***รู้สึกว่าแต่ละเรื่องที่แต่งจะมาคนละแนวเกือบหมดเลยแฮะ
***เปลี่ยนประกาศ เพราะตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะแรงขนาดไหน
พระเอกออกจะมีอาการทางจิต จะคิดอะไรแปลกๆ ในบางทีนะฮะ
วางโครงเรื่องไว้หมดแล้ว เหลือแค่ตอนจบ จริงๆ อยากให้ช่วยกันคิด ว่าจะให้จบยังไง
แต่...ตัวละครยังมาไม่ครบ ฮ่าๆ
S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ
ไม่ว่าทำอะไรก็ “เคย” ดีไปหมดทุกอย่าง
เคยเป็น “เด็กอัจฉริยะ”
เคยเป็น “ซูเปอร์แมน”
เคย...“เพอร์เฟค”
แต่นั่นมันก็แค่...เรื่องในอดีต
“ดูสิ กร น้องๆ ได้รางวัลที่ 1 ที่ 2 ตอบปัญหาคณิตศาสตร์ระดับประเทศเชียวนะ เหมือนกรสมัยเด็กๆ เลย” แม่ยิ้มอย่างยินดีกับแผ่นกระดาษบางๆ ที่เจ้าแฝดทั้งสองได้รับมาจากการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับประเทศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งผมไม่ได้ไปดูหรือไปให้กำลังใจอะไรทั้งสิ้น เพราะอ้างไปว่ามีนัดทำรายงานและกิจกรรมของคณะทั้งวัน ทั้งที่จริงแล้ว ผมก็แค่ขี้เกียจไปร่วมงาน
ไม่อยากไปอยู่ในบรรยากาศเก่าๆ ที่ผมเคยเจอมา
ผมเองก็เคยเข้าแข่งขันรายการเดียวกัน และได้รางวัลแบบเดียวกับนภันต์ แฝดคนน้อง นั่นคือรางวัลที่ 1 ชนะเลิศระดับประเทศ แถมยังทำได้ถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ป.3 จนถึง ป.6
ผมเพียงแค่แค่นยิ้มให้แม่ เอามือแปะหัวน้องแฝดคนละข้าง แล้วขอตัวขึ้นห้องไป
ตอนเด็ก IQ ของผมอยู่ในระดับเกิน 120 ทั้งพ่อแม่และครูอาจารย์ต่างชื่นชมว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ แต่มันก็แค่ช่วงหนึ่งในชีวิต สมัยเรียนประถม
พอขึ้นชั้นมัธยมต้น ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ความเป็นอัจฉริยะของผมไม่ได้หายไป แต่เพราะมัน ทำให้ผมไม่มีเพื่อนเลยสักคนที่จะพูดคุยกันรู้เรื่อง ถูกเด็กคนอื่นกลั่นแกล้งรังแก เพียงเพราะเก่งกว่า หาว่าหยิ่งบ้างล่ะ เอาแต่เรียนไม่สนใจโลก เป็นพวกเด็กเนิร์ดเก็บกดบ้างล่ะ จนผมรู้สึกเหมือนสมองที่ผมมีเป็นเรื่องที่ไม่ดี
ผมเลยเลือกที่จะไม่เรียน เลิกขวนขวายทำคะแนนสูงๆ และกลายเป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง พยายามหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับคนหมู่มาก และส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่คนเดียวเงียบๆ ตามมุมตึก นั่งฟังเพลงหรืออ่านหนังสือไปตามเรื่อง แต่หนังสือที่อ่านก็เป็นพวกนิยายทั่วไป หรือการ์ตูน
เมื่อการเรียนของผมดรอปลง ทั้งพ่อและแม่ที่เคยภูมิใจในตัวผมก็หายไป เหลือเพียงคำบ่นว่าในแต่ละวันว่าทำไมผมถึงทำคะแนนสอบได้น้อยนิด แม้ว่ามันจะผ่านเกณฑ์จนจบม.ปลายมาได้ แต่ก็แค่ผ่าน เกรดไม่ถึง 3 ด้วยซ้ำ ผมทำตัวขวางโลกกับพ่อแม่ ไม่ว่าจะด่าว่ายังไง ผมก็ไม่สนใจ ยังคงรักษาระดับคะแนนไว้แค่นั้น เพราะไม่อยากเด่นดังให้ใครมาเข้าใกล้หรือให้ใครมารังแก
พ่อแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าทำไมผมถึงต้องทำตัวแบบนี้ เพราะไม่เคยคิดจะรับฟังผมเลย พวกท่านก็แค่อยากได้ลูกที่เป็นอัจฉริยะคนเดิม เพื่อเอาไว้อวดเพื่อนบ้าน อวดญาติๆ อวดใครต่อใคร และพอน้องแฝดเริ่มเก่งเหมือนผมเมื่อก่อน ก็หันไปดูแลเอาใจใส่นภนต์กับนภันต์ ไม่ได้มาสนใจใยดีเรื่องเรียนของผมอีกต่อไป
“กร จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ลูก” แม่เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นผมหอบข้าวของเดินลงมาจากห้อง วันนี้วันจันทร์ แต่ผมก็แค่กลับมาเก็บของบางส่วนที่ยังเอาไปไม่หมดเท่านั้น และกำลังจะกลับหอ
“ถ้าไม่มีงานที่คณะก็จะแวะมาแล้วกันครับ” ผมตอบพลางยิ้มบางๆ ให้แม่สบายใจ พ่อยังไม่กลับจากทำงาน ซึ่งมันก็ดีแล้วล่ะ เพราะผมไม่ค่อยอยากเจอหน้าเขาเท่าไหร่
ผมลาแม่และน้องๆ ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปที่หอพักใกล้ๆ มหาวิทยาลัย อันที่จริงจะให้ไปกลับก็ได้ แต่เช้าๆ แถวบ้านผมรถมันติด ต่อให้ขี่มอเตอร์ไซค์ก็แทบไม่ทันเวลาเข้าเรียน การอยู่หอพักเลยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ตอนเรียนม.ปลาย ผมทำเกรดไม่ดีเท่าไหร่ก็จริง แต่ตอนสอบเข้าผมก็ทุ่มเทกับมันจนแอดมิชชั่นเข้ามหาลัยรัฐชื่อดังได้ ซึ่งมันทำให้พ่อกับแม่กลับมาภูมิใจในตัวผมอีกครั้ง ถึงขนาดซื้อมอเตอร์ไซค์และเช่าหอพักราคาแพงให้ ออกค่าใช้จ่ายให้ผมเต็มที่ และผมก็คิดว่า การเรียนในมหาวิทยาลัย ผมไม่จำเป็นต้องกั๊กความรู้ที่มี เพราะยังไงก็เรียนตัวคนเดียว เพื่อตัวเองอยู่แล้ว เทอมแรกที่ผ่านมาเกรดของผมจึงอยู่ในระดับ 3.2 พ่อกับแม่ดีใจมากที่ลูกชายคนเก่าของพวกท่านกลับมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พ่อเคยโมโหที่ผมไม่ตั้งใจเรียนจนตบหน้าผมมาแล้ว และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ค่อยอยากเจอหน้าพ่อ
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงได้ยึดติดกับเรื่องเกรดของผมกันนัก
“ชลกร!” ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตของผมมันเหมือนจะดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ดีมากเท่าไหร่หรอก ผมไม่มีเพื่อนเหมือนเดิม ไม่เข้าร่วมกิจกรรมของคณะ ทำให้โดนรุ่นพี่บางกลุ่มเขม่นเอาบ้าง แต่ผมไม่สนใจ
ทั้งที่ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ก็มีคนที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตผมอยู่คนหนึ่ง
“รายงานกลุ่มที่อาจารย์สั่ง ถ้ายังไม่มีกลุ่ม มาเข้ากลุ่มเรานะ” ไอ้เด็กหน้ากลมเป็นซาลาเปาที่ตะโกนเรียกผมเสียงดังลั่นตึก หลังหมดคาบเรียนและผมเดินออกมาจากห้องแล้ว วิ่งเข้ามาหาผมหน้าตาร่าเริงจนนึกอยากจะบีบแก้มกลมๆ แดงๆ ของมันสักที แต่ผมก็แค่คิด ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั้น
“อือ ขอบใจ” ผมตอบเสียงเนือยๆ ได้ยินเพื่อนข้างหลังไอ้หน้ากลมนินทาลอยๆ ว่า ไม่อยากได้ผมเข้ากลุ่ม แต่คนมันขาด
“ตอบงี้แสดงว่าเข้ากลุ่มเรานะ เราจะลงชื่อไว้เลย แล้วนี่มีเรียนอีกมั้ย ไปห้องสมุดกัน” ซาลาเปาน้อยเอ่ยชวน ผมก็พยักหน้ารับ งานกลุ่มยังไงก็คงต้องทำ ช่วยไม่ได้
ผมยังจำชื่อเพื่อนร่วมเอกไม่ได้สักคน แม้แต่ไอ้ซาลาเปาที่ชอบมาทักผมก่อน ผมไม่อยากใส่ใจกับคนรอบข้าง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับการโดนทรยศหักหลังจากคนที่คิดว่าเป็นเพื่อน เหมือนสมัยมัธยม
และอีกอย่างคือ ผมมีความลับที่ไม่ควรให้ใครล่วงรู้
ดังนั้น การอยู่คนเดียวจึงเป็นการดีที่สุด เพื่อจะได้เก็บความลับนั้นไว้กับตัวตลอดกาล
******
เกือบทุกคืน ผมมักจะฝันร้าย ฝันเห็นปิศาจหน้าตาบูดเบี้ยวที่ล้อมรอบตัวผมและหัวเราะเยาะใส่ ฝันเห็นเรื่องที่เคยโดนรังแก ฝันเห็นตอนที่พ่อตบหน้าผม ตอนที่แม่ร้องไห้เสียใจเพราะผม
ความฝันพวกนั้นมันช่างหลอกหลอนและทำให้ผมต้องตื่นมากลางดึกในสภาพเหงื่อท่วมตัว หัวใจเต้นถี่แรง และผมก็จะนอนไม่หลับอีก
สิ่งที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียดของผมและทำให้ผมนอนหลับสนิทได้ ก็คือ...ความลับของผมนั่นเอง
ผมลุกไปหยิบโน๊ตบุ๊คสีขาวบนโต๊ะหนังสือ เดินมานั่งบนเตียงแล้วเปิดมัน ปรับองศากล้องให้อยู่ที่ช่วงลำตัวลงมา แล้วก็เปิดเวบสำหรับหาคู่ของชาวเกย์ เป็นเว็บไซต์ที่ไม่จำเป็นต้องลงรูปหรือประวัติส่วนตัว เพราะแค่ใช้กล้องสื่อสารกัน ต่างคนต่างปกปิดตัวตนซึ่งกันและกัน และพูดคุยหรือทำเรื่องลามกผ่านกล้องร่วมกันเพื่อความสนุกเท่านั้น
อันที่จริง ผมก็ไม่ได้ชอบทั้งผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมไม่เคยชอบใคร ไม่เคยรักใครเลย มันมีแค่ตัณหาเท่านั้น
แต่เวบไซต์หญิงชายมันต้องเปิดเผยข้อมูลเยอะเกินไป รวมทั้งผู้หญิงบางคนก็จุกจิกเรื่องมาก อยากจะเจอหน้า ทำให้ผมเปลี่ยนมาหาผู้ชายด้วยกันแทน เพราะมีหลายคนที่ไม่อยากเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์อยู่แล้ว
คนที่ผมมักจะคุยด้วยบ่อยๆ ช่วงนี้เป็นนักศึกษาเหมือนกับผม เขาบอกแค่กำลังเรียนอยู่ปี 4 แก่กว่าผม 3 ปี เป็นผู้ชายผิวขาวจัด หัวนมสีชมพูด้วย ขนาดกับผู้หญิง ผมยังไม่เคยเห็นคนไหนมีหัวนมชมพูน่าดูดแบบเขามาก่อนเลย เขามีกล้ามเนื้อสมส่วนมาก จนผมนึกอิจฉาอยากจะฟิตหุ่นให้ได้แบบนนั้นบ้าง ผมเคยถามส่วนสูงของเขา เขาสูงกว่าผม 3 เซน นั่นหมายความว่า เขาสูงเกิน 180 พวกเราพูดคุยกันโดยใช้เครื่องแปลงเสียง เพื่อเลี่ยงไม่ให้ต่างรู้ตัวจริงกันและกัน รวมทั้งไม่ให้เห็นหน้าด้วย ซึ่งผมว่ามันปลอดภัยดี
[นึกว่านอนไปแล้วซะอีก วันนี้ไม่เห็นออน] เสียงผ่านเครื่องแปลงเสียงของเขาดังเข้ามาในหูฟัง เขาถอดเสื้อ นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าคอมฯ ผมเห็นเขาใส่บ็อกเซอร์สีน้ำเงิน ลอนกล้ามท้องอย่างสวยหดเกร็งตอนที่เขานั่งค้อมตัวยื่นหน้ามาใกล้คอม ผมเห็นเพียงแค่คางของเขา
“จริงๆ ก็นอนแล้วครับ แต่ผมฝันร้าย เลยนอนไม่หลับแล้ว”
[งั้นให้พี่ช่วยให้หลับฝันดีเหมือนเดิมนะครับ] ผมเห็นรอยยิ้มบนปากของเขา แล้วเขาก็หมุนกล้องต่ำลงมาอีก เพื่อเน้นแต่หน้าอกและส่วนล่างใต้สะดือลงไป
ผมไม่ได้ถอดเสื้อผ้าสักชิ้น แค่เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงขายาวที่ใส่นอน เขานั่งบนเก้าอี้ ค่อยๆ ดึงบ็อกเซอร์สีน้ำเงินออกช้าๆ จากเรียวขาขาวๆ
[คิกๆ อยากเห็นมากกว่านี้มั้ย] เขาหัวเราะชอบใจ ในขณะที่นั่งหุบขามิดชิด
“ครับพี่ ขอผมดูชัดๆ หน่อย อา...ถ่างขากว้างๆ” ผมซี้ดปากไป สาวมือกับลูกชายตัวเองไป พลางจ้องมองขาขาวๆ ที่ค่อยๆ แยกออกกว้างอยู่บนเก้าอี้ตัวจิ๋ว เห็นทั้งของเขาที่เริ่มแข็งและเป็นสีแดงสวยกับรูทวารด้านหลังที่น่าจะเคยผ่านการใช้งานมาบ้างแล้ว เขาบีบหัวนมตัวเองให้ผมดูพลางกัดปากตรงหน้ากล้อง
[อ๊า เอส กัดแรงๆ กัดหัวนมพี่แรงๆ เลียรัวๆ เลย อ๊า ซี้ด] เขาครางไปบี้หัวนมตัวเองไป มืออีกข้างชักรูดแก่นกายสีหวานจนน้ำปริ่มตรงส่วนหัว ผมเลียปาก อยากดูดเขาไปทั้งตัว แต่ตอนนี้แทบจะเลียหน้าจอแล้ว ผมส่งลิ้นออกมาจ่อที่กล้อง กระดกลิ้นรัวๆ เหมือนเลียหัวนมของเขาอยู่ เขายิ่งครางกระเส่า โครตน่ารัก
“พี่ผม ผมจะเสร็จ”
[งั้นเข้ามาข้างในเลยครับ กระแทกพี่แรงๆ อ๊า เอสสส แตกในเลยครับ] เขาครางเรียกชื่อไอดีของผม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นชื่อปลอม นิ้วของเขาทะลวงเข้าไปในช่องทางสีเข้มของตัวเอง คว้านไปมาเพื่อให้ผมเห็นมันถนัดตาว่ากว้างพอจะให้ของผมสอดใส่ ผมรัวมือไม่หยุด จินตนาการว่าเข้าไปในตัวเขาแล้วก็แตก
“อึก...ฮ้า...อา...” ผมครางเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง และคืนนี้ผมก็ได้นอนหลับฝันดีเพราะพี่ SlipXD ตามเคย