พิมพ์หน้านี้ - xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัญญ์ ที่ 13-05-2018 21:26:27

หัวข้อ: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 13-05-2018 21:26:27
เก็บกระทู้ไว้ ----โมดุฯ

-----------------------------------------------------------------------------------------
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

****************************************************************************************


ผลงานเรื่องอื่นนะคะ

ห า กั น จ น เ จ อ [END] http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58675.150 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58675.150)

「โรคประจำใจ」[Underlying diseases.] [END] https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61653.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61653.0)

แรมเดือนสิบสอง https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67032.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67032.0) [on air]

------------------------------------------------------------------
คนไม่มี 'สิทธิ'
.
.
.
ไม่อยากกลับไปอยู่ในจุดเดิมอีกแล้ว...จุดที่ไม่มีสิทธิอะไรเลย


หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx บทนำ [13/05/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 13-05-2018 21:39:51
คนไม่มี 'สิทธิ'

บทนำ








ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่บนชั้นสิบสามของโรงแรมชื่อดังใจกลางกรุงถูกประดับตกแต่งด้วยธีมสีน้ำเงินขาวดูสวยหรูสมฐานะเจ้าของงาน ทว่าแม้ธีมสีจะดูไม่เหมาะกับงานวิวาห์แต่ก็ไม่อาจกลบบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักของคนทั้งคู่ได้


สองหนุ่มต่างขนาดตัวอยู่ในชุดธีมสีขาวตามฉบับของแขกฝั่งเจ้าบ่าว ทั้งสองแต่งตัวคล้ายกันคือเสื้อเชิ้ตสีครีมที่ถูกสวมทับด้วยสูทสีขาวและกางเกงสแล็คสีเดียวกัน ต่างกันตรงที่คนตัวโตกว่าเหน็บผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินแต้มสีสันตรงกระเป๋าเสื้อขณะที่คนตัวเล็กกว่าอยู่ในชุดขาวล้วนที่ยิ่งเสริมให้เหมือนเทวดาองค์น้อย ๆ


“พี่ชิแย่งซีนบ่าวสาวอ่ะ” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยแซวเมื่อเห็นว่าคนในงานต่างหันมาให้ความสนใจชายหนุ่มที่เดินข้างตน ไม่ใช่แค่อีกฝ่ายเป็นหนุ่มหล่อหุ่นดี แต่ผู้ชายคนนี้ยังเป็นพระเอกหนุ่มที่กำลังมาแรงในวงการละครบ้านเราอีกด้วย


ฮิโรชิยิ้มบางด้วยความประหม่า ถึงจะอยู่หน้ากล้องมาเยอะแต่หนุ่มตี๋ที่ไม่ได้มีเชื้อญี่ปุ่นตามชื่อก็ยังรู้สึกไม่ชินกับการตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนอยู่ดี


“วันนี้มากับพระเอกดัง ชีนจะตกเป็นข่าวด้วยรึเปล่านะ”


“เลิกแซวพี่ได้แล้ว ไปหาบ่าวสาวกันเถอะ” ฮิโรชิดันหลังเล็กของชิโนรสฝ่าฝูงชนไปหาคู่บ่าวสาวที่ซุ้มถ่ายรูป


ถึงจะเป็นคนดังมีชื่อเสียงแต่ฮิโรชิก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้าสำหรับคู่บ่าวสาว ต่างกับคนน้องที่มีสถานะเป็นลูกน้องของเจ้าบ่าว ความจริงแล้วชิโนรสก็อยากจะมางานของหัวหน้ากับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ แต่เพราะเขาว่าง จึงอาสามาเป็นเพื่อน


...ใจจริงก็อยากตามมาดูแลน้องนั่นแหละ


สองหนุ่มหยุดยืนมองคู่บ่าวสาวพูดคุยกับแขกด้วยความอิ่มเอม ทว่าสิ่งที่อยู่ภายในใจของชิโนรสนั้นกลับเศร้าหมอง


‘งานแต่ง’


งานที่เป็นเครื่องยืนยันถึงความรักของคนสองคนซึ่งได้รับการยอมรับจากครอบครัวทั้งสองฝ่ายและคนในสังคม


งานที่ถูกจัดขึ้นเพื่อให้คู่รักมีชีวิตคู่ที่ยืนยาวขึ้นอย่างถูกต้องตามครรลองคลองธรรม


งานที่ทำให้คนสองคนมีสิทธิในทุกอย่างของกันและกัน


...งานที่ไม่มีวันเกิดขึ้นกับเขา


ชิโนรสก้มหน้ายิ้มขื่นก่อนจะเปลี่ยนเป็นสดใสในเสี้ยววินาทีที่ฮิโรชิสะกิดบอกให้เข้าไปหาคู่บ่าวสาว


“ยินดีด้วยครับบอส คุณนายบอส” ชิโนรสเอ่ยแซวเจ้าสาวอย่างคนกันเองที่สนิทสนมกันเป็นอย่างดี


“น้องชายเธอมันน่าตีจริง ๆ” คนเป็นหัวหน้าว่าด้วยความหมั่นไส้ ตั้งแต่ร่วมงานกันมาสี่ปี ว่าที่ภรรยาของเขาก็เอ็นดูเจ้าเด็กคนนี้เสียเหลือเกิน ถึงขนาดสถาปนาเป็นน้องชายคนเล็กของบ้านและห้ามเขาดุด่า ‘น้องชายกำมะลอ’ นี่อีกด้วย


“อ๊าย ฮิโรชิ ตัวจริงหล่อมาก” คนเป็นเจ้าสาวกรีดร้องเสียงยาวจนเจ้าบ่าวต้องเอ่ยห้ามแล้วแสร้งพูดเสียงน้อยใจว่าให้เห็นหัวตนที่ยังยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย


“ไม่ได้นะครับ คนนี้ผมหวง”


“มึงหวงเขาหรือเขาหวงมึง” หัวหน้าหยอกแซวจนคนที่เพิ่งประกาศความเป็นเจ้าของทำหน้าไม่ถูก


“เอ่อ...ถ่ายรูปกันไหมครับ” ฮิโรชิแก้สถานการณ์ ดันตัวน้องคนสนิทเข้าไปยืนคั่นกลางคู่บ่าวสาวตามที่อีกฝ่ายเว้นช่องว่างไว้ให้


ถ่ายสามคนไปได้แค่สองรูปเจ้าสาวก็เร่งเร้าให้พระเอกหนุ่มร่วมเฟรมด้วยอีกหลายรูปก่อนที่เจ้าตัวจะขอปลีกออกไปรับสายโทรศัพท์ ทิ้งคนที่มาด้วยกันไว้พูดคุยกับบ่าวสาวต่อ


“พี่นุ่นคะ” เสียงหวานใสเรียกให้เจ้าสาวหันไปหา ตอนนี้จึงเหลือเพียงเจ้าบ่าวที่คุยกับชิโนรสด้วยเรื่องของงาน งานล้วน ๆ ในแบบที่เขาไม่คาดคิดว่านี่จะเป็นหัวข้อสนทนาในงานแต่งงานของหัวหน้า


“คร้าบบบบ ครับบอส/ยินดีด้วยนะครับคุณนุ่น” เสียงทุ้มนุ่มทางด้านหลังดังขึ้นแทรกในโสตประสาทพร้อมคำตอบรับของชิโนรส ทำเอาเจ้าตัวถึงกับนิ่งค้าง


...ใช่เหรอ


...ใช่เขาจริง ๆ เหรอ


“ขอบใจจ้ะ คืนนี้เราก็รับช่อดอกไม้ให้ได้สิยัยพลอย จะได้เป็นคู่ต่อไปกับเขาบ้าง จริงไหมคะคุณเท่าฟ้า”


...เท่าฟ้า…


ร่างที่สูงเกินมาตรฐานชายไทยมาเพียงเล็กน้อยแน่นิ่งไม่ไหวติ่งราวกับถูกแช่แข็งด้วยชื่อที่เพิ่งได้ยิน มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกเจ้านายตบไหล่ดังป้าบจนตัวเซ


“เหม่ออะไรของมึง”


“อ้อ...ถ้าบอสไม่มีอะไรแล้ว ผมขอไปหาอะไรทานก่อนนะครับ หิวมาก” ชิโนรสใช้ความกะล่อนกลบเกลื่อนอาการผิดปกติของตนแล้วรีบพาตัวเองออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับไปบอกลาเจ้าสาว


...เพราะกลัวว่าจะเจอใครคนนั้นด้วย






สองหนุ่มนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนร่วมงานของชิโนรส สาว ๆ โต๊ะนี้พากันเกร็งเพราะความหล่อมีออร่าของพระเอกหนุ่ม ขณะที่เหล่าชายฉกรรจ์เองก็เริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะความเป็นกันเองของฮิโรชิ


คนของประชาชนอย่างฮิโรชิมัวแต่คุยตอบกับสาว ๆ อย่างเป็นกันเองจนไม่ทันสังเกตว่าชิโนรสนั่งซึมหน้าซีดไปตั้งแต่ตอนไหน


“ชีน ชีน” ฮิโรชิใช้ข้อศอกสะกิดน้องอยู่สองสามครั้งกว่าเจ้าตัวจะตอบรับ “ง่วงแล้วเหรอ เรากลับกันเลยไหม”


คนตัวเล็กกว่ามองเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้วก็พยักหน้ารับ “ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”





ชิโนรสยืนจ้องเงาตัวเองที่สะท้อนบนกระจกด้วยแววตาอ่อนล้าราวกับคนหมดเรี่ยวแรงทั้งที่ไม่ได้เพิ่งผ่านการใช้กำลังมาแม้สักนิด ใบหน้าอ่อนกว่าวัยยี่สิบแปดของเขาที่ขาวจัดอยู่แล้วซีดเผือดมากขึ้นไปอีกจนแทบไม่มีเลือดฝาด ความรู้สึกมากมายหลังจากได้ยินเสียงทุ้มนุ่มและชื่อ ‘เท่าฟ้า’ มันตีรวนอยู่ในหัว


ดีใจ...ปวดใจ


อยากเจอ...ไม่อยากเจอ


คิดถึง...ไม่อยากคิดถึง


ความรู้สึกย้อนแย้งพวกนี้ผสมปนเปพาลให้ช่วงอกและช่องท้องวูบโหวงจนคลื่นไส้อยากจะอาเจียนออกมา


เขาส่ายหัวไล่ความคิด ตั้งใจจะวักน้ำล้างหน้าแต่ต้องเปลี่ยนเป็นล้างมือเท่านั้นแทนเพราะใครบางคนที่ยังติดอยู่ในห้วงความคิดเดินเข้ามาในที่นี้


...คนที่ทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอ


ชิโนรสเผลอมองสบตาอีกฝ่ายผ่านกระจกเงา ไร้วี่แววของการทักทายอย่างคน ‘เคย’ รู้จักกัน ไม่สิ! อีกฝ่ายไม่คิดจะชายตาแลเขาเลยสักนิดด้วยซ้ำ ร่างสูงใหญ่ที่เคยคุ้นตาดูดีในชุดสูทสีเนวี่บลูเรียบโก้ตามรสนิยมของคนใส่จนอดไม่ได้ที่จะเผลอมองเพลินเกินไปจนคนถูกจ้องรู้ตัว คนตัวเล็กกว่ารีบหลบสายตาที่สบกันเพียงเสี้ยววินาที รีบล้างมือรีบดึงกระดาษทิชชูมาเช็ด โชคดีที่มันอยู่ฝั่งตนเองทำให้ไม่ต้องเอื้อมไกล แต่ในจังหวะที่หันกลับมาอีกทีกลับพบว่าตนกำลังถูกกักบริเวณด้วยร่างกายของอีกฝ่ายที่ขยับเข้ามาใกล้จนแทบหายใจรดกัน!


คนถูกคุกคามอยู่ในทีควานหาเสียงตัวเองไม่เจอ แม้จะอยากร้องท้วงให้ร่างสูงใหญ่ถอยออกไปก็ทำไม่ได้ ดวงตากลมใสเบิกกว้างอย่างตื่นกลัว นัยน์ตาสีนิลที่เคยหลงใหลอยู่ตรงหน้า ทว่ามันกลับว่างเปล่าราวกับไม่มีเรื่องราวระหว่างเราอยู่ในนั้นเลยสักนิด ใจของชิโนรสกำลังเต้นแรง ยิ่งอีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างออกมา ใจก็อดคิดไม่ได้ว่าจะเป็นชื่อของเขา


“หลีกหน่อยครับ ผมจะหยิบทิชชู”


คนตัวเล็กกว่ากระพริบตาปริบ กลืนน้ำลายหนืดลงคอก่อนเอ่ยขอโทษออกมาอย่างยากเย็นแล้วเบี่ยงตัวหลบ อาศัยช่วงที่อีกฝ่ายถอยไปรีบชิงเดินออกจากตรงนั้นโดยเร็ว ไม่ทันสังเกตว่านัยน์ตาว่างเปล่าเมื่อครู่ของอีกฝ่ายกำลังฉายแววแบบไหนตอนที่ตนออกมาด้วยท่าทีเร่งรีบราวกับกำลังหนีเขา







‘ว่างไหม กูจะรอมึงที่ร้านเดิมนะ’


เปรมมองข้อความยามดึกที่เหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมโทร.หาโดยตรงแล้วนึกเป็นห่วงขึ้นมา เพื่อนสนิทเขาเป็นแบบนี้เสมอ มีเรื่องไม่สบายใจทีไรไม่เคยบอกกันตรง ๆ นี่คงคิดว่าส่งมาเผื่อฟลุ๊คเสียมากกว่าอยากให้เขาได้อ่านมันจริง ๆ


ชุดนอนแบบเรียบง่ายถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีซีดที่พร้อมออกไปยัง ‘ร้านเดิม’ ตามคำบอกเล่าของเพื่อนรักในทันที


ร้านเดิมที่ว่าคือรูฟท็อปบาร์ตั้งอยู่บนโรงแรมชื่อดังย่านใจกลางเมืองที่เน้นดนตรีสดแนวแจ๊สอันเป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาทั้งสองคนซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากคอนโดของเขานัก ยิ่งในช่วงห้าทุ่มแบบนี้ถนนก็ยิ่งโล่ง ใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบนาทีเปรมก็ขึ้นมาถึงที่ตั้งของบาร์แล้ว


เปรมหยุดยืนมองแผ่นหลังเล็กที่นั่งตรงเก้าอี้เดี่ยวตรงโต๊ะยาวชิดริมระเบียงซึ่งทำให้เห็นวิวเมืองกรุงได้แบบส่วนตัว นานแค่ไหนแล้วที่เขาเห็นแผ่นหลังนั้นโดดเดี่ยวตามลำพัง


“ไงมึง ไหนบอกว่าไปงานแต่งหัวหน้า ทำไมมาโผล่นี่ได้วะ” เปรมถามชิโนรสทันทีที่หย่อนก้นลงนั่งข้างกัน


“สั่งอะไรรึยัง” ชิโนรสไม่ตอบแต่ถามกลับ


“สั่งแล้ว ไม่แดกหนักเหมือนมึงหรอก”


มาที่แบบนี้เขามานั่งกินบรรยากาศจิบคอกเทลเบา ๆ ไม่ใช่วอดก้าเพียวแบบเจ้านี่ ดื่มหนักขนาดนี้แสดงว่าเพื่อนเขาต้องเจอเรื่องหนักหนามากมาแน่ ๆ


“เมาได้ พรุ่งนี้เจ้านายให้หยุด” ไอ้ตัวดียิ้มเผล่อวดความโชคดีของตน


“เออ เจ้านายกูไม่แต่งงานบ้างก็แล้วไป”


ชิโนรสยิ้มหวานตาเยิ้ม มองดูก็รู้ว่าเริ่มเมา ถ้าเป็นช่วงสมัยเรียนเพื่อนเขาคนนี้ไม่ใช่คนคอแข็งเลยสักนิด ดื่มนิดดื่มหน่อยก็ตัวแดงเมาหัวฟุบโต๊ะ แต่ช่วงหลังมานี้คอแข็งระดับทองแดง หน้าแดงตัวแดงเหมือนเดิมแต่ดื่มได้เยอะขึ้นมาก


...จะว่าไป ชิโนรสดื่มเก่งตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเมื่อสี่ปีก่อน


“เป็นอะไร” เปรมถามเข้าประเด็นหลังจากพนักงานมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เขาแล้ว เสียงเพลงที่นี่ไม่ดังมากทำให้สะดวกแก่การพูดคุย ไม่ต้องคอยกระซิบเหมือนจะกินหูกันตลอดเวลาเหมือนที่อื่น


“อกหัก”


เปรมตกใจตาโต “พูดบ้าอะไรวะ” คนอย่างชิโนรสน่ะหรือจะอกหัก ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวหน้าตาดีและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมายจนไม่น่าจะอกหักได้ แต่เพราะว่าหลังจาก ‘อกหัก’ ครั้งแรก เขาก็ไม่เคยรักหรือแม้แต่ชอบใครอีกเลย แล้วอย่างนี้จะอกหักได้อย่างไรกัน


“รักเขา แต่เขาไม่รักเราก็เท่ากับอกหักไม่ใช่เหรอวะ”


“เมาแล้วพูดเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย”


“กูพูดจริง”


“มันเป็นใคร”


“...”


เปรมภาวนาให้เป็นใครก็ได้บนโลกใบนี้ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่…


“คนเดิม”


คำภาวนาของเปรมไม่เป็นผล “หมายความว่าไง” ที่ผ่านมาชื่อของ ‘คนเดิม’ แทบจะเป็นคำต้องห้าม แม้จะเมาหัวราน้ำแค่ไหนชิโนรสก็ไม่เคยพูดถึง แต่อยู่ดี ๆ วันนี้ก็มาบอกว่าอกหักจากคนเดิม เปรมชักสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่


“กูเจอเขาที่งานแต่งบอส”


“เชี่ย” เปรมเผลออุทานออกมาเสียงแผ่ว


“เขายังจำกูไม่ได้”


“แน่ใจเหรอวะ” ที่เปรมได้ยินมาไม่น่าใช่อย่างนั้น จริงอยู่ที่พวกเขาตัดขาดกับใครคนนั้นมานานมากแล้วและชิโนรสไม่ได้สนใจตามข่าวของอีกฝ่ายเลยแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรด้วย คนฮอตคนดังในแวดวงสังคมแบบนั้นมีหรือที่จะไม่เป็นที่พูดถึงกันในหมู่ดีไซเนอร์อย่างพวกเขา


“เราเผชิญหน้ากันตรง ๆ เขาทำเหมือน...ไม่รู้จักกัน” ถ้ารู้จัก ถ้าจำได้ ชิโนรสคิดว่าอีกฝ่ายต้องมีปฏิกิริยาอะไรที่มากกว่านี้ จะมองด้วยความโกรธแค้นก็ไม่ว่า แต่ต้องไม่ใช่ว่างเปล่าแบบนี้


“แต่กูรู้มาว่าเขาหายความจำเสื่อมแล้วนะ”


“เขาก็อาจจะจำได้แค่คนที่ฟื้นความทรงจำให้เขามั้ง คงจำเรื่องทั้งหมดในชีวิตไม่ได้”


“ไม่มีทาง จำได้ก็คือจำได้ ตอนนั้นหมอก็บอกเองว่าเสียความทรงจำแค่ชั่วคราว ถ้ากลับมาจำได้ก็ต้องจำได้ทั้งหมดดิ”


ได้ยินอย่างนั้นแล้วชิโนรสก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะตัวเอง “ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงอยากลืมกู”


“ไอ้ชีน...”


“ก็ดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องรับรู้เรื่องระหว่างเรา”


“ในขณะที่มึงจำได้ทุกอย่างน่ะเหรอ!”


“กูเอง...ก็กำลังจะลืมแล้วเหมือนกัน”


พนันได้เลยว่าเพื่อนรักของเขาไม่มีทางทำได้ เปรมไม่เคยมั่นใจอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต มั่นใจยิ่งกว่าเรื่องของตัวเองเสียด้วยซ้ำ






หย่อนก้นนั่งได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเปรมก็ต้องพาร่างหมดสติของเพื่อนสนิทกลับคอนโดด้วยกันเสียแล้ว ครั้นจะพาไปส่งที่บ้านในสภาพนี้ มีหวังแม่อีกฝ่ายได้เป็นห่วงแย่ เขาจึงโทร.ไปบอกก่อนแล้วว่าคืนนี้ชิโนรสจะค้างห้องตน


“เดินดี ๆ สิวะไอ้ชีน” เปรมบอกคนเมาทั้งที่อีกฝ่ายไม่น่าจะรับรู้ได้แล้ว แม้ชิโนรสจะมีกายที่สูงน้อยกว่าตนเกือบฟุตและมีรูปร่างบอบบางจนแทบปลิว แต่เมื่อโงนเงนเอนซบทิ้งน้ำหนักใส่เต็มที่ก็ทำเอาคนตัวหนาอย่างเขาเดินได้ยากลำบากอยู่ไม่น้อย อยากจะอุ้มขึ้นพาดบ่าเสียก็กลัวจะกลายเป็นจุดเด่นเกินควร ที่ทำได้คือเอาแขนอีกฝ่ายพาดคอตนไว้เท่านั้น


กลิ่นหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัวคละคลุ้งกลิ่นเหล้าอยู่ใกล้จมูงจนชวนให้เปรมนึกถึงกลิ่นอโรมาจาง ๆ มันทั้งผ่อนคลายและกระตุ้นอารมณ์ดิบส่วนลึกของเขาได้ดีจนต้องฝืนเก็บไว้ด้วยความยากลำบาก ยิ่งในตอนที่อยู่ในลิฟต์กันสองต่อสอง ยากเหลือเกินที่เขาต้องคอยหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรที่เกินควรกับเพื่อนตัวเอง


ติ้ง!


ประตูลิฟต์เปิดออกในชั้นยี่สิบเอ็ด เปรมกระชับวงแขนตนที่โอบเอวเล็กให้อีกฝ่ายแนบชิดตนพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวต่อไป ทว่าในนาทีที่กำลังจะก้าวออกจากลิฟต์ สองขากลับหยุดชะงักค้างเพราะคนตรงหน้าที่รอจะใช้บริการกล่องโดยสารนี้ต่อจากเขา


เปรมยิ้มบางเหมือนทักทายเพื่อนร่วมโลกตามมารยาทมากกว่าจะสื่อว่ารู้จักกัน “หลีกทางด้วยครับ”


เมื่อคนที่สูงพอกันไม่มีทีท่าทักทายกลับมาอย่างคนรู้จัก มิหนำซ้ำยังปั้นหน้านิ่งขรึมใส่กันอีก เปรมจึงต้องย้ำความต้องการอีกครั้งอีกฝ่ายถึงยอมเบี่ยงตัวออกห่าง...แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเล็กน้อยจนเปรมแทบจะหาไม้โปรฯ มาวัดองศาว่านั่นเรียกว่าถอยให้แล้วจริงหรือ


แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณก่อนพาร่างหมดสติของเพื่อนออกจากตรงนั้น


หึ จำไม่ได้อย่างนั้นหรือ?


อย่าคิดว่าเขาไม่เห็น ใบหน้าหล่อนั่นแม้จะนิ่งขรึมแต่นัยน์ตากลับปิดซ่อนความไม่พอใจเอาไว้ไม่มิด ถึงจะแค่ไม่กี่วินาทีก่อนจะรู้ตัวว่าไม่ควรแสดงออกแบบนั้นก็ตาม


เปรมยกยิ้มมุมปาก แสร้งกระชับมือที่โอบเอวเพื่อนอีกครั้งจนคราวนี้ชายเสื้อถลกขึ้นจนฝ่ามือเขาสัมผัสกับผิวเนื้อขาวของอีกฝ่ายเต็ม ๆ


ปัง!


เปรมเกือบจะหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินเสียงทำลายข้าวของดังมาจากด้านหลังตนแทบจะในทันทีที่ตนได้สัมผัสเอวบางภายใต้ร่มผ้าของเพื่อนสนิท ถ้าให้เขาเดา เสียงเมื่อครู่คงเกิดจากกำปั้นที่กระแทกเข้ากับปุ่มกดชั้นลิฟต์เป็นแน่


อะไรกัน แค่นี้ยังไม่พอให้เลิกเล่นละครว่าจำกันไม่ได้อีกหรือ หรือเขาต้องทำมากกว่านี้ อีกฝ่ายถึงจะยอมแสดงตัวออกมาว่าเป็นเจ้าของ


เปรมก็แค่คิด แต่ใครอีกคนในอ้อมกอดกลับทำจริงด้วยการแกล้งซวนเซเข้าหาผนังจนคนตัวโตที่ไม่ทันระวังตัวถลาตามไปด้วยจนกลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งคู่กำลังแนบชิดกันบนผนังทางเดิน ชิโนรสใช้แขนที่พาดคอเพื่อนร่างสูงไว้รั้งคออีกฝ่ายให้ก้มลงมาหาทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น รอจนได้ยินเสียงประตูลิฟต์ปิดตัวไปหลายวินาทีแล้วถึงได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากคนตัวเล็ก


เปรมพยุงร่างเพื่อนเข้าห้อง หมายจะให้เจ้าตัวนั่งให้สบายบนโซฟาแต่อีกฝ่ายกลับเลือกนั่งบนพรมเพื่อพิงโซฟาแทน ขาสองข้างคู้งอให้เจ้าตัวกอดเอาไว้ราวกับเป็นที่พึ่งทางใจในตอนนี้ ศีรษะแหงนพิงเบาะแต่ผินหน้าออกไปนอกห้อง


“จะร้องไห้ก็ได้นะ” เปรมไม่ได้นั่งลงข้าง ๆ เขาเพียงแค่ยืนดูด้วยความเป็นห่วงอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล


“น้ำตากูแห้งไปตั้งแต่สี่ปีก่อนแล้ว” แม้จะมองจากด้านหลังแต่เปรมก็รู้ว่าตาคู่สวยกำลังมองเหม่อทะลุม่านสีทึบออกไปข้างนอก...และไม่มีน้ำตาสักหยดอย่างที่เจ้าตัวบอก


“งั้นก็ไปอาบน้ำนอนไป พรุ่งนี้กูไปทำงาน มึงจะนอนจนกูกลับมาหรือออกสาย ๆ ก็ได้”


“กูจะกลับไปนอนบ้าน เป็นห่วงแม่”


“กลับไปสภาพนี้คิดว่าใครน่าเป็นห่วงมากกว่ากันวะ”


“แต่กูไม่อยากทิ้งให้แม่อยู่คนเดียว”


“กูโทรบอกแม่มึงแล้วว่าคืนนี้มึงจะค้างกับกู นอนนี่เถอะ ค่อยกลับพรุ่งนี้ก็ได้ กลับไปสภาพนี้จะถึงบ้านรึเปล่าก็ไม่รู้”


ชิโนรสเงียบ คร้านจะเถียงกับเปรมแล้ว เพื่อนคนนี้เถียงไปเท่าไหร่ตนก็ไม่เคยชนะ


“ไปอาบน้ำให้สร่างเมาหน่อยไป จะได้นอนสบาย”


“มึงไปอาบก่อนเถอะ”


คล้อยหลังเพื่อนตัวสูง ชิโนรสยังคงมองเหม่ออยู่อย่างนั้น ความทรงจำมากมายเกี่ยวกับใครคนนั้นไหลบ่าเข้ามาในห้วงความคิดจนรู้สึกคลื่นไส้พาลจะอาเจียนขึ้นมาอีกครั้งจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปโก่งคออ้วกจนหมดพุง ชายหนุ่มลูบคอตัวเองไปมาเพราะรู้สึกแสบร้อนจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปโดยไม่มีการผสมมิกเซอร์ใด ๆ ทั้งสิ้นราวกับคนขาดสติ


ชิโนรสพาตัวเองกลับมานั่งที่เดิมหลังจากล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นบ้าง นัยน์ตาสวยมองเหม่อไปยังเงาตัวเองที่สะท้อนบนจอโทรทัศน์จอแบน แม้จอจะมืดดับไม่ชัดพอให้เห็นรายละเอียดบนใบหน้า ทว่าสำหรับเขา...รอยแผลนั้นยังชัดเจนในความรู้สึก

 

รอยแผลนั้นยังเป็นเครื่องเตือนความทรงจำทุกครั้งที่ได้มอง



และเป็นหลักฐานชั้นดีที่ย้ำให้ชิโนรสรู้ว่าแค่ความรักอย่างเดียว...มันไม่เคยพอ








TBC.
----------------------------------------------
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X บทนำ [13/05/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 13-05-2018 21:51:26
ปัก   รอตามอ่านต่อ :mew1:

น่าสนใจมากค่ะ
หัวข้อ: Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X บทนำ [13/05/18]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 14-05-2018 08:10:29
งานดราม่าแฟนเก่าก็มาาาาาาา
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 1 [30/05/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 30-05-2018 22:13:22
คนไม่มี 'สิทธิ'


ตอนที่ 1










‘น้องชื่อชีนใช่ไหมครับ’

‘ครับ’

‘พี่มาจากถาปัด อยากจะชวนน้องไปเล่นละครเวทีของคณะ ตอนนี้น้องติดเล่นละครให้คณะไหนไปแล้วรึยังครับ’

‘ยะ ยังครับ’

‘งั้นพี่จอง’

‘หืม?’

‘หมายถึงขอเป็นตัวเลือกแรกของน้อง ถ้าน้องสนใจอยากเล่นละครเวทีก็อยากให้ติดต่อมา พวกพี่อยากร่วมงานกับน้องมากครับ นี่เบอร์พี่’

‘เท่าฟ้า?’

‘ครับ พี่ชื่อฟ้า เท่าฟ้า รัชกิจประการ’








“สวัสดีครับ ผม เท่าฟ้า รัชกิจประการ ครับ”


เรื่องสุดเซอร์ไพรส์ในเช้าวันทำงานแรกหลังวันหยุดพิเศษหนึ่งวันของชิโนรสคือการเจอเขาคนนั้นที่ห้องประชุมของบริษัท!


“ผมมาจากบริษัท...” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยังคงแนะนำตัวต่อไป ทุกคนต่างตั้งใจฟังผิดกับชิโนรสที่สติหลุดลอยไปตั้งแต่เห็นเขาคนนั้นเดินเข้ามาในห้องประชุมนี้แล้ว ไม่ต้องสนใจฟังเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายมาจากบริษัทไหนเพราะรู้ดียิ่งกว่าใคร เพียงแต่สงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงยังใช้ชื่อเดิมนี้อีกทั้งที่ควรเปลี่ยนมันไปตั้งนานแล้ว


“ชีน ชีน!” คนตัวเล็กสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อเสียงเรียกจากรุ่นพี่ดังใกล้หู ชิโนรสหันกลับไปมองพร้อมเลิกคิ้วแทนคำถาม


“เป็นไรวะ เหม่ออะไรไอ้หนู” ปอหรี่ตามอง เขาจับสังเกตรุ่นน้องตัวขาวมาได้พักใหญ่ เห็นมันหน้าซีดเหม่อลอยไปตั้งแต่ที่คุณเท่าฟ้าอะไรนั่นเดินเข้ามาพร้อมเลขาฯ คนสวยแล้ว


“นอนน้อยน่ะพี่ เบลอ ๆ ยังไงชอบกล”


“กาแฟกูหน่อยไหม” หนุ่มรุ่นพี่ร่วมแผนกเลื่อนแก้วกาแฟร้อนไปให้


“อะแฮ่ม!!”


เสียงกระแอมไอดังกว่าระดับเสียงพูดปกติทำให้คนทั้งห้องที่ทั้งตั้งใจฟังและไม่ตั้งใจฟังถึงกับสะดุ้ง แต่คนที่มีปฏิกิริยามากที่สุดเห็นจะเป็นสองหนุ่มที่กำลังคุยกันอยู่


ไม่รู้ว่าชิโนรสคิดมากไปหรือเปล่า แต่สายตาที่มองดุตรงมาอย่างตำหนินั้นมันถูกส่งตรงให้เขาคนเดียวไม่ได้หันเหไปหาหนุ่มรุ่นพี่เลยแม้แต่น้อย


ก็พอรู้ตัวว่าเสียมารยาทในที่ประชุม แต่ไม่เห็นจะต้องมองดุราวกับโกรธเกลียดกันมาเป็นสิบชาติอย่างนั้นก็ได้ เพราะหากสายตานั่นเป็นมีด ร่างเขาคงพรุนไม่เหลือชิ้นดีไปแล้ว


ชิโนรสหลบสายตาคมดุเบนไปมองจอแค่แวบเดียวก็สรุปใจความในส่วนที่ไม่ได้ฟังได้ว่าคุณเท่าฟ้ามาที่นี่เพื่อจ้างบริษัทของพวกเขาให้ร่วมโปรเจคตกแต่งบ้านหลังหนึ่งด้วยกัน เท่าที่ดูก็ไม่น่าจะใช่โปรเจคใหญ่อะไรมากมายแต่ทำไมถึงต้องทำร่วมกัน


แค่บ้านหลังเดียว ไม่ใช่โครงการหมู่บ้านอะไรเทือกนั้นเสียหน่อย



“โอเคครับ คุณทำหน้าที่อินทีเรียของคุณ ส่วนพวกผมจะทำหน้าที่ออกแบบเรื่องรายละเอียดเล็กน้อยให้ตามที่คุณต้องการ” เจ้านายวัยสามสิบปลายของชิโนรสสรุป


บริษัทของพวกเขาเป็นบริษัทรับออกแบบของตกแต่งบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ แม้จะเป็นแค่บริษัทเล็ก ๆ แต่งานหลักคือการทำงานให้แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชื่อดัง ในขณะที่งานรองคือการรับเป็นจ็อบตามแต่ลูกค้าต้องการ เพียงแต่สี่ปีที่ผ่านมาชิโนรสยังไม่เคยเห็นหัวหน้ารับงานที่ต้องทำร่วมกับอินทีเรียหรือพวกตกแต่งภายในเลยสักครั้ง อีกอย่าง หัวหน้าไม่เคยเริ่มงานด้วยการประชุมพร้อมบุคลากรโดยไม่ผ่านการพูดคุยเบื้องต้นแบบส่วนตัวมาก่อน


“ทุกคนไม่ต้องแปลกใจ งานนี้ผ่านการพูดคุยกันมาแล้วในคืนวันแต่งงานของฉัน” นั่นปะไร มีใครที่ไหนจริงจังกับการคุยเรื่องงานในวันแต่งงานของตัวเองได้เท่าเจ้านายของเขาบ้าง


“เดี๋ยวผมจะส่งตัวอย่างผลงานการออกแบบของดีไซเนอร์ของผมไปให้คุณเท่าฟ้าเลือกนะครับ ลองดูว่าชอบแบบไหน จะได้เลือกคู่ทำงานถูก”


“คุณศุภกิจมีไฟล์พวกนั้นอยู่ไหมครับ วันนี้ผมพอมีเวลา ถ้าคุณสะดวก ผมขอดูเลยได้ไหมครับ”


“ได้สิครับ เดี๋ยวไปดูกันที่ห้องทำงานของผมละกัน”


เท่าฟ้ายิ้มรับ หลังจากจบการประชุม ศุภกิจเดินนำเท่าฟ้าไปยังห้องทำงานก่อนที่บรรดาลูกน้องจะได้ทะยอยกันกลับโต๊ะทำงานบ้าง


“โปรเจคห่าอะไรวะ ทำงานร่วมกันแบบไหนกูยังงง” ปอบ่น มือที่กุมขมับอยู่บอกชัดว่าเจ้าตัวไม่ได้พูดกวนประสาทเล่น ๆ เหมือนทุกที


“เขาคงอยากได้ความพิเศษแบบมีหลังเดียวในโลกงี๊” ใครอีกคนหนึ่งออกความเห็นติดตลก


“แต่เขาก็ออกแบบเองทั้งหมดได้ป่ะวะ...แล้วมึงว่าไงไอ้ชีน” ปอสะกิดถามชิโนรสที่ยังนั่งนิ่งอยู่กับที่


“คะ ครับ”


“เห้อ” คนเป็นรุ่นพี่ถอนหายใจ เลิกสนใจประเด็นที่เกี่ยวกับงานแล้วมาสนใจอาการของหนุ่มรุ่นน้องแทน “ไปล้างหน้าล้างตาหน่อยไป หน้ามึงเบลอไปหมดละ”


ชิโนรสพยักหน้ารับนิ่ง ๆ แล้วเดินออกจากห้องประชุมไปตามคำแนะนำของหนุ่มรุ่นพี่






ไม่รู้ตัวเลยว่าใช้เวลากับตัวเองในห้องน้ำไปนานแค่ไหน เงาสะท้อนในกระจกยังเป็นใบหน้าอ่อนกว่าวัยที่มีเครื่องหน้าเสริมความน่ารักให้ยิ่งดูเด็กในสายตาลูกค้าทั้งที่อายุจริงใกล้สามสิบเต็มที ใต้ตาก็ไม่ได้ดำคล้ำอย่างคนอดนอนเลยสักนิดแต่เจ้าตัวกลับเหมือนคนเลื่อนลอยที่วิญญาณพร้อมจะหลุดจากร่างได้ทุกเมื่อ เป็นอีกครั้งในช่วงสองสามวันมานี้ที่สมองของชิโนรสว่างเปล่า มันขาวโพลนไปหมดจนอื้ออึงเหมือนมีเรื่องมากมายอัดแน่นอยู่ในนั้นแต่กลับไม่มีเรื่องใดชัดเจนขึ้นมา


มันทั้งอึดอัดและว่างเปล่า


ชิโนรสวักน้ำล้างหน้าอย่างแรงอยู่หลายครั้ง ชั่ววูบหนึ่งเขารู้สึกว่าหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้ามีน้ำตาของตัวเองปนอยู่ในนั้นด้วย ช่างอ่อนแอจนไม่น่าให้อภัย


“คุณอีกแล้ว”


อ่า...คุณอีกแล้วจริง ๆ


เจ้าของคำทักทายยืนพิงขอบประตูห้องน้ำส่งสายตาและรอยยิ้มมีเลศนัยผ่านทางเงาบนกระจก


ชิโนรสเลิกคิ้วมองรอยยิ้มมุมปากบนใบหน้าหล่ออย่างไม่ไว้ใจ “หมายความว่าไงครับ”


“คุณคนที่ผมเจอในงานแต่งคืนนั้น...ไปกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ตกดึกก็อยู่กับผู้ชายอีกคนที่คอนโด…” เท่าฟ้าเว้นจังหวะก่อนยิ้มเหยียด “...ใช้ได้เลยนะครับ”


“หมายความว่ายังไง ใช้ได้คืออะไร!?” คนถูกหยามเกียรติเป็นนัย ๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากันตรง ๆ


“ก็…” เท่าฟ้าไล่สายตามองคนตัวเล็กกว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเย้ยหยัน “...อึดใช้ได้น่ะสิครับ”


คนตัวเล็กกว่าเกือบหนึ่งฟุตกำมือแน่นด้วยความโกรธที่ถูกหยามเกียรติ พยายามปั้นหน้าไม่ทุกข์ร้อนใส่ “ก่อนหน้านี้คุณคงประเมินผมต่ำไป ผมน่ะ อึดได้มากกว่าที่คุณคิดนะครับ เชื่อเถอะ...ผมพิสูจน์มาแล้ว” ใบหน้าสวยยกยิ้มบางอย่างเป็นมิตร แสร้งทำเหมือนกำลังเล่าเรื่องชีวิตประจำวันทั่วไปให้อีกฝ่ายฟังก่อนชิงเดินหนีไปพร้อมกับใจที่เจ็บปวดราวกับโดนมีดกรีดซ้ำแผลเก่าที่เพิ่งแห้งไปไม่นาน






ดีไซเนอร์หนุ่มเกือบเข่าทรุดก่อนเดินถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง ชิโนรสเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ เกลียดที่อ่อนแอ เปราะบางราวกับจะแตกหักได้ง่าย ๆ เพียงแค่เห็นหน้าเขา เกลียดที่สุดคือการหลงคิดว่าตัวเองเข้มแข็งมากพอแล้ว ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่...ไม่เลยสักนิด


เปลือกตาสีซีดปิดลงซ่อนความวูบไหวของดวงตาจากผู้คน แต่มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าการทำแบบนี้ไม่ต่างจากคนขี้แพ้ที่กำลังหนีความจริงตรงหน้าอยู่


พักสายตาได้ไม่นานก็มีกลิ่นหอมของกาแฟลอยมาแตะจมูก ชิโนรสลืมตาขึ้นมองเห็นแก้วกาแฟอยู่ตรงหน้าในระดับที่ใกล้จมูกมากก่อนที่มันจะถูกเลื่อนออกห่างเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ


“ดื่มซะหน่อยไอ้น้อง”


ชิโนรสยิ้มก่อนเอ่ยขอบคุณ “ว่าแต่...พี่ชงอะไรมาเนี่ย” ใบหน้าอ่อนกว่าวัยแกล้งมองเครื่องดื่มอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ


“เดี๋ยวปั๊ดเบิ๊ดกะโหลก นี่ใคร? พี่ปอ ผู้หยั่งรู้ทุกความชอบของน้องชีนนะครับ แดก ๆ ไป กาแฟสอง โอวัลตินหนึ่งเนี่ย”


คนเด็กกว่าอวดยิ้มกว้าง กล่าวขอบคุณอีกครั้งก่อนจะดื่ม ดื่มไปได้อึกสองอึกก็มาแกล้งอีกฝ่ายต่อด้วยการแสร้งทำหน้าตื่นเต้นกับรสชาติที่อร่อยถูกปากเสียเหลือเกินจนสุดท้ายก็ถูกมะเหงกเข้ากลางหน้าผากให้ร้องครวญจนได้






บรรยากาศการทำงานในช่วงเช้าเป็นไปได้ดีเพราะเพื่อนร่วมงานสร้างเสียงหัวเราะให้อยู่ตลอด มาเสียเอาตอนบ่ายที่เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจชิโนรสเมื่อหัวหน้าเดินเข้ามาประกาศต่อหน้าทุกคนว่าคนที่จะได้โปรเจคของคุณเท่าฟ้าไปทำคือเขา


“ผมขอทำเองได้ไหมครับบอส” ปอถามขึ้นมาเมื่อสังเกตเห็นว่าคนถูกเลือกทำสีหน้าลำบากใจ


“เห้ยไม่ได้ เขาเลือกแล้ว...มึงมีปัญหาอะไรไหมชีน” ประโยคหลังศุภกิจหันไปถามชิโนรสด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ลูกค้าจะเลือกเองแต่ถ้าลูกน้องเขาไม่อยากทำหรือรู้สึกฝืนเขาก็จะไม่บังคับ “คุณเท่าฟ้าเขาชอบงานมึง ถ้ามึงรับงานนี้กูดูแล้วว่าคงไม่ฝืนใจมึงมาก สไตล์น่าจะไปกันได้”


“ได้ครับ ผมทำงานนี้เอง” ตอบรับออกไปทั้งที่ไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าจะเป็นมืออาชีพพอจะทำให้ได้จริงหรือไม่ แต่ก็จำต้องรับปากเพื่อไม่ให้หัวหน้าผิดหวัง


“ดี เริ่มงานพรุ่งนี้เลยนะ เขาจะมารับเราไปดูบ้านตอนเก้าโมง”


“งานด่วนเหรอพี่” ปอถามแทนชิโนรสที่นิ่งเงียบไป


“คงงั้นนะ ดูเขารีบมาก ยังไม่กำหนดเดทไลน์แต่ก็เอาแต่พูดว่าทำงานกับเราเสร็จเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”


เหอะ เจ็บสิ้นดี


แม้ยังไม่แน่ใจว่าเท่าฟ้าจำตนได้หรือไม่แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าหากอีกฝ่ายไม่อยากเจอไม่อยากร่วมงานกันแล้วเลือกเขาทำไม









รถเลกซัสสปอร์ทสีแดงคันสวยที่จอดหน้าบ้านทำให้ใบหน้าของคนที่เพิ่งกลับถึงบ้านในตอนเกือบพลบค่ำมีรอยยิ้ม จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแขกประจำบ้านที่เป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวเขาไปแล้ว


เสียงจอแจดังมาจากห้องครัวแบบไม่ต้องสืบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น แม่ของเขาคงกำลังสอน ‘พี่ชายต่างสายเลือด’ ของเขาทำอาหารอยู่แน่ ๆ ชิโนรสถึงได้ยินทั้งคำดุและเสียงโอดครวญของคนตัวโตดังออกมา


“อ้าว กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยเรา” หญิงผมซอยสั้นวัยเกษียณร้องถามเมื่อเห็นลูกชายยืนกอดอกพิงขอบประตูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยิ้มแป้นแล้นจนน่ามันเขี้ยวเสียด้วย


“สวัสดีครับคุณแม่” ชิโนรสกระพุ่มมือไหว้ผู้มีพระคุณอย่างนอบน้อม “กลับมาตั้งแต่ที่คุณแม่ตีพี่ชิเพราะใส่น้ำตาลเกินไปหนึ่งช้อนแล้วล่ะครับ” ถ้านึกย้อนดูก็ประมาณห้านาทีเห็นจะได้ที่เขายืนอยู่ตรงนี้


“มาแล้วก็ไม่คิดจะช่วยพี่เลยนะชีน”


“ช่วยทันด้วยหรือครับ...อ้อ อันที่จริงชีนน่าจะรีบโทรมาบอกคุณแม่ก่อนว่าพรุ่งนี้ชีนมีงานนอกสถานที่ คุณแม่จะได้ไม่ให้พี่ชิเข้าครัวด้วย” แสร้งว่าด้วยใบหน้ากังวลทว่าแต้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนพี่ได้หมั่นไส้


“หน็อย จะหาว่าพี่ทำอาหารไม่ดีเหรอ” ฮิโรชิยกจวักชี้น้องจนถูกประมุขของบ้านตีเข้าให้อีกหนึ่งที นอกจากความแสบ ๆ คัน ๆ ที่ผิวเนื้อแล้วก็ยังเจ็บใจเพราะน้องกำลังหัวเราะเยาะเขาเสียงดังลั่นครัวอีกด้วย


“ก็ชีนไม่อยากเสี่ยงนี่พี่ชิ ถ้าคืนนี้ทานแกงหม้อนี่นะ นอกจากพรุ่งนี้อาจจะท้องเสียแล้ว ในอนาคตก็ยังเสี่ยงเป็นเบาหวานอีกด้วย”


“ได้! งั้นพี่รับผิดชอบแกงหม้อนี้เอง ส่วนเราน่ะทอดไข่เอาตามมีตามเกิดแล้วกัน”


“อ้าว ไม่ได้สิ! คุณแม่ครับ คุณแม่ดูพี่ชิสิ ใจร้ายกับน้องได้ลงคอ” ได้ทีรีบเข้าไปกอดเอวออดอ้อนคนเป็นแม่เสียเลย


“ไปอาบน้ำก่อนไปลูกคนนี้นี่ เดี๋ยวแม่ให้พี่เขาทอดไข่เจียวไว้ให้ละกันนะ” คำประกาศิตของเธอเหมือนการประกาศชัยชนะของพระเอกหนุ่ม ใบหน้าจิ้มลิ้มง้ำงอขณะที่คนได้รับชัยชนะหน้าระรื่น กำลังจะยื่นมือมายีผมคนแพ้เสียหน่อยแต่กลับถูกดุเข้าให้อีกเรื่อง “ทำอาหารอยู่อย่าเล่นผมน้องนะชิ”


“ครับ ครับ”


ชิโนรสหัวเราะร่วนอีกครั้ง มองคนพี่ที่เหมือนหมาตัวใหญ่หูลู่หางตกหันไปสนใจหม้อแกงตรงหน้าแล้วก็ยิ่งชอบใจ




ฮิโรชิไม่ค่อยรับงานตอนเย็น ถ้าไม่ใช่ถ่ายหนังถ่ายละครหรือออกรายการเพื่อโปรโมทผลงานร่วมกับนักแสดงคนอื่น ฮิโรชิก็ไม่เคยรับงานโชว์ตัวที่ไหนหลังสี่โมงเย็น ทุกวันชิโนรสจะต้องเห็นรถเลกซัสสปอร์ทสีแดงจอดอยู่หน้าบ้านหลังไม่เล็กไม่โตนี้เสมอ เขากับแม่อยากให้อีกฝ่ายย้ายมาอยู่ด้วยกันเสียเลยแต่อีกฝ่ายปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ส่วนสำคัญเพราะงานในวงการของเขาต้องเกี่ยวพันกับผู้คนเยอะ ไหนจะผู้จัดการ ไหนจะช่างแต่งหน้าที่บางครั้งก็ต้องเดินเข้าเดินออกคอนโดของเขาอยู่เป็นนิจ เพราะอย่างนั้นเขาจึงเกรงใจลินดา คุณแม่บุญธรรมของน้องชายคนสนิท


เดิมทีชิโนรสกับฮิโรชิโตมาด้วยกันในบ้านเด็กกำพร้าที่มีคุณพ่อทูนหัวเป็นชาวญี่ปุ่นและคุณแม่ทูนหัวเป็นคนไทย เพราะอย่างนั้นถึงได้ถูกตั้งชื่อด้วยภาษาญี่ปุ่น คนน้องมาเปลี่ยนชื่อเอาทีหลังก็ตอนที่ถูกคุณแม่ลินดารับมาเลี้ยง และเพราะเป็นเด็กตัวเล็กบอบบาง เล่นอะไรรุนแรงอย่างที่เด็กผู้ชายเขาเล่นกันก็เนื้อตัวช่ำง่ายไปเสียทุกส่วน เพื่อนสมัยเด็กที่เล่นด้วยกันได้จึงมีไม่เยอะ หนึ่งในนั้นคือฮิโรชิที่คอยดูแลปกป้องอยู่เสมอ ทำให้เขาติดอีกฝ่ายมาก ตามติดแจจนร้องไห้โยเยไม่อยากพรากจากตอนที่รู้ว่าจะถูกรับไปเลี้ยงในฐานะลูกบุญธรรม ในตอนนั้นเพียงแค่คิดว่าต้องจากกับพี่ชิ ใจของเขาก็แทบแหลกสลาย รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลาย มารู้เอาตอนเมื่อสี่ปีก่อนนี้เองว่ามันเทียบไม่ได้กับตอนที่เสียใครอีกคนไปเลย


โลกพังทลายที่แท้จริงเป็นแบบไหน ชิโนรสเพิ่งได้รู้ซึ้งก็ตอนนั้นเอง



ใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าลินดาจะได้รอยยิ้มสดใสของลูกชายเธอกลับมา และมันทำให้เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันทำให้มันหายไปอีกอย่างเด็ดขาด




“พรุ่งนี้ชีนออกฟิลด์ที่ไหน” พระเอกหนุ่มถามขณะปิดท้ายมื้อเย็นด้วยผลไม้ในห้องนั่งเล่นกันตามลำพัง


คนน้องนิ่งคิดก่อนส่ายหน้าน้อย ๆ “ยังไม่รู้เลยครับ” ...ไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง


แค่พอคิดว่าพรุ่งนี้จะต้องเจอเขาตามลำพัง รอยยิ้มที่แต้มใบหน้าใสอยู่ตลอดก็พลันจางลง โชคดีที่ฮิโรชิสนใจการ์ตูนเบาสมองตรงหน้าอยู่จึงไม่ทันสังเกตเห็น


“อ้าว”


“ไปดูบ้านลูกค้าครับ ยังไม่รู้เลยว่าที่ไหน บอสบอกแค่ว่าเขาจะมารับ”


“งั้นพรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ ตอนเย็นไปรับกลับด้วย” คราวนี้พระเอกคนดังหันมองกันเต็มตาแต่คนถูกมองกลับรีบหลบด้วยการทำเป็นสนใจของกิน


“ลำบากเปล่า ๆ ครับ”


“ชีนก็รู้ว่าพี่เต็มใจ” อยากดูแลเอาใจทุกครั้งที่มีโอกาส


“ครับ” คนตัวขาวจำต้องตอบรับความหวังดีนั้น “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ก็ค้างที่นี่เถอะครับ จะได้ไม่ต้องรีบตื่นเช้ามารับผม” ถึงจะไม่ได้ค้างที่บ้านนี้เป็นหลักแต่นอกจากจะมีเสื้อผ้าส่วนตัวอยู่บ้านนี้สองสามชุดแล้วฮิโรชิยังมีห้องนอนเป็นของตัวเองอีกด้วย







รัตติกาลคืนนี้ให้ความรู้สึกหม่นหมองทั้งที่พระจันทร์วันเพ็ญออกจะสว่างนวลขนาดนั้น ชิโนรสไม่ได้นั่งมองดวงจันทร์นอกหน้าต่าง เขาเอนตัวลงนอนดึงผ้าห่มคลุมถึงคออย่างคนพร้อมหลับแล้วเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้อย่างที่ใจต้องการ นัยน์ตาใสเหม่อลอยออกไปยังความมืดมิดตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งเก่าก่อนที่เคยทะลักในความคิดราวกับเขื่อนแตกให้รู้สึกพะอืดพะอมจางหายไปเหลือแต่เพียงความกังวลที่จะเผชิญหน้ากันในวันพรุ่งนี้ แม้จะตั้งใจไว้แล้วว่าจะปฏิบัติตัวด้วยอย่างคนเพิ่งรู้จักกันและให้ความสนิทสนมแค่ในระดับเพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นชิโนรสก็ไม่เคยเชื่อใจตนเองว่าจะทำได้ สี่ปีที่ห่างกันไปน้อยกว่าช่วงเวลาที่มีกันและกันเสียอีก แล้วอย่างนี้เขาจะทำใจให้มองอีกฝ่ายอย่างคนแปลกหน้าได้หรือ จะมองได้โดยไม่มีภาพวันเก่า ๆ ซ้อนขึ้นมาได้อย่างไร เขาคิดไม่ออกเลยจริง ๆ



เพราะไม่อาจข่มตาให้หลับได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เช้าวันนี้คนมีงานนอกสถานที่จึงตื่นสาย กิจวัตรประจำวันทุกอย่างเร่งรีบไปเสียหมด รวมไปถึงอาหารเช้าที่ต้องรบกวนคุณแม่ลินดาจัดใส่กล่องให้มาทานบนรถกันทั้งสองคน


และเพราะว่ารีบมาก กลัวจะเข้างานสาย คนเป็นน้องถึงได้ลืมเครื่องมือสื่อสารไว้บนรถของเขา โชคดีที่วันนี้ฮิโรชิไม่มีงานเช้า ถึงจะรู้ตัวว่าโทรศัพท์ของอีกฝ่ายตกค้างในรถตนเอาตอนที่ขับออกไปไกลแล้ว แต่เขาก็ยังมีเวลาพอให้วกกลับไปที่เดิมได้อีกครั้ง ได้แต่ภาวนาว่าเวลาเก้าโมงครึ่งจะยังทันก่อนที่อีกฝ่ายออกไปดูงานนอกสถานที่


และเหมือนจะทันอยู่รอมร่อ จังหวะที่เขาเลี้ยวรถเข้าลานจอดรถและวนหาที่จอดอยู่นั้น ร่างบางคุ้นตาก็กำลังเดินตามใครบางคนซึ่งน่าจะเป็นลูกค้าที่เจ้าตัวพูดถึงไปยังรถที่จอดอยู่อีกฟาก ฮิโรชิรีบขับตามไปด้วยหวังจะให้ทันแต่กลับมีรถคันหนึ่งถอยออกจากซองมาขวางกะทันหัน


“โธ่เอ๊ย!” อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาอย่างหัวเสีย จะจอดรถทิ้งไว้ตรงนี้แล้ววิ่งเอาโทรศัพท์ไปให้ก็ทำไม่ได้เพราะมีรถจ่อท้ายเขาอีกเป็นพรวนจึงตัดสินใจเปิดประตูลงไปหมายจะตะโกนเรียกให้น้องได้ยิน ทว่ายังไม่ทันได้ทำอย่างนั้นฮิโรชิก็ตกอยู่ในสภาวะหาเสียงตัวเองไม่เจอเสียก่อนแล้ว


เพราะใบหน้าของคนที่เดินนำชิโนรสไปทำให้พระเอกดาวรุ่งสวมบทเป็นก้อนหินได้อย่างไร้ที่ติ...ใบหน้าของชายเจ้าของรถที่ชิโนรสเพิ่งก้าวขึ้นไปคือใบหน้าของคนที่เขาไม่มีวันลืม




เท่าฟ้า...ผู้ชายที่เคยเป็นโลกทั้งใบของชิโนรส!!









TBC.
----------------------------------------------------------------
ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 31-05-2018 10:40:56
พี่ฟ้ารักก็บอกว่ารักสิเว้ยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 01-06-2018 13:50:15
เขาเลิกกันเพราะอะไรอ่ะ หน่วงงงงงงง :hao7:
หัวข้อ: Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-06-2018 20:40:30
 :กอด1: น่าติดตาม
หัวข้อ: Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 01-06-2018 21:03:01
ฮืออออ หลงรักอะไรหน่วงๆแบบนี้ พี่เท่าฟ้าแกต้องการอะไร !!!

สงสารชิ  :z3: อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: X คนไม่มีสิทธิ์ X ตอนที่ 1 [30/05/18]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 01-06-2018 21:29:57
งืมๆๆ รอเงื่อนการเลิกกัน
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 08-07-2018 18:18:45
คนไม่มี ‘สิทธิ’

ตอนที่ 2








‘ไม่เห็นโทรมา นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว’
‘พอดีเห็นประกาศ เลยไม่รู้ว่าจะต้องโทรหาพี่อีกทำไมครับ’
‘พี่ดีใจนะที่น้องชีนมา’
‘ก็...อยากลองหาประสบการณ์ดูครับ’
‘ไปยืนตรงฉากสิ เดี๋ยวพี่ถ่ายรูปให้’
‘ถ่ายทำไมครับ’
‘ถ่ายเก็บไว้’
.
.
‘เสร็จแล้ว’
‘ขอดูหน่อยได้ไหมครับ’
‘มานี่สิ’
‘พี่เท่าฟ้าเก่งจัง ถ่ายสวยมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะถ่ายผมออกมาดูดีได้ขนาดนี้’
‘เพราะชีนดูดีอยู่แล้วต่างหากล่ะ’
‘เว่อแล้วพี่ ผมไม่เห็นดูดีตรงไหนเลย เตี้ยก็เตี้ย ผิวก็ซีดอย่างกับกระดาษ’
‘แต่ตอนที่พี่ชมว่าดูดี ผิวชีนมีเลือดฝาดขึ้นมาเลยนะ...โดยเฉพาะตรงแก้ม’
‘มั่วแล้ว อย่าหลอกกันให้ยาก’
‘ไม่เชื่อก็ลองส่องเงาตัวเองในตาพี่ดูสิ’
‘บะ บ้าไปแล้ว ใครจะไปทำแบบนั้นกันละครับ’
















ลืมโทรศัพท์…


นี่คือสิ่งที่ชิโนรสเพิ่งคิดได้ในตอนที่พยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้การนั่งรถตามลำพังกับเท่าฟ้าอึดอัดไปมากกว่านี้


“ผมดีใจนะที่คุณรับทำงานนี้ คุณ...ชีน ใช่ไหมครับ ผมได้ยินคุณศุภกิจเรียกอย่างนั้น”


“ครับ” ครั้นจะรั้นให้เรียกด้วยชื่อจริงต่อไปก็เห็นจะดูหยิ่งไม่สมฐานะลูกจ้างสักเท่าไหร่ ชิโนรสจึงจำต้องยอมปล่อยเลยตามเลย


“คุณชอบฟังเพลงแบบไหน”


ชิโนรสเดาเอาว่าอีกฝ่ายเองก็คงอยากหาทางทำลายความเงียบในห้องโดยสารนี้เหมือนกัน ซึ่งการเปิดเพลงก็ดูเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าต้องร่วมเดินทางกันนานแค่ไหนเช่นกัน “เปิดตามที่คุณชอบเถอะครับ”


“ได้ยังไง คุณต้องนั่งไปกับผมอีกนาน เปิดเพลงไม่ถูกจริตก็เบื่อแย่เลย”


“ผมฟังได้หมดครับ ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องเพลงเท่าไหร่”


“อืม” นิ้วเรียวยาวเคาะพวงมาลัยอย่างคนใช้ความคิด ท่าทางที่ชิโนรสคุ้นเคยก็ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง “ถ้าอย่างนั้นเปิดจากแผ่นซีดีดีกว่า พอดีผมเป็นพวกไม่ชอบฟังโฆษณา ยิ่งขับรถนาน ๆ แบบนี้ยิ่งขยาดน่ะ”


แผ่นซีดี? สมัยนี้ยังมีใครฟังเพลงจากแผ่นซีดีในรถกันอีกเหรอ ไม่สิ! มันไม่มีใครไรท์เพลงใส่ซีดีกันแล้วด้วยซ้ำ...ถ้าไม่ใช่


“เดี๋ยวครับ!” ชิโนรสพบว่าตัวเองคิดช้าเกินไป แผ่นซีดีถูกใส่เข้าที่ทางที่เหมาะสมและกำลังทำหน้าที่ของมันเสียแล้ว


“ทำไมครับ”


“...ไม่มีอะไรครับ” ชิโนรสหลับตาลงอย่างอ่อนล้าพร้อมกับทำนองเพลงแรกของแผ่นเริ่มบรรเลง เพลงที่เขาจำได้ดีและสามารถบอกชื่อเพลงในแผ่นนี้ได้ทั้งหมดโดยเรียงลำดับได้ถูกต้องเลยด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะฟังเป็นพันรอบแล้วก็ยังเป็นคนไรท์แผ่นเองอีกด้วย!



‘เธอคือความฝัน...ในใจฉัน...’



“เพลงเก่าหน่อย แต่เพราะทั้งนั้น”


“ครับ”


“ผมไม่แน่ใจว่าใครไรท์ให้ แต่ผมว่าผมน่าจะชอบฟังเพลงแผ่นนี้มาก”


คนตัวเล็กเลิกคิ้วมองแทนคำถาม


“เมื่อสี่ปีก่อนผมเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ เพื่อนผมบอกว่าแผ่นเสียงนี้ติดค้างอยู่ในช่องเล่นซีดี ช่วงนั้นผมความจำเสื่อมแต่ยังเก็บมันเอาไว้ หลังจากนั้นไม่นานผมก็หายดี...แต่ก็นึกไม่ออกสักทีว่าใครให้แผ่นนี้มา”


“คุณอาจจะไรท์เองก็ได้”


“คงอย่างนั้นมั้งครับ”


“คุณชอบหนังเรื่องนี้รึเปล่า”


ชิโนรสหันมองคนถาม เลิกคิ้วแทนความสงสัย นึกเล่น ๆ ว่าเขาจะไล่ถามครบทุกเพลงเลยหรือไม่ เพราะเพลงในแผ่นนี้ล้วนเป็นเพลงประกอบหนังทั้งสิ้น


“เพลงนี้ประกอบหนังเรื่องนั้น”


“เอ่อ...ขอโทษครับ ผมไม่ชอบดูหนังรัก”  ใช่เสียที่ไหน...เขาดูมันทุกเรื่องที่เลือกเพลงมาไรท์ใส่ซีดีนั่นแหละ ดูในโรงหนังบ้าง ซื้อแผ่นมาดูบ้าง แต่ล้วนแล้วดูกับคนข้าง ๆ ทั้งสิ้น


เท่าฟ้าเหยียดยิ้ม “ผมว่าเรื่องนี้มันเกินจริงไปสักหน่อย…” แม้อีกฝ่ายจะบอกเป็นนัยว่าไม่ได้ดูแต่คนเปิดประเด็นยังคงพูดถึงหนังเรื่องนั้นต่อไป “ในความเป็นจริง ไม่มีใครรักกันมากพอจะอยากทนดูแลอีกฝ่ายที่เป็นเจ้าชายนิทราหรือแม้แต่คนไร้สมรรถภาพหรอก คุณว่าจริงไหม”


คนฟังกลืนน้ำลายหนืดลงคอ “คงจะอย่างนั้นมั้งครับ”


ชิโนรสเอ่ยขอบคุณในใจที่อีกฝ่ายไม่แสดงความเห็นต่อคำตอบของเขาอีก เพราะมันชักจะทำให้บรรยากาศระหว่างเราอึดอัดมากกว่าก่อนเปิดเพลงเสียอีก



‘How long will I love you
As long as stars are above you
And longer if I can...’




“คุณเคยดูหนังเรื่องนี้ไหม”


ชิโนรสเผลอคิดว่าเท่าฟ้าจะเลิกชวนคุยเรื่องนี้ไปแล้ว เห็นเงียบไปนาน ไม่คิดว่าจะเปิดประเด็นด้วยคำถามเดิมขึ้นมาอีกครั้งในเพลงที่ห้า


“อ่า คงไม่ มันเป็นหนังรักนี่เนอะ” เท่าฟ้าสรุปเองเสร็จสรรพ ทว่าคราวนี้คำตอบของคนตัวเล็กกว่าเปลี่ยนไป


“เคยดูครับ มันไม่เชิงหนังรักเท่าไหร่”


“อืม คุณคงอยากย้อนเวลากลับไปได้เหมือนพระเอก” มันคือเรื่อง about time น่าจะเป็นเรื่องท้าย ๆ ที่พวกเขาไปดูด้วยกัน พระเอกของเรื่องมักจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องที่ผิดพลาดอยู่เสมอ


“คงอย่างนั้นมั้งครับ”


ครั้งที่สองแล้วที่เท่าฟ้าได้ยินคำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ไม่เปิดเผยความรู้สึกของอีกฝ่าย


“แล้วถ้าย้อนกลับไปได้ คุณอยากกลับไปตอนไหนที่สุด”


“ตอนปีหนึ่งครับ” ชิโนรสตอบเสียงชัดเจนหนักแน่นเป็นครั้งแรก


“ทำไม อยากซิ่วเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยติดตลก


“เปล่าครับ” เมื่อเห็นคนถามยังรอคำอธิบาย เขาจึงพูดต่อ “แค่ไม่อยากไปแคสต์ละครเวที”


...ไม่อยากตกหลุมรักคุณ


ชิโนรสรู้สึกว่าการขับรถของเท่าฟ้าสะดุดไปเล็กน้อยหลังคำตอบของตัวเอง


“ไม่อยากเล่นขนาดนั้นเลย?”


“ทำนองนั้นแหละครับ”


“เป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีเหรอ บทไม่ดีหรือคนดูไม่ชอบ ผมถามได้ไหม”


“ก็แค่ไม่อยากพาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นครับ” อาจฟังดูเป็นคำตอบแบบขอไปที แต่ความจริงแล้วนี่คือเหตุผลที่แท้จริง เพราะถ้าจะให้ขยายความไปมากว่านี้ ชิโนรสคงต้องตอบอีกฝ่ายไปว่าเพราะไม่อยากรู้จักเขา



‘How long will I want you
As long as you want me to
And longer by far…’







ยังไม่ทันพ้นเขตกรุงเทพฯ ชิโนรสก็พอเดาได้แล้วว่าตนกำลังจะไปที่ไหน บ้านหลังนั้นคงตั้งอยู่ทางภาคตะวันออก ไม่แน่ว่าอาจจะอยู่ติดทะเลเลยด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่รถปาเจโร่สปอร์ทสุดมาดแมนสมคนขับจะทะยานขึ้นโทลล์เวย์ คนขับก็หักพวงมาลัยเลี้ยวไปทางอื่นเสียก่อน



“ผมขอแวะทานอาหารเช้าก่อนแล้วกัน เมื่อเช้ารีบออกมายังไม่ทันหาอะไรรองท้อง”


ชิโนรสอยากจะตะโกนถามเสียเหลือเกินว่าถ้ารู้ตัวว่าเตรียมตัวไม่ทันทำไมไม่นัดสายกว่านี้อีกหน่อย ไม่ใช่พากันมาเสียเวลาระหว่างทางแบบนี้ ทว่าความเป็นจริงแล้วเขาก็ทำได้แค่ยอมรับพร้อมรอยยิ้มจอมปลอมเท่านั้น


ชิโนรสส่ายหัว ระอาใจคนที่พาตัวเองเข้าไปนั่งแทรกตัวในร้านติ่มซำรสเด็ดสไตล์จีนแท้ทั้งรสชาติและบรรยากาศ คนในฐานะลูกจ้างพับแขนเสื้อเชิ้ตลวก ๆ ขึ้นมาเลยข้อศอก ปลดกระดุมเสื้อเพิ่มอีกสองเม็ดเพราะอากาศอบอ้าวภายในร้านก่อนจะเดินตามร่างสูงเข้าไป


“จะทานอะไรสั่งได้เลยนะคุณ มื้อนี้ผมเลี้ยง”


“ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาแล้ว” อย่างน้อยอาหารเช้าที่ทานแบบเร่งรีบบนรถก็ช่วยให้เขารู้สึกอิ่มได้มากทีเดียวในตอนนี้


“ฮะเก๋าหน่อยไหม ร้านนี้กุ้งตัวใหญ่นะคุณ”


ชิโนรสมองหน้าคนเชื้อเชิญอย่างพิจารณา เขาแพ้กุ้ง แต่อีกฝ่ายคงจำไม่ได้ แน่สิ ‘พี่เท่าฟ้า’ ยังจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรจะจำได้ว่าเขาแพ้อาหารอะไรบ้าง “เชิญคุณเท่าฟ้าตามสบายเลยครับ”


“ไม่ชอบกุ้ง?”


“ไม่หิวครับ”


เท่าฟ้าไหวไหล่ พึมพำบางอย่างที่ชิโนรสได้ยินแว่ว ๆ เหมือนคล้ายจะเป็นการย้ำว่า ‘ชวนแล้วนะ’ หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ชวนคุยอะไรอีกเลย คงจะหิวจริงอย่างที่เจ้าตัวว่าไว้ ติ่มซำสิบกว่าเข่งหมดในเวลาแค่ยี่สิบนาที ชิโนรสนั่งมองแล้วก็เผลอยิ้มออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงหมดเร็วกว่านี้ด้วยจำนวนเข่งที่มากกว่านี้อีกเท่าตัวเพราะมีเขาแย่งทาน


แต่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในฐานะนั้นอีกแล้ว


ฐานะที่จะยื่นตะเกียบไปแย่งขนมจีบจากตะเกียบอีกฝ่ายเข้าปากตัวเองไปต่อหน้าต่อตาโดยที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะโวยวายเอาเรื่อง


“ยิ้มอะไร”


“คะ ครับ” น่าอายที่เผลอยิ้มจนถูกจับได้ คนเด็กกว่าร้อนรนรีบแก้ตัวในทันที “เปล่าครับ”


“ก็เห็นอยู่ว่าคุณมองผมแล้วยิ้ม”


“ผมแค่คิดอะไรเพลิน ๆ ไม่ได้มองคุณ”


“อ้อ อย่างนั้นเองเหรอ”


ชิโนรสเกลียดเวลาที่เท่าฟ้ามองมาด้วยสายตาที่สวนทางกับคำพูด ไม่รู้ว่าสี่ปีที่ไม่เจอกันอีกฝ่ายไปฝึกมาจากไหน มันทั้งกวนประสาทและทำให้คนมองถึงกับไปไม่เป็นได้ในเวลาเดียวกัน





กว่าจะถึงที่หมายตามอย่างที่ชิโนรสคาดการณ์พวกเขาก็ใช้เวลาระหว่างทางไปนานถึงสี่ชั่วโมง แน่นอนว่าคนที่ทานอาหารเช้ามาตั้งแต่ตอนแปดโมงย่อมรู้สึกหิวเป็นธรรมดา โชคดีที่อีกฝ่ายยังมีความปรานีพาแวะร้านอาหารเพื่อทานอาหารกลางวันที่ค่อยไปเกือบบ่ายสองเข้าให้แล้ว


“คุณไม่ชอบอาหารทะเลเหรอ” อาจจะแปลกไปสักหน่อยที่เข้าร้านอาหารตามสั่งริมหาดแต่สั่งข้าวผัดหมู


“ก็แค่อยากทานข้าวผัดหมูครับ”


ชิโนรสได้ยินเสียงจิ๊ปากดังมาจากอีกฝ่ายหลังคำตอบของตน พี่เท่าฟ้าที่เขารู้จักมักจะทำอย่างนั้นเวลาที่หงุดหงิดคำพูดไม่เข้าหู ร่างสูงคงกำลังหงุดหงิดมากที่เขาตอบโดยไม่ระบุความชอบส่วนตัวใด ๆ ให้รู้


ข้าวคำแรกยังไม่ทันเข้าปากโทรศัพท์ของเท่าฟ้าก็ดังขึ้นขัดพร้อมสีหน้าตึงเครียดหลังจากเจ้าของเครื่องคุยไปได้ไม่กี่คำ


“ต้องขอโทษด้วย แต่เราต้องรีบไปกันแล้ว” เท่าฟ้าบอกหลังจากวางสาย คนหิวโซอ้าปากค้าง มองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ “น้องครับ รบกวนเอาอาหารพวกนี้ใส่กล่องให้หน่อยนะครับ”


ชิโนรสกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง มองตามจานข้าวที่ถูกยกออกไปตามคำสั่งของคนจ่ายเงินด้วยความอาลัย “เราจะรีบไปไหนกันครับ ผมขอเวลาแค่ห้านาทีไม่ได้เหรอ ผมทานข้าวเร็วมากนะคุณ ไม่ทำคุณเสียเวลานักหรอก”


“แต่ผมไม่อยากให้เธอรอนาน”




ความจริงแล้วชิโนรสควรจะตระหนักได้ว่าตนไม่ได้มีความสำคัญกับเท่าฟ้ามากพอจะต่อรองอะไรด้วยทั้งนั้น และก็เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าคนที่ร่างสูงไม่อยากปล่อยให้รอนั้นมีความสำคัญมากกว่าเขาขนาดไหน


“รอนานไหมครับน้องพลอย”


“ไม่นานหรอกค่ะ ดีนะคะที่พี่ฟ้านัดบ่ายสอง ถ้านัดเร็วกว่านี้พลอยคงมาไม่ทันแน่” เจ้าของชื่อเป็นสาวสวยหุ่นเพรียวบางและสูงราวกับนางแบบ ยิ่งเมื่อใส่ส้นสูงเช่นวันนี้เจ้าหล่อนก็ยิ่งสูงกว่าชิโนรสไปอีกสองถึงสามเซนฯเห็นจะได้


ชิโนรสหันมองคนตัวสูงข้างกาย นอกจากจะนัดคนอื่นมาด้วยแล้วก็ยังตั้งใจนัดเวลานี้ด้วยราวกับว่าช่วงเวลาที่เสียไปตามรายทางนั้นคือตั้งใจให้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งนี้


“นี่คุณพลอย เจ้าของบ้านหลังนี้”


ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเจ้าของบ้านต่างหาก


“สวัสดีครับ” ชิโนรสไม่ได้ยกมือไหว้ เขาแค่ค้อมศีรษะน้อย ๆ เมื่อประเมินแล้วว่าน่าจะรุ่นเดียวกันหรือไม่เขาอาจจะแก่กว่าเธอด้วยซ้ำ


“ส่วนนี่คุณชิโนรสครับ ดีไซเนอร์ที่จะมาช่วยให้บ้านของน้องพลอยสวยสมใจ”


“ใช่บ้านของพลอยคนเดียวซะที่ไหนกันละคะ” เธอว่าพร้อมวาดมือไปเกาะแขนเท่าฟ้าด้วยท่าทีเขินอาย


อ่า...ไม่ใช่แค่เจ้าของบ้าน แต่เป็นเจ้าของคนข้าง ๆ เขาด้วย


และบางที...บ้านหลังนี้อาจจะเป็นเรือนหอตากอากาศของคนทั้งคู่ก็เป็นได้


“คุณชิโนรสมีชื่อเล่นไหมคะ พลอยขออนุญาตเรียกเพื่อความคล่องตัวในการคุยงานนะคะ”


“ผมชื่อชีนครับ”


เธอยิ้มรับ เป็นยิ้มหวานที่มองแล้วเพลินตาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเนื้อแท้ของเธอดีเหมือนรอยยิ้ม เขาคงสบายใจที่เท่าฟ้ามีเธออยู่เคียงข้าง


เหมาะสมกันดีแล้วจริง ๆ


“พลอยต้องขอโทษคุณชีนไว้ก่อนเลยนะคะที่ต้องให้เดินทางมาไกลแต่พลอยดันมีเวลาให้แค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงค่ะ”


“ไม่เป็นไรครับ” ...ไม่เป็นอะไรเลยจริง ๆ


เพื่อไม่เป็นการเสียเวลามาก หญิงสาวเจ้าของบ้านก็เริ่มเดินนำสองหนุ่มชมรอบบ้าน โครงเดิมเป็นบ้านไม้สีขาวดูสะอาดตาโปร่งโล่งรับลมทะเลได้ดีทีเดียว แต่สาวเจ้ากลับไม่ชอบใจนัก เธอเล่าว่าแพลนจะเปลี่ยนให้กลายเป็นตัวบ้านแบบทันสมัย จากชั้นเดียวแบบยกพื้นสูงก็กลายเป็นชั้นครึ่ง ชิโนรสฟังผ่าน ๆ หูตั้งแต่ที่ได้ยินเธอบอกว่าจะเปลี่ยนแบบบ้านแล้ว รู้สึกเสียเวลาที่มาในวันนี้เนื่องจากยังไม่สามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปทำงานได้มากสักเท่าไหร่ แค่แจ้งงานผ่านอีเมลว่าอยากได้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูทันสมัยเข้ากับบ้านพักตากอากาศริมทะเลพร้อมส่งแปลนบ้านและโมเดลมาก็น่าจะเพียงพอแล้ว


ความจริงก็น่าจะปล่อยให้เขาแวบไปทานข้าวเสียหน่อยคงมีประโยชน์มากกว่า


ชิโนรสยกกล้องที่หยิบติดตัวมาถ่ายมุมนั้นมุมนี้ของบ้านไปเรื่อย ที่ถ่ายเก็บไว้เพราะความชอบส่วนตัวล้วน ๆ ไม่ได้จะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานได้เลยสักนิด เดินดูไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากคนตัวสูง เมื่อหันไปมองด้านข้างก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ


“ขำอะไรครับ” ในตอนนั้นเองที่ชิโนรสรู้ตัวว่าคุณพลอยไม่ได้ยืนอยู่ในบริเวณนี้ด้วยกันแล้ว


“หน้าคุณตลกดี” เท่าฟ้าไม่ได้บอกเล่าเพียงอย่างเดียวแต่ยังหันจอของกล้องตัวเองมาให้ดูอีกด้วย


เขายังถ่ายรูปสวยเสมอ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะหน้าตัวเองที่อยู่ในรูปนั้นมันเกินคำว่าตลกไปมากโขแล้ว


“ถ่ายทำไมเนี่ยคุณ น่าเกลียด ลบเดี๋ยวนี้เลยนะครับ” คนในรูปลืมตัว เผลอยื่นมือไปหมายจะเยื้อแย่งโดยไม่ทันคิดว่าตนเป็นแค่ลูกจ้างไม่มีสิทธิ์จะแสดงพฤติกรรมแบบนั้นออกไป


“น่าเกลียดตรงไหน ออกจะน่ารัก” เจ้าของกล้องยังส่งเสียงขบขันไม่หยุด


“ตลกเท่ากับน่ารักที่ไหนละครับ ลบเถอะครับคุณเท่าฟ้า”


ดูเหมือนคนทั้งคู่ต่างก็ลืมสถานะของตัวเองไปเสียสนิท เห็นคนตัวเล็กพยายามเยื้อแย่งกล้องในมือคนตัวโตก็ยิ่งสนุก ใช้ความได้เปรียบของแขนยืดจนสุดแกล้งอีกเพิ่มจนอีกฝ่ายต้องเขย่งปลายเท้าเต็มกำลัง


“เล่นอะไรกันคะหนุ่ม ๆ” เสียงของหญิงสาวทำเอาคนทั้งคู่เสียหลัก คนตัวโตไม่มีปัญหาเพราะยืนเต็มเท้ามั่นคงพอ แต่กับคนที่ยืนบนปลายเท้าเพราะเขย่งสุดตัวเกือบล้มข้อเท้าพลิกถ้าไม่ได้อีกคนกอดร่างรั้งเอาไว้เพื่อเพิ่มจังหวะเท้าแตะพื้นได้นุ่มนวลขึ้น


ชิโนรสมองคนที่กอดตนไว้หน้าตื่น รีบเอ่ยขอบคุณแล้วดันตัวออกห่างทันทีก่อนถอยเว้นระยะเพิ่มไปอีกสามก้าวราวกับเพิ่งต้องของร้อน


“ว่ายังไงคะ พี่ฟ้าแกล้งอะไรคุณชีนรึเปล่า”


“แกล้งที่ไหนกันละครับ ไปเดินดูนอกบ้านกันหน่อยไหมน้องพลอย”


ชิโนรสหันหน้าหนีในตอนที่ชายหนุ่มโอบเอวเธอเพื่อเดินออกจากห้องโถงตรงนี้ไป ไม่เจอกันมานานตั้งสี่ปี ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังมีอิทธิพลต่อหัวใจตัวเองได้ขนาดนี้


ชิโนรสถ่ายรูปภายในตัวบ้านอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินตามสองหนุ่มสาวออกไป แดดทะเลตอนบ่ายแก่แบบนี้อาจจะทำให้หลายคนไม่ชอบเพราะมันทำร้ายผิวสวย ๆ จนเสียหมด แต่กับคนที่มีผิวขาวซีดอย่างชิโนรสกลับชอบเสียอีกที่มันทำให้เขามีผิวที่สีเข้มขึ้นบ้าง แม้จะได้แค่ไม่กี่วันก็ตาม


เป็นอีกครั้งที่ชิโนรสเห็นเท่าฟ้ายืนถ่ายรูปอยู่ตามลำพังโดยไร้เงาของสาวเจ้าของบ้าน เพียงแต่ในตอนนี้ร่างสูงไม่ได้ถ่ายตัวบ้าน แต่กำลังถ่ายวิวทะเลอย่างตั้งอกตั้งใจ


รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นมุมปากยามได้เห็นร่างสูงตรงหน้าจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ชอบ คนแอบมองรู้สึกสุขใจตามไปด้วยจนอดไม่ได้ที่จะยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพตรงหน้าเอาไว้


เท่าฟ้าเลื่อนตัวเองไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ตายังแนบวิวไฟน์เดอร์เพื่อมองทัศนียภาพผ่านเลนส์ ในจังหวะที่รองเท้าหนังแบรนด์ดังกำลังยกย่างไปทางซ้ายอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังจะเหยียบสิ่งของอันตรายเข้าให้



“พี่ฟ้า!! ระวัง!!”



เสียงร้องเตือนด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้นทำให้เจ้าของชื่อหยุดเคลื่อนไหวด้วยความแปลกใจ ซ้ายมือเป็นหญิงสาวเจ้าของบ้าน ขวามือเป็นลูกจ้างหนุ่มที่มาด้วยกัน


“ตรงนั้นมีเศษขวดแก้วเต็มเลยครับ คุณเท่าฟ้าถอยมาด้านนี้ดีกว่า”


เท่าฟ้าก้มลงดูที่เท้าก็พบว่าจริงตามที่ชิโนรสบอก ช่วงระหว่างที่บ้านนี้ไม่มีใครอยู่คงมีคนเอาเศษขวดเบียร์มาทิ้งไว้มากมาย ถ้าเขาเผลอเหยียบเข้าไปก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพื้นรองเท้าหนังราคาแพงจะช่วยป้องกันได้มากแค่ไหน


“ถ่ายเพลินอะไรกันขนาดนั้นคะพี่ฟ้า” พลอยเดินเข้ามาใกล้ เมื่อถึงตัวก็ก้มดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ


“ก็วิวสวยนี่ครับ”


“จะกดรัวอะไรขนาดนั้นละคะ พี่ฟ้านี่ไม่เคยระวังเลย ถ้าไม่มีพลอยคอยเตือนนะสงสารคุณป้าแย่เลย”


“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่เตือนพี่ไปตลอดนะครับ” เท่าฟ้าวางมือบนศีรษะของเธอแล้วโยกไปมาอย่างออดอ้อน


ไม่รู้เวรกรรมอะไรของชิโนรสที่ต้องมาทนยืนดูภาพคู่รักสวีทกัน แดดร้อน ๆ นี่ก็ชักจะไม่น่าพิสมัยเสียแล้ว ชักอยากจะหลบเข้าไปอยู่ในบ้านเต็มที คนหน้าอ่อนกว่าวัยมารู้สึกหมดเวรหมดกรรมก็ตอนที่สาวเจ้าบอกลาเพราะต้องรีบไปดูอีกหนึ่งโครงการที่จังหวัดใกล้เคียงกัน มารู้ตอนนั้นเองว่าเธอเป็นทายาทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่...ช่างบังเอิญเข้ากันได้ดีกับคนทำงานอินทีเรียเสียจริง


“มองอะไร” เท่าฟ้าถามคนที่เอาแต่จ้องหน้าตัวเองหลังจากพลอยขับรถออกไปแล้ว


“ผมทานข้าวได้รึยังครับ”


เท่าฟ้ายิ้มขำ ดูก็รู้ว่านัยน์ตาใสแจ๋วเหมือนเด็กน้อยนี่ต้องการคำตอบแบบบไหน “จะรออะไรอยู่ล่ะ”


ข้าวผัดที่ทั้งเย็นทั้งแข็งไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับคนหิวโซที่เดิมทีก็ไม่ได้ทานยากทานเย็นอะไรอยู่แล้วอย่างชิโนรส สองแก้มพองอูมเพราะเจ้าตัวเร่งยัดอาหารเข้าปากแต่เคี้ยวไม่ทัน


“ทานช้า ๆ อย่ามูมมาม” เสียงทุ้มเอ่ยดุ


ชิโนรสรีบเคี้ยวรีบกลืนก่อนเอ่ยขอโทษออกมาเมื่อข้าวหมดปากแล้ว


“คุณชีน”


“ครับ” เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับรับข้าวคำใหม่เข้าปาก ไม่ทันคิดว่าจะสำลักเพราะคำถามต่อมาจากคนตรงหน้า




“เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า”




เท่าฟ้าเชื่อว่าตนฟังไม่ผิด ในตอนที่ได้ยินเสียงเรียกตนเองว่า ‘พี่ฟ้า’ เมื่อครั้งกำลังจะเหยียบเศษแก้ว ไม่ได้มีแค่เสียงของหญิงสาวแน่!!











TBC.
-------------------------------------------------------------------
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 08-07-2018 20:30:35
ดูหน่วงๆนะ เอ พี่ฟ้าเหมือนจะจำได้แต่ก็จำไม่ได้  :katai1:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 08-07-2018 20:52:34
น่าติดตามมากค่ะ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 08-07-2018 21:51:47
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: oily06 ที่ 09-07-2018 00:08:41
พี่ฟ้าเหมือนจะจำชีนได้นะ โกรธอะไรน้องรึเปล่า?
เนื้อเรื่องหน่วงๆอ่านแล้วแน่นหน้าอกแปลกๆ
เราทั้งชอบและไม่ชอบนิสัยชีน เราชอบให้นายเอกปกป้องความรู้สึกตัวเองแบบนี้นะ แต่ก็ไม่ชอบที่ยังเก็บความเจ็บปวดไว้กับตัวเองมากเกินไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพระเอกขี้ประชดแบบพี่ฟ้าเนี้ย ขอให้ตอนหลังมาเจ็บหนักๆหน่อยเถอะค่ะ มีอะไรไม่พูดกันดีๆ เห้ออ
รอติดตามนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 09-07-2018 00:10:23
โอ้ยติดตามทำไมเลิกกันคะ​ ความจำเสื่อมแล้วโดนกีดกั้นรึป่าวน้องชีนเลยต้องถอยออกมา​พี่ฟ้าแอ๊บลืมแน่เลย
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 09-07-2018 19:18:52
 :ling1: หน่วงๆ แต่ชอบ ฮ่าๆๆๆ
ชอบความแฟนเก่า รักเก่า  ฮืออออ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-07-2018 18:35:04
สงสารชีน ทำไมถึงเลิกกับพี่ฟ้าล่ะ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 2 [08/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 10-07-2018 19:26:14
ตกลงพี่ฟ้าจำได้จำไม่ได้กันแน่อะ หน่วงๆ อยากรู้ว่าเลิกกันเพราะอะไร
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 31-07-2018 11:47:38
คนไม่มี ‘สิทธิ’

ตอนที่ 3







‘พี่เท่าฟ้า พี่เท่าฟ้า พี่เท่าฟ้า’
‘นี่พี่ล้อเลียนผมเหรอ’
‘ก็เรียกชื่อจริงอยู่นั่น ไหนลองเรียกว่าพี่ฟ้าซิ’
‘พี่ฟ้าซิ’
‘กวนตีนเหรอเรา’
‘ฮ่า ๆ ๆ ก็พี่ล้อผมก่อนนี่’
‘เอาคืนเหรอ เดี๋ยวจะโดนดี’
‘กลัวแล้วคร้าบบบบ กลัวแล้ว’
‘ถ้ากลัวก็รีบเรียกว่าพี่ฟ้าซะไอ้น้อง’
‘...พี่ฟ้า’
‘อ่า...ชื่นใจ’











เกือบห้าโมงเย็นแล้วแต่ฮิโรชิก็ยังไม่เห็นน้องชายคนสนิทกลับมา เขามานั่งรออยู่ตั้งแต่บ่ายสาม เดี๋ยวนั่งเดี๋ยวลุกอยู่ตรงโต๊ะทำงานของชิโนรสด้วยความร้อนรนจนเพื่อนร่วมแผนกของคนน้องไม่เป็นอันทำงาน แต่ก็ไม่มีใครกล้าต่อว่า นอกจากปอที่แทบจะด่ากราดแบบไม่ไว้หน้า


“ผมจะพูดอีกเป็นครั้งที่ร้อยนะคุณพระเอกดัง ถ้ายังไม่นั่งนิ่ง ๆ ก็ลงไปรอที่ร้านกาแฟ”


“ขอโทษครับ แต่ถ้าชีนมาถึงแล้วผมจะไม่รู้”


“ผมจะบอกให้มันลงไปหาทันทีเลย” แม้ปอจะไม่เข้าใจว่าพ่อพระเอกดังจะร้อนรนอะไรหนักหนากับแค่เจ้าชีนมันออกไปดูงานนอกสถานที่กับลูกค้าแล้วลืมโทรศัพท์เอาไว้ แต่เขาก็รับปากด้วยความจริงใจเพราะหวังอยากได้รับความสงบคืนมา


“ขอโทษจริง ๆ ที่ต้องอยู่รบกวนคุณตรงนี้ ผมจะนั่งให้นิ่งกว่าเดิมแล้วกันครับ” ไม่มีทางลงไปรอข้างล่างเด็ดขาด เขาต้องได้เจอชิโนรสโดยเร็วที่สุด ไม่อยากรอให้น้องลงไปหา แบบนั้นไม่ดีแน่


“ในเวลาก็ทำงานไม่ได้ โอทีก็ยังไม่ได้ทำงานแบบสบายใจอีก เอาเข้าไป!” ปอบ่นกับลูกน้องเสียงไม่เบานัก ตั้งใจจะให้แขกไม่ได้รับเชิญได้ยินด้วย


ฮิโรชิเอ่ยขอโทษอีกครั้งก่อนบังคับตัวเองให้นั่งนิ่ง ๆ แต่ยังคงหันหน้าจดจ่ออยู่ตรงประตูด้วยหวังจะเห็นน้องรักเดินเข้ามาเสียที


เข็มยาวของนาฬิกาหมุนวนอยู่เกือบสองรอบ ร่างบางของคนที่รอคอยจึงปรากฏขึ้นในกรอบสายตา


“ชีน!!”


เก้าอี้หมุนแทบกระแทกโดนปอเมื่อคนข้าง ๆ ลุกพรวดพร้อมระดับเสียงที่ใกล้เคียงกับคำว่าตะโกน


“พี่ชิ!” จะไม่ตกใจสักนิดถ้าเจอกันในวันอื่น ไม่ใช่วันที่ ‘ลูกค้า’ รายใหม่เดินตามหลังเข้ามาด้วย นึกโทษตัวเองอยู่ในใจว่าลืมไปได้อย่างไรว่าวันนี้ฮิโรชิจะมารับกลับบ้าน


แต่ดูเหมือนจะคิดช้าเกินไปจริง ๆ เพราะสีหน้าของพี่ชายคนสนิทบ่งบอกได้ดีว่ากำลังเผชิญหน้ากับเขาคนนั้นแล้ว


“เอ่อ คุณเท่าฟ้าจะหาบอสใช่ครับ ตอนนี้น่าจะรออยู่ในห้องแล้ว” ก่อนมาถึงนี่เท่าฟ้าโทรมาบอกเจ้านายเขาไว้แล้วว่าจะเข้ามาปรึกษางานด้วย ซึ่งแม้จะมาถึงในช่วงพลบค่ำแล้วก็ไม่เป็นปัญหาเพราะวันนี้มีโอที


เท่าฟ้าไม่ได้เก็บคำพูดของคนตัวเล็กมาใส่ใจ เพราะมัวแต่มองร่างสูงของคนที่ยืนซ้อนหลังอีกฝ่ายอยู่มากกว่า รอยยิ้มมุมปากยกขึ้นอย่างมีเลศนัย “ผมรู้จักคุณ”


คนถูกทักจ้องตาโต ทั้งมึนงงและสับสนกับคำทักทาย


“เขาเป็นดารา...ใช่ไหมครับ” ท้ายเสียงเท่าฟ้าเลื่อนสายตามามองสบคนตัวเล็กพร้อมรอยยิ้มที่คาดเดาอะไรไม่ได้


“แม่ผมชอบคุณมาก”


คนถูกชมอดไม่ได้ที่จะแค่นหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินอย่างนั้น “แม่คุณน่ะเหรอชอบผม”


“ครับ...ผมรู้จักคุณน่ะไม่แปลก แต่คุณมองผมเหมือนคุณเองก็รู้จักผมเหมือนกัน...หมายความว่ายังไงเหรอครับ”


นานหลายอึดใจที่ทั้งสองเอาแต่จ้องตากันโดยไม่รับรู้ถึงความร้อนใจของคนกลางอย่างชิโนรส อยากจะชิงตอบออกไปเสียเองว่าไม่รู้จักเพราะกลัวว่าคนพี่จะพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกไป ในจังหวะนั้นเองที่แขนเล็กถูกคว้าไว้โดยคนข้างหลังคล้ายต้องการเบรกก่อนจะให้คำตอบแก่คนถาม “ผมแค่รู้สึกไม่ชอบใจที่เห็นคุณเดินมากับเขา”


นัยน์ตาคมเหลือบมองมือหนาที่จับแขนของลูกจ้างตัวขาวของตนแล้วประเมินระดับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ “ไม่ชอบใจ?...ในฐานะอะไรเหรอครับ”


“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”


“อ้อ คุณเป็นดาราดังนี่ คงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกคุณสินะครับ ขอโทษที” ไม่เพียงแต่บอกพระเอกดัง แต่คำขอโทษยังถูกส่งถึงคนตัวเล็กด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความจริงใจในคำพูดอีกด้วย


“ผมไม่คิดจะปิดบัง ถ้านักข่าวถามผมก็จะตอบ แต่ถ้าไม่มีใครถาม ผมก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศไม่ใช่เหรอครับ”


“อ้าวเจ้าชีน กลับมาแล้วเหรอวะ” ชิโนรสอยากจะขอบคุณเจ้านายที่เคารพรักเสียเหลือเกินที่เข้ามาในจังหวะที่ตนเหมือนเป็นใบ้ได้ทันท่วงที ขืนให้ยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่สามารถพูดแทรกอะไรได้มีหวังความลับต้องแตกในเร็ว ๆ นี้แน่ “พาลูกน้องผมไปตั้งแต่เช้ายันค่ำเชียวนะครับคุณเท่าฟ้า”


เท่าฟ้ายิ้มให้ศุภกิจแต่เผื่อแผ่ไปยังคนถูกพาดพิงด้วย “ลูกน้องคุณศุภกิจเลี้ยงง่ายดีนะครับ แค่ให้ทานข้าวก็ยอมหมดทุกอย่างเลย”


คำตอบที่คนถูกพาดพิงรู้สึกเกินจริงไปเสียหน่อยแต่กลับทำเอาศุภกิจหัวเราะร่วน “นั่นแหละครับเจ้าชีน เรื่องกินเรื่องใหญ่”


“ผมว่าบอสพาคุณเท่าฟ้าไปคุยต่อในห้องดีกว่านะครับ และผมคงต้องขอลากลับก่อนเลย สวัสดีครับ” ไม่ทันได้ว่าอะไร ลูกน้องตัวดีก็จับจูงคนของตัวเองออกไปเร็วไว แต่ยังไม่น่าฉงนเท่าสีหน้าของลูกค้าหนุ่มที่หน้านิ่วคิ้วขมวดผิดกับเมื่อสองสามนาทีก่อนที่ยังยิ้มแย้ม









ในห้องโดยสารรถหรูเต็มไปด้วยความอึดอัด ชิโนรสรู้ตัวว่ากำลังถูกฮิโรชิจ้องหน้า และเขาก็รู้ดีว่านี่คือการรอคอยให้เขาเปิดปากเล่าเรื่องทั้งหมดโดยเร็วที่สุด


“เขาเป็นแค่ลูกค้าของบริษัทครับ และ...ชีนต้องทำงานร่วมกับเขา”


“ไปถอนตัวซะ”


“ไม่ได้หรอกครับ เขาระบุว่าต้องเป็นผม เราแค่ร่วมงานกัน เขาจำชีนไม่ได้ด้วยซ้ำ”


“เหอะ! ตลกแล้วชีน จำไม่ได้แต่ระบุตัวว่าต้องเป็นชีนเท่านั้นน่ะเหรอ”


“เขาแค่ชอบผลงานของผม”


“ชีน หมอนั่นจำทุกอย่างได้หมด ไม่มีทางที่เขาจะลืมแค่ชีนกับคนรอบข้างชีนหรอกนะ”


“ชีนอาจจะเป็นความทรงจำเลวร้ายในชีวิตของเขาก็ได้ครับ เขาก็เลยลืมไปหมด ถ้าจำกันได้ เขาจะรอถึงสี่ปีแล้วค่อยมาปรากฏตัวเหรอครับ...เขาก็คงจะลืมผมจริง ๆ นั่นแหละ” ประโยคหลังที่แม้จะแผ่วเบาคล้ายปลอบใจตัวเองแต่ทว่าดังมากพอจะสร้างความเจ็บปวดให้คนฟัง


“ไปถอนตัวซะ” ฮิโรชิยังยืนยันคำเดิม


“ผมไม่อยากทำอย่างนั้นให้บอสเสียงาน คนอื่นจะสงสัยเอาได้ มันไม่มีเหตุผลมากพอที่ผมจะไปอ้างกับบอสหรอกนะครับ”


“ไม่มีทางที่แม่ลินดาจะยอม”


“อย่าให้แม่รู้นะครับ” น้องกอดแขนเขาอย่างอ้อนวอน “นะครับพี่ชิ งานนี้ไม่นานหรอกครับ ฝ่ายนั้นเองก็เร่งวันเร่งคืนอยู่เหมือนกัน นะครับพี่ชิ ชีนขอ”


“...”


“พี่ชิก็รู้ว่าชีนไม่มีทางกลับไปรักเขาอีกแล้ว”


พระเอกหนุ่มหันมองหน้าน้อง ความปวดร้าวทั้งหมดถูกปิดซ่อนด้วยแววตาของความห่วงใยด้วยศาสตร์การแสดงที่ร่ำเรียนมา


“ไม่เจ็บรึไงที่อยู่ใกล้เขา”


คนเป็นน้องส่ายหน้ายิ้มบาง ทั้งขมขื่นและฝืดฝืนในความรู้สึกคนมอง “ผมเจ็บแล้วจำครับ”


ฮิโรชิถอนหายใจ จนปัญญาจะห้ามเด็กดื้อที่เอาชนะเขามาได้ตลอดตั้งแต่เด็กจนโต


รถสปอร์ทสีแดงเพลิงพุ่งทะยานออกสู่ถนนใหญ่พร้อมใจสองดวงที่กำลังสั่นไหว


ชิโนรสหลับตา ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เพิ่งคุยกับเท่าฟ้ามาก็ยิ่งไม่สบายใจ




‘เราเคยรู้จักกันมาก่อนรึเปล่า’

ทั้งที่หิวจนไส้แทบขาดและเพิ่งทานไปได้แค่ไม่กี่คำแต่ชิโรนสก็เริ่มรู้สึกว่าข้าวผัดหมูชักจะไม่อร่อยเสียแล้ว

‘ไม่เคยครับ’

เท่าฟ้าขมวดคิ้ว ‘แต่คุณเรียกผมว่าพี่ฟ้า’

‘ตอนไหน?!’

ร่างสูงหรี่ตามองอย่างจ้องจับผิด ยิ่งคนตัวเล็กหน้าตาตื่นก็ยิ่งน่าสงสัย ‘ตอนที่คุณบอกให้ผมระวัง’

‘ผมไม่ได้พูด’ คนถูกกล่าวหาท้วงทันควัน ‘ผมแค่บอกให้คุณถอยออกจากตรงนั้น’

‘...’

‘คุณพลอยต่างหากที่เตือนให้คุณระวัง’

‘...’

‘จริง ๆ นะ’

‘คุณชีน’

‘ผมไม่ได้เตือนคุณเลยสักนิด’

‘ใจเย็น ๆ สิ’ เท่าฟ้าจ้องนัยน์ตาใสที่ตื่นตระหนกตลอดที่อธิบายจนเริ่มสงบลง ‘ผมไม่ได้บอกซักหน่อยว่าคุณโกหก’

‘ล...แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าได้ยินเสียงผมล่ะ’

‘ก็ผมคิดว่าได้ยินจริง ๆ นี่...แล้วทำไมคุณต้องลนลานขนาดนั้นด้วย’

‘ก็...ก็ผมกลัวคุณเท่าฟ้าเข้าใจผิดแล้วหาว่าผมปีนเกลียวไงครับ’

‘ผมไม่ใช่คนใจแคบเจ้ายศเจ้าอย่างหรอกครับ’

‘ครับ’ คนตัวขาวพึมพำรับแล้วก้มหน้าก้มตาหมายจะใช้การรับประทานอาหารเป็นการหลบสายตา

‘ผมแค่คิดว่าบางทีเราอาจจะรู้จักกันมาก่อนจริง ๆ’

‘อะแค่ก อะแค่ก’


ข้าวติดคอจนได้ ชิโนรสโก่งคอไอ พ่นข้าวบางส่วนทิ้งลงพื้นหญ้า รู้สึกโชคดีที่เมื่อครู่ตักคำเล็กเพราะแค่อยากหลบสายตาเท่านั้น

‘น้ำครับ’

ชิโนรสผงกศีรษะน้อย ๆ แทนคำขอบคุณ รีบรับขวดน้ำมาดื่มโดยมีคนที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ลูบหลังให้...อย่างอ่อนโยน

ชิโนรสเจ็บใจตัวเองที่ยังเผลอคิดว่าการกระทำนั้นช่างอ่อนโยนไม่ต่างจาก ‘พี่ฟ้าของเขา’ เลยสักนิด ทั้งที่ความจริงแล้วนี่คือ ‘พี่ฟ้าของคุณพลอย’ ต่างหาก

เมื่ออาการดีขึ้นคนตัวขาวก็อยากจะเบี่ยงเบนความสนใจของอีกฝ่ายด้วยการชวนขึ้นรถเพื่อรีบกลับกรุงเทพฯ แต่เขาก็ยังช้ากว่าเท่าฟ้าอยู่อีกหนึ่งก้าว

‘ผมเคยความจำเสื่อม’

ชิโนรสจ้องหน้าคนพูดนิ่ง ถ้าอยากจะพูดถึงนักเขาก็จะไม่เลี่ยงอีกแล้วก็ได้ ‘คุณเคยบอกผมแล้ว และนั่นหมายความว่าตอนนี้คุณจำได้หมดแล้ว...ทำไมถึงคิดว่า...ร...เราอาจจะรู้จักกันละครับ’

‘ผมรู้สึกว่าตัวเองยังจำได้ไม่หมด มีบางคนที่ยังถูกขังอยู่ในความทรงจำครั้งเก่า’

คนถูกขังมันเจ็บปวดอย่างนี้เองหรือ

‘คุณเท่าฟ้ารู้จัก theory of natural selection ไหมครับ ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติอ่ะ มันอาจจะไม่ตรงนักนะครับ แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณก็คือกลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติเหมือนกัน ธรรมชาติคัดให้คุณแล้วว่าใครควรจะยังอยู่ในชีวิตของคุณต่อไป’

‘...’

‘อย่าพยายามตามหาพวกเขาที่ถูกขังอยู่ในความทรงจำของคุณเลยครับ...มันไม่มีประโยชน์หรอก’

‘...’

‘...’

‘อย่างนั้นเหรอ เราไม่ควรกลับไปจำกันได้สินะ’






เราไม่ควรจำกันได้…



“ถึงบ้านแล้วชีน”


เสียงทุ้มนุ่มดังปลุกอยู่ข้างหู ชิโนรสครางอือในลำคอ กระพริบตาปริบ ๆ สองถึงสามทีก่อนลืมตาขึ้นมองความมืดมิดนอกรถ สะบัดศีรษะไล่ความง่วงงุนเพื่อรับรู้ว่าตนเผลอหลับไปนานแค่ไหน ความเป็นจริงอยู่ตรงหน้าแต่กลับภาวนาให้สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นเพียงแค่ฝันไปเมื่อครู่เท่านั้น ทว่าสีหน้าหนักใจจากเรื่องที่คุยกันก่อนหน้านี้ของฮิโรชิไม่ได้บอกเขาแบบนั้น


เขาได้เจอเท่าฟ้าแล้วจริง ๆ


“รีบลงไปกันเถอะ” ฮิโรชิยื่นมือไปเช็ดหน้าเช็ดตาคนน้องด้วยสีหน้าอมทุกข์อย่างปิดไม่มิด “คุณแม่ลินดารอทานข้าวนานแล้ว”


“อย่าลืมเรื่องที่ชีนขอนะพี่ชิ” ชิโนรสจับมือหนาไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าของมันจะชิงออกจากรถไปก่อน รอจนกระทั่งได้ยินคำตอบรับกลับมาจึงยอมปล่อยมือแม้จะเป็นเพียงแค่เสียงครางอือกับการพยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น แต่เขาก็จะถือว่าคนพี่ได้ให้คำมั่นสัญญาแล้ว


ชิโนรสปรับสีหน้าแล้วยิ้มกว้างเมื่อเห็นคุณแม่บุญธรรมออกมายืนรอรับอยู่ที่ประตูบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังดูออกว่าเด็กในปกครองเหนื่อยมากแค่ไหน “วันนี้เหนื่อยมากเลยเหรอเรา หื้ม”


คนเป็นลูกรุดเข้าไปสวมกอดอย่างออดอ้อน เมื่อไม่ต้องมองสบกันแล้วก็ไม่จำเป็นจะต้องปกปิดความเหนื่อยล้าและความกังวลใด ๆ บนใบหน้าอีกแล้ว


“ลูกค้าเขาพาเราไปถึงไหนล่ะวันนี้”


ชิโนรสมองสบฮิโรชิที่มองมาอย่างต้องการคำตอบเช่นเดียวกัน “สัตหีบครับ”


“เพิ่งกลับมาถึงด้วยเลยสิท่า ไปล้างหน้าหน่อยไปจะได้มาทานข้าวกัน”


“ครับ” ชิโนรสหอมแก้มเธอก่อนผละออกไป แต่ไม่ทันไรก็ต้องชะงักแล้วหันกลับมามองอีกสองคนเพราะคำถามต่อมาของเธอ “ชิเป็นอะไรรึเปล่าลูก วันนี้หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายใจอะไรรึเปล่า”


ชิโนรสกลืนน้ำลายด้วยความลุ้นระทึก


“ไม่มีอะไรครับ แค่รถติดมากผมเลยเหนื่อยนิดหน่อย” ต่อเมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น ชิโนรสถึงได้ยอมเดินออกจากตรงนั้นพร้อมคนพี่ที่โดนลินดาไล่ไปล้างหน้าด้วยกัน


คืนนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารยังเต็มไปด้วยความสุขและความสนุกเช่นทุกครั้ง ลินดาจับสังเกตไม่ได้ว่าลูกชายบุญธรรมของเธอและพี่ชายคนสนิทของเขามีเรื่องไม่สบายใจอะไรปกปิดเธออยู่ รอยยิ้มของลูกชายที่แม้ไม่สดใสเท่าเดิมด้วยอาจเป็นเพราะความเหนื่อยและเพลียแดดทะเล ส่วนคนพี่ นอกจากทำงานหนักมาเจอรถติดแล้วก็คงอาจจะครุ่นคิดถึงบทละครเรื่องใหม่อยู่ก็เป็นได้


เพราะสี่ปีมานี้ครอบครัวของเธอสงบสุขมากอย่างที่ไม่มีเรื่องมากวนใจได้เลยแม้แต่นิดเดียว


ไม่ทันคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเคยคิดว่าคือ ‘มหันตภัย’ กำลังจะกลับมาเยือนลูกชายของเธออีกครั้ง







(มีต่อนะคะ)
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 31-07-2018 11:48:24


ชิโนรสไม่รู้ว่าเมื่อวานเท่าฟ้าคุยอะไรกับเจ้านายตนบ้าง แต่สาเหตุของการที่ตนถูกยกเลิกงานทั้งหมดในมือต้องเป็นผลมาจากผู้ชายคนนั้นไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน


“ผมว่าผมยังทำงานอื่น ๆ ควบคู่ไปกันได้นะครับบอส”


“กูเข้าใจ แต่ทางโน้นเขาขอมา เขาอยากให้มึงฟูลไทม์ให้กับงานเขา ง่าย ๆ เลยคือช่วงเดือนสองเดือนนี้คนที่มึงต้องอยู่ด้วยมากที่สุดคือเขาไม่ใช่กูหรือไอ้ปอ” ศุภกิจเอนหลังพิงพนักอธิบายด้วยท่าทีผ่อนคลาย


“แล้วงานคุณนพละครับ เรารับปากเขาแล้วนะครับว่าผมจะเป็นคนทำให้” ยกงานคนอื่นมาเถียงก็คงไม่มีประโยชน์เพราะโปรเจคส่วนใหญ่ยังไม่มีกำหนดเริ่มเร็ว ๆ นี้ แต่กับลูกค้ารายนี้ที่ทำสัญญากันไปแล้วว่าเขาจะเป็นคนรับผิดชอบให้ตามที่ลูกค้าต้องการ ดูน่าจะพอต่อรองกับเจ้านายได้อยู่บ้าง


“ไม่ต้องห่วง งานนี้คุยง่าย กูบอกเขาไปแล้วว่าจะให้อินเทิร์นทำงานภายใต้การดูแลของมึงแทน”


คนเป็นลูกน้องถอนหายใจ “คุณเท่าฟ้าเขาจ่ายหนักสินะ”


ศุภกิจไหวไหล่ “ก็มากพอให้กูบากหน้าไปขอโทษลูกค้าคนอื่นอ่ะ”


ได้ยินอย่างนั้นชิโนรสก็ยิ่งไม่พอใจเท่าฟ้า มีสิทธิอะไรมาใช้อำนาจกันแบบนี้ “บอสรู้รึเปล่าว่าโปรเจคของเขามันไม่มีทางเริ่มเร็ว ๆ นี้ได้ บ้านที่เขาจะตกแต่งยังไม่ได้เริ่มรีโนเวทเลยด้วยซ้ำไป”


“รู้สิ แต่คงเพราะเขาจริงจังกับบ้านหลังนี้มาก เขาเลยขอตัวมึงแบบฟูลไทม์เพื่อไปหาแรงบันดาลใจในการออกแบบด้วยกันไง”


“ห๊ะ!! บ้าไปแล้ว บอสยอมได้ไงอ่ะ”


“จะไม่ให้ยอมได้ไงวะ” ถึงจะไม่เข้าใจตรรกะลูกค้าคนนี้สักเท่าไหร่แต่สีหน้าจริงจังและเงินหนาที่พร้อมจ่ายก็ทำให้ศุภกิจลืมข้อกังขาไปได้เลย “เอาหน่า งานนี้มึงก็ได้เยอะอยู่นะ ไหนจะเงินเดือน ไหนจะเปอร์เซ็นต์ที่ได้”


“บอส ผมเป็นดีไซน์เนอร์นะไม่ใช่...เพื่อนเที่ยว หรืออะไรทำนองนั้นอ่ะ ทำไมผมต้องอยู่กับเขาตลอดเวลา”


“เห้ย! ไม่ใช่!” ศุภกิจเด้งตัวจากพนักด้วยความตกใจ “พูดอะไรน่าเกลียดอย่างนั้นวะ ไม่ได้อยู่ด้วยตลอดเวลา แค่ให้มึงสแตนบายไว้เผื่อเขาเรียก แล้วที่บอกว่าออกไปหาแรงบันดาลใจด้วยกันเพราะอยากให้ไอเดียไปในแนวทางเดียวกันมากกว่านะ”


“พิลึก”


“เถอะหน่า ท่องไว้ว่าเงิน เงิน เงิน”


ชิโนรสไม่อยากโกรธที่เจ้านายจะเห็นแก่เงินมากกว่าอะไรที่ไม่ชอบมาพากล บริษัทนี้ไม่ได้ใหญ่โตมีเบี้ยเลี้ยงอะไรมากมาย นาน ๆ ทีจะมีเงินก้อนใหญ่ตกลงมาให้สรุปผลสิ้นปีออกมาเป็นกำไรบ้างศุภกิจก็ควรจะทำ ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะงอแงดูอีกสักครั้ง “ถ้าผมบอกว่าไม่อยากทำงานนี้แล้ว จ…”


“หมดเวลาขอถอนตัวแล้ว มึงเคยบอกเองว่าไม่มีปัญหา เอาหน่า กลัวอะไรวะ เขาไม่หลอกมึงไปฆ่าหรอก กูก็ไม่ได้ทิ้งมึงให้เขาซะทีเดียว ไม่เชื่อใจบอสของมึงแล้วเหรอ”


...เชื่อได้จริงเหรอว่าเขาจะไม่หลอกไปฆ่า


“วันนี้ก็เคลียร์งานเตรียมส่งต่อให้คนอื่นทำให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เริ่มฟรีไทม์ สแตนบายรอคุณเท่าฟ้าไว้ได้เลย”


“ครับ” ชิโนรสรับคำเนือย ๆ ก่อนเดินคอตกออกจากห้องมา


เพราะยังไม่อยากตอบคำถามใคร ชิโนรสจึงเดินเลี้ยวไปห้องครัวก่อน ยืนถอนหายใจอยู่สองสามทีแล้วค่อยชงกาแฟสำหรับตัวเองหนึ่งแก้วให้สมกับที่ใช้เป็นข้ออ้างในการหลบหน้าคนอื่น


ทว่าแทบไม่ต่างไปจากที่คิดนัก ทุกคนในทีมนำโดยปอต่างก็มองมาที่เขากันเป็นตาเดียว ชิโนรสเดาจากสายตาเป็นห่วงของปอแล้วเข้าใจเอาว่าทุกคนน่าจะรู้เรื่องกันหมดแล้ว ไม่แน่ว่าคนที่ต้องรับงานต่อจากเขาอาจจะรู้เรื่องนี้ก่อนเขาเสียด้วยซ้ำไป


“มึงจะทำต่อไหมวะ” ปอถามเมื่อหนุ่มรุ่นน้องนั่งประจำที่แล้ว


“ทำดิพี่ เงินหนาขนาดนั้น” ชิโนรสว่าติดตลก ท้ายประโยคติดเสียงหัวเราะแผ่วให้คนฟังรู้ว่าเขาเองก็ไม่เต็มใจนัก อย่างน้อยก็ไม่ได้อยากทิ้งบางงานให้คนอื่นดูแลต่อ


“มึงไม่รู้สึกว่าเขาแปลก ๆ เหรอวะ ไอ้คุณเท่าฟ้าอะไรนั่นอ่ะ”


“แปลกยังไงพี่” ชิโนรสไม่ต้องถามเอง พวกลูกขุนทั้งหลายรอบข้างก็ชิงถามขึ้นก่อน


“เสือกกันเก่งงงง” คำด่าของปอไม่ได้ทำให้ทุกคนสลด ตรงกันข้าม ทุกคนยังเกาะติดสถานการณ์อย่างเหนียวแน่นเหมือนเดิม “ก็เมื่อวานตอนที่มึงออกไปกับพี่พระเอกของมึง เขาดูแปลก ๆ ตอนมึงอยู่กับเขามึงไม่รู้สึกเลยเหรอ”


“แปลกยังไงพี่ปอ” คราวนี้ชิโนรสถามขึ้นเองด้วยความร้อนรน


“ไม่รู้โว้ย กูไม่เห็นสายตาเขา แค่สัมผัสได้ว่าเป็นผู้ชายอันตราย มึงทำงานกับเขาก็ระวังด้วยแล้วกัน”


“เหยด พี่ปอญาณทิพย์ก็มาว่ะ”


ปอยิ้มเย็น “กูเพิ่งสัมผัสได้อีกอย่าง”


“อะไรพี่” ทุกคนกรูกันเข้าไปหาปอด้วยความอยากรู้ ขณะที่ชิโนรสจมอยู่กับความคิดตัวเองตามลำพัง ไม่ได้รับรู้ว่าสิ่งที่ปอสัมผัสได้คืออะไร และไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บของเพื่อนร่วมงานที่ถูกปอตบหัวคนละฉาดหลังจากนั้นด้วย


เท่าฟ้าเป็นผู้ชายอันตราย


ถ้าเป็นจริงอย่างที่ปอว่า ชิโนรสก็ขอแค่อีกฝ่ายไม่ทรมานเขาไปมากกว่านี้ก็พอ หากจะฆ่าแกงกันจริง ๆ ก็ขอเพียงให้ลงมือครั้งเดียวปลิดลมหายใจของเขาเสียเลย ไม่ใช่ค่อย ๆ เฉือนให้ตายทั้งเป็นอย่างที่ประสบในครั้งนั้น







เวลาเพียงหนึ่งวันไม่มากพอให้ชิโนรสเตรียมใจสำหรับการเผชิญหน้ากับเท่าฟ้าตลอดทั้งวัน


...ไม่ทันคิดเลยด้วยซ้ำว่าการสแตนบายที่บอสว่าคือต้องออกไปข้างนอกกับเขาตั้งแต่เช้า!


“คุณคิดไว้รึยังว่าจะออกแบบยังไง” เท่าฟ้าเปิดประเด็นหลังจากชิโนรสขึ้นรถมาด้วยได้สิบนาทีแล้วแต่ยังเงียบเป็นเป่าสาก


“ยังไม่มีไอเดียครับ” ชิโนรสสารภาพตามความจริง เมื่อวานเพิ่งจะได้แปลนบ้านกับโมเดลสามมิติมา แล้วตัวเองยังต้องสะสางงานเก่าที่คั่งค้างอีก ใครจะมีเวลาไปคิดงานใหม่ได้ทันกันเล่า


“ดี วันนี้ผมจะพาคุณไปหาไอเดีย”


“หวังว่าคงไม่ไปอีเกียนะครับ”


เท่าฟ้าหลุดขำอย่างเป็นธรรมชาติจนชิโนรสอดไม่ได้ที่จะคิดว่าถ้าหากตอนนี้เป็นอย่างตอนนั้น เขาคงหลุดขำตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย “หาไอเดียออกแบบทั้งที ใครเขาไปอีเกียกันล่ะคุณ”


ชิโนรสโคลงศีรษะไม่ต่อความด้วย แม้จะยังสงสัยว่าอีกฝ่ายจะพาตนไปที่ไหนก็ตาม



ซึ่งในยี่สิบนาทีหลังจากนั้นเขาก็พบว่ารถคันหรูมาจอดอยู่หน้าร้านข้าวต้มกุ๊ย


ชิโนรสอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกจนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของอีกฝ่ายถึงได้หันไปถามหาคำตอบทางสายตา


“เก้าโมงนิด ๆ คงไม่สายไปสำหรับอาหารเช้า คุณว่าไหม” ว่าจบเจ้าตัวก็ชิงออกจากรถไปก่อนโดยเร็ว


“คุณเท่าฟ้า เดี๋ยวก่อนคุณ!”


ฮึ่ย !! ทำแบบนี้มันจงใจก่อกวนกันชัด ๆ


“คุณเท่าฟ้า นี่คุณยังไม่ทานอาหารเช้ามาอีกแล้วเหรอ” พอเดินตามเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามได้ก็พ่นคำถามใส่ด้วยความหงุดหงิดทันที


“ใช่ คุณเอาด้วยไหม ร้านนี้อร่อยนะ หรืออยากได้แบบถ้วยเดียวจบอย่างโจ๊กหมูหรือข้าวต้มกุ้ง ข้าวต้มปลาก็ได้นะ”


“คุณเท่าฟ้า!”


“เสียงดังทำไมล่ะคุณ”


“ผมว่าครั้งหน้าคุณควรจัดการธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อนแล้วเราค่อยเจอกันดีไหมครับ นัดกันข้างนอกเลยก็ได้ คุณไม่ต้องเข้าไปรับผมที่บริษัทหรอก ผมมีรถ” ชิโนรสระบายออกมาตามอารมณ์โดยลืมสนใจสถานะลูกจ้างไปชั่วคราว


“คุณขับรถในกรุงเทพฯคล่องหรือ”


“คล่อง...” เสียงของคนเด็กกว่าขาดหายเมื่อเจ้าตัวเพิ่งตระหนักได้ถึงสิ่งที่ได้ยิน


‘พี่ฟ้าขับรถเก่งจัง ซอกแซกได้หมด เป็นผมนะหลงแน่ ๆ’
‘ชีนขับรถไม่คล่องเหรอ’
‘ถนนในกรุงเทพฯมันซับซ้อนนะครับ’
‘นั่งไปกับพี่บ่อย ๆ เดี๋ยวก็คล่อง’



“คุณเท่าฟ้า...”


“ทำไมถึงยังเรียกว่าคุณเท่าฟ้า”


คนถูกเปลี่ยนเรื่องกะทันหันตีหน้ามึน “ก็...ก็คุณชื่อเท่าฟ้านี่ครับ”


เจ้าของชื่อขมวดคิ้ว นี่เขาโดนอีกฝ่ายยียวนอยู่หรือ “เรียกว่าคุณฟ้าก็พอ...หรือจะเรียกว่าพี่ฟ้าก็ได้”


“ผมไม่เคยให้ความสนิทสนมระดับนั้นกับลูกค้าครับ”


“เอาเถอะหน่า ผมอยากให้คุณเรียก...ไหนลองเรียกสิ”


“...”


“...”


“ครับ...”


“...”


“...คุณฟ้า”


เจ้าของชื่อยิ้มร่า “น่ารักมาก”


อะไรกัน ต้องบอกว่า ‘ดีมาก’ หรือเปล่า?





กว่าจะจัดการอาหารเช้าที่ชิโนรสตอบสนองแบบไม่ขัดศรัทธาอีกฝ่ายด้วยโจ๊กหมูไปถึงสองถ้วยเสร็จก็ล่วงเลยไปจนเกือบสิบโมง


“ผมเดาว่าคุณยังไม่ได้ดูรายละเอียดโครงการ”


“ผมดูมานิดหน่อยแล้วครับ”


“ถ้าอย่างนั้น เราควรไปหาที่นั่งคุยกัน”


ชิโนรสเหนื่อยจะปฏิเสธเท่าฟ้าเสียแล้ว ยอมตามใจนั่งรถมาแบบเงียบ ๆ เพื่อมานั่งอยู่ในคาเฟ่ดีไซน์เก๋แห่งหนึ่งพร้อมแลปท็อปหนึ่งเครื่องของอีกฝ่าย


ร้านตกแต่งด้วยโทนขาวดำสไตล์มินิมอลแต่หรูหรามากทีเดียว มีทั้งที่นั่งแบบบาร์และโต๊ะคุยงานแบบมุมส่วนตัวเพื่อตอบสนองพวกชอบนั่งแช่ในร้าน


“คุณดื่มอะไร”


“Hot Espresso Doppio ครับ”


เท่าฟ้าหันมองแล้วขมวดคิ้ว “สองช็อตเลยเหรอคุณ”


ชิโนรสไม่ตอบแต่เบี่ยงประเด็นออกไป “ต้องรอรับรึเปล่าครับ”


“ไม่ต้องครับ” พนักงานตอบกลับอย่างสุภาพ


“เอาเค้กอะไรไหม”


“บานอฟฟี่ครับ...ทั้งหมดนี้คุณเลี้ยงใช่ไหมครับ...คุณฟ้า” ไม่ได้อยากจะรบกวนอะไรเขานัก แต่แค่หมั่นไส้กับการชวนออกมาทำอะไรแบบนี้จึงขอให้ได้เล่นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับไปบ้างเท่านั้น


เท่าฟ้ายกยิ้มพอใจ “แน่นอนสิคุณ”


ชิโนรสเลือกโต๊ะที่อยู่ริมในสุด ทั้งเงียบสงบและเป็นส่วนตัวแต่ก็ไม่ได้ลับสายตาคนนัก คนหน้าเด็กเลือกนั่งหันหน้าหาผู้คน เพราะอย่างน้อยในยามที่เกิดความกระอักกระอ่วนขึ้น ตนยังมีอะไรให้มองไม่ใช่ว่าจำต้องวางสายตาบนหน้าเขาเพียงอย่างเดียว


แต่ดูเหมือนสิ่งที่ทำจะไม่มีประโยชน์ เพราะเท่าฟ้าลากเก้าอี้มานั่งด้านข้างแทนฝั่งตรงข้ามอย่างที่เป็นพร้อมเหตุผลที่ว่าจะได้สะดวกในการดูงานบนจอแลปท็อปด้วยกัน


อเมริกาโนเย็นและเอสเพรสโซสองช็อตถูกเสิร์ฟพร้อมกับบานอฟฟี่และบราวนี่ในเวลาหลังจากนั้นไม่นาน ชิโนรสเกลียดตัวเองที่เผลอคิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ ทั้งที่ห่างหายมันมานานถึงสี่ปีแล้ว แต่ทุกอย่างยังชัดในความรู้สึก ชัดแม้กระทั่งกลิ่นหอมของกาแฟดำและบราวนี่อบร้อนที่เท่าฟ้ามักจะทานคู่กันเสมอ


“บราวนี่ร้านนี้อร่อยนะคุณ ผมให้คุณลอง” ร่างสูงใหญ่เลื่อนจานนั้นมาตรงหน้าอย่างสุภาพ สี่ปีที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเขาก็คงยังตระเวนชิมบราวนี่ไปทั่วเหมือนเคย ร้านนี้ก็คงเป็นอีกหนึ่งร้านโปรดที่นอกจากจะมาบ่อยแล้ว อีกฝ่ายคงชวนใครต่อใครมาลองชิมกันนักต่อนักแล้วด้วย “คุณเป็นคนแรกเลยนะที่ผมพามาชิม ถือเป็นการตอบแทนที่คุณเรียกผมว่าคุณฟ้า”


“ไร้สาระ” ชิโนรสเผลอพูดออกมาตามที่คิด แม้จะเสียงเบามากแต่ก็รีบเอ่ยขอโทษก่อนที่จะโดน ‘ลูกค้า’ ตำหนิ ทว่าอีกฝ่ายก็แค่หัวเราะกลับมาพร้อมแววตาที่ต่างออกไปจากทุกที เสียดายก็แต่ชิโนรสที่ไม่กล้าจะมองสบให้นานพอจะตีความมันได้


“เถอะหน่า ชิมดูหน่อย อร่อยจริง ๆ นะ” เท่าฟ้าคะยั้นคะยอจนคนเด็กกว่าจำต้องหยิบช้อนขึ้นมาตักชิมตามคำชวน


“อร่อยไหม” สีหน้าแววตาลุ้นจนตัวโ่ก่งประหนึ่งเป็นคนทำเสียเองทำให้คนตอบใจเต้นแรง ทุกอย่างดูคุ้นเคยไปหมดจนอึดอัด เหมือนคล้ายจะเป็นเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ใช่ นานทีเดียวกว่าเขาจะให้คำตอบ ต้องรอให้อีกฝ่ายถามย้ำเรียกสติไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่กว่าจะมีคำว่า ‘ครับ’ หลุดจากปาก


ชิโนรสหยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเองจิบเล็กน้อยเพื่อหนีสถานการณ์ชวนอึดอัดตรงหน้า “คุยเรื่องงานกันเถอะครับ”


คนตัวเล็กค่อยรู้สึกหายใจหายคอได้เมื่ออีกฝ่ายยอมหยุดการคุยสัพเพเหระไว้เพียงเท่านี้แล้วเริ่มคุยเรื่องงานกันเสียที


การดูแปลนบ้านและวิเคราะห์จากโมเดลสามมิติรวมถึงหารือเกี่ยวกับคอนเซ็ปท์และไอเดียที่เป็นกลางใช้เวลาไปนานเกือบห้าชั่วโมง โชคดีที่ร้านนี้มีอาหารคาวขายอยู่บ้างทำให้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถออกไปรับประทานข้างนอกอีก งานในวันนี้ของชิโนรสจึงเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายสามพอดี


“นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานของคุณ จริง ๆ แล้วผมยังไม่ควรปล่อยคุณกลับ”


“ถ้าคุณอยากทำงานต่อก็ยินดีครับ” กัดฟันพูดสุด ๆ ใครจะอยากไปไหนมาไหนกับคุณเท่าฟ้าอีก คุยเรื่องงานยังไม่สมองบวมเท่ากับเรื่องที่ถูกกวนประสาทเลยด้วยซ้ำ


“แต่ผมเห็นว่าวันนี้คุณเหนื่อยมากแล้ว ผมจะไปส่งคุณที่บริษัทเลยดีกว่า”


“ไม่เป็นไรครับ ผมจะกลับเอง พอดีที่นี่ใกล้ที่ทำงานเพื่อนผม ผมจะไปหาเขาที่นั่น” กลับไปถึงก็หมดเวลางานพอดี แต่ถ้าเขาเลือกไปหาเปรมก็จะได้ไม่ต้องทนนั่งรถไปกับเท่าฟ้าอีก


“เพื่อน?”


“ครับ”


“...”


“...”


“...”


เพราะเท่าฟ้าเงียบไปแต่ยังจ้องหน้าเขาไม่วางตา หัวคิ้วเข้มที่เคลื่อนเข้าหากันบ่งบอกว่าเจ้าตัวมีเรื่องสงสัยอยากจะถาม ชิโนรสถึงได้ใจเย็นรอฟังว่าเมื่อไหร่อีกฝ่ายจะเปิดปาก


“คุณมีแฟนรึยัง”


“..!..” ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามที่นอกประเด็นไปมาก


“ไม่สิ ผมต้องถามว่าแฟนคุณคนไหนมากกว่า แต่ถ้าผมจำไม่ผิด คนที่งานแต่งก็คือพระเอกคนดังที่ผมเจอเมื่อเย็นวันก่อนใช่ไหม”


ชิโนรสตั้งท่าจะแย้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา แต่งับปากไว้ได้ทันเพราะฉุกคิดได้ว่าวันงานแต่งเราเจอกันตามลำพัง ไม่มีตอนไหนที่คุณเท่าฟ้าจะได้เจอเขากับฮิโรชิพร้อมกันเลยสักครั้ง แล้วอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไปด้วยกัน “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไปงานแต่งบอสกับเขา”


“ผมเห็นตอนพวกคุณเดินออกจากงานไปด้วยกัน”


“คุณจับตาดูผมเหรอ”


“ผมแค่เห็นหน่าคุณ”


“...”


“ว่ายังไง ตกลงว่าแฟนคุณน่ะคนไหน”


“ไม่ทราบมาก่อนว่าลูกค้ามีสิทธิถามเรื่องส่วนตัวของคู่ค้าได้”


เท่าฟ้ายกยิ้มมุมปาก “แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นคู่ขาล่ะ จะถามได้ไหม”


“คุณเท่าฟ้า!!” ชิโนรสโกรธจริง ๆ ใบหน้าที่เคยขาวซีดขึ้นสีแดงด้วยความโมโหขณะที่คนพูดยังหน้าระรื่นไม่ทุกข์ร้อน


“ผมพูดจริง ๆ นะ”









TBC.
----------------------------------------------------
มีใครพอเดาออกไหมคะว่า 'สิทธิ' ในเรื่องนี้คืออะไร
ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 31-07-2018 22:20:14
เลิกกันเพราะอะไรไม่รู้นะ แต่ถ้าตอนนี้เท่าฟ้าจะมาทำให้น้องเจ็บ บอกไว้เลยว่าไม่ยอม!!  :katai1:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 31-07-2018 23:13:30
ชีนต้องสู้ๆนะ อย่าไปยอมแพ้ง่ายๆ เท่าฟ้าร้ายมาก!
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-08-2018 01:30:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

โอย.....อยากเผือกเรื่องในอดีต  อยากเผือกอุบัติเหตุครั้งนั้น  อยากเผือกเหตุการณ์ต่อเนื่องจากความจำเสื่อม
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 02-08-2018 10:06:25
 o13 น่าติดตามมากค่ะ แต่ยังคิดถึงพี่แรมอยู่นะคะ :really2:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-08-2018 14:44:06
 :katai1: เท่าฟ้าเจ้าเล่ห์มาก
น่าหาอะไรฟาดหน้าเนอะ  :z6:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-08-2018 17:35:56
 :o211:
ไม่ไหวแล้วนะเท่าฟ้า
 :amen:

หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Puring Pudding ที่ 02-08-2018 21:47:33

      โอ้ยยยยยชอบเท่าฟ้า :hao6: :hao7:       แต่อย่าเล่นน้องหนักน่ะ เดี่ยวน้องเจ็บ555 :pig2: :mew3: :heaven o13 :z3: :z2:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Fasai25448 ที่ 07-08-2018 23:25:30
สนุกมากเลยค่ะ อยากอ่านต่อแล้ววว อยากรู้เรื่องราวในอดีตมากๆๆ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 08-08-2018 11:20:10
ปลุกต่อมเผือกให้ทำงานตุบๆๆเลย ฟ้าจำได้ใช่มั้ยเนี่ย แล้วตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น แล้วยังจะเรื่องที่คิดจะเอาชีนมาเป็นคู่ขาอีก เดาไม่ออกอะ
รออ่านจ้าๆ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: meeyeon ที่ 18-08-2018 23:43:01
รออยู่นะคะ  o13
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 22-08-2018 23:52:16
มาเฝ้ากระทู้รอเรื่องนี้อัพ  :katai5:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-08-2018 01:30:53
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 3 [31/07/18]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-08-2018 11:58:15
 :z3: รออยู่นะคะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 29-08-2018 15:07:00
คนไม่มีสิทธิ์

ตอนที่ 4





‘น้ำครับ’
‘ทำไมของผมเป็นนมเย็นละครับ’
‘ทำไม? ไม่ชอบเหรอ’
‘เปล่าครับ แค่เห็นว่าคนอื่นได้น้ำเปล่า’
‘ก็อยากให้ชีนเป็นคนพิเศษนี่’








“จะว่ายังไง ถ้าผมจะบอกว่าผมสนใจคุณ”


นั่นคือประโยคถัดมาหลังจากที่เขายืนยันหนักแน่นว่าพูดจริง


“คุณไม่ได้เป็นเกย์”


“แต่คุณเป็น”


คนเด็กกว่าชักสีหน้า เหลืออดจะทนเก็บเอาไว้แล้ว “ผมเคยบอกอย่างนั้นเหรอครับ”


“ความสนิทสนมของคุณกับผู้ชายสองคนนั้นบอกผม”


“ไร้สาระ”


“หรือคุณจะบอกว่าคุณไม่มีใคร”


“ไม่สำคัญว่าผมมีใครรึเปล่า แต่คุณต่างหากที่มีเจ้าของอยู่แล้วและไม่ควรมาพูดแบบนี้กับผม”


“หมายความว่าถ้าจะคบกับคุณได้ก็ต้องเลิกกับคนอื่นก่อนอย่างนั้นใช่ไหม”


“ผมไม่ได้ชอบคุณ” ชิโนรสกดเสียงต่ำเมื่อระลึกได้ว่าตอนนี้พวกเขายังนั่งอยู่ในร้านกาแฟ ซึ่งก่อนหน้านี้คงเผลอเสียงดังไปบ้างจนหลายคนหันมามอง


เท่าฟ้ายิ้มมุมปาก ไหวไหล่ด้วยท่าทีสบายก่อนยื่นหน้าข้ามโต๊ะมาใกล้ “เดี๋ยวผมจะทำให้ชอบเอง”


“คุณ!” กว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้ก็ช้ากว่าเท่าฟ้าไปหลายก้าว เพราะอีกฝ่ายเดินนำออกจากร้านไปก่อนแล้ว


“คุณต้องการอะไรกันแน่” เข้ามานั่งข้างกันในรถได้ก็ระเบิดเสียงถามทันที ไม่มีความจำเป็นต้องถนอมน้ำใจกันอีกต่อไป แตกเป็นแตก ต่อให้ต้องฉีกสัญญาจ้างเขาก็ยอม


“จะให้ไปส่งที่ไหนล่ะคุณ ถ้าไม่บอก ผมพากลับบ้านผมจริง ๆ ด้วยนะ”


ชิโนรสยิ่งหงุดหงิดเมื่อเท่าฟ้ายังหน้าระรื่นอยู่ได้ทั้งที่ใจเขาร้อนรนจนไม่อาจอยู่นิ่งได้อีกต่อไป “ห้องเสื้อกีรติ”


ได้ยินเสียงร้องหึดังมาจากคนขับก็ยิ่งหงุดหงิดจนแทบบ้า “บอกทางด้วยล่ะ”


ชิโนรสฟึดฟัด ถ้าให้เขาคอยบอกทางนั่นเท่ากับปิดโอกาสที่จะพูดกันให้รู้เรื่องชัด ๆ


แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ พอจะเอ่ยปากพูดเรื่องที่ค้างคาอยู่ทีไรก็ถูกถามย้ำเรื่องเส้นทางอยู่ตลอด ทั้งที่บอกไปหลายรอบแล้ว ครั้นจะรั้นต่อไปก็หน่ายเกินกว่าจะเถียงด้วยจึงจำต้องสงบปากสงบคำแล้วคอยบอกแค่เส้นทางเพียงอย่างเดียวจนกระทั่งรถมาจอดหน้าห้องเสื้อจุดหมาย


ชิโนรสเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่ใกล้เคียงกับคำว่ากระแทกก่อนคว้าสัมภาระตัวเองแล้วรีบออกจากรถโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่าย





ห้องเสื้อกีรติเป็นห้องเสื้อชื่อดังและเป็นที่นิยมในหมู่ดาราเซเลป ชิโนรสคิดว่านอกจากแบบเสื้อผ้าจะสวยนำสมัยและเป็นเอกลักษณ์แล้ว ส่วนสำคัญที่ทำให้ดังขึ้นมาได้น่าจะเป็นเพราะเจ้าของเป็นราชนิกูลชื่อดังในบ้านเรา


ที่นี่มีดีไซเนอร์มากหน้าหลายตา หนึ่งในนั้นคือเปรม เพื่อนสนิทของเขาที่ทำให้เขาสามารถเข้านอกออกในห้องเสื้อนี้ได้อย่างสะดวกราวกับเป็นคนใน เพราะนอกจากจะสนิทกับทุกคนในที่นี้แล้ว ราชนิกูลสาวเจ้าของห้องเสื้อแห่งนี้ยังเอ็นดูเขาเป็นพิเศษอีกด้วย


“มาได้ไงวะ” เปรมเอ่ยทักทายด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อยทว่ามือยังจัดกลีบกระโปรงที่หุ่นโชว์ตัวที่ใกล้ประตูร้านต่อ ห้องเสื้อแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นบนเป็นห้องพักดีไซเนอร์กับห้องทำงานส่วนตัวของเจ้านาย และตอนนี้ชั้นหนึ่งก็เงียบมาก ไม่มีใครนอกจากเพื่อนของเขา


“ให้ลูกค้าแวะมาส่ง”


เปรมหันมองเพื่อนเต็มตา สงสัยใคร่รู้มากกว่านั้น แต่เมื่อสายตาสบกับสิ่งที่เพื่อนถืออยู่ ประเด็นที่พูดออกมาจึงเปลี่ยนไป “เอากล้องมาด้วยเหรอ พอดีเลย แบตฯหมดยัง”


“ยัง จะใช้เหรอ” ที่หยิบกล้องมาด้วยเพราะหลงคิดว่าเท่าฟ้าจะพาออกไปหาไอเดียนอกสถานที่ เผื่อเจออะไรเข้าท่าจะได้ถ่ายไว้ แต่ความจริงแล้วแบตฯกล้องยังเต็มร้อยเปอร์เซ็นอยู่เลย “แล้วคนอื่นอ่ะ”


“รับแขกอยู่ข้างบน แล้วก็ใช้ทั้งกล้องทั้งคนนั่นแหละ”


ชิโนรสไม่ใช่คนเล่นกล้องหรือถ่ายรูปเก่งอะไรมากนัก ทุกวันนี้ถ่ายได้เพราะเป็นหนึ่งในทักษะที่นักออกแบบควรทำได้ก็เท่านั้น แต่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ดี อย่างเช่นเปรมเป็นต้น


คนตัวเล็กกว่าไม่ปฏิเสธว่าที่ตัวเองถ่ายรูปได้ดีกว่าเพื่อนสนิทเพราะได้ครูดีอย่างเท่าฟ้า เด็กสถาปัตย์เก่งเรื่ององค์ประกอบภาพเสียยิ่งกว่าอะไร ยิ่งคนที่เรียนออกแบบภายในก็ยิ่งมีมุมมองที่ถ่ายออกมาสวยสะดุดตา


หน้าที่ของชิโนรสในวันนี้คือถ่ายรูปบรรดาชุดที่อยู่บนหุ่นหน้าร้านสำหรับนำลงโปรโมทในเวบไซต์ของห้องเสื้อ


“ปกติจ้างช่างมาถ่ายให้ไม่ใช่เหรอวะ ทำไมครั้งนี้ใช้กู” ช่างภาพจำเป็นถามทั้งที่ยังมองภาพตรงหน้าผ่านวิวไฟน์เดอร์


“ยังไม่ได้นัด ไหน ๆ มึงก็มาแล้ว ถ่ายให้หน่อย เดี๋ยวเจ้เขาพาไปเลี้ยงตอบแทนชุดใหญ่”


คนตัวขาวจนเกือบซีดลดกล้องในมือลงมามองหน้าเพื่อน เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องค่าจ้างเลยสักนิด แต่พอได้ยินเพื่อนพูดอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเบะปากใส่ “มึงเห็นกูถือกล้องเข้ามาก็ใช้งานเลย ไม่ทันเข้าไปขออนุญาตเจ้เลยด้วยซ้ำ”


เปรมหัวเราะขณะเดินเข้ามากอดคอ “ถ่ายไปเถอะ รับรองว่าเจ้ชอบ ถ้าเจ้ไม่เลี้ยง เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ว่าจบก็ขยี้ผมเพื่อนตัวเล็กแรง ๆ ก่อนผละออกจนได้ยินคำสรรเสริญตามหลังไปอย่างแสนรัก








“น้องชีนของเจ้” เจ้าของเสียงที่เรียกมาตั้งแต่ชั้นสองคือหม่อมหลวงกีรติ เจ้าของห้องเสื้อกีรติ เธอเป็นสาวใหญ่วันสี่สิบทว่ายังมีหุ่นเพรียวบางเพราะดูแลรูปร่างเป็นอย่างดีจนพวกสาว ๆ เห็นแล้วยังอิจฉา “มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ มาหาเจ้เร็วหนู”


คนถูกเรียกวางกล้องในมือลงบนโต๊ะหลังจากนั่งเช็ครูปอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบเดินขึ้นไปหาเธอ


“ขอรูปนะ” เปรมตะโกนตามหลัง


“กดส่งเอาเลย”


เมื่อได้รับอนุญาตเปรมก็เปิดแลปท็อปตัวเองที่หยิบมารอไว้แล้ว โปรแกรมที่ใช้แชร์รูปจากกล้องลงแลปท็อปเป็นการเลือกทีละหลายรูปแล้วส่งพร้อมกันได้ เปรมจึงไล่ดูและเลือกไปทีละรูปจนกระทั่งเจอรูปสุดท้ายจากงานครั้งก่อนของเจ้าของกล้อง รูปที่ชิโนรสไม่ควรกดชัตเตอร์เพื่อเก็บความทรงจำส่วนนี้ไว้เลยด้วยซ้ำ





เปรมปล่อยให้ชิโนรสอยู่กับเจ้าของห้องเสื้อสาวเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเขาก็เข้าไปตามตัวถึงห้องพักดีไซเนอร์เพราะถึงเวลาเลิกงานแล้ว


“ขอเพื่อนผมคืนนะเจ้” ไม่ว่าเปล่าแต่เปรมยังเดินเข้าไปกอดคอเพื่อนดึงออกจากวงล้อมของเพื่อนร่วมงานที่มีทั้งสาวแท้และสาวเทียม ส่วนหนุ่มแท้อีกสองคนนั่งมองอยู่มุมห้อง


“ฉันจะหักโบนัสเธอสิ้นปี” สาวใหญ่วัยสี่สิบว่า


เปรมหัวเราะลั่น “เจ้ต้องเพิ่มโบนัสให้ผมสิไม่ว่า นี่ผมให้ไอ้ชีนมันถ่ายรูปโปรโมทชุดให้ด้วยนะ รับรองว่าพรุ่งนี้เจ้ต้องได้เห็นรูปคอลเลคชั่นล่าสุดบนเวบห้องเสื้อแน่นอน เห็นอยู่ว่าผมทำงานเร็วขนาดนี้เจ้จะหักเงินได้ไง จริงไหมละครับ”


“หักเงินเธอไปให้ชีน” เธอว่าแล้วหันไปยิ้มหวานให้ชิโนรส


“ได้ไงละครับ”


“ก็ค่าจ้างไงยะ เธอจะใช้งานเขาฟรี ๆ ได้ไง” 


“ใช้ฟรีที่ไหน กำลังจะพาไปเลี้ยงตอบแทนอยู่นี่ไงครับ ไปแล้วนะครับ เดี๋ยวรถติด” เปรมพูดรัวเร็วทีเดียวก่อนถือโอกาสยกมือไหว้เจ้านายสาวและบอกลาเพื่อนร่วมงานแล้วรีบพาเพื่อนตัวเล็กออกมา


“ไปเอารถที่คอนโดกูก่อนนะ เดี๋ยวพาไปส่งบ้าน” เปรมว่าตอนเดินออกจากร้าน


“เห้ย! ไม่ต้อง จะวกไปวกมาทำไม ต่างคนต่างกลับบีทีเอสก็ได้”


“มึงกลับบีทีเอสก็ยังต้องต่อรถอีกอยู่ดีป่ะวะ ไปกับกูเนี่ยแหละ โทรบอกแม่ด้วยว่าจะวันนี้จะไปกินข้าวกับกู” เปรมว่าก่อนหันกลับมามองเหมือนนึกบางอย่างได้ “หรือมึงไม่สะดวก งั้นบอกแม่ว่ากูจะไปฝากท้องที่บ้านด้วยแล้วกัน”


“ไปกินข้างนอกเนี่ยแหละ”


เปรมมองหน้าเพื่อนนิ่ง “ข้าวหรือเหล้า”


“ข้าวโว้ย”



นั่งรถไฟฟ้าออกจากที่ตั้งของห้องเสื้อมาเพียงแค่สองสถานีก็ถึงคอนโดของเปรมแล้ว ชิโนรสตามเจ้าของห้องขึ้นไปบนห้องด้วยเพราะอยากล้างตาล้างตาเล็กน้อยก่อนพากันออกจากห้องในเวลาหลังจากนั้นไม่นานพร้อมเสียงถกเถียงกันว่าวันนี้ควรจะไปไหนกันบ้างก่อนจะไปส่งเขาที่บ้าน


“คิดมากอย่างกับเดท” ชิโนรสบ่น


“อยากให้เป็นเดทก็ได้นะ เราไม่ได้เจอกันบ่อย ๆ นี่หว่า มึงทำตัวอย่างกับเด็กประถม เลิกงานก็กลับไปกินข้าวบ้าน มาหากูทีถ้าไม่ชวนไปเมาก็มานอนร้อง...”


“พอ ๆ พูดมากจริง อยากพาไปไหนก็ไปเลย”


“ดูหนังกันสักเรื่องไหม”


“ดึกไป เดี๋ยวแม่ห่วง”


“ก็บอกสิวะว่ากลับดึก ไม่ได้จะไปเมากันสักหน่อย มึงก็ไม่ใช่เด็กแล้วแม่มึงไม่ได้ห่วงขนาดนั้นหรอกหน่า”


“เออ ๆ เอาแต่ใจจริง ๆ เลยนะมึงน่ะ”


“งอนเหรอ กล้างอนกูเหรอไอ้เปี๊ยก” เปรมเดินตามไปรั้งคออีกฝ่ายมากอดไว้แล้วใช้มืออีกข้างบีบแก้มเพื่อนตัวเล็กไม่เบาไม่แรงนักจนเจ้าของหน้าบู้ร้องท้วงจะให้ปล่อยท่าเดียว ไม่ทันสังเกตว่ามีใครยืนรอลิฟต์อยู่ก่อนแล้วจนกระทั่งได้ยินเสียงทักทายสดใสของหนึ่งในสองคนนั้นดังขึ้น


“คุณชีนคะ”


เจ้าของชื่อเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มองหญิงสาวตรงหน้าที่ส่งยิ้มเกรงใจมาให้ เจ้าหล่อนคงลำบากใจไม่น้อยที่ต้องเอ่ยทักทายขัดการเล่นกันของพวกเขา


ชิโนรสเบี่ยงตัวเองออกจากอ้อมแขนของเพื่อนสนิทก่อนทักทายกลับ “สวัสดีครับคุณพลอย...คุณฟ้า” รวมไปถึงคนที่ยืนถัดจากเธอไปด้านหลังด้วย


ที่วันนั้นเจอกันที่นี่ก็คงเพราะมาส่งคุณพลอยถึงห้องเองหรอกหรือ


ชิโนรสคิดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มสมเพชตัวเองออกมา พวกเขาไปมาหาสู่กันบ่อยขนาดนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าความสัมพันธ์จริงจังระดับไหน แล้วยังมีหน้าไปหวั่นไหนกับคำที่เขาบอกว่าสนใจอีกหรือ


“ลิฟต์มาแล้วครับ” เท่าฟ้าตัดบทสนทนาโดยการแตะเอวหญิงสาวแล้วก้าวเข้าไปข้างในพร้อมกัน ถ้าใครไม่สังเกตคงไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้เสียงของชายหนุ่มแข็งขึ้นเช่นเดียวกับดวงตาที่วาวโรจน์ขึ้นอย่างขุ่นเคือง


แต่คนที่อยู่ด้วยกันมาเกินกว่าห้าปีอย่างชิโนรสรู้ดี และเขาก็รู้สึกอยากหาข้ออ้างเพื่อไม่ให้โดยสารลิฟต์ตัวเดียวกันเสียจริง แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนรักรับรู้ถึงความต้องการของเขาดีหรือไม่รู้อะไรเลยกันแน่ถึงได้ดันหลังเขาตามสองคนนั้นเข้าไปโดยเร็ว


ชิโนรสอยากขอบคุณที่ลิฟต์คอนโดนี้เคลื่อนด้วยความเร็วที่ทำให้เขาไม่รู้สึกอึดอัดนานนัก ยิ่งลงมาถึงลานจอดรถแล้วพบว่าจอดอยู่คนละโซนเขาก็ยิ่งโล่งใจ....ถ้าเปรมไม่ถามถึงผู้ชายคนนั้นขึ้นมาน่ะนะ


“ลูกค้าที่มึงไปด้วยวันนี้คือเขาเหรอ”


“อือ” เงียบไปก็ไม่มีประโยชน์ ชิโนรสจึงเลือกที่จะยอมรับออกไปตรง ๆ


“ไม่เป็นไรใช่ไหม”


“จะเป็นไรได้วะ บอกไปแล้วไงว่าจะตัดใจ”


เปรมหยุดเดิน มองเพื่อนตัวเล็กกว่าที่เดินนำไปหลายก้าวแล้ว “คนที่กำลังจะตัดใจ เขาไม่แอบถ่ายรูปคนเคยรักไว้หรอกนะ”


“ค...แค่โฟโตบอมพ์”


“ถึงฝีมือกูจะไม่ดีเท่ามึงแต่กูก็ดูรู้นะว่าอันไหนตั้งใจอันไหนแค่ถ่ายติดมา”


ชิโนรสหันหลังกลับไปมองเพื่อน ระยะห่างสามก้าวไม่มากเกินที่อีกฝ่ายจะมองไม่ออกว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร แววตาของชิโนรสฟ้องทุกอย่างที่เจ้าตัวคิดอยู่เสมอ เพราะมันไม่เคยปกปิดใครได้เลยจริง ๆ


เปรมมองแล้วถอนหายใจ สาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วกอดอีกฝ่ายจนจมอก “ไปเรียนแอคติ้งกัน สายตามึงยังซ่อนความรู้สึกไม่เก่งเท่าไหร่ อันตรายเกินไป” แม้ชิโนรสคนใหม่จะแข็งแกร่งกว่าเดิมสักเท่าไหร่แต่ดวงตาคู่นี้ก็ยังซื่อตรงกับความรู้สึกเกินไปเหมือนเดิม ยิ่งมีผู้ชายคนนั้นเข้ามาวนเวียนใกล้ ๆ ด้วยแล้วยิ่งไม่ปลอดภัย จุดประสงค์คืออะไรก็ยังไม่แน่ชัด เขาเป็นห่วงเหลือเกิน


ชิโนรสยิ้มให้กับความคิดของเพื่อน นี่แค่เปรมเห็นรูปที่เขาแอบถ่ายอีกฝ่ายยังเป็นห่วงขนาดนี้ จะเป็นอย่างไรถ้าเปรมได้รู้สิ่งที่เท่าฟ้าพูดกับเขาเมื่อบ่ายนี้


ชิโนรสผละออก ส่งสัญญาณให้ออกเดินไปพร้อมกัน “จริง ๆ แล้วตอนนั้นกูน่าจะออกจากวงการตกแต่งบ้านแล้วมาอยู่เสื้อผ้าเหมือนมึง” ชิโนรสพูดขึ้นลอย ๆ “จะได้ไม่ต้องมีโอกาสมาเจอเขาอีก”


เปรมตบบ่าปลอบใจ ไม่อยากจะพูดความในใจว่าดีแค่ไหนแล้วที่เขาให้ช่วยแต่งบ้าน ไม่ใช่ออกแบบชุดแต่งงานให้เจ้าสาวของเขา






กว่าจะกลับถึงบ้านโดยการมาส่งของเปรมก็เกือบเที่ยงคืน หากไม่มีฮิโรชิมานอนที่บ้านเป็นเพื่อนแม่ เขาคงไม่สบายใจนัก และเพราะว่าจอดรถไว้ที่บริษัท เช้าวันนี้จึงเป็นอีกวันที่พี่ชายคนสนิทอาสาไปส่งทั้งที่มีตารางงานในช่วงบ่าย


“พี่ชิน่าจะนอนต่อ ไม่เห็นต้องรีบตื่นเลย ชีนไปบีทีเอสเองก็ได้” คนเป็นน้องว่าขณะรอขนมปังเด้งตัวจากเครื่องปิ้ง


“นั่นสิชิ น้องโตแล้ว ไม่ต้องตามดูแลขนาดนี้หรอก” ลินดาเสริมลูกชาย


“ก็ลูกชายคุณแม่น่าห่วงนี่ครับ”


เธอยิ้ม ไม่ว่าจะโตแค่ไหน ผ่านเรื่องร้ายมาจนแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ ลูกชายบุญธรรมของเธอก็ยัง ‘น่าเป็นห่วง’ เสมอในสายตาของฮิโรชิอยู่ดี


ปี๊น ปี๊น~~~~


เสียงแตรรถดังขึ้นขัดเวลาอาหารเช้าวันนี้ ลินดาหันมองออกไปนอกบ้านเห็นรถสปอร์ตหรูจอดอยู่ก็นึกสงสัย คนที่จะมาหาลูกชายเธอถึงบ้านก็เห็นจะมีแค่เปรม และเจ้าตัวเองก็ไม่ได้ขับรถแบบนี้ด้วย อีกทั้งยังติดฟิล์มดำเสียจนมองไม่เห็นผู้โดยสารข้างในอีก เธอจึงคิดว่าบางทีอาจจะเป็นแขกของเธอเองก็ได้ ทว่าชิโนรสที่หันมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าคือใครก็รีบชิงออกตัวโดยเร็วว่าเป็นแขกของตนและจะออกไปดูเอง ไม่ลืมกำชับให้คนเป็นแม่นั่งรออยู่แต่ในบ้านและรับประทานอาหารต่อไปด้วย




มุมปากหยักได้รูปของคนในรถยกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นคนตัวขาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งหน้าตื่นออกมาหา รอจนกระทั่งอีกฝ่ายมายืนเคาะกระจกสองสามครั้งด้วยความร้อนรนจึงค่อยเปิดประตู ทว่ากลับถูกดันกลับให้ปิดดังเดิมพร้อมเสียงที่ลอดเข้ามาในเสี้ยววินาทีนั้นว่าให้ลดกระจกลงเพียงเล็กน้อยก็พอ


เท่าฟ้าหลุดหัวเราะออกมาทีหนึ่งก่อนทำตาม


“คุณมาที่นี่ได้ยังไง” น้ำเสียงติดเหวี่ยงเล็กน้อยนั่นทำให้คนฟังดีใจอยู่ลึก ๆ ที่ไม่ต้องทนฟังน้ำเสียงและถ้อยคำแสดงความห่างเหินกันอีกแล้ว


“ที่อยู่บ้านคุณเป็นความลับเหรอ”


“ฮึ่ย แล้วมาทำไมละครับ”


“มารับไปทำงานไง วันนี้ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ เดี๋ยวตอนเย็นผมจะมาส่ง”


ชิโนรสนับหนึ่งถึงสิบในใจไม่รู้กี่รอบกว่าจะดับความโมโหของตัวเองได้ แม้จะเพียงแค่เล็กน้อยก็ตามที “ไม่จำเป็นครับ ผมไปเองและกลับเองได้ แค่คุณนัดสถานที่มา”


เท่าฟ้ายืดคอมองเลยคนตัวเล็กไปไม่เห็นรถของเจ้าตัวจอดอยู่ก็ยกยิ้ม ทว่าท่าทีของเท่าฟ้ากลับทำให้ชิโนรสตื่นตกใจยิ่งกว่าเดิม ด้วยกลัวว่าแม่จะมองออกมาแล้วเห็นว่าคนที่มาหาเขาถึงบ้านคือใคร “มองอะไรคุณ”


“รถคุณยังจอดที่ออฟฟิศสินะ ถ้าอย่างนั้นเช้านี้ไปกับผมก็ถูกแล้ว ไปเอาของมาสิ เราจะได้ไปกันเลย”


เจ้าของบ้านตัวขาวยืนฟึดฟัดในใจอยู่ไม่นานก็จำต้องทำตามอย่างไม่มีทางเลือก “รออยู่ในนี้และไม่ต้องลงมาจากรถ แล้วก็ปิดกระจกด้วย!”


“ใจร้ายจัง ไม่คิดจะชวนเข้าบ้านหน่อยเหรอ”


ชิโนรสมองสบแววตาแพรวพราวคู่นั้น “เป็นแค่ลูกค้า อย่าคิดล้ำเส้นเลยครับ”




ชิโนรสกลับเข้ามาคว้ากระเป๋าและสัมภาระจำเป็นที่วางเตรียมไว้แล้วพร้อมรีบบอกลาทุกคน


“รีบไปไหนลูก ไม่ชวนเพื่อนเข้ามาทานอาหารเช้าด้วยกันก่อนล่ะ”


“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมไปเลยดีกว่า ขอโทษพี่ชิด้วยนะครับ”


คนที่กำลังรีบไปถึงรถคันหรูได้ช้าลงเพราะฮิโรชิตามมาคว้าแขนไว้ได้ทันตรงรั้วบ้าน “ไหนบอกว่าติดต่อกันแค่เรื่องงานเท่าที่จำเป็น แล้วทำไมเขาถึงมารับถึงบ้าน”


“เขามาของเขาเองนะพี่ชิ ชีนไม่รู้เรื่อง ปล่อยชีนก่อนเถอะ ช้ากว่านี้ถ้าแม่เห็นว่าเขาเป็นใครต้องเรื่องใหญ่แน่ ๆ”


“ไปบอกเขาว่าพี่จะไปส่งเอง” ฮิโรชิออกคำสั่งเด็ดขาด


คนน้องเบ้หน้าจนเกือบจะร้องไห้ “ชีนต้องไปทำงานกับเขา ปล่อยก่อนเถอะพี่ชิ นะครับ”


“ชีน...”



เท่าฟ้าขมวดคิ้ว มองออกไปนอกรถแล้วนึกอยากจะบีบแตรดัง ๆ สักทีสองทีแต่ก็กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ให้ผู้ใหญ่ในบ้านตกใจไปด้วย ความขุ่นมัวที่เกิดขึ้นในใจไม่ใช่เรื่องแปลกและเขาคิดว่าตัวเองก็มีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจกับการที่ดาราดังคว้าแขนของคนที่เขากำลังจะจีบไว้อย่างนั้น


“อ้อยอิ่งเหลือเกินนะคุณ” เท่าฟ้าค่อนแคะแต่อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ ชิโนรสเลือกจะนั่งไปเงียบ ๆ ซึ่งหลังจากนั้นเท่าฟ้าก็ไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากเปิดเพลงจากซีดีแผ่นเดิมเช่นทุกครั้ง





ความจริงแล้วชิโนรสน่าจะจำเป็นบทเรียนได้ว่าเท่าฟ้ามักจะรับประทานอาหารเช้านอกบ้าน เพราะแทนที่เขาจะได้ไปยังสถานที่ที่ใกล้เคียงกับคำว่า ‘ทำงาน’ แต่กลับต้องมานั่งอยู่ในร้านอาหารอีกตามเคย


“คุณทำผมเสียเวลาอีกแล้ว” ชิโนรสว่าอย่างไม่เกรงใจ นึกหงุดหงิดตั้งแต่เรื่องที่อีกฝ่ายบุกไปถึงบ้านจนถึงเรื่องนี้


เท่าฟ้ายิ้มอย่างคนไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ผมจีบคุณอยู่ก็ต้องอยากเจอหน้าอยากทานข้าวด้วยกันเป็นเรื่องปกตินี่คุณ ยอมเสียเวลาเพื่อผมหน่อยไม่ได้้เหรอ”


ชิโนรสถอนหายใจ เหนื่อยจะต่อปากต่อคำด้วยมากกว่านี้เพราะคาดว่าคงหนีไม่พ้นคำพูดประโยคเดิม ๆ ที่อีกฝ่ายขยันย้ำเสียเหลือเกิน และเพราะว่ารีบออกจากบ้านมาทั้งที่ยังไม่ทันได้รับประทานอาหารเช้า วันนี้ชิโนรสจึงตอบรับคำชวนของอีกฝ่ายอย่างว่าง่ายกว่าทุกที


ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงชิโนรสก็ต้องหัวเสียจนคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกต่อไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เท่าฟ้าพูดออกมาทันทีที่กลับเข้ามานั่งในรถอีกครั้ง


“โทษที ลืมไปว่าวันนี้ผมไม่ว่าง เดี๋ยวจะไปส่งคุณที่ออฟฟิศแล้วกัน”


ชิโนรสมองหน้าคนพูดนิ่ง อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองกำลังถูกก่อกวน หากอีกฝ่ายไม่ว่างจริงมีหรือที่จะลืมแล้วนึกขึ้นได้กันดื้อ ๆ แบบนี้ “คุณตั้งใจก่อกวนผม”


“ผมไม่ว่างหน่าคุณ บอกแล้วไงว่าขอโทษ”


“คุณไม่ได้อยากไปรับผมมาทำงานตั้งแต่แรก แต่คุณจงใจไปหาผมที่บ้านใช่ไหม คุณต้องการอะไรกันแน่”


รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อดูใจดี ทว่าชิโนรสไม่รู้สึกถึงความเป็นมิตรนั้นเลยสักนิด “เคยบอกแล้วนี่ว่าสนใจ....”


“...”


“...คนจีบกันก็ต้องอยากจะไปรับไปส่งกันเป็นธรรมดา”


“พอเถอะครับ หยุดทำอะไรแบบนี้สักที”


“มันเพิ่งเริ่มเองนะคุณ”


“คุณต้องการอะไร!”


“ใจของคุณไง”


“...”


เท่าฟ้าวางมือบนศีรษะคนที่นิ่งเงียบไปแล้วลูบเบา ๆ “กลับไปทำงานนะครับ อย่าคิดมาก”






ไม่ได้อีกแล้ว


เขาอยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้อีกแล้ว!


ชิโนรสกำลังสับสนว่าเท่าฟ้าจำเขาไม่ได้จริง ๆ หรือกำลังเริ่มจะจำได้ หรือว่าจำได้มาตั้งแต่ต้นแล้วกันแน่ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับว่าทำไมอีกฝ่ายถึงกลับมาทำแบบนี้ทั้งที่หายไปจากชีวิตเขานานถึงสี่ปี


เพื่ออะไรกันแน่!?


ชิโนรสนั่งครุ่นคิดอยู่ลำพังนานหลายนาทีจวนจนปอที่มองอยู่ตั้งแต่แรกอยากจะเอ่ยถามแต่หนุ่มรุ่นน้องกลับลุกขึ้นเสียก่อนแล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของเจ้านายด้วยสีหน้าที่อมทุกข์ขั้นสุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา


“อ้าว วันนี้ไม่ไปกับคุณเท่าฟ้าเขาเหรอวะ”


ชิโนรสค้ำมือลงกับโต๊ะพร้อมเอ่ยวาจาเด็ดขาดออกมา “บอสครับ ผมขอถอนตัว”


“มึงล้อกูเล่นใช่ไหม”


“ผมเคยล้อเล่นเรื่องงานเหรอครับบอส” คนเป็นลูกน้องนั่งลงฝั่งตรงข้ามให้รู้ว่าจริงจังกับเรื่องที่พูดมากแค่ไหน


“เหตุผล”


ชิโนรสเงียบ ไม่รู้จะบอกอย่างไรให้เรื่องมันง่ายและจบเร็วที่สุด


“ว่าไง กูขอเหตุผลดี ๆ สักข้อในการถอนตัวแลกกับการต้องเสียค่าปรับให้เขามากกว่าโบนัสทั้งปีหน่อยสิ”


“มากขนาดนั้นเลยเหรอบอส!”


“กูเคยล้อเล่นเรื่องงานเหรอไอ้ชีน”


ชิโนรสกลืนน้ำลายอึกหนึ่งเมื่อถูกเจ้านายย้อนคำพูดเข้าให้


“ว่ายังไง มีเหตุผลดี ๆ สักข้อไหม”


ถ้าบอกว่าเขาถูกลูกค้ากระเป๋าหนักคนนั้นคุกคามจะมีน้ำหนักพอไหม หรือต้องอธิบายรายละเอียดจนสุดท้ายกลายเป็นประจานตัวหรือเปล่า เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว จึงช่วยไม่ได้ที่ชิโนรสจำต้องบอกเหตุผลรองออกไปแทน “ผมไม่อยากผลักภาระตัวเองให้คนอื่นแล้วไปรับงานที่ได้เปอร์เซ็นต์เยอะกว่าครับ”


“อย่ามาคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้นะชีน ไม่สมกับที่ทำงานกับกูมาสี่ปีเลย มึงก็รู้ว่าลูกค้าเป็นคนเลือกมึงเอง เปอร์เซ็นต์ที่ได้ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะมีคำว่าฝีมือไว้ทำไมถ้าไม่ใช่เพื่อแบ่งเกรดรายได้ของคนทำงาน”


ศุภกิจมองรุ่นน้องที่ตนเอ็นดูไม่ต่างจากที่ภรรยารู้สึกนักเดินคอตกออกไปหลังจากยอมรับเรื่องที่คุยกันได้แล้วนึกเป็นห่วง ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าชิโนรสคิดอะไรที่มากกว่าที่พูดออกมา เพียงแต่เมื่อเจ้าตัวไม่ยอมบอก เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์จะไปคาดคั้นมากกว่านี้


เจ้านายหนุ่มตัดสินใจกดโทรศัพท์ต่อสายถึงลูกค้าคนดังกล่าวทันที


“คุณเท่าฟ้าใช่ไหมครับ...ทำงานกับลูกน้องผมราบรื่นดีไหมครับ”






ก่อนช่วงเวลาพักกลางวันครึ่งชั่วโมง ชิโนรสก็เจอเรื่องให้ตกใจอีกครั้งเมื่อมีพิซซ่าถาดกลางมากมายถูกนำมาส่งพร้อมกาแฟแบรนด์ดังปริมาณเท่าจำนวนคนในแผนกออกแบบอีกด้วย เจ้านายของเขารีบออกมาประกาศว่าทั้งหมดนี้เป็นอภินันทนาการจากลูกค้าคนดังที่ขยันสร้างเรื่องวุ่นวายให้ชีวิตเขามากมายเสียเหลือเกิน และตอกย้ำความแปลกแยกจากเพื่อนฝูงให้เขาด้วยการแปะโน้ตมาบนกล่องถาดเล็กที่มีอยู่เพียงถาดเดียวว่าเป็นของเขาเพียงคนเดียวอีกด้วย


ทุกคนต่างร้องแซวกันเป็นเสียงเดียวว่าความสัมพันธ์ของเขากับเท่าฟ้าชักจะไม่ธรรมดาเสียแล้วก่อนจะถูกเบรกเมื่อหัวหน้าให้เหตุผลว่าคุณเท่าฟ้าสั่งมาเลี้ยงเพื่อต้องการตอบแทนที่ทุกคนยอมรับงานค้างของชิโนรสไปทำต่อเพื่อให้คนตัวขาวได้ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ก็เท่านั้น


แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังมามุงดูกล่องพิเศษที่ถูกสั่งมาสำหรับชิโนรสเพียงคนเดียวอยู่ดี หากไม่ได้ศุภกิจช่วยกันไว้อีกครั้ง ชิโนรสก็คงไม่กล้าเปิดมันออกมาต่อหน้าทุกคน


น่าแปลก...ทั้งที่สั่งถาดเล็กแยกมาให้ชิโนรสคนเดียวเป็นพิเศษ ศุภกิจนึกว่าตนจะได้เห็นหน้าพิซซ่าที่พิเศษกว่าคนอื่นไปด้วย แต่นี่กลับเป็นแค่หน้าฮาวาเอี้ยนที่ดูธรรมดากว่าซีฟู้ดหรือหน้าอื่น ๆ ที่ลูกน้องเขากำลังกัดเข้าปากอยู่มาก


ทว่าไม่มีใครล่วงรู้ว่าพิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยนนี้พิเศษมาก ๆ แล้วสำหรับคนได้รับ พิเศษเสียจนชิโนรสไม่รู้ว่าเขาควรดีใจหรือเสียใจกันแน่ เพราะมันเป็นเพียงหน้าเดียวที่เขารับประทานได้


แน่นอนว่า ‘คุณฟ้า’ ไม่รู้


แต่ ‘พี่ฟ้า’ รู้


ก้อนเนื้อตรงอกซ้ายเต้นแรงจนรู้สึกแน่นในอกไปหมด คำถามที่ยังสงสัยและคาใจเพียงเรื่องเดียวได้รับคำตอบแล้วในตอนนี้


มันเป็นคำตอบที่ทำให้เขายิ่งสับสนว่าควรจะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้? ดีใจอย่างนั้นหรือ?



ควรจะดีใจที่พี่ฟ้าจำเขาได้



...หรือควรจะเสียใจกันแน่









TBC.
----------------------------------------------------------------
เพิ่งเห็นว่าหายไปเกือบ 1 เดือนเต็มพอดี
ขอโทษที่ให้รอนะคะ แหะๆ

#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-08-2018 15:55:46
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครหนอที่ไม่มีสิทธิ์?

เท่าฟ้าจำได้จริง ๆ ใช่ไหม?
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 29-08-2018 17:12:15
สงสารน้องซีนจังเลยนะ คุณฟ้าก็อย่าแกล้งมากนัก
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-08-2018 20:08:44
 :hao5:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-08-2018 20:33:32
 มันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ คุณฟ้ารู้ได้ยังไง
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ป่ามป๊ามป่ามปาม ที่ 31-08-2018 12:00:57
ตกลงจำได้หรือไม่ คิดว่าน่าจะจำได้แต่ไม่หมด
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 01-09-2018 10:29:20
 :z3:
เดาว่าพี่ฟ้าจำได้ เลิกกันเพราะอะไรรรรรรรรรรร
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 01-09-2018 12:27:09
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 09-10-2018 05:35:18
ยิ่งค้างคาใจว่าในอดีตเกิดอะไรขึ้น  :katai1:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-10-2018 01:01:44
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 31-10-2018 04:33:47
 :mew6:  :mew6: สงสารใครดี
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: กฤตย ที่ 13-11-2018 19:15:11
รอครับ รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Kuayyai ที่ 13-11-2018 20:41:55
คิดว่าเท่าฟ้าจำได้แน่ ไม่งั้นคงไม่ปั่นแบบนี้หรอก

แต่แค่แกล้งทำจำไม่ได้ หึ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: coraline ที่ 14-11-2018 00:59:40
ติดตามคะๆ แบบลุ้นๆว่าต้องมีเรื่องปวดตับแน่ๆ เราเดาว่าคิดว่านางจำได้คะแต่ต้องที่เกิดเรื่องต้องมีอะไรสักอย่างที่ทำให้นางกลับมาแบบบนี้ สู้ๆคะเป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ

ป.ล. แบบว่าให้น้องชีนเอาคืนแบบเจ็บๆบ้างนะคะ ไม่อยากเห็นน้องเจ็บแบบนี้
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 15-11-2018 10:37:58
เราคิดว่าเกิดจากพ่อแม่ของพี่ฟ้านั่นแหละที่ทำให้เรื่องทุกอย่างยุ่งเหยิง

ชีนก็ยอมไปหมดซะทุกคน อิพี่ฟ้าก็ไม่คิดถึงใจน้อง น้องเจ็บมากเลยนะ

ปล. รอออ ร้ออออ รอออ อัพเดทตอนต่อไปนะค้าาาาา
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-11-2018 23:14:48
เกิดอะไรขึ้นที่ทำให้ฟ้าโกรธชีน
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 16-11-2018 00:11:24
นี่เท่าฟ้าแกจำได้แล้วใช่ไหมเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 04-12-2018 14:04:01
 :L2:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: saccarrum ที่ 10-03-2019 23:24:36
ค้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 11-03-2019 14:07:40
รอ ฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด คิดถึงงง :ling1: :ling1: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-03-2019 00:39:50
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 4 P.2 [29/08/18]
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 30-03-2019 08:25:20
ดูแล้วเท่าฟ้าน่าจะจำชีนได้ รู้สึกอึดอัดแทนชีนเลย เพราะไม่รู้เท่าฟ้าต้องการอะไร
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 24-05-2019 22:38:15
คนไม่มี ‘สิทธิ’

ตอนที่ 5





‘ขอเบอร์ได้ไหมครับ’
‘หือ ทำไมต้องขอละครับ ในใบสมัครก็มีนี่’
‘ถ้าอยากติดต่อเรื่องงานพี่คงไปหาจากใบสมัครแล้ว...ไม่มาขอเองแบบนี้หรอก’
‘ละ แล้ว...ขอไปทำไมละครับ’
‘อยากคุยด้วย เรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับละครเวที’
‘เช่นเรื่องอะไรเหรอครับ’
‘ก็เรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป เรียนเป็นไงบ้าง เมื่อเช้าทานอะไรมา แล้วเย็นนี้เราจะทานอะไรกันดี หรือแม้แต่…’
‘โอเคครับ!’
‘ชีนหมายถึง?’
‘ผม...อยากให้พี่ฟ้าช่วยคิดเมนูอาหารมื้อเย็น...และมื้ออื่น ๆ ของเราครับ’







ชิโนรสถอนหายใจทิ้งเป็นรอบที่สามในช่วงเช้า


คุณเท่าฟ้าหายไปสามวันแล้วหลังจากส่งพิซซ่ามื้อนั้นมาให้โดยทิ้งดอกซ่อนกลิ่นเอาไว้ให้ดูต่างหน้าในเช้าวันนี้พร้อมคำอธิบายที่บอกให้เขาทำงานล่วงหน้าไปก่อนโดยใช้แรงบันดาลใจจากมันซึ่งเป็นดอกไม้ที่คุณพลอยเธอชอบ


ความฉงนที่ตกค้างจากพิซซ่าถาดนั้นกำลังตีกันยุ่งเหยิงกับดอกไม้ช่อนี้ ถ้าการสั่งพิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยนมาให้เขาคือความตั้งใจ นั่นเท่ากับว่าเท่าฟ้าจำเขาได้อย่างแน่นอน และถ้าเป็นอย่างนั้นจริง การส่งดอกซ่อนกลิ่นมาให้ถึงโต๊ะคงเป็นเพราะอยากฆ่าเขาให้ตายอย่างเลือดเย็นที่สุด


ใช่...เขาแพ้เกสรดอกไม้ชนิดนี้


แต่เท่าฟ้าจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้เชียวหรือ?


หรือแท้จริงแล้วพิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยนนั่นก็แค่ความธรรมดาที่อีกฝ่ายต้องการแกล้งเขาให้ได้รับสิ่งที่ด้อยกว่าคนอื่น ๆ ก็เท่านั้น...ไม่ได้เป็นความพิเศษอย่างที่หลงคิดไปเอง


“เห้ยพี่! จะทำอะไร” ชิโนรสร้องเสียงหลงเมื่อปอถือช่อดอกไม้เดินออกไปจากโต๊ะหลังจากที่สละเวลามาถ่ายรูปและวิดีโอดอกไม้ช่อนั้นแบบทุกซอกทุกมุมตามที่เขาร้องขอความช่วยเหลือแล้ว


“ทิ้งดิ ก็มึงแพ้อ่ะ จะให้วางไว้ทำซากอะไร”


“มะ…ไม่ต้องพี่ วางไว้แถว ๆ นี้ก่อนก็ได้”


ปอหันมองรอบตัวก่อนหันกลับมามองช่อดอกไม้ในมือ นิ่งคิดพิจารณาไม่กี่วินาทีก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า “รกเปล่า ๆ”


“วางไว้เถอะหน่าพี่” ถ้าไม่ติดว่าเข้าใกล้แล้วอาจถึงตายได้เขาก็คงจะเข้าไปยื้อมันไว้ด้วยตัวเองแล้วเพราะกลัวอีกฝ่ายจะใจเร็วรีบทิ้งเสียก่อน


“วางไว้ทำไม แค่นี้ละอองมันก็ลอยฟุ้งในอากาศพอละ ไหนจะแอร์นี่อีก เดี๋ยวมึงก็หายใจเข้าไปอยู่ดี”


“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งพี่ วางไว้เถอะ เผื่อผมดูรูปแล้วคิดงานไม่ออก หันไปมองของจริงคงคิดได้มากกว่า”


ปอนิ่งคิด


“วางไว้เถอะพี่ เผื่อผมอยากใช้ประโยชน์จากมันเพิ่ม” หนุ่มรุ่นน้องย้ำอีกครั้ง


ปอมองหน้าคนพูดสลับกับช่อดอกไม้ในมืออย่างพิจารณาอีกครั้ง “งั้นกูวางไว้ข้างนอก เกสรมันจะได้ไม่คละคลุ้งอยู่ในนี้”


ชิโนรสไม่รู้ว่าเกสรแกน ๆ ของดอกไม้ชนิดนี้จะฟุ้งกระจายในอากาศได้มากอย่างที่ปอกล่าวหรือไม่แต่เขาก็เออออตามใจอีกฝ่ายเพราะไม่อยากเซ้าซี้มาก


ดีไซน์เนอร์หนุ่มร่างเล็กนั่งมองดอกไม้ช่อนั้นจากระยะไกล รูปลักษณ์นั้นก็สวยบอบบางด้วยกลีบสีขาวราวน้ำนมเจือสีชมพูอ่อน ๆ ตรงปลายกลีบ ดูคล้ายผิวเนื้อนวลปลั่งของหญิงสาว กลิ่นหอมรัญจวนอันเป็นเอกลักษณ์ที่ดูเหมือนว่ายิ่งห่างต้นจะยิ่งส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่ว


ทว่ามันคือดอกไม้งานศพ!


ผู้หญิงแบบไหนกันที่ชอบดอกไม้ชนิดนี้ ดอกไม้ที่เป็นเครื่องหมายของความโศกเศร้าและการพลัดพราก


หรือจะเล่นนัยยะกับชื่อดอก…


ซ่อนกลิ่นอย่างนั้นหรือ?


ชิโนรสนิ่งคิด สองจิตสองใจกับทางเลือกที่ต่างกัน หนึ่งคือจะออกแบบตามความหมายของมันซึ่งคงต้องใช้เวลาในการหาข้อมูลอีกเล็กน้อย หรือออกแบบโดยอ้างอิงแค่รูปลักษณ์ภายนอกกับตัวตนของคุณพลอยที่เขามีโอกาสได้รู้จัก ซึ่งก็สัมผัสเจ้าหล่อนมาน้อยเหลือเกิน


เคาะปลายปากกากับพื้นโต๊ะอยู่สี่ถึงห้าครั้งอย่างใช้ความคิดก็ตัดสินใจได้ว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี ดีไซน์เนอร์หนุ่มต่อสายโทรศัพท์ภายในถึงหัวหน้าทันทีเพื่อขอช่องทางการติดต่อหญิงสาวที่เกี่ยวข้องกับงานนี้โดยตรง


[ไม่มีให้หรอกว่ะ เราดีลงานกับคุณเท่าฟ้า จะมีเบอร์คุณพลอยได้ยังไง มึงจะเอาไปทำไมวะ]


“ก็งานที่ทำอยู่มันเกี่ยวกับเธอโดยตรงอ่ะดิ ทำไงดีล่ะครับบอส...ถ้าขอเบอร์เธอจากเจ๊จะน่าเกลียดไหมอ่ะ เธอจะโอเคไหมวะ” ชิโนรสหมายถึงภรรยาคนสวยของเจ้านายที่สนิทสนมกับพลอยอยู่พอสมควร


[ไม่น่ามีปัญหาอะไรป่ะวะ เราติดต่อเรื่องงานนี่หว่า มึงไม่ได้โทรไปจีบเขาสักหน่อย]


ชิโนรสหัวเราะแห้ง


[แต่เขาอาจจะยุ่งกับการเตรียมงานรึเปล่า คุณเท่าฟ้าเองก็หายไปหลายวันไม่ใช่เหรอ]


“งานอะไรครับ”


[งานแต่งไงวะ เขากำลังจะแต่งกันอยู่แล้ว อะไรวะ ทำงานใกล้ชิดคุณเท่าฟ้ายังไงไม่รู้เรื่องเลย]


งานแต่ง…


‘จะว่ายังไง ถ้าผมจะบอกว่าผมสนใจคุณ’


“ผ ผมเป็นใครกันล่ะ ทำไมเขาต้องมาบอกเรื่องส่วนตัวด้วย”


[แล้วเขาไม่บอกมึงเหรอว่าเขาเร่งให้บ้านเสร็จเร็วทำไม]


“เกี่ยวไรกัน...เดี๋ยวนะ”


[สกิลเสือกมึงต่ำมากนะไอ้ชีน ถ้าเป็นไอ้ปอนี่รู้นานละว่าเขาตั้งใจจะให้บ้านเสร็จก่อนงานแต่ง]


“ถ้าอย่างนั้น ผมยิ่งต้องรีบติดต่อคุณพลอยเลยใช่ไหมล่ะครับ เอาเป็นว่าผมฝากบอสด้วยแล้วกันนะครับ” แจ้งความจำนงให้คนฟังสับสนว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายออกคำสั่งได้แล้วก็รีบวางสายทันที นัยน์ตาคู่สวยกลับมาสนใจรูปดอกซ่อนกลิ่นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งทว่าคราวนี้ความคิดไม่ได้จดจ่อกับมันอีกต่อไป แต่กลับนึกถึงเรื่องที่ศุภกิจพูดทิ้งท้ายเอาไว้


‘เดี๋ยวผมจะทำให้ชอบเอง’


คนที่เขากำลังจะแต่งงานเขาพูดแบบนี้กับคนอื่นอย่างนั้นหรือ เห็นแก่ตัวที่สุด ผู้ชายคนนั้นช่างเห็นแก่ตัวเสียจริง ทำให้คนหลงรักแล้วพรากความหวังไปพร้อมความสุขในชีวิตได้อย่างเลือดเย็นเสมอ


ชิโนรสหลับตาพ่นลมหายใจยาว รู้ตัวว่าอีกไม่นานความทุกข์จะถูกคน ๆ เดิมยัดเยียดเข้ามาในชีวิตตนอีกครั้ง ได้แต่หวังว่าครั้งนี้จะไม่สาหัสเท่าครั้งก่อน ไม่ทันรู้ตัวก็เผลอยกมือลูบแผลเป็นตรงโคนผมข้างขวาซึ่งถูกทิ้งไว้ให้เขาระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นอยู่เสมอ เพียงแต่ไม่มีใครได้เห็นเพราะเขาจงใจใช้ผมหน้าม้าบดบังเอาไว้


ไม่อยากให้ใครเห็น รวมถึงตัวเองด้วย


“ชีน ไอ้ชีน!” ปอเรียกอยู่หลายครั้งทีเดียวกว่าชิโนรสจะรู้สึกตัว “เป็นไรวะ งานนี้ยากขนาดนั้นเลยเหรอ”


“อื้อ นิดหน่อยว่ะพี่”


กริ๊ง กริ๊ง


ไม่ทันได้ปรับทุกข์อะไรกับหนุ่มรุ่นน้อง โทรศัพท์ภายในของเจ้าตัวก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน ปอได้ยินชิโนรสตอบรับแค่ไม่กี่คำก็วางสายด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยล้ายิ่งกว่าเดิมจึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง “มีไรวะ”


“งานผมแม่งยากจริง ๆ ด้วยว่ะ เจ้าของงานเธอไม่ว่างมาเจอผม”


“เห้ย ก็ออกแบบให้เขาไปก่อน ไม่ยากหรอก” ปอตบบ่าให้กำลังใจรุ่นน้อง “แค่เยอะ”


ชิโนรสหัวเราะแห้ง เห็นด้วยที่ว่าตนคงต้องออกแบบหลาย ๆ คอนเซ็ปท์ไปขาย “ก็คงงั้นแหละพี่”


“อย่าเพิ่งเครียดดิ เดี๋ยวเที่ยงนี้ไปกินข้าวข้างนอกกัน กูเลี้ยงเอง”


ชิโนรสยิ้ม พี่ชายร่วมงานคนนี้ใจดีกับเขาเสมอ “ไว้วันหลังนะพี่ เที่ยงนี้พี่ชิจะมารับอ่ะ”


ปอสั่นตัวสั่นศีรษะอย่างเข็ดขยาดเมื่อได้ยินชื่อนั้น เหตุการณ์ที่สร้างความรำคาญให้เขาในเย็นวันนั้นยังเป็นที่น่าจดจำจนไม่อยากจะเจอกันอีกเลย “โอเค ๆ ถ้าเขามาแล้วมึงรีบลงไปเลยนะ อย่าให้เขาขึ้นมา”


ชิโนรสหัวเราะร่วน ไม่เคยเห็นปอกลัวใครแบบนี้มาก่อนแม้กระทั่งกับเจ้านายเองก็ตาม “ขอโทษแทนพี่ชิอีกครั้งนะครับ”


“เออ ๆ”




เมื่อได้รับข้อความจากฮิโรชิว่าอีกห้านาทีจะถึงบริษัทแล้วชิโนรสก็รีบทำตามคำแนะนำของปอทันทีโดยไม่ลืมแกล้งอีกฝ่ายด้วยการรายงานเรื่องนี้ให้ทราบด้วยรอยยิ้มทะเล้นจนเกือบจะโดนเตะให้ก้นช้ำเสียแล้ว


ทั้งที่มีเวลาพักจากการถ่ายละครน้อยนิดแต่ฮิโรชิก็ยังเลือกภัตตราคารในโรงแรมหรูแทนที่จะเป็นร้านอาหารข้างนอกเพราะต้องการความเป็นส่วนตัวบ้าง


“ดีจังที่วันนี้ชีนว่างมากับพี่” ฮิโรชิพูดระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟแต่ชิโนรสรู้ว่าพี่ชายหมายถึงอะไรกันแน่


“ก็บอกแล้วว่าแค่งาน เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาหรือทุกวันหรอกครับ”


“ชีนรู้ใช่ไหมว่าพี่เป็นห่วงมาก”


“ครับ”


“แล้วรู้ใช่ไหมว่าถ้าแม่รู้แม่จะเป็นห่วงมากแค่ไหน”


“รู้ครับ”


“พี่ว่าครั้งนี้แม่อาจจะพาเราหนีไปไกลจากเขาเลยนะ”


ชิโนรสรู้...และเพราะรู้อย่างนั้นถึงยอมให้คุณแม่ลินดารู้เรื่องนี้ไม่ได้ เขายังอยากเจอ ‘พี่ฟ้า’ ยังอยากอยู่ใกล้แม้ไม่มีสิทธิ์ได้ใกล้แล้วก็ตาม


ฮิโรชิไม่อยากใจร้ายพูดให้น้องไม่สบายใจ แต่เพราะเขาเป็นห่วงจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดเตือนให้ตระหนักรู้สถานะที่แท้จริงของตน แม้ปากชิโนรสจะยืนยันว่าไม่มีทางกลับไปรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนั้นอีก แต่ก็ประมาทไม่ได้ ในเมื่อสี่ปีที่ไม่เจอกัน ผู้ชายที่ชื่อเท่าฟ้าคนนั้นก็ยังไม่หายไปจากใจของน้องเขาเสียที







“ขอบคุณคุณประสิทธิ์อีกครั้งนะครับที่วางใจให้ทางเราออกแบบเพนท์เฮ้าส์ให้ ผม…” เท่าฟ้าชะงักไปเล็กน้อยเมื่อบังเอิญหันไปเห็นใครบางคนเดินออกมาจากห้องอาหารของโรงแรมพร้อมกับพี่ชายคนสนิทที่ดูเหมือนจะกำลังตรงไปยังห้องน้ำ “...ผมขอลาตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ สวัสดีครับ”


บอกลาลูกค้าเรียบร้อยแล้วก็ปลีกตัวออกไปยังห้องน้ำตามสองคนนั้นทันที เพียงแต่เขาเลือกที่จะยืนรอข้างนอกแทนการตามเข้าไปข้างในด้วย


เท่าฟ้ายืนพิงแผ่นหลังกับผนังทางเข้าด้วยท่าทีสบาย ยกสมาร์ทโฟนขึ้นต่ำกว่าระดับสายตาเล็กน้อยเพื่อมองให้เห็นเงาสะท้อนของคนที่จะเดินออกมา เพราะอย่างนั้น ในตอนที่คนคู่นั้นเดินออกมา เขาจึงทำให้การพบกันหน้าห้องน้ำของพวกเขาเป็นเรื่องบังเอิญได้อย่างแนบเนียนทีเดียว


“อ้าวคุณ มาพักกลางวันถึงที่นี่เลยเหรอครับ แต่ดีจริง ๆ ที่เจอคุณที่นี่ ผมจะได้ไม่ต้องวกเข้าไปที่ออฟฟิศคุณอีก” เท่าฟ้าว่าด้วยสีหน้ายินดีเสียเต็มประดา ทว่าสีหน้าแววตาที่ดูดีใจเกินสมควรมันผิดปกติจนฮิโรชิคิดในแง่ดีไม่ได้เลยสักนิด


ชิโนรสเกลียดตัวเองที่ยอมรับว่ารู้สึกดีใจที่ได้เจอเขาหลังจากไม่เห็นหน้าเกือบสามวันเต็มแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเก็บอาการไม่แสดงให้รู้และกลบมันเอาไว้ด้วยสีหน้าไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ “ผมยังทำงานให้คุณไม่เสร็จหรอกนะครับ”


“อ้อ” ฮิโรชิเกลียดท่าทีเกินจริงของอีกฝ่าย มันทำให้เขาไม่อาจไว้วางใจอะไรผู้ชายคนนี้ได้เลย “ถ้าเสร็จแล้วก็อัจฉริยะเกินไปแล้วครับ”


“พวกเราขอตัวก่อนนะครับ” ฮิโรชิยอมเสียมารยาทเอ่ยขัดเพื่อให้ได้พาคนน้องออกจากที่ตรงนี้ และเท่าฟ้าคงยอมปล่อยให้ไปง่าย ๆ หากอีกฝ่ายไม่โอบเอวบางด้วยท่าทีเคยชินจนชวนหมั่นไส้แบบนั้น


“เกรงว่าคุณจะต้องกลับไปคนเดียวแล้วล่ะครับ คุณฮิโรชิ”


“อะไรของคุณ” เป็นชิโนรสที่ชิงถามขึ้นก่อนที่พี่ชายคนสนิทจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้


“คุณต้องไปทำงานกับผม ลืมไปแล้วเหรอว่าเวลาทั้งหมดของคุณเป็นของผม...ผมหมายถึงเวลางานน่ะครับ” เท่าฟ้าแก้คำด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรเมื่อเห็นสีหน้าของคนฟังเริ่มเปลี่ยน


“...”


“เชิญครับ” เท่าฟ้าผายมือนำทางให้ชิโนรส คนตัวเล็กฟึดฟัดที่จำต้องยอมแต่ก็ไม่ขัดความต้องการทั้งที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่เงินกับโทรศัพท์มือถือติดตัวอยู่เท่านั้น ต่างกับคนพี่ที่รั้งไว้ด้วยสายตาที่สื่อความหมายมากมายทว่าก็ไม่อาจฉุดอีกฝ่ายไว้กับตนได้


เท่าฟ้ายิ้มบาง ๆ ให้กับชัยชนะเล็ก ๆ ของตัวเองก่อนเดินตามคนตัวเล็กไปโดยไม่ลืมบอกลาฮิโรชิด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


“คุณจะพาผมไปไหนครับ” คนที่ยอมขึ้นมานั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถคนอื่นเอ่ยปากถามเมื่อรถเคลื่อนออกจากโรงแรมแล้ว


“บริษัทของผม”


ใบหน้าที่ขาวซีดอยู่แล้วยิ่งซีดเผือดเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังจะพาตนไปที่ไหน ถ้าบริษัทที่หมายถึงคือบริษัทที่พวกเขาร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา คนเก่าคนแก่ที่นั่นจะต้องทำให้ความแตกอย่างแน่นอน และเขาไม่มีทางยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่ “แต่ผมไม่มีอุปกรณ์สำหรับทำงานเลยนะครับ”


“ไม่ต้องห่วง บริษัทผมมีครบทุกอย่าง”


“แต่...”


“ดอกไม้ที่ผมส่งไปให้เป็นยังไงบ้างครับ” แม้หงุดหงิดกับการเปลี่ยนเรื่องกะทันหันของอีกฝ่ายแต่เมื่อพูดถึงดอกไม้ ชิโนรสก็นึกสงสัยขึ้นมาทันทีว่าเขาหมายถึงอะไรกันแน่ ผู้ชายคนนี้เคยนึกสงสัยบ้างไหมว่าเขารอดจากการแพ้มันมาได้อย่างไร หรือห่วงกันบ้างหรือเปล่าว่าเขาอาจจะล้มป่วยเพราะมัน...หรือแท้ที่จริงแล้ว ลึก ๆ กำลังคิดว่าทำไมเขาถึงยังไม่ตาย


ชิโนรสรู้ว่าถึงแม้ตนจะคิดอย่างนั้นแต่ในความเป็นจริงแล้วเขาหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้กังวลถึงดอกซ่อนกลิ่นนั่นอย่างที่ตนกำลังคิด หวังให้เท่าฟ้าเพียงแค่ถามถึงงานของตนเท่านั้น


“ยากพอสมควรครับ ผมอยากรู้จักคุณพลอยให้มากกว่านี้ จะได้รู้ว่าควรเรฟฯ จากการลักษณะของดอกไม้หรือชื่อของมันกันแน่”


“ใช้ลักษณะ”


“หืม”


“สวย บอบบาง หอม อยู่ใกล้แล้วทำให้ทั้งชื่นใจและผ่อนคลาย แต่ก็แกร่ง...เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นแหละ”


ชิโนรสมองใบหน้าของคนที่กำลังบรรยายลักษณะของผู้หญิงที่ตนกำลังจะแต่งงานด้วย เขาสัมผัสได้ว่าเท่าฟ้ารักเธอมากจริง ๆ เพราะทั้งสีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมและสิเน่หาอย่างชัดเจน “เพราะอย่างนั้นคุณถึงรักเธอสินะครับ” กว่จะรู้ตัวว่าถามในสิ่งที่ไม่ควรออกไปก็งับปากตัวเองไว้ไม่ทันเสียแล้ว


เท่าฟ้าเหยียดยิ้ม “ไม่ใช่แค่รักหรอก หาคู่ชีวิตนะครับ ไม่ใช่แค่คู่ขาร่วมเตียง”


...คู่ชีวิต…


ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นคู่ชีวิต คู่ชีวิตที่ไม่มี ‘สิทธิ’ อะไรเลย


โชคดีแล้ว...ที่เขาไม่ต้องตกอยู่ในสถานะนั้นอีก


...แม้จะยังต้องการอยู่ก็ตาม


ชิโนรสไม่ถามอะไรต่อและเท่าฟ้าเองก็ไม่ต่อความอะไร ทั้งสองต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองเงียบ ๆ โดยลำพัง ห้วงความคิดที่ทำให้ชิโนรสลืมไปเสียสนิทว่าตนกำลังกังวลกับจุดหมายปลายทางของรถคันนี้อยู่


กว่าจะรู้ตัวว่าติดอยู่ในอดีตเก่า ๆ นานแค่ไหนก็ตอนที่รถหรูเลี้ยวเข้าอาคารแห่งหนึ่งซึ่งต่างไปจากที่คิดไว้เสียแล้ว


ที่นี่ไม่ใช่บริษัทที่พวกเขาร่วมกันสร้างขึ้นมาด้วยสองแรง เขาจำได้ ที่นี่คือตึกรัชกิจประการ บริษัทของตระกูล ตึกที่แสดงความโอ่อ่าของฐานะผู้ชายคนนี้ที่ทำให้รู้สึกว่าชื่อของเขาไม่ได้ใหญ่โตเกินไปเลยสักนิด


“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม” ชิโนรสถามในตอนที่รถจอดสนิทเรียบร้อยแล้ว


“ไม่คิดจะถามก่อนเหรอครับว่าที่นี่ที่ไหน” เท่าฟ้าเลิกคิ้วมอง


“รัชกิจประการไม่ได้โนเนมในวงการออกแบบ” หรือจะให้จำเพาะกว่านั้นคงต้องบอกว่าออกแบบอาคารสถานที่


เท่าฟ้ายิ้ม ไม่ได้ว่าอะไรต่อ เพียงแค่เดินนำทางอีกฝ่ายเข้าลิฟต์โดยสารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุดเท่านั้น


ชิโนรสเดินตามร่างสูงสง่าไปตามโถงทางเดินมุ่งสู่ห้องทำงานของเจ้าตัวด้วยท่าทีหวาดกลัวอย่างคนที่รู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่ใช่เพราะคนที่พาตนมา แต่เพราะความทรงจำในวันวานต่างหากที่ทำให้เขาไม่อยากย่างกรายเข้ามาที่นี่อีก


เท่าฟ้าหยุดยืนหน้าโต๊ะเลขาฯคนสวย ชิโนรสทักทายเล็กน้อยเพราะจำได้ว่าเธอคือคนที่ตามเท่าฟ้าไปคุยงานที่บริษัทเมื่อครั้งก่อนด้วย


“ผมรบกวนคุณยุ้ยจัดโต๊ะทำงานและของอื่น ๆ ที่คุณชิโนรสต้องการให้ด้วยนะครับ” สั่งงานเรียบร้อยแล้วคนเป็นผู้บริหารระดับสูงก็เดินเข้าห้องทำงานตัวเองไปโดยไม่สนใจคนที่พามาด้วยเลยสักนิด


คล้อยหลังประตูห้องปิดลง รอยยิ้มร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ ที่พามาด้วยใช่ว่าอยากอยู่ด้วยเสียที่ไหน เขาแค่หมั่นไส้พ่อพระเอกนั่นต่างหากเลยแกล้งจับแยกเสียนี่ แค่นึกถึงสีหน้าของคนแพ้แล้วก็ยิ่งทำให้รอยยิ้มบนใบหน้ากว้างขึ้นกว่าเดิมเสียอีก


ชิโนรสยิ้มแห้ง ไม่รู้จะขอโทษหญิงสาวอย่างไรกับความเดือดร้อนที่ตนนำมาให้ เพราะว่ากันตามตรงแล้วงานของเขาสามารถทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใกล้มือใกล้เท้าผู้ชายคนนั้นเลยสักนิด แต่เธอก็ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนในการจัดการหาของทุกอย่างที่คาดว่าเขาต้องใช้ทำงานที่เจ้านายเธออ้างในการพาเขามาที่นี่


หนุ่มร่างเล็กใช้เวลาในการหาข้อมูลเกี่ยวกับดอกซ่อนกลิ่นเพิ่มเติมเพื่อฆ่าเวลาเพราะไอเดียเกี่ยวกับงานยังไม่เกิดด้วยเพราะอารมณ์หงุดหงิดในตัวเท่าฟ้ามีมากกว่าอารมณ์สุนทรีที่เหมาะแก่การทำงานศิลปะ  ครั้นเมื่อได้ลงมือร่างแบบคร่าว ๆ จริง ๆ ก็ขีด ๆ ลบ ๆ อยู่หลายครั้งเพราะไม่มีสมาธิ เนื่องจากได้ยินเสียงของเท่าฟ้าที่ขยันออกจากห้องมาคุยงานกับเลขาฯ คนสวยอยู่หลายครั้ง


เลขานุการสาวเริ่มรู้สึกว่าเจ้านายของเธอแปลกไป นับเป็นครั้งที่สามในหนึ่งชั่วโมงนี้แล้วที่เขาเดินออกมาหาเธอด้วยเรื่องงานทั้งที่ปกติแล้วแค่โทรฯ ออกมาเท่านั้น แต่ช่วงบ่ายวันนี้กลับเดินออกมาหาเธอเองถึงโต๊ะ ไม่ว่าจะขอดูงานหรือสั่งงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ตาม ทว่าสิ่งที่เธอไม่ทันสังเกตคือสายตาของเจ้านายที่มักจะมองเลยเธอไปยังดีไซน์เนอร์หนุ่มโต๊ะข้าง ๆ เสียมากกว่า


“คุณเท่าฟ้ามีอะไรก็โทรให้ดิฉันเข้าไปหาเองเถอะค่ะ” หญิงสาวชิงพูดขึ้นก่อนเมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มเดินออกมาจากห้องอีกครั้ง


เท่าฟ้าปั้นสีหน้าไม่ถูกเมื่อไม่รู้จะอธิบายกับเธออย่างไร ทำได้แค่บอกปัดว่าไม่มีงานอะไรแล้วก่อนจะหันไปหาดีไซน์เนอร์หนุ่มแทน “เชิญคุณชีนเก็บของเข้ามาทำงานในห้องผมด้วยครับ”


“ห๊ะ!” ชิโนรสมองหน้าตาตื่น


ทว่าเท่าฟ้าไม่พูดซ้ำ “รบกวนคุณยุ้ยช่วยเขาย้ายของด้วยนะครับ”


“บ้าอำนาจ” คนตัวเล็กบ่นพึมพำตามหลังคนที่ออกคำสั่งเสร็จแล้วก็กลับเข้าห้องไปทันที ก่อนจะยิ้มแห้งเมื่อเห็นสายตาที่มองมาของหญิงสาวหนึ่งเดียวในที่นี้ “ผมหมายความว่าสั่งเก่งน่ะครับ”


เธอคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “อย่าถือสาเธอเลยค่ะ”


โต๊ะทำงานของชิโนรสในห้องของเท่าฟ้าคือโซฟารับรองแขกตัวใหญ่ที่มีพื้นที่มากมายแต่ไม่สบายสำหรับลักษณะงานของเขาเลยสักนิด หนุ่มร่างเล็กเลิกสนใจข้อความมากมายที่ฮิโรชิส่งมาหาแล้ววางสมาร์ทโฟนไว้บนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ ใช้เวลาก่อนเริ่มงานมองสำรวจไปทั่วห้องนี้ ชักจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็ก ๆ เพราะทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชายผู้เคยเป็นที่รัก แต่ถึงอย่างนั้นก็สำรวจอย่างถ้วนทั่วเกือบทุกมุมก่อนที่สายตาจะสบเข้ากับเจ้าของห้องที่มองมายังตนอยู่พอดี


“อะเอ่อ...” ชิโนรสตะกุกตะกัก ทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกจับได้ว่าแอบสำรวจห้องคนอื่น “คุณบอกว่าพาผมมาเพราะมีงานต้องทำด้วยกัน”


“ก็งานที่คุณมีอยู่ไง ทำไปสิ”


“ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับไปทำที่ออฟฟิศ”


เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกว่าปิดหน้าจอแล็ปท็อปทันทีโดยไม่ลังเลเท่าฟ้าก็รีบกลับคำพูดตัวเองทันที “ผมมีงานให้คุณทำ” และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังมีสีหน้าไม่เชื่อกันจึงย้ำความตั้งใจอีกครั้งด้วยการบอกให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้


“ผมอยากให้คุณช่วยงานนี้”


ดีไซน์เนอร์หนุ่มชะโงกหน้าข้ามโต๊ะไปมองหน้าจอ เมื่อเห็นว่าเป็นโมเดลสามมิติของเพนท์เฮาส์ไม่ใช่บ้านไม้ริมทะเลที่เป็นงานของตนโดยตรงก็รู้สึกฉุนขึ้นมา “นั่นใช่งานที่ผมต้องทำเหรอ ผมไม่ใช่อินทีเรียนะ”


“ช่วยผมออกแบบอย่างที่คุณถนัดก็ได้ ผมจ้างคุณโดยตรงเลย ไม่ผ่านบริษัท”


“ขอโทษด้วยครับ แต่ผมไม่รับงานเอง”


เท่าฟ้านิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแต่ไม่ละสายตาไปจากคนตัวเล็กกว่าเลยสักนิด “มาทำงานกับผมไหม”


“...” ชิโนรสพูดไม่ออก ไม่แม้กระทั่งจะโวยวายถึงความบ้าบอในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา เพราะอดคิดถึงช่วงเวลาที่ทำงานด้วยกันไม่ได้


...บรรยากาศการทำงานที่อบอวลไปด้วยความสุขและความรักของเราสองคน...


“ผมพูดจริงนะ”


คล้ายเป็นถ้อยคำกระชากสติ ชิโนรสจุดยิ้มมุมปากก่อนย้อนกลับ “ที่นี่น่ะเหรอครับ” ไม่มีทางแน่ ต่อให้คิดจะแกล้งกัน เท่าฟ้าก็ไม่มีทางชวนเขามาทำงานที่นี่แน่


“หึ ผมไม่ค่อยได้ทำงานที่นี่นักหรอกครับ ที่ผมอยากให้คุณมาอยู่ด้วย ผมหมายถึงบริษัทรัชชิน”


รัชชิน...บริษัทที่พวกเขาตั้งขึ้นมาด้วยกัน


“ผมไม่ทำ” น้ำเสียงแน่วแน่และมั่นคงเกินกำลังตนยิ่งทำให้คนฟังอยากเอาชนะ “ผมจะกลับแล้ว”


เท่าฟ้ารีบลุกขึ้นยืนคว้าแขนคนที่หันหลังให้ตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับอยากจากกันไปนัก “คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”


ชิโนรสเลิกคิ้วมองแทนคำถาม


“ผมขอเบอร์คุณไว้ได้ไหม”


“ถ้าเป็นเรื่องงาน คุณติดต่อผ่านส่วนกลางของบริษัทหรืออีเมลได้เลยครับ”


“ถ้าอยากคุยนอกเรื่องล่ะ...เช่นเย็นนี้เราจะทานอะไรกันดี” ใบหน้าหล่อแต้มยิ้มสนเท่ห์ชวนให้ใจเต้นแรงเหมือนในวันวาน ทว่าชิโนรสมีสติพอที่จะไม่ลุ่มหลงมันง่าย ๆ


“พอดีว่าผมไม่ต้องคิดเองครับ คุณแม่ผมจะดูแลเรื่องนี้ให้”


“...”


“อีกอย่าง ส่วนใหญ่แล้วเราก็ทำงานอยู่ด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องโทรนี่ครับ”


เท่าฟ้ากระตุกยิ้ม “หมายความว่าคุณยินดีที่จะอยู่กับผมตลอดเวลา”


คนเด็กกว่าสูดหายใจ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “ผมยังไม่เห็นถึงความจำเป็นนั้นนะครับ”


“จำเป็นสิครับ...เพราะถ้าผมไม่เห็นหน้าคุณ ผมก็อยากจะรู้ว่าคุณเป็นยังไง ทำอะไรอยู่ ผมถึงได้ขอเบอร์คุณไว้ไงครับ”


สองหนุ่มจ้องประสานตากันอย่างท้าทายก่อนที่คนน้องจะเป็นฝ่ายหลบ “ผมจะลงไปซื้อกาแฟข้างล่าง คุณอยากได้อะไรไหมครับ”


รอยยิ้มเล็ก ๆ จุดขึ้นมุมปากของร่างสูงเมื่อสัมผัสได้ถึงชัยชนะในครั้งนี้แต่ก็ยังอยากให้สุดกว่านี้จึงย้ำความต้องการเดิมอีกครั้ง “เบอร์คุณไง บอกไปแล้วนี่ว่าอยากได้เบอร์คุณ”


“ไม่มีให้ครับ” ชิโนรสพูดเสียงหนักแน่นที่ไม่ต่างจากแมวขู่ฝ่อ เท่าฟ้าเรียนรู้ว่าชิโนรสคนที่ยังยอมต่อปากต่อคำด้วยไม่ใช่ชิโนรสคนที่โกรธเป็นจริงเป็นจังอย่างที่แสดงออก


เท่าฟ้ายอมปล่อยให้ชิโนรสทำตามต้องการได้เมื่อเสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น เสียงเลขาฯ สาวดังเข้ามาแจ้งว่าเพื่อนที่เขานัดไว้มาถึงแล้วเขาจึงอนุญาตอัตโนมัติ กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนคนนั้นคือใครก็โทรฯ กลับไปห้ามไว้ไม่ทันเสียแล้ว


“ชีน น้องชีนใช่ไหม” คนมาใหม่ทักทายคนที่เจอทันทีเมื่อเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ทันสังเกตสีหน้าอีกฝ่ายเลยสักนิด


“พี่ศร!”


“รู้จักกันด้วยเหรอ”


“มึงว่าอะไรนะ?” ธรรมศรหันมองหน้าเพื่อนและหนุ่มรุ่นน้องสลับกันไปมาด้วยความงงงวย “ทำไมจะไม่รู้จักวะ ก็--”


“เรารู้จักกันเพราะเคยเล่นละครเวทีด้วยกันครับ” ชิโนรสชิงตอบขึ้นเสียก่อนที่ธรรมศรจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรออกมา เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาตื้นลึกหนาบางขนาดไหน เพียงแต่ตนต้องป้องกันเอาไว้ก่อน


“ละครเวที?...เรื่องไหน”


“ยังมีเรื่องไหนอีกละวะ ทั้งชีวิตมหา’ลัยกูก็เล่นให้คณะมึงแค่เรื่องเดียวเนี่ย”


“คุณก็เล่นด้วย?”


“...” ชิโนรสพูดไม่ออก ถ้าเป็นเมื่อสี่ปีก่อนตอนที่เกิดเรื่องใหม่ ๆ เขาคงปล่อยโฮออกมาแล้วเมื่อถูกกดดันแบบนี้


“แล้วทำไมเราไม่รู้จักกัน”


“...”


“ไม่สิ ผมความจำเสื่อมไปพักหนึ่ง ต้องถามว่าคุณไม่รู้จักผมเหรอ”


ชิโนรสกลืนน้ำลายหนืดลงคอ เกิดอาการน้ำท่วมปากไม่รู้จะพูดออย่างไรหรือควรเลือกทางไหน


“เอ่อ...ผมกำลังจะลงไปซื้อกาแฟข้างล่าง พี่ศรอยากได้อะไรไหมครับ” คนถามส่งสายตาร้องขอด้วยหวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจและให้ความช่วยเหลือ


“ขอบคุณครับ แต่พี่ว่าพี่ลงไปซื้อเองดีกว่า...เดี๋ยวกูมานะ” ธรรมศรว่าในขณะที่วาดแขนขึ้นกอดคอหนุ่มรุ่นน้องอย่างสนิทสนม


“ไอ้ศร!” เจ้าของชื่อทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจน้ำเสียงกดต่ำที่ดังตามหลังแม้ว่าฟังจากน้ำเสียงก็รู้ในทันทีว่าเพื่อนกำลังรู้สึกแบบไหนอยู่ก็ตาม เขารู้ว่าที่เท่าฟ้าเป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะว่าเขาให้ความช่วยเหลือหนุ่มรุ่นน้อง แต่เป็นเพราะแขนที่โอบกอดร่างเล็กนี้อย่างถือวิสาสะต่างหาก








TBC.
----------------------------------------------------
หายไปนานถึง 9 เดือน
ยังมีใครอยากอ่านไหมคะ
อ่านเถอะค่ะ ยังอยากแต่งงงงงง
ฝากด้วยนะคะ
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ
ธัญญ์
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 24-05-2019 23:43:16
ดีใจที่กลับมาเขียนต่อนะคะ

อ่านตอนนี้แล้วคิดว่าเท่าฟ้าคงจำน้องชีนได้แล้วแน่ๆ ดูหวงน้องกับทุกคนขนาดนี้

รออ่านตอนต่อไปนะคะ อยากรู้ว่าศรจะคุยอะไรกับชีนบ้าง
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-05-2019 00:21:35
 :3123: :3123: :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-05-2019 03:40:38
ขอบคุณที่กลับมาค่ะ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 25-05-2019 10:10:14
ต้องไปอ่านเริ่มต้นอีกครั้ง เกือบจำไม่ได้ เราสมองปลาทอง อิอิอิ
ขอบคุณที่มาต่อนะจ๊ะ
 :L2: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-05-2019 10:29:05
 :pig4: :pig4: :pig4:


 :pig2: back
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 25-05-2019 21:09:10
เท่าฟ้านี่พระเอกจริงเหรอ ดูเลวดีนะ ขอความดีหน่อย
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-05-2019 23:43:55
เฮ้อออ สงสารชีน อีทัฟฟ้าต้องการไรแน่
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 26-05-2019 01:02:22
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 26-05-2019 14:29:02
เท่าฟ้านี่ยังไง บางทีก็ทำเหมือนรู้ ตกลงว่าจำได้หรือไม่ได้กันแน่
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: พลอย ที่ 26-05-2019 20:44:09
เป็นพระเอกที่ไม่เชียร์เป็นเรื่องแรก 55555
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 26-05-2019 23:33:29
ติดตามๆ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีต :pig4:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 27-05-2019 22:27:13
คนพี่นี่ท่าทางใจร้ายน่าดู
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: oily06 ที่ 01-06-2019 12:39:25
สับสนกับพี่ฟ้าจริงๆค่ะ บางทีก็เหมือนจะจำได้ บางทีก็เหมือนไม่รู้จริงๆ ทำไมต้องมาทำให้น้องสับสนด้วย มีอะไรทำไมไม่ถามกันตรงๆ ไม่คุยกันดีๆอ่ะ สงสารน้อง  :katai1:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-06-2019 19:44:00
เพิ่งเข้ามาอ่านค่า รอติดตามน้า
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 03-06-2019 12:52:09
ตามมมม
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 03-06-2019 23:19:03
รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 5 P.2 [24/05/19]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 04-06-2019 01:08:57
ถ้าจำได้ แต่ยังส่งดอกไม้มานี่แบบ .... เลวนัก
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: ธัญญ์ ที่ 23-06-2019 21:10:39
คนไม่มี ‘สิทธิ’

ตอนที่ 6








‘ไอ้ศร’
‘ไงเพื่อน มีไรวะ’
‘กูกับน้องชีน...คบกันแล้วนะ’
‘เชี่ย! เห้ยดีใจด้วย พี่ดีใจด้วยนะน้องชีน’
‘ขอบคุณครับ’
‘กูก็คิดอยู่ว่าใครวะที่ทำให้มึงเข้าใจกูเรื่องคบผู้ชาย ที่แท้ก็น้องชีนนี่เอง’
‘กูบอกมึงคนแรกเลยนะ’
‘ก็ถ้าคนใกล้ตัวมึงกับน้องที่สุดอย่างกูรู้เรื่องเป็นคนสุดท้าย กูจะถอนตัวจากละครเวทีคณะมึงแน่’
‘ความจริงคือกูกลัวเพื่อนคนอื่นไม่เข้าใจกูด้วย’
‘มึงลืมไปแล้วเหรอว่ามึงไม่ใช่คนแรกในกลุ่มที่มีแฟนเป็นผู้ชาย’
‘เออว่ะ’
‘ให้กูนัดให้ไหมล่ะ จะได้รู้พร้อม ๆ กัน’
‘ชีนว่าไงครับ’
‘น้องชีนไม่ต้องกลัวนะ เพื่อนพี่มันน่ารัก ไม่กัดหรอก’
‘งั้นก็แล้วแต่พี่ฟ้าเลยครับ’







“ไม่เจอกันนาน สบายดีไหม” ธรรมศรเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนหลังจากได้นั่งในบริเวณสำหรับรอเครื่องดื่มแล้ว


“ไม่เจ็บไม่ไข้ครับพี่”


หน้าตาไม่สดใสแปลกไปจากทุกที นั่นคือสิ่งที่ธรรมศรสังเกตได้ เมื่อก่อนเจอกันกี่ครั้งไม่เคยมีครั้งไหนที่เขาจะได้รับพลังงานลบจากรุ่นน้องคนนี้ เจ้าตัวมีแต่ความสดใสให้คนรอบข้างเสมอแม้ในยามที่เจอเรื่องทุกข์ยากก็ตาม



“อืม แล้วเรื่องชีนกับไอ้ฟ้า พี่ถามได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”


“เรา...จบกันไปนานแล้วครับ”


“เกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นที่ไอ้ฟ้ารถคว่ำ ชีนยังดูแลมันอย่างดีเลยนี่…” ธรรมศรไม่ทันรอฟังคำตอบจากชิโนรสก็เผยสันนิษฐานของตัวเองออกมาเสียก่อนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างจากการแจ้งข่าวของเพื่อนฝูงไปถึงคนต่างแดนอย่างเขา “...หรือว่าเรื่อง--”


“เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว ขอไม่ลงรายละเอียดได้ไหมครับ” ชิโนรสแทรกตัดบท


ธรรมศรจำต้องหยุดความสงสัยเอาไว้แค่นั้นแล้วพยักหน้ายอมรับ


“รู้แค่ว่าตอนนี้เขาจำน้องชีนไม่ได้ และเราอยู่ในฐานะเพื่อนร่วมงานกันก็พอครับ”


“ไม่คิดเหรอว่าเท่าฟ้าควรได้รู้ความจริง อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าชีนไม่ได้อยากทิ้งเขา”


“บางเรื่อง...เขาลืมเสียได้ก็ดีแล้วครับ”


“...”


“อีกอย่าง ถ้าเขาจำผมไม่ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องไปฟื้นเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาบอกว่าใครผิดใครถูกเพื่อให้เกิดความบอบช้ำใจกันอีกหรอกครับ”


ธรรมศรไม่รู้จะพูดอย่างไร ด้วยเพราะยังไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดี จึงได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจเพราะเท่าที่ดู ชิโนรสก็คงเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยทีเดียว


ชิโนรสยิ้มขื่น ยิ่งได้เห็นแหวนเงินกลมเกลี้ยงที่นิ้วนางข้างซ้ายของอีกฝ่ายก็ยิ่งขื่นขมเพราะวันวาน “พี่ศรกับพี่โอมแต่งงานกันแล้วเหรอครับ”


ธรรมศรดึงมือกลับแล้วยกมือขึ้นมองแหวนยิ้ม ๆ “ไม่เชิง แค่ใส่ไว้กันสาว ๆ น่ะ คนมีเจ้าของแล้วก็ควรทำนี่เนอะ เดี๋ยวโอมมันของขึ้นอีก” ประโยคหลังธรรมศรพูดเสียงเบาลงด้วยท่าทีราวกับหวาดกลัวเมื่อพูดถึงคนรักของตัวเองทว่ากลับยิ้มหยอกปิดท้ายให้รู้ว่าแค่แกล้งเท่านั้นไม่ได้มีอะไรน่ากลัวสักนิด


“ดีจังเลยนะครับ”


ธรรมศรยิ้ม รู้ว่าหนุ่มรุ่นน้องหมายถึงอะไร


“ยังไม่ทันได้กาแฟเลย แต่มีคนไลน์ตามซะแล้ว” ธรรมศรว่ายิ้ม ๆ เมื่อเช็คจากหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วพบข้อความของเท่าฟ้า


ชิโนรสไม่ว่าอะไร สองหนุ่มนั่งรออีกครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเรียกคิวตัวเอง ชิโนรสจึงเอ่ยขึ้นในตอนที่รับแก้วกาแฟมาไว้ในมือแล้วว่า “ผมขอกลับเลยแล้วกันนะครับ”


“เอางั้นเหรอ”


“ครับ ฝากด้วยนะครับ”





เท่าฟ้าจ้องมาที่เขาทันทีที่เยี่ยมหน้าผ่านบานประตู ไม่ต้องถามก็พอรู้ว่าเจ้าตัวจดจ่อกับมันมานานแค่ไหน ไม่ใช่เพิ่งเงยหน้าจากกองเอกสารมามองตอนที่เขาเคาะประตูขออนุญาตแน่


“คุยอะไรกัน”


“ใจคอมึงจะไม่ถามเรื่องกูก่อนเหรอ” ธรรมศรยียวนแสร้งไม่สนใจคำถามของอีกฝ่าย “กูไม่ใช่แค่ลงไปซื้อกาแฟนะ แต่กูคือคนที่เพิ่งเรียนจบกลับมาจากเมืองนอก”


“แล้วเขาไปไหน”


“กลับไปแล้ว” ธรรมศรว่าพลางถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ยิ้มยียวนทีหนึ่งก่อนดูดกาแฟด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับอารมณ์คุกรุ่นของอีกฝ่าย


“กูกับเขา รู้จักกันมาก่อนจริง ๆ เหรอ”


ธรรมศรแสร้งยกข้อมือขึ้นดูเวลา “เจอหน้ากูมาเกือบห้านาทีแล้วยังไม่คิดจะถามเรื่องกูสักคำเลยเหรอ นี่กูจบด็อกเตอร์แล้วนะ ยินดีกับกูก่อนไหม”


เท่าฟ้านิ่งไปหลายอึดใจกว่าจะยอมพูดออกมา “ยินดีด้วย เก่งมากเพื่อน แล้วมึงสบายดีไหม”


ธรรมศรยิ้มรับชัยชนะ แต่แทนที่จะให้คำตอบอย่างที่ร้องขอคำถามมาตลอดกลับเลี่ยงไปพูดอีกเรื่องหนึ่งเสียอย่างนั้น “มึงจำเขาไม่ได้จริง ๆ เหรอวะ”


เท่าฟ้าพิงพนัก นั่งด้วยท่าทีสบายที่ธรรมศรมองอย่างไรก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้ตัวเองอยู่ “กูรู้จักแค่คุณชิโนรส ดีไซน์เนอร์ที่กูร่วมงานด้วย”


“แต่มึงจำกูได้”


“กูก็อาจจะจำใครไม่ได้อีกตั้งหลายคน...แค่กูยังไม่เจอเขาเท่านั้นเอง”


ธรรมศรมองนิ่งทว่าพิจารณาท่าทางอีกฝ่ายอย่างถ้วนถี่


“หรือบางคนกูเจอแล้วแต่เขาไม่พูดและไม่เคยมีใครบอกให้รู้ว่าเรารู้จักกัน”


“น้องชีนไม่บอกมึงเลยเหรอ”


เท่าฟ้าเลิกคิ้ว “น้องชีน?”


ธรรมศรไหวไหล่ “ใช่ น้องชีน ก็กูจำเขาได้ มึงจำไม่ได้ก็เรียกคุณชิโนรสไปสิ” ชายหนุ่มจงใจเน้นคำเรียกที่บ่งบอกถึงความห่างเหินของอีกฝ่ายให้ชัดขึ้น


เท่าฟ้าไม่สบอารมณ์ แม้จะไม่เจอกันมานานสี่ปีและคนที่อยู่ตรงหน้าอาจไม่ใช่เท่าฟ้าคนเดิมที่เคยรู้จัก แต่ธรรมศรก็มองอกว่าไอ้ท่าทางฟึดฟัดขึ้นจมูกและมือที่เริ่มยกขึ้นมากอดอกคือการแสดงอาการไม่สบอารมณ์


“ตกลงว่าน้องชีนไม่ได้บอกมึงเหรอว่ารู้จักมึง” ธรรมศรแสร้งย้ำคำเรียกอีกครั้ง


เหอะ! น้องชีน


ขัดหูชะมัด!!


“ไม่เคยบอก”


“มึงไม่รู้สึกคุ้นเขาบ้างเลยเหรอ”


“ไม่”


“งั้นก็ไม่ต้องสนใจอะไร” ธรรมศรแกล้งสรุปราวกับไม่มีเรื่องอะไรในอดีตที่น่าสนใจนัก


“แต่กูอยากรู้”


ธรรมศรมองเพื่อนอย่างพิจารณา “เพื่ออะไร”


“เพราะกูอยากรู้ ความทรงจำของกู กูก็ควรมีสิทธิ์ได้รู้ทั้งหมดไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง เรารู้จักกันมาก่อนแต่ทำไมตอนเจอหน้าครั้งแรกถึงทักทายเหมือนคนไม่รู้จัก มึงจะไม่ให้กูสงสัยหน่อยเหรอว่าเขากำลังปิดบังเรื่องในอดีตระหว่างกูกับเขาเอาไว้”


ธรรมศรเว้นจังหวะ เลือกใช้คำพูดตามความต้องการของชิโนรสแทนความรู้สึกของตัวเอง “บางเรื่องมึงลืมไปได้ก็ดีแล้ว”


“มึงหมายถึงความสัมพันธ์ของกูกับเขาเมื่อก่อนใช่ไหม”


“มึงกับเขาไม่ได้มีอะไรมากมายหรอก แค่เคยร่วมงานละครเวทีกันเท่านั้น ตอนกลับมาเจอกันอีกมึงจำเขาไม่ได้ เขาก็คงกลัวว่าถ้าทักทายเหมือนรู้จักกันอาจถูกมึงมองว่าปีนเกลียว ทำเป็นรู้จักหวังผลประโยชน์อะไรแบบนั้น...อย่าลืมนะว่ามึงกลับมาจำทุกคนได้ตั้งนานแล้ว แต่อยู่ดี ๆ ก็มีใครไม่รู้มาเนียนบอกว่ารู้จักมึง ขณะที่มึงไม่เคยเห็นเขาในมโนภาพเลย มึงจะโอเคกับเขาเหรอวะ” ตราบใดที่เท่าฟ้ายังไม่ยอมรับว่าจำชิโนรสได้ เขาก็จะไม่พูดอะไรเพื่อเป็นการรื้อฟื้นอย่างที่ชิโนรสต้องการ


เท่าฟ้าพูดไม่ออก


“แล้วทำงานอะไรกันวะ จำเป็นต้องให้เขาย้ายจากหน้าห้องมานั่งในห้องด้วยกันเหรอ” ก่อนเดินเข้ามาธรรมศรได้ถามเรื่องราวของชิโนรสจากเลขาฯ สาวของเพื่อนมาคล่าว ๆ แล้ว และยิ่งได้รู้ก็ยิ่งมั่นใจอะไรบางอย่าง


ธรรมศรไม่รู้ว่าเพื่อนจำคนรักเก่าของตัวเองไม่ได้จริงหรือไม่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่ใจคือเท่าฟ้าคนนี้ชอบชิโนรสอย่างแน่นอน


ก็อก ก็อก ก็อก


เสียงประตูเปิดออกแทบจะทันทีที่เสียงเคาะเงียบลง ธรรมศรหันมองว่าใครกันที่ถือสิทธิ์เข้าห้องนี้ได้โดยไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องอนุญาตก่อนและทำให้เขาต้องพลาดคำตอบที่อยากรู้จากเพื่อนรัก


“อุ๊ย ขอโทษค่ะ พลอยไม่รู้ว่าพี่ฟ้ามีแขก พอดีเลขาฯพี่ไม่อยู่น่ะค่ะ ถ้ายังคุยไม่เสร็จ พลอยลงไปรอข้างล่างนะคะ”


“ไม่ต้องหรอกครับ เข้ามาเถอะ”


ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่ธรรมดา


“ไอ้ศร นี่พลอย แฟนกู”


นั่นปะไร!


ธรรมศรยิ้มให้เธอด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรรับการไหว้ทักทายของเธอขณะสละเก้าอี้ให้เธอได้นั่งแล้วย้ายตัวเองไปยืนพิงขอบโต๊ะข้างเท่าฟ้าแทน โดยไม่ลืมหันไปเลิกคิ้วมองเพื่อนพร้อมคำถามผ่านสายตาว่า ‘แล้วชีนล่ะ”


ทว่าเท่าฟ้ากลับเพิกเฉยแล้วแนะนำธรรมศรให้พลอยรู้จักต่อ “ส่วนนี่ศร เพื่อนสนิทพี่ครับ”


“เพื่อนสนิท? พลอยนึกว่าตัวเองรู้จักเพื่อนสนิทของพี่ฟ้าหมดแล้วนะคะ นี่ยังเหลือคนสนิทของพี่ที่พลอยยังไม่รู้จักอีกไหมคะ” เธอว่าติดตลก


ธรรมศรจุดยิ้มมุมปาก และยิ่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนสนิท “ไม่มีแล้วครับ”


“น่าดีใจจริง ๆ ที่กูเป็นคนสุดท้าย”


เท่าฟ้าแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้ากวนประสาทของเพื่อน “พลอยมาหาพี่ถึงนี่มีอะไรรึเปล่าครับ”


“คุณแม่อยากทานข้าวกับพี่ฟ้าน่ะค่ะ พลอยส่งข้อความมาตั้งแต่บ่ายแล้วแต่พี่ไม่อ่านเลยมาหาถึงที่” เท่าฟ้ากระแอมไอเล็กน้อยแก้เก้อเพราะรู้ดีว่าตลอดทั้งบ่ายเขาไม่ได้สนใจอะไรเลยนอกจากคนตัวขาวที่พามาด้วย


“เย็นนี้พี่ไม่ว่างด้วยสิ มีเลี้ยงต้อนรับไอ้ศร”


“เห้ย ไม่เป็นไร มึงไปกับน้องเขาเถอะ เราค่อยนัดกันวันหลังอีกก็ได้”


“ออกมาหาพวกกูบ่อย ๆ นี่ปรึกษาแฟนมึงแล้วเหรอ”


“ถ้ามันบ่นก็แค่ชวนมาด้วย แต่มึงจะปฏิเสธผู้ใหญ่เพราะเพื่อนได้ไงวะ”


“แล้วมึงจะไปยังไง” เท่าฟ้าถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเดิมทีนัดกันว่าธรรมศรจะไปพร้อมตน


“กูไปเรียนแค่ไม่กี่ปี ประเทศไทยไม่มีอะไรเปลี่ยนหรอก แค่นี้สบายมาก”


“อือ ฝากแก้ตัวให้กูด้วยแล้วกัน”


“เออ กูไปแล้วนะ พี่ไปนะครับ”


“พลอยขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ”


“อย่ากังวลเลยครับ ไว้เจอกันคราวหน้านะครับ” ธรรมศรบอกลาเธอแล้วยกมือลาเพื่อนอีกครั้งก่อนได้ออกจากห้องไปจริง ๆ


“เราก็ไปกันเลยไหมคะ”


“เอ่อ ขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ”


เธอยิ้ม “ได้สิคะ พลอยลงไปรอร้านกาแฟแล้วกันนะคะ พี่ฟ้าไม่ต้องรีบมากหรอกค่ะ”


เท่าฟ้ายิ้มรับ


ทว่าคล้อยหลังเธอเขาก็ไม่ได้ทำงานที่คั่งค้างอยู่แต่อย่างใด นัยน์ตาดำสนิทเอาแต่เหม่อลอยถึงคนที่หนีกลับไปก่อนโดยที่ไม่ยอมบอกลากันสักคำ



เท่าฟ้าถอนหายใจทิ้งสองสามครั้งก่อนเด้งตัวลุกจากเก้าอี้เตรียมจะออกจากห้อง แต่เพราะเสียงสั่นครืดของเครื่องมือสื่อสารของบางคนบนโต๊ะรับแขกดึงความสนใจไว้จึงต้องเดินเข้าไปดู เห็นรายชื่อคนโทรเข้าแล้วอดไม่ได้ที่จะร้องเหอะด้วยความหมั่นไส้ทั้งที่เจ้าของไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ จากที่ตั้งใจว่าจะรีบลงไปหาหญิงสาวก็เปลี่ยนใจใช้เวลากับของในมือต่ออีกนิดเพราะรูปหน้าจอที่แม้ไม่ชัดนักก็ยังมองออกว่าคือมือของคนสองคนจับกันอยู่โดยมีของสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมาจากรูปคือแหวนแต่งงาน!





ห้าโมงเย็นที่ร้านอาหารบนดาดฟ้าโรงแรมหรูคือสถานที่นัดหมายในวันนี้ ธรรมศรรู้สึกผิดเล็กน้อยที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายแต่ก็ดีใจที่อย่างน้อยตนก็ไม่ต้องรอให้ครบองค์ประชุมเพื่อถามในสิ่งที่อยากรู้มากที่สุดในตอนนี้


“ไงดอกเตอร์เกียรติฯหนึ่ง จะเรียนเก่งไปไหนวะสาส รอพวกกูด้วยครับ” ทัชส่งเสียงทักทายมาเป็นคนแรกก่อนที่ธรรมศรจะทันได้หย่อนก้นลงนั่งเสียอีก


คนที่เพิ่งมาถึงยังไม่ทันได้ทักทายตอบ ใครอีกคนก็แทรกขึ้นมาอีกในตอนที่เขานั่งลงตรงกลางระหว่างกอล์ฟและหนึ่ง “ไอ้โอมไม่มาด้วยเหรอวะ มันยอมปล่อยมึงมาคนเดียวด้วยเหรอ”


ธรรมศรเพิกเฉยต่อคำแซวทั้งเรื่องเรียนและเรื่องคนรักโดยเลือกที่จะพูดในสิ่งที่คาใจตนเองก่อน “พวกมึง...วันนี้กูเจอไอ้ฟ้ากับน้องชีน”


เพียงแค่เกริ่นออกไปทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบและหยุดทุกการเคลื่อนไหวจนเขาต้องย้ำอีกครั้ง ก่อนที่กอล์ฟจะเป็นคนได้สติแล้วถามกลับมาเป็นคนแรกว่า “น้องชีนไหน”


“น้องชีน...คณะดีไซน์”


คนฟังพร้อมใจกันกลืนน้ำลายหนืดลงคอ


“แฟนคนที่มันแต่งงานด้วยเมื่อ 6 ปีก่อน”






‘พี่ศรกับพี่โอมแต่งงานกันแล้วเหรอครับ’


ครั้งหนึ่งเขาก็เคยแต่งงานกับผู้ชาย...ผู้ชายคนนั้น


แหวนเงินกลมเกลี้ยงต่างขนาดสองวงที่เคยถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างดีตอนนี้กลับมาอยู่ในมือของคนที่เคยสวมใส่มันอีกครั้ง


ทว่าเพียงแค่คนเดียว


และคงไม่มีโอกาสได้ใส่มันอีกแล้ว


แต่เมื่อได้มองมันทีไร ใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะหวนนึกไปถึงวันที่ได้สวมใส่มันพร้อมกับคนรัก ชีวิตคู่ที่แสนสุข ทุกภาพทุกท่วงท่าชัดเจนในหัว ทุกอย่างฉายซ้ำเหมือนเดิม รวมถึงภาพในวันที่เขาต้องถอดแหวนออกทั้งน้ำตาและหัวใจที่แตกสลายด้วยเช่นกัน


หยาดน้ำใสกลั่นตัวออกจากตากลิ้งลงบนผิวแก้มโดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกด้วยซ้ำ จนกระทั่งเสียงหายใจเริ่มติดขัดเพราะอาการสะอื้นถึงได้รู้ว่าตนได้ร้องไห้ให้กับเรื่องเก่า ๆ อีกแล้ว


ชิโนรสปาดน้ำตาออกอย่างนิ่มนวล เชื่องช้า ทว่าไม่ได้ละเอียดนัก คราบน้ำตาอีกมากมายจึงถูกกำจัดจนหมดในตอนที่สะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงเคาะประตูห้องซ้ำในรอบที่สาม


ดีไซน์เนอร์หนุ่มร่างเล็กเก็บแหวนเข้าที่เดิม เช็คความเรียบร้อยของตัวเองอีกนิดก่อนเปิดประตูต้อนรับคนเป็นพี่ที่มายืนหน้าตึงรออยู่นานแล้ว


“ชีน พี่ทั้งไลน์ทั้งโทรหาทำไมไม่รับ รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงมากแค่ไหน” ฮิโรชิห่วงน้องจนแทบบ้า อยากจะทิ้งงานไปหาถึงบริษัทของเท่าฟ้าแต่ก็ทำได้แค่รอเวลาพักกองแล้วโทรหาเท่านั้นเอง ยิ่งเมื่อปลายสายไม่ตอบรับ ใจก็ยิ่งร้อนรนคิดเรื่องของสองคนที่เขาไม่อยากให้อยู่ด้วยกันมากที่สุดไปต่าง ๆ นานา


“ขอโทษครับ ผมไม่รู้สึกเลยว่ามันสั่น...จริงสิ มันไม่ได้อยู่ติดตัวผม อยู่ไหนนะ” ชิโนรสเดินหาไปทั่วห้อง เลิกผ้าห่มยกหมอน ดึงลิ้นชัก หาโทรศัพท์ในทุก ๆ ที่โดยไม่คำนึงว่ามันมีโอกาสจะอยู่ตรงนั้นหรือไม่ ซึ่งนี่เป็นภาพที่ทำให้คนมองรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก


“ลืมไว้ที่เขา” ฮิโรชิที่ทนดูไม่ไหวรีบบอก ใบหน้าไม่ได้มีความยินดีด้วยสักนิดที่คนน้องได้คำตอบ “ชีน ออกมาเถอะ ไม่รู้ตัวเหรอว่ายิ่งอยู่ใกล้เขา ชีนก็ยิ่งกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนอ่ะ มูฟออนสักทีเถอะ”


เขาไม่รู้ว่าตอนที่ชิโนรสอยู่กับเท่าฟ้าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของคนทั้งคู่ไปถึงไหนแล้ว แต่ถ้าชิโนรสต้องกลับมาอยู่ในสภาพเหมือนคนเลื่อนลอย ตอบสนองราวกับใช้แค่ไขสันหลังและทำตัวร่าเริงฝืด ๆ แบบนี้ เขาก็คิดว่าคงถึงเวลาที่ต้องห้ามอย่างจริงจังเสียที


“คิดมากเกินไปแล้วพี่ชิ เขาจำชีนไม่ได้ด้วยซ้ำ”


“แต่ชีนจำได้ไง” ฮิโรชิสาวเท้าเข้าไปใกล้คนน้อง “เพราะชีนจำได้ เพราะชีนยังรักเขา ชีนถึงได้พาตัวเองไปอยู่ใกล้เขา อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้นะว่าวันนี้ชีนดีใจแค่ไหนที่ได้เจอเขา เลิกรักเขาเถอะนะ”


“พี่ชิ” เหมือนเสียงหลงมากกว่าจะต้องการเรียกเจ้าของชื่อ


“อ้อมกอดของเขามันไม่ได้เป็นของชีนแล้ว แต่มันเป็นของคนอื่นที่เหมาะสมกว่านายแล้วชีน หาอ้อมกอดใหม่เถอะนะ ไม่ต้องเป็นพี่ก็ได้ เป็นใครก็ได้ พี่ขอเถอะ”


“พี่ชิ”


น้องน้อยของเขาโผเข้าสวมกอดพร้อมน้ำตาเหมือนในวัยเยาว์ ยามนั้นถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง ตัวเล็กแค่นี้สู้อะไรเขาไม่ได้ก็ร้องไห้วิ่งมากอดและให้พี่ช่วย สี่ปีก่อนถูกทำให้แตกสลาย ทนสู้จนหมดหนทางก็ร้องไห้เดินเข้ามาสู่อ้อมกอดเขา มาวันนี้ คงกลายเป็นเขาเองที่ตัดความหวังของน้องจนเจ้าตัวต้องเจ็บปวดอีกครั้ง อกของเขาถึงได้ซับน้ำตาของชิโนรสอยู่อย่างนี้


“พี่กับคุณแม่ลินดาไม่อยากเห็นชีนเจ็บอีกนะ ชีนก็รู้ว่าทำไมชีนกับเขาถึงไม่มีทางลงเอยกันได้อีก เพราะฉะนั้นอย่าเอาใจไปผูกกับเขาอีกเลยนะ”


“ฮึก ชีนรู้” ศีรษะกลมผงกขึ้นลงอยู่ตรงอกของเขา กายเล็กสั่นเทาขึ้นจนต้องกระชับกอดให้แน่นกว่าเดิมเพื่อปกป้องไว้


กอดเอาไว้ก่อนที่ร่างนี้จะกลับมาสู่อ้อมกอดเขาด้วยใจที่แหลกสลายอีกครั้ง





อาหารชั้นเลิศทั้งเมนูแนะนำของร้านและจานโปรดของเพื่อนในกลุ่มวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะแต่ไม่มีใครคิดจะแตะต้องมันเลยสักนิด อย่างมากก็แค่จิบไวน์กันเงียบ ๆ เท่านั้น


“ใครก็ได้ช่วยตอบกูด้วยว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น”


“ก็อย่างที่กูเคยบอกมึง ตอนนั้นน้องชีนแพ้คดี” กอล์ฟเป็นคนเล่า


“แล้วไอ้ฟ้าจำน้องได้รึเปล่า”


เมื่อถึงคำถามนี้ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมาแล้วลงท้ายด้วยการพร้อมใจกันพยักเพยิดหน้าส่งสัญญาณให้กอล์ฟเป็นคนเล่าต่อ “พวกกูรู้แค่ว่า ก่อนมันจะตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลวันนั้น คำแรกที่ออกจากปากคือชีน แต่พอตื่นมาแล้วจำใครไม่ได้เลย แม่มันเลยห้าม ไม่ให้พวกกูพูดถึงน้องให้มันได้ยินอีก ยิ่งพอมันจำทุกคนได้แล้วไม่เคยพูดชื่อนั้นออกมาอีกเลย พวกกูก็เลยไม่แน่ใจว่ามันจำน้องได้ไหม”


“หมายความว่ามีแค่มันที่รู้สินะ”


“แล้วมึงไปเจออะไรมา” ทัชถาม


“ไอ้ฟ้าจ้างชีนมาร่วมโปรเจคด้วย ให้เดาก็คงจะเพิ่งเจอกันไม่นานมานี้แหละ”


“เพราะเรื่องงาน?”


“อาจจะ”


“วงการนี้แม่งแคบจังวะ”


“ถ้าเพิ่งเจอกันจริงกูก็ขอสรุปเลยว่าไอ้ฟ้าจำน้องไม่ได้ ถ้าจำได้มีเหรอที่มันจะไม่วิ่งเต้นไปหาน้องตั้งแต่ตอนนั้น จะรอจนเวลาผ่านมานานขนาดนี้ทำไม” หนึ่งออกความเห็น


“กูสงสารชีนเลยว่ะ อยู่ใกล้กันแบบนี้ คนที่จำได้แม่งเจ็บหนักเลย”


“ก็เอาเรื่องอยู่” คนที่มีโอกาสได้เจอชิโนรสคนเดียวในกลุ่มสรุปออกมาสั้น ๆ ที่ทำเอาทั้งวงสนทนาสลดใจ ไม่มีใครไม่รับรู้ว่าเมื่อก่อนความรักของคนทั้งคู่หอมหวานแค่ไหน และไม่มีใครในที่นี่ไม่ได้เป็นสักขีพยานให้กับความรักของคนทั้งคู่ในวันที่ตกลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน





‘พี่ฟ้า…’


เจ้าของชื่อนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องพักพิเศษของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง รอบกายยังเต็มไปด้วยสารพัดเครื่องมือทางการแพทย์ที่ช่วยยื้อชีวิตเขาเอาไว้ แต่กลับไม่มีการตอบสนอง ไม่มีความรู้สึก ต่างจากคนที่อยู่ข้างกายอย่างเขา


‘พี่ฟ้า’ เขายังคงร้องเรียกคำเดิม ๆ อย่างทุกวัน ทว่าวันนี้เสียงแผ่วจนเกือบจะขาดใจ ‘ตื่นสิครับพี่ฟ้า ตื่นขึ้นมาหาชีนนะ’


‘ชีน พอเถอะ’ ใครสักคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วยบอกขณะที่พยายามดึงตัวเขาออกจากร่างคนป่วย


‘พี่ฟ้าตื่นมาบอกทุกคนสิครับว่าเรารักกัน ตื่นมาพูดสิครับว่าเราจะอยู่ด้วยกัน พี่ฟ้า… ฮึก ตื่นมาบอกสิครับว่าชีนมีสิทธิ ฮือ’ เขาไม่อยากร้องไห้ แม้เท่าฟ้าจะยังไม่ตื่นขึ้นมาแต่เขารู้ว่าคนรักไม่ชอบเห็นเขาร้องไห้ แต่วันนี้สุดจะทนแล้วจริง ๆ


‘เราต้องไปกันแล้วนะชีน ไปเถอะ’


สุดท้ายร่างที่อ่อนแรงอย่างเขาก็ไม่อาจต้านทานแรงของอีกคนได้อย่างที่ใจต้องการ สิ่งที่ทำได้คงมีแค่เปล่งเสียงเรียกอย่างโหยหาครั้งสุดท้ายก่อนที่ภาพคนรักบนเตียงผู้ป่วยจะลับตาไป


‘พี่ฟ้า’


“พี่ฟ้า!!”


ชิโนรสหอบแฮ่ก จังหวะการเต้นของหัวใจและเม็ดเหงื่อมากมายบนใบหน้าและลำคอราวกับคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยอย่างเขาเพิ่งผ่านการวิ่งทางไกลสิบกิโลเมตร


ชายหนุ่มยกมือทาบอกตรงตำแหน่งหัวใจราวกับจะช่วยให้มันสงบได้เร็วขึ้น ทว่าสิ่งที่ไม่ทันได้สังเกตคือหยาดน้ำตาตรงหางตาและรอยชื้นบนปลอกหมอน


นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ฝันแบบนี้ อาจจะหายสนิทไปราว ๆ หนึ่งปีเห็นจะได้ คงเป็นเพราะหยิบแหวนออกมาดูเมื่อตอนเย็นถึงได้กลับมาฝันแบบนี้อีก ชิโชรสยิ้มบาง อย่างน้อยครั้งนี้ก็ไม่มีอาการปวดแน่นหน้าอกราวกับจะหายใจไม่ออกอีกแล้ว คงเป็นสัญญาณที่ดีของการจากลาในครั้งนี้ซึ่งคงไม่เจ็บหนักเท่าครั้งก่อน เพราะถึงอย่างไรเขาก็ต้องถอยออกมา ไม่มีทางที่รั้นต่อไปแล้วจะได้สุขสมหวัง


ไม่มีทาง...


...เพราะว่าเขาแพ้แล้ว











กำลังรออยู่เลย…


แทบไม่ต้องรอให้ถึงครึ่งวันเช้าเท่าฟ้าก็ได้เห็นหน้าของชิโนรสที่บุกมาหาถึงห้องทำงานของเขา มุมปากได้รูปยกยิ้มเล็กน้อยก่อนเอ่ยทักทาย “ดีจัง ได้เจอคุณตั้งแต่เช้าเลย”


“ผมมาเอาโทรศัพท์คืนครับ เมื่อวานลืมไว้ที่นี่”


“เหรอ ผมไม่เห็นรู้เลย”


“นั่นไงครับ” ชิโนรสไม่ได้ชี้ให้ดู แต่เขาย่างสามขุมเข้าไปหามันทันที


แบตหมด


หมดได้อย่างไรกัน แบตโทรศัพท์ก็ไม่ได้เสื่อม เมื่อวานก็แทบไม่ได้กดเล่นเลยด้วยซ้ำ วางทิ้งไว้ทั้งคืนอย่างน้อย ๆ ก็น่าจะเหลือยี่สิบเปอร์เซ็นไม่ใช่หรือ


“น้องชีน”


ชิโนรสเผลอทำโทรศัพท์หลุดมือตกลงบนโต๊ะเมื่อได้ยินคำที่อีกฝ่ายใช้เรียกตน


“ผมเคยเรียกคุณแบบนี้ใช่ไหม”


เจ้าของชื่อดึงสติแล้วหันกลับมาเผชิญหน้าด้วย “ทำไมถึงคิดแบบนั้น”


“เพื่อนผมบอกว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อน และไอ้ศรเรียกคุณแบบนี้ ผมเลยคิดว่าตอนนั้นผมก็น่าจะเรียกคุณว่าน้องชีนด้วยเหมือนกัน”


“ไม่ใช่ครับ คุณเรียกผมว่าชิโนรส เด็กดีไซน์”


เท่าฟ้าหลุดขำ “เรียกซะห่างเหินขนาดนั้นเชียว”


“เราก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากนี่ครับ”


ใบหน้าหล่อเรียบตึงขึ้น “แล้วตอนนั้นผมชอบคุณเหมือนที่รู้สึกตอนนี้รึเปล่า”


“...”


“แล้วตอนนั้นคุณชอบผมไหม”


“ไม่ชอบ…” คราวนี้ชิโนรสตอบทันควัน


“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ ผมจะทำให้คุณชอบผมให้ได้”


“อย่าพยายามเลยครับ จะตอนนั้นหรือตอนนี้ ผมไม่มีทาง…” ...กลับไป “...รู้สึกแบบนั้นกับคุณ”


“...”


“ขอตัวกลับก่อนนะครับ”


เท่าฟ้าใช้เวลาพอสมควรในการชั่งใจก่อนจะตัดสินใจถามออกไปแต่ก็ยังไม่นานจนอีกฝ่ายเดินออกจากห้องนี้ไป


“ใช่คุณรึเปล่า...คนที่ติดอยู่ในความทรงจำของผม


ชิโนรสพบว่าตัวเองคิดผิดที่หันกลับไปหาเจ้าของห้อง เพราะตอนนี้สายตาของเท่าฟ้าเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่มีความว่างเปล่าหรือแพรวพราวเจ้าชู้ใส่อีกแล้ว แต่มันคือสายตาของความอ้อนวอนที่แฝงความตัดพ้อจนชิโนรสเริ่มไม่แน่ใจว่าตนกำลังคุยอยู่กับคุณเท่าฟ้าหรือพี่ฟ้ากันแน่!!






TBC.
-----------------------------------------------
#ฟ้าชีนไม่มีสิทธิ

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 23-06-2019 21:19:11
เท่าฟ้า อย่าเห็นแกตัวนักเลย
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: little_def ที่ 23-06-2019 23:01:10
ปวดใจ หน่วงตุบๆเลยค่ะ ดีใจที่คุณธัญญ์มาต่อแล้ว รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-06-2019 23:16:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

อยากเผือกเรื่องในอดีต

ชีนแพ้คดีอะไร?

ฝ่ายอิแม่เท่าฟ้าขัดขวางใช่ไหม?
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-06-2019 23:24:08
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 23-06-2019 23:35:34
ตัดสิทเท่าฟ้าจากการเป็นพระเอกได้มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 24-06-2019 00:13:11
สิทธิที่ว่านี้น่าจะเป็นสิทธิของคู่สมรส แบบการเซ้นชื่อยินยอมให้ผ่าตัดป่าว
แล้วบวกกับแม่ไม่ปลื้มน้องยิ่งไม่มีสิทธิในตัวของพี่เลย ถ้าเป็นอย่างนี้จริงสงสารน้องมากๆ
ที่อีกคนลืมแต่อีกคนกลับจำได้ทุกอย่างพอมาอยู่ใกล้กันคนจำได้ยิ่งโคตรเจ็บ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: kingkongkaew ที่ 24-06-2019 07:29:43
ฟ้าบอกแต่จะจีบชีน ลืมหรือเปล่าว่าตอนนี้มีพลอย เริ่มไม่แน่ใจว่าตกลงฟ้าจำชีนได้หรือไม่ได้กันแน่ แต่รู้สึกหวงชีนตลอดเลย
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: may27 ที่ 24-06-2019 10:08:10
 :mew6:  คิดว่าจะรอให้จบก่อนค่อยมาอ่าน  หลังจากค้างไปเมื่อนานนนนนน...มาแล้ว....... แต่อดใจไม่ไหว...ต้องกลับไปอ่านทั้งหมดใหม่อีกครัง......แล้วก็อยู่ในลูปเดิมๆ.....รอต่อไป
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-06-2019 12:39:01
แพ้คดีคือ ?
อยากรู้อดีตมากเลย
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 24-06-2019 14:11:14
สงสารนุ้งซีนมากๆ เบย
 :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 24-06-2019 17:10:31
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 25-06-2019 00:37:44
นี้อยากรู้ตอนต่อไปมาดกห
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 25-06-2019 01:18:59
 ถึงขั้นแต่งงานกันแล้วด้วย สงสารน้องชีนมาก
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 26-06-2019 22:20:11
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่าาาา :ling3:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 28-06-2019 02:48:52
มันจะทรมานขนาดไหนคนที่เรารักจำไม่ได้
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-06-2019 12:46:42
 :m31: คือถ้าพี่ฟ้ายังเล่นแง่ ก็อยากให้น้องก้าวผ่านออกมา เจอคนที่ดีกว่านะคะ ลำไยพระเอก
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 30-06-2019 02:59:34
สงสารชีนมาก เจ็บ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-06-2019 13:18:04
ทำไมทรมานแบนนั้นละ ไม่อยากร้องไห้เลยกับการแค่อ่านนิยาย

แต่มันทำให้เราร้องไห้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-08-2019 22:10:19
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 27-08-2019 14:31:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
ตามมาอ่าน
ไปอ่านก่อนนะ
 :mew1:
 :mew1:
 :mew1:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-10-2019 22:58:19
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: Pattza13 ที่ 06-10-2019 23:11:40
งือออออ ค้างงงงง
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 07-10-2019 10:14:52
เท่าฟ้าย้อนแย้งจัง
สงสารน้องชีน :hao5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: Panamapaper ที่ 13-12-2019 20:07:32
 :hao5:ขอบคุณนะะะะ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 17-12-2019 09:18:03
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: BuzZenitH ที่ 17-12-2019 17:46:35
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เนื้อเรื่องน่าติดตามมากกกกกก มาต่อบ่อยๆนะคะ
หัวข้อ: Re: xx คนไม่มี 'สิทธิ' xx ตอนที่ 6 P.3 [23/06/19]
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-12-2019 12:44:48
ย้อนกลับไปอ่านอีกรอบ
อยากอ่านต่อมากๆ
คนเขียนหายไปเลย