พิมพ์หน้านี้ - ━╃ ♥ ☞ ★ ค น ใ น ใ จ ★ ☜ ♥ ╄━บทที่ 16 20/12/18
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: midnight ที่ 07-04-2018 08:53:22
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง 7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด 7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ 7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ... (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง) - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส - ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ) เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com....................................... วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////// สวัสดีค้า ^^ วันนี้มาเปิดเรื่องใหม่แล้วค้า ห่างหายไปนานพอดูเลยย เรื่องนี้จะเป็นแนวใส ๆ ละมุน ๆ ไม่เน้นดราม่า ไม่มีเรื่องพลิก และไม่ยาวมากนะคะ :mew1: ยังไงก็ฝากเรื่องนี้เอาไว้ในอ้อมอก อ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ เพจของคนเขียน : https://facebook.com/flymoon.midnight ขอฝากผลงานเรื่องเก่าของคนเขียนไว้นะคะ ^^ เรื่องยาว สุริยายอแสง จันทราคล้อย : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41291.0 ตำนานรักสองราชวงศ์ : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32113.0 EGvsMTเฮดว้ากตัวร้ายปะทะวินัยเจ้าระเบียบ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44135.0 [Omegaverse]Indispensable ขาด... ไม่ได้ https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58709.0 เรื่องสั้น เรือจ้างลำแกร่ง : http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36513.0 [เพื่อระลึกถึงครูที่จากไป 14 กันยายน]
Intro ร่างสูงโปร่งของคนกลุ่มหนึ่งที่วิ่งไปวิ่งมาในสนามสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเขียวดึงดูดสายตาของคนมากมายที่นั่งอยู่โดยรอบให้รวมกันอยู่ที่จุด ๆ เดียว ไม่สิ... ไม่ใช่เพียงแต่ดึงดูดสายตา แต่ดึงดูดผู้คนจำนวนไม่น้อยให้มานั่งหายใจรวมกันในสนามกีฬากว้างของมหาวิทยาลัย แน่ล่ะ ในเมื่อเหล่าเดือนและคนที่น่าจับตามองของหลายชั้นปีมากระจุกรวมกันอยู่ในสนามบอลในร่มแห่งนี้ สาว ๆ ที่ยังโสด หรือไม่โสดแต่ทำตัวเหมือนโสด รวมไปถึงหนุ่ม ๆ มากหน้าหลายตาย่อมให้ความสนใจมามุงดูกลุ่มคนหน้าตาดีเหล่านี้อยู่แล้ว สาว ๆ น่ะมากรี๊ดกร๊าดชายในฝันเก็บเอาไปมโนว่าเป็นผัวอย่างฟิน ๆ แอบถามรูปลงเรียกไลค์ในเฟสอีกสักนิดให้พอกรุบกริบหัวใจ ส่วนชายหนุ่มส่วนใหญ่ก็คงมาส่องสาวที่มาชื่นชมชายอื่นนั่นล่ะ มีส่วนมากยังไงมันก็ต้องมีส่วนน้อย และหนึ่งในส่วนน้อยนั้นก็คงเป็นตัวเขาเอง “เขม มึงส่องคนไหนอยู่วะ”คำถามจากเพื่อนสนิทที่ถามมันทุกครั้งที่มานั่งรวมตัวกันบนอัศจรรย์ข้างสนามฟุตบอลแห่งนี้ “บอกกันหน่อยดิ๊ กูอยากรู้ว่าสเปคหนุ่มเวอร์จิ้นอย่างมึงจะเป็นยังไง” “เรื่องของเราน่า”เขมทิวาบอกปัดคำถามเพื่อนเหมือนทุกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้แว่นไร้กรอบเหลือบมองร่างสูงโปร่งของใครอีกคนแล้วอมยิ้มบาง “เอาเป็นว่าเราไม่มองคนเดียวกับนายแน่ นิด” “บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกเท็นไงวะ”เทนนิส หรือนิดที่เพื่อน ๆ ชอบเรียกโวยวายขึ้นมาเสียงดัง พาให้สายตาของคนที่อยู่ไม่ไกลตวัดสายตามามองคนที่ส่งคลื่นเสียงรบกวนชาวบ้านเขา “ชื่อกูออกจะเท่ อิคุณหนูแม่งเรียกกูเสียทุกที” “ถ้าเราเป็นคุณหนู ทุกคนคงเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายกันหมดแล้วล่ะนิด”เขมหัวเราะออกมาเบา ๆ ก็มันจริงนี่ ถ้าเด็กเสิร์ฟร้านข้าวต้มอย่างเขาเป็นคุณหนู ทุกคนบนโลกที่มีฐานะหน่อยก็เป็นเจ้าหญิงเจ้าชายกันหมดแล้ว แค่เงินจะกินให้อิ่มครบทุกมื้อเขาบางเดือนยังแทบจะไม่พอเลยด้วยซ้ำไป แต่ที่เพื่อนเรียกเขาว่าคุณหนู มันก็มีเหตุผลของมันอยู่เหมือนกัน “ใกล้ได้เวลาไปทำงานละ เราไปก่อนนะ” “เขม มึงควรหางานอื่นที่ได้เงินมากกว่านี้ทำได้แล้วนะ”ทัศน์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบ ๆ เปรยขึ้นมา “ทำทุกวันตั้งแต่หกโมงถึงเที่ยงคืนไม่ได้พัก แต่ได้แค่สี่พันห้า มันจะไปพอใช้อะไร” “เรายังหางานที่ดีกว่าไม่ได้นี่ ทัศน์ ทำไปก่อนนั่นแหละ เราไหว”เขมส่งยิ้มให้เพื่อนที่ส่งสายตาเป็นห่วงมาให้ “เจ้สวยเขาใจดีนะ เขาให้ข้าวเรามากินแทบทุกวันเลย” “แต่สี่พันห้า แค่ค่าหอก็จะหมดแล้วนะเว้ย”เทนนิสที่อยากจะบ่นเรื่องนี้กับเพื่อนมานานถือโอกาสเปิดประเด็นขึ้นมาทันที “อย่างน้อยสักหกพันก็ยังดี” “ไม่เอาน่า เราใช้พออยู่แหละ”มือขาวที่ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถหยิบจับยกเสิร์ฟของร้อนได้อย่างคล่องแคล่วคว้าเอาเป้สีซีด ๆ ขึ้นมาพาดบ่า “ไปนะ แล้วเจอกัน” “ว่าแต่คุณหนูจะไม่บอกจริงอ่ะ ว่าที่มานั่งหายใจทิ้งข้างสนามบอลบ่อย ๆ แบบนี้เพราะใคร”เพื่อนขี้เสือกของเขายังคงถามซ้ำอีกครั้ง และยังคงแน่นอนว่าเขาไม่คิดจะตอบ “เออ เดี๋ยวกูสืบเองก็ได้ว้า” “เอาที่สบายใจเลย นิด”เขมโบกมือลาเพื่อนแล้ววิ่งเหยาะ ๆ ลงจากอัศจรรย์ไป อืมมมม จะให้เขาบอกไปได้ยังไงกันล่ะว่าเขาแอบมามองรุ่นพี่คนนั้นที่มักจะมาเล่นฟุตบอลกับเพื่อนดาวเดือนของเขา จะให้บอกไปได้ยังไงว่าเขาชอบผู้ชาย... แถมเป็นการแอบชอบอยู่ฝ่ายเดียวมาตั้งแต่อยู่โรงเรียนมัธยมแล้ว เพราะงั้นเรื่องนี้เขาจะต้องเก็บเอาไว้... ใช่ เก็บรุ่นพี่คนนั้นเอาไว้ในใจก็พอ... ให้เป็นแค่คนในใจของเขาก็พอ แค่ได้เห็นสักนิดพอแล้วจริง ๆ ๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒๒ เรื่องใหม่มาแล้วค้า แม้โอเมก้าซีรีย์ยังเขียนไม่ถึงไหนก็ตาม ยังไงก็ฝากติดตาม #คนในใจ ด้วยนะคะ แวะมาพูดคุยกรีดร้องกันได้ทั้งในเพจและทวิตค้าา รักกก
ชอบแนวนี้มากๆเลยค่ะ :katai2-1:
อุ๊ยชอบ ปูเสื่อรอจ้า
บทที่ 1 ข้าวต้มกับคนๆนั้น ร้านข้าวต้มเจ้สวยที่เขมทิวาทำงานอยู่นั้น เป็นร้านขนาดกลางสองห้องแถวที่มีลูกค้าประจำจำนวนไม่น้อย แต่เด็กเสิร์ฟในร้านนั้นมีแค่เขากับรุ่นพี่ต่างคณะอีกสองคน และมีลูกชายใจสาวของเจ้สวยเป็นคนคอยจัดร้านและช่วยแม่โรยเครื่องบนชามก่อนเสิร์ฟ รวม ๆ แล้วคนทำงานในร้านนี้มีแค่ห้าคนเท่านั้น ถ้าถามถึงคนล้างจานก็เป็นพวกเด็กเสิร์ฟนี่แหละ ผลัดกันไปก้มหน้าก้มตาล้างหลังร้านในช่วงว่าง ทันทีที่ร้านเปิดไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ลูกค้าก็มาจับจองที่นั่งกันไปเกือบครึ่งร้านแล้ว และกว่าครึ่งของลูกค้าที่มาอุดหนุนนั้น ก็เป็นสาว ๆ ที่มากันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ไปจนถึงกลุ่มใหญ่ ๆ ซึ่งเห็นหน้ากันแทบทุกวันจนเขมอดคิดในใจไม่ได้ว่าข้าวต้มเจ้สวยมันอร่อยจนลูกค้าติดใจหรือว่าร้านอาหารตามสั่งทำช้าเลยมากินของที่ได้ไว ๆ กันแทน แต่จะถามออกไปให้โดนกระบวยเจ้สวยฟาดหัวก็ใช่ที่ เพราะวั้นก็จงปล่อยให้เป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบแบบนี้ต่อไปน่ะดีแล้ว “ปลาสี่ รวมสอง กุ้งสามนะครับ”เขมทวนรายการอาหารของลูกค้าที่จดไว้ในมือให้กับเจ้าตัวได้ฟังก่อนจะส่งยิ้มการค้าให้ “รอสักครู่นะครับ” เด็กหนุ่มก้าวขายาว ๆ เอาใบไปเสียบไว้ที่โต๊ะเล็กข้างที่ปรุงรสใกล้มือเจ้สวย ยกเอาข้าวต้มที่ทำเสร็จแล้วไปเสิร์ฟอีกโต๊ะที่สั่งมาก่อนหน้านี้ “มาแล้วครับ ขอโทษที่ต้องทำให้รอนะครับ”รอยยิ้มบางที่ประดับบนใบหน้าตลอดเวลากับดวงตาที่เปร่งประกายสดใสนั้นต่อให้นั่งรอนานกว่านี้อีกสักหน่อยก็คงโกรธไม่ลง สาว ๆ ที่รอข้าวต้มมาเป็นครึ่งชั่วโมงพากันส่งยิ้มกลับไปให้กับเด็กเสิร์ฟหน้ามนอย่างไม่ถือสา “ที่สั่งไว้ได้รับครบแล้วนะครับ” “ค่ะ”พวกเธอตอบรับ ก่อนที่สาวน้อยแก้มป่องคนนึงจะยื่นกระดาษเช็ดหน้ามาให้กับเขา “เหนื่อยแย่เลยนะคะ น้องเขม สู้ ๆ นะ” “ขอบคุณครับ”เขมรับเอากระดาษเปียกนั้นมาซับหน้าโดยดี และเก็บกระดาษแผ่นเล็กที่มีเลขเขียนอยู่ชุดนึงใส่ลงในกระเป๋า ไม่ได้ทิ้งหรือยื่นกลับไปให้เธอเสียน้ำใจ แต่เรื่องสานต่อนั้นก็คงไม่เช่นกัน ลำพังแค่ตัวเขาคนเดียวก็ยังแทบจะเอาตัวเองไม่รอดเลย ร่างโปร่งจด ยก เสิร์ฟวนไปอยู่อย่างนี้นับชั่วโมงก่อนจะมุดไปหลังร้านเพื่อล้างชามเมื่อเห็นว่าชามที่มีพร่องลงไปมาก และรุ่นพี่เขาสามารถรับงานหน้าร้านเพียงคนเดียวได้ โทรศัพย์มือถือรุ่นเก่ากลางใหม่ถูกหยิบออกมาเป็นแอพริเคชั่นสีน้ำเงินที่มีตัวอักษรลำดับที่หกในภาษาอังกฤษแปะอยู่ในกรอบขึ้นมาส่องคนที่แอบไปมองเกือบทุกวันจากที่ไกล ๆ คนในใจของเขานั่นล่ะ “เฮ้ย เขม ออกมาช่วยกันก่อน สงครามว่ะ”อาร์ต ซึ่งเป็นรุ่นพี่จากคณะนิเทศน์โผล่มาลากรุ่นน้องต่างคณะจากหลังร้านให้ออกมารับหน้าคลื่นมนุษย์ที่กำลังโถมเข้ามาในร้าน “ไปรับโต๊ะเดือนเลยมึง รอบที่แล้วกูติดเฟรมไปหน้าเหียกชิบ” “รอบนี้เลยให้ผมเหียกแทนเหรอครับพี่”เขมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะคว้ากระดาษไปเตรียมจดออเดอร์โดยดี ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองกลุ่มคนที่กำลังลากโต๊ะมาติดกันก่อนจะถอดหายใจเบา ๆ คน ๆ นั้นคงไม่มากินกับเพื่อน ๆ คนอื่น... อาจจะมีนัดกับคนที่กำลังดูใจกันก็ได้ หรือเขามีแฟนแบบเงียบ ๆ ไปแล้วนะ “เขม”เด็กหนุ่มหันขวับไปหาต้นเสียงทางด้านหลัง “ผมปรกหน้าแล้วนะ” ยางรัดแกงเส้นสีแดงสดใสถูกนำมารัดผมหน้าม้าที่เริ่มยาวเกินพอดีของน้องเล็กแห่งร้านเจ้สวยให้เด้งขึ้นชี้ฟ้าเป็นโมเอะพอร์ยน่ารักในสายตาของผู้จัดทำ แต่... มองยังไงก็เป็นจุกชิสุสำหรับผู้ถูกกระทำน่ะนะ “พี่ไวท์!”เขมทำหน้ายู่ใส่รุ่นพี่คณะศิลปกรรมศาสตร์ที่ชอบแกล้งเขาหน้านิ่ง ๆ มือขาวขยับไปจะดึงจุกออก แต่ก็โดนดักซะทุกทาง “พี่ไวท์ อย่าแกล้งผม” “ไม่ได้แกล้ง”หน้านิ่ง ๆ ของพี่ใหญ่ร้านเจ้สวยก็ยังคงนิ่งไม่มีเปลี่ยนแปลง “แบบนี้แหละ น่ารัก เยี่ยมไปเลย” มันคงจะน่าเชื่อ ถ้าพี่ท่านไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงโมโนโทนและยังคงคอนเซปหน้านิ่งแม้จะยกนิ้วโป้งขึ้นกดไลค์ก็ตามที “ไม่ต้องทำหน้าหมางง พี่ว่าดีน้องก็ต้องว่าดี ไปทำงานได้ละ ชิ่ว ๆ”อาร์ตยิ้มกว้างขณะโบกมือไล้ให้น้องเล็กไปรับออเดอร์สักมี “น่า เกิดแน่นอนไม่ต้องห่วง เชื่อพี่” “...”คนเป็นน้องอย่างเขาก็คงได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมโดยดี เขมทิวาก้าวขายาว ๆ เข้าไปที่โต๊ะของพวกเดือนมหาลัยและผองเพื่อน กลุ่มเดียวกับที่เขาแอบไปนั่งส่องก่อนมาทำงานนั่นล่ะ เขาแอบมองหาใครบางคนอีกครั้งแบบเนียน ๆ แต่ก็ยังไม่เห็นเหมือนเดิม “รับอะไรดีครับ”เขมเอ่ยถามลูกค้าที่นั่งโต๊ะกันเรียบร้อยแล้วด้วยเสียงนุ่ม รอยยิ้มสดใสถูกแจกจ่ายออกไปไม่มีกั๊ก “เมนูแนะนำวันนี้เป็นข้าวต้มต้มยำปลาเก๋าเสิร์ฟพร้อมน้ำเก๊กฮวยครับ” “เอา!!” “เอาด้วย!!!~” “มีพิเศษไหมน้อง” “เอาข้าวต้มกุ๊ยกับกุ้งทอด” สงครามการสั่งอาหารเริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความมึนงงของคนรับออเดอร์ คิ้วสีเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิดใจขณะที่มือขาวจดเมนูที่ได้ยินลงในกระดาษโดยที่ตามองหน้าของคนที่สั่งเรียงคนไป เหล่าคนดังของมหาลัยก็เหมือนจะเข้าใจภาษากายอย่างดี ตามองใคร คนนั้นสั่ง ไม่แย่งกันจนไม่รู้เรื่องเหมือนก่อนหน้า “เฮ้ ไอ้ต่าย ทางนี้ ๆ”เสียงเรียกเพื่อนที่ดังขึ้นทะลุปล้องทำเอาเด็กหนุ่มนอกกลุ่มสะดุ้งเบา ๆ ดวงตาคู่สวยภายใต้แว่นใสสั่นไหวชั่ววินาทีก่อนเจ้าตัวจะเรียกสติกลับมาให้นิ่งได้ดังเดิม พี่ต่าย... เขมทิวาเหลือบมองไปยังคนที่เข้ามาใหม่ด้วยใจที่เต้นรัว ริมฝีปากซีดเม้มเข้าหากันแน่นกลั้นยิ้มเอาไว้เมื่อเห็นว่าคนในใจของเขาไม่ได้พาใครมาด้วย “สั่งเลย ๆ พวกกูสั่งกันละ”ยังไม่ทันที่คนดังของเศรษฐศาสตร์จะก้าวมานั่งโต๊ะ เหล่าเพื่อนผู้มีน้ำใจก็ร้องบอกเขากันแล้ว “เมนูเด็ดร้านนี้มีเพียบ สั่งเลยมึง” “ไม่ให้ดูเมนูเลยเหรอวะ”ต่ายส่ายหน้าให้เพื่อนอย่างระอาใจ เขาไม่ได้มากินร้านนี้บ่อย ๆ สักหน่อย ถึงจะรู้จักเมนูเด็ดที่เพื่อนบอก “เอาข้าวต้มกุ๊ยกับยำกุ้งแห้งครับน้อง” “...”มือที่จับปากกาไว้นั้นกำปากกาแน่นจนขึ้นข้อขาว ทั้งร่างของเขาเกร็งแข็งจนขยับไม่ได้ ต่างจากหัวใจที่เต้นรัวยามที่ร่างสูงนั้นเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ หูทั้งสองข้างก็อื้ออึงจนไม่ได้ยินเสียงที่ส่งมาถึง เขาไม่เคยเข้าใกล้คนในใจขนาดนี้มาก่อนเลยสักครั้ง “เฮ้ย น้องมันกลัวนายว่ะ ต่าย”เสียงแซวจากเพื่อนในโต๊ะดังขึ้น ตามด้วยเสียงหัวเราะจากเพื่อนคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกัน ”น้องครับ เพื่อนพี่ไม่กัดนะ ไม่ต้องไปกลัว มัน มันออกจะใจดี” รณกฤตมองหน้ารุ่นน้องร่วมมหาลัยนิ่ง ก่อนจะยื่นมือไปดันแว่นที่เหมือนจะร่วงออกจากหน้าน้องให้เข้าที่ แล้วเลื่อนมือไปดีดจุกชิสุบนหัวอย่างเอ็นดู “อ๊ะ”เขมที่เรียกสติกลับมาได้อุทานเสียงเบา ดวงหน้าขาวขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอายเขาก้มหน้าลงไม่กล้าสู้หน้าคนตรงหน้า “ขอโทษครับ เอ่อ... พี่รับเป็นข้ามต้มกุ๊ยกับยำกุ้งแห้งถูกไหมครับ” ถึงแม้จะตื่นเต้นจนตัวแข็ง แต่เขมก็ยังจำเมนูที่คนในใจของเขาสั่งออกมาได้แม่นยำ แม่นยิ่งกว่าฟังอาจารย์พูดในคลาสเรียนอีก “จุกน่ารักดีนะ”ต่ายดีดผมที่ชี้โด่เด่นั้นอีกหลายครั้งจนพออกพอใจ “เอาน้ำส้มมะนาวปั่นด้วยอีกแก้วนึงละกัน” “คะ ครับ”เขมรีบจดรายการอาหารลงในกระดาษแล้วก้าวขาฉับ ๆ ไปส่งใบให้เจ๊สวยอย่างไวที่สุดเท่าที่คนส่วนสูง 178 จะทำได้ แค่ได้อยู่ใกล้ใจเขาก็เต้นซะเหมือนจะกระเด็นหลุดจากอกแล้ว นี่ถ้าต้องอยู่ตรงนั้นนาน ๆ เขาอาจจะช็อคไปเลยก็ได้ พี่ต่ายใกล้ ๆ มีเสน่ห์ยิ่งกว่าตอนที่เห็นจากมุมไกล ๆ ซะอีก “ไอ้เขม เหม่ออะไรของเอ็งวะ”เจ๊สวยยกกระบวยตักน้ำแกงชี้หน้าลูกจ้างที่มายืนเอ๋ออยู่ตรงหน้าพักนึงแล้ว “ไปทำงานได้แล้วเอ็ง นี่ ไปเสิร์ฟโต๊ะหนุ่มหล่อซะ แล้วอย่าไปแกล้งทำหกให้เขามีรูปตลกออกไปล่ะ” ปากเจ๊สวยน่ะพูดกับเขา แต่ตามองอาร์ตที่เคยทำวีรกรรมเด็ดดวงเอาไว้ในครั้งก่อนที่ เหล่าหนุ่มหล่ออาหารตาชั้นยอดมารวมตัวกันกินมื้อใหญ่ที่ร้านด้วยสายตาอาฆาต ก็ลูกจ้างสุดที่รักของเจ๊ก็ดันไปทำสะดุดตัวเองคว่ำชามข้าวลงกลางโต๊ะจนทุกคนแตกฮือหน้านี่เหวอกันหมด แล้วดันมีคนมือดีถ่ายรูปไปลงเพจหนุ่มหล่อบอกต่อด้วย ทำเอาร้านแทบแตกจากสาว ๆ ผู้เกรี้ยวกราด “ให้พี่อาร์ตหรือพี่ไวท์ไปแทนไม่ได้เหรอครับ”เขมทิวาโอดครวญเมื่อได้ยินคำสั่งของคุณเจ้าของร้านที่เคารพรัก “อย่ามางุ้งงิ้ง ไปได้แล้ว”ชามข้าวต้มสองชามถูกยัดใส่มือ เขมถอนหายใจน้อย ๆ ก่อนจะเดินไปเสิร์ฟโดยดี จะงี่เง่ามากได้ยังไง นายจ้างสั่งมานี่ “ข้ามต้มต้มยำปลาเก๋าครับ”ชามเซรามิคสีขาวสะอาดตาถูกวางลงบนโต๊ะยาว “ที่เหลือรอสักครู่นะครับ” “น้องเขม พี่อยากได้พริกไทย”เจ้าของชื่อที่กำลังจะเดินผละออกไปสะดุ้งโหยง ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยนั้นหันกลับมามองเหล่ารุ่นพี่ด้วยความตกใจ “น้อง ตกใจอะไรน่ะ” “พี่รู้จักชื่อผมด้วยเหรอครับ”เขมทิวาเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้ เขาไม่ใช่คนที่โดดเด่น ไม่เคยสร้างวีรกรรมอะไร เรียกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจเลยด้วยซ้ำ “ไม่รู้ตัวล่ะสิ”เดือนปีสองจากคณะนิติศาสตร์หันมามองหน้าคนที่เหมือนจะไม่รู้จักตัวเองดีพอพร้อมส่งรอยยิ้มขำ ๆ ให้กับเจ้าตัว “น้องได้ลงเพจบ่อยมากเลยนะไม่ค่อยได้เปิดดูล่ะสิ“ “เพจอะไรเหรอครับ”ท่าทางไม่รู้เรื่องอะไรเลยของรุ่นน้องทำให้พวกเขาหัวเราะออกมาอีกครั้ง “เพจ Cute boy ของมหาลัยไง แล้วยังมีเพจผู้ชายเป็นของทุกคนอีกเพจที่เอารูปน้องไปลงบ่อย ๆ ไม่รู้ตัวจริงอ่ะ”พี่โจโจ้เดือนปีสี่จากวิศวกรรมศาสตร์มองหน้าเอ๋อ ๆ ของรุ่นน้องต่างคณะอย่างไม่เชื่อสายตา “เอาจริงดิ น้องเล่นโซเชียลบ้างไหมเนี่ย” “เล่นบ้างครับ...”สำหรับเขา โซเชียลมีเดียมีเอาไว้ส่อง ig ของคนในใจน่ะ ส่วนเฟสบุ๊คถ้าจะมีที่ติดตามจริง ๆ ก็แต่เพจหนุ่มหล่อบอกต่อด้วยเพจเดียวเพราะลงรูปพี่ต่ายบ่อย ๆ ที่เหลือคือไม่ได้สนใจอะไรเลย... รวมไปถึงคำขอเป็นเพื่อนและแจ้งเตือนต่าง ๆ ด้วย “ไอ้เขม มาเอาข้าวต้มมาอย่ามัวแต่เม้าเดี๋ยวของเย็นหมด”เสียงสูงของคนที่สวยที่สุดในร้านแว้ดเข้ามาในหู “มีอีกหลายชาม อย่ามาอู้!!!” “ครับ ๆ มาแล้วแล้วครับ”เขมปัดความรู้สึกในใจไปเก็บไว้ในลิ้นชักแล้วหันกลับมาทำหน้าที่ของตนเองให้เสร็จก่อน แต่เขาก็ตั้งปณิธานไว้แล้วว่าคืนนี้จะไปเปิดเพจต่าง ๆ ดูทั้งหมดเลย “ต่าย มึงนั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียววะ”เดือนเศรษฐศาสตร์ปีสองหันมาถามเพื่อนสนิทที่นั่งอมยิ้มอยู่กับตัวเอง “เล็งใครไว้หรือไง” “เปล่าแค่คิดว่ามองเพลินดีนะ”คำตอบที่ไม่ได้ทำให้คำถามกระจ่างขึ้นเลยสักนิด “ ไม่ต้องสนใจกูทุกเรื่องก็ได้โอเว่น” “เอ้า ว่ากูเสือกอีก”โอเว่นเบ้ปากก่อนจะเลิกสนใจเพื่อนที่เข้าสู่โลกส่วนตัว ปล่อยมันไป เอาเวลาไปชนโคล่ากับเพื่อนคนอื่นดีกว่า แต่ถ้าเป็นวันศุกร์ก็ขอชนด้วยน้ำหมักแล้วกันนะ หลังเลิกงานจากร้านเจ๊สวย เขมก็รีบกลับห้องไปเปิดแอปพลิเคชั่นสีน้ำเงินดูทันที “Cute boy อย่างนั้นเหรอ”ปลายนิ้วเรียวฉบับคนมือสวยพิมพ์ชื่อเพจที่คุ้นเคยอยู่พอประมณลงไปในช่องค้นหา “เฮ้ย” แก้มใสขึ้นสีแดงก่ำเมื่อเห็นรูปที่เพิ่งถูกอัพขึ้นมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเป็นรูปที่เขาโดนพี่ต่ายแกล้งในร้านเจ๊สวยCute boys ว๊าย ตาเถร อะไรกันคะเนี่ย ทำไมเจ้าชายเศรษฐศาสตร์ไปหยอกเล่นกับคุณหนูอักษรแบบน้านนน นั่ลลั๊กอ่ะ #เจ้าชายตอนชิวหล่อมว๊าก #ไหนใครว่าหนุ่มแว่นเชย #หนุ่มแว่นโมเอ้มากค่ะลูก ทำไมมอ.zzz มีแต่คนหน้าตาดีแบบนี้ล่ะคะ *** แนบรูป *** เขมเบิกตากว้างมองรูปที่โคตรชัดในมือถือ นี่เขาจะม้วนตัวลงในผ้าห่มไปทุบ ๆ ๆ เตียงก่อนดี หรือจะหวีดร้องว่าซวยแล้วก่อนดีนะ... นิ้วโป้งเขาก็ดูจะทำงานผสานกับหัวใจมากเกินไปหน่อย เผลอแปปเดียว ไปกดเซฟรูปเข้าเครื่องซะอย่างนั้น ว่าแต่... ถ้าไปขอไฟล์ใหญ่มาอัดใส่กรอบตั้งบนโต๊ะเขาจะหาว่าโรคจิตไหมนะ เขาเลื่อนไปดูรูปเก่า ๆ ที่เพจเคยลง เห็นรูปตัวเองในที่ต่าง ๆ ลงอยู่ บางรูปไม่ใช่ที่มหาลัยหรือร้านเจ๊สวยด้วยซ้ำไป หลายรูปมีชื่อเขาแท็กอยู่ในคอมเม้นด้วยซ้ำ สรุปเขามึนหรือเขาโง่นะ ที่ตอนแรกนึกว่ารูปที่เพื่อน ๆ แท็กเขาในเพจเป็นรูปที่เพื่อนถ่ายให้เล่น ๆ ไม่ได้เอะใจดูชื่อเช่ออะไรเลยสักครั้ง นี่เขามีสตอล์กเกอร์ติดตามตัวด้วยเหรอเนี่ย... พระเจ้า! สตอล์กเกอร์ที่มีสตอล์กเกอร์ติดตามตัว...!! เดี๋ยวนะ ๆ ชิบหายแล้ว แบบนี้ก็มีคนรู้น่ะสิว่าเขาแอบมองใครคนนึงอยู่แทบทุกวัน เหมือนงานจะเข้าหรือเปล่านะ เขมทิวา @@@@@@@@@ มาอัพต่อแล้วเจ้าค่ะ ออเจ้า น้องเขมของเราน่ารักไหมคะ^^ น่อออ แล้วพี่ต่ายของเรามองอะไรอยู่น้าาา ยังไงก็ฝากติดตาม #คนในใจ ด้วยนะคะ แวะมาพูดคุยกรีดร้องกันได้ทั้งในเพจและทวิตค้าา จะมาอัพเรื่อย ๆ นะคะ รักกก
พี่ต่าย ... ดูท่าจะเป็นพระเอกน่ารัก ๆ รอตอนต่อไปค่ะ
คงไม่ใช่แค่น้องเขมแล้วล่ะ พี่ต่ายเองก็คงมองน้องอยู่เหมือนกัน
บทที่ 2 คนในใจกับสนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยวันนี้สำหรับเขมทิวายังคงเหมือนเดิม วิวทิวทัศน์ในการเดินจากหอไปยังตึกเรียนก็เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือสายตาของคนที่มองมาด้วยความสนอกสนใจ เขารู้สึกเหมือนกับว่าตนเองเป็นซุป’ตาร์ยังไงไม่รู้ “เขมมมม พี่รณกฤตตัวจริงหล่อไหมม”แอนเดรีย หรือจริงๆมันชื่อเอ หนุ่มตัวสูงหัวใจนางสาวไทยแล่นมาซบหนุ่มแว่นของคณะ ดวงตาที่ติดขนตาหนาเป็นกันสาดกระพรือเสียจนเขมกลัวว่าเพื่อนจะบินขึ้นไปติดอยู่บนเพดาลห้องเลคเชอร์ “แบบว่า เราเห็นนะตัวเองงง สวีทกับสามีเราอ่ะ” “สวีทอะไร เราไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”เขมขยับมือมาลูบหัวคนที่ซุกไซร้อยู่ตรงอกท่ามกลางสายตาเอือมระอาของเพื่อนร่วมคลาส “ถ้าเป็นเขมเรายอมให้เป็นเมียหลวงของสามีเราก็ได้”ริมฝีปากที่แต่งแต้มลิปกรอสกดจูบที่แก้มขาวทิ้งรอยมัน ๆ อมชมพูเอาไว้เป็นอนุสรณ์ “เจ้าชายเศรษฐศาสตร์กับคุณหนูอักษร เข้ากั๊น เข้ากัน” “ไม่เอาน่า แอนเดรีย พี่เขาเสียหายหมด”เขมหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเพื่อนชายหัวใจสาวลวนลามเขาด้วยการลูบไล้อกที่มีความนูนแค่ตรงหัวนมของเขา “จั๊กจี้นะ แอนเดรีย” “เนี่ย พวกหล่อนเห็นมะ เขมยังเรียกชื่อฉันถูกเลย”แอนเดรียตวัดสายตาไปมองแก๊งชะนีเพื่อนสาวของเธอที่พากันทำตามองบน “กลับมานั่งนี่ได้ละไอ้เอ”ลิลี่ ดาวคณะอักษรของปีหนึ่งกวักมือเรียกเพื่อนที่จะแปลงร่างเป็นตุ๊กแกเกาะตัวของคนเรียบร้อยให้กลับหลุมสักที “เขม นายก็ไม่ต้องไปตามใจมันมากก็ได้ เหลิงหมดละ” “กรี๊ดดด ยัยดอกขาว อย่ามายั่วยุสามีคนที่แปดสิบหกของฉันนะยะ”เขมหัวเราะออกมาอีกเมื่อเจ้าแม่ขนตาปลอมหันไปกรีดร้องใส่กลุ่มเพื่อนของเธอ “แล้วอีกอย่างนะหล่อน เอ เอ็น ดี อาร์ อี เอ แอนเดรียย่ะ” “ไอ้เอ มึงหยุดฝันแล้วปล่อยเพื่อนไปนั่งได้แล้ว”แก๊งสาวงามอักษรกวักมือเรียกเพื่อนอีกครั้ง แอนเดรียทำหน้าบึ้งกระทืบเท้าตึงตังเดินไปนั่งปุรวมกลุ่มโดยดี แต่ไม่ถึงสามนาทีก็นั่งเม้ามอยกับเพื่อนแล้ว... “เฮ้ย เขม วันนี้จะไปสนามฟุตบอลไหม”เทนนิสถามเพื่อนที่เดินมานั่งประจำที่ เขาส่งกระดาษทิชชู่ที่ทัศน์ยื่นมาให้ส่งให้กับเพื่อนที่มีรอยลิปติดแก้มเป็นวงใหญ่ “ขอบใจ... ทำไมวันนี้มาชวนล่ะ”เขมรับทิชชู่มาเช็ดแก้มของตัวเอง ก่อนจะทิ้งลงในกระเป๋าเพื่อนสนิทอย่างหน้าตาเฉย “นิสัยนะมึง”ถึงจะผลักหัวเพื่อนซี้ไปที แต่เทนนิสก็ไม่ได้หยิบซากอารยธรรมในกระเป๋าปาคืนเพื่อนไป เพราะตัวเขาทำบ่อยกว่าเขมทิวาซะอีก “แล้วสรุปไปไหม” “แล้วสรุปทำไมชวน”เขมถามคำถามเดิมกลับด้วยสีหน้ากวน ๆ ดวงตาคู่สวยนั้นพราวระยับประกายรู้ทันเพื่อนสนิท “วันนี้หลีดลงซ้อม กูจะไปดูพี่เนย จบไหมครับคุณหนู”คนที่หมายปองสาวรุ่นพี่ตอบอย่างเซ็ง ๆ “รู้อยู่แล้วยังจะถามอีก มึงเนี่ย” “มันจะเอามึงไปบังหน้า มึงไม่ต้องไปก็ได้เขม”ทัศน์ปิดหนังสือในมือลง ตาเหล่มองคนที่ส่งสายตาอาฆาตมาให้ด้วยความเฉยชา “มันป๊อด” “กูไม่ได้ป๊อด”เทนนิสหันไปเถียงเพื่อนที่เอาความจริงมาแฉอย่างหน้าตาเฉยทันที “เขาเรียกว่ารู้สึกประหม่าเมื่อได้สบตากับเธอต่างหาก” กระดาษทิชชูใช้แล้วถูกปาใส่คนขี้ป๊อดแต่ไม่ยอมรับตัวเอง ไม่พอยังแถสีข้างถลอกให้เพื่อนร่วมแก๊งและคนแอบฟังหัวเราะอีก ไม่รู้เหรอว่าการทำให้คนอื่นหัวเราะท้องแข็งมันเป็นบาป “ไปก็ไปสิ ก่อนถึงเวลาเปิดร้านเจ๊สวยยังไงก็ว่างอยู่แล้ว”เขมตกปากรับคำไป แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าในใจเขาตะโกนกว่าไปตั้งแต่คำแรกที่ชวนแล้วล่ะ แต่จะให้รับคำทันทีที่ชวนมันก็ดูจะน่าสงสัยไปสักหน่อย แค่ทุกวันนี้ที่ต้องเลี่ยงการตอบคำถามที่ว่าจะไปนั่งตากลมข้างสนามฟุตบอลทำไมบ่อย ๆ ก็แย่ละ “แน่ใจนะว่านายไม่ได้ป๊อดน่ะ นิดนิสคุง” “กูจะบอกอีกครั้งว่ากูชื่อเทนนิสครับ”คุณชายเทนนิสทำหน้าเซ็ง เขากะว่าจะหาอะไรสักอย่างมาปาใส่เพื่อนที่บังอาจมาตั้งชื่อใหม่ให้เขา แต่เหมือนดาวโชคดีจะเข้าข้างเพื่อนแว่นเสมอ “เรามาเริ่มกันเลยนะ”อาจารย์สาวเสียงโมโนโทนที่สอนวิชาเรียนรวมบังคับของมหาวิทยาลัยมาถึงก็ต่อโปรเจคเตอร์ฉายสไลด์สอนทันที “ต่อจากคราวที่แล้วนะคะ สงครามในสมัย...” ด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์มนต์ขลังขั้นสุดของอาจารย์ผู้เป็นที่รักของเหล่านักศึกษานั้น ดลบันดานให้ห้วงนิทรามาสู่เด็ก ๆ ของเธอจนเข้าฌานไปกว่าครึ่งห้อง โซเชียลที่ไว้นั่งเขี่ยแก้ง่วงก็เอาไม่อยู่ แม้แต่ทัศน์ที่เป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนมาตั้งแต่ประถมจนจบม.ปลายยังอดสัปหงกไม่ได้ คงเหลือแต่คนที่นั่งดูดกาแฟกระป๋องที่จิ๊กมาจากหนึ่งในสาวงามแบบคิดเองเออเองของอักษรอย่างเขมทิวาเท่านั้นที่ยังนั่งหลังตรงจดไปดูดกาแฟด้วยหลอดนมขวดไป ”ยังไงก็สู้คาปูชิโน่ไม่ได้อยู่ดีล่ะน้า~”ไม่วายมีการบ่นไปกินไปด้วย ”แต่ก็อยากกินโกโก้ปั่นอยู่เหมือนกันแหะ หรือเอาเป็นนมโอรีโอ้ดี” คนอัจฉริยะมักคุยกับตัวเอง... ล่ะมั้ง เสียงของอาจารย์สาวยังคงดังต่อเนื่องตลอดสามชั่วโมงของการเรียนในช่วงเช้า เหล่านักรบที่มาสู้ศึกในห้องเรียนนั้นสยบแทบเท้าอาจารย์ไปแทบหมดสิ้น “เอาล่ะ พี่ให้การบ้านไปอ่านและเขียนสรุปบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ชอบมาคนละเรื่องส่งคาบหน้าเป็นคะแนนนะ วันนี้เลิกคลาสได้”ด้วยความเล็งเห็นความอัจฉริยะภาพในตัวของนักศึกษาส่วนใหญ่ ผู้เป็นอาจารย์จึงขอส่งเสริมเด็ก ๆ ที่น่ารักของเธอด้วยการบ้านง่าย ๆ สักหน่อย “ใครลอกเน็ตมาจะโดนหักคะแนนและทำใหม่เป็นสองเท่านะคะ” คำเตือนส่งท้ายเรียกเสียงโอดครวญในใจของเหล่าคนขยันแห่งปี แต่ทุกคนก็จำต้องยอมรับในชะตากรรมนั้น และทำต่อไป โรงอาหารของตึกรวมในเวลากลางวันไม่ต่างจากสมรภูมิรบดี ๆ ที่ทุกคนต่างแย่งชิงจานอาหารในร้านอร่อย ผู้ที่ถูกลิขิตไว้ให้อยู่เหนือผู้อื่นก็จะได้จานเด็ดไปในวันนี้ เขมทิวาเองก็เป็นคนโชคดีคนนั้นเหมือนกัน ”กระเพราะหมูสับเต้าหู้ไข่ได้แล้วจ๊ะ”จานข้าวที่มีทั้งข้าวและกับพูนจานเลื่อนส่งมาตรงหน้าของเด็กหนุ่ม “ของหนูไม่ไข่ สี่สิบบาทจ๊ะ” “นี่ครับ”เขมวางแบงค์ยี่สิบสองใบลงบนมือของแม่ค้าวัยกลางคน ก่อนจะหยิบจานข้าวมาราดพริกน้ำปลาแล้วเดินตัวปลิวไปที่โต๊ะ นั่งจุ้มปุ๊กรอเพื่อนที่ยังอยู่ในสนามรบ ไม่รู้ว่าจะแห้วไหมนะนั่น “โหยยยย เขมแม่ง ได้ของดีอีกละ”เทนนิสวางจานข้าวขาหมูลงอย่างเซ็ง ๆ ไอ้ที่เขาซื้อมามันก็อร่อยแหละ แต่ไม่เท่าของเพื่อนอ่ะ “เขาลั่นใส่เต้าหู้มาให้ทั้งหลอดเลยใช่ไหมวะ” “น่าจะหลอดครึ่ง”ทัศน์ชะโงกหัวมาจากทางด้านหลัง ในมือเขามีก๋วยเตี๋ยวน้ำตกส่งกลิ่นหอมฉุยของสมุนไพรที่พ่อครัวอัดลงไปในหม้อ “พลังของหนุ่มแว่น...”เพื่อนสองคนหันไปมองหน้าเจ้าของจานข้าวที่ดูจะพิเศษกว่าคนอื่นในราคาธรรมดา “สุดยอด!!” “นายก็ไปเล่นกับนิดนะทัศน์”เขมหัวเราะกับความขี้แซวของเพื่อน ถึงมันจะจริงที่จานข้าวขอเขามันดูจะล้น ๆ ไปสักหน่อยก็เถอะ “รีบกินจะได้ไปทำรายงานกัน” “โหยยยย”เทนนิสโหยหวนขึ้นทันทีที่พูดถึงงานอันไม่น่าพิสมัย อยู่มหาลัยแล้วทำไมต้องมานั่งเขียนรายงานงก ๆ กันด้วยวะเนี่ยยย “ท่องไว้นิส พี่หลีด พี่หลีด พี่หลีด”เสียงสะกดจิตของทัศน์ที่ฟัง ๆ ไปแล้วความหมายมันชักจะเพี้ยน ๆ อย่างบอกไม่ถูก “พี่หลีด พี่หลีด พ—” “เอิ่ม มึง ไม่ต้องมากล่อมกูเลย”คนที่เล็งสาวรุ่นพี่ไว้เบรกเพื่อนทันทีพร้อมทำหน้าสยอง “ทำไมกูฟังแรก ๆ ก็พี่หลีด และพอฟังเรื่อย ๆ แล้วเป็นพวงหลีดวะ” “เราอุตส่าไม่พูดละนะนิด”เขมที่นั่งกลั้นหัวเราะตั้งแต่พี่หลีดสองคำแรกหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่จริง ๆ “ลากเสียงยาวชีวิตก็เปลี่ยนได้” “ลงโลงไปเลยย เฮ้~”คนที่ลากเสียงยาวรับทุกเพื่อนหน้านิ่ง สองแขนชูขึ้นมืออยู่ระดับหัว ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมโต๊ะได้มากกว่าเดิม “พอ ๆ แดก!”คนที่ตกเป็นเป้ารีบปิดเรื่องคุยด้วยการตักข้าวขาหมูคำโตเข้าปากไป “อะอีบไออำอายอานไอไอ้อ๋อ” “กินให้หมดคำก่อนค่อยพูดสินิด”เขมแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่ทำตัวเป็นเด็ก ก่อนจะลงมือกินข้าวในจานของตนเองบ้าง “ครับ ๆ คุณหนู”คุณหนูนี่คุณหนูจริง ๆ เลย “กระผมจะทำตามคำคุณหนูเดี๋ยวนี้ล่ะขอรับ” ฉายาคุณหนูของเขมทิวาไม่ได้ตั้งขึ้นมาลอย ๆ เรียกสนุกปากอย่างที่บางคนคิด แต่มาจากนิสัยของเจ้าตัวที่ค่อนข้างจะเรียบร้อย ไม่พูดคำหยาบคาย และใบหน้าที่จะติดอมยิ้มตลอดเวลา รวมไปถึงการจัดระเบียบชีวิตของตัวเองที่ออกจะเป๊ะไปไม่หน่อย เพื่อน ๆ และพี่ ๆ ในคณะเลยเรียกเขาว่าคุณหนูด้วยความเอ็นดู ไม่ใช่ความหมั่นไส้ส่วนตัว ซึ่งเจ้าตัวก็น้อมรับโดยดี ไม่ว่าอะไร ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาให้ใครเพราะต้องทำงานพิเศษ แต่คนหน้าตาดี เรียนดี น้ำใจดี ไม่หยิ่ง ใครมันจะไปเกลียดลงกันล่ะ ห้องสมุดก็ยังเป็นแหล่งพักพึงของเหล่านิสิตนักศึกษาที่ต้องการจะหาความรู้เพิ่มเติมใส่สมอง หาข้อมูลไปทำรายงาน และ... “มึงกลับไปนอนหอไป ไอ้นิส”เป็นที่พักผ่อนที่เงียบสงบ เย็นสบายสำหรับหลาย ๆ คนด้วย “กูกับเขมจะทำรายงาน เกะกะ” “น่า ของีบแปปเดียว เดี๋ยวกูลุกขึ้นมาทำ”เสียงยาน ๆ ยืด ๆ ของคนที่กินอิ่มต้องนอนหลับตอบกลับเพื่อนสนิท “แปปเดียวเอง...” จบคำที่เอ่ย เจ้าตัวก็ไปเฝ้าพระอินทร์อย่างเป็นสุข เขมทิวามองคนที่หลับอุตุภายในเวลาไม่กี่นาทีได้ด้วยความอิจฉา ตัวเขาถ้าไม่เหนื่อยจัดจริง ๆ กว่าจะกล่อมตัวเองหลับไปก็นานโข แป้งกระป๋องถูกหยิบออกมาจากส่วนลึกของกระเป๋า เขมสบตากับทัศน์แล้วยิ้ม ทัศน์เองก็ส่งยิ้มกลับมาอย่างรู้ทันความคิดเพื่อน “ปะแป้งก่อนนอนนะเด็กดี”ทัศน์คว้าแป้งเด็กในมือเพื่อนมาบีบพ่นใส่คนหลับลึกจนหอมฉุยขาวเนียน “จะได้หลับสบาย” สองเพื่อนขยันยกนิ้วโป้งให้แก่กันก่อนจะหันไปก้มหน้าก้มตาทำงาน ทิ้งผลงานชิ้นเองระดับที่แวนโก๊ะยังต้องตะลึง ดาวินชีต้องศิโรราบให้เหล่าคนที่มาเยอะยังห้องสมุดชั้นสามได้เชยชม เมื่อปลายปากกาของสองหนุ่มจรดตัวอักษรสุดท้ายลงบนกระดาษ ดวงตาที่ปิดสนิทของสหายคนที่สามก็ลืมขึ้นอย่างรู้เวลา “ฮัดเช้ย”แป้งสีขาวฟุ้งตามแรงลมที่พ่นออกมาพร้อมละอองน้ำขนาดเล็กที่กระเด็นไกลหลายเมตร “พวกมึงเล่นอะไรกันเนี่ยยยยย” “ปะแป้งก่อนนอนไง”ทัศน์ตอบกลับหน้าตาเฉย ในขณะที่เขมนั่งหัวเราะเทนนิสที่ทำหน้ายุ่งเหยิง มือถือขวดแป้งแกว่งไปมาเชิงบอกว่า นี่ไง แป้งกระป๋องนี่ไงที่อยู่บนหัวนาย “บริการย้อมสีผมฟรี มีกลิ่นหอม ล้างออกได้ในทันทีเพียงเอาน้ำราด” “หุบปากไปเลยแม่ง”เทนนิสแยกเขี้ยวให้เพื่อนด้วยความหงุดหงิด แต่จะโวยวายไปก็เท่านั้น เขาเปิดช่องให้พวกมันเอง “จำไว้นะพวกมึงงง” ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นไปห้องน้ำ ทุกย่างก้าวมีออร่าสีขาวฟุ้งกระจายส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไปทุกอณู ผมสีดำสนิทนั้นกลายเป็นสีขาวไปเกือบทั้งหัวแต่กลับไม่ทำให้คนผิวเหลืองคนนี้ดำได้ “ถ้านิดทำตัวดี ๆ หน่อยก็คงจะได้เป็นเดือนคณะไปแล้วเนอะ ทัศน์”เขมรู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ของเขาอยากเป็นเดือนคณะไม่น้อย เพราะอยากมีตำแหน่งไปจีบสาวที่ชอบ แต่ก็ชวดไปเพราะท่าทีทะเล้นกวนเบื้องล่างและการเห็นการนอนเป็นสิ่งสำคัญมากกว่างานในชีวิตประจำวันนั่น “เอาน่า ไม่ได้ตำแหน่งเดือนไม่ได้หมายความว่ามันจะชวดสาวนี่”คนที่ไม่เห็นตำแหน่งเดือนคณะอยู่ในสายตายักไหล่ ส่วนมือนั้นกวาดของลงกระเป๋าเตรียมตัวออกจากห้องสมุด “คุณหนูเถอะ เอาแต่นั่งมองระวังจะชวดเอานะ” “บางทีการมองอย่างเดียวมันก็มีความสุขมากกว่าการยื่นมือไปแตะต้องนะทัศน์”ดวงตาที่ประกายระยับหันไปสบกับเพื่อนที่มองมาด้วยความเป็นห่วง “น่า ไม่ต้องห่วงหรอก เรารู้ลิมิตของเราดีนะ” “ตามใจ”ไม่ใช่เรื่องของเขาจะพูดอะไรได้มาก ก็ได้แต่มองเพื่อนที่ดูจะแอบรักคนอื่นอยู่ข้างเดียวแบบนี้ต่อไป เผื่อสักวัน... อาจจะต้องยื่นไหล่กว้าง ๆ นี่ไปให้ซบก็ได้ “มึงงง ไปกันได้แล้วววว”หยดน้ำเป้ง ๆ กระเด็นมาโดนชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะพาลให้สะดุ้งโหยง “จะถึงเวลาแล้วเนี่ย ชักช้าาา” เทนนิสคว้าเอากระเป๋าขึ้นมาคุ้ยเอาผ้าขนหนูมาเช็ดหัว แล้วเหวี่ยงกระเป๋าใบเดิมนั่นไปให้เพื่อนถือไว้ แน่นอน ใครจะไปกล้าใช้คุณหนูถือของกัน ตำแหน่งคนถือของนี่ต้องเป็นขี้ข้า only!! สนามฟุตบอสในช่วงเย็นก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้คนที่มานั่งเล่นกินลมชมวิวเหมือนทุกวัน เขมกับเพื่อนที่เพิ่งมาถึงก็พากันเดินไปที่นั่งประจำเหมือนทุกวัน แต่มันก็มีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมอยู่... “อ้าว น้องเขม มาด้วยเหรอ”เสียงเรียกที่ทำเอาคนที่กำลังเดินขึ้นอัศจรรย์สะดุ้งเฮือก “ไปนั่งอะไรบนนั้น มา ๆ ลงมานั่งข้างล่างเลย” ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในสมองเด็กหนุ่มคือ นี่เขาไปสนิทกับกลุ่มเดือนดังของมหาลัยถึงขนาดที่มีการกวักมือเรียกหยอย ๆ ให้ไปนั่งริมสนามตั้งแต่เมื่อไหร่กัน “ไปดิ เขม พี่เขาเรียกแล้วน่ะ”แต่เหมือนจะมีคนได้ประโยชน์จากความสนิทสนมที่มาอย่างไม่รู้อิโหน่อิดหน่นี่เหมือนกันล่ะนะ คนที่รักน้ำ รักปลา รักโรงเรียน รักเพื่อน อย่างเขมทิวา มีหรือที่จะปฏิเสธเพื่อนสนิทที่ออกกน้าออกตาอย่างเต็มกำลังว่าอยากจะลงไปรอดูสาวที่ชอบใกล้ ๆ ลง เขาเดินนำเพื่อนทั้งสองลงไปนั่งที่เก้าอี้โค้ชข้างสนามอย่างไม่อิดออดอะไร แต่ในใจน่ะ โวยวายเต็มที่แล้ว “น้องคุณหนู วันนี้ไม่ทำงานเหรอครับ”เทียน เดือนปีสองคณะอักษรศาสตร์รุ่นพี่ของก๊วนสามหน่อทิ้งตัวลงข้าง ๆ เด็กหนุ่มที่ทำหน้าแหย ๆ “โดนเพื่อนฝืนใจมาหรือไง” “เปล่าครับพี่เทียน ผมแค่มานั่งหนีแดดรับลมรอเวลาร้านเจ้สวยเปิดน่ะครับ”รอยยิ้มอบอุ่นราวกับพระอาทิตย์ยามเช้าที่เป็นจุดขายของเขมทิวาถูกยกขึ้นมาใช้ “เอ้า ใครมานั่งส่งยิ้มละมุนละไมอยู่ตรงนี้เนี่ย”โจโจ้คนกวนประจำหมู่เดือนโผล่มาข้างหลังเดือนบัญชีที่เป็นคนโบกมือเรียกน้อง ๆ ลงมา เขาแกล้งทำตาโตใส่รุ่นน้องที่นั่งหน้าสลอนเรียงสามอยู่ตรงหน้า ส่วนรุ่นพี่ที่นั่งเป็นคนที่สี่นั่น... เมิน ๆ ไป “โอ๊ะโอ วันนี้คุณหนูเขมพาเพื่อน ๆ มานั่งดูเดือนด้วยเหรอเนี่ย” “มานั่งดูหลีดครับรุ่นพี่”ตอบนิ่ม ๆ ตามสไตร์ของเขมทิวา เลยได้เขี้ยวสองข้างส่งมาตอบแทน “พูดงี้ลงมาไฟท์กันในสนามเลยมา”คนเป็นรุ่นพี่เชิดปาดขึ้น สายตามองมาอย่างท้าทาย แต่เหมือนเจ้ารุ่นน้องที่หมายตานั่นจะไม่รู้สึกรู้สาเลย “ผมเล่นบอลไม่ค่อยเป็นหรอกครับ”เขมส่ายหน้าให้กับคนท้า แล้วหันไปสบตากับเพื่อนสนิทอย่างรู้กัน “งั้นเล่นอะไรเป็นล่ะ”สัมผัสหนัก ๆ ที่หัวมาพร้อมกับเสียงที่ทำให้หัวใจคนฟังเต้นรัว แก้มขาวขึ้นสีเรื่อเมื่อความอบอุ่นจากมือข้าวนั้นแผ่ซ่านลงมาทั่วกาย “อา... เอ่อ ผม...”คำถามง่าย ๆ กลับตอบยากขึ้นมาเมื่อสมองนั้นว่างเปล่า เสียงหัวใจที่เต้นดังกลบเสียงรอบข้างยิ่งทำให้สติที่พอมีอยู่เลือนรางลง “ผมเล่นบาสได้ครับ” เก่งด้วย... แต่ไม่พูดนะ เดี๋ยวจะหาว่าอวดตัว “งั้นพรุ่งนี้มาเล่นด้วยกันซักแมตช์สิ”กระเป๋าใบขนาดกลางถูกวางลงบนตักของเขมพร้อมผ้าขนหนูผืนสะอาดคล้องลงที่คอ “ฝากหน่อย” “คะ ครับ”เขมรวบกระเป๋าที่ยังงมีไออุ่นจาง ๆ จากผู้เป็นเจ้าของไว้ในอ้อมแขน แอบสูดดมเนียน ๆ ไม่ให้ใครเห็นแล้วกรีดร้องก้องในใจ ถึงจะไม่สมหวัง แต่ได้เห็นใกล้เข้ามาอีกนิด สนิทขึ้นมาอีกหน่อยมันก็ดีถมแล้วจริง ๆ “มีน้ำกับขนมปังในกระเป๋า ถ้าหิวก็หยิบมากินได้เลยนะ”มือร้อนขยี้หัวทุย ๆ ของรุ่นน้องต่างคณะที่ยิ้มค้างด้วยความเอ็นดู “แล้วพี่ต่ายจะกินอะไรล่ะครับ”เขมถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงปนเกรงใจในความใจดีของรุ่นพี่ต่างคณะ “ผมไม่หิวหรอกครับ” “พี่ก็กิน...”เสียงที่ลากยาวกับดวงตาคมที่เลื่อนมองสบตาก่อนจะหลุบลงมาที่ริมฝีปากสีอ่อน พาให้คนถูกมองหน้าเห่อร้อนขึ้นไปอีก “กินข้าวกับเพื่อนน่ะสิ หรือน้องเขมสนใจไปกินกับพี่สักมื้อล่ะครับ” คำถามที่ไม่ได้รอคำตอบ... ทิ้งระเบิดตูมใหญ่ไว้ก่อนจะลงสนามอีกนะ คนในใจ! ดวงตาสีน้ำตาลคู่เดิมยังคงมองคนเดิมที่อยู่ในใจไม่ห่าง ยิ้มให้กับลูกที่ยิงเข้า เสียดายกับลูกที่ยิงพลาดคละเคล้ากันไปจนฟ้ามืดลง มัวมองคนที่อยู่ในใจมานานนับปีอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลาไปทำงานพิเศษจนต้องวิ่งหูตั้งไปที่ร้านและโดนเจ้คนสวยของร้านมองด้วยสายตาคาดโทษไปหนึ่งดอก และได้ป้ายอภัยโทษทันทีที่เหล่าเดือนยกโขยงมากินข้าวต้มที่ร้านในเวลาต่อมา ในคืนนั้น เขมทิวาจับจ้องรูปในเพจ Cute boys ที่ลงรูปตัวเขากำลังยื่นผ้าขนหนูให้กับพี่ต่ายด้วยรอยยิ้มหวานอยู่นานสองนาน นี่ตัวเขาออกนอกหน้าเกินไปหรือเปล่านะ แต่ในวินาทีนั้นเขาก็อดที่จะยิ้มให้กำลังใจคนที่เพิ่งแข่งชนะเพื่อนมาหมาด ๆ ไม่ได้ “รูปนี้ถ่ายได้ดีจังเลยน้า”เด็กหนุ่มอดที่จะเปรยออกมาไม่ได้ เขาหมายมั่นตั้งใจไว้แล้วล่ะว่าจะต้องเอารูปนี้ไปอัดให้ได้ และในตอนนี้นายเขมทิวานั้นก็มัวแต่อ่านแฮชแทคไป เขินไป อ่านคอมเม้นไป กลิ้งไป จนลืมคำพูดบางคำของคนในใจที่ทิ้งไว้ตั้งแต่ต้นไปเสียสนิทเลย... @@@@@@@@@@@@@@@@@@@ มาอัพตอนที่สองแล้วค้า ไม่ค่อยได้เปิดคอมเลยไม่ค่อยได้อัพเลย ขอโทษด้วยนะคะ จะพยายามอัพให้ถี่ขึ้นค้า ^^
พี่ต่ายก็ชอบน้องใช่ไหม :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
:กอด1:
:L2: :pig4: ติดตาม
คุณหนูน่ารัก
งูยยยยยยยยยย เขิน สงสารทัศ ก็สงสาร แต่มันเขินจริงๆค่ะ 55555555 :hao6:
รอติดตามค่าา
บทที่ 3 มิตรภาพ ห้องเรียนในคาบเช้าช่วงต้นของการสอนมักจะมีนิสิตนักศึกษานั่งกันอยู่บางตา และจะบางอยู่อย่างนั้นหากว่าไม่มีการเช็คชื่อในเวลาถัดไป นักศึกษาปีหนึ่งส่วนใหญ่นั้นจะมาเข้าเรียนกันตรงเวลาในตอนต้นเทอม และต่อย ๆ สายมากขึ้นเมื่อรับรู้ถึงนิสัยของอาจารย์ผู้สอนแต่ละคน จนไปถึงหยุดเรียนไปดื้อ ๆ แล้วยืมเลคเชอร์เพื่อนไปจดแทนก็มีไม่น้อย แต่หนึ่งในนั้นไม่ใช่เขมทิวาคนขยันแน่นอน “อ้าว เขม มาแต่เช้าเลย”เสียงใสของเพื่อนสาวในคณะเอ่ยทักคนที่นั่งอ่านการ์ตูนในมือถืออยู่กลางห้อง “วันนี้ไม่อ่านหนังสือเรียนแหะ” “เราไม่ได้ขยันขนาดนั้นนะ เมล”เขมยิ้มให้กับเพื่อนที่มาทักทายและหัวเราะออกมาเบา ๆ “ถ้าเราอ่านหนังสือเรียนทั้งวันเราอาจจะกลายเป็นตาลุงหัวใสปิ๊งสะท้อนแดดก็ได้นะ” “โอ้ย คุณหนู ต่อให้ไม่มีผมก็ยังดูดีเหอะ”คาราเมลกรอกตามองคนที่ดูจะไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองหน้าตาดีอย่างเซ็ง ๆ “ได้เปิดเฟสอัพเดตเรื่องส่วนตัวยัง” “มีอะไรเหรอ เมล”มือขาวหยิบเอาสมาร์ทโฟนคู่ใจออกมาเปิดหน้าไทม์ไลน์อัพเดทข่าวคร่าวตามคำเพื่อน แต่ยังไม่ทันที่จะได้เลื่อนดูอะไร มันก็มีสิ่งที่ทำให้เขมทิวาตกใจเสียก่อนหน้าแล้ว “เฮ้ย” แจ้งเตือนหลักร้อยนี่มันอะไรกันวะ!!! นิ้วโป้งสะบัดไถจอมือถือไล่หาต้นเหตุที่ทำให้เฟสบุ๊คเขาแจ้งเตือนทะลัก อินบ็อกทลาย เฟรนด์แอดถล่มด้วยสีหน้าที่ยังคงยิ้ม แต่หัวคิ้วมุ่นเข้ หากันอย่างหงุดหงิดเบา ๆ อันที่จริงแล้วต้นทางมันก็หาไม่ยากเท่าไหร่ เพจเดิม ๆ ที่ลงรูปใหม่ ๆ พร้อมแคปชั่นชวนจิ้นที่เรียกเสียงกรี๊ดจากสาววายทั่วทุกมุมเพจให้มารวมกันCute boys ว้ายยย มานี่เร็วววววเหล่าชะนี เก้ง กวาง บ่างน้อย ๆ ของเดี๊ยน ดู๊ดูเจ้าชายเศรษฐศาสตร์สิคะ คู๊ณณณณ ว่ารูปส่งผ้าหวานแหววเมื่อคืนมดขึ้นแล้ว นี่ค่ะ รูปใหม่ แหม่ มองตาหวานแบบนี้ไม่ขย้ำคุณหนูลงท้องไปเลยล่ะเจ้าคะะะะ โอ้ยยย มีซัมติงอะไรกันชิมิ ๆ #พี่ต่ายน้องเขม #เจ้าชายเศรษฐศาสตร์กับคุณหนูอักษร #ตกหลุมรักหนุ่มแว่นหน้าใส #ตาหวานฉ่ำ รูปที่แนบอยู่ด้านล่างเป็นรูปที่เขมกำลังก้มลงไปหยิบกระเป๋าเตรียมจะลุกไปทำงานพิเศษโดยมีสายตาของต่ายที่มองมาเหมือนในโลกนี้มีกันแค่สองคน มือขาวคว่ำมือถือลงพร้อมฟุบหน้าลงกับโต๊ะ สองแก้มร้อนฉ่าแดงก่ำลามใบถึงใบหูที่ถูกปิดไว้ด้วยกลุ่มผมนุ่ม ให้ตายเถอะ ใจเขาเต้นแรงอีกแล้ว ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าเขมจะควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจให้กลับมาเป็นปกติได้ สายตาคู่นั้นมันชวนให้เข้าใจผิดดีจริง ๆ เลย คนอย่างรณกฤตจะมาสนใจอะไรเขมทิวาเล่า แต่ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้น เมื่อมีเพื่อนมาถาม มาแซว เขมก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้ทุกที การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยก็เหมือนทุกวัน อาจารย์เสียงโมโนโทนชวนหลับมีมากกว่าอาจารย์ที่สอนแล้วทำให้ศิษย์รู้สึกกระชุ่มกระชวย และเด็กหลับย่อมมีมากกว่าเด็กตั้งใจเรียน ถึงจะว่าอย่างนั้น มันก็มีช่วงที่เด็กตื่นตัวอยู่เหมือนกันนะ “หยิบมือถือขึ้นมานะคะ แล้วเปิดเว็ปหรือแอพ kahoot แล้วพิมพ์เลขเข้าตามนี้เลยค่ะ ตั้งชื่อเป็นรหัสนักศึกษาเลยนะคะ”ช่วงเวลาสุดหรรษาอย่างหารควิชท้ายคาบมาถึงแล้ว เหล่านักนอนรีบลุกกันตาลีตาเหลือกหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดยิก สบายล่ะ เป็นเว็ป ไม่ใช่กระดาษ มองเพื่อนง่ายมาก “ครูให้เวลาข้อละยี่สิบห้าวินาทีนะคะ” “โหยยยย”เสียงโหยหวนของเหล่านิสิตนักศึกษาดังลั่นห้อง ยี่สิบห้าวินาทีแค่อ่านชอยส์ก็เกือบหมดเวลาแล้วไหม โหดชะมัดเลยครูคนนี้ เมื่อเข้าโปรแกรมกันมาครบจำนวนแล้ว การควิชที่แข่งกันด้วยความไวของสมองสองมือและอินเตอร์เน็ตก็เริ่มขึ้น สามสิบข้อโจทย์ยาว ๆ ชอยส์ยาก ๆ มาเน้น ๆ เล่นเอาเด็ก ๆ ในห้องเหี่ยวแห้งกันไปเป็นแถบ ๆ ก่อนจะเหลือกตาขึ้นมาดูอันดับ 1 ของคลาสที่โปรแกรมคำนวณคะแนนออกมา “อืมมม ครูว่าแล้วว่าต้องเป็นเธอ”ครูวัยกลางคนยิ่มเมื่อเห็นรหัสนักศึกษาที่คุ้นตาเด่นหราอยู่บนหน้าจอโพรเจ็คเตอร์ “เขมทิวา ออกมารับรางวัล” เสียงฮือฮาดังอื้ออึงเมื่อทุกคนได้ยินคำว่ารางวัล สำหรับเหล่าอาจารย์ที่มักจะให้ปากกาด้ามนึงจากนับสิบในโหลราคาไม่เกินสองร้อย ของที่กำลังถูกหยิบออกมาจากซองน้ำตาลนั่นน่าสนใจอย่างแรง “อะ นี่ รางวัลสำหรับคนเก่งของครู”บัตรกำนัลเงินสดร้านอาหารซิสเลอร์สามใบ ใบละ 500 บาท ถูกส่งมาให้กับคนที่ได้ควิชท็อปวันในวันนี้ เขมเบิกตากว้างมองอาจารย์ที่ส่งยิ้มมาให้ด้วยความตกใจ “เอาไปสิ” “ขอบคุณครับ”สองมือพนมกลางอกก้มหน้าลงไหว้อาจารย์ที่มอบของให้ ของที่อาจจะดูเล็กน้อยสำหรับใครหลายคนที่มีอันจะกิน แต่มันมากเกินไปในความรู้สึกสำหรับคนที่ไม่ได้มีมากอย่างคนอื่นเขา “ครูให้เธอเพิ่มจากที่ตั้งไว้เพราะเธอเป็นเด็กดี รักษาความดีของเธอเอาไว้นะ”มือที่เริ่มมีริ้วรอยแห่งกาลเวลาที่พัดผ่านจับบ่ากว้างของเด็กที่เธอเอ็นดู ส่งกำลังใจไปให้กับเด็กที่เธอสัมภาษณ์ในตอนเข้าเรียนมาเองกับมือ “เอาล่ะ ไปพักได้” เสียงกล่าวของคุณและเก็บของลุกจากโต๊ะดังขึ้นต่อเนื่องโดยไม่มีเสียงซุบซิบอะไร คงด้วยทุกคนในนี้รู้กันดีกว่าคุณหนูอักษรนั้นมันยาจกติดดินแต่ไหน รางวัลที่ได้มานั่นก็ไม่ได้มากจนว้าวขนาดที่จะมานั่งอิจฉาอะไรให้ตัวเองเป็นคนงี่เง่าในสายตาคนอื่นด้วย “ไป ๆ กินข้าววว”เทนนิสยืดตัวบิดขี้เกียจไป เดินลากขาไป แลดูจะบ่งบอกถึงกิจกรรมก่อนหน้าที่เจ้าตัวทำไปหน่อย “ไปกินเมื่อไหร่บอกด้วย กูไปเป็นเพื่อน จ่ายเอง มึงไม่ต้องเลี้ยง” คำดักคอที่ได้รับการพยักหน้าเห็นด้วยจากเพื่อนสนิทอีกคนที่ถือกระเป๋าลงมาให้กับเขมเบ่นเอาคนที่กำลังจะเอ่ยปากต้องกลืนคำพูดลงท้องไป “กินข้าวววว”เด็กหนุ่มคนร่าเริงและแสนทะเล้นลากเพื่อนทั้งสองไปที่ประตูห้องที่ยังปิดสนิท “โอมมม จงเปิด จงเปิด อาโลโฮโมล่าาา” “งี่เง่าน่า นิส เล่นเป็นเด็กไปได้”ทัศน์ส่ายหน้าให้กับความปัญญาอ่อนของเพื่อนที่กำลังทำท่าร่ายมนต์ เขายื่นมือจะไปเปิดประตูห้องเรียน แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูนั้นออก ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาซะก่อน “เฮ้ย!” ”เชี่ย กูมีเวทมนตร์”เสียงพึมพำจากไอ้คนที่ยังเมาแอร์ดังมาจากด้านหลังจนน่ามอบหลังมือให้เป็นรางวัล “พี่ต่าย!”เขมอุทานชื่อของคนที่เปิดประตูเข้ามาแผ่วเบา แต่ก็ดังพอให้เพื่อนทั้งสองได้ยิน “ไง”เสียงทักทายที่มาพร้อมรอยยิ้มเจิดจ้า และมีเสียงกรีดร้องอู้อี้ในลำคอเป็นแบล็กกาวน์ด้านหลัง ต่ายยื่นมือถือดังเอากระเป๋าเป้สรซีดของรุ่นน้องตรงหน้ามาถือไว้โดยไม่เอ่ยคำขอ “เลิกเรียนแล้วใช่ไหม” “ค ครับ”เขมเอ่ยรับคำทั้งที่สมองนั้นขาวโพลน สองแก้มใสขึ้นสีเปล่งปลั่งเมื่อสบกับสายตาที่มองตรงมาที่ตัวเขา สายตาของรณกฤตนั้นยังคงทำให้หัวใจดวงน้อยของเขมทิวาเต้นรัว แม้ช่วงนี้เขาจะได้พบหน้าอีกฝ่ายทุกวันก็ตามที “พี่ต่ายมีอะไรหรือเปล่าครับ” “ก็มารับไปกินข้าว...”มืออีกข้างที่สวมข้อมือทองคำขาวเอาไว้วาดมือมาจับข้อมือเล็กของใครอีกคนเอาไว้ “แล้วก็มารับไปเล่นบาสด้วยกันสักหน่อย” “ห๊ะ!?”หน้าเหวอ ๆ ของเขมทิวานั้นแทนที่จะน่าขำ กลับน่าเอ็นดูในสายตาของรณกฤต จนอดที่จะเลื่อนมือไปบีบแก้มใส ๆ นั่นไม่ได้ “เล่นบาสเหรอครับ” “ที่พี่ชวนเมื่อวานไงครับน้องเขม”บู้ม~ ไม่รู้ว่าจะมีใครได้ยินเสียงระเบิดบนหน้าของเขาไหม แต่คำว่า ‘น้องเขม’ ที่ถูกเรียกออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ พร้อมกับสายตาเอ็นดูนั่น เล่นเอาเขาสมองใสไปเลย แบบว่า มันโล่งเรียบเนียนไร้รอยหยักขึ้นมาทันที “พี่ต่ายเอาจริงเหรอครับ”คำถามที่ส่งออกไปเหมือนจะดูท้าทายปนกวนเบื้องล่าง แต่ดวงตาใสแจ๋วที่มองมาตาปริบ ๆ นั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวถามมาจากใจจริง ไม่มีอะไรแฝง “น้องบอกพี่ว่าน้องเล่นบาสได้”รอยยิ้มละมุนละไมที่เขมทิวาพ่ายแพ้แย้มส่งมาให้ใจที่บางอยู่แล้ว บางลงไปอีก “พี่อยากเล่นกับน้องนะครับ” น้ำเสียงที่เหมือนจะมีแววอ้อนหน่อย ๆ พาใจละลาย ไม่บงไม่บางอีกต่อไป ละลายหายไปเลย ไม่ใช่แค่ใจของเขมนะ แต่เหล่าผู้ฟังที่ดีซึ่งยืนเรียงเอียงหูอยู่ข้างหลังก็ละลายกลายเป็นน้ำเช่นกัน “ก็ได้ครับ...”ใครมันจะไปปฏิเสธลงกันล่ะ “พวกผมมีแค่สามคน... เดี๋ยวจะลองตามเพื่อนอีกสองคนมานะครับ” “ครับ”มือของต่ายขยับไปจับข้อมือที่เล็กกว่าตนอีกครั้ง “แต่ก่อนหน้านั้น เราไปกินข้าวกันก่อนนะครับ น้องเขม” ระเหยไปเลย ใจเอย~ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขมมีเพื่อนร่วมโต๊ะที่กินยาวไปทั้งโต๊ะหน้าขาวตัวยาวของโรงอาหารรวม และทุกคนกินเมนูไม่ซ้ำกันเลย เนื้อปลาลวกสีขาวสวยถูกคีบมาวางในชามก๋วยเตี๋ยวต้มยำน้ำใสของเขมด้วยฝีมือของคนข้าง ๆ เขมหันไปมองรุ่นพี่ที่กำลังเอาใจเขาอย่างแปลกใจ ก่อนจะคีบหมูหมักในชามตัวเองไปวางลงบนชามของต่ายบ้าง “เฮ้ ๆ ไม่จำเป็นต้องมาหวานกันกลางโรงอาหารไหม พวกนายน่ะ”เฟรม เดือนคณะเศรษฐศาสตร์ เพื่อนสนิทคนนึงของต่ายอาสาเป็นต้นเสียงในการแซวเพื่อน แน่นอนว่ามีเสียงเป่าปากจากเหล่าผู้ร่วมโต๊ะเป็นแบล็กกาวน์ให้ด้วย ไม่เว้นแม้แต่สองเกลอของเขม ที่ไหลลื่นร่วมวงไปด้วย เขมทิวามองทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่ที่ส่งสายตาล้อเลียนเลิกลั่ก แต่เมื่อเห็นคนถูกแซวอีกคนทำตัวนิ่งเฉย เขาเลยตัดสินใจเลียนแบบคนในใจเขา “ทำนิ่งนะ ทำนิ่ง”เทนนิสหรี่ตามองเพื่อนที่หลบสายตาเขาไปก่อนแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “สรุปมึงมีซัมติงกับเจ้าชายเศรษฐศาสตร์อย่างที่เพจบอกจริง ๆ ใช่มะ ไอ้คุณหนู” “นิด โทรหาเจมส์กับแซนยัง”เขมปัดคำถามเพื่อนเบี่ยงประเด็นทิ้งทันที กับคำถามที่ไม่อยากหาคำตอบ มันก็ยากที่จะตอบได้นะ “โทรแล้ว สองคนนั้นกำลังมา”ทัศน์เป็นคนตอบคำถาม หลังจากนั่งเงียบฉกไข่พะโล้ของเทนนิสมาและโยนไข่แดงกลับลงจานเพื่อนที่ยังล้อเพื่อนอีกคนด้วยสายตาไม่หยุด “กินข้าวได้แล้ว อย่ามัวแต่จ้องคนอื่นมาก เดี๋ยวก็เจอพ่อหรอก” “พ่อก็นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วไง นั่นอ่ะ ๆ”เทนนิสที่ยังไม่คิดจะก้มลงมองจานข้าวตัวเองหัวเราะลั่น “พ่อทูลหัวไง ไม่เห็นต้องทำตาดุเล— เชี่ยยยยย” คราวนี้กลายเป็นคนทั้งโต๊ะหัวเราะคน ๆ เดียวเมื่อเจ้าของไข่รู้แล้วว่าโดนเลาะไข่ขาวไป เสียงโวยวายประกอบกับเสียงช้อนกระทบกันยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากรุ่นพี่ให้มากขึ้นไปอีก “โอ้ย น้องเขม เพื่อนน้องรับจ๊อบเล่นตลกคาเฟ่เหรอ”รองเดือนมหาลัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ทานขึ้นหลังจากหัวเราะจนน้ำตาเล็ดไปยกใหญ่ “เอ่อ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละมั้งครับ ผมก็เริ่มไม่แน่ใจเหมือนกัน”เขมทิวามองเพื่อนที่ยังฟันดาบด้วยช้อนส้อมพร้อมยิ้มแหย กว่าสงครามแย่งชิงไข่ขาวพะโล้จะจบทุกคนในโต๊ะก็กินจนอิ่มแล้ว สุดท้ายเทนนิสก็ได้ไก่ทอดมาสองชิ้นแทนไข่ขาวทั้งลูกเล่นเอาเจ้าตัวหงุดหงิดไปหลายนาที หลังจากมื้ออาหารที่น่ารักจบลง ทุกคนก็พากันไปสนามบาสเก็ตบอลในโรงยิมติดแอร์ นั่ง ๆ เดิน ๆ ให้อาหารย่อยอยู่พักใหญ่จนกระทั่งเด็กปีหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้าสองคนมาถึง “เจมส์ แซน”เขมยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เพื่อนที่เพิ่งเดินเข้ามาเห็น ส่วนมืออีกข้างเก็บใบโคลเวอร์ในเกมน้องกบเดินทางอยู่ “อ๊ะ ชามไม้ ๆ” หนึ่งหนุ่มหนึ่งสาวผู้มาใหม่เดินถือถูกชิ้นปิ้งพร้อมน้ำปั้นหน้าตาน่าซดเข้ามา ทั้งคู่เดินตรงไปหาเพื่อนที่มีความสูงเท่ามาตรฐานชายไทยที่ไม่ได้กินนมเสริมแคลเซียมครั้งยังเด็ก “อะ โกโก้มิลล์ครีมชีสคุกกี้แอนด์ครีมเฟรบเป้ดาร์กช็อกโกแลตวิปครีม”ชื่อเมนูที่ฟังดูแล้วน่าจะเสริมสร้างห่วงยางรอบเอวได้มากจนสาว ๆ สายความงามต้องทำหน้าแหยงไปตาม ๆ กันถูกส่งมาให้คนขยันของกลุ่ม “บราวนี่โอมาร์เก็ตหมดเลยไม่ได้ให้เขาใส่มาให้นะ” “เท่าไหร่อ่ะแซน”เขมรับน้ำจากเพื่อนมาดูดอย่างมีความสุข เป็นอีกหนึ่งเมนูที่เขาชอบกิน แต่ไม่ค่อยได้กินเพราะหาร้านที่จะซื้อยากมาก ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนแซนนี่ล่ะที่ไปซื้อมาให้ “ไม่รู้ เราสะสมตัวปั้ม”เพื่อนแซนของเขมตอบไม่ตรงคำถาม เป็นอันรู้ว่าเธอจะไม่รับเงินเด็ดขาดถึงแม้ว่าจะยัดใส่มือก็ตามที สาวน้อยคนเดียวของกลุ่มใครก็ห้ามขัดใจ “ไอ้แซนมันไปปักหลักหน้าร้านซื้อมาเลย แดกให้หมดยันแก้วเลยนะเว้ย”เจมส์เหล่มองแก้วน้ำปั่นในมือเพื่อนอย่างเซ็ง ๆ “กูยืนแทะเท็กซัสหมดไปสองชิ้นยังไม่ได้มาเลย ไอ้แก้วเนี้ย” “แกไม่ได้เป็นคนต่อแถวมะ”แซนเท้าเอวถลึงตามองเพื่อน ด้วยส่วนสูงระดับนางแบบบวกรองเท้าผ้าใบเสริมส้นสองนิ้วครึ่ง ทำให้สาวเจ้าไม่จำเป็นต้องเงยหน้าคุยกับเพื่อน “อร่อยเหรอ”รณกฤตหันมาถามรุ่นน้องที่กำลังจะเอ่ยปากห้ามทัพ “สดชื่นดีนะครับ พี่ต่าย”เมื่อคนในใจหันมาคุยด้วย เพื่อนก็หมดความสำคัญลงไปกว่าครึ่ง เขมหันมาหาพี่ต่ายอย่างไม่ลังเลเลย “งั้นเหรอ”ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้เด็กหนุ่ม เขมทิวาเบิกตาโพรงมองดวงหน้าหล่อเหลาของรุ่นพี่ที่แอบมองมานานปีอย่างทำอะไรไม่ถูก “อืม ไม่หวานมาก กำลังดีเลย” “เอิ่ม สรุปเรียกพวกเรามาแข่งบาสหรือดูนายโชว์หวานอ่ะ”เจมส์หรี่ตามองเพื่อนที่ก้มหน้างุด หูเหอนี่แดงก่ำ “จะจีบเพื่อนผมต้องหาใบโคลเวอร์สี่กลีบมาขอนะเออ” “หืม??”ต่ายเบือนหน้าไปมองเพื่อนของรุ่นน้องอย่างสนใจ “ใบโคลเวอร์?” “เจมส์!”เขมหันไปแยกเขี้ยวให้เพื่อนก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง “พอ ๆ จะแข่งบาสใช่ไหมครับ เพื่อนผมมาครบแล้ว ลงสนามกันเถอะ” เขมทิวาก้าวลงสนามไปก่อนเป็นคนแรก ก่อนที่เพื่อนและรุ่นพี่จะตามกันออกมา ผู้เล่นสองทีมยืนประจันหน้ากันภายในสนามโดยฝั่งนึงสวมชุดบอลกันมา และอีกฝั่งเป็นชุดนักศึกษาที่พับแขนขึ้นเรียบร้อย “เล่นจริงจังหรือชิวอ่ะ”แซนถามขึ้นก่อนที่ลูกบาสจะถูกโยนขึ้นให้แย่งชิง “เอาสนุกละกัน”ทัศน์ที่ยืนตั้งท่าโดดเป็นคนหันมาตอบเพื่อน “ไม่ต้องซีเรียส” ไม่ซีเรียส... ไม่เลยสักนิด เมื่อเปิดเกมมาทีมรุ่นน้องก็รุกทำแต้มทันทีด้วยการ์ดนอกที่มีความไวในการตัดและส่งลูกให้ปีกนอกทำแต้มภายในไม่ถึงสองนาที ฝั่งรุ่นพี่เองก็ไม่น้อยหน้า ชู้ตสามแต้มขึ้นนำไปในนาทีต่อมา รุ่นพี่รุ่นน้องยังคงผลัดกันรุกรับในสิบนาทีอย่างไม่มีใครยอมใคร เมื่อฝ่ายนึงนำ อีกฝ่ายก็ตีตื้นขึ้นนำในเวลาต่อมาเช่นกัน “เขม นายไปดักพี่เบอร์ 28 ไว้ พี่คนนี้ของแรง”เมื่อเกมเล่นจนจบ ควอเตอร์หนึ่ง เจมส์ที่ถือตำแหน่งกัปตันทีมก็เรียกเพื่อนที่ดื่มน้ำกันเรียบร้อยแล้วมาสุมหัวประชุม “แซน เธอเปลี่ยนมาเน้นการตัดลูกส่งให้ทัศน์ ส่วนนิส นายลงไปกันแป้นเราไว้อย่าให้พวกเขาทำแต้มได้อีก” “อะ อืม”เขมที่เป็นปีกนอกของทีมรับคำ เขาเป็นตัวทำแต้มหลักคนนึงของทีม แต่ไม่ได้แม่นเท่าทัศน์กับเจมส์ที่ได้ชู้ตเป็นลง “เบอร์ 28 นะ” เบอร์ 28... พี่ต่าย “ตอนแรกว่าจะชิว แต่ขอเปลี่ยนเป็นเล่นจริงจังแล้วกัน”เจมส์กระตุกยิ้มขึ้นเมื่อนึกถึงความสนุกในสนามที่ไม่ได้สัมผัสมานาน “เรียกเหงื่อกันหน่อยนะเพื่อน” “ถ้าพวกเราชนะ เราให้น้องปอมเขมตัวนึงเลย เอ้า”คำว่าน้องปอมที่หลุดออกมาจากปากแซนทำเขมทิวาตาลุกวาว เจ้าขนนุ่มที่เขาได้แต่มองเพราะค่าตัวสูงเกินกว่าที่เขาจะเอาเงินเก็บออกมารับเลี้ยง “ถ้าชนะ เวลาน้องปอมไม่สบาย เดี๋ยวค่ารักษากูจ่ายเอง”แม้แต่คนเล่นไปเรื่อยอย่างเทนนิสก็เอากับเขาด้วย “แต่ถึงเวลานั้น กูจะได้จ่ายไหมวะ” “อะไรของนายอ่ะ”เขมหันไปมองหน้าเพื่อนงง ๆ คำพูดมันทำไมดูมีความนัยน์แปลก ๆ หว่า “เราจ่ายเองได้นะ เงินเก็บเราพอจะเลี้ยงน้องได้” “อันที่จริงกูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น...”คำพูดพึมพำเบา ๆ ของเทนนิสถูกเสียงนกหวีดหมดเวลาพักกลบไป เจ้าตัวมองเพื่อนที่ทำหน้างง ๆ เอ๋อ ๆ แล้วหัวเราะออกมา “ไป ๆ ไปเอาชัยชนะมากัน” “A M I T Y fight!!!!” ควอเตอร์ที่สองเริ่มขึ้นพร้อมกับกระแสเกมที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อทีมรุ่นน้องส่งคนมาดักตัวทำแต้มของทีมรุ่นพี่ไว้จนไม่สามารถรับลูกจากเพื่อนคนอื่นได้ แต้มที่เกือบจะเสมอกันอยู่นั้นขยับขึ้นอย่างช้า ๆ โดยทีมรุ่นน้องนำอยู่หนึ่งแต้มตลอด สร้างความกดดันให้กับฝั่งรุ่นพี่ไม่น้อย เมื่อเวลาไหลผ่านไปจนจะหมดควอเตอร์ที่สองแล้ว การแข่งกันที่กดดันนี้ดำเนินไปจนถึงช่วงทดเวลา เขมเหลือบมองสกอร์ที่ยังนิ่งอยู่ที่ 37 : 37 และตัวเขายังต้องดักพี่ต่ายที่พยายามหลบออกไปทำแต้มเอาไว้ 1 นาทีสุดท้ายของการแข่ง เขมตัดสินใจผละตัวออกจากรณกฤตเพื่อวิ่งไปช่วยส่งบอลให้เพื่อนชู้ต แต่ก็ถูกคนในใจดักทางเอาไว้ เขาเม้มปากแน่นก่อนจะใช้ประโยชน์จากความผอมและแรงที่เหลืออยู่วิ่งสไลด์หลบรุ่นพี่เบอร์ 28 ออกไปตัดลูกส่งให้เจมส์ ปรี๊ดดดดดดดด เสียงนกหวีดดังขึ้นพร้อมลูกที่ลอยออกไปเลยแป้น ทำให้ทั้งสองทีมเสมอกันอย่างน่าเสียดาย เสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือจากผู้เข้าชมที่มากันเต็มสนามตั้งแต่เมื่อไหร่ตอบไม่ได้ดังลั่น เรียกสีหน้าเหวอ ๆ ของนักกีฬาหลายคนออกมาเป็นรูปหลุดที่น่ารักหลายรูปเลยล่ะ “โทษทีเพื่อน”เจมส์เข้ามาขอโทษเพื่อน ๆ ที่ยืนหอบกันอยู่กลางสนาม “กูพลาดเอง ขอโทษว่ะ” “เออช่างเหอะ”เสียงที่แฝงความเซ็งเอาไว้ของเขมทำให้เพื่อนยิ้มแหย “ยังไงก็เป็นเกมที่สนุกมากเลย ขอบคุณนะ เจมส์ แซน ที่มาเล่นด้วยกัน” “ไม่ได้ออกกำลังกายขนาดนี้มาตั้งแต่ม.4 แล้วน้า~”แซนยืดตัวบิดขี้เกียจไปหลายยก ก่อนจะแจกจ่ายยิ้มสดใสกวาดใจหนุ่ม ๆ มากหน้าในโรงยิมแห่งนี้ “เดี๋ยวรอน้องไปฉีดยาเข็มแรกก่อนนะ ค่อยไปเอา” “จริงเหรอ”รอยยิ้มกว้างที่หาดูได้ยากของเขมทิวาทำให้หลายคนใจสั่น ดวงตาที่ประกายระยับยิ่งเสริมออร่าความสดใสให้กับเจ้าตัว “จริงนะ แซน” “แน่นอนสิ”สาวเจ้าเอามือเจ้าเอวเชิดหน้าขึ้นสวย ๆ ให้เพื่อนสนิทที่รู้ไส้รู้พุงกันดีวิ่งเข้ามากอด “เหม็นเหงื่อว่ะ ออกไปเลย ชิ่วว” “เป็นแมตช์ที่ดีว่ะ น้อง”เฟรมเป็นคนแรกที่เดินมาหารุ่นน้องที่ยังมีแรงกระโดดโลดเต้นกันอยู่ หลังจากที่พวกเขาเอาผ้าเย็นโปะหน้ากันแล้ว “หนุกมาก พวกน้องเล่นกันเก่งชิบ” “พวกเราเป็นดรีมทีมกันนี่คะ”แซนยักคิ้วให้กับรุ่นพี่ที่ไม่รู้จักกวน ๆ “เส้นยึดไปหน่อย ไม่งั้นพี่ไม่ทางเสมอกับพวกหนูหรอก” “ไม่ค่อยเลยนะ ๆ”นิ้วเย็น ๆ จิ้มไปที่หน้าผากชื้นเหงื่อของหญิงสาวคนเดียวในสนาม เล่นเอาน้องปีหนึ่งสี่คนหัวเราะออกมาเมื่อสาวเจ้าทำปากแหลมส่งให้ “ไปฟิตมาสิ คราวหน้าจะได้รู้ผลกัน” “แล้วคอยดูนะคะ หึ”แซนแลบลิ้นใส่รุ่นพี่ก่อนจะเดินไปคุ้ยหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าตัวเองบ้าง “ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ”เขมส่งยิ้มให้กับรุ่นพี่ทั้งห้าที่ลงสนาม และคนอื่น ๆ ที่มานั่งเชียร์ มาเป็นกรรมการให้กับการแข่งครั้งนี้ “อะ”ถุงพลาสติกสีขาวทึบถูกส่งให้เมื่อร่างโปร่งเดินเข้ามาข้างสนามแล้ว “ไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนใช่ไหมครับ น้องเขม” “ครับ...”มือขาวรับเอาถุงนั้นมาเปิดดู ข้างในเป็นเสื้อสีดำกับกางเกงที่ถูกพับใส่ไว้เรียบร้อย “นี่คือ...” “เสื้อผ้าของพี่เอง น้องเอาไปเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำนะครับ”รอยยิ้มอุ่น ๆ ที่ทำให้เขมเขินทุกครั้งที่เห็นนั้นยังคงมีประสิทธิภาพที่แรงกล้าไม่สร่าง “ไม่ต้องปฏิเสธเลย พี่มีอีกชุดครับ ไม่ต้องห่วง” “อ่า... ครับ”เขมทิวายิ้มเขินเมื่อรุ่นพี่ดักทางตนได้ เขาเลยจำใจยอมที่จะเอาเสื้อผ้าหอม ๆ ชุดนี้ไปเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำในห้องอาบน้ำของโรงยิมโดยดี จำใจ... แน่เหรอ สบู่ของพี่ต่าย แชมพูของพี่ต่าย ผ้าเข็ดตัวของพี่ต่าย เสื้อผ้าก็ของพี่ต่าย กลิ่นของพี่ต่ายกำลังโอบรอบตัวของเขา เขมก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะ... กลิ่นของพี่ต่าย โคตรฟินเลยอ่ะ น้องปอมจงเจริญ พี่ต่ายจง... อะไรดีน้า~ เฮ้อ วันนี้เป็นวันของเขมทิวาจริง ๆ What a beautiful day! ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ บทที่สามมาแล้วค้าา สต็อกตอนมีถึงตอนที่เจ็ดนิดๆ จะทยอยลงไปเรื่อย ๆ นะคะ >< สัญญาว่าหวาน ไม่ไซร้โค้ง ไม่นอกเรื่อง ไม่มีคู่รองให้เด่นกว่าคู่หลักค่ะ :mew3: ฝาก #คนในใจ ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ :mew1:
สนุกและน่ารักมากกกกจ้า ติดตามจ้า
น่ารัก
:L2: :L1: :pig4: วันของน้องเขมจริงๆ
ต่ายรุกจีบเขมแล้วชอบๆสนุกดี
โอ้ น่าสนใจ ติดตามจ้า :z13:
บทที่ 4 เพราะเขาคือเขมทิวา ครืด ครืด ครืด เสียงสั่นของโทรศัพท์ที่ว่างอยู่บนหัวเตียงดังขึ้น ปลุกเจ้าชายนิทราให้ฟื้นคืนมาสู่โลกความเป็นจริงในยามเช้าตรู่ ความจริง... ที่มันไม่ได้สวยงามเหมือนความฝัน “ฮัลโหลครับ”เขมกดรับโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุด ทั้งที่ร่างกายเขายังบอกว่าอยากนอนให้เต็มที่กว่านี้อีกสักหน่อย “ฮัลโหล” “พี่เขมยังไม่ตื่นอีกเหรอ”เสียงใสที่ดูจะติดอารมณ์หวุดหงิดหน่อย ๆ ดังลอดมาตามคลื่นโทรศัพท์ “ทำไมพี่ขี้เกียจแบบนี้ล่ะ” “เบ็ตตี้...”จากที่กำลังเมาขี้ตา เขมทิวาก็สะดุ้งลุกพรวดจากเตียงนอนขึ้นมาทันที เมื่อรู้ตัวว่าน้องสาวต่างมารดาเป็นคนโทรมา “หนูเบ็ตมีอะไรหรือเปล่าคะ” “พี่ หนูอยากเรียนพิเศษ”คำพูดที่ได้ยินทำให้ผู้ฟังนั้นขยี้ตามองชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างตกใจ “พี่ ฟังหนูอยู่เปล่า” “หนูเบ็ตจะเรียนพิเศษเหรอคะ”เขมถามย้ำกลับไปอีกครั้ง นี่เขาหูไม่ฝาดใช่ไหม “หนูเบ็ตบอกคุณแม่หรือยังคะ” “หนูบอกคุณแม่แล้วค่ะ แต่คุณแม่บอกว่าถ้าหนูจะเรียนหนูต้องออกเงินเอง”ถ้อยคำที่ได้ยินพาให้เขมฉงนใจนักอย่างคุณน้าบิวจะไม่ตามใจเบ็ตตี้เหรอ “พี่ หนูอยากเรียนพิเศษอ่ะพี่ทำงานพิเศษอยู่ไม่ใช่หรอ ช่วยหนูออกหน่อยได้ไหม” “ค่าเรียนหนูเท่าไหร่คะ”เขมถามกับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทั้งที่ในใจรู้สึกว่างเปล่า ร่างทั้งร่างชาวูบตั้งแต่หัวจรดเท้า “ชั่วโมงละสองร้อยห้าสิบ เรียนเสาร์อาทิตย์ วันละสองชั่วโมง”จำนวนเงินที่คูณออกมาแล้วมากกว่าเงินเดือนที่ได้จากร้านเจ้สวยทั้งเดือนทำเอาคนเป็นพี่หน้าซีด “พี่ช่วยหนูครึ่งเดียวก็พอ อีกครึ่งเดี๋ยวหนูเก็บเอง” “เรียนตัวต่อตัวเหรอคะหนูเบ็ต”ครึ่งนึงของทั้งหมดก็สองพันถ้วน เป็นจำนวนเงินที่มากพอดูเลย “ใช่ค่ะ เพื่อนหนูไปเรียนกันมาแล้วได้คะแนนดี ๆ กันทั้งนั้นเลย”เสียงของเบ็ตตี้แฝงความอิจฉาไว้จนผู้ฟังสัมผัสได้ “หนูก็อยากได้คะแนนดี ๆ บ้าง พี่ต้องช่วยหนู” “...”ถ้อยคำที่เอาแต่ใจนั่นทำให้เขมลำบากใจ “ต้องจ่ายทุกวันที่ไปเรียนใช่ไหมคะ หนูเบ็ต” “จ่ายเป็นรายเดือนค่ะ”สาวเจ้าตอบกลับมาเสียงใส “น่า พี่เขม พี่ข่วยหนูแต่เดือนละสองพันเอง พี่ทำงานพิเศษก็ได้เงินเดือนอยู่แล้วนี่ ละยังได้จากคุณพ่อด้วย ยังไงก็เหลือ ๆ นี่คะ” “อะ. อืม”สุดท้ายเขมก็ปฏิเสธน้องสาวของตนไม่ลง เขาได้เงินจากที่บ้านแค่เดือนละสองพันห้า ได้จากเจ๊สวยสี่พันห้า รวมแล้วเดือนนึงเขาได้เงินเจ็ดพัน ค่าหอสี่พัน เหลือสามพัน ตอนนี้ต้องให้น้องไปเรียนอีกสองพัน... “หนูเบ็ตส่งเลขบัญชีมาให้พี่ในไลน์นะคะ” “ค่ะ พี่เขมน่ารักที่สุดเลยยย”เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว สาวน้อยก็กดวางสายไปทันที ไม่คิดจะพูดคุยอะไรอย่างอื่นกับคนเป็นพี่เลย “เฮ้อ”จากที่ง่วง ๆ อยู่ ตอนนี้เขาตื่นเต็มตาแล้ว กับภาระใหม่ที่ทำให้เขาต้องคิดมากขึ้น ตอนแรกก็มีเงินเหลือพอจะเลี้ยงน้องปอมอยู่หรอก แต่ถ้าต้องแบ่งไปให้น้องเรียนพิเศษแบบนี้... มันจะไปพอได้ยังไงกันนะ ร่างโปร่งเดินไปดึงลิ้นชักที่โต๊ะหนังสือ หยิบสมุดบัญชีที่เก็บสะสมเงินเอาไว้ขึ้นมาเปิดดู ตัวเลขห้าหลักที่เห็นในนั้นอาจจะทำให้ใจชื้นขึ้นส่วนนึง แต่อีกส่วนนึงมันร้องบอกว่า ไม่ควรจะหยิบมันออกมาใช้ เขาคงต้องหาทางอื่นที่ดีกว่านี้... เขมทิวาเลือกที่จะสลัดความเครียดออกไปก่อน เขาคว้าผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเรียนในตอนสิบโมงเช้า แต่ตอนนี้... เจ็ดโมงตรง ร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเป๊ะเดินออกมาจากห้องพักขนาดเล็กในตอนแปดโมงเช้า ลากขาเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย สองชั่วโมงมันมากพอที่จะทำให้เขมเดินไปเรียนด้วยสปีดหอยทากได้อย่างสบาย ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองอาหารเช้าที่ขายตามรายทาง ทั้งโจ๊ก ข้าวต้ม น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง รวมไปถึงอาหารตามสั่งต่าง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคิดไม่ออกว่าควรจะซื้ออะไรกินดี ชีวิตเด็กหอก็แบบนี้ กินอะไรซ้ำ ๆ จนเบื่อไปข้าง แต่ก็ต้องทนต่อไป สุดท้ายแล้ว เขมก็เลือกที่จะนั่งลงที่ร้านโจ๊กหอม ๆ ร้านนึงที่คนขายค่อนข้างจะชราภาพมากแล้ว รสชาติอร่อย ลูกค้าไม่เยอะมากเพราะรอแกทำกันไม่ไหว แต่เรื่องรอคงไม่เป็นปัญหาสำหรับคนที่มีเวลาสโลวไลฟ์ได้เป็นชั่วโมงถึงจะเข้าเรียนหรอก “โจ๊กหมูเด้งไม่ขิงครับ”เขมเดินมาสั่งอาม่าที่กำลังงก ๆ เงิ่น ๆ หยิบชามมาเรียงเตรียมขายของ “ให้ผมช่วยนะครับ” “อาตี๋ ลื้อเป็นลูกค้า ไปนั่ง ๆ”อาม่าขายโจ๊กปฏิเสธความช่วยเหลือที่ถูกยื่นมาทันที “เดี๋ยวอาม่าเอาโจ๊กไปให้ อาตี๋ไปนั่งเถอะ” “ครับ”ถึงปากจะขานรับ แต่มือนั้นยื่นไปช่วยหยิบจับจัดชามให้สูงพอที่อาม่าจะหยิบจับได้สะดวก ก่อนจะไปนั่งโต๊ะโดยดี เขมหยิบเอามือถือขึ้นมาเปิดดูเพจต่าง ๆ ที่ระยะนี้เหมือนจะลงรูปคู่ตัวเขากับรณกฤตเยอะเป็นพิเศษ ซึ่งมันทำให้เขาเขินทุกทีที่เห็น ร่มเงาที่พาดทับมานั้นไม่ทำให้เขนทิวาเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ เขายังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่สองแก้มใสแดงระเรื่ออยู่โดยไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้เขามีเพื่อนร่วมโต๊ะแล้ว “รูปนี้สวยนะ”เสียงปริศนาดังขึ้นใกล้ ๆ หู ในขณะที่เขากำลังดูรูปตอนที่ตัวเขาเองออกมาจากห้องน้ำในชุดของพี่ต่ายอยู่ “ครับ”เขมขานรับด้วยรอยยิ้ม ก็รูปนี้มันสวยจริง ๆ ทั้งแสง ทั้งท่าทาง มันลงตัวอย่างน่าประหลาด ลงตัวซะจนดูเหมือนว่าพวกเขา... “เหมือนคนรักกันเลย”เสียงนุ่ม ๆ เสียงเดิมพูดความในใจของเขาออกมา เล่นเอาหัวใจเขาเต้นรัว เลือดทั้งร่างเหมือนจะถูกสูบฉีดมาไว้ที่สองแก้ม “เขินเหรอ?” “!!!”เขมเงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาที่เนียนมานั่งด้วยแล้วอ้าปากค้าง เวงตาคู่สวยเบิกโพรงอย่างตกใจที่เห็นคนตรงหน้า “เอ้า แมลงวันเข้าปากหมดแล้ว”นิ้วเรียวสวยได้รูปยื่นมาดันคางเขาขึ้นให้ปากปิดลง “ตานี่จะถลนออกมาเป็นชิวาวาแล้วนะ น้องเขม” “ผมชอบปอมมากกว่านะครับ”ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็นสามเหลี่ยมให้กับคนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ “ชิวาวามันขนไม่ฟูอ่ะ” “แต่ปอมไม่ได้ตาถลนนี่ครับ”คู่สนทนาเองก็ไม่ได้ยอมให้โดยง่าย ดวงตาคมหรี่มองคนที่ทำหน้ายู่แล้วหัวเราะออกมาเบา ๆ “แต่น้องเขมน่ารัก ให้เป็นปอมปอมก็ได้ครับ” “พี่ต่าย!!!”เขมทำปากสามเหลี่ยมใส่คู่สนทนาที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาร่วมโต๊ะเฉยเลย “พี่ต้องชมว่าผมหล่อสิครับถึงจะถูก” “งั้นเหรอ”มืออุ่นยื่นมาจับคางเรียวดันไปซ้ายทีขวาทียกเสยทีขาดก็แต่กดลง ก่อนจะส่ายหน้าน้อย ๆ “มองยังไงก็น่ารักมากกว่าหล่อนะ” “พี่ต่าย!!!”เป็นอีกครั้บที่เขมทิวาเรียกชื่อเล่นของรณกฤตด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติ สองแก้มแดงเรื่อขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขินหรือว่าโกรธเหมือนกัน แต่ที่รู้... คือใจเขาเต้นแรงมาก... มาก ๆ เลยล่ะ “ช่วงนี้หนุ่มหน้าหวานอปป้าเกาหลีโอนี่ญี่ปุ่นกำลังมาแรง ฮอตใหญ่เลยล่ะสิ”ต่ายเองก็ยังหาเรื่องมาแซวรุ่นน้องไม่เลิก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงชอบดูความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของรุ่นน้องคนนี้นัก... อาจจะเพราะเป็นเด็กที่น่าแกล้งก็ได้ หรืออาจจะเพราอย่างอื่น... ที่เขายังไม่อยากพูดออกมา “ฮอตอะไรล่ะครับ”เขมยิ้มขำแล้วส่ายหน้า “คนอย่างผมไม่ได้มีอะไรให้คนมาสนใจหรอกครับพี่ต่าย” หน้าตาธรรมดา เงินก็ไม่มี ถึงมีใครมาสนใจ แต่ก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่เขาจะเลือกกัน... เป็นประโยคที่อยูในใจของเด็กหนุ่ม และเขาไม่คิดจะพูดมันออกมาให้ใครได้ยิน เรื่องบางเรื่องเก็บเอาไว้ในใจอย่างเดียวจะดีกว่า โลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝันมันย่อมต่างกันเสมอ มืออุ่นยื่มาขยี้กลุ่มผมนุ่มของคุณหนูอักษรด้วยความเอ็นดู... หรืออาจจะหมั่นเขี้ยวก็ได้ โจ๊ะร้อน ๆ ควันลอยล่องถูกวางลงบนโต๊ะด้วยมือหญิงชราเจ้าของร้าน ดวงตาที่มีนิ้วรอยแห่งวัยเหลือบมองคนหนุ่มทั้งสองก่อนจะยิ้มตาหยียิงฟันที่อยู่ไม่ครบทุกซี่แล้วให้กับพวกเขา “อาตี๋เป็นแฟนกันรึ”คำถามที่ถูกส่งมาทำเอาเด็กหนุ่มที่อ่อนวัยสุดสำลักอากาศเสียดื้อ ๆ ตรงนั้นเลย “อาตี๋น่ารักกันดี ม่าชอบ” “เปล่านะครับ”แก้มขาวขึ้นสีเรื่ออีกครั้งกับคำแซวของหญิงสูงวัยที่หรี่ตามองเขาอยู่ “ผมกับพี่เขาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องร่วมมหาลัยกันน่ะครับ” “ไม่รู้สิครับ”ในขณะที่เขมกำลังอธิบาย ต่ายกลับตอบไปอีกอย่าง รอยยิ้มที่ไร้ความหมายคลี่ทับใบหน้าหล่อเหลา “ตอนนี้ก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องอย่างที่น้องเขาบอกนั่นล่ะครับ... มั้งนะ” “พี่ต่าย!!!”คำพูดสองแง่สามง่ามที่คนตรงหน้าเอ่ยออกมาชวนให้คิดไปไกล “เดี๋ยวก็มีคนเข้าใจผิดหรอกครับ” “งั้นเหรอ”ต่ายเบนสายตามาสบดับดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้น ประกายความเป็นกังวลที่ฉาบบางในแววตาที่จ้องมองเขานั้นถูกกลบด้วยแก้มแดง ๆ หูแดง ๆ ซึ่งไม่รู้ว่าเกินจากความเขินหรือความโกรธ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า “กินข้าวกันเถอะครับ เดี๋ยวจะสายเอา”เขมเปลี่ยนเรื่องพูดก่อนที่เขาจะเขินไปมากกว่านี้ ”ครับ ๆ คุณหนู”เสียงทุ้ม ๆ นั้นยังไม่วายที่จะแซวรุ่นน้องด้วยฉายาในคณะ “เชิญคุณหนูลงมือทานก่อนเลยครับ” “พี่ต่ายแกล้งเขมอีกแล้ว”คำเรียงแทนตัวที่หลุดออกไปทำเอาคนฟังยิ้มหวาน ในขณะที่คนพูดสะดุ้งโหยงกับความเผลอตัวของตนเอง “น้องเขมน่าแกล้งนี่ครับ”คำพูดที่ออกมานั้นได้รับค่าตอบแทนเป็นสายตาค้อน ๆ ภายใต้กรอบแว่นจากรุ่นน้องคนดี “น่ารักด้วย” คำหยอดที่ส่งมาต่อเนื่องนั้นทำให้เขมอยากตะโกนออกมาดัง ๆ ว่า เขินนะโว้ย หัวใจทำงานหนักนะไม่รู้บ้างหรือไง เขาเลยเลือกที่จะตัดบทสนทนาด้วยการตักโจ๊กคำใหญ่เข้าปาก ความร้อนระอุของโจ๊กที่เพิ่งต้มเสร็จไม่นานคลุ้งไปทั่วปากจนน้ำตาเล็ด “คายออกมาก่อนสิครับ น้องเขม เร็ว”รณกฤตบอกกับรุ่นน้องด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่มือนั้นรีบเทน้ำใส่แก้วที่มีน้ำแข็งอยู่เต็ม “คายออกมาแล้วกินน้ำก่อนเร็วครับ” “อื้อออ”เขมส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมพยายามกลืนโจ๊กเข้าไปจนหมด จะให้คายออกมาต่อหน้าคนในใจของเขา... ทำไม่ได้หรอก “ปากแดงหมดแล้ว”สัมผัสเย็น ๆ จากปลายนิ้วของรุ่นพี่ที่แตะบนริมฝีปากเขาพาให้ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ “เจ็บไหม” เขมอ้าปากหุบปากเป็นปลาทองขาดน้ำ เสียงของเขาเหมือนจะหายไปชั่วขณะ เลยต้องส่ายหน้าเป็นคำตอบแทน ทั้งสองนั่นกินโจ๊กกันจนหมดถ้วย ต่างคนต่างจ่ายค่าอาหารเช้าของตัวเองไป ทั้งที่ต่ายอยากจะเลี้ยงน้องแทบขาดใจ แต่สายตาที่มองปรามมานั่น ก็ทำให้เขาก็ไม่อยากขัดใจเช่นกัน “น้องเขมไปเรียนยังไงครับ”หลังจากที่ทั้งคู่ก้าวออกมาจากร้านแล้ว รณกฤตก็หันไปถามคนที่เด็กกว่าอย่างใคร่รู้ “เดี๋ยวผมเดินไปเรื่อย ๆ น่ะครับ”เจ้าตัวก็ตอบกลับอย่างสบาย ๆ ด้วยรอยยิ้มสดใส “ผมเรียนตั้งสิบโมง เดินไปทันอยู่แล้ว” “รอตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่มารับ”คำสั่งที่ส่งมาก่อนร่างสูงจะก้าวยาว ๆ ไป เล่นเอาคนรับคำสั่งทำหน้าเหวอ นี่พี่ท่านไม่ฟังข้าน้อยเลยรึ! เขมทิวายืนเก็บไบโคลเวอร์และจัดโต๊ะไว้ให้น้องกบในเกมส์จัดของลงกระเป๋าไปเที่ยวระหว่างรอสารถีพิเศษไปเอารถมารับ เขาชะเง้อคอมองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี และไม่นู้ว่าจะมองหารถแบบไหนดี พี่ต่ายจะขับรถแบบไหนมาเรียนกันนะ ในขณะที่กำลังสอดส่องสายตามองอยู่นั้น มอเตอร์ไซค์สัญชาติญี่ปุ่นคันนึงก็มาจอดตรงหน้า พร้อมยื่นหมวกกันน็อคมาให้ “...”เขมลังเลที่จะรับหมวกกันน็อคนั้นมา เขามองมันสลับกับคนขับที่ยังสวมหมวกเต็มใบปิดบังใบหน้าอยู่ “ใส่แล้วขึ้นรถสิครับ”เสียงที่คุ้ยเคยดังมาจากคนตรวหน้า ก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดแผ่นกันลมขึ้นให้เห็นใบหน้าของตนเอง “ทำหน้าหมางงทำไมครับน้องเขม” “เปล่าครับ...”เขมยิ้มหวานส่งให้กลบเกลื่อน แล้วรับหมวกกันน็อคมาใสโดยดี ขาเรียวตวัดขึ้นคร่อมซ้อนมอไซค์คันเล็กอย่างทะมัดทะแมงทั้งที่ใจนั้นสั่นรัว “จับแน่น ๆ นะครับ”คำเตือนเป็นนัย ๆ ที่ส่งมานั้นทำให้มือเล็กกำเหล็กที่ยื่อนออกมาด้านหลังแน่น แต่เมื่อรถสองล้อขับเคลื่อนไปได้ไม่ถึงร้อยเมตร ลองมือของเขมนั้นก็ต้องมาเกาะเอวของรุ่นพี่ที่รักแทน เขาไม่ค่อยได้ขึ้นมอไซค์เท่าไหร่นัก เพราะรถเมล์ รถสองแถวราคาถูกกว่า และเขาก็ไม่ค่อยจะชื่นชอบความเร็วสักเท่าไหร่... ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงอาคารเรียนรวม เขมโดดลงจากมอไซค์ที่นั่งมา ปลดหมวกกันน็อคส่งคืนให้กับต่ายทั้งที่มือยังสั่น ก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วเดินสะโหลสะเหลไปตามทาง “วันนี้น้องเลิกกี่โมงครับ”ยังไม่ทันที่จะเดินไปได้ไกล คำถามจากคนมาส่งก็ดังไล่หลังมาเสียก่อน “สามครึ่งครับ”จริง ๆ แล้วเขมก็อยากตอบให้มากกว่านี้แต่ความวูบไหวในท้องมันไม่นำพาให้พูดเลยสักนิด “เดี๋ยวพี่มารับไปกินข้าวนะครับ ละก็... ไม่เรียกแทนตัวเองว่าเขมแล้วเหรอครับ น่ารักดีนะ พี่ชอบ”ประโยคบอกเล่าถูกส่งมาก่อนที่เจ้าตัวจะซิ่งรถหายไป ทิ้งให้คนฟังยืนตาค้างอยู่ตรงนั้น ระเบิดลูกใหญ่ถูกทิ้งลงมาในใจตัวน้อยที่ดูจะทำงานหนักเกินไปแล้วในวันนี้ เขิน เขิน เขินมากเลยว้อยยยยย การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นที่น่าพูดถึงนัก เพราะสวรรค์ของนิสิตนักศึกษาคือเวลาเลิกเรียน แต่นั่นอาจจะไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดกับคนในใจหลังเลิกเรียนละมั้ง “เมียหลวงขราาาาา”เสียงแหลมสูงของสาวงามประเภทสองดังปรี๊ดขึ้นหลังจากที่เลิกคลาสเรียนเรียบร้อยแล้ว “เล่นกีตาร์ให้เมียน้อยคนนี้ฟังหน่อยได้ไหมคะ” กีตาร์โปร่งตัวใหม่เงาวับถูกยื่นส่งมาให้เด็กหนุ่มที่นั่งมองฟ้าอยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าอาคาร เรียกว่ายัดใส่มือเลยดีกว่า ”เอาเพลงอะไรดีล่ะครับ แอนเดรีย”เขมถามคนที่คิดว่าตัวเองเป็นสาวน้อยวัยใสด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอบอุ่น “น้องอยากฟังคุณพี่เล่นเพลงของเราสองคนเจ้าค่ะ”จะให้เล่นเพลงให้ฟังยังทิ้งปริศนาธรรมให้อีก เขมส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วมองตรงไปข้างหน้า ปลายนิ้วเรียวเขี่ยปิ๊กอันเล็กราคาเบา ๆ ออกมากรีดสายเริ่มบรรเลงบทเพลงที่เพื่อนต้องการ “สบตาเธอคนนี้ไม่รู้ฉันเป็นอย่างไร เธอตราตรึงในฝันดั่งแสงจันทร์อันสดใส ห่างไกลยังเฝ้ารอใกล้กันฉันก็หวั่นไหว เหลียวมองจันทร์ต้องทำให้คิดถึงเธอ ไม่ว่าอยู่แห่งไหนดั่งเรามีสายใยผูกพัน ใจไม่เคยเปลี่ยนผันจากเธอคนนี้”เสียงนุ่มฟังรื่นหูขับขานบทเพลงที่กำลังยอดฮิตออกมาพร้อยรอยยิ้มหวาน ๆ กวาดใจคนมองไปมากองตรงหน้า “ฟ้าดินแยกเราเท่าไรไม่ขาด ภพชาติพรากเราห่างกันไม่ได้ เมื่อบุพเพสันนิวาสมั่นหมายให้เจอ ผู้ใดเข้ามาไม่เคยไหวหวั่น เหมือนใจฉันเกิดมาเพื่อเป็นของเธอ รอวันพบเจอเคียงข้างรักเธอนิรันดร์”เสียงทุ้มอีกเสียงร้องประสาน ดวงตาสองคู่สบมองกันสื่อความหมาย โลกส่วนตัวที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัวทำดาเมจคนโดยรอบให้ลงไปแดดิ้นกับความหวานของคู่จิ้นที่สาววายหลายคนกราบกรานให้เป็นคู่จริงสักที สมาร์ทโฟนหลายหลายยี่ห้อถูกยกขึ้นมาอัดคลิปของคนทั้งคู่เอาไว้เตรียมแข่งกันอัพลงโซเชียล ราวกับว่าใครอีพขึ้นก่อนคนนั้นจะได้รางวัลไป ท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ที่งดงามนั้น มีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองภาพที่เหมือนจะมีพื้นหลังเป็นสีม่วงพาสเทลอยู่เงียบ ๆ ครุ่นคิดตัดสินใจอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ก่อนที่เขาจะเดินหันหลังจากไป... @@@@@@@@@@@ มาอัพแล้วเจ้าค้าาาา พี่ต่ายของเขมรุกหนักอีกแล้ววว น้องเขมเราก็ม้วนเอา ๆ เลยย ฝากติดตาม ติชม และฝากแชร์ #คนในใจ กันด้วยนะคะ ☺️ อ่านทุกความคิดเห็นและน้อมรับมาปรับแก้ในตอนต่อ ๆ ไปเสมอค้า
เฮ้อออออ กินหญ้้าแทนแล้ว ซื้อข้าวคงไม่พอ :L2: :pig4:
น้องเขมชีวิตด้านการเงินน้องนี่รันทดสุดๆ :mew5: :mew5: :mew5: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ใครแอบมองอะ ทัศน์หรอ
บทที่ 5 กำลังใจ หลังจากฝ่าวงล้อมผู้ชมเพลงสดมาได้แล้ว รณกฤตก็พาเขมทิวาไปหาร้านอาหารที่คนไม่มากนักเพื่อกินอาหารเย็นกัน อาหารเย็นตอนสี่โมงนี่แหละ ไม่อ้วน ร้านอาหารที่มีทั้งของจากแม่น้ำและทะเลสด ๆ หาได้ยากในเมืองที่มีแต่ทะเลเทียม แม่น้ำสีขุ่นทอดยาว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหาไม่ได้ซะเลย “...”เขมพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นราคาที่เด่นหราอยู่ท้ายชื่อเมนูอาหาร เขาเหลือบมองท่าทีสบาย ๆ ของรุ่นพี่ตรงหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะปิดเมนูวางลง “ให้พี่สั่งใช่ไหมครับ”รณกฤตยิ้มขำเมื่อเห็นเขมทำหน้าจุด เขาก็พอจะเดาได้อยู่หรอกว่าน้องคงไม่กล้าสั่งของราคาสูง ๆ มากิน “เอากุ้งแม่น้ำเผาโลนึง ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อนใส่เอ็นหมู กระพงผัดฉ่า ปลาหมึกไข่นึ่งมะนาว ปูผัดพริกไทยดำ ข้าวเปล่าสองจานครับ” เมนูที่ถูกร่ายออกมาจากริมฝีปากหยักทำให้ดวงตาสีเข้มเบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบเท่าไข่ห่านจนเกรงว่าถ้าสั่งมากกว่านี้ตาของคุณหนูอักษรอาจจะถลนออกมาเลยก็ได้ “แล้วก็น้ำส้มปั่นแก้วนึง นมแคนตาลูปแก้วนึงครับ”ต่ายวางเมนูลงแล้วยิ้มให้น้อง ”อยากกินอะไรเพิ่มไหมครับ น้องเขม” “เฉาก๊วยนมสดใส่น้ำตาลทรายแดงครับ”ในเมื่อรุ่นพี่มีใจอยากจะเลี้ยง เขาก็จะไม่ปฏิเสธที่จะสั่ง ถึงจะตะลึงกับรายการที่สั่งมาเพราะไอ้ราคาที่ห้อยท้ายไปรอบก็เถอะ ยังไงที่สั่งเพิ่มไปก็แค่ของหวานเล็ก ๆ น้อย ๆ ราคาไม่ถึงครึ่งของอาหารคาวที่ถูกสุดด้วยซ้ำ “เอาสองถ้วยนะครับ” เขาไม่ใช่นางเอกละครที่จะทำเหนียมอายกับพระเอกเวลาไปกินข้าวสองต่อสองสักหน่อย อีกอย่างพี่ท่านสั่งแต่ของแพงมาอยู่แล้ว เพิ่มอีกนิดขนหน้าแข่งไม่ร่วงหรอกน่า แต่ให้เพิ่มกว่านี้เขาก็เกรงใจเหมือนกัน “ครับ รอสักครู่นะครับคุณลูกค้า”บริกรหนุ่มหน้าใสยิ้มให้กับลูกค้าทั้งสองก่อนจะเดินหายลับไป “สองถ้วยจะกินหมดเหรอ”ต่ายแซวรุ่นน้องที่นั่งโปรยยิ้มตาหยี มองร่างกายผอม ๆ ที่ไม่ถึงขั้นขาดสารอาหารอย่างพิจารณา “หมดสิครับ”เขมยิ้มยิงฟันส่งให้เจ้ามือเลี้ยงข้าวอย่างอารมณ์ดี “ไม่หมดก็ห่อกลับไปกินที่หอได้” “งั้นสั่งเพิ่มอีกสิ จะได้เก็บเอาไว้กิน”ต่ายทำท่าจะเปิดเมนูเพื่อสั่งของมาเพิ่ม แต่ก็โดนมือเล็กดักเอาไว้ก่อน “ไม่เอาครับ”เสียงที่ถูกกดให้เข้มดุนั้นแทนที่จะทำให้กลัว แต่กลับทำให้ต่ายเอ็นดูซะอย่างนั้น ”ไม่เอาเหรอ...”เสียงที่ลากยาวของรุ่นพี่นั้นฟังดูไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไหร่เลย “นั่นสินะ เก็บไว้นาน ๆ มันก็ไม่อร่อยละ” เขมถอนหายใจเฮือกใหญ่ อย่างน้อยพี่ต่ายก็พอจะเข้าใจเขาอยู่บ้างล่ะนะ ค่อยโล่งใจหน่อย ถึงประเด็นจะไม่ใช่เรื่องความอร่อยก็เถอะ เหมือนจะขัดแย้งในตัวเอง แต่เขาก็ไม่อยากให้รณกฤตเสียเงินเลี้ยงข้าวเขามากไปกว่านี้แล้ว ไอ้ครั้นจะขอหารก็... ไม่มีเงินอ่ะ “ไว้พี่พาไปหาของอร่อยกินเรื่อย ๆ ดีกว่า”ยังไม่ทันที่จะได้สบายใจหายใจคล่องเขมก็ต้องขอถอนคำพูดก่อนหน้าซะแล้ว “สายเปย์เหรอครับ”เขมกระตุกยิ้มมุมปาก ดวงตาภายใต้กรอบแว่นหรี่มองคนที่ทำหน้ายิ้ม ๆ ตรงหน้า “ระวังผมจะหลอกถลุงพี่หมดตัวนะ” เล่นมา เล่นกลับ ไม่โกง!!! “แปลว่าน้องเขมยินดีจะมากินข้าวเย็นกับพี่ทุกวันใช่ไหมครับ”คำพูดที่ได้รับกลับมาทำเอาคนฟังต้องมุดหน้าลงกับโต๊ะ... ไม่โกงก็แพ้ได้... ตั้งแต่ได้แค่มองจนตอนนี้ได้ร่วมโต๊ะอาหารกันเขายังไม่เคยชนะคน ๆ นี้ได้เลย แพ้ใจทุกที อันที่จริงเขมทิวาไม่ใช่ว่าจะไม่เขินหรือไม่ประหม่าที่ได้พูดคุยกับคนในใจของเขา แต่จิตใต้สำนึกโง่ ๆ ที่มีอยู่มันบอกให้เขาทำเรื่องโง่ ๆ ดูสักครั้งบ้าง มีโอกาสที่จะพัฒนา มันก็ต้องลองกันดูสักตั้ง เขมเลยเลือกที่จะข่มทุกอย่างลงในใจเพื่อที่จะได้พูดคุยกับรณกฤตสักครั้ง เขาจะได้ไม่เสียใจในภายหลัง บทสนทนาที่เงียบลงแต่มันกลับไม่ได้ทำให้บรรยากาศอึมครึมเลยสักนิด “เหมือนเจ้าชายจะเป็นจุดสนใจนะครับ”เขมที่เหลือบตามองรอบ ๆ แล้วเห็นสายตาของใครหลายคนมองมาที่โต๊ะนั้นก็อดที่จะแซวเจ้าชายเศรษฐศาสตร์ไม่ได้ “เหรอครับคุณหนู”ต่ายเคาะนิ้วลงกับที่เท้าแขนยิ้ม ๆ “หึงเหรอครับ” “เปล่าสักหน่อย”เขมหน้าแดงลามไปถึงใบหูอีกครั้ง นี่เขาโดนคนในใจวางระเบิดมากี่ลูกแล้วนะวันนี้ อาจจะเพราะเคยชินจากการเป็นจุดรวมสายตารณกฤตจึงทำตัวสบาย ๆ นั่งสไลด์มือถือรออาหารมาเสิร์ฟได้อย่างชิว ๆ จนเขมทิวาอยากจะเอาอย่างบ้าง แต่ยังไม่ทันที่จะได้ปลดล็อคหน้าจอ แรงสั่นสะเทือนจากการมีสายเข้าก็มาแทรกก่อนแล้ว ชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอนั้นทำให้รอยยิ้มของเขมเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “ฮัลโหลครับ”ถึงจะไม่อยากรับสายแค่ไหน แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องรับอยู่ดี “หนูเบ็ต มีอะไรเหรอครับ” “ทำไมพี่ไม่โอนเงินให้หนู”น้ำเสียงเกรี้ยวกราดลอดมาตามสายพัดเอารอยยิ้มที่ฉาบหน้าคุณหนูผู้อบอุ่นหายวับไป “หนูเบ็ต”เขมข่มความไม่พอใจที่กำลังพุ่งริ้วขึ้นมาลงท้องไป ”กลางเดือนแบบนี้เงินพี่ยังไม่ออกหรอกนะคะ ถ้าหนูเบ็ตจะรีบใช้ หนูเบ็ตคุยกับคุณน้าดูยังไงก็ได้ไวกว่ามาขอจากพี่นะคะ” “พี่เขม!!!”เสียงแหลมสูงเรียกชื่อของพี่ชายคนละแม่ดังลั่นออกมานอกสายจนเรียกสายตาของใครอีกคนให้นิ่วหน้ามองมาได้ “พี่จะมาให้ความหวังหนูทำไม!!” “เบ็ตตี้ เบ็ตตี้ควรจะรู้แก่ใจนะครับว่าพี่ก็ยังเป็นแค่นักเรียนนักศึกษาคนนึง ไม่ใช่คนที่ทำงานแล้ว”เสียงที่ถูกกดลงจนต่ำกว่าปกติทำให้คนเป็นน้องสาวสูดลมหายใจลึก “อย่างที่พี่บอก ถ้าเบ็ตตี้รอไม่ได้ก็ไปคุยกับคุณน้าเอานะครับ” “ใช่สิ ก็หนูทันโง่กว่าพี่มาตลอดนี่”สาวน้อยที่รู้แล้วว่าพี่ชายของเธอเริ่มโกรธ และเธอต้องเป็นฝ่ายถอยออก “ถ้าสิ้นเดือนหนูไม่ได้ หนูจะตามไปเอาถึงที่ห้องพี่เลย” สายโทรศัพท์ตัดไปแล้ว ทิ้งอารมณ์คุกกรุ่นไว้ในใจของใครอีกคน เขมมองหน้าจอที่มืดดับลงก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “น้องสาวเหรอ”ต่ายถามขึ้นเมื่อสีหน้าของรุ่นน้องดูดีขึ้นบ้างแล้ว “อายุเท่าไหร่แล้วน่ะ ดูเป็นเด็กที่เอาแต่ใจอยู่นะ” “น้องสาวต่างแม่น่ะครับ”รอยยิ้มบางระบายขึ้นบนใบหน้า “ปีนี้ก็สิบห้าแล้ว กำลังหัวเลี้ยวหัวต่อเลยล่ะครับ คุณน้าเขามีลูกยากพอมีเบ็ตตี้มาคนนึงเขาก็ดีใจมาก เลยรักและตามใจลูกสาวมากจนอาจจะดูเป็นการรังแกลูกไปสักหน่อยน่ะครับ” “งั้นเหรอ”ต่ายพยักหน้ารับรู้และไม่ถามต่อ แต่มองสบเข้าไปในดวงตาที่มีร่องรอยของความเศร้าหมองเจืออยู่ เขารอ... รอให้น้องร่วมสถาบันคนนี้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเอง “จริง ๆ เบ็ตตี้เป็นเด็กน่ารักนะครับ แต่ทุกคนตามใจมากเกินไปจนกลายเป็นความเคยชิน”เขมถอนหายใจอีกครั้งแล้วยิ้มหม่น “ผมเองก็ตามใจเขามากเหมือนกัน... จะว่าใครได้” “อยู่กันที่นี่จริง ๆ ด้วย”เสียงสดใสที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่สาวสวยในชุดนักศึกษาที่ติดเข็มมอ.เดียวกับทั้งสองไว้จะเดินตรงตรงมาที่โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ “สวัสดีครับ พี่พรีม”รณกฤตทักทายคนมาใหม่ยิ้ม ๆ ตัวเขาอยู่ปีสองแล้วเลยพอจะคุ้นหน้าคุ้นตาคนอยู่บ้าง ต่างจากน้องปีหนึ่งที่ยกมือไหว้แต่เอียงหัวอย่างงุนงงอยู่ “พี่พรีมเขาเป็นเลขาสโมสรนักศึกษาน่ะ” “น้องเขมนี่ น่ารักจัง”ปลายนิ้วเรียวที่ตัดเล็บมนเข้ารูปแต่งแต้มยาทาเล็บเป็นลายอลิสน่ารักจิ้มแก้มนุ่มไปจึกนึง “แก้มนุ่มนิ่มมากอ่ะ” จากจิ้ม... เปลี่ยนเป็นบีบเบา ๆ จนคนถูกรุกรานแอบคิดว่ารุ่นพี่คนสวยคนนี้กำลังคิดว่าแก้มเขาเป็นดินน้ำมันหรือเปล่า “เอ่อ... แล้วพี่พรีมมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”เขมทิวาตบบทสนทนากลับเข้าสู่ประเด็นก่อนที่แก้มเขาจะช้ำจากแรงบีบที่มากขึ้นเรื่อย ๆ “อ้อออ จริงด้วย”พรีมตบมือดังแปะพร้อมทำหน้าราวกับว่าเพิ่งนึกเรื่องสำคัญออก “พี่มีเรื่องสำคัญจากพี่ช้างมาบอกน้องทั้งคู่เลย อ๊ะ พี่ช้างเป็นประธานสโมฯ รุ่นนี้นะคะ น้องเขม” พรีมหันไปอธิบายเพิ่มเติมให้กับเฟรชชี่ที่อาจจะยังไม่รู้จักสโมสรนักศึกษาดี เธอยิ้มหวานส่งให้สองหนุ่มหน้าตาดีพาใจฟ่องฟูด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ “เรื่องสำคัญ?”ต่ายทวนคำของสาวรุ่นพี่แล้วหันไปมองหน้าที่ดูงงยิ่งกว่าหมางงของน้องเล็กในวงสนทนา “เรื่องอะไรครับ” “ก็แบบว่า...”สาวเจ้าลากเสียงยาวเพิ่มความอยากรู้ของรุ่นน้อง แต่ก็เหมือนจะไม่ค่อยมีปฏิกิริยาตอบรับกันสักเท่าไหร่ “พี่ได้รับคำสั่งจากพี่ช้างมาให้ทาบทามน้องสองคนมาทำกิจกรรมของมหาลัยนิดหน่อยน่ะ” “...”คำว่ากิจกรรมของมหาลัยทำให้สีหน้าของสองหนุ่มเปลี่ยนไป คนนึงที่โดนร้องขอมาตั้งแต่เป็นเฟรชชี่หุบยิ้มลงแล้วเบนสายตาหนี ส่วนอีกคนมีสีหน้าที่ดูย่ำแย่ลง “อ่าว ทำไมทำหน้ากันแบบนั้นล่ะ ยิ้มสิ ยิ้มมม”พรีมเสียเซลฟ์ไปไม่น้อยเมื่อเห็นสีหน้าที่ค่อนจะไปทางย่ำแย่ของหนุ่ม ๆ “พี่แค่จะมาทาบทามน้อง ๆ ให้มาเป็นคฑากรในงานกีฬาของมหาลัยเองนะ” “ผมต้องทำงานพิเศษ คงไม่มีเวลาไปฝึกซ้อมน่ะครับ”เขมทิวาเกริ่นขึ้นมาก่อน สำหรับเขาการหาภาระใส่บ่าเพิ่มในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี “ผมคงไม่ไหว พี่พรีมไปชวนคนอื่นน่าจะดีกว่านะครับ” “ผมปวดหลัง”ฝั่งรณกฤตเองก็ไม่พูดเปล่า หยิบแผ่นแปะแก้ปวดขึ้นมาแปะหลังตรงนั้นเลย “ยืดหลังตรง ๆ เดินมาก ๆ ไม่ไหวหรอกครับ” เขมหลุดขำออกมาอย่ากลั้นไม่อยู่ เขาเพิ่งรู้เหมือนกันนะว่าคนในใจของเขาก็มีมุมกวน ๆ อยู่เหมือนกัน “นี่ น้องเขมต้องไปทำงานพิเศษน่ะ ฉันเข้าใจ แต่ไอ้ข้ออ้างปวดหลังแล้วหยิบกอเอี๊ยะขึ้นมาแปะนี่ขอซื้อเถอะ”พรีมเม้าเอวมองเจ้าชายเศรษฐศาสตร์อย่างสุดเซ็ง “น่า ช่วยพี่หน่อน ไม่ต้องไปซ้อมกันทุกวันก็ได้ เอาแค่พอจำท่าได้ก็พอ” “ถ้าอย่างนั้นทำไมพี่ไม่ไปชวนคนที่อยากเป็นล่ะครับ”หากเป็นคนอื่นเธอก็คงคิดว่ากำลังรวนเธออยู่แน่ แต่ดวงตาภายใต้แว่นไร้กรอบนั่นเต็มไปด้วยคำถามและแฝงไปด้วยความจริงจังอย่างบอกไม่ถูก “มันเป็นผลโหวตน่ะ คฑากรพิเศษเราจะเชิญคนที่ได้เสียงส่วนใหญ่ของสโมฯห้าคนแรกมาร่วมขบวน แล้วปีนี้คู่น้องมาแรงแซงทุกโค้งเลย”เสียงใสอธิบายออกมาอย่างใจเย็น ”ไม่ต้องเป๊ะเวอร์ก็ได้ ถือว่าช่วยกันหน่อยนะ” การที่มีรุ่นพี่มายืนขอร้องอยู่ตรงหน้ามันทำให้เขมทิวารู้สึกกดดันและใจอ่อนไปในคราวเดียวกัน เขาเหลือบมองคนที่ทำเป็นทุบหลังตัวเองเบา ๆ ทำเนียนไม่เลิก แต่ตอนนี้เขาก็ชักอยากได้แผ่นแปะแก้ปวดนั่นมาแปะหน้าผากแล้วเหมือนกัน “ไม่ได้จริง ๆ เหรอ”เสียงที่แฝงความหม่นหมองเอาไว้ ยิ่งทำให้คุณหนูอักษรผู้ใจดีกับทุกคนใจอ่อนยวบ “ผมไม่ได้มีเวลาให้ทุกคนมากเท่าไหร่... แต่จะพยายามนะครับ”สุดท้ายเขมก็ตกปากรับคำไปจนได้ “เฮ้อ”เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่กังมาจากคนที่แกล้งทำเป็นไม่สนใจอยู่นาน “สุดท้ายพี่ก็ได้ในสิ่งที่ต้องการจนได้” “แต๊งกิ้วนะคะ หนุ่ม ๆ เอาไว้พี่จะมานักเวลาซ้อมอีกทีเนอะ”แน่นอนว่าเธอไม่สะเทือนไปกับคำพูดเน็บแนบที่แสนจะจุ๋มจิ๋มของคุณเจ้าขายหรอก “ไปละจ้า ทานให้อร่อยนะเด็ก ๆ โอ๊ะ มื้อนี้พี่ช่วยออกห้าร้อย อะ ๆ เป็นค่าเสียเงลาดินเนอร์สุดหรูนะจ๊ะ” แบงค์สีม่วงถูกวางแปะลงบนโต๊ะ ก่อนที่สาวเจ้าจะจรลีหนีหายไปไม่เหลียวหลังกลับมา “พี่เขาน่าจะไปขายประกันภัยนะครับ”เขมเปรยขึ้นหลังจากที่หญิงสาวลับสายตาไป “มาไว เคลมไว ไปไว” “ใจน้องก็ไปไวเหมือนกัน”ต่ายยื่นมือมาผลักหัวคนใจอ่อนด้วยแรงที่ไม่เบาไปทีนึง “หาเรื่องลำบากให้ตัวเองเก่งนักนะ คุณหนู” “พี่ไม่ห้ามผมล่ะครับ”เขมทำหน้ายู่ใส่คนที่ตั้งท่าจะว่าเขา แต่ตอนที่เขาเผลอหลุดปากรับคำไปกลับไม่ขัด “ความผิดพี่เองแหละ”สองมือยกขึ้นยอมแพ้ พอดีกันเวลาที่อาหารจานแรกมาเสิร์ฟพร้อมข้าวเปล่า “กินข้าวกันเถอะ” เสียงช้อนกระทบจานข้าวเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นในมื้อเย็นวันนี้ ต่ายเหลือบมองรุ่ยย้องที่ตักกับข้าวกินด้วยท่าทีเรียบร้อย แต่... ความไวมันไม่ได้เรียบร้อยเหมือนท่าทางเลย อาหารที่ว่าเยอะก็ราบเป็นหน้ากอง หมดทุกอย่างไม่เหลือทิ้งให้ต้องเสียดาย เป็นมือที่ค่อนข้างจะคุ้มเงินที่จ่ายไป “กินเยอะเหมือนกันนะ”รณกฤตมองคนที่นั่งลูบพุ่งอยู่ข้าง ๆ หลังจากออกรถมาเจอไฟแดงแห่งกรุงเทพ “ป่องขึ้นนะเนี่ย” ก็... อดจะแซวสักหน่อยไม่ได้น่ะ “พี่ขับรถไปเลยครับ”เขมเบือนหน้าไปมองวิวนอกรถ เขาก็เผลอตัวตามใจปากต่อหน้าคนที่ไม่ถือว่าสนิทนักไปได้ ต่ายหัวเราะในลำคอแล้วหันไปตั้งใจขับรถไปส่งคุณหนูทำงาน เมื่อในรถเงียบเสียงลง ความคิดต่าง ๆ ที่ถูกกดไว้ก็ล่องลอยขึ้นมาในสมองจนใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจนั้นนิ่งเฉย วันนี้เขารับภาระมาใส่บ่าอีกแล้ว จะทำยังไงต่อไปต้องคิดให้ดีอีกที... จะเปลี่ยนงานไปทำที่อื่นมันก็รู้สึกเกรงใจเจ๊สวยที่ให้โอกาสเขาในวันที่มันแทบจะไม่เหลือทางอะไร จ่ายค่ามัดจำหอให้ตอนแรกเข้า แล้วยังค่าน้ำค่าไฟอีก เขาคิดมากอีกแล้ว... เกลียดนิสัยตรงนี้ของตัวเองแต่มันก็แก้ได้ยากชะมัด “ถึงแล้ว...”เสียงที่ดังลอดเข้ามาในความคิดฉุดสติที่ล่องลอยไปของเด็กหนุ่มกลับมา “น้อวเขมครับ” “ครับ??”เขมที่กำชังปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวหันไปหาคนที่เรียกตน “จำไว้นะ...”มืออุ่นยื่นมาลูบกลุ่มผมนุ่มด้วยความอ่อนโยน... เช่นเดียวกับดวงตาที่ทอดมองมา “เพียงแค่พูด ปัญหาบางอย่างมันก็แก้ไข้ได้ไม่ยาก” “...” “น้องเขมไม่เคยถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวนะครับ” +++++++++++++++++ พี่ต่าย พี่ต่ายยยยยยยยยยยย เขียน ๆ ไป อิจฉาน้องเขมเหลือเกินที่มีคนเทคแคร์ขนาดนี้ ฮอลลลล (ชีวิตจริงไม่เคยจะมีกับเขาบ้าง ฮรึก ๆ) ฝาก #คนในใจ #พี่ต่ายน้องเขม ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ ^^
อยากตบ นังเบตตี้ มันต้องไม่ได้เอาเงินไปเรียนพิเศษแน่ๆ !
:pig4:
เขมเองก็รู้ว่าภาระค่าใช้จ่ายตัวเองไม่พอยังตามใจน้องอีก ต่อให้เบ็ตจะบุกมาหาถึงห้องถ้าเขมไม่ใจอ่อนเบ็ตจะทำอะไรได้ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
สนุก ติดตามจ้า
เรื่องเงินนี่มันไม่เข้าใครออกใครเลยจริงๆ
บทที่ 6 คนดี มิตรดี ในช่วงเช้าใกล้สิ้นเดือนเป็นเช้าที่หม่นหมองสำหรับเขมทิวา เขาเหม่อมองเพดานห้องที่เริ่มเปลี่ยนสีด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ร่างโปร่งลุกไปหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาดูเงินที่เหลืออยู่แล้วถอนหายใจ มันก็เพียงพอที่จะจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าจิปาถะได้อยู่... รวมถึงค่าเรียนพิเศษของเบ็ตตี้ด้วย กลายเป็นว่าเดือนนี้เขาไม่มีเงินเก็บเลยสักบาท มันน่าอนาถใจซะจริง เขมพับกระเป๋าตังค์ปิดแล้วยัดใส่เป้ตามเดิม ดวงตาที่หม่นหมองนั้นเมื่อเหลือบเห็นของที่วางกองอยู่ข้างโต๊ะแล้วก็เปร่งประกายสดใสขึ้นมา ใช่แล้ว วันนี้แซนนัดจะพาน้องตะวันมาให้เขา! น้องตะวันคือสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนสีขาวโอโม่ที่เพื่อนสาวสัญญาว่าจะให้ตอนนั้น เมื่อเธอไลน์มานัดสัดส่งตัว เขมก็ตื่นเต้นมาก มากถึงมากที่สุด ถามว่ามากขนาดไหน... ก็มากพอที่จะลากเทนนิสกับทัศน์ไปช่วยเลือกของสำหรับน้องตะวันเลยทันทีในเย็นวันนั้น ทั้งที่มีเงินติดกระเป๋าไม่ถึงห้าร้อยนั่นล่ะ ตอนนั้นเขมถึงขั้นจะไปเบิกเงินเก็บที่แบ่งเอาไว้ในแต่ละเดือนออกมาเลยถ้าทัศน์ไม่ห้ามเอาไว้แล้วหยิบแบงค์เทามาจ่ายให้ ซึ่งแน่นอนว่าคนขี้เกรงใจย่อมปฏิเสธแต่ก็โดนดักคออยู่ดี มันเลยไปจบตรงที่เขมต้องไปทำหมูกะทะให้กับเพื่อนอีกสองคนกินแบบราชาในวันถัดมา... กินแบบราชาคือต้องทำให้ทุกอย่างตั้งแต่ไปซื้อของ (ซึ่งเป็นเงินของเทนนิส) ล้าง หั่น หมัก ทำน้ำจิ้ม และย่าง... พวกคือมีหน้าที่กินอย่างเดียว สบายเยี่ยงราชาในหนังโบราณ รอยยิ้มขบขันฉาบทับใบหน้ามนเมื่อนึกถึงภาพตอนที่เพื่อนทั้งสองเถียงกันเรื่องเบาะนอนของน้องตะวัน คนนึงจะเอาฟ้า คนนึงจะเอาแดง สุดท้ายเขาเลยเจอกันครึ่งทางซื้อสีม่วงมา เขมออกจากห้องมาเดินทอดน่องไปมหาลัยเหมือนปกติ แวะซื้อของกินติดมือสักหน่อยแล้วพาตัวเองไปยังห้อวเรียบอันกว้างใหญ่ซึ่งมีกระดาษใบนึงแปะอยู่หน้าประตู ยกคลาส... คำสั้น ๆ ที่เจ็บปวดสำหรับนิสิตนักศึกษาที่แต่วตัวมาเตรียมเรียนแล้ว เขมหยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอพพริเคชั่นสื่อสารสีเขียวยอดฮิต ไช่ดํข้อความของกลุ่มคณะตั้งแม่วานซืนจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ไม่พบข้อความที่บอกว่าอาจารย์จะไม่มาสอนวันนี้ ความรู้สึกโดนเท... เป็นอย่างนี้นี่เอง เขมยิ้มแห้ง ก่อนจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปป้ายติดประกาศหน้าห้องส่งเข้าไปในไลน์ ก่อนเปลี่ยนมาอัพสเตตัสในเฟสบุ๊ค Kemtiwa Pitiakkarasin ก็แค่คนโดนเทเดินเซมาทางนี้ ก็แค่คนโดนดี ก็แค่คนเสียใจ ผมโดนทิ้งให้เวิ้งว้างอยู่หน้าห้องล่ะครับ #คนในใจ มาปลอบผมหน่อยสิครับ (TvT)/ (แนบรูปห้องที่ว่างเปล่า ปิดไฟ) อัพเสร็จเขมก็เดินลากขาคอตกออกจากห้องที่แสนจะวังเวงมายืนโง่ ๆ อยู่แถวทางเดินพักใหญ่ “เขม”ทัศน์ที่อยู่ในชุดไปรเวทสาวเท้าเข้ามาหาเพื่อนที่ยังยืนมึนอยู่กลางทางเดิน “ไป กลับห้องไปเปลี่ยนชุด” “เปลี่ยนชุด...”เขมทวนคำเพื่อนสนิทด้วยสมองว่างเปล่า ยังรู้สึกช็อคกับการโดนเทไม่หาย “ไปรับน้องตะวันไง”คำว่าน้องตะวันดึงสติที่ล่องลอยไปไกลให้กลับเข้าร่างได้ในเสี้ยววินาที ทั้งยังเรียกรอยยิ้มสดใสให้ฉาบทับใบหน้ามนอีกด้วย “น้องตะวัน?”เสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยคำถามดังขึ้นจากด้านข้าง ก่อนที่ร่างสูงโปรงของใครอีกคนจะเดินมา “น้องตะวันคืออะไรครับ” “น้องปอมของผม”น้ำเสียงของเขมทิวาแฝงความโอ้อวดไว้เล็กน้อยอย่างน่าเอ็นดู “ผมจะไปรับน้องเข้าห้องวันนี้ล่ะ” “งั้นเหรอ...”ต่ายหรี่ตามองคนที่มีท่าทีตื่นเต้น ดูจะมีความสุขออกนอกหน้าแล้วคลี่ยิ้มบาง “งั้นพี่ไปรับเป็นเพื่อน” “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปกับเพื่อนก็ได้ พี่ไม่ต้องไปหรอก”เขมรีบปฏิเสธทันทีแบบไม่คิด แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเจื่อนลงของคนในใจ เขาก็หน้าซีดทันที เหมือนจะเผลอพูดจาตัดรอนความหวังดีของพี่เขาไปซะแล้ว “คือ ผมไม่อยากรบกวนน่ะครับ เผื่อพี่มีธุระที่ไหน” “พี่ไม่ได้มีธุระหรอกครับ”เสียงที่ฟังดูหม่น ๆ ทำให้คนที่หลุดปากพูดจามะนาวไม่มีน้ำไปยิ่งรู้สึกผิด “พี่ตั้งใจจะมาชวนน้องเขมไปข้างนอกนิดหน่อย... แต่ถ้ามีธุระก็ไม่เป็นไร” “มึงไปกับพี่เขาเหอะ”ทัศน์ตัดสินใจให้เอง เขายกยิ้มให้เพื่อนที่หันมามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “จริง ๆ กูแต่จะมารับมึงไปส่งที่บ้านแซนแล้วไปทำธุระต่อ ส่วนไปนิสไปกับสาวแล้ว” “อา...”เขมกระพริบตาปริบ ๆ มองเพื่อนที่กำลังจะเทเขา นี่เขากำลังโดนเทรอบสองของวันใช่ไหม... “งั้นผมต้องขอรบกวนพี่ต่ายหน่อยนะครับ” อันที่จริงจะให้เขาขึ้นรถเมล์ไปหาแซนก็ได้ แต่เขาไม่อยากที่จะพาน้องปอมในฝันของเขาขึ้นรถสาธารณะเลยสักนิด เขากลัวน้องโดนฝุ่นแล้วจะไม่สบาย... ”เดี๋ยวพี่พาน้องเขมไปเปลี่ยนชุดก่อน แล้วเราค่อยไปกันนะครับ”สีหน้าหงอย ๆ ของคนที่โดนปฏิเสธหายวับไปในเวลาไม่ถึงสิบวินาที ราวกับว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวไม่ได้ทำหน้าเซื่องซึมมาก่อนเลย “ครับ”เขมส่งยิ้มหวานให้กับสารถีประจำวันนี้ เขายื่นมือไปวางบนมือที่ยื่นมาตรงหน้าเขาอย่างเต็มใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะก้าวเดินออกไปพร้อมกัน ทัศน์มองภาพหวานไล่หลังไปด้วยสายตาว่างเปล่า หูแดง ๆ ของเพื่อนสนิทนั่นมันทำให้เขาพอจะคาดเดาอะไรออกมาได้นิดหน่อย ความรู้สึกขมในอกพลันตีพุ่งขึ้นมาเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ข้อนั้น หยุด อย่าตีโพยตีพาย เขาไม่ได้รังเกียจถ้าเพื่อนจะรักขอบเพศเดียวกัน แต่!! อนาคตการเป็นไม้กันหมานี่ มันดูจะไม่สนุกเอาซะเลย ทัศน์ขอยา!!! รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นคันไม่ใหญ่แต่ภายในกว้างขวางจอดอยู่ในบริเวณที่จอดรถของมหาลัย เขมจับจ้องเจ้ารถสีดำคันเงาวับตาเขม็ง ถ้าดูเผิน ๆ ก็เป็นรถราคาไม่กี่แสนที่วิ่งบนท้องถนนธรรมดาคันนึงที่ได้รับการเอาใจใส่จากเจ้าของเป็นอย่างดี แต่ไอ้ป้ายทะเบียนรถกับแม๊กล้อทั้งสี่นี่สิ “มองอะไรขนาดนั้นครับ”มือร้อนแปะเอาที่หัวทุยพร้อมออกแรงขยี้เส้นผมนุ่ม ๆ นั่นอย่างมันส์มือ “ขึ้นรถเร็ว” เขมเปิดประตูรถเข้าไปนั่งโดยดี ตาเหลือบมองคนขับรถที่ดูจะอารมณ์ดีไม่ยอก “คราวก่อนไม่ใช่รถคันนี้นี่ครับ”เขมยิ้มขำส่งให้รุ่นพี่ที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ป้ายทะเบียนก็ไม่ใช่ด้วย” “จะแซวรถพี่ก็ไม่ต้องมาอ้อมโลกเลย”รณกฤตปล่อยมือข้างนึงจากพวงมาลัยมาผลักหัวน้องร่วมมหาลัยที่กำลังหัวเราะจนตาหยี “คันนั้นเขาให้มาใช้แทนตอนพี่เอาคันนี้เข้าศูนย์เหอะ” “อ้อออออออ”เสียงที่ลากยาวทำให้คนฟังหมั่นไส้ขึ้นมาตงิด ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “งั้นเหรอครับ” “...”ต่ายเหล่มองคนที่นั่งยิ้มไม่พอ ยังแกว่งเท้าเล่นอย่างสนุกสนานเหมือนเด็ก ๆ ด้วย เขมทิวาหันมามองใบหน้าคมที่เบือนมามองเขา เลิกคิ้วเชิงถามข้างนึงซึ่งดูไปแล้วอาจจะกำลังกวนคนตรงหน้าอยู่ก็ได้ ต่ายกระตุกยิ้มมุมปากส่งให้ใจเขากระตุกวูบ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกจู่โจมซะก่อน มืออุ่นคว้ามือของเขมมาวางไว้บนเกียร์ และวางมือของตนเองกุมเอาไว้ด้านบนโดยไม่พูดอะไร ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างมองคนที่ดึงมือเขาไปยึดเอาไว้เฉยเลย แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะดึงมือออก ก็... มือของพี่ต่ายมันอุ่นดี แก้มใสแดงเรื่อ เขมหันหน้าไปมองทางกระจกไม่กล้ามันไปมองหน้าอีกฝ่าย และอีกอย่างก็ไม่อยากให้รุ่นพี่เห็นด้วยว่าเขากำลังเขิน... แต่เขาลืมคิดไปว่า นอกจากแก้มจะแดงแล้ว หูเขาก็แดงด้วยเหมือนกัน... ดวงตาคมสีเขมเหลือบมองคนที่เงียบไปยิ้ม ๆ เขาเองก็ไม่คิดจะเอ่ยแซวอะไรให้บรรยากาศดี ๆ ตอนนี้เสียไป ขับรถไม่นานก็มาถึงหอพักขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่เขมทิวาเช่าอยู่ รณกฤตมองความมีอายุของตึกแห่งนี้ที่บ่งบอกด้วยสีกำแพงยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไรออกมา และเขาเลือกที่จะนั่งรอรุ่นน้องที่กำลังสับขาหลอกไปเปลี่ยนชุดอยู่บนรถ ไม่ลงไปด้วย ไม่ใช่ว่ารังเกียจ แต่เขาไม่อยากรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของน้อง โดยเฉพาะตอนนี้ แล้วอีกอย่าง... เขามีเรื่องที่จะต้องทำด้วย ต่ายหยิบมือถือขึ้นมาส่งไลน์ออกไปรัวหลายข้อความ ก่อนจะรีบเก็บลงกระเป๋า เขานั่งเคาะพวงมาลัยรอคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่พักนึง หลาย ๆเรื่องที่เขาได้เห็น ได้รับรู้ มันทำให้เขารู้สึกว่าโลกนี้ยังมีความยุติธรรมไม่พอเหมือนกันนะ ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะกระจกดังขึ้นดึงสติที่หลุดเข้าไปในภวังค์ให้กลับเข้าร่าง ต่ายหันไปมองคนเคาะแล้วกดเปิดล็อกประตูรถให้คนที่เขารออยู่ขึ้นมานั่งคาดเข็มขัดก่อนออกตัว “มีเหม่อนะครับ”เขมหันไปหยอกคนขับรถส่วนตัวขำ ๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แค่คำแซวที่พูดไปนั้นก็ทำให้อีกคนดึงมือเขาไปกุมไว้แล้ว ทำไมรู้สึกเหมือนถูกจับได้เลยว่าจุดอ่อนของเขาคืออะไร ไม่สิ ไม่ได้เรียกว่าจุดอ่อน... มันต้องเรียกว่า... จุดเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย เขมปล่อยให้ต่ายกุมมืออยู่แบบนั้น เขาหันเหความสนใจมาอยู่ที่การชี้บอกทางไปบ้านเพื่อนสาวเพื่อไม่ให้ตัวเองออกอาการเขินมากนักซึ่งมันก็พอจะได้ผลอยู่ ถ้าพี่ต่ายไม่เอานิ้วมาเขี่ยหลังมือเขาเล่น!!! สัมผัสอุ่น ๆ ที่แผ่วเขานี่ทำให้ความร้อนในร่างกายเขาเหมือนจะค่อย ๆ มากองรวมกันที่ช่วงท้องก่อนจะแตกกระจายราวกับลมปรานที่แผ่นซ่าน ในจุดนี้เขมได้แต่ภาวนาในใจว่า ได้โปรดอย่าขยายขึ้นมาให้ขายหน้าเลยนะเด็กดี ระยะทางจากมหาลัยไปยังบ้านของแซนนั้นไม่ถือว่าใกล้ แต่ก็ไม่ถึงกับไกล ประกอบกับจำนวนรถที่ไม่หนาแน่นเท่าไหร่นักมันก็ทำให้ไปถุงจุดหมายได้ในไม่ช้า แค่เกือบสองชั่วโมง... สาธุ การจราจรในเมืองเถอะ “อ้าว มาไวจัง”สาวสวยในชุดสบาย ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะสบายมากไปสักหน่อยเดินออกมาเปิดประตูให้เพื่อน “ไม่ได้มากับทีศน์หรอกเหรอเนี่ย” “ทัศน์มีธุระ พี่เขาเลยพามาแทนน่ะ”เขมส่งยิ้มในเพื่อน แต่สายตาสอดส่องมองหาเจ้าตัวเล็กที่จะไปอยู่กับเขา “อยู่ในบ้าน ไม่ต้องมามองหาเลย”แซนส่ายหน้าให้กับความตื่นเต้นเป็นเด็กของใครบางคน ก่อนจะส่งยิ้มรับอขกให้คนคุ้นหน้าแต่ไม่คุ้นเคย “ตามมาทางนี้นะคะ” บ้านของแซนเป็นบ้านสองชั้นขนาดกลางที่มีพื้นหญ้าให้เด็ก ๆ ที่รักได้วิ่งเล่น ข้างในด็จะติดโล่ง ๆ ให้น้องหมาได้วิ่งเล่นเช่นกัน “อะ เด็กคนนี้ของนาย”ลูกปอมสีขาวสำลีถูกส่งให้เจ้าของใหม่ได้อุ้ม “ตั้งชื่อน้องเอาไว้หรือยังล่ะ” “ตั้งแล้ว”เขมยิ้มหวานให้กับก้อนขนนุ่มในอ้อมแขนที่กำลังขยับหัวเล็ก ๆ ของมันไแตามมือของต่าย “น้องตะวัน” “น้องตะวัน??”แซนทวนชื่อของเจ้าหมาน้อยอีกครั้งด้วยความสงสัย “ ใช่ น้องตะวันเพราะน้องจะมาเป็นแสงตะวันส่องสว่างให้กับเรา”คำตอบที่ได้รับนั้นคลายข้อกังขาในใจของเพื่อนไปจนหมด “ขอบคุณนะ” “อื้อ”สาวสวยคนเดียวในห้องยิ้มรับ มือเรียวเล็กยื่นมาลูบหัวเจ้าตัวน้อยเบา ๆ “ไปอยู่บ้านใหม่แล้ว ไม่ดื้อนะคะ น้องตะวัน” เขมกับแซนคุยกันอยู่พักใหญ่ ส่วนคนที่โตกว่านั้นก็ไปนั่งเล่นกับเจ้าก้อนขนตัวอื่น ๆ ที่ดูจะชื่นชอบเขาไม่น้อยเลย กว่าที่สองเพื่อนซี้จะคุยกันจบ ตักของรณกฤตก็มีก้อนขนสีขาวดำยึดครองไปเรียบร้อยแล้ว “ดูท่าแฟนนายจะเป็นที่รักของสัตว์นะ”เสียงหวานกระซิบเบา ๆ แต่ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในหัวใจเพื่อนอย่างมาก “ต้องเป็นคนอบอุ่นแน่ ๆ” “ไม่ใช่แฟนสักหน่อย...”อนาคตก็แอบหวังอยู่ เป็นคำต่อท้ายที่ไม่กล้าพูดออกมา “แต่เป็นคนอบอุ่นจริง ๆ นั่นแหละ” “หึหึ”แซนหัวเราะอย่างมีเลศนัย แต่ไม่พูดอะไรต่อ รอดูไปดีกว่า “ไป ๆ กลับไปได้แล้ว ก่อนที่รุ่นพี่เขาจะเอาเด็ก ๆ เรากลับไปหมด” “พี่ไม่ขโมยน้อง ๆ ไปหรอกครับ”ต่ายที่ไร้บทบาทมาพักใหญ่เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่พาใจละลาย “แต่ถ้าน้อง ๆ ตะไปกับพี่เอง อันนี้ไม่รู้ด้วยนะ” “รีบพารุ่นพี่นายกลับไปทางที่มาเลย เขมมิวา!”แซนผู้เกิดอาการหวงน้องหมาและห่วงสวัสดิภาพของหัวตัวเองขึ้นมารีบไล่เพื่อนไป ขืนเด็ก ๆ หายไปเกินกว่าที่บอกไว้ เธอได้โดนเหล่าผู้ปกครองของเจ้าพวกนี้ทุบหัวแบะดับอนาถแน่ “โอเค ๆ ไปละ ไว้เจอกันนะ”เขมค่อย ๆ ลุกขึ้นพร้อมอุ้มน้องตะวันไว้แนบอก “ไปกันเถอะครับ พี่ต่าย” “ไปแล้วนะครับเด็ก ๆ”ต่ายอุ้มน้อมหมาขึ้นมาหอมที่หัวทีละตัวก่อนจะลุกขึ้นเดินนำไปยังรถที่จอดขวางประตูบ้านไว้ “ไปก่อนนะครับน้องแซน” “บ๊ายบายค่ะ”แซนรีบปิดประตูบ้านทันทีที่สองหนุ่มก้าวออกไป ก่อนที่พวกแรดตาใสจะวิ่งโดยกันไปขึ้นรถด้วย “ไป เข้าบ้าน พวกนี้นิทรยศกันได้ไง” ต่ายกับเขมมองหญิงสาวที่ต้องหมาเข้าบ้านยิ้ม ๆ ก่อนจะเคลื่อนตัวจากไปพร้อมสมาชิกใหม่ตัวพองขน “แล้วนี่จะพาตะวันไปอยู่หอก่อนค่อยออกมาทำงานเหรอ”เมื่อขับรถมาได้ครึ่งทาง ต่ายก็เอ่ยปากถามขึ้น “คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”ถึงจะไม่อยากปล่อยเจ้าตัวน้อยไว้เพียงลำพัง แต่เขาก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงมันก่อน ทำไงได้ “ให้พี่พากลับไปคอนโดพี่ก่อนไหม น้องเขมเลิกงานแล้วเดี๋ยวพี่พาตะวันมาส่งพร้อมรับน้องไปส่งหอเลย”ต่ายเสนอตัวที่จะดูแลหมาน้อยให้อย่างไม่รังเกียจ “มันจะเป็นการรบกวนพี่น่ะสิครับ”แต่เขมทิวายังคงเป็นเขมทิวา เขาเกรงใจที่จะรบกวนคนในใจเขาอย่างมาก “แล้วพรุ่งนี้พี่ก็มีเรียนด้วย” “พี่เรียนบ่าย เรื่องแค่นี้สบายมาก”คนเป็นพี่ยิ้มบางออกมา ก่อนจะพูดต่อ “ห้องพี่ก็เลี้ยงกระต่ายไว้ตัว ตะวันจะได้มีเพื่อนไง” “น้องกระต่ายเหรอครับ”ดวงตาคู่นั้นเปร่งประกายระยับเมื่อได้รู้ข้อมูลใหม่ “น้องชื่ออะไรครับ” “คุณมณี มาจากเพชรมณี”เจ้าของกระต่ายตอบอย่างอารมณ์ดี “ถ้าอยากเจอ เอาไว้พี่จะพาไปเจอที่ห้องนะ” “สัญญาแล้วนะครับ”มือเรียวยื่นไปจับมือที่กุมเกียร์รถไว้ ลืมความเขินยามจับมือของคนในใจไปสนิท “ครับ พี่สัญญา”เสียงทุ้มที่แทรกเข้ามาในใจของคนเป็นน้องให้ความรู้สึดราวกับว่าคำนั้นไม่ใช่คำตอบของประโยคที่เขาพูดก่อนหน้า “และพี่จะไม่ผิดสัญญา” รณกฤตพลิกมือขึ้นมากุมมือเย็บเอาไว้แทน ทำให้เขมได้รู้สึกตัวว่าเขาเป็นคนจับมือของอีกฝ่ายก่อน... ทำเอาหน้าเขาเห่อร้อยขึ้นมาอีดครั้ง คราวนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นมา เขมทิวาเลยหันความสนใจมายังลูกหมาตัวน้อยที่นอนอยู่บนตักเขาแทน การขับรถกลับมายังแถวมหาลัยใช้เวลานานกว่าขาไปไม่น้อย เพราะจำนวนรถที่มากขึ้นทำให้การจราตรที่ไม่ค่อยจะคล่องตัวอยู่แล้ว ติดหนักกว่าเดิม แต่ก็มาถึงทันก่อนเวลาเปิดร้านข้าวต้มของเจ๊สวยล่ะ “ผมฝากน้องตะวันด้วยนะครับ”เขมอุ้มก้อนขนสีขาวส่งให้กับรุ่นพี่ที่สนิทขึ้นมาเรื่อย ๆ จะทำให้เขาแอบหวังในใจในบางเรื่องอยู่อย่างอดไม่ได้ “เป็นเด็กดีนะคะ น้องตะวันพี่ไปทำงานก่อนนะ” เขมเปิดประตูรถออกกำลังจะก้าวขาลงไป ยังไม่ทันที่จะได้ขยับตัวออกจากรถไปยืนดี เงาสีดำก็ขยับเข้ามาบังแสงที่ส่องมาซะก่อน “พี่เขม!!!!” @@@@@@@@@ มาต่อแล้วค้าาา ต้องเดาคนที่มายืนจังก้าหน้าน้องเขมไหมคะเนี่ย 555 พี่ต่ายน่ารักใช่ม้าา ตอนนี้(ถึงจะสู้น้องเขมไม่ได้ก็เหอะ) ฝาก #คนในใจ ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ รักกกก
ขอบคุณค่า
น้องสาวมาเอาเงินแล้วซิ
คุณน้องสาวอย่ามาทำให้เรารำคาญนะคะ
:pig4:
บทที่ 7 แสงสว่างของเขมทิวา ”พี่เขม!!!”เสียงแหลมร้องเรียกคนที่เปิดรถลงมาลั่น ดวงตาหวานด้วยคอนแทคเลนส์สีอ่อนถลึงมองคนเป็นพี่ด้วยความโกรธ “ทำไมพี่โกหกหนู” “เบ็ตตี้...”เขมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนเห็นน้องสาวต่างแม่มายืนเท้าเอวขึ้นเสียงในเขาตรงหน้า “เบ็ตตี้มีอะไรครับ” “พี่สัญญาว่าสิ้นเดือนจะโอนเงินให้หนู”ใบหน้าที่มอง ๆ ดูก็น่ารักดีนั้นบูดบึ้ง เสียงที่พูดออกมาก็กังลั่นอย่างไม่เกรงใจใคร “สิ้นเดือนแล้วพี่ก็ไม่โอนให้ คนขี้โกหก” ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองสาวน้อยที่กำลังโวยวายใส่ตนด้วยสายตาเรียบเฉย เขาเหนื่อยใจมากเกินพอที่จะพูดอะไรออกไปกับคนที่ไม่คิดจะฟัง บางทีเขาอาจจะตามใจน้องสาวคนนี้มากเกินไป “พี่เคยไม่ให้อะไรเบ็ตตี้ด้วยเหรอครับ”เขมเอ่ยขึ้นหลังจากสาวเจ้าเงียบเสียงลงไปพักหนึ่ง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่มองน้องสาวที่เขารักด้วยความผิดหวัง “ตั้งแต่เล็กจนโต อะไรที่เบ็ตตี้อยากได้ เคยไม่ได้ด้วยเหรอครับ” “มีตั้งหลายอย่างที่พี่ได้ไป แต่หนูได้แค่มองมัน”เบ็ตตี้เถียงกลับเสียงแข็ง เธอได้ทุกอย่างจากผู้เป็นแม่ก็จริง แต่กับทั้งคุณย่าและคุณพ่อ พี่ชายงี่เง่าน่ารังเกียจของเธอกลับได้อะไรจากพวกเขาไปมากมาย โดยเฉพาะช่วงผลสอบออก “หนูไม่อยากโดนเปรียบเทียบกับพี่ เรื่องแค่นี้พี่ก็ให้หนูไม่ได้” เขมขยับตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วปิดประตูรถไป ใจของเขาเริ่มแกว่งเมื่อสายตาคนโดยรอยเริ่มมองมาที่เขากับน้องสาว “เบ็ตตี้ พี่ว่าเราไปหาที่คุยกันดีกว่าครับ”เขมแย้มรอยยิ้มบางเบาก่อนจะยื่นมือไปหาสาวน้อยที่ยังคงสีหน้าบึ้งตึงตรงหน้า “หนูไม่ไป”เด็กสาวปัดมือที่ยื่นมาหาเธอออกไปอย่างไม่ใยดี “ทำไม พี่อายเหรอไง คนขี้โกหกอย่างพี่อายเป็นด้วยหรือไง” เขมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่อยากให้คนมองน้องสาวเขาไม่ดี ไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าเป็นเด็กก้าวร้าวเอาแต่ใจ แต่เหมือนน้องสาวคนดีนั้นไม่คิดที่จะเข้าใจเขาเลย ไม่แม้แต่จะทำความเข้าใจสักนิด “ไปครับ เบ็ตตี้ เราไปคุยกันที่อื่น”เขมยังคงคำพูดเดิมไม่เปลี่ยน เขาพยายามส่งสายตาให้คนเป็นน้องมองรอบข้างที่เริ่มหันความสนใจมาที่พวกเขากันเรื่อย ๆ “หนูบอกว่าไม่ไปไง”เจ้าหล่อนตวาดกลับเสียงลั่น “หนูไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมหนูต้องหาที่คุยลับตาคนด้วย” “เบ็ตตี้ พี่บอกว่าไปคุยที่อื่น”เสียงที่นุ่มนวลกระด้างขึ้นเมื่อสาวน้อยตรงหน้ายังไม่คิดจะเอะใจฟังคำของเขา “ไม่!!”เธอยังคงตอบกลับพี่ชายคำเดิมด้วยเสียงที่ดังขึ้นไปอีก “พี่ว่าไม่ต้องพูดอะไรแล้วดีกว่าครับน้องเขม”ต่ายที่ลงมาจากรถเมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยขัดขึ้น ดวงตาสีดำคู่นั้นมองเด็กสาวที่ดูจะมั่นใจในความคิดตัวเองซะเหลือเกินด้วยแววตาว่างเปล่า “เห็นอยู่ว่าเขาไม่ฟังน้องหรอก” เบ็ตตี้ตวัดสายตามองคนที่เข้ามาสอดเรื่องระหว่างเธอกับพี่ชาย ดวงตาคู่เรียวสวยนั้นหรี่มองคนที่เดินเข้ามาใกล้แล้วกระตุกยิ้มหยัน “เหอะ”สาวเจ้าแค่นเสียงขึ้นจมูกแล้วเชิดหน้ามองคนที่มาเจ๋อเรื่องของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต “พี่ก็หน้าตาดีนะคะ แต่ไม่น่าตา... มาเลือกคนของพี่เขมเป็นแฟนเลย จะเป็นเกย์ทั้งทียังจะเป็นเกย์เสียชาติเกิดอีก” “พี่คิดว่าการที่พี่สนใจใคร รักใคร ชอบใคร จะเป็นแฟนกับใคร มันก็เป็นเรื่องของพี่นะครับ”เสียงทุ้มชวนฝันเอ่ยออกมานิ่ม ๆ พร้อมรอยยิ้มบาง “ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมาขอความเห็นของน้อง จริงไหม” มันแปลง่าย ๆ ว่าอย่าเสือก เจ้าชายก็พูดซะยาวเลย ใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางยี่ห้อดังบิดเบี้ยวไม่น่าดู เจ้าหล่อนถลึงตามองคนที่ฉีกหน้าเธอด้วยความโกรธเกรี้ยว “พวกเกย์สกปรก เข้าข้างกันไปสิ”คำพูดที่พ่นออกมาจากเรียวปากบางนั้นทำให้คนจำนวนไม่น้อยหันมาให้ความสนใจมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็ทำให้สีหน้าของพี่ชายต่างแม่ของเธอเปลี่ยนสีได้ “น่าขยะแขยง” “พอแล้ว เบ็ตตี้”น้ำเสียงของเขมทิวาแฝงความเครียดขึงเช่นเดียวกับแววตา เขาไม่รู้ว่าเบ็ตตี้ได้รับการฝังหัวมาจากใคร แต่เพศทางเลือกไม่ใช่สิ่งที่ผิด และไม่ได้น่ารังเกียจ ยังไม่ทันที่เบ็ตตี้จะโต้อะไรกลับมาอีก เสียงหม้อกระทบพื้นก็ดังขึ้น โดยที่เจ้าหม้อนั่นกระดอนอยู่ที่พื้นตรงหน้านี่เอง “นี่ แม่เพชรน้ำหนึ่ง”คนสวยประจำร้านข้าวต้มเท้าเอวเอาทัพพีชี้หน้าสาวแท้ที่หน้าเริ่มซีดลง “หล่อนจะมารีดไถคนดี ๆ หน้าร้านฉันเพื่อ?? หน้าไม่อาย” “รีดไถอะไร”เบ็ตตี้รวบรวมความกล้าโต้เถียงกลับไป “มันสัญญาว่าจะให้เอง แต่ก็เป็นไง โกหกไง คนกลับกลอกแบบนี้เรียกคนดีหรือไง” “โอ้ยยย แม่หนูคนงาม แม่นางฟ้านางสวรรค์ หล่อนมาจี้ขอเงินพี่ชายที่เช้าต้องเรียน บ่ายทำกิจกรรม เย็นมาทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ค่าหอ ค่ากินอยู่ ค่าไฟ ค่าข้าวก็ต้องจ่ายเอง ไม่เรียกว่ารีดไถจะให้เรียกอะไรยะ”นะ ลูกชายใจสาวของเจ้สวยก้าวฉับ ๆ มายืนจังก้าอยู่ข้าง ๆ สาวน้อยที่เขาหมั่นไส้อย่างแรงกล้า “อ้อ ต้องเรียกว่ามาขอส่วนบุญสินะ” “แก!!!”เด็กน้อยที่ถูกเลี้ยงดูมาราวกับไข่ในหินมีหรือจะสู้ลูกแม่ค้าที่ถูกเลี้ยงมาด้วยลำแข้งได้ “ไอ้กระเทยโรคจิต” “ต๊าย ด่าได้แค่นี้หรือยะหล่อน นี่ แม่เพชรน้ำหนึ่ง พ่อแม่หล่อนไม่ให้เงินค่าขนมหรือไงยะ ถึงแบกหีเหม็นเน่านี่มาขอพี่ชายถึงนี่น่ะ”ดวงตาเรียวที่กรีดอายไลน์เนอร์เสียจนคมกริบหลุบมองกระโปรงนักเรียนสีกรมที่ถูกพับจนสั้นเกินงามแล้วถอนหายใจเฮือก “เสียแรงที่เรียนโรงเรียนดี ๆ ซะจริง” “พี่นะ พอเถอะครับ”เขมที่ทนเห็นน้องสาวถูกด่าว่าไปมากกว่านี้ไม่ได้ก้าวเข้าโอบน้องเอาไว้ในอ้อมแขน “เบ็ตตี้ยังเด็ก อาจจะไม่เข้าใจอะไรหลายอย่างไปบ้าง แต่เขาไม่ใช่เด็กที่เลวร้ายนะครับ” เมื่อมีที่พึ่ง เด็กน้อยที่ทำตัวอวดเก่งก็ซุกตัวไปในอ้อมแขนของพี่ชายหลบหน้าซุกเข้าหาที่กำบังอันยิ่งใหญ่ของเธอ แม้ว่าก่อนหน้านี่เธอจะด่าว่าคน ๆ นี้เสีย ๆ หาย ๆ มาไม่น้อย ”พี่กดเงินมาเตรียมไว้ให้เบ็ตตี้แล้วนะคะ”เขมเอ่ยกับน้องสาวที่ขอบตาแดงเรื่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “รีบกลับบ้านนะคะ เดี๋ยวมืดมากแล้วคุณน้าจะเป็นห่วงเอา” เขมทิวาส่งเงินที่หยิบออกมาให้น้องด้วยรอยยิ้ม เบ็ตตี้เองก็รู้แล้วว่าพี่ชายของเธอหายเคืองแล้ว ถึงกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่เขาพูดกับเธอเสมอ “ค่ะ...”มือเล็กรับเงินมาแล้วกอดคนเป็นพี่แน่น ๆ ไปอีกที “ขอบคุณนะคะพี่” “เบ็ตตี้ครับ”เสียงของคนที่ยืนเงียบมาพักใหญ่เอ่ยขึ้นแหวกความเงียบ เขามองพี่น้องที่ยืนกอดกันกลมด้วยความเฉยชา “น้องรู้ไหมว่าทำไมพี่ชายของน้องถึงห้ามไม่ให้น้องพูด ให้ไปคุยกันที่อื่น” “...”ความเงียบคือคำตอบที่รณกฤตคาดเอาไว้แล้ว และไม่แปลกใจที่จะได้รับมันมา “เพราะพี่ชายของน้องต้องการปกป้องน้องไงครับ อยากให้น้องเป็นเด็กที่น่ารักในสายตาทุกคน ไม่อยากให้ใครมาว่า มาคิดลบกับน้อง แต่น้องไม่เคยเห็นค่าของมัน”น้ำเสียงที่สั่งสอนเด็กสาวนั้นถึงจะเรียบเฉย แต่ก็นุ่มนวลไม่แฝงแววตำหนิเอาไว้ “เก็บไปคิดนะครับว่าคำพูดที่น้องสาดออกมามันดีแล้วใช่ไหม แต่พี่ของบอกไว้เลย การพูดกล่าวหาคนอื่นในที่สาธารณะไม่ได้ทำให้น้องดูเท่ ดูน่านับถือหรอกนะครับ” เบ็ตตี้เหลือบตามองเขมที่ยังคงยิ้มให้เธออย่างอบอุ่นไม่เปลี่ยน ก่อนจะผละออกไปซ้อนมอ’ไซค์ของเพื่อนที่จอดรออยู่ไม่ห่าง “กลับดี ๆ นะคะ เบ็ตตี้”เขมทิวามองตามหลังน้องสาวไปจนลับสายตาก่อนจะหลังมาก้มหัวลงขอโทษทุกคน “ต้องขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ” “เขม”เสียงของหญิงวัยกลางคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือเขาดังขึ้นจากหน้าร้าน “เลิกงานวันนี้ เจ้ว่าเราคงต้องคุยกัน” “ครับ”เขมตอบรับเสียงเบา ก่อนจะหันไปหารุ่นพี่ที่ยืนกอดอกทำหน้านิ่งอยู่ไม่ไกล “ฝากน้องตะวันด้วยนะครับ” “เดี๋ยวห้าทุ่มครึ่งพี่มารับ”ต่ายส่งยิ้มมุมปากให้คนที่ทำหน้าจ๋อย สายตามองคาดโทษเอาไว้ แต่เขาจะยังไม่พูดอะไร ให้ผู้ใหญ่พูดน่าจะดีกว่า “หนุ่มมาตอนห้าทุ่ม”ยังไม่ทันที่รณกฤตจะเปิดประตูกลับขึ้นรถ เสียงของเจ้สวยก็แทรกขึ้นมาก่อน “วันนี้เจ้จะปิดร้านเร็ว อบรมเด็กโง่สักหน่อย” คำว่า ‘โง่’ กระแทกเต็มหน้าเขมทิวาที่ยิ้มแห้งพูดอะไรไม่ออกอยู่ตรงกลาง “ได้ครับ ผมจะมาให้ตรงเวลา”รอยยิ้มเย็นถูกส่งให้ก่อนร่างสูงจะพาตัวขึ้นรถแล้วขับออกไปพร้อมลูกหมาน้อย ต่ายมองข้าวหลังผ่านกระจกหน้า เมื่อเขาพาตัวเองมาห่างจากระยะสายตาของเขมที่มองตรงมาไม่ขาดแล้วก็ตบไฟเลี้ยวจอดข้างทาง มือขวาควานหามือถือที่หย่อนเอาไว้ในกระเป๋าเพื่อนโทรหาใครคนหนึ่ง ส่วนมือซ้ายกันเอื้อมไปเกาหัวเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบนอนเป็นพิเศษ “คุณน้าครับ...”รณกฤตบอกเล่าเรื่องราวบางอ่านผ่านสายโทรศัพท์ไปให้คนปลายสายได้ฟังหลังจากที่คน ๆ นั้นขานรับในสาย “จะปล่อยไว้อย่างนี้จริง ๆ เหรอครับ” “มันคงใกล้ถึงเวลาแล้วสินะ...”เสียงจากปลายสายตอบรับมาแผ่วเขา น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นแฝงอารมณ์หลากหลายจะยากจะกล่าว “ขอบใจนะ ต่าย” “ครับ” การทำงานภายใต้การคาดโทษของคนในใจและผู้มีพระคุณนั้นทำให้รอยยิ้มที่เจิดจ้าของเจ้าตัวหม่นลงไปบ้าง แต่ถ้าไม่สังเกตก็คงไม่รู้... “น้องเขมเครียดอะไรเหรอคะ”สาวสวยขาประจำเอ่ยทักขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มเอาข้างต้มร้อน ๆ มาเสิร์ฟ “วันนี้ดูหน้าเศร้า ๆ นะคะ” “ไม่มีอะไรหรอกครับ”เขายกยิ้มให้กว้างขึ้น หมายมั่นจะกลบความรู้สึกในใจให้ได้ “ยิ้มแต่ปาก ตาไม่ยิ้มเลย แบบนี้จะทำให้หลาย ๆ คนเป็นห่วงเอานะคะ”คำที่ได้รับกลับมาทำเอาเขมตัวแข็งทื่อ เขาลืมคิดไปเลยว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้มีแค่ที่ริมฝีปาก... “ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ขอบคุณนะครับ”แววตาที่เริ่มมีรอยยิ้มทำให้สาวเจ้าส่งยิ้มกลับมาให้ ก่อนจะหันมาสนใจอาหารมื้อเย็นของเธอ เขมสูดลมหายใจลึก ทิ้งความไม่สบายใจ ความกังวลใจที่มีไว้ข้างหลังแล้วลุยงานตรงหน้าอย่างเต็มที่ วันนี้เจ้สวยปิดร้านเร็วอย่างที่ลั่นไว้ เพียงสี่ทุ่มกว่าก็เริ่มเก็บของเข้าหลังร้านแล้ว ลูกค้าจะมาซื้อก็ได้แต่ใส่ถุงกลับบ้านไปและซื้อได้ถึงแต่ก่อนที่อาร์ตจะมายกหม้อไปล้าง ทุกอย่างเสร็จสิ้นตอนสี่ทุ่มห้าสิบ เก้าอี้ทั้งหมดถูกยกขึ้นวางคว่ำบนโต๊ะ พื้นถูกขัดถูจนสะอาดเรียบร้อย “กลับก่อนนะครับเจ้”อาร์ตยกมือไหว้เจ้านายคนสวยของเขา “ไปก่อนนะพี่นะ เขม” “ครับ”เขมส่งยิ้มให้กับรุ่นพี่ทั้งสองที่พากันกลับไป เพียงแค่สีหน้าของทั้งคู่ดูก็พอจะรู้ว่าดีใจไม่น้อยที่วันนี้ได้เลิกเร็ว ผิดกับเขา... แน่สิ ก็เขากำลังจะขึ้นเขียนโดนคนที่เขานับถือคนนึงเชือด “เฮ้อ คิดถึงน้องตะวันจัง”คิดถึงแสงสว่างดวงน้อยที่มาสาดส่องให้กับชีวิตที่ค่อนข้างจะมืดมนไปสักหน่อยของเขา “ไม่ต้องถอนหายใจ มานั่งนี่เลย”เขียงเชือดเขมทิวาในวันนี้คือโต๊ะในสุดของร้านที่มีพัดลมจ่ออยู่ “เดินมา” เขมเดินไปนั่งจุ้มปุ๊กคอตกตรงหน้าเจ้านายที่เตรียมจะเทศน์เต็มที่ “หยู๊ดดดด”นะถลามากลางวงก่อนที่คุณแม่ของเขาจะเริ่มเอ่ยปาก “รออาหารตาสุดแซ่บของหนูก่อนค่ะ หม่อมแม่ขาาา” “ขาไก่หรือขาหมู ห๊ะ อิลูก”เจ้สวยยกมือขึ้นผลักหัวฟีบ ๆ ของลูกชายใจสาวน้อยวัยใสด้วยแรงที่ไม่เบา “มึงไม่ต้องมาแรด นั่นผัวน้องมึง” “ขอหนูเก็บไปฝันหน่อยก็ไม่ได้”นะทำท่าสะบัดสะบิ้งหน้างอ แต่กับผู้ชายวัยเบญจเพสสูงร้อยแปดสิบมันก็คงไม่ได้น่าดูมากนัก... “ขอยืมหน้าไปพ่นน้ำนิสสสสเดียวเอง ไม่เห็นเป็นไรเลย เนอะ น้องเขม” “อ เอ่อ... พี่เขาไม่ใช่แฟนผมนะครับ”แล้วก็ไม่ได้เป็นผัวด้วย... “โอ้ย อายอะไร น่า บอกพี่หน่อย ใหญ่ป่ะ ๆ”คำถามที่ทำเอาเขมหน้าแดงก่ำ เขาจะไปรู้ได้ยังไงกันบ่ะว่าอะไรใหญ่แค่ไหน “บอกหน่อยซี่~” “ผมใช้ไซส์ 56 ครับ”เสียงนุ่มทุ้มตอบคำถามดังมาจากข้างหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะมานั่งอยู่ข้างรุ่นน้องร่วมสถาบัน “ผมไม่ได้มาสายใช่ไหมครับ” ทุกคนหันไปมองนาฬิกาที่เข็มสั้นชี้เลข 11 เข็มยาวและเข็มวินาทีชี้ที่เลข 12 ตรงเวลาเป๊ะ ไม่ขาด ไม่เกิน... “พ่อรูปหล่อในฝันเอ็งมาแล้ว อย่ามาเสือกขัดข้าอีกล่ะ ไอ้ลูกหมี”หญิงแท้คนเดียวในวงสนทนาหันไปดักคนลูกชายเอาไว้ แล้วจึงหันกลับมาจ้องหน้าคนที่เธอมองเหมือนลูกอีกคน “รู้ใช่ไหมว่าที่ทำวันนี้มันผิด” “ครับ”เขมรับคำโดยดี เขาผิดที่ตามใจน้องมากเกินไป “เจ้รู้ว่าเธอรักน้องสาวเธอมาก”เสียงของเจ้สวยนั้นแฝงความเข้าใจเอาไว้เต็มเปี่ยม “การตามใจกันจนเกินความพอดี มันจะทำให้เด็กคนนั้นเสียคนเอา” เธอมองเด็กหนุ่มที่ก้มหน้าลงเล็กน้อย มองเข้าไปในดวงตาที่ฉายแววสับสนนั่นแล้วยิ้มบางออกมา “รู้ไหม ความรักน่ะมันไม่ได้หมายถึงการให้ในสิ่งที่มีกับคนที่ตัวเองรักเสมอไปหรอกนะ”ดวงตาที่มีริ้วรอยแห่งวัยเหลือบไปมองลูกที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของตน “แต่ความรักน่ะ มันคือการทำให้คนที่เธอรักเป็นคนดีมาจากข้างใน ถ้าเขาเป็นคนดี เธอก็ไม่จำเป็นต้องไปกางปีกปกป้องเขา ไม่จำเป็นต้องฝืนบังคับตัวเองเพื่อให้กับเขา เพราะเขาจะมีความเข้าใจ มีความเห็นใจผู้อื่นอยู่ภายในใจ และเขาจะรู้จักคำว่าพอ” “ตอนเด็ก ๆ เบ็ตตี้เขาเป็นเด็กที่น่ารักมากนะครับ... แต่นับวันเขาก็ยิ่งเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ผมทำอะไรไม่ได้เลย”น้ำเสียงของเขมฟังดูเศร้าหมอง ยิ่งคิดถึงวันวานที่ผ่านมา ก็ยิ่งรู้สึกเศร้า... วันนี้เขาได้รู้แล้ว ว่าเด็กผู้หญิงที่เอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำมาล้างแผลให้เขาคนนั้น ได้เปลี่ยนไปไม่เหมือนวันวานแล้ว “มันยังไม่สายที่เธอจะดึงเด็กคนนั้นให้กลับมาเข้าร่องเข้ารอยไม่ใช่เหรอ”เจ้สวยยื่นมือมาตบหลังมือของเขมเบา ๆ “การที่เธอเติบโตมาเป็นเด็กดีแบบนี้ได้ แสดงว่าพื้นฐานครอบครัวของเธอคงไม่แย่นัก เด็กคนนั้นก็แค่มีแต่คนตามใจ ไม่มีคนรั้งหลังเอาไว้จนยั้งตัวเองไม่อยู่เท่านั้นเอง” “ค่อย ๆ ล้อมกรอบเขาให้กลับมาอยู่ในลู่ทางที่สมควรก็พอจะเป็นไปได้อยู่”ต่ายเอ่ยเสริมขึ้นมาหลังจากนั่งฟังเงียบ ๆ มาพักใหญ่ “การให้เงินไปแบบนั้น โดยที่เขาไม่ต้องพยายามอะไรเลย มันไม่สมควร รู้ใช่ไหม” “ครับ...” “ยื่นมือมา”คำสั่งเด็ดขาดจากเจ้าของร้านข้าวต้มสั่งลูกจ้างของเธอ ก่อนที่เธอจะตีฝ่ามือขาว ๆ ไปเพี๊ยะใหญ่ “อย่าทำแบบนี้อีก ถ้าไม่อยากให้เด็กนั่นดูแย่ในสายตาคนอื่นไปมากกว่านี้ เธออย่าไปทำร้ายเขาอีก” ฝ่ามือนุ่มขึ้นสีแดงจากการถูกตี แต่คนโดนตีก็ไม่คิดจะโต้เถียงอะไร สิ่งที่หญิงตรงหน้าพูดนั้นถูกแล้ว เขากำลังทำร้ายเบ็ตตี้... “เจ้รู้ว่าเธอเป็นเด็กเชื่อฟัง เลยพูดให้ได้คิด”มือสากจากการตรากตรำทำงานมานานยื่นมาจับมือเล็กที่ยังเรียบเนียนไม่มีรอยด้านเอาไว้ “เก็บไปคิดล่ะ วันนี้ไปพักผ่อนเถอะ” “ขอบคุณนะครับ เจ้สวย”คำขอบคุณที่ออกมาจากใจนั้น ผู้รับย่อมยินดีรับเอาไว้ “ดึงประตูลงให้ด้วยล่ะ”เจ้สวยยิ้มให้กับสองหนุ่มที่กำลังลุกขึ้น “พ่อหนุ่มก็ดูแลน้องดี ๆ เป็นแฟนกันก็เตือน ๆ กันบ้าง” “ตอนนี้ยังไม่ใช่แฟนหรอกครับ”แต่อนาคตไม่แน่เหมือนกัน “แต่ผมจะคอยเตือนน้องแน่นอน ขอบคุณ” ต่ายจูงมือเขมไปขึ้นรถ แล้วขับออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ “น้องตะวันล่ะครับ”เขมถามหาเจ้าตัวน้อยที่เขาคิดถึง เมื่อมองหาทั่วรถแล้วไม่เห็นมัน “อยู่ที่ห้องพี่”ต่ายตอบกลับมาเรียบ ๆ “ตะวันเล่นจนหลับไปแล้ว วันนี้เขมก็ไปนอนห้องพี่แล้วกัน” “...”ริมฝีปากสีซีดอ้า หุบ อ้า หุบ พูดอะไรไม่ออก ไปนอนห้องพี่ต่าย!!! ใจเอย จงเต้นเบาลงที @@@@@@@@@@@@@@@@@@@ อะไรน้าาา น้องเขทจะไปนอนห้องพี่ต่ายเหรอคะะะ หม่ำเลยยยยยย อุ๊ // มุดลงใต้เตียง :hao7:
บทที่ 8 เขาคือรณกฤต ระยะทางระหว่างร้านข้ามต้มเจ้สวยมาถึงคอนโดที่พักอาศัยของรณกฤตนั้น ไม่ถือว่าใกล้ แต่ก็ไม่ได้ไกลอะไรมากมาย ตึกสูงกว่าสามสิบชั้นที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตนเองเหมือนมด... แต่ก็มีความคิดขำ ๆ มาอีกว่า ถ้ามดมายืนหน้าตึกสูงแบบนี้ มันจะรู้สึกยังไง จะบอกว่าตัวเองเหมือนอะมีบาเลยไหมนะ อันที่จริงแล้วคอนโดมิเนียมแห่งนี้มีลานจอดรถส่วนตัวที่ล็อคที่ไว้สำหรับผู้พักอาศัยแต่ละห้องอยู่ แต่การที่เขมกับต่ายมายืนอยู่วัดความสูงหน้าคอนโดนี่ก็เพราะเพื่อนร่วมคณะของต่ายนั้นมาขอยืมเอารถไปใช้รับพวกขี้เมากลับหลุม “ไม่เมาแน่ใช่ไหม ก้อง”เจ้าชายเศรษฐศาสตร์เอ่ยถามเพื่อนที่ดูหน้าแดง ๆ แต่ยังเดินตรงอยู่ “มึงไหวแน่นะ” “ไหวดิ กูกินเบียร์ไปแก้วเดียว แต่กลิ่นเหล้ามันแรงหน้ากูเลยแดงเนี่ย”น้ำเสียงของก้องยังไม่ยานคาน ตาก็ไม่ได้เยิ้ม มันก็พอที่จะทำให้เจ้าของรถวางใจได้ระดับนึง “รับรอง ๆ ต่อให้เจอด่านกูก็เป่าแอลกอฮอล์ผ่านแน่นอน” “เออ”ต่ายยื่นกุญแจรถส่งให้เพื่อน โดนมีสายตาของคนที่อยู่นอกบทสนทนามองตามไป แล้ว... เขาจะกลับยังไงล่ะเนี่ย “อึ๊บเบา ๆ นะเว้ย เดี๋ยวคุณหนูก้นฉีก”ก้องหย่อนระเบิดลงลูกใหญ่ก่อนที่จะมุดเข้ารถแล้วซิ่งออกไปบนท้องถนนอย่างรวดเร็ว เร็วเกินกว่าที่จะด่าทัน... “ไปกันเถอะ”ต่ายเลื่อนมือไปแตะเอวคนที่ยืนอ้าปากค้างหน้าแดงก่ำอยู่ ร่างผอมนั้นสะดุ้งเฮือกเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสอุ่น “ไม่ต้องไปฟังคำพูดก้องมันล่ะ พี่ไม่ทำอะไรเราหรอก” ”ครับ”เขมรับคำเบา ๆ แล้วก้มหน้าลง เขาก็เผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปได้... “แต่ถ้าเรายอม พี่ก็ทำนะ”คำพูดลอย ๆ ที่ใครอีกคนเอ่ยออกมานี่เป็นการวางระเบิดลูกใหญ่ลงในหัวใจดวงน้อยของเขาเลย เจ้าชายเศรษฐศาสตร์หัวเราะเบา ๆ กับหน้าปลาทองขาดน้ำของรุ่นน้อง เขาอาศัยจังหวะที่สติของเจ้าตัวหลุดลอย ลากพาร่างโปร่งให้ตามเขาไป รู้ตัวอีกที... ก็อยู่หน้าประตูห้องซะแล้ว คุณหนูอักษรที่ช็อตดาวน์สมองตัวเองตั้งแต่อยู่หน้าคอนโด และเพิ่งรีสตาร์ทเปิดเครื่องได้ใหม่หน้าห้องของคนในใจทำหน้าเหวอหนักกว่าเก่า นี่เขาเอ๋อขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย... “จะยืนอยู่หน้าห้องพี่ทั้งคืนหรือไงครับ คุณหนู”เสียงที่ลอดเข้ามาในโสตประสาททำให้เขารู้สึกตัว นี่เขาเหม่อในเหม่อเหรอ... ลาก่อน สมอง “อ่ะ เอ่อ...”มายืนถึงหน้าประตูห้องแล้ว จะวิ่งแจ้นกลับออกไปก็น่าเกลียด... ละอีกอย่างเขาจะกลับยังไง นี่เขายังคิดไม่ออกเลย “ขอรบกวนหน่อยนะครับ” เขมเดินเข้าไปในห้องของคนที่เมื่อก่อนเขาได้แต่แอบมองห่าง ๆ ใครจะไปเชื่อกันล่ะว่า วันนี้เข้าพัฒนามาจนเดินเข้าห้องของคน ๆ นี้ได้แล้ว มันเป็นความก้าวหน้า... ที่ทำให้เขาเข้าข้างตัวเองมากขึ้นทุกที มากซะจนไม่อยากคิดถึงวันที่จะต้องถูกกระชากให้กลับสู่ความเป็นจริง ไม่รู้... ว่ามันจะเจ็บสักเท่าไหร่ เมื่อถึงวันนั้น ห้องของรณกฤตนั้นเป็นห้องสูทขนาดใหญ่ที่แบ่งสัดส่วนเป็นห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว และห้องนอน แต่ละห้องแยกออกจากกันอย่างชัดเจน พื้นที่ใช้สอยในห้องค่อนข้างกว้าง ซ้ำไม่มีอะไรวางไว้มากมาย ขนาดในห้องนั่งเล่นก็มีเพียงโซฟาเบดสีเข้ม โต๊ะกระจกกลมขนาดไม่เกินสองฟุตครึ่ง และตู้ไม้ขนาดกลางที่วางทีวีสามสิบสองนิ้วเอาไว้ เขมกวาดตามองอีกนิด ก็เห็นบ้านไม้โปร่งสำหรับสัตว์เลี้ยง ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นของกระต่ายที่เจ้าของห้องเคยพูดถึง แล้ว... น้องตะวันอยู่ไหนกันนะ “มองหาเจ้าตัวเล็กล่ะสิ”เหมือนต่ายจะอ่านใจของเขาได้ ใบหน้าหล่อเหลาในทักมุมมองกระตุกยิ้มบาง ก่อนจะชี้ไปทางบ้านกระต่าย “มองต่ำหน่อยนะ” เขมหันไปมองบ้านไม้อีกครั้งแล้วยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นภาพน่ารัก ๆ ของเจ้าขนปุยทั้งสอง “น้องหลับแล้วนี่ครับ”ร่างโปร่งย่องเข้าไปดูเจ้าตัวน้อยที่นอนขดอยู่บนเบาะนุ่มใกล้ ๆ “น่ารักจัง” ภาพที่เห็นตรงหน้า คือภาพของกระต่ายขนฟูสีขาวแต้มดำกำลังหลับอยู่โดยมีหมาปอมตัวเล็กนอนเบียดซุกอยู่ที่ช่วงท้องจนแทบจะกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน “ปล่อยให้เด็ก ๆ นอนเถอะ”เสียงทุ้มกระซิบแผ่ว ๆ ดังที่ข้างใบหูสะอาด “เรายังมีเรื่องต้องคุยกันนะครับ น้องเขม” คนที่เพิ่งจะหูชามาจากการโดนเทศน์สะดุ้งเฮือก เขาหันไปยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับคนที่ส่งยิ้มหวานมาให้ แต่สายตาคมกริบ “พี่ต่ายจะดุผมเหรอครับ”คำถามโง่ ๆ ที่เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ นั้นเล่นเอาหัวใจใครอีกคนอ่อนยวบ แต่ก็ยังเก๊กหน้าเอาไว้ได้ “เราต้องคุยกันครับ”ถึงจะใจอ่อนลงไปกว่าครึ่งแล้ว แต่ต่ายก็ยังยืนยันคำเดิม “ส่วนดุไม่ดุนั้น... คงขึ้นกับใจคิดของน้องนะครับ” ร่างสูงเดินนำแขกที่บังคับเชิญเข้าไปในห้องนอน แต่กลับไม่นั่งลงอย่างที่ควร กลับเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่แล้วหยิบของข้างในนั้นออกมาแทน “เอาล่ะ ไปอาบน้ำก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกัน”ผ้าเช็ดตัวผืนสะอาด พร้อมด้วยชุดนอนสีฟ้าอ่อนและอันเดอร์แวร์ตัวในใหม่เอี่ยมถูกยื่นให้กับคนที่ยืนทำตาปริบ ๆ มองมาอย่างงุนงง “เดี๋ยวผมกลับไปอาบที่หอก็ได้ครับ”เขมไม่รับของที่ถูกยืนมา ด้วยว่าเดี๋ยวเขาก็จะกลับหลังจากคุยกันจบแล้ว จะมาอาบน้ำห้องคนอื่นแล้วใส่เสื้อผ้าเขาขึ้นแท็กซี่กลับไปนอนที่หอก็ยังไง ๆ อยู่ “ใครบอกว่าจะให้กลับครับ น้องเขม”ดวงตาสีเข้มมองตรงมายังรุ่นน้องที่เริ่มทำหน้าเหวออีกครั้ง เขาคลี่รอยยิ้มอบอุ่นส่งให้ด้วยความเอ็นดู “ดึกแล้ว วันนี้นอนกับพี่ที่นี่แหละ เตียงพี่กว้างพอ” นอน กับ พี่!!! ใจความสั้น ๆ ที่ทำคนบางคนใจสั่นรัว เลือกทั้งการสูบฉีดจนพุ่งมารวมกันที่ใบหน้า มือขาวคว้าเอาเสื้อผ้าที่ถูกยื่นมา ก้มหน้างุด ๆ เดินฉับ ๆ เข้าห้องน้ำไป ทำงานหนักไปแล้วนะหัวใจ!!! เมื่อได้มาอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพัง ความคิดที่ถูกกดลงไปก็ปะทุขึ้นมาให้ฟุ้งซ่านอีกครั้ง คำพูดที่เจ้สวยเตือนสติดังก้องอยู่ในหัววนซ้ำไปซ้ำมา การกระทำของเขาทำให้น้องสาวเขาติดนิสัยไม่ดี... ทั้ง ๆ ที่เขารู้ก็ยังจะทำมันลงไป คนที่แย่กว่าน้องมันก็ต้องเป็นตัวเขาเอง ทำไม ทำไมเขาถึงไม่คิดอะไรให้มันดีกว่านี้นะ สายน้ำเย็นฉ่ำชะเอาความไม่สบายใจบางส่วนให้ไหลออกไป แม้จะเป็นแค่เพียงเสี้ยวเล็ก ๆ แต่มันก็ทำให้สมองที่ตึงเครียดนั้นผ่อนคลายไปได้บาง อะไรที่มันผ่านไปแล้ว ก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป ให้อดีตพวกนั้นเป็นเครื่องเตือนใจว่าวันข้างหน้าจะต้องไม่ผิดซ้ำอีก เขมเช็ดตัวแล้วหยิบชุดนอนที่ต่ายยื่นมาให้สวมลงบนกาย เขาหันไปมองกระจกบานกว้างแล้วถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะยกยิ้มบางขึ้นมา เสื้อที่ได้ใส่นั้นแม้จะตัวใหญ่กว่าขนาดตัวเขา แต่มันก็ไม่ได้หลวมโพรกจนเกินไปนัก ก็นะ เขาไม่ใช่หนุ่มน้อยที่บอบบางน่าทะนุถนอมอะไร แต่ดันไปชอบผู้ชายด้วยกัน... เขมทิวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขามองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ก่อนจะก้าวออกจากห้องน้ำไปเผชิญความจริงที่รออยู่ “พี่...” “ให้พี่อาบน้ำก่อน”ชายหนุ่มอีกคนสวนกลับมาก่อนที่รุ่นน้องจะเอ่ยอะไร “เราได้คุยกันแน่ ไม่ต้องห่วงครับ น้องเขม” ร่างสูงก้าวฉับ ๆ ผ่านคุณหนูอักษรเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งเวลาให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรเลยแม้เพียงครึ่งคำ เขมทิวาหลุบตามองลงพื้น แล้วถอนหายใจอีกครั้ง ในใจรู้สึกว่างเปล่า การตัดสินใจผิดพลาดไป ถึงแม้จะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่มันก็กระทบเป็นวงกว้างไม่น้อย ดวงตาสีเข้มเหลือบมองไปรอบ ๆ แล้วตัดสินใจทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้กลมที่วางอยู่ข้างเตียง จะให้เขาไปนั่งเล่นบนเตียง มันก็ยังไงอยู่นะ ระหว่างที่รอใครอีกคนอาบน้ำให้เสร็จ เขมก็ลองเอาปากกามาควงเล่น ลองหมุนข้อมือและโยนรับอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนนึงก็เพราะไม่อยากนั่งกังวลไปเปล่า ๆ อีกส่วนก็เพราะเขาตอบรับการเป็น คฑากร แล้ว มันก็ต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ “ถ้าหมุนข้อมือเร็วไป มันจะทำให้ปวด และเมื่อยเร็ว”เจ้าของห้องที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำก้าวเข้ามาหารุ่นน้องที่กำลังตั้งอกตั้งใจฝึกการควงปากกาอยู่เงียบ ๆ “ไม้จริงมีน้ำหนักมากกว่าปากกานี่เยอะ ถ้าไม่หัดใช้แรงให้พอดี ช่วงหลังแรงจะแผ่วลงจนทำไม้หลุดมือเอาได้” “ผมคงต้องหัดอีกนานเลยล่ะครับ”รอยยิ้มหม่น ๆ ที่เผลอยกขึ้นมานั้นชวนให้คนที่ได้เห็นรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ “แต่มันคงไม่ยากเกินความสามารถของผมหรอก” “น้องเขมเก่งอยู่แล้ว หัดไม่กี่ครั้งก็เป็นครับ”มือที่ยังชื้นจากหยดน้ำที่พราวบนกายื่นมาขยี้ผมนุ่มลื่นของคนที่นั่งอยู่อย่างเอ็นดู “ไม่ต้องห่วงไป เดี๋ยวพี่ช่วยสอนให้อีกแรง” “ขอบคุณครับ”ดวงตาของเด็กหนุ่มเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังคงแฝงความกังวลใจเอาไว้อยู่เต็มเปี่ยม “พี่จะพูดอะไรกับผมเหรอครับ” “อันที่จริงก็ไม่มีอะไร”ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงบนเตียงทั้งชุดคลุมอาบน้ำที่ยังชื้น ๆ อยู่ “เจ๊สวยพูดสิ่งที่พี่อยากจะพูดออกไปหมดแล้วล่ะ” “แล้วทำไม...”ถึงพาเขามาที่นี่ มันคำถามที่เขมอยากรู้ แต่มันก็ยากที่จะเอ่ยถามมันออกไปตรง ๆ เพราะคำตอบของมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่หลังก็ได้ “อยากระบายอะไรให้พี่ฟังไหมครับ”คำถามที่ส่งผ่านมากับเสียงนุ่มมาพร้อมกับแววตาที่ฉายชัดถึงความเป็นห่วง “พี่ก็อยากดุน้องเพิ่มอยู่หรอกนะครับ แต่มันก็คงไม่ได้ทำให้เราไปเปลี่ยนอดีตได้ คงมีแต่จะทำให้น้องเสียใจมากขึ้น คิดมากยิ่งกว่าเดิม” คำพูดที่แทงใจดำนั้นทำให้คนฟังก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้าอีก “พี่ไม่อยากให้น้องต้องคิดอยู่คนเดียว”นิ้วเรียวเชยคางของคนที่หลบตาเขาให้เงยขึ้นมามองตากัน “พี่ยังคงยืนยันนะครับ ว่าน้องไม่ได้อยู่เพียงลำพัง” “ครับ...”เขมตอบรับแผ่วเบา ดวงตาของเขาสั่นไหวเมื่อรับรู้ถึงความอบอุ่นและห่วงใยจากคนในใจของตน “ผม...” อยากจะพูด แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน... รณกฤตมองคนที่มีท่าทีอึกอักด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่พูดอะไรออกไป เขาจะรอ รอให้เด็กตรงหน้าระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเอง เขารอเก่งพอที่จะรอ “ผมรู้... ว่าสิ่งที่ผมทำมันไม่ใช่เรื่องที่ดี ผมเอาความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้งไปทำร้ายน้องของผม”น้ำเสียงเศร้า ๆ และแววตาที่หม่นแสงลงดูน่าสงสาร “พ่อกับแม่ของผมแยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็ก แม่เลือกที่จะทิ้งผมให้อยู่กับพ่อ แล้วเดินออกจากบ้านไปไม่หันกลับมามองผมเลย หลังจากนั้นพ่อก็แต่งงานกับคุณน้า แล้วเบ็ตตี้ก็เกิดมาหลังจากนั้นไม่ถึงปี” อดีตที่ไม่อยากพูดถึงส่งผ่านออกมาจากริมฝีปากซีด สองมือที่วางอยู่บนตักตัวเองนั้นกำแน่นจนขึ้นข้อขาว “ผมเห็นหนูเบ็ตมาตั้งแต่เล็ก ยังคอยจูงมือน้องไปเดินเล่น ไปซื้อขนม ไปโรงเรียน รอยยิ้มมีความสุขของหนูเบ็ตทำให้ผมที่ในตอนนั้นว่างเปล่าไปหมดกลับมายิ้มได้ มันเลยทำให้ผมตามใจเขาไปซะทุกเรื่องโดยไม่สนใจอะไร”รอยยิ้มบางเต็มไปด้วยความรู้สึกเอ็นดูยามพูดถึงน้องสาว เช่นเดียวกับดวงตาที่ทอประกายอ่อนโยน ก่อนจะกลับเป็นเซร้าหมอง “ตอนเด็ก ๆ หนูเบ็ตติดผมมาก เราสนิทกันจนพูดคุยกันได้มุกเรื่อง แต่พอหนูเบ็ตโตขึ้นก็เริ่มเปลี่ยนไป จากน้องสาวที่ว่าง่าย ก็เริ่มเอาแต่ใจ จากคนที่สนิทกัน น้องก็เริ่มตีตัวออกห่าง...” เขมทิวายอมรับว่าในช่วงแรกที่น้องสาวของเขาตีตัวออกห่างไป เขาทั้งเศร้าใจ และเหงามาก แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้ว่าทำไมน้องถึงไม่ยอมคุยกับเขาเหมือนอย่างเคย ต่ายยันตัวลุกขึ้นจากเตียง แล้วดึงคนที่กำลังแสดงความโดดเดี่ยวและว้าเหว่เข้ามาในอ้อมแขน โอบศีรษะทุยเข้ามาชิดกายให้ใบหน้ามนนั้นซบลงมาตรงที่แผ่นท้องที่มีกล้ามเนื้อเป็นรอนแข็งแรงของเขา “พี่ต่าย...”ความอบอุ่นที่โอบล้อมตัวของเขมทิวา ทำให้ใจที่วูบโหวงนั้นรู้สึกถึงความเติมเต็ม คนในใจของเขายังคงอ่อนโยนเหมือนอย่างที่เขาเคยได้เห็นไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขมยกแขนทั้งสองขึ้นกอดเอวหนาเอาไว้ เขาเลือกที่จะซุกตัวลงหาไออุ่นที่ตนไม่ได้รับจากใครมานานปี อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกห่วงใยนี้ มันช่วยเยียวยาหัวใจที่ถูกทิ้งร้างของเขาให้กลับมาเต้นอย่างมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง “ตอนแรกก็แค่ห่างกันไปแต่หนูเบ็ตก็ไม่เคยมีปัญหากับผม จนช่วงที่ผมอยู่ม.ปลาย เพราะคุณพ่อทำอะไรก็ผิดพลาดล้มเหลวจนแทบไม่เหลืออะไร ที่อยู่ได้ก็ด้วยเงินที่คุณน้าหามา คุณน้าก็เลยเป็นคนคุมเงินของบ้าน มันยิ่งทำให้หนูเบ็ตเอาแต่ใจมากขึ้น คงเพราะทุกคนต้องเกรงใจแม่ของเธอ”เสียงที่ติดแหบนิด ๆ เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเองต่อ “คุณน้าเขาก็ไม่ได้ใจร้าย ตัดเงินผมกรอกนะครับ ก็ยังให้เงินผมไปโรงเรียนอยู่ แต่ในส่วนค่ากิจกรรม หรืออะไรที่นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายประจำแล้ว ที่เหลือผมก็ต้องเก็บเงินเอาเอง ซึ่งมันก็โอเค ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ผมรู้ว่าการจะสอบเข้ามหาลัยดี ๆ สักที่ต้องใช้เงินเยอะ ก็เลยไปหางานพิเศษทำ แรก ๆ ก็เป็นสอนพิเศษน้อง ๆ ประถมตอนเย็น แต่ก็สอนได้ไม่นานเท่าไหร่ ผู้ปกครองของน้อง ๆ เขาไม่ไว้ใจเด็กม.ปลายอย่างผม เลยยอมเสียเงินเพิ่มส่งลูกเขาไปเรียนกับติวเตอร์ที่มีชื่อเสียง หรือได้รับเกียรตินิยมจากมหาลัยดัง ๆ กัน” ต่ายหลุบตาลงมองคนที่อายุน้อยกว่าตน แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ กลับผ่านอะไรมาไม่น้อยเลย นับแล้วอาจจะมากกว่าคนที่อายุเท่ากัน ในครอบครัวฐานะปานกลางเหมือนกันด้วยซ้ำ “การสอนพิเศษทำเงินได้ไม่พอใช้ ตอนนั้นผมรู้สึกเคว้งคว้างไม่รู้จะทำยังไงจนอดคิดน้อยใจไม่ได้ว่าทำไมแม่ถึงทิ้งผม ทำไมพ่อถึงไม่คิดจะช่วยอะไรผม ทำไมผมมีแต่คุณย่าที่คอยถามไถ่ ในหัวมีแต่คำว่าทำไม ทำไม และทำไมเต็มไปหมด จนแซนชวนผมไปขายไอติมผัดแทนคนงานที่ลาไปดูแลลูกที่เพิ่งคลอด เมื่อก่อนมันยังหากินได้ยาก ขายดีมากเลยล่ะครับ”ฟังจากน้ำเสียงที่สดใสนั่นแล้ว นี่มันคงเป็นความทรงจำที่ดีของรุ่นน้องคนนี้ “แต่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะครับ เย็นก็เย็น ของบางอย่างก็แข็งต้องออกแรงกดให้มันแตกเพื่อที่จะคลุกเช้ากับนมให้ได้ ผมได้ทิปจากคนมาซื้อเยอะเลย แซนก็ให้ผมจ่ายแค่ค่าอุปกรณ์ ผมเลยได้เงินเก็บจากตรงนั้นเยอะเลย มันก็คงไม่มีอะไร ถ้าหนูเบ็ตกับเพื่อน ๆ ไม่มาที่ร้านแล้วผมเผลอทักหนูเบ็ตไป ทำให้เพื่อน ๆ เขารู้ว่าหนูเบ็ตมีพี่ชายขายของร้านริมทางน่ะครับ” ไม่ต้องให้เขมทิวาเล่าต่อ รณกฤตก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไร เด็กที่นิสัยเสียจากการคบเพื่อนมีฐานะมีให้เห็นอยู่ประจำ และหนึ่งในนั้นคือน้องสาวที่คุณหนูอักษรรักและตามใจนักหนาด้วย “เสียใจไหม”คำถามโง่ ๆ ที่มีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วลอดออกมาจากริมฝีปากหยักที่กำลังยกยิ้มบาง “ในตอนนั้นมันก็เสียใจล่ะครับ แต่ที่มากกว่านั้นคือความไม่เข้าใจ ผมทำผิดอะไร ทำไมน้องถึงโกรธผมขนาดนั้น”เขมหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างขมขื่น “หนูเบ็ตบอกว่าผมทำให้เขาต้องกลายเป็นตัวตลกของเพื่อน ๆ วันนั้น ผมเลยได้รู้จักว่าความแตกต่างของฐานะมันเป็นยังไง” สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ทำให้เขมเสียใจ แต่มันทิ้งปมในใจไว้ให้กับเขาด้วย “ในโลกนี้มีคนเป็นล้านคน ทุกคนย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง”ต่ายเอ่ยขึ้นหลังจากที่เป็นผู้ฟังมานาน “ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความคิดที่เหมือนกัน เพื่อนของเขม ก็ไม่เหมือนเพื่อนของน้องสาวเขม บางเรื่องมันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญเสมอไป พี่ดีใจนะครับที่เขมไม่เก็บเอาคำของน้องเบ็ตตี้มาคิดมาก ไม่เปลี่ยนไปจากที่เคยเป็น” เขมทิวาเงยหน้ามองคนที่กำลังมองลงมา ดวงตาสองคู่สบประสานส่งผ่านความรู้สึกที่หลากหลายให้แก่กัน “เป็นอย่างที่เขมเป็น ดีที่สุดแล้วล่ะครับ”มืออุ่นที่ลูบไล้เส้นผมลื่นเลื่อนมาจับแก้มใสที่เริ่มมีสีเลือดฝาด “ไม่ต้องคิดอะไรแล้วนะ เขมเหนื่อยเกินไปแล้ว ได้เวลานอนพักสักทีนะครับ” สัมผัสที่อ่อนโยนและน้ำเสียงที่นุ่มละมุน ทำให้เขมทิวาขยับตัวไปตามแรงของใครอีกคนไปโดยไม่รู้ตัว ต่ายกดตัวคนที่ยังคงสบตาอยู่กับเขาให้นอนลงบนเตียงนุ่ม ห่มผ้าห่มผืนหนาให้ด้วยความเอาใจใส่ ก่อนจะทาบริมฝีปากทับลงกลางหน้าผากเนียนแผ่วเบา “ฝันดีนะครับ”ดวงตาสีน้ำตาลสวยคู่นั้นปิดลง ในขณะที่ดวงตาสีดำของใครอีกคนยังจับจ้องอยู่ไม่ห่าง ความสบายใจและความอบอุ่นใจที่ได้สัมผัส พาให้เด็กหนุ่มเข้าสู่ห้วงฝันอันแสนหวานหลังจากหลับตาลงไม่นาน ต่ายทรุดตัวลงนอนข้าง ๆ รุ่นน้องที่เขาพามานอนด้วย ทั้งที่ปกติแล้ว ห้องนี้เขาแทบจะไม่ให้ใครก้าวเข้ามาเลย แม้แต่เพื่อนสนิทของเขาก็ตาม แต่เมื่อเห็นแววตาที่หม่นหมองของคนบางคนแล้ว ทั้งสมองและหัวใจของเขามันก็สั่งให้พาคน ๆ นั้นกลับมาดูแล สมาร์ทโฟนเครื่องใหม่เอี่ยมถูกยกขึ้นมาถ่ายรูปคนที่นอนหลับตาพริ้ม ก่อนจะสั่งการด้วยมือถือเครื่องเดิมนั้นให้ไฟที่ส่องสว่างปิดลง “ตื่นมาพร้อมรอยยิ้มนะครับ คนดีของพี่” ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ มาต่อแล้วค้าาาา เราสายหวาน เราไม่ดราม่า เราจะอบอุ่นนน อยากได้คนส่งเข้านอนบ้างจังเลยยย #คนในใจ
เอาใจช่วยให้เขมผ่านเรื่องเหล่านี้ไปให้ได้ ส่วนต่ายเป็นผู้ชายอบอุ่นจัง อยากเจอแบบนี้บ้าง ฮ่าๆๆ แต่ก็เหมือนต่ายจะมีความลับบางอย่างนะ เดาว่าต้องรู้จักแม่เขมแน่เลย
พี่ต่ายโทรหาใคร :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
อยากได้อย่างพี่ต่ายซักคน ขอให้น้องเขมผ่านเรื่องราวต่างๆไปได้ด้วยดีนะ
:pig4:
พี่ต่ายคนดี อบอุ่นมากเลยยย กวนๆ ขี้เล่นด้วย พี่เจ้าชายของน้องงง :o8: ส่วนน้องเขมหนูน่ารักน่าเอ็นดูมาก เรื่องเบ็ตตี้ก็สู้น้า หนูจัดการได้อยู่แล้ว :yeb: คนที่พี่ต่ายติดต่อจะเป็นแม่น้องเขมไหมนะ ??? รอคนแต่งมาต่อนะคะ :pig4:
บทที่ 9 ใครคนนั้น แสงแดดยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านที่ปิดไม่สนิทส่องสว่างมายังเตียงนอนกว้าง ราวกับว่าต้องกสรปลุกให้คนที่ยังจมดิ่งในห้วงฝันนั้นลืมตาขึ้นมากลับสู่ความเป็นจริง แต่แสงนั้นก็ได้สาดส่องเข้ามาเพียงไม่นาน ม่านที่แง้มเปิดอยู่นั้นก็พลันถูกปิดลง ชายหนุ่มเจ้าของห้องทอดสายตามองคนที่นอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยรอยยิ้ม เขาตัดสินใจที่จะไม่ปลุกแขกผู้อาศัยให้ตื่นขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้ ปล่อยให้ได้นอนพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มต่อไป วันหยุดทั้งที จะให้เขาใจร้ายฉุดคนที่ไม่ค่อยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ให้ฝืนตื่นขึ้นมาได้ยังไงกัน ต่ายยืนมองคนที่ขยับตัวมาคว้าหมอนข้างไปกอดเอาไว้อยู่อีกพักนึง ก่อนจะย่างเท้าเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ หลังจากเก็บภาพด้านหลังของคนที่ยังหลับปุ๋ยเอาในเมมโมรี่มือถือเรียบร้อยแล้ว เขาเดินไปแช่อาหารเม็ดให้นิ่มสำหรับเจ้าตัวเล็ก และคว้าตัวคุณมณีใส่กรงให้กินอาหารและหญ้าของตัวเอง จะให้กินรวมกันไม่ได้ เพราะตะวันยังเล็กเกินไป ไม่รู้เรื่องอะไร เดี๋ยวจะไปหม่ำเอาข้าวของคุณมณีเอาได้ หลังจากจัดการเหล่าสัตว์เลี้ยงเสร็จ ต่ายก็หันมาจัดการส่วนของเจ้าของบ้าง “เอ...”รณกฤตเปิดดูตู้เย็นที่พอจะมีของสดเหลืออยู่บ้าง อาหารมื้อเช้าที่มีแววจะควบเที่ยงไปด้วย มันก็ควรจะหนักท้องสักหน่อย และไม่รสจัดจนเกินไป สุดท้ายเขาก็เลยเลือกทำเมนูง่าย ๆ อย่างข้าวผัดรวมมิตร ที่เอาของสดในตู้ทั้งหมดมาผัดรวมกันในกระทะ มอง ๆ ดูแล้วมันเหมือนผัดขี้เมามากกว่าข้าวผัดยังไงก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เจ้าชายเศรษฐศาสตร์เกาหัวแกรก ๆ หลังจากตักข้าวผัดขึ้นและจัดจานจนเสร็จ “เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็รสชาติใช่ได้อยู่”ถึงหน้าตามันจะดูมั่ว ๆ ไปสักหน่อยก็เถอะนะ อาหารน่ะ แค่กินได้ก็พอแล้ว! “พี่ต่าย...”เขมที่ตื่นมาแล้วนั่งเอ๋ออยู่พักนึง ถึงคิดได้ว่าเขาไม่ได้นอนอยู่ห้องตัวเอง และเจ้าของห้องก็ไม่อยู่ เลยเดินออกตามหาที่ที่ตาคู่นั้นยังเปิดไม่เต็มดวง “ผมตื่นสาย...” “วันหยุด จะตื่นสายสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไรนี่”รอยยิ้มหยอกล้อถูกแย้มส่งให้ ในขณะที่มือหยิบเอาน้ำส้มคั้นในตู้เย็นมาเทใส่แก้ว “กินข้าวสักหน่อยแล้วไปนอนต่ออีกสักพักก็ได้ พี่ทำไว้ให้แล้ว” “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับไปนอนที่ห้องก็ได้”สิ้นคำว่าได้ เจ้าตัวคนที่จะกลับห้องก็หาวออกมาคำโต “อา... ผัดขี้เมาน่ากินจังเลยครับ” “พี่ทำข้าวผัดน่ะ” “...” ความเงียบเข้าครอบคลุมระหว่างคนทั้งสอง พวกเขาสบตากันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงหัวเราะของทั้งคู่จะดังประสานกันออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “พี่ต่าย... มีพรสวรรค์นะครับ”เขมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีจริง ๆ นอกจากคำ ๆ นี้ “แต่ก็ดูน่าอร่อยอยู่นะครับเนี่ย” “อร่อย ไม่อร่อย ก็ต้องลองชิมดูนะครับ”ต่ายยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนที่ยืนยิ้มตาหยีแล้วเป่าลมใส่จมูกรั้นไปทีนึง “แต่ก่อนหน้านั้น ไปล้างตาแปรงฟันก่อนเลย พี่เตรียมของไว้ให้แล้วครับ” “... ครับ”เขมรับคำอย่างว่าง่าย เขากระพริบตาปริบ ๆ มองคนที่พิงซิงค์ล้างจานที่กำลังอมยิ้มส่งมาให้อยู่พักนึง ก่อนจะลากขาไปล้างหน้าแปรงฟันตามคำสั่งของเจ้าของห้อง แปรงสีฟันที่มียาสีฟันบีบเตรียมเอาไว้แล้ววางอยู่ข้างอ่างล้างหน้า พร้อมด้วยแก้วเปล่าหนึ่งใบสำหรับใส่น้ำไว้บ้วนปาก ไม่เพียงแต่นั้น ยังมีน้ำยาบ้วนปากวางเตรียมไว้ให้ รวมไปถึงที่โกนหนวดที่เขมทิวาไม่ค่อยจะได้ใช้สักเท่าไหร่ก็มีเตรียมไว้เช่นเดียวกัน “เอาใจใส่จังเลยน้า~”คุณหนูอักษรมองของทุกอย่างที่ถูกวางเตรียมเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม และแก้มที่แดงระเรื่อ ทำแบบนี้ มันเหมือนเป็นแฟนกันเลย เนี่ยพอดู ๆ แล้วนี่ขาดแค่ตอนนี้น่าจะมอร์นิ่งคิสอย่างเดียวแล้วล่ะมั้ง เขาควรจะโกรธคนในใจสักหน่อยไหมนะ ที่ทำให้เขาอดที่จะคิดเพ้อฝันเกินเลยไม่ได้ เขมมองหน้าแดง ๆ ของตัวเองในกระจกแล้วส่ายหน้า ถ้าพี่ต่ายเห็นหน้าเขาแดงแบบนี้ จะไม่เอะใจมันก็เกินไปแล้วล่ะ ด้วยความที่เป็นแขกในห้องคนอื่นเขา เขมทิวาเลยไม่กล้าที่จะทำตัวเป็นสล็อตค่อย ๆ คลานเหมือนตอนอยู่ในห้องตัวเองเวลาว่างคงไม่ดี “ทำไข่คนเพิ่มด้วยเหรอครับ”จานข้าวที่ตอนแรกมีเพียงข้าวผัดแต่งด้วยแตงกวา ตอนนี้มีไข่คนสีเหลืองสวยเพิ่มขึ้นมา “พี่ต่ายคงชอบทำอาหารสินะครับ” เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนตรงหน้าสามารถทำอาหารได้ด้วย ก็เจ้าตัวเล่นไม่เคยลงรูปห้องครัวในโซเชียลเลยนี่น่า “ได้แค่นิดหน่อยน่ะ”คำพูดที่เหมือนจะถ่อมตัว แต่มันคือความจริง ถ้าไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรกินเองขึ้นมา ต่ายเองก็ไม่เคยลุกขึ้นมาทำครัวเหมือนกัน “ปกติพี่ก็ออกไปกินที่ร้านข้าวตามสั่งแถวนี้เอา ไม่ค่อยได้ทำหรอก” “ผมทำให้พี่ลำบากหรือเปล่าครับ”ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระคนอื่นเขาเริ่มชัดในความรู้สึกมากขึ้น มาค้างห้องเขา นอนตื่นสาย ให้เขาทำข้าวให้กินอีก นี่มันโคตรตัวภาระเลยนี่น่า... “ไม่หรอก น้องเขมทำให้พี่ขยันขึ้นต่างหาก”นิ้วเรียวชี้ให้คนที่ไม่ยอมนั่งลงสักทีนั่งลงได้แล้ว “ถ้าเกรงใจพี่ ก็กินให้หมดนะครับ” “ครับผม”เขมทิวายืนตรงตะเบ๊ะมือให้คนที่นั่งยิ้มขำ ๆ ก่อนจะนั่งลงกินมื้อเช้าควบเที่ยงกับคนในใจ ข้าวผัดที่ได้รสออกไปทางผัดขี้เมาทำให้คนที่ค่อนข้างจะชอบของรสจัดอย่างคุณหนูอักษรเจริญอาหารได้ไม่ยาก อีกทั้งยังเป็นฝีมือของคนที่ตนแอบมอง ยิ่งทำให้เจ้าตัวกินเข้าไปอย่างมีความสุขขึ้นไปอีกหลายเท่า หลังจากกินข้าวกันจรหมด เขมก็อาสาที่จะเป็นคนล้างชามเอง แน่นอนว่าต่ายก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้รุ่นน้องจัดการไปตามที่เจ้าตัวอยากจะทำ ส่วนตัวเขาก็ไปเปิดทีวีดูข่าวกับคุณมณีแทน เขมที่ล้างจานเสร็จตามมาทีหลักก็ไม่น้อยหน้า ลงไปนั่งกับพื้นเล่นกับน้องตะวันของเขาด้วยรอยยิ้มสดใส เจ้าปอมน้อยตัวขาวก็ขี้อ้อนเหลือใจ เข้ามาซุกมาไซร้เจ้าของอย่างรู้งาน ต่างจากเพชรมณีที่ดูจะชื่อชอบให้เจ้านายเป็นทาส คอยเอาอกเอาใจด้วยการลูบหัวลูบตัวลูบหาง ตบท้ายด้วยของกินเล่นอย่างผลไม้แห้งสักชิ้นมากกว่าการขยับตัวไปเล่นด้วย “เจ้ากระต่ายอ้วน ไม่คิดจะเดินเล่นบ้างเหรอ”ต่ายจิ้มพุงนิ่ม ๆ ของสัตว์เลี้ยงประจำห้องที่นับวันจะยิ่งขี้เกียจขึ้นเรื่อย ๆ “พุงนำขนแล้วนะเราน่ะ” เด็กหนุ่มที่ได้ยินรุ่นพี่ของตนคุยกับกระต่ายนั้นก็อดที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่ได้ ก็คุณมณีเล่นหันก้นใส่เจ้าของหลังจากพูดจบเลยนี่น่า “น้องตะวันหิวยังคับ”เขมหันมาถามเจ้าตัวเล็กที่ปีนตักเขาเล่นอยู่ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข “พี่ให้กินไปหน่อยแล้ว ถ้าจะให้อีกก็อย่าเยอะล่ะ”รณกฤตปล่อยให้เจ้าอ้วนจอมขี้เกียจนอนแอ้งแม้งอยู่ในเบาะบนโซฟาลุกขึ้นมาลูบหัวปอมน้อยเบา ๆ “เด็กดี แข็งแรง ๆ นะครับ” แต่... ใช่หัวปอมจริงเหรอ “พี่ต่าย นี่หัวผม”เขมทำปากยู่ใส่คนที่มาแกล้งเขา แสดงออกถึงความไม่พอใจ ที่ดูจะ... น่ารักเกินไปหน่อย แชะ ต่ายเลยต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้สักนิด เล่นเอาคนโดนถ่ายทำหน้าเหวอสนิท “พี่ต่าย!!”มือขาวยื่นออกไปหมายจะเอามือถือเครื่องแพงนั้นมาลบรูปตัวเองออก แต่ก็คว้าเอามาไม่ได้ “ลบเลยนะครับ” “ไม่”คำตอบสั้น ๆ มาพร้อมการลอยหน้าลอยตาของคนที่ทำเนียน เอามือถือเก็บลงกระเป๋ากางเกงไปเรียบร้อย “ไม่น่าเกลียดหรอกน่า ไม่ต้องห่วงไปนะครับ คุณหนู” “พี่เป็นเจ้าชายก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำได้ทุกอย่างนะครับ”เขมแยกเขี้ยวใส่คนขี้แกล้ง ทำไมเขาถึงไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าคนตรงหน้าเขาขี้แกล้งขนาดนี้น่ะ “ถ้าพี่เป็นเจ้าชาย พี่ก็สั่งสามัญชนอย่างคุณหนูได้สินะครับ”ดวงตาของคนที่ได้ฉายาว่าเป็นเจ้าชายพราวระยับด้วยความถูกใจที่ได้รังแกคนที่อายุน้อยกว่า “ไหน ทำปากจู๋สิ” คุณหนูผู้เป็นสามัญชนหรี่ตามองคนที่ยังไม่เลิกแกล้งเขา ริมฝีปากสีอ่อนยกขึ้นเป็นสามเหลี่ยม ก่อนจะยู่เข้าหากันช้า ๆ ก็ไปเล่นกับเขา... ต่ายโฉบหน้าลงมาจุ๊บปากที่ยื่นขึ้นมาเบา ๆ ทีนึงเล่นเอาคนโดนแต๊ะอั๋งสะดุ้งเฮือก หน้าแดงก่ำ “พี่ต่าย!!!”เขมยกเอามือปิดปากพร้อมกับผลักคนที่ชักจะแกล้งเขาหนักเกินไปแล้วให้ห่างออกไป “ไม่เล่นแบบนี้นะครับ” “โกรธเหรอครับ”ต่ายส่งยิ้มบางเบาให้คนที่ทำเสียงเข้ม ดวงตาสีน้ำตาลที่จ้องมาฉายแววที่หลากหลายปนเป “ว่ายังไงครับ เด็กดี” “พี่น้องกันไม่ทำแบบนี้หรอกนะครับ”เด็กหนุ่มหลุบตาลงมองน้องหมาน้อยของตน “นั่นสินะ พี่น้องเขาไม่ทำแบบนี้หรอก”รอยยิ้มยั่วเย้ายังคงฉาบทับใบหน้าหล่อเหลาของใครอีกคน เสียงสนทนาในห้องก็พลันเงียบลง มีเพียงเลียงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ที่ดังเคล้าเสียงพัดลมที่เปิดไว้ บรรยากาศที่เงียบงันนั้นชวนให้คนที่ทำงานหนักในทุก ๆ วันรู้สึกง่วงงุนจนผล่อยหลับไป รณกฤตมองคนที่นั่งพิงโซฟาหลับไปทั้งที่บนตักมีเจ้าตัวน้อยซุกตัวอยู่ หลับทั้งเจ้านายทั้งสัตว์เลี้ยง ต่ายลุกไปหยิบเอาผ้าห่มผื่นบางมาคลุมตัวคนที่หลับปุ๋ยไปแล้ว ส่วนน้องตะวันนั้นก็ลุกขึ้นเดินเตาะแตะไปซุกพุงของคุณมณีเป็นที่เรียบร้อย “ต่อหน้าพี่อ่อนแอให้มาก ๆ หน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนะ เด็กดื้อ”มือเย็นเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากของคนที่อยู่ในห้วงนิทราแผ่วเบา “ให้พี่ได้ดูแลน้องต่อไปนะครับ” เพราะความติดพุงกระต่ายของเจ้าหมาเด็ก ทำให้คนเป็นเจ้าของต้องกลุ้มใจ พอแยกพากลับไปนอนที่ห้องตะวันก็ร้องซะจนน่าสงสาร จำต้องพากลับมาหากระต่ายพี่เลี้ยงอยู่คุณเพชรมณี พอเจ้าตัวดีได้ไปซุกพุงนุ่ม ๆ เท่านั้นแหละ หลับปุ๋ย “ติดคุณมณีน่าดูเลยนะเนี่ย”ต่ายมองเจ้าลูกหมาที่น่าจะคิดว่ากระต่ายตัวผู้ของเขาเป็นแม่มันไปแล้ว “แล้วคนนี้ล่ะ เอาเสื้อผ้ามานอนติดพี่ไหมครับ” “ผมจะนอนโซฟา”เขมแยกเขี้ยวใส่คนช่างยั่วที่นับวันยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ เยอะกว่านี้เขาจะคิดจริงจังแล้วนะ! “ไปอาบน้ำเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นไปเข้าเรียนคลาสเช้านี่”มืออุ่นดันหลังรุ่นน้องให้ไปจัดการตัวเอง “เดี๋ยวพี่นอนรอที่เตียงนะครับ น้องเขม” “ผมจะนอนโซฟา!”เขมทิวาย้ำอีกรอบก่อนจะเดินลิ่ว ๆ เข้าห้องน้ำไป แล้วออกมาหยิบเสื้อผ้า... รณกฤตหัวเราะให้กับความปึงปังบูดบึ้งของอีกฝ่ายที่น่ารักในสายตาเขา แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาชอบแกล้งได้ยังไงกัน ชายหนุ่มเหล่มองโซฟาตัวกว้างที่ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น ก่อนจะหันไปยกเอาของมาวางกอง ๆ เอาไว้ให้ดูรก ๆ “เรียบร้อย”เขายืนชื่นชมผลงานของตัวเองอยู่อึดใจนึง ก่อนจะเดินผิวปากไปนอนอย่างอารมณ์ดี ก็... ไม่อยากบังคับใคร แต่อยากให้นอนด้วยกันนี่ ต่ายเว้นที่ข้างนึงเอาไว้รอคนที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จมานอน หรี่ไฟที่สว่างจ้าลงให้สลัว ๆ พอมองเห็นทางและนอนได้ ก่อนจะมุดลงผ้าห่มรอเหยื่อมาติดกับ เสียงปิดประตูห้องน้ำที่แว่วเข้ามาในหูชวนให้คนเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่มนับถอยหลังในใจรอใครบางคนเดินเข้ามาในห้อง 3 2 1... ผ้าห่มที่ต่ายใช้มุดตัวถูกดึงออกไปพร้อมกับหมอนข้างและหมอนหนุนอีกใบ ของทั้งหมดถูกหอบออกไปข้างนอกทิ้งให้เจ้าของห้องนอนหนาวอยู่หลังประตูที่ถูกปิดดังปัง “...”ต่ายลุกขึ้นมานั่งมองประตูห้องที่ถูกปิดสนิทด้วยสายตาว่างเปล่า “เล่นกันแบบนี้เลยนะ เด็กดื้อ” คนเป็นพี่อย่างเขาจะยอมให้น้องแกล้งสำเร็จได้ยังไง ต่ายทิ้งเวลาสักพักให้เจ้าลูกหมาวางใจก่อนจะคว้าหมอน ปิดแอร์ เดินไปหยิบผ้าห่มอีกผืนแล้วเดินออกนอกห้องไปบ้าง แน่นอนว่าคราวนี้รณกฤตไม่ปล่อยให้เหยื่อที่หมายตาหลุดลอดออกไปแน่ ทันทีที่ร่างโปร่งที่นอนอยู่บนพื้นรู้ตัว เขาก็โถมเข้าไปกอดคน ๆ นั้นไว้ไม่ให้ขยับไปไหน “ชวนนอนเตียงดี ๆ ไม่ชอบ ชอบนอนพื้นนะครับ”เสียงกระซิบที่ข้างหูพาไรขนอ่อนลุกชัน “งั้นเราก็นอนด้วยกันบนพื้นที่แหละ” “พี่ต่ายก็ไปนอนเตียงดี ๆ สิครับ”เขมที่รู้อยู่แล้วว่าดิ้นไปก็มามีประโยชน์เอี้ยวคอมาพูดกับคนที่มาทำรุ่มร่ามกับเขา “ผมจะนอนกับน้องตะวัน” “พี่ก็จะนอนกับน้องเขมไงครับ”ผ้าห่มครึ่งผืนที่คลุมตัวของเขมทิวาอยู่ถูกดึงออกมาให้ร่างสูงได้ลงนอน ก่อนที่กายของทั่งคู่จะถูกผ้าผืนนุ่มอีกผืนคลุมทับไว้ “ราตรีสวัสดิ์ครับ น้องเขม” “...” แล้วสุดท้ายเขาก็ไม่สามารถเอาชนะความเอาแต่ใจของเจ้าของห้องได้ นี่เป็นอีกวันที่คุณหนูอักษรติดรถเจ้าชายเศรษฐศาสตร์มาลงที่หน้าคณะ สายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่าเพื่อนผู้ใส่ใจมองมายังร่างโปร่งเป็นตาเดียว อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรมาก... คนหน้าตาดีมีไว้ให้มอง เพราะอย่างนั้นก็ขอมองสักหน่อย ว่าแต่... พวกเขาเป็นอะไรกันน่ะ มาด้วยกันด้วย คนละคณะไม่ใช่เหรอ หรือเป็นทางผ่าน เสียงซุบซิบของเหล่าผู้ที่ให้ความสนใจในความหน้าตาดีของมนุษย์ดังแว่วมาให้ได้ยิน แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่เพิ่งถูกแกล้งมาหันเหไปสนใจได้ นับวันยิ่งแกล้งหนักข้อขึ้น ไม่คิดถึงใจที่ทำงานหนักทุกวันกันบ้างเลย “เฮ้อ”หรือเขาควรจะรวบรวมปูนมาโบกหน้าเข้าไปถามให้รู้กันไปเลยว่าที่แกล้งเขาแบบนี้เพราะอะไร หยุด ๆ เขมทิวา อย่าฟุ้งซ่าน เขาสั่นหน้าแรง ๆ เรียกสติตัวเองที่ชักจะลอยไปกลับมา แต่เมื่อหันไปมองรอบ ๆ แล้ว... ชักอยากจะเหม่อใหม่แล้วสิ “นี่ คุณหนู มากับเจ้าชายอีกวันแล้วน้าาา”คนสวยเจ้าประจำอย่างแอนเดรียเข้ามากระแซะถามไถ่เพื่อนร่วมคณะด้วยความอยากรู้ “สรุปคบกันยังจ๊ะ” “เปล่านี่”เขมยังคงตอบเพื่อนด้วยเสียงนุ่มนวล “ไม่ได้เป็นอะไรกันนะ” “ชิ เล่นตัวล่ะสิ”ดวงตาภายใต้คอนแทคเลนส์สีซีดกรอกไปมา ก่อนจะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “ก็ดี เป็นสาวเป็นนางจะง่าย ๆ ได้ยังไง” ริมฝีปากบางอ้าหมายจะปฏิเสธ แต่เสียงโทรศัพท์ดันดังขึ้นซะก่อนพร้อมแรงสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว “เดี๋ยวเจอกันในคลาสละ”คุณหนูอักษรไม่ลืมที่จะหันไปบอกคู่สนทนาก่อนจะปลีกตัวไปรับสายคนที่กำลังรอสายอยู่ด้วยรอยยิ้มบางเบา “ครับ คุณย่า” “เขมลูก เย็นนี้หนูว่างไหม”น้ำเสียงที่ลอดออกมาแฝงความกังวลจาง ๆ ให้คนฟังพอสัมผัสได้ “ผมมีทำงานพิเศษ... แต่ก็พอจะขอลาได้อยู่ครับ”เขมตอบกลับไปนิ่ง ๆ แต่ในใจเริ่มรู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก “คุณย่ามีอะไรหรือเปล่าครับ” “เอาไว้มาคุยกันตอนเย็นนะลูก”แล้วสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป ทิ้งให้คนฟังเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพัง เกิดอะไรขึ้นกันนะ... @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ มาแล้วค้าาาา เอาโน้ตบุ๊คไปวางทิ้งบริษัทนาน ไม่ได้อัพเลยยย ฮืออออ
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2: :katai2-1: o13
พี่ต่ายรีบขอน้องเป็นแฟนเร็ว รออะไรอยู่ :pig4:
มาต่ออีกกกกกกกกกกก :mew2: :mew2:
บทที่ 10 คนเป็นแม่ หลังเลิกเรียน เขมทิวานั้นมุ่งหน้าไปขอลางานกับเจ้านายของตนที่ร้านทันที ซึ่งเจ้สวยนั้นก็ให้ลูกจ้างคนขยันของเธอลาอย่างไม่อิดออด ทั้งยังถามกลับว่าวันต่อไปจะหยุดด้วยไหม ไม่หยุดก็ต้องหยุดเพราะเจ้สวยจะไปดูหนังรอบปฐมทัศน์กับลูกนะของเธอ และแน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะบอกกับคนที่ช่วงนี้ตัวติดกันไม่น้อยอย่างคนในใจของเขา แน่นอนว่าต่ายก็อาสามาเป็นเพื่อนด้วย ดวงตาสีน้ำตาลสวยมองไปยังใบหน้าที่ละม้ายคล้ายตนด้วยความสับสน เขาจับจ้องหญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่าภายในใจ ผู้หญิงคนนี้... คือแม่ของเขา มันคงพูดยากถ้าจะบอกว่าเขาไม่รู้สึกอะไร ในขณะเดียวกันก็พูดยากยิ่งกว่า ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไง มันทั้งจุกแน่นและดีใจ ดีใจที่ได้พบกับคนที่เขาเฝ้ามองหามาอยู่ตลอด แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึกหวาดกลัวมันก็แทรกซึมเข้ามาในจิตใจ แม่... ที่หายหน้าไปกว่าสิบปีกลับมาอยู่ในบ้านที่เขาเติบโตมา มันจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกันนะ “เขม นั่งลงสิ”คุณย่าที่สูงวัยของเขาเอยขึ้นท่ามกลางความอึดอัด “ไม่ต้องบอก เขมก็คงจำราตรีได้สินะ” “ครับ”เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ถึงจะไม่ได้พบหน้ามาเนิ่นนาน แต่เขาก็ยังไม่ลืมคนที่ให้กำเนิดเขามาคนนี้ ไม่มีทางลืม... ตัวเขากับแม่หน้าตาเหมือนกันพิมพ์เดียวกันขนาดนี้... ถึงอยากลืมแค่ไหนก็ไม่มีทางได้ลืมลง “เขม... โตขึ้นมากนะลูก”น้ำเสียงหวาน ๆ ที่ยังคงอ่อนโยนเหมือนในความทรงจำชวนให้น้ำตาของเด็กที่เติบโตมาด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวน้ำตารื่น “แม่คิดถึงลูกมากนะ” น้ำเสียงที่แสนคะนึงหาพาลให้น้ำตารื่นไหล มือหยาบที่บอกถึงการทำงานหนักของหญิงตรงหน้ายื่นมาจับแก้มเขาเอาไว้ ส่งผ่านความอบอุ่นอันแสนอ่อนโยนที่เขาเรียกร้องอยู่ภายในใจมาให้ สัมผัสของแม่... ความอบอุ่นที่เขาไม่คิดว่าจะได้รับมันอีกครั้ง “แม่...”เสียงของเขมทิวาสั่นเครือ ในสถานการณ์แบบนี้ตัวเขาควรจะทำยังไง โผเข้าไปกอดแม่เอาไว้ หรือตีตัวออกห่างดี... “กลับมาแล้วเหรอครับ” “เปล่าลูก”ราตรีเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นไหวไม่แพ้บุตรชาย เธอลูบไว้แก้มนุ่มของเด็กหนุ่มด้วยความรัก “แม่กลับมาที่นี่ไม่ได้แล้ว มันไม่ใช่ที่ของแม่” “แล้วทำไม...”ถึงเข้ามานั่งตรงนี้ มาให้เขาดีใจทำไม คำถามนั้นดังก้องในหัว จุกอยู่ในคอ แต่มันก็พูดไม่ออก... “แม่จะมารับเขมไปอยู่กับแม่”คำกล่าวที่ผ่าลงมากลางใจของเด็กหนุ่ม เขามองคนที่ให้กำเนิดเขามาอย่างไม่เชื่อสายตา “ไปอยู่กับแม่นะลูก” แม่มารับเขาไปอยู่ด้วยกัน แม่มารับเขา... “ทำไมล่ะครับ...”คำที่เขมทิวาเอ่ยออกมาได้ตอนนี้เป็นคำเดียวกับที่หมุนวนอยู่ในหัวของเขา ทำไม... ทำไม และทำไม มันไม่ใช่เวลาแค่ปี สองปี สามปี แค่มันเป็นนับสิบปีที่แม่ทิ้งเขาไป แต่วันนี้กลับบอกว่าจะมารับเขาไปอยู่ด้วย ทำไมล่ะ ทำไม่ถึงมา... ทำไมถึงเพิ่งมาหาเขาเอาวันนี้ ทำไมกัน “ไม่ร้องไห้นะลูก”ปลายนิ้วสากปาดน้ำตาที่เอ่อล้นของลูกชายออก “ถึงที่ผ่านมา แม่ไม่ได้อยู่กับเขม แต่แม่ก็ไม่ได้ทิ้งเขมนะลูก” “ที่ผ่านมา...“เขาต้องลำบากแค่ไหนกว่าจะก้าวผ่านแต่ละวันที่เหมือนกับว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวมาได้ แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าทิ้งอย่างนั้นเหรอ... “ฟังแม่นะเขม”มือที่อบอุ่นนั้นเลื่อนมาจับกุมมือของลูกชายที่เย็นเฉียบ เธอส่งยิ้มให้กับคนเป็นลูกอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเล่าในสิ่งที่เธอได้ทำลงไปออกมา “ลูกคงคิดว่าแม่ทิ้งลูกไป ไม่รักลูกคนนี้แล้ว...” ถ้อยคำที่กระแทกใจคนฟังนั้นทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังฝืนตัวเองน้ำตาคลอขึ้นมาอีกครั้ง “มันไม่ใช่เลยลูก แต่แม่ต้องไป ไปเพื่อลูกของแม่”คำอธิบายเรื่องราวที่ผ่านมาพรั่งพรูออกมาจากหญิงวัยทำงาน “เขมคงรู้อยู่แล้วว่าแม่มีเขมในวันที่ไม่พร้อม ครอบครัวแม่ไม่มีใครพร้อมที่จะเลี้ยงดูลูกในตอนนั้น ตอนแรกแม่คิดว่าเราคงสามารถเลี้ยงดูลูกได้... แต่มันไม่ใช่ แม่ที่ยังเรียนไม่จบกับพ่อที่เพิ่งจบ เราหาเงินได้ไม่พอ และที่สำคัญเราไม่ได้รักกัน พ่อของลูกรักคุณบิวมาแต่แรกแล้ว พ่อของลูกกับแม่เราทะเลาะกันบ่อยมาก เคยแม้แต่เถียงกันต่อหน้าเขมแต่ลูกคงจำไม่ได้แล้ว และสุดท้ายเราก็ต้องแยกทางกันไป แม่ออกมาทำงานหาเงินส่งให้ลูกใช้โดยผ่านคุณย่าของลูก” ความจริงที่ได้รับรู้ทำให้คนที่ได้ฟังนิ่งค้างไป ดวงตาสีน้ำตาลที่ได้รับจากมารดาตวัดไปมองคนที่คอยเลี้ยงดูเขาอยู่ห่าง ๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “ราตรีไม่ได้โกหก...”หญิงชราเอ่ยออกมาเสียงเบา เธอเบือนหน้าหลบสายตาของหลานชายที่กำลังมองเธอด้วยแววตาสั่นไหว มันทำให้เธอรู้สึกผิดกับบางอย่างในใจ “ตอนแรก ๆ แม่ยังไม่มีงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แม่ส่งเงินมาให้ลูกใช้ได้เดือนนึงไม่กี่พัน จนแม่ตั้งตัวได้ แม่ก็ส่งเงินมาให้ลูกใช้หมื่นนึงตลอด...”ราตรีเหลือบมองคนที่เธอนับถือในบ้านหลังนี้ด้วยแววตาที่หม่นลง “แต่แม่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม... ลูกถึงยังต้องลำบากทำงานพิเศษพวกนั้นอีก” “แม่รู้ได้ยังไงครับ”เขมถามกลับไปทันที เรื่องการทำงานพิเศษของเขาไม่ได้ปิดบังคนในครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงแค่เบ็ตตี้กับคุณย่าที่รู้ “คุณย่าบอกเหรอครับ...” “ไม่ใช่หรอก...”เสียงที่นุ่มนวลนั้นแข็งกระด้างขึ้น “แม่ไม่ได้อยู่กับลูก ไม่ได้หมายความว่าแม่จะไม่คอยดูแลลูกนะ เขม” ผู้สูงวัยที่สุดในที่นี้หลุบสายตาลงไม่กล้าสบตากับใครอีก ความละอายแก่ใจในสิ่งที่เธอได้กระทำลงไปตลอดหลายปีที่ผ่านมากดทับหัวใจของเธอจนหนักอึ้ง “”เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ...”ราตรีถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอจะให้อดีตแม่สามีของเธอมาขอโทษลูกชายได้ยังไง... ถึงเธอต้องการ แต่ลูกชายของเธอไม่มีทางยินยอมแน่ “แต่ต่อจากนี้ไป แม่จะดูแลลูกเอง” นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นเต็มไปด้วยความสับสน สิ่งที่เขาเคยคิด กับสิ่งที่ได้รับรู้มันไปคนละทางกัน แม่ยังรักเขา ต้องการให้เขาไปอยู่ด้วย... เขมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับครอบครัวใหม่ของพ่อ ถึงแม้จะไม่ได้สนิทอะไรกับแม่เลี้ยง แต่เขาก็รักน้องสาวต่างแม่ของเขามาก กับพ่อก็ไม่ได้ชิดเชื้อกันมากนัก ส่วนคุณย่า... เขมทิวาทั้งรักและเคารพทั้งผูกพัน และอยากดูแล อยากตอบแทนที่ท่านคอยเลี้ยงดูเขามา แต่เสี้ยวนึงในหัวใจของเขา เขาก็อยากไปอยู่กับแม่ และเสี้ยวนั้นมันก็ขยายขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่างห้ามไม่ได้ “ผม...”ยังให้คำตอบไม่ได้... “ให้น้องกลับไปตัดสินใจก่อนเถอะครับ คุณน้า”รณกฤตเดินที่รอเขมอยู่เดินเข้ามาจับบ่าคนที่เขาคอยดูแลอยู่ “ผมคิดว่าน้องต้องการเวลา” “จ๊ะ... แม่รอลูกได้เสมอนะ เขม”มือที่ลูบผมของเขมนั้นยังคงอ่อนโยนเหมือนในวันวาน ยิ่งทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหว “เขม... ไม่ต้องห่วงย่า เลือกในสิ่งที่เขมต้องการนะลูก”หญิงชรามองหลานชายที่เธอรักด้วยความเอ็นดูไม่เสื่อม แต่ในดวงตาที่ทอดมองมานั้นยังแฝงความรู้สึกผิดไว้ไม่สร่าง “เขมก็รู้ย่ามีทุกคนอยู่ข้าง ๆ เสมอ รวมถึงหลานชายคนนี้ของย่าด้วย” “ครับ คุณย่า”เขมทิวาลุกขึ้นไปกอดคนที่เขาเคารพรักไว้แน่น ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหน เขาก็จะยังรักคน ๆ นี้ไม่มีวันเปลี่ยน ต่ายพาเขมกลับไปนอนที่คอนโดของตน ชายหนุ่มทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันตลอดทาง กระทั่งเข้านอน พวกเขาก็ไม่ได้พูดกัน ถึงแม้ว่าตัวของต่ายเองนั้นจะอยู่ข้างราตรีผู้เป็นแม่ของเขม แต่เขาก็ไม่ได้ เขาอยากให้น้องตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ว่าการตัดสินใจนั้นจะเป็นยังไง เขาก็จะอยู่ข้าง ๆ น้องเสมอ ร่างโปร่งก้าวลงจากรถสีดำคันประจำที่มาส่งเขาบ่อยขึ้นจนชินตาของเพื่อนร่วมคณะ จากตอนแรกที่มีเสียงถามไถ่อย่างใส่ใจจนตอนนี้เสียงเหล่านั้นเงียบไป แต่การที่เจ้าชายเศรษฐศาสตร์ขยันมาส่งคุณหนูอักษรในแทบทุกเช้านั้น ทำให้สมาคนนิยมคนหล่อเป็นอาหารตาพากันมานั่นเม้าส์มันส์บันเทิงกันแต่เช้า อาจารย์ที่มาสอนก็ดูจะพอใจที่นักศึกษามานั่งเรียนในช่วงเช้ากันเยอะขึ้นจนแทบอยากจะเอาโล่รางวัลมาให้ทั้งสองคน อืม... แต่วันนี้มันก็ดูจะไม่ต่างจากทุกวันเท่าไหร่ ไม่สิ ดูจะแตกต่างอยู่นิดหน่อยเหมือนกันล่ะมั้ง ก็สีหน้าของเขมทิวาดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลยนี่... ถึงปากจะแย้มยิ้ม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับทอประกายหม่นเสียจนทำให้รอยยิ้มที่แย้มออกมาดูเศร้าจนน่าเป็นห่วง ทัศน์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงที่ประจำเหลือบมองเพื่อนที่ช่วงนี้หายหน้าหายตาหลังเลิกเรียนบ่อย ๆ แล้วมองเลยไปยังคนที่เปิดกระจกรถมองตามหลังเพื่อนเขามา “นิส โทรตามแซนกับเจมส์มารวมตัวกันเย็นนี้ด้วย”เสียงทุ้มต่ำส่งมาสั่งคนที่มองเพื่อนซี้ตาค้าง เขาปิดหนังสือในมือลงยัดใส่กระเป๋าไป “ไม่สิ เราเลิกเรียนเที่ยง นัดบ่ายที่ห้องฉันเลย” เทนนิสมองหน้าทัศน์อย่างงง ๆ แต่ก็หันไปโทรหาเพื่อนซี้อีกสองคนโดยดี แต่ยังไม่ทันจะโทรเสร็จก็โดนเพื่อนเด็กเรียนลากเข้าห้องตามคุณหนูไปซะก่อน เดินไปโทรไปก็ได้วะ เขมเดินเข้าไปนั่งในห้องเรียนโดยไม่แวะไปหาเพื่อนก่อนเหมือนอย่างเคย เขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะเลคเชอร์ตัวเล็ก ตอนนี้ตัวเขาไม่อยากพูดคุยอะไรกับใครทั้งนั้น แต่เขาก็ไม่ลืมเก็บใบโคลเวอร์ไว้ซื้อของให้กบเดินทางนะ... ที่ในเวลานี้เขายังไม่อยากคุยกับใครเพราะเขากำลังรู้สึกสับสน บางอย่างที่คิด ที่จดจำจนฝังหัวกลับไม่เป็นอย่างที่เคยรู้มาก่อน มันทำให้สมองที่ค่อนข้างจะฉลาดของเขมทืวาตื้อจนคิดอะไรไม่ออก ไปอยู่กับแม่... แม้ว่าตอนนี้มันเริ่มจะชินชาที่จะไม่มีมือคู่นั้นคอยประคองแล้ว แต่มันคือสิ่งที่เขาปรารถนามาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน ดูแลคุณย่า... ยังไงเขาก็ควรที่จะอยู่ตอบแทนพระคุณคนที่คอยเลี้ยงดูเขามาใช่ไหม เลือกทางไหนดี... ท่าทีเซื่องซึมสลับครุ่นคิดของคุณหนูอักษรพาให้เพื่อน ๆ ที่แอบมองอยู่รู้สึกกังวลใจตาม ๆ กันไป อีกทั้งยังทำให้ต่อมเผือกของเหล่าคนอักษรทำงานอัตโนมัติ ปิดเครื่องก็ไม่ลง อยากรู้ อยากรู้ที่สุด!!!! เผือก อยากเผือกมาก ทำไงดี ความอยากรู้อยากเห็นผุดขึ้นมาในจิตใต้สำนึกของเพื่อนร่วมคลาสทุกคน แต่ไม่มีใครกล้าพุ่งเข้าไปถาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่สองเกลอของชายหนุ่มมานั่งส่งสายตาฟาดฟันชาวเผือกมันด้วยแล้ว ฮึ่ย ทำให้คนอยากรู้อย่างแรงแล้วจากไปทันบาป ไม่รู้หรือไงกัน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่อาจารย์ผู้สอนคณะอักษรศาสตร์นั้นรู้สึกปลื้มปลิ่มใจที่เหล่านักศึกษานั้นต่างตั้งใจเรียน ไม่คุยเล่นกันเหมือนปกติ พร้อมรับความรู้กันอย่างเต็มที่ซะจนอยากอัดวีดีโอไว้เป็นที่ระลึก เด็กน้อยของพวกเราโตขึ้นแล้วสินะ ก็... โตขึ้นคงถูกแล้ว ความอยากรู้เรื่องของคนอื่นน่ะนะที่โตขึ้นเสียจนทำให้ไลน์กลุ่มแทบระเบิด แต่! ก็ยังไม่ได้มีข่าวความคืบหน้าอะไรให้ได้รู้กันเลย มีแต่ เหม่อ จด เหม่อ จด จะช่วยเป็น เหม่อ พูด เหม่อ พูด สักหน่อยไม่ได้หรือยังไงกัน!!! ความอัดอั้นในอกของเหล่าผู้ใส่ใจรอเวลาปะทุออกมากันกลับต้องมอดลงด้วยตัวเอง เพราะทันทีที่เลิกคลาส เป้าหมายของพวกเขาก็ถูกเหล่าเพื่อน ๆ ในกลุ่มตัวเองมาหามออกไปอย่างรวดเร็ว เห็นแก่ตัวที่สุด!!!!! เขมทิวาจมอยู่ในความคิดของตัวเองจนไม่รู้ตัวเลยว่าเพื่อน ๆ ของเขาหิ้วตัวเขามาดร็อปไว้กลางห้องพักแล้ว กว่าจะรู้ตัวเขมก็ถูกล้อมไปด้วยพลพรรคทั้งสี่ที่จ้องตาเขม็งกันอยู่รอบตัว รู้สึกเหมือนจะโดนบูชายันต์ยังไงไม่รู้... “มีอะไรเหรอ...”เขมเอ่ยถามเพื่อน ๆ ที่นั่งล้อมเขาสี่ทิศเสียงอ่อย “เล่ามา!”เจ้าแม่แซนโพล่งขึ้นทะลุปล้องแบบไม่มีความคิดจะอ้อมค้อมใด ๆ “เล่า...”อะไร “อย่ามาทำไก๋ เขมทิวา เล่ามาซะดี ๆ ว่าทำไมนายถึงเป็นแบบนี้”แซนทำหน้ามุ่ยเมื่อเพื่อนทำทำตาเบลอ ๆ ใส่ไม่เลิก “เล่ามา นายไปเจออะไรมาถึงทำตัวเหี่ยวเฉาเป็นหมาขาดน้ำแบบนี้” “เราทำพวกนายเป็นห่วงเหรอ...”คนที่เพิ่งรู้ตัวแย้มยิ้มแหย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เมื่อวานเราไปเจอแม่มา แม่จะมารับเราไปอยู่ด้วย” เด็กหนุ่มเรียบเรียงเรื่องที่เกิดขึ้นในหัว ก่อนจะค่อย ๆ เล่าออกมาให้เพื่อนสนิททั้งสี่ของตนฟัง กับเพื่อนที่คบกันมานานจนแทบจะสิงรวมกันเป็นร่างเดียวแล้ว เขมไม่คิดจะปิดบังอะไร พูดให้ถูก... คือปิดไปเดี๋ยวพวกนี้ก็ไปหาทางกินเผือกได้อยู่ดี เรื่องราวที่เหมือนหนังคนละม้วนกับที่เคยได้เห็นทยอยหลุดออกมาจากปากซีด ความลำบากใจที่แฝงมากับน้ำเสียงมันชัดเจนเสียจนทุกคนสัมผัสได้ “แล้วนายจะเอายังไง คิดไว้หรือยัง”ทัศน์เอ่ยถามเมื่อเพื่อนเล่าจบ เขาสบตากับคนที่ยังคงสับสนนิ่ง “นายลองถามใจของนายดูว่านายต้องการอะไร” มันเป็นคำถามที่เขาถามตัวเองมาทั้งคืน ลากยาวมาถึงเช้า แต่ก็ยังไม่สามารถฟันธงเลือกทางใดทางนึงได้ “ตัดตรรกะบ้าบอคอแตกมี่เต็มสมองนายออกให้หมดแล้วเลือกสิ่งที่ต้องการออกมา เก็บความคิดจำพวกคนดีที่โลกรอ หมอXYZ ลงโอ่งไปให้หมดด้วย”แซนดักความคิดของคุณหนูอักษรอีกครั้ง “มีโอกาสให้เลือก ก็เลือกซะ อย่าจิ๊จ๊ะให้มาก” “จะทางไหนยังไงนายก็มีพวกเราอยู่นะ”เจมส์ไม่คิดจะกดดันอะไรเพื่อนเพิ่ม เขาเลือกที่จะแสดงจุดยืนของตัวเองให้เพื่อนวางใจ ให้เขมทิวาไม่รู้สึกโดดเดี่ยว “ว่าแต่... ไอ้นิสมันเงียบไปเลยนะ”สายตาสี่คู่หันไปหาคนพูดมากที่ตอนนี้กลับไม่ส่งเสียงอะไรเลยจนน่าประหลาดใจ การนั่งนิ่ง ๆ พยักหน้าเป็นจังหวะที่ไม่สม่ำเสมอของเทนนิสพาให้เพื่อน ๆ หลุดขำออกมาอย่างสุดจะกลั้น เรื่องดราม่ากับคนอย่างหมอนี่มันก็ไม่ถูกกันจริง ๆ นั่นล่ะ พวกเขาทั้งห้าเป็นเพื่อนกันมานานเกินกว่าที่จะเก็บเรื่องพวกนี้มาถือสา ทุกคนรู้ดีกว่าไม่ใช่เทนนิสจะไม่ห่วงเพื่อน แต่เทนนิสจะไม่ยุ่งกับปัญหาที่ต้องใช้ความคิดใด ๆ ทั้งนั้น ถ้าเป็นเรื่องกำลังล่ะ... ขอให้บอก นิสพร้อมลุย “ปล่อยมันเข้าฌานไปเหอะ ยังไงมันก็ไม่เสนอความเห็นเรื่องพวกนี้อยู่ละ”สาวน้อยคนเดียวในยกลุ่มแยกเขี้ยวใส่ไอ้คนที่นั่งหลับอย่างหน้าไม่อาย อันที่จริงเธอก็อยากจะเขกกบาลเทนนิสสักที่เหมือนกัน แต่มันก็ไร้ประโยชน์ไง ไร้ประโยชน์ซะจริง ๆ “แล้วนายได้คุยกับพี่คนนั้นยัง”เจมส์ถามถึงบุคคลที่สามที่ช่วงนี้ดูจะตัวติดกับเพื่อนของเขาไม่น้อย “เห็นว่าไปค้างห้องเขาบ่อยนี่” “ได้กันยัง!”เรื่องดราม่าถูกปัดทิ้งลงเหวไป เรื่องใต้สะดือเข้ามาแทนที่ ดูทรงแล้วน่าจะได้รับความสนใจมากกว่าประเด็นหลักที่คุยกันอยู่ซะอีก “บ้า เรากับพี่เขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”เขมผลักหน้าของเพื่อนสาวออก ก่อนจะหันไปตอบคำถามของเพื่อนอีกคน “ยังเลย เมื่อคืนกลับห้องไปก็ไม่ได้คุยอะไรกัน...” “แน่ะ ๆ อยู่ห้องเดียวกันด้วย”สาวเจ้าพุ่งเข้ามาหาเพื่อนหนุ่มอีกรอบ ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายระยับด้วยความถูกอกถูกใจอะไรบางอย่าง “เอาKY ไหม หรือเอาพวกวาสลีนดี เดี๋ยวฉันเป็นผู้สนับสนุนหลักให้เอง รับรองของมีคุณภาพ” “เดี๋ยวดิ เขมกับพี่ต่ายยังไม่ได้คบกันเลยนะเว้ย”พอหมดประเด็นที่ต้องใช้สมองคิด เทนนิสก็ตื่นขึ้นมาร่วมวงหน้าตาเฉย ราวกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แอบงีบไปอยู่ “เอาที่จำเป็น ๆ ก่อนดิ อย่างพวกถุงยาง หรือยาคุมอะไรแบบนี้” “เดี๋ยว ๆ เพื่อนเราเป็นผู้ชาย เอายาคุมไปเพื่อ?”เจมส์ส่ายหน้าให้กับความคิดฟุ้งซ่านที่ไม่เข้ากับความเป็นจริงของไอ้ตัวขี้เสาประจำกลุ่ม “มันต้องเป็นชุดวันเกิดดิถึงจะเจ๋ง” “นี่เราจะสนับสนุนให้เพื่อนได้ชายกันใช่ไหม?”ทัศน์เลิกคิ้วมองคนสามคนที่เถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แล้วหันไปมองคนที่นั่งทำหน้าเอ๋อ ๆ แก้มแดง ๆ อยู่กลางวง “ฉันว่าป่านนี้ของพวกนั้น พี่เขาคงเตรียมไว้หมดแล้วนั่นล่ะ ก็นะ ถ้าเป็นพี่ต่ายฉันก็ไฟเขียวให้เหมือนกัน” “พวกนายไม่คิดว่าเราจะกอดพี่เขาบ้างเหรอ...”ขอทางเขมเรียกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายคืนมาหน่อยนะ แต่คำถามนี้เพื่อน ๆ ขอตอบมันด้วยสายตามองบนก็แล้วกันนะ คุณเขมทิวา ฝันอะไรอยู่!! @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ บทที่ 10 มาแล้วค้า หลังจากนี้จะพยายามมาต่ออย่างน้อยสับปาด์ละครั้งนะคะ กำลังใจกลับมาเต็มเปี่ยมแล้ววว ฝากพี่ต่ายกับน้องเขมด้วยน้าาา ขอบคุณค่ะ
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
น้องเขม :hao5:
หายไปนาน ต้องกลับไปอ่านทวนอีกรอบ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
กลับมาแว้ววววว :katai3: :katai3: :katai3:
ขอบคุณครับ +1 ให้กำลังใจคนเขียนครับ o13
:pig4: :pig4: :pig4: แม่ให้คุณย่ามาเดือนละหมื่นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของเขม แต่คุณย่าก็คงเอาไปจุนเจือครอบครัวลูกชายด้วยส่วนนึงคือ 3 ใน 4 ส่วนเขมก็ได้มาเพียง 1 ใน 4 ด้วยภาพที่ออกมาว่าเขมได้เงินนั้นจากคุณน้า เขมเลยยังต้องทำงานแลกเงินเหมือนเดิม ชีวิตช่างรันทดจริง ๆ ป.ล. พี่ต่ายรู้จักคุณแม่ของน้องเขมได้ยังไง? สงสัยฮีแกเป็นนักสืบแน่ ๆ เลย
บทที่ 11 ทางเลือกที่ไม่ได้เดินเพียงลำพัง เขมทิวาใช้เวลาอยู่กับตัวเองอีกหลายวัน ก่อนจะติดต่อไปหารุ่นพี่คนสนิทหลังจากตัดสินใจได้เด็ดขาดแล้ว และนี่เป็นอีกครั้งที่เขมทิวากลับมาบ้านของตนพร้อมกับรณกฤตที่อาสาเป็นสารถีให้กับเขาตามเคย ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ เขมเหลือบมองคนข้างตัวอยู่บ่อยครั้งจนอีกฝ่ายต้องเอ่ยถามออกมาว่าเขามีอะไรที่ต้องการจะถามหรือเปล่า “พี่เขมรู้จักกับแม่ของผมมาก่อนใช่ไหมครับ”คำถามที่อยู่ภายในใจถูกส่งออกมาหาคำตอบ “ครับ”ต่ายตอบกลับรุ่นน้องเสียงนุ่ม เขาไม่ได้จะปิดบังอะไรกับน้องเขมอยู่แล้ว และมันก็ถึงเวลาที่จะพูดได้แล้วด้วย “ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”คำถามต่อไปถูกส่งมาทันที “น้าราตรีเคยมาทำงานแม่บ้านที่บ้านพี่น่ะ”คำตอบง่าย ๆ ที่ไม่มีความน่าตื่นเต้นตอบกลับมาในทันทีเช่นกัน “ทำอยู่พักนึงจนลาออกไปขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด ก่อนจะมาเปิดแบรนด์ของตัวเองเมื่อสามปีก่อนนั่นล่ะ” “เหรอครับ...”มันดูเรียบง่ายจนไม่มีอะไรเลยไปไหมนะ “น้าราตรีเขาพูดถึงลูกชายเขาบ่อยมาก พอรู้ว่าพี่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกับลูกชายเขา เขาก็ฝากให้ดูแลใหญ่เลย”น้ำเสียงที่เอ่ยแฝงความขบขันเอาไว้จาง ๆ “พี่ก็ดูแลห่าง ๆ มาตลอดนะ จนปีนี้นี่แหละที่พี่ตัดสินใจขยับเข้าใกล้เด็กคนนั้นน่ะ” “...”เด็กคนนั้นก็ได้แต่นั่งก้มหน้าซ่อนแก้มแดง ๆ ไว้หลังเส้นผมที่ดูจะปิดไม่มิดเอาซะเลย น้ำเสียงอบอุ่นแฝงความเอ็นดูไว้เต็ม ๆ ตอนท้ายประโยคนั่นคืออะไรกัน หยอดแบบนี้เขาก็แย่น่ะสิ ใช้เวลาไม่นานนักรณกฤตก็สามารถฝ่ารถติดพาเขมทิวามาถึงบ้านจนได้ ไม่นานที่ว่า... คือไม่นานเท่าปกติ แต่ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ๆ เหมือนกันกับวันศุกร์แห่งชาติ คุณหนูอักษรเดินนำคนขับรถของตนเข้าไปในบ้าน หัวคิ้วเข้มมุ่นเข้าหากันเมื่อเห็นจำนวนรองเท้าที่วางอยู่เรียงราย อย่าบอกนะว่า... เขมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเดิมมาถึงห้องนั่งเล่น มันเป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ ด้วย วันนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า พร้อมหน้าจริง ๆ ทั้งคุณย่า แม่ พ่อ น้าบิว และเบ็ตตี้ ทุกคนมารวมอยู่กันครบเลยในตอนนี้ “มาแล้วเหรอลูก”คนแรกที่เอ่ยทักเด็กหนุ่มคือแม่บังเกิดเกล้าของเขา เธอลุกขึ้นมาจูงมือลูกชายคนเดียวมานั่งข้าง ๆ เธอ ส่วนต่ายที่มาเป็นเพื่อนนั้น ก็ขอตัวไปนั่งในห้องครัวเหมือนเดิม “แกสบายดีใช่ไหม”คำถามแรกจากคนที่ไม่ได้พบหน้ากันมาพักหนึ่งถูกส่งมาหลังจากที่ร่างสูงโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้ “ผมสบายดีครับ พ่อ”เขมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “พ่อก็คงสบายดีใช่ไหมครับ” “ได้ข่าวว่าไปทำงานพิเศษ”โขมพัตถ์ปลายตามองผู้หญิงในบ้านที่นั่งเรียงกันอยู่ “เงินไม่พอใช้เหรอ” คำถามนี้เขมทิวาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มไม่เอ่ยคำพูดอะไร เขาเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นพ่อของเขาย่อมรู้อยู่แล้ว แต่ได้ทำอะไรสักอย่างมาก่อนไหม อันนี้เขาก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ และเขาก็ไม่อยากไปพูดถึงมันให้เกิดปัญหาขึ้นมา ผ่านแล้วก็ผ่านไป... “ไม่อยากตอบก็ช่างเถอะ”นิสัยของลูกชายใช่ว่าเขาจะไม่รู้ แต่ในบางครั้งเขาก็อยากให้ลูกพูดอะไรออกมาบ้าง แต่นะ ไม่พูดก็ไม่พูดฝืนไปก็เท่านั้น “แม่บอกว่าราตรีจะมาพาแกไปอยู่ด้วย?” “ใช่”คำถามนี้ไม่ต้องรอให้เขมเป็นคนตอบ ราตรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นั้นตอบขึ้นมาเองก่อนเรียบร้อย “ฉันจะพาเขมไปอยู่กับฉัน” ราตรีอยากจะตอกกลับอดีตสามีเจ็บ ๆ แต่ก็ไม่อยากให้ลูกรู้สึกแย่ เธอเลยได้แต่กลืนคำพูดกระแนะกระแหนเก็บไว้ก่อน ไว้พูดทีหลังก็คงไม่สาย! “แล้วเขมจะล่ะ อยากไปไหม”ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวถามความต้องการของลูกชายที่ตนไม่ค่อยได้ดูแล เขามองตรงเข้าไปในดวงตาของลูกที่เหมือนจะได้มาจากฝ่ายแม่ อันที่จริงคงมีเพียงรูปปากที่เด็กคนนี้ได้ไปจากเขา... “แต่ถ้าถามฉัน ฉันอยากให้แกไปมากกว่าอยู่” ทั้งราตรี บิว และเบ็ตตี้ต่างหันขวับไปมองผู้พูดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อปนตกใจ ณ ที่นี้มีเพียงหญิงชราที่ระบายยิ้มออกมาบางเบาด้วยความเข้าใจในลูกชายของเธอดี และเธอเองก็เห็นดีด้วยเช่นกัน “พี่ขม!”บิวเอ่ยชื่อสามีเธอเสียงเขียว ถึงเธอจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกเลี้ยงคนนี้นัก แต่เธอก็รู้แก่ใจว่าเงินทองที่เธอใช้อยู่มาจากแม่ของเด็กคนนี้ส่วนนึง และอีกส่วนคือลูกสาวเธอติดพี่ชายคนละแม่ไม่น้อย ถึงจะไม่พูดและทำตัวไม่ดีใส่เจ้าตัวบ่อย ๆ ก็เถอะ “ให้ลูกชายพี่ไปอยู่กับแม่แท้ ๆ ของเขาที่พร้อมจะดูแลเอาใจใส่มันไม่ดีตรงไหน บิว ในเมื่อไอ้เขมมันอยู่ที่นี่ก็แทบจะไม่มีใครดูแลมัน”ความจริงที่เขาไม่อยากพูด แต่สุดท้ายก็พูดออกมาบาดลึกเข้าไปในใจคนฟัง “ที่ผ่านมาเขมมันคอยดูแลย่า ดูแลน้อง แล้วใครดูแลมัน? พี่ไม่มีเวลา บิวก็ต้องคอยดูเบ็ตตี้ แม่ก็ต้องดูแลบ้าน ตั้งแต่ไอ้เขมมันเริ่มโตขึ้นก็ไม่มีใครยื่นมือไปดูแลมัน ใช่มันเป็นพี่ มันเป็นลูกผู้ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่อยากได้การดูแลที่เต็มที่จากใครสักคน ซึ่งพี่ให้มันไม่ได้ ทุกคนที่นี่ให้มันไม่ได้ แต่ตอนนี้แม่มันพร้อมจะดูแล พร้อมจะให้ทุกอย่างกับมันเต็มที่แล้ว จะให้พี่รั้งไว้ได้ยังไงกัน จะให้พี่ไปตัดอนาคตของลูกตัวเองเพราะอยากให้มีคนมาคอยดูแลคนอื่นในบ้านได้ยังไง พี่ทำไม่ได้” ไม่มีใครเถียงประโยคนี้ของโขมพัตถ์ออก เพราะมันคือความจริง เด็กชายเขมทิวาในวันวานหรือนายเขมทิวาในวันนี้ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป สองมือยังคงประคองคนที่ตัวเองรักเอาไว้แม้ว่าตนจะต้องลำบากไปบ้างก็ไม่บ่น เป็นคนที่เติบโตขึ้นมาอย่างน่าภาคภูมิให้ทุกคนได้ชื่นใจ “เขมโตพอจะเลือกเองได้แล้ว ให้เขมเลือกด้วยตัวเองเถอะ”คุณย่าที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นบ้าง เธอส่งยิ้มให้กับหลายชายอย่างรักใคร่จริงใจ “ย่าอยากให้เขมเลือกทางของเขมเอง และย่าก็เชื่อว่าเขมจะต้องเลือกทางที่ดีที่สุดของตัวเองได้แน่ ๆ” “ครับ คุณย่า”เขมทิวายิ้มรับคำของหญิงชรา เขาเบือนหน้ามองทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ตั้งแต่วันที่แม่บอกว่าจะมารับผมไปอยู่ด้วย ผมก็เก็บทุกอย่างไปคิดมาตลอดว่าผมควรจะทำยังไง ใจนึงผมก็อยากไปอยู่กับแม่ ชดเชยเวลาที่พวกเราต้องห่างกัน อีกใจผมก็ห่วงคุณย่ากับเบ็ตตี้... แต่พอผมได้มองอีกมุมนึง ที่นี่มีพ่อ น้าบิว มีเบ็ตตี้ คอยอยู่เป็นเพื่อนคุณย่า แต่แม่ไม่มีใคร” ดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยหลุบลงมองมือของตัวเอง ก่อนจะระบายยิ้มออกมา “ผมขอทำตามใจตัวเอง ไปดูแลแม่นะครับ”คำตอบที่คาดเอาไว้แล้วในใจใครหลายคนถูกส่งออกมายืนยันความคิด “พี่เขมทิ้งเบ็ตตี้”เสียงใสที่เอ่ยออกมานั้นสั่นเครือ สาวน้อยมองพี่ชายที่คยอยู่กับตัวเองมาตลอดด้วยแววตาผิดหวัง “พี่เขมไม่รักเบ็ตตี้แล้ว ฮึก” “ถ้าหนูเบ็ตคิดถึงพี่ หนูเบ็ตโทรมาหาพี่ก็ได้ พี่จะออกมาหาหนู้เบ็ตเอง”เขมลุกขึ้นเดินไปกอดน้องสาวตัวน้อยที่แสนเอาแต่ใจของตัวเองไว้ “หรือหนูเบ็ตไปหาพี่ที่บ้านแม่ก็ได้” มือที่อบอุ่นยังคงกอดเธอไว้ด้วยความรักเหมือนเคย เบ็ตตี้ปล่อยโฮออกมาเมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่พี่ชายมีให้กับเธอ เขมทิวากอดปลอบน้องสาวที่รักอยู่พักใหญ่ ว่าเจ้าตัวจะสงบลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของคนเป็นพี่ไม่ยอมปล่อย “ตาบวมหมดแล้วนะ หนูเบ็ต”เขมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดคราบน้ำตาให้กับเบ็ตตี้เบา ๆ “เดี๋ยวไม่สวยนะครับ” “ไม่สวยก็ไม่สวยสิ เบ็ตตี้ไม่แคร์”สาวน้อยซบหน้าลงกับอกพี่ชายอีกครั้ง “พี่เขมต้องมาหาเบ็ตตี้บ่อย ๆ นะ” “ครับ เบ็ตตี้ก็ต้องเป็นเด็กดีนะ”เขมรับปากน้องสาวหนักแน่น “สัญญา”เบ็ตตี้ชูนิ้วก้อยขึ้นมาให้พี่ชายของเธอเกี่ยวก้อยสัญญา ถึงมันจะเป็นการกระทำที่ดูเด็ก ๆ แต่มันก็เป็นการย้ำเตือนถึงคำมั่นที่ให้แก่กันไว้ “อย่าผิดสัญญากับหนูนะ” ตอนนี้เบ็ตตี้รู้แล้วว่า ถึงเธอจะร้องไห้ดื้อดึงยังไง พี่ชายคนนี้ของเธอก็เลือกที่จะไปแล้วยังไงก็ไม่สามารถรั้งพี่เอาไว้ได้ “ไม่ผิดสัญญาครับ”รอยยิ้มที่อ่อนโยนยังส่งไปให้น้องสาวที่รักเหมือนอย่างเคย เป็นสัญญาว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไป แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน... “ตัดสินใจแล้วก็เป็นไปตามนั้น ข้าวของแกที่นี่จะมาย้ายไปเมื่อไหร่ก็ตามใจ หรือว่าจะเอาไว้ที่นี่ก็ได้”โขมพัตถ์ที่นั่งมองฉากความรักระหว่างพี่น้องด้วยความรู้สึกอิ่มใจเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก “ห้องนั้นพ่อจะเก็บเอาไว้ให้แก จนกว่าแกจะไม่ต้องการแล้วกัน” โขมพัตถ์เป็นคนพูดห้วน ๆ เหมือนมะนาวไร้น้ำ แต่ถ้าฟังความดี ๆ แล้ว จะเห็นได้ถึงความรู้สึกของเจ้าตัวที่ส่งผ่านออกมา แม้คำพูดที่เอ่ยอาจจะดูไม่มีแยแสแต่ก็ยังมีเยื่อใยให้กับลูกชายไม่ขาด “ขอบคุณครับ”เขมเองก็ตอบรับความปรารถนาดีนั้นด้วยความยินดี “พ่อภูมิใจนะ ที่เขมโตขึ้นมาเป็นสุภาพบุรุษแบบนี้”คำพูดที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของคนเป็นพ่อถูกเอ่ยออกมา ทำให้เขมรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ “ขอบคุณสำหรับหลาย ๆ อย่างที่เขมให้กับครอบครัวของพ่อ ต่อไปนี้เขมก็ดูแลแม่เขาให้ดีเหมือนที่เคยดูแลครอบครัวพ่อล่ะ” ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา ครอบครัวนั้นจะไม่ได้อบอุ่น ไม่ได้เต็มไปด้วยความรักใคร่สมานฉันท์ มีทะเลาะ มีความไม่เข้าใจกัน แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังมีความผูกพันระหว่างกันและกัน หลังจากที่พูดคุยกันจบ เขมก็ขอตัวออกจากบ้านมาพร้อมกับรณกฤต โดยมีราตรีเดินตามหลังออกมาด้วย ไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันตามคำชวน เขาไม่อยากให้บรรยากาศมื้อเย็นที่จะได้กินข้าวพร้อมหน้าทั้งครอบครัวหม่นหมองเพราะตัวเขา “เรื่องงานพิเศษ... ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทำแล้วนะเขม”ราตรีเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวพ้นออกมาจากบ้าน “เอาเวลาไปเรียน ไปเที่ยวเล่นบ้างนะลูก” “แต่ว่า...”น้ำเสียงของเขมทิวาแฝงความลังเลเอาไว้ไม่น้อย เขาเพิ่งทำงานร้านเจ้สวยได้ไม่เท่าไหร่เอง จะให้ออกมาตอนนี้แล้วคนที่ร้านจะพอไหม... “ได้ข่าวว่าเป็นคฑากรไม่ใช่เหรอ ถ้าเอาเวลาไปทำงานแล้วจะเอาเวลาไหนไปซ้อมละ”แม้แต่เรื่องนี้แม่ของเขาก็รู้ด้วย... “ลองคุยกับเจ้าของร้านดูนะ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แม่มีพอสำหรับลูกแน่นอนจ๊ะ” “...ครับ”เด็กหนุ่มตกปากรับคำไป ใจนึงเขาก็ไม่ได้อยากทำงานไปเรียนไปขนาดนั้น เขาอยากทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนและกิจกรรมของทางมหาลัยมากกว่า คนขยันไม่ใช่ว่าขี้เกียจไม่เป็น... “ฝากดูน้องด้วยนะต่าย”ราตรีหันไปพูดกับคนที่ยืนยิ้มพิงรถอยู่ด้านหลัง “แล้วเจอกัน” “ครับ แล้วเจอกัน”ต่ายผงกหัวให้กับคุณน้า ก่อนจะเข้าไปนั่งรออีกคนในรถ “ผมไปก่อนนะครับ”เขมเข้าไปกอดแม่ ก่อนจะก้าวขึ้นรถไปอีกคน ราตรีมองรถสีเข้มที่ขับออกไปด้วยความโล่งใจ ก่อนจะขึ้นรถของตนขับออกไปบ้าง ต้องไปเตรียมที่ทางให้เรียบร้อยกว่านี้แล้ว เป็นอีกครั้งที่ในห้องโดยสารรถยนต์นี่เงียบสนิท มีเพียงเสียงลมจากแอร์กระทบเบาะจนเกิดเสียงจาง ๆ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือคราวนี้ไม่มีบรรยากาศอึดอัดเหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว “ผมตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหมครับพี่ต่าย”คำถามที่เอ่ยลอย ๆ ขึ้นมาด้วยเสียงที่ผ่อนคลายฟังดูไม่จริงจังนัก “เรื่องนี้พี่ว่ามันไม่มีถูกหรือผิดหรอกนะ”ต่ายขยับมือข้างที่ว่างอยู่ไปกุมมือนุ่ม ๆ ของคนข้างกายเอาไว้ “ไม่ว่าเขมจะเลือกทางไหน มันก็คือทางที่เขมได้เลือกด้วยตัวเองแล้ว ถ้าถามพี่ว่าเขมตัดสินใจถูกไหม พี่ก็คงต้องถามกลับก่อนว่าตอนนี้ เขมเสียใจไหม” “ไม่ครับ”กลับกัน เขารู้สึกสบายใจที่ได้ก้าวออกมามากกว่า การที่ไม่มีเขาในบ้านหลังนั้น มันอาจจะทำให้ครอบครัวของพ่ออบอุ่นมากขึ้น ทุกคนหันมาดูแลกันและกันมากขึ้นก็ได้ อาจจะเพราะเขาดูแลทุกคนมากเกินไปจนทำให้เกิดความคิดว่าเพียงพอแล้วก็ได้... “สำหรับพี่ทางที่เขมเลือกแล้วไม่มาเสียใจทีหลังนั่นคือทางที่ถูก... เขมบอกพี่ว่าไม่เสียใจ เพราะอย่างนั้นพี่ก็ตอบได้ว่าเขมตัดสินใจถูกแล้ว”น้ำเสียงของต่ายเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวของรุ่นน้องคนสนิท “แต่ถึงวันนี้เขมจะตัดสินใจเลือกอีกทาง พี่ก็จะยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนนะครับ” “ครับ”เขมทิวาตอบรับเสียงนุ่ม ความรู้สึกอบอุ่นใจที่ได้รับจากอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกดีจนบอกไม่ถูก เขาเชื่อทุกคำที่ต่ายพูด เชื่อว่ามันออกมาจากใจจริง “ผมเชื่อ... ว่าพี่จะไม่ทิ้งให้ผมเดินลำพัง” “ครับ พี่จะไม่มีวันปล่อยให้เขมเดินเพียงลำพัง”คำสัญญากลาย ๆ พาให้คนได้รับมันเขินจนตัวแดง มองยังไงมันก็เกินกว่ารุ่นพี่จะมีให้รุ่นน้องแล้ว... เขาไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม ว่าคนในใจของเขา ก็มีเขาเป็นคนในใจเหมือนกัน “ผม... อยากไปร้านเจ้สวย”เขมลองบอกความต้องการของตัวเองไปเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้หวังว่าอีกฝ่ายจะพาเขาไปทั้งทีฟ้ามืดขนาดนี้แล้ว จริง ๆ แล้วเขมไม่ได้รีบอยากจะไปคุยกับนายจ้างอะไรขนาดนั้น แต่เขาแค่แอบอยากรู้ว่าพี่ต่ายจะตอบยังไงถ้าเขาพูดเอาแต่ใจออกมา “ได้สิ”คำตอบรับมาในทันที ไม่มีช่องว่างในการคิดที่จะปฏิเสธเลยสักวินาทีเดียว “แต่...” “มันมืดแล้ว พี่รู้”รอยยิ้มรู้ทันกระตุกขึ้นที่มุมปากหยัก “น้องเขมไม่ต้องลองใจพี่หรอก ยังไงพี่ก็ตามใจเราอยู่แล้ว” “...”โดนรู้ทันอีกจนได้ เมื่อก่อนเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่า รณกฤตตามใจเขามาก ทั้งการเลี้ยงน้องตะวัน ที่เจ้าตัวยื่นมือมาช่วยเลี้ยง ทั้งคอยขับรถพาไปไหนมาไหน และคอยรับส่งทุกเช้าแม้ว่าตนเองจะไม่ได้มีเรียนก็ตามที ถึงบางเวลาจะขี้แกล้งไปหน่อยก็ตามที เขมทิวาปล่อยให้คนในใจของตัวเองกุมมือของตนไปจนตลอดทางโดยไม่ซักถามอะไรด้วยความเต็มใจ เช่นเดียวกับคนที่ทำเนียนกุมมือนุ่ม ๆ นั้นไว้ไม่ยอมปล่อย ต่างคนต่างพอใจที่จะเป็นอย่างนี้... แล้วจะต้องพูดอะไรกัน เจ้สวยมองรถที่เริ่มคุ้มตาซึ่งกำลังเทียบท่าจอดใกล้ ๆ หน้าร้านข้างต้มของตนด้วยความประหลาดใจ เธอจำได้ว่าวันนี้พนักงานน้องเล็กของร้านขอลาหยุดนี่น่า หรือลาไปโดยไม่บอกแฟนตัวเองกัน? เอ๊ย รุ่นพี่สิ เจ้าตัวยังไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนนี่น่า แก่แล้ว ขี้หลงขี้ลืมจริง ๆ “สวัสดีครับ เจ้สวย”เขมยกมือไหว้นายจ้างของตัวเองเหมือนทุกครั้ง แต่รอยยิ้มที่แย้มออกมานั้นแฝงความเกรงใจเอาไว้ไม่น้อย “มีเรื่องจะพูดใช่ไหม”เจ้สวยถามกลับไปทันที ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะมาทำงานกับเธอได้ไม่กี่เดือน แต่ใช่ว่าเธอจะมองสีหน้าของเจ้าตัวไม่ออกนี่ “ใกล้จะปิดร้านแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยกัน เอาอะไรไหม” “ขอข้าวต้มปลาสองชามแล้วกันครับ”เป็นต่ายที่รีเควสเมนูออกมาแทนคนที่กำลังก้มหน้างุด “ไม่เอาข่าป่นนะครับ” “ได้ ไปนั่งก่อนสิ”เจ้สวยพยักเพยิดให้เข้าไปนั่งในร้านที่คนเริ่มซา เพราะเธอประกาศไว้แต่แรกแล้วว่าวันนี้ปิดไว ส่วนเหตุผลน่ะเหรอ เจ้าของร้านจะไปนับเลขกับเพื่อนน่ะ ความสุขของคนค้าขาย แล้วใครจะทำไม? ข้ามต้มร้านเจ้สวยนั่นมีดีที่รสชาติและความหอมสมุนไพร ทำให้ลูกค้าติดใจและกับมาซื้อกินอีกไม่ยาก ถึงคนจะไม่ได้หนาแน่นเหมือนร้านดังมีชื่อ แต่ก็วนเวียนกันมาทุกวันไม่ขาด โดยเฉพาะเด็กมหาลัยและคนโรงงานที่มาเป็นขาประจำของเธอกันเยอะ ส่วนนึงมาจากรสชาติ อีกส่วนที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็มาจากราคาที่ไม่แพงแถมยังสะอาด ขนาดต่ายที่นาน ๆ ครั้งถึงจะออกมากินร้านข้างทางที่ไม่มีประตูปิดกันควันรถเข้าร้านยังติดใจ “เอ้า มีอะไรจะพูดก็ว่ามา”ชามข้าวต้มสองชามมาเสิร์ฟ พร้อมกับที่เจ้าของร้านทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามทั้งสองคน “ปิดร้านแล้วเหรอครับ...”เขมถามมึน ๆ ถึงลูกค้าจะไม่ค่อยมีแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเก็บของนี่น่า “ให้ไอ้นะมันเก็บไป ฉันมาคุยกับแกนี่ไง ว่ามา ๆ”เจ้สวยคนสวยยักคิ้วให้กวน ๆ ดวงตาเรียวตามฉบับคนไทยเชื้อสายจีนหรี่ลงมองท่าทีอึกอักของลูกจ้างที่เธอเอ็นดูอย่างจับผิด “จะมาลาออกใช่ไหม” “เอ่อ... นี่เจ้เป็นเจ้าของร้านข้าวต้มหรือว่าหมอดูกันแน่ครับเนี่ย”เขมยกยิ้มแหย ๆ หัวเราะแห้ง ๆ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ “ดูสีหน้าแกฉันก็รู้แล้ว”เจ้าของร้านข้าวต้มคนเก่งเชิดหน้าขึ้นทำท่าเย่อหยิ่ง “ร้านเจ้รับเด็กเข้าทำงานพิเศษเพราะอยากให้เด็กมีงานทำ มีรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ อยากจะออกตอนไหนเจ้ก็ไม่ได้ว่า ไม่ต้องมาทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมแบบนั้นเลย” ต่ายที่ทำเงียบตาตลอดหลุดหัวเราะออกมาจนสำลักข้าวต้ม เลยได้สายตาเขียว ๆ จากคนข้างตัวเป็นการตอบแทนไปหนึ่งที “เขมก็เห็นว่าร้านเจ้ไม่ได้ขาดคน ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า”มันก็จริงอย่างที่เจ้สวยพูด ร้านเจ้สวยถึงจะมีแต่เจ้กับลูกชายก็ทำกันต่อไปได้ แค่อาจจะเหนื่อยหน่อย ยิ่งตอนนี้ยังมีอาร์ตกับไวท์อยู่ด้วย หายไปสักคนก็ไม่ได้ส่งผลอะไร “ถ้ารู้สึกไม่ดีก็มาเป็นลูกค้าเจ้แล้วกัน” “ครับ ผมจะมาเป็นลูกค้าประจำของเจ้เลย”เขมรับคำหนักแน่น ของอร่อยขนาดนี้ ต่อให้ไม่เรียกคำสัญญาเขาก็จะมากินเองอยู่ดี “แต่เงินเดือนเดือนนี้ อดนะจ๊ะ หนูเขม”อดีตเจ้านายขยิบตาส่งวิ้งให้ทีนึงแล้วเดินผิวปากไปอย่างแมน ๆ แค่ก! เจ้สวย!!! ใจร้ายยยย @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ตอนใหม่มาแล้วค้า คงคอนเซปความหวาน หวาน หวานนน อย่าลืมฉีดยาไล่มดกันนะคะ ฝาก #คนในใจ #พี่ต่ายน้องเขม ด้วยน้าา ใครเล่นทวิตเตอร์ไปอ่านโมเม้นน่ารัก ๆ ของทั่งคู่ในหัวข้อต่าง ๆ ของ #novelber2018 กันได้นะคะ ปล. ขอถามกันหน่อยนะคะ ว่าสำหรับหนังสือนี่ ชอบตัวอักษร cordia ขนาด 14 หรือ 16 มากกว่ากันคะ ปล.2 ใครที่ชอบเรื่องนี้ หยอดกระปุกเผื่อๆกันไว้บ้างน้า จัดเต็มยิ่งกว่า indis ในราคาไม่เกิน 400 แน่นอนค่ะ >
:pig4: :pig4: :pig4: กะแล้วเชียวว่าครอบครัวนั้นต้องเม้มเงินที่แม่เขมให้ไว้ ชิส์
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พี่เขาซัพพอร์ตน้องดีจังเลย :hao5:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
งุ้ยยยย ติดตามๆๆๆๆ
บทที่ 12 ให้เราใกล้กัน หลังจากที่เขมทิวาตกลงใจย้ายมาอยู่กับมารดา มันทำให้เขาได้รู้ว่าคอนโดที่แม่เขาซื้ออยู่นั้น คือคอนโดเดียวกับรณกฤตเพียงแค่อยู่คนละชั้น มันยิ่งทำให้เขาใกล้ชิดกับคนในใจมากขึ้น... แม้ว่าก่อนหน้าเขาจะมาค้างที่นี่บ่อย ๆ อยู่แล้วก็เถอะ ใกล้เข้ามาอีกนิด ชิดเข้ามาอีกหน่อย เป็นพรหมลิขิตน้อย ๆ คอยเวลามาบรรจบกัน ห้องของราตรีเป็นห้องสูทสองห้องนอน ที่มีครัวเล็ก ๆ อยู่ในตัว ขนาดห้องไม่ได้กว้างเท่ากับห้องของต่าย แต่ก็ดูดีกว่าห้องพักรูหนูที่เขมอยู่ไม่รู้กี่เท่า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองไปรอบ ๆ แอบหาร่องรอยของผู้พักอาศัยคนอื่น ๆ แต่ก็ไม่พบอะไร “แม่ยังโสดนะคะ คุณเขม”ราตรีหรี่ตามองลูกชายที่ทำเป็นสำรวจเนียน ๆ แต่ไม่เนียน มุมปากเรียวยกขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่ไม่รู้ว่าคุณเขมของแม่จะโสดอยู่ไหมนะ” “ผมยังไม่ได้มีใครสักหน่อยครับ”แต่ยกเว้นคนที่อยู่ในใจชั้นบน ๆ ไว้คนนึงละกัน “จริงเร้อออ”คนเป็นแม่เอ่ยล้อเลียนลูกชายราวกับว่ารู้อะไรมาก่อนแล้ว “ไม่มีใครจริง ๆ เหรอจ๊ะ เขมทิวา” “ก็ไม่มีน่ะสิครับ”เขมทำปากยื่น ก่อนจะตัดบทสนทนาด้วยการลากกระเป๋าเดินไปหาห้องนอนของตัวเอง “ห้องนี้ใช่ไหมครัย” นิ้วเรียวที่เห็นข้อชัดเจนชี้ไปที่ประตูห้องที่ไม่มีป้ายอะไรแขวนอยู่ และเมื่อเขาได้รับการยืนยันด้วยการพยักหน้ารับจากคุณแม่แล้ว เขาถึงเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องนอนขนาดกำลังพอดีสำหรับคนหนึ่งคนมีเตียงเดี่ยว ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะหนังสือจัดวางอยู่ชิดกำแพงห้อง ฝาผนังมีแอร์และพัดลมติดผนังอย่างละตัว ทุกอย่างดูเรียบง่ายไม่หวือหวา แต่สำหรับผู้ที่มาเป็นเจ้าของห้องนั้น พอใจกับความน้อยชิ้นของสิ่งของต่าง ๆ สุด ๆ “ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกนะเขม เดี๋ยวแม่พาไปซื้อ”ราตรีก้าวมาโอบบ่าลูกชายที่สูงนำเธอไปแล้ว “แม่ไม่แน่ใจว่าลูกขาดอะไรบ้าง เลยซื้อไว้แต่ที่จำเป็น ๆ” “เท่านี้ก็พอแล้วครับ เหลือที่ให้ตะวันได้วิ่งเล่นกว้าง ๆ พอดีเลย”เขมยิ้มหวานเมื่อนึกถึงลูกสุนัขที่มีพี่เลี้ยงเป็นกระต่ายของตน จะได้พาน้องกลับมานอนด้วยกันง่าย ๆ ไม่ต้องลำบากพี่ต่ายแล้ว “งั้นแม่ไปทำงานก่อนนะ มืด ๆ เจอกันครับ”ราตีเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มนิ่มของลูกชายเบา ๆ ก่อนที่เธอจะผละออกไปทำงานที่ร้าน “ให้แม่ซื้ออะไรเข้ามากินเลยไหม” “เดี๋ยวผมทำให้ครับ”เขมโบกมือบ๊ายบายมารดาที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป ตอนนี้ก็เหลือแค่เขาที่อยู่คนเดียว... แต่วันนี้เขมเองก็ไม่ได้ว่างทั้งวันหรอก ช่วงบ่ายต้องไปซ้อมควงคทาเตรียมเดินขบวนแล้ว หลังจากขอเลื่อนมาหลายวัน เขมยืดตัวบิดขี้เกียจไปทีนึงก่อนที่จะลงมือจัดของเข้าตู้ให้เรียบร้อย เขาขนของจากหอพักย้ายมาจนหมดเพื่อคืนห้องให้กับทางเจ้าของ มันเซ็งหน่อย ๆ ที่โดนยึดค่ามัดจำไป แต่ครั้นจะหาคนมาเข่าต่อก็ไม่รู้ว่าจะหาได้ไหมในตอนเปิดภาคเรียนมาพักนึงแล้วแบบนี้ ยิ่งเป็นหอเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ใกล้มหา’ลัยมากมาย ห้องก็พัดลมที่ไม่ค่อยเย็นแต่ยังดีที่พอจะโปร่งแบบนี้แล้ว... ปลง ๆ กับเงินสองพันนั้นไปเถอะ จัดของไปได้พักนึง สารถีคนดีคนเดิมเพิ่มเติมคือมาอยู่คอนโดเดียวกันแล้วก็มารับถึงหน้าห้อง พร้อมกับเจ้าขนปุยแสนรักอีกสองตัว “ยังจัดไม่เสร็จเหรอ”ต่ายที่มีคีย์การ์ดสำรองของห้องแม่เขมได้ยังไงก็ยังเป็นปริศนาเดินเข้ามานั่งยอง ๆ ข้างตัวเด็กหนุ่ม “ยังเหลือเวลา พี่ช่วย” “เดี๋ยวผมกลับมาจัดต่อที่หลังก็ได้ครับ”เขมก็ยังคงเป็นเขม เขายังคงเป็นคนขี้เกรงใจไม่เปลี่ยน ไมอยากให้อีกฝ่ายเสียเวลารอเขาทำธุระเล็ก ๆ ของตัวเองที่จะทำเมื่อไหร่ก็ได้ “ไม่เป็นไรหรอก เวลามีอีกตั้งเยอะ”ต่ายหยิบเสื้อนอนตัวย้วย ๆ ของเขมขึ้นมาพับ มุมชนมุม ขอบชนขอบไม่มีเหลื่อมกันสักมิล เห็นเฉย ๆ แต่รณกฤตก็แฝงความเป็นเฟอร์เฟกต์ชั่นนิสต์ในตัวอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้คลั่งขนาดที่ทุกอย่างจะต้องสมบูรณ์แบบเป๊ะ ๆ พวกไข่แดงบนไข่ดาวยังไม่จำเป็นต้องอยู่กลางใบ เช่นเดียวกับขนคุณมณีที่ไม่จำเป็นต้องเท่ากันทุกเส้น “หืม...”ดวงตาคมหรี่มองของในมือ แล้วหันไปมองคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาพับกางเกงอยู่ “อืม...” “มีอะไรเหรอค—-“เขมหันมาตามเสียงก่อนจะเห็นชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่เล็กที่สุดอยู่มือของใครอีกคน “อะ อันนั้นผมเก็บเองดีกว่าครับ” “ไม่เป็นไร พี่ทำให้”รอยยิ้มยั่วเย้าที่มุมปากหยักพาหัวใจกระตุกรัว สายตาพราวระยับที่จับจ้องมาที่ใบหน้าของรุ่นน้องที่กำลังแดงเรื่อนั้นฉายแววล้อเลียน “ซื้อเสื้อเบอร์ใหญ่ไปหน่อยนะครับ น้องเขม” “เปล่าสักหน่อย”ถึงความจริงมันจะใช่ก็เถอะ แต่จะยอมรับตรง ๆ มันก็ยังไงอยู่... เขาซื้อเสื้อใหญ่กว่าตัวเบอร์นึงเผื่ออ้วนขึ้น แล้วก็ให้ดูตัวใหญ่หน่อย ๆ ไม่แห้งไปนัก แต่ก็ดันไม่เคยตัวพองขึ้นมากว่าเดิมเลย แต่อันเดอร์แวร์มันซื้อไซส์ใหญ่ ๆ มาใส่ไม่ได้นี่! แล้วมันก็ไม่จำเป็นด้วย!! รณกฤตหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะนั่งพับเสื้อผ้าที่ไม่ได้มีเยอะสักเท่าไหร่ต่อ ไม่แซวอะไรให้น้องเขินอีก ส่วนเขมก็ลุกไปจัดการเอาชุดนักศึกษาไปแขวนตู้แทน สองคนสี่มือช่วยกันไม่นาน เสื้อผ้าที่ขนมาก็ถูกนำใส่ที่ ๆ มันควรอยู่จนหมด เหลือของจิปาถะพวกหนังสือที่ยังวางเรียงเอาไว้ในลังอย่างสวยงาม แต่ไม่มีเวลาพอจะลงมือจัดแล้ว ใกล้สายแล้ว... จากคอนโดมามหา’ลัยใช้เวลาไม่นานนักถ้ารถไม่ติดหนึบอย่างวันศุกร์แห่งชาติ เมื่อเขมทิวาและรณกฤตมาถึงสถานที่ตามเวลานัด ทั้งคู่ก็ต้องหันมามองหน้ากัน ก่อนที่จะก้มลงมองเวลา โรงยิมว่างเปล่า... พวกเขามาผิดเวลา ผิดวัน หรือผิดที่? “อ้าว มาแล้วเหรอ”พรีมที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาเห็นชายหนุ่มสองคนที่เธออุตส่าห์ไปทาบทามมายืนงง ๆ อยู่กลางสนามก็พลันรู้สึกปลื้มปลิ่มหัวใจอย่างบอกไม่ถูก นี่สิ! หน้าตาของมหา’ลัย!!! “คนอื่น ๆ กำลังทยอยมาน่ะ”พรีมส่งยิ้มแห้งให้กับคนที่มาตรงเวลา ไม่ใช่พวกช่างยืดอย่างใครหลาย ๆ คน “ต่ายควงไม้เป็นอยู่แล้ว ละน้องเขมเคยเป็นดรัมฯ มาก่อนไหมคะ” “เคยแต่ถือป้ายโรงเรียนครับ”คนที่มักจะถูกส่งไปยืนหน้าสุดของขบวนแย้มยิ้มแหย ๆ “เคยเอาคทาเพื่อนมาถือเล่น แต่ไม่เคยลองควงหรอกครับ” “จ้า ไม่เป็นไรหรอก น้องเขมบุคลิกดีอยู่แล้ว ซ้อมควงให้คล่อง ๆ รับรอง ดูดี!”สาวเจ้าไม่ว่าเปล่า ชูมือกดไลค์ให้เป็นขวัญกำลังใจด้วย “ต่ายจะสอนน้องเอง หรือจะให้พี่เรียกคนอื่นมาสอน” “ผมสอนน้องเองสะดวกกว่าครับ”ต่ายระบายยิ้มอ่อนมองคนที่ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้าง ๆ “เอาไว้ท่ายาก ๆ ค่อยมาฝึกพร้อมกันเนอะ” “ครับ”เขมทิวารู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ถ้าฝึกกับพี่ต่ายเขาสามารถไปฝึกนอกรอบได้โดยไม่ต้องคอยรบกวนคนโน้นที คนนี้ที ถึงจะรู้สึกเกรงใจที่พี่เขาต้องแบ่งเวลามาให้ แต่ความสบายใจมันก็มีมากกว่า... ยังไงก็ต้องซ้อมเหมือนกันอยู่แล้วนี่เนอะ “ไม้อยู่ห้องเก็บอุปกรณ์ใช่ไหมครับ”เจ้าชายเศรษฐ์ศาสตร์เบือนหน้ามาถามสามัญชนที่ยืนทำตาปริบ ๆ เป็นส่วนเกินอยู่ “จ๊ะ...”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ชายหนุ่มทั้งคู่ก็จูงมือกันเดินไปห้องเก็บอุปกรณ์แล้ว มองแล้วยังไงก็ให้ความรู้สึกว่าโลกนี้มีกันสองคน... ส่วนเกินอย่างเธอนั้นควรไปนั่งเงียบ ๆ เก็บรูปไปอวดคนอื่นสินะ ต่ายจูงเขมมาจนถึงห้องเก็บอุปกรณ์ เขามองประตูห้องที่ปิดสนิทนั้นนิ่งก่อนจะดันให้รุ่นน้องขยับถอยหลังไปโดยไม่บอกอะไรมากไปกว่านั้น แต่คำตอบก็ถูกเฉลยเมื่อเปิดประตูเข้าไป ฝุ่นที่ฟุ้งกระจายออกมาบังสภาพภายในเหมือนกับหมอกบาง ๆ ยามเช้าและเมื่อฝุ่นจางลงก็เห็นความรกที่สมควรได้รับการทำความสะอาดและจัดเรียงอุปกรณ์ใหม่อย่างเร่งด่วน “มีเครื่องดูดฝุ่นไหมครับ...”เขมไม่ใช่คนที่รักสะอาดถึงขั้นต้องทำความสะอาดทุกวันไม่ให้มีฝุ่นสักเม็ด จะมีบ้างตามความขี้เกียจก็ได้ แต่ฝุ่นฟุ้งขนาดนี้นี่ก็ไม่ไหวนะ “ไม่มีหรอก แต่เดี๋ยวก็คงจะมีคนมาทำความสะอาดแล้วมั้ง”ต่ายปัดฝุ่นที่โดนตัวออกเบา ๆ เขาพยายามหลบแล้วแต่ก็ไม่ทันทั้งหมดเลยเปื้อนตัวหน่อย ๆ “ห้องนี้ไม่ค่อยได้เปิดใช้กันเท่าไหร่เลยไม่ค่อยมีคนสนใจน่ะ แต่เห็นว่าเดี๋ยวจะปรับปรุงห้องใหม่ให้เป็นห้องพักนักกีฬาแทนแล้วล่ะ” ซึ่งข่าวนี้มีมาตั้งแต่ช่วงงานกีฬาปีก่อน... “อา... ครับ”คุณหนูอักษรพยักหน้ารับรู้ ก่อนเปลี่ยนเรื่องพูดไป “แล้วไม้นี่...” “มีให้เลือกหลายขนาดอยู่นะ ไม่ค่อยมีคนมาเอาไปใช้หรอก ส่วนใหญ่มักจะไปซื้อกันเอง”ต่ายก้าวเท้าเข้าไปหยิบไม้ที่ฝุ่นเกาะขึ้นมาจับ ๆ ดู “คนที่สมัครมาเพราะอยากเป็นคฑากรกันเขาก็จะซื้อเก็บไว้เลยเป็นความทรงจำ" “พี่ต่ายได้ซื้อเป็นของตัวเองไหมครับ”เขมนึกถึงห้องของร่างสูงที่เคยไป เหมือนจะไม่เห็นอะไรที่หน้าตาเป็นแท่งยาว ๆ เลยด้วยซ้ำ “พี่ไม่ได้ซื้อครับ”ไม้ดรัมฯ อันแรกถูกเอามาทาบความสูงกับเด็กหนุ่ม “ไม่รู้จะซื้อมาวางไว้ตรงไหนดี แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเอามาทำอะไรด้วย จะดันแอร์พี่ก็มีไม้กวาดอยู่แล้วเลยไม่ซื้อ... หรือว่าน้องเขมอยากได้ครับ?” “ไม่ล่ะครับ”ขนาดพี่ต่ายไม่มีที่จะวาง เขายิ่งไม่ต้องพูดถึง ยังไม่นับเรื่องค่าใช้จ่าย อะไรยืมได้ยืมเอาดีกว่า “อะ เอานี้น่าจะได้”ต่ายลากไม้สองอันที่เลือกมาจากกองไม้เก่าที่วางสุมเอาไว้ออกจากห้องไปส่งให้รุ่นพี่สาวที่รับผิดชอบพวกเขาทำความสะอาด ขยับจากการเป็นส่วนเกินมาเป็นแจ๋ว... เหมือนจะน่าดีใจหน่อย ๆ นะ สละทิชชู่เปียกไปหนึ่งแพ็คกว่าไม้ดรัมฯที่ฝุ่นเกาะจะสะอาดเอี่ยมพร้อมใช้ แรกเริ่มของการฝึกซ้อม ต่ายสอนเรื่องการจับไม้ การตวัดแขนและการเดินก่อน ซึ่งไม่ยากสำหรับคนที่มีพื้นฐานด้านกีฬาและผ่านการฝึกรด.มาเรียบร้อยแล้ว “การควงไม้เริ่มจากท่าควงสองมือที่เป็นท่าพื้นฐานก่อนแล้วกัน”เมื่อรณกฤตสวมบทคุณครู ใบหน้าที่ยิ้ม ๆ นั่นก็เริ่มจริงจังขึ้น เขาจับไม้ให้ลูกศิษย์ของตนดูด้วยท่วงท่าทะมัดทะแมง “ตบไม้ขึ้น ก่อนจะหมุน ใช้แรงส่งจากข้อมือ อย่าส่งจากนิ้ว ไม่งั้นจะปวดมาก...” ร่างสูงควงไม้สองมืออย่างช้า ๆ ให้กับเด็กหนุ่มได้ดูเป็นตัวอย่าง ก่อนจะให้ลองทำดู “ค่อย ๆ ลองทำดู ช้า ๆ พอชินมือแล้วค่อยเพิ่มจังหวะ”เสียงทุ้มเอ่ยอยู่ข้างหลังของเขมที่กำลังตั้งสมาธิ ดวงตาจับจ้องที่ข้อมือขาว “ใช้แรงส่งจากข้อมือ นั่นล่ะ แขนอย่างอ สมดุลเสียมันจะร่วง” เขมทิวาเริ่มควงไม้อย่างช้า ๆ ทำความคุ้นเคยกับเจ้าท่อนกลมเรียวยาวในมือ ซ้ายจับ ขวาปล่อย ขวาจับ ซ้ายปล่อย จากจังหวะที่เชื่องช้าและสะดุดเวลาเปลี่ยนมือ เมื่อความเคยชินเริ่มเข้ามา ทุกอย่างมันก็พลันลื่นไหล ความเร็วเริ่มเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ถึงครึ่งของคนที่เคยฝึกฝนมาก่อน ระหว่างที่เจ้าชายรูปงามกำลังสอนคุณหนูน้อยควงไม้อยู่นั้น เหล่าคนที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นคฑากรของงานกีฬาครั้งนี้ก็พากันทยอยเดินเข้ามาฝึกซ้อม บางคนก็เหลือบมองชายหนุ่มสองคนที่ยืนฝึกท่าพื้นฐานกันอยู่ด้วยความสนใจ และในขณะเดียวกันก็มีคนที่มองด้วยแววตากังขา ก็ได้ยินมาอยู่ว่ามีคฑากรที่ทางสโมฯ ทาบทามมา แต่ไม่คิดว่าจะเลือกเอาคนที่ดูทำไม่เป็นเลยแบบนี้ แล้วยังมาเริ่มซ้อมช้ากว่าคนอื่นอีก ดูจะเป็นอภิสิทธิ์ชนเกินไปหน่อยนะ ต่อหน้าประธานและเลขาสโมสรนักศึกษา เด็กใหม่ปีหนึ่งที่ไม่ค่อยจะพอใจในตัวคนที่ถูกเลือกมาเท่าไหร่นักก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร ต้องรอจังหวะดี ๆ ก่อน... วันนี้ทั้งวันเขมคงได้แต่ซ้อมควงคทาสองมือให้คล่อง ส่วนต่ายนั้นผละออกไปลำดับท่าที่เขาเริ่มซ้อมกันไปแล้วมารอถ่ายทอดให้กับอีกคน ดูมีความตั้งใจมากกว่าตอนที่ได้เป็นคฑากรปีที่แล้วเสียอีก พรีมที่แอบหลบมุมถ่ายรูปคนดังของมหา’ลัยอยู่นั้นมองรูปที่เก็บไว้ในแกลลอรี่ด้วยความปลื้มปลิ่มใจ ในที่สุดก็มีอะไรให้อัพเดทในเพจแล้ว! เธอจิ้มเปิดเพจของสโมสรนักศึกษาที่เป็นแอดมินอยู่ พิมพ์ข้อความโปรโมทงานกีฬารัว ๆ หลังจากอัดอั้นมานาน หยั่งกระแสคนอื่น ๆ ไปเสียงตอบรับไม่ถึงเป้านัก ถ้าคราวนี้ไม่ถึงเป้าอีกนะ เธอจะไปเอาหัวโขกเต้าหู้เหม็นให้ตายกันไปข้างเลย! สโมสรนักศึกษา XUT สวัสดีค่า เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ผู้ติดตามเพจสโมฯ ของเราทุกคน วันนี้ทางสโมฯ มีเรื่องเซอร์ไพรท์มาให้ทุกคนได้ตื่นเต้นกันล่ะค่ะ อย่างที่ได้แจ้งกันเอาไว้ในโพสก่อน ๆ แล้ว ว่าทาง XUT จะมีงานกีฬาในอีกสองเดือนข้างหน้านี้ ทั้งยังจัดงานออกร้านให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยของเรากันนะคะ ฮั่นแน่~ กิจกรรมพิเศษ ๆ แบบนี้ เราย่อมมีเรื่องพิเศษ ๆ ให้ได้ชมกันเช่นกันค่ะ นั่นก็คือออออออ เจ้าชายเศรษฐศาสตร์ และ คุณหนูอักษร ของ XUT เราจะมาร่วมเป็นคฑากรในงานเปิดการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ด้วยล่ะค่ะ เย่~ ตอนนี้ทั้งคู่กำลังตั้งใจฝึกซ้อมกันอยู่ มาร่วมเป็นกำลังใจให้สองหนุ่มของพวกเรากันนะคะ (แนบรูปต่ายโอบเขมจัดท่าถือคทา) หลังจากกดโพสลงไปก็รอดูผลตอบรักอยู่สักพักนึง เมื่อเห็นยอดไลค์ ยอดแชร์ และเริ่มมีคอมเม้นต์อย่างรวดเร็ว คนโพสอย่างพรีมก็ค่อยเบาใจขึ้นหน่อย มามุงกันเยอะ ๆ เถอะ อาจารย์จะได้ไม่มีเฉ่งอีก เมื่อพรีมเงยหน้าขึ้นมาดูสถานการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง ก็เห็นว่ารุ่นพี่ปีแก่ที่ดูแลเรื่องขบวนนั้นมาเริ่มจัดแถวให้กับเหล่าคฑากรแล้ว ไม้หนึ่งที่ถูกฟิกเอาไว้ก็เป็นไปตามเดิมไม่เปลี่ยน แต่ไม้อื่น ๆ นั้นยังสลับกันได้ตามความเหมาะสม ในตอนนี้สองหนุ่มที่เป็นความภูมิใจของหญิงพรีมนั้นได้อยู่ช่วงกลาง ๆ แถว ซึ่งเป็นจุดที่มีเพื่อนด้านหน้าและด้านหลังคอยประคอง “ทุกคนจำตำแหน่งตัวเองในตอนนี้เอาไว้นะ อาจจะมีการสลับอีกถ้าเกิดมีแอคซิเดนท์อะไรขึ้น แต่ตอนนี้เราจะยึดตำแหน่งนี้กันเอาไว้”รุ่นพี่สาวประเภทสองมองรุ่นน้องของเธอที่อยู่ในกำมือด้วยความพอใจ “วันนี้พอแค่นี้ แยกย้ายได้” “ขอบคุณครับ/ค่ะ” หลังจากเลิกซ้อม ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำธุระของตัวเอง เขมกับต่ายไม่ได้มีอะไรต้องทำเป็นพิเศษ เลยพากันกลับคอนโด “ผมขอแวะซื้อของนิดนึงนะครับ”เขมบอกกับคนขับรถกิตติมศักดิ์ “เย็นนี้พี่ต่ายจะมากินข้าวด้วยกันไหมครับ” “จะโชว์ฝีมือเหรอ”ดวงตาคมเหล่มองคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับด้วยแววตาอ่อนโยน “เอาสิ ให้พี่ช่วยอะไรไหม” “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมทำเอง”น้ำเสียงของเด็กหนุ่มรุ่นน้องแฝงความเกรงใจเอาไว้จาง ๆ “วันนี้ผมรบกวนพี่เยอะแล้ว...” “ไม่เอาน่า เขม”ต่ายขยับมือไปวางบนตักนุ่มแล้วบีบเบา ๆ “เขมไม่ได้รบกวนอะไรพี่เลย พี่เต็มใจทำให้นะครับ” “ครับ...”เขมก้มหน้าปิดบังแก้มที่ขึ้นสีเรื่อ แต่เส้นผมที่ปรกลงมานั้นไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก “กับเขม พี่เต็มใจทุกอย่างนะ”คำหยอดที่ตามมายิ่งทำให้แก้มใสนั้นแดงก่ำ เขาไม่ได้คิดไปเองคนเดียวใช่ไหม ใช่ไหม!! ทันทีที่รถจอดนิ่งหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตสีเหลือง ร่างโปร่งก็พุ่งออกไปจากรถโดยไม่คิดจะถามหรือรออะไรอีกคนเลย รณกฤตที่หยอกน้องจนเจ้าตัวต้องหลบไปหาที่พักหัวใจนั้นนั่งหัวเราะกับตัวเองอยู่บนรถ ไม่ลงไปช่วยเด็กน้อยของเขาหิ้วของเหมือนปกติ เว้นจังหวะให้น้องได้หายใจสักหน่อย ทุกอย่างจะต้องพอดี ๆ ไม่มากเกิน ไม่น้อยไป แต่ต้องสม่ำเสมอ เกือบชั่วโมงกว่าเขมทีวาจะกลับมาขึ้นรถพร้อมกับของเต็มของมือ เยอะจนชักจะไม่แน่ใจว่านี่สำหรับสามคนหรือสามโต๊ะกันแน่ ด้วยความที่ซื้อมาเยอะ เพราะคิดว่าจะทำมื้อใหญ่ แต่เมื่อนึกได้ว่าเป็นมื้อเย็นเลยต้องดร็อปลงมาสักหน่อย กินตอนเย็นเยอะ ๆ แล้วไม่ออกกำลังกายจะอ้วนเอาไว้ ตัวเขาน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ผู้ใหญ่อย่างแม่เขา ถ้าเกิดอ้วนมาก ๆ โรคจะถามหาเอาได้ สุดท้ายเขมเลยเลือกทำผัดผักบุ้ง ต้นจืดเต้าหู้ และหมูอบซอสพริกไทยดำ เพราะวันนี้จะเป็นมื้อแรกในรอบหลายปีที่ราตรีจะได้กินข้าวกับลูกชายของเธอ อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ลูกรักคนนี้ทำอาหารให้เธอกิน แน่นอนว่าเธอจะต้องรีบกลับบ้านเร็วกว่าปกติอยู่แล้ว บ้านที่เป็นบ้าน บ้านที่มีครอบครัวรออยู่ ในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จจนได้ “กลับมาแล้วจ้า”หญิงวัยกลางคนเดินฉับ ๆ เข้ามาในครัวด้วยรอยยิ้มกว้าง “ไหน ลูกรักของแม่ทำอะไรกินเอ่ย” เธอมองจานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ แต่หัวใจที่พองฟูนั่นก็พลันฟีบลงเมื่อเห็นหาหล่อ ๆ ของใครบางคน นี่เธอจะสามารถกอดลูกชายคนเดียวไว้ได้นานแค่ไหนกันนะ เฮ้อ~ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ สงสารคุณแม่จังเลยยยย น้องเขมเล่นตัวไว้นะลูกกก (ห๊ะ อะไรนะ ค่าตัวจะหมดแล้ว งั้นอย่าเล่นตัวเลยลูก พี่ไม่มีเงินจ้างหนูแล้ว) ติดชมกันได้เหมือนเดิมเลยนะคะ ฝาก #คนในใจ #พี่ต่ายน้องเขม ด้วยน้าา ปล. Indispensable แนวโอเมก้าเวิร์สของไนท์ทำอีบุ๊คแล้วนะคะ จุ๊บๆ
:pig4: :pig4: :pig4: น่าสงสารคุณแม่นะเนี่ย อุตส่าห์ได้ลูกชายมาอยู่ด้วย แต่คงอีกไม่นาน คงเสียลูกชายไปให้ลูกเขย อิอิ
ดีจังเลย
พี่ต่ายคุมแจเลย คุงแม่ควรดีใจ มีลูกชายหล่อย รวย และแสนดีเพิ่มขึ้นมาอีกคน ได้ลูกแถมแฟนลูกฟรีๆ +1 ขอบคุณ :mew3: เป็นกำลังใจให้น้องคุณหนูเก่งคฑากรแบบเทพๆ นะ เอาให้คนที่จ้องจะบูลลี้อ้าปากค้างไปเลย เค้ามิชมชอบเสพมาม่า :mew2:
คุณแม่ 55555555555555555555
บทที่ 13 คืบหน้า เช้าวันที่สามของการไปเรียนหลังจากที่เขมย้ายมาอยู่กับแม่ เขาตื่นขึ้นมาแต่เช้าเหมือนปกติเนื่องจากมันเป็นกิจวัตรประจำวันมานาน นาฬิกาชีวิตสั่งให้ตื่น พอตื่นแล้วเขาก็นอนไม่หลับอีก เลยตัดสินใจลุกขึ้นมาทำข้าวกล่องอาหารกลางวันให้แม่ไว้กิน... ซึ่งแม่จะกินไหมเขาก็ไม่รู้ ไหน ๆ ทำแล้วก็ทำให้ตัวเองด้วยเลยแล้วกัน เขมตั้งไฟรอต้มไข่เป็ด ระหว่างนั้นก็หั่นปลาหมึก ปอกกุ้ง แร่เนื้อปลา มาเตรียมผัดขี้เมาแซ่บ ๆ เด็กหนุ่มมัวแต่คิดถึงมื้อกลางวันจนลืมอาหารเช้า เมื่อนึกขึ้นได้เลยรีบปิ้งขนมปังและทอดไข่ดาวง่าย ๆ เตรียมเอาไว้ให้แม่ได้กิน แล้วก็เผื่อใครบางคนด้วย... ใครบางคนที่อาจจะมาเยี่ยมเยียนในตอนเช้า เขมทืวารื้อเอากล่องข้าวขนาดกลางที่แบ่งสามช่องขึ้นมาวางเรียง แล้วตักข้าวสวยร้อน ๆ ใส่ลงในช่องใหญ่สุด เอาใส่ต้มที่ปอกเปลือกและผ่าด้วยด้ายจนสวยงามแล้วใส่อีกช่อง ตามด้วยผัดขี้เมาซึ่งใส่ถุงแยกวางลงไปจนครบ วางไว้รอเย็นลงสักหน่อยก่อนจะปิดฝา เขามองผลงานตรงหน้าด้วยความพึงพอใจ สวยงามทั้งสามกล่อง... เดี๋ยวนะ! สามกล่อง จำนวนมันเกินหรือเปล่า? เพราะคำสั่งจากจิตใต้สำนึก เลยกลายเป็นว่านอกจากเตรียมมื้อเช้าเผื่อคนในใจแล้ว ยังมีมื้อกลางวันแถมให้อีกด้วย แล้วคนรับจะยินดีรับไปกินไหมนะ... “เขม ตื่นมาทำอะไรแต่เช้าน่ะ”ราตรีที่แต่งตัวเรียบร้อยเตรียมจะออกไปทำงานเห็นเงาลาง ๆ ในครัวเลยเดินเข้ามาหาลูกชาย “ทำข้าวเช้าให้แม่เหรอ อ๊ะ มีข้าวกล่องด้วย... หืม สามกล่อง” ดวงตาคู่สวยหรี่มองคุณลูกชายที่ยืนส่งยิ้มอบอุ่นตรงหน้าอย่างจับผิด แต่เธอเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากมาย ก็นะ คนมันมีชนักติดหลัง ทั้งการที่ไม่ได้เลี้ยงดู ไม่พอตัวเธอเองก็มีแฟนตั้งแต่อายุยังน้อย... น้อยกว่าลูกชายเธอด้วยซ้ำ “เขมเคยมีแฟนมาก่อนไหม”หญิงร่างเล็กทรุดตัวนั่งลงเพื่อกินมือเช้าที่ลูกรักของเธอทำให้ด้วยรอยยิ้ม “เคยครับ”เด็กหนุ่มไม่คิดจะตอบเลี่ยง ๆ หรือปฏิเสธอะไร การมีแฟนไม่ใช่เรื่องน่าอาย โดยเฉพาะกับเขาที่ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียอะไรด้วย “ทำไมเหรอครับ” “เคย... เอ่อ ปะหลึ่มตึ่มโป๊ะกับเขาไหมลูก”ความจริงมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะถามตอนเช้าสักเท่าไหร่หรอก แต่ลูกชายของเธอมีแววจะโดนกระต่ายหน้าซื่อชั้นบนงาบลงท้องในเร็ว ๆ นี้ เธอเลยอยากรู้ว่าลูกเธอยังใสซื่ออยู่ไหม “ไม่เคยหรอกครับ”รอยยิ้มสวย ๆ บนใบหน้าจางไปหลายส่วน “แม่ไม่วางใจผมเหรอครับ” “เปล่าหรอก”เป็นไปตามที่เธอคาดไว้ ลูกชายเธอทั้งใสซื่อ ทั้งบริสุทธิ์ดุจผ้าขาว “แม่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้นแหละ เวลามีเยอะแยะไม่ต้องรีบมีมันหรอกแฟนเฟินน่ะ ลูกชายแม่แสนดีขนาดนี้ ต้องมีคนดี ๆ ที่คู่ควรแน่ ๆ ใครตาไม่ถึงก็ปล่อยไป” แต่ไอ้คนตาถึงน่ะมันอยู่ชั้นบน!!! “แล้วถ้า... ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงล่ะครับ”แม่จะรับได้ไหม... เขมกลัวคำตอบที่จะออกมาจากปากของผู้หญิงคนสำคัญที่สุดในชีวิต แต่เขาก็ไม่อยากให้แม่รู้เกี่ยวกับรสนิยมของเขาเป็นคนสุดท้าย “ก็คบผู้ชายสิ ไม่ยาก”คำถามนี้ราตรีเตรียมคำตอบเอาไว้ในใจนานแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าใครบางคนแอบเต๊าะคนสำคัญของเธอ “มันไม่สำคัญว่าเขมจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงหรอก เขมจะรักชอบกับผู้ชาย หรือเขมอยากจะแปลงเพศเป็นผู้หญิงแม่ก็รับได้ ออกเงินให้ด้วย เพราะเขมเป็นลูกคนสำคัญของแม่ ความหวังของแม่มีแค่อยากให้เขมเป็นคนดี มีความสุข เท่านี้ก็พอแล้ว เรื่องเพศ เรื่องความชอบไม่สำคัญทั้งนั้น” “ขอบคุณครับ”รอยยิ้มที่ส่งไปถึงดวงตานั้นทำให้คนมองยิ้มตามอย่างมีความสุข “เป็นอย่างที่ลูกเป็น ดีที่สุดแล้วล่ะ”หญิงสาววัยใกล้สี่สิบส่งมื้อเช้าคำสุดท้ายเข้าปาก จะว่าไปเธอได้กินมื้อเช้าที่เป็นมื้อเช้าไม่ใช่กาแฟแก้วนึงครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ “กล่องไหนของแม่เนี่ย” “สีชมพู... กล่องนี้ครับ”เขมเอากล่องข้าวใส่ถุงผ้ายื่นให้แม่ของตน “อย่าลืมกินนะครับ” “จ้า แม่จะกินให้หมดเลย”ราตรีขยิบตาให้ลูกชายทีนึง แล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง “แม่ไปก่อนนะ เจอกันตอนเย็น” “แล้วเจอกันครับ”เขมเดินออกไปส่งแม่ที่ประตูห้อง แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดประตูออกไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออกมา “อรุณสวัสดิ์ครับพี่ต่าย” คนที่เขาคิดไว้ว่าอาจจะมา ในที่สุดก็มา รอยยิ้มบนใบหน้ามนนั้นอ่อนหวานขึ้นโดยไม่รู้ตัว “อรุณสวัสดิ์ครับ น้องเขม”ต่ายเอ่ยทักร่างโปร่งกลับด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “น้าราตรีจะไปทำงานแล้วหรอครับ” “จ๊ะ”หญิงแกร่งคนเดียวในห้องกระตุกยิ้มแข็ง ขอบใจที่ไม่ให้เธอเป็นส่วนเกินนานนัก “ฝากน้องด้วยล่ะ น้าไปละ” “เดินทางปลอดภัยนะครับ”ต่ายเบี่ยงตัวหลับให้ผู้สูงวัยกว่าไปก่อน แล้วถึงจะเดินเข้าห้องของคนที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้ด้วยท่าทีสบาย ๆ “พี่มารับไปมหา’ลัย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วนะ เด็กขี้เกียจ” “ขี้เกียจอะไรกันครับ”เขมทำปากแหลมใส่คนที่ใส่ร้ายเขาหน้าตาเฉย “ผมลุกมาทำมื้อเช้ากับข้าวกล่องให้แม่ต่างหาก เลยยังไม่ได้แต่งตัว” “มื้อเช้า? ข้าวกล่อง?”ต่ายนึกถึงถุงผ้าที่ที่ในอ้อมแขนของราตรีแล้วก็เข้าใจ “โอเค เด็กขยัน” “มีส่วนของพี่ด้วย... อยู่บนโต๊ะ”คุณหนูอักษรหลบตาที่พราวประกายของเจ้าชายต่างคณะด้วยความเขิน “ถ้าพี่ยังไม่กินมา ไปกินระหว่างรอก็ได้ครับ” “ไม่เกรงใจนะ”รณกฤตเดินยิ้มไปกินมื้อเช้าที่มีคนใจดีทำเอาไว้ให้ทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาจะมาไหม ดวงตาสีน้ำตาลมองตามร่างสูงไป เมื่อเขาเห็นว่าคนในใจคนนั้นนั่งลงกินมือเช้าที่ตนทำไว้ให้อย่างไม่รังเกียจก็วางใจ แล้วพาตัวเองไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวออกไปเรียนอย่างอารมณ์ดี เขมยื่นกล่องข้าวสีฟ้าให้กับต่ายเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรและแก้มใสก็ขึ้นสีเรื่ออีกครั้ง ต่ายเองก็รับมาโดยพูดกลับไปแค่คำว่าขอบคุณ ชายหนุ่มทั้งสองช่วยกันล้างชามปิดไฟแล้วออกจากห้องมาพร้อมกัน และนี่เป็นอีกครั้งของหลาย ๆ ครั้งที่เห็นคุณหนูอักษรลงจากรถของเจ้าชายเศรษฐศาสตร์หน้าคณะอักษรศาสตร์ มันเริ่มจะเป็นภาพชินตาของหลาย ๆ คนที่คอยเฝ้ามองกันแล้ว แต่! ทั้งคู่ก็ยังอมพะนำ ไม่บอกความสัมพันธ์ในตอนนี้ระหว่างกันและกันออกมาสักที ถามไปก็ได้แต่รอยยิ้มบ้างล่ะ การตอบเลี่ยง ๆ บ้างล่ะ ไม่มีความกระจ่างเลย ช่างเป็นคนหน้าตาดีที่ไม่เห็นใจคนใฝ่รู้ซะจริง ๆ วันนี้ก็คงจะเหมือนปกติที่มาเรียน กินข้าว เรียน กลับบ้าน ช่วงนี้ก็เพิ่มการซ้อมควงคทามาอีกอย่างนึง ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนตาตีบางคนไปเห็นมาว่าคุณเจ้าชายแห่งคณะเศรษฐศาสตร์นั้นถือข้าวกล่องมากินเป็นมื้อกลางวันด้วย และมันคงไม่ฮือฮา ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนจับภาพคุณหนูคณะอักษรที่นั่งกินข้าวกล่องอยู่ท่ามกลางเพื่อน ๆ เหมือนกัน มันจะบังเอิญอย่างนั้นเหรอที่ทั้งสองคนหิ้วข้าวกล่องมากินเหมือนกัน และไม่ใช่แค่นั้น มีคนใจกล้าไปถามทั้งคู่ว่ามื้อกลางวันกินอะไร คำตอบที่ได้มาคือข้าวกับไข่ต้มและผัดขี้เมาเหมือนกันเป๊ะ ๆ สรุปว่าเขาทำข้าวกล่องให้กัน... นี่เขาอยู่ด้วยกันแล้วอย่างงั้นใช่ไหม ใช่ไหม! แอนเดรียแห่งคณะอักษรศาสตร์เป็นตัวแทนไปซักหาคำตอบจากเพื่อนร่วมคลาสที่รักของเธอ ร่างสูงที่ติดจะใหญ่ไปสักหน่อยเดินเข้าไปแซะ ๆ ซุก ๆ หนุ่มเนื้อหอมเป้าหมายของเธอพร้อมส่งสายตาวิ้ง ๆ ให้ “มีอะไรเหรอครับ แอนเดรีย”น้ำเสียงนุ่มนวลที่เอ่ยออกมาชวนสาวน้อยในร่างชายหนุ่มใจละลาย “แบบว่า ตัวเองขาาา มีคนให้เค้ามาถามตัวว่าตัวกับสามีเบอร์หนึ่งของเค้าอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม ตัวเองบอกเค้าหน่อยสิ”สาวเจ้าช้อนตามองอย่างอ้อดอ้อนน่ารัก น่ารัก... ขนาดที่เพื่อนของเขมต้องหันไปมองทางอื่น “สามีเบอร์หนึ่ง?” “ใช่ ๆ พี่รณกฤต สามีเบอร์หนึ่งของเค้าไง” “อ่อ พี่ต่ายน่ะเหรอ”รอยยิ้มบางฉาบทับใบหน้ามน “ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอกครับ” แค่อยู่คอนโดเดียวกัน... แต่เขาไม่พูดไปหรอก “งั้นหรอออ แล้วทำไมสามีเค้ามีข้าวกล่องเหมือนของตัวเองได้ล่ะ”แอนเดรียถามต่อตาใส แต่ก็แฝงความคุกคามกดดันให้เพื่อนหนุ่มตอบกลับมา “ก็... ลองไปถามพี่เขาดูสิ”เขมขยิบตาให้คู่สนทนาครั้งนึง ก่อนที่จะลุกขึ้นยืดตัว “เราไปซ้อมควงคทาก่อนนะ วันนี้ต้องเริ่มท่าใหม่แล้วล่ะ” รอยยิ้มที่แย้มกว้างนั้นดูสดใสร่าเริงแต่แววตาของเด็กหนุ่มกลับเคลือบด้วยความกังวลจาง ๆ ถึงแม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่เพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่รอบ ๆ ก็ยังสังเกตได้ “ยัยดอกขาว เธอตามไปดูหน่อยสิ”แอนเดรียสวมวิญญาณเจ้ใหญ่หันไปสั่งเพื่อนที่นั่งจิ้มมือถือจึก ๆ อยู่ “ฉันมีนัดแล้ว เธอว่างนี่ ไปดูคุณหนูหน่อยสิ ไม่ต้องขี้เกียจ” “ย่ะ”ลิลี่เก็บโทรศัพท์ในมือใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้นเดินตามหลังคุณหนูของคณะไป ถ้าไม่ใช่เขมทิวาที่เป็นที่รักของเพื่อน ๆ รับรองว่าเธอไม่มียอมมาดูให้หรอก เสียเวลา ดาวคณะอักษรขยับตัวเนียน ๆ เดินมานั่งข้างเลขาสโมฯ เธอเมินต่อสายตาที่ตั้งคำถามของรุ่นพี่สาวแล้วมองเพื่อนเธอเอาไว้ อืม... วันนี้รุ่นพี่คณะเศรษฐศาสตร์คนนั้นไม่มา คงเพราะแบบนี้เพื่อนเธอเลยไม่ค่อยสบายใจสินะ แต่... มันจะแค่นี้หรือเปล่า “เพื่อนหนูเข้ากับทุกคนได้ใช่ไหมคะ”ลิลี่เปรยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ในขณะที่เธอมองเพื่อนของเธอวิ่งเหยาะ ๆ รอบสนามกับกลุ่มคนอื่น ๆ ที่หน้าตาดี... ก็ดีแหละ แต่เธอสวยกว่าแค่นั้นเอง “ก็เข้าได้นะ”พรีมตอบเป็นกลาง มันก็มีกลุ่มคนที่ชอบพอเด็กคนนี้ ขณะเดียวกันก็มีคนที่กังขา... แต่จะให้เธอไปบังคับให้ชอบคนที่พวกเธอเลือกมามันก็ไม่ได้ “งั้นเหรอคะ”ลิลี่พยักหน้ารับแล้วกวาดมองคนอื่นต่อ เธอไม่ใช่คนที่อวยเพื่อนไม่ลืมหูลืมตาอย่างไอ้เอ แต่มันก็จะเหลือเชื่อหน่อย ๆ ที่มีคนไม่ชอบเพื่อนคนนี้ ก็นะ คนที่ดีทุกมุมมองแค่เห็นก็อาจจะหมั่นไส้ได้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนั่นล่ะ ตอนวิ่งวอร์มร่างกายอาจจะไม่เห็นความแบ่งกลุ่มของคนจำนวนสิบคนตรงหน้า แต่พอเรื่องซ้อมควงก็เห็นถึงการแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน เรื่องแค่นี้ยังต้องทำแบ่งพรรคแบ่งพวกอีก จะอยากเด่นอยากดังอะไรขนาดนั้น ซ้อมควงสองมือกันอยู่พักนึงทุกคนก็มายื่นตั้งแถวกระจายกันเป็นฟันปลา วันนี้รุ่นพี่ปีแก่จะมาสอนท่าควงอ้อมหลังและหมุนตัว เป็นท่าที่ค่อนข้างยากสำหรับมือใหม่ไม่น้อย แน่นอนว่าเขมทิวาที่เพิ่งจะเริ่มฝึกควงคทามือเดียวย่อมทำได้ช้ากว่าคนอื่นมาก บางครั้งก็ทำไม้หล่น มันเป็นธรรมดาของมือใหม่ซึ่งคนที่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่จะเข้าใจ แต่มันไม่ใช่กับทุกคน... สายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเหลือบมองคนที่ทำพลาดบ่อยที่สุดราวกับต้องการคาดโทษไว้ว่า เพราะคน ๆ นี้ทำให้การซ้อมเป็นไปอย่างล่าช้า ตัวเขมเองก็ได้แต่ส่งยิ้มขอโทษ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกแย่ แต่ในตอนนี้เขาทำได้เท่านี้... ยังต้องซ้อมอีกมาก การซ้อมวันนี้ก็จบลงที่ท่าอ้อมหลัง ให้ไปฝึกกับให้คล่องแล้ววันมะรืนจะมาเพิ่มท่าใหม่ ในขณะที่คนอื่นนั้นต่างแยกกันไปเก็บของกลับบ้าน เด็กหนุ่มจากคณะอักษรกลับยืมกำคทาอยู่กับที่ ก้มหน้าลงต่ำจนเพื่อนสาวที่นั่งมองอยู่อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ วันนี้เขาทำได้แย่จนเป็นภาระทุกคน จนในหลาย ๆ ครั้งเขมก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะรับหน้าที่นี้ อยากจะขอลาออก แต่มันก็เหมือนเป็นการยอมแพ้ เหมือนคนขี้แพ้ “ไหวไหม”ลิลี่เดินเข้าไปจับบ่าเพื่อนเอาไว้ “อื้อ ไม่เป็นไรหรอก”คำว่าไม่เป็นไรที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีอ่อนนั่นไม่ได้น่าเชื่อถือเลยสักนิด “เราแค่รู้สึกแย่ที่เป็นตัวถ่วงน่ะ ไม่มีอะไรหรอก” “แล้วปกติเขมซ้อมยังไงน่ะ”เธอว่าเธอไม่เคยเห็นเพื่อนมีท่าทีซึม ๆ ขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งที่ซ้อมมาก็หลายวันแล้ว “พี่ต่ายเขาสอนทริคให้น่ะ”เขมตอบกลับเบา ๆ “อ่อ... วันนี้พี่คนนั้นไม่มาสินะ”ลิลี่พอจะเข้าใจอะไรขึ้นมาราง ๆ บ้างแล้ว และตอนนี้เธอไม่อยากซักอะไรให้เพื่อนรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ “คราวหลังเขมถามเราหรือถามไอ้เอก็ได้ คนเราน่ะมันก็ต้องมีอะไรที่ไม่รู้ อะไรที่ไม่ได้บ้างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้โทษหรือกดดันตัวเองหรอกนะ” “ถามแอนเดรียเหรอ...” “เชื่อสิว่ายัยนั่นน่ะคล่องเรื่องของยาว ๆ รูดๆ ควง ๆ แบบว่ามันส์มือชีล่ะ”คำพูดติดตลกของหญิงสาวทำให้เขมหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ส่วนฉัน สวยเซ็กซี่หุ่นดีขนาดนี้ต้องเคยเป็นดรัมฯมาก่อนล่ะย่ะ เรื่องสิว ๆ สามเดือนเพิ่งควงมือเดียวเป็น” “เดี๋ยวนะ”เด็กหนุ่มแทบสำลักอากาศกับช่วงท้ายประโยคของลิลี่ “นั่นมันสมัยก่อน ตอนนี้ฉันโปรแ---“ “เขม”เสียงนุ่มทุ้มของคนที่ติดงานไม่ได้มาซ้อมดังแว่วขึ้นมาขัดคอสาวเจ้า “พี่ต่าย”น้ำเสียงและท่าทางดีใจเหมือนหมาเจอเจ้าของของเขมทิวาทำเอาสาวน้อยคนเดียวในโรงยิมตอนนี้กรอกตาเป็นเลขแปด ออกท่าออกทางขนาดนี้ยังบอกไม่ได้เป็นอะไรกันอีก ใครเชื่อคำมันแม่จะแจกเขาให้! “เป็นไงบ้างครับวันนี้ โอเคไหม”ต่ายเดินตรงเข้ามาหาเป้าหมายของตนเองโดยไม่สนใจรอบข้างที่กำลังยืนแอคร้อยหน้าอยู่เลย ไก่ ไข่ ควาย! ที่ดีต้องรู้หน้าที่ พระเอกมาตัวเองต้องหลบไป และหนึ่งในก้างที่ดีอย่างลิลี่ ก็จำต้องหลบฉากไป... “โอเคครับ”เขมยิ้มกว้างจนตาหยีทำให้จับความรู้สึกได้ยากขึ้น “แต่ท่าอ้อมหลังยากหน่อย ผมคงต้องฝึกให้มากขึ้นอีกล่ะครับ” “ท่าอ้อมหลังเหรอ...”รณกฤตพึมพำเบา ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “งั้นเราไปฝึกด้วยกันนะ” “ครับ”คนเป็นรุ่นน้องขานรับเสียงใส สีหน้าก็ดูผ่อนคลายลงอีกหลายส่วน “แฮ่ม”ลิลี่กระแอมส่งเสียงในลำคอก่อนที่ระดับน้ำตาลเธอจะขึ้นจนเกินขีดจำกัด “เพื่อนน้องเขมเหรอครับ”ต่ายเอ่ยถามคงตรงหน้าที่ยืนยิ้มอยู่โดยที่ดวงตาไม่ละไปจากร่างโปร่งเลย “ใช่ครับ ลิลี่เป็นดาวคณะผมเอง” “งั้นเหรอ” “เอาเป็นว่านะ ฉันจะกลับแล้ว”สาวสวยที่ถูกเมินขัดคอหนุ่ม ๆ อีกครั้ง “ถ้าจะสวีทกันก็ช่วยทำอะไรให้มันเคลียร์ ๆ หน่อย มัวแต่เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไม่เดินหน้าสักทีเดี๋ยวก็ได้ถอยหลังพอดี” ลิลี่ปรายตามองคนหน้าตาดีแต่ชอบเพื่อนเธอด้วยสายตาเย็น ๆ แฝงคำเตือน “เอาหัวใจของคณะเราไปแล้วไม่ดูแลให้ดี ๆ ระวังพวกเราจะมาเอาคืนนะคุณ คุณเจ้าชาย”ดาวคณะอักษรทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะสะบัดผมเดินฉับ ๆ ออกไป “อ่า... ไม่ต้องไปสนใจคำของลิลี่ก็ได้นะครับ”คุณหนูอักษรยิ้มแหยให้คนที่กำลังทำหน้าครุ่นคิด “พวกเขาก็ชอบล้อเล่นไปเรื่อยนั่นล่ะครับ” “อืมมม ก็นั่นสินะ”คำพูดที่ไม่ได้สื่อถึงความคิดอะไรออกมาชวนให้คู่สนทนารู้สึกโหวง ๆ ในใจไม่น้อย เขากลัวว่าคนในใจจะรู้สึกอึดอัดเพราะคำพวกนั้น... “น้องเขมหิวหรือยังครับ”ต่ายเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่น แต่ในสมองยังคงคิดอะไรบางอย่างอยู่ “หิวแล้วครับ”พอพูดถึงเรื่องกิน ท้องมันก็เริ่มส่งเสียประท้วงขึ้นมาหน่อย ๆ “ไปกินข้างต้อมร้านเจ้สวยกันไหมครับ” “ไปสิ”ต่ายตอบรับทันที เพราะมันก็เป็นร้านที่เขาคิดจะชวนเด็กดีของเขาไปเหมือนกัน แต่ไม่บอกน้องดีกว่า เดี๋ยวน้องจะเขิน รณกฤตยื่นมือไปตรงหน้าของเขมทิวา และรอให้อีกฝ่ายยื่นมือออกมาวางบนมือเขาเอง “ไปกันนะครับ”เขมเอามือวางลงบนมืออุ่นที่คอยจับเขาเอาไว้เสมอตั้งแต่วันที่ได้คุยกัน มือคู่นี้ที่เขารู้สึกวางใจ “ไปกันครับ”ต่ายหลุบตามองมือขาวที่เขากำลังจับเอาไว้ มือที่วางลงบนมือเขาอย่างไม่ลังเล บางที... มันก็คงถึงเวลาที่จะคืบหน้าความสัมพันธ์ของเราได้แล้วสินะ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ความหวานต้องมาทุกช่วงเวลา~ มาอัพเต็ม ๆ แล้วค้าาา วันนี้มาเร็วไม่ดึกด้วยน้าา หวานตามเคยย อั๊ยยะ ๆ พี่ต่ายจะทำอะไรน้าาาา เช่นเคยค่ะ ฝาก #คนในใจ #พี่ต่ายน้องเขม เอาไว้ในอ้อมใจด้วยน้าาา L O V E
:pig4: :pig4: :pig4: พี่ต่ายก็ขอน้องคบเป็นแฟน ประกาศออกสื่อไปเลย อิอิ
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พอคนพี่มาก็หวานกันเลยนาจา
มันถึงเวลาแล้วค่ะคุณพี่
:L2:
พี่ต่ายต้องชัดเจนกว่านี้แล้วนะคะ
บทที่ 14 ใจเอย หลังจากวันที่ทำพลาดบ่อยจนน่าโมโห เขมทิวาก็ตั้งใจฝึกซ้อมการควงไม้คทาในท่าต่าง ๆ มากขึ้น เขาทุ่มเทกับมันถึงขั้นเพิ่มเวลาซ้อมให้กับตัวเองมากขึ้น และขอคำปรึกษาจากแอนเดรียและลิลี่เป็นระยะ “หลังตรงกว่านี้ แขนไม่งอ นั่นล่ะ”แอนเดรียที่ฟังเรื่องจากเพื่อนสาวมาแล้ว พอได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือก็ไม่มีรอที่จะพุ่งหลาวออกมาช่วยเลย คุณหนูอักษร ถ้าไม่ไปเป็นเมียเจ้าชายเศรษฐศาสตร์ก็เป็นหนึ่งในตองอู เอ๊ย สามีแห่งชาติเถอะ คนอะไร หน้าตาดี เรียนเก่ง ใจดี ยิ้มสวย ขาดแค่ความรวยแค่นั้นเอง “คล่องขึ้นเยอะเลยนะเขม”ลิลี่ปรบมือแปะ ๆ ให้กับเพื่อนที่ตอนนี้เริ่มโปรขึ้นถึงขั้นโยนไม้แล้วไม่หล่นทั้งยังควงต่อได้เลยด้วย “ได้แอนเดรียกับลี่ช่วยสอนด้วยแหละ”เขมทิวายิ้มกว้างให้เพื่อนที่ผันตัวมาเป็นครูพิเศษให้เขา “ขอบคุณนะ” “โอ้ย มาขอบคงขอบคุณ”แอนเดรียทำปากบี้ใส่คุณหนูของคณะพร้อมมองบน “ฉันสอนยี่สิบนาทีแล้วก็มีเจ้าชายรูปหล่อพ่อรวยแต่... ใหญ่ไหมก็ยังไม่รู้มารับไปสอนเองตลอด ชิชะ” “ไม่เรียกสามีแล้วเหรอยะ”สบโอกาสกัดลิลี่ย่อมไม่พลาดที่จะดึงจังหวะนั้นมาใช้ “พี่เขามารับเขมไป แกก็มีโอกาสได้เกาะแขนได้ซบตั้งหลายทีนิ” “แล้วเขาก็ผลักออกอย่างนุ่มนวลในวินาทีถัดมา”น้ำเสียงของชายหนุ่มหัวใจสาวน้อยติดจะเซ็งอย่างแรง แถมกรอกตาให้ด้วย “ยังไม่ทันจะได้สูดกลิ่นรับอุ่นไอเลยเถอะ” “พี่ต่ายเขาคงไม่ชินน่ะ ไม่โกรธนะ” “ใครจะไปโกรธหนุ่มหน้าตาดี ดีกรีแฟนเพื่อนได้กันล่ะยะ แหม ขอตัดพ้อนิดนึงก็ไม่ได้” “ไม่ใช่แฟนสักหน่อย...” “งั้นข้ามไปเก้าตัวอักษรเป็นสามีเลยละกัน” “ไม่คิดว่าเราจะเป็นฝ่ายรุกพี่เขาบ้างเหรอ...”เพียงแค่ประโยคนี้หลุดออกไปให้สองสาวได้ยิน สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือสายตามองบนสองคู่ทำเอาเขมต้องหัวเราะแห้ง ๆ “บางทีเขมก็ควรจะตื่นนอนได้แล้ว”ลิลี่พูดด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน “อย่านอนนานนัก” “ช่ายยย เป็นคุณหนูแต่งจะไปรุกเจ้าชาย ตื่นค่ะลูกกก”แอนเดรียบีบเสียงแหลมเสียดแทงโสตประสาท “อ้อ อันที่จริงก็พอรุกได้ล่ะนะ on top เอาสักยก รับรองผัวรักผัวหลง” “อีเอ มึงนี่นะ... ลามกตลอด”สาวแท้คนงามแห่งคณะอักษรพ่นลมหายใจแรง ๆ ใสคนที่กำลังทำท่าเชิด ๆ อยู่ตรงหน้า “ออนทง ออนท๊อปบ้าบออะไร เพื่อนเราชันเข่าอ้าขาเป็นไหมยังไม่รู้เลย” “แหมมมม ที่มึงพูดมาไม่ลามกเลยนะอีลี่”ใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางเอาไว้ตวัดไปหาเพื่อนสาว “ช่างเป็นคำพูดที่สุภาพ อ่อนน้อม อ่อนโยน สมเป็นกุลส้นตีนจริง ๆ” เขมมองเพื่อนที่ศีลเสมอกันพ่นน้ำลายใส่กันด้วยรอยยิ้มขำ เห็นถกกับรุนแรงขนาดนั้นก็เถอะแต่ทุกวันนี้ก็ยังเห็นสนิทกันดีเหมือนเดิม ออกจะมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยซ้ำ “น้องเขม”เสียงนุ่ม ๆ ของคนในใจที่เดินเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้กระซิบที่ข้างหูแผ่วเบา “ซ้อมกับเพื่อนเสร็จแล้วเหรอครับ คนเก่ง” “เสร็จแล้วครับ”เขมหันไปคุยกับคนที่เขากำลังแอบรอด้วยรอยยิ้มที่หวานขึ้นอย่างไม่รู้ตัว “พี่เขมหิวหรือยังครับ” “ก็นิดหน่อยนะ”มือหนาขยับไปลูบท้องตัวเองเบา ๆ “แล้วเขมหิวหรือยังครับ” “ผมกินขนมก่อนมาซ้อมแล้ว ตอนนี้ยังไม่ค่อยหิวหรอกครับ”เด็กหนุ่มตอบตามความจริง ซากอารยธรรมของถุงขนมตอนนี้ยังถูกยัดอยู่ในกระเป๋าอยู่เลย “งั้นวันนี้เราไปกินที่บ้านดีไหมครับ แม่บอกว่าวันนี้จะกลับเร็วด้วย” “เอาสิ ทำอะไรร้อน ๆ กินก็ไม่เลว” “ซื้อของไปทำสุกี้กินดีไหมครับ” “ก็ดีนะ ซื้อเป็นชุดไปเลย ไม่ต้องทำอะไรดี” “เอาชุดเดียวก็พอมั้งครับ ที่เหลือเดี๋ยวซื้อของไปหั่นเพิ่มเอา” “มันจะเหนื่อยเขมนะ” “ไม่หรอกครับ” ... สองหนุ่มหน้าตาดีพูดคุยกันอยู่ในโลกส่วนตัวโดยที่ไม่รู้เลยว่ารอบข้างของเขาไม่มีเสียงอะไรเลย... มีแต่หูสองคู่สี่ข้างที่กางอย่างเต็มที่จับใจความคำพูดพวกนั้นไว้ กลับบ้าน? ทำกิน? แม่? เดี๋ยวนะ!! เดี๋ยว ๆ สรุปว่าอะไร ยังไง ไหนบอกไม่ใช่แฟนไง หรือพวกเธอฟังผิดกัน แต่ข้อสงสัยพวกนี้ก็ยังเป็นได้แค่ข้อสงสัยที่อยู่ในสมอง เพราะคนที่จะแก้ข้อสงสัยได้จูงมือกันเดินออกไปแล้ว จูงมือ!!! “อีลี่ เขายังไม่คบกันจริงดิ” “ฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไงล่ะยะ อีเอ” “ชิ ให้มาเฝ้าคุณหนูตั้งหลายวันไม่ได้เรื่องเลย” “ฉันไม่ได้ขี้เสือกเหมือนแกนิ” “แหมมม แม่คนดีศรีตระกูลหยาง ไม่ขี้เสือกเล้ยยย” “อะไรกันยะ!” แล้วสองสาวก็ยังคงเถียงกันไฟแลบไม่เลิกจนกระทั่งเดินไปถึงหอของตนเอง... รณกฤตพาเขมทิวาไปเลือกซื้อของสดในซุปเปอร์สีเหลืองส้มในห้างเครือดัง ระหว่างที่ร่างโปร่งกำลังเล็งเลือกซื้อผักสดว่าจะเอาหัวไหน ต้นไหนดีอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ผละออกไปเดินทำธุระของตน แต่เขาบอกกับน้องเขมของเขาแล้วนะว่าจะเดินไปที่อื่น น้องจะได้ไม่ตื่นตกใจตอนที่หันมาแล้วไม่เจอเขา แต่จะไปทำอะไร ที่ไหน... ไม่บอกหรอก มันยังไม่ถึงเวลา หลังจากทำธุระของตนเสร็จเรียบร้อย ต่ายก็มายืนรอคนที่เลือกผักเสร็จแล้วแต่ยังเลือกเนื้อไม่เสร็จ เหมือนว่าเดี๋ยวนี้เจ้าตัวจะเลือกของสดประณีตกว่าเมื่อก่อนด้วย คงเพราะมาอยู่กับแม่แล้ว เลยอยากให้แม่ได้กินแต่อะไรดี ๆ ต่ายเลยต้องรออยู่แถวนั้นไปอีกครึ่งชั่วโมง... ระหว่างนั้นเลยไปหยิบน้ำผลไม้และน้ำอัดลมมาใส่รถเข็นเอาไว้ด้วยเลย จะได้ไม่เสียเวลามากนัก “อกไก่ สันในหมู กะหล่ำปลี ผักกาด หัวไชเท้า... น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำองุ่น โค้ก...”เขมไล่ลิสรายการของที่หยิบมาในรถเข็นว่ายังขาดเหลืออะไรบ้างหรือเปล่า แต่ดูเหมือนจะครบแล้วติดจะเกิน ๆ ด้วยซ้ำ “โอเคครับ เราไปจ่ายเงินกันเถอะ” มือขาวยื่นมาจับเข็นรถเข็นไปจ่ายเงิน แต่คนตัวสูงแขนยาวนั้นกลับไวกว่า ชิงรถเข็นไปเข็นเอง ไม่พอ ยังใช้ความเร็วมือนั้นชิงจ่ายเงินกับแคชเชียร์ก่อนด้วย เขมค้อนตาใส่คนที่ทำเป็นยิ้มอยู่ข้าง ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะใจไม่กล้าพอ ใครจะไปกล้ากับคนในใจของตัวเองได้ล่ะ... เฮ้อ เมื่อกลับมาถึงห้อง สองหนุ่มก็พบว่าคุณราตรีกลับมาถึงห้องแล้ว ทั้งยังอาบน้ำเรียบร้อยนั่งเล่นกับคุณมณีและตะวันอยู่ในห้องนั่งเล่น ใช่... คุณมณีจะลงมาอยู่กับน้องตะวันในช่วงที่เจ้านายไม่อยู่ทุกวัน เพราะเด็กชายตะวันติดพี่กระต่ายขนปุยมาก “ซื้อของมาทำกินเหรอลูก”ราตรีลุกขึ้นจากกองหมอนของเด็ก ๆ แล้วเดินมาหาลูกชาย “วางไว้สิ เดี๋ยวแม่ทำให้” “ผมทำเองก็ได้ครับ”เขมเอาของในมือไปวางบนโต๊ะในห้องครัว “แค่หั่นของสำหรับทำสุกี้เอง เรื่องแค่นี้ผมทำได้ สบายมาก” “ใช่ ๆ มันเป็นเรื่องง่าย ๆ สบายมาก เพราะงั้นเขมไปอาบน้ำอาบท่าซะนะ เดี๋ยวแม่ทำเอง”คุณหญิงแม่ไม่ว่าเปล่า เดินไปเปิดน้ำใส่กะละมังใบเล็ก หยิบมีดหยิบเขียงเตรียมอาวุธพร้อมครบมือ “อะไรง่าย ๆ ทำเอง เดี๋ยวยาก ๆ เขมก็ทำไปไง” “อา...”เด็กหนุ่มยืนกระพริบตาพริบ ๆ กับท่าทางกระตือรือร้นเกินร้อยของมารดา “งั้นผมไปอาบน้ำนะครับ” “จ้า”คุณแม่ที่ยังดูสาวตอบรับเสียงใส “อย่าลืมเอาข้าวให้ตะวันด้วยนะลูก” “โอเคครับ”เขมเดินไปที่กองหมด กะว่าจะมาเทข้าวให้ตะวันเลยน้องจะได้ไม่ต้องแขวนท้องรอเขาอาบน้ำ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ต้องให้แล้วล่ะมั้ง... ภาพของหมาขุนฟูสีขาวที่นอนหงายท้องโชว์พุงป่อง ๆ ช่างบาดตาบาดใจคนเป็นเจ้านายนัก อะไรมันจะอิ่มหนำสำราญข้าวไม่เหลือไว้เป็นหลักฐานสักเม็ดขนาดนั้น เขายืมมองลูกหมาที่โตวันโตคืนอย่างหมั่นไส้อยู่แป๊ปนึง ก่อนที่จะพาตัวเองเข้าห้องน้ำไป เพราะอยากจะรีบออกมาช่วยแม่เตรียมมื้อเย็น เขมทิวาเลยรีบอาบน้ำอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช็ดตัวยังไม่ทันแห้งสนิทก็ใส่เสื้อผ้ารีบร้อนออกมาแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินฝีมือคนครัวเก่าต่ำไปสักหน่อย เวลาเพียงแค่ห้านาทีผักที่ซื้อมานั้นก็ถูกซอยหั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้ว และตอนนี้แม่ของเขากำลังเริ่มหันเนื้อ คมมีดที่ปาดลงบนเนื้อสดนั้นฉึบเดียวขาด ๆ ไม่มีการซ้ำสอง ชิ้นที่หันออกมาก็พอดีคำซะจนคนตั้งใจจะเดินมาช่วยรู้สึกอายตัวเอง จริง ๆ เขมก็ไม่ได้หั่นได้ขี้เหล่กินเนื้อหรืออะไรหรอก แค่ความไวในการหั่นนี่สิ ทิ้งห่างกันแบบไม่เห็นฝุ่นเลย แทนที่จะไปรบกวนเวลากับเฉือนเนื้อของแม่ เขมหันไปเตรียมหม้อจัดโต๊ะให้พร้อมกินมื้อเย็นกันคงมีประโยชน์มากกว่า สองแม่ลูกใช้เวลาไม่นานในการเตรียมมื้อเย็นให้เสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทาน ราตรีมาจำนวนจานชามบนโต๊ะแล้วยิ้มอ่อน เธอเดาไว้ไม่ผิดเลยว่ามันจะต้องไม่ได้มีแค่สองชุด แล้วไม่ต้องบอกเช่นกันว่าไอ้ชุดที่สามเนี่ย ของใคร เธอพนันได้เลยว่าอีกไม่ถึงห้านาทีเจ้าของมันต้องโผล่หัวมา และมันก็เป็นอย่างนั้น เมื่อเขมกับแม่นั่งลงก้นยังไม่ทันแตะเก้าอี้ เสียงประตูห้องเปิดก็ดังแว่วเข้ามาในหู ก่อนที่ร่างสูงโปร่งของใครบางคนจะเดินมานั่งตรงที่ของเขา อืม... ราวกับว่าเป็นบ้านของตัวเองจริง ๆ เขมยิ้มให้กับคนในใจของตัวเองที่ดูจะตัวชื้น ๆ ไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่ ก่อนจะจัดการเทผักลงหม้อ แล้วตามด้วยลูกชิ้นและเนื้อสัตว์ พอพวกมันสุดแล้วเขาก็คีบใส่ชามของแม่กับรณกฤตจนแทบจะเต็มชาม “เขมก็กินบ้างสิ”ต่ายคีบเนื้อปลาวางลงในชามของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง “ไม่ต้องผอมนักก็ได้” “ผมไม่ได้กลัวอ้วนสักหน่อย”เขมทำหน้ายู่ใส่คนที่มากล่าวหาเขา “ผมออกกำลังกายอยู่เกือบทุกวันนะครับ” “ออกกำลังกาย?”ต่ายทวนคำแล้วเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ “อ่อ ทำงานบ้านน่ะเหรอ” “แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกายไงครับ” “ไม่เถียง ๆ” ราตรีมองชายหนุ่มสองคนที่คุยกับจุกจิกด้วยความรู้สึกเหม็นเบื่อ เหม็น ๆ ๆ กลิ่นความรักที่อบอวลเสียจริง บางทีเธอก็อยากจะแหวกทะลุกลางปล้องเหมือนกันนั่นล่ะว่าเนี่ย แม่อยู่ตรงนี้ เห็นหัวแม่ด้วย แต่ก็เกรงว่าตัวเองจะกลายเป็นคนที่ดูจะไร้มารยาทพูดแทรกคนอื่น เป็นผู้ใหญ่นี่มันลำบากจริง ๆ เฮ้อ ชีวิตการเรียนของเขมทิวายังดูเป็นปกติสุข เช้ามีรณกฤตไปส่ง เย็นหลังซ้อมควงคฑาเสร็จก็กลับพร้อมรณกฤตเหมือนเดิม ตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าทั้งคู่ตัวติดกันยิ่งกว่าฝาแฝดซะอีก เสียงกระซิบที่ตั้งข้อสงสัยเที่ยวกับความสัมพันธ์ของสองหนุ่มหน้าตาดีที่เคยแผ่วเบา ในระยะนี้กลับดังขึ้นมาจนแว่วเข้าหูของคนคิดมากจนได้ เขมเหลือบมองคนที่ซุบซิบกันตอนที่เขาเดินผ่าน ดวงตาคู่สวยนั้นฉาบแววกังวลเอาไว้จาง ๆ กับเขาที่โดยเพื่อน ๆ ล้ออยู่เรื่อย ๆ ก็ยังพอทำเมินกับเสียงพวกนี้ไปได้ แต่ว่าพี่ต่ายจะคิดอย่างนั้นหรือเปล่า... ถ้าพี่เขาไม่ชอบ... ไม่พอใจขึ้นมาจะทำยังไง แต่จะให้เขาไปบอกกับทุกคนที่พูดคุยกันในกลุ่มของตัวเอง มันก็คงเป็นไปไม่ได้ คงได้แต่หวังว่าคนในใจของเขาจะไม่ได้ยินคำพูดพวกนั้นล่ะนะ... เพราะมีความคิดกังวลวนเวียนอยู่ในหัวทำให้เด็กหนุ่มที่เป็นอันดับหนึ่งของคลาสนั้นทำข้อสอบควิชออนไลน์ผิดไปสามข้อ เป็นที่ตกใจปนสงสัยของเพื่อน ๆ ในคลาส แต่ถึงจะตอบพลาดไปถึงสามข้อ เขมก็ยังได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี ทำให้อาจารย์ผู้สอนไม่รู้สึกติดใจอะไรนัก “นี่ ๆ คุณหนูขราาาา วันนี้เป็นอะไรไปเหรอคะ”แอนเดรียถูกส่งมาเป็นตัวแทนซักถามคุณหนูของพวกเขาอีกครั้งของอีกครั้ง “สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกแล้ว หรือว่าพวกนั้นยังไม่เลิกหาเรื่องคุณหนูขราของแอนเดรียกันล่ะคะ” “อ่า... ไม่ได้เป็นอะไรหรอก”เขมหันไปยิ้มให้เพื่อนตาหยี “แต่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากมายหรอก” “ไม่มั้ง สีหน้าของคุณหนูบอกให้เห็นชัด ๆ ว่าคุณหนูต้องมีปัญหาในใจ”หนุ่มน้อยหัวใจใสปิ๊งเอนหน้าซบแขนที่ไร้ไขมันส่วนเกินของคนข้างตัว “ไหน ๆ บอกแอนเดรียหน่อยสิคะ” “ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ”เขมหันไปสบตากับคนที่เกาะแขนเขาอยู่ “แอนเดรียไม่เชื่อผมเหรอครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มกับสายตาที่ดูอบอุ่นชวนใจละลายทำเอาหนุ่มน้อยวัยใสหัวใจอ่อนยวบ “พวกกูก็อยากรู้ว่ามึงเป็นอะไรไปนะเขม”เทนนิสยื่นหน้าเข้ามาหาเพื่อนสนิทที่ทำตัวให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย “มึงไม่มีทางเป็นปกติแน่ ๆ ไม่งั้นมึงไม่มีทางตอบคำถามข้อโง่ ๆ ง่าย ๆ ผิดแน่นอน” “นั่นสิ มีอะไรให้คิดอยู่เหรอ”ทัศน์หันมาย้ำถามอีกคน พอเจอสามรุมหนึ่งเขมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ เหมือนเขาจะเห็นสาวสวยกำลังเดินมาสมทบเป็นคนที่สี่ด้วย... “มันไม่ได้มีอะไรจริง ๆ นะ”เขมทำตาใสใส่ทุกคนที่มายืนล้อมเขาราวกับว่าจะจับเขาไปทำพิธีอะไรสักอย่าง แต่ทุกคนก็จ้องตรงมาตาเขม็งจนเป็นเขาเองที่ต้องถอนหายใจ “ก็แค่ได้ยินคนพูดถึงเรา... กับพี่ต่ายแค่นั้นเอง ไม่ได้มีอะไรหรอก” คำว่าไม่มีอะไรมักจะมีอะไรเสมอ และมันก็มีจริง ๆ “เรื่องที่เขาคุยกันว่านายกับรุ่นพี่เศรษฐศาสตร์คนนั้นคบกันใช่ไหม”ลิลี่ที่มาคนสุดท้ายถามขึ้นคนแรก “อือ...” “ก็บอกไปสิว่าคบกันแล้ว เขาจะได้เลิกซุบซิบ” “ไม่ได้คบกันสักหน่อย” “จ้า ๆ ไม่ได้คบกัน” “แค่ย้ายไปอยู่ด้วยกัน” “แค่ทำข้าวกล่องให้กิน” “แค่มาเรียนและกลับบ้านด้วยกัน...” จากการบังคับให้ระบายความคิดเล็ก ๆ ไปสู่การหยอกล้อให้เพื่อนเลิกคิดมากซึ่งมันก็ดูจะสำเร็จเพราะตอนนี้เจ้าตัวเปลี่ยนไปเขินหน้าแดงแทนแล้ว “อ๊พ หน้าแดง ๆ”แอนเดรียจิ้มแก้วนิ้ม ๆ ของเพื่อนหยอก ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราจะคนอื่น ๆ “น้องเขม”เสียงที่ทุกคนในที่นี้คุ้นหูกันดีดังขึ้นจากทางหน้าประตูห้องเรียน “เลิกเรียนแล้วใช่ไหมครับ” ต่ายเดินเข้ามาหาร่างโปร่งที่นั่งยิ้มแก้มขึ้นสีอยู่กลางวงเพื่อน ๆ เขาพยักหน้ารับการสวัสดีจากเหล่าเด็กปีหนึ่งมือไม้อ่อนแต่ไม่ได้หันไปมองเลย สายตามองคน ๆ เดียว... ทุกคนที่ถูกเมินสนิทพากันสำรวจเพดานห้องเรียนอย่างพร้อมเพรียง นั่ง ๆ ยืน ๆ ดมกลิ่นเหม็น ๆ ไปด้วยกัน เหม็นทั้งความรัก เหม็นทั้งหัวเน่า ๆ ของพวกเขานี่ล่ะ! “ไปกันเถอะ”รณกฤตยื่นมือส่งให้คนที่นั่งอยู่จับ ก่อนที่จะพาใครอีกคนออกจากห้องไป “วันนี้ไม่มีซ้อมนะครับ”เขมกระซิบคนที่เอาแต่จูงเขาเดินไปข้างหน้าไม่พูดอะไรสักคำ “ครับ พี่จำได้”น้ำเสียงของต่ายยังคงอบอุ่นเหมือนปกติ ทำให้เด็กหนุ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อย “... พี่ต่ายครับ” “ครับ น้องเขม” “ได้ยินที่เขาพูดกันหรือยังครับ”เสียงของเขมสั่นน้อย ๆ ด้วยความประหม่า “เรื่องที่คนคุยกันว่าเราคบกันใช่ไหม พี่ได้ยินแล้วครับ”ต่ายอมยิ้มบาง ๆ เมื่อนึกภาพอะไรบางอย่างออกมาได้ “ทำไมเหรอครับ” “พี่คิดมากไหม...”น้ำเสียงอ่อย ๆ ของเด็กหนุ่มทำเอาใครอีกคนต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ “ไม่หรอก พี่จะต้องคิดมากทำไมกันล่ะครับ”ชายหนุ่มยังคงตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเหมือนเดิม “เรื่องจริงในอนาคต พี่ไม่คิดมากหรอก” ดีจัง พี่ต่ายไม่คิดมาก แต่เดี๋ยวนะ... เรื่องจริงในอนาคตงั้นเหรอ?!!! $$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$$ พี่ต่ายนี่ลีลาจริง ๆ เลยน้าาาา ทำใจน้องเต้นเอา ๆ เดี๋ยวน้องก็ช็อกหรอก // ตีมือ ติชมกันได้นะคะ #คนในใจ #พี่ต่ายน้องเขม
:pig4: :pig4: :pig4: เหม็นฟาร์มรัก
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ท่ามากนะพี่ต่าย 5555
คุณแม่ 55555555555555555555 อนาคตใกล้มาถึงยังคะคุณพี่ :hao7:
บทที่ 15 สองใจ เขมขยับตัวลงจากรถที่นั่งจนชินในตอนเช้า เขาหันไปยิ้มแล้วโบกมือลาคนที่มาส่งเขาและยืนมองจนรถคันนั้นเคลื่อนลับสายตาเขาไป “เฮ้อ”เด็กหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ สองสามวันมานี้พี่ต่ายดูแปลก ๆ ถึงจะยังมารับมาส่งเหมือนปกติ แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ ข้าวเย็นก็ไม่มากินด้วยกัน ดูยุ่ง ๆ ยังไงไม่รู้ เขมปรับอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติก่อนจะเดินเข้าไปในตึกคณะพร้อมใบหน้าที่ยิ้มแย้มสดใสเหมือนเคย คราวนี้ต้องไม่ให้พวกเพื่อน ๆ จับได้ “เย็นนี้ไปกินหมูทะบุฟเฟ่ต์กันไหม ทัศน์ เขม”ลิลี่เดินเข้ามาชวนหนุ่ม ๆ ที่พูดง่ายที่สุดในคณะเป็นกลุ่มแรก “วันนี้วันเกินฉันน่ะ” “วันเกิดเหรอ?”เขมทวนคำที่ได้ยินพร้อมทั้งเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย “แฮป——“ “เกิดอยากจะกินเยอะๆ”สาวสวยขัดคอหนุ่มหน้าตาดีของเพื่อน ๆ ไว้ก่อนที่เจ้าตัวจะหน้าแตกหมอไม่รับเย็บ “ไปนะ นี่กูจะชวนไปทั้งชั้นปีเลยเนี่ย” “เดี๋ยวถะ... เอ่อ ไปก็ได้”ตอนแรกเขมจะขอไปถามผู้ปกครองหัวใจของเขาก่อน แต่ก็ชะงักไว้เพราะคน ๆ นั้นดูจะยุ่ง ๆ อยู่ เขาไม่อยากเข้าไปกวน “กินแถวมอ.เลยใช่ไหม” “ช่ายย”ลิลี่พยักหน้ารับอย่างพอใจ ก่อนที่จะเดินอาด ๆ ไปชวนกึ่งบังคับเพื่อนคนอื่นต่อ “ไปโว้ยยย คนที่ยุ่งที่สุดยังไปได้ ไอ้พวกว่างงานอย่ามาปฏิเสธ” มีการเอาคนยุ่งหัวปักเพราะงานกีฬาไปอ้างด้วย... เพราะช่วงเย็นทุกคนมีเป้าหมายในการไปกินให้เต็มคราบ วันนี้ทั้งวันเหล่าอาจารย์เลยได้เป็นปลื้มเพราะนักศึกษาที่น่ารักทั้งหลายของพวกเขานั้นไม่เอาของจุกจิกเข้ามากินเลย ทันทีที่สิ้นเสียงอาจารย์ในคาบเลคเชอร์สุดท้ายของวันนี้ เหล่านักศึกษาผู้โหยหิวต่างพร้อมใจกันกวาดของทุกอย่างลงกระเป๋า หยิบแก้วชานมพุ่งออกจากห้องกันไปก่อนอาจารย์จะออกไปซะอีก “แหม วันนี้เด็ก ๆ ขันแข็งกันจริง ๆ”อาจารย์วัยกลางคนมองลูกศิษย์อย่างเป็นปลื้ม พวกเขาจะต้องรีบเร่งไปทำรายงานที่จะต้องส่งในสัปดาห์หน้ากันแน่ ๆ ถ้าขยันกันแบบนี้ตลอด ปีนี้เธอคงได้แจก A รัว ๆ ให้กับเด็ก ๆ อักษรศาสตร์... เยี่ยมไปเลย “หกโมงเจอกันที่ร้านเลยนะทุกคน”ลิลี่หันมาย้ำเพื่อน ๆ อีกครั้ง ก่อนที่ทุกคนจะสลายตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หลวม ๆ ปิดพุงที่จะป่องเหมือนคนท้องสามเดือนขึ้นไปหลังกินเสร็จ เขมเองก็ต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกัน โชคดีที่วันนี้ไม่มีนัดซ้อมเพราะคณะพยาบาลมีงานรับหมวก สาว ๆ ในขบวนจะหายไปเกือบครึ่งทางสภาเลยถือโอกาสนี้ให้ทุกคนได้พักผ่อนกันไป แล้วมาลุยซ้อมกันต่อวันพรุ่งนี้แทน “เขม”ต่ายที่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนผุดลุกขึ้นเมื่อเห็นร่างโปร่งเดินเข้ามาในคณะ “เลิกเรียนแล้วเหรอ” “ครับ พี่ต่ายยุ่งอยู่หรือเปล่า”เขมมองไปยังโต๊ะหินอ่อนที่มีหนังสือวางกองอยู่ “ติวหนังสือกันนิดหน่อย จะเสร็จแล้วล่ะ”เพื่อน ๆ ของรณกฤตพยักหน้ารับคำกล่าวของคนหล่อหัวดีนิสัยเยี่ยมประจำคณะ ทั้งที่ในใจแอบก่นด่ากันนเบา ๆ จะเสร็จพ่อง เพิ่งเริ่มไหม “งั้นเหรอครับ”เด็กหนุ่มรุ่นน้องไม่ซักต่อทั้งที่เขาเห็นสายตาของรุ่นพี่บางคนกรอกไปกรอกมา “เขมจะกลับเลยไหม”เขมส่ายหน้าเป็นคำตอบให้กับคนถามแล้วส่งยิ้มบางให้เจ้าตัว “เพื่อน ๆ นัดไปกินหมูกะทะข้างมหาลัยกันน่ะครับ ผมเลยมาบอกก่อน”ดวงตาหลังกรอบแว่นหลุบลงมองพื้นเมื่อเห็นหัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “พี่ต่ายจะได้ไม่ต้องรอ...” “กินร้านไหนกันล่ะ”น้ำเสียงของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย แน่นอนว่าคนที่ใส่ใจเจ้าตัวอยู่ตลอดเวลาย่อมสัมผัสได้ “เอ่อ...”เด็กหนุ่มรู้สึกเกร็งขึ้นมาเมื่อรุ่นพี่เหมือนจะดุเขา “มิสเตอร์อินดี้ครับ” “แล้วจะกลับกี่โมง”ต่ายซักต่อทันทีไม่เว้นจังหวะให้อีกฝ่ายได้หายใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว “น่าจะประมาณสองสามทุ่มน่ะครับ” “งั้นเหรอ แล้ว...” ต่ายยังคงถามโน้นถามนี่ละเอียดยิบจนเหล่าเพื่อน ๆ ที่นั่งเท้าคางรออยู่อดที่จะคิดไม่ได้ว่าเป็นรุ่นพี่หรือเป็นแม่น้องมันกันแน่ กว่ารุ่นพี่หนุ่มจะปล่อยรุ่นน้องต่างคณะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ก็กินเวลาไปเป็นสิบนาที “แล้วนายจะเอาไง คุณเจ้าชาย” “ตามแผนเดิม” ก็แค่เปลี่ยนที่เท่านั้นเอง เขมนั่งรถขนส่งสารธารณะยอดฮิตสำหรับคนทั่วไปอย่างรถเมล์มาจัดการตัวเองที่ห้องในคอนโด เขาทำอาหารง่าย ๆ อย่างผัดผักคะน้าและปลานึ่งกับน้ำจิ้มเอาไว้ให้แม่ของเขา ถ่ายรูปอีกนิด ไลน์ไปบอกอีกหน่อยก่อนจะออกจากห้องไปหาเพื่อน ๆ ที่น่าจะทยอยกันไปร้านหมูกระทะแล้ว จะว่าไปเขาก็ไม่ได้กินหมูกระทะมาพักนึงแล้ว ตั้งแต่ได้รู้จักกับคนในใจของเขา... วันนี้จะกินให้เต็มคราบเลยคอยดู เวลาที่ลิลี่นัดไว้คือหกโมงตรง แต่เด็กหนุ่มที่ต้องฝ่าวิกฤตการจราจรบนท้องถนนนั้นย่อมมาไม่ทัน กว่าเขาจะมาถึงร้านฟ้าก็มืดแล้ว เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ก็มากันหมดจนแน่นโต๊ะที่เอามาต่อเรียงกันยาวเป็นแถวเดียวเหมือนโต๊ะโรงอาหารสมัยเด็ก กระทะบนเต่าถ่ายนั้นก็ร้อนจี๋พร้อมให้เอาเนื้อหมูและเพื่อน ๆ ของมันไปวางนาบ “คุณหนูมาแล้ว เอ้า ปรบมืออออ”เสียงปรบมือต้อนรับคนมาสายดังกลบเสียงดนตรีที่ทางร้านเปิดเอาไว้ให้แขกที่มาใช้บริการฟังกัน “นั่ง ๆ เดี๋ยวหมูหมดไม่รู้ด้วยนะ” หมูหมด... เดี๋ยวนะ นี่จะมาล้างบางร้านบุฟเฟ่ต์เหรอ... “ทำไมถึงชวนกินหมูทะวะ ลี่”เพื่อนคนนึงที่กำลังพลิกเนื้อบนกะทะหันไปถามตัวตั้งตัวตีที่ยกทั้งชั้นปีมานั่งกินหมูกะทะด้วยกันแบบนี้ “อ้อ เมื่อวานฉันฟังเพลงแล้วอยากขึ้นมานะ”สาวเจ้าตอบกลับสบาย ๆ เหตุผลก็... สบาย ๆ ไม่ต่างกันเท่าไหร่ “เพลง?” “จับเธอมาปิ้ง พลิกไปพลิกมา ย่างเธอจนเกรียมน้ำมันหยดซู่ซ่า คุณหมูจ๋า ฉันสัญญาจะเคี้ยวเธอเบาๆ เข้าปากแล้วรอให้เธอละลาย นี่คือพาราไดซ์ ที่อยู่ตรงหน้าเตา ขอบคุณจริงๆ ที่ยอมหลอมละลายไปกับลิ้นเรา (ปิ้งย่าง – Swet 16)”ลิลี่ร้องไปเต้นไปให้เพื่อน ๆ ดู “นี่เธอตามไอดอลด้วยเหรอเนี่ย”เสียงจากเพื่อนอีกคนนึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “เปล่านะ ฉันเห็นในข่าวช่องน้อยสี”ดาวคณะหันไปตอบเพื่อนคนนั้นตาใส “แล้วมันดี๊ดี เลยไปกดไลค์ติดตามสักหน่อย” เขมทิวาที่ไม่รู้จักไอดอลนั้นเปิดมือถือเสิร์จหาเพลงเต็ม ๆ ไว้กลับไปลองฟัง แต่ดูจากเนื้อร้องแล้วเขาก็อดคิดไม่ได้... นี่มันเพลงชาติหมูกะทะชัด ๆ มือขาวคีบเอากุ้งไปวางแอบ ๆ เอาไว้สองสามตัว ตามด้วยหมูสไลด์ ตาแอบมองเพื่อนซ้ายขวาด้วยเกรงว่าใครจะมาแย่งของเขาไปอีก เขาคีบเนื้อลงปิ้งเต็มเตา ได้กินสองชิ้น... อย่างงั้นก็ไปปิ้งกันเองเถอะนะทุกคน การล้อมวงกินหมูกะทะของคณะอักษรศาสตร์นั้นไร้แอลกอฮอล์มาเกี่ยวข้อง งานนี้ต้องเนื้อเน้น ๆ ผักนิด ๆ น้ำอัดลมช่วยย่อยหน่อย ๆ อย่างอื่นนั้นขอเชิญป้ายหน้าเวลานี้ไม่ยินดีต้อนรับ ฟาดฟันกระชากมิตรกันอยู่ตรงหน้าเตาร้อน ๆ ชั่วโมงเศษอัตราเร็วในการกินถึงผ่อนลง ในขณะเดียวกันก็มีคนที่เริ่มอิ่มแล้ว หนึ่งในคนที่อิ่มจนหันมานั่งจิบน้ำแทนแล้วคือคุณหนูเขมของทุกคน ซึ่งมันไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับใครเลยสักนิด ออกจะตกใจที่เจ้าตัวกินได้เยอะกว่าที่คาดไว้มากกว่าอีก เห็นหุ่นลีน ๆ ไร้ไขมันส่วนเกินแบบนั้นก็กินดุใช่ย่อยแหะ “นายมานานแบบนี้ พี่เขาไม่ว่าเหรอเขม”ทัศน์กระซิบถามคนที่นั่งโปรยยิ้มหวานอยู่ข้าง ๆ “พี่? พี่ต่ายน่ะเหรอ”เขมทิวาหันไปเอียงคอใส่เพื่อนแล้วส่ายหน้า “ก็ไม่อะไรนะ เราบอกพี่เขาไว้แล้วด้วย” “งั้นเหรอ”ทัศน์ยังคงมีข้อสงสัยในใจ แต่เขาไม่ถามอะไรออกมาอีก ก็ปกติเห็นรุ่นพี่ต่างคณะคนนั้นหวงเพื่อนเขาอย่างกับจงอางหวงไข่ จะไปไหนก็ตามติดมาด้วยเป็นแพ็คคู่ซื้อหนึ่งแถมหนึ่งแบบบังคับไม่มีตัวเลือก ขนาดติดธุระไม่ว่างก็ยังปลีกตัวมารับไม่ขาดด้วยซ้ำ แต่นี่ปล่อยให้มากินข้าวกับเพื่อน ๆ ได้นานขนาดนี้ โดยไม่มีแม้แต่การติดต่อมา... มันแปลกเกินไปหน่อยนะ ทัศน์จดข้อสงสัยนี้ไว้ในใจ เก็บเอาไว้หาคำตอบทีหลัง แต่ดูเหมือนว่าคำตอบอาจจะมาหาถึงที่เองแล้ว “น้องเขม”เสียงของคนที่เด็กหนุ่มแอบคิดถึงดังขึ้นจากทางด้านหลัง “อิ่มแล้วเหรอครับ” “พี่ต่าย”รอยยิ้มบนใบหน้าคุณหนูอักษรหวานขึ้นหลายส่วนจนเพื่อน ๆ ที่แอบมองต่างหันหน้าหนีไปกรอกตามองบน แค่ได้ยินเสียงเรียกก็ยิ้มหวานขนาดนี้ แต่ปากบอกยังไม่คบกัน ยังไม่คบกัน!! “อร่อยไหม”รณกฤตนั่งลงข้างรุ่นน้องต่างคณะหลังจากที่เทนนิสเฟดตัวเองออกไปนั่งตรงอื่นอย่างรู้หน้าที่ “อร่อยนะครับ”เขมคีบเอาหมูจากทัศน์ขึ้นปิ้งบนเตา “เอาไว้พวกเรามากินด้วยกันวันหลังนะครับ” “ได้สิ”ต่ายตอบกลับยิ้ม ๆ “น้องเขมครับ” “ครับ?”เด็กหนุ่มหันมามองใบหน้าของผู้ที่เรียกเขาเสียงนุ่มปนหวาน “พี่มีของจะให้”ต่ายยิ้มขบขันเมื่อเห็นสีหน้าฉงนของเด็กดีของเขา “อยากหลับตาไหมครับ” “ต้องหลับตาด้วยเหรอครับ”เขมกระพริบตาปริบ ๆ มองคนตรงหน้างง ๆ “ไม่ต้องหรอกครับ” “อ้าว...”ไม่ใช่แค่เขมทิวาที่อ้าว ก๊วนคนใส่ใจผู้อื่นที่แอบฟังอยู่รอบ ๆ ก็อุทานออกมาเหมือนกัน รณกฤตหัวเราะออกมาแล้วหันไปรับของจากเพื่อนที่ยื่นมาให้ส่งให้กับน้องเขมของเขา ของที่เขาใช้เวลาอยู่พักใหญ่ถึงจะเตรียมมันขึ้นมาได้ “อะไรน่ะครับ”เขมรับกล่องกระดาษสีหวานมาไว้ในมือ เขามองของสิ่งนั้นอย่างสงสัย “เปิดดูสิ”รอยยิ้มบนหน้าของเจ้าชายเศรษฐศาสตร์ดูหวานขึ้นและดูแฝงความนัยน์บางอย่างไว้ด้วย ทัศน์ขยับตัวมาเคลียร์โต๊ะให้กับเพื่อนอย่างรู้หน้าที่ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสั่ง สารพัดจานชามถ้วยน้ำจิ้มที่วางอยู่ก็ถูกส่งไปวางที่อื่น เขาจัดการเช็ดโต๊ะตรงหน้าเพื่อนสนิทจนสะอาดเอี่ยมแม้แต่คราบน้ำจิ้มน้ำมันหยดกระเด็นก็ไม่เหลือ ขอขอบคุณสนับสนุนทิชชู่เปียกสำหรับทำความสะอาดจากสาว ๆ แห่งคณะอักษรศาสตร์ที่ทำให้งานทุกอย่างง่ายขึ้น เขมวางกล่องที่ได้รับมาลงบนโต๊ะ เขาดึงริบบิ้นออกก่อนแล้วค่อย ๆ แกะเทปที่ติดรอบ ๆ ออก “เปิดแล้วนะครับ”เขมเอ่ยขึ้นเบา ๆ “อื้อ”เสียงขานรับมาจากทั่วทิศ ยกเว้นต่ายคนเดียวที่ส่งยิ้มให้เป็นคำตอบ มือขาวเปิดกล่องออกมาพบเค้กรูปหนังสืออยู่ภายในบนหน้าเค้กเขียนประโยคนึงเอาไว้ Will you be my Valentine? เสียงฮือฮาจากคนรอบข้างดังอื้ออึง แต่มันไม่อยู่ในความสนใจของเด็กหนุ่มที่นั่งตาค้างหน้าขึ้นสีไปเรียบร้อยแล้ว พี่ต่ายของเขาเป็นแฟน! คนในใจของเขาขอคบกับเขา!! “ว่าไงครับ เด็กดี”เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูขาวแผ่วเบา “คบกับพี่ไหมครับ เขมทิวา” “พี่ต่าย...”เขมหันไปมองใบหน้าหล่อเหลาของคนในใจที่พราวไปด้วยรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน “...ครับ” เขมตอบตกลงไปอย่างเขิน ๆ แล้วเบือนหน้ามามองเค้กหลบสายตาใครอีกคน ตอนนี้ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งตาเห็น เขาไม่ได้หูแว่วหรือตาฝาดไปเองจริง ๆ ใช่ไหม แล้วก็ไม่ได้ฝันไปด้วยใช่หรือเปล่า “ไม่กินเค้กเหรอครับ”ต่ายเปรยถามขึ้นเมื่อเห็นแฟนหมาด ๆ ของตนเองมองเค้กที่เขาเอามาให้นิ่ง “กินครับกิน”เขมเรียกสติของตัวเองกลับมาเข้าร่าง หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเค้กก้อนนี้เก็บเอาไว้เป็นความทรงจำก่อนจะหยิบมีดพลาสติกขึ้นมาเตรียมตัดเค้กสวย ๆ ตรงหน้า “พี่ต่ายซื้อเค้กร้านไหนมาอ่ะ”เทนนิสเสนอหน้ามี่ยิ้มร่ามาถามชายหนุ่มรุ่นพี่ “โอ๊ะ!! พี่ต่ายขอไอ้เขมเป็นแฟนแล้วล่ะพวกเรา” “เออ!!”ทุกคนขานรับแบบหน่าย ๆ ใจ เห็นกันอยู่ตำตาเนี่ย หูก็เงี่ยฟังกันจนแทบจะยืดแข่งกับจมูกของพิน็อคคิโอ้แล้ว มึงไปอยู่ไหนมา ไอ้ลูกหมา!!! “ดูแลเพื่อนผมดี ๆ นะพี่ เนี่ย ไอ้เขมมันน่าสงสาร เมื่อก่อนก็ต้องทำงานพิเศษงก ๆ ไม่เคยจะมีใครดูแลมันสักคน”เทนนิสร่ายยาวฝากฝังเพื่อนสนิทเอาไว้กับคุณแฟนของเพื่อนราวกับตัวเองเป็นแม่ของเขมทิวายังไงยังงั้น “ได้เพื่อนผมไปดูแลแล้วอย่าทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ นะ เอาใจมันให้เยอะ ๆ ด้ว--- ฮะ เฮ้ย ทัศน์ กูยังพูดไม่จบบบ” ทัศน์หิ้วเพื่อนที่เอาแต่พูดไม่ดูตาม้าตาเรือไปเก็บไว้ในดงสาวงามของคณะ ให้เหล่าเพื่อนชายใจสาวคอยดูแลปากของมันเอาไว้ “มันตัดได้ไม่สุดนะครับ พี่ต่าย”เขมเอียงหัวมองเจ้าก้อนขนมปังที่มีครีมโป๊ะข้างหน้าด้วยความงุนงง “ทำไมล่ะ” มีดใส ๆ เขี่ยเอาเนื้อเค้กที่ตัดออกได้ให้ขยับออกไปเพื่อดูว่าข้างในมีอะไรอยู่ เม็ดช็อกโกแล็ตเหรอ “กรี๊ดดดด”เสียงกรี๊ดของแอนเดรียดังลั่นจนคนที่อยู่รอบ ๆ ทุกคนต้องหันควับไปมองเป็นตาเดียว เกิดอะไรขึ้นน่ะ ทำไมเขมถึงถือมีดค้างไว้แบบนั้น... หรือว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น? “อิลี่ ขุดเร็ว!!”เสี้ยวตัว D ที่โผล่มาแวบ ๆ นั้นช่างบาดใจกระเทยยิ่งนัก เธอไม่รอให้เพื่อนที่กำลังตกใจอยู่เป็นคนตัดแล้ว มันไม่ทันใจ “พะ พี่ต่าย นั่นมัน”เขมหันไปพูดกับคนที่นั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ ด้วยเสียงตะกุกตะกัก “เซอร์ไพรท์ไงครับ ไม่ชอบเหรอ”น้ำเสียงของรณกฤตเต็มไปด้วยการหยอกล้อคนที่หน้าแดงก่ำ “เค้กนี่พี่ทำเองเลยนะครับ น้องเขม” ถึงจะทำเองก็เถอะ แต่ข้างที่อยู่ข้างในมัน... “ว๊ายยย ไซส์ 56”สาว ๆ ของอักรศาสตร์วี๊ดว้ายกับกล่องถุงอย่างอนามัยแบบบางเฉียบที่อยู่ใต้เค้กกันยกใหญ่ “ที่ห้องฉันมีKY เดี๋ยวฉันเอามาให้!!!” “เดี๋ยวสิ ทำไมห้องเธอมีเจลหล่อลื่นได้ล่ะ” “ฉันมีแล้วมันแปลกหรือไงกัน” “แปลกดิ เธอเอาไว้ทำอะไรน่ะ!! อย่าบอกนะว่า...” “หยุดความคิดบ้า ๆ ของเธอเดี๋ยวนี้นะะะะ” ... ท่ามกลางเสียงถกเถียงกันขำ ๆ ของเพื่อน ๆ เขมเหลือบมองคนที่ยังหัวเราะในลำคอไม่หยุดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “โกรธเหรอ”ต่ายถามเด็กน้อยของเขาเสียงนุ่ม “น้องโกรธพี่เหรอครับ คนดี” “เปล่าครับ”เขมก้มหน้ามองมือตัวเอง สองแก้มเห่อร้อนลามไปถึงใบหูที่ขึ้นสีก่ำไม่แพ้กันมันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าเขากำลังรู้สึกอะไร แต่ใครบางคนก็ยังแกล้งเขาไม่เลิกสักที “ผม...” “โอ๋ ๆ พี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้”มืออุ่นยื่นมาลูบหัวทุย ๆ ของเขมทิวาอย่างอ่อนโยน “จริง ๆ แล้วพี่ก็มีของที่จะให้จริง ๆ นะครับ” “อะไรเหรอครับ”สายตาของเขมมีประกายหวั่น ๆ ด้วยเกรงว่าใครอีกคนจะแกล้งเขาอีกยกหนึ่ง ต่ายยิ้มให้กับท่าทีน่าเอ็นดูเหมือนลูกหมาน้อยของเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้าง ๆ ตัวมาเปิดแล้วหยิบของที่เขาตั้งใจจะให้น้องจริง ๆ ออกมา ต้นแคคตัสในกระถางใบน้อยน่ารักถูกส่งมาให้กับเด็กหนุ่ม เขมมองต้นไม้สีเขียวที่ยังเล็กในกระถางด้วยความสนใจ “กระบองเพชรเหรอครับ”ปลายนิ้วเรียวลูบกระถางสีอ่อนแผ่วเบา “ยังต้นเล็กอยู่เลย...” “พี่ปลูกมันเมื่ออาทิตย์ก่อน”รณกฤตมองเจ้าต้นไม้ตนน้อยในมือขาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาด้วยความอ่อนโยน “ปลูกเอาไว้สองต้น ต้นนึงให้เขม อีกต้นเป็นของพี่” “ทำไมถึงเป็นกระบองเพชรล่ะครับ” “พี่อยากให้ความรักของเราค่อย ๆ เติบโตงอกงามเหมือนต้นไม้ แข็งแรงอดทนเหมือนต้นกระบองเพชร ที่แม้ว่าวันนึงอาจจะแห้งแล้งแต่ก็ยังยืดหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคงจนถึงวันที่ความชุ่มชื้นกลับอีกครั้ง” “พี่ต่าย...” “เรามาช่วยกันเลี้ยงดูความรักของเรากันนะครับ ที่รักของพี่” “ครับ” เขาจะเลี้ยงดูความรักที่คนในใจมีให้กับเขาด้วยหัวใจของเขาเอง @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ ต่าย : คำเตือน อย่าลืมเตรียมยาลดระดับน้ำตาลในเลือดกันไว้นะครับ (ขยิบตา) พวกเขาเป็นแฟนกันแล้วค่าาาา กรี๊ดดดดด พี่ต่ายยังคงแอบแกล้งน้องทุกทีสิน่าาาา ตีๆๆๆๆๆ ฝาก #คนในใจ #พี่ต่ายน้องเขม เอาไว้ในใจทุกคนด้วยน้าาา ติชมกันได้เช่นเคยค่ะ รักกก
:pig4: :pig4: :pig4: หวัย ๆ เปิดตัว เปิดเผย ต่อสาธารณชนว่าคบกันเป็นพัดลมแล้ว อิอิ
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย คือมันเขินไปหมด TT ถึงจะแอบใส่ถุงยางมาใต้เค้กก็ไม่โกรธละ ให้กระบองเพชรน่ารักมาก :hao5:
บทที่ 16 คนของเรา หลังจากกินหมูกะทะกันเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกลับบ้านกันไป และไม่ลืมที่จะหันมาแซวคู่รักคู่ใหม่ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการหน้าเตาหมูกะทะด้วย เค้กที่โดนขุดจนเละทุกคนก็ช่วยกันสวาปามจนหมด ไม่แคร์กล่องถุงยางที่แอนเดรียห่อด้วยทิชชู่เก็บกลับไปด้วยเลย “พี่ต่ายครับ”เขมเอ่ยเรียกชื่อคนที่อยู่ข้างตัวเบา ๆ “ขอบคุณนะครับ” “เรื่องอะไรเหรอครับ”ดวงตาคมที่ทอประกายอ่อนโยนเหลือบมองคนที่นั่งก้มหน้ามองต้นกระบองเพชรในมือก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะหวานขึ้นอีกหน่อย “เรื่องที่พี่ทำให้ ‘คนในใจ’ กลายเป็น ‘คนในขีวิตจริง’ เหรอครับ” “...”เด็กหนุ่มผมน้ำตาลชะงักไปเมื่อได้ยินประโยคนั้น หัวใจของเขาพลันเต้นรัวขึ้นรับกับสองแก้มที่ขึ้นสีเรื่อ “พี่รู้ด้วยเหรอครับ” “ไม่มีอะไรเกี่ยวกับน้องเขมที่พี่ไม่รู้”ชายหนุ่มรุ่นพี่ตบไฟเลี้ยวเข้าคอนโด ก่อนจะขยับมือไปกุมมือเย็นของใครบางคนไว้ “ไม่ว่าจะเรื่องส่วนตัวหรือรอบตัว พี่ก็รู้ทุกเรื่องครับ” เขมเหลือบมองคนที่หยอดเขาอย่างเขิน ๆ อีกครั้ง แต่ไม่พูดอะไรต่อ ปล่อยให้ความเงียบที่เปี่ยมไปด้วยความหวานละมุนโอบล้อมพวกเขาไว้ และเมื่อราตรีที่รอลูกชายกลับบ้านอยู่เห็นทั้งสองเดินมาด้วยกันก็หันไปถอนหายใจสามครั้วรวด ไม่บ่งบอกเลยนะ ไม่เลยสักนิด ไอ้หน้าแดง ๆ เขิน ๆ ของคุณลูกชาย กับหน้ายิ้มหวานโลกสีชมพูของลูกชายอดีตเจ้านายเนี่ย ไม่บ่งบอกเล้ยยย ไม่พอ จับมือกันมาอีก! ไม่ ไม่ต้องหันมาจะบอกอะไรแม่ แม่รู้แล้ว! ตอนนี้แม่จะเป็นลมมมมม ปีหนึ่งคณะอักษรเป็นขาเม้าส์ที่ใครหลายคนรู้กันดี เพราะคณะนี้เป็นคณะที่รวมคนหลายประเภทเอาไว้ด้วยกัน... แต่ถึงจะชอบเม้าส์มอยหอยสังข์ยังไง เรื่องที่คุณหนูของคณะมีเจ้าชายมาสู่ขอ พวกเขากลับรูดซิปปากแน่น ไม่บอกใคร มีก็แต่มองเพื่อนท่เดินลงมาจากรถที่คุ้นตาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม น่อ ๆ ๆ มาส่งอีกแล้ว จริง ๆ มันก็เป็นภาพที่ชินตาของทุกคนแล้ว แต่ที่แปลกไปคือความรู้สึกตอนที่พวกมองนี่แหละ แหม นั่งลุ้นมาตั้งเดือน ๆ ว่าจะคบกันเมื่อไหร่ พอคบกันแล้วจากที่เฉย ๆ มันก็ดูหว๊าน หวาน หวานขึ้นเยอะมากมาย ให้หมูกะทะเป็นพยาน!!! เขมเดินยิ้มเข้ามาในคณะเหมือนปกติแม้ว่าสายตากรุ้มกริ่มของเหล่าเพื่อน ๆ จะจ้องมาที่เขาซะจนแทบจะพรุนไปทั้งตัวแล้ว ถ้าไม่ทำตัวปกติก็จะโดนแซวมากกว่าเดิมน่ะสิ “รายงานคราวที่แล้วได้คะแนนเกินครึ่งมานิดหน่อยเอง คราวนี้จะรอดไหมวะเนี่ย”ผู้มีปัญหากับการเรียนนัมเบอร์วันเอ่ยขึ้นกับเพื่อนที่นั่งเปิด ๆ ชีทเรียนอยู่ด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด “จะต้องเขียนยังไงให้ได้คะแนนเยอะ ๆ อย่างพวกมึงบ้างวะ” “ใส่ความตั้งใจไปเวลาเขียน ไม่ทำลวก ๆ ส่ง คะแนนมันก็ต้องดีอยู่แล้ว”ทัศน์กรอกตามองเพื่อนที่โหยหวนเรื่องงานอยู่ข้าง ๆ อย่างอ่อนใจ “เอาเวลาที่ไปคิดแผนเล่นเกมมานั่งเขียนสักครึ่งนึงสิ” “ไม่ได้เว้ย กูเป็นความหวังของหมู่บ้านเลยนะ!”เทนนิสยกนิ้วโป้งชี้เข้าหาตัวอย่างภาคภูมิใจในตัวเองขั้นสุด “ถ้ากูไม่วางแผนดี ๆ ทุกคนจะแพ้ ยอมไม่ได้เด็ดขาด” ยางลบดำ ๆ จากเศษผงของไส้ดินสอถูกปาใส่คนที่เอาแต่มุ่งมั่นในเรื่องเล่น ไม่ใช่ว่าทัศน์อคติกับการเล่นเกม แต่มันต้องรู้จักการแบ่งเวลาในการทำงานสิ เขมมองเพื่อนที่เริ่มตีกันยิ้ม ๆ มือควงแกนกระดาษแข็งที่ขอมาจากร้านถ่ายเอกสารที่รับห่อปกใกล้ ๆ มหา’ลัย เอามาใช้ซ้อมแทนคทาในระหว่างอยู่ในห้องเรียน ยังไงก็ต้องขยันซ้อมเอาไว้ แม้ว่าตอนนี้เขมจะไล่ตามคนอื่นทันแล้ว แต่พอต่อท่าใหม่เขาก็เป็นอันต้องช้ากว่าคนอื่นก้าวนึงอยู่ดี ความพยายามมี แต่ขาดก็ความชำนาญ... “วันนี้ต้องไปซ้อมใช่ไหมเขม”ทัศน์ที่หน่ายใจกับคนติดเกมจนหมดคำพูดแล้วหันมาถามเพื่อนอีกคนที่นั่งทำหน้าเยิ้มอยู่ข้าง ๆ “นี่ก็อินเลิฟ...” “อื้ม เย็นนี้ต่อท่าใหม่”เขมเมินประโยคหลังไปแบบเนียน ๆ อินลงอินเลิฟอะไรไม่มีสักหน่อย ก็เหมือนเดิมนั้นล่ะ หลังเลิกเรียนลิลี่กับแอนเดรียที่ปวารนาตัวเป็นครูของเขมทิวา และตั้งมั่นทำตัวเป็นแม่ด้วยในใจนั้นเดินมาจะพาลูกชายของพวกเธอไปซ้อมควงคทาสักหน่อย แต่ก็ต้องเบรกตัวโก่งหลบฉากไปเป็นผู้ติดตามแทน ลูกเขยมา! “ขยันซ้อมแบบนี้ระวังข้อมือจะเจ็บเอานะ”ต่ายดึงเอาแกนกระดาษมายัดใส่กระเป๋าแล้วจับมือของเขมไปบีบ ๆ นวด ๆ อย่างนุ่มนวล “ไม่หักโหมนะครับรู้ไหม” เขมเม้มปากนิด ๆ ไม่ตอบรับคำของร่างสูงเพราะตัวเขารู้ดีว่าเขาทำไม่ได้... ถ้าเขาไม่ขยันเขาก็จะกลายเป็นตัวถ่วง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการและจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ต่ายมองคนที่เงียบไปแล้วยิ้มบาง เขาไม่แปลกใจที่รุ่นน้องคนนี้ของเขาจะไม่รับปาก เพราะเขมทิวาที่เขารู้จักเป็นคนที่จะไม่รับปากถ้าทำไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เขาชื่นชมในขณะเดียวกันก็เหนื่อยใจเหมือนกัน แต่ยังไงเขาก็รักคน ๆ นี้อยู่ดี เมื่อมาถึงโรงยิม เขมกับต่ายก็พากันไปวิ่งเหยาะ ๆ วอร์มร่างกายทันทีโดยมีสองสาวนั่งเฝ้ากระเป๋าไปถ่ายรูปคู่รักที่เพิ่งจะคบกันเหวี่ยงลงกลุ่มไป โมเม้นต์ โมเม้นต์ โมเม้นต์จงมาาา มาเถอะ! สาวสวยแห่งอักษรจ้องหน้าจอมือถือที่จับภาพหนุ่มหน้าตาดีสองคนเอาไว้ รอ รอ รอ!!! ฉากที่พวกเธอต้องการและมนุษย์เลือดสีม่วงอีกหลายร้อยหลายพันชีวิตต้องการ มาแล้ว! แอนเดรียหันไปชูนิ้วโป้งให้กลับลิลี่ แววตาของทั้งคู่ประกายวิบวับถูกอกถูกใจกับสิ่งที่พวกเธอรอคอย ใช่ แม้ว่ามันจะเป็นแค่โมเม้นต์เล็กน้อยอย่างซับเหงื่อให้กันแค่นั้นก็ตามที มันต้องแบบนี้ถึงจะฟิน! ถ้าเอาแบบจิ๊จ๊ะกันเลยมันไม่เขินว้อย!! แถมยังไปนั่งดูไม่ได้ด้วย!!! เสียงหัวเราะคิกคักจากคนที่นั่งอยู่บนแสตนด์เรียกความสงสัยจากคนที่กำลังวอร์มแขนตัวเองอยู่ แต่ชายหนุ่มทั้งสองไม่เอ่ยถามอะไร มันมีความรู้สึกว่าถ้าถามออกไปอาจจะเข้าตัวได้ รอรวมพลอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะได้เริ่มซ้อมจริง ๆ จัง ๆ โดนเริ่มจากการทวนท่าเดิมที่เคยฝึกกันไปก่อนหน้าและการแปรแถว ก่อนที่จะเริ่มฝึกท่าใหม่กันซึ่งในส่วนของวันนี้เป็นท่าไคล์แมทของโชว์ที่จะเป็นการแสดงกลุ่ม โดยจะคัดเลือกคนที่โดดเด่นออกมาแสดงห้าคนและคนที่เหลือจะเป็นแบล็กกาวน์ รายชื่อที่ถูกเรียกออกมาไม่ทีเขมทิวา ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจอะไรเพราะเขารู้ตัวเองอยู่แล้วว่าความสามารถของเขามีไม่ถึง และเขาก็ดีใจกับต่ายที่มีชื่ออยู่ในนั้น “ผมสละสิทธิ์ ให้คนอื่นไปเถอะ”รณกฤตไม่ก้าวออกไปรวมกับคนที่ได้รับคัดเลือกไปโชว์ และไม่คิดจะทำด้วย “ทำไมล่ะต่าย”พรีมลุกขึ้นจากที่นั่งเดินเข้ามาถามด้วยความไม่เข้าใจ “ผมมาเป็นคฑากรเป็นเพื่อนน้อง ไม่ได้มาเพราะความต้องการของตัวเอง”เขมหันไปมองต่ายด้วยความตกใจและเป็นกังวล “ให้คนที่เขาอยากเป็นเหมาะสมกว่า” “พี่—-”ไม่ทันที่เขมจะได้พูดอะไรออกมามากต่ายก็ยกขึ้นขึ้นมาแตะริมฝีปากสีอ่อนให้หยุดพูดซะก่อนแล้ว “มันแฟร์กับคนที่มีความตั้งใจในการมาสมัครเป็นคฑากรมากกว่าครับ”ทุกคนในที่นี้รู้กันดีว่าชายหนุ่มสองคนนี้มาร่วมเดินขบวนจากการทาบทามของสโมสรนักศึกษา แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนที่มาด้วยความจำใจด้วยแบบนี้ งั้นถ้าให้น้องมาโชว์ด้วยล่ะ”เจ้ฝันที่เป็นผู้ฝึกซ้อมให้กับทุกคนถามขึ้น “น้องต่ายจะมาโชว์รวมไหม” “ผมจะช่วยน้องฝึก แต่ไม่ร่วมด้วย”ต่ายส่ายหน้าน้อย ๆ และยันความคิดเดิมของตนเองไว้ “แต่ว่า...”สีหน้าของพรีมมีความกังวลใจฉายชัด ถ้ารณกฤตไม่ร่วมแสดงแบบนี้ ก็จะขาดจุดรวมสายตาไป งานคงจะถูกลดทอนความน่าสนใจไปหน่อยแน่ ๆ “น้องเขม...” แววตาอ้อนวอนของหญิงสาวที่จับจ้องมาที่รุ่นน้องทำให้เขาจำต้องหลบสายตาของเธอ และก้าวถอยหลังไปอีกก้าว “พี่ต่ายตัดสินใจแบบนั้น ก็เป็นสิทธิ์ของพี่เขานะครับ”มือเรียวกำไม้คทาในมือแน่นจนขึ้นข้อขาว “ผมก็ไม่ขอร่วมเหมือนกัน” “น้องเขม!” “ทำไมพวกพี่จะต้องไปอ้อนวอนคนที่ไม่เต็มใจแบบนั้นด้วยล่ะครับ”หนึ่งในคนที่ได้รับเลือกชักสีหน้าไม่พอใจออกมาให้เห็น เขาสุดทนแล้วนะ “เขาไม่เต็มใจก็ปล่อยเขาไปสิ จะไปดึงเอาตัวถ่วงมาถ่วงงานเพื่อนให้อีกคนมาร่วมด้วยทำไม” คำว่าตัวถ่วงมันแทงใจดำคนที่พยายามมาตลอดจนทำให้หน้าเปลี่ยนสี ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ไม่โต้เถียงอะไร “คำพูดบางคำมันบอกถึง... ของคนพูดนะครับ”ความเย็นชาที่ส่งออกมาทั้งทางน้ำเสียงและสายตา คำในช่องว่างที่เว้นไว้ให้เติมนั้นทำให้คนที่เก็บอารมณ์ไม่อยู่ต้องสะอึก คำดี ๆ มันคงเอามาใส่ไม่ได้... “เอาตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่คิดถึงจิตใจคนอื่น... เป็นคนดีจังนะ”ลิลี่ที่ตอนนี้ไฟแทบจะลุกโชนท่วมหัวเดินดุ่ม ๆ ลงมาจากแสตนด์ เกรี้ยวกราดยิ่งกว่าแอนเดรียที่กำลังทำหน้ายักษ์ซะอีก “พี่เอาคนแบบนี้มาเป็นหน้าตาของมหา’ลัยเหรอคะ” ทั้งพรีมและฝันถึงกับหน้าเสีย เพราะพวกเธอเป็นหนึ่งในคนคัดเลือกคฑากรของปีนี้มาเองกับมือ จะโต้ก็โต้ไม่ได้ จะเถียงก็เถียงไม่ออก “ไม่เอาน่า มันก็เป็นความจริงนี่...”เป็นเขมที่ออกมาพูดก่อนที่เรื่องมันจะบานปรายไปกันใหญ่ “คุณหนูน่ะอยู่เฉย ๆ ไปเลย”แอนเดรียหันมาแว้ดใส่เพื่อนที่ทำใจดีพร่ำเพรื่อ “เป็นนางเอกอยู่หลังสุดไป ตรงนี้นางร้ายอย่างพวกฉันจะเคลียร์ทาง” “...”ริมฝีปากบางอ้าหุบอ้าหุบเหมือนปลาขาดน้ำ อยากจะหาคำมาดับความหัวร้อนของเพื่อนสักสองสามคำ แต่ดูจากความลุกโชนแล้วน้ำมันอาจจะกลายเป็นน้ำมันก็ได้ “เขาก็ยอมรับนี่ ว่าเขาเป็นตัวถ่วง มันผิดตรงไหน”ชายหนุ่มที่เพิ่งจะรวมรวมสติและความกล้าที่กระจายไปกลับมาได้เริ่มเถียงกับสาวสวยที่เป็นพวกกับคนที่เขาไม่ชอบ “จะเข้าข้างเพื่อนตัวเองก็อย่าให้มันมากเกินไปสิครับคุณผู้หญิง” “อิลี่ หลบ”องค์เจ้แอนลงแล้ว เพื่อนสาวสัมผัสได้เลยยอมหลบโดยดี “นี่คุณผู้ชายผู้มองเห็นแต่เงาตัวเอง ถามจริงมีตาไว้มองอย่างอื่นนอกจากกระจกหรือน้ำในตุ่มบ้างมะ? เคยมองเห็นถึงความพยายามของคนอื่นบ้างไหม? หรือชีวิตนี้คุณผู้ชายเป็นคนเฟอร์เฟคทุกอย่าง เกิดมาก็ท่องกขคง.ได้เลยไม่ต้องเรียนกันล่ะ ถึงมาพูดว่าคนอื่นเขาเป็นตัวถ่วงได้หน้าตาเฉยแบบนี้ หยุด! และหุบปากเหม็น ๆ เก็บคำกะหลั่ว ๆ ของคุณไว้ฟังเองเถอะพ่อคนสมบูรณ์แบบ ว่าง ๆ อย่าลืมไปตัดแว่นด้วยล่ะ จะได้มองเห็นอะไรที่คนอื่นเขาเห็นกันบ้าง อ้อ ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ แล้วไปลงเรียนวิชาคิดวิเคราะห์กับวิชาศาสนาสักเทอมล่ะเผื่อทัศนคติจะเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น และ! อย่าลืมว่าเพื่อนฉันได้รับ ‘เชิญ’ มาเป็นคฑากร ไม่ได้มาสมัครเอง อย่าเอาความขี้อิจฉามาลงที่เพื่อนฉัน จำไว้!!” รัวจนไม่มีจังหวะให้ได้ขัดเลยสักนิด... “ถ้ามันทำให้ทุกคนไม่สบายใจ... ผมออกได้นะครับ ตอนนี้ก็ยังพอจะหาคนที่มีพื้นฐานอยู่แล้วมาแทนผมทัน”คนที่รักสงบอย่างเขมยอมที่จะปล่อยทิ้งสิ่งที่เขาได้ลงมือพยายามถึงที่สุดแล้วออกไป ดีกว่ารั้งเอาไว้พร้อมกับปัญหามากมาย “พี่แล้วแต่เขม”ต่ายออกตัวก่อนที่ใครจะหันมาถามอะไร คนรักของเขาว่ายังไง เขาก็เอาตามนั้น ถึงยังไงตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากมาเป็นคฑากรอยู่แล้ว “พอ ๆ หยุดทั้งสองฝั่งเลยค่ะคุณน้อง”ฝันแหวกขึ้นมากลางวง เธอค้อนควักใส่เด็ก ๆ ที่เธออุตส่าห์ปั้นมาด้วยความขุ่นเคืองใจ “ฉันเป็นคนรับผิดชอบพวกเธอมา ฉันจะตัดสินใจเอง” ดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์จนคมกริบกวาดมองเด็ก ๆ ที่ยืนหน้าสลอนตรงหน้า “น้องเขมกับน้องต่ายขึ้นมาอยู่ไม้ 2 และ 3”เจ้ฝันตวัดสายตาใส่คนปากเสียที่ทำท่าจะค้านอะไรออกมาสักอย่าง “ส่วนเธอกับเพื่อนไปอยู่ไม้ 10และ 11” “ทำไมล่ะครับ/คะ!”เด็กหนุ่มและเด็กสาวที่ถูกดีดไปอยู่ด้านหลังถามขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน “พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าพวกเธอดูถูกคนที่อ่อนกว่ามาตลอดน่ะ”สาวประเภทสองคนเก่งประจำสโมฯ เท้าเอวมองปีหนึ่งที่บังอาจมาชักสีหน้าใส่เธอด้วยสีหน้าพร้อมจะเหวี่ยงเต็มที่ “ที่ฉันไม่พูดเพราะไม่มีใครมีปัญหาอะไร พวกเธอก็ไปสรรหาปัญหามาบังคับฉันจนได้” “พี่ก็คิดว่าน้องควรจะไปอยู่ตรงนั้นนะคะ”พรีมหันมาพูดสมทบ “คฑากรเป็นหน้าตาของมหา’ลัยเรา ไม่ใช่ว่างแค่หน้าตาดี บุคลิกดี ควงคทาเก่งแล้วมันจะพอ พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมคะว่าทุกอย่างจะต้องดี มันจะต้อง ‘ทุกอย่าง’ จริง ๆ ทั้งภายนอกและภายใน” “ถ้าไม่พอใจจะออกก็ออกซะตั้งแต่ตอนนี้นะจ๊ะ อย่ามาทำตัวให้คนสาปแช่ง”คำดักคอที่เล่นเอาเด็กเฟรชชี่จี๊ดหัวใจ แต่พูดกับเพื่อนไปเยอะแล้ว ยังไงก็ต้องอยู่... เพราะวันนี้ซ้อมโชว์กลุ่มห้าคนกัน หลังจากที่วางตำแหน่งยืนแล้วคนที่ไม่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในห้าก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เขมยิ้มแหย ๆ ให้แม่ ๆ ทั้งสองคนของเขา ก่อนจะถูกคุณแฟนดึงให้เดินไปขึ้นรถด้วยกัน แอนเดรียที่หายหัวร้อนแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเข้ากลุ่มเม้าส์ของตัวเอง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแบบจัดเต็ม มีจุดไฟให้คนอื่นตัวร้อนต่อ... เขมทิวาหันไปมองคนที่ทำหน้าเรียบเฉยไม่หือไม่อือเลยสักนิด “พี่ต่ายโกรธเหรอครับ”เขมถามคนรักเสียงอ่อย “ผมไม่ได้อยากที่จะละทิ้งความพยายามที่ผ่านมานะครับ แต่ผมไม่อยากให้มันมีปัญหา...” “พี่ไม่ได้โกรธเขมครับ”ต่ายยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ ดวงตาเริ่มฉายแววอ่อนลง “พี่แต่โกรธที่มีคนเห็นความพยายามของเขมเป็นเรื่องเล่น ๆ” “นไม่ใช่ความจริงนี่ครับ พี่ต่ายไม่ต้องคิดมากนะ”เด็กหนุ่มเอ่ยปลอบใจคนที่เป็นกังวลพร้อมส่งรอยยิ้มสดใสไปให้ “พี่สิ ต้องบอกเขมว่าอย่าคิดมาก เขมไม่ใช่ตัวถ่วงของใครสักหน่อย”มืออุ่นเลื่อนมากุมมือเย็น ๆ ของแฟนของเขาเอาไว้หลวม ๆ “ไม่ต้องไปเก็บคำพูดของคนที่มีอคติมาคิดมากนะ” “ครับ”เขาพยักหน้ารับให้อีกฝ่ายสบายใจ เขาจะพยายามไม่เก็บมันมาคิดฟุ้งซ่าน แม้ว่ามันจะเป็นนิสัยเสียของตัวเขาเองก็เถอะ การจราจรในเมืองหลวงของประเทศไทยก็ยังคงเป็นการจราจรที่ชวนให้คนขับรถหงุดหงิดเหมือนเดิม ไม่รู้ว่ารถจะติดอะไรนักหนา จนบางครั้งขาเป็นตะคริวก่อนจะถึงบ้านด้วยซ้ำไป ไม่เห็นจะแก้ไขให้มันดีขึ้นได้สักที “พี่ต่ายจะมากินข้าวกับผมไหมครับ”เขมถามคนที่กำลังจะดับเครื่องยนต์เสียงเบา “เดี๋ยวผมทำเผื่อ...” “น้าราตรีน่าจะกลับมาแล้ว น้องเขมไปอาบน้ำแล้วกินข้าวกับน้าราตรีนะครับ”ต่ายปฏิเสธคำชวนนั้นด้วยรอยยิ้มบาง “ทำไม...” “เดี๋ยวน้าราตรีเขาน้อยใจลูกชายเอา”รณกฤตหัวเราะออกมาเมื่อคิดถึงสีหน้าของแม่แฟน “เอาไว้ตอนเช้าพี่ค่อยไปกินด้วยนะครับ” “ครับ”เขมตอบรับเสียงอ่อย ๆ แล้วหันไปจะเปิดประตูรถลง “เขมครับ”มือขาวชะงักกึก ก่อนที่ใบหน้ามนจะหันมาหาคนที่เรียกเขาไว้ มืออุ่นยื่นมาเชยคางเขาขึ้นก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะเข้ามาประกบริมฝีปากของเด็กหนุ่มไว้ ต่ายขบริมฝีปากล่างของคนรักเบา ๆ ให้เผยออกก่อนจะส่งลิ้นรุกล้ำเข้าไปกวาดต้อนความหอมหวานภายในอย่างตะกละตะกลาม “อือออ”เสียงหวานครางแผ่วเมื่อลมหายใจของตนเริ่มขาดห้วง ทำให้คนที่มาปล้นจูบเขาไปต้องถอนใบหน้าออกอย่างจำใจ รณกฤตมองหน้าของเขมทิวาที่แดงก่ำด้วยความรักใคร่ ปลายนิ้วโป้งแตะลงบนริมฝีปากที่บวมแดงขึ้นมาน้อย ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ “ฝันถึงพี่ด้วยนะคะ เด็กดี” “ครับ...” ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ ช่วงเวลาไหนที่ต่ายก็หวานได้นะคะ เย่ >< มาอัพเลทอีกแล้วล่ะค่ะ ฮืออออออ อีกสามตอนก็จะจบแล้ว อย่าเพิ่งทิ้งกันไปน้าาา ฝาก #คนในใจ #พี่ต่ายน้องเขม ด้วยนะคะ จุ๊บบ
:pig4: :pig4: :pig4: สะใจ อิพวกอยากเด่น ฝีมือดี แต่หน้าตาไม่ให้ แถมเสือกสันดานไม่ดีอีก เจอรุมด่าเข้าไป แถมถูกส่งไปเป็นตัวท้าย ๆ อีก อดเด่นเลย สมน้ำหน้ามัน คนสันดานไม่ดี ชิส์
น้องไม่คิดมากนะคับ มีพี่ต่ายกับเพื่อนๆทั้งคน :hao5:
o13