พิมพ์หน้านี้ - ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: makok_num ที่ 14-05-2018 16:23:55

หัวข้อ: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 14-05-2018 16:23:55
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะค่ะ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะค่ะ
สรุปข้อสำคัญดังนี้


1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อ ความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0




---------------------------------------------------------




Be Bear Bae
#หมีแต่รัก



"เจได... จีบมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะขอเป็นแฟน"


☉ ............................................... ☉


เรื่องนี้เป็นคู่แยกจาก #เกมท้ารัก ค่ะ แต่ไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องก่อนหน้าก็เข้าใจได้ค่ะ ไม่ต่อกัน ^^
น่าจะเป็นเรื่องที่มุ้งมิ้งที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา ถ้าผิดพลาดตรงไหนติติงได้เสมอเลยนะคะ
ฝากเอ็นดูป๊าเจดกับเจไดด้วยน้า

ขอบคุณมากๆ ค่า

-Martian-

:: นิยายที่ผ่านมา ::

Just Another Guy #เชนตรี (จบแล้ว) (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52722.0)

Just Before Sunrise #ซันโช (จบแล้ว) (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59409.0)

Truth Or Dare #เกมท้ารัก (จบแล้ว) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=62650.0)

Silence #ไม่มีเสียงตอบรัก (ยังไม่จบ) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67085.0)

'One Night' Series #เรื่องสั้นคืนเดียว (เรื่องสั้นจบในตอน)
 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60063.0)

................................................

Facebook : makok_num (https://www.facebook.com/makoknum.writer/)
Twitter : makok_num (https://twitter.com/makok_num)
[/center]
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทนำ (14.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 14-05-2018 16:26:24
บทนำ
[/b]

   
เราเริ่มเล่าเรื่องด้วยกาลครั้งหนึ่งได้ไหม? เชยไปไหม

อา ไม่ใช่การ์ตูนดิสนีย์ด้วยนี่นะ
   
...
   
กาลครึ่งหนึ่งไม่ค่อยนานเท่าไหร่ ประมาณ... สองสามอาทิตย์ก่อนได้

มีหมีตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เป็นหมีตัวโต หน้าดุ แต่เวลายิ้มแล้วน่ารักมาก (มากๆ) เนื้อแท้เป็นหมีใจดี ตลกเป็นบางครั้ง... ตัวหอม... ขี้เขินแล้วก็ชอบเกาคาง... คางที่มีเคราตัดแต่งอย่างดีรอบริมฝีปากที่คล้ำนิดๆ เพราะสูบบุหรี่จัด

หมีรักเคราพอๆ กับกีตาร์ของเขา หมีเล่นดนตรีเก่ง ร้องเพลงเพราะ แต่ไม่ค่อยมีเซ้นส์ด้านการเลือกสมาชิกวงเท่าไหร่ ตั้งวงทีไรก็พังไม่เป็นท่า

ไม่มีเซ้นส์พอๆ กับเรื่องความรักนั่นล่ะ

หมีตกหลุมชอบผู้ชายคนหนึ่ง... เป็นรักข้างเดียว รักข้างเดียวที่ไม่มีทางสมหวัง เพราะผีเสื้อแสนสวยเลือกบินเคียงคู่ดวงจันทร์

หมีก็เลยอกหัก เป็นได้แค่หมีเห่าเครื่องบิน

ทีนี้...ตัดภาพมาที่เรา

เราก็เล่นดนตรีเหมือนกัน เล่นเบส เหมือนในหนังเลย อยู่ๆ เขาก็มาจีบเราเข้าวง ตอนนั้นเราคิดว่าเขามาจีบเราก็เลยตอบตกลง...

มารู้ทีหลังว่าไม่เกี่ยวกันก็เลยเฟลหน่อยๆ แต่ไม่เป็นไร แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียงเพราะๆ รอยยิ้มน่ารักของเขาเราก็พอใจ

เพื่อนบอกว่าเราแรดที่ยอมตามเขาต้อยๆ ง่ายๆ แต่แม่เคยบอกว่าเราจะทำอะไรก็ได้ แค่ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเอง

เราเชื่อแม่

แต่ก็ยังต้องมีเพื่อนไว้พึ่งพา เพราะตอนนี้กำลังเจอปัญหาใหญ่...

เราชอบเขาน่ะเข้าใจใช่ไหม เหมือนถูกหมีตัวโตแอทแทคเต็มๆ ตรงหัวใจ ปล่อยไปไม่ได้ ไม่อยากปล่อย แล้วเราก็ใจร้อน ก็เลยเผลอพลั้งปาก...


‘ถ้าป๊าตัดใจจากพิชญ์ได้แล้ว ขอเราจีบได้ป่ะ...’


นั่นแหละ ปัญหาใหญ่

“คือมึงจะจีบเขา?” เพื่อนสรุปหลังจากเราอุตส่าห์เล่ายืดยาว

“อืม” เราพยักหน้า หันปากซองขนมส่งให้เพื่อน ตั้งใจจะติดสินบน แต่คนขี้บ่นยังไม่หมดคำถาม

“แล้วเขาตัดใจจากคนนั้นได้ยัง” เราชะงัก เหมือนโดนจี้ใจดำแต่ก็พยักหน้าอีกครั้ง เอ่ยเบาๆ

“เขาบอกว่าได้แล้ว”

“แล้วมึงก็เชื่ออ่ะนะ”

เชื่อสิ เชื่อหมดแหละคนนั้น

เราได้แต่คิดในใจ พูดออกไปเดี๋ยวโดนบ่นว่าใจง่ายอีก เพื่อนหยิบขนมเข้าปากเคี้ยวกร้วมๆ พลางทำหน้าหนักอกหนักใจ คงรู้ว่าเราไม่อยากฟังคำบ่นเลยขึ้นประเด็นใหม่

“แล้วมึงจะจีบเขายังไง คณะก็อยู่ตั้งไกล”

อ้าว คณะต้องอยู่ใกล้เหรอถึงจะจีบได้?

ลุงเราเป็นอธิการบดี สั่งย้ายถาปัตย์มานี่ได้ไหม

พูดไม่ได้อีก เดี๋ยวโดนชีทฟาดโครม

“เราเลยมาปรึกษา...” พอเอ่ยปากถึงตรงนี้เพื่อนเลยเบิกตากว้าง โบกมือพัลวัน

“มึงไม่ต้อง ไม่ต้องเลย คบกันมาเป็นสิบปีมึงเคยเห็นกูมีแฟนเหรอ”

ก็ไม่เคย วันๆ เห็นเพื่อนเอาแต่นั่งอ่านหนังสือจนตาคล้ำ

“ว่าแล้ว” เราถอนหายใจ เลือกปรึกษาผิดคนจริงๆ แหละ แต่นอกจากเพื่อน เราก็ไม่มีเพื่อนที่ไหน

“ไม่เป็นไรเรามีแผนสำรอง” ฮึบขึ้นมาใหม่ มองหน้าเพื่อนเห็นแววตาสงสัยเลยหยิบกระเป๋าผ้าประจำตัวขึ้นมา เทของที่อยู่ด้านในขึ้นมากองบนโต๊ะ เพื่อนยิ่งขมวดคิ้วแน่นใหญ่

“ไปยืมห้องสมุดมา” มองเพื่อนที่หยิบแผ่นดีวีดีไปพลิกดูพลางอธิบาย

“อันนั้นหมีสีน้ำตาล... หมีขั้วโลก หมีแพนด้า... มีหมีหมากับหมีควายด้วยแต่ไม่ได้หยิบมา เราว่าไม่ค่อยเหมือนเจดเท่าไหร่”

“เจ...”

“อันนี้สารคดีคนกับหมี National Geographic ด้วย น่าจะช่วยได้ แล้วก็...”

“เจได” เราเม้มปากฉับ เมื่อเพื่อนเอื้อมมือมากำข้อมือทั้งสองข้างไว้ กดลงกับโต๊ะด้วยสีหน้าเหมือนอยากจะระเบิดอะไรสักอย่าง

โดนมาหลายครั้ง หน้าแบบนี้หมายความว่าให้หุบปาก แล้วฟัง

เพื่อนถอนหายใจ หลับตาสงบอารมณ์หนึ่งครั้งก่อนยิ้มแบบน่ากลัวมากๆ ส่งมา

“เอาเป็นว่ากูจะไปถามเพื่อนๆ ให้ว่าเค้าจีบแฟนกันยังไง”

“...”

“ระหว่างนี้มึงจะทำอะไรต้องปรึกษากู โอเคไหม” เรายังคงเม้มปาก วางสารคดีสัตว์นักล่าในมือแล้วพยักหน้าเข้าใจ เพื่อนทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ แต่สุดท้ายก็ผ่อนลมหนักๆ ปล่อยมือแล้วตบบ่าเราสองสามที

“ไม่ต้องห่วง กูช่วยมึงเอง”

เห็นไหม เพื่อนใจดี






#หมีแต่รัก
-Martian-
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ บทนำ (14.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 14-05-2018 16:53:00
น้องเจไดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
สนใจจีบแรคคูลมั้ยย
ตัวนุ่มๆ ขนฟูๆ เหมือนหมีเลยนะลูกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ บทนำ (14.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 14-05-2018 20:52:53
มาลงชื่อรอดูน้องเจไดจีบคุณหมี
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ บทนำ (14.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 15-05-2018 13:40:20
มาแอบดูน้องจีบหมีค่ะ ขนสารคดีหมีๆมาเต็มเลย น่าเอ็นดู :laugh:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ บทนำ (14.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-05-2018 17:05:53
 :m20: ลั่นเลย
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ บทนำ (14.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 15-05-2018 21:43:12
หมีเป็นสัตว์โลกน่ารักใช่มั๊ยล่า
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ บทนำ (14.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 16-05-2018 10:20:32
ว้ายยยนย ยังคิดถึงเกมท้ารักอยู่เลย มาอีกคู่แล้ว ดีใจจัง
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ บทนำ (14.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 16-05-2018 10:36:35
สงสารเพื่อนแปป
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 50% (20.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 20-05-2018 15:51:47
ข้อที่ 1

สเปกหมี (50%)


เพื่อนบอกว่าถ้าจะจีบใคร ควรรู้ว่าเขาชอบคนแบบไหน

               

ป๊อกๆๆๆๆ

               

“โห มีมอไซค์ด้วยว่ะ” เจดเอ่ยกลั้วหัวเราะ เมื่อเราขับเวสป้าสีขาวนวลตามาจอดเทียบข้างเขา

               

วันนี้วันหยุด เรามีนัดซ้อมดนตรีกัน เราอาสามารับเจดเพราะตั้งใจจะพาไปกินข้าวกลางวัน

                 

ปกติเจดจะเป็นคนไปรับเรา แต่ตอนนี้สถานะมันเปลี่ยนไปแล้วใช่ไหมล่ะ จะจีบเขา เราก็ต้องเป็นฝ่ายทำคะแนน

               

“อือ กลัวรถติด เลยขับมะลิมา” บอกพลางยื่นหมวกกันน็อกอีกใบให้ เจดรับไปถือไว้มองเราสลับกับเบาะนั่งด้านหลัง แล้วก็ยืนยิ้มอยู่อย่างนั้น



“ถามจริง เคยให้ใครซ้อนป่ะ”



เราพยักหน้า “เพื่อน”



หอเราอยู่ใกล้คณะ เวลารีบๆ ก็จะพาเพื่อนซ้อนมะลิไป มันเร็วกว่า แต่ร้อน เพื่อนไม่ชอบ บ่นประจำ



“แล้วเพื่อนตัวเท่าไหน” เราเลิกคิ้วไม่ค่อยเข้าใจคำถาม แต่ก็ยืดแขนขึ้นกะคร่าวๆ



“เท่านี้” เพื่อนสูงกว่าเรานิดหน่อย เท่าอกเจดได้



เจดหัวเราะอีกรอบ ขยับเข้ามาใกล้ “แล้วเช็ก กูตัวเท่าไหน”



คราวนี้เรายืดสุดแขน แต่ไม่ถึงหัวเจดเลยยืนขึ้น เขย่งนิดหน่อย



“เท่านี้” สูงมาก สมเป็นหมียักษ์



งี้เป็นแฟนกันคงลำบากแย่ จะแต๊ะอั๋งเจดแต่ละทีคงแหงนหน้าจนคอหัก



“แน่ใจนะว่าซ้อนแล้วยางจะไม่แตก” เราร้องอ๋อในใจ พอจะเข้าใจแล้วว่าเจดกังวลอะไร เลยนั่งลงอีกรอบขย่มๆ ให้ดูพลางสบตาให้เขามั่นใจ



“มะลิแข็งแรง”



☉ ------------------------------------------------------------ ☉





เห็นไหม บอกแล้วไม่แตก           



สุดท้ายมะลิก็พาเรากับเจดมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวอย่างปลอดภัย เป็นร้านที่เขาพาเรามากินตอนเจอกันครั้งแรก และน่าจะเป็นร้านประจำของเจด เพราะทันทีที่เข้ามาเจ้าของร้านก็ถามว่าเอาเหมือนเดิมใช่ไหม แล้วค่อยหันมาถามออเดอร์เรา

               

เรามองเจดคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก ในหัวพยายามหาทางทำภารกิจที่เพื่อนมอบหมาย...

               
‘ล้วงสเปกเขามาให้ได้’



“เจด...”



“วันหลังบอกเขาว่าไม่ใส่ผักดิ เสียดาย” เรากลืนคำถามตัวเองลงไป เมื่อเจดโพล่งขึ้นมาพลางคีบผักที่เราเขี่ยไว้ขอบชามไป แล้วคีบลูกชิ้นในชามตัวเองมาให้



“อืม” เราพยักหน้า ไม่ได้บอกว่ามันชิน



ปกติเวลามากับเพื่อนเราจะถูกบังคับให้กิน โดนบ่นสารพัดจนเรายอมกิน เพราะแบบนี้มั้งเราถึงชอบเจด เจดไม่เคยบังคับเรา ไม่จู้จี้จุกจิก รู้ว่าเราไม่กินผักเจดก็จะแอบขโมยผักจากชามเราไป พร้อมสละลูกชิ้นมาตอบแทนให้



น่ารัก



“แล้วเมื่อกี้จะพูดอะไร” คราวนี้เจดเงยหน้าถาม เราชะงัก



อ้าว ลืมอ่ะ



เจดหัวเราะหึ แกล้งจ้องหน้าเค้นคำถามจากเรา พยายามคิดสักพักก็นึกออก



“เจดชอบกินแซลม่อนไหม” ไม่เกี่ยวกับเรื่องสเปกหรอก แค่มองเจดกินก๋วยเตี๋ยวแล้วมันอดคิดไม่ได้ 



“ไม่อ่ะ”



“อ้าว ทำไม” เราเบิกตา ตกใจ เจดเงยหน้าขึ้นมาอมยิ้ม ในปากยังเคี้ยวลูกชิ้นอยู่



“แล้วทำไมต้องชอบ?”



“ก็...” เราดูสารคดีมา



ภาพหมีกริซลีย์อ้าปากงับปลาแซลม่อนมันติดตา



“ก็?”



“เปล่า” แอบขีดฆ่าลิสต์ในหัวทิ้งไป ศึกษาเจดจากสารคดีไม่ได้จริงด้วยอ่ะ



เจดเลิกคิ้ว ท่าทางไม่ค่อยเก็ตที่อยู่ๆ เราก็ถามแต่ก็ยักไหล่อธิบาย “แซลม่อนมันแพง ไม่มีปัญญากินบ่อยเลยไม่ชอบละกัน”



“...” เกี่ยวกันเหรอนั่น



“เราเลี้ยงเอง” โพล่งปากออกไป สีหน้าคงจริงจัง เจดจิ้มนิ้วลงมาระหว่างคิ้วย่นยับของเรา ยิ้มขำ



“โปรโมชั่นดีจังคุณ”



แล้วจะเปลี่ยนมาใช้เครือข่ายเราไหม?



...ไม่กล้าถามหรอก ป็อดอ่ะ

           
   ☉ ------------------------------------------------------------ ☉





สรุปเราลืมถามว่าเจดชอบคนยังไง



แต่ความจริง อาจจะไม่ต้องถามก็ได้... ประวัติออกจะชัดเจน



บอกแล้วว่าเจดเคยชอบคนหนึ่ง ชื่อน้องพิชญ์ เป็นเด็กถาปัตย์ แถมยังเป็นพี่น้องรหัสกัน



น้องพิชญ์เป็นผู้ชายตัวสูงๆ ขาวๆ ไว้ผมยาวประบ่า มีเอกลักษณ์บางอย่างที่ทำให้โดดเด่นกว่าคนทั่วไป เจอครั้งแรกก็ทำเราใจสั่นแล้ว ถ้าเราเป็นเจด ได้ใกล้ชิดขนาดนั้นก็คงตกหลุมรักน้องเขาง่ายๆ เหมือนกัน



โชคช่วยเราที่น้องพิชญ์มีแฟนแล้ว ชื่อเตวิชญ์ เป็นมือกลองของวงเราเอง เจดถูกใจคนนี้มาก อวยทะลุเพดานจนเราอยากรู้ว่าจะสักแค่ไหน แล้วก็พบว่าเจดไม่ได้พูดเกินไป เตวิชญ์เก่งมาก ทั้งที่เล่นเพลงทั่วๆ ไป แต่จังหวะของเขามีบางอย่างที่แตกต่าง น้ำหนักที่ตีออกมาแต่ละครั้งหนักแน่น เร้าอารมณ์ทั้งเราทั้งเจดอยากเล่นตามให้ได้



ที่สำคัญเตวิชญ์เป็นคนมีเป็นคนมีเสน่ห์... มีเสน่ห์มาก ทั้งตอนตีกลองหรือยืนอยู่เฉยๆ ก็ทำคนเหลียวหลัง ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่เหมือนมีออร่าบางอย่างที่ละสายตาไม่ได้



เจดเคยเล่าว่าน้องพิชญ์กับเตวิชญ์รักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม มีเรื่องทำให้เตวิชญ์หายไปเป็นปีๆ ก่อนจะกลับมาในฐานะเด็กซิ่วคณะเดียวกัน พิชญ์กับเตวิชญ์กลับมาคบกันอีกครั้ง แบบรักกันมากๆ



เราจินตนาการไม่ออกหรอกว่ารักกันมากๆ เป็นยังไง กระทั่งได้มาเห็นกับตา



“ปูน กินข้าวยัง” เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วที่เวลาน้องพิชญ์ปรากฏตัวขึ้นมาสายตาก็จะมองไปที่น้องอัตโนมัติ ไม่ได้ตั้งใจสักนิด แต่ก็อดจับจ้องเรือนร่างสูงบางที่เคลื่อนกายคล้ายผีเสื้อขยับปีกไม่ได้



พลิ้วไหว งดงาม มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างยากจะอธิบาย



เจดบอกว่าพิชญ์ติดแฟนมาก แต่เราว่าเตวิชญ์ต่างหากที่ขาดน้องไม่ได้ พอพิชญ์หย่อนสะโพกนั่งลงข้างๆ คนตัวโตกว่าก็เอื้อมแขนออกไปเกี่ยวเอวบางมานั่งตัก พลางจูบขมับซ้ำๆ หยอกเย้าคนรักที่เพิ่งตื่นนอน พอน้องหัวเราะริมฝีปากเรียบตึงก็ยิ้มตาม



เห็นท่าทางแบบนั้นทีไรเราก็อดทึ่งไม่ได้ ปกติเตวิชญ์น่ากลัวจะตาย ยิ้มแบบนี้ให้คนอื่นที่ไหน ใจดีเฉพาะกับพิชญ์นั่นแหละ...



“...!” เหมือนรู้ว่าถูกนินทาอยู่ในใจ คนที่คลอเคลียอยู่กับซอกคอขาวถึงได้เหลือบตาขึ้นมา แค่มองนิ่งๆ เราก็สะดุ้งโหยง เผลอเล่นผิดคีย์จนกลับลำแทบไม่ทัน



เบือนหน้าหนีไปก็เห็นคนที่นั่งจิบน้ำอยู่ข้างๆ ยิ้มขำ จนต้องตีหน้าบึ้งกลับไป



ไม่ต้องมาเยาะเย้ยเลยหมียักษ์ อย่าให้โดนดุบ้างแล้วกัน 



ประเด็นก็คือ เรารู้แล้วว่าสเปกหมีเป็นยังไง ถ้าชอบพิชญ์ก็คงสูงๆ ขาวๆ ซึ่งตรงข้ามกับเราทุกอย่าง



“กินแอปเปิ้ลป่ะ” หลังจากซ้อมเพลงที่ลิสต์ไว้อีกครั้งก็พัก ฟ้ามืดพอดีเจ้าบ้านเลยชวนกินข้าวด้วยกัน เตวิชญ์ไปทำอาหาร ส่วนเจดออกไปโทรศัพท์ เรานั่งแบ่บอยู่บนโซฟาไม่ทันไร คนที่แอบนินทาอยู่ตลอดวันก็มานั่งใกล้ๆ



เรารับแอปเปิ้ลมา กัดไปได้คำหนึ่งก็สะดุ้งสุดตัวเพราะอยู่ๆ พิชญ์ก็ทิ้งตัวลงมาหนุนตัก



“เฮ้...” เรากำลังจะไล่ แต่พอสบตาเจ้าของดวงตาสีอ่อนก็ชะงัก



หน้าใสจัง



“เจเล่นเบสมานานยัง”



เรากะพริบตาปริบๆ เมื่อถูกถาม ควรชินใช่ไหมที่อายุมากกว่า แต่ไม่มีใครเรียกว่าพี่สักคน



“ตั้งแต่ม.ต้น”



“มิน่า เล่นเก่งมาก”



“...” ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกชมสักหน่อย ไม่ต้องหน้าร้อนก็ได้เจได



“โชคดีของป๊าที่ลากเจเข้าวงได้” น้องพูดขำๆ ยังสบตาเรา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสดใสจนเราเผลอยิ้มตาม



ทำให้นึกขึ้นได้ว่าครั้งหนึ่งเจดเคยบอกเราว่าน้องน่ารัก ใครอยู่ด้วยก็สบายใจ เราเชื่อสนิทเลยตอนนี้ทั้งที่มองเผินๆ ดูหยิ่ง ใบหน้ารั้นๆ ดูเอาแต่ใจ แต่พิชญ์เฟรนด์ลี่กว่าที่คิด พอน้องเข้าหาใครก็เหมือนจะสนิทด้วยง่ายๆ



ถ้าเราเป็นเตวิชญ์คงหวงตาย



“ถ้ากับข้าวเสร็จแล้วปลุกหน่อยนะ” เราเลิกคิ้วมองคนที่ยังนอนหนุนอยู่บนตัก ไม่ได้ปฏิเสธจนน้องหลับตา ในใจท้วงว่ายังไม่สนิทกันขนาดนั้น แต่ในความเป็นจริงเรากลับนั่งนิ่ง ไล่มององค์ประกอบบนใบหน้าชวนหลงใหลทีละส่วนอย่างอดไม่ได้ มือเจ้ากรรมเผลอยกขึ้นมาเกลี่ยผมสลวยออกจากในหน้า อยากจะลูบผมสวยๆ อีกสักหน่อยแต่ต้องห้ามใจไว้ ถ้าเจ้าของเขามาเห็นเข้าเดี๋ยวมืออาจกุด เล่นเบสไม่ได้ตลอดกาล



“หึ” คิดไม่ทันขาดคำก็สะดุ้งวาบ แต่หันไปมองก็โล่งใจ ไม่ใช่เตวิชญ์ เป็นหมียักษ์ที่ไม่รู้ยืนล้วงกระเป๋ามองอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่



เรามองหน้าเจดนิ่ง ส่งสายตาถามว่าขำอะไร แต่นอกจากจะไม่ตอบเจดยังทิ้งสายตาเป็นปริศนาเอาไว้



สายตาที่เราแน่ใจ ว่ามันหยุดลงที่คนบนตัก ไม่ใช่เรา


☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

“สเปกสูงสัด” ใช่ไหมล่ะ เป็นแค่หมียักษ์ ริอ่านไปชอบสมบัติของคณะได้ยังไง

               

สมน้ำหน้า อกหักเลยเห็นไหม

               

“หูย คนกดไลค์สามหมื่น ยอมแพ้เหอะเจ” โยนโทรศัพท์ที่ยังค้างหน้าอินสตราแกรมน้องพิชญ์มาตรงหน้าเราพลางยกมือสองข้าง ยกธงขาว



เพื่อนนะ... นอกจากจะไม่ให้กำลังใจ



“แต่น้องพิชญ์มีแฟนแล้ว” หมายความว่าเราไม่ต้องแข่งกับน้องเขา ถูกไหม



ถึงจะยังมองน้องพิชญ์แปลกๆ แต่เจดบอกว่าตัดใจแล้ว เราก็จะเดินหน้าต่อไป



“แล้วมึงจะเอายังไงต่อ เขาพลาดคนนี้ ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนสเปกนี่หว่า”



จริงด้วยถ้าสเปกเจดเป็นแบบน้องพิชญ์ก็เหลวเป๋ว เราแพ้ตั้งแต่หน้าประตู



“บอกแล้วให้กินผัก จะได้สูงๆ ไง”



โห้ย แล้วมันทันที่ไหน



“มึงสูงกว่านี้ไม่ได้ ขาวเท่าเขาไม่ได้ ก็เหลือแค่ไว้ผมยาวแล้วล่ะที่พอทำได้” เพื่อนยักไหล่เหนื่อยใจ



“อา...” ก่อนเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วเมื่อเรากะพริบตาปริบๆ ใส่อย่างนึกได้



“เจ”



จริงด้วย...



“เดี๋ยว...”



ผมยาว!




☉ ------------------------------ 50%------------------------------ ☉



เขียนแล้วรู้สึกแปลกๆ เลยอยากอัพ 50% ให้ลองอ่านกันก่อน

ถ้าโทนเรื่องเป็นแบบนี้ตลอดจะโอเคมั้ยนะ ตัดฉากงงไปหรือเปล่า

ทั้งที่เป็นเรื่องใสๆ ไม่มีปมอะไรแท้ๆ แต่รู้สึกว่าเขียนยากจังค่ะ อาจเพราะไม่ใช่สำนวนที่เขียนประจำ

ยังไงฝากติติงด้วยนะคะ



ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ^^



#หมีแต่รัก

- Martian -
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 50% (20.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-05-2018 18:05:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 50% (20.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-05-2018 00:05:17
เจไดทะลุมิติไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 50% (20.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 21-05-2018 13:38:01
อยากอ่านต่อแล้ว มาต่อเลยได้ไหมคะ??? :กอด1: :ling3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 22-05-2018 03:22:48
ข้อที่ 1

สเปกหมี (100%)
[/b]


เพื่อนบอกว่าถ้าจะรอผมยาวคงต้องจีบปีหน้า

               

แต่เราบอกว่า เราใจร้อน รอปีหน้าไม่ไหว



คิดแล้วคิดอีกก็ไม่รู้ต้องทำยังไง เพื่อนก็ทำท่าไม่อยากช่วย เราเลยหันปรึกษาจีน... พี่สาวเรา รายนั้นเขาผมสั้นไวยาวไวแถมเปลี่ยนวันละ ทรงเหมือนเสกได้



จีนไม่ถามด้วยซ้ำว่าทำไม พอเราบอกอยากไว้ผมยาว พี่สาวก็ยิ้ม บอกว่าช่วยได้


เราบอกหรือยังว่าจีนแต่งหน้าเก่งด้วย เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง คนตามเกือบล้านแล้ว


ทีนี้...


“เจ... กูว่ามันไม่ใช่”

               
 อือ... เราก็ว่าไม่ค่อยใช่

               
ผมสีดำเคลียบ่า กับขนตาหนาๆ ที่เราจำได้ว่ามันทำให้มีเสน่ห์มากตอนน้องกะพริบตา พอมาอยู่กับหน้าเรามันกลับต่างออกไป... เพราะสีผิว เพราะตา เพราะปาก หรือเพราะอะไร

               
“พี่จีนแกล้งมึงชัดๆ” เพื่อนตอกย้ำ


“จีนบอกว่าน่ารัก” เราพยายามเรียกความมั่นใจ


ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนี่ เอาออกไม่เป็น จีนบอกให้รอ


“มันก็... น่ารัก... แต่แบบ...” เพื่อนอ้ำอึ้ง แก้มแดง แถมหูก็แดง สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ “มันน่ารักไป”


“...”


“แล้วนี่มึงนัดเขาไว้ตอนไหน” เหมือนเหนื่อยจะอธิบาย เพื่อนเลยหงายตึงลงบนเตียง หาเรื่องเฉไฉ


เรามองนาฬิกา “ต้องไปแล้ว”


นัดดูหนังกับเจดไว้ เราอาสาจะไปรับเขาที่คณะเหมือนเคย


“ไม่ต้องเอามะลิไปเลยนะ” เหมือนรู้ว่าเรากำลังจะหยิบกุญแจ เพื่อนเลยรีบดักทางเสียงเข้ม เราชะงักมือ หันไปเลิกคิ้วถามว่าทำไม แต่เพื่อนไม่ตอบ คว้ากุญแจรถยนต์โยนมาให้


เรายักไหล่ เอากะทิไปแทนก็ได้


“ไปนะ อยากได้อะไรก็ไลน์มา” เราบอกทิ้งท้าย เดินไปหยิบกระเป๋าเป้มาสะพาย


“ภาวนาให้หมีมึงไม่หัวใจวาย”


ได้ยินเสียงเพื่อนพึมพำตามหลัง แต่คิดว่าน่าจะไม่ได้คุยกับเรา

 
☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 


เรามาถึงก่อนเวลา เลยไลน์ไปบอกเจดว่ารออยู่ลานจอดรถข้างคณะ เจดไม่เคยเจอกะทิ เราเลยออกมายืนรอข้างนอกจะได้เห็นชัด ก้มหน้าเล่นมือถือสักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมเสียงคุยของคนกลุ่มใหญ่ดังขึ้น เห็นหมีตัวโตโบกมือลาเพื่อนก่อนเดินแยกออกมา พร้อมๆ กับเสียงเตือนจากโทรศัพท์เราดัง


‘เสร็จละ’


เราไม่ได้บอกว่าเห็นเจดแล้ว แต่ส่งสติ๊กเกอร์โอเคกลับไป จากตรงนี้เห็นสีหน้าอีกฝ่ายที่อ่านแล้วยิ้มบางๆ


อา... ทำหน้าแบบนี้เองตอนอ่านข้อความเรา


เราเลยส่งสติ๊กเกอร์ตลกๆ ไปอีก คราวนี้เจดขำ ยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวน่ารักๆ

               
มองแล้วก็หลุดยิ้มตาม แต่สงสัยจะจ้องนานไป เจดเลยรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมาสบตา...

               
“...”

               
“...”


สักสามวินาทีได้... แล้วเจดก็เดินผ่านไป...

               
อ้าว...?

               
เรายัดมือที่กำลังจะโบกทักทายซุกลงในกระเป๋าเสื้อฮู้ดตัวใหญ่เก้อๆ มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินผ่านหน้าไปอย่างไม่เข้าใจ

               
ไปไหนอ่ะ

               
ระหว่างที่ยืนงง คนตัวโตก็หยุดเดินมองซ้ายมองขวาแถวที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ ท่าทางงงๆ สักพักก็ก้มหน้าพิมพ์อะไรสักอย่างในมือถืออีกครั้ง

               
 ‘อยู่ไหน’

               
นี่ไง... อยู่นี่ครับ

               
‘ไม่ได้เอามะลิมา’

               
เราพิมพ์ตอบกลับไป เพราะคิดว่าเจดคงเข้าใจผิด เห็นคนตัวโตร้องอ๋อเบาๆ มองซ้ายมองขวาอีกครั้ง เราเลยบอกพิกัดให้

               
‘ทางซ้าย’


หมีตัวโตเลยหันมา สบตาเราหนึ่งครั้ง แล้วมองผ่านไป แต่ไม่ทันไรก็ชะงัก หันกลับมามองหน้าเราอีกรอบ


“ไง” เรากลัวเจดหันหนีอีก เลยโบกมือทักทาย แต่แทนที่จะเดินเข้ามาหา เจดกลับยืนนิ่งมองเราอยู่ที่เดิม มองเราหัวจรดเท้า แล้วก็จรดหัวอีกครั้งด้วยสีหน้าบอกยากมากว่ากำลังรู้สึกยังไง


“เจ...ได?”


หมีตัวโตตาโปนเท่าไข่ อ้าปากพะงาบๆ เหมือนพยายามจะพูดอะไร หูทั้งสองข้างค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเหมือนกำลังจะระเบิดภายใน...


สาม...


สอง...


หนึ่ง...


“ชิบหายยย!”


บู้ม...


เราทำซาวด์เอฟเฟ็กต์ให้

 


☉ ------------------------------------------------------------ ☉



 

               
แล้วเจดก็ไม่พูดอะไรกับเราอีกสักคำ

               
มองหน้าเราแล้วขมวดคิ้ว ถอนหายใจ คล้ายจะขำ แล้วก็ถอนหายใจ ขมวดคิ้ว วนไปวนมาจนดูหนังจบ จนขับรถมาถึงหอเจดก็ยังมองหน้าเราอยู่อย่างนั้น ท่าทางเหมือนอยากจะพูดอะไรก็ไม่พูด

               
เจดไม่เคยเป็นแบบนี้ ดูอึดอัด

               
 “เจดโกรธเหรอ” 

               
ไม่รู้หรอกว่าเรื่องอะไร เพราะเราพยายามจะเลียนแบบพิชญ์หรือเปล่า หรือเพราะอาย...

               
“เรื่องอะไร”

               
“เรื่องนี้” เราชี้หน้าตัวเอง “น่าเกลียดใช่ไหม”

               
เพราะตอนเข้าไปในห้างเราสังเกตได้ว่าใครต่อใครเอาแต่จ้องจนเจดต้องดึงฮู้ดขึ้นมาสวมหัวเราไว้จนไม่เห็นลูกตา ยังดีที่มือเจดยังโอบบ่าพาเราไปตามทางไม่อย่างนั้นคงล้มคว่ำตั้งแต่สามก้าว

               
เจดทำหน้าตกใจ ก่อนจะหลุดขำ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจหนักๆ

               
น่ะ ทำอีกแล้ว

               
“เจแม่ง... กูเกือบหัวใจวายแล้วอ่ะรู้ป่ะ”


สงสัยจะน่าเกลียดมากจริงๆ


เราดึงสายฮู้ดลงมาปิดหน้าปิดตา อยากตัดหัวตัวเองทิ้งสักห้านาที


แต่เจดกลับหัวเราะ เอื้อมมือมาดึงฮู้ดออกจากหัวเรา เกลี่ยผมยุ่งๆ ให้ด้วยสีหน้ายากจะอธิบาย เหมือนกำลังรวบรวมความคิดในหัวเพื่อจะบอกเรา


“เจน่ารัก... น่ารักโคตรๆ อย่างกับตุ๊กตา”


“...” เราเบิกตากว้าง อยู่ๆ หัวใจก็เต้นตึกตัก คงเพราะเจดพูดไปลูบหัวไป แววตาไม่ได้บอกว่ากำลังเสแสร้งเอาใจ


“น่ารักจนงงว่าเจทำแบบนี้ทำไม” ก่อนที่ดวงตาคมจะเป็นฝ่ายขอคำตอบจากเรา


“เพื่อนบอกว่า ถ้าชอบใครให้ศึกษาสเปกเขา” แล้วเราก็โพล่งอย่างง่ายดาย


ก็เจดเอาหน้ามาใกล้...


เจดขำ เลิกคิ้วข้างเดียวถาม “เพื่อนไหน เอาหน้ามาดูดิ๊ จะตีให้”


เงอะ... ทำไมอ่ะ


“เจดเคยชอบพิชญ์ เราก็เลยคิดว่าคงชอบแบบนั้น แต่เราสูงเท่าพิชญ์ไม่ได้ ขาวเท่าพิชญ์ไม่ได้ ก็เลยลองไว้ผมยาว...”


แต่ก็ไม่เหมือนเนอะ ไม่รู้ว่าขาดตรงไหน


เจดเลิกคิ้วอึ้งๆ คงเพราะนั่นเป็นประโยคยาวที่สุดเท่าที่เคยพูด ก่อนจะหัวเราะออกมา ซบหน้าลงกับฝ่ามือสักพักแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตา


“ว่าแล้ว”


หมายความว่าไง


“เจไม่มีทางเหมือนไอ้พิชญ์อ่ะ”


“...”


“ตัวก็เตี้ยกว่า ผิวก็แทน แล้วดูดิ...” ว่าพลางจับคางเราเงยขึ้นไปหา “ตาก็โตกว่า จมูกก็แค่นี้ แถมปาก...”


แต่แล้วเจดก็เงียบไป สายตาจ้องอยู่ที่ปากเรา


“...”

เราเลยจ้องปากเจดบ้าง

“...”


...อยู่ๆ ต่างคนต่างก็กลืนน้ำลาย


“เจแม่ง...” เจดถอนหายใจ เลื่อนสายตากลับมาสบตาเราอีกครั้ง หมียักษ์ท่าทางงุ่นง่าน “เชื่อแล้วอ่ะว่าจะจีบจริงจัง”


“อ้าว” แล้วที่ผ่านมาคิดว่าเราล้อเล่นเหรอ “เราจริงจัง” อดไม่ได้ที่จะยืนยัน


“ครับ รู้แล้วครับ” เจดพยักหน้า ถอนใจอีกครั้ง


วันนี้เจดถอนหายใจเกินร้อยรอบแล้วมั้ง


“ถ้าเจจริงจังกูก็จริงจัง” อยู่ๆ เราก็หลุดยิ้มกับสีหน้าเหมือนยุ่งยากใจระคนเขินอายแบบนั้น เจดสบตาเราแล้วยิ้มตาม แล้วยักไหล่


“แต่บอกไว้ก่อนว่าผมใจแข็งมาก ไม่ได้จีบง่ายๆ นะครับ”


เรายิ้มกว้างกว่าเก่า “อือ จะพยายาม”


คราวนี้เจดย่นหน้ามันเขี้ยว นิ้วชี้โตๆ จิ้มลงมาบนจมูกเรา


“อือ”


“อือ”


"..."


"..."


แล้วก็จ้องกันอยู่อย่างนั้นอีกสักพักเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร ท่าทางเงอะงะจนเสียงทุ้มหลุดขำอีกครั้ง


“เออ งั้นไปละ ขับรถดีๆ”


“ครับ” เรารับคำ ปล่อยให้เจดบีบจมูกโดยไม่โวยวาย แล้วมองเขี้ยวน่ารักๆ ของเจดเป็นการตอบแทน


“เจด” แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ เราขอโลภอีกนิดคงไม่เป็นไร


“หือ?”


เพื่อต้องด่าเราแรดอีกแน่ ถ้าเกิดรู้ว่าตอนที่มองปากเจด แล้วในหัวเราดันเกิดคำถาม...


“ขอลูบเคราหน่อยได้ไหม”


...ว่าถ้าได้จูบกับคุณหมียักษ์ จะรู้สึกยังไง

 













☉ ---Side Story : 1 --- ☉
[/b]


               
“เจ ให้เวลาสิบวิสารภาพ ไปทำไรมา”

               
“?” เดี๋ยว อันนี้นับยังอ่ะ คิดไม่ทัน

               
เจดคงรู้ว่าเราไม่รู้แน่ว่าหมายถึงอะไร ถึงได้หันหน้าจอโทรศัพท์มือถือมาให้

               
“เด็กเภสัชแอดเฟซมาเต็มเลยเนี่ย ไปทำไรไว้”

               
เงอะ... โทษเพื่อนเลย เพื่อนอ่ะแทนที่จะถามคนอื่นเบาๆ ตอนนี้คนทั้งคณะรู้หมดแล้วมั้งว่าเรากำลังตามจีบผู้ชาย

               
เรายื่นหน้าข้ามโตะเข้าไปใกล้ ไถๆ จอดูก็เห็นว่าส่วนใหญ่คนที่แอดมามีแต่คนน่ารักๆ

               
อยู่ๆ ก็เหมือนจะร้อนๆ ในใจ

               
“แล้วเจดจะรับแอดไหม”

               
ไม่เอานะ เราไม่อยากชิงดีชิงเด่นกับใคร

               
“ดูก่อน สันดานผู้ชายก็ต้องรับแอดแต่คนน่ารักๆ ป่ะ” ใจเราเหี่ยวไปหมด จนกระทั่งได้ยินประโยคต่อมา “แบบคนนี้อ่ะ ไม่รู้เมื่อไหร่จะแอดมา หาเฟซก็ไม่เจอ”


บนหน้าจอคือรูปเราตอนที่ต่อผมยาว นั่งหลับอ้าปากหวออยู่ในโรงหนังโล่งๆ ตอนไฟสว่าง


ก็เจดดูหนังอะไรไม่รู้ เข้าใจยากจะตาย แล้ววันนั้นเราก็เหนื่อยมาก... เลยเผลอหลับไป


เนี่ยแล้วก็ไม่ปลุกกัน แถมยังแอบถ่ายรูปไว้ นิสัย


“เฮ้ย” เราอายจนอยากจะมุดโต๊ะ แต่สงสัยเจดจกใจเอามือมารองไว้หน้าเราเลยมุดลงกับอุ้งมือหมีแทน

               
“ทำไร” เจดหัวเราะเสียงดัง ขยับนิ้วบีบหน้าเราจนต้องเงยหน้าขึ้นมาตั้งคางกับฝ่ามือเจดแล้วบ่นพึมพำ

               
“ก็... น้องเขาไม่เล่นเฟซ”

               
หูเราร้อนมาก เหมือนกำลังไหม้

               
“อ่อ” เจดโคลงหัวล้อเลียน จ้องมือถือตัวเองแล้วยักไหล่ “เสียดาย สเปกเลย”

               
หมายความว่าไง

               
“ไหนบอกไม่มีสเปกไง” เราย่นคิ้ว ข้องใจ

               
“ก็ไม่ได้มี”

               
“...” เรายิ่งขมวดคิ้วแน่นใหญ่


“แต่วันนั้นเห็นเขายิ้มกว้างๆ แล้วน่ารักดี”


บู้ม... เราว่าเราได้ยินเสียงหูตัวเองติดไฟ

               
ไม่รู้ต้องทำยังไง เราเลยฝังหน้าร้อนๆ ลงกับอุ้งมือใหญ่ๆ อีกครั้ง บ่นงึมงำ

               
“อือ เดี๋ยวบอกให้”

               
ต่อไปต้องยิ้มกว้างๆ บ่อยๆ รู้ไหมเจได







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

บู้ม... หูเราระเบิดตามไปแล้ว 5555
เคยบอกไว้ว่าเรื่องนี้ไม่ต่อจากเกมท้ารัก แต่เอาเข้าจริงๆ เส้นเรื่องแอบทับกันพอสมควรเลยค่ะ
เพราะเหตุการณ์ยังเกิดตอนพี่เตยังเป็นมือกลองของวงอยู่เลย แล้วในเกมท้ารักก็จะมีตอนพิเศษของคู่นี้ด้วย
ถ้าใครไม่โอเคที่อาจจะมีสปอยล์ของอีกคู่บอกได้นะคะ แต่ยังยืนยันว่าไม่ต้องอ่านคู่เตพิชญ์ก่อนก็เข้าใจค่ะ
ถ้าไม่มีปัญหาอะไรจะขออนุญาตเขียนต่อนะคะ

ฝากเอ็นดูป๊าเจดกับเจไดด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆ เลยค่า ^^

ปล. ตรง Side Story จะคล้ายๆแก๊กเล็กๆ ทิ้งท้าย อาจจะไม่ได้มีทุกตอนแล้วแต่ว่าจะคิดออกไหม แต่จะพยายามคิดให้ได้ทุกตอนค่ะ  :hao7:

#หมีแต่รัก
-Martian-
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 22-05-2018 05:43:33
เจไดก็ซื่อเกิ๊น อย่างนี้ถ้าเค้ารักจริงๆจะรู้ตัวมั้ยเนี่ย หรือจะได้เขินตายไปก่อน
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 22-05-2018 08:28:14
น้องเจน่ารักกก
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 22-05-2018 10:03:33
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 22-05-2018 11:31:36
งกไม่ทันเลยสิตาหมี แล้วสรุปชอบกินปลาแซลม่อนปะ
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 22-05-2018 12:03:43
เจได ใสๆ อ๋องๆ น่ารักอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: พีพี. ที่ 22-05-2018 13:28:27
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 22-05-2018 15:23:08
บู้มมม  :pighaun:
เจไดน่าร้ากกก ต้องน่ารักมากแน่ๆ เพื่อนยังเขินเลยย งึ้ยย
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 22-05-2018 19:30:31
เจไดน่ารัก
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 22-05-2018 20:51:22
เห็นชื่อคนแต่งละรีบกดเข้ามาเลย

คราวนี้เจได ขอจัดหนักๆให้พี่เจดเลย :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 22-05-2018 21:20:33
น้องเจน่ารักมากกกกก  อยากเก็บกลับบ้าน เจด....นายทนไหวได้ไงอะ??? :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 22-05-2018 21:40:33
หูยยย ตามค่ะตาม  :o8:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 22-05-2018 21:55:20
อ่านเรื่องนี้ด้วยคำว่าน่ารัก น่ารัก วิ่งวนเต็มไปหมด ฮือออ เจไดนี่น้องมากอ่ะ อยากจับมาบีบ แงงงง พี่หมีที่ว่าใจแข็งนี่จะแข็งได้สักเท่าไหร่กันเชียววว
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 1 : สเปกหมี 100% (22.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 26-05-2018 21:41:34
คิดถึงแล้วอะค่ะ มาได้แล้วนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50 % (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 30-05-2018 04:08:28
ข้อที่ 2
หมีอัลเทอร์เนทีฟ (50%)

   

‘เจ Arctic Monkeys ออกเพลงใหม่ ฟังยัง’

   
เรามองหน้าจอมือถือที่สว่างวาบ ชะโงกหน้าอ่านข้อความก่อนจะกะพริบตาปริบๆ มองคนฝั่งตรงข้าม
   
เพื่อนเงยหน้าจากชีทเรียนมาสบตาอย่างรู้ทัน ถอนหายใจเอือมๆ ยักไหล่
   
แปลว่าพักได้
   
เราคว้าโทรศัพท์มาตอบไลน์ทันที ส่งสติ๊กเกอร์พยักหน้าหงึกๆ ตอบไป

   
‘ซื้อมาแล้ว ดีมากๆ’
   

เจดเงียบไปนานจนเราคิดว่าเขาคงหาเรื่องมาบ่นอีกแน่ๆ ตอนรู้จักกันแรกๆ เราจะสลับกันแชร์เพลงที่ชอบให้อีกฝ่ายฟัง บรรจบที่วงนี้ทีไรเป็นอันต้องเถียงกันเรื่องแนวเพลงที่เปลี่ยนไป เจดจะชอบบ่นว่าชอบความมีชีวิตชีวาแบบอัลบั้มแรกๆ มากกว่า ส่วนเราชอบความสุขุมเป็นผู้ใหญ่แบบอัลบั้มหลังๆ


‘เออ ยอม’


แต่ผิดคาด เพราะเจดตอบมาสั้นๆ พร้อมแคปหน้าจออวดว่าเจ้าตัวก็ซื้อไว้แล้วเหมือนกัน


'ฟังทั้งอัลบั้มแล้วดีสัดๆ'


ตามด้วยสติ๊กเกอร์ปลาบปลื้มเล่นใหญ่

เราหลุดยิ้ม กดเลือกสติ๊กเกอร์ยอดเยี่ยมส่งกลับไป

   
‘อเล็กซ์เจ๋งมาก’


อเล็กซ์ เทอร์เนอร์คือฟร้อนต์แมนคนโปรดของเรา ด้วยเสียงแหบเสน่ห์เอกลักษณ์ กับลุคที่ดูเก๋ามากๆ เท่สุดๆ เราชอบจนเคยสาธยายให้เพื่อนฟังเป็นหน้าๆ เลย แต่เพื่อนไม่ฟัง ไม่รู้ทำไม
   
ไม่เหมือนเจดเลย เราเคยพูดถึงนักร้องคนโปรดให้ฟังครั้งหนึ่งแล้วเจดก็ตั้งใจฟัง เราบอกด้วยว่าเสียงเจดคล้ายอเล็กซ์ ทุ้มกว่านิดหน่อยแต่มีเสน่ห์มากๆ แต่พอหลุดปากออกไปแบบนั้นเราก็เขิน หยุดเล่าดื้อๆ แล้วเจดก็ขำ ล้อเลียนเราด้วยเนื้อเพลงท่อนโปรดที่เคยขอให้ร้องให้ฟัง

ตอนนั้นไม่เห็นจะมีอะไรตลกสักนิด แต่เราก็ยิ้มตาม เหตุผลเดียวนั่นแหละ เพราะเจดน่ารัก

   
‘คิดถึง’

   
เอ๊ะ...
   
ตุบ!
   
“เฮ้ย เป็นไร” เพื่อนทำท่าเหมือนจะด่าเมื่ออยู่ๆ เราก็ปล่อยโทรศัพท์ตีลังกาหน้าคว่ำลงกับชีทที่วางไว้ แต่พอเห็นเราเอาแต่กะพริบตาปริบๆ เพื่อนเลยหยิบมือถือไปอ่าน ขณะที่หัวใจเราเต้นตึกตัก ภาวนาให้ข้อความเมื่อกี้เราไม่ได้กดส่งไป
   
เราแค่คิดในใจเอง แค่คิดในใจ... ใช่ไหม
   
...ใช่ไหม
   
ตึ๊ง!
   
แทบจะเอาหน้ามุดชีทตอนที่ได้ยินเสียงข้อความตอบกลับ แถมเพื่อนยังตอกย้ำด้วยการส่ายหน้าเอือมๆ เบ้ปากแรงตอนยื่นโทรศัพท์คืนมาให้ดูว่าเจดตอบว่าอะไร

   
‘อยู่ตาร์บั๊ค เอาไรป่ะ’

   
หมายความว่าเจดจะมาหา...?
   
“แรดว่ะเจ”
   
“อือ”

คนแรดยอมรับ เพราะดันเผลอยิ้มออกมา




   ☉ ------------------------------------------------------------ ☉
   
   

เราดันลืมคิดไปว่าเพื่อนกับเจดไม่เคยเจอกัน ลืมคิดถึงปัญหาที่อาจตามมา
   
ถ้าเพื่อนไม่ชอบเจดล่ะ เจดเคยบอกว่าจะตีเพื่อนด้วย ถ้าสองคนเข้ากันไม่ได้ล่ะ
   
นี่มันปัญหาใหญ่นะ เหมือนเราจับเจดคลุมถุงชน พามาหาพ่อทั้งที่ยังไม่พร้อม ถ้าเจดอึดอัดจะทำยังไง
   
แต่เหมือนจะมีปัญหาใหญ่กว่า
   
“เลี้ยงยากป่ะ”
   
“ไม่ค่อยอ่ะ งอแงมากๆ ก็หาของกินยัดปากเดี๋ยวก็อารมณ์ดี”
   
...ไม่เข้าใจสักนิดว่าเพื่อนกับเจดกำลังคุยเรื่องอะไรกัน
   
“แล้วปกติชอบกินไร”
   
“อาหารญี่ปุ่น”
   
“มิน่า วันนั้นถามว่าชอบกินแซลม่อนไหม”
   
“ของโปรดเลยอันนั้น”
   
ที่สำคัญ... ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ผิดหวังเลยเนี่ย อุตส่าห์กังวลตั้งมากมาย
   
“กระต่ายอะไรชอบกินปลาดิบ”
   
“กระต่ายโง่ไม่ชอบกินผัก”
   
ไหน กระต่ายไหน
   
อยากถามจะแย่ว่าคุยอะไรกัน แต่หมดเวลาพักแล้วเลยต้องก้มหน้าก้มตาอ่านชีทต่อไป เพื่อนนะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนติวให้เราจะโวยวาย ทิ้งให้เราอ่านคนเดียวแถมยังริบชาเขียวเราไปกินอีก

ถ้าจะกินชาเขียวแล้วสั่งมอคค่าปั่นทำไมอ่ะ!
   
“แล้วนี่ทำไมชอบขมวดคิ้ว”
   
แล้วนี่ทำไมชอบจิ้มหว่างคิ้วเราจัง
   
“กำลังโวยวายในใจที่กูแย่งชาเขียวปั่น” เพื่อนตอบอย่างกับอ่านใจได้ ยื่นชาเขียวคืนให้ก่อนจะเริ่มพูดไม่รู้เรื่องอีก

พูดอะไรสักอย่างที่มีเนื้อหาคล้ายๆ... คู่มือเลี้ยงสัตว์?
   
“ตัวนี้ชอบคิดในใจ ปากไม่พูดหรอก แต่ในหัวนี่โวยวายไปแปดบ้านแล้ว” เหมือนเล่นนิ้วผลัด พอเจดดึงมือกลับไปเพื่อนก็เป็นฝ่ายจิ้มหน้าผากเราแรงๆ แทน
   
หัวคนนะครับ
   
“แล้วต้องทำไงอ่ะ ผมไม่ค่อยมีเซ้นซ์ด้วย” เจดยกนิ้วชี้เกาคาง มองเราแล้วยิ้มกังวล
   
ทำไมกับเพื่อนเจดพูดเพราะอ่ะ
   
“ง่ายๆ เบะปากแปลว่าขัดใจ ขมวดคิ้วแปลว่ากำลังคิดมาก เบะปากด้วยขมวดคิ้วด้วยแปลว่าหงุดหงิดชิบหาย"

"อ่อ"

มีเราคนเดียวหรือเปล่าที่ไม่เข้าใจ

"แล้วถ้าตาโตเป็นกระต่ายโง่แบบเนี้ย...” ว่าพลางชี้สองนิ้วมาที่ลูกกะตาเรา “แปลว่างง”
   
คราวนี้เจดหัวเราะจนเคราขยับ เอื้อมมือมาขยี้หัวเรา “โอเค เกต”
   
“เท่านั้นแหละ ถ้ารับไหวก็เอาไปเลี้ยงได้”
   
“คิดว่าไหวนะพี่”

โห เจดไม่เคยเรียกเราว่าพี่สักครั้ง ลำเอียงมาก

“เออ เอาไปแล้วไม่ต้องเอามาคืนนะ รำคาญ”

“จะลองดู” เจดหัวเราะเบาๆ พลางยื่นนิ้วโป้งมาเช็ดมุมปากให้ เราปล่อยให้เช็ดทั้งที่ไม่รู้ว่าเลอะอะไร แต่ไม่ทันไรนิ้วใหญ่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นหยิกแก้มเราจนยืด ยิ้มกริ่ม

เกือบจะโกรธล่ะแล้วถ้าไม่ได้ยินประโยคต่อมา

“เจ ถ้าอ่านหนังสือจบจะพาไปกินแซลม่อนเอาป่ะ”

เราเลยรีบพยักหน้าแล้วก้มลงอ่านชีทอย่างตั้งใจ ไม่สนแล้วว่าเพื่อนขะขโมยชาเขียวปั่นไปดูดจนหมดแก้ว

“เออว่ะ หมีเรียนรู้ไว”





   ☉ -----------------------------50%------------------------------- ☉


ช่วงนี้เขียนนิยายไม่ออกเลยเข็นออกมาได้แบบกะปริบกะปรอย
แต่ไม่อยากให้คอยกันนานแล้วก็แอบมีความหวังเล็กๆ ว่าจะมาแอบซับกำลังใจเผื่อจะช่วยให้เขียนต่อได้ (อ้อน) 55555
ครึ่งแรกป๊ารุกหนักมากๆ ครึ่งหลังยัยเจต้องจีบคืนบ้างนะลูก  :katai5:

ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยนะคะ

ขอบคุณมากๆ ค่า

-Martian-
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 30-05-2018 06:38:20
เฮ้ย หมีฉลาดอ่ะ  55555 หมีกำลังเรียนรู้วิธีเลี้ยงกระต่ายที่ไม่มีอยู่ในตำราสินะ  น่ารักอ่า
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 30-05-2018 08:26:05
น้องงงงงงว โอ๊ยยยย น้องงงงงงงงง น่ารักกกกกกก ฮือออ พ่ายแพ้แก่ความน่ารักไปแล้ว ชอบคู่มือเลี้ยงกระต่ายด้วย แงงงง โทษเจดเลยยย เอาแต่เรียกเจเฉยๆ เราก็ลืมว่าเจอายุมากกว่า เนี่ย พอตอนเรียกพ่อกระต่ายว่าพี่ ถึงกับงงไปแป๊บนึง ทำไมเป็นพี่อ่ะ 555555 ก็ว่าทำไมเจดพูดเพราะ
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 30-05-2018 08:28:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 30-05-2018 09:25:46
กระต่ายโดนเพื่อนขายตรงๆ โต้งๆ เลยนะ
น่ารักๆๆๆๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 30-05-2018 15:22:16
ตั๊ลล๊ากกกกก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-05-2018 16:23:35
หมีไม่โง่แต่กระต่ายมึนเอง
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 30-05-2018 21:14:44
ชอบมากค่าาาา   :mew1:  ชอบสำนวนแบบนี้ พร๊อตแบบนี้ เอ็นดูเจ้ากระต่ายน้อยเจไดริอาจจีบหมี ~~  :-[  นางน่ารักเนอะ  ขำตอนนางเฟล ตอนที่รู้ว่าป๊ะเจดไม่ชอบแซลมอน แล้วไม่ตรงกับคู่มือหมีที่อ่านมา  :m20:  พี่หมีรู้ตัวไหมคะ? ว่าน้องคิดไปถึงไหนแล้ววว กลับมา เจได~~  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 30-05-2018 21:34:37
ชอบมากก น่ารัก มึนๆ555
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 30-05-2018 22:22:29
เอาของกินมาล่อนี่นา..ตกหลุมอย่างรวดเร็วซะด้วย  :jul3:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 30-05-2018 22:30:02
เห้ยยยยยย เจดน่ารักอะ รุกเก่งมาก ไม่ผิดหวังที่เราอุตส่าคาดหวัง5555555
พรุ่งมาต่ออีก50% เลยได้ไหมคะคุณคนเขียน??? :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raam ที่ 30-05-2018 22:52:50
น้องงงงงงงงงงงง ฮือออทำไมน่ารักอะไรอย่างนี้ :impress2:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 50% (30.05.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 01-06-2018 13:10:25
โถ น้องงเจจจจ น่าเอ็นดูจังลู้กกกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 02-06-2018 00:49:06
ข้อที่ 2
หมีอัลเทอร์เนทีฟ (100%)
      
“ชอบกินแซลม่อนจริงๆ ด้วยว่ะ” เราเงยหน้าสบตาเจดที่เอาแต่มองเราคีบแซลม่อนซาชิมิเข้าปากไปตั้งครึ่งจาน เรารู้สึกผิดเลยคีบไปวางในจานเล็กๆ ของเจดบ้าง
   
“บอกแล้วว่าไม่ได้ชอบ” เจดหัวเราะ คีบกลับมาให้แต่ไม่ยอมวางลงจาน “อ้า...”
   
หมี... เราไม่ใช่เด็กอนุบาล
   
แต่เราไม่หยิ่งหรอก อ้าปากงับแซลม่อนชิ้นโตจากตะเกียบเจดเข้าปาก เจดหัวเราะเบาๆ แล้วมองเรากินต่ออย่างไม่มีอะไรทำ ข้าวหน้าเนื้อของเจดหมดแล้ว หมีตัวโตกินน้อยหรือเรากินช้าก็ไม่แน่ใจ แซลม่อนกับซูชิที่สั่งถึงไม่พร่องไปสักที
   
“พรุ่งนี้สอบเสร็จกี่โมง” เหตุผลที่วันนี้นัดเพื่อนติวหนังสือให้ก็เพราะพรุ่งนี้มีสอบย่อยวิชาที่เราไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่
   
เราไม่ได้โง่นะ อาจารย์สอนไม่เข้าใจ
   
“บ่ายๆ” เราตอบพลางคีบแซลม่อนชิ้นใหม่เข้าปาก

แซลม่อนที่นี่ชิ้นใหญ่มาก พอเคี้ยวแก้มก็ป่องออกมาจนดูตลกมั้ง เจดเอื้อมมือมาจิ้มๆ แก้มเราขำๆ
   
“งั้นตอนเย็นจองตัวนะ”
   
เราส่งสายตาถามว่าไปไหน เพราะของกินเต็มปาก พูดไม่ได้
   
“เดี๋ยวไปก็รู้”
   
โธ่ ไม่อยากลุ้น
   
“ไม่ผิดหวังหรอก เชื่อดิ” เหมือนรู้ว่าเราคิดอะไรถึงได้พูดดักไว้พร้อมคีบแซลม่อนป้อนเบี่ยงเบนความสนใจ
   
“เอาอันนั้น” เราเลยยอมปล่อยผ่าน กินให้อิ่มก่อนแล้วกันค่อยคิดว่าเจดจะพาไปไหน






☉ ------------------------------------------------------------ ☉

   
หลังกินข้าวเสร็จเจดพาเราไปเดินเล่นต่ออีกนิดหน่อยก่อนพามาส่งที่หอตอนเกือบสามทุ่ม เพราะอ่านหนังสือจบบทที่จะสอบแล้วเราเลยไม่ค่อยกังวล คิดว่าอ่านทบทวนอีกนิดหน่อยก็จะนอน จะได้ไปสอบอย่างสดใส
   
จริงๆ อยากเดินเล่นจับเจดต่อนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรก็ได้ เจดเองก็มีงานที่ยังทำค้างไว้
   
“ไม่ขึ้นไปนะ พี่เพื่อนบอกไม่ให้ชิงสุกก่อนห่าม” เจดพูดขำๆ ส่วนเราเบิกตากว้าง
   
เพื่อน? เอ๊ะ เพื่อน... นี่เพื่อนคิดว่าเราจะปล้ำเจดเหรอ
   
เราเป็นสุภาพบุรุษพอเหอะ
   
สงสัยเราเผลอขมวดคิ้วอีก เจดเลยยื่นนิ้วมาจิ้มๆ หว่างคิ้วแล้วพูดยิ้มๆ “พรุ่งนี้เย็นมารับนะ”
   
“อือ” เราพยักหน้าตอบสั้นๆ แต่พอเจดหันหลังก็ดันหลุดปาก “เจด”
   
“หือ?”
   
“...”
   
เงอะ... เมื่อกี้เราจะพูดอะไรอ่ะ
   
“ขมวดคิ้วแปลว่าคิดมาก” อยู่ๆ เจดก็พูดอะไรแปลกๆ คนตัวโตเดินกลับมายืนตรงหน้าเรา มือสองข้างล้วงกระเป๋าแล้วโน้มตัวลงมาจ้องตากันจังๆ
   
“คิดอะไร ไหนพูดออกมาซิครับ” อย่าครับดิครับ ใจสั่น
   
อย่ายิ้มน่ารักๆ ด้วย...
   
พอเจ้าหมีมายิงฟันขาวใส่ในหัวเราเหมือนมีตัวหนังสือวิ่งวุ่นวายไปหมดจนจับต้นชนปลายไม่ได้ แต่ถ้าไม่พูดเจดก็คงจะจ้องอยู่อย่างนี้ยืนเหมือนมีเวลาทั้งชีวิตรอฟัง
   
เราก้าวถอยหลัง กระแอมเบาๆ
   
“เรา...” กล้าๆ หน่อยเจได “โทรหา...ได้ไหม”
   
“หือ?” เจดเลิกคิ้ว ยืดตัวเต็มความสูง ประหลาดใจ
   
ปกติเราคุยไลน์กัน ไม่ทุกวันด้วย แล้วแต่เวลาว่าง
   
“เพื่อนบอกว่า คนจีบกันต้องโทรหากัน”
   
อย่าไปบอกเพื่อนนะว่าเราอ้าง
   
“อ่อ” เจดพยักหน้า ท่าทางเหมือนไม่เชื่อ อมยิ้มกรุ้มกริ่ม เราเลยยิ่งต้องหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผล
   
“เจดเสียงเพราะ” ไม่ใช่ข้ออ้างซะทีเดียวหรอก เป็นความจริงต่างหาก “อยากได้ยินก่อนนอน”
   
พอพูดจบคนตัวโตก็เบิกตากว้าง เบือนหน้าหนีไปอีกทาง ยกมือขึ้นมาปิดหน้าแล้วหัวเราะกับฝ่ามือตัวเองเบาๆ ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันกลับมาทำหน้าแปลกๆ พลางขยี้หัวเรา
   
“น่ารักจังวะ”
   
“...!”
   
โห้ย อะไร อยู่ๆ มาชมกันโต้งๆ คนมันตั้งตัวไม่ทัน
   
ยังดีที่เราพูดในสิ่งที่ต้องการไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงค้างคาอยู่อย่างนี้จนเช้าเพราะเอาแต่เขิน
   
“งั้นถึงหอแล้วจะโทรหา”
   
แปลว่าเจดอนุญาต
   
“ไม่ต้องมายิ้ม” พอเรายิ้มก็โดนนิ้วโป้งกับนิ้วชี้โตๆ คีบปาก
   
ขมวดคิ้วก็บ่น ยิ้มก็ไม่ได้ หมีเอาใจยากมาก
   
แต่เราหุบยิ้มไม่ได้ก็เลยแอบอมยิ้มไว้ เจดมองหน้าเราแล้วเบือนหน้าหนีไปหัวเราะทางอื่นอีกรอบ ก่อนจะหันกลับมาถอนหายใจหนักๆ ล้วงอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋า
   
จำได้ว่าเป็นซองกระดาษของร้านเครื่องเขียนที่เราแวะซื้อปากกา เจดแกะห่อแล้วหยิบสิ่งที่อยู่ในนั้นออกมา
   
“แบมือหน่อย” เราทำตามอย่างว่าง่าย เพราะมัวแต่สงสัยว่ามันคืออะไร
   
พอเจดดึงมือกลับไปเราก็สบตากับกระต่ายตัวเล็กๆ เท่าปลายนิ้วก้อย เราเงยหน้ามองเจดอย่างแปลกใจ ตอนอยู่ร้านเครื่องเขียนเจดเอาให้ดูแล้วบอกว่าเหมือนเรา เราไม่เข้าใจว่าเหมือนตรงไหน แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรเพราะคิดว่ามันน่ารัก
   
ไม่คิดว่าเจดจะซื้อมา
   
“โคตรเหมือนเจเลย” เสียงทุ้มย้ำคำเดิมอีกครั้ง
   
โอเค เจดอุตส่าห์ซื้อ เรายอมเหมือนก็ได้
   
“ให้เราทำไม” พอได้ยินคำถามเจดมองหน้าเรา นิ่งไปสักพักก่อนทำท่าอึกอัก เกาคางตัวเองไปพลาง
   
“ก็... คะแนนไง”
   
“?”
   
“วันนี้เจน่ารัก ให้แต้มนึง”

เหมือนในแฮรี่ฯ เหรอ หนึ่งแต้มให้กริฟฟินดอร์
   
“แล้วเราต้องได้กี่แต้ม” ตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อได้รางวัล รับประกันว่าเรากำลังเดินหน้า ไม่ใช่ถอยหลัง
   
“ก็หมดนี่” เจดเขย่าถุงกระดาษ
   
แล้วมันเท่าไหร่เล่า
   
“ไม่บอก” โธ่ อมพะนำเก่งจังหมียักษ์ เจดหัวเราะ ขยี้หัวเราอีกครั้ง “เอาไว้เป็นเพื่อนอ่านหนังสือนะครับ”
   
เราไม่ชินที่เจดพูดเพราะก็เลยก้มหน้า ทำเป็นมองหน้ากระต่ายในมือ
   
“อือ”
   
“ไปแล้วนะ”
   
“อือ” เราตอบคำเดิมพลางพยักหน้า แต่ในใจท้วงว่ายังไม่อยากให้กลับ
   
“อือ” เจดเหมือนรู้ถึงได้รับคำแล้วยืนยิ้ม แกล้งประวิงเวลาอยู่สักพัก
   
เราหลุดยิ้มตาม พยักหน้าน้อยๆ อีกครั้ง
   
“อือ” 
   
เจดหัวเราะเบาๆ คราวนี้ยอมหันหลัง เดินไปสตาร์ทรถแล้วขับออกไป เราหันหลังกลับขึ้นหอบ้าง
   
ระหว่างรอลิฟต์เรามองกระต่ายตัวน้อยในมือนึกถึงคำพูดเจด แล้วหัวใจก็เต้นตึกตัก
   
...อยากให้กระต่ายหมดถุงไวๆ จัง






☉ ------------------------------------------------------------ ☉

   
“ไม่เอาแล้ว เราจะซิ่ว” โอดครวญทันทีที่ทำควิซเสร็จแล้วได้ยินข่าวร้ายว่าอาทิตย์หน้าก็ยังมีควิซอีก
   
“ก็บ่นงี้มาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วป่ะ” เพื่อนว่า หยิบชีทขึ้นมาวาง เทียบเนื้อหากับข้อสอบที่เพิ่งทำไป
   
ไม่เราไม่อยากรับรู้เลยฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าดูรูปภาพไปเรื่อยๆ ในอินสตราแกรม แทบไม่มีความแปลกใหม่ เพราะส่วนใหญ่เป็นเพื่อนๆ ที่อัพรูปวนๆ อยู่ไม่กี่จุดในคณะ มีรูปร้านอาหารร้านกาแฟบ้างประปราย
   
เราเลื่อนดูรูปไปเรื่อยๆ โดยไม่โฟกัสอะไร จนกระทั่งหยุดลงที่รูปล่าสุดของเจ้าของแอคเคาท์ที่มีโปรไฟล์เป็นรูปสเกตหมีเล่นกีตาร์... แบบเดียวกับในไลน์
   
เจดเพิ่งโพสต์รูปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ระหว่างที่เรากำลังนั่งทำควิซอยู่พอดี เป็นรูปโมเดลบ้านสองชั้นที่เหมือนโดนผ่าให้เห็นข้างในแบบที่เราเห็นเจ้าตัวก้มหน้าก้มตาทำเมื่อคืน มีเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ ที่เราเห็นแค่แวบๆ จัดแต่งสวยงาม

แต่ที่ทำเราเบิกตากว้าง คือทุกตารางนิ้วในบ้านถูกจับจองด้วยกระต่ายตัวน้อยแบบเดียวกับที่ให้เรา

   
‘I wanna talk tonight, until the mornin’ light’

   
แคปชั่นที่มาจากเนื้อเพลงดังไม่เข้ากับรูปเท่าไหร่  แต่เรารู้ว่าหมายความว่ายังไง ยิ่งอ่านประโยคทิ้งท้ายในบรรทัดถัดไปก็ยิ่งยืนยันว่าเราไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง

   
‘กระต่ายโง่ ไม่รู้ว่าทำข้อสอบได้ไหม’
   

กระต่ายไม่โง่ ทำข้อสอบได้
   
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่” เราไม่ได้เงยหน้าจากมือถือตอนที่เพื่อนทำเสียงหมั่นไส้ใส่ ยังมองรังกระต่ายของเจดอยู่อย่างนั้น ก่อนนึกอะไรขึ้นได้
   
หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก... เก้า

ในบ้านมีกระต่ายเก้าตัว... หมายถึงเราต้องทำให้ได้อีกเก้าแต้มใช่ไหม?

“เพื่อน เราตัดสินใจแล้ว...” ยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อไขปริศนาได้ แถมมีไอเดียว่าจะชิงกระต่ายพวกนั้นยังไง
   
เพื่อนเคยบอกว่าคณะเจดอยู่ไกล จีบยากใช่หรือเปล่า ถ้าอย่างนั้น...
   
“เราจะซิ่วไปถาปัตย์ฯ...”

ตุบ!

ยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกเพื่อนหยิบชีทมาฟาดหัวโครมใหญ่
   
“แม่ส่งมาเรียนไม่ได้ให้มาตามผู้ชาย”
   
“โอย...”
   
บ๊ายบาย ความรู้ที่สั่งสมมา





☉ ------------------------------------------------------------ ☉

   
รู้เฉลยแล้วว่าเจดจะพาเราไปไหน
   
ดาดฟ้าคณะศิลปกรรมกลายเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตเล็กๆ ของวงดนตรีนอกกระแสที่รวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่อสั่งลาให้กับวงของเพื่อนที่กำลังจะแยกย้ายกันไปตามทาง
   
เจดรู้จักบางคนในวงนั้นก็เลยถูกชวนมาโดยไม่ต้องซื้อบัตรที่หมดไปตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย เราเดินตามหลังเจดเข้ามาในงานที่ถูกจัดด้วยบรรยากาศสบายๆ มีที่นั่งจัดเป็นกลุ่มๆ ง่ายๆ
   
“ป๊า” เสียงตะโกนดังขึ้นมา พร้อมกับร่างสูงบางที่นั่งรวมกลุ่มกับอีกสามสี่คนที่โต๊ะด้านหน้า
   
เจดยกมือทักกลับ เดินลิ่วไปหาน้องพิชญ์ทันที

ลืมเราเลยอ่ะ

“เล่นไปกี่วงละ” เจดถามนั่งลงพลางปัดๆ ที่นั่งข้างๆ

เรานั่งตาม มองน้องพิชญ์กับเจดคุยกัน “สอง ป๊าเอาเบียร์ป่ะ จะไปซื้อเพิ่ม”

ตรงทางเข้ามีซุ้มขายเบียร์ยี่ห้อหนึ่งที่น่าจะเป็นสปอนเซอร์ให้

“เออ เดี๋ยวไปด้วย” เจดว่า แล้วทั้งสองคนก็ลุกจากโต๊ะไป เรามองตาม เผลอขมวดคิ้วตอนที่เจดยกแขนขึ้นกอดคอพิชญ์ แถมยังขยี้ผมน้องอีก เราเม้มปากหันกลับมามองเตวิชญ์ที่นั่งอยู่ด้วยกัน แต่ไม่เห็นเขาว่าอะไร ยังจิบเบียร์นิ่งท่าทางสบายๆ

คนมีสิทธิ์หึงเขายังไม่ว่าอะไรเลย อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิเจได
   
“ไปหน้าเวทีป่ะ” ใครสักคนเอ่ยชวน เมื่อเจดกับพิชญ์กลับมาพร้อมแจกจ่ายเบียร์ให้คนทั้งโต๊ะ เรารับมากระดกอึกๆ อย่างไม่ได้สนใจ ให้เบียร์เย็นๆ ดับความคิดงี่เง่า

เพื่อนเคยบอกว่าเรามีนิสัยเสียๆ ที่ขี้หวงไม่เข้าท่า วันนี้เรายอมรับแล้วล่ะ

ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์หวงด้วยซ้ำ...

“ไปก่อนเลย เดี๋ยวสูบบุหรี่แป๊บ” เจดบอกก่อนคว้าแขนพิชญ์เดินแยกออกไปตรงโซนที่มีที่เขี่ยบุหรี่ให้ เราได้แต่มองตามอีก เพราะไม่รู้จะทำอะไร

โดนเขาทิ้งแล้วเจได

“หงอยเชียวกระต่าย” สมาชิกอีกคนที่ยังไม่ลุกไปไหนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เราสะดุ้ง มองหน้าเตวิชญ์อย่างเกร็งๆ นิดหน่อยเพราะไม่ค่อยได้คุยกัน

ไม่กล้าสบตาด้วยซ้ำตอนที่เอ่ยถาม “หึงไหม”

เจดเคยชอบน้องพิชญ์ใช่ว่าเตวิชญ์จะไม่รู้ เราเลยสงสัยว่าทำไมเขาไม่แสดงท่าทีอะไร ปล่อยให้สองคนนั้นคุยกันสนิทสนมเกินหน้าเกินตาแบบนี้ได้ไง

“พิชญ์ไม่ได้คิดอะไร”

“รู้ได้ยังไง” คราวนี้เราเผลอจ้องตางอแงใส่ แล้วก็รู้ว่าพลาดเมื่อดวงตาสีดำคมกริบฉายแววที่ทำเอาขนลุกวาบ

แถมไม่ได้คำตอบ เตวิชญ์แค่ยักไหล่ ก่อนลุกออกไป ไม่ได้ไปรวมกับคนอื่นที่ยืนเอ็นจอยอยู่หน้าเวที ร่างสูงเดินเข้า
ไปโอบเอวพิชญ์ที่หันกลับมายิ้มให้ทันที บุหรี่ในปากน้องถูกคีบออกมาป้อนใส่ปากคนพี่ แชร์นิโคตินจากมวนเดียวกัน
   
เราเบือนหน้าจากสองคนนั้นกลับไปทางเจด ก็เห็นเขากำลังมองกลับมาเช่นกัน คนตัวโตดับบุหรี่แล้วปลีกตัวออกมานั่งลงข้างเราอีกครั้งตะโกนแข่งเสียงเพลง
   
“หงุดหงิดอะไร”
   
หมีเหมือนมีวิชาอ่านใจ ทำไมถึงรู้ได้ว่าเรากำลังไม่พอใจ
   
“ขมวดคิ้วแถมเบะปาก” นิ้วโตๆ จิ้มหว่างคิ้วก่อนเลื่อนลงมาบีบปาก คราวนี้เราสะบัดหน้าหนีตีหน้าบึ้งกระดกเบียร์เข้าปากอีกหลายอึก
   
เจดหุบยิ้มท่าทางประหลาดใจแล้วขมวดคิ้วบ้าง
   
“เจ เป็นอะไร ไม่สนุกเหรอ”
   
พอเจดมาง้อ แทนที่เราจะดีใจ ช้างในกลับโหวงๆ ไม่อยากงอแงให้เขาลำบากใจ
   
“เจด เราขออะไรได้ไหม” เจดเคยบอกว่าตัดใจได้แล้ว เราเลยไม่อยากถามซ้ำกลัวเจดรำคาญ
   
อีกอย่าง... เรากลัวคำตอบเปลี่ยนไป
   
“ต่อไปนี้รู้สึกอะไร บอกเราตรงๆ ได้ไหม”
   
“หมายถึงเรื่องอะไร” เจดทำท่าไม่เข้าใจ

เราขมวดคิ้วรวบรวมความคิดพักใหญ่ เรียบเรียงคำพูดเพื่อเอ่ยประโยคที่ยาวที่สุดออกไป
   
“เรื่องของเรา... ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มเจดคงยังไม่แน่ใจ แต่ถ้ารู้ตัวว่าชอบหรือไม่ชอบเราเมื่อไหร่ เจดส่งสัญญาณหน่อยได้ไหม”    

เราไม่อยากเร่งรัดเจด แต่ก็ไม่อยากแห้ว ไม่อยากให้ตัวเองคาดหวังอย่างไม่มีความหมาย
   
“กระต่ายโง่ขี้คิดมาก ถ้าเจดไม่บอกตรงๆ คงเครียดตาย” ก้มหน้างุด หน้าร้อนตอนยอมรับว่าเราไม่ค่อยมีเซ้นซ์เรื่องแบบนี้เท่าไหร่ แถมยอมรับว่าเป็นกระต่าย
   
เจดหัวเราะเบาๆ จับหน้าเราเงยขึ้นไปสบตาอีกครั้งให้เห็นแววตาจริงจัง
   
“เข้าใจแล้วครับ ต่อไปนี้รู้สึกอะไร จะบอกเจหมดเลย โอเคไหม” แถมยังยกนิ้วก้อยโตๆ ขึ้นมาตรงหน้าขอเกี่ยวก้อยสัญญา
   
โธ่ บอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าเราอายุมากกว่า ทำไมชอบทำเหมือนเป็นเด็กอ่ะ
   
“อือ” แต่กลัวว่าเจดจะเปลี่ยนใจ เลยพยักหน้าตกลงพร้อมกับกำนิ้วก้อยเจดแน่น
   
เกี่ยวไว้ห้านิ้วเลยแล้วกัน เจดจะได้ไม่ผิดสัญญาง่ายๆ
   
“งั้นไปหน้าเวทีกัน” พอเห็นเราทำท่าพอใจ เจดก็หัวเราะ คลายกังวลพาเราลุกขึ้นยืนจากโต๊ะไปรวมกับคนอื่นๆ หน้าเวที
   
พอมายืนตรงนี้เราก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นกับบรรยากาศที่คึกคัก คนโห่ร้องให้นักดนตรีที่ผลัดเปลี่ยนขึ้นมา สาเหตุที่เจดชวนเรามาเพราะหนึ่งในนั้นมีวงที่เราชอบแต่ไม่เคยดูการแสดงสดสักครั้งเพราะตั๋วหายากมาก แถมชอบมีแสดงช่วงที่เราไม่ว่าง
   
เจดหัวเราะทำหน้าล้อเลียนเมื่อเห็นเรายิ้มร่าไม่มีเค้าความหงุดหงิดแบบก่อนหน้า
   
แต่ไม่เฉลยหรอกว่านอกจากเสียงเพลงแล้วสิ่งที่ทำให้เราอารมณ์ดีได้ในพริบตา ยังเป็นเพราะนิ้วก้อยที่ใช้เกี่ยวสัญญา ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นนิ้วทั้งห้าที่ประสานกันไว้ตลอดงาน




☉ ---Side Story : 2 --- ☉
   
   

[ ง่วงยัง ] หลังจากที่เจดโทรหาก็ผ่านมาหลายชั่วโมง
   
ตอนแรกตั้งใจว่าจะแค่โทรคุยกัน แต่เราดันไม่รู้จะพูดอะไร เงียบใส่จนเจดต้องถามย้ำๆ ว่ายังอยู่ไหม สุดท้ายคนโทรก็เลยตัดสินใจวางสายเพื่อเปลี่ยนเป็นเฟสไทม์
   
เราแตกตื่นอยู่สักพักก็พบว่าแบบนี้มันสะดวกกว่า เพราะต่างคนต่างทำธุระตัวเองต่อโดยที่ยังเห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
   
แถมเราตอบด้วยการพยักหน้าหรือส่ายหน้าเฉยๆ ตามความเคยชินเจดก็เห็นชัด
   
[ จะอยู่จนเช้าหรือไงคุณ ] เจดเลิกคิ้วขำๆ เพราะเห็นเราอ่านหนังสือจบตั้งนานแล้ว แต่ยังลืมตามองเขาต่อโมเดลก็อกแก็กอยู่อย่างนั้น
   
“เราอยู่ไหว” ท่าทางอีกนานกว่างานเจดจะเสร็จ เราอยู่เป็นเพื่อนก็ได้
   
[ ไม่เอา ไม่ให้อยู่ ไปนอนได้แล้วไป ]
   
อ้าว โดนไล่
   
“อีกชั่วโมงนึง...”
   
[ เดี๋ยวฟ้องเพื่อนเลยว่ะ ]

ยังไม่ทันต่อรองเสร็จก็โดนขู่จนต้องเงียบไป
   
“อีกห้านาทีได้ไหม”
   
เจดหัวเราะเมื่อเห็นว่าคำขู่นี้ได้ผล ได้ผลสิ เพื่อนดุจะตาย
   
[ โอเค อีกห้านาที ]
   
เราพยักหน้าแล้วเท้าคางมองเจดก้มหน้าก้มตากรีดคัตเตอร์ลงบนกระดาษ แอบยิ้มให้สีหน้าขะมักเขม้นโดยไม่คิดจะส่งเสียงกวนใจ พอครบห้านาทีตามที่บอกเราก็กดตัดสายเงียบๆ เดินไปที่เตียง

กำลังจะปิดไฟ แต่นึกอะไรขึ้นได้เลยกดเข้ายูทูปเสิร์ชหาชื่อวงดนตรีที่เราต่างชอบพร้อมชื่อเพลงลงไป ก่อนกดส่งให้หมียักษ์ที่ต้องทำงานอีกหลายชั่วโมง

ตั้งใจจะส่งทิ้งไว้เฉยๆ แต่ไม่ทันไรอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา

   
‘โห อัลเทอร์มาจีบ ว่ะ’
   

เรายิ้มให้กับมุกชื่อหนังที่ล้อกับชื่อแนวดนตรีที่ส่งให้ฟัง

ก่อนจะได้ยิ้มกว้างอีกครั้ง เมื่อตอนกลางวันเห็นข้อความจากเพียงเดียวกันปรากฏอยู่ใต้ภาพในอินตราแกรม


‘I wanna talk tonight, until the mornin’ light’







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

ค้นพบกว่าการแบ่งอัพเป็นครึ่งๆ ทำให้เนื้อหาแต่ละตอนยาวขึ้นเป็นเท่าตัวเลยค่ะ 5555
จากปกติเราเขียนตอนนึง 4-6 หน้า แต่เรื่องนี้ตอนละ 10 หน้าอัพทั้งสองตอนเลย
หรือเป็นเพราะมีแต่บทสนทนานะ? อืม... อาจจะเป็นอย่างนั้น

ขอบคุณสำหรับการเอ็นดูยัยกระต่ายเจไดนะคะ ดีใจมากที่ทุกคนไม่รำคาญความอ๊องเอ๋อของนาง
ตอนเขียนกังวลมาก กลัวคนอ่านไม่ชอบนายเอกแนวนี้ กลัวน้องโดนด่า (ใครด่าเราจะฟ้องเพื่อนนะ!) 5555
ขอบคุณจริงๆ ค่ะสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น หวังว่าจะเอ็นดูคู่นี้ไปจนจบนะคะ

เนื้อเพลงที่หยิบยกมามาจากเพลง Talk Tonight ของ Oasis นะคะ ตามไปฟังได้ที่ลิ้งก์นี้เลย
https://www.youtube.com/watch?v=bb6e2Brz9Nw
ส่วนมุกอัลเทอร์มาจีบมาจากชื่อหนัง 2538 อัลเทอร์มาจีบ (2558) ภาพยนตร์โดย ยรรยง คุรุอังกูร ค่ะ (เราไม่เคยดูเรื่องนี้ขออภัยที่ให้ข้อมูลไม่ได้นะคะ u_u)

ปล. พอเขียนเรื่องนี้แล้วเราพูดคำหยาบน้อยลงด้วยล่ะ สงสัยติดยัยเจมา 5555

ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆ เลยค่า  :L2:

-Martian-








   

   
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 02-06-2018 01:18:40
โถ่ น้องงงง อย่าซิ่วเลยลูก55555
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-06-2018 02:18:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 02-06-2018 03:43:40
เจได หนูจะซิ่วไปตามผู้ชายไม่ได้นะคะ แต่เพื่อนก็รุนแรงไปปป๊ หัวน้อยๆของน้อง โถ่วววว ส่วนพี่เตนี่พอบรรยายผ่านน้องแล้วดูอึมครึม เป็นคนดุๆ แงงง กลัวววว แต่ชอบกระต่ายของคุณหมี น่ารักกก ชอบตอนจับมือ ชอบตรงเฟสไทม์ ก้าวหน้ามาอีกขั้นละน้าา ว่าแต่คุณหมีตัดใจได้ยังเอ่ยย เราไม่แน่ใจเลย
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raam ที่ 02-06-2018 07:01:17
ยัยหนูเจน่าร้ากกกกกกกก :oo1:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 02-06-2018 07:43:03
คิดถึงพี่เตจัง 555  :mew1:

เจไดสู้ๆลูก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 02-06-2018 08:13:28
น้องต่ายโง่แต่น่ารัก จนหมีดูจะเดินหน้าจีบจริงจังล่ะ   :hao3:
หัวข้อ: Re: ☉ ทฤษฎีจีบหมี ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 02-06-2018 11:09:35
อ่านเรื่องนี้แล้วหลงหมี หลงกระต่ายมากกก นี่ว่าจะไปเข้าชมรมคนรักสัตว์โลกละ  55555
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 05-06-2018 22:04:13
มายังอะ  มารออออออ :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Lalinnovel ที่ 07-06-2018 15:59:59
นึกว่าเจเรียกเพื่อน (แบบไม่มีชื่อ) มาตลอด แต่จริงๆเพื่อนชื่อเพื่อน เรางงทำไมเนี่ยยยยย5555555
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raam ที่ 07-06-2018 21:49:12
รอน้าาาารีบมา  :z3: :serius2:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 2 : หมีอัลเทอร์เนทีฟ 100% (02.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-06-2018 22:20:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 09-06-2018 04:59:15
ข้อที่ 3
กฎหมี (40%)
[/b]

   
นี่ไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็นกฎที่หมีจะต้องจำและนำไปใช้!

1.   จะให้เราจีบต้องซ้อนมะลิได้

2.   จะให้เราจีบต้องให้เราโทรหาทุกวัน

3.   จะให้เราจีบต้องไปกินข้าวกันอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง

4.   จะให้เราจีบต้องไม่ปิดบังกัน

5.   จะให้เราจีบต้อง...


“เอาไปให้ผู้ชายอ่านคงโดนเทอ่ะ” 

“อ้าว” เรามองเพื่อนที่มองกระดาษที่เรายื่นให้

คิดมาทั้งคืนก็คิดไม่ออกว่าข้อห้าควรเป็นอะไร เลยเอามาให้เพื่อนดู เผื่อช่วยได้

“ยังไม่ทันคบก็โดนตีกรอบซะแล้ว”
   
“เจดบอกว่าอยากให้เจดทำอะไรก็บอกได้” คืนที่ไปดูคอนเสิร์ตเจดขอบคุณที่เราพยายามพูดความรู้สึกออกไป เราเลยคิดว่าคงดีถ้าทำให้เป็นกติกา
   
“แต่ปกติคนจีบไม่ใช่ฝ่ายคิดกฎป่ะวะ”
   
จริงด้วย เราลืมคิดไป
   
“งั้นไม่ให้เจดอ่านดีกว่า” กำลังจะดึงกระดาษมา แต่เพื่อนกลับยื้อไว้ หยิบปากกาข้างตัวขึ้นมาเติมข้อความตรงกฎข้อห้าแล้วยื่นกลับมาให้
   
“เอาไปให้ไอ้หมีมันอ่าน”
   
อ้าว ไหนบอกถ้าให้อ่านจะโดนเทอ่ะ





☉ ------------------------------------------------------------ ☉


5. จะให้เราจีบต้องห้ามล่วงเกิน ห้ามแต๊ะอั๋ง ห้ามพาขึ้นห้อง เด็ดขาด!!

   
“ข้อห้านี่ไม่ได้เขียนเองใช่ป่ะ” คงเพราะเพื่อนใช้ปากกาคนละด้ามเจดก็เลยจับได้
   
“จะเทหรือเปล่า” เราถามเบาๆ นึกหวั่นๆ ว่าเจดจะไม่พอใจ
   
แต่คนตัวโตกลับขำ พับกระดาษใส่กระเป๋ากางเกงไว้ จับหัวเราให้เงยหน้าขึ้นไปสบตามั่นใจ
   
“ทำได้ทุกข้ออ่ะ เชื่อป่ะ”
   
เชื่อสิ เจดน่ารัก พูดอะไรเราก็เชื่อหมดแหละ
   
เราพยักหน้า เจดเลยยิ้มกว้างดึงหมวกกันน็อคในมือมาสวมให้เรา

“ปะ กินข้าวกัน”

กฎข้อที่สาม ไปกินข้าวกันอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง

“เอ๊ะ ไม่ใช่” มัวแต่ลิงโลดที่เจดทำตามกฎหนึ่งข้อได้ เลยไม่ทันเอะใจว่าบางอย่างมันผิดปกติ

ปกติที่เราจะเป็นคนขับ และเจดจะเป็นคนซ้อนมะลิ ตามกฎข้อที่หนึ่ง

แต่กว่าจะรู้ตัวว่านั่งสลับที่ก็ตอนที่เจดติดเครื่องมะลิแล้ว

“เจด...”

“เกาะแน่นๆ” พอจะท้วงเจดก็ขัดจังหวะด้วยการจับแขนเราไปเกาะเอวไว้ แล้วมะลิก็พุ่งออกไป

เรากำเสื้อเจดแน่นอย่างว่า คงเพราะไม่ชินที่ต้องเป็นคนซ้อนเท่าไหร่ ตัวเจดใหญ่จนบังทางมิดเราก็เลยได้แต่จ้องแผ่นหลังกว้างๆ อย่างช่วยไม่ได้

แบบนี้ถือว่าผิดกฎไหมนะ ก็เจดต้องเป็นคนซ้อนนี่นา?



ไม่ผิดแล้วกัน เจดตัวหอม เรายอมให้เป็นคนขับมะลิก็ได้

   
วันนี้เรามากินก๋วยเตี๋ยวร้านที่เจดกินประจำ เราไม่ต้องสั่งแล้วเพราะเจ้าของร้านจำได้ว่าเราชอบกินบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง ยังใส่ผักมาเหมือนเดิมแต่เจดไม่ว่าอะไร พอเห็นเราแยกไว้ขอบจานเจดก็คีบไปกินให้ แต่เดี๋ยวนี้นอกจากลูกชิ้นแล้วเจดจะคีบเกี๊ยวในชามตัวเองมาให้แทน
   
ว่าจะถามอยู่หลายครั้ง เพราะเมนูก่อนหน้าที่กินประจำของเจดไม่มีเกี๊ยว แต่สั่งมาทีไรก็ต้องให้เรา ไม่เห็นจะกินเลยสักชิ้น
   
“วันหลังบอกเขาว่าไม่เอาเกี๊ยวสิ” เราดุบ้าง ตอนที่เจดคีบเกี๊ยวมาใส่ชาม
   
หมีโดนดุแต่กลับขำ ยักไหล่แล้วคีบผักกลับไปเคี้ยวตุ้ยๆ ท่าทางอร่อยยังกับเป็นหมีมังสวิรัติ
   
“เจดชอบกินผักเหรอ” สงสัยมานานแล้วว่าทำไมเจดต้องขโมยผักจากชามเราไป ถึงเราไม่กินจะปล่อยทิ้งไว้ก็ได้
   
เจดบอกเสียดาย แต่ทุกครั้งก็ยิ้มดูมีความสุขมากกว่าเสียดาย
   
“ก็กินได้” เจดยักไหล่ คีบเกี๊ยวอีกชิ้นมาให้
   
“เจดชอบแย่งผักเราไป” เรายังไม่หายข้องใจพลางคีบเกี๊ยวคืนให้
   
รู้สึกไม่ยุติธรรมที่เจดเอาของอร่อยให้เราทั้งที่เอาของไม่อร่อยไป
   
เจดเลิกคิ้วมองเกี๊ยวในชามแล้วเงยหน้ามองเรา ยิ้มขำ “ก็สั่งมาให้แย่งไม่ใช่?”
   
“...”
   
“ไม่ชอบกินผัก แล้วสั่งผักมาทำไม” ว่าแล้วก็คีบเกี๊ยวคืนมาให้อีก “ก็เหตุผลเดียวกับที่กูสั่งเกี๊ยวเพราะรู้ว่าเจชอบกินเกี๊ยวนั่นแหละ ถูกมั้ย?”
   
เราคิดอยู่นานกว่าจะเข้าใจความหมาย
   
เจดคงไม่ได้ชอบเกี๊ยวแต่ที่สั่งมาเพราะรู้ว่าเราชอบ ส่วนเราสั่งผักทั้งที่ไม่กินผัก ก็เพราะคิดว่าเจดชอบกินผักเหมือนกัน   
   
เป็นแผนเอาใจเขาลับๆ ...แต่ดันถูกจับได้ง่ายๆ ซะงั้น
   
โธ่ ทำไมหมีฉลาดจัง




☉ ---------------------------40%--------------------------------- ☉

มาซะสั้นเลย ขอโทษค่ะ :sad4:
พอดีว่าจะไปต่างจังหวัดอาทิตย์นึง และไม่ได้พกคอมไปคงไม่ได้เขียนนิยายเลยขออนุญาตอัพเท่านี้ก่อนเนอะ เดี๋ยวหายนาน กฎหมีของยัยกระต่ายจะช่วยให้จีบป๊าได้แค่ไหน เอาใจช่วยด้วยนะคะ

ปล. ชื่อเรื่องเปลี่ยนเป็น Be Bear Bae : #หมีแต่รัก เพราะไปคล้ายคลึงกับอีกเรื่องหนึ่งที่เคยตีพิมพ์แล้วค่ะ
ขอโทษที่ไม่ได้เช็กให้ดีก่อน หวังว่าจะชอบชื่อเรื่องใหม่กันนะคะ

ฝาก #หมีแต่รักด้วยน้า
ขอบคุณมากเลยค่า

-Martian-




      



   

หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 09-06-2018 10:23:09
น่ารักกกกก กฏข้อที่ 5 ดูก็รู้ค่ะว่าพ่อกระต่ายเป็นคนเขียน หวงลูกขนาดนั้น 555555 เนี่ยเหมือนหมีล่อลวงกระต่ายทีละนิดละหน่อย เจเองก็โดนจีบอยู่เหมือนกันแหละ และน่ารักขนาดนี้ใครจะเทหนูคะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-06-2018 11:13:03
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 09-06-2018 13:43:41
เป็นหมีตัวโตที่ขี้อ่อยมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-06-2018 21:29:12
เหมือนอ่านคู่มือการเลี้ยงกระต่ายเลยค่ะ อยากบีบน้องงงงงงง  :mew1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: 24h365d ที่ 09-06-2018 23:02:59
โอ่ยยยยยย .3. เพ่หมีสะท้านใจจจ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 10-06-2018 09:30:11
น้องงงงงงงงงงง
น้องเต็มหัวเราไปหมดเลยตอนนี้ :ling1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 10-06-2018 10:05:19
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 10-06-2018 12:03:19
หนูเจน่ารักจังเลยลูกกก อยากได้
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raam ที่ 19-06-2018 09:04:49
มาต่อเร็ววววอยากอ่านยัยน้องเจแล้วว :z3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raam ที่ 22-06-2018 18:45:51
รอยัยน้องเจอยู่นะค้าาาา :z3: :ling1: :z13:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 22-06-2018 20:24:59
โถถถถ เนียนมากเลยน้องเจ แผนแต่ละอย่างของหนู
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 26-06-2018 20:53:27
ข้อที่ 3
กฎหมี (100%)

   
กินข้าวเสร็จเราต้องมาส่งเจดที่คณะเพราะเขาต้องทำงาน สงสัยคงโต้รุ้งด้วยถึงได้แวะซื้อกาแฟตั้งสองแก้ว
   
“พรุ่งนี้เจไปไหม”
   
เรางง ไม่รู้ว่าเจดให้ไปไหน
   
“บาสถาปัตย์-เภสัชไง”
   
เราร้องอ๋อ “ปกติไม่ไป”
   
เราไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมกับกีฬามหาลัยเท่าไหร่... อันที่จริงนอกจากวงดนตรีคณะ เราก็ไม่ได้ยุ่งกับกิจกรรมอะไร เหนื่อยง่ายน่ะ
   
“เสียดาย อยากให้ไป”
   
“ถ้าไปจะได้แต้มกระต่ายไหม” เราไม่ได้งกนะ แค่ถามอย่างมีความหวัง
   
“โห แผนสูงว่ะ” เจดหัวเราะ ขยี้ผมเราแรงๆ ทีหนึ่งก่อนต่อรอง “ถ้าเชียร์ถาปัตย์ด้วยนะ”
   
“ได้ เราเชียร์” ตอบไม่คิด

เพื่อนต้องด่าว่าเราบ้าผู้ชายแน่ แต่ไม่เป็นไร ยังไงเราก็อยากเชียร์เจดมากกว่า
   
“พูดแล้วนะ”
   
“ครับ”
   
“ขอบคุณสำหรับกำลังใจล่วงหน้า” เจดยิ้มกว้าง เราเลยยิ้มตอบเหมือนได้รับกำลังใจกลับมาเหมือนกัน








   ☉ ------------------------------------------------------------ ☉

   
รู้ไหมทำไมน้องพิชญ์เรียกเจดว่าป๊า

...เพราะเจดเป็นซุปเปอร์แมนไงล่ะ
   
“ป๊ามันยังไม่ได้นอนเลย” ตอนนี้เราอยู่อัฒจันทร์ฝั่งถาปัตย์ แปรพักตร์อย่างอุกอาจแต่ไม่มีใครว่า เพราะนั่งข้างๆ น้องพิชญ์ 

น้องมาเชียร์แฟนตัวเองที่ลงแข่งเหมือนกัน กลายเป็นที่ฮือฮามากเพราะปกติพิชญ์ไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็นนอกคณะ คงไม่มีใครทันสังเกตด้วยซ้ำว่าเรานั่งอยู่ข้างๆ โดนออร่าความขาววิ้งบังตา
   
“อึดยังกะหมี” เรามองคุณหมีที่รีบร้อนเปลี่ยนเสื้อวิ่งเข้าสนามอย่างเห็นด้วย

เจดสภาพเหงื่อโซมทั้งที่ยังไม่เริ่มแข่งเพราะว่ามีแข่งฟุตบอลก่อนหน้า พิชญ์บอกว่าคณะคนน้อยแถมไม่มีใครเล่นกีฬาเป็นกิจจะลักษณะ แข่งแต่ละครั้งก็ตามตัวหน้างาน ใครว่างก็มา แต่วันนี้หนักหน่อยที่ต้องแข่งฟุตบอลกับบาสต่อกันแบ่งคนยังไงก็ไม่ครบ สุดท้ายมาลงที่เจดที่เป็นคนอาสาเป็นตัวจริงทั้งสองเกมเพราะเล่นเก่งทั้งสองกีฬา
   
แต่เราว่ามันหนักไป ใครนะใครจัดตาราง
   
นักกีฬาลงสนามจนครบ เสียงนกหวีดก็ดัง ทุกคนเริ่มวิ่งแย่งลูกบอลสีส้มกันให้วุ่นทั่วสนามจนตาลาย เราดูบาสไม่เป็นเลยไม่สนใจเกมเท่าไหร่ ได้แต่มองตามเจดที่วิ่งไปวิ่งมา

มองตาม แล้วก็มองตาม จนได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเบาๆ
   
“เจยังกับพัดลม”

เราหันไปสบตาน้องพิชญ์ที่ยิ้มขำ เผลอลั่นสิ่งที่คิดออกไป “ห้ามเชียร์เจดนะ”

ถ้าน้องพิชญ์เชียร์เจดอีก อาจจะกลบกำลังใจเรามิดก็ได้
   
“หือ? ได้เหรอ ก็คณะเดียวกัน” น้องพิชญ์หัวเราะอีกรอบ
   
“เดี๋ยวเราเชียร์ให้” เราอาสา น้องเลยหัวเราะเสียงดังขึ้น ยักไหล่
   
“โอเค ผมเชียร์พี่เตคนเดียวก็ได้” ว่าพลางเอื้อมมือมาบีบแก้มเรา “ฝากป๊าด้วยนะ”
   
เราพยักหน้ารับ แล้วหันกลับไปมองเจดใหม่ คนตัวโตกำลังพยายามแย่งลูกบอลจากฝ่ายตรงข้ามที่ตัวเล็กกว่า ไม่ทันไรก็คว้าบอลมาได้ เราเผลอกำมือแน่นตอนที่เจดวิ่งเลี้ยงลูกไปอีกฝั่งของสนาม

เหมือนเห็นภาพสโลว์โมชั่นของขายาวๆ ที่วิ่งไปข้างหน้า ริมฝีปากใต้เคราเผยอตักตวงอากาศหายใจไปพลาง สายตามองไปรอบตัว ก่อนส่งบอลให้เตวิชญ์ที่วิ่งตัดหน้าฝ่ายตรงข้ามมารับพอดี แฟนน้องพิชญ์วิ่งสองก้าวแล้วกระโดดขึ้นชู้ตลูกลงห่วงไปอย่างสวยงาม

คนส่งบอลหัวเราะดีใจเดินเข้าไปชกไหล่คนทำแต้มเบาๆ ก่อนจะวิ่งเหยาะๆ กลับไปป้องกันที่ฝั่งของตัวเอง ระหว่างนั้นเจดหันมาทางเรา โบกมือพลางยิ้มบางๆ

เราโบกมือกลับอัตโนมัติ หลุดยิ้มออกมากับความน่ารัก

เจดเท่มาก ยิ่งใส่ชุดบาสสีเข้มแบบนี้ยิ่งเท่ หัวใจเราเต้นตึกตักไปหมดตอนที่มองเจดวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในสนาม

“ป๊าเท่เนอะ” ได้ยินเสียงแซว เราเลยพยักหน้าหงึกหงักแต่ไม่ละสายตาจากคนตัวโตที่ได้ลูกบาสกลับมาอยู่ในมืออีกแล้ว

เราไม่ได้จะเข้าข้างหรอก แต่คิดว่าถาปัตย์คงจะชนะ เพราะเจดกับเตวิชญ์ตัวสูงมาก แถมวิ่งเร็ว เผลอแป๊บเดียวก็แวบจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่ง เจดส่งบอลให้เตวิชญ์อีกครั้งแต่คราวนี้ถูกฝั่งเภสัชวิ่งมากันไว้ แต่เจดแก้สถานการณ์ไว วิ่งไปตัดรับบอลมาในมือก่อนจะพลิกตัวกระโดดขึ้นชู้ตอย่างรวดเร็ว

แต่ไม่ทันระวังว่ามีอีกคนพุ่งมาจากด้านหลัง

พลั่ก!

ปรี๊ดดด

“เฮ้ย!”

“เจด!” เสียงเรากับพิชญ์ร้องพร้อมกัน เราลุกขึ้นยืนแต่ก้าวไม่ทันคนขายาวกว่าที่วิ่งลงไปในสนามทันทีที่เห็นเจดร่วงลงพื้นดังตั้บ

“ป๊า!” น้องพิชญ์ร้องเรียกพลางเข้าไปช่วยประคองคนที่นอนอยู่บนพื้นเหมือนยังตั้งสติไม่ได้ เราชะงักเมื่อเห็นว่าเจดเลือดกำเดาไหล ก่อนจะรีบคว้ากล่องพยาบาลฝั่งถาปัตย์ที่วางไว้ข้างสนามวิ่งตามเข้าไป

“เจ...”

พอเห็นเราเจดก็เรียกเสียงอู้อี้เพราะถูกบีบจมูกไว้ มือข้างหนึ่งยื่นออกมาหา เราหยิบผ้าห่อน้ำแข็งประคบจมูกให้พลางจับมือเจดไว้ บีบแน่น

“ลุกไหวไหม” เราถาม เจดพยักหน้ายิ้มจางๆ ให้ เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไรทั้งที่สีหน้าดูไม่ไหว

เตวิชญ์เข้ามาช่วยพยุงเจดลุกมานั่งข้างสนาม การแข่งหยุดชะงัก คนที่กระแทกเจดล้มวิ่งเข้ามาขอโทษขอโพยใหญ่ก่อนที่เกมจะต้องเริ่มต่อไปโดยถาปัตย์เปลี่ยนตัวสำรองคนอื่นลงไปเล่นแทนเจดที่ยังห้ามเลือดไม่ได้ และคงเล่นต่อไม่ไหว

เพราะหัวใจกำลังสูบฉีดเลือดเลยออกมาเยอะมาก ผ้าที่ใช้ซับชุ่มสีแดงอย่างน่ากลัว

“ป๊า ไปโรงบาลป่ะ” น้องพิชญ์ถามขณะที่ใช้ผ้าเย็นช่วยลดอุณหภูมิร่างกายให้เจดอีกแรง หมีดื้อส่ายหน้า ดึงผ้าประคบจมูกออกทันทีที่เลือดหยุดไหล ดูเหมือนจมูกจะไม่ได้หัก ค่อยยังชั่ว

“กูไหว” เหมือนเจดอยากเล่นต่อ เพราะตอนนี้เหลือเตวิชญ์แบกทีมคนเดียวเกมเลยเหมือนจะพลิกไป จากที่น่าจะชนะขาดลอยก็เปลี่ยนเป็นผลัดกันชู้ตไปหลายรอบจนแต้มสูสีกัน สภาพนักกีฬาฝั่งสถาปัตย์ก็ดูอิดโรยมาก

แต่ไม่ได้หรอก

“ไม่ให้แข่งแล้ว” เราบอก เสียงจริงจัง จนคนที่ทำท่าจะขอลงสนามอีกชะงัก กะพริบตามองหน้าเรา

“ไม่เอา” เราเบ้ปากยืนยัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำหน้ายังไง เจดถึงได้ขมวดคิ้วดูหนักใจ น้องพิชญ์หัวเราะ ดึงผ้าซับเลือดไปทิ้งให้พลางช่วยกล่อมอีกแรง

“ป๊ากลับเลยก็ได้ อีกไม่กี่นาทีก็จบ”

“แต่...”

“เถอะน่า กระต่ายเป็นห่วงจะร้องไห้แล้วนั่น” น้องพิชญ์เพยิดหน้ามาทางเรา ยิ้มขำ เจดเลยหันมาสบตา มองกลับเข้าไปในสนามอีกครั้งแล้วถอนใจ

“มีพี่เตทั้งคน ไม่แพ้หรอก” พูดอีกให้มั่นใจ

จริงๆ ไม่แพ้หรอก

“เออๆ ก็ได้” เจดยกมือยอมแพ้ลุกขึ้นยืน “เจอกันที่สตู”

“ยังจะไปสตูอีก” พิชญ์ขมวดคิ้วสีหน้าตำหนิ

“ทำไงได้ กูมีงาน” 

“กลับไปนอนก่อนเหอะ เดี๋ยวก็เป็นลมตาย”

“กูนอนสตูก็ได้”

“ไปนอนหอเราไหม”

“...”

“...”

เรามองสองคนที่เงียบไป สายตาสองคู่หันมามองเหมือนเราพูดอะไรผิดไป

ก็นอนสตูไม่น่าจะสบายใช่ไหมล่ะ

“หอเราอยู่ใกล้ ขับมะลิไปแป๊บเดียว” เราอธิบาย พิชญ์หัวเราะผลักไหล่เจดเบาๆ

“เออก็ดีนะ ไปหลับสักงีบให้มีแรงแล้วค่อยกลับมาก็ได้”

“ได้ที่ไหนเล่า” เจดโวย หันมาขมวดคิ้วใส่เรา “กฎข้อห้าไง จำได้ไหม”


กฎข้อ 5. จะให้เราจีบต้องห้ามล่วงเกิน ห้ามแต๊ะอั๋ง ห้ามพาขึ้นห้อง เด็ดขาด!!
   
   
แต่นั่นเราไม่ได้เขียนข้อนั้นเองสักหน่อย...
   
“ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ทำอะไร” ยืนยัน เผื่อเจดกลัวว่าเราจะทำมิดีมิร้าย
   
อยู่กับคนที่ชอบสองต่อสองมันเสี่ยงใช่ไหมล่ะ แต่เราเชื่อว่าเรายับยั้งชั่งใจได้
   
“ห่วงเรื่องนั้นที่ไหนล่ะครับ” เจดหัวเราะหน่ายๆ วางมือไว้บนหัวเราจับโยกไปมา ท่าทางลังเลสักพักก็ถอนใจ

“ถ้าพี่เพื่อนรู้คงถูกกินหัว”
   
ไม่รู้ว่าเจดพึมพำอะไร แต่เราดีใจที่เขาไม่ดื้อยอมเดินตามมาหามะลิ คนตัวโตหยิบหมวกกันน็อกไปใส่ แบมือออกมาขอกุญแจ แต่เราส่ายหน้า ไม่ให้
   
“เดี๋ยวหลับใน” ต่อให้ไม่บาดเจ็บ สภาพเจดก็ดูจะขับรถไม่ไหว
   
เจดยักไหล่ ไม่ขัดใจยอมซ้อนท้ายเราปากบ่นงึมงำ “ง่วงมาก”
   
“อดทนแป๊บนึงนะ” เราบอก เอื้อมมือไปดึงแขนสองข้างมาโอบรอบเอวตัวเองไว้ระแวงว่าเจดจะทนความง่วงไม่ไหวแล้วหงายหลังตกรถไป “กอดแน่นๆ อย่าเพิ่งหลับ” 
   
ได้ยินเสียงคนด้านหลังหัวเราะ กระชับอ้อมแขนว่าง่าย

“ใครจะไปหลับเล่า”
   
พูดแบบนั้น แต่กลับซบหน้าลงกับไหล่เรา ลมหายใจอุ่นระต้นคอเราไปตลอดทาง








   ☉ ------------------------------------------------------------ ☉

   
มาถึงห้องเราก็ให้เจดอาบน้ำ เพราะเพิ่งเล่นกีฬามาคงเหนียวตัวกลัวเจดนอนไม่สบาย ส่วนเราเอาหมอนกับผ้าห่มมาจัดที่นอนตรงโซฟาด้านนอกให้
   
อันที่จริงนอนในห้องเราก็ได้ แต่เจดบอกว่าเกรงใจ
   
เราจัดที่นอนเสร็จก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ร่างสูงสวมกางเกงวอร์มสีเข้มตัวเดียว ตั้งแต่หัวถึงเอวเปลือยเปล่า มีหยดน้ำเกาะจนระยิบระยับน่ามอง
   
แต่...
   
“อ้าว ทำไมหมีไม่มีพุง” เราโพล่งถามเมื่อเห็นว่าแทนที่จะเป็นพุงหมี เจดกลับมีกล้ามเนื้อท้องเป็นก้อนๆ ดูแข็งๆ
   
“ต้องมีพุงเหรอ?” ก้มมองหน้าท้องตัวเองแล้วถามกลั้วหัวเราะท่าทางประหลาดใจในคำถาม
   
เรานิ่งคิด มองหน้าท้องกับหน้าเจดสลับกัน ถือวิสาสะจิ้มก้อนแข็งๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ “อือ พุงนุ่มๆ”
   
แบบนี้มันแข็ง กอดแล้วจะอุ่นไหม
   
เจดหัวเราะอีก โน้มตัวลงมาจ้องหน้าเรา ยกมือขึ้นเล่นงานหูสองข้าง “กระต่ายสมัยนี้ยังหูสั้นเลย”
   
“อื้อ!” เราสะดุ้ง หลุดปากร้องเสียงดัง
   
เจดดูตกใจที่เราตกใจแต่ไม่ทันไรก็ขำ ยิ้มล้อเลียนที่เห็นเราผวากุมหูร้อนๆ ไว้

“ลืมไปว่าหูกระต่ายเป็นจุดอ่อนไหว”
   
ก็มันจั๊กจี้ไหม
   
พอเราหน้าดุใส่ เจดก็ยิ้มสวยๆ ยิงฟันขาว พูดเอาใจ

“เอาไว้ถอดคราวหน้าจะมีพุงนุ่มๆ ให้กอดอุ่นๆ ดีไหม”

เนี่ย ง้อเก่งขนาดนี้จะให้งอนหมีนานๆ ได้ยังไง








   ☉ ------------------------------------------------------------ ☉

   
เจดตั้งปลุกไว้ตอนสี่ทุ่มก่อนหลับไป หมีหลับง่ายมาก หัวถึงหมอนปุ๊บก็เริ่มหายใจลึกปั๊บหลับสนิทภายในสามนาที
   
เรายึดโซฟาตัวเล็กนั่งอ่านหนังสือไปพลาง พยายามไม่ส่งเสียงรบกวนหมีที่กำลังจำศีล แต่ถึงส่งเสียงก็คงไม่เป็นไรเพราะขนาดนาฬิกาปลุกดังลั่นเจดยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่นง่ายๆ
   
“เจด” เราวางหนังสือเดินไปปิดเสียงนาฬิกาให้ ก่อนนั่งคุกเข่ากระซิบข้างหูคนหลับ เขย่าไหล่เขาเบาๆ “เจด สี่ทุ่มแล้ว”
   
แต่หมียังหลับเป็นตาย
   
หรือควรให้นอนต่อดี? น้องพิชญ์บอกว่าเจดไม่ได้นอนมาตั้งแต่เมื่อวาน แถมยังเหนื่อยจากแข่งกีฬา
   
แต่กระทู้พันทิปบอกว่าถ้ามีแฟนเรียนถาปัตย์ ห้ามปล่อยหลับยาวเด็ดขาด
   
“เจด” ถึงจะสงสารเราก็ต้องปลุกเจดมาทำงาน ไม่อย่างนั้นคงลำบากทีหลัง 
   
“...” ปลุกยากจัง

“เจด ตื่น...!”
   
เราผงะเกือบหงายหลังเมื่ออยู่ๆ เจดก็พลิกตัวมาหาจมูกโด่งๆ แทบจะปะทะหน้าเรา หนำซ้ำยังคว้ามือเราไปแนบแก้มบ่นงึมงำ
   
“อือ... ตื่นแล้วครับ”
   
ตื่นยังไง ทำไมไม่ยักลืมตา...
   
“...”
   
เราอ้าปาก แต่ไม่กล้าเรียกต่อ นิ่งค้างอยู่อย่างนั้นนาน หัวใจเต้นตึกตักเพราะหน้าเจดอยู่ใกล้มากจนลมหายใจรดแก้มเรา
   
…ลมหายใจอุ่นๆ แก้มเราก็เลยอุ่นตาม
   
เรามองมือตัวเองที่ถูกกุมแนบแก้มคนหลับ สัมผัสสากๆ ของเคราไม่ทำให้รำคาญ กลับยิ่งอยากไล้นิ้วตามหนวดทรงสวยเหนือริมฝีปากพลางจินตนาการว่าถ้าเจดไม่มีหนวดจะเป็นยังไง
   
คงดูเด็กกว่านี้หลายเท่า และคงเป็นคุณหมีที่ดูใจดี
   
จะพิลึกไหมถ้าเราบอกว่าชอบเจดที่เป็นแบบนี้มากกว่า ป๊าที่มีเครา ภายนอกดูดุดันแตกต่างจากตัวตนข้างใน
   
“เจ...” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราเป็นฝ่ายขยับหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเสียเอง ลมหายใจคงรบกวนคนขี้เซาจึงยอมลืมตาขึ้นมาสบตา
   
“จะลักหลับกันหรือไง” แทนที่จะผลักเราออก เจดกลับเลิกคิ้วยิ้มๆ มือยังกุมมือเราไว้นิ้วโป้งไล้หลังมือเบาๆ
   
“...” ไม่มีข้อแก้ตัว เพราะกำลังจะแต๊ะอั๋งเจดจริงๆ
   
กลายเป็นว่าเรากำลังจะทำผิดกฎข้อที่ห้าเสียเอง
   
“หึ” ต่างคนต่างจ้องหน้ากันอยู่นาน กระทั่งเจดหัวเราะออกมาอย่างไม่รู้ความหมาย

แล้วอยู่ๆ เปลือกตาบางก็ปิดลงไป... แสร้งเป็นเหยื่อนอนนิ่งให้จับกิน
   
เราหลุดยิ้ม ไม่คิดปล่อยให้หมีที่แกล้งตายหลุดมือไปง่ายๆ 

จุ๊บริมฝีปากเจดเบาๆ 

จุ๊บนานๆ ...พลางคิดในใจว่าหลังจากจุ๊บนี้ กฎหมีก็คงไม่มีความหมายอีกต่อไป







   ☉ ----------------------------Side Story3-------------------------------- ☉

   
นี่ไม่ใช่กฎหมายแต่เป็นคำถามที่กระต่ายต้องตอบให้ได้
   
บอกเหตุผลที่ชอบกันมาสักห้าข้อได้ไหม
   
1. เพราะเจดน่ารัก (ที่ไม่ใช่หน้าตา) (ขีดฆ่าในวงเล็บ)
   
2. เจดใจดี ไม่บังคับให้กินผัก
   
3. เจดเสียงเพราะ เหมือนอเล็กซ์มาก
   
4. เราชอบเจด
   
5. เจดน่ารัก

   
“เจ ข้อห้ามันซ้ำ”
   
“...”
   
“ข้อสี่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลป่ะ”
   
“...”
   
“หึ โอเค หยวนให้ก็ได้ครับ”






   ☉ ------------------------------------------------------------ ☉
พายัยเจมาส่งแล้วววว ขอโทษที่หายไปนานค่ะ เลตกว่าที่บอกเป็นอาทิตย์ๆ เลยแง้ง
ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลยค่ะเพราะสมองตันจริงเราเขียนๆ ลบๆ ตอนนี้หลายรอบมากกก จนไมโครซอฟต์เวิร์ดลงโทษลบให้ซะครึ่งตอนไปเล้ยย (ร้องไห้ ;-;)

ก่อนหน้านี้สภาพจิตใจย่ำแย่มาก หมดไฟ หมดอาลัยตายอยาก เลยหนีไปเที่ยว ปรากฏว่ากลับมาแย่หนักกว่าเดิมเพิ่มเติมคือป่วยกายด้วยยับเยินไปหมด 5555
ยัยเจกับป๊ามีส่วนช่วยเรามาก ทุกครั้งที่เขียนถึงจะเครียดแต่ก็มีความสุขมาก หวังว่าคนที่ได้อ่านจะมีความสุขเช่นกันนะคะ (ส่งจุ๊บกระต่ายฮีลลิ่ง)

ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เอ็นดูยัยเจกันเยอะมากๆ มีกำลังใจมากเลยค่ะ


ปล. ถ้าใครติดตามทวิตเตอร์เราคงจะเห็นเราเขียนแท็ก #มอปลายลายสัก เป็นโปรเจ็กต์ที่คิดขึ้นมาชั่ววูบค่ะ ปกติแล้วเวลาจะเขียนนิยาย1เรื่องเราจะจดลงสมุดหรือบันทึกไว้ลับๆ รู้คนเดียวใช่ไหม แต่คราวนี้เราเปลี่ยนมาเป็นบันทึกลงทวิตเตอร์เป็นสาธารณะค่ะ เป็นพล็อต ไอเดีย บทสนทนาสั้นๆ ประกอบภาพ ที่จะเอาไปสานต่อเป็นเรื่องยาวในอนาคต เหมือนให้คนอ่านได้เข้ามาจอยตั้งแต่กระบวนการร่างพล็อตนิยายเลย ถ้าใครสนใจก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ถือว่าอ่านเล่นๆ สนุกๆ ฆ่าเวลาเนอะ ^^   
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 40% (09.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 26-06-2018 21:23:32
กระต่ายน่ารักมาก :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :z3: :z3: :z3: :z3:
ขอบคุณมากนะคะ มีความสุขมากๆเลยเวลาที่อ่านนนน คุณพักผ่อนเยอะๆมีความสุขมากๆนะคะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 26-06-2018 21:42:02
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: maddy_moody ที่ 26-06-2018 23:05:49
 :-[ ความน่ารักของเ​จ​ ฮืออออออ​ กระต่ายน้อยของพี่​ อยากจะจับฟัดๆๆๆ​ ป๊าจะทนรักษากฎข้อ 5 ได้จริงๆใช่มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 26-06-2018 23:10:23
ไม่รู้ว่าหมีหรือกระต่ายน่ารักกว่ากันแล้วสิ   :mew1:

รักษาสุขภาพด้วยนะคะไรท์
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-06-2018 23:29:49
โอ้ยยย น้องเจทำไมน่ารักอย่างนี้ล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: benceii ที่ 26-06-2018 23:44:55
ยัยเจจจจจจจจจจ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 26-06-2018 23:45:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 26-06-2018 23:51:19
น่ารักกกกกน่ารักกกน่ารักกกกกกกกมากกกกกกคุณหมี
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 27-06-2018 00:19:31
งู้ววว อยากกอดหมี  :katai5:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 27-06-2018 07:18:43
อยากมีกระต่ายเป็นของตัวเองเราจะแย่งหมีบอกเลย
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raam ที่ 27-06-2018 07:38:20
ยัยน้องเจน่ารักมากกกกกก  ยัยกระต่ายยยย :hao5: :impress2:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 27-06-2018 10:46:10
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 27-06-2018 18:17:01
น่ารักๆๆๆๆๆๆ แงงๆๆๆๆๆ สนุกมากเลยค่ะ ชอบอ่าาาา น่ารักไปหมดเลยยย อยากบีบน้องหมีน้องต่ายๆๆๆๆๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 27-06-2018 23:30:18
น้องเจน่ารักจัง


 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 30-06-2018 13:03:13
เอ็นดูน้องเจ เป็นกระต่ายน่ารัก  :กอด1:
ทำไมหมีไม่มีพุง 555 ถามอะไรน่าเอ็นดู อยากบีบแก้มจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 01-07-2018 00:18:09
หนูเจ หนูพาผู้ชายขึ้นห้องแล้วเหรอลูก 555555

หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 06-07-2018 01:01:06
หลงรักนุ้งเจได ฮือออออออออ ยัยกระต่ายนุ่มนิ่ม ที่จะโดนหมีจับกินไม่รู้ตัว น่ารักมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 50% (09.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 09-07-2018 21:57:04
ข้อที่ 4

หมีสาธารณะ (50%)
[/b]

 

           

เพราะให้เจดยืมโซฟา เราเลยได้มาสองแต้มกระต่าย

               

เหลืออีกเจ็ด เราทดไว้ในใจ

               

ไม่ใช่ภารกิจง่ายๆ เพราะอีกสองอาทิตย์เจดจะส่งงาน เราเองก็ยุ่งมาก ช่วงนี้เลยแทบไม่เจอกัน

               

แต่เจดยังพยายามรักษากฎข้อ2และ3 หาเวลาไปกินข้าวด้วยกัน และให้เราโทรหาทุกวัน

               

[ เจ โทษนะ วันนี้ไม่ว่างแล้ว ] เว้นซะแต่เจดจะเลื่อนนัด

               

[ พรุ่งนี้ได้ไหม ] พรุ่งนี้จะเกินหนึ่งอาทิตย์แล้ว แต่ไม่เป็นไร

               

“ครับ” เราอดทำเสียงหงอยไม่ได้ เจดเลยเงียบไป

               

[ เจ ] เรากำลังจะวางสาย แต่เจดเรียกไว้

               

เราชอบเสียงเจด โดยเฉพาะเวลาที่เจดเรียกชื่อเรา

               

[ หรือถ้าเจว่าง ]



“...?”



[ อยากมาคณะไหม ]



โดยเฉพาะเวลาเจดอ้อน หรือทำเสียงอ่อนแบบนี้... แบบที่เราปฏิเสธไม่ได้

 



☉ ------------------------------------------------------------ ☉


 

               

เราบอกว่าจะไปหา แต่เจดบอกว่าจะมารับ เพราะกำลังหาเรื่องอู้งานกลุ่มพอดี

               

ข้อแลกเปลี่ยนคือสารพัดของกินที่เพื่อนฝากซื้อจนเต็มไม้เต็มมือ

               

“ไอเซย์ตุ้ง! ยูเซย์...”

               

“แช่!”

               

“ไอเซย์ตุ้ง! ยูเซย์...”

               

“แช่!”

               

“ตุ้งแช่ๆๆ ตุ้งแช่ๆๆ”

               

“พวกเวร” เจดพึมพำขบขันเมื่อเพื่อนต้อนรับข้าวเย็นด้วยจังหวะเชิดสิงโต มีคนใช้ไม้บรรทัดตีฉาบส่วนอีกคนตบโต๊ะ ตะโกนดังลั่น

               

“...” ส่วนเราได้แต่นิ่งค้างอยู่หน้าประตู

               

“ไม่ต้องห่วง พวกมันไม่กัดหรอก” จนเจดต้องเอาแขนดุนหลัง พาเราเดินเข้าไป

               

โต๊ะเจดอยู่ด้านในสุดติดหน้าต่างเราเลยต้องเดินผ่านคนอื่นๆ ที่มองตามอย่างสนใจ

               

“ไอ้เจดพาบอท*มาว่ะ”

               

“เชี่ยเจดแม่ง ฮอตสัด น้องพิชญ์เพิ่งกลับไปมึงพาบอทใหม่มาแล้ว” เราชะงักเมื่อได้ยินชื่อนั้น พิชญ์เหรอ... พิชญ์เพิ่งกลับ



หมายถึงตอนที่เราคุยโทรศัพท์เจด พิชญ์ก็อยู่ตรงนี้เหรอ...



ไม่เอา ไม่งี่เง่านะเจได



“มาเอาข้าว” เจดบอก วางถุงข้าวกล่องกับขนมเซเว่นไว้บนโต๊ะที่ว่างเปล่า หยิบเงินทอนจากในกระเป๋ากางเกงกองไว้ข้างๆ แล้วหยิบกล่องหนึ่งส่งให้เรา



“กินข้าวกัน”

 

☉ ------------------------------------------------------------ ☉


 

เจดขอโทษที่มื้อนี้ต้องเป็นข้าวกล่อง แต่เราว่าไม่เป็นไร แค่ได้กินข้าวกับเจด กินอะไรก็ได้

               

ระหว่างกินข้าวเพื่อนของเจดเข้ามาถามว่าเราเรียนคณะอะไร เป็นอะไรกับเจด เจดเป็นคนตอบแทนพร้อมกับออกปากไล่ เพราะกลัวว่าเราจะอึดอัดใจ

               

เพื่อนเจดเฮฮามาก แต่ละคนเสียงดัง แต่พอถึงเวลาทำงานทุกคนกลับเงียบ ตั้งใจ เราช่วยเจดตัดกระดาษอันที่ง่ายๆ สังเกตว่าทั้งห้องได้ยินแต่เสียงคลิกเม้าส์



นานๆ ครั้งจะได้ยินเสียง...



“ไอ้เจด ตรงนี้ทำยังไงวะ” เจดไม่ได้มีท่าทีอิดออด วางมือจากงานตัวเองแล้วลุกออกไป

               

“ไหน อ่อ อันนี้กูใช้ปลั๊กอินว่ะ” เราเห็นเจดอธิบายยาวเหยียดในเรื่องที่เราฟังไม่เข้าใจ ช่วยงานเพื่อนอยู่พักใหญ่จึงกลับมานั่งโต๊ะตัวเอง

               

แต่ไม่ทันไร...

               

“เฮ้ย เอเนอร์จี้ใครทำพาวเวอร์พ้อยต์วะ”

               

ทั้งห้องเงียบกริบ มีเจดที่หัวเราะถอนใจหน่ายๆ “เออส่งมา กูรวมเอง”

               

แล้วเจดก็ถูกเรียกอีกหลายครั้ง ถ้าเป็นเราคงรำคาญ แต่เจดเป็นหมีจิตอาสา ไม่ว่าใครวานให้ช่วยอะไรเจดก็เต็มใจทำให้

               

น่ารักมากๆ

               

“เบื่อยัง” ถามยิ้มๆ เราส่ายหน้า ถามบ้าง

               

“เจดเบื่อไหม” หน้าจอคอมพิวเตอร์ของเจด เปิดแช่ที่โปรแกรมหนึ่ง กำลังประกอบร่างโมเดลสามมิติ เส้นซับซ้อน หน้าตาน่าปวดหัว เห็นเจดหมุนไปหมุนมายิ่งปวดหัว

               

“เบื่อโคตร แต่ทำอะไรไม่ได้” แกล้งย่นหน้า ยักไหล่

               

เราอยากช่วยทำแทน แต่คงไม่ไหว เลยได้แต่ให้กำลังใจ

               

“สู้ๆ ครับ”

               

เจดยิ้มวางมือบนหัวเรา “ครับ”

               

“ถ้าเมื่อยก็พักก่อนได้นะ” เราวางคัตเตอร์ หยิบน้ำอัดลมขึ้นมาจิบแก้กระหาย เจดหัวเราะเบาๆ เลื่อนห่อขนมที่แกะแล้วมาตรงหน้า เราหยิบกินอย่างไม่เกรงใจ เหลือบมองนาฬิกา

               

“เจดง่วงไหม” จะเที่ยงคืนแล้ว ทุกคนยังเอาแต่จ้องจอสีหน้าเหมือนเหนื่อยแทบแย่ แต่ไม่ย่อท้อ

               

“เจง่วงเหรอ กลับหอไหม” เราส่ายหน้า ไม่ได้หมายความแบบนั้น



“ไม่ง่วงสักนิด” เราสะบัดหัว จับคัตเตอร์ขึ้นมาอีกครั้ง ให้มีประโยชน์ เจดจะได้ไม่ไล่



ถึงช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่เราก็อยากนั่งอยู่ตรงนี้มากกว่า ดูหมีทำงานเงียบๆ เพลินๆ ตา



ถึงจะเผลอหาวออกมาหลายครั้ง



แต่เราไม่ง่วงหรอก...



ไม่ง่วงเลย... ไม่ง่วงสักนิดเดียว...




☉ ----------------------------50%-------------------------------- ☉

ขออนุญาตตัดพักตรงนี้ เพราะยัยเจน่ารัก 5555
ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ ต่อไปจะพิจารณาการอัพใหม่
คิดว่าอาจจะต้องเขียนให้จบก่อนแล้วค่อยทยอยอัพ จะได้ต่อเนื่อง ไม่รอนานเนอะ
แต่อีกครึ่งที่เหลือของตอนนี้จะมาพรุ่งนี้น้า ขอแก้อีกรอบให้พอใจก่อน

ฝาก #หมีแต่รักด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูยัยเจกับป๊าน้า

 :L2:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 09-07-2018 22:25:48
กระต่ายน้อยหงอยเรื่องพิชญ์ตลอดเลย แต่ยังดีที่หมียังใส่ใจอยู่บ้าง
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 3 : กฎหมี 100% (26.06.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 09-07-2018 22:42:10
ไม่ง่วงสักนิดแต่ฟุบอยู่ข้างหมีใช่ไหมน้องเจ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 50% (09.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 10-07-2018 07:35:20
หมีพามาซ้อมเปิดตัวใช่ป่าวน้องเจ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 50% (09.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-07-2018 08:08:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 50% (09.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 10-07-2018 10:09:57
ชอบหนูเจ หมีพาเข้าฝูงแล้ว พิชญ์ต้องเดินนำหน้าหนูเจหนึ่งก้าวเสมอเลยเนอะ เราเป็นหนูเจ เราก็คิดเบาๆนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 10-07-2018 22:41:37
ข้อที่ 4

หมีสาธารณะ (100%)

 


“โห่วววว ขิงสัดด”

               

“...!!” เราสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงโวยวาย ก่อนจะมีฝ่ามือใหญ่ๆ กุมหูเราไว้

               

“ไอ้ฉิบหาย! กระต่ายตื่น” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร

               

“อือ... เจด” เรางึมงำ คลำมือสะเปะสะปะจนเจอนิ้วโป้งของเจดจึงกำไว้

               

“ครับ อยู่นี่ครับ” เจดตอบรับพลางลูบหัวเราเบาๆ “ขอโทษๆ หลับต่อนะ”

               

เราส่ายหน้าลุกขึ้นมา “ตื่นแล้ว”

               

หยีตาเพราะแสงสว่างจ้าจากหน้าต่าง เราว่าเราเผลองีบแป๊บเดียว ไหงเช้าซะแล้ว

               

“มีอะไรให้ช่วยอีกไหม” รู้สึกผิดเลย ตั้งใจจะมาช่วยเขา แต่ดันหลับใส่เขาซะได้

               

“ไม่มีแล้ว เจจะกลับเลยไหม”

               

เรามองนาฬิกา อยากอยู่ต่อ แต่เรานัดเพื่อนไว้ “กลับก็ได้”

               

“โอเค งั้นขอเก็บของแป๊บ”

               

“ครับ” เราพยักหน้า ก่อนจะงงที่เจดยังมองมายิ้มๆ เหมือนมีอะไร พอเห็นเรางงก็หัวเราะ

               

“ครับก็ปล่อยดิ”

               

อ่อ เรายังกำนิ้วเจดไว้

               

“ครับ”

 

               





“ร้านนี้อร่อย” เราโพล่งออกมาตอนกำลังจะขับรถผ่านรถโจ๊กริมฟุตปาธใกล้ๆ หอ เจดเลิกคิ้วหันมามอง

               

“อยากกินไหม” ไม่ทันได้ตอบเจดก็ชะลอรถจอดข้างทาง เราไม่ได้ขัดอะไร หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์ถามเพื่อนว่ากินโจ๊กไหม

               

[ อ้าว มึงไม่ได้อยู่หอเหรอ ]

               

‘อือ’ เราพิมพ์ตอบไป

               

[ ออกไปเมื่อไหร่ ไม่เรียกกู ]

               

‘เมื่อคืน’

               

[ ฮะ ตอนไหน ]

               

‘จะกินป่ะ โจ๊ก’

               

[ เจ ไปแรดไหนมา ]

               

‘ไม่ได้แรด ไปคณะเจดมา’

               

‘โจ๊กๆๆ จะเอาไหมๆ’

               

[ นั่นแหละเรียกว่าแรด ]

               

[ เอาเหมือนเดิม ใส่ไข่ ]

               

ก็แค่นี้ เพื่อนนี่เล่นตัวจัง

               

เราเก็บโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมาเห็นคนขับรถจ้องจึงเลิกคิ้วกลับไป



“คุยกับใคร” ถามยิ้มๆ เราเลยชูไลน์ที่คุยกับเพื่อนให้ดู เจดหัวเราะ



“กระต่ายจูเลียต แอบหนีพ่อมาเหรอเนี่ย”

 

☉ ------------------------------------------------------------ ☉

               

               

“ขอบคุณที่มาช่วยเมื่อคืน” เจดพูดดักไว้เหมือนรู้ว่าเราจะค้านที่เจดจ่ายเงินให้

               

“แต่เพื่อนไม่ได้ช่วย” เถียงอ้อมแอ้ม เพื่อนไม่ควรได้กินฟรี เพราะด่าว่าเราแต่เช้า

               

“เดี๋ยวได้ช่วยแน่” ไม่เข้าใจ แต่ไม่เถียงอะไร เราเอื้อมมือไปดึงถุงโจ๊กของเพื่อนมาถือไว้ เพราะในมือเจดก็มีโจ๊กที่ซื้อกลับไปให้เพื่อนตัวเองเหมือนกัน

               

คุณหมีสาธารณะ ทำตัวน่ารักอีกแล้ว

               

“เจ” เราชะงักขาที่กำลังจะก้าวลงไปที่ทางม้าลาย มือข้างที่ว่างถูกดึงไว้ “เดินกลับไหม”
               

“?”

               

“อากาศดี”

               

จริงๆ มีแดด แต่ไม่ร้อนมาก แถมทางเดินกลับหอเราก็มีร้านขนมที่เปิดตอนเช้า กำลังคึกคัก

               

“เจดไม่ง่วงเหรอ” เจดไม่ได้นอนทั้งคืนจนใต้ตาคล้ำ กลายเป็นหมีแพนด้าแล้วคิดว่าอยากกลับไปนอนไวๆ

               

“ไม่เท่าไหร่ นะ”

               

“...” เราลังเล เป็นห่วงเจด ไหนจะต้องเดินกลับ ต้องขับรถอีก กลัวเจดไม่ไหว

               

“อยากออกกำลังกาย แล้วก็...”

               

“?”

               

“อยากอยู่กับเจนานขึ้นอีกหน่อย”

               

โธ่ มาเหตุผลนี้ แล้วเราจะปฏิเสธได้ไง

 


☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

เรากับเจดเดินกลับหอกันเรื่อยๆ แทบไม่มีใครพูดจา เราปล่อยให้สมองคิดไปเรื่อยผ่อนคลาย แต่เราไม่แน่ใจว่าเจดคิดอะไร

               

เราแวะซื้อของกินตามทางบ้าง ปกติเราไม่ค่อยตื่นเช้ามาเดินแถวนี้เท่าไหร่ อย่างมากก็กินโจ๊กแล้วรีบเข้าคณะไป กว่าจะออกมาตลาดก็วาย

               

เพิ่งได้เห็นวันนี้ว่าลุงๆ ป้าๆ แถวนี้ใจดีมาก ไม่มีใครไม่ยิ้ม แถมบางคนยังส่งเสียงทักทาย

               

เจดแวะซื้อดอกมะลิของคุณยายมาด้วย ให้เรากับเพื่อนคนละช่อ บอกว่ามีกลิ่นหอมๆ ในห้องจะช่วยให้ผ่อนคลาย



แต่เราจับไต๋ได้ว่าเจดซื้อเพราะสงสารคุณยาย ไม่อย่างนั้นคงไม่เหมามา



“ดูพวกแม่งฝากซื้อ เอาไปกินหรือถมที่เนี่ย” ทำเสียงระอา แต่เรารู้ว่าเจดเต็มใจ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่โทรไปถามเพื่อนว่าอยากกินอะไร คงไม่ซื้อโจ๊กให้

               

“แถวนี้ของกินโคตรเยอะ อยากจ้างไปขายใต้คณะเลย” คนข้างตัวเราก็หันมาพูดติดตลก โชว์รอยยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวสองข้างแบบที่เราชอบมอง

               

…เราบอกความลับให้ไหม

               

เวลายิ้มกว้างๆ แบบนี้ เจดจะมีรอยบุ๋มเล็กๆ ที่แก้มซ้าย... ลักยิ้มน่ารักๆ ที่เราลักเก็บไว้ ไม่บอกใคร

               

เหมือนเราเก็บแดดอ่อนๆ ตอนเช้าไว้คนเดียว เห็นแก่ตัวไหม?

               

“เจด” แต่ไม่เป็นไร เราแบ่งลักยิ้มเจดให้

               

“หือ”

               

“ขอจับมือได้ไหม” คนเห็นแก่ตัวขออย่างอื่นก็ได้

               

...อุ่นกว่าด้วย

 

               





“ทำไมช้า” เพื่อนหรี่ตาจับผิดทันทีที่เราเอาข้าวเช้ามาส่ง   



“เดินมา”

               

“จากถาปัตย์อ่ะนะ” เพื่อนทำท่าตกใจ

               

“ไม่ใช่ จากร้านโจ๊ก” ขี้เกียจฟังคนขี้บ่น เราเลยส่งขนมกับช่อดอกมะลิปิดปาก แล้วหยิบกุญแจมาไขห้องตัวเองที่อยู่ตรงข้าม

               

“เจ แล้วนี่อะไร” เพื่อนยังไม่วายชูช่อดอกมะลิ ทำท่าสงสัย

               

“มะลิ เจดซื้อให้” เราเผลอทำเสียงน้อยใจ

               

อยากให้เจดซื้อให้เราคนเดียว จะได้พิเศษ แต่ไม่เป็นไร...

               

“ไม่ได้หมายถึงมะลิ หมายถึงกระต่าย”

               

“หือ?” เราหันกลับไปอีกครั้ง เพื่อนยื่นช่อดอกมะละขนาดกำมือหนึ่งมาตรงหน้าท่าทางหน่ายๆ

               

ในนั้นมีกระต่ายสีขาวตัวเล็กๆ โผล่หัวออกมาเหมือนเด็กที่เล่นซ่อนแอบแล้วถูกจับได้

               

“ผิดช่อมั้ง”

               

เพื่อนว่า ยัดย่อมะลิใส่มือเราแล้วหยิบอีกช่อไป ไม่วายบ่นทิ้งท้าย

               

“อาบน้ำเลยนะ จะสายแล้ว”

               

“โอเค” ถ้าเป็นทุกวันเราคงงอแงขอนอนต่ออีกสักหน่อย แต่วันนี้ไม่ขี้เกียจก็ได้

               

จะทำตัวดีให้สมกับที่เจดเชื่อใจ ให้กระต่ายมาอีกหนึ่งแต้ม

 




☉ -----------------------------Side Story 4------------------------------- ☉

 

               

“ตกลงยังไง”

               

“อะไรยังไง”

               

“มึงไปตกกระต่ายมาจากแถวไหน”

               

“ไม่ได้ตก”

               

“คนนี้ป่ะ ที่เคยบอกว่ามาเล่นเบสให้”

               

“อ่อ คนนี้เหรอที่มึงบอกงงๆ แต่น่ารัก”

               

“เอองงจริง แถมดุอีกต่างหาก ตอนกูจะเรียกมึงเขามองกูแบบ ‘อย่ามายุ่งกับเจด ให้เจดทำงานตัวเองบ้าง’ เอาซะกูไม่กล้าเรียก”

               

“พวกมึงก็เวอร์”
               

“ไม่เวอร์กูก็เห็น”

               

“เห็นด้วยหนึ่ง”

               

“เหรอวะ”

               

“แล้วน้องพิชญ์อ่ะ”

               

“น้องพิชญ์เหี้ยอะไร เขามีแฟนแล้ว แล้วไอ้เจดก็เลิกชอบตั้งแต่ปีละโว้แล้วมะ”

               

“มะโว้ป่ะวะ”

               

“เออนั่นแหละ ว่าแต่คนนี้มึงจริงจัง?”

               

“ไอ้เจดมันก็จริงจังทุกคนแหละ แค่เค้าไม่เอามัน”

               

“คนดีจัดไง ได้แต่บทพระรอง”

               

“พวกมึงอย่าขัดสิ ให้ไอ้หมีมันตอบบ้าง ว่าไง?”

               

“เขาจริงจังกูก็จริงจัง”

               

“ไม่สิ ไม่งั้นสิ มึงชอบเขาไหม ที่กูถาม”

               

“...”

               

“อย่าลีลา”

               

"เออ ชอบ... โคตรชอบ”



“เชี่ย ไอ้เจดเขิน”



“เออ กูเขินพอใจยัง”



“...”



“แม่งเอ๊ย น่ารักว่ะ โคตรน่ารัก คนอะไรน่าบีบสัดๆ กูจะบ้า”



"..."



“ดูไว้นะ พวกมึงอ่ะ ต่อไปจะตื่นสาย เป็นไข้ เมียทิ้งจะเรียกกูตามใจไม่ได้แล้วนะ”



“...”



“ไม่ใช่หมีสาธารณะ”



“...”



“จะมีเจ้าของแล้วนะครับ"



“โห่วววว ขิงสัดด”



“...!!”



“ไอ้ฉิบหาย! กระต่ายตื่น”





☉ ----------------------------100%-------------------------------- ☉

เป็นตอนที่เขียนแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ เสียดายกระต่ายไม่ได้ยิน :3

ตอนหน้าอาจจะมาช้าหน่อยน้า
หลังจากนี้คิดว่าจะไปซุ่มเขียนตุนไว้ก่อนแล้วค่อยทยอยอัพจะได้ไม่ขาดตอนกัน
ขอโทษที่ให้รอด้วยค่ะ จะพยายามปั่นด้วยสปีดกระต่ายที่ไม่อู้ จะได้ไม่แพ้เต่า เนอะ

ปล. *บอท ใช้เรียกลูกมือที่เด็กถาปัตย์หอบหิ้วมาช่วยงาน
ไม่ได้ค่าจ้างแต่ต้องถึกทนอดหลับอดนอนได้เยี่ยงหุ่นยนต์ค่ะ 5555

ฝาก #หมีแต่รักด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เอ็นดูยัยเจกับป๊ามากๆ นะคะ
ทุกคอมเม้นต์ทำให้มีกำลังใจเขียนมากจริงๆ
รัก

-Martian-
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 10-07-2018 22:53:59
อี๋ๆๆๆๆ ขิงสุดอะไรสุดอ่ะพี่เจด
ขำความดุน้องเจ แอบจ้องจนคนอื่นกลัวได้ด้วยหรือเนี่ย ทำไมเราเอ็นดูววววว
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: todiefor ที่ 10-07-2018 22:59:03
น่ารักทั้งยัยน้องงงงและหมีป๊าาาาา โง้ยๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 10-07-2018 23:10:57
โอ้ยเขินคุณหมี โอ้ยๆๆๆๆ คู่นี้ต้องรักกันซึนๆแบบนี้ล่ะ ว่าแต่กระต่ายทำแต้มไม่ทันแล้วนะคุณหมีนำไปไกลแล้วตอนนี้
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 10-07-2018 23:13:22
นุ้งเจจจจจจจ หมีของหนูเขาจะเปลี่ยนมาเนียนจีบหนูแล้วน้าาาาา เอ็นดูวววว
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 10-07-2018 23:50:54
งืออออออน่ารัก  :ling1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Emmaline ที่ 11-07-2018 00:03:28
น่ารักอาา แงงง
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-07-2018 00:06:36
อยากให้เจได้ยินเลย ถ้าเจได้ยินเจต้องดีใจมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 11-07-2018 00:47:14
คุณหมีน่าร้ากกกกกก
แต่เราขอกระต่ายตัวนี้กลับบ้านได้มั้ยคะ น่ารักมากๆ :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-07-2018 02:57:15
 :man1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 11-07-2018 02:58:50
เขินสุดพลังงง :katai1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 11-07-2018 06:43:17
หมีเจดขิงเพื่อนเว่อออออออออ น้องเจน่ารักน่าบีบสุดๆ  :mew5:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-07-2018 07:03:54
น่ารักกันทั้งหมีทั้งน้องต่ายเลย. 
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 11-07-2018 08:09:21
ไม่ใช่หมีสาธารณะแล้วนะเจดเป็นหมีมีเจ้าของแล้ว
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 11-07-2018 11:30:51
หมีคนนี้นั้นมีแต่ให้ ทำไมเพลงนี้ลอยมา 55+ กระต่ายทั้ง งง ทั้งอึน แต่น่ารัก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-07-2018 12:33:06
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-07-2018 16:48:26
เจดน่ารัก เลิกเป็นหมีสาธารณะแล้ว จะเป็นหมีที่มีเจ้าของ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 12-07-2018 10:13:21
เจดขี้ขิง 555555555
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 13-07-2018 09:14:27
น้องน่าบีบบบ :hao5:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 15-07-2018 22:07:23
อ่านจากมุมยัยเจตลอดเลยไม่ค่อยรู้ แต่พี่เจดก็ต้องมีความหลงยัยเจมากแน่ๆ

ปล.ผิดไหมถ้าทีมพี่เพื่อน เขาดูเป็นคุณพ่อยัยกระต่าย น่ารักอ่ะะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 4 : หมีสาธารณะ 100% (10.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Lautenyu ที่ 16-07-2018 13:39:27
 :man1: ดีและขอบใจ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี 60% (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 18-07-2018 05:17:54
ข้อที่ 5

ซุปเปอร์หมี [ 60% ]

 

               

เปรี้ยง!

               

เสียงมรณะ

               

เรากดเร่งเสียงเพลงจนสุดกลบเสียงสายฟ้าฟาด มุดตัวลงผ้าห่มคลุมโปงแล้วพยายามข่มตาหลับ

               

ติ๊ง!

               

ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งมองข้อความที่เพื่อนส่งมา

               

'เปิดประตู'



               
‘อะไร’

               

'อยู่หน้าห้อง เปิดประตู'

               

ถึงจะงงๆ แต่เราก็รีบลุกไปเปิดประตูอย่างไว มองเพื่อนที่สวมเสื้อกันฝนมีน้ำหยดแหมะๆ เป็นแอ่งกองที่พื้น ทำหน้าหน่ายๆ

               

“เมื่อไหร่จะเลิกกลัวฟ้าผ่าสักที” มาถึงก็บ่นเลย

               

“ไหนบอกคืนนี้อ่านหนังสือที่คณะไง” เราเฉไฉ เพื่อนนัดคนอื่นๆ ไว้ว่าจะติวหนังสือกันใต้ตึกคณะ เราขี้เกียจ ก็เลยกลับมาอ่านบนเตียงนุ่มๆ ดีกว่า

               

แต่พระเจ้าคงไม่ชอบคนขี้เกียจ ก็เลยปล่อยฝนเทลงมา แถมฟ้ายังส่งเสียงคำรามทุกๆ ห้านาที

               

“จีนให้มาดู”

               

ว่าแล้วเชียว

               

เมื่อกี้จีนก็แชทมาถาม ว่าเราอยู่ได้ไหม เราบอกไปแล้วว่าไม่เป็นไรๆ ก็ยังเป็นห่วงอยู่นั่น

               

ฟ้าผ่าแค่นี้ ไม่มีใครตาย

               

“อยู่คนเดียวได้...”

               

เปรี้ยง!

               

“...!” ยังไม่ทันขาดคำเสียงฟ้าคำรามก็ทำเราสะดุ้งโหยง ห้องมืดลงแป๊บนึงก่อนสว่างขึ้นมาใหม่ เพื่อนมองเรานิ่งแล้วถอนหายใจ

               

“อยู่คนเดียวได้ตรงไหน น้ำตาไหลแล้วนั่น”

               

“เพื่อน...” เรายกมือปาดน้ำตา ยอมรับว่ากลัวก็ได้

               

“เออ รู้แล้ว แม่งเอาค่าเสื้อกันฝนมาด้วย ต้องซื้อใหม่เลยเนี่ย” เพื่อนบ่นปอดแปด พลางเดินออกไปนอกระเบียงถอดเสื้อกันฝนออกมาสะบัดๆ ตากไว้

               

“ถ้าไม่ใช่น้องพี่จีนจะด่าให้ งี่เง่า”
               

เพื่อนด่าไปแล้วอ่ะ รู้ตัวไหม

               

แต่เราไม่ว่าหรอก ถึงจะแอบน้อยใจนิดๆ ที่เพื่อนเห็นแก่จีนมากกว่าแต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยเพราะจีนบอกเพื่อนถึงได้มา

               

เราไม่เคยบอกใช่ไหมว่าเพื่อนเคยจีบจีนสมัยมัธยม เหตุผลที่มาคบกับเราก็เพราะจะให้เราเป็นที่ปรึกษา ก่อนรู้ว่าเราช่วยอะไรไม่ได้ แถมจีบไม่ติดเพราะนิสัยไม่เข้ากัน แต่เพื่อนก็ไม่ได้ทิ้งไป กลายเป็นเพื่อนสนิทคนเดียวที่เรามี... เหมือนจะเป็นพี่เรามากกว่าจีนซะอีก

               

เอ๊ะ จะว่าไป ให้เพื่อนเป็นที่ปรึกษาจีบเจดนี่คิดถูกไหมนะ... เพื่อนยังนกเลยอ่ะ

               

“ทำหน้างั้นกำลังคิดอะไรอยู่ใช่ไหม”

               

เราสะดุ้งนิดๆ รีบปฏิเสธ “เปล่า”

               

“คิดชัดๆ” เพื่อนเบ้ปาก เดินเอากระเป๋าเป้ไปวางไว้ที่โซฟา “แล้วอ่านชีทที่ซีร็อกซ์ให้ยัง”

               

“...”

               

“ยังล่ะสิ”

               

“ก็ ฝนตก ฟ้าผ่า”

               

“อย่าอ้าง มะรืนควิซนะ เดี๋ยวก็ทำไม่ได้” โธ่ บ่นอยู่ได้

               

เพื่อนมาอยู่ด้วยตอนฝนตกทีไรเราลืมฟ้าผ่าทุกที เพราะเสียงบ่นปอดแปดตลอดเวลานี่

               

เป็นคนหรือเป็ด

               

“ไม่อ่านก็ไปนอนไป” โบกมือไล่ พลางเอาชีทเรียนมากองไว้

               

“นอนไม่หลับ นอนเป็นเพื่อนหน่อย” เราอ้อน ไม่กี่ครั้งหรอกที่จะอ้อน

               

“เออ”

               

ได้ผลทุกครั้งด้วยสิ

 




☉ ------------------------------------------------------------ ☉
               

               

เปรี้ยง!

               

“โอ้ย” เราเผลอร้อง สะดุ้งวาบ

               

“ฟังเพลงแล้วรีบๆ หลับไป” สะดุ้งอีกทีเพราะเพื่อนจับได้ว่ายังไม่หลับ เราลืมตาขึ้นมามองคนที่สวมแว่นตาเปิดชีทอ่านไปเรื่อยๆ อย่างกับเป็นนิทานก่อนนอน อดข้องใจไม่ได้

               

“ทำไมเพื่อนไม่กลัวฟ้าผ่า”

               

“ก็มันไม่ได้ผ่าลงหัวกูไหมล่ะ”

               

“ก็กลัวว่ามันจะผ่าลงหัวไง” ถ้าผ่าลงหัวก็ไม่ทันได้กลัวไหม เรากลัวเพราะมันยังไม่ลงหัวต่างหาก

               

“อยู่ในห้องจะกลัวอะไร” เพื่อนถอดแว่น หันมาทำหน้าจริงจัง “รู้ป่ะ ฟ้าผ่าแต่ละครั้งให้พลังงานเฉลี่ยเป็นพันๆ ล้านจูลส์ ถ้าเราหาวิธีกักเก็บและแปลงพลังงานได้...”

               

“โอ้ย” เราเสียบหูฟังกลับ พลิกตัวหนี

               

เสียงบ่นของเพื่อนนี่น่ากลัวกว่าฟ้าผ่าอีก

 

               

เรานอนพลิกไปพลิกมาอยู่นานก็ยังไม่หลับ ฝนยังไม่หยุดตกสักที แถมมีเสียงฟ้าคำรามเป็นพักๆ จนเพื่อนดับไฟนอนแล้วเราก็ยังได้แต่นอนคลุมโปงปิดหูแน่นอยู่อย่างนั้น

               

จนหน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบขึ้นมา

               

‘เจ นอนยัง’

               

เป็นเจดที่ไลน์มา

               

‘ยัง’

               

พอตอบไปแบบนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาโทรศัพท์ก็สั่น หน้าจอขึ้นว่าเจดคอลมาหา

               

[ ทำไมยังไม่นอนอ่ะ ]

               

พอได้ยินเสียงเจดเราก็เผลอยิ้ม เสียงฟ้าผ่าเหมือนจะไกลออกไป

               

“นอนไม่หลับ” เรากระซิบ เพราะกลัวว่าเพื่อนที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่น

               

[ หืม? ทำไมเสียงอู้อี้ ]

               

“คลุมโปงอยู่ เพื่อนหลับอยู่ข้างๆ” เราตอบตามตรง เจดเงียบไปสักพักก่อนถามเสียงประหลาดใจ

               

[ พี่เพื่อนมานอนด้วยเหรอ ทำอะไรกัน ติวหนังสือ? ] เจดถามเป็นชุด เราฉุกคิดสักพักว่าควรตอบดีไหม

               

ให้บอกว่าเพื่อนมานอนด้วยเพราะกลัวฟ้าผ่าแบบนี้เหรอ ไม่เท่เลยอ่ะ

               

“ฝนตก กลัวฟ้า” สดท้ายก็สารภาพ เจดทำเสียงประหลาดใจ ก่อนหัวเราะเบาๆ



[ กระต่ายตื่นตูมสินะ ] เหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าคุยกับเรา



“แล้วเจดไม่นอนเหรอ” เราถามกลับบ้าง



[ อยู่คณะ ] ว่าแล้วเชียว เจดใกล้จะส่งงานแล้ว เห็นว่าช่วงนี้เลยย้ายสำมโนครัวไปคณะ หอบข้าวหอบของไปเยอะแยะ จนเราเสียดายค่าเช่าหอแทน



“ทำงานเหรอ” ใกล้จะตีสามแล้ว เจดนอนเช้าบ่อยจนเราเป็นห่วงสุขภาพ



[ เมื่อกี้ทำ แต่ตอนนี้หยุดแล้ว หม้อแปลงคณะระเบิด ไฟดับอ่ะ ยังไม่ได้เซฟงานด้วยเนี่ย ] เจดเล่าเรื่องเครียดด้วยน้ำเสียงขบขัน



เป็นหมีพลังบวกเสมอเลยนะ



[ กำลังนั่งลุ้นอยู่จะออโต้เซฟได้แค่ไหน ทำมาเป็นชั่วโมง หายหมดคงร้องไห้ ] แต่เราแอบสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยในน้ำเสียง



“อย่าเครียดนะ” ไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง



พรุ่งนี้เราจะตั้งใจอ่านชีทให้จบบทก็ได้ อย่าเอางานเจดไปนะฟ้า เจดขยันมาก อย่าแกล้งเจดเลย



[ หึ ขอบคุณครับ แล้วเจทำยังไง ฝนตกหนักขนาดนี้คงไม่หยุดง่ายๆ จะหลับได้ไหม ]



เราไม่รู้จะตอบยังไง ก็ไม่รู้เหมือนกัน ปกติก็คงใช้เวลาสักพัก ฟังเพลงดังๆ แล้วก็หลับไปเอง



“เดี๋ยวให้อเล็กซ์กล่อม คงหลับได้”



เจดหัวเราะอีก [ ชักอิจฉาอเล็กซ์แล้ว ]



“หือ?” เราไม่เข้าใจ



[ ก็ทำกระต่ายหายกลัวฟ้าได้ด้วย อยากทำได้บ้าง ]



อยู่ๆ ก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าเจดหมายความว่าอะไร



หมายถึง... เจดอยากช่วยให้เราหายกลัวฟ้าผ่าใช่ไหม



“รู้ได้ไงว่าทำไม่ได้”



[ หือ? ]



“เจดยังไม่ได้ลองเลย”










☉ ------------------------------------------------------------ ☉





ตีสามยี่สิบสี่ เราพิสูจน์แล้วว่าเสียงเจดมีอิทธิพลเหนือฟ้าผ่า


เผลอๆ อาจจะมีอิทธิพลกว่าอเล็กซ์



[ I'm a puppet on a string Tracy Island, Time-traveling diamond, Cutter shaped heartaches, Come to find you Four in some velvet morning Years too late …]



เพลงโปรดที่เราขอถูกปรับเป็นทำนองอคูสติค เสียงกีตาร์เพลินหูคลอกับเสียงทุ้มแหบแบบเป็นเอกลักษณ์ของเจด เสียงที่ทำให้เราเผลอยิ้ม เคลิ้มเหมือนอยู่ในมนต์สะกด



[ She's a silver lining, Lone ranger riding, Through an open space, In my mind when she's not right there beside me… ]



ฝนยังตกหนัก ฟ้าคงยังร้องเสียงดัง แต่เราลืมใส่ใจเสียสนิท ตอนนี้ในหูเราได้ยินแต่เสียงเจด เสียงฝนตกเพียงคลอคล้ายดังอยู่ไกลๆ



[ All I wanna hear her say is "Are you mine?" Well, are you mine? Are you mine? Are you mine?.. ]



เชื่อไหม ไม่เคยมีครั้งไหนที่เราคิดว่าเสียงฝนเพราะเท่าครั้งนี้



[ เจ... หลับแล้วเหรอ? ]



“...” เรายังไม่หลับ แต่ไม่อยากตอบ เพราะเจดคงจับได้ว่าเรากำลังเขิน และเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองพูดอะไรแปลกๆ ออกไป



[ เจได? ]



“...” ไม่ให้เจดรู้ว่าเราเผลอตอบประโยคคำถามในเพลงของอเล็กซ์



[ หึ ฝันดีครับ ]



Of course, I’m yours…





☉ ----------------------------60%-------------------------------- ☉



ตั้งใจว่าจะอัพขอบคุณที่จำนวน Fav. ในเด็กดีครบ 1000ค่ะ เลยแวบมาอัพในเล้าด้วย  :mew1:

ขอบคุณมากๆ ที่เอ็นดูป๊ากับยัยกระต่ายเจนะคะ

อ่านฟีดแบ็คแล้วชื่นใจมากๆ

ที่เหลือจะตามมาไม่เกินวันศุกร์น้า 



ฝาก #หมีแต่รัก เช่นเคยนะคะ ^^

ขอบคุณมากๆ ค่ะ

- Martian -
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-07-2018 10:56:36
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 18-07-2018 11:18:33
พี่เพื่อนนนนนน ลูกพี่เพื่อนแอบคุยกับผู้ชายใต้ผ้าห่มค่ะ 5555555 หนูเจกับป๊านี่มาทีไรก็ทำให้ยิ้มได้ตลอด เอาจริงๆสนใจมาอยู่เป็นเพื่อนหนูเจเลยมั้ยคะ แบบไม่ผ่านโทรศัพท์ แงงง น่ารักมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 18-07-2018 11:21:14
กระต่ายน่ารักกกกกกกกก เง้อ เขินอะไรไม่รู่ :hao7:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-07-2018 11:41:48
กระต่าย คิดมาก ขี้กลัว ขี้หวง  :hao3:
แต่กระต่าย ฉลาด รู้จักระมัดระวังใจตัวเอง  :hao3:
บอกให้หมีส่งสัญญาณเรื่องที่ถ้าไม่ชอบกระต่ายด้วย

หมีต้องตามทันกระต่ายทุกอารมณ์นะ
แต่หมีก็ได้วิธีเลี้ยงกระต่ายแล้ว คงไม่ยาก   :mew1:

ให้แอบคิดเรื่องพิชญ์ เลิกจากหมีแล้วไปชอบกับเต
แต่ตอนที่หมีล้มตอนแข่งบาส
ทำไมพิชญ์ปราดเดียวไปถึงตัวหมีเลยล่ะ
ไม่ใช่พอหมีมีคนมารักมาชอบ เกิดกระตุ้นให้หวงคนรักเก่าขึ้นมา
เป็นเรื่องแน่ เพราะเต ก็หึงหวงพิชญ์ไม่เบานะ  :m16:

หมีเจด  กระต่ายเจได   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-07-2018 12:47:07
จะได้นอนไหมนั้นมัวแต่เขินอยู่
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 18-07-2018 14:40:04
น่ารักเนาะ อยากมีคนร้องให้ฟังง555. เจดดดดดดกดคนดีพี่หมีคนนงามม ดีมากก555
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 18-07-2018 15:42:03
อยากเปลี่ยนเพื่อนเป็นแฟนจังค่าาา
เพื่อนมาจีบเราก็ได้นะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-07-2018 16:57:57
เขินแทนเจ อยากมีคนร้องเพลงให้ฟังบ้าง
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 18-07-2018 18:58:52
เขินแทนเจทำไมพี่หมีอบอุ่นอย่างนี้
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 18-07-2018 20:24:08
อ่านตอนฝนตก อินมากก ขาดแค่เสียงฟ้าผ่าและป๊าหมี แงแงแงแงแงแงแ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 18-07-2018 20:38:58
เขินๆๆๆๆ อยากมีหมีเปงของตัวเองงงง  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [60%] (18.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 18-07-2018 22:44:50
คืนนี้กระต่ายคงหลับฝันดี มีหมีมาร้องเพลงกล่อม   :hao3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [100%] (19.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 19-07-2018 21:46:42
ข้อที่ 5

ซุปเปอร์หมี [ 100% ]


“ไปด้วยกันเถอะน่า”

               

“ไม่เอา”

               

“พรุ่งนี้ก็ออกแต่เช้า เดี๋ยวมาส่งก็ได้”

               

“ไม่เป็นไร”

               

เพื่อนถอนใจที่เราดื้อ ส่วนเราก็ขมวดคิ้วที่เพื่อนไม่ยอมฟัง

               

พรุ่งนี้เป็นวันหยุด... ที่ได้หยุดจริงๆ สักที เพื่อนเลยตั้งใจจะกลับบ้าน ส่วนเรานัดเจดไปซ้อมดนตรีที่คอนโดเตวิชญ์ ไม่อยากเลื่อนอีกเพราะนานๆ จะว่างตรงกันสักครั้ง



ปัญหาอยู่ที่พยากรณ์อากาศบอกว่าคืนนี้ฝนจะตกหนัก คงหนีไม่พ้นฟ้าร้องฟ้าผ่าอีก เพื่อนไม่อยากทิ้งเราอยู่หอคนเดียว



“เดี๋ยวรีบนอน” เราบอกหนักแน่นพลางเก็บของใส่กระเป๋าให้เพื่อนเป็นการไล่ เพื่อนส่ายหน้าถอนใจ จิ้มนิ้วผลักหัวเราจนหน้าหงาย

               

“อย่าโทรมาร้องไห้แล้วกัน”

 

ไม่ร้องหรอกน่า!

               

ก็ได้แต่เถียงในใจ...



แต่ถึงร้อง ก็ไม่บอกเพื่อนหรอก เราร้องเงียบๆ คนเดียวก็ได้

               

“เอากุญแจห้องมา”

               

“หือ?” เรางงที่อยู่ๆ เพื่อนก็แบมือขอกุญแจเรา

               

“เผื่อช็อกตายคาห้องจะได้เข้าไปเก็บศพได้”

               

โห่ ใครมันจะกลัวฟ้าผ่าจนตาย

               

แต่เราก็ควักกุญแจสำรองห้องตัวเองให้ ยื่นกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยหนังสือเรียนให้เพื่อน

               

“ถึงแล้วไลน์มา”

               

“เออๆ” คราวนี้เพื่อนไม่อิดออดเพราะบ้านอยู่ไกล ต้องขับรถเป็นชั่วโมงๆ เราไม่อยากให้เพื่อนขับรถตอนฝนตกเลยรีบโบกมือไล่ ส่วนเราก็ต้องรีบออกจากคณะเหมือนกัน

               

วันนี้พามะลิมา ไม่มีที่กันฝนด้วย

 

               

พอถึงหอเราก็รีบอาบน้ำ ตั้งใจว่าจะนอนฟังเพลงให้หลับ ฝนตั้งเค้ามาแล้ว เมฆดำอย่างกับกองทัพผู้คุมวิญญาณกำลังยึดน่านฟ้า เราปิดม่านเพื่อจะได้ไม่ต้องเห็นฟ้าแลบ เปิดไฟ แล้วหยิบหนังสือมาอ่าน

               

ไม่ต้องพึ่งนิทาน หนังสือเรียนนี่แหละยานอนหลับชั้นดี

               

ติ๊ง!

               

‘ถึงหอยัง’

               

กำลังหยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลง ข้อความจากเพื่อนก็เด้งขึ้นมา

               

เราสิต้องเป็นฝ่ายถาม

               

‘ถึงแล้ว เพื่อนถึงยัง’
               

‘อือ’

             

‘ฝนตกยัง’  เพื่อนถามต่อ

               
‘ยัง’

               

ขึ้นว่าอ่านแล้วสักพัก เพื่อนถึงพิมพ์กลับมา

               

‘งั้นก็อย่าเพิ่งหลับ รอเปิดประตู’

               

ก๊อกๆ



ไม่ทันได้ถามว่าหมายความว่ายังไง เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดัง เรานั่งงงอยู่สักพักจนได้ยินเสียงเคาะอีกครั้งจึงวางโทรศัพท์ ลุกไปเปิดประตู



เปรี้ยง!

               

“...!” มือที่กำลังเอื้อมจับลูกบิดชะงักค้าง เพราะเสียงมรณะที่ดังสนั่นขึ้นมา

               

ถ้าอยู่ในห้องคงไม่ดังเท่านี้ แต่นี่...มันเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางหัว ขาเราถูกแช่แข็งอยู่ตรงนั้น ขอบตาร้อนผ่าวและเห็นมือตัวเองสั่น

               

แกรก~

               

จนได้ยินเสียงไขเข้ามาจากด้านนอก ประตูเปิดออกพร้อมสีหน้าตกใจจากคนตัวโต

               

“เฮ้ย! เจ”

               

เจด... มาได้ยังไง

               

“เจ เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” เราไม่รู้ต้องตอบอะไร ไม่รู้ตัวว่ากำลังร้องไห้จนกระทั่งไหล่สั่น เรานั่งลงกับพื้นเพราะขายืนไม่ไหว เริ่มสะอึกสะอื้นอย่างไม่อาย

               

“ฟ้า...ฮึก...เจดได้ยินไหม”

               

พอเห็นเราเป็นแบบนั้นเจดยิ่งตกใจ ถลามานั่งคุกเข่าตรงหน้าเราที่ยกมือปิดหู ไม่อยากได้ยินเสียงอะไร

               

“เจ ไม่เอา ไม่ร้อง” เจดดูลนลาน ยกไม้ยกมือเก้กังอย่างไม่รู้จะทำยังไง เอ่ยขอโทษซ้ำๆ “ขอโทษ มาช้าไปหน่อย ขอโทษนะ”

               

“ไม่ใช่... เจดไม่ผิด ฮึก ไม่ใช่...” เรามองหน้าเจด กัดริมฝีปาก พยายามจะไม่ร้อง แต่หยุดไม่ได้ สุดท้ายเลยฟุบหน้าลงกับเข่า ไม่อยากให้เจดเห็นตอนร้องไห้

               

ปลายสายตาเห็นกระแสบฟ้าแลบแปลบขึ้นมา เราหลับตา ปิดหูแน่นเตรียมรับเสียงฟ้า

               

“...”



แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิท ไม่รู้ว่าเพราะเรากลัวจนหูดับ หรือเพราะมีฝ่ามืออุ่นๆ มาปิดหูให้อีกชั้น



เราเงยหน้ามองเจดทั้งน้ำตา คนตัวโตนั่งอยู่ตรงหน้า ยกมือปิดหูให้เรา คิ้วขมวดมุ่น ริมฝีปากขยับออกมาเป็นคำด่าที่เราอ่านปากได้ว่า



‘หยุดสิโว้ย! คนเขากลัวจนร้องไห้แล้วเนี่ยเห็นไหม ไอ้ฟ้าเวร!’



ทั้งที่ยังกลัว แต่เรากลับหลุดหัวเราะ ขยับเข้าไปหาคุณหมีที่กำลังเกรี้ยวกราดกับฝนฟ้า ดึงมือออกจากหูตัวเองเพื่อโอบรอบหลังเจดไว้ ซุกหน้าลงกับอกกว้าง กลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเจดทำให้น้ำตาหยุดไหล



“ไม่เป็นไรแล้วนะเจ ไม่เป็นไร”



ไม่เป็นไร คำปลอบใจที่เราได้ยินทุกครั้งแต่ไม่เคยช่วยได้



แต่เพราะเสียงของเจด เพราะฝ่ามือใหญ่ที่ลูบหัวเบาๆ อ้อมแขนที่กอดตอบเก้ๆ กังๆ คำปลอบซ้ำๆ คราวนี้เลยต่างออกไป



...เราเชื่อสนิทใจ ว่าถ้ามีเจดอยู่ตรงนี้ เราจะไม่เป็นไร

 



☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

“พี่เพื่อนไปหาที่คณะ บอกว่าให้มาอยู่เป็นเพื่อนเจ”

               

“...”

               

“ให้กุญแจมาด้วย เผื่อเจหลับ”

               

“...”

               

“ขอโทษที่ถือวิสาสะเข้ามา”

               

“ไม่เป็นไร” เราคิดคำตอบได้แค่นั้น หลังจากฟังเจดพูดคนเดียวมายืดยาว

               

ตอนนี้เราย้ายมาอยู่ในห้อง ปิดม่านทึบมีแต่แสงไฟหัวเตียง เรามุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม โผล่มาแต่หัวส่วนเจดลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ มือยังลูบหัวเราไปพลาง

               

ข้างนอกฝนยังตกหนัก ฟ้ายังร้องเสียงดัง แต่พอมีคนอยู่ด้วยความกลัวก็เหมือนจะบรรเทาลงบ้าง

               

“ไม่คิดว่าเจจะกลัวขนาดนี้”

               

เราซุกหน้าลงกับผ้าห่มอีก นึกอายที่ตัวเองร้องไห้ แถมน้ำมูกน้ำตายังทำเสื้อเจดเลอะเป็นวงใหญ่

               

“ขอโทษที่มาช้า” พอได้ยินเจดโทษตัวเองอีกครั้งเราเลยส่ายหน้า ดึงมือเจดมากำไว้ใช้นิ้วโป้งถูปลายนิ้วเจดแก้เก้อ

               

“เราเวอร์” เสียงยังอู้อี้เพราะร้องไห้ พอได้สติก็นึกตกใจ ว่าทำไมถึงได้อาการหนักขนาดนั้น

               

เหมือนกระต่ายในนิทานที่ตื่นตูมเสียงลูกไม้หล่นจนลั่นป่า

               

เจดยกมืออีกข้างมาเช็ดคราบน้ำตาที่แก้มให้ นิ้วโป้งถูปลายจมูกเราเบาๆ



“ไม่เวอร์หรอก ก็เจกลัว” เสียงเจดอ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ รอยยิ้มจางๆ เหมือนบอกว่า ต่อให้ร้องไห้หนักกว่านี้ก็ไม่เป็นไร “ใครๆ ก็มีเรื่องที่กลัวมากๆ ทั้งนั้น”



เจดยังคงใจดีเสมอ ไม่ว่าเรื่องอะไร เจดก็มักจะมีคำพูดที่ฟังแล้วอุ่นใจ



“เจดก็มีเรื่องที่กลัวใช่ไหม” เราหลุดปากถาม ก่อนนึกได้ว่าอาจเป็นความลับ



เราเคยถามเพื่อนว่าเคยกลัวอะไรมากๆ ไหม เพื่อนไม่ยอมบอก แต่เราคิดว่าคนอย่างเพื่อนไม่น่ากลัวอะไร



“มีดิ” เจดหัวเราะ “น่าอายมากด้วย”



เราเลิกคิ้ว คิดว่ากลัวฟ้าผ่าน่าอายแล้ว เพื่อนชอบด่าว่าโตขนาดนี้แล้วยังกลัวเป็นเด็กๆ



“ความลับนะ” พอเห็นเราทำหน้าสงสัย เจดก็โน้มตัวลงมา วางคางไว้บนแขนที่พาดลงกับเตียง เราพลิกตัวตะแคง สบตาเจดรอฟัง



“กลัวสับปะรด”



“หา? ทำไม...” เรางง สับปะรดที่เป็นผลไม้อ่ะเหรอ



“เคยได้ยินเพลงไหม มีตารอบตัว มีตัวหลายตา” เจดใส่ทำนองเพลงคุ้นหู แล้วเบ้หน้า “นึกภาพตามแล้วมันหยองๆ ป่ะ”



“เจดจะบอกว่ากลัวสับปะรดเพราะเพลงสับปะรดเหรอ” เราพยายามกลั้นยิ้มซุกหน้าลงกับมือเจดที่ยอมให้จับเล่นตามใจ



“ก็หน้าตามันน่ากลัวจริงๆ ด้วยไง” เจดทำหน้านิ่วใส่ เหมือนจะบอกว่าไม่ต้องมาหัวเราะเยาะกันเลย



“แล้วเท็กซ์เจอร์ก็แบบ แหยะๆ อ่ะ” เราไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ยังหลุดหัวเราะ เพราะเจดขนลุกขึ้นมาจริงๆ ตอนทำสีหน้าเหมือนนึกภาพผลไม้เอเลี่ยนในหัว ก่อนทำท่าปัดๆ ภาพสับปะรดออกไป



“ความลับนะ ถ้าเพื่อนรู้โดนล้อตาย” ทำท่าย้ำจริงจัง เราเลยพยักหน้า สัญญาว่าจะไม่บอกใคร



เจดยิ้มรับ มองหน้าเรานิ่งๆ อยู่นาน ก่อนมือที่เรากำไว้ จะเป็นฝ่ายกำมือเราแทน



“แล้วพี่เพื่อนทำยังไง เวลาเจกลัวฟ้าผ่า” เจดมองตาเรา เหมือนอยากช่วยแก้ปัญหา



แต่ว่า... จะช่วยได้เหรอ



“เพื่อน...ด่า...”



“หือ?”



“เพื่อนด่า...น่ากลัวกว่าฟ้าผ่า”



เพื่อนชอบบ่นว่าเรากลัวไร้สาระ แต่ก็ยังมาหาเป็นคนแรกทุกครั้ง ด่าว่าเรางี่เง่า แต่ก็อยู่เป็นเพื่อนเราจนถึงเช้า



เรารู้ว่าเพื่อนด่าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ



เจดทำหน้าอึ้งๆ ก่อนหัวเราะ ซุกหน้าลงกับแขนตัวเองสักพักก่อนเงยหน้าสบตาเราอีกครั้งท่าทางลำบากใจ “ยากไปป่ะ จะด่าเจลงได้ไง”



เราก็คิดว่าเจดคงทำไม่ได้ ไม่ใช่คนขี้บ่นแบบเพื่อน



“ทำอย่างอื่นแทนได้ไหม” เจดยิ้ม รอยยิ้มที่เราบอกไม่ได้กำลังคิดอะไร



เจดเฉลยด้วยการปีนขึ้นมาบนเตียงข้างๆ เรา เจดสบตาเราคล้ายขออนุญาต ก่อนยืดแขนออกมารองคอเรา



“แบบนี้ ได้ไหม”



เสียงกระซิบของเจดดังชัด เพราะเราอยู่ใกล้กันมาก ใกล้จนปลายจมูกเฉียดกัน



“แบบนี้... พี่เพื่อนเคยทำไหม”



ยิ่งใกล้ เมื่อเจดใช้มืออีกข้างโอบหลังเราไว้ ถึงอยู่นอกผ้าห่มแต่ก็ยังสัมผัสถึงไออุ่นจากตัวเจดได้ กลิ่นหอมอ่อนๆ แบบที่เราชอบ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เจ้าของดวงตาคมกระชับอ้อมแขนจนร่างแนบสนิทกัน จรดหน้าผากลงกับหน้าผากเรามองเข้ามาในดวงตาด้วยสายตาจริงจัง



“เจได ขออะไรเห็นแก่ตัวอย่างหนึ่งได้ไหม”



“...” ถึงเราไม่ตอบ เจดก็คงรู้ว่าเราให้ได้ ไม่ว่าเจดจะขออะไร



“ต่อไปนี้ ถ้าฝนตกอีก ช่วยนึกถึงกันได้ไหม” ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นคำขอที่เห็นแก่ตัวตรงไหน “อย่ากลัวจนร้องไห้คนเดียวเลยนะ”

               

แต่มันเป็นคำขอที่ทำให้อบอุ่นไปทั้งใจ

               

เรายกสองมือขึ้นมาประคองหน้าเจด ยิ้มให้แทนคำตอบ จับจ้องทุกส่วนบนใบหน้าแสนธรรมดาแต่กลับมาอิทธิพลต่อเรามากมาย หัวเราะเบาๆ พร้อมกันเมื่อเราไล้นิ้วโป้งไปตามรูปเครา



มันหมายความว่าเราอยากสัมผัสริมฝีปากใต้ไรหนวดนั้น



“เจ...” แต่คราวนี้หมีไม่ยอมแกล้งตายให้เราแต๊ะอั๋ง ยกนิ้วโป้งไล้แก้มเราบ้าง คลอเคลียปลายจมูกกับปลายจมูกเราคล้ายประวิงเวลา ส่งสายตาหวานขออนุญาต



เรายิ้มตอบ แล้วหลับตา...



วินาทีต่อมาริมฝีปากอุ่นก็แตะลงบนริมฝีปาก สัมผัสเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนผละออกไป เอียงองศาใบหน้าเล็กน้อยแล้วทาบลงมาใหม่ บางเบาแล้วค่อยๆ บดเบียดจนแนบสนิท



จากอุ่นเป็นร้อนผ่าว...



นานนับนาทีกว่าเจดจะถอนริมฝีปากออกไป เคลื่อนริมฝีปากจรดหน้าผากเราซ้ำๆ เอ่ยคำเดียวกับตอนที่เห็นเราร้องไห้



“ไม่เป็นไรแล้วนะเจ ไม่เป็นไร”



ไม่เป็นไรจริงๆ...



เพราะต่อให้ฟ้าผ่าลงมาตอนนี้ ก็คงโดนเสียงหัวใจเรากลบจนมิดอยู่ดี

 




☉ ----------------------------Side Story 5-------------------------------- ☉

 

“เจ น่ารักกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ"



"..."



"จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”

               

“...”

               

“ถ้าน่ารักกว่านี้อีกนิดจะเปลี่ยนจากชอบ เป็นรักจริงๆ แล้วนะ รู้ไหม”

               

“อือ”

               

“...!!”

               

“อือ”

               

“เจ...”

               

“...”

               

“ตื่นอยู่เหรอ?”

               

“...”

               

“อะไร ละเมอตอบก็ได้โว้ย คนเรา”

               

“...”

               

“หึ ขอให้คืนนี้ไม่ฝันนะ”

               

“...”

               

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้าครับ”





☉ ----------------------------100%-------------------------------- ☉



#หมีแต่รัก

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

รัก  :L2:

- Martian -




หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [100%] (19.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 19-07-2018 22:15:47
หวานไปมะ อิจฉานะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [100%] (19.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 19-07-2018 22:16:31
เจดคือดี ดีจ๊นนนนน โอยยยยยยย ไม่ต้องทนแล้ววววว ชอบเขาก็ยกกระต่ายที่เหลือให้ไปเลยทีเดียวเส่!!!  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [100%] (19.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 19-07-2018 22:23:47
 :z6: :mew4: :katai2-1:น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกก มากกกกกกด้วยยยยย ชอบบบบบบบบอบอุ่นกว่าฮีตเตอร์ก็เจดไง อิๆ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [100%] (19.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-07-2018 00:03:40
อื้อหืออออ มีเกรี้ยวกราดใส่ฟ้าฝนด้วยคนเรา
น้องเจน่าบีบมาเลยยย โอ๋ๆน๊าาา
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [100%] (19.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-07-2018 00:18:50
คิดอยู่นะ  ว่าที่เพื่อนขอลูกกุญแจสำรอง
ต้องเอาไปให้เจด แล้วก็ใช่จริงๆ  :katai2-1:

เจดมาหาเจ ทันพอดี  :ling1:
ปลอบโยนกันด้วย  :o8: :-[ :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [100%] (19.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-07-2018 01:58:12
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 5 : ซุปเปอร์หมี [100%] (19.07.2561)
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 20-07-2018 07:28:25
หนูเจรูกกกกกกกแม่  :mew1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 21-07-2018 17:11:05
บทที่ 6

หมีแผน (100%)


               

เราตื่นเพราะได้ยินเสียงดัง



“ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรไงวะ” อันนี้เสียงเพื่อน เราจำได้

               

“ผมไม่ได้ทำอะไรจริงๆ” ส่วนเสียงนี้...

               

“...!” เราเบิกตากว้าง หายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง กะพริบตาปริบมองฟูกข้างตัวที่ยังทิ้งความอุ่นไว้ ตอกย้ำว่าเมื่อคืนมีคนนอนอยู่ข้างๆ

               

พอภาพฉายซ้ำ...หน้าเราก็ร้อนฉ่าเหมือนเป็นไข้

               

“แต่มึงกอด เดี๋ยว...อย่าบอกว่าทำอย่างอื่นด้วย”

               

เอ๊ะ...

               

เราได้สติเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนคาดคั้น กับเสียงอีกคนอึกอัก

               

“เชี่ย! นี่มึง... ไหนบอกอ่านกฎข้อห้าแล้วไง”

               

เดี๋ยวสิ เพื่อน!

               

“เถอะน่า เจไม่ใช่เด็กนะ” ขาที่กำลังพุ่งลงเตียงหยุดชะงัก

               

เสียงนี้มัน…

               

“แต่มันรับปากผมแล้ว”

               

“แค่กอดเอง ไม่ได้เกินเลยกว่านั้นสักหน่อย ใช่ไหมคุณหมี”

               

“เอ่อ...”

               

“จีนเหรอ” ก่อนบทสนทนาจะเจาะลึกไปกว่านั้น เรารีบชะโงกหน้าออกมาขัด เห็นคนสามคนแออัดอยู่ในห้องนั่งเล่นในท่าทางที่กำลังถกเถียงกัน

               

“ตื่นแล้วเหรอเจ” เป็นจีนจริงด้วย

               

เราเลิกคิ้วมองพี่สาวในไส้ที่วันนี้แต่งตัวฉูดฉาดด้วยเสื้อสีเหลืองกับกระโปรงสั้นสีแดงเข้ม ใส่ถุงเท้าแปลกๆ สูงถึงน่อง แต่งหน้าอ่อนๆ แต่ทาปากแดงแจ๋



คงดูแปลกถ้าเป็นคนอื่น แต่พอเป็นจีนทุกอย่างกลับเข้ากัน



“เอาอาหารมาให้” พอเห็นหน้าเราจีนก็ชูตะกร้าสานใบโตขึ้นมา พูดหน้าตายแล้วเดินเข้ามาจูงมือเราไปที่ครัวเล็กๆ ข้างห้องนั่งเล่น วางตะกร้าลงบนเคาน์เตอร์แล้วเปิดฝาบรรจงหยิบกล่องทัปเปอร์แวร์ออกมาวางเรียงกัน

               

“มีแซนด์วิชแซลม่อน ยำแซลม่อน ข้าวหน้าแซลม่อน แซลม่อนซาชิมิ อ้อมีชามะลิด้วย เจจะกินเลยไหม”

               

เรามองความกระตือรือร้นของจีนแล้วถอนหายใจ

               

“จะกินหมดนี่ได้ไง”

               

รู้เหตุผลดีว่าจีนทำแบบนี้ทำไม

               

“เจไม่เป็นไร ร้องไห้แป๊บเดียว ตาไม่บวมด้วยซ้ำเห็นไหม” เรายื่นหน้าเขาไปให้จีนดูใกล้ๆ

               

พี่สาวชะงักที่ถูกเราจับได้ จีนย่นหน้า ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้จนเราต้องเอื้อมมือไปจับมือไว้

               

“แล้วนอนหลับไหม” จีนเอื้อมมือมาลูบหัวเราตอบ สีหน้ายังฉายความกังวลเห็นชัด

               

“หลับ...” พูดเสียงเบา เบนสายตาไปมองคนตัวโตที่มองมาทางเรา สายตาส่งคำถามเดียวกัน “หลับสนิทเลย”

               

พอได้ยินแบบนั้นเจดก็ยิ้มท่าทางโล่งใจ

               

ส่วนเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ มองเจดสลับกับเราแล้วกลอกตาใส่ “กระต่ายแรด”









☉ ------------------------------------------------------------ ☉


               

ตอนเด็กๆ เรากับจีนเคยเล่นซ่อนหา

               

เราเป็นคนซ่อน จีนเป็นคนหา ในหมู่บ้านมีสนามเด็กเล่นที่ใหญ่มากสำหรับพวกเราตอนนั้น เรามีที่ซ่อนประจำ ที่ที่จีนหาไม่เจอจนต้องยอมแพ้ทุกครั้ง แพ้บ่อยๆ เข้าจีนเลยเปลี่ยนแผนบ้าง จีนหนีกลับบ้าน คิดว่าถ้าซ่อนจนเบื่อก็จะตามออกมา



แต่เราไม่รู้... เลยนั่งรอจนกว่าจะได้ยินจีนพูดว่ายอมแพ้เหมือนทุกครั้ง

               

เราซ่อนอยู่ที่เดิมจนรู้สึกว่าฟ้ามืด แต่ไม่ใช่เพราะมันค่ำ เป็นเพราะเมฆครึ้ม ไม่ทันไรฝนก็ตกหนัก เราตกใจเลยยอมแพ้แล้วรีบออกมาจากที่ซ่อน แต่ก็ไม่เห็นใคร เราตามหาจีนจนทั่วในสายฝน หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ



ตอนนั้นเราร้องไห้หนัก เป็นห่วงจีนมาก กว่าจะคิดได้ว่าต้องไปบอกพ่อกับแม่



แต่สุดท้ายไม่ทันได้กลับบ้าน เพราะอยู่ๆ ฟ้าก็ผ่าลงมาที่ต้นไม้... ตอนนั้นมันดูใกล้เหมือนอยู่แค่ตรงหน้าเรา เสียงดังสนั่นเหมือนฟ้ากำลังจะถล่ม เรากรีดร้องสุดเสียง ช็อกจนหมดสติไปตรงนั้น



รู้ตัวอีกทีก็อยู่โรงพยาบาล ไข้ขึ้นเพราะตากฝนนานเกินไป แล้วก็เอาแต่ร้องไห้



หลังจากนั้นเราก็กลัวฟ้าผ่า จีนรู้สึกผิดเพราะคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เราเกือบตาย แต่เราไม่เคยโทษจีนเลยสักนิด ดีซะอีกที่ตอนนั้นจีนไม่ได้อยู่ด้วยกัน



“เคยแอบเข้าไปร้องไห้ในตู้เสื้อผ้าด้วย หากันทั่วบ้าน” จีนแฉ แฉหมดเลยเรื่องน่าอายของเรา



วีรกรรมหนีฝนฟ้าตั้งแต่เด็กจนโตถูกขุดคุ้ยจนเราอยากเอาหน้ามุดแซนด์วิช แต่เสียดายแซลม่อน เลยนั่งกินเงียบๆ ไม่พูดอะไร มองหน้าจีนสลับกับเจดที่นั่งนิ่งตั้งใจฟัง



“เลยต้องหอบแซลม่อนมาปลอบขวัญ” จีนว่า



อันที่จริงเรารู้ว่าเป็นข้ออ้าง จีนเป็นห่วงเราต่างหาก แต่ใช้แซลม่อนบังหน้าไปงั้น แต่เราโตแล้ว ถึงจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็พยายามปรับตัว



แล้วอีกอย่าง...



“แต่ต่อไปคงไม่ต้องแล้วมั้ง มีคนปลอบให้แล้ว” พี่สาวมองหน้าเจดด้วยสายตากรุ้มกริ่ม



เราลอบเตะขาจีนใต้โต๊ะ ย่นหน้าใส่พี่สาวที่ไปแซวใส่เจดอย่างนั้น แต่พอเหลือบมองคนข้างตัว เห็นมุมปากใต้เครายกยิ้มจาง ก็เผลออมยิ้มบ้าง



‘ต่อไปนี้ ถ้าฝนตกอีก ช่วยนึกถึงกันได้ไหม’



เป็นการปลอบใจที่อันตรายมาก... แค่คิดถึงเสียงนุ่มๆ กับสีหน้าตอนนั้นเราก็ใจสั่น... สั่นซะยิ่งกว่าตอนได้ยินฟ้าผ่า



"แล้วจะให้บอกพ่อกับแม่ว่าไงที่เจพาผู้ชายมาค้าง”



“แค่กๆ!” เราถึงกับสำลักขนมปัง กะพริบตาปริบๆ มองหน้าจีนที่อยู่ๆ โพล่งถาม



"คนนี้เหรอที่ทำให้เจอยากไว้ผมยาว”



“จีน...” โห่ เราอุตส่าห์ลืมไปแล้วนะเรื่องนั้น



แล้วจีนรู้ได้ยังไง ตอนนั้นเราไม่ได้พูดสักหน่อย แค่บอกว่าอยากลองไว้ผมยาว



...เพื่อนฟ้องแน่ๆ



“แถมเจยังให้นอนกอด...”



“อย่าไปฟังๆ” เราส่ายหน้าห้ามเจด อยากจะยกมือปิดหูให้ ติดเสียว่ามือไม่ว่าง



“พ่อกับแม่ตื่นเต้นแน่ถ้ารู้ว่าเจมีแฟน”



“จีนนน...” เรางอแง



จีนเลยยิ่งได้ใจ หัวเราะเสียงดังลั่นไม่มีการอาย แถมหันไปถองศอกใส่เพื่อนที่ยัดแซนด์วิชเข้าปาก แต่ก็ยังไม่วายส่ายหน้าบ่นงึมงำ



“กระต่ายแรด” 



“พูดเป็นคำเดียวหรือไงเพื่อน” เราหันไปโวยวายแก้อาย



“ก็แรดจริง”



“โธ่...” ยิ่งอยากเอาหน้าจุ่มแซนด์วิชเมื่อเห็นได้ยินเจดหัวเราะตาม



...นิ้วก้อยที่ลอบเกี่ยวนิ้วก้อยของเราใต้โต๊ะกระชับเบาๆ

 






☉ ------------------------------------------------------------ ☉

               



จีนพูดอยู่คนเดียวตลอดมื้อเช้า สมเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์คนตามเป็นล้าน ขนาดคนขี้บ่นอย่างเพื่อนยังได้แต่นั่งฟัง มีหน้าที่ช่วยต่อบทบ้างตอนที่จีนหันไปถาม   



ส่วนเจดกับเราหาจังหวะพูดแทรกไม่ได้สักคำ กว่าจะรอดตัวมาได้หูแทบพัง



“เหมือนพ่อกับแม่เจเลยอ่ะ” อยู่ๆ เจดก็พูดขึ้นมาระหว่างที่กำลังนั่งรถไปคอนโดฯ เตวิชญ์เพื่อซ้อมดนตรีตามที่นัดกันไว้



“หือ?”



“พี่จีนกับพี่เพื่อน”



เรานึกอ๋อใจใน ก็ใช่ จีนกับเพื่อนชอบทำตัวเหมือนพ่อกับแม่เรา



คนหนึ่งขี้บ่น ห้ามนู่นห้ามนี่ ส่วนอีกคนก็ชอบเอาเราไปเม้าท์



“ยังงี้เจอพ่อกับแม่จริงก็คงไม่เกร็งแล้ว” เจดลูบเคราพึมพำ เบาจนเราฟังไม่ถนัด นึกแค่ว่ารู้สึกผิดกับเจดที่ต้องมานั่งฟังจีนบ่นแต่เช้า



“ขอโทษนะ”



“เรื่องอะไร” เจดเลิกคิ้ว ตบไฟเลี้ยวเข้าลานจอดรถ



“จีนพูดมาก” เราเบ้หน้า เจดคงเบื่อแน่ๆ 



แต่เจดหัวเราะ “เรื่องที่จะบอกกับพ่อแม่ว่าเจมีแฟนเหรอ”



“เอ๊ะ...” เราชะงัก “ไม่... ไม่ใช่เรื่องนั้น”



พอเห็นเราแตกตื่นเจดก็หัวเราะ จอดรถเข้าซองเรียบร้อยจึงมองหน้าเราสีหน้าจริงจังอีกครั้ง “ไม่หรอก ดีใจที่ได้ฟัง”



“ไม่เห็นจะดี” จีนเอาแต่เม้าท์เรื่องน่าอายทั้งนั้น



“ดีดิ เหมือนได้รู้จักเจอีกขั้น”



“...”



“ยิ่งรู้จักยิ่งน่ารัก เนอะ”



“เอ๊ะ...”



มะ... มานงมาเนอะอะไรเล่า

               

“รู้แบบนี้ยิ่งคิดถูกที่เมื่อคืนเอ่ยปากขออะไรเห็นแก่ตัวแบบนั้น”

               

“หมายถึง...”

               

“ที่บอกว่าถ้าฝนตกให้นึกถึงกันไง”

               

“ไม่เห็น...จะเห็นแก่ตัวตรงไหน” จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ เจดไม่ได้ขออะไรที่ทำให้เราลำบากสักหน่อย

               

ถึงจะทำให้ใจเต้นแรงถึงตอนนี้ก็เถอะ

               

“เห็นแก่ตัวสิ” เจดยิ้ม ยกนิ้วเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าเรา “เหมือนขอให้เจเปลี่ยนความทรงจำ”

               

“...”

               

“แทนที่จะนึกถึงเรื่องตอนเด็กเหมือนทุกครั้ง ก็ต้องมานึกถึงหน้าแบบนี้” เอือมมือมาดึงมือเราไปทาบแก้ม แถมยังแกล้งทำหน้าเห็นใจสุดซึ้ง “ต้องมานึกถึงเคราของหมียักษ์”

               

เราอมยิ้ม ไล้ไรหนวดของเจดเหมือนที่ชอบทำ

               

“เห็นแก่ตัวไหม”

               

“อือ”

               

เป็นความเห็นแก่ตัว... ที่น่ารัก

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉



แต่คนน่ารัก บางครั้งก็เอาแต่ใจจนน่าปวดหัวเลยล่ะ

               

“ไม่เอาเพลงนี้”

               

กับเรื่องดนตรีเจดจริงจังมาก ทั้งที่เจ้าตัวบอกว่าเล่นเป็นงานอดิเรกขำๆ แต่คงไม่สังเกตว่าซ้อมด้วยกันทีไรเจดจะเผยด้านซีเรียสออกมาภายใต้สีหน้าไม่จริงจัง

               

“แต่คนฟังน่าจะชอบมากกว่า” หลายครั้งเลยทะเลาะกัน

               

“อยากเล่นอันนี้อ่ะ” อันที่จริงก็ไม่เชิงทะเลาะ เรียกว่าถกกันต่างหาก

               

เจดอ่ะชอบอินดี้เกิน เราต้องปรามบ้าง

               

“เดี๋ยวคนดูไม่สนุกเอา”

               

“โห่ เจ” หมียักษ์ทำท่างอแง จะหันไปหาคนช่วยแย้ง แต่เตวิชญ์ก็ดูจะไม่สนใจ รายนั้นเขายังไงก็ได้

               

“ไอ้พิชญ์อ่ะ ชอบเพลงไหน” คราวนี้เลยหันไปให้ขอให้คนบนตักมือกลองตัดสินให้

               

เราจะไม่น้อยใจแล้วกัน เพราะสมเหตุสมผลแล้วที่ถามพิชญ์ น้องน่าจะเข้าใจในฐานะคนดู

               

“ไม่รู้จักสักเพลง” แต่คนดูดันยักไหล่แบบช่วยไม่ได้

               

“โวะ งั้นเล่นทั้งสองเพลง” เจดทำท่าจะจบปัญหาลวกๆ อีกแล้ว

               

เราเบ้หน้า “เวลามันไม่ได้”

               

“เดี๋ยวขอเพิ่มให้”

               

“ทำไมเจดเอาแต่ใจ”

               

“ทำไมสองคนนี้ชอบตีกัน” ประโยคสุดท้ายเป็นของคนนั่งฟังที่คงจะทนไม่ไหว พิชญ์หัวเราะ มองพวกเราเถียงกันด้วยสีหน้าขบขัน

               

ปกติก็ไม่ตี แต่เวลาแบบนี้หมีชอบดื้ออ่ะ

               

“งั้นซ้อมไปก่อน ค่อยเลือกอีกที” เจดถอนใจยกมือเสนอใหม่ เราเลยถอนใจกลับ

               

“ก็ได้” ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไง เพลงที่เจดเลือกมันฟังยากเกินไป แถมไม่เข้ากับเพลงที่เหลือ

               

หมีนะหมี เอาแต่ใจไม่เข้าเรื่อง

 



วันนี้เราเล่นกันไม่จริงจัง เหมือนมาเคาะสนิมมากกว่าเพราะต่างยุ่งๆ เลยไม่ได้ซ้อมวงมาสักพัก แต่เตวิชญ์เหมือนจะก้าวนำพวกเราไปอีกขั้น เรากับเจดเลยยิ่งต้องรีบไล่ตาม

               

เหมือนไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้มานาน เสียงเพลงช่วยดึงพลังงานบางอย่างให้แล่นพล่านไปทั้งตัว เราสนุกมาก

               

กำหนดการแสดงครั้งแรกของวงคืองานปีใหม่ในร้านเหล้าของคนที่เจดรู้จัก

               

เจดบอกว่าไม่ใช่งานใหญ่ แต่ท่าทางหมีดูตื่นเต้นมา ตั้งใจทำลิสต์เพลง แถมพยายามคิดชื่อวงอยู่นาน

               

‘เตเจเจด’

               

สมกับเป็นหมียักษ์ ชื่อวงยังประหลาด

               

“อันนี้พิชญ์ใส่เลยได้ไหม” เป็นอีกครั้งที่เรากับเจดมาฝากท้องที่ห้องเตวิชญ์ แต่วันนี้น้องพิชญ์เป็นลูกมือด้วย ผีเสื้อตัวน้อยในผ้ากันเปื้อนยิ่งดูน่ารัก

               

“มันเค็มไปอ่ะ ทำไง” เรามองสองพ่อครัวที่หัวเราะใส่กันแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม คุณมือกลองจอมดุพออยู่กับแฟนแล้วใจดีมาก



เตวิชญ์ไม่ว่าสักคำ แค่เกลี่ยนิ้วโป้งเช็ดปากให้น้องแล้วกดจูบหนักๆ อย่างมันเขี้ยว ส่วนคนขี้อ้อนก็หลีกทางให้เชฟใหญ่แก้รสชาติที่ตัวเองปรุงผิดให้เข้าที่เข้าทาง

               

เวลาอยู่ด้วยกันสองคนนี้เป็นธรรมชาติมาก เหมือนเกิดมาเพื่อเติมเต็มกันและกันให้ต่างสมบูรณ์แบบไปอีกขั้น น่าอิจฉาสุดๆ

               

“เจ อยากชิมไหม” คงเพราะเราจ้องนานเกินไป น้องพิชญ์เลยรู้ตัวหันมาเลิกคิ้วถาม เราส่ายหน้า แกล้งหันกลับมาก้มหน้าก้มตาซ้อมเบสต่อไป

               

ไม่ทันไรพิชญ์ก็ถอดผ้ากันเปื้อนเดินมานั่งข้างๆ เรา

               

“คิดถึงเจจัง” ไม่ว่าเปล่า แขนสองข้างยังยื่นมาโอบเอวเรา วางคางไว้บนหัวแล้วจับโยกไปมา

               

เราไม่ได้ว่าอะไร เพราะชินแล้ว อีกอย่าง พิชญ์ตัวหอม... ถึงจะคนละแบบกับเจด แต่ก็เป็นกลิ่นที่ดึงดูดมาก

               

ตั้งใจจะอยู่ห่างๆ ไม่อยากยุ่งก็ทำไม่ได้เลยสักครั้ง

               

“กับป๊าเป็นไงบ้าง”

               

“เอ๊ะ...” เราชะงักกับคำถาม “หมายถึง?”

                 

“ป๊าเล่าให้ฟังว่าเจจีบ... อย่าไปบอกนะว่าเอามาเม้าท์” พิชญ์หัวเราะ แกล้งทำเป็นหันหน้าหันหลัง

               

แต่เจดไม่อยู่แถวนี้หรอก คุณหมีเพิ่งขอตัวไปอาบน้ำ เพราะใส่ชุดเดิมมาตั้งแต่เมื่อคืน 

               

“กำลังสะสมแต้ม” เราสารภาพ แอบรู้สึกภูมิใจนิดๆ ที่ได้อวดความก้าวหน้า

               

เหลืออีกแค่หกแต้ม ใกล้จะครึ่งทางแล้ว

               

“โห ป๊าโคตรเล่นตัวอ่ะ” พิชญ์แกล้งย่นหน้าหมั่นไส้ ก้มลงมาหอมแก้มเราทีหนึ่งแบบไวๆ “เป็นพิชญ์นะจับฟัดไปแล้ว เจน่ารักขนาดนี้”

               

เราได้แต่นั่งนิ่ง ยกมือกุมหน้าตัวเองที่ร้อนจัด



ตายๆ ถ้าเตวิชญ์เห็นเราโดนตีแน่ โชคดีที่คุณพ่อครัวมัวแต่วุ่นกับการเตรียมอาหาร



“เจดใจแข็งมาก” เราย่นคาง ถอนหายใจ อันที่จริงหกแต้มกระต่ายก็ยังเยอะเกินไป



ไม่รู้เมื่ไหร่จะชนะใจเจดได้



“เจ พิชญ์บอกวิธีให้ไหม” พอเห็นเราหงอย พิชญ์ก็เอียงคอถามท่าทางกระตือรือร้นขึ้นมาจนผิดวิสัย

               

“วิธีอะไร” เราถามอย่างตามไม่ทัน



พิชญ์หัวเราะแกล้งมองซ้ายมองขวาอีกครั้ง ก่อนก้มลงมากระซิบทำท่าทางเป็นความลับ

               

“วิธียั่วให้หมีตบะแตกไง”

               

“...” เราขมวดคิ้วมองรอยยิ้มทะเล้น น้ำเสียงน้องไม่น่าไว้ใจสักนิด



“รับรองป๊าไปไหนไม่รอดแน่”



“แต่...”



“...”



“ต้องทำยังไง”

               

ขอโทษนะเจด... เราอยากเก็บแต้มกระต่ายให้ครบไวๆ     

 







☉ ----------------------------Side Story 6------------------------------ ☉

 

               

“เพื่อน มาดูนี่เร็ว เจโดนแต๊ะอั๋งอ่ะ”

               

“แค่จับมือป่ะ มันนอนกอดกันทั้งคืนไม่เห็นตื่นเต้น”

               

“หมีน่ารักเนอะ ดูเป็นคนดี”

               

“ก็ปกติ”



“โล่งใจ เห็นเจมีคนรัก”



“พี่จีนอ่ะเวอร์ ทำตัวเป็นแม่กระต่ายไปได้”

               

“เพื่อนนั่นแหละหวงเวอร์ ทำตัวเป็นพ่อกระต่ายไปได้”

               

“ก็แม่กระต่ายปล่อยสบายเกิน พ่อก็ต้องดุแทนดิ”

               

“...”

               

“...”

               

“โห เนียนเลยอ่ะคุณ”

               

“หึ ผมก็เนียนยังงี้มาตั้งแต่มัธยมแล้วป่ะคุณ”






☉ ---------------------------100 %------------------------------- ☉



#หมีแต่รัก

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

รัก <3

- Martian -

หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-07-2018 17:52:07
แผนยั่วตบะหมีให้แตก จะได้ผลมั้ยนะ  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-07-2018 17:57:41
 :man1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 21-07-2018 18:24:59
น่ารักทุกคู่เลยค่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 21-07-2018 18:50:43
น่ารักกกก อยากเห็นหมีตบะแตกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 21-07-2018 19:17:35
อยากเห็นหมีตบะแตกแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
น่ารักทุกคนเลยยยย
มีคู่เพื่อนจีนโผล่มาท้ายๆๆ น่ารักอะะ ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 21-07-2018 20:00:09
โอ้ยยยย น้องเจลูกกก ถ้าเพื่อนรู้ต้องโดนด่าแน่เลยเนี่ย เอ็นดู ฮาาาา
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-07-2018 20:16:07
กระต่ายตัวแสบ คิดหาแผนอ่อยหมีด้วย   :hao3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 21-07-2018 20:46:58
คึคึ มารอดูแผนการ ~~
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 21-07-2018 23:26:56
นุ้งเจจจจจจจจจจจ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-07-2018 23:35:12
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 22-07-2018 00:03:34
น่ารักกกกกเวเยยยย น่านรักกกมากกกกกกกรี้ดดดกดดด เค้าเจอควีนจอมยั่วววว ป๋าระสังงตัววน้าาน้องจะร้ายกาจแล้วสวสส
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 22-07-2018 10:58:13
เรื่องนี้น่ารักกกกกกก ติดตามจ้าๆๆๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Raam ที่ 22-07-2018 12:54:43
เพื่อนจีนก็มาว่ะ :mew2: :-[
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 6 : หมีแผน (21.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 22-07-2018 13:20:29
พิชญ์เจน่ารักกกกกกกกก ยัยพิชญ์แอบหอมพี่เจด้วย โอ้ยๆๆๆรอดูแผนยั่วหมีนะคะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 23-07-2018 10:03:10
ข้อที่ 7

ยั่วหมี (100%)


               

ข้อหนึ่ง ยิ้มให้มากๆ

               

‘เวลาเจยิ้มน่ารักมากนะรู้ตัวไหม’

               

ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องพิชญ์แค่พูดเอาใจหรือเปล่า แต่มันทำให้เรานึกได้ ว่าเจดก็เคยบอกว่าชอบให้เรายิ้มกว้างๆ

               

ต่อไปเราจะฝึกยิ้มบ่อยๆ

               

“เป็นบ้าอะไร”

               

โห่ เพื่อน

               

“เปล่า” เราย่นจมูกขัดใจ เบือนหน้าหนีเพื่อนที่ขมวดคิ้ว ไม่อินกับความพยายามของเรา

               

“แล้วตกลงทำข้อสอบได้ไหม” คงเพราะอดนอนอ่านหนังสือสอบไฟนอล แถมยังช่วยติวให้เรา เพื่อนเลยหงุดหงิดงุ่นง่าน

               

เราไม่อยากโดนด่าอีก เลยหุบยิ้ม พยักหน้าตอบ “ทำได้ครับ”

               

เพื่อนถอนใจ “แล้วนี่ไอ้หมีจะมาหรือยัง”

               

ไม่ทันขาดคำ โทรศัพท์เราก็เด้งข้อความจากเจดว่ามาถึงหอแล้ว

               

“เพื่อนไปด้วยกันไหม”



“ง่วงจะตาย” เพื่อนส่ายหน้า “แล้วจะกลับห้องไหม”



“กลับ” ทำไมถามแปลกๆ ไม่กลับจะนอนไหน



เพื่อนหรี่ตาไม่ไว้ใจ ทำหน้าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เงียบ โบกมือไล่ “ไปไหนก็ไป”

               

เราโบกมือบ๊ายบายแล้วออกจากห้อง เดินลงลิฟต์ไปที่รถเจด แต่ก่อนเปิดประตูก็เผลอชะงัก นึกถึงคำแนะนำของน้องพิชญ์

               

ต้องยิ้มเขาไว้ ยิ้มหวานๆ

               

“หวัดดี”

               

เมื่อก่อนเราคิดว่าการยิ้มเป็นเรื่องยาก

               

“วันนี้จะพาไปกินแซลม่อนฉลองสอบเสร็จนะ”

               

...แต่ความน่ารักของเจด ก็ทำให้เราเผลอยิ้มกว้างง่ายๆ โดยไม่ต้องพยายาม





☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

“ทำข้อสอบได้ป่ะ” เจดถามพลางคีบแซลม่อนให้

               

“อือ” เราคีบไข่หวานให้เจดบ้าง

               

“ขอบคุณครับ” คนน่ารักคีบไข่หวานใส่ปาก มองเราเคี้ยวแซลม่อนพลางอมยิ้มแปลกๆ

               

“วันนี้มีอะไรหรือเปล่า”

               

“หือ?”

               

“ยิ้มไม่หุบเชียว”

               

“เจดไม่ชอบเหรอ” หรือเรายิ้มกว้างไป เจดเลยสังเกตได้

               

น้องพิชญ์บอกว่า รอยยิ้มเล็กๆ จะดูลึกลับ ยั่วยวนใจกว่ารอยยิ้มกว้างๆ

               

พลาดแล้ว...

               

“ชอบ” แต่เจดก็เอ่ยแย้งเหมือนรู้ความคิดเรา เลยเอื้อมมือมาลูบหัวเบาๆ “แค่อยากรู้ว่ามีเรื่องอะไรดีๆ”

               

เราอมยิ้ม คีบแซลม่อนเข้าปาก ส่ายหน้า

               

“บอกไม่ได้”

               

เป็นความลับนะ วันนี้เรามีแผนจะวางกับดักหมีล่ะ






☉ ------------------------------------------------------------ ☉


 

‘เจน่ารัก ป๊าต้องหวงแน่’

               

หลังสอบสถานบันเทิงอัดแน่นไปด้วยนักศึกษาที่มาละลายความเครียด เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เรากับเพื่อนไม่ได้ออกเที่ยวกลางคืนบ่อยนักเพราะไม่ค่อยว่าง ถึงว่างก็ชอบนอนขี้เกียจอยู่ห้องมากกว่า

               

แต่นัดน้องพิชญ์ไว้ก็เลยมา

               

“เจ” เราหันไปตามเสียงเรียกของพิชญ์ เจดหันมาเลิกคิ้วใส่นิดหน่อยที่เห็นน้องเรียกเราทั้งที่ปกติจะเรียกตัวเองก่อน แต่หมียักษ์ไม่ว่าอะไรรุนหลังให้เราเดินไปก่อนส่วนตัวเองเดินไปที่บาร์

               

เรายิ้มตอบนิดๆ ก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะที่พิชญ์กับเตวิชญ์นั่งอยู่ ตกใจที่ถูกน้องดึงไปนั่งข้างๆ แต่ถ้าอีกคนไม่ว่าก็คงไม่เป็นไร

               

“หึ จะเล่นอะไร” เตวิชญ์ที่นั่งขนาบอีกฝั่งขมวดคิ้วมองหน้าเราแล้วหันไปถามแฟนตัวเอง

               

เตวิชญ์ฉลาดมาก มองตาทีเดียวก็รู้แล้วว่าน้องพิชญ์กำลังมีแผนการบางอย่าง

               

“ความลับ” น้องแกล้งยียวนเลยถูกงับจมูกไปหนึ่งที สองคนหยอกเย้ากันขณะที่เจดที่เพิ่งไปสั่งเครื่องดื่มเพิ่มเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ว่าง ส่ายหน้าขำๆ

               

“เกรงใจคนโสดกันบ้าง”

               

เรียกให้พิชญ์หันมามอง น้องยกมือสองข้างแบออกยักไหล่

               

“วันนี้โสดทั้งโต๊ะครับ” หันไปส่งยิ้มร้ายให้เตวิชญ์ที่เลิกคิ้วเหมือนรอดูว่าเด็กซนจะทำอะไร

               

มือสวยเอื้อมมือมาจับแขนเราดึงให้ลุกจากที่นั่ง คว้าเบียร์ขวดเล็กมาใส่มือเราแล้วถือของตัวเองไว้อีกข้าง ยิ้มกว้างอย่างนึกสนุก “เจ ไปเต้นกัน”

               

เราปล่อยให้พิชญ์ลากออกไปหน้าเวที วงดนตรีสดกำลังเล่นเพลงฮิตอมตะที่ปรับเปลี่ยนซาวน์ให้เข้ากับสมัยปัจจุบัน น้องเปลี่ยนมายืข้างเราแล้วเริ่มโยกตามจังหวะกระดกเบียร์ไปพลาง

               

“เจเต้นเป็นไหม” เราส่ายหน้า จับขวดเบียร์แน่นด้วยอาการประหม่า

               

เวลาไปร้านเหล้าเรากับเพื่อนมักจะได้รับหน้าที่เฝ้าโต๊ะ ไม่เคยเหยียบฟลอร์เต้นหรือหน้าเวที คนแออัดเกินไป เราตัวเตี้ยด้วย หายใจลำบาก



“งั้นต้องเมาแล้วล่ะ” พิชญ์หัวเราะ ทำท่ายุให้เรากระดกแอลกอฮอล์ลงไปหลายอึกก่อนเอื้อมมือมาดึงแขนเราให้ขยับโยกตาม



พิชญ์พาเราเต้นพลางยุให้ดื่มจนเบียร์เราหมดขวดอย่างรวดเร็ว แล้วน้องก็แลกขวดเปล่าของเรากับขวดของตัวเองที่เหลือเบียร์มากกว่าครึ่ง ยั่วให้เราดื่มเข้าไปอีก



“เมาแล้วจะเต้นเก่งขึ้น”



“ไม่จริง” เราส่ายหน้า เชื่อไม่ได้หรอก “เรายังเต้นคร่อมจังหวะอยู่เลย”



“เจน่ารักจัง” พิชญ์หัวเราะ เปลี่ยนมาโอบคอเราจากด้านหลัง แล้วโยกเบาๆ ตามจังหวะเพลงที่ช้าลง



"เขายิ้มให้ด้วย" เรามองบนเวทีตามที่พิชญ์กระซิบบอก เห็นนักร้องกำลังส่งยิ้มให้อย่างไม่รู้สาเหตุ เราเลยยิ้มตอบไปงงๆ



รู้ตัวเลยว่าแก้มคงแดงมาก สมองเบลอด้วยดวงไฟวูบวาบ แอลกอฮอล์ที่หมดอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายเราเหมือนติดไฟ อากาศรอบๆ เหมือนจะร้อนขึ้นจนรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลตามไรผม



"นี่ไง เจเต้นได้" คราวนี้น้องก็ปล่อยมือออก ให้เราเต้นเองบ้าง

               

เรายิ้มเก้อๆ พอไม่มีน้องช่วยก็เหมือนมือไม้เริ่มเกะกะ ขยับโยกตัวได้แป๊บนึงก็ขอยอมแพ้ดีกว่า ถอยออกมาก้าวหนึ่ง ดื่มเบียร์ยืนมองอีกคนเต้นเงียบๆ



น้องพิชญ์เซ็กซี่มาก ทั้งที่สวมเสื้อผ้ามิดชิด แค่ขยับนิดเดียวก็ดูดีจนเรานึกอิจฉา

               

“ป๊ามองล่ะ” วาดลวดลายอยู่สักพักน้องก็โน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู เรากำลังจะหันไปมอง แต่พิชญ์ห้ามไว้

               

“ชู่ว อย่าหันไป” เรากะพริบตาปริบๆ อย่างตามไม่ทัน พิชญ์ยิ้มมุมปาก เอื้อมมือมาแตะแก้มเรา



“ค่อยๆ ...ใช้แค่สายตา” ใช้นิ้วชี้ดันแก้มเราให้เอียงหน้านิดหน่อย เราปรายตามองตรงตำแหน่งโต๊ะที่เคยนั่ง แล้วก็เห็นเจดกำลังจ้องมาจริงๆ

               

สายตาที่ทำให้เราต้องรีบหันหนี กะพริบตาปริบๆ เพื่อตั้งสติ ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ...แต่ตอนนี้หน้าเราร้อนยิ่งกว่าก่อนหน้าเสียอีก

               

“เจหน้าแดงมากอ่ะ น่ารัก” พิชญ์หัวเราะอีกครั้งพลางลูบแก้มที่ร้อนจัดเบาๆ ก่อนจะผละออกไปหยิบขวดเบียร์ที่ตอนนี้ว่างเปล่าไปจากมือเรา

               

“เจอยู่นี่แหละ พิชญ์ไปเอามาเพิ่มให้”

               

“อือ” น้องเดินฝ่าฝูงชนออกไปในจังหวะที่วงดนตรีเล่นจบ คนส่งเสียงปรบมือ แต่เรายืนนิ่ง พยายามสงบจิตใจ อยากจะหันไปมองเจดอีกทีแต่ต้องห้ามใจไว้

ไม่ใช่เพราะแผนของพิชญ์... แต่เพราะสายตาเมื่อกี้... ทั้งที่อยู่หน้าเวทีแต่เรากลับได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังยิ่งกว่าเสียงใดๆ

               

เราไม่เคยเห็นเจดมองด้วยสายตาแบบนั้น มันดูเหมือน...กำลังจะติดไฟ

               

“เจไดใช่ป่ะ” ยืนอยู่สักพักก็มีใครสักคนมาสะกิดจากข้างๆ เราหันไปทำหน้างง ตั้งตัวไม่ทัน “เจไดที่อยู่เภสัช ใช่ไหมครับ?”

               

“อืม” เราผงกหัว งุนงงอยู่สักพักก็นึกได้ว่าเป็นนักร้องที่ยิ้มให้เราเมื่อกี้



ยิ้มให้เพราะรู้จักเรานี่เอง... แต่เราไม่เห็นคุ้นหน้าเลยอ่ะ

               

“ผมเป็นแฟนคลับ” เขายิ้มกว้าง ท่าทางดีใจ

               

แฟนคลับ...เราเนี่ยนะ?

               

“ผมตามไปทุกไลฟ์เลย เจไดเล่นเบสเก่งมาก” เราไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่ ถึงจะอยู่ในวงดนตรี แต่คนส่วนใหญ่จะรู้จักพี่ๆ คนอื่นมากกว่าเราที่เข้ามาทีหลัง

               

แถมตอนนี้วงก็ยุบไปแล้วด้วย เพราะพี่ๆ ยุ่งกัน ส่วนเราตั้งแต่มาเล่นกับเจดก็ยังไม่ได้ออกงาน

               

“ผมขอเลี้ยงเบียร์ได้ไหม” เราไม่ได้ขัดตอนที่อีกฝ่ายยื่นเบียร์มาให้ รับมากระดกอย่างไม่คิดอะไร เตรียมมาสองขวดตั้งแบบนี้แสดงว่าตั้งใจจะชวนเราดื่มแต่แรกแล้วสินะ



“จะกลับมาเล่นดนตรีอีกไหมครับ”

               

เราพยักหน้า “แต่ไม่ใช่วงเดิมแล้ว”

               

“อ้าว” เขาทำท่าประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นหัวเราะ "เสียดาย ว่าจะมาทาบทามเข้าวงผมสักหน่อย"



"..."



“ผมล้อเล่นน่ะ อย่าไปบอกมือเบสวงผมนะไม่งั้นผมโดนฆ่าแน่" เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบ แกล้งทำทีหวาดระแวง



"ครับ" เราไม่รู้จะตอบอะไร เลยได้แต่พยักหน้ารับพร้อมกระดกเบียร์แก้เก้อ



"เจย้ายไปอยู่วงไหนเหรอ ผมรู้จักไหม”

               

“เป็นวงใหม่” เราบอกสั้นๆ รู้สึกแปลกๆ ที่ถูกเรียกสนิทสนมทั้งที่เพิ่งคุยกัน



แต่กับเจดไม่ยักจะเป็นแฮะ ทั้งที่เจดแทนตัวเองว่ากูกับเราตั้งแต่ครั้งแรกด้วยซ้ำ... สองมาตรฐานจังเลยเจได

               

“แล้วจะออกโชว์เมื่อไหร่อ่ะ ผมจะได้ตาม”

               

“จะเล่นที่นี่ ตอนปีใหม่” บอกข้อมูลที่ไม่ได้เป็นความลับอะไร อีกฝ่ายฟังแล้วทำท่าตื่นเต้นจนตาเป็นประกาย

               

“ดีจัง แล้วนี่เจไดมาคนเดียวเหรอครับ”

               

เรากำลังจะหันไปชี้ที่โต๊ะว่ามากับเพื่อน แต่ก็ต้องชะงัก เพราะเพื่อนที่ว่าดันวาร์ปมาอยู่ข้างหลัง

               

“เจ” ...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ “คนนี้ใคร”

               

เจดถามหน้าบึ้ง เราเลยแนะนำ “คนนี้เป็น...แฟนคลับ”



แปลกๆ ยังไงไม่รู้อ่ะ

               

“หวัดดีครับ”

               

“คนนี้เพื่อนร่วมวงเรา เป็นมือกีตาร์ อีกคนอยู่ตรงนู้น เป็นมือกลอง” ชี้ไปทางเตวิชญ์ที่ตอนนี้กำลังนัวเนียกับน้องพิชญ์ที่ไม่รู้ว่ากลับโต๊ะไปตั้งแต่เมื่อไหร่

               

อ้าว ไหนน้องบอกว่าวันนี้จะโสดให้เราไง

               

“เฮ้ยผมรู้จัก เด็กถาปัตย์ใช่ไหมครับ”

               

“อืม” เราคิดว่าเจดคงไม่พอใจอะไรบางอย่าง คิ้วถึงขมวดขนาดนั้น มองเราสลับกับ...แฟนคลับ



เอ้อ เราควรถามใช่ไหมว่าเขาชื่ออะไร

               

...แต่ไม่ทัน

               

“ขอตัวก่อนนะ” เจดเอื้อมมือมาคว้าข้อมือเราแล้วพาเดินฝ่าฝูงชนออกมา แถมยังเดินผ่านโต๊ะไปที่หน้าร้านโดยไม่บอกลาใครสักคน

               

“เจด จะกลับเหรอ” เราพยายามสาวเท้าตาม แต่เจดเดินเร็วมาก แถมขายาวกว่าเราตั้งเยอะ

               

ไม่เห็นใจกันเลยอ่ะ

               

“อือ กลับแล้ว” ไม่ทันไรก็โดนลากมาถึงลานจอดรถ เราเลยไม่ต้องตะโกนคุยกันแล้ว แถมไม่มีคน เลยหายใจคล่องขึ้นมาก แต่คงเพราะแสงมันต่างกันเราเลยเวียนหัวนิดหน่อย

               

“แต่...เราเพิ่งมา...” เราอยู่หน้าเวทีเพลิน เลยไม่ได้ดูเวลา อันที่จริงเราอยู่ที่นี่มาเกือบสองชั่วโมงแล้ว



“เจเมาแล้ว” เราพยายามจะดึงมือออก ส่ายหน้า



“เปล่า” แค่สองขวดนิดๆ เอง เราไม่ได้คออ่อนขนาดนั้น



“งั้นกูนี่แหละเมา” เจดพึมพำน้ำเสียงงุ่นง่าน ก่อนถอนหายใจเสียงดัง หันมาตีหน้านิ่งมองเรา

               

“เจด... อ๊ะ!” เราผวาเสียงดังเมื่ออยู่ๆ คนตัวโตก็เอื้อมมือมาหิ้วปีกเรา อุ้มขึ้นไปนั่งบนกระโปรงรถของตัวเองที่จอดอยู่ด้านหลัง

               

“เจกับพิชญ์วางแผนอะไรกัน” มือใหญ่วางแขนขนาบตัวเราไว้ โน้มตัวลงมาให้หน้าอยู่ในระดับเดียวกัน แล้วขมวดคิ้วจ้องอย่างคาดคั้น

               

“ทะ... ทำไม”

               

เจดรู้ได้ไง น้องพิชญ์บอกเหรอ?

               

“วันนี้เจแปลก ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว” เจดเหมือนอ่านใจได้ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้อีก สายตาน่ากลัวมา “พิชญ์ให้เจทำใช่ไหม”

               

โดนจับได้อีกแล้ว หมีฉลาดจัง

               

“อือ” เรากัดปากลังเลสักพักก็ยอมรับ “แต่เราอยากทำ”

               

พิชญ์ไม่ผิดหรอก น้องไม่ได้บังคับ... แค่ล่อลวงนิดหน่อย

               

“ทำอะไรบ้าง” เจดยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีก คราวนี้จมูกเฉียดกันจริงๆ แล้ว

               

“ก็...” เราอ้ำอึ้ง ลมหายใจร้อนๆ กับสายตาของเจดทำเอาพูดไม่ออกไปสักพัก “ยิ้ม”

               

“อะไรนะ” เจดขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

               

“พิชญ์บอกว่ายิ้มแล้วน่ารัก” เหมือนอวยตัวเองเลย น่าอายมาก

               

“อ๋อ งั้นที่เจยิ้มทั้งวันคือแกล้งทำเหรอ”

               

“ไม่ใช่” เราปฏิเสธเสียงดัง “เรายิ้มเพราะเจดน่ารัก”

               

จริงนะ เราไม่ได้แกล้งยิ้ม วันนี้เราทำข้อสอบได้ แถมเจดยังเลี้ยงแซลม่อนเอาใจ จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไง จริงไหม

               

“เชื่อได้เหรอ” เจดหรี่ตา

               

“เจดน่ารักจริงๆ เชื่อสิ” เรายืนยัน แวบหนึ่งเจดเหมือนจะขำ แต่ยังเก๊กดุทั้งที่มุมปากอมยิ้มอยู่

               

“อะไรอีก” ใบหน้าคมยังหน้าเข้ามาใกล้อีก จนเราได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ที่เจือมากับลมหายใจ

               

เจดอาจจะเมาจริงๆ ก็ได้ สายตาถึงเปลี่ยนไป ไม่เหมือนหมีใจดีที่เรารู้จัก... เหมือนหมีที่กำลังจะขย้ำเหยื่อยังไงยังงั้น



“หึง... ให้เจดหึง” ตอบไม่เต็มเสียง พยายามก้มหน้าหนีแต่เจดไม่ยอมให้ทำแบบนั้น จรดหน้าผากลงมาดันหน้าผาก ปลายจมูกแตะกันลมหายใจร้อนๆ รดริมฝีปาก



เรายกมือขึ้นมาดันไหล่เจดไว้ ไม่ให้ใกล้ไปมากกว่านี้ แค่นี้หน้าเราก็ร้อนจะแย่ แถมสมองยังเบลอๆ จนรู้สึกว่าชักจะพูดไม่รู้เรื่องแล้ว

               

ไม่ใช่หึงสักหน่อย หวงต่างหาก หึงนั่นเอาไว้ใช่กับคนเป็นแฟนหรือเปล่า



...หรือเราเองนี่แหละที่เมา

               

“งั้นผู้ชายเมื่อกี้... เป็นแผนเหรอ” เจดจ้องตา อ่านไม่ออกว่าสายตาแบบนี้หมายความว่ายังไง รู้แต่ว่าหัวใจมันเต้นตึกตัก พานให้เสียงสั่นไปหมด

               

“ไม่ใช่” เราส่ายหัวพัลวัน “คนเมื่อกี้ไม่เกี่ยว เขาแค่...มาทักทาย”



ไม่รู้เหมือนกันว่าเจตนาคืออะไร แต่ผู้ชายคนนั้นไม่เกี่ยวกับแผนที่วางไว้

               

“แล้วให้หึงเจกับใคร”

               

เราสบตาเจด ลังเลนิดหน่อยก่อนจะตอบเสียงอ้อมแอ้ม “กับพิชญ์”

               

“หา?” เจดถึงกับหลุดหัวเราะ สีหน้าประหลาดใจมากๆ “จะหึงเจกับพิชญ์ทำไม แฟนมันก็นั่งอยู่นั่น”

               

“พิชญ์บอกว่าจะโสดให้หนึ่งวัน” เราอ้อมแอ้ม เอาเข้าจริงมันฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลย “ให้เราเมา... แล้วจะจูบ”

               

พอเราสารภาพหมดเปลือก เจดชะงัก ขมวดคิ้วบ่นพึมพำ “ไอ้พิชญ์...”

               

“แต่ยังไม่ได้เมา ยังไม่ได้จูบด้วย” ท่าทางเจดกลับมาโกรธอีกแล้ว เราเลยรีบแก้ตัว เจดหรี่ตามองเรา ถอนใจอีกรอบแล้วคาดคั้นต่อ

               

“แล้วมีอะไรอีกไหม”

               

“...” เราเงียบ ไม่รู้จะบอกดีไหม อันสุดท้ายมัน... แปลกๆ ยังไงไม่รู้

               

ตอนน้องพิชญ์บอก ยังไม่แน่ใจเลยว่าเราจะทำได้

               

 “เจ” แต่เจดคาดคั้นหนักขึ้น เราเลยยอมสารภาพ

               

“ให้จ้องตา” พูดเหมือนไม่ยาก แต่ความจริงเราแทบไม่กล้าจ้องตาเจดตรงๆ นานๆ ด้วยซ้ำ ตาหมีสวยเกินไป ยิ่งสายตาตอนนี้...

               

ให้ตาย ถ้าตึงตังกว่านี้เจดต้องได้ยินแน่ หัวใจ



“แบบนี้เหรอ” ยิ่งเราพยายามจะก้มหน้าหนี เจดก็ยิ่งต่อต้าน คราวนี้ยกมือขึ้นมาก็ช้อนคางเราเพื่อบังคับให้สบตาตรงๆ

               

“อือ... แบบนี้” เมื่อหมดทางต่อต้าน เราเลยได้แต่จ้องตาเจดนิ่ง มือที่จับไหล่หนาเผลอกำเสื้อเจดแน่น

               

“แล้วยังไงอีก” เจดกระซิบ คงเพราะเราอยู่ใกล้ขนาดนี้เลยไม่จำเป็นต้องพูดดัง



แต่เสียงแบบนี้ของเจดมัน...เซ็กซี่เกินไป

               

“มะ...ไม่รู้” อันที่จริงน้องพิชญ์บอกขั้นตอนต่อไปไว้ แต่เราจำไม่ได้ สมองคงถูกแอลกอฮอล์ทำลายกะทันหัน

               

“มองตาแล้วเห็นอะไรบ้างล่ะ” เจดเลิกคิ้ว คลอเคลียปลายจมูกกับปลายจมูกเราคล้ายหยอกเย้า สีหน้าเจ้าเล่ห์อย่างที่เคยเห็นเป็นครั้งแรก

               

“เจด... น่ากลัว” เสียงเราเบามาก สายตาเห็นเจดยกยิ้มมุมปาก หัวเราะหึในลำคอ

               

“ใช่ เจควรกลัว” ปล่อยมือจากคางแล้วดึงมือเราออกจากไหล่ตัวเองแล้วเอามาทาบแก้ม



“ใครใช้ให้มายั่วกันขนาดนี้ แทบคลั่งแล้วรู้ไหม” ยังคงจ้องตากัน ขณะที่เลื่อนฝ่ามือมาที่ริมฝีปาก กดจูบแช่ไว้แล้วหลับตาลง

               

“เจด...” ท่าทางเจดเหมือนกำลังลำบากใจมากๆ คิ้วขมวดแน่นจนเราทนมองไม่ไหว ต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาเกลี่ยนิ้วโป้งกับรอยยับย่นให้ผ่อนคลาย “ขอโทษ จะไม่ทำแล้ว”

               

เจดหัวเราะเบาๆ ลืมตามองเราอีกครั้ง แต่ดวงตายังเต็มไปด้วยความรู้สึกยุ่งยากเกินอธิบาย

               

“เจ รู้หรือเปล่าว่าทำแบบนี้แล้วจะเป็นยังไง”

               

“เจดจะทนไม่ไหว” น้องพิชญ์บอกไว้แบบนั้น ถ้าทำทั้งหมดตามที่บอก ป๊าไปไหนไม่รอดแน่ๆ



แต่เราว่าเรานี่แหละจะไม่รอด... แค่โดนเจดจ้องนิ่งๆ อยู่แบบนี้ก็เหมือนจะหายใจไม่ออกแล้ว

               

“อือ แทบจะทนไม่ไหวแล้วรู้ไหม” ยิ่งได้ยินเสียงกระซิบพร่า ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างของเจดลอดผ่านชายเสื้อเข้ามาที่แผ่นหลัง ลูบขึ้นตามไขสันหลัง เหมือนทิ้งเชื้อไฟแล่นลามไปทั้งร่าง



สัมผัสร้อนจัดเหมือนถูกเผา

               

“เจด” เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรียกชื่อเขาทำไม สมองเหมือนถูกมอมเมาด้วยลมหายใจของเจดที่รินรดลงมาซ้ำๆ เจดยิ้มจางๆ ก่อนเคลื่อนใบหน้าขึ้นกดปลายจมูกกับหน้าผาก ก่อนเคลื่อนลงมาที่ข้างแก้ม

               

“เจ...” ขณะที่ยังมึนงง เจดเหมือนรวบรวมสติกลับมาสบตาเราอีกครั้ง คราวนี้สายตาจริงจัง “ปีใหม่... ขอเวลาถึงปีใหม่นี้...”

               

“...”

               

“หลังแสดงจบ มีอะไรจะให้ รอได้ไหม” เราไม่ได้ถามว่าอะไร อาจเพราะอยู่ในภาวะไร้สติเกินกว่าจะสงสัย ได้แต่พยักหน้ารับเบาๆ

               

“อือ”

               

“ขอบคุณครับ” เจดยิ้มอย่างพอใจ กดจูบฝ่ามือเราอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นประสานนิ้วกัน



“แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น..." แต่สบายใจได้ไม่ทันไรสายตาของเจดก็กลับมาน่ากลัวอีกครั้ง... เป็นสายตาของนักล่าที่เราเคยเห็นในสารคดี "ขอทำโทษเจเรื่องคืนนี้หน่อยแล้วกัน”

               

“...!!” ไม่ต้องรอให้เราถามหรือคัดค้าน เจดลงมือให้เห็นด้วยการกระทำ

               

ริมฝีปากร้อนจัดทาบลงมาบนริมฝีปาก บดจูบรุนแรงอย่างที่ไม่เคยทำ ยิ่งไปกว่านั้น... ฝ่ามือที่ลูบไล้บนแผ่นหลังเริ่มซุกซนไต่ลงมาเบื้องล่าง ลอดผ่านขอบกางเกงเข้าไปถึงบั้นท้ายและบีบเค้นอย่างอุกอาจ

               

“อื้อ...! เจด...” พยายามทักท้วงแต่กลับกลายเป็นเปิดโอกาสให้อีกคนละลาบละล้วงหนัก ลิ้นที่สอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นรุกไล้ลึกซึ้งจนเราหมดแรงต้านทาน



กว่าเจดจะปล่อยให้พักหายใจเราก็เกือบจะหมดลมหายใจ หมีเจ้าเล่ห์แตะหน้าผากค้างไว้ยังคงสัมผัสไอร้อนจากลมหายใจ ดวงตาคมกวาดสายตามองหน้าเราแล้วยิ้มขำ



"ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ"



"..."



"แบบนี้ไม่ดีแน่" กว่าจะรู้ว่าเจดหมายความว่ายังไง ก็ถูกประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง



"อื้อ!" เราหลุดเสียงร้องในลำคอไม่เป็นศัพท์เมื่อคนตัวโตโถมตัวดันเรานอนราบกับกระโปรงรถพร้อมกับแทรกร่างเข้ามาบดเบียดระหว่างขา มือซุกซนยังทำหน้าที่ไม่หยุด เคลื่อนจากบั้นท้ายมาสู่หน้าท้องใต้เนื้อผ้า ลูบไล้ขึ้นมาจนถึงจุดอ่อนไหว



เราผวาสุดตัวคว้าลำคอแกร่งไว้ แทบหยุดหายใจตอนที่เจดปัดป่ายนิ้วลงบนยอดอกมอบความรู้สึกแปลกประหลาดแบบที่ไม่เคยมีใครทำ



"หึ" เจดหัวเราะในลำคอถูกใจปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายที่เราไม่อาจห้าม ก่อนจะหยุดแกล้งแล้วกอดเราไว้บ้า

               

เจดดึงเราขึ้นนั่งโดยที่ริมฝีปากยังไม่ผละออกจากกัน บังคับให้เกี่ยวขารอบเอวไว้ เราอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัวเพราะความรู้สึกแปลกประหลาด



เราถูกคนตัวโตขโมยอากาศหายใจซ้ำๆ อยู่ตรงนั้นหลายนาที กระทั่งมีคนอื่นมาเห็นเข้าเจดถึงได้หยุดทุกการกระทำ แต่ยังไม่วายยิ้มเยาะขณะที่อุ้มเราเข้าไปนั่งในรถอย่างกับเด็กอนุบาลเพราะสติหลุดไปกับจูบร้อนแรงและมีฤทธิ์มอมเมายิ่งกว่าเบียร์ทั้งลัง

               

นี่มัน... อันตรายมาก



"โทษแผนไอ้พิชญ์แล้วกันนะครับ" ไม่ต้องมาลูบหัวปลอบใจเลยนะหมี



จะจำไว้เลย... ต่อไปนี้เราจะไม่เชื่ออะไรพิชญ์อีกแล้ว



...เข็ดแล้วครับ

               

 



☉ -----------------------------Side Story 7 --------------------------- ☉

 

               

“กลับมายังไง”

               

“เจดมาส่งห้อง”

               

“แล้วไอ้หมีนอนไหน”

               

“กลับไปนอนหอ”

               

“แน่ใจนะว่าไม่ได้ค้าง?”

               

“แน่ใจ”

               

“แล้วไอ้กระต่ายกับโจ๊กร้อนๆ นี่มันอะไร”

               

“...”

               

“เจได...”

               

“ทำไงดีเพื่อน...”

               

“...”

               

“เราเมาอ่ะ จำไม่ได้”

               

“ไอ้เจ!”






☉ -----------------------------100% --------------------------- ☉



ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้กันนะคะ

อ่านทุกคอมเม้นต์แล้วชื่นใจมากๆ เลยค่ะ

ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยน้า

เอ็นดูป๊ากับยัยเจกันเยอะๆ นะคะ



รัก

- Martian -
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 23-07-2018 10:51:09
แงงงง เจ้ากระต่ายน่ารักเกินไปแล้ว คุณหมีจะจับปั้นๆกลืนลงท้องแล้ว แงงงงง คุณกระต่ายของเรา55555ฮือ น่ารักมากๆ
ปล.ถ้าเพื่อนนกก็มาหาเราาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 23-07-2018 11:13:37
ปีใหม่นี่ได้กระต่ายครบเลยแน่ๆ แล้วได้หัวใจป๊าด้วยแน่ๆ เลยยยยยย นุ้งเจจจจจ เอ็นดูอ่าา
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 23-07-2018 11:31:10
ตายแล้วววว ลูกสาวช้านนนนนน เจได หนูไม่ควรเชื่อพิชญ์นะลูก นั่นพิชญ์นะ พิชญ์เชียวนะคะลูกกกก ตายๆๆๆๆๆ

สรุป นี่หนูรอดไหมคะลูกเจ? อะไรคือกระต่ายกับโจ๊กร้อนๆ /น้องเพื่อนรู้แล้วบอกแม่ด้วยลูก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 23-07-2018 13:01:39
 เอ็นดูน้องเจ อันนี้คือเมาจริง หรือเมาพี่หมีเจดเนี่ยกระต่ายเจ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-07-2018 14:30:25
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-07-2018 16:30:09
แผนยั่วให้หึงของพิชญ์  ประสบความสำเร็จ
นอกจากหมีจะหึงแล้ว  ยังได้แฟนคลับเพิ่มมาอีก แต่หมีไม่ชอบนี่สิ  :laugh: :laugh: :laugh:

หมี เก่งมากกกกกกก   :katai2-1:
อดใจได้  ไม่ล่วงล้ำจนถึงที่สุด   :hao3:

หมี  เจได   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 23-07-2018 16:38:27
ยัยพิชญ์ตัวแสบร้ายนักกกกกกกกกกกก  :hao7:
นักร้องคนนั้นคือจะมาจีบน้องเจถูกมะ วงวารเจดจะอดทนได้อีกนานแค่ไหน  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Raam ที่ 23-07-2018 17:06:46
ฮืออออออออ ยัยน้องเจน่ารักเว่ออ เจดมันร้ายค่ะหนูเจต้องระวัง :katai4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 23-07-2018 17:27:03
กรี้ดดดดดดด นุ้งเจรูกแม่  :ling1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 23-07-2018 17:42:36
โหยย หมีเบากับเจหน่อย เดี๋ยวเจช้ำเด้อออ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Daryneisfine ที่ 23-07-2018 22:21:39
โอ้ยยยยย น่ารัก หมีแต่คำว่าน่ารักกกก
 
น้องเจคืออ๊องสุดๆ แต่น่ารักมาก ชอบความพูดตรงอะ
 
เป็นคนไม่ค่อยพูด แต่ถ้าพูดก็พูดแบบที่คิดนั่นแหละ
 
คือ มันจะไม่น่ารักได้ไงอะ พาซื่อมากกกกก พูดแล้วคนฟังจะบ้าตายอะ
 
นว้องงงงงงง คือ หนูจะน่าฟัดเกินไปแล้วววว สงสารหมีหน่อยยย
 
ละพิหมีคือดีมากกกกก พี่เพื่อนอีกคน แย่งซีนเก่ง
 
เป็นพ่อกระต่ายที่ชีวิตนี้เราคงอยากมีคนแบบนี้ซักคนอยู่กับเราอะ
 
เนี่ย เลยได้เป็นเพื่อนสมชื่อ อะ สงสารไปอีก
 
หมีเลิกกินปลาแล้วววววว หมีจากิงกาตุ่ยยยยยยยยยยยจ้าาา
 
แผ่นจะหวัยก็หวัยปัยยยย เพราะ พี่มั่ยหวัยยยยยยยเล่ยยยย
 
อยากจะจับน้องฟัดๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 23-07-2018 22:45:47
ยัยหนูเจคิดจะยั่วเค้า กันถูกพี่หมีล่อลวงกลับจ้า คิคิ

ส่วนคนๆนั้นจะมาเป็นมือที่สามมั้ยเนี่ยยย ไม่น้าาา

หมีต้องคู่กับกระต่าย จำ!!
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Emmaline ที่ 24-07-2018 02:14:29
กรี้ดดด น้องโดนจูบแล้ว กระต่ายโดนขยำก้นน้อยๆแล้ว  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-07-2018 07:50:57
น้องกระต่ายทำไมทำตัวน่าฟัดอย่างนี้คะ แล้วหมีจะอดใจไหวได้ยังงัย.
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 24-07-2018 13:40:51
เริ่มกลัวคุณหมีแล้วนะ กระต่ายโดนล่อลวงขนาดนี้เริ่มหวงแทนเพื่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 7 : ยั่วหมี (23.07.2561) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 24-07-2018 20:15:45
เอ็นดูน้องเจจจจจจจจจ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 25-07-2018 07:01:32
ข้อที่ 8

หมีครอบครัว (100 %)

 

               

อีกสามอาทิตย์จะถึงปีใหม่

               

เรากาปฏิทินนับถอยหลัง เดาสิ่งที่เจดจะให้ ก่อนนึกถึงกระต่ายในขวดโหลที่ตั้งไว้ข้างหัวเตียง



หรือเจดตั้งใจจะให้เราทีเดียวห้าแต้ม?

               

ยิ่งคิดยิ่งรอแทบไม่ไหว เราอยากได้ทั้งหมดไวๆ จะได้เป็นแฟนเจด...

               

ถึงจะยังไม่ได้วางแผนไว้ก็เถอะว่าหลังเป็นแฟนแล้วจะทำอะไร

               

จุ๊บ~

               

“เหม่อ” เราสะดุ้งน้อยๆ หันไปทำตาโตใส่คนที่ลอบจุ๊บหัวกัน ยกมือลูบตรงตำแหน่งที่ถูกฉกเก้อๆ มองเจดหัวเราะที่ทำเราหลุดจากภวังค์ได้

               

ตั้งแต่คืนนั้น เจดก็เหมือนเปลี่ยนไป... นิดหน่อย... ที่จริงไม่หน่อย บางอย่างก็เปลี่ยนเยอะจนเราตกใจ



จากที่เคยแค่หยิกแก้ม ลูบหัวบ้าง เดี๋ยวนี้ปากกับจมูกหมีซนมาก ชอบขโมยหอมแก้ม จุ๊บหน้าผาก บางครั้งก็ปาก



ไม่นับลิ้นได้ไหม... มันน่าอายอ่ะ



เจดบอกว่าพอตบะแตกครั้งหนึ่ง ก็อ่อนไหวง่ายขึ้น ให้นึกภาพว่ายันต์สะกดถูกดึงทิ้งไป ผีร้ายในจิตใจก็เลยออกมาเพ่นพ่าน



เจดไม่ใช่ผีร้าย หมีร้ายต่างหาก ชอบสูบพลัง ทำเราใจสั่น



“เจ จริงไหมที่เวลาขอโทษกระต่ายจะเอาหัวอิงกัน”



หืม? อยู่ๆ ก็พูดอะไรเนี่ย



แถมยังเอาหน้าผากมาแตะหน้าผากเราเป็นตัวอย่าง “แบบนี้”

               

เรากะพริบตางงๆ เดาไม่ถูกว่าเจดคิดอะไร ยิ่งดวงตาคมจ้องลึกมาในดวงตาเราด้วยสายตายิบยับยิ่งทำสมองโล่งจนคิดอะไรไม่ทัน

               

“ใครบอก” เราไม่เห็นเคยได้ยิน

               

“ปีเตอร์แรบบิท” เจดตอบยิ้มๆ

               

นั่นมัน ชื่อหนังใช่ไหม? โธ่เจด เอากระต่ายจริงไปเทียบกับหนังได้ไง

               

“ขอโทษเรื่องจุ๊บเมื่อกี้เหรอ” เราตกใจ แต่ไม่ได้โกรธสักหน่อย เจดไม่ต้องขอโทษก็ได้

               

“เปล่า” ยิ้มมุมปาก ดวงตาฉายแววหมีร้าย “จุ๊บนี้ต่างหาก”

               

“...!” ไม่ทันตั้งตัวเจดก็จูบลงมาบนริมฝีปากเบาๆ ผละออกมองหน้าเราที่เบิกตาค้าง แล้วจูบซ้ำ นานขึ้น... ก่อนทำแบบเดิมอีก คราวนี้ลิ้นร้อนไล้ริมฝีปากล่าง ก่อนแทรกเข้ามาตามรอยแยกของฟัน เกี่ยวกระหวัดลิ้นเราอย่างหยอกเย้า



จูบซ้ำไปซ้ำมาจนเราหลุดเคลิ้ม จูบตอบอย่างไม่อาจห้าม



ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะมีความสามารถในการจูบ กระทั่งถูกหมียักษ์ชักจูงโดยไม่รู้ตัว จากจูบเบาๆ ก็ค่อยๆ รุกเร้า ล่อลวงให้เราตอบสนองจนตัวเองพอใจ

               

รู้ตัวอีกทีก็ถูกยกข้ามเบาะไปนั่งคร่อมตักคนตัวโต เบียดกันอยู่บนที่นั่งคนขับแคบๆ   

               

หมีเจ้าเล่ห์ยอมหยุดหลังจากรับรู้ว่าอุณหภูมิในรถชักจะร้อนเกินไป เจดผละจูบออก ปล่อยมือซนที่ไม่รู้ซุกเข้ามาในเสื้อตอนไหน มองเราที่หอบหายใจเหมือนคนใกล้ตายแล้วยิ้มขำ ยกนิ้วโป้งปาดน้ำลายบนริมฝีปากให้

               

“ผีร้ายนี่ซนมาก”

               

ไม่จริง หมีนั่นแหละซนมาก

               

“สงสัยต้องรีบหายันต์ใหม่มาสะกด เนอะ”

               

เราเบ้ปากตอบอย่างหมั่นไส้ หอบความอายใส่สองแก้มแล้วรีบปีนออกจากรถอย่างทุลักทุเล



“เจ ลืมกระเป๋า” ได้ยินเสียงตะโกนกลั้วหัวเราะ แต่เรายังเดินดุ่ยๆ ไม่สนใจ



หันไปตอนนี้เจดได้เห็นแน่ว่าหน้าเรากำลังจะไหม้



ถ้าใครผ่านมาเห็นจะคิดยังไง ที่เราสองคนเปิดประตูลงจากรถฝั่งเดียวกัน   

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉







วันนี้เจดมีธุระตอนเย็น ก็เลยนัดซ้อมดนตรีกันตั้งแต่เช้าเพื่อจะได้เลิกไว เราไม่ได้ถามว่าเจดจะไปไหน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว

               

ไม่คิดว่าจะมีคนรู้

               

“วันนี้วันเกิดป๋าเหรอ” น้องพิชญ์เดินงัวเงียเอาขนมมาให้พวกเราระหว่างนั่งพัก

               

หลังจากซ้อมวงด้วยกันหลายครั้งทุกคนก็เริ่มปรับตัวเข้ากัน คนเอาแต่ใจอย่างเตวิชญ์ยอมลงให้เมื่อเห็นว่าเจดกระตือรือร้นมากจนไล่ตามทัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจดพยายามมาก ดูได้จากนิ้วที่ต้องพันแผลทั้งที่ปกติคนเล่นกีตาร์นิ้วก็ด้านอยู่แล้ว แต่เจดซ้อมหนักจนได้แผลเพิ่มซ้ำ



กลายเป็นว่าเราตามหลังสุด เพราะยังมีเล่นหลุดบ้าง โดนเตวิชญ์ดุอยู่หลายครั้งกว่าจะเล่นสมูทจนจบเพลงได้



“อือ เลยต้องกลับเร็วไง”



“โห อยากไปด้วยอ่ะ แต่ไม่รู้พี่เตว่างไหม”



“พวกมึงมีอวัยวะส่วนไหนติดกันไม่ทราบ” เจดทำหน้าหมั่นไส้ แต่น้องพิชญ์ยักไหล่ ยิ้มยียวน



“ใจไง เนี่ยแค่พี่เตไปอาบน้ำแป๊บเดียวก็คิดถึงจะแย่”



“น้ำเน่าโคตร” แล้วสองคนก็หัวเราะใส่กันในบทสนทนาที่เราไม่เข้าใจ



ไปไหนอ่ะ แล้วทำไมน้องพิชญ์รู้จักป๋า... ป๋าคือใคร



“ไปไหมล่ะ ป๋าก็บ่นคิดถึงมึงอยู่” เจดถามย้ำเมื่อเห็นเตวิชญ์เดินออกมาจากห้องในสภาพกางเกงวอร์มตัวเดียวมีหยดน้ำเกาะบนตัวที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ



เราชะงักเมื่อเห็นรอยแผลเป็นใหญ่ที่ผ่าเป็นทางยาวจากแผงอกจนถึงสะดือ



“พี่เตเคยมอเตอร์ไซค์คว่ำน่ะ” น้องพิชญ์เอียงหน้ามากระซิบบอก เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเรา



ส่วนเจดเอื้อมมือมาปิดตาเราไว้



“โป๊ ห้ามมอง”



“ทีผมไม่ให้ถอดเสื้อออกจากห้องนะเตวิชญ์” ได้ยินเสียงน้องบ่นไกลออกไป แต่มองไม่เห็น กว่าเจดจะยอมเปิดตาออกก็ตอนที่เตวิชญ์สวมเสื้อเรียบร้อย เดินมานั่งโซฟาโดยมีคนน้องนั่งบนตัก



“พี่เต ป๊าชวนไปกินเลี้ยงวันเกิดพ่อที่บ้าน” บทสนทนากลับมาต่อเรื่องที่ค้างคาไว้



เราหันไปมองเจด ปะติดปะต่อในใจ เจดจะกลับบ้าน แล้วป๋า ก็หมายถึงพ่อเจดใช่ไหม



“พรุ่งนี้ปูนนัดหมอ”



“เออจริงด้วย” น้องพิชญ์เบิกตากว้าง มองเปียกปูนที่นอนหมอบอยู่ใกล้ๆ เท้า “แผลใกล้หายแล้วนี่นา”



เปียกปูนคือลูกหมาที่น้องพิชญ์ซื้อมาเพราะสงสารเจ้าตัวเล็กที่บาดเจ็บเพราะถูกหมาใหญ่กัด



“โห เสียดายอ่ะ ไม่เจอป๋านานแล้ว เฮียเจคด้วย”



เจค... ใครอีกอ่ะ



“ไม่เจออ่ะดีแล้ว ขี้เกียจฟังมันเพ้อถึงมึง”



เรามองเตวิชญ์ที่เริ่มขมวดคิ้วสงสัยในบทสนทนา คนอายุน้อยกว่าจึงหันไปเกลี่ยคิ้มมุ่นเบาๆ อธิบาย



“เฮียเจคพี่ชายป๊า”



เราอ๋อในใจ



ทำไมน้องพิชญ์เหมือนรู้จักครอบครัวเจดดีล่ะ...



อยู่ๆ ก็รู้สึกอิจฉา



“งั้นไปไม่ได้แล้วอ่ะ ฝากสวัสดีป๋ากับแม่ แล้วก็ฝากแฮปปี้เบิร์ดเดย์ด้วยนะ”



“เราไปสูบบุหรี่แป๊บนึง” เราบอกเบาๆ ทั้งที่คิดว่าคงไม่มีใครสนใจ ลุกขึ้นเคาะบุหรี่จากซองข้างตัวพร้อมไฟแช็คออกจากวงสนทนาออกไปยังระเบียงกว้าง



ชั้นบนสุดของคอนโดหรูมีสวนที่ช่วยให้รับลมได้ในบรรยากาศดีๆ จุดบุหรี่สูบไม่ทันไรก็ได้ยินฝีเท้าคนเดินตามหลังมา



“เจ เป็นไร” 



เราหันมองเจด ไม่รู้จะบอกยังไง เพราะเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองงุ่นง่านเรื่องอะไรเหมือนกัน



แต่เจดไม่คาดคั้น ยังรอ ยิ้มขำ เอื้อมมือมาดึงบุหรี่จากปากเราไปสูบบ้างเพราะไม่ได้หยิบของตัวเองออกมาด้วย เป็นฝ่ายชวนเราคุยเสียเอง



“ว่าจะถามหลายครั้งแล้วว่าพี่เพื่อนไม่ว่าเหรอเรื่องสูบบุหรี่”



“ไม่ว่า” ...แต่จะบ่นเรื่องโทษของบุหรี่ให้ฟังถ้าเราสูบให้เห็นต่อหน้า



เจดทำท่าประหลาดใจ ก่อนหัวเราะน้อยๆ แล้วอัดควันเข้าปอดอีกครั้ง เราต่างคนต่างเงียบไปสักพัก เรามองเจดพ่นควันอ้อยอิ่ง เจดเองก็สบตาเรา ขมวดคิ้ว



“เจ อยากลูบเคราไหม”

               

เราเลิกคิ้วงงๆ “ทำไม”

               

เจดเกาคางเก้อๆ เหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไง “ไม่รู้อ่ะ เหมือนเจอารมณ์ไม่ดี แต่คิดไม่ออกว่าทำไม แล้วเวลาคิดไม่ออก ลูบเคราแล้วช่วยได้”

               

เรายิ่งงงไปกันใหญ่ เวลาเจดคิดอะไรไม่ออกแล้วชอบลูบเครา แต่ถ้าให้เราลูบแล้วเจดจะคิดออกไหม

               

ไม่เข้าใจมากๆ จนเราหลุดยิ้ม ลืมไปแล้วว่าขุ่นใจเรื่องอะไร ยื่นมือออกไปแตะหน้าเจด ไล้ตามรูปเคราที่ขึ้นรอบริมฝีปากเบาๆ

               

เราชอบทำแบบนี้ แล้วคิดถึงสัมผัสตอนที่จูบกัน... อย่าไปบอกเจดนะ

               

“ยิ้มแล้ว” ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเผลอยิ้มกว้างจนเจดยื่นนิ้วมาจิ้มแก้ม ท่าทางดีใจที่วิธีแปลกๆ ของตัวเองทำเราอารมณ์ดีได้



“แต่ก็คิดไม่ออกอยู่ดีอ่ะว่าเจงอนเรื่องไร”

               

เราหัวเราะ เจดจะคิดออกได้ไง เรื่องมันไร้สาระจนเรายังตกใจที่ตัวเองเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยได้

               

“งานวันเกิดป๋าเจด” แต่ถ้าเจดอยากรู้เราจะเฉลยให้

               

“หือ?”

               

“เราไปด้วยได้ไหม”

               

เราอยากรู้จักครอบครัวเจดเหมือนน้องพิชญ์บ้าง แค่นั้นเอง

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

               

“แน่ใจเหรอ” แต่เจดดูลังเลใจ สายตาดูสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ จนเราสัมผัสได้ “ไม่กลับหอแน่นะ”

               

“เจดลำบากใจเหรอ” เราถามอย่างรู้สึกผิด... คงขอมากไป

               

“เปล่า... แต่แบบ...” อยู่ๆ เจดก็ถอนใจ แล้วเงยหน้าสบตาเรา จริงจังมากๆ “อย่าเพิ่งเลิกชอบกันนะ”

               

“...”

               

“สัญญาก่อน” เรางง เจดเลยยกนิ้วก้อยขึ้นมา

               

“สัญญาครับ” เราพยักหน้า เกี่ยวก้อยสัญญาทั้งที่ไม่เข้าใจว่าทำไม

               

แต่น่ารักอย่างเจด จะเลิกชอบได้ง่ายๆ ได้ไง

 

               



เรารู้แล้วว่าทำไมเจดถึงทำท่าแบบนั้น

               

ถ้าไม่นับการไปร้านเหล้าครั้งก่อน ก็นานมากแล้วที่เราจะพาตัวเองไปอยู่ความวุ่นวาย... ถึงขั้นวุ่นวายมากๆ

               

“เฮ้ยอันนี้ยังไม่สุก!”



“น้ำแข็งหมดใครไปเอามาดิ๊” หน้าเตาย่างเนื้อขนาดใหญ่มีผู้ชายบึกบึนสี่ห้าคนยืนมุงอยู่อย่างหิวกระหาย บางส่วนตั้งวงดื่มแอลกอฮอล์อยู่บนโต๊ะหินอ่อนในสวนกว้าง



ต้นไม้รอบๆ ถูกประดับไฟวิบวับสร้างบรรยากาศ คำอวยพรวันเกิดคุณป๋าถูกฉายไว้บนหน้าจอโปรเจ็กเตอร์กลางสนามหญ้า



“บ้านเจดเป็นค่ายมวยเหรอ” เราถามสิ่งที่สงสัยตั้งแต่ขับรถผ่านรั้วบ้านแล้วเห็นป้ายขนาดใหญ่ แต่เพราะมืดเราเลยเห็นไม่ถนัด มาแน่ใจก็ตอนที่เจดพาเดินออกจากลานจอดรถผ่านยิมที่ตรงกลางเป็นเวทีมวย และอุปกรณ์เกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เหมือนที่เห็นในหนัง

               

“อือ คนเลยเยอะ วุ่นวายหน่อยนะ”



เจดจับมือเราเดินผ่าสนามหญ้าเข้าไป ตอบรับทุกคนที่เอ่ยทักทาย พลางหันมาพูดกับเราเหมือนช่วยไม่ให้ประหม่าจากการถูกคนจับตามอง

               

“ตอนไอ้พิชญ์มาครั้งแรกนี่ตื่นเต้นกันทั้งค่าย นานๆ ทีจะมีเด็กๆ หน้าตาดีมาสมัครเมมเบอร์ ป๋ากับเฮียเจคเกือบดันเป็นพรีเซ็นเตอร์ค่ายแล้ว แต่เด็กถาปัตย์มันว่างที่ไหน ไกลด้วย ไอ้พิชญ์ลากสังขารมาเล่นได้ไม่กี่อาทิตย์ก็ถอดใจ” ว่าพลางหัวเราะเอือมๆ

               

เราเงียบ พอได้ยินแบบนี้ยิ่งรู้ว่าตัวเองงี่เง่า...



นี่เองเหตุผลที่พิชญ์เคยมาบ้านเจด แถมยังสนิทกับคนในบ้าน

               

“ไอ้เจด!” เราสะดุ้งที่อยู่ๆ ก็มีคนตะโกนเรียกเจดเสียงดัง เจดหัวเราะ กระชับมือเราเบาๆ แล้วพาไปที่โต๊ะด้านหน้าโปรเจ็กเตอร์ที่มีชายหญิงสูงวัยนั่งกับผู้ชายอีกคนที่น่าจะอายุมากกว่าพวกเราไม่มาก



มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคุณพ่อกับคุณแม่และพี่ชายเจด พอรู้แบบนั้นหัวใจก็ตึกตักด้วยความตื่นเต้น



“มึงช้า กับข้าวจะหมดแล้วเนี่ย” 



“ก็รถมันติด” เจดหัวเราะกับคำแซวของพี่ชาย แล้วหันมาแนะนำทุกคนให้เรารู้จัก “เจ นี่ป๋า แม่ แล้วก็เฮียเจค ทุกคนครับนี่เจได”



เรายกมือไหว้คุณป๋ากับคุณแม่เจดที่ยิ้มรับ แต่พอหันมาสวัสดีพี่ชายเจด คนที่ถูกเรียกว่าเฮียเจคก็เลิกคิ้วทำท่าประหลาดใจ

               

“อ้าว ไม่ใช่น้องพิชญ์นี่ ตอนที่มึงบอกว่าจะพาแฟนมากูคิดว่าเป็นน้อง...”

               

“เฮ้ย ไอ้เฮีย ปากหมาแล้ว” เจดรีบโวยวาย ยกมือปิดหูเราสองข้าง “อย่าไปฟังๆ”

               

ไม่แน่ใจว่าเจดไม่อยากให้ได้ยินอะไร ระหว่างเรื่องที่เฮียประหลาดใจที่เราไม่ใช่น้องพิชญ์ ...หรือเรื่องที่เจดบอกว่าจะพาแฟนมา



พี่ชายเจดหัวเราะอย่างถูกใจที่แกล้งน้องได้ ก่อนที่คุณแม่เจดจะตีแขนเฮียเจคแล้วเรียกพวกเราไปนั่ง



“เลิกแซวน้องได้แล้ว เจด น้องเจไดมานั่งนี่ลูก”



เจดจับมือเราไปนั่งตาม คุณแม่ชักชวนให้กินอาหารที่วางไว้เต็มโต๊ะ ก่อนจะเรียกให้เด็กเอาหมูย่างมาเสิร์ฟให้



“พวกเฮียๆ ให้มาถามว่าคนนี้แฟนเฮียเจดเหรอ” เด็กที่เอาอาหารมาเสิร์ฟเอ่ยท่าทางอยากแซวเต็มที่



“เสือกกันจัง” เจดพึมพำ หันไปมองคนอื่นๆ ที่อยู่ๆ ก็พร้อมใจกันเงียบอย่างมีพิรุธแล้วยิ้มขำ กวักมือให้เด็กเอียงหน้าเข้าหาแล้วกระซิบอะไรบางอย่าง



ไม่ทันไรเด็กคนเดิมก็เอาไปกระซิบต่อๆ กันแล้วทุกคนก็กลับมาส่งเสียงเฮฮาอีกรอบ เราหันไปมองหน้าเจด ส่งสายตาสงสัยว่าเจดกระซิบอะไรทุกคนถึงได้ท่าทางชอบใจแบบนั้น เจดยักไหล่ หันมากระซิบบอกเราบ้าง



"บอกว่าเป็นกระต่ายที่เลี้ยงไว้"



"หา..." กระต่ายอะไรเล่า!



เราจะเถียง แต่ไม่ทัน เจดหันไปคุยกับพ่อที่มองมาทางเราท่าทางเหมือนอยากชวนคุยบ้าง



“ป๋าเป็นไงบ้าง สบายดีไหม” เจดเป็นฝ่ายถาม



“สบายดีฟิตปั๋ง” คุณพ่อเจดยักคิ้วตอบข้างหนึ่ง แต่ไม่ทันขาดคำเฮียเจคที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ขัด



“ปั๋งกะผี เมื่อวันก่อเพิ่งซ่าเป็นคู่ซ้อมให้เด็กใหม่ โดนเตะคว่ำต้องหามส่งโรงบาลวุ่นวายทั้งค่าย”



“แค่เอวเคล็ด ไอ้เจคกับแม่แหละเล่นใหญ่” คุณป๋าแย้ง



“ก็ป๋านะร้องลั่นทั้งค่าย แม่ตกใจคิดว่าซี่โครงหักไปแล้วด้วยซ้ำ” ผู้หญิงคนเดียวในค่ายแกล้งกระซิบกับลูกชาย เจดหัวเราะ หันไปโอ๋คนที่ไม่มีใครเข้าข้าง



“แต่ป๋าจะห้าสิบแล้วยังฟิตขนาดนี้ได้ก็เก่งแล้ว ดูดิไม่มีตีนกาสักเส้น”



“ไงล่ะลูกป๋ากลับมาแล้ว” คุณป๋ายักคิ้วเหนือกว่าแล้วเอื้อมมือมาโอบไหล่ลูกคนเล็กที่ตัวโตกว่าอย่างพอใจ ทุกคนในโต๊ะหัวเราะ พลอยให้เรายิ้มตามด้วย



ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเจดถึงมีแต่พลังบวกเต็มตัว เพราะมีครอบครัวน่ารักแบบนี้เอง



“แล้วน้องเจไดนี่เรียนถาปัตย์เหมือนกันหรือเปล่าลูก” คราวนี้คุณแม่หันมาถามเราบ้าง



“เปล่าครับ” เราส่ายหน้า ตอบเสียงเบากว่าที่คิดเพราะไม่ทันตั้งตัว



“เจเรียนเภสัชอ่ะแม่” เจดอธิบายให้ฟัง แม่เจดทำท่าตื่นเต้น



“อ้อ ที่จ่ายยาใช่ไหม” เราพยักหน้า “ดีแล้วล่ะลูก อย่าไปเรียนเลยถาปัตย์ฯ งานหนัก แม่เห็นเจดอดหลับอดนอนตลอด แถมไม่ค่อยกลับบ้าน”



“ไอ้เจดมันไม่กลับเองมากกว่ามั้ง” เฮียเจคเถียง ยิ้มกรุ้มกริ่มมองเจด “เห็นชัดๆ ว่าติดเด็ก”



“หุบปากเลยเฮีย” เจดถองศอกใส่พี่ชาย แล้วพูดแทนเราที่ได้แต่นั่งฟังเพราะพูดไม่ทัน “ก็เหนื่อยเหมือนกันทุกคณะแหละครับแม่ เจก็อ่านหนังสือหนัก มีแล็บด้วย เหนื่อยคนละแบบ เนอะ” หันมาถามความเห็น เราเลยยิ้มตอบพยักหน้าอีกครั้ง



"ครับ"



เจดน่ารักอีกแล้ว



“ที่บ้านทำร้านยาเหรอถึงเรียนเภสัช” คราวนี้เป็นคุณป๋าที่เอ่ยถาม ท่าทางไม่จริงจัง เหมือนชวนคุยเพื่อทำความรู้จักมากกว่า



“เปล่าครับ” เราส่ายหน้า “ที่บ้านทำโรงพยาบาล”



แต่อยู่ๆ ทุกคนก็ชะงัก ทำหน้างงๆ กับคำตอบเรา



“หมายถึงพ่อแม่เป็นหมอเหรอ?” เฮียเจคเป็นคนถาม



เราชะงัก จะส่ายหน้าตอบก็ไม่ได้จะตอบว่าใช่ก็ไม่เชิง คิดคำพูดอยู่นานก่อนจะอธิบาย



“แม่เป็นหมอครับ แต่ปะป๊าเป็นเจ้าของโรงพยาบาล”



ไม่รู้ว่าเราพูดอะไรผิดหรือเปล่า คนในบ้านเจดเลยเงียบไปสักพัก มองหน้ากันไปมาเหมือนสับสนบางอย่าง ก่อนเฮียเจคจะหัวเราะ ถองศอกใส่เจด



“กูว่าน้องพิชญ์รวยแล้วนะ นี่มึงเล่นลูกเจ้าของโรงบาลเลยเหรอวะ”



“อืม ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน” เจดมองหน้าเราแล้วแกล้งหรี่ตามองเหมือนจะบอกว่าทำไมไม่เคยบอก



...ก็เจดไม่เคยถาม



“ไอ้เจดมึงตกถังข้าวสารแล้ว”



“นั่นดิ แบบนี้คงต้องจับให้มั่น” เจดหัวเราะ เอ่ยไม่จริงจัง แกล้งกระชับมือที่จับมือเราไว้ใต้โต๊ะแรงๆ ทีหนึ่งตามคำที่บอกว่าจะจับให้มั่น







(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 25-07-2018 07:02:30
(ต่อ)






พอถึงเที่ยงคืนเด็กๆ ก็เอาเค้กออกมาเซอร์ไพรซ์ป๋า... โดนป๋าบ่นว่าไม่เห็นจะเซอร์ไพรซ์ตรงไหน ในเมื่อเฮียเจคซื้อเค้กมาใส่ตู้เย็นไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า



บรรยากาศคึกคักกว่าตอนหัวค่ำเมื่อทุกคนเริ่มแย่งไมค์ร้องคาราโอเกะกัน ท่าทางจะสนุกกันอีกยาว เจดเลยขอตัวพาเรามาอาบน้ำนอนก่อนเพราะวันนี้ตื่นแต่เช้า ซ้อมดนตรีทั้งวัน แถมยังต้องเดินทางฝ่ารถติดมาไกล



“ใส่ได้ไหม” เจดยื่นชุดที่ต้องเปลี่ยนมาให้ เป็นเสื้อยืดตัวโตกับกางเกงมวยที่เจดบอกว่าเคยใส่นอนตอนเด็กๆ



“ได้ครับ” ความจริงจะไปยืมชุดของเด็กในค่ายที่ตัวเท่าๆ เราก็ได้ แต่เจดบอกว่าไม่อยากให้ใส่ชุดคนอื่น



เจดคงกลัวเราลำบากใจ



“งั้นก็... ตามสบายนะ” เจดอ้ำอึ้ง ยกไม้ยกมือเก้กัง ท่าทางประดักประเดิดแบบนี้มาตั้งแต่พาเราเข้ามาที่ห้องตัวเอง



ทั้งที่ห้องเจดไม่รกสักหน่อย ทุกอย่างถูกจัดไว้เป็นระบบระเบียบเพราะไม่มีคนอยู่นาน ไม่รู้ว่าเจดเขินอะไร



อีกอย่าง เราชอบมุมดนตรีที่ห้องเจดมาก มุมเล็กๆ ชิดผนังห้องด้านหนึ่งที่เต็มไปด้วยโปสเตอร์วงดนตรีโปรด ข้างโซฟามีเครื่องเล่นซีดีเก่าๆ และแผ่นซีดีกองพะเนินเท่าภูเขา กับกีตาร์ตัวเก่าของเจดที่วางไว้ข้างลำโพง



เป็นมุมเดียวที่ข้าวของวางระเกะระกะ เหมือนไม่มีใครแตะต้องนอกจากเจ้าของห้อง



“ยิ้มอะไรครับ” เจดเลิกคิ้วเมื่อเห็นเรายืนยิ้ม



เราส่ายหน้า เก็บภาพจินตนาการของตัวเองเป็นความลับ เจดตัวเล็กๆ ที่เพิ่งหัดเล่นดนตรีคงนั่งอยู่ที่โซฟาตัวนั้นทั้งวันคงน่ารักมาก



“เจ ถ้ายังยิ้มอยู่จะเขินแล้วนะ” ไม่ทันแล้ว เจดหน้าแดงแจ๋ไปถึงหู ยิ่งเราหัวเราะเจดยิ่งพยายามกลบเกลื่อน เฉไฉ



“ไม่เอาแล้ว หนีดีกว่า” แล้วเจ้าของห้องก็หอบผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าอีกชุดวิ่งหนีไปอาบน้ำที่ห้องน้ำข้างนอก



เรายังยิ้มไม่หุบมองตามแผ่นหลังกว้างจนลับตา ก้มมองเสื้อผ้าของเจดในมือแล้วยิ่งยิ้มกว้าง



ไปอาบน้ำบ้างดีกว่า






เสื้อของเจดตัวใหญ่เกินไป ขยับตัวนิดเดียวคอเสื้อก็ตกไปถึงไหล่ โชคดีที่กางเกงเป็นไซส์ตอนเด็กเลยใส่ได้ แต่แอบโล่งอย่างบอกไม่ถูกเพราะทั้งขาสั้นและกว้าง



เราอาบน้ำเสร็จเจดก็ยังไม่เข้ามา เจดอาบน้ำนานมาก เราเลยเดินดูห้องอย่างไม่รู้จะทำอะไร มุมแรกที่อยากสำรวจคือมุมดนตรีเล็กๆ ที่ดึงดูดสายตาตั้งแต่เปิดประตูเข้ามา นั่งยองๆ ลงหน้ากองแผ่นซีดีแล้วกรีดนิ้วไล่ตามชื่อวงคุ้นตา ทุกแผ่นคือวงที่เจดเคยส่งเพลงให้เราฟัง



อย่างหนึ่งที่เราชอบ คือห้องเจดหอม เป็นกลิ่นอ่อนๆ ที่ทำให้สบายใจเหมือนตัวเจด แค่ได้กลิ่นก็เผลอยิ้ม ไม่ทันรู้ตัวว่าเจ้าของกลิ่นลอบมองอยู่เงียบๆ ก่อนจะเข้าจู่โจมจากด้านหลัง



“หอมจัง” เราสะดุ้งสุดตัวตอนเจดซุกจมูกลงกับไหล่ที่กึ่งเปลือยเพราะคอเสื้อทิ้งตัวลงไป สองแขนแกร่งรัดเอวเราจากด้านหลัง



“เจด” เราอึกอัก ตกใจที่อยู่ๆ ก็ถูกกอดแน่น



เจดหัวเราะเบาๆ ลุกขึ้นเต็มความสูง ปล่อยมือออกไปควานหาอะไรสักอย่างบนชั้นข้างๆ



“อยู่ไหนวะ” เจดพึมพำกับตัวเองก่อนจะทำท่าดีใจตอนหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกล่องบนสุด “นี่ไง เจอแล้ว”



มันคือวอล์กแมน พร้อมหูฟัง



“เจอยากฟังไหม” ไม่รอให้ตอบอะไรเจดก้มหน้าเลือกแผ่นซีดีแผ่นหนึ่งขึ้นมาปัดฝุ่นพอเป็นพิธี ก่อนจูงมือเราไปนั่งบนโซฟา



“เครื่องนี้เฮียเจคให้เป็นของขวัญ งกมากเอาของเก่าตัวเองมาให้” ว่าขำๆ พลางเปิดเครื่องแล้วหยิบแผ่นใส่ เสียบหูฟังแล้วยื่นข้างหนึ่งให้เรา



กดเลื่อนเพลงที่สามในแทร็ค เปิดโวลุ่มดังสุดเพื่อกลบเสียงคาราโอเกะที่แว่วมา



"เอ๊ะ..." เราตาโตทันทีที่ดนตรีขึ้น หันไปมองหน้าเจดที่ทำไขสือมองไปทางอื่น หลุดยิ้มเมื่อรู้ว่าทำไมถึงเป็นเพลงนี้



จำได้ดีว่าเป็นเพลงที่เราเคยส่งให้เจดฟังในวันที่ได้กระต่ายตัวแรก



“I want to talk tonight Until the mornin' light...” พอถึงท่อนฮุค เจดก็ฮัมเพลงออกมาเบาๆ แล้วหันมายิ้มให้เรา



เรายิ้ม



“All your dreams are made of strawberry lemonade, And you make sure I eat today...”



อาจเพราะเราชอบท่อนนี้มาก หรืออาจเป็นเพราะเสียงเจดเพราะมาก



อาจเพราะดวงตาหวานๆ ของเจด กลิ่นสบู่หอมๆ... เพราะรอยยิ้มจางๆ



"...!!" เรายื่นหน้าเข้าไปจูบเจด



...จูบแบบที่เจดสอนเรา



บางเบาหนึ่งครั้ง ก่อนย้ำหนัก บดเบียดแนบชิด... ก่อนไล้เลียริมฝีปากอีกฝ่าย



เจดชะงักไปพักหนึ่งอย่างตกใจ แต่เมื่อตั้งสติได้ หมีตัวโตก็เป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามา จูบดูดดื่มตะกละตะกรามเหมือนไม่อาจห้ามใจอีกต่อไป



เราไม่ขัดขืน แต่ยิ่งตอบรับสัมผัสอย่างเอาใจ เหมือนโยนตัวเองลงไปในกองไฟ เจดอุ้มเราไปนั่งคร่อมตักไว้ กอดรั้งไม่ให้หงายหลังตกโซฟา



นานนับนาทีที่ได้ยินแต่เสียงเฉอะแฉะของน้ำลาย บดเบียดริมฝีปากเข้าหากันลมหายใจหอบหนักผลัดกันรุกไล่อย่างไม่มีใครยอม เจดกอดเราไว้แน่นขณะที่เราก็ยกแขนโอบรอบคอแกร่งเพื่อพยุงตัวเองไว้



"อึก!" ลมหายใจกระตุก หัวใจเหมือนจะหลุดออกจากอกตอนที่ฝ่ามือหยาบไล้ขึ้นมาตามขาอ่อนเปลือยเปล่า ก่อนแทรกเข้ามาในขอบกางเกงที่อ้ากว้าง ...ขย้ำลงบนบั้นท้ายโดยไม่มีอะไรปิดกั้น



"อือ...!" เราทักท้วง เมื่อมือใหญ่เริ่มบีบเค้นหนักๆ ทำท่าว่าจะรุกล้ำสู่ช่องทางด้านหลัง



เจดยอมหยุดก่อนค่อยๆ ผละริมฝีปากออก ดึงมือตัวเองกลับ



เจดขมวดคิ้วงุ่นง่าน สบถพึมพำ หลับตาลงครั้งหนึ่งอย่างพยายามตั้งสติ ก่อนเงยหน้าสบตาเราอีกครั้ง จรดหน้าผากลงกับหน้าผากเรา



ปีเตอร์แร็บบิทบอกว่ากระต่ายเอาหน้าผากชนอีกฝ่ายเพื่อขอโทษ



“ขอโทษ” เจดเอ่ยย้ำเพราะไม่ใช่แค่การกระทำก่อนหน้า แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างที่ดุนดันขึ้นมาผ่านเนื้อผ้าบางจนเราที่นั่งอยู่บนตักสัมผัสได้



เรากัดริมฝีปากอย่างรู้สึกอาย ใบหน้าร้อนจัด เหมือนแก้มจะระเบิดตอนที่ทำใจกล้าก้มลงมอง ก่อนแตะลงบนส่วนแข็งขึงนั้นเบาๆ



"เจ..." คนตัวโตลมหายใจกระตุก ขมวดคิ้วมองเราอย่างตกใจ



“ให้เราช่วยไหม” ถามอย่างไม่คิดรังเกียจ



เราก็เป็นผู้ชาย รู้ว่ามันทรมาน





“เจ...” เจดท่าทางอึดอัด ดวงตาสับสนปนไม่แน่ใจ



เราไม่ได้ล้อเล่น เรายังให้เจดถึงขั้นลึกซึ้งไม่ได้...  แต่ถ้าแค่สัมผัสภายนอก เราเต็มใจ



“เรา... ทำเป็น...” พยายามสบตานิ่ง ซ่อนความประหม่าเอาไว้



กัดปากตัวเองจนช้ำแล้ว ถ้าเจดลังเลอีกเราจะหนีความอายกลับบ้าน



ในที่สุดหมีตัวโตก็ยิ้มขำ ยื่นหน้ามาจุ๊บปากเราเบาๆ ก่อนลากลามไปจูบหนักๆ ที่แก้ม ใบหู ขณะที่มือหนาเลื่อนมาวางทับมือเรา



...ให้สัมผัสตัวตนร้อนจัดใต้เนื้อผ้าบางชัดๆ



หอมซอกคอเราครั้งหนึ่ง ก่อนฟันคมจะกัดหูเราเบาๆ แกล้งกระซิบเสียงพร่าหยอกเย้า



“งั้นยืมมือกระต่ายหน่อยนะครับ”

 







☉ ------------------------------Side Story 8------------------------------ ☉


 

“พี่เพื่อนรู้ต้องโดนฆ่าแน่” เจดพึมพำ ลมหายใจหอบหนักเพราะเพิ่งถึงปลายทาง





"แม่ง... นี่มันโคตรข้ามขั้น" เจดสบถกับตัวเอง พลางกัดไหล่กับต้นคอเราซ้ำๆ แขนสองข้างโอบหลังเราแน่น

             



ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เสื้อยืดที่ใส่ไม่อยู่บนตัวเราสองคนแล้ว ร่างกายที่แนบกันจึงร้อนจัด ชื้นเหงื่อ



“ขอโทษ เลอะหมดเลย” เจดเอ่ย เงยหน้าขึ้นมาแตะหน้าผากเราอีกครั้ง

               

เราไม่ได้ว่าอะไร มองหน้าท้องที่เปรอะด้วยน้ำข้นขาวสลับกับมือที่เฉอะแฉะ สบตาเจดที่ตอนนี้ยังหน้าแดงจัดด้วยแรงอารมณ์



...เราก็คงไม่ต่างกัน

               

“เดี๋ยวไปเอาทิชชู่ เฮ้ย!”

               

เจดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเราแตะลิ้นลงกับมือตัวเอง ละเลียดเลียรสเจดที่ติดอยู่บนฝ่ามือจนถึงปลายนิ้วช้าๆ ...สบดวงตาคมที่จับจ้องอยู่ตรงหน้าไม่วางตา



“เจ...” 



นึกถึงบทความเรื่องสัตว์ขนปุยที่เคยอ่าน



มันไม่ได้เขียนว่ากระต่ายเอาหัวชนกันเวลาขอโทษเหมือนในปีเตอร์แรบบิทไหม

               

แต่มันเขียนไว้ ว่ากระต่ายจะเลียเจ้าของ... เพื่อแสดงความรัก






☉ -----------------------------100 %------------------------------- ☉




ไม่รู้ว่าหมีหรือกระต่ายที่ร้ายกว่ากันเนอะ

อ่านจบแล้วอุบไว้ อย่าไปบอกเพื่อนนะ *กระซิบ



ฝาก #หมีแต่รัก เช่นเคยนะคะ

ใกล้จะจบแล้วล่ะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม และเอ็นดูยัยเจกับป๊ามาตลอดค่า ><



รัก

- Martian -
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Bluedock ที่ 25-07-2018 07:34:25
 :hao3: :hao3: เขิลเจน่ารัก คิดถึงกระต่ายปีเตอร์เลย
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 25-07-2018 07:48:40
ยัยเจจจจจจจจรูกแม่  :haun4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 25-07-2018 07:55:53
กระต่ายแอบร้ายอะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 25-07-2018 07:59:26
ตายแล้วต้องเจ หมีร้ายได้อาละวาดอีกแน่เลย 5555
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 25-07-2018 08:57:23
พึ่งรู้กระต่ายสูบบุหรี่ด้วย แอบตกใจ 5555555
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 25-07-2018 09:17:16
เจได๊ โอ้ยลูก :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 25-07-2018 09:59:36
เจได ลูกกกกกกก   :sad4:  อร๊ายยยยยย   :-[
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-07-2018 11:20:26
เจร้ายง่ะ ยั่วตาใสชัดๆๆ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-07-2018 11:56:34
ร้ายกาจ!!!!!
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-07-2018 12:32:41
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Raam ที่ 25-07-2018 14:05:09
ยัยน้องทำไมร้ายยยยยยย เจดต้องทนขนาดไหนกัน รอต่อไปๆๆ :ling1: :katai4: :z3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 25-07-2018 15:41:56
น้องเจๆๆๆๆๆๆๆ ฮือออ แม่หัวใจจะวายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 25-07-2018 18:20:14
น้อนเจไดรู้กแมมมมมมมมมมมมมมมมม่ แม่จะฟ้องเพื่อนแน่ว่าทำไรกับเจด  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-07-2018 19:34:29
เจได.......เจได......  :z1:
เจได  เปรี้ยวไปแล้วนะ  o22 o22 o22

เจด  เจได   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 25-07-2018 22:05:25
อมกกกกกกกกกกกกก กาดดนนดาดดืากสกนำนำรพขไบฟงฟงำชำยพาดทอม  :jul1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Daryneisfine ที่ 25-07-2018 23:32:03
ตตอนแรกว่าเรื่องนี้น่ารักใสๆ พอมาถึงบรรทัดท้ายๆ
ไม่ทิ้งลายเซ็นคนแต่งจริงๆเลยยยย ชอบบบบบบบบ
ความน้องเจ ฮอตปรอทแตกนี้ ชอบมว่ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 26-07-2018 00:16:44
กรีดร้องแบบเงียบๆเพราะกลัวคนข้างห้องออกมาด่า
แงงงงงงงงงงง น้องงงงงงง น้องงงงงงงงงงงง ต่ายน้อยของเราาาา กี้ดดดดดดดด ฮือ หัวใจแม่จาวายตัยแร้ว :jul1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 26-07-2018 07:56:10
กระต่ายร้ายจริงๆ ดูแบบไม่ได้ตั้งใจร้าย แต่หมีเกือบช๊อคตายเลยมั๊ยล่ะ.  :hao6:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 26-07-2018 16:49:20
งุ้ย น่ารักน่าหยิก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 26-07-2018 20:31:47
เพื่อนค้าาา มีกระต่ายใจแตกค่าาาาาาาาาาาาาาาาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 26-07-2018 22:50:36
อ๊ากกก หนูเจจจ ยัยกระต่าย! ทำไมฮอตขนาดนี้

 :katai1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 8 : หมีครอบครัว (25.07.2561) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 27-07-2018 02:06:04
โอ้ยยยยยเจไดเราจะฟ้องเพื่อนดีมั้ยนี่ :pighaun:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 28-07-2018 05:17:11
ข้อที่ 9

เพื่อนกับหมี (100%)

 

             

(เพื่อน)

               

เกิดเป็นคนขี้รำคาญ แต่พระเจ้าดันประทานคนน่ารำคาญที่สุดในโลกมาเป็นเพื่อน

               

โทษพระเจ้าไม่ได้... ควรโทษตัวเอง

               

“หวัดดี ชื่อเจไดใช่ไหม”

               

“อือ”

               

ดันเอาตัวเข้ามายุ่งกับเจ้ากระต่ายวุ่นวายนี่เอง

               

เจไดเป็นเด็กหน้าห้อง ไม่ใช่เพราะเคร่ง คงแก่เรียนอย่างใครเขาหรอก แต่เพราะชอบนั่งมองกระรอกที่อยู่บนต้นไม้ตรงหน้าต่างข้างโต๊ะอาจารย์ ถ้าถามว่าคาบที่แล้วอาจารย์สอนอะไร จะทำหน้าแบลงค์ใส่ แต่ถ้าถามว่าวันนี้กระรอกกินอะไร จะทำตาลุกวาวสาธยายผลไม้ที่เจ้าตัวน้อยแทะให้เห็นตลอดทั้งอาทิตย์



ภายนอกดูเป็นคนนิ่งๆ เข้าถึงยาก... แค่ภายนอกน่ะนะ



และจะเงียบมากเวลาอยู่ต่อหน้าคนไม่รู้จัก และไม่อยากคุย... เอาแต่ใจขนาดนั้นเลยแหละ



เป็นเด็กโง่คนหนึ่งที่เอาตัวรอดได้ด้วยสกิลหายหัว ทำตัวไร้ตัวตนเก่งมาก เก่งขนาดที่ไม่มีใครเอะใจว่านี่คือน้องชายแท้ๆ ของดาวโรงเรียน

               

อือ ข้อดีข้อเดียวของเจไดคือมีพี่สาวสวยมากนี่แหละ

               

ผู้ชายทั้งโรงเรียนสนใจจีน... รวมถึงผมด้วย

               

แต่จะให้ไปแข่งจีบกับคนอื่นๆ ก็ยากเกินไป คิดว่าคงต้องตัดใจ... แต่แล้วผมก็เจอทางลัด

               

สารภาพตามตรงเลยว่าตั้งใจเข้าหาเจไดเพื่อจะได้เข้าใกล้จีน แต่ยิ่งได้รู้จักกระต่ายซื่อบื้อนี่ ก็ยิ่งรู้ว่านอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังเป็นตัวภาระขนานแท้

               

“เจ มึงทำยังไงถึงได้กาหลบข้อถูกได้หมดขนาดนี้วะ”

               

“...”

               

“เฮ้อ วันเสาร์นี้เอาหนังสือมาบ้านกู”

               

เหมือนมีลูก...

               

“เพื่อน ไม่กินผักได้ไหม”

               

“แดกๆ เข้าไปเหอะ มีประโยชน์ทั้งนั้น”

               

“โห่”

               

“จะกินดีๆ หรือให้จับยัดปาก”

               

เหมือนเลี้ยงกระต่ายโง่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

               

“เจ ไม่ใช่ทางนั้น”

               

“...”

               

“มองทำไม”

               

“นี่เราจะไปไหนกันนะ”

               

“...”

               





แต่ยังไงกระต่ายก็ไม่เหมาะกับการร้องไห้

               

“พี่จีนจะร้องทำไมเนี่ย ไอ้เจเป็นคนถูกแกล้งนะ” นั่นคือประโยคแรกที่ได้คุยกับคนที่แอบชอบ เป็นการปลอบที่ห่วยมาก



แต่ช่างมันก่อน ประเด็นคือเจไดกำลังถูกบูลลี่อย่างหนัก ซุบซิบกันไปทั้งโรงเรียนว่ามันชอบผู้ชาย 

               

ไม่รู้ว่าต้นตอมาจากไหน แต่เพื่อพิสูจน์ความอยากรู้อยากเห็นบวกกับความคึกคะนองแบบเด็กๆ ไอ้เวรกลุ่มหนึ่งเลยวางแผนพนันกัน แกล้งให้เพื่อนมันมาทำทีเป็นตีสนิท เข้าหาทีละนิด แล้วพอเจไดเปิดใจให้ พวกแม่งก็เอาไปป่าวประกาศว่าเพื่อนผมเป็นพวกวิปริต

               

เจไดเป็นเกย์ ผมเองก็เพิ่งรู้พร้อมชาวบ้าน

               

แต่พวกแม่งก็ลงทุนเกินเบอร์มาก อยากรู้อะไรแค่ถามมันตรงๆ ก็ตอบแล้วป่ะ ซื่อบื้อขนาดนั้น

               

กลายเป็นว่าคนหันมาสนใจกระต่ายโง่เพราะมันชอบผู้ชายเนี่ยนะ โคตรไร้สาระ ขนาดไอ้เจมันยังงงเลยว่าเป็นประเด็นขึ้นมาได้ยังไง กระต่ายโง่แอบไปร้องไห้คนเดียวจนไม่สบาย เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงตีตัวออกห่าง แต่ไม่เข้าใจว่าชอบเพศเดียวกันประหลาดตรงไหน 

               

ก็จริง ประหลาดตรงไหน

               

“ก็พวกนั้นทำเจเสียใจ” จีนโวยวาย



ขอนอกเรื่องแป๊บ คนอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยชะมัด

               

“ขอโทษ ผมน่าจะดูแลเจได้ดีกว่านี้” ผมถอนใจ อยากปลอบแต่ไม่รู้ต้องทำยังไง ได้แต่ยกไม้ยกมือเก้ๆ กังๆ 

               

อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ ใครไม่เขินก็บ้าแล้ว

               

“ไม่เกี่ยวหรอก เพื่อนไม่ผิด ไอ้พวกนั้นต่างหากนิสัยไม่ดี ฮึก” จีนส่ายหน้ารัว สูดน้ำมูกแล้วมองหน้าผมอย่างจริงจัง



“ถ้าพี่เป็นผู้ชาย หรือตัวใหญ่กว่านี้จะเรียกมาอัดเรียงตัวแล้ว” ผมมองพี่จีนที่สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บใจ ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวเบาๆ 

               

“ไม่จำเป็นหรอก”

               

...เดี๋ยวผมอัดให้

 

               

☉ ------------------------------------------------------------ ☉





หลังจากนั้นผมกลายเป็นพวกหวาดระแวง ตั้งแง่ใส่ทุกคนที่เข้ามาหาเจได พี่จีนบอกว่าผมเป็นพ่อกระต่ายที่หวงลูกมากจนไม่ให้ใครเข้าใกล้ จากที่ตัวติดกันอยู่แล้วก็ห่างกันแค่เวลานอนกับเข้าห้องน้ำล่ะมั้ง  บวกกับที่ผมเอาเรื่องไอ้พวกที่แกล้งเจสุดชีวิตยิ่งชวนให้คนสงสัยว่าที่จริงแล้วพวกเราไม่ใช่แค่เพื่อนกัน



เออ เป็นอะไรก็ได้วะ แค่ช่วยให้ไอ้เจมันใช้ชีวิตโง่ๆ ของมันผ่านไปวันๆ ได้โดยไม่มีเหลือบไรมาตอมก็พอ



ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองทำเพื่อสร้างภาพกับสาวที่ชอบ พอพี่จีนเรียนจบก็คงพอ ปรากฏว่าพี่จีนเรียนจบก่อนหน้าพวกเราไปเกือบสองปีก็ยังเลิกไม่ได้



ไม่เป็นไร รอเรียนจบม.6 ผมก็คงหมดหน้าที่คนเลี้ยงกระต่าย



“เพื่อนจะเรียนต่อไหน”



“เภสัชม.XX” แอบใจหายนิดๆ อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงเวลาแยกย้าย



“อ๋อ ไปด้วย”



“ไปด้วยเหี้ยอะไรล่ะ ไปเรียนคณะที่ตัวเองชอบนู่น”



“ไม่มีอ่ะ”



“ดนตรีไง มึงชอบเล่นเบสไม่ใช่” เจไดเคยเล่นเบสให้ผมฟัง คนไม่สันทัดเรื่องดนตรียังดูออกว่ามันเล่นเก่งมาก แต่มันบอกว่าหาคนมาเล่นด้วยไม่ได้ จะโชว์เดี่ยวก็ประหลาด ไม่เหมือนกีตาร์ที่เล่นคนเดียวได้



“มึงจะตามกูไปได้ไง นี่อนาคตมึงนะ” พอผมพูดแบบนั้นกระต่ายก็ทำหน้างอ จนผมเหนื่อยใจ “แล้วพ่อกับแม่อยากให้เรียนอะไร”



“แม่บอกว่าเราจะเรียนอะไรก็ได้”



“...”



“ลองเรียนก่อนแล้วกัน เดี๋ยวก็รู้ว่าชอบไหม”



พูดง่าย...



“คิดว่ามันสอบเข้าง่ายๆ หรือไง มึงโง่จะตาย” ผมเบ้หน้าเอือมระอา จริงอยู่ว่าตั้งแต่รู้จักกันการเรียนของเจไดก็ก้าวหน้าขึ้นมาก ถึงขั้นก้าวกระโดดมาอยู่อันดับต้นๆ ของระดับชั้น พ่อกับแม่มันเลยปลื้มผมยกใหญ่ ได้คะแนนจากจีนมานิดหนึ่งด้วยที่ช่วยให้น้องไม่ต้องซ้ำชั้น



อันที่จริงเจมันไม่ได้โง่หรอก แต่ขาดแรงจูงใจ ทั้งระบบและอาจารย์ไม่เอื้อให้เด็กมีความกระตือรือร้นที่อยากจะเรียน



พอผมสอนให้มันรู้ว่าเรียนแล้วได้อะไร สร้างเป้าหมายชัดๆ เจมันก็ทำได้



...ผิดตรงเป้าหมายที่มันตั้งไว้นี่แหละ



‘ถ้ามึงโง่ก็ต้องย้ายห้อง จะไม่ได้นั่งข้างกูแล้วนะ’



เพราะไม่อยากย้ายโต๊ะเจไดเลยหันมาพยายาม ตั้งใจอ่านหนังสือจนไล่ตามผมทันจนได้



ตอนนี้ผมเริ่มกลัวว่ามันจะวางเป้าหมายเพี้ยนๆ อีก



“ไปด้วย ขี้เกียจหาเพื่อนใหม่” นั่นไง...



มันใช่เหตุผลเหรอวะ ไอ้กระต่าย!



“ไม่ต้องห่วง เราทำได้”





☉ ------------------------------------------------------------ ☉







แล้วเจไดก็ทำได้จริงๆ



“เพื่อน เราจะซิ่ว” แม้จะได้ยินคำนี้ตั้งแต่เข้าเรียนปีแรก



“เออ ซิ่วดิ” ผมก็คิดแล้วว่าเภสัชไม่เหมาะกับมันหรอก สมองเด๋อๆ จะไปจำชื่อ ประเภท หรือวิธีใช้ยายากๆ ได้ยังไง



“เพื่อนรั้งไว้หน่อยดิ”



“...”



“งั้นไม่ซิ่วแล้ว”



เวลาผ่านไปจนปีสองปีสามผมก็ยังได้ยินคำเดิมๆ จนชิน



“เพื่อนนน อ่านไม่ไหวแล้ว จะซิ่ว”



“จะซิ่วไปไหน”



“คิดไม่ออก”



“...”



“เพื่อนไม่เหนื่อยเหรอ”



“เหนื่อย แต่เรียนคณะไหนมันก็เหนื่อยทั้งนั้น ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าเรียนเหรอ”



“งั้นเราไม่เรียนแล้ว”



“...”



“ปะป๊าบอกว่าไม่เรียนก็มีตังค์ใช้แหละ”



ลูกคนรวยนี่น่ารำคาญจริงโว้ย





“กระต่ายโง่กูไม่คบ”



“โห่”



“อ่านไป”



“ครับ”

               





ถึงบ่นเหนื่อยบ่นท้อ เจได้มันก็อยู่รอดมากับผมจนถึงปีสี่จนได้



สี่ปีในมหาลัยเป็นอะไรที่ไวมาก สังคมของการข้ามเป็นผู้ใหญ่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเราโดยไม่รู้ตัว

               

ตอนนี้เจได้ที่ผมรู้จักโตขึ้นมาก เมื่อก่อนผมกับมันตัวติดกันตลอด อีกนิดหนึ่งก็เป็นแฝดสยามแล้ว กระต่ายโง่ไม่ทันคน ชอบทำให้เป็นห่วง ให้ผมคอยดูแล แต่เดี๋ยวนี้เจมันดูแลตัวเองได้ ไม่ตามติดผมแจเพราะมันรู้ว่าผมเหนื่อยกับเรื่องเรียนมากพอแล้ว หลายครั้งผมต้องให้มันเป็นฝ่ายดูแลด้วยซ้ำ 

               

ผมดีใจนะ... แม้ลึกๆ จะรู้สึกเหงา

               

คงเหมือนพ่อแม่เวลาส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาล ใจมันโหวงๆ เมื่อเห็นลูกน้อยเดินหันหลังผ่านรั้วโรงเรียนไป

               

“เพื่อน เรามีคนที่ชอบ”



...แต่เข้าอนุบาลไม่ทันไรก็แรดสนใจผู้ชายแล้ว



“ใคร” ผมถาม สัญญาณอันตรายในหัวดังขึ้นมา



ถูกหลอกอีกหรือเปล่าวะ



อย่าหาว่าผมเวอร์เลยที่หวาดระแวง ก็ไอ้เจมันดูคนไม่เป็น อีกอย่าง ผมรับปากจีนไว้แล้วว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบในอดีตอีก ทุกวันนี้ทุกคนรอบตัวมันคือคนที่ผมสกรีนให้ทั้งนั้น คบหาได้ ไม่อันตราย 



“ชื่อเจด เป็นหมียักษ์”



“ฮะ” ผมงงตาแตก มันเลยหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูปให้ดู ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นก็คือ



หน้าเถื่อนสัด แถมตัวใหญ่ยักษ์ เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในรูปเดียวกัน



เหมือนหมีจริงๆ อ่ะ



แต่ผมไม่ควรตัดสินคนที่หน้าตา พอเจมันสาธยายคุณสมบัติให้ฟังก็รู้ว่าน่าจะเป็นคนดี... แค่น่าจะอ่ะนะ



แล้วจากที่ฟังมันเล่าไปหน้าแดงไปแบบนี้ก็รู้ว่าคงชอบจริงๆ... นั่นทำผมทึ่งยิ่งกว่า



ที่จริงแล้วเจไดเป็นคนหน้าตาน่ารัก ยิ่งเข้ามหาลัยออร่ายิ่งจับ พวกสาวๆ ชอบมาบ่นกับผมว่าอยากบีบอยากฟัด มีเพื่อนผู้ชายหลายคนปลื้มมันมากตั้งแต่มันยอมเข้าวงดนตรีคณะเภสัช หลายคนพอรู้ว่ามันชอบเพศเดียวกันก็พยายามเข้าหา แต่ที่ไม่มีแฟนสักทีไม่ใช่เพราะผมกีดกันนะ ส่วนใหญ่ถ้ารู้จักผมจะปล่อยผ่านแหละ แต่เจมันไม่เอา ไม่เห็นมีท่าทีสนใจใครกระทั่งวันนี้



“อันนั้นหมีสีน้ำตาล... หมีขั้วโลก หมีแพนด้า... มีหมีหมากับหมีควายด้วยแต่ไม่ได้หยิบมา เราว่าไม่ค่อยเหมือนเจดเท่าไหร่”



แต่ก่อนจีบ มึงต้องแยกคนกับหมีให้ออกก่อนป่ะ



“เจ...”



“อันนี้สารคดีคนกับหมี National Geographic ด้วย น่าจะช่วยได้ แล้วก็...”



ยัง ยังไม่หยุดอีก



“เจได”



“...”



“เอาเป็นว่ากูจะไปถามเพื่อนๆ ให้ว่าเค้าจีบแฟนกันยังไง ระหว่างนี้มึงจะทำอะไรต้องปรึกษากู โอเคไหม”



“...” ไม่ต้องมาทำตาแป๋วใส่เลยกระต่ายโง่เอ๊ย



“ไม่ต้องห่วง กูช่วยมึงเอง”









☉ ------------------------------------------------------------ ☉







ไม่รู้หรอกว่าต้องช่วยยังไงผมเลยเล่าให้จีนฟัง... หลังจากเจไดถูกเพื่อนแกล้งคราวนั้นผมกับจีนก็ยังติดต่อกัน ผมสารภาพไปแล้วว่าชอบ จีนแทบช็อกเพราะคิดว่าผมชอบเจได เลยเห็นว่าผมเป็นแค่น้องชาย



ผมเสียใจนะ แต่ก็ตอบไปว่าไม่เป็นไร เริ่มใหม่ได้ รู้ความจริงแล้วก็เลิกมองเป็นน้องชายซะ ให้มองผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง... ไม่ต้องรีบก็ได้ ผมไม่ได้เร่งรัดอะไร จีนสนุกกับชีวิตโสดมาก ผมรู้ เธอทำอะไรด้วยตัวเอง มีความสุขด้วยตัวเอง มีครอบครัวสมบูรณ์แบบ ได้ทำให้สิ่งที่ตัวเองรัก เป็นผมก็คงไม่มองหาความสัมพันธ์ยุ่งยากทีอาจทำให้ชีวิตเกิดปัญหาเหมือนกัน



แต่ผมรอได้ ผมชอบจีนคนเดียว มองจีนคนเดียว รอมาตั้งนานรออีกจะเป็นไร ระหว่างนี้ผมจะค่อยๆ พาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เป็นความสุขเล็กๆ ของจีนให้ได้ จนกว่าผืนดินที่ผมถมลงไปจะมั่นคง ตอนนั้นเราค่อยคบกัน 



จะว่าไป ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ดันไปรับปากจะช่วยกระต่าย





‘มึงชื่อเจดใช่ไหม กูเพื่อนเจไดนะ’





นี่ช่วยจีบหรือช่วยไล่วะ





‘ครับ ผมเห็นรูปคู่ในไอจี’





ระหว่างกำลังหาสติ๊กเกอร์ส่งเพื่อไม่ให้ประโยคดูห้วนเกินไป อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาพอดี





‘พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ’



‘เจเป็นไรหรือเปล่า?’





พอผมเงียบไอ้เจดเลยส่งข้อความต่อมา





‘เปล่า’





รู้สึกโล่งใจนิดๆ เพราะจากประโยคที่ถาม ดูท่ามันจะเป็นห่วงเพื่อนผมมาก





‘มันชอบมึง’





คราวนี้อีกฝ่ายถึงกับเงียบไปพักใหญ่ จนผมคิดได้ว่าเรื่องแบบนี้ผมไม่ควรเป็นคนพูดหรือเปล่าวะ



ปกติเคยคุยแต่กับคนที่มาชอบไอ้เจก่อนนี่ พอต้องเป็นฝ่ายเข้าไปทำความรู้จักเลยไม่รู้ต้องเริ่มยังไง





‘ผมรู้แล้วครับ’





แต่ไม่ทันคิดคำแก้ตัวไอ้เจดก็พิมพ์กลับมา





‘แล้วมึงว่าไง’





บทสนทนาเงียบไปอีกผมเลยพิมพ์ต่อ





‘จะเอายังไง’



‘ถ้าไม่ชอบก็บอกไป อย่าเล่นกับความรู้สึกมัน’





เจไดบอกว่าไอ้หมีเข้ามาชวนเข้าวง ผมจะรู้ได้ไงว่าหลังจากบอกชอบไปมันจะไม่ได้แค่รักษาน้ำใจไอ้เจไว้เพื่อผลประโยชน์เรื่องวงดนตรี



จะหาว่ามองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่ผมจำเป็นต้องจริงจัง เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนเสียใจอีก ตอนที่เจไดร้องไห้เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกทิ้งมันยังติดตา ให้มันร้องไห้เพราะฟ้าผ่าเป็นร้อยครั้งยังดีกว่าเห็นมันเสียใจเพราะถูกหักหลังอีก





‘ผมตอบตามตรงนะ’





นานทีเดียวกว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา





‘เออ กูก็ต้องการแบบนั้น’





ชักหงุดหงิดแล้วที่ไม่ได้ไปคุยต่อหน้า ผมจะได้รู้ว่าไอ้หมอนี่มันจริงใจแค่ไหน





‘ผมชอบเจนะ เจน่ารัก น่ารักมาก’



‘แต่ผมกับเจเพิ่งรู้จักกัน ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจชอบผมได้ไง’





เออ เรื่องนี้ผมก็ยังสงสัย คนที่บ้านักร้องเพลงร็อกไปวันๆ ทำไมดันมาตกหลุมรักใครสักคนได้ง่ายๆ





‘ผมไม่ได้จะดูถูกความรักเจนะ แต่ผมก็เจ็บมาเยอะ ขอยังไม่เชื่อในรักแรกพบแล้วกัน’



‘แต่ถ้าพี่บอกว่าไม่ชอบก็ออกจากชีวิตเจไป ผมคงทำไม่ได้’



‘พี่อาจจะไม่เข้าใจ แต่ผมรู้ว่ากับคนนี้ผมพัฒนาได้’



‘ผมรู้สึกดีเวลามีเจอยู่ด้วย ยังอยากอยู่ด้วยเรื่อยๆ’





หลุดหัวเราะ ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ





‘ผมยังไม่แน่ใจว่ามันใช่ความรักไหม แต่พี่ให้โอกาสผมนะ ผมจะพยายามไม่ทำให้เจเสียใจ’



‘แล้วถ้าแน่ใจว่ารักเมื่อไหร่ ผมจะมาตอบคำถามพี่ใหม่ ว่าจะเอายังไง นะครับ’





พอเห็นผมพิมพ์ไม่ทันก็เอาใหญ่เลยนะ



แล้วเป็นหมีหรือมีด รัวคำคมใส่กูซะพรุนแล้ว...



แล้วแบบนี้จะตอบอะไรได้วะ



‘เออ กูจะรอดู'





ถึงจะเป็นแค่แชท แต่ผมสัมผัสได้ตั้งแต่คุยครั้งแรกว่าไอ้หมีไม่ใช่คนเลวร้าย ยิ่งได้เจตัวจริง สายตาที่มันมองเจไดก็แสดงออกชัดเจนว่ามันเอ็นดูแค่ไหน



มันเสแสร้งไม่เก่งแน่ๆ เพราะแค่ไอ้เจยิ้มให้ ตาหมีก็เป็นประกายอย่างกับลูกหมาได้ของโปรดจากเจ้านาย แก้มแดงไปถึงหู ขี้อายอย่างกับสาวน้อยไม่เกรงใจเคราเลย



ผมคอยติดตามความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่เงียบๆ เพราะเป็นห่วง แต่ไม่ได้คิดจะกีดกัน ไม่ได้ถึงขั้นจับตามองทุกฝีก้าวหรอก ไม่ได้ว่างขนาดนั้น



แต่ต่อให้ผมไม่ถาม ไอ้หมีก็แทบจะรายงานทุกสถานการณ์ให้ผมรับรู้



‘พี่เพื่อน ผมพาเจไปกินข้าวนะครับ’



กูรู้แล้ว ไอ้เจก็บอก



‘พี่เพื่อน วันนี้มีซ้อม เจกลับดึกได้ไหม’



นี่เห็นกูเป็นพ่อกระต่ายจริงๆ หรือไง



หลังๆ ผมเลยไล่ๆ พวกมันไปไหนก็ไป ไม่ต้องรายงานทุกอย่างก็ได้



แต่พอพูดแบบนั้น เลยไม่รู้ว่าพวกมันพากันก้าวกระโดดไปถึงไหนต่อไหน



ช่วงปิดเทอมผมกลับมาอยู่บ้าน ตั้งใจจะพักให้เต็มที่ก่อนกลับไปลุยเทอมใหม่ แต่ในวันที่ผมตั้งใจจะนอนโง่ๆ จนถึงบ่าย ดันมีสายเข้ามาขัดจังหวะการนอนเสียได้



[ พี่เพื่อนผมขอโทษ ]



“อะไร” ผมขมวดคิ้ว ตื่นยังไม่ทันเต็มตา จับต้นชนปลายไม่ได้ ยิ่งงงไปกันใหญ่เมื่อได้ยินประโยคต่อมา



[ บ้านพี่อยู่ไหน ผมจะไปหา ]





☉ ------------------------------------------------------------ ☉







ผมเดินลงมาจากบ้านในสภาพชุดนอน ไอ้เจดยืนพิงกระโปรงรถสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้าน มันทำท่าจะดับตอนเห็นผม แต่ผมยกมือห้าม



“ไม่เป็นไร”



ไอ้เจก็สูบ แต่ไม่ได้ติด ผมเลยไม่ห้าม เพราะรู้ว่ามันจะเลิกได้ เหมือนที่เจไดเรียนรู้จะเติบโต เรียนรู้ที่จะก้าวไปข้างหน้าในทุกๆ อย่าง แม้แต่เรื่องความสัมพันธ์ยากๆ



“ผมพาเจไปบ้าน” อัดควันบุหรี่เงียบๆ สักพักไอ้เจดก็พูดขึ้นมา เรายืนพิงกระโปรงรถข้างกันมองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย



“กูรู้แล้ว” เจไดบอกผมในแชท และผมก็ได้แต่พูดคำเดิมไป



กระต่ายแรด ยังไม่ทันจะเป็นแฟน เสนอหน้าไปเจอครอบครัวเขาแล้ว



ไอ้เจดหัวเราะแห้งๆ ดับบุหรี่ที่สูบจนถึงก้นกรองแล้ว “พ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายผมชอบเจมาก เจน่ารัก”



“อือ” ผมอยู่กับมันมานาน ทำไมจะไม่รู้ว่ามันน่ารำคาญ... แต่ก็น่ารัก



ความใสซื่อไม่มีเงื่อนงำ ใครก็ชอบทั้งนั้น



“จริงๆ มันไวไปหน่อยที่พาไปเจอครอบครัว แต่ผมก็...ดีใจมาก” คนขี้อายยกมือเกาจมูกหน้าแดงไปถึงหู



“เรื่องแค่นี้ต้องมาขิงกูถึงบ้าน?" ผมทำหน้าหน่ายไม่จริงจัง แต่ไอ้เจดชะงัก หันมาสบตาด้วยแววตาอธิบายยาก



เหมือนรู้สึกผิด



"มึงทำอะไร" ผมเค้นให้มันสารภาพ อีหร็อบนี้มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ผมเดาได้



“ผม... ทำผิดกฎข้อห้า”



กูว่าแล้ว...



“ไอ้หมี!” ผมยืนขึ้นพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อมันอย่างลืมตัว



“ใจเย็นๆ พี่ มันยังไม่ถึงขั้นนั้น”



“ไม่ขั้นนั้นแล้วมันขั้นไหนวะ!”



“ก็...”



“ไม่ๆ มึงไม่ต้องบอก กูไม่อยากรู้แล้ว” ผมโวยวาย ปล่อยมือกลับมาปิดหูตัวเอง ส่ายหน้ารัวพลางสูดหายใจเข้าพยายามตั้งสติ



"ขอบุหรี่ตัว" ผมแบมือ



ไอ้เจดชะงัก ทำท่าประหลาดใจแต่ก็ยอมควักบุหรี่ให้



"ไม่รู้ว่าพี่สูบด้วย"



"กูเพิ่งเลิก"



ผมกับเจไดลองผิดลองถูกมาด้วยกันมาทุกเรื่องนั่นแหละ



“ขอโทษ” ไอ้เจดทำเสียงหงอยจนผมรู้สึกผิดที่โมโหเวอร์เกินไป บวกกับพอได้สูดหายใจลึกๆ ผมก็คิดได้ว่าไม่ใช่ความผิดของมัน



ไม่มีใครผิดทั้งนั้น ก็ผู้ชายทั้งคู่... อยู่ใกล้คนที่ชอบ ไม่แปลกหรอกที่จะติดไฟ



แต่ให้ตายเถอะโว้ย ความรู้สึกผมตอนนี้เหมือนพ่อที่จับได้ว่าลูกสาวใจแตกแอบหนีไปนอนกกผู้ชาย



อยากจะจับกระต่ายแรดตีให้หลังลาย



“พี่จะห้ามผมเจอเจไหม” ได้ยินคนตัวโตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนเอ่ยถาม สีหน้ามันดูกังวลจนผมหลุดขำ



“กูมีสิทธิ์ห้ามด้วยหรือไง”



“ห้ามได้แน่ เจแคร์พี่จะตาย ถ้าพี่พูดคำเดียวว่าเลิกยุ่งกับผม เจต้องยอมแน่”



ผมหัวเราะ แกล้งหรี่ตาดุพลางพ่นควัน “เห็นกูใจร้ายขนาดนั้น”



“ผมเลยถามไง”



“จะห้ามได้ไง เจมันก็ชอบมึงจะตาย” ผมถอนหายใจ ส่ายหน้าคิดถึงคำพล่ามบ่นขอเจไดที่อวยหมียักษ์ของมันสารพัด



เอะอะอะไรก็เจด น่ารักงั้นงี้ กับคนที่พูดไม่เก่งแบบเจได ผมไม่เคยเห็นมันจ้อถึงใครเยอะขนาดนั้น ไม่เคยเห็นมันพยายามเพื่อใคร ไม่เคยเห็นมันซึมเป็นกระต่ายป่วยเพราะคิดถึงใคร



อาการหนักขนาดนั้นผมจะไปห้ามอะไรได้



“แล้วมึงมานี่เพื่อจะสารภาพบาปแค่นี้ใช่ไหม” ผมถาม ชักหวั่นใจว่าจะมีเรื่องอะไรให้ตกใจอีก



“เปล่าครับ มีเรื่องอื่นอีก”



นั่นไง ลางสังหรณ์ผิดที่ไหน



“เรื่องอะไร” ผมเลิกคิ้ว อัดควันเข้าปอดอีกครั้ง



“พี่จำได้ป่ะที่ผมเคยบอกไว้ว่าถ้าแน่ใจเมื่อไหร่ผมจะให้คำตอบว่าจะเอายังไงต่อไป”



“เออ จำได้” คราวนี้มันมองหน้าผม สบตาจริงจัง



“ผมว่าผมแน่ใจแล้วว่ะ”



“...”



“มันคือความรัก”



“...”



“ผมเลยตั้งใจมาขออนุญาตพี่”



“...”



“ต่อไปนี้ ผมขอดูแลเจแทนพี่นะ”



ผมเลิกคิ้ว มองสีหน้าจริงจัง เห็นความสัจจริงไร้ข้อกังขาก็หัวเราะ โยนบุหรี่ทิ้งแล้วใช้เท้าขยี้เบาๆ



"เออ เอาไปแล้วไม่ต้องเอามาคืนนะ รำคาญ"



ผมว่า ผมเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ที่เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วครับ





☉ -----------------------------Side Story 9------------------------------- ☉





[ อือ เพื่อน โทรมาทำไมแต่เช้า ]



"จีน"



[ หือ ทำไมไม่เรียกพี่ ]



"แม่กระต่าย"



[ อะไรเนี่ย ]



"ไอ้หมีมันเป็นคนดีนะ"



[ ก็เคยบอกไปแล้ว ท่าทางเขาดูเป็นคนจริงใจ ]



"อือ เชื่อแล้ว"



[ มีอะไรหรือเปล่า ]



"เปล่า แค่จะบอกว่าเดี๋ยวเจไดจะมีคนดูแลแทนผมแล้วนะ"



[...]



"ต่อไปคงเหงาแย่ ไม่ต้องคอยเป็นห่วงน้องจีนแล้ว"



[...]



"ถ้าไม่ว่าอะไร... ต่อไป ผมขอเปลี่ยนไปเป็นห่วงจีนแทนได้ป่ะ"




☉ ---------------------------- 100 %-------------------------------- ☉



ลูกจะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วคุณพ่อจีบคุณแม่ติดหรือยังอ่ะ 5555



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ

ทุกคอมเม้นต์ทุกกำลังใจมีค่ามากๆ

เป็นแรงผลักดันให้มาถึงตรงนี้จริงๆ ค่ะ ^^

ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยน้า



รัก

-Martian-
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 28-07-2018 06:31:29
น้องเจจจจจจจ เป็นฝั่งเป็นฝาแล้วอ่าาาา เจดนี่แบบ โอ๊ยยยยยยยยยย น่าร้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 28-07-2018 07:08:27
น่ารักกกกกกกเว้ยยยยย พ่อกนะต่ายน่ารักกกกกมากกกกก ชอบแบบนี้มีเพื่อนแบบนี่รักตายยยยย
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 28-07-2018 07:58:17
พี่เพื่อนเป็นเพื่อนที่ดีมากกกกกกกกกกกกก เหมือนเป็นคุณพ่อกระต่ายจริงๆ
จากนี้พี่เพื่อนคงจะเหงาหน่อยๆนะ กระต่ายมีคนมาดูแลแทนแล้ว ลูกสาวโตแล้วววววว
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 28-07-2018 08:43:33
คุณพ่อกระต่ายไม่ต้องห่วงน้องเจแล้ว หมีเจดเลี้ยงน้องดีแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-07-2018 09:34:32
เพื่อน หมดห่วงกระต่ายแรดเพราะมีหมีมาขอดูแลแล้ว   :katai2-1:
เลยตีเนียนขอดูแลแม่กระต่ายซะเอง  :m20: :laugh:

หมีเจด  เจได   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 28-07-2018 09:46:43
คุณพ่อกระต่ายก็น่ารักลุ้นๆ :hao3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 28-07-2018 09:52:48
อกหักจากเพื่อนอีกรอบ5555
ขอบคุณมากค่ะ คุณพ่อน่ารักมาก แงงงง เราชอบเขาาาา :hao5:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 28-07-2018 09:58:38
คุณพ่อกระต่ายดูแลเจดีมากก ขอให้แม่กระต่ายยอมรับความรักเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 28-07-2018 11:02:04
การมีเพื่อนดีๆ เป็นมงคลกับชีวิตมาก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: tipppppp ที่ 28-07-2018 11:18:03
คูมแม่กระต่ายใจอ่อนไวๆน๊าาา
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 28-07-2018 15:20:10
ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกับเจไดนี่เหมือนพ่อกับลูกสาวจริงๆแหละ 55555555555

 :hao7:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Fallinlove ที่ 28-07-2018 17:06:15
เพิ่งเข้ามาอ่านค่า กระต่ายน้อยเจได น่ารักมาก ๆ 
คุณหมีเจดก็อบอุ่นเหลือเกิน ชอบความตรงไปตรงมาของคุณหมีมาก
พี่เพื่อนช่างแสนดี ชอบพี่เพื่อนมาก ตอนแรกก็ลุ้นให้พี่เพื่อนมีคู่กับเขา
สรุปพี่เพื่อนคู่พี่จีนสินะ รักเดียวใจเดียวจริง ๆ พ่อแม่กระต่ายก็เหมาะสมกัน พี่จีนใจอ่อนเร็ว ๆ

หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Daryneisfine ที่ 28-07-2018 19:44:39
จะไม่พูดถึงกระต่ายกับพิหมีนะคะ เหมงฟามรัก
 
พี่เพื่อนนนนนอ้ะ ถ้าจีบพี่จีนไม่ติดดด เรารออยู่ค่ะะะะะ
ไม่ไหวววววววแล้ว แสนดีมากเลยอยากได้เค้า
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 28-07-2018 21:32:45
โอ๊ยยยยย ชอบบบบบบ ชอบความเป็น daddy ของเพื่อนมาก / พี่หมีเจดก็น่าเอ็นดู เข้าตามตรอกออกตามช่องมาก พี่จีนช้าแบบนี้บอกเลยว่า เพื่อนต้องเป็นของเราค่ะ! Fighting!!!
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 28-07-2018 22:37:12
อยากเป็นเพื่อนกับเพื่อนเลยยยยย
แต่ชอบเพื่อนจีนมากกก น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 9 : เพื่อนกับหมี (28.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 28-07-2018 22:50:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 10 : หมีปีใหม่ (31.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 31-07-2018 01:07:36
ข้อที่ 10

หมีปีใหม่ (100%)

 
เราคิดว่าเจดกำลังโกรธเรา

               

ตั้งแต่คืนนั้น... พอเราทำเสร็จ... เจดก็มีทีท่าเปลี่ยนไป



อ้ำอึ้ง บอกให้เรานอนก่อนส่วนตัวเองออกไปสูบบุหรี่ แล้วไม่กลับมาเลยทั้งคืน



ตอนเช้าก็ไม่มีโอกาสได้คุยกัน คุณแม่บอกว่าเจดไปชกมวยที่โรงยิมกับเฮียเจคตั้งแต่เช้า บอกให้เรากินข้าวรอ แต่กว่าจะกินเสร็จเจดก็เดินเหงื่อท่วมตัวเข้ามาในบ้าน ยิ้มให้เรานิดหน่อย ก่อนหายขึ้นไปอาบน้ำ



ระหว่างกลับหอเราพยายามจะถามหลายครั้ง แต่เจดนิ่งมาก คิ้วขมวด แถมหน้าแดงแจ๋ เราเลยไม่กล้าถาม



เจดไม่ชอบเหรอ ที่เราทำ?



เจดอยากให้สัมผัสมากกว่านี้หรือเปล่า แต่ว่า เราทำได้แค่นั้น...     



เราไม่กล้าพูดสักอย่าง เพราะอาย... เรื่องแบบนี้ใครจะกล้าถาม



แต่ถ้าไม่ถาม จะรู้ได้ยังไงว่าทำไมเจดแปลกไป



“เจ เยลลี่ไหม” เราหายเหม่อเมื่อน้องพิชญ์มานั่งข้างๆ เอนตัวลงมาหนุนตักพลางยื่นซองขนมให้ “กินของหวานจะได้หายเครียด”



“เราเปล่าเครียด” เราเถียง แต่มือหยิบเยลลี่หมีออกมาเคี้ยว



หวังให้เยลลี่หนุบหนับทำให้อารมณ์ดีขึ้น



“เจเอาแต่ขมวดคิ้ว” น้องพิชญ์บอก ก่อนทำเสียงอ้อน “ป้อนๆ”



น้องอ้าปากจนเห็นเครื่องประดับแวววาวเตะตาที่ปลายลิ้น เราหยิบเยลลี่ออกมาป้อนให้ สายตายังจับจ้องที่จิวนั้น



ตอนเห็นผ่านๆ เราคิดว่ามันทำให้พิชญ์มีเสน่ห์อย่างประหลาด ยิ่งพอได้เห็นใกล้ๆ ยิ่งรู้สึก...อยากสัมผัส



งับ!



แต่ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเด็กซนแกล้งงับนิ้ว พอเห็นเราเบ้หน้าก็หัวเราะร่วน



“เจทะเลาะกับป๊าเหรอ” พิชญ์ลุกขึ้นมานั่งปากยังเคี้ยวเยลลี่พลางหารีโมตเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย



พอถูกถามแบบนั้นเราก็กลับมาหงอย ส่ายหน้าตอบงึมงำ “ไม่รู้เหมือนกัน”



เจดท่าทางแปลกๆ มาสองอาทิตย์แล้ว เหมือนจะตีตัวออกห่างก็ไม่ใช่ จะใกล้ชิดกว่าเดิมก็เปล่า รู้แต่ว่าไม่เหมือนเดิมแปลกๆ



เจดยังจูบ ยังหอม ยังกอด แต่แป๊บเดียวก็ผละออกห่าง



ทั้งๆ ที่เราชอบให้เจดจูบ อยากให้เจดกอดนานๆ เจดตัวหอม... และถึงจะไม่มีพุง แต่ตัวหมีก็อุ่นมาก



“เจดแปลกๆ”



“อืม แปลกจริง” พิชญ์พยักหน้า เห็นไหมล่ะ “ใกล้แสดงแล้วคงตื่นเต้นมั้ง”



อาจจะจริง อีกหนึ่งอาทิตย์ก็จะถึงวันแสดง วงเราเล่นเป็นวงแรกด้วย เจดคงกังวล หลายวันมานี้เจดยิ่งซ้อมหนัก นิ้วมีพลาสเตอร์พันแผลเพิ่มขึ้นอีกแล้ว



“เวลาตื่นเต้นป๊าชอบกอดล่ะ” เห็นเรานิ่งคิดนานน้องพิชญ์เลยเอียงหน้ามากระซิบ เหลือบตามองเจดที่ยืนสูบบุหรี่อยู่กับเตวิชญ์ตรงระเบียง



“เอ๊ะ...”



“แบบนี้” แล้วพิชญ์ก็สาธิตให้ดู ด้วยการขยับเข้ามารัดเอวเราแน่น “แล้วก็เขย่าแบบนี้ๆ”



น้องจับเราโยกไปมาแรงๆ ตอนแรกก็อึดอัดแต่พอพิชญ์หัวเราะเราก็หลุดขำตาม ไม่นานน้องก็ปล่อยมือแล้วแกล้งกลอกตา



“พิชญ์โดนประจำ ป๊าจับเขย่ายังกะขวดยา”



เรายืนยันได้ เคยเห็นครั้งหนึ่ง ตอนเจอกันครั้งแรก เจดนั่งหน้าเครียดอยู่หลังเวทีประกวดดนตรีมหาลัย จนน้องพิชญ์เข้ามาหาเจดก็พุ่งเข้าไปอุ้มพิชญ์เขย่าๆ แล้วบอกว่าตื่นเต้น



เป็นวิธีระบายความเครียดแบบหมีๆ ล่ะมั้ง



“ลองดูสิ” ว่าแล้วก็ดึงเยลลี่ไปกินพลางเพยิดหน้าไปทางสองคนที่เดินกลับเข้ามา



“อุ้มป๊าไม่ไหว แต่แค่กอดแน่นๆ คงช่วยได้” เอ่ยขบขัน เรามองเจด ก่อนกลับมามองหน้าคนเจ้าแผนการ



เอายังไงดี... เราเคยบอกว่าจะไม่เชื่อคำแนะนำของน้องพิชญ์อีก เพราะคราวที่แล้วแผนของน้องดันทำให้ผีร้ายในใจเจดออกอาละวาด



แต่แค่กอดเองนะ



คงไม่เป็นไรหรอก...มั้ง







 
☉ ----------------------------------------------------------- ☉




“พรุ่งนี้เจอกัน” ไม่รู้ตัวเลยว่าเดินมาถึงหน้าห้องแล้วจนกระทั่งเจดบอก เราเงยหน้ามองเจ้าของแผ่นหลังที่หันกลับมายิ้มให้ ยื่นมือออกไปรับกระเป๋าเบสคืนพลางพยักหน้าหงึกหงัก



ในใจคิดหาจังหวะว่าควรกอดเจดตอนไหน



กอดเลยได้ไหม



“ฝันดีนะ” ไม่ทันตกลงกับตัวเองได้ฝ่ามือใหญ่ก็ขยี้หัวเราเบาๆ แล้วทำท่าจะผละออกไป



“เจด” เรารีบเรียกไว้ ขยับไปใกล้เจดหนึ่งก้าว แต่พอมองหน้าตรงๆ ก็ไม่กล้า อ้ำอึ้งก่อนพูดเฉไฉ “ฝันดีครับ”



โธ่ อยู่ๆ จะไปกอดเจดเฉยๆ ได้ไง

               

“ครับ” เจดเลิกคิ้วแปลกใจนิดหน่อยก่อนจะหัวเราะ โบกมือบ๊ายบายอีกครั้ง

             

เรามองแผ่นหลังเจดที่เริ่มไกลออกไป ทำไงดีๆ กอดเลยได้ไหม หรือว่าควรกอดพรุ่งนี้ ...แต่ถ้าพรุ่งนี้ไม่กล้าอีก คงไม่ได้กอดพอดีอ่ะ



ตัวร้ายดีในหัวตีกันหยุงเหยิงสักพัก ก่อนที่สุดท้ายเราจะฮึบหายใจ เลือกวางกระเป๋าเบสลงแล้วพุ่งออกไปกอดเจดไว้จากด้านหลัง

               

กอดแน่นๆ เจดจะได้ผ่อนคลาย หายกดดัน

               

“เจ...”

               

“เจดตื่นเต้นใช่ไหม” เราพึมพำใส่แผ่นหลังกว้าง ให้กำลังใจหนักแน่น “ไม่เป็นไรนะ เราทำได้แน่”

               

คนถูกกอดเงียบไปนาน ก่อนจะหลุดหัวเราะ ดึงแขนเราออกแล้วหันกลับมาโน้มตัวลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน



“ทำอะไรเนี่ย”

                 

“ก็...เจดแปลกๆ” เราอ้ำอึ้ง ไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม “น้องพิชญ์บอกว่าเจดคงตื่นเต้นที่จะแสดง”

               

“ไอ้พิชญ์อีกแล้ว” เจดหรี่ตาคาดโทษ

               

“เราเป็นห่วง” เราเลยรีบบอกเหตุผล ไม่อยากให้เจดโทษน้องพิชญ์ “น้องบอกว่าเวลาเจดตื่นเต้นจะชอบกอด”

               

คราวนี้เจดเลิกคิ้ว หัวเราะอีกครั้ง “อือ ชอบกอดจริงๆ แหละ"



เห็นไหม คราวนี้น้องพิชญ์ไม่ได้แกล้ง



"กอดแบบนี้” พูดจบเจดก็รวบตัวเราไว้ในอ้อมแขน ใช้แรงยกจนลอยจากพื้น รัดแน่นแล้วจับโยกไปมา



ถึงน้องพิชญ์จะทำให้ดูแล้วแต่เราก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ปล่อยให้เจดกอดอยู่อย่างนั้น ถ้ามันทำให้เจดสบายใจ

               

“แต่ไม่ได้ตื่นเต้นหรอก”



"อ้าว" เราเลิกคิ้ว มองใบหน้าคมที่กลับมาทำหน้ากังวลอีกแล้ว



“งั้น... เจดโกรธเราเหรอ เรื่องคืนนั้น” เราสบตาเจด เผลอเอื้อมมือออกไปประคองสองแก้มไว้ เกลี่ยเบาๆ แล้วถามเสียงหงอย 



เจดคงรู้ว่าคืนไหน คิ้วเข้มขมวดมุ่น แถมหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแจ๋ “จะโกรธเจทำไม”



“ก็... เราคงทำไม่ถูกใจ” หน้าเราร้อนจัดที่ต้องอธิบาย เราเคยช่วยแค่ตัวเอง ไม่รู้หรอกว่าคนอื่นพอใจแบบไหน



“เวรแล้ว” เจดสบถพึมพำ ปล่อยเราลงจากอ้อมแขน ยกมือขึ้นกุมขมับเหมือนหนักใจก่อนสบตาเราอีกครั้ง



"เจด" เราเรียกเสียงหงอยเมื่อเจดถอนหายใจ จ้องหน้าเราด้วยสีหน้าลำบากใจ



“ขอโทษ ทั้งที่เคยสัญญาไว้ว่ารู้สึกอะไรจะบอก ไม่ให้เจคิดมากแท้ๆ แต่ความรู้สึกนี้มัน...” เจดหยุดแค่นั้น สบถพึมพำแล้วถอนหายใจหนักๆ อีกครั้ง



“ไม่ได้โกรธหรอก เป็นเพราะอย่างอื่นต่างหาก”



“อย่างอื่น?”



“เขินน่ะ” คงกลัวเราเข้าใจผิดอีก เจดเลยเฉลยออกมา หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงจัด พูดอึกอัก



“ก็...พอเห็นหน้าเจ ภาพคืนนั้นมันก็แวบเข้ามาในหัวซ้ำๆ ...เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกตรงไหนแล้ว” ประโยคหลังเจดพึมพำจนไม่ได้ยิน ยกมือปิดหน้าอีกครั้งก่อนถอนหายใจคล้ายเหลืออด



"เจ" คราวนี้เจดเรียกเราเสียงจริงจัง มองหน้าเราด้วยสีหน้างุ่นง่าน



“อยากรู้ไหมว่ารู้สึกยังไง”



"...!!" ไม่ทันตอบคำถาม เจดอุ้มเราขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจูบเรา

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

ปากเจดร้อน...ร้อนมาก ลมหายใจก็ร้อน... แตะโดนตรงไหนก็ร้อนไปหมด

               

จูบของเจดไม่อ่อนโยนแล้ว การกระทำก็ไม่อ่อนโยนเลย

               

ไม่ทันพ้นหน้าประตูด้วยซ้ำ เราถูกดันให้นอนราบบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ หลุดสะดุ้งตอนที่เท้าเจดยันประตูปิดดังปัง



แต่ไม่ทันไรก็ถูกริมฝีปากทาบทับลงมาอีกครั้ง บดเบียดจนไม่เหลือช่องว่าง รุกเร้าด้วยลิ้นร้อนที่กระหวัดซุกซนทั่วโพรงปากจนตามไม่ทัน ดูดดุนลิ้นเราที่กวาดสะเปะสะปะอย่างอ่อนหัดจนได้ยินเสียงน่าอาย



"อือ..." เจดเอาแต่จูบย้ำๆ จนสมองเรามึน ไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อถูกรั้งขึ้นมาตอนไหน กระทั่งริมฝีปากร้อนผละออกไปครอบครองยอดอกที่โผล่พ้นชายเสื้อออกมา



ครางฮือกับความรู้สึกประหลาดที่เหมือนจะแล่นขึ้นมาจากปลายเท้าไปทั่วร่าง ได้ยินแต่เสียงหัวใจเต้นโครมครามกับเสียงริมฝีปากของเจดที่กำลังดูดดุนสลับไล้เลียหน้าอกเราเหมือนลูกกวาด สัมผัสที่ทำให้ร่างกายบิดเร่า แอ่นรับอย่างควบคุมไม่ได้



ยิ่งน่าอายเมื่อความร้อนทั้งหมดในร่างกายเหมือนจะไหลไปกองรวมกันอยู่ในกางเกงจนอึดอัด



“ฮื่อ...!” ร้องผวาอีกครั้งเมื่อเจดสัมผัสมัน สูดหายใจจนหน้าท้องหดเกร็งด้วยความรู้สึกวูบวาบ



“เจด...” เราพยายามร้องห้ามไม่ให้สัมผัส แต่เสียงกลับสั่น และฟังดูเชิญชวนมากกว่า



“หึ” หมีร้ายเงยหน้าขึ้นมาสบตา ยกยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยคำถามยียวน “ให้ช่วยไหม”



...เหมือนกับที่เราถามเจดในคืนนั้น



เรากัดริมฝีปาก ไม่อยากให้เจดช่วย แต่ความรู้สึกที่คั่งค้างอยู่ก็ยากที่จะต่อต้าน



เมื่อเห็นเราลังเลเจดจึงแกล้งก้มลงจูบหน้าท้องเราเบาๆ ทั้งที่ยังสบตากันอยู่อย่างนั้น



“เจ...”



ไม่เอา หยุดเรียกนะ



“ว่าไง... อยากให้ช่วยไหมครับ” ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนเลย



“ฮื่อ” สุดท้ายเราแพ้ราบคาบ ได้แต่ยกมือขึ้นปิดตาด้วยความอาย พยักหน้าตอบรับรัวเร็ว



เราไม่อยากเห็นตอนที่เจดสัมผัส แต่ไม่ทันคิดว่ามันกลับยิ่งดึงให้ความรู้สึกอื่นฉายชัด



"น่ารัก" ได้ยินเสียงทุ้มเจือเสียงหัวเราะเบาๆ พร้อมกับสัมผัสได้ถึงซิปกางเกงที่ถูกรูดลงไปอย่างช้าๆ ...ปลายนิ้วหยาบที่เกี่ยวรั้งขอบกางเกงในลง เปิดเผยส่วนที่อึดอัดอยู่ภายใน



เราเผลอเอามือลงไปปิดมันไว้ ไม่อยากให้เจดเห็นส่วนน่าอาย แต่เจดกลับหัวเราะ จูบหลังมือเราซ้ำไปซ้ำมา



"เจ ขอดูหน่อย" เสียงเจดออดอ้อน จนเราอยากจะร้องไห้



"ไม่...อ๊ะ!" พอเราจะปฏิเสธเจดกลับแกล้งกัดมือเบาๆ ก่อนดึงมือเราออกไปจูบปลายนิ้วซ้ำๆ   



เรายิ่งปิดตาแน่นไม่รู้ว่าเจดมีสีหน้ายังไง ไม่กล้าลืมตาออกมาดูว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพน่าอายขนาดไหน



“อึก!” ขณะที่กำลังชั่งใจว่าควรจะหนี หยุดทุกอย่างไว้เท่านี้ เจดก็กดเราไว้ใต้ร่าง ใช้มือข้างหนึ่งกอบกำส่วนแข็งขึงเอาไว้ ไล้นิ้วจากโคนสู่ปลาย แกล้งขยี้ส่วนอ่อนไหวเบาๆ



แค่นั้นก็ทำเราแทบคลั่ง ริมฝีปากร้อนที่กลับมาวุ่นวายกับหน้าอกทำเราหมดแรงต่อต้าน พยายามส่งเสียงห้ามแต่เสียงที่เปล่งออกมาก็กลับกลายเป็นเสียงครางน่าอาย เลยได้แต่กัดริมฝีปากอดกลั้นปล่อยให้ลิ้นซนลามเลียไปทั่วทุกส่วนที่สัมผัสได้ จากหน้าอกไล่ลงไปที่หน้าท้อง และไล้ต่ำลงเรื่อยๆ อย่างเอาแต่ใจ 



แล้วในความมืดเราก็รับรู้ได้ว่าเจดกำลังครอบครองส่วนนั้นไว้... ด้วยริมฝีปาก



“...!” เราผวาและแทบจะถึงปลายทางทันทีรับรู้ถึงความอ่อนนุ่มของกลีบปาก ความร้อนจัดและชื้นแฉะของน้ำลาย ความรู้สึกอึดอัดถาโถมจนเผลอจิกผมเจดไว้



ร้องไม่เป็นเสียงเมื่อถูกลิ้นไล้เลียจนทั่ว ขยับเข้าออกจนเกิดเสียงหยาบโลนดังก้อง



“เจด... ฮือ เจด...”



ไม่ทันไรเราก็ทนไม่ไหว ลมหายกระตุก ร่างกายบิดเกร็งและปลดปล่อยออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ เราพยายามร้องเรียกและดันเจดออก แต่เจ้าของริมฝีปากร้อนก็ยังดื้อจะครอบครองมันอยู่อย่างนั้น...



ในขณะที่สมองขาวโพลนเราได้ยินเสียงดูดกลืนอย่างตะกละตะกราม



จนกระทั่งร่างกายเราหยุดเกร็ง เจดจึงถอนริมฝีปากออก มองตาเราพลางยกนิ้วโป้งเช็ดคราบขาวข้นที่มุมปาก แล้วไล้เลียปลายนิ้วที่เปรอะเปื้อนของตัวเองซ้ำ หลักฐานว่าเจดกลืนมันลงไปจนหมด...ทุกหยาดหยดที่หลั่งออกมา



เราไม่รู้ว่าควรพูดหรือทำอะไร ได้แต่นอนหมดแรงอยู่บนพื้น มองคนตรงหน้าอย่างสับสน สายตา และรอยยิ้มมุมปากดูร้ายกาจไม่เหมือนเจดที่เรารู้จัก



“เจได” แม้กระทั่งเสียงเรียกก็แหบพร่ากว่าทุกครั้ง แววตาที่มองมาทำเราร้อนวูบวาบ เผลอเว้าวอนออกไปโดยไม่รู้ตัว



“เจด... จูบ...” เมื่อได้ยินคำเรียกร้องสั่นพร่าคนตัวโตก็โถมร่างลงมาทับเราอีกครั้ง กดจูบที่ริมฝีปาก คราวนี้หวานจนเราเผลอครางรับด้วยความพอใจ



ก่อนริมฝีปากซุกซนจะเลื่อนลงมาที่ซอกคอ ดูดดุนฝากรอยไว้ แล้วไล้ลงไปพรมจูบบนผิวกายที่ยังไม่หายร้อนซ้ำไปซ้ำมา ฝ่ามือสองข้างลูบไล้ไปทั่ว สะเปะสะปะ บีบเค้นอย่างเอาแต่ใจ 



รู้ตัวอีกทีร่างกายก็เปลือยเปล่า ถูกปลดเสื้อผ้าทุกชิ้นโดยไม่ทันร้องห้าม



“ฮึก” น้ำตาเราไหลออกมาจริงๆ ตอนที่เจดโยนกางเกงเราทิ้งไป ทั้งที่ริมฝีปากร้อนยังวุ่นวายกับหน้าอกเราไม่ห่าง หัวใจเต้นตึกตักจนเจ็บไปหมด แต่หมดเรี่ยวแรงจะเอ่ยห้าม



แต่พอได้ยินเสียงร้องไห้เจดก็ชะงัก เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่นองน้ำตา สะอื้นฮักเป็นเด็กๆ



“เจ... เป็นอะไร” เจดเลื่อนตัวขึ้นมามองหน้าเรา หน้าตาตื่นตกใจ “ขอโทษ ไม่ชอบเหรอ”



เราส่ายหน้ารัว ปาดน้ำตาออกเพื่อให้เห็นหน้าเจดชัดๆ พยายามส่งเสียงตอบแต่ยิ่งสะอื้นหนัก



“เรา...ล่อนจ้อนแล้ว ฮือ”



“...”



“อาย...”



เรากำลังร้องไห้ แต่เจดกลับหัวเราะ รวบตัวเราไปกอดแน่นซุกหน้ากับซอกคอ ขบซ้ำๆ แล้วบ่นพึมพำ



“ไม่ไหวแล้ว หยุดน่ารักเดี๋ยวนี้”



เรากอดคอเจดแน่นบ้าง เบะปากถาม “เจด...จะทำเหรอ”



พอมาถึงขั้นนี้แล้วคงยากที่จะห้าม แต่ว่า...เรายังไม่พร้อม เพิ่งรู้ว่ากลัวจนตัวสั่นก็ตอนที่ร้องไห้ออกมา



“ยัง... ยังไม่ทำได้ไหม” เอ่ยขอร้อง ยังหยุดสะอื้นไม่ได้ ได้แต่เอาหน้าไถกับไหล่ ใช้เสื้อเจดเช็ดน้ำตา



“ครับ ไม่ทำ” เจดตอบทันทีพลางจูบขมับซ้ำๆ กระชับอ้อมแขนแน่นแล้วลูบหัวเราเบาๆ



“โอ๋ๆ พอแล้วครับ ไม่ทำแล้ว ขอโทษนะ”





☉ ------------------------------------------------------------ ☉







สุดท้ายเจดอุ้มเรามานั่งที่เตียง ห่อชีเปลือยไว้ในผ้าห่มจนเป็นก้อน ตาคมมองสภาพเราแล้วหัวเราะ ลูบหัวเราอยู่สักพักก่อนยืนขึ้นอีกครั้ง



“ไปนะ”



เราจ้องเจด กะพริบตาปริบๆ มองใบหน้าที่ยังเป็นสีแดงนิดๆ พลางยกมือลูบเคราเก้อๆ



“ฝันดีครับ”



“เจด” ก่อนที่เจดจะหันหลังกลับเราเรียกไว้ แต่พอเจดหันมาเลิกคิ้วถามเราก็ได้แต่มุดหน้าลงกับผ้าห่ม ทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าพูดสิ่งที่คิดออกไป “ค้าง...ไหม”



หัวใจเต้นดังมาก ดังเหมือนจะทะลุผ้าห่มออกมา



เจดเลิกคิ้วมองเรานิ่งสักพักแล้วเลิกคิ้วถาม เหมือนไม่แน่ใจ “ได้เหรอ”



เราพยักหน้าหงึก “อยากกอด”



เสียงเราเบามาก หน้าก็คงแดงมาก ถ้าเอาผ้าห่มออกเจดก็คงเห็นว่าตัวเราแดงมาก



เจดเลิกคิ้วแล้วแกล้งถามยิ้มๆ “ไม่กลัวเหรอ”



คงหมายถึงผีร้ายที่ออกมาตอนเจดตบะแตก



เรามองหน้าเจด สบตาอยู่นานแต่ไม่เห็นวี่แววผีร้ายแล้ว



“เจดไม่ทำ... ใช่ไหม” ยังอดถามไม่ได้เพื่อความมั่นใจ



เจดยิ้มบางๆ นั่งลงบนเตียงแล้วลูบหัวเราเบาๆ “อืม ไม่ทำ”



"งั้น... กอดนะ" เราขอ



คนตัวโตนอนลงข้างกัน จ้องตาเรานิ่งสักพักก็ยิ้มกว้าง ดึงเราที่อยู่ในก้อนผ้าห่มไปกอดไว้ กดจูบหนักๆ ลงมาที่หน้าผากแล้วกระซิบ



“พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”



เป็นคำพูดก่อนนอนที่ทำให้หัวใจพองยิ่งกว่าบอกฝันดี
           


(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 10 : หมีปีใหม่ (31.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 31-07-2018 01:08:15
(ต่อ)

 
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ในที่สุดวันแสดงก็มาถึง ทั้งที่ขึ้นเวทีมาหลายครั้ง คิดว่าไม่น่าตื่นเต้นก็ดันตื่นเต้น นั่งเกร็งอยู่ในห้องพัก นับถอยหลังรอเวลาเป็นเศษวินาที เจดก็เหมือนกัน นั่งขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ เราเงียบๆ ไม่พูดจาอะไรกระทั่งประตูเปิดออก



เป็นเตวิชญ์กับน้องพิชญ์เดินเข้ามา

               

“ไอ้พิชญ์! ช่วยด้วย” คนที่นั่งเงียบเป็นชั่วโมงผุดลุกจากที่นั่ง เดินเข้าไปคว้าหมับเข้าที่เอวน้องรหัสแล้วยกตัวขึ้นเขย่าๆ



เหมือนที่พิชญ์เคยบอก เวลาตื่นเต้นเจดชอบกอด



แต่ เราก็นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งนานอ่ะ... ทำไมเจดไม่กอดเรา



“ไอ้ป๊า! เดี๋ยวก็โดนฆ่าหรอก” น้องโวยวายพลางหัวเราะ ดุ๊กดิ๊กจนเจดยอมปล่อย พยักเพยิดไปทางเตวิชญ์ที่ยืนขมวดคิ้วมอง ท่าทางไม่พอใจเท่าไหร่



เป็นเราก็ไม่พอใจ อยู่ๆ ไปกอดแฟนคนอื่นเขาได้ไง



“โทษๆ กูชิน” เจดทำท่าเหมือนเพิ่งนึกได้ น้องพิชญ์หัวเราะ ลูบแขนเตวิชญ์เหมือนจะบอกว่าไม่มีอะไร ก่อนเบือนสายตามองมาที่เราแล้วอมยิ้ม

               

“วันหลังก็ไปชินกับคนนู้นนู่น” น้องพิชญ์แกล้งเอียงหน้ากระซิบแต่ได้ยินมาถึงนี่



แต่พอน้องพูดแบบนั้นเจดก็หันกลับมามองเรา เบิกตานิดๆ เหมือนเพิ่งเข้าใจ ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงพลางยกมือมาเกาท้ายทอย พูดพำพึม



“เออ กูก็ว่างั้น”



น้องพิชญ์ยิ้มขำ หันมาคุยกับเราบ้าง “เจ พร้อมยัง”



เราพยักหน้าน้อยๆ มองดูนาฬิกาเห็นว่าอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาซาวด์เช็กเลยอุ้มเบสลุกขึ้นมา



“พวกมึงลงไปก่อนเลย” แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงประตูก็ถูกเจดคว้าแขนไว้ โบกมือไล่สองคนที่เพิ่งมา



ไม่มีใครสงสัยอะไร น้องพิชญ์แค่ยักไหล่แล้วจูงมือเตวิชญ์เดินออกจากห้องไป ส่วนเราเงยหน้ามองเจด ใช้สายตาถามว่ามีอะไร เจดเลยปล่อยมือจากแขน เกาจมูกที่เปลี่ยนเป็นสีแดงนิดหน่อย



“ตื่นเต้นอ่ะ” เจดว่า อมยิ้มพลางสบตาเขินๆ “ขอกอดหน่อยได้ป่ะ”



เราเขินตาม



โธ่ อยู่ๆ ก็มาขอ



“ทีน้องพิชญ์ไม่เห็นขอ” เราบ่นอุบอิบ ยังรู้สึกเคืองอยู่นิดๆ ที่เจดมองข้ามเราไป



“ก็... ไอ้พิชญ์เป็นน้อง”



ไม่รู้เหมือนกันว่าเกี่ยวอะไร เจดเองก็เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าเหตุผลมันแปลกๆ เลยทำเฉไฉ ถามย้ำ



“แล้ว... กอดได้ไหม”



แล้วเราตอบอย่างอื่นได้ด้วยเหรอ



“อือ"



...เราก็อยากให้เจดกอดเราแทนน้องพิชญ์เหมือนกัน

 

               

“สวัสดีครับ พวกเราเตเจเจด” ชื่อวงที่ตั้งขึ้นตามชื่อสมาชิกทั้งสามคนฟังดูประหลาดจนเรียกเสียงหัวเราะจากคนในร้านได้ แม้แต่เรา



ทั้งที่ยังหัวค่ำ แต่ในร้านคนเยอะมาก คึกคักด้วยบรรยากาศงานปีใหม่ เสียงลูกค้าจอแจเงียบลงนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ ของคนที่อยู่หน้าไมค์



ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งเราก็ยังชอบเสียงเจด เสียงที่เวลาพูดเฉยๆ จะทำให้บรรยากาศรอบตัวผ่อนคลาย แต่ถ้าเข้าสู่ท่วงทำนองเพลงร็อกดุดันเมื่อไหร่จะกลับกลายเป็นเสียงที่หนักแน่น สะกดอารมณ์ให้คนสนุกตามง่ายๆ



เป็นพรสวรรค์ที่นักร้องที่ไหนก็คงอยากมีติดตัวไว้

               

แถมท่าทางเขินๆ เวลาอยู่ต่อหน้าไมค์ที่ดูขัดกับหน้าตาภายนอกก็เป็นเสน่ห์ที่ใครเห็นก็อดยิ้มไม่ได้



เราอมยิ้มมองเจดที่หัวเราะเบาๆ เคาะไมค์สองสามทีแล้วเอ่ยเปิดการแสดงสั้นๆ



“เริ่มเลยเนอะ”



แค่นั้น... แล้วรอบตัวก็เหมือนจะเงียบสงัด



สายตาของเราจ้องตรงไปที่นักร้องนำ หัวใจที่เต้นด้วยความประหม่าเลือนหายเมื่อเจดหันกลับมาสบตา ยิ้มกว้าง แล้วพาเราไปอีกโลกที่มีแต่เสียงเพลงโปรดของพวกเรา

 





☉ ------------------------------------------------------------ ☉


พอได้แสดงจริงๆ ความตื่นเต้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง เหมือนหูเราดับไปชั่วขณะ ไม่รับรู้อะไรนอกจากจังหวะที่กำลังบรรเลงจนเสียงเพลงสุดท้ายจบลงและเจดเดินเข้ามายีหัวเรา ดึงไปกอดแน่นพลางพูดขอบคุณซ้ำๆ



ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ทันไรเราก็เปลี่ยนสถานจากคนแสดงมาเป็นผู้ชมนั่งเฝ้าโต๊ะอยู่หน้าเวที



และไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่...เราถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว...



น้องพิชญ์กับเตวิชญ์กลับไปนานแล้ว เพราะตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะเคาท์ดาวน์ที่คอนโดฯ กันสองคน



ส่วนเจด... ตอนแรกนั่งอยู่ด้วยกัน แต่ตอนนี้...เราไม่รู้ว่าหายไปไหนอ่ะ



เจดบอกว่าไปเข้าห้องน้ำ แต่นี่มันนานเกินไปแล้ว ทิ้งเรานั่งแกร่วอยู่บนโต๊ะคนเดียวนานสองนาน



‘เจด อยู่ไหน’



‘จะเคาท์ดาวน์แล้ว’



สุดท้ายเราต้องไลน์ไปถาม เมื่อนักร้องวงที่เพิ่งเล่นจบประกาศว่าอีกห้านาทีจะเริ่มนับถอยหลัง เรามองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นเจดแม้แต่เงา คนในร้านเยอะขึ้นจนล้นทะลัก เราเริ่มอึดอัด



อยากกลับแล้ว



‘ดาดฟ้า'



รออยู่นานกว่าเจดจะตอบกลับมา เราขมวดคิ้ว เจดขึ้นไปดาดฟ้าได้ไง ชั้นสามกับดาดฟ้าเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้าของร้านไม่ใช่เหรอ ก่อนะคิดได้ว่าเจดกับพี่เจ้าของร้านสนิทกัน



‘ไปทำอะไรเหรอ’



เราถามต่อ คิดว่าเจดไปเข้าห้องน้ำแล้วจะกลับมา ทำไมอยู่ๆ ไปโผล่ที่ดาดฟ้าได้อ่ะ



‘ดูพลุบนนี้ชัดกว่า’



เราร้องอ๋อในใจ ก็คงจริง อยู่ในนี้คงดูพลุไม่ได้ โต๊ะที่สวนหน้าร้านตอนนี้คนก็แออัดเกินไป



‘เจตามมาเร็ว’



‘ครับ’



เราไม่อิดออดลุกจากที่นั่งฝ่าฝูงชนไปที่บันได แต่ไม่ทันได้ก้าวขึ้นไปก็ถูกใครบางคนรั้งไว้



“เจได”



เราขมวดคิ้ว นึกอยู่สักพักว่าเป็นใคร จนเขาแนะนำตัว



“ผมไง ที่เจอกันคราวก่อน เป็นนักร้องวงประจำของร้าน”



“เอ๊ะ” เราเลิกคิ้ว เริ่มรู้สึกคุ้นหน้า ก่อนนึกได้จริงๆ ว่าเราเคยคุยกันเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน



“คนที่บอกว่า... เป็นแฟนคลับ" เราอ้อมแอ้ม จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเขินไม่หาย เขามองท่าทางเขินอายของเราแล้วหัวเราะ



“ครับ ดีใจจังที่เจไดจำได้”



เราได้แต่เงียบ ไม่แน่ใจว่าต้องพูดอะไร แต่เขาก็ยังยิ้ม สังเกตว่าใบหน้าใสแดงกว่าปกติ ตาก็ดูเยิ้มๆ ท่าทางจะดื่มมาเยอะ



“คนอื่นๆ ไปไหนเหรอครับ เพื่อนร่วมวงเจ... ผมเรียกเจสั้นๆ ได้ไหม”



เราพยักหน้า ก่อนย้อนไปตอบคำถามแรก “กลับบ้าน”



เลี่ยงที่จะบอกว่าเจดอยู่ดาดฟ้า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน



“แล้วเจกำลังจะกลับเหรอ”



เราพยักหน้าอีก ไม่อยากอธิบายยุ่งยาก เขาเลยเบ้ปาก ทำหน้าเสียดาย



“โธ่ นี่ปีใหม่นะ จะรีบกลับไปไหนครับ อยู่เคาท์ดาวน์ก่อนสิ” แล้วอยู่ๆ ก็กลับมาร่าเริงอีกครั้งพร้อมกับพุ่งเข้ามาโอบไหล่เรา “โต๊ะผมกับเพื่อนอยู่หน้าร้าน มุมดีมาก ไปนั่งด้วยกันนะ”



เราพยายามจะดิ้นหนี แต่เขาจับไว้แน่นมาก



“เถอะน่า ไปนั่งด้วยกัน วันนี้วงเจเล่นเปิดโคตรดี เพื่อนๆ ผมปลื้มกันมาก” ว่าพลางทำท่าจะพาเราเดินออกไป แต่เราขืนไว้ ขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ



“ไม่เอา” 



ไม่ชอบเลยที่มาแตะเนื้อต้องตัวโดยไม่ได้อนุญาต



“โธ่ เจ ไปเถอะนะ นะครับ ให้ผมเลี้ยงเหล้า แค่แก้วเดียวก็ยังดี” คราวนี้ถือวิสาสะจับมือเราไว้ ส่งสายตาอ้อน



“ปล่อย” เราไม่ยอม แถมชักจะหงุดหงิดที่บิดข้อมือออกจากมือที่บีบแน่นไม่ได้



“ถ้าไม่ปล่อยจะตี” เราตาขวาง แต่เขาดูไม่สะทกสะท้าน แถมยังหัวเราะไม่เลิก



“เจขู่ได้น่ารักจัง”



เราเลยฟาดแขนเขาให้รู้ว่าไม่ได้ขู่ ใบหน้ายิ้มแย้มเลยบูดเบี้ยว



“เฮ้ย! เล่นตัวอะไรนักหนา บอกให้ไปด้วยกันไง” คราวนี้เสียงออดอ้อนเปลี่ยนเป็นดุ คนเมามองเราขัดขืนแล้วเริ่มไม่พอใจ โวยวายเสียงดังพลางกระชากให้เราเดินตาม



“โอ๊ย!” ด้วยความที่ไม่ตั้งตัวเลยสู้แรงไม่ไหว เกือบเซล้มคะมำ ถ้าไม่มีคนมาจับไว้



“เจด...” ไม่ต้องมองหน้าเราจำกลิ่นเจดได้



“มึงเมาแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยนิ่ง เราเงยหน้ามองก็เห็นคิ้วเข้มขมวดแน่น



“อ้าว... ไหนเจบอกว่า...” เพราะเจดตัวใหญ่กว่าเยอะ คนที่ดึงดันมาตลอดเลยยอมปล่อยมือจากแขนเราง่ายๆ แล้วโบกมือแก้ตัวพัลวัน



“ผมไม่ได้ทำอะไรนะ เห็นเจท่าทางเหมือนเมา เลยจะพากลับไปที่โต๊ะ”



ใครกันแน่ที่เมา



เราเบ้ปาก ลูบแขนตัวเองป้อยๆ เป็นรอยเลยอ่ะ แฟนคลับอะไรจับเราแรงมาก น่าจะฟาดให้แรงกว่านี้



“เออ ขอบใจ แต่ไม่ต้อง คนของกูกูพากลับเองได้” เจดพูดเรียบๆ แต่รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจ ฝ่ามือหนาเอื้อมมือมากุมมือเราไว้แล้วเอ่ยไล่ “ไสหัวไป”



ขนาดเรายังตกใจ ไม่เคยได้ยินเสียงเจดนิ่งและต่ำเท่านี้ ไม่แปลกที่คนนั้นจะรีบยกมือไหว้แล้วรีบหนี แต่ยังไม่วายหันมามองเรา ท่าทางหงุดหงิด



เราก็โกรธเหมือนกัน ถ้าเจดไม่เข้ามาห้ามเราจะกัดแล้วจริงๆ คนแปลกหน้านิสัยไม่ดีอ่ะ



"เวรเอ๊ย ไม่น่าปล่อยไว้คนเดียวเลย" แต่ความหงุดหงิดก็หายไปเมื่อได้ยินเสียงอีกคนสบถพึมพำ ก่อนถอนหายใจแล้วหันมามองเรา



“เคาท์ดาวน์ไม่ทันแล้วอ่ะ”



เราเบิกตากว้าง ไม่ทันสังเกตว่ารอบตัวมีเสียงเฮดังลั่น มัวแต่ยื้อยุดกับคนนั้นเลยไม่ทันได้ฟังว่าเขานับถอยหลังกันไปเรียบร้อยแล้ว



“ขอโทษ” เราคอตก รู้สึกผิดขึ้นมา



ถ้าเจดไม่ลงมาตามเราก็คงได้ดุพลุสวยๆ คงไม่พลาดวินาทีสำคัญ



"ช่างเหอะ" แต่เจดกลับหัวเราะไม่ถือสา พลางลูบหัวเราเบาๆ



“ขอโทษเหมือนกัน ถ้าลงมาตามเจเร็วกว่านี้เจคงไม่เจอไอ้หมอนั่น”



อันนั้นไม่ใช่ความผิดเจดสักนิด



“ไหน ดูแขนหน่อย” ว่าพลางดึงแขนเราไป พอเห็นเป็นรอยนิ้วเจดก็ขมวดคิ้ว ท่าทางกลับมาหงุดหงิดอีก “น่าจะชกแม่งสักหมัด”



แปลกใจที่เจดโกรธให้เห็น ปกติเจดใจเย็นจะตาย



“เราฟาดไปแล้ว” ถึงจะไม่ใช่สถานการณ์แต่เราก็ยังหลุดยิ้ม มุมงุ่นง่านของหมีก็ยังน่ารัก



“อือ เห็นแล้ว” เจดยิ้มตาม เอ่ยขำๆ “น่าจะตีให้แขนหัก”



“เอาไว้คราวหลังนะ” เรารับปาก แต่เจดส่ายหน้า



“ไม่เอาดิ อย่ามีคราวหลัง” ทำสีหน้าดุเราพร้อมกำชับ “ต่อไปจะไม่ให้ใครมาจับตัวเจแล้ว แค่แตะก็ห้าม”



เรามองหน้าจริงจังของเจดแล้วยิ้มกว้างกว่าเดิม พยักหน้ารับ



ต่อไป จะไม่ให้มาแตะตัวง่ายๆ แล้วเหมือนกัน






 ☉ ------------------------------------------------------------ ☉

               



จับได้แล้วว่าทำไมเจดถึงหายไปตั้งนานสองนาน... และทำไมมาโผล่ที่ดาดฟ้า



"จำได้ป่ะที่เคยบอกว่าปีใหม่มีอะไรจะให้"



"จำได้"



“กะจะทำเซอร์ไพรซ์ แต่ไม่เซอร์ไพรซ์แล้วมั้ง” คนตัวโตพูดอ้อมแอ้ม เกาจมูกตัวเองพลางหันมายิ้มเก้อๆ



เซอร์ไพรซ์สิ เราไม่คิดว่าเจดจะทำให้



“เหมือนโพรงกระต่ายป่ะ” พยายามตลกกลบเกลื่อน แต่น่าเอ็นดูมากกว่า



เราอมยิ้ม ยอมพยักหน้าก็ได้ ถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะไม่เหมือนโพรงกระต่ายตรงไหน



ดาดฟ้าที่เคยโล่งกว้างมีเพิงเหล็กสี่ขาประดับประดาด้วยใบไม้และไฟวิบวับ ส่วนหลังคามีไม้เลื้อยระโยงระยางลงมาดูรกแต่ก็สวยมาก คนทำคงตั้งใจให้เหมือนโพรงกระต่ายอย่างที่ว่า



ตรงกลางมีโต๊ะเล็กๆ ที่ปูด้วยผ้าผูลายตาราง บนโต๊ะเต็มไปด้วยขนม กาน้ำชา แล้วก็แจกันดอกมะลิ



“อลิซอินวันเดอร์แลนด์เหรอ” เราหัวเราะเบาๆ เพราะรู้สึกว่าการจัดวางเหมือนโต๊ะน้ำชาในนิทานที่เคยอ่าน



“อือ” เจดยิ้มเขินๆ ก่อนจับไหล่สองข้างเราแล้วดันไปข้างหน้า “เข้าไปดูใกล้ๆ ดิ”



พอขยับมายืนข้างโต๊ะตามที่เจดบอกก็เห็นว่านอกจากเซตน้ำชายามบ่ายที่ไม่เห็นจะเข้ากับการฉลองปีใหม่ตรงไหนยังมีสมาชิกตัวเล็กๆ ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งต่างๆ กระจัดกระจาย ข้างถ้วยบ้าง บนฝากาน้ำชา บนขนมเค้ก และข้างแจกันที่เต็มไปด้วยดอกมะลิ



กระต่ายตัวเล็กๆ รวมตัวกันเพื่อฉลองปีใหม่



“ทำอะไรไม่เข้ากับหน้าเลยว่ะ” เราเงยหน้าขึ้นมองเจดที่บ่นพึมพำ ยังดูเขินกับสิ่งที่ทำ



แต่ไม่ทันแล้วล่ะ



“น่ารักมาก” เราบอกอย่างจริงใจ



คนน่ารักเลยยิ่งเขินใหญ่ หัวเราะเก้อๆ เสมองไปยังท้องฟ้าที่ตอนนี้กลับมาสงบมีแต่แสงจากดวงจันทร์อีกครั้ง



“เสียดายมาไม่ทันพลุ”



เราพยักหน้าเห็นด้วย มองพลุจากตรงนี้คงสวยอย่างที่เจดว่า แต่ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็น่ารักมาก



เราเดินมองรอบๆ ยิ้มไม่หุบ ก้มลงมองกระต่ายแต่ละตัวที่เหมือนจะมองตอบด้วยสีหน้าใสซื่อน่ารัก ก่อนจะเลิกคิ้วเอะใจถึงจำนวนกระต่าย



“มีแค่สี่ตัวเหรอ”



ถ้ารวมกับที่เรามีก็เป็นเก้า... ยังขาดอีกหนึ่งตัว



เจดหัวเราะเบาๆ ขยับเข้ามายืนข้างเราแล้วทำท่าเหมือนจะพูดอะไร



กริ๊งงง



แต่ไม่ทันได้พูด เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังจนคนรอฟังอย่างเราสะดุ้งโหยง เจดชะงัก ก่อนขมวดคิ้วท่าทางหงุดหงิดนิดๆ ที่มีเรื่องขัดจังหวะ



"โทษที ลืมปิดเสียง" เจดหยิบมือถือขึ้นมา ทำท่าจะปิดเสียง แต่พอมองหน้าจอก็เลิกคิ้วประหลาดใจ “แป๊บนะ ไอ้เตโทรมา”



เราไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้เจดรับสาย แล้วก้มหน้าเล่นกับกระต่าย



“มึงโทรมาถูกจังหวะมากครับคุณเต” ลอบยิ้มเมื่อได้ยินเจดทำเสียงเอือมใส่โดยไม่มีคำทักทาย ก่อนจะเงียบไปจนผิดปกติ เราเงยหน้าขึ้นท่ามกลางเสียงจอแจของคนที่กำลังฉลองปีใหม่ เราได้ยินแต่เสียงปลายสายแว่วออกมา



เป็นเสียงความวุ่นวาย



เสียงหวอ...



"ครับ... ครับ เดี๋ยวจะไปเดี๋ยวนี้ครับ" น้ำเสียงของเจดเปลี่ยนไป ทุกสีหน้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนอยู่ในสายตาเรา



ตั้งแต่สีหน้าหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ สีหน้าตกใจ และสีหน้าเคร่งเครียด ไม่สู้ดีอย่างน่าใจหาย



“มีอะไรเหรอ” ทั้งที่เอาโทรศัพท์ออกจากหูแล้วแต่เจดก็ไม่พูดอะไร จนเราต้องเป็นฝ่ายถามคนที่ยืนนิ่งเหมือนสติหลุดลอยจึงหันกลับมาสบตาเราอีกครั้ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแผ่วเบา



“โรงพยาบาลโทรมา”



“...”



“ไอ้เตรถคว่ำ อาการโคม่า”

 






☉ -----------------------------Side Story 10------------------------------- ☉

 



คืนนั้น



เราจะตื่นเช้าได้ยังไง ถ้าผ่านมาค่อนคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับอ่ะ

               

อีกคนก็คงอยู่ในสภาวะเดียวกัน เจดกอดเราแน่นแล้วคลายหลายๆ ครั้ง สูดหายใจลึกแล้วถอนหายใจหนักๆ หลายรอบจนเราต้องเงยหน้าขึ้นมอง

               

“นอนไม่หลับเหรอ”

               

“อือ”

               

เราไม่กล้าถามว่าเพราะอะไร ในเมื่อที่เรานอนไม่หลับก็เพราะความรู้สึกตอนเจดสัมผัสยังตกค้าง ภาพที่เจดกลืน ‘สิ่งนั้น’ ลงไปยังติดอยู่ในหัวซ้ำๆ



เข้าใจแล้วว่าเจดรู้สึกยังไงตอนที่เราทำแบบนั้น



มันน่าอาย น่าอายมากๆ ต่อไปนี้เราจะไม่เขินตอนมองหน้าเจดได้ยังไงอ่ะ ฮือ



“หลับไม่ได้ เจน่ารักเกินไปอ่ะ” อยู่ๆ เจดก็โพล่งออกมา แถมยังจ้องหน้าเราจริงจัง “ยิ่งล่อนจ้อนก็ยิ่งน่ารัก”



“หยุดพูดนะ” เราเบ้ปาก หน้าร้อนจี๋และคงแดงจัด



เจดยิ้มขำ แกล้งเอาหัวมาอิงหัวเราแล้วกระซิบถาม “โกนหนวดดีไหม”



“ทำไม”



“เวลาเล่นกับกระต่ายล่อนจ้อนจะได้ไม่จั๊กจี้ไง” เราขมวดคิ้ว แกล้งโขกหัวทำโทษคนทะลึ่งไปหนึ่งที



เงียบไปเลยนะหมี!



“โอ๊ย!” เจดแกล้งร้องเสียงดังทั้งที่ไม่เจ็บสักนิด เรายิ่งหมั่นไส้เลยแกล้งงับไหปลาร้าที่อยู่ตรงหน้า งับๆๆ อยู่หลายทีจนหมีที่ส่งเสียงโวยวายเงียบลงผิดปกติเลยเงยหน้าดูว่าเราเผลอกัดแรงไปจนเจดโกรธหรือเปล่า



แต่กลับเห็นตาคมมองด้วยสายตาแวววาวไม่น่าไว้ใจ



“เจ ถ้าไม่อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวผีร้ายอาละวาดอีกนะ”



เราหดคอลงผ้าห่มจนเหลือแค่ครึ่งหน้าโผล่ออกมา



โอเค เรายอมแพ้ นอนเฉยๆ แล้วก็ได้ครับ






☉ ------------------------------100%------------------------------ ☉

เป็นตอนที่เขียนนานมากกกก แต่รีไรท์นานกว่า แงงงง

ยังแปลกๆ อยู่หรือเปล่าคะ ถ้าแปลกทักท้วงได้นะ จะรีบแก้ให้ค่ะ ;-;

จริงๆ เราคิดดราม่าเรื่องนี้ไว้หลายอย่าง แต่ด้วยคาร์แร็กเตอร์ทั้งสองคนเลยล้มเลิกหมด

เหลือดราม่านี้ที่ตัดออกไม่ได้  และคิดว่าเข้ากับคาแร็กเตอร์ตัวละครด้วยค่ะ (เรียกว่าดราม่าได้มั้ยเนี่ย กรุบกริบมาก)

เป็นส่วนที่เชื่อมกับเรื่อง #เกมท้ารัก เรียกว่าสปอยล์เรื่องนั้นเลยล่ะ 5555

ด้วยความที่เจดเป็นคนแคร์คนรอบข้างมากๆ เราเลยให้ปมมันวิ่งไปที่คนอื่นแทนที่จะพุ่งมาที่ตัวตรงๆ

อุบัติเหตุของพี่เตคราวนี้เลยกระทบความรู้สึกป๊า และกระทบไปถึงเจไดด้วย

แต่ไม่หนักหนาสาหัสอะไรเนอะ เดี๋ยวก็จบแล้วค่ะ



ฝาก #หมีแต่รัก เช่นเคยน้า

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ



- Martian -
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 10 : หมีปีใหม่ (31.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-07-2018 02:03:13
 :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 10 : หมีปีใหม่ (31.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-07-2018 03:35:13
เหมือนจะมีอะไรตามมาต่อจากนี้  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 10 : หมีปีใหม่ (31.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 31-07-2018 06:32:28
แงงงงง กำลังหวานกันแท้ๆ มีเรื่องแล้ววว
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 10 : หมีปีใหม่ (31.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 31-07-2018 16:11:33
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 10 : หมีปีใหม่ (31.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 31-07-2018 16:19:54
เจไดน่ารักมากกกกกกกกกกกกกก มากกกกกกกกกก อยากจะบีบๆๆๆ
ฮือ นึกถึงตอนพี่เตบอกจะไปเมกา แต่จริงๆคือไป... นี่เศร้ามาก ฮือ อ่านในมุมมองของเจดอีกรอบก็น่าจะร้องไห้อีก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 10 : หมีปีใหม่ (31.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 31-07-2018 20:23:50
ตามจากมอปลายกับร้านเหล้า​ เรื่อง​นี้ฉีกแนวไปเลยมุ้งมิ้งมาก​ น่ารัก​จัง​
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 10 : หมีปีใหม่ (31.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 01-08-2018 00:06:45
ทำไมรู้สึกว่าไม่ชอบเจดยังไงไม่รู้  :hao4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 10 : หมีปีใหม่ (31.07.2561) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Daryneisfine ที่ 01-08-2018 23:46:03
อยากหยิกน้องงงงง ป๊าคนดี อดทนไว้นะ รอกระต่ายหายกลัวก่อนน
มีแฟนเรียนสถาปัตย์ จนนังเป็นสถาปนิกแล้ว ไม่เคยได้ซักซุ้มเลย!
อย่าว่าแต่โมเดลเล็กๆ ก็ไม่มีจ้า อิจฉาตาร้อนนน
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 02-08-2018 06:16:05
ข้อที่ 11

น้ำตาหมี (100%)

 

               

ทุกอย่างมันรวดเร็วมากจนเราสับสน ตั้งตัวไม่ทัน... เจดก็คงเหมือนกัน



ถึงจะยังมีสติขับรถได้ แต่เห็นชัดว่าเจดดูช็อก งุนงง จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ยังไง ในเมื่อเตวิชญ์ไม่ได้ดื่ม ไม่ได้เมา และเขาก็กลับคอนโดไปนานแล้ว



เจ้าหน้าที่โทรหาเจดเพราะเป็นเบอร์โทรล่าสุดที่คุยกัน แต่เจดไม่ใช่ญาติจึงเซ็นยินยอมการผ่าตัดไม่ได้ สุดท้ายต้องโทรตามพ่อของเตวิชญ์เพื่อมาจัดการเรื่องต่างๆ ตามขั้นตอน พอเรามาถึงก็เห็นท่านนั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดแล้ว เอ่ยทักทายกันไม่กี่คำพ่อก็ต้องไปคุยธุระกับทนายเพื่อมาไกล่เกลี่ยกับคู่กรณีต่อ หน้าห้องฉุกเฉินดูวุ่นวาย ในขณะที่เราสองคนได้แต่นั่งเงียบ รออยู่ในบรรยากาศที่อึดอัดอย่างสัมผัสได้



เจดโทรหาน้องพิชญ์เป็นสิบๆ สาย แต่ไม่มีคนรับ ในทีแรกเจดคิดว่าน้องเกิดอุบัติเหตุด้วย แต่คู่กรณีบอกว่ามีเตวิชญ์แค่คนเดียว นั่นยิ่งน่าประหลาดใจ



 ไม่มีใครรู้ว่าเขาขับมอเตอร์ไซค์ออกมาอีกทำไม และกำลังจะไปไหน... แถมที่เกิดเหตุก็อยู่ไกลจากคอนโดของเจ้าตัวพอสมควร



ทุกวินาทียาวนาน ชวนกระวนกระวายไปหมดจนกระทั่งหมอออกมาบอกว่าเตวิชญ์อาการปลอดภัย และถูกส่งตัวไปเฝ้าดูอาการที่ห้องไอซียู

               

พอทุกอย่างสงบและดูจะเข้าที่เข้าทางในตอนเช้าพ่อถึงบอกให้เราสองคนกลับไปพักผ่อน เราเห็นด้วยเพราะเจดดูอ่อนเพลียมาก และดูเครียด  เราไม่อยากให้เจดเป็นอะไรไปอีกคนเลยขออาสาขับรถไปส่งเจดเอง



แต่ยังไม่ทันออกจากโรงพยาบาลเจดก็กดโทรศัพท์หาน้องพิชญ์อีกครั้ง และดูเหมือนคราวนี้จะมีคนรับ

               

“พิชญ์! อยู่ไหน ทำไมไม่รับโทรศัพท์” เสียงเจดดูโล่งใจและเครียดในเวลาเดียวกัน

               

“พิชญ์ ตอนนี้มึงยังอยู่บ้านไอ้เตใช่ไหม เดี๋ยวกูไปหา... พิชญ์...” เราไม่รู้ว่าน้องตอบอะไร แต่ประโยคต่อมาเสียงเจดเบาลง ฟังดูเป็นห่วงปลายสายอย่างเห็นได้ชัด



เราก็เป็นห่วงเหมือนกัน ถ้าน้องรู้เรื่องจะเป็นยังไง



อยู่ๆ คนรักก็หายออกมาคนเดียว รู้ข่าวอีกทีก็ตอนประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝันแบบนี้ คงใจสลาย



“พิชญ์ มึงทำใจดีๆ ก่อนนะ” เจดเงียบไปสักพัก หันมามองเราคล้ายหาคำพูดบางอย่างเพื่ออธิบาย แต่สุดท้ายก็ได้แต่เอ่ยออกไปตามตรง “ไอ้เตรถคว่ำ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล”



เราเอื้อมมือไปจับมือเจดไว้ บีบเบาๆ ให้รู้ว่าเรายังอยู่เป็นเพื่อน เผื่อส่งกำลังใจไปให้คนในสายโทรศัพท์ด้วย



“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปรับ ไม่เป็นไร มันปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องร้องนะ” เจดยิ้มจางให้เรา บีบมือกลับก่อนจะย้ำกับปลายสายอีกครั้ง ด้วยเสียงปลอบประโลมและห่วงใย



เจดคุยกับน้องอยู่สักพักก็วางสาย ถอนหายใจ ฝ่ามือที่จับกันไว้บีบแน่นขึ้นตอนที่เจดหันกลับมาสบตาเรา



มีความรู้สึกมากมายอยู่ในนั้น ...ขณะที่เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา



“เจ ขอโทษนะ”



"..." ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าประโยคต่อไปเจดจะพูดอะไร

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

ที่จริงมันอาจไม่ใช่เรื่องของเราตั้งแต่แรก ที่จริงเรากับเตวิชญ์ไม่ได้มีสถานะอะไรมากไปกว่าเพื่อนร่วมวง คุยกันไม่ถึงสิบครั้งด้วยซ้ำ ถึงช่วงหลังเราจะคุยกับน้องพิชญ์มากขึ้น แต่ก็ไม่ถึงขั้นคนสนิท ไม่แปลกที่เจดจะถือว่าเราเป็นคนนอก

               

อือ... เรากำลังน้อยใจ

               

งี่เง่ามากๆ เลยเจได ในสถานการณ์แบบนี้ยังมัวคิดเล็กคิดน้อยอยู่ได้

               

แต่เราเป็นห่วงนี่ อยากรู้ว่าตรงนั้นเป็นยังไง อยากอยู่ข้างๆ เจด อยู่ข้างๆ น้องพิชญ์ หรือแม้แต่พ่อเตวิชญ์ที่เพิ่งเคยเจอหน้าเป็นครั้งแรก ...เราอยากอยู่ด้วยจนกว่าสถานการณ์เลวร้ายจะผ่านไป

               

ไม่ใช่ต้องกลับมาอยู่คนเดียวแบบนี้



เรากระวนกระวาย นั่งไม่ติด เดินไปเดินมาอยู่ในห้องอย่างไม่รู้จะทำยังไง

               

[ โทรมาทำไมแต่เช้า ]



“เพื่อน เมื่อไหร่จะกลับหอ” นิสัยเสียๆ ของเราคือเวลามีปัญหาก็ชอบหันไปพึ่งเพื่อนทุกครั้ง



ไม่เคยจัดการความรู้สึกได้ด้วยตัวเองเลย



[ เป็นไร ] แม้แต่เพื่อนก็คงเคยชินแล้วไม่ทันไรก็จับอารมณ์ได้ ยังไม่ทันอธิบายเพื่อนก็เข้าใจ เป็นแบบนี้เสมอ ต่อให้เรากังวลกับเรื่องงี่เง่าเล็กน้อยเพื่อนก็แค่ด่า แต่ไม่เคยหนีไปไหน



เพราะแบบนี้ใครต่อใครถึงได้ล้อว่าเราเป็นลูกแหง่ติดพ่อ ไม่ยอมโต



[ อยากให้ไปหาไหม ]



แต่เราโตแล้ว... อย่างน้อยเราก็อยากโตขึ้นอีกนิด



“ขอบใจนะ"



เรื่องแค่นี้เอง เรื่องอารมณ์ของตัวเอง เราจัดการได้แน่



“เราไม่เป็นไร”

 



ถ้าคิดดีๆ เราน่าจะรู้อยู่แล้วว่านิสัยเจดเป็นยังไง

               

เจดไม่ได้กันเราออกมาจากสถานการณ์ร้ายๆ เพราะเห็นเราเป็นคนนอก แต่เพราะเจดเป็นห่วงต่างหาก

               

เพราะเจดมักจะแคร์คนรอบข้างเสมอ เลยไม่อยากให้ใครไม่สบายใจ ...ไม่เลยสักคน



อีกอย่างเราอยู่ตรงนั้นก็คงช่วยอะไรไม่ได้ คงมีแต่จะทำให้เจดพะวงมากขึ้น

               

พอคิดแบบนั้นความน้อยใจก็จางลง เราจัดการความงี่เง่าของตัวเองได้ แล้วนั่งรอฟังข่าวด้วยใจที่สงบขึ้น เราส่งข้อความไปหาเจดอยู่สองสามครั้ง ไม่ถี่มากเพราะไม่อยากรบกวน แค่อยากให้กำลังใจ และถามไถ่สถานการณ์



แต่ไม่ทันได้รู้ความคืบหน้าอะไร ความอ่อนเพลียจากการอดนอนสะสมมาตั้งแต่เมื่อวานก็เล่นงานจนเผลอหลับคาโซฟา รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงไขประตู ใครสักคนเดินเข้ามาในห้อง ทีแรกเราคิดว่าตัวเองแค่ฝัน แต่พอได้กลิ่นคุ้นเคย และสัมผัสของฝ่ามือที่ลูบผมเราเบาๆ ก็รู้ตัวว่าไม่ได้ฝัน

               

“เจด?” เราจำกลิ่นได้ กะพริบตาสองสามทีเพื่อปรับสายตาก็เห็นว่าเจดอยู่ตรงหน้าจริงๆ

               

"ขอโทษ ทำให้ตื่นเหรอ" เป็นไปตามคาด สีหน้าเจดดูอ่อนเพลียมาก แต่ก็ยังยิ้ม ฝ่ามืออุ่นลูบหัวเราเหมือนปลอบใจ



ไม่ต้องเลย เจดต่างหากที่ต้องโดนปลอบ   

               

"ได้อ่านข้อความไหม"



"อือ อ่านแล้ว ขอบใจนะ"



เราพยักหน้าดึงฝ่ามือใหญ่มาแนบแก้ม พลางยื่นมือออกไปลูบหัวเจดเบาๆ ยิ้มให้เหมือนที่เจดทำ “เหนื่อยไหม”

               

เจดชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ดึงมือเรากลับมาแนบแก้มบ้างพลางพยักหน้าตอบ



เราต่างคนต่างเงียบอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ ก่อนเจดจะเป็นคนเอ่ยออกมา



“เจ...สมมตินะ” เสียงเจดเบา และสั่นมาก “สมติว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ...”



“...” เราลุกขึ้นนั่ง ตกใจที่เห็นดวงตาคมมีน้ำเอ่อคลอ หม่นหมองแบบที่เราไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง



เจดที่เรารู้จักมักจะยิ้มเสมอ เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นพลังบวกให้คนรอบข้าง



บ่งชัดว่าเรื่องที่เจดเจอวันนี้มันหนักหนา



“สมมติว่าความจริงแล้วไอ้เตมันตั้งใจจะไป...”



“...”



“ทั้งที่อยู่ด้วยกันมันตลอด แต่กูไม่รู้เลย... ช่วยอะไรไม่ได้เลย...”

               

ไม่มีประโยคหลังจากนั้น เมื่อน้ำตาหยดแรกไหลออกมา เจดปาดมันออกลวกๆ  มืออีกข้างบีบมือเราแน่น ซบหน้าลงกับตักเรา เหมือนไม่อยากให้เห็นสีหน้าที่เริ่มบิดเบี้ยวเก็บอาการไม่ไหว

               

ไหล่ของเจดสั่น ไม่ทันไรหัวเข่าเราก็สัมผัสได้ถึงหยาดน้ำ

               

เราไม่แน่ใจว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง เรื่องที่เจดสมมติเป็นเรื่องจริงไหม หรือเจดรู้อะไร

               

“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”



ในวันที่เราร้องไห้เพราะฟ้าผ่า เจดปลอบใจเราจนน้ำตาหยุดไหลได้

               

“เจดทำดีแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว”

               

คราวนี้คงถึงเวลาที่เราจะเป็นฝ่ายซับน้ำตาให้เจดบ้าง









☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

เจดหลับไปตั้งแต่เย็นและเราคิดว่าคงไม่ตื่นจนเช้า หัวของเจดซุกอยู่ที่อกเรา แขนพาดอยู่ที่เอว ส่วนมือเราโอบรอบหัวเจด



เรานอนกอดกันในโซฟาแคบๆ เราลูบผมเจดเบาๆ จูบหน้าผาก ทำแบบนี้สลับกันซ้ำๆ เพราะอยากให้เจดหลับสนิท ไม่ต้องฝัน เจดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ได้เวลาต้องจำศีล

               

เราเผลอหลับไปอีกรอบเมื่อไหร่ไม่รู้เหมือนกัน ตื่นมาก็ตอนตะวันขึ้นแล้ว ลืมตาขึ้นมาก็สบตากับดวงตาคมๆ กับรอยบุ๋มที่แก้มข้างซ้ายเมื่อคนตื่นก่อนยิ้มให้



อยู่ๆ เราก็เป็นฝ่ายถูกกอดไว้ หนุนแขนเจดแทนหมอนที่ไม่รู้ถูกยึดไปตอนไหน

               

“หิวโคตร” ไม่มีคำพูดอรุณสวัสดิ์ออกจากปากคนที่ไม่ได้กินข้าวมาเป็นวัน

               

เราหัวเราะ ลุกขึ้นนั่ง “เดี๋ยวหาอะไรให้กินนะ”

               

ดีที่ปกติเรามีมาม่าติดห้องไว้ มีไข่ กับผักเหลืออยู่นิดหน่อย พอเป็นสารอาหาร ใช้เวลาต้มมาม่าไม่กี่นาทีก็กินได้ แต่เจดใช้เวลากินไวกว่าตอนต้มซะอีก

               

คงจะหิวมาก

               

“เอาอีกไหม” เราถาม “แต่ไข่กับผักหมดแล้วอ่ะ”

               

เจดหัวเราะ ซดน้ำคำสุดท้ายแล้วส่ายหน้า “อิ่มแล้วครับ”

               

เราไม่ได้ว่าอะไร ยกชามไปวางไว้ที่อ่างล้างจานแล้วกลับมานั่งขัดสมาธิข้างโซฟา จ้องหน้าเจดที่นั่งในท่าเดียวกัน ในใจมีคำถามเต็มไปหมด แต่ไม่รู้ว่าควรถามอะไรก่อนเลยปล่อยให้ทั้งห้องเงียบอยู่อย่างนั้น จนเจดหลุดหัวเราะแล้วตบตักตัวเองเบาๆ

               

“มานั่งนี่ได้ไหม”

               

เราขยับไปนั่งบนตักเจดโดยไม่อิดออด ปล่อยให้เจดกอด และซบหน้าลงกับไหล่ สูดหายใจลึกก่อนค่อยๆ ระบายสิ่งที่อยู่ในความคิดออกมา

               

“เมื่อวานไอ้พิชญ์เอากระดาษโน้ตให้พ่อไอ้เตดู” เจดเริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงเหมือนยังสับสนอยู่ไม่น้อย “ไม่ได้อยากละลาบละล้วงหรอก แต่มันเห็นเอง”

               

“...”

               

“เป็นคำขอบคุณ กับขอโทษ... น่าจะเป็นคำบอกลา”

               

เราปล่อยให้เจดเล่า ไม่คิดขัดอะไร คราวนี้น้ำเสียงเจดสงบกว่าเมื่อวาน ไม่มีวี่แววว่าจะร้องไห้แล้ว

               

“พอคิดย้อนกลับไป ก็นึกได้ว่าไอ้เตมันเคยพูดอะไรแปลกๆ อยู่เหมือนกัน”

               

“...”

               

“มันเคยฝากให้ดูแลไอ้พิชญ์... ตอนนั้นคิดว่ามันจะไปเรียนต่ออเมริกา ก็เลยไม่คิดอะไร”

               

เราเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานนี้เหมือนกัน เรื่องอเมริกา...



เตวิชญ์เกิดที่นั่น เติบโตที่นั่น และเพิ่งกลับมาอยู่ไทยได้ไม่ถึงปี น้องพิชญ์บอกว่าเขาจะกลับไปอีก

               

...เพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าอเมริกาไม่มีจริง

               

“ดีนะที่ไม่ได้รับปากไป” เจดหัวเราะเบาๆ กับเรื่องตลกร้ายพลางกระชับอ้อมแขน จูบขมับเราซ้ำๆ น่าจะทำเพราะอยากรับรู้ว่าเรายังอยู่ข้างๆ

               

“แล้ว... จะทำยังไงต่อไป” เราถาม เมื่อเจดนิ่งไปอีกครั้ง



ถ้าอุบัติเหตุนี้เป็นความตั้งใจของเตวิชญ์จริง เป็นไปได้ว่าเขาไม่สบาย มีแผลใหญ่ๆ ที่ใจ ต้องไปหาหมอ แต่คนส่วนใหญ่ยังมองว่าการพบจิตแพทย์เป็นเรื่องน่าอาย



ถ้ามีคนรอบข้างชี้นำ คงช่วยได้



“ไม่รู้เหมือนกัน ไอ้เตมันเป็นคนเข้าใจยาก มีแต่ไอ้พิชญ์นั่นแหละที่มันยอมเปิดใจให้ แต่ขนาดไอ้พิชญ์ยังเข้าใจทั้งหมดไม่ได้...” พูดถึงตรงนี้เจดก็ชะงักอีกครั้ง สูดหายใจหนักๆ ท่าทางคิดไม่ตก



“กลัวว่าทะเล่อทะล่าเข้าไปแนะนำอะไร จะยิ่งแย่”



"อือ" เราพยักหน้า เข้าใจ มันเป็นเรื่องที่เปราะบางในการประคับประคองหัวใจที่เปราะบางมากๆ



ถ้าอุ้มผิดวิธีหัวใจดวงนั้นจะช้ำ อาจจะตกแตก และอาจแก้ไขไม่ได้



แต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไปหรอก เราแค่ต้องทำความเข้าใจ เราทุกคนเลย



“ตอนนี้คงได้แต่ซัพพอร์ตไอ้พิชญ์เท่าที่ทำได้ ไม่ให้มันแย่ไปอีกคน”



“แล้วเจดล่ะ” เราหลุดปากถามออกไป เจดเป็นอย่างนี้อีกแล้ว ห่วงแต่คนอื่น ไม่ค่อยคิดถึงตัวเอง



“หือ?”



“แล้วใครจะซัพพอร์ตเจด” เราหันหน้ากลับไปสบตาจริงจัง คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดหน่อย ดูงุนงงกับคำถาม



“ถ้ายังไม่มี... เป็นเราได้ไหม”



นี่เป็นประโยคบอกเล่านะ เราไม่ได้ถาม



“จากเรา ไปที่เจด ไปที่น้องพิชญ์ เป็นลูกโซ่กำลังใจ”



ไม่ต้องห่วงเรารู้ว่ามันจะได้ผล





“แบบนี้เตวิชญ์คงไม่อยากหนีไปไหนแล้วเนอะ ว่าไหม?”





พิสูจน์ได้จากรอยยิ้มสวยๆ ของเจดตอนนี้ไง

 






☉ --------------------------Side Story 11---------------------------------- ☉

 

                 

'มึงยังชอบพิชญ์อยู่ไหม'

               

'หือ? อยู่ๆ ทำไมถึงถาม'

               

'สงสัย'

               

'สงสัยหรือหึง?'

               

'...'

               

'หึ ถ้ากูบอกว่าเวลากูเห็นน้องอยู่กับมึงแล้วยิ้มได้กูก็มีความสุขด้วย แบบนี้แปลว่ากูยังชอบมันอยู่ไหม'

               

'...'

               

'ไอ้พิชญ์เหมือนน้องชายกูอ่ะ ต่อให้ไม่ได้คิดอะไรกับมันแบบนั้นแล้วกูก็ยังเป็นห่วงมัน ยังเอ็นดูอยากเห็นมันมีความสุขก็แค่นั้น มึงไม่จำเป็นต้องหึง'

               

'งั้นกูฝากน้องหน่อย'

             

'อะไร'

               

'ถ้ากูไป มึงคงดูแลน้องแทนกูได้'

               

'นี่มึงยังจะไปอเมริกาอยู่เหรอ เห็นหลงเมียขนาดนี้คิดว่าล้มเลิกแผนแล้ว'

               

'กูล้มเลิกไม่ได้'

               

'ไม่รู้โว้ยไม่รับปาก'

               

'...'

               

'มึงรวยจะตายห่า อเมริกาแค่นี้บินไปกลับอาทิตย์ละครั้งก็ยังได้มั้ง'

               

'...'

               

'อีกอย่าง มึงก็เห็น กูติดกับดักกระต่ายเข้าจังๆ'

               

'...'

               

'คนของมึงก็ดูแลเองสิวะ'

               

'...'

               

'กูก็มีคนของกูให้ดูแลเหมือนกัน'








☉ --------------------------100 %--------------------------------- ☉

ตอนนี้สั้นจู๋เลยง่ะ สงสัยเพราะเป็นดราม่า '_'

บอกแล้วว่ากรุบกริบเนอะ ด้วยความยัยเจดราม่าเลยอันตรธานไปอย่างรวดเร็ว 5555

เวลาเครื่องบินตกจะมีกล่องดำบันทึกเสียงเหตุการณ์ไว้

เราว่าตอนนี้คงเป็นกล่องดำของเรื่อง #เกมท้ารัก ล่ะ

เสียงร้องไห้ของเจด บทสนทนาที่ไม่ได้ปรากฏในเรื่องนั้น เราอยากเอามาเปิดให้ฟังกัน

จริงๆ เราคิดว่าใครที่อ่านเกมท้ารักมาก่อนแล้วมาอ่านตอนนี้น่าจะรู้สึกกับช่วงท้ายเหตุการณ์ไปอีกแบบ... หรือเปล่านะ 55555

ส่วนใครที่ยังไม่อ่านเรื่องนั้น ยืนยันว่าไม่ต้องอ่านก็ได้ค่า รู้เหตุการณ์แค่ส่วนนี้ก็น่าจะพอแล้วเนอะจะได้ไม่กระทบใจมาก ;-;

แต่ถ้าอ่านแล้วงง หรือผิดพลาดตรงไหน ช่วยบอกกันด้วยนะคะ จะรีบแก้ไขให้ค่า



จริงๆ ต้องมีต่ออีก และจะจบภายในตอนนี้แต่คิดว่าตัดตอนตรงนี้ดีกว่า

ตอนหน้าจบแล้วน้า (มีบทส่งท้ายอีกค่ะ)

อาจจะมาช้านิดนึงเพราะต้องไปทำธุระที่กทม.ค่ะ



ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ

ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยน้า



- Martian -

หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 02-08-2018 06:40:04
เนี่ยอ่านตอนที่รู้ว่าอเมริกาพี่เตไม่มีจริงละจะร้องทุกที​ ถ้าเตไปไม่มีวันกลับคนข้างหลังจะทำไง​ ฮือ :hao5:

เอ็นเจไดจังตอนบอกว่าให้กำลังใจแบบลูกโซ่
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 02-08-2018 07:26:55
ยังไม่ค่อยเข้าใจเตเท่าไหร่
เอ็นดูน้องต่าย พยายามเข้มแข็งกับเข้าใจและให้กำลังใจคนอื่นด้วย
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 02-08-2018 08:17:45
เจน่ารักมาก เป็นที่จัดการกับความรู้สึกด้านลบของตัวเองได้ดีนะ อยากอุ้มมากอดทุกครั้งที่เจน้อยใจ มันงู้ยมาก 55555
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 02-08-2018 08:27:59
ไม่เข้าใจเตเลย ทำไมทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2018 08:41:33
เต มีหลุมดำในใจสินะ
หลุมนั้นทั้งลึก ทั้งขยายออกตลอด
ทั้งที่มีพิชญ์อยู่ด้วยแท้ๆ
เอาอะไรไปถมหลุมให้เต็มได้นะ
ใครก็ถมให้ได้ไม่มากเท่าเจ้าตัวถมเอง   :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 02-08-2018 09:14:52
ตอนที่อ่าเกมท้ารัก เราเห็นแต่มุมของพี่เน้องพิชญ์และพ่อของเต  พอมาอ่านตรงนี้ได้เห็นมุมขอเจดกับเจ ทำให้รู้ว่าผลมันกระทบกับความรู้สึกของแต่ละคนเป็นโดมิโน
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 02-08-2018 09:35:53
อย่าไปเทคแคร์ ด๊แลกระต่ายไปปปป สงสสารรคุณฟมีเนาะะะะะะะะพ สุ้ๆๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-08-2018 11:51:29
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-08-2018 17:36:34
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 02-08-2018 23:48:19
ยังคงตกหลุมรักกระต่ายเจไดซ้ำๆ  :กอด1:
เขียนกระต่ายน่าเอ็นดูมากๆๆๆ  :impress2:
 :pig4:                  :pig4:                    :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 07-08-2018 17:05:33
กระต่ายน่ารักมากๆจริงๆนะคะ แงงงงงงงงง รักเจจังเลย น่ารักมากๆ น่ารักที่สุด :hao5:
ขอบคุณมากค่า
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: yewlyz ที่ 08-08-2018 13:47:25
อยากมีน้องเจเป็นของตัวเองเลย น้องน่ารักกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Raam ที่ 08-08-2018 22:36:09
เอ็นดูยัยเจ สงสารคุณหมีแล้วก็พีช  มาต่อเร็วๆนะค้าาา :ling1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 11 : น้ำตาหมี (02.08.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 26-08-2018 18:04:53
พลังแห่งกำลังใจเชื่อมกันเป็นลูกโซ่ให้พลังแข็งแรงเจไดน่ารักจริงๆค่ะลูก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีเยียวยา 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 20-09-2018 03:09:17
ข้อที่ 12

หมีเยียวยา (50%)

 

           

เจดสนิทกับน้องพิชญ์มาก เรารู้ดี

               

เจดเป็นห่วงน้องพิชญ์มากๆ ข้อนั้นเราก็รู้ดีเหมือนกัน

               

แต่มันมีวิธีการแสดงความเป็นห่วงอย่างอื่นไหมนะ ที่ไม่ใช่การกอดอ่ะ

               

เรื่องมีอยู่ว่าเรากับเจดมาเยี่ยมเตวิชญ์ที่โรงพยาบาล เตวิชญ์รู้สึกตัวสักพักแล้ว อาการเกือบจะเป็นปกติ มีแขนที่ต้องใส่เฝือกไว้ และเฝ้าดูอาการอีกสองอาทิตย์



เราเพิ่งได้มาเยี่ยม เพราะหลังปีใหม่ก็เปิดเทอมพอดี แค่อาทิตย์แรกก็แทบไม่มีเวลากระดิกตัว

               

เจดเป็นคนจัดการเรื่องเรียนของเตวิชญ์ให้ เห็นว่าอาจารย์ที่คณะสนิทกับนักศึกษาอยู่แล้วก็เลยไม่มีเรื่องยุ่งยากอะไร แค่ตามส่งงานให้ครบก็ไม่น่ามีปัญหา ส่วนน้องพิชญ์หลังเลิกเรียนก็มาเฝ้าเตวิชญ์ทุกวัน หอบเสื้อผ้ามาค้างที่โรงพยาบาล เหมือนไม่อยากให้เตวิชญ์คลาดสายตา

               

น้องดูโทรมลงไปมาก ตาก็บวม ผอมกว่าที่เคย เราไม่เคยเห็นน้องพิชญ์แสดงสีหน้ากังวลใจ แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่เราเห็นน้องร้องไห้

               

พอเตวิชญ์กินยาแล้วหลับไป น้องพิชญ์ก็หายเข้าไปอีกห้องที่เป็นส่วนรับรองแขก เจดเดินตาม เราเห็นสองคนหายไปนานก็เลยตามมาดูบ้าง แล้วก็เห็นว่าเจดกำลังกอดน้องพิชญ์ ลูบหัวลูบหลังโดยไม่พูดอะไร ในความเงียบเราได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ไหล่บางๆ ในอ้อมกอดเจดสั่นอย่างน่าสงสาร

               

เรายืนนิ่งมองทั้งสองคนอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร

               

รู้ดีว่าน้องกำลังร้องไห้ เพราะแบบนั้นเจดก็เลยกอดปลอบใจ ถ้าเรากำลังร้องไห้เจดก็คงกอดเหมือนกัน

               

เราไม่ควรคิดมาก ไม่ควรงี่เง่า



ไม่หึง... หึงไม่ได้... ใช่ไหม

 






☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

วันนั้นเราเดินออกมาเงียบๆ รอจนเจดกับน้องพิชญ์เดินกลับมา ไม่นานก็ขอตัวกลับ ตอนเจดมาส่งที่หอเราไม่ได้บอกว่าเห็นอะไร ไม่ได้ถามว่าทำไมน้องพิชญ์ถึงร้องไห้ ในหัวเราว่างเปล่า จำได้แค่ว่าตอนลงจากรถมาเราบอกเจดว่าบ๊ายบาย

               

ระยะหลังเรากับเจดแทบไม่ได้เจอกัน เจดดูวุ่นๆ ส่วนเราก็มีโปรเจกต์ที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ถึงจะยังโทรหากันทุกวัน แต่เราก็รับรู้ได้ถึงระยะห่าง

               

“ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ไปกินข้าวกับไอ้หมี”

               

“เจดไม่ว่างอ่ะ” รู้ตัวเลยว่าเสียงหงอย แล้วเพื่อนเหรอจะไม่รู้ พอได้ยินคำตอบเพื่อนเลยขมวดคิ้วมอง

               

“มีอะไร”

               

“เปล่า” ปฏิเสธไปก็เท่านั้น ยังไงเพื่อนก็จับได้ วางช้อนกอดอก มองหน้าเราอย่างคาดคั้น

               

“ไอ้หมีมันทำอะไร”

               

“ไม่ใช่ เจดไม่ได้ทำ” พอเพื่อนทำท่าจะโทษเจดเราเลยยอมเงยหน้าสบตาจริงจัง “เรา...”

               

“?”

               

“เราหึง”

               

“หึงอะไร มันมีคนอื่นเหรอ” เพื่อนยิ่งขมวดคิ้วแน่น ท่าทางไม่พอใจมากๆ

               

“ไม่ใช่” เราส่ายหัวพัลวัน “ก็เรื่องเตวิชญ์ ที่เคยบอกอ่ะ”

               

เราเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันปีใหม่ให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็เป็นห่วง แต่แนะนำอะไรไม่ได้มาก เพราะไม่ได้มาใกล้ชิดกับพวกเขาเหมือนเรา

               

“น้องพิชญ์กำลังแย่ แต่เราก็น้อยใจที่เจดไม่ค่อยมีเวลาให้ เห็นแก่ตัวไหม”

               

เพื่อนไม่ตอบ แค่ส่งสายตาให้เราพูดต่อไป

               

“เราบอกว่าจะช่วยส่งพลังให้ แต่ถ้ามัวแต่คิดมาก จะเป็นพลังให้เจดได้ยังไง” ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกผิด



“อืม” เพื่อนถอนใจท่าทางเหนื่อยหน่าย “ก็รู้ตัวนี่ ว่างี่เง่า”



“โห่เพื่อน” ไม่ปลอบกันแล้วยังจะมาซ้ำ



“รู้แล้วก็ไปบอกไอ้หมีซะ บอกที่มึงบอกกูเนี่ย”



“บอกได้ที่ไหนเล่า” เรางอแง ขืนไปบอกแบบนี้เจดคงหาว่าเรางี่เง่า คงไม่อยากคุยกับเรา



“บอกได้” เพื่อนยืนยัน พลางควักโทรศัพท์มือถือออกมา กดอะไรสักพักจึงส่งมาให้เรา



หน้าจอโชว์หน้าต่างแชทในแอพไลน์ รูปโปรไฟล์อีกฝ่ายเราจำได้ดีว่าเป็นใคร



‘พี่เพื่อน ช่วงนี้เจเป็นอะไรเหรอครับ ดูไม่ค่อยร่าเริงอ่ะ’



‘ผมถาม เจบอกว่าเพราะโปรเจ็กต์ หนักมากเหรอครับ’



‘ช่วงนี้ผมก็วุ่นๆ ไม่ค่อยได้เจอเลย ฝากพี่ดูหน่อยนะครับ อย่าให้เจเครียดมาก’



‘ผมเป็นห่วง’





พออ่านถึงข้อความล่าสุดแก้มเราก็อุ่นขึ้นมา เงยหน้ามองเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่คิดมากเรื่องอีกคน



ไม่เห็นรู้เลยอ่ะ ว่าเจดคุยกับเพื่อนด้วย

           

“เพื่อน...”

               

“เออ ทีนี้ก็รีบไปบอกมัน ว่ากำลังงี่เง่าเรื่องอะไร”

 






☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

แต่เพราะต่างคนต่างยุ่งโอกาสคุยกันก็ยาก เราไม่อยากพูดผ่านโทรศัพท์ อยากบอกต่อหน้า อยากมองตาเจด

               

คิดถึงอ่ะ... อยากเจอ

               

อยากรู้ว่าเจดอยากเจอเราบ้างไหม อยากได้ยินเสียง...

               

ครืดดด

               

ยังกับถูกแอบอ่านใจ พอคิดแบบนั้นโทรศัพท์มือถือก็สั่น ชื่อที่ขึ้นหน้าจอทำให้เรากดรับอย่างรวดเร็ว

               

“เจ”

               

แต่ไม่ใช่เสียงเจด

               

...เป็นเสียงน้องพิชญ์

               

เรามองหน้าจออีกทีก็มั่นใจว่าดูไม่ผิด เป็นเบอร์เจดจริงๆ

               

ถ้าอย่างนั้นเจดคงอยู่กับน้องพิชญ์... อีกแล้ว

               

“เจ ได้ยินไหม” ยังไม่ทันปล่อยความคิดให้จมสู่ความน้อยใจ เสียงน้องพิชญ์ก็ดังขึ้นมา

               

“อืม” เสียงเราแผ่วกว่าที่คิด

               

ก็ผิดหวังนี่นา

               

“เจมาคณะได้ไหม” แต่หงอยได้ไม่เท่าไหร่ คิ้วก็ขมวดด้วยคำถาม

               

“ทำไมเหรอ?”

               

“ป๊าแย่แล้วอ่ะ”

               

“หา?”

               

ไม่รอฟังคำอธิบาย เราคว้ากุญแจรถพุ่งออกจากห้องอย่างไว

 

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 



พิชญ์บอกเราว่ามันคือภาวะเร่งด่วน ด่วนมาก เรารีบเหยียบคันเร่งออกจากหอ บึ่งไปคณะสถาปัตย์เพื่อพบว่ามีหมีกำลังอาละวาด



"ไม่ไหวแล้ว กูจะนอนตรงนี้! เดี๋ยวนี้!" โวยวายเสร็จก็ทำท่าจะทิ้งตัวลงบนพื้นข้างโต๊ะทำงาน ทั้งที่รอบตัวเต็มไปด้วยเศษกระดาษ ขยะสารพัด



"เจด" พอได้ยินเสียงเราก็ชะงัก ขมวดคิ้วหันไปมองน้องรหัสอย่างงุ่นง่าน



"ป๊ามันไม่ยอมกลับหออ่ะ พิชญ์ไม่ว่างไปส่งด้วย" ตัวการยิ้มขำ เลิกคิ้วยียวนใส่เจ้าหมียักษ์ที่ทำท่าไม่พอใจที่น้องพาเรามาแต่ก็ทำได้เพียงโวยวาย



"เจจจ ง่วงงงง" เจดไม่เคยทำท่าทางแบบนี้สีหน้างอแงดูน่ารักจนเราชะงักไป



แต่ยังไงก็ยอมให้นอนตรงนี้ไม่ได้สกปรกจะตาย



"ไปนอนหอเราไหม" เอ่ยปากพลางพยายามคิดว่าจะยกลูกไม้ไหนมาใช้โน้มน้าวได้อีก



แต่เจดไม่ดื้ออย่างที่คิด เจ้าหมียักษ์ที่เคยอาละวาดกลับเดินลากเท้ามากอดคอ ทิ้งตัวลงกับไหล่เราซ้ำยังพยักหน้าตอบรับง่ายดาย



"ปะ"

 



ในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน...



แต่เรายังหาจังหวะพูดอะไรไม่ได้มาก มาถึงห้องไม่ทันได้ถามว่าจะกินอะไรไหม จะอาบน้ำก่อนหรือเปล่า หมีตัวโตก็ทิ้งตัวลงโซฟาดังตึง หลับปุ๋ย



เราอดหัวเราะไม่ได้เอาผ้าห่มผืนใหม่มาคลุมให้ เจดคงง่วงสุดๆ ไม่งั้นคงไม่งอแงแบบนี้ ดูสิใต้ตาก็คล้ำ หนวดเคราก็ยาวขึ้น รุงรัง ไม่เจอกันไม่กี่วัน ซูบลงด้วยหรือเปล่านะ



พอนึกภาพที่เจดต้องทำงานของตัวเองซ้ำยังต้องคอนเทคแคร์ช่วยเหลือคนอื่น เป็นที่ปรึกษาน้องพิชญ์ แล้วยังเผื่อใจมานึกถึงเราอีก



อย่ามัวแต่ดูแลคนอื่นไม่ดูแลตัวเองสิ คนทางนี้เป็นห่วงนะ



เราทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิข้างโซฟา เท้าแขนวางคางลงมองหมีที่เข้าฤดูจำศีลเงียบๆ



เวลาหลับใบหน้าคมคร้ามกลับดูสงบ ใจดีไม่แพ้เวลาที่ยิ้ม



ยิ้มของเจดอ่อนโยน จริงใจ เห็นทีไรก็อดใจสั่นไม่ได้



พอคิดแบบนั้นมือเจ้ากรรมดันเผลอยกนิ้วจิ้มลงที่แก้มซ้ายตรงตำแหน่งลักยิ้ม ลักลอบเกลี่ยใบหน้าเขา ไล้ตามกรอบหน้าตามเครารุงรังแผ่วเบาจน



หมับ!



“...!”



แต่เจ้าตัวคงรำคาญ ไม่ทันไรนิ้วชี้ของเราถูกคว้าหมับ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเป๋งมา



ทว่าไม่มีทีท่าโกรธเคือง เพียงปะปนความรู้สึกยากจะอธิบาย



"หิวไหม" เรายิ้ม เอ่ยถาม ไม่รู้เหตุผลที่ยอมให้เขากำนิ้วชี้เราไว้อย่างนั้น



"หึ ง่วง" เจดส่ายหน้า ส่งเสียงครางเบาๆ ขยับมาใกล้จนปลายจมูกเกือบแตะกัน



“เหนื่อยหรือเปล่า” เราถาม ไม่ละใบหน้าหนี ซ้ำยังคลอเคลียอยู่อย่างนั้น



ความเหงา ความน้อยใจ ความรู้สึกงี่เง่าหายไปทันทีที่เห็นใบหน้าของเขา



เหลือเพียงความคิดถึง ความห่วงใย ความรู้สึกดีๆ ที่ส่งให้กันและกันผ่านลมหายใจร้อนผ่าว 



ที่เป็นแบบนี้ เพราะชอบเจดมาก... ใช่ไหมนะ



เจดยิ้มกว้าง ฝ่ามือมือใหญ่ดึงมือเราไปทาบกับแก้มสาก คล้ายออดอ้อน สบตาเราด้วยสายตาอ่อนโยนคู่เดิมคู่นั้น



“ตอนนี้ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแล้วครับ” เรายิ้มตาม มองเจดที่ซุกจมูกกับฝ่ามือเรา จูบเบาๆ ก่อนใช้หนุนแก้มต่างหมอนหลับตาลงอีกครั้ง



เราหลุดหัวเราะกับท่าทางงัวเงียน่ารัก ดึงมือข้างหนึ่งของเขามาทำแบบเดียวกัน



หนุนฝ่ามือใหญ่จำศีลไปพร้อมกับหมียักษ์ในถ้ำเล็กๆ ของเรา...





☉ ----------------------------50%-------------------------------- ☉

ลังเลอยู่นานว่าควรอัพเท่านี้ก่อนดีมั้ยนะ

ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาพร้อมบทส่งท้ายรวดเดียว แต่ยิ่งปล่อยทิ้งนานก็ยิ่งเครียดจนเขียนไม่ได้ค่ะ

เหลือบางฉากที่ยังติดค้าง ต้องตรวจทานความรู้สึกภาพรวมอีกหลายครั้ง แต่ไม่มากแล้วค่ะ

ขอโทษที่ให้รอนาน ขอบคุณที่ยังรอ ยังคิดถึงกันนะคะ

จะพยายามพาที่เหลือมาให้เร็วที่สุดน้า



ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยนะคะ

รัก

-Martian-


หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 20-09-2018 06:29:36
เจน่ารัก อย่าทำให้เจเสียใจนะเจด
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-09-2018 06:42:34
เจด เจ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 20-09-2018 06:58:08
หมียักษ์งอแงอ้อนกระต่ายเหรอ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 20-09-2018 09:41:24
กลับมาแล้ววววววววววว
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 20-09-2018 11:30:24
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 20-09-2018 16:14:25
ต้องยาแรงแค่ไหน ทำหมียักษ์ล้มได้เนี่ย 5555

อย่าว่าเจไดงี่เง่าเลยเพื่อน เราเป็นเจไดเราก็หึง หมีต้องชัด ต้องแบ่งโซนให้เคลียร์กว่านี้อ่ะ เราว่า... แบบนี้คนเป็นแฟนคิดมากตายเลย
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-09-2018 16:55:15
ตอนน้องเจกังวลน่าสงสารจังเลย อยากจะเดินไปตีเจดสักแปะ (ลำเอียงเว่อ)
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 20-09-2018 17:39:26
เป็นกำลังใจให้น้องพิชญ์ น้องเจ น้องเจดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-09-2018 15:15:48
เจด+เจ
น่ารักอบอุ่นดี
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีเยียวยา 100% (21.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 21-09-2018 21:21:39
ข้อที่ 12

หมีเยียวยา (100%)




พอลืมตาก็เห็นพระจันทร์มาทักทายแล้ว ห้องสว่างเพราะเปิดไฟ ได้ยินเสียงกุกกักมาจากครัว

               

เราลุกขึ้นนั่งบนโซฟาที่ไม่รู้ขึ้นมานอนแทนคนตัวโตตั้งแต่เมื่อไหร่ หยิบหมอนอิงขึ้นมากอดแล้วซุกหน้าลงไปอย่างเกียจคร้าน แต่ก็อยากเห็นว่าเจดกำลังทำอะไร

               

แผ่นหลังกว้างวุ่นวายอยู่หน้าเตาสักพักก็หันกลับมา ในมือถือหม้อที่ส่งกลิ่นมาม่าหอมฉุย พอสบตาเราก็ตกใจนิดหนึ่งก่อนยิ้มกว้าง

               

“หิวยัง?”

               

เราพยักหน้าหงึกหงักกับหมอนเพราะยังงัวเงีย เจดยิ้มขำแล้วเดินถือหม้อมาวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟา ก่อนเดินกลับไปหยิบถ้วยพร้อมตะเกียบกลับมานั่งที่พื้น

               

“ใช้ของในตู้เย็นด้วย ไม่ว่ากันนะ” เจดบอกพลางแบ่งถ้วยกับตะเกียบให้ เราไหลลงไปนั่งข้างๆ มองมาม่าที่มีหมู ไข่ ผัก พร้อมสรรพก็ยิ้ม

               

“น่ากินจัง” คีบเส้นใส่ชามตัวเองแล้วเริ่มกินโดยไม่รออีกคน เพราะอันที่จริงเราก็ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่กลางวัน ความหิวจัดทำให้เราก้มหน้าก้มตากินไปสักพักถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเจดยังไม่ได้กินสักคำ

               

เรามองหน้าเจดพลางคีบเส้นกับหมูใส่ชามเจดบ้าง แถมด้วยไข่ไก่ฟองโตที่กำลังสุกได้ที่

               

แต่เจดก็เอาแต่มองหน้าเราแล้วยิ้ม ไม่ยอมกิน

               

อ้าว ทีนี้เราเลยไม่กล้ากินต่อด้วยเลยอ่ะ

               

“ไม่หิวเหรอ” เราเบือนหน้าหนี ซุกหน้าลงกับหมอนอิงที่หนีบลงมาด้วย

               

“หิว”

               

...แล้วทำไมไม่กินอ่ะ

               

ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ปากก็หนักไม่กล้าถาม ไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น ลมหายใจก็ติดขัด หัวใจเต้นตึกตักจนน่ากลัวว่าเจดคงได้ยินเพราะมันเงียบมาก

               

“ขอโทษนะ” เราเลิกคิ้วประหลาดใจ ไม่แน่ใจว่าเจดขอโทษเรื่องอะไร “ไม่ค่อยมีเวลาให้เลย เจเหงาใช่ไหม”

               

พอเจดพูดแบบนั้น ความรู้สึกที่หายไปแล้วก็ตีตื้นขึ้นมา

               

เราส่ายหน้า “เราสิต้องขอโทษ" หันหน้าเข้าหาเจด สารภาพ



"เรางี่เง่า น้อยใจทั้งที่บอกเจดว่าจะช่วยเป็นกำลังใจ เจดกำลังลำบาก แต่เราช่วยอะไรไม่ได้เลย”

               

“...”

               

“เราเห็นเจดกอดน้องพิชญ์ เราหึง แต่เราหึงไม่ได้ใช่ไหม” เรากัดริมฝีปากเงยหน้ามองเจด ไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำสีหน้ายังไง แต่เจดชะงักไป ขมวดคิ้ว ก่อนถอนหายใจเบาๆ ท่าทางคล้ายยุ่งยากใจ

               

“กอดได้ไหม”

               

เราเบิกตากว้าง ไม่ทันคิดว่าอยู่ๆ เจดจะขอขึ้นมา

               

แต่ไม่ปฏิเสธหรอก... เราก็อยากกอดเจดเหมือนกัน

               

พอเราวางตะเกียบกับช้อนเป็นเชิงอนุญาต อ้อมแขนแกร่งก็ยกตัวเราไปนั่งคร่อมตัก กดใบหน้าเราซุกกับอกตัวเอง กอดแน่นจนได้ยินเสียงหัวใจ

               

...หัวใจเจดเต้นแรงจัง

               

เสียงตึกตักดังกว่าหัวใจเราอีกมั้ง

               

“ตอนกอดกับไอ้พิชญ์ไม่เต้นแรงเท่านี้หรอก” เจดพึมพำ เราเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ เจดเลยหัวเราะ “หัวใจ... เหมือนจะระเบิดเลยตอนนี้” พูดจบใบหน้าคมก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ



พอเจดเขิน เราก็เลยเขินบ้างจนต้องมุดหน้าลงซ่อนแก้มร้อนจัดของตัวเองเอาไว้



เราปล่อยให้เจดกอดไว้อย่างนั้น นานจนรู้สึกว่าเสียงหัวใจเราสองคนค่อยๆ กลายเป็นเสียงเดียวกัน 

               

“จูบได้ไหม” แล้วอยู่ๆ เจดก็กระซิบถาม

               

“เอ๊ะ...”



“ได้ไหม” พอเราทำท่าตกใจก็เปลี่ยนเป็นอ้อน



รู้ใช่ไหมว่าใช้เสียงแบบนี้แล้วเราจะปฏิเสธไม่ได้

               

จุ๊บ

               

เราเลยเงยหน้าขึ้นจุ๊บปากเจดเร็วๆ แล้วผละออกมา

               

"หึ" แต่ดูท่าเจดจะไม่ยอมง่ายๆ เสียงทุ้มหัวเราะขัน ก่อนจะก้มหน้าลงมาใช้หน้าผากดันหน้าผากเรา บังคับให้เงยหน้าขึ้นไปหาอีกครั้ง หนีไปไหนไม่ได้ด้วยเพราะถูกอ้อมกอดของเจดกักขังไว้

               

“พี่เจครับ”

               

“...” อย่าเรียกแบบนั้นนะ

               

“คิดถึงจัง”             



โอ๊ยย หมีขี้โกง หมีโลภมาก

               

แก้มเราร้อนฉ่า หลับตาหนีตอนที่เจดยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจอุ่นๆ รดจมูก ริมฝีปากร้อนจุ๊บลงมาหนึ่งทีก่อนพึมพำอ้อน

               

“อ้าปากหน่อยครับ”

               

เหมือนถูกล่อลวงด้วยเสียงเพราะๆ เราเลยละเมอทำตามง่ายดาย จนถูกทาบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง คราวนี้ทั้งแก้ม หู กระทั่งปลายนิ้วก็เหมือนจะส่งเสียงฉ่าๆ ปะปนกับเสียงน้ำลายและเสียงริมฝีปากที่ดูดดึงกันเนิ่นนาน

               

ถูกตักตวงความหวาน แต่กลับยิ่งหวาน



หวานและเย็นฉ่ำ เหมือนถูกน้ำรดจนชุ่มไปทั้งใจ

 

 

☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

เจดบอกว่าเราเข้าใจผิดที่คิดว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้

               

เพราะความหวังดีเล็กๆ ที่เราส่งไปผ่านห่วงโซ่กำลังใจมันได้ผล ไม่ได้อธิบายว่ายังไง เจดบอกว่าแล้วจะเห็นเอง

               

แล้วเราก็ได้เห็น... ผ่านสิ่งเล็กๆ ที่เราสี่คนมีร่วมกันในช่วงเวลาสั้นๆ คือดนตรี

               

หลังจากอุบัติเหตุ เตวิชญ์แขนหัก และขอถอนตัวออกจากวง เราสองคนรู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงที่เขาเลิกตีกลองแต่ไม่ได้ห้าม แต่มีข้อแลกเปลี่ยนกึ่งขอร้องว่าเตวิชญ์จะต้องคอยซัพพอร์ตวงต่อในการแสดงครั้งต่อไป

               

ร้านที่เราไปแสดงเปิดในงานปีใหม่ รู้จักกับเครือข่ายวงดนตรีอินดี้ที่กำลังทำโปรเจ็กต์ใหญ่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เป็นงานดนตรีฤดูหนาวที่จะจัดขึ้นกลางหุบเขา รวบรวมวงดนตรีเฉพาะกลุ่มจากทั่วประเทศ รวมถึงวงดนตรีหน้าใหม่ที่มีผลงานเข้าตา วงเราถูกทาบทาม แต่มีข้อแม้ว่าต้องทำเพลงของตัวเองขึ้นมาสักสองสามเพลง

               

ตอนเจดบอกเราคิดว่ามันเกินตัว เพราะเราต่างก็ไม่เคยแต่งเพลง

               

แต่ความลับคือ... เตวิชญ์เคยเขียนเพลงหนึ่งให้วงของพี่ชายเขาเล่น สมัยอยู่อเมริกา

               

ไม่แปลกใจเลยที่เจดยกยอว่าคนคนนี้เป็นอัจฉริยะ ผ่านไปไม่กี่วัน เราก็ได้เพลงใหม่ที่เป็นเพลงของเรา...

               

เพลงที่เต็มไปด้วยคำขอบคุณ ความหวัง และความรัก ทั้งที่ไม่ใช่เพลงรัก

               

ตรงนี้แหละที่เจดบอกว่าเป็นผลจากลูกโซ่กำลังใจ

               

ช่วงที่ผ่านมาเตวิชญ์ยอมรับการรักษาทางจิตเวช ยอมเปิดรับคำปรึกษาที่เขาไม่เคยมองว่ามันไร้ประโยชน์ แต่เป็นเพราะคนรอบข้าง เป็นเพราะกำลังใจเล็กๆ ที่ส่งผ่านมือพวกเรา... เขารู้สึกได้ บางครั้งผลข้างเคียงจากยา หรือการกระทำบางอย่างที่เตวิชญ์แสดงออกกระทบจิตใจของน้องพิชญ์ ความที่ไม่เคยรับมือมาก่อนทำให้น้องกังวล แต่ผ่านพ้นมาได้ด้วยกำลังใจจากเจดที่คอยซัพพอร์ตอยู่เสมอ

               

ถึงตรงนี้เราเข้าใจว่าที่ทุกอย่างคลี่คลายเป็นเพราะเจด แต่เจดบอกว่าไม่ใช่

               

มีกระต่ายตัวหนึ่งที่เขาใช้เป็นแหล่งกำลังใจ อยู่เบื้องหลังพลังบวกที่เขาส่งให้คนอื่นๆ เหมือนกัน

               

เราไม่ได้หลงตัวเองใช่ไหมที่คิดว่ากระต่ายที่ว่านั้นคือเรา

               

ถึงจะไม่เข้าใจนักว่าทำไม แต่ก็รู้สึกดีใจมาก หัวใจพองโตพอๆ กับรู้สึกผิดที่ตัวเองแอบคิดงี่เง่า

               

แต่รู้ไหม พอเราสารภาพไปแบบนั้นเจดกลับหัวเราะ บอกว่าดีใจจังที่เรางี่เง่าเพราะตัวเอง

               

หมีประหลาด...



ประหลาดแต่น่ารัก

               

ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ แล้วแบบนี้จะไม่ให้ชอบมากๆ ได้ไงอ่ะ

               

“จูบกันเลยไหม เดี๋ยวหันหลังให้” เจดพูดใส่ไมค์ ยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นน้องพิชญ์ที่เพิ่งตื่นนอนเดินมาคุยคลอเคลียกับเตวิชญ์ระหว่างที่พวกเรากำลังซ้อมกัน

               

แก้มน้องแดงจัด ท่าทางตกใจปนเขินอาย ดวงตาเป็นประกายเหมือนเพิ่งรับรู้อะไรบางอย่าง

               

เราเดาว่าคงเป็นความหมายเพลงใหม่ที่เพิ่งเล่นจบไป

               

‘Butterfly’ หมายถึงน้องพิชญ์อย่างไม่ต้องสงสัย

               

ทั้งสองคนหันมามองพวกเรา หัวเราะที่ถูกจับตามอง ก่อนเจดจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ชวนพวกเราหันหลังให้แถมยังหลับตา เราหลุดหัวเราะก่อนเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แกล้งปิดตาหยีตามเจดบ้าง



คล้ายจะได้ยินเสียงผีเสื้อกระพือปีกในความมืด ได้กลิ่นความรักอบอวลขึ้นมาจากคู่รักที่คงลอบจูบกันอยู่ด้านหลัง แก้มของเราเริ่มร้อนเมื่อคิดภาพตาม... และยิ่งร้อนเมื่อคนที่ยืนข้างๆ ยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวนิ้วก้อยเราเบาๆ 



ไม่กี่วินาทีต่อมาปุยเมฆที่เห็นเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนหลับตาเคลื่อนเข้ามา



ประทับสัมผัสนุ่มละมุนลงบนริมฝีปากเราเช่นกัน

 

☉ ---------------------------Side Story 12--------------------------------- ☉

 

               

“ป๊าสอนเล่นกีตาร์หน่อยดิ”

               

“นึกยังไงวะ”

               

“มีเพลงที่อยากเล่นอ่ะ”

               

“เพลงอะไร”

               

“ดื่อดื๊อดือดื่อดือ~”

               

“เพลงเหี้ยอะไรของมึงครับน้องพิชญ์”

               

“ไม่ใช่เพลงพิชญ์”

               

“...”

               

“เพลงพี่เต”

               

“...”

               

“เคยเห็นเขาเล่นครั้งหนึ่ง น่าจะแต่งเอง”

               

“หึ แล้วกูจะตรัสรู้มั้ยว่ามันเล่นยังไง”

               

“ดื่อดื๊อดือดื่อดือ~ เนี่ยคอร์ดประมาณไหน”

               

“เออ แป๊บ เดี๋ยวมโนให้”

               

“ป๊า”

               

“อะไร”

               

“ขอบคุณครับ”

               

“กูยังไม่ทันได้แกะคอร์ดเลย”

               

“ไม่ใช่เรื่องนี้ หมายถึงทุกเรื่อง”

               

“...”

               

“ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อน ถ้าไม่มีป๊าอยู่ข้างๆ มันคงยากกว่านี้”

               

“หึ ไม่ใช่กูหรอกที่มึงต้องขอบใจ”

               

“?”

               

“ที่จริง กูก็ขโมยกำลังใจมาจากคนอื่นเหมือนกัน”

               

“หืม?”

               

“ตัวน่ารักๆ ที่ยืนเหม่ออยู่ที่ระเบียงนั่นน่ะ”

               

               

☉ ---------------------------100%--------------------------------- ☉

เดิมตั้งใจจะให้จบตอนนี้ค่ะ แต่มีการเพิ่มซีนนิดหน่อยเลยยาวกว่าที่คิด

บวกกับเห็นว่าซีนสุดท้ายเป็นการเคลียร์ความรู้สึกจากตอนก่อนหน้าด้วย

เลยขออนุญาตตัดพักตรงนี้ก่อนยืดตอนจบออกไปอีกตอนเนอะ

แต่ตอนหน้าจบจริงแล้วค่ะ 5555

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันเสมอมา

ฝาก #หมีแต่รัก เช่นเคยนะคะ



ขอบคุณมากๆ เลยค่า

- Martian -
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-09-2018 21:34:04
 หวานๆ ทั้งสองคู่เลย :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 21-09-2018 21:50:40
ฮือ น่ารัก ตัวน่ารักที่ยืนอยู่ตรงระเบียงงง :ling1: :ling1: :ling1:
ขอบคุณมากค่า คิดถึงยัยเจมากๆเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: choijiin ที่ 21-09-2018 22:24:50
ไม่อยากให้เจไดจบเลยยยยยยยยยยย
 :hao5: :hao5:
อยากอยู่กับเจไดนานๆกว่านี้ อยากเห็นน้องโตไปพร้อมๆกับความรักของเจด
 :mew6: :mew6:
ไม่ได้กดดันนักเขียนนะเนี่ย แต่เรารักเจไดจริงๆน้า
 :man1: :man1:
อยากได้เจไดมาเลี้ยงสักวัน แหะๆ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 22-09-2018 00:08:19
หมีเยียวยาชาวบ้านเด้ออออ กระต่ายก็เยียวยาหมีอีกที ลงตัววมากกกก ดีลลล5555
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 22-09-2018 14:40:59
อ่านรวดมาถึงตอนล่าสุด รักหมีรักกระต่ายมากเลย
ฮืออออ ฟินทุกตอนทุกช็อตเลย
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Daryneisfine ที่ 24-09-2018 14:28:24
ความรักอบอวลลล หมีน่ารักจังเลย ชอบที่ให้เจดเขิน
เรารู้สึกได้เลยว่าเจดรักเจอะ คือเวลาอยู่กับคนที่ชอบ
ใจเต้นแรง ไม่ต้องคีพคูลก็ได้ ถึงจะเป็นหมีแมนๆ
หลายๆคนชอบให้พระเอกพระเอ๊กกกพระเอก
นิ่งเก่ง ไม่เขิน อยากฟัดอย่างเดียวละแบบ บางทีเราก็ต้องการอะไรแบบนี้อะ
ที่มันเป็นความรู้สึกน่ารักๆ ที่จะจับมือก็เขิน จะทำตัวก็ไม่ถูก
ดูเป็นคนจีบกันดีแท้
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 12 : หมีแต่รัก 50% (20.09.2561) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 26-09-2018 01:06:00
หมีกระต่าย
น่ารักเน๊าะ

รักที่เข้าใจ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 13 : รักแต่หมี (01.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 01-10-2018 17:30:18
ข้อที่ 13

รักแต่หมี (100%)


               

“เพื่อนไม่ไปเหรอ” เราถามย้ำ รับกระเป๋าเป้ที่เพื่อนเอาไปตรวจความเรียบร้อยมาสะพายหลัง

               

เป้ใบเล็กมีเสื้อผ้ากับข้าวของเครื่องใช้สำหรับค้างกลางเขาหนึ่งคืน

               

“ก็ไม่ว่าง” แต่เพื่อนยังปฏิเสธหนักแน่น พลางส่งกระเป๋าเบสมาให้เราอุ้มไว้

               

“ทำไมไม่ว่างอ่ะ อยากให้เพื่อนไป” เรางอแง ตอนปีใหม่เพื่อนก็ไม่ว่าง ไม่ยอมไปดูเรา คราวนี้ยังจะเทเราอีก นี่งานใหญ่นะ



“กูก็มีธุระส่วนตัวบ้างป่ะ” เราขมวดคิ้ว ธุระอะไรนะ ปกติเวลาว่างเพื่อนก็เอาแต่อ่านหนังสือ แต่ช่วงนี้นอกจากเวลาเรียนก็ไม่ค่อยได้เจอกัน นัดไปไหนก็ไม่ว่าง ที่หอก็ไม่อยู่ แปลกมาก

               

“เหมือนคนติดแฟน” เราโพล่งความคิดในใจ แต่พอพูดออกไป เพื่อนกลับชะงัก ท่าทางเหมือนถูกจับได้

               

ขมวดคิ้วมองเราพักหนึ่งก็ถอนใจ

               

“เออ ติดแฟน”

               

“เอ๊ะ” เป็นเราที่ชะงักบ้าง เพื่อนไปมีแฟนตอนไหน?

               

ไม่ต้องรอให้เราถาม ทำสีหน้ายุ่งยากใจอยู่สักพัก เพื่อนก็สารภาพ

               

“กูคบกับพี่จีนแล้วนะ”

               

“หา?” เราเสียงดัง เบิกตามองหน้าเพื่อนอย่างตามไม่ทัน จับต้นชนปลายไม่ได้



“อะไรอ่ะ ไปคบกันตอนไหน” อยากจะถามอีกรัวๆ แต่คิดคำไม่ทัน ลิ้นพันกันจนได้แต่อ้าปากค้าง พะงาบๆ



เพื่อนคงเห็นใจที่เรายังจับต้นชนปลายไม่ได้เลยค่อยๆ เฉลย



“ตอนปีใหม่ กูขอจีนเป็นแฟน” ท้ายประโยคอ้อมแอ้ม หูค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เพื่อนก็แกล้งทำเป็นเกาปิดหูไว้



“ไหนบอกจีบไม่ติดไง” เพื่อนเคยบอกว่านกแล้ว คราวนี้อะไร เป็นแฟนกันเฉย



“ก็ติดแล้วนี่ไง”



“อะไรอ่ะๆๆๆ” เราโวยวายเลยโดนเพื่อนผลักหัวหมั่นไส้



“รำคาญ!” ไม่ต้องมาทำหน้ารำคาญกลบเกลื่อนเลย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่มีใครบอกเรา ทั้งเพื่อนทั้งจีน



มีแฟนก่อนเราได้ไงอ่ะ ไปแอบจีบกันตอนไหน



ไม่ได้การ แบบนี้รีบรวบหัวรวบหางเจดเลยดีไหม 



“หยุดคิดอะไรพิเรนทร์เลยนะ” โดนผลักหัวอีกรอบแทบหงาย



รู้ได้ไงว่าเราคิดอะไร



“เพื่อนใจร้าย” เราบ่น น้อยใจ อยู่ๆ ก็ชิงมีแฟนก่อนเรา แถมยังเป็นจีน...



เอ๊ะ แต่จะว่าไป



“แล้วงี้ เราต้องเรียกเพื่อนว่าอะไร”



“อะไร” เพื่อนขมวดคิ้ว ท่าทางไม่เข้าใจคำพูดเรา เลยเรียบเรียงให้ใหม่



“ก็เพื่อนเป็นเพื่อนเรา จีนเป็นพี่สาวเรา เพื่อนเป็นแฟนจีน แล้วต่อไปนี้เราต้องเรียกเพื่อนว่าอะไร”



“...”



“เพื่อน หรือพี่เขย?” เราสงสัย แต่เพื่อนทำหน้าตกใจ ก่อนสีแดงที่หูจะค่อยๆ ลามมาที่แก้ม



“จะเรียกอะไรก็เรียกเหอะ” ยังไม่วายทำเสียงดุ แถมสบถงำงึม



เห็นแบบนั้นก็อดตลกไม่ได้ เราอมยิ้ม แกล้งแหย่



“พี่เขย”



“...” โห แดงไปถึงคอแล้ว



“พี่เขยเพื่อน”



“โว้ย! รำคาญ” เพื่อนโวยลั่น เราหัวเราะตาม แต่ไม่ทันได้ล้อให้โดนด่าไปมากกว่านี้โทรศัพท์เราก็สั่น เจดไลน์มาตาม



“ไสหัวไปเลยไป” เพื่อนรีบไล่ ผลักหัวเราเบาๆ อีกทีพร้อมกำชับ “มีอะไรก็โทรมา”



“จะว่างรับเหรอ พี่เขย”



“ไอ้เจ!” เพื่อนโมโหปนเขินจนทำหน้าตาประหลาด ฮึดฮัดท่าทางจะด่าแต่ก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ก่อนเฉไฉเดินเข้าห้องปิดประตูดังปัง



เราหลุดหัวเราะเสียงดัง โธ่ ตอนแรกว่าจะกีดกันสักหน่อย แต่ยอมก็ได้ เพื่อนน่ารัก







 

☉ ------------------------------------------------------------ ☉


               

พอเราคาบข่าวมาบอกเจดดันตอบว่ารู้อยู่แล้ว

               

“อ้าว ทำไมรู้อ่ะ”

               

ดูเหมือนจะแสดงสีหน้าน้อยใจออกไปชัด เจดเลยเอื้อมมือมาลูบหัวปลอบ แต่ดันแกล้งแบบหูเราเหมือนมันเขี้ยว พอเราย่นคอหนีพร้อมกับร้องเพราะความจั๊กจี้ เจดก็หัวเราะ



“ทำไมเพื่อนบอกเจดแต่ไม่บอกเรา”



ดวงตาคมเหลือบมองเรา ส่องกระจกมองหลังเห็นว่าเต๋อหลับอยู่ก็อ้ำอึ้ง เกาคางอธิบาย



“ก็... ยังไงดี อารมณ์ว่าสลับกันปรึกษาเรื่องหัวใจ... ประมาณนั้น” เฉไฉ แกล้งทำเป็นมองถนนไม่สบตา



เราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ไม่คาดคั้น เมื่อเห็นใบหูเจดเปลี่ยนเป็นสีแดง แก้มเราก็ร้อนตาม ต้องเฉไฉมองออกไปข้างนอกบ้าง



ตอนนี้ข้างถนนมีแต่ต้นไม้ เราออกจากเมืองมาสักพักแล้ว ขับรถต่อไปอีกชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงที่จัดงาน เราออกเดินทางแต่เช้าเพราะต้องไปเตรียมตัวก่อน ถึงจะไม่มีเวลาให้ซ้อมแต่อย่างน้อยก็อยากเห็นเวที อีกอย่างก็ต้องไปเตรียมที่พัก



งานกลางหุบเขาไม่มีโรงแรมหรือห้องพักดีๆ มีแต่ลานกว้างๆ ให้เตรียมเต็นท์ไปกาง เจดเอารูปบรรยากาศงานของปีก่อนมาให้ดู น่าตื่นเต้นมาก มีการก่อกองไฟ กินอาหารง่ายๆ กัน มีซุ้มขายของแฮนด์เมด ของกินบ้าง ไม่ใหญ่มาก แต่ก็คึกคัก



“แล้วเจดเคยมีแฟนไหม” ไม่รู้ทำไมเรานึกอยากถาม



พอถามออกไปก็ตกใจเหมือนกัน... คงเพราะกลัวคำตอบ



เราไม่เคยมีแฟนเลยสักครั้ง ไม่เคยชอบใคร เจดเป็นคนแรก... กลัวว่าถ้ารู้ว่าเราอ่อนหัด เจดจะไม่อยากคบ



“อืม... เรียกว่ามีได้มั้ย ส่วนใหญ่แค่คุยๆ กัน แล้วก็หายไป” เราหันกลับไปมองเสี้ยวหน้าเจด ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องสถานะคนคุยกันเท่าไหร่



เจดหันมามองหน้าเราแวบหนึ่ง เห็นท่าทางสงสัยออกหน้าออกตาก็ขำ เอื้อมมือมาจับหูเราเล่นอีกครั้ง แต่คราวนี้เรายังจ้องนิ่ง เพราะอยากฟังต่อ เรื่องของเจด



“ทำไมถึงหายไปล่ะ”



เราชอบที่ได้คุยกับเจดนะ ถึงจะยังไม่นาน แต่เจดก็น่ารัก ใส่ใจ เรามีหลายอย่างที่ชอบเหมือนๆ กัน ส่วนที่ตรงข้ามก็คล้ายจะช่วยเติมเต็มกัน



เหมือนที่เราไม่ชอบกินผัก เจดก็กินให้ พอรู้ว่าเราชอบกินเกี๊ยว เจดก็แบ่งเกี๊ยวให้เรา



“ก็หลายเหตุผลนะ” เจดทำท่านึก “อย่างเรื่องเวลา คณะวิชาเรียนน้อยก็จริง แต่แต่ละวิชาก็กินเวลาเยอะ อย่างสตูดิโอเรียนตั้งแต่บ่าย เสร็จสองทุ่มสามทุ่มก็มี งานก็เยอะ วันที่ไม่มีเรียนก็ต้องก้มหน้าก้มตาปั่นงาน เขาไม่เข้าใจ คิดว่าโกหก คณะบ้าอะไรจะงานเยอะขนาดนั้น” เจดหัวเราะขืนๆ



แต่เราเชื่อนะ ก็เคยไปนั่งดูเจดทำงาน เห็นกับตา เจดแทบไม่มีเวลากินข้าวด้วยซ้ำ



“แล้วก็เรื่องเพื่อน เคยโดนบ่นว่าเห็นเพื่อนสำคัญกว่า แต่อันนี้จริง ยอมรับ ผิดเองครับ” เจดยกมือคล้ายยอมรับผิด เราหัวเราะ



จริงอย่างที่ว่า เจดให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก จะกินอะไร งานมีปัญหาตรงไหน ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ เจดเป็นคนแรกๆ ที่เพื่อนนึกถึง เพราะรู้ว่าจะช่วยได้ อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจ



อย่างเรื่องน้องพิชญ์ สิ่งที่น้องเจอเป็นเรื่องใหญ่ ปัญหาหนัก ถ้าไม่มีคนอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจคงผ่านมาไม่ได้



ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เจด เราก็ไม่รู้ว่าจะช่วยน้องได้ไหมเหมือนกัน



“ว่าจะปล่อยหลายครั้งแล้ว แต่ปัญหามันอยู่ตรงหน้า ไม่ทำอะไรสักหน่อยก็คงเป็นตราบาป มานั่งเสียใจทีหลัง” เจดหันมาสบตา ท่าทางเหมือนจะบอกว่าขอโทษครับ เราเม้มปาก พยักหน้าหงึกหงัก



“เราเข้าใจ” ยิ่งหลังจากนี้จะพยายามเข้าใจให้มาก

             

เพราะเราชอบที่เจดเป็นแบบนี้ เป็นหมีใจดี เราไม่อยากให้เจดเปลี่ยนไป

             

“แต่ที่โดนบ่อยสุดคือคุยเป็นตัวเลือก”

               

“หืม?” เราเอียงหน้า สงสัย

               

“ก็สมัยนี้เขานิยมคุยหลายๆ คนใช่ไหมล่ะ แบบว่า ขยายโอกาสให้ตัวเอง คุยไว้เยอะๆ เผื่อเลือก สุดท้ายจบที่เจดเป็นคนดีนะ แต่ว่ามีคนดีกว่า”

               

“จริงเหรอ” เราทำตาโตใส่ เจดเลยพยักหน้าขบขัน

               

“อือ กันผิดหวัง”

               

พอได้ยินแบบนั้น เราก็เกิดห่อเหี่ยวขึ้นมา

               

“แล้วเจด... คุยกับคนอื่นตอนคุยกับเราไหม” แต่เราคุยกับเจดคนเดียว ไม่มีไว้เผื่อเลือกนะ

               

“หึ ไม่มีครับ ไม่เคยมี” เจดหันมามองเรา สบตาหนักแน่นจริงจัง

               

เราหลุดยิ้ม โล่งใจ

               

“แล้วผมล่ะ เป็นตัวเลือกที่เท่าไหร่ของพี่เจครับ” เราเบิกตากว้าง ไม่ใช่เพราะคำถาม เพราะสรรพนามที่ชวนให้เขินนั่น

               

“ไม่มี” เราเบ้ปาก หันหน้าหนี

               

อย่ามาเรียกพี่นะ

               

“จริงอ่ะ” เรารู้ว่าเจดแค่แกล้งหยอก แต่ก็ยอมเงยหน้าสบตาอีกครั้งเพราะอยากให้รู้ว่าเราจริงจัง

               

“เรามีแค่เจด เจดคนเดียว” แต่พอพูดไปแบบนั้นก็เงียบกริบ มีแค่เสียงแอร์กับเสียงกรนเบาๆ ของเต๋อที่อยู่เบาะหลัง ก่อนที่ต่างคนต่างเบือนหน้าหนี เจดมองถนนข้างหน้า ส่วนเรามองนอกหน้าต่าง

               

สักพักเจดก็หัวเราะ แกล้งทำเสียงโล่งใจ

               

“ดีจัง”

               

“...”

               

“เนี่ย ถ้าโดนเจเทอีกก็โคตรนก เป็นพญานกได้แล้วนะ” เจดว่าขำๆ เราแอบอมยิ้ม ส่ายหน้าตอบพึมพำ

               

“ไม่เทหรอก”

               

เจดเป็นหมีแล้ว เราไม่ยอมให้เป็นพญานกแล้วล่ะ

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

               

พอมาถึงงานเจดพาเราไปทักทายพวกพี่ๆ นักดนตรีที่รู้จัก คนจัดงาน แล้วก็ทีมงานที่เข้ามาคุย สอบถามความต้องการ เรากินข้าวเที่ยงร่วมกับคนอื่นๆ ก่อนจะขอตัวแยกย้ายออกมาหาที่กางเต็นท์ตามโซนที่จัดไว้



เรามาก่อนเวลาเริ่มงาน เลยมีที่ว่างให้กางเต็นท์เยอะมาก เจดเลือกกางเต็นท์ตรงลานโล่งหลังโขดหินใหญ่ ใกล้ๆ ธารน้ำเล็กๆ ค่อนข้างเป็นส่วนตัว 

               

ใช้เวลาไม่นานก็มีเต็นท์สามหลังพองขึ้นมาเหมือนเห็ด หนึ่งหลักเล็กเป็นของเต๋อที่ขอนอนคนเดียวเพราะเจ้าตัวบอกว่านอนดิ้นมาก ส่วนอีกสองหลังใหญ่กว่า เป็นของเรากับเจด และเตวิชญ์กับน้องพิชญ์ ทั้งสองคนไม่ได้เดินทางมาพร้อมกัน เพราะน้องพิชญ์ไปทัศนศึกษาที่ต่างประเทศกับคณะเพิ่งกลับ ก็เลยขอตามมาทีหลัง

               

ทีแรกเจดบอกว่าคะยั้นคะยอยังไงเตวิชญ์ก็ไม่ยอมมา แต่ไม่รู้ว่าน้องพิชญ์รบเร้าท่าไหน สุดท้ายคนดื้อก็ยอมตกลง

               

เจดดูดีใจมากที่เตวิชญ์ยอมมา บอกว่าอยากให้เขาได้ฟังเพลงที่ตัวเองแต่ง อยากให้เจ้าตัวรู้ว่าเพลงเหล่านั้นมีค่ามาก



วิธีคิดสมกับเป็นเจด เป็นหมีสาธารณะที่ใส่ใจคนรอบข้าง



ทั้งที่ตอนนี้คนที่ควรใส่ใจคือตัวเจดเองมากกว่า ตั้งแต่มาถึงเจดดูเงียบผิดปกติ บางทีเหมือนจมลงในความคิด บางครั้งดูลุกลนงุ่นง่าน



เราคิดว่าเจดคงตื่นเต้นและกดดันมากกับการแสดงคราวนี้





‘เวลาตื่นเต้นป๊าชอบกอดล่ะ’





เรานึกถึงคำน้องพิชญ์ขึ้นมาได้ แต่อยู่ๆ จะให้โผเข้ากอดเลยมันก็...



“ป๊า”



แต่คงเพราะเรามัวแต่ลังเล ตัดสินใจนานเกินไป สิ่งที่คิดจะทำเลยไม่ทัน



“ไอ้พิชญ์!” พอได้ยินเสียงคุ้นหูคนตัวโตหันขวับพุ่งเข้าไปคว้าเอวน้องพิชญ์ที่เดินเข้ามาหา รัดแน่นเต็มแรง พลางยกน้องขึ้นจากพื้นเขย่าไปมาแบบที่ชอบทำ น้องดูตกใจในทีแรกแต่ไม่ทันไรก็หัวเราะขำ น้ำเสียงสดใสและสีหน้ายิ้มแย้มสว่างไสวทดแทนแสงอาทิตย์ที่กำลังจะหายไป



“ดีนะที่มึงมา กูตื่นเต้นชิบหาย มองมึงจะได้มีกำลังใจ”



“...”



“เราไปรอข้างเวทีนะ” กว่าจะรู้ตัวว่ากำลังน้อยใจ ก็ตอนที่หัวใจมันเหี่ยว ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เลยได้แต่ก้มหน้าเดินหนี



“ไหนเหล้าอ่ะ”



“เอาไปซื้อเองเลยครับ”



“ป๋าว่ะ”



...แต่ขนาดเราเดินออกมาแบบนี้ เจดยังไม่สังเกตเห็นเราด้วยซ้ำ พอหันกลับไปก็ยังเห็นเจดคุยเล่นกับน้องพิชญ์ ท่าทางสนุกสนาน



เจดคิดถึงเพื่อนก่อนเสมอ และน้องพิชญ์สนิทกับเจดมาก่อน เราเข้าใจเรื่องนั้น



แต่ว่าเราอยู่ใกล้ขนาดนี้ กลับไม่ใช่คนที่เจดจะมองหา มันก็อดคิดไม่ได้...



เราคงไม่สำคัญ

 






☉ ------------------------------------------------------------ ☉


 



เราปลีกตัวออกมาหาพวกพี่ๆ ทีมงานอีกครั้ง นั่งฟังคนอื่นๆ คุยกันทั้งที่ไม่มีสมาธิจะฟัง ในหัวมีแต่ความคิดตีกันไปมา มีแต่คำถามน่ารำคาญ



ทั้งที่คิดว่าเข้าใจ แต่ทำไมยังเป็นแบบนี้ ยังเป็นปัญหาเก่า เราน้อยใจเรื่องเดิม รู้สึกกับเรื่องเดิมซ้ำๆ



ไหนบอกว่าเลิกชอบบพิชญ์แล้ว ทำไมยังไปกอดเขา



งอนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนั้น... ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นอะไรกัน



ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาทั้งที่ความสัมพันธ์เหมือนจะเดินหน้า แต่บางครั้งเรารู้สึกว่ามันยิ่งถอยหลัง เหมือนเขาเปิดใจให้เรา แต่หลายครั้งก็ดูไม่จริงจัง



เจดขี้แกล้ง แกล้งอยู่นั่น แยกไม่ออกแล้วว่าอะไรเล่นหรือจริง



คราวนี้ก็เหมือนกัน ทั้งที่อยู่กับเรา แต่ดันไปกอดพิชญ์ต่อหน้าต่อตา



เป็นเราไม่ได้เหรอคนคนนั้น คนที่เจดจะมองหา คนที่เจดจะกอด เวลาที่เจดตื่นเต้นหรือกดดัน



“เจ” ระหว่างที่กำลังคิดเจดก็เดินมาหา พอเขาใกล้เข้ามาเราก็ลุกออกมาจากวงสนทนาที่คุยอยู่ทันที



รู้ตัวว่างี่เง่า แต่ยังไม่อยากคุย อยากคิดอะไรให้แน่ใจคนเดียวมากกว่า



“เจได”



“อย่าตามมา” เอ่ยห้ามเมื่ออีกคนยังตามไม่หยุด กระทั่งเข้ามาในป่า



“เป็นอะไร” แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ พอเห็นเราตัวเตี้ยวกว่าหน่อยก็เอาเปรียบด้วยขายาวๆ ก้าวไม่กี่ก้าวก็ตามทัน คว้าแขนข้างหนึ่งดึงให้หันไป



เราตีหน้านิ่ว ขมวดคิ้วให้รู้ว่าไม่พอใจ



เราดุนะ ใครก็ว่าเราดุ ทำหน้านิ่งแล้วเพื่อนจะไม่กล้าเข้าใกล้ เวลาไม่พอใจก็ยิ่งดูง่าย ให้ถอยไปไกลๆ



“เจ”



...แต่เหมือนเจดจะไม่เข้าใจ เลยยิ่งเข้ามาใกล้



“โห หน้าเป็นตูดเลยว่ะ” ยังจะมายิ้ม



“...”



“ให้ลูบเคราจะหายไหม” แถมยังเอามุกง้อประจำมาใช้



เนี่ย ก็เป็นคนอย่างนี้ พอเราจะจริงจังก็ทำทีเล่นทีจริง



เรากัดฟัน พยายามตีหน้าบึ้งกว่าเก่าให้รู้ว่าคราวนี้เราไม่ขำ แต่เจดก็ไม่วายหัวเราะ เอื้อมมือมาคว้าเอวเราเข้าไปใกล้อย่างถือวิสาสะ



“หึงที่กอดไอ้พิชญ์เหรอ”



“เปล่า” ปากเถียงแต่ในใจยอมรับ เจดคงดูออกถึงได้ยิ้มพลางเอื้อมมือมาบีบปากเรา



“งั้นเป็นอะไร”  แกล้งขยับเข้ามาใกล้ โน้มตัวลงมาจนหน้าอยู่ใกล้กัน



เรากัดนิ้วเขาจนผละไป ก่อนจะก้าวถอยหลัง ขมวดคิ้วพูดจริงจัง



“ก็เราไม่เข้าใจ”



“หือ? ไม่เข้าใจอะไร”



“เจดเคยบอกว่าถ้าตื่นเต้นมากๆ จะชอบกอดใครสักคนให้สบายใจ... แล้วทำไมคนคนนั้นไม่ใช่เรา” ทำไมยังเป็นพิชญ์...



ไม่ใช่ครั้งนี้ แต่หลายๆ ครั้ง เราอ่านความคิดเจดไม่ได้



ถ้าไม่สนใจเราจะมาอยู่ใกล้ทำไม ยอมให้เราจีบ แต่ก็ไม่เห็นจะขยับความสัมพันธ์ไปทางไหน



ชักจะเหนื่อยแล้ว อยากได้ความชัดเจน



“เจด... เราถามจริงๆ ยังชอบพิชญ์อยู่ใช่ไหม” เราตัดสินใจถาม คำถามที่เราไม่เคยกล้าถาม กดมันไว้ในความเชื่อใจเจดเสมอมา ทั้งที่บางครั้งก็ม่แน่ใจ



แต่คราวนี้เราอยากได้คำตอบ อยากรู้ อยากเข้าใจว่าที่สุดทางเดินเส้นนี้จะไปจบตรงไหน



“เราไม่ได้ว่าอะไร ถ้าเจดยังตัดใจจากพิชญ์ไม่ได้... เราจะรอ” คำพูดช่วงท้ายแผ่วเบา เผลอก้มหน้าทั้งที่ควรสบตาให้รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง



แต่ป๊อดอ่ะ เราทำใจไม่ได้หรอก ถ้าต้องเห็นแววตาที่แสดงออกว่ายังชอบอีกคนจริงๆ



“อืม...”



ยิ่งใจหายเมื่อคนตัวโตไม่ปฏิเสธใดๆ



“งั้นขอเวลาหน่อย”



เจดบอกว่าตัวเองเป็นพญานก แล้วถ้าเราจีบพญานกแล้วนก เราเป็นตัวไรอ่ะ



“...”



ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้เลย แต่เรากำลังจะร้องไห้แล้วจริงๆ



แต่เพราะไม่อยากให้เจดลำบากใจเลยได้แต่เม้มปากแน่น กลั้นใจสบตา ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นใบหน้ากรุ้มกริ่มของคนตรงหน้า



“สักสามวิ”



“หา?”



“สาม...” ยังงุนงงกระทั่งอ้อมกอดรัดแน่น ยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมกับนับถอยหลัง



“สอง”



“...” เดี๋ยว...



“หนึ่ง” กว่าจะรู้ตัวว่าตกหลุมพราง ก็ตอนที่คนขี้แกล้งเอาปลายจมูกมาแตะกัน



“อ่ะ ตัดใจได้ละ”



“...”



“ชอบเจว่ะ อยากได้”



เดี๋ยวสิ... ไอ้ป๊า! เมื่อกี้เราเกือบจะร้องไห้แล้วนะ



กว่าสมองจะประมวลผลได้ก็ตอนที่เจดยิ้มขำ ถึงได้รู้ว่าเจดแค่แกล้งอำเรา



“มุกเก่า” เราเบ้ปาก ทำหน้ายี้ ก็มุกนี้ เจดเคยใช้ตอนจีบเราเข้าวง คงจะพูดสองแง่สองง่ามให้เข้าใจผิดอีก



เจดยิ้ม อุ้มเราจนตัวลอยไปนั่งบนโขดหินสูงที่อยู่ด้านหลัง วางแขนคร่อมไว้พลางช้อนสายตามอง



“คราวนี้จริงจัง” สายตาคู่นั้นไม่มีแววล้อเล่นอีกต่อไป



“เลิกชอบไอ้พิชญ์ตั้งนานแล้ว แต่ที่กอด ที่เป็นห่วงมันก็เพราะสนิทกัน แต่ถ้าเจไม่ชอบก็จะค่อยๆ เลิกทำ”



หมายความว่าถ้าเราขอให้ห่าง เจดก็จะยอมห่างจากน้องพิชญ์ใช่ไหม



ถ้าเราบอกให้เลิกยุ่งกัน เจดจะยอมใช่หรือเปล่า



แต่เราไม่ได้ต้องการขนาดนั้น...



“ก็ไม่ได้ไม่ชอบ”



“...”



“อันที่จริงก็ไม่มีสิทธิ์ไม่ชอบสักหน่อย”



บอกแล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน... ยิ่งคิดแบบนี้เรายิ่งรู้ว่าตัวเองผิด เราจ้องหน้าเจด เอ่ยสารภาพความรู้สึก ความอึดอัด



“เราบอกให้เจดเลิกสนิทกับน้องพิชญ์ไม่ได้หรอก หวงเจดก็ไม่ได้ หึงเจดก็ไม่ได้ เราน้อยใจบ่อยๆ แต่เราก็แค่น้อยใจ เดี๋ยวก็หาย” เราก็เป็นแบบนี้ โกรธง่ายหายเร็ว และจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนสักวันคงหาย



คงเลิกคิดเล็กคิดน้อย งอนไม่เข้าเรื่อง ทำให้เจดอึดอัดใจ



“...”



“อย่าเพิ่งรำคาญนะที่เรางี่เง่า เรายังอยากคุยกับเจด อยากอยู่ข้างๆ ยังไม่อยากแยกย้าย”



“...”



“เราขอจีบเจดต่อ... ได้ไหม”



“นี่ไง ถึงได้บอกว่าคราวนี้จริงจัง” เจดเงียบไปสักพัก แล้วถอนหายใจ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำหน้าระอาใจใส่เรา



ท่าทางแบบนั้นหมายความว่ายังไง



“ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่คิดมาก ตื่นเต้นจะแย่ อยากรอบรรยากาศดีๆ ลังเลว่าควรถามก่อนหรือหลังแสดง แต่ดันเซ่อซ่าทำเสียบรรยากาศ”



“...” เจดหมายความว่ายังไง



“แต่เป็นแบบนี้ก็ยิ่งอยากรีบถาม ไม่อยากรอแล้ว”



“...” ไม่อยากรออะไร



“เจได...” อยู่ๆ หัวใจก็เหมือนจะหยุดเต้นตอนสายตาคู่นั้นจ้องตรงมาอย่างเว้าวอน “จีบมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะขอเป็นแฟน”



“...”



เราชะงัก นิ่งนาน... ประมวลผลสักพักก่อนใบหน้างอแงจะค่อยๆ ยิ้ม



เป็นรอยยิ้มกว้าง



ตอนที่เริ่มจีบเพราะไม่อยากแห้วเราเลยเคยให้เจดส่งสัญญาณ อะไรก็ได้ที่บอกว่าเขาเปิดใจ หรือไม่อยากให้เราตามตื๊อต่อ เราจะได้ไป



นี่คงเป็นสัญญาณ... สัญญาณที่ชัดมาก...



“ว่าไง” เราหลุดหัวเราะ เมื่อคนตรงหน้าแกล้งขมวดคิ้วคาดคั้น



ไม่เห็นต้องถามย้ำ ยังไงคำตอบก็มีแค่อย่างเดียว



“เอาตรงๆ นะ” เราอมยิ้ม ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคม ลูบตามไรเครารอบริมฝีปากบางอย่างที่ชอบทำ



คลี่ยิ้ม ก่อนก้มลงไปกระซิบข้างหูเบาๆ



“ชอบเจดอ่ะ อยากได้”



ขอยืมมุกมาใช้หน่อยแล้วกัน



“หึ มุกซ้ำ” แต่ไม่ได้ให้ฟรีๆ เจดคิดค่ายืมเป็นริมฝีปากอุ่นๆ...



ไม่นานก็ถอนจูบ อ้อยอิ่ง เรามองตากัน ต่างหัวเราะเบาๆ แล้วจูบซ้ำ นานเท่าช่วงเวลาที่แสงตะวันลับขอบฟ้า



เราเผลอยิ้มออกมาทั้งที่ริมฝีปากยังแตะกัน อดคิดไม่ได้ว่าเป็นการจ่ายที่คุ้มค่า



นุ่มนวล แสนหวาน...



เราต่างหากที่ได้กำไร

 



(มีต่อค่ะ)

หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 13 : รักแต่หมี (01.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 01-10-2018 17:30:48
(ต่อ)
               

               

เราเคยสงสัย ว่าถ้าเจดยอมตกลงเป็นแฟนจริงๆ จะทำอะไร แล้วเราก็พบว่าตัวเองมีสิ่งที่ต้องการมากมาย 

               

กลัวเจดจะหาว่าโลภ เราเลยจะไม่ลิงโลดมาก ไม่บอกเจด อุบอิบลิสต์ไว้ในใจ

               

ข้อแรก เจดจะไม่ใช่พญานก ไม่เป็นตัวเลือก เจดจะเป็นหมีของเราคนเดียว ไม่มีใครอีก

               

ข้อสอง เราหึงเจดได้ หวงเจด น้อยใจ... เรามีสิทธิ์แสดงออกเต็มที่แล้ว ไม่ต้องเก็บไว้

               

ข้อสาม แต่ถึงอย่างนั้นเราก็จะพยายามเข้าใจนิสัยของเจด ไม่คิดเปลี่ยนแปลงอะไร คนที่เจดให้ความสำคัญ ก็จะสำคัญสำหรับเรา

               

ข้อสี่ เราอยากแชร์ทุกความรู้สึกกับเจด ทุกๆ ความรู้สึก ดี ร้าย ตื่นเต้น น้อยใจ จะพยายามแสดงออก ไม่ให้เจด ต้องเดา ถ้าเจดสบายใจ ก็คงจะอยากแชร์ความรู้สึกกับเราเหมือนกัน อาจไม่ได้ทันที แต่เราไม่รีบร้อน ค่อยๆ ก็ได้

               

ข้อห้า... ก่อนหน้านี้เราคิดไม่ออก แต่ตอนนี้อยากรู้แล้วล่ะว่าอยากได้อะไร 



“เพลงนี้เพลงสุดท้ายแล้วนะครับ”



ในบรรยากาศดีๆ ท่ามกลางแสงจันทร์ ดวงตาเจดเป็นประกาย รอยยิ้มสว่างไสว รอยบุ๋มข้างแก้มเด่นชัด



“เป็นเพลงเก่าที่พวกเราเอามาเรียบเรียงทำนองใหม่ หวังว่าจะถูกใจ”



ในทำนองโปรด เพลงที่เราต่างชอบ เสียงเพราะๆ ของเจด... ที่เราตกหลุมรัก



“...”



เราแอบจดลงลิสต์



ข้อสุดท้าย...

               

“Talk Tonight”

               

คืนนี้... เราอยากจะใช้เวลากับเจด...ถึงเช้า

 







☉ ---------------------------Side Story 13--------------------------------- ☉

 

               

ตอนเจอกับเจดครั้งแรก มีความเข้าใจผิดใหญ่หลวง แต่เราไม่คิดว่ามันเป็นความผิดพลาด

               

ในงานประกวดดนตรีในมหาวิทยาลัยที่จะมีปีละครั้ง เรานั่งอยู่หลังเวทีรวมกับอีกหลายวงที่กำลังรอขึ้นแสดง               



เจดอยู่ตรงนั้น ตรงหน้าเรา ห่างออกไปสักสิบช่วงแขนล่ะมั้ง...



ตอนเห็นครั้งแรก เราว่าเขาค่อนข้างน่ากลัว



ตัวใหญ่เป็นหมี ไว้เครา หน้าดุอย่างกับยักษ์ ถ้ามีเขี้ยวสักนิดคงชวนคิดถึงละครจักรๆ วงศ์ๆ ที่เคยตื่นมาดูตอนอนุบาล



“ป๊า”



นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอพิชญ์ ได้เห็นคนที่เจดตกหลุมรัก และเข้าใจว่าทำไม น้องมีเสน่ห์มาก น่ารัก



น่ารักจนเราอิจฉา แอบหึง ทั้งที่ยังไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำ

               

และไม่รู้ว่าเพราะท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันตอนเจอพิชญ์ เพราะรอยยิ้มกว้างๆ ของเจดที่ทำให้ใบหน้าถมึงทึงกลับกลายเป็นสดใส ลักยิ้มที่แก้มซ้าย ดวงตาที่เป็นประกาย หรือเพราะการแสดงที่เราได้เห็นบนเวที

               

สารภาพตามตรง ว่าวงเจดเล่นห่วยมาก ดนตรีบาดหู ไม่มีอะไรเข้ากัน เล่นจบแบบดำน้ำ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ตราตรึง

           

"ขอบคุณครับ"

     

เสียงของเจด เสียงเพราะๆ และรอยยิ้มเขินอาย ท่าทางที่แสดงออกมาบนเวที มีเสน่ห์มาก

               

คงเป็นตอนนั้นเอง ที่เราติดกับหมีเข้าอย่างจัง

               

แต่ไม่ใช่แค่นั้น

               

บอกแล้วไง ว่ามันเกิดเรื่องเข้าใจผิด ที่ไม่ใช่ความผิดพลาด



“มึงเป็นเหี้ยอะไรเจ ทำหน้าตาน่ากลัวมาก” ทั้งที่มีแววว่าจะชนะ แต่เรากลับหงุดหงิด ตอนนั้นเรารู้ตัว ว่าเพราะเห็นเจดอยู่กับน้องพิชญ์



รู้ตัวว่านิสัยไม่ดี ขี้อิจฉา



“อยากกลับ”



“มึงไม่รอประกาศผลเหรอ”



“งั้นกลับเวทีเหอะ”



แล้วอยู่ๆ เราก็ได้ยินเสียงคุ้นหูตะโกนขึ้นมา



“นาย... นาย” เราจำได้ว่าเป็นเสียงของเจด เสียงเพราะๆ ที่ทำให้เราใจเต้นแรงตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ยิน



กระทั่งวันนี้



“เดี๋ยวดิ นาย”



“...” ตอนนั้นเราไม่ได้ตอบไปในทันที กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ได้ยินชื่อตัวเอง



“เจได”



“หือ?”



“ชื่อเจไดจริงด้วยว่ะ”



“...”



“ที่เล่นบนเวทีเมื่อกี้ โคตรดี”   



“ต้องการอะไร” เราดีใจที่เจดเข้ามาทัก แต่ตอนนั้นไม่เข้าใจจุดประสงค์ก็เลยเผลอทำหน้าบึ้งไป



“เอาตรงๆ ป่ะ”



เจดหน้าเจื่อน แต่ก็ไม่หนีไปไหน ยังมองหน้าเรา ท่าทางมุ่งมั่น



“...”



“กูชื่อเจดนะ” ตอนนั้นเองที่ทำท่าฮึบ ตัดสินใจเอ่ยจุดประสงค์ซื่อๆ ที่ทำเราชะงัก เผลอหยุดหายใจไปถึงจังหวะ



“...”



“ชอบเจว่ะ อยากได้”



“...”

               

เหมือนโลกหยุดหมุน เหมือนเสียงกลองบนเวทีย้ายมาตีโครมครามอยู่ในอก

               

แล้วเชื่อไหม ต่อให้โดนล้ออีกกี่ครั้ง ต่อให้โดนซ้ำเติมว่าเซ่อซ่าเข้าใจผิดคนละเรื่อง ต่อให้เพื่อนด่าย้ำๆ ว่าเราใจง่าย

               

คำตอบก็ยังเหมือนเดิม

               

“ครับ... ชอบเหมือนกัน”




☉ ----------------------------------------------------------- ☉

จริงๆ บทสรุปเรื่องหมีแต่รักเคยปรากฏในตอนพิเศษในเล่มเกมท้ารักค่ะ

แต่ในนี้เรามีการเพิ่มรายละเอียดนิดหน่อย เติมเต็มอารมณ์ และความคิดให้สมบูรณ์มากขึ้น

ถ้าติดขัดตรงไหนบอกได้เลยนะคะ

เป็นตอนจบที่ไม่หวือหวา และมีการงอแงอยู่บ้าง กว่าป๊าจะชัดเจนได้ก็ทำยัยเจร้องไห้แล้ว น่าตีมาก 5555

หลังจากนี้จะมีบทส่งท้ายอีกนิดหน่อย (เป็นตอนที่ป๊ารอคอย -.;-) จะมาอัพให้เร็วที่สุดน้า

ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม เอ็นดูหมีเจดกับกระต่ายเจมาตลอดค่ะ



ฝาก #หมีแต่รัก เช่นเคยนะคะ

รัก

- Martian -
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 13 : รักแต่หมี (01.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 01-10-2018 18:12:41
มองเห็นภาพหมีตัวโตอุ้มกระต่ายน้อยเจได
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 13 : รักแต่หมี (01.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Zestful ที่ 01-10-2018 18:47:08
นุ้งเจน่าเอ็นดูมากกกก ฮือออ หนูลูกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 13 : รักแต่หมี (01.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 01-10-2018 19:02:18
เจ้าหมีกับกระต่ายน้อยเป็นแฟนกันแล้ว เย้ๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 13 : รักแต่หมี (01.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 01-10-2018 20:55:29
โอ๊ยยยยยยย รักกกกก  ละมุนนุ่มมากเลย ทั้ง 2 คู่  ฟินมากกก ไม่อยากให้จบเลย  :o8: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 13 : รักแต่หมี (01.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 01-10-2018 20:57:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 13 : รักแต่หมี (01.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 02-10-2018 06:37:27
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 13 : รักแต่หมี (01.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-10-2018 11:46:02
อินนนน......ตามเจเลย  :mew2:
ตอนที่เจดกอดพิชญ์  :serius2: :serius2: :serius2:

ก็นึกเหมือนกันว่าที่เจดตื่นเต้น เพราะจะสารภาพกับเจหรือเปล่า
เข้าใจกัน คบกันแล้ว  ดีมากๆเลยยยย

เจด เจได   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ข้อที่ 13 : รักแต่หมี (01.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 06-10-2018 08:16:44
งื้ออออ เจดดดดดด พ่อหมี ยังน่ารักขี้เล่นเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 14-10-2018 07:59:13
บทส่งท้าย

หมีแต่รัก (100%)

 

(เจด)



‘เจดเป็นคนดีนะ...’



อีกแล้ว คำขึ้นต้นประโยคที่ได้ยินบ่อยครั้ง... ประโยคต่อไปก็คงไม่ต่างกัน



‘แต่เราอยากเป็นคนพิเศษมากกว่า’



หมายความว่าไงวะ



‘ขอโทษนะ’



...นกอีกแล้วว่ะ



ไม่เข้าใจ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับสภาพ เบื่อกับเหตุผลซ้ำซาก แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องแก้ยังไง



ไม่รู้ว่าเป็นปัญหามั้ยด้วยซ้ำ



มีเพียงคำปฏิเสธเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกต่างออกไป



‘กูว่า กูชอบมึงวะ’ วันที่เอ่ยสารภาพความในใจกับน้องรหัสผมไม่แน่ใจว่ากำลังคิดอะไร ไม่มีการไตร่ตรอง ไม่ลุ้นจนหัวใจเต้นตึกตัก อาจจะเมานิดๆ ถึงได้พลั้งปาก



ไอ้พิชญ์มองหน้าผม ทำหน้าตกใจนิดหนึ่งก่อนจะเหม่อมองออกไปนอกระเบียง พรูควันบุหรี่ ท่าทางครุ่นคิด ไม่รีบร้อน   



สักพัก มันหันกลับมายิ้ม   



"ไม่ได้ว่ะพี่"



ตรงไปตรงมา ไร้ท่าทางรักษาน้ำใจ เพราะรู้ว่าแบบนั้นคงจะทำให้เสียน้ำใจยิ่งกว่า 



"ผมแม่ง ยังหลุดออกมาจากอดีตไม่ได้"



ทั้งที่เหตุผลเข้าใจยากกว่าที่เคยได้ยินล้านเท่า แต่ผมกลับเข้าใจ ด้วยรอยยิ้ม ด้วยสายตาที่เหม่อมองออกไปบนดวงจันทร์เหนือหัวที่สว่างไสว ผมเชื่อสนิทใจว่าส่วนหนึ่งของมันยังใช้ชีวิตอยู่ในวันวาน   



แทนที่จะเศร้าผมดันยิ้ม เริ่มเข้าใจบางสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสได้



สำหรับผม ถ้าให้จัดลำดับความสำคัญสิ่งสำคัญในชีวิต ความรักคงไม่ติดท็อปสาม ถ้ามันดิ้นรนที่หนีไป ผมพร้อมปล่อยมือเพื่อให้ต่างคนต่างเดินไปข้างหน้า



อาจเพราะผิดหวังมาหลายครั้งเลยไม่ให้ความสำคัญกับมัน แต่ไอ้พิชญ์ทำให้ผมเห็นต่าง 



...เพราะไม่ให้ความสำคัญต่างหากถึงได้ผิดหวัง   



“มึงรู้ได้ไงว่ามันจะกลับมา”



“ไม่รู้”



“อ้าว”   



“แต่ป๊าเคยเจอใครที่รู้สึกว่าถ้าปล่อยไปแล้วจะเสียใจป่ะ”



“…”



“เสียใจกว่าที่ต้องรออย่างไร้จุดหมาย เสียใจกว่าถูกทำให้ร้องไห้...



“...”



“เสียใจกว่าผิดหวัง คือหมดหวังแล้วปล่อยมันไป”



“มึงแม่ง โคตรยึดติดเลย”



“พี่ก็รู้... นิสัยโง่ๆ แก้ไม่หาย”



“แต่ก็คุ้มป่ะ”



“อือ... โคตรคุ้ม”



ผมมองท่าทีเขินอายที่ไม่ได้เห็นย่อยนักของน้องรหัส หลุดหัวเราะอย่างนึกเอ็นดูในความดื้อรั้น



ผมรู้ดีในความทะเยอทะยานของไอ้พิชญ์ เคยคิดหลายครั้งว่ามันไร้สาระ ทรมานตัวเองเปล่า แต่ยิ่งรู้จักกลับกลายเป็นนับถือนิสัยโง่ๆ นั่น



นับถือถึงขั้นว่าถ้าถามว่าใครที่ควรมีความสุขที่สุด ผมไม่ลังเลที่จะชี้ไปที่มัน



เป็นผมคงทำไม่ได้ พยายามขนาดนั้นไม่ไหว



แต่เอาตามตรง ยังไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองได้พยายามสักครั้งด้วยซ้ำ



...คนที่รู้สึกว่าถ้าปล่อยไปแล้วจะเสียใจเนี่ย



ยังไม่เคยเจอเลยว่ะ







☉ ------------------------------------------------------------ ☉




...แต่นั่นมันก่อนได้ยินคำสารภาพ



‘ถ้าป๊าตัดใจจากพิชญ์ได้แล้ว ขอเราจีบได้ป่ะ’



มึนไปดิ อยู่ๆ ก็ถูกจู่โจมกะทันหัน



ทีแรกผมยังนึกตลกเพราะไม่คิดว่าเจไดจะจริงจัง แต่พอเห็นสายตานิ่งซื่อจ้องตรงเข้ามาในแววตาก็เริ่มรู้สึกประหม่า หัวใจเต้นแปลกๆ ขึ้นมา



เคยแต่เป็นฝ่ายเข้าหา เพิ่งเคยโดนจีบกับเขาครั้งแรก... ไปไม่เป็นเลยว่ะ



ผมกับเจไดเพิ่งเจอกันไม่นาน ผมนับถือในความสามารถการเล่นเบสของเจ เลยชวนมาเล่นดนตรีด้วยกัน เราคุยกันเรื่องเพลงซะส่วนใหญ่ เพราะสไตล์การฟังเพลงคล้ายๆ กัน มีปรึกษาเรื่องส่วนตัวบ้าง แต่กันเป็นผมฝ่ายเดียวที่พูดพล่ามโดยที่คนฟังแทบไม่แสดงสีหน้าอะไร



ทั้งที่ชอบทำหน้าบึ้ง ยิ้มนับครั้งได้ เงียบจนบางทีก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่อยู่ใกล้ๆ แล้วดันรู้สึกสบายใจ



แต่ผมไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง



ยิ่งไอ้ความชอบทำนองชู้สาว คิดอยู่หลายตลบก็ไม่รู้ว่ามันเริ่มจากตรงไหน



เจไดเนี่ยนะชอบ... ดูไม่เห็นออกเลยวะ แบบว่า เห็นชอบทำหน้าบึ้งใส่คิดว่าเกลียดกัน



“เราจริงจัง”



ทั้งที่คิดว่าตัวเองมีภูมิต้านทานความน่ารักอยู่พอตัวนะ



แต่คนนี้แม่ง น่ารักไปมั้ยวะ



...ชิบหาย เขินว่ะ



“ครับ รู้แล้วครับ” อย่าจ้องกันขนาดนั้น “ถ้าเจจริงจังกูก็จริงจัง”



ทำตัวไม่ถูกเลยแกล้งยิ้มขำ



“แต่บอกไว้ก่อนว่าผมใจแข็งมาก ไม่ได้จีบง่ายๆ นะครับ”



พอผมพูดแบบนั้นคนน่ารักก็ดันยิ้มซะกว้าง “อือ จะพยายาม”



‘พยายาม’ ใจผมคงถูกคำนี้กัดแซะโดยไม่รู้ตัวมานาน พอได้ยินอีกที พร้อมรอยยิ้มซื่อที่บ่งชัดคำมั่นว่าจะทำตามนั้น ผมคล้ายได้ยินเสียงบางอย่างปริแตก...



เสียงเปลือกแข็งของเมล็ดที่ยอมให้ยอดอ่อนแทงกะเทาะเปลือกผลิบาน



“อือ”



ครับ... จะลองพยายามเหมือนกัน





☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

           

แต่มันควรเริ่มจากตรงไหนวะ

               

จีบคนอื่นมาก็แยะ ไม่เห็นจะทำให้เชี่ยวชาญขึ้นสักนิด แล้วคนนี้ เหมือนใครซะที่ไหน ผมแทบต้องลบประสบการณ์ที่ผ่านมาทิ้งลง recycle bin



“ป๊าดูไร หน้าเครียดเชียว”



“เปล่า” ผมตกใจ งับจอแล็ปท็อปทันควันเมื่อไอ้พิชญ์ทำท่าจะชะโงกหน้าเข้ามาดูหน้าจอ



แต่คงเฉไฉไม่เนียน ไอ้พิชญ์ถึงได้หรี่ตาจับผิด



แล้วน้องรหัสผมมันเจ้าเล่ห์น้อยเสียที่ไหน มันแกล้งทำท่าตกใจ พูดเสียงดังพอให้เพื่อนที่เหลือในสตูหันมามอง



“เฮ้ย ดูหนังโป๊ในสตูโจ่งแจ้งไปป่ะ”



“หนังโป๊พ่อมึง!” สุดท้ายผมต้องยอมเปิดหน้าจอให้มันดู โชว์หลักฐานว่าไม่ได้ทำอย่างที่มันกล่าวหา



ไอ้พิชญ์หัวเราะอย่างผู้ชนะ แต่เห็นวิดีโอที่ผมดูค้างอยู่ก็เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว



“วิธีเลี้ยงกระต่าย? ป๊าจะเลี้ยงเหรอ”



“เปล่า”



“อ้าว แล้วดูไปทำไมวะ” ไอ้พิชญ์หัวเราะ ท่าทางไม่เข้าใจมากๆ



เออ...กูก็ไม่รู้เหมือนกัน



ชักไม่แน่ใจแล้วว่าดูหนังโป๊กับคู่มือเลี้ยงกระต่ายความยาวสองชั่วโมงนี่อะไรมันน่าอายกว่า



แต่ยิ่งดู ก็ยิ่งรู้สึกว่า...เหมือนมาก



ภาพของเจ้าตัวน่ารักหูยาวที่กำลังเคี้ยวหยุบหยับอยู่ในคลิป ซ้อนทับกับกับภาพคนตัวเล็กที่กำลังกินแซลม่อนแก้มป่องที่เห็นจนชินตา ยิ่งแววตาใสซื่อที่จ้องตรงมาอย่างไร้พิษภัยยิ่งคล้าย



“มีกระต่ายมาจีบกูว่ะ”



เดี๋ยว นี่กูพูดอะไรออกไปวะ



“ฮะ?” ไม่แปลกที่ไอ้พิชญ์จะทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก ผมถอนใจ มองหน้ามันแล้วแก้คำพูดตัวเองใหม่



“เจได... จีบกู”



แต่พอพูดตรงๆ ก็ดันอ้ำอึ้ง ไอ้เสียงกลองตึงตังในอกนี่แม่งไม่รู้มาจากไหน



“หา? เจได... เจไดที่เล่นเบสให้วงพี่อ่ะนะ” ผมพยักหน้า แต่ไอ้พิชญ์ทำหน้าไม่เชื่อ “ป๊าไม่ได้คิดไปเองนะ”



อยากจะดีดกะโหลกมันสักที นี่หาว่ากูมโนเหรอ



“กูไม่ได้คิดไปเอง เขาบอก” ถึงตอนได้ยินครั้งแรกผมจะคิดว่าตัวเองหลอนไปเองเหมือนกันก็เหอะ แต่เจ้าตัวเขายืนยันแล้ว ตั้งหลายครั้ง



“บอกยังไง ว่าชอบอ่ะนะ” 



“ก็ไม่เชิงว่ะ” ผมถอนใจ ย้อนนึกถึงคำสารภาพแสนน่ารัก



“...ถ้าป๊าตัดใจจากพิชญ์ได้แล้ว ขอเราจีบได้ป่ะ” กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอโพล่งออกมาก็ตอนที่ทั้งห้องเงียบกริบ ไอ้พิชญ์จ้องหน้าผม ตาเบิกกว้าง ดวงตาคล้ายะเปล่งแสงระยิบระยับ



“เชี่ย...เขาพูดงี้เหรอ”



“เออ” ไม่น่าบอกเลยว่ะ



“ทำไมน่ารักจังวะ”



“...”



“น่ารักอ่ะ น่ารักๆๆ”



เออ ไม่ต้องย้ำ กูเป็นคนได้ยินกับหูทำไมจะไม่รู้ว่าเขาน่ารัก



ยิ่งรู้จัก ยิ่งเห็นว่าภายใต้ความนิ่งบึ้งนั้นเต็มไปด้วยความคิดใสซื่อไร้เดียงสาแค่ไหนก็ยิ่งรู้สึกว่าน่ารัก... โคตรน่ารัก



“เฮ้ยป๊า หูแดงอ่ะ”



“กูไปห้องน้ำนะ”



“เดี๋ยวดิ ป๊าเพิ่งเข้ามาไม่ใช่เหรอวะ”



“เออน่ะ เดี๋ยวกูมา”



ขอไปส่องกระจกแป๊บ กูข้องใจ



คนน่ารักอย่างนั้นเขาจะมาชอบกูจริงๆ เหรอวะ   

 

 

☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 



เจไดน่ารัก



ไม่ใช่คนที่เสน่ห์แรงมาแต่ไกลอย่างไอ้พิชญ์ ไม่ได้คลิกตั้งแต่แรกเห็น ไม่ใช่สเปกที่ต้องพุ่งเข้าหา แต่เป็นคนที่แผ่ออร่าน่าเอ็นดูออกมาจนเผลอลามปามลูบหัวลูบหางไปตั้งหลายครั้งทั้งที่เจอายุมากกว่า



ผมไม่อยากให้เรารีบร้อนเกินไป ไม่อยากบุ่มบ่ามเริ่มความสัมพันธ์จนพลาด อยากทะนุถนอม... เหมือนขนมหวานที่ค่อยๆ บิกินทีละนิด ไม่ตะกรุมตะกราม 



ผมอยากรู้จักเจให้มากกว่านี้ อยากเข้าใจ แล้วก็อยากให้เจเห็นหลายๆ ด้านของผมเหมือนกัน เหมือนคนทุกคนนั่นแหละ ผมมีบางมุมที่ไม่น่ารัก บางนิสัยน่ารำคาญที่แก้ไม่หาย ถ้าเจรับได้ จะคบกันตอนนั้นก็คงไม่สาย



แต่ไม่ใช่แค่รับได้



“เคยอ่านการ์ตูน เห็นพระเอกเล่นกีตาร์แล้วเท่มาก ก็เลยเล่นตาม อยากมีวงของตัวเองไปเล่นระดับประเทศสักครั้ง แต่เอาจริงๆ แม่งโคตรยาก ทุกวันนี้ยังไม่รู้จะรอดไหม”



“รอดสิ” แม้แต่เรื่องไร้สาระของผม เจก็ยังรับฟังไม่มองว่ามันไร้สาระ “เราอยู่นี่...”



แถมยังพยายามตอบรับเท่าที่คนแสดงความรู้สึกไม่เก่งคนหนึ่งเท่าที่จะตอบรับได้



“...”



“จะแค่เล่นในผับ หรือระดับประเทศ...ให้เราเป็นมือเบสของเจดนะ”



ตอนนั้นเองที่ผมเพิ่งรู้ตัวว่าภาพในอนาคตของผมมีเจไดอยู่ข้างๆ ต่อให้ไม่ขอคนตัวเล็กก็ยังเล่นเบสอยู่ตรงนั้น ในตำแหน่งที่ถ้าหันไปผมจะยังเห็นเขาจ้องตรงมาด้วยแววตาจริงใจไม่ผละหนี



ผมเพิ่งรู้ตัวว่าขณะที่ตัวเองยังระแวดระวังไม่กล้าก้าวเข้าไปในความสัมพันธ์ ความรู้สึกเจไดมีแต่รุดหน้าอย่าซื่อตรง ไม่เหลียวหลัง



ถ้าไอ้พิชญ์อยู่ตรงนี้ ผมจะอวดมัน



กูเจอแล้วนะ คนที่ทำให้รู้สึกว่าถ้าปล่อยไปแล้วจะเสียใจอ่ะ

 

 

☉ ------------------------------------------------------------ ☉


 

จากที่คิดว่าจะค่อยเป็นค่อยไป ผมตัดสินใจจะเทแต้มกระต่ายให้เจไดหมดตัว



นับวันยิ่งแน่ใจ ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม ขนมที่ผมเก็บออมไว้ เหลือคำสุดท้ายที่ผมต้องกินทั้งคำ ซึมซาบรสชาติหอมหวาน



ผมเลือกวันที่เราได้ขึ้นโชว์ครั้งแรกด้วยกัน ...วันที่เจได้เป็นมือเบสของผมเต็มตัว



แต่ผมมักเจอเรื่องแบบนี้... เรื่องของจังหวะเวลาที่ไม่เข้าข้าง



หรือไม่มีดวงกับการทำเซอร์ไพรซ์วะ สุดท้ายถึงได้ล่มไม่เป็นท่า



ผมชักช้าจนเจไดเกือบถูกคนเมาลากไป



ซ้ำร้าย... ผมไม่ทันได้เอ่ยความรู้สึกสักคำด้วยซ้ำ



ผมได้รับสาย... ที่ทำให้หัวใจกระตุกมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต



“โรงพยาบาลโทรมา”



“...”



“ไอ้เตรถคว่ำ อาการโคม่า”

 

               

เพื่อนผมตัดสินใจฆ่าตัวตายในคืนนั้น... 



คืนที่คนแทบทั้งโลกกำลังดื่มด่ำความสุข ลืมความทุกข์ที่ผ่านมาในชีวิตไปกับปีเก่า

               

มันแสร้งแฝงตัวกลมกลืน ให้ความสุขกลบเกลี้ยงวี่แววความเศร้า แต่เพื่อนผมไม่เคยลืม...ความทุกข์ของปีที่แล้ว ปีก่อนหน้า... หรืออาจจะนานกว่านั้น

               

เชื่อว่าความทุกข์นั่นจะติดตัวมันในปีถัดไป... ถัดๆ ไป ถึงได้ตัดสินใจเด็ดขาด



แต่ไอ้เตก็คงเหมือนผม กะจังหวะเวลาผิดพลาด ใครก็ตามที่มีอำนาจพรากชีวิตมัน จึงให้โอกาสอีกครั้ง



ผมไม่ได้สิทธิ์ในการรับรู้ต้นเหตุของความทุกข์ ไม่ใช่คนที่ไอ้เตจะเปิดใจให้เข้าถึงความทุกข์ของมันด้วยซ้ำ

               

แต่มันเป็นเพื่อนผม หรืออย่างน้อยที่สุด... ในช่วงเวลาสั้นๆ เราก็ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกันและกัน

               

ผมจะไม่ยอมให้มันเป็นอะไรไป

               

“ทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นเจไดเลยอ่ะ”

               

“เจติดโปรเจ็กต์อ่ะ” ผมว่า เท้าแขนพิงกับราวระเบียงพลางอัดควัน



ช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นๆ ผมกับเจไดเลยไม่ค่อยได้เจอกัน 

             

“คิดถึงว่ะ”

               

“ก็ไปหาดิ” ไอ้พิชญ์หัวเราะ ดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบบ้าง ผมเลยผลักหัวมันไปทีหนึ่ง พเยิดหน้าไปยังกองงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้เช้า

               

“มึงทำให้กูไหมล่ะ หมดนั่น” ไอ้พิชญ์ยิ่งหัวเราะเสียงดัง

               

“ส่งงานเสร็จก็ไปดิ”

               

ผมเงียบไปสักพัก อัดควันเข้าปอดแล้วถอนใจหนักๆ “ช่วงนี้เขาไม่ว่างว่ะ”

               

พอขึ้นปีห้าเจก็คงเรียนหนักเหมือนกัน เห็นว่าต้องเริ่มทำโปรเจ็กต์ตั้งแต่เปิดเทอม

               

ไอ้พิชญ์เงียบไปสักพัก ยักไหล่เหมือนไม่อยากยุ่มย่าม ผมเลยเปลี่ยนเรื่อง

               

“แล้วมึงกับไอ้เตเป็นไงบ้าง”

               

“หวานแหวว”



ผมหัวเราะลั่นผลักหัวมันอีกครั้ง “น่าหมั่นไส้สัด”



ไอ้พิชญ์หัวเราะ มองลงไปยังชั้นล่างที่เด็กปีสองกำลังรวมตัวทำงานของคณะ ท่าทางยังดูน่ากลัวแผ่ออร่าเข้าถึงยากเหมือนเดิม



“ป๊า” ต่างคนต่างอัดควันพิษลงปอดอยู่ในความเงียบสักพักไอ้พิชญ์ถึงเรียกผมขึ้นมา น้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง “พี่เตไม่เป็นไรแล้วนะ”



ไม่ต้องอธิบายมากกว่านี้ ผมรู้ว่ามันหมายถึงเรื่องอะไร



ผมยังไม่ก้าวไปไหน ไม่เริ่มความสัมพันธ์ที่หยุดชะงักไว้



ไม่ใช่แค่เรื่องเรียน เรื่องงาน ไม่ใช่แค่เพราะเวลา... แต่ผมยังละสายตาไม่ได้



ที่ผ่านมาผมพยายามสังเกตคนรอบข้าง พยายามใส่ใจ พยายามโอบอุ้มทุกคนในชีวิตผมไว้เท่าที่แขนใหญ่ๆ นี่จะสามารถทำได้ เรื่องของไอ้เตจึงมีผลกระทบรุนแรง...



ผมปล่อยให้คนคนหนึ่งที่อยู่ข้างผมหลุดมือหัวกระแทก...



ผมคิดแต่ว่าจะรักษาแผลนี้ยังไง จะทำยังไงไม่ให้กระแทกซ้ำ



หรืออย่างน้อยช่วยลดแรงกระทบกระเทือนลงบ้าง



“ฝากขอบคุณตัวน่ารักของป๊าด้วยแล้วกัน”



‘จากเรา ไปที่เจด ไปที่น้องพิชญ์ เป็นลูกโซ่กำลังใจ แบบนี้เตวิชญ์คงไม่อยากหนีไปไหนแล้วเนอะ ว่าไหม’



"อือ"



หลังจากนี้ไอ้เตจะกลับมาเผชิญหน้าความทุกข์อีกครั้ง พบเจอเรื่องบัดซบในชีวิตอีกสารพัดอย่าง แต่เชื่อเถอะว่ามันจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านั้นคนเดียว



“กูว่าจะขอเจเป็นแฟนว่ะ” ผมบอก มือข้างล้วงกระเป๋ากางเกงกำบางอย่างที่พกไว้ คลายเครื่องรางที่ช่วยให้รู้สึกอุ่นใจ แต่อีกไม่นานคงถึงเวลาที่จะต้องส่งต่อมันให้เจ้าของ



กระต่ายตัวสุดท้ายที่ผมยังไม่มีโอกาสได้ให้



“หืม? นี่ยังไม่เป็นแฟนกันอีกเหรอ” ไอ้พิชญ์หัวเราะ ดับบุหรี่ที่ยังไม่หมดมวนดี สบตากับคนจากข้างล่างที่มองขึ้นมา “อือ ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วล่ะ"



ผมหัวเราะบ้าง ที่ถูกอ่านความคิดได้



ถึงแขนจะใหญ่ แต่ผมก็แบกทีเดียวทุกเรื่องไม่ไหว ทื่อทึบจนจัดการปัญหาทีเดียวไม่ได้ เพราะแบบนั้นผมถึงเลือกวางบางอย่างไว้



ไม่ใช่เลิกใส่ใจ แต่เพราะสำคัญมาก ผมเลยต้องหยุดวิ่งเพื่อปรับโฟกัส



ตอนนี้สายตาของผมมองเห็นเพียงคนเดียวตรงปลายทาง ชัดเจนกว่าที่ผ่านมา



“ขอให้ไม่นกอีกนะป๊า”



“หึ... เออ คราวนี้จะไม่พลาด”



จะเดินตรงเข้าไปหา ไม่วอกแวกแล้วครับ





(มีต่อค่ะ)



หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 14-10-2018 08:00:46
(ต่อ)


แต่สงสัยจะเดินช้าไป

               

เป็นหมีต้วมเตี้ยม ก้าวเท้าเทอะทะไม่ทันใจกระต่าย

               

“หึงที่กอดไอ้พิชญ์เหรอ”



มัวแต่ประหม่า เงอะงะจนทำให้เข้าใจผิดซะได้

               

“เปล่า”

               

ยังจะปฏิเสธ หน้าบึ้งขนาดนี้งอนไปถึงไหนแล้วนั่น

               

“งั้นเป็นอะไร” อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปบีบปากที่เบะไม่รู้ตัวอย่างมันเขี้ยว ขยับเข้าไปใกล้จนเจ้าตัวขยับหนี แถมยังขู่ฟ่อด้วยการกัดนิ้วผมทีหนึ่ง

               

กลายเป็นกระต่ายดุไปซะแล้ว

               

“ก็เราไม่เข้าใจ”

               

“หือ ไม่เข้าใจอะไร” ผมเลิกคิ้วถาม ท่าทางเจไดดูคับข้องใจมากๆ จมูกเล็กๆ ย่นยุกยิกงุ่นง่านอยู่แป๊บหนึ่งก็อธิบาย

               

“เจดเคยบอกว่าถ้าตื่นเต้นมากๆ จะชอบกอดใครสักคนให้สบายใจ แล้วทำไมคนคนนั้นไม่ใช่เรา”

               

ผมชะงัก ไม่นึกว่าเจจะคิดมาเรื่องนี้



ที่ผ่านมาผมเหมือนใช้ไอ้พิชญ์เป็นตัวแทนความเชื่อมั่น ความหวัง ความทะเยอทะยาน แค่เห็นมันผมก็รู้สึกเหมือนได้รับพลังที่จะก้าวผ่านอุปสรรคไปได้



ลืมไปว่ากับเรื่องนี้คงไม่ต้องใช้

               

“เจด เราถามจริงๆ ยังชอบพิชญ์อยู่ใช่ไหม” เห็นอยู่ชัดๆ ว่าสมหวังโดยไม่ต้องขอเผื่อแผ่ความมั่นใจจากใครทั้งนั้น

               

สิ่งที่ต้องทำก็แค่เชื่อมั่นในคนตรงหน้า... เชื่อมั่นในคนตรงหน้า



ถ้าเป็นคนนี้ ยังไงก็ไม่มีทางปล่อยมือ

               

“ถ้าเจดยังตัดใจจากพิชญ์ไม่ได้... เราจะรอ” 



ผมพยายามกลั้นยิ้ม ครั้งแรกเลยที่มีคนบอกว่าจะรอ



“อืม... งั้นขอเวลาหน่อย”



กะระยะห่างที่กระต่ายวิ่งนำหน้าไป คงไกลมากแล้ว



“สักสามวิ”



แต่แค่นั้นคงพอ หมีต้วมเตี้ยมจะรีบไปหา จะวิ่งตามให้ทัน



“สาม...” ผมอาศัยจังหวะที่เจยังงุนงงเข้าไปกอด รัดอ้อมแขนแน่นพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้



“สอง...”



น่ารัก ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งหน้ารัก ใบหน้าสับสน คล้ายจะโกรธแต่ก็เลิ่กลั่ก เขินจนแก้มแดงแจ๋



โคตรน่ารัก



“หนึ่ง... อ่ะตัดใจได้ละ” แตะปลายจมูกกับปลายจมูกจิ้มลิ้ม เอ่ยคำสารภาพ “ชอบเจว่ะ อยากได้”



เป็นคำเดียวกับที่เคยใช้ตอนจีบเจเข้าวง ผมนึกสงสัยว่าเจชอบผมตั้งแต่ตอนนั้นเลยหรือเปล่านะถึงได้ตอบตกลง



‘ครับ... ชอบเหมือนกัน’

               

ตอนนั้นแค่รู้สึกว่ามันฟังดูแปลกๆ ไม่ทันได้คิดอะไร แต่พอนึกขึ้นได้ก็เริ่มเขินย้อนหลัง... โดนจีบตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนี่หว่า

               

“มุกเก่า” เหมือนเพิ่งได้สติเจ้าตัวถึงได้พยายามทำหน้าบูดบึ้งทั้งที่ตัวแดงไปถึงปลายนิ้วแล้วมั้ง

               

ผมยิ้มขำ ถือวิสาสะอุ้มคนน่ารักไปวางไว้บนโขดหินเพื่อให้อีกคนอยู่ในระดับสูงกว่าวางแขนคร่อมร่างไว้พลางเงยหน้าสบตา

               

“คราวนี้จริงจัง” จริงจังมาก ไม่ให้หนี ไม่ให้รอ ไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น

               

“เลิกชอบไอ้พิชญ์ตั้งนานแล้ว ที่กอด ที่เป็นห่วงมันก็เพราะสนิทกัน แต่ถ้าเจไม่ชอบก็จะค่อยๆ เลิกทำ”



“ก็ไม่ได้ไม่ชอบ... อันที่จริงก็ไม่มีสิทธิ์ไม่ชอบสักหน่อย” คนตัวเล็กพูดงึมงำท่าทางดูไม่มั่นใจแต่ก็พยายามอธิบาย



“เราบอกให้เจดเลิกสนิทกับน้องพิชญ์ไม่ได้หรอก หวงเจดก็ไม่ได้ หึงเจดก็ไม่ได้ เราน้อยใจบ่อยๆ แต่เราก็แค่น้อยใจ เดี๋ยวก็หาย”



“...”



“อย่าเพิ่งรำคาญนะที่เรางี่เง่า เรายังอยากคุยกับเจด อยากอยู่ข้างๆ ยังไม่อยากแยกย้าย”



“...”



“เราขอจีบเจดต่อ... ได้ไหม” ยิ่งเจพูดทั้งหมดออกมายิ่งรู้ว่าเรื่องไอ้พิชญ์เป็นประเด็นที่ติดค้างในใจเจมานาน

               

รู้แล้วว่าความสนิทที่ใช้อ้างคงทำให้อีกคนไม่สบายใจ ถ้าปล่อยเรื้อรังคงทำให้เจคิดมากต่อไป

               

ผมคงเลิกสนิทกับไอ้พิชญ์ไม่ได้เพราะยังไงเราต้องพึ่งพากันและกัน แต่ผมจะพยายามทำให้เจเชื่อเองว่ามันไม่มีอะไรทั้งนั้น



“นี่ไง ถึงได้บอกว่าคราวนี้จริงจัง” สายตาผมมองแต่เจคนเดียวมาตั้งนานแล้ว ทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว



“ตั้งแต่มาถึงก็เอาแต่คิดมาก ตื่นเต้นจะแย่ อยากรอบรรยากาศดีๆ ลังเลว่าควรถามก่อนหรือหลังแสดง แต่ดันเซ่อซ่าทำเสียบรรยากาศ แต่เป็นแบบนี้ก็ยิ่งอยากรีบถาม ไม่อยากรอแล้ว”



ไม่รอแม่งแล้วบรรยากาศ ดาวสวยๆ ดนตรีเพราะๆ



แค่โขดหินโง่ๆ หมีโง่ๆ กับคำถามที่อยากถามมานาน



“เจได...” ขอแค่มีตัวน่ารักตรงหน้าที่กำลังตั้งใจฟัง “จีบมาตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะขอเป็นแฟน”



“...”



แค่รอยยิ้มที่ค่อยๆ คลี่ทีละนิดจนกลายเป็นรอยยิ้มกว้างก็พอแล้ว

             

“ว่าไง”



“เอาตรงๆ นะ” เสียงหัวเราะเบาๆ เมื่อผมแกล้งถามน้ำ มือคู่เล็กที่ยกมือขึ้นมาประคองใบหน้าผม ลูบหนวดรกๆ แบบที่ชอบทำ



“ชอบเจดอ่ะ อยากได้” เจชอบบอกว่าเสียงผมเพราะ ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นใจ



เจ้าตัวคงไม่เคยรู้ว่าเสียงตัวเองน่ารักมากแค่ไหน แค่ประโยคเดียว...แค่คำเดียว ไม่ว่าเจจะพูดอะไร ไม่มีครั้งไหนเลยที่ได้ยินแล้วจะไม่ยิ้มออกมา



ชอบ... ชอบมาก



มากจนอยากครอบครองไว้คนเดียว



“หึ มุกซ้ำ”



ทุกประโยค ทุกคำ... ทั้งริมฝีปากน่ารักที่ขยับเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมา

               

“เจด...พักก่อน” ผมหัวเราะ แต่ไม่ยอมทำตามกดจูบย้ำๆ จนคนตัวเล็กทำท่าเหมือนหายใจไม่ทัน

               

ผมผละริมฝีปาก มองใบหน้าอีกคนที่ยิ่งแดงแจ๋ พยายามก้มหน้าหนีแต่หนีไปไหนไม่ได้เพราะอ้อมกอดที่กักไว้

               

“เจด... กอดแน่นไปแล้ว”

               

หึ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะกอดให้แน่นกว่านี้อีกครับ

 







☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 

                                 

               

แต่ถ้ากอดแน่นไปจะเป็นอะไรมั้ยนะ...

               

จะบุบสลาย จะหวาดกลัวจนกระโดดหนีไปหรือเปล่า

               

เขาว่ากระต่ายเป็นสัตว์ที่มักจะอดทนต่อความเจ็บปวดซะด้วยสิ...



ไม่ส่งเสียง... ไม่ร้องไห้

               

แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะรู้ได้ยังไง

               

“อื้อ...” เสียงร้องอึดอัดดังขึ้นในลำคอทันทีที่ถูกจู่โจมใบหู คนตัวเล็กเม้มปากแน่นกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกมา

               

“เจ็บไหม” แม้แต่ตอนที่ถูกถามเจ้าตัวก็ยังกัดริมฝีปากล่างตัวเองจนน่ากลัวว่ามันจะเป็นแผล

               

“เจ” ผมดุ หยุดนิ้วที่กำลังขยับ... ให้ค้างคาอยู่ในร่างกายจนคนตัวเล็กบิดเร่าทรมาน

               

“อึก... เจด...” ริมฝีปากแดงจัดเผยอออกจากกัน เปล่งเสียงเรียกปนครางฟังไม่ได้ศัพท์ น้ำตารื้นคลอดวงตาที่ปรือลงพร้อมกับหอบหนัก



“เจ็บไหม” ผมอมยิ้ม แกล้งกระซิบถามซ้ำคาดคั้นเอาคำตอบจนคนใต้ร่างยอมส่ายหน้าตอบพลันวัน



“อยากให้ขยับไหม” ผมแกล้งถามต่อ แต่คราวนี้เจไดเงียบ ทำท่าจะกัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง



ผมห้ามด้วยการทาบริมฝีปากลงไป แทรกเรียวลิ้นไม่ให้ฟันกระต่ายกัดลงมา



“อือ...” เสียงร้องอึดอัดงึมงำอยู่ในลำคอ คำถามของผมได้รับคำตอบเป็นรสจูบหวานโต้ตอบ พร้อมกับสะโพกเล็กที่เป็นฝ่ายบดเข้าหาขยับรูดรั้งนิ้วของผมเสียเอง



ผมหัวเราะเบาๆ ขยับตอบสนองตาม เชื่องช้า ก่อนค่อยๆ เร็วขึ้น กลายเป็นฝ่ายนำความรู้สึกอีกครั้ง



“ไม่ไหว... เราไม่ไหว...” กระทั่งเสียงหวานสารภาพอย่างไม่อาจปกปิดความรู้สึกอีกต่อไป เสียงสะอื้นปนกระเส่า ส่ายหน้าพัลวันอย่างน่ารัก



เจไดยกมือสองข้างขึ้นมาโอบรอบคอผมแน่น ร่างกายบิดเกร็ง เนื้อนุ่มบีบรัดนิ้วทั้งสามของผมแน่น... ข้างในร้อนจัด



ผมถอนนิ้วมือออก ยังไม่ยอมให้ไปถึงปลายทาง



คนใต้ร่างจึงร้องผวา ดวงตาหวานฉ่ำมองคาดโทษพร้อมน้ำตาอาบแก้ม



“เจด... อย่าแกล้ง...” เสียงนั้นกระเง้ากระงอดปากบวมเจ่อเบะบึ้ง



เห็นแบบนั้นยิ่งทั้งเอ็นดูและอยากรังแกไปพร้อมกัน ผมหัวเราะเบาๆ จูบซับหางตา ไล่ไปทั่วใบหน้า ดึงฝ่ามือเล็กๆ มาสัมผัสความอึดอัดที่ยังซุกซ่อนอยู่ในกางเกงยีน



“ตรงนี้... ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”



คนน่ารักก้มมองความแข็งขึงที่ขยายดุนดันเนื้อผ้าออกมาก่อนสบตาผมอย่างเขินอาย กัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้งขณะที่ค่อยๆ ใช้มือข้างเดิมรูดซิปลงให้ ดึงรั้งขอบกางเกงเพื่อปลดปล่อยตัวตนอึดอัดเป็นอิสระ



ผมหัวเราะแล้วทาบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ปล่อยให้มือเล็กไล้ลูบกลางลำตัวของตัวเองอยู่อย่างนั้น คล้ายทำความคุ้นเคยกับมัน



“อืม...”



ทั้งที่แววตาเต็มไปด้วยความประหม่าไร้เดียงสา แต่ปลายนิ้วที่สัมผัสลงมากลับอุกอาจ ลากไล้ราวกับรู้ว่าทำยังไงผมถึงจะรู้สึกดีจนแทบคลั่ง



แต่ผมจำเป็นต้องรอให้เจพร้อม



เจตัวเล็กกว่าผมมาก... อะไรๆ ก็มีขนาดต่างกันเป็นธรรมดา ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็น แต่ถ้าต้องสอดใส่... ผมไม่มั่นใจว่าร่างกายเจจะรับมันได้แค่ไหน



ไม่อยากให้บาดเจ็บ... แต่มาถึงตรงนี้คงถอนตัวไม่ได้



“เจ... พี่เจครับ...” ผมส่งเสียงเว้าวอน พลางกดจูบซอกคอ หัวไหล่ กัดไปทั่วร่างเล็กอย่างมันเขี้ยว



ผมพรมจูบซ้ำไปซ้ำมา ขณะที่มืออีกข้างควานหาของสำคัญ



...ก่อนนึกได้ว่าผมพลาด



ลืมไปเสียสนิทว่าถุงยางอนามัยอยู่ในกระเป๋าสตางค์ที่ผมโยนให้ไอ้พิชญ์ไปตั้งแต่ต้นงาน เพราะพนันกับมันไว้ว่าถ้าลากไอ้เตมาได้ผมจะเลี้ยงเหล้า



ชิบหาย...



เจไดคงรู้เหมือนกันว่าเราอยู่ในสถานการณ์แบบไหน มือที่กอบกุมตัวตนของผมอยู่หยุดชะงัก ดวงตาใสซื่อสบตาผม กะพริบปริบๆ พลางกัดริมฝีปาก



“ขอ...!!” แต่ก่อนจะได้เอ่ยขอโทษ ผมถูกผลักออก คิดว่าคงจบแล้วจนอีกคนตามมานั่งคร่อมตัก มือสองข้างเกาะไหล่ผม เม้มปากกระอักกระอ่วนอยู่สักพัก ก่อนเอ่ยคำที่ทำเอาผมแทบคลั่งยิ่งกว่าเก่า



“ข้างนอก... ได้ไหม...”



“...” เพราะผมมัวแต่อ้ำอึ้งชักช้า คนตัวเล็กเลยไม่รอคำตอบ เจไดยกสะโพกขึ้นพลางเอื้อมมือกอบกำตัวตนผมอีกครั้ง ก่อนค่อยๆ หย่อนตัวกดทับลงมา สัมผัสของเนื้อนุ่มกลืนกินความแข็งขึงอย่างเชื่องช้า



แต่ไม่ถึงครึ่งทางก็ชะงัก ใบหน้าเขินอายกลับกลายเป็นบิดเบี้ยว น้ำตาคลอหน่วย



“ไม่... ไม่ไหว...”



ผมหัวเราะเบาๆ ยกแขนขึ้นกอดเจไว้ ลูบหลังพลางจูบซับทั่วใบหน้าปลอบประโลม



“ใจร้อนจัง”



คนงอแงเบ้ปากอย่างน่าเอ็นดูก่อนเปลี่ยนเป็นเผยอปากรับจูบ ร่างกายอ่อนปวกเปียกตามสัมผัสเล้าโลมเพื่อให้ส่วนล่างผ่อนคลายพลางค่อยๆ ดันร่างกายเข้าไปขณะที่ริมฝีปากยังไม่ผละห่าง



"ลึก... ลึกจัง..." ความรู้สึกที่เอ่อล้นทำให้คนในอ้อมกอดกักเก็บเอาไม่ไหว ไม่รู้จะระบายยังไงจนต้องเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาอย่างลืมความอาย



"เจด... เจด..." แต่ยิ่งพร่ำพูดเท่าไหร่เสียงหวานก็ยิ่งคล้ายจะปลุกอารมณ์คลุ้มคลั่งในตัวผมเช่นกัน จากที่ตั้งใจจะอ่อนโยนกว่านี้ ผมจึงเผลอปล่อยใจกดแทรกตัวตนต้านทานแรงบีบรัดที่มากขึ้นในทุกขณะ



รุนแรงจนต้องขบกรามแน่นด้วยความอึดอัดไม่แพ้กัน



“อื้อ...!!” กระทั่งรับเข้าไปจนหมด เสียงหวานหลุดครางลั่น ร่างเล็กผวากอดผมแน่น กระตุกเกร็งพร้อมสัมผัสของของเหลวที่สาดกระเซ็นทั่วหน้าท้องผมอย่างไร้หนทางอดกลั้น



“ฮึก...เสร็จ... เสร็จแล้วครับ...” เจไดดูตกใจเหมือนกันที่เผลอหลั่งออกมาก่อน เจ้าตัวเบะปากหอบสะอื้นด้วยแรงอารมณ์ หน้าแดงจัด พลางพยายามใช้มือปาดคราบน้ำขาวข้นออกจากหน้าท้องให้ ผมมองการกระทำนั้นด้วยหัวใจเต็มตื้นไปด้วยความเอ็นดู อยากทะนุถนอม แต่ก็อยากขยี้ให้เต็มไปด้วยรอยมือ กอดรัดจนร่างแหลกหลอมเข้าด้วยกันซะให้รู้แล้วรู้รอด



“เสร็จแล้วเหรอครับ” แต่สุดท้ายทำเพียงโอบกอดไว้ ยิ้มพลางจูบเบาๆ อย่างรักใคร่



ผมสบตาดวงตากลมที่ยังฉายแววตระหนก ดึงฝ่ามือเปรอะเปื้อนขึ้นมาไล้เลียชิมรสรักจนไม่เหลือก่อนบรรจงจูบปลายนิ้วทีละนิ้วแผ่วเบา กอดกระชับร่างที่ยังสั่นน้อยๆ ไว้แน่น พรมจูบทั่วใบหน้าซ้ำไปซ้ำมา แช่ตัวตนค้างไว้เพื่อให้อีกคนปรับตัวแม้ว่าแรงบีบรัดที่ทิ้งไว้จะยิ่งสุมความต้องการให้ทวีขึ้นมาจนแทบทนไม่ไหว



“พี่เจครับ” ผมเรียก แตะริมฝีปากค้างไว้เพื่อสบตา



“ป๊า...ป๊า...” ดวงตาสับสนคล้ายไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ได้แต่เอ่ยเรียกผมอยู่แบบนั้น



“จะแข่งกันแก่เหรอ” ผมหัวเราะ แกล้งติดตลกพลางลูบหัวลูบหลังให้ผ่อนคลาย เจไดซบหน้าลงมากับคอผม กัดระบายซ้ำๆ



ผมกอดตอบพลางเลื่อนมือขึ้นมาลูบใบหน้า เกลี่ยเส้นผมชื้นเหงื่ออย่างทะนุถนอม มองดวงตาอาบรื้นด้วยน้ำตาแล้วกดจูบปลอบประโลมอีกครั้ง



“พี่เจ... อยากให้หยุดไหม...” เอ่ยถาม เพราะเห็นว่าเจไดไปถึงฝั่งฝันก่อนหน้า และกำลังเหนื่อยล้า อาจเกินกว่าจะรับความต้องการของผมไหว



ยังไงผมก็ไม่อยากให้เจเจ็บ ผมรอได้



“ไม่...ไม่เอา...” แต่กระต่ายดื้อกลับส่ายหน้าปฏิเสธ พยายามขยับสะโพกทั้งที่ขายังสั่น แต่ไม่ทันไรก็อ่อนปวกเปียก ทิ้งกายยอมแพ้ในอ้อมกอดผมอีกครั้ง



“เจด... ขยับ...”



ผมยิ้มรับ ขยับร่างกายตามสั่ง



แต่คราวนี้... ต่อให้ขอร้องให้หยุดผมก็ไม่หยุดแล้วนะครับ



ผมดันร่างเจไดนอนราบอีกครั้ง เสียงหวานหลุดครางเมื่อแรงขยับส่งผลให้ร่างกายที่สอดประสานเสียดสี กดจูบพลางลูบไล้ทั่วร่างเล็กอย่างเอาแต่ใจ ใช้มือและริมฝีปากเล้าโลมจนความอ่อนนุ่มเริ่มผ่อนคลายจึงค่อยๆ ถอนสะโพกขยับตัวตนเข้าออกเชื่องช้า



ค่อยๆ สุมไฟปรารถนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปอีกครั้ง



เร่งจังหวะเมื่อร่างกายอีกคนกลับมาตอบสนอง ตัวตนที่เพิ่งปลดปล่อยกลับมาแข็งขึงอีกครั้ง จมดิ่งสู่สัมผัสที่ผมมอบให้ ขยับตามจังหวะรักที่กลับกลายรวดเร็วและดุดันตามไฟราคะที่ลุกโหมเกินต้านทาน ยอมให้ผมเอาแต่ใจ จับเปลี่ยนท่าทางราวกับร่างกายเป็นของเหลวปรับเปลี่ยนภาชนะได้



ในเต็นท์เล็กๆ อับสายตา มีเพียงเสียงร่างกายที่สอดประสานเฉอะแฉะปะปนกับเสียงหอบหายใจ



เสียงจูบกักเก็บเสียงครางที่เริ่มดังขึ้นตามแรงปรารถนา จนน่ากลัวว่าถ้ามีใครเดินผ่านมาคงได้ยินเสียงน่าอาย



แต่ต่อให้เงียบเชียบแค่ไหน หากมีใครผ่านมาจริงๆ ก็คงไม่อาจปกปิดการกระทำอุกอาจ  กลิ่นคาวราคะ เงาของสองร่างที่เกี่ยวกระหวัดกระทบฉากขยับประสานเป็นรูปร่างประหลาดเล่นล้อแสงไฟจากตะเกียงเล็กๆ



เสียงกระซิบพูดคุยสลับกับเสียงบรรเลงเพลงรักดังอื้ออึงแข่งกับเสียงจากเวทีที่อยู่ห่างออกไป



เพลงแล้วเพลงเล่า



...จนรุ่งสาง   



I wanna talk tonight



Until the mornin’ light



‘Bout how you saved my life



You and me see how we are…

 





☉ ---------------------------Side Story 14--------------------------------- ☉

 

               

เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกว่ามีบางอย่างสวมอยู่ที่นิ้วโป้งซ้าย

               

วงสีเงินขนาดใหญ่ขนาดที่สวมนิ้วโป้งแล้วก็ยังมีพื้นที่เหลือพอให้ปลายนิ้วก้อยอีกข้างสวมเข้าไปได้

               

กระต่ายตัวสุดท้ายกลายเป็นพวงกุญแจรวมกับหมีตัวโตสีน้ำตาล และมอเตอร์ไซค์เวสป้าสีขาว

               

เราหลุดยิ้มเปลี่ยนมากำมันไว้ในมือก่อนลุกขึ้นนั่ง

               

ร่างกายปวดร้าวจนหลุดร้องเบาๆ กะพริบตาปริบๆ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วแก้มก็ร้อนฉ่าขึ้นมา

               

แต่พอมองไปรอบๆ สภาพเต็นท์ดูเรียบร้อยราวกับว่ามันเป็นความฝัน เจดคงจัดการทุกอย่าง แม้กระทั่งเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรา ร่างกายที่เคยเหนอะหนะหนักอึ้งถึงได้รู้สึกสะอาดผ่อนคลายกว่าเมื่อคืน

               

เราใช้เวลาพักใหญ่ทบทวนความทรงจำที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ ทุกสัมผัส ทุกถ้อยคำย้อนกลับมาเป็นฉากๆ จนอย่างจะระเบิดตัวเองทิ้งด้วยความอาย

               

นึกสงสัยว่าคนอื่นๆ หายไปไหน ถึงได้ปล่อยให้พวกเราทำอะไรตามใจอยู่ได้ตลอดทั้งคืน...

               

แต่นึกอีกที ดีแล้วล่ะที่ไม่มีใครผ่านมา

               

ทำไมถึงกล้าทำเรื่องแบบนั้นได้นะ... ถ้าเพื่อนรู้ โดนฆ่าแน่

               

เราตัดสินใจจะปัดเรื่องยั้วเยี้ยในหัวทิ้งไป สะกดความอายจนเหลือแต่ความหิวให้แบกหน้ามุดเต็นท์ออกไปเจอแสงสว่างเดินกระย่องกระแย่งออกจากเต็นท์จนถึงลานกิจกรรม มีคนจับกลุ่มออกกำลังกายตอนเช้า บางส่วนนั่งคุยกันรอบกองไฟส่วนรวมที่ใช้คลายความหนาว กินอาหารเช้ากัน มีตลาดเล็กๆ ตั้งอยู่รอบๆ บริเวณที่จัดงาน

               

เดินต่ออีกไม่กี่ก้าวเราก็เห็นแผ่นหลังคุ้นตา นั่งรวมกันคนอื่นๆ ที่ริมธารน้ำเล็กๆ ในมือถือแก้วกาแฟจากร้านชั่วคราวที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

               

น้องพิชญ์เป็นคนหันมาเห็นเราเป็นคนแรกยิ้มทักทาย ก่อนสะกิดให้เจดรู้ตัว

               

คนตัวโตหันมาสบตาพลางยิ้มให้ รอยยิ้มอบอุ่นที่ทำเราอดยิ้มตามไม่ได้

               

“เจหิวยัง” น้องพิชญ์ขยับให้เรานั่งที่ว่างข้างๆ เจดก่อนจะเอ่ยถาม เราพยักหน้า ไม่กล้าสบตาใครโดยเฉพาะคนข้างๆ

               

“งั้นเดี๋ยวพิชญ์ไปเอาข้าวต้มให้” ว่าจบน้องก็ดึงมือเตวิชญ์ลุกออกไป พอเห็นแบบนั้นเต๋อก็เผ่นตาม

               

ริมน้ำเหลือเรากับเจดตามลำพัง กับความเงียบชวนกระอึกกระอ่วน ความทรงจำน่าอายฉายวนกลับมาอีกครั้ง

               

ง่ะ... กลับเข้าเต็นท์ตอนนี้ทันไหม



"ลุกมาทำไม" เราแทบจะลุกขึ้นเพราะคิดว่าเจดไล่ จนได้เห็นสีหน้าเป็นห่วงปนเขินอาย "ไม่เจ็บเหรอ"



กลายเป็นว่าเราเขินตามไปด้วยเพราะรู้ความหมาย



"เจ็บ..." แทบลุกไม่ไหวด้วยซ้ำ แต่เราอยากเห็นหน้าเจด อยากยืนยันว่าทุกอย่างไม่ใช่ความฝัน



"ดื้อ" พอตอบแบบนั้น เจดก็เอื้อมมือมาดึงแก้มเราจนยืดแกล้งทำเสียงดุก่อนคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ "คราวหน้า... จะทำเบาๆ นะ"



 หมีทะลึ่ง... แล้วแบบนี้เราจะให้เราตอบว่าไง



"อือ"



"..."



เดดแอร์เลยอ่ะ เห็นไหม

               

“กระต่าย...” นานทีเดียวกว่าเจดจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาอีกครั้ง

               

“ครับ?” เผลอตอบรับ เพราะคิดว่าถูกเรียก แต่เจดกลับชะงัก ก่อนหัวเราะ



“หมายถึงพวงกุญแจ เห็นไหม”



อ่อ...



“ครับ” เราพยักหน้าตอบงึมงำพลางแบมือออกอวดสิ่งที่กำเอาไว้ตลอดทาง



ที่ออกจากเต็นท์มาเพราะตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับเจดเหมือนกัน



“มีเจดกับมะลิด้วย” เรากัดปาก ซุกหน้าครึ่งหนึ่งลงกับเข่าเพื่อซ่อนใบหน้าที่กำลังส่งเสียงฉ่าๆ



“ชอบไหม” เจดถามยิ้มๆ เราพยักหน้า



ไม่รู้จะแสดงออกยังไงว่าเรากำลังดีใจมาก นอกจากหัวใจที่เต้นตึกตัก



“ถ้าเจไม่รู้จะเอาไปห้อยอะไร ฝากอันนี้ด้วยได้ไหม” ต่างคนต่างเงียบไปสักพัก ก่อนเจดจะดึงมือที่มีพวงกุญแจไป แล้ววางอีกอย่างหนึ่งลงมาข้างๆ กัน



“กุญแจห้อง... แลกกัน” เจดเฉลย ทำให้เรานึกได้ว่าเจดอีกก็มีกุญแจห้องเราที่เพื่อนเคยให้ และยังไม่ได้คืนตั้งแต่วันนั้น



เราหัวเราะเบาๆ เจดหัวเราะตามคนตัวโตโน้มตัวซบหน้าลงกับเข่าตัวเองบ้าง แต่เอียงหน้ามามองเรา ดวงตาเป็นประกายล้อเลียนแถมยังเอื้อมมือมาลูบหัวเรา



“ครบแล้วนะ” เอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง อวดลักยิ้มน่ารักๆ



“จีบติดแล้วเนอะ”



เราอมยิ้ม ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักอีกครั้ง



"อือ"



...จีบติดแล้วครับ

 

 





☉ ---------------------------end --------------------------------- ☉



#หมีแต่รัก เป็นเรื่องที่เขียนยากที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาเลยค่ะ

คนอ่านอาจจะรู้สึกว่าเรื่องไม่มีอะไร ไม่เห็นจะดูยากตรงไหน

แต่ความไม่มีอะไรนี่แหละยากที่สุดแล้วสำหรับเรา 55555

ด้วยสำนวนที่ต้องปรับใหม่ โทนเรื่อง เสียงในหัวที่ต้องเปลี่ยนให้เข้ากับคาแร็กเตอร์เจได ทำเอาเครียดพอสมควร

ท้อจนหยุดไปหลายครั้ง ถามตัวเองบ่อยๆ ว่าเขียนเรื่องนี้เพื่ออะไร มันให้อะไรกับคนอ่านไหม

เรามักได้คำตอบจากคอมเม้นต์ที่หลายๆ คนใจดีทิ้งไว้เสมอเลยค่ะ

มีกำลังใจขึ้นมาทุกครั้งที่ได้เห็นว่านิยายเรื่องนี้ช่วยเยียวยาความรู้สึกของคนอ่านได้ เป็นความสุขเล็กๆ ในชีวิตของหลายๆ คน

ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่มีทุกคนเราคงไม่สามารถเดินทางมาได้จนสุดทางแบบนี้

ขอบคุณที่เอ็นดูเจไดกับป๊ามากๆ ดีใจที่หลายๆ คนยังร่วมทางกันมาจนถึงตอนนี้

เรื่องราวจบแล้วแต่หวังว่าจะกลับมาเยี่ยมเยียนกัน

ในวันที่เหนื่อยล้ากับชีวิตข้างนอก อย่าลืมเดินเข้าป่ามาให้หมีกับกระต่ายช่วยเยียวยาเนอะ ^^



#หมีแต่รัก

-Martian-[/center]
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 14-10-2018 08:58:33
ขอบคุณค่ะ เป็นความเรียบง่ายที่อบอุ่นค่ะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-10-2018 09:05:35
หวานมาก :mew1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Namnamboy ที่ 14-10-2018 09:55:08
  :-[ ขอบคุณค่ะ จริงๆแอบโมโหเจดไปหลายทีกับการเป็นหมีเดินช้าถ้าไม่ใช่เจใครจะรออยู่แบบนี้นึกอยากให้เป็นพยานกไปตลอด แต่ตอนนี้เจสมหวัง happyyyy
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 14-10-2018 10:11:00
ละมุน :m1:
อยากอ่านแบบนี้อีกค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 14-10-2018 11:05:57
ดีต่อใจ ละมุนมากก เป็นพล็อตเรื่อยๆ แต่อ่านแล้วไม่ธรรมดา คาเร็กเตอร์ตัวละครมันน่ารีกมากๆ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-10-2018 12:21:22
จบแบบละมุนละม่อมมาก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Stmmltww ที่ 14-10-2018 16:52:21
ขอบคุณมากเลยค่ะ น่ารักมากๆ ชอบตัวละครในเรื่องนี้กับความอบอุ่นในเรื่องมากๆเลย สนุกมากค่า คงคิดถึงเรื่องนี้มากๆ :hao5:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 14-10-2018 17:26:58
โอยยยยย อ่านไปเขินไป
ฮือออออ น่ารักมากเลยพี่เจ รู้สึกถึงความเป็นก้อนๆ ทำไมน่ารักแบบนี้
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-10-2018 19:08:37
ละมุนมาก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: lalun ที่ 14-10-2018 20:01:16
งื้ออออ อ่านเรื่องนี้มีแต่คำว่าน่ารักๆๆๆๆๆเต็มหัวไปหมด
ขอบคุณนะคะ
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-10-2018 22:35:07
ใสๆมาตลอดตอนท้ายนี่มัน กระต่ายแรดอ่ะ แต่เขิน :pighaun:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 14-10-2018 22:56:13
งื้อออองื้ออออออออออออ 5555555 ชั้นเขินนนนนนชั้นเชินนนนนนนชั้นนนนนรักกเจได้ น่ารักกกกกนางน่ารักกกกกกกกกก
นางเหมือนกาตุ้บยยยยยยยย งื้อออออออออ  น่ารักทั้งคู่เลยยยยยจุ้ปๆๆๆๆๆๆๆ ขอบคุนไรทมากกกค้าาาา เขียนดีจังงอบอุ่นน้าาา ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Lalinnovel ที่ 15-10-2018 00:36:22
 :mew1: ชอบมาก ๆ เลยค่ะ รอติดตามคุณทุกเรื่อง ตลอดไปเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 15-10-2018 02:12:01
เราอ่านทั้งสองเรื่องที่เกี่ยวเนื่อง แต่ไม่ต้องอ่านต่อกัน

เรื่องนี้ เจไดน่ารักมากค่ะ น่าเอ็นดู
เป็นเคะที่เอ๋อได้โอเค ไม่มากไม่น้อยไป
ขณะที่เจดก็เป็นหมีได้โอเคนะ ... แม้จะแอบไม่ชอบนิสัยที่กอดพิชญ์บ่อยจัด

แต่โดยรวม เรื่องราวน่ารักดีค่ะ
ขอบคุณนะคะกับความน่ารัก ๆ นี้ :bye2:

หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-10-2018 02:15:34
 :hao6: :hao6: :hao6: :3123: :3123: :3123: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 15-10-2018 15:32:12
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 16-10-2018 11:28:12
ชอบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 16-10-2018 11:41:14
น้องน่ารักไปนะลูก น้องเจ  :กอด1: หลงรักพี่เจน้องเจดจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 17-10-2018 22:02:52
 :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 18-10-2018 01:09:54
กระต่ายน้อยอัพเกรดเวอร์ชันเรื่อยๆจนแม่ยกกระอักเลือกกกกก :hao6:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 18-10-2018 12:50:54
น้องหมีและกระต่ายของเขา น่ารักทั้งคู่เลย

เนื้อเรื่องดี เวลากับความสัมพันธ์ก็ดี

ชอบมากกกกกกกก  :กอด1: กอดๆนะคนเขียน

สนุก อบอุ่นมาก ห่วงโซ่กำลังใจ ดีมากก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 20-10-2018 01:38:32
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีเรื่องนี้นะคะ สนุกมากๆเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 20-10-2018 20:54:15
กระต่ายเจไดน่ารักมากๆ หมีก็น่ารัก  :-[
รักกันนานๆ น๊าาา อวยพรเหมือนงานแต่ง  :hao7:
 :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 21-10-2018 23:08:16
เจ้าหมีและเจ้ากระต่ายน่ารักมากเลย มันอุ่นในใจเวลาอ่าน ละมุนที่สุด  :o8: ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่านนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 22-10-2018 01:12:52
งื้ออออออ ในหัวมีแต่คำว่าน่ารัก น่ารัก น่ารักๆๆๆๆๆ เต็มไปหมดเลยยยย :-[
ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้ให้เราอ่านนะคะ อ่านแล้วได้รับพลังบวกจากกระต่ายเยอะแยะไปหมดเลย :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Maymon ที่ 24-10-2018 15:44:03
ขอบคุณค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 26-10-2018 16:52:37
งื้อออ...ละมุนมาก น่ารักสุดๆ
หมีเจดกับยัยกระต่ายเจ
คือดีงามมาก อ่านไปเขินไป
แอบดูกระต่ายจีบหมี 555
ขอบคุณสำหรับเรื่องละมุนๆ แบบนี้นะคะไรท์ ^^
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 27-10-2018 19:36:25
งุ้ยยยยยยยยยยยย
น่ารักไปแล้ววว
้เป็นความสัมพันธ์ที่มีความคลุมเครือ แต่ก็ค่อยเป็นค่อยไป
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 27-10-2018 21:44:43
แงงง
พี่เจน่ารัก
น้องเจดก็น่ารัก
อ่านไปยิ้มไปตลอดเรื่องเลย
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-11-2018 19:44:24
อ่านแล้วอยากบีบน้อง ปั้นเป็นก้อนๆ แล้วกลืน ฮือๆ ยัยเจน่ารักที่สุดในโลกกก ชอบมู้ดแอนด์โทนเรื่องมากอ่ะ อ่านแล้วหัวใจฟู  :mew1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ บทส่งท้าย : หมีแต่รัก (14.10.2561) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Parapoyfaii ที่ 04-11-2018 11:29:44
ตอนอ่านในหัวก็จะมีแต่คำว่าน่ารักน่ารักกกกก
ยัยเจจจจจ น่ารักมากฮื่อ น้องกระต่ายกับคุณหมี
ชอบบรรยากาศเรื่องมาก ความอบอุ่นของความรักนั้น
เห็นชื่อคนแต่งก็รู้แล้วว่าจะไม่ผิดหวัง
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่าน
จะรอติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะะะ
 :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 16-12-2018 21:43:53
ตอนพิเศษ 1

หมีกระต่ายคนแรก


ผมเพิ่งมีแฟนคนแรก

               

มาคิดดูดีๆ ถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองช่างอ่อนหัดเรื่องความสัมพันธ์ ไม่เคยจริงจังถึงไม่เคยนึกภาพเวลาที่ต้องจริงจัง

               

เงอะงะ งุ่มง่าม

               

“ก็ทำตัวปกติป่ะ ปล่อยไหลตามสถานการณ์” คำตอบไม่ยี่หระทำผมขมวดคิ้วยิ่งกว่าเก่า

               

“แล้วมึงรู้ได้ไงว่ามันจะออกมาดี ไม่ทะเลาะกัน ไม่ทำให้อีกคนไม่พอใจ ไม่พัง” ไอ้พิชญ์ละเลียดควัน ทิ้งสายตาลอดผ่านพุ่มใบของต้นไม้ที่สูงขึ้นมาถึงระเบียงชั้นสอง ก่อนยักไหล่

               

“ไม่รู้”

               

ผมถอนใจ “ใช่ไหม บางทีกูดูไม่ออกว่าเจรู้สึกยังไง ถูกใจหรือไม่ถูกใจ”

               

เพิ่งรู้ตัวว่าเอาแต่หมกมุ่น คิดมากเรื่องของอีกคนมากมายจนงุ่นง่าน

               

“บางทีกูก็รู้สึกว่าเราคบกันเร็วเกินไป ยังไม่รู้จักกันมากพอ”

               

ได้ยินเสียงไอ้พิชญ์หัวเราะ มันหันมาเลิกคิ้วมองผมคล้ายล้อเลียน

               

“แล้วต้องรู้จักนานแค่ไหนถึงจะมากพอ ปีนึง สิบปี?”

               

“...”

               

“ป๊ารอได้เหรอ เจไดจะรอขนาดนั้นไหวไหม”

               

ไม่ไหว ผมตอบในใจโดยไม่ต้องคิด ทั้งผมทั้งเจ เหมือนเราต่างค่อยๆ ถูกดึงดูดเข้ามาในวงโคจรของกันและกัน พอถึงจุดหนึ่งแรงดึงดูดกลับฉุดรั้งเกินต้านทาน



แต่พอสรุปแบบนั้นก็คล้ายมีบางอย่างติดขวางอยู่ในใจ



กลัววงโคจรเหวี่ยงเร็วเกินไปจะเผาไหม้ ตัดขาด

               

“กูแค่... อยากรักษาเขาไว้นานๆ เท่าที่จะทำได้” ที่ผ่านมาปลายทางความสัมพันธ์ช่างแสนสั้น เถ้าถ่านมอดดับตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ

               

ประสบการณ์สร้างความเชื่อฝังหัวว่าสักวันมันต้องจบ

               

จะเร็วหรือช้าเท่านั้น

               

“ป๊าเชื่อไหม ผมกับพี่เตจะรักกันตลอดไป” ผมสบตาน้องรหัส หากเป็นเมื่อก่อนคงหัวเราะในใจตอบขอไปทีหรือว่าไร้สาระ ตอกย้ำความจริงว่าไม่มีความสัมพันธ์ไหนคงอยู่ตลอดกาล

               

แต่พอเป็นไอ้พิชญ์ น้ำเสียงจริงจัง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่ทอประกายความหวังไร้หวาดกลัว

               

ผมเชื่อตามนั้น

               

“จะจบวันนี้ พรุ่งนี้ ปีหน้า หรือตลอดกาล... ผมว่ามันอยู่ที่เราจะเชื่อแบบไหน”

               

“...”

               

“ไม่เห็นจำเป็นต้องมองโลกในแง่ร้าย” ไอ้พิชญ์ยักไหล่อีกครั้ง ดับก้นบุหรี่กับกระถางต้นไม้เก่าๆ ที่บรรจุทรายใช้เป็นที่เขี่ยบุหรี่

               

ผมนิ่งงัน จมอยู่ในความเงียบในความคิดตัวเองสักพักกว่าจะหัวเราะออกมา เข้าใจความหมาย

               

ความกลัวของผมมันไร้สาระ ไม่มีเหตุผลเลยที่จะคิดถึงจุดจบตั้งแต่เริ่มต้น 

               

“ให้คำปรึกษาเรื่องความรักกับคนอื่นไปทั่ว พอเป็นเรื่องตัวเองแล้วโง่นะป๊า” ได้ทีไอ้พิชญ์ซ้ำเติม หัวเราะเยาะเย้ยในความงุ่มง่าม

               

ผมยักไหล่บ้าง ดับบุหรี่พลางหมุนตัวพิงราวระเบียง

               

“ธรรมดา ปัญหาคนอื่นมันแก้ง่ายกว่านี่หว่า”

               

พอพาตัวเองเข้ามาอยู่ในปัญหา ถึงได้รู้ว่ามันยาก ทางซ้ายน่ากลัว ขวาก็เลือนราง จะก้มหน้าก้มตาเดินตรงไปก็ไม่รู้ว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง

               

“เพราะจริงจังมากก็เลยกังวลไปหมดอ่ะดิ” ไอ้พิชญ์เอ่ยกลั้วหัวเราะ

               

ผมหัวเราะตาม “เออ”

               

กลัวเรื่องที่ไม่เคยกลัว ระแวงเรื่องที่ไม่เคยคิดระแวดระวัง

               

สับสนงุ่นง่านกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง

               

หลักฐานมัดตัวแน่น ว่าคนเนี้ย โคตรจะจริงจัง








☉ ------------------------------------------------------------ ☉

 



เจไดเพิ่งมีแฟนคนแรก

               

แต่ถึงอย่างนั้นกระต่ายกลับไม่เคยแสดงท่าทีงุ่มง่าม ยังเป็นเจไดที่ใสซื่อ น่ารัก ไม่เคยทำตัวไร้เหตุผลงี่เง่าเลยสักครั้ง

               

จนบางทีผมอยากให้เจเอาแต่ใจบ้าง

               



‘เจ วันนี้อาจไปสายหน่อยนะ’

               



ข้อความถูกส่งไปสักพัก ถึงได้ยินเสียงแจ้งเตือนตอบกลับ ผมมองหน้าจอที่แสดงผลโดยไม่ได้กดเข้าไปอ่าน นิ้วยังคงรัวเมาส์สร้างรูปสามมิติตามแปลนที่เพิ่งถูกสั่งแก้ และมีเดดไลน์พรุ่งนี้ตอนบ่าย

               



‘ครับ’

               



แค่นั้น ง่ายดาย ไร้ทีท่าน้อยใจ แต่ผมกลับเห็นใบหน้าเบะบึ้งในจินตนาการ

               



‘จะรีบทำให้เสร็จเร็วๆ ขอโทษนะ’




อดไม่ได้ที่จะวางมือพิมพ์ตอบกลับไป ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับความผิดที่ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก



เลื่อนนัด ยกเลิก ไปสาย ซ้ำๆ จนอีกคนคงเบื่อหน่าย




‘ไม่เป็นไร’



‘ตั้งใจทำงานนะ’



‘สู้ๆ ครับ’





แต่กลับยังตอบรับอย่างแสนดีเพื่อให้ผมสบายใจ



ผมถอนหายใจ หันกลับมาโฟกัสงานบนจออีกครั้ง บอกตัวเองให้เร่งมือเพื่อที่จะได้ไปตามนัด อย่างน้อยเร็วขึ้นอีกสักวินาทีก็ยังดี






“ป๊า กินข้าวป่ะ”



ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่ผมแทบไม่ได้เงยหน้าขึ้นจากจอ ข้างนอกฟ้ามืด แต่ภายในห้องกลับมีเสียงคึกคัก แทบทุกสตูดิโอในคณะเปิดไฟสว่าง



ผมยกมือนวดกระบอกตา มองนาฬิกาก็พบว่าเลยเวลานัดมาครึ่งชั่วโมงแล้ว



แม่ง



“กูมีนัดกับเจว่ะ” เงยหน้าตอบไอ้พิชญ์พลางหยิบมือถือขึ้นมา ทว่ากลับไม่มีแจ้งเตือนใดๆ



ไม่มีข้อความจากกระต่ายส่งมาหลังจากที่คุยกัน ไม่เร่ง ไม่ถาม



แบบนั้นยิ่งทำผมร้อนใจ



“อ่อ” ไอ้พิชญ์รับคำ หันไปพยักหน้ากับไอ้เตที่ยืนล้วงกระเป๋าถือกุญแจรถกับกระเป๋าสตางค์รออยู่ก่อนแล้วทำท่าจะเดินออกไป



ผมมองงานตัวเอง มองไลน์ที่ยังคงไร้วี่แววแจ้งเตือนข้อความใหม่ สลับไปมา



คิดว่าเจคงตัดใจกินมื้อเย็นกับคนอื่นไปแล้ว แต่อีกใจกลับแย้งว่าคงยังรอ เจเป็นแบบนั้น รอผมอยู่เสมอโดยไร้ข้อแม้



“กูไปข้างนอกนะ อยากได้อะไรไลน์มา” สุดท้ายตัดใจพักงานไว้เท่านั้นรวบของจำเป็น ผุดลุกจากที่นั่ง



แต่ไม่ทันก้าวพ้นประตู



“ไอ้เจดมึงมาพอดี มาดูฟาสาดให้หน่อยดิ กูลองทำแบบมึงแล้วมันไม่เห็นได้เลย”



คนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่เบิกตากว้างคว้าแขนผมทำท่าจะลากไปที่โต๊ะมัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงเดินตามไม่อิดออด ไม่มีอะไรสำคัญกว่างาน กว่าเพื่อนสนิทที่ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน



แต่คราวนี้ผมกลับอึกอัก ลังเล จนใครบางคนคงสังเกตได้ถึงความลำบากใจ



ไอ้เตเดินเข้ามาขวางพวกผมสองคนไว้ มองหน้าผมก่อนเบือนหน้ากลับไปสบตาเพื่อนที่แม้จะเคยเห็นหน้าค่าตา แต่ไม่เคยคุยกันสักครั้ง



ไม่มีใครกล้า เพื่อนผมทุกคนลงความเห็นพ้องกันว่ามันน่ากลัว ต่างจากเวลาไอ้พิชญ์มาช่วยงาน ถ้าพ่วงคุณเตวิชญ์มาด้วย บรรยากาศในสตูจะสงบ ไม่มีเสียงโหวกเหวกให้รำคาญ ต่างก้มหน้าก้มตาจนผมอดแซวไม่ได้ว่าไอ้เตทำให้พวกมันขยันขึ้นเป็นเท่าตัว



แค่ยืนขวางก็เบิกตากว้างเป็นไข่ห่าน



“ตรงไหน”



“...” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ทั้งสตูทำสีหน้ายังไง



“เดี๋ยวกูดูให้”



จบคำ บรรยากาศคล้ายถูกแช่แข็ง ค้างเติ่งไร้การขยับตัว กระทั่งได้ยินเสียงไอ้พิชญ์หัวเราะขึ้นมา น้องรหัสตบไหล่ผม ออกปากไล่



“ป๊าไปเหอะ ป่านนี้กระต่ายรอแย่แล้ว”



ผมมองเพื่อนที่ปล่อยมือแล้วละล่ำละลักเดินนำไปที่โต๊ะ เลื่อนเก้าอี้ให้ไอ้เตนั่งพร้อมพยายามเรียบเรียงคำอธิบายขอความช่วยเหลือแล้วยิ้มกว้างออกมา



ไม่ใช่แค่เพราะมีคนเข้ามาช่วยในสถานการณ์ที่ผมหาทางปฏิเสธไม่ได้ แต่เพราะเป็นไอ้เต ที่แม้แต่กับผมก็ยังคุยนับคำได้ กลับออกตัวช่วยเหลือคนที่ไม่สนิท เปิดใจ เดินเข้ามาในโลกที่บรรจุคนอื่นไว้ทีละน้อย



“เออ ขอบใจมาก” ผมตบบ่าไอ้พิชญ์ก่อนหันไปยิ้มให้ไอ้เตที่หัวเราะกลับมา



ถึงตรงนี้ ผมอดคิดไม่ได้ว่าทุกอย่างเป็นผลมาจากลูกโซ่กำลังใจ







ผมไม่ได้บอกเจไดว่ากำลังจะไปหา กว่าจะนึกขึ้นได้ก็ตอนที่ขับรถมาถึงคณะ เห็นเด็กเภสัชจับกลุ่มนั่งอ่านหนังสือบนโต๊ะไม้ใต้คณะ



กระต่ายตัวเล็ก กว่าผมจะหาเจอก็ใช้เวลากวาดสายตาสักพัก



หลุดหัวเราะเมื่อเห็นว่าขณะที่เพื่อนๆ กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ แฟนผมกลับนั่งเหม่อจ้องโทรศัพท์ มุมปากอิ่มเบะคว่ำเหมือนในจินตนาการ



กำลังรออยู่จริงๆ สินะ



ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมา กดโทรออกเบอร์ล่าสุดโดยที่สายตายังคงจับจ้องปลายสาย ในระยะห่างที่เห็นอีกฝ่ายชัด เห็นดวงตากลมโตเบิกกว้าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับโดยไม่ต้องให้ผมรอนาน



[ เจด ]



“เจ ขอโทษนะ” เอ่ยเสียงอ่อยขณะที่สองขาก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ จับจ้องการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าที่เจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด



[ งานไม่เสร็จเหรอ ] เบะบึ้งกว่าเดิมอีกหนึ่งระดับ ก่อนจะเม้มปากเข้าหากัน คล้ายได้ยินเสียงฮึบลอดผ่านลำโพงเข้ามาเบาๆ



[ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปกินกับเพื่อน... ] คำบอกเล่าชะงัก เมื่อผมหัวเราะออกมาเบาๆ เอ่ยขัด



“เปล่า งานเสร็จแล้ว”



เป็นจังหวะเดียวกับที่ก้าวขามาในระยะที่สามารถสบตา เห็นกระต่ายที่เบิกตากว้าง อ้าปากค้าง



[ เอ๊ะ... อ้าว... ]



“ขอโทษที่มาช้า ร้านแซลม่อนปิดแล้วอ่ะ”



[ ... ]



“กินก๋วยเตี๋ยวร้านเดิมแทนได้ป่ะ”



ชัดพอที่จะเห็นสีหน้าตกใจค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นดีใจ จากอมยิ้ม ค่อยๆ กลายเป็นยิ้มบาง และยิ้มกว้าง



กว้างจนมุมปากดันสองแก้มกลมป่อง เห็นฟันขาวแทบจะครบสามสิบสองซี่แล้วมั้ง



[ อื้อ ] ไม่ยอมวางสายทั้งที่เดินมายืนอยู่ต่อหน้า ยังคงกรอกเสียงใส่โทรศัพท์พร้อมพยักหน้าหงึกหงักตอบผม   



น่ารัก น่ารักจนเผลอยิ้มตาม น่ารักจนหลุดหัวเราะ จนเผลอรวบคนตัวเล็กมากอดไว้แน่นๆ ให้สมกับความน่ารัก



“เจ... ทำไงดี”



น่ารักจนลืมเรื่องสำคัญ



“คนมองเต็มเลยอ่ะ”



ถูกความน่ารักเล่นงานจนไม่ทันคิดว่ากำลังยืนกอดกันท่ามกลางสายตานับครึ่งร้อยที่กำลังมองมาเป็นสายตาเดียว







☉ ----------------------------Side Story 15 --------------------------------- ☉

 

               

ถ้าเป็นเรื่องปล่อยไหลตามสถานการณ์อย่างไอ้พิชญ์ว่า เจไดคงชนะผมขาด

               

ถึงบางทีจะชอบคิดมาก เดาใจไม่ออก แต่บางครั้งกลับแสดงความรู้สึกตรงไปตรงมา

             

ไม่เสียเวลาเงอะเงอะงุ่มง่าม

               

เช่นวันนี้ที่ผมหอบสังขารร่อแร่มาถึงหอ ตั้งใจจะอาบน้ำแล้วกลับไปทำงานต่อที่คณะ กลับต้องประหลาดใจ เมื่อไฟสว่างผมเห็นใครบางคนนอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม บนเตียงที่ร้างมาสักพักเพราะอพยพไปกินนอนที่คณะ



"กลับมาแล้วเหรอ" แทนที่จะตกใจ ผมกลับหลุดยิ้มเมื่อเจ้าของใบหน้างัวเงียลุกขึ้นนั่ง เอ่ยทักทาย



"เจ จะมาทำไมไม่บอกอ่ะ" ผมเคยให้กุญแจห้องเจไว้ ไม่ได้หวงห้ามพื้นที่ส่วนตัว



แต่คงดีกว่าถ้าบนเตียงนั้นมีผมนอนอยู่ด้วย ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน



"โกรธเหรอ" แต่ผู้บุกรุกกลับตีความตรงข้าม ขมวดคิ้วท่าทางกังวลใจ



"เปล่า จะได้ไปรับ ถ้าคืนนี้ไม่กลับทำไงเนี่ย"



ผมหัวเราะ เดินเข้าไปนั่งข้างๆ ยกมือลูบผมที่ยุ่งเหยิง ลามมาบีบแก้มเล่นอย่างโหยหาความนุ่มนิ่มที่ไม่ได้สัมผัสมาหลายวัน



คิดถึงชะมัด



"ไม่เป็นไร เราก็ไม่ได้ตั้งใจจะมา" คนงัวเงียตอบหน้าซื่อ ขยี้ตาตัวเองไปมา



"หืม?"



คำตอบคือยิ้มกว้าง คนตัวเล็กขยับมานั่งชิดกัน เสซบซุกใบหน้าลงกับอก โอบแขนรอบเอวโถมน้ำหนักทั้งตัวใส่ผม พลางบ่นงึมงำ



"พอรู้ตัวว่าคิดถึงเจด ก็วาร์ปมาหน้าห้องแล้วอ่ะ"



"พี่เจ..."



ถึงจะไม่สัดทัดเรื่องปล่อยไหลตามสถานการณ์



“คืนนี้ค้างห้องผมนะ” 



แต่ผมว่า ผมรู้ ว่าสถานการณ์นี้ต้องรับมือยังไง








☉ ------------------------------------------------------------- ☉

พาหมีกับกระต่ายมาให้กอดแก้หนาวแล้วค่ะ

มาพร้อมบอกข่าวดีว่า #หมีแต่รัก ผ่านการพิจารณาแล้วเด้อ ><

เล่มนี้ออกกับสนพ. EverY ค่ะ

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะได้เจอกันประมาณเดือนเมษายนปีหน้าเนอะ

เกียมหยอดกระปุกหมูรอรับหมีกับกระต่ายไปกอดด้วยนะคะ



ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยน้า

ขอบคุณทุกๆ การสนับสนุนเลยค่ะ

-Martian-
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 16-12-2018 22:14:50
พี่เตตตต กรีดร้องงง พี่เตน่ารักมากเลยอ่ะฮื่อออ ค่อยๆก้าวออกมาแล้วนะพี่เต ลูกโซ่กำลังใจได้ผลดีมากๆเลยด้วย ป๊ากับกระต่ายก็ค่อยๆเรียนรู้ไปเนอะ อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยย รักกันนานๆ มีความสุขมากๆ side story นี่กระต่ายโดนกินแน่เลยใช่มั้ย ป๊าา กระต่ายน่ารักขนาดนี้อย่าอดใจนะ จับลอกคราบเลย ส่วนเราอยากกอดเล่มแล้ว ขอวาร์ปไปเดือนเมษาเลยๆด้มั้ยอ่ะ   :-[
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 30-12-2018 01:16:15
เจไดน่ารักมากกกกกกก อยากบีบน้อง อิจฉาเจด
พี่หมีของเจไดก็อบอุ๊น อบอุ่น น่าด้วย เป็นคนที่พึ่งพาได้อีก ดีอะ ดีงาม อิจฉาน้องเจไดจัง

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 08-01-2019 07:56:42
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 13-01-2019 10:19:24
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: น่ารัก ตัวเจเหมือนกันด้วย ชอบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 15-01-2019 19:51:02
น่ารักมาก  :impress2:
มีแบบอีบุ๊คด้วยรึเปล่าค่ะ?
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 17-01-2019 08:11:29
น่ารัก ชอบ..บบบบบบบบบบ  o13
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 01-03-2019 01:20:17
น่าร้ากกกกก อยากขย้ำกระต่าย ซ้ำๆๆๆ  :man1: :man1: :man1:

ชอบครอบครัวกระต่ายด้วย อยากอ่านพาร์ทพ่อแม่กระต่ายได้ไหมม

 :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 01-03-2019 13:29:06
สนุกมากกกกกกก
อยากให้มีตอนพิเศษ
ขอบคุณสำหรับนิยาย  o13
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: pearl9845 ที่ 01-03-2019 21:14:38
นิยายสนุกกมาก ขอบคุณคับ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nano ที่ 02-03-2019 11:58:50
น่ารักกกกก กระต่ายน้อยกับพี่หมี
เขียนดี ภาษาอ่านง่าย สบายๆ ชอบๆ  o13
ขอตามไปเก็บเรื่องอื่นต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 18-03-2019 01:18:53
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: thebrownbear ที่ 19-03-2019 02:17:08
น่ารักมากกกกกก แบบเจไดนี่น้องสุดๆ คุณหมีก็น่ารัก เป็เรื่องที่ละมุนากๆ ชอบบบบบ :mew1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: aprilkim ที่ 04-04-2019 12:48:13
ทำยังไงดีคะ เราอ่านซ้ำไปซ้ำมาสามรอบแล้วอ่ะ  :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 30-04-2019 14:09:54
เจไดน่ารักมากกก ความคิดน่าเอ้นดูสุด ประทับใจมาก ชอบๆ
ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 10-05-2019 02:38:59
  :pig4: กระต่ายกับหมีน่ารักกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 14-05-2019 20:04:36
หมีกระต่ายน่ารักกก อ่านรอบสองก็ยังยิ้มแก้มตุ่ยเหมือนเดิม  :m3: :m3: :m1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ไส้กรอกเจ้านี้มีแต่แป้ง ที่ 15-05-2019 15:23:32
 :m25: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
มันดีมากกกกก มาอ่านทีเดียวจบเลยคือหลงหมีหลงกระต่ายไปแล้วววว เจ้าพวกตัวเล็กตัวน้อยยยยย
ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายเรื่องนี้ออกมา
เป็นนิยายแบบที่หาอ่านยากมาก เพราะเป็นสไตล์แบบที่แต่งยากมากๆๆๆๆๆๆ
แบบที่มันเรื่อยๆ เรียบๆ ไม่มีอะไร แต่ไม่น่าเบื่อ แถมยังน่าติดตามและสนุกด้วย
ขอบคุณมากจริงๆค่ะที่แต่งออกมาให้ได้อ่านกัน
จะติดตามต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: B2daEE ที่ 17-05-2019 08:18:52
ฮืออออ ไม่รู้จะบรรยายยังไงเลยอ่ะ
ชอบอ่ะ ชอบมากกกกกกกกกกกก
กระต่าย กับเต่า ไม่ให้เป็นหมีแล่ว หมีไม่งุ่มง่ามนะ เป็นเต่าแทนไปเถอะอิป๊า
ชอบความคอนทราสของคนสองคน แทนที่กระต่ายจะพูดมากกว่า กลับเป็นพี่หมีที่พูดมากกว่า พี่หมีขี้แกล้ง
เนียนแต๊ะอั๋งกระต่าย ทำกระต่ายขนาดนั้น กลับยังรอกระต่ายเป็นฝ่ายขอเป็นแฟน ฮอล
อยากจะยุกระต่ายให้เลิกจีบจริงๆ เหอะ แต่เห็นแก่ความน่ารักของพี่หมีนะ ถึงจะงุ่มง่าม แต่พี่หมีก็มีแค่กระต่ายเท่านั้น
เพียงแต่เจได ก็ซื่อเก๊น ไม่ได้รู้แล่วว่าตัวเองจีบสำเร็จนานละ
...  :-[ เขิลๆๆ เวลาพี่หมีตบะแตก งืออออ อ่านแล้ว ถ้าเราเป็นพี่หมี คงจับกระต่ายกลืนลงท้องอ่ะ

... ขอบคุณมากนะคะ ที่ส่งความน่ารัก มาให้อ่าน ขอแนวนี้อีกเยอะๆ น้า ชอบ  :กอด1:
... สู้ๆค่ะ ;)
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Ujeen ที่ 17-05-2019 15:12:54
เจไดน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ  ชอบความเป็นน้องที่ซืื่อตรงและจริงจังกับความรู้สึกตัวเองมากอะ  เจไดน่ารักแบบที่ถ้าเจดไม่บอกว่าน่ารัก เราก็จะมองเจไดว่าน่ารักอยู่ดีอะ  แถมขี้ยั่ว นี่ว่าเจดดุแล้วนะ แต่เจไดร้ายกว่าอีก55555  น้องจะรู้ตัวมั้ยน้อ :o8:
แล้วก็ชอบภาษามาก ยิ่งช่วงพูดถึงพาร์ทของเจด เรื่องนิสัยเจดที่ห่วงคนรอบข้างมากๆจนแบบบางทีไม่สามารถแบกทุกคนได้หมด อ่านแล้วแบบทัชมาก ชอบ
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 17-05-2019 21:33:24
อบอุ่นมากเลย อ่านแล้วแบบ. เหมือนได้รับการดูแลจากป๊าหมี เขินแทนทุกตอนอะจ้า
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 18-05-2019 00:57:40
น่ารักกกกกกกกกกกกกกกกกก เจไดกับเจคก็น่ารักมาก เรื่องนี้น่ารักมาก เขิน 5555 ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักๆแบบนี้นะครับผม หมีกับกระต่าย ตั้ลล๊ากกกกก จุ๊บๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 18-05-2019 22:31:24
น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 21-06-2019 22:56:02
ในที่สุด ป๊าของพิญช์ก็มีกระต่ายเป็นของตัวเองแล้ว :mew4:
สมหวังสักทีนะป๊า  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: peppermintt ที่ 28-06-2019 09:30:52
โอ๊ย น่ารักมาก เลี้ยงกระต่ายดีๆนะหมี   :hao5:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: สิงหา ที่ 25-09-2019 04:58:14
เจ้ากระต่ายเจน่ารัก พี่หมีก็น่ารัก อบอุ่นด้วย
เป็นเรื่องราวของคนนิสัยน่ารักมารักกัน
อ่านอะไรแบบนี้แล้วใจฟูไปหมดเลย

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 29-09-2019 08:49:21
อ่านรวดเดียวเลยยยยยย. น่าร้ากกกมากกกดหมีต่ายยยยยยหลงงงผชฃมีเคราซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 01-10-2019 21:03:40
 :L1:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 18-10-2019 19:12:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 09:24:39
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 08-08-2021 13:56:40
 :-[
หัวข้อ: Re: ☉ Be Bear Bae : #หมีแต่รัก ☉ ตอนพิเศษ 1 : หมีกระต่ายคนแรก (16.12.2561) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 15-08-2021 23:32:18
เรื่องนี้น่ารักมาเลยค่ะ
หนูเจไดน่ารักน่าบีบมาก