พิมพ์หน้านี้ - {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Foggy Time ที่ 15-03-2018 17:24:01

หัวข้อ: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-03-2018 17:24:01
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
Share This Topic To FaceBook
Share This Topic To FaceBook
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-03-2018 17:27:03
ZOMBIE PLANET


‘โลกนี้มันบ้าไปแล้ว!’


มีใครสักคนตะโกนคำนี้ออกมาและผมโคตรจะเห็นด้วยกับมัน

สวัสดี.


ตอนนี้คุณกำลังอยู่กับ

มิสเตอร์มาร์ส (MARS)
ชื่อของผมในตอนนี้ไม่ใช่นามแฝงวงการเกย์แต่อย่างใด


แต่จะใช้คำว่าสวัสดีก็คงไม่ได้เพราะถ้าคุณมาอยู่กับพวกผมตอนนี้ก็อยากจะตายจากโลกปั่นป่วนนี้เป็นบ้า แน่นอนว่าแม่ผมและคนอื่นๆ ในครอบครัวผมก็คิดแบบนั้นเลยชิงตายตั้งแต่ทุกอย่างเกิดขึ้นแรกๆ เหลือแค่ผมที่ยังนั่งกินป็อปคอร์นดูหนังเรื่องโปรดในห้องพอลงมาก็เจอทุกคนเป็นศพแบบงงๆ พอเปิดทีวีก็เห็นข่าวซอมบี้บุกโลกเหมือนในหนังซอมบี้ทั่วไป


‘พระเจ้าช่วย’
ผมในตอนนั้นยกมือทาบอกร้องออกมาด้วยสีหน้านิ่งสนิท


โลกนี้แม่งบ้าไปแล้ว ถ้าผมมัวแต่ร้องไห้โวยวายผมก็คงจะเป็นบ้าตามโลกไปจริงๆ


ผมจัดการลากศพทุกคนในบ้านไปฝังหลังบ้านแล้วสวดมนต์บทเท่าที่ผมพอจะจำได้ (ช่วยไม่ได้ผมมันพวกไร้ศาสนา ถึงตอนเด็กผมจะถือคริสต์ก็เถอะ แต่พอโตมาก็รู้สึกอยากเป็นแบบนี้มากกว่า)

“เฮ้ย! สวย ช่วยด้วย!”

เสียงตะโกนร้อนรนดังลั่นด้านหลังผมทำให้ผมที่กำลังหาวหวอดหันไปมองเหนื่อยๆ ในมือยังถือจอบสำหรับถมดินใส่บรรดาครอบครัวของผมที่ตายไปแล้ว

“มีอะไร”

ผมเคี้ยวหมากฝรั่งเป่ามันจนเป็นลูกโป่งใหญ่และแตกโผละ

“นี่แกไม่ตกใจอะไรเลยรึไงวะ!”

ไอ้อ้วนเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นเพื่อนบ้านผมมานานนมตะโกนใส่ผม มันพยายามชี้แขนอ้วนๆ ของมันไปด้านหลังที่มีซอมบี้เดินอาดๆ ตามมาเป็นฝูง

ผมกระตุกยิ้มและไหวไหล่

“โทษทีว่ะ ซอมบี้ไม่กินกระต่าย”

ว่าอย่างงั้นก่อนที่จะกลบดินให้กับครอบครัวผมต่อ

“มันไม่กินแก แต่มันจะกินฉัน!!”

ไอ้อ้วนร้องว้ากแล้วบุกเข้ามาในรั้วก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปหลบในบ้านผม

“เฮ้อ”

ผมมองตามแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ ไอ้เวรนี้มันอ้วนเป็นบ้า เปลืองอาหารมากถ้าจะอยู่กับผม แต่เอาเถอะ เพื่อนมนุษย์ก็ต้องช่วยเหลือกัน

ฮื่อ

“โทษที ไอ้อ้วนมันหนีไปแล้ว พวกนายก็ไปกินคนบ้านอื่นแล้วกัน”

ผมพยักเพยิดไปด้านนึงที่มีฝูงชนส่งเสียงร้องโหยหวนหนีซอมบี้ มีบางคนโดนกัดก็ร้องดังลั่น เสียงบีบแตรดังสนั่นลั่นถนนไปหมดเมื่อคันข้างหน้าไม่กล้าขยับรถเพราะมีคนกำลังโดนซอมบี้รุมทึ้งกินเหมือนแร้งที่กำลังรุมทึ้งศพ

ฮื่อ ฮื่อ

พวกซอมบี้ไม่สนใจผมเพราะมันฟังผมไม่รู้เรื่องและด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างอีก ที่มันไม่กินผม ทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศอะไรบางอย่างซะอย่างงั้น พวกมันส่งเสียงฮื่อๆ ทำจมูกฟุดฟิดแล้วลากเท้าไปทางอื่นต่อ




หลังจากนั้นประมาณครึ่งปีผมก็สร้างอาณานิคมของตัวเองขึ้นมา รวบรวมคนเป็นที่ยังอยู่มารวมกันในบ้านของผมโดยที่รอบบ้านผมนั้นเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางแน่นหนาทั้งบานประตูกระถางต้นไม้รถยนต์ อะไรก็ตามแต่ที่ผมสามารถหามาได้ ผมเอามันกั้นจนมันเป็นรั้วที่แข็งแรงประมาณนึง นับว่าปลอดภัยจากซอมบี้ระดับนึง ส่วนทางเข้าออกก็คือต้นไม้ต้นใหญ่ที่ติดกับบ้านผม
ทุกคนแต่งตั้งผมเป็นควีน (ทั้งๆ ที่ผมบอกว่าให้เรียกคิง)

แต่อย่าคิดว่าจะมีคิงเพราะไม่มีใครกล้าและพิเศษมากพอที่จะออกไปข้างนอกอาณานิคมเหมือนผม เอาเข้าจริงผมก็สามารถดำรงชีวิตในโลกบ้าๆ นี่ได้อย่างสบายๆ ถือสิทธิพิเศษเหนือใครนะ คิดดูสิ จะมีสักกี่คนที่สามารถนอนหลับกรนคร่อกๆ ท่ามกลางดงซอมบี้แล้วไม่โดนกิน นอกจากผม ผมยังไม่เคยเจอใครเลยนะ

ส่วนไอ้อ้วนตอนนี้กลายเป็นไนท์ของผม มันผอมแล้วเนื่องจากผมจำกัดอาหารของมันและบังคับให้มันออกกำลังกาย จนตอนนี้มันกลายเป็นผู้ชายล่ำเหมือนกัปตันอเมริกา เหมาะสำหรับการใช้แรงงานอย่างมาก ระหว่างที่ผมออกไปลาดตะเวนข้างนอก ผมก็ให้ไอ้อ้วนที่กลายเป็นไอ้ผอม ทำสวนครัวไปพลางๆ นับว่าผมและคนใต้อาณัติของผมโชคดีมาก ที่แม่ผมชอบปลูกนู่นนี่นั่นเลยมีเมล็ดผักผลไม้สำหรับปลูกเหลือเฟือ ไหนจะบ่อน้ำอีก ถ้าจัดการบริหารกันดีๆ ไม่ผลิตประชากรกันเพิ่ม ก็อยู่กันได้สบายๆ กันได้อีกหลายปี

ประชากรในอาณานิคมกระต่ายของผมมีอยู่ยี่สิบห้าคนรวมผมและอ้วน มีทั้งเด็กคนแก่ผู้ใหญ่ ทุกคนที่หนีซอมบี้ไม่ทันแล้วยังรอดอยู่และคนที่ไม่ใช่พวกทางการเลือก หรือที่ผมเรียกเองว่าพวกมีตั๋วทอง
พวกทางการมันรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยสร้างอาณานิคมขึ้นมาแบบผมแต่ดีกว่าผมเยอะ ในนั้นประกอบไปด้วยอาคารที่อยู่ หอบังคับการ โรงครัว โรงผลิต บ่อน้ำ ทุกอย่างที่ใช้สำหรับการดำรงชีพ
แต่ก็นะมันก็ไม่ได้มีเพียงพอสำหรับทุกคน แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้น พวกผมไม่เคยรู้และคาดคิดว่าโลกแบบในหนังมันจะเกิดขึ้นจริงๆ

แต่ก็นะ มันเกิดขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นจากความโลภ ความโกรธ ความเกลียด อะไรก็แล้วแต่ มันก็ทำให้ผมเกลียดทางการอยู่ดี พวกเขาทำให้ผมอดดูซีรีย์ที่ผมกำลังติดงอมแงมและมันก็จะถึงตอนจบแล้วในอาทิตย์หน้า
เห็นไหมล่ะ ทุกอย่างตอนนี้มันบัดซบสิ้นดี

และผมก็รู้ด้วยว่าตัวเองมีสิ่งที่พวกทางการตามหาอยู่ พวกมันกำลังวิจัยวิเคราะห์หาทางสู้หรือต่อต้านซอมบี้ ถ้าเกิดได้อะไรสักอย่างในตัวผมไป คงจะทำประโยขน์ได้มหาศาล

แน่นอนว่าผมไม่มีวันบอกพวกมัน

ต่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ล่มสลายมันก็ไม่ใช่ความผิดผมและผมก็ไม่คิดจะสนใจด้วย พ่อแม่น้องสาวน้องชาย ผมตายหมดแล้วตั้งแต่วันนั้น ตอนนี้ผมก็ตัวคนเดียวไม่เหลืออะไรอยู่อีก


ผมคิดอย่างนั้นจนกระทั่งวันนึงที่คนนึงในการปกครองของผมป่วย

เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กอายุเท่าน้องผมและนิสัยเหมือนน้องผมมาก ผมมักจะเผลอแทนภาพน้องของผมแทนเธอเสมอ

“ฮึก พี่มาร์ส ช่วยหนูด้วย หนูปวดท้อง ฮือออ”

“ฮึบไว้ อย่าร้อง พี่จะช่วยหนูเอง”

ผมกอดเธอแน่นขณะที่อุ้มเธอไปหยุดที่หน้าปราการแกร่ง


สีเงินของโลหะเป็นประกายระยับสะท้อนแสงอาทิตย์ให้ความรู้สึกหวั่นเกรง พลทหารที่อยู่ในชุดเกราะเหล็กและอาวุธครบมือเล็งปืนมาที่ผม นับๆ ดูแล้วจากด้านบนปราการก็มีประมาณสี่กระบอก

ตัวพรุนแน่

ผมคิด

“น้องผมป่วย!”

ผมตะโกนออกไปแม้ว่าตัวเองจะไม่คาดหวังความเมตตานัก

“แล้วไง!”

เสียงนึงตะโกนลงมาติดจะเย้ยหยันจนน้องผมที่สะอื้นอยู่แล้วสะอื้นหนักกว่าเดิมอย่างสิ้นหวัง คราบน้ำตาที่เปียกชื้นบนบ่ากัดกร่อนหัวใจผม ราวกับกรดที่มีค่าพีเอชต่ำ

“ให้เธอเข้าไปได้ไหม! ผมคิดว่าเธอต้องผ่าตัดหรือตรวจอย่างละเอียด เพราะยาแก้ปวดท้องไม่ได้ผล!”

“พวกแกเคยโดนกัดไหม!”

เสียงแปร่งอีกฝั่งตะโกนถามคล้ายกับใจดี ทำให้น้องผมมีความหวังขึ้นมานิดๆ เห็นได้ชัดจากการยอมผละจากบ่าผมหันมามองไปทางปราการที่เบื้องหลังคือสวรรค์ของมนุษย์ในปัจจุบัน

ผมมั่นใจว่าอย่างน้อยๆ ข้างในนั้นมันก็ต้องดีกว่าที่ผมอยู่กับตอนนี้แน่ๆ

“ไม่เคย!!!” ผมตะโกนตอบ

ปัง

ผมเบิกตาโพลงมองร่างในมือตัวอย่างไม่เชื่อสายตา

ใบหน้าที่ละม้ายกับน้องผมเปรอะไปด้วยเลือด บริเวณศีรษะเยื้องไปทางซ้ายเป็นรูกระสุน มีเลือดไหลบ่าและเศษสมองกระเด็นมาเลอะหน้าผม

“…ฝีมือยังดีอยู่ว่ะ!”

เสียงที่ห้าที่ผมไม่ได้สังเกตเห็นตั้งแต่แรกตะโกนขึ้น ในมือชูปืนสไนเปอร์ร้องเฮอย่างลำพอง

“ตัดหน้ากันว่ะ ฉันกะจะยิงเองสักหน่อย!”

“ไม่โดนกัดห่าไร รอยแหว่งบนหน้าแม่งรอยนอนทับมั้ง”

เสียงที่พวกมันตะโกนคุยกันดังลอยเข้าหูผมแต่ผมกลับไม่รับรู้เท่าที่ควร

เรี่ยวแรงที่เกาะบ่าผมหายไปน้องค่อยๆ ร่วงหลุดจากมือของผมอย่างช้าๆ ก่อนจะตกลงบนพื้นเพราะผมประคองไม่ไหว
นัยน์ตาของผมเบิกค้างอย่างควบคุมไม่ได้น้ำตาไหลบ่าออกมาโดยไร้เสียงสะอื้น

น้องตายโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ…

ผมเอื้อมมือไปปิดตาน้องกล้ำกลืนความโกรธของตัวเองลง

“แล้วแกล่ะ จะเอาไง! ยังอยากเข้ามาในนี้อยู่ไหม!”

ผมลุกขึ้นยืนหันหลังกลับเดินออกมาอย่างมั่นคง ราวกับเมื่อกี้ไม่ได้เกิดเหตุสะเทือนใจขึ้น


ถ้ามันคิดจะยิงผมก็ปล่อยให้มันยิง

แต่ถ้ามันยิงผมไม่ตาย

ผมจะกลับมาฆ่าพวกมันทุกคน

หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-03-2018 17:31:17
ผมไม่ได้กลับไปที่อาณานิคมของผม ปล่อยให้ไอ้อ้วนจัดการที่เหลือไปเพราะยังไงผมก็สามารถใช้ชีวิตสบายๆ เหมือนไปเที่ยวฮาวายได้อยู่แล้ว และตอนนี้ผมกำลังจิบน้ำส้มกล่องที่หยิบมาจากมินิมาร์ทใกล้ๆ ที่ซอมบี้ล้นร้าน จริงๆ ซอมบี้เป็นอะไรที่เฝ้าของดีมากจริงๆ นะ ที่นั้นอาหารครบมากเพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปเอา แม้แต่พวกทางการยังเลือกที่จะไม่เสี่ยงใช้อาวุธเพื่อมินิมาร์ทร้านเดียว

ผมก็เลยสามารถนั่งกินขนมชิวๆ บนต้นไม้สูงอย่างเพลิดเพลินใจ

ไม่สิ ผมไม่ได้เพลิดเพลินใจแต่ผมกำลังรอเวลา..

ทุกวันจะมีทหารคนนึงลาดตะเวนผ่านแถวนี้ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าลาดตะเวนไปเพื่ออะไรแต่อาวุธเขาก็ครบมือ พอซอมบี้เริ่มเห็นเขา เขาก็จัดการโยนตัวขึ้นบิ๊มอไซต์แล้วสปีดหนีซอมบี้ไป

ผมรออะไรงั้นเหรอ? ก็รอเอาชุดเขาไง

จากการเข้าสู่โหมดสังเกตและตั้งรับมาเกือบสองเดือนทำให้ผมเข้าใจพวกทางการเข้ามาระดับนึง ต้องขอบคุณซีรีย์ทหารตำรวจที่บางทีนักแสดงนำหล่อมากทำให้ผมติดงอมแงม ผมเลยพอจะเดาการปกครองภายในคร่าวๆ ได้

ถ้าให้เดาทหารนั่นก็น่าจะยศกลางๆ ไม่ต่ำไม่สูงมากเพราะถ้าสูงจริงคงไม่ให้ออกมาเสี่ยงลาดตะเวนด้วยตัวเอง แต่ถ้าต่ำไปก็คงไม่มีอาวุธครบมือขนาดนั้น ก่อนตายคงจะฆ่าซอมบี้ได้เป็นร้อยตัว

บรืนนน

เสียงมอไซต์คนเดิมเวลาเดิมดังเข้าหูผมและมันก็เรียกความสนใจจากพวกซอมบี้ตัวอืดได้ดี พวกมันลากเท้าตามต้นกำเนิดเสียงไปโดยไม่รู้สักนิดว่าต้นกำเนิดเสียงไปนู้นแล้ว

และใกล้เข้ามาทุกที

ผมกระตุกยิ้มมุมปากที่เมื่อก่อนเพื่อนในชมรมให้ฉายาว่ายิ้มแบบตัวร้าย

เอี๊ยด

รถมอไซต์จอดที่เดิมเหมือนทุกวัน

เพียงแต่วันนี้มีผมนั่งอยู่บนต้นไม้ด้วยก็เท่านั้น

ทันทีที่เขาหาวหวอดเหมือนง่วงเตะขาตั้งเท้าลงก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมกระโจนลงจากต้นไม้ใส่ตัวเขาพร้อมกับหินหนักประมาณนึงในมือ

“เฮ้ย!!!”

เขาร้องลั่นเมื่อผมทุ่มหินใส่หัวเขาที่ล้มตัวใส่พื้นเนื่องจากน้ำหนักของผม

“โอ๊ย เราคุยกันดีๆ ได้นะ”

แต่ผมไม่สนใจใช้หินทุบหัวเขาจนเลือดเกรอะ เขาพยายามสู้ผมกลับแต่การเสียเลือดที่มากทำให้เรี่ยวแรงของเขาสูญหายไปกว่าครึ่ง เพียงไม่นานเขาก็สลบไปอย่างที่ผมต้องการ

ผมไม่ฆ่าเขาหรอกเพราะผมก็ไม่ได้เกลียดเขาอะไรขนาดนั้น

ผมปลดชุดเขาออกจนหมดและมาใส่กับตัวเองพบว่าหลวมโพรกเพราะหลังๆ มานี้ผมก็ผอมลงกว่าแต่ก่อนเยอะ ดูเหมือนผมจะพิรี้พิไรไปหน่อยเพราะพอรู้สึกตัวอีกทีเจ้าถิ่นก็มาเยือนตรงที่ผมอยู่เป็นฝูง

มันไม่เอ่ยปากขอผมแต่รุมทึ้งกัดกินเขาทันที

“อูย”

ผมเผลอทำหน้าแหยงกลัวๆ ที่ต้องมาเห็นซอมบี้รุมทึ้งศพระยะประชิด มันไม่ใช่ภาพที่เจริญหูเจริญตาสักเท่าไหร่ เอาจริงๆ นะตอนแรกผมก็กะจะเอาตัวไปไว้ที่อาณานิคมนั่นแหละแต่ในเมื่อมันไม่ทันก็ต้องปล่อยเลยตามเลย

“เฮ้ๆ ขอทางหน่อยพวก”

ผมเตะซอมบี้ที่เอาตัวมาเกยบนมอไซต์และแทนที่ด้วยตัวเอง

เสียงสตาร์ทรถทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนย้อนกลับไปในช่วงที่อะไรๆ ยังไม่เกิดขึ้นยอมรับเลยว่าเมื่อก่อนผมเป็นเด็กซิ่งชอบขี่มอไซต์ร่อนไปทั่วจนพ่อแม่ด่าจนเลิกด่า

// เฮ้ พอจะเจออะไรบ้างไหม //

ผมเลิกคิ้วเมื่อมีเสียงวิทยุสื่อสารดังซ่าๆ บริเวณอกเสื้อ ผมกดปุ่มอะไรสักอย่างแล้วกรอกเสียงกลับ

// ไม่เจอ //

เพราะถ้าพวกเขาเจอก็คงจะไม่ออกมาลาดตะเวนทุกวัน ถึงผมจะไม่รู้ก็เถอะว่าพวกเขากำลังหาอะไรกันอยู่

// โอเค งั้นแกก็รีบกลับมาได้แล้ว ไม่รู้วันนี้วันบ้าอะไรพวกซอมบี้ชุมเป็นพิเศษ //

ผมหัวเราะในลำคอ ซอมบี้จะไม่ชุมได้ไงในเมื่อผมลากศพคนที่เพิ่งตายไปไว้แถวนั้น

// รับทราบ //

ผมหัวเราะคิกในลำคอสวมหมวกกันน็อคตามหลักจราจรที่คุณตำรวจร่างตุ้ยนุ้ยชอบว่าผมว่าไม่ดีนะๆ ต้องใส่หมวก ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เขาขี้เกียจมาเก็บศพและรำคาญลูกชายเขาที่อาจจะร้องไห้คร่ำครวญถ้าผมตายด้วย

ว่าไปก็คิดถึงจริงๆ นะ

ความเจ็บปวดหวนขึ้นมาวูบนึงแต่ผมก็กลบมันลงอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

และผมก็ควรทำสิ่งที่ควรทำสักที



หัวใจผมเต้นตึกตักไม่หยุดตั้งแต่เข้าปราการมาได้

ตื่นเต้นเหมือนตอนผมมีแฟนคนแรกเลยให้ตายสิ!

แต่น่าเสียดายที่แฟนคนนั้นกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วรวมถึงคนอื่นๆ ที่ผมรู้จัก

“แกรีบไปพักไป จะได้รีบมาผลัดเวรเฝ้าประตูกับฉัน”

ทหารคนนึงที่น่าจะรู้จักผมดีผลักหัวผมอย่างเป็นกันเอง ผมแสร้งพยักหน้าลวกๆ แล้วเดินเข้าไปในเขตบ้านพักที่สร้างเรียงรายกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบแต่ผู้คนไม่เป็นระเบียบสักเท่าไหร่ ทุกอย่างจอแจไปหมด คนเดินกันพล่านในพื้นที่ มีทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่หรือที่ผมเรียกเองว่าพวกตั๋วทอง

ผมพยายามอย่างยิ่งในการควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงความเกลียดชังออกมา

สถานที่ข้างในนี่มันสวรรค์ชัดๆ ถ้าเทียบกับนรกข้างนอก

นรกที่พวกเขารู้อยู่แล้วว่าสักวันมันจะเกิดขึ้น!

ทุกอย่างในที่ถูกแบ่งสันปันส่วนอย่างดี ดีกว่าอาณานิคมของผมเป็นร้อยเป็นพันเท่า พวกเขามีระบบน้ำระบบไฟที่จากโซล่าเซลล์ มีบ่อเลี้ยงปลา มีฟาร์มไก่กับแมลงสำหรับโปรตีน มีหอบัญชาหารทหาร มีห้องวิจัยขนาดกะทัดรัดที่มีนักวิจัยเดินเข้าออกดูวุ่นวาย
โอเคผมเคยคิดว่ามนุษย์น่ะเป็นสัตว์ที่เห็นแก่ตัวและเลวร้าย แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะมากขนาดนี้ พวกเขามีอาหาร มีทรัพยากร หรือแม้แต่ห้องผ่าตัดที่ผมต้องการสำหรับน้องของผม

พวกเขามีแต่พวกเขาไม่คิดจะเอื้อเฟื้อมันให้กับใคร!

“ไอ้พวกบัดซบ!”

ผมสบถเมื่อสามารถพาตัวเองมายังห้องพักของทหารที่ผมขโมยชุดมาได้ ผมถอดเสื้อทหารเหม็นกลิ่นเหงื่อน่ารังเกียจของเจ้าของห้องออกและแทนที่ด้วยเสื้อสีดำกับกางเกงผูกสีดำที่พอจะหาได้ในตู้เสื้อผ้า

ผมมองตัวเองในกระจกอย่างไม่พอใจนัก

หน้าของผมตอนนี้โคตรจะดูไม่ได้จริงๆ มอมแมมยังกับหมาที่เพิ่งไปคลุกตัวกับโคลน
   
ผมหยิบเสื้อโค้ทที่ใหญ่ที่สุดในตู้มาสวมทับเสื้อ ขโมยขนมปังก้อนใหญ่ที่วางบนหัวเตียงมากินจนหมดและจึงค่อยแง้มประตูหาจังหวะที่จะออกจากห้องโดยที่ไม่ต้องมีใครต้องตั้งคำถาม
   
และผมก็ต้องพบว่ามันไม่มีเวลาที่คนโล่ง ทุกคนเหมือนมีหน้าที่ของตัวเองตลอดเวลา เหมือนหนูที่ติดอยู่บนจั่นที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากวิ่งและวิ่งต่อไป ต่อให้มันไม่อยากวิ่งแต่มันก็ต้องวิ่งเพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่มันสามารถทำได้
   
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ต้องแลกกับการได้รับตั๋วทองก็ได้

เพราะแม้แต่เด็กผมยังเห็นแต่ละคนหน้าซีดกลับมากันทั้งนั้น

ผมเลยตัดสินใจออกมาทั้งอย่างนั้นและพบว่าไม่มีใครสนใจผมสักนิด ทุกคนเหมือนสนใจแต่เรื่องของตัวเองที่ดูจะมากมายและหนักอึ้งซะเหลือเกิน

แต่เชื่อเถอะ ถ้าให้เลือกระหว่างมีชีวิตอิสระข้างนอกกับการทำงานหนักแต่ปลอดภัย พวกเขาเลือกอย่างหลังแน่ๆ

ยังไงก็ตามสิ่งที่ผมควรเครียดตอนนี้มากกว่าคือผมจะเอาปัญญาไหนไปแก้แค้น แผนเดียวที่ผมมีคือแอบเข้ามาแล้วหาทางขึ้นไปยังหอบัญชาการซะ แต่พอเห็นสภาพการทำงานที่โคตรจะรัดกุมก็เลยได้แต่ปลง

พวกเขาละเลยตอนตรวจเข้ามาข้างในสำหรับพวกในชุดทหารก็จริงแต่ถ้าจะขึ้นยังตึกบัญชาการ นั้นโคตรยาก พวกเขาดู ตรวจบัตร ตรวจอัตลักษณ์บุคคล และจดจำทุกอย่างสำหรับคนที่มีสิทธิ์เข้าไป

นั่นเท่ากับว่า ผมมีโอกาสขึ้นไปบนนั้นเท่ากับศูนย์

ที่พอจะมีเป็นต้นทุนในการแก้แค้นก็มีแต่เรื่องไร้สาระอย่างการอ่อย ที่เพื่อนๆ ยกให้ผมเป็นโปร ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อยากเป็น ตอนนั้นผมก็แค่ชอบรุ่นพี่คนนึงเลยค่อยไปงุ้งงิ้งบ่อยนิดหน่อย สุดท้ายพี่เขาก็เสร็จผมไปตามระเบียบ

แต่จะให้ผมไปนั่งอ่อยผู้บัญชาการตรงหน้าประตูก็คงจะไม่ใช่เรื่อง และผมก็ไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนั้นด้วย

อย่าลืมสิ นี่โลกความจริงนะไม่ใช่นิยายน้ำเน่า ที่นางเอกล้มทับพระเอกอย่างโคตรบังเอิญได้ทุกนาที

“เฮ้”

“..ครับ”

ผมเงยหน้าตอบทันทีพยายามไม่มีพิรุธ

ว้าว

ผมลอบอุทานในใจเมื่อพบว่าคนที่ทักผมนั้นหล่อเป็นบ้ารวมถึงสวมชุดสีดำที่ดูหรูหราอย่างพวกที่เดินขึ้นตึกบัญชาการ เอาจริงๆ นะ ถ้าเราเจอกันตามบาร์ ผมจะไม่ลังเลเลยที่จะเข้าไปขอเบอร์เขา

แม่ง โคตรสเป็ค

แต่ถ้าเขาเป็นหนึ่งในหัวเรือของเรื่องทั้งหมดนี่ก็อีกเรื่อง ผมไม่ไว้หน้าเขาหรอก ผมไม่แคร์ว่าเขาจะเคยเป็นใคร ที่ผมรู้คือครอบครัวผมตายเพราะเรื่องบ้าๆ นี่

และเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ

“ไม่คุ้นหน้าเลย เด็กใหม่เหรอ”

เขาทรุดนั่งข้างผมและเข่าของเขาก็โดนขาผมพอดี

และมันก็เกินกว่าจะเป็นเรื่องไม่ตั้งใจตรงที่เขาเสียดสีขาผม

ผมยิ้มนิดๆ

ผมไม่รู้หรอกว่าเหยื่อตัวนี้จะเป็นใคร แต่ถ้าผมอยู่ในสภาวะหมาจนตรอก ผมก็งับทุกอย่างที่เข้ามาและภาวนาให้ตัวเองได้เนื้อพรีเมี่ยมเกรดเอ

ผมรู้ว่าตัวเองหน้าตาดีและมักจะใช้มันทำให้เรื่องยากๆ ในชีวิตหลายๆ เรื่องให้เป็นเรื่องง่าย เมื่อก่อนผมขี้เกียจทำการบ้านผมก็แค่แบกหน้าไปอ้อนนักเรียนหญิงแลกกับการเดทกับการให้ขนมสักถุง แต่พอโตขึ้นแล้วรู้รสนิยมตัวเองผมก็ปรับวิธีให้เหมาะสมกับเหยื่อของตัวเอง

“ครับ”

ผมแสร้งตีหน้าเศร้าเหมือนเด็กใสซื่อแต่ในหัวตระเตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่เขาอาจจะถาม โชคไม่ดีเลยที่ในหัวผมไม่มีอะไรที่ผมรู้จริงๆ เลย ผมไม่รู้ตารางงานของคนแต่ละคนที่อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ เกิดผมไปคว้าเด็กสักคนมาถามก็คงจะเป็นการเปิดเผยตัวอย่างกลายๆ ว่า เฮ้ ไอ้นี่มันไม่รู้ว่ะ ว่าที่นี่มันทำงานกันยังไง ตูม ความแตก ผมโดนยิงตายไม่ก็โยนใส่ฝูงซอมบี้ที่ตอนนี้สำหรับผมเหมือนแมลงวันมากกว่า

“อืม อายุประมาณนี้ คงเป็นพวกฟาร์ม”

หน้าหล่อๆ นั่นทำหน้าเห็นอกเห็นใจผม

“เหนื่อยแย่เลยสิ วันนั้นฉันเดินผ่านตอนสามทุ่มยังไม่เสร็จงานเลย”

ผมไม่ตอบพยักหน้าน้ำตาคลอเบ้า (ผมพยายามนึกตอนหมาผมตายน่ะ มันเศร้ามาก) และได้ผล ไอ้งั่งนี่โอบหลังผมเข้าไปใกล้เหมือนพวกตาแก่หื่นกาม เลวร้ายที่สุด

“มาอยู่กับฉันไหมล่ะ หน้าตานายไม่เลวเลย”

“ขอบคุณมากๆ นะครับ”

ผมพยักหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ห่อไหล่ทำตัวเหมือนตัวเองต่ำต้อยจนเขาลูบหัวผมเพื่อปลอบ

ผมรู้พวกผู้ชายแบบนี้ชอบอะไร พวกเขาก็แค่อยากทำตัวเป็นฮีโร่ในสายตาผมแลกกับเซ็กส์ฟรีๆ ที่คู่นอนหน้าตาดีเป็นบ้า

พูดไป ผมไม่ได้ง่ายนะ ถึงผมจะเคยนัดเจอก็เถอะ ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์มาตราฐานผมสักข้อ ผมก็เขี่ยทิ้ง ผมมีเงิน ผมมีสมอง ผมว่าตัวเองมีต้นทุนมากพอที่จะเป็นคนเลือก ไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกเลือก

“ไม่ต้องกลัว อยู่ที่นี่นายจะปลอดภัย”

“ฮึก ครับ”

ครั้งหน้ารางวัลออสการ์ควรประกาศชื่อผมแน่นอน

“นายจะมีความสุขถ้าอยู่กับฉัน”

เขาพึมพำข้างหูผมขณะที่เอื้อมมือไปจับต้นขาและลูบ

“ถ้าเป็นคนของฉันนายไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ แค่เป็นคู่นอนก็พอ”

ดูเหมือนในนี้จะมีของไม่ครบครัน เพราะพวกเขาขาดซ่อง ทำให้มีพวกบ้ากามอย่างไอ้เวรนี่หลุดมาหนึ่ง จากให้คะแนนความหล่อเต็มสิบตอนนี้ผมให้ติดลบ

แต่อย่างว่า โอกาสมาหมาอย่างผมก็ต้องงับไว้ ถึงผมจะเกลียดคนแบบนี้ก็เหอะ

“ครับ”

ผมพยักหน้าแล้วก้มหน้างุด ทำเหมือนเด็กหนุ่มพรหมจรรย์ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก ทั้งๆ ที่ความจริงคือซ่อนใบหน้าซังกะตายของตัวเองไม่ให้เขาเห็น

แม่ง หล่อแต่โครตนิสัยตาลุงขี้เมาอายุห้าสิบเลย!

มันจับก้นผม!!!!! 

“เขินเหรอ”

“คะ ครับ”

เสียงสั่นแต่ก็ไม่ใช่ของจริงอยู่ดี ผมขยับเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ยังไงก็ตามเราก็ต้องขึ้นเตียงก็อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องมาเหนียมอาย

ผมยกแขนโอบคอเขาลงมาจูบที่ซอกคอเขาเบาๆ

ยังไงซะตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่ด่าผมแล้ว



“ฮิ้ว หิ้วเด็กใหม่มาจากไหนเนี่ย โทมัส”

ชายร่างใหญ่น่าจะเป็นทีมเดียวกันพูดทักทายไอ้หื่นกามทันทีที่ผมกับเขาก้าวขาเข้าไปในห้องปฏิบัติการอะไรสักอย่างที่น่าจะอยู่ชั้นบนสุดของหอบัญชาการเพราะเขากดลิฟต์ชั้นสูงสุด

โอเค ผมขอถอนคำพูดว่าโลกมันไม่กลมขนาดนั้น ตอนนี้มันกลมมากและผมคิดว่าตัวเองกำลังจะได้แทะเนื้อพรีเมี่ยมเกรดเอแบบไม่ต้องเหนื่อยคิดหาวิธีการให้ปวดหัว

ผมสามารถเข้าถึงตัวคนใหญ่คนโตของที่นี่ได้อย่างง่ายดายด้วยหน้าตาที่พ่อแม่ผมไม่เคยคิดจะปลื้ม เพราะเขาอยากได้ลูกชายแท้ๆ แมนๆ มากกว่าคนผอมๆ ลีนๆ ไว้ผมยาว อินดี้ โลกส่วนตัวสูงอย่างผม

แต่จะทำตามที่ผมคิดได้รึเปล่าก็อีกเรื่อง ผมนั่งอยู่ข้างเขาก็จริงแต่ก็คงไม่มีปัญญาบีบคอให้เขาตายได้ ดูจากแขนและมัดกล้ามแล้ว แค่ฟาดหลังคอผม ผมก็สลบละ ไหนจะปืนพกที่เหน็บไว้ที่เอวอีก

เปอร์เซ็นที่ผมจะทำทุกอย่างให้สำเร็จได้ตอนนี้คือศูนย์

สิ่งที่ผมต้องทำคือการรอเวลาเท่านั้น อย่างที่แม่ผมสอน คนที่มีความอดทนมากที่สุด คนนั้นจะเป็นผู้ที่คว้าชัยชนะหรือสิ่งที่มุ่งหมายได้ในตอนจบ

และผมก็ต้องทนให้มือลามกนี่ล้วงเข้าไปในกางเกงให้ได้! เวรเอ้ย!
 
“เก็บได้แถวนี้น่ะ เห็นสวยดี คงน่าเสียดายแย่ถ้าต้องเอาไปทำงานหนักๆ อย่างพวกนั้น”

“มีคนอื่นอีกไหม ฉันอยากได้แบบแกบ้าง”

ไม่ว่าเปล่าใช้สายตามองผมกรุ่มกริ่มเหมือนพวกหมาที่เห็นหมาอีกตัวคาบน่องไก่มา

“หรือถ้าเบื่อแล้วอยากแบ่งให้ฉันกินก็ไม่มีปัญหา”

ถามน่องไก่มั้งนะ ว่าอยากโดนหมาหื่นกามอย่างพวกแกแย่งไหม

ผมโกรธและรังเกียจพวกเขามากแต่ผมก็สามารถควบคุมให้มันนิ่งสงบเหมือนน้ำนิ่งได้ แต่ภายใต้ผิวน้ำที่สงบเบื้องล่างนั้นเป็นมหาสมุทรที่กำลังปั่นป่วนด้วยอารมณ์ต่างๆ ได้ที่

พวกเขาไม่เดือดร้อนอะไรเลยสักอย่างกับสถานการณ์ซอมบี้บุกโลกตอนนี้

มีแต่พวกผม คนทุกคน ที่ต้องตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอดกันแทบตาย ถึงผมจะไม่เดือดร้อนเรื่องซอมบี้ด้านการเป็นอยู่ แต่เรื่องสภาพจิตใจผมคงติดลบ

พวกเขามันฆาตกร!!

“โทมัส แกว่าไอ้แว่นนั้นมันตายรึยัง เราก็หามันมาเกือบเดือนแล้วนะ”

“คงไม่”

เจ้าของชื่อตอนเสียงกรุ่นๆ สีหน้าถมึงทึงแต่มือก็ยังอนาจารด้วยการลูบแผ่นหลังผม

“มันผ่านการทดสอบหน่วยซีลมาได้นะ ลูค แกคิดว่าตัวแสบอย่างมันจะตายง่ายๆ เหรอ ป่านนี้มันคงจะไปไกลแล้ว”

“ฉันก็ว่างั้น”

ลูคทำหน้าเซ็งก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“เอาล่ะ กระต่ายตัวใหม่ของโทมัส นายพอจะเคยเห็นไอ้แว่นนี้ไหม”

ไม่ว่าเปล่าหันกลับไปเปิดรูปไอ้แว่นตัวแสบอะไรนั่นให้ผมดู

“!!!!”

ไอ้ติ๋ม!!!!!!

ผมช่วยมันจากกลุ่มซอมบี้ได้อย่างฉิวเฉียด ตอนนั้นมันหมดสภาพเพลียมากเหมือนใกล้ตาย ผมเลยตุเลงๆ พากลับเข้าอาณานิคมอย่างยากลำบากและเรียกมันว่าติ๋ม เพราะมันติ๋มจริงๆ ใส่แว่นกลม ทำตัวซื่อบื้อเหมือนน่ารักมาก ทั้งๆ ที่ขนาดตัวก็ใหญ่กว่าผม

อีก

“ไม่เคยครับ”

ต้องขอบคุณปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ของผมที่ทำงานได้รวดเร็ว ผมแกล้งเอียงคอและตอบทันที ทำให้พวกเขาไม่ติดใจสงสัยอะไรสักนิด แน่นอน เพราะถ้าผมเห็นตัวเองตอนนี้ก็คงไม่สงสัยเหมือนกัน ตอแหลเก่งเกิน

มิน่าล่ะตอนที่ไอ้ติ๋มเห็นผมครั้งแรกมันดูตื่นเต้นมาก ถามผมไม่หยุดว่าทำไมผมถึงสามารถมองซอมบี้เป็นฝูงแมลงวันได้ทั้งๆ ที่สำหรับคนอื่นแล้วพวกมันคือเครื่องจักรสังหารชัดๆ พวกมันถึกทน โดนยิงก็ไม่ล้มนอกจากจะยิงโดนสมองพวกมันถึงจะหยุดนิ่งไปก้อนเนื้อโง่ๆ

แต่ก็นะ ผมไม่ได้จบด้านชีววิทยามา ความรู้ในหัวด้านนี้ก็มีแค่บรรพบุรุษของมนุษย์คือลิง ผมเลยตอบส่งๆ ไปว่าผมโชคดีมั้งไม่ก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์แบบสไปเดอร์แมน ไม่แน่อีกสองสามวันผมอาจจะสามารถบินได้
ว่าไปนั่น

“หมอนี่จะไปเคยเห็นไอ้แว่นนั่นได้ไง”

มือหนาลูบหัวผมและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงมาก ดูเหมือนเขาจะถูกใจผมมากจริงๆ

“ทำงานในฟาร์มคงเหนื่อยแย่ มาอยู่กับฉันนายแค่ทำตัวดีๆ ก็พอ”

ผมหลับตา ไม่ได้รู้สึกเขินอายแต่มันหดหู่มากกว่า

“พอๆ โทมัส นายช่วยเล่นกระต่ายเวลาอื่นเถอะ” ลูคพูดเสียงกลั้วหัวเราะก่อนจะตีสีหน้าจริงจังเมื่อหน้าจอมอนิเตอร์ขึ้นสีแดงเถือกและส่งเสียงประหลาดก่อนที่จะมีภาพนึงปรากฎออกมา

“ฉันว่าเรางานเข้าแล้วว่ะ”

“ไอ้นั่นมันใคร? มาสภาพนี้ฉันไม่คิดว่ามันมาขอความช่วยเหลือจากเราเท่าไหร่นะ”

โทมัสปล่อยมือจากตัวผมเข้าไปชะเง้อหน้ามองมอนิเตอร์ใกล้ๆ ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นัก

ส่วนผมช็อคค้างอยู่ท่าเดิม

จะไม่ให้ผมตกใจได้ไงในเมื่อไอ้คนที่อยู่ในจอคืออดีตไอ้อ้วนที่ตอนนี้ใกล้เป็นไอ้กัปตันอเมริกาที่หุ่นโคตรเฟิร์มกล้ามแน่น คือถ้าผมรู้ว่ามันผอมแล้วหล่อ ผมจะตบตีให้มันลดตั้งนานแล้ว ดูสิ ผ่านไปแค่สองเดือน ตอนนี้มันล่ำมากกว่าเดิมอีก

“มันพูดอะไรของมัน? ลองเปิดลำโพงหน่อย”

โทมัสสั่งเสียงเข้มและลูคก็ทำตามทันทีเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าไอ้คนที่กล้ามาห้าวเป้งกับทางการนี้ มีเหตุผลอะไรที่ทำให้กล้ามากถึงขนาดนั้น

[ พวกแกเอามาร์สไปไว้ไหน! ]

เสียงทุ้มแตกตวาดกร้าวอย่างเดือดจัด นัยน์ตาที่ผมชอบล้อว่าเล็กเหมือนเม็ดถั่วเพราะแก้มอ้วนๆ ของเขา ตอนนี้กลายเป็นดวงตาที่เห็นได้ชัดเจนถึงความกราดเกรี้ยว สีน้ำเขียวอ่อนแทบจะลุกเป็นไฟตามเสียงคำราม

ผมไม่เคยเห็นไอ้อ้วนมุมนี้มาก่อนเลย เห็นเขาโกรธมากสุดก็ตอนที่ผมไปหลบในห้องเขาเพราะกำลังโดนพ่อไล่ล่าเรื่องหนีไปดูหนังกับผู้ชายแทนที่จะอยู่เฝ้าบ้านแล้วผมก็แอบกินขนมถุงสุดท้ายที่เขาโปรดปรานมาก วันนั้นเขาก็แค่มองผมด้วยสีหน้าผิดหวังแกมโกรธแล้วแก้เผ็ดผมด้วยการแอบโทรหาพ่อผม สุดท้ายผมก็ถูกจับกุมในห้องในสภาพนอนย้วยบนเตียง พ่อด่าผมจนผมหูชาเลยวันนั้น และผมก็งอนไอ้อ้วนไปอาทิตย์นึงแล้วก็กลับไปดีกันเหมือนเดิม  ผมเป็นพวกโกรธยาก หายไวน่ะ

[ ตอบสิวะ! หรือพวกแกฆ่าเขาไปแล้ว! ]

“มาร์ส ไหนวะ”

ลูคสบถสีหน้าหงุดหงิดแล้วหันไปขอความเห็น “สั่งเก็บเลยไหม น่ารำคาญว่ะ”

[ ถ้าแกคิดจะยิงฉันก็ระวังหน่อยแล้วกันว่ามือฉันจะไปโดนรีโมทนี้เข้า ]

สีหน้าของไอ้อ้วนเย็นชามากตอนที่ชูรีโมทขึ้นมาราวกับว่าไม่ยี่หระชีวิตของตัวเองอีกต่อไป

“บัดซบ!!! มันไปเอามาจากไหนวะ!”

โทมัสเต้นทันทีอย่างตื่นตระหนกเช่นเดียวกับลูคที่อยู่ไม่สุข

“เวรเอ้ย ถ้ามันกดป้อมเราแตกแน่”

“ไอ้แว่นเพราะไอ้แว่นแน่ๆ เวรเอ้ย!!! ฟัค!”

โทมัสคำรามแล้วกวาดทุกอย่างบนโต๊ะไปบนพื้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ตัวสั่นเทาด้วยความโกรธและกลัว จนผมเผลอถอยห่างออกมา

// ท่านครับ จะยิงมันเลยไหม //

“ยิงก็ตายกันหมดสิวะ!!!!”

“ตามหาคนที่ชื่อ มาร์ส แล้วเอาตัวไปให้มัน! อย่าให้มันโกรธแล้วกดปุ่มนั่น ไม่งั้นทั้งแกทั้งฉันตายกันหมดแน่!!!”

หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Foggy Time ที่ 15-03-2018 17:42:34
“…ฌอน”

ผมพึมพำกับตัวเองเสียงเบา รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัวเหมือนจะร้องไห้โฮออกมา ต้องขอบคุณที่พวกเขากำลังสติแตกไม่อย่างงั้นคงจะรู้แน่ๆ ว่าผมคือคนที่พวกเขากำลังตามหา

ฌอนแสดงท่าทีที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เขาดูทั้งเศร้าทั้งโกรธในเวลาเดียวกัน และสาเหตุก็คงมาจากผมที่หายหัวไปไม่บอกไม่กล่าว โอเค ผมยอมรับว่าผมผิดที่ไม่ยอมไปลาเขา แต่จะให้ผมกลับไปบอกแม่ของเด็กคนนั้นว่าน้องเขาตายแล้ว ผมก็ไม่กล้าพอหรอก

ช่วยไม่ได้ผมรับปากอย่างดีว่าจะพาน้องมารักษาและพากลับไปอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็ตามที่เห็น ผมทำน้องตายแล้วคนที่ทำคนอื่นตายอย่างผม สมควรแบกหน้ากลับไปด้วยเหรอ ก็ไม่ควรใช่ไหมล่ะ ที่แห่งนั้นไม่จำเป็นต้องมีผมก็ยังอยู่กันได้ ต่อให้ผมตาย โลกใบนี้ก็ยังหมุนต่อไปอยู่ดี

ผมเชื่อว่าทุกคนอยู่กันได้โดยปราศจากคิงอย่างผม ทุกอย่างเพียงพอแล้วในนั้น ถึงมันจะไม่มากแต่ก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไร ถ้าทุกคนช่วยเหลือกันเอื้อเฟื้อกัน ดีไม่ดี อาจจะมีชีวิตรอดไปจนถึงตอนที่เราสามารถควบคุมประชาการซอมบี้ได้ก็ได้

แต่ผมก็รู้ว่ามันก็เป็นแค่ความฝันลมแล้งๆ ของผม โลกใบนี้มันโหดร้าย การคัดเลือกโดยธรรมชาติตามกฎของชาลส์ดาร์วิน ก็โหดร้าย ไม่ใช่เราทุกคนหรอกที่มีสิทธิ์รอด เผลอๆ อาจจะมีแค่ผมที่ยังเหลือรอดเพราะซอมบี้ไม่กิน

อย่างว่า ไม่มีใครรู้อนาคตหรอก ดีไม่ดี ผมก็คงโดนไอ้หื่นกามที่นั่งหน้าเครียดหน้ามอนิเตอร์นี่ยิงตายตรงนี้แหละ

[ พวกแกฆ่ามาร์สไปแล้วใช่ไหม? ]

ฌอนเงยหน้ามองกล้อง นัยน์ตาที่ผมคิดว่าแดงจนนน่ากลัวแล้วตอนนี้น่ากลัวมากขึ้นไปอีก เส้นเลือดในดวงตาแตกแขนงเป็นสีแดงก่ำ แต่ละคำที่ออกจากปากน่ากลัวจนผมอดขนลุกไม่ได้

เขาไม่เคยอยู่ในสภาพแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยก็ต่อหน้าผม ปรกติฌอนจะเป็นไอ้อ้วนขี้กลัวกินจุ วันๆ เอาแต่กินและชวนผมกิน ไปดูหนังอะไรทำนองนั้น แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่เพราะชอบลองไปตามนัดของคนในแอพมากกว่า ตื่นเต้นกว่ากันเยอะ

[ แกมาผิดที่รึเปล่า! ฉันให้คนค้นหาจนทั่วแล้ว ทั้งในทะเบียนประวัติทั้งในค่าย ไม่มีใครสักคนที่ชื่อมาร์สบ้าบอคอแตกอะไรของแก! ]

เสียงทหารนายหนึ่งตะคอกกลับดังเข้ามาในไมค์ที่ติดตั้งแถวหน้าฐาน

[ พวกแกฆ่าซาน่า.. ฉันเห็นศพเธอ เธอตายแล้ว แก แกฆ่ามาร์สด้วยใช่ไหม ]

ฌอนเหมือนคนที่กำลังเสียสูญ ตัวสั่นสะท้านจนน่ากลัวว่าจะคลุ้มคลั่ง

เช่นเดียวกับผม

ที่พยายามกลั้นสะอื้นทั้งๆ ที่ร้องไห้จนตัวโยน

ถ้าฌอนเห็นซาน่าทุกคนก็ต้องเห็นเหมือนกันว่าเธอตายไปแล้ว ดีไม่ดีกระสุนนั้นอาจจะไม่โดนตำแหน่งสำคัญก็อาจจะทำให้เธอสามารถลุกขึ้นยืนกลายเป็นซอมบี้ไปอีกคนก็ได้

“ขอโทษ ฮึก ขอโทษ!”

สุดท้ายผมก็อดทนไม่ไหวกระโจนเข้าไปแย่งวิทยุสื่อสารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแล้ววิ่งสุดชีวิตออกจากห้อง

“หยุด!! จะไปไหน!!!”

เสียงคำรามสองเสียงคำรามไล่หลัง

ปัง!

หัวใจผมแทบหยุดเต้นเมื่อกระสุนเฉียดหัวตัวเองไปอย่างพอดิบพอดี แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ผมหยุดวิ่ง ขาของผมยังคงทำหน้าที่ของมัน

ผมวิ่งทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะวิ่งไปไหนด้วยซ้ำ ผมไม่ได้วิ่งลงไปข้างล่างเพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องมีทหารเฝ้าประตูดัก ผมเลยวิ่งลงไปชั้นที่เท่าไหร่ไม่รู้แล้ววิ่งลัดเลาะตามตึกไป

ปัง!

กระสุนฝังเข้าที่ๆ ผมเคยอยู่เมื่อวินาทีก่อนแต่มันก็ยังช้ากว่าผม ผมออกแรงวิ่งคร่ำครวญใส่วิทยุสื่อสารโดยไม่สนใจว่าใครจะได้ยินมันบ้าง ตอนนี้ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดไหมจากการกระทำโง่ๆ นี่

[ ฌอน ฉันยังไม่ตาย! นายอย่าทำอะไรโง่ๆ นะ ฮึก ]

ลางสังหรณ์บางอย่างบอกผมว่าถ้าฌอนรู้ว่าผมตาย เขาจะฆ่าตัวตายตาม

สติปัญญาผมเหมือนเหลือแค่ครึ่งเดียว ผมเห็นประตูข้ามไปตึกอีกฝั่งอยู่ข้างหน้าแต่สิ่งที่ผมทำคือกระโดดเข้าไปอยู่ในกองขยะกระดาษซึ่งอยู่ในถังขยะเขียวขนาดใหญ่ ผมอยู่นิ่งๆ ในนั้นกอดวิทยุสื่อสารที่ผมปิดเสียงลำโพงไว้แน่น

“เร็ว! อย่าให้ไอ้เวรนั่นมันหนี!!!”

คนที่เกือบจะเป็นคู่นอนผมตะโกนก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหนักๆ ผ่านผมไป

[ นายอย่าทำอะไรโง่ๆ นะ ]
   
ผมกระซิบก่อนจะหลับตาลงปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่กล้าโผล่หัวออกไปดู แต่ผมก็ไม่ได้หลับเพราะถ้าหลับแ ก้มของผมคงไม่เปียกด้วยน้ำตา
   
ทุกอย่างกำลังจะจบสิ้นลงในวันนี้จริงๆ
   
ผมอาจจะถูกยิงตายหรือไม่ก็ฌอนที่ต้องตาย
   
คือมันเป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นที่สุดในตอนนี้ ผมวางแผนไว้ให้ฌอนมีชีวิตต่อไปในส่วนของผมเพราะเขาดูจะวางแผนและจัดระเบียบเก่งกว่าผมเป็นร้อยเท่า
   
แต่ฌอนคงไม่ได้คิดแบบเดียวกับผม
   
เขาออกตามหาผมทั้งๆ ที่รู้ว่ามันเสี่ยงขนาดไหนที่ต้องมานอกอาณานิคมที่ซอมบี้เพิ่มขึ้นทุกนาที และถ้าผมไม่โง่ ผมก็พอจะเดาความรู้สึกของฌอนออก
   
ไอ้อ้วนที่กลายเป็นไอ้หล่อหุ่นล่ำมันชอบผม…
   
ตอนนั้นผมเคยแซวมันเล่นเพราะคิดว่ามันไม่จริงจังกับผม ผมแกล้งหยอกบีบพุงมันอย่างสนุกมือ อย่างน้อยๆ ตอนมันอ้วนผมก็ชอบเรียกมันว่าไอซ์แบร์และใช้เวลาส่วนใหญ่เวลาที่เจอมันในการเอาหน้าซบพุงนุ่มนิ่ม
   
แต่ใครจะไปรู้วันนึงมันจะกลายเป็นแบบนี้และผมไม่อยากให้เป็นด้วย
   
ผมมันแรด ผมรู้ดีและไม่คู่ควรกับฌอนด้วย ฌอนไม่ควรมาหลงรักผมเลยจริงๆ ผมมันไม่มีดีอะไรสักอย่าง ผมเรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยเกรดห่วยๆ เพราะมัวแต่เอาเวลาไปสนใจอย่างอื่นที่ไม่ใช่การเรียน
   
ถึงโลกตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เกรดหรือชื่อมหาลัยสมัครงาน ผมก็ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพออยู่ที่ดี ที่จะรับความรักอันบริสุทธิ์ของฌอน หมอนั่นซื่อตรงเกินไปและผมก็ไม่ซื่อตรงเกินไป
   
[ นายหนีไปซะ ฌอน ฉันไม่คู่ควรกับนายหรอก ]
   
ผมหลับตาสะอื้นในลำคอ
   
[ นายไม่ควรมาอยู่ที่นี่จริงๆ ฌอน นายเป็นคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่นะ ]
   
หัวใจผมแหลกสลายไปแล้วครั้งหนึ่ง ผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีก ความเฉยชาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผมพยายามสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องตัวเองจากอาการคลุ้มคลั่งเสียสติเริ่มสั่นคลอน
   
ภาพพ่อแม่น้องสาวน้องชายที่นอนจับมือเรียงกันกันในห้องรับแขกปรากฎขึ้นในหัว
   
ที่ปากของพวกเขาเปรอะไปด้วยเลือดกลุ่มใหญ่รวมถึงร่างทั้งร่างที่มีกลิ่นสนิมคละคลุ้งผสมกับกลิ่นสารละลายกรดบางอย่าง
   
พวกเขาน่าจะฆ่าตัวตายกันทันทีที่เห็นข่าวซอมบี้เพราะทีวีที่เปิดอยู่กลางห้องกำลังฉายข่าวซอมบี้ไล่ล่าคน ส่วนผมในตอนนั้นก็รู้สึกช็อคแต่ก็พยายามทำหัวให้โล่งด้วยการไม่คิดอะไรเลย ซากศพสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนพื้นไม่ใช่ครอบครัวผม แต่เป็นคนอื่น ครอบครัวผมยังอยู่ดีแต่ตอนนี้แค่ไม่อยู่บ้าน สิ่งที่ผมต้องทำคือเก็บกวาดซากศพหน้าตาคล้ายครอบครัวผมซะ
   
ผมในตอนนั้นสามารถลากพวกเขาไปฝังได้หน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ ผมรู้สึก รู้สึกมากและยิ่งชัดเจนตอนที่เห็นน้องซาน่าคล้ายกับน้องสาวของผม
   
น้องสาวที่เปรียบเสมือนกับสิ่งที่สวรรค์บรรดาลงมาให้ผมเล่น เธอสนิทกับผมมาก เพราะผมชอบถักเปียให้น้องพาน้องไปดูหนังเป็นเพื่อน มีอะไรหลายๆ อย่างที่ผมกับน้องสาวเข้ากันได้ดี เราคุยกันได้ทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องผู้ชายทั้งของผมและของน้อง เราสนิทกันมากจริงๆ
   
แต่มันก็เท่านั้น
   
เธอกลายเป็นศพ ซาน่ากลายเป็นศพ
   
ผมอยากกลายเป็นบ้าหรืออยากให้ตัวเองโดนซอมบี้กินไปอีกคนให้รู้แล้วรู้รอด แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองยังมีไอ้อ้วนอยู่ ขืนไอ้อ้วนรู้ว่าผมจะฆ่าตัวตายคงโกรธแย่ ผมเลยไม่ได้ทำสักที
   
[ ฌอน ถ้านายได้ยินฉัน ตอบฉันหน่อย ]
   
ผมกดเปิดเสียงลำโพงไม่สนใจจะปิดบังอีกต่อไป จะถูกจับได้ก็ถูกจับไปในเมื่อผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อย่างมากผมก็ตาย อย่างน้อยผมก็บ้า ต่อให้ผมรอดผมก็คงฆ่าตัวตายอยู่ดี ผมอยู่ไม่ไหวหรอกกับการอยู่คนเดียวแล้วเห็นศพคนรู้จักเดินไปมาเหมือนช็อปปิ้งอยู่ในตลาด
   
มันน่ากลัวเกินไปจริงๆ สำหรับการมีชีวิตแบบนั้น
   
[ มาร์ส นายอยู่ไหน ]
   
ผมยิ้มดีใจที่เขายังมีชีวิตอยู่
   
[ มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะอยู่ที่ไหน นายหนีไปซะ ]
   
ต่อให้ผมรู้ว่าเขาชอบผม ผมก็ยังยืนยันคำเดิมคือให้เขาหนีไป
   
ฌอนอาจจะคาดหวังอะไรบางอย่างจากผมมาตลอด อาจจะตั้งแต่ตอนที่เลือกมาหลบในบ้านผมเลยก็ได้ แต่ผมก็มีคำตอบเดียวอยู่ในใจเช่นกัน
   
ผมไม่เคยชอบฌอน
   
เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่มากกว่านั้น นี้เป็นความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดที่ผมพอจะให้ฌอนได้ ไม่ใช่เพราะผมเกลียดฌอนแต่ก็แค่ฌอนยังไม่ใช่คนที่ผมจะใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่ด้วยโดยไม่ออกนอกลู่นอกทาง
   
มันกลายเป็นสันดานผมไปแล้ว ผมชอบผู้ชายหล่อล่ำ มันก็เหมือนตอนคุณชอบดารา คุณชื่นชม คุณใฝ่ฝัน แต่ก็ไม่คิดจะดึงเขาลงมาเป็นของตัวเองแค่คนเดียว และผมก็เป็นอย่างนั้น
   
ฌอนตอนนี้หล่อก็จริงแต่เขาก็ยังไม่มีความสามารถมากพอที่จะหยุดผมอยู่ดี ผมแคร์เขาไม่อยากให้เขาตาย เพราะผมมองเขาเป็นเพื่อนสนิทที่สุดคนเดียวที่ผมเหลืออยู่
   
[ ฉันรักนาย มาร์ส ]
   
[ … อืม แต่ยังไงฉันก็ยังยืนยันคำเดิม นายหนีไปซะเถอะ มาสู้กับทางการด้วยมือเปล่า นายนี่มันไอ้โง่ชัดๆ ]
   
[ นายไม่ต้องรักฉันก็ได้ ฉันรู้จักนายดี ]
   
ถึงแม้สัญญาณที่ไม่เสถียรทำให้เสียงพูดของฌอนแตกซ่าๆ แต่ผมก็พอจะนึกหน้าคนพูดออก
   
ตอนนี้คงจะพยายามยิ้มเฝื่อนๆ ทั้งๆ ที่ตาสองข้างคลอด้วยน้ำตานิดๆ หมอนั้นเจ้าน้ำตาจะตาย ตอนเด็กๆ โดนแกล้งแย่งของเล่นก็ร้องไห้จนผมต้องไปต่อยแย่งคืนมาให้ ถึงหยุดร้อง
   
คิดถึงตอนนั้นจังเลยนะ..
   
[ … ฮึก ]
   
ผมหลุดสะอื้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
   
[ แค่ลงมาหาฉัน ถือซะว่าฉันขอร้อง ]
   
ผมโผล่หัวออกจากกองขยะกระดาษแล้วพาตัวเองไปที่ระเบียง ต้องขอบคุณความสูงของชั้นที่ผมอยู่ที่ทำให้สามารถเห็นพื้นที่รอบข้างได้ชัดเจน ผมกวาดตามองไปเรื่อยๆ พบว่าคนที่ทำงานกลางแจ้งพากันเข้าห้องไปหมดแล้ว แต่ทหารที่เหมือนจะเกณฑ์มาทั้งทัพต่างพากันวิ่งกันจ้าละหวั่น บนป้อมประกอบด้วยทหารสองสามนายกำลังตะโกนโหวกเหวกโวยวาย ด้วยความสงสัยผมเลยมองเลยไปข้างล่าง
   
“!!!!”
   
ซอมบี้จำนวนมหาศาลค่อยๆ เดินตีวงล้อมกรอบปราการนี้ พวกมันเดินกันช้าๆ ไม่มั่นคง แต่สร้างความหวาดกลัวอันทรงพลังแก่ผู้ที่มีลมหายใจ
   
และคนที่อยู่ใกล้พวกมันที่สุดก็คือ “ฌอน”
   
แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้นสิ่งที่ผมตกใจคือกลุ่มเลือดที่เปรอะอยู่บนพื้นและบนเสื้อของฌอนซึ่งตอนแรกไม่มี
   
[ ฉันคิดว่าฉันเห็นนายแล้ว มาร์ส ]
   
ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นฌอนยิ้มให้ตัวเอง ถึงแม้จะเป็นยิ้มที่เศร้ามากก็ตามที
   
[ นายโดนกัด… ]
   
ผมสะอื้นในลำคอ ศพที่เพิ่งกองอยู่ข้างๆ ฌอน บอกได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง ในมือฌอนข้างนึงยังคงถือรีโมทอะไรสักอย่างและอีกข้างคือวิทยุสื่อสารแบบเดียวกับผม ที่ผมไม่รู้ว่าฌอนใช้เล่ห์กลอะไรในการได้มันมา
   
[ ใช่ อีกไม่นานฉันก็คงกลายเป็นซอมบี้ตามคนอื่นไป ฮะๆ ]
   
[ นายมาที่นี่ทำไม ฌอน มาเพื่อเจอฉันอย่างงั้นเหรอ? ]
   
ผมตัวสั่นเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่จะทำให้ฌอนตายอีกในไม่ช้านี้
   
ทำไมโลกใบนี้ถึงได้ใจร้ายกับผมนักนะ
   
[ รู้ไหมในอาณานิคมที่ไม่มีควีน มันน่าเบื่อสุดๆ ไปเลย ]
   
ฌอนยืนโงนเงนไปมาเหมือนยืนไม่ไหวก่อนที่จะค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งแล้วยิ้มให้ผม ราวกับว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่สวนหลังบ้านไม่ใช่จานอาหารของพวกซอมบี้
   
เลือดไหลบ่าออกจากแขนค่อยๆ ย้อมเสื้อสีขาวหม่นให้กลายเป็นสีเลือด
   
[ ทุกครั้งที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันภาวนาให้นายกลับมาทุกวัน หนึ่งชั่วโมง หนึ่งอาทิตย์ หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งเดือน แต่นายก็ไม่กลับมา ทำให้ฉันรู้ว่านายเลือกที่จะจากที่นี่ไปแล้ว ]
   
ฌอนหัวเราะหึๆ
   
[ และนายก็ไม่คิดจะบอกไอ้อ้วนอย่างฉัน ไอ้อ้วนที่หลงรัก รักนายแทบตาย ยอมถวายชีวิตทุกอย่างขอแค่นายเอ่ยปาก รู้ไหมถ้านายอยากกินแอปเปิ้ลต้นที่อยู่กลางพวกซอมบี้ ฉันก็จะไปปีนเก็บมาให้นาย แต่นายก็ไม่เคยขอและฉันก็รู้ด้วยว่านายจะไม่ขอให้ฉันทำแบบนั้นเพราะฉันคือเพื่อนที่ดีที่สุดของนาย ฮึก ]
   
[ ..ฌอน ]
   
[ ไม่ ไม่ต้องพูดอะไร ฉันเข้าใจดี มาร์ส กระต่ายอย่างนาย แค่ฉันได้ให้อาหารได้ดูแลอยู่ห่างๆ ฉันก็มีความสุขมากแล้ว แต่ตอนนี้ฉันขออย่างนึงได้ไหม มาร์ส อึก ]

[ ฌอน!!!    ]
   
ผมตะโกนเรียกอย่างตื่นตระหนกเมื่อฌอนกุมอกตัวเองและไอจนตัวโยน
   
ใช้เวลาพักใหญ่กว่าฌอนจะหยุดไอ ตาขาวของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ เป็นสัญญาณที่บอกให้ผมรู้ว่าเขาใกล้กลายเป็นซอมบี้เต็มที
   
[ ช่วยบอกรักฉันได้ไหม แค่ก มาร์ส ]
   
[ ฉันรักนาย ฌอน ฮึก ฉันรักนายมาก ]
   
นี่เป็นการโกหกที่ผมเจ็บปวดที่สุดในชีวิต ถ้าผมรักฌอนได้จริงๆ ก็คงดี ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ตายเพราะออกมาตามหาผม
   
ฌอนยิ้มกว้างเหมือนคนที่มีความสุขที่สุดในโลกทั้งๆ ที่น้ำตาอาบใบหน้าและเส้นเลือดฝอยบนใบหน้าที่แตกจนน่ากลัว
   
เขารู้ว่าผมโกหกแต่ก็เลือกที่จะมีความสุขกับมัน แม้กระทั่งในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิต เขาก็ยังรักผม
   
[ ขอบคุณนะ มาร์ส ]
   
ฌอนทิ้งตัวนอนบนพื้นหญ้าสีหน้าเจ็บปวดแต่ก็ยังพยายามจ่อวิทยุสื่อสารไว้ที่ปาก
   
[ ฉัน อึก หวังว่าคนสวยอย่างนาย จะได้ผู้ชายหล่อๆ หุ่นล่ำตามที่ฝันนะ ฉันไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไม นายถึงไม่ชอบฉัน ทั้งๆ ที่นายก็ชมหุ่นฉันดีอย่างนู้นอย่างนี้ทั้งวัน ฮะๆ ]
   
นั่นเป็นคำพูดติดตลกคำสุดท้ายที่ฌอนพูดออกมาก่อนที่จะตะเกียกตะกายคลุ้มคลั่ง สติสัมปัชชัญญะถูกกลืนกิน ทหารกลุ่มนึงวิ่งเข้าไปทันทีเมื่อฌอนค่อยๆ ลุกขึ้นมาอีกครั้ง
   
อย่างไร้ชีวิต
   
ผมยกมือปิดปากตัวเองพยายามกลั้นสะอื้น
   
ผมเสียไปอีกคนแล้ว
   
“หวัดดีคนสวย”
   
ผมสะดุ้งเมื่อสัมผัสถึงวัตถุเย็นเยียบที่จ่อที่หัวกับมือหนาที่โอบเอวผมไว้ หางตาเห็นทหารจำนวนมากยืนล้อมกรอบทุกทิศทุกทางปิดทางหนีของผม
   
ผมหลับตา
   
สิ่งที่น่ากลัวและใจร้ายที่สุดไม่ใช่โลกใบนี้หรอก
   
หากแต่เป็นมนุษย์ด้วยกันเองอีกต่างหาก
   
[ ฮื่อ.. ]
   
ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงฌอนหากแต่พอจะชะเง้อดูฌอนก็ต้องรีบก้มตัวลงต่ำตามสัญชาตญาณ
   
ตูม!!!!
   
“เวรเอ้ย!!! รีบลงจากตึกเร็ว! ไอ้เวรนั่นมันจะระเบิดที่นี่ทิ้ง!”
   
โทมัสซึ่งยืนอยู่หลังผมสบถอย่างกราดเกรี้ยวก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงเขารีบวิ่งไปทางอื่นพร้อมกับคณะที่เขามาจับกุมตัวผม
   
ตูม!!! ตูม   !!!
   
เสียงระเบิดดังขึ้นเรื่อยๆ สลับกับเสียงกรีดร้อง
   
ผมค่อยๆ ทิ้งตัวนอนบนพื้นมองท้องฟ้าวันนี้ที่เป็นสีแดงก่ำคล้ายกับสีเลือด

จมูกของผมได้กลิ่นควันไฟ กลิ่นความเลือด กลิ่นความตาย

ตาของผมเห็นกลุ่มควันสีดำทะมึนลอยขึ้นฟ้าและมีแสงสว่างวาบจากระเบิดเป็นระยะ

หูตอนนี้ผมอื้อไปหมดจากเสียงระเบิดกัมปนาทข้างหู

ผิวหนังของผมสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุที่โลมเลียทุกอย่างที่ขวางหน้าและใกล้ผมเข้ามาทุกที อีกในไม่ใช่มันก็คงจะกลืนกินผมและเปลี่ยนให้ผมเป็นเถ้าถ่านเหมือนสิ่งอื่นอย่างเท่าเทียม

แปลก ที่ผมกลับไม่รู้สึกยินดีเท่าที่ควร

ทั้งๆ ที่จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของผมคือทำลายฐานที่มั่นที่นี่ซะ พอมันเกิดขึ้นจริงผมกลับรู้สึกเศร้ามากกว่าสะใจ ผมไม่รู้ว่าไอ้พวกบัดซบพวกนั้นตายกันไหม แต่เชื่อเถอะว่าอีกไม่นานมันก็คงตายไปเองจากโลกบ้าๆ นี้

เรื่องที่ทำให้ผมประหลาดใจที่สุดคงจะเป็นไอ้ติ๋มที่จริงๆ แล้วเป็นคนของทางการที่หนีมา และหยิบรีโมทอะไรนั่นติดตัวมาด้วย มิน่าตอนผมพามาเห็นกำแน่นอย่างหวงแหนไม่ยอมให้ผมแตะเลยทีเดียว ตอนผมถามก็โม้ว่าเป็นรีโมททีวีแต่ใครจะไปรู้ว่าความจริงมันคือรีโมทของระเบิดที่ติดตั้งไว้ตามฐานของที่นี่ ผมเดาว่าไอ้รีโมทนี้จะถูกใช้ในกรณีที่ซอมบี้ยึดที่นี่ไปแล้ว

แต่ยังไงก็ช่างทุกอย่างในตอนนี้กำลังจะจบลงแล้ว

“โลกนี้มันบ้าจริงๆ อย่างที่แกว่าเลยว่ะ อ้วน”

ผมหัวเราะก่อนที่จะหลับตาลง ถึงแม้จะมีโอกาสในการหนีผมก็ไม่คิดหนี

ผมเหนื่อยแล้ว..

ต่อให้ผมอยู่ต่อหรือตาย

โลกบ้าๆ นี่ก็ยังคงหมุนต่ออยู่ดี

BYE. ;)

--------------------------------------

เอาอีกแล้ว เรื่องสั้นอีกแล้ว 55555 ชอบเขียนเรื่องสั้นแนวมีคนตายมาก ชอบความเศร้าเวลาเขียน หม่นๆ ดี

เริ่มโรคจิตละ คนเขียน ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ  :กอด1:

คุยเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง :

ตอนแรกที่วางแผนไว้ คือโทมัสจะเป็นแฟนมาร์สค่ะ แต่ไปๆ มาๆ บทมาลงตัวที่ฌอนซะงั้น รู้สึกว่ามันจะกลมกล่อมมากกว่าถ้ามีคนใดคนนึงตายเพื่อความรักในโลกบ้าๆ แบบนี้ ถ้าแฟนของมาร์สคือโทมัส อย่างมากโทมัสก็เปลี่ยนความคิดของมาร์สแล้วพามาร์สหนีเอาชีวิตรอดไปเรื่อยๆ หรือไม่ก็ส่งตัวมาร์สเข้าศูนย์วิจัยและในที่สุดก็ได้ยาต้านเชื้อซอมบี้ ตอนจบมันคงแฮปปี้เกินไปสำหรับคนที่สูญเสียทุกอย่างอย่างมาร์ส ความต้องการมากที่สุดของมาร์สคือการที่โลกนี้ล่มสลายไปตามตัวเองและมันก็สำเร็จด้วยฝีมือฌอน ถึงเรื่องนี้จะจะจบลงไม่สวยแต่เพราะโลกใบนี้สำหรับมาร์สมันก็บ้ามากพออยู่แล้ว การตายคงจะดีกว่าต้องมาทนอยู่คนเดียวบนโลกบ้าๆ นี่


ฝากเพจ  :hao7: : https://www.facebook.com/FoggyTime/
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-03-2018 23:44:43
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 16-03-2018 00:38:45
อ่านไปอ่านมายังกลัวว่าตอนจบจะหักมุม ฮ่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 16-03-2018 01:03:32
 o22
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: P.PIM ที่ 16-03-2018 21:25:38
ถึงจะจบเศร้า แต่ก็รู้สึกดี การมีความรักบนโลกบ้าๆแบบนั้นคงสุขไม่สุดอะ
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-03-2018 22:41:50
เราชอบที่ตายหมด อยู่กันแบบไม่มีน้ำใจก็จงตายซะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Anynomous ที่ 19-03-2018 12:32:04
สนุกดีค่ะ ความคิดที่ว่า มีความรักได้ในโลกบ้าๆแบบนี้ มันเจ๋งชะมัดเลย
ตอนตายก็เจ๋งสุดๆ ..
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: Fufufeel ที่ 26-11-2019 03:27:22
เศร้ามากเลยยย สงสารณอน พ่อคนหล่อคนดี ตอนแรกเราแอบลุ้นว่าใครเป็นพระเอกด้วย55555 สุดท้ายนายเอกก็ยังไม่เจอคนที่รักจริงๆอะเนอะ มาตายก่อนซะงั้น ตอนที่พวกนั้นยิงน้องนายเอกเราหดหู่มากเลย สงสารอะเขาอยากให้น้องหายไม่ใช่ส่งมาตาย  :mew4:
หัวข้อ: Re: {เรื่องสั้น} ZOMBIE PLANET (ตอนเดียวจบ)
เริ่มหัวข้อโดย: BlueCherries ที่ 28-11-2019 23:05:43
สวัสดีค่าคุณ Foggy Time :D

แอบมาอ่านย้อนหลัง ขอโทษจริงๆนะคะ  :hao5:

เรื่องนี้ตอนแรกไม่คิดเลยว่าจะจบแบบนี้ ประมาณว่าถึงจะเหลือเธอเป็นคนสุดท้าย ฉันก็ไม่เอาเธอเลยอะ

อันที่จริงแล้วอะ คนในครอบครัวนี่ค่อนข้างด่วนตัดสินใจมากเลยนะ ถึงแม้จะฆ่าตัวตายไป แต่ยังไงก็ยังเหลือลูกอีกคน ถ้าทำจริงๆควรจะทำพร้อมกันไหม?