::Delicious Kiss::
-Akira and Navin-
หากจะพูดถึงความประทับใจ….
คงจะเป็นวันที่นาวินหรือ ‘วิน’ได้เห็นเขาในทีวี และหลงใหลในแผ่นหลังของผู้ชายที่กำลังจัดจานด้วยความชำนาญนั่น แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่ได้เห็นดวงตาคมมองไปยังกล้อง แต่วินรู้ตัวดี…ว่ากำลังตกหลุมรักผู้ชายที่ชื่อ ‘อะคิระ’ อย่างเต็มหัวใจ แม้ว่าจริงๆแล้วตัวนั้นไม่ชอบอาหารฝรั่งเศสแถมยังเป็นผู้ชายแปลกๆที่ชอบของหวานที่สุดในชีวิต แต่ว่า….
เขาช่างเป็นผู้ชายที่มีมือสวยๆในขณะที่จัดเรียงชิ้นปลาเสียเหลือเกิน….
และนี่อาจจะเป็นเหตุผลให้เด็กคนนี้มายืนอยู่ในร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดังย่านกินซ่าของญี่ปุ่นในฐานะพนักงานคนนึง โชคดีหรือโชคร้ายกันนะที่นาวินมาแลกเปลี่ยนที่มหาลัยที่ประเทศนี้ ทำให้ไม่ยากที่จะตามหาตัวเขาเจอ แต่ก็ยากเหลือเกินที่จะเข้าใกล้ตัว ผู้ชายบ้างานทั่วๆไปคนนึงคนนั้น คนแบบที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไปในประเทศเศรษฐกิจ อาชีพพ่อครัวนั้นก็เช่นกัน ได้ยินว่าหากไม่มีความลุ่มหลงในงานที่ตนทำแล้วล่ะก็ คงไม่มีวันที่เขาจะก้าวเข้าไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จอย่างที่มุ่งหวังได้ และอะคิระก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น
วินไม่ได้รู้จักเขามากกว่าใครหรอก ในเมื่อตัวเองก็เป็นแค่เด็กที่มาสมัครทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟของร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูแห่งนี้ กลิ่นอาหารที่โชยมาแตะจมูกจะสามารถทำให้รู้ได้ว่าของในจานนั้นอร่อยแค่ไหน และมันก็คงเป็นฝีมือของผู้ช่วยเชฟคนดัง…..คนที่ชื่อว่าอะคิระคนนั้น เขาคงมีส่วนร่วมกับมันอยู่ไม่ใช่น้อย
นี่ก็เป็นเวลา1ปีแล้วที่วินยังคงทำงานอยู่ที่นี่ และเช่นเคย พวกเขายังไม่มีบทสนทนาระหว่างกัน แน่นอนมันจะไม่เกิดขึ้นเพราะวินนั้นขี้อายเกินไป และเขาก็เงียบขรึมเกินกว่าที่จะพูดจาหยอกล้อเริ่มก่อนได้ แม้ว่าเราจะเดินสวนกันนับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม แต่ฐานะของเรามันก็เป็นแค่เพียงคนรู้จักหรืออาจจะน้อยกว่านั้น เขายังคงเป็นคนที่วินหลงใหลเช่นวันแรกที่แอบมอง และจะเป็นอย่างนั้นเพราะเวลาที่เหลืออยู่มันน้อยเกินไป
น้อยเกินกว่าจะทำให้เกิดความกล้าเพื่อเดินไปขยับความสัมพันธ์
“หายไปไหนนะ…” เจ้าของร่างเล็กบ่นเบาๆพลางค้นหาของในกระเป๋าใบโปรด โทรศัพท์มือถือไม่อยู่ในนี้….ต้องลืมมันไว้ที่ร้านแน่เลย ทำอย่างไรดีล่ะพรุ่งนี้ไม่งานเสียด้วย ต้องกลับไปเอาแล้วล่ะ
ร่างเล็กวิ่งเหยาะๆกลับไปยังร้านอาหารที่ตนทำงานอยู่อีกครั้ง น่าแปลกที่ไฟในห้องครัวยังเปิดอยู่ ทั้งๆที่ร้านนั้นปิดแล้ว ใครยังทำอะไรอยู่นะ แล้วนี่วินเอามือถือไปวางที่ไหนกันเล่า! ร่างเล็กเปิดประตูเข้าไปก่อนจะหาในทุกมุมที่มีความเป็นไปได้ หรือจะอยู่ที่เค้าท์เตอร์กันนะ เอ….กลับไปดูที่ห้องเปลี่ยนชุดอีกทีดีไหม?
“だれ!” dare…ใครน่ะ คำถามที่ดังมาไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้วินสะดุ้ง ก่อนที่จะหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเพื่ออธิบายเหตุผลความจำเป็น แต่เจ้าของคำถามกลับทำให้คำอธิบายเหล่านั้นอันตรธานหายไป
เชฟ…อะคิระซัง.….
“どうして、こんな時間…” doushite konna jikan ทำไมเวลาแบบนี้……. กว่างานจะเลิกก็ดึกแล้ว และนี่ดันลืมของสำคัญซะได้ ไม่แปลกเลยที่จะโดนเขาดุว่า
“忘れ物です” wasuremono desu ลืมของ…วินได้บอกจุดประสงค์ของตัวเองในหนึ่งคำ
“อา….” เสียงที่ออกจากลำคอนั่นแม้จะชี้ชัดว่าเขาเข้าใจมันแล้ว แต่ไม่ได้ช่วยลดความประหม่าให้ออกไปจากเด็กขี้กลัวคนนี้ได้เลย คนที่แอบปลื้มแต่ไม่เคยได้พูดคุยนี่ ไม่ว่าจะอย่างไร….เขาก็ยังคงให้ความรู้สึกน่ากลัวแต่ชวนหวั่นไหวได้อยู่ดี
“携帯です” keitai desu มือถือครับ
เสียงถอนหายใจดังนั้นออกมา และนั่นยิ่งทำให้นาวินใจฝ่อลงไปอีก แต่เขาก็ไม่ดุด่าอะไรออกมา กลับกันเขาหยิบมือถือออกมาให้จากกระเป๋ากางเกง ก่อนจะยื่นให้ร่างเล็กที่ยืนหดคอเป็นเต่า ดวงตาใสมองเขาอย่างงงๆ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่มีรอยยิ้มละมุนหรือติดเจ้าชู้เหมือนกับเชฟคนอื่นๆที่ตนได้ทำงานด้วย ทว่าใบหน้านิ่งๆของเขานั้นช่างอ่านได้ยากเย็นเหลือเกิน แล้วนี่ควรจะทำเช่นไรต่อไปดีล่ะเนี่ย สถานการณ์ตอนนี้มันน่าอึดอัดนัก
“ありがとうございます” arigatou gozaimasu ขอบคุณมากครับ นาวินตอบเสียงเบา แม้มันจะเป็นคำที่ใช้พูดเพื่อมารยาทที่ถูกต้อง แต่น้ำเสียงที่เบาเกินไป ก็ไม่รู้ว่ามันจะส่งถึงผู้รับสารหรือไม่ หลังกล่าวคำขอบคุณ เขาเพียงพยักหน้าให้และหันหลังหมายจะเดินกลับเข้าครัว แต่แล้วขาทั้งสองข้างก็ต้องชะงักกึกเมื่อเสียงประหลาดๆดังขึ้น
โครก………..
./////. เอ่อ….
“………”
“………” อุตสาห์ได้ใกล้ชิดมากที่สุดในชีวิตแล้วแท้ๆ
ท้องดันมาร้องเอาตอนเวลาหลับนอนต่อหน้าเขาได้ไง!!!!
“…….”
“…….”
“…….”
“…….” นาวิน….นายจะมาตายที่ญี่ปุ่นนี่ไม่ได้นะ…
อยากได้ชื่อว่าตายเพราะระเบิดตัวเองในห้องครัวหรือไง!
“ฮึๆ” แล้วทำไมเชฟต้องหัวเราะใส่กันด้วยล่ะ ทำอย่างนี้ไม่หล่อแล้ว!
“…….”
“面白いね” omoshiroine น่าสนใจนะ(ตลกจัง) แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนี้แต่นาวินก็ไม่รู้สึกยินดีอะไร ตอนนี้อายมากจนจะหมุดแผ่นดินหนีแล้ว
“失礼します” shitsureishimasu ขอตัวก่อนนะครับ ……ไปล่ะ อยู่ไม่ได้แล้ว ถ้าอยู่ต่อไปอีกแม้แต่นาที ถ้าไม่ระเบิดตัวตายไปเอง นาวินก็คงกัดลิ้นตัวเองจนตายให้ได้เองนั่นแหละ บ้าเอ้ย น่าอายชะมัด!
“ちょっと待って” chotto matte รอเดี๋ยวสิ…..แต่เขาเรียกไว้ อะคิระไม่ได้ดูเหมือนคนที่จะเรียกคนที่ไม่รู้จักกันมาต่อว่าหรือแซวอะไรให้อาย แต่แม้ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร สองขาของคนที่กลัวจะระเบิดตัวเองในร้านก็ได้หยุดเหมือนไม่เคยเคลื่อนไหวมาตลอดชีวิตในทันที ก่อนที่เขาจะเอ่ยว่า “ちょっと来て” chotto kite มานี่ก่อนสิ….. ขาที่หยุดนิ่งของตนก็เริ่มขยับอีกใคร….
ไปในทิศทางของผู้เรียกเสียด้วย….
“………….”
“…………..”
“มาจากไทยใช่ไหม” เขาถาม แต่เดี๋ยวนี่มันไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นแล้วนี่นา
“ค…ครับ…”
“ช่วยอะไรหน่อยสิ”
“…….” ด….เดี๋ยวนะ….
อย่างนี้ก็ได้เหรอ! (อย่างไหนล่ะ…)
อะคิระพาร่างเล็กเข้ามาในครัว สถานที่ที่นาวินไม่ค่อยได้เข้ามาเท่าไหร่เพราะหน้าที่ของตนหลักๆมีเพียงแค่ด้านนอกเท่านั้น เขาจัดการยื่นช้อนให้กับคนที่เลือกไม่ถูกว่าจะเขินหรือกลัวดี ก่อนจะวางถ้วยซุปอะไรสักอย่างไว้ที่ข้างหน้าให้ ใบหน้าเหรอหราของอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าที่มักจะนิ่งอยู่เสมอเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา “ทานสิ” เขาบอกด้วยภาษาที่นาวินคุ้นเคยที่สุด ในโทนเสียงแบบที่ไม่น่าเชื่อว่าชาตินี้จะได้ยินที่สุด วันนี้จะต้องถูกจารึกในฐานะเป็นวันที่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดมากมายในชีวิตของนาวินคนนี้แน่ๆ
“เป็นไงอร่อยไหม” เขาถาม เป็นใครถามที่ไม่ต้องบอกเลยก็รู้ว่าคาดหวัง…
“กะ…ก็อร่อยครับ” ดวงตาเรียวคมของเขาที่ดูน่าเกรงขามในยามนี่เปล่งประกายน้อยๆ
“เหรอ…แล้วเหมือนที่เคยกินมาไหม”
“ก็….ไม่เหมือนหรอกครับ”
“งั้นเหรอ”
“คือรสมือแต่ละคนมันก็….”
“แล้วอร่อยไหมล่ะ”
นั่นสิ….
“อร่อยสิฮะ” มันอร่อยจริงๆจากใจ….ไม่ใช่แค่เพราะบรรยากาศมันพาไป แต่รสชาติที่มาจากฝีมือของเขา….มันดีจริงๆ
และนั่นคงเป็นการเริ่มต้นการทำความรู้จักกับเชฟหนุ่มผู้เงียบขรึมในยามปกติ บทสนทนาของเขากับนาวินไม่ได้มีมากขึ้นเท่าไหร่ อย่างดีเขาก็ทักทายบ้างเมื่อเลี่ยงไม่ได้ตามหลักการทางมารยาท อะคิระยังคงทำงานของเขาเงียบๆและนาวินก็ทำหน้าที่ของตนต่อไปให้ดีที่สุด และ...อาจจะดีเกินไปในบางครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่ได้รับรู้ว่าในบทสนทนาที่ไม่มากเท่าไหร่ของเรานั้นมันเกิดขึ้นด้วยภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจนอกจากเราสองคนแล้ว ความรู้สึกใกล้ชิดที่คิดไปเองแบบนี้ก็ทำให้ปลื้มจนอกจะแตกตาย แค่คำว่า ‘สวัสดีครับ’ ที่มีไม่บ่อยแค่นั้น ก็ทำให้ตื่นเต้นจนต้องห้ามใจไม่ให้คิดไปไกลกว่านี้
“วินซัง…กลับหรือยัง” หนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่เลิกงานพร้อมกันได้ถามออกมา ในตอนนี้ทุกคนล้วนอยากทิ้งตัวนอนลงบนเตียง
“เดี๋ยวนะ ขอหามือถือก่อน” เด็กหนุ่มตอบรับเพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่ว่าทำหายอีกแล้วหรอก เพียงแค่….พยายามทำเป็นหาไม่เจอก็เท่านั้น พนักงานหน้าร้านทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายในฐานะของเด็กเสิร์ฟที่นี่ และอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอหน้าคนที่หลงใหลเหลือเกินคนนั้น
ร่างเล็กค่อยๆเดินไปยังหน้าประตูครัวที่ตนไม่มีโอกาสได้เข้าไปอีกจากวันนั้น อะคิระ….เขามักจะอยู่ในนั้นแม้ว่าจะเลิกงานนานแล้ว เขานั้นเป็นตาคนบ้างานที่หลงรักห้องครัว บางทีแฟนเขาก็ต้องอยู่ในครัวเหมือนกันนั่นแหละ อาจจะเป็น หม้อ ไห หรือมีดที่เขารักนักรักหนาและอยู่กับมันได้นานๆ นี่แหละครั้งสุดท้าย ขอให้การที่ถือวิสาสะเข้ามาในสถานที่อันหวงแหนของเขาได้รับการให้อภัย วินอยากจะเก็บภาพของเขาในความทรงจำไว้ให้มากที่สุด ขอลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากกันทั้งอย่างนี้นี่แหละ เมื่อตัดสินใจได้แล้วก็ไม่รอช้าเลยที่จะเปิดประตูบานใหญ่นั้นเข้าไป
Hold me close and hold me fast
The magic spell you cast
This is la vie en rose
When you kiss me heaven sighs
And tho I close my eyes
I see la vie en rose
ท้วงทำนองหวานๆจากมือถือที่ดังก้องในยามที่ไม่มีใครนี้ ร่างสูงกำลังทำความสะอาดภาชนะของเขาแต่ใบหน้านั้นดูละมุนลงอย่างบอกไม่ถูก นาวินเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความกล้าที่ตนเอามานี่จะมลายหายไปเพียงแค่มองเขาอยู่อย่างนั้นหรือไม่ เด็กคนนี้ช่างบ้าบอนักที่แอบมองเขาโดยไม่ขออนุญาต ไม่สิ! แค่เข้ามาในสถานที่นี้ก็ผิดแล้ว คนทำผิดได้แต่เรียกขวัญกำลังใจของตนให้กลับมา นี่….จะได้มองเขาไหม และจะได้ลาเขาหรือเปล่า หากยังกลัวอย่างนี้
“อะคิระซัง”
“หืม….”
“คือว่าผมกำลังจะไปแล้วฮะ”
“อะไรนะ” มันอาจจะเป็นบทสนทนาที่ขาดการเกริ่นนำจนเกินไป ความตื่นเต้นทำให้นาวินเริ่มทุกอย่างผิดไปหมด บางทีก็คงจำเป็นต้องอธิบายอะไรให้มากกว่านี้จริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม…..
สำหรับอะคิระ….
ร่างเล็กเดินเข้ามาหากันมากขึ้น เขายังคงไม่เข้าใจในท่าทีของเด็กคนนี้ที่กำลังเดินเข้ามาหากัน แต่เขาวางผ้าขี้ริ้วในมือลง ก่อนจะจ้องลงไปในแววตาที่ดูแน่วแน่ผิดกลับทุกครั้งที่ได้มอง นาวินคนนี้ช่างมีดวงตาที่แวววาวกว่าใครในโลกที่เขารู้จัก และหากมีใครกล่าวหาว่าท่าทางนิ่งๆนี่ของเขาช่างเข้าใจยากแล้ว สำหรับเขา เจ้าของดวงตาใสซื่อนี่ก็เข้าใจได้ยากพอกัน อะคิระคิดเช่นนั้นโดยขาดการระมัดระวัง โดยไม่คาดคิด เขากำลังถูก…กระทำ….
ผ่านริมฝีปากที่มักจะปิดสนิทตามประสาคนเคร่งขรึม…..
ริมฝีปากของเขาถูกเด็กหนุ่มที่ไม่ได้มักคุ้นครอบครอง มันไม่ใช่จูบอันวาบหวาม แต่มันเต็มไปด้วยความหวานเหมือนท้วงทำนอง La Vie En Rose ที่กำลังคลออยู่ในตอนนี้ อะคิระยังคงงงวยเกินกว่าที่จะขัดขืนและเขาก็ยอมถูกจูบอยู่อย่างนั้นโดยไร้ซึ่งการต่อต้าน จูบที่เพียงแค่ประทับริมฝีปากอิ่มลงบนริมฝีปากของเขานั้นบอกกันไม่ได้ว่าทำไม แต่เขาก็เลือกที่จะนิ่งเฉยและเพลิดเพลินไปกับการให้กลีบกุหลาบสีชมพูอวบอิ่มนั้นคลอเคลียที่ริมฝีปาก ก่อนที่อีกฝ่ายจะหยุดมันด้วยตัวเอง ในความคิดแรกที่สัมผัสนั้นถอยห่างออกไป….เขาอยากทำสิ่งนั้นได้อย่างไรนะ….
ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ หากแต่ดวงตาของเด็กหนุ่มยังคงใสแจ๋ว อะคิระมองใบหน้านั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกอะไร แต่มันเร็วเกินกว่าที่จะรู้สึกได้ นาวินที่ทำการใหญ่จูบเขาเมื่อครู่นิ่งเงียบเพียงครู่ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องครัวที่เขายังไม่ทันได้ถามว่ามีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า อะไรคือเป้าหมายของเด็กคนนั้น มันไม่ใช่เรื่องทั่วไปเลยนะที่อยู่ๆจะเดินเข้ามาเรียกหาและละลาบละล้วงกันด้วยการมอบจูบให้กัน เด็กคนนั้นมาจบภารกิจความชื่นชอบของตนที่นี่กับจูบอันกระทันหันและเอาแต่ใจตัวเอง และจากไปอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้ ช่างเอาแต่ใจเสียจริง แม้คนที่นิ่งเฉยได้เหมือนรูปปั้นเช่นเขาจะดูเหมือนไม่สนใจอะไร แต่จริงๆเขาคิดอย่างไร…
ทำไมไม่คิดจะอยู่รอเพื่อให้เขาเรียบเรียงคำพูดออกมาเสียก่อน….
When you press me to your heart
I’m in a world apart
A world where roses bloom
สองปีต่อมา….
นาวินได้กลับไปที่ร้านอาหารแห่งนั้นอีกครั้งเมื่อตนได้มีโอกาสกลับไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นหลังจากกลับไทยได้สองปี แต่อะคิระไม่อยู่ที่นั่นแล้ว เชฟหนุ่มปีกกล้าขาแข็งพอที่จะออกไปมีรังของตัวเอง และนั่นทำให้วินที่รวบรวมความกล้าหาญผิดหวังที่กลับมาญี่ปุ่นทั้งทีแต่ก็ไม่ได้ก็ไม่ได้ยินเรื่องราวของเขาอีก นาวินไม่ได้คิดอยากจะเจอเขาตัวเป็นๆอยู่แล้วเพราะตนได้ทำเรื่องเสียมารยาทลงไปขนาดนั้น แต่อย่างน้อยแม้ไม่ได้เจอ การที่ได้รับรู้ว่าเขายังอยู่ในที่ที่ตนสามารถมองเห็นได้ ก็ยังดีซะกว่าต้องมารับรู้ว่าเขาได้หายไปจากขอบเขตความรู้ของจน
ผ่านไปสองปีแล้ว ในชีวิตของอะคิระคงมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น และเรื่องราวที่ว่ามีเด็กบ้าคนนึงไปขโมยจูบของเขาเมื่อสองปีก่อนก็อาจจะจางหายไปจากความทรงจำตามประสาคนที่สนใจแค่งานของตัวเอง ทั้งๆที่วันนั้นตั้งใจไปแค่ลาและบอกว่าจะกลับประเทศ แต่นาวินกลับทำอะไรบ้าๆราวกับโดนผีเข้าอย่างนั้นลงไป หากเขาไม่ลืมกันไปแล้วก็คงเกลียดชังจนไม่อาจจะให้อภัยได้ บางทีนี่อาจจะดีแล้วแหละที่เราไม่ต้องเจอกันอีก....เพราะนาวินไม่ได้รู้สึกผิดที่ไปจูบเขาขนาดที่ว่าสามารถกล่าวคำขอโทษต่อหน้าอย่างเต็มภาคภูมิ เพราะถ้าหากตัวเองรู้สึกเสียใจแล้วจริงๆ
ทำไมตนถึงได้ชอบริมฝีปากอันนุ่มนวลผิดกับนิสัยที่ดูแข็งกระด้างนั่นล่ะ
ใบหน้าหวานแดงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเพียงแค่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นที่ตนยังเด็กนัก แน่นอนเวลาผ่านไป คนเราก็ต้องเปลี่ยนแปลง นาวินกลับมาที่ไทยและทำงานเป็นล่ามฟรีแลนซ์และรับแปลหนังสือบ้าง จนถึงวันนี้ก็เติบโตมาจนสามารถดูแลตัวเองได้โดยไม่มีเรื่องให้ต้องรบกวนครอบครัวที่อยู่ต่างจังหวัดนัก สองปีที่ดูเหมือนจะนานได้ผ่าน แต่บางอย่างกลับไม่เปลี่ยนไปเลย แน่นอน…ยังไม่ชอบอาหารฝรั่งเศสมากขึ้นเท่าไหร่และชอบของหวานเป็นที่สุดเหมือนเดิม ทว่าเพราะความจำเป็นในวันนี้ที่ฝนตกกะทันหันนัก เจ้าของร่างเล็กค่อยๆเปิดประตูร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลนักด้วยหวังจะขอหลบฝนยามเย็นวันเสาร์ คุณป้าเจ้าของร้านยิ้มให้อย่างใจดี ก่อนจะส่งเมนูให้
อาหารฝรั่งเศส….
“ผมเอ่อ…พอจะมีของหวานไหมละฮะ”
“รับเป็นเครื่องดื่มอุ่นๆไหมคะ” ดูเหมือนว่าฝนที่ตกข้างนอกจะทำให้คนที่เดินเข้ามารู้สึกหนาวจนต้องกอดตัวเอง คุณป้าเจ้าของร้านจึงแนะนำให้รับเป็นเครื่องดื่มอุ่นๆเพื่อช่วยให้เจ้าของร่างเล็กได้คลายหนาวในวันที่ร้านก็ดูเงียบเหงาเช่นนี้
“ขอโกโก้ที่นึงละกันฮะ” สั่งมาก่อน รอให้ฝนหยุดแล้วค่อยไปละกัน
หลังจากที่สั่งอะไรง่ายๆมา นาวินก็รอเครื่องดื่มที่สั่งไปให้มาเสิร์ฟ ตอนเย็นวันเสาร์เช่นนี้ที่ฝนตก ร้านอาหารที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของย่านกลางเมืองที่สงบอย่างน่าเหลือเชื่อ มีเพียงตนเท่านั้นที่เป็นแขกของร้าน แถมยังเป็นแขกที่เรื่องมากด้วยนะ เพราะไม่ชอบอาหารฝรั่งเศสอย่างไรแต่กลับเดินเข้ามาท้าทายกันถึงถิ่นเช่นนี้ นาวินก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักทำไมถึงได้ไม่ชอบ มันอาจจะเพราะได้เห็นการทำงานของคนในร้านนั้นก็เลยพาลไม่อยากอาหารก็เป็นได้
“นี่ค่ะ” หญิงวัยกลางคนค่อยๆวางจานอาหารของร้านบนโต๊ะ แต่เดี๋ยว….ไม่ได้สั่งนี่
“คือผม”
“เชฟบอกว่าให้ทานสลัดรอก่อนนะค่ะ เธอกลัวคุณจะไม่อยู่ท้อง” สลัดกุ้งงั้นเหรอ นาวินพยักหน้ารับความหวังดีของคุณป้าเจ้าของร้านก่อนจะจิ้มผักสลัดที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามเข้าปาก เสียงประตูร้านดังขึ้นก่อนที่ตนจะมองไปรอบๆแล้วพบว่านอกจากตัวเองแล้วไม่มีใครอื่นอีก
ไปไหนกันหมดนะ….แต่เดี๋ยวคงกลับมา….ก็นี่ยังไม่ได้เก็บเงินไม่ใช่เหรอ นาวินพักความคิดเอาไว้ก่อนจะก้มหน้าลงจัดการกับสลัดในจานต่อโดยไม่สงสัยต่ออะไรที่แปลกประหลาดไป แต่แล้วจู่ๆข้างตัวก็มีคนนำแก้วมาวางไว้ให้ ในที่สุดอะไรอุ่นๆที่สั่งไปก็ได้มา แต่เดี๋ยว! ทำไมแก้วกาแฟหรือแก้วโกโก้ถึงมีรูปทรงเรียวแบบนี้ล่ะ นี่มันไม่ใช่แล้วนะ
“คือ…ผมไม่ได้สั่งครับ” นาวินนั้นปฏิเสธการรับรายการที่ตนไม่ได้สั่งก่อนจะมองหน้าผู้เอามาวางด้วยตั้งใจจะอธิบาย ทว่าคำอธิบายเหล่านั้น…
คงไม่มีโอกาสได้ออกจากปากอีกแล้ว…
เชฟอะคิระ!
เขาไม่เพียงแค่วางแก้ว หากแต่รินไวน์ให้อย่างอารี มิหนำซ้ำในอีกมือยังถือแก้วไวน์อีกใบทั้งๆที่นาวินเป็นแขกคนเดียวในร้าน เหมือนกับว่าเขาจงใจที่จะมานั่งเป็นแขกอีกคน ร่างเล็กที่ตกใจกับการพบกันในครั้งนี้ได้แต่นิ่งเงียบ ชายหนุ่มดูไม่ต่างไปจากวันสุดท้ายที่พบกัน เขายังคงมีดวงตาทรงเสน่ห์ ร่างสูงทะมัดทะแมง และมือสวยที่ดึงดูดสายตาให้มองยามที่กำลังรินไวน์แดงให้กันโดยไม่ถามความคิดเห็น อะคิระนั่งลงตรงข้ามก่อนจะถือวิสาสะชนแก้วอีกใบที่เอามากับของนาวินที่งงงวย ไม่ได้เจอกันนาน…แต่พอได้เจอก็พรากสติของกันไปโดยไม่แม้แต่จะบอกกล่าว
“お久しぶり” ohisashiburi ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ….น้ำเสียงนุ่มที่ไม่คิดว่าจะได้ยินอีกกล่าวทักทาย ใช่…ไม่ได้เจอมานาน และก็คิดเสมอว่าไม่ควรได้เจออีกเลย…
“……” นาวินหมดสิ้นแล้วคำพูด แม้แต่สลัดที่คาส้อมก็ไม่น่าถูกตักเข้าใส่ปาก ดูจากชุดที่เขาใส่แล้วมันชัดเจน เชฟที่คุณป้าคนนั้นพูดถึงคือเขานั่นเอง
“ทานอีกสิ”
“ผมอิ่มแล้วครับ” ดื้อ….คือสิ่งเขาคิดได้เมื่อรับรู้ว่านาวินที่เคยไม่ดีกับเขาตอบโต้ออกมาทันทีเมื่อเขาพูดด้วย แต่มันอาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณก็ได้ ในเมื่อคนที่นิ่งเฉยมาโดยตลอดเช่นเขา ได้เอ่ยเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายทานสลัดอีกด้วยแววตาวิบวับแบบที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน วินเอง….ก็เพิ่งจะได้เห็นเป็นครั้งแรกจนต้องย้อนคิดอีกครั้งว่าอีกฝ่าย….ใช่อะคิระที่ตนรู้จักจริงๆน่ะเหรอ
“ไม่ใช่เพราะเจอผมหรอกเหรอ”
เอ่อ….ทำไมถึงต้องพูดแทงใจดำ ร่างสูงมองเด็กมีปัญหาเหมือนจะจับผิด แต่เปล่าเลย เขาไม่มีความจำเป็นต้องจับผิดอะไรอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่ที่เขาย้ายกลับมาไทย อะคิระก็ไม่ได้เริ่มงานในโรงแรมดังอย่างที่ใครๆเข้าใจ ทว่ากลับเปิดธุรกิจเล็กๆของตนเองได้ไม่นานมานี้ วันนี้แขกผู้มาเยือนตัวน้อยก็ยังคงทรงอานุภาพเช่นวันนั้น…วันที่เปิดประตูเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต และอาจจะเดินออกไปโดยไม่บอกกล่าวสิ่งใด…เหมือนวันนั้น ช่างบังเอิญเสียจริงที่ได้เจอกันอีกครั้ง
“ทานหน่อยเถอะนะ อยากให้ทานอาหารที่ผมทำ แม้จะไม่ชอบอาหารฝรั่งเศสก็ตาม” อา…เขารู้
“ก็ได้ครับ” นาวินทานมันโดยไม่มีข้อโต้แย้ง โชคดีที่สลัดนี่มันไม่ฝรั่งเศสจ๋า
“เด็กดี….” คำชมที่หลุดออกจากปากนั้นยิ่งใกล้ทำให้จะอกแตกตาย นอกจากจะบังเอิญเจอจนทำให้ตั้งตัวไม่ทันแล้ว ยังทำให้หัวใจเต้นแรงเสียจนน่ากลัวว่าจะหลุดออกจากอก
เขาช่างอันตรายนัก
จนเกือบหมดจาน วินทำตามเขาอย่างว่าง่ายและทำให้อะคิระยิ้มกับบรรยากาศที่ถูกคลอด้วยเพลงคลาสสิคที่เขาชอบ ปลายนิ้วเรียวกำลังหยอกล้อปากแก้วไวน์อย่างอารมณ์ดีพลางมองใบหน้าของอีกคนที่พยายามเลี่ยง จะมีอะไรสุขใจไปกว่าการที่เชฟคนนึงซึ่งฝันจะมีร้านอาหารของตนเอง บัดนี้ เขานั่งอยู่ในร้านอาหารเล็กๆ มีคนน่ารักทานสลัดง่ายๆของเขา มีไวน์ มีแสงไฟสลัว และมีดนตรีหวานคลอบรรยากาศ นาวินยังคงกัดส้อมเหมือนเด็กๆ ก่อนจะช้อนตามองกันเหมือนจะอยากถามบางอย่าง ทว่ากลับเลือกที่จะเงียบไป
“จริงๆผมไม่ถนัดทำของหวานเลย” ของหวานที่อีกฝ่ายชอบ
“อันนั้น….” วินควรจะพูดอะไรออกไปดีนะ จำเป็นไหมที่เราควรจะให้แก้ไขอะไรทั้งๆที่ความเข้าใจของเขาคือความจริง วินไม่ชอบอาหารฝรั่งเศสแต่ชอบของหวานที่สุด
“แต่ผมอยากให้คุณกินอาหารฝรั่งเศสมากเลยไม่รู้จะทำยังไง”
อา…อะคิระซังไม่จำเป็นต้องทำอะไร
“เลยลองทำเครมบูเล่ดูเผื่อว่าคุณจะตกหลุมพรางบ้าง” เขาเดินไปหยิบขนมที่ทำไว้ก่อนจะเอามาวางตรงหน้า อะคิระไม่ถนัดทำขนม ไม่สิเขาไม่ชอบของหวาน แต่เมื่อได้ยินจากเพื่อนร่วมงานเก่าเกี่ยวกับนิสัยการกินของเด็กคนนี้เขาก็เริ่มหัดทำ และหวังลมๆแล้งๆว่าจะมีโอกาสได้ให้อีกฝ่ายชิม ช้อนเล็กตักมันขึ้นมาก่อนจะใส่ปากตนเองช้าๆ ดวงตาแวววาวหลับพริ้มเพื่อลองดื่มด่ำกับรสชาติที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อตนโดยเฉพาะ และมันก็….
“อร่อย…อร่อยมากเลยครับ”
“เหมือนกับจูบของเราตอนนั้น”
เอ่อ .////.
“ทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่าครับ” ทำไมเขาช่างตรงนัก ไม่รู้เหรอว่าเราไม่ควรคุยเรื่องนี้กันเพราะมันจะทำให้วินอับอายจนจะระเบิดตัวตายในร้านของเขา
“ผม…ไม่ได้คิดอะไร” ไม่ได้คิดอะไรตอนนั้นแต่คิดมากมาจนถึงตอนนี้เลยต่างหาก!
“แต่ผมคิดนะ หลังจากนั้น” เขาเป็นคนคิดมากเสียด้วย “คิดมาตลอดว่าชอบมากๆ อยากโดนอีก และก็ทำยังไงดีนะ คิดจนหัวจะแตก” และเขาก็เป็นคนย้ำคิดย้ำทำย้ำพูด
“ข…ขอโทษที่เอ่อ…ผม” ที่ล่วงเกินจนเป็นแผลใจขนาดนั้น ให้ตายเถอะ มันช่างน่าอึดอัดอะไรเช่นนี้
“ไม่เป็นไร…”
And when you speak, angels sing from above
Everyday words seem to turn into love songs
Give your heart and soul to me
And life will always be la vie en rose.
“อะคิระซัง…เอ่อ เชฟครับ” เจ้าของใบหน้าแดงนั้นมองเขา มีมากกว่าหมื่นล้านคำที่เราสองคนอยากจะพูดออกมา ฝั่งนาวินคงอยากแก้ตัวหรือขอโทษขอโพยรวมถึงอ้อนวอนขอให้เขาปล่อยกันไปก่อนที่ความเขินจะทำร้ายเจ้าตัวไปมากกว่านี้ แต่เขาที่เรียบเรียงร้อยหมื่นคำพูดได้ดีกว่าเพราะเตรียมตัวมาพร้อมก่อนเดินออกมาเสริฟท์ไวน์ด้วยตัวเองกลับชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ผมชื่ออคิราห์ ไม่ใช่อะคิระ” จริงๆแล้วเขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นและชื่อสะกดด้วย alphabet ว่า ‘AKIRA’ เลยทำให้คนทั่วไปโดยเฉพาะคนญี่ปุ่นเข้าใจว่าชื่ออะคิระ ซึ่งเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะขี้เกียจมาแก้ไขความเข้าใจรวมถึงสอนออกเสียงให้ทุกคนพูดได้ แต่กลับคนนี้ เขาปล่อยไว้ไม่ได้จริงๆ เพราะเขามองว่าชื่อที่ไม่มีคนเรียกของเขานี้มันช่างพิเศษนัก
และคนพิเศษเท่านั้นจะต้องเรียกมันให้ถูกต้อง
“ค…ครับ”
“ไหนลองเรียกดูสิครับ คุณวิน” เขาเหมือนจะเน้นย้ำชื่อวินเพื่อกระตุ้นให้รู้ว่าเขาให้ความสำคัญกับชื่อของอีกฝ่ายเช่นกัน
“คุณอคิราห์…”
“ดีมาก” เขาเอ่ยชม มันเหมือนกับว่าเขาคือคุณครูอนุบาลที่กำลังสอนเรื่องง่ายๆแต่ทำได้ยากให้กับนักเรียนเด็กน้อยคนนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าบทเรียนต่อๆไปที่เชฟหนุ่มจะสอนให้จอมแสบที่ใจร้ายและเย็นชากว่าเขาเป็นไหนๆคืออะไร มันสายเกินไปแล้วที่จะขอโทษ แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่คำขอโทษก็ไม่มีความหมายสำหรับเขาเลยหลังจากที่อีกฝ่ายได้ผละจูบแสนหวานที่เริ่มเองก่อนออกมา อคิราห์ไม่ได้ต้องการที่จะให้นาวินแก้ไขอดีตเช่นกัน หากจะไถ่โทษ เขาก็ไม่คิดจะเรียกร้องอะไรมากมาย
ขอเพียงแต่….
“ถ้าชอบเครมบูเล่ของผม อย่าลืมมาอุดหนุนกันบ่อยๆนะครับ” เขาอยากเห็นหน้าและรับรู้ถึงการมีอยู่รอบๆของนาวิน เพื่อที่ว่าสักวันนึง
เด็กนี่จะบ้าบอกลับมาจูบเขาเหมือนที่เราเคยจูบกันให้บ่อยครั้งตามที่ใจต้องการ…..
☁
end
talk: วันนี้แอบลงนิยายสองเรื่อง มาบ่อยจริงๆ จริงๆแล้วเราเคยรีไรท์เรื่องนี้จากฟิคที่เคยแต่ง แต่เหมือนจะไม่เคยลงที่นี่ น่าจะลงอีกที่หนึ่งแค่ที่เดียวนะค่ะ เผอิญวันนี้บังเอิญไปเห็นเลยเอามาลงที่นี่ด้วย
จริงๆเรื่องนี้ถูกนำมาเขียนใหม่จากฟิคชั่นที่เคยแต่งน่ะค่ะ แต่ว่าที่เคยแต่งนั้นเรามีแต่งต่อไปอีก เพราะมีคนขอมา แต่เราว่าเรื่องสั้นประมาณนี้ก็สมบูรณ์อยู่..... (พิมไปเหงื่อตกไป คาดว่ามีคนไม่เห็นพ้อง5555)
เปลี่ยนเรื่อง/ยังไงขอฝากเรื่องอื่นๆในบอร์ดนี้ด้วยนะคะ
lเรื่องสั้นจบแล้วl เรื่องเล่าในวันศุกร์ที่ฝนตกหนัก (ณวัฒน์xธรณ์)
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67038.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67038.0)
lเรื่องสั้นจบแล้วl ช่อดอกไม้และ20cmของเรา (กานต์xฐา)
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66964.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66964.0)
lเรื่องยาวยังไม่จบl ☼ ☽ เมื่อทินกรลับฟ้า ยามจันทราดับแสง (mpreg) ☼ ☽ #อาทิตย์ศศิ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67216.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67216.0)
lเรื่องสั้นจบแล้วl 'คนเดิม' (เพชรxลูกตาล)
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66617.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66617.0)