก็ว่าเขาดูแปลกต่างจากคนอื่น.....” แม่ของชริณพูดพลางเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ตอนที่พบกันครั้งแรกก็รู้สึกแล้วว่าแฟนของลูกชายแปลก ๆ พยายามสังเกตหา ตามร่างกาย แต่ก็ไม่พบอะไรงอกออกมา



                “เขา....เป็นผีเหรอลูก” แม่ว่า คิดเป็นตุเป็นตะ หากไม่ใช่คนก็คงเป็นผี...



                “ไม่ใช่ครับ เขาไม่ใช่ผี” ชริณรีบปฏิเสธทันที กลัวแม่จะเข้าใจเจ้าจิ้งจอกน้อยและแก็งก้อนขนผิดไปมากกว่านี้ “เขาไม่ใช่ผีครับแม่ เรื่องนี้ผมยืนยันได้”



                “งั้นเหรอ...ถ้าเขาไม่ใช่ผีและก็ไม่ใช่มนุษย์ แม่เข้าใจถูกไหม?” แม่ของชริณถามต่อ เก็บอาการตื่นเต้นไว้แทบไม่อยู่ ใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มานาน เพิ่งจะได้พบเรื่องราวพิศวงก็คราวนี้ ทั้ง ๆ ที่พยายามจะเข้าใจลูกสุดกำลังแท้ ๆ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี



                “จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”



                “ชริณ....” คนเป็นแม่ถึงกับอุทานออกมา มองหน้าลูกชายคนเดียวของตัวเองอย่างอธิบายไม่ถูก



                “เขาจะทำร้ายตัวลูกไหม” แม่ชริณว่าด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง



                “น้องไม่ใช่ปิศาจที่จะทำร้ายใคร คุณแม่วางใจได้เลยครับ”



                “......”



                “แล้วก็ช่วยรักน้องด้วยนะครับ ผมขอจริง ๆ อีกอย่างผมก็สร้างครอบครัวกับน้องไปแล้ว ลูก ๆ ของผมก็คือหลานของคุณแม่ ถึงมันจะดูแปลกประหลาด ไม่น่าเชื่อ แต่ก็ช่วยพยายามเชื่อและมอบความรักให้ครอบครัวตัวน้อย ๆ ของผมด้วยนะครับ” ชริณว่า



                “ผมขอโทษที่โกหกแม่ไปหนแรก แต่ตอนนี้ผมบอกว่าจริงแล้ว น้องไม่ใช่ผี ไม่ใช่คน ไม่ใช่ปิศาจร้าย น้องท้องได้ผมบอกแม่ได้เพียงเท่านี้จริง ๆ มันอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ แต่ผมขอโทษและช่วยพยายามเข้าใจเรื่องนี้ด้วยนะครับ”



                “เฮ้อ....แล้วบอกพ่อหรือยัง” หลังจากทำใจอยู่นาน คนเป็นแม่ก็เอ่ยถามลูกชายต่อ มันเป็นเรื่องยากจริง ๆ และเรื่องนี้จะตัดสินใจเองไม่ได้ด้วย



                “เรียบร้อยแล้วครับ”



                “แล้วพ่อว่าไงบ้าง” คนเป็นแม่ถามต่อ



                “ไม่ได้ว่าอะไรครับ พ่อไม่ได้คัดค้านและพ่อพยายามเข้าใจกับเรื่องนี้ราวอยู่ครับ”



                “เฮ้อ...งั้นแม่จะว่าอะไรได้เล่า พ่อเขาว่าไงแม่ก็คงต้องว่าตามนั้น”



                ฝั่งจิ้งจอกเองหลังจากจัดเตรียมโต๊ะเสร็จ ก็ตั้งใจจะมายกอาหารในครัวต่อ แต่ทุกอย่างก็ต้องหยุดก่อน เจ้าจิ้งจอกน้อยต้องแอบมองแม่ลูกพูดคุยอยู่หลังประตูแทน ดวงตากลมโตแสดงท่าทีหวั่นใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด จิตใจเริ่มร้อนรน เมื่อคิดว่าชริณและคุณย่าของเด็ก ๆ กำลังพูดคุยเรื่องที่น้องเพิ่งสารภาพผิดไปแน่



                ทำไงดีชาริน ซังจะโกรธน้องไหม....



            เพียงแค่คิดว่าชาริน ซังสามีสุดที่รักจะโกรธเรื่องที่น้องตัดสินใจบอกความจริงกับคุณย่า จิตใจของเจ้าจิ้งจอกน้อยก็เริ่มพะว้าพะวงเต้นเร่า ๆ ในทันที ใบหูที่รับเสียงได้มากกว่ามนุษย์พยายามเอียงฟังอย่างสุดฤทธิ์ว่าสองแม่ลูกกำลังพูดอะไรอยู่ แต่ได้ยินไปก็เท่านั้น เพราะน้องฟังภาษาไทยไม่ออกอยู่ดี



                อยากรู้ใจจะขาดแล้ว...



            “เจ้าจิ้งจอกมาทำอะไรตรงนี้”



                “โอ๊ะ! น้องไม่ได้ตั้งใจจะเล่านะ” หลังเห็นสามีเดินออกมาจากครัว เจ้าจิ้งจอกน้อยก็รีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธชาริน ซังยกใหญ่ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด ๆ ว่าน้องเสนอหน้าไปบอกความจริงเอง



                เรื่องราวมันอยู่ว่าคุณย่าของเด็ก ๆ เหมือนจะถามน้องเรื่องในอดีต เหตุไฉนความรักถึงล่มจนได้ลูกสี่มา น้องเข้าใจว่าคุณย่าถามเช่นนั้น ตอนนั้นน้องคิดความหลังของตัวเองไม่ออก สิ่งที่คิด ๆ ได้คือ อาหาร ป่า คุณหมาป่าและก็คุณสามี ประกอบกับไม่กล้าที่จะพูดปดอีกต่อไป



                หลังคุณย่าของเด็ก ๆ เห็นน้องอ้ำอึ้งอยู่นานสองนาน ไม่ยอมเล่าให้ฟังเสียที ท่านจึงมองน้องด้วยสายตานิ่ง ๆ ดูดุคล้ายจะให้สารภาพคายความจริงออกมา นั่นทำให้น้องไม่มีทางเลือก ต้องทำท่าประกอบโดยการชี้นิ้วไปหาชาริน ซังที่กำลังพูดคุยกับคุณปู่อยู่ริมระเบียง ก่อนจะชี้กลับมาที่ท้องของตัวเองแล้วทำท่าท้องป่อง เพียงเท่านั้นคุณย่าของเด็ก ๆ ก็รับรู้ได้แล้วว่าความจริงเป็นอย่างไร



                “ชาริน ซังโกรธน้องไหม” เจ้าจิ้งจอกว่าด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่นจวนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เพราะกลัวชาริน ซังจะโกรธเอาจริง ๆ



                “โกรธทำไมเล่า เราทำดีที่สุดแล้ว ไปกินข้าวกัน”  ชริณตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้ทุกร้อนอะไร



                หลังจากที่สารภาพบาปให้พ่อแม่ได้ฟัง ชริณก็รู้สึกเบาใจลงอย่างเห็นได้ชัด พอได้พูดความจริงออกไป เขาก็รู้สึกโล่งมาก ไม่เหมือนตอนที่โกหก ตอนนั้นความรู้สึกผิดประเดประดังเข้ามาจนเขาไม่สามารถยิ้มได้ด้วยซ้ำ



                “เราทำสำเร็จแล้วนะเจ้าจิ้งจอก เราจะได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ มีพ่อแม่ ลูก มีคุณปู่ มีคุณย่าแล้ว” ชริณว่าพลางฉีกยิ้มให้เจ้าจิ้งจอก รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก แค่ได้คิดว่าทั้งหมดจะได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวใหญ่ เขาก็มองเห็นถึงความสุขไม่ใกล้ไม่ไกลจากนี้แล้ว



                แต่เห็นอยู่ภารกิจเดียว...



                “เรามาทำให้คุณปู่คุณย่าเอ็นดูลูก ๆ ของเรามาก ๆ กันเถอะ”















                “ฮะ ๆ คุงงงงย่า”



                “ตะวันอย่าซนสิลูก” คุณแม่ลูกสี่รีบเอ่ยปรามลูกชายคนที่สามทันควัน พ่อแม่ป้ายแดงที่มีลูกอยู่ในช่วงวัยกำลังซนถึงกับกุมขมับเป็นว่าเล่น ปกติลูกไม่เคยซนถึงขนาดนี้ แต่วันนี้กลับควบคุมไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเพราะกำลังเห่อคุณปู่ คุณย่าหรือยังไง ถึงได้แก่นเซี้ยวพยายามปีนออกจากเก้าอี้นั่นสำหรับเด็ก คลานมาหมายจะเกาะแขนคุณปู่ คุณย่าที่กำลังทานข้าวอยู่



                “คุงงงงปู่ อุ้ม ๆ” เพิ่งจัดการตะวันไป สายรุ้งลูกสาวคนโตก็รับช่วงต่อทันที ทำเอาพ่อแม่ลูกสี่แทบหัวหมุน ไม่รู้จะจัดการลูกคนไหนก่อนดี ปกติลูกติดแต่พ่อแม่ ชริณกลับจากที่ทำงานแต่ละที ได้เป็นพ่อเนื้อหอม ลูก ๆ พยายามเล่นด้วยตลอด เพราะเขาหายหน้าไปทั้งวัน



                แต่ในเวลานี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลาของเขาอีกแล้ว เพราะลูก ๆ ทั้งสี่คนกำลังติดคุณปู่คุณย่าต่างหาก ไม่ต้องบอกให้ลูกอ้อนเพื่อเอาใจใคร ลูกก็ทำหน้าที่เองอยู่แล้ว ตามติดคุณปู่คุณย่าทันทีเมื่อเห็นว่าท่านใจดี แม้ทั้งฝั่งจะเพิ่งเจอกันไม่นานก็ตาม



                 ฝั่งพ่อแม่ของชริณก็ถึงกับหัวเราะด้วยความชอบใจ ยังไม่ทันกินข้าวเสร็จดี เจ้าตัวป่วนทั้งหลาย ทั้งหลานชาย หลานสาวก็ต่างเรียกกันระนาวเสียแล้ว เสียงเด็กเรียกหาเคล้ากับเสียงพ่อแม่ปรามดังขึ้นระนาว ฟังดูแล้วรู้สึกอบอุ่นไปอีกแบบ



                “มา ๆ มาให้ปู่อุ้มเร็ว”



                “แต่พ่อยังกินข้าวไม่อิ่มเลยนะครับ” ชริณว่า ดูเหมือนการทานข้าวจะเป็นเรื่องรองไปแล้ว เพราะหลานสาวที่เรียกหาให้อุ้มด้วยท่าทางสุดน่าชังสำคัญกว่า



                “ไม่เป็นไรหรอก พ่อใกล้อิ่มแล้วล่ะ” คุณพ่อของชริณว่าพลางอุ้มหนูสายรุ้งขึ้นมาแนบอกไว้ หนูน้อยเองก็เหมือนจะชอบใจที่คุณปู่เลือกเธอมากกว่าอาหาร ถึงได้ส่งตาแป๋วที่เหมือนจะได้แม่มา คล้ายจะอ้อนก่อนจะเอามือเล็ก ๆ ก็โอบคอคุณปู่ไว้อย่างหลวม ๆ พลางเอาแก้มยุ้ยเกยไหล่ไว้



                “ฮะฮ่า ๆ ลูกขี้อ้อนดีนะ” คุณปู่ของเด็ก ๆ ว่าด้วยความชอบใจ



                “กอดกัง ๆ”



                “ดูซี เจ้าตัวเล็กอ้อนพ่อใหญ่เลย” พ่อชริณว่าพลางชี้หลักฐานให้ลูกชายและลูกสะใภ้ดูว่าเจ้าตัวเล็ก ๆ ทายาทของทั้งคู่กำลังอ้อนคุณปู่คุณย่าหนักแค่ไหน



                ฝั่งชริณเองก็ใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นภาพคุณปู่คุณย่ากำลังหยอกล้อกับหลาน ๆ อย่างมีความสุข เขารู้สึกดีที่ได้เห็นพ่อแม่ฉีกยิ้มกว้าง มีความสุขกับหลาน ๆ ของตัวเอง



                มันมีเท่านี้จริง ๆ ที่เป็นความสุขของเขา ชริณไม่ได้ต้องการเงินทองมากมายจนใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด เขาไม่ได้ต้องการความสุขสบาย มีคนมาคอยปรนนิบัติรับใช้ เขาก็แค่ต้องการให้คนรอบข้างมีความสุขไปด้วยกันเท่านั้นเอง....เท่านั้นจริง ๆ ที่เขาต้องการ



                “น้องคิดว่าเราน่าจะทำภารกิจสำเร็จแล้วล่ะ” ภาพเจ้าตัวแสบทั้งสี่กำลังเล่นกับคุณปู่คุณย่า อยู่ในสายตาของเราทั้งหมด มันรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความอบอุ่นที่มีความสุข ชริณรู้สึกอย่างนั้น



                ชริณหลุบตามองมือภรรยาที่กำลังกุมมือเขาไว้ ทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่าเรื่องของเราก็เดินทางมาไกลเหมือนกัน จากจุดที่มองเจ้าจิ้งจอกน้อยเป็นตัวประหลาด นับวันคอยว่าเมื่อไรภารกิจจะเสร็จสิ้นเสียที พอถึงวันจริงเขาทำสำเร็จกลับเป็นฝากเอ่ยรั้งอีกฝ่ายเองว่าขอให้อยู่ต่อ



                จากที่เคยมองเป็นตัวประหลาด ไม่มีวันจะเข้ากันได้ เมื่อเวลาผ่านไปเขากลับได้ตัวประหลาดที่เคยปรามาสไว้มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเสียอย่างนั้น....



            “ครอบครัวของเราสมบูรณ์แบบแล้วนะ ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว” เขาพูดกับเจ้าจิ้งจอก หมดแล้วสิ่งที่เคยกลัว เคยกังวลมาโดยตลอด เราข้ามผ่านมันไปด้วยกันแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ต้องกังวลอีกต่อไป

               



                ในที่สุดวันหยุดยาวของพ่อแม่ก็สิ้นสุดลง พอถึงวันที่พ่อแม่ต้องกลับไปใช้ชีวิตที่เมืองไทย ชริณก็รู้สึกใจหายนิด ๆ เพราะอยากให้พวกท่านอยู่ต่อ แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้น เพราะพวกท่านยังต้องมีอาชีพและภาระที่ต้องรับผิดชอบต่ออยู่



                “หลังจากพ่อแม่เกษียณ ผมอยากให้พ่อแม่ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นะครับ” ชริณว่า ในเมื่อเด็ก ๆ เจ้าจิ้งจอกย้ายไปใช้ชีวิตที่เมืองไทยไม่ได้ เขาก็อยากย้ายพ่อแม่มาใช้ชีวิตที่นี่เอง



                “อย่าเลยลูก ยุ่งยากเสียเปล่า ๆ ให้บินมาหาเป็นครั้งเป็นคราวน่ะพอได้ แต่จะให้มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เลย คงเป็นไปไม่ได้หรอก” แม่ว่า



                “.....”



                “พ่อกับแม่ไปก่อนสนามบินก่อนนะ เดี๋ยวตกเครื่อง ไปก่อนนะลูก” ขากลับพ่อแม่ไม่ได้ให้ชริณไปส่งที่สนามบินเหมือนอย่างเคย ทั้ง ๆ ที่เขาบอกแล้วแท้ ๆ ว่าสามารถไปส่งพวกท่านได้ แต่พ่อแม่กลับอยากไปเองมากกว่า ชริณจึงต้องว่าตามนั้น



                พ่อแม่ลูกร่ำลากันพอเป็นพิธี เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ได้แต่ยืนมองอยู่ข้างหลัง ปล่อยให้ชาริน ซังและคุณปู่คุณย่าของเด็ก ๆ ร่ำลากันอย่างเต็มที่ ส่วนเด็ก ๆ เองในเวลานี้ยังไม่ตื่น ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีแล้ว เพราะหากบรรดาแก็งก้อนขนรู้ว่าคุณปู่คุณย่าต้องกลับไทยในวันนี้ คงมีหวังร้องไห้กันจ้าละหวั่นแน่



                แม่ของชาริน ซังผละออกมาก่อนจะเดินมาหาลูกสะใภ้ ในขณะเดียวกันพ่อและชาริน ซังก็พูดคุยกันอีกนิดหน่อย เจ้าจิ้งจอกมองคุณย่าของลูก ๆ ด้วยความแปลกใจ นึกสงสัยว่าคุณย่ามีอะไรอยากจะพูดกับน้องงั้นเหรอ



                “นดไยฟก##%$%^#” เจ้าจิ้งจอกน้อยถึงกับเอียงคอมองคุณแม่ของชาริน ซัง หลังอีกฝ่ายพ่นภาษาไทยที่น้องฟังไม่ออก มีแต่พูดได้ออกมา



                 ตอนแรกหลังจากฟังน้ำเสียงเสียง น้องก็คิดว่าท่านกำลังบ่นอะไรบางอย่าง แต่เหมือนน้องจะคิดผิดไป เพราะหลังที่ท่านพูดจบ ท่านก็ส่งยิ้มให้กับน้อง พร้อมลูบหัวน้องด้วยความเอ็นดูเหมือนที่ชาริน ซังชอบทำกับน้องบ่อย ๆ



                แม้จะเป็นสัมผัสที่บางเบาแต่เจ้าจิ้งจอกน้อยก็รู้สึกอบอุ่นอย่างอธิบายไม่ถูก แม้เราจะอยู่ร่วมชายคาบ้านหลังเดียวกันไม่ถึงสัปดาห์ แต่น้องก็รับรู้ได้เลยว่าพ่อแม่ของชาริน ซังก็เอ็นดูน้องไม่ต่างจากสามีของน้อง ในที่สุดรถแท็กซี่ที่เตรียมไปส่งที่สนามบินก็มาจอดรับหน้าบ้าน น้องจึงเดินไปส่งพร้อมกับชาริน ซัง



                เรามองรถแท็กซี่ผ่านไปอย่างนึกใจหาย ดวงตากลมโตมองตามรถจนสุดสายตา ตอนนี้เรากลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมแล้วคือมีแค่เราและแก็งเจ้าก้อนขนตัวป่วน



                “เข้าบ้านกันเถอะ” ชริณว่าเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินนำภรรยาเข้าบ้าน แต่ถูกมือเล็กรั้งไว้ก่อน



                “ชาริน ซังน้องมีเรื่องสงสัย”



                “อะไรล่ะ?”



                “เมื่อกี้ชาริน ซังได้ยินที่คุณย่าของลูกเราพูดกับน้องไหม น้องอยากรู้ว่าเขาพูดอะไร” ปกติเจ้าจิ้งจอกน้อยมักจะปล่อยเลยตามเลย ไม่เคยสงสัยอะไรกับสิ่งที่คุณย่าพูด แต่ครั้งนี้น้องกลับอยากรู้ความหมายที่แท้จริง อยากจะรู้ว่าคุณย่าพูดอะไรกับน้องกันแน่



                “ก็ได้ยินอยู่” ชริณว่า ตอนที่คุณแม่ผละจากเขาไปคุยกับเจ้าจิ้งจอก เขาเองก็เอียงหูฟังอยู่เหมือนกัน



                “คุณย่าของเด็ก ๆ พูดว่าอะไรเหรอ”



                “ดูแลกันดี ๆ นะลูก ฝากลูกชายแม่ด้วย” ชริณพูดตามที่คุณแม่เขาพูดอย่างไม่ปิดบัง



                 เอาจริง ๆ เขาเองก็แอบเขินนิดหน่อยที่ต้องพูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่ถ้าหากเจ้าจิ้งจอกน้อยอยากจะรู้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ฝั่งเจ้าจิ้งจอกน้อยก็เผยรอยยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก หากน้องย้อนเวลากลับไปได้ น้องก็อยากบอกคุณแม่ของชริณเหมือนกันว่าน้องจะดูแลชาริน ซังให้ดีที่สุด คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเลย ชาริน ซังอยู่กับน้องจะปลอดภัยแน่นอน



                “เราทำภารกิจทุกอย่างสำเร็จแล้วนะเจ้าจิ้งจอก” ชริณว่า พ่อแม่เข้าใจ ทุกคนรับรู้ เขามีความสุขที่สุดแล้ว “เราจะได้อยู่กันแบบครอบครัวแบบนี้....”



                “.....”



                “ตลอดไปแล้วนะ”



            “อื้อ! น้องรักชาริน ซัง น้องรักครอบครัวของเราที่สุด” เจ้าจิ้งจอกน้อยพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น น้องสัญญาว่าจะดูแลครอบครัวของเราให้ดีที่สุด เพราะกว่าเราจะสร้างมันมาด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่นิด ปวดหัว เสียความรู้สึก มีอุปสรรคมาขวางกั้นมาก็ตั้งเยอะ กว่าจะได้มีวันนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่นิด




                “ฉันก็รักนายเหมือนกัน เจ้าจิ้งจอกตัวแสบ” ชริณกล่าวออกมาจากหัวใจ “ขอบคุณสัญชาตญาณของนาย ที่ทำให้เราได้เจอกัน”






____________________

สกรีมแท็ก #น้องจะตอบแทนพี่เอง

ในที่สุดก็จบแล้ววว ใจหายมากกๆ แต่เรายังต้องเขียนบทพิเศษในเล่มต่อ อีก 2 บทอิอิ

ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสเรา ขอบคุณที่คอยสนับสนุนกัน ขอบคุณที่กล้าเสี่ยงอยากสายแฟนตาซีของเรา เนื้อเรื่องจะไม่จบ

หากขาดคนอ่าน ขอบคุณจากใจ พบกันในเรื่องของคุณหมาป่า จะมีน้องมาแจมๆนิดหน่อย ตอนเป็นแม่บ้านเต็มตัว คิๆ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-08-2018 21:15:15
 :katai2-1:  ยินดีด้วยนะครอบครัวอบอุ่นน่ารัก.  แค่เรียนเองที่บ้านอยู่ใกล้ชิดป่าก็พอแล้ว
หวังว่าคุณหมาป่าจะได้หนึ่งในน้องไปนะดูแลให้ดีๆด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 16-08-2018 21:22:57
พี่หมาป่าจะมีเรื่องของตัวเองด้วยเหรอกีซซซ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-08-2018 23:31:44
 :pig4: :pig4 :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 17-08-2018 00:36:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 17-08-2018 13:27:15
เกือบมองผ่านเรื่องนี้ไปแล้วค่ะ
แต่เป็นคนแพ้คำว่า "น้อง" เลยลองคลิกเข้ามาดู

แม้จะแปลก ๆ แปร่ง ๆ ไปบ้างในความเป็นจริง
แต่พอคิดว่า นี่คือนิทาน นี่คือนิยาย .. ก็อ่านจนจบได้แบบไม่ขัดข้องใจ
น่ารักดีนะคะ ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีงามมากมาย
แต่ยืนยันค่ะว่า ... น่ารัก และจบได้สบายใจคนอ่าน

ขอบคุณนะคะ
แล้วจะรอเจอพี่หมาป่านะคะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 17-08-2018 16:46:01
รออ่านเรื่องคุณหมาป่า รีบมานะครับ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Maleemol ที่ 17-08-2018 21:12:30
ขอบคุณค่ะ
น้องงงน่ารัก
 :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-08-2018 21:34:01
น่ารักยันตอนจบเลย ขอบคุณค่าาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 17-08-2018 22:05:44
มีแต่คำว่าน่ารักๆๆๆๆๆๆ เต็มไปหมด
เราชอบที่จบแบบนี้ ตอนแรกก็กลัวว่าพ่อแม่จะรู้ความจริงจริงๆหรอ
แต่จบแบบนี้โอเคมากกกกกกก

หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 18-08-2018 20:45:12
จบแล้ววว :ling1: คุณหมาป่าเราหายไปเลย
น้องน่ารักขนาดนี้มีแต่คนหลงรัก  :katai3:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 20-08-2018 04:08:24
อยู่กับน้องมาตั้งแต่น้องยังเป็นจิ้งจอกน้อยที่มาขออยู่กับชาริน ซัง
จนตอนนี้น้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง มีสามีที่ดี มีลูกๆที่น่ารัก
ได้เห็นพัฒนาการของน้องมาตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง แต่สิ่งเดียวที่ยัง
เหมือนเดิมคือความน่ารักของน้องที่เราประทับใจและทำให้รักน้อง
คอยเอาใจช่วยน้องมาตลอด
 :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-08-2018 07:28:07
จบแบบครอบครัวสุขสันต์  จะรอเรื่องคุณหมาป่านะคะ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 20-08-2018 12:28:08
อ่านจบแล้ว เนื้อเรื่องน่ารักมากๆ มันอบอุ่นมากกกกกเลย รอเรื่องคุณหมาป่านะคะ หายไปเลย
เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 20-08-2018 13:17:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 21-08-2018 23:52:57
รักอะ โอ๊ยยยแฮปปี้ ไอเลิฟยูมากๆๆ
ปล. คิดถึงหมาป่า
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 22-08-2018 08:51:26
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: BeauBeeiiz ที่ 22-08-2018 13:52:12
สนุกอ่ะ เป็นนิยายฟีลกู้ดแท้ๆเลย

อยากฟัดเจ้าก้อนขน ชอบความอ้อนคุณปู่ คุณย่า
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 24-08-2018 21:09:54
แก๊งค์ก้อนขนน่ารักน่าชังมาก เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก คุณนักเขียนน่าจะแต่งภาคลูกๆต่อด้วยนะ อยากอ่านมาก ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Jthida ที่ 26-08-2018 17:50:14
ดีจังเลย เจ้าจิ้งจอกน้อยน่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: wetter ที่ 05-09-2018 22:42:06
อ่านไปได้แต่อุทานว่า น้องงงงง
น้องคือน้องที่แท้จริง งุ้ยๆมากก ขำที่น้องชอบเริ่มก่อน เอะอะทำลูก มีลูกแล้วก็ยังอยาก เจ้าจิ้งจองลามก55555
ชรินก็อบอุ่นมาก ดีใจที่พยายามทำความเข้าใจกับน้อง พอมีลูกแล้วก็ครอบครัวสุขสันต์จริงๆ น่ารักมาก
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆค่า :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 06-09-2018 03:12:51
อ่านรวดเดียวเลยยย ขอบคุณมากค่ะ น่ารักมาก น้องงงงและน้องงงงงงงงงงง น่ารักมากๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 06-09-2018 13:30:41
 :sad4: ครอบครัวก้อนขน... จบแล้ววว ไม่อยากให้จบเลยยยยย
ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆ ให้อ่านคร่าาา
จะตามอ่านผลงานเรื่องอื่นต่อไปแน่นอนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 07-09-2018 09:31:56
น้องน่ารักมาก

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: choparny ที่ 08-09-2018 08:48:38
เสียดายที่จบแล้ว น้องน่ารักมากๆเลย ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 19-09-2018 20:05:18
เรื่องราวน่ารักมากเลย

อยากให้แม่ลูกสี่ก้อนขนกลับไทยได้จัง
รู้สึกสงสารปู่กับย่า มีหลานถึงสี่คนแต่ไม่ได้ไกล้ชิด
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Iatahtahc ที่ 21-09-2018 23:29:37
อ่านรวดเดียวจบเลย น่ารักมากค่ะขอบคุณนะคะที่เขียนเรื่องน่ารักๆแบบนี้มาให้อ่าน :L1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 24-09-2018 07:50:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 27-09-2018 13:00:05
ใครชอบแนวแฟนซี แนะนำเลย น่ารัก สนุก อ่านเพลินๆดี ไม่เครียด


ปล.ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ที่ผ่อนคลายความเครียด ^^
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: BIEWL ที่ 06-10-2018 01:23:03
ครอบครัวนี้น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: cinpetals ที่ 26-10-2018 15:29:45
น้องน่ารักอ่า นอนรอเผื่อมีตอนำิเศษ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 06-11-2018 11:08:00
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ที่แต่งเรื่องราว น่ารักๆ ของครอบครัว ก้อนขนนี้มา เป็นเรื่องที่ทำให้มีความสุขมากๆเลยค่ะ ขอบคุณคนแต่งมากๆ เลยนะคะ แต่งเรื่องราวดีๆ น่ารักๆ แบบนี้ต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 06-11-2018 20:40:30
ไปอ่านนิยายสายเรียลมาซะนาน พอได้กลับมาอ่านแนวแฟนตาซีดันรู้สึกไม่ชินเอาซะเลยแฮะ น้องน่ารักนะถึงคาแร็คเตอร์จะไม่ค่อยคงที่ก็เถอะ อยากรู้เรื่องนุ้งหมาป่าาาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-11-2018 23:09:23
 :L1: :pig4:
เป็นแฟนตาซีที่ชอบมากๆเลย
รออ่านคุณหมาป่า พร้อมแจมด้วยครอบครัวน้อง
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 15-11-2018 07:11:18
น้องน่ารักกกก  :ruready :ruready
ทำลูกกัน 55555555
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 15-11-2018 16:17:40
น่ารักจัง  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 16-11-2018 02:08:12
เรื่องน่ารักมาก...ข้ามเรื่องนี้ไปนานได้ยังไง  :hao7:

แอบกดดันตอนเจอพ่อแม่..เครียดตามเลย  :serius2:

น่ารักทุกคนเลย..เด็ก ๆ น่ารัก..น้องกับชารินซังก็น่ารัก..รักเรื่องนี้  :m3: :m3: :m3:

                   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Mushroom_mus ที่ 26-11-2018 17:08:10
ชอบเนื้อเรื่องมากๆเลย ขอบคุณ​นะคะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-11-2018 22:43:45
 น้องน่ารักมากจริงๆ ชอบมากเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Maxshu ที่ 28-11-2018 08:25:18
จบแล้ววววว น้องน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกก ขอบคุณที่สร้างน้องมานะคะ เอ็นดูน้องมากกกก
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 28-11-2018 13:04:16
น้องงงงงงน่ารักมากกก จะรอเรื่องของคุณหมาป่านะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ffern ที่ 29-11-2018 20:35:08
น้องน่ารักมากกกกก น้องงงงงง เเง้น่ารักมากกก ขอบคุณคนเขียนนะคะที่เเต่งเรื่องดีๆเเบบนี้ให้เราได้อ่าน o13 :hao6:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: palm-metto ที่ 01-12-2018 01:09:09
น่ารัก
แต่ก็ลุ้นอยากให้พ่อแม่ชรินรู้เรื่อง
แต่ก็นะ .. จบแบบนี้ก็โอเคแล้ว
เจ้าจิ้งจอกได้ถึงเป้าหมาย.. ชรินได้ครอบครัว
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 29-12-2018 08:05:56
แอ๊~~น้องน่ารักจังเลยค่ะ มีครอบครัวที่แสนสุขต์แล้วนะเจ้าจิ้งจอกแดงตัวแสบ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 27-01-2019 11:00:19
น้องงงงงงง น่ารักน่าหยิกที่สุด
เจ้าก้อนขนทั้งสี่ด้วย
ครอบครัวสุขสันต์จริงๆเลยน้าาา
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 11-02-2019 10:02:18


น้องงงงงงงง

น่ารักจริงๆ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 10-04-2019 13:31:04
น้อวงงงงง แงงงง น่าร๊ากกกกกกกก  :ling1:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 11-04-2019 12:42:41
น้องงงง ในที่สุดก็มีความสุขแล้วนะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 12-04-2019 23:12:06
สนุกมากๆ ชอบ ขอบคุณจ้า
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 13-04-2019 14:32:24
 o13
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 18-04-2019 00:20:18
น้องงงงง
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Nayagirl86 ที่ 22-05-2019 00:14:18
หนูน้อยทั้งสี่น่ารักน่าชังเชียว
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 27-05-2019 14:52:35
สนุกมากเลย น้องน่ารัก
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 24-06-2019 21:15:39
รอตอนพิเศษ~~~~••
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: NormalVee ที่ 25-06-2019 19:00:38
น่ารักมากเลยค่ะ อบอุ่นมาก
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 25-06-2019 21:25:41
ตามอ่านจนจบบบ ชอบมากเลยค่ะ อยากน้วยน้องงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 27-06-2019 07:56:55
น่ารักจังเลยครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 01-07-2019 08:22:42
น่ารักมากเลยค่ะเรื่องนี้
ครอบครัวอบอุ่นมากๆ
แล้วคุณหมาป่ารูปหล่อไม่มีคูหรอคะ
เห็นว่าแปลงร่าเป็นมนุษย์ได้เหมือนกัน
อยากอ่านเรื่องของคุณหมาป่าจัง
แล้วก็ขอตินิดนึงค่ะคำผิดเยอะไปหน่อย
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ

หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: MaTazz ที่ 02-07-2019 07:27:41
เอ็นดูตอนน้องท้องมากๆ คุณสามีก็ไปสรรหามาให้
ครอบครัวลูกสี่น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 03-07-2019 18:03:03
น้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: PanGii ที่ 13-07-2019 22:45:24
น้องงงงงงงงง  น่ารักเกินไปแล้ววววววว  ว่าแต่พี่หมาป่าหายไปไหนแล้วคะ
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: Ramnoii ที่ 30-07-2019 08:04:53
ชอบมากกกกกก น้องน่ารักกกกกกก
ลูกๆของน้องก็น่ารัก

จะมาภาคแยกของคุณหมาป่ามั้ยคะ
อยากรู้เรื่องของคุณหมาป่าจังเลย
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 02-08-2019 08:12:45
 :L2:น้อง​น่ารัก​ชอบ​มาก​เลย​
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 12:21:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: akajinkame ที่ 15-05-2020 15:39:30
น่ารัก น่าฟัด อ่านไปยิ้มไป หลงรักเจ้าน้องไอ้เจ้าจิ้งจอกน่าฟัดมากๆๆๆๆๆ ชอบมากค่า
หัวข้อ: Re: (จบแล้ว) Red fox#น้องจะตอบแทนพี่เอง Ch.17 (16.08.18)
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 21-05-2020 21:04:03
ตัลล้ากไปหมดดดดเจ้าก้อนขนแต่ละตัวคือน่าฟัดมากกกกกก