มาสั้นจัง :katai1: อยากอ่านยาวๆนี่นา TT
เขาเจอกันล้าวววว :hao6: :o8:
หมอออมมมม หมอเพิ่งมาใหม่ไม่ควรไปพูดแบบนั้นกับนายหัวกัยน์หรือใครๆรู้ไหม
ถ้าไม่หล่อแบบนี้เรียกว่าสร้างศัตรูนะ :a5:
หรือเพราะอีโก้ที่จบเกียรตินิยมเลยทำให้เป็นคนแบบนี้ (ในชีวิตเราเคยเจอกับตัวครั้งนึง หมอหล่อแต่หยิ่ง พูดกวนๆแบบนี้ล่ะ โคตรไม่ชอบเลย) :mew5:
พี่ไหม...คิดถึงโอปอล์ เรื่องเพื่อนสนิทอ่ะ :m20:
ปล.รุ่น124-127 ห่างกัน 9 ปีนี่ผิดปะครับ :katai5:
ติดตามต่อค่ะ
o13
:L2: :pig4:
คนไม่ชอบกัน อะไรก็ดูลบไปหมดเลย
:L2: :pig4:
เดี๋ยววันนี้มาเม้นตอนที่3ให้นะครับ :mew3: :katai3:
หมั่นไส้ความเย่อหยิ่ง ความขี้เก็กของหมอออมอ่ะ :katai1: ถ้าฉันเป็นนายหัวกันย์ฉันไม่มีทางสนใจนายหรอก รู้เอาไว้ด้วย 555 คนอ่านอิน :sad4:
แพรว...รู้ว่านายหัวกันย์เป็นเกย์ถูกมั้ย เลยชักอยากจะรู้เลยว่ารู้ได้ยังไง รีบมาเฉลยนะครับคุณคนเขียน :katai1:
ตอนแรกจะบอกว่าผัดฟักทองของโปรดเราเลยยย แต่พออ่านลงมาเรื่อยๆ อ้าวทั้งข้าวหมกไก่ ข้าวยำ น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ โจ๊ก นี่ของโปรดเราทั้งนั้นนี่นา หิวเลยยย :ling1: :katai5:
โอมม ตอนที่ 4 จงมา :katai4: :hao3: :call:
รออ่านตอนหน้าอยู่นะคะ :call: :call: :call:
ชอบความจิบเบียร์เปิดใจแมนๆของหลี่อี้กะนายหัวมากค่ะ
เรื่องของหมอออมนายหัวต้องสู้นะคะ อิอิ
รอตอน5อยู่นะค้าาาา
:katai2-1:
เดี๋ยววันนี้มาเม้นตอนที่4ให้นะครับ :mew3: :katai3:
อ้อ ส่วนเรื่องตีพิมพ์เป็นเล่ม แอบกระซิบบอกนิดนึงว่าตอนนี้มีสำนักพิมพ์ติดต่อมาแล้วนะคะ แต่รายละเอียดขอเก็บไว้ก่อนนะคะ ไว้มีอะไรอัพเดทจะมาบอกอีกทีนะคะ ขอบคุณค่ะดีใจแทนคุณดรีมด้วยนะครับ ผมว่าความฝันสูงสุดของนักเขียนทุกคนคือการที่นิยายตัวเองจะได้ตีพิมพ์เป็นเล่มๆนี่แหละ :mc4: ประสบความสำเร็จแล้วน๊า :z2:
เนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ มีจุดให้ตามต่อไม่เบื่อ อ่านรวดเดียวเลยค่ะ o13
ตัวละครเหมือนมีตัวตนจริงๆ ฉาก สถานที่ สถานการณ์สมจริงมาก หาข้อมูลเก่งจัง นับถือค่ะ :mew1:
นายหัวกับคุณหมอ เคมีเข้ากันดีมว้ากกกก ตอนที่ห้าอ่านไปฟินไป อยากให้เข้มข้นแบบนี้ไปเรื่อยๆ :pighaun:
ยินดีด้วยนะคะที่ได้ตีพิมพ์ รอคอยตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อและเป็นกำลังใจให้ค่ะ :katai2-1:
อ้อ ส่วนเรื่องตีพิมพ์เป็นเล่ม แอบกระซิบบอกนิดนึงว่าตอนนี้มีสำนักพิมพ์ติดต่อมาแล้วนะคะ แต่รายละเอียดขอเก็บไว้ก่อนนะคะ ไว้มีอะไรอัพเดทจะมาบอกอีกทีนะคะ ขอบคุณค่ะดีใจแทนคุณดรีมด้วยนะครับ ผมว่าความฝันสูงสุดของนักเขียนทุกคนคือการที่นิยายตัวเองจะได้ตีพิมพ์เป็นเล่มๆนี่แหละ :mc4: ประสบความสำเร็จแล้วน๊า :z2:
รอซื้อเล่มเลยครับผม :katai2-1:
ปล. ตอนที่5.1/5.2 เดี๋ยวว่างจะมาอ่านและมาเม้นดังเดิมนะครับ :really2:
ขอบคุณครับ :pig4:
เม้นบทที่5.1+5.2นะครับ :katai3:
เอาตรงๆจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยชอบคาแรกเตอร์คนแบบหมอออมอยู่ดี นอกจากหยิ่งและเซลฟ์สุดๆแล้ว การใส่เสื้อกาวน์ออกไปนอกรพ.เช่นการไปรับคุณจารวีที่สนามบินนี่เลาว่ามันเยอะไป คนไม่ขี้อวดเขาไม่ทำกันนะ คืออยากจะประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าตัวเองเป็นหมองี้เหรอ คือถ้าไม่มีเวลาเปลี่ยนชุดก็หาแจ๊คเก็ตสวมทับไว้ดีไหม(วะ)ครับ :z6:
แต่เรื่องเล่าพาร์ตอดีตสมัยยังเด็กของออมและพี่น้องอีก3กับแม่นี่น่าสงสารปนหดหู่อ่ะ :o12: เข้าใจในความฝังใจและไม่ให้อภัยคนเป็นพ่อที่ทำอะไรเอาไว้ซะขนาดนั้น คือถ้าเป็นเลา...เลาก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีกเลยว่าจะให้อภัยกับเหตุการณ์นั้นได้มั้ย อ่านพาตนี้แล้วสงสารความบ้านแตกของครอบครัวนี้แบบจับใจ ไม่อยากคิดเลยว่าลูกทั้ง4คนจะมีปมในใจอะไรยังไงบ้าง แต่ก็นั่นล่ะนะ โลกก็แบบนี้ เห้อ :sad11:
ก็ว่าละว่าแผลเป็นที่หัวคิ้วนี่ต้องมีที่มาที่ไป :katai2-1:
แล้วอะไร การที่พราวเข้ามาทักที่ร้านอาหาร แต่เห็นแค่หลังหลี่อี้นั่งเฉยแล้วเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนายหัวกันย์ แล้วไปเคืองเขาถึงขนาดกดตัดสายและบล็อคเบอร์โทรนี่คือ??? ปวดหัวกับความหมอออม ฮ่าๆๆๆ คนอ่านอิน :pigha2:
เกลียดเวลาหมอออมเรียกยัยหมิวว่าหมิวหมิว ดูน่าหมั่นไส้ทั้งคนเรียกและคนถูกเรียก หึๆ :hao3:
พี่หมอวีกับนายหัวกันย์รู้จักกัน???? แถมยังดูสนิทกันมากๆด้วย wtf มีแววว่าเพื่อนรักจะชอบผช.คนแล้วกันแล้วล่ะงานนี้ ฮ่าๆๆๆ :katai2-1:
รอตอนต่อไปครับ
ขอบคุณครับ :pig4:
ตอนนี้ย้อนอดีตสนุกน่าติดตามทีเดียวค่ะ
สมัยเด็กของพี่วีลึกลับน่าค้นหา :impress2: จากตอนแรกไม่ค่อยชอบ ตอนนี้อยากรู้เรื่องพี่วีมากขึ้นค่ะ :hao6:
ถ้านายหัวกับพี่วีตอนเด็กเปิดใจเข้าใจกันก็อาจสนิทกันมากกว่านี้ เสียดายค่ะ เคมีแอบเข้ากัน คนหนึ่งเกี้ยวกราด :katai4: อีกคนนิ่งขรึม :mew5:
คุณดรีมป่วยเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือคะ หายไวๆน้า อย่าหักโหม เป็นกำลังใจให้ค่ะ :mew1:
โอยยยยยย เกลียดความลำเอียงของครูกะพวกลูกหมอ ลูกทหาร ลูกตำรวจมาก รำๆๆ นายหัวคะถ้าหมอวีไม่อยากเป็นเพื่อนด้วยไม่เปนไรนะคะมาทางนี้ค่ะ เด่วเราจะไปหาติ๊กเกอร์ช่อง3ให้น้าาาาา
อ่านมาถึงตอน6ก็ยังยืนยันคำเดิมว่า พราวพิชชาเทอคือคนที่น่าอิดสามากสามีรักขนาดนี้อ่ะะะ อย่างอนบ่อยนะไม่งั้นนี่จะไปปลอบใจหลี่อี้เอง
หมิวหมิวรู้กกกกกกกกกกกกกกกกก ผช.เค้าไม่เล่นด้วยก็พอเนาะไม่ต้องไปตามเค้าแล้วเนาะ ///ปรายตามองด้วยจริตนางรำคาญ
คุณดรีมสู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจค่าาาา
อยากให้เพิ่มแฮชแม็กชื่อเรื่องด้วยอ่ะค่ะคุณดรีม เผื่อเอาไปลงทวิตได้โปรโมทเพิ่มด้วยค่าาาา
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากเลยค่ะ รออ่านนะคะ :mew1:
เนื้อเรื่องน่าสนใจดีนะคะ
เหนืออื่นใด อ่านแล้วคิดถึงเมนูโปรดหลายเมนูเลย ฮือ ฮือ
โดยเฉพาะเมนู "ข้าวมันแกงไก่" ที่นายหัวชอบ ...
ที่คุณเขียนว่า "นาซินาแฆ"
คิดถึงมาก ...
แต่เท่าที่ทราบ เมนูนี้เรียกว่า นาซิ ดาแกฺ หรือ นาซิ ดาแฆ (nasi dagang) ไม่ใช่เหรอคะ?
(อ้างอิงจาก พจนานุกรมภาพ ภาษาไทย-มลายูปาตานี-มลายูกลางอาหารอัตลักษณ์มลายู-ไทย ครัวมุสลิมชายแดนใต้ นะคะ)
edit : พยายามจะใส่ภาพอ้างอิง .. แต่ใส่ไม่ผ่าน
งั้นอ้างอิงด้วยตัวหนังสือเล็ก ๆ แทนนะคะ
แอร๊ยยยย ช่วงท้ายก่อนกลับบ้าน ฟินมากค่ะ :katai2-1:
รอติดตามต่อค่ะว่าจะเป็นยังไง ขอเป็นกำลังใจให้คุณดรีมด้วยนะคะ สู้ๆค่ะ
อ่านตอนที่เจ็ดตอนกลางคืนหิวมากค่ะ มีทั้งแกงแพะ ปูนึ่ง หมึก ไข่มดแดง :z3:
“พี่กันย์!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
เสียงแหลมแผดขึ้นดังลั่น ไม่สนใจว่ากำลังอยู่ในโรงพยาบาลซึ่งเป็นสถานที่ห้ามใช้เสียงดัง ร่างสูงใหญ่นั้นทำเป็นหูทวนลม เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนถึงลานจอดรถ หญิงสาวเหมือนจะรู้ทันรีบเร่งฝีเท้าให้ทันคนขายาวแล้วชิงเดินตัดหน้าไปจนถึงรถปิกอัพของชายหนุ่มที่จอดอยู่
“เอ้า ว่าไง” กันยกรหันมาเผชิญหน้ากับเวณิกา
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าพี่กันย์คิดจะทำอะไร ที่พี่กันย์ตามมาที่นี่มีอะไรแอบแฝงใช่ไหม” เวณิกาคาดคั้น
“เฮ้อ” ญาติผู้พี่ถอนหายใจเบาๆ “พี่จะทำอย่างนั้นทำไมกัน”
“ก็...ไม่รู้สิ พี่กันย์อาจจะแอบชอบหมอเหมือนหมิวก็ได้ เลยตามมากีดกัน” เพราะรู้ว่าญาติผู้พี่ของตัวเองเป็น ‘แบบไหน’ เธอจึงเดาว่าชายหนุ่มกำลังหมายปองผู้ชายคนเดียวกัน ซึ่งก็เดาได้ถูก กันยกรเลิกคิ้วพยายามทำสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“จะบ้าเหรอ ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย”
“หมิวรู้ตัวหรือเปล่าว่าคนอื่นเขาพูดถึงหมิวว่ายังไง” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง
“หมิวไม่แคร์หรอก ใครจะพูดยังไงก็ช่าง”
“ไม่แคร์คนอื่น แต่แคร์พ่อกับแม่บ้างก็ดีนะ เดี๋ยวนี้น้าเส็งน้ารีไปไหนแทบจะเอาถุงคลุมหัว ชาวบ้านลือกันว่าลูกสาวตามมาหาผู้ชายถึงโรงพยาบาล แล้วคงจะเป็นลมหรอกถ้ารู้ว่าลูกสาวเพิ่งเสนอจะส่งเสียเลี้ยงดูผู้ชาย”
“แกอาจจะไม่สนใจความรู้สึกของน้ารีน้าเส็งก็ได้นะ แต่แกควรสนใจความรู้สึกของหมอเขาบ้าง”
กันยกรโยนหินถามทาง...ซึ่งได้ผล หญิงสาวหันขวับมาหาเขาทันที เธอเขย่าแขนชายหนุ่มอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ
“ทำไม? พี่หมอเป็นอะไร พี่กันย์รู้อะไรมาเหรอ เล่ามาเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวเร่งเร้าจนเกือบจะกระชากแขนใหญ่นั้น
“โอ๊ย เบาๆดิวะ เออๆๆ บอกก็ได้ แต่ไม่ใช่ตรงนี้นะ ปะ ไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่า”
กันยกรเลือกร้านไอศกรีมร้านดังในห้างสรรพสินค้าเป็นสถานที่พูดคุย เมื่อไอศกรีมร็อกกี้โรสถูกนำมาเสิร์ฟไว้ตรงหน้า หญิงสาวค่อยๆ ละเลียดไอศกรีมกินอย่างเอร็ดอร่อย
“อะ เล่ามาให้หมดนะพี่กันย์ พี่หมอเขาบอกพี่กันย์ว่าอย่างไรบ้าง”
“ก็...เอ่อ...” กันยกรเกาหัวพยายามนึกคำพูด
“หมอเค้าก็ไม่ได้บอกอะไรหรอก แต่พี่ดูออก”
“ดูออก? ดูออกยังไง”
“หมิวอาจจะไม่ได้สังเกตนะ แต่เมื่อกี้พี่เห็นอะไรบางอย่างในแววตาของหมอ ตาของหมอมันบอกว่าหมอกำลังอึดอัด แล้วอีกอย่างแกเพิ่งเสนอตัวไปว่าจะให้เงินเลี้ยงดูหมอทุกเดือนแบบนี้ใครจะวางตัวถูก”
“หมายความว่าไงอะ หมอเขาไม่ชอบงั้นเหรอ อยู่เฉยๆ ก็มีเงินเข้าบัญชี เผลอๆ อาจจะมากกว่าเงินเดือนหมอด้วยซ้ำ” กันยกรยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ฝืนเต็มที
“ในฐานะที่พี่เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ ผู้ชายเค้าไม่ชอบให้ผู้หญิงมาทำอะไรแบบนี้หรอก มันเสียเกียรติมาก แล้วอีกอย่างนึงผู้ชายก็ไม่ชอบผู้หญิงที่มาตามตื๊อทุกวันด้วย”
“แต่พี่หมอเค้าไม่เคยบอกว่าไม่ชอบเลยนะพี่กันย์”
“แกคิดว่าหมอเค้าจะพูดออกมาตรงๆ เหรอ ล
องมองในมุมกลับกันสิ ถ้ามีคนมาตามตื๊อแกมากๆ แกชอบเหรอ ไม่รำคาญบ้างเหรอ” เวณิกาครุ่นคิดตาม วางมือจากช้อนตักไอศกรีม
“มันก็จริงนะ พี่กันย์ว่าหมิวควรทำยังไงดี” หญิงสาวนิ่งคิดตามคำพูดของญาติผู้พี่ ชายหนุ่มทำท่า
เกาคางอย่างครุ่นคิด
“เอางี้สิ ลองใช้แผนของพี่ดูไหม แกลองหายไปสักพัก ไม่ต้องไม่หาหมอที่โรงพยาบาลสักเดือนนึง”
“โอ๊ย ไม่เอาอะ หมิวคิดถึงพี่หมอ ไม่ได้เห็นหน้าหล่อๆ แค่วันเดียวก็คิดถึงจะแย่ นี่ตั้งเดือนนึงเลยเหรอ มันนานไปนะ” หญิงสาวโอดครวญจนกันยกรหมั่นไส้ นึกอยากเขกหัวญาติผู้น้องสักทีหนึ่ง
“แบบนี้แหละดีแล้ว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ แกหายไปนานๆ หมอเค้าได้อิสระกลับคืนมาก็จริง แต่เค้าไม่ได้เจอหน้าแกนานๆ เค้าจะต้องคิดถึงแกแน่นอน”
“แล้ว...ถ้าระหว่างนั้นมีคนมาชอบหมอล่ะ ไม่เอาอะ คนนี้หวง”
“โอ๊ย ใครจะกล้าแย่ง พี่เอาหัวเป็นประกันเลยว่าไม่มีทางที่จะมีใครดีเท่าแกหรอก” เวณิกาครุ่นคิด เริ่มคล้อยตามสิ่งที่กันยกรพูด
“เออ มันก็จริงนะ ดีล่ะ! พรุ่งนี้หมิวจะไม่ไปหาพี่หมอละ หมิวจะหายไปเลย พี่หมอจะต้องทนคิดถึงไม่ไหวแน่ๆ ขอบคุณมากนะคะพี่กันย์ที่แนะนำ”
กันยกรยืนโบกมือให้มอเตอร์ไซค์สีชมพูของเวณิกาที่กำลังแล่นออกจากลานจอดรถ ชายหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ แทบจะเก็บความดีใจที่กำจัดญาติผู้น้องผู้เหนียวดั่งกาวตราช้างออกไปได้ เวณิกาเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่ายๆ บางครั้งจึงต้องใช้เล่ห์กลหลอกลวงให้ตายใจ
ธีทัตแยกตัวออกมาจากห้องผู้ป่วยใน เขามองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เปิดไลน์ค้างเอาไว้ ในนั้นบอกรายชื่อที่เจ้าของเครื่องบล็อกจากการติดต่อ แพทย์หนุ่มชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปลดบล็อกรายชื่อหนึ่ง...ชื่อของกันยกร
‘ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมวันนี้’
ธีทัตพิมพ์ข้อความ ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแต่สุดท้ายก็กดส่ง ทันทีที่ข้อความถูกส่งไปไม่กี่วินาทีก็ขึ้นว่าอ่าน
‘ไม่เป็นไรครับ’ ข้อความต่อมาตอบกลับมาแทบจะทันที
‘หมอว่างไหม ขอโทรไปได้หรือเปล่า’ ธีทัตนิ่งคิดก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป
‘ครับ’
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายหนุ่มรีบกดรับทันที
“ครับ”
“เป็นไงครับหมอ ช็อกไหมที่อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงมาขอเสนอเลี้ยงดู” กันยกรพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“ช็อกนิดนึงครับ มาคิดดูก็ตลกดีเหมือนกัน ไม่คิดว่าน้องสาวพี่กันย์จะกล้าทำอะไรแบบนี้”
“แล้วหมออยากให้มันเลี้ยงดูหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่เอาครับ” ธีทัตรีบตอบทันที
“สบายใจได้เลยนะ ช่วงนี้หมิวคงไม่ได้ไปกวนใจหมอออมสักพัก”
“เหรอครับ พี่กันย์ทำยังไงครับ หมิวหมิวถึงยอม”
“พี่มีวิธีของพี่ก็แล้วกัน วิธีธรรมดาไอ้หมิวมันไม่ยอมหรอก นี่ต้องใช้วิธีพิเศษเท่านั้น”
“ขอบคุณนะครับ งั้น...แค่นี้ก่อนนะครับ ขอตัวกลับไปทำงานก่อน”
“อ้อ เดี๋ยวครับ อย่าเพิ่งวาง”
“ครับ?”
“ขอบคุณเหมือนกันนะครับ ที่ปลดบล็อกไลน์”
“พี่กันย์รู้ได้ไงครับว่าผมบล็อกไลน์พี่” ธีทัตนิ่งเงียบก่อนจะถามออกไป
“รู้สิครับ หมอไม่รู้หรอกว่าพี่ส่งไลน์หาหมอทุกวันเลย แต่หมอก็ไม่เคยอ่าน แค่นี้ก็รู้แล้วว่าโดนหมอบล็อกไลน์” กันยกรหัวเราะเบาๆ
“หมอไปทำงานเถอะ พรุ่งนี้เจอกันน้า”
“พรุ่งนี้?” ธีทัตทวนคำ
“พรุ่งนี้หมอมีนัดกับแม่พี่ไง”
“อ้อ งั้นเหรอครับ งั้น...ไว้เจอกันนะครับ”
ธีทัตกดวางสาย ความรู้สึกมากมายปนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือเขาเพิ่งเข้าใจสิ่งหนึ่งที่เคยมีคนบอกไว้ นั่นก็คือ ‘รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง’
“บ้าเอ๊ย! นี่เราชอบผู้ชายหรือวะเนี่ย” ธีทัตทึ้งผมตัวเองเบาๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาชอบผู้ชายจริงๆ
ชายหนุ่มคิดทบทวนตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมามีผู้หญิงมากมายที่แสดงออกว่าสนใจในตัวเขา แต่เขาก็ไม่เคยชอบใครจนคบจริงจัง จนผู้หญิงเหล่านั้นหายไปเอง ธีทัตคิดว่าตัวเองคงเป็นคนเลือกมากและหัวสูงไปหน่อย จึงไม่เคยเจอผู้หญิงที่ชอบเลย แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้วเขาเองก็ไม่เคยตั้งสเปกไว้เลยว่าชอบผู้หญิงแบบไหน แต่ตอนนี้...ธีทัตเข้าใจตัวเองแล้ว เขาไม่ได้ชอบผู้หญิง
“หมอคะ หมอออม หมอ...” เสียงเรียกจากพยาบาลคนหนึ่งดึงชายหนุ่มกลับมาจากภวังค์
“ครับ” ธีทัตตอบรับ
“พรุ่งนี้เช้าราวน์วอร์ดออโถ*นะคะ”
ธีทัตเกือบลืมไปแล้วว่าการทำงานในโรงพยาบาลจะต้องทำงานวอร์ดละสองเดือน แล้วจึงสลับไปทำงานยังวอร์ดอื่นต่อไป เพื่อเป็นการเรียนรู้การทำงานในแต่ละวอร์ดอย่างเท่าๆ กันนั่นหมายความว่าพรุ่งนี้เขาจะไม่ได้พบกับกันยกร
“ป้ากานดาคิวต่อไปนะคะ”
“ขอบคุณนะจ๊ะหนู” กานดาบอกพยาบาลสาว
“แม่...อีกนานไหมกว่าคนที่อยู่ในห้องจะออกมา” กันยกรที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“รอหน่อยสิ แม่ก็บอกไม่ได้ว่าเขาจะใช้เวลาเท่าไหร่”
“เฮ้อ นานจัง ป่วยอะไรนักหนา คนอื่นเค้ารอนาน”
“ใจเย็นสิ วันนี้เป็นอะไร ดูใจร้อนหงุดหงิดพิกล” ชายหนุ่มจึงได้ยอมปิดปาก นั่งรออย่างเงียบๆ
เมื่อประตูห้องตรวจเปิดออก กันยกรรีบลุกขึ้นด้วยความดีใจ เขาเร่งเมารดาให้รีบลุกขึ้นแต่หญิงสูงวัยกลับเคลื่อนไหวด้วยความชักช้า ไม่ได้ดั่งใจชายหนุ่มก็ช่วยประคองมารดาอีกแรง แต่เมื่อไปถึงห้องตรวจก็ต้องชะงักเมื่อคนที่อยู่ในห้องไม่ใช่คนที่อยากเจอ แพทย์หญิงร่างอวบหน้าตาท่าทางเป็นคุณหมอใจดีเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่งยิ้มให้คนไข้และชายหนุ่มอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ คุณป้า เชิญนั่งก่อนค่ะ” เธอผายมือไปยังเก้าอี้ว่างตรงข้าม กันยกรมองซ้ายขวาอย่างงุนงง
“เอ๊ะ หมอออมล่ะครับ”
“หมอออม...อ๋อ ธีทัตเหรอคะ วันนี้ธีทัตไปราวน์วอร์ดออโถ*ค่ะ ไม่มาโอพีดี” เธอตอบ
หัวใจกันยกรแห้งเหี่ยวเหมือนดอกไม้ที่โดนรดด้วยน้ำร้อน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มและท่าทางกระตือรือร้นในตอนแรกกลัยหายวับไปในพริบตา ชายหนุ่มนั่งรอผู้เป็นแม่ด้วยความหมดอาลัย เมื่อตรวจเสร็จเขาก็ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะช่วยประคองมารดาเหมือนครั้งแรก
“อาการดีขึ้นแล้วนะคะ คิดว่าน่าจะหยุดยาได้แล้ว อย่าลืมทำตามที่หมอแนะนำนะคะ หมอไม่นัดแล้วนะคะ” เมื่อได้ยินคำว่าไม่นัดแล้วทำเอาจิตใจของชายหนุ่มห่อเหี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม โอกาสที่จะได้เจอธีทัตอีกครั้งเป็นศูนย์ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนยื่นมือให้มารดาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“อ้อ คุณคะ” หมอสาวเรียกเอาไว้ก่อนกันยกรจะออกจากห้อง
“ธีทัตฝากบอกว่าเสร็จจากวอร์ดแล้วจะไลน์หานะคะ” เธอยื่นโทรศัพท์ให้ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าชายหนุ่มคือหน้าจอที่เปิดไลน์ค้างเอาไว้
‘ฝากบอกผู้ชายตัวสูงๆ ที่มากับคนไข้ด้วยว่าราวน์วอร์ดเสร็จแล้วจะไลน์หา’
หลังจากอ่านข้อความที่ปรากฏตรงหน้าจบ หัวใจที่ห่อเหี่ยวกลับสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ กันยกรส่งโทรศัพท์คืนหญิงสาวแล้วกล่าวขอบคุณ พยายามกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่ให้ระบายบนใบหน้า
“เป็นอะไร ยิ้มทำไม” กานดาถามเมื่อเห็นลูกชายอมยิ้ม
“เปล่านี่ครับ ผมยิ้มเหรอ” กันยกรถามกลับ
“ใช่น่ะสิ เนี่ย ยิ้มอยู่” ลูกชายไม่ตอบกลับโอบไหล่มารดาแล้วพาเธอไปที่รถด้วยความสุขใจ
เสียงเตือนข้อความจากไลน์ดังขึ้น ธีทัตล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง หน้าจอเป็นข้อความที่หมอสาวเพื่อนร่วมงานส่งมา
‘อะไรยังไง ผู้ชายคนนั้นเค้าจีบแกเหรอ’ ข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาในหน้าจอ ธีทัตรีบพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
‘เปล่า เรารู้จักเค้า เป็นญาติกับหมิวเด็กที่มาจีบเรา’
‘อ้อ งั้นเหรอ’ ข้อความจากเพื่อนจบลงเพียงเท่านี้
ธีทัตไม่ได้พิมพ์ข้อความตอบกลับไปอีก เขาปล่อยให้จบลงเพียงแค่นั้นแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋ากางเกงตามเดิม
“ออม” เสียงเรียกของใครคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง
“พี่วีมีอะไรเหรอครับ”
“ช่วยอะไรพี่หน่อยสิ” ปฐวีส่งซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่ให้ ธีทัตดึงแผ่นฟิล์มเอ็กซเรย์ออกมาดู เป็นภาพโครงกระดูกส่วนแขนข้างหนึ่ง
“คิดว่าไง” ปฐวีหันมาถามมองธทัตที่กำลังดูแผ่นฟิล์ม
“colles fracture รึเปล่าครับ” ธีทัตตอบ
“เก่งนี่นา” ปฐวีตบบ่าแล้วดึงปฐวีดึงฟิล์มมาเก็บใส่ซองตามเดิม
“โรงพยาบาลของเรามีนโยบายให้ทุนอินเทิร์นไปเรียนต่อเฉพาะทาง สนใจบ้างไหม” ธีทัตส่ายหัว
“ผมยังไม่รู้ตัวเองเลยครับว่าชอบด้านไหน แต่ก็ขอบคุณที่แนะนำนะครับ”
“ไม่เป็นไร มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ”
ธีทัตมองตามปฐวีที่เดินกลับออกไป บางครั้งเขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ส่งผ่านมาจากสายตาของรุ่นพี่คนนี้ แต่เมื่อต้องการจะค้นหาเพิ่มเติมกลับเป็นปฐวีเสียเองที่ซ่อนมันจนมิดชิด