พิมพ์หน้านี้ - My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: ฺBluemoon ที่ 05-02-2018 22:05:40

หัวข้อ: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 05-02-2018 22:05:40
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


ตอนที่ 0 : เด็กคนนั้นที่ไม่เคยลืม

“ สักวันเราคงเจอกันใหม่นะ อย่าลืมเราละตะวัน ”

“ อื้อ ไปอยู่ที่นั่นก็ดูแลตัวเองละ ติดต่อมาบ้างนะ ”

“ ได้ดิ อะนี่ เราให้ ”

 เด็กผู้ชายคนที่พูดกับผมยื่นบางสิ่งมาให้ เมื่อมองในดูแล้วมันคือพวกกุญแจรูปหน้ายิ้ม

“ ขอบคุณนะตะวันที่เป็นเพื่อนที่ดีของเรา เราไปก่อนนะ บ๊ายบาย ”

“ เดี๋ยวเมฆ! ”

ไม่นะ เด็กคนนั้นกำลังไกลออกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก่อนสิ อย่าพึ่งหายไป ผมได้แต่พยายามวิ่งตามร่างนั้นไป แต่ร่างนั้นก็จางหายไปเรื่อยๆ แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหัวผม

“ ตะวัน ตื่นยังลูกสายแล้วนะ ลงมากินข้าวเร็ว ”

แม่นะแม่! กำลังฝันถึงความหลังเลย ไหงปลุกแต่เช้าเนี่ย

“ ตะวัน ถ้ายังไม่ตื่น แม่จะขึ้นไปปลุกเองนะลูก”

“ คร้าบแม่ ตื่นแล้วๆ เดี๋ยวลงไปครับ ”
เห้อ สุดท้ายมันก็เป็นความฝันเดิมๆ ที่นานๆจะฝันที แต่ทุกครั้งที่ฝัน ผมกลับคิดถึงเพื่อนในวัยเด็กของคนนั้นของผมเสมอ คนที่เฮฮา และทำให้ผมยิ้มได้ในทุกๆวันที่ไปเรียน ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะเมฆ…..


_________________________
#ฝากติดตามกันด้วยนะครับ ^o^
ปล.เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ยังไงก็ลองเข้ามาอ่านดูนะครับ ยังมือใหม่อยู่ ฮึบ!
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่1 สวัสดีชีวิตมหาลัย
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 05-02-2018 23:08:15
บทที่ 1

   วันนี้ก็เป็นวันเปิดเรียนวันแรกในรั้วมหาลัยของผม ในที่สุดผมก็ได้เข้าเรียนที่นี่ตามที่ฝันไว้สักที หลังจากที่พยายามหลังคดหลังแข็ง ทำตามความใฝ่ฝันของคุณแม่ว่าอยากจะให้เข้าเรียนที่มหาลัยที่คุณแม่เคยเรียน ความตั้งใจ และการอดหลับอดนอนของผมก็สมใจคุณแม่เขาแล้ว แม่ผมนี่ยิ้มแก้มปริเลยตอนที่รู้ว่าผมติด ฮ่าๆๆ
   ผมคงต้องแนะนำตัวก่อนนะครับ สวัสดีคร้าบ ผมชื่อ ทิวากร กุลธนาสกุล หรือจะเรียกผมว่า ตะวันก็ได้นะครับ ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ ครับ อย่างนึงที่ผมดีใจที่ได้เรียนที่นี่คือ ผมจะได้อยู่หอ ได้ห่างไกลบ้านมั่ง โครต จะ แฮป ปี้! จะได้อยู่ห่างคุณแม่บ้าง ก็คุณแม่อะ ติดผมซะอย่างกะผมยังเป็นเด็กเสมอ เนี่ยแหละผมจะได้มีอิสระกับเขาบ้างสักที แต่จะว่าไปแล้วก็คิดถึงคุณแม่เหมือนกันแฮะ (._.)

   “ไม่ได้ ต้องไม่ดราม่า ฮึบ! ” ผมบอกตัวเองเพื่อเรียกสติกลับมา

   แล้วผมก็มุ่งหน้าไปทางตึก1 ซึ่งเป็นตึกบริการนักศึกษา ความตื่นเต้นของการมาเรียนที่นี่คือ ผมจะได้สุ่มนะสิ ว่าจะได้อยู่ร่วมห้องกับใครเป็นเวลา 1 ปี ตามกฏของมหาลัยที่ทางผู้อำนวยการท่านอยากจะให้นักศึกษาทุกคนที่เพื่อนต่างคณะ เผื่อจะได้แชร์ประสบการณ์กัน สาธุ คุณพระคุณเจ้า ขอให้เมทผม เป็นคนที่คุยง่ายด้วยเถิดดดด เพี้ยง !
   “ นักศึกษาปีหนึ่งใช่ไหมคะ? ”

   “ ใช่ครับ สวัสดีครับ ผมจะมาสอบถามเรื่องห้องพักครับว่าผมได้อยู่ห้องไหน”

   “ค่ะ ขอทราบรหัสนักศึกษาด้วยค่ะ”

   “16041233 ครับ” ผมตอบพลางยิ้มให้พี่ที่ประจำเคาท์เตอร์

   “ นายทิวากร กุลธนาสกุลนะคะ น้องอยู่ห้อง 501 ตึก A ชั้น 5คะ”

   “ขอบคุณมากครับพี่คนสวย”

   “อุ้ย สวยเสยอะไรกัน พูดงี้พี่เขินแย่” เอ้ายัยเจ๊นี่ทำหน้าเขินอะไรขนาดนั้น เขาจะรู้ไหมว่าผมชมตามมารยาท

   “ฮะๆครับ” ว่าแล้วผมก็รีบเดินออกมาก่อนที่ยัยเจ๊คนนั้นจะวาดฝันไปไกล
   ห้อง501หรอ วะฮ่ะๆๆมาเลยตะวันพร้อมไปอยู่แล้ว

   “ ตะวัน! ตะวันใช่เปล่า” หืม ใครเรียกผมอะ

   “ อ้าว เห้ยยยยย! เชน ติดที่นี่เหมือนกันหรอ ”

   “ เออดิ ตะวันเรียนคณะอะไรอะ ”

   “ บริหารอะ เชนละเรียนคณะไหน ”

   “ เรา เรียนนิเทศอะ ไม่คิดเลยว่าจะไม่ได้เจอตะวันที่นี่ ” พูดจบไอ้หมอนี่ก็ยิ้มซะแก้มแทบปริ
   ครับผม ไอ้นี่มันชื่อเชน เพื่อนผมตั้งแต่มัธยม เรียนห้องข้างๆกันมาเลย ถ้าถามถึงความสนิท คงต้องบอกว่ามากพอตัว ก็คือไอ้หมอนี่มันเคยจีบผมตั้งแต่สมัยมัธยม
   อ่อ ลืมบอก ใช่ครับ ผมชอบผู้ชาย แต่ที่เชนจีบผม ผมก็ไม่รู้ว่ามันจีบเล่นจีบจริง ก็แม่ง เป็นคนขี้อ่อย เล่นกับชาวบ้านเขาไปทั่ว ผมนี่เกือบโดนแก๊งนางฟ้าในโรงเรียนมารุมหาเรื่องเอาหลายรอบละ ก็เชนเป็นฟิลหมาหยอกไก่ไปเรื่อย สำหรับผมมันเป็นคนที่มีสเน่ห์เลย แต่ผมไม่เอาหรอก ผมไม่ชอบคนเจ้าชู้
   เชนเป็นคนที่หล่อเลยแหละครับ ผิวขาว แถมสูงชิบหาย หรือผมเตี้ยก็ไม่รู้ แต่ผมก็170 กว่าละนะ แต่คุยกับหมอนี่ที่ไร ต้องเงยหน้าคุยด้วยตลอดเลย ข้อดีมีเต็มไปหมด ทั้งเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง แต่เสียอย่างเดียว ไอ้หมอนี่มันติ๊งต๊อง เป็นคนง้องแง้งพอตัวเลย

   “ โหย ไม่คิดเหมือนกันว่าเชนจะเลือกเรียนที่นี่ ”

   “ ถ้าบอกว่า เราเลือกเรียนเพราะ อยากมาเจอตะวันบ่อยๆละ ” นั่นไง กูว่าละ หยอกเก่งจังนะ

   “ ฮ่าๆๆ ดูทำหน้าเข้า เบะปากซะไม่เกรงใจเราเลยนะ เราล้อเล่น ”

   อ้าวนี่ผม เผลอเบะปากไปหรอเนี่ย อุตส่าห์คิดแค่ในใจ ไม่คิดว่าหน้าจะออก

   “ หึหึ แล้วนี่อยู่หอไหนอะเชน ”

   “ เราอยู่ตึก A อะ ตะวันละ? ”

   “ เห้ย จริงดิ เราก็ A ห้องไรอะ ” อะ ความชิบหายมาเยือนละ หวังว่าคงไม่ใช่ห้องเดียวกันนะ

   “ 704 อะ ” หู่ววว โล่งอก
   “ แล้วตะวันห้องไรอะ อย่าบอกนะว่าห้องเดียวกับเรา ฮั่นแหน่” ฮั่นแหน่ป้ามึงสิ

   “ ไม่ใช่อะ เราอยู่ชั้น 5 ห้อง 501 ” คิดถูกเปล่าวะบอกห้องให้มันรู้
   
   “ รู้ห้องงี้ไว้เรา แอบไปหาที่ห้องดีกว่า ” อืม กูคิดอะไรไม่เคยผิดจริงๆ

   “ละนี่ตะวันจะไปห้องเลยอะ เอาของมายังเนี่ย ไปพร้อมเราเลยมะ ”

   “  อื้อ คงไปเลยอะ ของเราเอาไว้ที่รถอะตรงโซนหอพัก ”

   “ อ่อ งั้นปะไปหอกัน เราก็เอาของไว้ที่รถเหมือนกัน ”

   แล้วผมกับเชนก็เดินคุยกันไปเรื่อยๆ ผมชอบมหาลัยนี้แฮะ ต้นไม้เยอะดี มันทำให้ผมสดชื่น มีชีวิตชีวา เหมือนคืนลิงสู่ป่า ( กูด่าตัวเองทำไม ) ระหว่างทางที่เดินไปหอ ตลอดทางมีคนมองมาทางผมตลอด แต่ผมก็รู้แหละจริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้มองผมหรอก มองไอ้คนข้างๆนี่ต่างหาก หมั่นไส้ !
   “  ตะวัน ให้เราช่วยเอาของขึ้นห้องไหม ”
   
   “ ไม่เป็นไรเชน เดี๋ยวเราเอาขึ้นเอง เชนจัดการของเชนเถอะ ”
   “  อะๆ โอเค งั้นรอเราแปปดิ เดะ ขึ้นพร้อมกัน ” มันพูดเสร็จก็วิ่งเอารถเข็นไปเอาของที่รถมัน

   “ ปะ ขึ้นห้องกัน ” ครับ ไอ้หมอนี่พูดละทำตาหวานเยิ้มยิ่งกว่าน้ำเชื่อมใส่ผม ผมไม่เผลอใจให้หรอก!
   อ๊ะ! ถึงชั้นของห้องผมละ
   “ บ๊ายบายตะวัน มีอะไรให้เราช่วยก็ไป เคาะห้องเราได้นะ ”
   “ จ้า เจอกันเชน ”
   ผมก็โบกมือลามันพอเป็นพิธี

   “ ว้าวๆ ไหนขอชมห้องหน่อยสิ้ ”
    เมื่อผมเปิดห้องมา โอ้โห ปริ่มครับ ห้องกว้างพอสมควร ไม่ได้แคบเกินไปเหมือนที่คิด มีโต๊ะให้ใช้ส่วนตัว คนละโต๊ะ เห้ย! ผมชอบเลยนะ น้ำตาจะไหล แต่เอ๊ะ ตอนแรกผมคิดว่า เตียงมันจะเป็นเตียงคู่ ที่ไหนได้ดันเป็นเตียงเดี่ยว แต่ดีที่ ขนาดใหญ่อยู่ น่าจะนอนสบาย ผมไม่เรื่องมากอยู่แล้วฃ
   ดูเหมือนผมจะมาถึงก่อนเมทผมแฮะ ชักจะตื่นเต้นแล้ว ว่าจะเป็นใคร คณะอะไร ผมก็จัดแจงเก็บเสื้อผ้าผมเข้าตู้ฝั่งหนึ่ง แล้วก็วางของสำคัญ บนโต๊ะ จนจัดข้าวของเสร็จ
   ผมมองไปที่พวงกุญแจรูปยิ้ม ผมไม่ลืมที่จะพกมาด้วยหรอก ก็มันของสำคัญนี่นา

   “ จะสบายดีไหมนะเมฆ เห้อ ป่านนี้เรียนที่ไหนเนี่ย ”
   
   คนที่ให้เจ้าพวงกุญแจนี้มา เป็นเพื่อนสนิทของผมในวัยเด็กครับ เขาชื่อว่าเมฆ
   เมฆเป็นคนแรกที่ทำให้ผมรู้สึกอยากไปเรียนตอนประถม ตอนนั้นพ่อผมเสียครับ ผมกลายเป็นเด็กคนนึงที่ขี้แย เอาแต่ร้องไห้ ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากไปเรียน แต่ก็มีเมฆเนี่ยแหละ ที่เข้ามาปลอบผม เข้ามาสร้างความสุขให้ผม ชวนผมเล่น ทำนู่นทำนี่ จนผมดีขึ้น แต่พอช่วงที่เราต้องเข้ามัธยม เมฆก็ย้ายตามครอบครัวไปอยู่ต่างจังหวัด แล้วเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย แรกๆก็มีส่งจดหมายหากันบ้าง แต่หลังๆก็ขาดการติดต่อไป เขาจะรู้ไหมนะว่าผมคิดถึงเพื่อนคนนี้แค่ไหน พอคิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ครับ ป่านนี้หน้าตาจะเป็นยังไงนะ

   ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆ ประตูห้องก็เปิด พร้อมกับบุคคลหนึ่ง
   “ สวัสดี เราชื่อเมฆ ยินดีที่ได้รู้จัก ”
   เห้ย นี่ผมฝันไปหรือเปล่า !
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่1 สวัสดีชีวิตมหาลัย 5/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-02-2018 23:23:12
โลกกลม  :hao3:
หรือสองคนนี่ มีแรงดึงดูดกัน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่2 จำไม่ได้หรือไม่ได้จำ 6/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 06-02-2018 22:45:35
                                                                         บทที่ 2
                                                                 จำไม่ได้หรือไม่ได้จำ

   “ อ่า หวัดดีเมฆ ” ผมอึ้งไปแปปนึง เป็นไปได้ไง ถึงจะยังไม่มั่นใจ แต่ก็ถือว่าหน้าเหมือนเมฆที่ผมเคยรู้จัก
   จะใช่ไหมไหมนะ…..
   “ นายเข้ามาห้องนานรึยัง ? ”

   “ หืม ? ” บ้าเอ้ยย ทำไมใจผมถึงสั่นแบบนี้วะ

   “ เราถามว่า นายย้ายของเข้าห้องมานานรึยัง”

   “ อ่อ เราก็เข้ามาก่อนหน้านายไม่กี่ชั่วโมงเอง”

   “ อืม งั้นเราเก็บของก่อนละกัน ” พูดจบ  หมอนี่ก็หันไปเก็บข้าวของของตัวเอง แล้วก็ไม่ได้สนใจผมอีก
   หรือผมคิดไปเองนะว่าเขาเป็นเพื่อนวัยเด็กผม ลองถามดูดีกว่า
   “ เมฆ จบมาจากที่ไหนหรอ? ”

   “ เรามาจากเชียงใหม่อะ นายละ ”

   “ เรา อยู่กรุงเทพเนี่ยแหละ เมฆอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่เด็กเลยหรอ”

   “ ป่าว…เราย้ายไปช่วงมัธยม ทำไม? ” เมฆหันมาตอบผมแบบนิ่งๆ คนอะไรดูไร้ความเป็นมิตรชิบหาย
   เอาไงดีวะ หรือจะบอกไปเลย
   “ พอดีเมฆ แค่เหมือนเพื่อนเราคนนึงอะ เลยถามดู ….ระ..เราเห็นหน้าแล้วคุ้น” โอ้ย จะใช่หรือไม่ใช่ไม่รู้หรอก ไหงผมถึงพูดตะกุกตะกักอย่างนี้เนี่ย
   เมฆคนที่อยู่ตรงหน้าผม เป็นผู้ชายที่โดยรวมผมถือว่าเพอร์เฟคเลยก็ว่าได้ หุ่นดี สูง ดูห้าวๆนิดๆ แถมเจาะหูด้วยแต่ทำไมมันดูเท่ห์แบบนี้วะ ใจตะวันจะละลาย

   “ หรอ แต่เราไม่คุ้นเลย แล้วนี่ชื่ออะไร เรายังไม่รู้เลย ”
   “ เราชื่อตะวัน อยู่บริหาร ”
   “ อื้อ งั้นเราคงไม่ใช่คนที่นายรู้จักหรอก เพราะเราไม่เคยมีเพื่อนชื่อตะวันเลย เราเรียนสถาปัตย์นะ นี่ตะวันจะนอนฝั่งไหน”
   “ ฝั่งไหนก็ได้ เมฆเลือกเลย” ผมตอบกลับด้วยใจที่ห่อเหี่ยว เห้อดูจากรีแอคแล้ว นึกว่าจะเป็นคนที่ผมรู้จักซะอีก หงิดเลย..
   จากนั้น เราทั้งคู่ก็ต่างทำอะไรไปเรื่อย โดยที่ก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก แต่ไม่รู้ทำไม ความรู้สึกลึกๆผมมันบอกว่าใช่เมฆ ที่ผมรู้จักก็ไม่รู้ ขณะที่คิดอะไรเพลินๆ อยู่ดีๆเมฆก็ถอดกางเกงตัวเองออก

   “ เห้ยยยยยย !” อึ้งสิครับ คนเพิ่งรู้จักกันอยู่ดีๆมาถอดกางเกงต่อหน้า

   “ ตกใจอะไร ??” แหนะ ไอ้หมอนี่ยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ผมอีก เหมือนสิ่งที่ตัวเองเป็นเรื่องธรรมดา

   “ เอ่อออ เราแค่ตกใจเฉยๆ ที่อยู่ดีๆนายก็ ถะถะ..ถอดกางเกงอะ ” ตอนนี้ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนๆยังไงก็ไม่รู้

   “ เห้ย เราก็ใส่บ็อกเซอร์ปกติ ละไหงหน้าแดงอย่างนั้น เป็นตุ๊ดปะเนี่ย!”
   
   “ กูไม่ใช่ตุ๊ดนะเว้ย ! ก็แค่ไม่ชิน ”  ผมนี่ขึ้นเลย ถึงผมจะเป็นเกย์แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาเรียกผมว่าเป็นตุ๊ดนะ
   เอ๊ะ แต่ผมไม่ได้หันหน้าไปนี่หว่า ทำไมมันถึงรู้วะว่าผมหน้าแดง

   “ ก็แค่แซวเล่น ไม่เห็นต้องขึ้นกูมึงเลย…ประสาท” แม้คำสุดท้ายจะเหมือนพึมพำเบาๆ แต่ผมก็ได้ยินนะ
   ชัดเลย ไม่ใช่เมฆที่ผมรู้จักแน่ๆ เมฆคนนั้นอ่อนโยนจะตายไป ฮืออออ สวรรค์เหมือนให้ความหวังลูกแล้วก็สาดด้วยน้ำเย็นให้ลูกตื่น
   “ ละนี่เราจะลงไปกินข้าว เมฆจะเอาอะไรไหม? ” ก่อนจะเกิดสถานการณ์เดดแอร์ขึ้นอีก ผมรีบหนีไปที่อิ่นก่อนดีกว่า
   “ ไม่เป็นไร อ่อแล้วก็ไหนๆก็หลุดกูมึงมาแล้ว ไม่ต้องพูดเพราะแล้วก็ได้มั้ง” มันตอบพร้อมกันทำหน้าตาที่ดู….กวนตีน ทำเป็นยักคิ้ว ไอ้ฟาย
   “ เค งั้นกูไปละ ” แล้วผมก็รีบวิ่งออกจากห้องด้วยความเร็ว

   “ หึหึ ”
   เอ…เหมือนผมเห็นมันแอบยิ้มเลยแหะ หรือเราคิดไปเองหว่า


   หลังจากที่ผมหาไรกินเป็นที่เรียบร้อย ระหว่างทางที่เดินกลับหอก็แวะดูนู่นดูนี่ไปเรื่อย พร้อมของกินเต็มไม้เต็มมือ แหมก็ของกินแถวนี้มันดูน่ากินไปหมดเลยนี่ครับ ไม่คิดว่าแถวมหาลัยจะมีของกินเยอะขนาดนี้ แต่ที่ผมซื้อมาผมก็ไม่ได้กินคนเดียวหรอก ซื้อไปฝากเมทผมด้วย ( ช่วงเห่อการมีเมทเป็นครั้งแรก )
   “ ฮู่ ฮา ฮู ฮา ฮา ฮ่า .. ฮู ฮา ฮู ฮา ฮา ฮ่า ” ผมเดินฮัมเพลงไปอย่างคนอารมณ์ดี แต่แล้วอารมณ์ที่ดีของผมก็หมดไปเมื่อมีคนนึงเดินมาชนผม
   ปึก !
   “ โอ้ย ! เกะกะ ขวางทางจริงๆเลย ” ผู้หญิงคนที่เดินชนผม ร้องขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย
   อะไรกันวะ ตัวเองเดินก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ มาชนคนอื่นเขา แล้วยังจะมาอารมณ์เสียใส่อีก
   “ อ้าวเธอ มาชนเรา ไม่คิดจะขอโทษหน่อยหรอ อีกอย่างเพราะเธอแหละมัวแต่ก้มดูโทรศัพท์ไม่ยอมมองทาง ” ผมพูดอย่างหงุดหงิด ของที่ซื้อมา หล่นพื้นหมดเลย

   “ ก็มาขวางทางทำไม ก็เห็นนิว่าฉันเล่นโทรศัพท์อยู่ แล้วทำไมไม่หลบละ ”
   เห้ย เกินมาผมเพิ่งเคยเจอคนที่ทำตัวไร้มารยาทได้ขนาดนี้ ตัวเองผิดยังไม่สำนึกอีก เมื่อมองหน้าดีๆก็พบว่าเธอเป็นคนที่สวยคนนึงเลย หน้าตาน่ารัก หุ่นอย่างกะนางแบบ แต่เสียดายที่นิสัยแย่ชะมัด

   “ อ้าวทำไมพูดจาแบบนี้ละ คิดว่าโลกหมุนโลกตัวเธอหรือไง แล้วจะรับผิดชอบของกินเรายังไง ” ผมไม่ได้หวงของกินหรอกนะ แค่อยากให้เธอรับผิดชอบเท่านั้นเอง

   “ นายกำลังทำฉันเสียเวลานะ งั้นเอานี่ไป จะได้จบๆ ” ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เปิดกระเป๋าตังพร้อมโยนเงิน ใส่กองอาหารที่หล่นที่พื้นของผม

   “ นี่ ! ” ผมเสียงดังอย่างอดไม่ได้ แต่เธอกลับไม่สนใจ พร้อมก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ แล้วเดินไปแบบไม่แคร์อะไรทั้งนั้น

   “ โอ้ย จำไว้เลยนะ คราวหน้าไอ้ตะวันคนนี้จะเอาคืนให้ได้เลย หงุดหงิดโว้ย ”
   ฮือออ ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย แต่นางคงคิดผิด รู้ไว้เลย ไอ้ตะวันคนนี้เจ้าคิดเจ้าแค้น เจ้าแผนการแค่ไหน  ผู้หญิงก็ผู้หญิงเถอะผมก็มีวิธีเอาคืนละกัน
   แล้วจะทำยังไงก็ของพวกกินพวกนี้ดีเนี่ย เห้อ…

   มันคงกินไม่ได้แล้วผมเลยลองเดินๆไปหาหมา แมวจรจัดแถวนี้ดู อย่างน้อยพวกมันจะได้อิ่ม อ๊ะ เจอแล้ว เจ้าน้องหมา
   “ โหยน้อง หิวไหม กินข้าวกันเร็วๆ มาๆ จุ๊ๆๆๆๆ”

   “ ทำอะไรอะตะวัน เรียกจิ้งจกหรอ?” หืม เสียงใครอะ
   เมื่อหันไปดูจึงพบมาเป็นเจ้าเพื่อนร่วมห้องตัวดีของผม เมฆนี่เอง

   “ อ้าวเมฆ พอดีเมื่อกี้เกิดเหตุนิดหน่อยอะ ของมันเลยตกพื้นหมด ก็เลยเอามาให้น้องๆกิน”
   
   “ น้อง? เป็นหมาเหมือนกันหรอพันธุ์ไรละมึงอะ ฮ่าๆๆๆ ” เมฆหัวเราะอย่างอารมณ์ดี มีอะไรตลกรึไงฟะ

   “ กวนตีน ” ผมว่าแล้วก็หันไปพยายามป้อนอาหารให้น้องหมาต่อ

   “ มากูช่วย จุ๊ๆๆๆๆ มากินแล้วเจ้าจิ้งจก ”
   เมฆมันต้องพยายามล้อเลียนผมแน่ๆ ผมเริ่มมั่นใจละ

   “ หึ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ ”
   น้องกินอย่างอร่อย  พอเห็นมันดูมีความสุขผมก็อดยิ้มตามไปไม่ได้ ก็ผมอะ ชอบพวกสัตว์มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว เวลาเห็นหมาเห็นแมวผมก็อดเข้าไปเล่นด้วยไม่ได้ จนคุณแม่เป็นห่วงกลัวว่าจะโดนกัดเอา

   “ ละทำไมซื้อของกินมาเยอะจัง ตัวก็แค่นี้ กินหมดหรอ ” เมฆถามอย่างสงสัย พร้อมมองมาที่ผมเหมือนผมเป็นคนตะกละ
   “ ป่าว ก็จะซื้อไปฝากมึงแหละ ” พอเห็นว่าหมอนี่เริ่มทำตัวสบายๆใส่ ผมก็เลยหายจากการอึดอัดเหมือนตอนแรกๆ ก็เลยกล้าพูดกันแบบเป็นกันเองมากขึ้น

   “ ตะวันนี่ยังใจดีเหมือนเดิมเลยนะ ..”

   เอ๊ะ..ผมเหมือได้ยินอะไรแว่วๆ เมื่อกี้มันพูดอะไรนะ พูดซะเบาเชียว
   “ พูดว่าไรนะ ”
   “ ป่าว ปะเสร็จละนิ กลับหอกันเถอะ”  มันบอกพร้อมเดินนำหน้าไป แต่ผมมั่นใจนะว่าเมื่อกี้มันพูดอะไรแน่ๆ

   “ เร็วๆดิมึง เย็นแล้ว ยุงเยอะ ”
   “ เออๆ ” แล้วผมก็เดินตามมันไป

   ระหว่างทางกลับเราก็แวะเซเว่นเพื่อซื้อของใช้เข้าห้อง ผมก็เลยกวาดพวกขนมกับช็อคโกแลตมา เอาไว้กินตอนดึกๆ เผื่อหิว ส่วนเมฆก็ซื้อของเล็กๆน้อยๆ แต่ที่แปลกใจคือมันซื้อธูป แล้วก็เหล้า -_- นี่จะเมาตั้งแต่วันแรกที่มามอเลยหรอเนี่ย  แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรมาก กลัวโดนหาว่าเสือก
   แต่มันก็ไม่ได้จบแค่นี้ ก่อนกลับมันก็แวะมินิมาร์ทซื้อแก้วพลาสติกกับแบ่งซื้อข้าวสารมาถุงนึงเล็กๆ เอ….ที่ผมดูในห้องก็ยังไม่มีหม้อหุงข้าวนะ อะไรของมันวะ
   จนผมอดที่จะถามมันไม่ได้ “ ซื้อไปทำไรอะมึง ”
   “ ไม่บอก ” อืมครับ ไม่น่าถามเลย
   
   ก่อนขึ้นหอผมก็เดินสวนกับเชนพอดี สงสัยจะออกไปเที่ยวแต่งตัวซะหล่อเลย
   “ อ้าวเชนไปไหนอะ เที่ยวหรอ ”
   “ อื้อ แล้วตะวันไปไหนมา กินข้าวมาหรอ แล้วนี่ใครเนี่ย ” เชนถามพร้อมมองไปที่เมฆ
   “ ช่าย นี่เมฆ เมทเราเอง เมฆนี่เชน เพื่… ”
   “ สวัสดีเราเชน แฟนตะวัน ยินดีที่ได้รู้จักนะ ” เชนพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ผมจะพูดจบ
   โว้ยยยย พูดไรของมันเนี่ย เดี๋ยวเมฆเข้าใจผิดหมด
   “ ไม่ใช่ละ นี่เพื่อนเราเองเมฆ ”
   “ อ่อ สวัสดี เพื่อน ตะวัน ” ทำไมผมรู้สึกว่าเมฆมันดูเน้นคำว่าเพื่อนเป็นพิเศษนะ
   แล้วสองคนก็มองหน้าพร้อมยิ้มใส่กัน แต่ดูเป็นรอยยิ้มที่ไม่เป็นมิตรเลย
   “ หึหึ งั้นเราไปก่อนนะตะวันเพื่อนเรารอ ไว้เจอกันค้าบ ”
   “ บ๊ายบายเชน ไว้เจอกัน ” ผมก็โบกมือลามันไป
   อยู่ดีๆระหว่างทิ่อยู่ในลิฟท์เมฆก็ถามขึ้นมา
   “ นั่นแฟนมึงหรอ ดูมันมองมึงซะหวานเชื่อมเลย เห็ยนแล้วขนลุก ”
   หืมมม มาอยากรู้อะไรเรื่องผมเนี่ย
   “ ไม่ใช่ นั่นเพื่อนเราตั้งแต่มัธยมอะ อยู่ห้องข้างกัน มันก็ชอบแซวอย่างนี้ประจำอะ ” ผมไม่ได้บอกมันไปตรงๆว่าเชนเคยจีบผม
   “ อ่อ ไม่ค่อยถูกชะตาเลย ดูกวนตีนยังไงก็ไม่รู้”
   มึงกวนตีนกว่ามันอีก…. 

   อันนี้ผมพูดในใจครับ ไม่ได้บอกออกไป กลัวมันด่า
   แล้วเราก็เข้าห้องกัน ผมก็นั่งที่โต๊ะผม แกะฟิชโช่กินเพลินๆ สวนเมฆเดินไปที่ระเบียง มันเทข้าวสารใส่แก้วที่ซื้อมา ปักธูป แล้วก็เทเหล้าราดที่ขอบระเบียงพร้อมนั่งสวดอะไรพึมพำ
   นี่ผมมาอยู่กับคนเล่นของหรอเนี่ย =O=
   “ มึงทำไรอะเมฆ ทำไมต้องเทเหล้าด้วย ”
     “ ก็เซ่นเจ้าที่เจ้าทางไง มาอยู่หอก็ควรทำปะ ”
   “ อ้าวหรอ ” ผมก็เข้าใจที่มันพูดครับ เลยเอาของในถุงไปไหว้มั่ง
   “ มึงทำอะไรอะ - - ” เมฆถามผมอย่างสงสัย
   “ ก็ไหว้ท่านเจ้าที่มั่งไง *_* ” ผมก็ตอบมันไปตรงๆ
   “ ด้วยเฟอเรโร่รอชเชอร์เนี่ยนะ! ”
   ทำไมอะ ผิดตรงไหน ท่านอาจจะอยากกินของหวานก็เป็นได้
   “ เอ้าเขาห้ามไหว้ด้วยช็อคโกแลตหรอ เอาน่าท่านกินพร้อมเหล้าคงไม่เมาไวขึ้นหรอก ”
   “ หูยยยย ทำเป็นพูดเล่นไป ลบหลู่งี้เดี๋ยวก็เจอออกมาหลอกหรอก ”
   “ มาเหอะ อยากเจอเหมือนกัน กูฟังคุณริว กับคุณเจนมานานละ ”
   
   พรึ่บ!
   “ ว้ากกกกกกกกก! แง้อะไรอะ ” ทันทีที่พูดจบอยู่ดีๆไฟในห้องก็ดับลง
   “ เป็นไงละมึง ล้อเล่นดีนัก ท่านโกรธแล้ว มึงโดนหักคอแน่ ”
   “ แง้ ท่านคร้าบผมขอโทษ ผมกลัวแล้ววว ฮืออออออ T^T ”
   แล้วอยู่ดีๆไฟก็กลับมาติดเหมือนเดิม
   “ ละนี่จะกอดกูอีกนานไหมเนี่ย อึดอัด ปล่อย ไฟติดแล้ว ”
   หืม พูดอะไรของมัน ใครไปกอดมัน
   แต่เมื่อมองดูดีๆ ผมกำลังกอดมันพร้อมเอาหน้าซุกตัวมันอยู่นี่หว่า เห้ย! ตายๆ กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย
   “ ก็ตกใจที่หว่า ” ผมรีบผละตัวออกจากมัน แต่กลิ่นตัวมันหอมจัง
   “ ละทำเป็นปากดี ที่แท้ก็กลัว โด่ววว ” มันพูดเสร็จก็เดินหัวเราะเข้าไปในห้อง
   ส่วนผมก็กำลังรวบรวมสมาธิ และขวัญกำลังใจที่มันเตลิดไปแล้ว T^T พร้อมรีบเข้ากูเกิ้ล พร้อมหาข้อมูลในการมาอยู่หอใหม่ จากนั้นเมฆมันก็ไปอาบน้ำครับ ส่วนผมนะหรอ ทั้งเอาเงินไปไว้ใต้เตียง เพราะเขาบอกว่าต้องซื้อเตียง ทั้งสวดมนต์ สวดมันทั้งพุทธและคริสต์ ( ผมนับถือศาสนาคริสต์ครับ ) พร้อมไปนั่งสมาธิบนเตียง
   จนเมฆอาบน้ำเสร็จ
   “ ทำไรของมึงอีก ? ”
   “ กูแค่ทำสมาธิ จะได้สมองปลอดโปร่ง ” ใครจะกล้าบอกมันตรงๆว่ากลัวผี เมื่อกี้ก็ฉี่เล็ดออกมานิดนึงละ
   “ มึงอาบเสร็จแล้วใช่มะกูจะได้ไปอาบมั่ง ”
   “ เออ เสร็จแล้ว ไปอาบเหอะ ” มันบอก แล้วผมก็เอาเสื้อผ้า เข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำด้วย ใครจะกล้าถอดข้างนอก อายจะตาย
   
   เมื่อได้อาบน้ำ ก็รู้สึกสบายตัวครับ ฮู่วววว
    “ ทำไมอาบนานจังวะ อย่าบอกนะว่ามึง…… ” มันถามพร้อมทำหน้าล้อเลียนผมครับ ผมรู้เลยมันต้องคิดอะไรสัปดนแน่ๆ
   “ กูก็อาบนานอย่างนี้อยู่แล้ว มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย ”
   “ กูยังไม่ได้คิดไรเลย มึงอะคิดไร ”
   “โว้ย ช่างเหอะ ” ผมพูดแล้วก็ไปนั่งที่โต๊ะของผม ส่วนเมฆมันนอนอยู่บนเตียงพร้อมหลับละเรียบร้อย
   “ งั้นกูนอนละนะ มึงทำไรเสร็จก็ปิดไฟด้วยละกัน เปิดไฟแล้วกูนอนไม่หลับ ”
   “ เออๆ เดี๋ยวอีกแปปกูปิดให้ ”
    แล้วมันก็นอนห่มผ้าเรียบร้อย ผมเลยเดินไปปิดไฟ นั่งเล่นเฟสบุ๊คก่อน เช็คบ้างว่าชาวบ้านเขามีอะไรเกิดขึ้น ( สายเผือก )  ระหว่างนั่งเลื่อนหน้าฟีดไป ก็เหลือบไปเห็น ตรงเพื่อนที่แนะนำ มันเป็นรูปของเมฆ เมทผมนิครับ ผมเลยเข้าไปดูเฟสมัน แล้วผมก็สะดุดกับชื่อเฟสมัน ‘ เมฆา อศัวไพศาล ’
   เห้ยยย! นี่มันชื่อเมฆ เพื่อนผมตอนประถมแน่ๆ ผมจำได้ไม่ผิด งั้นแสดงว่าไอ้คนที่นอนบนเตียง ก็คือเพื่อนผมจริงๆนะสิ
   แล้วทำไมมันจำผมไม่ได้นะ……..
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่1 สวัสดีชีวิตมหาลัย 5/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 07-02-2018 00:08:57
โลกกลม  :hao3:
หรือสองคนนี่ มีแรงดึงดูดกัน  :katai2-1:

นั่นสินะครับ จะเป็นเพราะพรหมลิขิตรึเปล่าน้า ที่ทำให้เมฆมาเจอกับตะวัน ^O^
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่2 จำไม่ได้หรือไม่ได้จำ 6/12/61
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-02-2018 07:41:34
เชน ตู่เป็นแฟนตะวัน
สงสัยกันเมฆจีบตะวัน  :hao3:

เมฆ จำตะวันได้แต่ทำเป็นจำไม่ได้เพื่ออะไร  :katai1:
หญิงที่เดินชนตะวันจนอาหารตกหมด
ให้สังหรณ์ว่าต้องมาจีบเมฆ แน่ๆเลย
เอ......หรือมาชอบเชนดี  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: My Sweet Roommate : บทที่ 3 สงครามกลางเมือง! 9/2/61
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 09-02-2018 18:03:22
บทที่ 3
สงครามกลางเมือง!

   “ เมฆา อศัวไพศาล…”

   ย้อนกลับไปตอนสมัยประถม
   “ นาย เป็นอะไรอย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ พึ่งย้ายมาเรียนที่นี่หรอ ”
   เด็กผู้ชายคนที่นั่งติดกับผมทักขึ้นมา แต่ตอนนั้นผมไม่อยากที่จะทำอะไรทั้งนั้น ผมพึ่งย้ายมาเรียนที่นี่ตอนป.4 ส่วนสาเหตุที่ย้ายมาเพราะว่าพ่อผมเสียชีวิตจากการโดนทำร้ายร่างกาย แล้วผมก็กับแม่ก็ไม่สามารถที่จะทนเห็นสถานที่เดิมๆ ที่เรามีความสุขกันพร้อมหน้าได้ ก็เลยเลือกที่จะย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียนหนีมาเลย

   “ เรา….ฮือออออ ” พอคิดถึงพ่อผมก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้

   “ อ้าวๆ อย่าร้องสิ ใจเย็นนะ เป็นอะไรเล่าให้เราฟังได้ ” เขายิ้มให้กับผม เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นมากครับ ตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์นั้น ผมกับแม่ก็จมอยู่แต่กับความเศร้า คนรอบข้างก็มักจะพาลเศร้าไปด้วย

   “ เราชื่อเมฆนะ เมฆา อศัวไพศาล นายละชื่ออะไร ”

   “ เราชื่อตะวัน เด็กชายทิวากร กุลธนาสกุล ”

   “ อื้อตะวันยินดีที่ได้รู้จักนะ อย่าทำหน้าเศร้างั้นสิ ไปเล่นกันเถอะ ”

   และนั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่เราได้พบกัน เพื่อนคนแรกของสถานที่ใหม่ผม….
   
   “ งั้นทำไมต้องทำเป็นไม่รู้จักเราด้วยนะ หรือเมฆจะลืมจริงๆ ” ผมได้แต่พึมพำกับตัวเอง จะให้ปลุกเจ้าตัวมาถามก็คงจะเสียมารยาทเกินไป
   
   ผมต้องหาวิธีรู้เรื่องนี้ให้ได้
   - 8.30 น -
   ‘ กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ’

   “ งืมมม เช้าแล้วหรอ ”

   เช้าอย่างนี้จริงๆผมไม่อยากตื่นเลย แต่จะขาดเรียนตั้งแต่วันแรกคงไม่ได้

   เมื่อสามารถลืมตาได้อย่างเต็มที่ ก็พบว่าคนที่นอนข้างๆเมื่อคืนไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว

   “ หืมมม ไปเรียนแต่เช้าเลยหรอ ขยันจริงๆเลย ” คาบแรกของทุกคณะยังไงมันก็ 9โมงครึ่งนิหว่า จะรีบไปไหนของเขากันนะ
   ว่าแล้วผมก็ไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวจะสายเอายิ่งอาบน้ำนานอยู่ด้วย เมฆไม่อยู่อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องขนเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
   แต่จังหวะที่ผมแก้ผ้าอยู่ อยู่ดีๆเมฆก็เปิดประตูเข้ามา

   “ เหี้ยยยยยยยยยยยยย มาได้ไงเนี่ย! ”

   “ เห้ยยยยยย ! ” ทั้งผมและมันต่างตกใจ แต่ดีที่ผมรีบตั้งสติได้ก่อนจึงวิ่งเข้าห้องน้ำไป

   แง้ แล้วกูจะมองหน้ามันติดไหมเนี่ย ฮือออออออออ TT

   กว่าผมจะออกจากห้องน้ำได้ก็ทำใจอยู่นาน ไม่รู้ว่ามันออกจากห้องไปยัง
   “ ไงมึง อาบเสร็จละหรอ ” โอ้ยมันยิ้มกรุ้มกริ่มแบบนี้ ผมจะมองหน้าติดไหมอะ

   ไม่ได้ๆ ต้องทำเฉยๆ เรื่องปกติของผู้ชาย ไม่อายๆ ฮู่ววว

   “ เออ สะสะเสร็จแล้ว นึกว่าไปเรียนแล้วซะอีก ”

   “ ป่าว กูไปซื้อหมูปิ้งมา ” มันยกถุงหมูปิ้งให้ผมดู

   “ อ่อ มึงหันไปก่อนได้ปะ กูจะแต่งตัว ”
   “ อายทำไมวะ ไม่เห็นมีไรต้องอายเลย ของมึงกูก็เห็นเต็มสองตาละ คิคิ ” โว้ย ยังจะมาหัวเราะอีก

   “ เออหน่า มึงหันไปก่อน กูกราบละ ” ผมทำท่าจะกราบจริงๆ มันเลยยอมหันไป
   จนผมแต่งตัวเสร็จก็รีบออกจากหอ ส่วนเมฆก็เดินตามมาติดๆ ผมก็ไม่กล้าคุยกับมัน ความอายมันยังฝังอยู่ในจิตใจผม จนเดินไปถึงตึกที่ผมเรียน ซึงถึงก่อนตึกมัน เราก็กำลังจะแยกกัน ติดตรงที่มันมาฝากความอายไว้เพิ่มเนี่ยแหะ

   “ ตั้งใจเรียนนะไอ้หนอนน้อย ไว้เจอกันที่ห้องนะเว้ย ฮ่าๆๆ ”

   “ หนอนพ่อมึงสิ ! ” ผมตระโกนไป แต่มันคงไร้ค่า เพราะไอ้หมอนี่นอกจากไม่หยุดฟัง ยังรีบจ้ำอ้าวไปอีก

   กูไม่ได้เล็กขนาดนั้นสักหน่อย หนอนตรงไหน ข้าวหลามชัดๆ หึ

   “เอ ห้องอยู่ไหนนะ ….อ๊ะเจอแล้ว” กว่าจะถึงห้องเรียนก็เล่นเอาหอบเลยครับ ก็เล่นอยู่ซะชั้นสูงสุดของตึกเลย คนไม่ค่อยออกกำลังกายอย่างผมนี่แทบตาย
   เมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็พบว่ามีคนมาเต็มห้องแล้ว แต่ยังดีทึครูยังไม่มา ผมจึงเลือกเดินไปโซนท้ายๆห้องเพราะ ข้างหน้าเต็มหมดแล้ว แล้วก็นั่งข้างชายหญิงคู่นึงที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
   “ สวัสดี ” ผมยิ้มให้พวกเขา พวกเขาก็ยิ้มกลับ อืมน่าจะนิสัยดี

   “ ดีจ้า เราชื่อจิ้ปนะยินดีที่ได้รู้จัก ส่วนนี่ชื่อพงษ์ ” ผู้หญิงที่ชื่อจิ้ป แนะนำตัวอย่างเป็นมิตร

   “ พงษ์แม่มึงสิ กูบอกว่าให้เรียกกูว่าพัดชา เดะกูตบเรียกความจำกลับมาเลยอีชะนีเอ๋อ ” คนที่ชื่อพงษ์ขึ้นเสียงใส่จิ้ปด้วยจริตที่ดูจากเชียงรายก็รู้ว่าไม่ใช่ผู้ชาย
   สรุป ผมได้นั่งข้างผู้หญิง2คนครับ = =

   “ อ่า สวัสดีนะจิ้ป สวัสดีพัดชา เราชื่อตะวันนะ ”

   “ เห็นไหมอีจิ้ป จำไว้นะว่าอย่าเรียกชื่อพงษ์อีก กูฝังชื่อนั้นไปกับสโมสรบอลที่พ่อกูส่งไปเตะแล้ว ”

   “ ฮะๆๆ พวกเธอดูสนิทกันจังเลยนะ ” จากการประเมินแล้ว สองคนนี้ไม่น่าใช่คนเลวร้ายอะไร น่าจะคบด้วยแล้วสนุก

   “ อ่อ ใช่จ้าตะวัน ชากับจิ้ปเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว ”

   “ ดีจังเลยนะ อ้าวอาจารย์มาแล้ว เรียนกันเถอะ ”
   
   เมื่ออาจารย์เข้ามาเราเลยหยุดการสนทนากันไว้ก่อน คาบแรกของผมผ่านไปอย่างชิวๆไม่มีอะไร ส่วนสองคนข้างๆก็นั่งคุยกันทั้งคายไม่ได้สนขิงสนข่าใดๆทั้งสิ้น จนผมเริ่มสงสัยว่าการที่ผมมานั่งข้างสองคนนี้มันจะทำให้ผมเรียนรู้เรื่องไหม - -

   “ เอาละค่ะนักศึกษา ก่อนหมดคาบทุกคนอย่าพึ่งรีบออกจากห้องนะคะ มีรุ่นพี่ของพวกคุณมีเรื่องจะมาคุยด้วย งั้นครูไปก่อนนะ เจอกันคลาสหน้าค่ะ ”

   หลังจากที่ครูออกไปก็มีพวกรุ่นพี่กลุ่มนึงเดินสวนเข้ามา แต่คนละนี่หน้าตาดีกันทั้งนั้น

   “ สวัสดีค่ะน้องๆ พี่ชื่อยีนนะคะ อยู่ปี2 แล้วก็เพื่อนที่อยู่ข้างๆพี่2คนนี้ชื่อบอลกับบิว ” พี่หน้าสวยแนะนำตัวพร้อมยิ้มกว้างโชว์ฟันที่เรียงกันอย่างสวยงาม
   
   “ สวัสดีครับ / ค่า ”

   “ ค่ะ ก็เข้าเรื่องกันเลยนะ ที่พี่มาในวันนี้คือพี่ต้องการมาหาน้องๆไปร่วมกิจกรรมกับทางคณะเรา ฮั่นแหน่ อยากรู้กันละสิ ว่ากิจกรรมอะไร สวยๆหล่อๆอย่างพวกพี่จะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากเชียร์ลีดเดอร์จ้า”
   พอสิ้นคำว่าเชียร์ลีดเดอร์ก็เกิดเสียงจ่อกแจ่กจอแจ ทั้งดูมีความสุข และดูอยากหนี
   
   “ ว้ายแก พวกพี่เขามาหาลีดกันแน่ๆเลยอะ เราเสนอตัวกันไหมอีจิ้ป ”

   
   “ พัดชา แกยังไม่เข็ดกับตอนม.ปลายอีกหรอ ฉันไม่อยากเจอนรกแล้วนะ ” สองคนนี้ดูเหมือนจะเคยเป็นลีดมาก่อน ส่วนผมหรอก็เคยเป็นเหมือนกัน ตอนม.ปลายโดนรุ่นพี่บังคับให้เป็น
   
   “ เดี๋ยวพวกพี่จะเดินไปหาน้องๆนะค่ะ ใครสนใจก็ลงชื่อได้เลยนะ ยกมือเลยเดี๋ยวพี่เดินไปหา ” พี่ยีนบอกแล้วพวกพี่ๆเขาก็เริ่มเดินไปตามกลุ่มต่างๆในห้อง
   “ ตะวัน สนใจเป็นไหม ฉันกับจิ้ปว่าจะสมัครอะ ”
   
   “ เอ่อออ ไม่ดีกว่าอะ เราเต้นไม่เป็น ” ผมโกหกครับ ก็ตอนที่เคยเป็นผมก็แทบตายมาละ
   
   “ เอาน่าตะวัน ขำๆลีดมหาลัยไม่น่ายากหรอก ยืนเต้นสวยๆ พี่ค่ะทางนี้ค่าาาาาา ” พัดชายกมือเรียกพี่เขาแล้ว เอาไงดีวะ ยิ่งปฏิเสธคนไม่เป็นด้วย จะหนีก็หนีไม่ได้
   
   “ ขา ว่าไงคะน้องๆสนใจสมัครใช่ไหม อะกรอกข้อมูลตรงนี้นะ สามคนเลยใช่ไหม ”
   
   “  หนูกับคนนี้อะใช่ค่า แต่ตะวันอะไม่รู้ ”
   
   “ สนใจไหมค่ะ น้องตะวัน : ) ” พี่ที่ชื่อบิวถามผม
   
   “ ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมเต้นไม่เป็น เดี๋ยวจะไปเป็นตัวถ่วงคนอื่นเปล่าๆ ” ผมโกหกอีกแล้วครับ ไม่รู้แหละนาทีนี้ขอเอาตัวรอดก่อน
   
   “ เอ เต้นไม่เป็นหรอคะ จะใช่หรอ น้องเป็นลีดสีแดงที่โรงเรียนนิคะ แถมปีที่แล้วยังได้แชมป์อีก ใช่ไหมจ๊ะน้องตะวัน ” พี่บิวพูดยิ้มๆ เขารู้ได้ไงอะ
   
   เมื่อมองหน้าเขาดีๆถึงได้รู้ว่านี่มันรุ่นพี่ที่โรงเรียนผมนี่หว่า โอ้โห้ตายห่าละกู  ทำไงดีๆ หนีไม่พ้นแน่ตะวันเอ้ย

   “ อ้าวตะวันเคยเป็นลีดเหมือนกันหรอ งั้นเป็นด้วยกันสิ นะๆเนี่ยอย่างน้อยพวกเราก็ลีดเก่านะ ” จิ้ปเริ่มหาพวกแล้วครับ เมื่อเห็นว่าปฏิเสธพัดชาไม่ได้

   “ นั่นสิตะวัน มาเป็นด้วยกันเถอะ นะนะ ” พัดชาก็เริ่มอ้อนวอนบ้างโดยการทำหน้าแบ๊วใส่โดยที่มันไม่ได้เข้ากับหน้าที่เหมือนบัวขาวเลย…..

   “ แต่เรา… ”

   “ สมัครเถอะคะน้องตะวัน เดี๋ยวพี่ดูแลรุ่นน้องโรงเรียนพี่เอง อีกอย่างก็ถือว่า ‘ ช่วยคณะ ’ ” มาแล้วครับประโยคไม้ตายที่ใครๆก็ใช้กัน สงสัยผมคงหนีไม่รอด
   “ ก็ได้ครับ ”

   “ เย้ !! ” ทั้งสามคนประสานเสียงพร้อมกันอย่างดีใจ

   สุดท้ายผมก็หนีไม่พ้นนรกขุมเดิมสินะครับ TT

   หลังจากกรอกข้อมูลพูดคุยกับพี่ๆเสร็จผมกับสอง(?)สาวก็ลงไปหาอะไรกินกันที่โรงอาหารครับ ที่นี่เหมือนสวรรค์ของผมเลยครับ ของอร่อยเต็มไปหมด มีทุกแนว อาหารไทย อาหารอีสาน อาหารญี่ปุ่น และอีกมากมาย คิดไม่ผิดจริงๆที่มาเรียนที่นี่ จากผลของพันทิพที่บอกว่าเป็นมหาลัยที่มีของกินอร่อยที่สุด งั้นวันแรกขอประเดิมร้านที่คุณแม่บอกต้องกินให้ได้ก่อนเลยละกัน ก๋วยเตี๋ยวป้าใจดีในตำนาน
   “ งั้นเดี๋ยวพวกเราเอาของไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนนะ นั่งพัดลมละกัน ” จิ้ปจัดแจงหาที่กินข้าวเรียบร้อย

   “ โอเค งั้นเราไปซื้อข้าวก่อนนะ ฝากเราซื้ออะไรป่าว ”

   “ ไม่เป็นไรเรานั่งเฝ้าของให้ก่อน เดี๋ยวเราไปซื้อเองก็ได้  ตะวันไปกับพัดชาก่อนเลย ”

   “ โอเคๆ ปะพัดชา กินก๋วยเตี๋ยวกันมะ แม่เราบอกร้านนี้อร่อย ”

   “ ได้ค่าคุณตะวัน เดี๋ยวฉันมานะอีจิ้ป ”
   แล้วผมก็มาต่อคิวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวครับ สงสัยจะอร่อยจริง คนถึงเยอะอย่างนี้ จนเมื่อถึงคิวผม ถึงได้รู้ว่าทำไมถึงชื่อป้าใจดี ก็ให้เยอะขนาดนี้ ลูกชิ้นเอยหมูเอย พูนจานซะ แต่ราคาแค่35บาท ป้าเขาเอากำไรจากไหนเนี่ย เด็กบริหารอย่างผมต้องมาศึกษามั่งละ
   ก่อนไปที่โต๊ะผมก็แวะซื้อน้ำไปเลย จะได้ไม่ต้องเดินไปๆมาๆ
   “ เอาน้ำอะไรจ๊ะ ”

   “ ชาเย็นครับ ”
   “ หนูเอานมชมพูค่าป้า แหมชมพูเหมือนนมหนูเลย ” พัดชาพูดพร้อมสะดีดสะดิ้ง ผมเห็นแล้วป้าร้านน้ำแทนที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้

   “ ก็พวกฉันอยากนั่งตรงนี้ ตรงอื่นมันร้อน เธอไปนั่งตรงอื่นไม่ได้หรือไง ”
   “ แต่เรามาก่อนนะ ทำไมเราต้องหลบละ พวกเธอก็ไปนั่งที่อื่นสิ ที่มีเยอะแยะ ”
   อยู่ดีๆก็เกิดเสียงเอะอะกันครับ เมื่อหันไปดูจึงเห็นว่าจิ้ปกำลังเถียงกับผู้หญิงกลุ่มนึงที่มากันสามคน มายืมล้อมโต๊ะพวกเราอยู่ และปัดกระเป๋าพวกเราลงพื้น
   เมื่อมองดี นั่นมันยัยคนที่เดินชนของกินผมตกเมื่อวานนิ แหมกลับมาพบกันใหม่ไวดี แถมมาทำนิสัยแย่ๆใส่เพื่อนผมอีก
   “ อ้าวอีพวกนี้นิ มาหาเรื่องเพื่อนฉันหรอ ตะวันไปเร็ว ไปช่วยอีจิ้ปกัน ” พัดชาเหมือนจะวิ่งเข้าไป
   “ พัดชา เดี๋ยวเราจัดการเอง ” ผมบอกแล้วก็รีบจ้ำอ้าวเข้าไปที่โต๊ะ โดยมีพัดชาตามมาติดๆ ผมพร้อมจัดการกับนังตัวดีนี่แล้ว

   ซ่า…..
   “ กรี๊ดดดดดดดดดด ! อะไรเนี่ย เปียกหมดแล้ว ” นังชะนีหน้าสวยสันดานเสียกรี๊ดขึ้นมาเหมือนเปรตขอส่วนบุญ หลังจากที่เทชาเย็นใส่เสื้อนาง แบบที่ใครก็ไม่ทันตั้งตัว
   “ อ้าว ขอโทษนะ พอดีเราไม่ได้ดูทางอะ เลยเผลอทำน้ำหก ” ผมทำหน้าซื่อๆใสๆไร้เดียงสาใส่
   “ กรี๊ด แล้วมันเลอะหมดแล้ว จะรับผิดชอบยังไง ” นังนี่เริ่มหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วครับ มาแล้วจ้า ฉันไม่กลัวเธอหรอก
   “ เราขอโทษนะ งั้นเดี๋ยวเราล้างให้ ” ผมพูดจบก็ขว้าแก้วในมือพัดชาเทใส่ซ้ำอีกที
   “ อุยยย …. เราขอโทษ เรานึกว่าน้ำเปล่า ” เนี่ยแหละ ผมขอเอาคืนหน่อยเถอะ ผมไม่สนหรอกว่าเป็นใคร
   “ แก กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้ ” ยัยนี่ง้างมือจะตบหน้าผมครับ ส่วนเพื่อนนางอีกสองคนกำลังทำหน้าเหวออยู่ แต่ก่อนที่ยัยนี่จะตบโดนหน้าผม ก็มีมือนึงมาหยุดไว้ก่อน
   “ ใจเย็นสิครับมีอะไรก็ค่อยๆคุยกัน ” เมื่อหันไปดูว่าใครที่มาช่วยก็พบว่าเป็นเชน
   ชิ! กำลังจะมันส์เลยไม่น่ามาขวางเลย
   “ ก็ไอ้คนชั้นต่ำนี่มันเทน้ำใส่ฉัน แล้วแกเป็นใครอย่ามาขวาง ฉันจะตบมัน! ” พอยัยนี่โมโหมากๆ หน้าเริ่มเหมือนยักษ์แหะ

   “ อ้าวนี่หล่อนพูดดีๆนะ ฉันเห็นอยู่ว่าหล่อนพยายามจะหาเรื่องเพื่อนฉันก่อน ” พัดชาที่เหมือนตั้งสติได้แล้วเริ่มเข้ามาช่วยละครับ
   “ใช่ ฉันนั่งอยู่ก่อนพวกนี้ก็เข้ามาไล่”
   พึ่งจะรู้ว่าตัวเองมีบทหรอ พวกแกสองคนเนี่ย   
   “ แล้วไง ฉันไม่ยอม! ปอย เจน ตบ! ” นังชะนีหัวหน้าแก๊งค์สั่งสมุนทั้งสองของนางแล้ว
   ในขณะที่เรื่องราวจะยิ่งใหญ่ไปมากกว่านี้ก็มีตัวละครอีกคนเข้ามา

   “ เกิดอะไรขึ้นหนะปูเป้ ” เอ๊ะ ทำไมเสียงมันคุ้นๆ
   
   “ เมฆ! ช่วยด้วยคะ เป้โดนอีพวกนี้มันรุม ” หืมมมมมม เมฆหรอ อย่าบอกนะว่า…….
   เมื่อหันไปมองจึงพบว่าเป็นเมฆเดียวกับที่ผมคิดนี่เอง
   “ มีอะไรกันเป้ ตะวัน ไหนบอกเรามาสิ้! ” เมฆถามเสียงดังอย่างโมโห
   ทำไมซื้อหวยไม่เคยถูกแจ๊คพอตแบบนี้มั่งนะตะวันเอ้ยย TT
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่ 4 รู้จักตะวันน้อยไปซะแล้ว! 10/02/61
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 10-02-2018 18:13:30
บทที่ 4
รู้จักตะวันน้อยไปซะแล้ว!

      “ สรุปเกิดอะไรขึ้น ” เมฆกวาดตาถามพวกเราอย่างเอาเรื่อง ส่วนพวกเราก็แยกออกเป็นสองฝั่งเรียบร้อย เตรียมให้ศาลไต่สวน
   “ ก็เป้จะกินข้าว เห็นว่ามันไม่มีโต๊ะว่างแล้วก็เห็นยัยคนนี้นั่งอยู่คนเดียว เลยจะมาขอแชร์โต๊ะด้วย แต่อยู่ดีๆไอ้บ้านี่ก็เอาน้ำเข้ามาสาดเป้ หาว่าเป้หาเรื่องพวกมัน เนอะปอย เจน ”
   “ ใช่ๆ พวกเราแค่มาขอดีๆเอง ” 
   “ จริงคะ ”
   ยัยปูเปรี้ยวปูเป้อะไรเนี่ยร่ายยาวเป็นวรรคเป็นเวร มโนอะไรของเธอ พวกผมเนี่ยนะไปหาเรื่องก่อน ละยัยบีหนึ่งบีสองที่ไม่มีบทมาตั้งนานอยู่ดีๆก็เจ๋อขึ้นมาเชียว เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ
   “ มึงทำอย่างนั้นหรอตะวัน? ” เมฆหันมาถามผมอย่างเอาเรื่อง

   “ กูไม่ได้ไปหาเรื่องพวกนี้ก่อน ยัยพวกนี้ต่างหากที่อยู่ดีๆก็เข้ามาหาเรื่องจิ้ป ”

   “ แล้วมึงสาดน้ำให้เป้จริงไหม? ”

   “ ก็…. ก็จริง ”

   “ แล้วมึงไปสาดใส่เขาทำไม? ตอบ !! ” เมฆตะคอกใส่ผม อะไรกันวะอยู่ดีๆก็กลายเป็นคนผิดเฉย
   “ นี่นาย ก็ยัยนี่มันเข้ามามีปากเสียงกับทางฉันก่อนนะ แถมยังปัดของพวกฉันหล่นจากโต๊ะ เนี่ยหรอพูดดีๆ ” พัดชาถียงขึ้นมาหลังจากผมถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิด
   “ ใช่ แล้วเราก็เห็นนะว่าพวกนั้นจะตบตะวัน ” เชนช่วยผมอีกคน

   ฮือออ ซึ้งใจจังอย่างน้อยก็ไม่โดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงไฮยีน่า

   “ พวกแกเป็นเพื่อนกันก็ช่วยกันพูดได้สิ หลักฐานมันก็เห็นอยู่คาตาว่าเสื้อฉันเลอะ ”
   “ งั้นเปิดกล้องวงจรปิดดูไหม? ” จิ้ปพูดขึ้นมาบ้าง ยัยนี่ก็เงียบไปนานเหมือนกัน รอบทพูดอยู่สินะ = =

   “ แล้วพวกแกจะรับผิดชอบยังไงกับเสื้อฉันที่เลอะ ” พอพูดถึงกล้องปุ๊ป ยัยปูเป้ก็เบี่ยงประเด็นเร็วเชียว
   แต่แล้วในขณะที่เหตุการณ์กำลังคุกรุ่นก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
   “ เอ่อออออ… เราเห็นนะว่าพวกนี้มาหาเรื่องก่อน อยู่ดีๆก็มาไล่คนที่นั่งอยู่ก่อนแล้วก็ปัดของบนโต๊ะตกพื้น ” อยู่ดีๆก็มีคนเข้ามาเพิ่มครับ ตัวละครใหม่โผล่มาช่วยแล้ว

   “ นี่แกเป็นใคร เป็นพวกมันหรอ อย่าสะเออะ! ” ยัยปูเป้เมื่อเห็นว่าคนเริ่มเยอะขึ้นก็เริ่มขึ้นเสียงอีกครั้ง

   “ เราไม่ได้เกี่ยวอะไรหรอก พอดีเรานั่งอยู่โต๊ะข้างหลังแล้วเห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่แรก ก็พวกเธอผิดจริงๆนี่นา ”

   “ ปูเป้ มีไรจะแก้ตัวไหม? ” เมฆเริ่มหันไปถามปูเป้มั่ง อย่างน้อยศาลเราไม่ลำเอียง

   “ เมฆ! เมฆเชื่อพวกมันหรอ ”

   “ ถ้าผิดก็ขอโทษพวกเขาซะ ”

   “ แต่เป้เสียหายนะ! เสื้อเป้ก็เลอะหมด เมฆยังจะให้เป้ขอโทษอีกหรอ ”

   “ แต่เป้ก็เริ่มก่อนใช่ไหมละ ขอโทษพวกเขาไปซะเรื่องจะได้จบ คนมองหมดแล้วนะ ” ตอนนี้ไทยมุงเยอะตามที่เมฆบอกจริงๆครับ

   “ เป้ไม่ขอโทษ ถ้าเมฆอยากขอโทษก็ทำไปคนเดียวเถอะ ” พูดจบปูเป้ก็เดินออกจากโรงอาหารไปเลยโดยมียัยบีหนึ่งบีสองตามไปติดๆ

   “ เราต้องขอโทษแทนเป้ด้วยนะที่ไปหาเรื่องพวกนายก่อน ”

   “ กูก็ขอโทษที่ใจร้อนไปหน่อย กูไม่ได้ตั้งใจ ” ผมขอโทษบ้าง อย่างน้อยผมก็มีส่วนผิดจริงๆ

   “ อืม ไว้ค่อยคุยกัน ” พูดเสร็จเมฆก็เดินตามปูเป้ไปเลย ตอนนี้ผมเดาไม่ถูกจริงๆว่าเมฆโมโหไหม
   เดี๋ยวค่อยคุยตอนกลับห้องละกัน
   “ ไปซะที อย่าให้เจอครั้งหน้านะ แม่จะตบให้เข็ดเลย ”

   “ เอาน่าพัดชา ขอบคุณนะตะวัน ถ้าตะวันไม่ทำ เราอาจจะเป็นฝ่ายไปตบยัยนั่นก่อนก็ได้ ” จิ้ปนี่เห็นเหมือนจะใส แต่จริงๆแล้วคงเอาเรื่องน่าดู
   “ ไม่เป็นไรหรอก พอดีเราเคยมีปัญหากับยัยนี่นิดหน่อย ถือว่าได้แก้แค้น อ่อขอบคุณนะเชนที่ช่วย แล้วก็ขอบคุณนะ เอ่อ…”

   “ เราชื่อใบหม่อน อยู่นิเทศนะ เรียกหม่อนเฉยๆก็ได้ ” คนที่เข้ามาช่วยผมแนะนำตัวอย่างร่าเริง ดูเป็นคนอารมณ์ดีจัง แถมหน้าตาดีเลยทีเดียว

   “ ยินดีที่ได้รู้จักนะหม่อน เราชื่อตะวัน นี่จิ้ปกับพัดชา พวกเราอยู่บริหาร ส่วนนี่เชนอยู่คณะเดียวกับหม่อน ”

   “ จริงๆ ไม่ได้ชื่อพัดชาหรอก ชื่อพงษ์ต่างหาก ”

   ผั๊วะ ! สิ้นเสียงจากจิ้ป ก็โดนฝ่ามือพิฆาตจากพัดชาทันที
   “โอ้ยยยย ! ”

   “ นี่แหนะ! ฉันบอกแกกีครั้งแล้วว่าชื่อพงษ์ฉันฝังมันไปกับสนามบอลแล้ว! ”

   เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า โปรดอย่าเรียกชื่อเก่าของพัดชา ถ้าไม่อยากเจ็บตัว =_=
   “ ฮ่าๆๆๆๆ พวกนายนี่ตลกจัง ยินดีที่ได้รู้จักนะตะวัน พัดชา จิ้ป แล้วก็…เชน ”
   เอ…ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าสายตาตอนที่หม่อนมองเชนมันมีอะไรแปลกๆ ดูยิ้มกรุ้มกริ่มยังไงก็ไม่รู้

   “ สวัสดีหม่อน เจอกันอีกแล้วนะ ” เชนมองหน้าหม่อนด้วยสายตาที่ผมก็บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร สองคนนี้เขารู้จักกันอยู่แล้วหรอเนี่ย
   
   “ งั้นเราไปก่อนนะ เจอกันครั้งหน้าก็อย่าลืมทักกันมั่งละ ”
   
   “ บ๊ายบายหม่อน / บ๊ายบายค่าหม่อน ” 

   “ งั้นเดี๋ยวเราไปแล้วเหมือนกัน อย่าไปมีเรื่องกับใครอีกนะตะวัน เราเป็นห่วง ” เชนบอกลามั่ง แต่เชนก็ยังเป็นเชน ยังคงหยอดเหมือนเดิมเสมอ
   หลังจากจบเรื่องวุ่นวายต่างๆพวกเราก็รีบกินข้าวแล้วขึ้นไปเรียนต่อ ส่วนคาบบ่ายผมหลับทั้งคาบเลยครับ เพราะว่ายังเป็นวันแรกอยู่เลยหลับได้ อาจารย์ยังไม่สอนอะไรมากมาย พอตอนเย็นพี่ๆเขาก็เรียกให้ไปลองซ้อมลีด ด้วยความที่มีพื้นฐานอยู่แล้วจึงไม่ยากสำหรับผมเท่าไหร่ แถมพี่ๆก็ใจดี หาน้ำหาขนมมาให้กิน ชวนคุย แนะนำเรื่องเรียนต่างๆ อย่างน้อยก็ไม่ได้แย่อย่างที่ผมคิดไว้ตอนแรก
   กว่าพี่เขาจะปล่อยก็ปาไปสองทุ่มแล้วครับ
   “ ตะวันไปกินข้าวกับพวกพี่ๆเขาไหม ”
   
   “ เดี๋ยวเรากลับหอก่อนเลยดีกว่า พัดชากับจิ้ปไปเถอะ ”

   “ งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับหอพร้อมกันเลยดีกว่า พี่ๆคะ พวกหนูไปก่อนนะคะ สวัสดีค่า ”
   
   “ อ้าวไม่ไปด้วยกันหรอจ๊ะน้องๆ ”
   
   “ ไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ พัดชากับจิ้ปไปกับพี่ๆเขาก็ได้นะ เราง่วงอะอยากกลับไปนอน ”

   “ เอางั้นหรอ…งั้นโอเคเจอกันพรุ่งนี้นะตะวัน ”
   “ กลับดีๆละตะวัน ถึงห้องละก็ทักมาในกรุ๊ปนะ ”
   “ โอเค บายจิ้ป พัดชา พี่ๆครับสวัสดีค้าบบบบ ”

   จริงๆผมก็หิวอยู่หรอก แต่มันเหนื่อยมากกว่า อยากกลับไปอาบน้ำนอนมากกว่า
   “ ตะวัน! เจอกันอีกแล้วนะ ” นั่นมันเชนกับหม่อนนี่นา

   “ อ้าวเชน หม่อน ไปไหนกันมาทำไมกลับซะดึกเลย ”

   “ พอดีพวกเราซ้อมลีดมาอะ แล้วตะวันละทำไมถึงกลับดึกจัง ”

   “ เห้ย!นี่เป็นลีดเหมือนกันหรอ เราก็ซ้อมลีดมาเหมือนกัน ”

   “ ยังไม่ได้เป็นหรอก ยังไม่ได้คัดเลย ” นี่ขนาดยังไม่คัดแต่ทั้งหม่อนและเชนเหงื่อท่วมมาเชียว 
   “ นี่ตะวันเป็นลีดอีกแล้วหรอ ถ้าพวกเราคัดติดก็ได้มาแข่งกันนะสิ เราไม่อยากแข่งกับตะวันเลย ” เชนที่แม้จะเหงื่อท่วมดูเหนื่อยขนาดนี้ แต่ก็ยังคงยิ้มให้ผม
   “ ตะวันกับเชนนี่ดูสนิทกันจังเลยนะ ^^ ”
   
   “ อ่อ พอดี..”

   “ ใช่ สนิทกันมากเลยแหละ ” เชนเดินมากอดคอผม อะไรของไอ้หมอนี่อีกเนี่ย จะเล่นอะไรอีก

   “ อย่างนี้นี่เอง เอ่อ..พอดีเราลืมของอะ งั้นเดี๋ยวเราไปเอาของก่อนนะ ”
   “ ให้เราไปเป็นเพื่อนไหมหม่อน ” ดึกขนาดนี้ อันตรายแย่

   “ ไม่เป็นไรเราไปก่อนนะ ” แล้วหม่อนก็รีบเดินไปเลย สงสัยจะของสำคัญมาก
   แต่ที่ผมสงสัยคือเชนดูไม่ได้สนใจหม่อนเลย ไม่ทักไม่ลาอะไรทั้งนั้น ปกติหมอนี่ไม่ใช่คนแบบนี้นี่นา
   “ เชนไม่ไปเป็นเพื่อนหม่อนหรอ อันตรายนะดึกๆ ”
   “ ไม่ไปหรอก เราเป็นห่วงตะวันมากกว่า ยิ่งบอบบางอยู่ เกิดโดนฉุดมาจะทำไง ”
   “ แต่.... ”
   ผมยังไม่ทันพูดจบ เชนก็ล็อคคอผมเดินไปเรื่อยๆ อะไรของเขากันนะ แต่หม่อนคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
   “ กินข้าวกับเป็นเพื่อนเราหน่อยสิตะวัน ”

   “ ก็ได้ แล้วเชนอยากกินอะไรละ ”

   “ อะไรก็ได้ เอาที่ตะวันอยากกินเลย ”   

   “ งั้นกินอาหารญี่ปุ่นกัน เราอยากกินแซลมอน ”

   “ ได้สิครับ เดี๋ยวมื้อนี้เชนเลี้ยงเอง ” อ้าว อย่างนี้ก็ลาภปากสิครับ

   “ ได้เลยยยย เตรียมล้มละลายเลยเชน! ”
   “ กินเยอะแค่ไหน เชนก็เลี้ยงตะวันไหวละกัน ฮ่าๆ ”

   แล้วเราก็ไปร้านอาหารญี่ปุ่นแถวๆหอ พอได้เมนูปุ๊ป ผมก็สั่งเต็มที่เลย ไหนๆก็มือเจ้ามือเลี้ยงแล้วหนิ แถมเป็นของโปรดด้วย ไม่มีเกรงใจละครับงานนี้
   สักพักของที่สั่งก็มาเต็มโต๊ะครับ เห็นแล้วน้ำลายไหล เมื่อกินแซลมอนไปคำแรกน้ำตาผมเหมือนจะไหล มันปริ่มไปด้วยความสุข
   “ ฮือ อร่อยจัง TT ” เหมือนน้องม่อนจะละลายไปในปากของผม

   “ ตะวันนี่เวลากินดูมีความสุขจังเลยนะ ” ตั้งแต่ของกินมาถึงเชนก็ยังไม่กินเลยสักคำ เอาแต่นั่งเท้าคางดูผมกิน

   “ ก็ของชอบเรานี่นา เชนไม่กินหรอ กินสิๆ ”

   “ แค่เราเห็นตะวันมีความสุขเราก็อิ่มแล้วแหละ ”

   “ แหวะ ! เลี่ยน กินไปเลย ” หมอนี่นี่เลี่ยนเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

   “ งั้นป้อนเราหน่อยสิ เราเหนื่อยอะ นะน้า ” เชนงอแงเหมือนเด็กๆเลยครับ

   “ มาน้งมานะอะไร ไม่เอาอะ กินเองเลยไม่ใช่เด็กๆซะหน่อย ”
   “ งั้นเราขอป้อนตะวันได้ไหม อะอ้ามมมม ” เชนคีบซูชิมาจ่อแถวปากผม
   “ อะอ้ำสิตะวัน นะค้าบ เชนเมื่อยมือแล้วนะ ”
   จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ก็เลยทำตามใจเจ้ามือเขาหน่อย
   “ โอ้ยยยยยยย ! เชนแอบป้ายวาซาบิไว้หรอ ซี๊ดดดดดด ” แง้ ไอ้หมอนี่มันแอบป้ายวาซาบิมาซะเยอะเลย จี๊ดยันสมองเลย TT
   “  ฮ่าๆๆๆๆ โอ๋ๆเราล้อเล่น อะๆน้ำๆๆๆ ”
   “ เล่นบ้าไรเนี่ย! ปวดหัวเลย ” น้ำตาผมไหลเลยครับ มันจี๊ดจริงๆ
   “ ฮะๆ อะงั้นกินอีกคำหนึ่ง ไข่หวานเผื่อจะช่วยได้ ”
   “ ไม่เอาแล้ว เดี๋ยวแกล้งเราอีก ”
   “ ไม่แกล้งละครับ อีกคำนึงนะ นะๆๆๆ ”
   สุดท้าย ผมก็ต้องกิน แม้จะกล้าๆกลัวๆก็ตามว่าจะโดนแกล้งอีก
   “ เป็นไงตะวัน ไข่เชนหวานไหม : ) ”

   “ บ้า พูดอะไร ทะลึ่ง ! ”

   “ เอ้า เชนแค่ถามเฉยๆ ว่าไข่หวานร้านเนี้ย หวานไหม คิดลึกนะเราอะ ”

   ผมได้แต่ก้มหน้างุดๆ เคี้ยวไม่พูดอะไร รู้สึกหน้าร้อนๆยังไงก็ไม่รู้
   “ ตะวันนี่เขินแล้วน่ารักจังเนอะ หน้าแดงเชียว ” เชนยังคงแซวผมไม่เลิก
   “ อะไร ใครเขิน ไม่มี้ รีบๆกินเลย ”
   “ คร้าบบบ : ) ”
   จากนั้นผมก็โดนแกล้งเป็นพักๆ วันนี้เชนดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ แต่ไม่ใช่เรื่องสำหรับผมเลย คราวหน้าจะไม่หลวมตัวกับของฟรีง่ายๆแล้ว - -
   จนเมื่อกินเสร็จ พวกเราก็กลับหอกัน ร้านนี้ดีจังสั่งไปตั้งเยอะ แต่ราคาออกมาไม่แพงเลย สงสัยจะได้มาใช้บริการบ่อยๆซะแล้ว

   “ งั้นเราไปก่อนนะ ตะวันก็ขึ้นห้องดีๆละ ”

   “ อ้าว ไม่กลับห้องหรอเชน ”

   “ เรานัดเพื่อนทำงานกลุ่มไว้อะ พอดีอาจารย์สั่งงานมา ”

   “ อ้าว งั้นทำไมไม่แยกกันตั้งแต่ร้านซูชิอะจะได้ไม่เสียเวลา ”

   “ ก็เราเป็นห่วงตะวันนิ เลยอยากมาส่ง ” เชนยิ้มเหมือนเคย เห้อหมอนี่จะคนดีไปไหนเนี่ย
   “ คราวหลังไม่ต้องก็ได้ เรากลับเองได้ จิ๋วแต่แจ๋วนะเว้ย ”
   “ เอาน่า งั้นเราไปละนะ ฝันดีล่วงหน้าครับ ”
   “ บายย แต๊งกิ้วนะเชน ” ผมก็โบกมือลา ส่วนเชนก็ไปทำงานของเขาต่อ
   
   โอ้ย อิ่มจังจะอ้วก

   พอผมเปิดประตูเข้าห้องไป ก็พบว่าเมฆยืนอยู่ที่โต๊ะของผม ในมือของเมฆมีพวงกุญแจรูปยิ้มของผมอยู่
   เมื่อมันหันมาเห็นผมเข้าห้องมา มันก็วางลงไว้ที่เดิมแล้วไปนั่งที่ปลายเตียง “ กลับมาแล้วหรอ กลับซะดึกเชียวนะมึง ”
   “ พอดีกูซ้อมลีดเสร็จแล้วไปกินข้าวมาอะ ”
   “ ไปกับใคร? ” หมอนี่กอดอกถามผม
   “ ก็กับเพื่อนกูดิ ทำไมวะ ”
   “ ไอ้ที่ชื่อเชนอะหรอ ”
   “ เออ มึงรู้ได้ไงเนี่ย ? ”
   “ ก็…. กูก็แค่เดา ” เอ แปลกๆแหะ ดูลุกลี้ลุกลน  “ มึงไปสาดน้ำใส่เป้ทำไม ?”
   อยู่ดีๆมันก็เปลี่ยนเรื่องครับ
   “ ก็กูบอกไปแล้ว ว่ายัยนั่นมันเข้ามาหาเรื่องพวกกูก่อน พวกกูไม่ได้เริ่มก่อนสักหน่อย ”
   “ แต่ที่มึงทำมันก็แรงไปป่าววะ ”
   “ ก็เมื่อวานก็ปูเป้ปูเปรี้ยวอะไรของมึงเนี่ย ที่เดินชนกูแล้วก็ไม่ขอโทษ นิสัยเสียจะตาย โดนแค่นี้ไม่แรงหรอกกูว่า ”
   “ แค่ชนเอง เขาเป็นผู้หญิงนะเว้ย กูว่าที่มึงทำมันเกินไป! ” เมฆเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม อะไรกัน อยู่ดีๆกลับมาก็ชวนทะเลาะเลย แถมยังทะเลาะด้วยเรื่องของยัยไฮยีน่านั่นอีก ผมชักจะไม่ไหวละนะ
   “ ผู้หญิงแล้วไง แล้วมึงคิดว่าที่ยัยนั่นทำมันถูกหรอ? กับการทำตัวสูงส่ง เอาแต่ใจแบบนั้น กูบอกไว้เลยนะ ถ้าใครมาทำกู กูก็เอาคืนหมดแหละ กูไม่สนหรอกจะผู้ชายผู้หญิง! ” ผมเถียงอย่างหมดความอดทนแล้วครับ ก็ผมไม่ได้เริ่มก่อนจริงๆ ทำไมต้องเข้าข้างอะไรขนาดนั้น
   “ อ่อ ใครมาทำมึงมึงก็จะเอาคืนสินะ ” เมฆลุกจากเตียงเดินเข้ามาหาผม
   “ มึงจะทำอะไรอะ ” หมอนี่จะต่อยผมป่าววะ
   “ กูก็อยากรู้ไง ว่ามึงจะเอาคืนยังไง ” พูดเสร็จมันก็ผลักผมไปที่เตียง จนผม ไปนอนอยู่บนเตียง
   “ เห้ย ทำอะไรของมึงวะ! ” ผมพยายามลุก แต่เมฆก็ผลักผมให้นอนเหมือนเดิม
   “ กูก็อยากรู้ไง ถ้ากูทำอะไรมึง มึงจะเอาคืนกูยังไง ” แล้วมันก็ถอดเสื้อของมันออก เดี๋ยว! มันจะทำอะไรของมันเนี่ย 
   “ มึงจะทำอะไรของมึง อย่านะเว้ยเมฆ ” ผมเริ่มกลัวแล้วนะครับ จะโดนข่มขืนไหมเนี่ย
   แต่เมฆไม่หยุดแค่การถอดเสื้อ มันเริ่มถอดเข็มขัดแล้ว โอ้ย ผมยังไม่พร้อมที่จะโดนข่มขืนตอนนี้นะ พึ่งกินอิ่มมาด้วย เกิดมีอะไรเล็ดลอดออกมาผมจะทำยังไง
   “ หึ เป็นอะไรของมึง? หลับตาทำไม กูก็แค่อยากรู้ถ้ากูผลักมึงมึงจะทำอะไรกู แล้วนี่กูก็จะไปอาบน้ำ ”
   อ้าว ตกใจหมดนึกว่าจะทำอะไรซะอีก
   “ ยังไงละ ไม่เอาคืนหรอ? งั้นกูไปอาบน้ำละ ไอ้อ่อนเอ้ย ” แล้วมันก็กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ
   มาหยามกันแบบนี้ผมยอมไม่ได้! ผมหันไปเห็นหน้าสืออยู่หัวเตียงพอดีเลยปาใส่แม่งเลย
   โป๊กก!
   “ โอ้ยยยยย ไอ้เชี่ยตะวัน มึงปาหนังสือใส่หัวกูทำไมเนี่ย ”
   ไม่คิดแหะว่าผมจะแม่นขนาดนี้ “ สมน้ำหน้า รู้ฤทธิ์กูน้อยไปละ ”
   ก่อนที่จะโดนไรไปมากกว่านี้ผมก็รีบวิ่งออกจากห้องไปก่อน เกิดมันมาต่อยผมจริงๆจะทำไงละครับ

   แต่จะว่าไปเมฆนี่ก็ซิกแพคแน่นเหมือนกันแหะ -.,-


ปล. ใครที่อ่านแล้วก็คอมเม้นท์กันได้นะครับ จะได้เป็นกำลังให้แก่คนเขียนคนนี้ อิอิ
 
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่ 4 รู้จักตะวันน้อยไปซะแล้ว! { 10/02/61 }
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-02-2018 21:24:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่ 4 รู้จักตะวันน้อยไปซะแล้ว! { 10/02/61 }
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 10-02-2018 21:34:15
เจ๊ว่าทำถูกค่ะลูกอย่าให้ชะนีผีทำตามใจตัวเอง
อย่าคิดว่ามีรูจะทำถูกทุกอย่าง  :impress2:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่ 4 รู้จักตะวันน้อยไปซะแล้ว! ( 10/02/61 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-02-2018 23:04:54
ทำไมเมฆ เดือดร้อนมากกับปูเป้
ทั้งที่ยังไม่ทันฟังความจากทั้งสองฝ่าย
หัวข้อ: Re:My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม:บทที่5 ฉันเธอเขา เราสามคน(12/02/61)
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 12-02-2018 19:55:57
บทที่ 5
ฉัน เธอ เขา เราสามคน     
 
       
        หลังจากที่ผมวิ่งหนีออกมานอกห้อง ผมก็ไม่ได้ไปไหนไกลหรอกครับ ก็วนๆอยู่แถวหน้าหอนั่นแหละ ยังไม่กล้าเข้าห้องไปตอนนี้ จนผ่านไปสักพักผมก็ตัดสินใจเข้าห้อง เพราะทนต่อยุงกัดไม่ได้จริงๆ -.-
   เมื่อเปิดประตูเข้าห้องไปสิ่งที่ผมหวังไว้คือเมฆจะหลับไปแล้ว แต่จริงๆแล้วไม่เลยครับ นั่งกอดอกทำหน้ามุ่ยรออยู่บนเตียง
   เอาวะ จะเกิดอะไรก็เกิด !
   “ เข้าห้องมาได้ละหรอ? ” เมฆถามเสียงเย็น เย็นกว่านี้จะมีอีกไหม
   “ …….. ” แต่ผมเลือกที่จะไม่เถียงด้วยหรอก ผมเลยเดินไปหยิบผ้าขนหนู หวังจะเข้าไปอาบน้ำเลย

   “  เดี๋ยว..มาเคลียร์กันก่อน ” ไม่พูดเปล่าครับ เมฆเดินมาดึงข้อมือผมไม่ให้เข้าห้องน้ำ แต่ไม่ได้แรงอะไรมากมาย

   “ กูอยากอาบน้ำก่อน อาบเสร็จค่อยคุยได้ไหม ”

   “ ไม่ได้ คุยตอนนี้แหละ กว่าจะอาบเสร็จกูคงได้หลับก่อนพอดี ”

   “ ถ้าเป็นเรื่องปูเป้อะไรนั่น กูขอโทษละกัน ” ไม่ใช่ว่าผมยอมนะครับ แต่ผมไม่อยากเถียงด้วยแล้ว
   “ จริงๆกูก็รู้แหละว่าเป้อาจจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ” เสียงเมฆเริ่มอ่อนลงแล้วครับ ไม่เหมือนตอนแรก

   “ อ้าว! ถ้าอย่างนั้นมึงจะมาหงุดหงิด ขึ้นเสียงใส่กูทำไม ถ้ารู้ว่าเขาผิดจริง ”
   “ ที่กูขึ้นเสียงอะ ไม่ใช่เพราะเรื่องเป้หรอก แต่เพราะว่า…เอ่อ  ”

   “ เพราะอะไร? ” อะไรของเขากันนะ จะพูดก็ไม่พูด อึกๆอักๆอยู่ได้

   “ เออช่างเหอะ กูไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นเสียงใส่มึงเอาเป็นว่ากูขอโทษละกัน ”
   “ อืม แต่ปล่อยมือก่อนได้ไหม เจ็บข้อมือหมดแล้วเนี่ย ” จริงๆผมไม่ได้เจ็บหรอกครับ แต่จับไว้แบบนี้มันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้

   “ ปูเป้นี่แฟนมึงหรอ? เห็นดูเป็นเดือดเป็นร้อนแทนจัง ” เมื่อเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ตึงเหมือนตอนแรกแล้วผมเลยถามมั่ง

   “ จะพูดยังไงดีละ พอดีความสัมพันธ์ของกูกับเป้มันซับซ้อนนิดหน่อย แล้วมึงกับไอ้เชนอะไรนั่นหละ ไหนว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เห็นมาส่งถึงหน้าหอ กระหนุงกระหนิงกันอย่างกับแฟน ”

   “ กูก็แค่ไปกินข้าวด้วยกันมา แล้วมันก็แค่มาส่ง เพื่อนกันจะมาส่งกันไม่ได้เลยรึไง ” แปลกๆละไอ้หมอนี่ ถามอย่างกะเป็นสามีที่คอยหึงภรรยาอยู่นั่นแหละ เอ๊ะ หรือจริงๆแล้วเมฆหึงผมกันนะ อิอิ
   “ ก็แล้วไป! กูก็แค่ไม่ถูกชะตากับไอ้เชนอะไรนั่นเฉยๆเคยบอกไปแล้วไง ก็ดีแล้วแหละที่มึงไม่ใช่แฟนมัน กูไม่อยากให้เพื่อนร่วมห้องกูเป็นแฟนกับคนที่กูเหม็นขี้หน้าด้วยเท่านั้นเอง ”
   อะไรวะ เหตุผลไร้สาระจัง ไม่ชอบใครก็อย่าพาลไปที่คนอื่นสิ เอ๊ะมีอีกเรื่องที่ผมต้องถามมันนิ
   “ เมฆ แล้วเมื่อกี้มึงหยิบพวงกุญแจกูมาดูทำไม มีอะไรรึเปล่า ”

   “ เปล่านิ ก็แค่ดูเฉยๆ ทำไมแค่นี้หวงหรอ ต่อไปกูจะได้ไม่ยุ่งกับของของมึง ”

   “ เมฆ…กูถามมึงจริงๆนะ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจริงๆหรอ? ” ครั้งนี้ผมจ้องตากับมันหวังได้คำตอบให้ชัดๆไปเลย
   เมฆมองตาผมกลับครับ แล้วก็นิ่งไปพักนึงกว่าจะตอบ “ ไม่นิ กูไม่เคยรู้จักมึงมาก่อน ”
   “ งั้นหรอ….งั้นกูไปอาบน้ำดีกว่า ” แล้วผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ได้คุยอะไรกับมันอีก
   จริงๆแล้วผมแอบหวังนะว่ามันจะตอบว่าเคย พอได้ยินแบบนี้รู้สึกเสียใจยังไงก็ไม่รู้ ทั้งที่ชื่อกับนามสกุลก็ใช่แท้ๆ หรือว่าเขาไม่เคยที่จะจำผมเหมือนที่ผมจำเขาและคิดถึงเขามาโดยตลอด ..

   “ ทำไมวันนี้อาบน้ำไวจัง ”

   “ กูแค่เหนื่อยอะ อยากรีบนอน ” ตอนนี้ผมรู้สึกไม่อยากมองหน้าเมฆเลย ผมกลัวน้ำตาผมจะไหลออกมา ผมอึดอัดที่ทำไมเขาถึงจำผมไม่ได้
   “ เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าเศร้าอย่างนั้นละ เล่าให้กูฟังได้นะ ”

   “ เปล่า ไม่มีอะไรจริงๆ กูนอนก่อนนะ ”

   “ อืมโอเคๆงั้นนอนเถอะ ฝันดี  ”

   “ ฝันดี ” พอกันที ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ผมไม่อยากจะคิดอะไรให้เหนื่อยแล้ว
   
   แล้วในขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆจะหลับ ผมรู้สึกได้ว่าคนที่นอนข้างๆผมในตอนแรกมันเหมือนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
   “ ตะวันหลับยัง ” เมฆถามผมเสียงเบาครับ เบาจนไม่ต่างอะไรจากเสียงกระซิบแต่ก็ยังพอที่จะได้ยินอยู่
   “ ….. ”
   “ หลับแล้วหรอ ”
   มันมือมาปัดๆแถวหน้าผมจนผมรู้สึกได้ เหมือนมันจะเช็คว่าผมหลับหรือยัง
   “ เมฆขอโทษนะตะวัน ” มันพูดเสียงเบาเหมือนเดิม แล้วก็ดึงผ้าห่มมาห่มให้ผม
   มันคงคิดว่าผมหลับสนิทแล้วสินะ แต่จริงๆแล้วผมได้ยินสิ่งที่มันพูดชัดเจนเลย

   มันขอโทษผมเรื่องอะไรกันนะ…….

   เช้าวันต่อมา
   จริงๆก็ไม่เช้าหรอกครับ มันก็จะเที่ยงแล้วแหละ แต่เพราะวันนี้ผมมีเรียนบ่าย ก็เลยตื่นสายได้ แถมที่ตื่นก็เพราะว่าพัดชาโทรมาปลุกด้วย ไม่งั้นก็คงหลับยาวๆ
   ส่วนเมฆ น่าจะมีเรียนคาบเช้า เพราะตื่นมาก็ไม่เห็นทั้งตัวคนทั้งกระเป๋าแล้ว ผมจึงสามารถอาบน้ำได้อย่างไม่กังวลว่าจะเกิดเหตุแบบเมื่อวานอีก
   
   “ มาแล้วหรอตะวัน ฉันนึกว่าแกจะไม่ตื่นมาเรียนวันนี้ซะละ ” พอมาถึงมหาลัยปุ๊ปพัดชาก็ว่าปั๊ป
   “ ก็พอดีลืมตั้งนาฬิกาปลุกอะ แล้วเมื่อวานไปกินอะไรกับพวกพี่เขามาละ ”
   “ โหย ไปกินส้มตำมา พวกพี่เขาเลี้ยงซะพวกฉันพุงกางเลย เสียดายตะวันน่าจะไปด้วย ” จิ้ปพูดกับผมแต่ไม่มองหน้าผมเลยครับ เนื่องจากคุณผู้หญิงเขากำลังเติมหน้าอย่างขะมักเขม้น
   “ ใช่ๆ แกน่าจะไป เนี่ยพวกพี่ๆลีดปี 3 กับ ปี4 ก็ไปด้วย แต่ละคนหล่อๆทั้งนั้นฉันจะละลาย ” พัดชาเข้าโหมดสาวน้อยเพ้อฝันแล้วครับ ตาดูเป็นประกายเมื่อนึกถึงผู้ชายเชียว

   “ เออละนี่ฉันไปสืบมาแล้วนะ พวกชะนีที่พวกเรามีเรื่องด้วยเมื่อวานนี้ ” อยู่ดีๆพัดชาก็เปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

   “ เอ้าชา แกไปสืบมาตอนไหนอะ ฉันก็อยู่กับแกเกือบตลอด ” จิ้ปที่ยังคงเติมคิ้วถามขึ้นมาด้วยพลังของความอยากรู้อยากเห็น ( สอด )

   “ เอ้า ฉันก็มีแก๊งค์ตุ๊ดของฉันในแต่ละคณะคอยส่งข่าวสารให้กันนะยะ ” คุณเธอทำหน้าดุจนางพญา ดูภาคภูมิใจกับแหล่งข่าวสารเสียเหลือเกิน

   “ แล้วสืบได้อะไรมาบ้างละพัดชา ” มัวแต่อวดอยู่ได้ ผมอยากรู้แล้วเนี่ย
   
   “ ยัยนั่นชื่อปูเป้ อยู่คณะศิลปกรรม มาจากเชียงใหม่ เพื่อนฉันบอกมานะว่ายัยเนี่ย เป็นลูกผู้มีอิทธิพล นางเลยทำตัวกร่างไม่กลัวใคร ตอนที่อยู่เชียงใหม่ก็มีเรื่องกับชาวบ้านเขาไปทั่ว เห็นสายข่าวบอกมาว่าเวลายัยนี่มีเรื่องกับใคร พ่อนางก็ส่งคนมาจัดการตลอด จนไม่ค่อยมีใครกล้ายุ่งกับนางเท่าไหร่ ”

   “ จริงดิ! แล้วอย่างนี้พวกเราจะเป็นอะไรไหมเนี่ย โอ้ยฉันจะทำยังไงดีเนี่ย ” ยัยจิ้ปที่แต่งหน้าเสร็จแล้วเริ่มร้อนรน

   “ ฉันก็ไม่รู้สิแก อาจจะยังไม่มีอะไรก็ได้ ” พัดชาเองก็ดูกังวลไม่แพ้กัน

   “ เอาน่าพวกแก เรื่องมันยังไม่เกิด อย่าพึ่งกังวลเลย ” ผมพยายามที่จะปลอบเพื่อนๆ จริงๆแล้วผมไม่ได้กลัวหรอก บ้านผมก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักคนใหญ่คนโต ลองมาทำอะไรดูสิต้องมางัดกันหน่อยละ

   “ แต่ฉันว่าพวกเราระวังตัวกันไว้หน่อยละกัน พวกผู้หญิงเวลาแค้นอะไร แค้นฝังลึกจะตาย ” จิ้ปบอก แต่สีหน้าก็ยังคงกังวลอยู่
   “ นั่นสิ ถ้ามาซึ่งๆหน้าฉันไม่กลัวหรอก ฉันกลัวจะโดนลอบกัดมากกว่า ก็ยัยพวกนั้นเหมือนหมาบ้าจะตาย ” พัดชาที่แม้จะกังวลเหมือนกัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มากเท่าที่ควร ดูจากการที่ยังว่าพวกนั้นได้

   “ อ่อแล้วก็คนที่ชื่อเมฆอะที่เข้ามาช่วยยัยพวกนั้น ฉันก็สืบมาเหมือนกันนะ นายนั่นอะมาจากโรงเรียนเดียวกับยัยปูเป้ เห็นว่าน่าจะเป็นแฟนกัน เพราะเขาบอกกันมาว่า ตอนอยู่ที่โรงเรียนก็ตัวติดกันจะตายไป ”
   
   “ หรอ… ” แล้วตอนผมถามเมื่อวานทำไมมันไม่พูดมาเลยวะ ว่าเป็นแฟนกัน
   “ แล้วแกรู้จักกับตานั้นได้ไงอะตะวัน ” พัดชาหันมาถามผมอย่างสงสัย

   “ เออนั่นสิ เมื่อวานว่าจะถามแกละก็ลืม ” ยัยจิ้ปก็เสริมทัพกับเขาด้วย เรื่องชาวบ้านนี่ไม่มีใครเกินเลยนะ

   “ อ๋อ พอดีเมฆเป็นเมทเราเอง เออนี่พัดชา จิ้ป เรามีเรื่องจะปรึกษาอะ ”

   “ เรื่องอะไรไหนว่ามาสิ ”

   “ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ …. ”

   แล้วผมก็เล่าเรื่องของผมกับเมฆให้ทั้งคู่ฟัง รวมถึงเรื่องต่างๆและคำพูดแปลกๆจากเมฆ ที่ผมตั้งข้อสังเกต ไหนจะพฤติกรรมของมันแล้วก็เรื่องที่มันจำผมไม่ได้

   “ แล้วแกแน่ในหรอตะวัน ว่าใช่เมฆเดียวกันจริงๆ ” หลังจากที่ฟังจบพัดชาก็ถามผมขึ้นมา
   “ แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก ฉันไม่มีทางลืมชื่อจริงก็เพื่อนที่ฉันลอกการบ้านบ่อยๆหรอก ”
   “ แล้วทำไมแกไม่พูดตรงๆไปเลยละ เวลามันนานมาแล้ว ตั้งแต่ประถมนี่ แล้วแกก็ไม่ได้คุยกันอีก ไม่แน่อาจจะลืมจริงๆก็ได้ ”
   จริงๆแล้ว ที่พัดชาพูดขึ้นมาก็อาจจะจริง แต่ลึกๆแล้วผมกลัวครับ เพราะผมตั้งความหวังมาตลอดว่าจะได้กลับมาเจอกับเพื่อนคนเดิมของผม ผมแค่กลัวการผิดหวัง ถ้าผมเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง แล้วเขายังคงปฏิเสธอยู่ว่าไม่ใช่ ผมไม่อยากเสียใจครับ
   “ เราไม่กล้านะสิ ”
   “ หรือเมฆจะสูญเสียความทรงจำวะแก เหมือนในละครไง ”
   “ โอ้ย อีจิ้ป เพ้อเจ้อ แต่ฉันว่าเรื่องนี้มีกลิ่นแปลกๆ ฉันจะช่วยแกหาความจริงเองตะวัน ” เมื่อเห็นผมทำหน้าเศร้า พัดชาก็ยื่นมือมากุมมือผมอย่างให้กำลังใจ
   “ ฉันก็จะช่วยอีกแรงนะ ไม่ต้องห่วงนะตะวันเราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสรุปแล้ว นายเมฆไม่รู้จักหรือแกล้งไม่รู้จักตะวันกันแน่ ” จิ้ปยื่นมือมาแตะไหล่ผมอีกคน
   ทั้งที่พึ่งรู้จักกัน แต่ทำไมพวกเขาดูเป็นห่วงเรื่องของผมแบบนี้นะ ดีจังที่ได้เจอเพื่อนดีๆ
   “ ขอบคุณมากนะพวกแก ” ผมยิ้มให้ทั้งคู่ครับ
   แล้วพวกเราก็ขึ้นไปเรียนกัน
   คาบเรียนวันนี้แม้จะเป็นคาบแรกของวิชานี้ แต่อาจารย์ก็สอนแบบไม่แคร์ขิงข่าใดๆทั้งสิ้น แถมผมก็หลับไม่ได้ด้วยเพราะเป็นวิชาคณิตที่ผมไม่ถนัดเอาซะเลย ตอนม.ปลายก็เรียนสายศิลป์ภาษามา ยิ่งทำให้ผมต้องตั้งใจเรียนมากกว่าเพื่อนๆ ส่วยพัดชากับจิ้ป พวกนี้ดูจะชิลเป็นพิเศษ เพราะเรียนสายวิทย์-คณิตกันมา จึงฟังบ้างเล่นโทรศัพท์บ้าง แหม ผมนี่อิจฉาจริงๆเลย
   กว่าจะหมดคาบ แม้จะแค่สองชั่วโมง แต่สำหรับผมเหมือนเรียนเป็นวัน ทรมานจริงๆ เย็นนี้พวกเราก็มีต้องไปซ้อมลีดครับ แต่ก่อนไปซ้อมก็แวะไปเลือกชมรมกันก่อน เพราะมหาลัยบังคับให้ทุกคนต้องมีชมรมอยู่อย่างน้อยหนึ่งชมรม
   “ แล้วนี่พวกเราจะอยู่ชมรมอะไรกันดี ” จิ้ปถามขึ้นมา เพราะว่าชมรมมีให้เลือกเยอะมาก
   “ ฉันอยู่ชมรมไหนก็ได้ ขอแค่ได้เจอผู้ชายเยอะๆก็พอ ” พัดชารีเควสสิ่งที่ตนเองต้องการอย่างชัดเจน
   “ งั้นชมรมฟุตบอลไหมละนังชา แกเคยเป็นนักบอลมาก่อนนิ ”
 
   “ นิอีจิ้ป ! แกเลิกกัดฉันได้มะ ฉันออกจะเป็นสาวน้อยผู้บอบบาง ”

   “ ค่า บอบบาง บางมากแม่ตัวเล็ก แม่เอว 21 ใส่รองเท้าเบอร์ 4 ”

   “ ถูก! ตะวันอยากเข้าชมรมไหนไหม มีดูไว้บ้างหรือเปล่า? ”

   “ เราว่าจะเข้าชมรมค่ายอาสา พวกแกจะอยู่ด้วยไหม ถ้าไม่ก็เลือกที่แกอยากอยู่ก็ได้นะ ”
   จริงๆผมก็ดูรายละเอียดชมรมต่างๆจากเว็บของมหาลัยมาแล้วแหละครับ ที่อยากอยู่ชมรมนี้เพราะว่าอย่างน้อยก็ได้ทำประโยชน์แก่คนอื่นจริงๆ
   “ ค่ายอาสาหรอ อืม..ก็น่าสนใจนะ ฉันเอาด้วย แกละจิ้ป จะอยู่ด้วยกันหรือบินเดี่ยว ”
   “ แหม จะให้ทิ้งเพื่อนได้ไงกันจ๊ะ เอาสิ ฉันอยู่ด้วย ”
   เป็นอันว่าพวกเราสามคนตกลงที่จะอยู่ชมรมค่ายอาสา
   “ สวัสดีค่ะน้องๆ จะเข้าชมรมค่ายอาสาใช่ไหมคะ มาลงชื่อได้เลยนะคะ ” พี่ผู้หญิงที่ประจำโต๊ะของชมรมค่ายอาสาส่งเสียงเรียกพวกผมเมื่อเดินไปทางโต๊ะของชมรม
   “ ไงมึง เข้าชมรมอะไร ” ตอนที่ผมจะเดินเข้าไปลงชื่อ ก็บังเอิญเจอกับเมฆเข้า
   “ อ้าวเมฆ กูจะเข้าชมรมค่ายอาสาอะ มึงละ ”
   “ กูจะเข้าชมรมหนังสั้นอะ คิดยังไงจะอยู่ชมรมนี้ อ่อนแออย่างมึง จะไหวหรอค่ายอาสาเนี่ย ” เมฆสบประมาทผม
   “ กูไหวก็แล้วกัน แล้วนี่มึงลงชื่อเรียบร้อยแล้วหรอ ? ”
   “ ยังอะ กำลังจะไปลง..  ”
   “ สวัสดีคร้าบ ตะวัน เจอตะวันอีกแล้ว คิดถึงจังเลย  > <  ”
   ในขณะที่ผมยืนคุยกับเมฆอยู่ เชนก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ เข้ามากอดคอผม
   “ อ้าวเชน สวัสดี แล้วมันกอดคอเราทำไมเนี่ย หนัก! ปล่อยเลยนะ ”
   “ ไม่เอาหรอก ก็เราคิดถึงตะวันนี่นา ” แม้ผมจะบ่นว่าหนักแต่เหมือนหมอนี่ก็ไม่คิดจะปล่อยผม
   “ สวัสดีนะ พัดชา จิ้ป แล้วก็….คุณเมฆ : ) ” เชนหันไปทักเพื่อนๆของผมกับเมฆ หมอนี่จำชื่อทุกคนได้หมดเลยแหะ
   “ สวัสดีจ้าเชน / ดี ” พวกนี้ก็ตอบกลับ แม้ฝั่งหนึ่งจะทักกลับอย่างร่าเริง แต่อีกคนกลับดูอารมณ์ไม่ดีแถมยังจ้องตากับเชนเหมือนเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
   “ แล้ว นี่เชนจะเข้าชมรมอะไรหรอ ” ผมพูดขึ้นมาก่อนที่เชนกับเมฆจะฟัดกันซะก่อน
   “ เรากำลังดูอยู่ แล้วตะวันละจะเข้าชมรมไหนหรอ ”
   “ เราจะเข้าค่ายอาสา เชนปล่อยคอเราก่อน เราหนักจริงๆนะ ” จริงๆหนักก็ส่วนหนึ่ง แต่ผมรู้สึกแปลกๆมากกว่า
   “ ไม่เอา เชนไม่หนักซะหน่อย : ) ” หมอนี่ก็ยังคงดื้อไม่ปล่อยคอผม
   “ มึงแมลงอะไรเกาะหลังมึงอะ เหมือนแมลงสาบเลย ” เมฆพูดขึ้นพร้อมชี้ไปแถวหลังผม
   “ อ๊ากกกกก ไหนๆ ไหนแมลงสาบ ” ผมร้องขึ้นและกระโดดหยองๆอย่างตกใจ ก็ผมไม่ชอบพวกแมลงนี่นา
   “ มานี่ เดี๋ยวกูปัดออกให้ ” แล้วเมฆก็ดึงตัวผมออกมาจากเชน อ่อ เรียกว่ากระชากดีกว่า พร้อมกับปัดๆหลังผมให้
   “ อะ ไปแล้ว มันไม่ได้เกาะหลังมึงแล้ว ”
   “ เอ่อ ขอบคุณนะมึง ” ผมหันไปบอกกับเมฆ “ แล้วนี่สรุปเชนตัดสินใจได้ยัง ”
   “ เราตัดสินใจแล้ว เราจะอยู่ค่ายอาสากันตะวันเนี่ยแหละ ” เชนตอบผมแต่ตอนนี้หน้าเชนไม่ยิ้มแล้ว กลับดูหงุดหงิดซะมากกว่า
   “ งั้น ไปลงชื่อพร้อมเราเลยไหม เดี๋ยวเราต้องไปซ้อมลีดต่ออีก ปะ ไปกันพัดชา จิ้ป ” ผมเรียกเพื่อนๆผมให้ไปพร้อมกันจะได้เสร็จสักที “ งั้นเดี๋ยวเจอกันนะเมฆ ”
   “ เดี๋ยว ! ” เมฆเรียกผมก่อนที่ผมจะเดินไป
   “ หืม ? ”
   “ กูอยู่ด้วย ชมรมค่ายอาสาเนี่ย ”
    “ อ้าว ไหนตอนแรกบอกจะอยู่หนังสั้น ” อะไรของมันอีกเนี่ย โลเลจริงๆเลย
   “ กูเปลี่ยนใจแล้ว ไปสิ รีบไปลงชื่อกัน จะได้เสร็จๆ ” แล้วเมฆก็กอดคอลากผมไปที่โต๊ะเผื่อลงชื่อ ส่วนคนอื่นๆก็เดินตามมาพร้อมมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ต่างกัน

   สรุปการตัดสินใจอยู่ชมรมนี้มันจะสร้างเรื่องวุ่นวายให้ผมไหมเนี่ย !


- TBC -
 ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่อ่านเรื่องนี้กัน ยังไงใครมีความคิดเห็นยังไงก็คอมเม้นท์ได้นะครับ อย่างน้อยมันก็เป็นแรงขับเคลื่อนให้ผมทำสิ่งนี้ต่อ ฝากติดตามกันด้วยนะคร้าบ ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป ><  :bye2:

หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่ 5 ฉัน เธอ เขา เราสามคน ( 12/02/61 )
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-02-2018 21:08:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate : บทที่ 5 ฉัน เธอ เขา เราสามคน ( 12/02/61 )
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-02-2018 21:22:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 5 ฉันเธอเขาเราสามคน [12/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 13-02-2018 19:01:26
เมฆเป็นอะไรมากไหม ?

#ทีมเชน  :hao7:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 6 คือเธอใช่ไหม [14/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 14-02-2018 20:00:42
บทที่ 6
คิือเธอใช่ไหม
   หลังจากที่เสร็จเรื่องชมรมไปเป็นที่เรียบร้อย พวกเราทั้งหมดก็แยกย้ายกัน โดยที่ผมและสองสาวก็ต้องไปซ้อมลีดต่อ
   “ ฮอตไม่เบานะยะคุณตะวัน ” พัดชาพูดพร้อมกับผลักผม
   “ ฮอตอะไรของแกวะ ”
   “ ก็แหม มีผู้ชายตั้งสองคนมาแย่งแกกัน อย่างนี้ไม่เรียกว่าฮอตแล้วจะให้เรียกว่าอะไร จริงไหมนังจิ้ป ” พัดชาหันไปพยักพเยิดกับจิ้ป
   “ จริงคะซิส ชะนีอย่างฉันละอยากผูกคอตาย สงสัยสายพันธุ์ชะนีคงไม่มีที่อยู่ในห่วงโซ่อาหารนี้แล้ว ” จิ้ปเสริมทัพ พร้อมทำหน้าท้อแท้เหมือนคนหมดหวัง
   “ พวกแกเพ้อเจ้อละ สองคนที่ว่านี่หมายถึงเมฆกับเชนอะนะ ”
   “ ก็เออสิ! นิแกโง่หรือกำลังเล่นบทนางเอกสาวไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ พวกฉันเห็นนะ สองคนนั้นจ้องตากันจนเหมือนมีประกายไฟออกมาจากตา ” พัดชาใส่จริตนักเล่าอย่างออกรส
   “  พวกนั้นก็คงแค่ไม่ถูกกัน ก็คงขเม่นกัน ฉันว่าแกนั่นแหละ คิดมากเกินไป ”

   ก็จริงนิครับ เมฆก็เคยบอกผมมาอยู่แล้วว่าไม่ถูกชะตากับเชน ก็คงเหมือนที่ผมไม่ถูกชะตากับยัยปูเป้นั่นแหละ

   “ อะๆ แล้วแต่จ้าแม่คนใสซื่อ นี่ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ ฉันเห็นตลอด ที่หลังแกมีแมลงสาบเกาะที่ไหนกัน มดสักตัวยังไม่มี แบบนี้หึงชัดๆ ”
   “  อันนี้ฉันยืนยันนะ เพราะฉันก็พัดชายืนดูตลอด ตอนที่ดึงแกออกมาจากเชน ฉันเห็นนายเมฆยักคิ้วใส่เชนด้วย เย้ยกันให้เห็นไปเลย ”

   พอจิ้ปเริ่มเสริม ผมก็นึกถึงตอนที่เมฆดึงผมออกมาจากเชน ตอนนั้นใจผมก็แอบเต้นแรงอยู่เหมือนกัน

   “ แล้วงี้แกจะเลือกใคร ไหนลองบอกฉันสิ แต่ฉันเชียร์เชนนะ ” พัดชาที่ตอนนี้เหมือนจะเห็นเรื่องของผมเป็นเรื่องน่าสนุกไปซะแล้ว
   “ แต่ฉันเชียร์เมฆ! ดูดิบเถื่อนดี ฉันชอบ ! ” จิ้ปเองก็เลือกฝั่งแล้วเรียบร้อย
   “ พอๆ หยุดเลยทั้งสองคนแหละ ไม่ต้องเชียร์ใครหรอก ไปซ้อมกันได้แล้ว เดี๋ยวพี่ๆเขาก็ว่ากันหรอก ”

   ยิ่งฟังสองคนนี้พูดก็จะยิ่งทำให้ผมฟุ้งซ่าน มันจะเป็นไปได้หรอที่เมฆจะหึงผม……
   
   การซ้อมวันนี้ก็ผ่านไปอย่างสบายๆ แต่ที่เริ่มไม่สบายสำหรับผมคือการที่พี่ๆแจ้งมาว่าต้องเตรียมความสามารถพิเศษ กับมีรอบตอบคำถามด้วย นี่มันคัดลีดหรือประกวดนางงามกันเนี่ย ดีนะไม่มีรอบชุดว่ายน้ำ = =
   “ โอ๊ย! ฉันจะเอาอะไรมาโชว์ดีเนี่ย ตุ๊ดเครียด จิ้ป ตะวัน พวกแกคิดยังจะโชว์อะไร ”

   “ ยัง ” ผมและจิ้ปตอบแทบจะพร้อมกัน

   “ เอาน่าเดี๋ยวค่อยๆคิดกันก็ได้ ” เอาจริงผมก็มีคิดๆไว้บ้างแหละครับว่าจะเอาอะไรมาโชว์ แต่แค่ยังไม่ชัวร์เท่านั้นเอง

   “ น้องตะวันๆ มีคนฝากของมาให้ ” พี่คนนึงเรียกผมและยืนถุงเซเว่นให้

   “ ใครหรอครับพี่ยีน ? ”

   “ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน มันวางอยู่บนโต๊ะแล้วก็แนบข้อความแค่ ‘ฝากให้ตะวัน’ พี่ก็ไม่ทันเห็นด้วยว่าใครเอามาวาง ”

   “ อ๋อ ขอบคุณครับพี่ยีน แล้ววันนี้จะไปกินข้าวกันรึเปล่าครับ จะได้ขอไปกินด้วย ”

   “ เนี่ย พี่ก็จะมาชวนพวกน้องพอดี งั้นเดี๋ยวไปเก็บของแล้วมาเรียกพวกพี่ละกัน พี่ขอตกลงกันก่อนว่าวันนี้จะกินอะไรกัน ”

   “ โอเคคร้าบ / โอเคค่า ” พวกผมตอบรับอย่างพร้อมเพรียง

   “ อะไรอะแก ใครเอาไรมาให้แก  ”

   “ สปอนเซอร์อะ แต่ใครกันนะเอามาให้ ” เมื่อเปิดถุงดู ผมก็พบกับสปอนเซอร์หนึ่งขวด แล้วก็กระดาษอีกหนึ่งแผ่น

   ‘ เห็นว่าตั้งใจซ้อมลีด กินนี่ซะนะจะได้หายเหนื่อย  ’

   “ เห้อ อิจฉาจริงๆ ตุ๊ดสวยๆกับชะนีหน้าเงือกไม่เห็นมีใครเอาอะไรมาให้มั่งเลย ” พัดชาบ่นขึ้นมาแบบไม่จริงจังมากมาย

   “ ใครชะนีหน้าเงือกอะ อย่างฉันอะ สวยนางพญาขนาดนี้ต้องนกยูงค่ะ!นังตุ๊ดนักฟุตบอล ” จิ้ปเมื่อโดนว่าก็เถียงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้   

   “ พอเลยพวกแก เถียงกันได้ทั้งวันจริงๆ ”
   จะเป็นใครไม่รู้หรอก แต่ช่วยผมได้เยอะจริงๆเพราะคอกำลังแห้งเลย  เดาไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แล้วพวกผมกับพี่ๆก็ไปกินข้าวร้านหนึ่งแถวมหาลัยครับ
   ในขณะที่กำลังสั่งอาหารกันอยู่จิ้ปก็เรียกพวกผมให้ดูใครบางคน
   “ พวกแก พวกแกว่าโต๊ะนั้น หน้าคุ้นๆรึเปล่า ”

   “ ไหนแก? อุ๊ย นั่นมันยัยปูเป้กับนายเมฆนี่นา ”

   “ เออจริงด้วย แต่ช่างเขาเหอะพวกแก เรากินของเราดีกว่า มากับพวกพี่ๆด้วยไม่อยากมีปัญหา ” ผมบอกทั้งสองคน เห้อ มากินข้าวทั้งทีหวังจะได้กินอร่อยๆ ทำไมต้องมาเจอด้วยนะ
   แต่เหมือนว่าทางนั้นก็จะเห็นพวกผมเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือยัยปูเป้ไม่ได้คิดที่จะต่างคนต่างอยู่เหมือนกันพวกผม เพราะตอนนี้นางกำลังพุ่งตรงมาทางโต๊ะที่พวกผมนั่ง โดยมีเมฆตามมาติดๆ
   “ เจอกันอีกแล้วนะ แหมไม่คิดเลยว่าจะมาเจอพวกแกที่ร้านนี้ มีปัญญามากินกันด้วยหรอ นึกว่าจะกินได้แต่ข้าวแกงถูกๆซะอีก ” ยัยนี่มาถึงก็ปากไม่ดีเลยครับ
   “ น้องคะ มีอะไรรึเปล่าคะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ค่อยๆคุยกันสิคะ ” พี่ยีนที่เห็นว่าท่าทางจะเกิดเรื่องขึ้น ก็ออกตัวพูดขึ้นมา
   “ ใครน้องพวกคุณคะ แล้วนี่ฉันก็ไม่ได้พูดด้วย แถวบ้านฉันเรียกว่าสอดนะ ” ปูเป้พูดกับพี่ยีนโดยที่ไม่มีความเคารพหรือเกรงใจอะไรทั้งนั้น
   “ เป้! พอเถอะ เรามากินข้าวกันนะ เมฆขอ ” เมฆรีบห้ามปูเป้ เมื่อเห็นว่าตอนนี้พวกรุ่นพี่ผมก็ดูเหมือนจะไม่โอเคกับเธอคนนี้แล้ว
   “ ไม่ ! เป้ไม่หยุด จนกว่าเป้จะพอใจ แล้วเมฆอย่ามาขวางเป้ด้วย ไม่งั้นเป้จะฟ้องคุณพ่อ ” ตอนนี้ปูเป้เองก็เหมือนจะเครื่องติดแล้วเหมือนกัน
   “ ถ้าเธอจะหาเรื่องพวกฉัน ไม่ต้องลำบากก็ได้นะ พวกฉันขอโทษที่สาดน้ำใส่เธอวันนั้น ” เมื่อเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่ผมจึงตัดสินใจพูดขึ้นมา
   “ ขอโทษหรอ คิดว่าแค่ขอโทษแล้วฉันจะหายอย่างนั้นหรอ ”
   “ แล้วจะเอายังไง ขอโทษก็แล้วก็ไม่หาย หล่อนจะให้พวกฉันทำยังไง ” พัดชาเองก็เริ่มจะหมดความอดทนเหมือนกัน
   “ อยากให้หาย ก็กราบฉันสิ แล้วฉันจะยอมยกโทษให้ก็ได้ ” ปูเป้เสนอขึ้นมา
   “ นี่น้องคะ มันจะมากไปไหม! พูดอะไรเป็นละครไปได้  ” พี่ยีนบอกอย่างเหลือออด
   “ ใช่ตะวัน ! ไม่ต้องไปกราบมัน ”
   ตอนนี้ชักจะวุ่นวายไปกันใหญ่แล้วครับ ทั้งพวกเพื่อนและรุ่นพี่ผมนั่งไม่ติดเก้าอี้กันหมดแล้ว รวมถึงคนอื่นๆในร้านก็ดูเหมือนจะสนใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว
   “ ก็ได้ ถ้ามันจะทำให้เธอหายโกรธ ฉันกราบก็ได้ ”
   “ ตะวัน ! ” ทุกคนเรียกชื่อผม ตอนนี้ผมอยากให้เรื่องจบ ไม่ใช่เพราะผมยอม แต่เพราะผมไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะผม จากที่พัดชาเคยบอกมา ผมกลัวว่าปูเป้จะตามไปหาเรื่องทั้งพวกพี่ผม และคนอื่นๆ
   ในขณะที่ผมก็ลังคุกเข่าเตรียมจะกราบ เมฆก็ดึงตัวผมขึ้นมา
   “ ไม่ต้องทำอย่างนั้น! ลุกขึ้นตะวัน ” เมฆสั่งผมให้ลุกก่อนจะหันไปพูดกับปูเป้ “ เป้ ถ้าเป้ยังเอาแต่ใจแบบนี้ เมฆก็คงทนไม่ไหวเหมือนกันนะ เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว ”
   เพียะ !!!! 
   ปูเป้ตบหน้าเมฆแรงจนหน้าเมฆหัน ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ตอนนี้หน้าของเมฆเป็นรอยแดงเลยครับ
   “ นี่เมฆปกป้องคนอื่นมากกว่าเป้หรอ ! คนอื่นสำคัญกว่าเป้อย่างนั้นหรอ ! ว่าไง ตอบสิเมฆ !!!! ” ยัยปูเป้เสียงดังลั่นร้าน เธอโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
   “  ใครที่เป้กำลังเรียกว่าคนอื่นหรอ? สำหรับเมฆ ตะวันไม่ใช่คนอื่น ! ” เมฆพูดเสร็จก็เดินออกจากร้านไปโดยไม่หันกลับมามองยัยปูเป้
   “ เมฆ ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ! ” ปูเป้ตะโกนเรียกเมฆ แต่เมฆก็ไม่ได้หยุดตามที่เธอสั่ง
   “ คอยดูนะ! ฉันไม่จบแค่นี้แน่ๆ พวกแก แกๆๆแล้วก็แกทุกคนระวังตัวไว้เถอะ ” แล้วนางก็วิ่งตามเมฆออกไป โดยที่ฝากความอาฆาตไว้กับพวกผม
   “ เออ ! มาเลยจ้า มีปัญหาอะไรก็มาได้ทุกเมื่อ แล้วอย่าเก่งแต่ปากละกัน พวกฉันจะรอ! ”  พี่ยีนเองก็ไม่น้อยหน้า ตะโกนกลับ
   “ เอาละๆ จบเรื่องแล้วกินข้าวกันเถอะ ขอโทษนะคะทุกคน ” พี่ยีนและพวกผมก็ขอโทษทุกคนในร้าน
   “ ฉันว่ายัยนี่คงเป็นภัยพิบัติแล้วละมั้ง เจอที่ไรมีเรื่องตามมาตลอด ”  พัดชาว่า
   “ นั่นนะสิ เห้อ ” ซึ่งยัยจิ้ปเองก็คงเห็นด้วย
   
   แล้วเมฆจะเป็นยังไงมั่งนะ ผมเป็นห่วงเขาจังเลย
   
   “ กลับหอกันดีๆนะเด็กๆ น้องตะวันถ้ามีเรื่องอะไรรีบโทรหาพวกพี่เลยนะ เข้าใจไหมคะ? ” พี่ยีนสั่งผมก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันกลับ
   “ ได้เลยครับพี่ยีน มีอะไรผมจะโทรหาพี่ยีนคนแรกเลย ขอบคุณมากนะครับ ”
   “ ดีมากค่า แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะเด็กๆ บ๊ายบาย ”
   “ สวัสดีครับ / สวัสดีค่า ” พวกเราปีหนึ่งลาพวกพี่ๆเยี่ยงเด็กที่มีมารยาท -.,-
   “ พวกตะวันกลับยังไงกัน กลับพร้อมพวกเราไหม ” เพื่อนคนนึงชวนผมกลับพร้อมกับพวกเขา
   หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้น ทุกคนก็ต่างเข้ามาถามว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง เลยทำให้ผมได้คุยและสนิทกับคนอื่นมากขึ้น จนตอนนี้ผมก็มีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกหลายคน และทุกคนก็ดูเหมือนจะเป็นห่วงผม
   “ อุ๊ย กลับสิคะโอ๊ต เนี่ยชากลัวจังเลย ดึกๆแบบนี้อันตรายเนอะ ” พัดชาตรงปรี่เข้าไปเกาะแขนโอ๊ต เพื่อนที่ชวนพวกผมกลับ โดยมีจิ้ปยืนถอนหายใจอยู่ไม่ไกล
   “ ผู้ชายชวนหน่อยนี่นอออกเชียวนะ ”
   “ จิ้ป! แกว่าฉันเป็นกระต่ายหรอ บ้า! ”    
   “ ป่าวฉันหมายถึงควาย ! ”
   “ นี่! แบบนี้ต้องตบกันหน่อยแล้วแหละ ”
   แล้วพัดชาก็ทำเหมือนจะเข้าไปตบจิ้ปจริงๆ เรียกเสียงหัวเราะให้แก่ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น
   “ ตะวัน ” เสียงหนึ่งเรียกผมขึ้นมา
   “ อ้าว! หม่อน มากินข้าวหรอ ”
   “ อื้อ..เอ่อ ตะวันเราขอคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม ”
   “ ให้พวกฉันรอไหมตะวัน ” จิ้ปถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหม่อนดูเหมือนมีเรื่องสำคัญจะพูดกับผม
   “ ไม่เป็นไรพวกแกกลับก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราเรียกรถกลับเอง ”
   “ แต่พวกเราเป็นห่วง ”
   “ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เรากลับเองได้ ” ผมไม่อยากให้เพื่อนๆต้องรอนานครับ
   “ ไม่เป็นไร พวกฉันรอได้ แกไปคุยเถอะ เดี๋ยวพวกฉันไปรอที่ลานจอดรถ ” พัดชาเอ่ยขึ้น สรุปคือทุกคนเลือกที่จะรอ
   “ โอเค งั้นเดี๋ยวเราตามไป ” ผมบอก แล้วพวกนั้นก็เดินไปรอที่ลานจอดรถ

   “ มีอะไรหรอหม่อน ”
   “ คือ..เราอยากถามตะวันเรื่องนึงอะ ”
   “ อะไรละ ว่ามาเลย ”
   “ ก็..ก็เราอยากรู้ว่าตะวันกับเชน จริงๆแล้วเป็นแฟนกันรึเปล่า ” พอถามเสร็จ หม่อนก็ก้มหน้าเหมือนจะหลบหน้าผม
   “ โถ นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก ทำไมถามงั้นละ หม่อนชอบเชนหรอ : ) ”
   “ ป่าวนะ ! เราแค่สงสัยเฉยๆ ” หม่อนรีบพูดขึ้นมาอย่างลนลาน เหมือนผมจะเดาถูกแหะ หน้าหม่อนแดงเชียว ปากปฏิเสธแต่หน้าไม่ใช่เลย
   “ ฮ่าๆๆ ไม่ต้องเขินหรอกหม่อน เรากับเชนไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ สบายใจได้เลย ” 
   “ จริงหรอ ! ” หม่อนดูดีใจอย่างปิดไม่มิด
   “ จริงๆ แค่เพื่อนกันจริงๆ ” ผมยิ้มให้หม่อนเพื่อเป็นการยืนยันว่าผมพูดจริงๆ
   “ งั้นค่อยสบายใจหน่อย ขอบคุณมากนะตะวัน ” จากตอนแรกที่ดูมีเรื่องในใจ ตอนนี้หม่อนยิ้มกว้าง ดูสดใสขึ้นมาเชียว เวลาหม่อนยิ้มแล้วผมรู้สึกว่าเขาดูเป็นคนที่ใครอยู่ใกล้ๆแล้วต้องมีความสุข และยิ้มตามทุกครั้งที่เขายิ้มแน่ๆ
   “ ไหนบอกไม่ชอบไง ถ้าหม่อนชอบเชนจริงๆ เดี๋ยวเราช่วยก็ได้นะ ” ผมเสนอครับ ผมอยากช่วยหม่อนจริงๆ
   “ ก็…..อื้อ ใช่เราชอบเชน ขอบคุณมากนะตะวัน งั้นเราขอไลน์ตะวันหน่อยสิ ” หม่อนตอบพร้อมยื่นโทรศัพท์มาให้ผม
   “ ได้สิ อะนี่ไลน์เรา ”
   “ งั้น ตะวันกลับเถอะ เดี๋ยวเพื่อนๆรอนาน ”
   “ โอเค ไว้เจอกันนะหม่อน สู้ๆนะ ” ผมบอกลาหม่อนพร้อมชูสองนิ้วให้กำลังใจ แล้วเราก็แยกกัน
   “ ว่าไงแก คุยเรื่องอะไร มีเรื่องอะไรอีกไหม? ” พัดชาถามขึ้นเมื่อผมเดินมาที่ลานจอดรถ
   “ ไม่มีอะไร ความลับ :X ” จะให้บอกได้ยังไงกันละ เดี๋ยวกลายเป็นขายหม่อนแย่
   “ แหม มีความลับใส่กันเฉย ช่างเถอะ กลับกันเถอะ ดึกแล้ว ” เมื่อเห็นว่าผมไม่พูด พัดชาก็ไม่ถามอะไรอีก พวกเราจึงได้ฤกษ์กลับหอกันสักที
   กว่าจะถึงหอก็ปาไปจะ สี่ทุ่มแล้วครับ เนื่องจากแต่ละคนอยู่ตึกที่ไม่ได้ใกล้กันเลย แล้วโอ๊ตที่เป็นคนขับรถมาส่งเพื่อนก็วนมาส่งผมเป็นคนสุดท้าย
   “ บายตะวัน เจอกันที่ซ้อมพรุ่งนี้นะ ”
   “ โอเค ขอบคุณมากนะโอ๊ตที่มาส่ง กลับดีๆนะ ”
   เห้อ ตอนนี้ผมอยากอาบน้ำแล้ว เหนียวตัวไปหมด

   แต่ในตอนที่จะเดินเข้าหอก็เห็นเมฆนั่งอยู่ที่หน้าหอ
   “ เมฆ มานั่งทำอะไรตรงนี้ ยุงไม่กัดหรอก ”
   “ อ้าวกลับมาแล้วหรอ ” เมฆเงยหน้าขึ้นมามองผม หน้าหล่อๆของเขายังมีรอยแดงที่ถูกตบอยู่เลย “ กูรอมึงอยู่ กูเข้าห้องไม่ได้ ไม่มีกุญแจ ”
   “ อ้าวแล้วกุญแจมึงไปไหนละ ” ผมถามอย่างสงสัย
   “ พอดี เป้เขาเขวี้ยงกระเป๋ากู แล้วกุญแจมันก็เลยกระเด็นตกท่อ ”
   “ งั้นทำไมไม่โทรบอกกูละ จะได้รีบกลับ! ” ผมพูดขึ้นอย่างโมโห ทั้งโมโหยัยเป้ แล้วก็โมโหคนตรงหน้าที่ไม่ยอมโทรมา
   “ กูมีเบอร์มึงที่ไหนละ ”
   “ เอ่อ…นั่นดิกูลืม ” เออวะ เราไม่มีเบอร์กันนี่หว่า ผมก็พูดไม่คิดอีกแล้ว “ ปะมึง งั้นขึ้นห้องกัน ”
   เมื่อเข้าห้องมาเมฆก็ไปล้มตัว นอนคว่ำบนเตียง ดูเขาหมดแรงยังไงก็ไม่รู้
   “ มึง เป็นอะไรรึเปล่า โอเครึเปล่าเนี่ย ” ผมถาม แต่เมฆก็ไม่ตอบผมครับ ผมจึงเข้าคลานขึ้นเตียงไปสะกิดเขาใกล้ๆ
   “ เมฆ ง่วงหรอ อาบน้ำก่อนไหมจะได้สบายตัว ”
   แล้วอยู่ดีๆมันก็ พลิกตัวมันหันมานอนหงายครับ ผมตกใจเลยเสียหลักล้มไปทับบนตัวมัน
   ตึกๆ ๆ
   สภาพตอนนี้เลยกลายเป็นหัวผมแนบอยู่ที่อกของเมฆ จนผมได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นชัดเจน
   “ เอ่อ…ขอโทษที ” ผมก็รีบยันตัวผมให้ลุกขึ้นครับ ผมกลัวเมฆจะรับรู้ได้ว่าหัวใจผมมันเต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วเมฆก็ลุกขึ้นมานั่งมองหน้าผม
   “ กูขอโทษนะที่เป้แสดงท่าทางแบบนั้นใส่พวกมึงแล้วก็พวกพี่ๆของมึง ”
   “ มึงไม่ต้องขอโทษหรอก มึงไม่ผิดสักหน่อย ไม่เห็นต้องขอโทษเลย ” ผมบอกกับเมฆ ก็จริงหนิครับ เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
   “ กูผิดที่กูห้ามเป้ไม่ได้ ” ตอนนี้เมฆ หลบหน้าผมแล้วครับ เสียงก็เบาลงเรื่อยๆ
   พอเห็นหน้าเขาชัดๆ ก็เห็นว่าหน้าเขาไม่ได้แดงแค่จุดเดียว สงสัยจะโดนตบอีกหลายที ผมเลยเอื้อมมือไปจับหน้าเขา แล้วเมฆก็สะดุ้งนิดหน่อย แต่ก็ปล่อยให้ผมจับ
   “ เจ็บมากไหมมึง ” ผมถามเพราะเป็นห่วงเขาจริงๆ
   “ นิดหน่อย ก็ดีกว่าที่ต้องเห็นมึงไปกราบเขา ”
   ตอนนี้เราสองคนจ้องตากัน ผมรู้สึกว่าสายตาเขาดูเศร้ายังไงก็ไม่รู้
   “ กูถามจริงๆนะ ที่มึงพูดในร้านอะ หมายความว่ายังไง ” ผมถามเขาขึ้นมาถึงเรื่องที่ผมติดใจ
   “ ประโยคไหนละ ที่บอกว่าให้มึงลุกนะหรอ กูก็แค่เห็นว่ามันเกินไป ก็เลยบอกไปแบบนั้น ”  เมฆตอบพร้อมมองไปทางอื่น
   “ ไม่ใช่…. กูหมายถึงที่บอกว่า กูไม่ใช่คนอื่น มันหมายความว่าไง ”
   พอผมถาม เขาก็หันมามองหน้าผมแว่บนึง ก่อนจะลุกจากเตียง แต่ผมก็ดึงแขนเข้าไว้ไม่ให้เขาเดินหนี
   “ ตอบสิเมฆ ที่เมฆพูดหมายความว่ายังไง ”
   “ มึงจะอยากรู้ไปทำไม ? ” เขาไม่ได้ปัดมือผมทิ้ง แล้วก็ไม่ได้เดินหนีแล้ว
   “ กูขอพูดเลยนะ ที่กูถามเพราะกูอยากรู้ว่ามันจะตรงกับสิ่งที่กูคิดไหม กูมีเพื่อนคนหนึ่งที่กูสนิทมากตอนเด็ก แล้วเขาก็ชื่อเมฆเหมือนมึง มึงรู้ไหมว่ากูคิดถึงเพื่อนกูคนนี้มากแค่ไหน กูอยากเจอเขามากแค่ไหน แล้วกูก็คิดว่ามึงคือคนนั้นที่กูหมายถึง ตอนแรกกูก็ไม่มั่นใจว่ากูคิดไปเองหรือเปล่า แต่หลายๆสิ่งมันก็ทำให้รู้สึกว่าต้องใช่แน่ๆ เพราะอย่างนั้น ขอร้องละ บอกความจริงกูมาเถอะนะ ถ้ามึงคือเมฆคนนั้น ” ผมระบายทุกอย่างที่ผมอึดอัดใจออกมาให้กับเมฆแต่เขาก็ยังยืนนิ่งและเสมองไปทางอื่น ก่อนจะตอบผม
   “ งั้นถ้ากูตอบว่าใช่ หรือไม่ใช่ มันจะมีอะไรเปลี่ยนไปหรือเปล่า ? ”
   “….ก็ไม่เปลี่ยน กูก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง ”
   “ เมฆคนที่มึงหมายถึง มีความหมายกับมึงแค่ไหนหรอ ” เมฆถามผม
   “ มีสิ มากๆเลยสำหรับกูมันมีความหมายมากนะ  ”
   แล้วเมฆก็นั่งลงที่ข้างผม
   “ ถ้ากูไม่ใช่ มึงจะผิดหวังมากไหม จะเสียใจหรือเปล่า ถ้ากูใช่แล้วจำมึงไม่ได้ละ มึงจะว่าอะไรไหม ”
   “ มึงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ” ผมเริ่มงงกับสิ่งที่มันพูดแล้ว
   “ กูแค่….ไม่มั่นใจ ”
   “ ไม่มั่นใจอะไรของมึงวะ ”
   “ ช่างเถอะ…กูขออาบน้ำก่อนละกัน ” แล้วเมฆก็ลุกไปเลย
   “ เดี๋ยวก่อนสิเมฆ ! ”
   
   แล้วเมฆก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย สรุปมันใช่หรือไม่ใช่เนี่ย! ผมอยากจะบ้าตายจริงๆ 
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 6 คือเธอใช่ไหม [ 14/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-02-2018 21:43:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 6 คือเธอใช่ไหม [ 14/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 15-02-2018 19:58:13
อยากตบนังปูเป้ให้รู้แล้วรู้รอด :m16:
หัวข้อ: Re:My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม :บทที่ 7 เมาเหล้าเมารัก [17/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 17-02-2018 21:20:21
บทที่ 7
เมาเหล้าเมารัก

หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับเมฆขึ้นมาอีก เพราะรู้ว่าพูดไปก็ไม่ได้คำตอบอะไรขึ้นมา เอาเป็นว่าคิดไปก็ปวดหัว ถ้าใช่มันก็คงบอกผมเองแหละ
   ช่วงนี้ผมต้องซ้อมหนักขึ้นเพราะว่าเตรียมที่จะคัดลีดแล้ว ทั้งต้องซ้อมความสามารถที่จะโชว์อีก แต่ที่เพิ่มเติมทุกวันคือถุงปริศนาที่มีมาให้ผมทุกวัน จนทุกคนแซวว่าผมไปทำสเน่ห์ใส่ใครสักคน จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของถุงปริศนาคืออะไร
   “ ไงตะวัน วันนี้ได้อะไรอีก ” เพื่อนคนหนึ่งเดินมาแซวผม
   “ ขนมจีบอะ กินด้วยกันไหมส้มโอ ” วันนี้ผมได้ขนมจีบมา ซึ่งเยอะมากจนกินคนเดียวไม่น่าจะหมด
   “ ไม่เอาหรอก เดี๋ยวคนให้ตะวันเสียใจแย่ ”
   “ แต่ฉันกินนะ ” พัดชาที่ไม่พูดเปล่า แต่จิ้มกินเลยโดยไม่รอฟังคำตอบผม “ นี่มีของมาทุกวันจนพวกฉันจะอ้วนแล้วนะเนี่ย ”
   “ ถ้าแกไม่แย่งตะวันกินก็คงไม่อ้วนหรอก ตะกละเองหนิ ” จิ้ปกัดพัดชาเหมือนเคย กลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วที่สองคนนี้ต้องกัดกัน นี่ถ้าพัดชาไม่ใช่ตุ๊ด ผมว่าป่านนี้สองคนนี้คงเป็นแฟนกันไปแล้ว
   “ เอาละค่ะน้องๆ มาฟังทางนี้หน่อยเร็ว ” รุ่นพี่คนหนึ่งเรียกพวกผมไปรวมกัน “ เดี๋ยวอีกสองวันจะถึงวันคัดแล้วนะคะ ยังไงทุกคนก็เตรียมตัวให้พร้อม แล้วก็ใครจะใช้ซาวด์เพลงก็ส่งไฟล์ให้พี่ตอนพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงคืนนะคะ ”
   “ ครับ / ค่ะ ”
   “ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่งนะคะ คือพวกเราต้องส่งตัวแทนหนึ่งคนไปคัดเดือนกับดาวคณะนะคะ  ตอนนี้พี่อยากให้น้องๆโหวตกันว่าจะส่งใครประกวด เสนอกันมาได้เลยนะคะ ”
   “ พี่ครับ ผมเสนอพัดชากับจิ้ปครับ ” ผมเสนอไป
   “ อ้าว! ไหงมาลงที่ฉัน ไม่เอานะตะวัน ”
   “ ฉันก็ไม่เอานะ ”
   พัดชากับจิ้ปเถียงขึ้นมา
   “ ทำไมละพวกแก น่าสนุกออก ”
   “ สนุกกับผีสิ ! ” พัดชาแหวใส่ผม “ พี่คะงั้นหนูเสนอตะวันคะ ”
   “ เห้ย ! พี่ครับผมไม่เอานะ ผมทำไม่ได้หรอก ”  อยู่ดีๆผมก็โดนพัดชาเอาคืนโดนการเสนอชื่อผม
   จากนั้นเพื่อนๆทุกคนก็เสนอชื่อกันเป็นเรื่องสนุก ทุกคนดูไม่จริงจังเลย ดูอยากแกล้งเพื่อนตัวเองกันมากกว่า สุดท้ายก็ตัดสินด้วยการโหวต
   “ เอาละคะ งั้นสรุปแล้วนะคะ สรุปคนที่จะเป็นตัวแทนของพวกเราคือน้องโอ๊ตกับน้องจิ้ปนะคะ ”
   “ วุ้ววววววว! ” ทุกคนตบมือกันเกรียวกราวเมื่อผลออกมา ทั้งดีใจที่ตัวเองไม่โดนและดีใจที่คนที่ได้น่าจะเป็นหน้าเป็นตาให้ได้มากที่สุดแล้ว
   “ งั้นเดี๋ยวน้องโอ๊ตกับน้องจิ้ปมาคุยกับพี่หน่อยนะคะ ”
   “ ครับ / ค่ะ T T ” จิ้ปที่ตอนนี้เหมือนอยากร้องไห้เต็มที่แล้ว

   กว่าจะทำอะไรเสร็จก็ดึกอีกวันแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาจึงชวนพวกผมไป ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธหรอก จะมีโอกาสได้เที่ยวทั้งที ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยได้เที่ยวเลย
   “ งั้นเดี๋ยวทุกคนไปแต่งตัวแล้วเจอกันที่ร้านนะ ” พี่บิวนัดแนะกับพวกผม ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับหอเพื่อไปเตรียมตัว
   
   “ ไงมึงเหนื่อยไหมวันนี้ ” เมฆถามผมเมื่อเปิดประตูเข้าห้องมา แต่ไม่ได้หันมามองใดๆทั้งสิ้น เพราะเขากำลังทำงานอยู่
   “ นิดหน่อย ละนี่มึงวาดอะไรอยู่เนี่ย ” 
   “ อ่อ วิชาดรอว์อิ้งอะ ”
   เมฆดูตั้งใจกับสิ่งที่เขากำลังวาดเป็นอย่างมาก อ่า ลุคเขาเวลาตั้งใจทำงานนี่โครตเท่เลย แม้จะมัดจุกไม่ให้ผมปรกหน้า สวมแว่นตา แต่กลับมีสเน่ห์เหลือเกิน
   “ โห วาดรูปสวยเหมือนกันนี่หว่า ” เมื่อผมชะโงกหน้าไปดู จึงเห็นว่าเมฆน่าจะเป็นคนที่มีฝีมือเลยทีเดียว
   “ แน่นอน นี่กูระดับไหนแล้ว ” เมฆหันมาพูดกับผมแล้วครับ
   “ จ้า เก่งจ้า วาดให้กูมั่งดิ ”
   เขาหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะถามผม “ มึงอยากได้รูปอะไรละ ”
   “ อะไรก็ได้ วาดให้ได้ไหมล่ะ  ”
   “ อืม ได้ ไว้เสร็จงานแล้วกูจะวาดให้ละกัน ”
   ผมแค่พูดเล่นๆ ไม่คิดว่าหมอนี่จะวาดให้จริงๆ ตื่นเต้นแหะจะได้รูปอะไรนะ
   “ เออเมฆ เดี๋ยวคืนนี้กูกลับดึกหน่อยนะ จะไปร้านเหล้า ”
   “ ไปกับใคร? เป็นเด็กเป็นเล็กกินเหล้าแล้วหรอมึงอะ ” เมฆดุผม หมอนี่เป็นเมทหรือเป็นพ่อกันเนี่ย
   “ กูไม่เด็กซะหน่อย ก็เท่ากับมึงเปล่าวะ อ๊ะ แป๊ปนะแม่กูโทรมา ” ขณะที่ผมกำลังจะเถียงกับเมฆ  แม่ผมก็โทรมาหา
   “ ครับแม่ ว่าไงครับ… อ่อครับ ” แล้วผมก็ออกไปคุยกับแม่ที่ระเบียง
   คุณแม่โทรมาถามเพราะอยากรู้ว่าผมเป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่ผมมาอยู่นี่ผมยังไม่ได้กลับบ้าน ด้วยที่เหตุผลหนึ่งติดเพื่อนด้วย และยังต้องซ้อมลีดในวันเสาร์ด้วยเลยไม่ได้กลับบ้าน แม่เลยน้อยใจผม หาว่าผมลืมท่าน
   “ ครับแม่ ไว้ตะวันว่างๆหรือคัดลีดเสร็จแล้วจะกลับไปบ้านนะครับ…ครับ รักแม่เหมือนกันครับ ครับสวัสดีครับ จุ๊บ ”
   “ แม่มึงสบายดีไหม? ” เมฆถามผมขึ้นมาหลังจากที่ผมวางสาย
   “ หืม ว่าไงนะ ” ผมได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ว่าเขาพูดอะไร
   “ เปล่าๆ กูแค่ถามว่าแม่มึงโทรมาว่าไง ”
   “ อ๋อ ก็เรื่องทั่วไป แม่แค่อยากให้กูกลับไปหาบ้าง ” เอ..ตอนแรกเหมือนไม่ใช่ประโยคนี้นี่หว่า
   “ ว่างๆมึงก็กลับบ้านสิ แล้วนี่ยังไม่อาบน้ำอีกหรอก เดี๋ยวก็ดึกกว่านี้หรอก ” เมฆเตือนผม เมื่อดูนาฬิกาก็เห็นว่าจะเกินเวลานัดแล้ว
   “ ชิบหายละ เออ งั้นกูอาบน้ำก่อนนะ ”
   
   พออาบน้ำเสร็จผมก็เปลี่ยนชุดเรียบร้อยพร้อมที่จะปาร์ตี้แล้วสำหรับคืนนี้
   “ แล้วนี่ก็อย่าดื่มเยอะมากจนเมากลับมาอ้วกละมึง กูไม่อยากให้ห้องเลอะ ” เมฆว่าผม
   “ ระดับนี้กูไม่เมาหรอก ไปละนะ ” ชิ เห็นว่าผมคออ่อนรึไงกัน ผมไม่ได้พึ่งเคยกินครั้งแรกสักหน่อย
   “ ดูแลตัวเองด้วยละกัน ถ้ากลับไม่ไหวก็โทรมาเดี๋ยวกูไปรับ ”
   แม้จะเป็นประโยคเรียบๆแต่ผมก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยจากเมฆ ใจผมก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว
   “ คร้าบพ่อ ” ผมบอกเขาก่อนจะออกจากห้องมา
   เมื่อนึกถึงคำพูดเมื่อกี้ ไม่รู้ทำไมผมถึงหุบยิ้มไม่ได้กับประโยคของเขา โอ้ย ยิ้มจนปวดหน้าไปหมดแล้วเนี่ย -////-

   “ นี่เป็นอะไรของแกเนี่ย ยิ้มเอาๆ เมาแล้วหรอ หรือเป็นบ้า =_=  ” จิ้ปถามผมขึ้น ตอนนี้ในโต๊ะกำลังสนุกสนานกันเลยทุกคนคุยกันไม่หยุด แต่ประโยคที่เมฆพูดกับผมกลับวนเวียนในหัวอยู่อย่างนั้น ตะวันโซแฮปปี้
   “ นั่นสิ แกไปโดนตัวไหนมาปะเนี่ย ฉันกลัวแล้วนะ ” พัดชาเองก็ถามผม เอ๊ะนี่ผมทำหน้าแบบนั้นอยู่หรอ
   “ อะไรของพวกแก ฉันไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย ”
   “ โกหก! ” ทั้งสองคนพูดแทบจะพร้อมกัน “ ต้องมีอะไรแน่ๆไหนเล่าซิ ”
   “ ไม่มีอะไรจริงๆ ชนกันดีกว่าพวกแก ”
   แม้สองคนนี้จะพยายามซักไซ้ยังไงผมก็ไม่เล่าให้ฟังหรอกครับ เพราะสองคนนี้เขาแบ่งฝั่งกันอยู่ เดี๋ยวจะเถียงกันไม่เลิกอีก
   บรรยากาศคืนนี้น่าตื่นตาตื่นใจมากเลยสำหรับผม เพราะแม้ตอนช่วงก่อนเข้ามหาลัย ผมก็เคยได้กินพวกของมึนเมามาบ้าง แต่ส่วนมากก็เป็นงานสังคมกับคุณแม่ ( ที่แอบจิบตอนแม่ไม่เห็น ) พอได้มาเที่ยวกับเพื่อนๆแบบนี้มันสนุกมากเลยครับ ทั้งดนตรีสด ทั้งผู้คนในร้าน
    ร้านพวกนี้นี่เป็นที่รวมคนทุกอารมณ์เลยจริงๆ มีทั้งคนเศร้า คนเหงา และคนที่แค่อยากมาสนุก ผมชอบบรรยากาศที่ทุกคนแหกปากร้องเพลงไปด้วยกัน แต่สิ่งเดียวที่ผมไม่ชอบคือการโดนเอาเหล้ากรอกปาก แล้วโดนกรอกทีก็ไม่ใช่นิดเดียว เล่นนับเป็น 20-30 วิ ต่อรอบ แล้วผมโดนไปไม่ต่ำกว่า 10 รอบ สติเริ่มไม่คงที่แล้วครับตอนนี้ แถมตอนนี้เพื่อนหลายคนก็ฟุบไปแล้ว ผมเลยเป็นผู้โชคร้ายที่โดนพี่ๆเขาเอ็นดูโดยการป้อนน้ำมรณะนี่ต่อ =_=
   ในขณะที่กำลังจะโดนกรอกใหม่อีกรอบก็มีคนโทรมาช่วยชีวิตผมพอดี
   “ ฮัลโหล เป็นไงมึง เมายัง ไม่กลับแล้วมั้งห้องอะ ” เมฆโทรมาถามผมเมื่อเห็นว่ามันดึกมากแล้ว
   “ กราบบบบบบบบบ เดี๋ยวกราบบบ ”
   “ อะไร มึงจะกราบใคร? นี่อยู่วัดหรอ ไหนว่าไปร้านเที่ยวไง ”
   ไม่ใช่โว้ย กูบอกว่าเดี๋ยวกลับ แต่กูแค่พยายามพูดให้มันชัดไม่ได้ = =
   “ ไม่ใช่ใช่ว๊าดด เดี๋ยวกูกราบ อุ๊.. ” ตอนนี้ผมเหมือนจะอ้วกครับ ผมพยายามจะกลั้นแต่สุดท้ายมันก็
   “ โอ๊กกกกกกกก….. แหวะ ” อ่าห์..ในที่สุดก็กลั้นไม่ไหว
   “ กรี๊ดดดด! พี่คะ ตะวันอ้วก TT ” ตอนนี้โต๊ะของผมเกิดโกลาหลยกใหญ่เมื่อผมอ้วก วงก็แตกทันที
   “ ตะวันๆ ! มึงอยู่ร้านไหนเนี่ย!  ” เมฆถามผม เสียงเขาดูร้อนรนยังไงก็ไม่รู้ *_*
   “ อยู่ซอยข้างมหาลัย ร้าน แร… โอ๊กกกกกกก แฮ่กๆ ”  ยิ่งผมพยายามจะพูดแค่ไหน ทุกสิ่งในกระเพราะก็เหมือนจะอยากออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกมากขึ้น
   “ ซอยข้างมหาลัยใช่ไหม เดี๋ยวกูไปรับ รออยู่นั่นนะ! ” แล้วเมฆก็วางสายไป
   ส่วนผมตอนนี้สติก็เหมือนจะขาดไปเรื่อยๆ ไม่ทันได้ฟังว่าเมื่อกี้เขาพูดว่าอะไร
   “ โอ๊ยตะวัน ไม่ไหวทำไมไม่บอก หมดกันๆ ”
   “ แล้วนี่เอาไงดี กลับก่อนไหม มีใครรู้ห้องตะวันมั่งพาเพื่อนไปส่งหน่อย ” พี่คนนึงถามขึ้นมา หลังจากเห็นว่าสภาพของผมคงลุกขึ้นมากินต่อไม่ไหวแล้ว
   “ เดี๋ยวผมไปส่งให้ก็ได้ครับ ”
   “ อ้าวเชน! พอดีเลย เชนรู้ห้องตะวันไหม ”
   “ รู้ๆ เดี๋ยวเราพาตะวันไปส่งให้ก็ได้นะพัดชาไม่ต้องเป็นห่วง ”
   “ งั้นเราฝากหน่อยนะ เดี๋ยวเราต้องพาเพื่อนคนอื่นๆกลับหอ ”
   “ โอเคๆ พัดชาไปส่งเพื่อนคนอื่นเถอะ เดี๋ยวตะวันเราดูแลเอง ช่วยอุ้มตะวันขึ้นหลังเราหน่อยสิ ”
   “ อ่าๆ อึ๊บ…. ตะวันอย่าอ้วกใส่หลังเชนนะ ” พัดชาที่ช่วยอุ้มผมให้ขี่หลังเชน สั่งเสียผมพร้อมตบหลังสองสามที
   อย่าตบหลังกู ที่จะอ้วกก็เพราะมึงเนี่ยแหละ TT
   “ งืมๆ ไม่หวายแล้ว ” ตอนนี้แม้จะหลับตาแต่ทุกอย่างหมุนไปหมด ไหนเคยมีคนบอกว่าได้อ้วกแล้วจะโล่งไง ไอ้คนนี้จุ๊
   “ ทนหน่อยนะตะวัน เดี๋ยวค่อยนอนในรถนะ แป๊ปเดียวก็ถึงหอแล้ว ” เชนบอกกลับผม
   ผมรู้สึกได้ถึงการปรนนิบัติอย่างดีของเชน ที่ค่อยๆวางผมไว้บนเบาะ ปรับเบาะให้ผมนอนได้ และเขาขับรถนิ่มมากเหมือนกลัวว่าถ้ากระเทือนแล้วจะทำให้ผมอ้วกออกมา
   จนมาถึงที่หอ
   “ ตะวันพอจะลุกไหวไหม ” เชนพยายามเรียกให้ผมมีสติ ซึ่งตอนนี้ผมก็รู้สึกโอเคขึ้นกว่าตอนแรกนิดหน่อย แต่ก็ยังหนักๆหัวอยู่ดี
   “ หวายๆ ” เมื่อผมพยายามจะเดินเอง แต่เหมือนเสียการทรงตัว เชนจึงมารับตัวผมไว้ก่อนจะล้ม
   “ ไหนบอกว่าไหวไง ลุกยังเซเลย ขี่หลังเราไหม เดี๋ยวเราพาขึ้นห้อง ”
   “ ไม่เปนราย เราหวาย เดินได้ ” ผมคิดว่าผมน่าจะเดินได้ แค่ขอตั้งสติหน่อย
   “ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราช่วยพยุง ” เชนเมื่อเห็นว่าผมปฏิเสธ เขาก็เลือกให้ผมเดินเอง แต่ก็ยังช่วยประคองผมไว้
   แต่ยังไม่ทันก้าวเข้าหอดี ก็มีคนมากระชากตัวผมออกจากเชน
   “ เดี๋ยวกูพามันขึ้นห้องเอง ” เมื่อผมพยายามที่จะมองว่าเป็นใคร ก็ผมว่าเป็นเมฆที่มากระชากผม
   “ ไม่เป็นไร กูพาตะวันขึ้นได้ ไหนๆกูก็รับปากพวกเพื่อนๆเขาแล้วว่าจะพามาส่งให้ถึงห้อง เพราะงั้นมึงแหละปล่อย ” แล้วเชนก็พยายามดึงตัวผมกลับ
   “ แต่กูเป็นเมทมัน มึงส่งมันแค่นี้ก็พอแล้ว ที่เหลือกูพาไปเอง ”
   “ แต่กูเป็นคนพามา กูมีสิทธิ์จะไปส่ง ”
   “ แต่กูเป็นเจ้าของห้อง ”
   สองคนนี้ก็ดึงผมไปมาเหมือนผมเป็นของเล่น จนผมรู้สึกในท้องมันโคลงเคลง สุดท้ายผมก็เลย…
   “ โอ๊กกกกกกก ! ถุ๊ย ” ครับ สุดท้ายผมเลยอ้วกเป็นรอบที่สอง -.-
   “ โอ๊ย เนี่ยเพราะมึงดึงไปดึงมาอยู่ได้ ตะวันเลยอ้วกเลย เป็นไรไหมตะวัน ” เชนเมื่อเห็นว่าผมอ้วกอีกก็จะดึงผมไปหาเขา
   “ อย่าดึง ปวดหัว ไม่ไหวแล้ว อยากนอน TT ” ผมทนไม่ไหวแล้ว เมื่อสองคนนี้เถียงกันไม่ยอมให้ผมไปนอนสักที
   “ ปล่อยเลยมึงอะ เดี๋ยวมันก็อ้วกอีกหรอก ” แล้วเมฆก็อุ้มผม โดยไม่สนใจเชนอีก ก่อนจะเดินไปกดลิฟท์ ส่วนเชนก็เดินตามเข้าลิฟท์มาแล้วก็ไม่ได้พยายามที่จะดึงผมกันอีก ระหว่างที่ลิฟท์เคลื่อนตัวเชนก็ถามตลอดเวลาว่าไหวไหม ส่วนเมฆก็ขัดเชนตลอดทุกประโยค จนมาถึงชั้นของผม เมฆก็เดินออกมาโดยไม่สนใจเชนอีก
   “ เอ้า! นอนรอก่อนอย่าพึ่งอ้วกนะ เดี๋ยวกูไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ ” เมฆวางผมลงบนเตียงแล้วก็เข้าห้องน้ำไปเตรียมของมาเช็ดตัวให้ผม
   “ ก่อนไปนี่บอกเก่งนักเก่งหนา แล้วไหงเมาหมดสภาพแบบนี้ได้หืม ? ” เขาดุผมอีกแล้ว แม้ผมอยากจะเถียงแต่ก็เถียงด้วยไม่ไหว เลยได้แต่ส่งเสียง “ งืม ” 
   “ มางงมางืมอะไรอีก ” แล้วเขาก็เช็ดตัวให้ผม จนผมรู้สึกโอเคขึ้นนิดหน่อย เลยสามารถที่จะลืมตาอันหนักๆขึ้นมาได้
   “ โอ๊ย บ่นจังเลย ไว้บ่นพรุ่งนี้ได้ไหม กูไม่ไหวแล้ว ” เมื่อมีสติบ้างแล้วผมเลยได้โอกาสพูดบ้าง
   “ ไม่ได้ ! แล้วนี่กูบอกมึงว่าให้รอเดี๋ยวไปรับ ทำไมไม่รอหะ! ”
   เอ๋ ? เขาบอกด้วยหรอ
   “ มึงบอกตอนไหน กู..ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ”
   “ ก็บอกตอนก่อนวางสายไง กูก็รีบแทบตาย ดีนะเจอพวกเพื่อนมึงพอดีแล้วเขาบอกว่ามีคนไปส่งมึงแล้ว กูก็เลยรีบกลับมา แม่ง! อุตส่าห์เป็นห่วงแต่ดันกลับกับผู้ชายคนอื่น.. ” เมฆดูอารมณ์เสีย แต่ประโยคสุดท้ายเขาก็พูดเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง
   “ กูขอโทษนะ...กูไม่รู้จริงๆว่ามึงจะมารับ ไม่งั้น….อุ๊ ” พอผมพยายามจะพูด สิ่งที่อยู่ในท้องก็เหมือนมาจุกแถวลำคออีกแล้ว
   “ เห้ยๆ จะอ้วกหรอ เอ้านี่อ้วกใส่ถังนี่ ” เมฆเอาถังเล็กๆ มารอรับอ้วกผมก่อนที่มันจะพุ่งเลอะห้อง
   “ พอแล้วไม่ต้องพูดไรแล้ว พักเถอะ ”
   แม้ไม่บอกแต่ผมก็อยากนอนแล้วครับ ไม่ไหวแล้ว โลกหมุนยิ่งกว่าตอนไปเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกอีก แต่การเมามันก็ดี ที่ทำให้ผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงผม สุดท้ายผมก็หลับไป
   
   “ ทำไมชอบให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ ไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่เด็ก เห้อ…”
   
9.00 น.
   เช้านี้ผมตื่นมาด้วยสภาพที่เหมือนซอมบี้ เกิดอาการวิงๆ เธอจะรักกันจริงหรือเปล่าวาววาววาววาว ( ไม่ใช่! ) ผมมีอาการที่คนหลายคงบัญญัติไว้ว่ามันคือการแฮงค์ พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็จำอะไรไม่ได้ จำได้แบบขาดๆหายๆ แต่ที่จำได้ชัดคือพวกพี่ใจโหดพวกนั้นเอาแต่กรอกเหล้าผม -*-
   พอลุกขึ้นมาส่องกระจกก็ผมว่าสารรูปตัวเองดูแทบไม่ได้ ผมเลยกะจะอาบน้ำ แต่ก็สะดุดกับ จานข้าวบนโต๊ะ พร้อมข้อความที่แปะไว้ที่โต๊ะผม

   ‘ กินข้าวซะ แล้วอย่าอ้วกเลอะห้องละ กูออกไปส่งงานก่อน ’

   ผมเกือบจะซึ้งแล้วกับสิ่งที่มันทำ ถ้าไม่ติดว่าข้าวที่มันเอาให้ผมกินแต่เช้าคือหมูผัดกะปิกับน้ำเต้าหู้  แค่ได้กลิ่นคลื่นไส้เพิ่มแล้ว แต่ไหนๆเขาก็ตั้งใจซื้อมาให้แล้วผมก็เลยกินซะหน่อย แม้จะกินไปอยากอ้วกไปก็ตาม TT
   สุดท้ายผมก็กินมันจนหมด และอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเข้ามหาลัย เพราะวันนี้ ทางชมรมส่งข้อความมาว่าจะนัดเจอสมาชิกเป็นครั้งแรก แต่กว่าจะจะถึงเวลานัดก็อีกหลายชั่วโมง ผมเลยนัดเดอะแก๊งค์ผมไปนั่งเล่นในมอ ทำไงได้ละครับ อยู่หอก็เบื่อนี่นา
   เมื่อผมไปถึงโรงอาหาร สถานที่นัดพบของพวกเราในวันนี้ก็พบว่าสองสาวมาถึงก่อนแล้ว
   “ ไงพวกแก ถึงนานยัง ”
   “ สักพัก เป็นไงมั่งเนี่ย แฮงค์รึเปล่า ” พัดชาที่ดูเหมือนจะสนใจน้ำแข็งใสตรงหน้ามากกว่าที่จะเป็นห่วงผมจริงๆ 
   “ ก็ยังมึนๆหน่อย แต่คิดว่าโอเคแล้วนะ กินคำนึงสิ ”
   “ กินสิ…แล้วสรุปเมื่อคืนใครได้แกไปนอนที่ห้อง? ”
   “ หมายความว่าไง ? ”
   “ ก็เมื่อวานตอนที่เชนออกไปส่งแกได้แปปเดียวเมฆก็วิ่งเข้ามาในร้านถามหาแก พอบอกว่าเชนไปส่งแกแล้วก็รีบออกจากร้านไปเลย ” จิ้ปเราถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้หลังจากที่ผมออกจากร้านไปแล้วให้ฟัง
   “ เนี่ย ฉันเกือบโดนนายเมฆนั่นต่อยอยู่ละ พอรู้ว่าเชนไปส่งแก หมอนั่นก็เข้ามาเขย่าตัวฉันถามว่าปล่อยให้ไปกับเชนได้ยังไง ตุ๊ดหัวใจจะวาย ” พัดชากรอกตาเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเจอมา “ ทำไมไม่เห็นอ่อนโยนเหมือนเชนเลย ”
   “ แล้วสรุปตะวันได้นอนห้องใคร ห้องเชนหรือห้องตัวเอง ”
   “ เราก็นอนห้องเราสิจิ้ป พอดีเมฆมาเจอเราตอนจะขึ้นหอพอดี ”
   “ ว้า ไม่สนุกเลย นึกว่าจะมีแย่งกันอะไรอย่างนี้ซะอีก ” จิ้ปดูเสียดายมาก
   จริงๆมันแย่งแหละ แย่งจนผมอ้วกเลยไง แต่เรื่องอะไรจะเล่าให้พวกนี้ฟังละ เดี๋ยวก็ได้คุยแต่เรื่องนี้ทั้งวันไม่จบแน่ๆ
   “ แล้วนี่พรุ่งนี้จะคัดแล้ว พร้อมไหมพวกแก ” จิ้ปถามขึ้นมา เมื่อเห็นว่าพรุ่งนี้เป็นวันที่พวกเราต้องคัดลีดแล้ว
   “ พร้อมแล้ว ” สำหรับผม ผมพร้อมแล้ว จากตอนแรกที่ไม่อยากเป็นเท่าไหร่ ตอนนี้ผมกลับตื่นเต้น กลัวว่าจะไม่ได้เป็น
   “ ส่วนฉันยิ่งกว่าพร้อมอีก ” พัดชาที่ดูเหมือนพกความมั่นใจมาเต็มที่ ตอบแบบสบายๆ “ แล้วนี่ชมรมเขานัดพวกเราไปเจอที่ไหนนะ ”
   “ ก็ที่ห้องประชุมตรงตึก 3 ” ผมเปิดดูข้อความในไลน์ที่พี่ที่ชมรมส่งมาเพื่อความชัวร์ “ ละนี่เอาไงเหลือเวลาอีกตั้งนาน จะทำไรดี ”
   “ ไม่รู้อะ ไปนอนรอที่ห้องสมุดไหมละฉันยังง่วงอยู่เลย ” จิ้ปเสนอ
   “ โอเค งั้นรีบกินให้หมดเถอะ จะได้ไปนอน ” ผมเองก็ง่วงเหมือนกัน

   หวังว่าวันนี้คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกนะครับ


- Chain Time –

   สวัสดีครับ ผมชื่อเชนนะครับ ปัจจุบันเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์ หวังว่าทุกคนจะรู้จักผมแล้วนะครับ วันนี้ผมก็ ได้ไปเที่ยวกับพวกเพื่อนๆของผมที่ร้านเหล้าแถวมหาลัย แล้วบังเอิญผมเจอตะวันพอดีเขามากับเพื่อนๆของเขา ผมเลยได้แต่ดูเขาอยู่ห่างๆ ผมจีบตะวันมาตั้งแต่ม.ปลายแล้ว แต่เขาก็ไม่เล่นด้วยสักที ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่ผมก็หน้าตาดีไม่ใช่น้อย -.,-
   “ กรี๊ดดดด! พี่คะ ตะวันอ้วก TT ”  ขณะที่ผมกำลังดื่มอยู่ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากทางโต๊ะตะวัน
   คนเก่งของผมอ้วกซะงั้น แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดี > <
    “ แล้วนี่เอาไงดี กลับก่อนไหม มีใครรู้ห้องตะวันมั่งพาเพื่อนไปส่งหน่อย ”
   “ เดี๋ยวผมไปส่งให้ก็ได้ครับ ” ผมรีบเข้าไปเสนอตัวก่อนที่จะมีคนแย่งหน้าที่นี้ไป
   “ อ้าวเชน! พอดีเลย เชนรู้ห้องตะวันไหม ” พัดชาเพื่อนตะวัน เมื่อหันมาเห็นว่าเป็นผมก็เลยถามขึ้นมา
   “ รู้ๆ เดี๋ยวเราพาตะวันไปส่งให้ก็ได้นะพัดชาไม่ต้องเป็นห่วง ”
   “ งั้นเราฝากหน่อยนะ เดี๋ยวเราต้องพาเพื่อนคนอื่นๆกลับหอ ”
   “ โอเคๆ พัดชาไปส่งเพื่อนคนอื่นเถอะ เดี๋ยวตะวันเราดูแลเอง ช่วยอุ้มตะวันขึ้นหลังเราหน่อยสิ ”
   “ อ่าๆ อึ๊บ…. ตะวันอย่าอ้วกใส่หลังเชนนะ ”
   เมื่อบอกลาพวกเพื่อนตะวันแล้วผมก็อุ้มเขาขึ้นรถของผม จัดแจงปรับเบาะให้เขานอนได้สบาย 
   “ งืมๆ ไม่หวายแล้ว ”
   “ ทนหน่อยนะตะวัน  แป๊ปเดียวก็ถึงหอแล้ว ”
   “ อื้อ….”
   “ เมาอย่างนี้เชนแอบลักหลับได้ไหมเนี่ย ” ผมบอกทีเล่นทีจริง ไม่รู้หรอกครับว่าคนที่อยู่ข้างๆผมคนนี้เขาจะมีสติพอที่จะรู้ไหม

   “ เมฆ… ”

   ตะวันพึมพำชื่อหนึ่งขึ้นมา ซึ่งผมก็ได้ยินมัน อะไรกัน! นี่เขาสองคนเป็นอะไรกัน ทำไมตะวันถึงต้องนึกถึงมันด้วย
   “ จะอ้วกอะ แง้ ” ตอนนี่เขาเริ่มงอแงแล้วครับ แล้วผมจะทำไงดีเนี่ย TT
   “ ทนหน่อยนะครับคนดีของเชน ” ผมเอื้อมมือไปกุมมือเขา จะถือว่าฉวยโอกาสก็ได้ จริงๆแล้วอยากทำมากกว่านี้อีก ยิ่งพอได้ยินเขาพูดถึงไอ้เมฆนั่น ยิ่งอยากปล้ำให้รู้แล้วรู้รอด
   แต่สุดท้ายผมก็อดทนแล้วทำมากสุดแค่กุมมือเขาเบาๆ จนมาถึงหอ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆสำหรับผม
   
   “ ตะวันพอจะลุกไหวไหม ”
   “ หวายๆ ” ตะวันตอบแบบมีสติมานิดหน่อย แล้วพอเขากำลังจะก้าวขา เขาก็เหมือนจะล้ม ผมเลยเข้าไปรับเขาไว้
   “ ไหนบอกว่าไหวไง ลุกยังเซเลย ขี่หลังเราไหม เดี๋ยวเราพาขึ้นห้อง ”
   “ ไม่เปนราย เราหวาย เดินได้ ”
   “ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเราช่วยพยุง ”

   ตอนนี้ตะวันตัวชิดกับผมมาก อยากจะก้มไปหอมแก้มจัง 
   “ เดี๋ยวกูพามันขึ้นห้องเอง ” ในขณะที่ผมกำลังจะพาตะวันขึ้นหอ ก็มีคนมากระชากตะวันออกจากตัวผม นายเมฆนี่เอง
   “ ไม่เป็นไร กูพาตะวันขึ้นได้ ไหนๆกูก็รับปากพวกเพื่อนๆเขาแล้วว่าจะพามาส่งให้ถึงห้อง เพราะงั้นมึงแหละปล่อย ”
   “ แต่กูเป็นเมทมัน มึงส่งมันแค่นี้ก็พอแล้ว ที่เหลือกูพาไปเอง ”
   “ แต่กูเป็นคนพามา กูมีสิทธิ์จะไปส่ง ”
   “ แต่กูเป็นเจ้าของห้อง ”
   อะไรของมันวะ ผมเป็นคนพาเข้ากลับมาแท้ๆ อยู่ดีๆจะมาแย่งไปต่อหน้าต่อตาอย่างนี้เลยหรอ
   จังหวะที่พวกเรากำลังดึงไปมา เขาก็อ้วกออกมา “ โอ๊กกกกกกก ! ถุ๊ย ”
   แง้ รองเท้ากุชชี่ที่พึ่งซื้อมาของผมเลอะหมดเลย TT
   “ โอ๊ย เนี่ยเพราะมึงดึงไปดึงมาอยู่ได้ ตะวันเลยอ้วกเลย เป็นไรไหมตะวัน ” นายเมฆโยนความผิดมาให้ผมเฉย
   “ อย่าดึง ปวดหัว ไม่ไหวแล้ว อยากนอน TT ”
   “ ปล่อยเลยมึงอะ เดี๋ยวมันก็อ้วกอีกหรอก ” แล้วเมฆก็อุ้มตะวันไปเลย ผมก็เลยเดินตามไปอย่างทำใจ
   “ ตะวันไหวไหมครับ ”
   “ มันไหว กูดูแลเอง ”
   “ กูถามตะวันไม่ได้ถามมึง ”
   “ กูตอบแทนคนของกูได้ ไม่ต้องเสือกหรอก ” ไอ้หมอนี่ กล้าดียังไงมาบอกตะวันเป็นของมัน
   “ ของมึงตอนไหน ตะวันยังไม่เคยพูดเลย แล้วก็อุ้มดีๆหน่อย เดี๋ยวตะวันปวดคอ ” ไอ้หมอนี่อุ้มซะตะวันของผมคอห้อยเชียว “ มานี่กูอุ้มเอง ”
   “ ไม่ต้อง ถึงชั้นกูแล้ว กลับห้องมึงไป ” แล้วเขาก็เดินออกจากลิฟท์ไปเลย

   ผมไม่ยอมง่ายๆหรอก คอยดูนะ ผมจะทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้ตะวันมาเป็นของผม!

   

คำคมท้ายบท : เหล้ายี่ห้อไหนไม่อร่อย กินบ่อยๆ เดี๋ยวก็ อร่อยเอง..

- TBC -
     ยังไงฝากเชนไว้อีกคนนึงด้วยนะครับ จริงๆแล้วเชนเองก็เป็นคนที่น่ารักคนนึง แต่จะได้คู่ตะวันหรือเปล่า มาลุ้นกันนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะค้าบ ^^

ปล.แอลกอฮอร์เป็นสิ่งที่สนุกตอนดื่มแต่ถ้ามากไปจะลำบากตอนตื่น ยังไงก็กินแล้วก็มีสติกันด้วยนะครับ ด้วยรักและปรารถนาดีจากข้าพเจ้า
ปล.2 สวัสดีวันตรุษจีนทุกท่านนะครับ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ เฮงๆทั้งปีนะคร้าบ


                                 
   


   
   
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 7 เมาเหล้าเมารัก [ 17/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 18-02-2018 00:18:58
เชนกลัวมากกลัวไปร่วมมือกัลอิผีปูเป้มาก..
แต่ก็นะคงไม่มีใครโหดที่จะเล่นพ่อนางให้ไม่กล้ายุ่งด้วยได้
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 7 เมาเหล้าเมารัก [ 17/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 18-02-2018 00:32:41
 :-[
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 7 เมาเหล้าเมารัก [ 17/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 18-02-2018 00:44:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 7 เมาเหล้าเมารัก [ 17/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 18-02-2018 20:00:43
ลุ้นให้ตะวันเลือกเชน เราว่าเชนน่ารัก ดูเป็นห่วงตะวันจริงๆ  :katai2-1:

ให้เมฆอยู่กับปูเป้ไปเถอะตะวัน
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 8 บัดดี้ [ 19/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 19-02-2018 20:09:45
บทที่ 8
บัดดี้


       หลังจากที่พวกผมหลับกันเต็มตื่น ก็ถึงเวลาที่ทางชมรมเรียกพอดี แต่ปรากฏว่าพวกผมไปสายเพราะจิ้ปเกิดปวดท้อง ก็เลยต้องรอจิ้ปจัดการตัวเอง และเมื่อไปถึงก็พบว่า คนมากันเยอะแล้ว
   “ พวกน้องอยู่ชมรมค่ายอาสาหรือเปล่าคะ เข้ามาเร็วพวกพี่กำลังเริ่มพอดี ” พี่ที่ทำหน้าที่พิธีกร เรียกพวกผมที่เปิดประตูเข้ามา “ มานี่ๆ มาหน้าห้องเลยค่า ”
   ตอนนี้ทั้งห้องประชุมหันมามองพวกผมเป็นตาเดียว วันแรกมาก็เป็นจุดเด่นซะละ =_=
   “ อะไหนๆก็มาสายแล้วพวกพี่คงต้องมีบทลงโทษกันสักหน่อย ” พี่คนเดิมพูดพร้อมทำสีหน้าเหี้ยม “ แนะนำตัวให้เพื่อนๆรู้จักกันหน่อยเร็ว ชื่ออะไรกันเอ่ย ”
   “ สวัสดีครับ ชื่อตะวันนะครับ อยู่คณะบริหารธุรกิจ ”
   “ จิ้ปค่ะ อยู่บริหารเหมือนกันค่ะ ”
   “ พัดชาค่ะ เป็นดาวบริหารค่ะ ” พอพัดชาแนะนำตัวก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับทุกคน
   “ ค่า น้องตะวัน น้องจิ้ป น้องพัดชานะคะ วันนี้พี่มีกิจกรรมมาให้ทุกคนทำนะคะ ไหนทุกคนลองบอกพี่หน่อยสิคะว่าเห็นพวกน้องกลุ่มนี้แล้วคิดว่าเขาเป็นคนยังไง เริ่มที่น้องตะวันก่อนเลยคะ ”
   “ เป็นคนสุขุมครับ ”
   “ เป็นคนใจดีคะ ”
   “เป็นคนสนุกสนานคะ ” หลายคนต่างยกมือตอบว่าผมเป็นคนยังไง จนมีใครบางคนยกมือตอบบ้าง
   “ เป็นคนน่ารักครับ ” เชนเป็นคนตอบประโยคนี้ออกมา
   “ อู้วววววววววว ” เกิดเสียงร้องแซวมากมายหลังจากที่เชนตอบ
   “ แหมๆ อย่าพึ่งมาจีบกันนะคะน้องๆ ” พี่เขาพูดแซวอีกคน ส่วนผมนี่ก้มหน้าไม่มองใครเลย อายจะตายไป
   และพี่เขาก็เปลี่ยนคนเป็นจิ้ปกับพัดชาต่อ ก่อนจะปล่อยพวกเราเข้าไปนั่งได้

   “ เอาละคะ งั้นพี่ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะคะ พี่ชื่อ พี่แน๊ต เป็นประธานชมรมนี้ วันนี้ที่พี่เรียกน้องๆมาก็ไม่มีอะไรมากคะ พี่แค่อยากให้พวกเราได้มารู้จักกันเฉยๆ และจะมาแจ้งกิจกรรมที่เราต้องทำในปีนี้ด้วย ชมรมค่ายอาสาของเรา จะไปทำกิจกรรมพัฒนาชุมชมกันนะคะ ไหนใครในที่นี้เคยไปทำจิตอาสามาแล้วบ้างเอ่ย ” หลังจากพี่แน๊ตถาม ก็มีหลายคนยกมือขึ้น
   “ โอเคๆ ถือว่ายังพอมีอยู่บ้าง งั้นพี่แจ้งเลยนะคะ สำหรับปีนี้ ชมรมของเราจะไปพัฒนาชุมชมกันบนดอยนะคะ ไหนมีใครอยากไปมั่งเอ่ย ” ตอนนี้ทุกคนกลับยกมือพร้อมกันอย่างตื่นเต้น ว้าว จะได้ไปเที่ยวดอยด้วย คิดถูกจริงๆที่อยู่ชมรมนี้
   “ สำหรับระยะเวลานะคะ เราจะไปกันทั้งหมดหนึ่งอาทิตย์ก็จะไปในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย พี่จะมาบอกในคราวหลังนะคะ วันนี้มาทำกิจกรรมกันก่อนดีกว่า ”
   หลังจากนั้นเราก็ทำกิจกรรมต่างๆที่พี่เขาจัดมาให้ และมีคนที่มาสายกว่าผมอีกครับ เมทผมนั่นเอง แน่นอนเมฆก็โดนทำโทษโดยการให้เต้นตามที่พี่ๆเขาสั่ง ผมว่าเมฆคงอายเพราะเห็นหน้าเขาแดงแปร๊ดเลย เมฆตอนเขินนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย -////-
   จนมาถึงกิจกรรมที่พี่เขาบอกว่าเป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันมาทุกรุ่น คือการให้จับบัดดี้ แต่ละคนจึงเดินออกไปจับฉลากทีละคนและผมดันจับได้เชนเป็นบัดดี้ผม! นี่ผมต้องคอยเทคแคร์เชนสินะ อยากรู้จังคนอื่นจะได้ใครมั่ง
   “ พัดชา จิ้ป ได้ใครอะ ” ผมหันไปถามเพื่อนสนิททั้งสอง
   “ ฉันได้พีมที่อยู่วิศวะ ” พัดชาตอบพลางแอบชี้ให้ดูบัดดี้ของตัวเอง เป็นหนุ่มรูปร่างกำยำ น่าจะถูดใจพัดชา
   “ ส่วนฉันได้ มิ้น คณะ ศิลปกรรม โอ้ยแล้วฉันจะเทคแคร์ยังไงดีเนี่ย ดูโลกส่วนตัวสูงซะด้วย ” จิ้ปเหมือนจะหัวเสียเมื่อพูดถึงบัดดี้ที่ตัวเองจับได้ “ แล้วตะวันละได้ใคร ”
   “ เราได้เชน ”
   “ แหมๆ พรหมลิขิตรึเปล่าเนี่ย จากบัดดี้จะได้เป็นแฟนไหมนะ ” พัดชาแซวขึ้นเมื่อรู้ว่าผมจับได้ใคร
   “ โอ้ย ไม่เอาหรอก นี่เมื่อไหร่แกจะเลิกเชียร์ให้ฉันเป็นแฟนเชนเนี่ย ”    “ ใช่! บอกแล้วไงตะวันต้องคู่เมฆต่างหาก ” จิ้ปช่วยผมเถียง
   “ เอ้า ก็ฉันอยากให้แกได้มีคนดีๆคอยดูแลไง เชนดูแลแกดีจะตาย ” พัดชาที่แปะหน้าผากเต็มที่ว่าทีมเชนเชียร์อย่างออกนอกหน้า แต่ไม่เอาหรอก ถ้าผมจะคบ ผมคบเชนตั้งแต่ม.ปลายแล้ว บอกแล้วว่าไม่ชอบคนเจ้าชู้แถมอีกอย่างหม่อนก็ชอบเชนด้วย
   เมื่อหันไปมองทางบัดดี้ผมก็เห็นว่ากำลังคุยกับชาวบ้านเขา ไปหว่านสเน่ห์ใส่คนอื่นไปเรื่อย เห้อ หม่อนนะหม่อน ชอบคนผิดซะละมั้ง
   “ ไง ขี้เมา ได้ใครเป็นบัดดี้ ” เมทตัวดีของผมเดินเข้ามาทักผมก่อนจะหันไปทักเพื่อนๆผม “ สวัสดี ”
   “ สวัสดีจ๊ะ =_=  ” พัดชาที่ดูเหมือนจะกลัวเมฆตอบแบบไม่อยากจะตอบเท่าไหร่ “ ตะวัน งั้นเดี๋ยวฉันกับจิ้ปมานะไปห้องน้ำก่อน ”
   “ อ้าวแก เดี๋ยวสิ ” แล้วพัดชาก็ลากจิ้ปวิ่งไปเลย สงสัยจะกลัวเมฆจริงๆ
   “ สรุปได้ใครเป็นบัดดี้ ” เมฆดูเหมือนจะไม่สนใจกับการกระทำของพัดชาก็ยังคงถามผมต่อ
   “ ไม่บอกหรอก แล้วมึงละได้ใคร ” ขืนผมบอกหมอนี่ก็หาเรื่องหงุดหงิดใส่ผมอีกสิ ก็เขาไม่ถูกกันนี่
   “ กูก็ไม่บอก มึงไม่บอกเรื่องอะไรกูต้องบอกละ ” เมฆยักคิ้ว ทำหน้าตากวนส้น.. ใส่ผม
   “ เออไม่บอกก็ไม่บอกไม่ได้อยากรู้สักหน่อย ตามสบาย! ”
   “ แล้วข้าวเมื่อเช้าที่ซื้อให้กินหมดไหม? ” อยู่ดีๆเมฆก็เปลี่ยนเรื่อง ผมชินแล้วครับกับการเปลี่ยนเรื่องกะทันหันของเขา
   “ หมด! แต่มึงหวังดีหรือจะแกล้งกูเนี่ย หมูผัดกะปิกับน้ำเต้าหู้ไม่ได้เข้ากันเลย ” เมื่อนึกถึงอาหารเมื่อเช้าผมก็รู้สึกพะอืดพะอม ใครอยากลองไปลองกินกันดูนะครับ อาจจะชอบก็ได้
   “ ฮ่าๆๆๆ ก็กูไม่รู้จะซื้ออะไรให้มึงนี่หว่า คราวหน้าก็อย่าเมาแบบนี้อีกสิ ” เมฆขยี้หัวผมและหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
   “ โอ๊ย อย่าขยี้ผมสิ เสียทรงหมด แล้วนี่ทำไมมาสายอะ อาจารย์ปล่อยช้าหรอ ” ผมพยายามปัดมือเขา แต่เขาก็ยังคงเล่นหัวผม
   “ ป่าว พอดีเป้เขาให้ไปกินข้าวเป็นเพื่อน กูก็เลยมาช้า ”
   พอได้ยินชื่อนี้ขึ้นมาผมก็หงุดหงิดทันที
   “ อ่อ อยู่กับแฟน แฟนมึงเป็นง่อยหรอ เพื่อนก็มีทำไมต้องตามมึงไปด้วย ”
   “ ก็ปอยกับเจนไม่อยู่ กูเลยต้องไป นี่อารมณ์เสียอะไรของมึงเนี่ย ”
   “ เปล๊า! กูก็แค่สงสัยว่ากินข้าวคนเดียวไม่ได้หรือยังไง ต้องมีคนอื่นอยู่เป็นเพื่อนตลอด ”
   “ เสียงสูงเชียวนะมึง ” เมฆพยายามจับผิดผม เอ๊ะนี่ผมมีพิรุธไปหรอ
   แต่แล้วก็มีเสียงช่วยชีวิตผมจากการโดนเค้นในครั้งนี้ เมื่อพี่จ้าเรียกไปทำกิจกรรมสุดท้าย ผมกับเมฆจึงเดินไปรวมตัวกับคนอื่นๆ

   “ ตอนนี้พี่ก็มีเกมสุดท้ายมาให้น้องๆเล่นกันนะคะ เอาละๆน้องแบ่งกลุ่มกันออกเป็นสามกลุ่มนะคะ เฉลี่ยๆกันไป แบ่งเลยคะ ” พอสิ้นเสียงปุ๊ป ทุกคนก็วิ่งจับกลุ่มกันสนุกสนาน กลุ่มผมก็มีพัดชา จิ้ป แล้วก็เมฆที่ผมรู้จัก ที่เหลือก็เพื่อนคณะอื่นๆปนๆกันไป
   “ สำหรับเกมที่พี่จะให้พวกน้องๆเล่นนะคะ ไหนๆเราก็ต้องมาอยู่ร่วมชมรมเดียวกันแล้ว เพราะงั้นเราควรจะสนิทกันมากกว่านี้และมีความสามัคคีกัน เกมนี้ชื่อว่า ส่งใจไปที่ปลายทาง โดยที่พี่จะให้น้องๆส่งกระดาษรูปหัวใจต่อๆกันโดยใช้ได้แค่ปากคาบนะคะ ทีมไหนส่งได้เยอะที่สุดจะเป็นผู้ชนะไป พร้อมแล้วเข้าแถวกันเลยค่า! ”
   แล้วพวกผมก็ตกลงกันว่าใครจะอยู่ก่อนอยู่หลัง โดยที่พัดชาอยู่ก่อน ตามด้วยจิ้ป ผม และเมฆ ตามลำดับ โดยการโอน้อยออก
   “ อย่าช้านะมึง กูไม่ชอบแพ้ ” เมฆบอกกับผม
   “ เออมึงก็อย่าพลาดละกัน ”
   “ พร้อมยังคะเด็กๆ ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มได้เลยจ้า ! ”
   แล้วพวกเราก็แข่งกันอย่างดุเดือดเหมือนชิงเงินรางวัลเป็นแสนๆ โดยทีมผมใช้วิธีงับแค่ปลายกระดาษเพื่อให้คนต่อไปคาบได้ง่ายๆ โดยมีเสียงเชียร์ของพี่ๆดังอยู่ไม่ห่าง แต่การที่ผมจะส่งให้เมฆนั้นจะลำบากหน่อย เพราะเขาสูงกว่าผม ผมเลยต้องเขย่งบ้าง เขาเองก็ช่วยโดยการก้มลงมาบ้าง ในขณะที่ทีมเรากำลังไปได้สวยก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อผมเผลอทำกระดาษหลุดจากปาก และเมฆก้มหน้ามาจะรับกระดาษพอดี
   “ จุ๊บ ” ปากผมกับเมฆเลยชนกัน และพวกเราก็อึ้งกันทั้งคู่
   “ กรี๊ดดดดดดดดด ” คนที่เชียร์ก็ยิ่งกรี๊ดดังขึ้นเมื่อเห็นภาพดังกล่าว ส่วนผมตอนนี้อายจนไม่รู้จะแทรกแผ่นดินตรงไหนแล้ว TT
   สุดท้ายการแข่งก็จบลงโดยที่ทีมผมเป็นผู้ชนะ ส่วนเมฆไม่ได้มีท่าทีเขอะเขินอะไรทั้งนั้น หน้าด้านหน้าทนจริงๆ แล้วพี่ๆก็ปล่อยผมกลับหลังจบกิจกรรมทั้งหมด
   “ ตะวันคร้าบ ไปกินข้าวกันไหม พัดชากับจิ้ปด้วยไปกินข้าวด้วยกันนะครับ ” เชนวิ่งเข้ามาหาผม เมื่อพวกผมเดินออกมาจากห้องประชุม หมอนี่ไม่มีเพื่อนคนอื่นหรือไงนะ = =
   “ อุ๊ย ไปกินสิคะ เราอยากกินข้าวกับเชน ” พัดชาเมื่อเห็นว่าเป็นผู้ชายชวนก็รีบตอบตกลงโดยไม่ถามผมเลยจะไปไหม
   “ ไปก็ไป จะกินอะไรละ ” แล้วผมบังเอิญหันไปเห็นเมฆพอดี “ อ้าวเมฆ! จะไปไหนหรอ ไปกินข้าวด้วยกันไหม ”
   “ ไม่ไป พอดีกูต้องไปหาเป้.. ” เมฆตอบพร้อมทำหน้าเซ็งๆ เมื่อหันมาเห็นพวกผมกับเชน
   “ อ๋อหรอ ! งั้นเจอกันที่หอละกัน ไปหาแฟนมึงเหอะ ” อะไรๆก็ปูเป้ ตัวจะติดอะไรกันขนาดนั้น น่ารำคาญ!
   “ อืม ” เมฆตอบสั้นๆแล้วเดินไปเลย
    เป็นอะไรของเขานะ อารมณ์ขึ้นๆลงๆจัง ตอนแรกยังอารมณ์ดีอยู่เลย ชิ
   “ งั้นเราไปกันเลยไหม เดี๋ยวเชนพาไปกินอะไรอร่อยๆเอง ” เชนเองตอนนี้ก็ดูอารมณ์ดีเกินเหตุ
   “ ไปก็ไป เชน เราขอชวนเพื่อนเราไปกินด้วยได้ไหม ? ” ตอนนี้ผมนึกอะไรดีๆออกแล้ว
   “ ได้สิครับ เพื่อนตะวันอยู่ไหนละ ไปพร้อมกันเลยไหม ”
   “ เดี๋ยวเรานัดเพื่อนเราไปเจอที่ร้านก็ได้ ไปกันเถอะ ” แล้วผมก็ทักไลน์ไปหาคนๆหนึ่ง

   แล้วเราก็มาถึงร้านเนื้อย่างที่ไม่ไกลมหาลัยมากเท่าไหร่ ตลอดทางที่มาพัดชาก็พูดกับเชนไม่หยุด และดูเหมือนสองคนนี้จะเข้ากันดีเชียว เรียกได้ว่าได้คะแนนพิศวาสจากพัดชาไปเต็มๆ
   “ ไหนละเพื่อนตะวันมาหรือยัง ” เชนถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าคนที่ผมนัดยังไม่มา
   “ เมื่อกี้เราทักไปถามบอกว่าจะถึงแล้วนะ อืม…..เอ้า!นั่นไงมาถึงแล้ว หม่อนๆทางนี้ๆ ” ผมหันไปเจอหม่อนที่เข้าร้านมาพอดี จึงโบกมือเรียกเขา
   “ สวัสดีทุกคน รบกวนด้วยนะ ” หม่อนยิ้มให้กับผม พัดชาแล้วก็จิ้ป ก่อนจะหันไปทักเชน “ สวัสดีเชน..”
   “ สวัสดีหม่อน พวกเราก็นึกว่าใครซะอีกที่ตะวันชวนมา ถามตะวัน ตะวันก็ไม่ยอมบอก ” จิ้ปยิ้มทักทายหม่อน
   “ ก็คุยกับหม่อนพอดีเลยชวนมา หม่อนมานั่งที่เราก็ได้ จิ้ปๆ เขยิบหน่อย ” ผมให้หม่อนมานั่งแทนที่ผมที่นั่งตรงข้ามกับเชนตอนแรก จริงๆมันเป็นแผนผมเองแหละครับที่จะชงหม่อนกับเชน
   “ ขอบคุณนะตะวัน แล้วนี่สั่งกันไปยัง ”
   “สั่งแล้.. ”
   “ ตะวันน่าจะบอกเราหน่อยนะว่าหม่อนจะมากินด้วย ” ผมยังพูดไม่ทันจบเชนก็พูดขึ้นมาพร้อมมองหน้าผมนิ่งๆ อะไรกันอยู่ดีๆก็ตึงใส่ผมเฉย
   “ ก็..เราเห็นว่ากินด้วยกันเยอะๆน่าจะสนุกดี อีกอย่างเชนกับหม่อนก็เป็นเป็นลีดด้วยกันก็เลยชวนมา ”
   “ อืม  อาหารมาแล้ว กินเถอะ ” แล้วเชนก็เริ่มปิ้งโดยไม่ได้คุยอะไรอีก ทิ้งให้พวกผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรงงเป็นไก่ตาแตก ส่วนหม่อนก็ทำหน้าเจื่อนๆ

   แต่พอผ่านไปสักพักเชนก็เริ่มพูดกับพวกผมอีกครั้ง เหมือนความตึงๆเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น เขาก็คีบของกินให้พวกผม แต่กลับไม่คุยกับหม่อนและทำเหมือนหม่อนไม่มีตัวตน ส่วนหม่อนก็กินแบบเงียบๆ ผมเห็นแบบนั้นเลยชวนหม่อนคุยบ้าง สงสารเขา ไม่อยากให้เขารู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว ผมว่าเขาต้องมีเรื่องอะไรกันแน่ๆเลย เอาไว้ผมค่อยถามหม่อนที่หลังดีกว่า

   จนเมื่อเช็คบิลพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ โดยผมกับพัดชาและจิ้ปขอแยกไป เพราะจิ้ปต้องไปเอาอุปกรณ์ที่ใช้คัดลีดพรุ่งนี้ ตอนแรกเชนอาสาไปส่งแต่พวกเราก็ยืนยันว่าจะไปเอง แม้พัดชาจะแสดงอาการระริกระรี้อยากให้ผู้ชายไปส่งก็ตาม โดยผมก็ขอร้องให้เชนไปส่งหม่อนที่หอแทน ซึ่งเขาก็ตกลง พวกเราจึงแยกกัน

   “ พวกแกว่าเชนกับหม่อนเขามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า ฉันเห็นเชนไม่พูดกับหม่อนเลยสักคำ ” จิ้ปเปิดประเด็นขึ้นมาเรื่องเดียวกับที่ผมสงสัย
   “ ฉันว่าเชนหึงหม่อนป่าวที่ตะวันชวนหม่อนมา ก็เชนมันชอบตะวันไม่ใช่หรอ ” พัดชาก็แสดงความคิดเห็นขึ้นมา
   “ แต่ฉันไม่ได้ชอบเชนสักหน่อย ฉันเองก็สงสัยนะว่าเขาทะเลาะกันหรือเปล่า เห้อแผนล่มหมดเลย ” ผมนึกแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
   “ แผนอะไรของแก ” พัดชาถามผม “ เล่ามาเลยนะถ้าเห็นว่าฉันเป็นเพื่อน ” 
   “ เออๆ เล่าก็เล่า คือว่าวันนั้นที่เจอเราเจอหม่อนแล้วหม่อนเรียกฉันไปคุยอะจำได้ไหม ” ผมถามทวนความจำทั้งคู่ ซึ่งพวกนั้นก็นึกก่อนจะพยักหน้า ผมจึงเล่าต่อ “ ก็วันนั้นหม่อนมาถามฉัน ว่าฉันเป็นแฟนกับเชนหรือเปล่า ง่ายเลยคือหม่อนชอบเชนแหละ ฉันก็เลยบอกไปว่าจะช่วยเท่านั้นเอง ”
   “ อ้าวนี่หม่อนชอบเชนหรอ โอ๊ยทำไมมันอีรุงตุงนังกันอย่างนี้เนี่ย ” พัดชาที่เหมือนจะเริ่มงงกับความสัมพันธ์ของพวกเราโวยวายขึ้นมา “ ทำไมไม่มีใครมาชอบตุ๊ดอย่างฉันบ้างนะ ”
   “ แล้วนี่จะเอาไงต่อ แกว่าป่านนี้หม่อนจะถึงหอยัง ” จิ้ปข้ามเสียงบ่นของพัดชาไปอย่างไม่มีเยื่อใย
   “ เดี๋ยวฉันถามก่อน ” แล้วผมก็พิมพ์ไปถามหม่อน “ หม่อนบอกว่าถึงแล้ว ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ ”
   “ เห้อ เห็นหม่อนทำหน้าเศร้าแล้วฉันไม่โอเคเลย ฉันอยากให้เขาสมหวังนะ ” พัดชาที่ตอนนี้เหมือนจะทำใจได้ก็เริ่มแสดงความเห็นใจหม่อน
   “ เพราะงั้นฉันถึงช่วยหม่อนไง ฉันอยากให้สิ่งที่เขาหวังมันเป็นจริง…

   แล้วกว่าจะไปเอาของที่บ้านจิ้ปเสร็จ ผมก็แทบสลบ ตาจะปิดให้ได้ สรุปคือจิ้ปไปเอาชุดลีลาศที่บ้าน ผมก็พึ่งรู้ว่าจิ้ปเป็นนักเต้นลีลาศ ฝีมือนี่ไม่ธรรมดาเลย ถ้วยรางวัลเต็มบ้าน ตอนแรกก็ว่าจะเอาชุดแล้วกลับเลย แต่พอไปถึงเจอพ่อกับแม่จิ้ปที่ยังไม่นอน ท่านเลยชวนพวกผมคุย แถมยังให้ขนมมาไว้กินอีกเพียบ นึกแล้วก็อยากกลับบ้านไปหาคุณแม่มั่งจัง หลังจากพรุ่งนี้ที่คัดลีดเสร็จผมก็ว่าจะกลับไปหาคุณแม่สักวัน
   พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็พบว่าไม่มีใครอยู่ห้อง อะไรกัน นี่จะไปอยู่กับยัยปูเป้จนดึกขนาดนี้เลยหรอ
   พอผมเอาของไปวางที่โต๊ะก็เห็นรูปภาพรูปหนึ่งกับข้อความที่แนบไว้

   ‘ กูไปทำงานที่ห้องเพื่อนนะ วันนี้คงไม่ได้กลับห้อง ล็อคห้องให้เรียบร้อยด้วย แล้วก็รูปที่บอกจะวาดให้ วาดเสร็จแล้ว เอาไป ’

   เมื่อดูรูปก็พบว่าเป็นรูปท้องฟ้าในตอนเย็น โอ้โห! เขาวาดภาพสวยจริงๆครับ รูปที่เขาวาดแม้จะดูไม่มีอะไรมากแต่มันกลับอบอุ่นเหลือเกิน ผมได้แต่มองภาพนั้นและจมไปกับความคิดต่างๆ ก่อนจะเก็บทุกอย่างเข้าลิ้นชัก และไปอาบน้ำนอน



- Baimhon Time -
   
   สวัสดีครับ ผมใบหม่อนเองนะครับ ยินดีทีได้รู้จักทุกคน ผมก็เป็นอีกคนที่สอบติดเข้ามาที่มหาลัยนี้ ผมอยู่คณะนิเทศศาสตร์ครับ สาเหตุที่ผมเลือกเรียนคณะนี้เพราะว่าจริงๆแล้วผมตามคนๆหนึ่งเข้ามาเรียนครับ คนนั้นเขาชื่อเชน
   ผมเจอกับเชนครั้งแรกที่เรียนพิเศษแห่งหนึ่ง แต่ไม่เคยเข้าไปทักเขาหรอก เพราะเราเรียนคนละโรงเรียนกัน มันคงแปลกถ้าอยู่ดีๆจะเข้าไปทัก และตอนนั้นผมยังไม่มีความกล้าอีกด้วย แต่พอได้ยินเขาคุยกับเพื่อนเขาว่าจะเข้าเรียนที่นี่คณะนี้ ผมก็เลยเลือกเรียนคณะนี้ตามเขาครับ ฟังดูไร้สาระใช่ไหม? แต่คุณเคยมีรักแรกพบไหมละครับ แบบที่เห็นครั้งแรกก็อยากได้ที่จะอยู่ข้างๆเขา เพราะผมรู้สึกอย่างนั้นผมจึงพยายามลองดูสักตั้งเพื่อจะได้มาพบกับเขา ทีนี้ผมจะได้เข้าไปคุยกับเขาซักที
   แล้วผมก็ได้คุยกับเขาสักทีในวันปฐมนิเทศของคณะ แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมกลับบอกชอบเขาไปและเขาก็ปฏิเสธผมในวันไหน
   “ เรามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ขอโทษด้วยนะ อีกอย่างเราไม่มีวันชอบนายได้หรอก ” นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกใจสลาย หลังจากที่เขาปฏิเสธ
   ผมก็ไม่หยุดความพยายามแค่นั้น เพราะอย่างน้อยขอแค่ได้อยู่ใกล้ๆเขาผมก็พอใจ ผมหวังแค่สักวันหนึ่งผมอาจจะมีโอกาสบ้าง ผมจึงไปสมัครเป็นลีดเพราะอยากให้เข้าเห็นความพยายามของผมบ้าง
   แต่นับวันกลับกลายเป็นว่า เขาดูรำคาญผมมากขึ้นทั้งที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงดูไม่อยากคุยกับผมขนาดนี้ ตอนแรกผมก็สงสัยว่าเขาอาจจะมีแฟนแล้ว และคนนั้นอาจเป็นตะวัน เพื่อนที่ผมได้รู้จักเพราะเหตุบังเอิญ พอดีวันที่ผมไปกินข้าวผมเจอตะวันพอดี พอได้พูดคุยกับตะวันผมก็เลยสบายใจนิดนึงที่อย่างน้อยเชนก็ยังไม่มีแฟน
   “ถ้าหม่อนชอบเชนจริงๆ เดี๋ยวเราช่วยก็ได้นะ ”
   “ ก็…..อื้อ ใช่เราชอบเชน ขอบคุณมากนะตะวัน งั้นเราขอไลน์ตะวันหน่อยสิ ”  ผมตัดสินใจบอกกับตะวันไปตรงๆ
   “ ได้สิ อะนี่ไลน์เรา ”
   “ งั้น ตะวันกลับเถอะ เดี๋ยวเพื่อนๆรอนาน ” ผมเห็นว่าผมรบกวนเวลาเขามาสักพักแล้ว
   “ โอเค ไว้เจอกันนะหม่อน สู้ๆนะ ” ตะวันบอกลาผมและให้กำลังใจ นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้สึกมีหวังมากขึ้น

   หลังจากวันนั้น กลับกลายเป็นว่าเชนไม่คุยกับผมเลย แม้เวลาเราเจอกันตอนซ้อม ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น เขาก็จะไม่พูดกับผม ผมกลายเป็นคนไร้ตัวตนสำหรับเขาไปแล้ว
   
   แล้วอยู่ดีๆวันหนึ่ง ในขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ตะวันก็ไลน์มาหาผม
   
   Tawan : หม่อนๆ ทำอะไรอยู่ว่างไหม?
   Baimhon : เราทำงานอยู่ ตะวันมีอะไรหรือเปล่า
   Tawan : จำเรื่องที่เราบอกจะช่วยหม่อนได้ไหม เนี่ยเราจะไปกินข้าวกับเชน มีเพื่อนเราด้วยพัดชากับจิ้ป หม่อนมาด้วยกันไหม
   
   กินข้าวกับเชนหรอ เอาไงดีนะ ถ้าไปแล้วเขาจะรำคาญผมมากกว่าเดิมไหมนะ

   Tawan : สะดวกเปล่า? เราอยากให้หม่อนมานะ จะได้ทำคะแนนไง
   
   ผมตัดสินใจสักพักนึง เอาวะเป็นไงเป็นกัน ไปก็ไป

   Baimhon : โอเคได้ ที่ไหนละตะวัน
   Tawan : ร้านเนื้อย่างที่เลยมหาลัยไปไม่ไกลอะ หม่อนรู้จักไหม ใกล้ๆกับห้าง XX
   Baimhon : รู้จักๆ งั้นเดี๋ยวเราไปเรียกรถละ เจอกันที่ร้านนะตะวัน
   Tawan : ได้เบยยย : D
   
   ผมก็รีบไปล้างหน้าล้างตา และลงไปเรียกแท็กซี่เพื่อไปที่ร้าน เมื่อไปถึงร้านตะวันก็ไลน์มาพอดี ผมเลยมองหาพวกเขาว่าอยู่ตรงไหน
   “หม่อนๆทางนี้ๆ ” ตะวันโบกมือเรียกผมให้ผมเดินไปที่โต๊ะเขา
   “ สวัสดีทุกคน รบกวนด้วยนะ ” ผมทักทายทุกคน “ สวัสดีเชน ”
   เชนมองหน้าผมแต่ไม่ทักผมตอบ สีหน้าของเชนไม่แสดงอะไรนอกจากความว่างเปล่า
   “ สวัสดีหม่อน พวกเราก็นึกว่าใครซะอีกที่ตะวันชวนมา ถามตะวัน ตะวันก็ไม่ยอมบอก ” จิ้ปเพื่อนของตะวันทักผมขึ้นมา
   “ ก็คุยกับหม่อนพอดีเลยชวนมา หม่อนมานั่งที่เราก็ได้ จิ้ปๆ เขยิบหน่อย ” ตะวันลุกให้ผมนั่งแทนที่ของเขา
   “ ขอบคุณนะตะวัน แล้วนี่สั่งกันไปยัง ”
   “สั่งแล้.. ”
   “ ตะวันน่าจะบอกเราหน่อยนะว่าหม่อนจะมากินด้วยอะ ” อยู่ดีๆเชนก็พูดขึ้นมา เสียงของเขาผมฟังก็รู้แล้วว่าเขาอารมณ์ไม่ดี 
   “ ก็เราเห็นว่ากินด้วยกันเยอะๆน่าจะสนุกดี อีกอย่างเชนกับหม่อนก็เป็นเป็นลีดด้วยกันก็เลยชวนมา… ”
   “ อืม  อาหารมาแล้วกินเถอะ ” หลังจากนั้นเชนก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าผม
   
   ตลอดเวลาที่กิน เชนทำเหมือนกับว่าผมไม่มีตัวตนอยู่ในโต๊ะนี้ เขาคีบอาหารให้พวกตะวันโดยไม่เหลียวมองผมเลย ผมอึดอัดจนอยากกลับตอนนั้นเลย แต่ก็ไม่อยากให้ตะวันเสียน้ำใจที่ตั้งใจจะช่วยผม ผมเลยต้องทนกินให้มันผ่านๆไป
   “ เชนไปส่งหม่อนหน่อยสิ เดี๋ยวเราจะไปเอาของบ้านจิ้ป ” ตะวันบอกกับเชนหลังจากที่เรากินเสร็จ
   “ ไม่เป็นไรดีกว่าตะวัน เดี๋ยวเรากลับเองก็ได้ ”
   “ ให้เชนไปส่งแหละหม่อน กลับเองได้ไง นะเชนไปส่งหม่อนหน่อยนะ ” ตะวันหันไปพูดขอร้องกับเชน ซึ่งเชนก็เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ผมเลยสบายใจขึ้นมาหน่อย
   “ ได้สิตะวัน งั้นตะวันก็เดินทางดีๆนะ มีอะไรก็โทรมาละกัน ” เชนบอกลาพวกตะวัน ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ ปะหม่อน ขึ้นรถเดี๋ยวเราไปส่ง ”
   
   นี่ผมฝันไปหรือเปล่าครับเนี่ย เชนยอมพูดกับผมแล้ว ดีใจจัง แล้วผมก็ตามเขาไปในรถ แล้วเชนก็ขับออกมาจากร้าน แต่ทางที่เขาขับไปกลับไปใช่ทางกลับหอ สงสัยน่าจะแวะไปทำธุระก่อน
   ตั้งแต่ขึ้นรถมาเชนก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมอีก ผมไม่อยากให้มันเงียบแบบนี้ก็เลยชวนเขาคุย
   “ ขอบคุณนะเชนที่ไปส่งเรา แล้วนี่จะไปไหนหรอ? ”
   “ มึงทำแบบนี้ทำไม? ” เชนถามผมเสียงเย็น
   “ ทำอะไร เราไม่เข้าใจ ” ผมงงกับสิ่งที่เขาถามผม อะไรของเขา ผมไปทำอะไรกัน
   “ ก็ที่มึงพยายามเข้าหากูแบบนี้ มึงต้องการอะไร นี่มึงใช้ตะวันให้ช่วยใช่ไหม ”
   “ เห้ย ! เราเปล่านะ เราทำงานอยู่แล้วตะวันก็แค่ชวนเรามากิน เราก็เลยมาเท่านั้นเอง ”
   “ แล้วไม่รู้หรอว่ากูก็มา? ” ตอนนี้เชนเริ่มทำให้ผมกลัวแล้ว เสียงของเขาดูน่ากลัวมาก
   “ ก็…รู้ ” ผมตัดสินใจบอกเขาไปตรงๆ “ แต่..”
   “ กูเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่ามายุ่งกับกู ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นอะไรไม่ต้องคุยกับกู ยังไงกูก็ไม่มีวันชอบมึง มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรอ ว่าไง!!  ใบหม่อนกูถามมึงอยู่นะ! ” เชนหยุดรถและตะคอกใส่ผมเสียงดัง
   “ เราถามจริงๆนะ เราไปทำอะไรให้เชนไม่พอใจเราขนาดนั้นหรอ เชนถึงดูรังเกียจเราขนาดนี้ ” ตอนนี้น้ำตาผมเริ่มไหลออกมาเมื่อเขาแสดงท่าทีไม่อยากอยู่กับผมแบบเปิดเผยขนาดนี้ “ ถ้าเราไปทำอะไรให้เชนเกลียดเรา เราขอโทษนะ แต่แค่เป็นเพื่อนกันก็ได้ เชนเป็นเพื่อนกับเราไม่ได้หรอ ”
   “ ……. ”
   “ ฮึก..เชน บอกเราหน่อยสิ ว่าทำไม ถ้าเราทำอะไรไม่ดี เราจะได้แก้ไข เราแค่อยากอยู่ใกล้ๆเชน ไม่ต้องเป็นอะไรก็ได้ แค่อย่ารำคาญเราก็พอ ” ตอนนี้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้วครับ ผมก็เลยร้องออกมา
   “ ลงไป ” นั่นเป็นคำตอบที่ผมได้จากเชน
   “ ….. ”
   “ ลงไปจากรถกู เดี๋ยวนี้! ไม่งั้นต่อไปก็ไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีก ! ” เขาตะโกนใส่ผมอีกครั้ง
   “ อืม เราลงก็ได้ ” แล้วผมก็เปิดประตูลงจากรถเขา แล้วเขาก็ขับรถไปเลยโดยไม่ได้สนใจว่าผมจะกลับยังไง
   ผมลงจากรถมา ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนโดนกรีดตามตัว มันรู้สึกเจ็บไปหมด ผมหมดแรงที่จะทำอะไร ได้แต่นั่งอยู่ข้างทางแล้วร้องไห้ออกมา

   Tawan : หม่อนถึงหอยัง ทุกอย่างโอเคไหม?

   ตะวันทักมาถามผม ผมไม่อยากให้เขาเป็นห่วงเลยเลือกที่จะโกหกเขาไป
   
   Baimhon : ถึงแล้ว ขอบคุณมากนะตะวันสำหรับวันนี้
   Tawan : แล้วนี่หม่อนกับเชนมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าเราเห็นที่ร้านดูไม่คุยกันเลย
   
   มีสิครับ มีมากเลยแหละ

   Baimhon : อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกตะวัน เราโอเค เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะไว้เจอกันใหม่
   Tawan : อื้อ ไว้เจอกันนะหม่อน มีไรให้ช่วยก็บอกเราเลยนะ
   
   ผมเลือกที่จะไม่อ่านและไม่ตอบข้อความสุดท้ายของตะวัน ผมควรทำยังไงต่อไปดีนะ จะสู้ต่อหรือจะพอแค่นี้ดี ผมไม่อยากให้ตัวเองต้องเสียใจอีกแล้ว…

คำคมท้ายบท : คนที่ไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด แม้แต่ความคิดก็ยังไม่เคยถูก : (

-TBC-
จริงแล้วทำไมเชนถึงไม่ชอบใบหม่อนขนาดนี้ ลึกๆแล้วเขามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ใครผิดใครถูก หรือเรื่องนี้ใครจะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด ยังไงก็ฝากติดตาม ฝากเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ถ้าชอบก็เม้นท์กันมาได้นะครับ ^^

หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 8 บัดดี้ [ 19/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-02-2018 20:37:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 8 บัดดี้ [ 19/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 19-02-2018 20:37:58
สงสารใบหม่อนมากหนูต้องเข้มแข็งนะ  :hao5:
ส่วนอิชะนีปูเป้มัอะไรมากกว่านั้นป่ะเมฆจะแคร์แบบแปลกๆน่าจะมีเบื้องหลัง
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 8 บัดดี้ [ 19/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 20-02-2018 19:08:41
โอ๊ยสงสารหม่อน  :hao5: :hao5:

สู้ๆนะหม่อน เชน ไอ้คนใจร้าย! :m31:
หัวข้อ: Re:My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 9 ดวงจันทร์สีดำ [22/02/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 22-02-2018 20:58:53
บทที่ 9
ดวงจันทร์สีดำ

     และแล้ววันนี้ก็ถึงวันที่ผมต้องคัดลีด ตื่นเต้นจัง ง่วงๆก็ง่วง เนื่องจากเมื่อเช้าผมมีเรียนสองคาบติด แล้วก็ต้องมาเตรียมตัวแต่งหน้าทำผมต่ออีก โดยเรานัดกันที่ห้องของเพื่อนในลีดคนนึง ส่วนพวกผู้หญิงก็แยกไปอีกเตรียมตัวอีกห้อง
   “ โอ๊ย ฉันตื่นเต้นแล้วเนี่ย พวกเราจะคัดผ่านกันไหม ” พัดชาบ่นขึ้นมา
   “ เราว่าก็น่าจะผ่านกันหมดปะ คนมาคัดคณะเราก็ไม่ได้เยอะเท่าคณะอื่น ” เพื่อนคนนึงบอก
   ก็จริงนะครับ คณะผมตอนแรกคนก็มาคัดเยอะ แล้วก็หายไปวันละคนสองคน นี่ถ้าเอาใครออก คนก็คงแทบไม่เหลือแล้ว = =
   “ กรี๊ดดดด! ตะวันแกเห็นรูปนี้ยัง ” พัดชาที่อยู่ดีๆก็กรี๊ดขึ้นมาในขณะที่เขี่ยโทรศัพท์ไปมา
   “ อะไรของแก รูปอะไร? ”
   “ นี่ไงในเพจของมหาลัย เขาลงรูปแกกับเมฆ ”
   “ ฉันกับเมฆ? รูปไหน ฉันยังไม่เคยถ่ายรูปคู่กับมันเลย ” ผมงง ผมไปถ่ายรูปคู่กับเมฆตอนไหน
   “ โอ๊ย! เอ้า เอานี่ไปดู ”  แล้วพัดชาก็ยื่นโทรศัพท์ของนางมาให้ผมดู
   ไหนๆดูหน่อยสิ
   “ เห้ย ! ได้ไง ถ่ายไว้ด้วยหรอเนี่ย O_o ”
   เมื่อเห็นรูปผมก็ช็อกสุดขีด เพราะว่ามันคือภาพตอนที่ผมจุ๊บกับเมฆตอนกิจกรรมเมื่อวานนี้ พอไล่เข้าไปดูในคอมเมนต์ กลับมีคนมาเมนต์เยอะมาก
   “ ดังแล้วนะแก มีแต่คนเข้ามาจิ้น เฮ้อ! เป็นคนดังแบบนี้สงสัยจะผ่านการคัดโดยที่ไม่ต้องทำอะไรมาก ” พัดชาแกล้งประชดทีเล่นทีจริง
   “ แต่ฉันไม่ได้อยากดังแบบนี้สักหน่อย แกไปบอกให้เขาลบได้ไหม ”
   “ เรื่องอะไรละ ฉันกดแชร์แล้วด้วยยะ ทิ้งไว้อย่างนี้แหละ ยัยปูเป้เห็นจะได้ดิ้นตาย เชิ่ด ” แล้วพัดชาก็เอารูปนี้ไปให้เพื่อนๆคนอื่นดู กลายเป็นเรื่องพูดคุยกันสนุกสนานไปแล้ว แซวผมกันไม่หยุด
   ป่านนี้เมฆจะเห็นรูปหรือยังนะ เขาจะคิดมากหรือเปล่า ผมกลัวเขาจะอายถ้าคนมาแซว แล้วจะกลายเป็นตีตัวออกห่างจากผม   
   เมื่อมองเวลาก็เห็นว่าใกล้เวลาที่จะคัดแล้วพวกเราจึงต้องเร่งเตรียมตัวเองให้พร้อมก่อนไปรวมตัวกันตามสถานที่ที่พี่ๆเขานัดไว้
   “ โอ้โห วันนี้สวยกันเป็นพิเศษเลยนะสาวๆ ” โอ๊ตพูดชมฝั่งผู้หญิง ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงๆครับ เพราะแต่ละคนสวยจริงๆ
   “ ทางพวกผู้ชายก็หล่อเหมือนกันนะ โดยเฉพาะพัดชา วันนี้หล่อขนาดนี้ กลับไปใช้ชื่อพงษ์ไหม ”
   “ อีจิ้ป ! อยากเปลี่ยนสีแดงที่ปากจากลิปเป็นเลือดไหม จะได้สงเคราะห์ให้ ” พัดชาที่ทำท่าจะพุ่งเข้าไปตบจิ้ป เรียกเสียงหัวเราะให้เพื่อนๆ
   จากที่ตอนแรกพวกเราตื่นเต้นกัน กลายเป็นผ่อนคลายมากขึ้น
   “ น้องๆคะเดี๋ยวจับฉลากตามลำดับเลยนะคะ คัดทีละคนนะลูก เพื่อไม่ให้เสียเวลาทุกคนเข้ามาจับได้เลยคะ ”
   แล้วทุกคนก็ต่อแถวกันจับฉลาก ซึ่งผมได้ลัคกี้นัมเบอร์ครับ เลข 13 ส่วนพัดชาได้คนแรกเลย จิ้ปปิดท้าย พวกเราก็เลยอวยพรพัดชาให้โชคดี ก่อนจะแยกไปเก็บตัวอีกที่หนึ่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ ซึ่งแต่ละคนก็นั่งไม่ติดเก้าอี้เลย ซ้อมความสามารถพิเศษของตัวเองกันไม่หยุด ส่วนผมหรอครับ วันนี้ผมเตรียม โชว์เทควันโดครับ ไม่รู้จะเอามาโชว์แล้ว ไหนๆก็เคยเรียนมาก็เอาอันนี้แหละ
   เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ จนมาถึงคิวของผมพอดี
   “ สู้นะตะวัน ” จิ้ปและคนอื่นๆให้กำลังใจผม ผมจึงหันไปชูสองนิ้วเป็นการตอบรับ

   “ สวัสดีค่ะ แนะนำตัวเลยค่ะ ” พี่คนหนึ่งที่เป็นรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว ทำหน้าที่เป็นกรรมการในการคัดวันนี้
   “ สวัสดีครับ ผมชื่อนาย ทิวากร กุลธนาสกุล ชื่อเล่นชื่อตะวันครับ ” ผมยกมือไหว้พี่ๆทุกคน โห ตอนแรกนึกว่ากรรมการมีไม่กี่คน นี่นั่งกันเป็นสิบ เริ่มเกร็งแล้วแฮะ
   “ กุลธนาสกุล ?  นามสกุลคุ้นๆ ที่บ้านน้องทำธุรกิจอะไรหรือเปล่าคะ ”
   “ อ๋อ! ฉันนึกออกแล้ว นามสกุลนี้ที่ออกทีวีบ่อยๆ ทำธุรกิจส่งออกเจ้าใหญ่ของประเทศเลยนี่ ” พี่ผู้หญิงที่สวมแว่น พูดกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ “ แล้วพี่เขาก็เป็นลีดคณะเราด้วยนะ รุ่นแรกๆไง เขายังเคยให้สปอนเซอร์พวกเราเลย ”
   “ อ่อพี่ใหม่ ฉันจำได้แล้ว แล้วนี่น้องเป็นอะไรกับพี่ใหม่คะ ”
   “ ผมเป็นลูกครับ - - ” อะไรกัน นี่แม่ผมเคยเป็นลีดเหมือนกันหรอ ตอนโทรไปเล่าให้ฟังไม่เห็นแม่พูดเลย
   “ แหม โลกกลมจังเลยนะคะ ดีๆๆ ” เมื่อรู้ว่าผมเป็นลูกใคร บรรยากาศตึงๆจากพวกพี่เขาตอนแรกก็หายไป
   “ งั้นน้องตะวันโชว์ได้เลยค่ะ ^^ ”
   จากนั้นผมก็แสดงตามที่ท่าที่พี่เขาปล่อยให้ และ ความสามารถพิเศษที่ผมเตรียมมา จนมาถึงรอบตอบสัมภาษณ์ พี่ๆหลายคนก็ผลัดกันถามผม
   “ น้องตะวันมีแฟนหรือยังครับ ”
   “ ยังไม่มีครับ ”
   “ แล้วรูปที่ลงในเพจมหาลัยไม่ใช่แฟนหรอคะ? ”
   “ เอ่อ…นั่นเมทผมครับ พอดีทำกิจกรรมชมรมแล้วผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย ” ตายๆนี่ขนาดพี่ๆที่จบไปแล้วยังเห็นหรอเนี่ย
   “ แล้วน้องตะวันชอบผู้ชายหรือผู้หญิงคะ บอกให้เจ๊รู้ที ” พี่ที่ดูเหมือนเจ๊ที่สุดถามขึ้นมา เรียกเสียงเฮฮาชอบใจจากพี่ๆทุกคน
   “ ผม…เอ่อ ” จริงๆผมก็ไม่ได้ปิดบังอะไรแต่ก็ไม่ได้อยากประกาศใครต่อใครสักหน่อยว่าผมชอบผู้ชาย
   “ ว่าไงคะ? ตอบได้ไหมเอ่ย พวกพี่ๆแค่อยากรู้ ”
   เอาวะ ตอบก็ตอบ “ ครับ ผมชอบผู้ชายครับ ”
   หลังจากที่ผมตอบพี่ๆผู้หญิงทุกคนก็กรี๊ดขึ้นมา แต่ไม่ใช่กรี๊ดหวาดกลัวหรอกนะครับ ดูเป็นการกรี๊ดแบบถูกใจ นี่สาวๆสมัยนี้เป็นอะไรกันไปหมด =_=
   แล้วก็เป็นคำถามปกติทั่วไป ผมไม่ค่อยโดนคำถามจริงๆจังสักเท่าไหร่ ส่วนมากเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า

   แล้วก็ถึงเวลาประกาศผล สรุปผลคือพวกผมคัดผ่านกันทุกคน พวกเรานี่ร้องไห้กันออกมาด้วยความดีใจที่เพื่อนๆอยู่กันครบ พี่ๆเขาจึงจะไปฉลองให้พวกผมที่ร้านเดิม ซึ่งผมเองก็พึ่งรู้ว่าร้านนั้นเป็นร้านของรุ่นพี่ผมเอง นี่ผมต้องไปกินอีกแล้วหรอเนี่ย นึกถึงแล้วยังแสบคออยู่เลย  แต่จะปฏิเสธพี่ๆก็คงไม่ยอม สุดท้ายพวกผมเลยต้องกลับไปอาบน้ำแต่งตัวกัน เพราะถ้าให้ไปเลยคงเป็นงานคอสเพลย์ แต่ละคนแต่งตัวกันแฟนซีมาก
   พอกลับมาที่ห้องก็พบว่าเมฆไม่อยู่ นี่เขาไปไหนของเขากันนะ สงสัยยังทำงานไม่เสร็จ แต่พอเขาไม่อยู่ห้องผมกลับรู้สึกว่าห้องมันเงียบเกินไป นี่ผมเป็นโรคอยู่คนเดียวไม่ได้แล้วละมั้ง
   “ อ้าว! กลับมาห้องแล้วหรอ ” ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่เมฆก็เปิดประตูเข้ามาพอดี “ คัดลีดเป็นไง ”
   ตายยากจริงๆ!
   “ ก็โอเค ผ่าน! แล้วมึงไปไหนมาเนี่ย ”
   “ ทำงานอะดิ งานคณะกูเยอะจะตาย นี่ก็ขนกลับมาทำที่ห้องต่อเนี่ย ” ผมเห็นเมฆขนอะไรมาไม่รู้เต็มเลย นี่พึ่งจะเปิดเทอมเอง ทำไมงานเยอะจัง
   “ ตะวัน เอ่อ…แล้วนี่รูปที่กูวาดให้มึงชอบไหม? ”
   “ หืมรูป? อ๋อ..ก็สวยดี ”
   “ ถามว่าชอบไม่ชอบ ทำไมไม่ตอบละ ”
   “ ก็ … ”
   “….. ” เมฆจ้องผมเพื่อรอคำตอบ
   “ ก็ชอบ ” เขายิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ โอ้ยทำไมมันหล่อขนาดนี้วะเนี่ย
   “ เก็บไว้ดีๆนะ ”
   “ แล้วทำไมมึงเลือกวาดรูปนี้ละ? ” ผมก็ถามไปตามที่ผมสงสัย
   “ มึงก็แปลความหมายเอาเองสิ นี่กูวาดให้แล้วต้องมาอธิบายให้ฟังอีกหรอ วาดก็วาดฟรี ” เมฆบ่นผมเป็นชุด
   “ ชิ ! กูไม่รู้ก็ได้ ” ไม่บอกก็ไม่บอก หึ “ เออนี่ วันนี้กูไปกินเหล้านะ ”
   “ ไปอีกละ! เดี๋ยวก็เมาอีก จะไปทำไมวะ ” นั่นไงครับ คิดไว้ละว่าต้องโดนว่า แต่กูอยากไปที่ไหนละ สถานการณ์มันพาไปต่างหาก !
   “ ไม่เมาๆ วันนี้จะกินไม่เยอะ เอาน่ากูไม่อ้วกแน่นอน สัญญา ”
   “ ให้มันจริงเหอะ แล้ววันนี้ไปร้านไหน ร้านเดิมหรือเปล่า จะให้ไปรับไหม ? ”
   “ ร้านเดิมๆ วันนี้พี่เขาน่าจะมาส่ง ไม่ต้องมารับหรอก ทำงานมึงไปเหอะ ” ผมบอกเขาเมื่อเขาเสนอตัวจะมารับ “ งั้นกูไปอาบน้ำละ ”

   เมื่อผมอาบน้ำเสร็จก็ไปที่ร้าน โดยโดนพ่อคนที่สองกำชับไว้ว่าห้ามเมา ไม่อย่างนั้นจะจับไปนอนที่ระเบียง กลัวตายละ !
   “ น้องตะวันมาแล้วหรอ มาเร็วๆ ประเดิมสิบวิค่า ” พี่ยีนที่มาถึงก่อน ตอนนี้ดูเหมือนจะเริ่มเมาแล้ว นี่มาถึงผมก็ต้องโดนเลยหรอเนี่ย TT
   “ พี่ยีน ! เดี๋ยวตะวันก็อ้วกอีกหรอก ” ส้มโอรีบช่วยผมเมื่อเห็นว่าพี่ยีนจะกรอกเหล้าผม
   “ นี่หนูๆ อ่อนแอก็แพ้ไปนะลูก ไม่มีข้อแม้จ้า เลือกเอาจะสิบวิหรือยี่สิบวิ ” พี่ยีนเองก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น คงไม่มีอะไรจะหยุดเธอได้แล้ว
   “ สิบวิครับ ! ” ผมรีบตอบก่อนที่จำนวนเวลามันจะเพิ่มมากขึ้น
   ตอนนี้ทุกคนก็มากันครบแล้ว ค่ำคืนนี้ออกจะเละเทะไปนิด เพราะว่าพวกพี่รุ่นแก่ๆนี่แกล้งน้องๆกันหมด

   จังหวะที่พวกผมกำลังสนุกกันอยู่ นักร้องก็ประกาศขึ้นมา
   “ สำหรับค่ำคืนนี้นะครับ เราก็มีคนฝากบทเพลงหนึ่งมาให้คนๆนึงในร้านนี้นะครับ ”
   พอนักร้องพูดจบทุกคนก็หันไปสนใจกันหมด ว่าใครมาทำเซอร์ไพรส์อะไรกันหรือเปล่า
   “ คุณตะวัน คณะบริหารยังอยู่ในร้านนี้ไหมครับ ” หืม! นั่นมันชื่อผมนี่
   พอรู้ว่าเป็นชื่อผม โต๊ะผมก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
   “ กรี๊ดดด! อยู่นี่ค่า น้องตะวันอยู่โต๊ะนี่ค่า  ” พี่ยีนตระโกนบอกนักร้อง ซึ่งตอนนี้ผมเป็นห่วงพี่ยีนมากกว่าตื่นเต้นอีกครับ สภาพคือขี้เมาดีๆนี่เอง =_=
   “ ฮ่าๆๆ ยังอยู่นะครับ ก็ มีคนๆนึงเขาฝากบทเพลงนี้มาให้กับคุณตะวัน ทุกคนพร้อมที่จะฟังกันไหมครับว่าเป็นเพลงอะไร ”
   “ พร้อมค่า/พร้อม ! ” ตอนนี้คนทั้งโต๊ะ รวมถึงหลายๆคนในร้านตะโกนตอบพร้อมๆกัน นี่ใครมาแกล้งผมหรือเปล่าเนี่ย !
   “ ถ้าพร้อมแล้ว ไปฟังกันเลยครับ วัน ทรู ทรี โฟร์ ”
   แล้วเสียงกีต้าร์ก็ดังขึ้น

   ‘ หาในค่ำคืนฝนพรำ หาตามดวงจันทร์สีดำ
     เธออยู่ที่ไหน บนโลกอันแสนกว้างใหญ่….
     ถามกายที่เคยสวมกอด ถามใจที่ยังมืดบอด
     เป็นไปได้ไหม เรากลับมาพบกันใหม่ ’

   เมื่อเสียงนักร้องเริ่มร้องขึ้นทุกคนก็ปรบมือขึ้น ผมพยายามฟังเพลงนี้ มันเป็นเพลงที่ผมไม่รู้จัก แล้วผมก็พยายามคิดตามว่าใครกันที่ฝากเพลงนี้มา

   ‘ พยายามทำทุกอย่าง เจอแต่ความอ้างว้าง
     ที่ยังถา ที่ยังโถม ทั้งดวงใจ
     ภาวนาอย่างเลื่อนลอยฝากกับดาวนับร้อย
     ให้เธอรับ ให้เธอรู้ ถึงความใน.. ’
   
   ตอนนี้ผมเองก็ตกไปในเสียงเพลงที่รักร้องได้บรรเลงออกมา

   ‘ รู้ไหมว่าคิดถึง ทุกครั้งที่หันมองดูคืนวันเก่าๆ
         ที่ฝันเป็นอันเดียวกัน เมื่อก่อน
     เพราะฉันไม่เคยรักได้มากเท่านั้น เลยยังดึงดันอยู่กับความหวาน
     มันทรมาน ย้ำๆ ซ้ำๆ ในความทรงจำ
     ฉันเพียงอยากพบเจออีกสักครั้ง
     หวังแค่จะขอเธอกลับมา รักกัน อย่างเคย…’

   แม้ผมจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครที่ฝากเพลงมา แต่ผมกลับรู้สึกถึงความคิดถึงจากเพลงนี้

   ‘ เขียนเพลงเพื่อตามหาเธอ หวังวันหนึ่งเธอได้เจอ
     ให้บทเพลงนี้ พาเธอมาหาฉันที…’

[ เพลง ดวงจันทร์สีดำ (I Miss You So Much) - YOUNG MAN AND THE SEA ]


   ทันที่ที่จบเพลงผมก็นึกถึงเมฆขึ้นมา ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน จากตอนแรกที่ผมเองก็พยายามที่จะไม่ได้สนใจแล้ว ว่าเขาใช่คนที่ผมตามหาไหม แต่ตอนนี้ ภาพความทรงจำเก่าๆในตอนเด็กมันก็โผล่มาอีกแล้ว ผมคิดถึงเขาจัง เมื่อไหร่ผมจะได้รู้ความจริงสักทีนะ
   “ ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับเพลงนี้ จริงๆแล้ว เขาฝากข้อความถึงคุณตะวันด้วยนะครับ ”
   “ ….. ”
   “ เขาคนนั้นฝากบอกว่า ‘ คิดถึงตลอดเวลา และอยู่ข้างๆเสมอ ’ หวังว่าทุกคนจะสนุกกับคืนนี้นะครับ งั้นไปฟังเพลงต่อไปกันเลย ”
   คิดถึงและอยู่ข้างๆเสมอหรอ? เอ๊ะหรือจะเป็นเชน หมอนี่ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่ด้วยสิ
   “ แกว่าใครเป็นคนฝากเพลงนี้ให้แกหรอ ” พัดชาถามผม ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน
   “ ไม่รู้อะ นึกไม่ออกเลย แกช่วยฉันมองหน่อยว่าเชนอยู่ในร้านนี้ไหม ”
   “ อืม… ไม่เห็นมีนะแก ทำไมต้องมองหาเชนอะ ” เมื่อผมมองไปรอบๆร้านก็ไม่เห็นเชนอยู่ในร้านจริงๆ ถ้าไม่ใช่เชน แล้วใครกันนะ โอ๊ย! มีแต่เรื่องให้งง
   “ เปล่าๆ ไม่มีอะไร กินกันต่อเหอะเดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะ ”
   “ โอเคๆ รีบมานะแก ”
   ในขณะที่ผมกำลังจะเดินไปห้องน้ำ ก็เดินไปชนกับใครบางคนซะก่อน
   “ ปอย เจน จับมันไว้ ! ” มีอีกเสียงสั่ง เมื่อผมเงยหน้าก็พบว่าเป็นปูเป้
   
   เพียะ !!
   พอคนที่ชื่อปอยกับเจนเข้ามาล็อคแขนผม ยัยปูเป้ก็ตบผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว
   เพียะ !!
   โอ๊ย! สองทีซ้อนเลยครับ TT
   “ แกมายุ่งกับเมฆทำไม ! ” ยัยปูเป้ตะโกนใส่ผม
   “ อะไรฉันไปทำอะไรให้! ” ผมที่พยายามดิ้นให้หลุด แต่ยัยชะนีถึกสองคนนี้แรงเยอะชะมัด
   “ ฉันเห็นรูปในเพจว่าแกจูบกับเมฆ หน้าด้าน! ” แล้วปูเป้ก็ง้างมือจะตบผมอีกครั้ง แต่มีคนเข้ามาช่วยผมก่อน
   “ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! เธอจะทำอะไรน้องฉัน ” ตอนนี้พวกพี่ๆกับเพื่อนผม มากันครบเลยครับ ยัยสองคนที่ล็อคผมไว้เห็นว่าตอนนี้โดนล้อม เลยปล่อยผมและไปยืนกับหัวหน้านางแทน
   “ ทำอะไรหรอ ฉันก็จะตบสั่งสอนไอ้คนหน้าด้านที่มายุ่งกับของๆฉันไง หลบไป! ” ปูเป้เหมือนหมาบ้าเลยครับ นางพยายามเข้ามาทำร้ายผม แต่โดนพี่ยีนตบกลับซะก่อน
   เพียะ!!!!
   พี่ยีนตบกลับด้วยความแรงสุดแขน จนหน้ายัยปูเป้สั่น อู้ววววว! เผ็ด!  ผมถึงกับอ้าปากค้างเลย
   “ อย่ามาทำซ่าแถวนี้ ! ” พี่ยีนมายืนบังผมตัวผมไว้ เพื่อไม่ให้ยัยปูเป้เข้ามาทำอะไรผมได้ คนอื่นๆก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน
   “ อ๋อ! นี่หมาหมู่หรอ ทำไมพวกแกต้องปกป้องไอ้คนผิดเพศแบบนั้นด้วย มันกล้าดียังไงมาจูบกับแฟนฉัน!! ”
   “ นี่เธอ! ถ้าภาพที่เธอเห็นในเพจ มันเป็นอุบัติเหตุ เขาเล่นเกมกัน เคยเล่นไหมเกมอะ ตอนนั้นคนก็อยู่ตั้งเยอะ หัดมีสติซะบ้าง ไม่ใช่เอะอะก็จะตบๆอย่างเดียว ” พัดชาออกโรงปกป้องผมอีกคน
   “ แล้วยังไง! ฉันไม่สนว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุหรือเปล่า แต่ใครก็ตามห้ามมายุ่งกับของๆฉัน ! หลบไป!!  ” แล้วยัยนี่ก็เข้ามาพยายามจะกระชากผม แต่โดนรุ่นพี่อีกคนผลักออกไป
   “ นี่! ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าไม่อยากโดนรุมกระทืบตรงนี้ ผู้หญิงฉันก็ไม่สนหรอกนะ ” พวกพี่ผู้หญิงตอนนี้พร้อมจะมีเรื่องกันหมดแล้ว เรื่องชักจะไปกันใหญ่แล้ว
   “ เป้ พอก่อนเถอะ เราสู้เขาไม่ได้หรอก ” เจนที่เห็นว่าท่าทางจะไม่ดีแล้วพยายามดึงปูเป้ให้ได้สติ
   “ ใช่เป้ อย่าเสี่ยงเลย ไว้ค่อยมาจัดการวันหน้าก็ได้ ฉันว่าไม่คุ้มหรอก ” ปอยเองก็ช่วยโน้มน้าวอีกแรง
   เมื่อเห็นว่าฝั่งพวกผมเอาจริงแน่ๆ ปูเป้ก็ยอมที่จะหยุด
   “ คอยดูเถอะ ฉันไม่ยอมง่ายๆแน่ ฉันจะให้พ่อมาจัดการ แก! ไอ้ตะวัน แกรอเลย ฉันจะทำให้แกจำว่าไม่ควรมายุ่งกับฉัน! ” แล้วพวกนางก็เดินออกจากร้านไป
   “ บ้านเมืองมีขื่อมีแป ลองมาสิฉันจะแจ้งความจับเข้าคุกเลย! ” พัดชาเองก็ตระโกนไล่หลังพวกนางไป
   ทำไมผมต้องมาซวยเพราะยัยนี่อีกแล้วเนี่ย นี่จะไม่จบกับผมจริงๆใช่ไหม ได้! ผมจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้ว
   “ เจ็บมากไหมน้องตะวัน ” พี่ๆเข้ามาถามผม พร้อมกับคุยกันยกใหญ่ว่าจะทำยังไงกับปูเป้ดี
   “ นิดหน่อยครับ ” จริงๆผมเจ็บมากเลยต่างหาก หน้าแดงหมดเลย มือหนักชะมัด
   “ งั้นเดี๋ยวกลับกันเลยดีกว่า หมดสนุกละ ตะวันเดี๋ยวพี่ไปส่ง ”
   “ ขอบคุณครับพี่หนิง ”
   หลังจากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ แล้วพี่ๆเขาก็ให้เบอร์ตำรวจที่เป็นญาติกับพี่เขาไว้กับผม บอกถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกให้โทรได้เลย แหมมีคนคอยช่วยผมเยอะจัง เห็นทีต้องไปไฟท์กับยัยปูเป้ซักยกแล้ว ผมไม่ยอมเจ็บตัวฟรีๆหรอก
   แต่ตอนนี้ผมจะเข้าห้องยังไงไม่ให้เมฆถามดีเนี่ย
   “ ไงมึง สรุปไม่เมาหรอวันนี้ ” พอเข้าห้องมาก็เห็นว่าเมฆกำลังนั่งทำงานอยู่
   “ ไม่เมา กูอาบน้ำก่อนนะ ” ผมรีบจะเข้าห้องน้ำเพราะกลัวเมฆเห็นรอยแดงที่หน้าผม
   “ เดี๋ยวก่อนตะวัน ” เมฆเรียกผมให้หยุด แล้วเดินมาหาผม “ หน้าไปโดนอะไรมา ”
   “ อ๋อ พอดีเพื่อนเมาแล้วมือมันปัดมาโดนหน้าไม่มีอะไรหรอก ”
   “ … ” เมฆมองหน้าผมเหมือนจับผิด
   “ มองอะไรของมึง ” ผมถามเมื่อเขาเอาแต่จ้องหน้าผม
   “ ตะวัน อย่าโกหก บอกกูมาว่าโดนไรมา ”
   “ มึงรู้ได้ไงว่ากูโกหก ก็เวลาที่มึงโกหก มึงชอบขมวดคิ้ว ”
   “ O_o แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูชอบทำแบบนั้น ” หมอนี่รู้ได้ไงนะ ผมยังไม่เคยโกหกให้มันจับผิดเลยสักครั้ง
   “ ก็…. ก็มันดูมีพิรุธ! สรุปโดนอะไรมา ตอบมาเร็ว! ”
   ผมมองหน้าเมฆก่อนจะคิดแผนอะไรออก ผมจึงเริ่มแกล้งบีบน้ำตาใส่เขา
   “ เห้ย! มึงร้องไห้ทำไม ใครทำมึง เดี๋ยวกูไปจัดการให้ ” เมฆเมื่อเห็นผมร้องไห้ก็เริ่มลนลาน
   “ ฮึก… กูเดินๆอยู่ก็โดนใครไม่รู้เข้ามาตบ กูกลัว ฮือๆ ”  ผมเข้าไปกอดเขาพร้อมสะอึกสะอื้น
   เมฆที่ตอนแรกเหมือนตกใจที่ผมกอดเขา แต่สักพักเขาก็กอดผมกลับ
   “ ไม่เป็นไรนะมึง ไม่เอาไม่ร้องๆ มานี่เดี๋ยวกูทำแผลให้ ”
   แล้วเมฆก็ลากผมไปนั่งที่เตียงพร้อมกับ เอาน้ำแข็งมาประกบหน้าผม ตอนนี้หน้าเราใกล้กันมาก ผู้ชายอะไรทำไมผิวหน้าดีจัง สิวไม่มีสักเม็ด!
   “ กูอยากกลับบ้าน ”
   “ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้กูไปส่ง โอเคไหม? ”
   “ กูไม่กล้าอยู่คนเดียวแล้วอะมึง  กูกลัวจะเจอแบบวันนี้อีก ” ผมพูดพร้อมพยายามเค้นน้ำตาออกมา
   “ โอ๋เอ๋ ขวัญเอ๋ยขวัญมา ไม่ต้องกลัวแล้วนะมึง ” แล้วมันก็ดึงผมเข้าไปกอดเพื่อเป็นการปลอบ หมอนี่ก็ทำอะไรน่ารักๆเป็นเหมือกันแหะ
   “ งั้นมึงไปอาบน้ำนอนได้แล้วไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นแล้วกูไปส่งมึงที่บ้านเอง ”
   “ อื้อ..ขอบคุณอีกครั้งนะ ”

   คอยดูเถอะผมจะแย่งเมฆมาให้ได้เลย ทีนี้เตรียมดิ้นให้ตายเลยนะคุณปูเป้ : )


-TBC-
ใครกันที่เป็นคนขอเพลงให้กับตะวัน?  แล้วตะวันจะเอาคืนปูเป้ได้ไหม ยังไงก็ฝากติดตามกันต่อด้วยนะครับ ช่วงนี้มีคนไม่สบายกันบ่อย ดูแลสุขภาพตัวเองกันด้วยนะครับผม ^^


หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 9 ดวงจันทร์สีดำ [ 22/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-02-2018 23:29:00
 :pig4: :pig4: :pig4:

เดาว่า คนที่ขอเพลงให้ ก็คือเมฆ นั่นแหละ
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 9 ดวงจันทร์สีดำ [ 22/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 23-02-2018 19:27:32
แย่งเมฆมาให้ได้นะตะวัน สู้ๆ

อยากตบนังชะนีปูเป้  :z6:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 9 ดวงจันทร์สีดำ [ 22/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 23-02-2018 22:14:28
ดีแล้วนังเป้ไม่เจอสายโหดแบบจริงๆไม่งั้นไม่รอด  :hao3:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 10 ของปลอม [ 27/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 27-02-2018 19:38:36
บทที่ 10
ของปลอม

‘ เป็นอะไรตะวันยังคิดถึงพ่ออยู่หรอ ’
   ‘ อื้อ…เราคิดถึงพ่อ ’
   ‘ ไม่เป็นไรนะ ยังไงตะวันก็ยังมีเมฆนะ ’ เมฆเอื้อมแขนมาโอบไหล่ผม
   ‘ แต่เดี๋ยวเมฆก็ไปอยู่ที่อื่นแล้ว เราก็ไม่มีเพื่อนแล้วละสิ ’
   ‘ เราจำเป็นต้องไปนี่นา อย่าร้องไห้สิ ลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอกนะ ’ เมฆปลอบผมเมื่อเห็นว่าผมเริ่มจะร้องไห้อีกแล้ว
   ‘ เมฆจะลืมเราไหมถ้าไปอยู่ที่นั่น ’
   ‘ ยังไงเราก็ไม่มีวันลืมตะวันหรอก เราสัญญา ’
   ‘ จริงนะ! ต่อให้เราไม่เจอกันนานแค่ไหนก็ห้ามลืมนะ ’
   ‘ เราเคยผิดสัญญาด้วยหรอ ยิ้มได้แล้ว ’ เขาเอามือมาดึงหน้าผมแบบที่ทำประจำเวลาบังคับให้ผมยิ้ม
   ‘ ขอบคุณนะเมฆ ’
   ‘ เรื่องแค่นี้เอง ไปเล่นกันเถอะ ! ’

   เฮือก !

   อะไรกัน ฝันอีกแล้วหรอเนี่ย เมื่อคืนผมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ นี่ตื่นมายังระบมที่หน้าอยู่เลย พอนึกถึงฝันเมื่อคืนแล้วผมก็ได้แต่หันไปมองคนที่ยังหลับอยู่ข้างๆ
   “ ไหนบอกจะไม่ลืมกันไง เฮ้อ ! ”
   “ งืม.. ” เจ้าตัวยังคงหลับไม่รู้เรื่อง
   “ เมฆๆ ตื่นๆไหนบอกจะไปส่งกูไง กูจะกลับบ้าน ” ผมเข้าไปสะกิดให้เขาตื่น แต่หมอนี่ขี้เซาเป็นบ้า ผมเลยดึงผ้าห่มออกหวังจะปลุกเขา
   “ เฮ้ย ! ”
   สิ่งที่ทำให้ผมต้องตกใจก็คือ เมื่อผมดึงผ้าห่มออกสิ่งที่ผมคาดหวังคือให้เมฆตื่น แต่ไม่คิดว่าจะเห็นบางส่วนตื่นแทน

   โอ้! มาย ! ก๊อด ! คุณพระทำไมมันอลังการอย่างนี้

   “ อืม..ตื่นแล้ว เสียงดังอะไรแต่เช้า ” เมฆตื่นแล้ว ถ้าทางงัวเงียสุดๆ
   “ ปะ..ป่าว กะ..ก็ของมึงมัน.. ” แล้วผมก็ชี้ไปที่ต้นตอของสิ่งที่ทำให้ผมตกใจ
   “ หืม? ” เมฆก้มไปดูของตัวเองก่อนจะตอบผมหน้าตาเฉยๆ “ มันก็เรื่องปกติหนิ ตอนตื่นของมึงไม่แข็งหรือไง ”
   “ มันก็…แต่กูแค่ไม่ชินที่เห็นของคนอื่นโว้ย ! ”  ทำไมมันหน้าด้านแบบนี้
   “ ใหญ่อะดิ จับไหมมึง ” มันทำท่าจะดึงมือผมไปจับของมัน
   “ พอเลย ! ไหนว่าจะไปส่งกูไง เอาไง ไม่งั้นกูจะได้โทรให้คนที่บ้านมารับ ”
   “ เออๆ ไปอาบน้ำละงั้น ” แล้วเมฆก็ลุกไปอาบน้ำ ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ หน้าแดงหมดแล้วนะมึง ที่โดนตบไปมันยังไม่จางอีกหรอ : ) ”
   จริงๆมันตั้งใจจะแซวผมแน่ๆ! ผมรู้

   หลังจากที่พวกเราทำอะไรเสร็จ เมฆก็ขับรถไปส่งผมที่บ้าน รู้งี้ผมขอรถที่บ้านผมมาขับมั่งดีกว่า แม้ทุกวันนี้จะสบายก็ตามที่อาศัยรถชาวบ้านไม่ต้องขับเอง แต่บางทีก็ไม่อยากรบกวนคนอื่นเขามาก
   “ นี่มึงไปส่งกูเสร็จแล้วมึงจะไปไหนต่อปะเนี่ย ”
   “ ไม่อะ ส่งมึงเสร็จกูก็คงกลับหอไปนอน ”
   “ งั้นนอนรอที่บ้านกูไหม กูทำอะไรเสร็จจะได้กลับพร้อมกัน ”
   “ เอ่อ…..ไม่เป็นไรดีกว่า กูกลับไปนอนที่ห้องดีกว่า จะได้ทำงานต่อด้วย ”
   “ อ้าวหรอ โอเค ” เมื่อเห็นว่ามีงานผมก็ไม่ตื้อหรอก “ ไม่ไปเที่ยวกับปูเป้หรอวันนี้ ”
   “ หืม? ทำไมอยู่ดีๆถามละ ” เมฆดูงงเมื่อผมถามถึงปูเป้ขึ้นมา
   “ อ่อป่าว กูก็แค่ถามดู วันหลังชวนปูเป้มากินข้าวด้วยกันสิ : ) ”
   “ จะดีหรอ ? ”
   “ ทำไมถึงจะไม่ดีละ ” ผมยิ้มจริงใจที่สุดให้กับเมฆ พร้อมทำเสียงร่าเริง
   “ ก็เห็นดูเหมือนจะไม่ถูกกัน กูก็แค่งง ” เมฆขมวดคิ้ว กับคำถามของผม
   “ ก็กูแค่อยากเป็นเพื่อนกับเขา นะมึง จะได้สนิทๆกันไง ”
   “ งั้นไว้เดี๋ยวกูจะลองชวนดูละกัน ”
   
   เยส ! สำเร็จ
   
   “ เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายข้างหน้านี่แหละมึง ” ผมบอกเขาเหมือนถึงซอยบ้านผม
   “ แล้วนี่กลับตอนไหนเนี่ย ”
   “ น่าจะเย็นๆแหละ ขอบคุณนะมึงที่มาส่ง ” ผมบอกลาก่อนที่เมฆจะขับออกไป ชวนให้ลงไปเจอคุณแม่ก็ไม่ยอมเจอ สงสัยจะง่วง
   เมื่อผมเข้าบ้านมาก็พบกับคุณแม่กำลังนั่งดูทีวีอยู่พอดี
   “ สวัสดีครับคุณแม่ คิดถึงจังเลย ” ผมเข้าไปกอด แล้วก็หอมแก้มท่านสองทีให้หายคิดถึง
   “ ว่าไงคนเก่งของแม่ คิดถึงลูกเหมือนกัน ” คุณแม่กอดผมกลับ “ เอ๊ะ ทำไมหน้าหนูดูบวมๆละ ไปโดนอะไรมา ”
   “ เอ่อ….ตะวันโดนตบมานิดหน่อยครับแม่ ไม่มีอะไรหรอก ”
   “ จะไม่มีอะไรได้ยังไง ! ไหนเล่าให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้เลยนะตะวัน ”
   สุดท้ายเมื่อเห็นว่าโกหกไป คุณแม่ก็คงจับได้ ผมก็เลยเล่าเรื่องทุกอย่างให้ท่านฟัง ทั้งเรื่องเมฆ แล้วก็เรื่องปูเป้

   “ แล้วลูกคิดว่าเมฆใช่คนเดียวกันจริงๆไหม ” หลังจากที่ท่านฟังจบท่านก็ถามขึ้นมา
   “ ตะวันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ” ผมตอบไปตามตรง “ แต่ชื่อกับนามสกุลมันใช่นะครับแม่ ”
   “ งั้นเดี๋ยวแม่ให้คนไปสืบเอง ส่วนเรื่องนังเด็กที่ชื่อปูเป้นั่น แม่จะให้คนไปสืบเหมือนกันว่าพ่อเขาเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำลูกแม่แบบนี้ ” ตอนนี้คุณแม่ดูอารมณ์ขึ้นมากๆเมื่อพูดถึงปูเป้
   “ ไม่เป็นไรหรอกครับ ตะวันจัดการได้ แม่เชื่อตะวันสิ ”
   “ ไม่ได้! ยังไงก็กันไว้ดีกว่าแก้ จะได้รู้ว่าเราทำอะไรได้บ้าง แล้วนี่กินข้าวมาหรือยัง ”
   “ ยังเลยครับ วันนี้มีอะไรกินครับ ตะวันหิวแล้ว ”
   “ เยอะเลยลูก ป้าเพ็ญพอรู้ว่าลูกจะกลับมาก็เข้าครัวทำกับข้าวตั้งแต่เช้ามืด มีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้นเลยนะ ” ป้าเพ็ญคือแม่บ้านผมเองครับ ฝีมือป้าเพ็ญนี่ระดับโรงแรมห้าดาวเลย สงสัยการกลับบ้านครั้งนี้น้ำหนักผมขึ้นแน่ๆ 
   จนช่วงบ่ายผมก็ขอตัวกลับ เพราะกะว่าจะไปแวะห้างซื้อขนมให้บัดดี้ผมสักหน่อย ก่อนกลับคุณแม่ก็ย้ำว่าถ้าคราวหน้ามีเรื่องกลับใคร ให้บอกแม่ทันที พร้อมสัญญาว่าถ้าสืบเรื่องเมฆรู้เรื่องเมื่อไหร่ จะบอกให้ผมรู้

   วันนี้เป็นวันอาทิตย์ คนจึงมาเดินห้างกันเยอะเป็นพิเศษ แล้วนี่ผมจะซื้ออะไรให้เชนดีเนี่ย เอาเป็นช็อคโกแลตละกัน เห็นชอบกินบ่อยๆ
   ระหว่างที่เดินเล่นซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตผมก็เจอเมฆกำลังเลือกของอยู่
   “ นี่! มาซื้ออะไรอะ ซื้อของเข้าหอหรอ ” ผมเดินตรงเข้าไปทักเขา
   “ อ้าวมึงทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ไหนวะจะกลับเย็นๆไง? ”
   “ มาซื้อของให้บัดดี้อะ มึงให้ของบัดดี้มั่งยัง ”
   “ ให้ไปแล้ว ” เมฆยังคงเลือกของต่ออย่างตั้งใจ วันนี้เขาแต่งตัวเท่ห์จัง ใส่เสื้อฮาวายกับกางเกงขาดๆ โครตจะเซอร์ ผมมองเขาอยู่นานจนเขาหันมาเรียกผม
   “ มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อหรอ? ”
   “ ป๊าว! ก็มองอะไรไปเรื่อย ” ผมรีบปฏิเสธเขา “ ละนี่ซื้อของเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ ”
   “ ก็คงเดินเล่นอะ มึงจะไปไหนปะละ ”
   “ งั้นไปดูหนังกันไหม พอดีมีเรื่องที่กูอยากดูพอดี ไม่อยากดูคนเดียว ” ผมลองชวนเขาดู จริงๆก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาตกลงหรอก
   “ เอาสิ งั้นเดี๋ยวกูไปจ่ายเงินก่อนละกัน มึงเลือกเสร็จแล้วหรอ ”
   “ เสร็จแล้วๆ งั้นไปจ่ายเงินกัน ”
   
   หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อย พวกผมก็ขึ้นไปจองตั๋วกัน ซึ่งมีเรื่องให้เถียงกันอีกแล้วคือผมอยากดูหนังรัก แต่เมฆกลับอยากดูหนังผี สุดท้ายก็เป่ายิ้งฉุบตัดสินกันแล้วผมก็คือผู้แพ้ TT
   “ มึงไม่ดูไม่ได้หรอ ? ” ผมอิดออด แม้จะซื้อตั๋วมาแล้วก็ตาม
   “ ตัวโตอย่างกะควายมากลัวหนังผี ”
   “ ก็กูกลัวนี่นา เปลี่ยนเรื่องเถอะ กูออกค่าตั๋วให้เลย ”
   “ ไม่ได้! หนังจะเข้าแล้ว ไปเร็ว ” แล้วมันก็ลากผมไปเลย ฮือ T^T

   ซึ่งตลอดเวลาที่หนังฉายผมได้แต่ร้องตกใจตลอดเวลา
   “ ว้ากกกกก ! ”
   “ มึงเบาๆหน่อย คนมองมึงหมดแล้วนะ ”
   “ กูกลัวอะ แง้! กูไม่ชอบมึงก็บังคับกู ” ตอนนี้ผมเหมือนจะร้องไห้ออกมาจริงๆ

   ละไอ้หนังบ้านี่ผีก็ออกมาบ่อยเหลือเกิน !
   “ กลัวมากเลยหรอ ” เมฆหันมากระซิบถามผม
   “ ก็เออนะสิ กูจะไม่ไหวแล้วนะ ”
   “ เฮ้อ! จริงๆเลย ”
   แล้วเขาก็เอามือเขามาจับมือผม ผมถึงกับตกใจในการกระทำของเขา
   “ O_O !! ”
   “ ตกใจอะไร มึงจะได้ไม่กลัวไง ”

   อย่างนี้ก็ได้หรอ? วิธีการอะไรของเขากันเนี่ย แต่ถึงมันจะดูแปลกๆ แต่ผมกลับรู้สึกดี
   “ เอ่อ..มึงไม่เป็นไรปล่อยเหอะ เดี๋ยวคนมอง ”
   “ มองก็มองไปดิ กูไม่ได้จูบมึงสักหน่อย ” เมฆเอ่ยแบบไม่ได้แคร์อะไร “ หรือมึงอยากให้จูบแทน? ”
   “ ไม่! ”
   “ เออ งั้นก็เงียบๆละดูหนังต่อเถอะ ”
   สุดท้ายเมฆก็จับมือผมตลอดจนหนังจบ ซึ่งมันก็ทำให้ผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
   หลังจากที่ออกจากโรงหนัง เราก็ไปหาไรกินกันต่อ เพราะผมตกใจจนหิว
   “ เป็นไง สนุกไหมละเรื่องที่กูเลือก ”
   “ ก็ดี แต่เหนื่อยไปหน่อย ” ผมตอบไปตามตรง จริงๆเนื้อหาของหนังก็สนุกแหละ
   “ เห็นไหม เพราะกูเก่งยังไงละ ” เมฆบอกอย่างภูมิใจ
   “ จ้า เก่งจ๊ะ ” ผมตอบก่อนจะกินต่อ แล้วเสียงโทรศัพท์เมฆก็ดังขึ้น เขาขมวดคิ้วมองหน้าจอ
   ใครโทรมากันนะ..
   “ ไม่รับหรอมึง ” ผมเห็นเขามองหน้าจอแต่ก็ไม่ได้รับสายนั้น
   “ ไม่เป็นไร กินกันต่อเถอะ ”
   แต่สายที่โทรมาก็ยังโทรมา และไม่มีทีท่าว่าจะเลิกโทรจนกว่าเจ้าของเครื่องจะรับ
   “ รับสายเหอะมึง โทรมาหลายรอบแล้วนะ ” ผมเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ จริงๆถ้าจะไม่รับก็ปิดเสียงไปสิวะ
    “ งั้นกูขอตัวแป๊ปนะ ” สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะรับ แล้วออกไปคุยนอกร้าน  อะไรกัน! จะคุยทำไมต้องมีความลับด้วย แต่ช่างเถอะ
   จนเวลาผ่านไปสักพักเขาก็ยังไม่เข้าร้านมา แต่กลับโทรมาหาผมแทน
   “ ฮัลโหล โทรมาทำไม มีอะไรทำไมไม่เข้ามาพูด ”
   “ เอ่อ..มึง คือกูมีเรื่องด่วนต้องทำพอดี ยังไงเดี๋ยวกลับห้องไปกูจ่ายค่าอาหารให้นะ ”
   “ อ้าว ! ธุระอะไรของมึงวะ ”
   “ เออกูขอโทษนะ แต่กูต้องรีบไปแล้ว ฝากเอาของกูกลับด้วยละกัน ”
   “ เดี๋ยว! ” ผมยังพูดไม่ทันจบมันก็ตัดสายไปแล้ว “ อะไรของมันเนี่ย ”
   สุดท้ายผมก็โดนเขาทิ้งให้อยู่คนเดียวโดยไม่บอกเหตุผลอะไรเลยนอกจากบอกแค่มีธุระ เมื่อทำอะไรไม่ได้ผมก็เลยต้องจ่ายค่าอาหารไปก่อน แล้วผมก็ไปเดินเล่นต่อ เพราะกะว่าจะซื้อเสื้อผ้าด้วย จนตอนนี้ผมถือของพะรุงพะรังเป็นบ้าหอบฟางทั้งของผมแล้วก็ของเมฆด้วย
   หลังจากที่ทำทุกอย่างจนพอใจแล้วผมก็ออกมาเรียกรถที่หน้าห้าง แต่รอมาตั้งนานกลับไม่มีรถสักคัน
   “ ทำไมไม่มีรถเลยนะ จะได้กลับหอไหมเนี่ย ”
   พอบ่นเสร็จปุ๊ป ก็มีรถคันหนึ่งที่คุ้นเคยมาจอดหน้าผม
   “ ฮัลโหล! จะไปไหนครับตะวัน กลับหอหรอ ” เป็นเชนนั่นเอง
   “ อื้อกำลังจะกลับหอแต่รถไม่ผ่านสักคัน ”
   “ งั้นตะวันกลับกับเราละกัน จะได้ไม่เปลืองเงินด้วย ” เชนเสนอขึ้นมา
   “ แต่ว่า.. ”
   “ ไม่ต้องต่งต้องแต่แล้ว ขึ้นรถเถอะ ” แล้วเชนก็ลงมาเอาของในมือผมขึ้นรถเขาเลย โดยไม่รอผมตอบรับสักคำ ผมเลยต้องขึ้นรถตามเขามา
   “ ขอบคุณนะเชน แล้วนี่ไปไหนมาเนี่ย ”
   “ เชนก็มาจากมหาลัยเนี่ยแหละ จะมารับตะวันไง ”
   “ แหวะ ขี้โม้ เชนจะมารู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่ ” หมอนี่นี่ขยันหยอดจริงๆ
   “ เชนรู้ละกัน เชนเก่งจะตาย ตะวันอยู่ที่ไหนเชนรู้หมดแหละ ”
   “ โรคจิตหรือไงเนี่ย ”
   “ โหย เรียกว่าบ้าดีกว่า แต่บ้ารักตะวันนะ : ) ” นั่นไง โดนอีกหนึ่งสเต็ป
   “ หึ! อะนี่ เราเจอบัดดี้เชนแล้วเขาฝากของมาให้ ” เมื่อเห็นว่าได้โอกาสผมก็เลยเนียนเอาของให้เขาเลย
   “ บัดดี้เชนคือใครหรอ? ตะวันเองหรือเปล่าที่เป็นบัดดี้เชน ” เชนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนกำลังจับผิดผม
   “ บ้า! ไม่ใช่ซักหน่อย บัดดี้เราเป็นผู้หญิงต่างหาก ”
   “ ถ้าโกหกผิดศีลนะครับ ฮ่าๆๆ ” เชนกำลังพยายามต้อนผมให้จนมุม
   แต่ผมไม่กลัวหรอก อิ๊บไว้แล้ว “ แล้วแต่ไม่เชื่อก็ตามใจ ”
   “ เชื่อก็ได้ แล้วนี่มาคนเดียวหรอ ซื้อของเยอะจังนะ ”
   “ ป่าวอะ เรามากับเมฆ แต่เมฆติดธุระอะไรไม่รู้เลยกลับไปก่อน ”
   “ แล้วตะวันอยากรู้ไหมละว่าเมฆติดธุระอะไร : ) ”
   “ เชนพูดอย่างนี้หมายความว่าไง? ”
   “ ก็ถ้าตะวันอยากรู้เราจะพาตะวันไปดูไง ว่าธุระของนายเมฆนั่นคืออะไร ว่าไงครับ ไปไหม? ”
   นี่เชนรู้อะไรมา พอเชนบอกทำไมผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีอะไรเท่าไหร่ เขาต้องไปรู้อะไรมาแน่ๆ
   เชนยังคงถามผมเหมือนอยากให้ผมไปดูให้ได้ว่าเมฆติดธุระอะไร ผมตัดสินใจอยู่นานก่อนจะพยักหน้าตกลงกับเชน ในใจก็ได้แต่คิดว่าอย่าให้ธุระเขาเขาคือการไปเจอปูเป้เลย
   แล้วเชนก็ขับเข้ามาในโรงแรมหนึ่ง เนี่ยหรอที่ๆเมฆมาทำธุระ สรุปมันคืออะไรกันแน่นะ
   หลังจากจอดรถ เชนก็นำผมเข้ามาที่ล็อบบี้ แล้วสิ่งที่ผมเห็นก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ เมฆกำลังยืนกอดกับปูเป้อยู่ ผมได้แต่ตกใจกับภาพที่เห็น ไม่คิดว่าธุระของเขาจะเป็นการมาหาแฟนของเขาเอง ที่ผมเสียใจจริงๆคือเขาไม่ยอมบอกผมตรงๆแต่กลับอ้างว่ามีธุระ
   แล้วเมฆก็เหมือนจะสังเกตเห็นผมที่ยืนมองเขาอยู่ เขาจึงผละตัวออกจากปูเป้
   “ ตะวัน! มาได้ไงเนี่ย? ” หน้าตาเขาดูตกใจมากที่เจอผมที่นี่ คงคิดไม่ถึงสินะว่าจะเจอ
   “ เนี่ยหรอธุระของมึง? จะมาหาแฟนก็บอกกูดีๆก็ได้ ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่หรอก ”
   “ มันไม่ใช่อย่างนั้น ” เมฆที่กำลังจะเดินมาเพื่ออธิบายแต่กลับโดนปูเป้ดึงตัวไว้ก่อน แถมเจ้าหล่อนยังถลึงตาใส่เมฆเหมือนขู่ไม่ให้เดินมาหาผม
   “ ช่างเถอะ มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึงแล้วกัน ไปเถอะเชน พาเรากลับหน่อย ” ผมดึงแขนเชนให้กลับ ก่อนจะหันไปพูดกับเมฆ “ เอ้อ คืนนี้กูไม่กลับห้องนะ กูว่าจะไปนอนห้องเชน ”
   “ เฮ้ยมึง เดี๋ยวก่อนดิฟังกูก่อน! ” เมฆพยายามจะเข้ามาคุยแต่ก็ปูเป้เองก็ไม่ปล่อยเมฆเหมือนกัน
   “ ค่อยคุยละกันเมฆ อยู่กับแฟนไปก่อนเถอะ ” แล้วผมก็เดินออกมาโดยไม่หันกลับไปมองอีก แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงปูเป้เรียกผม
   “ หยุดก่อนสิ ”
   “ …… ”
   “ เลิกทำท่าเป็นนางเอกขี้งอนเถอะค่ะ ของปลอมก็อยู่ส่วนของปลอมนะคะ กลับดีๆละคุณตะวัน : ) ” 
   สุดท้ายผมก็เดินออกมาโดยที่ไม่หันไปตอบโต้อะไร แต่ข้างในรู้สึกจุกกับคำพูดที่ปูเป้พูดกับผม
   หึ! ของปลอมอย่างนั้นหรอ……

   - Mek time -

   สวัสดีครับ เอ่อ..ผมเมฆเองนะครับ ผมเป็นนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ของมหาลัย SRU แห่งนี้ และการเข้ามามหาลัยแห่งนี้ก็ทำให้ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เจอกับคนๆหนึ่ง ใช่ครับ คนนั้นก็คือตะวันนั่นเอง ผมเป็นเพื่อนกับตะวันสมัยที่เรายังเป็นเด็ก แต่แล้วผมก็ต้องย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วก็ทำให้เราไม่ได้ติดต่อกันอีก แรกๆก็มีจดหมายมาบ้าง แต่หลังๆ ผมก็ไม่ได้รับจดหมายจากตะวันอีก พอมาเจอเขาที่นี่ ยอมรับว่าตอนแรกผมดีใจมากที่ได้เจอ แต่ผมก็มีเหตุผลบางอย่างที่บอกเขาถึงตัวตนผมไม่ได้ มันอึดอัดมากเลยนะครับ การที่อยากพูดแต่พูดออกมาไม่ได้เนี่ย : (
   แต่ผมก็พยายามใบ้ให้เขารู้แล้วนะ ทั้งวาดรูปให้แล้วก็ยังฝากเพลงให้รุ่นพี่ที่ผมรู้จักที่ทำงานร้านที่ตะวันไปเที่ยวร้องให้เขาอีก หวังว่าเขาจะตีความออกกับสิ่งที่ผมทำไปนะ
   วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันที่ใครๆควรได้พักผ่อน แต่ผมกลับต้องทำงาน หลังจากที่ไปส่งตะวันที่บ้านแล้ว ผมก็กลับมาทำงานที่ค้างต่อ คณะนี้งานเยอะเป็นบ้า นี่บางวันผมแทบไม่ได้นอน ขอบตานี่จะดำเป็นหมีแพนด้าแล้ว
   พอทำงานเสร็จผมก็ตัดสินใจออกไปเดินห้างบ้าง กะจะไปหาซื้อของให้บัดดี้ของผม แล้วก็บังเอิญเจอกับตะวันเข้า
    “ นี่! มาซื้ออะไรอะ ซื้อของเข้าหอหรอ ”
   “ อ้าวมึงทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ไหนวะจะกลับเย็นๆไง? ”
   “ มาซื้อของให้บัดดี้อะ มึงให้ของบัดดี้มั่งยัง ”
   “ ให้ไปแล้ว ” พอตอบเขาเสร็จผมก็หันไปเลือกของต่อ แต่พอมองอีกทีกลับเห็นเขายังมองผมค้างอยู่แบบนั้น
   “ มองอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อหรอ? ”
   “ ป๊าว! ก็มองอะไรไปเรื่อย  ละนี่ซื้อของเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ ”
   “ ก็คงเดินเล่นอะ มึงจะไปไหนปะละ ”
   “ งั้นไปดูหนังกันไหม พอดีมีเรื่องที่กูอยากดูพอดี ไม่อยากดูคนเดียว ”
   หนังหรอ..ดีเหมือนกันไม่ได้ดูมานานแล้ว
   “ เอาสิ งั้นเดี๋ยวกูไปจ่ายตังก่อนละกัน มึงเลือกเสร็จแล้วหรอ ”
   “ เสร็จแล้วๆ งั้นไปจ่ายตังกัน ”
   
   พอขึ้นมาซื้อตั๋ว พวกเราก็เริ่มเถียงกันเพราะเขาอยากดูหนังรักเรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้ แต่ผมไม่ชอบหนังแนวนี้เลยเลือกหนังผีซะเลย ตื่นเต้นดี ซึงตะวันเองก็ไม่ยอมดูหนังผีเหมือนกัน เราเลยตัดสินกันสุดท้ายผมก็ชนะ 
   “ มึงไม่ดูไม่ได้หรอ ? ”
   “ ตัวโตอย่างกะควายมากลัวหนังผี ”
   “ ก็กูกลัวนี่นา เปลี่ยนเรื่องเถอะ กูออกค่าตั๋วให้เลย ” ตะวันเองเริ่มงอแงเป็นเด็กๆแล้ว ซึ่งผมเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน ยิ่งเห็นว่าเขากลัวยิ่งน่าแกล้ง
   “ ไม่ได้! หนังจะเข้าแล้ว ไปเร็ว ”

   ตลอดเวลาที่หนังฉายตะวันมันจะร้องหรือสะดุ้งทุกครั้งเมื่อมีฉากตกใจ ซึ่งผมก็แอบขำเขาเบาๆ
   “ ว้ากกกกก ! ”
   “ มึงเบาๆหน่อย คนมองมึงหมดแล้วนะ ” จริงๆนะครับ เขาร้องดังจนคนมอง
   “ กูกลัวอะ แง้ กูไม่ชอบมึงก็บังคับกู ”
   “ กลัวมากเลยหรอ ”
   “ ก็เออนะสิ กูจะไม่ไหวแล้วนะ ”
   “ เฮ้อ! จริงๆเลย ”
   เมื่อเห็นว่าเขากลัวจริงๆผมก็เลยเอื้อมมือไปจับมือเขา เพราะตอนเด็กๆจำได้ว่า เขารู้สึกปลอดภัยเวลามีคนจับมือเขาไว้
   “ O_O !! ” ตะวันหันมองหน้าผมตาโต อย่าบอกนะว่านึกออกว่าเด็กๆเราปลอบกันแบบนี้
   “ ตกใจอะไร มึงจะได้ไม่กลัวไง ”

   “ เอ่อ..มึงไม่เป็นไรปล่อยเหอะ เดี๋ยวคนมอง ”
   “ มองก็มองไปดิ กูไม่ได้จูบมึงสักหน่อย หรือมึงอยากให้จูบแทน? ”
   “ ไม่! ” เขารีบปฏิเสธทันที
   “ เออ งั้นก็เงียบๆละดูหนังต่อเถอะ ”
   สุดท้ายเขาก็ยอมให้ผมจับมือต่อและไม่มีท่าทีจะขัดขืน
 
   พอดูหนังเสร็จเราก็ไปกินข้าวกัน เพราะเขาบ่นว่าเหนื่อยจากการตกใจ พอถึงร้าน ตะวันก็สั่งมาเยอะมาก สงสัยจะหิวจริงๆ แถมยังว่าผมอีกว่าผมไปขืนใจให้เขาดูหนังผีที่เขากลัว เราคุยกันสักผมก็มีคนหนึ่งโทรเข้ามาหาผม คนนั้นก็คือปูเป้นั่นเอง แต่ผมก็เลือกที่จะไม่รับสายเพราะผมรู้ว่าถ้ารับแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
   “ ไม่รับหรอมึง ” ตะวันถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามันหลายมิสคอลแล้ว
   “ ไม่เป็นไร กินกันต่อเถอะ ” 
   “ รับสายเหอะมึง โทรมาหลายรอบแล้วนะ ”
    เมื่อเห็นว่ามันหลายสายแล้วปูเป้ก็ไม่มีท่าทางจะเลิกโทร ผมก็เลยตัดสินใจที่จะรับสายนั้น “ งั้นกูขอตัวแป๊ปนะ ” 
   “ ฮัลโหลครับ ว่าไงเป้ ”
   “ เมฆอยู่ไหนคะ มาหาเป้หน่อย ”
   “ เมฆอยู่กับเพื่อน ออกมากินข้าว เป้มีอะไรหรือเปล่า ”
   “ ไม่มีคะ แต่เป้อยากเจอเมฆตอนนี้ รีบมานะคะ เป้ไม่ชอบรอนาน ”
   “ แต่… ”
   “ ถ้าเมฆไม่มา คงรู้นะคะว่าเป้จะทำอะไร เดี๋ยวเป้ส่งโลเคชั่นไปให้ ห้ามเกินครึ่งชั่วโมงนะคะ ” แล้วปูเป้ก็ตัดสายโดยไม่รอฟังคำตอบรับจากผม
   เอาไงดีวะ จะบอกตะวันยังไงดี สุดท้ายผมก็เลยต้องไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมองดูเวลากลัวว่าจะไม่ทันผมเลยต้องรีบไป โดยโทรบอกตะวันไปว่าผมมีธุระ
   หวังว่าเขาจะเข้าใจนะ..
   จนผมมาถึงที่หมายตามที่ปูเป้ส่งโลเคชั่นมา เมื่อเข้าไปในโรงแรมก็พบว่าปูเป้นั่งรออยู่ที่ล็อบบี้อยู่แล้ว
   “ สรุปเป้มีอะไรหรือเปล่า เรียกเมฆออกมามีอะไร ”
   “ เป้จะอยากเจอเมฆไม่ได้หรือไงคะ เป้เหงา กินข้าวเป็นเพื่อนเป้หน่อย ” แล้วเขาก็เดินนำผมเข้าไปในห้องอาหารเลย
   “ กินนี่สิคะเมฆ ” เป้พยายามจะตักอาหารให้ผมกิน แต่ผมกลับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เป็นห่วงว่าป่านนี้ตะวันจะกลับห้องยัง
   “ เมฆดูไม่สนใจเป้เลยนะคะ คิดถึงใครอยู่หรอ ”
   “ เปล่าครับ… ”
   “ เป้อิ่มแล้ว กลับเถอะ ” ตอนนี้เป้ดูท่าทางจะหงุดหงิด เธอเดินออกจากร้านไปโดยไม่พูดอะไร นี่ผมจะตามอารมณ์เธอไม่ทันละ นึกจะให้มาก็เรียกมา พอจะไปก็ดันไม่พูดอะไรอีก
   แล้วเธอก็มายืนกอดอกอยู่ตรงล็อบบี้
   “ เมฆไปหาตะวันมาใช่ไหม? ” เธอหันมาถามผมอย่างเอาเรื่อง
   “ เมฆ… ครับ ใช่เมฆไปกับตะวันมา ” ถ้าทางเธอจะรู้อะไรมาผมเลยตอบตามความจริงไป “ แล้วเป้รู้ได้ไง ”
   “ เป้ก็ให้คนของเป้คอยตามเมฆไง เป้เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเป้ไม่ชอบไอ้นั่น เมฆไปอยู่กับมันทำไม มันทำอะไรกับเป้ไว้ เมฆยังจะยุ่งกับมันอีกหรอ ! ” ตอนนี้หล่อนเริ่มตวาดใส่ผมแล้ว เป้มักจะเป็นอย่างนี้เสมอเมื่อไม่พอใจ
   “ แต่ตะวันเป็นเพื่อนของเมฆนะ ” ผมเถียงขึ้นมา
   “ งั้นถ้าไม่มีตะวัน เมฆจะสนใจเป้มากกว่านี้ใช่ไหม ” ปูเป้เริ่มตัวสั่นอย่างคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
   “ เป้จะทำอะไรตะวัน อย่านะเมฆขอ ”
   “ ก็จะทำอย่างทุกครั้งที่เป้เคยทำไง เป้ไม่อยากเห็นหน้ามัน เป้เกลียดมัน มันมายุ่งกับเมฆ กรี๊ดดดดดดดดด! ” แล้วเป้ก็กรี๊ดออกมา จนผมต้องรีบเข้าไปกอดเขาเพื่อให้เขาสงบ
   “ เป้ ใจเย็นนะครับ อย่าทำอะไรเลยนะ ตะวันเป็นเพื่อนของเมฆนะ เมฆขอร้องนะครับเป้ ” ผมพยายามเกลี้ยกล่อมเป้ให้ใจเย็น แต่แล้วผมก็เห็นร่างหนึ่งเดินเข้ามาพอดี
   นั่นตะวันกับไอ้เชนนี่นา
   “ ตะวัน! มาได้ไงเนี่ย? ” ผมทักขึ้นอย่างตกใจเมื่อไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่
   “ เนี่ยหรอธุระของมึง? จะมาหาแฟนก็บอกกูดีๆก็ได้ ไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่หรอก ”
   “ มันไม่ใช่อย่างนั้น ” ผมว่าตอนนี้ตะวันกำลังเข้าใจผิดอยู่แน่ๆเลย
   ผมพยายามจะเดินเข้าไปอธิบาย แต่ก็ถูกปูเป้ดึงไว้
   “ ช่างเถอะ มึงจะทำอะไรก็เรื่องของมึงแล้วกัน ไปเถอะเชน พาเรากลับหน่อย ” แล้วตะวันก็ลากแขนเชนให้ออกจากที่นี่ ก่อนจะหันมาพูดกับผม “ เอ้อ คืนนี้กูไม่กลับห้องนะ กูว่าจะไปนอนห้องเชน ”
   “ เฮ้ยมึง เดี๋ยวก่อนดิฟังกูก่อน! ”
   “ ค่อยคุยละกันเมฆ อยู่กับแฟนไปก่อนเถอะ ” ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป เป้เองก็ผลักผมออกแล้วเดินไปพูดกับตะวัน
   “ หยุดก่อนสิ ”
   “ …… ” ตะวันหยุดเดิน แต่ก็ไม่ได้หันกลับมามอง เขาเพียงแต่ยืนนิ่งๆ
   “ เลิกทำท่าเป็นนางเอกขี้งอนเถอะค่ะ ของปลอมก็อยู่ส่วนของปลอมนะคะ กลับดีๆละคุณตะวัน ”
   แล้วตะวันก็เดินออกไปเลยโดยไม่หันมาคุยอะไรอีก ผมเลยจะวิ่งตามเขาไป
   “ หยุด! ถ้าเมฆตามมันไป เป้จะส่งคนไปจัดการมันเดี๋ยวนี้ ! ” เมื่อเห็นว่าปูเป้ทำจริงแน่ๆผมเลยหยุดที่จะตามตะวันไป
   “ เป้อยากไปทำเล็บ พาเป้ไปหน่อยค่ะ ”

   สุดท้ายผมก็เลยต้องพาเป้ไป ขอโทษนะตะวัน เมฆขอโทษ….


คำคมท้ายบท : Not to be dramatic but my heart hurts. ( ไม่ได้อยากดราม่านะแต่มันเจ็บใจจริงๆ )

-TBC-
ของปลอมก็มีหัวใจนะ : ( เป็นกำลังใจให้ตะวันหน่อยนะครับ หรือจะเลิกสนใจเมฆไปหาเชนให้จบๆดีนะ ยังไงก็ติดตามกันต่อด้วยนะครับ  จุ้บ

หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 10 ของปลอม [ 27/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: angelnan ที่ 27-02-2018 20:21:06
เรื่องนี้ เมฆ คือ ภาระ นะ พระเอกที่น่าลำคาน เปลี่ยนเถอะ
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 10 ของปลอม [ 27/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-02-2018 22:32:51
 :pig4: :pig4: :pig4:

รอคุณแม่นู๋ตะวันสืบประวัติยัยปูเป้เสร็จเมื่อไร  ก็จัดการมันเลยเถอะ  ลำไยมาก
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 10 ของปลอม [ 27/02/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 01-03-2018 21:08:49
 
  เชียร์เชนมากกว่าเมฆอีก ตะวันเทเมฆไปเถอะ

รีบมาต่อน้า อยากรู้จะเป็นยังไงต่อไป  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 11 ข้างๆหัวใจ [ 02/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 02-03-2018 21:18:39
บทที่ 11
ข้างๆหัวใจ

- Chain time -

   หลังจากที่ผมออกมาจากโรงแรม ตลอดทางที่อยู่บนรถตะวันไม่พูดอะไรเลย นอกจากมองออกไปนอกหน้าต่าง
   เรื่องราวมันเริ่มต้นที่ตอนแรกผมกำลังจะออกไปห้าง แล้วบังเอิญผมเห็นรถนายเมฆพอดี ก็เลยตามไปเพราะคิดว่าเขาอาจจะไปไหนกับตะวัน แต่บังเอิญพอไปถึงแล้วกลับไม่ใช่ซะนี่ ผมก็เลยเลิกสนใจแล้วกะว่าจะไปเดินเล่นตามที่ตั้งใจไว้ตอนแรก แต่โชคดันเข้าข้างผมที่เจอตะวันยืนรอรถพอดี ผมก็เลยกล่อมเขาให้ไปเห็นอะไรบาดตาซะเลย ก็แหม ตะวันของผมมีใจให้กับนายเมฆนี่ครับ มีโอกาสแล้วผมก็ต้องทำลายความสัมพันธ์สิ
   ตอนแรกผมก็สะใจที่ตะวันกับนายเมฆทะเลาะกันนะ แต่พอเห็นตะวันทำหน้าเศร้าแบบนี้แล้วผมกลับไม่รู้สึกยินดีเลย เฮ้อ! นี่ที่ผมทำมันถูกไหมเนี่ย
   “ แล้วนี่คัดลีดเป็นไงมั่งครับตะวัน ” ผมพยายามหาเรื่องคุย
   “ ……. ”
    ตะวันยังคงเหม่อมองไปที่ข้างทาง นี่ไม่ได้ยินที่ผมพูดหรือไม่อยากตอบเนี่ย =_=
   “ เอ่อ..ไปกินบิงซูกันไหม เชนเลี้ยงเอง ” เอาว่ะ ! เอาขนมเข้าล่อละกัน
   
   จะได้ผลไหมนะ…..

   เขารีบหันมามองหน้าผม “ บิงซูหรอ เอาสิ! อยากกินพอดีเลย ”

   อ้าว! ดันได้ผลจริงๆแฮะ นี่เศร้าอยู่หรือหิวกันแน่เนี่ย น่ารักจริงๆเลย > <

   “ งั้นไปกินร้านหลังมอกันนะ อร่อยมากเลย เชนไปกินมาแล้ว ตะวันต้องชอบแน่ๆ ” ผมอยากให้เขายิ้มมากกว่าทำหน้าเศร้า ให้ทำอะไรผมก็ยอม “ แล้วเมื่อกี้ตะวันดูเหมือนคิดอะไรอยู่นะ เชนเรียกก็ไม่ตอบ คิดอะไรอยู่หรอ? ”
   “ ไม่มีอะไรหรอก เราแค่คิดอะไรนิดหน่อย ” ตะวันตอบผมหน้านิ่ง “ อย่าถามอีกนะ คิดแล้วหงุดหงิดชะมัด ! ”
   ชัดเลย! นึกถึงนายเมฆชัดๆ เมื่อไหร่จะคิดถึงเชนมั่งนะตะวัน : (

   แล้วพวกเราก็มาถึงร้าน พอขนมมาเสิร์ฟตะวันก็เอาแต่จ้วงเอาๆ ผมหวังว่าของหวานจะทำให้เขาหายหงุดหงิดได้นะ
   “ อร่อยจัง! นี่เชนมากินร้านนี้กับกิ๊กหรือเปล่าเนี่ย บรรยากาศเหมาะกับมาเป็นคู่ชะมัด ”
   ร้านนี้จริงๆผมมากับเพื่อนๆผมแหละครับ เขาอยากมาถ่ายรูปกัน เพราทางร้านแต่งได้น่ารักมากๆเลย ขนาดผมไม่ชอบอะไรแบบนี้ยังรู้สึกว่าน่ารักเลย
   “ กิ๊กอะไรกัน ก็บอกแล้วไงว่าเชนมีตะวันคนเดียว ทำไมไม่เชื่อกันมั่งเลย ” ผมแกล้งทำหน้าบึ้งใส่เขา
   “ ใครจะไปรู้ คนเจ้าชู้กะล่อนจะตาย ”
   “ งอนละนะ ! ว่าเชนเจ้าชู้ตลอดเลย เอามะม่วงมาเลยนะ ชิ้นสุดท้ายไม่ให้กินแล้ว ”
   “ อ้าวไหงงั้น! ไม่ได้สิ เอาคืนมาเลยนะ ”
   แล้วเราก็ยื้อแย่งกันอยู่อย่างนั้นประหนึ่งคู่รักหยอกกัน อ่าห์..นี่มันสวรรค์ชัดๆ
   เมื่ออิ่มกันแล้ว ก็ไม่รู้จะไปไหนกันต่อแถมตะวันก็ดูท่าจะอารมณ์ดีขึ้นมาแล้ว ผมก็เลยว่าจะพาเขากลับหอเลย 
   “ ตะวัน กลับหอกันเถอะ ”
   “ เรายังไม่อยากกลับ….ไปที่อื่นก่อนได้ไหมเชน ” พอบอกจะกลับหอ ตะวันกลับเริ่มทำหน้านอยด์อีกครั้ง
   “ หืม ? ไม่อยากกลับแล้วจะไปไหนละครับ นี่ก็ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ตะวันมีเรียนไม่ใช่หรอ ”
   “ ก็ใช่ แต่เราไม่อยากกลับตอนนี้จริงๆ เชนพาเราไปที่อื่นหน่อยนะ  ” ตะวันเข้ามาเกาะแขนและทำหน้าอ้อนใส่ผม
   เอาไงดีเนี่ย จะพาไปไหนดีนะ แล้วผมก็นึกถึงที่นึงขึ้นมา

   “ งั้นไปทะเลไหม? ไปนั่งเล่นริมทะเลกัน เดี๋ยวค่อยกลับมาตอนเช้าก็ได้ ”
   “ ทะเลหรอ! ไปดิ O_o ” ตะวันทำหน้าตื่นเต้นขึ้นมาทันที เมื่อผมชวนไปทะเล
   “ งั้นไปกันเลย ! ”
   “ เย้ ! ”
   อ่าห์..ขอบคุณนะเมฆ ขอบคุณนะปูเป้ ที่ทำให้เราได้ไปเที่ยวกับตะวันสองต่อสอง >.,<

   ตลอดระยะทางที่เดินทาง ตะวันดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดที่ได้มาเที่ยว จนเหมือนจะลืมไปหมดแล้วว่าก่อนหน้านี่ตัวเองนอยด์อยู่ เขาพูดตลอดทางว่าไม่ได้มาทะเลนานมากแล้ว เพราะแม่เขาก็ทำงานตลอด หยุดทีก็อยากให้แม่พักไม่อยากให้เหนื่อย ทำไมว่าที่แฟนผมเป็นเด็กดีอย่างนี้เนี่ย !
   แล้วเราก็มาถึงทะเลกัน ผมเลือกมาที่บางแสนนี่แหละ ซึ่งตอนนี้เวลาก็ดึกอยู่พอสมควร แต่ก็ยังมีคนนั่งอยู่ตามริมหาด ผมก็เลยเลือกนั่งตรงที่สงบๆ คนไม่ค่อยเยอะมาก
   “ ขอบคุณนะเชนที่ตามใจเรา แล้วก็ขอโทษที่รบกวนนะ ”
   “ ไม่รบกวนหรอก ดีจะตาย อย่างน้อยเชนก็ได้อยู่กับตะวัน : ) ”
   “ เลิกหยอดเราได้แล้ว ” เขานั่งมองทะเลก่อนจะพูดขึ้นมา “ ความรักนี่ก็เหมือนกันทะเลเนอะ ”
   “ หืม? ยังไงหรอ ” ผมสงสัยกับสิ่งที่เขาพูด นี่อารมณ์ศิลปินโผล่มาแล้วหรอเนี่ย -_-
   “ ก็มีเวลาที่สงบ มีเวลาที่มีลมแรง มีเวลาที่สวยงาม แล้วบางครั้งก็มีเวลาที่น่ากลัว.. ”
   “ …… ”
   “ ตอนที่เราเดินเข้าไปในโรงแรมแล้วเราเห็นเมฆอยู่กับปูเป้ เรารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก…เราภาวนาตลอดทางที่เชนพาเราไปว่าอย่าให้เป็นอย่างที่เราคิด ” ตะวันเริ่มระบายสิ่งในใจออกมา
   “ เรารู้นะว่าเราไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะไปโกรธ ฮึก…เรากับเมฆก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน เราไม่อยากงี่เง่าอย่างนี้เลย แต่พอฟังที่ปูเป้พูดกลับยิ่งทำให้เราจุก ของปลอมอย่างเราคงไม่มีสิทธิ์ไปรักใครได้เลยหรอ เราไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้สึกเหมือนเพศปกติเลยใช่ไหม ทำไมกัน! เราผิดหรอที่เกิดมาเป็นแบบนี้! ”
   ตอนนี้เขาดูเหมือนจะอั้นน้ำตาไว้ไม่ได้แล้วเลยปล่อยโฮออกมา ผมได้แต่ฟังเขาเงียบๆให้เขาระบาย แต่ในใจผมก็เจ็บเหมือนกันที่ต้องเห็นเขาทุกข์ เจ็บที่เห็นเขาร้องไห้ แล้วก็เจ็บที่เขารู้สึกดีกับนายเมฆไม่ใช่ผม
   ตะวันสะอึกสะอื้นอยู่สักพักก่อนจะพยายามพูดกับผม “ ฮึก..ขอโทษนะเชนที่ต้องมานั่งฟังเราระบาย แต่เราไม่ไหวแล้วจริงๆ ”
   “ ไม่เป็นไรหรอก ร้องมาเถอะอย่าเก็บไว้เลย ” ผมโอบเขาเป็นการปลอบ มันกลับทำให้เขาร้องออกมาอย่างหนักอีกรอบ มันยิ่งทำให้ผมทนไม่ไหว
   ผมไม่โอเคจริงๆที่เห็นเขาร้องไห้และผมก็จะไม่ทนอีกแล้ว
   “ นี่…ฟังเพลงไหมตะวัน เรามีเพลงอยากให้ตะวันฟัง ”
   “ ฮึก..เพลงอะไรหรอ ” ตะวันพยายามตอบผมแม้จะยังสะอื้นอยู่ก็ตาม
   “ ก็เพลงที่มันตรงกับความรู้สึกเชนยังไงละ…ตะวันช่วยรับฟังได้ไหม ”
   “ …… ”
   เขาไม่ตอบ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ ผมเลยเสียบหูฟังให้เขาข้างนึง ก่อนเปิดเพลงที่ผมอยากจะบอกเขา
   ‘ พยายามทำความเข้าใจ สายตาเวลาที่เธอมองฉัน
     ไม่อยากคิดอะไร เกินเลยจนพลาดพลั้ง
     ก็มันเห็นว่าความห่วงใย ที่เคยดีใจเมื่อเธอให้กัน
     ไม่ได้พิเศษกว่า ที่เธอให้กับเขา 

     ห้ามให้คิดนั้นลำบาก หากยังใกล้ชิดกัน
     แต่เธอรู้ไหมว่าใจของฉัน สับสนมากเหลือเกิน ’

   เขานิ่งเงียบ ผมไม่รู้ว่าเขารู้จะรู้สึกยังไง แต่ผมแค่อยากเป็นคนที่ได้อยู่ข้างเขา ผมอยากดูแลเขา ผมจะมีโอกาสนั้นไหม…

   ‘ แล้วฉันนั้นสำคัญแค่ไหน คิดฝันไปได้ไกล เท่าไร
     มีโอกาสได้ยืน ในหัวใจเธอบ้างไหม
    ถอนตัวและถอนใจไม่ทัน แม้เธอจะมองกันเช่นไร
    หากเธอไม่ได้รักเลย แค่ขอข้างข้างหัวใจ
     ให้ฉันได้ยืนต่อไป เพื่อรักเธอ ... ’

( เพลง ข้างๆหัวใจ – กัน The Star 6 )

   “ เชน.. ” ตะวันเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างกับผม ผมเลยชิงดึงเขาเข้ามากอดก่อน

   ขอร้องละ..อย่าพึ่งปฏิเสธเชนเลยนะ

   “ ตะวันอย่าพึ่งปฏิเสธเชนนะ ขอให้เชนพูดให้จบก่อน ” ผมรีบพูดขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา “ เชนไม่อยากเห็นตะวันต้องเสียใจอีกแล้ว ”
   “ …. ”
   “ เชนไม่อยากเห็นตะวันร้องไห้ เวลาเห็นตะวันทำหน้าเศร้า รู้ไหมเชนเองก็เจ็บ เชนพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ตะวันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ไม่ใช่เพราะเชนแค่แกล้งหยอด แต่เพราะเชนชอบตะวันมากจริงๆ ” ผมเองยิ่งพูดก็เริ่มอยากร้องไห้แล้วเหมือนกันตอนนี้ รู้สึกว่าน้ำตามันคลอๆที่เบ้าตาแล้ว
   “ เป็นเชนไม่ได้หรอที่ตะวันจะรู้สึก ไหนๆเมฆเขาก็มีปูเป้อยู่แล้ว เป็นเชนได้ไหม ที่ได้ดูแลตะวัน ได้ทำให้ตะวันยิ้ม เชนละมีสิทธิ์บ้างไหมที่จะรักตะวัน ”
   “ เชน..เราขอบคุณนะที่เชนทำดีกับเรามาตลอด แต่เราไม่อยากรู้สึกผิด ”
   “ รู้สึกผิดอะไรอะตะวัน ! ทำไมต้องรู้สึกผิด ” เขาพูดเรื่องอะไรกัน
   “ เรา…. ” เขาเงียบไปก่อนจะพูดขึ้นมา “ เราไม่อยากรู้สึกผิดกับใบหม่อน ”
   “ หมายความว่ายังไงตะวัน ? ” นี่หม่อนเข้าเกี่ยวอะไรด้วย 
   “ ก็ใบหม่อนมาบอกกับเราว่าชอบเชน แล้วเราก็สัญญาว่าจะช่วย.. ” อ๋อ เพราะอย่างนี้สินะวันนั้นเขาถึงชวนหม่อนมา “ เราไม่อยากผิดคำพูดกับหม่อน ”
   “ แล้วถ้าความรู้สึกตะวันเองละ ตะวันเคยรู้สึกดีกับเชนบ้างไหม เอาแค่ตัวตะวัน อย่าเอาเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยว ” ผมจ้องตาเขา ถ้าเขาบอกเขาไม่รู้สึก ผมก็จะยอมแพ้แล้วครับ
   “ เราก็รู้สึกดีนะ แต่เราไม่อยากผิดคำพูดกับใคร เพราะงั้น เร.. ” ทันทีที่ได้ยินว่าร้สึกดีผมก็จูบเขาก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค
   แม้ตอนแรกตะวันพยายามจะผลักผมออก แต่ผมก็ไม่ปล่อยง่ายๆ ผมกดปากผมให้แน่นมากขึ้น จนเขาเลิกที่จะปฏิเสธผม
   เมื่อเห็นว่าเขาไม่ปฏิเสธแล้ว ผมจึงลดความรุนแรงจากที่กดปากไว้ตอนแรกเป็นแผ่วเบา เราค้างอย่างนั้นอยู่นาน ก่อนตะวันจะดันตัวผมออกเบาๆ
   “ แบบนี้แสดงว่าตะวันตอบรับเชนแล้วใช่ไหม : ) ” ผมจ้องหน้าเขา ซึ่งเขากลับหลบหน้าผม แม้จะมืดแต่ก็เห็นชัดว่าหน้าเขาแดงแค่ไหน
   “ ตอบรับอะไร เรายังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ” แม้ผมพยายามชะโงกหน้าไปมองหน้าเขา แต่เขาก็หันหลบตลอด น่ารักจริงๆ >///<
   “ เป็นแฟนกับเชนไหม ? ” เมื่อเห็นว่าเริ่มมีความหวังผมเลยถามเขาตรงๆ
   “ ก็บอกแล้วไงว่า... ”
   “ ถ้าเรื่องหม่อน เชนบอกเลยเราเป็นแค่เพื่อนกัน ” เมื่อเห็นเขาจะพูดเรื่องอื่นขึ้นมา ผมก็ชิงตัดบทก่อน “ เชนรู้สึกกับตะวันแค่คนเดียว ต่อให้ใครพยายามจะจับคู่ให้หรือเสนอตัวให้ เชนก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ ”
   ตะวันหันมามองหน้าผม
   “ ตะวันไม่ต้องกังวลนะ เราปฏิเสธหม่อนไปแล้ว หม่อนเองก็โอเค อย่าเอาคนอื่นเข้ามาเกี่ยวสิ นี่มันเรื่องของเราสองคนนะ ถ้าตะวันไม่เชื่อ เชนจะโทรหาหม่อนเดี๋ยวนี้ ” แล้วผมก็กดโทรหาหม่อนและเปิดลำโพง แต่ตะวันก็พยายามจะกดวาง แต่ผมไม่ยอมหรอกตะวันจะได้รู้ไปเลย
   “ ฮัลโหล! เชน มีอะไรหรือเปล่า โทรมาซะดึกเลย ” หม่อนรับสายผมอย่างเร็ว ก่อนจะถามออกมารัว
   “ หม่อนเรามีอะไรจะถาม ”
   “ อื้อ ว่าไงถามมาเลย แต่แปลกจังเป็นครั้งแรกเลยนะที่เชนโทรหาเรา เชนอยู่ไห.. ”
   “ ถ้าเราคบกับตะวัน หม่อนโอเคไหม ” ผมรีบพูดก่อนที่เขาจะพล่ามอะไรไปมากกว่านี้
   “ ….. ”
   “ ว่าไง โอเคหรือเปล่า ”
   “ อื้ม…โอเคสิ ทำไมเราจะไม่โอเคละ ”
   “ งั้นอวยพรให้เราหน่อยสิ ”
   “ ขอให้มีความสุขมากๆละกันนะ ทั้งเชนแล้วก็ตะวัน ”
   “ ขอบคุณนะหม่อน ^^ ”
   “ เชนโทรมาแค่นี้หรอ ”
   “ ใช่ ก็ตะวันไม่เชื่อว่าเรากับหม่อนเป็นแค่ ‘เพื่อนกัน’ เราคุยกันแล้วนี่เนอะ ” ผมพยายามเน้นคำว่าเพื่อนกับหม่อน แม้จะได้ฟังคำตอบแล้วแต่ตะวันก็ยังทำหน้ากังวล
   “ ใช่…แค่เพื่อน ” หม่อนตอบเสียงเบา “ นี่ตะวันฟังอยู่ด้วยหรือเปล่า ”
   “ เอ่อ….หม่อน เรา.. ” ตะวันดึงโทรศัพท์ไปจากมือผมเมื่อหม่อนเรียกชื่อ
   “ ตะวันโชคดีแล้วนะ ที่จะมีเชนคอยดูแล เรายินดีด้วยนะ ”
   “ เราขอโทษนะหม่อน จริงๆแล้วเรา.. ”
   “ ไม่ต้องขอโทษหรอก เราเข้าใจดี งั้นเราไปทำงานก่อนนะ บ๊ายบายตะวัน ”
   แล้วหม่อนก็วางสายไป
   “ ทีนี้เชื่อยังครับ ไหนละคำตอบของตะวัน : ) ”
   “ เอ่อ… เฮ้อ ! ” ตะวันอึกอักไม่ยอมตอบ
   “ ว่าไงครับ ไม่อย่างนั้นเชนจะปล้ำตะวันแล้วนะ จะได้ข้ามขั้นไปเป็นผัวเมียกันเลย ” ผมทำท่าจะเข้าไปปล้ำเขา จนเขารีบร้องออกมา
   “ อ๊ากกกก! ตอบแล้วๆ ”
   “ คำตอบคือ… ” โอ๊ยผมลุ้นแล้วนะเนี่ย
   “ เป็นก็เป็น -////- ”
   “ เย้!!! ทีนี้ก็เป็นแฟนกันแล้วนะ ตะวันน่ารักที่สุดเลย! ” ผมดีใจมากจนโผเข้าไปกอดเขา “ ขอจูบอีกทีได้ปะ :' ) ”
   “ พอเลย ไม่เอาแล้ว อุ๊บ! ” แม้ตะวันจะบอกว่าไม่ แต่ผมไม่ฟังหรอกครับ ก็ปากเขาหวานจะตาย ขอชิมอีกสักทีจะเป็นอะไรไป ไหนๆก็ห้ามใจตัวเองมาหลายปีละ
   ผมบดปากผมไปที่ปากตะวัน แม้ตะวันจะเม้มปากแน่นแต่ผมก็พยายามดันลิ้นสอดเข้าไปจนได้ เราจูบกันจนผมเริ่มมีอารมณ์ อยากจะให้เขาเป็นของผมทั้งกายเดี๋ยวนี้เลย ผมเริ่มจูบลงมาเรื่อยๆจนถึงคอของตะวัน กะจะแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ก็โดนตะวันดึงหัวไว้ก่อน
   “ โอ๊ยๆๆๆ ! เจ็บนะตะวัน TT ”   
   “ หึ! ถ้ารู้ว่าหื่นแบบนี้ไม่ตอบตกลงด้วยหรอก ”
   “ ก็เชนดีใจนี่นา งั้นเราไปกันไหม? ”
   “ ไปไหน =_= ? ” ตะวันทำหน้างงใส่ผม
   “ ไปโรงแรมไงครับ ปะ! ” แล้วผมก็แกล้งดึงตะวันให้ลุกตามผมไป
   “ ไม่อ๊าววววว ! กลับหอได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเรียนอีก ”
   ชิ! ยังจะมาห่วงเรียนอีก แต่ไม่เป็นไรผมอยากให้ภรรยาผมมีอนาคตที่ดี อิอิ
   “ โอเคกลับก็กลับ ขอบคุณนะครับตะวัน ” ผมดึงเขาเข้ามากอดอีกครั้ง
   “ อื้อ…. ”
   “ เชนจะไม่มีวันทำให้ตะวันเสียใจนะ เชนสัญญา ”
   ตะวันกอดผมกลับก่อนก่อนจะเอาหน้ามาซบที่อกผม “ ทำให้ได้จริงๆละกัน แล้วจะคอยดู ”
   “ ด้วยเกียรติของคนๆนึงเลยครับที่รัก ” ผมหอมแก้มเขาอีกครั้ง ก่อนจะจูงมือเขาขึ้นรถ
   
   สุดท้ายแล้วความพยายามตลอดหลายปีของผมก็ประสบความสำเร็จสักที ผมไม่เสียใจเลยที่ปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาเพื่อรอเขาคนเดียว ผมไม่เหนื่อยเลยสักครั้งกับการรอเขา แม้บางครั้งจะท้อบ้าง เกือบตัดใจบ้าง แต่วันนี้ผมก็ได้เขามาแล้ว การรอคอยมันทำให้ผมรู้ว่า สิ่งที่เรารอ เมื่อเราได้มันมา มันคุ้มค่าแค่ไหน ผมไม่รู้ว่าที่ตะวันตอบรับผมเพราะกำลังเสียใจอยู่หรือเปล่า แต่ผมก็จะเสมอต้นเสมอปลายกับเขาแบบนี้ต่อไป วันข้างหน้าเราสองคนจะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้และต่อจากนี้ ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะทำได้

   การที่รอใครสักคนช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดคือการรออย่างไม่รู้จุดหมาย แต่เชื่อผมเหอะ ว่าอย่าพึ่งหมดหวัง ลองพยายามให้ถึงที่สุดก่อน ถ้าเราพยายามจนถึงที่สุดแล้ว ต่อให้ไม่สมหวัง แต่อย่างน้อยเราก็ได้ทำ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

   “ เห้อหลับซะละ ”  พอขึ้นรถมาได้สักพัก คนเก่งของผมก็ชิ่งหลับซะงั้น

   “ ฝันดีนะครับคนดีของผม ”
   
   ขอบคุณนะทะเล แกทำให้ฉันมีความสุขที่สุดเลย : )


- Baimhon time -

   หลังจากวันนั้นที่ผมโดนเชนไล่ลงจากรถเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย แม้เวลาเจอหน้ากัน เชนก็ทำเหมือนผมเป็นธาตุอากาศ ผมทนอยู่กับความอึดอัดทุกวัน ต้องแอบมาร้องไห้คนเดียวตลอด
   แล้ววันนี้ในขณะที่ผมกำลังนั่งทำงานอยู่ ก็มีสายเรียกเข้าจากคนที่ไม่คิดว่าจะโทรมา เชนนั่นเอง
   “ ฮัลโหล! เชน มีอะไรหรือเปล่า โทรมาซะดึกเลย ” ผมรับสายแล้วรีบถามเขา ผมดีใจจริงๆที่เขาโทรมา
   “ หม่อนเรามีอะไรจะถาม ”
   “ อื้อ ว่าไงถามมาเลย แต่แปลกจังเป็นครั้งแรกเลยนะที่เชนโทรหาเรา เชนอยู่ไห.. ”
   “ ถ้าเราคบกับตะวัน หม่อนโอเคไหม ”
   “ ….. ” อะไรนะ เชนจะคบกับตะวัน ได้ยังไงกัน ผมงงไปหมดแล้วตอนนี้
   “ ว่าไง โอเคหรือเปล่า ” ปลายสายถามผมเสียงเย็น เป็นเสียงที่เขาใช้ขู่ผมประจำ
   “ อื้ม…โอเคสิ ทำไมเราจะไม่โอเคละ ”
   “ งั้นอวยพรให้เราหน่อยสิ ”

   ตอนนี้น้ำตาผมไหลออกมาไม่รู้ตัว แต่ผมก็พยายามไม่ให้เขาได้ยินเสียงสะอื้นของผม

   “ ขอให้มีความสุขมากๆละกันนะ ทั้งเชนแล้วก็ตะวัน ”
   “ ขอบคุณนะหม่อน ^^ ”
   “ เชนโทรมาแค่นี้หรอ ”
   “ ใช่ ก็ตะวันไม่เชื่อว่าเรากับหม่อนเป็นแค่ ‘เพื่อนกัน’ เราคุยกันแล้วนี่เนอะ ” เขาดูเน้นคำว่าเพื่อนเป็นพิเศษ นั่นทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าเดิม
   “ ใช่…แค่เพื่อน  นี่ตะวันฟังอยู่ด้วยหรือเปล่า ”
   “ เอ่อ….หม่อน เรา.. ” ตะวันรีบตอบเมื่อได้ยินผมถามถึงเขา
   “ ตะวันโชคดีแล้วนะ ที่จะมีเชนคอยดูแล เรายินดีด้วยนะ ”
   “ เราขอโทษนะหม่อน จริงๆแล้วเรา.. ”

   ขอโทษหรอ..มาแย่งคนที่เราชอบไป เราควรเชื่อคำขอโทษของตะวันไหม?
   “ ไม่ต้องขอโทษหรอก เราเข้าใจดี งั้นเราไปทำงานก่อนนะ บ๊ายบายตะวัน ”  ผมพยายามทำเสียงให้ปกติที่สุด ก่อนจะรีบตัดสาย เพราะผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวแล้ว
   
   ผมนั่งร้องไห้อยู่นาน ร้องจนจะไม่มีน้ำตาไหลออกมา ทำไมตะวันทำกับผมแบบนี้ ไหนตอนแรกบอกจะช่วยผมไง แล้วทำไมถึงได้ไปคบกับเชนแทนได้ แล้วตอนแรกบอกว่าไม่ได้คิดอะไร เป็นแค่เพื่อนกัน ตอนนี้หัวใจผมแทบสลาย มันแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดีเลย ทั้งถูกคนที่ชอบมากๆหักอก และถูกทรยศจากเพื่อนที่คิดว่าจะไว้ใจได้ คนที่คิดว่าจะเป็นเพื่อนดีต่อกัน
   ผมเชื่อแล้วครับว่าสังคมมหาลัยมันหาคนที่จริงใจต่อกันยาก ต่อไปนี้ผมคงเชื่อใครไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
   ผมพอแล้ว ผมจะไม่พยายามอีกแล้ว จากความรู้สึกดีๆที่ผมเคยมีให้ทั้งคู่ ตอนนี้ผมกลับรู้สึกเกลียดพวกเขาแทน ผมจึงตัดสินใจโทรไปหาใครบางคน
   “ ฮัลโหล ว่ายังไง ” ปลายสายทักถามเมื่อผมโทรไป
   “ เรื่องที่เธอเสนอฉันมาเมื่อตอนนั้น ฉันตกลงร่วมมือกับเธอด้วย ”
   “ หึ สุดท้ายนายก็ยอมแล้วสินะ นึกว่าจะเป็นคนดีกว่านี้ซะอีก ”
   “ ไม่ต้องพูดมากหรอก จะให้ช่วยเมื่อไหร่ก็โทรมาละกัน แค่นี้นะ ”

   ผมไม่ยอมเจ็บฝ่ายเดียวหรอก แล้วผมจะทำให้ทั้งเชนและตะวันเจ็บกว่าผมให้ได้ โดยเฉพาะตะวัน…..



คำคมท้ายบท : ความรักคือการเดินทางไกล กว่าจะถึงหัวใจ มันต้องใช้เวลา

 -TBC -

ผมอยากจะบอกว่าทุกตัวละครในเรื่องนี้มีปมเรื่องราวของตัวเองและมีเหตุและผลในตัวเองกันหมด ยังไงก็มาค่อยๆคลายปมของแต่ละคนไปเรื่อยๆนะครับ อย่าพึ่งรีบตัดสินทุกตัวละคร ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ ยังไงก็ฝากเรื่อง my sweet roommate ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะกั๊บ ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ ทุกความเห็นเป็นกำลังให้ผมได้จริงๆ ผมดีใจทุกครั้งที่เห็นคนเข้ามาแสดงความเห็น แล้วเจอกันใหม่ตอนต่อไปนะครับ ชุ้บๆ <3


หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 11 ข้างๆหัวใจ [ 02/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-03-2018 23:26:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 11 ข้างๆหัวใจ [ 02/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: violetvista ที่ 03-03-2018 17:06:34
รอตอนต่อไปน้าา อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่ยังแอบเชียร์เมฆอยู่นะ

ส่วนหม่อนไปร่วมมือกับปูเป้แน่ๆเลย ไม่น้าาาา  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 11 ข้างๆหัวใจ [ 02/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 04-03-2018 19:57:58
กรี๊ดดดดดดดดดดด  เค้าคบกันแล้ว ดีใจ :ling1: :ling1:

ทีมเชนตะวัน

ส่วนใบหม่อนอย่าโกรธเลยนะ แค่ปูเป้คนเดียวก็มากพอแล้วใบหม่อนอย่าร่วมด้วยเลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 12 ความจริง [ 06/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 06-03-2018 20:13:42
บทที่ 12
ความจริง

   “ เดี๋ยวเชนไปหาตอนกินข้าวนะ ”
   “ อ้าว! เชนเลิกเรียนหลังเราไม่ใช่หรอ แล้วจะมาหาเราได้ไง ”
   “ เชนว่าจะโดดคาบแรกละ คงเรียนไม่ไหว เชนง่วง ” เชนพูดไปหาวไป
   เรากลับมาถึงมหาลัยกันตอนช่วงเช้า หลังจากที่ไปทะเลกันมาเมื่อคืน และผมก็ไม่คิดว่าการไปทะเลครั้งนี้จะลงเอยด้วยการคบกับเชน จริงๆที่ผมตอบตกลงเขา ก็เพราะว่าเขาดูแลผมดีมาตลอด แล้วทุกอย่างมันก็ไม่ทันตั้งตัว มารู้ตัวเองอีกทีผมก็แอบมีใจให้เขาไปแล้ว
   นี่ดีนะที่หม่อนเข้าใจ ตอนแรกผมเครียดมากเลยก่อนตกลงกับเชน ไม่คิดว่าหม่อนกับเชนจะคุยกันมาก่อนแล้วเรื่องสถานะของเขา ผมค่อยโล่งใจหน่อย

   “ นิสัยไม่ดี โดดเรียน ” ผมแกล้งว่าเขา จริงๆก็เข้าใจเขาแหละครับ เพราะตอนขากลับ ผมเผลอหลับไป ส่วนเขาต้องขับรถเลยไม่ได้นอนทั้งคืน
   “ นิสัยไม่ดีแล้วรักปะ ” เชนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมจนปากเกือบชนกัน
   “ นี่พอเลย! ยังไม่ได้แปรงฟัน ”
   “ เชนไม่รังเกียจสักหน่อย ขอจุ๊บหน่อย ”
   “ ไม่ ! ”
   แต่เหมือนคำปฏิเสธจะไร้ค่าเพราะเขาก็จุ๊บอยู่ดี แต่ดีที่ผมหันหน้าหลบทันมันเลยเป็นแค่จุ๊บแก้มแทน
   “ ขนาดไม่อาบน้ำยังหอมเลยนะเนี่ย : ) ” หมอนี่ได้คืบจะเอาซอก จุ๊บแก้มไม่พอยังจะมาไซร้ซอกคอผมอีก สยิวชิบ !
   “ เชน เดี๋ยวเราไปเรียนไม่ทัน ไม่เล่นแล้ว ! ”
   “ เชอะ ! ก็ได้ครับ งั้นขึ้นหอกัน ” เขาส่งเสียงออกมาอย่างเสียดาย
   
   นี่ถ้าไม่ห้ามผมคงเสียตัวบนรถแน่ๆ !

   หลังจากที่ขึ้นหอ เชนอ้อยอิ่งอยู่นานกว่าจะยอมกลับห้องตัวเอง ยื้อผมอยู่ในลิฟท์อยู่นั่นว่าให้ไปอาบน้ำห้องเขา แต่ผมยืนยันว่าจะอาบที่ห้องตัวเอง ส่วนตัวผมเอง ก็ทำใจอยู่นานกว่าจะเปิดประตูห้องเข้าไป คิดไว้ว่าเอาวะเป็นไงเป็นกัน จะเจอเมฆก็ปล่อยให้เจอไป ผมจะตัดใจจากเขาแล้ว ชอบไปก็เจ็บเปล่าๆ
   พอเปิดประตูเข้ามา ก็พบว่าเมฆไม่ได้อยู่ในห้อง และเหมือนว่าจะไม่ได้กลับห้องด้วย เพราะห้องอยู่ในสภาพเดิม สงสัยคงนอนกับปูเป้ทั้งคืน หึ !

   กว่าผมจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็เลยเวลาเข้าเรียนแล้ว แถมอาจารย์วิชานี้ก็ดันดุอีก ผมเลยต้องแอบคลานเข้าทางหลังห้องแทน
   “ ทำไมมาสายยะ ลำไยอะไรอยู่ นี่ฉันโทรไปก็ปิดเครื่อง ” พอมาถึงพัดชาก็บ่นยกใหญ่
   “ แบตหมดอะ แล้วนี่จิ้ปไปไหน ” ผมไม่เห็นจิ้ปอยู่ด้วย
   “ ก็วันนี้เขาจะคัดคนที่จะเป็นตัวแทนดาวเดือนคณะเราไง นังจิ้ปมันเลยต้องไปเตรียมตัว ”
   “ อ้าววันนี้แล้วหรอ ! สาธุขอให้ได้ทีเถอะ ”
   “ แล้วนี่ทำไม่ชาร์จแบต ไปแรดไหนมา ”
   “ เอ่อ…เดี๋ยวฉันค่อยเล่าพร้อมกันทีเดียวละกัน รอจิ้ปมาก่อน ”
   “ พูดอย่างนี้แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรใช่ไหม ! กรี๊ด!! เรื่องอะไร ดีหรือไม่ดี ! ” พัดชาเผลอกรี๊ดออกมา จนโดนอาจารย์ดุ พวกเราเลยต้องสงบเสงี่ยมตั้งใจเรียนโดยที่ไม่ได้คุยกันต่อ พัดชาได้แต่ส่งสายตาอยากรู้ทั้งคาบ

   “ โอ๊ย! เหนื่อย ร้อนๆๆๆๆ เครียด! TT ” จิ้ปมาถึงก็บ่นเลย บ่นเก่งเหมือนพัดชาไม่มีผิด
   “ แหมๆๆ บ่นเครียดแบบนี้ ไหนลองบอกให้ฉันชื่นใจสิว่าผลเป็นไง ”
   “ ก็โดนเป็นตัวแทนไง! ทั้งฉันและโอ๊ตได้ทั้งคู่ ” จิ้ปดูไม่ดีใจเลยกับตำแหน่งนี้ แต่คนที่ดีใจกลับเป็นพัดชาแทน
   “ กรี๊ดดดดดดดด ! ฉันภูมิใจในตัวแกจริงๆเลยจิ้ป ”
   เราคุยถึงการคัดกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไปสั่งข้าวกิน เพราะแต่ละคนเม้าท์เพลินจนท้องร้องแล้ว

   “ ไหน เล่ามาเลยนะตะวัน ตอนนี้ก็อยู่ครบแล้ว สรุปมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ” พัดชาทวงสัญญาที่ผมให้ไว้ในห้องเรียน
   “ เล่าอะไรหรอ เกิดอะไรขึ้นตะวัน ใครทำอะไรตะวันอีกหรือเปล่า! ” จิ้ปดูตกใจและคิดไปต่างๆนาๆแล้วตอนนี้ “ อย่าบอกนะว่าปูเป้อีกแล้ว ! ”
   “ ไม่ใช่ๆ จริงๆมันก็เกี่ยวด้วยแหละ แต่ที่ฉันจะบอกคือ…เอ่อ -///- ” พอผมจะพูดก็รู้สึกเขินขึ้นมาซะงั้น
   “ สวัสดีครับสาวๆ ! กินอะไรกันเอ่ย ” ขณะที่ผมกำลังอ้ำๆอึ้งๆอยู่เชนก็โผล่มาพอดี “ หิวจัง ตะวันป้อนลูกชิ้นเชนหน่อยสิ อ้ามมมม ”
        “ อะ กินซะ ”  ผมคีบลูกชิ้นใส่ปากเขา ยิ่งมีน้อยๆอยู่มาแย่งทำไมเนี่ย TT
        “ แปลกจัง ทำไมลูกชิ้นหวานจังนะ เหมือนปากตะวันเมื่อคืนเลย ”
        “ เดี๋ยวๆๆ เมื่อกี้ว่ายังไงนะ =_= ” พัดชาที่ดูงงกับการกระทำของผมสองคนถามขึ้นมาอย่างสงสัย ส่วนจิ้ปตอนนี้เหมือนจะงงหนักกว่าพัดชา
        “ อ้าว ตะวันยังไม่ได้บอกเพื่อนๆอีกหรอว่าเราเป็นแฟนกันอะ ” เชนส่งยิ้มเล็กๆให้กับผม
   “ อะไรนะ! แฟนหรอ ! ” ทั้งสองคนอุทานเสียงดังพร้อมกันอย่างตกใจ จนคนแถวนั้นมองมาที่พวกผมกันหมด
   “ ชู่ว! เบาๆสิพวกแก เอ่อ….ก็เรื่องนี้แหละที่ฉันจะบอก ” ผมพูดเสียงเบาอย่างอายๆ
   “ โอ๊ย ตุ๊ดจะเป็นลม ยังไง ! เมื่อไหร่ ! ”
   “ ตะวันจะเล่าหรือให้เชนเล่าดี : ) ”
   “ เดี๋ยวเราเล่าเอง เชนไปซื้อข้าวเถอะ ” ผมรีบไล่เขา ขืนให้เขาเล่าคงลงดีเทลหมดแน่ๆ
   พอเชนไปผมเลยเล่าเรื่องทั้งหมดแบบคร่าวๆ ตั้งแต่ไปไปเจอเมฆที่โรงแรมจนถึงตอนที่คบเป็นแฟน
   “ โอ๊ยๆ ตายอย่างสงบ ศพสีชมพู ” พัดชาพอฟังจบก็ทำหน้าเคลิ้มฝันเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง
   “ อิจฉาอะตะวัน ทำไมฉันไม่มีใครมาจีบมั่งนะ ” จิ้ปเองก็ไม่ได้ต่างจากพัดชาเลย ทำหน้าเคลิ้มเชียว
   “ มาแล้วๆ เล่าจบยังตะวัน ให้เชนช่วยเล่าไหม ”
   “ จบแล้ว ”
   “ แล้วได้เล่าฉากเร่าร้อนบนชายหาดของเราหรือเปล่า ที่เรา อุ๊บ! ” ผมรีบเอามือไปปิดปากเขา
   ส่วนพัดชากับจิ้ปตอนนี้ตาโตยิ่งกว่าเดิม พร้อมจ้องเหมือนเป็นการบอกว่า ‘ แกต้องเล่าให้หมดเปลือก ’ ผมเลยได้แต่หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะชวนทุกคนให้กินข้าว

   “ แล้วนี่เชนจะไปเรียนเลยหรือเปล่า ? ” พอกินข้าวเสร็จ เมื่อเห็นว่าจะเริ่มคาบบ่ายแล้ว ผมเลยถามเขา
   “ ครับ ก็เดี๋ยวเชนขึ้นเรียนเลย ตะวันละ จะไปเรียนเลยหรือเปล่า ”
   “ ก็คงขึ้นเรียนเลย ตั้งใจเรียนนะ ”
   “ ครับผม ! ขอกำลังใจในการเรียนหน่อยสิ ” เชนทำหน้าเจ้าเล่ห์ นี่จะเอาอะไรจากผมอีก
   “ จะเอาอะไร ? ”
   เชนทำแก้มป่องแล้วจิ้มแก้มตัวเองเป็นคำตอบ
   “ บ้า ไม่เอา ! ”
   “ ฮ่าๆๆ เชนล้อเล่น ” เขาเอามือมาขยี้หัวผม “ เดี๋ยวเลิกซ้อมลีดแล้วเชนมารับนะไปกินข้าวกัน  พัดชากับจิ้ปด้วยนะ เชนเลี้ยงเอง : ) ”
   “ ตกลงจ้า ! เดี๋ยวเราจะล้างท้องรอเลย ”
   แล้วพวกเราก็แยกกันไปคนละตึก แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเดินขึ้นตึกก็ถูกใครบางคนกระชากแขนอย่างแรง
   “ ไปไหนมา ทำไมเมื่อคืนไม่กลับห้อง ! ” เมฆนั่นเองที่เป็นคนกระชากผม
   “ โอ๊ย เจ็บ! ” ผมร้องออกมา เพราะเขาบีบแขนผมแรงมาก
   “ นี่นาย! ปล่อยเพื่อนเราเดี๋ยวนี้เลยนะ ” พัดชากับจิ้ปพยายามเข้ามาช่วยผมโดยการดึงผมมา แต่ก็สู้แรงเมฆไม่ได้
   “ ปล่อยแน่ แต่เราขอคุยกับเพื่อนพวกเธอก่อนได้ไหม? ” เมฆยังคงจับแขนผมไว้แน่นเหมือนกลัวผมจะหนี “ มาคุยกันหน่อยตะวัน ”
   พัดชาจึงมองผมเป็นเชิงถามว่าเอายังไง ผมจึงบอกว่าขอไปคุยกับเมฆก่อน แล้วเมฆก็เลยลากผมออกมาไม่ไกลจากจุดเดิม
   “ นี่จะปล่อยกูได้ยัง กูเจ็บ ” ผมว่าเขา ก่อนที่เขาจะยอมปล่อยแขนผม
   “ เมื่อคืนมึงไปไหนมา กูตามหามึงทุกที่ โทรไปก็ไม่ติด ! ” เมฆตอนนี้ดูร้อนใจมาก สภาพเขาเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ชุดยังเป็นชุดเดิมของเมื่อวานอยู่เลย
   “ กูจะไปไหนมันก็เรื่องของกูไหม ? มึงจะอยากรู้ไปทำไม ”
   “ ก็กูเป็นห่วง ! ” เขาตระโกนใส่ผมเสียงดัง
   “ เหอะ ! ห่วงหรอ มึงเอาเวลาไปห่วงแฟนมึงดีกว่านะ กูมันแค่คนร่วมห้องกับมึง จะมาห่วงกูทำไมกูโตแล้ว ” ผมจ้องตาเขากลับด้วยสายตาเย็นชาที่สุด ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอะไรกับเขาแล้ว “ จะมาถามแค่นี้ใช่ไหม? กูจะได้ขึ้นไปเรียน ”
   พอผมหันหลังจะเดินกลับไปที่ตึกเมฆก็จับข้อมือผมไว้ แต่ครั้งนี้ไม่แรงเหมือนตอนแรก
   “ เดี๋ยวก่อนสิตะวัน ฟังเมฆก่อน..” ตอนนี้เสียงเมฆอ่อนลงแล้ว
   “ …… ” ผมยอมหยุดแต่ก็ไม่ได้หันไปมองเขา
   “ มันไม่ใช่อย่างที่ตะวันคิดนะ ”
   “ ถ้าไม่ใช่อย่างที่กูคิดแล้วมันคืออะไร กูบอกเลยนะ กูแค่ไม่โอเคที่มึงทิ้งกู โกหกกูว่ามีธุระแล้วหนีไปหาแฟน ถ้าจะไปก็บอกมาตรงๆแค่นั้นเองไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่ ” ผมหันกลับไปพูดกับเขา แต่กลับเห็นเขายืนทำหน้าเศร้าแทน
   ทำไมเขาต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย
   “ เมฆไม่ได้อยากไปสักหน่อย เป้เขาโทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วน เมฆเลยต้องไป ”
   “ ก็เห็นอยู่ว่ากอดกันแน่นซะขนาดนั้น นี่เรื่องด่วนมึงใช่ไหม? เลิกอ้างเหอะวะ ยังไงเขาก็สำคัญสำหรับมึงอยู่แล้วนิ เพื่อนร่วมห้องอย่างกูมันไม่มีความสำคัญเท่าเขาหรอก ”
   “ ทำไมจะไม่สำคัญละ! ตะวันเป็นเพื่อนคนสำคัญของเมฆมาตลอด ทั้งตอนพวกเรายังเด็ก แล้วก็ตอนนี้ด้วย ”
   “ ที่พูดหมายความว่ายังไง O_O ” อย่าบอกนะว่า…
   “ ก็หมายความอย่างที่พูดแหละ ” เขาสูดลมหายใจก่อนจะพูดต่อ “ ตะวันคือเพื่อนคนสำคัญของเรา จำเราได้ใช่ไหม ว่าไงละเด็กชาย ทิวากร กุลธนาสกุล ห้อง ป.6/1 ”
   ผมอึ้งเมื่ออยู่ดีๆเรื่องที่ผมอยากรู้มาตลอดเขากลับเป็นคนพูดขึ้นมาเอง “ นี่คือเมฆคนนั้นจริงๆหรอ ! ”
   “ อื้ม……..เราเอง ”
   ตอนนี้ผมยังคงอึ้งและกลับลืมไปแล้วว่าตอนแรกผมโกรธเขา
   “ แล้วทำไมต้องปิดบังกันด้วย เราตามหาเมฆตั้งนานรู้ไหม ! ” พอรู้ความจริงเข้า น้ำตาผมมันก็ระเรื่อออกมา เมฆเห็นอย่างนั้นเลยเข้ามากอดผม
   “เมฆมีเหตุจำเป็นที่ทำให้บอกไม่ได้ อย่าร้องไห้สิ ” เมฆเอามือมาปาดน้ำตาให้ผม “ แล้วบอกได้ยังเมื่อคืนหายไปไหนมา ไปกับใคร?  ”
   “ ตะวันไปกับเรามาเองแหละ มีอะไรหรือเปล่า ” เสียงเชนดังขึ้นมาจากทางข้างหลังผม
   “ เชน! มาได้ไงเนี่ย เมื่อกี้ไปเรียนแล้วไม่ใช่หรอ ” ผมตกใจที่เห็นเชนอยู่ตรงนี้
   “ ก็พัดชาโทรไปบอกเชนว่าตะวันโดนนายเมฆลากตัวไป เชนก็เลยรีบมา ” เมื่อผมมองไปก็เห็นพัดชากับจิ้ปยืนทำหน้ากังวลอยู่ข้างหลังเชน
   “ แล้วนี่จะปล่อยแฟนเราได้ยัง ” เชนเดินเข้ามาดึงผมให้ออกจากอ้อมกอดของเมฆ
   “ แฟน ? หมายความว่ายังไง ? ” เมฆมองหน้าผมสลับกับเชน
   “ ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ เราคบกับตะวันแล้ว เมื่อคืนนี้ ” เชนยักคิ้วใส่เมฆ ก่อนเอามือมาโอบแขนผม
   “ จริงหรอตะวัน ? ” เมฆจะเดินเข้ามาจับตัวผม แต่ถูกเชนผลักออกก่อน
   “ เห้ยอะไรวะ ! ” เมฆขึ้นเสียงใส่เชนแล้วผลักเชนกลับจนเซ ผมเลยเซไปด้วย
   “ มึงนั่นแหละอะไร อย่ามายุ่งกับแฟนกู ”  เชนเองก็ดูไม่ยอมเหมือนกัน
   “ ปากดีนักนะมึง ! ”
   แล้วเมฆก็กระชากคอเสื้อเชนอย่างแรง ก่อนทำท่าจะต่อย ผมเห็นแบบนั้นเลยรีบห้ามพวกเขาไว้ก่อน เกิดมีอาจารย์มาเห็นว่าทะเลาะกันเป็นเรื่องแน่ๆ
   “ นี่ ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะทั้งคู่ ” ผมพยายามแทรกตัวไปกันทั้งคู่ไว้ ดีนะที่เมฆยั้งมือทันไม่งั้นคนที่โดนอาจจะเป็นผมแทน
   “ เมฆไปก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันที่ห้องก็ได้ ” ผมหันไปพูดกับเมฆ ก่อนจะให้ไปพูดกับเชน “ เชนเองก็พอได้แล้ว นะ เราขอ ”
   ทั้งสองยังคงจ้องตาอย่างไม่ยอมกัน ก่อนเมฆจะปล่อยมือออก
   “ อืม งั้นเมฆไปแล้ว รีบกลับมาเร็วๆละกัน มีเรื่องให้พูดเยอะเลย ” เมฆพูดกับผมก่อนจะเดินจากไป แต่ก็ไม่วายหันมามองเขม่นใส่เชน
   “ เป็นอะไรไหมตะวัน เจ็บตรงไหนหรือเปล่า นี่มันทำอะไรตะวันหรือเปล่าเนี่ย ” เชนจับผมหมุนดูเพื่อเช็คว่าผมเป็นอะไรไหม
   “ แค่คุยกันเฉยๆ ไม่มีอะไรสักหน่อย เชนกังวลมากไปแล้ว ”
   “ ก็เชนเป็นห่วงนี่ แล้วพอเห็นไอ้เมฆนั่นกอดตะวันอยู่ เชนก็ยิ่งโมโห หึงนะรู้ไหมเนี่ยย ” เขาทำหน้าเครียดใส่ผม เหงื่อเต็มหน้าเลย สงสัยจะวิ่งมา
   “ เมฆไม่ทำอะไรเราหรอก นั่นเพื่อนเรานะ ไม่มีอะไรแล้ว เชนไปเรียนเถอะ ”
   “ ถ้าอย่างนั้นให้เชนไปส่งที่ห้องนะ เชนจะได้สบายใจ ”
   “ อื้อ ก็ได้ ” ผมยอมเพราะต่อให้ปฏิเสธเชนก็คงจะไปส่งให้ได้อยู่ดี
   สุดท้ายเชนก็มาส่งผมถึงหน้าห้องเรียนแล้วก็แยกไปตึกตัวเอง 
   “ ไม่เป็นไรใช่ไหมแก พวกฉันขอโทษนะที่โทรตามเชนมา ” พัดชาขอโทษผมเมื่อเข้าห้องมาแล้ว
   “ อื้อไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณพวกแกนะที่เป็นห่วง ” จริงๆผมไม่ได้โกรธพวกเขาอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าเพื่อนคงเป็นห่วง
   “ แล้วนี่นายเมฆเรียกตะวันไปคุยเรื่องอะไร ตอนแรกดูรุนแรงชะมัด ” จิ้ปเอื้อมมือมาบีบแขนผม เรียกได้ว่านวดเบาๆดีกว่า
   “ ก็แค่ถามว่าไปไหนมา เฮ้อ..สงสัยฉันมีเรื่องที่ได้กลับไปคุยกับเมฆยาวแน่ๆเลย ” นึกแล้วก็ยังคาใจไม่หาย เหตุผลอะไรที่เขาไม่ยอมบอกผมกันนะ กลับไปต้องถามให้รู้เรื่องให้ได้
   พอเลิกเรียนแล้วพวกผมก็ต้องไปซ้อมลีดกันต่อ พอคัดเสร็จผมรู้สึกว่าพี่ๆเขาจะโหดขึ้นเป็นพิเศษ เล่นเอาผมปวดเมื่อยไปทั้งตัว ตอนแรกเชนก็ว่าจะมารับตรงที่ผมซ้อมเลย แต่พอดีพวกเรามีธุระนิดหน่อยเลยนัดไปเจอกันที่หน้ามหาลัยแทน
   “ ตะวันๆ คนนั้นคุ้นๆนะ ใช่ใบหม่อนหรือเปล่า ” จิ้ปชี้ให้ผมดูคนๆนึงที่กำลังเดินอยู่
   “ หืม? ไหนๆ ใช่จริงๆด้วย หม่อน ! ” พอผมมองตามก็เห็นว่าเป็นใบหม่อนจริงๆ ผมเลยตะโกนเรียกเขา ซึ่งเขาก็หยุดเมื่อได้ยินเสียงเรียก ผมเลยเดินเข้าไปหาเขา
   “ เอ่อ..สวัสดีหม่อน ซ้อมลีดเหนื่อยไหม ? ” ผมถามเขาไม่เต็มเสียง เพราะกลัวว่าลึกๆแล้วเขาจะไม่โอเคกับเรื่องของผมกับเชน
   “ นิดหน่อย ตะวันล่ะ เหนื่อยหรือเปล่า : ) ” ใบหม่อนยังคงยิ้มให้ผมเหมือนเคย ซึ่งมันก็ทำให้ผมโล่งใจมากขึ้น
   “ โครตเหนื่อย ! คณะเรารุ่นพี่อย่างโหด ระบมไปทั้งตัวแล้ว นี่หม่อนจะไปไหนเนี่ย ”
   “ เราจะไปหาเพื่อน แล้วนี่ตะวันไม่ไปหาเชนหรอ ”
   “ อ๋อ เรากำลังจะไปเจอเชนพอดี ว่าจะไปกินข้าวกัน หม่อนไปด้วยกันไหม กินหลายๆคนสนุกดี เชนเลี้ยงนะมื้อนี้ สนไหมๆ ” ผมอยากให้หม่อนไปกับผมด้วย กินหลายๆคนสนุกดีออก
   “ ไม่เป็นไรดีกว่า เราไม่อยาก ” หม่อนปฏิเสธ “ นี่ตะวัน ช่วงนี้ไม่ต้องทักเราบ่อยๆก็ได้นะ ”
   “ ทำไมละหม่อน มีอะไรหรือเปล่า ”
   “ ไม่มีอะไรหรอก ก็เดี๋ยวเราก็ต้องแข่งกันอยู่ดีในงานสปอร์ตเดย์ สนิทกันมาเดี๋ยวความลับรั่วไหลเอานะ ฮ่าๆ ”
   “ ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย ก็เป็นเพื่อนกันนี่ ” ตรรกะอะไรของเขา ผมยังไม่คิดมากเลย
   “ เอาน่า เพื่อความสบายใจของเรา เราไปก่อนนะ เดี๋ยวเพื่อนเรารอ ”
   “ โอเค งั้นกลับดีๆนะ ”
   “ อ๊ะ ! ตะวันเชือกรองเท้าตะวันหลุดนี่ ”
   “ หืม ? จริงด้วย ขอบคุณนะหม่อน ” พอผมมองที่รองเท้าผมก็เห็นว่าเชือกมันหลุดอยู่จริงๆ เลยก้มไปผูกเชือกรองเท้า
   “ โอ๊ย ! ” จังหวะที่ผมก้มลงจะไปเข่าใบหม่อนก็กระแทกกับหัวผมพอดี
   “ อ้าว ! ขอโทษทีตะวันเราไม่เห็น ” เขาหันมาเมื่อได้ยินเสียงผมร้อง “ เจ็บมากไหม ? ”
   ผมมึนนิดหน่อย เพราะแรงกระเทกมันก็ไม่ได้น้อยเลย
   “ อูยย นิ.. ”
   “ คงไม่เจ็บมากหรอกเนอะ โดนแค่นี้คงแค่เล็กน้อย ” เขาบอกกับผม “ ระวังๆหน่อยนะตะวัน เราเป็นห่วง ไว้เจอกันนะ ”
   แล้วหม่อนก็เดินไปโดยไม่ได้หันกลับมาอีก ส่วนผม นั่งอยู่ที่พื้นพักนึงเพราะยังคงมึนๆอยู่ ก่อนจะลุกไหวแล้วเดินกลับไปหาพวกเพื่อนๆผม
   “ เป็นอะไรตะวัน ทำไมเดินเซๆ ” จิ้ปถามขึ้นมาเมื่อเห็นผมเดินแปลกๆ
   “ อุบัติเหตุนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก ”
   “ เอ้า! โดนไรมาแก ” พัดชาถามขึ้นบ้าง
   “ ก็ผูกเชือกรองเท้าแล้วหัวไปกระแทกกับเข่าหม่อนเข้าหนะสิ เจ็บชิบ ”
   “ แกนี่นะ ซุ่มซ่ามจริงๆ ”
   “ เออๆ ฉันไม่ระวังเองแหละ ไปกันเถอะ เดี๋ยวเชนรอนาน ”
   
   เมื่อกี้หม่อนตั้งใจหรือเปล่านะ คงไม่หรอกมั้ง.. 

   พอไปถึงหน้ามหาลัยเชนก็บ่นยกใหญ่ว่าปล่อยให้เขารอตั้งนาน แถมเขายังหิวมากๆด้วย ก็เลยรีบจะไปร้านข้าวกันก่อนที่หมอนี่จะบ่นมากกว่านี้
   พอถึงร้านแล้วเขาดันเห็นหัวผมโน ก็ซักผมยกใหญ่ว่าไปโดนอะไรมา ผมเลยบอกปัดๆไปว่าเดินชนกำแพง ตอนแรกพัดชาจะพูดว่าจริงๆแล้วผมโดนอะไร แต่ผมส่งสายตาห้ามเขาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นเชนต้องไปดุใบหม่อนแน่ๆ    ส่วนคนที่จะดูมีความสุขเป็นพิเศษคือพัดชากับจิ้ปเพราะเชนเลี้ยงทั้งข้าวเลี้ยงทั้งขนม เรียกได้ว่าถ้ามีการประเมิน เชนคงได้คะแนนเต็มจากเพื่อนผมแน่ๆ ทำคะแนนเก่งเหลือเกิน ไม่ใช่แค่เลี้ยงอย่างเดียว แต่ยังไปส่งทั้งจิ้ปทั้งพัดชาถึงที่หอ แฟนผมนี่หล่อ ใจดี สปอร์ต สุดๆ ฮรี่ๆ
   “ จะเข้าห้องแล้วหรอ ” เชนจับมือผมไว้ไม่ยอมให้ผมกลับห้อง
   “ อื้อ เชนก็กลับห้องได้แล้ว ไม่มีงานบ้างหรือไง ”
   “ ทำไมรีบไล่จัง : ( ” เอาอีกแล้ว เขาทำหน้าน้อยใจอีกแล้ว “ เชนไปห้องตะวันด้วยไม่หรอ เกิดนายเมฆอยู่ดีๆทำร้ายตะวันขึ้นมาจะทำไง ”
   “ เมฆไม่ทำอะไรเราหรอก กลับห้องไปได้แล้ว ชิ่วๆ ”
   “ ไปก็ได้ ไอ้คนใจร้าย งอนแล้ว เชอะ ! ” 
   “ =_= ”
   ผมได้แต่นิ่งมองการกระทำเขา ที่ทำอยู่คิดว่าน่ารักมากมั้ง ตัวโตซะเปล่าทำตัวแบ๊วไม่เข้ากับลุคเลย
   “ จะไม่ยื้อหน่อยหรอ ? ”
   “ ไม่อะ กลับไปสิ ”
   “ ก็ได้ ไปนอนดีกว่า อ๊ะ! แป๊ปนะตะวัน เชนรับสายก่อน  ฮัลโหล ว่าไงมึง อะไรนะ ตอนนี้หรอ! ใครบ้าง เออๆ ก็ได้ๆ ” เชนรับสายใครสักคนซึ่งฟังแล้วเหมือนจะโดนตามตัว ก่อนจะวางสายแล้วเปลี่ยนมาทำหน้าอ้อนผมแทน
   “ แหะๆ ตะวันคร้าบ เชนไปเที่ยวกับเพื่อนนะ พอดีวันนี้วันเกิดเพื่อนอะ ตะวันให้เชนไปได้เปล่า? ”
   นั่นไง ว่าละ คิดในใจไว้แล้วว่าเพื่อนต้องตามไปเที่ยวแน่ๆ เซ้นส์ผมนี่แม่นจริงๆ
   “ จะไปก็ไปสิ เราไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้วไม่ต้องขอเราหรอก ” ผมบอกกับเขา “ ดูแลตัวเองละกัน ”
   “ โอเคครับผม ! ตะวันน่ารักที่สุดเลย งั้นเชนไปก่อนนะ เดี๋ยวกลับแล้วจะไลน์ไปบอกนะครับ ” เขาหยิกแก้มผมก่อนจะไปหาเพื่อนเขา ผมก็เลยเดินกลับห้องผมบ้าง
   เมื่อเข้ามาในห้องก็เจอเมฆนอนฟังเพลงอยู่
   “ กลับมาแล้วหรอตะวัน ” เขาถอดหูฟังก่อนจะลุกขึ้นนั่ง
   “ อื้อ กินข้าวยังเมฆ ” พอผมรู้ว่าเขาเป็นใคร ผมก็ไม่ได้ใช้กูมึงกับเขาอีก เราเรียกกันเหมือนอย่างที่เราเคยเรียก
   “ ยังไม่ได้กิน รอตะวันอยู่ เมฆจะชวนไปกินด้วย ตะวันกินมายัง ” เขาจ้องผมเพื่อรอคำตอบ
   เอ่อ...เอาไงดีเนี่ย  พูดมาอย่างนี้ผมไม่กล้าปฏิเสธเลย แต่ถ้าจะให้กินอีกตอนนี้ต้องอ้วกแน่ๆ T_T
   “ อื้อ ได้สิ แต่ขอนั่งพักก่อนได้ไหม ” เอาวะ กินก็กิน แต่ขอย่อยสักแป๊ปละกัน “ แต่ถ้าไปกินด้วย เมฆสัญญาก่อนว่าจะตอบคำถามเราทุกเรื่อง ”
   “ อืม..ได้สิ เมฆจะตอบ ” เขาตอบผมทันทีโดยไม่มีการหยุดคิด
   
   ทีนี้จะได้รู้เหตุผลกันสักที !



คำคมท้ายบท : บุคคลไม่พึงประสงค์สำหรับทุกคู่รัก มักจะเดินทางมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

- TBC -
ในตอนหน้าจะเป็นพาร์ทของเมฆแล้ว เมฆตัดสินใจที่จะเล่าให้ตะวันฟังจนได้ ยังไงก็ติดตามกันต่อด้วยนะครับ มาฟังความจริงจากปากเมฆกัน ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามานะครับ คิดเห็นยังไงก็เม้นท์กันได้นะ  : )


หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 12 ความจริง [ 06/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-03-2018 20:36:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 12 ความจริง [ 06/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 07-03-2018 18:57:51
ใบหม่อน อย่าเข้าสู่ด้านมืดสิ!

รอตอนต่อไปน้า อยากรู้ความจริงจากเมฆแล้ว  :katai4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 12 ความจริง [ 06/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 08-03-2018 11:10:28
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะครับ ตอนต่อไปลงพรุ่งนี้ยังไงก็ฝากด้วยนะก้ะ :katai4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 12 ความจริง [ 06/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: violetvista ที่ 08-03-2018 19:36:51
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

ปล.แอบเข้าใจความรู้สึกหม่อนนะ
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 12 ความจริง [ 06/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-03-2018 00:01:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re:My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 13 เหตุผลของเมฆ [09/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 09-03-2018 20:07:13
บทที่ 13
เหตุผลของเมฆ

-Mek Time-

   เมื่อคืนหลังจากที่ผมส่งปูเป้แล้ว ผมก็รีบกลับห้องทันที แต่เมื่อถึงแล้วกลับไม่พบตะวัน ผมพยายามโทรหาเขาก็ปิดเครื่อง โทรไม่ติดอีก
   “ หรือจะอยู่ห้องไอ้เชนนั่นจริงๆ ”
   จำได้คร่าวๆว่าตะวันเคยบอกว่าห้องเชนอยู่ชั้น 7 พอคิดได้แบบนั้นผมเลยขึ้นไปเคาะมันทุกห้องเลย แต่ห้องแล้วห้องเล่าก็ยังไม่ใช่ จนมาถึงหน้าห้อง 704 ผมเคาะอยู่นานกว่าคนในห้องจะมาเปิด
   “ ใครครับ..อ้าวเมฆ มีอะไรหรือเปล่า ? ” เป็นเพื่อนคณะผมนั่นเอง
   “ อ้าว! ก้อง อยู่ตึกนี้เหมือนกันหรอ ไม่รู้ว่าก่อนเลย ”
   “ อื้อ เราก็พึ่งรู้นะเนี่ยว่าเมฆก็อยู่ตึกนี้ ” ก้องขยี้ตา เหมือนคนพึ่งตื่น “ แล้วนี่มาเคาะห้องเรามีอะไรหรือเปล่า ”
   “ เรามาตามหาเพื่อนเราอะ นี่ก้องเป็นเมทกับคนชื่อเชนหรือเปล่า? ”
   “ ใช่ๆ รู้ได้ไงเนี่ย ”  เขาทำหน้างง เมื่อผมถามถึงเชน
   “ นี่เชนกลับมาห้องยัง ”
   “ ยังไม่เห็นนะ ออกไปข้างนอกตั้งแต่บ่ายแล้ว เราทักไปเมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้วก็ยังไม่ตอบ ”
   “ อ้าวหรอ.. งั้น ถ้าเชนกลับมาแล้ว ก้องไลน์มาบอกเราหน่อยสิ นะ ”
   “ อ่าๆ ก็ได้ เดี๋ยวเราบอกละกัน ”
   “ ขอบคุณมากนะก้อง ”
   นี่ไม่ได้อยู่ห้องนายเชน แล้วไปไหนกันนะตะวัน นี่ผมจะบ้าตายแล้วนะเนี่ย ตอนที่เจอที่โรงแรมก็ยังไม่ทันได้อธิบายอะไร แล้วก็ดูเหมือนตะวันจะโกรธมากด้วย ไม่รู้มาโผล่ที่นี่ได้ไง แถมยังอยู่กับนายเชนอีกต่างหาก
   พอรู้ว่าไม่อยู่ที่ห้องนายเชนแล้ว ผมเลยไปทุกที่ที่คิดว่าเขาจะไป ไม่ว่าจะเป็นในมหาลัย ร้านเหล้าที่เขาเคยไป แต่ก็ไม่เจอเลย ยังไงผมก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจให้ได้
   สุดท้ายผมเลยตัดสินใจไปที่บ้านเขา เผื่อว่าเขาจะกลับบ้าน แม้ตอนแรกผมพยายามที่จะหลีกเลี่ยงบ้านเขา เพราะผมไม่อยากเจอแม่เขา กลัวแม่จะจำผมได้ แล้วสิ่งที่ผมพยายามปิดมาตลอดมันจะไร้ความหมาย แต่ตอนนี้ผมไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้วเพราะผมกลัวว่าตะวันจะไม่คุยกับผมอีก เพราะเขาเป็นคนที่ถ้าโกรธใครคือโกรธนาน ถ้าเกลียดแล้วคือเกลียดเลย ผมไม่อยากให้เขารู้สึกแบบนั้นกับผม
   พอมาถึงหน้าบ้านตะวัน ผมก็กดกริ่งอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่จะมีคนเดินมาที่หน้าประตู
   “ มาหาใครคะ ? ” ป้าแม่บ้านของตะวันเป็นคนเดินออกมา
   “ สวัสดีครับคุณป้า ตะวันอยู่ไหมครับ ” ผมยกมือไหว้ท่าน ก่อนถามถึงคนที่ผมมาตามตัว
   “ คุณหนูไม่อยู่ค่ะ แล้วนี่คุณเป็นใครคะ ? ”
   “ ดึกดื่นป่านนี้ ใครมากันพี่เพ็ญ ” แม่ของตะวันเดินออกเช่นกัน
   “ สวัสดีครับแม่ ผมเมฆเองครับ ผมมาหาตะวันครับ ” ผมรีบยกมือไหว้แม่ของตะวัน
   “ เมฆ ? ” ท่านทำท่าคิดเล็กน้อย ก่อนมองผมอย่างพิจารณา “ อย่าบอกนะว่าเป็นเมฆที่เป็นเมทตะวัน ”
   “ ใช่ครับ ผมมีเรื่องต้องคุยกับตะวันครับ แต่ไม่รู้ว่าเขาหายไปไหน ไม่ทราบว่าตะวันได้กลับมาบ้านหรือเปล่าครับ ”
   “ ไม่ได้กลับมานะ กลับไปตั้งแต่บ่ายแล้ว ”
   “ งั้นหรอครับ…ขอบคุณครับ งั้นผมลาแล้วครับ ” เมื่อไม่อยู่ผมเลย ขอตัวลาเพราะว่าดึกแล้ว ไม่อยากรบกวนมากไปกว่านี้
   “ เดี๋ยวก่อน ! อย่าพึ่งไป เข้ามาก่อนสิแม่มีเรื่องจะคุยด้วย ” แม่ของตะวันเรียกผมก่อนที่ผมจะขึ้นรถ
   “ แต่ว่า.. ”
   “ ไม่มีแต่ เข้ามาคุยกันเดี๋ยวนี้ ” ท่านพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นการสั่ง ก่อนจะเดินนำเข้าบ้านไป ผมเลยต้องตามท่านเข้าไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
   บ้านตะวันยังคงเหมือนเดิม แม้จะไม่ได้มานานมากแล้ว แต่ที่ต่างออกไปคือตามผนังบ้านมีรูปตะวันในวัยต่างๆมากขึ้น ผมเผลอยืนมองรูปเหล่านั้นแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
   “ ยืนดูอะไรอยู่หรอ ” ท่านยืนกอดอกพูดกับผม นี่ผมจะโดนอะไรไหมเนี่ย ตอนนี้แม่ดูดุชะมัด TT
   “ อ๋อ..เปล่าครับ ”
   “ มานั่งนี่สิ เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยนะ ” ท่านยิ้มเล็กๆให้ผม ซึ่งผมแยกไม่ออกว่ารอยยิ้มนั้นหมายความว่ายังไง
   “ ครับแม่ TT ” ผมเดินไปนั่งโซฟาข้างๆท่าน
   “ งั้นขอแม่พูดเลยนะ จะได้ไม่เสียเวลา ” ท่านจ้องหน้าผมไม่วางตา “ เราใช่คนเดียวกันกับเมฆที่เป็นเพื่อนตอนเด็กของตะวันหรือเปล่า ? ”
   นี่ตะวันคงเล่าให้ท่านฟังสินะ ท่านถึงได้ถามผมขึ้นมา แถมยังรู้ว่าผมเป็นเมทกับตะวันอีกด้วย 
   เมื่อเห็นว่าโกหกไปก็คงจะไม่มีประโยชน์อีกแล้ว ผมก็เลยพูดความจริงเลยดีกว่า
   “ ใช่ครับ ผมคือเมฆคนนั้นแหละครับ เอ่อ..แม่จำผมได้ไหมครับ ”
   “ ตอนแรกก็จำไม่ได้หรอก เปลี่ยนไปเยอะนะเรา แล้วนี่มีเรื่องอะไรจะคุยกับตะวัน ”
   “ ตะวันกับผมมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับ ”
   “ งั้นเล่าให้แม่ฟังก่อน ว่ามันคือเรื่องอะไร เล่าให้หมดด้วยนะ ”
   “ ครับแม่ เรื่องมันมีอยู่ว่า.. ” แล้วผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เป็นสาเหตุให้ผมมาตามหาเขา ซึ่งท่านก็นั่งฟังเงียบๆไม่ได้ต่อว่าอะไร
   “ แล้วทำไมเราต้องปิดบังตัวตนกับตะวันด้วย ไม่รู้หรือไงว่าเขาพยายามติดต่อเธอมานานแค่ไหน หรือเธอไม่อยากเป็นเพื่อนกับตะวันแล้ว ”
   “ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับแม่ ! คือผมมีเหตุผลจำเป็นนิดหน่อย ซึ่งผมก็จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังวันนี้แหละครับ ”
   “ แสดงว่าตัดสินใจจะพูดเองใช่ไหม แม่จะได้ไม่ต้องให้คนสืบต่อแล้ว ”
   “ นี่แม่ส่งคนไปสืบเรื่องของผมด้วยหรอครับ =_= ” อะไรกัน นี่สงสัยถึงขั้นต้องส่งคนไปสืบกันเลยหรอเนี่ย
   “ เอ้า! ก็ใช่นะสิ อะไรที่แม่ทำเพื่อลูกของแม่ได้ แม่ทำหมดอยู่แล้ว ” แม่ยิ้มอย่างภูมิใจ “ แล้วนี่ยัยเด็กที่ชื่อปูเป้เป็นใครกัน แล้วทำไมเราถึงยอมให้เด็กคนนั้นมาตบลูกแม่  ”
   “ ตบหรอครับ !? ตบตอนไหนครับแม่ เมฆไม่เห็นรู้เรื่อง ! ” ผมตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ท่านพูดขึ้นมา อย่าบอกนะว่าที่บอกว่าโดนตบมา คนที่ทำคือปูเป้
   “ ก็ใช่นะสิ ! นี่ไม่รู้อะไรมั่งเลยหรือไง ไหนๆก็มาแล้ว งั้นพาแม่ไปเจอเด็กคนนั้นหน่อย แม่จะได้จัดการที่มาทำลูกแม่แบบนี้ ! ” แม่ลุกขึ้นก่อนจะสั่งคนในบ้าน “ พี่เพ็ญ ไปเตรียมรถกับคนให้พร้อม ฉันจะไปเคลียร์กับคนที่ทำลูกฉัน ”
   “ แม่ใจเย็นก่อนนะครับ  ” ผมเข้าไปจับแขนท่านไว้ “ เดี๋ยวเรื่องนี้เมฆไปจัดการเองนะครับ ”
   ท่านฮึดอัดอยู่เล็กน้อย
   “ แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตะวันอีกละ จะทำยังไง เธอจะรับผิดชอบไหม ? ”
   “ ผมจะไม่ให้ใครมาทำอะไรตะวันแน่นอนครับ ผมสัญญา ! ” ผมจ้องเข้าไปในตาของท่าน เพื่อสื่อถึงสิ่งที่ผมพูดออกไปว่าผมจะทำมันอย่างที่พูดจริงๆ
   “ ถ้าอย่างนั้นก็ได้….งั้นแม่ฝากเมฆดูแลตะวันด้วยนะ ” สุดท้ายท่านก็ยอม
   “ ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับแม่ ”
   หลังจากนั้นเราก็คุยสารทุกข์สุขดิบกันนิดหน่อย แต่ไม่นานผมก็ขอตัวลา เพราะว่าจะไปตามหาตัวตะวันต่อ แม่ของตะวันก็บอกถึงที่ๆที่เขาน่าจะไปให้กับผม ผมเลยตามไปทุกที่ที่ท่านให้มา แต่สุดท้ายก็ไม่เจอ
   เวลาก็เลยผ่านไปจนเช้า สรุปคือเขาก็ไม่ได้กลับมาหอ ผมเลยกลับไปตามหาเขาที่มหาลัยใหม่อีกรอบ เพราะยังไงวันนี้เขาก็ต้องไปเรียน แต่แค่ผมไม่รู้ว่าเขาเรียนห้องไหน ผมจึงไปเรียนก่อนแล้วกะว่าจะไปดักรอเขาที่ตึก
   พอเลิกเรียนปุ๊ป ผมเลยรีบไปที่ตึกเขาทันทีแล้วก็เจอเขากำลังจะเดินขึ้นตึกพอดี ผมเลยรีบวิ่งไปดึงเขาไว้
   “ ไปไหนมา ทำไมเมื่อคืนไม่กลับห้อง ! ”
   “ โอ๊ย เจ็บ! ” เขาร้องออกมาเสียงดัง
   “ นี่นาย! ปล่อยเพื่อนเราเดี๋ยวนี้เลยนะ ” เพื่อนของเขาพยายามดึงตัวเขากลับ แต่ผมก็ไม่ยอมง่ายๆ
   “ ปล่อยแน่ แต่เราขอคุยกับเพื่อนพวกเธอก่อนได้ไหม? มาคุยกันหน่อยตะวัน ”
   เขาลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเดินตามผมมา
   “ นี่จะปล่อยกูได้ยัง กูเจ็บ ”
   “ เมื่อคืนมึงไปไหนมา กูตามหามึงทุกที่ โทรไปก็ไม่ติด !
   “ กูจะไปไหนมันก็เรื่องของกูไหม ? มึงจะอยากรู้ไปทำไม ”
   “ ก็กูเป็นห่วง ! ”
   “ เหอะ ! ห่วงหรอ มึงเอาเวลาไปห่วงแฟนมึงดีกว่านะ กูมันแค่คนร่วมห้องกับมึง จะมาห่วงกูทำไมกูโตแล้ว ” เขาตอบผมด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่..เย็นชา “ จะมาถามแค่นี้ใช่ไหม? กูจะได้ขึ้นไปเรียน ”
   “ เดี๋ยวก่อนสิตะวัน ฟังเมฆก่อน..” ผมดึงเขาไว้ก่อนที่เขาจะเดินหนีผมไป
   “ มันไม่ใช่อย่างที่ตะวันคิดนะ ”
   “ ถ้าไม่ใช่อย่างที่กูคิดแล้วมันคืออะไร กูบอกเลยนะ กูแค่ไม่โอเคที่มึงทิ้งกู โกหกกูว่ามีธุระแล้วหนีไปหาแฟน ถ้าจะไปก็บอกมาตรงๆแค่นั้นเองไม่ต้องมาอ้างนู่นอ้างนี่ ” เขาร่ายยาวถึงสิ่งที่เขารู้สึก ซึ่งผมก็ยืนฟังเงียบๆ 
   “ เมฆไม่ได้อยากไปสักหน่อย เป้เขาโทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วน เมฆเลยต้องไป ”
   “ ก็เห็นอยู่ว่ากอดกันแน่นซะขนาดนั้น นี่เรื่องด่วนมึงใช่ไหม? เลิกอ้างเหอะวะ ยังไงเขาก็สำคัญสำหรับมึงอยู่แล้วนิ เพื่อนร่วมห้องอย่างกูมันไม่มีความสำคัญเท่าเขาหรอก ”
   “ ทำไมจะไม่สำคัญละ! ตะวันเป็นเพื่อนคนสำคัญของเมฆมาตลอด ทั้งตอนพวกเรายังเด็ก แล้วก็ตอนนี้ด้วย ” ผมพูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เขาคิดได้ไงว่าเขาไม่สำคัญ
   “ ที่พูดหมายความว่ายังไง O_O ”
   “ ก็หมายความอย่างที่พูดแหละ ” ผมสูดลมหายใจก่อนจะพูดขึ้นมา “ ตะวันคือเพื่อนคนสำคัญของเรา จำเราได้ใช่ไหม ว่าไงละเด็กชาย ทิวากร กุลธนาสกุล ห้อง ป.6/1 ”
   “ นี่คือเมฆคนนั้นจริงๆหรอ ! ” น้ำเสียงตะวันดูตกใจมากกับเรื่องที่ผมบอกไป
   “ อื้ม……..เราเอง ”
   “ แล้วทำไมต้องปิดบังกันด้วย เราตามหาเมฆตั้งนานรู้ไหม ! ” ผมสังเกตุเห็นว่าเขาเริ่มน้ำตาคลอ ผมเลยดึงเขาเข้ามากอดเป็นการปลอบ
   “เมฆมีเหตุจำเป็นที่ทำให้บอกไม่ได้ อย่าร้องไห้สิ แล้วบอกได้ยังเมื่อคืนหายไปไหนมา ไปกับใคร?  ” พอตะวันกำลังจะตอบก็ดันมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
   “ ตะวันไปกับเรามาเองแหละ มีอะไรหรือเปล่า ” เป็นนายเชนนั่นเอง
   “ เชน! มาได้ไงเนี่ย เมื่อกี้ไปเรียนแล้วไม่ใช่หรอ ”
   “ ก็พัดชาโทรไปบอกเชนว่าตะวันโดนนายเมฆลากตัวไปเชนก็เลยรีบมา ” 
   “ แล้วนี่จะปล่อยแฟนเราได้ยัง ” หมอนี่พูดก่อนจะเดินเขามาดึงตัวตะวันให้ออกจากผม
   เดี๋ยวนะ เมื่อกี้หมอนี่พูดว่าอะไรนะ !?
   “ แฟน ? หมายความว่ายังไง ? ”
   “ ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ เราคบกับตะวันแล้ว เมื่อคืนนี้ ” นายเชนตอบคำถามผมก่อนจะยักคิ้วใส่ผม
   “ จริงหรอตะวัน ? ” ผมอยากรู้จากปากตะวัน แต่พอเดินเข้าไปนายเชนก็ผลักผมอย่างแรง
   “ เห้ยอะไรวะ ! ” พอผมโดนผลัก ผมก็ไม่ยอมเลยผลักเขากลับ
   “ มึงนั่นแหละอะไร อย่ามายุ่งกับแฟนกู ” 
   “ ปากดีนักนะมึง ! ” ผมเกือบต่อยหมอนี่แล้ว แต่ตะวันดันมาขวางไว้ก่อน ผมเลยรีบยั้งมือ
   “ นี่ ! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะทั้งคู่ ”
   “ เมฆไปก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกันที่ห้องก็ได้ เชนเองก็พอได้แล้ว นะ เราขอ ”
   ผมจ้องหน้านายเชน ก่อนจะยอมปล่อยเขา
   “ อืม งั้นเมฆไปแล้ว รีบกลับมาเร็วๆละกัน มีเรื่องให้พูดเยอะเลย ”
   ถ้าไม่ติดว่าตะวันมาห้าม ผมไม่ยอมจริงๆด้วย !

   แล้วผมก็กลับไปนอนที่ห้องเพราะว่าไม่ได้นอนทั้งคืน จะน็อคอยู่แล้วตอนนี้ พอตื่นมาก็พบว่าตะวันเองยังไม่กลับมาห้องอีก ผมเลยถือวิสาสะไปที่โต๊ะเขาก่อนหยิบของชิ้นหนึ่ง
   “ ดีจังที่ยังเก็บไว้ ” ผมหยิบพวงกุญแจที่ผมเคยให้เขาไปขึ้นมาดู ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะเก็บไว้
   จนจะสี่ทุ่มแล้วเขาก็ยังไม่มา ท้องผมก็เริ่มร้องแล้ว กะว่าจะชวนเขาไปกินข้าวด้วยสักหน่อย พอกำลังฟังเพลงเพลินๆ ตะวันก็เปิดประตูเข้ามาพอดี
    “ กลับมาแล้วหรอตะวัน ”
   “ อื้อ กินข้าวยังเมฆ ” เขาเปลี่ยนมาเรียกชื่อผมแทนการเรียกกูมึง ซึ่งก็ทำให้ผมแอบยิ้มเล็กๆได้
   “ ยังไม่ได้กิน รอตะวันอยู่ เมฆจะชวนไปกินด้วย ตะวันกินมายัง ”
    เขาทำท่าลังเลนิดนึง ก่อนจะตอบผม 
   “ อื้อ ได้สิ แต่ขอนั่งพักก่อนได้ไหม ” ตะวันนั่งลงที่ปลายเตียงก่อนจะพูดต่อ “ แต่ถ้าไปกินด้วย เมฆสัญญาก่อนว่าจะตอบคำถามเราทุกเรื่อง ”
   “ อืม..ได้สิ เมฆจะตอบ ” ผมตอบเขาโดยไม่ต้องคิดอะไร เพราะกะว่าจะบอกเขาอยู่แล้ว
   แล้วพอตะวันพร้อมพวกเราก็ลงไปร้านที่ไม่ไกลจากหอนี่แหละครับ
   “ เอาต้มยำกุ้ง กะเพราปลาหมึก แล้วก็เห็ดเข็มทองผัดเนยครับ ต้มยำกับกะเพราไม่ต้องเผ็ดมากนะครับ แล้วก็ข้าวเปล่าสองจาน ” ผมสั่งป้าก่อนจะเดินไปตักน้ำ “ เอาอะไรเพิ่มไหมตะวัน ? ”
   “ แค่นี้แหละไม่ต้องสั่งเยอะหรอก ป้าครับ จานนึงข้าวไม่ต้องเยอะมากนะครับ ”
   “ อะนี่น้ำ ” ผมยื่นแก้วน้ำให้เขา
   เราก็นั่งก้มหน้าก้มตากันโดยไม่พูดอะไร จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้ด้วยจะเริ่มยังไงดี จนอาหารที่สั่งไปมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
   “ อะนี่ตะวัน เมนูพวกนี้ตะวันชอบกินไม่ใช่หรอ ” ผมตักกับข้าวใส่จานเขา จริงๆเมนูที่ผมสั่งมา ผมไม่ได้อยากกินหรอก แต่ผมรู้ว่าเป็นสิ่งที่เขาชอบ
   “ เมฆเขี่ยพริกออกให้แล้วนะ ” แล้วผมก็ยังจำได้ว่าเขาไม่ค่อยกินเผ็ด ผมเลยจัดการทุกอย่างให้เขาอย่างเรียบร้อย
   “ ……. ”
   “ เป็นอะไรหรอตะวัน ? ” ผมสงสัยเมื่อเขาไม่ยอมกิน เอาแต่มองจานตัวเอง
   “ เมฆจำได้ด้วยหรอว่าเราไม่กินเผ็ด ไหนจะเมนูที่เราชอบอีก ” เขาจ้องตาผมแล้วถามขึ้นมา
   ผมเองก็มองตาเขากลับก่อนจะตอบ “ จำได้สิ เมฆจำได้ทุกอย่างแหละที่เกี่ยวกับตะวัน..”
   “ แล้วนี่จะเล่าได้หรือยัง เล่ามาให้หมดเลยนะ ทำไมต้องปิดบัง มีเรื่องอะไรกันแน่ ”
   “ เล่าอยู่แล้วน่า แต่ตอนนี้กินก่อนเถอะ เดี๋ยวกลับห้องแล้วเมฆจะเล่าให้หมดเลย ”
   ตอนแรกตะวันเหมือนจะไม่ยอม จะให้ผมเล่าตอนนี้ให้ได้ แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่ผมบอก โดยมีผมคอยตักกับข้าวให้
   
   “ พร้อมจะเล่าหรือยัง ? ” เมื่อเข้าห้องมาทันทีที่ปิดประตูห้องตะวันก็ถามผมทันที
   “ อยากรู้เรื่องอะไรก่อนละ ” ผมจูงมือเขาให้มานั่งฟังบนเตียง ก่อนจะนั่งลงข้างๆเขา
   “ ก็เล่ามาให้หมด ว่าทำไมต้องปิดบัง ทำไมไม่เคยติดต่อกลับมา แล้วทำไมวันนั้นถึงจำเป็นต้องโกหกเราเพื่อไปหาปูเป้ด้วย คบกันมานานแค่ไหนแล้ว แล้วก็.. ” ตะวันถามออกมารัวๆ
   “ ใจเย็นๆก่อนนะตะวัน งั้นเดี๋ยวเมฆจะเล่าสาเหตุสำคัญทั้งหมดก่อนละกัน ” ผมหลับตาลงเพื่อเรียบเรียงเรื่องราวก่อนจะเล่าให้เขาฟัง “ สาเหตุทั้งหมดก็มาจากปูเป้เนี่ยแหละ ”
   “ ยังไง ? ”
   “ เรื่องมันเริ่มจากตอนนั้นที่เมฆย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วบ้านที่เมฆไปอยู่ก็อยู่ข้างๆบ้านของปูเป้ พ่อแม่พวกเราเป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วพ่อปูเป้ก็ยังเป็นคนที่ช่วยเหลือตอนที่บ้านเมฆลำบากเรื่องบริษัทของพ่อด้วย ” ผมเล่าย้อนไปต้องแต่เหตุการณ์แรกที่ได้เจอปูเป้
   “ แล้วตอนนั้นเมฆไปอยู่ใหม่ๆก็ยังไม่มีเพื่อน ก็เลยได้ปูเป้มาเป็นเพื่อนคนแรก แล้วพอยิ่งได้มารู้จักปูเป้ มันก็เลยทำให้เมฆรู้ว่า ปูเป้เป็นเด็กที่น่าสงสารมากแค่ไหน ”
   “ น่าสงสารยังไง ร้ายขนาดนั้น.. ” ตะวันพูดเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่า ก่อนจะเงียบ ผมจึงเริ่มเล่าต่อ
   “ ที่บอกว่าน่าสงสารเนี่ย เพราะว่าปูเป้ป่วย  เมฆก็ยังไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับปูเป้เท่าไหร่ เมฆก็เข้าใจว่าเขาเป็นแค่เด็กที่ชอบเก็บตัวคนหนึ่งเท่านั้นเอง ” เมื่อผมนึกถึงตอนนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกเศร้าขึ้นมา “ แล้วตอนนั้นปูเป้เองก็มีเมฆเป็นเพื่อนคนเดียวเหมือนกันที่คอยคุยกับเขา คอยไปไหนมาไหนกับเขา แล้วทุกครั้งที่เมฆเจอเขา เมฆก็รู้สึกได้ว่าเขามีท่าทางทีแปลกๆ บรรยากาศรอบตัวเขาไม่มีความสุขเลย พอวันหนึ่งเมฆก็กะจะชวนเขาไปเที่ยวเล่นตามปกติ แต่ก็พบว่าเขาเข้าโรงพยาบาลอยู่ พอเมฆไปถามจากพวกผู้ใหญ่ว่าปูเป้เป็นอะไรทำไมถึงต้องเข้าโรงพยาบาล นั่นจึงทำให้เมฆรู้ว่า สาเหตุที่เขาต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเขาพยายามฆ่าตัวตาย ”
   “ …. ” ตะวันเองก็ดูเหมือนจะช็อคกับสิ่งที่ผมเล่า
   “ เหมือนว่าปูเป้เขาเคยเจอเรื่องเลวร้ายมาตอนเขายังเด็ก เมฆเองก็ไม่รู้ว่าเขาเจออะไรมา พวกผู้ใหญ่ไม่เล่าให้เมฆฟัง แต่เมฆคิดว่ามันต้องแย่มากแน่ๆที่ถึงขนาดทำให้เด็กคนหนึ่งคิดฆ่าตัวตายได้ ซ้ำร้ายกว่านั้นคือปูเป้เริ่มมีอาการทางจิตประเภทหนึ่งคือปูเป้เป็นโรคไบโพล่าร์ เขาเริ่มมีอารมณ์ที่รุนแรง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คนอื่นๆมักไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น เมฆเลยเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างๆเขา มาตั้งแต่ตอนนั้น ”
   “ นี่มันก็เลยเป็นสาเหตุที่เมฆอาจต้องคอยตามใจเขามาเสมอ เพราะเมฆก็สัญญากับพ่อเขาไว้ว่าเมฆจะดูแลเขา แม้ตอนนี้อาการปูเป้จะดีขึ้นมาก แต่มันก็ยังไม่หายขาด เมฆอยากให้ตะวันเข้าใจกับสิ่งที่เขาเป็นนะ อย่าโกรธเขาเลย จริงๆเขาไม่ได้อยากจะทำร้ายใครหรอก แต่เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เมฆต้องขอโทษแทนปูเป้ด้วยนะที่ทำร้ายตะวัน ”
   “ ส่วนสาเหตุที่เมฆไม่ยอมบอกตะวัน เพราะว่าทุกครั้งที่เมฆสนิทกับใครมากๆ ปูเป้มักจะไปทำร้ายคนนั้นเสมอ เมฆไม่อยากเห็นตะวันมีอันตราย.. ”
   “ แล้วทำไมต้องตามใจขนาดนั้นด้วยละ ป่วยมันก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าไม่ดุบ้างไม่ห้ามปรามบ้างมันอันตรายกับคนอื่นนะ ! ” ตะวันเถียงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
   “ ตอนแรกทุกคนก็เคยแล้วที่ดุและห้ามเขา แต่มันกลับกลายเป็นว่าเขาทำร้ายตัวเองแทน ตั้งแต่นั้นคุณลุงเลยตามใจปูเป้ทุกอย่าง เมฆเองก็มีส่วนผิดแหละที่ตามใจเขาจนเคยตัว…. ” พอมานั่งนึก จริงๆแล้วผมเองก็มีส่วนผิดกับเรื่องนี้เหมือนกัน
   “ เอาน่า อย่าโทษตัวเองเลยนะเมฆ เอาเป็นว่าเราเข้าใจเมฆนะ ” ตะวันตบไหล่ผมเบาๆ “ แสดงว่านี่ไม่ได้เป็นแฟนกันใช่ไหม ? ”
   “ เปล่า..ปูเป้เหมือนน้องสาวเรามากกว่า ”
   “ แล้วทำไมไม่ติดต่อกลับมาละ เราส่งจดหมายไปตั้งเยอะ ”
   “ อ้าว! ตะวันนั่นแหละที่ไม่ส่งกลับมา  ตอนนั้นจำได้ว่าส่งไปแล้วตะวันก็ไม่ตอบกลับมาอีกเลย ”
   “ ไม่จริง เราส่งกลับตลอด มีแต่เมฆแหละที่ไม่สงกลับมา ”
   “ เอ....หรือมีปัญหาที่ไปรษณีย์ ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ”
   “ ช่างเถอะ ตอนนี้เราก็ไม่กลับมาเจอกันแล้วไง แล้วนี่ทำไมอยู่ดีๆยอมเล่าละ ”
   “ ก็เมฆกลัว.. เมฆกลัวตะวันจะไม่คุยกับเมฆอีกต่อไป ”
   ตะวันไม่ตอบแต่ยิ้มให้ผมแทน พอได้เล่าแล้วมันก็ทำให้โล่งใจขึ้น
   “ ขอบคุณนะตะวัน ”
   “ ขอบคุณเราเรื่องอะไร ? ”
   “ ขอบคุณที่เก็บของที่เราให้ไว้นะ ”
   “ ก็ของสำคัญนี่จะทิ้งได้ยังไงกัน ” ตะวันยิ้มกว้าง ผมรู้สึกเหมือนเราได้ย้อนเวลากลับไปเหมือนช่วงสมัยก่อนเลย
   “ งั้นขอกอดหน่อยได้ไหม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ”
   พอเขาไม่ปฏิเสธอะไรผมเลยรีบกอดเขาแน่นก่อนเขาเปลี่ยนใจ ซึ่งเขาก็กอดผมกลับ
   “ งั้นเมฆขอถามคำถามกับตะวันมั่งได้ไหม ” ผมปล่อยเขาก่อนจะจ้องตาเขาแทน
   “ ว่ามาสิ ”
   “ คบกับนายเชนนั่นจริงๆหรอ ?  ” ผมถามสิ่งที่มันค้างคาใจผมตั้งแต่ตอนกลางวัน
   ตะวันเม้มริมฝีปากก่อนจะตอบออกมา “ อื้ม..เราคบกับเชนอยู่ ”
   “ งั้นหรอ… ”
   “ เมฆเป็นอะไรหรือเปล่า ? ”
   “ เปล่าๆเราโอเค งั้น..เดี๋ยวเราไปซื้อน้ำก่อนนะ ลืมไปว่าน้ำหมด ” แล้วผมก็รีบออกจากห้องมาเลย

    พอได้ฟังจากปากเขาแล้วผมกลับรู้สึก…เจ็บ



คำคมท้ายบท : A friend is a sun when the rain just won’t stop. ( เพื่อนคือแสงอาทิตย์อันสดในในยามที่ฝนพรำตกไม่หยุด )

- TBC -

ในที่สุดเมฆก็บอกทุกอย่างให้กับตะวันแล้ว ทีนี้ก็อยู่ที่ตะวันแล้วว่าจะยอมเข้าใจในสิ่งที่ปูเป้เป็นหรือไม่ อย่าพึ่งเบื่อกันนะครับ ฝากติดตามเรื่องนี้ต่อด้วย

ในปัจจุบัน มีคนที่เป็นโรคจำพวกนี้อยู่ค่อนข้างเยอะ คนที่อารมณ์รุนแรงส่วนมาก จิตใจข้างในมักอ่อนไหว และแสดงความก้าวร้าวมาเพื่อปกปิดจุดอ่อนแอของตน ไม่แนะนำให้ใช้ความรุนแรงตอบโต้ ควรใช้ความอ่อนโยนกับเขา จับมือ โอบไหล่ สัมผัสเขาด้วยความห่วงใย พูดจาดีๆกับเขา เขาจะรับรู้ได้และสงบลง คอยรับฟังเมื่อเขาอยากระบาย หรือปล่อยให้เขาอยู่เงียบๆเพื่อสงบอารมณ์ตัวเอง
ถ้าหากว่ามีเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่เป็นโรคนี้ พยายามอย่ารังเกียจเขา อย่ามองว่าเขาผิดปกติ เป็นตัวประหลาด ผมอยากให้มองว่าเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เขาป่วยอยู่ สิ่งที่เขาทำหรือแสดงออกมาเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ได้
ใครที่ป่วยอยู่หรือกำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ก็สู้ๆนะครับ ผมและคนอีกมากมายในโลกนี้คอยเป็นกำลังใจให้คุณอยู่ อย่าคิดว่าเราอยู่ตัวคนเดียวนะครับ รัก <3
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 13 เหตุผลของเมฆ [ 09/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-03-2018 20:37:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

นางเป็นชะนีมีปม  นี่เอง
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 13 เหตุผลของเมฆ [ 09/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-03-2018 22:42:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 13 เหตุผลของเมฆ [ 09/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: violetvista ที่ 10-03-2018 16:34:15
แอบสงสารปูเป้ อยากรู้ว่านางมีปมอะไรตอนเด็ก จะมีบอกไหมคะ

รอตอนต่อไปน้า  o13
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 13 เหตุผลของเมฆ [ 09/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 11-03-2018 00:11:40
โง่จริงๆเยย เดียวเชนก็ทำให้เสียใจ ตะวันก็โดนทำร้าย แล้วเมฆก็มาช่วย
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 13 เหตุผลของเมฆ [ 09/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 12-03-2018 19:01:13
นี่ปูเป้ป่วย ใบหม่อนคงไม่ได้เป็นอะไรแปลกๆอีกคนใช่ไหม  :ling3:

รีบมาต่อตอนต่อไปน้า รออยู่
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 14 บ้านผีสิง [13/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 13-03-2018 20:31:15
บทที่ 14
บ้านผีสิง

    หลังจากคืนนั้นที่ผมได้รู้ความจริงจากเมฆแล้ว ก็มีหลายๆสิ่งที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขา และความคิดของผมที่มีต่อปูเป้ ตอนนี้ก็เริ่มเข้าใจสาเหตุที่เขาเป็นอย่างนั้นแล้ว แต่ผมเองก็คงไม่ยอมเหมือนกันถ้าเขายังจะมาทำร้ายผมอีก แถมช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เจอกับปูเป้ด้วย เพราะเหมือนคณะหล่อนจะงานเยอะเลยไม่มีเวลาไปอาละวาดที่ไหน
   ทุกอย่างเลยดูจะปกติดี แต่การที่ผมสนิทกับเมฆมากขึ้น กลับมีบางคนที่ไม่ยอมเข้าใจ..
   “ แล้วทำไมต้องไปกินข้าวกับไอ้นั่นด้วย ตะวันก็ไปกินกับพวกพัดชาสิครับ ” เชนโทรมาโวยวายเมื่อผมบอกเขาว่าวันนี้จะไปกินข้าวกับเมฆ
   “ พัดชาไปเป็นพี่เลี้ยงให้จิ้ปซ้อมประกวดดาวเดือน เลยไปไม่ได้ แล้วเราก็หิวมากแล้วด้วย เมฆก็เลยจะไปเป็นเพื่อนแค่นั้นเอง ”
   “ ก็รอเชนก่อนสิ ค่อยไปกินพร้อมกัน ”
   “ เชนเลิกซ้อมตีสองไม่ใช่หรอ =_= ” คณะเชนซ้อมกันหนักมาก ต่างกับคณะผมที่สี่ทุ่มก็เลิกแล้ว
   “ หึ ! งั้นจะไปกินก็ไปเลยไป งอนแล้ว ! ” แล้วเชนก็ตัดสายใส่ผม
   “ อะไรของเขา ขี้งอนจริงๆเลย ”

   ผมนั่งรอเมฆอยู่ในมหาลัย เพราะเขาบอกว่าทำงานอยู่ที่คณะพอดี งานคณะเมฆก็เยอะไม่ต่างกัน นี่ผมโดนเขาบังคับให้ช่วยตัดโมเดลตั้งหลายครั้ง บางวันเมฆก็แทบไม่ได้นอน ส่วนผมพอง่วงก็หลับเลยทิ้งงานไว้อย่างนั้น
   “ ตะวัน ! ”
   “ เชี่ย ! ”
   ผมตกใจที่อยู่ดีๆก็มีคนโผล่มาจากข้างหลังผม  พอหันไปดูว่าใครมาแกล้งผม ถึงได้รู้ว่าเป็นเมฆ
   “ เล่นอะไรเนี่ยเมฆ ! ตกใจหมด ” ผมตีเขาไปทีนึง
   “ โอ๊ย! ฮ่าๆๆๆๆ ขวัญอ่อนหรอตะวัน ” 
   ยังจะมีหน้ามาขำอีก
   “ เออดิ ! แล้วนี่ทำงานเสร็จหมดแล้วหรอ ”
   “ ยัง แต่หิวแล้ว กินก่อนได้ งานส่งตั้งอาทิตย์หน้า ” เขาว่าก่อนจะดึงมือผมให้ลุกจากเก้าอี้ “ ไหน วันนี้จะกินอะไร ? ”
   “ ตามสั่งก็ได้ ง่ายดี ”
   “ โอเค งั้นร้านเดิมเนอะ เอากระเป๋ามานี่เดี๋ยวเมฆถือให้ ” เขายื่นมือมาขอกระเป๋าผม
   “ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราถือเอง ”
   “ เอามานี่เหอะน่า ” แล้วเขาก็แย่งกระเป๋าจากมือผมไปก่อนจะเดินกอดคอผมไปที่ร้านข้าว
   พอมาถึงร้านผมแทบไม่ต้องสั่งอะไรเลย เพราะเมฆสั่งแทนผมทุกอย่าง แล้วเขาก็เหมือนจะเดาได้ว่าแต่ละครั้งที่มา ผมอยากกินอะไร
   “ ข้าวมาแล้วจ๊ะพ่อหนุ่ม วันนี้พาแฟนมาด้วยหรอจ๊ะ ” ป้าร้านข้าวแซวเมฆขึ้นมา
   “ ปะ..ป่าวนะครับป้า เพื่อนกันต่างหาก ! ” ผมรีบแก้ต่างก่อนที่ป้าจะเข้าใจผิด ส่วนเมฆก็เอาแต่นั่งขำไม่รู้ร้อนรู้หนาว
   “ อ้าวหรอ ! ป้าเห็นมาด้วยกันบ่อย กะหนุงกะหนิงกันอย่างกับแฟน ”
   “ แหะๆ เพื่อนครับเพื่อน ” ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ป้าเองก็ไม่ได้แซวอะไรต่อเพราะมีลูกค้ามาสั่งข้าว
   “ ยิ้มอะไรเมฆ ” ผมถามเมฆ เพราะเขามัวแต่นั่งอมยิ้มเขี่ยข้าวไปมา
   “ เปล่า ! เมฆแค่กำลังคิดว่านี่เราเหมือนแฟนกันหรอ ” เขาตอบพลางตักกับข้าวให้ผม
   “ เนี่ย ก็ชอบทำแบบนี้คนอื่นถึงได้เข้าใจผิดไง ”
   “ ทำไมละ ไม่ดีหรอได้เป็นแฟนกับเมฆ ” เขาเท้าคางมองหน้าผม
   “ ก็เดี๋ยวคนอื่นเห็นละเอาไปพูด เราก็ได้ทะเลาะกับเชนนะสิ ”
   ตั้งแต่ผมคบกับเชน เชนก็ไม่ได้ปิดบังสถานะว่าเราคบกัน ดังนั้นพวกเพื่อนๆพี่ๆในคณะเชนก็พลอยรู้เรื่องไปด้วย ข้อเสียคือเวลาผมเล่นกับเพื่อนคนอื่นหรืออยู่กับเมฆ ก็มันมีผู้หวังดี ถ่ายรูปหรือไปเล่าให้เชนฟังเสมอ เขาก็เลยงอนผมบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ทะเลาะกัน
   “ ไม่อยากทะเลาะก็เลิกไปเลยสิ แล้วคบกับเมฆแทนคนอื่นจะได้ไม่เข้าใจผิดอีกไง ” เมฆเสนอทางออกให้กับผม
   “ บ้าบอ ! ตัวเองชอบผู้ชายหรือไงกันละ ” ผมว่าเขาก่อนจะก้มหน้าตักข้าวกินต่อ
   “ เปล่า….” เมฆปฏิเสธก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่าง “ ไม่ได้ชอบผู้ชายแต่ชอบตะวันต่างหาก ”
   “ ห๊ะ ! เมื่อกี้ว่าไงนะ ” ผมได้ยินไม่ถนัดเลย หมอนี่เองก็ชอบพึมพำอะไรคนเดียว
   “ ก็ตามที่บอกไม่พูดซ้ำแล้ว ” เมฆยักคิ้วกลับ กวนชะมัด
   “ แล้วพูดว่าอะไรละ เมื่อกี้ได้ยินไม่ถนัดนี่ ”
   “ ตะวันชอบตอนกลางวันหรือตอนกลางคืนล่ะ? ”
   “ ถามทำไม นี่เรายังไม่ได้คำตอบเลยนะ ” หมอนี่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเรื่อง
   “ เมฆชอบตอนกลางวันนะ นี่แหละคำตอบของเมฆ ” นี่เขามาทิ้งปริศนาฟ้าแล่บอะไรให้ผมอีกเนี่ย !
   สุดท้ายแม้จะพยายามยามถามยังไง คุณท่านก็ไม่ตอบนอกจากเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยๆจนผมเหนื่อยที่จะถามก็เลยยอมแพ้ไปโดนปริยาย =_=

   “ แล้วนี่ตะวันจะไปไหนต่อหรือเปล่า หรือจะกลับห้องเลย ”
   “ คงไปหาพวกพัดชา จะไปดูสักหน่อยว่าตัวแทนจากบริหารพร้อมเป็นดาว-เดือน มหาลัยหรือยัง ”
   “ อ๋อหรอ มั่นใจจังเลยนะ คงสู้สถาปัตย์ไม่ได้หรอก เพราะตัวแทนจากสถาปัตย์หล่อสุดแล้ว ” เมฆยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ เอ๊ะ อย่าบอกนะว่า..
   “ ทำหน้าสงสัยแบบนี้ อยากรู้ละสิว่าตัวแทนคณะเมฆเป็นใคร ” เขาก้มตัวลงมาจ้องหน้าผม โดยที่หน้าเราห่างกันเพียงนิดเดียว
   “ หึ ! พูดอย่างนี้อย่าบอกนะว่าเมฆเป็นตัวแทน ”
   “ ถูกต้องนะคร้าบ ! แหมฉลาดแสนรู้จังนะเรา ” เมฆเอามือมาเกาคางผม
   “ นี่! เราไม่ใช่หมานะ ” ผมเอามือปัดแขนคนขี้แกล้งที่หมู่นี้ชอบแกล้งผมอยู่เรื่อยเลย
   “ ฮ่าๆๆๆ เมฆยังไม่ได้พูดเลยนะว่าเป็นหมา ทำไมว่าตัวเองล่ะ ”
   เมื่อเห็นว่าจนมุมที่จะต่อปากต่อคำ ผมก็เลยเดินออกมาเลย โดยมีเมฆเดินตามมาติดๆ
   “ แซวเล่นแค่นี้เอง เพื่อนซ้อมกันที่ไหนเดี๋ยวเมฆเดินไปส่ง ”
   “ ตึกคณะเรา ” 
   แล้วเมฆก็แย่งกระเป๋าไปจากมือผมอีกครั้ง ก็ดีผมจะได้ไม่เมื่อย

   พอถึงตึกคณะแล้วแทนที่เมฆจะกลับ แต่ดันขออยู่ดูด้วย ผมไล่ยังไงเขาก็ยืนยันว่าไม่กลับ ผมเลยยอมให้เขามากับผมด้วย
   “ มาแล้วพวกแก เหนื่อยไหม ” พอเปิดประตูเข้ามาในห้องที่ใช้ซ้อมก็พบว่าจิ้ปกับโอ๊ตกำลังพักพอดี “ อ้าว! ส้มโออยู่ด้วยหรอเนี่ย ”
   “ โอ๊ย! นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว มัวลำ.. อ้าว ” พัดชาที่กำลังบ่นพอเห็นเมฆเดินตามผมเข้ามาก็เหวอไปนิดนึง
   “ สวัสดีทุกคน รบกวนด้วยนะ ” เขายิ้มให้เพื่อนๆผม ซึ่งคนอื่นๆก็ยิ้มแย้มตอบ ยกเว้นพัดชากับจิ้ปที่ดูเหมือนกำลังงงอะไรอยู่
   พัดชาเลยเดินเข้ามากระซิบถามผม “ นี่! มาด้วยกันได้ไง แล้วเชนผัวแกล่ะ ”
   “ ผัวเผออะไรกัน ! แค่แฟนก็พอไหมล่ะ ” ผมหยิกมันไปทีนึง โทษฐานใช้คำผิดๆ
   “ โอ๊ย! นั่นแหละ นี่มีอะไรที่พวกฉันยังไม่รู้ใช่ไหม ? ”
   จะว่าไป ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นผมก็ยังไม่ได้เล่าให้พวกเพื่อนๆผมฟังเลย เพราะเวลาไปไหนกับเมฆผมก็ไม่ได้บอกอะไร พวกนี้ก็มักเข้าใจว่าทุกครั้งผมไปกับเชน
   “ อุ๊ย..ลืมเล่าเลย แฮะๆ ”
   ตอนนี้ผมโดนคาดโทษจากเพื่อนชายหัวใจหญิงคนนี้ซะแล้ว ผมเลยบอกมันว่าเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆเมฆ
   “ มีอะไรหรือเปล่าตะวัน เพื่อนๆไม่โอเคที่เมฆมาหรอ เห็นไปกระซิบกระซาบกันสองคน ”
   “ เปล่าๆ ไม่เกี่ยวกะเมฆ มันนินทาจิ้ปให้ฟังเฉยๆ ” ผมไม่อยากให้เขาไม่สบายใจ
   “ ถ้าไม่สบายใจกันบอกได้นะ เมฆไปที่อื่นได้ ” เขาเหมือนจะลุกออกไปแต่ผมดึงแขนเขาไว้ก่อน
   “ ไม่ต้องไปไหนหรอก อยู่กับเราเนี่ยแหละ ไม่มีอะไรสักหน่อย ”
   เขาเหมือนคิดอยู่แป๊ปนึงก่อนจะนั่งลงข้างผมเหมือนเดิม
   “ เออนี่ตะวัน เมื่อกี้พวกเราคุยกันว่าจะไปที่ๆนึง จะไปด้วยกันหรือเปล่า ” จิ้ปถามผม
   “ ไปไหนหรอ? ”
   “ ตอบก่อนไปหรือไม่ไป เมฆด้วยไปกับพวกเราไหม ? ”
   “ ไปสิ ” เมฆตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
   “ ตะวันละว่าไง ? ” ทุกคนจ้องผมเพื่อรอคำตอบ
   “ ไปก็ไป ! แล้วสรุปจะไปไหนกันละ ? ”
   แล้วพวกเพื่อนๆผมก็ยิ้มให้กันก่อนจะตอบผม
   “ ไปล่าท้าผีที่บ้านร้าง ! ” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
   “ อ๋อ….ไปบ้านร้าง ห๊ะ!! ”
   “ สรุปทุกคนไปหมดเนอะ ไปๆเก็บของกันเร็ว ” พัดชาสรุปให้เรียบร้อยโดยไม่ฟังเสียงค้านของผมอีก
   ไม่นะ! ผีหรอ ตายแน่เลยตะวัน TT

   1.20 น.
   ขณะนี้พวกเราก็มาถึงบ้านร้างแห่งหนึ่งที่พวกเพื่อนๆตัวดีของผมหาข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ตว่าเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนา ซึ่งแค่เห็นผมก็ฉี่จะแตกแล้ว
   “ พวกแก ฉันไม่เข้าไปได้ไหม T_T ” ผมขอร้องเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่เราเริ่มออกเดินทาง
   “ ไม่ได้ ! มาด้วยแล้วก็ต้องเข้าด้วยกันสิ เพื่อนไม่เคย ไม่เคยทิ้งกัน ” พัดชายังคงไม่ยอมให้ผมรอบนรถ ทุกคนยืนยันว่าเราจะลงไปด้วยกัน
   “ อยู่กันเยอะไม่มีอะไรหรอกตะวัน ” จิ้ปเองก็ดูตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้มาที่นี่
   “ ใช่ๆ มาเร็วตะวัน สู้หน่อย ! ” ส้มโอก็อีกคน
   “ เอาน่าตะวัน แค่นี้เองน่าสนุกจะตาย ” เมฆเองก็เออออไปกับพวกนี้ด้วย ทีอย่างนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว
   “ สนุกกับผีน่ะสิ ! ”
   “ ก็ใช่ไง นี่เราจะไปสนุกกับผีกัน ลงมาได้แล้วเพื่อนๆรออยู่นะ ”
   เมื่อเห็นทุกคนยืนรออยู่นอกรถ ผมเลยจำใจต้องร่วมกิจกรรมสุดสร้างสรรค์(?)อย่างเลี่ยงไม่ได้
   “ งั้นเดี๋ยวพวกแยกกันไปสำรวจในบ้าน จับคู่กันไปละกัน ตะวันคู่กับเมฆ ใครเจออะไรผิดปกติหรือเหตุการณ์ไม่ดีก็รีบตะโกนบอกให้คนอื่นๆมาช่วยนะ ” โอ๊ตแจงสิ่งที่เราต้องทำกัน
   หลักๆเลยคือมาเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งลี้ลับที่เรียกว่าผีมันมีจริงไหม สาเหตุที่มาเพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเพื่อนๆผมมันเถียงกันว่าผีมีจริงหรือเปล่า พอเถียงกันไม่ลงตัวก็เลยตัดสินด้วยการมาเจอสถานที่จริงเลย ซึ่งคนที่ซวยคือผม เพราะผมไม่ชอบเรื่องอะไรพวกนี้เลย แต่ดันตอบตกลงไปแล้ว นี่ถ้ารู้ก่อนว่าไปไหนผมคงไม่ตอบตกลงหรอก
   คนอื่นๆตอนนี้ก็เข้าไปกันหมดแล้ว เหลือผมที่ยังยืนขาตายอยู่หน้าประตู พอเมฆเห็นผมไม่เข้าสักทีเลยเดินมาดึงแขนผมให้ตามเขาไป
   “ ไม่มีอะไรหรอก อยู่กับเมฆไม่ต้องกลัวหรอกตะวัน ”
   “ ต่อให้มากับพระเราก็กลัว จริงเราไม่เข้าไปด้วยก็ไม่เป็นไรมั้ง เราขออยู่แค่หน้าบ้านก็พอ ”
   “ งั้นตามใจ งั้นเมฆเข้าไปแล้วนะ ” พอเห็นว่าผมไม่เอาด้วย เมฆก็ไม่ยื้อ แล้วก็เดินเข้าไปเลย ทิ้งให้ผมอยู่หน้าบ้านคนเดียว
   แต่พอมาคิดดู อยู่คนเดียวน่ากลัวกว่าอีกถ้าเจออะไรก็คงไม่มีใครช่วยผมสิ =_=  คิดได้ดังนั้นผมก็ตัดสินใจตามเขาเข้าไปทันที
   “ เมฆ ! รอเราด้วย ”  ผมรีบเปิดประตูก่อนจะเขาไปไม่ทัน
   “ แฮร่ ! ”
   “ อ๊ากกกกก! แง้ !! แม่จ๋า TT ” ผมร้องสุดเสียงเมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วพบกับอะไรบางอย่าง
   “ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ” ทุกคนหัวเราะกันเสียงดังลั่น
   เป็นพวกเพื่อนๆผมนั่นเองที่พร้อมใจกันเอาไฟส่องหน้าตัวเองและส่งเสียงเพื่อแกล้งผม
   “ เล่นอะไรกันเนี่ย ! เกือบหยุดหายใจแล้วนะเมื่อกี้นี้ ไอ้พวกบ้าเอ้ย ” จริงๆไม่ใช่หยุดหายใจหรอกครับ แต่ฉี่แอบเล็ดออกมานิดนึงแล้วตอนนี้ TT
   “ ฮะๆๆๆ หยอกเล่นนิดหน่อยเองแก โอ๋ๆๆๆขวัญเอ๋ยขวัญมา ” พัดชาเดินเข้ามาปลอบผมประหนึ่งแม่ปลอบลูก
   “ ไม่โกรธนะตะวัน งั้นไหนๆพวกเราเข้ามาครบแล้วก็เดินไปพร้อมกันเนี่ยแหละ ” โอ๊ตที่หยุดหัวเราะแล้วก็เดินนำทุกคนไปอย่างไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
   พอสังเกตในบ้านแล้ว กลับพบว่าบ้านหลังนี้น่ากลัวกว่าที่ผมคิดไว้มาก น่าจะถูกปล่อยทิ้งร้างนานมากแล้ว เพราะเฟอร์นิเจอร์ต่างๆพุพังไปเยอะไหนจะคราบต่างๆ แถมมีฝุ่นจับหนาแน่นและกลิ่นที่ผมแยกไม่ออกว่ามันคือกลิ่นอะไร
   พวกเราเดินไปรอบๆบ้าน และยิ่งเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ก็พบเหตุการณ์แปลกๆมากขึ้น ไม่ว่าจะได้กลิ่นธูป หรือเพื่อนๆบางคนที่หูแว่ว นั่นทำให้ผมยิ่งสติแตกกว่าเดิมจนทำให้ผมเดินช้าลงและรั้งท้ายคนอื่นๆ
   “ เมี๊ยว.. ”
   หืม ! ผมได้ยินเสียงเหมือนแมวร้องจึงหันไปมองตามหาเสียงว่ามาจากทางไหน
   “ เมี๊ยววว ” เสียงเดิมยังคงร้องอยู่
   เมื่อมองหาดีๆก็พบแมวตัวหนึ่งกำลังนั่งมองผมแล้วส่งเสียงเหมือนเรียกให้ผมเข้าไปหามัน
   “ พวกแก ! ในห้องนั้นมีแมวด้วย ” ผมเรียกให้เพื่อนๆผมหยุดก่อน แต่มีแค่เมฆที่หยุดตามเสียงเรียกผม
   “ ไหนแมว? ” เมฆมองเข้าไปในห้องที่ผมชี้ แล้วมองหาแมวตัวดังกล่าว “ ไม่เห็นมีแมวเลยตะวัน คิดไปเองหรือเปล่า ”
   “ อ้าว ! สงสัยมันเดินไปตรงอื่นในห้อง แต่เมื่อกี้เราได้ยินเสียงมันร้องนะ ”
   “ เมี๊ยวววววววว ”
   “ อ๊ะ ! เจอแล้ว ” แล้วผมก็เดินตรงเข้าไปในห้องนั้น พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ผมมักจะลืมเรื่องอื่นๆทันที ลืมแม้กระทั่งว่าตอนนี้ผมกลัวผีอยู่
   ผมเดินเข้าไปอุ้มแมวตัวนั้นกะจะให้เมฆดูว่าผมไม่ได้คิดไปเอง
   “ นี่ไงเมฆ บอกแล้วเราไม่ได้คิดไปเอง ”
   ทันทีที่ผมอุ้มมันให้เมฆดูประตูห้องก็ปิดทันที

   ปัง !!!!!!!

   “ เฮ้ย !! ” ผมร้องอย่างตกใจ จนเจ้าแมวตัวที่ผมอุ้มอยู่มันกระโดดออกจากตัวผม ผมเห็นเหตุการณ์ไม่ดีเลยรีบเข้าไปเปิดประตู แต่ก็เปิดไม่ได้
   “ เมฆ ! ช่วยด้วย ! ” เมื่อเปิดไม่ได้ผมก็ทั้งทุบและตะโกนเรียกให้เขาช่วยผม ตอนนี้ผมเริ่มใจไม่ดีแล้ว
   “ ตะวัน !!! ตะวันเป็นอะไรไหม ” ผมได้ยินเสียงเมฆและคนอื่นๆเคาะเรียกและพยายามที่จะเปิดประตูมาช่วยผมจากอีกฝั่ง  แต่ทำยังไงประตูก็ไม่สามารถเปิดได้
   ทันใดนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนทุบกำแพงจากรอบห้อง และหน้าต่างที่อยู่ดีๆก็ปิดลง “ ฮือ ! ช่วยเราที เรากลัว ไม่เอาแล้ว ใครก็ได้ช่วยเราด้วย  เราจะไม่ไหวแล้ว ”
   “ ตะวัน! รอก่อนนะ จะหาทางพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ ”
   ตอนนี้ผมเหมือนจะหมดสติแล้ว น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ความกลัวมันถาโถมเข้ามาไม่หยุด ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยอุ้มเจ้าแมวตัวเดิมเข้ามากอด
   ปัง ! ปัง ! ปัง !
   พวกเพื่อนๆผมที่พยายามพังประตูเข้ามาทุบอยู่ไม่นานก่อนจะสามารถเข้ามาได้
   “ ตะวัน ! ” พอประตูเปิดเมฆก็รีบเข้ามาหาผม “ ไม่เป็นอะไรนะพวกเรามาช่วยแล้ว ”
   “ เมฆ…เรากลัว ฮึกๆ โฮ ” ผมโผกอดเขาแล้วร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร
   “ เมฆอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ” เขากอดผมแน่น
   “ พวกเรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ ! ท่าทางจะไม่ดีแล้ว ตะวันลุกไหวไหม ” พัดชาเมื่อเห็นว่าทุกอย่างดูไม่โอเคแล้วก็ตัดสินใจออกจากบ้านหลังนี้ทันที
   “ เดี๋ยวเราจัดการเอง ” เมฆอุ้มผมโดยที่ไม่ต้องรอผมตอบว่ายืนไหวหรือเปล่า แล้วเขาก็ตรงออกจากบ้านทันที โดยมีทุกๆคนตามออกมาติดๆ
   “ รีบกลับหอกันเถอะ ! ” พอขึ้นรถแล้วโอ๊ตก็ขับออกมาจากสถานที่นั้นอย่างเร็ว
   “ ไม่ต้องกลัวแล้วนะตะวัน ” พัดชากับเมฆที่นั่งข้างผมก็คอยจับตัวผมที่ยังคงสั่นเทาอยู่ คนอื่นๆก็พยายามช่วยกันปลอบผมให้ผมหายกลัว   
   
   แล้วผมก็ร้องไห้จนหลับไป…


- Chain Time -   

   “ วันนี้ พอแค่นี้ละกันนะคะน้องๆ เจอกันใหม่พรุ่งนี้ เก็บแรงกันไว้ด้วยนะ อย่าให้พี่เห็นว่าไปเที่ยวกันละ ”
   “ ครับ / ค่ะ ”
   เฮ้อ ! กว่าจะเลิก เหนื่อยสายตัวแทบขาด ทันทีที่เลิกผมก็รีบโทรหาตะวันทันที
   แต่โทรไปตั้งหลายสายเขาก็ไม่รับสายผมสักที
   “ ทำอะไรของเขาอยู่นะ ไม่รับสาย ” ปกติถ้าจะนอนแล้วเขาจะบอกผมก่อนเสมอ และไม่มีครั้งไหนที่โทรไปแล้วเขาไม่รับ
   “ เป็นอะไร ทำไมทำหน้าเครียดจังน้องเชน ” รุ่นพี่ผมทักขึ้นมาเมื่อเห็นผมยืนหงุดหงิดกับโทรศัพท์
   “ อ๋อ..พอดีเชนโทรไปหาแฟนแล้วเขาไม่รับสายครับ เลยกังวลว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า ”
   “ แฟนน้องเชนคนที่พวกพี่เจอที่ร้านขนมวันนั้นน่ะหรอ ? ” พี่คนนั้นทวนความคิดตัวเองก่อนจะถามผม
   “ ก็มีอยู่คนเดียวแหละครับพี่ ”
   “ เมื่อกี้พี่ไปซื้อข้าวก็เจอเขาอยู่นะ เอ่อ..อย่าหาว่าพี่ฟ้องเลยนะ พี่เห็นเขากินข้าวอยู่กับผู้ชายที่มีรูปลงเพจมหาลัยด้วยกัน เห็นหวานกันน่าดู ”
   “ อ๋อ นายเมฆ นั่นเพื่อนเขาครับพี่ ไม่มีอะไรหรอก ” จริงๆตะวันก็บอกผมก่อนแล้ว ผมเลยไม่ได้ติดใจอะไรกับสิ่งที่พี่เขาพูด
   “ จะใช่แค่เพื่อนหรอ เห็นตักข้าวให้กัน แถมถือกระเป๋าให้กันด้วย พี่ว่าไม่ใช่แค่เพื่อนหรอ ”
   “ ………... ” ผมได้แต่ยืนฟังเงียบๆไม่ได้ตอบโต้อะไรไป แม้ในใจจะแอบกังวลไปแล้วก็ตาม
   “ พี่ก็แค่เป็นห่วงเลยมาบอก ไม่อยากให้น้องเชนโดนสวมเขา ยังไงก็ลองดูๆเอาเองนะ ”
   “ ขอบคุณนะครับที่มาบอก แต่เขาเป็นแค่เพื่อนกันครับ เชนเชื่อใจเขา ”
   ใช่แล้ว แค่เพื่อน ! ผมต้องไม่คิดมาก ผมต้องเชื่อใจตะวัน
   แล้วในขณะที่ผมกำลังคุยกับพี่เขาอยู่ก็ดันมีอีกคนหนึ่งที่เข้ามาร่วมวงสนทนาโดยที่ผมไม่ได้เชิญ
   “ แหมๆๆ มั่นใจจังเลยนะเชน : ) ”
   ใบหม่อนนั่นเองที่พูดแทรกขึ้นมา
   “ มึงยุ่งอะไรด้วย ”
   “ เปล๊า ! เราไม่ได้อยากยุ่งหรอก แค่อยากเตือนเฉยๆกลัวเชนจะเสียใจ เพราะเราว่าตะวันเองก็ไม่ได้เป็นคนดีเท่าไหร่หรอก ”
   ทันทีที่ใบหม่อนพูดจบผมก็ตรงเข้าไปกระชากแขนเขาทันที
   “ มึงอย่ามาว่าแฟนกูนะ ! ”
   “ อย่ามาจับตัวกู ! ” ใบหม่อนปัดมือผมอยากแรง “ ก็กูพูดเรื่องจริง ! กูพูดอะไรผิด ”
   “ แล้วตะวันไม่ดีตรงไหน ” ผมจ้องหน้าเขา “ แค่กูไม่ชอบมึง อย่ามาพาลถึงแฟนกู มันยิ่งทำให้กูเกลียดมึงยิ่งกว่าเดิม ”
   “ กูเองก็เกลียดพวกมึงทั้งคู่เหมือนกันแหละ ใครทำอะไรกับกูไว้กูจำหมด ! ” ใบหม่อนเองก็จ้องผมกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ จับมือกันไว้ให้แน่นละกัน แต่พวกมึงก็เหมาะกันดีนะ คนนึงก็ร้าย อีกคนก็เลว ”
   “ ไอ้เชี่ยหม่อน ! ” ผมทนฟังเขาพูดต่อไปไม่ไหวแล้ว
   “ เชน ! หม่อน ! พอได้แล้ว ! ไม่งั้นพี่จะไม่เกรงใจแล้วนะ ” พี่ๆและเพื่อนคนอื่นๆ พยายามเข้ามากันพวกผมทั้งคู่ไม่ให้มีเรื่องกัน “ ถ้ามีเรื่องกัน ฉันจะไม่นับพวกแกเป็นน้อง ”
   “ ได้ครับพี่ งั้นผมกลับแล้วนะครับ สวัสดีครับ ” หม่อนยกมือลาพี่ๆก่อนจะหันมายิ้มเหยียดให้ผมแล้วเดินออกไป
   ส่วนผมก็ถูกพี่อีกคนลากไปให้สงบสติอารมณ์ ก่อนจะโอเคขึ้นแล้วขอตัวกลับ

   เฮ้อ! ขออย่าให้ตะวันเป็นอย่างที่คนอื่นพูดเลย เชนเชื่อใจตะวันนะครับ..


คำคมท้ายบท : หากคุณสูญเสียคนที่คุณรัก คุณก็แค่สูญเสียคนบางคนจากชีวิต
                      แต่ถ้าหากคุณสูญเสียความเป็นตัวเอง คุณจะสูญเสียทุกอย่าง

-TBC-
ช่วงนี้ลงช้านิดนึงนะครับ พอดีว่าป่วย พึ่งออกจากโรงพยาบาล ยังคงขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามและเข้ามาอ่านนะครับ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคร้าบ ^^

หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 14 บ้านผีสิง [ 13/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-03-2018 21:19:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 14 บ้านผีสิง [ 13/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-03-2018 23:29:25
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 14 บ้านผีสิง [ 13/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 14-03-2018 18:57:24
ตะวันไปทำบุญเถอะ ชีวิตหนูซวยจังเลย ส่วนเมฆแอบมีมุมน่ารักๆให้เห็นเหมือนกันนะเนี่ย :hao3:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 14 บ้านผีสิง [ 13/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: violetvista ที่ 15-03-2018 20:20:09
ไม่มีอีกแล้วใบหม่อนคนเดิม เริ่มไม่ชอบหม่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 15 ง้อ [ 16/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 16-03-2018 21:04:29
บทที่ 15
ง้อ
   “ อื้อออออ ”    
   “ ตื่นแล้วหรอตะวัน เป็นไงโอเคขึ้นบ้างไหม ” เมฆเดินเข้ามาหาผมเมื่อเห็นผมลืมตาขึ้น
   นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนนะ จำได้ล่าสุดคือตอนที่อยู่บนรถ แล้วผมก็หลับไปไม่รู้ตัวเลย ตื่นมาอีกทีก็พบว่าอยู่ที่ห้องตัวเองแล้ว
   “ คนอื่นๆละ แล้วนี่กี่โมงแล้ว ” ผมพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งโดยมีเมฆช่วยให้ลุกง่ายขึ้น
   “ ตอนนี้ตี 4 แล้ว ส่วนเพื่อนๆตะวันแยกย้ายกันกลับห้องไปไม่นานนี้เอง ” เมฆตอบก่อนยื่นน้ำมาให้ผมดื่ม “ หายกลัวมั่งหรือยังตะวัน ? ”
   พอพูดถึงเรื่องกลัว มันก็ทำให้ผมพาลนึกไปถึงเรื่องที่บ้านหลังนั้น ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็เวียนมาให้หัวผมอีกครั้ง
   “ ตะวัน ! ทำไมตัวสั่นแบบนี้ละ ” เมฆเขย่าตัวผม “ ตะวันได้ยินเมฆไหม ตะวัน ! ”
   “ เมฆ ภาพที่บ้านนั้นมันยังติดตาเราอยู่เลย ฮึก.. ”
   “ โอ๋ๆ ไม่เป็นไรแล้วนะ ” เขาลูบหัวผมเหมือนผมเป็นเด็ก
   แต่แปลกที่มันทำให้ผมสงบลงได้
   “ ไม่มีอะไรแล้ว นอนเถอะนะตะวัน ”
   “ อื้อ.. ” พอผมล้มตัวนอนเขาก็เดินไปที่ประตู ด้วยความกลัวว่าผมจะโดนเขาทิ้งให้อยู่ห้องเดียวเลยร้องเรียกเขาขึ้นมา “ จะไปไหนหรอเมฆ ! อย่าทิ้งเราไว้คนเดียวเลยนะ ” 
   “ เมฆจะเดินไปปิดไฟเฉยๆ ไม่ทิ้งไปไหนหรอก ” เขาปิดไฟแล้วจึงเดินมานอนที่ของเขา “ ฝันดีนะตะวัน ”
   “ อื้อ ฝันดีนะ ”
   แต่ไม่ว่าจะทำยังไงผมก็ข่มตาหลับไม่ได้สักที เลยตัดสินใจเรียกเมฆขึ้นมา
   “ เมฆ.. หลับยัง ” ผมดึงเสื้อเขาเบาๆ
   “ หืม… มีอะไรหรอตะวัน ”
   “ เรานอนไม่หลับ ”
   เมฆพลิกตัวหันมาหาผม แม้จะมืดแต่ก็เห็นว่าเขายิ้มอยู่ “ งั้นเราเล่านิทานให้ฟังไหม ? ”
   “ ไอ้บ้า ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ”
   “ งั้นทำยังไงถึงจะหลับละหืม ? ”
   “ ไม่รู้สิ… เมฆว่าเราขี้แงไหม ? ”
   “ ทำไมถึงถามแบบนี้ละ ”
   “ ก็เอะอะเราก็ร้องไห้ตลอดเลย เจออะไรที่กลัวหรือไม่โอเคหน่อยก็ร้องอีกแล้ว เรากลัวว่าทุกคนจะรำคาญที่เราเป็นแบบนี้แล้วจะทิ้งเราไป… ”
   พอมานึกๆผมเองก็ร้องไห้บ่อยเหมือนกัน บางครั้งแม้พยายามจะเข็มแข็งแล้วแต่ก็สุดท้ายก็กลั้นน้ำตาไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะคิดยังไงกับผม แต่ผมกลัวการที่ต้องอยู่คนเดียว ผมไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว
   ในขณะที่ผมนอนคิดทบทวนเรื่องต่างๆ เมฆก็ดึงผมเข้าไปกอด
   “ เมฆ.. O_o ” ผมตกใจที่อยู่ดีๆเขาก็กอดผม
   “ ไม่เห็นต้องกังวลอะไรเลย บอกแล้วไงไม่ว่าจะยังไงตะวันก็มีเมฆเสมอ เมฆจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนหรอก..  ”
   
   ตึก ตึก !
   
   นี่เขาจะได้ยินไหมนะว่าตอนนี้หัวใจผมมันเต้นแรงแค่ไหน

   “ นอนกันเถอะนะ พักผ่อนได้แล้ว วันนี้เหนื่อยมาเยอะแล้ว ”
   “ อื้อ ขอบคุณนะเมฆ ”
   แล้วผมก็หลับไปในอ้อมกอดของเขา ขอบคุณจริงๆนะเมฆที่ทำให้เราสบายใจขึ้น..

   เช้านี้ผมมาถึงมหาลัยด้วยสภาพที่อ่อนเพลีย เนื่องจากนอนไม่พอ แถมความซวยซ้ำซวยซ้อนคือวันนี้อาจารย์ยกคลาสโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า จึงทำให้ผมต้องตื่นมาฟรี
   “ แหมๆๆ ตาโหลมาเป็นผีเลยนะคะเพื่อน ” พัดชาแซวเมื่อเห็นสภาพผมในวันนี้
   “ อย่าพูดถึงผีได้ไหม แค่คิดก็จะร้องไห้อีกแล้วเนี่ย TT ” ผมที่เริ่มทำใจได้ แต่ก็ยังกลัวอยู่นิดๆ
   ต้องขอบคุณเมฆจริงๆที่ทำให้ผมโอเคขึ้น แม้จะเขินๆที่ตื่นมาผมก็ยังคงอยู่ในอ้อมกอดเขา แต่ดูเหมือนเมฆจะไม่ได้เขินอะไรเท่าผม
   “ เราขอโทษนะตะวันที่พาตะวันไป ” โอ๊ตบอกพร้อมสีหน้าที่รู้สึกผิด
   “ ไม่เป็นไรหรอก แต่คราวหน้าไม่เอาแล้วนะ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ไป ”
   “ จ้าๆ ไม่บังคับแล้ว ละก็ไม่ไปแล้วครับ แค่นี้ก็พอพิสูจน์ได้แล้วว่ามีจริง ”
   “ แล้วนี่ตอนพวกเราออกมาแมวตัวนั้นมันไปไหนแล้วอะ ”
   “ เอ่อ….แมว หมายถึงที่ตะวันอุ้มน่ะหรอ ” จิ้ปดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผมพูดถึงเจ้าแมวตัวเมื่อคืน
   “ ใช่ ตัวสีน้ำตาลไง ทำไมทำหน้าแปลกๆกัน มีอะไรหรือเปล่า ? ”
   ทุกคนดูอึกๆอักๆก่อนที่จิ้ปจะเป็นคนพูดกับผม
   “ ตะวัน คือ…สิ่งที่ตะวันอุ้มมันไม่ใช่แมวตัวเป็นๆหรอกนะ ”
   “ ไม่ใช่ตัวเป็นๆแล้วคือ?.. อย่าบอกนะว่า ” ไม่นะอย่าเป็นอย่างที่ผมคิดนะ TT
   “ ที่ตะวันอุ้มมันเป็นศพแมว แมวตัวนั้นมันเป็นซากไปแล้ว ”
   “ ศพ !!! ”
   “ ใช่ศพ.. ” ทุกคนพูดพร้อมกันก่อนจะไว้อาลัยให้ผมที่ช็อคไปแล้วตอนนี้
   ความจริงจากปากจิ้ปทำให้ผมช็อค นี่ที่ผมอุ้มมันมากอดเป็นศพแมวหรอกหรอเนี่ย อยากจะบ้าตายใครก็ได้พาไอ้ตะวันคนนี้ไปทำบุญที T^T

   “ ตะวัน ” ขณะที่ผมกำลังนั่งคุยกับเพื่อนๆเพลินๆก็มีคนนึงเรียกผม
   “ อ้าวเชน ! ” ผมตกใจที่เขารู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่ “ มาได้ยังไงเนี่ย ”
   เชนมานั่งข้างๆผม “ เมื่อคืนหายไปไหนมาครับ ทำไมไม่ตอบไลน์ ทำไมไม่รับสายเชนเลย ”
   “ เอ่อ….เราไปกับเพื่อนๆมา ขอโทษนะที่ไม่ได้บอก ”
   “ ไปที่ไหน? แล้วเพื่อนที่ว่านี่มีใครบ้าง ? ” เชนเริ่มทำเสียงดุผม
   น่ากลัวชะมัดเขาไม่เคยดุผมเลยนะ
   “ ก็เพื่อนๆเนี่ยแหละ ไปกับพวกนี้แหละ ” ผมชี้ไปที่เพื่อนๆ ซึ่งทุกคนก็ยิ้มกลับแห้งๆเมื่อเจอสายตาคาดคั้นจากเชน
   “ พัดชาครับ.. ”
   “ จ๋า.. T_T ” พัดชาสะดุ้งเมื่อเชนเรียกชื่อ
   “ คนที่ไปทั้งหมด มีชื่ออะไรบ้างครับ : ) ” ตอนนี้เชนเริ่มเค้นกับพัดชาแล้ว พัดชาเลยได้แต่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาที่ผม
   ถ้ารู้ว่ามีเมฆไปด้วยโดนบ่นยาวแน่ๆเลย เขายิ่งไม่ชอบใจอยู่
   “ ก็มีพัดชา จิ้ป โอ๊ต ส้มโอแล้วก็เราแค่นั้นเองเชน เชนไม่มีเรียนหรอวันนี้ ” ผมรีบตอบแทนพัดชา เชนเลยหันมายิ้มให้ผมแทน
   “ ตะวันครับ เชนถามพัดชาอยู่นะ ให้พัดชาตอบสิครับ ” เชนแม้จะยังยิ้ม แต่ตาเขาไม่ได้ยิ้มเหมือนปากเลย
   แง้ ! ไปกินรังแตนที่ไหนมาเนี่ย ดุจัง
   “ ทำไมล่ะ เชนไม่เชื่อใจเราหรอ เสียใจว่ะ ! ” ผมรีบเบี่ยงประเด็นก่อนจะมีใครหลุดชื่อเมฆเข้ามา
   เชนนิ่งไป ก่อนจะกลับมายิ้มแย้มเหมือนทุกครั้ง
   “ เชื่อสิครับ คิดถึงจังเลย เชนแค่เป็นห่วงตะวันเฉยๆเท่านั้นเองไม่มีอะไรหรอก : D ” เขาหยิกแก้มผมเป็นการหยอกล้อ มันเลยทำให้ทุกคนแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว 
   แต่สบายใจได้ไม่นานความซวยก็มาเยือนผมอีกครั้ง
   “ พวกเธอสวัสดี เมื่อคืนขอบคุณนะที่มาส่งเรากับตะวันถึงห้อง ” เป็นเมฆนั่นเองที่เดินมาอยู่ข้างหลังผม ที่รู้ว่าเป็นเมฆโดยไม่ต้องหัน เพราะหนึ่งผมจำเสียงได้ สองพวกพัดชาที่นั่งฝั่งตรงข้ามผมทำหน้าเหมือนเจอผี
   “ ตะวันคืนนี้เมฆกลับห้องดึกหน่อยนะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม ” เขานั่งลงอีกข้างของผมที่ยังว่าง ก่อนจะสังเกตเห็นเชน “ อ้าว..สวัสดีคุณเชน : ) ”
   “ …… ” เชนเงียบ ก่อนจะลุกออกไปโดยไม่พูดอะไรเลย
   “ เชน ! เดี๋ยวก่อน ! ” เมื่อเห็นเขาเดินออกไปอย่างเร็ว ผมก็รีบตามเขาไปทันที
   “ เชนเดี๋ยวก่อนสิ ” ผมวิ่งไปดึงแขนเขาไว้
   “ ปล่อยเชน ” เชนเองก็พยายามแกะมือผมให้ปล่อยเขา แต่ผมไม่ปล่อยง่ายๆ
   “ ไม่ ! เราไม่ปล่อย เชนฟังเราก่อนดิ ”
   “ จะให้เชนฟังอะไร! เมื่อคืนไปกับนายเมฆมาด้วยใช่ไหม ! ” เชนเหมือนจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกแล้ว เขาตวาดผมเสียงดัง
   ตอนนี้เพื่อนๆผมรวมถึงเมฆก็ตามผมมาทัน และยืนดูอยู่ห่างๆ
   “ ว่าไง ? ไหนเมื่อคืนมีใครมั่งนะ ตะวันบอกเชนอีกรอบซิ ! ” เขาสะบัดมือผมออกจนได้ “ ตอบไม่ได้หรอ? ”
   “ เชน…เราแค่ไม่อยากให้เชนไม่สบายใจ เราขอโทษ ” ผมเข้าไปจับมือเขาอีกครั้ง
   “ แค่นี้ตะวันยังโกหกเราเลย เคยบอกแล้วไม่ใช่หรอว่ามีอะไรให้บอก เชนมีเหตุผลมากพอ แต่เชนไม่ชอบให้โกหก ! ”
   “ เราขอโทษนะเชน เราจะไม่ทำอีกแล้ว เชนอย่าโกรธเรานะ นะเชน ” ผมเริ่มใจไม่ค่อยดีแล้ว เขาต้องเสียใจมากแน่ๆเพราะผมเห็นเขาเริ่มมีน้ำตาคลอๆ
   “ นี่นาย ! อย่าว่าตะวันเลย ตะวันไม่ผิดนะ เราเองที่ขอตามไปเอง ” เมฆเดินเข้ามาเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกพัดชาเองก็เข้ามาด้วยเหมือนกัน
   “ เงียบไปเลย กูไม่ได้ถามมึง ”
   “ อย่าว่าตะวันเลยนะเชน ใจเย็นก่อนนะ ตะวันแค่ไม่อยากให้เชนไม่สบายใจเพราะตะวันแคร์เชนนะ ” จิ้ปเองก็ช่วยพูดอีกแรง แต่ไม่ได้ทำให้เชนใจเย็นลงเลย
   “ เนี่ยหรอแคร์ ! เรื่องเล็กๆยังโกหกปิดบังเราเลย แล้วต่อไปมีอะไรเราจะเชื่อได้หรอ ” เขาว่าจิ้ปก่อนจะหันมาพูดกับผม “ ปล่อยเชน ถ้าตะวันไม่ปล่อย ก็ไม่ต้องมาคุยกับเชนอีก ”
   ผมเลยยอมปล่อยเขา แล้วเขาก็เดินออกไปเลย โดยปล่อยให้ผมยืนรู้สึกผิดอยู่ตรงนั้น
   “ ตะวัน ” เมฆเรียกผมเมื่อเห็นว่าผมยืนเงียบไม่พูดไม่จา “ เมฆขอโทษนะที่เป็นต้นเหตุให้ตะวันทะเลาะกับแฟน ”
   “ ไม่หรอก เมฆไม่ผิดหรอก เราผิดเองที่ไปโกหกเขา ” ผมบอกไปตามตรง เพราะเรื่องนี้เมฆก็ไม่ผิดจริงๆ
   “ แล้วจะทำยังไงต่อไปละแก เชนดูโกรธมากๆเลยนะ ” พัดชาถามผมด้วยความเป็นห่วง
   “ ก็คงต้องไปง้อแหละ แต่คงรอให้เขาใจเย็นก่อน ”
   เฮ้อ ! ทำไมเรื่องมันถึงมาไม่หยุดไม่หย่อนแบบนี้นะ
   
   ตลอดทั้งวันผมแทบไม่มีสมาธิจะทำอะไรทั้งนั้น เพราะมีเรื่องในหัวตีกันไปหมด ผมมานั่งทบทวนกับตัวเองก็พบว่าผมทำผิดกับเชนจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเชนไม่เคยปิดบังอะไรผมเลย เชนบอกผมทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เขาคงเสียความรู้สึกมากจริงๆ แล้วผมจะทำยังไงดีถ้าเขาเลือกที่จะทิ้งผมไป
   “ น้องตะวันค่ะ ตะวัน….ฮัลโหล ! ”
   “ คะ..ครับพี่ยีน ! ” ผมสะดุ้งเมื่อพี่ยีนเรียกผมเสียงดัง
   “ เป็นอะไรหรือเปล่า ดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เพื่อนๆเขาต่อท่าไปเยอะแล้วนะลูก ”
   “ ผม… ”
   “ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรอ เล่าให้พี่ฟังได้นะ ” พี่ยีนถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
   “ ไม่มีอะไรหรอกพี่ยีน ผมทะเลาะกับแฟนนิดหน่อยครับ ”
   “ อ้าว ! ทะเลาะกันแรงหรือเปล่า แล้วปรับความเข้าใจกันยัง ”
   “ ยังไม่ได้คุยเลยครับพี่ยีน ผมกลัวว่าเขาจะไม่ยอมคุยกับผมอ่ะพี่ยืน ”
   “ แล้วจะปล่อยไว้อีกนานแค่ไหนกันเราถึงจะยอมคุย ทะเลาะกันแล้วเรามีความสุขไหม? ”
   “ ไม่เลยครับ.. ”
   “ เนี่ยแล้วการที่ผิดใจกัน ไม่คุยกัน ตะวันเสียเวลาที่รักกันกับแฟนไปกี่นาที กี่ชั่วโมง ? พี่ว่าเอาเวลาที่งอนกันมารักกันดีกว่าไหม ? ”
   “ …. ”
   “ ยิ่งทิ้งไว้นานก็ยิ่งเสียความรู้สึกนานนะลูก ”
   
   ผมคิดตามที่พี่ยีนพูดมันก็จริง นี่ผมเสียเวลามานานแค่ไหนกันแล้วนะ ผมไม่แม้กระทั่งจะไลน์หรือโทรไปหาเขา ผมเอาแต่หวังว่าเขาจะหายโกรธและมาคุยเอง
   “ พี่ยีนครับ งั้นผมขอตัวก่อนได้ไหมครับ ”
   “ จะไปไหนตะวัน ? ”
   “ ผมขอไปง้อแฟนก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวรีบกลับมา ” พอขอเสร็จผมก็วิ่งออกมาเลยโดยไม่รอฟังคำตอบว่าพี่ยีนจะอนุญาต
   “ นี่ เดี๋ยวก่อน ! งั้นง้อเสร็จรีบกลับมานะตะวัน ! ” พี่ยีนตระโกนตามไล่หลังมา
   
   ผมรีบตรงไปที่คณะเชนทันที พอมาถึงแล้วก็พบว่าเขากำลังซ้อมอยู่
   “ มาหาใครครับ..อ้าว แฟนเชนนี่นา ” ผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาคุยกับผม เมื่อเห็นผมยืนด้อมๆมองๆอยู่
   “ สวัสดีครับ พอดีผมมาหาเชน ผมมีเรื่องอยากจะปรับความเข้าใจกับเขา ” ผมยกมือไหว้เขา น่าจะเป็นรุ่นพี่ของเชน “ ขอผมคุยกับเขาหน่อยได้ไหมครับ ”
   “ อ๋อ ได้สิ เดี๋ยวพี่เรียกให้นะ ” เขายิ้มแย้มให้ผมก่อนจะหันไปเรียกเชน “ เชน ! มานี่หน่อยมีคนมาหา ”
   “ ครับพี่ ! ” เชนตะโกนตอบ เขาคงยังไม่เห็นผม เพราะผมยืนอยู่หลังกำแพง
   “ ใครหรอครับพี่ ” เชนพูดกับพี่เขาก่อนจะสังเกตเห็นผม “ ตะวัน.. ”
   เมื่อเห็นหน้าผม เชนก็เดินหนีทันที
   “ เดี๋ยวก่อนสิเชน ! ” ผมวิ่งไปเกาะแขนเขา
   “ เชนไม่มีอะไรจะพูด อีกอย่างตอนนี้เชนซ้อมอยู่ ไม่ว่างคุย ตะวันกลับไปเถอะ ” เชนแกะมือผมออกแล้วหันหลังไปทันที
   “ เชน ฟังเราก่อนนะ ” ผมกอดเขาจากด้านหลัง ซึ่งตอนแรกเขาก็พยายามแกะมือผมออกเหมือนเดิม แต่ผมกอดเขาแน่นขึ้นเขาเลยหยุดแล้วยืนเฉยๆ
   “ เราขอโทษนะที่ให้เชนเสียใจ เราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ แต่ระหว่างเรากับเมฆมันไม่ได้มีอะไรเลยนะ เราแค่ไม่อยากให้เชนคิดมาก หายโกรธเราได้ไหมเชน ”
   “ ….. ”
   “ เชนจะดุเชนจะว่าเรายังไงก็ได้ แต่เชนอย่าเงียบแบบนี้ได้ไหม เรา ฮึก… เราขอโทษ เราจะไม่ทำอีกแล้ว เราสัญญา ฮือ ” ผมเริ่มกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกแล้ว เพราะกลัวเขาจะทิ้งผมไป
   “ เฮ้อ.. ” เชนถอนหายใจก่อนจะแกะมือผมออกแล้ว หันมาหาผม
   “ นี่…อย่าร้องไห้สิครับ ” เขาดึงผมให้ไปซบกับอกเขา นั่นทำให้ผมร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม
   “ ฮือ เรากลัวเสียเชนไปนี่นา เชนอภัยให้เรานะ ”
   “ อื้ม…เชนไม่ได้โกรธหรอก เชนแค่น้อยใจ ” เขาลูบหัวผมเบาๆ “ เชนน้อยใจที่เชนเป็นแฟนตะวันแท้ๆ แต่ตะวันกลับไม่ยอมเล่าทุกเรื่องให้เชนฟัง เชนบอกแล้วไงมีอะไรก็บอกเชนได้ เชนมีเหตุผมมากพอเชนไม่งี่เง่าหรอก เรื่องเมฆถึงเชนจะไม่ชอบ แต่เชนก็เข้าใจว่าเขาเป็นเพื่อนตะวัน เป็นเมทกัน เชนไม่หึงหรอก หรือตะวันกับเมฆมีอะไรเกินเลยมากกว่าเพื่อน ? ”
   “ เปล่านะ ! เรากับเมฆเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ ”
   “ ครับ งั้นเชนก็สบายใจแล้ว ”
   “ ไม่โกรธแล้วจริงๆนะ ”
   เขายิ้มให้ผม “ อื้อ แต่ต่อไปห้ามปิดบังสัญญาได้ไหม? ”
   “ สัญญา ! เราจะไม่ปิดบังอะไรแล้ว ”
   “ จริงๆเชนก็แอบงี่เง่าเองด้วยแหละ เชนไม่น่าฟังคนอื่นมากไปจนอารมณ์ร้อนเลย ”
   “ ฟังอะไรหรอ ? ”
   “ ก็ชอบมีคนมาบอกเชนว่าเห็นตะวันอยู่กับเมฆแล้วดูหวานกันเกินเพื่อน บ้างก็ว่าแอบกิ๊กกันแล้วสวมเขาใจเชน พอฟังบ่อยๆมันเลยบั่นทอนจิตใจ เชนก็กลัวเสียตะวันไปนะ : (  ”
   “ บ้า ! ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว เชนอย่าฟังคนอื่นมากสิ ”
   “ รู้แล้วคร้าบ ! เชนเองก็ขอโทษตะวันเหมือนกันนะครับ ” เขาหยิกแก้มผมเหมือนที่หยอกล้อประจำ มันเลยทำให้ผมยิ้มออก “ แล้วนี่ไม่ซ้อมแล้วหรอถึงมาหาเชนถึงที่นี่ ”
   “ ง่า ซ้อมสิ แต่อยากมาง้อเชนมากกว่าเลยรีบวิ่งมาเนี่ยแหละ ”
   “ แหม น่ารักจริงๆเลย อย่างนี้หลงตายเลยนะเนี่ย ” เชนยิ้มกว้างจนเห็นฟันที่เรียงกันสวยงาม “ งั้นกลับไปซ้อมเถอะ วันนี้เชนเลิกไว เดี๋ยวเชนไปหา ”
   “ โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ ”
   “ ครับผม ! ตั้งใจซ้อมนะ ” เชนโบกมือให้ผมก่อนจะเดินไปซ้อมต่อ
   “ เชน ! ” ผมเรียกเขาก่อนเขาจะเดินไป
   “ หืม ? ”
   
   จุ๊บ !

   ผมเขย่งตัวจุ๊บแก้มเขาทีนึง เชนจับแก้มตัวเองอย่างงงๆ ถ้าทางจะอึ้งไปเลย
   “ เรารักเชนนะ ไว้ใจเรานะเชน ” ผมพูดเสร็จก็รีบวิ่งออกโดยทิ้งให้เขายืนงงอยู่อย่างนั้น
   จะให้อยู่ต่อได้ไงละครับ ผมก็เขินนะ !

   “ ตะวัน ! ” เชนตะโกนตามมา “ เชนรักตะวันนะ ! ”
   “ กรี๊ดดด! ฮิ้ววววว ! วี๊ดวิ้ววว ! ” มีเสียงต่างๆตามมามากมาย เมื่อหันไปดูจึงเห็นพวกเพื่อนๆพี่ๆของเชนที่แอบดูอยู่
   โอ๊ย! นี่เห็นตั้งแต่แรกเลยใช่ไหมเนี่ย  แง้! อายจัง
    “ อย่าทิ้งเชนนะน้อง ”
   “ ใช่ๆ อย่าทำเชนเสียใจนะ ”
   “ เชนเขารักเธอมากนะ ”
   พวกเพื่อนและพี่ๆของเชนตะโกนบอกผม นั่นทำให้ผมยิ่งเขินเข้าไปใหญ่ แต่ก็รู้สึกดีเหมือนกัน ส่วนเชนยืนยิ้มแก้มปริเชียว
   ผมยิ้มให้ทุกคนก่อนจะเดินออกมา แต่ก็ดันสังเกตเห็นหม่อน ที่ยืมมองผมนิ่งๆ ผมเลยโบกมือให้เขา แต่เขากลับหันหลังแล้วเดินออกไปทันที สงสัยจะมองไม่เห็น
   ผมจึงกลับไปที่คณะของผมทันทีที่เสร็จเรื่อง พอกลับมาถึงพี่ยีนกับพวกพัดชาก็เข้ามาถามกันยกใหญ่ว่าเป็นยังไงบ้าง ผมก็เลยแค่ยิ้มตอบพวกเขา

   ยังไงวันนี้ผมก็สบายใจแล้ว หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรตามมาอีกนะ


คำคมท้ายบท : ความเชื่อใจก็เหมือนกระดาษ ถ้ามันยับหรือขาดคงไม่มีโอกาสที่จะเหมือนเดิม


-TBC-
ปูเป้ใกล้กับมาแล้วนะครับ แต่จะมาเดี่ยวๆหรือแทคทีมคู่กับใบหม่อน อันนี้ต้องดูอีกที ช่วงนี้นางงานเยอะเลยไม่ค่อยว่าง 55555
เช่นเดิมครับ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและเข้ามาอ่านนะครับ เรื่องราวก็ดำเนินมากว่าครึ่งแล้ว ยังไงติดตามกันต่อนะครับ อย่าพึ่งเบื่อกัน ชุ้บๆ <3


หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 15 ง้อ [ 16/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-03-2018 21:31:56
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 15 ง้อ [ 16/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 17-03-2018 20:21:21
โอ๊ยยยย เขิน ตะวันเองก็มีมุมน่ารักนะ เชนด้วย :ling1:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 15 ง้อ [ 16/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-03-2018 00:41:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 15 ง้อ [ 16/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: violetvista ที่ 20-03-2018 15:07:26
รอตอนต่อไปนะ อิจฉาตะวันจัง เชนน่ารัก :ling1:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 16 วันวาน [ 20/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 20-03-2018 21:15:58
บทที่ 16
วันวาน

- Mek Time-

   “ใครจะกินอะไรไหม เดี๋ยวเราออกไปซื้อให้ ”
   “ พวกเรายังไม่หิวอ่ะ เมฆไปซื้อก่อนเถอะ ค่อยกลับมาทำต่อก็ได้ ”
    “ อื้อ งั้นเดี๋ยวเราซื้อขนมมาฝากละกัน ”
   “ จ้า รีบกลับมานะ งานจะได้เสร็จ ”
   “ ครับผม ”
   วันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องทำงานกลุ่มที่คณะ เพราะไม่อยากขนกลับไปทำที่ห้อง กลุ่มผมเลยตัดสินใจทำกันที่มหาลัยเนี่ยแหละ
   พอออกมาที่หน้าคณะ ก็เห็นคนๆนึงวิ่งผ่านผมไป นั่นมันตะวันนี่นา
   “ ตะวัน… อ้าว รีบไปไหนของเขานะ ” ผมตะโกนเรียกเขา แต่เขาดันวิ่งผ่านผมไปแล้วซะนี่ เอ๊ะจะไปไหนกันนะ ด้วยความสงสัยผมก็เลยตามเขาไป จนมาถึงที่หน้าคณะนิเทศ
   มาทำอะไรที่นี่กันนะ ?

   ผมมองหาตะวัน แล้วก็พบเขายืนหลบๆซ่อนๆอยู่หลังกำแพง ผมก็เลยกะจะเดินเข้าไปทักเขา แต่ดันมีคนเข้าไปทักตะวันซะก่อน ผมเลยยืนดูอยู่นานถึงได้รู้ว่าเขามาหานายเชนนั่นเอง
      
   “ เรารักเชนนะ ไว้ใจเรานะเชน ”
   “ ตะวัน ! เชนรักตะวันนะ ! ”
   
   ภาพตรงหน้าที่ผมรู้สึกเจ็บ ผมคงมาช้าไปสำหรับเขาสินะ ผมคงช้าเกินไปที่ไม่ยอมบอกเขาให้เร็วกว่านี้ว่าผมเองก็รักเขาไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน ผมน่าจะทำตามเสียงหัวใจตัวเองตั้งแต่แรก ไม่น่ามัวแต่รอเวลาอยู่เลย
   แล้วนี่ผมจะยังมีหวังในรักครั้งนี้ของผมอยู่ไหม…
   
   “ อ้าวเมฆ! ไหนว่าจะไปหาอะไรกินไง ทำไมกลับมาเร็วจัง ”
   “ เรา… เราไม่หิวแล้วอะ ทำงานกันต่อเถอะ ”
   “ เมฆเป็นอะไรหรือเปล่า ?  เห้ย ! ทำไมร้องไห้ล่ะเกิดอะไรขึ้น ”
   “ หืม ร้อง? ” ผมเอามือแตะหน้าดูก็ถึงได้รู้ว่าน้ำตาผมมันไหลออกมาเองได้ยังไงก็ไม่รู้ “ บ้าเอ้ย ทำไมอยู่ดีๆก็ไหลออกมานะ ”
   เพื่อนๆเมื่อเห็นผมน้ำตาไหลก็เข้ามาถามกันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรผม แต่ผมจะบอกพวกเขายังไงดีว่าจริงๆแล้วผมเนี่ยแหละที่ทำตัวเอง
   
   แล้วผมก็นึกย้อนกลับไปเมื่อก่อนตอนที่ผมยังเด็ก

   “ เมฆมาอยู่เป็นเพื่อนเราเมฆไม่เบื่อหรอ ทำไมไม่ไปเตะฟุตบอลกับคนอื่นๆล่ะ ? ” เด็กผู้ชายตัวเล็กถามผมในขณะที่เรานั่งเล่นกันอยู่ข้างสนามบอลในโรงเรียน
   “ ไม่เบื่อหรอก ถ้าเราไปเตะบอลแล้วตะวันจะอยู่กับใครล่ะ ”
   ผมกับตะวันอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ตอนที่เขาย้ายเข้ามาใหม่ ตอนนั้นตะวันเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบๆใครมาคุยด้วยก็ไม่ค่อยคุย แม้ในตอนแรกเขาเป็นที่สนใจของเด็กคนอื่นๆเพราะเป็นเด็กใหม่ แต่หลังจากเข้ามาไม่นานเขาเริ่มโดนหลายคนไม่ชอบขี้หน้า ด้วยเหตุผลไหนผมเองก็ไม่รู้ ผมเห็นเขาโดนแกล้งอยู่เป็นเดือนก่อนจะทำให้ผมทนไม่ได้และเข้าไปช่วยเขา นั่นเลยทำให้เด็กคนอื่นๆพลอยไม่ชอบผมไปด้วย
   แต่นั่นกลับทำให้ผมสนิทกับเขามากขึ้น มันเลยทำให้ผมเห็นอีกมุมของเขาว่าเขาก็เป็นคนที่ร่าเริงและสดใสมากคนหนึ่ง
   
   “ ขอบคุณนะ แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้เมฆอดสนุกกับคนอื่น ”
   “ เพื่อนกัน ไม่เห็นต้องคิดมาก เมฆสบายจะตาย ขืนไปเล่นเดี๋ยวชุดเมฆก็เลอะแล้วแม่ก็บ่นอีก ” ผมตบบ่าเขาไม่ให้เขาคิดมาก “ แล้วนี่ตะวันไม่ชอบเล่นฟุตบอลหรอ ? เห็นไม่เคยเล่นเลย ”
   “ เรากลัวลูกบอลอ่ะ ”
   “ กลัว ? ”
   “ ใช่ ก็เราเคยเล่นแล้วถูกเตะบอลอัดใส่หน้า ตั้งแต่นั้นเราก็ไม่กล้าเล่นอีกเลย ” เขานั่งนึกก่อนจะแสดงท่าทางแปลกๆ ท่าทางจะกลัวจริงๆ
   “ ฮ่าๆๆๆๆๆ ”
   “ ขำอะไรเมฆ ! มันเจ็บจริงๆนะไม่เชื่อลองไปโดนดิ ฟันเราโยกเลยตอนนั้น ” เขาหันมาตีผมเมื่อผมขำใส่เขา
   “ ก็ขำเพราะเมฆนึกหน้าตะวันตอนโดนลูกบอลน่ะสิ ร้องไห้เลยสินะตอนนั้น ”
   “ หึ ! ไม่ได้ร้องหรอก ”
   “ อ้าว ! งั้นก็อึดเหมือนกันนี่ ”
   “ เราสลบเลยต่างหาก แบบเนี้ย ” แล้วเขาก็แกล้งล้มลงไปกับพื้นแล้วทำท่าสลบให้ผมดู
   “ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”
   “ ถ้าขำอีกทีจะโกรธแล้วนะ ” เขาผลักผมเบาๆ “ เลิกคบละเพื่อนแบบนี้ชอบซ้ำเติม ”
   “ ฮ่าๆๆ อุ๊บ! อะไม่ขำแล้วก็ได้ ฮิฮิ ”
   “ ดีมาก อย่างนี้ค่อยเป็นเพื่อนกันต่อได้ ” ตะวันยิ้มกว้าง ก่อนจะถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง “ เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปใช่ไหม ? ”
   ผมมองหน้าเขาก่อนจะตอบ “ แน่นอน ” 
   “ งั้นเกี่ยวก้อยสัญญาดิ ” เขาชูนิ้วก้อยขึ้นมาหน้าผม ผมเลยไปเกี่ยวนิ้วเขากลับ
   “ สัญญาลูกผู้ชายเลย ”
   แล้วเราก็หัวเราะให้กัน ก่อนที่ผมจะสังเกตเห็นลูกบอลที่พุ่งมาทางพวกผม
   “ เฮ้ย ! ตะวันระวัง ” ผมดึงตัวเขาให้หลบลูก แต่ลูกมันกลับมากระแทกผมซะเอง จนผมล้มลงไปกับพื้น
   “ เมฆ ! เป็นอะไรหรือเปล่า ” ตะวันเข้ามาเขย่าตัวผมเมื่อเห็นผมนอนนิ่ง    ผมปล่อยให้เขาเขย่าตัวอยู่นานก่อนจะลืมตาขึ้นมา “ สลบแบบนี้หรือเปล่า ฮ่าๆๆๆ ”
   จริงๆผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกแค่อยากหยอกเขาเท่านั้นเอง พอเห็นหน้าซีดก็แอบรู้สึกผิดที่แกล้งเขา
   “ เล่นบ้าอะไรเนี่ย ! เราตกใจหมด นิสัยไม่ดีว่ะ ”
   “ เอ่อ…ขอโทษ ”
   “ ที่หลังอย่าเล่นแบบนี้อีกนะ ใจหายหมด เข้าใจไหม! ” กลายเป็นเขาดุผมแทนแล้วตอนนี้
   “ ง่า ไม่แกล้งแล้วๆ ”

   แล้วคนที่เตะฟุตบอลมาทางพวกผมก็เดินมาเพื่อเอาลูกบอลคืน
   “ เอาลูกบอลคืนมาอีตุ๊ด ” คนที่เป็นหัวโจกของห้อง พูดกับตะวันเมื่อตะวันถือลูกบอลไว้ในมือ
   “ นี่ ขอโทษสักคำอะมีไหม ” ตะวันไม่ส่งคืนให้แถมยังต่อล้อต่อเถียงกับพวกนั้นกลับ
   “ ทำไมต้องขอโทษ ก็พวกแกมานั่งตรงนี้เอง เป็นตุ๊ดก็ไปโดดยางกับพวกผู้หญิงนู่น มานั่งทำไมแถวสนามฟุตบอล ”
   “ เราไม่ใช่ตุ๊ดนะ ! ” ตะวันดูเหมือนจะเริ่มโมโหแล้วที่ถูกว่าแบบนี้
   “ ช่างเหอะตะวัน เมฆไม่เป็นไรหรอก คืนเขาไปเหอะ ” ผมพยายามดึงตัวเขาให้ออกมาเพราะไม่อยากให้เขาโดนแกล้งมากไปกว่านี้
   “ เอาแต่ให้คนอื่นคอยปกป้อง แล้วจะบอกว่าไม่ใช่ตุ๊ดได้ไง อีตุ๊ดๆๆๆๆ ” หมอนั่นยังคงล้อเลียนตะวัน ก่อนจะแขวะผมบ้าง “ เมฆ แกก็เป็นตุ๊ดเหมือนกันหรอ ถึงคอยอยู่แต่กับไอ้นี่ หรือเป็นแฟนกัน? ”
   “ จะว่าเราก็ว่าเราแค่คนเดียวจะว่าเมฆด้วยทำไม ไอ้บ้า! ไอ้อ้วน ! ”
   “ หนอย ! เก่งนักหรอ ” ไอ้ยักษ์นั่นตรงเข้ามาจะหาเรื่องตะวัน แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวก็ถูกบอลในมือตะวันปาใส่อย่างแรง
   “ โอ๊ย ! ” หมอนั่นร้องขึ้นอย่างตกใจเหมือนถูกบอลปาอัดใส่ ก่อนจะถูกตะวันผลักให้ล้ม
   “ ไปเหอะเมฆ ! ” แล้วตะวันก็จูงมือผมวิ่งหนีออกมา

   นี่เป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่รู้จักกันมาที่ผมเห็นเขาตอบโต้คนอื่น

   “ แฮ่กๆ ตะวันหยุดก่อน พวกนั้นคงไม่ตามมาแล้ว ” ผมบอกให้เขาหยุดวิ่ง เพราะผมเริ่มหอบ และเมื่อหันไปดูก็ไม่มีใครตามมา
   “ โอ๊ย เหนื่อย แฮ่กๆ ” ตะวันเองก็สภาพไม่ต่างจากผม
   “ ฮู่ว! แล้วนี่ทำไมครั้งนี่ถึงสู้กลับเนี่ย ปกติเห็นใครว่าอะไรก็เดินหนีอย่างเดียว ”
   “ ก็ครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งนี่ ”
   “ ไม่เหมือนยังไง ? ” ผมไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาพูด
   “ ก็ทุกครั้งคนที่โดนมันคือเรา แต่ครั้งนี้เมฆเป็นคนเจ็บตัว แถมพวกนั้นยังมาว่าเมฆอีก เรายอมไม่ได้หรอก ” ตะวันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
   พอฟังอย่างนั้น ผมกลับ… รู้สึกดีแปลกๆ มันบอกไม่ถูก แต่ดีใจที่เขาเป็นห่วงผม
   “ เก่งเหมือนกันนี่ อย่างนี้เมฆไม่ต้องคอยปกป้องแล้วมั้ง ฮ่าๆ ”
   “ ก็บอกแล้วไงว่าดูแลตัวเองได้ แค่เป็นเพื่อนกับเราก็ดีใจมากแล้ว ”
   “ จ้า พ่อคนเก่ง แล้วนี่เอาไงต่อดี กระเป๋าก็ยังอยู่ในโรงเรียนอยู่เลยนะ ” ผมถามเขาเพราะตอนนี้เราวิ่งออกมานอกโรงเรียน แต่ก็ไม่ไกลมาก
   “ เดี๋ยวเราให้คนที่บ้านเข้าไปเอาให้ แล้วนี่เมฆจะกลับบ้านเลยไหม ? ”   “ อื้อ ก็คงกลับเลยแหละ เดี๋ยวแม่เราก็คงมารับแล้ว เฮ้อ! กลับบ้านไปก็เบื่ออีก ” ผมมองดูนาฬิกาก็พบว่าใกล้ถึงเวลาที่แม่ผมจะมารับผมแล้ว
   “ งั้น..ไปเล่นเกมส์ที่บ้านเราไหมล่ะ ? ”
   “ หืม ? จะดีหรอ เราไม่อยากรบกวนที่บ้านตะวัน เดี๋ยวกลับดึกด้วยแม่เราคงไม่ให้หรอก ”
   “ ก็ค้างบ้านเราเลยก็ได้ พรุ่งนี้วันหยุดอยู่แล้ว เดี๋ยวเราให้คุณแม่เราขอให้ก็ได้ ”
   “ แต่ว่า… ”   
   “ นะๆๆ ไปเหอะ เราอยากมีเพื่อนเล่นเกมส์บ้าง ”
   “ กะ..ก็ได้ ถ้าแม่เราให้นะ ”
   “ เย้ ! ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจัดการเอง ”

   หลังจากนั้นตะวันก็ขอให้แม่เขาช่วยพูดกับแม่ของผม ซึ่งแม่ผมก็ยอมให้มา แต่มีข้อแม้คือให้ค้างแค่คืนเดียวเพราะวันอาทิตย์ผมต้องไปธุระกับที่บ้าน
   
   “ สวัสดีครับ รบกวนด้วยนะครับคุณน้า ” ผมยกมือไหว้แม่ตะวันเมื่อมาถึงบ้านเขา
   “ สวัสดีจ้ะ ได้ยินเรื่องของหนูจากตะวันบ่อยๆดีใจจังที่วันนี้ได้เจอ ” ท่านรับไหว้ผมด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น “ ไม่ต้องเรียกคุณน้าหรอก เรียกแม่ก็ได้จ้ะ คนกันเอง ”
   “ ครับผมคุณแม่ ”
   “ คุณแม่คร้าบ วันนี้มีอะไรกินมั่งตะวันหิวจังเลย ” ตะวันเข้าไปอ้อนแม่ของเขา หอมซ้ายทีขวาที
   “ ไปดูเอาเองในครัวนะลูก พาเพื่อนไปกินเข้าไป เดี๋ยวแม่ทำงานก่อน ”
   “ ครับผม ! เมฆมาเร็ว ” ตะวันกึ่งดึงกึ่งลากผมให้เข้าไปในครัว
   พอกินข้าวทำอะไรเสร็จเราก็เล่นเกมส์กัน ซึ่งผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะเล่นเกมส์เก่งขนาดนี้ แข่งกันมาทุกตา ผมไม่ชนะเลยสักตา แอบเสียเซลฟ์เบาๆ ผมไม่เคยแพ้ใครมาก่อนเลยนะ TT 
   “ แพ้อีกล่ะ! ตะวันโกงเราปะเนี่ย ”
   “ บ้า เมฆอ่อนเองต่างหาก เราโกงตรงไหน ” ได้ทีหมอนี่ก็ทำหน้าเหนือใส่ผมยกใหญ่
   “ โด่วงั้นเปลี่ยนเกมส์เลย เลยวินนิ่งดิ ”
   “ เสียใจด้วย เราไม่ชอบฟุตบอล เราไม่ซื้อมาหรอกเกมส์วินนิ่งอะ ฮ่าๆๆ ”
   “ ชิ ! ”
   ในขณะที่เรากำลังเล่นกันเพลินๆจนลืมดูเวลา แม่ตะวันก็เปิดประตูเข้ามา ไล่พวกเราไปนอน
   “ นอนได้แล้วนะเด็กๆ ดึกแล้ว ”
   “ แต่คุณแม่ครับ พรุ่งนี้วันหยุดนะ ขอเล่นต่ออีกหน่อยไม่ได้หรอครับ ”
   “ ไม่ได้ลูก อย่าดื้อสิ ไม่งั้นคราวหลังแม่ไม่ให้พาเพื่อนมาบ้านแล้วนะ ”
   “ ก็ได้ครับ…. ” ตะวันหงอยไปนิดนึง แม่เขาเลยเข้ามากอด “ แม่รักลูกนะ ฝันดีครับคนเก่งของแม่ ”
   “ ตะวันก็รักคุณแม่ครับ ” ตะวันกอดพร้อมหอมแม่เขาอีกครั้ง
   “ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ทำของอร่อยๆให้กินนะ ” ท่านลูบหัวตะวันอย่างเอ็นดูก่อนจะหันมาพูดกับผม “ ฝันดีนะครับเมฆ ”
   “ ฝันดีครับคุณน้า..เอ่อ ฝันดีครับคุณแม่ ”
   “ ปะเมฆ นอนกันเถอะ ”
   “ อื้อ ”

   แต่ถึงจะปิดไฟแล้วเราก็ยังนอนคุยกันต่อ โดยไม่ได้คิดจะนอนจริงๆ ผมเองก็พึ่งจะได้มานอนค้างบ้านเพื่อนเป็นครั้งแรก ตะวันเองก็เหมือนกัน

   “ แล้ววันอาทิตย์เมฆต้องไปไหนกับที่บ้านหรอ ไปเที่ยวสินะ ”
   “ เปล่าหรอก เราต้องไปธุระกับที่บ้านอะ ”
   “ อ๋อนึกว่าไปเที่ยวซะอีก ” ตะวันยังคงหาเรื่องคุยไม่หยุด และไม่มีที่ท่าว่าจะง่วง “ เฮ้อ ! เดี๋ยวก็ต้องขึ้นม.1แล้ว ไม่รู้ว่าจะยังได้อยู่ด้วยกันไหมเนอะ ”
   “ …… ”
   “ อ้าวทำไมเงียบละเมฆ ง่วงแล้วหรอ ”
   “ เปล่าหรอกยังไม่ง่วง  นี่..ตะวัน ”
   “ หืม ? ว่าไงเมฆ ”
   ผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะพูดเรื่องนี้ดีไหม แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะพูด “ พอจบปีนี้แล้วเราคงไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วนะ เราต้องย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ ”
   “ …… ”
   จริงๆผมรู้มาสักพักแล้วว่าต้องย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่ เพราะด้วยความจำเป็นบางอย่าง แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้บอกกับตะวันสักที
   “ เพราะงั้นเราคงไม่ได้อยู่กับตะวันหรอกนะ จริงๆเราก็ไม่อยากไปหรอก ”
   “ งั้นก็ไม่ต้องไปสิ ก็อยู่กับเราก็ได้ แม่เราไม่ว่าหรอก เดี๋ยวเราไปขอแม่เมฆให้ด้วยก็ได้ ”
   “ มันไม่ได้น่ะสิตะวัน เอาน่าเราไม่ได้ไปแล้วไปเลยสักหน่อย เดี๋ยวเราจะขอให้ที่บ้านมาหาตะวันบ่อยๆนะ ”
   “ อื้ม ” ผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เพราะอยู่ดีๆเขาก็หันหน้าไปทางอื่นซะงั้น “ นอนเถอะ เราง่วงแล้ว ”
   “ งั้น….ฝันดีนะตะวัน ” 
   พอผมหันไปอีกฝั่งเคลิ้มๆจะหลับ ก็รู้สึกถึงสัมผัสจากคนข้างๆที่เข้ามากอด
   ตึก ๆ ตึกๆ ! อยู่ดีใจผมก็เต้นแรงแบบไม่มีสาเหตุ
   “ เราเข้าใจแล้ว..อย่าลืมเรานะเมฆ เมฆเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเลยนะ ”
   ผมนิ่งก่อนจะหันไปกอดเขาเหมือนกัน
   “ แน่นอน ตะวันก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเหมือนกัน ”

   ผมตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองอยู่นาน พอคิดถึงเรื่องเก่าๆแล้ว ตอนนั้นผมน่าจะรู้เร็วกว่านี้ว่าคำว่ารักคืออะไร ผมรักตะวัน ไม่ใช่รักแค่แบบเพื่อน แต่ผมอยากอยู่ข้างๆเขา อยากดูแลเขา อยากมีความสุขร่วมกับเขา
   งั้นผมจะยอมแพ้อย่างนี้ไม่ได้สินะ ! แต่ก็ยังแอบเฮิร์ทกับภาพที่พึ่งเห็นมาอยู่ดีอ่ะ TT

   “ เมฆโอเคขึ้นยัง ”
   “ อื้อ..แต่เซ็งอะ อยากกินเหล้า ”
   ผมอยากกินจริงๆนะ เพื่อบางทีเมาแล้วผมจะได้ไม่ต้องคิดมาก
   “ เอางั้นหรอ ? งั้นก็ไป ไม่ต้องทำงานละวันนี้ เท ” บี ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มผมตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “ ไปๆพวกเราเก็บของ เดี๋ยวโต๊ะเต็ม ! ”
   “ รับทราบ ! ” ทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะแยกย้ายไปเก็บของ
   
   เมื่อมาถึงร้านผมก็ซัดเต็มที่จนรู้สึกเริ่มมึนๆ พอยิ่งกินผมกลับยิ่งคิดถึงตะวัน ผมจ้องโทรศัพท์อยู่นานก่อนจะตัดสินใจโทรหาเขา
   “ ฮัลโหล ว่าไงเมฆ ” ตะวันรับสายผมเสียงเพลียๆ สงสัยจะซ้อมมาเหนื่อย
   “ เลิกซ้อมยังตะวัน ”
   “ พึ่งเลิกเลยเนี่ย เมฆมีอะไรหรือเปล่า ? ”
   “ไม่มีอะไรหรอก เมฆแค่..เอ่อ…เมฆจะชวนมาเที่ยวด้วยกันเฉยๆ ”
   “ อ้าว ! นี่ไปร้านเหล้าหรอ งานเสร็จแล้วหรือไง ? ”
   “ ยัง แต่อยากมา แล้วตะวันมาไหมล่ะ ”
   “ ไม่ไปอ่ะ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกับเชนต่อ นี่กำลังรอเชนมารับ เมฆเที่ยวไปเถอะ ”
   “ อ๋อ…งั้นหรอ อืมๆไม่เป็นไรงั้นแค่นี้นะ ”
   “ อื้อ ถ้ากลับไม่ไหวก็โทรมานะ เดี๋ยวไปรับ ”
   “ ครับ.. ”
   เฮอะ ! อยู่กับนายเชนอีกแล้ว ก็เขาเป็นแฟนกันนี่เนอะ ทำไงได้ล่ะ

   ยิ่งคิดยิ่งเซ็งหนัก หงุดหงิดโว้ย!
   “ เมฆๆ เบาหน่อย แดกเป็นน้ำเปล่าเชียวนะ มันเปลือง ! ”   
   “ ชงมาเข้มๆเลยก้อง ใส่ครึ่งแก้วไปเลย ! ไม่พอเดี๋ยวจ่ายเอง ”
   “ เอางั้นหรอ =_= ” ก้องทำหน้าขยาดเมื่อเห็นผมกระดกเอาๆ “ ใจเย็นนะเมฆ เราเห็นแล้วบาดคอแทน ”
   “ เอาเหอะน่า อยากเมา เอามานี่ เดี๋ยวเทเอง ” เมื่อเพื่อนยึกยักไม่ยอมเทให้ ผมเลยจัดการเองซะเลย
   “ เอาว่ะ สงสัยจะเฮิร์ท อาการแบบนี้ ” บีแซวขึ้นมา เมื่อเห็นอาการผม
   ใช่สิ เฮิร์ท ! T_T

   แล้วงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา พอร้านปิดผมก็เลยต้องกลับ แต่สภาพผมตอนนี้โครตมึนเลย โทรหาตะวันก็ไม่รับ ไหนบอกจะมารับไง เฮ้อ..
   พอเข้าห้องมาก็พบว่าตะวันยังไม่กลับมา ไปกินข้าวหรือไปกินอะไรกันแน่ ดึกขนาดนี้ยังไม่อิ่มอีกหรือไง
   ผมรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าที่เคยเป็น อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ด้วยที่ทำให้เป็นแบบนี้ ผมเลยเปิดลิ้นชักหยิบบุหรี่ออกมามวนนึงเพื่ออกไปสูบที่ระเบียง จริงๆผมไม่ค่อยดูหรอก ถ้าไม่เซ็งมากจริงๆ
   ขณะที่กำลังคิดไรเรื่อยเปื่อยก็เห็นตะวันเดินจับมือกับนายเชนเข้าหอมาพอดี ผมก็เลยดับบุหรี่แล้วไปนั่งรอเขาในห้อง
   “ อ้าวเมฆ กลับมาแล้วหรอ ว่าจะโทรหาพอดีว่าถึงห้องยัง ” ตะวันเข้าห้องมาแล้วก็เดินไปเก็บของที่โต๊ะของเขา
   “ ทำไมกินตะวันกลับดึกจัง หึ กินข้าวหรือกินอะไรกันแน่ ”
   “ ก็กินข้าวสิ ไม่กินข้าวจะให้เรากินอะไร คนมันเยอะก็เลยดึก ” เขานั่งเขียนอะไรไม่รู้ที่โต๊ะ โดยไม่ได้หันหน้ามาคุยกับผม
   “ ไหนบอกจะมารับเมฆไง โทรไปไม่เห็นรับ ”
   “ เราไม่ได้ยินอะ ”
   “ ไม่ได้ยินหรือไม่อยากรับกันแน่ ! ”
   “ นี่เมฆเป็นอะไรของเมฆเนี่ย เราไม่ได้ยินจริงๆนี่นา ” เขาหันมาพูดกับผมแล้วตอนนี้
   “ โกหก ! ” 
   “ โว้ย ! ตามใจ ถ้าเมาก็ไปอาบน้ำนอน มาหาเรื่องเราทำไมเนี่ย เซ็งว่ะ ไม่อยู่ละงั้น ” พูดเสร็จตะวันก็เดินไปที่ประตู ผมไม่รู้ว่าเขาจะไปไหนก็เลยรีบไปดึงเขาแล้วกอดเขาไว้
   “ จะไปไหนอ่ะ จะไปหาเชนหรอ ไม่ไปได้ไหม ” ผมห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้แล้วก็เลยปล่อยตัวเองไปตามความคิด
   “ เมฆปล่อยเรานะ ” เขาพยายามดิ้นให้หลุด “ นี่เมฆสูบบุหรี่ด้วยหรอ ”
   “ ตอบก่อนจะไปไหน เมฆไม่ให้ไป ไม่เอา! ”
   “ เมฆ ! มีสติหน่อย เป็นบ้าอะไรเนี่ย ”
   “ เออ ! เมฆเป็นบ้า ก็เป็นบ้าเพราะตะวันเนี่ยแหละ ”
   “ เราไปทำอะไรให้ ” เขายิ่งดิ้นเมื่อผมกอดเขาแน่นขึ้น “ โอ๊ย! ปล่อย ”
   เขาเอาศอกกระแทกเข้าที่ท้องผมอย่างแรงจนผมเซล้มไปที่พื้น
   “ เมฆ ! เป็นอะไรหรือเปล่า เราขอโทษ ” เขารีบเข้ามาดูเมื่อเห็นผมล้มลงไป “ เจ็บมากไหม อุ๊บ ! ”
   เขายังไม่ทันพูดอะไรจบก็ถูกปิดปากด้วยริมฝีปากผม เขานิ่งไปด้วยความตกใจก่อนจะผลักผมออกอีกครั้ง
   “ เมฆทำอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย ! ”
   “ รู้สิ ! เมฆรู้ดีว่าเมฆกำลังทำอะไรอยู่ ”ผมพูดก่อนจะเหวี่ยงเขาขึ้นไปบนเตียงแล้วคร่อมเขา
   “ เมฆก็กำลังทำให้ตะวันเป็นของเมฆไง !  ”


คำคมท้ายบท : If you love someone, be brave enough to tell them,
otherwise, be brave enough to watch them be loved
by someone else.
( หากคุณรักใครสักคน คุณมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือ หนึ่ง จงเข้มแข็งพอที่จะบอกเขา
หรือสอง จงเข้มแข็งพอที่จะมองเขารักกับคนอื่น )

-TBC-
   ของมึนเมาอาจทำให้เราขาดสติขาดความยับยั้งชั่งใจ แต่เมฆคงอดทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ -..- ยังไงก็มารอดูกันนะครับว่าตะวันของเราจะโดนแค่จูบหรือเปล่า อิอิ เจอกันตอนหน้าจ้าออเจ้า
  :katai4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 16 วันวาน [ 20/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-03-2018 22:52:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 16 วันวาน [ 20/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-03-2018 23:16:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 16 วันวาน [ 20/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: violetvista ที่ 21-03-2018 18:15:42
รอจ้า
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 16 วันวาน [ 20/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 22-03-2018 16:35:32
เป็นตะวันนี่คุ้มจริงๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re:My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม:บทที่ 17 ไม่เหมือนเดิม [24/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 24-03-2018 17:32:08
บทที่ 17
ไม่เหมือนเดิม

   “ เมฆปล่อยเราเหอะนะ ”
   ตอนนี้ผมขยับไม่ได้เลยเพราะถูกเมฆขึงไว้บนเตียง
   “ ไม่ปล่อย ! ” เขากดมือผมแน่นกว่าเดิม “ เมฆจะไม่ยอมปล่อยตะวันไปอีกแล้ว ”
   พูดจบเขาก็ก้มลงมาไซร้คอผม
   “ เมฆ ! หยุดเถอะนะ ใครก็ได้ ชะ.. ” ยังไม่ทันที่ผมจะร้องขอความช่วยเหลือจากใครผมก็โดนเขาจูบอีกครั้ง ยิ่งผมเม้มปากแน่นแค่ไหน เขาก็จูบผมรุนแรงขึ้น แล้วเขาก็ถอดเสื้อของเขาออกก่อนจะพยายามถอดเสื้อผม 
   “ หยุดนะเมฆ ! เฮ้ย ! ” ด้วยความที่สู้แรงเขาไม่ไหว เสื้อผมก็หลุดออกจากตัวแล้วโดนเหวี่ยงไปที่พื้น
   นี่เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ย ! เมาแล้วไม่มีสติขนาดนี้เลยหรอ ผมจะต้องเสียตัวให้เขาไหมเนี่ย TT
   “ เราไม่ไปไหนแล้ว เมฆปล่อยเราเหอะ เราเริ่มกลัวเมฆแล้วนะ.. ”
   ตอนนี้ผมกลัวเขาจริงๆนะ ผมลองพยายามพูดดีๆกับเขาดู ซึ่งมันก็ได้ผล ! เขาเริ่มปล่อยมือผมออก
   “ จริงนะ.. ไม่ไปแล้วจริงๆนะ ” เสียงเขาเริ่มอ่อนลงแล้วมีน้ำตารื้นออกมา
   “ อื้อ ไม่ไปแล้ว  แต่เมฆก็ห้ามทำอะไรเราแล้วนะ ไม่งั้นเราจะไม่ยุ่งกับเมฆอีก ”
   “ ไม่ทำแล้ว .. ” เขาหลบหน้าผม เหมือนพึ่งเรียกสติตัวเองกลับมาได้ “ ตะวัน ”
   “ ว่าไง ”
   เขาเรียกผมแล้วก็เงียบไป ตอนแรกผมก็โกรธเขานะ แต่พอเห็นเขาตอนนี้แล้ว ผมกลับโกรธเขาไม่ลง
   “ เมฆ.... ฮือ TOT ” เขาเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดออกมา แต่กลับร้องไห้ออกมาแทน
   ทำไมอารมณ์มันแปรปรวนแบบนี้เนี่ย =_=
   “ เมฆไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นกับตะวันนะ เมฆ…ฮึก เมฆขอโทษ ตะวันอย่าโกรธเมฆนะ อย่าเลิกยุ่งกับเมฆเลยนะ ” เมฆสะอึกสะอื้นร้องไห้เป็นเด็กๆ
   “ รู้แล้ว แต่บอกเราก่อน ทำไมอยู่ดีๆมาทำแบบนี้ ”
   “ เมฆแค่หวง… ”
   “ หวง ? หวงอะไรเมฆ ” หมายความว่ายังไง เขาหวงอะไรของเขากัน
   “ เมฆหวงตะวันไง ทั้งหวงแล้วก็หึง ตะวันดูไม่รู้หรอ ! ”
   “ !!!! ”
   นี่ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม เขาหึงผมหรอ ทำไมกัน !
   “ เอ่อ…เมฆเมาใช่ไหม ” หรือที่เขาพูดมาเพราะเขาเมากันแน่นะ
   “ ไม่ใช่ ! เมฆรู้ตัวดีว่าเมฆกำลังพูดอะไรอยู่ ” เมฆจับมือผม เขาเม้มปากแน่นก่อนจะพูดต่อ “ เมฆว่า..เมฆคิดกับตะวันมากกว่าเพื่อนนะ ”
   นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ! เมฆคิดกับผมมากกว่าเพื่อนงั้นหรอ !
   “ แล้วตะวันล่ะ รู้สึกอะไรกับเมฆบ้างไหม ”
   “ เมฆ…คือเรา ” ผมพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ในหัวผมมันตีกันยุ่งไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมสับสนไปหมดแล้ว
   “ ว่าไงละ.. ตะวันรักเมฆบ้างไหม.. ” เขาจ้องผมนิ่ง
   ผมเองก็เงียบอยู่นานก่อนจะตอบเขา “ เมฆ เราขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆนะ แต่ว่าเราคบกับเชนอยู่ เราเป็นเพื่อนกันเนี่ยแหละดีแล้ว..ขอโทษด้วยนะเมฆ ” 
   พอผมพูดจบ สายตาที่เขามองผมมันเต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวัง
   “ อย่างนั้นหรอ.. เมฆเข้าใจแล้ว ” เขายิ้มให้ผม แต่มันกลับดูเป็นรอยยิ้มที่ดูฝืนมากๆจนผมรู้สึกได้ “ งั้นไปอาบน้ำนอนเถอะ เรื่องวันนี้ที่เกิดขึ้นเมฆขอโทษนะ ลืมมันไปแล้วกัน ”
   “ อื้อ..ฝันดีนะเมฆ ”

   เราเองก็ขอโทษนะเมฆที่ต้องปฏิเสธ เราไม่อยากรู้สึกผิดกับเชน ถ้าเมฆบอกเราเร็วกว่านี้ก็คงดี..

   หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับเมฆในวันนั้น นี่ก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว ผมกลับรู้สึกได้ว่าเมฆพยายามหลบหน้าผม เขาแทบไม่กลับมาห้องในเวลาที่ผมอยู่ เราเจอกันน้อยมากจนผมนับครั้งได้ บางวันกลับมาเจอผมก็รีบเอาของแล้วก็อ้างว่าต้องไปทำงาน แม้จะได้คุยกันบ้างแต่ก็เป็นการถามคำตอบคำซะส่วนใหญ่ เป็นอย่างนี้เรื่อยๆจนผมรู้สึกอึดอัด แถมสองวันที่ผ่านมานี้เขาก็ไม่กลับมาห้องเลย ข้าวของก็ไม่ขยับจากที่เดิม

   “ ตะวันเป็นอะไรครับ ดูเหม่อๆนะ ”
   “ หืม ? อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกเชน เราแค่คิดอะไรนิดหน่อย ”
   ช่วงนี้เชนตัวติดผมตลอดเวลา เพราะเราผ่านช่วงงานสปอร์ตเดย์มาแล้ว ซึ่งผลออกมาคือคณะผมแพ้ แม้จะเสียใจที่แพ้แต่ก็รับได้เพราะคณะที่ได้ที่หนึ่งสมควรได้รางวัลจริงๆ แต่เหตุผลจริงๆที่เขามาอยู่เป็นเพื่อนผมบ่อยๆเพราะพวกเพื่อนผมคนอื่นๆก็ยุ่งๆเนื่องจากใกล้วันประกวดดาวเดือนมหาลัยแล้ว จิ้ปกับพัดชาเลยไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับผมสักเท่าไหร่ 
   “ แหนะ ! คิดถึงใครหรือเปล่า นอกใจเชนหรอ ”
   “ ใช่.. เอ้ย ! ไม่ใช่ ”
   “ สรุปใช่หรือไม่ใช่หืมไอ้ตัวแสบ ” เชนหยิกแก้มผมอีกแล้ว
   “ แง้ เจ็บนะ จะใช่ได้ไงล่ะ พูดเล่นต่างหาก ” 
   ตั้งแต่คบกันมานี่โดนหยิกจนแก้มช้ำแล้วนะ ) =_= (
   “ ฮ่าๆๆ รู้แล้วน่า เชนหยอกเล่น ” เขาหัวเราะร่วนก่อนจะหอมแก้มผมฟอดใหญ่
   “ นี่ ! มาหอมแก้มเราทำไม อายคนอื่นเขา ”
   “ ไม่มีใครมองสักหน่อย ห้องสมุดเวลานี้มีคนที่ไหน ”
   ผมมองซ้ายมองขวาก็จริงอย่างที่เขาว่า ห้องสมุดตอนนี้เงียบกว่าป่าช้าอีก
   “ นั่นแหละ ก็ควรทำในที่ลับตาอยู่ดีไหม ”
   “ งั้นไปแถวชั้นหนังสือไหม น่าจะลับตาอยู่นะ ” เชนยิ้มกรุ้มกริ่ม “ แข็งหมดแล้วเนี่ยตอนนี้ ”
   “ ทะลึ่ง ! ”
   “  เชนหมายถึงตาแข็งต่างหาก เมื่อเช้ากินกาแฟมาตั้งสองแก้ว ” เชนอมยิ้มเล็กน้อย “ ตะวันคิดว่าอะไรแข็งหรอ : ) ”
    “ กะ..ก็ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ”
   
   ผมเสียรู้เขาจนได้ เขาชอบทำให้ดูเป็นคนคิดลึกตลอดเลย TT
   
   “ จะลองจับดูก็ได้นะ จะได้รู้ไงว่าแข็งไม่แข็ง ” เชนขว้ามือผมเพื่อจะให้พิสูจน์ความแข็ง( ของตา ) แต่ผมชักมือออกไวกว่า
   “ โหยใจร้ายจัง แฟนจับมือนิดหน่อยก็ไม่ยอมให้จับ ”
   เชนบ่นน้อยอกน้อยใจพร้อมทำหน้าทำตาดูน่าสงสารสุดๆ เฮ้อ! เล่นละครเก่งจริงๆ ปรบมือให้เลย แปะๆๆ
   เชนนั่งเล่นกับผมอยู่พักนึงก็ขอตัวไปทำธุระ ผมเลยกะว่าจะไปนั่งดูเพื่อนๆซ้อมงานดาวเดือนต่อ แม้จริงๆจะไม่อยากไปก็ตาม กลัวโดนลากไปบ้านผีสิงบ้าบอนั่นอีก แต่จะให้กลับห้องก็เบื่อ
   ว่าแต่ป่านนี้เมฆจะทำอะไรอยู่นะ ลองชวนไปกินข้าวดีกว่า

   Tawan : เมฆว่างไหม ไปกินข้าวกัน

   ผมส่งไลน์ไปหาเขา รออยู่นานแต่เขาก็ไม่ตอบแถมยังไม่อ่านอีกต่างหาก
   
   Tawan : เมฆ
   Tawan : ฮัลโหล
   Tawan : เมฆตอบหน่อย
   Tawan : เมฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆฆ

   ไม่ว่าจะส่งไปเยอะแค่ไหนก็ไม่มีที่ท่าว่าคนที่ผมต้องการจะคุยจะตอบกลับเลย
   “ อะไรของเขา โทรก็ได้ว่ะ ”

   ‘ ขอโทษค่ะ ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้ Sorry.. ’

   “ ทำไมมันติดต่อยากเย็นขนาดนี้ ปิดเครื่องหรือบล็อคเบอร์กันแน่ว่ะเนี่ย ” ผมเริ่มหงุดหงิดที่ติดต่อเขาไม่ได้
   จริงๆแล้วผมอยากให้เขาเป็นเหมือนเดิม ไม่อยากให้เขาหลบหน้าหลบตาผมแบบนี้เลย ผมไม่ชอบความอึดอัด เฮ้อ!จะทำยังไงดีนะ
   พอคิดอยู่สักพักผมก็ตัดสินใจว่ายังไงวันนี้ผมก็ต้องทำให้เขากลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้ ไม่งั้นผมคงเสียเพื่อนคนนี้ไปแน่ๆ
   งั้นตอนนี้เมฆอาจอยู่ที่คณะ ผมเลยตรงไปที่คณะเมฆทันที

   18.30 น. คณะสถาปัตย์
   
   แล้วผมก็มาถึงที่คณะของเมฆ แต่พอมาถึงผมก็ลังเลตั้งนานว่าจะเข้าไปดีไหม แต่สุดท้ายก็เข้าไปจนได้ ที่ตึกคณะนี้แม้จะเย็นแล้วแต่ก็มีนักศึกษานั่งทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก แล้วผมจะหาเจอไหมเนี่ย
   “ ขอโทษนะครับ เอ่อ..ปีหนึ่งส่วนมากนั่งทำงานกันตรงไหนครับ ” ผมเดินเข้าไปทักผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ดูจากทรงแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่
   เธอเงยหน้าจากงานมองผมอย่างงงๆก่อนจะชี้ไป โต๊ะที่มีกลุ่มคนนั่งกันอยู่
   “ ขอบคุณครับ ” ผมเลยเดินไปตามที่พี่เขาชี้และพยายามมองหาเมฆแต่ก็ไม่เจอ
   “ ตะวัน ? ”
   เสียงหนึ่งเรียกผมจากข้างหลัง พอหันไปดูก็พบว่าเป็นก้องเมทเชนนี่เอง
   “ อ้าวก้อง ! สวัสดี ”
   “ อื้อ ดีๆ ตะวันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ”
   ผมกับก้องพอจะรู้จักกันอยู่ เพราะเชนพาผมไปนั่งเล่นที่ห้องบ่อยๆก็เลยได้คุยกันบ้าง
   “ เรามาหาเมฆอ่ะ เมฆอยู่หรือเปล่า ” 
   “ ไม่อยู่หรอก นี่เมฆก็ไม่มาเรียนตั้งสองวันแล้ว ”
   “ แล้วติดต่อได้หรือเปล่า ? ”
    แปลกจัง ไม่มาเรียนแล้วไปไหนของเขานะ
   “ ไม่มีใครติดต่อได้เลย ไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ปิดเครื่อง นี่เขาตามหากันให้วุ่นวายไปหมด เพราะต้องมาซ้อมงานดาวเดือน รุ่นพี่เราจะร้องไห้อยู่แล้วเนี่ย ” ก้องทำหน้าหนักใจ
   หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับเมฆนะ
   “ งั้นหรอ งั้นไม่เป็นไรเดี๋ยวเราลองไปหาดู เอ่อ..ก้อง ”
   “ หืม ”
   “ ก้องอย่าเล่าให้เชนฟังนะว่าเรามาตามหาเมฆอะ ”\
   “ อื้อ เราไม่บอกหรอก แต่ถ้าเจอเมฆก็บอกให้เรารู้หน่อยนะ เพื่อนๆทุกคนจะได้ไม่เป็นห่วงมาก ”
   “ ได้ ๆ ขอบคุณนะ งั้นเราไปก่อนละกัน ”
   ผมคิดไม่ตกเลยตอนนี้ว่าเมฆเขาจะหายไปไหน นี่ผมเริ่มกังวลแล้วนะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไง
   ขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าเขาจะไปที่ไหนบ้าง ก็มีผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหาผม นี่มันพวกกลุ่มปูเป้นี่
   “ นาย ตามมานี่หน่อย เพื่อนฉันมีอะไรอยากคุยด้วย ” คนที่ชื่อปอยพูดกับผมด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
   จะทำหน้าหยิ่งอะไรนักหนา ตึงโบท็อกซ์หรือไง
   “ เพื่อนเธอใครหรอ แล้วทำไมเราต้องไปคุยด้วย  ไม่ไป! ”
   “ เอ๊ะ ! บอกให้มาก็มาเถอะ ” ยัยชะนีเจนเพื่อนซี้อีกคนของปูเป้ขึ้นเสียงใส่ผมเมื่อผมไม่ยอมไปตามที่เจ้าหล่อนบอก
   “ นี่ ! อย่ามาขึ้นเสียงใส่นะ ถ้าเพื่อนเธออยากคุยก็ให้เดินมาหาเราเองสิ เราไม่เดินไปหรอก ขี้เกียจ ”
   “ หนอย ! เรื่องมากนะแก เจนช่วยกันลากไปเถอะ ”
   แล้วยัยสองคนนี้ก็เข้ามาหิ้วปีกผมคนละข้าง ผู้หญิงอะไรวะแรงเยอะชะมัด
   “ ปล่อยนะ ” ผมพยายามขัดขืน แต่ก็สู้มือที่เหนียวประดุจตุ๊กแกของยัยพวกนี้ไม่ได้ “ โอ๊ย เจ็บๆๆ บอกให้ปล่อยไงยัยชะนียักษ์ ยัยหน้าตึงโบท็อกซ์ ”
   แม้จะร้องดังแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้รับความอนุเคราะห์จากทั้งสองคนนี้ สุดท้ายก็โดนลากมาโต๊ะที่ปูเป้นั่งรออยู่แล้ว
   “ นั่งก่อนสิ : ) ” ปูเป้ยิ้มให้ผม ซึ่งผิดกับสิ่งที่ควรจะเป็นมากๆ =_=
   “ ไม่เอา ไม่นั่ง มีอะไรก็พูดมา ”
   “ นั่งก่อนเถอะ วันนี้จะมาคุยดีๆด้วย ”
   “ เนี่ยหรอคุยดีๆ ให้ยัยหมีควายสองตัวนี้ลากฉันมาเนี่ยนะ ! ”
   “ จะคุยเรื่องเมฆ ” ปูเป้พูดสวนขึ้นมานิ่งๆ “ เพราะงั้นจะนั่งได้หรือยัง ”
   “ …. ”
   ผมไม่ได้ตอบ แต่ก็ยอมนั่งตามที่เธอบอก ก่อนที่เพื่อนนางอีกสองคนจะไปนั่งข้างๆปูเป้
   “ งั้นจะคุยอะไรก็ว่ามา ”
   “ เมฆอยู่ไหน ? ”
   อะไรกัน แม่นี่ก็ติดต่อเมฆไม่ได้เหมือนกันหรอ
   “ ไม่รู้สิ ฉันก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ”
   “ ตอแหล ! ” หล่อนเริ่มขึ้นเสียง “ แกกีดกันฉันไม่ให้เจอเมฆใช่ไหม ! ”
   “ นี่ ! ฉันไม่รู้จริงๆฉันก็ตามหาตัวเมฆอยู่เหมือนกัน ” ผมเถียงกลับ “ อีกอย่างฉันจะไปกัดกันเธอทำไม ”
   “ ไม่จริง ! แกเอาเมฆไปซ่อนแน่ๆ ! แกเกลียดฉัน แกจะแย่งเมฆไปจากฉัน ! ” จากตอนแรกที่ยิ้มๆ ตอนนี้ปูเป้กลับเหมือนเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง แต่ยังไม่ถึงขั้นอาละวาดเพราะเพื่อนๆเธอช่วยกันพูดให้ใจเย็น
   “ โอ๊ย ! เป็นบ้าหรือไง ช่วยมีสติหน่อยได้ไหม ” ผมพูดอย่างเหลืออด “ ถ้าจะแค่มาเหวี่ยงใส่งั้นฉันไปล่ะ เสียเวลา ”
   ปึก !
   พอผมหันหลังปุ๊ปก็โดนปูเป้เขวี้ยงหนังสือใส่อย่างแรง
   “ ฉันยังไม่ได้บอกให้แกไป หันกลับมาเดี๋ยวนี้นะไอ้คนผิดเพศ ”
   แล้วความอดทนทั้งหมดของผมก็ขาดลงเมื่อผมโดนกระทำแบบนี้
   “ หึ ! ผิดเพศแล้วไงหรอ อย่างน้อยฉันก็เป็นคนปกติไม่ได้เป็นบ้าเหมือนเธอ ฉันว่าเธอเอาเวลาที่จะหาเรื่องคนอื่นไปหาหมอเพื่อรักษาโรคของเธอดีกว่านะ ที่ๆเธอควรอยู่มันคือโรงพยาบาล ไม่ใช่มหาลัย ! ” ผมโต้ตอบกลับแรงๆบ้าง จะได้รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำมันไม่ถูกต้อง
   “ กรี๊ดดดด ! แกไปรู้เรื่องอะไรมา ใครบอกอะไรแกใช่ไหม กรี๊ดๆๆๆ ฉันจะฆ่าแก ” ปูเป้หวีดร้องออกมาเมื่อโดนต่อว่าก่อนจะพยายามพุ่งตัวมาทำร้ายผม แต่ก็ถูกเพื่อนของหล่อนจับไว้ก่อน
   “ เป้!ใจเย็นๆนะ ” เจนพยายามล็อคตัวปูเป้ไว้ “ แก ! ขอโทษปูเป้เดี๋ยวนี้เลยนะ ทำไมต้องว่าเพื่อนฉันด้วย ”
   “ ก็เพื่อนเธอทำนิสัยแบบนี้ก่อนทำไม ฉันไม่ผิด ไม่ขอโทษ เชิญเป็นบ้าไปเลย ” ผมไม่สนใจหรอก ผมเลยเก็บหนังสือที่เธอปามา วางบนโต๊ะเหมือนเดิม “ เอ้า ! หนังสืออะ หัดอ่านบำรุงสมองซะบ้าง ไม่ใช่มัวแต่บำรุงหนังหน้า เพราะถ้าสมองเธอไม่ได้พัฒนา หนังหน้าก็ไม่ได้ช่วยอะไร บาย ”
   “ เจน ปล่อย ! ฉันจะตบมัน ฉันจะตบมัน ! ”
   “ ปอย ช่วยฉันจับปูเป้ที TT ” เจนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนนางเมื่อสู้แรงปูเป้ไม่ไหว
   “ ฝากไว้ก่อนเถอะตะวัน ฉันเกลียดแก กรี๊ดดด! โอ๊ย ใครโทรมาอีกเนี่ย ฮัลโหล ! ” ปูเป้แม้จะตะโกนว่าผมแต่ก็ยังมีอารมณ์รับโทรศัพท์ ผมนี่นับถือจริงๆเลย =_=
   “ ค่ะ…ทราบแล้วค่ะคุณพ่อ หนูจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ….ไปกันเจน ปอย ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณพ่อ ” ปูเป้วางสายก่อนจะรีบร้อนออกไปพร้อมเพื่อนทั้งสองของเธอ
   ไปซะได้ก็ดี ชิ น่าหงุดหงิดชะมัด !
   
   หลังจากเจอเรื่องบ้าบอมาผมก็ตรงไปหาพวกเพื่อนๆผมทันที อยากระบายให้ฟังจะแย่ละ
   “ โว้ย ! หงุดหงิด ” พอเปิดเข้าห้องซ้อมมาผมก็ตะโกนออกมาเพื่อระบายความหงุดหงิดของตัวเอง “ วันนี้วันอะไรเนี่ย พระราหูเข้าแทรกดวงชะตาหรือยังไงกันนะ ”
   “ แหมๆ เป็นอะไรจ๊ะ สามีไม่ทำการบ้านหรอ ” พัดชาถามขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีของผม
   “ ใช่ที่ไหนล่ะ โดนยัยปูเป้หาเรื่องมาอีกแล้วน่ะสิ ”
   “ ห๊ะ ! เมื่อไหร่ ” จิ้ปกับพัดชาร้องขึ้นมาพร้อมกันเมื่อรู้สาเหตุของการอารมณ์เสียของผม
   “ แล้วนี่เป็นไงบ้างหรือเปล่า นางทำอะไรไหมรอบนี้ ” จิ้ปรีบเข้ามาเช็คสถาพร่างกายผมว่าบาดเจ็บตรงไหนไหม
   “ ไม่เป็นอะไรมากหรอก โดนปาหนังสือใส่ แต่ก็ไม่ค่อยเจ็บ ”
   “ ก็คงงั้น หนังหนาอย่างกับแรดจะตาย ” ส้มโอได้ทีก็แอบแขวะผมบ้าง
   “ อันนี้เราเห็นด้วยนะ ” โอ๊ตเองก็สมทบด้วย
   “ นี่โอ๊ต ส้มโอ ฉันเป็นเพื่อนพวกแกหรือเปล่าเนี่ย ! ” ผมพึ่งสังเกต ทำไมห้องนี้มันมีแต่หน้าเดิมๆเนี่ย “ พวกเพื่อนเราคนอื่นๆละ ไม่มาดูหรอ ทำไมเจอแต่พวกแก ”
   “ คนอื่นเขามาช่วยกันจนแยกไปทำงานกันหมดแล้วจ้า แกทำรายงานส่วนของแกยังเนี่ยตะวัน ”
   “ ง่า ลืมเลย TT เดี๋ยวเร่งทำแล้วจะส่งให้นะพัดชา ” โอ้มายก็อด ลืมไปเลยว่าตัวเองก็มีงานเหมือนกัน
   “ ย่ะ ! อยู่แต่กับผู้ชาย ถ้าส่งไม่ทันฉันจะเอาชื่อแกออกจากกลุ่ม ”
   เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมก็เลยเปิดโทรศัพท์หาข้อมูลทำรายงานไปพลางๆ แต่ในจังหวะที่หาข้อมูลอยู่ก้องก็ไลน์มา
   Kongkung : ตะวัน เราติดต่อเมฆได้แล้วนะ
   Tawan : จริงหรอ ! แล้วเมฆหายไปไหนมา
   Kongkung : ตอนนี้เมฆอยู่โรงพยาบาล เมฆเข้าโรงบาลมา 3 วันแล้วตะวัน
   Tawan : ห๊ะ ! ได้ไงแล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า
   Kongkung : เราก็ไม่รู้เหมือนกัน มันไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร -_-
   Tawan : แล้วอยู่โรงพยาบาลไหน เมฆได้บอกหรือเปล่า ?
  Kongkung : บอกๆ อยู่โรงพยาบาล BK แถวมหาลัย
  Tawan : โอเค ขอบคุณมากนะก้อง
  Kongkung : อื้อ ถ้าไปฝากเยี่ยมด้วยนะ พวกเราติดทำงานคงไม่ได้ไป
   Tawan : ได้ๆเดี๋ยวเราบอกให้

   “ อ้าว เก็บของรีบจ๊ะคุณตะวัน ” พัดชาถามเมื่อเห็นผมรีบยัดทุกอย่างเข้ากระเป๋า
   “ ไปโรงพยาบาล ไปก่อนนะพวกแก ”

   จะเป็นอะไรมากไหมนะเมฆ เราจะรีบไปหาดี๋ยวนี้แหละ



คำคมท้ายบท : มันยากที่จะแสร้งทำเป็นรักคนที่เราไม่ได้รัก แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่าคือการแสร้งทำเป็นไม่รักในขณะที่เรารักเขาแทบตาย

- TBC -
ในที่สุดปูเป้ก็กลับมาแล้ว นางจัดเต็มแน่นอน แต่ตะวันของเราจะโต้กลับยังไงก็ติดตามกันต่อนะครับ ฝากกดถูกใจให้กำลังใจกันด้วยนะครับ คิดเห็นยังไงก็คอมเม้นท์ได้เช่นเดิมน้า ผิดพลาดหรือไม่ถูกใจประการใดก็ขออภัยมาใน ณ ทีนี้ด้วยครับ

หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 17 ไม่เหมือนเดิม [ 24/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-03-2018 17:56:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 17 ไม่เหมือนเดิม [ 24/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Wicvodca ที่ 26-03-2018 20:54:01
อีปูเป้ อีโรคจิต
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 17 ไม่เหมือนเดิม [ 24/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: violetvista ที่ 27-03-2018 18:47:18
รอตอนต่อไปอยู่น้า
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 17 ไม่เหมือนเดิม [ 24/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-03-2018 23:12:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ฺBluemoon ที่ 30-03-2018 19:53:05
บทที่ 18
เคลียร์

   “ ไปโรงพยาบาล BK ครับ ”
   ผมตรงไปโรงพยาบาลทันทีที่รู้ว่าเมฆเข้าโรงบาล พอโทรเข้าเครื่องเขารอบนี้ก็ติดแล้ว แต่ดันไม่รับซะนี่
   “ แล้วจะรู้ไหมเนี่ยว่าอยู่ห้องไหน เฮ้อ ! เมฆนะเมฆ ”
   ผมกดโทรหาเขาตลอดการเดินทาง แต่ก็ไม่มีคนรับสายเหมือนเดิม หรือว่าจะหลับนะ แล้วไปเวลานี้โรงพยาบาลจะให้เยี่ยมไหมเนี่ย
   “ นี่ครับไม่ต้องทอน ” ในที่สุดผมก็ถึงโรงพยาบาลสักที หวังว่าจะยังทันเวลาเยี่ยมนะ

   “ สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า เมฆา อัศวไพศาล อยู่ที่ห้องไหนหรอครับ ”
   “ สักครู่นะคะ ” พยาบาลยิ้มแย้มก่อนดูข้อมูล แสดงว่าผมน่าจะยังมาทัน “ อยู่ห้องผู้ป่วยพิเศษค่ะ ขึ้นไปชั้น 6 ห้อง 6210 ได้เลยนะคะ ”
   “ ขอบคุณมากครับ ”
   พอรู้ห้องแล้วผมก็เลยแวะซื้อขนมๆเล็กๆน้อยๆกับน้ำผลไม้ไปให้เขาสักหน่อย กะจะง้อไปด้วยในตัวด้วย ก่อนจะขึ้นไปยังห้องที่เมฆพักอยู่
   “ เอ ห้องไหนนะ 6210 ” ผมเดินหาอยู่สักพัก “ อ่อ เจอแล้ว ”
   แต่เมื่อผมส่องกระจกเข้าไปในห้องก็เห็นเมฆนอนหลับอยู่บนเตียง ก็ว่าทำไมไม่รับสาย แต่พอจะเปิดประตูก็ดันเห็นคนๆหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ
   นั่นมันใบหม่อนนี่ แล้วหม่อนมาที่นี่ได้ไงนะ ?
   
   แล้วหม่อนก็เดินไปนั่งข้างเตียงเมฆก่อน จะเอามือเมฆที่หลับอยู่ขึ้นมากุม ผมเลยชะงักมือและยืนดูพวกเขาจากข้างนอก พร้อมคำถามในหัวมากมาย เขารู้จักกันได้ไง ? แล้วทำไมหม่อนถึงอยู่ที่นี่ ? ไหนจะท่าทางทีหม่อนทำกับเมฆอีก นี่พวกเขาเป็นอะไรกันนะ
   ผมเห็นหม่อมยื่นหน้าไปใกล้เมฆ แต่ก็เห็นไม่ถนัดว่าเขาทำอะไรกัน ก่อนที่หม่อนจะหยิบกระเป๋าและเดินมาทางประตู ผมเลยรีบถอยไปตั้งหลักไกลๆจากประตู
   “ ตะวัน มาเยี่ยมเมฆหรอ : ) ” หม่อนทักผมเมื่อเปิดประตูแล้วหันมาเห็นผมพอดี
   “ อ้าว! หม่อน นี่หม่อนก็มาเยี่ยมเมฆเหมือนกันหรอ เป็นไงบ้างไม่เจอตั้งนาน ”
   “ ก็เรื่อยๆนะ งั้นเราฝากดูแลเมฆต่อด้วยนะ พอดีเราต้องไปทำงานต่อแล้ว ”
   “ อ๋อ โอเค งั้นกลับดีๆนะหม่อน ดูแลตัวเองด้วย ”
   “  ตะวันเองก็เหมือนกัน ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาเชนคงเสียใจแย่ : ) ” หม่อนพูดจบก็เดินออกไปเลยโดนไม่ได้สนใจอะไรผมอีก
   รีบจัง ว่าจะถามต่อสักหน่อยว่ารู้จักเมฆได้ไง เดี๋ยวไว้ค่อยถามเมฆแทนก็ได้
   พอผมเข้ามา เจ้าตัวที่นอนอยู่บนเตียงก็หลับไม่รู้เรื่องอะไร แถมที่หัวยังมีผ้าพันไว้อีก เกิดอุบัติเหตุขึ้นหรอไงนะเมฆ
   “ เมฆ .. ” ผมลองเรียกเขาดูเพื่อเขาจะตื่น แต่เขาน่าจะหลับลึก ผมเลยขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงเขา
   ผมนั่งมองหน้าเขาอยู่สักพักก็รู้สึกง่วงเลยฟุบหลับไปที่เตียง

   “ ไง ตื่นแล้วหรอ ? ” เมฆทักผมเมื่อผมลืมตาขึ้น
   “ หืม =_- ” ผมยังคงมึนๆเพราะพึ่งตื่น
   “ ป่าว จะบอกว่าช่วยขยับหน่อยได้ไหม เมฆปวดฉี่ ตะวันกอดเมฆอยู่ ”
   พอเมฆพูดอย่างนี้ผมถึงได้รู้ว่าตอนนี้นี้ผมกำลังเอามือกอดเขาอยู่ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย
   “ อุ๊ย..ขอโทษนะเมฆ ปวดฉี่หรอ เดี๋ยวเราช่วย ” ผมเอามือออกและช่วยประคองเขาให้ลุกง่ายขึ้น “ เดินไหวป่าวเมฆ ”
   “ ไหวๆ เดี๋ยวเมฆเดินไปเอง ตะวันนั่งอยู่นี่แหละ ” แล้วเขาก็เดินเข้าห้องน้ำไป
   ผมเลยรีบเช็คที่เตียงว่าที่หลับไปเมื่อกี้เผลอน้ำลายไหลไหม =_=
   “ โอเค ไม่มีคราบ ค่อยโล่งหน่อย ”
   “ หาอะไรหรอตะวัน ? ”
   “ คราบน้ำลาย... เอ๊ย ! เราแค่ดูเฉยๆว่าบนเตียงมีมดหรือเปล่า พอดีๆคันๆเหมือนโดนกัด ”
   เมฆทำหน้างงๆก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง “ ไม่มีหรอก เราไม่ได้กินขนมบนเตียงซะหน่อย ”    
   “ อื้อ งั้นสงสัยเราคงคิดไปเอง ” ผมช่วยจับตัวเขาให้นอนถนัดๆ “ อึ๊บ เรียบร้อย ”
   “ ขอบคุณนะ รบกวนหยิบน้ำให้เราหน่อยได้ไหม ”
   ผมเลยเดินไปหยิบน้ำมาเทใส่แก้วให้เขา “ อะนี่ กินซะ แล้วไหงอยู่ดีๆเข้าโรงพยาบาลได้เนี่ย เป็นอะไรมากหรือเปล่า ”
   “ แล้วตะวันมาอยู่ที่นี่ได้ไง ? ” เขาไม่ตอบคำถามผมแต่ดันถามคำถามกลับซะได้
   “ ก็เราเห็นเมฆหายไป ไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทรหาก็ปิดเครื่อง ก็เลยไปตามหาที่คณะแล้วเพื่อนเมฆก็เลยบอกว่าเมฆเข้าโรงพยาบาล ”
   “ อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ”
   “ เมฆยังไม่ตอบเราเลยนะ ว่าเป็นอะไร ไปโดนอะไรมาถึงได้มีผ้ามาพันหัวพันแขนแบบนี้เนี่ย ”
   “ พอดีๆเมฆเดินๆอยู่ดีๆก็โดนรถที่ไหนเชี่ยวไม่รู้ พอเมฆล้มลงไปพวกมันก็ลงมาเอาไม้มาตีที่หัวเมฆ นี่ยังงงอยู่เลยว่าเมฆไปทำอะไรให้ใครหรือเปล่า ”
   “ อ้าว ! แล้วนี่โดนชิงทรัพย์หรือเปล่า แล้วเมฆแจ้งความหรือยัง ” ผมตกใจเมื่อได้รู้ว่าเขาโดนอะไรมา ใครกันนะมาทำแบบนี้
   “ พวกมันไม่ได้เอาอะไรไป ส่วนแจ้งความเมฆยังไม่ได้แจ้งเลย ตอนที่โดนเมฆเหมือนจะหมดสติก็มีคนช่วยพามาส่งโรงพยาบาล ”
   “ ยังดีนะที่มีคนมาช่วย แล้วคนนั้นใครกัน ? ”
   “ ชื่อใบหม่อนไง ตะวันก็น่าจะรู้จักนะ ที่เจอที่โรงอาหารตอนที่ตะวันมีเรื่องกับปูเป้ไง ”
   “ หม่อนเองหรอที่เป็นคนพาเมฆมาส่งโรงพยาบาล ?  ”
   “ ใช่ แล้วเขาก็นอนเฝ้าเมฆมาตั้งสองวันแล้ว เมฆบอกว่าไม่เป็นไรเขาก็ยืนยันว่าจะอยู่ ”
   “ อ๋อ…หรอ ” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ก็ว่าอยู่ว่าทำไมหม่อนถึงมาอยู่ที่นี่ได้
   “ อื้อเรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ นี่ก็ดึกแล้วนะตะวันกลับเหอะ ”
   ผมมองดูนาฬิกา มันก็ดึกจริงๆแหละ แต่ผมยังไม่ได้คุยกับเขาให้รู้เรื่องเลย
   “ ไม่อ่ะ ยังไม่กลับหรอก แล้วนี่กินยายัง เช็ดตัวไหมเดี๋ยวเราไปเอาผ้ามาเช็ดให้ ”
   ผมลุกเตรียมจะไปเอาอุปกรณ์มาเช็ดตัวให้เขา แต่ถูกเขาดึงมือไว้ก่อน
   “ ทำไมต้องทำท่าทีแคร์เราขนาดนี้ด้วย.. ตะวันห่วงเราหรือไง ” เขาพูดพร้อมมองผมด้วยสายตาเศร้าสร้อย
   “ ก็ห่วงนะสิ ! ทำไมถามแบบนี้ เมฆเป็นเพื่อนเรานะ ไม่ให้ห่วงเพื่อนแล้วจะให้เราห่วงใคร ”
   “ อ๋อ.. เมฆลืมไปว่าเราเป็นได้แค่เพื่อน ” เขาปล่อยมือผม ก่อนจะพลิกตัวตะแคงไปอีกข้าง “ ตะวันกลับไปเหอะ เมฆอยากอยู่คนเดียว ”
   “ นี่ ! เราไม่กลับ หันมาคุยกันก่อนเมฆ ” เมื่อเห็นท่าทีของเขาแล้วผมเกิดหงุดหงิดเลยเผลอออกแรงดึงเขาให้หันกลับมา
   “ โอ๊ย ! ” เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บ ผมคงทำเขาแรงไป
   “ เมฆเราขอโทษ ! เจ็บมากไหม เราไม่ได้ตั้งใจ ”
   “ เจ็บ… ” เขาพูดออกมาเบาๆ “ ตะวันทำแบบนี้ไม่สงสารเรามั่งหรอ ยิ่งมาทำเป็นห่วงเราอย่างนี้เรายิ่งตัดใจจากตะวันไม่ได้นะ ”
   “ เมฆ.. ” ผมทำอะไรไม่ถูก ผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย
   “ ขอเมฆทำใจได้ก่อนนะตะวัน แต่ตอนนี้ตะวันปล่อยเมฆไปเถอะ ให้เราอยู่คนเดียวได้ไหม ”
   “ ไม่ได้ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องนะเมฆ ”
   “ … ”
   “ เมฆอย่าหลบหน้าเราได้ไหม อย่าหายไปไหนสิ ก็เป็นเหมือนเก่าไง เมฆทำไม่ได้หรอ ”
   “ เมฆทำไม่ได้หรอก ตะวันไม่คิดมั่งหรือไงว่าเมฆต้องเก็บความรู้สึกตัวเองมานานแค่ไหนแล้ว ”
   “ แล้วทำไมไม่รู้จักพูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ ! ” ผมเหลืออดเต็มที่แล้วเลยสวนเขากลับ
   “ ….หมายความว่ายังไง ”
   “ ก็หมายความอย่างที่พูดแหละ ถ้าไม่อยากให้อยู่เราก็ไม่อยู่แล้ว งั้นเรากลับแล้ว ” ผมพูดเสร็จก็จะกลับทันที แต่โดนเข้าดึงไว้ก่อน
   “ เดี๋ยวก่อนสิ…คุยกันก่อน ” เขาจับมือผมไว้ทั้งสองข้าง “ เร็วกว่านี้หมายถึงอะไร ”
   เฮ้อ ! ทำไมเข้าใจยากเย็นอะไรอย่างนี้นะ ต้องให้มาอธิบายอีกหรอ
   “ ก็หมายถึงตัวเมฆนั่นแหละ มีอะไรทำไมไม่รู้จักพูดให้ไว มาบอกเราตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยหรอ มาบอกในวันที่เราคบกับเชนไปแล้วเนี่ย ”
   “ …. ” เขานิ่งเงียบไป ก่อนจะเปิดปากพูด “ ถ้าเมฆบอกเร็วกว่านี้เมฆก็อาจมีสิทธิ์สินะ.. ใช่ไหม ? ”
   “ ไม่รู้โว้ย ! ไม่คิดมั่งไงว่าเรารอเมฆมานานแค่ไหนแล้ว เราก็รู้สึกดีกับเมฆเหมือนกันแหละ แต่ตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ ” ไหนๆก็ไหนๆแล้วผมก็พูดความในใจผมบ้าง “ งั้นวันนี้เรากลับก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาเยี่ยมใหม่ ”
   “ ไม่ต้องกลับแล้วได้ไหม..อยู่กับเมฆนะคืนนี้ ”
   “ อ้าว ไหนตอนแรกไล่ให้เรากลับไง ”
   “ ก็ตอนนี้ไม่อยากให้กลับแล้ว ”
   “ เออๆ ไม่กลับแล้วปล่อยเราก่อน ” ผมว่า แล้วเขาก็ยอมปล่อยมือ
   “ ขอบคุณนะ ”
   “ ขอบคุณอะไร =_= ? ”
   “ ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าเมฆก็ยังมีหวังอยู่ : ) ” ตอนนี้เขายิ้มออกแล้ว “ เมฆจะรอวันที่ตะวันโสดนะ ”
   “ อืม.. แต่คงจะนานหน่อยนะ ยังไงตอนนี้เราก็มีเชนอยู่ ”
   “ งั้นเลิกสิ ! ไหนๆตะวันก็รู้สึกเหมือนที่เมฆรู้สึกไม่ใช่หรอ ”
   “ มันไม่ได้หรอกเมฆ เชนไม่ได้ทำอะไรผิด เราจะไปทำแบบนั้นได้ยังไง ”
   ถึงจริงๆแล้วผมจะรักเมฆ แต่จะให้ผมไปเลิกกับเชนก็คงไม่ได้หรอก แม้ตอนที่คบกันเป็นเพราะผมกำลังเสียใจอยู่ก็ตาม แต่เชนก็ทำดีกับผมมาเสมอ ผมไม่อยากทำให้เขาเสียใจ
   “ เราก็แค่อยากให้เมฆรู้ความรู้สึกเรา แต่อย่างที่บอกว่ามันคงเป็นไปไม่ได้หรอกในตอนนี้ ส่วนอนาคตมันจะเป็นยังไงเราก็ไม่มีวันรู้ เมฆเข้าใจใช่ไหม? ”
   “ อื้อ..เมฆเข้าใจ เมฆรอได้ ”
   “ เมฆไม่ต้องรอก็ได้นะ เมฆจะคบกั..”
   “ หยุด ไม่ต้องพูดแล้ว ยังไงเมฆก็จะรอ ”
   “ เออ ตามใจเมฆละกัน แต่ตอนนี้ต้องสัญญาก่อนว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไม่หลบหน้ากัน และไม่ทำอะไรเกินเลยมากกว่าเพื่อน ”
   “ อื้อ เมฆสัญญา แต่จูบแบบเพื่อนไม่ได้หรอ ”
   “ ไม่ได้ ! ”
   “ งั้นถ้าแค่กอดล่ะ ? แบบเพื่อนกอดกัน ” เมฆพยายามต่อรอง
   นี่อยู่ตลาดหรือไง ต่อเก่งเหลือเกิน
   “ อืม…ก็ได้ แต่ห้ามหึงเด็ดขาด ไม่งั้นเราเนี่ยแหละจะเป็นฝ่ายหนีจากเมฆไปเอง ”
   เมฆก็รับปากตามทุกอย่างที่ผมบอก เฮ้อ ! อย่างน้อยก็เคลียร์ไปได้อีกเรื่อง ผมแอบโล่งอกที่ได้บอกออกไปดีกว่าต้องมาเก็บไว้คนเดียว และมันก็ดีที่ทำให้ผมได้เพื่อนคนเดิมผมกลับมาอีกครั้ง โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์เราจะเป็นยังไงต่อไป วันนึงข้างหน้าเราอาจจะเลิกรู้สึกดีต่อกันก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ผมถือว่าวันนี้ผมเองก็ทำดีที่สุดแล้วในการรักษาความสัมพันธ์กับทุกคน
   
   “ แล้วนี่ออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนเนี่ย ” ผมเช็ดตัวให้เขาพลางคุยกับเขาไปด้วย
   “ อีก 2 วันก็กลับได้แล้ว หมอให้อยู่เพื่อดูอาการเฉยๆ ”
   “ อื้อ รีบออกได้แล้ว เพื่อนๆเมฆเขาเป็นห่วง ต้องประกวดดาว-เดือน อีกไม่ใช่หรอ หมดหล่อซะละมั้ง ”
   “ ไม่เห็นเป็นอะไรสักหน่อย ทันอยู่แล้ว อีกอย่างที่โดนฝาดก็หลังหัวไม่ใช่ด้านหน้าซะหน่อย ”
   “ จ้าๆ ชิวเหลือเกินนะ เสียแรงที่เป็นห่วงจริงๆ ”
   จริงๆผมเช็ดตัวเขาไปก็ห้ามตัวเองไม่ให้กำเดาไหลไป ทำไมหน้าท้องมันแน่นอย่างนี้เนี่ย -.,-
   “ ถ้ารู้ว่าเป็นห่วงแบบนี้ ไว้ไปโดนตีอีกดีกว่า ” เมฆยิ้มนิดๆให้ผม
   “ เพ้อเจ้อ อยากโดนตีบอกนี่สิ เดะจะตีให้ แล้วนี่จะโชว์อะไรตอนประกวดดาวเดือนเนี่ย ”
   “ ไม่บอกหรอก ความลับ ”
   “ ชิ ! ไม่รู้ก็ได้ เอ้า เสร็จแล้วใส่เสื้อผ้าได้แล้ว ”
   “ ขอบคุณครับ : ) ”
   “ เดี๋ยวเราไปปิดไฟให้ นอนได้แล้ว ต้องพักผ่อนเยอะๆนะ ”
   
   ผมปิดไฟแล้วจึงมาล้มตัวนอนที่โซฟา เหนียวตัวจัง อยากอาบน้ำ : (
   
   “ ตะวัน ”
   “ หืม ? ”
   “ มานอนข้างๆเมฆสิ ”
   “ จะบ้าหรอ ไม่เอาหรอก เราไม่ได้อาบน้ำเหนียวตัวจะตาย ” ผมรีบปฏิเสธ “ อีกอย่างเมฆจะได้นอนสบายๆจะให้เราไปเบียดทำไม ”
   “ ไม่เบียดหรอก มาเหอะ นะๆๆๆ ”
   “ ไม่  ! นอนละ ฝันดี ”
   “ ตะวันไม่กลัวผีหรอ ? เขาว่าที่นี่ผีดุนะ ”
   
   อะไรนะ ผีหรอ TT
   
   “ บะ..บ้า ไม่มีมีหรอกผีเผออะไร โรงพยาบาลดูใหม่จะตาย ”
   แต่ทันทีที่ผมพูดจบก็มีเสียงหมาหอนขึ้นมาทันที
   บรู๋ววววววววววว ~
   “ อื้อๆแล้วแต่งั้น เมฆนอนละ ฝันดีนะ ”
   “ เดี๋ยวก่อนเมฆ ! ” ผมเรียกเขาก่อนจะหอบหมอนไปที่เตียงเขาด้วย “ นอนด้วยก็ได้ เรากลัวเมฆเหงาหรอกนะ ”
   “ ฮ่าๆๆ ” เมฆหัวเราะออกมา หัวเราะเยาะผมสินะ !
   “ ขำอะไร ! ”
   “ เปล่าครับ : X ” เขาหยุดขำทันที “ นอนเถอะๆ จุ้บๆ ”
   ทันที่ที่พูดจบเขาก็กอดผมทันที
   “ เมฆ ! ปล่อยเลยนะ ”
   “ ทำไมอะ ขอกอดหน่อย เมฆติดหมอนข้างไม่งั้นนอนไม่หลับ ”\
   “ แต่ว่า.. ”
   “ ง่วงละนอนดีกว่า ” เขาหาวออกมา ก่อนจะเงียบไปเหมือนมีคนมาสลับสวิตซ์
   “ เฮ้อ….. ”
   ผมคงทำไรไม่ได้แล้วสินะ สุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ก่อนจะคล้อยหลับไป
   
   - Baimhon Time -

   “ ฮัลโหล ”
   “ โทรมามีอะไร ” ปลายสายตอบผมด้วยน้ำเสียงเย็นชา
   “ แหมๆ กว่าจะรับสายได้นานเหลือเกินนะเชน ”
   ผมโทรหาเขาอยู่เป็นสิบสายกว่าเขาจะยอมรับสายผม สายก่อนๆก็ตัดสายผมทิ้งหมด
   “ ถ้าไม่มีธุระอะไรก็แค่นี้นะ ”
   “ เดี๋ยวก่อนสิ ก็แค่มีเรื่องมาบอกให้ฟังเฉยๆ ”
   “ เรื่องอะไรก็พูดมาสิวะ ลีลาอะไรนักหนา ” เขาพูดอย่างฉุนเฉียว

   หึ ! ดีโมโหเยอะๆเลย

   “ ไหนลองพูดกับเราดีๆสิ อ้อนวอนเราสิ อยากรู้ไหมเอ่ย ” ผมพยายามยั่วโมโหเขา
   “ มึงจะมีปัญหากับกูใช่ไหมตะวัน ”
   “ เฮ้อ ! เชนนี่เจ้าอารมณ์จังเลยนะ ถึงว่าตะวันถึงไม่ทน ”
   “ หมายความว่ายังไง ”
   “ ก็หมายความตามนั้นแหละ แค่นี้นะ ไม่อยากบอกละ ” ผมกดตัดสายใส่เขาบ้างเป็นการปั่นประสาท
   แต่พอวางสายปุ๊ป เชนก็โทรกลับมาทันที ผมก็ไม่รับหรอก จนประมาณสายที่ 20 ได้ ผมถึงจะรับ
   “ ตอนแรกอยากวางนักไม่ใช่หรอก โทรกลับมามีอะไรหรือเปล่าเชน ”
   “ หม่อน อย่ามาเล่นลิ้น ที่พูดหมายความว่าไง ”
   “ อืม…ยังไงดีน้า ” ผมแกล้งคิดเล็กน้อย “ ถ้าอยากรู้ก็ลองไปที่โรงพยาบาล BK ดูสิ ห้อง 6210 แล้วเชนก็คงจะได้คำตอบ อ่อ รีบไปหน่อยนะ ก่อนที่จะไม่ทันเห็นอะไรดีๆ ”
    พูดเสร็จผมก็ตัดสายทิ้งแล้วกดบล็อกเบอร์เขาทันที ก่อนจะโทรหาอีกคน
   “ รีบร้อย ฉันโทรบอกเชนแล้ว ”
   “ แล้วเธอมั่นใจหรอว่าเชนจะมาตามที่นายบอก ”
   “ แน่ใจสิ ลองเป็นเรื่องของตะวัน ต่อให้ไกลแค่ไหนเชนก็ไป ”
   “ แล้วนายมั่นใจกับแผนนี้แค่ไหน ”
   “ ก็คอยดูละกันปูเป้ว่าได้ผลไหม เธอแค่คอยช่วยตามที่ฉันบอกละกัน ”
   “ ได้ ไม่มีปัญหา อยากได้อะไรหรืออยากให้คนของฉันไปทำอะไรก็บอกมาได้เลย แต่ห้ามทำเมฆเจ็บตัวแบบครั้งนี้อีก ไม่อย่างนั้นนายนั่นแหละจะโดนฉันเล่นงาน ”
   “ เอาน่า รับรองว่าเจ็บแค่นี้คุ้ม ” ผมยิ้มให้กับตัวเอง “ ตะวันจะต้องไม่เหลือใครเลย ทั้งเมฆและเชนหรือแม้กระทั่งเพื่อนๆของมัน มันต้องเสียทุกคนไป มันต้องเจ็บกว่าที่ฉันรู้สึก ”
   “ ดี ! ถือว่าจุดประสงค์เราตรงกัน งั้นมาเจอกันหน่อยไหม ฉันเลี้ยงข้าวนายเอง ”
   “ ร้านไหนเธอก็ส่งโลเคชั่นมาแล้วกัน ”
   “ เดี๋ยวส่งไปให้ แค่นี้แหละ ”
   “ เจอกัน ”
   ผมมีความสุขจังที่จะได้ทำลายความสุขของตะวัน ครั้งนี้ผมเองแหละที่เป็นคนขอให้ปูเป้จัดคนมาเพื่อดักทำร้ายเมฆ แล้วก็แสร้งทำเป็นคนที่แสนดีเข้าไปช่วยเขา ผมไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ทำลงไป แต่กลับรู้สึกสนุกซะด้วยซ้ำ

   รอก่อนนะตะวัน ต่อไปก็คิวของตะวันแล้วนะ แล้วเจอกันนะ ‘ เพื่อนรัก ’ : )       

คำคมท้ายบท : หากคนสองคนเกิดมาคู่กัน คงไม่มีเวลาไหนที่จะยาวเกินไป ไม่มีระยะทางไหนที่ห่างไกลเกินไป และ คงไม่มีใครที่จะแยกพวกเขาออกจากกันได้

- TBC -
ทีนี้มาทั้งใบหม่อนทั้งปูเป้เลยแถมใบหม่อนนี่ดูโรคจิตกว่ายัยปูเป้อีก  สู้หน่อยนะตะวัน เมฆ เชน รักของพวกเธอมันดูทรหดเหลือเกิน แต่ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอกนะ ความรักก็เช่นกัน จุ้บๆ

หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 30-03-2018 23:16:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-03-2018 23:36:51
 :pig4: :pig4: :pig4:

นังใบหม่อนนี่มัน.....

เกินเยียวยา
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: violetvista ที่ 05-04-2018 20:39:09
ใบหม่อนนี่น่าโมโหจริงๆ

ยังรออยู่น้า รีบมาต่อตอนต่อไปไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: My Sweet Roommate เพื่อนครับมารักกับผมไหม: บทที่ 18 เคลียร์ [ 30/03/61 ]
เริ่มหัวข้อโดย: i.am.wee ที่ 06-04-2018 02:33:50
เรื่องแรกก้อเขียนออกมาได้น่าติดตามมากเลยคะ พยายามต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คะ