พิมพ์หน้านี้ - S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ichiichi ที่ 20-03-2018 22:37:41

หัวข้อ: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 20-03-2018 22:37:41
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 0 [น่าจะติดเรท 20+ล่ะมั้งนะ]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 20-03-2018 22:43:30
***รู้สึกว่าแต่ละเรื่องที่แต่งจะมาคนละแนวเกือบหมดเลยแฮะ

***เปลี่ยนประกาศ เพราะตอนแรกไม่แน่ใจว่าจะแรงขนาดไหน
พระเอกออกจะมีอาการทางจิต จะคิดอะไรแปลกๆ ในบางทีนะฮะ

วางโครงเรื่องไว้หมดแล้ว เหลือแค่ตอนจบ จริงๆ อยากให้ช่วยกันคิด ว่าจะให้จบยังไง

แต่...ตัวละครยังมาไม่ครบ ฮ่าๆ

S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ

ไม่ว่าทำอะไรก็ “เคย” ดีไปหมดทุกอย่าง
เคยเป็น “เด็กอัจฉริยะ”
เคยเป็น “ซูเปอร์แมน”
เคย...“เพอร์เฟค”

แต่นั่นมันก็แค่...เรื่องในอดีต

“ดูสิ กร น้องๆ ได้รางวัลที่ 1 ที่ 2 ตอบปัญหาคณิตศาสตร์ระดับประเทศเชียวนะ เหมือนกรสมัยเด็กๆ เลย” แม่ยิ้มอย่างยินดีกับแผ่นกระดาษบางๆ ที่เจ้าแฝดทั้งสองได้รับมาจากการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับประเทศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งผมไม่ได้ไปดูหรือไปให้กำลังใจอะไรทั้งสิ้น เพราะอ้างไปว่ามีนัดทำรายงานและกิจกรรมของคณะทั้งวัน ทั้งที่จริงแล้ว ผมก็แค่ขี้เกียจไปร่วมงาน

ไม่อยากไปอยู่ในบรรยากาศเก่าๆ ที่ผมเคยเจอมา

ผมเองก็เคยเข้าแข่งขันรายการเดียวกัน และได้รางวัลแบบเดียวกับนภันต์ แฝดคนน้อง นั่นคือรางวัลที่ 1 ชนะเลิศระดับประเทศ แถมยังทำได้ถึง 4 ปีซ้อน ตั้งแต่ป.3 จนถึง ป.6

ผมเพียงแค่แค่นยิ้มให้แม่ เอามือแปะหัวน้องแฝดคนละข้าง แล้วขอตัวขึ้นห้องไป

ตอนเด็ก IQ ของผมอยู่ในระดับเกิน 120 ทั้งพ่อแม่และครูอาจารย์ต่างชื่นชมว่าเป็นเด็กอัจฉริยะ แต่มันก็แค่ช่วงหนึ่งในชีวิต สมัยเรียนประถม

พอขึ้นชั้นมัธยมต้น ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ความเป็นอัจฉริยะของผมไม่ได้หายไป แต่เพราะมัน ทำให้ผมไม่มีเพื่อนเลยสักคนที่จะพูดคุยกันรู้เรื่อง ถูกเด็กคนอื่นกลั่นแกล้งรังแก เพียงเพราะเก่งกว่า หาว่าหยิ่งบ้างล่ะ เอาแต่เรียนไม่สนใจโลก เป็นพวกเด็กเนิร์ดเก็บกดบ้างล่ะ จนผมรู้สึกเหมือนสมองที่ผมมีเป็นเรื่องที่ไม่ดี

ผมเลยเลือกที่จะไม่เรียน เลิกขวนขวายทำคะแนนสูงๆ และกลายเป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง พยายามหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับคนหมู่มาก และส่วนใหญ่ก็มักจะอยู่คนเดียวเงียบๆ ตามมุมตึก นั่งฟังเพลงหรืออ่านหนังสือไปตามเรื่อง แต่หนังสือที่อ่านก็เป็นพวกนิยายทั่วไป หรือการ์ตูน

เมื่อการเรียนของผมดรอปลง ทั้งพ่อและแม่ที่เคยภูมิใจในตัวผมก็หายไป เหลือเพียงคำบ่นว่าในแต่ละวันว่าทำไมผมถึงทำคะแนนสอบได้น้อยนิด แม้ว่ามันจะผ่านเกณฑ์จนจบม.ปลายมาได้ แต่ก็แค่ผ่าน เกรดไม่ถึง 3 ด้วยซ้ำ ผมทำตัวขวางโลกกับพ่อแม่ ไม่ว่าจะด่าว่ายังไง ผมก็ไม่สนใจ ยังคงรักษาระดับคะแนนไว้แค่นั้น เพราะไม่อยากเด่นดังให้ใครมาเข้าใกล้หรือให้ใครมารังแก

พ่อแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าทำไมผมถึงต้องทำตัวแบบนี้ เพราะไม่เคยคิดจะรับฟังผมเลย พวกท่านก็แค่อยากได้ลูกที่เป็นอัจฉริยะคนเดิม เพื่อเอาไว้อวดเพื่อนบ้าน อวดญาติๆ อวดใครต่อใคร และพอน้องแฝดเริ่มเก่งเหมือนผมเมื่อก่อน ก็หันไปดูแลเอาใจใส่นภนต์กับนภันต์ ไม่ได้มาสนใจใยดีเรื่องเรียนของผมอีกต่อไป

“กร จะกลับมาอีกเมื่อไหร่ลูก” แม่เดินเข้ามาถามเมื่อเห็นผมหอบข้าวของเดินลงมาจากห้อง วันนี้วันจันทร์ แต่ผมก็แค่กลับมาเก็บของบางส่วนที่ยังเอาไปไม่หมดเท่านั้น และกำลังจะกลับหอ

“ถ้าไม่มีงานที่คณะก็จะแวะมาแล้วกันครับ” ผมตอบพลางยิ้มบางๆ ให้แม่สบายใจ พ่อยังไม่กลับจากทำงาน ซึ่งมันก็ดีแล้วล่ะ เพราะผมไม่ค่อยอยากเจอหน้าเขาเท่าไหร่

ผมลาแม่และน้องๆ ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์กลับไปที่หอพักใกล้ๆ มหาวิทยาลัย อันที่จริงจะให้ไปกลับก็ได้ แต่เช้าๆ แถวบ้านผมรถมันติด ต่อให้ขี่มอเตอร์ไซค์ก็แทบไม่ทันเวลาเข้าเรียน การอยู่หอพักเลยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ตอนเรียนม.ปลาย ผมทำเกรดไม่ดีเท่าไหร่ก็จริง แต่ตอนสอบเข้าผมก็ทุ่มเทกับมันจนแอดมิชชั่นเข้ามหาลัยรัฐชื่อดังได้ ซึ่งมันทำให้พ่อกับแม่กลับมาภูมิใจในตัวผมอีกครั้ง ถึงขนาดซื้อมอเตอร์ไซค์และเช่าหอพักราคาแพงให้ ออกค่าใช้จ่ายให้ผมเต็มที่ และผมก็คิดว่า การเรียนในมหาวิทยาลัย ผมไม่จำเป็นต้องกั๊กความรู้ที่มี เพราะยังไงก็เรียนตัวคนเดียว เพื่อตัวเองอยู่แล้ว เทอมแรกที่ผ่านมาเกรดของผมจึงอยู่ในระดับ 3.2 พ่อกับแม่ดีใจมากที่ลูกชายคนเก่าของพวกท่านกลับมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พ่อเคยโมโหที่ผมไม่ตั้งใจเรียนจนตบหน้าผมมาแล้ว และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ผมไม่ค่อยอยากเจอหน้าพ่อ

ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงได้ยึดติดกับเรื่องเกรดของผมกันนัก

“ชลกร!” ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ชีวิตของผมมันเหมือนจะดีขึ้น แต่มันก็ไม่ได้ดีมากเท่าไหร่หรอก ผมไม่มีเพื่อนเหมือนเดิม ไม่เข้าร่วมกิจกรรมของคณะ ทำให้โดนรุ่นพี่บางกลุ่มเขม่นเอาบ้าง แต่ผมไม่สนใจ

ทั้งที่ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ก็มีคนที่อยากเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตผมอยู่คนหนึ่ง

“รายงานกลุ่มที่อาจารย์สั่ง ถ้ายังไม่มีกลุ่ม มาเข้ากลุ่มเรานะ” ไอ้เด็กหน้ากลมเป็นซาลาเปาที่ตะโกนเรียกผมเสียงดังลั่นตึก หลังหมดคาบเรียนและผมเดินออกมาจากห้องแล้ว วิ่งเข้ามาหาผมหน้าตาร่าเริงจนนึกอยากจะบีบแก้มกลมๆ แดงๆ ของมันสักที แต่ผมก็แค่คิด ไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั้น

“อือ ขอบใจ” ผมตอบเสียงเนือยๆ ได้ยินเพื่อนข้างหลังไอ้หน้ากลมนินทาลอยๆ ว่า ไม่อยากได้ผมเข้ากลุ่ม แต่คนมันขาด

“ตอบงี้แสดงว่าเข้ากลุ่มเรานะ เราจะลงชื่อไว้เลย แล้วนี่มีเรียนอีกมั้ย ไปห้องสมุดกัน” ซาลาเปาน้อยเอ่ยชวน ผมก็พยักหน้ารับ งานกลุ่มยังไงก็คงต้องทำ ช่วยไม่ได้

ผมยังจำชื่อเพื่อนร่วมเอกไม่ได้สักคน แม้แต่ไอ้ซาลาเปาที่ชอบมาทักผมก่อน ผมไม่อยากใส่ใจกับคนรอบข้าง เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดกับการโดนทรยศหักหลังจากคนที่คิดว่าเป็นเพื่อน เหมือนสมัยมัธยม

และอีกอย่างคือ ผมมีความลับที่ไม่ควรให้ใครล่วงรู้

ดังนั้น การอยู่คนเดียวจึงเป็นการดีที่สุด เพื่อจะได้เก็บความลับนั้นไว้กับตัวตลอดกาล

******

เกือบทุกคืน ผมมักจะฝันร้าย ฝันเห็นปิศาจหน้าตาบูดเบี้ยวที่ล้อมรอบตัวผมและหัวเราะเยาะใส่ ฝันเห็นเรื่องที่เคยโดนรังแก ฝันเห็นตอนที่พ่อตบหน้าผม ตอนที่แม่ร้องไห้เสียใจเพราะผม

ความฝันพวกนั้นมันช่างหลอกหลอนและทำให้ผมต้องตื่นมากลางดึกในสภาพเหงื่อท่วมตัว หัวใจเต้นถี่แรง และผมก็จะนอนไม่หลับอีก

สิ่งที่จะช่วยผ่อนคลายความเครียดของผมและทำให้ผมนอนหลับสนิทได้ ก็คือ...ความลับของผมนั่นเอง

ผมลุกไปหยิบโน๊ตบุ๊คสีขาวบนโต๊ะหนังสือ เดินมานั่งบนเตียงแล้วเปิดมัน ปรับองศากล้องให้อยู่ที่ช่วงลำตัวลงมา แล้วก็เปิดเวบสำหรับหาคู่ของชาวเกย์ เป็นเว็บไซต์ที่ไม่จำเป็นต้องลงรูปหรือประวัติส่วนตัว เพราะแค่ใช้กล้องสื่อสารกัน ต่างคนต่างปกปิดตัวตนซึ่งกันและกัน และพูดคุยหรือทำเรื่องลามกผ่านกล้องร่วมกันเพื่อความสนุกเท่านั้น

อันที่จริง ผมก็ไม่ได้ชอบทั้งผู้หญิงหรือผู้ชาย ผมไม่เคยชอบใคร ไม่เคยรักใครเลย มันมีแค่ตัณหาเท่านั้น

แต่เวบไซต์หญิงชายมันต้องเปิดเผยข้อมูลเยอะเกินไป รวมทั้งผู้หญิงบางคนก็จุกจิกเรื่องมาก อยากจะเจอหน้า ทำให้ผมเปลี่ยนมาหาผู้ชายด้วยกันแทน เพราะมีหลายคนที่ไม่อยากเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์อยู่แล้ว

คนที่ผมมักจะคุยด้วยบ่อยๆ ช่วงนี้เป็นนักศึกษาเหมือนกับผม เขาบอกแค่กำลังเรียนอยู่ปี 4 แก่กว่าผม 3 ปี เป็นผู้ชายผิวขาวจัด หัวนมสีชมพูด้วย ขนาดกับผู้หญิง ผมยังไม่เคยเห็นคนไหนมีหัวนมชมพูน่าดูดแบบเขามาก่อนเลย เขามีกล้ามเนื้อสมส่วนมาก จนผมนึกอิจฉาอยากจะฟิตหุ่นให้ได้แบบนนั้นบ้าง ผมเคยถามส่วนสูงของเขา เขาสูงกว่าผม 3 เซน นั่นหมายความว่า เขาสูงเกิน 180 พวกเราพูดคุยกันโดยใช้เครื่องแปลงเสียง เพื่อเลี่ยงไม่ให้ต่างรู้ตัวจริงกันและกัน รวมทั้งไม่ให้เห็นหน้าด้วย ซึ่งผมว่ามันปลอดภัยดี

[นึกว่านอนไปแล้วซะอีก วันนี้ไม่เห็นออน] เสียงผ่านเครื่องแปลงเสียงของเขาดังเข้ามาในหูฟัง เขาถอดเสื้อ นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าคอมฯ ผมเห็นเขาใส่บ็อกเซอร์สีน้ำเงิน ลอนกล้ามท้องอย่างสวยหดเกร็งตอนที่เขานั่งค้อมตัวยื่นหน้ามาใกล้คอม ผมเห็นเพียงแค่คางของเขา

“จริงๆ ก็นอนแล้วครับ แต่ผมฝันร้าย เลยนอนไม่หลับแล้ว”

[งั้นให้พี่ช่วยให้หลับฝันดีเหมือนเดิมนะครับ] ผมเห็นรอยยิ้มบนปากของเขา แล้วเขาก็หมุนกล้องต่ำลงมาอีก เพื่อเน้นแต่หน้าอกและส่วนล่างใต้สะดือลงไป

ผมไม่ได้ถอดเสื้อผ้าสักชิ้น แค่เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงขายาวที่ใส่นอน เขานั่งบนเก้าอี้ ค่อยๆ ดึงบ็อกเซอร์สีน้ำเงินออกช้าๆ จากเรียวขาขาวๆ

[คิกๆ อยากเห็นมากกว่านี้มั้ย] เขาหัวเราะชอบใจ ในขณะที่นั่งหุบขามิดชิด

“ครับพี่ ขอผมดูชัดๆ หน่อย อา...ถ่างขากว้างๆ” ผมซี้ดปากไป สาวมือกับลูกชายตัวเองไป พลางจ้องมองขาขาวๆ ที่ค่อยๆ แยกออกกว้างอยู่บนเก้าอี้ตัวจิ๋ว เห็นทั้งของเขาที่เริ่มแข็งและเป็นสีแดงสวยกับรูทวารด้านหลังที่น่าจะเคยผ่านการใช้งานมาบ้างแล้ว เขาบีบหัวนมตัวเองให้ผมดูพลางกัดปากตรงหน้ากล้อง

[อ๊า เอส กัดแรงๆ กัดหัวนมพี่แรงๆ เลียรัวๆ เลย อ๊า ซี้ด] เขาครางไปบี้หัวนมตัวเองไป มืออีกข้างชักรูดแก่นกายสีหวานจนน้ำปริ่มตรงส่วนหัว ผมเลียปาก อยากดูดเขาไปทั้งตัว แต่ตอนนี้แทบจะเลียหน้าจอแล้ว ผมส่งลิ้นออกมาจ่อที่กล้อง กระดกลิ้นรัวๆ เหมือนเลียหัวนมของเขาอยู่ เขายิ่งครางกระเส่า โครตน่ารัก

“พี่ผม ผมจะเสร็จ”

[งั้นเข้ามาข้างในเลยครับ กระแทกพี่แรงๆ อ๊า เอสสส แตกในเลยครับ] เขาครางเรียกชื่อไอดีของผม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นชื่อปลอม นิ้วของเขาทะลวงเข้าไปในช่องทางสีเข้มของตัวเอง คว้านไปมาเพื่อให้ผมเห็นมันถนัดตาว่ากว้างพอจะให้ของผมสอดใส่ ผมรัวมือไม่หยุด จินตนาการว่าเข้าไปในตัวเขาแล้วก็แตก

“อึก...ฮ้า...อา...” ผมครางเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง และคืนนี้ผมก็ได้นอนหลับฝันดีเพราะพี่ SlipXD ตามเคย
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 1 [น่าจะติดเรท 20+ล่ะมั้งนะ]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 21-03-2018 00:38:43
1
ปึก!

“ขอโทษครับ” ผมรีบก้มหน้าเอ่ยขอโทษทันทีที่หัวไหล่ไปกระแทกโดนไหล่คนที่เดินสวนกัน พวกเขาเป็นรุ่นพี่ที่ไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แล้วทำไมจะต้องมาเดินสวนกันไอ้ตรงที่แคบๆ แบบนี้ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ

“กวนตีนเหรอวะ ไอ้แว่น” ได้ยินเสียงโหดๆ ดังไล่หลังมา แต่ผมไม่กล้าหันกลับไปมอง รีบเดินหนี พยายามไม่สนใจเสียงใครทั้งนั้น

“ไม่เอาน่าไอ้กานต์” พวกพี่ที่เดินมาด้วยกันกับพี่คนนั้นร้องห้าม ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยิน รีบสาวเท้าหนีจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

“ชลกร!” อา...หนีจากพี่พวกนั้นมา ก็เจอไอ้หน้าซาลาเปาเจ้าเก่าอีก ทำไมชีวิตกูถึงได้วุ่นวายนักวะ

ผมหยุดยืนรอให้ซาลาเปาเข้ามาหา มันยิ้มหน้าแป้นแล้น อารมณ์ดีอะไรนักหนา

“เสาร์นี้นัดทำรายงานนะ ตอนสิบโมงที่หอ 3 นายอยู่หอนอกนี่นา?” มันเอียงคอมองผมอย่างครุ่นคิด “หรือจะไปทำที่หอนายดี?”

“ไปหอ 3 นั่นก็ได้ ผมมีมอไซค์”

“เออเนอะ แต่นายไม่เคยเข้าไปแถวหอในนี่ งั้นเอางี้” ซาลาเปาทำหน้าเหมือนปิ๊งไอเดียอะไรสักอย่าง “เราจะมารอหน้ามอ นายก็รับเราไปด้วย แล้วเราจะบอกทางให้ จะได้ไม่เสียเวลาหลงทางหาหอ 3”

ผมนิ่งนึก มันหายากเย็นขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงก็ได้ ก็เลยพยักหน้ารับไป

“นายนี่พูดน้อยจังเลย ถ้ายิ้มสักหน่อยก็น่าจะมีเพื่อนเยอะแยะแล้ว” ซาลาเปามันว่าพลางยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผม จนผมต้องผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มันตัวเตี้ยกว่าผมนิดหน่อย พอยืดตัวยื่นหน้ามาก็แทบจะชนคางผม

“ผมไม่ชอบมีเพื่อนเยอะ”

“ฮ่าๆ เป็นคนมนุษยสัมพันธ์แย่สินะ” มันถอยกลับแล้วหัวเราะเสียงดัง นี่หลอกด่ากูอยู่หรือเปล่าวะ “ไม่เป็นไรๆ อยู่ๆ ไป ก็มีเพื่อนเองแหละ เราว่านายนิสัยโอเคเลย ขาดแค่รอยยิ้ม” แล้วมันก็วิพากษ์วิจารณ์ผมไปเรื่อยเปื่อย พลางเดินนำหน้าไปที่โรงอาหาร ซึ่งจริงๆ ผมอยากจะแวะมาซื้อข้าวกล่องกลับหอ ไม่ได้จะมานั่งกินกับมัน

“เออ แล้วไม่ต้องแทนตัวเองว่าผมก็ได้ ถ้าไม่ถนัดพูดกูมึง ก็ใช้เรากับนาย ฉันไรงี้ ก็ได้” ตอนนี้พวกเรามานั่งกินข้าวด้วยกัน มันก็ชวนผมคุยได้ตลอด

“อือ” ผมครางรับ เคี้ยวข้าวอย่างเร่งรีบ เพื่อจะได้ไปจากที่นี่เสียที

“โหย รีบกินไปไหน เดี๋ยวติดคอนะ อ่ะนี่น้ำ กินกับเราได้ ไม่ถือ” มันยิ้มหวานดันขวดน้ำเปล่าของตัวเองมาทางผม เพราะผมไม่ได้ซื้อน้ำไว้ ก็ตอนแรกกะจะหิ้วกลับไปกินที่ห้อง และห้องของผมก็มีตู้เย็น มีน้ำให้กินอยู่แล้ว

“ไม่เป็นไร กูถือ” ก็มันบอกให้เปลี่ยนสรรพนาม ผมก็เลยใช้แบบที่อยากใช้ กับมันคงไม่ต้องมีอะไรให้เกรงใจหรอกมั้ง

มันชะงักไปนิดหน่อย แต่ก็ยังยิ้ม “งั้นให้กูไปซื้อให้ใหม่มั้ยล่ะ”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูกลับไปกินที่ห้องทีเดียว”

“ประหยัดรึไง” มันยิ้มขำ แต่แววตาไม่ได้แฝงความเยาะเย้ย

“เปล่า ก็แค่มันมีอยู่ที่ห้อง ไม่รู้จะซื้ออีกทำไมให้เปลือง แล้วก็ไม่ชอบกินต่อจากคนอื่น” ผมอธิบาย ส่วนไอ้ซาลาเปามันก็ทำตาโต

“นี่มึงพูดยาวๆ กับเขาก็เป็นนี่หว่า”

เออ นั่นสิ ผมพูดกับมันได้ยาวที่สุดเท่าที่เคยคุยกันมาเลยนี่หว่า เมื่อกี้นี้ แปลกดีที่จู่ๆ ก็รู้สึกไว้ใจมันขึ้นมา ตั้งแต่เทอมก่อนแล้วที่มันพยายามเข้าหาผม พูดคุยและชวนทำนู่นทำนี่ด้วยกัน มันเลยรู้สึกกลมกลืนกันไปเองล่ะมั้ง

“พูดเยอะๆ แล้วก็ยิ้มเยอะๆ นะ กูชอบ” มันยิ้มตาหยี ผมงงๆ กับที่มันพูดนิดหน่อย แต่ไม่คิดจะใส่ใจ รีบกินรีบกลับ

“เออ มึง” ก่อนจะแยกกันกลับหอ มันอยู่หอใน ผมอยู่หอนอก ต้องกลับคนละทาง แต่พอดีผมนึกได้ว่า “มึงชื่ออะไรนะ”

“ห๊ะ? ไอ้เวร นี่จำชื่อเพื่อนที่เรียนกันมาเป็นเทอมไม่ได้อีกเหรอวะ” มันบ่นหน้ามุ่ย แต่ไม่ได้ดูเหมือนโกรธ “กูชื่อ ปั้นจั่น เรียกปั้นก็ได้ จำไว้ด้วยล่ะ!”

“อือๆ กูจะจำไว้”

“งั้นแยกกันเลยนะ เจอกันพรุ่งนี้ แล้วอย่าลืมสิบโมง หอ 3 เสาร์นี้ด้วย!” มันโบกมือให้ก่อนจะวิ่งไปอีกทาง ส่วนผมต้องเดินไปเอารถที่จอดไว้หน้าคณะ

กลับมาถึงหอพักอย่างเหนื่อยอ่อน ผมเปิดแอร์ที่ 18 องศา เพราะมันร้อนมาก และผมก็ไม่ชอบอากาศร้อนเอาเสียเลย หยิบขวดน้ำเปล่าในตู้เย็นมาดื่มเกือบหมดขวดแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง

ผมเคยอ่านในเนต เขาบอกว่าการนอนแผ่ กางแขนขาบนเตียงเพียง 2 นาทีต่อวัน จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตัวเองได้ ผมทำแบบนี้ทุกครั้งที่อยู่บนเตียง แต่ก็ไม่เห็นจะสร้างความมั่นใจให้ตรงไหน

ผมถอนหายใจ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งทำงานที่อาจารย์สั่ง พวกที่เป็นงานเดี่ยวๆ ทำไปสักพักก็ง่วง เพิ่งจะสามทุ่มเองด้วยซ้ำ คงเพราะวันนี้พูดมาก เลยหมดแรงเร็วกว่าทุกที แต่ถ้าผมหลับ อีกไม่นานผมคงต้องตื่นตามเคย

แต่ผมก็เลือกที่จะหลับตาลงบนเตียง

บางทีสมองของผมก็จดจำอะไรได้ดีเกินไป จำแม้กระทั่งเรื่องร้ายๆ ที่ไม่อยากจำ เพื่ออะไร?

“ทำหน้ากวนตีนเหรอวะไอ้แว่น!”
“เล่นมันเลย!”
“จับมันแก้ผ้า ฮ่าๆ”
“แม่งโครตแห้ง ทุเรศลูกตาว่ะมึง”
“ฮ่าๆๆๆ”
“กร๊ากๆๆๆๆ”
“สมน้ำหน้า”
“ไหนวะอัจฉริยะ”
 “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”

“ไอ้พวกเหี้ยยยยย!!!” ผมผวาตื่น เหงื่อโทรมกาย ภาพตอนม.ต้นย้อนกลับมาเป็นฉากๆ ต่างกันแค่ตัวผมในฝันกล้าลุกขึ้นสู้กับพวกมัน แต่พอจะสู้ก็สะดุ้งตื่น แล้วผมก็นอนไม่หลับอีกตามเคย

ผมเปิดโน๊ตบุ๊ค เพื่อคุยกับพี่ SlipXD ผมไม่รู้จะเรียกเขาว่าอะไรดี ก็เรียกแค่พี่มาตลอด เราคุยกันมาเกือบครึ่งปีแล้ว เพราะผมชอบผิวขาวอมชมพูของเขา ชอบเวลาที่เขายั่วยวน มันโครตเซ็กซี่ ก่อนหน้านี้เคยเจอแบบล่ำๆ คล้ำๆ หรือไม่ก็สาวแตกสุดฤทธิ์ ซึ่งไม่ปลุกปั่นอารมณ์ผมเลย บางทีผมคงยังมีความรู้สึกชอบผู้หญิงอยู่บ้าง ถึงได้อยากได้หุ่นไม่ล่ำมาก และขาวเนียนน่าสัมผัส แต่ไม่เอาสาวเทียม ขอเป็นแมนๆ ไปเลยดีกว่า ไม่งั้นก็ต้องผู้หญิงจริงๆ เท่านั้น ดูเรื่องมากเนอะ ฮ่าๆ

[นอนไม่หลับใช่ม้า มาให้พี่ช่วยนะครับ พี่จะกอดปลอบให้หลับปุ๋ยเลย คิกๆ] เขาทำท่าเหมือนโอบรอบตัวผมผ่านกล้อง บางครั้งเราก็แค่พูดคุยกัน จนผมหลับไป แต่ถ้าวันไหนรีบหน่อย ก็ต้องใช้วิธีนั้น จะได้หลับเร็วขึ้น

“พี่...พี่ว่าผมควรหาหมอ แบบจิตแพทย์มั้ย” เรื่องพวกนี้ผมไม่กล้าบอกพ่อแม่หรือคนรู้จักหรอก ปรึกษากับคนที่ไม่แม้แต่จะเห็นหน้ากันเลยดีกว่า ตอนแรกๆ ที่คุยกัน ผมไม่ได้บอกเขาเรื่องอาการนอนไม่หลับ ฝันร้ายและชอบตื่นกลางดึกของผม แต่พอคุยไปสักพัก พี่เขาก็ถาออกมาเอง เพราะเห็นผมชอบเปิดกล้องแชทตอนดึกๆ ในสภาพที่เหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้าย

[อืม มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ พี่เห็นเราก็ดูปกติดี แบบพูดคุยรู้เรื่อง แล้วพอได้ปลดปล่อยก็หลับสบายใช่มั้ยล่ะ] เขาขยับมาหน้ากล้อง เห็นแค่ปาก พี่เขามักจะใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวตลอด คงเป็นชุดที่ใส่นอนประจำ

“แต่ผมเป็นมาหลายปีแล้ว ผมอยากหาย อยากลืม...”

[ถ้างั้น พี่ว่าลองปรึกษาหมอดูก็ได้ หรือไม่ก็นักจิตวิทยาก็พอ] เขาให้คำปรึกษากับผมอย่างจริงจัง ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น เขารับฟังผมทุกเรื่อง ทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันเลยสักนิด ผมไม่รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่น มาเจอแบบผม เขาจะไม่อยากคุยด้วยหรือเปล่า บางทีอาจจะแชทกันสองสามครั้งแล้วบายเลยก็ได้ แต่พี่เขากลับอยู่เป็นเพื่อนผมทุกคืนมาตลอดเกือบครึ่งปีที่ผ่านมา

“นักจิตวิทยา?”

[อื้อ ก็แค่ปรึกษาเรื่องที่กลุ้มใจอยู่ แล้วให้เขาประเมินว่าเราควรต้องพบจิตแพทย์มั้ย หรือแค่อยากระบายอะไรเฉยๆ พอดีพี่มีเพื่อนเรียนจิตวิทยาน่ะ เลยพอรู้มาบ้าง]

“งั้นผมจะลองทำตามที่พี่บอกดู ขอบคุณมากนะพี่” แล้วเราก็คุยกันอีกหลายเรื่องจนผมหลับไป

******

เช้าวันเสาร์ ผมขี่มอเตอร์ไซค์มาถึงหน้ามอ ปั้นจั่น หรือซาลาเปา ฉายาที่ผมแอบตั้งให้มันในใจ ออกมายืนรอรับผมที่หน้ามอจริงๆ ผมเลยให้มันซ้อนท้ายไปหอใน ถึงผมจะไม่เคยเข้าไปบริเวณนั้น แต่มันก็มีป้ายบอกทางอยู่มั้ยล่ะ ไม่เห็นจะต้องกลัวผมหลงทางขนาดนี้ก็ได้ แต่มันอยากมารับก็ตามใจ

“หอ 3 เป็นหอของไอ้เวสมัน อ้อ มันชื่อเวสป้า คนตัวสูงๆ ผมแดงๆ นึกออกมั้ย” ปั้นจั่นชวนผมคุยตามปกติ รอบนี้แนะนำเพื่อนที่จะไปเจอ มันคงกลัวว่าผมจะจำใครไม่ได้ แล้วพวกนั้นจะรู้สึกไม่ดีมั้ง

“อืม ผมแดง เวสป้า” ย้อมผมเป็นสีๆ ก็แยกง่ายแหละ มันน่าย้อมไปคนละสีให้หมดเลยนะ จะได้จำตามสีหัวเอา

“แล้วก็จะมีคนตัวขาวๆ ใส่แว่นเหมือนมึงคนนึง ชื่อ เกม กับอีกคนที่ตัวอ้วนๆ หน่อยชื่อ บอม”

ผมพยักหน้าหงึกหงักตามที่มันบอก เอาจริงๆ ถ้าผมใส่ใจ มันก็จำได้แหละ แต่แค่ผมไม่ได้ใส่ใจไง ไม่อยากจะจำ แต่ถ้าจำเป็นต้องจำอย่างครั้งนี้ ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร

ปั้นจั่นเดินนำผมเข้าไปในหอ 3 ตกใจนิดหน่อยตอนที่เข้าไปแล้วเจอพวกรุ่นพี่ที่ชอบหาเรื่องผมนั่งกันอยู่ในห้องกระจกที่มีทีวี คงมีไว้ให้พวกเด็กหอในมานั่งดูทีวี เล่นคอมหรืออ่านหนังสือทำงานกัน พวกนั้นมองๆ มาทางผม โดยเฉพาะพี่คนเดิมที่ชอบทำตาขวางๆ ใส่ ไม่รู้ผมไปเหยียบตีนมันหรือไง ถึงได้ชอบเขม่นผมจัง รู้สึกผมจะเคยได้ยินเพื่อนมันเรียกว่า กานต์

“ไม่มีลิฟท์เหรอ ปั้นจั่น” ผมถามขึ้นเมื่อปั้นจั่นกำลังจะเดินขึ้นบันได มันหันกลับมามองหน้าผมอึ้งๆ นี่ผมลืมตัวถามอะไรแปลกๆ สินะ หอในมันจะมีลิฟท์ได้ไง จำนวนชั้นก็แค่ 4-5 ชั้นเท่านั้น แต่ผมว่าเวลาขนของเข้าหอหรือขนกลับบ้านมันก็ลำบากนะ ควรใช้ลิฟท์

“เมื่อกี้...มึงเรียกชื่อกูนี่?” อ้าว? ไม่ได้มองเพราะถามอะไรแปลกๆ เหรอวะ

“ก็ เออสิ” ตื่นเต้นอะไรกับอีแค่เรียกชื่อ

“โห! ดีใจเหมือนถูกหวย! มึงเรียกชื่อกูอีกดิ นะนะ ชลกร” มันเลิกสนใจบันได กระโดดลงมากอดแขนผมแทน แถมยังเอาหน้ามาถูๆ ไถๆ เหมือนลูกแมวก็ไม่ปาน

“ก็ได้หรอก...แต่เรียกกูว่า กร ก็ได้เหมือนกัน” ผมว่าพลางดึงแขนออกจากมือมัน มันเงยหน้ามองผมแล้วยิ้มแป้น

“อื้อ กร”

เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาหอใน เพราะไม่มีเพื่อนเลย ก็เลยไม่รู้จะเข้ามาทำไม ดูแล้วมันก็เป็นตึกธรรมดา สภาพค่อนไปทางเก่า แอบมีหยากไย่เป็นบางมุมด้วย ทำไมไม่รู้จักทำความสะอาดกันวะ ลิฟท์ไม่มี ทีวี ตู้เย็นก็ไม่มี (ถ้าจะดูทีวีก็ต้องลงไปห้องกระจกชั้นล่างที่ผมเดินผ่านเมื่อกี้ ไม่ก็ยกมาเองจากบ้าน เห็นซาลาเปามันว่างั้นนะ) เครื่องทำน้ำอุ่นก็ไม่มี แถมเป็นห้องน้ำรวมอีกต่างหาก ดูจะอยู่ลำบากนะเนี่ย

“มาแล้วๆๆๆ กร นั่งนี่” ซาลาเปาตบๆ ที่พื้นข้างตัวมันเรียกผมไปนั่งด้วย พวกที่เหลือก็เขยิบๆ ออกให้ ผมทักทายทุกคนด้วยการเรียกชื่อ พอเห็นว่าผมจำชื่อได้ พวกมันก็ดูจะเป็นมิตรขึ้นมาเล็กน้อย (เล็กน้อยมากจนแทบไม่เห็น)

ระหว่างนั่งทำงาน สายตาของผมก็คอยเหลือบมองไปรอบๆ ห้อง มันรู้สึกคุ้นตาบอกไม่ถูก มันไม่ใช่เดจาวู แบบเคยฝันเห็นหรือสมองทำให้คิดไปเองแน่นอน ผมมั่นใจ มันเป็นบรรยากาศที่ผมโครตจะคุ้นตา เหมือนเห็นอยู่ทุกวัน...

พลันกล้ามอกขาวๆ หัวนมชมพูกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวก็ผุดขึ้นมาในความคิด ผมสะดุ้งโหยง มองหน้าทุกคนไปมา พวกมันต่างก้มหน้าก้มตาทำรายงาน ไม่ได้สนใจผม

ห้องนี้มันห้องของใครวะ?

ทั้งหน้าต่างแบบบาดเกล็ดที่ผมจำได้แม่นยำว่าเคยเห็นผ่านกล้องเวลาพี่เขาหมุนกล้องไปมา ทั้งเก้าอี้! ใช่! เก้าอี้ที่พี่เขานั่งเหมือนกับของห้องนี้เป๊ะเลย!

มันไม่แปลกหรอกที่จะมีเก้าอี้แบบนี้ที่ไหนก็ได้ แต่มันโครตจะบังเอิญไปมั้ยที่ทั้งหน้าต่างและเก้าอี้มันเหมือนกับห้องของพี่ SlipXD แต่ว่า พี่เขาบอกว่าเขาเรียนปี 4 แล้ว แต่นี่มันห้องเพื่อนไอ้ซาลาเปา ซึ่งรุ่นเดียวกับผม หรือพี่เขาจะโกหก?

ถ้าคนคนนั้นคือหนึ่งในสี่คนนี้ ที่นั่งทำรายงานกับผมอยู่ตอนนี้ล่ะ?

ไม่ได้ ผมถามไม่ได้ ต้องตั้งสติก่อน อย่างแรกคือ ที่นี่มันหอใน ทุกคนมีหน้าต่างแบบนี้ และอาจจะมีเก้าอี้แบบนี้เหมือนกันหมด แต่ก็ตัดความเป็นไปได้ของทั้งสี่คนนี้ไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น หากผมกระโตกกระตากเรื่องข้าวของในห้องนี้มากไป เขาจะต้องรู้ตัว

ผมรู้สึกว่าเหงื่อเริ่มซึมที่ฝ่ามือ มันทั้งตื่นเต้นและลุ้นระทึกเหมือนเวลาดูหนังสืบสวน แล้วถึงช่วงไคลแมกซ์ที่ลุ้นว่าใครคือฆาตกร หรือไม่ก็ลุ้นว่าใครจะโดนฆ่าปิดปากเป็นรายต่อไป

จริงสิ...ห้องนี้มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีโน้ตบุ๊คด้วย แต่ผมไม่รู้ว่าของใคร

“เอ่อ” ผมตัดสินใจเอ่ยปากขึ้น ทุกคนเงยหน้ามอง พอโดนจ้องแล้วมันก็เกร็งอีก

“มีอะไรเหรอ กร อยากให้แก้ตรงไหนรึเปล่า” ซาลาเปาเป็นคนแรกที่ถามผม ส่วนคนอื่นๆ ก็ก้มหน้าทำงานต่อ เมื่อเห็นว่าผมไม่พูดอะไร

“ปะ เปล่าๆ กูแค่อยากรู้...ว่าหอในนี่เขาอยู่ห้องละกี่คนวะ”

“อ๋อ ก็ห้องละ 2-4 คนอ่ะ” ปั้นจั่นตอบ “ทำไมเหรอ? อยากมาอยู่หอในมั่งเหรอ?”

“ไม่ๆ คือ แค่อยากรู้เฉยๆ” ผมหัวเราะแหะๆ แล้วทำงานส่วนของตัวเองต่อไป

อยู่ห้องละ 2-4 คน? แต่พี่เขาอยู่คนเดียวตลอดนี่หว่า แล้วทำเรื่องแบบนั้น ถ้ามีเพื่อนอยู่ด้วยคงไม่กล้าแน่ หรือจะไม่ใช่คนหอใน มันมีหอนอกอื่นที่มีหน้าต่างกับเก้าอี้แบบนี้เหรอวะ หรือจะมหาลัยอื่น?

โอ๊ย แล้วผมจะนั่งคิดมากเรื่องพวกนี้ทำไมเนี่ย พี่เขาจะเป็นใครก็ช่างมันสิ! ก็แค่เพื่อนคุยในเนต คนที่ทำให้ผมหลับสบายได้ทุกคืนตั้งแต่รู้จักกัน คนที่รับฟังปัญหาของผมโดยไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ แถมยังให้คำแนะนำเป็นบางครั้ง คอยกล่อมผมให้หลับ ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม

ทำไมผม...ถึงรู้สึกว่าอยากเจอเขาขึ้นมานะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 1 [น่าจะติดเรท 20+ล่ะมั้งนะ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-03-2018 01:25:50
เขาเป็นใครนะ กานต์ หรือ ซาลาเปา ปาท่องโก๋  :m21:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 2 [21/8/18] R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 21-03-2018 20:13:32
2
ช่วงนี้ผมเหมือนพวกโรคจิตบอกไม่ถูก ตั้งแต่เข้ามาหอในและรู้ว่าห้องพักของที่นี่มีหน้าต่างกับเก้าอี้แบบที่ผมเห็นจากในห้องของพี่ SlipXD ผมก็มาด้อมๆ มองๆ แถวหอในบ่อยขึ้น

ผมไม่แน่ใจว่าหอในทุกตึกเหมือนกันหมดรึเปล่า จะเข้าไปข้างในแล้วเปิดห้องใครสักคนดูก็ใช่ที่ แต่จากที่สังเกตด้านนอก หน้าต่างเป็นบานเกล็ดแบบเดียวกันหมด เหลือแค่ด้านในที่ไม่รู้ว่าเป็นแบบเดียวกันหมดมั้ย

ถ้าผมถามพี่เขาตรงๆ ว่าเขาเรียนที่นี่หรือเปล่า เขาจะยอมตอบผมมั้ยนะ

[หือ? วันนี้ออนเร็วจัง ทุกทีต้องตื่นเพราะฝันร้ายมาหาพี่ตอนตี 1 ตี 2 ตลอด] เสียงผ่านเครื่องแปลงของพี่เขาดังอยู่ในหู ผมนั่งอยู่บนเตียงเหมือนเคย ส่วนเขาก็อยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้น เก้าอี้ไม้ที่ตรงเบาะเป็นทรงกลมหมุนได้ มีพนักพิงเตี้ยๆ และที่วางแขน เหมือนกับเก้าอี้ที่ผมเจอในห้องของเพื่อนไอ้ซาลาเปา เขาไม่ค่อยเปิดไฟเล่น ผมก็เลยเห็นสภาพห้องไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ก็พยายามเพ่งดูตลอด ตั้งแต่รู้ว่าห้องของเขาเหมือนหอใน

“วันนี้ผมยังไม่ง่วงครับ แล้วก็ว่างด้วย” ผมตอบให้เขาเห็นรอยยิ้มที่ปากผ่านกล้อง “ผมคิดถึงพี่”

[ปากหวานจัง อยากได้อะไรเอ่ย?] พี่เขาก็ยิ้มให้ผม ขนาดเห็นแค่ปากนะ โครตเซ็กซี่ ปากเขาสีชมพูอ่อนๆ น่าจูบมาก

“ขออะไรก็ได้เหรอ” ผมแกล้งถามกลับ เหมือนจะหยอกเล่น แต่ผมเอาจริงนะ

[ได้ทุกอย่างเลย ถ้าเป็นเอส] เขากัดปากแล้วส่งจูบให้ผม แถมยังเอามือไปลูบๆ ตรงหัวนมตัวเองยั่วกันอีก แต่ผมต้องระงับอารมณ์ไว้ก่อน

“งั้นผมขอถามอะไรพี่หน่อยสิ”

[แค่จะถามคำถามเองเหรอ ว้า~นึกว่าจะเล่นอะไร] เขายู่ปากเหมือนเสียดาย [อ่ะ ถามมาสิ]

“พี่อยู่บ้านหรือหอพักครับ”

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ [หอพักครับ ทำไมเหรอ]

“แล้วอยู่คนเดียวเหรอครับ”

[เรานี่ถามตลกนะ ถ้าอยู่หลายคน พี่จะมานั่งแก้ผ้าให้เราดูเหรอ] เขาหัวเราะ [คืนนี้ไม่ทำเหรอ พี่อยาก...]

“อ่ะ” ผมถึงกับสะอึกกับน้ำเสียงคล้ายออดอ้อนในทีกับท่ากัดปากแสนยั่วยวนนั้น ผมอยากเห็นหน้าเขาจังว่าจะเซ็กซี่แค่ไหน อยากสบตา อยากจูบ อยากกอดตัวเขาจริงๆ

[เอสครับ? เอสไม่อยากเหรอ หรือว่าเบื่อพี่แล้ว] เขายังคงใช้เสียงอ้อนๆ ผ่านเครื่องแปลงเสียงทำให้ผมยิ่งใจสั่น

“เอ่อ...เอาเลยเหรอครับ?”

[อื้อ เอาพี่ที นะ น้า~พี่อยากให้เอสเข้ามาข้างในนี้] เขายกขาขึ้นข้างหนึ่งแล้วเอานิ้วจิ้มที่ร่องก้นตัวเองให้ผมดู ถ้าผมอยู่ตรงนั้นจริงๆ คงจับเขากดไม่ยั้งแล้วล่ะ

“ผม...อยากเข้าไป” ผมเลียปาก สายตาจับจ้องที่ปลายนิ้วของเขาซึ่งกำลังถูวนรอบช่องทางที่ยังอยู่ใต้ร่มผ้า

[อ๊ะ...เอส...เลียสิ...เลียที] เขาค่อยๆ ดึงบ็อกเซอร์ออกจากเอว แล้วนั่งอ้าขาบนเก้าอี้ให้ผมเห็นช่องทางสีเข้มนั้น บ็อกเซอร์ร่นไปกองที่ข้อเท้าข้างหนึ่งของเขา เขาจับของตัวเองชักรูดขึ้นลงพลางจ่อปลายนิ้วที่ช่องทางของตัวเอง

“ผมจะเลียตั้งแต่ปลายเท้าพี่ขึ้นไปเลยนะ” ผมแลบลิ้นเลียกล้อง มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกางเกงเหมือนเคย แต่ไม่ลืมสังเกตภายในห้องของเขา นอกจากหน้าต่างบานเกล็ดกับเก้าอี้ที่เขานั่ง ยังมีตู้ที่เห็นอยู่ด้านหลังอีกอย่าง แต่เห็นไม่ชัดว่าเป็นสีอะไรหรือแบบไหน

[อา...เอส...] เขาครางรับ ทำท่าจิกปลายเท้าเหมือนโดนผมเลียจริงๆ คงจะจินตนาการอยู่ล่ะมั้ง

“พี่...ไม่อยากให้ผมไปเลียพี่จริงๆ มั่งเหรอ”

[อือ...อะไรนะ?]

“ไม่อยากให้ผมเอาพี่จริงๆ ในห้องของพี่เหรอ?”

[เอส!] เขาหยุดชะงักทุกการกระทำ [หมายความว่าไง]

“ผมอยากเจอพี่”

[ไม่ได้! เจอกันไม่ได้เด็ดขาด!] เขาดึงบ็อกเซอร์ขึ้นมาที่เดิม

“ทำไมล่ะ? ของผมต้องดีกว่านิ้วพี่แน่นอน ไม่อยากลองเหรอ” ผมตะล่อมถามต่อ เขาเหมือนจะลังเลขึ้นมานิดหน่อย เพราะกัดปากแล้วก็ส่ายหน้าไปมา ท่าทางเหมือนสาวน้อยจะถูกเปิดซิง น่ารักว่ะ

[ไม่เอา ไม่ให้เจอ พี่หมดอารมณ์แล้ว ปิดกล้องนะ]

“เดี๋ยว! พี่!” ไม่ทันแล้ว เขาปิดกล้องและล็อคเอ้าท์ออกจากโปรแกรมไปเลย

ทำไมวะ ทำไมไม่อยากเจอผม? ไม่อยากสัมผัสกันจริงๆ รึไง หรือว่าเขาจะมีแฟนแล้ว เลยกลัวแฟนรู้? หรือไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองเป็นเกย์?

ผมมีคำถามมากมายในหัว แต่ไม่มีใครตอบได้ นอกจากพี่ SlipXD แต่พี่เขาก็หายไปตั้งแต่คืนนั้น

******

เกือบสองอาทิตย์ที่ไม่ว่าจะออนทิ้งไว้ดึกดื่นแค่ไหน พี่เขาก็ไม่ล็อคอินเลย บางทีอาจจะเปลี่ยน ID แล้วไปเล่นกับคนอื่นก็ได้ ผมทำพลาดไปแล้วจริงๆ ที่คิดว่าในโลกออนไลน์ จะมีคนดีๆ ที่อยากทำความรู้จักเรา

ทั้งเรื่องที่เป็นเกย์ แล้วไหนจะเรื่องลามกที่ทำผ่านกล้อง แล้วยังเรื่องที่ผมเป็นโรคนอนไม่หลับอีก จริงๆ ถ้าเจอกัน ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าพี่เขาจะไม่เอาเรื่องของผมไปป่าวประกาศ เขาอาจจะรังเกียจผมก็ได้ เลยไม่อยากเจอกันซึ่งหน้า

ผมควรจะเลิกสนใจเขาแล้วหาอย่างอื่นทำ หาคนอื่นมาคุยด้วย เพราะยังไงมันก็แค่เพื่อนในเนต ที่ไม่เห็นหน้าและไม่จำเป็นต้องรู้จักตัวจริง

แต่ผมก็ชอบเขามากกว่าคนอื่นที่เคยเจอมา

“กร! เย็นนี้พี่ๆ เขานัดประชุมเรื่องงานบายเนียร์ของพี่ปี 4 แน่ะ” เจ้าซาลาเปาน่าหยิกโผล่มาอีกแล้ว มันตามตื้อผมมาตั้งแต่เทอมแรก ตั้งแต่เจอหน้ากันในเซคที่เรียนก็ว่าได้

“กูไม่ไป” ผมตอบเนือยๆ คณะเราคนไม่ได้เยอะมากมายอะไร และพวกพี่ก็ชอบมาลากตัวรุ่นน้องไปทำกิจกรรม แต่พอดีผมอยู่หอนอก ก็เลยชิ่งหลบได้ตลอด แต่ปี 1 คนอื่นส่วนใหญ่จะอยู่หอใน

“ได้ไงอ่า กูไม่เคยเห็นมึงเข้าร่วมกิจกรรมเลย งานนี้ลองดูสิ” มันดึงแขนผมไม่ยอมปล่อย ผมก็เลยต้องยอมให้มันลากเดินไป เพราะจะยื้อไปมาก็ดูเป็นจุดเด่นเกินไป

“ไม่อยากไป”

“ไม่ได้ ต้องไป”

“ทำไมกูต้องไป”

“เพราะกูอยากให้ไปไง” มันหยุดยืนหันมากอดอกจ้องหน้าผม ตัวมันเตี้ยกว่าผมเลยต้องเงยหน้า ผมไม่ค่อยชอบความเจ้ากี้เจ้าการของมันเท่าไหร่ ตั้งแต่เริ่มคุยด้วย มันก็เกาะแกะผมตลอด

“แต่กูไม่อยากไปไง” ผมหลบสายตามัน แต่ก็ยังยืนกรานความคิดตัวเองว่าจะไม่ทำกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ไม่อยากรู้จักใครไปมากกว่านี้แล้ว และอีกอย่าง ถ้าทำกิจกรรมก็จะต้องเจอพี่พวกนั้น รู้สึกพวกมันจะอยู่ปี 3

“กรอ่ะ ลองสักครั้งไม่เสียหายอะไรนี่ ถ้าลองแล้วไม่ชอบ คราวหน้ากูจะไม่บังคับเลย จริงๆ” มันทำหน้าอ้อนๆ เหมือนลูกแมว กอดแขนผมแล้วก็คลอเคลียเหมือนที่ชอบทำ “นะ น้า~”

แว้บหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นกับวิธีทอดเสียงและคำออดอ้อนแบบนี้

อื้อ เอาพี่ที นะ น้า~

ผมมองหน้าปั้นจั่น มันยังเหลือบสายตาอ้อนๆ ขึ้นมองผมอยู่ แถมยังกอดแขนแน่นไม่ปล่อย คิ้วผมกระตุก หัวใจเต้นแปลกๆ ไม่ดิ ไม่มีทาง ไม่ใช่ไอ้เปี๊ยกนี่แน่นอน เพราะพี่เขาบอกว่าสูง 183 ซม. สูงกว่าผมด้วยซ้ำ แต่นี่มันเตี้ยกว่าผมตั้งเกือบ 10 เซน ตัวเล็กกระจิ๊ดเดียว แถมไม่ได้ขาวออร่าด้วย

ไม่ใช่ปั้นจั่นหรอกน่า ไม่มีทาง

“กร! ไปนะ ไปกัน” มันเขย่าแขนผมจนผมหลุดจากภวังค์

“เออๆ ไปก็ได้” อ้าว ฉิบหาย หลุดปากตกลงเฉย...

เย็นนั้น ไอ้ซาลาเปามาลากผมไปทำกิจกรรมจนได้ งานบายเนียร์คืออะไรก็ไม่รู้ เห็นมันบอกว่างานนี้ต้องช่วยกันทุกชั้นปี รวมเงินแล้วเอาไปเป็นค่าจัดงาน อารมณ์งานเลี้ยงส่งพี่ปี 4 ที่กำลังจะเรียนจบ ส่วนใหญ่ก็มีสายรหัสกัน แต่ผมไม่ได้สนใจและไม่เคยเจอพี่รหัสเลยสักคน

และอย่างที่คิด ต้องเจอรุ่นพี่พวกนั้นจริงๆ

พี่คนที่ชื่อกานต์จ้องผมเขม็งตั้งแต่ผมเดินมากับปั้นจั่น เหมือนว่าเขาจะเป็นเฮดของปี 3 และตามผมเข้าร่วมกิจกรรมไม่ได้ เขาเลยไม่ชอบขี้หน้าผม แล้วทำไมจะต้องบังคับกันด้วยวะ ไม่เข้าใจ

“อ้าว น้องคนนี้ ไม่เคยเข้าร่วมเลยนี่นา ทำไมมาได้” พี่ผู้หญิงที่เช็คชื่อเงยหน้ามองผมอย่างสงสัย

“อ๋อ พี่ เทอมก่อนมันมีปัญหาทางบ้าน ต้องกลับเร็วตลอดน่ะครับ เทอมนี้มันเลยว่างมา” ปั้นจั่นช่วยแก้ตัวให้ผมเสร็จสรรพ พี่คนสวยเลยไม่ว่าอะไร เช็คชื่อให้พวกเราแล้วบอกให้เข้าไปด้านในโรงยิม เพื่อรอคนมาครบแล้วจะได้หารือกันเรื่องงานเลี้ยง

พอเข้าไปนั่งในโรงยิม ก็มีรุ่นพี่ปี 2 ออกมาต้อนรับก่อน จากนั้นพวกปี 3 ก็ทยอยมากัน แต่ไม่เยอะ ปี 2 มากันเยอะกว่า และปี 1 น่าจะครบทั้งชั้นปีเลยมั้ง

ระหว่างที่พวกเขาปรึกษาหารือกัน ผมก็ได้แค่ฟัง ไม่ได้สนใจว่าจะทำอะไร รู้แค่จะขอเก็บเงินคนละ 300 แค่นั้น

“เรื่องการแสดงของน้องๆ พวกพี่จะช่วยดูแลให้ ให้แบ่งกลุ่มกันนะ กลุ่มละกี่คนก็ได้ แล้วเสนอไอเดียมาว่าจะแสดงอะไรให้พี่ปี 4 ดู” พี่ผู้หญิงปี 2 ประกาศบอกอย่างนั้น

“มึงอยู่กับกูนะ กร” ไอ้ซาลาเปาเอาศอกมาสะกิดผมยิกๆ ผมก็เออออกับมันไป ยังไงก็ไม่มีเพื่อนคนอื่นอยู่แล้ว

“ปั้น มึงจะเอามันมาถ่วงอีกทำไมวะ ท่าทางแม่งไม่น่าแสดงอะไรได้เลย” ผมได้ยินนะ ชัดเจนเลยล่ะ คิดว่าไอ้คนพูดก็คงจงใจ มันคือคนที่ชื่อเวสป้า ย้อมผมสีแดง ผมจำได้แม่น

จะว่าไป กลุ่มของซาลาเปา มีคนผิวขาวอยู่ 2 คนคือเวสป้ากับเกม บอมคล้ำหน่อย แถมมีพุง คนนี้ตัดทิ้งได้เลย เกมก็ตัวเล็ก ตัวพอๆ กับไอ้ซาลาเปา ผอมด้วย แถมใส่แว่นเหมือนผม ดูเนิร์ดพอกัน

แต่รอบนี้เป็นการแสดง กลุ่มก็เลยขยายใหญ่ขึ้นอีกหน่อย ปั้นจั่นพาเพื่อนผู้หญิงมาร่วมด้วยสองคนและผู้ชายอีก 1 ชื่อ จ๊ะกับโม ผู้ชายชื่อ แฟ้ม

“กลุ่มนี้ทำอะไร” จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายดุๆ ดังขึ้นข้างหลังพวกผมที่กำลังล้อมวงปรึกษากันเรื่องการแสดง คนพูดเลือกยืนข้างหลังผมแบบตรงเป๊ะ พอหันไปก็เห็นสายตาคมๆ ตวัดมองเหมือนไม่ค่อยชอบใจของรุ่นพี่ที่ชื่อกานต์

“พวกผมว่าจะเต้นอ่ะพี่ ไอ้แฟ้มมันเรียนแดนซ์มาพอดี” มันตกลงกันตอนไหนวะ สงสัยผมไม่ได้ฟัง

“เต้น” พี่กานต์เหลือบมองผมแล้วส่งเสียงเหมือนหัวเราะเยาะในคอ “หวาน กูจะรับผิดชอบกลุ่มนี้เอง” พี่มันตะโกนไปทางเพื่อนที่กระจายกันไปดูแลกลุ่มอื่น

“เออ แล้วแต่มึงเลยกานต์” พี่ผู้หญิงที่มันคุยด้วยตะโกนตอบมา

พี่กานต์แทรกตัวเบียดระหว่างผมกับไอ้ซาลาเปาแล้วนั่งลงรวมกับพวกเรา ทำไมต้องนั่งตรงนี้วะ กูก็เกร็งไปสิ ยิ่งโดนมันเขม่นอยู่ ยังไม่เคยมีเรื่องกันจริงๆ จังๆ หรอกนะครับ เพราะผมไม่เคยสู้คน ก็ได้แต่ก้มหน้าขอโทษอย่างเดียวแล้วรีบหนี มันเองก็คงเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่เข้ามาวอแวกับรุ่นน้องที่ไม่อยากต่อกรด้วย แถมเพื่อนมันก็ห้ามตลอด

แต่สักพัก ผมก็รู้สึกผ่อนคลายลง ความตึงเครียดที่เคยมีตอนเจอหน้าพี่กานต์ค่อยๆ หายไป เพราะตอนนี้ พี่เขาทั้งหัวเราะและยิ้ม พูดคุยกับพวกเราอย่างเป็นกันเอง ทุกคนดูจะชื่นชมพี่เขามากด้วย

เมื่อตกลงได้แล้วว่าจะเต้น โดยให้สองสาวเป็นตัวชูโรง พี่กานต์ก็บอกจะช่วยซ้อมให้ พวกเราก็หาเพลงก่อนเป็นอย่างแรก แล้วให้คนชื่อแฟ้มกับพี่กานต์ช่วยกันคิดท่า โดยมีพวกที่เหลือนั่งดู และออกความเห็นเป็นระยะ ยกเว้นผมที่ดูอย่างเดียว

ไอ้เรื่องจำจังหวะกับท่าน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ผมเต้นไม่เป็นไง มันเก้ๆ กังๆ พอดูเลย แต่วันนี้ยังไม่ได้ซ้อมจริงจัง เพราะเพิ่งเริ่มคิด

“เสาร์-อาทิตย์นี้มาซ้อมที่หน้าหอ 3 ตอนสิบโมงนะทุกคน” พี่กานต์ที่รับผิดชอบกลุ่มเรานัดแนะเรื่องการซ้อม หอ 3 อีกแล้วแฮะ หรือพี่แกก็อยู่หอนี้เหมือนกัน

“รับทราบ” ทุกคนตอบรับเสียงใส ผมเองก็พยักหน้ารับ แต่พอทุกคนแยกย้าย พี่กานต์ก็เข้ามาประกบผมทันที

“ทำไมไม่ตอบ” เขาขมวดคิ้วจ้องหน้าผม ไอ้ซาลาเปามันมัวแต่คุยกับเพื่อนคนอื่น ก็เลยมีแค่ผมที่เผชิญหน้ากับเขา ผมก้มหน้าก้มตาเหมือนเคย

“ผม...พยักหน้าแล้ว”

“ออกเสียงด้วยทีหลัง” พี่มันดุ แต่ไม่ได้ใช้เสียงดังเท่าไหร่ แล้วเอามือมาตบหลังผมอย่างแรง “ยืดอกหน่อยดิวะ จะก้มหน้าทำเหี้ยไรนักหนา”

“คะ ครับ” ผมสะดุ้ง ต้องยืดหลังเพราะโดนมันตบ เงยหน้าขึ้นนิดหน่อย นี่ฝึกร.ด.อีกรอบเปล่าวะ

“พี่ มีอะไรรึเปล่า” ไอ้ซาลาเปาคงเห็นว่าผมโดนตบหลัง มันเลยเข้ามาดู พี่กานต์ยังหน้านิ่ง

“แค่สอนมันนิดหน่อย กูไม่กินหัวมันหรอกน่า”

“โธ่พี่ มันขี้กลัว อย่าแกล้งมันเลย” ไอ้ซาลาเปาทำหน้าอ้อน

“กูไม่ได้แกล้งอะไรนี่ บอกว่าแค่สอนไง แล้วนี่กลับหอกันยังล่ะ มืดค่ำแล้ว แยกย้ายๆ” พี่มันทำไม่สนใจหน้าอ้อนๆ นั่นแล้วโบกมือไล่พวกเรา

“งั้นกูกลับหอนะ มึงกลับดีๆ ล่ะ” ปั้นจั่นหันมาบอกผมแล้วโบกมือให้ “ไปนะพี่กานต์”

“เออ” พี่กานต์พยักหน้า ก่อนจะหันมาหาผมด้วยตาดุๆ อีกแล้ว “มึงอยู่หอนอกใช่มั้ย?”

“คะ ครับ” ผมละล่ำละลักตอบ มือแม่งเสือกสั่นอีก

“แล้วกลับไง?”

“ผมมีมอไซค์ครับ” ผมค้อมหัวตอบอย่างนอบน้อมสุดชีวิต มันทำหน้าครุ่นคิดพลางเอานิ้วเคาะคางตัวเอง

“งั้น” มันจ้องหน้าผมอีกรอบ “ไปส่งกูด้วย”

!?

ผมคงหน้าเหวอแหละ แต่ก็ต้องรีบเก็บอาการ รุ่นพี่สั่งก็ต้องทำตามใช่มั้ยวะ เออ ทำก็ได้ ผมก็เลยต้องพยักหน้ารับคำสั่งมัน พามันเดินไปที่รถที่จอดไว้หน้าตึกคณะ

“มึงอยู่หอไหน” เสียงเย็นๆ เอ่ยถาม แม่งโครตหลอนสัสๆ

“หอ KK PLACE ครับ”

“อย่างหรูเลยนี่หว่า หอนั้นแพงที่สุดของละแวกนี้เลย” มันตาลุกวาวเหมือนจะตื่นเต้น

“ผมมีหมวกกันน็อคใบเดียว” นึกขึ้นได้ก็ตอนเดินมาถึงรถแล้วนี่แหละครับ

“งั้นเอามาให้กูใส่” มันเชิดหน้าใส่ จะว่าไปมันก็ตัวสูงพอๆ กับผม แถมผิวก็ขาวจัด นี่ผมเหมือนโรคจิตเลย เทียบส่วนสูงกับสีผิวคนไปทั่วแล้วเนี่ย

ผมยื่นหมวกกันน็อคให้มัน “แล้วพี่อยู่หอไหนครับ”

“กูอยู่ SK Vill”

อ้อ ไม่ไกลกันเท่าไหร่ อ้าว? มันอยู่หอนอกนี่หว่า

“แต่มึงไม่ต้องไปส่งกูที่นั่น” มันแสยะยิ้ม “เพราะกูจะไปห้องมึง!”

ห๊ะ!?
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 1 [น่าจะติดเรท 20+ล่ะมั้งนะ]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 21-03-2018 20:15:01
เขาเป็นใครนะ กานต์ หรือ ซาลาเปา ปาท่องโก๋  :m21:
พระเอกเราสเน่ห์แรงนะ มีผู้ต้องสงสัยอีกเพียบ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 2 [21/8/18] R-18
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-03-2018 21:14:47
สรุปว่าไม่มีข้อมูลแน่นอนนอกจากขาว หัวนมชมพู? ส่วนที่บอกว่าอยู่ปี 4 กับสูง 180 กว่า นี่ไม่รู้จริงหรือเปล่าสินะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 2 [21/8/18] R-18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-03-2018 02:54:02
ความสูงคงหลอกแน่ ๆ ก็มัวแต่นั่งทำกิจกรรมเข้าจังหวะ ไม่ได้ยืนนิ จริง ๆ อาจเตี้ยกว่าที่บอกก็ได้ ชิมิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 2 [21/8/18] R-18
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-03-2018 08:49:22
หวังว่าพี่กานต์จะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีกับกรนะ กลัวใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 3 [22/8/18] R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-03-2018 16:40:04
พี่กานนนนนนนของน้องงงงงงง

3
“โหหห แม่งกว้างกว่าห้องที่กูอยู่หลายเท่าเลยเนี่ย เฮ้ยๆๆๆ เตียงโครตใหญ่ คิงไซส์ใช่มั้ยวะ” พี่กานต์หันมามองผมตาเป็นประกาย ตั้งแต่มันเข้ามาในห้อง ก็วิ่งไปทั่วอย่างกับเด็กสามขวบ สำรวจตรงนั้นทีตรงนี้ที แล้วก็ไปจบที่นอนเด้งไปมาบนเตียงผม

เฮ้อ

“ทำหน้างั้น กวนตีนกูเหรอ! คืนนี้กูจะนอนที่นี่!”

“เฮ้ย!” ไอ้เหี้ย...ดีนะที่ไม่หลุดพูดคำหลังไป “จะ จะดีเหรอพี่”

“ทำไม มึงหวงเหรอ?” มันลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าผม หน้าแม่งโครตโหด

“ปะ เปล่าครับ แค่กลัวพี่จะไม่สะดวก” ผมตอบอ้อมแอ้ม ไม่กล้าสบตาเหมือนเดิม

“สะดวกสิครับน้องชาย” มันเดินอ้อมหลังผม แล้วโอบแขนวางบนบ่า ผมนี่ตัวเกร็ง จริงๆ ตัวต่อตัวก็พอสู้มันได้นะ แต่อย่างที่บอก ผมไม่ชอบต่อสู้กับใคร และยิ่งมันเป็นรุ่นพี่ในคณะด้วยแล้ว

“ขอยืมชุดมึงด้วย แล้วก็...ไปหาอะไรแดกกัน” แล้วมันก็ลากคอผมออกจากห้องไป

ผมไม่อยากให้มันนอนที่ห้องเลยจริงๆ แต่ก็ไม่รู้จะขับไล่ยังไง ยิ่งผมชอบฝันร้ายตื่นมากลางดึก ผมก็กลัวว่ามันจะรู้ความลับของผม ดีที่ช่วงนี้พี่ SlipXD ไม่ได้ออนแล้ว ไม่งั้นผมคงทนไม่ไหวแน่ คืนนี้คงต้องพยายามข่มตาหลับ ต่อให้ฝันร้ายก็ต้องทน

เพราะหอพักของเราใกล้กัน พี่มันเลยรู้จักที่ทางแถวนี้ มันก็ลากพาผมไปหาของกินใกล้ๆ หอ เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา สูตรโบราณที่ใส่กากหมูกับกุ้งแห้งด้วย ผมชอบมาก เพราะมันทำให้น้ำซุปมีกลิ่นหอมอร่อย ซดกันปากมันแผล่บ

“ผมขอเส้นใหญ่ มึงเอาไร” มันบอกป้าคนขายแล้วหันมาถามผม

“ผมเอาเส้นหมี่ครับ” ผมบอกกับป้าคนขาย แล้วเดินตามหลังมันไปนั่งที่โต๊ะว่างๆ ด้านใน เด็กสาววัยมัธยมต้น ซึ่งน่าจะเป็นลูกหลานของเจ้าของร้านเดินมาเสิร์ฟน้ำแข็งเปล่า เพราะที่ร้านมีน้ำชาให้กินฟรี

“รับน้ำอะไรเพิ่มมั้ยคะ” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยท่าทางขัดๆ เขินๆ สายตามองแต่ไอ้พี่กานต์

“พี่ขอเอสขวดครับคนสวย” พี่มันตอบพร้อมขยิบตาให้น้องเขา หึ หน้าม่อเหมือนกันนี่หว่า เด็กเดิกก็ไม่เว้น

“รอสักครู่นะคะพี่ชายสุดหล่อ” เด็กนี่ก็เล่นด้วยวุ้ย เออเนาะ ก็คนมันหน้าตาดี สาวๆ ก็ต้องอยากเล่นด้วยแหละ ผมเผลอถอนหายใจตอนที่คิดแบบนั้น ทำให้มันจ้องหน้าผมเขม็ง

“ถอนหายใจทำเหี้ยไร รำคาญกู?” ถามด้วยตาดุๆ แบบนั้น ใครมันจะกล้าตอบวะครับ

“เปล่าครับ ผมแค่เครียดเรื่องเต้น” เบี่ยงประเด็นได้ดี

“เออ นั่นสิ หน้าอย่างมึงไม่น่าเต้นได้อ่ะ แต่ไม่เป็นไรเว้ย” มันยื่นมือมาตบบ่าผมแปะๆ “ในเมื่อมึงใจดีให้กูนอนด้วย กูจะช่วยสอนมึงเอง”

******

หลังกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ มันก็เดินนำผมไปที่ห้อง เหมือนเป็นเจ้าของห้องเสียเอง พี่กานต์แม่งนิสัยเสียกว่าที่คิด ทั้งที่ตอนประชุมเรื่องการแสดงกัน ผมนึกว่ามันเป็นรุ่นพี่ที่ดีแล้วเชียว

“มาๆ เดี๋ยวกูช่วยซ้อมให้มึงก่อนแล้วค่อยอาบน้ำทีเดียว” พอมาถึงที่ห้อง นั่งพักหายใจไม่ทันไร มันก็ฉุดแขนผมให้ลุกขึ้น จับแขนขาผมกางออก

“อืม...หน่วยก้านมึงดีนี่ มองเผินๆ นึกว่าผอมแห้งแรงน้อย แบบนี้เต้นไหวแหละ มึงจำท่าแล้วก็จับจังหวะให้ได้ แล้วค่อยๆ ลองทำให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องเกร็ง” มันว่าพลางแตะตรงนั้นตรงนี้ ลูบเอวผมด้วย สยิวเลยกู จากนั้นมันก็สอนสเต๊ปแรกให้ผม เพราะตอนนี้เพิ่งคิดกันไว้แค่สเต๊ปแรกนี่แหละ ที่เหลือให้แฟ้มคิดต่อ แล้วมาซ้อมกันอีกทีวันเสาร์อาทิตย์เลย

ผมดูพี่มันออกท่าทางแล้วเลียนแบบอย่างเก้ๆ กังๆ คือมันยากตรงที่ต้องแสดงท่าทางออกมาเต็มที่นี่แหละ

“มึงแม่งไม่ใจเลยว่ะ เออมึงชื่อไรนะ กูจำไม่ได้” อยู่ในห้องกูเกือบชั่วโมง เพิ่งนึกออกเหรอวะว่าไม่รู้จักกัน...

“ชลกรครับ เรียกผมว่า กร ก็ได้” ผมตอบพลางส่ายหน้าหน่ายๆ มันโผเข้าเกาะไหล่ผม แค่หันหน้าไปมอง ปากก็แทบชนกันแล้ว

“มีชื่อเล่นอื่นอีกมั้ย”

“ไม่มีครับ” พอผมตอบมันก็ทำหน้าเซ็งๆ ใส่

“โอเค กูว่าลองเปลี่ยนเพลงดีกว่า ให้มึงชินกับการเต้นแบบธรรมดาๆ ก่อน เพราะมึงไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลยใช่มั้ย” แล้วพี่มันก็เดินไปหาเพลงในมือถือที่วางไว้บนเตียง แต่ไปๆ มาๆ ก็เปิดคลิปสาวเกาหลีเต้นโคฟเวอร์ให้ผมดูซะงั้น

“ตกลงเราจะไม่ซ้อมกันแล้ว?” ผมเหลือบมองมันที่นั่งดูคลิปไปซี้ดปากไป ไอ้เวรเอ๊ย อย่ามาเงี่ยนในห้องกูนะมึง ก็แม่งเล่นเปิดดูพวกที่เต้นแนวเซ็กซี่ แหกแข้งแหกขาอยู่ได้

“เออๆ เดี๋ยวสอนให้น่า ก็มึงมันแข็งไปอ่ะ เลยอยากให้ผ่อนคลาย” มันโยนมือถือที่เปิดเพลงค้างไว้ลงบนเตียงแล้วลุกไปยืนตรงหน้าผม เพราะตอนนี้ผมนั่งดูคลิปกับมันบนเตียง “ลุกมาดิ เอาแบบง่ายๆ เต้นอะไรก็ได้ตามจังหวะ แค่ลองขยับตัวดู” มันดึงมือผมให้ลุกไปยืนซ้อนด้านหลังมัน ไอ้ท่าแบบนี้มันอะไรวะ

“จริงๆ น่าพามึงไปผับ แต่ไม่ทันแล้ว ก็เอากูแทนสาวๆ ไปก่อนแล้วกันนะ จับเอว” มันสั่งพร้อมคว้ามือผมไปตะปบเข้าที่เอวมัน เอวมันคอดเหมือนผู้หญิงเลยแฮะ

พี่ SlipXD ก็ดูน่าจะเอวแบบนี้นะ แบบมันมีส่วนโค้งเว้าไม่เหมือนผู้ชายทั่วไปอ่ะ

“เต้นดิวะ” พี่มันขยับเลื้อยไปมาข้างหน้าผม บางทีก้นมันก็มาชนเป้าผม แต่ผมยังนิ่ง ไม่รู้ต้องทำไงต่อ จนมันสั่งนั่นแหละเลยลองขยับตามมัน โดยที่มือผมก็ยังอยู่บนเอวมัน มันเงยหน้ากัดปากเอามือมาจับคอผม เอวก็ส่ายไปมา เพลงที่เปิดก็เป็นเพลงแบบเซ็กซี่ๆ พอมีเสียงผู้หญิงร้อง อา อา อะไรสักอย่าง แม่งก็ทำหน้าโครตเอ็กซ์ใส่ นี่จะสอนเต้นหรือจะให้กูจับมึงกด เอาดีๆ นะพี่กานต์

แต่เพราะการเต้นยั่วยวนกับสีหน้าสมจริงของมันนั่นแหละที่ทำให้ผมเผลอขยับตามจังหวะไปเรื่อยๆ มือผมรูดจากสะโพกมันลงไปที่ต้นขา แล้วก็เลื่อนขึ้นมาคว้าหมับที่ก้นแน่นๆ คอโน้มลงไปเองอัตโนมัติ เกือบจะดูดคอมัน แล้วมันก็รีบผลักผมออกห่าง

“พอ! มึงทำได้แล้ว” มันยิ้มกว้าง ยกนิ้วโป้งให้ แล้วกดปิดเพลง “เวลาเต้นให้ปล่อยอารมณ์ไปตามเสียงเพลงกับจังหวะที่ได้ยินแบบเมื่อกี้ล่ะ ไม่ต้องเกร็ง โอเค๊?”

“อ่า ครับ...” ปัดโธ่ เมื่อกี้เกือบได้กัดคอมันแล้วเชียว

“แต่มึงเนี่ย” มันพึมพำ สายตาเหลือบลงไปด้านล่าง “นอกจากตัวแข็งแล้ว อย่างอื่นก็แข็งใช้ได้เลยนะ”

“ห๊ะ?” ได้ยินไม่ถนัดครับ อะไรแข็งๆ วะ ผมมองตามสายตามันลงไป แล้วก็...เฮ้ย! ผมสะดุ้งโหยงรีบเอามือกุมเป้าตัวเอง หน้าร้อนฉ่า ก็มันเต้นยั่ว ผมเลยแข็งดิ! ห่าเอ๊ย

“กูให้มึงอาบน้ำก่อน ไปเอาออกเลย ห้ามมานอนแข็งข้างๆ กูเชียว” มันดันหลังผมไปทางห้องน้ำ “มึงทำเป็นใช่มั้ย”

ผมไม่ตอบแต่คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำเลย เสียหน้าโครตๆ

******


พี่กานต์รื้อเสื้อผ้าผม เพื่อหาชุดใส่ ตอนที่ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ข้าวของในตู้เสื้อผ้าก็กระจัดกระจายแล้ว เซ็งไปอีก ต้องมานั่งพับเก็บเข้าที่

“มึงนี่เรียบร้อยจัง ห้องก็สะอ๊าดสะอาด” มันอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมาทั้งผ้าขนหนูผืนเดียวปิดช่วงล่าง พอเห็นผมยังนั่งพับผ้าอยู่ก็เข้ามาดูใกล้ๆ

“ปกติพี่ไม่พับผ้า ทำความสะอาดห้องรึไงครับ”

“ก็ทำบ้าง แต่ไม่ได้สะอาดเรียบร้อยขนาดนี้ ทำกี่ทีก็รกทุกที” มันทิ้งตัวลงบนเตียง เช็ดๆ ผมตัวเอง ก่อนจะหยิบบ็อกเซอร์ตัวใหม่แกะกล่องที่รื้อเจอในตู้ผมมาใส่ ด้วยรูปร่างที่ใกล้เคียงกัน ก็พอจะใส่ด้วยกันได้อยู่ ตอนแรกที่เห็นมันใส่บ็อกเซอร์นอน ผมคิดถึงพี่ SlipXD ทันที แต่แล้วมันก็สวมเสื้อครับ เสื้อกล้ามที่ผมใส่เป็นซับในนั่นแหละ จะจ้องหัวนมมันก็ไม่กล้า กลัวมันด่าว่าโรคจิต

“พี่จะนอนเลยเหรอ” ผมถามหลังเก็บของเข้าที่เรียบร้อยหมดแล้ว วันนี้ซ้อมเต้นก็เพลียๆ ง่วงเหมือนกัน แต่ถ้าหลับ เดี๋ยวก็คงตื่นอีก แถมจะหาคนแชทสยิวให้หลับสบายก็ไม่ได้ด้วย เพราะมีพี่กานต์อยู่ในห้อง

“เออ กูง่วงมาก” แล้วมันก็ทิ้งตัวลงนอน เว้นที่ให้ผมข้างหนึ่ง มีคนมานอนด้วยเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยมั้งเนี่ย ก่อนหน้านี้ผมเคยนัดเจอผู้หญิงคนหนึ่งนะ ก็นัดผ่านพวกแชทนี่แหละ แล้วก็มีเซ็กส์กัน แต่พอเธอหลับ ผมก็กลับบ้าน เลยไม่เคยนอนหลับร่วมเตียงกับใครมาก่อน

เหมือนพี่กานต์จะหลับในเวลาไม่นาน มันกรนเล็กน้อย บ้าเอ๊ย แบบนี้ผมจะนอนหลับมั้ยวะ เงียบๆ แบบนี้ ต่อให้กรนเบาๆ ก็ยังได้ยิน เพราะเรานอนบนเตียงเดียวกัน ให้ตายดิวะ

ผมนอนมองแผ่นหลังมันที่กำลังหลับสนิท จะว่าไป พอฟังเสียงกรนของมันเรื่อยๆ ก็เริ่มง่วงตาม อา...เปลือกตาผมหนักจัง...ไม่ไหวแล้ว
.....................
..............
..........
......
...
“...กร! กร!”

พรึ่บ!

ผมลุกพรวดจากฝันร้าย เหงื่อไหลโทรมกายเหมือนทุกคืน ตัวผมสั่น ใจก็สั่น แต่จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีมือมาแตะที่ไหล่

“มึงเป็นอะไรรึเปล่า?”

ผมหันไปมองต้นเสียง เจ้าของมือขาวๆ ที่แตะบนไหล่ พลันนึกได้ว่าคืนนี้มีรุ่นพี่มานอนด้วย แล้วผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ไม่เป็นไรพี่”

“ฝันร้ายเหรอ? มึงนอนครางตลอดเลย ส่ายไปส่ายมา กูเลยตื่น” สีหน้าของพี่กานต์ดูเป็นห่วงผมไม่น้อย และมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น

“ผมละเมอเหรอ พูดอะไรออกไปรึเปล่า?”

“ไม่อ่ะ มึงแค่ครางเหมือนทรมาน ฝันว่าจมน้ำรึไงวะ” มันหัวเราะเอามือลูบหัวผมคล้ายจะปลอบโยน ผมจ้องมองพี่กานต์นิ่งๆ ไล่สายตาตั้งแต่ดวงตา จมูก ริมฝีปาก คอและหยุดลงที่แผ่นอกใต้เสื้อกล้ามตัวบาง พลางกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก

“ไม่เป็นไรแล้วก็นอนนะ โอ๋ๆ” มันยังยิ้มอย่างน่ารัก ใช่ รอยยิ้มของมันน่ารัก ทำให้ใบหน้าของมันดูอ่อนโยนกว่าเวลาทำตาเขม็ง มันตบบ่าผมอีกสองสามทีแล้วจับตัวผมให้ลงนอน

“พี่กานต์” ผมเรียกชื่อมันเสียงเครือ ฝันเมื่อครู่ยังหลอกหลอนอยู่ในดวงตา “ผม...ขอกอดพี่ได้มั้ย” ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดไปแบบนั้น แต่ถ้าผมได้กอดใครสักคน มันอาจจะทำให้ผมนอนหลับสนิทได้

พี่กานต์พลิกตัวมานอนมองหน้าผม มันขมวดคิ้ว “แค่กอดแล้วหลับใช่มั้ย? ไม่ได้หมายถึงกอดแบบอื่นนะ?”

“ครับ แค่เอาแขนกอดไว้เฉยๆ” ผมตอบ สีหน้าของผมคงซีดเซียวน่าสงสาร มันเลยถอนหายใจแล้วโอบแขนมาที่ตัวผม แทนคำอนุญาต

ผมยกแขนขึ้นอย่างเก้ๆ กังๆ สวมกอดเอวมันไว้หลวมๆ ค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง...

กลิ่นหอมสะอาด กลิ่นเดียวกับแชมพูที่ผมใช้นี่? หอมจัง อืม...อะไรแข็งๆ เป็นเม็ดๆ ตรงนี้เนี่ย ลองกัดดูได้มั้ย อืม...รสชาติดีจัง หอมด้วย หวานด้วย

“ไอ้กร! ไอ้เหี้ยกร! ปล่อยกู!”

เสียงอะไรวะ น่ารำคาญจัง หนวกหู ขอกินเม็ดนี่ต่อนะ เหมือนดูดนมแม่เลยอ่ะ แต่มันไม่ค่อยนุ่มนิ่มเท่าไหร่

“ไอ้เด็กเหี้ย!!!”

ผลั่ก!

“โอ๊ยยยย” ผมลืมตาโพลง เห็นหน้าอกขาวๆ ตรงหน้า แต่เป็นหน้าอกผู้ชาย แขนผมโอบรัดเอวของคนที่นอนด้วยไว้แน่นมาก แน่นแบบตัวชิดกัน

“ออกไป!” เงยหน้ามองก็เห็นพี่กานต์หน้าแดงก่ำตัดความมืด เอามือดันหัวผม ขาก็ถีบมั่วไปหมด อย่าบอกนะว่าผม...

มองไปที่หัวนมมัน เสื้อกล้ามของมันม้วนถลกขึ้น จนเห็นเม็ดไตแข็งๆ สองเม็ดที่เลอะคราบน้ำลาย

ฉิบหายแล้ว!!!

“โอ๊ยยย พี่ ผมขอโทษ!” มันทึ้งหัวผมจนเจ็บระบม ผมร้องขอโทษทั้งน้ำตา รีบปล่อยมือจากตัวมันทันที

พี่กานต์ตะแคงนอนหอบแฮ่กๆ คงทั้งดิ้นทั้งถีบผมอยู่นานแล้ว หน้ามันแดงจนเห็นได้แม้ในความมืดสลัว มันดึงเสื้อลงแล้วเอาสองแขนกอดรัดตัวเอง เหมือนสาวๆ พยายามปิดหน้าอกตอนมีผู้ชายมาแอบดู ขาหดเกร็งขึ้นมาถึงอก นอนคุดคู้ดูน่าสงสารพิกล

“ไปเอาออก! ของมึงแข็ง! ไม่งั้นห้ามมานอนบนเตียง!” มันเอาเท้าถีบที่น้องชายผมซึ่งแข็งเด่ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ “ทำไมแม่งหื่นอย่างนี้วะ กูไม่น่ามานอนกับมึงเลย!”

มันก่นด่าไล่หลังผมที่กำลังเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัว ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ ก็ทุกคืนต้องได้แชทเสียวช่วยตัวเองกับพี่ SlipXD แล้วลักษณะของพี่มันก็คล้ายๆ กัน เลยทำให้ผมเก็บไปฝัน แถมยังละเมอดูดนมมันอีก

เออ...แต่หัวนมพี่กานต์ก็อร่อยดีเหมือนกันแฮะ

ผมคิดพลางรูดมือที่น้องชายตัวเอง นึกถึงหน้าพี่กานต์ตอนช่วยตัวเองก็แปลกดี เมื่อกี้มืดไปหน่อยเลยไม่ได้สังเกตว่าหัวนมมันสีอะไร เหมือนจะซีดๆ เหมือนตัวมัน ไม่ได้อมชมพูเท่าไหร่ แต่รสชาติเยี่ยม นึกแล้วก็เลียปากอย่างกระหาย อยากจะดูดอีกสักที

เวรกรรม...ไม่แตก แถมขยายใหญ่กว่าเดิมอีก

เพราะนึกถึงหน้ากับหัวนมรสเด็ดของพี่กานต์แท้ๆ เลย แบบนี้คืนนี้จะได้นอนมั้ยวะกู ฮือออ

แบบนี้ผมนอนต่อไม่ไหวหรอก!!!

“อือ...” พี่กานต์ขยับตัวอย่างอึดอัด แน่ล่ะ ก็ผมคร่อมทับมันอยู่ มันครางในคออย่างไม่สบายตัว ก่อนจะลืมตาขึ้น “เหี้ย!” มันร้องลั่น ยกขาขึ้นถีบโดยอัตโนมัติ แต่ถีบไปก็ไม่โดนผม เพราะผมนั่งแทรกอยู่ตรงหว่างขามัน ช้อนสะโพกมันขึ้นมาไว้บนตักเรียบร้อยแล้ว

“ถ้าผมไม่ทำ คืนนี้ต้องนอนไม่ได้แน่ๆ” ผมก้มลงกระซิบบอกมันเสียงพร่า มันตัวกระตุก แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะผมมัดข้อมือมันไว้กับหัวเตียง

“ไอ้เด็กเหี้ย! มึงจะทำอะไร ปล่อยกู!” มันดิ้นรน หน้าซีดเผือด ผมเปิดไฟที่หัวเตียงไว้ เลยเห็นสีหน้ามันได้ชัดเจน เหงื่อเม็ดเป้งผุดบนหน้าผากของมัน

“ผมขอนะพี่ แค่คืนนี้ ครั้งเดียว” ผมเอ่ยเสียงสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ แตะริมฝีปากที่ซอกคอมันแล้วค่อยๆ ดูดเม้มเบาๆ ก่อนจะกดแรงขึ้นอีก จนเสียงดังจ๊วบ มันตัวเกร็งขึง พยายามดิ้นตะกุกตะกักใต้ร่างผม

“ไม่! ออกไป! ไอ้กร!”

ผมไม่สนใจเสียงร้องของมัน เพราะหน้ามืดเต็มทีแล้ว ผมดูดคอมันจนขึ้นรอยแล้วเลื่อนลงมาที่หน้าอก ยอดอกสีอ่อนเกือบกลืนกับผิวขาวๆ ของมันโครตน่ากิน ผมกดปลายลิ้นที่เม็ดไตเล็กๆ จนแข็งสู้ลิ้น ก่อนจะเลียรัวๆ จนเปียกด้วยน้ำลายของผม

“อือ...อย่า...” มันเริ่ดหน้าขึ้น แอ่นอกรับทั้งที่ปากร้องห้าม ผมเลยยิ่งลงลิ้นอีก “อ๊า~” เสียงห้ามเปลี่ยนเป็นเสียงครางเบาๆ

ผมไล้ฝ่ามือร้อนๆ ตามลำตัวมัน ลูบเอวคอดหนักมือจนมันสั่นสะท้าน ก่อนจะสะกิดกลางลำตัวของมันที่ยังอยู่ใต้ร่มผ้า มันสะดุ้งโหยง ถีบขาพัลวัน

“อย่าจับ! อย่าจับตรงนั้นนะ!” ผมไม่สนใจ ดึงบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วออกพ้นทางแล้วจัดการรูดแก่นกายของมันปลุกปั่นอารมณ์จนเริ่มปริ่มน้ำ มันเกร็งขา แอ่นสะโพกตามมือผม ยั่วกันเห็นๆ

“อ๊า อ๊า...อย่า...กร...ไม่...” มันครางตามจังหวะมือผม น้ำตาเล็ด ผมจูบเบาๆ บนเปลือกตามัน มือขยับรัวเร็ว ปากก็ไล่ลงกัดคอบ้าง กัดหัวนมบ้าง แต่พอมันใกล้เสร็จ ผมก็ปล่อยให้มันค้าง ก่อนจะหยิบเจลหล่อลื่นมาชโลมใส่มือ จับขามันยกขึ้นสูงและลูบปลายนิ้ววนที่ช่องทางสีอ่อน

“ไม่!!! อย่าเข้ามา!” มันกรีดร้องเสียงหลงเพราะรู้ว่าจะโดนทำอะไร ผมดันนิ้วที่ชุ่มด้วยเจลเย็นๆ เข้าไปในตัวมัน มันขมิบตอดรัดนิ้วผมคล้ายจะขับไล่ แต่กลับทำให้ผมยิ่งรุ่มร้อน ผมขยับนิ้วยุกยิกข้างในตัวมัน มันเลยเสียวจนต้องคลายตัวให้ผมแทรกเข้าไปได้จนสุดโคนนิ้ว ผมเกร็งนิ้วกระแทกใส่ช่องทางของมันเพื่อเบิกทาง

“ครั้งแรก...เหรอ” ผมเอ่ยถามพลางซี้ดปาก ข้างในของมันอ่อนนุ่มมาก แต่ก็ตอดรัดแรง แถมยังแน่นมาก

“ไอ้เหี้ย!” มันเอาแต่ด่า ผมเลยแกล้งกระแทกนิ้วใส่จุดอ่อนไหวของมัน ผมรู้ดีว่ามันอยู่ตรงไหน ทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนอย่างผมในการจดจำสรีระของมนุษย์

“โอเค พร้อมนะครับ รุ่นพี่” ผมจูบแก้มมันไซร้จมูกไปมาอย่างเมามันแล้วดึงนิ้วทั้งสามออก น้องชายผมพร้อมนานแล้ว ผมคว้าถุงยางมาสวม ชโลมเจลลงไปอีกแล้วค่อยๆ ดันเข้าไปช้าๆ

“อ๊า! เจ็บ! กร...มันเจ็บ!” มันดิ้นจนมือข้างหนึ่งหลุดจากผ้าที่ผมมัดไว้ มือนั้นคว้าหัวผม ดึงทึ้งเส้นผมจนแทบหลุด แต่ผมไม่สนใจ เจ็บแค่ไหนก็จะเอา!

ผมกระแทกตัวจนสุด ไม่สนใจว่ามันจะเจ็บเจียนตายแค่ไหนแล้ว มันตบหน้าผมดังเพี๊ยะ สลับกับดึงหัวผม ผมกัดปาก ขยับตัวอย่างยากเย็นเมื่อมันไม่ให้ความร่วมมือเลย

“อึก ออกไป! ไอ้เหี้ย...กร” มันยังอ้าปากด่าผมซ้ำๆ น้ำตาไหลพรากอาบแก้ม ทั้งครางทั้งด่าทั้งกรี้ดร้อง ผมกระแทกตัวสุดแรง ดันแท่งร้อนเสียดสีกับผนังอ่อนของมันและกดย้ำๆ ที่จุดไวสัมผัส มันตัวเกร็ง เท้าจิกบนหลังผม มือข้างที่หลุดมายังคงทุบตีไหล่ผมและตบหน้าผมเป็นระยะ

ผมกัดฟันสวนสะโพกเข้าออกอยู่นาน จนในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาจนหมด ถอนตัวออกพร้อมพรูลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า พี่กานต์นอนนิ่งไม่ไหวติง มันเสร็จก่อนผมและเหมือนจะสลบไปแล้ว

ผมแก้มัดให้มันและวางร่างมันลงนอนบนเตียง เช็ดทำความสะอาดเนื้อตัวและสวมเสื้อผ้าให้มันตามเดิม ก่อนจะจัดการของตัวเองแล้วค่อยนอนหลับอย่างสงบ

เช้ามาผมถึงได้เห็นว่าบนที่นอนมีคราบเลือดเลอะอยู่ พี่กานต์ยังไม่ตื่น ผมเลยเอาผ้าปูไปซักไม่ได้ และถ้ามันตื่นมาเห็นที่นอนสภาพนี้ ผมคงโดนกระทืบแน่นอน

ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ มันก็ยังไม่ตื่น ผมชักกลัวว่ามันจะเป็นอะไรรึเปล่า ผมเพิ่งเคยทำกับผู้ชายครั้งแรก แม้จะศึกษาข้อมูลมาบ้างแล้ว แต่เพิ่งเคยปฏิบัติจริง และผมก็ไม่รู้ว่าผู้ชายแต่ละคนเวลาเสียซิงครั้งแรกจะเป็นยังไง ถ้าอย่างผู้หญิง บางคนก็เลือดออก เจ็บข้างในจนนอนซมเป็นวันๆ มีไข้อะไรทำนองนั้น ผมเลยลองเอามือไปอังหน้าผากมัน แต่ก็ไม่ร้อน มันอาจจะแค่เพลียมากก็ได้

“พี่...พี่กานต์” ผมลองปลุกมัน “ผมจะไปเรียนแล้วนะ”

“อือ...” มันครางงึมงำ แต่พอขยับตัวมันก็สะดุ้งตื่นพร้อมร้องแหกปากลั่นห้อง “โอ๊ยยยยย”

“พี่เป็นไร? เจ็บเหรอ?” ผมตกใจรีบเข้าไปประคองมัน มันปัดมือผมออกแล้วตบหน้าผม ก็ยังดีกว่าต่อยวะ

“อย่ามาแตะตัวกู!” มันตวาด เสียงกรามขบกันดังกรอดๆ หน้าตามันตอนนี้แทบจะแดกหัวผมแล้ว แต่ผมต้องใจเย็น เพราะมันน่าจะยังเจ็บอยู่

“ผมขอโทษ”

“กูไม่รับ! จะไปไหนก็ไป ไปให้พ้น!!!” มันโวยวายหยิบข้าวของใกล้มือปาใส่ผม ทั้งหมอน ผ้าห่ม โทรศัพท์ห้อง มือถือ เสื้อที่ผมถอดทิ้งไว้ เท่าที่มือของมันจะคว้าได้ เพราะมันแทบขยับไปจากที่เดิมไม่ไหว

“พี่ลุกเองได้นะ ถ้าเจ็บมากบอกผมนะ ผมจะไปซื้อยาให้” ผมพยายามปัดป้องของที่มันปาใส่ รู้สึกผิดอยู่หรอก แต่ผมทนไม่ไหวจริงๆ นี่ ก็คนมันเคยทำอยู่ทุกคืน แล้วมีของจริงมากองตรงหน้า ใครจะทนไหว

มันกัดปากจ้องผมแววตาแดงก่ำ มือมันกำแน่นจนแดงช้ำ ผมรู้ว่ามันโกรธมาก ผมเลยยอมออกจากห้องนั้นไปเงียบๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 2 [21/8/18] R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-03-2018 16:40:50
สรุปว่าไม่มีข้อมูลแน่นอนนอกจากขาว หัวนมชมพู? ส่วนที่บอกว่าอยู่ปี 4 กับสูง 180 กว่า นี่ไม่รู้จริงหรือเปล่าสินะ
ข้อมูลมีแค่สภาพทางกายภาพล้วนๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 2 [21/8/18] R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-03-2018 16:41:44
ความสูงคงหลอกแน่ ๆ ก็มัวแต่นั่งทำกิจกรรมเข้าจังหวะ ไม่ได้ยืนนิ จริง ๆ อาจเตี้ยกว่าที่บอกก็ได้ ชิมิ  :hao6:
ข้อมูลที่บอกหลอกได้หมด
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 2 [21/8/18] R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-03-2018 16:42:11
หวังว่าพี่กานต์จะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีกับกรนะ กลัวใจจริงๆ
พี่กานนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 4 [22/8/18] RAPE PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-03-2018 21:20:05
​มาอย่างเร็ว เพราะมันต่อเนื่องจากตอนก่อนอ่ะนะ

พี่กานต์!!!! ฮือออ


4
ผัวะ ผลั่ก โครม!

ไม่ต้องแปลกใจไปครับว่าเสียงอะไร เสียงผมโดนต่อย โดนเตะแล้วก็กลิ้งไปกระแทกกับตู้ล็อคเกอร์ แค่นั้นเอง

พี่กานต์หายไปสองวัน และมันก็กลับมาพร้อมแรงควาย ลากผมมาอัดในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของชมรมอะไรสักอย่าง ไม่ฟุตบอลก็คงบาส หรือวอลเลย์

ผมไม่สู้ครับ ผมรู้ตัวว่าผิด ผมยอมให้มันเตะต่อยจนพอใจ จนมันหมดแรงนั่งหอบอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ

แม่ง หน้านี่ชาไปทั้งแถบ เลือกกลบปากไปหมด คิ้วก็น่าจะแตก เพราะเลือดไหลลงมาเข้าตา ฟันหลุดออกมาซี่นึงด้วย ต้องเสียเงินไปทำฟันแล้ว ถ้าพ่อแม่ผมมาเห็นสภาพตอนนี้ คงช็อคตาย

ผมนอนแผ่ลงบนพื้น ลมหายใจรวยริน ตั้งแต่จบม.ต้นมา ก็ไม่เคยโดนอัดจนน่วมขนาดนี้มาก่อน ซี่โครงปวดไปหมด ไม่รู้หักมั้ย ผมเคยถูกซ้อมจนเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว แค่พี่กานต์คนเดียวจิ๊บๆ มาก บอกเลย

แต่ให้ตายเหอะไอ้เหี้ย เจ็บยังไงก็ยังเจ็บอย่างนั้นจริงๆ

“ฟู่” มันพ่นลมหายใจอย่างเซ็งๆ ผมเห็นมือมันแตก คงเพราะต่อยผมมากไป ต่างคนต่างเจ็บล่ะวะ “มองเหี้ยไร” มันหันมามองผมที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นแล้วเอาเท้าเขี่ย

ผมไม่ตอบ เพราะเจ็บปากพูดไม่ได้ ถ้าพูดคงสำลักเลือดตัวเอง ก็เลยเบนสายตาจากมันไปมองอย่างอื่นแทน

“ฮึ่ย” มันลุกขึ้นกระทืบเท้าบนตัวผม ผมรีบงอตัวหนี เลยโดนไม่แรงมาก มันเตะข้างลำตัวผมอีกทีแล้วก็เดินหัวเสียออกจากห้องไป

เรื่องซ้อมเต้นยังคงเป็นไปตามปกติ เสาร์อาทิตย์ พวกเรามาตามเวลาและสถานที่ที่นัดกันไว้ พี่กานต์ก็มา แต่มันไม่แลผมเลยแม้แต่หางตา

“มึงทะเลาะอะไรกับพี่เขาเปล่าวะไอ้กร” แฟ้ม เพื่อนใหม่ที่ดูนิสัยโอเคกว่าพวกหน้าเก่าเข้ามาถามผม เพราะพี่กานต์ไม่ยอมสอนผม มันเลยรับภาระสอนผมคนเดียว

“นิดหน่อย มั้ง” ผมยิ้มแหยๆ

“ไม่นิดมั้งกูว่า หน้ามึงเยินมาขนาดนี้” ก็จริงของมัน ใครเห็นหน้าผมก็รู้แหละว่าโดนอะไรมา แต่ผมไม่อยากพูดถึงมัน ไม่คิดจะทำอะไรทั้งนั้น เพราะความผิดทั้งหมดมันเริ่มจากผมเป็นคนก่อ และพอผมเงียบ แฟ้มก็เลิกถาม ลากผมไปซ้อมต่อ

มีเวลาซ้อมอีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันแสดงจริงแล้ว ผมก็พอเต้นได้บ้าง แม้จะยังไม่พลิ้วเท่าคนอื่นๆ แต่แฟ้มมันบอกว่าแค่นี้ก็ยังดี ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าผมจะทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถือว่าประสบความสำเร็จในการสอน แต่จริงๆ ที่ผมพอเต้นได้ดีขึ้น น่าจะเพราะพี่กานต์มากกว่า

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ผมนอนไม่หลับหนักกว่าเดิม ร่างกายต้องการเติมเต็ม แค่ผ่านกล้องแทบไม่พอแล้ว และผมก็คิดถึงพี่กานต์มาก ต้องการมาก ยิ่งจินตนาการถึงร่างกายนั้น ก็ยิ่งเกิดอารมณ์ ผมกลัวว่าตัวเองจะเข้าขั้นโรคจิตไปทุกที เพราะถึงขนาดไปแอบดูมันที่หอ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ผมรู้ว่าห้องมันอยู่ตรงไหน ชั้น 4 ห้องริมซ้ายสุด มันชอบออกมาตากผ้าตรงนั้น

แต่ก่อนที่ผมจะคลั่งไปมากกว่านี้ ผมนึกถึงที่พี่ SlipXD เคยบอกไว้ ว่าน่าจะลองไปหานักจิตวิทยา ให้เขาประเมินดูว่าผมควรพบจิตแพทย์หรือไม่ ผมเลยลองหาข้อมูล และพบว่า ในมหาวิทยาลัยเรามีคณะจิตวิทยา และมีอาจารย์ที่รับปรึกษาด้านนี้ด้วย ผมเลยลองโทรนัด และเข้ารับการบำบัดจากอาจารย์

ผมมาตามนัด อาจารย์บอกว่าไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะมองไม่ดี หรือหาว่าเราป่วย เพราะนักศึกษาหลายคนก็มาปรึกษา บางคนก็เป็นเรื่องเล็กน้อย เครียดเรื่องเรียน เรื่องแฟน อาจารย์รับปรึกษาหมด

อาจารย์แนะนำตัวว่าชื่อ ภวินท์ ให้เรียกอาจารย์วิน เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง สวมแว่นตากรอบทอง หน้าตาท่าทางดูใจดี

ผมกดดันนิดหน่อยที่ต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์ ซึ่งเป็นนักจิตวิทยา แต่อาจารย์ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ใช้น้ำเสียงนุ่มนวลพูดกับผมอย่างสุภาพ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายลง และค่อยๆ เล่าเรื่องที่พบเจอมาให้เขาฟัง

อาจารย์นั่งฟังผมเล่าอย่างเงียบๆ พยักหน้ารับ และพูดทวนสิ่งที่ผมกังวลเป็นครั้งคราว

“ผมคิดว่าคุณยังไม่ได้เล่าทั้งหมด เหมือนมันยังมีสิ่งที่คุณกังวลอยู่ นอกเหนือจากนี้ แต่ไม่เป็นไรครับ เราจะคุยกันเท่าที่คุณเล่ามา” อาจารย์ยิ้มให้ผมอย่างเป็นกันเอง วิธีพูดของเขาฟังรื่นหู

ผมสังเกตเห็นที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขามีแหวนแต่งงานสวมอยู่ เป็นแหวนทองคำสลักชื่อ แต่ผมไม่เห็นขนาดนั้นว่าสลักว่าอะไร อาจารย์ยังดูอายุไม่มากเท่าไหร่ แต่ทั้งหน้าตาดี สะอาดสะอ้าน จะแต่งงานแล้วก็ไม่แปลก

ผมปรึกษาอาจารย์วินแค่เรื่องที่นอนไม่หลับ ยังไม่กล้าเล่าเรื่องที่ผมข่มขืนรุ่นพี่ตัวเอง และตอนนี้ก็เอาแต่เพ้อถึงคนที่ผมทำร้าย อาจารย์จึงให้คำปรึกษาผมแค่เรื่องการนอน เหมือนเขาจะรู้ว่าผมมีวิธีทำให้ตัวเองหลับได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ผมก็ยังไม่กล้าเล่าออกไป แม้อาจารย์จะย้ำว่า เรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างผมกับเขาก็ตาม

ผมกลับไปที่หอ พยายามนั่งสมาธิ ทำใจให้สงบ ตามที่อาจารย์แนะนำ ต้องลืมเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นผมจะยังฝันร้ายและใช้ชีวิตแบบปกติสุขไม่ได้ แต่ไม่ว่าทำสมาธิยังไง จิตใจของผมก็ยังคงฟุ้งซ่าน

คืนนั้นผมยังคงตื่นเพราะฝันร้าย ผมเปิดโน๊ตบุ๊ค เข้าแอพเดิมที่เล่นประจำทุกคืน ตั้งแต่พี่ SlipXD หายไป ผมก็เล่นกับคนไม่ซ้ำชื่อ โชคดีเจอแบบที่ชอบก็ดีไป แต่ถ้าเจอแบบที่ไม่ชอบ ก็พยายามทนจนเสร็จ นึกถึงหน้ากับเสียงร้องของพี่กานต์แทนไป

ทำไมผมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมต้องมีร่างกายแบบนี้

ผมคิดเรื่อยเปื่อยพลางรอรีโหลดหาคู่ไปเรื่อยๆ และ...ชื่อหนึ่งที่ส่งข้อความทักทายเข้ามาก็คือ

SlipXD

ผมตาโต ขยี้ตาหลายครั้งจนเจ็บ ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่เขากลับมาแล้ว เขาล็อคอินมาคุยกับผม ผมดีใจมากจนน้ำตาแทบไหล พี่เขายังสวมแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว หัวนมชมพูที่ผมหลงรักปรากฏสู่สายตา และเสียงกระเส่าผ่านเครื่องแปลงเสียงของเขายังปลุกปั่นอารมณ์ผมได้เหมือนเดิม

“พี่ พี่หายไปไหนมา ผมรอพี่ทุกคืนเลย” ผมเอ่ยเสียงสั่นอย่างตื่นเต้น เขายิ้มหวาน มือลูบที่หน้าอกตัวเอง

[พี่ติดงานน่ะ ใกล้จบแล้วก็งี้ ต้องไปค้างหอเพื่อนบ้าง อยู่ที่คณะบ้าง เลยไม่มีเวลาเล่น]

“ผมนึกว่าพี่โกรธที่ผมพูดตอนนั้น จนจะเลิกคุยกับผมแล้ว” ผมทำเสียงเศร้า น้อยใจนิดๆ ที่จู่ๆ เขาก็หายไป

[บ้าน่า คิดมาก] เขาหัวเราะ มือปัดผ่านกล้อง ทำให้มันเอนไปอีกทาง และผมก็เห็นประตูห้องของเขาแป้ปหนึ่ง เหมือนมีกระดาษอะไรสักอย่างแปะอยู่ที่ประตู

“แล้ววันนี้ พี่ว่างแล้วเหรอครับ” ผมเลิกสนใจรายละเอียดในห้องของเขา เพราะกล้องหันกลับมาที่ตัวเขาตามเดิมแล้ว

[ว่างแป้ปนึง อยากเล่นกับเอสก่อน แล้วจะทำงานต่อละ] เขาส่งจูบให้ผม [เร็วหน่อยนะวันนี้ เดี๋ยวพี่จะได้รีบทำงานต่อ]

“ครับๆ” ผมรีบตอบรับ ขนาดว่างานยุ่ง ก็ยังออนมาคุยกับผมอีก ปลื้มมาก ณ จุดนี้

เพราะพี่เขารีบ เราก็เลยต้องทำอะไรให้รวดเร็ว พี่เขาใช้นิ้วกับช่องน้อยของตัวเองเหมือนเคย ครางเสียงกระเส่ากระตุ้นอารมณ์สุดๆ ส่วนผมก็รีบชักอย่างเร็วรี่ เพื่อให้เราเสร็จพร้อมกัน ก่อนจะบอกลากันด้วยจูบผ่านกล้อง

******

ช่วงนี้พี่กานต์เริ่มกลับมาพูดคุยกับผมตามปกติแล้ว แม้จะไม่ค่อยยอมให้ผมเข้าใกล้ก็ตาม ผมรู้ว่าเขาคงกลัว และโกรธด้วย แต่มันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว บางทีเขาก็เตะขาผมบ้าง ตบหัวผมบ้าง ผมก็ยอมให้ทำ ไม่ว่าอะไรสักคำ เขาแตะตัวผมได้ แต่ผมห้ามแตะและเข้าใกล้เขาก่อน

ส่วนเรื่องการแสดงในงานบายเนียร์ ไอ้ซาลาเปาตัวดีมันบอกให้พวกผมถอดแว่นและใส่คอนแทคเลนส์เต้น คือในกลุ่มมีผมกับเกมที่ใส่แว่น ก็เลยโดนบังคับกลายๆ เกมบ่นๆ นิดหน่อย เพราะมันบอกว่าแพ้คอนแทคเลนส์ กะจะใส่แค่ตอนขึ้นเวทีทีเดียวเลย ส่วนผมไม่เคยใส่คอนแทคมาก่อนในชีวิต ซาลาเปามันเลยบอกจะพาไปซื้อ และให้ลองใส่ดูก่อน เพราะถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาวันงานจะยุ่งเอา

“เนี่ยๆ น่าจะตัดผมออกด้วย ผมม้านายยาวปิดหน้าไปหมดแล้ว รกรุงรัง” มันว่าอย่างนั้นก่อนจะลากพาผมไปร้านตัดผมในห้างฯ บอกช่างให้จัดการกับผมได้ตามใจ พี่ชายที่ออกสาวก็เลยพาผมไปสระผมและซอยผมออกจนเห็นหน้าเห็นตามากขึ้น

“ว้าว~เยี่ยม ดูดีขึ้นเยอะ นายน่าจะตัดผมแล้วก็ใส่คอนแทคเลนส์ตลอดไปเลยนะ” ไอ้หน้ากลมเข้ามากอดแขนผมเหมือนเคย หน้าตามันบ่งบอกว่ามีความสุข ก็โอเคแหละ เห็นเพื่อนดีใจ ผมก็รู้สึกดี ทีแรกคิดว่ามันจะช็อคที่เห็นหน้าผมเต็มตาเสียอีก

ผมพาซาลาเปาไปส่งที่หอใน มันอยู่หอ 4 ผมแอบสังเกตหอเหมือนเคย ก็หน้าต่างบานเกล็ดเดิมๆ พอพี่ SlipXD กลับมาคุยกับผมอีกครั้ง ผมก็เลิกคิดเรื่องที่พี่เขาอาจจะอยู่มหาลัยเดียวกันไม่ได้เลย

ส่งซาลาเปาแล้วก็กลับหอตัวเอง ตอนที่มาถึงหน้าหอ ผมเจอพี่กานต์ มันยืนคุยกับเพื่อนอยู่หน้าร้านขายข้าวแกง ผมเลยขับรถเลี่ยงๆ ไปจอดในหอ แต่ตอนจะเดินเข้าหอ ก็โดนแขนขาวๆ มาล็อคคอไว้แน่น ผมตกใจเกือบเอาศอกถองกลับ แต่พอหันไปเจอหน้าพี่กานต์ก็รีบสงบเสงี่ยมเจียมตัวทันที คนมันมีชนักติดหลังนี่ครับ

“ตัดผมมาใหม่?” มันเลิกคิ้วถาม แขนข้างหนึ่งยังกอดคอผมไว้ บอกแล้วว่ามันแตะผมได้ แต่ผมห้ามแตะมันก่อน

“คะ ครับ” ผมก้มหน้างุดๆ ตอบมัน ไม่รู้คืนนั้นนึกยังไงถึงได้ปล้ำมัน ทั้งที่มันน่ากลัวออกขนาดนี้

“หึ หน้าตลก” มันแค่นหัวเราะใส่หน้าผม ผลักอกผมแล้วก็เดินจากไป

ผมยืนงง อะไรของมันวะ มาแค่นี้? ถามแค่นี้? เฮ้อ เอาเถอะ อย่างน้อยก็กลับมาเกือบเหมือนปกติแล้ว ผมเลยกลับเข้าหอ กดลิฟท์ไปชั้นที่ตัวเองอยู่

คืนนี้ผมจะได้เจอพี่ SlipXD อีกมั้ยนะ?

ยอมรับหน้าด้านๆ เลยก็ได้ ว่าผมติดใจพี่กานต์มาก แต่ก็ยังไม่ลืมหัวนมชมพูของพี่ SlipXD หรอกนะ ผมชอบทั้งคู่พอๆ กันเลย แต่ผมเคยมีอะไรด้วยจริงๆ แค่คนเดียวไง ของจริงมันก็ต้องติดตาตรึงใจกว่านิดหน่อยแหละ ผมขอโทษด้วยนะครับพี่ SlipXD

******

และแล้วก็ถึงวันงานบายเนียร์ ผมต้องใส่คอนแทคเลนส์อย่างช่วยไม่ได้ มันไม่ค่อยชินเวลาไม่มีอะไรอยู่บนหน้า แถมยังต้องแต่งหน้านิดๆ ด้วย

“ว้าย ตายแล้ว จริงๆ ไม่แต่งดูดีอยู่แล้วนะแก” จ๊ะ เพื่อนผู้หญิงในกลุ่มเราวี้ดว้ายเสียงแหลมขึ้นมาเมื่อเห็นผมออกมาจากห้องแต่งตัว เธอรับหน้าที่แต่งหน้าให้ทุกคน

“เออ จริง” ซาลาเปากอดอกมองผม สีหน้าดูพออกพอใจ “ไม่ต้องแต่งให้กรแล้วกัน เอาแบบนี้แหละ”

แล้วผมก็เลยต้องมานั่งรอคนอื่นๆ แต่งหน้า ระหว่างนั้นพี่กานต์เจ้าเก่า ผู้รับผิดชอบกลุ่มเราก็โผล่หน้ามา เพื่อเช็คความพร้อม เพราะเหลืออีกสองคิวจะถึงตาพวกผมแล้ว

“ใกล้เสร็จกันยัง เด็กๆ” พี่มันเดินมาทางพวกผม เกมกับซาลาเปากำลังโดนสองสาวจับแต่งหน้าอยู่ คนที่ยังไม่ได้แต่งคือ แฟ้ม

“อีกแป้ปพี่ เหลืออีกคนยังไม่ได้แต่ง” โมหันไปบอกพี่กานต์แล้วแต่งหน้าให้เกมต่อ

พี่กานต์มองไปทางไอ้แฟ้มที่นั่งอ่านการ์ตูนรอคิวอยู่ นี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่ผมพอจะพูดคุยกับไอ้แฟ้มรู้เรื่อง เพราะเราชอบอ่านการ์ตูนเหมือนกันนั่นเอง

จากนั้นมันก็เบนสายตามาทางผม เหมือนจะชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะเดินเข้ามาหา “แล้วไอ้นี่อ่ะ แต่งแล้ว?”

“ไม่พี่ ของกรหน้าสด หล่อแล้ว” จ๊ะว่า เพิ่งเคยได้ยินคนชมว่า “หล่อ” เนี่ยแหละ

“หึ” พี่กานต์เหล่มองผมแล้วก็หัวเราะหึในคอ “งั้นๆ ล่ะวะ” มันว่างั้น แต่หูแดงๆ นะ

การแสดงของพวกเราผ่านพ้นไปด้วยดี แม้ผมจะเก้ๆ กังๆ แต่ดูเหมือนทุกคนในงานจะชอบ ลงจากเวทีมีคนเอาดอกไม้มาให้ผมด้วย ผมรีบรับมาแล้วหลบเข้าหลังเวที กลัวคนเยอะๆ ไม่ชอบให้ใครมองด้วย โครตเครียด เกร็งตั้งแต่ตอนเต้นแล้วด้วย ต้องพยายามมองไปที่ไอ้ซาลาเปาบ้าง มองไอ้แฟ้มบ้าง เพื่อลดความเกร็ง

งานนี้จะเป็นงานแรกและงานสุดท้ายที่ผมจะเข้าร่วม บอกเลย!

“เอ้า ฉลองกันหน่อย” พี่กานต์เป็นตัวตั้งตัวตี เปิดเหล้าแจกจ่ายทุกคนในกลุ่ม ผมไม่เคยดื่มเหล้า แต่จะไม่รับก็กลัวมันด่าเอา เลยรับแก้วมาถือไว้เฉยๆ ตอนชนแก้วก็ชนกับเขา แต่ยังไม่ดื่ม

“มึงแพ้เหล้าเหรอ” พี่กานต์เดินมาประกบหลังผม ผมสะดุ้งหันไปมองหน้ามัน หน้ามันแดงๆ นิดหน่อย คงดื่มไปเยอะแล้ว

“ไม่รู้อ่ะพี่ ผมไม่เคยดื่มเลย” ผมตอบตามจริง

“งั้นก็ลองดิ” มันว่าพลางจับมือผมข้างที่ถือแก้วเหล้าให้ยกขึ้นจ่อปาก “จิบทีละนิดก่อน”

“อือ” ผมครางรับก่อนจะลองจิบตามที่มันบอก อี๊ แม่งโครตขม ผมแทบจะคายทิ้ง ทำหน้าบอกบุญไม่รับสุดๆ

“เป็นไง?” มันยิ้มตาหยี มองผมที่ทำหน้าเหมือนอยากอ้วก

“ขมมาก แสบคอด้วย ไม่กินแล้ว” ผมงอแงใส่ ก็มันไม่อร่อยเลยนี่

พี่กานต์ไม่ว่าอะไร มันหัวเราะแล้วกอดคอผม กระซิบข้างหูผมเบาๆ “อ่อนว่ะ ไอ้หน้าจืด”

เออ อยากด่าไรด่าไป ไม่แดกเว้ย ผมนิ่ง วางแก้วเหล้าลง มันเลยคว้าแก้วผมไปดื่มต่อ ไอ้ขี้เมาเอ๊ย

ในงานเลี้ยง ทุกคนทั้งดื่มกินและพูดคุยกันอย่างออกรส บ้างก็ถ่ายรูปกันตามซุ้มต่างๆ ที่ประดับไว้รอบหอประชุม แต่ผมไม่ค่อยชอบที่คนเยอะเท่าไหร่ เลยกะจะไปเปลี่ยนชุดแล้วกลับหอก่อน แต่พอเปลี่ยนชุดเสร็จ ดันโดนพวกรุ่นพี่ผู้หญิงมาดักหน้าแล้วก็ลากไปถ่ายรูปด้วยอีก กว่าจะหนีออกมาได้ก็เสียเวลาไปหลายนาทีอยู่

ผมเดินออกจากหอประชุมตอนเกือบสี่ทุ่ม อีกไม่นานงานก็เลิกแล้วล่ะ ต้องรีบกลับก่อนคนจะออกมา แต่มอเตอร์ไซค์จอดที่หน้าคณะ ต้องเดินไปราวๆ 500 เมตร

ทางค่อนข้างมืดสลัว ผมรีบก้าวเท้ายาวๆ เพื่อจะไปถึงที่หมายให้เร็วที่สุด ไม่ได้กลัวผีนะ กลัวคนเนี่ยแหละ ด้วยความรีบร้อนจัด ตอนที่จะข้ามถนน ผมนึกว่าดึกแล้วไม่มีคน เลยไม่ได้ดูรถที่กำลังวิ่งมา

ปิ๊น!!

เสียงแตรดังลั่น และพอผมหันไป แสงไฟหน้ารถก็สาดเข้าตาจนพร่ามัว

เอี๊ยดดด
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 4 [22/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2018 03:12:27
รอด หรือ ไม่รอดจากการชน ลุ้น ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 4 [22/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-03-2018 07:54:28
ไม่สนับสนุนการใช้กำลังและการข่มขืนนะคะ ไม่ชอบเลย ทำไมกรถึงเป็นคนแบบนี้เนี่ยรับไม่ค่อยได้อ่ะ ผิดจากที่คิดไว้ไม่นึกว่าจะเป็นคนที่จะกล้าทำอะไรแบบนี้ซะอีก ตอนแรกนึกว่าพี่กานต์จะขู่อะไรกรซะอีก แต่ไหนกลายเป็นอย่างงี้ไปได้ แล้วพี่กานต์จะทำไงต่อไปล่ะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 5 [23/8/18] PSYCHO WARNING R-15
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 23-03-2018 16:45:17
5
ไม่รู้สึกเจ็บ?

ผมลืมตามองอีกครั้ง เห็นรถยนต์คันสีขาวคันเดิมจอดนิ่งอยู่ตรงหน้า ห่างจากตัวผมไม่ถึงสิบเซน รอดตายแบบฉิวเฉียด โล่งอกจนต้องพรูลมหายใจออกมา

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” เจ้าของรถเปิดประตูวิ่งลงมาดู ถือว่ามีความรับผิดชอบดี

ผมมองหน้าเขา เห็นหน้าไม่ชัดเท่าไหร่ เพราะมันมืด แต่รูปร่างสูงโปร่งอีกแล้ว “ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้โดนตัวผมเลย” ผมตอบพลางยิ้มแหยๆ ให้เขา

“ชลกร?” เขาเรียกชื่อผม ผมขมวดคิ้ว เพราะจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักกันมาก่อน “เอ่อ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นไปก่อนนะ” แล้วเขาก็รีบกลับไปขึ้นรถ ผมถอยหลังออกมา ให้เขาขับรถเลยผ่านไป

ใครหว่า? รู้จักผมได้ยังไง? แต่ก็ช่างมันเถอะ คงไม่เจอกันอีกแล้วมั้ง

แต่ความบังเอิญแม่งมีจริงว่ะ

แม้จะมืด แต่ผมก็พอจำเค้าโครงใบหน้าและรูปร่างของเขาได้ไง เจ้าของรถยนต์สีขาวเลขทะเบียน กท7644 ผมจำแม่นเลย เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ผมจะได้ตามหาเจ้าของรถถูก ในกรณีที่เขาชิ่งหนี แต่เอาจริงๆ ผมคงไม่กล้าไปตามหาเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายหรอก แต่สมองมันก็จำเองเสร็จสรรพไปแล้ว

พอมาเห็นตอนกลางวันแบบนี้ บอกเลยว่าเขาโครตจะหน้าตาดี ผิวขาวออร่าเปล่งประกายโดดเด่นอย่างกับดารา หรือเขาจะเป็นดารา อันนี้ผมก็ไม่รู้ เพราะไม่เคยดูหนังดูละคร ไม่มีความรู้เรื่องดารานักร้องเลยแม้แต่กระผีกเดียว

เขาเดินมากับกลุ่มเพื่อนผู้ชายสองสามคน คุยกันเสียงดัง ท่าทางสนุกสนานเฮฮา ผมคิดว่าเขาคงจำหน้าผมไม่ได้แล้ว ก็เลยไม่ได้เดินเลี่ยงเดินหลบ แค่เดินสวนกันไป แต่จู่ๆ ก็เหมือนมีแรงดึงที่แขนให้ผมต้องหยุดและหันไปมอง

“กร...”

“ครับ?” ผมมองหน้าเขาอย่าง งงๆ รู้จักผมได้ไงไม่รู้ หรือเมื่อคืนผมแขวนป้ายชื่อไว้ ก็ไม่น่าใช่นะ

“มึงจำกูไม่ได้เหรอ” เขาย่นคิ้วอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ผมส่ายหน้า จำไม่ได้จริงๆ “ไหนว่ามึง IQ เกิน 100 เป็นเด็กอัจฉริยะไงวะ” เขาแสยะยิ้ม คำพูดนั้นทำให้ผมสะบัดแขนออกจากมือของเขาทันที ไอ้หมอนี่มันรู้เรื่องของผม!

“ผมไม่รู้จักคุณ ขอตัวก่อนนะครับ” ผมก้มหน้าก้มตา รีบจำเท้าหนี เขาไม่ได้ตามมา ซึ่งมันก็ดีแล้ว

หวังว่าเราจะไม่พบเจอกันอีก ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม

...

“เรียนคณะนี้เหรอ สาวสวยเยอะมั้ยวะ วันๆ มึงทำไรมั่ง เที่ยวมั่งป่ะเนี่ย”

“...” ผมนั่งดูดน้ำอัดลมในขวดด้วยคิ้วขมวดปม คือ ไอ้คนตรงหน้า จู่ๆ ก็โผล่มานั่งด้วยแล้วก็เอาแต่พล่ามอะไรไม่รู้ มันจะบังเอิญบ่อยไปมั้ยวะ

“กูถามก็ตอบดิ มีสมองแต่ไม่มีปากเหรอ กร” มันเรียกชื่อผมห้วนๆ ด้วย ใครวะไอ้หมอนี่ พอผมไม่คุยด้วย มันก็ทำหน้าเซ็งๆ ใส่ “อร่อยเหรอร้านนี้ กูไม่ค่อยได้แวะมาคณะนี้ แนะนำเมนูเด็ดๆ ให้หน่อยดิ”

ผมไม่ตอบ ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า สักพักไอ้ซาลาเปาก็มาหา มันเข้ามากอดคอผม มองหน้าคนมาใหม่

“หืม? เพื่อนมึงเหรอกร”

“ไม่รู้จัก” ผมตอบ คนที่ถูกพาดพิงถึงกับหน้าสั่น

“มึงพูดหมาๆ งั้นได้ไง กูเรียนกับมึงมาตั้งแต่ม.ต้น”

ผมชะงักกึก ม.ต้น?

“อ้าว? เพื่อนเก่าดิงั้น กูปั้นจั่นนะ เป็นเพื่อนเอกเดียวกับกร” ซาลาเปาแนะนำตัวเอง ไอ้หน้าบึ้งตรงหน้าผมเลยเหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย มันคลี่ยิ้ม

“พีท อยู่วิทยา” เพิ่งได้ยินชื่อมันเนี่ยแหละ ว่าแต่อะไรนะ? พีท?

จับแม่งกดส้วมเลย

ยี้เหม็นว่ะ

พอแล้วมั้ง พีท

“เฮือก!” ภาพในความทรงจำที่มักจะฝันเห็นซ้ำๆ ราวกับตอกย้ำผุดขึ้นมาในหัว สมัยม.ต้นที่โดนรังแก ผมไม่ได้ฝันถึงเรื่องพวกนั้น แต่มาฝันเห็นเมื่อตอนอยู่ม.ปลายแล้ว และมันทำให้ผมกลัวคน ไม่กล้ายุ่งกับใครเลย ต้องเรียนม.ปลายด้วยตัวคนเดียวอย่างแท้จริง

ไอ้พีท!

“กะ กู...ไปก่อน” ผมตัวสั่นอย่างแรง หน้าคงซีดด้วย ใจก็สั่น ผมไม่กล้ามองหน้าคนชื่อพีทแล้ว ที่จำมันไม่ได้ เพราะเมื่อก่อนมันตัวอ้วนกว่านี้ เป็นเหมือนไอ้ยักษ์ประจำแก๊ง ตัวหัวโจกที่คอยสั่งให้คนอื่นรุมแกล้งผมมาตลอด 3 ปี

“อ้าว? กร กินยังไม่หมดเลย” เสียงซาลาเปาดังไล่หลังมา แต่ผมไม่สนใจ รีบกอดกระเป๋าวิ่งหนีไปจากตรงนั้น

ผมวิ่งออกมาจากโรงอาหาร มาถึงหน้าตึกเรียนที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีคน ยืนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าอยู่ตรงมุมตึก พยายามตั้งสติ เพื่อจะไปเอารถและกลับหอ วันนี้ขอโดดคาบบ่ายแล้วกันวะ

“หนีเหรอ กร” แรงกระชากที่แขนทำเอาผมเกือบหงายหลัง

“อย่าจับ!” ผมร้องลั่นอย่างลืมตัว สะบัดแขนออกอย่างแรง พีทเอียงคอมองหน้าผม

“มึงเปลี่ยนไปเยอะนะ แต่นิสัยเหมือนเดิมเลย” มันแสยะยิ้มอย่างที่ชอบทำ “แหยเหมือนเดิม”

“เรื่องของกู!” ผมตวาด เร่งฝีเท้าหนีมันไปที่รถ

“เดี๋ยวดิ กร จะรีบไปไหนวะ” มันสาวเท้าตามมาติดๆ พอคว้ารถได้ก็รีบขึ้นคร่อมสตาร์ทรถทันที แต่มัน...กระโดดตามมาซ้อนท้าย!

“ไอ้เหี้ย! ลงไป ลงไป ลงไป” ผมพูดย้ำๆ เหมือนคนบ้า เหมือนสติจะหลุด แต่ผมยังรู้สึกตัว ผมหันไปผลักมันออก “ลงไป ลงไป ลงไป!” ผมย้ำซ้ำๆ

“ฮ่าๆ มึงนี่ตล๊กตลก” มันหัวเราะเสียงดัง นอกจากไม่ลงแล้วยังกอดเอวผมแน่นอีก “ไปดิ ขับไปเลย”

“ลงไป ลงไป...ไอ้สัตว์!” ผมด่ามันอย่างโกรธจัด พยายามแกะมือมันที่รัดเอว มันเอาคางมาวางบนบ่าผม

“ไม่ต้องกลัว กูไม่ทำร้ายมึงหรอก เราเป็นเพื่อนกันนี่” เสียงกระซิบของมันทำผมขนลุกซู่ “ออกรถได้แล้ว อย่าให้กูอารมณ์เสีย”

ผมกัดฟันกรอด กำแฮนด์แน่นแล้วบิดออกไปเต็มเหนี่ยว

ไอ้พีทขยับคอไปมา หน้าตามันโครตกวนตีน มันสั่งให้ผมเลี้ยงขนมมัน ผมก็เลยจำยอมพามันมานั่งกินเค้กและกาแฟแถวหอพัก และตอนนี้ผมกับมันก็นั่งเผชิญหน้ากันอยู่ในร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่น แต่ระหว่างผมกับมันมีแต่ความเย็นยะเยือก

ผมจำมันได้ จำมันได้ดี ผมจำได้ว่ามันทำเหี้ยอะไรกับผมไว้บ้าง จำได้ไม่มีวันลืม จำได้ทุกครั้งที่หลับตา ทุกครั้งที่นอนแล้วฝันเห็นหน้ามัน

ไอ้หมูตอน ที่ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้สูงโปร่ง หุ่นนายแบบ ได้อย่างนี้ แต่แน่ล่ะ บ้านมันรวย จะทำให้ดูดีขึ้นได้ก็ไม่แปลก แต่ผมไม่สนหรอก ผมไม่อยากเจอหน้ามันอีกแล้ว ทำไมต้องเจอ ทำไมวะ ทำไม

“แดกเสร็จแล้ว กูกลับห้องล่ะ” ผมโพล่งขึ้นเมื่อเห็นมันกินเค้กจนเกลี้ยงแล้ว พอจะลุกขึ้น มันก็ยื่นมือมาคว้าแขนผม

“เดี๋ยวดิ ไม่เจอตั้งหลายปี อยู่คุยกันนานๆ ก่อน” สีหน้าและแววตาของมันเป็นเชิงบังคับ เหมือนที่มันชอบทำตอนเด็กๆ

“กูไม่อยากคุย ปล่อย ปล่อยมือ ปล่อยกู ปล่อย...” ผมเหมือนคนย้ำคิดย้ำทำเมื่อเจอหน้ามัน ไม่รู้ทำไม แต่ประสาทมันตื่นกลัวและเกร็งอย่างอัตโนมัติ ผมสะบัดแขนออก แต่มันก็ยังคว้ากลับไปอีก คนอื่นเริ่มมองมา แม้คนจะไม่ได้เยอะมาก แต่ผมอาย ผมไม่ชอบให้คนมองแบบนี้ เลยยอมนั่งลง

“ว่าง่ายๆ หน่อย กร กูมาเรียนที่นี่คนเดียว โครตเหงา ตอนเจอมึง กูดีใจมากเลยนะ” มันทำหน้าเหมือนซาบซึ้งสุดๆ ที่ได้เจอผม ก็แค่ได้คนไว้รองมือรองตีนมากกว่า กูไม่ยอมเหมือนตอนนั้นหรอกนะเว้ย

“ธุระมีแค่นี้ใช่มั้ย กูจะกลับห้อง” ผมเสียงแข็งใส่ จะต้องไม่ยอมมันอีก ต้องไม่ให้มันตามมาตอแย ไม่อย่างนั้น ผมก็จะต้องกลับไปเป็นไอ้แหยที่วันๆ ได้แต่โดนมันรังแกกลั่นแกล้ง

“เดี๋ยวนี้กล้าขึ้นนะ” มันดึงแก้มผม “กล้าต่อปากต่อคำกับกูเหรอ” ทั้งที่หน้ามันยังยิ้ม

ผมรู้ว่าที่มันยิ้มแล้วดึงแก้มผม เพื่อให้คนอื่นเข้าใจผิด เข้าใจว่ามันกำลังหยอกผมเล่น แต่จริงๆ แล้วมันกำลังข่มขู่ผม และในระหว่างที่ผมกำลังเครียดจนตัวเกร็ง เหงื่อแตกพลั่ก ก็มีคนเดินเข้ามาทักผม

“กร!” ผมสะดุ้งโหยง ไอ้พีทยอมปล่อยมือจากผมแล้ว มันขยับเนคไท นั่งยืดตัวตรง บนใบหน้ายังคงแต้มรอยยิ้มหล่อๆ กระชากใจสาว

“พี่...พี่กานต์” ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นนิดหน่อย อย่างน้อยพี่กานต์ก็ดีกับผมมากกว่าไอ้พีท ล่ะมั้งนะ

“สวัสดีครับ” ไอ้พีทยิ้มหวานให้พี่กานต์

“สวัสดี เพื่อนมึงเหรอกร” พี่กานต์มองหน้าผมสลับกับพีทแล้วนั่งลงข้างผม

“ครับ เพื่อนสมัยม.ต้น เนอะกร” มันพยักเพยิดมาทางผม ผมเลยต้องพยักหน้ารับ “ผมชื่อพีทครับ”

“พี่ชื่อ กานต์ อยู่ปี 3 รุ่นพี่คณะไอ้กรมัน แล้วน้องอยู่คณะไหนครับ”

“วิทยาครับ”

พี่กานต์พยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะกอดคอผมอย่างสนิทสนม “เออ กร มีงานจะให้กูช่วยนี่ กลับห้องกัน” พี่กานต์ขยิบตาข้างที่ไอ้พีทไม่เห็นให้ผม ตอนแรกผมก็งง แต่ก็เข้าใจว่าเขาอยากช่วย เลยพยักหน้าแล้วหันไปทางพีท ที่จ้องพวกเราอยู่

“กูนัดพี่เขาทำงานไว้ มึงกินต่อตามสบายนะ กูไปก่อน”

ไอ้พีทแค่ยิ้ม โดยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ พี่กานต์เลยบอกลามันแล้วลากคอผมออกไปจากร้าน

“ขอบคุณนะพี่ ที่ช่วยพาผมออกมา” ทั้งที่ผมเคยทำไม่ดีกับเขา แต่พี่กานต์ก็ยังดีกับผม ทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดหนักกว่าเดิม

“หึ ทำไมมึงต้องกลัวมันด้วยวะ ทีตอนกู มึงยังกล้า...” เขาพูดแล้วก็หน้าแดง ก่อนจะรีบสะบัดหน้า “เออๆ ช่างแม่งเหอะ มันเป็นเพื่อนมึงจริงเหรอ กูเห็นตั้งแต่ที่มึงโดนมันดึงแขนให้นั่งลงแล้ว”

“ไม่ใช่เพื่อน! มัน...” ผมสับสน ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ผมไม่กล้าเล่าให้พี่กานต์ฟังหรอก ไม่เอา ไม่บอก ไม่มีทาง “มันจะเป็นใครก็ช่าง ขอบคุณนะพี่ ผมขึ้นห้องล่ะ” ผมก้มหน้างุดๆ รีบเดินฉับๆ หนีพี่กานต์ พี่มันส่งเสียงเรียกอีก แต่ผมทำเป็นไม่ได้ยิน และมันก็ไม่ได้ตามมา

ผมเครียด ผมอึดอัด ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ผมจะหนีมันพ้นมั้ย ต้องไม่พ้นแน่ มันรู้ว่าผมเรียนคณะไหน รู้ว่าอยู่หอไหน โอ๊ยยย จะทำยังไงดีวะ ไอ้เหี้ยเอ๊ย ไอ้เหี้ยพีท ไอ้เวรตะไล!

ผมทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด พลันนึกถึง...อาจารย์ภวินท์

ใช่...โทรนัดอาจารย์ดีกว่า คนที่ผมปรึกษาได้ คนที่จะรับฟังผมทุกอย่าง แม้มันจะเป็นแค่หน้าที่และจรรยาบรรณของนักจิตวิทยาก็ตาม แต่อย่างน้อย ผมก็ได้ระบายให้ใครสักคนฟัง และมั่นใจได้ว่าเขาจะไม่มีทางเอาความลับของผมไปป่าวประกาศกับใคร

จริงๆ แล้วนักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเรามีสองคน เป็นอาจารย์ทั้งคู่ แต่พอดีผมได้เจออาจารย์ภวินท์เป็นคนแรก และเขาก็จะต้องรับปรึกษาผมไปตลอด เขาบอกว่าผมยังไม่ถึงขั้นต้องใช้ยาระงับประสาทหรือยาคลายเครียด จากที่ผมบอกว่านอนไม่หลับ ฝันร้ายชอบตื่นกลางดึก แต่สีหน้าผมก็ดูเหมือนคนที่พักผ่อนเพียงพอ เขาเลยพอจะเข้าใจว่าผมมีวิธีทำให้ตัวเองหลับอยู่แล้ว เพียงแค่ผมไม่อยากเล่า

วันจันทร์อาทิตย์ถัดมา เป็นวันนัดเจออาจารย์วิน ตอน 4 โมงเย็น ผมไม่มีเรียน และเขาก็ไม่มีสอน ผมเจอเขาที่ห้องเดิม ห้องสี่เหลี่ยมค่อนข้างกว้าง ใช้สีโทนอบอุ่นทำให้รู้สึกสบายใจ ในห้องมีเพียงโต๊ะทำงานของเขาและเก้าอี้นวมแบบเอนได้ไว้ให้ผมนั่ง เขายังคงยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยนและใช้น้ำเสียงไพเราะเวลาคุยกับผม

เวลาผมคุยกับอาจารย์วิน ผมไม่ค่อยกล้ามองหน้าเขาเท่าไหร่ บางครั้งแววตาของเขามันดูขี้เล่นแปลกๆ ทำให้ผมไม่กล้าสบสายตา ผมเลยเลือกมองที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขา ซึ่งมีแหวนทองวงนั้นสวมอยู่ เพราะเขาชอบเอามือวางประสานกันบนโต๊ะ

“สวัสดีครับ น้องกร วันนี้เราจะคุยเรื่องอะไรกันดี” อาจารย์วินเริ่มต้นบทสนทนาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พูดกับผมเหมือนผมเป็นเด็กเล็กๆ แต่มันก็ทำให้รู้สึกเป็นกันเองดี

“ผม...เจอเพื่อนตอนม.ต้น”

“แล้วเพื่อนคนนั้น เป็นยังไงบ้างครับ”

“มันชื่อพีท...เป็นคนที่เคยแกล้งผม ทำร้ายผม...ผมกลัวมันมาก ผมกลัว...ไม่อยากให้มันเข้าใกล้ แต่มัน...มันไม่ยอมปล่อยผมไป” เสียงผมสั่นเหมือนจะร้องไห้

“เขาเคยทำร้ายน้องกร? แบบไหนครับ”

“ครับ มันทั้ง...เตะ ต่อย ให้เพื่อนมันจับผมกดน้ำในโถชักโครก...อือออ ฮืออออ” ผมไม่ไหวแล้ว ยิ่งเล่าก็ยิ่งนึกถึงมัน นึกถึงเรื่องเลวร้ายพวกนั้น น้ำตาผมไหลพราก

“ใจเย็นๆ นะครับ น้องกร แล้วตอนนี้เขาทำร้ายน้องกรอีกมั้ย”

“ไม่...ยังไม่ได้ทำครับ” ผมกลั้นเสียงสะอื้นไว้ น้ำตาบดบังทัศนวิสัย แต่ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นที่วางลงมาบนบ่า เงยหน้าขึ้นก็เห็นอาจารย์ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเขาสูงเพรียว รูปร่างสมส่วนเข้ากับชุดสูทที่สวมใส่ ดูเท่มากในตอนนี้

“ไม่เป็นไรนะครับ สูดลมหายใจลึกๆ ไว้ อย่างนั้น” เสียงของอาจารย์ทำให้ผมคลายกังวล ผมหยุดร้องไห้เพราะฝ่ามืออุ่นๆ ที่ตบบนบ่าเบาๆ อย่างปลอบโยน “น้องกร คิดว่าจะรับมือกับเพื่อนคนนั้นอย่างไรดีครับ”

“ถะ ถ้าเขาทำร้ายผม ผมจะสู้ครับ”

“ถ้าสู้แล้วจะสบายใจขึ้นใช่มั้ยครับ?”

“ผมไม่รู้...แต่ผมจะไม่ยอมให้มันทำร้ายผมฝ่ายเดียวอีกแล้ว ผมคิดว่าผมสู้ไหว”

“น้องกรทำได้อยู่แล้วครับ สบายใจขึ้นมั้ยครับ?” อาจารย์ยิ้มหวาน ผมชอบรอยยิ้มของเขาจัง มันอบอุ่น สว่างไสว ถ้ามีพี่ชายแบบนี้สักคนก็คงดี

วันนั้นผมพูดคุยกับอาจารย์แค่เรื่องของไอ้พีท เอาเป็นว่า ผมจะค่อยๆ เล่าทีละเรื่องให้เขาฟังแล้วกัน เมื่อผมพร้อม

******

หลังกลับจากเข้าพบอาจารย์วิน ผมก็กลับไปที่คณะ ไอ้ซาลาเปาเข้ามากอดแขนผมเหมือนเคย มันเป็นพวกติดการสกินชิพนะผมว่า ต้องกอดต้องเกาะตลอดเวลา ดีที่ตัวมันเล็ก ผมเลยไม่หนักเท่าไหร่

“หายไปไหนมาวะ”

“ไป...” ผมไม่กล้าบอกใครว่าผมไปคณะจิตวิทยามา แม้อาจารย์วินจะบอกว่า การเข้ารับการบำบัดหรือปรึกษานักจิตวิทยา ไม่ได้หมายความว่าคนไข้เป็นบ้าหรือป่วยทางจิตเสมอไป บางคนแค่เครียด อยากระบาย และปกติแล้ว ทุกคนก็ควรจะเข้ารับการปรึกษากับจิตแพทย์หรือนักจิตบ้าง เพื่อสมองจะได้ปลอดโปร่ง จิตใจแจ่มใส และยังบอกอีกว่า อาการฝันร้ายและนอนไม่หลับของผม ควรรักษาแต่เนิ่นๆ แต่ผมดันกลัวจนไม่กล้าไปพบจิตแพทย์ ปล่อยให้มันเรื้อรัง เลยอาจจะแก้ไขยากหน่อย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้ยาบำบัด

“ไปไหน? หืม?” ไอ้ซาลาเปาทำหน้าแบ๊วใส่

“ปะ ไปหาอะไรกินมา” ผมหาข้อแก้ตัวแบบถูๆ ไถๆ มันหรี่ตาเหมือนไม่เชื่อ

“อะไร ไปหาถึงไหน เมื่อกี้ไปหาที่โรงอาหารไม่เห็นเจอ”

“ก็...อยากลองอะไรใหม่ๆ เลยไปคณะอื่นมา” ผมเริ่มเหงื่อตก ไม่ชอบการถามตอบแบบนี้เลย มันเหมือนโดนเค้นความจริง คนละฟีลกับตอนปรึกษาอาจารย์ลิบลับ

“ไปคณะไรมา”

“เออน่า คณะไหนสักคณะแถวนี้แหละ เดี๋ยวซื้อข้าวกลับหอแล้ว” ผมดึงแขนออกจากมือของซาลาเปา มันเบะปากใส่ทันที

“อะไร กร! ไหนเมื่อกี้บอกไปหาไรกินมาแล้วไง นี่! อย่าหนีสิวะ!” ยังจะตามมาอีก เฮ้อ นอกจากเรื่องไอ้พีท ก็ยังมีไอ้ซาลาเปาปั้นจั่นนี่อีก หมู่นี้ตามผมแจเลยจริงๆ ดีที่วันนี้ผมเรียนคนละวิชากับมัน เลยปลีกตัวไปหาอาจารย์วินได้

ซาลาเปาเดินควงแขนผมท่าทางเริงร่ามาก พวกเราไปซื้อข้าวที่ร้านตามสั่งบนโรงอาหารของคณะ อ้อ ผมยังไม่เคยบอกสินะว่าผมเรียนอะไร ผมเรียนเศรษฐศาสตร์ครับ เป็นสาขาที่พ่ออยากให้เรียน และผมก็ค่อนข้างชอบอยู่แล้ว ตอนผมสอบติดที่นี่ พ่อถึงได้ปลื้มหนักหนา ลืมว่าเคยดุด่าและตบตีผมยังไงไปหมด

จริงๆ ผมกะจะซื้อข้าวไปกินที่ห้องเหมือนเคย แต่ถ้าได้เจอไอ้ซาลาเปาหน้ากลมมาด้วยทีไร ก็เป็นต้องนั่งกินกับมันที่โรงอาหารตลอด ซึ่งช่วงนี้มีอริที่ชอบมาป้วนเปี้ยนอีกตัว ก็คือ ไอ้พีท

และไอ้ซาลาเปาก็ดูไม่ค่อยชอบหน้าไอ้พีทเท่าไหร่ด้วย มันคงเห็นผมไม่ชอบมั้ง จริงๆ แล้วปั้นมันก็น่ารักนะเนี่ย มันเอาอกเอาใจและเข้าข้างผมทุกอย่างเลยจริงๆ

“ไง กร” นั่นไงครับ ถ้าอยู่โรงอาหารนานเป็นต้องได้เจอ ด้วยความที่คณะวิทย์ของมันกับคณะผมก็ไม่ได้ไกลกันมาก บางทีพวกเด็กวิทย์มันก็มากินแถวนี้บ้าง แม่งโครตซวย อยู่มาเป็นเทอม เพิ่งจะมาเจอกัน แล้วพอได้เจอก็เหมือนความซวยถล่มใส่ ต้องเจอมันรัวๆ ตลอด

“อันนี้อร่อยเหรอ ขอชิมหน่อยดิ” มันว่าพลางนั่งลงข้างๆ ผม ถือวิสาสะแย่งช้อนไปจากมือ ตักกับข้าวของผมเข้าปากตัวเอง เป็นผัดขิง ผมชอบกินขิงกับเห็ดหูหนู แล้วมันก็ดันกินเห็ดหูหนูของโปรดของผมที่มีอยู่ไม่กี่ชิ้นไปแล้วด้วย ไอ้ฟวยเอ๊ย

ผมเหลือบมองปั้นจั่น เห็นมันทำหน้าไม่พอใจอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวได้เกิดศึก ก็ดี จะได้แยกๆ กันสักที

“ไม่มีมารยาท แย่งคนอื่นกินได้ไง” นั่นไง มาละ ซาลาเปาน้อยของผม ไอ้พีทหันไปมองหน้าปั้นจั่น แล้วแสยะยิ้ม

“ทำไม ก็ของเพื่อน กินด้วยกันได้ กรไม่หวงหรอกเนอะ” ยังมีหน้ามายิ้มหวาน ผมไม่ตอบ ดึงช้อนกลับมาแล้วกินข้าวต่อ พีทมันเลยหันไปยักไหล่ใส่ปั้นจั่น “เห็นมะ กรกินกับกูได้ ไม่ถือ”

“ฮึ่ย ไปเปลี่ยนช้อนเลยกร!” อ้าว? อะไรวะ มาโวยวายใส่ผมเฉยเลย ไอ้ซาลาเปาทำท่าจะแย่งช้อนไปจากมือ แต่ผมหลบทัน

“อะไรของมึง ช่างมันเหอะ กูกินได้” คือขี้เกียจเสียเวลา อยากรีบๆ กินรีบกลับห้อง

“ทีตอนกู มึงบอกว่าถือไง! ไม่ยอมกินน้ำขวดเดียวกันด้วย!” เอ้า ยังเสือกจำได้อีก ปัดโธ่เว้ย จริงๆ ผมไม่ชอบกินร่วมกับใครนะ แต่มันเหตุสุดวิสัยไง ไม่ได้รังเกียจขนาดนั้น ก็เลยหยวนๆ ไป

“เอ่อ ก็...มันเสียเวลา อีกนิดเดียวจะหมดแล้วเนี่ย” ผมว่าพลางมองหน้าปั้นจั่นด้วยความเกรงใจ คือรู้นะว่ามันคงเสียความรู้สึก แต่มันช่วยไม่ได้ แล้วเมื่อก่อน ผมก็เคยกินของต่อจากปากไอ้พีทบ่อยไป เวลาแม่งแดกไม่หมดแล้วบังคับให้ผมกินต่ออ่ะนะ อมลูกอมเม็ดเดียวกันก็เคย และนั่นแหละคือสาเหตุที่ผมไม่ชอบกินร่วมหรือต่อจากใคร ยกเว้นกับไอ้พีท...เออว่ะ ทำไมวะ สงสัยชินมั้ง

“กรแย่ที่สุด!” ซาลาเปาโมโหเลย มันว่าผมแล้วก็ลุกหนีไป ปล่อยผมไว้กับไอ้พีทสองคนอีก ไอ้ห่าพีทก็นั่งไม่รู้ไม่ชี้

เฮ้อ...ชีวิตกู อะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย เซ็ง...
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 4 [22/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 23-03-2018 16:48:30
รอด หรือ ไม่รอดจากการชน ลุ้น ๆ  :hao3:
หวุดหวิดแล้ว
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 4 [22/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 23-03-2018 16:50:10
ไม่สนับสนุนการใช้กำลังและการข่มขืนนะคะ ไม่ชอบเลย ทำไมกรถึงเป็นคนแบบนี้เนี่ยรับไม่ค่อยได้อ่ะ ผิดจากที่คิดไว้ไม่นึกว่าจะเป็นคนที่จะกล้าทำอะไรแบบนี้ซะอีก ตอนแรกนึกว่าพี่กานต์จะขู่อะไรกรซะอีก แต่ไหนกลายเป็นอย่างงี้ไปได้ แล้วพี่กานต์จะทำไงต่อไปล่ะ
เราจะพยายามไม่ให้รุนแรงมาก แต่หลังจากนี้ จะเน้นเรื่องอาการทางจิตของพระเอกฮะ บางเรื่องที่คิดว่านางไม่กล้า มันจะมาเพราะความผิดปกติของนางเอง...ฮือออ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 5 [23/8/18] PSYCHO WARNING R-15
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-03-2018 17:04:22
อ่านอยู่ 2 เว็บคงจะพิมพ์คล้ายๆ กัน นะคะ  เราว่าพีทคู่กรคงเป็นคู่ SM ที่เข้ากันได้ดีแน่ๆ ถ้ากรจะเลิกกลัวพีทซะก่อน
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 5 [23/8/18] PSYCHO WARNING R-15
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2018 17:29:20
เอาชนะความกลัวให้ได้ แล้วต่อยมันกลับไปเลย  :beat:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 6 [23/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 23-03-2018 20:28:40
6
ต่อให้ผมพยายามจะลืมยังไง ภาพของไอ้พีทที่ฝังอยู่ในหัวผมมันก็ไม่ยอมเลือนหายไป แม้จะปรึกษาอาจารย์ภวินท์แล้ว ก็ยังไม่ดีขึ้น และทุกคืนผมจะต้องคุยกับพี่ SlipXD เพื่อทำให้ตัวเองนอนหลับ

“ผม...ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย” วันนี้ผมขอคุยกับเขาผ่านไมค์ แบบไม่มีภาพ เพราะผมกำลังนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ ขี้เกียจหันกล้องไม่ได้โดนหน้าตัวเอง และมันยุ่งยากถ้าเกิดผมจะเงยหน้าขึ้นหรือลุกไปทำอย่างอื่น ซึ่งพี่เขาก็โอเค

[ไม่เอาดิ เอส อย่าพูดแบบนั้น] เสียงของพี่เขาดูร้อนรน [พี่อยากให้เอสอยู่กับพี่อย่างนี้ตลอดไปเลยนะ อย่าทิ้งพี่ไปเลย]

“แต่พี่ก็ไม่อยากเจอหน้าผม...” ผมตัดพ้อ เขาจะพยายามปลอบใจผมทำไม ในเมื่อตัวเองก็ไม่ได้อยากเจอผมจริงๆ ผมหายไป เขาก็แค่หาคนอื่นคุย

[พี่จำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ เข้าใจพี่เถอะนะครับ] เขาพยายามอ้อน

“ผมจะไม่ไหวแล้ว ผมเกลียดมัน ผมอยากกำจัดมันออกจากชีวิตผม” มันคือเรื่องที่ผมคิดหนักตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา จะทำยังไงให้มันออกไปจากชีวิตผม

[เอส ฟังพี่นะ เอสจะต้องเลิกคิดถึงมัน เข้มแข็งไว้ สู้กับสิ่งที่หวาดกลัวในจิตใจให้ได้ พี่อยู่ข้างๆ เอสเสมอนะครับ]

“พี่ไม่ได้อยู่ข้างผม...พี่ไม่ได้อยากเจอผมด้วยซ้ำ”

[เอส อย่าพูดแบบนั้นสิ พี่...รักเอสมากนะ เอสเป็นคนเดียวที่พี่ต้องการ] เป็นครั้งแรกตั้งแต่คุยกันมา ที่เขาบอกรักผม แต่ผมไม่ได้ต้องการแค่คำพูดสวยหรูพวกนั้น ผมต้องการเขา ที่เป็นตัวเขาจริงๆ

“ผมไม่เชื่อ!” แล้วผมก็ล็อคเอ้าท์ออกจากโปรแกรม นอนร้องไห้ซบหน้าบนโต๊ะจนหลับไป

******

ผมไม่เชื่อที่เขาพูด แต่ผมก็ยังตัดขาดเขาไม่ได้ ผมยังคงแชทกับเขาเหมือนเดิมเวลาที่นอนไม่หลับ ไม่ว่าจะแค่คุยหรือทำเรื่องลามกผ่านกล้องด้วยกัน เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมหลับสนิท

เมื่อไหร่เขาจะยอมมาเจอผม เมื่อไหร่ที่เขาพร้อมจะเปิดใจให้ผมจริงๆ ไม่ใช่แค่ลมปากที่พูดผ่านเครื่องดัดเสียง

“น้องกรควรไปพบจิตแพทย์นะครับ” ทุกวันจันทร์ ผมจะนัดกับอาจารย์วิน เพื่อมาระบายเรื่องที่อัดอั้นในใจ ผมค่อยๆ เล่าให้เขาฟังทีละเรื่อง และวันนี้ผมก็ยอมเล่าเรื่องพี่ SlipXD ให้อาจารย์ฟังแล้ว เพราะผมไม่มีทางออกแล้วจริงๆ ในเมื่อพี่เขาไม่ต้องการผม ผมไม่อยากหลอกตัวเองไปวันๆ ด้วยการเชื่อคนที่ไม่แม้แต่จะเห็นหน้ากันหรือได้ยินเสียงที่เป็นเสียงจริงๆ

“มันต้องขนาดนั้นแล้วเหรอครับ” ผมเหม่อมองเพดาน เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก คืนไหนที่ผมไม่ได้คุยกับพี่ SlipXD ผมนอนไม่เคยหลับ และสภาพของผมก็แย่ลงเรื่อยๆ แล้ว

“ครับ จิตแพทย์จะได้วิเคราะห์อาการและให้ยา เพื่อช่วยให้คลายเครียดและนอนหลับสบายขึ้น จะได้ไม่ต้องพึ่งวิธีคุยกับคนแปลกหน้าผ่านเว็บ” เสียงของอาจารย์คล้ายกำลังขับกล่อมให้ผมคล้อยตาม ผมโคลงหัวไปมา เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่เขาพูด

“ผมจะแนะนำจิตแพทย์ให้เอง เขาเป็นเพื่อนของผม แน่นอนว่า เรื่องที่น้องกรบอกผมทั้งหมด จะเป็นความลับ ยกเว้นแต่น้องกรจะเล่าให้จิตแพทย์ฟังด้วยตัวเอง โอเคมั้ยครับ?” อาจารย์ยิ้มให้ผม รอยยิ้มที่แสนอบอุ่น

“ครับ ผมจะพบจิตแพทย์”

อาจารย์วินนัดเพื่อนของเขาให้ผมในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ช่วงเช้า ที่โรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัย ผมค่อนข้างตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะต้องเข้าพบจิตแพทย์จริงๆ จังๆ แต่อาจารย์บอกว่า การพบจิตแพทย์ก็เพื่อรับยาให้ตรงกับอาการที่เป็นอยู่ ก่อนที่สารหรือฮอร์โมนในสมองของผมจะผิดปกติ จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า

กว่าจะถึงวันเสาร์ ผมคงต้องเครียดกับไอ้พีทอีกมาก ผมกลัวว่าผมจะเป็นบ้าตายเสียก่อน แต่ก็พยายามอดทนไว้ ในเมื่อพีทมันก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายผมเหมือนที่เคยทำเมื่อก่อน อาจจะมีบังคับบ้าง แต่ก็ไม่ได้ใช้กำลัง

“วันนี้เลี้ยงเค้กร้านนั้นหน่อยดิ ร้านแถวหอมึงอ่ะ” ไอ้พีทมันขับรถยนต์ ไม่ได้อยู่หอพัก เรียนแบบไปกลับ เวลามันจะไปหอผม หมายถึงแถวๆ นั้น มันจะซ้อนมอเตอร์ไซค์ผมไป

“ทำไม...ต้องเลี้ยง” มันหน้าด้านมากๆ แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับรีดไถผมเลยสักนิด นิสัยแม่งก็เหมือนเดิม แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะดีขึ้น แต่สันดานยังเสียไม่เปลี่ยน

มันเลิกคิ้ว จ้องหน้าผม “ไมวะ? เลี้ยงเพื่อนแค่นี้จะตายเหรอ ไอ้กร”

“มึงก็มีเงิน” ผมเถียงมันทั้งที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา ทำไมแม่งเป็นงี้ทุกทีวะ ทำไมต้องกลัว! ทำไม! มือแม่งก็สั่นอีก จะสั่นเหี้ยไรนักหนา!

“ก็กูจะให้มึงจ่ายไง” มันล็อคคอผม “เร็วๆ เลย ไปมอไซค์มึงเนี่ยแหละ เร็วดี”

ทั้งที่ผมเคยบอกว่าจะสู้มัน แต่เพราะมันไม่ได้ทำร้าย ผมเลยไม่รู้จะต่อต้านมันยังไง เลยโดนมันลากคอไปที่รถ ต้องจำยอมพามันไปร้านกาแฟหน้าหอ ซื้อเค้กกับกาแฟให้มันกิน

ระหว่างนั่งรอมันจิบกาแฟกินขนมอย่างสบายอารมณ์ ความเครียดของผมก็พุ่งปรี๊ดแทบทะลุปรอทในรอบปี ผมกำมือแน่น กัดปากตัวเองเป็นพักๆ ตอนแรกไม่รู้ตัว แต่พอได้กลิ่นคาวเลือด ผมถึงรู้ว่ากัดปากตัวเองจนเลือดซิบ ลมหายใจของผมเริ่มปั่นป่วน แต่ก็อดทนรอจนมันกินเสร็จ แต่ตอนที่กำลังจะพามันกลับไปส่งในมหาลัย ฝนดันตกหนัก จนขับรถฝ่าไปไม่ได้ ผมกับมันตัวเปียกม่อล่อกม่อแลก วิ่งฝ่าฝนเข้าไปในหอ

“แม่ง เปียกหมดเลยว่ะ อาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ห้องมึงได้ป่ะ” มันบิดชายเสื้อที่เปียกโชกอยู่หน้าประตูหอแล้วหันหน้ามาถามผม ไม่สิ ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบหรอก

“ตามมา” ในเมื่อช่วยไม่ได้ ผมก็เลยเดินนำมันเข้าไปในลิฟท์ พามันไปที่ห้อง

“โห ห้องมึงกว้างดีนะ กูนึกว่าหอพักแม่งจะเล็กๆ อับๆ เหมือนกันหมดซะอีก กูเคยไปหอในของเพื่อน แม่งอย่างกับรูหนู” มันวิจารณ์ไปหัวเราะคิกคักไป ผมเลือกเสื้อผ้าให้มันเปลี่ยน มันตัวสูงก็จริง แต่ไม่ได้สูงเท่าผม เหมือนจะเตี้ยกว่านิดหน่อย น่าจะสัก 177-178 ซม.

ผมเลือกเสื้อยืดตัวที่เล็กที่สุดกับกางเกงบอลและผ้าขนหนูที่ยังไม่ได้ใช้ออกมาให้มัน พอหันไป มันกำลังจะเปิดโน๊ตบุ๊คของผม

“พาสเวิร์ดไรวะ” ดีที่ผมล็อครหัสไว้ แต่มันก็จะเค้นเอาให้ได้ ตามนิสัยมัน

“อย่ายุ่งกับของกู” ผมเสียงแข็งใส่

มันยักไหล่ แล้วหันมายักคิ้วใส่ผม “กูแค่อยากเล่นเกม มึงมีเกมมั้ย หรือเด็กอัจฉริยะเขาไม่เล่นเกมกันวะ ห๊ะ?”

“อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วกลับไป” ผมยื่นข้าวของให้มัน มันมองตามมือผมแล้วเงยหน้ามองหน้าผมที่ยืนค้ำหัวมันอยู่

“มึงจะบ้า? ฝนมันตกอยู่เห็นป่ะ กูต้องรอจนกว่าจะหยุด ไม่งั้นจะมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ห้องมึงทำเหี้ยไร” มันจ้องเขม็งอย่างไม่พอใจ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กระชากชุดกับผ้าขนหนูไปจากมือผม แล้วเดินกระแทกไหล่ผมเข้าห้องน้ำไป

ผมถอนหายใจ อย่างน้อยมันก็ยอมเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว ขืนปะทะคารมกันต่อ คงมีเลือดตกยางออก เพราะตอนนี้อยู่กันแค่สองคน ถ้ามีเรื่องอะไรขึ้นมาก็ไม่มีใครเห็น

ผมสูดลมหายเข้าแล้วผ่อนมันออกช้าๆ ทำซ้ำๆ เพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่านทั้งหมดทั้งมวล ไม่ว่าจะความโกรธ หงุดหงิด ความเกลียดชัง ความกลัว...

“ฝนยังไม่หยุดอีกเหรอวะ” มันอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาในชุดที่ผมเลือกให้ ใส่ได้พอดีเป๊ะ ผมมองไปทางหน้าต่าง

“ซาแล้วมั้ง”

“ยังตกแรงอยู่เลย” มันยื่นหน้าข้ามไหล่ผมชะโงกดูนอกหน้าต่าง “เล่นโน๊ตบุ๊คมึงนะ มาเปิดให้กูที” มันหมุนตัวกลับไปที่โต๊ะ

ผมมองตามหลังมัน กำมือแน่น “ไม่ได้ กูไม่ให้มึงใช้”

“อะไร? ทำไมงกจัง” มันยกโน๊ตบุ๊คผมขึ้นมา “ไม่เปิดให้ กูจะพังแม่ง”

“ไอ้เหี้ยพีท!” ผมสบถลั่น มือยื่นคว้าของของตัวเองคืนมา แต่ไอ้พีทมันโยกหลบ แถมยังทำหน้าตากวนตีนใส่

“เอ้า เปิดดิ ไม่งั้นกูพังจริงนะ!” มันขู่ด้วยสายตา และท่าทางที่จะทุ่มโน๊ตบุ๊คของผมทิ้งจริงๆ แต่ถ้าผมยอมเปิด แล้วมันไปเจอโปรแกรมที่ผมใช้คุยกับพี่ SlipXD เข้าล่ะก็...

“ไม่ได้! มึงห้ามแตะต้องของของกู!” ผมปรี่เข้าไปประชิดตัวมัน แย่งโน๊ตบุ๊คจากมือของมัน ยื้อกันไปมา เพราะมันไม่ยอมปล่อย “เอาคืนมา!” ผมไม่เหมือนเมื่อตอนนั้นแล้ว ผมไม่ใช่ไอ้เด็กแว่นตัวผอมกะหร่องขี้กลัว ที่ได้แต่ให้มันกับเพื่อนของมันรังแก ผมสู้มันได้ สู้ได้

น้องกรทำได้อยู่แล้วครับ

เสียงของอาจารย์ภวินท์ดังเข้ามาในหัว

ใช่! ผมทำได้ ผมสู้มันได้!

“ไอ้เหี้ยกร!” ผมกระชากโน๊ตบุ๊คออกจากมือมันจนตัวมันแทบลอยตามมา ผมกอดของของผมไว้อย่างหวงแหนเหมือนเด็กๆ นัยน์ตาของมันวาวโรจน์ด้วยความโกรธ “หวงนักใช่มั้ย!” มันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คว้าโคมไฟที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาตีหัวผม

มันเจ็บ...ผมเจ็บจี๊ดที่หัวซีกซ้าย พอเอามือไปแตะก็เหมือนจะมีอะไรชื้นๆ แฉะๆ

เลือด?

“หึ สมน้ำหน้า เปิดเครื่องให้กูเลย!” มันชี้หน้าผม

เลือด...ทำให้ผมอยากจะร้องไห้

แต่ผมร้องไม่ได้

ผมกำลังโกรธ

“ไอ้เหี้ยพีท!”

ผมไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป มันเพราะเลือดที่เปรอะบนฝ่ามือ สีแดงฉานของมันทำให้ผมขาดสติ รู้ตัวอีกที ไอ้พีทนอนคุดคู้อยู่หน้าชักโครกในห้องน้ำ ตัวมันเปียกโชก ตั้งแต่หัวจรดเท้า

ที่ปากและหัวของมันมีเลือดไหลเกรอะกรัง และมันนอนแน่นิ่ง

ผมตกใจสุดขีด ล้มลงถดตัวถอยหนีจากภาพตรงหน้า ตบหน้าตัวเองหลายทีเพื่อยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมวิ่งออกจากห้อง ทั้งที่มีเลือดเปรอะเสื้อ แต่สายฝนก็ชะล้างไปจนมันจางลง ผมวิ่งเท้าเปล่า อย่างไร้จุดหมาย

ผมกลัว

ผมต้องหนี

ผมวิ่ง วิ่ง และวิ่ง จนออกมาถึงหน้าปากซอย เท้าของผมเจ็บระบมไปหมด ไม่รู้เหยียบอะไรมาบ้าง ผมร้องไห้ น้ำตาผมไหลปนกับสายฝน

มือของผมสั่นเทา คราบเลือดสีแดงยังติดอยู่

ผมขยี้มือกับกางเกงนักศึกษาที่ใส่อยู่ ก่อนจะจับไปโดนมือถือในกระเป๋ากางเกง ผมล้วงมันออกมา แต่ไม่รู้จะโทรหาใครได้ในตอนนี้

19.40 น.

ผมนึกหน้าใครไม่ออกเลย โทรหาพ่อกับแม่ไม่ได้เด็ดขาด พี่ SlipXD ผมไม่มีเบอร์โทรเขาสักหน่อย ไอ้ซาลาเปา? ไม่เอา พี่กานต์ ไม่ได้อีก?

“เรื่องที่เราคุยกันจะเป็นความลับระหว่างผมกับคุณ เพราะฉะนั้น เล่าได้ทุกเรื่องที่คุณกังวลเลยนะครับ”

ใบหน้าอ่อนโยนและน้ำเสียงนุ่มนวลของอาจารย์ภวินท์ผุดขึ้นมาในหัว

เพราะเขาบอกว่าทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเรา

ผมเลยเลือก...โทรหาเขา

[ฮัลโหล น้องกร] เขารู้ทันทีว่าเป็นผม เสียงปลายสายไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก เหมือนเขากำลังเพลีย?

“อาจารย์ ช่วยผมด้วย!” ผมร้องตะโกนอย่างร้อนรน

[ช่วย? เกิดอะไรขึ้นครับ?] เขาตื่นตัวขึ้นมาทันที จากน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ผมเริ่มใจชื้น เพราะเขาน่าจะช่วยผมได้

“ผม...ผม...”

[ใจเย็นๆ นะครับ ตอนนี้อยู่ที่ไหน] เขาพยายามปลอบไปถามไป จนผมสามารถบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ และเขาก็บอกให้ผมรออยู่ที่เดิม จนกว่าเขาจะไปถึง

******

เริ่มจะมีอะไรให้เครียดเยอะขึ้นนิดนึงละ นี่เราลืมตามหาพี่ SlipXD กันรึเปล่า อ่ะๆ รอดูกันไป
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 5 [23/8/18] PSYCHO WARNING R-15
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 23-03-2018 20:29:33
อ่านอยู่ 2 เว็บคงจะพิมพ์คล้ายๆ กัน นะคะ  เราว่าพีทคู่กรคงเป็นคู่ SM ที่เข้ากันได้ดีแน่ๆ ถ้ากรจะเลิกกลัวพีทซะก่อน
ยากอยู่นะ จะรักคนที่เคยเกลียดขนาดนั้น...
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 5 [23/8/18] PSYCHO WARNING R-15
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 23-03-2018 20:30:03
เอาชนะความกลัวให้ได้ แล้วต่อยมันกลับไปเลย  :beat:
ยิ่งกว่าต่อย...ฮือ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 6 [23/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-03-2018 04:47:42
ดีมากลูก ทำพีทมันเยอะ ๆ เอาให้หนัก ๆ จะได้หายซ่า  o13
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 7 [24/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-03-2018 08:53:46
7
มันเป็นการรอคอยที่ยาวนานมากสำหรับผม ผมยืดกอดตัวเองท่ามกลางสายฝนปรอย รอจนเขาขับรถมาถึง รถยนต์คันสีดำที่ผมไม่รู้ว่ามันยี่ห้ออะไรมาจอดเทียบตรงหน้า เขาเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง และพาผมกลับไปที่หอพัก

“ผมขอโทษที่ทำรถอาจารย์เลอะ...” ผมเอ่ยขอโทษเมื่อพวกเราเดินมาถึงหน้าห้องของผมแล้ว แต่เขาส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร

“น้องกรแน่ใจนะครับ ว่าเพื่อนคนนั้นยังอยู่ข้างใน?” อาจารย์มองหน้าผมด้วยแววตาอ่อนโยน ผมพยักหน้า และเปิดประตูเข้าไป เขาเดินตามหลังผม ผมรีบพาเขาไปที่ห้องน้ำ

แต่...มันไม่อยู่แล้ว?

“ก่อนผมออกไป ผมเห็นมันนอนอาบเลือดอยู่ตรงนี้แน่ๆ! ผม...ผมเห็นแน่ๆ ผมเป็นคนทำ ผม...” ผมเอ่ยเสียงสั่น มือไม้สั่นไปหมด

“ใจเย็นก่อนครับ” อาจารย์จับไหล่ผม เขามองตาผม ดวงตาภายใต้กรอบแว่นสีทองแฝงความอ่อนโยนและดุดันเล็กน้อย คล้ายกับกำลังปรามให้ผมหยุดนิ่ง

“แต่มัน...มัน...” ผมเริ่มสงบลง แต่ยังพูดอะไรไม่รู้เรื่อง ผมเรียบเรียงคำพูดไม่ได้ ในหัวพันกันยุ่งเหยิงไปหมด

อาจารย์ลูบหลังผมเบาๆ ก่อนจะนั่งยองๆ ลง มองดูพื้นห้องน้ำ “มีคราบเลือดอยู่ เขาคงฟื้นมาแล้วหนีออกไปเองล่ะมั้งครับ”

“ฮือออ มันจะ...มันจะแจ้งตำรวจมั้ย?” ผมร้องไห้โฮอย่างลืมอาย อาจารย์กอดปลอบผม

“ไม่เป็นไรครับ ทางนี้เองก็บาดเจ็บ และฝ่ายนั้นเป็นคนเริ่มก่อน แถมนี่ก็ห้องของน้องกรด้วย ถ้าเขาแจ้ง เราก็แจ้งกลับได้”

“ฮือออ” ผมพยักหน้าทั้งที่ยังร้องไห้ คราบน้ำตาและน้ำมูกเลอะเสื้ออาจารย์ แต่เขาก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจ กลับกอดผมไว้แน่น ปลอบผมด้วยเสียงอันอ่อนโยน

“เดี๋ยวพี่ทำแผลให้นะ ไปนั่งบนเตียงก่อน” อาจารย์โอบร่างผมไว้แล้วพาไปนั่งบนเตียง เขาแทนตัวเองว่า พี่ ด้วย คงอยากให้ผมสบายใจ ว่ามีคนอยู่เคียงข้าง “มียามั้ยครับ? กล่องปฐมพยาบาลอะไรพวกนั้น”

“อยู่ใต้โต๊ะนั่นครับ” ผมชี้บอก อาจารย์เดินไปหยิบกล่องพลาสติกใสที่ใส่พวกยาสามัญประจำบ้านแล้วเดินมาหาผม เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆ ผม หยิบยาใส่แผลสดและผ้าพันแผลออกมา ตัดผ้าเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีกับแผลบนหัวผม เขาพยายามเพ่งมองและทายาให้ผมก่อนจะเอาผ้าแปะไว้บนหัว

“ที่เท้าก็มีแผล เดี๋ยวพี่ทำให้นะ อยู่นิ่งๆ ถ้าเจ็บก็บอก” เขาจับเท้าของผมอย่างไม่รังเกียจ ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาเช็ดให้สะอาดและค่อยๆ ทายา ตามด้วยพันแผลให้

“เรียบร้อยแล้ว” เขาเอากล่องยาไปวางที่เดิม ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้ผม “หิวมั้ย ออกไปหาอะไรกินกัน”

******

ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าและไปขึ้นรถของอาจารย์ ที่เท้าข้างหนึ่งมีผ้าพันแผล เพราะผมโดนเศษแก้วบาดตอนวิ่งออกมาจากหอ ก็เลยใส่รองเท้าแตะ เดินเขยกๆ ตามหลังอาจารย์ไป เขาพาผมมากินข้าวไกลจากหอพักพอสมควร เป็นร้านข้าวต้ม คนไม่ค่อยเยอะ ส่วนใหญ่มีแต่พวกพนักงานบริษัทที่เพิ่งกลับจากที่ทำงาน อาจารย์เองก็ยังอยู่ในชุดทำงาน ท่าทางของเขาดูอ่อนล้านิดหน่อย คงจะทำงานหนัก แถมผมยังเอาเรื่องเครียดมาเพิ่มให้อีก นักจิตวิทยาก็น่าจะเครียดเป็นเหมือนกันนะ ผมคิดว่า

“วันนี้ ไม่ใส่แหวนเหรอครับ” ให้ตายสิวะ! ปากผมมันโพล่งออกไปเอง ก็ทุกทีที่เจอกัน ผมจะเห็นเขาใส่แหวนวงนั้นติดตัวตลอด แต่ตอนนี้เขาไม่ได้สวมมันไว้ นิ้วเรียวยาวทุกนิ้ว เกลี้ยงเกลา ไร้เครื่องประดับใดๆ

เขาขยับตัวนิดหน่อย แล้วทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ “อ้อ ลืมไว้ที่ห้องน้ำในห้องทำงานล่ะมั้ง ตอนกรโทรมา พี่รีบมากไปหน่อย”

“ขอโทษครับ” ผมรู้สึกผิดที่ทำให้เขาลืมใส่แหวนวงสำคัญ เขาคงเห็นผมทำหน้าสลด เลยยื่นมือมาลูบหัว

“อย่าคิดมาก บางทีก็ลืม คนแก่ก็อย่างนี้” เขายิ้มบางๆ “สั่งอะไรอีกมั้ยครับ ร้านนี้พี่มากินประจำ อร่อยทุกอย่างนะ”

“ไม่แล้วครับ” ผมส่ายหน้า เขาละมือจากหัวผม ยังคงยิ้มเพื่อให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย “ปกติ อาจารย์ดูแลนักศึกษาหรือคนไข้ที่ไปหาแบบนี้หมดเลยรึเปล่าครับ”

“แล้วแต่เคสครับ บางคนก็ต้องดูแลแบบใกล้ชิด ติดตามผลตลอด อย่างกรเป็นต้น” เขาทำท่ายิงมาที่ผมพลางหัวเราะ อาจารย์ก็เหมือนเด็กๆ ดีเนอะ ทำให้ผมหัวเราะตามไปด้วย

“อาจารย์ อายุเท่าไหร่แล้วอ่ะครับ” ผมอยากรู้ขึ้นมาเลย เพราะเขาแต่งงานแล้ว แต่ท่าทางของเขาอย่างเมื่อกี้ กลับดูยังเด็ก แต่เวลาทำงาน คือเวลาที่ผมไปปรึกษาเขา เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่มาก “เอ่อ ผมแค่สงสัยเฉยๆ ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ”

“ไม่เป็นไรๆ พี่ 31 แล้วครับ” เขาตอบก่อนจะคว้าแก้วน้ำมาดื่ม “นอกเวลางาน เรียกพี่ก็ได้ครับ”

ผมเงยหน้ามองเขา “เอ่อ จะดีเหรอครับ”

“ลองเรียกดูสิครับ” เขาคะยั้นคะยอด้วยรอยยิ้ม ผมลังเลนิดหน่อย ก็นอกจากจะรักษาผมแล้ว เขายังเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยด้วย

“พะ พี่...พี่วิน” ผมอมยิ้ม รู้สึกดีแปลกๆ อาจารย์ก็ยังยิ้มเหมือนเดิม เขาขอสั่งกับข้าวเพิ่มอีกสองอย่าง และข้าวต้มเพิ่มอีกสองถ้วย กินจุเหมือนกันนะนั่น ผู้ใหญ่วัยทำงาน คงจะใช้พลังงานเยอะกว่าเด็กนักเรียนล่ะมั้ง

พอกินเสร็จ อาจารย์ เอ่อ พี่วินก็พาผมกลับไปส่งที่หน้าหอพัก เขาบอกว่า ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ ให้โทรไปได้ตลอด เรื่องไอ้พีท ผมยังกังวลอยู่ เขาเลยกลัวว่าผมจะนอนไม่หลับอีก แต่ใครจะกล้าโทรไปกวนอาจารย์กันล่ะ ช่วยไม่ได้ ผมคงต้องพึ่งเว็บนั้นไปก่อน

เช้าวันต่อมา ผมมาเรียนตามปกติ เจอปั้นจั่นหน้าซาลาเปาเจ้าเก่า วันนี้มันยังเมินๆ ผมอยู่ ไม่รู้จะงอนไปถึงไหน ผมก็ทักทายมันนะ มันก็ทักแบบไม่ค่อยใส่ใจ แต่ผมชินแล้วล่ะ กับการโดนเพื่อนเมินแบบนี้

“อ้าว? ไอ้กร ช่วงนี้มึงได้นอนมั่งป่ะเนี่ย คล้ำมาเชียว” นี่เป็นอีกคนที่ผมคุยด้วยบ่อยๆ ไอ้แฟ้ม ส่วนใหญ่จะคุยกันเรื่องการ์ตูน มันอ่านเยอะกว่าผมอีก สะสมไว้ที่บ้านเป็นตู้ๆ มันเคยเอารูปมาอวดให้ดู แถมยังชวนผมไปเที่ยวบ้าน แต่ผมยังไม่ว่างไปกับมัน

“ก็...นอนดึกน่ะ มันไม่ค่อยหลับว่ะ” เพราะช่วงนี้พี่ SlipXD ไม่ค่อยออน คุยกับคนอื่น มันก็ไม่หลับอยู่ดี กว่าจะง่วงจนหลับไปเองก็เกือบเช้าทุกที

“เฮ้ย เป็นโรคเดียวกับไอ้เวสเลยนี่ เห็นเมทมันบอกว่า มันชอบตื่นมานั่งเล่นคอมตอนดึกๆ” หืม? เวส? เวสป้า ผมแดง? ผมหันไปมองคนที่ถูกพูดถึง ซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลมาก แต่มันคงไม่ได้ยินที่แฟ้มพูด “มึงลองปรึกษามันดิ ช่วงนี้มันบอกว่าไปหาหมออยู่ ได้ยามากิน ก็นอนหลับได้สบายขึ้น”

“อืม” ผมพยักหน้า จริงๆ ผมก็ไปหานักจิตและพี่เขาก็แนะนำให้ไปหาจิตแพทย์แล้วล่ะ แต่คุยกับคนที่เป็นโรคคล้ายๆ กันก็น่าจะดี

“ไอ้เวส มานี่หน่อยดิ” แฟ้มมันกวักมือเรียกให้ เพราะคงรู้ว่าผมไม่สนิทกับเวสป้า และเวสมันก็ชอบเขม่นผมนิดๆ แต่จริงๆ มันอาจจะชอบทำหน้าหงุดหงิดแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะเป็นโรคนอนไม่หลับก็ได้

“มีไรวะ” มันถามพลางเดินมาทางพวกผม เหล่มองผมแล้วก็เบนสายตาไปหาไอ้แฟ้มตามเดิม

“กรมันบอกว่าช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ มึงแนะนำมันหน่อยดิ” แฟ้มคุยให้เสร็จ ก็ขอไปหาเพื่อนคนอื่นต่อ ทิ้งให้เวสนั่งอยู่กับผมสองคน

คือ...ปกติเราก็แทบไม่เคยคุยกันเลย และเวสป้าก็เป็นคนเงียบๆ นิ่งๆ หน้าก็ดุ

“มึงนอนไม่หลับเหรอ” หลังจากเงียบกันหลายนาที มันคงทนไม่ไหว เลยเป็นฝ่ายชวนผมคุยก่อน ผมพยักหน้ารับ “ลองไปหานักจิตที่คณะจิตวิทยาดูดิ เพื่อนกูมันเรียนอยู่ เลยแนะนำมาอีกที เขาก็ให้กูไปเอายากับจิตแพทย์เนี่ย”

“มีเพื่อนเรียนจิตวิทยาเหรอ?” ผมหันไปมองหน้ามันตรงๆ มันยังคงหน้าตึงๆ ผมว่าคงเป็นหน้าปกติของมันแหละ

แต่ตอนที่ได้ยินมันบอกว่า เพื่อนเรียนอยู่คณะจิตวิทยา ผมนึกถึงพี่ SlipXD ขึ้นมาทันที

“ก็เป็นเพื่อน แต่เป็นรุ่นพี่คณะอื่นอีกที มึงไม่รู้สิ กูซิ่วมาน่ะ จริงๆ เป็นพี่มึงนะ” อ้าว? อย่างนั้นเองเหรอ มิน่ามันถึงเก๊กๆ ตลอด เพราะมันอายุมากกว่าผมนี่เอง

“ซิ่วมาจากคณะไรอ่ะ” ผมสงสัย

“ขี้สงสัยนะมึงนี่ ซิ่วมาจากถาปัด งานแม่งโครตเยอะ กูเบื่อเลยมาเรียนเสดสาดแทน รายงานเยอะ แต่ก็ไม่ได้ต้องทำหามรุ่งหามค่ำเหมือนถาปัดว่ะ” ความจริงไอ้เวสมันก็พูดมากอยู่เหมือนกันนะ ผมนั่งฟังมันเล่า คอยพยักหน้าตาม

“แต่จริงๆ กูเรียนจนถึงปี 3 แล้วล่ะ แม่ง ตกม้าตาย ทำงานไม่ทัน ซิ่วแม่ง” เออ ตัดสินใจเร็วและง่ายดีแท้ “พอซิ่วมา แรกๆ กูก็เครียด พ่อกูโวยวาย ว่าทำไมไม่ทนเรียนให้จบตามเกณฑ์ กูเลยเป็นโรคเครียด นอนไม่หลับ แต่ไปหานักจิตกับได้ยาจากจิตแพทย์มาก็ดีขึ้นแล้วว่ะ มึงลองดู เชื่อกู”

แล้วเวสป้าก็แนะนำผมอีกหลายเรื่อง มันดูสบายใจที่ได้เล่าเรื่องเครียดๆ ของตัวเองให้คนอื่นฟังอยู่นะ เพราะผมก็แทบไม่พูดขัดอะไรมันเลย นั่งฟังมันเล่าไปเรื่อยๆ เพลินดี ได้รู้จักมุมมองความคิดแปลกใหม่ของมันเพิ่มขึ้น จากที่กลัวๆ คิดว่ามันไม่ชอบหน้าผม ตอนนี้ก็เลยคุยกันถูกคอ

“อาจารย์นักจิตที่กูเจออ่ะ เขาดีมากเลยมึง” ถึงตรงนี้ ผมยืดตัวตรง แสดงท่าทีว่าสนใจอยากฟังมาก มันก็เล่าต่อ “คุยโครตดี พูดเพราะทุกคำ จนกูนี่เคลิ้มตาม ยอมไปหาจิตแพทย์ รู้สึกจะชื่อ ภวินท์”

ใช่พี่วินจริงๆ แฮะ

“ทุกวันนี้กูก็ยังโทรคุยกับจารย์วินเลย เวลาเครียดๆ คือเขาบอกว่าปรึกษาได้ตลอดไง ถ้ามึงโชคดี เจอคนนี้ รับรองหาย” ไอ้เวสการันตีน่าดู มันคงจะปลื้มพี่วินมาก มันตบบ่าผมอีกสองสามที หลังจากคุยกันเสร็จ แล้วก็ขอตัวไปทำงานกับเพื่อนๆ มันต่อ

ผมกำมือแล้วแบออก กำๆ แบๆ อยู่หลายรอบ ครุ่นคิดถึงเรื่องที่คุยกับเวสป้า

มันมีอาการคล้ายๆ ผม เป็นโรคเครียด นอนไม่หลับ เพิ่งเป็นเมื่อปีที่ผ่านมา ที่มันเรียนไม่ไหวจนต้องซิ่ว มีเพื่อนเรียนจิตวิทยา ถ้ามันไม่ซิ่ว ปีนี้มันก็อยู่ปี 4 ส่วนสูงก็พอๆ กับผม ผิวขาวจัด อยู่หอใน แต่ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวอีก ถึงอย่างนั้น หลายๆ เรื่องของมันก็ดูจะตรงกับพี่ SlipXD เอามากๆ

จะเป็นไปได้มั้ย ว่าคืนไหนที่รูมเมทมันไม่อยู่ มันก็ชวนผมทำเรื่องลามก แต่วันไหนรูมเมทอยู่ ก็แค่คุยกันปกติ เพราะเราก็ไม่ได้ทำกันทุกคืนเสียหน่อย แต่เพื่อนมันจะไม่อยู่บ่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ?

อืม...ก็ยังไม่แน่หรอก อาจจะไม่ใช่เวสป้าก็ได้

มันคงไม่มีทางหากันเจอได้ง่ายๆ ขนาดนี้

พี่ SlipXD พี่เป็นใครกันแน่นะ?


******

ตอนหน้าจะได้เจอจิตแพทย์อีกคน ตัวละครมาจะครบละ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 6 [23/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-03-2018 09:02:05
ดีมากลูก ทำพีทมันเยอะ ๆ เอาให้หนัก ๆ จะได้หายซ่า  o13
ปางตายเบย
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 7 [24/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-03-2018 09:04:47
กรเป็นหนักเลยนะ แล้วพีทล่ะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้โดนหนักเหมือนกันนะนั้น แล้วถ้าเจอหน้ากันอีกล่ะจะทำอะไรกันอีกไหม
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 7 [24/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 24-03-2018 12:07:15
สนุกมากกกก มาต่ออีกเร็วๆนะคะ ไม่รู้ทำไมเราอยากให้พีทได้กับกร
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 8 [24/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-03-2018 13:05:10
8
วันเสาร์ ผมมารออาจารย์ที่หน้ามหาลัยตามนัด นอกเวลางานของเขา ผมต้องเรียกพี่วินสินะ นั่นแหละ พี่วินขับรถยนต์คันสีดำ วันนี้ผมเห็นยี่ห้อกับเลขทะเบียนรถแล้ว Nissan Teana ซ1878

เขาจอดรถเทียบที่ด้านหน้าผม และเปิดประตูให้ผมเหมือนคราวก่อน ผมก้าวขึ้นไปนั่ง กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศในรถหอมฟุ้งเลย ไม่รู้กลิ่นอะไร คราวก่อนผมมัวแต่ตื่นตกใจและหวาดกลัว จิตตกจนไม่ได้จดจำอะไรเลย

“รถพี่หอมจัง” ผมทำจมูกฟุดฟิด มันหอมสดชื่น สะอาด ทำให้รู้สึกโล่งใจบอกไม่ถูก

“หือ?” เขาหันมาทำหน้างง “คงเป็นกลิ่นน้ำหอมของภรรยาพี่มั้ง ก่อนมานี่ เพิ่งไปส่งเขาที่ห้างแถวนี้”

“อ๋อ” ผมพยักหน้า “หอมดีครับ”

“อยากใช้มั่งมั้ยละ พี่เองก็ชอบยี่ห้อนี้นะ ดมแล้วสดชื่นดี” เขาคลี่ยิ้ม แต่ตาก็ยังจ้องทางข้างหน้า วันนี้แว่นตากรอบทองที่เขาสวมประจำเปลี่ยนเป็นแว่นกันแดดสีชา แถมวันนี้ใส่ชุดลำลอง เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายภาพพิมพ์ กางเกงยีนส์แบบสลิมฟิตสีดำ รองเท้าผ้าใบ NMD ของอาดิดาสสีเทา ดูวัยรุ่นมาก

“วันนี้ไม่ใส่แว่นสายตาเหรอครับ” ผมชวนคุยต่อ เพราะไม่อยากให้บรรยากาศในรถมันเงียบเกินไป

“ปกติใส่เพราะทำงาน มันดูเป็นนักวิชาการดี แต่จริงๆ พี่ไม่ได้สายตาสั้น” เขาหัวเราะเบาๆ “นี่ความลับเลยนะ ไม่มีใครที่คณะรู้เลย พี่ไม่เคยบอกใคร”

จะดีใจดีมั้ยวะ ที่เขาบอกความลับกับผมคนเดียว แต่...

“แต่ภรรยาพี่ก็น่าจะรู้รึเปล่า”

“ไม่หรอก เขาไม่รู้เหมือนกัน นึกว่าพี่ใส่คอนแทคเลนส์”

ยังไงวะ? แม้แต่เมียตัวเองก็ไม่รู้เหรอ อยู่ด้วยกันแบบไหนเนี่ย

ไม่ทันได้คุยมากกว่านั้นก็มาถึงโรงพยาบาลพอดี เพราะมันแค่อ้อมมาด้านข้างเท่านั้น ไม่ได้ไกลจากหน้ามอมากนัก พี่วินพาผมไปติดต่อทำบัตรที่ประชาสัมพันธ์ เพราะผมยังไม่เคยใช้บริการที่นี่ เขาดำเนินการให้ผมทุกอย่าง และคอยอธิบายให้ฟังเท่านั้น จนถึงเวลาเข้าพบกับเพื่อนของเขา ที่เป็นจิตแพทย์

จิตแพทย์ของผมคนนี้เป็นผู้ชาย ตัวสูงมาก น่าจะเกือบ 190 แต่บุคลิกท่าทางใจดี ยิ้มแย้มไม่ต่างจากพี่วิน หรือพวกที่ทำงานแนวนี้จะต้องยิ้มตลอดเหมือนกันหมดวะ?

เขาแนะนำตัวว่าชื่อ นายแพทย์วรวัช แต่ให้ผมเรียกหมอไผ่ เราคุยกันไม่เยอะเท่าตอนผมปรึกษากับพี่วิน ประมาณ 15 นาทีได้ แล้วเขาก็สั่งยาให้ผม เป็นยาระงับอาการวิตกกังวลหรือพวกยาคลายเครียด เพื่อให้ผมนอนหลับ กับยาคงสภาพอารมณ์ เพื่อรักษาอาการคลุ้มคลั่งที่อาจจะเกิดโดยที่ผมไม่รู้ตัว

ผมรู้สึกกังวลและเครียดที่จะต้องถึงขนาดกินยาพวกนี้ เรื่องของไอ้พีทก็เงียบหายไป มันไม่โผล่มาให้เห็นอีกเลยตั้งแต่วันนั้น ผมไม่รู้ว่ามันจะบอกเรื่องนั้นกับคนอื่นว่ายังไงบ้าง แต่นี่ก็ผ่านมาหลายวันมากแล้ว ถ้ามันแจ้งความ ก็คงมีตำรวจมาจับผมแล้วล่ะมั้ง

ผมนั่งรอรับยา และเห็นพี่วินกำลังคุยกับหมอไผ่อยู่หน้าห้องตรวจ ที่ผมเพิ่งออกมา ผมไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่สีหน้าของหมอไผ่ไม่ได้ดูเคร่งเครียดอะไร ก็คงสอบถามเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับอาการป่วยของผมล่ะมั้ง

รับยาเสร็จ พี่วินก็พาผมกลับ เขาพูดคุยกับผมตามปกติ ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยจนเกินไป หรือแสดงออกว่าผมเป็นผู้ป่วย ซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีมากๆ

“แวะทานอะไรก่อนมั้ย นี่เพิ่งบ่ายโมงเอง” ระหว่างรถติดไฟแดง พี่เขาก็มองนาฬิกาแล้วเอ่ยชวน

“ถ้าไม่รบกวน ก็แล้วแต่พี่เลยครับ” เขาดูแลผมดีขนาดนี้ มันเลยเกรงใจขึ้นมา ผมเป็นแค่คนไข้ของเขา เป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องดูแลเอาใจใส่ผมมากขนาดนี้เลยจริงๆ

“กรนี่ขี้เกรงใจเนอะ ต้องการหรือไม่ต้องการอะไร ก็พูดออกมาตรงๆ เลย พี่โอเค อย่าคิดว่านี่คืออาจารย์ คิดซะว่าเป็นพี่ชายของเราคนหนึ่ง ดีมั้ย?” เขายิ้มอีกแล้ว ผมชอบรอยยิ้มของเขา ชอบแววตาอ่อนโยนที่มองมาที่ผม

เวสป้าบอกผมว่า บางที คนไข้ก็มีอาการตกหลุมรักนักจิตวิทยาที่ให้คำปรึกษาได้ ดังนั้น ต้องแยกให้ออก ว่าเขาดูแลเราเพราะเรื่องงานเท่านั้น มันบอกอีกว่า ตอนแรกยังเคยใจเต้นกับอาจารย์ภวินท์เลย เพราะอาจารย์เขาน่ารักแบบนี้แหละ

“ครับ พี่วิน” ผมตอบรับอย่างขัดๆ เขินๆ เสมองไปทางอื่น เพราะไม่กล้าสบตามากไปกว่านี้ อันที่จริงผมไม่ค่อยกล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ ที่มองบ่อยสุดคงเป็นปากกับแหวนที่นิ้ว

รอยยิ้ม? ปาก?

“มื้อนี้พี่เลี้ยงนะ ป่ะ” รถจอดพอดีกับที่ผมนึกถึงอะไรบางอย่าง แต่พอได้ยินเสียงเขาเรียกก็ลืมมันไปแล้ว ผมเดินตามเขาลงจากรถ ไปยังร้านอาหารในห้างฯ เป็นร้านอาหารทะเล

พี่วินบอกให้ผมสั่งตามสบาย ไม่ต้องเกรงใจ แต่ผมก็ยังไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ เลยสั่งแค่ข้าวต้มทะเล เขาเลยต้องสั่งเพิ่มให้อีกหลายอย่าง บอกให้ผมกินเต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจ วันนี้เขาไม่ใช่อาจารย์ ไม่ใช่นักจิต เป็นแค่พี่ชายของผมเท่านั้น

ไม่นานนักอาหารก็มาวางเต็มโต๊ะ ก็พอรู้นะว่าพี่เขากินจุ ทั้งผัดผักกระเฉด ยำวุ้นเส้น ต้มยำหม้อไฟ เป๋าฮื้อน้ำแดง ปลากะพงราดน้ำปลา คือ...จะกินหมดมั้ยเนี่ย

เรากินไปคุยกันไปจนอาหารพร่องไปเรื่อยๆ แล้วมันก็หมดจริงๆ ด้วยครับ พี่แกกินได้ไม่อั้นจริงไรจริง แถมมีบ่นๆ ว่าเริ่มลงพุง ต้องไปออกกำลังกายบ้างแล้ว

“แวะโซนห้างฯ แป้ป” เขาดึงแขนผมไปทางโซนขายของของตัวห้างฯ ที่ชั้น 1 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกเครื่องสำอาง สงสัยจะซื้อไปฝากภรรยา ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ตอนที่เขาจับแขนผม มันรู้สึกแปลกๆ ดี มือของเขานุ่มมาก ผมยังจำได้ตอนที่เขาทำแผลให้ ตอนที่เขาจับเท้าของผม มือเบามาก ทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บแผลเลยสักนิด

พี่วินแวะบูธน้ำหอม จดๆ จ้องๆ เหมือนกำลังเลือก แล้วก็ทำตาวาว ชี้ไปที่ขวดน้ำหอมทรงสี่เหลี่ยม พอพนักงานหยิบออกมาให้ดู เขาก็เรียกผมไปลอง จับแขนผมแล้วฉีดน้ำหอมที่ข้อมือ ก้มลงมาดมแบบไม่มีขัดเขินเลยแม้แต่น้อย มีแต่ผมเนี่ยที่ตัวเกร็ง แถมพี่สาวที่เป็นพนักงานก็มองแล้วยิ้มๆ อีก จะคิดว่าผมกับเขาเป็นอะไรกันรึเปล่าเนี่ย

“กลิ่นนี้พี่ว่าเหมาะกับกร” เขาทำหน้าครุ่นคิด “ชอบมั้ยครับ” แล้วก็ยิ้มหวานพาให้ผมเคลิ้มตามเหมือนเคย

“ชะ ชอบครับ เอ๊ย แต่ ผมไม่ได้อยาก...”

“เอาแบบนี้สองขวดครับ” ไม่ทันละ พี่แกยื่นบัตรให้พนักงานเอาไปรูดเรียบร้อย คือ จู่ๆ มาซื้อของให้คนไข้ตัวเอง มันไม่ปกติป่าววะ? หรือปกติพี่เขาทำแบบนี้อยู่แล้ว ผมไม่เข้าใจอ่ะ

 “Chanel Egoiste platinum - Aromatic Woody จำชื่อไว้นะครับ ถ้าหมดจะได้ซื้อถูก” ห๊ะ? อะไรนะ? ยาวโครต ใครจะไปฟังทันครับพี่ ผมคงทำหน้าเหวอๆ ใส่ พี่เขาเลยหัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นป้องปากโครตน่ารักอ่ะ เฮ้ยยย ไม่ใช่ดิ จะไปคิดอะไรแบบนั้นกับอาจารย์ได้ไงฟะ แต่ก็น่ารักจริงว่ะ

“ไม่ต้องทำหน้างง เดี๋ยวพี่เมมชื่อไว้ให้ในไลน์ แปะโน้ตไว้ให้เลย”

“อ่า ครับ ขอบคุณฮะ” ผมเกาหัวตัวเองแก้เก้อ พี่พนักงานจัดการแพ็คของเสร็จก็ส่งให้พวกเราพร้อมคำขอบคุณ พี่เขาให้ผมขวดหนึ่ง ส่วนอีกขวด สงสัยเอาไปฝากแฟนมั้ง แต่เหมือนจะเป็นน้ำหอมผู้ชายนะ อาจจะใช้เองรึเปล่า? แล้วใช้กลิ่นเดียวกันเนี่ยนะ มันไม่แปลกเหรอวะ?

วันนี้ได้อยู่กับพี่วินเกือบทั้งวัน ทั้งกินข้าว เดินซื้อของ เขาลากพาผมไปช้อปร้านนั้นร้านนี้ด้วยท่าทางสนุกสนานเหมือนเด็กๆ เลยล่ะ แรกๆ ผมก็เกร็งๆ เพราะยังไงเขาก็เป็นอาจารย์ของผม แต่พอทำตัวเกร็ง เขาก็จะเอามือมาตีเบาๆ ที่ไหล่ บอกให้ทำตัวตามสบาย เหมือนมาเที่ยวกับพี่ชายอะไรแบบนั้น

แต่ให้ตายเหอะครับ ดูยังไง ผมก็คิดว่ามาเที่ยวกับพี่ชายไม่ลง

ก็พี่แกเล่นถึงเนื้อถึงตัวตลอดเวลาขนาดนี้ เดี๋ยวกอดแขน เดี๋ยวจับมือ ถึงผมจะไม่มีพี่ชาย แต่ผมก็ไม่เคยทำแบบนี้กับน้องแฝดของผมนะ หรือเพราะไม่ได้สนิทกันมาก นั่นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

“แป้ปเดียวจะห้าโมงแล้ว” พี่วินก้มมองนาฬิกาข้อมือ “เดี๋ยวพี่ต้องไปรับแฟนที่อีกห้างฯ พากรไปส่งหอก่อนดีกว่า” เขายู่ปาก เหมือนจะยังไม่อยากกลับ

“ผมกลับเองก็ได้ครับ พี่ไปรับแฟนเถอะ” บอกตามตรง แค่พาผมมาเลี้ยงข้าวและซื้อของแพงๆ ให้ก็โครตเกรงใจจะแย่แล้ว

“ไม่ได้! พี่พาเรามา พี่ต้องพากลับสิ ป่ะ” แล้วเขาก็คว้ามือผมไปจับไว้ ชั่วพริบตาหนึ่งที่ผมรู้สึกใจเต้นแรง แต่แล้วมันก็กลับคืนสู่จังหวะปกติ เมื่อมองแผ่นหลังของเขา รูปร่างของเขาไม่ต่างจากผมมากนัก ตัวสูง ไหล่บาง นิ้วเรียวสวย ผิวขาวอมชมพูด้วย

ผิวขาวอมชมพู?

รอยยิ้มและร่างกายของใครบางคนผุดเข้ามาในหัวของผม

เพราะทุกทีอาจารย์พี่วินจะใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาว ผมเลยเห็นแค่มือของเขา แต่วันนี้เขาใส่เสื้อยืดแขนสั้น เลยเห็นผิวส่วนอื่น ค่อนไปทางขาวอมชมพูจริงๆ หน้าเขาก็ขาวใสมาก

หรือว่า...

ไม่น่า ไม่ใช่หรอก เขาเป็นอาจารย์นะ อายุตั้ง 31 แล้วด้วย แล้วอีกอย่าง เขาแต่งงานแล้ว มีภรรยาแล้ว

ผมคงคิดมากไปเองแหละ คนสีผิวแบบนี้มีอีกถมไป

พี่วินขับรถมาส่งผมที่หน้าหอ เขาจอดรถที่ด้านหน้า แต่ก่อนจะปลดล็อคให้ผมลง เขาเรียกให้ผมหันไปแล้วฉีดน้ำหอมใส่ตัวผม เป็นน้ำหอมขวดที่เขาซื้อมาอีกขวดนั่นแหละ

“เล่นอะไรเนี่ยพี่” ผมตกใจหลับตาปี๋ กลิ่นน้ำหอมฟุ้งขึ้นจมูก ถึงมันจะหอม แต่เล่นฉีดแบบไม่ตั้งตัว ผมก็เสียวมันเข้าตาเข้าปากนะเนี่ย และพอลืมตาขึ้นก็ต้องยิ่งตกใจหนักกว่าเดิม

“หอมดี” เขาผละออกไปจากตัวผม ส่งยิ้มหวานมาให้ แล้วปลดล็อคประตูพร้อมเข็มขัดนิรภัยให้ผม “เจอกันวันจันทร์ครับ น้องกร”

“อ่า คะ ครับๆ ขอบคุณที่มาส่ง” หน้าผมร้อนวาบ รีบลาแล้วลงจากรถเขาทันที หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยเมื่อกี้ ตอนที่เขาก้มหน้ามาดมน้ำหอมที่อกผม คือปลายจมูกของเขาชนกับกลางอกผมพอดี แต่เขาก็ผละจากไปเมื่อผมลืมตา ทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้นแปลกๆ วันนี้เขาทำให้ผมใจเต้นแรมาหลายครั้งแล้ว แม้ตอนนี้ ที่รถของเขาเคลื่อนหายไปแล้ว ผมก็ยังต้องเอามือกุมอกตัวเองอยู่เลย

เวสป้าพูดถูก บางทีก็ตกหลุมรักคนที่ให้คำปรึกษาเราได้ เพราะเขาพูดคุยกับเราดี รับฟังเรา มีท่าทีเอาใจใส่เรา แต่นั่นมันคืองานของเขา

แล้วเรื่องในวันนี้ล่ะ? มันใช่งาน ใช่หน้าที่ที่เขาต้องทำให้ผมเหรอ?

ผมรู้สึกว่าตัวเองชักจะฟุ้งซ่านมากไปแล้ว เลยหมุนตัวจะเดินกลับเข้าหอ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก

“ปั้น?”

*****
น่าจะรู้แล้วล่ะ ว่าเขาคือใคร
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 7 [24/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-03-2018 13:05:37
กรเป็นหนักเลยนะ แล้วพีทล่ะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้โดนหนักเหมือนกันนะนั้น แล้วถ้าเจอหน้ากันอีกล่ะจะทำอะไรกันอีกไหม
ขอพีทรักษาตัวแป้ป ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 7 [24/8/18] PSYCHO WARNING R-18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-03-2018 13:06:06
สนุกมากกกก มาต่ออีกเร็วๆนะคะ ไม่รู้ทำไมเราอยากให้พีทได้กับกร
อ่ะ เด๋วเรือนี้ต้องมา
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 8 [24/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-03-2018 02:11:04
เขาคือพี่วิน ชิมิ แต่เขามีภรรเมียแล้วนิ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 8 [24/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 25-03-2018 14:12:58
อยากอ่านต่อแล้วค่าไรท์ ขอวันละหลายๆตอนเลยได้ไหมคะ อยากอ่านต่อมากเลยค่า ผู้รอบๆตัวกรมีแต่เด็ดๆทั้งนั้นเลย แต่ละคนดูเหมือนจะหลงเสน่ห์กรเข้าทุกคนเลย แถมผู้แต่ละคนมีความจิตๆยังไงไม่รู้หรือเราคิดไปเอง555 #ฮาเร็มจงเจริญ #หลายpจงเจริญ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 8 [24/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-03-2018 21:55:36
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมาก รออ่านนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 9 [26/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-03-2018 10:50:56
9
“เมื่อกี้ใคร?” ปั้นจั่นยืนหน้าตาถมึงทึงตรงหน้าผม ผมไม่รู้ว่ามันโกรธอะไรอีก เลยทำหน้านิ่งๆ ไว้

“พะ พี่ที่รู้จักกันน่ะ” ไม่รู้จะบอกว่าเป็นอะไรดี ก็เอาแค่นี้แล้วกัน ผมยังไม่เคยเล่าเรื่องที่ไปพบอาจารย์นักจิตให้ใครฟัง ตอนคุยกับเวสป้า มันก็คิดว่าผมยังไม่เคยไปหานักจิต ก็เลยแนะนำอะไรมาเยอะแยะไปหมด

“สนิทมากเหรอ” ทำไมมันต้องทำเสียงดุด้วยล่ะวะ

“นิดหน่อย แล้วมึงมาทำไรถึงนี่” ผมถามกลับ ก็มันอยู่หอใน แล้วมายืนหัวโด่หน้าหอผมได้ไง

“กูมาหามึง แต่มึงไม่อยู่ ก็เลยรอ” มันตอบพลางเดินตามผมเข้าไปในหอ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร “โทรไปก็ไม่ติด กูนึกว่ามึงหายไปไหนแล้ว”

“เออว่ะ ลืมเปิดมือถือ” ผมนึกขึ้นได้ เลยหยิบมือถือมาเปิดเครื่อง ปิดไว้ตั้งแต่ไปหาหมอไผ่ แล้วก็มัวแต่เพลินกับพี่วิน จนลืมไปสนิท

ติ้ง

พอเปิดเครื่องปุ๊บ เสียงไลน์ก็ดังทันที พี่วินนั่นเองที่ส่งข้อความมา เขาแปะโน้ตชื่อน้ำหอมไว้ให้ผมด้วย น่ารักจังว่ะ ผมอมยิ้มอารมณ์ดี

“กร ถามจริงๆ นะ คนเมื่อกี้เป็นอะไรกับกร” หุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ ซาลาเปาก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ มันยืดตัวเตี้ยๆ ของมันขึ้นตรงหน้าผม และตอนนี้เราก็อยู่ในลิฟท์สองคน

“ก็...พี่ไง พี่แถวบ้าน” ผมเอนตัวหนีมัน แต่มันก็ยิ่งเขยิบเข้ามาใกล้ จนตอนนี้ตัวผมโดนดันจนติดมุมลิฟท์ ซาลาเปาย่นคิ้ว ทำหน้ามุ่ย แล้วจู่ๆ มันก็กอดหมับที่ตัวผม เงยหน้ามาทำเสียงอ้อนๆ จนผมขนลุกซู่

“คืนนี้นอนด้วยนะ ห้ามปฏิเสธ!”

******

ก็พูดซะขนาดนั้น จะให้ผมไล่กลับก็ยังไงอยู่ เอาจริงๆ ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องนั้นกับพี่กานต์ ผมก็ไม่อยากให้ใครมานอนค้างที่ห้องอีกเลย ผมกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรไร้สติแบบนั้นอีก เวลาหน้ามืดมันห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ แต่วันนี้ผมได้ยาจากจิตแพทย์มาแล้ว เลยคิดว่าคงนอนหลับได้สบายโดยไม่ฝันร้ายและไม่ตื่นมากลางดึกอีก ก็เลยยอมให้ซาลาเปามันนอนด้วย อุตส่าห์มารอทั้งวัน แถมช่วงนี้เหมือนมันโกรธๆ ผมอยู่ ก็ถือว่าเป็นการง้อไปแล้วกัน

“กร! เสื้อมึงตัวใหญ่ไปอ่ะ กูไม่ใส่นะ” อ้าว? เฮ้ย! ห้ามไม่ทัน มันอาบน้ำเสร็จมารื้อเสื้อผ้าผมแล้วก็ลองใส่ แต่ปรากฏว่าเสื้อยืดมีแต่ตัวใหญ่ พอมันใส่ก็ดูโคร่งๆ มันเลยถอดออกซะงั้น เหลือแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว แล้วจะมาค้าง ทำไมไม่เตรียมชุดมาวะ

“เออๆ ตามสบายแล้วกัน” ผมว่าพลางนั่งลงเปิดโน๊ตบุ๊คทำงาน “หิวก็อุ่นอะไรกินเอานะ ในตู้เย็นอ่ะ”

“มีงานเหรอ” มันเดินเข้ามาชะโงกหน้าดูใกล้ๆ

“อือ นอนก่อนได้เลยไม่ต้องรอ” ผมตอบ สายตาก็จดจ้องที่หน้าจอ เพื่อพิมพ์งานที่ยังค้างคาให้เสร็จ แต่จู่ๆ ซาลาเปาก็โน้มตัวลงมากอดคอผม เอ่อ... “มันเกะกะ จะเอาไรรึเปล่าเนี่ย”

“จะรอ รีบทำงานแล้วมานอนด้วยกันนะ” หือ? “จุ๊บ”

“เฮ้ย! ทำอะไรวะ!” มันจูบแก้มผมเฉยเลย ไม่ได้รังเกียจหรอก แต่ตกใจมากกว่า ผมเอามือลูบแก้มตัวเอง แล้วเอี้ยวตัวไปมองมันที่ผละออกไปแล้ว มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เดินไปนั่งแกว่งขาบนเตียง ผมก็เลยขี้เกียจว่าอะไรอีก รีบทำงานจะได้นอน

กว่าผมจะทำงานเสร็จ ก็เห็นซาลาเปามันนอนกอดผ้าห่มหลับปุ๋ยไปแล้ว เวลาหลับมันก็น่ารักดีหรอก รู้สึกเงียบสงบขึ้นมาเลย ผมคิดพลางหยิบยาที่ได้มาวันนี้มากิน คืนนี้กินแค่ยาคลายเครียดแล้วกัน จะได้หลับสบายถึงเช้า
............
........
......
...
“อ๊า ฮ่า~”

ตึก ตึก ตึก

อือ...ทำไมอึดอัดแปลกๆ ร้อนโครตๆ ด้วย ทั้งที่กินยานอนแล้ว ทำไมผมรู้สึกอย่างกับร่างกายมันหนักๆ เหมือนมีอะไรมากดทับ หวังว่าคงไม่ใช่ผีอำนะ เพราะอยู่หอนี้มาเกือบปีแล้ว ไม่เคยเจอผีเลยสักครั้ง แล้วผมก็ไม่ได้ฝันร้ายอะไรด้วย

“กร...อ๊ะ...” หือ? เสียงร้องแปลกๆ ว่ะ

“เฮ้ยยยย” ผมลืมตาโพลง พอเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็เด้งตัวลุกขึ้น มือข้างหนึ่งยันเตียง อีกข้างผลักร่างเล็กบนตัวผมออก แต่...ร่างกายที่ยังเชื่อมต่อกันมันไม่แยกจากกันง่ายขนาดนั้น แถมแรงกดทับที่เจ้าตัวเล็กมันทิ้งลงมายังทำให้ผมเสียวซ่านไปทุกอณูขุมขน

“อ๊า...กร กร...” ปั้นจั่นเผยอปากร้องครางเสียงกระเส่า มันหลับตาพริ้ม เหงื่อชุ่มโชก ขยับบั้นท้ายขย่มโยกอยู่บนตัวผมอย่างเมามัน มือเล็กๆ เกาะที่ไหล่ของผมแน่น ผมทำอะไรไม่ถูก ผลักออกก็ไม่ได้ แถมยิ่งเห็นมันทำหน้าสุขสมเสียขนาดนั้นอีก

“มะ มึง...ทำเหี้ยอะไรเนี่ย...ไอ้ปั้น...” ผมกัดฟันเค้นเสียงออกมา คือตอนนี้ร้อนจนจะทนไม่ไหวแล้ว ก็รู้ๆ อยู่ว่าร่างกายของผมมันไวกับเรื่องพรรค์นี้แค่ไหน แล้วนี่ มันเล่นมาออนท็อป ทำหน้าเซ็กซี่ครางเสียงหวานแบบนี้

“อือ...ก็...ทำให้กร...เป็นของเราไง” มันเอ่ยเสียงหวานฉ่ำ ตาปรือปรอยมองหน้าผม แล้วเคลื่อนใบหน้ามาประกบปาก สองมือโอบรัดหัวผมไว้ไม่ให้หนี ลิ้นเล็กๆ สอดแทรกเข้ามาในโพรงปากอย่างเร่าร้อน แม่ง...จูบโครตเก่ง เล่นเอาผมคล้อยตามแบบกู่ไม่กลับ ในเมื่อเสนอมา ก็ขอสนองเลยแล้วกัน

“อ๊า!” ผมพลิกร่างเล็กลงนอนหงาย กระแทกตัวใส่เต็มเหนี่ยวจนมันครางลั่น ปั้นจั่นฉีกขาออกกว้างอย่างเชื้อเชิญ นี่ผมคงไม่ได้กำลังฝันเรื่องลามกอยู่ใช่มั้ย? แต่ความรู้สึกเสียดเสียวที่ท้องน้อยกับคราบเหนียวๆ ที่ไหลออกมาทั้งของผมและของมันมีกลิ่นสดใหม่ ในฝันคงไม่มีทางรู้สึกหรือได้กลิ่นขนาดนี้หรอก

“อือ...” ผมเริ่ดหน้าขึ้นเมื่อใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดของห้วงอารมณ์ ข้างในของปั้นจั่นตอดรัดถี่รัว มันเสร็จก่อนหน้าผมเมื่อครู่นี้ และพยายามจะทำให้ผมเสร็จในตัวมัน แต่โชคดีที่ผมดึงตัวเองออกมาได้ทัน น้ำสีขาวขุ่นเลยทะลักพรวดใส่หน้าท้องของปั้นจั่นแทน

ผมหอบแรง ทิ้งตัวลงนอนคว่ำทับร่างเล็กที่ก็หอบไม่แพ้กัน ตัวมันแดงก่ำเหมือนผิวทารกแรกเกิด ยอดอกสีน้ำตาลอ่อนๆ แข็งชูชันอยู่ตรงปากผมพอดี ผมเลยงับแล้วดูดมันเข้าปาก

“อ๊ะ กร...อ๊า...เสียว...” มันดิ้นเร่าๆ บิดตัวเกร็งบนที่นอน แก่นกายฉ่ำน้ำของมันค่อยๆ มีปฏิกิริยาจนชนกับของผมที่ยังแข็งอยู่ ผมกัดเม็ดไตแข็งๆ บนอกมันแล้วเลียซ้ำๆ จนหน้าอกมันเต็มไปด้วยน้ำลายของผมทั้งสองข้าง ก่อนจะจับมันนอนคว่ำและยกสะโพกเล็กๆ นั่นขึ้นมา กระแทกตัวเข้าไปพรวดเดียวสุดทาง ปั้นจั่นกรีดร้องสุดเสียง ตัวสั่นกึกๆ แต่ผมจับยึดสะโพกมันไว้ เลยไม่ได้ทรุดลงไป

ผมไม่พูดพล่ามทำเพลง กระแทกกระทั้นกายใส่ตามแรงอารมณ์ที่ยังไม่มอดดับง่ายๆ ถ้าจะโทษ ก็โทษที่มันเป็นคนยั่วผมก่อนก็แล้วกัน ปั้นจั่นร้องครางจนเสียงแหบแห้ง ครั้งสุดท้ายที่ผมปลดปล่อย มันก็สลบไปแล้วเรียบร้อย

เช้าวันต่อมา ผมตื่นขึ้นมาอย่างมึนงง เรื่องเมื่อคืนอย่างกับฝันไป แต่พอเห็นคนตัวเล็กที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ ก็รู้ทันทีว่าไม่ได้ฝัน ร่างกายของมันยังมีรอยแดงช้ำบางจุด ตรงไหล่กับสะโพก มีรอยฟันที่ผมกัด ร่องรอยจากการร่วมเพศที่ชัดเจนที่สุดคือช่องทางของมันที่มีน้ำของผมไหลเยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะครั้งหลังๆ ผมชักออกมาไม่ทัน ก็เลยแตกในไปนิดหน่อย แถมไม่ได้ใส่ถุงยางอีกต่างหาก...คิดแล้วก็เครียดนิดๆ ดีนะที่มันไม่ใช่ผู้หญิง

ข่มขืนรุ่นพี่ โดนเพื่อนลักหลับ แถมยังต่อกันไปอีกหลายยก ทำไมชีวิตผมถึงมีแต่เรื่องเฮงซวยแบบนี้ ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากมั่วกับใครก็ได้ ถึงได้เลือกคุยผ่านกล้อง ไม่มีการนัดเจอเหมือนแรกๆ ที่เคยนัดพวกผู้หญิง ซึ่งผู้หญิงที่ผมเคยมีอะไรด้วยก็แค่สองคน และผมคิดว่ามันไม่ปลอดภัย เลยเลิกทำ แต่สุดท้ายชีวิตของผมก็ต้องการเซ็กส์มากกว่าที่คิด

ก็แค่ SEX ที่ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองในสมอง ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกใดๆ

ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ ไม่ได้ผูกพัน

“กร...” เสียงของปั้นจั่นปลุกผมให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ผมมัวแต่กุมขมับคิดถึงสิ่งที่ทำลงไป ผมยั้งตัวเองไม่อยู่ ผมห้ามตัวเองไม่ได้ และนี่มันคือความผิดพลาดอย่างมหันต์

ผมไม่ได้หันไปมองหน้าปั้นจั่นในตอนนี้ แถมยังทิ้งขาลงข้างเตียง นั่งหันหลังให้ ทำท่าว่ากำลังจะลุกไป แต่มือเล็กๆ ของมันก็คว้าเอวผมไว้แล้วสวมกอดมาทั้งตัว

“กร...เราขอโทษ แต่เราชอบกร ชอบมากๆ อยากให้กรเป็นของเรา” มันซบหน้ากับหลังของผม ความเปียกชื้นนั้นทำให้ผมรู้ว่ามันร้องไห้ “กรไม่ได้รังเกียจใช่มั้ย ไม่อย่างนั้นคงไม่...”

“พอ! อย่าพูดถึงมันอีก” ผมกึ่งสั่งกึ่งขอร้องในที ปวดหัวจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว

“ไม่เอา! จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ไง ในเมื่อกรก็ได้เราแล้ว หลายรอบด้วย!” มันเริ่มโวยวาย นี่มันน่ารำคาญกว่าพวกผู้หญิงอีกนะ

“เพราะมึงยัดเยียดให้กูไง มันจะไม่เกิดขึ้นอีก กูกับมึงเป็นเพื่อนกัน ปั้นจั่น เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่มั้ย?” ผมพยายามเน้นย้ำสถานะระหว่างเรา ผมไม่อยากมีแฟน และที่สำคัญ ผมไม่ได้รักมัน

“ทำไมกรต้องพูดขนาดนั้นด้วย! ก็เราชอบกร เรารักกร เราผิดเหรอที่อยากให้กรกอดเรา เปิดใจให้เราบ้าง ทีกับพี่กานต์ กรก็ยอมเขาทุกอย่าง ไอ้พีทกรก็ไม่รังเกียจมัน พี่คนเมื่อวานที่มาส่งหน้าหออีก กรชอบทุกคน ยกเว้นเราเหรอ!” ปั้นจั่นร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กๆ เวลาไม่ได้ดั่งใจ ผมไม่ตอบ แต่กระชากแขนมันออก แล้วลุกไปเข้าห้องน้ำ

ปังๆๆ

“กร! ออกมาคุยให้รู้เรื่องนะ! เราไม่ยอมจบง่ายๆ แน่ กรต้องรับผิดชอบเรา!” ปั้นจั่นทุบประตูห้องน้ำรัวๆ จนผมทนไม่ไหว เปิดผลัวะออกไปประจันหน้ากัน ผมคว้าคางเล็กๆ นั่นบีบมันแน่น ยกร่างเล็กขึ้นจนเท้าลอยจากพื้นเล็กน้อย

“รับผิดชอบ? มึงเข้าใจอะไรผิดรึเปล่าวะ ปั้น” ผมขมวดคิ้วหน้าตาเขม็งเกร็งไปหมด จริงสิ ผมควรจะกินยาอีกตัวหนึ่งที่หมอไผ่ให้มาด้วย “มึงถ่างขาให้กูเอาเอง กูจำเป็นต้องรับผิดชอบด้วยเหรอ? ขนาดกับพี่กานต์ กูข่มขืนเขาแท้ๆ เขายังไม่เรียกร้องเหี้ยไรจากกูเลย!”

ฉิบหายล่ะ ผมเผลอหลุดปากเรื่องนั้นออกไปแล้ว

“อะ...อะไออะ” (อะไรนะ?) ปั้นจั่นหน้าซีดเซียว พยายามจะแกะมือของผมออก ผมเลยเหวี่ยงร่างเล็กไปที่เตียง

“กลับไปซะ!” ผมตวาด

“ไม่!” ปั้นจั่นลุกพรวดขึ้นมาอีก มันกระโจนเข้ามากอดรัดผม “ถ้าไม่อยากให้เรื่องพี่กานต์รู้ถึงหูคนอื่น ก็ยอมเป็นแฟนเราซะ”

“มึงขู่กูเหรอ?” ผมเดือดดาล อยากขย้ำไอ้ตัวเล็กหน้าแป้นนี่จนแทบคลั่ง

“เออ ถ้ารู้สึกผิดกับพี่เขา ก็ไม่ควรให้เรื่องนี้หลุดไปถึงหูคนอื่นใช่มั้ยล่ะ มึงคงไม่อยากมีข่าวฉาว โดนตำรวจจับเพราะข่มขืนผู้ชายด้วยกันใช่มั้ย ถ้าพ่อแม่มึง...อื้อออ” ไม่ทันที่ปั้นจั่นจะได้พูดมากกว่านั้น ผมผลักมันกระแทกผนังห้องแล้วขยี้ปากเล็กๆ นั่นด้วยปากของผมจนเลือดซิบ

ผมผละออกมาจ้องหน้ามันด้วยแววตาเกรี้ยวกราด แต่ปั้นจั่นกลับเลียเลือดที่ริมฝีปากตัวเองอย่างชอบใจ ก่อนที่ผมจะห้ามตัวเองไว้ไม่ไหวอีกต่อไป

******

เย็นวันจันทร์ ผมไปพบพี่วินตามปกติ แต่ผมไม่กล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังหรอก พอเห็นผมเงียบผิดปกติ เขาก็พยายามถามเพื่อให้ผมตอบ แต่ผมก็ได้แค่ส่ายหน้าไปมา ไม่ยอมปริปากอะไรออกไป

“พี่พอจะดูออกว่ากรมีเรื่องไม่สบายใจนะ เอางี้ เราออกไปคุยกันข้างนอกบ้างดีกว่า” พี่วินลุกขึ้น เดินมายืนด้านหลังผมและโน้มตัวลงมา เอามือลูบบนไหล่จนผมรู้สึกขนลุกแปลกๆ “ไหล่เกร็งหมดแล้วเนี่ย ป่ะ พี่พาไปเที่ยวนะครับ”

ไม่รู้เพราะอะไร ผมถึงได้คล้อยตามเขาง่ายดายตลอด ไม่มีความคิดจะต่อต้านอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย และรู้สึกดีที่เขาดูแลเอาใจใส่ผมด้วย

พี่วินพาผมไปเดินเที่ยวในห้างฯ เพราะตอนนี้ยังไม่เย็นมาก ราวๆ 5 โมงได้ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ทำให้ผมรู้สึกเครียดขึ้นมาอีก

“ผมไปรับโทรศัพท์แป้ปนะครับ” ผมบอกพี่วินแล้วขอตัวเดินหลบไปอีกทาง ให้เขาไม่ได้ยินที่ผมคุย ก่อนจะแนบมือถือกับหู “มีอะไร”

[อยู่ไหน ทำไมไม่รอ ถามเวส มันบอกว่ากรขี่มอไซค์ออกไปแล้ว] ปั้นจั่นโวยวายใส่โทรศัพท์ มันเริ่มทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมจนผมเริ่มอึดอัดมากขึ้นทุกที

“มาซื้อของ เดี๋ยวไปรับ” ผมพูดเพื่อตัดรำคาญ มันบอกว่าหลังจากนี้จะไปนอนที่ห้องผม ไม่ให้ผมพาคนอื่นไปที่ห้องได้อีก

[เร็วๆ นะ คิดถึง] มันพูดจาน่ารัก แต่ผมไม่ได้รู้สึกรักมันเลยสักนิด ยังไงก็ได้แค่เพื่อน แต่ตอนนี้ต้องยอมไปก่อน ผมวางสายแล้วรีบเดินไปขอโทษพี่วิน เพราะต้องขอตัวกลับก่อน พี่เขาไม่ว่าอะไร ขับรถไปส่งผมที่คณะจิตวิทยา เพราะผมจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ที่นั่น 

“ถ้าพร้อมจะเล่าเรื่องที่กลุ้มใจให้พี่ฟัง ก็บอกได้ทุกเมื่อนะ ตอนนี้ให้คิดว่าพี่คือพี่ชาย ไม่ใช่แค่นักจิตวิทยานะครับ” ก่อนจะจากกัน พี่วินก็เอามือมาขยี้ผมของผมเล่นอย่างเอ็นดู รอยยิ้มของเขาทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้น “แล้วอย่าลืมทานยาตามที่หมอไผ่สั่งไว้นะครับ”

“ครับ ขอบคุณนะพี่วิน พี่ดูแลผมดีจนผมไม่คิดว่าเราเป็นแค่คนไข้กับคนบำบัดเลย” ผมพูดความรู้สึกออกไปตามตรง พี่วินมีสีหน้าอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มหวานให้ผม

“พี่ต้องดูแลเราดีอยู่แล้วล่ะ ก็กรเป็นน้องชายของพี่นี่ครับ”

ผมล่ะอยากจะถาม ว่าคิดแบบนั้นกับผมจริงๆ เหรอ แต่คิดอีกที ผมก็สงสัยตัวเองว่าจะอยากรู้เรื่องนั้นไปทำไม พี่เขาต้องมองผมเป็นน้องชายอยู่แล้ว ไม่มีทางคิดอะไรอย่างอื่นหรอก แม้แววตาของเขาที่มองผม ในบางครั้งมันเหมือนแฝงความนัยบางอย่างก็ตาม แต่ผมก็พยายามไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากไปกว่านี้

“งั้นผมไปนะครับพี่วิน เจอกันวันเสาร์” ผมโบกมือลา ก่อนจะขึ้นคร่อมบนรถ จากที่เคยเจอกันแค่วันจันทร์ ตอนนี้ต้องเจอวันเสาร์ด้วย เพราะเขาเป็นคนพาผมไปหาหมอไผ่ จริงๆ ผมไปเองก็ได้ แต่เขาก็ยืนยันจะพาไปทุกอาทิตย์ ทำให้เราได้เจอกันเพิ่มขึ้น จากอาทิตย์ละครั้ง เป็นอาทิตย์ละสองครั้ง

ผมวกกลับไปที่หน้าคณะตัวเอง เพื่อรับไอ้ซาลาเปาหน้าแป้น มันบอกจะรอบนตึก แต่ผมขี้เกียจเดินขึ้นไป เลยจอดรถรอที่หลังตึกแล้วไลน์ไปเรียกมันให้ลงมาเอง ระหว่างรอก็ไลน์คุยกับพี่วินไปด้วย พี่เขาบอกว่ากำลังเก็บของกลับหอ ก็แปลกดีที่เขาอยู่หอพักอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้ไกลจากที่นี่เท่าไหร่ แต่เขาบอกว่าส่วนใหญ่นอนที่หอ เพราะขี้เกียจตื่นเช้าแล้วเจอรถติด แถมมหาลัยผมรถมันติดมากจริงๆ แหละ ผมก็พอจะเข้าใจอยู่

ซาลาเปาน่าจะลงมาได้แล้ว ผมกดปิดหน้าจอมือถือ กำลังจะเก็บใส่กระเป๋ากางเกง แต่แล้วจู่ๆ ก็มีแขนมารัดคอพร้อมมือที่ปิดปากแน่น ผมตกใจดิ้นรนทันที แต่พอได้ยินเสียงกระซิบของคนที่มาล็อคคอจากด้านหลัง ผมก็เลิกดิ้น

“ตามกูมา”

******
ใครมา น่าจะเดากันได้นะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 8 [24/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-03-2018 10:53:21
เขาคือพี่วิน ชิมิ แต่เขามีภรรเมียแล้วนิ  :hao5: :hao5:
มันต้องมีอัลไล
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 8 [24/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-03-2018 10:54:11
อยากอ่านต่อแล้วค่าไรท์ ขอวันละหลายๆตอนเลยได้ไหมคะ อยากอ่านต่อมากเลยค่า ผู้รอบๆตัวกรมีแต่เด็ดๆทั้งนั้นเลย แต่ละคนดูเหมือนจะหลงเสน่ห์กรเข้าทุกคนเลย แถมผู้แต่ละคนมีความจิตๆยังไงไม่รู้หรือเราคิดไปเอง555 #ฮาเร็มจงเจริญ #หลายpจงเจริญ
แต่ละคนดูจิตจริง ฮ่าๆ ฮาเร็มของกร
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 8 [24/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-03-2018 10:54:49
อ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมาก รออ่านนะจ๊ะ
ขอบคุณค้าบ มาติดตามกรกับบรรดาเมียต่อ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 9 [26/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: chaweewong19841 ที่ 26-03-2018 12:56:12
เราขอเดาว่า เป็นพีท มาต่ออีกเร็วๆนะคะไรท์
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 9 [26/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-03-2018 13:02:50
เราเชียร์วินนะ  หรือว่าไรท์จะให้เป็น3p 555
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 10 [26/8/18] ภวินท์ [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-03-2018 17:03:00
มาดูความลับในใจของพี่วินกันมั่ง

10
ผมมีความลับที่บอกใครไม่ได้

[วิน เมื่อไหร่คุณจะมีเวลากลับบ้านคะเนี่ย งานวิจัยอะไรนั่นมันสำคัญกว่าครอบครัวมากนักรึไง] เสียงปลายสายเป็นเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง น้ำเสียงของเธอออกจะหงุดหงิดทุกครั้งที่โทรมา แล้วผมบอกว่าไม่ว่าง

“ถ้าไม่ทำงาน ผมจะหาเงินที่ไหนให้คุณใช้ล่ะ ถ้าไม่มีธุระอะไรผมวางนะ” ผมตัดสายทิ้งอย่างไม่ใยดี รำคาญที่จะต้องทนฟังคำบ่นว่าของหล่อนเต็มที แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากอดทน

ผมทิ้งตัวลงนั่งพิงเก้าอี้ในห้องทำงานที่มหาลัยอย่างอ่อนล้า เหนื่อยทั้งร่างกายและจิตใจ จนไม่อยากขยับตัวไปไหน

เข็ม หรือเขมิกา เป็นผู้หญิงที่แม่ของผมเลือกมาให้เมื่อสองปีก่อน แม่บอกว่าเธอเป็นลูกสาวคนรองของตระกูลไฮโซชื่อดัง ซึ่งแม่ของเธอเป็นเพื่อนสนิทของแม่ผมอีกที

แล้วไง?

ตอนที่แม่แนะนำเธอกับผม ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ นะ เพียงแค่ไม่กล้าพูดออกมา เธอมองผมด้วยดวงตาแวววาวเป็นประกายราวกับพบของขบเคี้ยวถูกใจ ไม่ว่าผมจะแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างจงใจแค่ไหนก็ตาม

เราทำความรู้จักกันราวปีครึ่ง เพราะแม่บังคับให้ผมต้องคบกับเธอ บอกว่าอายุขนาดผมควรแต่งงานและมีลูกสืบสกุลได้แล้ว แต่ผมไม่ได้อยากมีลูกกับผู้หญิงคนนี้ หรือผู้หญิงคนไหน

ผมเป็นเกย์

นี่คือความลับอย่างแรกที่พ่อแม่ผมไม่เคยรู้

แล้วแม่ก็ไปสู่ขอเจ้าหล่อนมาให้ผมเสร็จสรรพ โดยไม่คิดจะถามความเห็นผมเลยแม้แต่น้อย ผมต้องฝืนทนนอนร่วมเตียงเดียวกับเธอแค่คืนแรกๆ เท่านั้น เธอพยายามจะยั่วยวนให้ผมร่วมรักกับเธอ แต่ผมปฏิเสธ และผมก็ขอย้ายออกมาอยู่หอพักในมหาวิทยาลัยเมื่อปลายปีก่อน ด้วยข้ออ้างว่าต้องอยู่ทำงานวิจัยให้คณบดี และคงกินเวลาหลายปี แต่ผมก็แวะกลับไปเยี่ยมเธอที่บ้านบ้างนานๆ ครั้ง

แม่โทรมาเร่งเร้า ให้ผมมีลูกกับเข็ม แต่ผมไม่ทำ สุดท้ายผมก็กลายเป็นโรคเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ ทั้งที่ตัวผมเป็นนักจิตวิทยา แต่กลับมีอาการทางจิตเสียเอง มันบ้าบอมั้ยล่ะ

ผมเมินสายเรียกเข้าที่เข็มโทรจิกเข้ามาอีกหลายสาย หยิบยาในลิ้นชักใต้โต๊ะทำงานมากินเพื่อให้ผ่อนคลาย ตั้งแต่ผมได้รู้จักกับเด็กคนนั้น...ชลกร ที่ตอนแรกผมรู้แค่เพียงเขาใช้ชื่อในเนตว่า เอส ผมก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น จนแทบไม่ต้องพึ่งยา

และนี่คือความลับอีกข้อของผม

ผมรู้จักกับชลกรผ่านเว็บไซต์สำหรับชาวสีรุ้ง ในคืนหนึ่งที่ผมนอนไม่หลับและบังเอิญเขาก็นอนไม่หลับ เราคุยกันนิดหน่อยก่อนจะต่างคนต่างสำเร็จความใคร่ผ่านหน้าจอ โดยที่ไม่เห็นหน้าหรือได้ยินเสียงจริงๆ ของกันและกัน แต่ผมกลับรู้สึกดีกับเขา มากกว่าคนอื่นที่เคยเจอ เขาปรึกษาผมหลายเรื่อง ดูเขาเครียดกว่าผมอีกมั้ง ทั้งที่อายุยังน้อยแท้ๆ ผมเลยให้คำปรึกษาเล็กๆ น้อยๆ เพราะทำงานด้านนี้อยู่แล้ว

ตอนที่เขามาหาผมในฐานะผู้ป่วยทางจิต และผมอยู่ในฐานะนักจิตวิทยา ตอนแรกผมไม่รู้หรอกว่าเป็นเขา แต่เรื่องที่เขาปรึกษาผมบวกกับวิธีการพูดจาและลักษณะท่าทางของเขา ทำให้ผมแน่ใจว่าเขาคือ เอส

แต่ผมต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงไว้ก่อน ค่อยๆ พูดคุยกับเขาไปเรื่อยๆ จนเขาเริ่มไว้ใจและเล่ารายละเอียดที่มากกว่าเดิม ซึ่งผมเคยได้ฟังมาแล้วทั้งหมด แต่ผมคิดว่าเขายังมีเรื่องที่ปิดบังอยู่อีกหลายเรื่อง

ผมเริ่มเข้าหาเขามากขึ้น พยายามจะให้รู้ว่านี่คือผม คนที่เขาคุยด้วยเกือบครึ่งปีที่ผ่านมา ผมรักเขา ผมรู้สึกอย่างนั้น ทั้งที่รู้ว่ามันไม่เหมาะสม ผมเป็นอาจารย์ เป็นนักจิตวิทยาที่รักษาเขา อายุมากกว่าเขาเป็นสิบปี เขาเพิ่งอายุ 18-19 เพิ่งเรียนปี 1 ผมไม่อยากให้ชีวิตเขาพังเพราะผมเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่สุดท้ายผมก็เอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเขาจนหมดทั้งใจ

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง จนผมสะดุ้ง นึกว่าเข็มตื้อไม่เลิก แต่พอมองหน้าจอก็ต้องรีบกดรับ

“ครับ กร?”

[พี่...วิน...] เสียงกรดูอ่อนแรง ผมขมวดคิ้ว

“เป็นอะไร ไม่สบายเหรอ?”

[ผม...อยู่ที่...] เขาบอกแค่สถานที่ แล้วสายก็ตัดไป ผมร้อนใจมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบคว้ากุญแจรถออกไปจากห้องทันที

ผมบึ่งรถเข้าไปอีกฝั่งของมหาลัย ตามที่กรบอก จอดรถทิ้งไว้เพราะทางข้างหน้าไปต่อไม่ได้ แล้วรีบวิ่งไปตามทางเดินในตรอกแคบๆ โดยที่หัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ผมกลัวว่ากรจะเป็นอะไรไป เพราะแถวนี้ทั้งมืดและอับ

ผมเดินไกลพอสมควรกว่าจะเจอกรที่นั่งพิงกำแพงตึกอยู่หลังถังขยะใบใหญ่ ทำให้ไม่มีใครเห็นเขา

“กร! เกิดอะไรขึ้น” ผมเข้าไปเช็คร่างกายของเขาอย่างลนลาน มีบาดแผลหลายแห่ง ที่หัวมีเลือดไหล คิ้วแตก ปากแตก “ใครทำแบบนี้! พี่จะพาไปหาหมอ ลุกไหวมั้ย” ผมประคองร่างเขาขึ้นยืน ดูเหมือนไม่มีกระดูกส่วนไหนหัก เพราะเขาลุกขึ้นยืนได้ แต่ตัวงอๆ คงเจ็บที่ช่องท้อง

กรไม่ปริปากพูดอะไรเลยสักคำ แม้แต่เสียงร้องโอดครวญจากบาดแผลตอนที่โดนพยาบาลทำแผลให้ ก็ไม่มีสักแอะ ดวงตาของเขาเหม่อลอย ไม่มีน้ำตาสักหยด แต่ผมรู้ว่าเขากำลังร้องไห้อยู่ข้างในใจ

ระหว่างรอทำแผล มือถือของกรมีสายโทรเข้ามาสองครั้ง และผมก็ต้องรับสายให้ เผื่อคนที่โทรมามีธุระสำคัญ

[กร! หายไปไหน! ทำไมทิ้งมอไซค์ไว้!] เจ้าของเสียงปลายสายโวยวายเสียงสั่นเครือ เหมือนกำลังร้องไห้ [เราคิดว่ากรจะทิ้งเราแล้ว...]

“ใจเย็นนะครับ นี่มือถือของกร แต่ผมไม่ใช่กร” ผมเอ่ยเสียงนุ่มนวลอย่างที่ชอบใช้เพื่อปลอบประโลมคนไข้ คนที่ปลายสายเงียบไปอึดใจ เหมือนพยายามตั้งสติ

[แล้วคุณเป็นใคร กรอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น]

ผมชั่งใจ ไม่รู้ว่าคนคนนี้คือใคร ควรบอกเรื่องที่กรโดนทำร้ายหรือไม่ “กรเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ กำลังรักษาตัว”

[อยู่ไหนล่ะ ผมเป็นแฟนเขา ผมจะไปหาเขา ช่วยบอกผมด้วย]

แฟน?

กรมีแฟนแล้วงั้นเหรอ? ทำไมเขาไม่เห็นเคยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังเลยล่ะ

อา...จริงสินะ

ที่ผมคิดว่าเขายังมีเรื่องปิดบัง บางทีอาจจะเป็นเรื่องนี้

ทั้งที่มีแฟนแล้ว แต่ก็บอกว่าอยากเจอผม

เราต่างก็...กำลังโกหก

ปวดใจบอกไม่ถูกแฮะ

ผมตั้งสติและบอกสถานที่ให้ปลายสายรับทราบ ก่อนจะวางสายไป อีกไม่นาน คงได้เจอแฟนของกร แต่ผมไม่อยากอยู่รอเจอ เลยฝากพี่พยาบาลที่รู้จักกันให้ดูแลกร พร้อมจ่ายค่ารักษาไว้ให้ แล้วกลับห้อง

ผมนอนแผ่อยู่บนเตียง ไร้เรี่ยวแรงจะทำอะไรทั้งนั้น แฟนของกรคงไปถึงโรงพยาบาลแล้ว และคงได้เจอเขาแล้ว น้ำตาผมไหล ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่มันเจ็บใจ

ไหนบอกว่าอยากเจอพี่ไง

จะให้อยู่ในฐานะอะไรล่ะ เซ็กส์เฟรนเหรอ?

ทั้งที่ผมรักเขา และคิดว่าจะหาทางหย่ากับเข็ม เพื่ออยู่กับเขา

แต่ผมคงคิดไกลไป

ดีแล้วที่เราไม่ได้เจอกัน และจากนี้ไป ก็คงไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว

ผมหลับตาลง ให้น้ำตามันไหลรินไปเรื่อยๆ ความรักของเพศที่สามอย่างพวกเรามันคงหาความจริงใจได้ยาก ใครๆ ก็มองว่ามีแต่พวกมั่วเซ็กส์ไปวันๆ เพราะเป็นผู้ชาย ไม่ท้อง จะมีอะไรกับใครก็ได้ จะรุกก็ได้ รับก็ไม่เกี่ยง การเปิดเผยตัวตนของเราก็เหมือนเปลือยร่างกายให้คนอื่นมอง ให้พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างสนุกปาก

หน้าตาทางสังคม ใครบอกว่าไม่สำคัญ ใครว่าไม่จำเป็น

ผมเป็นอาจารย์ เป็นนักจิตวิทยา ถ้าเรื่องที่ผมเป็นเกย์เปิดเผยออกไป อย่างแรกเลย มันต้องมีผลกระทบกับหน้าที่การงานของผมแน่นอน แม้จะบอกว่ายุคนี้เปิดกว้างแล้ว แต่คนหัวโบราณคร่ำครึก็ยังมีอยู่ไม่น้อยในมหาวิทยาลัย แล้วอีกอย่าง ผมแต่งงานแล้ว ใครๆ ก็รู้ ทั้งบ้านผมและบ้านของเข็มจะต้องแตกหักแน่นอนถ้าเรื่องนี้แพ่งพรายออกไป

ด้วยหน้าตาทางสังคม วงศ์ตระกูล อาชีพการงานและอายุของผม

ผมไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้ ผมต้องอดทน ต้องจำยอม ผมจะไม่มีโอกาสได้รับรักแท้จากใคร แม้แต่คู่แต่งงานของตัวเอง

และผม...จะต้องไม่รักใคร

******

ปั้นจั่นมาถึงโรงพยาบาลและได้เจอกรที่ห้องฉุกเฉิน ร่างเล็กโผเข้ากอดทั้งน้ำตาอย่างลืมตัว เพราะเป็นห่วงอีกฝ่ายแทบคลั่ง ตอนที่ลงจากตึกแล้วเห็นแต่รถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ โดยที่ยังมีกุญแจเสียบคาไว้ จึงรู้ทันทีว่ากรต้องเกิดเรื่องอะไรสักอย่าง แต่โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด โทรติดอีกทีก็เกือบทุ่มไปแล้ว และเป็นคนอื่นที่รับสาย หัวใจแทบวายตอนที่รู้ว่ากรเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาล

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมบาดเจ็บแบบนี้ แผลแบบนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่” ปั้นจั่นมองดูเนื้อตัวที่มีรอยฟกช้ำหลายจุดของกร หัวมีผ้าพันแผลวนรอบอย่างกับมัมมี่ขนาดนี้ ปากก็แตก คิ้วก็มีผ้าแปะไว้ เลือดยังซึมๆ อยู่ด้วยซ้ำ

“ช่างมันเหอะ” กรบ่ายเบี่ยง ไม่อยากเล่าเท้าความใดๆ ทั้งสิ้น

“แต่กรบาดเจ็บยับเยินขนาดนี้ ใครทำ บอกมา!” ปั้นจั่นเท้าเอวจ้องหน้า แววตาเคร่งขรึม แต่กรปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า

“อยากกลับห้องแล้ว ขับรถแทนกูได้มั้ย”

“เออๆ ค่อยๆ เดินนะ” ปั้นจั่นจำยอม ถอนหายใจพลางช่วยพยุงร่างสูงให้เดินไปรับยาและกลับห้องด้วยกัน

พอกลับมาถึงห้อง ปั้นจั่นก็เตรียมจะเช็ดเนื้อตัวทำความสะอาดร่างกายให้

“แล้วใครพากรไปโรงบาล เราโทรไปแล้วเขารับสาย แต่พอไปถึง คุณพยาบาลก็เอามือถือของกรมาให้ บอกว่าคนที่พามาส่งจ่ายเงินและขอตัวกลับไปแล้ว” ปั้นจั่นถามไปจับแขนของกรยกขึ้นอย่างเบามือและค่อยๆ เช็คไล่จากปลายแขนไปยังใต้รักแร้

“เขาผ่านมาเจอน่ะ ไม่รู้จักกันหรอก”

“ไม่รู้จักแล้วจ่ายเงินให้ด้วยเนี่ยนะ? กรโกหก บอกมานะว่าใคร” แม้จะหงุดหงิด แต่ก็รู้ว่ากรเจ็บอยู่ ปั้นจั่นเลยพยายามไม่ใส่อารมณ์

“ไม่รู้ก็ไม่รู้ดิวะ จะเซ้าซี้ทำไม” กรดึงแขนกลับ ทำท่าจะนอนลง แต่ปั้นจั่นยังตามไม่เลิกรา มือเล็กเขย่าแขนร่างสูงเบาๆ

“ก็แค่ตอบมา ทำไม? สำคัญมากเหรอ ถึงไม่อยากให้รู้”

คำถามของปั้นจั่นทำให้กรนิ่งงัน ก่อนจะหลับตาลงแล้วเอ่ยออกมาว่า “อือ สำคัญมาก”

“กร!”

เขาพยายามข่มตาหลับ ไม่สนใจเสียงโวยวายของคนตัวเล็กด้านหลังที่หงุดหงิดไม่พอใจใส่ ปั้นจั่นเลิกเช็ดตัวให้แล้ว เพราะเห็นว่ากรจะนอน แต่ก็ยังมานอนเกาะอยู่ข้างหลัง เอามือลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ อย่างออดอ้อนพลางซุกหน้าเข้าหา

“เรารักกรนะ อย่าทิ้งเรา เปิดใจให้เราบ้าง เราอยากเป็นคนสำคัญของกร...” เสียงนั้นแผ่วลงเรื่อยๆ และเหลือเพียงแค่เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ

แม้จะหลับตานานแค่ไหน แต่กรก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 9 [26/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-03-2018 17:05:00
เราขอเดาว่า เป็นพีท มาต่ออีกเร็วๆนะคะไรท์
มาเร็วมั้ย
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 9 [26/8/18] Is he SlipXD? [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-03-2018 17:05:35
เราเชียร์วินนะ  หรือว่าไรท์จะให้เป็น3p 555
ม่ายยยย ไม่ได้จั่วหัวไว้น้า
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 10 [26/8/18] ภวินท์ [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-03-2018 21:32:57
เรื่องเรื่่มยุ่งเพราะปั้นจั่น
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 10 [26/8/18] ภวินท์ [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-03-2018 01:47:43
เริ่มจะปวดหมองแล้ว เสน่ห์แรงเกินห้ามใจจริง ๆ เลยนะกร ตกลงเอาเป็นเหมาหมดทุกคนไปเลยแล้วกัน แบ่งเป็นวัน ๆ ไปเลยไป  :z3:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 28-03-2018 08:38:10
11
“ทำไมต้องเปลี่ยนคนให้คำปรึกษาด้วยครับ?” ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่วินอย่างไม่เข้าใจ เมื่อได้ฟังเรื่องที่เขาแจ้งในวันนี้ เขาบอกว่าผมต้องเปลี่ยนผู้ให้คำปรึกษา เพราะเขากับผมรู้จักกันมากเกินไป และนักจิตวิทยาไม่ควรสนิทสนมกับคนไข้ที่ตนรักษาถึงขนาดนี้

“พี่อธิบายไปแล้วนะกร ช่วยทำความเข้าใจด้วย” เขาเองก็หน้าเครียดๆ ไม่เหมือนทุกที

“ผมไม่เข้าใจ จะต้องให้ผมเล่าเรื่องเดิมซ้ำๆ กับคนอื่นงั้นเหรอ? พี่กำลังเล่นอะไรอยู่”

“พี่ไม่ได้เล่น!” เขาเสียงดัง ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน แม้จะเพิ่งรู้จักกันไม่นานก็ตาม แต่ผมคิดว่าเขาไม่ใช่คนแบบนี้

“ในเมื่อพี่รู้ว่าสนิทกับคนไข้มากเกินไม่ได้ แล้วทำไมต้องเข้ามาดูแลผมขนาดนี้ พี่ทำให้ผม...” ขาดพี่ไม่ได้ ผมอยากจะพูดประโยคนี้ แต่ไม่กล้า

ผมรู้สึกดีกับทุกสิ่งที่เขาทำให้ โทรไปเมื่อไหร่ก็รับ แม้ตอนงานยุ่งหรือนอนหลับ ไม่ว่าผมให้ช่วยอะไรเขาก็ทำ เอาใจใส่ผมยิ่งกว่าพ่อแม่ แล้วทำไมเขาถึงคิดจะทิ้งผม

“กร...นายยึดติดกับนักจิตที่บำบัดตัวเองไม่ได้หรอกนะ ในเมื่อเราสนิทกันมากกว่านั้นแล้ว ก็ควรเปลี่ยนคนบำบัด” เขาพยายามหว่านล้อมด้วยน้ำเสียงราบเรียบแบบที่ชอบใช้ ผมเองก็อยากจะทำความเข้าใจให้มากกว่านี้นะ แต่ตอนนี้สมองไม่ค่อยรับรู้อะไรเลย ผมรู้แค่ผมต้องการพี่วินคนเดียวเท่านั้น

“เชื่อพี่นะกร ให้คนอื่นรับหน้าที่นี้แทนพี่ แล้วพี่จะได้ดูแลกรเวลาอยู่ข้างนอกได้อย่างเต็มที่ไงครับ นะครับ เชื่อพี่นะ”

เพราะเขาพูดหว่านล้อมเก่ง หรือเพราะผมใจอ่อนง่ายก็ไม่รู้ สุดท้ายผมก็ต้องยอมเปลี่ยนนักจิตวิทยาตามที่เขาแนะนำ

******

ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าทำไมจู่ๆ เขาก็พูดเรื่องจะเปลี่ยนคนให้คำปรึกษากับผม หลังจากผมต้องรักษาแผลที่โดนไอ้พีทกับเพื่อนมันรุมทำร้าย พี่เขาก็ขาดการติดต่อไปเป็นอาทิตย์ จนผมต้องมาพบที่คณะจิตวิทยา โทรนัดเพื่อเข้ารับการรักษาจากเขาตามปกติ แต่เขาดันพูดเรื่องนั้นขึ้นมา ทำให้ผมสับสนมึนงงไปหมด

ตอนที่ผมขอให้เขามาช่วย เขายังรีบร้อนมาหาผม พาผมไปส่งโรงพยาบาลอย่างร้อนรน สีหน้าของเขาในตอนนั้นเป็นห่วงผมจริงๆ ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนไข้คนหนึ่งของเขา

และตอนนั้นเองที่ผมเริ่มรู้สึกตัว ว่านอกจากพี่ SlipXD ที่ผมชอบคุยด้วยแล้ว ผมก็ชอบพี่วินไม่แพ้กัน ผมรู้สึกอบอุ่นใจเวลาอยู่กับเขา ผมชอบเวลาที่เขาจับมือ เวลาที่เขาลูบหัว ชอบรอยยิ้มอ่อนโยนและแววตาที่มองมาที่ผม

ผมรู้ว่าเขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับผมมากเกินกว่า คนไข้หรือน้องชาย แต่ผมก็ยังต้องการเขามากกว่านั้น

ผมรู้ว่าเขามีภรรยาแล้ว ไม่รู้ว่ามีลูกหรือยัง แต่ผมก็รักเขา รักตัวตนของเขา รักทุกสิ่งที่เป็นเขา

ผมอยากอยู่ข้างๆ เขา และอยากให้เขาคอยอยู่เคียงข้างผมเหมือนเดิม

“กินยาตามที่หมอสั่งครบดีใช่มั้ย กร” วันนี้ผมมาหาพี่วินโดยที่ไม่ได้นัด แค่มาชวนเขาไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ช่วงนี้ผมอยากอยู่กับเขาแทบทุกวัน เพราะเขาบอกเองว่า ถ้าผมยอมเปลี่ยนนักจิต เขาจะดูแลผมเวลาอยู่ข้างนอก นอกเวลางานได้มากขึ้น

“ครบครับ นอนหลับสบายยันเช้า และผมก็รู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย” เรานั่งคุยกันไป กินข้าวกันไปในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เขาขับรถพาผมมา รอยยิ้มของเขายังคงเหมือนเดิม ถามไถ่ผมด้วยความห่วงใย แต่แววตาของเขาไม่เหมือนเดิม มันดูเศร้าและเหงาแปลกๆ

“ดีแล้ว” เขายิ้มอ่อน ตักสปาเกตตี้เข้าปาก ซอสสีแดงติดที่มุมปากข้างหนึ่ง ผมเลยยื่นมือไปเพื่อจะเช็ดให้ แต่เขากลับสะดุ้งและเอียงคอหลบ

“ซอสมันติดน่ะพี่” ผมชักมือกลับ รู้สึกแย่นิดหน่อยที่เขาทำเหมือนรังเกียจที่ผมจะถูกเนื้อต้องตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นเขาที่ชอบเข้ามาคลอเคลีย

“ขอบใจ” เขาก้มหน้าหลบสายตาผม และหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมุมปากทั้งสองข้าง

“พี่มีอะไรจะเล่าให้ผมฟังมั่งมั้ย” เพราะเขาผิดปกติ ไม่เหมือนเดิมในบางอย่าง และมันทำให้ผมสงสัย

“ไม่นี่ ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น”

“แต่พี่ไม่มองตาผมแบบที่พี่ชอบทำ” ทุกทีเป็นผมมากกว่าที่หลบสายตาของเขา ดวงตาสุกใสทอประกายที่ชอบมองผมอย่างแฝงความนัย ที่ผมพยายามหลบเลี่ยงไม่คิดอะไรกับมัน

แต่ผมหยุดคิดไม่ได้แล้ว

“พี่วิน ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

******

“จะคุยก็คุยสิ ที่นี่แหละ” เขาจอดรถตรงข้างทางบนถนนในมหาวิทยาลัย มันดึกแล้ว ไม่ค่อยมีรถผ่าน

“พี่มีอะไรในใจรึเปล่า ทำไมวันนี้ดูแปลกๆ แต่มันก็แปลกตั้งแต่วันที่พี่ขอให้ผมเปลี่ยนคนบำบัดแล้วล่ะ” ปกติผมไม่ชอบพูดความคิดตัวเองออกมาเท่าไหร่ แต่กับพี่วิน มันเหมือนเคยชินกับการบอกเล่าทุกเรื่องที่พบเจอมา รวมทั้งระบายความในใจทั้งหมดกับเขา ผมเลยคิดว่าสามารถพูดคุยกับเขาได้ตรงๆ

“ไม่มีจริงๆ อย่าคิดมากสิครับ” เขาใช้น้ำเสียงเหมือนตอนที่ผมเป็นคนไข้ของเขาอีกแล้ว เสียงที่ทำให้ผมต้องเคลิ้มตาม แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ ผมต้องการรู้คำตอบจริงๆ

“แต่พี่ไม่เหมือนเดิม ถ้ารำคาญผม ก็บอกมาตามตรงได้นะ” ผมพาลคิดไปต่างๆ นานา ตั้งแต่เรื่องที่เขาขอให้เปลี่ยนคนบำบัด ผมก็คิดมากมาตลอดจนต้องพึ่งยามากกว่าเดิม เรื่องของปั้นจั่นก็ยังค้างคา มันมานอนที่ห้องผมเกือบทุกคืน แต่วันนี้ผมบอกไว้แล้วว่าจะกลับดึก มีธุระที่บ้าน ไม่อย่างนั้นคงโดนโทรมากวนรัวๆ

“พี่ไม่ได้รำคาญ ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับกรเลยนะ กลับกัน...” เขาหันมามองหน้าผมและเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมา ก่อนจะหันหน้ากลับไปทางเดิม แววตาของเขาสั่นระริก แม้ในรถมันจะมืดสลัว แต่ผมก็เห็นชัดเจน
“กลับกันอะไรครับ?” ทั้งที่ปกติเขาจะชอบคะยั้นคะยอและหว่านล้อมผมให้พูดความในใจแบบแนบเนียน แต่ตัวเขากลับมีอะไรไม่ยอมบอก

ผมรู้ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน บางเรื่องผมไม่มีสิทธิรู้หรือถาม แต่ผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้จริงๆ

“พี่วิน ตอนนี้เราไม่ใช่นักจิตกับคนไข้แล้วนะครับ ผมอยากให้พี่...เป็นพี่ชายของผมจริงๆ อยากให้เราคุยกันได้ทุกเรื่อง” ผมค่อยๆ รีดเค้นความในใจของเขาทีละน้อย พอจะเรียนรู้มาจากเขาบ้างแล้วล่ะว่าต้องทำตัวยังไง บางทีผมก็อยากลองเรียนจิตวิทยาดูเหมือนกัน

“พี่ชายเหรอ?” เสียงของเขาสั่นนิดหน่อย เขาหันหน้าหนีอีกแล้ว คราวนี้มองออกไปนอกรถ ให้ผมเห็นแค่ท้ายทอย ผมซอยสั้นระต้นคอขาวๆ ดูเซ็กซี่ไม่เบา

ผมสะดุ้งกับความคิดของตัวเอง

บอกตามตรง ผมรู้สึกว่าเขามีหลายๆ อย่างที่ผมคิดว่าคล้ายกับพี่ SlipXD ทั้งสีผิว คำพูดจาในบางครั้ง ริมฝีปากสวยๆ เวลายิ้ม และท้ายทอยนี่ ที่ผมเคยเห็นเวลาพี่ SlipXD หันหลัง

หรือว่า...

“พี่วิน” ผมได้สติกลับมา มือคว้าไหล่ของเขาที่เริ่มสั่น แต่เขาไม่ยอมหันหน้ามาหา “พี่ร้องไห้เหรอ?”

“เปล่า” แต่เสียงสั่นโครตๆ ใครไม่รู้ว่าร้องก็บ้าแล้วแบบนี้

“พี่ร้องไห้ทำไม”

“ก็บอกว่าเปล่าไง” เขาขึ้นเสียง ผมเลยฉุนกึก จับหน้าเขาให้หันมา

“แล้วน้ำตานี่อะไร! พี่เป็นอะไรกันแน่ บอกผมสิ!” ให้ตายเถอะ น้ำตาของเขาทำเอาใจผมกระตุกวูบ มันเป็นความเจ็บปวดที่คล้ายกับตอนที่เห็นแม่ร้องไห้ แต่ต่างกันนิดหน่อย ตรงที่เขาไม่ใช่แม่ของผม

พี่วินกลั้นเสียงสะอื้นด้วยการเม้มปาก แต่น้ำตาของเขายิ่งไหลพราก

“พี่วิน” ผมไม่อยากทนมันอีกต่อไปแล้ว ทั้งที่ปากก็บอกอยากให้เขาเป็นแค่พี่ชาย แต่ในใจของผมตอนนี้ ต้องการให้เขารับรู้ความรู้สึกที่มี...ทั้งหมด

ผมจับคางของเขาเอาไว้แน่นหนา ริมฝีปากของเราทาบกันสนิท แม้เขาจะยังเม้มปากกลั้นเสียงร้องไห้ของตัวเอง ผมรู้สึกถึงไหล่บางที่กระตุกเกร็งคล้ายจะตกใจ สองมือของเขายกขึ้นดันอกผมทันที

“กร...” เมื่อเขาเผยอปากเรียกชื่อผม ผมก็ส่งปลายลิ้นร้อนๆ เข้าไปในนั้นอย่างถือดี เขาไม่ได้ต่อต้านอย่างที่คิด แค่สั่นน้อยๆ และหลับตาลง เมื่อผมเห็นดังนั้นจึงยิ่งบดจูบหนักหน่วงขึ้น ทั้งที่ยังลืมตามองหน้าเขาอยู่

มันเป็นจูบที่หอมหวานกว่าที่ผมเคยจินตนาการไว้

ลมหายใจของเราไหลรวมกัน เสียงครางเบาๆ ในคอของเขากระตุ้นให้ผมเกิดความต้องการ ร้อนรุ่มไปทั่วสรรพางค์ ในรถแคบๆ แถมยังจอดอยู่ริมทางในมหาวิทยาลัย

เราจูบกันนานมาก

พี่วินตอบรับผมอย่างดี คล้ายกับว่าเขาก็ต้องการสิ่งนี้มานานเหมือนกัน เราต่างตอบสนองซึ่งกันและกัน ฝ่ามือของผมลูบไล้ที่ต้นคอขาวพลางกดจูบลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ พี่วินคล้องแขนโอบรอบลำคอของผม ก่อนที่ผมจะค่อยๆ เอนตัวลงจนชิดกระจกรถและอุ้มเขาให้ขึ้นมานั่งบนตัก เราตัวเท่าๆ กัน แต่เขาเบากว่าผมเยอะ

“อย่า!” จู่ๆ เขาก็สะดุ้ง คว้าจับมือผมไว้แน่น เพราะผมกำลังจะล้วงเข้าไปใต้ขอบกางเกงสแลคสีดำของเขา เสื้อเชิ้ตของพี่วินร่นขึ้นสูงเกือบถึงหน้าอก และหน้าผมก็กำลังซุกไซร้อยู่แถวนั้น

“พอก่อน...นี่มันในมหาลัยนะกร” เขาผลักผมออกแล้วกลับไปนั่งที่คนขับตามเดิม ผมรู้สึกเสียดายมาก เลยตามไปกอดรัดร่างของเขาไว้พลางซุกไซร้ใบหน้ากับซอกคอขาวๆ ดูดเบาๆ พอให้น้ำลายเปียก เขาเอี้ยวตัวหลบทันที “บอกว่าพอไง...กรมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ”

“พี่เองก็แต่งงานแล้วเหมือนกัน” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดแบบนั้นออกไป เขาชะงักกึก หน้าแดงก่ำ ไม่รู้เพราะโกรธหรืออาย

“งั้นเราก็ไม่ควรทำ...อื้อ” ผมไม่สนใจฟังต่อ จับหน้าเขาให้หันมาแล้วขยี้ริมฝีปากอย่างเร่าร้อนก่อนจะผละออกมาใช้ลิ้นเลียเรียวปากสวยที่แดงช้ำนิดหน่อย พี่วินสบตากับผมอีกครั้งแล้วหรุบตาลงทันที ผมหอมแก้มเขาทั้งสองข้างพลางเชยคางของเขาขึ้น จูบเบาๆ บนริมฝีปากและค่อยๆ ละเลียดลงมาที่คอ สองมือสั่นๆ ของเขาจับที่แขนของผม ใบหน้าเริ่ดหงาย ดวงตาปิดสนิท

“กร...ไม่เอาตรงนี้” ในที่สุดเขาก็ยอมเอ่ยประโยคนั้นออกมา “ไปห้องพี่...นะ”

******

พริบตาแรกที่เข้าไปในห้องของเขา ผมหยุดชะงัก

หอพักอาจารย์ก็เหมือนกับหอในของนักศึกษา หน้าต่างบานเกล็ด เก้าอี้หมุนได้ตัวนั้น ตู้เสื้อผ้าและบานประตูที่มีกระดาษแปะอยู่

“มาถึงนี่แล้ว ยังไงพี่คงต้องบอก” พี่วินเอ่ยขึ้น ก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนผมอยากจะเข้าไปกระชากมันออกเดี๋ยวนั้น เขาถอดเสื้อและหันมาหาผม ใต้แสงไฟจากหลอดนีออนแบบยาวบนเพดาน เรือนร่างสีชมพูอ่อนกับยอดอกเม็ดสวยสีชมพูนั้น ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว

ไม่ใช่ตื่นตะลึงกับร่างกายสวยงามของเขา แต่มันคุ้นตาจนผมคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย

“พี่...” ผมเดินเข้าไปหาเขา สายตายังคงจับจ้องร่างกายของเขา

“อือ...คนที่กรคุยด้วยมาเกือบครึ่งปีในเว็บนั้น” เขาสูดลมหายใจเข้าและผ่อนมันออกมาช้าๆ ก่อนจะบอกเล่าความจริงบางอย่างที่ผมเองเกือบลืมเลือนมันไปแล้ว

“คือพี่เอง”

******

กรได้รู้สักที หลังจากคนอ่านรู้กันหมดแหละ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 10 [26/8/18] ภวินท์ [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 28-03-2018 08:38:45
เรื่องเรื่่มยุ่งเพราะปั้นจั่น
จริวที่สุด
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 10 [26/8/18] ภวินท์ [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 28-03-2018 08:39:11
เริ่มจะปวดหมองแล้ว เสน่ห์แรงเกินห้ามใจจริง ๆ เลยนะกร ตกลงเอาเป็นเหมาหมดทุกคนไปเลยแล้วกัน แบ่งเป็นวัน ๆ ไปเลยไป  :z3:
ดูฮาเรมไปนี้ดส์
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-03-2018 09:32:01
กรรู้แล้วจะเป็นไงต่อนะ คงไม่จิตตกกังวลว่า ตัวเองเป็นชู้กับสามีชาวบ้านนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 28-03-2018 13:30:13
เย่ๆ เยสกันๆ เลิฟๆ ฟินสุด
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 28-03-2018 16:46:18
ชอบจัง ชอบความหื่นนิดๆ (เอ๊ะ?) ของเรื่องนี้นะคะ

เป็นฮาเร็มก็ดูไม่เลว  :hao6:

จริงๆชอบทุกคนยกเว้นซาลาเปา
ดูงอแงวอแวมากก พี่กานต์กับพีทเราก็ชอบ
โดยเฉพาะพีทที่ต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง

ยังไม่อยากฟันธงว่าใครเป็นนายเอก ตามอ่านต่อไป

คนเขียนมาอัพบ่อยๆน้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: Pankwun ที่ 28-03-2018 21:57:20
้อื้อหือออ ไหนๆก็รู้เรื่องแล้ว จัดหนักโลดดดดดดด :hao6:พ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-03-2018 00:44:27
กำจัดปั้นจั่นยังไงดีอ่ะไรท์ นางชักจะวุ่นวายเยอะไปละ :angry2:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 12 [29/8/18] ปั้นจั่น [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-03-2018 09:56:36
12
ปั้นจั่นกำโทรศัพท์ในมือแน่น นี่มันเกือบตี 1 แล้ว แต่กรยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา ถ้าจะค้างที่บ้านก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้าง เล่นเงียบหายไป มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่จะโทรไปก็กลัวว่าจะรบกวน ถ้าเกิดกรต้องค้างที่บ้านจริงๆ แล้วนี่มันก็ดึกมากแล้ว

“เอาไงดีๆๆๆ” ร่างเล็กเดินวนไปมาเหมือนหนูติดจั่นอยู่หน้าโซฟา ในห้องพักของกร ต้องตัดสินใจว่าจะโทรหรือไม่โทรไป

ใจหนึ่งอยากโทรไปหา แต่อีกใจยังไม่กล้า

แม้จะขู่กรเรื่องพี่กานต์จนได้เป็นแฟนแบบจำยอมแล้ว แต่ปั้นจั่นรู้ตัวดีว่ากรไม่ได้รัก ไม่ได้คิดอะไรมากกว่าคำว่าเพื่อน ทั้งที่ปั้นจั่นพยายามมาตลอด เพื่อให้กรสนใจ ทั้งที่คิดว่าเป็นคนเดียวที่เข้าถึงตัวกร เพราะกรไม่มีเพื่อนคนอื่น แต่พอกรเริ่มรู้จักเพื่อนๆ คนอื่น รวมทั้งพวกรุ่นพี่ ปั้นจั่นก็ไม่แน่ใจแล้วว่ากรจะเลือกตน

ถึงได้ใช้วิธีนั้น

ก็อยากได้ แล้วจะให้ทำยังไง

กับเพื่อนคนอื่นหรือพี่กานต์ ยังไม่ติดใจสงสัยอะไรเท่าไหร่ เพราะกรแค่พูดคุยด้วยตามปกติ แต่คนนั้น พี่ที่มาส่งกรหน้าหอวันนั้น คนที่ฉีดน้ำหอมและทำให้กรเขิน

“ไม่ดิ! ก็กรบอกว่าแค่พี่แถวบ้าน คงสนิทกันแหละ...” แต่ดูสนิทเกินไปมั้ย แถมกรหน้าแดงแบบนั้น ยิ้มแบบนั้น ไม่เคยเห็นกรเขินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

ใช่ ไม่เคยมีใครหน้าไหนทำให้กรทำหน้าแบบนั้น แม้แต่ตัวปั้นจั่นเอง

ยอมไม่ได้ ยังไงก็ต้องทำให้กรเป็นของเรา

นั่นคือสิ่งที่ปั้นจั่นคิดอยู่ในหัว และคืนนั้นก็ตัดสินใจทำมันลงไป เพราะเห็นว่ากรกินยาและนอนหลับไม่ได้สติ แต่ตอนที่กรตื่นมาแล้วจัดชุดใหญ่ให้ ก็มีความสุขมากอย่างบอกไม่ถูก

ต่อให้ได้มาแค่ร่างกายก็ไม่เป็นไร จิตใจเดี๋ยวมันก็เป็นไปเอง

แต่ถ้าคนคนนั้นยังอยู่

“ฮึ่ยยยย” ปั้นจั่นเผลอบีบมือถือในมือพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากรู้ว่าคนในรถคนนั้นคือใคร แล้วถ้าตอนนี้กรอยู่กับคนคนนั้นล่ะ!?

******

“คนที่กรคุยด้วยในเว็บนั้นมาเกือบครึ่งปี คือพี่เอง...”

กวินท์หรุบตาลงเมื่อเอ่ยความลับที่ปิดบังไว้ออกไปเรียบร้อยแล้ว ไม่อยากโกหกอีกต่อไป เพราะจะบอกหรือไม่ก็มีค่าเท่ากัน

กรมีแฟนแล้ว

และตัวเขาก็มีภรรยาแล้ว

“พี่วิน” กรมีสีหน้าเหมือนกำลังดีใจ เด็กหนุ่มเข้าสวมกอดร่างบางของอาจารย์ แต่ภวินท์พยายามจะผลักไส “ผมอยากเจอพี่มาตลอด นี่พี่รู้ว่าเป็นผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลยสินะ? ผมเองก็เอะใจอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นพี่จริงๆ”

“ขอโทษแล้วกันที่พี่ไม่ได้บอกแต่แรก เพราะพี่ต้องรับปรึกษาเรื่องของนาย” ภวินท์ขืนตัวออกจากอ้อมกอดของกร ด้วยสีหน้าหม่นหมอง

กรจ้องมองใบหน้าของคนที่อยากเจอมาเนิ่นนานอย่างหลงใหล ฝ่ามือร้อนผ่าวลูบไล้ที่ข้างแก้มแดงระเรื่อ “ผมดีใจนะที่เป็นพี่”

“กร...” ภวินท์เงยหน้ามองเด็กหนุ่มด้วยแววตาไหวระริก

“ผมรักพี่ คนที่ผมคุยด้วยแล้วนอนหลับได้ และพอมาเจอพี่คนนี้ ผมก็คิดว่าผมเริ่มจะชอบพี่วิน ผมรู้สึกผิดกับพี่ SlipXD เลยยังไม่กล้าทำอะไรมาก แต่ในเมื่อพี่เป็นคนเดียวกัน ผมก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังความรู้สึกแล้ว” แววตาของเด็กหนุ่มช่างอ่อนโยน อ่อนโยนมากเสียจนภวินท์รู้สึกเจ็บแปลบในอก

“แต่กรมีแฟนแล้ว! กรไม่เคยบอกพี่ เรื่องที่พวกเราทำอยู่มันผิด! กรควรจะกลับไปหาแฟนของกร” ภวินท์ผลักร่างหนาตรงหน้าออกห่าง “พี่ไม่อยากเจอกรแล้ว!”

“แต่ผมต้องการพี่!” กรคว้าข้อมือบางทั้งสองข้างดึงรั้งเข้าหาตัวแล้วใช้แขนโอบรัดเอวบางให้แนบชิด แม้ว่าภวินท์จะพยายามขัดขืน “พี่ไปรู้อะไรมาผมไม่สน ผมรักพี่วิน!”

“แต่พี่แต่งงานแล้ว...”

ประโยคนั้นทำให้กรชะงัก เรียวคิ้วขมวดปม “แล้วทำไมพี่ถึงเข้ามาคุยกับผม ทำไมต้องยั่วผม ทำไมต้องทำดีกับผม”

“พี่...” ภวินท์ก้มหน้าก้มตา มือของเด็กหนุ่มเชยคางของเขาให้เงยหน้าสบสายตา แต่ภวินท์ก็ยังเบนสายตาหนี

“ตอบผมมาสิ ที่เราทำกันผ่านกล้อง แล้วที่พี่เข้ามาทำดีกับผม มันเพราะอะไร” กรคาดคั้น หัวใจเต้นแรงเมื่อคิดถึงคำตอบที่จะได้รับ แต่ภวินท์ไม่ยอมตอบ จนเขาต้องสรุปเข้าข้างตัวเอง “พี่ก็ชอบผมใช่มั้ย”

“กร...” ภวินท์เกาะแขนเด็กหนุ่มด้วยมือสั่นเทา นัยน์ตามีน้ำใสเอ่อคลอ

กรพูดถูกทุกอย่าง

ริมฝีปากร้อนกำลังจะเคลื่อนเข้ามาใกล้ ภวินท์สะดุ้งแรง เบือนหน้าหนี ทั้งที่สองมือยังเกาะแขนของกรไว้แน่น ไม่รู้ว่าจะอยู่หรือจะไปดี

กรไม่สนใจในความลังเลของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มบีบคางร่างบางบังคับให้หันหน้ามาหาและประกบปากทันที ภวินท์ถูกดันจนสะดุดกับขอบเตียง ร่างบางล้มลงนอนหงาย โดยมีร่างของเด็กหนุ่มตามไปไม่ห่าง ริมฝีปากประกบลงมาอีกครั้งอย่างเร่าร้อน

แม้ใจจะรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ภวินท์ก็ห้ามร่างกายตัวเองไม่ได้ เขาตอบรับลิ้นสากที่แทรกเข้ามาในโพรงปาก อายุขนาดเขาใช่ว่าไม่เคยมีประสบการณ์ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่รู้สึกมากเท่านี้มาก่อน ปากของกรร้อนแทบแผดเผาให้มอดไหม้ ลิ้นของกรกวาดไล้ทั่วโพรงปาก ดุนดันหยอกล้อเหมือนเด็กซุกซน เสียงลมหายใจหล่อหลอมรวมเป็นหนึ่ง พร้อมฝ่ามือที่ค่อยๆ บีบขยำไปทุกสัดส่วนอย่างเอาแต่ใจ

“ทำเหมือนที่พี่ชอบทำหน้ากล้องสิ” เสียงกระซิบแผ่วผิวทำเอาเสียวซ่านไปทุกอณู ภวินท์กัดปากที่สั่นน้อยๆ อย่างชั่งใจ ปวดหน่วงที่ท้องน้อยเจีบนคลั่ง อยากได้สัมผัสที่เร่าร้อนรุนแรงกว่านี้ ให้เหมือนที่จินตนาการไว้

ร่างบางปลดกางเกงออกจนหมด นั่งอ้าขาอยู่ตรงหน้าเด็กหนุ่มร่างสูงที่จ้องมองด้วยดวงตาทอประกาย แก่นกายสีหวานฉ่ำแข็งชูชัน ช่องทางสีเข้มถัดจากนั้นกำลังขมิบถี่ๆ คล้ายร่ำร้องให้กรทำอะไรสักอย่าง

“สวย...” เด็กหนุ่มเลียริมฝีปากพลางถอดเสื้อออก ก่อนจะทิ้งตัวลงดูดปากเรียวสวยเสียงดังจ๊วบ และเลื่อนลงมาไซร้ที่ซอกคอ ปลายลิ้นร้อนสากลิ้มเลียรสหวานจากร่างกายบาง ก่อนจะขบกัดและดูดแรงๆ ให้เกิดรอยสีชมพูเข้มบนผิวขาวเนียน อย่างที่อยากทำมาตลอด

“อ๊ะ...กร...กร...” เสียงครางเรียกชื่อฟังระรื่นหู กรยกยิ้มมุมปาก ริมฝีปากร้อนเข้าครอบครองยอดอกเม็ดงามสีชมพูเข้มตามแรงปรารถนา มันอร่อยอย่างที่คิด จนอยากจะกัดกินเข้าไปทั้งตัว ร่างบางแอ่นอกรับ สองมือสอดไล้ขยุ้มขยี้กลุ่มผมดกหนาของเด็กหนุ่ม “กัดแรงๆ สิ...อ๊า!”

กรทำตามที่สั่งอย่างว่าง่าย กัดหัวนมสีชมพูเข้มจนร่างบางกรีดร้องเสียงกระเส่า ส่วนหัวของแก่นกายสีหวานมีน้ำปริ่มออกมา ทั้งที่ไม่ทันสัมผัส ฟันคมของเด็กหนุ่มขบลงและดึงรั้งเม็ดไตแข็งขืนทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียม ก่อนจะค่อยๆ เลียซ้ำๆ เหมือนปลอบโยนให้หายเจ็บ จนหน้าอกของร่างบางเต็มไปด้วยน้ำลาย

มือร้อนข้างหนึ่งเลื่อนลงเบื้องล่าง แตะเบาๆ ที่กลีบตูมซึ่งเต้นตุ้บสู้นิ้ว ร่างบางบิดเกร็งด้วยความเสียวซ่าน จิกทึ้งเส้นผมของเด็กหนุ่มอย่างแรง

“กร...อย่าแกล้ง...เข้ามาเร็วๆ” สิ้นเสียงสั่งแสนหวาน กรดูดนิ้วตัวเองให้เปียกชุ่มน้ำลายแล้วค่อยๆ ดันเข้าไปในร่างนั้นเชื่องช้าทีละนิ้ว จนครบสาม ช่องทางของภวินท์พร้อมรับของเขาอย่างเต็มที่ ไม่มีอิดออด ทำให้เข้าไปได้ง่ายดาย แม้ไม่ใช้ตัวช่วยอื่น

“นิ้วผมกับนิ้วพี่ แบบไหนดีกว่ากัน”

“อ๊ะ! อื้อ ขะ...ของกร” ร่างบางส่งเสียงร้องน่ารักพลางขยับสะโพกตอบรับการขยับของนิ้วทั้งสาม “ของกรดีที่สุด...” มือเรียวสวยแตะที่ส่วนกลางลำตัวที่พองขยายคับกางเกงของเด็กหนุ่ม

“ยังไม่ทันลองเลยนะ” กรหัวเราะเสียงใส รู้สึกหมั่นเขี้ยวคนตรงหน้าขึ้นมาจนอดฟัดแรงๆ ไม่ได้ ก่อนจะชักนิ้วออกและรูดซิบกางเกงลง

“แค่...จินตนาการก็...รู้สึกดี...แล้ว” ร่างบางเอ่ยราวกระซิบ ใบหน้าและใบหูย้อมด้วยเลือดฝาดแดงก่ำ สายตาเหลือบลงเบื้องล่าง มองอาวุธเหล็กนาบไฟของเด็กหนุ่มที่ปรากฏสายตา แค่ขนาดก็ทำเอาร่างทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความกระสัน

“พี่นี่น่ารักกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย ไม่คิดว่าอาจารย์จะลามกได้ขนาดนี้” กรคลี่ยิ้มพลางขยับสะโพกเอาท่อนเอ็นแข็งเกร็งถูกับร่องสะโพกของร่างบางที่อ้าขารอด้วยแววตาลุกวาว

“อือ...พูดมาก!” มือเรียวตีเข้าที่ต้นแขนหนา แต่ไม่ได้แรงมากนัก กรหัวเราะอารมณ์ดี ก่อนจะขยับสะโพกกดส่วนหัวของตนเข้าไปตรงปากทาง และค้างไว้แบบนั้นจนภวิทน์ต้องจิกเล็บที่แขนเด็กหนุ่มด้วยความหงุดหงิด “ถ้าไม่เอา พี่ไม่ให้ทำแล้วนะ!”

“เอาครับ เอา...ไม่งอนนะ เอาจริงแล้ว...”

“อ๊า!” จู่ๆ ลำท่อนร้อนฉ่าก็ถูกดันเข้าไปในร่างจนเกือบสุด ร่างบางกรีดร้องดัง น้ำตาไหลเล็ด ยกมือขึ้นทุบอกเด็กหนุ่มเต็มแรง “แกล้งอีกแล้วนะ!”

“หึหึ” กรหัวเราะในคอ “ก็พี่น่ารัก” กดจูบที่ขมับและข้างแก้มนุ่มของอาจารย์หนุ่มสักสองสามที ก่อนจะดันร่างกายเข้าไปจนสุดทางและเริ่มขยับช้าๆ

“เร็วๆ เร็วอีก” อาจารย์หนุ่มบีบนวดต้นแขนและหัวไหล่ของร่างเบื้องบนด้วยความกำหนัด ความเสียดเสียวจากสิ่งที่สอดใส่ในร่างช่างรุ่มร้อนจนอดรนทนไม่ไหว ต้องยกสะโพกสวนกลับไปตามจังหวะ

ของจริงมันดีกว่าที่คิดนัก

กรอุ้มร่างบางขึ้นในท่านั่ง ปล่อยให้ภวินท์ขยับสะโพกด้วยตัวเอง สีหน้าของอาจารย์ช่างงดงาม จนไม่อยากละสายตาแม้เสี้ยววินาที เด็กหนุ่มจดจ้องมันเนิ่นนานราวตกอยู่ในภวังค์

“อา...ฮ่า...กร...”

“อึก” หน้าท้องแกร่งหดเกร็งและฉีดพ่นของเหลวสีขาวขุ่นใส่ช่องทางที่กำลังตอดรัดขย่มโยกบนหน้าตน เพียงแค่ได้ยินเสียงครางกระเส่าเรียกชื่อ

“อ๊า...เด็กบ้า! ทำไมเร็วจัง” ภวินท์หยุดชะงักพลางคลำช่องทางที่มีน้ำเหนียวข้นไหลเยิ้มออกมา สะกิดปลายเล็บเบาๆ ที่ส่วนแข็งของร่างกายเด็กหนุ่มที่คาอยู่ในตัวให้มันกระปรี้กระเปร่าขึ้นอีกครั้ง

“ขอโทษครับ...ก็พี่...เซ็กซี่เกิน” กรเอ่ยขอโทษเสียงอ่อยก่อนจะกอดรัดร่างบางไว้และไซร้ปลายจมูกคมกับริมฝีปากร้อนที่ซอกคอขาวกับบริเวณไหปลาร้า สองมือบีบคลึงบั้นท้ายแน่นตึงและเริ่มทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันอีกครั้ง โดยที่คนพี่เป็นฝ่ายนำ

“จะเสร็จก็บอกด้วยนะ” ภวินท์คลี่ยิ้ม โน้มตัวลงจูบเบาๆ ที่ปากของกร แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมหยุดแค่สัมผัสผิวเผิน กลับกดต้นคอเขาไว้และสอดลิ้นเข้าไปไล่ต้อนจนน้ำลายไหลย้อยลงมาที่คาง ร่างกายเบื้องล่างก็ยังคงขยับสอดรับกันอย่างเร่าร้อน

“อือ...” กรครางเบาๆ กอดรัดร่างบางไว้แน่นหนา “จะเสร็จแล้ว...”

“พี่ด้วย ไปพร้อมกันนะ หนูน้อยของพี่” คำพูดจาน่ารักของภวินท์ทำเอากรหน้าร้อนผ่าว เด็กหนุ่มกระแทกตัวสุดแรง กัดไหล่บางจนขึ้นรอยเขี้ยวและปลดปล่อยเข้าสู่ร่างบางจนหมดทุกหยาดหยด ภวินท์ที่เสร็จสมพร้อมๆ กันหอบหายใจพลางซบหน้ากับไหล่แกร่ง ผิวสีอมชมพูกลายเป็นแดงจัด เหงื่อไหลโทรมกาย

“อีกรอบไหวมั้ยครับ” กรอุ้มร่างบางกระชับแนบอก กดจูบไปทั่วใบหน้าชื้นเหงื่อ ภวินท์ส่ายหน้าดิก เขาอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว ไม่ได้แข็งแรงปึ๋งปั๋งแบบหนุ่มๆ อย่างกร แค่รอบสองรอบก็แทบตาย แต่คบเด็กคงต้องทำใจ

“ไว้พรุ่งนี้นะ” คำตอบของภวินท์ ทำให้กรยิ้มกว้างเหมือนเด็กน้อยที่ได้ของโปรดปราน เด็กหนุ่มพรมจูบทั่วใบหน้าและแผ่นอกบางอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ถอนกายออกและอุ้มร่างบางให้ลงนอน คำว่า พรุ่งนี้ ของอาจารย์ หมายความว่าจะยังได้เจอกันและกอดกันแบบนี้อีกเรื่อยๆ

“ผมรักพี่วินนะ รักมาก” เสียงพึมพำของเด็กหนุ่มทำให้ภวินท์เข้าสู่ห้วงนิทราด้วยรอยยิ้ม

******

ตี๊ดดดดด

เสียงสายเรียกเข้าจากมือถือของกรปลุกให้อาจารย์หนุ่มต้องงัวเงียตื่นขึ้นมา ทั้งที่เพิ่งได้หลับไปไม่ถึงชั่วโมงดี เขาลุกขึ้นนั่ง หันไปมอง เห็นกรยังหลับสบาย คงไม่ยอมตื่นง่ายๆ แน่ เลยควานหามือถือจากในกางเกงของเด็กหนุ่มมาดูให้

“ปั้นจั่น”

ชื่อนี้ภวินท์จำได้แม่นยำ คนที่โทรมาตอนพากรไปโรงพยาบาลคราวนั้นและบอกว่าเป็นแฟน

อาจารย์หนุ่มชั่งใจว่าจะรับหรือไม่รับดี แต่ถ้าไม่รับ อีกฝ่ายอาจจะกระหน่ำโทรไม่เลิกรา ซึ่งมันรบกวนการนอนเอามากๆ

คิดไปคิดมา เสียงเรียกเข้าก็ดับไปครู่หนึ่ง และติดขึ้นมาใหม่

แบบนี้ ถ้าไม่รับ คงไม่เลิกโทรแน่

ภวินท์ตัดสินใจ จรดปลายนิ้วบนหน้าจอสมาร์ทโฟนของกร

******
เอาแล้วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-03-2018 09:58:00
กรรู้แล้วจะเป็นไงต่อนะ คงไม่จิตตกกังวลว่า ตัวเองเป็นชู้กับสามีชาวบ้านนะ  :katai1:
จิตอย่างอื่นมากกว่า ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-03-2018 09:58:44
เย่ๆ เยสกันๆ เลิฟๆ ฟินสุด
จุดประสงค์ชัดเจนมาก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-03-2018 10:00:21
ชอบจัง ชอบความหื่นนิดๆ (เอ๊ะ?) ของเรื่องนี้นะคะ

เป็นฮาเร็มก็ดูไม่เลว  :hao6:

จริงๆชอบทุกคนยกเว้นซาลาเปา
ดูงอแงวอแวมากก พี่กานต์กับพีทเราก็ชอบ
โดยเฉพาะพีทที่ต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง

ยังไม่อยากฟันธงว่าใครเป็นนายเอก ตามอ่านต่อไป

คนเขียนมาอัพบ่อยๆน้า  :กอด1:

หื่นนิดๆ พอฮะ เด๋วไม่เหมาะกะเยาวชน อิๆ

No harem แน่นอนฮะเรื่องนี้ คู่หลักก็รู้ๆ กันอยู่แหละเนอะ
แต่เดี๋ยวจะจัดให้อีกสักสองสามคู่ อิๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-03-2018 10:00:54
้อื้อหือออ ไหนๆก็รู้เรื่องแล้ว จัดหนักโลดดดดดดด :hao6:พ

อาจจะไม่หนักมาก แต่ก็พอได้ล่ะมั้งนะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 29-03-2018 10:01:29
กำจัดปั้นจั่นยังไงดีอ่ะไรท์ นางชักจะวุ่นวายเยอะไปละ :angry2:
เด๋วนางจะโดนจัดแน่ๆ คับ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 12 [29/8/18] ปั้นจั่น [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 29-03-2018 12:41:16
ปั้นจั่นไร้สาระมากๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-03-2018 12:57:33
อ้างจาก: Leenboy
link=topic=66562.msg3810585#msg3810585 date=1522259067
กำจัดปั้นจั่นยังไงดีอ่ะไรท์ นางชักจะวุ่นวายเยอะไปละ :angry2:
เด๋วนางจะโดนจัดแน่ๆ คับ

จัดการนังปั้นจั่นเลยไรท์
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 12 [29/8/18] ปั้นจั่น [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-03-2018 17:51:10
รอบหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างเนี่ย  :ling3:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 12 [29/8/18] ปั้นจั่น [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 29-03-2018 23:35:02
อาจารย์แซ่บมาก  :hao6:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 13 [29/8/18] พีท [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-03-2018 15:08:07
ยังไม่จบง่ายๆ ต้องมีอะๆร ต้องมีอะไรรรร

13
“พี่วิน?” ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงมือถือดัง เลยงัวเงียตื่นขึ้นมาดู เห็นพี่วินนั่งอยู่ปลายเตียง “ใครโทรมารึเปล่าครับ”

“ไม่มีนี่ กรนอนเถอะ” พี่วินหันมาลูบแขนผม โน้มตัวลงข้างๆ เอาศอกยันเตียงไว้และนอนตะแคงมองหน้าผม

“อือ พี่ก็นอนกับผมสิ” ผมอ้อนด้วยการคว้าตัวเขามากอดไว้แนบอก เอาคางวางเกยบนกลุ่มผมหอมนุ่ม กลิ่นที่ผมชอบและทำให้รู้สึกสบายใจ ได้ยินเสียงเขาหัวเราะคิกคักพลางกอดตอบผมและซุกหน้าเข้าหาอกผมมากขึ้น

“อ้อนเป็นเด็กเลย”

“กินเด็กแล้วเป็นอมตะนะพี่ ไม่ชอบเหรอ” ผมแกล้งกระเซ้า กดจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบา

“แล้วถ้ากรอยากเป็นอมตะ ไม่ต้องไปหาเด็กที่อื่นมากินรึไง” เขาสะบัดเสียงใส่

ผมอมยิ้ม เหมือนเขาหึงผมเลย “สำหรับผม กินพี่แค่คนเดียวก็เป็นอมตะแล้ว”

“ทำเป็นพูดดี อีกหน่อยอาจจะเบื่อก็ได้ พี่แก่กว่ากรตั้งเป็นสิบปี” ท่าทางเขาจะเป็นคนคิดมากอยู่เหมือนกันนะ ปกตินักจิตวิทยาน่าจะจัดการอารมณ์กับความรู้สึกของตัวเองได้ดี แต่การที่เขาพูดและแสดงอารมณ์แบบตรงไปตรงมากับผม ผมก็ชอบนะ

“ผมก็จะแก่ตามพี่ให้ทัน แล้วเราก็จะแก่ไปด้วยกัน”

“พูดจริงเหรอ” เขาเงยหน้าขึ้น ช้อนสายตามองผม ผมเองก็ก้มมองเขา ก่อนจะจูบเบาๆ ที่ปลายจมูก

“ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ ให้เวลามันพิสูจน์ตัวมันเองดีกว่า นอนเถอะครับ” แล้วผมก็หลับตาลง เข้าสู่ห้วงนิทรา

******

เช้าวันต่อมา พี่วินพาผมไปส่งที่หอ แล้วก็แยกไปทำงานก่อน ส่วนผมต้องขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมของไปเรียน

“เมื่อคืนไปไหนมา ค้างที่บ้านเหรอ” พอเข้าไปในห้องปุ๊ป ก็เจอปั้นจั่นนั่งรออยู่ที่โซฟา

“อือ” ผมรับคำสั้นๆ เดินผ่านเลยไปหยิบผ้าเช็ดตัว จริงๆ ก็อาบน้ำมาแล้วแหละ แต่อยากอาบอีกที

“ทำไมไม่โทรมาบอก เรารอกรทั้งคืนเลยนะ โทรไปก็ไม่รับ แล้วยังปิดเครื่องหนีอีก” ปั้นจั่นลุกขึ้นเดินตามผม แสดงว่าเมื่อคืนพี่วินเป็นคนตื่นมาเจอและกดปิดเครื่องไป

“ก็นอนอยู่ มันรบกวน” ผมว่าพลางก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำ “ขอกูอาบน้ำก่อน แล้วค่อยคุยกัน”

อาบน้ำเสร็จ เดินออกมาแต่งตัว ปั้นจั่นก็ยังคงนั่งรออยู่ที่โซฟา พอเห็นผม ก็รีบลุกมาหา

“กร ถามจริงๆ เมื่อคืนไปไหนมา”

“ก็บ้านไง” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ หยิบเสื้อนักศึกษามาสวมพร้อมกางเกง กำลังจะสวมเข็มขัดต่อ ปั้นจั่นก็โผเข้ามากอดจากด้านหลัง “จะแต่งตัว มันเกะกะ”

“เรารักกรนะ ไม่ว่ากรจะมีใครอีกกี่คน เราก็ไม่ว่า ขอแค่กรอยู่กับเรา อย่าทิ้งเราก็พอ” เสียงของมันสั่นเครือ ผมสงสารมันนะบอกตรงๆ เข้าใจว่ามันเจ็บปวด ยากที่จะทำใจ เพราะผมก็มีอะไรกับมันไปแล้ว ถ้าแค่มันชอบผมเฉยๆ อาจจะยังคุยกันรู้เรื่องกว่านี้ แต่ผมก็พลาดเองที่คืนนั้นไม่ยับยั้งชั่งใจ พอโดนมันทำแบบนั้นก็ตามน้ำจนกู่ไม่กลับ มันเป็นความรับผิดชอบของผม ที่คงต้องทนจนกว่าปั้นจั่นจะตัดใจได้เอง

“ยังไงก็เพื่อนกัน กูไม่ทิ้งมึงหรอก” ผมตัดบทด้วยการดึงมือมันออกและใส่เข็มขัดจนเสร็จ พยายามไม่มองหน้าปั้นจั่นที่น่าจะร้องไห้อยู่ ผมไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจใคร ถ้าผมไม่มีใครเลย ผมอาจจะรักมันได้ แต่ผมรักพี่วินไปแล้ว รักตั้งแต่ยังไม่ทันรู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร

แต่สิ่งที่ผมกับปั้นจั่นเป็นอยู่ตอนนี้มันไม่ต่างกันเท่าไหร่ ผมรักพี่วิน ปั้นจั่นก็รักผม ส่วนพี่วินก็มีภรรยาอีกคน ผมไม่รู้ว่าเขาแต่งงานกันเพราะความรักหรือเปล่า ในเมื่อพี่วินบอกเองว่าเป็นเกย์ แต่ยังไงสถานะของพวกเราตอนนี้ก็คล้ายๆ กัน ผมเลยไม่อยากให้ปั้นจั่นต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้

“เพื่อนเหรอ? กรคิดว่าเรายังเป็นเพื่อนกันได้อีกเหรอ เราทำขนาดนี้แล้ว ทำไมกรไม่สนใจเราบ้าง ทำไมรักเราไม่ได้” มันร้องไห้ฟูมฟายเสียงดัง “ไม่รักเราแล้วทำไมตอนนั้นไม่โวยวายด่าทอเรา ผลักไสเราออกไปให้พ้นๆ ทำไมต้องทำแบบนั้นกับเรา” ปั้นจั่นเหมือนจะขาดสติ มันเข้ามาทุบหลังผมรัวๆ จนผมต้องหันไปคว้าแขนมันไว้ให้หยุด

“กูขอโทษ”

“ไม่เอา! เราไม่เอาคำขอโทษ เราต้องการแค่กรอยู่กับเรา” มันดิ้นไปมา ผมพยายามจับไว้ให้อยู่นิ่งๆ เห็นปั้นจั่นเป็นแบบนี้แล้วผมเสียใจจริงๆ ผมไม่ได้อยากทำร้ายใคร ตอนที่ทำแบบนั้นกับพี่กานต์ ผมก็รู้สึกผิดแทบตาย ถึงได้ยอมให้มันกระทืบเอาฝ่ายเดียว คนที่ผมต้องสู้ด้วยมีแค่ไอ้พีทคนเดียวก็พอ

“เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเหอะปั้น กูมีคนที่ชอบแล้ว และกูจะคบกับเขา”

“ไม่เอา!” มันโวยวายกอดเอวผมแน่นไม่ยอมปล่อย ผมแกะมือนั้นออก แต่ปั้นจั่นก็ยังเข้ามากอดอีก ถ้าพี่วินเป็นผม และผมเป็นปั้นจั่น เราก็คงทำเหมือนกัน

“ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ต้องเจอกันอีก” ผมขู่เสียงแข็ง มันชะงักไปแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ

“กร...ให้เราอยู่ข้างๆ กรไม่ได้เหรอ” มันร้องไห้ฟูมฟาย ทรุดตัวลงกอดขาผม

“ปั้น กลับมาเป็นเพื่อนกันเหอะ กูรักมึงไม่ได้ มึงเองก็ทนอยู่แบบนี้ไม่ไหวหรอก ตัดใจซะ” ผมพยายามโน้มน้าว นั่งยองๆ ลงตรงหน้ามัน “นะปั้น เป็นเพื่อนกันก็ดีแล้ว กูจะเป็นเพื่อนที่ดีของมึงให้ได้”

“ฮือออ กร...กร...” ปั้นจั่นปล่อยโฮออกมาเสียงดังแล้วโผเข้ากอดผมอีกครั้ง และครั้งนี้ผมก็ยอมให้มันกอดและร้องไห้จนพอใจ

ผมคิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้ว เลยพาปั้นจั่นไปกินข้าวเช้าและเข้าเรียนตามปกติ ผมส่งไลน์ไปบอกพี่วินด้วยว่าเคลียร์กับคนที่อ้างว่าเป็นแฟนผมเรียบร้อยแล้ว ไม่อยากให้พี่เขากังวล

ส่วนเรื่องภรรยาของพี่วิน ผมไม่คิดจะเข้าไปยุ่มย่าม ถ้าเขาไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมา เพราะยังไงเขาก็แต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นโดยไม่ได้เต็มใจอยู่แล้ว เขาเป็นคนบอกผมเอง ว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ให้ได้ แต่มันอาจจะต้องใช้เวลา แล้วยังมีเรื่องพ่อแม่ของพี่เขาอีก

การเป็นผู้ใหญ่ บางทีก็ยุ่งยากกว่าที่คิด ตัวผมตอนเด็กๆ ที่โดนกลั่นแกล้งจนกลายเป็นโรคนอนไม่หลับหรือฝันร้าย ดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสิ่งที่พี่วินต้องอดทนและพบเจอมาตลอดชีวิตของเขา

พี่วินไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของตัวเองกับใครได้เลย เขาปกปิดมันมาตลอด คบกับใครก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ และไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทนไหว สุดท้ายก็เลิกรา เขาเลยเลือกคบผ่านเนตแบบไม่เห็นหน้าตา เพื่อตัดปัญหา แค่คุยกันผ่านๆ ไม่ต้องผูกพัน แต่แล้วก็มาเจอกับผม เขาบอกว่าแรกๆ แค่เห็นใจ และตัวเขาก็เป็นนักจิตวิทยา เลยอยากลองคุยกับผมไปเรื่อยๆ จนมันเกินเลยกว่านั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทันรู้ตัว

******

“เลิกเรียนแล้วครับ เดี๋ยวเจอกันครับ” ผมกดวางสายหลังจากตกลงเรื่องสถานที่นัดกันในเย็นนี้ได้แล้ว ความรักแบบลับๆ ของผมกับพี่วิน ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดใจเลยสักนิด ผมไม่ต้องการเรียกร้อง ไม่ได้ต้องการให้เขาเปิดเผย เพราะผมเป็นคนยังไงก็ได้อยู่แล้ว แค่ได้อยู่ด้วยกัน ในที่ของเราก็พอ

“แหมๆ นี่มึงมีแฟนแล้วจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย ก่อนหน้านี้ทำตัวขวางโลกโครตๆ สาวคนไหนมาตกหลุมวะ” เสียงไอ้แฟ้มแซว ปั้นจั่นหันมามองหน้าผม แล้วก็หันกลับไปทำงานของมันต่อ ผมรู้ว่าปั้นจั่นยังเสียใจกับเรื่องของผมอยู่ แม้เราจะพยายามทำตัวเหมือนปกติก็ตาม

“ไม่ใช่สาวที่ไหนหรอก” อยากจะบอกว่าเป็นหนุ่มต่างหาก แถมหนุ่มใหญ่ด้วย

“แล้วมึงไม่เครียดจนนอนไม่หลับแล้วใช่มั้ย” เวสป้าที่ตอนแรกเหมือนไม่ชอบหน้าผม ไปๆ มาๆ ก็เหมือนจะเข้ากันได้ดี มันเป็นห่วงคอยถามไถ่เรื่องนี้อยู่บ่อยๆ ส่วนตัวมัน มันบอกว่าหายดีแล้ว เพราะพอการเรียนเข้าที่เข้าทาง พ่อแม่มันก็พอจะยอมรับได้ ไม่มากดดันอะไรมาก

“อืม ขอบใจมึงมากนะที่ช่วยแนะนำหลายเรื่อง” ผมยิ้มสดใส ที่ผมนอนหลับสนิท ไร้เรื่องกังวลใจได้ เพราะมีพี่วินอยู่ข้างๆ ไม่ใช่เพราะยา แค่ได้พูดคุยกับพี่เขา ผมก็หายเครียดแล้ว และผมก็อยากให้พี่วินสบายใจเวลาอยู่กับผม ถึงได้ไม่เซ้าซี้เรื่องส่วนตัวของเขา ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลา

แต่เรื่องที่ผมยังค้างคาในใจ คงเป็นเรื่องไอ้พีท ที่พักนี้หายหน้าหายตา ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ผมทำร้ายมันปางตาย และมันก็พาพวกมารุมผม ผมคิดว่ามันอาจจะเลิกยุ่งกับผมไปเลย เพราะก็ได้แก้แค้นกันไปแล้ว ทั้งที่คิดแบบนั้น แต่ใจผมมันยังไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ เหมือนกับว่าจะต้องเกิดเรื่องแย่ๆ ขึ้นอีกเพราะมัน

“งั้นกูไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้” ผมเลิกคิดมากแล้วหันไปบอกลาเพื่อนๆ ทุกคนโบกมือส่งยิ้มให้ ยกเว้นปั้นจั่นที่หน้าตึงๆ ใส่นิดหน่อย แต่ก็ยกมือโบกลามาให้ ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วหันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น

สาวเท้าเดินอย่างเร่งรีบไปที่มอเตอร์ไซค์ เพื่อจะไปตามนัดกับพี่วิน วันนี้พี่เขาบอกว่าอยากกินอาหารไทย เลยนัดกันที่ร้านอาหารทรงไทยแถวริมน้ำ ห่างจากมหาลัยไปไกลอยู่ เพื่อจะได้ไม่มีใครมาพบเจอ จริงๆ ผมอยากจะไปกินข้าวที่ห้องของพี่วินมากกว่า แต่มันยังไม่ค่ำมาก คนในมหาลัยก็เยอะ ถ้าผมเข้าหอพักอาจารย์เวลานี้ต้องมีคนเห็นแน่นอน โดยเฉพาะบรรดาอาจารย์ที่พักอยู่ด้วย

อีกไม่กี่ก้าว ก็จะถึงมอเตอร์ไซค์ของผมแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีคนมายืนขวางหน้า มันอีกแล้ว

“มีอะไร” ผมถอนหายใจแรงพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าหงุดหงิด

ไอ้พีทยืนกอดอกจ้องหน้าผมเหมือนจะเอาเรื่อง แต่มันไม่กล้าลงมือตรงนี้หรอก คงไม่พ้นลากผมไปที่ลับสายตาคนอีก

“ถ้าไม่พูด กูไปนะ รีบ” ผมเดินเลี่ยงไหล่มันไปอีกทาง ไอ้พีทกระชากแขนผม เลยต้องหันไปมองมันอีกที

“คราวที่แล้ว...” มันเอ่ยขึ้นเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน

ผมขมวดคิ้ว มองหน้ามันอย่างงุนงง

“คือ แผลมึง เป็นไงมั่ง” มันทำหน้าเจื่อนๆ แก้มแดงนิดๆ

“หายดีแล้ว” อะไรของมัน ผมชักสีหน้า ทำผมขนาดนั้น แล้วยังมีหน้ามาทำเหมือนเป็นห่วง? หรือรู้สึกผิด?

“เหรอ งั้นก็ดีแล้ว” มันปล่อยมือจากแขนผม ยืนเช็ดจมูกตัวเองท่าทางเก้อเขิน “ขอโทษนะ”

“ห๊ะ” ผมยิ่งมุ่นคิ้วหนัก เมื่อกี้หูฝาดหรือผมประสาทแดก?

“กูบอกว่าขอโทษ” มันตะโกนหน้าแดงก่ำ แล้วก็รีบวิ่งหนีไป ทิ้งให้ผมมองตามไปด้วยความเอ๋อแดกแบบสุดตีน

ไอ้พีทมันไปกินยาอะไรผิดมารึเปล่า จู่ๆ ก็มาขอโทษ ทั้งที่ตีกันตั้งขนาดนั้น

ท่าจะบ้าแล้ว

หรือผมอาจจะฝันกลางวัน

คิดแบบนั้นสบายใจกว่าเยอะ ช่างมันแล้วกัน

ไปหาพี่วินดีกว่า
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 12 [29/8/18] ปั้นจั่น [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-03-2018 15:08:36
ปั้นจั่นไร้สาระมากๆ
ปั้นก็รักของปั้นนนน
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 11 [28/8/18] SlipXD [R-18 Psy]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-03-2018 15:09:08
อ้างจาก: Leenboy
link=topic=66562.msg3810585#msg3810585 date=1522259067
กำจัดปั้นจั่นยังไงดีอ่ะไรท์ นางชักจะวุ่นวายเยอะไปละ :angry2:
เด๋วนางจะโดนจัดแน่ๆ คับ


จัดการนังปั้นจั่นเลยไรท์


มีคนอื่นจัดแทนแน่นอน
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 12 [29/8/18] ปั้นจั่น [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-03-2018 15:09:29
รอบหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างเนี่ย  :ling3:

พายุยังสงบ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 12 [29/8/18] ปั้นจั่น [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 31-03-2018 15:09:55
อาจารย์แซ่บมาก  :hao6:
อ่ะ นิดนึง
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 13 [31/3/18] พีท [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-03-2018 20:29:52
อะไรของนังพีทฟ่ะ  :ruready
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 13 [31/3/18] พีท [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-03-2018 21:44:15
ทุกอย่างกำลังจะคลี่คลายใช่ไหม
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 14 [4/4/18] พีท [R-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-04-2018 13:46:01
ตอนของพีทแบบเต็มๆ

14
“พอใจแล้วใช่มั้ย”

มันนั่งพิงกำแพงพลางหอบหายใจ สายตาที่มองมาไม่มีความหวาดกลัวเหมือนตอนม.ต้นอยู่เลยแม้แต่น้อย มันจ้องมองผมนิ่งๆ ตอนที่ให้ไอ้พวกนั้นรุมมัน มันไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ ยอมให้เตะต่อยเงียบๆ จนพวกที่ผมจ้างมาเริ่มหวั่นเสียเอง เลยวิ่งหนีกันไปหมด

ผมรู้ว่ามันโตขึ้นแล้ว มันไม่ใช่เด็กตัวผอมแห้งใส่แว่นตาหนาเตอะคนนั้น ที่ผมจะรุมรังแกยังไงก็ได้ แต่ผมก็แค่อยากระบายอารมณ์ อยากได้ใครสักคนที่จะรองมือรองตีนเท่านั้นแหละ พอเจอมันก็เลยคิดว่าจะข่มมันได้เหมือนเดิม แต่ไม่ใช่เลย

ทั้งรูปร่างและแรงกายผมต่างเสียเปรียบมันหมด มันตัวโตกว่าผมแล้ว แรงก็เยอะกว่า ผมพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้วเมื่อครั้งก่อน ที่ห้องของมัน

ผมพยายามทำตัวเป็นเด็กดีต่อหน้าพ่อแม่ ตั้งใจเรียนอย่างหนักกว่าจะสอบเข้าที่นี่ได้ ต้องอดทนทำเรื่องที่ตัวเองไม่ต้องการมาเป็นสิบปี ความกดดันและความเครียดที่ผมแบกรับ สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ผมต้องทนมาตลอด ถ้าทำไม่ดีก็ไม่มีใครสนใจ พ่อแม่เสียหน้า และพวกเขาก็จะมาด่าว่าผม

ความเครียดทั้งหมดของผมเลยไปลงที่มัน ไอ้เด็กอัจฉริยะที่ไม่ต้องทำอะไรก็เก่งแม่งทุกอย่าง ตอนเจอมันครั้งแรก ผมโครตเกลียดคนแบบมัน ก็เลยหาเรื่องแกล้งมันแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสะใจและคลายเครียด

ทำไมผมไม่เกิดมาอัจฉริยะแบบมัน ไม่ต้องพยายามเหี้ยอะไรเลยก็เก่ง มีแต่คนรัก คนชม ผมเกลียดมันๆๆๆๆๆ ผมตอกย้ำตัวเองอยู่ทุกวันด้วยคำคำนั้น

แต่แววตาของมันตอนนี้ ทำให้ผมรู้สึกกลัว

ผมไม่ตอบคำถามของมัน ไม่กล้าสบตา ทั้งที่ผมทำร้ายมัน แต่ผมกลับเป็นคนที่ต้องวิ่งหนีมัน โครตน่าสมเพช

“ไอ้พีท!” จู่ๆ ก็มีมือใครไม่รู้มารั้งแขนผมไว้ ร่างผมเซตามแรงดึง ปะทะกับคนคนนั้น ผมเงยหน้ามองเขา

“พะ พี่...พี่กานต์...”

“รีบไปไหนของมึง” พี่กานต์ รุ่นพี่ของไอ้กร มองหน้าผมเหมือนจะสำรวจอะไรสักอย่าง “หนีอะไรมา อย่าบอกนะว่ามีเรื่องกับกรอีกแล้ว”

“ไม่มี! ผมไม่ได้หนี! ปล่อย!” ผมพยายามสะบัดข้อมือออก

“อย่าดิ้นดิ ไม่เจ็บรึไง” พี่มันตัวใหญ่พอๆ กับไอ้กร นั่นหมายความว่าผมสู้คนคนนี้ไม่ได้เช่นกัน ทำไมผมถึงกลายเป็นคนอ่อนแอแบบนี้ เพราะแม่บอกให้ลดน้ำหนัก ผมเลยตัวเล็กลง หุ่นดีมีสาวๆ ชอบก็ดีหรอก แต่แรงแม่งก็ไม่มีไปด้วย

พี่กานต์กระชากแขนผมให้เดินตามไปที่รถ เขารู้ว่ารถของผมคันไหน เขาเป็นคนช่วยผมไว้คราวก่อน ที่ผมบาดเจ็บแทบคลานออกจากห้องไอ้กร มันจับผมกดชักโครกเกือบตาย หัวก็โขกโถจนแตกต้องเย็บไปหลายเข็ม ผมลากสังขารหนีออกจากห้องมันตอนมันคลุ้มคลั่งวิ่งหนีไป แล้วก็เจอพี่กานต์ที่ใต้ตึกหอพักของมัน เขาคงมาหามันพอดี เลยพาผมไปส่งโรงพยาบาล ผมเลยต้องเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟังอย่างช่วยไม่ได้ ผมเป็นคนผิดเอง ผมยอมรับ ผมไม่คิดว่ากรจะคลั่งแบบนั้น

ผมกดรีโมทเปิดประตูรถ พี่กานต์จับผมยัดเข้าไปในรถแล้วรัดเข็มขัดให้ ยังไงก็รถของผมเอง เลยไม่รู้จะหนีทำไม แล้วผมก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรกับเขาด้วย จะมีก็แค่...ตอนที่เขาช่วยผมและให้ผมนอนที่ห้องคืนนั้นแหละ

เขาสตาร์ทรถ และหันมาขยี้หัวผม “บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับกร”

รถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ผมนั่งเงียบ ก็ผมแค้นมัน ถ้าไม่ทำให้มันสะบักสะบอมเหมือนผมตอนนั้นบ้าง มันไม่หายแค้น

“เลิกแล้วต่อกันสักที กรมันไม่อยากยุ่งกับมึงแล้ว สำนึกมั่งนะ” พี่มันบ่นตลอดทาง ผมนั่งหันหน้าหนีไปอีกทาง มองวิวข้างทางที่ผ่านเลยไปเรื่อยๆ อย่างเซ็งๆ โดนคนแก่บ่นจนได้ เบื่อว่ะ

เอี๊ยด!

“พูดนี่ฟังมั้ย? พีท” จู่ๆ มันก็เบรกรถจอดข้างทาง ผมหน้าเกือบกระแทกคอนโซล เลยหันไปมองมันเคืองๆ

“จะฆ่าผมรึไง!”

พี่กานต์ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วโน้มตัวมาคร่อมผม แววตามันน่ากลัว พอๆ กับไอ้กร “กูมีวิธีฆ่ามึงที่ดีกว่านี้ ถ้าไม่อยากลองก็ฟังที่กูพูดได้แล้ว”

“ผมก็ฟังอยู่นี่ไง” ไม่รู้ทำไมผมถึงได้แพ้มันทุกที เพราะมันช่วยผมไว้ครั้งนั้นงั้นเหรอ ไม่ใช่หรอก ผมรู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ธรรมดา เขาดูเป็นคนง่ายๆ สบายๆ มองโลกในแง่ดี แต่คนแบบนี้แหละ ที่แม่งโครตน่ากลัว

“ไปขอโทษกรด้วย อย่าให้กูต้องพูดซ้ำ”

“อือ” ผมพยักหน้าส่งๆ พี่กานต์คว้าแก้มผมหมับ จับให้เงยขึ้นสบตากับเขา ผมจะแกะมือเขาออก ก็ทำไม่ได้

“รับคำให้มันดีๆ อย่าให้กูรู้ว่ามึงหาเรื่องอีก ไอ้กรไม่ฆ่ามึง แต่กูจะทำให้มึงเห็นนรกบนดินแน่” มันจ้องตาผม จนผมเสียววาบ ต้องกะพริบตาหนี

“พีท”

“อะไรเล่า”

“ตอบพี่รึยังครับ”

“...” มันใช้เสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้ ผมรู้เลยว่ามันกำลังของขึ้นสุดขีดแล้ว ถ้าผมยังกวนตีนมันอยู่ คงโดนดีแน่ “ครับ พี่กานต์”

“เด็กดี” มันคลี่ยิ้มอ่อนโยนทั้งที่มือบีบแก้มผมสองข้างจนเจ็บไปหมด ก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ และ...

“ไม่เอา!” ผมรีบผลักอกมัน แต่สุดท้ายก็โดนมันจูบอยู่ดี

คืนนั้นก็เหมือนกัน ไม่รู้เพราะอะไร อารมณ์พาไป ก็ไม่รู้ว่าอารมณ์ไหน มันถึงได้จูบผม และผมก็เสือกจูบตอบมันด้วย อาจจะเพราะผมกำลังหวาดกลัว พอเห็นมันใจดีด้วยก็เลยเคลิ้ม กลิ่นตัวของพี่กานต์หอมอ่อนๆ รู้สึกดีเวลาที่กอด แต่ผมไม่รู้หรอกว่าพี่มันทำเพราะอะไร แค่เปลี่ยว? เงี่ยน? จะอะไรก็ช่าง ผมไม่อยากคิดถึงมันแล้ว

“พอแล้ว...เดี๋ยวมีคนเห็น” ผมทุบอกมันเมื่อมันผละริมฝีปากออก มันยังไม่วายเอาลิ้นมาเลียอีก “พี่!”

“คืนนี้ค้างห้องกู” มันคลายมือที่บีบแก้มผมออกและลูบหัวให้เบาๆ พลางไซร้ที่คอไปด้วย จะปลอบหรือจะเอา ยังไงกันแน่วะเนี่ย “พีท?”

“เออๆ ขนาดนี้แล้วจะให้กลับบ้านรึไงล่ะ” ผมโวยวายหน้าร้อนผ่าวๆ มือก็ดันตัวมันออกห่าง “ขับรถดิ! ไซร้อยู่ได้”

“หึหึ โอเคๆ จุ๊บ” มันหอมแก้มผมแรงๆ อีกทีก่อนจะยอมกลับไปนั่งที่และขับรถต่อ ส่วนผมต้องนั่งขดตัวซุกหน้ากับคอเสื้อเพราะอายมันเนี่ย!

******

เพราะพี่กานต์บอกให้ไปขอโทษไอ้กร ผมก็เลยต้องกลั้นใจอยู่นานกว่าจะกล้าโผล่หน้าไปเจอ มันเกลียดผมมาก ผมรู้ ผมเองก็เกลียดมัน แต่ถ้าผมไม่ทำตามที่พี่กานต์สั่ง มีหวังได้โดนพี่มันจัดหนักแน่

ไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนเป็นเบี้ยล่างแบบนี้เลยจริงๆ

“เป็นไรพีท” วันนี้ก็เจอมันอีกแล้ว เรียนปี 3 แล้วว่างเนอะ มีเวลามานั่งเจ๋อที่คณะผมทุกวัน

“เบื่อ” ผมตอบตามตรง พี่กานต์ทำหน้างง

“พูดแบบนี้ อยากให้พี่ทำให้หายเบื่อเหรอ” มันยิ้มหวานจนผมขนลุก หน้าร้อนวูบขึ้นมาเลย

“เบื่อพี่นั่นแหละ มาเฝ้าอยู่ได้ ไม่มีไรทำรึไง” ผมกัดปากอย่าหงุดหงิด

“ไม่เอา อย่ากัด” มันยื่นมือมาเกลี่ยปากผม “ถ้ากูไม่มาเฝ้า เกิดมึงไปหาเรื่องกรอีกล่ะ กูต้องเฝ้าแหละถูกแล้ว”

“พี่จะอะไรนักหนา ผมไปขอโทษมันแล้วไง จะไม่ยุ่งแล้วจริงๆ” โครตเสียศักดิ์ศรีเลยด้วย ตอนที่ต้องโผล่หน้าไปเพื่อขอโทษไอ้กรอ่ะ

“คราวนี้จบจริงๆ แน่นะ?” มันจ้องหน้าผมเขม็ง ผมก็พยักหน้ารับ “คำตอบล่ะ? พีท”

“ครับ!” ผมกระแทกเสียงใส่ แต่มันดันยิ้มพอใจ น่าโมโหที่สุดเลย อะไรๆ ก็ไอ้กรๆๆๆๆ มีแต่คนชอบมัน รักมัน น่าเบื่อที่สุด!

“คิดอะไรพีท ทำหน้ามุ่ยแบบนั้น” พี่กานต์หยิบทิชชู่มาเช็ดปาก ดูผู้ดีขัดกับสันดานมาก

“เปล่า” ผมรู้ตัวว่ากำลังขมวดคิ้ว เลยพยายามปั้นหน้าปกติ แต่แม่งก็ไม่ได้ว่ะ

“ขี้อิจฉานะ เด็กน้อย” มันหัวเราะแล้วก็ลูบหัวผมเหมือนเคย ผมอายเพื่อนในคณะเลยต้องปัดมือมันออก

“ผมไม่ใช่เด็ก!”

“ที่ทำอยู่เนี่ยแหละเด็ก” มันยิ้มบางๆ ปลายนิ้วไล้ลงมาที่แก้มผม

“พี่กานต์ คนมอง” ผมดึงมือมันไว้ แต่มันไม่ยอมละมือออก ยังลูบที่แก้มผมเบาๆ สีหน้าเหมือนกำลังเอ็นดูเด็กเล็กจริงๆ คือกูอายยยย

“สนใจทำไม” มันยักคิ้วใส่

“พี่หน้าด้านไปคนเดียวเหอะ” ผมว่าพลางปัดมือมันอย่างแรง มันหัวเราะอารมณ์ดี

“กรมันมีแฟนแล้ว”

“หา?” ผมทำหน้ายุ่ง จู่ๆ ก็พูดอะไร บอกทำไม

“ไม่ต้องหึงนะ กูไม่ได้ชอบกรแบบนั้น แค่เห็นมันเหมือนน้องชาย”

“ใครหึง! พูดอะไรของพี่เนี่ย” ได้เวลาเรียนแล้ว ผมทำท่าจะลุกไป พี่กานต์ก็คว้ามือไว้ก่อน “อะไร? จะไปเรียนแล้ว”

มันยิ้มตาหยี ลูบมือผมไปมา “ตั้งใจเรียนนะครับ ที่รัก”

“ไอ้พี่กานต์ พูดเชี่ยไร!” ผมรีบดึงมือออกแล้ววิ่งหนีไปขึ้นลิฟท์ มันยังมองตามพร้อมเสียงหัวเราะ แม่งงง คนมองเต็มเลย! สัสพี่กานต์ จำไว้เลยมึง!


หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 13 [31/3/18] พีท [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-04-2018 13:46:32
อะไรของนังพีทฟ่ะ  :ruready
นางโดนของมา
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 13 [31/3/18] พีท [R-18 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-04-2018 13:47:01
ทุกอย่างกำลังจะคลี่คลายใช่ไหม
ค่อยๆ ไปทีละนิด
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 14 [4/4/18] พีท [R-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-04-2018 00:29:46
พีทโดนของ น่าจะของแรงซะด้วย5555 :-[
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 14 [4/4/18] พีท [R-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-04-2018 00:33:47
พี่กานต์เป็นไส้เดือนหรอ โดนกรกด พอย้ายไปที่พีทกลับจับพีทกดซะงั้น แหล่มจริง ๆ เลยพี่กานต์เนี่ย  o13
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 15 [4/4/18] กานต์xพีท [NC-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-04-2018 11:33:09
​คู่นี้อาจจะไม่หวานแหววหวือหวา เอาจริงๆ เรื่องนี้แทบไม่มีคู่ไหนหวานใส่กันมั้ย มีแต่หื่น ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

15
ครั้งแรกที่เจอพีท คือตอนที่มันกำลังทำท่าทางเหมือนข่มขู่อะไรสักอย่างกับกร ในร้านคาเฟ่แถวหอพักพวกเรา ผมไม่รู้ว่ามันคุยอะไรกัน แม้พีทจะยิ้ม แต่สีหน้าของกรไม่ได้รู้สึกดี ผมก็เลยตัดสินใจเข้าไปทัก

พีทเป็นผู้ชายผิวขาว หน้าตาดี ตัวเล็กกว่าผม แต่ก็เป็นไซส์มาตรฐานของผู้ชายทั่วไป มันส่งยิ้มกวนๆ ดูร้ายไม่เบา สำหรับผม มันน่าสนใจมากกว่าคนเงียบๆ ไม่แสดงออกอย่างกรเป็นไหนๆ กับกร ผมเคยมีเรื่องที่ทำให้เกือบเข้าหน้ากันไม่ติด แต่ผมเป็นคนไม่ค่อยคิดมาก ไม่อยากใส่ใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ผมรู้ว่ามันไม่ได้ตั้งใจ ฟังจากเวสป้า เหมือนมันจะเป็นโรคทางจิตอะไรเนี่ยแหละ หลังๆ ผมก็เลยไม่ค่อยกวนมันเท่าไหร่ ไม่อยากทำให้มันเครียด ยังไงมันก็เป็นน้องชายที่น่ารัก

กรน่าจะเคยมีเรื่องราวกับพีทมาก่อน คงเป็นเรื่องสมัยเด็ก วัยรุ่นก็อย่างนั้นแหละ แต่ผมไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายมากขนาดถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันจนเลือดตกยางออก ถึงผมจะชอบทำตัวกร่างๆ ใส่รุ่นน้อง แต่ผมก็เป็นประธานรุ่น ที่เขม่นหน้ากรตอนแรก เพราะมันไม่ยอมเข้าร่วมกิจกรรม ทำให้ผมต้องคอยไล่ล่าจนเหนื่อย แต่ผมไม่เคยเอาเรื่องมันจริงจัง แค่ขู่ไปงั้นแหละ ที่ทนไม่ไหวจนลงมือกับมันก็เพราะเรื่องนั้นเรื่องเดียว และสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก บางทีหมั่นไส้มันก็แค่ตบหัวไป ก็ดูไอ้กรมันทำตัว ตอนเอาผมนี่โครตหื่นโครตร้าย ทีเวลาปกติแม่งเสือกติ๋มซะ ผมก็หมั่นไส้ดิ มันเหมือนคนสองบุคลิก ผมก็เลยไม่อยากใส่ใจกับความผิดพลาดในคืนนั้น

แต่ตอนที่เจอพีทเดินอาบเลือดออกมาจากหอมัน ผมโครตช็อค นาทีนั้นคือ ไอ้พีทรอดออกมา แล้วกรล่ะ กรบาดเจ็บขนาดไหน พวกมันทะเลาะเหี้ยอะไรกัน ถึงต้องตีกันเลือดอาบ ผมอยากกระชากคอไอ้พีท แต่มันก็บาดเจ็บอยู่ ขึ้นไปบนห้อง ปรากฏว่ากรหนีออกไปแล้ว และพีทนี่แหละที่อาการสาหัส ผมก็เลยพาพีทไปโรงพยาบาล

โดนเย็บไป 5 เข็มที่หัว อยากจะสมน้ำหน้ามันนะ แต่เห็นหน้ามันแล้วสงสาร เลยไม่กล้าพูดอะไร ผมแค่ช่วยพยุงร่างที่บอบช้ำอ่อนแรงของพีทกลับหอ เพราะมันคงขับรถไม่ไหว และผมไม่อยากให้คนเจ็บเดินทางกลับบ้านไกลๆ

“ทำไมมึงไม่อยู่หอวะ” ผมโยนขวดน้ำให้พีทที่นั่งอยู่บนเตียง มันยังปวดหัวอยู่ เลยต้องกินยาพารา

“มีรถ” มันตอบสั้นๆ กระดกน้ำใส่คออึกใหญ่ กลืนยาลงไปแล้วก็โยนขวดทิ้งลงพื้น ผมมองมันเคืองๆ ที่ต้องตามเก็บขวดน้ำให้มัน

“นี่กูช่วยมึง เพราะถือว่ารุ่นน้องกูทำร้ายมึง เลยไม่อยากให้เกิดเรื่องใหญ่โตหรอกนะ ไม่ได้จะพามึงมาเป็นราชา ใช้งานกูเหมือนทาส”

“ขอโทษ ผมไม่มีแรงลุกแล้ว” มันเสียงอ่อยลง ยังไงผมก็เป็นรุ่นพี่ มันคงเกรงใจบ้าง

ผมนั่งลงข้างๆ มัน “จะให้กูทำอะไรก็บอกดีๆ”

“ครับ” มันก้มหน้านิ่ง แปลก มันในมุมนี้ก็น่ารักดี ไม่เหมือนตอนที่ทำหน้าหยิ่งๆ ยิ้มยียวนกวนตีนตอนนั้นเลยสักนิด ดูหงอยๆ ซึมๆ อาจจะเจ็บแผลและหวาดกลัวที่โดนกรทำร้ายล่ะมั้ง

“เด็กน้อย” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมลูบแก้มมันเบาๆ คือที่หัวมันเจ็บอยู่ เลยไม่กล้าแตะโดน มันเงยหน้ามองผมตื่นๆ แต่ไม่ได้ถอยหนี คงไม่มีแรงแล้วจริงๆ แก้มมันนิ่มมาก เหมือนมาชเมลโล

“พี่...อ่ะ...” มันหดคอหนีมือผมที่ลูบลงมาตรงคอ แก้มมันเริ่มอมชมพู น่ารักจนผมอดใจไม่ไหว ยื่นหน้าไปหอมแก้มมันทีหนึ่ง มันสะดุ้งโหยง มือที่ดันอกผมสั่นน้อยๆ “พี่กานต์...”

“อาบน้ำมั้ย?” ผมผละออกมาแล้วลุกขึ้นยืนเก้ๆ กังๆ พีทหน้าแดงระเรื่อหันหน้าหนีผม

“อือ”

“ลุกไหวยัง”

“ไม่ไหว” มันยืดขาสองข้างลงข้างเตียง สังเกตดีๆ จะเห็นเลยว่าขามันสั่น ตอนผมพาไปโรงพยาบาลยังไม่สั่นขนาดนี้ เพราะตอนนั้นสัญชาตญาณเอาชีวิตรอดของมันยังทำงานอยู่ แต่ตอนนี้เหลือเพียงอาการแพนิคเล็กๆ ของเด็กน้อยคนหนึ่งที่ไม่เคยโดนทำร้าย

ผมยืนนิ่งมองดูมันที่ช้อนสายตาขึ้นมองเหมือนลูกหมาตัวน้อยที่โดนทิ้ง ก่อนจะตัดสินใจ

“อ๊ะ! พี่! เหวอออ” มันร้องลั่นเมื่อผมช้อนร่างมันขึ้นอุ้ม ตัวมันเบากว่าที่คิดมาก เบาจนนึกว่าเป็นแค่ตุ๊กตายัดนุ่น มันกอดคอผมหลับตาปี๋ ไม่ได้ดิ้นรนหนีแต่อย่างใด ปล่อยให้ผมอุ้มพาไปห้องน้ำ

“อาบเองได้ใช่มั้ย?”

ผมถอนหายใจแรงเมื่อมันส่ายหน้า มือมันก็สั่น ถูกอุ้มเมื่อกี้เลยสั่นแม่งทั้งตัวแล้ว เด็กเอ๊ยเด็ก เวลาทำอะไรไม่ค่อยยั้งคิด พอโดนอีกฝ่ายกระทำกลับก็กลัวจนขี้ขึ้นสมอง

“ทีหลังก็อย่าทำเก่งไปยุ่งกับไอ้กรมัน ตัวมันใหญ่อย่างกับหมี” ผมว่าขำๆ กรมันตัวไม่ได้ใหญ่มากหรอก ก็เท่าๆ ผมนี่แหละ แถมผอมกว่าผมอีก ไม่คิดเหมือนกันว่าเวลาดับเครื่องชน มันจะแรงควายจับไอ้พีทหัวโขกชักโครกจนแตกยับได้

“พี่! ผมกลัว...กลัวไอ้นั่น...” ไอ้เด็กน้อยโวยวายกอดแขนผมพลางชี้ไปที่ชักโครก สงสัยจะอาการหนัก แบบนี้จะเข้าห้องน้ำยังไงวะ ผมส่ายหน้าแล้วหาผ้ามาคลุมชักโครกไว้

“เอ้า ไม่เห็นแล้ว อาบน้ำได้” พีทนั่งนิ่งทันที ชูแขนสองข้างให้ผมถอดเสื้อ ยืดขาออกให้ผมดึงกางเกงลง แม่งเหมือนเด็กประถม เห็นว่าบาดเจ็บหรอกนะ เลยยอมทำให้ขนาดนี้

ถอดเสื้อผ้าจนหมด ผมก็ถือฝักบัวราดน้ำบนตัวมัน พีทมันก็ไม่อายเลยสักนิด นั่งนิ่งให้ผมอาบน้ำจนเสร็จเรียบร้อย มันคงทำเองไม่ไหวจริงๆ จะมัวมาอายอยู่ก็ไม่ได้อาบสักที แล้วก็ผู้ชายเหมือนกัน จะกระมิดกระเมี้ยนอยู่ก็ใช่ที่

อาบเสร็จ ผมก็เอาผ้าเช็ดตัวห่อตัวมันไว้แล้วอุ้มออกไปใส่เสื้อผ้าด้านนอก ไอ้ตอนแต่งตัวเสร็จนี่แหละ ที่แม่งเกินอายขึ้นมา แหกปากลั่นว่าพอแล้วและกลิ้งตัวหันหลังหนีผม คือก็แต่งตัวเสร็จแล้ว แต่ผมกะจะทาแป้งให้มัน เลยเทแป้งใส่ฝ่ามือล้วงไปในเสื้อมัน เลยออกมาอย่างที่เห็น

“เขินอะไรป่านนี้วะ มึงนี่ประหลาด” ผมเลยต้องเอาแป้งแปะๆ ที่ขาตัวเองแทน เพราะยังไม่ได้อาบน้ำ ไม่รู้จะเอาไปทาตรงไหน พีทมันนอนหันหลังนิ่งไปแล้ว ผมเลยไม่สนใจ ปล่อยมันนอนไป แล้วลุกไปอาบน้ำบ้าง เมื่อกี้อาบให้มัน เสื้อผ้าก็เปียกไปหมดแล้ว

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็นั่งข้างเตียงเตรียมตัวนอน พีทหลับไปแล้ว มันพลิกตัวนอนตะแคงหันมาทางผม ปากอ้าเผยอน้อยๆ เหมือนหายใจอึดอัดไม่สบายตัวเท่าไหร่

แต่จังหวะที่ผมกำลังจะทิ้งตัวลงนอนเท่านั้นแหละ จู่ๆ ไอ้เด็กน้อยก็ร้องลั่นสะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งหอบแฮ่ก เล่นเอาผมตกใจเกือบหัวใจวาย

“ฮือออ” มันร้องไห้จ้า ผมรีบเข้าไปกอดปลอบขวัญ สงสัยจะฝันร้าย

“ไม่ร้องๆ ไม่มีอะไรแล้ว นอนเถอะ” ผมอาจจะเคยชินกับการเลี้ยงเด็ก เพราะมีน้องเล็กๆ ที่บ้าน เลยทำเหมือนมันเป็นเด็กเล็ก มันเองก็กอดผมแน่น ไอ้พีทเวลานี้ไม่เหลือเค้าความกวนตีนและนิสัยกร่างๆ ชอบข่มขู่ไอ้กรเหลืออยู่เลย

ผมลูบหลังมันอยู่สักพักจนมันหยุดร้อง ลมหายใจของมันเริ่มกลับมาเป็นปกติ ผมผละออกมา มองหน้ามันที่ตอนนี้ก็ยังมีคราบน้ำตา

“พี่ใจดีจัง” มันกะพริบตาปริบๆ อย่างน่ารัก

“ถ้ามึงเป็นเด็กดี กูจะใจดีกว่านี้อีก” ผมคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู

“ผมไม่ใช่เด็กสักหน่อย” มันหน้ามุ่ย

“ก็เถียงแบบนี้แหละเด็ก” ผมจิ้มหน้าผากมันเบาๆ พลางหัวเราะ ดวงตาของมันเป็นประกายสะท้อนแสงในความมืดสลัว แก้มขาวๆ แดงระเรื่อ กลิ่นสบู่หอมจางๆ จากตัวมันทำให้ผมใจเต้นแปลกๆ

“ไม่เถียงด้วยก็ได้ นอนดีกว่า” มันทำท่าจะทิ้งตัวลงนอน แต่ผมคว้าเอวมันไว้ เราสบตากันในความมืด ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ปลายจมูกของเราชนกันเบาๆ ก่อนที่มันจะหลับตาลงเมื่อผมประกบริมฝีปาก พีทโอบกอดรอบลำคอ ดึงรั้งหัวผมให้ประกบจูบแนบแน่นขึ้นอีก มันจูบเก่ง ผมเดาว่ามันต้องเคยมีแฟนมาก่อน หรืออาจจะยังคบอยู่ก็ได้ พอคิดแบบนั้นผมก็ชักไม่อยากยอมแพ้ อยากให้จูบของผมดีกว่าแฟนของมัน

ผมแทรกลิ้นเข้าไปภายในอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังหยั่งเชิง พีทไม่ต่อต้านแม้แต่น้อย ลิ้นของมันเข้าโรมรันพันตูกับลิ้นของผมทันที ผมดันร่างของมันลงนอนราบบนเตียง โน้มตัวลงคร่อมไว้ แต่พยายามไม่ให้กดทับตัวมัน เพราะกลัวว่ามันจะยังเจ็บอยู่ พีทแยกขาออกให้ผมแทรกตัวตรงกลาง เอาขาเกี่ยวเอวผมแน่น ผมเอามือยันเตียงไว้และบดจูบขยี้ริมฝีปากสีสดของมันจนเริ่มบวมเจ่อ

“เดี๋ยวพี่จะช่วยให้หลับสนิททั้งคืนเอง” ผมกระซิบเสียงพร่าข้างหูที่แดงก่ำนั้นพร้อมขบกัดแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว พีทสะดุ้งน้อยๆ ขาที่เกี่ยวเอวผมรัดแน่นขึ้นอีก จนไอ้ที่เริ่มมีปฏิกิริยาข้างล่างถูไปกับร่องก้นของมัน ผมเหมือนคนควบคุมสติอารมณ์ไม่อยู่ คงคล้ายๆ ไอ้กรตอนนั้นล่ะมั้ง

“อือ...” ผมจะถือว่านี่คือคำตอบรับจากมัน พีทหลับตาแน่นจนขนตาสั่นระริก ผมไซร้ไปตามใบหน้าและซอกคอของมันช้าๆ สูดดมกลิ่นหอมหวานจากร่างบาง มือนวดเค้นคลึงตามร่างกายแผ่วผิวและสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด เคลื่อนผ่านหน้าท้องไปยังเนินอกเนียนเรียบ ขยำหนักมือ บีบบี้ที่ยอดอกเม็ดเล็กจนพีทแอ่นอกร้องครางกระเส่า

แม่งโครตน่าฟัด!

แต่มันบาดเจ็บ ผมเลยไม่กล้าทำรุนแรงมาก แม้จะอยากขยี้ขยำไปทุกสัดส่วน ผมผ่อนลมหายใจลงและค่อยๆ จูบไซร้ไปเรื่อยๆ ถกเสื้อมันขึ้นและเลียหัวนมมันทั้งสองข้าง พีทยิ่งครางเสียงหวาน ขยับสะโพกเสียดสีกับน้องชายผม ทำไมมันรู้งานจังวะ อย่างกับ...เคยมาก่อน

“ไม่ใช่ครั้งแรก?” ผมขมวดคิ้วจ้องหน้ามันที่แสดงอารมณ์ออกมาเต็มที่ ตาหวานเยิ้ม ปากอ้าเผยอครางเสียงแผ่ว พีทส่ายหน้ารัว “ครั้งแรก แต่มึงโครตยั่ว”

“พูดมาก” มันเบะปาก จนผมนึกขำ “ปฏิกิริยาปกติป่ะวะ”

ผมนิ่งนึก ครั้งแรกที่ผมโดนไอ้กรทำ ไม่เห็นเป็นแบบมันเลย หรือเพราะผมไม่มีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ แม้จะเสียวนิดหน่อย เพราะกรแม่งโครตเก่ง แต่ก็แค่นั้นแหละ ผมไม่ได้ชอบมัน และที่สำคัญ ผมไม่ได้อยากเป็นฝ่ายโดนกระทำ

“มึงน่ารักว่ะ” ผมยิ้มกว้าง ก้มลงจูบปากมันเบาๆ “โครตน่ารัก”

“มึงเล่นคร่อมกูขนาดนี้ จะให้เอาแรงที่ไหนจับมึงกดกลับ”

“ขึ้นมึงกูไม่น่ารักแล้ว” ผมถอนหายใจแล้วทำท่าจะลุกหนี

“พี่กานต์!” มันตะโกนลั่น หน้างอหงิก

“อย่าใช้กูมึงกับพี่” ผมแกล้งยั่วมันเล่น มันกัดปากอย่างหัวเสีย ตวัดขารัดเอวผมจนเสียหลักล้มลงทับมันทั้งตัว เจ็บมั้ยล่ะมึง

“ก็ได้ ทำต่อเลยนะ อย่าให้ผมค้าง” ปากเล็กๆ นั่นขยับยู่ยี่ น่าบดขยี้ยิ่งนัก

ผมแค่นยิ้ม “อย่าร้องให้พี่หยุดแล้วกัน คุณหนูพีท”

******

“อ๊า~อ๊ะ...พี่กานต์...” เสียงร้องของมันน่ารักเหมือนเคย ตั้งแต่คืนแรกที่ผมเปิดซิงมัน หลังจากนั้นเราก็มีอะไรกันเกือบทุกคืน จนแผลบนหัวมันหายแล้ว มันก็ยังมานอนที่ห้องผมตลอด แทบไม่ขับรถกลับบ้านแล้ว

ไม่รู้เหมือนกันว่าเราคบกันในสถานะไหน แต่ผมก็พอใจที่ได้กอดมัน มันเองก็ดูจะชอบบทรักของผมด้วย

“ร้องดังๆ เลย พี่ชอบฟังเสียงของพีท อืม...” ผมรั้งเอวมันขึ้นจนเข่ามันแทบไม่ติดเตียง โน้มตัวลงโอบกอดร่างบางจูบไซร้ไปทั่วแผ่นหลังพลางร่อนเอวใส่ พีทมันชอบให้ผมควงสว่านและทะลวงแรงๆ ตอนใกล้จะเสร็จ

“อ๊า~” มันร้องครางเสียงดังขึ้น ผมก็ยิ่งกระแทกแรงขึ้นอีก ผนังอ่อนนุ่มด้านในเริ่มบีบรัดถี่รัว เกือบแล้ว อีกนิด ผมอุ้มพีทขึ้นนั่งทับต้นขา จับขาสองข้างของมันแยกออกและยกสะโพกบางขึ้นลงรับการสวนเอวของผม ตัวมันโครตเบา จะจับอุ้มยกท่าไหนก็สบาย ผมเอื้อมมือไปกุมแกนกายของมันที่ใกล้จะปะทุเต็มที มันกรีดร้องน้ำตาไหลพรากก่อนจะปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือของผม ส่วนผมก็รีดน้ำตามมันไปติดๆ ของเหลวสีขุ่นไหลเยิ้มออกมาจากช่องทางแดงจัดของพีทตอนที่ผมถอนตัวออกช้าๆ ในทุกจังหวะนั้น ร่างของพีทกระตุกสั่น มันครางในคอเหมือนเสียงร้องไห้ ผมเลยกอดและจูบเบาๆ ที่หลังคอเพื่อปลอบโยน

“พรุ่งนี้อย่าลืมไปขอโทษกรล่ะ แล้วพี่จะให้รางวัล” ผมอุ้มร่างบางลงนอนหงาย จูบเบาๆ อีกทีที่หน้าผากชื้นเหงื่อนั้น พีทยังหอบสั่นน้อยๆ ก็โดนไปหลายรอบอยู่กว่าผมจะยอมปล่อย ได้กอดมันแล้วหยุดไม่ได้เลยจริงๆ ผมรวบขามันแล้วจับยกขึ้น น้ำของผมยังไหลออกจากตรงนั้นไม่หยุด เลยคิดว่าต้องทำความสะอาดเสียหน่อย พีทตะปบไหล่ผมแน่นทันทีที่ปลายนิ้วของผมชิดปากทาง

“ไม่เอาแล้ว!” มันร้องเสียงเครือ ผมคลี่ยิ้ม กดนิ้วเข้าไปจนมันสะดุ้ง ทุบไหล่ผมดังอั่ก “พี่กานต์!”

“เอาน้ำออก เดี๋ยวมึงท้องเสีย” นิ้วของผมเสือกพรวดเข้าไปภายในเพราะมีตัวช่วยหล่อลื่น ผมคว้านเอาน้ำรักของตัวเองที่อยู่ในร่างมันออกมา พีทกัดปากจนเลือดซิบ ขาสั่นพั่บๆ เหมือนลูกนก เล็บจิกเกร็งบนไหล่ผม

“อา...อ๊ะ...”

“อย่าทำเสียงแปลกๆ ดิ เดี๋ยวก็ตื่นอีกจนได้” ผมชักวูบๆ ที่ท้องน้อย เพราะมันดันทำหน้าเซ็กจัดแถมส่งเสียงครางน่ารัก ผมหายใจฟืดฟาดอยู่ข้างหูมัน ปล่อยไปเยอะเลยล้วงออกมาเท่าไหร่ก็ไม่หมดเสียที ยิ่งผนังนุ่มๆ นั่นตอดรัดราวกับยั่วยวน ผมยิ่งตัวเกร็ง

“พีท...พี่จะไม่ทนแล้วนะ”

พีทช้อนสายตามองผมหวานเชื่อม ขาเรียวสวยไม่มีขนสักเส้นของมันข้างหนึ่งยกขึ้นพาดบ่าผมพร้อมส่ายสะโพกรับนิ้วที่คว้านภายใน ก่อนที่มันจะพูดจาน่าฟัดออกมาจนผมหุบยิ้มแทบไม่ลง

“ผมก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”

******

วันต่อมา พีทไปขอโทษกรแล้วก็วิ่งกลับมาหาผมที่ยืนแอบดูอยู่ข้างตึก มันคงอายและเสียศักดิ์ศรี ผมเข้าใจ แต่ในเมื่อมันเป็นคนหาเรื่องเขาก่อน มันเป็นคนผิด มันก็ต้องขอโทษ และหลังจากนี้ก็เลิกแล้วต่อกันไป ผมจะคอยควบคุมดูแล ไม่ให้ไอ้เด็กน้อยนี่ก่อเรื่องกับใคร

มันเครียดเรื่องที่บ้านและเรื่องเรียน ผมเข้าใจ มันระบายให้ผมฟังได้ ผมรับฟังทุกอย่าง และพร้อมจะอยู่เคียงข้างมัน แถมด้วยเรื่องคลายเครียดที่ทำให้พีทต้องร้องขอวันละหลายๆ รอบด้วยไปอีก

ระหว่างเรา ไม่มีใครพูดถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรือจะคบกันเป็นแฟน เป็นคนรัก แต่ผมคิดว่า แม้ไม่พูดออกมา มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ารู้สึกยังไง และถ้าวันหนึ่ง มันอยากไปจากผม ผมก็พร้อมจะปล่อยมือ

เราจะไม่ผูกมัดกันด้วยสถานะใดทั้งสิ้น เพราะพวกเราเป็นคนแบบนั้น

แต่อย่างน้อยๆ ตอนนี้

ผมก็รักมัน
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 14 [4/4/18] พีท [R-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-04-2018 11:33:55
พีทโดนของ น่าจะของแรงซะด้วย5555 :-[

มาดูของที่พีทโดนสิ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 14 [4/4/18] พีท [R-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-04-2018 11:34:51
พี่กานต์เป็นไส้เดือนหรอ โดนกรกด พอย้ายไปที่พีทกลับจับพีทกดซะงั้น แหล่มจริง ๆ เลยพี่กานต์เนี่ย  o13

นางสายเมะ ตอนกรนั่นไม่นับ ฮ่าๆๆๆ แต่จริงๆ ได้สองอย่างจะอยู่ง่ายในโลกนี้
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 15 [5/4/18] กานต์xพีท [NC-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-04-2018 14:44:08
พีทก็มีมุมตะมุตะมด้วยเนอะ555
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 15 [5/4/18] กานต์xพีท [NC-18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-04-2018 23:10:20
อึ้งกับนิสัยพีทเลยอ่ะ  :m22:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 15 [5/4/18] กานต์xพีท [NC-18]
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 05-04-2018 23:52:19
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าแมนแค่ไหนก็แพ้ได้จ้ะ  :laugh:

คือพี่กานต์มีความแมนมากสำหรับเราอะ
แต่โดนกรกดจนได้ ถึงจะแค่ครั้งเดียวก็เถอะ

นี่ยังไม่เชื่อเลยนะว่าพีทครั้งแรก

รอตอนต่อไป  :katai4:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 15 [5/4/18] กานต์xพีท [NC-18]
เริ่มหัวข้อโดย: Pankwun ที่ 06-04-2018 00:59:39
อะแหม เป็นรับก็ไม่บอกนะพีท ทำเก่งขู่กร อะโดว้ อยากอ่านตอนของกรกับพี่หมอคนสวยแล้วง่า
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 16 [24/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-05-2018 08:54:34
มาน้อยๆ ก่อน หลังจากนี้คือมันจะเข้าเรื่องแล้วล่ะ ที่ผ่านๆมาคือการปูทาง อิๆ

16
“เฮ้ย! ไงวะมึง ช่วงนี้รู้สึกติดมือถือนะ” แรงตบบนบ่าเบาๆ ทำให้กรเงยหน้ามองคนที่เข้ามาทักและนั่งลงข้างๆ ก่อนจะหันไปตอบไลน์ของวินต่อ ตั้งแต่ตกลงเป็นแฟนกันแบบลับๆ ก็คุยกันผ่านไลน์ทุกวัน พอตกเย็นกรก็จะไปเจอวินที่ห้างฯ ไกลจากมหาลัยไปหน่อย เพราะไม่อยากเจอคนรู้จัก แม้จะไม่ได้เดินจับมือกัน แต่แค่ได้เห็นหน้า กรก็พอใจมากแล้ว

“ก็ปกติน่า”

“แน่ะๆ มีอมยิ้ม” เวสป้าเอานิ้วจิ้มแก้มของกรเล่น ตั้งแต่พูดคุยเรื่องอาการนอนไม่หลับ ปรึกษากันเรื่องหมอจิตเวช ทั้งสองคนก็สนิทกันมากขึ้น ทั้งที่ตอนแรกเวสป้ายอมรับว่าไม่ค่อยชอบคนเงียบๆ และดูไม่เป็นมิตรอย่างกรเท่าไหร่ กรเองก็ไม่ค่อยชอบที่เวสป้ามักจะมองด้วยสายตาดูถูก แต่พอมาเป็นเพื่อนกันจริงๆ ต่างคนต่างก็ไม่ได้คิดกับอีกง่ายในแง่นั้นเลย กรไม่ใช่คนเงียบขรึม เขาแค่โลกส่วนตัวสูงและขี้อายนิดหน่อย ส่วนเวสป้าก็ไม่ได้ชอบดูถูกคนอื่น

“แล้วมึงกับไอ้ปั้น ตกลงยังไง?” แฟ้มเข้ามากอดคอกรแล้วกระซิบถามให้ได้ยินกันแค่สามคน เวสป้าเองก็สงสัยเรื่องนี้อยู่ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าปั้นจั่นชอบกร และเหมือนจะตามจิกอย่างกับเป็นแฟนกันอยู่พักหนึ่งด้วย เวลาที่กรหายไปไม่ได้บอกกล่าว ปั้นจั่นมักจะออกตามหาเป็นบ้าเป็นหลัง เค้นถามทุกคนที่คิดว่าสนิทกับกรและพวกที่เรียนเซคเดียวกัน

“ทำไมวะ? ก็เพื่อนกันไง” กรมองหน้าเพื่อนทั้งสองคนอย่าง งงๆ แฟ้มเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ส่วนเวสป้าก็กลอกตาไปมา

“ก่อนหน้านี้ กูคิดว่ามึงเป็นแฟนไอ้ปั้นซะอีก”

“สรุปมึงมีแฟนแล้ว แต่ไม่ใช่ไอ้ปั้นใช่มั้ยวะ”

โดนรุมถามมาขนาดนี้ กรก็เลยได้แต่ส่ายหน้ารัวๆ “ไม่ใช่เพราะกูชอบผู้หญิงนะ แต่กูไม่ได้ชอบปั้นแบบนั้น”

“งั้นแฟนมึงก็เป็นผู้ชายเหรอวะ” แฟ้มทำตาโตอย่างประหลาดใจ

กรพยักหน้ารับ แม้จะชั่งใจอยู่นานว่าควรบอกเพื่อนมั้ย แต่ก็ไม่อยากปกปิดเป็นความลับอะไร ถ้ามีคนถามก็พร้อมจะตอบตามตรง

“แบบนี้มึงต้องระวังนะ กูว่าไอ้ปั้นมันยังไม่ตัดใจง่ายๆ ถ้ารู้ว่ามึงชอบผู้ชายด้วยอีก มันจะยิ่งไม่ถอยแน่” เวสป้าที่อายุมากกว่ากร และดูเหมือนจะผ่านอะไรมาพอสมควรตบบ่าเพื่อนอย่างให้กำลังใจ แววตาของปั้นจั่นที่คอยมองไล่ตามหลังกรอยู่ทุกวัน ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องรู้ แต่ไม่มีใครอยากพูดอะไรเท่านั้น ถ้ากรไม่มีแฟน พวกเพื่อนๆ อาจจะแซวและเชียร์ให้ได้กับปั้นจั่น เพราะปั้นจั่นก็น่ารัก นิสัยดีกับเพื่อนๆ ทุกคน ติดที่คอยตามติดกรมากไปหน่อย แรกๆ ไม่ขนาดนี้ ทำให้หลายคนคิดว่ากรน่าจะรู้แล้วว่าปั้นจั่นชอบ ปั้นจั่นถึงได้กล้ารุกหนักขนาดนั้น

“แต่กูก็คุยกับมันแล้วนะ ว่ายังไงก็ได้แค่เพื่อน” กรทำหน้าลำบากใจ พักนี้ปั้นจั่นเงียบหายไปก็จริง แต่มันอาจจะเป็นความสงบก่อนพายุลูกใหญ่จะก่อตัว ไม่อย่างนั้นพวกเวสป้าคงไม่มาถามไถ่และเตือนด้วยความหวังดี

“ถ้าเคลียร์กันเข้าใจทั้งสองฝ่ายก็โอเค แล้วเย็นนี้มึงไปเดทกับแฟนป่ะเนี่ย” เวสป้ากระตุกยิ้มถาม เพราะเห็นกรกดมือถือยิกๆ อีกรอบ

“อือ” กรตอบรับในคอ เพื่อนๆ เลยหมั่นไส้ยีหัวเขาเล่นกันใหญ่

ทุกอย่างในชีวิตเหมือนเริ่มจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ได้รู้จักกับวิน กรเลยยิ่งรักวินมากขึ้นทุกวัน นอกจากเป็นแฟนที่น่ารักแล้ว พี่วินของเขายังเป็นที่ปรึกษาที่ดีในหลายๆ เรื่อง

“วันนี้กรอยากทำอะไรครับ ดูหนังมั้ย?” วินถามขึ้นตอนที่เดินผ่านโซนหน้าโรงหนังในห้างฯแห่งหนึ่ง กรหันมองตาม ช่วงนี้มีหนังน่าสนใจพอดี

“เดดพูล2 มั้ยพี่” เด็กหนุ่มชวนทันที แต่ลืมนึกไปว่าวินจะชอบหนังแนวนี้หรือเปล่า “อ๊ะ ขอโทษครับ ถ้าพี่ไม่ชอบ ดูเรื่องอื่นก็ได้นะ”

วินหัวเราะคิก “ดูได้หมด ภาคแรกพี่เคยดูแบบแผ่นนะเรื่องนี้ กรชอบเรื่องเหรอ?”

“ก็...ชอบ” สายตาของเด็กหนุ่มจ้องมองใบหน้าสวยๆ ที่กำลังหัวเราะอย่างน่าเอ็นดูของหนุ่มรุ่นพี่ กรเขยิบเข้าไปยืนใกล้ๆ ร่างสูงโปร่งที่วันนี้สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนบางๆ ได้กลิ่นหอมจางๆ ของน้ำหอมกลิ่นเดียวกันกับตัวเขา เพราะเป็นยี่ห้อที่วินซื้อให้คราวก่อน

“พี่กดซื้อตั๋วในแอพแล้วล่ะ อีกครึ่งชั่วโมง” วินชูหน้าจอสมาร์ทโฟนให้ดู

“อะไรกัน ผมอยากเลี้ยงพี่มั่ง ไวไปมั้ยเนี่ย” กรทำหน้ายู่เหมือนเด็กๆ จนวินอดหัวเราะอีกรอบไม่ได้ มือนุ่มขยี้ผมคนตัวสูงกว่านิดหน่อยเบาๆ

“ไว้เรียนจบ ทำงานเมื่อไหร่ พี่จะขอให้เลี้ยงทุกวันเลยดีมั้ย”

“โห อีกตั้งสามปีเลยนะพี่” กรจ้องตากับวินด้วยความหลงใหล จนวินต้องรีบลดมือลง เพราะไม่ได้อยู่ในที่ส่วนตัว เขาเองก็ลืมตัวไปเหมือนกัน พอเห็นวินยิ้มอ่อนแล้วหันหน้าหนีไปอีกทาง กรเลยกะพริบตาถี่ๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ตามกฎของวินคือ ห้ามทำตัวรุ่มร่ามในที่สาธารณะ และกรก็ยอมรับข้อตกลงนี้แล้ว

“ที่พี่พูด ก็คือหลังจากนี้ไปอีก 3 ปี จนกว่ากรจะได้ทำงาน และหลังจากกรทำงานไปอีกหลายๆ ปี เราก็ยังอยู่ด้วยกันไง” แก้มขาวๆ ของวินขึ้นสีแดงจางๆ กรอมยิ้ม

“โอเคครับ”

******

หลังจากดูหนังจบแล้ว ทั้งสองคนก็เดินไปที่ลานจอดรถ แต่ต้องแยกกันกลับ เพราะกรเอามอเตอร์ไซค์มา ส่วนวินก็ขับรถยนต์กลับ แต่ก่อนแยกกัน กรขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาวินที่รถ กะจะโบกไม้โบกมือส่ง

“ไหนคุณบอกว่าทำวิจัยยุ่งมากไง แล้วมาทำอะไรแถวนี้จนดึกดื่น” กรเบรกรถเกือบไม่ทัน เลี้ยวมอเตอร์ไซค์จอดหลบหลังเสาเพื่อดูสถานการณ์ เพราะมีผู้หญิงสามคนยืนรุมอยู่หน้ารถของวิน คนที่คุยกับวินท่าทางหัวเสียเอาเรื่อง ทั้งกระชากแขนและทุบอก สีหน้าท่าทางของวินไม่ค่อยสบอารมณ์นัก คล้ายจะรำคาญ

“ผมมาทำธุระ” วินถอนหายใจแรง ผู้หญิงสาวร่างสูงเพรียวในชุดแซกสีครีม คว้าต้นแขนของวินไว้แล้วเขย่าไปมา เธอดูหงุดหงิดมาก

“โกหก! คุณมีเมียน้อยใช่มั้ยวิน! ถึงได้ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง อ้างแต่ว่าทำงาน แล้วพามันมาเที่ยว คงไม่ได้ไปนอนกกกันที่หออาจารย์ด้วยหรอกนะ”

“เข็ม! เอาอะไรมาพูด” วินถลึงตาใส่เจ้าหล่อน เพื่อนๆ ของภรรยาอีกสองคนช่วยกันดึงมือของวินออกจากไหล่ของเข็ม

“ฉันเห็นคุณไปกับเด็กผู้หญิงใส่ชุดนักศึกษาเมื่ออาทิตย์ก่อน” เพื่อนสาวนางหนึ่งเอ่ยขึ้น กรนิ่งฟังอยู่ข้างเสา

เด็กผู้หญิงใส่ชุดนักศึกษา?

“นั่นลูกศิษย์ผม” วินแสดงสีหน้าเอือมระอาเต็มทน “มีอะไรค่อยไปคุยที่บ้านนะเข็ม จะกลับกับผมหรือเพื่อนของคุณ?”

“ฉันจะกลับกับยัยมี่ แต่คืนนี้คุณต้องกลับบ้าน เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะวิน!” เข็มโวยวายชี้หน้าคาดโทษสามี แม้จะเป็นการแต่งงานแบบคลุมถุงชนทั้งสองฝ่าย แต่ขึ้นชื่อเป็นสามีภรรยากัน เข็มยอมไม่ได้ที่จะปล่อยวินไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยโดยที่เธอไม่รู้ ยิ่งตอนนี้ยังไม่มีลูกด้วยกัน ถ้าเกิดวินมีเมียน้อยจริง และมีลูกกับเมียน้อยขึ้นมา ทั้งสมบัติและตัววินก็ต้องแบ่งครึ่งไปอีก

กรยืนมองรถของอาจารย์ที่ขับกระชากออกไปจากตรงนั้น สามสาวก็ขึ้นรถคันสีแดงที่อยู่ไม่ไกลกันแล้วขับตามออกไปด้วย

เขาไม่แน่ใจว่าเรื่องเด็กผู้หญิงชุดนักศึกษาที่ภรรยาของอาจารย์พูดคืออะไร อาจจะเป็นแค่ลูกศิษย์อย่างที่วินบอก เพราะทุกเย็น วินก็มีนัดกับเขาตลอด กลับห้องไปก็ยังวิดีโอคอลหากันก่อนนอน กรเลยมั่นใจว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยังดีที่พวกนั้นไม่เห็นวินอยู่กับเขา หรือถึงเห็น ก็คงไม่ได้สงสัยอะไร เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ที่สำคัญพวกเขาไม่ได้แสดงท่าทีเหมือนคนรักหรือแฟนกันเวลาอยู่ข้างนอกเท่าที่ควรด้วย

ความสัมพันธ์ที่เหมือนครึ่งๆ กลางๆ อย่างนี้ ทำให้กรฉุกคิดขึ้นมาเมื่อเห็นภรรยาของอาจารย์

วินบอกว่าจะหาทางหย่ากับเข็ม แต่มันต้องใช้เวลา

แล้วมันจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันล่ะ?

อีก 3 ปี จนกรเรียนจบ หรือจนกรทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ อีก 10 หรือ 20 ปี

กรไม่รู้เลย...

tbc
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 15 [5/4/18] กานต์xพีท [NC-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-05-2018 08:55:43
พีทก็มีมุมตะมุตะมด้วยเนอะ555

อยู่กับกานต์แล้วแบ๊ว
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 15 [5/4/18] กานต์xพีท [NC-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-05-2018 08:56:24
อึ้งกับนิสัยพีทเลยอ่ะ  :m22:

จริงๆ นางไม่ร้ายนะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 15 [5/4/18] กานต์xพีท [NC-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-05-2018 08:57:19
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าแมนแค่ไหนก็แพ้ได้จ้ะ  :laugh:

คือพี่กานต์มีความแมนมากสำหรับเราอะ
แต่โดนกรกดจนได้ ถึงจะแค่ครั้งเดียวก็เถอะ

นี่ยังไม่เชื่อเลยนะว่าพีทครั้งแรก

รอตอนต่อไป  :katai4:

ถ้ากรไม่เล่นทีเผลอ มัดกานต์ตอนหลับ ก็คงไม่ได้กด ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 15 [5/4/18] กานต์xพีท [NC-18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-05-2018 08:58:11
อะแหม เป็นรับก็ไม่บอกนะพีท ทำเก่งขู่กร อะโดว้ อยากอ่านตอนของกรกับพี่หมอคนสวยแล้วง่า
กรกับพี่วินคนสวยกลับมาพร้อมดราม่าจัดเต็ม...
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 16 [24/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-05-2018 10:42:23
ไหนจะปั้นจั่นไหนจะยัยเข็ม ปวดหัวแทนน้องกร :ling1:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 16 [24/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-05-2018 12:44:48
ถึงเวลาคุยกับเมียแล้ววิน   :katai1:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 17 [26/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-05-2018 23:24:57

17
เพราะกรตั้งมั่นไว้ในใจแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวของวิน จึงไม่ได้ถามถึงคืนนั้นที่วินกลับบ้านไปกับภรรยา หลังจากมีปากเสียงกันที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า วินเองก็ไม่รู้ว่ากรเห็นเหตุการณ์ และไม่ได้พูดหรือเล่าอะไรให้ฟัง ทั้งสองคนยังคงนัดเจอกันในบางวันและวิดีโอคอลคุยกันก่อนนอนทุกคืนตามปกติ

แต่ความรู้สึกของกรมันบอกว่า วินไม่ปกติ

“พี่วิน ถ้าเหนื่อย จะกลับเลยก็ได้นะครับ” วันนี้ก็เหมือนอีกหลายๆ วันที่พวกเขานัดมาเดินเที่ยวและกินข้าวด้วยกัน วินบอกว่าเจอทุกวันไม่ได้ และกรก็ไม่ได้เรียกร้องหรือตั้งคำถามอะไรกับเรื่องนั้น เขารู้ว่าอาจารย์มีงานยุ่ง ไหนจะเรื่องที่บ้านอีก

“อ๊ะ เอ่อ...” วินเงยหน้าขึ้นสบตากับเด็กหนุ่มที่จ้องเขาอยู่ แววตาของกรแสดงความห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง และมันทำให้วินรู้สึกหวั่นไหวเสมอ

วินรักเด็กคนนี้มากขึ้นทุกวัน กรไม่เคยถามเซ้าซี้เรื่องของเขาแม้สักครั้งเดียว ทั้งที่คบกันในฐานะแฟนแล้ว กรก็มีสิทธิ์จะเรียกร้องจากเขาให้เต็มที่ ทั้งที่เมื่อก่อนตอนคุยกันแบบไม่เห็นหน้า พวกเขาทำเรื่องลามกด้วยกันประจำ แต่พอได้คบกันจริงจัง กรค่อนข้างให้เกียรติวินอย่างมาก เป็นเด็กที่รู้จักกาลเทศะ เวลาอยู่ในที่สาธารณะ น้อยครั้งมากที่จะเผลอทำตัวรุ่มร่ามใส่ ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากเกินจำเป็น เวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองในรถ กรก็แค่จับมือหรือไม่ก็ขอจูบ ไม่เคยทำเกินเลยกว่านั้น แม้ว่าวินจะเปิดช่องว่างและให้โอกาสอย่างเต็มที่ แต่กรไม่เรียกร้อง เหมือนแค่ได้อยู่ข้างๆ ก็พอใจแล้ว คงเพราะอาการของกรดีขึ้นมากแล้วด้วย เด็กหนุ่มจึงควบคุมอารมณ์ต่างๆ ของตัวเองได้มากกว่าแต่ก่อน

“พี่...แค่เครียดๆ น่ะ ไม่ได้เหนื่อยอะไรหรอก” วินตัดสินใจบอกออกไปตามตรง เขาไม่ได้เหนื่อยกาย แต่เป็นที่หัวใจ

“นักจิตวิทยาก็เครียดเป็นสินะครับ” กรแกล้งแซวด้วยดวงตายิ้มๆ แต่วินยังยิ้มไม่ค่อยออก กรอยากจะถาม แต่ก็ไม่กล้า

“กร...พี่มีเรื่องต้องบอก” หลังจากตัดสินใจอยู่นาน วินก็คิดว่าควรเล่าเรื่องของตัวเองให้กรฟังบ้าง แม้เด็กหนุ่มจะไม่ได้ถามก็ตาม แต่ยังไงก็ต้องอยากรู้ ต้องสงสัย เพียงแค่กรเป็นคนขี้เกรงใจเกินไป

“ครับ?” ยิ่งมองหน้าและแววตาซื่อๆ ของเด็กหนุ่มร่างสูงที่เอียงคอมองมาแล้ว วินยิ่งเจ็บแปลบในอก

“พี่ยังเลิกกับเข็มไม่ได้”

“เหรอครับ” กรเพียงรับคำสั้นๆ และไม่ได้ถามอะไรมากกว่านั้น บางครั้งความนิ่งของเด็กอายุแค่ 18-19 คนนี้ก็ทำให้ภวินท์รู้สึกไปไม่เป็นเหมือนกัน

กรนิ่งเกินไปแล้ว

“ถ้านายไม่ไหว จะเลิก...”

“อย่าพูดคำนั้นได้มั้ยครับ” กรขัดขึ้นมาทันที “ผมบอกว่ารอได้ ก็คือจะรอ ต่อให้นานแค่ไหน ก็จะรอ”

ภวินท์สะท้านในอกจนต้องย่นคิ้วเข้าหากัน กรเด็กกว่าเขาหลายปีมาก แถมยังมีปัญหาในชีวิตมาพอสมควร แต่กรก็สู้กับตัวเองจนผ่านมาได้ขนาดนี้ ถ้าไม่เข้มแข็งพอคงทำไม่ได้แน่นอน ภายนอกอาจจะดูอ่อนแอและหวาดกลัว แต่ภายในของกรไม่อ่อนไหวและเปราะบางง่ายๆ

“ต่อให้ต้องรอทั้งชีวิต ผมก็เตรียมใจไว้แล้ว ว่าจะอยู่ข้างๆ พี่แบบนี้ตลอดไป” เพราะสีหน้าของภวินท์ ทำให้กรขยายความเพิ่มไปอีก มือหนาแสนอบอุ่นของเด็กที่อายุน้อยกว่าเป็นสิบปียื่นไปแตะที่แก้มซ้ายของเขาแผ่วเบา ก่อนจะผละจากแทบจะในทันที เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็นเข้า

กรกำมือข้างนั้นไว้แน่นที่ข้างตัว พยายามส่งยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจ ต่อให้อยากจับมือวินไว้แน่นแค่ไหน กรก็รู้ว่าสุดท้ายต้องยอมปล่อยอยู่ดี

ตรงนี้ ที่นี่ ไม่ใช่ที่ของกร

กรรู้ตัวดี

“กร...” วินหรุบตาลงมองเท้าตัวเอง จะรักใครสักคนและอยู่ด้วยกัน ทำไมมันถึงได้ยากเย็นขนาดนี้ คืนนั้นเคลียร์เรื่องเมียน้อยกับเข็มแล้วก็จริง แต่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องหย่า เพราะเจ้าหล่อนเล่นตวาดใส่แว้ดๆ จนเถียงแทบไม่ทัน ขืนพูดเรื่องหย่า มีหวังได้โทรไปเฉ่งเขาให้พ่อกับแม่ฟังแน่นอน

“กลับกันเถอะครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยชวน และรอให้ภวินท์เป็นฝ่ายเดินนำไปก่อน วันนี้กรจอดรถไว้ที่คณะของวิน และนั่งรถยนต์คันสีดำมาด้วยกัน นานๆ ครั้งมาด้วยกันบ้าง ไม่ทำให้เป็นจุดสังเกต ส่วนใหญ่ก็รู้กันว่าอาจารย์ภวินท์มีนักศึกษาที่ต้องดูแลรับผิดชอบมากมาย ช่วงไหนจะไปกับใครเป็นพิเศษก็อีกเรื่อง

ระหว่างนั่งมาในรถ กรยังคงชวนคุยตามปกติ พูดเรื่องหนังที่ชอบดู เรื่องเรียน เรื่องเพื่อนๆ ที่ช่วงนี้มีเพิ่มขึ้นและสนิทกับพวกเวสป้ามากขึ้นแล้ว หลังจากเจอวิน ทุกอย่างก็ดีขึ้นจริงๆ

“วันนี้ให้พี่ไปส่งที่ห้องนะ” วินเหลือบมองปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มที่กำลังกดหาเพลงฟังจากคลื่นวิทยุ

“ก็ได้นะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมให้ไอ้เวสมารับตอนเช้าก็ได้” กรยิ้มรับ เลือกคลื่นที่เปิดเพลงเบาๆ ฟังสบาย เพราะรู้ว่าวินชอบแนวไหน

ภวินท์เงียบอึดใจ และเอ่ยขึ้นเมื่อเลี้ยวรถเข้าไปในซอยหอพักของกรแล้ว

“พี่จะค้างที่ห้องของกร ได้รึเปล่า”

กรเงยหน้ามองคนพูดทันที สมองประมวลผลไม่นานก็เข้าใจความหมายที่วินพูดออกมา เด็กหนุ่มยกมุมปากขึ้นยิ้มเป็นคำตอบรับ

เป็นครั้งแรกที่วินขอมาค้างที่ห้องของกรด้วยตัวเอง

“อื้อ เบาหน่อย” ร่างโปร่งบางร้องประท้วงเมื่อถูกเด็กหนุ่มรุกเร้าจนหายใจหายคอไม่ทัน ริมฝีปากร้อนและเล็มชิมความหวานของเรียวปากสวยสีชมพูอ่อนอย่างกระหาย ไม่ว่าจะจูบอีกกี่ครั้งก็ไม่เคยรู้สึกว่าพอ เวลาจูบกันในรถ กรจะทำอย่างเบาปาก ไม่ได้ดูดเม้มและขบกัดรุนแรงเร่าร้อนขนาดนี้ ทำให้วินไม่ค่อยชินเท่าไหร่

“ผมอยากกอดพี่จนแทบคลั่ง แต่ต้องอดทนไว้ รอให้พี่เป็นฝ่ายเรียกร้องก่อน” มือหนาสอดไล้เข้าไปในเสื้อเชิ้ตตัวบาง บีบเค้นตามแนวโค้งเว้าของบั้นเอวบางหนักมือจนผิวขาวอมชมพูของวินขึ้นสีแดงเป็นปื้น

“ทำไมล่ะ” ใบหน้าสวยเงยแหงนให้เด็กหนุ่มดูดเลียที่คอ รู้สึกจักจี้นิดหน่อยกับผมนุ่มๆ ของกรที่ละคอ

“เพราะผมไม่อยากโดนพี่ปฏิเสธ”

วินนิ่งไปเล็กน้อยกับคำตอบนั้น กรคงกลัวว่าถ้ารุกมากไป วินจะรังเกียจและไม่ยอมให้กอด ความรู้สึกของคนที่ถูกปฏิเสธ กรคงไม่อยากได้รับมัน

ร่างบางเอื้อมแขนโอบกอดเด็กหนุ่มไว้แน่น อยากให้รู้ว่า จะไม่มีวันปฏิเสธความรักของกรเป็นอันขาด

“พี่...รักกรนะ” สิ้นคำนั้น กรละริมฝีปากจากคอขาวขึ้นมามองหน้าเขาด้วยแววตาทอประกาย เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มและประกบจูบอีกครั้งอย่างโหยหา

อยากจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ กอดกันไว้อย่างนี้

Rrrr


จู่ๆ เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนของกรก็ดังขึ้นขัดจังหวะ วินผลักร่างตรงหน้าออกและบอกให้รับสายก่อน

กรทำตามอย่างว่าง่าย แม้จะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่พอเห็นหน้าจอแสดงชื่อที่โทรเข้ามา ก็รีบกดรับทันที

“ครับแม่?”

[กร!  พ่อเขา...พ่อ....ฮือออ] เสียงร้องไห้ของแม่ดังลอดออกมา จนวินเองยังต้องลุกขึ้นมองด้วยความไม่สบายใจ

“เกิดอะไรขึ้นครับ ใจเย็นๆ ก่อนนะแม่” กรร้อนรน เพราะไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้ฟูมฟายขนาดนี้มาก่อน สังหรณ์ใจว่าต้องเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรบางอย่าง

กว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ก็นานพอสมควร แม่บอกว่าพ่อเกิดอุบัติเหตุ รถเฉี่ยวชนกับรถมอเตอร์ไซค์ พ่อหักหลบจนพลิกคว่ำไหลลงไปในคูน้ำ และตอนนี้ก็นอนไม่ได้สติอยู่ในห้อง ICU เรื่องเกิดเมื่อตอนเย็น กว่าแม่จะตั้งสติได้และโทรบอกกรก็เกือบดึกแล้ว

“ผมต้องกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย พวกน้องๆ อยู่กันตามลำพัง” กรหยิบแว่นตามาใส่ คว้ากระเป๋าเป้แล้วเก็บข้าวของยัดลงไปลวกๆ วินจัดเสื้อผ้าเข้าที่และลุกตามไป

“งั้นให้พี่ไปส่ง”

“ไม่เป็นไรครับ แค่พาผมไปเอารถก็พอ” เพราะมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ที่หน้าคณะจิตวิทยา “พี่กลับไปนอนที่ห้องเถอะ”

“อืม แล้วแต่กรละกัน” วินพยักหน้า ก่อนจะวิ่งตามกรไปลงลิฟท์

วินส่งกรที่หน้าคณะ รอจนกรขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปจากมหาวิทยาลัยแล้วจึงกลับห้องของตัวเอง ส่วนกรตรงกลับบ้าน ดีที่ดึกแล้วรถไม่ติด ไปถึงบ้านก็เกือบเที่ยงคืนได้ พวกน้องๆ ยังไม่เข้านอน นั่งรอกรอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก

“พี่กร!” นภนต์กับนภันต์ร้องเรียกพี่ชายพร้อมกันแล้ววิ่งเข้าไปกอดไว้ เด็กๆ คงจะกลัวและขวัญเสียที่ได้ข่าวพ่อ แถมยังต้องอยู่บ้านกันตามลำพังเป็นครั้งแรกตอนกลางดึก

“พี่มาแล้ว ไปนอนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย” กรวางมือบนหัวเล็กๆ ของน้องๆ ทั้งสองคน นานแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากัน แต่พวกน้องๆ ก็ยังมองเขาด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนเคย

กรคิดทบทวนถึงเรื่องที่ผ่านๆ มา ตั้งแต่ถูกรังแกตอนม.ต้นและผลการเรียนตกลง ทั้งพ่อและแม่ก็แทบไม่เคยพูดจาดีๆ ด้วยเลย แต่พอช่วงม.ปลาย น้องๆ เริ่มมีผลงานที่โรงเรียน เข้าแข่งขันวิชาการต่างๆ และได้รางวัลเหมือนสมัยเขาอยู่ประถม พ่อกับแม่ก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้น แม้จะไม่ได้ให้ความสนใจกับตัวเขาเท่าที่ควร แต่กรก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีแล้ว เพราะเด็กวัยรุ่นอย่างเขาก็ไม่ได้อยากเกาะติดกับพ่อแม่ ยิ่งพอเข้ามหาวิทยาลัยได้ พ่อกับแม่ก็กลับมาเอาอกเอาใจเหมือนเดิม แถมยังตามใจกว่าเดิมด้วย จะเรียกว่าตามใจหรือเปล่า กรไม่แน่ใจ แต่ตอนที่ขอไปอยู่หอก็ให้ ขอมอเตอร์ไซค์ไว้ขับไปมอก็ให้ แถมไม่มาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวอีกด้วย เป็นความใจดี ที่บางครั้งก็ดูห่างเหินแปลกๆ

พ่อคงรู้ว่ากรไม่ค่อยอยากเจอหน้า ส่วนใหญ่เป็นแม่ที่โทรหาและขอให้กลับบ้าน แต่กรก็อ้างนั่นอ้างนี่ไม่ค่อยอยากกลับมาบ้าน ตั้งใจว่าเรียนจบเมื่อไหร่ก็จะแยกออกไปอยู่คนเดียวเลยด้วยซ้ำ ถึงตอนนั้นพวกน้องๆ ก็คงโตกว่านี้แล้ว ดูแลตัวเองได้มากแล้ว แม้จะห่วงแม่นิดหน่อย แต่กรคิดว่าการอยู่บ้านต่อไป ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ต่อให้พ่อกับแม่จะไม่ก้าวก่ายชีวิตของเขาในตอนนี้ แต่ถ้ารู้เรื่องที่กรชอบผู้ชาย...อาจจะมีปัญหาอีกก็ได้

เพราะกรรู้ว่าพ่อกับแม่ห่วงหน้าตาทางสังคมยิ่งกว่าอะไร ไม่ต่างจากบ้านของอาจารย์ภวินท์นักหรอก

เช้าวันต่อมา แม่ฝากให้กรดูแลน้องไปก่อน เพราะต้องไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล ที่บ้านมีรถยนต์อีกคัน แม่บอกให้เขาเอาไปใช้ จะได้ไปรับไปส่งน้องๆ ที่โรงเรียนได้ โรงเรียนของแฝดอยู่ระหว่างทางไปมหาวิทยาลัยของกรพอดี แม่เลยอยากฝากให้พาน้องไปอยู่ด้วยชั่วคราว ซึ่งกรไม่อยากรับฝาก แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ

“เฮ้ย! ทำไมวันนี้มึงขับรถมาวะ ทุกทีเห็นขี่มอเตอร์ไซค์” เสียงแฟ้มร้องทักทันทีที่เห็นกรลงจากรถยนต์คันสีขาวของแม่แล้วเดินขึ้นมาบนตึกเรียน ปั้นจั่นชะเง้อมองกรเหมือนเคย ส่วนเวสป้าก็มองที่รถ

“อย่าบอกนะว่าแฟนมึงเปย์มา”

“จะบ้าเหรอ ของแม่กู” กรโยนกระเป๋าเป้ลงบนโต๊ะแล้วนั่งลงตรงที่ว่าง ซึ่งอยู่ข้างๆ ปั้นจั่นพอดี พวกแฟ้มมองหน้ากันทันที บรรยากาศระหว่างปั้นจั่นกับกรยังไม่ค่อยสู้ดีนัก

“งานเมื่อวานของจารย์รฐา กูซีร็อคไว้ให้แล้ว” ปั้นจั่นยื่นชีทงานไปให้กรที่หันหน้าไปรับมา กรยิ้มให้พร้อมคำขอบคุณ แฟ้มกับเวสป้ายังแปลกใจนิดๆ แต่ไม่กล้าถามมาก ในเมื่อกลับมาเป็นเพื่อนกันได้ตามปกติแล้วก็ดี

“แล้วทำไมแม่มึงให้เอารถมาขับวะ” เวสป้าเบนเข็มมาที่เรื่องแรก

“พ่อกูเข้าโรงบาล แม่เลยให้เอารถไว้ส่งน้องไปโรงเรียน นี่ก็ต้องตื่นแม่งตี 4” กรส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“พ่อกรเป็นอะไรมากรึเปล่า แบบนี้ก็ต้องดูแลน้องไปก่อนเหรอ” เป็นปั้นจั่นที่ถามขึ้นด้วยความห่วงใย ต่อให้ความสัมพันธ์มันจะเปราะบางและเหมือนจะแตกหักได้ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้ แต่ก็ยังอยากอยู่ข้างๆ

ซึ่งมันคงไม่ต่างกับที่กรอยากอยู่ข้างๆ วิน

“อืม พ่อคงต้องนอนโรงบาลอีกอาทิตย์สองอาทิตย์ กูเลยต้องกระเตงน้องมาไว้ที่หอด้วย เพราะพวกมันทำอะไรเองไม่ค่อยเป็น”

“พวกมัน?” ปั้นจั่นทำหน้าสงสัย

“กูมีน้องสองคน เป็นแฝด” กรตอบอย่างไม่ใส่ใจ เปิดสมุดจดงานที่ปั้นจั่นส่งมาให้

“มีน้องแฝดซะด้วย อยากเห็นว่ะไอ้กร พี่มันหน้าตาดี น้องก็คงน่ารัก” เวสป้าแซว กรหัวเราะหึพลางยักไหล่

“น้องกูอายุแค่ 12 ยังอยู่ป.6 อยู่เลย แล้วก็...เป็นเด็กผู้ชายว่ะ”

“ทำไมมึงเพิ่งบอกเนี่ย ไอ้สัสกร” คนที่แอบฝันว่าจะเจอสาวน้อยฝาแฝดน่ารักน่าชังโดนดับฝันมันซะอย่างนั้น ทำเอาเพื่อนๆ หัวเราะกันสนุกสนาน

พ่อฟื้นแล้ว แม่ส่งไลน์มาบอกกรเรียบร้อย แต่อาการยังทรงๆ ต้องอยู่โรงพยาบาลอีกนานอย่างที่คิด กรกะว่าวันเสาร์นี้จะพาน้องไปเยี่ยม เขาส่งไลน์ไปบอกวินเรื่องพ่อแล้วตั้งแต่เมื่อคืน รวมทั้งเรื่องที่ต้องรับน้องๆ มาดูแลที่หอด้วย วินอยากไปเยี่ยมพ่อของกรด้วย แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไปในฐานะอะไร กรเองคงยังไม่ได้บอกที่บ้านเรื่องที่คบกับผู้ชาย และจากที่เคยมาปรึกษา ทางบ้านของกรน่าจะคล้ายๆ บ้านของวิน เรื่องของพวกเขาจึงควรเป็นความลับกับทั้งสองครอบครัว

“กร จะไปรับน้องที่โรงเรียนเหรอ” ปั้นจั่นเดินตามลงมาหลังเรียนคาบบ่ายเสร็จแล้ว กรหันไปพยักหน้ารับ ขายังคงเดินลงบันไดจนถึงขั้นสุดท้าย แล้วเดินต่อไปยังลานจอดรถ โดยมีปั้นจั่นเดินตามอยู่ใกล้ๆ

“มีอะไรรึเปล่าปั้น?” กรหันไปถามก่อนจะกดรีโมทปลดล็อครถ

ปั้นจั่นมองหน้าเขาเหมือนอยากจะพูดอะไร “คือ...ให้เราช่วยอะไรมั้ย?”

“อะไร? ยังไง?” กรไม่เข้าใจคำถาม เขายืนขมวดคิ้วมองหน้าปั้นจั่นกลับไป

“ก็ กรดูยุ่งๆ เมื่อเช้าก็หน้าตึงๆ ดูแลเด็กตั้งสองคนคงปวดหัวแย่ ให้เราช่วยมั้ย”

“จะดีเหรอวะ” กรอยากให้ช่วยเรื่องนี้จริงๆ แต่ก็เกรงใจเพื่อน ปั้นจั่นรีบยิ้มกว้าง

“ดีสิ เราชอบเล่นกับเด็กๆ นะ มีน้องวัยเดียวกับน้องๆ ของกรด้วย”

“อืม ก็ได้ ขอบใจล่วงหน้านะ” กรยิ้มรับ

“งั้น เราไปรับเด็กๆ ด้วยคนนะ” ปั้นจั่นเข้ามาเกาะแขนกรอย่างสนิทสนมเหมือนเคย แม้รู้เต็มอกว่ากรมีแฟนแล้ว แต่ปั้นจั่นก็ยังอยากพยายามต่อไป ทุกวิถีทาง

กรบอกว่ามีแฟนแล้วก็จริง แต่ไม่เคยเห็นเอารูปมาลงอวดเพื่อนๆ หรือพามาเจอที่คณะเลยสักครั้ง ปั้นจั่นไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือใคร แต่ถ้าไม่กล้าเปิดเผยตัวขนาดนี้ บางที อาจจะยังมีหวังที่จะทำให้กรเปลี่ยนใจก็ได้

กรพาปั้นจั่นไปรับน้องๆ ที่โรงเรียน พวกเด็กๆ เห็นหน้าปั้นจั่นครั้งแรกก็เหมือนจะชอบแล้ว เพราะปั้นจั่นหน้าตาน่ารักและตัวเล็ก แถมยังยิ้มแย้ม ต่างจากพี่ชายตัวโตที่ชอบทำหน้านิ่ง ไม่ค่อยยิ้มหรือหัวเราะให้

“พี่กรเป็นยักษ์ ส่วนพี่ปั้นจั่นเป็นแฟรี่” นภันต์ ชี้นิ้วไปที่สองคน กรขับรถอยู่ และมีปั้นจั่นนั่งข้างๆ ส่วนสองแฝดนั่งเบาะหลัง กำลังเดินทางกลับไปที่หอพักของกร

“พูดอะไรเพ้อเจ้อว่ะ” กรส่ายหน้าไปมา

“พี่กรพูดไม่เพราะ!” นภนต์ร้องขึ้นมา แสร้งทำหน้าเหมือนตกใจเสียเต็มประดา อยู่ที่โรงเรียนเด็กๆ ก็พูดแบบนี้กับเพื่อนๆ แต่พออยู่บ้านก็จะคุยกันอย่างสุภาพ เพราะพ่อกับแม่ไม่ชอบ

“แฟรี่ น้องภันต์อยากกินไอติม” นภันต์โผมาเกาะที่หลังเบาะของปั้นจั่นแล้วเขย่าแขนรัวๆ

“จะแวะกินกันก่อนมั้ยล่ะ อีกแป้ปก็ได้เวลามื้อเย็นพอดี” ปั้นจั่นหันไปถามความเห็นจากคนขับ ที่ยังคงหน้านิ่งเหมือนเคย

“แวะห้างข้างหน้าแล้วกัน” กรว่าพลางเตรียมเลี้ยวรถเข้าไปทางลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า พวกเด็กๆ ร้องไชโยกันลั่นรถ

กรฝากให้ปั้นจั่นดูแลน้องๆ แล้วไลน์ไปบอกวินว่าแวะมากินข้าวที่ห้างฯ แถวมหาวิทยาลัย ก่อนจะรีบเดินตามปั้นจั่นที่มีเจ้าหนูที่ตัวโตเกือบเท่าปั้นจั่นจับมือไว้คนละข้าง

ทั้งสี่คนแวะกินไอศกรีมในร้านดังที่นภันต์ร่ำร้องก่อนเป็นที่แรก อีกชั่วโมงหนึ่งจะได้เวลาอาหารเย็นพอดี เด็กๆ ดูจะติดใจพี่ชายคนใหม่เหลือเกิน สนุกกับการอ้อนให้ปั้นจั่นป้อนน่าดู เพราะปกติกรไม่ใช่พี่ชายที่จะมานั่งเอาใจให้น้องๆ ออดอ้อน

“คืนนี้แฟรี่จะมานอนที่ห้องด้วยมั้ย น้องภันต์อยากให้มา” คนที่ติดที่สุดเห็นจะเป็นนภันต์ ซึ่งเป็นน้องเล็กที่สุดในบ้าน เลยติดนิสัยขี้อ้อนเป็นพิเศษ

“นั่นห้องพี่รึเปล่าเจ้าภันต์” กรหันไปทำหน้าดุใส่น้อง ถึงจะทำตัวตามปกติกับปั้นจั่นได้แล้ว แต่ถ้าต้องอยู่ร่วมห้องกันอีก กลัวว่าความทรงจำบางอย่างมันจะผุดขึ้นมา

“ภนต์ก็อยากให้พี่ปั้นมานอนนะ จะได้มีคนกล่อม แล้วก็ให้กอด” นภนต์สมทบ กรถึงกับกลอกตาไปมา

“จะนอนเบียดกันได้ยังไงตั้งสี่คน แล้วพวกนายก็โตขนาดนี้ ยังต้องให้กล่อมนอนอีกเหรอวะ”

“พี่กรพูดไม่เพราะอีกแล้วอ่า แฟรี่” นภันต์กอดแขนแฟรี่ส่วนตัวแนบแน่นแล้วทำปากยู่ใส่กร

กรเบะปากนิดๆ ปกติก็พูดหยาบๆ กับเพื่อนกันทั้งนั้น แค่ไม่อยากเอามาใช้กับคนที่บ้าน กลัวจะติดแล้วเผลอพูดใส่กัน พ่อกับแม่จะได้ดุเอา แต่บางทีความกวนของแฝดก็ทำให้เขาอยากจะด่าแรงๆ

“พี่คงไปนอนด้วยไม่ได้หรอก แต่จะส่งถึงห้องเลยนะ” ปั้นจั่นยิ้มน้อยๆ ให้เด็กๆ ปั้นจั่นรู้ว่ากรลำบากใจ เลยไม่อยากให้ยุ่งยากไปกว่านี้ แม้แฝดจะงอแงนิดหน่อยก็ตาม

กินข้าวเย็นเสร็จ กรก็รีบพาน้องๆ กลับห้อง กลัวจะค่ำไปกว่านี้ จากห้างฯ นี้ไปหอพักของเขาก็ไม่ไกลเท่าไหร่แล้ว แต่รถติดมาก เลยใช้เวลาไปนานพอสมควร ปั้นจั่นไปส่งเด็กๆ ถึงห้องตามที่บอกไว้

“แฟรี่ เล่นเกมมั้ย” นภันต์ดึงแขนปั้นจั่นให้เดินตามเข้าไปในห้อง เมื่อเช้าพี่ชายของพวกเขาขนเครื่องเกมมาไว้ให้ที่ห้องแล้ว รวมทั้งโน้ตบุ๊คกับไอแพดด้วย

“นี่ PS4 Pro ที่พวกเราขอพ่อกับแม่ตอนที่แข่งตอบปัญหาวิทยาศาสตร์ได้ที่ 1 ที่ 2 มาล่ะ” นภนต์ยกเครื่องเกมรุ่นใหม่ล่าสุดให้ปั้นจั่นดู

“โห เก่งจังเลยครับ แข่งระดับประเทศเลยใช่มั้ย” ร่างเล็กของพี่ชายคนใหม่นั่งลงกับพื้นตรงหน้าเด็กทั้งสอง ก่อนที่นภนต์จะวางเครื่องเกมลงที่เดิมและยื่นจอยให้ปั้นจั่น

“ใช่แล้ว พวกเราเป็นอัจฉริยะเหมือนพี่กรเลย” นภันต์เป็นคนตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง

กรเดินมายีหัวน้องชายทั้งสองคนด้วยความหมั่นเขี้ยว “เลิกพูดมากได้แล้ว ทำการบ้านก่อนแล้วค่อยเล่น”

“ทำเสร็จหมดแล้วน่า” นภันต์ร้องบอก เอามือปัดๆ มือของพี่คนโตที่ขยี้ผมจนยุ่งเหยิงไปหมด

“งั้นเอามาดูหน่อยดิ” กรกระดิกนิ้วเรียก สองหน่อเลยต้องหยิบการบ้านทั้งหมดออกจากกระเป๋าส่งไปให้พี่ชายตรวจดู กรไม่ได้ทำแบบนี้กับน้องๆ มานานมากแล้ว แต่ตอนนี้ต้องดูแลแทนพ่อกับแม่ แม้เขาเองจะไม่ได้อยากกดดันน้อง เพราะตัวเองเคยถูกกดดันมาตลอด แต่พอมาอยู่ในสถานะผู้ปกครอง เหมือนกรจะเข้าใจอะไรมากขึ้นอีกนิด

“เข้มงวดจังเลยคุณพี่ชาย” ปั้นจั่นยิ้มแซว เดินไปช่วยกรตรวจดูการบ้าน “ลายมือสวยเหมือนกรเลย”

“พูดมากน่า” กรรู้สึกเขินแปลกๆ กับคำชม เมื่อก่อนมีแต่คนชมเรื่องความอัจฉริยะของเขา เก่งอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เรื่องเล็กๆ อย่างลายมือสวย เพราะเขาตั้งใจเขียน กลับไม่มีใครสนใจเลย

เมื่อดูว่าการบ้านของเด็กๆ เรียบร้อยดีแล้ว กรก็ปล่อยให้แฝดยึดตัวปั้นจั่นไว้คนละข้างแล้วพากันเล่นเกมอย่างสนุกสนาน อาจเพราะเรื่องของเขา ทำให้พ่อกับแม่ลดความตึงเครียดเรื่องเรียนของพวกน้องๆ ลง หากทำคะแนนดีหรือได้รางวัลใหญ่ๆ มาก็เลยมีของตอบแทนให้ กรมองดูน้องๆ ที่สดใสร่าเริงตามวัยต่างจากตนสมัยก่อนแล้วก็ถอนหายใจ

พวกเด็กๆ ยื้อตัวปั้นจั่นไว้เหนียวแน่นมาก จนสุดท้ายก็ต้องยอมให้นอนค้าง ด้วยความที่แฝดกับปั้นจั่นตัวไม่ใหญ่มาก ก็พอจะนอนเบียดๆ กันสี่คนได้อยู่ แต่กรรู้สึกว่ามันอึดอัด เลยกะจะนอนที่โซฟาแทน

ปั้นจั่นกำลังกล่อมพวกน้องๆ เข้านอน ส่วนกรนั่งกึ่งนอนอยู่ที่โซฟา ไลน์คุยกับวินเป็นระยะ อาจารย์กลับถึงห้องแล้ว และกำลังเตรียมการสอนสำหรับวันพรุ่งนี้ ปกติพวกเขาจะวิดีโอคอล แต่คืนนี้ไม่สะดวก เลยใช้แค่ไลน์ธรรมดา กรอยากให้วินเจอพวกน้องๆ เหมือนกัน อาจารย์ทั้งสวยและใจดี แฝดจะต้องชอบไม่แพ้ปั้นจั่นแน่ๆ เขาอยากให้วินเข้ากับครอบครัวได้ เหมือนที่เห็นปั้นจั่นเข้ากับพวกน้องๆ ได้ดีในวันนี้

“กร ให้กูนอนที่โซฟาแทนก็ได้นะ” ปั้นจั่นลุกมาหาเมื่อน้องๆ หลับสนิทหมดแล้ว นภนต์หลับยากหน่อย แต่ก็ไม่เกินฝีมือพี่เลี้ยงเด็ก

“ไม่ต้องอ่ะ มึงนอนกับพวกมันเหอะ ตื่นมาเห็นมึงคงดีใจกว่าเจอหน้ากู” กรตอบไปนิ้วก็จิ้มไลน์ไป

“อะไรวะ นั่นน้องมึงนะ ฮ่าๆ” ปั้นจั่นอดขำไม่ได้กับพี่น้องพวกนี้ เด็กๆ ทั้งซนและแสบไม่เบา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นน้องชายของกรผู้แสนจะเงียบขรึมและหน้านิ่งเหมือนพวกไร้อารมณ์

แต่ก็นะ...ถ้าไร้อารมณ์จริง คงไม่เร่าร้อนขนาดนั้น ปั้นจั่นพิสูจน์มาแล้วด้วยตัวเอง

“กร...” เสียงอ่อนหวานของปั้นจั่นดังอยู่ข้างหูพร้อมฝ่ามือนุ่มๆ ที่ลูบไล้ลงมาบนแผงอก กรสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน

“ทำเหี้ยอะไร” เขาขมวดคิ้วถาม ปั้นจั่นเหมือนจะรู้สึกตัว เลยดึงมือออกทันที

“เปล่า จะนอนตรงนี้จริงๆ เหรอ” ใบหน้ากลมแป้นเจือสีแดงจางๆ ด้วยความเขินอายกับท่าทางที่เผลอไผลเมื่อครู่ ยอมรับอย่างหน้าไม่อายเลยว่าต้องการเหมือนคืนนั้น อยากให้กรกอดรัดไว้แน่นๆ อีกครั้ง แต่สถานะของพวกเขา ไม่อาจกลับไปเป็นแบบนั้นได้อีกแล้ว

“อือ ไปนอนเหอะ กูจะนอนแล้ว” กรตอบรับ ก่อนจะกดส่งสติ๊กเกอร์ Good night ไปให้อาจารย์

ปั้นจั่นยืนมองกรยิ้มกับโทรศัพท์พักหนึ่ง แล้วก็เดินกลับไปที่เตียง ทิ้งตัวลงนอนตรงกลางที่พวกแฝดเว้นไว้ให้ สายตายังคงเหลือบมองคนที่ค่อยๆ เอนตัวพิงแขนโซฟาแล้วหลับตาลง

ไม่ว่ายังไง ก็ยังรักกรอยู่ดี

******

เรื่องนี้ยังคงคอนเซปดราม่าตลอดกาล ปั้นจั่นดูน่าหมั่นไส้ แต่ก็น่าร้ากนะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 16 [24/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-05-2018 23:25:50
ไหนจะปั้นจั่นไหนจะยัยเข็ม ปวดหัวแทนน้องกร :ling1:

กรกับวินยังคงมีอะไรที่ค้างคาอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 16 [24/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-05-2018 23:26:19
ถึงเวลาคุยกับเมียแล้ววิน   :katai1:

คุยได้แค่หน่อยเดียวน่ะสิ...
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 17 [26/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-05-2018 00:18:01
อย่าให้ปั้นจั่นจับได้นะว่าเป็นแฟนกับวิน  :hao4:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 17 [26/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-05-2018 01:34:43
ค้างคาทุกฝ่าย :serius2:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 18 [30/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 30-05-2018 10:08:07
18
“ครับ ได้ครับ” กรกดวางสายจากแม่ หมอบอกว่าอาทิตย์หน้าถึงจะเข้าเยี่ยมพ่อได้ และฝากให้กรดูแลน้องๆ ต่อไปก่อน วินก็คอยไลน์ถามด้วยความเป็นห่วงตลอด เพราะมาเจอไม่ได้ ช่วงนี้อาจารย์ต้องกลับบ้านบ่อยขึ้น เพราะภรรยาคอยจะหาเรื่องไปฟ้องพ่อแม่


แต่เสาร์นี้ที่ตอนแรกจะพาน้องๆ ไปเยี่ยมพ่อเป็นอันต้องยกเลิก กรเลยกะจะพาเด็กๆ ไปเที่ยวและชวนวินไปด้วย ซึ่งอาจารย์ก็ตอบตกลงแล้ว แต่...

“พรุ่งนี้แฟรี่ไปด้วยใช่มั้ย” นภันต์เขย่าแขนคนตัวเล็กไปมา ปั้นจั่นทำหน้างุนงง ส่วนกรถอนหายใจ

“ไปไหนกันเหรอ”

“ไม่มีอะไรหรอก” กรตอบพลางวางแก้วนมให้เด็กๆ ที่โต๊ะหน้าทีวี วันนี้วันศุกร์ ปั้นจั่นก็มานอนค้างกับพวกน้องๆ ตามเคย

“อ้าว? ได้ไงพี่กร ไหนบอกจะพาไปสวนสยามไง ภันต์เตรียมปลาฉลามไว้แล้วนะ” น้องเล็กชี้ไปที่อุปกรณ์เล่นน้ำที่เตรียมไว้ เป็นปลาฉลามเป่าลมเอาไว้ขี่เล่นในน้ำ ส่วนของนภนต์เป็นลูกบอลยักษ์

กรแทบจะเอามือตบหน้าผากตัวเอง ลืมบอกพวกแฝดว่าให้หุบปากเงียบๆ อย่าบอกเรื่องนี้กับปั้นจั่น แต่ถึงจะห้ามไป ก็คงบอกอยู่ดี เพราะเด็กๆ ติดปั้นจั่นมาก

“ถ้าจะไปกันแต่ครอบครัว เราไม่ไปก็ได้นะกร” ต่อหน้าพวกเด็กๆ พวกเขาจะเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้ ซึ่งจริงๆ แล้วปั้นจั่นก็ชอบแบบนี้มากกว่า เหมือนตอนที่ได้เป็นแฟนกับกร

“ไม่เอา! ภันต์จะให้แฟรี่ไปด้วย!” นภันต์ร้องโวยวาย กอดเอวปั้นจั่นไว้แน่น ส่วนกรก็ได้แต่ขมวดคิ้ว

จะให้เจออาจารย์ คงไม่ดีแน่

“พี่เขาต้องกลับบ้านมั้ยล่ะ จะรบกวนทำไม”

“ไม่เอาๆๆๆ พี่ปั้นจั่นไม่กลับบ้านหรอกใช่มั้ย จะเล่นกับพวกเราใช่มั้ยครับ” นภนต์ตามมาสมทบอีกแรง สองหนุ่มน้อยกอดแขนปั้นจั่นคนละข้างแนบแน่น ส่งสายตาเว้าวอนสุดชีวิต กรมองน้องๆ อย่างเหนื่อยใจ ส่วนปั้นจั่นได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้กร ปั้นจั่นรู้ว่ากรลำบากใจมาก ที่ยอมให้มาช่วยดูแลน้องๆ เพราะรับมือคนเดียวไม่ไหวจริงๆ แต่ถ้าต้องอยู่ด้วยกันมากกว่านี้ กรคงอึดอัดมากขึ้นอีก

กรคิดหนัก ในที่สุดก็ตัดสินใจไลน์ไปหาอาจารย์ บอกว่าจะมีเพื่อนที่คณะไปด้วยอีกคน เพราะน้องๆ ติดเพื่อนคนนี้มาก วินเข้าใจและบอกว่าไม่เป็นไร ตอนเจอก็ให้แนะนำว่าเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกันไป

โชคดีที่ปั้นจั่นไม่รู้จักอาจารย์ เพราะไม่เคยเรียนด้วย ซ้ำยังอยู่คนละคณะ คนละฝั่งรั้ว เลยไม่เคยได้เจออยู่แล้ว พอแนะนำไปว่าเป็นรุ่นพี่ที่เคยไปช่วยงาน ปั้นจั่นก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม แม้ในใจจะสงสัยเล็กน้อย ว่าวินอาจจะเป็นแฟนของกร แต่คงไม่อยากบอกต่อหน้าน้องๆ

เด็กหนุ่มร่างเล็กอดลอบมองอาจารย์ไม่ได้ รูปร่างสูงโปร่ง เอวคอดกิ่ว ผิวขาวอมชมพู ตัวสูงพอๆ กับกร แต่รูปร่างบางกว่า ทำให้ดูเหมือนตัวเล็ก หน้าตาก็หล่อเหลาดี เป็นแบบที่ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็น่าจะชอบ แถมยังอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มตลอดเวลา พวกเด็กๆ ก็ยังเข้าไปเล่นด้วยเหมือนรู้จักกันมานาน เพราะวินมีท่าทางและคำพูดที่สุภาพไพเราะ น้ำเสียงอ่อนโยน

“แฟรี่ มาขี่ฉลามกัน ภันต์จะจับไว้ให้” เสียงเรียกและแรงฉุดที่ข้อมือ ทำให้ปั้นจั่นกลับเป็นตัวเองอีกครั้ง หลังจากมัวแต่มองวินแล้วคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นาน นภนต์เล่นโยนลูกบอลอยู่กับวินและพี่ชายคนโตอยู่บนบก แต่นภันต์อยากเล่นกับแฟรี่ของเขามากกว่า

“อ๊ะ เดี๋ยว จะให้พี่ขึ้นไปยังไง” เพราะยืนอยู่ในน้ำกันทั้งคู่ จะปีนขึ้นขี่ก็ลำบาก ต้องให้ปั้นจั่นขึ้นไปยืนบนขอบสระน้ำวน แล้วทิ้งตัวลงมาคร่อมปลาฉลามยางอีกที แต่นภันต์ดูเหมือนจะใจร้อนเกินไป

เด็กหนุ่มที่ยังโตไม่เต็มที่ แถมตัวก็ไม่ได้โตไปกว่าปั้นจั่นมากนัก กลับอุ้มร่างเล็กของเพื่อนพี่ชายยกขึ้นจนตัวลอยได้อย่างน่าตกใจ ปั้นจั่นถึงกับหน้าเหวอ

“ภันต์ ปะ ปล่อยพี่ก่อน” ปั้นจั่นร้องบอกลนลาน มือของนภันต์ทั้งสองข้างจับอยู่ที่เอวแล้วยกตัวลอยขึ้น

“เอามือจับที่จับมันสิแฟรี่” สีหน้าของนภันต์แทบไม่เปลี่ยนเลย ราวกับที่ยกอยู่นี้เป็นของไร้น้ำหนัก ปั้นจั่นอายจนหน้าแดงจัด มาถูกเด็กอายุแค่ 12 อุ้มราวกับตุ๊กตายัดนุ่นแบบนี้ ด้วยความอาย ปั้นจั่นเลยรีบทำตามที่บอก เพราะไม่อยากอยู่ท่านี้นานๆ ร่างเล็กตะกายคว้าที่จับบนส่วนหัวของฉลามและพยายามก่ายขาขึ้นไปคร่อมมัน มีนภันต์ช่วยดันก้นให้ และในที่สุดก็ขึ้นไปขี่ฉลามสำเร็จ ปั้นจั่นคว้ากอดหัวฉลามไว้แน่น ทั้งกลัวตกและยังเขินนภันต์ไม่หาย เป็นครั้งแรกที่ใจเต้นรัวกับเด็กตัวแค่นี้ แต่ปั้นจั่นคิดว่าเป็นเพราะอาการตกใจ ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น

นภนต์คว้ามือกรกับวินวิ่งลงไปเล่นในทะเลเทียมที่อยู่ไกลออกไปจากสระน้ำวนแล้ว เหลือแค่ปั้นจั่นกับนภันต์ที่ยังอยู่ที่เดิม นภันต์เกาะอยู่ข้างๆ ครีบปลา คอยช่วงจูงและพยุงไม่ให้ฉลามพลิกคว่ำ ดูจะชื่นชอบที่ได้แกล้งทำให้ปั้นจั่นสะดุ้งตกใจด้วยการผลักฉลามเบาๆ จนมันเกือบคว่ำอยู่หลายรอบ

“พี่อยากลงแล้ว ภันต์เอาแต่แกล้ง” สุดท้ายปั้นจั่นก็ทนให้แกล้งต่อไปไม่ไหว แต่นภันต์ยังไม่ปล่อยมือจากฉลาม ทำให้ปั้นจั่นถีบตัวเองเข้าฝั่งไม่ได้

“ภันต์แกล้งอะไร? ไม่ได้แกล้งเลย” เด็กหนุ่มหัวเราะเสียงใส จนปั้นจั่นทำหน้าหงุดหงิดออกมาชัดเจน

“ก็ที่หัวเราะอยู่นี่ไง สะใจที่เห็นพี่ทำหน้าตลกๆ เวลาตกใจเหรอ”

“ภันต์ไม่ได้แกล้ง”

“นภันต์!” ร่างเล็กเริ่มโวยวายเสียงดังขึ้น แต่นภันต์ก็ยังหัวเราะ

“ก็ลงมาสิ”

“พาพี่เข้าขอบสระด้วย” ปั้นจั่นสั่งพร้อมชี้นิ้วไปที่ขอบสระข้างๆ สองแขนยังกอดฉลามไว้แน่นหนา

“ไม่ต้องหรอก ลงมาเลย ภันต์รับให้เอง” เด็กน้อยยิ้มกว้าง อ้าแขนข้างหนึ่งรอ ส่วนอีกมือยังดึงครีบฉลาม

ปั้นจั่นลังเล กลัวโดนแกล้งอีก แต่นภันต์ก็เอื้อมขึ้นไปคว้าเอวแล้วดึงลงมาให้

“เหวอออ” ร่างเล็กร้องเสียงหลงตอนที่ถูกลากลงจากตัวฉลาม เข้าสู่อ้อมกอดของเด็กหนุ่ม หน้าของปั้นจั่นร้อนผ่าว แนบชิดอยู่ข้างแก้มของน้อง เจ้าเด็กน้อยยังหัวเราะเสียงใสเหมือนเป็นเรื่องสนุกสนาน แต่คนถูกกอดรัดแทบจะแดงไปทั้งตัวแล้วตอนนี้

เพราะเป็นน้องชายของกร หน้าตาก็เลยคล้ายกัน อีกหน่อยโตขึ้นน่าจะเหมือนกรเปี๊ยบเลยล่ะ เสียงตอนที่แตกหนุ่มแล้วก็อาจจะคล้ายกันด้วย

ปั้นจั่นส่ายหน้ารัวกับความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง ต่อให้คล้ายแค่ไหน นี่ก็ไม่ใช่กร แต่เป็นนภันต์

“แฟรี่ ไปทางนั้นกันเถอะ” มือของน้องที่พอดีกับฝ่ามือของปั้นจั่นรวบจับไว้และฉุดดึงให้เดินไปขึ้นบันไดริมสระ ปั้นจั่นรีบคว้าฉลามติดมือมาด้วย แทบจะสู้แรงเด็กประถมไม่ได้ รู้สึกอายสุดๆ

“สองคนนั้นสนิทกันดีจัง” วินกระซิบบอกกร ตอนนี้ปล่อยให้นภนต์เล่นน้ำอยู่ในทะเลเทียมคนเดียว เพราะพวกพี่ๆ เหนื่อยแล้ว ขอขึ้นมานั่งพักใต้ต้นไม้ที่มีที่นั่งหินทรงกลมล้อมรอบ

“หือ? ไอ้ปั้นกับภันต์?” กรหรี่ตามองตามที่อาจารย์พยักหน้าให้ดู จะว่าไปนภันต์ก็ไม่เคยสนิทกับใครมากขนาดนั้น ขนาดกับพี่ชายแท้ๆ หรือฝาแฝดตัวเองอย่างนภนต์ก็ยังไม่ได้เกาะติดแจเท่าปั้นจั่น จนนึกสงสัยนิดหน่อย แต่ไม่อยากพูด

“ไม่เรียกมาเล่นด้วยกันเหรอ” วินยังถามต่อ พลางโบกมือให้นภนต์ที่ร้องเรียก แฝดคนพี่ว่ายน้ำเก่งมาก ว่ายไม่เหนื่อยเสียที กรบอกว่านภนต์เป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียนด้วย วินจึงไม่แปลกใจเลย

“อย่าดีกว่าพี่วิน เจ้าภันต์คงอยากอยู่กับพี่ชายคนใหม่สองคนมากกว่า” กรยิ้มๆ ถึงไม่สนิท แต่ก็พอจะดูน้องออก และจากการที่นภนต์พยายามดึงให้พวกเขาออกมาจากสองคนนั้น ก็พอเข้าใจแล้ว นภนต์รู้ใจนภันต์ดียิ่งกว่าใคร แม้นิสัยสองแฝดจะต่างกัน แต่มองตากันก็รู้ใจอยู่ดี

“ผมเองก็อยากจูงมือพี่เล่นน้ำด้วยกันแบบนั้นนะ” พี่ชายคนโตอดอิจฉาน้องไม่ได้ เขาเป็นแฟนกับวินแท้ๆ ยังไม่สามารถเดินจับมือกันได้เลย แต่เจ้าน้องเล็กตัวแสบไม่ทันได้เป็นอะไรกับปั้นจั่น กลับใช้อภิสิทธิ์ความเป็นเด็กประถมทั้งจับมือ โอบเอวปั้นจั่น เกาะแกะแบบเปิดเผย ร้ายเหลือ

“หึหึ ดูทำหน้าสิ ถ้าอยากจับไว้คราวหน้ามากันสองคนนะ พี่จะให้จับทั้งวันเลย” วินเอานิ้วจิ้มแก้มคนหน้าบึ้งข้างๆ เล่น

ปั้นจั่นหันไปเห็นตอนที่วินจิ้มแก้มกรเล่นเข้าพอดี กรเอามือจับนิ้วของวิน หยอกกันเล่นไปมาดูน่าสนุก ในอกของปั้นจั่นเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก ขนาดพยายามยัดเยียดตัวเองให้แล้ว กรยังไม่เอา แต่วินเหมือนไม่ต้องพยายามทำอะไรเลย สายตาของกรที่มองวินอ่อนโยนจนรู้สึกเจ็บใจ

“แฟรี่” แรงกระตุกที่แขนทำให้ปั้นจั่นได้สติ หันไปมองน้องชายคนเล็กของกรด้วยตาที่แดงก่ำ “ร้องไห้เหรอ?”

“เปล่า” ร่างเล็กตอบแล้วรีบเดินเลี่ยงไปอีกทาง นภันต์ก็วิ่งตามไปกอดเอวไว้

“แล้วทำไมตาแดงๆ ผงเข้าตาเหรอ ให้ภันต์ดูให้...”

ปั้นจั่นปัดมือที่ยื่นมาจะแตะหน้าของตนออก “ไม่ได้เป็นไร ปล่อยพี่ก่อน”

“ไม่ปล่อย” พอโดนปัดมือออก ก็เลยคว้าเอวร่างเล็กไปกอดแน่น ปั้นจั่นหรุบตาลงก็เห็นหัวของนภันต์อยู่ตรงปลายจมูกพอดี

“ภันต์...” สองแก้มร้อนวูบ อยากจะขืนตัวออก แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะนภันต์รัดแน่นมาก ริมฝีปากของน้องอยู่แถวๆ คอ รู้สึกจั๊กจี้แปลกๆ “อายคนอื่นเค้านะ ปล่อยพี่”

“แฟรี่ก็อย่าเดินหนี อย่าปัดมือภันต์สิ” นภันต์เงยหน้าขึ้นสบตา แววตาใสๆ ของเจ้าหนู ทำเอาปั้นจั่นเผลอใจเต้นแรง เรื่องของกรกับวินเมื่อครู่นี้แทบจะหายไปจากสมอง

“อือๆ พี่ไม่ปัด ไม่หนีแล้ว แต่ปล่อยนะ คนมองใหญ่แล้ว” จริงๆ ไม่มีใครสนใจ เพราะเห็นเหมือนพี่น้องเล่นกันมากกว่า แต่ปั้นจั่นก็อายอยู่ดี ภันต์ยิ้มแฉ่งแล้วยอมคลายอ้อมกอดออก เปลี่ยนมาจับมือแทน

“งั้นไปเล่นกันต่อ แข่งดำน้ำกัน” แล้วก็ลากพี่ชายตัวเล็กให้เดินตามลงสระไป


******
ไม่มีความคืบหน้าใดๆ แต่นภันต์นี่เหมือนพี่ชายคนโตนะเอาจริงๆ ถึงปั้นจะทำตัวน่าหมั่นไส้มาก แต่ถ้านางมีคู่ จะได้เลิกมายุ่งกับกร อิๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 18 [30/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-05-2018 10:18:10
นังปั้น ปล่อยให้เด็กกินก็ดี  :katai3:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 18 [30/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-05-2018 02:44:37
มีแววว่าปั้นจะมีปั๋วเด็ก555
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 18 [30/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 31-05-2018 19:47:42
โอ๊ะ ยังงัยๆ ใจเต้นกับเด็ก 12 ขวบนี่ อันตรายนะฮะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 18 [30/5/18]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 29-06-2018 23:57:13
สงสัย​โดนเด็กจับกดเอาซะละมั้งปั้นจั่น
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 19 [30/6/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 30-06-2018 11:41:12
ในที่สุดก็ต่อจนด้ายยยย รู้สึกเน้นปั้นกับภันต์มากอ่ะช่วงนี้ 
19
พวกเด็กๆ เล่นน้ำไม่ยอมเลิก จนสวนสยามเกือบปิด กร อดบ่นพวกน้องๆ ที่เอาแต่เล่นจนลืมเวลาไม่ได้ วินกับปั้นจั่นเลยต้องคอยเบรก ไม่ให้กรโมโหมากไปกว่านั้น

“พี่กรขี้บ่นเหมือนแม่เลย”

“เจ้าภันต์! นายว่าแม่เหรอ” กรชี้หน้าดุน้องจอมแสบ นภนต์ยังไม่เท่าไหร่ นภันต์เป็นน้องเล็กสุดเลยแสบเป็นพิเศษ ซึ่งเรื่องนี้ปั้นจั่นก็ดูจะเห็นด้วย เพราะโดนแกล้งมาเกือบทั้งวันแล้ว

“ผมว่าพี่กรต่างหากล่ะ” นภันต์เถียงเสียงแข็ง

“เอ้าๆ พอแล้วครับเด็กๆ กินขนมกันหน่อยดีกว่า” วินเอี้ยวตัวส่งกล่องขนมให้เด็กๆ และปั้นจั่นที่อยู่เบาะหลัง พวกเด็กๆ ร้องดีใจกันยกใหญ่ แบ่งกันกินขนมและผลัดกันป้อนให้ปั้นจั่นสนุกสนาน วินเองก็สนุกไปด้วย พอเห็นทุกคนเข้ากันได้ดี กรก็สบายใจ ขับรถไปส่งเด็กๆ กับปั้นจั่นที่หอของตนก่อน แล้วค่อยพาวินไปส่งหอพักอาจารย์

“วันนี้สนุกมากเลย น้องปั้นจั่นกับพวกแฝดน่ารักดีนะ” วินเอนตัวกับเบาะรถ เอ่ยด้วยรอยยิ้มมีความสุข ไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้มานานมากแล้ว ทำให้ลืมเรื่องเครียดๆ ช่วงนี้ไปจนหมด

“พี่สนุกก็ดีแล้ว ช่วงนี้พี่วินดูไม่ค่อยสบายเลย ผมเป็นห่วงนะครับ” กรจับมือของวินไว้ บีบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ

“อือ ก็มีปัญหาหลายๆ อย่าง เออ กร” วินจับมือกรกลับ ลูบเล่นไปมา กรเหลือบตามองเขาเล็กน้อย เพื่อให้รู้ว่าฟังอยู่ “พี่ว่า...จะหย่า”

กรเงียบไปอึดใจ “กับภรรยาน่ะเหรอครับ?”

“อืม พี่อยากเป็นตัวของตัวเอง ตอนแรกก็กลัวนะ แต่คิดเรื่องนี้มาตลอด ถึงไม่มีกร พี่ว่ายังไงก็ไปกันไม่รอดอยู่ดี เพราะพี่...ชอบผู้ชาย” เสียงของวินสั่นนิดๆ มือที่จับอยู่ก็ด้วย กรกุมมือนั้นไว้แน่นขึ้น

“พี่จะมีผมอยู่ข้างๆ เสมอนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

“ขอบใจนะกร” วินคลี่ยิ้มและเอนตัวซบบ่าเด็กหนุ่ม พอดีกับที่รถเลี้ยวไปจอดหน้าหอพักอาจารย์ วินยังไม่ยอมลงจากรถ เขาปลดเข็มขัดนิรภัยและกระตุกแขนเสื้อของกรเบาๆ “...อยากให้กรอยู่ด้วยจัง”

“พูดจริงเหรอ” กรยกยิ้ม จับปลายคางเรียวสวยให้วินหันมาสบตา “ผมไม่อยู่ด้วยเฉยๆ นะ”

วินหรุบตาลงเล็กน้อยคล้ายเอียงอาย จะยั่วเด็กทั้งทีมันต้องมีมารยาเล็กน้อย “แล้วอยากทำอะไรล่ะ”

“ก็หลายๆ อย่าง” ไม่พูดเปล่า กรโน้มหน้าลง แตะริมฝีปากที่ข้างแก้มของอาจารย์ ไล้ลงมาเรื่อยๆ จนถึงซอกคอขาว วินยกมือขึ้นแตะแผงอกของเด็กหนุ่ม

“งั้นกร...อยากทำอะไร ก็ทำสิ” วินครางเบาๆ เมื่อถูกดูดเม้มที่คอ “แต่ในห้องพี่นะ ไม่เอาในรถ”

กรกระตุกยิ้ม จูบซ้ำบนรอยแดงที่คอของวินอีกทีแล้วผละออก “โอเคครับ ไปที่ห้องกัน”

******

กรส่งไลน์ไปบอกปั้นจั่นว่าจะค้างที่ห้องของเพื่อน ไม่ได้บอกว่าห้องใคร ฝากให้ปั้นจั่นดูแลน้องๆ แทน ปั้นจั่นถอนหายใจ กดปิดหน้าจอลง พอจะเดาได้ว่ากรอยู่กับใคร เลยไม่อยากตื้อถามมาก

“อะไรอ่ะ พี่กรไม่กลับดิ” นภนต์เห็นปั้นจั่นถอนหายใจ ก็เลยเดาว่ากรคงจะไม่กลับ หลายวันที่อยู่ด้วยกันมา พอจะรู้ว่าแฟรี่ที่น่ารักของพวกเขาคิดยังไงกับพี่ชาย ก็เล่นมองด้วยสายตาหวานเยิ้มขนาดนั้น

“อืม มีงานต้องทำกับเพื่อนๆ น่ะ เลยจะค้างที่นั่นเลย อยู่กับพี่โอเคมั้ยล่ะ” ปั้นจั่นฝืนยิ้มให้เด็กๆ นภนต์น่ะไม่เท่าไหร่ แต่นภันต์ดูจะไม่ชอบรอยยิ้มฝืนๆ นี่เอาเสียเลย เจ้าหนูภันต์เด้งตัวจากเตียง โผเข้ากอดเอวปั้นจั่นไว้แน่น

“พี่กรไม่กลับก็ดีแล้ว อยากอยู่กับแฟรี่มากกว่า เล่นเกมแล้วก็...เล่าเรื่องผีกันดีกว่า”

“อะไร? ทำไมต้องเรื่องผีด้วย” ปั้นจั่นขมวดคิ้ว ก้มมองเด็กน้อยภันต์ที่เกาะเอวไม่ปล่อย

“แฟรี่กลัวเหรอ?” เจ้าหนูทำตาใส ปั้นจั่นเลยยิ้มหวานให้

“เดี๋ยวได้รู้กัน”
...............
.........
.....
“อ๊า! ไม่เอาแล้ววววว จะนอนแล้ววววว” นภันต์หวีดร้องลั่นห้อง กระโจนเข้าผ้าห่ม คลุมโปงจนมิดทั้งหัวทั้งตัว นภนต์ส่ายหน้าหน่ายๆ เดินไปล้มตัวลงนอนบ้าง ส่วนปั้นจั่นเอาแต่หัวเราะ

“ไหนใครอยากฟังเรื่องผีนักหนา ทีงี้ทำมากลัว” เพราะปิดไฟเหลือแต่โคมไฟหัวเตียงดวงเดียวแล้วนั่งล้อมวงเล่าเรื่องผีกัน ทำให้นภันต์เกิดกลัวขึ้นมา ส่วนนภนต์นั้นเฉยๆ ไม่ได้เชื่อเรื่องผีสางอยู่แล้ว

“ผมนอนเลยนะ พี่ปั้นนอนข้างนู้น ภันต์มันนอนกลาง” ทั้งที่เป็นฝาแฝด แต่ปั้นจั่นก็รู้สึกว่าคนที่เด็กที่สุดมีแค่นภันต์จริงๆ

ปั้นจั่นพยักหน้ารับ ปีนขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆ นภันต์ที่ยังคลุมโปงอยู่ “ภันต์ แบ่งผ้ามามั่งสิ”

นภันต์ขยับตัวยุกยิกสักพัก ก็ตวัดผ้าห่มผืนหนามาคลุมร่างปั้นจั่น คว้าเอวพี่ชายตัวเล็กไปกอดไว้ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันด้วย ปั้นจั่นสะดุ้งตกใจ ยกมือดันร่างเด็กชายออกห่าง แต่ไม่ทันความว่องไวของเจ้าลิงแสนซน หน้าของนภันต์ซุกอยู่ตรงอก รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ และเสียงกรนของนภนต์ที่น่าจะหลับสนิทไปแล้ว

“ภันต์...มันอึดอัดนะ” ปั้นจั่นไม่กล้าดิ้นแรง เพราะกลัวทำให้นภนต์ตื่น ส่วนนภันต์ยิ่งไถหน้าเข้ามาตรงอกมากขึ้น จนรู้สึกแปลกๆ ปั้นจั่นพยายามเอามือดันหัวนภันต์ออกพลางส่งเสียงปรามเบาๆ

“อย่าดิ้นสิ มันร้อนนะแฟรี่” แขนผอมบางของเด็กชายตัวน้อยมีเรี่ยวแรงมากกว่าที่คิดนัก ปั้นจั่นดิ้นไม่หลุด เลยต้องยอมนอนนิ่งๆ ให้กอด หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่านภันต์จะได้ยิน

“ภันต์ พี่อึดอัด” แรงกอดรัดเพิ่มขึ้น ทำให้ปั้นจั่นเหมือนจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาพยายามจะดิ้นหนี แต่สุดท้ายทั้งร่างก็ถูกเด็กชายที่ตัวเล็กกว่าขึ้นคร่อมทับ ปั้นจั่นเบิกตาโพลง สองแขนถูกกดไว้กับเตียง “ภันต์!”

“ชู่ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวภนต์มันตื่น” นภันต์ยกยิ้มมุมปาก ไอ้รอยยิ้มแบบนี้ก็เหมือนพี่ชายคนโตไม่มีผิดเพี้ยน แต่นี่มันเด็กอายุแค่ 12! ปั้นจั่นกรีดร้องได้แต่ในใจ กระตุกข้อมือหวังให้สลัดหลุด แต่ก็สู้แรงเด็กน้อยไม่ได้ หรือว่าเขาจะอ่อนให้เด็กมากไป

“ภันต์ก็ลุกออกไปสิ นอนดีๆ ได้มั้ย” เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมออกจากหน้าผากเล็ก ปั้นจั่นรู้สึกว่าหน้ากำลังร้อนมาก ร้อนจนแทบจะไหม้ เมื่อเด็กชายนภันต์ก้มลงเลียที่ยอดอกซึ่งยังอยู่ใต้ร่มผ้า “อ๊ะ ภันต์ อย่านะ...”

“ปั้นนั่นแหละที่ต้องนอนดีๆ ให้ผมกอด”

ทั้งคำพูดและรอยยิ้ม ทำเอาปั้นจั่นนิ่งอึ้ง หน้าร้อนฉ่า มองหน้าเด็กชายอย่างไม่เข้าใจ

“ผมไม่รู้หรอกว่าปั้นกับพี่กรจะเคยเป็นอะไรกันมาก่อน แต่ตอนนี้พี่กรมีพี่วินแล้ว และปั้น จะต้องเป็นของผม”

“อ๊า!” ปั้นจั่นตัวเกร็งเผลอร้องเสียงดัง เพราะเจ้าเด็กแสบเล่นกัดหัวนมมาเต็มแรง นภนต์เหมือนจะตื่นเพราะเสียงร้อง ครางอืออาในคอ แต่ไม่ได้ลืมตา แค่พลิกตัวหันมา ทำให้นภันต์รีบปล่อยปั้นจั่นเป็นอิสระ ทิ้งตัวลงนอนเงียบๆ และกอดเอวของพี่ชายตัวเล็กไว้แน่น

“ถ้าดิ้นหรือส่งเสียงอีก ต่อให้ไอ้ภนต์ตื่น ผมก็ไม่หยุดนะ” นภันต์ขู่ด้วยสายตา ปั้นจั่นนอนตัวเกร็งอยู่ในอ้อมกอด พยักหน้ารับด้วยใจสั่นกลัว นภันต์จูบที่ปากเบาๆ ก่อนจะหลับไปก่อน ปั้นจั่นจึงถอนหายใจและพยายามข่มตาหลับให้ลงบ้าง

ตลอดทั้งวันที่โดนนภันต์แกล้งอย่างถึงเนื้อถึงตัวนั้น ตอนนี้ปั้นจั่นเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่

เช้าวันต่อมา กรขับรถกลับมาที่ห้องตอนสายๆ เพราะจะทิ้งน้องๆ ตัวแสบไว้กับปั้นจั่นแค่คนเดียวตลอดก็ไม่ดี วินไม่ได้ตามมาด้วย เพราะกลับบ้านพ่อแม่ ตั้งใจว่าจะเคลียร์เรื่องหย่ากับภรรยา

“ตามึงโหลๆ นะปั้น ไอ้พวกนี้มันกวนมึงตอนนอนเหรอ” นั่นคือคำถามแรกที่กรเจอหน้าปั้นจั่น เพราะขอบตาล่างของปั้นจั่นมันค่อนข้างคล้ำเกินปกติ

ปั้นจั่นส่ายหน้าตอบ จะให้บอกได้อย่างไรว่านภันต์ทำเอานอนแทบไม่หลับ กลัวหลับแล้วโดนแกล้งอีก

“เดี๋ยวออกไปหาไรกินกัน แล้วกูจะพามึงไปส่งหอ” กรว่าพลางเดินไปทางตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนเป็นชุดใหม่ ส่วนน้ำอาบมาแล้วจากห้องของวิน

“อะไรพี่กร จะพาแฟรี่ของผมไปไหน” นภันต์ได้ยินเข้า รีบโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำทันที ฟันก็ยังแปรงไม่ทันเสร็จดี ส่วนนภนต์อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว นั่งรออยู่บนโซฟากับปั้นจั่น

“ใจคอจะไม่ให้พี่เขากลับห้องตัวเองไปทำอะไรๆ มั่งรึไง” กรพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“งั้นภันต์ไปด้วยได้มั้ยล่ะ วันนี้วันอาทิตย์นะ ภันต์ยังอยากอยู่กับแฟรี่อยู่เลย” นภันต์โวยวาย รีบกลั้วคอบ้วนปากแล้ววิ่งออกมาทั้งผ้าขนหนูผืนเดียว

“จะไปกวนพี่เขาทำไม”

“ภันต์จะอยู่กับแฟรี่ อ๊า~~” เด็กน้อยส่งเสียงโอดครวญ ดึงรั้งแขนพี่ชายยกใหญ่ “วันนี้จะอยู่กับแฟรี่”

กรทำหน้าลำบากใจ หันไปมองปั้นจั่นที่นั่งยิ้มแหยๆ ให้ “มึงโอเคมั้ยวะ ถ้าจะเอาไอ้ลิงนี่ไปดูสักวัน”

“เรา...ยังไงก็ได้” แม้ในใจจะปฏิเสธนภันต์ แต่กับกร ปั้นจั่นไม่อยากปฏิเสธเลย

“มึงตอบงั้นกูยิ่งลำบากใจ” กรส่ายหน้า หันไปดึงแก้มน้องชายที่เกาะไม่ปล่อย “ทำไมดื้อ น้องใครวะเนี่ย”

“ถ้าพี่ปั้นไม่โอเคก็บอกเลยนะครับ ภันต์มันเอาแต่ใจแบบนี้แหละ แต่ถ้าเด็ดขาดกับมัน มันก็จะหยุด” นภนต์มองหน้าปั้นจั่นเหมือนรู้กัน ปั้นจั่นถึงกับหน้าขึ้นสี เรื่องเมื่อคืน นภนต์น่าจะได้ยินแน่นอน

“เอ่อ พี่...” ปั้นจั่นอึกอัก กรเองก็เอียงคอมองด้วยความสงสัย แล้วสุดท้ายปั้นจั่นก็ไม่อาจปฏิเสธทั้งคนพี่คนน้องได้อีก ยอมให้นภันต์ไปอยู่ที่หอด้วยหนึ่งวัน

“ดีที่เมทกูกลับบ้าน มาอีกทีก็เช้าวันจันทร์เลย” ปั้นจั่นว่าพลางเดินนำหน้ากรกับน้องๆ ไปที่ห้อง กรมาหอในไม่บ่อยนัก เขามองไปรอบๆ ดูยังไงก็ไม่ต่างจากหอพักของอาจารย์เท่าไหร่

“แต่ถ้ามันกวนมากนัก ก็ดุด่าหรือลงไม้ลงมือตามสบายนะ โทรให้กูมารับกลับได้ตลอด” กรเกรงใจเพื่อนไม่น้อย แต่ปั้นจั่นก็บอกว่าไม่ต้องเกรงใจ

“ภันต์แค่ดื้อไปหน่อย แต่ก็...ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ เราพอไหว” ปั้นจั่นเงยหน้ายิ้มให้กร มองด้วยแววตาเป็นประกาย จนนภันต์รู้สึกไม่ชอบใจนิดๆ

พอส่งนภันต์ไว้กับปั้นจั่นแล้ว กรก็พานภนต์กลับห้อง เท่ากับแฝดต้องแยกกันหนึ่งวัน ซึ่งปกตินภนต์กับนภันต์ก็ไม่ค่อยตัวติดกันอยู่แล้ว กิจกรรมที่ทำก็คนละสไตล์ นภนต์ออกแนวนักกีฬา ชอบว่ายน้ำ เตะบอล เล่นบาสฯ แต่นภันต์ชอบเล่นเกมและเล่นดนตรีมากกว่า

“ปั้น”

“ห๊ะ?” ปั้นจั่นหันขวับไปตามเสียงเรียก เด็กชายนภันต์ยังยืนอยู่ตรงหน้าประตู จ้องมองมาด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทำให้ปั้นจั่นลนลานผิดปกติ เพราะปกติ นภันต์จะชอบเรียกแฟรี่ๆ ตลอด แต่นี่เรียกชื่อห้วนๆ ไม่มีพี่เพ่อสักคำ

“ปั้นชอบพี่กรใช่มั้ย” คำถามตรงกลางปล้อง ทำเอาปั้นจั่นทำหน้าไม่ถูก แต่แก้มที่ขึ้นสีแดงจางๆ ก็ทำให้นภันต์เข้าใจว่าคิดถูกแล้ว

เด็กชายสาวเท้าเดินเข้าไปประชิดตัว ปั้นจั่นไม่ทันตั้งหลักเลยถอยไปชนขอบเตียง นั่งตัวเกร็งเมื่อนภันต์ที่ยืนค้ำหัวอยู่โน้มตัวลงมาหา มุมนี้เหมือนนภันต์จะตัวใหญ่กว่าความเป็นจริงมาก

“ภันต์...” ปั้นจั่นส่งเสียงเรียกเบาหวิว มือของเด็กชายจับคางของเขาให้เงยขึ้น ปั้นจั่นสับสนวุ่นวายในหัวไปหมด ไม่รู้ว่าเด็กอายุแค่นี้ไปจำไอ้ท่าทางแบบนี้มาจากไหน อาจจะเพราะหนังหรือละครที่มีให้ดูมากเกินไปหน่อย หรืออาจจะจำมาจากพ่อจากพี่ชายก็ได้ แต่จะอะไรก็ตาม ท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ของเด็กตัวแค่นี้ ทำให้เขาใจเต้นแรงสุดๆ

“ผมจะทำให้ปั้นเลิกชอบพี่กร และหันมาชอบผมแค่คนเดียว”

“พูดอะไรเนี่ย?” ปั้นจั่นย่นคิ้ว เขยิบตัวหนีขึ้นบนเตียง ปัดมือของนภันต์ออก

“ผมพูดจริง ทำจริง เพราะผมชอบปั้นไง”

ปั้นจั่นสะดุดกึก หน้าร้อนผ่าว รีบก้มหน้าก้มตาหลบสายตาของนภันต์ มือของเด็กชายยื่นมาคว้าคางไว้อีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าที่ก้มลงมาจนแทบจะชิดกัน

“อย่า...ภันต์” ปั้นจั่นยกมือขึ้นดันไหล่ของนภันต์ เพราะคิดว่าจะถูกจูบ แต่นภันต์ไม่ได้ทำแบบนั้น เพียงแค่หอมแก้มเบาๆ เท่านั้น แต่กลับทำให้ปั้นจั่นเขินจนตัวแทบระเบิดหนักกว่าโดนจูบอีก พอจะปัดมือและถอยหนีไปอีก นภันต์ก็ตามมานั่งคร่อมทับบนตัก ท่าทางเหมือนลูกลิงไม่มีผิด แม้ว่าคำพูดคำจาจะโครตโรแมนติกจนปั้นจั่นถึงกับหลุดยิ้มก็ตาม

“จากนี้ไป ผมจะรีบโต และทำให้ปั้นเป็นของผมเร็วๆ นะครับ”

tbc
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 19 [30/6/18]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 30-06-2018 15:15:47
เฮ้ย. นี่เด็กอายุ 12 จริงเหรอ เชี่ยวไปมั๊ยอ่ะ ยิ่งกว่าแก่แดดอีกนะเนี่ย ปั้นจั่นจะโดนข้อหาถูกผู้เยาว์พรากหรือเปล่าน้อ.  :katai3:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 19 [30/6/18]
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 01-07-2018 01:51:05
ร้ายที่สุด แสบที่สุดในเรื่องนี้ไม่ใช่ใคร คือ น้องภันต์นั่นเอง
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 19 [30/6/18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-07-2018 03:29:40
คนอย่างปั้น มันต้องเจอภัน ถึงจะเหมาะสมกันดี  :laugh:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 19 [30/6/18]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 01-07-2018 09:33:32
โอ้ย​เด็ก​อะไร​ทำ​ใจ​สั่น​ได้เนี่ยปั้นต้านทาน​ไม่ไหว​หรอก​
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 19 [30/6/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-07-2018 14:50:39
เด็กอะไรเนี่ย แก่แดดจัง :hao4:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 19 [30/6/18]
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 06-07-2018 16:03:41
ชอบบบบบบบบบบบ ชอบคู่ภันต์กับปั้นมากกกกกก โอ๊ยยยยยยเขินเว่อร์ๆๆๆๆ รีบโตนะลูกอย่าปล่อยให้พี่เขาหลุดมือไปล่ะ เอาใจช่วยๆๆ รีบรวบหัวรวบหางเดี๋ยวก็ใจอ่อนเอง
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 20 [17/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 17-07-2018 08:34:00
20
โลกทุกวันนี้ ความเจริญก้าวหน้าก้าวล้ำไปไกลมากแล้ว การยอมรับเพศที่สามค่อนข้างกว้างขวางขึ้นในหมู่ผู้มีอารยธรรม แต่สำหรับคนยุคก่อน ก็มีไม่น้อยที่ยังไม่กล้ายอมรับตัวเองหรือกล้ายอมรับผู้อื่นที่เป็นแบบนั้น และครอบครัวของวินก็เป็นหนึ่งในนั้น

ภวินท์ตัดสินใจอยู่นานกว่าจะกลับไปที่บ้านพ่อแม่ เพื่อบอกเรื่องหย่ากับเข็ม เขาไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นเกย์และกำลังคบกับเด็กนักศึกษาอายุน้อยกว่าเป็นสิบปี เรื่องคบผู้ชายด้วยกันก็เรื่องหนึ่ง แถมนี่ยังเด็กกว่าจนแทบจะเหมือนลูกชายอยู่แล้ว วินกลัวว่าพ่อแม่จะรับไม่ได้จนถึงขั้นตัดขาดกัน เลยยกเรื่องของเข็มมาอ้างล้วนๆ ทั้งเรื่องที่เจ้าหล่อนวันๆ เอาแต่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ไม่ดูแลบ้านช่อง ไม่ทำหน้าที่ภรรยาที่ดี และตัวเขาที่ไม่มีเวลาให้หล่อน ไม่สามารถรักและมีลูกกับคนที่ไม่ได้รักได้ พอพูดไปก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกไปเกือบครึ่ง พ่อแม่ดูเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ แต่สุดท้ายก็ยอมเข้าใจที่จะให้หย่า หากอยู่กันไปก็ไม่มีความสุขและปรับตัวเข้าหากันไม่ได้เลย

ฝ่ายเข็ม เป็นเรื่องที่พูดกันยาก หล่อนไม่ได้แต่งงานเพราะสมบัติหรือความสุขสบายอย่างเดียว เพราะฐานะทางบ้านไม่ได้ต่างจากวิน หล่อนรักเขาและอยากอยู่กับเขา

“คุณมีเมียน้อยใช่มั้ย ที่ผ่านมา ที่อ้างเรื่องงานไม่กลับบ้านเป็นเดือนๆ เพราะมันใช่มั้ย!? ตอบสิ วิน!” วินกะแล้วว่าถ้าขอหย่า เข็มจะต้องโวยวายบ้านแตกแน่นอน แต่เขาก็จำเป็นต้องทำ

“คุณจะคิดอย่างนั้นก็ตามใจ แต่ผมแค่อยากทำให้มันถูกต้อง ผมกับเขารักกัน ผมไม่ได้รักคุณ และไม่เคยคิดจะรัก มันก็แค่นั้น” ภวินท์เอ่ยเสียงเย็นชา เป็นความเย็นชาที่เขามอบให้เธอมาตลอดตั้งแต่แต่งงานกัน ความจริงเขาจะปฏิเสธไม่แต่ง ยืนกรานเสียงแข็งกับพ่อแม่แต่แรกก็ได้ แลกกับการที่ต้องถูกตัดออกจากตระกูลไป แต่เขาก็กลัวสูญเสีย จนต้องยอมก้มหน้าทน แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก เพราะตอนนั้นเขายังไม่มีใคร คิดว่าอยู่กันไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ไม่ได้เสียหาย เขาหาเงินให้เธอใช้ไม่เคยขาด แม้จะบกพร่องเรื่องของสามีไปบ้างก็ตาม

“อ้อ คุณบอกว่ารักมันงั้นเหรอ นี่นอกใจฉันมากี่ปีแล้วล่ะ ตั้งแต่แต่งหรือก่อนแต่งหรือหลังแต่ง แต่จะกี่ปีก็ช่างเถอะ ฉันเป็นเมียคุณอย่างถูกต้อง ถ้าคุณบอกว่าจะทำให้ถูก คุณต้องอยู่กับฉัน มีลูกด้วยกัน! นี่คือความถูกต้อง”

“ผมไม่ได้รักคุณ ผมมีลูกกับคุณไม่ได้” วินอ่อนใจ กับเข็มพูดยากที่สุดแล้ว

“ฉันไม่หย่า” เจ้าหล่อนยืนกรานเสียงแข็ง จนวินกุมขมับ

“คุณจะทนอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”

“แค่คุณไม่พานังเมียน้อยมาที่บ้านนี้ และยังเชิดชูฉันในฐานะเมียหลวง ต่อให้คุณจะมีเมียน้อยเป็นสิบเป็นร้อยฉันก็ทนได้”

เห็นท่าจะพูดกันไม่รู้เรื่องแน่งานนี้ วินต้องการตัวช่วยตัดความสัมพันธ์บ้าบอนี้เต็มที แต่การบอกความจริง เรื่องจะต้องกระจายไปทั่ว พ่อแม่ต้องรู้ แล้วไหนจะญาติๆ พ่อแม่ของเข็ม เพื่อนของเจ้าหล่อนอีก

วงสังคมของพวกเขาดูเหมือนกว้างขวาง แต่จริงๆ แล้วมันแคบมาก หากรู้เพียงหนึ่ง ข่าวจะแพร่ไปไม่หยุด

ลูกชายของอดีตเอกอัครราชทูตใหญ่กับคุณหญิงในวงสังคมไฮโซ แถมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นเกย์...แค่คิดวินก็ปวดหัวจนจะบ้าแล้ว

“ตกลงคุณจะไม่หย่าใช่มั้ย?” วินถอนหายใจ และเข็มก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ “ได้! ไม่หย่าก็ไม่หย่า แต่จากนี้ไป เราต่างคนต่างอยู่ ถ้าทนได้ก็ทนไป!”

“วิน! ไม่ได้นะ! กลับมาเดี๋ยวนี้ วิน!”

ในเมื่อคุยไม่รู้เรื่อง วินก็ต้องเด็ดขาดโดยการหันหลังเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น บ้านที่เป็นของเขาเองแท้ๆ แต่กลับไม่ได้อยู่ บ้านที่น่าจะได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก อยากให้กรได้มาที่นี่ แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้เลย

เข็มวิ่งตามมารั้งไว้ เธอร้องไห้ฟูมฟาย โวยวายด่าว่าทุบตีเขา ตัดพ้อต่างๆ นานา แต่วินก็ไม่สนใจ เขาสะบัดมือเธอออก เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ เธอตามมาทุบกระจกรถเสียงดังปึงปังดูน่าจะเจ็บมือ น้ำตาไหลพรากๆ ร้องโวยวายให้เขาลงจากรถ ให้เขากลับเข้าบ้าน แต่วินก็ยังขับรถออกไป ทิ้งให้เธอร้องโวยวายอยู่หน้าบ้าน

เขาไม่รู้ว่าการทำแบบนั้นจะส่งผลเสียอะไรอีกหรือไม่ ที่รู้ตอนนี้มีแค่อย่างเดียว

อยากเจอกรมาก

......
...
กรรออยู่ในห้องของวิน คืนนี้ปั้นจั่นช่วยดูแลน้องๆ ให้อีกตามเคย นภันต์ เจ้าเด็กแสบ ปั่นหัวเพื่อนของกรจนแทบไม่เป็นอันหลับอันนอน เห็นนภนต์แอบมาเล่าคร่าวๆ แล้วว่านภันต์ชอบปั้นจั่น ท่าทางเอาจริงเอาจังน่าดู กีฬาที่ไม่เคยเล่นก็พยายามเล่นเพื่อให้ตัวสูงใหญ่ขึ้น บอกว่าต้องเป็นอย่างพี่กรให้ได้อะไรทำนองนี้

การรักใครสักคนแล้วทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นเรื่องที่ดี และกรก็ไม่เห็นว่าจะต้องห้ามปรามน้องที่ตรงไหน ได้แต่ขอโทษขอโพยปั้นจั่นในใจ ที่เอาเจ้าตัวยุ่งยากมาเกาะติด

วินกลับมาที่ห้องเกือบ 4 ทุ่มครึ่ง พอมาถึง สีหน้าเครียดๆ ทำให้กรไม่กล้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้ว่าวันนี้วินกลับบ้านและไปเคลียร์เรื่องหย่ากับพ่อแม่และภรรยา แต่เห็นหน้าวินแล้ว ไม่ต้องเดาก็พอจะเข้าใจ

“อาบน้ำก่อนมั้ยครับ ถ้าหิวผมมีมาม่าให้นะ” กรว่าขำๆ เขาออกไปซื้อของในเซเว่นมารอวินแล้ว กลับดึกขนาดนี้คงออกไปหาอะไรกินข้างนอกยากหน่อย แม้จะมีร้านที่เปิดดึกดื่น แต่มันไม่ค่อยสะดวกสำหรับพวกเขาเท่าไหร่

วินเหลือบสายตามองกรอย่างห่อเหี่ยว โผเข้ากอดเด็กหนุ่มซุกหน้าเข้ากับซอกคอ เหมือนต้องการอ้อน จนกรหัวเราะไม่หยุด

“นานๆ ทีพี่จะอ้อนผมแบบนี้นะเนี่ย น่ารักจัง” กรกอดตอบ ลูบผมอาจารย์เล่น

“วันนี้เหนื่อยมากๆ อยากกอดกรแบบนี้ทั้งคืนเลย” วินว่าพลางไถหน้าไปมากับแผงอกของเด็กหนุ่ม แม้กรจะไม่ได้ล่ำบึกกล้ามโต แต่พอซบแล้วมันฟิน อกอุ่นๆ ของกรมีไว้เพื่อวินเท่านั้น

“พี่กอดผม ส่วนผมจะกดพี่ ดีมั้ย?” เด็กหนุ่มเชยคางอาจารย์ขึ้นมาสบตากัน วินใจแกว่งเล็กน้อย รอยยิ้มของกรสวยจนไม่อาจละสายตา มองแล้วรู้สึกดี ลืมเรื่องเครียดๆ ไปได้บ้าง

วินไม่ได้ให้คำตอบ เขาแค่หลับตาลง รอให้กรทำอย่างที่ว่า

******

ทางด้านปั้นจั่น ก็ยังคงเจอศึกหนักจากเจ้าตัวแสบตามเคย นภนต์ชินชาเสียแล้วกับเสียงโหวกเหวกของทั้งสองคน นั่งเล่นเกมไม่ได้สนใจภันต์ที่วิ่งไล่แกล้งแหย่ปั้นจั่นมาเกือบทั้งวัน

“ทำไมนิสัยอย่างนี้นะ! แกล้งพี่สนุกนักรึไง” ปั้นจั่นโวยอย่างเหลืออด หน้าแดงก่ำไปหมด วิ่งจนเหงื่อซ่ก ภันต์ก็ยังคอยไล่แกล้งตลอด

“ผมไม่ได้แกล้ง ก็แค่ยอมให้ผมกอดสักที ทำไมต้องหนีด้วยล่ะ” ภันต์โวยกลับ วิ่งดักหน้าดักหลังจะเข้ามากอดให้ได้ แต่ปั้นจั่นไม่ยอม เพราะกลัวว่าจะโดนแกล้งเล่นแผลงๆ ใส่ คราวก่อนถูกหอมแก้มไปแล้วด้วย เลยระแวงมากขึ้น

“ก็ภันต์ไม่ได้กะ...” ปั้นจั่นเหลือบตามองเด็กอีกคนที่นั่งเล่นเกมอยู่หน้าทีวี จะพูดออกไปก็กระอักกระอ่วน แม้แฝดคนพี่จะเหมือนรู้เรื่องดีก็ตาม แต่มันก็อายอยู่ดี

“ไม่ได้กะอะไร! ยอมให้ผมกอดดีๆ เถอะน่า สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร”

ปั้นจั่นหลบแขนที่เกือบคว้ามาถึงตัวไว้ได้ วิ่งหนีไปหานภนต์ แฝดคนพี่สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

“ภนต์จับไว้!”

“เอ๊ะ” ปั้นจั่นหน้าเหวอ นึกว่ามาทางนภนต์แล้วจะรอด กลายเป็นเข้าทางเจ้าสองแฝดไปอีก

“แค่พี่ปั้นตัวนิดเดียวก็เอาไม่อยู่ จะต้องให้ช่วยยันตอนอยู่บนเตียงเลยมั้ย” ภนต์ส่ายหน้าหน่ายๆ แต่ก็ช่วยน้องจับตัวปั้นจั่นไว้ ปั้นจั่นที่คิดว่านภนต์ดูนิ่งๆ ไม่น่าจะทำอะไรพิเรนทร์เหมือนภันต์ เลยไม่ทันระวังตัว ถูกแฝดพี่จับล็อคแขนไพล่หลังไว้จนได้ แถมแรงของนภนต์ใช่น้อยๆ ตัวก็โตกว่าแฝดคนน้อง เพราะชอบเล่นกีฬา

“อีกหน่อยภันต์ตัวโตเท่าพี่กรก็จับอยู่เองแหละ ตอนนี้ช่วยไปก่อนน่า” นภันต์ยิ้มเจ้าเล่ห์ เดินดุ่มๆ ย่างสามขุมเข้ามาหา ปั้นจั่นหน้าซีดเผือด แขนสองข้างถูกนภนต์ล็อคไว้จากด้านหลังแบบดิ้นให้ตายก็ไม่หลุด

นภตน์เองก็แค่ช่วยจับ ไม่รู้หรอกว่านภันต์จะทำอะไร แต่มันน่าสนุกดีเลยช่วย ก็แค่นั้น เห็นปั้นจั่นดิ้นพล่านร้องโวยวายหน้าดำหน้าแดงแล้วมันตลกบอกไม่ถูก

“พวกนาย! ปล่อยฉันนะ!!!” คนตัวเล็กถีบขารัวๆ ใส่นภันต์ที่นั่งลงตรงหน้า แฝดน้องยังคงยิ้มกริ่ม เอื้อมมือมาใกล้ๆ แม้จะถูกขาของปั้นจั่นเตะปัดไป ก็ไม่ยอมแพ้ เอามือกดขาข้างหนึ่งไว้ได้ อีกข้างจะเตะจนช้ำก็ช่าง

“ผมไม่ทำอะไรไม่ดีหรอกน่า พวกเรายังเด็ก ตัวแค่นี้เองน้าแฟรี่” ภันต์แสยะยิ้ม ปั้นจั่นเสียวสันหลังวาบ ความจริงเสียวทั้งหน้าทั้งหลังแล้วตอนนี้ ไอ้ที่หัวเราะอยู่ข้างหลังโครตสยองยิ่งกว่า

“ภันต์ ไม่แกล้งนะ...พี่ขอ” ปั้นจั่นอ้อนวอนน้ำตาคลอ จนแฝดคนน้องใจกระตุกนิดๆ

“อือ ไม่แกล้ง แค่...” นภันต์ขยิบตาอย่างน่ารัก โน้มตัวพรึ่บเข้าไปหาจนหน้าจะชนกัน ทำให้ปั้นจั่นรีบหลับตาเอียงคอหลบอัตโนมัติ แต่ก็หลบไม่พ้นอยู่ดี เพราะริมฝีปากอุ่นๆ ของเจ้าหนูตัวป่วนประกบกับปากของตนไปแล้ว

นภนต์ผิวปากหวือตอนเห็นฉากจูบสดๆ ครั้งแรกต่อหน้าต่อตา ไม่คิดเหมือนกันว่าน้องจะกล้าทำแบบนี้ทั้งที่มีคนอื่นอยู่ด้วย แม้ไอ้คนอื่นที่ว่าจะเป็นพี่แฝดตัวเองก็เถอะ แต่ถ้าไม่ให้ภนต์ช่วยจับปั้นจั่นไว้ ก็คงไม่ได้แอ้ม?

“อือออ” ปั้นจั่นครางในคอ พยายามเอียงคอหลบจนเมื่อยไปหมด แต่นภันต์ก็ยังไม่ผละออก กลับเอียงตัวตามไปจูบ แต่ก็แค่เอาปากแตะๆ นิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้จูบแบบผู้ใหญ่ ซึ่งปั้นจั่นพอจะโล่งใจไปได้บ้าง

“พอแล้วมั้งภันต์” สุดท้ายเป็นภนต์ที่ทนไม่ไหว ยอมปล่อยมือจากแขนของปั้นจั่น แล้วเอ่ยห้ามน้องชายตัวดี

“แหะ” นภันต์ยอมผละออกมาเมื่อปั้นจั่นเป็นอิสระ คนตัวเล็กเงยหน้ามองแฝดน้อง น้ำตาหยดหนึ่งไหลผ่านพวงแก้ม มือซ้ายยกขึ้นเช็ดมันออก ส่วนมือขวาฟาดลงบนใบหน้าซีกซ้ายของนภันต์เต็มแรงเสียงดังเพี๊ยะ

นภันต์นิ่งอึ้ง ส่วนนภนต์ถึงกับหลับตาปี๋ตอนได้ยินเสียงตบ

แล้วปั้นจั่นก็รีบลุกขึ้น วิ่งหนีไปจากตรงนั้น

tbc

ทำไมเรื่องนี้จู่ๆ ก็ดราม่าอีกแว้ววววว ยัยเข็มไม่ยอมไปง่ายๆ พี่วินก็เครียด
ปั้นจั่นก็เครียดดดด
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 20 [17/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-07-2018 11:04:16
 :pig4: :L2:

น้องเล่นมากไป
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 20 [17/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-07-2018 17:34:50
เป็นไงล่ะ อีพี่โกรธแล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 21 [18/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 18-07-2018 16:09:57
จริงๆ กะจะทำเป็นตอนพิเศษ แต่คิดอีกทีลงเป็นตอนตัดของเรื่องไปเลยดีกว่า เพราะยังไงก็ต้องเล่าเรื่องของวินกับกรแทรกอยู่แล้ว เป็นอันว่าตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นคู่ภันต์กับปั้น นาจา

21
เมื่อนภันต์อายุ 19

“งานวันเกิดแฝด?” ปั้นจั่นเพิ่งเลิกงาน กำลังเดินออกจากออฟฟิศจะไปขึ้นรถไฟฟ้าที่หน้าปากซอย ระหว่างทาง กรก็โทรมาบอกข่าวเรื่องงานวันเกิดของน้องแฝดที่กำลังจะอายุครบ 19 ปี และตอนนี้ก็เรียนมหาวิทยาลัยกันไปเทอมหนึ่งแล้ว

[ถ้ามึงว่างก็มาให้หน่อย ไอ้ภันต์แม่งง้องแง้งน่ารำคาญ บอกไม่เจอมึงหลายปีแล้ว]

ปั้นจั่นถอนหายใจ ตั้งแต่ตอนเรียนปี 1 ที่ไปช่วยกรดูแลแฝดตอนพ่อของพวกเขาเข้าโรงพยาบาล นภันต์ก็เกาะติดแจ จนกระทั่งปั้นจั่นเรียนจบ ก็ไม่ได้ติดต่อหรือเจอกันอีก เพราะย้ายออกจากหอในไปอยู่หอพักข้างนอกใกล้ๆ ที่ทำงานแทน คิดว่าจะไม่ต้องปวดหัวกับการตามตื้อของนภันต์แล้ว แต่จะให้ตัดขาดจริงๆ คงไม่ได้

“อือๆ ไปได้ ไม่เป็นไร ขอบใจที่ชวนนะกร” ปั้นจั่นตอบรับอย่างเสียไม่ได้ จากวันที่รับปริญญาและบอกลากับพวกแฝด จำได้ว่าวันนั้นนภันต์เพิ่งอายุ 15 เริ่มดูเป็นหนุ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังตัวโตไม่เท่าพี่ชายทั้งสองคน นภนต์เป็นแฝดพี่ที่ตัวสูงใหญ่เกินหน้าน้องไปมาก ไม่ว่าใครก็แยกออกทั้งนั้นว่าคนไหนเป็นคนไหน

แต่ตอนนี้

“19 แล้วเหรอ ผ่านมาตั้ง 4 ปีแล้วสินะ” ปั้นจั่นวางสายจากกรและพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม สองขาก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ผ่านผู้คนมากมายที่เดินสวนกันไปมา ท่ามกลางคนเหล่านี้ อาจจะมีบางครั้งที่ได้เจอนภันต์โดยบังเอิญบ้างก็ได้

ปั้นจั่นยอมรับว่าตอนที่นภันต์บอกชอบและตามตื้อมาตลอด 4 ปีจนเขาเรียนจบ เป็นช่วงเวลาที่สนุกและมีความสุขมาก แม้แรกๆ จะเจอแต่เรื่องให้ปวดหัวและต้องเสียน้ำตากับการกลั่นแกล้งของเจ้าตัวแสบเป็นปีๆ แต่พอขึ้นม.2 นภันต์ก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมานิดหน่อย เหมือนเป็นช่วงวัยรุ่นที่กำลังเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ มีความสุขุมและใจเย็นที่น่าจะเป็นการพยายามเลียนแบบพี่ชายทั้งสองคนมา แต่สุดท้ายนภันต์ก็คือนภันต์อยู่วันยันค่ำ ความขี้แกล้งและกวนประสาทไม่ต่างจากตอนประถมเท่าไหร่

งานวันเกิดจัดขึ้นในคืนวันเสาร์ เวลาเที่ยงคืนของวันอาทิตย์คือวันเกิดของฝาแฝด ปั้นจั่นเตรียมของขวัญไว้ให้ทั้งคู่ โดยถามความเห็นมาจากกร ฝาแฝดชอบไม่เหมือนกัน นภนต์เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย เลยเลือกซื้อเป็นเสื้อกีฬาไปให้ ส่วนของนภันต์ที่มาสายติสท์เรียนสถาปัตย์ รักการวาดรูปออกแบบและเล่นดนตรี ปั้นจั่นก็เลยซื้อปิ๊กกีต้าร์กับผ้าปิดตาแบบเจลให้เป็นของขวัญ เพราะกะว่าภันต์จะต้องนอนค้างที่คณะเวลาทำงานส่งบ่อยแน่ๆ และเจ้าตัวแสบก็เป็นพวกไม่ชอบนอนในแสงไฟ มักจะบ่นปวดตาจนนอนไม่หลับตลอด

ปั้นจั่นมาถึงงานตอนสองทุ่มครึ่ง ไหว้พ่อกับแม่ของพวกกรแล้วก็ทักทายอาจารย์ภวินท์เล็กน้อย ตอนที่รู้ว่าพี่วินของกรคืออาจารย์ที่มหาวิทยาลัยคือตอนที่เรียนปี 4 แล้ว และตอนนั้นปั้นจั่นก็ไม่ได้คิดอะไรกับกรมากกว่าเพื่อน ตอนรู้ก็แค่ตกใจนิดหน่อยเท่านั้น

“แล้วแฝดล่ะ?” ปั้นจั่นชะเง้อคอมองไปรอบๆ เพราะไม่เห็นเจ้าของงานวันเกิด มีแต่เพื่อนๆ ของพวกแฝดเต็มงาน นอกนั้นก็คนในครอบครัว

อาจารย์ภวินท์เปิดตัวเรื่องกรตอนกรเรียนใกล้จบ และหย่ากับภรรยาในปีนั้นเอง พ่อแม่ของกรค่อนข้างรับได้ที่กรคบกับอาจารย์ แต่ทางบ้านของอาจารย์ดูเหมือนจะตัดขาดกันไปเลย ซึ่งปั้นจั่นก็รู้ข่าวมาจากกรแค่เล็กน้อยเท่านั้น เห็นว่าก่อนหน้าจะหย่า มีปัญหากันมายืดเยื้อ ฝ่ายพ่อแม่ผู้หญิงก็เลยขอตัดขาด อดีตภรรยาของอาจารย์พอรู้ว่าอาจารย์คบผู้ชายด้วยกัน ก็ป่าวประกาศไปทั่ว ทำให้พ่อแม่ของอาจารย์เสียหน้า เลยประกาศตัดขาดกันไป

ชีวิตคนเราบางทีก็ต้องสูญเสีย เพื่อจะได้รับบางสิ่งบางอย่าง

และอาจารย์ก็ใจเด็ดมากที่สุดท้ายแล้วเลือกกรมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง คนที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ในมหาวิทยาลัย ไม่นานก็ซาลง เพราะกรก็เรียนจบพอดี อาจารย์ก็ทำงานต่อไปจนถึงทุกวันนี้ วินยกบ้านให้อดีตภรรยา และย้ายไปอยู่คอนโดกับกร หลังจากเขาได้งานทำ นานๆ ครั้งก็กลับมาที่บ้าน เยี่ยมพ่อแม่และน้องๆ

“เดี๋ยวก็มา ต้องแต่งหล่อนานหน่อย” กรหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง พวกมันคิดถึงมึงมากกว่ากูอีกเอาจริงๆ”

“มึงก็พูดเกินไป” ปั้นจั่นเลยหัวเราะตาม จะว่าไปแฝดก็ติดเขามากกว่าพี่ชายแท้ๆ จริงๆ คงเพราะบุคลิกของกรที่นิ่งๆ ดูเข้าถึงยากกว่า

“อ้าว นั่นไงเจ้าภนต์มาก่อนแล้ว” กรหันไปเห็นน้องแฝดคนพี่เดินลงมาจากชั้นบนพอดี ภนต์มองมาตามเสียงเรียก พอเห็นปั้นจั่นอยู่ข้างๆ พี่ชาย ก็ยิ้มกว้าง

“พี่ปั้น โครตคิดถึงเลย” ภนต์รีบเดินตรงมาหาปั้นจั่นทันที โผเข้ากอดจนร่างเล็กจมหายไปในอก ปั้นจั่นตกใจนิดหน่อยที่เจอภนต์ในตอนนี้ ตัวสูงใหญ่กว่ากรเสียอีก สมเป็นนักกีฬา ครั้งสุดท้ายที่เจอยังแค่ตัวเกือบเท่ากรเอง

“เบาหน่อย พี่จะตายเอา” ปั้นจั้นยกมือขึ้นดันอกภนต์ จริงๆ ภนต์นึกอยากจะอุ้มพี่ชายตัวเล็กขึ้นเหวี่ยงไปมาด้วยซ้ำ แต่ติดที่กรส่งสายตาปรามอยู่ เพราะรู้ว่าน้องคิดอะไร เห็นภนต์นิ่งๆ แต่ก็ชอบแกล้งปั้นจั่นไม่แพ้เจ้าคนเล็ก แต่เป็นการแกล้งที่จริงจังกว่าภันต์ คือแกล้งเพราะสนุกอย่างเดียว ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น

“ฮ่าๆ พี่ตัวเล็ก” ภนต์หัวเราะเสียงใสจนปั้นจั่นหน้าม้านด้วยความอาย มาโดนน้องเรียกพี่ตัวเล็กอีก ใช่สิ เขามันเตี้ย ขนาดอาจารย์พี่วินยังตัวสูงเพรียวดูสมชายชาตรีกว่าอีก

“พอแล้วภนต์ ไปดูเพื่อนๆ มึงนู่น แล้วไอ้ภันต์เสร็จยังเนี่ย” กรไล่น้องคนรอง ก่อนจะเงยหน้าไปมองบนชั้นสอง

“อ้อ มันบอกว่า ให้พี่ปั้นเป็นคนไปตาม แล้วมันจะยอมลงมา” ภนต์ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะคว้าแก้วน้ำอัดลมจากมือพี่ชายคนโตแล้วเดินหนีไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนๆ

“เรื่องมากว่ะไอ้ห่าภันต์” กรบ่นอุบอิบ “เดี๋ยวกูไปตามเองดีกว่า มึงไม่ต้องหรอก”

“ไม่เป็นไร กูไปเองดีกว่า วันเกิดทั้งที ตามใจน้องหน่อย” ปั้นจั่นยกมือขึ้นเบรก ก่อนที่กรจะเดินไปที่บันได “มึงอยู่กับพี่วินเถอะ”

“แน่ใจว่ามึงจะไป?” กรขมวดคิ้ว

“อือ” ปั้นจั่นพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปที่บันได

เขาเคยมาที่บ้านหลังนี้เมื่อหลายปีก่อน มาทำรายงานบ้าง มาช่วยดูแลพวกแฝดเวลาพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้าง ไม่ใช่ว่ากรติดแฟนจนไม่มีเวลาให้น้อง แต่เป็นแฝดที่เรียกร้องเอง

ปั้นจั่นก้าวขึ้นไปตามขั้นบันได จนถึงชั้นสอง ห้องด้านในสุดคือห้องของภันต์ ภนต์กับภันต์แยกห้องนอนกันตั้งแต่ขึ้นม.ต้น เหตุเพราะ ภันต์บ่นเรื่องกลิ่นเหงื่อกลิ่นอับเสื้อผ้าเวลาที่ภนต์เล่นกีฬากลับมา ภันต์ค่อนข้างเจ้าสำอางกว่าภนต์มาก ของใช้ก็เลยเยอะกว่า มีทั้งครีมบำรุงผิว เครื่องสำอาง น้ำหอม วางเต็มโต๊ะเครื่องแป้ง ทำให้ภนต์เห็นแล้วรำคาญลูกตา ตีกันหลายครั้งเรื่องที่ภนต์ชอบทำของของภันต์หล่นจากโต๊ะ สุดท้ายพ่อแม่เลยต้องทำห้องเพิ่มให้ภันต์

“ไอ้เหี้ยภนต์! เอาน้ำหอมกูไปอีกแล้ว”

ปั้นจั่นสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูออกมาจากห้องของภันต์ พร้อมเสียงสบถด่าดังลั่น ตอนเด็กๆ พวกแฝดเคยบอกว่าพ่อแม่ไม่ชอบให้พูดคำหยาบกันในบ้าน แต่คิดว่าพอพวกแฝดโต ก็คงห้ามไม่อยู่แล้ว ยังไงก็เด็กผู้ชายวัยห่ามทั้งนั้น

ภันต์ที่ตอนนี้ตัวสูงโปร่งอย่างกับคนละคนกับเมื่อตอนเด็กๆ เอียงคอเล็กน้อยตอนเห็นปั้นจั่นที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลนัก

“...” ภันต์เอาแต่จ้องมองมานิ่งๆ จนปั้นจั่นอึดอัด ไม่รู้ว่าน้องยังจำตัวเองได้อยู่มั้ย แต่บอกให้ขึ้นมาตาม ก็น่าจะรู้ว่าใคร แต่ปั้นจั่นนี่แหละที่เกือบจำภันต์ไม่ได้ เพราะโตขึ้นกว่าเมื่อ 4 ปีก่อนมาก

นอกจากตัวจะสูงและดูเท่ขึ้นแล้ว หน้าตาของภันต์ที่เหมือนจะใช้เครื่องสำอางแต่งให้ต่างจากภนต์ก็ดูหล่อเหลาอย่างกับดาราหรือนายแบบในนิตยสารอย่างไรอย่างนั้น

“ปั้น” ในที่สุด ภันต์ก็คลี่ยิ้ม เดินเข้ามาหา “ไม่ได้เจอตั้งนานนะครับ”

“เอ๊ะ? เอ่อ อื้อ” ปั้นจั่นอึ้งนิดๆ กับรอยยิ้มและน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนนั้น เวลาแค่ 4 ปี ไม่น่าเชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงเด็กทะโมนคนนี้จนเป็นหนุ่มหล่อราวกับเทพบุตร แถมยังมาดคุณชายโครตๆ ได้

“ผมคิดถึงมาก” มือเรียวสวยของภันต์ยกขึ้นแตะที่แก้มแผ่วเบา ปั้นจั่นใจเต้นตึกตัก กะพริบตาปริบๆ มองเด็กหนุ่ม มือของภันต์ที่กำลังลูบแก้มทั้งเย็นและนุ่ม ให้สัมผัสที่เบาสบาย ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ

“อ่ะ เอ่อ อือ” ปั้นจั่นเหมือนคนเป็นใบ้ พูดอะไรไม่ออก สมองประมวลผลไม่ทัน ได้แต่มองภันต์ไม่วางตา และประโยคแรกที่ทักออกไป ก็เป็นอะไรที่ต่างคนต่างไม่คาดคิด จนภันต์ถึงกับหัวเราะตัวงอ

“ภันต์...เขียนขอบตาด้วยเหรอ”

tbc
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 21 [18/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-07-2018 19:42:25
แล้วทาลิปยังล่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 21 [18/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-07-2018 00:20:39
 :hao7:

โว้วววววววว
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ 21 [18/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-07-2018 15:53:43
ทักแบบนี้ฆ่ากันเถอะ555
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 20-07-2018 21:37:02
22
หลังงานวันเกิดที่ทำให้ปั้นจั่นเขินนภันต์จนเข้าหน้าแทบไม่ติด เพราะดันไปทักอะไรพิลึกๆ เจ้าตัวแสบที่โตขึ้นจนผิดหูผิดตาก็แวะเวียนมาหาแถวที่ทำงานแทบทุกวันเหมือนคนว่างงาน และวันนี้วันศุกร์แห่งชาติ ก็ยังมายืนดักรอหน้าตึกเหมือนเคย จนกลายเป็นภาพคุ้นตาของเพื่อนร่วมงานและคนแถวนั้นกันไปหมดแล้ว กับเด็กนักศึกษาผมชี้ๆ แต่งหน้าสไตล์พังค์ เขียนขอบตาทาปาก หน้าขาววอก เครื่องประดับเต็มตัว สะพายกีต้าร์ไว้บนบ่า ทั้งที่แทบไม่มีใครแต่งตัวแต่งหน้าสไตล์นี้กันแล้ว

“ปั้น! ปั้นทางนี้” พอเห็นปั้นจั่นเดินออกมาจากตึก ภันต์ก็โบกไม้โบกมือตะโกนเรียกแบบไม่อายใคร แต่คนถูกเรียกก็ออกจะหน้าบางนิดหน่อย ปั้นจั่นส่งสายตาดุๆ ปรามให้เงียบ แล้วรีบวิ่งข้ามฝั่งถนนไปหา

“วันนี้ไม่ไปเล่นที่เดิมเหรอ” คนตัวเล็กต้องเงยหน้ามองร่างสูงโปร่งที่ยิ้มเผล่ให้

“ก็จะไปนี่ไง อยากให้ปั้นไปด้วย วันนั้นก็เจอเพื่อนในวงผมหมดแล้วนี่” มือเรียวยาวที่ด้านนิดๆ เพราะเล่นกีต้าร์คว้ามือปั้นจั่นไปกุมไว้ ออกเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าด้วยกัน

“ไลน์บอกก็ได้ ไม่เห็นต้องมารับถึงนี่ เสียเวลาเปล่าๆ”

“ไม่ได้หรอก แฟนทั้งคน ต้องมารับดิ” นภันต์หัวเราะอารมณ์ดี สอดประสานนิ้วมือทั้งห้ากับมือของปั้นจั่น แกว่งแขนไปเดินไป

“ใครเป็นแฟนนาย ขี้ตู่” ปั้นจั่นหน้างอ แต่ก็แอบยิ้มนิดๆ ภันต์โตขึ้นมาไม่เหมือนกรตรงไหนเลย นอกจากส่วนสูงที่ใกล้เคียง แต่เวลาอยู่กับเด็กคนนี้ มันก็สบายใจดี ภันต์ขี้เล่นเหมือนเดิม แต่ไม่แกล้งเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมยังแสดงความรู้สึกตรงไปตรงมาจนอายแทน

เรื่องที่ภันต์ขอคบเป็นแฟน ปั้นจั่นยังไม่ได้ตอบตกลง แต่ถึงไม่ตอบ เจ้าตัวก็ตู่เอาเองไปเรียบร้อยแล้ว เลยคิดว่าไม่ต้องพูดอะไรเลยดีกว่า ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ต้องไปฝืนมันเหมือนตอนที่อยากคบกับกร

ปั้นจั่นรู้ตัวว่าชอบผู้ชายด้วยกันมาตั้งแต่ตอนม.ต้น เคยมีรุ่นพี่มาจีบและคบกันอยู่ช่วงหนึ่ง แต่พอถูกขอมีอะไรด้วย ก็ไม่ยอม รุ่นพี่คนนั้นก็เลยโกรธและเลิกยุ่งไป จนมาสมัยม.ปลาย ก็มีเพื่อนห้องอื่นมาจีบและแสดงท่าทีว่าอยากมีอะไรด้วย ปั้นจั่นก็เลยยอม เพราะคิดว่าถ้ายอมก็อาจจะอยู่ด้วย ปั้นจั่นไม่ได้รักมากขนาดนั้น แต่แค่ไม่อยากสูญเสีย อยากคบกับใครสักคนให้นานๆ อยากเชื่อมั่นว่ารักแท้มีจริง

แต่มันไม่เคยมีอยู่เลย...

ปั้นจั่นกลายเป็นเด็กใจแตกอยู่ช่วงหนึ่ง มีอะไรกับคนที่เข้ามาขอคบไปทั่ว และสุดท้ายก็ไม่เหลือใครเลย อาจารย์สอนภาษาไทยที่โหดที่สุดตอนนั้น เป็นคนที่ฉุดดึงขึ้นมา ทำให้กลับมาตั้งสติได้ และตั้งใจเรียนจนจบ ทุกวันนี้ก็ยังคุยกับอาจารย์บ้าง เห็นว่าท่านกับครอบครัวสุขสบายดีก็ดีใจ

ตอนที่ได้เจอกร แม้จะใส่แว่นตา แต่ปั้นจั่นก็ถูกสเปคหน้าตาของกรอยู่ดี แล้วยิ่งเข้าไปทำความรู้จักก็ยิ่งชอบไอ้นิสัยนิ่งๆ เหมือนไม่สนโลกนั่น แล้วยิ่งตอนที่ตัดสินใจทำเรื่องแย่ที่สุดกับกร ก็ยอมรับว่าติดใจมาก แต่ท้ายที่สุดแล้ว กรก็รักคนอื่นอยู่ดี ต่อให้พยายามไปก็เท่านั้น ยื้อจนสุดๆ แล้วก็ไม่ได้ และในที่สุด ก็ได้เจอภันต์

เด็กหนุ่มวัย 19 ที่เคยตามตื้อมานานหลายปี ภันต์ไม่เหมือนกรตรงไหนเลย ทั้งนิสัยและรูปร่างหน้าตา แต่มือของภันต์ที่จับอยู่นี้อบอุ่นมาก และมันถ่ายทอดความรู้สึกที่เป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นออกมา

“คืนนี้อยากฟังเพลงอะไร รีเควสได้นะครับ” รอยยิ้มของภันต์ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เขาชอบ ความกวนประสาท ทะเล้น ขี้เล่น ก็ชอบ

“ถ้าภันต์เล่น เพลงอะไรพี่ก็ชอบหมดแหละ” ปั้นจั่นยิ้มตอบ

“พูดจาน่ารักอย่างนี้ จูบทีได้มั้ย” เจ้าตัวโย่งยื่นหน้าไปหา ทำปากจู๋รอให้จูบ ทั้งที่อยู่ในผับ คนเต็มร้านไปหมด “ไม่ได้เหรอ?”

ปั้นจั่นเม้มปาก เหลือบมองรอบข้าง ไม่เห็นว่ามีใครสนใจเท่าไหร่ ก็เลยตัดสินใจ สูดลมหายใจแล้วยื่นปากไปแตะเร็วๆ ก่อนผละออกมาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

ส่วนภันต์นั้น นิ่งอึ้งไปนาน ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ คว้าคนตัวเล็กไปกอดไว้แน่น เอาคางวางเกยบนศีรษะเล็ก

“ชื่นใจจัง มีกำลังใจเล่นเป็นร้อยเพลงเลย ฮ่าๆ”

“เว่อร์” เขาทุบอกคนตัวสูงไปทีด้วยความหมั่นไส้ ได้ยินเสียงภันต์หัวเราะสดใส พลันหัวใจก็พองโตตามไปด้วย

บางที อาจจะยังมีความรักดีๆ อยู่ตรงนี้ก็ได้

END1

กรกับวินยังคงคบกันด้วยดีมาตลอด หลังจากอาจารย์หย่ากับภรรยาได้และมีข่าวลือเรื่องที่คบนักศึกษาชายก่อนกรเรียนจบ พ่อแม่ของอาจารย์ก็ประกาศตัดขาดกันไป ซึ่งวินไม่ได้ใส่ใจมากมายอะไร ตัดก็ตัด เพราะเขาไม่มีทางย้อนกลับไปได้อีกแล้ว ในเมื่อกรคือคนที่เขาเลือก และกรก็ช่างแสนดี ไม่เคยยุ่มย่ามกับเรื่องครอบครัวของเขาเลยสักครั้ง พอเห็นกรเป็นแบบนั้น แถมยังบอกอย่างหนักแน่นว่าจะรออยู่ข้างๆ ไปตลอดชีวิต เขาก็ทนให้กรต้องกลายเป็นคนที่อยู่ข้างหลังอย่างลับๆ ไม่ได้อีก เขาอยากประกาศให้ทุกคนรู้ แม้จะยอมรับหรือไม่ก็ตาม

“พรุ่งนี้ผมต้องไปสัมมนางานที่ต่างจังหวัดแล้ว ต้องคิดถึงวินมากแน่ๆ เลย” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทเรียบๆ กับแว่นสายตากรอบบางโอบเอวของวินเข้าไปกอดไว้จากด้านหลัง แล้วซบหน้าลงบนบ่าอย่างออดอ้อน

ยิ่งอยู่ด้วยกัน กรก็ยิ่งขี้อ้อนขึ้นทุกวัน

“ก็ทำงานนี่ ทำไงได้ล่ะ วันอาทิตย์ก็ได้กลับแล้ว ไม่งอแงนะครับ” วินลูบหัวเขาเบาๆ มืออีกข้างจับแขนที่กอดเอว

“ผมอยากอยู่กับวินทั้งวันทั้งคืนเลยนี่ วันหยุดทั้งที” กรส่งเสียงกระเง้ากระงอด สูดจมูกหอมแก้มอาจารย์ไปหนึ่งฟอด “ตอนกลางคืนต้องวิดีโอคอลด้วยนะ ห้ามหลับก่อน”

“จ้าๆ พ่อหนูน้อย” วินหัวเราะคิกกับนิสัยเหมือนเด็กๆ ของกร ที่หลายคนคงไม่มีทางได้รู้ เพราะปกติกรจะเก๊กขรึมตลอด แถมกับน้องๆ ยังมีดุด้วย กับเพื่อนร่วมงานยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งนิ่งทั้งเยือกเย็น ราวกับไม่อยากให้ใครเข้ามาล้ำเส้น

“ไม่อยากไปจริงๆ นะ” ยังอ้อนไม่เลิก และวินก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมาคลอเคลียแบบนี้ อาจารย์คลี่ยิ้มบางๆ พลิกตัวหันไปหา ยกแขนขึ้นคล้องรอบคอของเขาไว้ กรอมยิ้มนิดๆ

“ให้รอบนึงแล้วกัน พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า กลัวเด็กแถวนี้งอแงไม่ยอมลุก”

“วินวินใจดีที่สุดเลย” กรฉีกยิ้มกว้างเหมือนเด็กน้อยก่อนจะแนบริมฝีปากบดเบียดกับอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อนอย่างรู้งาน

กับคนคนนี้ ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน เขาก็จะไม่มีวันปล่อยมืออย่างแน่นอน

END
จบได้สั้นมากกกก แหะๆ ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะค้าบ เหมือนมันรวบรัดตัดตอน แต่เรื่องไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว ไม่งั้นคงดราม่ายืดเยื้อ น่าลำไยแน่ แต่เราอยากให้มันเบาๆ ไม่ดราม่าแล้ว ไปดราม่ากับเรื่องออื่นเถอะ อิๆ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-07-2018 22:09:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 21-07-2018 01:51:28
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-07-2018 03:07:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-07-2018 04:34:35
จบด้วยดีทั้ง 2 คู่  :mc4:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-07-2018 10:59:47
จบแล้ว จบอย่างมีความสุข  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ทุกคู่มีความสุข  :heaven

แม่วินวุ่นวาย เจ้ากี้เจ้าการจริงๆ อยากได้หลาน
จัดแจงขอหมั้น จัดงานแต่งงานไม่ฟังความเห็นลูกเลย
พอรู้ว่าลูกรักชาย ก็ตัดขาดเฉยเลย
ไม่รู้ว่ารักแบบไหน  รักหน้าตาชื่อเสียงยิ่งกว่ารักลูก  แปลกๆนะ :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

กร วิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ภันต์  ปั้นจั่น   :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-07-2018 11:44:46
 :sad11: ดีใจกับทั้งคู่
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 21-07-2018 20:47:47
………


Happy Ending jaaaa


……


 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:


หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-07-2018 02:45:23
จัดไปกร~~รอบเดียวแต่นานๆเลย 5555 ซึ้งดีอ่ะ ความรักคู่นี้ อ่านรวดเดียวจบอยากจะร้องว่า เอ้ยยยย!!!สนุกกกกกว่าที่คิด สั้นๆง่ายๆ ไม่มีอะไรแย้งเลย โอเคนะกับบทตัวละคร แต่ละคนทำอะไรลงไปนั้น มันมีที่มาที่ไป ทำไมถึงทำแบบนี้เพราะอะไร มีเหตุผลเสริมได้โดยที่เราไม่ขัดใจ บางทีคิดว่าคนนี้จะร้ายแต่ก็ไม่ กลับมีเหตุผล ยอมรับและถอย เริ่มใหม่ ไม่มีบทไหนรำคาญ ไม่งี่เง่า วินได้ใจสุดตัดขาดทุกคนขอแค่มีคนรักพร้อมจะสู้ไปด้วยกัน ดีที่ครอบครัวกรรับได้ ภาพรวมโอเคเลยนะ ถือว่าแต่งออกมาได้ดีระดับนึง เป็นเรื่องรักลับๆไม่หวือหวาดราม่ามาก มีความพอดี ง่ายๆสั้นๆ ชอบสไตล์การแต่งนะ ตรงที่มีทุกคู่เลย คู่รอง คู่รองๆยังมีอ่ะ 55555 เออ สนุกค่ะ มีผลงานต่อไปนะ เป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-07-2018 16:32:13
 :z2: พบรักแท้จากออนไลน์อีกคู่  :hao6:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 31-07-2018 21:17:18
สรุป หมอไผ่เป็นตัวประกอบ  มีชื่อแต่ไม่มีบท
หมอต้องเข้าใจ กรเขามีกำลังใจดี  :hao7:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 22:35:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-07-2020 08:36:38
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 27-08-2020 18:34:07
จบแบบสองคู่แฮปปี้
แต่พ่อแม่วินคือตลกอ่ะ ห่วงหน้าตาชื่อเสียงถึงขนาดตัดขาดลูกตัวเอง
นี่ไม่รักลูกเลยหรอ พ่อแม่แบบนี้ทุเรดมากอ่ะ

หัวข้อ: Re: S-E-A-L <<รัก>> ลับๆ = เผยความลับครั้งที่ END [20/7/18]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-08-2020 21:13:34
 :pig4: