พิมพ์หน้านี้ - คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: แจซอล ที่ 01-02-2018 20:23:13

หัวข้อ: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 01-02-2018 20:23:13
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



นิยายเรื่องอื่นๆ ของเรา

JUST SAY YES! || พี่ครับ...รับรักผมที - จบแล้วจ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58676.0)
เสือของเอิ้น - จบแล้วจ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54721.0)
Dear Friend ♥ เพื่อน(ที่)รัก - Updating... (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61584.0)



คุณครูพี่มิน

(https://i.pinimg.com/564x/5d/98/3d/5d983d6be34f74963e8501ed7d33f595.jpg)

ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3781938#msg3781938)
ตอนที่ 2 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3787362#msg3787362)
ตอนที่ 3 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3791316#msg3791316)
ตอนที่ 4 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3797754#msg3797754)
ตอนที่ 5 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3801230#msg3801230)
ตอนที่ 6 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3808323#msg3808323)
ตอนที่ 7 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3858471#msg3858471)
ตอนที่ 8 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3869646#msg3869646)
ตอนที่ 9 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3886629#msg3886629)
ตอนที่ 10 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3887400#msg3887400)
ตอนที่ 11 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3889229#msg3889229)
ตอนที่ 12 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3891064#msg3891064)
ตอนที่ 13 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3895444#msg3895444)
ตอนที่ 14 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3898085#msg3898085)
ตอนที่ 15 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3902029#msg3902029)
ตอนที่ 16 (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65959.msg3904600#msg3904600)


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 01-02-2018 20:24:27


1.


พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

เจ้าของขายาวในชุดนักเรียนเดินเอื่อยเฉื่อยไปตามทางเดินเท้า ไม่เร่งรีบแต่ก็ต้องทำเวลา

วันที่ไม่มีเรียนพิเศษ มินมักจะเดินเรื่อยเปื่อยเพื่อไปหาคุณแม่ซึ่งเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลที่ตั้งอยู่ห่างจากโรงเรียนมัธยมของเขาประมาณ 1 กิโลเมตร

ในย่านชุมชน ระยะทางแค่นี้ไม่ถือว่าไกล เดินดูนั่นดูนี่เหงื่อยังไม่ทันไหลก็มาถึงโรงเรียนคุณแม่แล้ว

“น้องมิน คุณแม่ยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลยค่ะ” คุณครูพี่อรซึ่งทำหน้าที่ยืนส่งนักเรียนเอ่ยทัก ให้เด็กหนุ่มยกมือไหว้ทักทายอย่างคนมารยาทดี

“เดี๋ยวมินไปนั่งทำการบ้านรอแม่ในสวนนะครับ”

ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนเป็นที่ตั้งของสวนสาธารณะ มินมักจะนั่งรอคุณแม่ที่นี่แทนที่จะเข้าไปนั่งรอในโรงเรียน

เขาข้ามถนนตรงทางม้าลายหลังจากมองซ้ายมองขวาแล้วพบว่าบนถนนปราศจากรถรา ตั้งใจเดินตรงไปยังสนามเด็กเล่นเพื่อนั่งไกวชิงช้าให้รู้สึกผ่อนคลายก่อนทำการบ้านอย่างที่ทำเป็นประจำ

หากวันนี้ที่นั่งประจำกลับไม่ว่างอย่างเคย

มินเดินเข้าไปหยุดตรงชิงช้าที่ประจำของตน ดวงตาเรียวจับจ้องเด็กน้อยที่นั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น ทั้งที่มีคนแปลกหน้ายืนจ้องอยู่แท้ๆ แต่เด็กนั่นกลับไม่สนใจเลยสักนิด

“น้อง” มินลองเรียกพร้อมกับนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเพื่อจะได้มองกันชัดๆ หากเด็กน้อยกลับไม่ยอมเงยหน้ามามอง

ใช้คนหรือเปล่านะ คิดพลางมองสำรวจไปทั่วบริเวณที่เงียบสงัด

“มานั่งทำอะไรตรงนี้”

“ยุ่ง” ถ้าจะพูดอย่างนี้สู้เงียบปากไปเลยดีกว่า

มินใช้ดวงตาคู่สวยภายใต้กรอบแว่นของตนสำรวจร่างเด็กตัวป้อมซึ่งประเมิณด้วยสายตาคร่าวๆ แล้วไม่น่าจะอายุซัก 5 ขวบได้มั้ง และแต่งตัวด้วยเสื้อขาวกับกางเกงสีแดงแบบนี้ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนประถมตรงข้ามนี้แน่ๆ

“มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียวครับ”

“ยุ่ง”

“นี่น้อง ที่โรงเรียนสอนให้พูดกับผู้ใหญ่แบบนี้เหรอ” คนใจเย็นถึงกับหัวร้อนเมื่อเด็กตรงหน้าแสดงความก้าวร้าวออกมา

“คุงคูบอกว่าไม่ให้คุยกับคงแปลกหน้า” ไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้าแต่ปล่อยเด็กมานั่งลำพังแบบนี้เนี่ยนะ ย้อนแย้งชะมัด

“พี่ชื่อมิน แล้วเราล่ะชื่ออะไร”

“ทำไมต้องบอก” ครั้งแรกที่เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน ดวงตาใสแป๋วมีแววดื้อรั้นก็ดูเหมาะกับคำพูดคำจาก่อนหน้านี้ดี

“ก็พี่แนะนำตัวไปแล้ว ทีนี้ก็ถึงตาน้องแล้วนะครับ”

“ใครน้อง เราชื่อพี่แพท” มินยิ้มขำให้กับท่าทางแก่แดดแก่ลมนั่นก่อนจะขยับลุกขึ้นเพื่อนั่งลงบนชิงช้าข้างๆ กัน

“ทีนี้พี่แพทกับพี่มินก็รู้จักกันแล้วเนอะ”

“รู้จักก็ได้” พอได้สบตากันแล้วเด็กน้อยก็ไม่ยอมละสายตาไปจากอีกฝ่ายเลย

“บอกพี่มินได้มั้ยครับว่าพี่แพทมานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว ทำไมไม่รอคุณแม่อยู่กับครูพี่อร”

“พี่เลี้ยงมารับพี่แพทแล้วก็พามานั่งตรงนี้ บอกว่าจะไปทำอะไรก็ไม่รู้แป้บเดียว เนี่ยพี่แพทรอตั้งนางแล้ว ไม่กลับมาซ้ากที” เด็กน้อยว่าพลางชะเง้อรอคนที่กล่าวถึง

“แต่มันเย็นแล้วนะ พี่แพทมีเบอร์ที่บ้านมั้ยครับ เดี๋ยวพี่มินโทรบอกให้คุณแม่มารับ”

“คุงแม่ไม่มาหรอก”

“ทำไมล่ะ”

“พี่มิงถามเยอะจังเลย พี่แพทไม่ตอบได้มั้ยอะ”

“ไม่อยากกลับบ้านเหรอ”

“อยากกลับดิ แต่พี่มิงถามเยอะ พี่แพทไม่อยากตอบ คุงแม่บอกว่าไม่ให้คุยกับคงแปลกหน้า”

“ก็รู้จักชื่อกันแล้วไง ยังแปลกหน้าอยู่อีกเหรอ”

“แปลกดิ รู้แค่ว่าชื่อพี่มิง เปงใครมาจากไหนก็ไม่รู้” อีกครั้งที่มินยิ้มขำ เขาขยับตัวแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เด็กน้อยแล้วยิ้มอ่อนโยนที่สุด

“มองหน้าพี่มินแล้วจำเอาไว้ดีๆ เจอกันคราวหน้าจะได้ไม่เป็นคนแปลกหน้า”

คนถูกมองใกล้ๆ ถึงกับเบิกตากว้าง

ตายแล้ว หัวใจพี่แพทเต้นแรงมากเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอกเลย พี่มินน่ะ ยิ้มอ่อนโยนที่สุด ยิ้มสวยเหมือนนางฟ้าเลย

“จำหน้าพี่มินได้ยัง”

คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์พยักหน้าหงึกหงัก

“ทีนี้ขอเบอร์คุณแม่ให้พี่มินได้รึยัง”

“ก็ได้” ป้ายชื่อแบบคล้องคอถูกมือเล็กๆ พลิกอีกด้านขึ้นมาให้ชื่อและเบอร์โทรของผู้ปกครองปรากฏแก่สายตา มินก้มหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ พลางกดโทรศัพท์มือถือ

“น่ารักมากครับพี่แพท”

“น่ารักตรงไหน” คนที่เอามือถือแนบไว้กับหูรอสายเบนสายตามามองคนถาม ใช้ดวงตาเรียวสำรวจใบหน้าบึ้งตึงของเด็กน้อยแล้วยิ้มอีกครั้ง

“น่ารักทุกตรงแหละ ทำไม ไม่เคยถูกชมว่าน่ารักเหรอครับ”

“พี่แพทหล่อต่างหาก ไม่น่ารักหรอก”

“น่ารักจะตาย แก้มก็นุ่มนิ่ม” มินยื่นมือไปบีบแก้มยุ้ยอย่างหยอกเย้าแต่ก็ถูกเด็กน้อยปัดออกเหมือนรำคาญ แล้วก้มหน้าบ่นอุบ

“พี่มิงแหละน่ารัก”

“ว่าไงนะ” ยังไม่ทันได้คำตอบจากเด็กน้อย เสียงหวานก็ดังขึ้นจากปลายสายเสียก่อน

“สวัสดีค่ะ สิริมาพูดสายค่ะ”

“คุณแม่น้องแพทใช่มั้ยครับ”

“ใครพูดสายคะ”

“ผมชื่อมินนะครับ เป็นลูกชายคุณครูที่โรงเรียนน้องแพทครับ พอดีมินมารอคุณแม่แล้วเจอน้องนั่งอยู่คนเดียวในสวนสาธารณะตรงข้ามโรงเรียน”

“น้องไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง อยู่คนเดียวเหรอคะ”

“ใช่ครับ น้องบอกว่าพี่เลี้ยงให้รอ แต่ก็นานแล้วไม่กลับมาซักที ที่มินจะถามก็คือคุณแม่จะมารับน้องหรือเปล่าครับ”

“แม่ยังติดประชุมอยู่เลยค่ะ ยังไงฝากน้องไว้กับมินก่อนได้มั้ย”

“คุณแม่ไว้ใจมินเหรอครับ”

“เอาอย่างนี้ แม่ฝากน้องไว้แค่ชั่วโมงเดียว แม่จะรีบไป”

“แต่ว่า...” ยังไม่ทันได้รับปากหรือปฏิเสธสายก็ถูกตัดไปซะแล้ว

มินจ้องมองโทรศัพท์ในมือตนก่อนเลื่อนสายตาไปยังเด็กน้อยที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ไหนๆ ก็บังเอิญมาเจอกันแล้ว จะปล่อยน้องไว้คนเดียวก็กะไรอยู่

“พี่แพทอยู่กับพี่มินก่อนนะ เดี๋ยวคุณแม่ก็มา” เด็กน้อยพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะมองไปข้างหน้า ขาสั้นป้อมพยายามออกแรงเพื่อไกวชิงช้า ทั้งที่ถ้าอ้อนซักนิกพี่ชายคนดีก็ยอมไกวให้อย่างเต็มใจแท้ๆ แต่เจ้าตัวเล็กก็ไม่ยอมทำ

เห็นอย่างนั้น คนเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านก็นึกเอ็นดู

มินลงจากชิงช้าของตน ก้าวแค่ก้าวเดียวก็มายืนซ้อนหลังเด็กน้อยแล้ว มือเรียววางลงสายชิงช้าก่อนออกแรงไกวเบาๆ ทำอย่างนั้นซ้ำๆ อย่างไม่รู้เหนื่อย

“พี่มิงแรงอีกได้มะ” เสียงใสดังขึ้น ครั้งแรกเลยมั้งที่ในน้ำเสียงนั้นปราศจากความดื้อรั้น แบบนี้ก็น่ารักดี

“เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก”

“ไม่หรอกน่า พี่แพทเกาะอย่างดีเลย” ราวกับรอยยิ้มที่เด็กน้อยส่งมานั้นมีมนต์สะกด มินไกวชิงช้าแรงขึ้นตามคำขอ และยิ่งไกวแรงเท่าไหร่ เสียงหัวเราะใสๆ ก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น

เห็นเด็กน้อยหัวเราะได้ คนสร้างเสียงหัวเราะก็รู้สึกเต็มตื้นในอก

ขณะชิงช้าลอยสูงจากพื้น เสียงหัวเราะดังสะท้อนในความเงียบที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดสลัว อยู่ๆ มือเล็กที่เกาะสายชิงช้าอย่างเหนียวแน่นก็หลุดออก

ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเด็กหนุ่ม มินเบิกตากว้างมองร่างเล็กที่กำลังตกจากชิงช้า ต้องขอบคุณความขายาวที่เพียงแค่กระโดดทีเดียวก็สามารถรับน้องเอาไว้ในอ้อมแขนได้แล้ว

มินกอดน้องแพทไว้แนบอก ตัวเขายังตกใจขนาดนี้ ไม่ต้องเดาเลยว่าน้องจะตกใจมากแค่ไหน

“พี่แพทเจ็บตรงไหนมั้ย” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะเล็ก

น้องแพทไม่เจ็บตรงไหนเลยเพราะพี่มินรับร่างของเขาเอาไว้ได้ทัน แค่ตกใจนิดหน่อยแต่ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เพราะพี่มินอีกเช่นเคย เพราะถูกกอดไว้แบบนี้ก็เลยหายตกใจเป็นปลิดทิ้ง

“ไม่เจ็บ” เด็กน้อยตอบอ้อมแอ้มในอกให้มินผละกอดออก

มือเรียวจับที่ไหล่เล็ก ใช้สายตามองสำรวจอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าน้องไม่บาดเจ็บตรงไหนค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“พี่มิงล่ะ เจ็บตรงไหนมั้ยฮะ”

“เจ็บ”

“พี่แพทขอโทษนะ โอ๋ๆ นะ” มือเล็กกอบกุมใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาที่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนแข็งกร้าวดื้อรั้น หากบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความใสซื่อน่ารักสมวัย

“พี่มินเจ็บข้อมืออะ ทำไงดี” มินละมือจากไหล่เล็ก ทำหน้าอ้อนพลางยกข้อมือข้างที่เจ็บนิดๆ ขึ้นมาในระดับสายตา

เด็กน้อยคว้าจับมือข้างนั้น ใช้ดวงตาใสแป๋วสำรวจมันก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่าย

“เจ็บมากมั้ยฮะ”

มินพยักหน้าแทนคำตอบ พอเห็นพี่ชายใจดีเจ็บน้องแพทก็พามือข้างนั้นไปแนบแก้มตัวเอง ปากเล็กขยับเอ่ยคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างน่าเอ็นดู และก็ยิ่งน่าเอ็นดูเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อน้องประทับริมฝีปากลงบนข้อมือ

คำขอโทษที่เอ่ยพึมพำเหมือนคาถาคลายความเจ็บ

มินไม่รู้ว่าตัวเองมองเด็กน้อยบนตักด้วยสายตาแบบไหน แต่สิ่งเดียวที่เขานึกได้คือ น้องแพทโคตรน่าเอ็นดู







“พี่แพทก็มีกางบ้างเหมืองกังนะ”

เพื่อนใหม่ต่างวัยนั่งอยู่คนละฝั่งของโต๊ะไม้ น้องแพทที่เท้าคางมองพี่ชายคนใหม่ทำการบ้านอยู่นานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบให้อีกฝ่ายละสายตาจากการบ้านตรงหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาใสแป๋วของน้อง

“การบ้านอะไร เอาขึ้นมาทำด้วยกันสิ”

“เลขอะ แต่พี่แพททำไม่ได้หรอก มังยาก”

“พี่มินสอนมั้ย”

“สองได้ไง ไม่ได้เป็นครูซักหน่อย”

“เหอะน่า ขอพี่มินดูหน่อย” เด็กน้อยมีท่าทีลังเลแต่ก็ยอมเปิดกระเป๋านักเรียนสีสันสดใสของตน สมุดการบ้านถูกวางลงบนโต๊ะ มินไม่ได้หยิบมันมาแต่เขาเลือกที่จะย้ายตัวเองไปนั่งข้างๆ น้อง

“เนี่ย นิ้วพี่แพทไม่พออะ ทำไม่ได้หรอก”

สมุดการบ้านเลขถูกเปิดออกโดยเจ้าของมัน น้ำเสียงน้องไม่ค่อยสบอารมณ์นักและตอนที่มินเหลือบมองก็เห็นสีหน้าเหยเกราวกับน้องจงเกลียดจงชังวิชาเลขนักหนา

“พี่มินให้ยืมนิ้วเอามั้ย”

“ได้เหรอ”

“แต่มันมีวิธีที่ง่ายกว่านับนิ้วนะ”

“ยังไงอะ”

“สอนได้เหรอ ไม่ได้เป็นครูนะ”

“พี่มิงก็ทำไม่ได้ใช่มั้ยล่ะก็เลยไม่สอง”

“ทำไมจะทำไม่ได้ พี่มินอยู่ม.ปลายแล้วนะ”

“ม.ปลายแล้วไงอะ เนี่ยๆ น้องแป้งที่อยู่ห้องเดียวกับพี่แพทนะ เรียงเก่งมากๆ ทำกางบ้างได้หมดทุกข้อเลย แต่พอให้สองก็ไม่ยอม เป็นไรมากป่ะ”

“เป็นไรมากป่ะนี่ใครสอนมา”

“ในทีวีไง พี่มิงไม่เคยดูทีวีเหรอ”

“เคยดู แต่พี่มินดูแต่รายการที่มีประโยชน์”

“รายการที่มีประโยชน์ต้องไม่สนุกแน่ๆ เลย เหมืองผักอะ คุงแม่บอกว่ามีประโยชน์แต่ไม่เห็งจะอร่อย สู้ช็อคโกแลตก็ไม่ได้”

“กินช็อคโกแลตเยอะๆ อ้วนนะ”

“พี่แพทไม่อ้วงหรอก”

“เหรอ” มินลากเสียงยาวพลางจับหมับเข้าที่พุงน้อยๆ ให้เจ้าเด็กช่างพูดสะดุ้งเฮือกก่อนจะพยายามปัดมือพี่ชายคนใหม่ทิ้งเป็นพัลวัน

การบ้านคืออะไร ตอนนี้ทั้งคู่เอาแต่เล่นกัน เสียงหัวเราะดังลั่นสนามเด็กเล่นกลบเสียงโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นอยู่บนโต๊ะไปหมดเลย

เล่นกันจนหมดแรงนั่นแหละเสียงหัวเราะจึงเงียบหายไปและถูกแทนที่ด้วยเสียงหอบเหนื่อย

นานแล้วที่มินไม่ได้หัวเราะจนปวดท้องแบบนี้

ดีจังเลยนะที่ได้เจอน้องแพทในวันนี้

“หายเหนื่อยยัง”

“อยากดื่มน้ำอ่า” เด็กน้อยว่าเสียงแหบแห้งพลางใช้หลังมือเช็ดเหงื่อนตรงไรผม

โชคดีนะเนี่ยที่มินมีขวดน้ำติดกระเป๋ามาด้วย เขาเปิดขวดแล้วยื่นให้เด็กน้อยที่รับไปดื่มอึกๆ ไม่พูดไม่จาอย่างคนกระหายน้ำเต็มที

“เบาหน่อยครับ เดี๋ยวก็สำลักหรอก”

แค้กๆๆ

นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ อีกครั้งที่มินลุกจากที่นั่งตนเพื่อย้ายไปนั่งข้างเด็กน้อย ใช้มือเรียวลูบหลังให้จนอาการไอสงบลงก่อนจะเลื่อนมือข้างเดียวกันมาช่วยเช็ดเหงื่อบนใบหน้าน่ารักอย่างนึกเอ็นดู

“พร้อมจะทำการบ้านยัง”

“ยังไม่ลืมอีก” เด็กน้อยตัดพ้อ เห็นอย่างนั้นมินก็หลุดขำออกมา “ขำไรอะพี่มิง”

“มา เดี๋ยวพี่มินให้ยืมนิ้ว” น้องแพทมองมือเรียวที่ยื่นมาตรงอย่างชั่งใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ในเมื่อพี่มินอยากจะช่วยก็ต้องสนองซักหน่อย

ดินสอลายน่ารักถูกหยิบออกมา สมุดการบ้านถูกกางออก ดวงตากลมจ้องมองโจทย์ในหนังสือ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างที่เจ้าของมันไม่รู้ตัวเลย

ตลอดเวลาที่มองน้อง ในหัวของมินมีแต่คำว่าเอ็นดู

น้องแพทโคตรน่าเอ็นดูเลย

“แปดบวกสามได้เท่าหร่ายอะ” เด็กน้อยพึมพำพลางมองมายังคนข้างกาย “พี่มิงยกนิ้วขึ้งมาแปดนิ้วสิ” พี่ชายใจดีก็ทำตามคำขอ

นิ้วเล็กๆ ชี้ไปยังนิ้วเรียวของมินพลางนับพึมพำเสียงแผ่วจนถึงแปดจึงยกนิ้วตัวเองขึ้นมาอีกสามนิ้ว นับอยู่อีกครู่ก่อนคิ้วที่ขมวดมุ่นจะคลายปม

“แปดบวกสามเท่ากับสิบเอ็ด ใช่มั้ยพี่มิง”

“เก่งมากครับ”

“แน่นอนอยู่แล้ว” ท่าทางเชิดหน้าภูมิอกภูมิใจเรียกรอยยิ้มจากมินได้เป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนแล้ว

“แล้วข้อนี้ล่ะ เก้าบวกห้าได้เท่าไหร่”

“ง่ายนิดเดียว”

บอกว่าง่ายนิดเดียวแต่ก็ยืมนิ้วพี่มินอยู่ดี

การบ้านน้องแพทเสร็จแล้ว แต่การบ้านพี่มินยังไม่ถึงไหน แต่ว่าจนป่านนี้แล้วแม่ของทั้งคู่ก็ยังคงเงียบไม่โผล่หน้ามาจนนึกแปลกใจ

มินหยิบมือถือตนขึ้นมา มีข้อความจากคุณแม่ของเขาส่งเข้ามาบอกว่ามีงานต้องเคลียร์อีกเยอะให้กลับบ้านไปก่อน ส่วนแม่น้องแพทเงียบกริบเหมือนลูกตัวเองไม่อยู่ตรงนี้

“พี่มิง พี่แพทหิวแล้วอะ” พอบอกว่าหิวเสียงท้องก็ร้องระงม ถึงแม้อยากพาน้องไปหาของกินแต่คำที่บอกกับแม่น้องไว้ว่าจะรอที่นี่ก็ผุดขึ้นมาในหัวให้คิดไม่ตก

หากแม่น้องมาถึงตอนที่พวกเขาออกไปหาอะไรกินกันล่ะ

“พี่แพทดื่มนมรองท้องไปก่อนได้มั้ย” นมที่ได้รับมาเมื่อตอนกลางวันถูกล้วงออกมาจากกระเป๋า พอยื่นให้น้องก็รับมันไปดื่มอย่างไม่ลังเลซักนิด

นั่งมองน้องแล้วก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

พ่อแม่แบบไหนกันนะที่ทิ้งลูกตัวเล็กๆ เอาไว้ลำพังแบบนี้ คงจะเป็นพ่อแม่แบบเดียวกับเขาล่ะมั้ง วันๆ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานหาเงิน โดยไม่สนใจความรู้สึกของลูกเลยซักนิด

“น้องแพท” ยังดื่มนมไม่หมดกล่อง เสียงหวานที่มินเคยได้ยินผ่านสัญญานมือถือก็ดังขึ้น

เขาละสายตาจากเด็กน้อยตรงหน้า มองไปยังต้นเสียงก็พบกับหญิงสาวอายุราวสามสิบต้นๆ กำลังเดินด้วยรองเท้าส้นสูงมุ่งตรงมาทางนี้

“คุงแม่” น้ำเสียงของน้องไม่ได้ดูตื่นเต้นตกใจ ปากจิ้มลิ้มยังคงดูดนมจากหลอดกระทั่งผู้เป็นแม่ก้าวมาหยุดด้านหลัง

“น้องมินหรือเปล่าคะ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับพลางยกมือไหว้ หากตอนที่กำลังขยับปากเพื่อเอ่ยทักกลับถูกเสียงเล็กๆ พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ไม่ใช่น้องมิงซักหน่อย คุงคูพี่มิงต่างหาก” ทั้งคุณแม่และคนถูกเรียกว่าคุณครูพี่มินมองหน้ากันเลิกลั่ก “เนี่ยๆ คุงแม่ คุงคูพี่มิงสองกางบ้างพี่แพทด้วย ทำเสร็จหมดทุกข้อเลย”

เด็กน้อยยิ้มร่าพลางอวด

เพราะช่วยทำการบ้านก็เลยถูกเลื่อนขั้นจากพี่มินเฉยๆ เป็นคุณครูพี่มินอย่างนั้นสินะ

“คุงคูพี่มิงเราจะได้เจอกันอีกใช่มั้ย” มือเล็กป้อมจับนิ้วเรียวของอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยเมื่อต้องบอกลาพลางมองมาด้วยดวงตาน่าสงสารให้มินนั่งยองๆ ลงตรงหน้า เขาลูบเส้นผมนุ่มบนศีรษะเด็กน้อยพลางยิ้มอ่อนโยน

“ต้องได้เจอกันอีกอยู่แล้ว”

“สัญญานะ”

“สัญญาครับ” มินตอบรับ และในทันทีทันใดนั้น มือของเขาก็ถูกปล่อยเป็นอิสระ น้องแพทวางมือเล็กลงบนไหล่มนก่อนจะขโมยหอมแก้มใสด้วยจมูกแทนคำสัญญา







วิชาเรียนช่วงเช้าวันนี้หนักหนาสาหัสเหลือเกิน

มินฟุบหน้าลงบนโต๊ะหลังจากทานมื้อกลางวันเสร็จ ตั้งใจจะงีบหลับซักหน่อย แต่เมื่อหลับตาลงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็สั่นรบกวนซะก่อน

‘คุณแม่น้องแพท’

เขาลังเลนิดหน่อยเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ แต่ก็ยอมกดรับแต่โดยดี

“สวัสดีครับ มินพูดสายครับ”

“คุณครูพี่มิน นี่คุณแม่น้องแพทนะคะ” ได้ยินคำว่าคุณครูพี่มิน เสียใสๆ ของน้องแพทก็ลอยมาในห้วงความคิด

“ครับ”

“ตอนนี้น้องแพทไม่สบาย”

“หืม” เมื่อวานก่อนบอกลากันน้องยังดูร่าเริงอยู่เลย

“ท้องเสียค่ะ อาเจียนจนหมดแรงไปแล้ว และตอนนี้ก็เอาแต่งอแงอยากเจอคุณครูพี่มิน”

ใจนึงก็นึกห่วง แต่… “มินยังไม่เลิกเรียนเลยครับ”

“ถ้างั้น ตอนเลิกเรียนคุณครูพี่มินแวะมาหาน้องที่บ้านได้มั้ย”

ตอนเย็นมีเรียนพิเศษซะด้วย มินลังเล ไม่อยากโดดเรียนแต่ก็เป็นห่วงน้อง

“ถ้าหลังเรียนพิเศษก็ไม่น่ามีปัญหาครับ”

“เดี๋ยวแม่ส่งที่อยู่ไปให้นะคะ”

มินตอบรับก่อนสายจะถูกฝ่ายนั้นตัดไป และตอนนี้อาการง่วงนอนก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย

ที่จริงวิชาตอนบ่ายก็ไม่สำคัญนัก ถ้าแวบออกไปซักครึ่งชั่วโมงก็ไม่น่าจะมีปัญหา

ระหว่างกำลังชั่งใจ ที่อยู่บ้านน้องแพทก็ถูกส่งมา ดูแล้วก็ได้แต่คิดว่าเวลาครึ่งชั่วโมงไม่น่าจะแวบทัน ดังนั้นความคิดที่ว่าจะโดดเรียนก็เป็นอันต้องถูกพับเก็บไป

มินนั่งเรียนด้วยใจเลื่อยลอย ห่วงน้องแพทก็ห่วง ห่วงเรียนก็ห่วง กระทั่งตอนเรียนพิเศษก็ไม่มีสมาธิเลย

“มินมึงจะรีบไปไหน” ขายาวที่กำลังก้าวออกจากห้องเรียนพิเศษอย่างเร่งรีบหยุดชะงัก ก่อนมินจะเอี้ยวตัวกลับมาเพื่อตอบคำถามเพื่อน

“มีธุระ”

“นัดสาวไว้เหรอ”

“สาวที่ไหน” เด็กป่วยต่างหาก

มินไม่สนใจท่าทางล้อเลียนของเพื่อน ในใจของเขาร้อนรุ่มอยากไปหาน้องให้เร็วที่สุด แต่เพราะบ้านของน้องตั้งอยู่ในย่านที่ไม่ค่อยคุ้นเคย แม้รีบเท่าไหร่ก็ไม่ทันใจเลย







เสียงออดดังขึ้น

ภาพในจออินเตอร์คอมปรากฏร่างเด็กหนุ่มที่เคยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง คนที่เด็กน้อยซึ้งนอนซมอยู่บนเตียงเอาแต่ร้องหาทั้งวัน

ไม่นานประตูบ้านก็ถูกเปิดออก

หลังจากทักทาย คุณแม่น้องแพทก็เดินนำมินเข้าไปในบ้าน คุยเรื่องอาการน้องให้คนฟังคิดบางอย่างได้

หรือว่าต้นเหตุจะเป็นนมกล่องนั้น

ต้องใช่แน่ๆ เลย

“ฝากคุณครูพี่มินดูแลน้องจนกว่าแม่จะกลับมาได้มั้ย พอดีแม่มีธุระด่วนที่ต้องไปจัดการ” คนถูกร้องขอพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้

ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ น้องแพทนอนซมอยู่แบบนี้จะทิ้งเอาไว้ก็กระไรอยู่

คุณแม่น้องแพทออกจากห้องไปแล้ว และไม่นานหลังจากนั้นเสียงสตาร์ทรถก็ดังขึ้นก่อนมันจะดังห่างออกไป

บ้านหลังใหญ่โตปราศจากความอบอุ่นอย่างที่แขกเองยังสัมผัสได้

มินปลดกระเป๋าเป้ออกจากไหล่ วางมันไว้กับพื้นก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างน้องอย่างระมัดระวัง พลางกวาดสายตามองคนหลับโดยเฉพาะใบหน้าซีดเผือดที่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกสงสารจับใจ

มือเรียวยื่นไปตรงหน้าลูบแก้มใสแผ่วเบา

“พี่มินขอโทษนะ” พอนึกว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องก็รู้สึกผิด

“คุงคูพี่มิง” ริมฝีปากแห้งผากขยับเพื่อเปล่งเสียงอันแหบแห้ง ดวงตากลมที่มีแววอ่อนล้าค่อยๆ ลืมขึ้นเพื่อสบตากัน

“พี่มินกวนพี่แพทรึเปล่าครับ”

เด็กน้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ

“อยากกิงน้ำจังเลย”

แก้วน้ำถูกส่งถึงปากเล็ก น้องจิบมันเพียงนิดหน่อยก็ดันแก้วออก มินวางแก้วลงบนโต๊ะใกล้ๆ และพอขยับมานั่งบนเตียงดีๆ ก็ถูกเด็กน้อยอ้อนด้วยการขยับมาหนุนตัก

“อุ่นจัง”

ขี้อ้อนจังนะ และมินก็แพ้ทางเด็กขี้อ้อนซะด้วยสิ

“คุงคูพี่มิงอยู่กับพี่แพทนะ”

จะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะ



[T B C]

ตอนแรกมาแล้วค่า
คุณครูพี่มินฉบับเรื่องยาวอาจจะไม่เหมือนฉบับเรื่องสั้นเท่าไหร่นะคะ
แต่พี่แพทยังคงออกเสียงแม่กนไม่ได้เหมือนเดิม เพราะน้องฟันหลอ 555
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ
หวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และหวังด้วยว่าทุกคนจะได้รับรอยยิ้มแล้วความสุขจากน้องแพทและคุณครูพี่มินนะ
คุยกันต่อได้ที่ #คุณครูพี่มิน
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-02-2018 21:27:16
คุณครูพี่มินของพี่แพท กับพี่แพทน่ารักจังค่ะ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-02-2018 01:28:54
น่ารักทั้งคู่เลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 02-02-2018 09:22:17
 :-[ น่ารักมากเลยคู่นี้ ตามลุ้นไปด้วยคน
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
เริ่มหัวข้อโดย: AppleA- ที่ 02-02-2018 09:30:17
พพี่แพทน่ารักจังค่ะ ขอยาดหยิกแก้ม55555
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
เริ่มหัวข้อโดย: route rover ที่ 02-02-2018 09:41:13
น่ารัก ละลายไปกับไปกับคนน่ารักทั้งสองคน :-[
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 2 {Up.100218}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 10-02-2018 20:35:20

คุณครูพี่มิน 2


เวลาล่วงเลยมาจนกลางดึก หากคุณแม่น้องแพทก็ยังคงไม่กลับมา ทั้งบ้านเงียบสงัด จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาไม่อยู่ตรงนี้ในตอนนี้ น้องแพทจะอยู่ยังไง

มินวางปากกาลงบนโต๊ะ หลังจากทำการบ้านวิชาคณิตศาสตร์เสร็จแล้ว และตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อจึงได้แต่นั่งมองไปรอบห้องอย่างเลื่อนลอย

กระทั่งสะดุดเข้าไปกรอบรูปครอบครัว ซึ่งน่าจะถูกถ่ายเมื่อไม่นานมานี้ เพราะเจ้าเด็กที่ยิ้มแฉ่งอยู่ในรูปนั้นขนาดตัวไม่ต่างจากคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียงเลย

“คุงคูพี่มิง” มินละสายตาจากรูปถ่าย มองไปยังเตียงนอนก็สบกับดวงตางัวเงียของคนเพิ่งตื่น

เขาตั้งใจจะลุกจากพื้นเพื่อเดินเข้าไปหาแต่น้องก็ชิงลุกจากเตียงเดินมายังจุดที่เขานั่งอยู่ซะก่อน

“อยากได้อะไรครับ”

เด็กน้อยไม่ตอบคำถามในทันที เจ้าตัวเล็กแทรกตัวนั่งลงบนตัก พิงศีรษะเล็กกับอกของพี่ชายคนใหม่ มินเองพอถูกอ้อนแบบนี้ก็ทำตัวไม่ค่อยถูกเหมือนกัน สุดท้ายจึงปล่อยให้น้องนั่งอยู่อย่างนั้นท่ามกลางห้องที่เงียบสงัด

ไม่แน่ใจว่าน้องแพทหลับไปแล้วหรือเปล่า มินจึงก้มหน้าลงไปดู ก็พบว่านอกจากไม่หลับแล้ว น้องแพทยังไม่มีอาการงัวเงียใดๆ เลย

“ไม่นอนเหรอครับ”

“คุงคูพี่มิงล่ะไม่นองเหรอ”

“เดี๋ยวพี่มินค่อยกลับไปนอนที่บ้าน”

“ไม่เอา พี่แพทไม่อยากอยู่คงเดียว” น้องเหลียวขึ้นมาด้วยสายตาอ้อนๆ ให้คนที่อยากจะกลับบ้านไปนอนเต็มแก่เผยรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนจะลูบเส้นผมนุ่มแผ่วเบา

“พี่มินจะอยู่กับพี่แพทจนกกว่าคุณแม่จะกลับมานะ”

“อือ” เด็กน้อยพยักหน้ารับก่อนย้ายก้นมานั่งบนโต๊ะญี่ปุ่นเตี้ยๆ หันหน้าเข้าหาคุณครูพี่มินของเขา “คุงคูพี่มิงน่ารักที่สุด”

น้องแพทยิ้มหวาน มือเล็กๆ กอบกุมใบหน้าหล่อเหลาของคนอายุมากกว่าเอาไว้ก่อนฝังปลายจมูกลงบนแก้มนุ่ม ให้คนถูกจู่โจมกะทันหันแข็งค้างไป

มินกระพริบตาปริบๆ เรียกสติ ก็แค่โดนเด็กจุ๊บแก้ม ไม่จำเป็นต้องตกใจขนาดนี้ และพอได้สติน้องก็ย้ายกลับมานั่งบนตักอีกครั้งแล้ว

“พี่แพทยังปวดท้องอยู่มั้ย”

“ไม่ปวดแล้ว แต่พี่แพทหิวอ่ะ หิวมากๆ เลย”

“ดื่มนมมั้ย”

“ไม่อยากดื่มนมเลย แต่ถ้าคุงคูพี่มิงให้ดื่ม พี่แพทก็ดื่มนะ”

“น่ารักมากครับ แต่พี่แพทต้องลุกจากตักพี่มินก่อนนะ”

“ไม่เอา อยากนั่งตรงนี้ ตักคุงคูพี่มิงอุ่นดี พี่แพทชอบ”

“ถ้าพี่แพทไม่ลุก พี่มินจะเอานมมาให้ดื่มได้ยังไง”

“พี่แพทไปด้วย พี่แพทอยากอยู่กับคุงคูพี่มิน”

“เอางั้นก็ได้” มินตอบรับพลางอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา และเจ้าตัวเล็กก็กอดคอหมับอย่างรู้งาน “ตัวแค่นี้น้ำหนักไม่เบาเลยนะ”

“เอาไว้โตขึ้ง พี่แพทอุ้มคุงคูพี่มิงบ้างนะ”

“อุ้มไปไหน”

“ไม่รู้แต่จะอุ้ม” เด็กน้อยส่ายหน้าพรืดตอบเสียงเจื้อยแจ้ว

“พอพี่แพทโต เราก็ตัวเท่ากันแล้วจะอุ้มได้ไง”

“อุ้มได้ก็แล้วกังน่า เชื่อพี่แพทเห้อ” เห็นท่าทางมั่นอกมั่นใจแล้วคนมองก็ได้แต่ยิ้ม

น้องแพทถูกวางลงบนเก้าอี้ในครัว ก่อนแขกจะทำหน้าที่ประหนึ่งเจ้าบ้าน เทนมใส่แก้วแล้วเอามาเสิร์ฟให้ถึงมือ

“คุงคูพี่มิงไม่หิวเหรอ เดี๋ยวพี่แพทแบ่งให้นะ” แก้วนมถูกส่งมาหลังจากน้องดื่มมันไปแค่อึกเดียว

เด็กก็คือเด็ก ดื่มมากดื่มน้อยก็เลอะเทอะอยู่ดี ลำบากมินต้องยื่นนิ้วโป้งไปปาดเอาคาบนมบนเรียวปากจิ้มลิ้มออกให้

“คุงคูพี่มิงใจดีจังเลยน๊า” เด็กน้อยว่าพลางคะยั้นคะยอด้วยสายตาให้คนอายุมากกว่าดื่มนมจากแก้วเดียวกับตน

ถูกอ้อนทีไร มินไม่เคยปฏิเสธน้องได้เลย ครั้งนี้ก็เช่นกัน ปากแก้วจรดริมฝีปาก มินดื่มมันไปเพียงนิดเดียวก่อนจะส่งคืนให้น้อง

อยู่ๆ น้องแพทก็หัวเราะเสียงใส ขณะดวงตากลมจับจ้องบนใบหน้าหล่อเหลา

“หัวเราะอะไรครับ”

“คุงคูพี่มิงกิงเลอะเทอะเป็งเด็กๆ เลยน๊า” น้องแพทหัวเราะคิกคักพลางยื่นมือไปปาดคราบนมบนเรียวปากอิ่มของอีกฝ่ายอย่างที่พี่มินเคยทำให้เขาก่อนหน้านี้

ตอนนี้ไม่รู้เลยว่าใครเอ็นดูใครมากกว่ากัน

“พี่แพทยังปวดท้องอยู่มั้ย”

“แค่เห็งหน้าคุงคูพี่มิงก็หายปวดเป็งปลิดทิ้งแล้ว” ช่างพูดจริง สีหน้าอ้อนๆ นั้นอีก น่ารักเสียจนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสัมผัสแก้มใสแผ่วเบา

“พี่แพทง่วงรึยัง”

“นองมาทั้งวันแล้ว ไม่ง่วงหรอก”

“ปกติถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่บ้าน พี่แพทอยู่กับใคร”

“พี่เลี้ยงอ่ะ แต่คงพวกนั้งไม่ได้เรื่องเลย น่ารักสู้คุงคูพี่มิงไม่ได้ซ้ากคง” ก็รู้สึกดีอยู่หรอกที่ถูกชมซึ่งๆ หน้า แต่คำพูดคำจาน้องแพทไม่น่ารักเอาซะเลย

“พี่เลี้ยงไม่น่ารักยังไง เล่าให้พี่มินฟังได้มั้ย”

“ก็… ไม่รู้อะ ชอบขัดใจพี่แพทไปหมดทุกเรื่องเลย จะดูการ์ตูนก็บังคับให้ทำกางบ้าง พอบอกให้สองก็สองไม่ได้ น่าเบื่อๆ”

“แล้วพอถูกขัดใจน้องแพททำยังไงครับ”

“ก็…” เด็กน้อยอ้ำอึ้ง เดาจากท่าทางได้ไม่ยากเลยว่าต้องทำตัวไม่น่ารักแน่ๆ “หมดแล้วอ่ะคุงคูพี่มิง” แก้วเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะก่อนเด็กแสบจะปีนลงจากเก้าอี้

“จะไปไหนอะ”

“นองไง พี่แพทง่วงม้ากมาก”

“เมื่อกี้ใครบอกไม่ง่วงเพราะนอนมาทั้งวันแล้ว”

“ไม่ใช่พี่แพทแน่ๆ” ทำไก๋ไปเถอะ น้องแพทนี่ท่าทางคงแสบไม่เบาเลย อยากรู้จังนะว่าจะแสบได้แค่ไหนกันเชียว

มินทำได้เพียงส่ายหน้า นึกระอาปนเอ็นดูก่อนเดินตามเด็กน้อยเข้าห้องนอน มองดูน้องแพทปีนขึ้นไปบนเตียง สอดตัวเล็กๆ เข้าไปใต้ผ้าห่ม หากแทนที่จะหลับคนบอกว่าง่วงมากๆ กลับมองมายังพี่มินด้วยดวงตาใสให้คนถูกจ้องต้องเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียง

“คุงคูพี่มิงเล่านิทางให้ฟังหน่อย” ถูกร้องขอแบบนี้ คนไม่เคยมีน้องก็ทำตัวไม่ถูก ในสมองของมินว่างเปล่า นิทานเหรอ เรื่องอะไรล่ะ คิดไม่ออกเลย

“พี่มิน…” มินอ้ำอึ้งให้เจ้าเด็กแสบหัวเราะคิก

“เล่าไม่เปงเหรอ งั้งเดี๋ยวพี่แพทเล่าให้คุงคูพี่มิงฟังนะ”

เหตุการณ์กลับตาลปัตรซะแล้ว มีที่ไหนเด็กเล่านิทานให้ผู้ใหญ่ฟัง และเล่ายังไม่ถึงครึ่งเรื่อง ผู้เล่าก็หลับกลางอากาศไปซะแล้ว

มินยื่นมือไปลูบผมน้องอย่างนึกเอ็นดู ก่อนเหลือบมองนาฬิกาซึ่งกำลังบอกเวลา 4 ทุ่ม ดึกป่านนี้แล้วคุณแม่น้องแพททำอะไรอยู่ ทำไมกล้าปล่อยลูกตัวเองไว้กับคนแปลกหน้าอย่างเขา

ขณะกำลังคิดเสียงสนทนาก็ดังขึ้นจากด้านนอก หากมันไม่ใช่เสียงพูดคุยธรรมดา ผู้ใหญ่ทั้งคู่ซึ่งมินคิดว่าน่าจะเป็นคุณพ่อกับคุณแม่น้องแพทกำลังเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

ขนาดเขาที่ไม่ใช่สมาชิกครอบครัว พอต้องตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดนี้ยังรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลย

มินละความสนใจจากเสียงดังนั้น จัดผ้าห่มให้น้อง นั่งมองใบหน้าน่ารักของเจ้าตัวแสบอย่างนึกเอ็นดูทั้งสงสาร

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ประตูห้องน้องแพทจึงถูกเปิดออก

มินที่เผลอหลับไปสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาก็พบกับใบหน้าอ่อนล้าของคุณแม่น้องแพทที่จับจ้องไปยังลูกชายตัวน้อยอย่างอ่อนโยนก่อนจะมองมายังเขา

“ทำให้มินลำบากเลย ขอโทษนะจ้ะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

“กลับบ้านเถอะ กลับเองได้ใช่มั้ย” เจ้าของดวงหน้าอ่อนล้าจ้องมองนาฬิกาอย่างกังวล ถึงแม้จะดึกมากแล้วแต่ไม่มีอะไรน่าห่วงเลย มินเป็นผู้ชายนะ เรื่องกลับบ้านดึกน่ะไม่ใช่ปัญหาเลย

“คุณแม่น้องแพทไม่ต้องกังวลนะครับ มินกลับบ้านดึกบ่อย แค่นี้สบายมาก”

“ยังไงก็ขอบคุณมินมากจริงๆ นะ ถ้าเป็นไปได้ แม่อยากให้มินมาช่วยดูน้องแพทจริงจังเลย แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ใช่มั้ย” อยากถามกลับไปว่าจริงจังแค่ไหน เพราะถ้าจริงจังมาก เด็กเตรียมสอบเข้ามหา’ลัยอย่างเขาคงทำไม่ไหว

“มินมีเรียนพิเศษสัปดาห์ละ 3 วัน เลิกเรียน 6 โมงเย็น ส่วนอีก 2 วันเลิกปกติ เสาร์-อาทิตย์ เรียนพิเศษถึงเที่ยง ถ้าคุณแม่น้องแพทไม่ว่าอะไร มินสามารถแบ่งเวลาได้นะครับ”

“แม่อยากให้น้องมินช่วยดูแลน้องแพทจริงๆ เชื่อมั้ยว่าเจ้าเด็กแสบเนี่ยไม่เคยทำตัวน่ารักกับพี่เลี้ยงคนไหนเลย กระทั่งเจอน้องมิน แม่ก็แปลกใจว่าทำไมถึงว่าง่ายขนาดนี้ ถ้าน้องได้อยู่กับมิน อะไรๆ อาจจะดีขึ้น”

“งั้น พรุ่งนี้เลิกเรียนมินไปรับน้องแพทที่โรงเรียนนะครับ”









ไม่คิดไม่ฝันว่าอยู่ๆ ก็จับพลัดจับผลูมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเสียได้

“กลับบ้านกันเลยมั้ย” มินเอ่ยถามเจ้าตัวเล็กเมื่อจูงมือน้องออกจากโรงเรียนมา

“ม่ายอ่า พี่แพทยังไม่อยากกลับบ้าง”

“แล้วอยากไปไหน”

“ไปทุกที่ที่มีคุงคูพี่มิง” ปากหวานจริง มินยิ้มบางให้กับความน่ารักของเด็กน้อยก่อนทำหน้าครุ่นคิด

“วันนี้มีการบ้านมั้ย” คิดว่าหาที่นั่งทำการบ้านคงดี

“ม่ายมีหรอก พี่แพททำเสร็จหมดแล้ว”

“สรุปไม่มีหรือทำเสร็จ”

“ก็ แบบว่า พี่แพท…”

“โกหกไม่น่ารักนะ”

“ไม่ได้โกหกนะ พี่แพทจำไม่ได้อ่ะ”

“งั้นเอากระเป๋ามาดู” น้องแพทปลดกระเป๋าเป้ออกอย่างอ้อยอิ่ง มินรับมันมาถือไว้ เขาคว้าจับมือน้องเพื่อไปหาที่นั่งดูสมุดการบ้านกัน

ระหว่างทางเจอคาเฟ่น่ารัก และน้องแพทก็บอกว่าหิวจึงตัดสินใจแวะนั่งกันที่นี่

“ไหนดูซิ” สมุดการบ้านถูกเอาออกมาจากกระเป๋า ถึงแม้จะเปิดดูแต่มินก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจริงๆ แล้วน้องมีการบ้านหรือเปล่า

“คุงคูพี่มิง” มือเล็กเอื้อมมาจับมือเจ้าของชื่อพลางมองมาด้วยสายตาอ้อนปนรู้สึกผิด “ที่จริงนะ พี่แพทมีกางบ้าง แต่ว่าพี่แพททำไม่ได้อ่ะ มันยากมากๆ เลย”

“นิ้วไม่พอเหรอ”

“ขอยืมนิ้วคุงคูพี่มิงได้มั้ยอ่า” มือเล็กเลื่อนลงมาจับนิ้วชี้ของมินไว้ ท่าทางที่ทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนทันที

นั่งทำการบ้านกันไม่นานอาหารว่างก็ถูกนำมาเสิร์ฟ น้องแพทดีใจใหญ่

“ค่อยๆ กินสิครับ”

“อร่อยอ่ะ” ไม่แน่ใจว่าอร่อยจริงหรือหิวกินแน่ แต่เจ้าตัวเล็กก็กินไม่หยุดเลย “คุงคูพี่มิงกินด้วยกังม้าย”

“ไม่เป็นไร พี่มินไม่หิว”

“เดี๋ยวพี่แพทป้องน๊า” จบคำของว่างในมือน้องแพทก็ถูกส่งถึงปากให้มินต้องรับเอาไว้อย่างยากที่จะปฏิเสธ “อร่อยมั้ย”

“อร่อยมากครับ”

“งั้นก็กินเยอะๆ เลยนะ จะได้โตไวๆ”

มินมุ่นคิ้วให้กับคำพูดคำจาเกินวัยของเด็กน้อย

“พี่มินโตแล้วนะ พี่แพทแหละต้องกินเยอะๆ จะได้โตไวๆ”

“โตกว่าคุงคูพี่มิงมั้ย”

“ถ้าอยากโตกว่าก็ต้องดื่มนมเยอะๆ นะ”

“ม่ายชอบเลยอ่ะ แต่ถ้าดื่มแล้วโตกว่าคุงคูพี่มิง พี่แพทก็จะดื่มเยอะๆ เลยนะ”

“เก่งมากครับ” มินลูบผมน้องอย่างนึกเอ็นดู

“คนเก่งต้องได้อะไรอะ”

“ได้อะไร”

“หอมแก้มไง เวลาพี่แพทเป็งเด็กดีคุงแม่จะหอมแก้มนะ คุงคูพี่มิงก็ต้องหอมด้วยซี่”

ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ น้องยื่นแก้มเข้ามาให้ขนาดนี้แล้ว มินจึงกดปลายจมูกลงบนแก้มใสเบาๆ ให้เด็กน้อยยิ้มกว้างจนแก้มแทบแตก

“พี่แพท…”

“มิน ใช่มินจริงๆ ด้วย” ขณะเด็กน้อยกำลังเอ่ย เสียงของคนอื่นก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน น้องแพทมุ่ยหน้ามองคุณครูพี่มินที่หันไปส่งยิ้มอ่อนโยนให้กับพี่สาวในชุดเครื่องแบบเดียวกันเมื่อเธอก้าวเข้ามาหยุดข้างโต๊ะ

“ว่าไง”

“ตอนเลิกเรียนไข่มุกแวะไปหามินที่ห้องแต่ไม่เจอ วันนี้ออกจากโรงเรียนเร็วเหรอ”

“อืม มีธุระอะไรกับเรารึเปล่า”

“คือว่า…” เธอมีท่าทีเอียงอายก่อนจะหยิบกล่องขนมที่ผูกโบว์ไว้อย่างสวยงามออกมาวางไว้บนโต๊ะ “วันนี้มุกเรียนทำขนมที่โรงเรียน อยากให้มินช่วยชิมหน่อย”

“ให้พี่แพทช่วยก็ได้น๊า พี่แพทชอบกิงขนมม้ากมาก” กล่องขนมถูกฉวยไปพร้อมกับเสียงใสให้คนอายุมากกว่าทั้งคู่มองตาม

มินส่งสายตาดุ บอกให้เด็กน้อยรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจ

“แต่ถ้าคุงคูพี่มิงไม่ให้ พี่แพทไม่กิงก็ด้ะ” น้องแพททำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางเลื่อนกล่องขนมกลับมาที่เดิม

“น้องชายมินเหรอ น่ารักจังค่ะ” ไข่มุกยิ้มหวานพลางยื่นมือไปลูบแก้มน้องแพทเบาๆ คนถูกจับแก้มไม่พอใจนักแต่เพราะอยู่ต่อหน้าคุณครูพี่มินเขาจึงแสดงออกไม่ได้มากนักเดี๋ยวจะโดนโกรธเอา

“ไม่ใช่น้องชายซักหน่อย”

“แล้วเป็นอะไรคะ”

“เป็ง… พี่แพทเป็งคงสำคังของคุงคูพี่มิง” มินหลุดขำให้กับคำพูดคำจาแก่แดดเกินวัยของเจ้าเด็กแสบ

คนสำคัญเหรอ รู้จักกันไม่กี่วันอยากเป็นคนสำคัญซะแล้ว เด็กน้อยที่เห็นเขาเป็นคนแปลกหน้าไม่ยอมคุยด้วย หายไปไหนซะแล้วล่ะ

“แล้วพี่เป็งอะไรกับคุงคูพี่มิงอ่ะ”

“เป็นเพื่อนที่โรงเรียนค่ะ ว่าแต่ ขอพี่ไข่มุกนั่งด้วยได้มั้ย”

เด็กสาวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ น้องแพททั้งที่ยังไม่มีใครอนุญาต

พี่แพทไม่อยากให้พี่คนนี้นั่งร่วมโต๊ะเลย แต่พี่มินก็ไม่ยอมไล่ไปซักที แถมยังทิ้งพี่แพทเอาไว้กับเธอลำพังอีก

น้องแพทมองตามมินที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำจนลับตา เช่นเดียวกับเด็กสาวข้างกายเขา

ลับหลังมิน เธอล้วงโทรศัพท์ออกมากดโทรออก รอสายไม่นานนักปลายสายก็รับ

“แก ให้ทายว่าฉันเจอใคร”

เด็กสาวพูดถึงมินซึ่งเป็นคนที่ตนตกหลุมรักอย่างออกรสออกชาติ แน่นอนว่าทุกคำพูดได้รับความสนใจจากเด็กน้อยซึ่งถึงแม้ไม่ตั้งใจฟังก็ได้ยินอยู่ดี

ก็เล่นคุยเสียงดังขนาดนี้

พลันน้องแพทก็จับจ้องไปยังกล่องขนมที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ

ไม่อยากให้คุงคูพี่มิงรับขนมกล่องนี้เลย

ตุบ!

“อุ้ย! พี่แพทขอโทษนะฮะ” เด็กน้อยเอ่ยเมื่อตั้งใจปัดกล่องขนมให้ร่วงลงบนพื้น เจ้าของมันตวัดสายตามอง เธอหันไปคุยบางอย่างกับเพื่อนก่อนวางสาย และตั้งใจจะก้มเก็บกล่องขนมขึ้นมา

หากก็ช้าเกินไปเสียแล้ว

ตุบ!

คราวนี้เป็นเสียงน้องแพทที่กระโดดลงจากเก้าอี้แล้วเหยียบกล่องขนมจนบี้แบน เด็กน้อยช้อนสายตารู้สึกผิดมองเพื่อนพี่มินแล้วกล่าวขอโทษด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“พังหมดเลย พี่แพทไม่ได้ตั้งใจนะ พี่แพทจะลงมาเก็บขนมให้แต่...” เด็กน้อยเบะหน้าเหมือนจะร้องไห้ ให้เด็กสาวที่ก่อนนี้นี้ชักสีหน้าไม่พอใจทำหน้าไม่ถูก

ถ้าเด็กคนนี้ร้องไห้เพราะตน มินต้องไม่พอใจแน่ๆ

“ไม่เป็นไรนะน้องแพท พี่ไข่มุกไม่โกรธนะ ไม่ร้องนะคะคนเก่ง” ศีรษะทุยถูกมือบางลูบแผ่วเบาพร้อมกับการปลอบประโลมที่มองก็รู้ว่าเธอไม่เต็มใจทำนัก

“แต่ว่า…” กล่องขนมซึ่งอดีตเคยเป็นทรงสีเหลี่ยมแต่บัดนี้บิดเบี้ยวยับย่นเนื่องจากโดนเหยียบถูกหยิบขึ้นมา

“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรนะ” เด็กน้อยยิ้มร่าเมื่อได้รับการให้อภัยต่างจากอีกฝ่ายที่จวนเจียนจะร้องไห้เต็มที

“พี่ไข่มุกใจดีจังเลย เดี๋ยวขนมนี่พี่แพทจะรับผิดชอบเองนะ จะกิงให้หมดเลย”

น้องแพทว่าอย่างนั้นก่อนจะพยายามปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม แต่ความพยายามยังไม่ทันเริ่มร่างของเขาก็ถูกใครบางคนอุ้มจนตัวลอยแล้ววางลงบนเก้าอี้อย่างนุ่มนวล

“คุงคูพี่มิง ขอบคุงค้าบ”

“นั่น!?” ดวงตาคมจับจ้องไปยังกล่องในมือน้องแพท “ทำไมสภาพเป็นงั้นล่ะ”

“พี่แพททำพังเองแหละ”

มินยิ้มเจื่อนให้กับคำสารภาพจากปากจิ้มลิ้มก่อนเลื่อนสายตาไปมองเด็กสาวผู้เป็นเจ้าของมัน

“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะ เดี๋ยวไข่มุกกลับเลยดีกว่า ไว้เจอกันที่โรงเรียนนะ”

ทั้งคู่โบกมือลากันตามมารยาท มินไม่ได้มองส่งเด็กสาวแต่เขาเลือกที่จะหันมามองเด็กน้อยที่ถึงแม้จะรู้จักกันได้ไม่นานก็พอรู้ถึงความแสบสันของเจ้าตัวอยู่บ้าง

“พี่แพทไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะคุงคูพี่มิง”

“ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

“ก็คุงคูพี่มิงมองพี่แพทด้วยสายตาแบบนั้น”

“สายตาแบบไหนครับ หืม” มินถามพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ น้องแพทเองก็ไม่คิดจะผละห่างเช่นกัน

ทั้งคู่สบตากันนิ่งๆ ใบหน้าน่ารัก ดวงตากลมโต ริมฝีปากจิ้มลิ้ม แก้มยุ้ยๆ ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นน้องแพทช่างน่ารักเสียจนพี่มินอดใจไม่ไหว ต้องขยับเข้าไปหอมแก้มน้องฟอดใหญ่ ฝ่ายคนถูกขโมยหอมก็ได้แต่นั่งอึ้ง

“คุงคูพี่มิงหอมแก้มพี่แพททำไมอะ” มือเล็กลูบแก้มตัวเองป้อยๆ

“ก็พี่แพทน่ารักนี่นา”

“ขี้โกงอ่ะ คุงคูพี่มิงก็น่ารัก งั้งก็มาให้พี่แพทหอมแก้มซะดีๆ” มินหัวเราะร่วน และในตอนนั้นเองที่นึกบางอย่างได้

แย่เลย มัวแต่เล่นสนุกกับน้องจนลืมเรื่องสำคัญ

“พี่แพทเมื่อกี้พี่มินคุยกับคุณแม่”

น้องมองมาด้วยสายตาใคร่รู้ แม้ไม่อยากพูดต่อแต่ก็ต้องพูดอยู่ดี

“คุณแม่บอกว่าคืนนี้ไม่มีใครอยู่บ้านนะ”

“หนีเที่ยวกังอีกแล้ว” คิดว่าน้องจะเสียใจซะอีก หากน้องแพทกลับเพียงแค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ แค่นั้น

“ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่บ้าน พี่แพทอยู่กับใครครับ”

“กับพี่เลี้ยงงาย คืนนี้พี่แพทก็จะอยู่กับคุงคูพี่มิงนะ”

“แต่พรุ่งนี้พี่มินต้องไปโรงเรียน ไปค้างบ้านน้องแพทไม่ได้หรอก” มินคิดไม่ตก ครั้นจะปล่อยให้น้องอยู่บ้านคนเดียว ไม่สิ เขาทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก

ทางออกเดียวที่คิดได้ตอนนี้ก็คือ…

“งั้นคืนนี้พี่แพทไปนอนบ้านพี่มินมั้ย”

คนถูกชวนไปนอนบ้านเบิกตาโต ตื่นเต้นกับการได้ไปนอนสถานที่แปลกใหม่กับคุณครูคนโปรด

“ว่าไงครับ ไปนอนบ้านพี่มินด้วยกันมั้ย”

“พี่แพท...”

“ไม่อยากไปเหรอ”

“ก็ไม่ได้อยากไปเท่าไหร่น๊า แต่ถ้าคุงคูพี่มิงอยากให้ไปพี่แพทไปก็ได้”

“ถ้าลำบากใจจะกลับไปนอนบ้านคนเดียวก็ได้นะ”

“ไม่เอา พี่แพทไม่อยากนองที่บ้างคงเดียวแล้ว” เด็กน้อยส่ายหน้าพรืด พูดแบบนี้หมายความว่าเคยถูกทิ้งให้นอนที่บ้านหลังใหญ่นั่นคนเดียวอย่างนั้นเหรอ

“เคยนอนที่บ้านคนเดียวเหรอครับ”

“อือ” น้องแพทพยักหน้าพลางมุ่นคิ้ว กำลังคิดถึงความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในจิตใจในตอนนั้น

“เล่าให้พี่มินฟังได้มั้ย”

จำได้ว่าวันนั้นคุณแม่ให้พี่เลี้ยงมารับที่โรงเรียนอย่างเคย พอกลับมาถึงบ้านทุกอย่างก็ปกติดี น้องแพทนั่งรอคุณแม่กับคุณพ่อที่โต๊ะกินข้าวเพื่อรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน แต่จนเวลาล่วงเลยมื้อเย็นทั้งสองคนก็ยังไม่มา สักพักพี่เลี้ยงก็เข้ามาบอกว่าคุณแม่กับคุณพ่อติดธุระสำคัญคงไม่ได้กลับบ้านคืนนี้

น้องแพทเข้าใจดี กินข้าวด้วยหัวใจห่อเหี่ยวแล้วค่อยอาบน้ำเข้านอน

น้องแพทตื่นขึ้นมาตอนกลางดึก ทั้งห้องมีเพียงแสงจากไฟที่เปิดไว้นอกบ้านลอดส่องเข้ามา น้องแพทเรียกหาพี่เลี้ยงเพราะอยากเข้าห้องน้ำ แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เลย

เดินหาทั่วบ้านก็ไม่พบ ตอนที่ยืนเคว้งอยู่ในห้องรับแขกนั่นเองที่น้องแพทมั่นใจว่าถูกทิ้งไว้คนเดียวแล้วอย่างแน่นอน

เด็กน้อยนั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ข้างโซฟาทั้งคืน

ความรู้สึกหวาดดกลัวในยามถูกทิ้งนั้นยังคงชัดเจนในใจ ไม่รู้ว่าจะจางหายไปเมื่อไหร่

มินไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนตอนที่ฟังเรื่องราวอันน่าหดหู่นั้นจบ เขาสัญญากับตัวเองในตอนนั้นเลยว่าจะไม่ปล่อยให้น้องตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าหวาดกลัวนั้นอีก



[T B C]

ขอมือคนเอ็นดูพี่แพทหน่อยค่ะ 5555
เราเอง ยกมือสุดแขนเลย
ถ้าเอ็นดูน้อง เราก็ขอฝากฝังน้องไว้ในใจทุกคนเลยก็แล้วกันนะ
ขอบคุณที่สละเวลามาอ่าน ซึ้งใจมากเลย จริงๆ นะ
เอาไว้เจอกันตอนหน้า คุยกันต่อที่ #คุณครูพี่มิน
รักค่ะ
แจ๊ส
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 10-02-2018 21:14:13
พี่แพทน่ารักจังเลย  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-02-2018 21:40:43
พี่แพทน่ารักนะ แต่เราว่าพี่แพทซ่อนความร้ายกาจไว้ข้างในอ่ะ ฮา
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 1 {Up.010218}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-02-2018 02:27:27
น่ารักทั้งพี่มิน พี่แพทเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 3 {Up.170218}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 17-02-2018 19:41:21

คุณครูพี่มิน 3


บ้านคุณครูพี่มินเป็นบ้านชั้นเดียวหลังไม่ใหญ่นัก เมื่อเปิดประตูรั้วเข้ามาก็พบกับสวนที่ถูกดูแลเป็นอย่างดี ตรงเข้ามาในตัวบ้าน ถอดรองเท้าเก็บที่ตู้ไม้ ก้าวเท้าขึ้นบนพื้นต่างระดับเลี้ยวขวา ฝั่งขวามือคือห้องรับแขก ซ้ายมือคือส่วนของห้องครัว ตรงหน้าคือบันไดที่จะพาขึ้นสู่ห้องนอน

น้องแพทเดินตามคุณครูพี่มินขึ้นบ้านอย่างว่าง่าย ขณะกวาดสายตามองสถานที่แปลกใหม่ด้วยความตื่นตาตื่นใจ

“มองอะไรครับ เข้ามาสิ” เจ้าตัวเล็กก้าวผ่านกรอบประตูเข้าสู่โลกส่วนตัวของคุณครูผู้เป็นที่รัก พลางปลดกระเป๋าเมื่อเห็นเจ้าของห้องวางกระเป๋าของตนลงบนพื้นใกล้ๆ เตียงนอน

“เตียงคุงคูพี่มิงเล็กจัง จะนองด้วยกังสองคงได้งาย”

“ก็นอนเบียดๆ กัน” มินหันไปตอบพลางปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออก ไม่สนใจดวงตากลมๆ ที่จับจ้องเขาไม่วางตา

“พี่แพทไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยงนะ ไม่อาบน้ำได้มั้ย”

“ไม่ได้” เล่นกับเพื่อนมาทั้งวันจะมาอู้ไม่อาบน้ำไม่ได้เด็ดขาด

“แล้วจะให้ใส่อะไรอะ แก้ผ้านองเหรอ ไม่เอาหรอก งี้คุงคูพี่มิงก็เห็งจู๋พี่แพทดิ”

“ไม่ดูหรอกน่า”

“ไม่เอา พี่แพทอายนะ” เด็กน้อยส่ายหน้าพรืดให้มินขำอย่างนึกเอ็นดู

“พี่มินสัญญาว่าจะไม่ดูจู๋พี่แพทแน่นอน” มินก้มหน้าลงไปหาพลางยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าหากเด็กน้อยก็ส่ายหน้าปฏิเสธพลางถอยหลังออกไป

“ไม่เชื่อหรอก”

“แล้วจะให้พี่มินทำยังไงครับ ต้องกลับไปเอาเสื้อผ้าให้พี่แพทที่บ้านเหรอ ไม่เอาน่า ไกลจะตาย พี่มินเหนื่อยมากเลย”

เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิด พักหนึ่งที่เดียวก่อนจะพยักหน้า

“ก็ได้ นอกจากเกงในแล้ว พี่แพทไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยงนะ”

“เสื้อผ้าพี่มินไง” บอกน้องพลางรื้อหาเสื้อในตู้ที่น้องพอจะใส่ได้ แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่มีเลย ดังนั้นจึงตัดสินใจเลือกเสื้อสีเหลืองออกมาตัวนึง

“ตัวใหญ่ขนาดนั้ง พี่แพทจะใส่ได้ไง”

“ทนใส่ไปก่อนไม่ได้เหรอ” คราวนี้ถึงตาพี่มินอ้อนบ้าง เพราะถ้าน้องแพทไม่ยอมใส่เสื้อของเขาก็ไม่มีทางออกอื่นให้เลือกแล้ว

“ก็ได้ เสื้อมังยาวใช่มั้ยคุงคูพี่มิง”

“ยาวนะ” ตอบพลางทาบเสื้อลงบนตัวเด็กน้อย “คลุมเข่าเลย”

“ก็ดีนะ คุงคูพี่มิงจะได้แอบดูจู๋พี่แพทไม่ได้ไง”

“ใครอยากดู”

“ไม่รู้แหละ แต่คุงแม่เคยบอกพี่แพทว่าห้ามให้ใครดูจู๋เด็ดขาด” นอกจากพวกโรคจิตแล้วคงไม่มีใครขอดูจู๋คนอื่นหรอก และแน่นอนว่ามินห่างไกลคำว่าโรคจิตมากถึงมากที่สุดเลย

“ช่างจ้อนะเรา ไปอาบน้ำได้แล้ว”

“จ้อคือไรอะ เหมืองไก่จ๊อมั้ย ไก่จ๊ออร่อย แต่ช่วงนี้คุงแม่ไม่ค่อยทำให้พี่แพทกิงเลย พูดแล้วก็อยากกิงนะคุงคูพี่มิง”

“เอาไว้วันหลัง พี่มินทำให้กินดีมั้ยครับ”

“ทำเป็งเร้อ” แน่ะ สบประมาทกันซะด้วย ร้ายกาจเสียจริง

“ก็ต้องลองนะ แต่ว่าตอนนี้ไปอาน้ำก่อน”

“คุงคูพี่มิงยังไม่ตอบคำพี่แพทเลย จ้อคือไรอ่ะ”

“จ้อก็คือ...” มินตอบพลางดันหลังน้องให้เดินไปเข้าห้องน้ำ “ช่างพูด”

“แล้วทำไมไม่พูดว่าช่างพูดอ่ะ พูดว่าช่างจ้อทำไม พี่แพทไม่เข้าใจ”

“ก็อยากพูด”

“แต่พี่แพทไม่อยากให้พูด พี่แพทอยากให้คุงคูพี่มิงพูดแต่สิ่งที่พี่แพทเข้าใจ”

“ช่างจ้อ”

“ไม่เอาช่างจ้อไง”

“อาบน้ำได้แล้วไง”

“คุงคูพี่มิงก็ออกไปสิ พี่แพทจะได้ถอดเสื้อผ้า”

“หวงอะไรนักหนาตัวแค่นี้ อาบน้ำเองเป็นเร้อ”

“สบายมาก พี่แพทเก่งนะ”

“ก็ได้ แต่ว่าฝักบัวมันอยู่สูง เปิดฝักบัวถึงเหรอ” เด็กน้อยมองตามแล้วส่ายหน้า ปกติ ตอนอยู่บ้านน้องแพทจะอาบน้ำในอ่างก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องความสูง

แย่เลย แบบนี้คุงคูพี่มิงก็เห็นจู๋พี่แพทน่ะสิ

“เอางี้” พอเห็นน้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มินจึงคุกเข่าลงตรงหน้า บอกให้น้องกางแขนขึ้นแล้วใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กพันเอวน้องเอาไว้ “พันไว้แบบนี้ พี่มินก็ไม่เห็นจู๋พี่แพทแล้ว”

“โห” เด็กน้อยอุทานพลางทำตาโตเหมือนตื่นตาตื่นใจกับความมหัศจรรย์ของผ้าขนหนูผืนเล็ก

ที่บ้านพี่แพทมีผ้าขนหนูไว้เช็ดตัว พอตัวแห้งแล้วก็สวมชุดคลุม แค่ผูกผ้าคาดเอวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

“ถอดเสื้อผ้าเสร็จแล้วเรียกพี่มินนะ” พี่มินว่าแล้วหันหลัง แต่ก็ถูกเด็กน้อยสะกิดไหล่แล้วไล่ให้ออกไป โดยให้เหตุผลว่า

“คุงคูพี่มิงออกไปยืนตรงโน้นซี่ พี่แพทอายนะ”

เป็นเด็กที่เรื่องมากเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่พี่เลี้ยงลาออกบ่อยขนาดนั้น

มินก้าวออกมายืนอยู่ห่างๆ อย่างที่น้องแพทต้องการ แอบเหลือบมองคนที่กำลังใช้นิ้วป้อมๆ ปลดกระดุมเสื้อแล้วอยากเข้าไปช่วยแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะขืนทำอย่างนั้นต้องถูกไล่ตะเพิดออกมาแน่

เวลาค่อยๆ ผ่านไป ถ้ามินใช้เวลาระหว่างรอทำการบ้าน งานเข้าคงเสร็จไปสัก 20%

“คุงคูพี่มิง พี่แพทเสร็จแล้ว” คนถูกเรียกหันไปมอง ก็พบน้องแพทยืนอยู่หลังประตู มือข้างหนึ่งจับปมผ้าขนหนูไว้อย่างแน่นหนา คงผูกไม่เป็นล่ะมั้ง ก็เด็กนี่นา

“ใช้ฝักบัวเป็นใช่มั้ยครับ”

“คิดว่า...” เสียงน้องลังเล ฟังก็รู้ว่าไม่เคยใช้และใช้ไม่เป็น

“งั้นเดี๋ยวพี่มินเปิดน้ำให้ พี่แพทก็แค่ถือฝักบัวแล้วก็ใช้มันราดตัวนะ” มือเรียวยื่นไปเปิดน้ำโดยถือฝักบัวไว้ด้วยมืออีกข้างนึง

น้องแพทมองสายน้ำที่ไหลออกมาจากอุปกรณ์ในมือคุณครูพี่มิน ครุ่นคิดสักครู่แล้วจึงถาม

“เปิดปิดน้ำตรงนี้เหรอ” นิ้วเรียวชี้ไปยังส่วนที่ใช้บังคับการไหลของน้ำที่คุณครูพี่มินยังคงจับเอาไว้

“ใช่ครับ”

“พี่แพทแค่หมุงใช่มะ”

“ถูกต้อง”

“ไม่เห็งจะยากเลย พี่แพทอยากอาบน้ำแล้ว คุงคูพี่มิงออกไปสิ” มินผละออกมาเมื่อเด็กน้อยย่นจมูกใส่เขาพลางใช้มือเล็กๆ ดันไหล่ไล่ออกมา

“ถ้าหมุนไม่ได้ก็ไม่ต้องหมุนนะ” ไม่ลืมกำชับก่อนเดินออกจากห้องน้ำมา และเสียงเด็กที่อยู่ข้างหลังก็ดังแว่วตามหลังให้ได้ยิน

“เปิดน้ำทิ้งไว้ได้ไง เปลืองแย่เลย” น้องแพทเนี่ย เป็นเด็กที่คาดไม่ถึงเหมือนกันนะบางที

มินยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่เคยทำ เหลือบมองเด็กที่กำลังตั้งใจใช้ฝักบัวรดตัวเอง พลางใช้มือเล็กๆ ถูต้นแขนอย่างเอาจริงเอาจริงแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าทั้งนึกเอ็นดู

น้องแพทเนี่ยทำให้เขารักได้ง่ายๆ เลยแฮะ







เสียงฝีเท้าที่ก้าวมาหยุดตรงหน้าประตูทำให้เด็กที่กำลังนอนกลิ้งเกลือกอยู่บนเตียงลุกขึ้นนั่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องเปิดออก

คุณแม่ของมินนั่นเอง

ใบหน้าอ่อนโยนส่งยิ้มให้เด็กที่มองมายังตนด้วยสายตาสงสัยใคร่รู้

“คุงคู...” คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอที่โรงเรียน แต่น้องแพทก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าผู้มาใหม่คือใคร จนคุณครูพี่มินต้องเฉลย

“คุณแม่พี่มินเอง เป็นคุณครูสอนที่โรงเรียนพี่แพทด้วยนะ”

“พี่แพทคุ้งหน้านะ แต่จำไม่ได้อ่ะ ขอโทษครับคุงคูคุงแม่คุงคูพี่มิง” ช่างเป็นสรรพนามที่ซับซ้อนเสียจนคนฟังหลุดขำ

“เรียกคุณครูแม่แต้วก็ได้ค่ะ”

“คุงคูแม่แต้ว” น้องแพทว่าตามอย่างว่าง่าย

“หิวข้าวกันรึยังเด็กๆ”

“พี่แพทหิวมากเลยนะคุงคูแม่แต้ว” คนหิวว่าพลางลูบท้องตัวเองป้อยๆ ให้พี่มินหันมามองด้วยสายตาแปลก ทั้งที่เพิ่งกินของว่างไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วแท้ๆ หิวเร็วเกินไปมั้ย

“วันนี้มีแกงส้มชะอมไข่เจ้าอร่อยด้วยนะ”

“แกงส้มอะไรนะ พี่แพทไม่รู้จักเลยครับ”

“อร่อยมาก ของโปรดคุณครูพี่มินด้วยนะ” เด็กน้อยเบิกตาโตก่อนหันไปยิ้มให้คนที่ยังคงนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะเหมือนเมื่อชั่วโมงก่อน

“คุงคูพี่มิงลงไปกิงข้าวกัง พี่แพทหิวมากๆ เลย”

“ลงไปก่อนเลย เดี๋ยวพี่มินตามไป”

“ไม่เอา ลงไปพร้อมกัง นะๆ คุงคูพี่มิง” เจ้าตัวเล็กวิ่งดุ๊กๆ เข้าไปหาพลางจับมือที่กำลังตวัดปากกาทำการบ้านให้มินต้องหยุดทุกการกระทำเพื่อหันไปมองและพบกับใบหน้าอ้อนๆ ที่ทำให้เขาใจอ่อนทันที







พื้นที่หัวโต๊ะถูกยกให้เป็นเจ้าแขกตัวน้อย และดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบอกชอบใจมากทีเดียว เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่น้องแพทได้นั่งหัวโต๊ะ

“หูย มีไก่ทอดด้วย” แขกตัวน้อยตาเป็นประกาย มองจานใส่ไก่ทอด สีทองส่งกลิ่นหอมโชยมาเตะจมูกแล้วน้ำลายก็พานจะไหล

“พี่แพทชอบไก่ทอดเหรอลูก”

“ชอบมากๆ เลยฮะคุงคูแม่แต้ว” ผู้อาวุโสที่สุดในบ้านยิ้มเอ็นดู มองน้องแพทแล้วพานนึกถึงลูกชายคนเล็กของตนตอนอายุเท่านี้ เวลาผ่านไป ตอนนี้น้องมินก็โตเป็นผู้ใหญ่เสียแล้ว

“ชอบก็กินเยอะๆ เลยนะ”

“คุงคูพี่มิงก็กิงเยอะๆ เลยนะ” เจ้าตัวน้อยใช้ส้อมเสียบไก่ส่งให้คุณครูพี่มินบ้างก่อนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้าตน

“มินซักผ้าเหรอลูก”

เสียงเครื่องซักผ้าดังครืดๆ อยู่ที่หลังบ้าน

“ชุดนักเรียนน้องแพทครับแม่”

“เลี้ยงน้องไหวแน่นะ ถ้าไม่ไหวให้แม่ช่วยหาพี่เลี้ยงให้มั้ย”

“ไม่เป็นไรครับ” ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เอ็นดูน้องแพทมากขนาดนี้มินคงตอบตกลงให้แม่หาพี่เลี้ยงมาแทนตน แต่ตอนนี้มันยากเหลือเกินที่จะปล่อยน้องไป

คิดว่าถ้าถึงวันที่ต้องห่างกันจริงๆ เขาคงคิดถึงเจ้าตัวแสบมากทีเดียว

“คุงคูแม่แต้วค้าบ”

“ว่าไงลูก” เสียงเล็กๆ เรียกให้คุณครูแม่แต้วที่กำลังมองหน้าลูกชายตนหันไปมอง และก็พบว่าเจ้าของเสียงกำลังจ้องมองอาหารบนโต๊ะด้วยความสงสัยใคร่รู้

“แกงส้มชะอมไข่คืออังไหนค้าบ”

“เด็กกินไม่ได้หรอก มันเผ็ดนะ”

“ขอชิมคำนึงนะค้าบคุงคูแม่แต้ว” ไม่ว่าจะมินหรือแม่ พอถูกน้องแพทอ้อนก็ใจอ่อนตามกันไปทุกราย

แกงส้มชะอมไข่ถูกตักด้วยช้อนกลางส่งสู่ช้อนในมือน้องแพท เหมือนมือเล็กนั่นสั่นหน่อยๆ ในยามที่กำลังจะส่งช้อนเข้าปาก มินจึงยื่นมือไปช่วยประคองไว้

“ชิมนิดเดียวพอ”

มินเตือนและน้องก็รับฟังทั้งทำตามเป็นอย่างดี

แกงส้มถูกส่งเข้าปากอย่างระมัดระวัง เมื่อสัมผัสมันด้วยลิ้นน้องแพทก็นิ่งไป

เป็นครั้งแรกที่ได้ลิ้มลองอาหารรสจัดแบบนี้ อร่อยดี อร่อยมากเลย

“อร่อยมากเลยครับคุงคูแม่แต้ว พี่แพทขออีกได้มั้ย”

“คำเดียวนะ”

คำเดียวก็ได้ อย่างน้อยก็ได้กินของอร่อยๆ

น้องแพทพยักหน้ารับข้อเสนอ ครั้งนี้คุณครูแม่แต้วปล่อยให้น้องตักอาหารในถ้วยด้วยตัวเอง แต่ก็ยังอยู่ในการช่วยเหลือของมินเช่นเดิม

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารครึกครื้นขึ้นมากอย่างผิดปกติเมื่อมีเด็กน้อยตัวแสบร่วมโต๊ะด้วย

เพราะงานที่ยุ่งมากทำให้มินไม่ค่อยได้เจอแม่นัก นานๆ จะมีโอกาสได้กินข้าวพร้อมหน้ากันซักที และวันนี้กับบรรยากาศบนโต๊ะอาหารแบบนี้ มินมีความสุขจนหัวใจพองคับอกเลยทีเดียว

ต้องขอบคุณน้องแพท เพราะมีเจ้าตัวเล็กอยู่ด้วยเขาถึงได้มีโอกาสหัวเราะไปพร้อมๆ กับแม่ ได้ใช้เวลาที่แสนจะมีความสุขนี้ไปพร้อมๆ กัน







“คุงคูพี่มิงไม่อาบน้ำเหรอ” น้องแพทเอ่ยถามขณะนั่งมองคนที่กำลังทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะจากบนเตียง

“รอตากผ้าให้พี่แพทก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยอาบ”

“คุงคูพี่มิงใจดีจังเลย” คนถูกชมหมุนเก้าอี้มามองหน้ากันพลางยิ้มเล็กๆ อย่างเจ้าเล่ห์ตรงมุมปาก

“ใจดีแล้วได้รางวัลมั้ย”

“อยากให้นะ แต่คุงคูพี่มิงยังไม่อาบน้ำเลย ตัวเหม็ง”

“ไม่เหม็นหรอก”

“เหม็งเซ่ คงไม่อาบน้ำน่ะตัวเหม็งสุดๆ เลย”

“ไม่เหม็นนะ ไม่เชื่อก็ลองพิสูจน์สิ”

มินลุกจากเก้าอี้ ก้าวขายาวๆ ทีเดียวก็ถึงตัวน้องแพทแล้ว เจ้าของร่างเล็กถูกอุ้มขึ้นมานั่งบนตักอย่างไม่ตั้งตัว โวยวายนิดหน่อยแต่พอถูกรัดเอาไว้ด้วยแขนเรียวก็หมดแรงจะห้ามปรามกลายเป็นนั่งนิ่งๆ ให้คนที่ตนบอกว่าตัวเหม็นกอดเอาไว้แนบอก

“พิสูจน์ที่แก้มมั้ย”

น้องแพทชั่งใจเมื่อคุณครูพี่มินยื่นแก้มขาวๆ เข้ามาใกล้

“พี่มินตัวเหม็นมากเลยเหรอ งั้นไปอาบน้ำดีกว่าเนอะ” มินตั้งใจจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกน้องแพทใช้แขนเล็กคล้องคอเอาไว้ก่อนใบหน้าน่ารักจะยื่นเข้ามาใกล้แล้วฝังจมูกลงบนแก้มเขา

“คุงคูพี่มิงตัวไม่เหม็งนะ ตัวหอมเหมืองพี่แพทเลย” พอผละออกก็มองมาตาแป๋วพร้อมว่าอย่างนั้น
แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ แม้ตัวไม่เหม็นก็ต้องอาบน้ำอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ

“เดี๋ยวพี่มินลงไปตากผ้า พี่แพทอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย”

“อยากไปด้วยอะ”

“ไม่ง่วงเหรอ นี่จะสี่ทุ่มแล้วนะ”

“ม่ายง่วง” น้องแพทส่ายหัว “อยากลงไปด้วยกับคุงคูพี่มิง นะค้าบ”

อ้อนอีกแล้ว และมินก็กำลังจะใจอ่อน

“พี่มินลงไปแค่แป๊บเดียว เด็กดีนอนรอพี่มินอยู่บนห้องนะ”

“แต่ว่า...”

“พี่แพทคนเก่ง” คนเป็นน้องเองพอถูกคุณครูพี่มินอ้อนก็ใจอ่อนยวบยาบเลย

“ก็ได้ แต่สัญญานะว่าจะรีบกลับมา”

“สัญญาครับ” มินแทนคำสัญญาด้วยจูบที่หน้าผากมนแผ่วเบาหนึ่งทีก่อนเขาจะเดินออกจากห้องไป

ใช้เวลาจัดการกับเสื้อผ้าไม่นานก็กลับมาที่ห้องพร้อมนม 2 แก้ว

“ไหนบอกว่าจะไปแป๊บเดียวไง” เมื่อโผล่หน้าเข้ามาแล้ววางแก้วนมลงบนโต๊ะก็พบกับใบหน้าบูดบึ้งของคนที่นั่งกอดอกอยู่บนเตียงมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ

“พี่มินรีดชุดนักเรียนให้แพทไงครับ”

“อ๋อ” เด็กน้อยพยักหน้ารับรู้แต่ก็ยังงอนไม่หายที่อีกฝ่ายไม่รักษาสัญญา

“ยังงอนพี่มินอยู่เหรอ”

“ม่าย” คนไม่งอนที่ไหนจะหน้างอขนาดนี้

“ไม่งอนนะ” มินเกลี่ยแก้มใสด้วยนิ้วโป้งแผ่วเบา “ดื่มนมแล้วนอนซะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน”

มินผละออกไปหยิบแก้วนมส่งให้น้องแพทที่ทำหน้าเหมือนไม่ค่อยอยากรับไว้แต่ก็จำใจยอมรับมา

“ดื่มหมดแล้ววางแก้วไว้บนโต๊ะเลยนะ เดี๋ยวพี่มินไปอาบน้ำแล้ว” มินผละออกมา แต่ก็ต้องชะงักมือที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตากลมที่จับจ้องเขาไม่วางตาเลย

“มองพี่แพททำไมอะ”

“พี่แพทมองพี่มินก่อนไม่ใช่เหรอ”

“เปล่าซักหน่อย” ปฏิเสธพลางหลบตาให้มินก้าวเข้าไปหา ใช้มือกอบกุมใบหน้าน่ารักที่ทำเป็นเมินมองไปทางอื่นให้หันกลับมาสบตากัน

“ดื่มนมแล้วนอนซะ”

“พี่แพทไม่ชอบดื่มนมนะ แต่ถ้าคุงคูพี่มิงอยากให้ดื่มพี่แพทก็จะดื่มให้หมดเลย”

“เก่งมากครับเด็กดี” มินยิ้มกว้างจากใจก่อนผละออกมา ที่จริงเขาอยากทำการบ้านต่ออีกซักนิด แต่ถ้าเขายังไม่นอนน้องแพทก็คงไม่ยอมนอนด้วยเหมือนกัน จึงจำใจเลิกแล้วค่อยไปทำพรุ่งนี้ก็ได้

มินใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก พอก้าวออกจากห้องน้ำมาก มองไปที่เตียงก็สบเข้ากับดวงตากลมๆ ของน้องแพทที่กำลังมองมายังเขาเช่นกัน

“ทำไมยังไม่นอนอีกครับ”

“รอคุงคูพี่มิงไง เข้านองพร้อมกังนะ”

มินยิ้มรับก่อนจะเดินเข้าไปหา มือเรียวเลิกผ้าห่มขึ้น สอดตัวเข้าไปนอนข้างกัน ในตอนนั้นเองที่น้องแพทพลิกตัวมาหาแล้วซุกหน้ากับอกบาง

“ฝันดีนะคุงคูพี่มิง”

“เจอกันพรุ่งนี้ครับพี่แพท”

ถูกน้องกอดไว้อย่างนี้ก็เลยอดดื่มนมก่อนนอนเลย







น้องแพทเป็นเด็กตื่นง่าย เรียกเบาๆ ครั้งเดียวก็ลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำแล้ว และถึงแม้จะเป็นเด็กชายวัยเพียง 5 ขวบแต่ก็เรียนรู้อะไรต่างๆ จากคุณแม่และพี่เลี้ยงมามากทีเดียว

“เย็งนี้คุงคูพี่มิงจะมารับพี่แพทใช่มั้ยครับ”

“แน่นอน แต่ว่าพี่มินจะมาเย็นหน่อยนะ”

“ทำไมอะ คุงคูพี่มิงเบื่อพี่แพทแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่ครับ พี่มินมีเรียนพิเศษกว่าจะเลิกก็เย็นเลย”

“พี่แพทไปเรียงพิเศษกับคุงคูพี่มิงด้วยไม่ได้เหรอ พี่แพทไม่กวงหรอก นะน๊า”







เพราะคำพูดนั้น ในห้องเรียนพิเศษคลาสเย็นวันนี้จึงมีเด็กชายวัย 5 ขวบร่วมเรียนไปด้วยกัน เรียนโดยที่ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว

“ไอ้มิน ทำตัวอย่างกับเป็นพ่อลูกอ่อนเลยนะมึง”

มินที่กำลังเก็บของเข้ากระเป๋าหลังจากเลิกเรียนจำต้องเงยหน้าขึ้นเมื่อเพื่อนตัวดียกขบวนกันมาแซ็วเขาถึงที่

“ทำไม อยากช่วยกูเลี้ยงลูกมั้ยล่ะ”

“ไม่ไหวว่ะ” คนตรงหน้าส่ายหน้ารัวๆ เมื่อละสายตาจากเด็กที่นั่งอยู่ข้างเพื่อนเขา “สายตาแม่งเอาเรื่องฉิบหาย”

“มึงแค่แวะมาแซ็วกูเรื่องนี้”

“ว่าจะมาชวนไปเดทไง กับสาวเอกญี่ปุ่นที่เคยคุยกันไว้อะ”

“กูไปไม่ได้ไง”

“สาวๆ คงเสียใจแย่ อุตส่าห์ขายมึงไปตั้งเยอะแยะ งี้พวกกูก็แดกแห้วสิวะ”

“แดกมาทั้งชีวิตแล้วมึงแห้วอะ จะแดกอีกซักหน่อยจะเป็นไรไป”

“พี่ต๊อดเสียใจว่ะ” คนที่แทนตัวเองว่าพี่ต๊อดทำท่าปาดน้ำตาหลอกๆ ก่อนจะบอกลาแล้วเดินนำกลุ่มเพื่อนออกจากห้องไป

“คุงคูพี่มิง แดกคืออะไรอะ”

คำถามใสซื่อทำให้คนที่เพิ่งพ่นคำหยาบกับเพื่อนถึงกับแดกจุด

“เป็นคำไม่สุภาพครับ”

“คุงคูพี่มิงเป็นคงไม่สุภาพเหรอ”

“เวลาอยู่กับเพื่อนๆ ที่สนิทกันมันก็มีบ้างใช่มั้ยล่ะ”

“คุงคูพี่มิงสนิทกับพี่แพทม้าย”

เอ่อ...

“ถ้าสนิทก็พูดไม่สุภาพกับพี่แพทได้สิ”

“ไม่ได้ครับ”

“ทำไมอะ คุงคูพี่มิงไม่รักพี่แพทใช่มั้ยล่ะ”

“รักครับ”

“ถ้ารักก็ต้องพูดไม่สุภาพกับพี่แพทได้สิ” ถ้าไม่ยอมทำตามคิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ แน่เพราะน้องแพทไม่มีท่าทีจะยอมแพ้เลยแม้แต่น้อย

“เอาอย่างนี้ เรามาทำความตกลงกัน” เด็กน้อยมองมาอย่างตั้งอกตั้งใจเมื่อคุณครูพี่มินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง

“ยังไงอะ”

“ถ้าพี่มินพูดไม่สุภาพกับพี่แพท พี่แพทต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ และห้ามพูดจาไม่สุภาพกับคนอื่น เข้าใจมั้ย”

น้องแพทพยักหน้าแรงๆ แทนคำตอบ

เห็นอย่างนั้นมินก็สูดหายใจเข้าเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ พลางขอโทษด้วยใจอันบริสุทธิ์ที่วันนี้ต้องจำใจแต่งแต้มคำหยาบลงบนผ้าขาว

“น้องแพท ป่ะ กลับไปแดกข้าวที่บ้านกัน”

“แดกข้าวๆ” น้องแพทว่าตามด้วยอารมณ์ร่าเริงสุดขีด ยิ่งเห็นน้องจดจำเรื่องไม่ดีเหล่านี้ ตัวต้นเหตุก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันพลาดไปแล้วนี่นา

คุณแม่น้องแพทครับ มินขอโทษนะครับ




[T B C]

ไม่ง่ายเลยค่ะ
การเขียนอะไรที่เป็นเด็กนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ นะ
พี่แพทนี่มันจะบอกว่าน่ารักก็พูดไม่เต็มปาก บอกว่าเป็นเด็กแสบน่าจะถูกต้องกว่า
ตอนเด็กแสบแค่นี้ ไม่อยากนึกถึงตอนโตเลยเนอะ
คุณครูพี่มินจะรับมือได้มั้ยน๊า
ต้องติดตามกันต่อไปนะ
ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเมนต์ ทุกๆ กำลังใจนะ
ขอบคุณที่อ่านงานของเรา  คุยกันต่อได้ที่ #คุณครูพี่มิน
แจ๊ส :)
 :mew3:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 3 {Up.170218}
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 17-02-2018 22:45:36
 :impress2: o13 o13
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 3 {Up.170218}
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-02-2018 23:58:29
ถ้าคุณแม่รู้นี่งานเข้าเลยนะ ฮุฮุ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 3 {Up.170218}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-02-2018 04:34:47
ระวังนะคุณครูพี่มิน ระวังโดนคุณแม่ตีปาก โทษฐานสอนน้องพูดไม่เพราะ  :beat:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 4 {Up.280218}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 28-02-2018 20:51:53

คุณครูพี่มิน 4

ภาพเด็กชายในคลาสติวหนังสือสำหรับเตรียมสอบเข้ามหา’ลัย กลายเป็นภาพชินตาของทั้งครูและเพื่อนร่วมชั้นไปเสียแล้ว แถมน้องแพทยังได้รับความเอ็นดูจากทุกคนมากๆ เลยด้วย

ได้ขนมติดไม้ติดมือกลับบ้านไม่เว้นแต่ละวัน

“คุงคูพี่มิงกิงด้วยกังมั้ย” ช๊อกโกแล็ตบาร์ที่ถูกกัดไปแล้วเสี้ยวนึงถูกส่งมาขณะทั้งคู่หยุดพักที่โถงบันไดเนื่องจากเจ้าคนขาสั้นบ่นว่าเมื่อยแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังกินไม่หยุดปากเลย

“กินช๊อกโกแล็ตเยอะๆ เดี๋ยวก็ฟันผุหรอก”

“ม่ายผุนะ คุงคูที่โรงเรียงยังชมพี่แพทเลยว่าฟังสวย” ถ้าไม่นับฟันหน้า 2 ซี่ที่หายไปก็ถือว่าฟันน้องแพทสวยแหละ

“แล้วทำยังไงถึงฟันสวยครับ”

“ก็แปรงฟันงาย ตื่งนองก็แปรง ก่องนองก็ต้องแปรงด้วยนะ” เจ้าเด็กช่างพูดหยุดจ้อก่อนยิ้มโชว์ฟันขาว

ไม่เถียงเลย ฟันน้องแพทสวยมากจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ กินของหวานเยอะๆ ยังไงก็ไม่ดีต่อสุขภาพอยู่ดี

“อันนี้ให้พี่มินใช่มั้ยครับ” มินรับขนมมาจากมือเล็กแล้วเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อทั้งอย่างนั้นโดยไม่กลัวเลอะเลยซักนิด

“คุงคูพี่มิงกิงคำนึงแล้วคืงพี่แพทมา”

“ไม่คืนครับ”

“หูย ไรอะ ขี้โกง ขนมนั่งหร่อยมากเลยนะ พี่แพทอยากกิงอีก”

“ขี่หลังมั้ย”

“ว่าไงนะ” น้องแพทหูผึ่ง ได้ยินทุกคำชัดเจนแต่ถามไปงั้นกันพลาด

“ก็พี่แพทบ่นเมื่อยขา จะขี่หลังพี่มินมั้ยแลกกับช็อกโกแล๊ตอันเมื่อกี้”

“ได้เหรอ ตัวพี่แพทหนักนะ”

“จะซักแค่ไหนกันเชียว” มินปลดเป้จากหลังมาไว้ด้านหน้าก่อนนั่งลงบนขั้นบันไดไม่นานเจ้าตัวเล็กก็กระโดดขึ้นมาเกาะหลังกอดคอเขาอย่างกับลูกลิง

“สูงจัง” น้องว่าอย่างนั้นตอนที่มินลุกขึ้นยืน

แน่นอนว่าความสูงกว่า 180 เซนติเมตรเมื่อเทียบกับความสูงของเด็ก 5 ขวบย่อมให้ความรู้สึกว่าสูงมากๆ แน่

“ถ้าพี่แพทดื่มนมเยอะๆ ก็จะสูงเหมือนพี่มินนะ”

“อือ พี่แพทจะดื่มนมเยอะๆ เลย” น้องแพทก้มหน้าลงมาหาจนแก้มแนบกัน “พี่แพทจะเชื่อฟังคุงคูพี่มิงทุกอย่างเลยนะ”

เด็กน้อยกระชับกอดคนตัวสูง เอ่ยคำที่ทำให้มินยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้

น้องแพทขยันทำตัวน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน




(◕‿◕)♡



หลังจากลองนั่งรถเมล์มาแล้วหลายครั้ง ตอนนี้น้องแพทก็คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี

เจ้าตัวเล็กเงยหน้ามองคุณครูของตนที่ยืนโหนราวหลังจากสละที่นั่งให้คนท้องด้วยสายตาชื่นชม

หากวันนึงพี่แพทโตเป็นผู้ใหญ่ พี่แพทจะเป็นคนดีให้ได้อย่างคุณครูพี่มิน

“ทำไมมองพี่มินแบบนั้นล่ะครับ” มินสังเกตุมาสักพักตั้งแต่จูงมือกันลงจากรถเมล์แล้วว่าน้องแพทมองเขาไม่วางตาเลย แถมยังมองด้วยสายตาชื่นชมจนคนถูกมองรู้สึกเก้อเขิน

“คุงคูพี่มิงใจดี”

“ใจดียังไง”

“ก็คุงคูพี่มิงลุกให้คุงน้าผู้หญิงท้องโตนั่ง ใจดีมากเลย ถ้าพี่แพทโตเป็งผู้หญ่าย พี่แพทก็จะลุกให้คุงน้าท้องโตนั่งเหมืองกัง” อีกครั้งที่มินยิ้มกว้างมองเด็กน้อยด้วยสายตารักใคร่

ถึงแม้ในปัจจุบันทั้งชายและหญิงจะมีสิทธิเท่าเทียมกันแล้ว แต่ความเป็นสุภาพบุรุษก็ไม่ควรหายไปจากสังคม เขาเชื่ออย่างนั้น

พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว บรรยากาศตอนเย็นเหมาะแก่การเดินเล่น

เด็กหนุ่มและเด็กน้อยจูงมือกันค่อยๆ เดินไปตามทางเดินเท้าในหมู่บ้าน ระหว่างทางต้องผ่านสนามเด็กเล่น น้องแพทอ้อนขอนั่งชิงช้า พี่มินก็ใจดีช่วยไกวให้

ทุกนาทีที่ได้ใช้ด้วยกัน ทุกเวลาที่มีคุณครูพี่มินอยู่ข้างๆ พี่แพทรู้จักแต่ความสุข มีความสุขที่สุด

เดินเรื่อยๆ มาถึงบ้านหลังสวยของน้องแพทก็ถึงเวลาอาหารค่ำพอดี กลิ่นอาหารลอยเตะจมูกเร้าน้ำย่อยในกระเพาะอาหารให้เริ่มทำงานอย่างหักโหม

“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ” คุณแม่น้องแพทยิ้มให้พี่เลี้ยงของลูกชายพลางก้มตัวหอมแก้มเจ้าตัวเล็กฟอดใหญ่

“กลับมาแล้วคร้าบคุงแม่”

“วันนี้เป็นเด็กดีมั้ย”

“พี่แพทเป็นเด็กดีทุกวังเลย ไม่เชื่อถามคุงคูพี่มิงก็ได้”

“เซี้ยวจริงนะเรา”

“เซี้ยวคือไรอะคุงแม่”

“ขี้สงสัยจริงเด็กคนนี้ น้องมินกินข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับบ้านนะ” ท้ายประโยคเจ้าของใบหน้าอ่อนหวานหันมาชวนมินก่อนจะทิ้งลูกชายไว้กับความสงสัยแล้วเดินนำเข้าบ้านไป

“คุงแม่ เดี๋ยวก่องเซ่ เซี้ยวแปลว่าไรอะ คุงแม่!!!” ฝ่ายเจ้าลูกชายก็ไม่ยอมแพ้ ร้องถามไล่หลังคุณแม่เสียงดังจนมินต้องคว้าไหล่เพื่อเรียกสติ

“เซี้ยวแปลว่าซนครับ”

“ซงไร พี่แพทยังไม่ได้ทำไรเลยนะคุงคูพี่มิง”

“ไปกินข้าวกันเถอะ พี่มินหิวข้าวมากเลย” ถ้าไม่เปลี่ยนเรื่องคงไม่ได้กินข้าวเย็นหรอก ท่าทางน้องแพทน่ะ เซี้ยวเหมือนอย่างที่คุณแม่พูดเป๊ะเลย

“พี่แพทก็หิวนะ” พอคุณครูพี่มินบอกหิว น้องแพทก็เออออด้วยพลางลูบท้องป้อยๆ

“หิวอะไร เมื่อเย็นกินขนมไปตั้งเยอะ”

“มังไม่เหมืองกังนะคุงคูพี่มิง ขนมก็ส่วงขนม ข้าวเย็งก็ส่วงข้าวเย็งนะ”

เด็กนี่กินเก่งจริงๆ

ทั้งคู่จูงมือกันมายังโต๊ะอาหาร ในบ้านนอกจากคุณแม่น้องแพทแล้ว ยังมีคุณแม่บ้านคนเก่าคนแก่ที่มินเคยเจอแล้วหลายครั้งหลายครา แต่สิ่งนึงที่ทำให้แปลกใจ นอกจากคืนนั้นมินก็ไม่เคยเจอคุณพ่อน้องแพทอีกเลย

กับข้าวที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ อร่อยจนคนไม่ค่อยกินข้าวเย็นอย่างมินเผลอตัวกินไปเยอะจนอิ่มแปร้




(◕‿◕)♡




มินช่วยคุณแม่บ้านล้างถ้วยล้างจานแทนคำขอบคุณสำหรับมื้อค่ำแสนอร่อย

“คุงคูพี่มิงทำอะไรอะ” มินก้มมองน้องแพทที่มายืนอยู่ข้างๆ ขณะมือกำลังง่วนอยู่กับการล้างจาน

“ล้างจานครับ”

“สองพี่แพทบ้างสิ”

“น้องแพทไม่มีการบ้านเหรอครับ”

“ถามถึงกางบ้างอีกละ”

“ทำไม รำคาญพี่มินเหรอ”

“เปล่าน๊า” เด็กน้อยส่ายหน้ารัวๆ กลัวคุณครูพี่มินเข้าใจผิดตน “พี่แพทรักคุงคูพี่มิงที่สุดเลย” ว่าเสียงออดอ้อนแล้วกอดขาพลางช้อนสายตาขึ้นมอง

โกรธลงก็บ้าแล้ว

“แต่ว่านะคุงคูพี่มิง พี่แพทน่ะอยากช่วยคุงคูพี่มิงล้างจางจริงๆ นะ”

พอถูกอ้อนมีหรือที่มินจะปฏิเสธลง

เก้าอี้ไร้พนักพิงถูกยกมาวางไว้หน้าซิงค์ล้างจานก่อนคนตัวเล็กจะถูกอุ้มขึ้นไปยืนบนนั้น มินยืนซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วยื่นฟองน้ำให้น้องรับไปถือไว้

“ทำไงต่ออะคุงคูพี่มิง” มินหยิบจานที่ตนล้างสะอาดแล้วมาถือไว้ มืออีกข้างกุมมือเล็กข้างที่ถือฟองน้ำก่อนจะเริ่มสอนวิธีการล้างจานที่ไม่มีในหลักสูตรการเรียน

น้องแพททำตามอย่างว่าง่าย ดูมีความสุขกับการได้ทำอะไรที่ตนไม่เคยทำ

“น้องแพทกวนคุณครูพี่มินเหรอลูก”

“เปล่าน๊า พี่แพทกำลังช่วยคุงคูพี่มิงล้างจางต่างหาก เก่งมั้ยฮะคุงแม่” เด็กน้อยที่ถูกร่างมินบังจนมิดชะโงกหน้าออกไปโต้ตอบผู้เป็นแม่ที่เข้ามายืนมองอยู่ใกล้ๆ

“ล้างให้สะอาดด้วยล่ะ”

“เชื่อมือพี่แพทเห้อ พี่แพทเก่งอยู่แล้ว เนอะๆ คุงคูพี่มิง” กลัวคุณแม่ไม่เชื่อจึงหาแนวร่วม มินมองหน้าน้องพลางมุ่นคิ้วกวน ไม่ยอมพยักหน้ารับซักทีจนเจ้าตัวแสบเริ่มร้อนรน หมุนตัวมาเผชิญหน้ากัน มือเล็กเปียกชื้นกอบกุมใบหน้าหล่อเหลาของคุณครูพี่มินพลางทำหน้าอ้อน เหมือนรู้ว่าเมื่อทำอย่างนี้แล้วอีกฝ่ายต้องเข้าข้างตนแน่

พอเห็นลูกชายอ้อนพี่เลี้ยงคนใหม่อย่างที่ไม่เคยอ้อนใครมาก่อน คุณแม่ก็รู้สึกเบาใจ ดีเหลือเกินที่ได้เจอมิน

“จ้าพ่อคนเก่ง” แก้มนิ่มถูกผู้เป็นแม่บีบเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวก่อนผละออกไปให้ทั้งห้องครัวเหลือเพียงคนที่ยังคงยืนเผชิญหน้ากันอยู่ ไม่มีท่าทีว่าจะผละออกจากกันสักนิด

“แล้วคุงคูพี่มิงล่ะไม่ชมพี่แพทบ้างเร้อ”

“ชมเรื่องอะไรครับ”

“พี่แพทล้างจานเก่งน๊า”

“ไม่ชมได้มั้ยอะ”

“คุงคูบอกว่าทำดีก็ต้องได้รับคำชมนะ”

มินจ้องมองเจ้าเด็กไร้เดียงสาที่ยกเอาคำพูดของคุณครูมาขู่เข็ญเอาคำชมพลางย่นหน้าใส่อย่างนึกหมั่นเขี้ยว มือเรียวยกขึ้นกอบกุมใบหน้าน้องแพทเอาไว้บ้างก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปหา ประทับจูบลงบนเรียวปากจิ้มลิ้มช่างเจรจาแรงๆ ให้เจ้าของริมฝีปากแข็งค้างเหมือนโดนสะกดเอาไว้

มือเล็กที่กอบกุมใบหน้ามินถูกทิ้งลงข้างลำตัว ดวงหน้าใสเห่อร้อน น้องแพทตื่นเต้นกับสัมผัสแปลกใหม่บนเรียวปากจนทำอะไรไม่ถูก ก้มหน้างุด กระโดดลงจากเก้าอี้แล้ววิ่งหนีซะเลย




(◕‿◕)♡





ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนเตียงนอนตนเอง กอบกุมใบหน้าที่กำลังเห่อร้อน สัมผัสนุ่มนิ่มที่ปากยังคงชัดเจนเหมือนคุณครูพี่มินยังไม่ผละออกไป

ฮือออ หัวใจน้องแพทเต้นแรงมากเลย น้องแพทจะตายมั้ยอะ

“พี่แพท พี่มินกลับแล้วนะครับ” ได้ยินเสียงคุณแม่แว่วมา พี่แพทก็อยากออกไปส่งคุณครูพี่มินนะ แต่ว่าหัวใจพี่แพทกำลังเต้นแรงมากๆ เลย ถ้าขยับตัวก็กลัวว่ามันจะกระเด็นออกมาจากอก ถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นพี่แพทก็จะตาย พรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปก็จะไม่ได้เจอคุณครูพี่มินอีก

ไม่เอานะ ถ้าไม่ได้เจอคุณครูพี่มินอีก พี่แพทไม่เอาแบบนั้น




(◕‿◕)♡




พี่แพทตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน ทุกครั้งในตอนเช้าพี่แพทไม่เคยเจอคุณครูพี่มินเลย แต่วันนี้กลับบังเอิญเจอกันตรงประตูทางเข้า

คุณครูพี่มินเดินเข้ามาหา นั่งลงตรงหน้าแล้วยิ้มอ่อนโยนให้กันอย่างเคย

พอได้มองหน้าคุณครูพี่มินใกล้ๆ เรื่องเมื่อคืนก็วนกลับเข้ามาในความทรงจำให้หัวใจเต้นตึกๆๆ

“ทำไมมองหน้าพี่มินแบบนั้นล่ะครับ”

“เปล่าซักหน่อย” พี่แพทก้มหน้าลง รู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองเลย พี่มินต้องจับได้แน่ๆ ว่าพี่แพทใกล้จะตายเพราะจังหวะหัวใจที่เต้นแปลกไปเมื่อเจอหน้ากัน

“สายแล้ว พี่มินต้องไปโรงเรียนแล้วครับ เอาไว้เจอกันเย็นนี้นะ” แก้มใสถูกลูบแผ่วเบา ก่อนมือเรียวข้างนั้นจะเลื่อนขึ้นมาลูบผมอย่างเอ็นดู

พี่แพทเงยหน้าขึ้นมองในยามที่คุณครูพี่มินก้าวห่างออกไป เฝ้ามองจนแผ่นหลังภายใต้เสื้อนักเรียนลับตาจึงเดินตามคุณครูเข้าโรงเรียนของตนบ้าง

รออีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เจอคุณครูพี่มินแล้ว




(◕‿◕)♡




 “ไอ้มิน มึงจะเบี้ยวพวกกูอีกแล้วใช่มั้ย” ทันทีที่คาบสุดท้ายจบลงมินก็เก็บของใส่กระเป๋า แต่ก็ต้องหยุดมือเพราะถูกรั้งไว้

“กูต้องไปรับน้องแพท”

“เด็กนั่นอีกแล้ว ถามจริงนะ มึงได้ค่าจ้างเท่าไหร่วะ”

“เสือก”

“อ้าวไอ้มิน นี่เพื่อนไง”

“เอาไว้กูเลี้ยงขนม”

“ไปรับเด็กนั่นแล้วตามพวกกูไปที่ร้านนะ สาวๆ อยากเจอมึง”

“แต่กู...”

“ถ้าไม่ไปกูเลิกคบ” เชื่อเถอะว่ามินโคตรลำบากใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้เลย เขาน่ะตั้งแต่รับงานเลี้ยงน้องแพทก็เบี้ยวนัดเพื่อนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว และถ้าขืนยังเบี้ยวต่อไป ก่อนจบม.ปลายเขาต้องไม่เหลือเพื่อนซักคนแน่ๆ




(◕‿◕)♡




สถานที่นัดหมายคือร้านฟาสต์ฟู้ทในซอยใกล้ๆ โรงเรียน แต่สำหรับคนที่ต้องเดินเท้าไปรับเด็กที่โรงเรียนประถมแล้วต้องย้อนกลับมาโรงเรียนตัวเองอีกครั้งก็เหนื่อยใช้ได้เลยทีเดียว

“พี่แพทยังทำกางบ้างไม่เสร็จเลยนะคุงคูพี่มิง” เสียงเล็กๆ ดังมาจากคนที่ขี่อยู่บนหลัง

หลังจากได้ใช้ชีวิตอยู่กับคุณครูพี่มินร่วมเดือน เด็กน้อยที่ไม่ชอบทำการบ้านคนเดิมได้ถูกกลืนกินไปแล้ว เหลือไว้เพียงเด็กชายแพทที่รักการทำการบ้านวิชาเลขเป็นชีวิตจิตใจ

“เอาไว้พี่มินสอนนะ”

“เราจะไปไหนกัง”

“ถึงแล้วครับ” ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม พวกเขาก็ก้าวผ่านประตูเข้ามาในร้านอาหารแล้ว

กลิ่นไก่ทอดลอยเตะจมูกให้เด็กน้อยที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เที่ยงเกิดอาการหิวขึ้นมาฉับพลัน

“พี่แพทหิวอะ”

“เดี๋ยวพี่มินสั่งไก่ทอดให้นะครับ”

“ไอ้เหี้ยมิน ทางนี้ ทางนี้โว้ย” ไม่ใช่แค่เสียงเดียว แต่เสียงดังโวยวายดังระงม กว่าครึ่งของคนบนโต๊ะต่างโบกไม้โบกมือเรียกผู้มาใหม่

“พวกมึงเงียบๆ หน่อยได้มั้ย” มินก้าวเท้าเร็วๆ ไปยังโต๊ะใหญ่ วางน้องแพทลงบนเก้าอี้ว่างก่อนหันไปตบหัวต๊อดไอ้เพื่อนหัวโจกตัวแสบที่อยู่ใกล้มือที่สุด “พูดให้มันสุภาพๆ ด้วย กูพาเด็กมาด้วยมึงเห็นมั้ย”

“ครับพี่มินครับ ต๊อดขอโทษนะครับ” ต๊อดยกมือไหว้ขอโทษท่วมหัวเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากสาวๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่

“มินนั่งนี่สิ” เจ้าของชื่อมองไปยังเจ้าของเสียง

ไข่มุก...

ไม่แปลกใจหรอกที่เจอเธอ ทุกครั้งที่ไอ้ต๊อดชวนมาเที่ยวกับสาวๆ ก็มักจะเป็นสาวๆ กลุ่มนี้เสมอ ไม่แน่ใจว่าป่านนี้มีใครตกลงคบกันไปบ้างหรือยัง

เพราะใช้เวลากับน้องแพทตลอด มินจึงไม่ค่อยรู้เรื่องของเพื่อนมากนัก

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรานั่งตรงนี้ดีกว่า นั่งกับพี่แพทเนอะ” ท้ายประโยคมินหันไปขอความเห็นจากเด็กน้อยที่ติดสอยห้อยตามตนมา และน้องก็พยักหน้าเห็นด้วยแรงๆ จนหัวสั่นหัวคลอน

“มึงนี่เหมือนพ่อลูกอ่อนเลยว่ะ” ต๊อดคนเดิมนั่นแหละ

“เหรอ ถ้าอย่างกูมีลูกอายุเท่านี้ มึงกับไอ้ฟานคงมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองแล้วมั้ง” ไอ้พวกนี้มันเจ้าชู้ประตูดิน เรื่องผู้หญิงนี่ไม่ต้องพูดถึงหรอก ชุมยิ่งกว่ายุงอีก

“ไม่เอาครับพี่มิน ไม่เผากันเองเนอะ ว่าแต่มึงจะกินไร สั่งเลย จ่ายตังค์เองนะครับ จะเลี้ยงสาวๆ เลี้ยงพวกกูด้วยก็ได้” เมนูอาหารถูกส่งมา

“กูเลี้ยงน้องแพทคนเดียว” บอกเพื่อนด้วยเสียงห้วนเสร็จก็หันมายิ้มหวานเปลี่ยนโหมดให้เด็กน้อยที่นั่งทำหน้างงอยู่ข้างๆ “น้องแพทกินอะไรดีครับ” มินกางเมนูอาหารออกพลางขยับเข้าไปใกล้น้องแพทที่กำลังกวาดสายตามองภาพอาหารต่างๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย

“พี่แพทอยากกิงทุกอย่างเลย”

“กินรองท้องก็พอครับ เดี๋ยวกินข้าวเย็นได้น้อย ป้าประพรโกรธไม่รู้ด้วยนะ”

“ม่าย” เด็กน้อยทำหน้าสลดเมื่อนึกถึงใบหน้าถมึงทึงของแม่บ้านคนเก่าแก่ ยามอารมณ์ปกติดีแกโคตรอ่อนโยน แต่อย่าให้โกรธเชียว ยักษ์ดีๆ นี่เอง “พี่แพทไม่อยากโดงคุงป้าโกรธนะ น่ากลัว”

“งั้นเอาไก่ทอดชุดเล็กนะ”

“เอานมด้วย กิงนมเยอะๆ จะได้โตไวๆ” จะได้สูงเหมือนเพื่อนๆ ในกลุ่มของคุณครูพี่มิน

น้องแพทหยิบสมุดการบ้านขึ้นมากางระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ และมินก็ยังทำหน้าที่คุณครูอย่างดีเยี่ยมด้วยการสอนบวกเลขโดยไม่ต้องพึ่งนิ้ว ไม่สนเพื่อนๆ ที่มองมาคล้ายกับระอา ส่วนสาวๆ ก็เซ็งไปเลย มินมาร่วมโต๊ะด้วยแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกันซักนิด

“น้องแพททำการบ้านวิชาอะไรเหรอคะ” ไข่มุกที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะย้ายมานั่งตรงข้ามมินพลางเอ่ยถามให้น้องแพทเงยหน้าขึ้นมามอง

พี่คนนี้อีกแล้ว ไม่ชอบหน้าเลย

“แบบนี้ถูกมั้ยฮะคุงคูพี่มิง” คนถูกเด็กเมินนิ่วหน้าไม่พอใจ อยากจะหยิกให้เนื้อเขียว แต่ก็ได้แต่คิดเพราะไม่ว่าอย่างไรก็คงทำไม่ได้หรอก

“เก่งมากเลย”

“เก่งแบบนี้ต้องได้รางวัล” อยากจะยื่นปากให้คุณครูพี่มินจุ๊บแต่ก็เปลี่ยนใจเอียงแก้มให้แทน

สำหรับเด็กหนุ่ม การจุ๊บแก้มเด็กต่อหน้าเพื่อนนับสิบเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอาย แต่ถึงแม้จะอายแค่ไหนมินก็ให้รางวัลน้องด้วยการจุ๊บเบาๆ ที่แก้มอย่างที่เคยทำ

น้องแพทยิ้มกว้างพออกพอใจ สมุดการบ้านทั้งหมดถูกเก็บใส่กระเป๋าเมื่ออาหารถูกนำมาเสิร์ฟ

“ไอ้มิน”

“ว่า?”

“ว่าเหี้ยอะไร ถ้ามาแล้วไม่สนใจพวกกูแบบนี้ก็อย่ามาดีกว่ามั้ย”

“ก็มึงชวนกู”

“แต่กูไม่คิดว่า... ไอ้สัดเอ้ย เห็นเด็กดีกว่าเพื่อนเฉย”

“ยังไง คือกูต้องป้อนไก่ทอดมึงงี้เหรอ มึงโตแล้วไอ้ต๊อด”

“ไม่ใช่เว้ยไอ้สัดกูหมายถึง...” ต๊อดพยักเพยิดไปยังไข่มุกที่ก้มหน้าเล่นมือถืออยู่ตรงหน้ามิน

ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ใช่มินไม่รู้ว่าไข่มุกรู้สึกอย่างไรกับตน แต่เขาเองไม่สามารถรับความรู้สึกนั้นไว้ได้ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง แต่ก็รู้สึกขอบคุณและถนอมน้ำใจกันมาตลอด

“เคสมือถือมุกน่ารักดี” อย่างน้อยชวนคุยหน่อยเจ้าตัวคงรู้สึกดี

“ทำเองเลยนะ” จอมือถือถูกคว่ำลงเพื่อโชว์เคสมือถือฝีมือตัวเอง

“ถึงว่า เหมือนมุกมากเลย”

“เหมือนยังไงเหรอ”

“ก็แบบ...” มินทำหน้าครุ่นคิด “เป็นสีชมพู”

คำพูดของมินไม่ได้มีนัยยะพิเศษ สำหรับเขาผู้หญิงเปรียบดั่งสีชมพู ส่วนเด็กน้อยอย่างน้องแพทคือสีเหลืองที่มองแล้วให้ความรู้สึกสดใส หากมุกกลับคิดต่างออกไป เด็กสาวหัวใจพองโตทันทีเมื่อคิดไปเองว่านั่นคือคมชมที่แสนพิเศษ

“มินใช้มือถือแบบไหนอะ วันหลังเดี๋ยวมุกทำเคสที่เหมาะกับมินมาฝาก”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” มุกทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมายิ้มเหมือนเคยเมื่อหันไปสบเข้ากับสายตาหาเรื่องของเด็กแสบที่มองเขาไม่วางตาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน

อยากให้มินเห็นหน้าเด็กในการดูแลของเขาตอนนี้จริงๆ ว่าไม่ได้น่ารักอย่างที่เจ้าตัวคิดเลยแม้แต่น้อย

“ขนมที่มุกให้ไปวันนั้นรสชาติเป็นไงบ้าง”

“พี่แพททิ้งถังขยะไปแล้ว” เด็กน้อยที่กำลังเคี้ยวไก่ทอดเต็มปากตอบคำถามทะลุขึ้นกลางปล้องให้ทั้งคุณครูและเจ้าของขนมเหวอไป “พี่แพทขอโทษนะครับพี่ไขมุก”

ถามว่าโกรธมั้ย ไข่มุกโกรธมาก แต่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากแอบกำมือแน่นที่ใต้โต๊ะเมื่อเด็กน้อยบอกด้วยน้ำเสียงใสซื่อ ซึ่งเชื่อเถอะว่าไม่ใสบริสุทธิ์อย่างที่แสดงออกหรอก

“เอาไว้วันหลังไข่มุกทำมาให้มินใหม่แล้วกันนะ”

“ขอบคุงคับ พี่แพทจะกิงให้หมดเลยนะ” และเป็นน้องแพทที่เอ่ยขึ้นพลางยิ้มจนตาหยี

ไม่ใช่แค่ไข่มุกหรอกที่รู้สึกว่าเด็กนี่กำลังกวนประสาท มินเองก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน

“คุงคูพี่มิง พี่แพทอยากล้างมืออะ” กินอิ่มแล้วก็งอแงอยากล้างมือ

“ให้พี่ไข่มุกพาไปล้างมือมั้ยคะ”

“คุงคูพี่มิง” น้องแพทเมินเจ้าของเสียงหวานพลางใช้มือเปื้อนไก่ทอดดึงแขนเสื้อคนข้างๆ ให้มินที่กำลังคุยกับต๊อดหันมาสนใจ

“อ่างล้างมืออยู่ตรงโน้น พี่แพทไปเองได้มั้ย”

“ไม่เอา อ่างมังสูง พี่แพทล้างมือไม่ถึงหรอก”

“ขาสั้นสินะ” ก็ขาสั้นแหละ เพราะเป็นเด็กไงก็เลยขาสั้น “ว้ายๆ ขาสั้น” ต๊อดล้อเด็กอย่างสนุกมากและมันก็คงจะเลยเถิด ไม่สิ นี่มันเป็นจุดเริ่มต้นของความเลยเถิดต่างหากเมื่อน้องแพทตวัดสายตาไม่พอใจไปมองแล้วเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

“ขาสั้งแล้วไงอะ พี่ไม่เคยขาสั้งเหรอ”

“ว้ายๆๆ พูดไม่ชัดด้วย”

“ไอ้ต๊อด!!!” มินปรามแต่ต๊อดไม่มีท่าทีจะหยุดเลย ฟากน้องแพทก็เริ่มเบะปากตั้งท่าจะร้องไห้แล้ว

“ขาก็สั้น พูดก็ไม่ชัด บวกเลขก็ไม่ได้ ว้ายๆๆๆ”

“ไอ้ต๊อดมึงเงียบปากไปเลยนะ” แก้วน้ำพลาสติกลอยข้ามโต๊ะไปนั่นแหละต๊อดจึงยอมหยุด แต่ก็ช้าเกินไปเมื่อคนที่ไม่เคยถูกล้อมาทั้งชีวิตน้ำตาไหลอาบแก้มปล่อยโฮออกมาเสียงดังแล้ว

“ฮือ พี่แพท พี่แพท...” ไม่รู้ว่าน้องจะพูดอะไรเพราะในประโยคมีแต่เสียงสะอื้น

คนขาสั้นกระโดดลงจากเก้าอี้ ก้าวเดินผ่านโต๊ะในร้านไปยังหน้าประตู เสียงร้องไห้ยังดังเสมอต้นเสมอปลาย ให้มันหันมาชี้หน้าคาดโทษเพื่อนก่อนจะเก็บกระเป๋าแล้วรีบวิ่งตามน้องออกจากร้านมา

“พี่แพท ไม่เอาไม่ร้องนะ” ไหล่เล็กถูกคว้าเอาไว้ มันยังคงสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นอย่างน่าสงสาร

มินนั่งลงตรงหน้า ใช้นิ้วปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มใสก่อนกอดน้องเอาไว้แนบอกอย่างอ่อนโยน

“อย่าถือสาไอ้ต๊อดเลย พี่แพทของพี่มินน่ารักที่สุดแล้ว” มินปลอบพลางลูบหลังน้องแผ่วเบา

“พี่แพทขาสั้น” น้องว่าพลางสะอื้น

“ดื่มนมเยอะๆ เดี๋ยวก็ขายาวแล้วครับ”

“พี่แพทพูดไม่ชัดด้วย”

“เดี๋ยวฟันข้างหน้าขึ้นก็พูดชัดแล้ว แต่ถึงจะพูดไม่ชัดพี่แพทก็น่ารักที่สุดนะ”

“คุงคูพี่มิงสอนเลขพี่แพทด้วยนะ พี่แพทอยากบวกเลขเก่งๆ”

“ได้เลย พี่มินจะสอนพี่แพทเองนะ ไม่เอาไม่ร้องนะครับ” มินดันน้องออกจากอก กวาดมองใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาด้วยสายตาอ่อนโยน

ผ้าเช็ดหน้าสีเขียวถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาใช้มันซับน้ำตาให้น้อง

ไอ้ต๊อดนะไอ้ต๊อด ตัวเขาอยู่กับน้องมาเป็นเดือนไม่เคยทำให้เสียน้ำตา พอเจอคนปากหมาแค่ไม่กี่นาทีกลับร้องไห้โฮเสียสติขนาดนี้

“คุงแม่เคยบอกพี่แพทว่าไม่ให้คบคงไม่ดี”

“ครับ”

“คุงคูพี่มิงก็เลิกคบคงไม่ดีได้แล้วนะ ต๊อดอะไรนั่น นิสัยไม่ดีเลย หาว่าพี่แพทขาสั้ง สั้งอะไรกัง ในห้องเรียงพี่แพทสูงที่สุดเลยนะ ไม่สิ น้อยหน่าสูงกว่าพี่แพทนิดนึง แต่เดี๋ยวกิงนมเยอะๆ พี่แพทก็จะสูงอีกใช่มั้ยฮะ”

มินพยักหน้ารับ “ดื่มนมแล้วก็ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ด้วย”

“คุงคูพี่มิงจะเลิกคบต๊อดมั้ยอะ”

“ถึงต๊อดจะปากร้ายไปหน่อยแต่มันก็เป็นเพื่อนที่ดีนะ”

“ไม่อยากให้คุงคูพี่มิงคบต๊อดเลยอะ ไม่เป็นเพื่อนด้วยไม่ได้เหรอ พี่แพทไม่ชอบ”

“เอาไว้พี่มินให้ต๊อดมาขอโทษพี่แพทดีมั้ย”

“ไม่เอาหรอก พี่แพทไม่อยากเห็นหน้าต๊อดแล้ว”

“โกรธมากเลยเหรอครับ”

“โกรธมาก” น้องแพทกอดอกทำหน้าขึงขังบอกผ่านการกระทำว่าอย่างไรก็ไม่มีทางให้อภัยต๊อดแน่

“แต่เด็กดีต้องรู้จักให้อภัยคนอื่นนะครับ”

“พี่แพทไม่อยากให้อภัยต๊อดเลย ไม่ให้อภัยต๊อดไม่ได้เหรอ แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็จะเป็งเด็กไม่ดีใช่มั้ย แต่ว่าพี่แพทน่ะไม่อยากเจอต๊อดจริงๆ นะ พี่แพท...”

น้องแพทบ่นงึมงัมไปตลอดทางเดินเท้าที่มุ่งหน้าไปยังป้ายรถเมล์ และพอขึ้นรถปุ๊บก็หลับปุ๋ยเลย

เด็กหนอเด็ก



[TBC]

เด็กหนอเด็ก
น้องแพทแอบแก่แดดค่ะ อันนี้ยอมรับ
นอกจากแก่แดดแล้วยังแสบใช่เล่นเลย
ต๊อด เป็นตัวละครใหม่ น่าจะสร้างสีสันได้ดีทีเดียว และจะอยู่กับเราไปยาวๆ จนน้องโต

เราไม่ได้ใช้เวลากับเด็กมานานแล้วค่ะ ใช้วิธีศึกษาจากคลิปต่างๆ อนิเมะไรงี้
อาจมีข้อผิดพลาดอยู่บ้าง ต้องขออภัยด้วย

รักแหละ
เจอกันตอนหน้า
แจ๊ส
 :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 4 {Up.280218}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-03-2018 01:36:07
จะมีใครมาปราบต๊อดลงไปบ้างไหมเนี่ย หรือให้พี่แพทจัดการดี แบบนี้ -->   :z6:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 5 {Up.070318}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 07-03-2018 19:43:41

คุณครูพี่มิน 5


“พี่แพทไม่อยากคุยกับต๊อด ต๊อดนิสัยไม่ดี คุงแม่ไม่ให้คบคงนิสัยไม่ดี”

ทันทีที่เห็นว่าใครเดินตามคุณครูคนดีของตัวเองมา เด็กชายก็ถอยหลังออกห่าง พลางชี้หน้าแล้วตะโกนฉอดๆ ไม่สนใจแล้วว่าคุณครูพี่มินจะมองว่าตัวเองเป็นเด็กนิสัยไม่ดี

ก็ต๊อดทำนิสัยไม่ดีใส่พี่แพทก่อนนี่นา หาว่าขาสั้นบ้างล่ะ บวกเลขไม่ได้บ้างล่ะ พูดไม่ชัดบ้างล่ะ ต๊อดนิสัยไม่ดี พี่แพทไม่อยากให้คุณครูพี่มินคบต๊อดเลย

“พี่แพท ต๊อดมาขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อนไงครับ”

“ต๊อดไม่เต็มใจหรอก ถ้าต๊อดเต็มใจมาขอโทษเรานะ ต๊อดมาตั้งนางแล้ว ไม่รอให้เวลามังผ่านไปขนาดนี้หรอก”

“เด็กเหี้ยไรวะ ช่างพูดฉิบหาย” ต๊อดกระซิบคุณครูพี่มิน แต่เสียงไม่เบาเลย พี่แพทได้ยินเต็มสองหู

“เราได้ยินนะต๊อด มาทางไหนกลับไปทางนั้งเลย เราไม่อยากคุยกับต๊อด ไม่อยากเห็งหน้าต๊อดด้วย”

“โธ่พี่แพท” ต๊อดว่าเสียงอ่อนพลางก้าวเข้าไปหาแล้วนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเด็กน้อยที่กำลังมองเขาตาขวาง

ที่น้องแพทพูดก่อนหน้าก็ไม่ผิดหรอก ต๊อดไม่ได้อยากมาขอโทษเพราะไม่คิดว่าตัวเองทำผิด ก็แค่หยอกเด็กมันเล่นจะซีเรียสอะไรนักหนา หากเพื่อนสนิทอย่างมินไม่คิดอย่างนั้น ขู่เขาเช้าเย็นว่าถ้าไม่ยอมมาขอโทษไอ้เด็กแสบนี่จะทิ้งทะเลไม่ติวหนังสือให้ ถ้าเด็กหัวกะทิอย่างมินทิ้ง ต๊อดก็คงต้องเอาไก่มาแลกกับใบเกรดแล้วล่ะ

“ต๊อดขอโทษนะ ต๊อดมันปากไม่ดี ปากนี้ใช่มั้ยที่ว่าพี่แพทขาสั้น นี่แน่ะ!”

ต๊อดตบปากตัวเองดังเพี้ยะทีนึงก่อนว่าต่อ

“ปากนี้ใช่มั้ยที่ล้อว่าพี่แพทพูดไม่ชัด นี่แน่ะ!” เสียงฝ่ามือฟาดลงบนริมฝีปากครั้งที่สองเรียกรอยยิ้มจากเด็กน้อย

ตลกดี ถึงแม้น้องแพทจะคิดอย่างนั้นแต่ก็ยังไม่ให้อภัยหรอก ตีอีกสิถ้าแน่จริง

“ปากนี้ใช่มั้ย...” ต๊อดทำหน้าลังเล “จะไม่ห้ามหน่อยเหรอ”

“ห้ามไมอะ ต๊อดตีของต๊อดเองพี่แพทไม่ได้บอกให้ตีซักหน่อย”

“แล้วหายโกรธยังอะ”

“ไม่หายหรอก” คนยังไม่หายโกรธกอดอกสะบัดหน้าพรืด ให้คนที่ตบปากตัวเองไปสองครั้งถ้วนต้องหันไปปรึกษาเพื่อนตนซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามาช่วยกันเลย

“แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ ต๊อดพาไปเล่นอะไรสนุกๆ ดีมั้ย”

“อะไร?” คำว่าสนุกทำให้คนขี้งอนหูผึ่ง กระนั้นก็ยังคงสงวนท่าทีอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างดี

“หายโกรธต๊อดก่อนละเดี๋ยวต๊อดพาไป”

“แล้วถ้าไม่หนุกล่ะ” ต๊อดหันมองเพื่อนตนเมื่อถูกต่อรอง พลางทำปากมุบมิบให้มันอ่านได้ใจความว่า ‘เด็กมึงแม่งโคตรเรื่องเยอะ’

“นี่ต๊อดนะครับ”

“ต๊อดแล้วไง”

“คุณครูพี่มินไม่เคยบอกเหรอ ว่าต๊อดมีฉายาว่าเจ้าพ่อพันสนุกนะ”

“ไม่เห็งจะเข้าจายเลย แต่ถ้าต๊อดมั่นใจขนาดนั้น พี่แพทไปด้วยก็ได้ แต่ว่าคุงคูพี่มิงต้องไปด้วยนะ” ท้ายประโยคเจ้าตัวเล็กหันไปอ้อนคนตัวสูงที่ยืนมองพวกเขาไม่พูดไม่จามาตั้งแต่ต้น “นะครับคุงคูพี่มิง”

“พี่มินจะกล้าปล่อยพี่แพทไว้กับต๊อดตามลำพังได้ยังไง”

“ใช่มะ ต๊อดเป็นคงไม่ดีใช่มั้ยล่ะ”

“แค่ล้อว่าเตี้ย ขาสั้น พูดไม่ชัด กลายเป็นคนไม่ดีเฉยเลย”

“ถ้าต๊อดพูดแบบนี้อีก พี่แพทไม่ไปด้วยแล้วนะ”

“โอ๋ๆ นะครับ ต๊อดผิดไปแล้ว” คราวนี้ต๊อดถึงกับพนมมือไหว้เด็กพลางปั้นหน้ายุ่งยากคล้ายจะร้องไห้ ไม่ใช่เพราะแคร์น้องแพทมากมายแต่เพราะสายตาเพื่อนตัวเองต่างหาก

ทีใครทีมันนะไอ้มิน อย่าให้ถึงคราวต๊อดบ้างก็แล้วกัน







น้องแพทร้อง ‘หูว’ ตื่นตาตื่นใจกับเกมส์เซ็นเตอร์ที่เคยเดินผ่านตอนคุณแม่พามาเดินเล่นในห้างแต่ไม่เคยเข้ามาสัมผัสเลยสักครั้ง

หัวใจน้องแพทเต้นแรงแต่ก็ไม่เท่าตอนถูกคุณครูพี่มินจุ๊บปาก

“กูว่ามันรุนแรงไปนะ” มินแย้งยามที่ต๊อดจูงมือน้องแพทไปยังเกมส์ยิงซอมบี้

ไม่รู้แล้วสิว่าตัวเองคิดถูกหรือผิดที่ยอมปล่อยเรื่องนี้เลยตามเลย

“มึงอะคิดมาก อุ้มน้องขึ้นมาเร็ว” นอกจากไม่รับฟังความเห็นแล้วยังสั่งมินให้อุ้มน้องแพทขึ้นมาอีก และพอก้มมองเจ้าตัวเล็กที่มองมาตาปริบๆ แล้วก็ต้องใจอ่อนอีกครา

“เกมส์ไรอะต๊อด”

“ต๊อดอายุเท่าพี่มินนะพี่แพท ไม่เรียกพี่ต๊อดเหรอ”

“ม่ายอะ เรียกต๊อดเฉยๆ ถูกแล้ว พี่แพทยังโกรธต๊อดอยู่นะ”

“พามาถึงนี่แล้วยังไม่หายโกรธออีกเหรอ”

“ยังไม่สนุกเลย”

“เตรียมรับความสนุกระดับมาสเตอร์พีชได้เลยไอ้หนู” ต๊อดยื่นมือมาขยี้ผมน้องแพทจนยุ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจเกมส์ตรงหน้า

เสียงปืนดังลั่น พร้อมๆ กับเหล่าซอมบี้ที่ถูกยิงเลือดสาด

มันน่าสยดสยองเกินไปสำหรับเด็กอายุ 5 ขวบ แต่คนในวงแขนมินกลับเบิกตาโตมองอย่างสนอกสนใจ พลางนึกชื่นชมว่าต๊อดเท่อย่างนั้นอย่างนี้

“เรียบร้อย” ซอมบี้ในจอถูกยิงจนหมด แน่นอนว่าต๊อดชนะใสๆ “อยากลองบ้างมั้ย”

ปืนกระบอกเดิมถูกส่งมา น้องแพทลังเล มองหน้าคุณครูพี่มินเหมือนต้องการปรึกษา มินเองก็คิดหนัก ในความรู้สึกเขา เกมส์ซอมบี้นั่นมันรุนแรงเกินไป แต่อาการอยากรู้อยากลองของน้องก็ทำให้เขาลังเลเช่นกัน

“ลองดูก็ได้”

“ได้เหรอ” น้องแพทอยากร้องเย้แต่ก็ต้องสงวนท่าทีเพราะต๊อดมองอยู่

มือเล็กๆ ยื่นไปรับปืนมา

“ยิงมันให้เกลี้ยงเลย” มินกระซิบบอกน้องที่ข้างหูเมื่อซอมบี้ปรากฏบนจอ

เสียงปืนดังรัว แต่ซอมบี้ที่ควรจะตายกลับไม่ตาย พวกมันวิ่งกรูกันเข้ามา ไม่นานน้องแพทก็พบกับคำว่าพ่ายแพ้

เสียงหัวเราะดังมาจากคนที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ

“หัวเราะอะไรต๊อด ต๊อดแกล้งพี่แพทใช่มั้ย นิสัยไม่ดีเลย”

“แกล้งอะไร ต๊อดก็ยืนของต๊อดอยู่เฉยๆ” ต๊อดทำท่าทางไม่รู้ไม้ชี้ให้เด็กน้อยเบะหน้าใส่

นอกจากไม่หายโกรธต๊อดแล้ว ดูเหมือนว่าน้องแพทจะโกรธมากขึ้นอีกต่างหาก

“เอาไว้โตแล้วค่อยมาแก้มือนะไอ้หนู”

“คอยดูเถอะ พี่แพทต้องเอาชนะต๊อดให้ได้”

“จะรอ”

ทั้งคู่ทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ ระหว่างเลือกเกมส์ คนนึงเด็กจริง อีกคนเด็กโข่ง ร่วมด้วยมินที่คอยห้ามไม่ให้ต๊อดเลือกเกมส์รุนแรงเกินไป สุดท้ายก็พากันมายืนหน้าเกมส์ชู้ตบาส

“โคตรเด็กว่ะมิน” คนที่อยากเล่นแต่เกมส์มันส์ๆ ไม่วายบ่นอุบ แต่มินก็หาได้สนใจไม่

“ต๊อดอ่อนบาส เกมส์นี้พี่แพทต้องชนะแน่ๆ”

“ต๊อดอ่อง” ทั้งที่ตัวเองก็เล่นบาสไม่เป็น ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าบาสคืออะไร คำว่าอ่อนนั่นอีก ไม่เข้าใจเลย แต่ฟังแล้วรู้สึกเหมือนต๊อดจะแพ้ก็เลยใช้ความรู้สึกหันไปทับถม มินก็ได้แต่ขำไม่ห้ามปรามซักนิด

เสียเด็กกันพอดี

“ไม่อ่อนเว้ย” ต๊อดหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่จริงจังนักเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกเด็กล้อให้เสียศักดิ์ศรี “พี่แพทนั่นแหละอ่อน เล่นกี่เกมส์ก็ไม่ชนะซักเกมส์”

“พี่แพทไม่อ่องนะต๊อด คอยดูเถอะ เกมส์นี้พี่แพทต้องเอาชนะต๊อดให้ได้เลย เนอะๆ คุงคูพี่มิง”

“ร่วมมือกัน” มินยกมือขึ้นให้น้องแปะมือไฮไฟว์

“รุมนี่หว่า” แม้จะแอบบ่นแต่ต๊อดก็ยอมเล่นเกมส์ชู๊ตบาสทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าอย่างไรตัวเองต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

และก็เป็นไปตามคาด ต๊อดชู๊ตลูกลงห่วงด้วยความบังเอิญแค่ไม่กี่ลูกเอง

น้องแพทหัวเราะชอบใจเมื่อคุณครูพี่มินทับถามต๊อดจนฝ่ายนั้นทำหน้าสลด

“เอาล่ะถึงตาเราแล้ว”

“คุงคูพี่มิง” น้องโน้มใบหน้าเข้ามาหา กระซิบที่หู กลัวต๊อดได้ยิน “พี่แพทเล่นไม่เป็นนะ”

“เดี๋ยวพี่มินสอน”

“พี่แพทกลัวแพ้ต๊อด”

“เชื่อมือพี่มินเลย ไม่แพ้หรอก ต๊อดอ่อนบาสมาก”

“คุงคูพี่มิง อ่อนคืออะไรเหรอ” มินขำใหญ่ เห็นล้อต๊อดอย่างสนุกสนานก็คิดว่าเข้าใจซะอีก

“อ่อนแปลว่าไม่เก่งครับ”

“ต๊อดเล่งบาสไม่เก่งก็เลยกลายเป็งต๊อดอ่องเหรอ”

“ใช่แล้วครับ”

“งี้ถ้าพี่แพทแพ้ต๊อดพี่แพทก็อ่องกว่าต๊อดอะดิ น่าอายชะมัด”

“ไม่แพ้หรอกน่า เนี่ยพี่แพทก็หยิบลูกขึ้นมา หยิบขึ้นมาเลยครับ” น้องแพทลังเลแต่ก็ยอมหยิบลูกบาสที่ไม่ค่อยคุ้นเคยขึ้นมาถือไว้ “มองไปที่แป้นแล้วโยนไปเลย อย่าคิดมาก”

“แล้วมังจะลงเหรอ”

“มั่นใจในตัวเองไว้ พี่แพทเก่งที่สุดอยู่แล้ว”

“แต่ว่า...” แม้จะได้รับกำลังใจเต็มเปี่ยมแต่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี

“จะยอมแพ้ต๊อดเหรอ”

“ไม่ยอม ไม่ยอมแพ้ต๊อดเด็ดขาด” พอพูดถึงต๊อดก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา น้องพูดเสียงดังเรียกกำลังใจพลางหันไปมองต๊อดด้วยสายตากระหายชัยชนะ อย่างไรพี่แพทก็ไม่ยอมอ่อนไปกว่าต๊อดแน่ๆ คอยดู

“งั้นเริ่มเลยนะ”

เกมส์ชู๊ตบาสจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของต๊อด แพ้เด็กโคตรน่าอาย แต่ความพ่ายแพ้นี้ทำให้เขาได้รับการให้อภัยจากเจ้าเด็กแสบและเพื่อนรักที่รับปากว่าจะไม่ทิ้งเขาไว้กลางทางก่อนจบม.ปลาย

ช้ำใจ แพ้เด็กทั้งเรื่องบาสทั้งเรื่องเพื่อนเลย

“กูจะไปร้านเกมส์ต่อ มึงไปด้วยกันมั้ย”

“กูเคยไปกับมึงเหรอร้านเกมส์เนี่ย”

“ก็ไม่เคยนะ”

“รู้แล้วก็เลิกชวนเถอะ ไม่สำเร็จหรอก”

“ต๊อดจะไปแล้วเหรอ แข่งชู๊ตบาสกับพี่แพทอีกป่าว” ไอ้เด็กนี่!!!!

“เอาไว้วันหลังนะพี่แพท เดี๋ยวต๊อดมาให้เหยียบ”

“เหยียบทำไมอะต๊อด”

พลาดแล้วต๊อด ตัวต๊อดเองก็ใช่ว่าเป็นคนฉลาด หาคำตอบให้น้องไม่ได้ งั้นต๊อดขอชิ่งเลยแล้วกัน บอกลาเพื่อนตน โบกมือให้เด็กที่กำลังปั้นหน้าสงสัยแล้ว ต๊อดก็จ้ำอ้าวหนีลงบันไดเลื่อนไปเลย

“คุงคูพี่มิง ทำไมต๊อดบอกว่าจะกลับมาให้เหยียบล่ะ”

“คราวหน้าต๊อดคงจะซื้อรองเท้าคู่ใหม่มาให้พี่แพทมั้ง”

“ไม่เอาหรอก รองเท้าที่บ้านพี่แพทเยอะมาก แต่ไม่ค่อยได้ใช้เลย คุงแม่ไม่ค่อยพาไปเที่ยว”

“แล้วน้องแพทอยากไปเที่ยวไหน”

“เที่ยว...” เด็กน้อยทำหน้าครุ่นคิด นึกสถานที่ไม่ออก “เที่ยวที่ที่มีคุงพ่อ คุงแม่ มีคุงคูพี่มินด้วย ต้องสนุกมากๆ แน่เลย”

เรื่องยากแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้

“วันนี้สนุกมั้ย”

“สนุกมากๆ ต๊อดสนุกมากๆ”

“ไม่โกรธต๊อดแล้วเนอะ”

“ไม่โกรธ แต่ถ้าต๊อดว่าพี่แพทขาสั้งอีก พี่แพทก็จะโกรธอีก แล้วต๊อดจะมาง้อมั้ย เหมืองวังนี้”

“อยากเจอต๊อดอีกเหรอ”

“ต๊อดสนุก”

“ยังอยากให้พี่มินเลิกเป็นเพื่อนกับต๊อดอยู่มั้ย”

“ม่าย ถ้าคุงคูพี่มิงเลิกเป็งเพื่องกับต๊อด พี่แพทก็จะไม่ได้เจอต๊อดอีกใช่มั้ย ไม่เอา พาต๊อดมาเล่งกับพี่แพทอีกนะ”

“แล้วอยู่กับพี่มินไม่สนุกเหรอ”

“มีความสุข”

“แล้วมีความสุขกับสนุกต่างกันยังไง”

“ก็ไม่รู้ แต่ว่าอยู่กับคุงคูพี่มิง ไม่ต้องทำอะไร อยู่เฉยๆ ก็มีความสุข แต่กับต๊อด ถ้าอยู่เฉยๆ ไม่เล่ง ไม่สนุก ไม่อยากอยู่ด้วย”







วันเสาร์ มินมาบ้านน้องแพทหลังจากเรียนพิเศษเสร็จ

ในบ้านเงียบเหงาเพราะนอกจากคุณแม่บ้านคนเก่าแก่กับน้องแพทแล้วก็ไม่มีใครอยู่เลย และตอนนี้คุณแม่บ้านก็กำลังจะกลับบ้านแล้ว จะกลับมาอีกทีก็เวลาอาหารค่ำ

“ฝากน้องแพทด้วยนะมิน เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า”

“ไม่เป็นไรครับ แล้วคุณแม่กับคุณพ่อน้องแพทจะกลับมากินข้าวเย็นด้วยมั้ยครับ”

“คงไม่หรอก เห็นบอกว่าคืนนี้มีนัดทานข้าวกับลูกค้าอะไรก็ไม่รู้ น้องแพทน่าสงสารนะ ถึงคุณแม่จะไม่ได้ทำงานแต่ก็ต้องตามคุณพ่อไปพบปะผู้คนตลอด” คุณแม่บ้านส่ายหัวคล้ายรู้สึกระอากับการเลี้ยงลูกทิ้งๆ ขว้างๆ ของคนทั้งคู่ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป

คุณพ่อน้องแพทเป็นนักธุรกิจ ไม่แน่ใจว่าอยู่ในตำแหน่งอะไรแต่คงใหญ่โตมากทีเดียวถึงไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกชาย ทั้งยังต้องพาภรรยาออกงานไม่เว้นแต่ละวัน

มินพยายามไม่คิดเรื่องปัญหาภายในครอบครัว แต่แม้พยายามแค่ไหนก็อดคิดไม่ได้

ครอบครัวของเขาก็ไม่สมบูรณ์เลย มินไม่เคยรู้ว่าพ่อตัวเองคือใคร แม่กลับบ้านยายไม่ได้ ไม่มีญาติที่ไหนให้พึ่งพาเพราะท้องก่อนแต่งงาน คนที่บ้านจึงไม่ยอมให้อภัย

มินใช้ชีวิตลำพังกับแม่ที่ทำงานหนักจนไม่มีเวลาดูแลเขาตลอดมา เขารู้ดีว่าความรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นอย่างไร รู้จนถึงขั้นแอดวานซ์เชียวล่ะ

“คุงคูพี่มิง” เด็กน้อยที่กำลังวาดอะไรบางอย่างลงสมุด วางปากกาลงแล้วกระโดดลงจากเตียงวิ่งมากอด มินเองก็นั่งลงอ้าแขนรับเจ้าตัวแสบไว้แนบอก

กอดกันแน่นอย่างกับไม่ได้เจอกันมาเป็นปี ทั้งที่เพิ่งแยกกันเมื่อวานตอนเย็น

“ทำอะไรอยู่ครับ”

“วาดรูป”

“วาดรูปใคร”

“คุงคูพี่มิงกับพี่แพท”

“ขอพี่มินดูหน่อยได้มั้ย” มินนั่งลงข้างน้อง มองสมุดที่ถูกกางเอาไว้อย่างพิจารณา ภาพที่ถูกสรรค์สร้างโดยเด็กอายุ 5 ขวบ ไม่ได้สวยสมจริง แต่มองปราดเดียวก็รู้ด้วยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่แม้จะวาดไม่เหมือนนักก็มีจุดเด่นให้จำได้

“มีอีกนะ เนี่ยๆ พี่แพทวาดคุงคูพี่มิงทุกวังเลย” คนฟังขมวดคิ้ว เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

สมุดวาดภาพถูกน้องแพทถือเอาไว้ ก่อนเจ้าตัวเล็กจะขยับมานั่งตัก มือเล็กค่อยๆ พลิกหน้ากระดาษทีละหน้า ภาพวาดของน้องแพทคล้ายๆ ไดอารี่ที่มีแต่เรื่องราวของคุณครูพี่มิน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเด็กอายุแค่นี้ คิดได้ขนาดนี้จริงๆ

มินค่อนข้างตกใจ ไม่คิดว่าเวลาไม่ถึง 2 เดือนที่พวกเขาใช้ด้วยกันจะมีค่ากับน้องขนาดนี้ และก็แปลกใจที่ในสมุดมีแต่เรื่องราวของตน ปราศจากเรื่องของคนในครอบครัวโดยสิ้นเชิง

“พี่แพทไม่วาดคุณพ่อกับคุณแม่บ้างเหรอ”

“พี่แพทไม่ค่อยได้เจอคุงพ่อกับคุงแม่เลย” ก็จริงอย่างน้องว่า ช่วงหลังมานี้มินต้องอยู่กับน้องแพทจนดึกดื่นเพื่อรอพ่อกับแม่ของน้องกลับมา

คิดแล้วก็แอบสงสัยว่าถ้าไม่พร้อมเลี้ยงจะมีเขาไปเพื่ออะไร

“คุงคูพี่มิง” น้องแพทพิงอกคุณครูพี่มินพลางเงยหน้ามองใบหน้าที่อยู่สูงกว่าระดับสายตา พอเรียก เจ้าของชื่อก็ก้มหน้าลงมาหา

“ว่าไงครับ”

“ออกไปเล่งข้างนอกกันมั้ย พี่แพทเบื่ออะ”

“กลางวันเนี่ยนะ แดดแรงมาก เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

“ดูทีวีได้มั้ย ตอนอยู่กับคุงแม่ คุงแม่ชอบให้ดูทีวี” ไม่แปลกใจเลยที่บางครั้งน้องแพทก็ดูแก่แดดเกินวัย เพราะชอบดูทีวีนี่เอง

“พี่มินซื้อของมาฝากด้วยนะ” และเพื่อหลีกเลี่ยงการดูทีวีมินจึงหยิบถุงกระดาษที่ได้มาจากร้านเครื่องเขียนมาเปิดออก

“อะไรอะ”

“แถ่นแท้น นี่ไง ชอบมั้ย” ของที่ถูกล้วงออกมาจากถุงกระดาษคือสมุดภาพระบายสีที่มินคิดเอาเองว่าน่าจะเหมาะกับเด็ก 5 ขวบมากกว่าเกมส์เซ็นเตอร์และทีวีแน่ๆ

“สวงสัตว์เหรอ” น้องแพทรับสมุดภาพระบายสีไปแล้วเปิดดูอย่างตื่นตาตื่นใจ “พี่แพทอยากไปเที่ยวสวงสัตว์จังเลยคุงคูพี่มิง อยากเจอคุงเสือ คุงยีราฟ คุงสิงโตเจ้าป่า คุงช้าง อยากเจอทุกๆ ตัวเลย”

“เอาไว้ไปกัน”

“เมื่อไหร่อ่า พี่แพทอยากไปเร็วๆ”

“ระบายสีหมดนี่ค่อยไปดีมั้ย”

“โหย งั้งพี่แพทจะระบายให้เสร็จวังนี้เลยนะ” ว่าแล้วก็ลงจากตักนิ่มๆ ของคุณครูสุดที่รักกลับไปนอนคว่ำเหมือนเดิมพลางเปิดสมุดภาพดูอย่างพิจารณา เลือกสีไม้ด้วยสีหน้าจริงจัง

จริงจังเหมือนตอนมินทำข้อสอบไฟนอลเลย







ทั้งที่บอกอย่างมุ่งมั่นว่าจะระบายสีให้เสร็จภายในวันนี้แต่พอเวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ความมุ่งมั่นก็แปลเปลี่ยนเป็นความง่วงและน้องแพทก็หลับไปในที่สุด

ตื่นมาอีกทีก็เย็นแล้ว







เสียงท่อมอเตอร์ไซค์ที่ดังอยู่หน้าบ้านทำให้คนที่กำลังนอนกลางวันตื่นขึ้นมา มองไปทั่วห้องไม่พบคุณครูพี่มินจึงลุกจากเตียง ก้าวออกจากห้องเพื่อตามหา ด้วยความกลัวว่าจะถูกทิ้งอย่างในอดีต

คุณครูพี่มินไม่ได้อยู่ในบ้าน แต่ประตูหน้าบ้านถูกแง้มเอาไว้ น้องแพทเดินตามไปดู ก็พบกับ...

“ต๊อดมาไงอะ” ต๊อดนั่นเอง แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าๆ

“ขี่มอ’ไซค์มา”

“โม้”

“อ้าว ไม่เชื่อเฉย เดี๋ยวพาไปดู” ข้อมือเล็กถูกต๊อดคว้าไว้ให้เจ้าเด็กขี้สงสัยเดินตามไปยังหน้าบ้านอย่างง่ายดาย และพอประตูบ้านเปิดออก ไม่เชื่อก็ต้องจำใจเชื่อว่าต๊อดขี่มอเตอร์ไซค์มาจริงๆ

“พี่แพทขี่ได้มั้ย”

“ก็ได้ แต่ว่า...” การตัดสินถูกโยนมาที่มินซึ่งอยู่ในฐานะผู้ปกครอง

“ไม่ได้” และมินก็ตอบออกมาโดยไม่ต้องกลั่นกรองใดๆ เลย

ต๊อดน่ะเด็กแว้นซ์ตัวจริง มันโตมากับอู่ซ่อมรถของพ่อ ดึกๆ ชอบออกไปแข่งรถ กฎจราจรน่ะเหรอ เอาไว้ทำตามตอนเจอตำรวจเท่านั้นแหละ ถึงแม้จะเป็นเพื่อนที่ดีแต่ก็ไม่ใช่คนที่ปลอดภัยนัก

“ทำไมอะคุงคูพี่มิง พี่แพทอยากขี่นี่นา” คนถูกน้องอ้อนเบือนหน้าหนี แต่น้องแพทก็ยังไม่ถอดใจ มือเล็กเอื้อมจับมือเรียวของคุณครูพี่มิน บีบเบาๆ เพื่อขอร้องแต่ก็เหมือนเคย คุณครูพี่มินใจแข็งเกินไป ไม่เห็นทางที่จะได้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ต๊อดเลย

“มันอันตราย เอาไว้โตกว่านี้แล้วค่อยขี่เนอะ”

“ไม่เอาอ่า พี่แพทอยาก...”

“ไม่ได้!!” คนที่เพิ่งถูกขึ้นเสียงใส่ครั้งแรกหน้าเหวอ มือเล็กปล่อยมือคุณครูพี่มินแล้วขยับถอยหลังไปหาต๊อดอย่างคนต้องการที่พึ่ง “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่แพท พี่มินรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”

ชีวิตนึงเลยนะ เขาไม่อยากเสี่ยงหรอก เพราะไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงไม่มีทางชดใช้ได้

“ต๊อด...”

“เข้าบ้านครับพี่แพท”

“แต่ว่า...” น้องแพทพึมพำพลางก้าวถอยไปหลบหลังต๊อดเมื่อคุณครูพี่มินยื่นมือมา

“ถ้าไม่เข้าบ้านตอนนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก”

“มิน กูว่ามึงเล่นใหญ่ไป ก็แค่ขี่มอเตอร์ไซค์เอง เดี๋ยวกูพาน้องขี่รอบหมู่บ้านรอบนึงแล้วกลับมา แป๊บเดียว”

“ไม่ได้”

“แต่ว่าน้องมันอยาก”

“กูบอกว่าไม่ได้ไง”

“มึงไม่ไว้ใจกูเหรอ”

“เออ ไม่ไว้ใจ เพราะกูรู้ว่ามึงเป็นคนยังไง กูถึงไม่ไว้ใจ”

“กูเพื่อนมึงนะ”

“เพราะเป็นเพื่อนไงก็ถึงไม่ยอมให้มึงพาเด็กไปเสี่ยงด้วย ถ้าเกิดพลาดขึ้นมาทั้งกูทั้งมึงนั่นแหละที่จะเดือดร้อน”

“เออๆ ก็ได้” ต๊อดตอบรับไปส่งๆ ไม่ใช่ไม่เข้าใจเจตนาดีของเพื่อน แต่บางทีก็รู้สึกว่ามันคิดมากเกินไป ก็แค่ขี่มอเตอร์ไซค์มันจะอันตรายอะไรนักหนา

“ต๊อดจะกลับแล้วเหรอ”

“กลับแล้ว”

“เมื่อไหร่จะพาไปเล่นเกมส์อีก”

“ชวนคุณครูพี่มินของพี่แพทสิ” มองตามสายตาคู่สนทนาก็พบกับดวงตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึกแต่แฝงความเย็นชาจนน่าขนลุกของคุณครูพี่มิน เพราะไม่เคยเจอโหมดนี้น้องแพทก็เลยรู้สึกกลัว ยังไม่อยากให้ต๊อดที่เป็นเหมือนที่พึ่งหนึ่งเดียวในยามนี้กลับเลย

“พี่แพทเข้าบ้านได้แล้ว”

“ต๊อดเข้าบ้าน” คนถูกเมินเริ่มรู้สึกไม่พอใจ เขารู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่ทำให้น้องกลัวตน แต่คนเราจะให้ใจดีตลอดเวลาเป็นไปไม่ได้หรอก เขาก็คนๆ นึงมีความรู้สึกอื่นด้วยเหมือนกัน

“ต๊อดกลับไป”

“ต๊อดเข้าบ้าน ไปเล่นกัน”

“กูบอกให้มึงกลับบ้านไปต๊อด”

“แต่นี่บ้านพี่แพทนะ”

“แต่ต๊อดเป็นเพื่อนพี่มิน”

“ต๊อดเป็นเพื่อนพี่แพทด้วยเหมือนกัน”

“งั้นก็อยู่กับต๊อดไปก็แล้วกัน” มินเดินผ่านเด็กที่เอาแต่เถียงเขาฉอดๆ เข้าบ้านเพื่อเก็บของของตน แต่ยังไม่ทันเก็บอะไรซักอย่าง เสียงฝีเท้าจากฝ่าเท้าเล็กๆ ก็มาหยุดข้างหลังแล้ว

ไม่นานเสียงเครื่องยนต์ก็ดังจากหน้าบ้าน ต๊อดคงกลับบ้านไปแล้ว

“คุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทเหรอ” น้ำเสียงเจ้าตัวฟังก็รู้ว่ากำลังสำนึกผิด และถ้ามินหันมามองหน้าก็ต้องใจอ่อนแน่ เพราะรู้อย่างนั้นเจ้าตัวจึงไม่ยอมหันไปมอง อย่างน้อยก็อยากสั่งสอนให้น้องแพทได้เรียนรู้และจดจำเอาไว้ว่าการเถียงผู้ใหญ่อย่างไร้เหตุผลเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ

“ไม่ได้โกรธ”

“ไม่โกรธแล้วทำไมไม่หังมาคุยกับพี่แพทดีๆ ล่ะ”

“พี่มินจะกลับบ้านแล้ว”

“จะทิ้งพี่แพทไว้บ้างคงเดียวเหรอ”

“เดี๋ยวเรียกต๊อดมาอยู่ด้วย”

“ไม่เอา”

“เมื่อกี้ยังชวนต๊อดเข้าบ้านอยู่เลยนี่ อยากอยู่กับต๊อดมากไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวพี่มินโทรเรียกมาให้”

“ไม่เอา พี่แพทจะอยู่กับคุงคูพี่มิง ไม่เอาต๊อด”

“ทำไมล่ะ ต๊อดมีมอเตอร์ไซค์นะ อยู่กับต๊อดได้ขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย”

“ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ดีตรงไหนอะ”

“ไม่ใช่ไม่ดี” คนที่นั่งหันหลังให้กันมาตลอดหมุนตัวกลับมามองหน้าน้องแพทชัดๆ อีกครั้ง “แต่ต๊อดขี่มอเตอร์ไซค์น่ากลัวมาก ถ้าพี่แพทอยากขี่ เดี๋ยวพี่มินจะพาไปขี่เอง”

“ที่ไหน เมื่อไหร่”

มินเองก็ไม่รู้ว่าที่ไหน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ แต่ถ้าน้องอยากขี่เขาก็จะพยายามหามาให้ บางทีอาจจะขอยืมจากต๊อดนั่นแหละ ถึงแม้ไม่มีมอเตอร์ไซค์เป็นของตัวเองแต่มินมั่นใจว่าเขาขี่รถมีมารยาทและปลอดภัยกว่าต๊อดแน่นอน

“คุงคูพี่มิงหายโกรธนะ”

“ไม่ได้โกรธ”

“แต่เมื่อกี้เสียงดัง พี่แพทกลัวมากเลย”

“ขอโทษครับ พี่มินจะไม่เสียงดังอีก แต่พี่แพทต้องสัญญาว่าจะไม่ดื้อ ตกลงมั้ย”

“สัญญา” น้องแพทก้าวเข้ามาใกล้ แขนเล็กวาดโอบรอบคอคุณครูของตนแล้วยื่นหน้าเข้าไปหา

ครั้งที่สองที่ริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกันแผ่วเบา แทนคำสัญญาว่าพี่แพทจะไม่ทำตัวเป็นเด็กดื้อต่อหน้าคุณครูพี่มินอีก

ลับหลังนั่นก็อีกเรื่องนึง


[TBC]

เขียนแต่อะไรน่ารักๆ ก็กลัวจะเบื่อกัน
พี่แพทก็มีมุมดื้อเหมือนกันนะ ดื้อแล้วเป็นไงล่ะ
อย่าดื้อกับพี่มินนะ พี่มินไม่ชอบ ถูกโกรธเลยเป็นไงล่ะ

ในตอนที่ผ่านมา เราตามอ่านคอมเมนต์ตลอด
ขอบคุณนะคะ
 :heaven
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 5 {Up.070318}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-03-2018 01:44:50
ไม่ดีนะพี่แพท ทำตัวเป็นคน 2 หน้าไปได้ ถ้าพี่มินรู้โดนบิดหูเขียวแน่ ๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 6 {Up.220318}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 23-03-2018 23:05:24
คุณครูพี่มิน 6


คุณครูพี่มินกำลังโกรธมาก

พี่แพททำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนก้มหน้า ฟังคุณครูพี่มินที่กำลังระเบิดอารมณ์ใส่ต๊อดอย่างรุนแรง ถ้าพี่แพทโดนด่าแบบต๊อด พี่แพทต้องร้องไห้แน่ๆ คิดแล้วก็แอบเหลือบมองต๊อด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าต๊อดแข็งแกร่งมาก นอกจากไม่ร้องไห้แล้วยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงคุณครูพี่มินด้วย

สุดยอดเลย

“ไม่ต้องแอบมองเลย รายต่อไปที่จะโดนดุก็คือพี่แพทนั่นแหละ” ตลอดมาพี่แพทเอาแต่คิดถึงและอยากเจอคุณครูพี่มิน มีครั้งนี้แหละที่ไม่อยากได้ยินแม้แต่เสียง

“ก็พากลับมาโดยสวัสดิภาพแล้วนี่ไง มึงจะอะไรนักหนาวะมิน”

“แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทางล่ะ”

“ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่หว่า มึงน่ะคิดมากไปเอง”

“ใช่ กูคิดมาก เพราะกูห่วงน้อง กูห่วงมึงไง กูผิดใช่มั้ย”

“กูขอโทษ กูจะไม่ทำอีก พอใจยัง”

“มึงไม่ได้สำนึกผิดเลยต๊อด”

“ก็มึงเอาแต่ด่ากู จะเอาเวลาที่ไหนไปสำนึกวะ เอาเป็นว่าคราวหลังกูจะไม่ทำเรื่องเสี่ยงๆ แบบนี้อีก ยกโทษให้กูเถอะ เลิกด่ากูซักที แค่แม่ด่ากูคนเดียวกูจะประสาทแดกแล้ว นี่ยังต้องมาฟังมึงด่าอีก”

“ถ้ามึงทำตัวดีๆ ใครจะด่ามึง”

“แล้วด่ากูพอยัง กูอยากกลับบ้าน” คำพูดของต๊อดเชื่อไม่ได้ มันไม่ได้อยากกลับบ้านหรอก ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเพื่อหาทางออกไปจากบรรยากาศครุกรุ่นนี้ต่างหาก

“ใส่หมวกกันน็อคด้วย”

“ครับพ่อ” ต๊อดยกมือไหว้ท่วมหัวด้วยท่าทางกวนๆ ให้มินยกกเท้าถีบไปทีก่อนเจ้าตัวจะวิ่งออกจากบ้านไป

พอต๊อดไป พี่แพทก็รู้สึกถึงความหนาวเหน็บที่กำลังลุกลามไปทั่วร่างทั้งที่ตอนนี้บนท้องฟ้ายังมีแสงของพระอาทิตย์อยู่







เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อ 1 ชั่วโมงก่อน ขณะที่พี่มินนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องนอนพี่แพทอย่างตั้งอกตั้งใจ อยู่ๆ ต๊อดก็โผล่หน้าผ่านกรอบประตูห้องเข้ามาแล้วกวักมือเรียกให้พี่แพทตามออกจากบ้านไป

ไถ่ถามก็ได้ความว่าปีนกำแพงเข้ามาก่อนจะอ้อมไปเข้าประตูหลัง เดินไปรอบๆ นานทีเดียวกว่าจะเจอห้องนอนพี่แพท

เดินกันมาได้ไม่นานก็พบกับรถมอเตอร์ไซค์ถูกจอดเอาไว้ในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน

ต๊อดช่วยใส่หมวกกันน๊อคของผู้ใหญ่ที่ไม่กระชับหัวพี่แพทซักนิดก่อนจะอุ้มขึ้นนั่งข้างหน้าตน

รถมอเตอร์ไซค์วิ่งไปเรื่อยๆ ในตอนแรกและค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้นจนลมตีหน้าจนชาไปหมด แค่ก็สนุกและตื่นเต้นดี

ถึงกระนั้นก็ไม่ตื่นเต้นเท่ากับตอนที่รถจอดหน้าบ้านแล้วพบคุณครูพี่มินยืนตีหน้ายักษ์รออยู่







“ไม่ต้องมาทำหน้าสำนึกผิดเลย” มินว่าทั้งที่อารมณ์ฉุนเฉียวยังไม่ลดลงซักนิดพลางคว้ามือน้องแล้วจูงให้เดินตามเข้าบ้าน

“พี่แพทสำนึกผิดแล้ว พี่แพทขอโทษ”

“ถ้ารู้ว่าต้องขอโทษก็อย่าทำให้โกรธตั้งแต่แรกสิ”

“ต๊อดแหละ บุกเข้าบ้างมาชวงพี่แพท”

“แล้วเขาบังคับให้เราไปด้วยมั้ยล่ะ”

“เปล่า” ต๊อดไม่ได้บังคับ และเป็นพี่แพทเองที่เดินตามต๊อดไปอย่างง่ายดาย

“อย่าโทษคนอื่น”

“ก็ต๊อด...”

“ถ้างั้นพี่แพทก็โทษพี่มินด้วยเลยสิ พี่มินเป็นคนทำให้พี่แพทรู้จักกับต๊อดนะอย่าลืม”

“ไม่ คุงคูพี่มิงไม่ผิด พี่แพทเอง พี่แพทไม่เชื่อฟังคุงคูพี่มิง ก็พี่แพทน่ะอยากขี่มอเตอร์ไซค์มากๆ เลยนี่นา”

“หมายความว่าพี่แพทไม่เชื่อพี่มินใช่มั้ย” ที่สัญญาว่าจะเป็นคนพาขี่มอเตอร์ไซค์เอง

“ไม่ใช่นะ พี่แพทเชื่อคุงคูพี่มิง แต่ว่า...”

“พี่มินโกรธมาก”

“พี่แพทขอโทษ คุงคูพี่มิงไม่เอาไม่โกรธนะ”

“เมื่อกี้คุณแม่พี่แพทโทรมา บอกว่ากำลังจะกลับบ้าน ถ้าคุณแม่พี่แพทกลับมาเมื่อไหร่พี่มินจะกลับบ้านทันที”

“ไม่เอาดิ ยังไม่ถึงเวลากลับบ้างเลย พี่แพทไม่ให้คุงคูพี่มิงกลับนะ”

มินไม่ตอบโต้ ไม่แม้แต่ชายตามองเด็กน้อยที่เดินตามเขาเข้ามาในห้อง มองแผ่นหลังของคุณครูที่กำลังโกรธจัด มองมือเรียวกำลังเก็บของเข้ากระเป๋า

ใบหน้าเด็กน้อยเริ่มบิดเบ้ น้ำใสคลอในดวงตา ขาสั้นๆ ก้าวเข้าไปหยุดใกล้ๆ คุณครูพี่มินก่อนมือเล็กจะยื่นไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้

“คุงคูพี่มิง” มินเหลือบมองใบหน้าน่ารักที่กำลังเศร้า และเขาเกือบใจอ่อนแล้ว

ไม่ ไม่เด็ดขาด ถ้าเกิดยังตามใจน้องแพทแบบนี้ก็มีแต่จะส่งผลเสีย

“พี่แพทจะไม่ตามต๊อดไปอีกแล้ว อย่าโกรธพี่แพทเลยนะครับ”

มือที่สัมผัสแค่แตะๆ เปลี่ยนเป็นบีบเอาไว้ บอกผ่านดวงตาแม้คนตัวโตจะไม่หันมามองว่า ‘คุงคูพี่มิงอย่าไปเลย อย่าทิ้งพี่แพทไปเลยนะ’ แต่น่าเสียดายที่มินมองไม่เห็น ถึงกระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้

“ต้องทำยังไงคุงคูพี่มิงถึงจะหายโกรธพี่แพทคร้าบ” มินใจอ่อนแล้ว อยากดึงน้องเข้ามากดไว้ให้จมอกแต่ก็ต้องข่มออารมณ์แสร้งทำเป็นไม่สนใจ

มือเล็กๆ ของน้องแพทถูกแกะออก มินสะพายกระเป๋าก่อนเดินออกจากห้องมานั่งที่ห้องรับแขก โดยมีเจ้าตัวเล็กปีนขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างๆ กัน

น้ำใสไหลรินรดสองข้างแก้ม มินเหลือบมองเพราะเสียงสะอื้นที่ดังแว่วมา

อยากยื่นมือไปช่วยเช็ดน้ำตา แต่...ไม่เด็ดขาด ถ้าใจอ่อนตอนนี้ล่ะก็สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็เท่ากับสูญเปล่า

“คุงคูพี่มิง พี่แพท ฮึก” เสียงสะอื้นที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนโดนปาตัวหิน

ความรักนี่มันน่ากลัวจริงๆ ยิ่งเป็นความรักที่เกิดจากใจอันบริสุทธิ์ยิ่งเปราะบางจนน่ากลัวว่ามันจะพังทลายเพียงเพราะสายลมวูบหนึ่งที่พัดผ่านมา

“พี่แพทจะไม่ดื้อแล้ว จะเชื่อฟังคุงคูพี่มิงทุกอย่างเลยนะ อย่าโกรธพี่แพทเลยนะฮะ” น้องขยับขึ้นยืนด้วยเข่า โอบกอดรอบคอคนตัวโตไว้พลางซบหน้าลงบนไหล่ น้ำอุ่นๆ ที่ยังคงไหลรินจากดวงตากลมซึมลงบนเสื้อตัวบาง ให้มินสัมผัสกับความชุ่มชื้นอันหนาวเหน็บ

ทั้งที่น้องรักเขาขนาดนี้ แต่เขากลับเป็นคนทำให้น้องร้องไห้เสียเอง

ช่างแม่งแล้ว ถ้าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดต้องสูญเปล่าก็ช่างมัน

“กลับมาแล้วจ้า” หากในยามที่กำลังเอื้อมมือเพื่อสัมผัสน้องนั้นเสียงของคุณแม่ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

มินชะงักกึก เรียกสติแล้วรีบเบือนหน้าหนีก่อนน้องจะละสายตาจากเจ้าของเสียงมามองเขา

“พี่แพทร้องไห้ทำไมคะลูก” คนถูกถามใช้หลังมือเช็ดน้ำตาป้อยๆ ขณะผละออกห่างคุณครูพี่มิน หากก็ยังมองมาด้วยสายตาละห้อยเหมือนลูกหมาที่ถูกดุ

“พี่แพทเปล่าร้องนะฮะคุงแม่ พี่แพทไม่ได้ทำให้คุงคูพี่มิงโกรธจริงๆ นะฮะ”

คนถูกกล่าวถึงหันมายิ้มแหย บอกลาแล้วจึงเดินออกจากห้องรับแขกมา หากในขณะที่กำลังสวมรองเท้าอยู่นั้นเสียงคุณแม่น้องแพทก็ดังมาจากด้านหลังให้ต้องหมุนตัวกลับไปมอง

มินเล่าทุกอย่างให้ฟัง แน่นอนว่าเขารู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เอ่ยขอโทษอยู่หลายครั้งหากคุณแม่ของน้องแพทกลับเอาแต่ยิ้มและพูดว่าไม่เป็นไร ดีแล้วที่ลงโทษน้องแพทซะบ้าง

“ที่น้องแพทเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของแม่ พวกเราไม่ค่อยมีเวลาก็เลยปล่อยเอาไว้กับพี่เลี้ยง แม่ไม่รู้เลยว่าพวกเขาเลี้ยงตาแพทยังไง รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเด็กอย่างที่มินเห็นนี่แหละ”

“น้องแพทเป็นเด็กดีนะครับแม่”

“งั้นเหรอ ดีจังที่มินคิดอย่างนั้น แม่กลัวนะ กลัวว่าเราจะทนความดื้อรั้นของเด็กคนนั้นไม่ไหว แล้วทิ้งเขาไป ตาแพทน่ะชอบมินมากเลย รู้ใช่มั้ย”

มินเองก็ชอบน้องแพทมากเหมือนกัน ก็ตั้งแต่ได้เจอน้อง ชีวิตประจำวันของมันก็มีแต่เรื่องสนุกให้ทำตลอดเลย

ทั้งคู่ต่างได้รับจากอีกฝ่ายอย่างเต็มที่

“มินรู้ใช่มั้ยว่าสถานการณ์ของพ่อกับแม่ไม่ค่อยดีนัก”

ถึงมินจะไม่ตอบแต่ก็รับรู้ด้วยแววตาวูบไหวชั่วขณะหนึ่งนั้น ในคืนนั้นถึงแม้จะไม่ได้ยินทั้งหมดแต่ก็พอจับใจความได้ว่าทั้งคู่ทะเลาะกันรุนแรงพอสมควร และหากปล่อยไว้แบบนี้สุดท้ายคนที่จะได้รับผลกระทบที่สุดก็คงไม่พ้นน้องแพท

“ในระหว่างที่แม่กำลังพยายามยื้อครอบครัวไว้ แม่ฝากมินดูแลน้องได้มั้ย”

ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธเลย

มินพยักหน้าทันที อาจเพราะไม่เคยมีน้องชาย ไม่เคยอยู่ในสถานะที่ตนสามารถเป็นที่พึ่งของเด็กได้ พอถูกมอบหมายให้ทำจึงรู้สึกฮึกเหิมอย่างที่สุด

หากเขารักษารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของน้องแพทเอาไว้ได้ตลอดไปคงเป็นเรื่องที่ดีมากทีเดียว







โรงเรียนเลิกแล้ว เพื่อนคนอื่นค่อยๆ ทยอยกลับบ้านเมื่อคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองมารับ บ้างก็กลับพร้อมรถโรงเรียน สุดท้ายก็เหลือแค่น้องแพทกับคุณครูพี่อรที่นั่งอยู่หน้าโรงเรียนอย่างที่เคยเป็น

พระอาทิตย์กำลังจะตก ท้องฟ้าฉาบด้วยสีส้มและมันก็ค่อยๆ จากไปก่อนจะถูแทนทีด้วยความมืดมนชวนให้รู้สึกเหงาะ

“ถ้าคุงคูพี่มิงไม่มารับพี่แพทจะทำไงอะคุงคูพี่ออง” เด็กน้อยว่าด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย มองคุณครูสาวด้วยสายตาละห้อยน่าสงสาร

“ทำไมจะไม่มาล่ะคะ ถ้าพี่มินไม่มา พี่มินต้องโทรมาบอกคุณครูพี่อรแล้วสิ”

“คุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทอะสิ”

“แล้วไปทำอะไรให้พี่มินโกรธครับ”

“เมื่อวาน ต๊อดขี่มอไซมา แล้วพี่แพทอยากขี่ด้วยแต่ว่าคุงคูพี่ไม่ให้ขี่ บอกว่ามันอังตราย แต่พี่แพทแอบหนีออกไปกับต๊อด”

“แล้วพี่แพทคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำเนี่ยผิดมั้ยครับ”

“ผิดครับ” เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก “พี่แพทขอโทษคุงคูพี่มิงแล้วแต่คุงคูพี่มิงไม่ยอมยกโทษให้ พี่แพทถูกเกลียดแล้วแน่เลย”

พี่แพทไม่อยากถูกพี่มินเกลียดเลย

“พี่แพทคิดว่าพี่มินจะเกลียดพี่แพทลงเหรอ”

“พี่แพทไม่รู้ คุงคูพี่มิงใจดีกับพี่แพทมากเลย แต่ว่าพี่แพทเป็นเด็กไม่ดี บางที บางทีนะคุงคูพี่มิงอาจจะทิ้งพี่แพทไปเหมืองคงอื่นๆ ก็ได้”

“ทีหลังก็อย่าดื้อสิครับ”

เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังจากข้างหลัง น้องแพทรีบหมุนตัวกลับไปมอง ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ไฟถนนที่เปิดอยู่ด้านหลังสาดเข้าใส่คุณครูพี่มินทำให้มองหน้าไม่ชัดนัก แต่นั่นไม่ใช้ปัญหา เพราะแค่ฟังเสียงที่อบอุ่นขึ้นกว่าเมื่อวานก็รู้แล้วว่าคุณครูพี่มินหายโกรธพี่แพทแล้ว

“ขอโทษนะครับพี่อร มินมีงานที่ต้องทำที่โรงเรียน ปลีกตัวออกมาไม่ได้เลย แถมแบตมือถือยังหมดอีก” มินหันไปบอกเจ้าของความใจดีที่ฉายชัดบนใบหน้าคมอย่างสาวไทยแท้

“ไม่เป็นไร พี่ไม่ลำบาก สาวโสดทำงานอยู่ที่โรงเรียนทั้งวันยันโต้รุ่งยังได้เลย แต่เจ้าคนนี้น่ะสิ กังวลจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย เอาแต่บ่นว่าถูกคุณครูพี่มินเกลียดแล้วแน่ๆ เลย”

“ก็คุงคูพี่มิง...”

“แน่ะ!” เด็กช่างจ้อหุบปากฉับเมื่อถูกปรามไม่ให้พูดขณะผู้ใหญ่กำลังคุยกัน

“พาน้องกลับบ้านเถอะ หรือจะรอแม่”

“ไม่ล่ะครับ แม่กลับดึก”

“ใกล้สอบแล้วก็งี้ล่ะ กลับบ้านดีๆ นะเด็กๆ”

“ขอบคุณพี่อรอีกครั้งนะครับ”

“ขอบคุงคุงคูพี่อรนะคร้าบที่อยู่เป็งเพื่องพี่แพท ขอบคุงคร้าบ” แม้จะแสบ ซน ดื้อรั้นในบางครั้งแต่น้องแพทก็เป็นเด็กมารยาทดีมาก ในบรรดาพี่เลี้ยงที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนมาดูน้องก็คงมีคนที่ดีมากๆ อยู่ด้วยแน่ๆ

สำหรับมิน เขาอาจจะไม่ใช่พี่เลี้ยงที่ดีนัก แต่ก็คงไม่ถูกจัดอยู่ในโหมดพี่เลี้ยงที่น้องแพทไม่ชอบหรอกมั้ง

“คุงคูพี่มิง พี่แพท...” มือเล็กเอื้อมจับมือเรียวของคนตัวโตให้มินก้มลงมามองก่อนนั่งลงตรงหน้า

“ว่าไงครับ” รอยยิ้มอ่อนโยนที่ได้รับทำให้เจ้าตัวเล็กใจชื้นขึ้นมาพร้อมกับน้ำใสในดวงตาเหือดแห้งไป

“เกลียดพี่แพทมั้ย”

“ทำไมต้องเกลียด”

“ก็เมื่อวานพี่แพท...”

“พี่มินแค่โกรธไม่ได้เกลียดซักหน่อย ใครจะเกลียดพี่แพทได้ล่ะ ฮึ”

“พี่แพทขอโทษแล้วแต่คุงคูพี่มิงก็หนีกลับบ้างไปเลย พี่แพทกลัวมากเลยนะ กลัวคุงคูพี่มิงจะไม่กลับมาหาพี่แพท กลัวจะไม่ได้เจออีก ถ้าไม่เจอคุงคูพี่มิง พี่แพทไม่เอานะ จะอยู่ด้วยกังตลอดไป”

แค่คิดว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีกน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม เหมือนเมื่อคืนที่น้องแพทนอนร้องไห้จนหลับไป

“ไม่เอาไม่ร้องสิ พี่มินก็อยู่ตรงนี้แล้วไง” มินกุมมือเล็กมาวางไว้บนแก้มตนแล้วมองเข้าไปในดวงตาน้อง ก่อนใช้มืออีกข้างกุมใบหน้าน่ารักเอาไว้ พลางเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนข้างแก้มด้วยนิ้วตน “เห็นมั้ยพี่มินอยู่ตรงนี้ไม่ได้หายไปไหนเลย”

“พี่แพทจะไม่ดื้ออีกแล้วนะ คุงคูพี่มิงก็อย่าโกรธพี่แพทอีกนะ”

“ไม่รับปากได้มั้ย”

“ทำไมอะ ไม่เชื่อพี่แพทเหรอ พี่แพทจะไม่ดื้อแล้วจริงๆ นะ จะเชื่อฟังคุงคูพี่มิงทู้กอย่างเลย”

“ไม่สัญญาว่าจะไม่โกรธครับ”

“โหยไรอะ พี่แพทจะเป็นเด็กดีแล้วจริงๆ นะ จะไม่ไปเที่ยวกับต๊อดแล้ว ถ้าไม่มีคุงคูพี่มิง พี่แพทจะไม่ไปกับต๊อดแล้ว เชื่อซี่ เชื่อเถอะนะ”

“ก็ได้”

“เชื่อพี่แพทแล้วเหรอ”

“อื้อ” มินพยักหน้า ไม่รู้หรอกว่าเด็กนี่เชื่อใจได้แค่ไหน แต่เชื่อว่าหลังจากเรื่องนี้น้องคงเข็ดไปสักพัก

“เชื่อพี่แพทแล้วจริงๆ นะ”

“เชื่อแล้วครับ”

“คุงคูพี่มิงน่ารักที่สุดเลย ขอหอมแจ้มหน่อย”

“ไม่เอา” มินส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงให้เจ้าตัวเล็กแหงนหน้ามองด้วยสายตาสงสัยใครรู้ ปกติคุณครูพี่มินใจดีจะตาย ขอหอมก็ให้หอม แต่คราวนี้กลับปฏิเสธกันซะอย่างนั้น

คุณครูพี่มินน่ะต้องไม่รักพี่แพทแล้วแน่ๆ เลย

“ไม่รักพี่แพทแล้วเหรอ”

“รักสิครับ”

“ถ้ารักก็ต้องให้หอมแก้มสิ”

“รักครับแต่ไม่ให้หอมแก้ม”

“ถ้ารักก็ต้องให้หอมแก้มสิ” น้องยังยืนยันคำเดิม มินเองก็ไม่คิดจะยอมแพ้

“ใครสอนว่าการหอมแก้มหมายถึงรัก”

“พี่เลี้ยงงายแต่พี่แพทจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร”

“ถ้าอย่างนั้นพี่แพทจำคำพี่มินนะ” มินโน้มตัวลงไปบอกน้องใกล้ๆ พลางยื่นมือไปจับมือเล็กพาให้เดินตามกันมาตามทางเดินเท้าสลัวๆ “ความรักน่ะไม่ต้องแสดงออกด้วยการสัมผัสกันก็ได้”

“แต่พี่แพทชอบให้สัมผัสนะมังอุ่งดี เหมืองกอดเลย แต่ว่าตอนนี้ไม่ค่อยมีใครกอดพี่แพท ไม่มีใครอ่างนิทางให้ฟังก่องนองด้วย”

มินส่งพี่แพทเข้านอนเกือบทุกคืนและหลังจากคืนที่เด็กน้อยรู้ว่าเขาเล่านิทานไม่เป็น พี่แพทก็ไม่เคยร้องขออีกเลย และคงเพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยได้รับความรักจากคุณพ่อคุณแม่ด้วยล่ะมั้งถึงได้ติดเขาแจขนาดนี้

“งั้นคืนนี้พี่มินเล่านิทานให้พี่แพทฟังก่อนนอนดีมั้ย”

“คุงคูพี่มิงเล่าไม่เป็งนี่นา จะเล่าได้งายอะ”

“ได้ก็แล้วกันน่า ไม่เชื่อเหรอ”

“พี่แพทเชื่อคุงคูพี่มิงทุกอย่างเลยนะ”

“ดีครับ งั้นมากอด” มินนั่งลงบนเก้าอี้ตรงป้ายรถเมล์พลางอ้าแขนออก แต่ดูเหมือนเขาจะอ้าแขนเก้อซะแล้วสิ เมื่อน้องแพททำเพียงยืนดูเฉยๆ ไม่ยอมถลาเข้ามาซุกอกเหมือนครั้งก่อนๆ

“ไหนคุงคูพี่มิงบอกว่าความรักไม่ต้องสัมผัสก็ได้งาย”

“ไม่อยากกอดพี่มินเหรอ”

สิ้นคำเจ้าตัวเล็กก็ถลาเข้ามากอดอย่างเคย ใบหน้าน่ารักซุกซบที่อกบาง ความอบอุ่นโอบล้อมคนที่เคยเป็นคนแปลกหน้าสำหรับกันและกันเอาไว้

ดีจังเลยน๊าที่คุณครูพี่มินไม่เกลียดพี่แพท







“มานั่งนี่มา” นั่งรถเมล์มาแค่ป้ายเดียวผู้โดยสารก็ขึ้นมาจนเต็มรถ ด้วยความที่เหนื่อยมาทั้งวันและไม่มีแรงจะไปเบียดกับใคร มินจึงเรียกน้องแพทให้ขยับมานั่งบนตักเพื่อคนอื่นจะได้นั่งด้วย

“คุงคูพี่มิงหนักมั้ย”

“กินข้าวกลางวันบ้างหรือเปล่าเนี่ย ตัวเบามากเลย”

“วังนี้พี่แพทกิงข้าวไม่ลงเลย”

“ทำไมล่ะครับ” มินขยับเข้าไปถามใกล้ๆ ด้วยเสียงแผ่วเบาด้วยกลัวว่าเสียงพูดคุยของตนกับน้องจะไปรบกวนคนอื่นเขา

“คุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทนี่นา จะกิงข้าวลงได้งาย เนี่ย ถ้าคุงคูพี่มิงโกรธพี่แพทบ่อยๆ พี่แพทก็จะกลายเป็นเด็กผอม ไม่น่ารัก”

“ใครบอกว่าเด็กผอมไม่น่ารักครับ”

“พี่เลี้ยงงาย ตอนที่บอกให้พี่แพทกิงข้าว พี่เลี้ยงบอกว่าเด็กผอมไม่น่ารัก คุงพ่อคุงแม่จะไม่รัก”

“พี่มินก็ผอมนะ งี้ก็แปลว่าพี่มินไม่น่ารักน่ะสิ”

“น่ารักซี่ คุงคูพี่มิงน่ารักที่สุดเลยนะ”

“จำเอาไว้นะครับ ความน่ารักไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่างหน้าตาหรอก ขึ้นอยู่กับนิสัยต่างหาก”

“แล้วพี่แพทนิสัยน่ารักมั้ย”

“น่ารักดีมั้ยนะ”

“น่ารักซี่ พี่แพทยังบอกว่าคุงคูพี่มิงน่ารักเลย คุงคูพี่มิงก็ต้องบอกว่าพี่แพทน่ารักด้วยซี่”

“แบบนี้ก็ได้ด้วย”

“ได้ซี่ เหมือนเวลาที่พี่แพทให้น้องแป้งหอมยืมสีไม้ไง พอพี่แพทยืมของน้องแป้งหอมบ้างน้องแป้งหอมก็ให้ยืมนะ”

มินคิดตามแต่ก็ไม่สนใจที่จะตอบคำถาม เพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เขาจึงหลับตาลงทั้งที่น้องยังคงมองมาเพื่อรอคอยคำตอบ

“คุงคูพี่มิงไม่ตอบคำถามพี่แพทเหรอ”

“แปะโป้งไว้ก่อน” สัมผัสอุ่นๆ ของนิ้วโป่งประทับลงบนแขนเล็ก

“คุงคูพี่มิงหลับแล้วเหรอ”

“ขอนอนแป๊บนึงนะ”

“แล้วจะตื่นตอนไหน”

“ตอนถึงบ้าน”

“แล้วหลับอย่างนี้จะรู้ได้ไงอะว่าถึงบ้างแล้ว”

“เชื่อใจพี่มินสิครับ” มินว่าเสียงแผ่วเต็มทนพลางดันหัวน้องให้แนบไปอกตน กระชับแขนที่กอดเอวเล็กเพื่อให้นั่งได้สบายทั้งสองฝ่าย

ที่จริงพี่แพทแอบกังวลอยู่หน่อยๆ ล่ะ คุณครูพี่มินเอาหัวแนบกับหน้าต่างรถแล้วหลับไปแบบนี้จะรู้ได้ไงว่ารถเมล์ถึงป้ายที่ต้องลง แต่เมื่อกี้คุณครูพี่มินบอกให้เชื่อใจ และแม้จะกังวลใจแต่ก็ต้องเชื่อใจใช่มั้ยล่ะ

บางครั้งแค่ความเชื่อใจอย่างเดียวคงไม่พอ

พี่แพททอดสายตามองไปนอกหน้าต่าง เพื่อช่วยดูอีกแรงว่าใกล้จะถึงบ้านเราหรือยัง

ตื่นเต้นจังเลยน๊า







คุณครูพี่มินเป็นผู้ใหญ่ที่น่ารักและแสนมหัศจรรย์ พอใกล้จะถึงป้ายที่ต้องลงก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างง่ายดาย พี่แพทนี่อึ้งไปเลย ขณะที่กำลังนึกชื่มชม ตัวก็ลอยขึ้นสู่อ้อมแขนอันอบอุ่นของคนตัวสูงกว่า คุณครูพี่มินเดินไม่กี่ก้าวเราก็ลงมายืนบนฟุตบาธแล้ว

“คุงคูพี่มิงทำได้ไงอะ” พี่แพทถามพลางกระชับกอดที่คอคุณครูพี่มิน

“เก่งไง”

“หูย คุงคูพี่มิงเก่งที่สุดเลย เก่งกว่าพี่เลี้ยงคงก่องๆ อีกนะ”

“เคยนั่งรถเมล์มาก่อนเหรอ”

“เคยซี่ แต่พี่เลี้ยงไม่ให้บอกคุงแม่ บอกให้เก็บเป็นความลับ แต่กับคุงคูพี่มิง พี่แพทไม่อยากมีความลับด้วยหรอกนะ”

“งั้นเรื่องนี้ก็เป็นความลับของเราสิ”

“ช่าย คุงคูพี่มิงอย่าบอกคุงแม่นะ”

“บอกดีมั้ยน๊า”

“ไม่เอา” มือเล็กยื่นมาปิดริมฝีปากสีสดของคุณครูพี่มินเอาไว้พลางส่ายหน้ารัวๆ

มองหน้าหยั่งเชิงกันอยู่นานทีเดียวกว่าเจ้าตัวเล็กจะยอมชักมือกลับ

“ทำไมถึงบอกไม่ได้ล่ะ”

“ความลับไง พี่เลี้ยงบอกว่าถ้าพี่แพทบอกคุงแม่ พี่แพทจะโดนดุ ไม่เอาด้วยหรอก เวลาคุงแม่ดุน่ากลัวมากเลย แล้วพี่แพทก็ร้องไห้ด้วย พี่เลี้ยงบอกว่าตอนร้องไห้ไม่หล่อ พี่แพทไม่อยากร้องไห้” แต่เมื่อวานกับวันนี้ก็ร้องไห้เพราะคุณครูพี่มินไปเยอะเลย

ก็จริงที่ว่าเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวให้ผู้ใหญ่อย่างเราแต่งแต้มสีสันต่างๆ ลงไป ถ้าฝีมือดีผ้าขาวก็จะมีลวดลายที่สวยงามน่ามอง แต่ถ้าฝีมือห่วยคงไม่ต้องบอกว่าผ้าขาวจะมีสภาพเป็นอย่างไร

อย่างน้องแพท มินไม่รู้ว่าที่ผ่านมาน้องเรียนรู้อะไรจากพี่เลี้ยงคนก่อนๆ บ้าง และเด็กน้อยก็หัวดีจำทุกเรื่องราวได้อย่างแม่นยำเสียด้วย

อาจจะไม่ได้บอกเล่าเป็นคำพูด แต่การแสดงออกหลายๆ อย่างก็บอกด้วยตัวมันเองแล้วว่าน้องช่างจดจำ

มีหรือที่เด็กช่างจดจำเช่นนี้จะไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์คนที่อยู่ด้วยกันทุกๆ วันในยามที่พวกเขาหายไป ทุกครั้งที่มีการจากลา ไม่ว่าพี่เลี้ยงคนนั้นจะดีหรือร้าย มินมั่นใจว่าน้องแพทก็คงรู้สึกเศร้า ไม่มากก็น้อย

เด็กน่ะอ่อนไหวจะตาย ขึ้นอยู่ที่ว่าเขาจะแสดงออกมาหรือเปล่าก็เท่านั้น







พวกเรากลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยดี

อาหารเย็นถูกเตรียมเอาไว้แล้ว เหลือแค่อุ่นนิดหน่อยก็พร้อมรับประทาน

พี่แพทวางกระเป๋าไว้บนโซฟาข้างๆ กระเป๋าของคุณครูพี่มินก่อนเดินตามเจ้าของขายาวเข้าไปในครัว ปีนขึ้นไปนั่งรอบนเก้าอี้ เท้าคางมองคนที่กำลังอุ่นอาหารอย่างคล่องแคล่วด้วยความเพลินเพลิน

ถ้าโตขึ้น พี่แพทเก่งอย่างพี่มินก็คงดี

“มองอะไรครับ”

“มองคุงคูพี่มิง” แน่นนอนว่าพี่แพทไม่ได้โกหกเลยแม้แต่น้อย มองก็บอกว่ามอง

“หิวรึยัง”

“หิวมากๆ เลย” พอน้องว่าอย่างนั้นพลางลูบท้องป้อยๆ อย่างคนหิวโซที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน ไม่สิ ต้องบอกว่ากินไม่ลงถึงจะถูก มินก็ยกอาหารที่เพิ่งอุ่นเสร็จมาเสิร์ฟ ตักข้าวแค่พอดีแล้วนั่งลงตรงข้ามเพื่นกินข้าวเย็นด้วยกัน

พักหลังมานี้มินกินข้าวเย็นกับน้องแพทบ่อยกว่ากินข้าวกับแม่เสียอีก รวมถึงพูดคุยกันมากกว่าด้วย

ปกติแล้วมินก็ไม่ค่อยได้คุยกับแม่นัก แต่พักหลังมานี้ยิ่งแทบจะไม่ได้คุยกันเลย บ่อยครั้งที่แอบสงสัยว่าแม่คิดกับตนอย่างไร หรือแม่กำลังมีความลับอะไรอยู่กันแน่

“คุงคูพี่มิงไม่กิงเหรอ ไส้กรอกอร่อยมากๆ เลย ถ้าไม่รีบกิงพี่แพทกิงหมดก่องไม่รู้ด้วยนะ” ถึงแม้จะว่าอย่างนั้นแต่มือเล็กๆ ก็ใช้ส้อมจิ้มไส้กรอกของโปรดแล้ววางลงบนจานคุณครูพี่มินอย่างยากลำบาก แพราะมีตัวป้อมๆ เป็นอุปสรรค

มินตักไส้กรอกที่อัดแน่นไปด้วยน้ำใจเข้าปาก พลางมองหน้าเจ้าตัวเล็กที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ไม่พูดไม่จาซักคำ

สังเกตมาสักพักแล้ว น้องแพทเป็นเด็กมารยาทดีมาก แม้กระทั่งมารยาทบนโต๊ะอาหารเจ้าตัวก็รักษามันได้เป็นอย่างดี ยามเคี้ยวข้าว น้องก็จะเคี้ยวเบาๆ ยามมีอาหารอยู่ในปากก็ไม่เคยปริปากพูดเลย เมื่อกินเสร็จก็ดื่มน้ำตามแล้วใช้ผ้าเช็ดปากเบาๆ

น้องแพทเนี่ย บางทีก็เป็นเด็กแสบ บางครั้งก็เป็นเด็กดื้อ ถึงกระนั้นก็เป็นเด็กดีมากทีเดียว

คงจะดีถ้าได้เฝ้ามองน้องค่อยๆ เติบโตขึ้นตลอดไป

ถ้าเป็นพี่น้องที่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ก็คงดี




[TBC]

ตอนสุดท้ายก่อนจะหายไปแบบยาวๆ เลย
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ
สงสัยล่ะสิว่าจะหายไปไหน 555 หายไปแต่ไม่ทิ้งค่ะ
หายไปเขียนพี่แพทกับคุณครูพี่มินให้จบแล้วค่อยกลับมาเจอกันแบบยาวๆ เลย
รอพี่แพทหน่อยน๊า
 :katai5:

หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 6 {Up.220318}
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 24-03-2018 04:07:16
รอตอนต่อไปนะคะ น้องแพทน่ารักมาก คุงครูพี่มินก็น่าร๊ากกก อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจจังเลย  :man1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 6 {Up.220318}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-03-2018 04:37:03
บาย บาย พี่มิน พี่แพท แล้วรีบ ๆ กลับมานะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 6 {Up.220318}
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-04-2018 16:03:10
พี่แพทน่ารักกกกก รอตอนต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 10-07-2018 16:33:07
คุณครูพี่มิน 7
[/color]


“ต๊อดไปเที่ยวบ้างพี่แพทมะ?”

“ไม่เอาอะ ขี้เกียจ”

“ขี้เกียจทำไมอะ ไม่ได้เดินไปซักหน่อย” มินถึงกับหลุดขำให้กับความใสซื่อที่แสดงออกทั้งทางสีหน้าและน้ำเสียงของเจ้าตัวเล็ก ต่างกับต๊อดที่กำลังคิดว่าเด็กนี่โคตรกวนโอ้ย

“ต๊อดเรียนเหนื่อยไง อยากกลับบ้านไปนอน”

“คุงคูพี่มิงไม่เห็นเหนื่อยเลย เรียงชั้งเดียวกังจริงป่ะต๊อด”

“ก็คุณครูพี่มินของพี่แพทเรียนเก่งนี่ ไม่ต้องพยายามอะไรก็เก่งแล้ว”

“แน่นองอยู่แล้ว คุงคูพี่มิงของพี่แพทเก่งที่สุดในโลกเลย”

“อวยกันเข้าไป”

“อวยคือไรอะต๊อด คุงคูพี่มิงอวยคือไร พี่แพทไม่เคยได้ยินเลย” เอาอีกแล้ว

“อวยคือชมจนออกนอกหน้า”

“ออกนอกหน้าคืออะไรอะ พี่แพทไม่เข้าใจอยู่ดี” เด็กน้อยมุ่นคิ้วอย่างที่มักแสดงออกยามได้ยินศัพท์ที่ตนไม่คุ้นเคย นั่นทำให้พี่แพทดูเป็นเด็กขี้สงสัยขึ้นมาทันที และเด็กขี้สงสัยเนี่ยจะไม่มีทางเลิกถามเลยหากไม่ได้คำตอบที่ตนพอใจ

“ก็คือชม ชมมากๆ ชมเกินจริง” และต๊อดคนที่ไม่เคยตอบอะไรได้อย่างใจพี่แพทซักครั้งก็ตอบแบบขอไปที แน่นอนว่าเรื่องมันจะไม่จบ

“ไม่นะ คุงคูพี่มิงของพี่แพทเก่งจริงๆ ไม่ได้อวยซักหน่อย ต๊อดอิจฉาเหรอ ถ้าอยากให้พี่แพทชมก็ต้องขยังๆ เรียงหนังสือนะ เข้าใจป่ะต๊อด”

คนถูกเด็กสั่งสอนถึงทำชักสีหน้าไม่พอใจ เอาเข้าไปสิชีวิตต๊อด พ่อก็ด่า แม่ก็บ่น เพื่อนก็ไม่รักและตอนนี้ยังโดนเด็กสั่งสอนอีก สงสัยต้องเข้าวัดทำบุญถวายสังฆทาน ปล่อยปลาปล่อยนกและปล่อยหมาออกจากปาก

“ไม่ได้ต้องการเลย”

“ทำไม่ได้อะเดะ” นอกจากสั่งสอนแล้วยังดูถูกกันอีก ไอ้เด็กนี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนโปรดของเพื่อนรักล่ะก็ต๊อดอยากจะโบกหัวซักป๊าบสองป๊าบเป็นการสั่งสอนให้หลาบจำ

“อือ ยากจังเลย” กระนั้นก็ทำได้เพียงตีหน้าเศร้าแล้วตอบรับเพื่อจบเรื่อง

“ทำไมต๊อดไม่สู้ล่ะ ขนาดพี่แพทไม่ชอบวิชาเลข แต่พอคุงคูพี่มิงสองพี่แพทชอบมากๆ เลยนะ เดี๋ยวพี่แพทให้ยืมคุงคูพี่มิงเอามั้ย แต่ให้ยืมแป๊บเดียวนะ”

“ไม่เป็นไร”

“ไม่ต้องเกรงใจนะต๊อด เพื่อนกัน” ไม่รู้เลยว่าตัวเองกลายเป็นเพื่อนกับเด็กอายุ 5 ขวบไปเสียแล้ว ถึงกระนั้นต๊อดก็ไม่ได้เอ่ยอะไรให้น้องแพทข้องใจ

ยอมเด็กบ้างก็ได้มั้ง บางทีผลบุญอาจจะส่งให้การสอบที่ใกล้จะถึงนี้ผ่านไปได้ด้วยดี

“ต๊อดไม่ไปบ้างพี่แพทจริงๆ เหรอ” พอสั่งสอนกันเสร็จก็วกกลับมาเข้าเรื่องที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ตัวต๊อดน่ะสรุปได้ตั้งนานแล้ว แต่เจ้าเด็กนี่สิไม่ยอมเข้าใจซักที เซ้าซี้อยู่นั่นแหละ เอาแต่ใจตัวเองเหลือเกิน

“อยากให้ไปขนาดนั้นเชียว” เด็กน้อยพยักหน้าจนหัวสั่นหัวคลอน ที่จริงก็ไม่อยากปฏิเสธ แต่เพราะต้องกลับไปช่วยงานที่อู่จึงไม่ค่อยสะดวกนัก “เอาไว้วันหลังนะพี่แพท”

“วังหลังเมื่อไหร่อะ”

“พี่แพทครับ” มินกระชับมือเล็กที่ตนจับจูงไว้พลางก้มหน้าลงไปปรามไม่ให้เด็กน้อยแสดงความเอาแต่ใจ

ได้ยินเสียงเล็กๆ บ่นพึมพำว่า “ก็อยากเล่งกับต๊อดนี่นา”

แต่เด็กหนุ่มทั้งสองก็ทำเป็นไม่สนใจ







บริเวณตึกเรียนพิเศษในช่วงเย็นค่อนข้างคึกคัก ทั้งนักเรียนและพี่นักศึกษาเดินกันขวักไขว่ หากในความจอแจวุ่นวายนั้นสายตาของต๊อดก็สะดุดเข้ากับเด็กสาวที่เขาคุ้นเคยดี

“มินนั่นไข่มุกป่ะ” แม้จะมั่นใจแต่ก็ถามเพื่อนเพื่อความชัวร์

มินมองตามสายตาเพื่อนสนิทก็พบกับเด็กสาวเจ้าของชื่อกำลังยืนทำลับๆ ล่อๆ คล้ายกำลังซ่อนตัวจากใครบางคน

“เข้าไปทักดีมั้ย ไข่มุกต้องดีใจแน่ที่มึงเข้าไปทักเขาก่อน” มือที่กอบกุมกับน้องแพทถูกกระชับแน่นเพื่อรั้งเอาไว้ และถึงแม้น้องจะไม่รั้งมินก็ไม่คิดจะเข้าไปทักอยู่ดี

“กูว่า...” ยังไม่ทันห้าม ต๊อดก็เดินฉับๆ เข้าไปหาไข่มุกแล้ว

“เล่นซ่อนแอบเหรอไข่มุก”

“ต๊อด” คนถูกทักหันมาทำหน้าตื่นพลางเรียกชื่อเสียงเบาแต่หนักแน่น เด็กสาวมองหน้าต๊อดสลับกับใครบางคนท่ามกลางความจอแจหน้าตึก “ช่วยมุกหน่อยสิ”

“ช่วยอะไร”

“ช่วยพาออกไปจากที่นี่หน่อย”

“เล่นอะไรเนี่ย” ต๊อดไม่เข้าใจและแอบเข้าข้างตัวเองนิดนึงว่าบางทีเด็กสาวเอกญี่ปุ่นที่คลั่งไคล้มินนักหนาอาจจะเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นตน

“ไม่ได้เล่น เดี๋ยวเล่าให้ฟัง ช่วยก่อน” น้ำเสียงหนักแน่นของไข่มักย้ำชัดว่าเธอกำลังต้องการความช่วยเหลือจริงๆ

“ช่วยยังไงอะ”

“ไม่รู้ ต๊อดก็คิดสิ”

“ไข่มุกก็รู้ป่ะว่าต๊อดไม่ใช่คนฉลาด” พูดแล้วก็อนาถใจกับความสมองน้อยของตน และเมื่อต้องใช้สมองก็ต้องนึกถึงคนที่ฉลาดเป็นกรดอย่างมินสิ

“ถ้ามินอยู่ด้วยก็คงดี”

“อยู่นะ” คิดได้ดังนั้นก็มองไปยังจุดที่มินกับน้องแพทยืนอยู่ ทั้งคู่ต่างกวักมือเรียกอย่างพร้อมเพรียงกัน

พี่แพทไม่อยากให้คุณครูพี่มินอยู่ใกล้พี่ไข่มุกอะไรนั่นเลย แต่ถึงแม้จะไม่ชอบแต่ก็ไม่มีทางห้ามได้

ไข่มุกไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมากนัก บอกคร่าวๆ แค่ว่ามีผู้ชายมาตื๊อจีบ ก็เลยโดนต๊อดแซวอย่างไม่รู้เวร่ำเวลาว่า ‘แม่คนสวย’ ที่จริงไข่มุกก็สวย แต่น้องแพทก็แอบเบะปากไม่ยอมรับในความสวยน่ารักของฝ่ายนั้น

“เดี๋ยวมินไปล่อเขาไว้ ส่วนต๊อด มึงพาไข่มุกไปส่งบ้าน”

“ทำไมต้องเป็นกูล่ะ” ต๊อดสวนกลับอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่เมื่อมองตามสายตามินก็พบกับคำตอบ บางทีก็นึกหน่ายใจกับความพ่อลูกอ่อนของเพื่อนตัวเองไม่ใช่น้อย

“พี่แพทช่วยอะไรพี่มินอย่างนึงได้มั้ย” สั่งเพื่อนเสร็จก็หันมาอ้อนขอความช่วยเหลือจากเจ้าตัวเล็ก

“ถ้าคุงคูพี่มิงขอ พี่แพทยอมทำให้ทุกอย่างเลย” น้องตอบอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว

“หมั่นไส้เด็ก”

“อะไรต๊อด ไม่ได้คุยด้วยซักหน่อย พูดแทรกอย่างนี้เสียมารยาทนะ” ต๊อดรู้สึกหน้าชานิดหน่อยที่ถูกเด็กสั่งสอนอีกครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าตนไร้มารยาทจริงๆ

“เอาเป็นว่าต๊อดขอโทษละกัน” พี่แพทเบ้ปากซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ให้อภัยเพราะต๊อดไม่ได้พูดออกมาอย่างจริงใจ แต่ยังโกรธได้ไม่เท่าไหร่คุณครูพี่มินที่ย่อตัวนั่งอยู่ตรงหน้าก็ลูบหลังมือเบาๆ ให้กลับมาสนใจกัน

“พร้อมฟังพี่มินรึยังครับ”

“พร้อมแล้ว” เด็กน้อยพยักหน้าแรงๆ แต่ก็ไม่วายหันไปค้อนใส่เพื่อนสนิทของคุณครูตน

“พี่แพทเห็นผู้ชายคนนั้นมั้ย” มองตามนิ้วเรียวสวยของคุณครูพี่มินไปก็พบกับชายหนุ่มในชุดนักศึกษาเรียบร้อยและดูดีมากยืนถือช่อดอกไม้อยู่ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปมา

หล่อเลย แต่สู้คุณครูพี่มินไม่ได้หรอก

“เห็ง พี่แพทเห็งฮะ” น้องแพทละสายตาจากชายคนนั้นหันมามองคุณครูตน

“น้องแพทวิ่งไปชนเขาเบาๆ ได้มั้ยครับ”

“ทำไมต้องวิ่งชนล่ะ แบบนี้ไม่ดีนะคุงคูพี่มิง”

“ไหนบอกว่าจะเชื่อพี่มินทุกอย่างไงครับ” รู้ว่าไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง แต่ในยามคับขันเช่นนี้มินคิดได้แค่นี้จริงๆ

“ก็ได้ครับ ชงเบาๆ เบาแค่ไหน”

“เบาๆ แค่พี่แพทไม่เจ็บตัว”

“ไม่เจ็บตัว” น้องทวนคำพลางทำหน้ามุ่งมั่นกับภารกิจที่ได้รับมอบหมายสุดๆ

มินหันไปมองต๊อดกับไข่มุก ส่งสัญญาณว่าพร้อมแล้วก่อนหันไปดันหลังน้องแพทให้วิ่งออกไป

พลั้ก!!!

เด็กน้อยที่ตั้งใจวิ่งชนคนอื่นล้มลงกับพื้นก้นจ้ำเบ้า ต๊อดที่จูงมือไข่มุกวิ่งไปยังหน้าตึกถึงกับหยุดชะงักไปชั่วอึดใจ แต่เมื่อเห็นว่ามินวิ่งเข้าไปถึงตัวน้องแล้วเขาจึงวิ่งต่อ

ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบหน้านัก แต่ก็อดเป็นห่วงเด็กนั่นไม่ได้จริงๆ

“คุงคูพี่มิง พี่แพทเจ็บ ฮือ” เด็กน้อยโผเข้ากอดคนเป็นคุณครูทันทีพลางซบหน้าลงบนไหล่เมื่อถูกอุ้มขึ้นมา แอ็คติ้งระดับฮอลิวู้ด ไม่รู้ไปร่ำเรียนมาจากไหน

“โอ๋ๆ ไม่เจ็บนะครับเด็กดี” มินปลอบน้องพลางมองไปยังคนที่สุดท้ายก็ละความสนใจจากไข่มุกมาสนใจน้องแพทกับตนจนได้

“อยู่ๆ น้องก็วิ่งมาชน” เขาว่าพลางมองเด็กในอ้อมแขนมินด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย

“ขอโทษจริงๆ ครับ คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

“ไม่ ผมโอเค ว่าแต่น้องเถอะ ไม่เป็นอะไรแน่นะ”

ชั่วครู่ที่ได้คุยกัน มินคิดว่าชายหนุ่มหน้าตาดีที่มาตามจีบไข่มุกก็ไม่ได้แย่ ทำไมไข่มุกถึงไม่ยอมเปิดใจลองคุยดูซักหน่อยล่ะ

“น้องเรียนที่เดียวกับไข่มุกป่ะ” เขามองสำรวจเครื่องแต่งกายมินแล้วถาม แต่ก็ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ “พี่มารอไข่มุกนานแล้ว แต่ไม่เจอเลย”

เธอหนีกลับบ้านไปแล้วครับ

“พี่ฝากนี่ให้เขาได้มั้ย” นี่ที่ว่าคือดอกไม้ช่อโตในเขาถือไว้ตลอด

“คิดว่าไม่น่าจะสะดวกนะครับ อีกอย่างที่โรงเรียนมีคนชื่อไข่มุกเยอะมาก ผมอาจจะไม่รู้จัก”

“ไข่มุกคนที่น่ารักๆ”

“ไข่มุกที่น่ารักก็เยอะครับ พี่ไม่ลองโทรหาเธอดูล่ะ”

“โทรไม่รับน่ะสิ โกรธอะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่เป็นไร ถ้าน้องไม่สะดวกเดี๋ยวพี่ไปหาไข่มุกเองก็ได้” เขาว่าเช่นนั้นด้วยสีหน้าจ๋อยๆ ก่อนจะขอโทษน้องแพทอีกครั้งทั้งที่ตนไม่ผิดอะไรแล้วเดินออกจากตึกไป

“คุงพ่อก็เคยให้ช่อดอกไม้คุงแม่เหมืองกังนะคุงคูพี่มิง” คล้อยหลังพี่ชายในชุดนักศึกษาน้องแพทคนเก่งก็กลับมาคุยจ้อด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“พี่มินก็เคยได้ช่อดอกไม้เหมือนกัน”

“ดอกไม้ของใครอะ คราวหลังอย่ารับนะ พี่แพทไม่ให้รับ”

“ทำไมล่ะครับ” มินถามกลับอย่างนึกสงสัย

“ไม่รู้ แต่ถ้าคุงคูพี่มิงอยากได้ดอกไม้ คุงคูพี่มิงต้องบอกพี่แพทนะ เดี๋ยวพี่แพทหาให้เอง ดอกกุหลาบช่อโตๆ เลย”

“เอาไปทำไมดอกกุหลาบ”

“คุงแม่บอกว่าดอกกุหลาบแปลว่ารักมาก”

“พี่แพทรักพี่มินมากเหรอครับ”

“ก็ต้องรักมากซี่ สัญญากับพี่แพทได้ป่าวว่าจะไม่รับดอกกุหลาบจากคงอื่ง”

“ยากจัง”

“คุงคูพี่มิงสัญญากังนะ” นิ้วก้อยเล็กๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า ใบหน้าน่ารักที่กำลังแสดงออกถึงความจริงจังอยู่ใกล้แค่ไม่กี่คืบ มินเบือนหน้าหนีพลางยิ้มอย่างหน่ายใจ ถ้าเกิดว่าไม่สัญญาเรื่องคงไม่จบแน่ เอาน่า พี่แพทคงไม่คิดอะไรจริงจังหรอก

“สัญญาครับ” เด็กน้อยยิ้มร่าเมื่อมินส่งนิ้วก้อยไปเกี่ยวกัน

สัญญาแล้วนะ สัญญาว่าจะไม่รับดอกกุหลาบจากคนอื่นยกเว้นพี่แพทคนเดียว







“มินเดินเร็วๆ สิโว้ย”

โรงอาหารช่วงพักกลางวันวุ่นวายเหมือนตลาดสด และต๊อดก็ทำตัวเหมือนพ่อค้า เสียงดังพลางดันหลังมินให้เดินเร็วๆ ด้วยความกลัวว่าไข่พะโล้ร้านป้าจวงจะหมดก่อน

ถ้ารีบขนาดนั้นก็วิ่งนำไปก่อนสิต๊อด

“เพราะมึงเลย” เมื่อพบว่าของที่อยากกินหมดเกลี้ยงแล้วก็หันมาทำหน้างอนใส่เพื่อนตัวเอง

ต๊อดมึงเป็นไรมากป่ะ

และถึงแม้มินจะไม่พูดอะไร แต่ต๊อดก็เข้าใจจากการแสดงออกทางสีหน้าของเพื่อนสนิทตน

“กูอยากกินไข่พะโล้ป้าจวงอะมึง”

“แล้วมึงจะให้กูทำไง บ่นมากว่ะต๊อด มีอะไรก็กินๆ เข้าไปเถอะ”

“มึงไม่เข้าใจกูหรอกมิน” ตัดพ้อเพื่อนพลางตักลูกชิ้นจากชามของมินไปกินหน้าตาเฉย

“เนียนเชียว”

“เย็นนี้เรียนพิเศษเสร็จไปร้านเกมส์กันมั้ย” ต๊อดนี่มันคนเนียนที่แท้จริง

“ไม่ได้”

“ลืมไปว่ามึงติดเด็ก”

“น้องแพทอยากให้มึงไปเที่ยวที่บ้านมาก เห็นบอกว่ามีอะไรจะอวดเยอะแยะเต็มไปหมด”

“ขี้อวดชะมัด ติดมึงคนเดียวไม่พอ เสือกมาติดกูอีก” คำพูดคำจาเหมือนไม่พอใจหากแววตาของต๊อดกลับฉายแววยินดีออกมาอย่างโจ่งแจ้ง

“เด็กมันรักก็ดีกว่าถูกเด็กเกลียดมั้ยวะ”

“ก็จริง บอกน้องว่าเสาร์อาทิตย์นี้ถ้าช่วยงานป๊าที่อู่เสร็จจะแวะไปละกัน”

“มึงอ่อนโยนขึ้นป่ะเนี่ย มีความรักเหรอ”

“เวรเถอะ โสดมาทั้งชีวิตแล้วกู ถ้าก่อนจบมหา’ลัยยังหาเมียเป็นตัวเป็นตนไม่ได้กูจะลาบวชละ”

“มึงเป็นคริสต์”

“เออว่ะ ลืมตัว ว่าแต่เมื่อวานคุยกับแฟนไข่มุกเป็นไงบ้างวะ”

“สรุปเขาเป็นแฟนกันแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่นะ” ไข่มุกนั่นแหละ โผล่มาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ไข่มุกไม่ได้ชอบคนนั้นเลยนะมิน” ทั้งคำพูดและสายตาที่มองมาสื่อความหมายชัดเจนเสียจนต๊อดที่นั่งเป็นสักขีพยานอยู่ถึงกับเบือนหน้าหนี

บทจะรุกแรงก็แรงเหลือเกินแม่คุณเอ้ย

“เขาฝากดอกไม้มาให้ไข่มุกด้วยแต่มินไม่ได้รับมา” แต่ดูเหมือนคนถูกอ่อยจะไม่ค่อยเก็ทเลย

“ก็ดีแล้ว ไข่มุกไม่อยากรับอะไรจากเขาทั้งนั้นแหละ”

“เรื่องมันเป็นมายังไงอะมุก” ต๊อดเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ ไข่มุกกรอกตาไปมา เธอทำหน้าเหมือนไม่อยากพูดถึงคนนั้นแต่เพราะติดหนี้บุญคุณต๊อดกับมินอยู่ก็เลยคิดว่าเล่าให้ฟังก็คงไม่เป็นไร

ได้เรื่องว่าคนนั้นชื่อพี่ฟิวส์เป็นนักศึกษาชั้นปี 3 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่ไข่มุกไปติวในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ ตอนแรกก็ช่วยติวปกติ ถึงกระนั้นเขาก็ดูสนใจเธอเป็นพิเศษมาตั้งแต่ต้น กระทั่งผ่านไปประมาณ 3 สัปดาห์พี่เขาก็เริ่มรุกจีบอย่างจริงจังจนน่ากลัว

“ในเมื่อไม่ชอบเขาทำไมไม่ปฏิเสธไปตรงๆ ล่ะ” มินออกความเห็น ถ้าถูกปฏิเสธตรงๆ อาจจะรู้สึกเจ็บปวดหน่อยแต่เดี๋ยวก็คงทำใจได้เอง

“เคยพูดไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่พี่เขาไม่ยอม”

“งั้นก็คบๆ ไปก่อน แล้วค่อยหาโอกาสเลิก” คราวนี้เป็นความเห็นจากต๊อด มินไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แบบนั้นมันยิ่งทำให้อีกฝ่ายเจ็บมากกว่าบอกปฏิเสธตรงๆ ซะอีก

“ถ้ามันง่ายขนาดนั้นก็ดีสิต๊อด”

“ผู้หญิงแม่งซับซ้อนว่ะ อันนั้นก็ไม่ดี อันนี้ก็ไม่เอา”

“พี่เขาเรียนที่เดียวกับที่ไข่มุกตั้งใจสอบเข้าใช่มั้ย” มินเอ่ยถามแทรกประโยคไร้สาระของต๊อดให้เพื่อนตนจิ๊ปากไม่พอใจ

“คณะเดียวกันเลย”

“งั้นก็คงต้องหาวิธีที่ประนีประนอมที่สุดแล้วล่ะ ยังไงก็ยังคงต้องเจอกันแน่ๆ” ไข่มุกเป็นคนเรียนดี ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เธอจะสอบเข้าเรียนคณะที่ต้องการ

“ที่จริงมุกมีวิธีนะแต่ไม่มีคนช่วย”

“นี่เราสนิทกันถึงขั้นขอความช่วยเหลือกันได้แล้วเหรอ” ต๊อดทำเป็นพูดลอยๆ จงใจให้ไข่มุกได้ฉุกคิดถึงความสนิทสนมของพวกตน

“มุกยังไม่ได้บอกจะให้ช่วยนะ แต่ถ้าต๊อดพูดถึงขนาดนี้แล้ว มุกก็คงไม่กล้าขอหรอก”

“ต๊อดมึงนี่แล้งน้ำใจว่ะ” มินเอ็ดเพื่อนไปทีก่อนหันไปขอโทษไข่มุกด้วยสายตา “ว่ามาสิ ถ้ามินกับต๊อดพอช่วยได้ก็จะช่วยนะ”

“ถามกูซักคำยัง”

“อยากสอบตกสินะ” จุดอ่อนของต๊อดอยู่ตรงที่การเรียนและการสอบ

“ไอ้มินมึงแม่งอ่อนโยนแค่กับเด็ก สตรีและคนชราถูกมั้ย”

“ถ้าอยากได้รับความอ่อนโยนจากกูขนาดนั้นก็ไปแต่งหญิงสิ”

“สัด”

ยังไม่ทันได้คุยกันเรื่องแผนที่ไข่มุกคิดไว้ก็หมดเวลาพักกลางวันซะก่อน ถ้าจะคุยกันหลังเลิกเรียนมินที่ถึงแม้จะไม่มีเรียนพิเศษก็ต้องไปรับแพทที่โรงเรียนแล้วพาไปส่งบ้าน







“เราไม่กลับบ้างพี่แพทกันเหรอ” น้องแพทเอ่ยถามเมื่อคุณครูพี่มินเลือกขึ้นรถเมล์อีกสายที่ไม่สายประจำที่นั่งกลับบ้านทุกวัน

“ไปบ้านพี่มินแป๊บนึง”

“พี่แพทขอนองบงเตียงคุงคูพี่มิงได้มั้ยอะ” ว่าแล้วก็คิดถึงกลิ่นหอมๆ บนเตียงคุณครูพี่มินสุดๆ เลย

“ไปแป๊บเดียวเอง”

“นองแป๊บเดียวก็ได้”

“เอางั้นเหรอ”

“อื้อ แต่ถ้าคุงคูพี่มิงไม่อนุญาต พี่แพทไม่นองก็ได้” เห็นท่าทางอย่างนั้นแล้วจะไม่ยอมให้นอนบนเตียงได้ยังไงกัน

หลังจากลงจากรถเมล์ ทั้งคู่เดินเรื่อยๆ ไปยังบ้านที่เงียบเหงาของมิน ผ่านบ้านต๊อดที่ข้างๆ เป็นอู่ซ่อมรถของป๊าที่โคตรจอแจวุ่นวาย คนที่กำลังยืนโม้กับพวกช่างอย่างออกรสก็วิ่งเข้าไปตามไข่มุกในบ้านเพื่อออกมารวมตัวกัน

พี่แพทงงนิดหน่อยที่อยู่ๆ ไข่มุกก็อยู่ตรงนี้ด้วยกัน พอจะเอ่ยถามพี่มินก็เอาแต่สนใจเพื่อนๆ ของตน

“ที่จริงคุยกันบ้านมึงก็ได้มั้ย”

“วุ่นวายจะตาย อีกอย่างม๊าอยู่ในบ้านด้วย คุยไม่สะดวกหรอก”







ในห้องรับแขกบ้านมิน นักเรียนม.ปลายทั้งสามนั่งมองกันด้วยใบหน้าเคร่งเครียด ขณะที่คนเด็กสุดกำลังมีความสุขกับการนอนเล่นบนเตียงของเจ้าของบ้าน

“ไม่เอาน่ามิน กูเนี่ยนะ”

“เราก็ไม่เห็นด้วยนะมิน”

“พี่ฟิวส์เคยเห็นหน้าเราแล้ว”

“ไม่เห็นจะเกี่ยว เห็นหน้าแล้วยังไง”

“ตอนนั้นกูบอกว่ากูไม่รู้จักไข่มุก”

“ให้กูเล่นเป็นแฟนไข่มุกเนี่ยนะ ไม่เนียนหรอก ไข่มุกไม่ได้ชอบกู” ต๊อดปฏิเสธท่าเดียว จริงอยู่ที่ว่าไข่มุกน่ารักมากแต่ถ้าให้เล่นเป็นแฟน ไม่เอาหรอก อย่างไรก็ทำไม่ได้เด็ดขาด

“มันไม่เกี่ยวกับชอบไม่ชอบหรอก”

“ถ้าไม่สะดวกใจกันก็ไม่เป็นไรนะ มุกจะลองพยายามด้วยตัวเองดู”

“ดราม่าป่ะเนี่ยมุก อยากเป็นแฟนกับเราขนาดนั้นเชียว ถึงจะลำบากใจหน่อย แต่ต๊อดก็เป็นคนมีน้ำใจในระดับนึงเหมือนกันนะ”

ไม่ใช่แค่ต๊อดซักหน่อยที่ลำบากใจ ไข่มุกเองก็ลำบากใจไม่ต่างกันหรอก




ต่อด้านล่าง...
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 10-07-2018 16:33:40

ต่อ...


แผนที่วางเอาไว้เริ่มปฏิการทันทีในวันต่อมาหลังเลิกเรียนพิเศษ

“คุงคูพี่มิงเรานั่งรออะไรกันหรอ” มินละสายตาจากชายหนุ่มในชุดนักศึกษาที่ยืนพิงเสาอยู่ห่างจากตนออกไปราว 200 เมตร หันมายิ้มให้น้องแพทที่ถูกลากเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วยทั้งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

“รอพี่ไข่มุกกับต๊อดครับ”

“ต๊อด เมื่อไหร่ต๊อดจะไปเล่งบ้างพี่แพทซักทีละ สัญญาไม่เป็นสัญญาเลย” เด็กน้อยทำหน้าผิดหวัง มีของอยากอวดต๊อดตั้งมากมายแต่ต๊อดไม่ยอมมาเที่ยวบ้านเลย

“เอาไว้พี่แพทลองชวนต๊อดอีกทีสิ”

“ไม่เอาหรอก คุณแม่บอกว่าเด็กเซ้าซี้ไม่น่ารัก”

“กลัวต๊อดไม่รักเหรอครับ”

“กลัวคุงคูพี่มิงไม่รักต่างหาก” มินมองเจ้าเด็กที่พูดอย่างตรงไปตรงมาด้วยแววตาเอ็นดู น้องแพทเนี่ยขยันหว่านเสน่ห์จริงนะ “แล้วเมื่อไหร่ต๊อดจะมาล่ะคุงคูพี่มิง”

มินก้มมองนาฬิกาข้อมือ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าต๊อดกำลังเดินตรงมาพร้อมกับไข่มุก ไหนบอกไม่เนียนไง แต่ที่เดินคุยกันกระหนุงกระหนิงนั่นมันยิ่งกว่าเนียนซะอีก

“ทำไมต๊อดมากับพี่ไข่มุก” เด็กน้อยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เงยหน้าขึ้นถาม

ยอมรับว่ามันค่อนข้างประหลาดแหละ ถึงแม้ว่าจะเคยนัดเที่ยวกันเป็นกลุ่มอยู่บ่อยๆ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สนิทสนมกันเลยซักนิด

“แล้วทำไมต๊อดเดิงผ่างพวกเราไปเลยล่ะคุงคูพี่มิง เรียกต๊อดเร็ว” มินจับมือน้องแพทไว้ตอนที่เด็กน้อยตั้งท่าจะวิ่งตามต๊อดออกไป

พี่แพทไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ถ้าคุณครูพี่มินไม่ให้ไปพี่แพทก็จะไม่ไป

“พี่ชายคงนั้งนี่นา” น้องแพทว่าพลางมองไปยังฟิวส์ที่ก้าวออกมาดักหน้าต๊อดกับไข่มุกเอาไว้ “รู้จักต๊อดด้วยเหรอ แต่ดูเหมืองเขาโกรธเลยนะ”

เสียงสนทนาไม่ดังนัก มินที่นั่งอยู่ห่างออกมาไม่ได้ยินอะไรเลย แต่ดูจากสีหน้าแล้วการที่ไข่มุกเดินควงผู้ชายมาเย้ยคงทำให้เขาโกรธพอตัวเลยทีเดียว

“คุงคูพี่มิง พี่คงนั้งผลักอกต๊อดทำไมอะ” ดูเหมือนว่าเรื่องจะบานปลายไปถึงขั้นใช้กำลัง ตอนที่วางแผนเรื่องนี้มินไม่ได้คิดเผื่อเรื่องทะเลาะวิวาทซะด้วย

เจ้าตัวลุกขึ้น จูงมือน้องแพทให้เดินตามเข้าไปใกล้คนทั้งสาม

“พอเถอะพี่ฟิวส์ ไข่มุกมีแฟนแล้วนะ เลิกยุ่งกับไข่มุกแล้วปล่อยแฟนไข่มุกได้แล้ว”

“แฟนเหรอ ตลกป่ะน้อง ถ้าจะโกหกก็โกหกให้เนียนหน่อย ร้อยวันพันปีไม่เคยเดินควงผู้ชาย อยู่ๆ วันนี้พาผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ว่าบอกว่าเป็นแฟน พี่ไม่ใช่ควายนะครับ”

ต๊อดถูกปล่อยให้เป็นอิสระหลังจากพี่ฟิวส์เอ่ยประโยคนั้นจบ คนถูกกระชากคอเสื้อจัดปกเสื้อตัวเองด้วยสีหน้าติดโมโหหน่อยๆ แต่เพราะหน้าต๊อดกวนตีนอยู่แล้วเป็นทุนเดิมพอชักสีหน้าอีกนิดก็ทำให้อีกฝ่ายคิดว่าต๊อดอยากมีเรื่องจึงตามเข้ามาผลักอกอีก

“อะไรของมึงวะ”

ดูเหมือนว่าคราวนี้ต๊อดจะโกรธจริงๆ แล้ว เขาผลักคนที่ผลักตนจนเซไปข้างหลังเหมือนกัน เหตุการณ์เริ่มครุกรุ่นต่างฝ่ายต่างโมโห เงื้อหมัดขึ้นพร้อมๆ กัน มินได้ยินเสียงร้องห้ามของไข่มุก ได้ยินเสียงร้องเรียกของพี่แพท ได้ยินเสียงฝีเท้า ได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อ และรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งอยู่ในปาก

เดี๋ยวนะ มันเกิดอะไรขึ้น

อาจจะด้วยความไร้สติ อยู่ๆ มินก็ปล่อยมือแพทแล้ววิ่งเข้ามาห้ามคนทั้งคู่ที่เตรียมจะวางมวย กลายเป็นว่าตัวเองโดนชกเข้าเต็มๆ จนปากแตก

“คุงคูพี่มิงเลือดไหลแล้ว อย่าทำคุงคูพี่มิงของพี่แพทนะ” พี่แพทวิ่งตามเข้ามา กอดขาคุณครูของตน เห็นพี่มินเลือดไหลแล้วนึกสงสารจนร้องไห้ตาม ขาสั้นๆ พยายามยกขึ้นเตะคนต้นเรื่องที่ทำให้พี่มินของตนเจ็บจนเลือดไหล

“เหี้ยอะไรวะเนี่ย” ฟิวส์สบถอย่างหัวเสีย ตั้งใจจะหนีออกจากสถานการณ์อันน่าอับอายนี้แต่ก็ถูกรั้งเอาไว้ซะก่อน ตอนที่เอี้ยวตัวกลับมามองว่าใครจับแขนตนไว้ก็ถูกต๊อดต่อยเข้าที่หน้าอย่างจัง

“โทษฐานที่มึงต่อยเพื่อนกู” ปากก็ทำเป็นเท่แต่เจ็บมือไม่ไหวแล้ว ต๊อดเอี้ยวตัวหลบมุมก่อยลูบมือตัวเองหวังบรรเทาอาการเจ็บแต่ก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย

“โทษฐางที่ต่อยคุงคูพี่มิงของพี่แพท นี่แน่ะ” เห็นต็อดทำพี่แพทจึงทำตามบ้างด้วยการต่อยสะเปะสะปะไปยังคนตัวสูงกว่าตนมาก โดนไม่ไม่โดนบ้างเอาสะใจเข้าว่า

“พอแล้วครับน้องแพท”

“พี่คนนี้ทำคุงคูพี่มิงเลือดไหลนะ เจ็บมั้ย” พอถูกมินรั้งร่างเข้ามากอดไว้ เด็กน้อยอารมณ์ร้อนค่อยอารมณ์เย็นลงหน่อย

“พี่มินไม่เจ็บแล้ว พี่แพทก็ใจเย็นๆ นะ”

“เอ๊ะ น้องนี่นา” ฟิวส์หรี่ตามองคนที่ตนคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยเจอกันมาก่อน “ที่เคยเจอกันที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนใช่มั้ย เป็นเพื่อนกับไข่มุกนี่”

“ครับ” มินแตะมุมปากที่เลือดหยุดไหลไปแล้วพลางตอบ

“ไอ้กุ๊ยนี่เป็นแฟนไข่มุกจริงเหรอ”

“ไม่ใช่ครับ” ทั้งต๊อดและไข่มุกต่างก็อ้าปากเหวอ ตกใจกับคำตอบของมิน ทั้งที่วางแผนกันมาขนาดนี้จะโกหกต่อก็ได้แท้ๆ แต่กลับพูดความจริงออกไปอย่างง่ายดาย

“ว่าแล้วเชียว”

“พี่ชอบไข่มุกมากเลยเหรอครับ” มินถามอย่างตรงไปตรงมา

“ก็ชอบ” และคำตอบที่ได้ก็ไม่ผิดไปจากที่คิดนัก

“ทั้งที่ถูกปฏิเสธมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังชอบเหรอครับ” คนถูกถามไม่ยอมตอบ มินจึงว่าต่อ “ผมว่าพี่แค่ต้องการเอาชนะไข่มุกมากกว่า ใช่มั้ยล่ะ”

“นาย...” อีกฝ่ายเม้มปากแน่น ไม่กล้ามองมินตรงๆ ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าท่าทางแบบนั้นทำให้มินรู้ทันทีว่าสิ่งที่เขาพูดออกไปนั้นมีส่วนถูกอยู่บ้าง

“การที่พี่ตัดใจและเลิกยุ่งกับไข่มุกไม่ได้หมายความว่าพี่แพ้ แต่มันคือชัยชนะ ชนะใจตัวเองที่ยอมตัดใจจากสิ่งที่เรารู้ดีว่าไม่ว่ายังไง ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนเราก็ไม่มีทางได้ครอบครอง”

“ทำมาเป็นสอน”

ฟิวส์เอ่ยประโยคสุดท้ายก่อนหันมามองหน้าไข่มุกตรงๆ อีกครั้ง ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดซักนิดมั้ยแต่เขาไม่ยอมพูดอะไรเลย และนั่นทำให้ไข่มุกรู้สึกอึดอัดมาก เธอกำมือแน่นมองคนที่อีกไม่นานจะกลายเป็นรุ่นพี่ตนอย่างชั่งใจว่าควรจะพูดอะไรซักหน่อยมั้ย

“พี่ฟิวส์” สุดท้ายก็เปล่งเสียงเรียกอีกฝ่ายจนได้ “ไข่มุกไม่ได้เกลียดพี่นะคะ ไข่มุกตั้งใจจะสอบเข้าคณะเดียวกับพี่จริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นเราจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ดีต่อกันได้มั้ยคะ”

“ก็ขึ้นอยู่กับว่าน้องจะเป็นรุ่นน้องที่ดีแค่ไหนล่ะนะ”

“ทำเป็นเท่ห์ไอ้โรคจิตเอ้ย” ต๊อดมองตามอีกฝ่ายพลางบ่นให้ได้ยินแค่พวกเราก่อนหันมามองเพื่อนตนที่ยังคงถูกแพทกอดเอาไว้

กะอีแค่โดนต่อยปากแตกมันจะโอ๋กันอะไรขนาดนั้น

“แม่มึงอยู่บ้านมั้ย” ต๊อดเอ่ยถาม ภาวนาให้แม่แต้วไม่อยู่จะได้ไปแอบทำแผลที่นั่นกัน

“ไม่แน่ใจ”

“ไปทำแผลบ้านมึงละกัน” เสี่ยงเอา ถ้าเจอแม่ก็แค่โดนบ่นจนหูชา

“เดี๋ยวไข่มุกช่วยทำให้” เด็กสาวเสนอตัว หากก็ไม่มีใครสนใจตอบรับหรือปฏิเสธ

“ต๊อดมึงไม่เจ็บตรงไหนนะ” มินเอ่ยถาม นึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่เอาตัวเข้ามารับหมัดแทนเพื่อน ทั้งที่มันเป็นคนก่อเรื่องแท้ๆ

“เจ็บมือนิดหน่อยตอนที่ต่อยไอ้เหี้ยนั่น”

“ฝากไปส่งไข่มุกหน่อยสิ กูต้องพาพี่แพทกลับบ้านแล้ว”

“เอางั้นเหรอ มึงไหวแน่นะ”

“ไกลหัวใจน่า ทำอย่างกับกูไม่เคยโดนต่อย”

“จ้ะ พ่อคนเก่ง เจอกันพรุ่งนี้มึง”

แม้ว่าไข่มุกจะไม่เห็นด้วยกับการที่มินบอกให้ต๊อดไปส่ง แต่เห็นอาการเหนื่อยล้าของคนที่ตนชอบแล้วก็ไม่กล้าขัดใจ อย่างน้อยที่เขาให้ต๊อดมาส่งก็เพราะเป็นห่วงล่ะนะ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ามินทำไปเพราะเขาเป็นคนดีแต่ก็อดหวังเล็กๆ ไม่ได้เลย







พี่แพทนั่งกอดเข่ามองคุณครูพี่มินทำแผลที่มุมปากด้วยตัวเองอยู่บนโซฟา เจ้าตัวเล็กเผลอร้องอูยออกมาทุกครั้งที่สำลีชุบแอลกอฮอล์ถูกแตะลงบนปากแผล

จำได้ว่าครั้งหนึ่งตอนที่วิ่งตามคุณพ่อไปทำงาน พี่แพทล้มจนเข่าถลอก พี่เลี้ยงซักคนที่เจ้าตัวจำชื่อไม่ได้ช่วยทำแผลให้ด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์นี่แหละ นาทีที่มันโดนแผลพี่แพทร้องไห้จ้าเลย เจ็บแสบกว่าตอนล้มเสียอีก

แต่พี่มินเก่งมากเลยนะ ทั้งที่น่าจะแสบมากแท้ๆ แต่ไม่ร้องซักแอะ

“คุงคูพี่มิง”

“ว่าไงครับ” สำลีใช้แล้วถูกเก็บลงถุงมัดปากเรียบร้อยเตรียมทิ้ง

“คุงคูพี่มิง” เด็กน้อยเรียกซ้ำก่อนขยับเข้าไปใกล้คนตัวสูงอีก มือเล็กยกขึ้นกอบกุมใบหน้าหล่อเหลา ดวงตากลมใสสั่นระริกด้วยความห่วงใย และนั่นก็ทำให้มินเผลอยิ้มออกมา

“พี่มินไม่เจ็บเลยครับ ไม่ต้องห่วงนะ”

“จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง ตอนที่คุงคูพี่มิงล้มลงไปพี่แพทกลัวมากเลยนะ พี่มิงอย่าทำแบบนี้อีกได้มั้ย พี่แพทไม่ชอบเห็นพี่มิงเจ็บตัวเลย”

“มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา”

“สัญญาเลยนะ” นิ้วก้อยถูกส่งมาพร้อมกับสายตาคล้ายบังคับ แต่มินก็ไม่ยอมเกี่ยวก้อยทันที ถ้ายอมสัญญาแล้วรักษาไม่ได้มันก็กะไรอยู่ใช่มั้ยล่ะ

“ไม่สัญญาได้มั้ยนะ”

“ทำไมล่ะ พี่แพทไม่ชอบให้คุงคูพี่มิงโดนต่อยนี่นา”

“เอาเป็นว่าพี่มินจะพยายามเลี่ยงนะครับ” มือน้อยถูกกุมไว้แทนการเกี่ยวก้อย

“ไม่เห็งจะเข้าใจเลย ทำไมสัญญาไม่ได้ล่ะ”

“พี่มินเจ็บแผลแล้วอะ” มือข้างที่ถูกจับไว้ถูกพามาวางลงบนแก้มอีกครั้ง

“ไหนเมื่อกี้บอกไม่เจ็บไง”

“พูดเยอะไง อยู่ๆ ก็เลยเจ็บขึ้นมา”

“พี่แพทขอโทษนะ พี่แพทจะไม่ชวงคุงคูพี่มิงคุยแล้วก็ได้”

“ก็ไม่ใช่ว่าคุยไม่ได้หรอกนะ”

“พี่แพทคิดออกแล้ว มังมีวิธีช่วยให้แผลหายเร็วๆ อยู่นะ”

“ยังไงเอ่ย” มินมองเด็กน้อยด้วยความสนอกสนใจ ขณะเดียวกับที่ใบหน้าน่ารักโน้มเข้ามาใกล้ ปากจิ้มลิ้มเปิดออกนิดหน่อยขณะจรดมันใกล้ๆ แผลตรงมุมปาก ลมหายใจอุ่นๆ ถูกเป่าออกมาแผ่วเบา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อความอุ่นร้อนนั้นช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้จริงๆ ถึงแม้จะแค่เล็กน้อยก็ตาม

“ดีขึ้งมั้ยคุงคูพี่มิง”

“ดีขึ้นมากเลยล่ะ”

“ถ้างั้นก็...” ริมฝีปากจิ้มลิ้มที่อยู่ใกล้เกือบชิดเมื่อครู่แนบลงมาแผ่วเบาคล้ายสายลมพัดผ่านก่อนผละออกไป สายตาน้องแพทที่มองมาเต็มไปด้วยความรักอย่างน่าเอ็นดู กระทั่งคำพูดก็น่าเอ็นดูจนคนได้รับแทบจะละลายลงตรงนั้น “หายไวๆ นะคุงคูพี่มิง”

หากนั่นคือเวทมนตร์ก็คงเป็นเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยมมากเลย



[T B C]

คิดถึงกันป่าววววววว
น้องแพทกับพี่มินกลับมาแล้วค่า
เย้ๆๆ :)
กลับมาพร้อมเรื่องชกต่อย วุ่นวายจริงๆ เล้ยเจ้าเด็กพวกนี้ 555
ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ
ขอบคุณที่รอ
พูดคุณกันต่อที่ #คุณครูพี่มิน
 :bye2:

หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-07-2018 03:40:36
คิดถึงจังเลยพี่แพท  :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
เริ่มหัวข้อโดย: แม่น้องเปา ที่ 11-07-2018 09:13:55
น่าร๊ากกกกก อยากให้คุงพี่แพทโต แต่ก็ยังอยากให้เด็กน้อยอยู่  :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-07-2018 10:12:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

กว่าน้องจะโต...

นี่เรียกได้ว่าเลี้ยงต้อยได้เลยนะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-07-2018 11:42:05
พี่เเพทน่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-07-2018 22:15:06
พี่แพท ฉลาด  รู้เกินเด็กที่อายุเท่ากันนะ
อาจเพราะดูทีวี  อยู่กับพี่เลี้ยงที่เปลี่ยนหน้าไปมาหลายคน

ครูพี่มิน ก็รักตามใจพี่แพท พอกับพี่แพทที่ติดครูพี่มินซะ
น่าเสียดายที่พ่อแม่พี่แพท ไม่ได้รับรู้ความฉลาด การเติบโตของลูกเหมือนที่มินรับรู้
เพราะตัวเองเลือกธุรกิจมากกว่าครอบครัว
วันหนึ่งที่เกิดต้องการลูกขึ้นมา 
แต่จะพบว่าลูกไม่เข้าหา ไม่ต้องการพ่อแม่อีก แล้วคนที่เสียใจก็คือพ่อแม่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.100718}
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 12-07-2018 07:17:33
ไอเป็น.. คุก.... คุก... คุก.. นะคุงคูงพี่มิง
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 8 {Up.030818}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 03-08-2018 21:32:55
คุณครูพี่มิน 8



“มินอาจารย์พริ้งเรียกให้ไปพบที่ห้องแนะแนวน่ะ เดี๋ยวนี้เลยนะ”

“อื้อ ขอบใจ” มินหันไปขอบคุณเพื่อนที่อุตส่าห์เดินมาบอก

“มีเรื่องอะไรรึเปล่าวะ” เห็นอย่างนั้นต๊อดที่นั่งอยู่ด้วยกันจึงเอ่ยถาม

“น่าจะเรื่องทุนที่เคยเล่าให้ฟัง”

“อ่อ อเมริกา จะไปจริงๆ เหรอวะ”

“ถ้าได้ก็ดี”

“ไม่อยากให้ไปเลยว่ะ”

“ต๊อด ดราม่าอะไรของมึง กูยังไม่ทันได้ทุนเลยนะ”

“ยังไงมึงก็ได้อยู่แล้วล่ะ”

“สมพรปากครับ” มินไม่เคยนึกอยากไปเรียนต่างประเทศ เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยเอื้ออำนวย เขาจึงมองว่าเรื่องนั้นช่างไกลตัวเหลือเกิน กระทั่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนขณะเข้าไปช่วยงานที่ห้องแนะแนว อาจารย์พริ้งซึ่งประจำอยู่ที่นั่นก็พูดเรื่องทุนขึ้นมา มันน่าสนใจจนมินต้องละมือจากเอกสารที่กำลังจัดชุดเพื่อตั้งใจฟัง

“ถ้าสนใจก็เอานี่ไปอ่านดูนะ” อาจารย์พริ้งว่าอย่างนั้นพร้อมกับยื่นเอกสารมาให้ชุดนึง และยังบอกอีกว่าไม่มีใครได้ทุนนี้มานานแล้ว และเธอก็หวังว่ามินจะเป็นหนึ่งคนที่รอมานาน

“ขออนุญาตครับ” ประตูห้องแนะแนวถูกเปิดออกและปิดลงอย่างเบามือ อาจารย์พริ้งละสายตาจากเอกสารก่อนส่งยิ้มมาให้

“นั่งก่อนสิ” มินนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามตามคำบอก “ตัดสินใจเรื่องทุนนั้นรึยัง”

“คุยกับคุณแม่แล้วครับ ท่านบอกว่าถ้าได้ทุนก็ดีเลย” มินก็คิดว่ามันต้องดีมากแน่ๆ นอกจากเรื่องอนาคตของตนแล้วยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แม่ได้อีกมากโข

“ครูลองดูผลการเรียนของเธอแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ หลังจากนี้คงต้องทุ่มเวลาให้กับการเตรียมตัวสอบหลายๆ อย่างเพื่อเอาไปยื่นขอทุน แต่ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวครูจัดการให้”

“ขอบคุณครับ” มินเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ

“ถ้าเธอได้ทุนนี้ครูก็จะได้หน้าเหมือนกันนะ”

“งั้นเหรอครับ”

“อะไรกัน ไม่รู้สึกหมั่นไส้ครูหน่อยเหรอ”

“อาจารย์พูดตรงดีนี่ครับ ไม่มีอะไรให้หมั่นไส้ซักหน่อย”

“ครูเตรียมเอกสารนี่ไว้ให้ ลองเอาไปอ่านดูจะได้เตรียมตัวถูก” มินรับเอกสารนั้นมา ไล่สายตาอ่านนิดหน่อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์พริ้งที่ไม่ละสายตาจากตน

“ขอบคุณนะครับอาจารย์”

“จ้ะ ไปเข้าเรียนเถอะ”

มินเดินออกจากห้องแนะแนวมาพร้อมกับความคิดมากมายในหัว ถ้าพูดถึงทุนให้เปล่าเต็มจำนวน ก็พอรู้อยู่หรอกว่ามันคงไม่ง่ายที่จะได้มา แต่ถ้าได้จริงๆ ก็คงแบ่งเบาภาระแม่ได้หมดเลย แม่อาจจะสบายขึ้นไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำแลกกับเงินเดือนครูอันน้อยนิด

ต้องพยายามให้มากกว่าเดิมซักเท่าตัวล่ะนะ ถึงแม้จะมุ่งมั่นเพียงนั้นแต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบอยู่

พี่แพท













“อย่างนั้นเหรอจ๊ะ มินเก่งอยู่แล้ว อย่างไรก็ต้องได้ทุนแน่ๆ จ้ะ” ไม่รู้ว่าคุณแม่น้องแพทไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหนแต่เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกภูมิใจในตัวเองอยู่ไม่น้อย

หลังจากส่งน้องแพทเข้านอนเมื่อตอนสี่ทุ่มอย่างยากลำบากเมื่อน้องเอาแต่งอแงขอให้นอนด้วยกัน กว่าจะเกลี้ยกล่อมให้นอนได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเลย มินออกมานั่งรอคุณแม่ที่เหมือนจะกลับบ้านดึกกว่าปกติที่ห้องรับแขก ท่านขอโทษขอโพยยกใหญ่เมื่อพบว่าการกระทำของตนได้ส่งผลกับเด็กเตรียมสอบอย่างมินเช่นไร

“มินจะช่วยดูแลน้องจนกว่าจะหาพี่เลี้ยงคนใหม่ได้ครับ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ แม่คิดว่าแม่จะเลิกตามคุณพ่อแล้วมาดูแลน้องแพทเอง”

“จริงเหรอครับ” เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก บางทีการที่เขาตัดสินใจถอนตัวก็เป็นเรื่องที่เหมือนจะดี

“เพิ่งมารู้ตัวว่าไม่ค่อยใส่ใจน้องเอาตอนนี้ไม่รู้ว่ามันจะสายเกินไปรึเปล่า”

“ไม่หรอกครับ น้องแพทต้องดีใจมากแน่ที่จะได้อยู่กับคุณแม่”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงดี แล้วมินบอกเรื่องนี้กับแพทหรือยังจ๊ะ”

“ไม่รู้จะเริ่มยังไงครับ มินเองก็ทำใจลำบาก” แค่นึกว่าต้องบอกน้ำตาก็พาลจะไหลออกมาแล้ว ไม่รู้เลยว่าถ้าต้องบอกจริงๆ สภาพมินจะเป็นอย่างไร

“ต้องบอกลาด้วยตัวเองนะจ๊ะ”

มินรับปากคุณแม่ด้วยเสียงอันแผ่วเบาไร้ความหนักแน่นมั่นคง อ่อนไหวราวกับดอกหญ้าที่พร้อมจะปลิดปลิวเมื่อลมพัดผ่านมา













มินยังคงทำหน้าที่พี่เลี้ยงอย่างไม่ขาดตกบกพร่องตลอดทั้งสัปดาห์ ถึงแม้พยายามจะทำตัวให้ร่าเริงเป็นปกติแต่ก็ถูกน้องจับได้อยู่บ่อยครั้ง

“มึงโอเคแน่เหรอวะ”

ถึงแม้อีกฝ่ายจะพยักหน้าตอบในทันทีแต่ต๊อดที่เดินมาเป็นเพื่อนตั้งแต่โรงเรียนก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามินไม่โอเคเลยซักนิด

“ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้เจอกันอีกซักหน่อย เหงาๆ ก็แวะไปเล่นด้วยบ้างก็ได้นี่หว่า”

“นั่นสินะ” ตอบรับเหมือนเข้าใจแต่ไม่กระฉับกระเฉงแม้แต่น้อย ทั้งที่เรื่องเรียนออกจะเก่งขั้นเทพแต่กับเรื่องแบบนี้กลับจัดการไม่ได้เลยเนี่ยนะ เก่งสู้ต๊อดไม่ได้เลยซักนิด

“มึงนี่นาะ กูส่งแค่นี้ละกัน”

“ขอบใจนะต๊อด” ทั้งคู่บอกลากันก่อนต๊อดจะหมุนตัวเดินกลับไปตามทางเดิม ในขณะที่มินไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปข้างหน้าราวกับว่ามีหินหนักๆ มาถ่วงขาเอาไว้ มันหนักอึ้งจนก้าวไม่ไหว

ทั้งที่เมื่อวานยังเดินบนถนนเส้นนี้ได้อย่างปกติอยู่แท้ๆ

ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อเช้าซึ่งเป็นเช้าของวันสุดท้ายในฐานะพี่เลี้ยงน้องแพท

อยากให้เส้นทางนี้ยาวออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด มินก้มมองมือที่จับจูงกันเผลอคิดอะไรเรื่อยเปื่อยโดยไม่รู้เลยว่าตนออกแรงบีบมือน้อยนั้นจนน้องเริ่มเจ็บนิดหน่อยจึงเงยหน้าขึ้นมอง

“คุงคูพี่มิง เราจะเดิงไปไหนกัง”

“ครับ พี่แพทว่าไงนะ” ทั้งคู่หยุดเดิน มินนั่งยองๆ ลงตรงหน้าคนตัวเล็ก ใช้ดวงตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังแสดงความสงสัยอย่างชัดเจน

“เราเดิงเลยป้ายรถเมล์มาแล้วนะ” น้องว่าพลางชี้ไปยังป้ายรถเมล์ที่เคยนั่งรถรถด้วยกันประจำ

ใช่จริงๆ ด้วย เผลอเดินผ่านมาจนได้

“คุงคูพี่มิงยังไม่หายดีเหรอ ทำไมไม่ร่าเริงเลยล่ะ ถ้าไม่ไหวให้ต๊อดมารับพี่แพทก็ได้นะ” ยิ่งน้องแสดงความห่วงใยกล้ามเนื้อหัวใจก็ยิ่งบีบรัดจนรู้สึกถึงความเจ็บแปลบ

คงถึงเวลาที่ต้องบอกลากันแล้วล่ะมั้ง

“พี่แพทฟังพี่มินนะ” เมื่อคนเป็นพี่เลี้ยงว่าด้วยน้ำเสียงจริงจังเด็กน้อยก็เปลี่ยนเป็นยืนตัวตรงเพื่อตั้งใจฟังเช่นเดียวกัน “พรุ่งนี้พี่มินมารับพี่แพทที่โรงเรียนไม่ได้แล้วนะครับ”

“เอ๋ แล้ววันมะรืนล่ะ”

“มะรืนก็มาไม่ได้ครับ”

“แล้ววันต่อจากมะรืนล่ะ คุงคูพี่มินจะมารับพี่แพทเหมืองเดิมใช่มั้ย” ไม่มีอะไรเหมือนเดินอีกแล้ว

คำพูดที่เตรียมมาถูกทำหล่นหายระหว่างทางและไม่ว่าจะพยายามค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เขาไม่รู้เลยว่าต้องบอกอย่างไรที่จะทำให้น้องเศร้าน้อยที่สุด

“พี่มินทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว”

“ทำไมล่ะ ไม่รักพี่แพทแล้วเหรอ”

“รักสิครับ แต่พี่มินมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ”

“สำคัญกว่าพี่แพทเหรอ”

“เทียบกันไม่ได้ครับ”

“พี่แพทไม่เข้าใจอะ พี่แพทอยากเจอคุงคูพี่มิงทุกวังเลย คุงคูพี่มิงไม่อยากเจอพี่แพทแล้วเหรอ”

อยากเจอสิ อยากเจอทุกวันเลย มินอยากเอ่ยทุกความรู้สึกในใจออกไปแต่ก็ทำได้เพียงเก็บคำเหล่านั้นเอาไว้ พลางย้ำกับตัวเองในใจว่า โตแล้วทำอะไรก็ต้องคิดให้มากๆ

“พี่แพทครับ” หัวใจของมินกระตุกวูบและจำต้องหยุดมือที่ยื่นไปตรงหน้าหวังสัมผัสเจ้าตัวเล็กเมื่อน้องก้าวถอยออกไป

“คุงคูพี่มิงก็จะทิ้งพี่แพทไปเหมืองคงอื่งๆ ใช่มั้ย ไหนเคยบอกว่าจะอยู่ด้วยกังไง” น้ำตาหยดแหมะลงบนแก้มใสและในตอนนั้นเองที่มินก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีกต่อไป

เขาหันหลังให้น้องทั้งที่ยังนั่งยองๆ อยู่บนพื้น แผ่นหลังกว้างงองุ้ม ใบหน้าที่เคยมองตรงไปข้างหน้าตลอดเวลาบัดนี้กลับก้มมองพื้นปล่อยให้น้ำตาไหลรินอย่างสุดจะกลั้น ร่างทั้งร่างสะท้านไหวตามแรงสะอื้น ทั้งที่ไม่อยากเผยด้านอ่อนแอออกมาแท้ๆ ทั้งที่ตั้งใจจะบอกลากันด้วยรอยยิ้มแท้ๆ

มินรู้ว่าการจากลาเป็นเรื่องที่เจ็บปวด ขนาดตัวเขาที่ไม่ค่อยได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้บ่อยๆ ยังเศร้าขนาดนี้ แล้วน้องแพทล่ะ เด็กน้อยที่ถูกพี่เลี้ยงทิ้งไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แค่คิดว่าน้องจะต้องพบเจอกับความเจ็บนั้นอีกครั้งมินก็นึกโกรธตัวเองมากแล้ว สุดท้ายเขาเองก็ไม่ต่างจากพี่เลี้ยงเหล่านั้นเลยซักนิด

คุณครูพี่มินก็กำลังจะทิ้งพี่แพทไปเหมือนคนอื่นๆ

ทั้งที่ชอบมากแท้ๆ แต่พอคิดว่ากำลังจะถูกทิ้งก็รู้สึกโกรธมาก

ไม่มีใครรักพี่แพทซักคน

เด็กน้อยตัดพ้อขณะมองผ่านน้ำตาไปยังเจ้าของแผ่นหลังอบอุ่นที่กำลังสั่นไหวน้อยๆ

คุณครูพี่มินกำลังร้องไห้ ทั้งที่เป็นฝ่ายทิ้งกันแท้ๆ แต่กลับร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็ก

ทั้งที่โกรธจนสั่นไปทั้งตัวแต่เมื่อเห็นคุณครูที่ตนรักมากกำลังอ่อนแอก็รู้สึกว่าควรทำอะไรซักอย่าง สิ่งเดียวที่เด็กอย่างพี่แพทคิดและทำได้มีเพียง...กอด

มินสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อถูกแขนเล็กโอบกอดแผ่นหลัง ความชื้นของน้ำตาซึมผ่านเสื้อเข้ามาที่ผิวยิ่งทำให้รู้สึกหนาวเหน็บภายในกาย

ทั้งที่คิดว่าจะได้รับคำปลอบโยนอันใสซื่อบริสุทธิ์จากน้องแต่กลับไม่มี ระหว่างพวกเขาในยามนี้มีเพียงเสียงของบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบเหงากับเสียงเครื่องยนต์ของรถที่วิ่งอยู่บนถนน

ภาพสองข้างทางที่รถเมล์วิ่งผ่านยังคงเหมือนเดิมเช่นทุกวัน แต่ดูเหมือนวันนี้มันจะได้รับความสนใจจากน้องแพทเป็นพิเศษ พิเศษกว่ามินเสียอีก

“จะไม่มองหน้ากันหน่อยเหรอ” มินนั่งลงเมื่อทั้งคู่ก้าวเข้ามาหยุดที่หน้าประตูบ้าน

ทั้งที่จับมือกันไว้ตลอดทางแต่กลับไม่ยอมมองหน้ากันเลย และเมื่อได้ยินคำถามน้องแพทก็ยิ่งทำเมิน เห็นอย่างนั้นหัวใจที่ห่อเหี่ยวก็ยิ่งลีบแบนจนไร้รูปทรง

“พี่แพทครับ พี่มินขอโทษนะที่ทำตามสัญญาไม่ได้” ทั้งที่อยากบอกอะไรหลายๆ อย่าง อยากอธิบายให้เข้าใจแต่กับเด็กอายุเท่านี้ มินไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรน้องถึงจะเข้าใจเหตุผลของการละทิ้งสัญญาในครั้งนี้

ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อโตขึ้น ซักวันน้องอาจจะเข้าใจกันบ้าง เมื่อถึงวันนั้นก็คิดว่าถ้ากลับมายิ้มให้กันได้เหมือนเดิมคงดี

มินกวาดสายตามองใบหน้าด้านข้างของเด็กที่เอาแต่เมินเขาอีกครั้งด้วยความอาลัยอาวรณ์

คงไม่มีโอกาสได้สบตากันอีกแล้ว

มินกลืนก้อนสะอื้นที่รื้นขึ้นมาจุกที่คอก่อนลุกขึ้นเพื่อกดกริ่งให้คนในบ้านเปิดประตู

ประตูเปิดออกเมื่อไร หน้าที่ของเขาก็จบเมื่อนั้น

อยากต่อเวลาอีกหน่อยจัง

ประตูเปิดออกพร้อมกับสองมือที่กุมกันแน่นค่อยๆ คลายออกเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้ว

ลาก่อนครับพี่แพท













มินละสายตาจากหนังสือบนโต๊ะเมื่อได้ยินชื่อตนจากเสียงตามสายในโรงเรียนให้ไปพบใครบางคนที่ห้องประชาสัมพันธ์ มินแปลกใจนิดหน่อยเพราะเรียนที่นี่มาเกือบ 6 ปีแล้วไม่เคยมีใครมาหาเขาเลย

และก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนที่มาหาคือคุณแม่น้องแพท

มินยกมือไหว้ก่อนนั่งลงบนโซฟา สีหน้าคุณแม่ดูไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนจะผอมลงนิดหน่อยทั้งที่ไม่ได้เจอกันแค่สัปดาห์เดียวแท้ๆ

จะว่าไปเขาไม่ได้เจอน้องแพทมา 1 สัปดาห์เองเหรอเนี่ย ยามที่เรามีความทุกข์เวลาผ่านไปช้าจังเลยแฮะ

“ขอโทษที่มารบกวนนะจ๊ะ”

“เรื่องพี่แพทเหรอครับ” เพราะใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียนคาบบ่ายแล้วมินจึงเข้าเรื่องทันที

“จะเรื่องใครซะอีกล่ะจ๊ะ” บนใบหน้าสวยเปื้อนยิ้มก็จริงหากสายตากลับเต็มไปด้วยความกังวล “เจ้าเด็กคนนั้นตั้งแต่มินกลับไปก็ไม่ยอมออกจากห้อง ไม่ยอมออกจากบ้าน ไม่ยอมดื่มนม แล้วก็เอาแต่นั่งจ้องสมุดภาพ แม่พยายามแล้วแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย”

“เย็นนี้มินขอแวะไปหาน้องได้มั้ยครับ อาจจะดึกหน่อยเพราะกว่าจะติวหนังสือเสร็จ”

“ได้สิจ๊ะ ที่แม่มาหามินก็เพราะเรื่องนี้แหละ ถ้าเป็นมิน น้องแพทอาจจะเชื่อ”

“คุณแม่คิดอย่างนั้นเหรอครับ”

“จ้ะ”

“ถ้าอย่างนั้นมินไม่ไปดีกว่าครับ”

“ทำไมล่ะจ๊ะ”

“น้องแพทควรจะเชื่อฟังคุณแม่มากกว่ามินครับ”

“นั่นสินะ ในฐานะแม่มันก็รู้สึกแย่นิดหน่อยที่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนน้องแพทก็ไม่ยอมเชื่อฟังกันเลย เพราะเป็นแบบนั้นก็เลยเอาแต่คิดจะพึ่งมิน แม่เป็นแม่ที่แย่จังเลยเนอะ”

“ไม่หรอกครับ มินเชื่อว่าน้องแพทต้องเห็นความพยายามของคุณแม่แน่นอน”

“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ” เป็นคำถามที่ไม่มีใครตอบได้ แต่ถึงอย่างนั้นมินก็เชื่อว่าเด็กฉลาดอย่างน้องแพทต้องเข้าใจอะไรได้อย่างง่ายดายแน่นอน

แม้จะเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอน้องแพทอีก แต่ในระหว่างที่คุณแม่กับน้องแพทพยายามผ่านช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้ไปให้ได้ มินเองก็จะพยายามเรื่องสอบเหมือนกัน

เอาไว้วันที่ต่างคนต่างเข้มแข็งมากพอ วันนั้นค่อยมาเจอกันก็คงไม่สายเกินไป













เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แม้จะใช้ชีวิตอย่างยากลำบากกับการนอนหลับแค่วันละไม่กี่ชั่วโมงแต่สุดท้ายมินก็ผ่านมันมาได้

การทำเรื่องขอทุนเสร็จสิ้นลงแล้ว ที่เหลือก็แค่รอผล ถึงแม้ว่าจะมั่นใจมากแต่ก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง

“ทำเรื่องเสร็จแล้ว งี้ก็ไปเที่ยวกับพวกกูได้แล้วดิ” ต๊อดเข้ามากอดคอหลังจากมินกลับจากห้องแนะแนว ต๊อดน่ะเอะอะชวนเที่ยวตลอด ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าอยากให้ผ่านคลายแต่ตอนนี้สิ่งที่มินต้องการคือการนอนหลับพักผ่อน

“เอาไว้หลังสอบปลายภาคมั้ยต๊อด”

“พูดถึงปลายภาคแล้วเพลียว่ะแม่งเอ้ย อ่านหนังสือไม่ทัน” อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ฤดูกาลสอบปลายภาคแล้ว และหลังจากนั้นชีวิตเด็กมัธยมก็สิ้นสุดลง

“อ่านไม่ทันหรือไม่อ่าน กูว่ามึงไม่อ่านมากกว่า”

“รู้ใจเพื่อนไปซะทุกเรื่องเลย” ของมันแน่อยู่แล้ว “ปลายภาคเทอมสุดท้ายนี้ต๊อดก็ขอฝากตัวไว้กับคุณครูพี่มินด้วยนะครับ”

คุณครูพี่มินอย่างนั้นเหรอ

อยู่ๆ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาของน้องกับคำพูดในวันนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว

ไม่ได้เจอกันนานแล้วสินะ เพราะเอาแต่จัดการเรื่องของตัวเองจนไม่ได้คิดถึงน้องเลย ถ้าวันนี้ไปหาจะได้รับรอยยิ้มสดใสอย่างเมื่อก่อนหรือเปล่านะ น้องจะวิ่งเข้ามากอดแล้วบอกว่าคิดถึงคุณครูพี่มินอย่างที่ชอบทำมั้ย หรือว่าจะเมินกันเพราะยังโกรธอยู่

“เมื่อวันก่อนกูแวะไปหาพี่แพทที่โรงเรียนมาด้วยนะ เด็กนั่นร่าเริงขึ้นมากแล้วแหละ มึงไม่ต้องห่วง”

“งั้นเหรอ” ก็ไม่คิดว่าน้องแพทต้องเสียใจเรื่องที่พวกเราจากกันตลอดไป ทั้งที่ควรดีใจที่น้องร่าเริงแต่กลับคิดเรื่องบั่นทอนจิตใจอย่างว่าน้องลืมตนไปแล้ว “น้องถามถึงกูบ้างมั้ย”

“ไม่เลย คงเบื่อที่จะถามมั้ง เพราะถามทีไรกูก็บอกว่ามึงไม่ว่างทุกที”

เบื่ออย่างนั้นเหรอ แย่จัง แย่ที่แค่คิดว่าน้องเบื่อตนมินก็รู้สึกกระวนกระวายจนต้องลุกออกจากห้องเรียนไป ต๊อดมองตามเพื่อนตนอย่างไม่เข้าใจอะไรนัก คงคิดถึงน้องมากล่ะมั้ง และถ้าคิดถึงขนาดนั้นก็ไปหาซะก็สิ้นเรื่อง ทำไมต้องทำอะไรให้มันซับซ้อนด้วยก็ไม่รู้

มินคิดเรื่องน้องแพทซ้ำไปซ้ำมา น้องร่าเริงได้เพราะเบื่อที่จะคิดถึงกันแล้วสินะ ทั้งที่นั่งรถเมล์มาถึงหน้าหมู่บ้านแล้วด้วยซ้ำ แต่มินก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไปเจอกัน

บางทีน้องอาจจะไม่อยากเจอกันแล้วก็ได้













“อิจฉามึงว่ะ แบบนี้ก็ไม่ต้องสอบเข้ามหาลัยแล้วใช่ป่ะ”

ผลการขอทุนถูกประกาศเมื่อวาน เพราะได้รับข่าวดีต๊อดจึงนัดรวมพลเพื่อนๆ เพื่อฉลองให้กับความสำเร็จของนักเรียนอันดับ 1 ของห้อง

“มึงก็เลิกขี้เกียจได้แล้วต๊อด”

“กูพยายามอยู่น่าบอกแล้วไงว่าต้องหาแฟนให้ได้ตอนเรียนมหาลัย”

“ก่อนคิดเรื่องหาแฟนกูว่ามึงคิดเรื่องสอบเข้าก่อนมั้ยครับ ถ้าสอบเข้าไม่ได้ก็อดหาแฟนนะเว้ย” เพื่อคนนึงเอ่ยดักฝันให้ต๊อดแสร้งเบะหน้าทำเหมือนจะร้องไห้

ต๊อดก็เป็นซะอย่างนี้ ไม่เคยจริงจังกับอะไรทั้งสิ้นแถมยังไม่ค่อยมีความพยายามอีกด้วย เพราะเป็นแบบนั้นมินจึงรู้สึกเป็นห่วงต๊อดกว่าเพื่อนคนอื่นๆ

“ไปโยนโบกันเถอะว่ะ”

“เอาดิ”

“ไข่มุกขอตัวมินซักครู่ได้มั้ย” ขณะที่กำลังเฮฮาตามประสาเด็กหนุ่ม เจ้าของใบหน้าน่ารักแบบที่ตกหนุ่มๆ ได้ด้วยรอยยิ้มสดใสก็เอ่ยขึ้น

“ตามสบายเลย” ต๊อดเป็นคนอนุญาตก่อนจะเกณฑ์เพื่อนให้เดินตามกันไปยังลานโบลิ่งเพื่อเปิดโอกาสให้ไข่มุกได้อยู่กับมินลำพัง

ถึงแม้ว่าจะถูกปฏิเสธทางอ้อมมาแล้วบ่อยครั้งแต่ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดมันออกมาตรงๆ ไข่มุกก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้

“ไปหาอะไรดื่มตรงนั้นกัน”

ไข่มุกเลือกร้านชานมไข่มุกที่ไม่ค่อยมีคนนัก ทั้งคู่สั่งเครื่องดื่มโดยที่มินขอเป็นฝ่ายเลี้ยงเอง

“มินเก่งจังเลยเนอะ”

“อื้อ”

“ถ่อมตัวบ้างก็ได้”

“ก็เก่งจริงๆ นี่นา แต่กว่าจะเก่งได้ขนาดนี้ก็พยายามจนเหนื่อยเหมือนกัน”

“ไข่มุกมีเรื่องจะบอกแหละ”

“อื้อ” มินตอบรับทันที เขารู้อยู่แล้วตั้งแต่ไข่มุกชวนปลีกตัวออกมาว่าอีกฝ่ายคงอยากบอกความในใจ

“ไข่มุกเสียใจมากเลยตอนที่รู้ว่ามินได้ทุนและต้องไปเรียนต่างประเทศ”

“ใจร้ายจัง”

“นั่นสิ ไข่มุกก็คิดเหมือนกันว่าทำไมฉันถึงใจร้ายได้ขนาดนี้” เด็กสาวยิ้มแห้งๆ กวาดสายตามองมินตรงๆ พร้อมแสดงความรู้สึกผ่านดวงตาคู่สวยอย่างชัดเจน “มินรู้ใช่มั้ยว่าไข่มุกคิดยังไงกับมิน”

“ครับ” อย่าตอบรับด้วยคำพูดและน้ำเสียงสุภาพขนาดนี้สิ มันตัดใจลำบากนะรู้บ้างมั้ย

“แอบคิดมาตลอดเลยว่าถ้าบอกชอบมินแล้วมินรับ เราอาจจะได้ใช้เวลาในมหาลัยด้วยกัน แต่พอรู้ว่ามันเป็นไปได้ก็เลยรู้สึกเจ็บใจมาก”

“มินขอบคุณไข่มุกมากเลยนะ”

ในตอนนั้นเองที่เครื่องดื่มที่สั่งไว้ถูกนำมาเสิร์ฟ

“มินไม่ชอบไข่มุกเหรอ” เด็กสาวเอ่ยถามหากแต่กลับเอาแต่มองแก้วเครื่องดื่มที่อยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย

ทั้งที่เป็นร้านชานมไข่มุกแต่กลับไม่สั่งไข่มุก

“ชอบสิ หมายถึงไข่มุกนะไม่ใช่ไข่มุกในแก้ว” นาทีนั้นหัวใจของเด็กสาวเต้นแรงคล้ายจะกระเด็นกระดอนออกมานอกอก รู้สึกดีจนเก็บงำรอยยิ้มเอาไว้ไม่ได้ “ไข่มุกเป็นเด็กผู้หญิงที่ยิ้มสวยที่สุดตั้งแต่เคยเจอมาเลยนะ มินอยากให้ไข่มุกยิ้มเยอะๆ อยากให้ไม่ว่าเราจะห่างกันไปไกลแค่ไหน ถ้าวันนึงกลับมาเจอกันก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”

“ชอบแบบเพื่อนเหรอ”

“การที่มินชอบไข่มุกแบบนั้นมันทำให้ไข่มุกรู้สึกไม่สบายใจรึเปล่า”

“แน่นอนสิ ไข่มุกกำลังถูกมินปฏิเสธนะ”

“ขอโทษนะ ขอโทษที่เป็นคนนั้นให้ไข่มุกไม่ได้”

“ถ้าสมมติว่ามินไม่ไปเรียนต่างประเทศ มินจะเป็นคนนั้นให้ไข่มุกได้มั้ย”

มินส่ายหน้าช้าๆ แทนคำตอบ ไม่ว่าตัวเขาจะอยู่ที่ไหน หัวใจของเขาก็ไม่สามารถฝากไว้ที่ไข่มุกได้ในเมื่อไม่เคยคิดกับอีกฝ่ายเกินเพื่อนเลย

“เข้าใจแล้วล่ะ ฝากบอกพวกต๊อดด้วยว่าไข่มุกขอกลับก่อน”

“เราไปส่ง”

“ไข่มุกไม่อยากเห็นหน้ามินน่ะ ขอเวลาหน่อยได้มั้ย”

ขอโทษ...

เรื่องของความรู้สึกนั้น ไม่ใช่แค่คนถูกปฏิเสธหรอกที่รู้สึกเจ็บปวด คนปฏิเสธเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่อยากทำอะไรซักอย่างให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้นซักหน่อยแต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายก็ได้แต่มองส่งจนแผ่นหลังเล็กๆ ที่กำลังสั่นไหวนั้นลับตาไป

“คงใจร้าย” เสียงดังมาจากด้านหลังแต่ไม่ได้อยู่ในระดับสายตา

มินดึงตัวเองที่กำลังจมอยู่กับความรู้สึกผิดกลับมาได้เพราะเสียงเล็กๆ อันคุ้นเคยและเมื่อก้มหน้าลงก็พบว่าน้องแพทกำลังเท้าเอวมองมาด้วยหน้าตาบูดเบี้ยว

ทั้งที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือนแล้วแท้ๆ พอมาเจอกันอีกทีกลับทำหน้าแบบนี้ใส่กัน แต่ก็สมเป็นน้องแพทแล้ว

มินนั่งลงตรงหน้าน้องแล้วส่งยิ้มให้ ชั่ววินาทีนั้นที่ได้เจอน้องเขาเผลอลืมความรู้สึกผิดที่มีต่อไข่มุกไปเสียแล้ว

“ไม่ต้องมายิ้มเลยคงใจร้าย”

“พี่แพทมากับคุณแม่เหรอครับ”

“ไม่คุยกับคงใจร้ายหรอก”

“แล้วต้องทำยังไงถึงจะยอมคุย”

“ไม่คุยหรอก”

“พี่แพทพูดอย่างนี้พี่มินเสียใจนะ”

“พี่แพทเสียใจมากกว่าอีก พี่แพทนองร้องไห้คิดถึงคุงคูทุกคืงเลย” ทั้งที่อยากเลี่ยงคำว่า ‘ขอโทษ’ แท้ๆ แต่ก็ไม่มีคำไหนมาทดแทนมันได้

“ขอโทษครับ”

“ไม่อยากให้อภัยซักนิด แต่คุงแม่บอกว่าเด็กดีต้องให้อภัยคนอื่งถ้าเค้าขอโทษ แต่ไม่หายโกรธหรอกนะจงกว่าคุงคูพี่มิงจะกลับมาอยู่กับพี่แพทเหมืองเดิม” คนเป็นผู้ใหญ่ยิ้มเจื่อน

ให้กลับมาอยู่ด้วยกันก่อนถึงจะหายโกรธอย่างนั้นเหรอ แล้วเมื่อไหร่กันล่ะ อาจจะต้องโกรธกันไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

“แล้วนี่พี่แพทมากับใครครับ” ถามว่ามากับคุณแม่ก็ไม่ยอมตอบ มินจึงถามซ้ำ

“ก็ต้องมากับคุงแม่อยู่แล้วซี่”

“แล้วคุณแม่...” กำลังจะถามหาแต่คุณแม่ก็โผล่มาซะก่อนด้วยท่าทางร้อนรน

“น้องแพทหนีคุณแม่ออกมาอย่างนี้ได้ยังไงคะ” หนีออกมาอย่างนั้นเหรอ

คนถูกดุหน้าเจื่อนไปนิดต่างจากคุณแม่ที่ถึงแม้จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงโกรธจัดแต่ก็ดูเบาใจขึ้นมากเมื่อพบว่าลูกชายตัวน้อยปลอดภัยดี

“พี่แพทไม่ได้หนีออกมาซะหน่อย”

“ไม่ต้องมาเถียงเลย แอบเดินตามคุณครูพี่มินมาใช่มั้ยล่ะ”

“ไม่ใช่นะ พี่แพทไม่เห็งคุงคูพี่มิงนั่งอยู่ตรงนั้นกับพี่ไข่มุก ไม่เห็นเลยจริงๆ นะ” เชื่อแล้วจ้าว่าไม่เห็น

ผู้ใหญ่ทั้งคู่หันมายิ้มให้กันอย่างนึกเอ็นดู

ก็ดีแล้วล่ะ น้องแพทกลับมาร่าเริงและสนิทกับคุณแม่ได้แบบนี้ก็ดีมากแล้ว เห็นอย่างนี้มินก็เบาใจ

“แม่ได้ยินเรื่องทุนแล้ว ดีใจด้วยนะจ๊ะ”

“ขอบคุณครับ”

“แล้วจะบินเมื่อไหร่เหรอ”

“ตามกำหนดการณ์ก็เดือนหน้าครับ แต่ระหว่างนี้ก็ต้องเตรียมตัวอีกหลายอย่างเลย”

“ถ้าว่างก็แวะมาหาน้องบ้างนะจ๊ะ ถึงปากจะบ่นว่าไม่รักไม่คิดถึงแต่ก็เผลอพูดถึงคุณครูพี่มินบ่อยเลยล่ะ”

“พี่แพทไม่เคยพูดซักหน่อย คุงแม่ใส่ร้าย” เด็กน้อยรีบออกตัวปฏิเสธให้คนเป็นแม่ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างนึกหน่ายใจกับความฟอร์มจัดของเจ้าตัวเล็ก

“วันนี้มินว่าง ขอยืมตัวน้องแพทเลยได้มั้ยครับ”

“เอาสิจ๊ะ เอาไปเลย”

“พี่แพทไม่ไปด้วยหรอก”

“งั้นเหรอ น่าเสียดายจัง” ถึงแม้จะอยากตื๊ออีกหน่อยแต่ในเมื่อน้องว่าอย่างนั้นก็คงต้องยอมแพ้ มินทำหน้าผิดหวังก่อนบอกลา

“เดี๋ยวเซ่คุงคูพี่มิง” พอก้าวออกมาก็ถูกน้องรั้งเอาไว้พร้อมกับมือน้อยที่เอื้อมมาจับชายเสื้อ “ไปด้วยก็ได้”

มือที่จับชายเสื้อเปลี่ยนเป็นจับมือกันเหมือนเมื่อก่อน

มือคุณครูพี่มินยังนุ่มและให้ความรู้สึกปลอดภัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน รอยยิ้มอบอุ่นนั้นก็ทำให้อุ่นใจ พี่แพทมองเห็นคุณครูพี่มินผ่านกระจกร้านเสื้อที่คุณแม่กำลังเลือกด้วยใจจดจ่อ พอเห็นพี่ ขาทั้งสองข้างก็ก้าวตามออกมาด้วยความเผลอไผล กระทั่งทั้งคู่สั่งเครื่องดื่มและพูดคุยกันก็ยังยืนแอบมองอยู่ห่างๆ ตลอดเวลา

“ต่างประเทศอยู่ที่ไหนเหรอคุงคูพี่มิง”

“อยู่ไกลครับ”

“ไกลแค่ไหน ไกลเท่าสวนสัตว์ที่เราไปด้วยกันรึเปล่า”

“ไกลกว่านั้นครับ”

“ไกลเท่าทะเลมั้ย”

“อยู่อีกฝั่งของทะเลเลยครับ”

“โหไกลจัง งี้ก็จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แล้วสิ” แค่คิดความเศร้าก็ถาโถมเข้ามาในหัวใจ

“อาจจะเป็นอย่างนั้นครับ”

“ทำไมต้องไปไกลขนาดนั้นล่ะ เพราะพี่แพทเป็นเด็กไม่ดีเหรอ คุงคูพี่มินไม่รักพี่แพทแล้วเหรอ”

“อืม ถ้าอย่างนั้นน้องแพทเป็นเด็กดีเพื่อพี่มินได้มั้ยครับ”

“เด็กดีต้องเชื่อฟังคุงแม่”

“ต้องตั้งใจเรียน ไม่ดื้อ ไม่ซน”

“โห เยอะจัง ต้องทำมากแค่ไหนคุงคูพี่มิงถึงจะกลับมาหาพี่แพทล่ะ”

“ก็...” มากแค่ไหนดีนะ เท่านี้ก็แล้วกัน มินล้วงหยิบคูปองสะสมสติ๊กเกอร์ที่ได้จากร้านชานมออกมา “สะสมสติ๊กเกอร์ครบ 1 แผ่น พี่มินก็จะกลับมาหา 1 ครั้ง”

“ครั้งเดียวเองเหรอ”

“ถ้าอยากเจอบ่อยๆ ก็ต้องทำเยอะๆ สิครับ เป็นเด็กดีไม่ยากหรอกน่า ตอนนี้พี่แพทก็เป็นเด็กดีแล้วนะ”

“งั้นก็อย่าไปสิ อยู่กับพี่แพทตลอดไปเลยไม่ได้เหรอ” ทำอย่างนั้นได้ที่ไหนกันล่ะ

มินไม่ตอบอะไร เขากุมมือน้องเอาไว้คล้ายกับว่าอาจจะไม่ได้สัมผัสกับความอบอุ่นอันแสนบริสุทธิ์นี้อีก หากครั้งนี้ต้องเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เที่ยวเล่นด้วยกันก็ขอให้มันเป็นการเที่ยวเล่นที่สนุกที่สุด

มินก้มมองน้องแล้วยิ้มกว้างที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา ก่อนชักชวนให้น้องทำให้สิ่งที่ตนคิด

“พี่แพทครับวันนี้เรามาสนุกกันให้สุดๆ ไปเลยดีมั้ย” และน้องก็พยักหน้ารับทันทีทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากคูปองสะสมสติ๊กเกอร์ในมือด้วยซ้ำ

ถ้าทำความดีแล้วเก็บสะสมสติ๊กเกอร์เต็มคูปองนี้แล้วจะได้เจอพี่มิน 1 ครั้ง พี่แพทจะเป็นเด็กดีทุกๆ วันเลย





[-T B C-]



ตอนหน้าน้องแพทจะโตแล้วนะคะ
น้องแพทเลี้ยงง่ายนะคะ ป้อนกำลังใจเยอะๆ น้องจะได้โตเร็วๆ เนอะ
ฝากน้องด้วยน๊า
#คุณครูพี่มิน :)
 :hao5:


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.030818}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-08-2018 22:26:43
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถ....น่าสงสารนุ้งแพท

ตอนหน้านุ้งแพทโตแล้ว  นั่นก็หมายความว่า พี่มินเรียนจบ (ป.เอก) แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง ณ ที่ไหนสักแห่ง ใช่ป่ะ?
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.030818}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-08-2018 02:58:07
รอ ๆ รอพี่แพทมาเจอกับครูพี่มินอีกครั้ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 7 {Up.030818}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-08-2018 10:12:51
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 9 {Up.130918}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 13-09-2018 22:21:05
คุณครูพี่มิน 9



ชั่วโมงเรียนเริ่มแล้ว หากเจ้าของขายาวยังคงก้าวย่ำอยู่บนบันได

เสียงหอบดังสะท้อนในโถงบันไดบนอาคารเรียนที่เงียบเหงาเนื่องจากชั่วโมงเรียนตอนเช้าเริ่มไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว

ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีระเรื่อ เขาใช้หลังมือปาดเหงื่อที่ซึมอยู่ตรงไรผม ก้มมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ

เมื่อคืนไม่น่าดื่มหนัก

ภัทรดนัยนึกโทษตัวเองพร้อมกับนึกโทษเพื่อนสนิทอย่างเซียนไปด้วย

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีเซียนก็ยังเป็นเพื่อนที่ทำตัวเหลวไหลไปด้วยกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

สองเท้าในรองเท้าผ้าใบที่อดีตเคยเป็นสีขาวออกวิ่งอีกครั้งเมื่ออาการหอบทุเลาลง หากการวิ่งต้านแรงโน้มถ่วง นั้นทำให้เขาเหนื่อยมากกว่าปกติ

กว่าจะถึงหน้าห้องเรียนก็เล่นเอาแทบหมดลมหายใจ

เจ้าของร่างสูงยืนเท้าเข่าลำพังอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ปล่อยเสียงหอบดังประสานไปกับเสียงอาจารย์เจ้าของวิชาเรียนที่กำลังบรรยายอยู่ในห้อง

จนจังหวะหายใจเป็นปกติ เขาจึงยืนขึ้นเต็มความสูง

มือหนาจัดผมตัวเองให้เป็นทรงอย่างลวกๆ กระชับกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมสภาพเก่าของตน ก่อนยื่นมือข้างนั้นไปยังบานประตู

เขาตั้งใจจะเดินเข้าห้องเงียบๆ หากประตูที่ไม่ได้รับการซ่อมแซมกลับดังขึ้นเรียกความสนใจจากสายตาทุกคู่

เสียงบรรยายเงียบลง ภัทรดนัยรู้สึกเหมือนตัวเขาค่อยๆ หดเล็กลงเรื่อยๆ พร้อมกับอากาศที่คล้ายจะเบาบางลงทุกทีจนหายใจไม่ออก

“ขะ ขอ...”

ทุกคำพูดที่ตั้งใจเอ่ยถูกลบออกไปจากสมองเมื่อเผลอสบตาเข้ากับคนที่ยืนอย่างโดดเด่นอยู่หน้าห้อง ร่างกายของภัทรดนัยชาวาบจนไร้ความรู้สึก เขาได้แต่ยืนนิ่งมองคนๆ นั้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

เขาจดจำดวงตาคู่นี้ได้ดี ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานหลายปีแล้วก็ตาม

“จะเรียนมั้ยครับนักศึกษา” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังขึ้นให้ภัทรดนัยตื่นจากภวังค์

ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานในชุดสูทสุดเนี้ยบเจ้าของใบหน้าสะอาดหมดจดทว่าเคร่งขรึมที่ยืนอยู่หน้าห้องใช่พี่มินไม่ผิดแน่

เมื่อได้สติภัทรดนัยซึ่งควรเดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนกลับเลือกที่จะมุ่งตรงไปหาคนที่มองเขาไม่ละสายตา กระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้ากัน

ดวงตาคมจับจ้องอีกฝ่ายไม่วางตา กระทั่งตอนนี้พี่มินก็ไม่เปลี่ยนไปเหมือนกับความรู้สึกของเขา

“ถ้าจะเรียนก็เชิญนั่งครับ”

“อาจารย์เช็คชื่อไปรึยังครับ”

“แน่นอน ผมคงไม่รอคุณหรอก”

“แต่ผมรอคุณมาตลอดเลย” ภัทรดนัยโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบเสียงเบาให้ได้ยินแค่พวกเขา “ใจร้ายจังนะครับคุณครูพี่มิน”

มันควรจะเป็นเรื่องธรรมดาและไม่รู้สึกอะไรแล้วสำหรับคนเป็นอาจารย์ซึ่งมีหน้าที่สอนนักศึกษานับร้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการถูกแพทนั่งเท้าคางจ้องมองจากโต๊ะหน้าสุดของห้องเรียนนั้นทำให้ดอกเตอร์เมฆเสียสมาธิไม่น้อย

คนเป็นอาจารย์เลือกที่จะเลี่ยงการสบตา กระนั้นก็เหมือนกับมีแรงดึงดูดให้มองไปตรงนั้นเสมอ

ภัทรดนัยไม่ใช่นักศึกษาคนเดียวที่มาไม่ทันเช็คชื่อในวันนี้ แต่เชื่อเถอะว่าเขาเป็นคนเดียวที่ดอกเตอร์เมฆจดจำได้ขึ้นใจ

ดอกเตอร์เมฆใช้เวลา 3 ชั่วโมงอย่างคุ้มค่า แม้นักศึกษาจะออกจากห้องเรียนไปเกือบหมดแล้วกระนั้นคนเป็นเจ้าของวิชาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม คล้ายกับกำลังรอบางคน

แน่นอนว่าบางคนนั้นคือคนที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้กันทุกขณะ

ภัทรดนัย...

“ทีนี้จะยอมเช็คชื่อให้ผมได้รึยังครับอาจารย์”

“คุณเข้าห้องเรียนสายเกินครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ”

“แต่ผมก็อยู่เรียนจนหมดชั่วโมง”

“นั่นมันก็เป็นสิทธิ์ของคุณ” คำพูดของดอกเตอร์เมฆแม้ไม่ได้บอกออกมาตรงๆ แต่ก็เดาได้ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเช็คชื่อย้อนหลังอย่างแน่นอน

“แล้วทำไมอาจารย์ไม่บอกผมตั้งแต่แรก”

“จำได้ว่าผมให้คุณเลือกนะภัทรดนัย”

“แหม เรียกชื่อจริงซะด้วย อาจารย์คงลืมเรื่องคืนนั้นของเราไปแล้วแน่ๆ” คืนนั้นเมื่อ 4 ปีก่อนยังเป็นความทรงจำที่ดีของแพทเสมอ ทุกครั้งที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เหลือใครแล้ว เพียงแค่คิดถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ในคืนนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าได้รับพลังอันมากมายมหาศาล

ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้พี่มินก็ยังเป็นโลกทั้งใบของแพทเหมือนเดิม

ไม่แน่ใจว่าพี่มินคิดเหมือนแพทหรือเปล่า

“ไม่มีเรื่องคืนนั้นหรือคืนไหนทั้งนั้นแหละ สายก็คือสาย ถ้ารู้ว่ามีเรียนเช้าเมื่อคืนก็อย่าไปเถลไถลที่ไหนสิ” ดูเหมือนว่าพี่มินจะไม่คิดอะไรเลย เผลอๆ อาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ พวกผู้ใหญ่ลืมง่ายกันขนาดนี้เชียวเหรอ

เอาเถอะ ดูเหมือนว่าเวลา 4 ปีที่ไม่ได้เจอกัน และไม่ยอมทำตามสัญญาที่ว่าจะติดต่อกลับมาพี่มินจะเปลี่ยนไปมากกว่าที่คิดซะอีก กระนั้นแพทก็ไม่คิดยอมแพ้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดแพทจะไม่ยอมปล่อยโลกทั้งใบของตนให้หลุดมือไปอีกแน่

คนที่อยู่ในฐานะนักศึกษาของดอกเตอร์เมฆเท้ามือทั้งสองข้างกับโต๊ะ โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้คนเป็นอาจารย์ที่ยืนอยู่อีกฝั่งแล้วยิ้ม

“นี่สอนในฐานะดอกเตอร์เมฆหรือคุณครูพี่มินล่ะครับ”

“ถ้าตอนนี้ก็คงในฐานะดอกเตอร์เมฆล่ะมั้ง”

“จำเป็นต้องห่างเหินกันขนาดนี้เลยเหรอครับพี่มิน”

ใบหน้าเรียบนิ่งปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ ให้คนมองพอชื่นใจ ทั้งที่อยากได้ยินคำอื่น อย่างเช่น ล้อเล่นน่า พี่ก็คิดถึงแพท หรืออะไรที่มันเป็นเชิงบวก แต่นอกจากยิ้มเล็กๆ นั่นเขาก็ไม่คิดจะตอบโต้อะไรเลย

“ผิดหวังชะมัด พี่มินเนี่ยเป็นคนยังไงกันแน่” แพทมั่นใจว่าอีกฝ่ายได้ยินประโยคนั้นของเขาแต่ทำเป็นเมินแล้วเดินออกจากห้องไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ให้ตายเถอะพี่มิน จะเอาอย่างนี้ใช่มั้ย

ตอนนี้เองที่แพทตระหนักว่าเขาไม่รู้จักพี่มินซักนิดเดียว นิสัยใจคอจริงๆ เป็นอย่างไรก็ไม่ทราบ รู้แค่ว่าเคยเป็นคนที่ใจดีกับน้องแพทมาก พร้อมจะปกป้องน้องแพทเสมอ ทุกอย่างที่เขารู้คือสิ่งที่พี่มินเคยแสดงออกต่อหน้าเท่านั้น ที่จริงเขาจะไม่สนใจด้านอื่นๆ ของพี่มินก็ได้ และถ้าเป็นเมื่อก่อนแพทก็คงปล่อยผ่าน แต่ในยามที่พี่มินเปลี่ยนไปขนาดนี้ ทำตัวห่างเหินกันขนาดนี้ เขาไม่สามารถมองผ่านไปได้จริงๆ

ถ้าหลอกล่อด้วยความน่ารัก น่าเอ็นดูอย่างเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ก็คงต้องใช่อย่างอื่น

พวกผู้ใหญ่หัวดื้อน่ะเห็นทีต้องใช้ไม้แข็งซะแล้วล่ะมั้ง















เสียงดนตรีโฟล์คซองดังมาจากสนามหน้าตึกศิลปกรรมศาสตร์ในเวลาบ่าย 2 โมง ก่อนเสียงจะเงียบไปหลังจากนั้น 5 นาที

เซียนวางกีตาร์โปร่งตัวโปรดของตนลงก่อนเดินตรงเข้ามาหาเพื่อนสนิทที่นานทีปีหนจะมาหาถึงคณะ งานนี้สาวๆ คงอึ้งกันน่าดู และก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเลย แทบจะทุกสายตาในบริเวณนั้นมองมายังพวกเขาด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น ถึงแม้จะถูกถ่ายรูปแต่พ่อคนฮ๊อตกลับไม่แสดงท่าทีสนใจแม้แต่น้อย

“ลมอะไรหอบมาวะ”

“พี่มินอยู่ที่นี่ว่ะ”

“มิน” เซียนทวนคำพลางครุ่นคิด นานแล้วที่ชื่อนี้ไม่ได้ยินชื่อนี้ดังนั้นจึงต้องใช้เวลานานหน่อย

“พี่มินไง รักแรกของกูอะ”

หลังจากพี่มินบินกลับต่างประเทศ แพทก็ตกอยู่ในอาการเศร้าอย่างหนัก เพราะไม่อาจแบกเรื่องราวทั้งหมดไว้ลำพังเขาจึงเล่าทุกอย่างให้เซียนฟังด้วยความเชื่อใจ และเซียนก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่ใช่ความลับ แต่เซียนก็ไม่เคยเปิดเผยมันกับใคร

“อ๋อ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ หรือมึงไม่ได้รักเขาแล้ว”

“ไม่รู้สิ พี่มินแม่งเปลี่ยนไปมากเลยว่ะ”

“งั้นก็แปลว่ามึงไม่ได้รักเขาจริงหรอก”

“ทำไมวะ”

“ก็มึงลังเล ถ้ายังรักก็แค่บอกว่ารัก จะคิดเยอะทำไมวะ” สมแล้วที่เคยแต่งเพลงรักให้ศิลปินในค่ายเพลงที่ถึงแม้จะไม่ใหญ่แต่เพลงก็สามารถเกาะท๊อป 10 ได้เกือบ 2 เดือน

“ถึงกูจะมั่นใจว่ารัก มันก็ไม่ง่ายอยู่ดีว่ะ”

“ถ้าเราได้อะไรมาง่ายๆ เราก็ไม่เห็นค่ามันดิวะ พระเจ้าอาจจะกำลังทดสอบมึงอยู่ก็ได้”

“ด้วยการส่งพี่มินมาเป็นอาจารย์สอนกูเนี่ยนะ”

“หมายความว่า...”

หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เซียนไม่รู้เลยว่าต้องแสดงความยินดีหรือเสียใจกับเพื่อนตน จะบอกว่าโชคดีมันก็ดีไม่สุด หากบอกว่าร้ายมันก็ไม่ใช่อยู่ดี สุดท้ายก็คงขึ้นอยู่กับแพทว่ามันจะคิดว่าสิ่งทีเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่

“แล้วมึงคิดว่าไง”

“กูนั่งมองเขาในห้องแล้วคิดอยู่ตลอดแต่แม่งคิดไม่ออกเลย เขาเป็นอาจารย์ กูเป็นนักศึกษานะเว้ย กูจีบเขาได้เหรอวะ กูแม่งกลัวพี่มินจะมีปัญหาน่ะสิ”

“แคร์กันขนาดนั้นเชียว”

“ก็ต้องแคร์ดิ กูแม่งรอเขามากี่ปี”

“ยืมนิ้วกูมั้ย”

“ไอ้เหี้ย” อดไม่ได้ที่จะด่าเพื่อนตัวเองหยาบๆ

“ตอนที่มึงเจอเขาล่าสุดเมื่อ 4 ปีก่อน เขามีท่าทีจะชอบมึงบ้างมั้ย”

ตอนนั้นเหรอ?

ไม่ว่าจะตอนที่แพทยังเป็นเด็ก หรือเมื่อ 4 ปีก่อนพี่มินก็ยังคงเป็นคุณครูพี่มินที่แสนดีไม่เปลี่ยนแปลง ดีเกินไปด้วยซ้ำ และกับคำถามที่ว่าดูชอบพอกันเกินเด็กในปกครองบ้างมั้ย แพทไม่กล้าฟันธงเรื่องนี้ด้วยตัวเองนักหรอก

“มึงไม่ต้องตอบกูก็ได้ กลับไปคิดดูดีๆ ถ้ามึงได้คำตอบแล้วอยากทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าจะให้กูพูดชี้นำล่ะก็นะ ถ้าเป็นกู ทั้งที่ตัวเองดูเหมือนจะไปได้ดีที่ต่างประเทศ ถ้าไม่มีเหตุผลดีๆ กูก็คงไม่กลับมาไทยหรอก”

“เหตุผลดีๆ อย่างเช่นอะไรวะ”

“ก็มีคนรออยู่ที่นี่ อะไรแบบนี้ล่ะมั้ง”

“หมายถึงกูเหรอ”

“ยิ้มกว้างเชียวไอ้แพท มึงนี่นะ พอเป็นเรื่องความรักก็กลายเป็นเด็กน้อยเลย”

“ก็กูเป็นเด็กขาดความอบอุ่น”

“มีสาวๆ เรียงคิวมาให้ความอบอุ่นมึงตั้งเยอะ แต่เสือกเล่นตัว”

“ไม่ไหวหรอก เดี๋ยวแฟนเขามากระทืบ” พอนึกถึงเรื่องตอนมัธยมทั้งคู่ก็พร้อมใจกันหัวเราะออกมา ถึงแม้ว่าพักหลังมานี้จะไม่ค่อยถูกเข้าใจผิดเรื่องแย่งแฟนคนอื่นจนโดนกระทืบเหมือนก่อนแล้ว แต่แพทก็ยังรู้สึกระแวงและระวังตัวเป็นอย่างดี

อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากพาพี่มินไปตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง

 













สิ่งของถูกรื้อกระจัดกระจายเต็มพื้น แม้แต่ผ้าปูที่นอนยังถูกดึงออกมา ไม่ใช่เหตุด่วนเหตุร้ายแต่เหตุเกิดจากเจ้าของห้องกำลังหาบางอย่าง แต่ไม่ว่าจะหาเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ

แพทนั่งลงบนที่ว่างอันน้อยนิดบนพื้นห้องอย่างอ่อนแรง

บัตรสะสมความดีที่เขาเพียรพยายามสะสมเพราะพี่มินเคยให้สัญญาไว้ว่าบัตร 1 ใบเท่ากับการกลับมาเจอกัน 1 ครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้ใช้มัน เขาหวังว่าครั้งนี้จะได้ใช้ความพยายามนั้นให้เป็นประโยชน์ซักที

ถึงแม้จะมุ่งมั่นขนาดนั้น แต่เขาก็ยังจำไม่ได้อยู่ดีว่าเห็นมันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

แพทพยายามติดต่อคุณแม่แต่เช้าด้วยการส่งข้อความไปก่อน รอจนสายก็ไม่มีแววว่าฝ่ายนั้นจะติดต่อกลับมาเขาจึงโทรไปอีก ทว่าคุณแม่ที่รับโทรศัพท์อย่างเชื่องช้าก็ตอบกลับมาสั้นๆ ว่ากำลังยุ่งมาก

คนกำลังจะแต่งงาน แพทก็เข้าใจอยู่หรอก แต่ช่วยสละเวลาให้ลูกชายคนเดียวซักนาทีไม่ได้รึไง

แพทไม่ได้น้อยใจคุณแม่หรอก ตอนที่ได้ยินว่าท่านจะแต่งงานใหม่ก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชายแหละว่าไม่ชอบใจแม้แต่น้อย กระทั่งได้มีโอกาสเจอและพูดคุยกับว่าที่สามีใหม่ของท่าน

ระหว่างมื้ออาหารแพทได้เห็นคุณแม่ในแบบที่เขาไม่ได้เห็นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย รอยยิ้มราวกับสาวน้อยปรากฏอยู่บนใบหน้าอิ่มเอมของท่านตลอดเวลา แสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนนั้นทำให้คุณแม่มีความสุขได้จริงๆ

‘แต่งก็แต่ง แต่แพทอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวไม่ได้หรอกนะ’ แพทตอบคุณแม่ไปอย่างนั้นในตอนดึกหลังจากว่าที่สามีใหม่ของท่านกลับไปแล้ว

คุณแม่มองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่อยู่ๆ ก็มีท่าทีเจ้าเล่ห์ราวกับมีเงาของคุณพ่อซ้อนทับอยู่ ถึงแม้จะไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันฉันพ่อลูกมากนัก แต่บางส่วนในตัวของแพทก็เหมือนคุณพ่อราวกับแกะ

ทั้งคู่ตัดสินใจขายบ้านที่เป็นดั่งความทรงจำหลังนี้ แล้วเอาเงินส่วนนึงมาซื้อบ้านหลังใหม่ตามคำขอของแพท บ้านหลังที่อยู่สุดซอยบ้านต๊อด

มันคือบ้านเช่าที่พี่มินเคยอาศัยอยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง

แพทไม่รู้เหมือนกันว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

ในชีวิตนี้มีเพียง 2 สิ่งเท่านั้นที่แพทรักสุดหัวใจ

อันดับ 1 คือครอบครัวที่แพทซึ่งยังเด็กมากไม่สามารถรักษาความเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเอาไว้อีกต่อไป สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงเก็บความทรงจำที่ดีในอดีตที่เมื่อนึกถึงก็ทำให้ยิ้มได้ในบางครั้ง ร้องไห้ในบางทีนั้นเอาไว้

อันดับ 2 คือพี่มินซึ่งเป็นเสมือนโลกทั้งใบของเขา เป็นสิ่งที่แพทจะไม่มีทางปล่อยมือและทิ้งให้เรื่องของพวกเขาเป็นเพียงความทรงจำอย่างเด็ดขาด

หรือว่าจะอยู่ที่นั่น

ห้องเล็กๆ ใต้บันไดที่ไม่ได้เปิดเลยตั้งแต่แพทย้ายเข้ามาอยู่บ้านนี้ถูกเปิดอีกครั้ง ข้างในมืดมากจนต้องเอาไฟฉายมาส่อง

ขอให้อยู่ในนี้เถอะ แพทภาวนาอย่างมีความหวัง

รื้ออยู่นานทีเดียวกว่าจะเจอกับกล่องต้องสงสัยใบนึง

กล่องกระดาษสภาพดีถูกยกออกมา ฝุ่นที่จับอยู่บนฝาทำให้เจ้าของร่างสูงไอออกมานิดหน่อย เมื่อเปิดออกคนที่เอาแต่มุ่นคิ้วมาตั้งแต่เมื่อเช้าก็เผยรอยยิ้ม ข้างในปรากฏสิ่งของต่างๆ ที่ทำให้นึกถึงความทรงจำวัยเยาว์ แม้แต่สมุดภาพระบายสีสวนสัตว์และสมุดไดอารี่ของพี่แพทก็อยู่ในนี้ แพทหยิบมันออกมาเปิดดู ความทรงจำวัยเยาว์หลั่งไหลออกมาราวกับว่าเขาถูกดึดกลับไปในอดีตอีกหน











ประตูห้องเปิดออก พี่มินปรากฏตัวพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นเช่นเดิม แพทเงยหน้าจากสมุดภาพที่กำลังระบายสีอย่างตั้งอกตั้งใจ เจ้าตัวเล็กกระโดดลงจากเตียงวิ่งเข้าไปกอดพี่ชายคนดีแล้วแอบหอมแก้มไปทีอย่างเคยตัว

ทั้งคู่นั่งลงบนเตียงด้วยกัน สมุดภาพที่ระบายสีถึงหน้าสุดท้ายถูกคนเป็นพี่หยิบมาดู

“ระบายสีใกล้เสร็จแล้วนี่”

“สวยมั้ยคุงคูพี่มิง”

“สวยครับ”

“สวยแล้วมีรางวังมั้ย”

“ก็หอมแก้มไปแล้วนี่เมื่อกี้”

“อังนั้งไม่นับเพราะพี่แพทแอบหอมงาย” เจ้าเด็กนี่น้า มินมองเจ้าเด็กช่างอ้อนอย่างอ่อนโยนแบบที่ไม่เคยมอบมันให้ใครมาก่อนแล้วก้มลงไปหอมแก้มนิ่มแรงๆ 1 ทีให้คนได้รางวัลยิ้มแฉ่งเต็มแก้ม

“เนี่ยๆ พี่แพทมีอะไรให้ดูด้วยน้า” เด็กน้อยว่าอย่างอารมณ์ดีพลางยื่นมือเล็กไปฉวยเอาสมุดมาถือไว้เอง

มินมองน้องที่กำลังพลิกกระดาษไปยังหน้าสุดท้าย

“อันนี้พี่แพทวาดเองเลยน้า”

มันเป็นภาพวาดด้วยเส้นยึกยักแบบฉบับเด็ก 5 ขวบแต่ก็ยังพอมองออกว่านั่นคือคน ด้านหลังคือภูเขาและทะเล

“อันนี้คือพี่มินเหรอครับ” นิ้วเรียวชี้ไปยังภาพคนที่ยืนอยู่ข้างเด็กตัวเล็ก

“ช่ายๆ พี่แพทวาดสุดฝีมือเลยน้า สวยมั้ย”

“สวยครับ แต่พี่มินตัวจริงหล่อกว่านี้”

“ไม่ใช่ซักหน่อย พี่มินตัวจริงน่ารักต่างหาก”

“น่ารักยังไงครับ”

“ก็น่ารักอย่างนี้งาย” น้องขยับยืนด้วยเข่าแล้วยื่นมือมาจับแก้มมินเบาๆ ลูกแก้วใสสะท้อนใบหน้าคนน่ารักก่อนจะโถมทั้งตัวเข้ามากอด

เสียงหัวเราะสะท้อนในห้องนอน นานทีเดียวก่อนเสียงจะเงียบลง

ช่วงเวลาที่ได้ใช้ไปด้วยกันทำให้บ้านที่เงียบเหงากลับมาครึกครื้นอีกครั้ง












รอยยิ้มอบอุ่นแบบคุณครูพี่มิน แพทจะยังมีโอกาสได้รับมันจากดอกเตอร์เมฆรึเปล่านะ

สมุดภาพถูกวางลงก่อนแพทจะหยิบกล่องใบเล็กออกมา เขาแทบกรี้ดเมื่อพบว่าสิ่งที่อยู่ภายในคือของที่ตนค้นหามาตั้งแต่เช้า

สำเร็จแล้ว สุดท้ายก็หาเจอจนได้

แพทกอดกล่องนั้นด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม รอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว

เมื่อทุกความกังวลคลายออก ท้องก็ร้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ก็ใช่น่ะสิ แพทน่ะ ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว















ร้านโจ๊กหน้าปากซอยแถวๆ บ้านต๊อดอร่อยมากจนคนขี้เกียจหาข้าวเย็นกินเองต้องปั่นจักรยานออกมาในตอนเย็น

“ต๊อด!!” แน่นอนว่าตอนปั่นจักรยานผ่านบ้านต๊อดแพทไม่พลาดที่จะจอดแล้วเข้าไปเอาเรื่องอีกฝ่ายซักหน่อย

“อะไรของมึง” น้ำเสียงต๊อดไม่ดีนัก หน้าตาก็ไม่ดีเหมือนกัน

“ไม่บอกกันบ้างเลย”

“บอกอะไร”

“เรื่องพี่มินไง”

“อ่อ กูก็เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันนี่เอง นึกว่ามึงรู้แล้วซะอีก”

“เพิ่งรู้เมื่อเช้าเนี่ย”

“อ้าว แปลว่ามันไม่ได้บอกใครเลยดิเนี่ย”

“แล้วทำไมอยู่ๆ กลับมา”

“พูดเหมือนไม่อยากให้กลับมา”

“ก็แหม ถ้ากลับมาแบบปกติก็คงดีใจกว่านี้” ไม่ใช่ว่าการที่พี่มินกลับมาในฐานะดอกเตอร์เมฆแพทจะไม่ดีใจ แต่ด้วยสถานะของทั้งคู่มันทำให้ดีใจได้ไม่สุดจริงๆ

“เมื่อกี้เพิ่งคุยกัน มันบอกว่าเดี๋ยวเข้ามา”

“จริงเหรอ”

“กูเพื่อนเล่นมึงเหรอแพท”

“บางที”

“ไอ้เด็กเหี้ย” คนถูกด่าหัวเราะชอบใจให้ต๊อดยกขามาเตะทีนึง ในตอนที่ทั้งคู่กำลังทะเลาะกันเป็นเด็กๆ นั่นเองรถแท็กซี่ก็เข้ามาจอด

มินในชุดแบบเดียวกับเมื่อเช้าเปิดประตูออกมาหลังจากจ่ายค่าโดยสารแล้ว เพราะไม่ได้เตรียมใจว่าจะได้เจอแพทอีกที่นี่เขาจึงชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่นานนักสัญชาติญาณดอกเตอร์เมฆก็เข้าร่าง

“ไหนมึงบอกจะมาค่ำๆ”

“นี่ยังค่ำไม่พออีกเหรอ หรือต้องให้กูกลับไปก่อนแล้วค่อยมาใหม่”

“กูแค่ทักทายมั้ยล่ะดอกเตอร์” แพทแอบเบ้ปากเมื่อได้ยินต๊อดเรียกอีกฝ่ายว่าอย่างนั้น

“โลกกลมจังเลย อาจารย์เป็นเพื่อนกับต๊อดด้วย” คนไม่รู้อิโหน่อิเหน่งงเป็นไก่ตาแตกเมื่อแพทเรียกเพื่อนตนว่าอาจารย์

“ก็ไม่คิดว่าจะเจอนักศึกษาที่นี่เหมือนกัน”

ถึงแม้จะไม่ใช่คนหัวไวแต่ต๊อดก็พอจะเดาออกว่าทั้งคู่กำลังเขม่นกันด้วยเรื่องบางอย่างในฐานะนักศึกษากับอาจารย์ผู้สอนอย่างนั้นเหรอ

ไอ้แพทเอ้ย รอเขามาตั้งนานแต่กลับต้องมาเจอกันอีกครั้งในฐานะนักศึกษากับอาจารย์เนี่ยนะ

ต๊อดอยากจะหัวเราะ







[T B C]



เพราะว่าคุณครูพี่มินผ่านพิจารณากับสำนักพิมพ์
ด้วยความเกรงใจเราจึงจำต้องเก็บบางส่วนเอาไว้ในเล่มค่ะ
อ่านช่วงแรกๆ ของตอนคงจะงงใช่มั้ยคะ ว่าอะไรคือ 4 ปี พี่มินทิ้งน้องไปตั้งแต่ตอนเป็นเด็กไม่ใช่เหรอ
ถ้าหมายถึงส่วนแรกก็ใช่ค่ะ
แต่ในเล่มที่จะตีพิมพ์เราเพิ่มช่วงที่พี่แพทเรียนมัธยมและได้เจอกับพี่มินอีกครั้งเข้าไป เป็นเรื่องราวน่ารักๆ ใสๆ ฉบับเด็กวัยรุ่น เราจะเรียกส่วนนี้ว่าส่วนที่ 2 นะ
เรื่องราวตอนนี้ต่อจากส่วนที่ 2 นั่นเอง ระยะเวลาห่างกัน 4 ปี
พี่มินกลับมาคราวนี้รับรองว่าพี่แพทไม่ปล่อยไปอีกแน่
ฝากติดตามด้วยนะคะ :)

พูดคุยกันต่อที่ #คุณครูพี่มิน




หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 9 {Up.130918}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-09-2018 02:13:45
ตกลงส่วนที่ขาดหายไปช่วงที่พี่แพทเรียนมัธยม จะได้อ่านก็ต่อเมื่อซื้อหนังสือแม่นก่อ เริ่มเก็บเงินได้แล้วเรา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 9 {Up.130918}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-09-2018 09:21:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

หายไปนาน  กลับมาแทบต่อไม่ติด

มิหนำซ้ำ  ยังมีห้วงเวลาหนึ่งหายไปอยู่ในเล่มอีกต่างหาก
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 10 {Up.150918}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 15-09-2018 18:23:28
คุณครูพี่มิน 10



“พวกมึงทำให้กูกินข้าวไม่อร่อย” คนเป็นเจ้าของบ้านวางช้อนลงพลางกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์

ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันต๊อดก็อยากกินข้าวอร่อยๆ แล้วก็พักผ่อน แต่ดันมาเจอคนนั่งเขม่นกันที่โต๊ะอาหารซะงั้น

โคตรเซ็งเลย

“จ้องกันอยู่นั่นแหละไอ้ห่า ถ้าเป็นปลาทองแม่งท้องไปแล้ว มีอะไรก็ไปเคลียร์กันกูจะแดกข้าว”

“แพทก็จะกินข้าวเหมือนกัน”

“กินจริงจังมากไอ้สัดเอ้ย ข้าวมึงจะหมดจานแล้ว” ต๊อดประชดพลางจ้องเขม็งไปยังจานข้าวของคนอายุน้อยที่สุดซึ่งข้าวยังไม่พร่องไปแม้แต่นิดเดียว

“ต๊อดพูดกับน้องไม่เพราะเลยอะ”

“ฟ้องพี่มินของมึงซะสิ” ต๊อดตอบกลับพลางตักอาหารใส่จานข้าวตัวเองจนอยู่ในสภาพเหมือนอาหารร้านข้าวราดแกง

“ไม่มีแล้วมั้งพี่มินของแพท ที่นี่มีแต่ดอกเตอร์เมฆ”

“กูถึงบอกไงว่าให้พวกมึงเคลียร์กันซะ” ว่าจบต๊อดก็ถือจานข้าวลุกขึ้น เดินออกจากตรงนั้นเพื่อเปิดโอกาสให้คนทั้งคู่ได้เคลียร์ปัญหาคาใจกันเสีย

เขาในฐานะคนกลาง บอกเลยว่าสถานการณ์แบบนี้มันอึดอัดเหมือนคนไม่ได้ปลดทุกข์หนักมาเป็นเวลานาน

คล้อยหลังต๊อดคนที่นั่งอยู่กันคนละฝั่งของโต๊ะก็ยังไม่ละสายตาจากกันแม้แต่วินาทีเดียว

“พี่มินมีอะไรจะพูดรึเปล่า”

“เรื่องอะไรล่ะ”

น้ำเสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์ของคนตรงหน้าทำให้แพทไม่พอใจ ชายหนุ่มแอบเบ้ปากก่อนเอ่ยถามเรื่องที่คาใจตนเสียเอง “มาเป็นอาจารย์ที่มหา’ลัยได้ยังไง”

“ขั้นตอนมั่นยุ่งยาก ถ้าจะให้เล่าตอนนี้ก็ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่”

“ยาวแพทก็จะฟัง” แพทว่าอย่างดื้อรั้น หากมินก็ไม่คิดจะเล่า เขาตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวทำอย่างนั้นซ้ำๆ จนคนรอเริ่มหงุดหงิด

ตามใจตัวเองเข้าไปเถอะ เพราะอีกเดี๋ยวคงไม่มีโอกาสได้ทำแล้ว

แพทมองหน้าคุณครูพี่มินของตนแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ท่าทางของเด็กหนุ่มตรงหน้าทำให้มินรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างประหลาด คล้ายกับว่ากำลังจะมีภัยคุกคาม

ทั้งคู่ทานมื้อเย็นกันเงียบๆ อยู่พักใหญ่จนแพททนต่อความเงียบไม่ไหว

แพทตักไก่จ๊อทอดใส่จานให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันแล้วว่า “กินเยอะๆ พี่มินรู้มั้ยว่าตัวเองเองผอมลงมากเลย”

มินมองหน้าแพทอย่างนึกขอบคุณก่อนตักไก่จ๊อเข้าปาก

คงเพราะการมารับตำแหน่งที่มหา’ลัยมีขั้นตอนมากมายและยังต้องดำเนินการในระยะเวลาอันกระชั้นชิดมินจึงทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปเพื่อการนั้นโดยไม่หลับไม่นอน ไม่สนใจแม้กระทั่งอาหาร

ตลอดเวลาที่อยู่ต่างประเทศเขาใช้ชีวิตอย่างนั้นราวกับเป็นเรื่องปกติ

การใช้ชีวิตลำพัง ไม่มีใครดูแล ทำให้ลืมห่วงตัวเองไปในบางที

“ก่อนจะกลับมาก็น่าจะบอกกันบ้างนะ แพทจะได้ไปรับ”

“ไม่อยากรบกวน”

“รบกวนอะไรล่ะ ถ้าเป็นพี่มิน ไม่ว่าจะขอให้ทำอะไรแพทก็เต็มใจทำให้หมดเลยนะ”

“ขออะไรก็ทำให้ได้หมดเลยจริงๆ เหรอ”

“อื้อ หมดเลย” ทันทีที่แพทรับปากรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏบนใบหน้าคนเป็นดอกเตอร์ให้คนมองรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

“ตั้งใจเรียนให้ดูหน่อยสิ”

“ตั้งใจอยู่แล้วน่า”

“แต่วันนี้คุณไม่ตั้งใจเลย”

“เพราะใครกันล่ะ” แน่นอนว่าเพราะเขาเองใครไม่รู้ก็บ้าแล้ว แพทเล่นนั่งจ้องกันทั้งชั่วโมงเรียนขนาดนั้น

“ถ้าผมทำให้ไม่มีสมาธิก็ทำเรื่องถอนวิชานี้ซะสิ”

“ไม่เอาหรอกวิชาที่พี่มินสอนลงโคตรยากเลย” พี่มินไม่รู้หรอกว่ากว่าแพทจะลงเรียนวิชานี้ได้หมดกาแฟเซเว่นไปกี่แก้วกและต้องนอนตาแข็งไปกี่คืน ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางถอนหรอก

“ยิ่งรู้แบบนี้ก็ยิ่งต้องตั้งใจเรียน”

“รู้แล้วน่า อาจารย์ก็ช่วยลดเสน่ห์ลงบ้างก็แล้วกัน ผมจะได้มีสมาธิ”

“ถึงได้บอกไงว่าถ้าคิดว่าตัวเองไม่ไหวก็อย่าฝืน”

“ทำไมพี่มินต้องมาสอนวิชานี้ด้วยก็ไม่รู้” แพทตัดพ้อโชคชะตา กลับมาเจอกันในรอบ 4 ปีทั้งทีแต่ดันตกอยู่ในสถานะที่ยากต่อการสานสัมพันธ์

“บ่นไปก็ไม่เกิดประโยชน์หรอกน่า”

“พวกเราต้องแย่แน่ๆ เลย” ไม่แน่ใจว่าแย่ในแง่ไหนแต่แพทก็ดูเป็นกังวลมากจนคนเป็นอาจารย์ผู้สอนต้องปลอบใจ

“มันไม่ได้ยากขนาดนั้นซักหน่อย”

“แพทไม่ได้กังวลเรื่องเรียนนะ”

“อ้าว แล้ว...”

“แพทกังวลเรื่องของเราต่างหาก”

นั่นสินะ พวกเขาต้องแย่แน่ๆ เลย















แพทบอกว่าจะไปส่ง ก่อนเจ้าตัวจะหายไปแล้วกลับมาพร้อมมอเตอร์ไซค์ภายในเวลา 10 นาที เห็นอย่างนั้นแล้วคนรอก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไปเอารถมาจากที่ไหน

“สวมหมวกกันน็อคด้วยนะ แพทไม่อยากถูกตำรวจจับ” ว่าพร้อมกับช่วยสวมหมวกกันน็อคอย่างคล่องแคล่ว

“จะขี่นี่ไปส่งเหรอ”

“ใช่ ทำไม พี่มินไม่ไว้ใจแพทเหรอ”

“ไม่รู้สิ ก็ไม่เคยซ้อน”

“เดี๋ยวก็จะได้ซ้อนบ่อยๆ แล้ว”

“ใครเขาจะไปไหนด้วยบ่อยๆ ล่ะ”

“พี่มินนั่นแหละ”

มั่นใจเหลือเกินแฮะ แต่เพราะเป็นเวลาดึกแล้วมินจึงเลือกที่จะก้าวขึ้นคร่อมรถแทนการตอบโต้ และเหมือนกับแกล้งกัน พอมินไม่ยอมกอดเอวแพทก็เบรคบ่อยๆ จนสุดท้ายคนกลัวตกรถจำต้องยอมกอดเอวไว้หลวมๆ

“พี่มินพักที่ไหน”

“คอนโดที่เดิมแหละ จำไม่ได้แล้วเหรอ”

ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ แพทไปที่นั่นบ่อยกว่าไปหาพ่อซะอีก ไม่ว่าจะยามเศร้าหรือมีความสุขที่แห่งนั้นมักจะเป็นที่แรกที่อยากไปเสมอ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีใครรออยู่ที่นั่นก็ตาม

แต่ตอนนี้พี่มินกลับมาแล้ว นั่นคือความจริงที่ทำให้แพททั้งทุกข์และสุขในเวลาเดียวกัน

“อยากเข้าห้องน้ำจัง” แพททำเป็นเปรยเมื่อจอดมอเตอร์ไซค์แล้ว

“ตามมาสิที่ล็อบบี้มีห้องน้ำ”

“แค่ขอเข้าห้องน้ำเองทำไมงกจัง”

“เข้าห้องน้ำล็อบบี้ไม่ได้เหรอ” มินแสร้งถามเหมือนไม่รู้เจตนาของอีกฝ่าย

“ขอแพทขึ้นห้องได้มั้ยครับ”

“ก็แค่นั้นแหละ” มินส่ายหน้าให้คนอ้อมค้อม ถ้าบอกอย่างนี้ตั้งแต่แรกป่านนี้คงนั่งสบายอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีแล้ว

ภายในคอนโดพี่มินไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อ 4 ปีก่อนมากนัก และทั้งที่เคยอยู่ด้วยกันมาก่อน หากตอนนี้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาซะดื้อๆ

“แพทมาที่นี่บ่อยมาก”

“มาก็เข้าคอนโดไม่ได้ ว่างมากเหรอ”

“ก็ไม่หรอก ไม่ว่างแต่คิดถึง พี่มินน่ะหายไปอีกแล้ว”

หลังจากมินกลับต่างประเทศไป ในช่วงเดือนแรกๆ สถานการณ์ของทั้งคู่ดูเหมือนจะดี พวกเขายังคงติดต่อกันบ้าง อาจจะนานๆ ครั้งแต่ก็ยังถามไถ่สารทุกข์สุขดิบให้รู้ว่ายังมีกันและกันอยู่ กระทั่งช่วงที่แพทต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะเขาเอาแต่จดจ่อกับเรื่องเรียนจากที่คุยกันบ้างก็ห่างหายกันไป

พอแพทไม่ติดต่อไป มินก็ไม่ติดต่อมา กลายเป็นว่าต่างคนต่างเงียบ กระทั่งแพทเคลียร์เรื่องเรียนเสร็จสิ้นแล้วจึงพยายามติดต่อมินอีกครั้งแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก

เพราะว่ามินยุ่งอยู่ตลอดเวลา เขาทั้งเรียนและทำงานควบคู่กันไปด้วย กลับถึงบ้านหัวถึงหมอนก็หลับไป ชีวิตวนอยู่เช่นนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าควรหาความสุขใส่ตัวบ้างแต่ข้ออ้างเรื่องเวลาก็ถูกยกมาใช้เสมอ ทำให้ถึงแม้ตอนนี้อายุจะปาเข้าไปสามสิบกว่าปีแล้วแต่ประสบการณ์ชีวิตของมินช่างน้อยนิดจนน่าใจหาย

กระนั้นเจ้าตัวก็ไม่เคยเผยด้านนี้ให้ใครเห็น

“ใครหายไปก่อนกันแน่” พอถูกใส่ร้ายก็อดเถียงไม่ได้

“แพท ก็ต้องสอบเข้ามหา’ลัยนี่นา”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร รู้สึกดีซะอีกที่แพทเลือกอนาคตตัวเอง”

“พี่มินก็เป็นอนาคตของแพทนะ” คนที่เดินนำเข้าห้องไปก่อนหันกลับมาพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนทว่าแฝงไปด้วยความจริงจัง

มินละมือจากประตูที่เพิ่งปิดลง มองหน้าคนที่ตอนนี้อยู่ใกล้จนเห็นได้ชัดว่าแพทตัวสูงใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อ 4 ปีก่อนมากเพียงใด

“จำที่แพทเคยพูดไม่ได้เหรอ”

“พูดหลายอย่างเลยนี่”

“ที่บอกว่าอยากเป็นแฟน” แพทก้าวเข้ามาใกล้อีกแล้วใช้มือทั้งสองข้างยันบานประตูกักตัวเจ้าของห้องเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน “แพทโตแล้วนะ ปีนี้อายุ 20 แล้วด้วย เป็นแฟนกันได้ยัง”

ถ้าหากว่าในคำพูดจริงจังนั้นจะมีแววล้อเล่นซักนิดมินคงจะหัวเราะกลบเกลื่อนได้ แต่นี่ไม่มีเลย แพทจริงจังกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยคุยกัน

เรื่องขอเป็นแฟน ทำไมมินจะจำไม่ได้ อ้อมกอดอุ่นๆ ในคืนนั้นยังช่วยให้มินนอนหลับฝันดีทุกคืน สร้อยข้อมือที่แพทซื้อให้เขาก็ยังเก็บมันไว้กับตัวเสมอ

แน่นอนว่าความรู้สึกพิเศษมันมีอยู่แล้ว แต่ด้วยสถานะของพวกเขาตอนนี้มันไม่เอื้ออำนวยเลยแม้แต่นิดเดียว

“ผมเป็นอาจารย์คุณนะภัทรดนัย”

“ก็เป็นแค่ในห้องเรียนไปสิ” แพทว่าอย่างเอาแต่ใจ เขาตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางถอนวิชาเรียนของดอกเตอร์เมฆเด็ดขาด เพราะถ้าเก็บตัวนี้ไม่ได้ในเทอมนี้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะลงเรียนได้อีก

“ทำแบบนั้นได้ที่ไหนกัน”

“แต่ถ้าพี่มินชอบการเป็นดอกเตอร์เมฆมากล่ะก็ แพทไม่เกี่ยงหรอกนะ ความสัมพันธ์อันตรายแบบนั้น...” แผ่นหลังของมินแนบไปกับบานประตูเพื่อรักษาระยะห่างจากคนที่โน้มใบหน้าเขามาใกล้ด้วยท่าทีคุกคาม รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าหล่อเหลายิ่งทำให้สถานการณ์ตอนนี้ดูอันตรายจนแทบจะหายใจไม่ออก “ตื่นเต้นดีออก ใช่มั้ยล่ะ”

เสียงพร่ากระซิบข้างหู ไม่ปฏิเสธว่าความสัมพันธ์แบบนั้นมันตื่นเต้นและทำให้ชีวิตมีสีสันดี แต่ถ้าเป็นไปได้มินก็ไม่อยากเสี่ยง

ทั้งที่ตั้งใจกลับมาหาแพทแท้ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าต้องมาเจอกับเรื่องราวไม่คาดฝันแบบนี้

ใครจะอยากเป็นแค่อาจารย์ผู้สอนกับนักศึกษากันล่ะ เจ้าบ้าเอ้ย

“ตอนนี้ดอกเตอร์ก็กำลังตื่นเต้นอยู่ใช่มั้ยล่ะ” ลมหายใจอุ่นรินรดข้างแก้ม มินรับรู้ได้ถึงปลายจมูกที่คลอเคลียอยู่ ไม่ปฏิเสธว่ากำลังตื่นเต้นจริงๆ ร่างกายของเขาสั่นไปหมดแต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเขาจะแสดงความอ่อนหัดไม่ได้เด็ดขาด

คิดอย่างนั้นแล้วคนอายุมากกว่าก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง จ้องมองเข้าไปในดวงตาอีกฝ่ายอย่างท้าทายโดยไม่รู้เลยว่าแววตาของตนนั้นสั่นไหวเพียงใด

ไม่รู้ด้วยแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเป็นดอกเตอร์เมฆหรือคุณครูพี่มินก็น่ารักซะจนแพทหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลย  และยิ่งทำเป็นเก่งก็ยิ่งน่าแกล้งจนอดใจไว้ไม่ไหว

แอบหอมแก้มซักทีดีมั้ยนะ ถึงแม้จะอยากหอมแต่แพทก็ไม่ทำหรอก มันเด็กไป ผู้ใหญ่นะเขาต้อง...

มินชาวาบไปทั้งกายเมื่ออยู่ๆ แพทก็ก้มลงมางับเข้าที่ลำคอเบาๆ แล้วกดจูบลงมา

ร่างกายร้อนฉ่าเช่นเดียวกับใบหน้าที่เห่อร้อน

แพทกลับมายืนตัวตรง เขาใช้ดวงตากรุ้มกริ่มกวาดมองคนตรงหน้า และเพียงกระตุกข้อมือเบาๆ ร่างเพรียวก็ถลาเข้ามาให้กอดแล้ว

ร้ายจริงๆ ร้ายที่สุด มินคิดขณะที่ปล่อยให้อีกฝ่ายกระชับกอด แขนเรียวยกขึ้นแล้วปล่อยลงคล้ายกำลังชั่งใจว่าควรกอดตอบดีมั้ย หากสุดท้ายก็ตัดใจทิ้งแขนเรียวลงข้างลำตัว

“อาจารย์หนีผมไม่พ้นหรอก” เสียงพร่ากระซิบขณะยัดบางอย่างใส่กระเป๋ากางเกงของมิน

ถึงแม้ว่าแพทจะออกจากห้องไปแล้ว แต่คนเป็นเจ้าของห้องกลับยังยืนอยู่ที่เดิมกับสติที่ยังเรียกกลับมาได้ไม่หมด

มินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เพียงแค่สัมผัสกระดาษแข็งขนาดเท่านามบัตรก็รู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร

คูปองสะสมความดี เครื่องที่ช่วยย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งเขาเคยหลอกลวงเด็กไร้เดียงสาให้เฝ้ารออย่างไร้จุดหมาย เป็นเครื่องย้ำว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร เขาก็แค่คนธรรมดาคนนึงเท่านั้น

มินยิ้มให้สติกเกอร์คุณพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง คงจะถึงเวลาที่เขาต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้วจริงๆ















ถึงแม้จะบอกว่า ‘อาจารย์หนีผมไม่พ้นหรอก’ แต่เอาเข้าจริงมินยังไม่ทันหนีไปไหนเลย เป็นเจ้าเด็กนั่นซะอีกที่ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว

มินทอดสายตาผ่านห้องกระจกของโชว์รูมรถขณะกำลังรอต๊อด เจ้าบ้านั่นไม่เคยตรงเวลาเลยซักครั้ง และคงเป็นนิสัยที่ไม่มีทางแก้ได้

ตั้งใจโทรหาเพื่อนตนอีกครั้ง แต่สายตาดันไปสะดุดเข้ากับร่างสูงในชุดนักศึกษาที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบตรงเข้ามา รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาชื้นเหงื่อทันทีเมื่อสบตากัน

ต๊อดส่งตัวแทนมาแน่ๆ

“รอนานมั้ยครับอาจารย์” แพททักทายด้วยเสียงหอบเหนื่อย

“ต๊อดขอให้มาเหรอ”

“ผมเต็มใจนะ กลับกันเลยมั้ย กุญแจรถอยู่ไหนล่ะ” กุญแจรถอยู่ในกระเป๋ามินนี่แหละ แต่เขากำลังลังเลว่าจะให้แพทขับรถคันใหม่ของตนจริงๆ เหรอ

“มีใบขับขี่รึเปล่า”

“มีสิ จะดูมั้ยล่ะ”

“ก็เอามาสิ”

“ถ้าไม่มีหลักฐานก็จะไม่เชื่อเหรอ”

“อือ”

“ก็ได้ครับอาจารย์ รอซักครู่นะ” กระเป๋าสตางค์ถูกล้วงออกมา ก่อนเจ้าของมันจะหยิบใบขับขี่แล้วยื่นมาให้คนขอดู ในตอนนั้นเองที่มินสังเกตุเห็นสร้อยข้อมือ

“ยังใส่อยู่อีกเหรอ”

“หมายถึง...” แพทนิ่งแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนมองไปยังข้อมือตน “อ๋อ ใส่ทุกวันแหละ แล้วอาจารย์ล่ะ ทิ้งไปแล้วเหรอ”

“น่าจะอยู่ที่ห้อง” ซะเมื่อไหร่ล่ะ เพราะมินสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวเป็นหลักจึงไม่มีใครเห็นว่าบนข้อมือข้างขวานั้นถูกประดับด้วยกำไลเก่าๆ อยู่ตลอดเวลา

“งั้นเหรอ ผิดหวังจัง นึกว่าใส่ไว้ตลอดซะอีก”

“มันเก่าแล้ว ใส่แล้วเสียบุคลิก”

“ไม่เห็นเป็นไรเลย แพทไม่คิดมากเหมือนอาจารย์หรอก”

“ขับรถบ่อยมั้ย” มินเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับคืนใบขับขี่ให้พร้อมกุญแจรถ

“ไม่อะ ปกติขี่มอเตอร์ไซค์”

“มันอันตราย”

“แพทระวังน่า นี่ก็ขี่มาหลายปีแล้วไม่เคยเป็นอะไรเลย แต่ก็ดีใจนะที่อาจารย์เป็นห่วง”

“ยังไม่ได้บอกว่าเป็นห่วงซักคำเลย”

“รู้น่า โตแล้ว”

มินอดคิดไม่ได้ว่าแพทเถียงเก่งเหมือนใคร แน่นอนว่าคนแรกที่แว้บเข้ามาในหัวคือต๊อด เหมือนมากราวกับจับวาง เห็นต้องเก็บไว้แซวต๊อดซักหน่อยแล้ว

ถึงแม้จะไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน แต่รถบนถนนของเมืองหลวงก็ยังคงจอดกันทำเหมือนกับตรงนี้คือลานจอดรถ แพทเชื่อมต่อมือถือตนเข้ากับรถแล้วเปิดเพลงด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับเป็นรถตนเอง พอได้ฟังเพลงที่ชอบแล้วค่อยหันมาชวนเจ้าของรถตัวจริงคุย

“ทำไมพี่มินไม่ขับกลับเองล่ะ รถตัวเองแท้ๆ”

“ผมนึกว่าคุณลืมไปแล้วซะอีกว่านี่รถผม” เห็นท่าทางก่อนหน้านี้ของแพทแล้วก็อดแซวไม่ได้จริงๆ

“อีกเดี๋ยวก็ต้องมาเป็นพลขับให้พี่มินบ่อยๆ”

“ถามผมซักคำรึยัง”

“ไม่เห็นจำเป็นต้องถาม” แพทว่าราวกับตัวเองมีใบเหนือกว่า แต่ก็ถูกต้องแล้วในเมื่อแพทมีการ์ดความดีเป็นร้อยใบ

“เอาแต่ใจเหมือนตอนเด็กไม่มีผิดเลย”

“ใช่ แพทเอาแต่ใจมาก พี่มินเตรียมตัวไว้เลย”

ไม่รู้หรอกว่าแพทคิดจะทำอะไร แต่เขื่อเถอะว่ามินรอคอยที่จะทำตามใจอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ

“ไหนๆ ก็ซื้อรถใหม่แล้ว เสาร์อาทิตย์นี้เราขับรถไปเที่ยวต่างจังหวัดกันมั้ย

“ไม่ล่ะ ผมไม่ว่าง”

แพทแอบยู่หน้าเมื่ออีกฝ่ายตอบคำถามทันทีอย่างไม่ต้องคิด “ทำไมไม่ว่างล่ะ เสาร์อาทิตย์แท้ๆ”

“ต้องเตรียมการสอนให้พวกคุณไง” ได้ยินคำตอบแล้วแพทก็อดคิดไม่ได้ว่าไม่ว่าจะผานไปนานแค่ไหนความขยันของพี่มินก็ไม่เคยลดลงเลยมีแต่จะเพิ่มขึ้น ถ้าความรักความเอ็นดูที่มีต่อเขาเพิ่มขึ้นแบบนี้บ้างก็คงดี

“ขยันจังเลยครับอาจารย์ ว่าแต่คนขยันจะกลับห้องเลยจริงๆ เหรอ ไปที่นึงด้วยกันก่อนสิ” ยังไม่ทันปฏิเสธการ์ดใบหนึ่งก็ถูกวางลงบนคอนโซลรถอย่างใจเย็น

ได้เวลาหงายการ์ดแล้วสินะ

“ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะครับ”

“จะเอาอย่างนี้เหรอ”

“พี่มินเป็นคนทำข้อตกลงนี้เอง และบอกไว้เลยว่าตอนเด็กแพทเป็นเด็กดีมาก การ์ดความดีน่ะ ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดหรอก”

“แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เด็กดีแล้ว”

“ก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายจะดีกับเราแค่ไหน”

“ผมไม่ดีกับคุณเหรอ”

“ก่อนถามผม อาจารย์ถามตัวเองก่อนดีกว่า” ก็อยากจะดีด้วยอยู่หรอก แต่แพททำตัวไม่น่ารักเอาซะเลย ทั้งเข้าเรียนสาย ทั้งทำตัวรุ่มร่าม เจ้าเล่ห์อีกต่างหาก แพทตอนนี้น่ะเหมือนคนละคนกับเด็กคนนั้นเลย

ถึงแม้จะรู้สึกขัดใจในบางครั้งแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเสน่ห์แบบนี้ล่ะมั้งที่ทำให้มินยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อกลับมา

“อาจารย์ช่วยรับโทรศัพท์ให้หน่อยสิ” ระหว่างขับรถไม่ควรโทรใช่มั้ยล่ะ และใครกันนะช่างโทรมาได้เวลาเสียจริงๆ

คนถูกขอร้องลังเลนิดหน่อยแต่ก็ยอมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของพลขับจำเป็นแต่โดยดี

“อย่าล้วงลึกนะครับ”

“จะล้วงลงไปทำอะไรลึกๆ ล่ะ”

“ก็ไม่รู้สิ แต่ถ้าอาจารย์อยากล้วงผมก็เต็มใจนะ”

“เธอนี่มัน จริงๆ เลย” ไม่รู้ว่าควรจะรับมือกับความร้ายกาจนี้อย่างไรดี มินจึงเลี่ยงบทสนทนาด้วยการกดรับสายแล้วเอามือถือไปแนบหน้าอีกฝ่าย

คนที่โทรเข้ามาคือเซียน มีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอกที่เซียนจะโทรมาหา 1.ชวนไปเป็นหน้าม้าเวลามันไปเล่นดนตรี 2.ดื่มเหล้าเล่นเกมส์อะไรก็ว่าไป และทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งสิ้น

“กูไม่ว่าง”

“อะไรวะ กับเพื่อนกับฝูง ให้ความสำคัญกันหน่อยไม่ได้เหรอ” เสียงปลายสายโวยวายดังลอดลำโพงออกมาให้บุคคลที่สามได้ยินชัดเจน

“ขอโทษว่ะ พอดีว่าคนที่นั่งข้างกูตอนนี้สำคัญกว่ามึงเยอะ แค่นี้...” ไม่รอให้อีกฝ่ายอุทธรณ์แพทก็ชิงตัดสายไปเลย โชคดีหน่อยที่รถติดไฟแดงพอดี

ถ้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องโกหก การได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าตนสำคัญนั้นทำให้คนที่ไม่เคยเอาตัวไปเฉียดใกล้ความรู้สึกรักใคร่หวั่นไหวมากทีเดียว แต่ความเป็นผู้ใหญ่กว่ามันค้ำคอให้ไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา

แพทน่ะ ร้ายจะตาย ถ้าเกิดว่าแสดงจุดอ่อนให้เห็นล่ะก็ต้องโดนเล่นงานแน่ๆ

“อาจารย์ชอบรถติดมั้ย”

“ใครจะชอบล่ะ”

“เมื่อก่อนผมก็ไม่ชอบหรอก แต่ตอนนี้โคตรชอบเลย”

ไม่ต้องพูดต่อก็รู้ว่าแพทต้องการจะสื่ออะไร คนหยอดเก่งยอมปล่อยมือมินก่อนจะโน้มลำตัวเข้าไปกอดพวงมาลัยเอาไว้ แล้วมองมายังคนข้างๆ ด้วยสายตาหวานเชื่อมสื่อความหมาย

การรอคอยผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสมอ และทุกครั้งที่รอไฟแดงไม่มีซักครั้งที่จะไม่หัวเสีย เพราะสัญญาณไฟเขียวนั้นช่างแสนสั้น รอแล้วรอเล่าก็ไม่ถึงคิวรถตัวเองซักที แต่วันนี้นอกจากจะไม่หัวเสียแล้วแพทยังอยากติดไฟแดงไปเรื่อยๆ อยากมองหน้าพี่มินยามเขินเช่นนี้ไปอีกนานๆ

เจ้าตัวคงไม่รู้แน่เลยว่าตอนนี้ใบหน้าใสขึ้นสีแดงเด่นชัดแค่ไหน

ทำไมคนอายุ 30 กว่าแถมยังเป็นถึงดอกเตอร์ต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้















ถึงแม้ว่ารสสัมผัสจะหายไปตามกาลเวลา หากความทรงจำของจุมพิตแรกยังคงชัดเจนเสมอ

มินตกใจนิดหน่อยตอนที่แพทเลี้ยวรถเข้ามาในสวนสาธารณะที่ซึ่งเป็นครั้งแรกของพวกเขาในหลายๆ เรื่อง พอพาเดินมายังจุดเกิดเหตุแล้วเจ้าตัวก็ทิ้งกันเอาไว้ โดยไม่พูดไม่จาซักคำ

ชิงช้าเล็กเกินไปสำหรับผู้ใหญ่ ถึงแม้จะตระหนักดีแต่มินก็ดันทุรังที่จะนั่งมัน

และเพียงหย่อนก้นลงบนชิงช้าความทรงจำมากมายก็หลั่งไหลเข้ามาให้คิดถึง

เจ้าตัวเล็กช่างเจรจาหายไปแล้วเหลือเพียงชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าพร้อมไอศกรีมโคนรสวนิลากับช๊อคโกแล๊ตอย่างละอัน

“อาจารย์เอาอันไหนครับ”

“อันไหนก็ได้”

“ผมเลือกไม่ได้อะ อาจารย์เลือกหน่อยสิ”

“วนิลาก็ได้”

“ที่จริงแพทก็อยากกินรสวนิลาเหมือนกันนะ”

“งั้นเอาช๊อคโกแล็ตมา”

“อยากกินช๊อคโกแล็ตด้วยอะ”

“งั้นก็กินหมดทั้ง 2 อันเลยสิ”

“กินไม่หมดหรอก”

“เรื่องเยอะจัง มัวแต่เรื่องเยอะไอศครีมละลายหมดแล้ว”

“งั้นเอาอันนี้ไปแล้วกันเนอะ” กว่าจะยอมยื่นไอศครีมรสวนิลามาให้มันก็ละลายและไหลลงมาเลอะมือแล้ว และแทนที่จะเช็ดมือดีๆ ด้วยผ้าเช็ดหน้าที่มินส่งให้แต่แพทกลับเลือกที่จะทำความสะอาดมันด้วยลิ้น

“ไปล้างมือดีๆ สิ”

“วนิลาก็อร่อยดีอะ ขอกินอีกได้มั้ย” แพทไม่สนใจคำพูดของมินด้วยซ้ำ พอเลียไอศครีมที่เลอะมือตัวเองหมดก็มองมายังไอศครีมรสวนิลาในมือมินด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

ทั้งที่บอกเองว่าตัวเองโตแล้วแต่การกระทำตอนนี้ไม่ต่างจากเด็ก 5 ขวบเลย

“กินช๊อคโกแล็ตในมือให้หมดก่อนมั้ยแล้วค่อยมาขอ”

“ถ้ากินนี่หมดแล้วจะให้กินด้วยเหรอ”

“ก็รีบกินของตัวเองให้หมดซะสิ” สิ้นคำแพทก็นั่งลงบนโต๊ะไม้หันหน้าเข้าหามินที่นั่งอยู่บนชิงช้า พยายามกินไอศครีมที่ค่อยๆ ละลายด้วยความเร็ว แต่เพราะมันเย็นมากจึงทำได้เพียงค่อยๆ เลีย ต่างจากมินที่ค่อยๆ ใช้ริมฝีปากงับทีละนิด ไม่รู้ว่าคิดมากไปรึเปล่า แต่ท่าทางแบบนั้นของพี่มินทำให้แพทรู้สึกเขินขึ้นมานิดหน่อย

แอบคิดทะลึ่งว่า...

ไม่เอาดีกว่า เหตุการณ์ยามนี้มันควรจะโรแมนติกสิ

มินไม่แน่ใจว่าไอศครีมรสวนิลาที่กำลังกินกับสายตาแพทที่มองมาอันไหนหวานกว่ากัน

“พี่มินชอบมั้ย” แพทเอ่ยถามเมื่อส่งส่วนปลายของไอศครีมโคนเข้าปากไปเป็นชิ้นสุดท้าย

“ก็อร่อยดีนี่”

“แพทอร่อยกว่าอีก ลองชิมมั้ย”

“เคยชิมแล้วไง เค็ม” จริงด้วย พี่มินเคยชิมแพทไปเต็มคำเมื่อ 4 ปีก่อน

“ลองชิมใหม่สิ ตอนนั้นพี่มินชิมที่ไหล่ใช่มั้ยล่ะ ตอนนี้ชิมที่ปากสิรับรองหวานจนติดใจเลยล่ะ” คนฟังได้แต่ส่ายหน้าให้กับความทะลึ่งตึงตังที่ดูเหมือนจะพัฒนาขึ้นมาพร้อมกับความเป็นผู้ใหญ่ของแพท

“ใช้มุกนี้บ่อยล่ะสิ”

“นอกจากพี่มินแล้ว แพทก็ไม่เคยคิดจะพูดแบบนี้กับใคร” ถึงแม้แพทจะพูดทีเล่นทีจริงแต่ในดวงตาเขาไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่นิดเดียว

มินไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก แต่ก็ปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าแพทจะพูดอะไร ดูเหมือนว่าพี่มินคนนี้จะพร้อมเชื่อทุกอย่างเลย อ่อนหัดซะไม่มี

“สรุปแล้วคือจะไม่ชิมแพทใช่มั้ย”

“ใครจะอยากชิม”

“งั้นแพทขอชิมพี่มินหน่อยสิ”





[T B C]



เพื่อความสุนทรีในการอ่านเราจะพยายามมาอัพให้บ่อยเท่าที่จะทำได้นะคะ
และเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ไม่สามารถอัพช่วงพี่แพทเป็นเด็กวัยรุ่นให้อ่านในเว็บได้ด้วย
หวังว่าจะยังอยู่ด้วยกันไปจนกว่าพี่แพทกับพี่มินจะแฮปปี้เอนดิ้งนะ

ไม่สะดวกคอมเมนต์ก็แวะมาที่แฮชแท้ก #คุณครูพี่มิน นะ


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 10 {Up.150918}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2018 18:37:45
ตกลงพี่มินหวานไหมอ่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 10 {Up.150918}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-09-2018 18:57:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

เหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อน  ใครเป็นคนเริ่มอ่ะ?
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 10 {Up.150918}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-09-2018 20:40:06
นานแล้วเพิ่งได้อ่านต่อ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 10 {Up.150918}
เริ่มหัวข้อโดย: TheBig ที่ 18-09-2018 15:29:09
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 10 {Up.150918}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-09-2018 00:35:15
แพท  พี่มิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 11 {Up.190918}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 19-09-2018 19:52:54
คุณครูพี่มิน 11



ความรู้สึกตอนที่ถูกเจ้าคนอายุน้อยกว่าโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วเลียไอศครีมรสวนิลาที่ไหลลงมาที่มือยังคงชัดเจนราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ทั้งที่ผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม และเมื่อนึกถึงทีไรใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทุกครั้งไป

มินไม่เคยไม่ชอบตัวเองเลย เขาถูกจัดให้เป็นผู้ชายประเภทที่เรียกว่าเพอร์เฟคเลยก็ว่าได้ หน้าตาดี รูปร่างดี แต่งตัวดี มีมารยาท จบการศึกษาจากต่างประเทศ เป็นนักบรรยายเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ถูกนับหน้าถือตาในวงกว้างถึงแม้จะอายุเพียงสามสิบกว่าเท่านั้น ทั้งยังมีเป็นถึงดอกเตอร์ มินภาคภูมิใจกับทุกอย่างที่เขาเป็น

กระทั่งเจอแพทอีกครั้ง

เจ้าเด็กนั่นทำเขาปั่นป่วนไปหมด

ก่อนบอกลากันเมื่อ 4 ปีก่อน มินมั่นใจแหละว่าแพทชอบเขาแบบไหน และก่อนที่จะกลับมาเจอกันอีกครั้งเขาก็เตรียมใจมาแล้วถ้าหากความสัมพันธ์จะพัฒนา แต่ก็ไม่คิดว่าแพทจะร้ายขนาดนี้

ทุกการกระทำของแพทตั้งแต่พบกันทำให้มินรู้สึกว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตราย เป็นอันตรายที่ไม่ได้ทำให้ถึงตายแต่ส่งผลให้หัวใจอ่อนแอและร่างกายอ่อนปวกเปียก

“ให้โอไปเป็นเพื่อนมั้ย”

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวคุณยายหาว่าเธอเป็นแฟนเรา”

“ก็เป็นซะสิ”

“ไม่เอาด้วยหรอก”

ที่จริงมันก็ไม่ใช่บทสนทนาที่น่าสนใจเท่าไหร่ ถ้าหากคนในวงสนทนาไม่ใช่คนที่ทำให้มินนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว

คนซึ่งอยู่ในสถานะอาจารย์หยุดเดินก่อนปรายตามองไปยังต้นเสียง

แพทกำลังนั่งรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ วัยเดียวกัน แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่แพทก็ยังโดดเด่นสะดุดตา เด็กๆ กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส เห็นอย่างนั้นก็อดอิจฉาไม่ได้ มินน่ะไปเรียนต่างประเทศก็จริง แต่เขาก็อุทิศเวลาว่างแทบจะทั้งหมดไปกับการทำงานพิเศษเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารไทย นานๆ จะได้เที่ยวเล่นกับเพื่อนซักที พอเริ่มทำงานมีเงินเดือนก็ทุ่มเทมันให้กับการเรียนอีก เป็นอย่างนี้เรื่อยมาตลอดหลายปี

ถ้าวันนั้นเขาเลือกเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ไทย ตอนนี้พวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ

แต่ก็อย่างว่าแหละ คิดไปก็เปล่าประโยชน์

มินละสายตาจากกลุ่มนักศึกษาก่อนออกเดินอีกครั้ง แต่เดินยังไม่ทันพ้นตึกใครบางคนก็วิ่งเข้ามาเดินข้างๆ กัน

ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก แพทนั่นเอง

“วันนี้ก็มีสอนเหรอ”

“มีสอนทุกวันแหละ”

“แบบนี้ก็เหนื่อยแย่เลยสิ”

“คุยกับคุณเหนื่อยกว่าอีก”

“เอาพี่มินคนที่ใจดีๆ คืนมาเลยนะ”

“งั้นคุณก็เอาพี่แพทคนที่น่ารักๆ คืนผมมาก่อนสิ”

“แล้วตอนนี้ไม่น่ารักยังไง”

“ยังจะถามอีก”

“ก็ไม่รู้ไงก็เลยถาม”

“พี่แพทน่ะตัวเล็กเท่านี้” มินทิ้งมือลงข้างตัวบริเวณแถวๆ เอวเพื่อบอกความสูงของพี่แพทเมื่อครั้งแรกที่เจอกัน เห็นอย่างนั้นคนฟังก็อดที่จะเบะปากหมั่นไส้ไม่ได้เลย

“จะไม่ให้พี่แพทโตเลยรึไงครับ”

“ถ้าตัดเรื่องความเป็นเด็กความเป็นผู้ใหญ่ออกไป พี่แพทน่ะเป็นเด็กที่น่าเอ็นดูมากๆ เลย”

“น่าเอ็นดู” แพททวนคำก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วยิ้มร้าย “แพทคนนี้น่าเอ็นดูกว่าพี่แพทของอาจารย์อีก เดี๋ยวจะพิสูจน์ให้ดูวันหลัง เพราะวันนี้แพทไม่ว่าง กลับตึกดีๆ นะ ไว้เจอกัน”

มินงงนิดหน่อยที่คนขี้ตื๊อบอกลากันง่ายๆ แบบนี้ เขามองเด็กหนุ่มที่วิ่งห่างออกไปจนลับตา นึกสงสัยอยู่ว่ารีบอะไรของเขานักหนา กระนั้นก็ไม่ได้เอาความสงสัยมาใส่ใจมากนัก















แพทกำลังอารมณ์ไม่ดีมากๆ เขาเดินทอดน่องมาจากร้านทำผมด้วยความหงุดหงิดสุดขีดหลังจากวางสายคุณพ่อไป

พ่อนะพ่อ สัญญากันไว้แล้วแท้ๆ

“ไงสุดหล่อ ใส่สูทซะด้วยไปไหนมาเนี่ย” ต๊อดร้องทักอย่างคนอารมณ์ดีโดยไม่ดูสีหน้าแพทเลย มันน่าโมโหมั้ยเนี่ย

“แพทกำลังอารมณ์ไม่ดีนะต๊อด”

“แต่งตัวอย่างหล่อแต่เสือกอารมณ์ไม่ดี เสียของหมด”

“มีกฏหมายข้อไหนห้ามคนหล่ออารมณ์เสีย”

“มึงใจเย็นเหอะว่ะ เกิดไรขึ้น ไหนเล่าดิ๊”

“ก็พ่ออะดิ…” ทั้งที่สัญญากับแพทแล้วแท้ๆ ว่าจะไปงานแต่งคุณแม่ด้วยกัน นัดกันไว้ซะดิบดี สุดท้ายก็เทกันกลางอากาศ

“พ่อมึงเขาก็มีธุระของเขา ไปคนเดียวก็ไม่เห็นเป็นไร”

“ทำไมจะไม่เป็นล่ะ ต๊อดไม่ใช่แพทต๊อดไม่รู้หรอก ที่จริงแพทก็เข้าใจพ่อนะ ไม่ได้โกรธอะไร”

“แล้วมึงอารมณ์เสียเรื่องอะไรล่ะถ้างั้น”

“ก็คุณยายน่ะสิ ถ้าแพทไปงานแต่ง แพทต้องเจอคุณยายแน่ๆ คุณยายน่ะชอบถามเรื่องส่วนตัว แล้วก็บ่น แค่คิดว่าต้องรับมือคุณยายคนเดียวก็สยองแล้ว”

“แค่มีเพื่อนไปก็พอสิ ใช่มั้ย”

“ต๊อดจะไปด้วยเหรอ”

“มึงแหกตาดูรถที่รอการซ่อมในร้านกูด้วยครับ” ต๊อดผายมือไปยังมเตอร์ไซค์มากมายที่จอดอยู่ เห็นแล้วก็อดคิดไมได้ว่าร้ายๆ อย่างต๊อดเนี่ยแอบเอาตะปูเรือใบไปโยนไว้แถวๆ นี้หรือเปล่ารถถึงได้เข้ามาให้ซ่อมมากขนาดนี้

“แล้วต๊อดจะให้แพทไปกับใคร ชวนเพื่อนตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว”

“น้องส้มโอไงจ๊ะ เห็นเทียวไล้เทียวขื่อมึงมานานแล้วนี่”

“ถ้าให้ไปกับยัยนั่นไปคนเดียวยังจะดีกว่า ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแพทไม่ชอบ”

ทำไมแพทจะไม่รู้ว่าส้มโอคิดอย่างไรกับตน ตอนแรกที่เจอกันเมื่อเรียนพิเศษแพทก็ไม่คิดไรมากหรอก กระทั่งคบกันมาเรื่อยๆ การแสดงออกหลายอย่างของส้มโอก็ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดกับตนแค่เพื่อน แรกๆ ก็อึดอัดแต่ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องเผชิญหน้า อีกอย่างส้มโอเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ดีมากคนนึง ทั้งยังดูบอบบางจนอดสงสัยไม่ได้ว่าคิดอย่างไรถึงมาเรียนในดงผู้ชายที่วิศวะ เพราะเป็นเช่นนั้นจึงคิดว่าต้องคอยดูแลกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเรียนจบ

“เรื่องมากฉิบหาย”

แพทน้อมรับคำติพลางเอ่ยออกมาอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก “จะไม่ไปก็ไม่ได้ซะด้วยสิ”

“กูว่ามึงรอดแล้วล่ะไอ้แพทเอ้ย”

“หือ หมายความว่าไงอะต๊อด”

“นู่นไง คนที่จะไปกับมึง”

มินที่เพิ่งลงจากรถคันสวยของตนมุ่นคิ้วนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเพื่อนตนกำลังคุยกับใครบางคน คนที่มองจากด้านหลังก็รู้สึกได้ถึงออร่าบางอย่างที่เปล่งประกายออกมา

ชายหนุ่มในชุดสุภาพตามแบบฉบับอาจารย์ก้าวเข้าไปหยุดด้านหลังคนในชุดสูทก่อนเอ่ยถาม

“มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“มี แต่ไม่ใช่กูนะ” ต๊อดว่าเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกคนหันมามอง

มินขยับปากเป็นชื่อแพทแต่ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา

“วันนี้แต่งตัวหล่อเชียว”

“ผมก็หล่อทุกวันแหละอาจารย์”

“อย่างนั้นเหรอ” คนถูกเรียกว่าอาจารย์มองคนหล่อตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

ปฏิเสธไม่ได้ว่าแพทจัดอยู่ในประเภทหนุ่มหล่อและค่อนข้างป๊อบปูลาร์ ถึงแม้จะไม่ค่อยสนใจใครนัก แต่มินก็ได้ยินชื่อแพทในวงสนทนาของนักศึกษาที่เขาสอนบ่อยๆ นั่นก็น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้แล้วว่าอดีตเด็กในปกครองเขาเสน่ห์แรงใช่เล่น

“แล้วที่บอกว่ามีปัญหา…”

“ไอ้เด็กแถวนี้น่ะสิไม่อยากไปงานแต่งคนเดียว” ต๊อดว่า

“งานแต่ง?” วันนี้มินพูดไม่เป็นประโยคเท่าไร คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความสงสัยนิดหน่อยก่อนมองไปยังคนที่วันนี้แต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ ที่แท้ก็จะไปงานนี่เอง

“งานแต่งแม่ไอ้แพทมัน”

“หืม” มินค่อนข้างช๊อคกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับ เขาเลิกคิ้วมองแพทด้วยความรู้สึกเป็นห่วง ไม่แน่ใจว่าน้องทำใจกับเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว

“มันไม่มีเพื่อนไปงานแม่มัน มึงช่วยไปเป็นเพื่อนมันหน่อย”

“กูเหรอ” คนถูกไหว้วานชี้นิ้วเข้าหาตัวพลางถามย้ำ

“ก็มึงแหละ แต่งตัวหล่อพร้อมเลย อีกอย่างมึงก็รู้จักแม่มัน”

“มึงพูดเองเออเองรึเปล่า คนที่มึงอยากให้กูช่วย เขายังไม่พูดอะไรซักคำ”

“อยากให้ไปสิครับ” แพทล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาก่อนยื่นคูปองสะสมความดีมาตรงหน้ามินเพื่อบอกเป็นนัยว่าไม่ได้ขอร้องแต่บังคับให้ไป

ที่จริงแพทไม่ต้องบังคับเลย แค่ขอร้องกันดีๆ ก็พร้อมจะไปด้วยอยู่แล้วเพราะมินเองก็รู้จักกับคุณแม่แพท ถ้าให้ไปร่วมยินดีก็ยินดีจะไป

ถึงแม้จะคิดอย่างนั้นแต่มินก็รับคูปองใบนั้นมาแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ

ต๊อดคนไม่รู้เรื่องอะไรได้แต่ยืนงง อยากถามเหลือเกินว่าพวกมึงเล่นอะไรกัน แต่สีหน้ามินที่แสดงออกตอนนี้ดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เป็นเช่นนั้นต๊อดก็ไม่อยากเสี่ยง

“พวกมึงรีบไปเถอะว่ะเดี๋ยวรถติด”

ว่าอย่างนั้นแล้วต๊อดก็หนีเข้าบ้านไปเลยปล่อยให้คนที่เหลือยืนเงียบอยู่อย่างนั้น กระทั่งมินเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนเพื่อทำลายความเงียบ “คิดว่าถ้าไม่ใช้คูปองนี่แล้วผมจะไม่ไปด้วยเหรอ”

“ไม่รู้สิ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”

“อยากให้ไปด้วยจริงๆ รึเปล่า”

“อยากสิ”

“งั้นก็ขอดีๆ”

แพทลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่พี่มินต้องการ เขาเงยหน้าขึ้นจ้องลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจังก่อนว่า “ไปงานแต่งงานคุณแม่เป็นเพื่อนแพทหน่อยได้มั้ยครับ”

“ขอเซ็ตผมก่อน” คำตอบของพี่มินคลายความกังวลทั้งหมดออก เป็นครั้งแรกในระยะเวลาหลายชั่วโมงที่แพทยิ้มได้

ที่จริงสภาพมินวันนี้ก็ไม่แย่ แต่ไปงานแต่งทั้งทีจะไปทั้งผมเรียบแปร้แบบนี้ก็เหมือนจะดูไม่ดีนัก

มินตกใจนิดหน่อยตอนที่แพทบอกทางมาบ้าน มันไม่ใช่บ้านที่แพทเคยอยู่แต่เป็นบ้านท้ายซอยที่เขาเคยอาศัยอยู่กับแม่ต่างหาก

“มันเป็นบ้านแพทแล้วนะ”

“ไม่เปลี่ยนไปเลยแฮะ”

“แพทก็ไม่เปลี่ยนนะ”

“หืม ว่าไงนะ”

“เปล่า รีบเถอะ เดี๋ยวสาย”

มินพยักหน้ารับ ถอดรองเท้าแล้วเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปข้างใน ห้องนอนของแพทคืออดีตห้องนอนของมิน ความคุ้นเคยทำให้เขาไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่นิดเดียวกับการที่ต้องอยู่ในห้องแคบๆ นี้ลำพังกับเจ้าของบ้าน

ลืมไปเลยว่าครั้งก่อนตอนที่อยู่กับแพทตามลำพังในห้องตนมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“พี่มินจะอาบน้ำก่อนมั้ย แต่...” เจ้าของบ้านก้าวเข้ามาใกล้แล้วก้มลงมาดมที่คอให้มินตัวแข็งทื่อ “หอมแล้วไม่ต้องอาบหรอก”

เหมือนกับว่าแพทจะถนัดเรื่องการทำให้คนอื่นใจเต้นแรง พอเล่นงานมินเสร็จก็ถอยหลังกลับไปทิ้งตัวนั่งลงที่ปลายเตียงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างจากมินที่กำลังรู้สึกว่าร่างกายไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป มือไม้ดูเกะกะไปหมด ต้องรวบรวมสมาธิอยู่นานทีเดียวกว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

แต่ก็ปกติได้ไม่เท่าไหร่หรอกเพราะเจ้าของห้องเอาแต่นั่งจ้องกันไม่วางตาเลย

มินสบตากับแพทผ่านกระจกขณะแต่งผมด้วยความระมัดระวัง สายตาของแพททำให้รู้สึกร้อนรน ใบหน้าร้อนผ่าวทั้งที่เครื่องปรับอากาศก็ทำงานปกติ

“จ้องขนาดนั้นกลัวผมขโมยของรึไง”

“กลัวสิ”

“หืม” มินเลิกคิ้วสูงจ้องอีกฝ่ายเมื่อได้รับคำตอบไม่คาดฝัน

“ขนาดหัวใจแพทพี่มินยังขโมยไปเลย” ว่าจบก็ส่งสายตาเจ้าชู้มาพร้อมกับรอยยิ้มที่เจ้าตัวคงคิดว่าทรงเสน่ห์ที่สุด อืม ไม่ปฏิเสธหรอกว่ารอยยิ้มนั้นทำให้หัวใจสั่นได้จริงๆ

“แพท”

“ครับ”

“โอเคใช่มั้ย”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“ก็เรื่องที่คุณแม่แต่งงาน”

“ไม่โอเคก็ต้องโอเคแหละ ได้บ้านหลังนี้มาแล้วนี่นา” เป็นอีกครั้งที่มินไม่เข้าใจสิ่งที่แพทต้องการจะสื่อ และเพราะเครื่องหมายคำถามปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของอาจารย์หนุ่มแพทจึงลุกขึ้นแล้วก้าวเข้าไปหา

เจ้าของร่างสูงย่อตัวนั่งลงให้ความสูงอยู่ในระดับเดียวกับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือเรียวยื่นไปจัดเนคไท ขณะไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของคนอายุมากกว่าแม้แต่วินาทีเดียว

“ทำข้อตกลงกับคุณแม่น่ะว่าถ้ายอมให้แต่งงานต้องซื้อบ้านหลังนี้ให้”

“แล้วคุณแม่ก็ยอมเหรอ”

“คุณแม่อยากแต่งงานก็เลยยอมมั้ง”

“ไม่หรอก เพราะคุณแม่รักแพทต่างหากถึงยอมตามใจ”

“แล้วพี่มินล่ะ รักแพทรึยัง”

คนถูกถามครางในลำคออย่างคนคิดหนักก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ไปกันเถอะ”

“ขี้โกงนี่ยังไม่ตอบคำถามแพทเลย”

“ถ้าอยากให้รักก็ทำให้รักสิ”

“พี่มินพูดเองนะ ถ้าเกิดแพททำอะไรตามใจขึ้นมาล่ะก็จะมาว่ากันไม่ได้นะ”

“ทำตามใจตัวเองยังไง”

“สาธิตให้ดูตอนนี้ไม่ได้หรอกเดี๋ยวชุดยับ” เห็นสายตากรุ้มกริ่มก็รู้เลยว่าต้องไม่ใช่วิธีที่ดีแน่ๆ

เจ้าเด็กนี่มัน...ร้ายชะมัด















วันนี้คุณแม่สวยเป็นพิเศษ

แพทยืนมองคุณแม่ที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวเหมือนเจ้าหญิง ถึงแม้จะอายุมากแล้วแต่ใบหน้าคุณแม่ก็ยังอ่อนเยาว์กว่าอายุมาก รอยยิ้มสวยถูกแจกจ่ายให้กับแขกเหรื่อที่เข้ามาแสดงความยินดีและถ่ายรูปร่วมกันตรงซุ้มทางเข้า

“พร้อมมั้ยเนี่ย”

“หืม แพทเหรอ พร้อมเสมอแหละ”

“งั้นก็เข้าไปหาคุณแม่ได้แล้ว” มินดันหลังคนเป็นลูกชายเจ้าสาวให้เดินนำไปก่อน คุณแม่หันมายิ้มหวานพร้อมกับเจ้าบ่าวเองก็หันมาทักทายแพทเช่นกัน

“เป็นแขกรึไงเรา มาช้าชะมัด”

“แพทจะมากี่โมงคุณแม่ก็เข้าพิธีอยู่ดี”

“เราคุยกันแล้วนะ” ถึงแม้ใบหน้าสวยจะยังคงถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหากในน้ำเสียงกลับถูกเจอด้วยความกังวล

“แพทก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วนี่คุณยายอยู่ไหนอะ”

“ถามหาทำไม อยากเจอคุณยายขนาดนั้นเชียว”

“ไม่นะ ใครจะอยากเจอล่ะ แพทถามไว้เผื่อจะได้หลบ”

“แสบนักนะเรา แล้วนั่น...” เอ็ดลูกชายเสร็จคุณแม่ก็เหลือบมามองมิน คิ้วเรียวขมวดนิดหน่อยขณะกำลังใช้ความคิด ก่อนดวงตาคู่สวยจะเปล่งประกายความปิติพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ “มินเหรอ”

“เซอร์ไพร์สมั้ยล่ะ” แพทว่า

“มากเลย กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ”

“เอาไว้ค่อยคุยมั้ยคุณแม่ แขกรอถ่ายรูปเยอะเลย”

“จริงด้วย งั้นมาถ่ายรูปกันเถอะ” มินถูกดึงให้เข้าไปยืนข้างแพทที่ยืนข้างคุณแม่อีกที

ช่างภาพนับ 1-3 แล้วกดชัตเตอร์เป็นอันเสร็จพิธีถ่ายภาพ

แพทเก็บสีหน้าเบื่อหน่ายไม่ได้เลย เมื่อญาติฝ่ายแม่คนที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้เข้ามาทักทายแล้วถามว่ารู้สึกอย่างไรที่คุณแม่แต่งงานใหม่ อยากตอบว่าโคตรไม่เห็นด้วย อยากพังงานแต่งงานให้มันรู้แล้วรู้รอดก็ดูเหมือนจะฮาร์ดคอร์เกินไปจึงได้แต่ส่งยิ้มไปแล้วตอบอย่างสุภาพว่ายินดีมากๆ เลยครับ คุณแม่มีความสุขแพทก็มีความสุขครับ

จนคนที่มาด้วยอดแซวไม่ได้ “เสแสร้งสุดๆ”

“ใช่มั้ยล่ะ แพทโคตรเบื่อเลย”

“ไม่เห็นด้วยเรื่องคุณแม่แต่งงานใหม่เหรอ”

“ไม่รู้สิ แพทเคารพการตัดสินใจของคุณแม่นะ แต่ลึกๆ มันก็รู้สึกโดดเดี่ยว เหมือนถูกทิ้ง”

“พี่เคยรู้สึกแบบนั้นตอนที่แม่โทรมาบอกว่าจะแต่งงานใหม่ มันจุกไปหมด อยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ได้เพราะต้องทำงาน”

“พี่มินเข้มแข็งจัง”

“งั้นเหรอ” แววตามินวูบไหวเมื่อได้ยินคำว่าเข้มแข็ง เพราะทุกคนเอาแต่พูดแบบนั้นทำให้บางครั้งไม่ว่าจะอยากอ่อนแอมากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเปิดเผยมันออกมาได้

พิธีการบนเวทีดึงความสนใจของทั้งคู่ไป

ภาพวิดีโอพรีเซนต์งานแต่งเริ่มขึ้นเมื่อไฟทั้งห้องถูกปิดลง

แพทมองมันอยู่ไม่ถึง 3 วินาทีเขาก็ก้มหน้าลงเพราะไม่สามารถทำใจมองภาพความรักอันหวานชื่นของคุณแม่ได้ ในตอนที่น้ำตากำลังจะไหลออกมา มือที่ทิ้งอยู่ข้างลำตัวก็สัมผัสกับความอบอุ่นของฝ่ามือที่สอดเข้ามากุมกันไว้

มินไม่ได้เอ่ยคำใด เขาทำเพียงบีบมืออีกฝ่ายไว้ บอกผ่านการกระทำว่าแพทไม่ได้อยู่ที่นี่ลำพัง

ไฟทั้งห้องสว่างขึ้นแล้ว แพทเองก็เงยหน้าขึ้นแล้วเช่นกัน หากมือที่กอบกุมกันไว้กลับไม่มีท่าทีว่าจะถูกปล่อย

ทั้งคู่เหลือบมองหน้ากัน เป็นมินที่ส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาช่วยให้บรรยากาศรอบกายแพทผ่อนคลายขึ้น

คุณแม่ในชุดเจ้าสาวสุดสวยกับเจ้าบ่าวปรากฏตัวบนเวที เอ่ยอะไรมากมายเรียกเสียงปรบมือจากแขกผู้มีเกียรติเป็นระยะ

แพทรู้สึกว่าการแสดงออกเหล่านั้นมันโอเวอร์เกินไป และถึงแม้จะรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างไร คนเป็นลูกชายเจ้าสาวก็ยังคงรักษาสีหน้ายินดีเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

“คนที่บอกว่าการเห็นคนที่เรามีความสุขเราก็มีความสุขแล้วต้องใจกว้างแค่ไหน”

“นั่นสินะ อยากรู้เหมือนกัน”

“พี่มินก็ไม่รู้เหรอ”

“จะรู้ได้ยังไง”

“แพทนึกว่าพี่มินเป็นคนแบบนั้นซะอีก”

“คนใจกว้างน่ะเหรอ”

“อื้อ”

“นั่นก็แสดงว่าคุณไม่รู้จักผมเลย ภัทรดนัย”

“แล้วทำยังไงถึงจะได้รู้จักครับ”

“เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะตัดเค้กแล้ว” แพทถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันมองตามสายตาคนข้างๆ

รอยยิ้มของคุณแม่ยามเดินมาตามทางที่โรยด้วยกลีบดอกไม้ โดยมีเจ้าบ่าวคอยประครองอยู่ข้างๆ ดูมีความสุขเสียจนแพทนึกโกรธตัวเอง ทั้งที่ท่านกำลังมีความสุขขนาดนั้นแท้ๆ แต่เขากลับไม่รู้สึกดีด้วยเลย คิดว่าถ้าหากตนใจกว้างได้กว่านี้อีกนิดก็คงดี

งานวิวาห์เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว

บรรดาสาวๆ พากันไปยืนออที่หน้าเวทีเมื่อเจ้าสาวกำลังจะโยนช่อดอกไม้ เสียงวี๊ดว้ายดังตามมาอีกระยะหนึ่งก่อนจะเงียบไป

จากที่ตอนแรกตั้งใจจะอยู่แค่มาแป๊บๆ แล้วก็กลับ กลายเป็นว่าแพทอยู่ร่วมงานแต่งคุณแม่จนเลิกเลย

แต่อย่างไรแพทก็ไม่ร่วมพิธีส่งบ่าวสาวเข้าหอหรอกนะ

“แพทมานี่สิลูก” ข้างๆ คุณแม่คือคุณยาย เห็นเช่นนั้นแล้วไม่อยากเดินเข้าไปหาเลย แต่ไม่มีทางเลี่ยง

แพทเดินนำมินเข้าไปหาคนในครอบครัวตน ถึงจะบอกว่าเป็นครอบครัวหากแพทก็ไม่รู้สึกซักนิดว่านี่คือครอบครัวจริงๆ เพราะเขาเติบโตมากับแม่และไม่ค่อยสุงสิงกับบรรดาญาติๆ เท่าไหร่ล่ะมั้ง

“อันนี้แม่ให้มินนะจ๊ะ” ดอกกุหลาบสีขาวที่ถูกดึงออกมาจากช่อดอกไม้เจ้าสาวถูกส่งมา แม้จะไม่ค่อยเข้าใจอะไรนักแต่มินก็ยอมรับมาพร้อมกับคำขอบคุณ

“วันนี้คุณแม่สวยมาก ยินดีด้วยนะครับ”

“ฝากมินดูแลเจ้าแพทด้วยนะ”

“แพทโตแล้วนะครับคุณแม่”

“แม่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี แต่พอเห็นว่าอยู่กับมินแม่ก็เบาใจนะจ๊ะ” มินได้แต่ยิ้มเจื่อน แต่ไหนแต่ไรแล้วที่ไม่กล้าปฏิเสธคำร้องขอของพวกผู้ใหญ่จนติดเป็นนิสัยในปัจจุบัน

แม้จะไม่ได้รับปากในทีเดียว แต่การที่พี่มินยิ้มรับก็ทำให้แพทมีความสุขที่สุดแล้วในการมาร่วมงานวิวาห์วันนี้















“บอกแล้วไงว่าไม่ให้รับดอกไม้จากคนอื่น” แพทที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับเหลือบมองดอกไม้ในมือเจ้าของรถแล้วเอ่ย

มินมุ่นคิ้วเล็กๆ แอบสงสัยว่าตอนนั้นแพทเพิ่ง 5 ขวบเอง จำเรื่องดอกไม้ได้ยังไง

“แพทจำเรื่องพี่มินได้หมดแหละ” เพราะไดอารี่อย่างไรล่ะ

“น่ากลัวจัง”

“เรื่องที่คุณแม่พูดไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้”

“ทำไมล่ะ ไม่อยากให้พี่มินดูแลแล้วเหรอ”

“ไม่ล่ะ” แพทส่ายหน้า และท่าทางแบบนั้นก็ทำให้คนมองใจแป้ว “ต่อไปนี้แพทอยากเป็นฝ่ายดูแลพี่มินนะ”

“ก่อนที่คิดจะดูแลคนอื่น เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ครั้งหน้าเข้าเรียนให้ทันด้วย”

“โหย ‘จารย์นี่มันนอกเวลาราชการนะครับ”

“ถ้าเทอมนี้เก็บเกรดวิชานี้ไม่ได้ก็จะไม่จบพร้อมเพื่อนใช่มั้ย”

“รู้ได้ไงอะ ต๊อดเหรอ”

“เหมือนต๊อดเป๊ะ แล้วจะไม่ให้ห่วงได้ไง”

“แพทเอาตัวรอดได้น่า สัญญาว่าชั่วโมงหน้าจะเข้าห้องเรียนคนแรกเลย”

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก” แค่เข้าเรียนทันเวลาก็พอ

“ต้องขนาดนั้นแหละ พี่มินจะได้เห็นว่าแพทตั้งใจมากแค่ไหน แล้วอีกอย่างแพทก็อยากพิสูจน์ให้เห็นว่าแพทไม่ใช่เด็กๆ แล้ว”

“จะคอยดู”

“เข้ามาดูใกล้ๆ ก็ได้นะ ใกล้แบบลมหายใจรดต้นคอเลยก็ได้”

“คุณแม่รู้มั้ยว่าลูกชายท่านทะลึ่งมากขนาดนี้”

“ไม่มีใครรู้หรอก นอกจากพี่มิน” แพทเอียงตัวเข้ามายิ้มทะเล้น มินไม่แน่ใจแม้แต่นิดเดียวว่าเขาควรดีใจกับความพิเศษที่อีกฝ่ายมอบให้รึเปล่า กระนั้นเขาก็ไม่สามารถห้ามความเห่อร้อนบนใบหน้าได้เลย

บ้าจริง ทุกประโยคของแพทแฝงความนัยที่ชวนให้รู้สึกวูบโหวงและหวั่นไหวจนต้องแสร้งหลับ

ตั้งใจว่าแค่จะพักสายตาแต่กลายเป็นว่าหลับไปจริงๆ ซะงั้น

มินลืมตาขึ้นมาในรถที่คนขับหายไปไหนก็ไม่รู้ทิ้งไว้เพียงเสื้อสูทที่คลุมร่างเขาเอาไว้กันหนาว เบาะนั่งก็ถูกปรับให้เอนลงเพื่อจะได้นอนสบาย ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ทำให้รู้สึกดีจนต้องยิ้มออกมา

มินเลิกเสื้อออกพลางปรับเบาะให้กลับมาเป็นเช่นเดิม เมื่อมองออกไปข้างนอกก็พบว่าพวกเขาจอดรถอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำ

เจ้าของร่างสูงที่ควรจะขับรถกลับบ้านกำลังยืนกอดราวสะพานทอดสายตาไปยังความมืดมิดด้านหน้าอย่างเหม่อลอย ปล่อยให้สายลมพัดเอาความทุกข์ใจที่เก็บเอาไว้ลำพังออกไปเสีย

แต่มันไม่ง่ายเลย และถ้ามันง่ายขนาดนั้นแพทคงปล่อยวางเรื่องคุณแม่ไปได้ตั้งนานแล้ว

“จะโดดลงไปเหรอ” แพทเอี้ยวตัวมามองต้นเสียงก็พบว่ามินกำลังเดินตรงเข้ามาหา

“แพทไม่คิดสั้นขนาดนั้นหรอกน่า อีกอย่างถ้ายังไม่ได้กอดพี่มินแพทก็ยังตายไม่ได้หรอก”

“งั้นผมคงไม่ให้คุณกอดตลอดชีวิต”

“หืม” แพทมุ่นคิ้วให้กับคำพูดนั้น ใจนึงก็นึกเสียดาย แต่อีกใจก็กำลังมีความสุข คำนั้นของพี่มินหมายความว่าไม่อยากให้เขาตายจากไปรึเปล่านะ “ถ้าชาตินี้ไม่ได้กอดพี่มินก็คงแห้งเหี่ยวตายพอดี”

“ย้อนแย้งชะมัด”

“ขอกอดหน่อยสิ” แพทอ้าแขนออกพร้อมเอ่ยขออย่างหน้าด้านๆ

“กอดเสร็จแล้วก็จะโดดลงไปเหรอ”

“พูดอย่างกับอยากให้โดดลงไปจริงๆ งั้นแหละ”

“พี่รู้ว่าแพทไม่มีทางโดดลงไปหรอก เพราะถ้าแพทโดดลงไปคนที่อยู่ข้างหลังอย่างพี่ คุณพ่อ คุณแม่ ต๊อด และคนอื่นๆ ที่รักแพทคงต้องเสียใจมาก แพทไม่มีทางทำให้คนที่ตัวเองรักเสียใจหรอก ใช่มั้ยล่ะ”

“รู้ดีอย่างกับมานั่งอยู่ในใจ”

“แล้วพี่ไม่ได้อยู่ในใจแพทเหรอ” แพทอึ้งไปกับคำที่ได้ยินแต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น

“อยู่สิ พี่มินอยู่ในนี้มาตลอดเลย”

มือข้างขวาถูกจับไปวางไว้บนอกซ้าย ดวงตาของทั้งครู่ประสานกันอยู่อย่างนั้นราวกับจ้องมองกันเพื่อชดเชยช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา

“แล้วแพทล่ะ อยู่ในใจพี่มินบ้างหรือเปล่า”

คนถูกถามเลือกที่จะไม่ตอบ มินดึงมือออกเปลี่ยนเป็นยืนพิงสะโพกกับราวสะพาน หันมองคนที่มองมายังตนเช่นกันแล้วส่งยิ้มให้

“ยิ้มแบบนี้แพทก็ละลายสิ”

“ถามอะไรหน่อยสิ”

“พี่มินยังไม่ตอบคำถามแพทเลย”

“ตอบคำถามพี่ก่อน” ดวงตาคู่สวยที่สะท้อนในความมืดเปล่งประกายขึ้นมาคล้ายอีกฝ่ายกำลังพบเรื่องสนุก เมื่อแพทพยักหน้ารับมินจึงถาม “ความสุขของแพทเกิดจากอะไร”

“ก็...” เหมือนจะไม่ใช่คำถามที่ยากแต่เอาเข้าจริงแพทกลับไม่สามารถตอบออกมาได้ในทันที เขานิ่งเงียบอยู่นานทีเดียวก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจนัก “ก็หลายอย่าง”

“อย่างเช่น...”

“ได้กินของอร่อย ได้เล่นเกมส์ ได้เที่ยว ได้เจอพี่มิน” แพทตั้งใจหยอดด้วยคำตอบสุดท้าย

“ก็ธรรมดาเนอะ”

“แพทก็คนธรรมดานะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็มีความสุขให้ได้แบบคนธรรมดาซะสิ อย่าเอาแต่คิดว่าตัวเองเป็นเด็กมีปัญหา ครอบครัวไม่อบอุ่น ถ้าเรามัวแต่คิดแบบนั้นทั้งชาตินี้ก็ไม่ต้องถามหาความสุขหรอก”

“ดุจัง”

“พี่พูดผิดรึไงล่ะ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขซะ”

“นี่สอนหรือสั่ง”

“สั่ง”

“ได้ งั้นแพทจะทำเดี๋ยวนี้” สิ้นคำร่างเพรียวก็จมดิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของคนสูงกว่า แพทกอดมินไว้แน่นด้วยเรียวแขนแกร่ง สูดดมกลิ่นหอมที่เขาเฝ้าคิดถึงตลอดมา

มีความสุขให้ได้อย่างคนธรรมดาอย่างนั้นเหรอ ได้เลย พี่มินเตรียมตัวมาเป็นความสุขของแพทได้เลย



[T B C]

 :mew1: :mew1: :mew1:





หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 11 {Up.190918}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-09-2018 21:53:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 11 {Up.190918}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-09-2018 04:20:14
พี่แพทก็ยังอ้อนพี่มินเหมือนเคย  :hao3:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 11 {Up.190918}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-09-2018 07:24:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่แพทรีบเลยนะ  เด๋วมีใครมาคว้าพี่มินไป  แล้วน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 12 {Up.230918}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 23-09-2018 19:23:35
คุณครูพี่มิน 12

 

 “ดอกเตอร์มีสอนเช้าเหรอครับ” ดอกเตอร์เมฆหยุดเดินเมื่อคนที่เพิ่งเดินเข้าตึกคณะสังคมร้องทัก ชายร่างสูงรูปร่างกำยำสมชายชาตรีตรงหน้าคือคุณพิพัฒน์ อาจารย์หนุ่มหล่อประจำภาควิชา

 “คุณพิพัฒน์ก็มีสอนเช้าเหมือนกันเหรอครับ”

 “สอนเช้าทุกวันเลยล่ะ”

 “แต่ก็ยังดูสดชื่อดีนะครับ”

 “ดอกเตอร์ก็เหมือนกัน ว่าแต่นี่จะไปตึกกลางรึเปล่า”

 “ใช่ครับ”

 “ไกลเลย ให้ผมไปส่งมั้ย”

 “ไม่เป็นไร ขอบคุณคุณพิพัฒน์มาก”

 “ว่าแต่เที่ยงนี้ดอกเตอร์มีนัดทานข้าวกับใครรึยัง”

 “ไม่แน่ใจเลยครับ”

 “งั้นไปกินข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยวผมโทรจองร้าน เด็ดมาก รับรองดอกเตอร์ต้องชอบ” โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับหรือปฏิเสธ พอประตูลิฟต์เปิดก็หันมาลา

 คนถูกมัดมือชกถึงกับงง แต่ก็ปล่อยตัวเองจมอยู่กับความรู้สึกนั้นไม่นานก่อนจะมุ่งหน้าไปยังตึกเรียนกลางเพื่อพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าแพททำตามที่รับปากกันไว้ได้จริงไหม

 และก็พบว่าไม่จริง

 เจ้าเด็กนั่นเข้าเรียนทันก็จริงแต่เข้ามาคนสุดท้าย

 มินตีหน้าขรึมจัดพร้อมมองมาด้วยสายตาขุ่นๆ หากแพทก็ไม่ได้สนใจทั้งยังทำตาหวานฉ่ำและส่งยิ้มยียวนกวนประสาทกลับมา และตลอดทั้งชั่วโมงเรียนนั้น อาจารย์ผู้สอนก็ไม่มั่นใจว่าลูกศิษย์คนนี้ได้ความรู้อะไรไปบ้างหรือเปล่า จดอะไรก็ไม่จดเอาแต่เท้าคางมองหน้ากัน

 แพทรู้สึกเหมือนตัวเองตกอยู่ในภวังค์

 พี่มินในฐานะอาจารย์สวมเสื้อผ้าชุดสุภาพสมเป็นผู้ใหญ่ ทั้งที่ร่างกายถูกปกปิดด้วยเสื้อผ้าไปทุกส่วนแต่เขากลับรู้สึกว่ายามที่อีกฝ่ายยืนสอนอยู่หน้าห้องนั้นช่างเซ็กซี่เหนือจินตนาการ ไม่ว่าจะยามขยับปากพูด ยามที่ลูกกระเดือกบนลำคอระหงขยับ ยามมือตวัดเขียน ทุกย่างก้าวของอีกฝ่ายสะกดแพทเอาไว้จนอยู่หมัด

 “ขออนุญาตหงายการ์ด” คูปองสะสมความดีถูกวางลงบนโต๊ะทันทีที่อยู่กันเพียงลำพัง

 “ไม่รู้สึกอายบ้างเหรอ”

 “อะไรครับอาจารย์”

 “ใครบอกจะเข้าเรียนคนแรก”

 “แพทตื่นสายอะ แต่ก็เข้าเรียนทันนะ”

 “แต่ไม่ตั้งใจเรียนเลย”

 “อาจารย์แหละ” คนที่อยู่ๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าตัวเองไปทำเรื่องแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่จนต้องถาม

 “ผมทำไม”

 “น่ามอง” และคำตอบก็ทำเอาคนฟังถึงกับร้อนฉ่าไปทั้งใบหน้าจนต้องเปลี่ยนเรื่องคุย

 “หงายการ์ดทำไม”

 “ไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน”

 “มีนัดแล้ว”

 “งั้นตอนเย็น บ่ายนี้มีสอนมั้ย”

 “ไม่มี”

 “ให้แพทมารับกี่โมงดี”

 “มารับทำไม”

 “ก็จะได้ไปกินข้าวเย็นด้วยกันไง” ยังไม่ได้รับปากเลยด้วยซ้ำแต่ก็คิดเองเออเองไปซะหมด กระนั้นหากแพทไม่หงายการ์ดมินก็ไม่คิดจะปฏิเสธ เขาน่ะกินข้าวเย็นคนเดียวมานานเกินพอแล้ว

 “งั้นไว้เจอกัน” มินชิงเดินออกมาไม่รับฟังเสียงอีกฝ่ายที่พยายามคะยั้นคะยอขอไปส่งที่ตึก แต่ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ยอมฟังหากแพทก็ไม่ละความพยายาม

 คำว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นน่ะไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ไม่เคยเก่าเลย

 “อาจารย์มีนัดกับใคร คงไม่ใช่สาวๆ หรอกใช่มั้ย”

 “ถ้านัดกับสาวๆ แล้วจะทำไม”

 “ผมไม่ยอมนะ อาจารย์เป็นของผม” ท้ายประโยคเจ้าคนขี้ตู่ก้มลงมากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคนก่อนจะผละออก “ไม่ยอมยกให้ใครง่ายๆ หรอก”

 นอกจากเขินนิดหน่อยแล้ว มินยังแอบสงสัยว่าเขาไปเป็นของแพทตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 

 

 

 

 

 

 

 “หน้าบานเท่าจานดาวเทียวบ้านกูแล้วมึง” คล้อยหลังรถดอกเตอร์เมฆที่วิ่งออกไป เซียนก็เข้ามาตีไหล่ทักทายให้แพทรีบเอามือที่โบกลาอีกคนลงแล้วหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาฉงน

 “ลมอะไรหอบมึงมานี่”

 “ไม่ต้องพึ่งลมหรอกว่ะ กูแวะมากินข้าว”

 “ตึกมึงไม่มีข้าวกินว่างั้น”

 “แวะมาแดกข้าวกับมึงเนี่ย มีเรื่องอยากปรึกษาว่ะ”

 “กูว่าแล้วเชียว ถ้าไม่มีเรื่องคงไม่มาหากู”

 “ก็เหมือนมึงแหละ” ก็ว่าไปนั่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ใช่เรื่องจริง ถึงแม้จะยังสนิทกันอยู่แต่ต่างคนก็ต่างมีสังคมของตน ไม่ค่อยมีเวลาได้ไปเที่ยวเล่นด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้ามีเรื่องให้ช่วยเหลือก็ยังคงนึกถึงกันเสมอ มันไม่ใช่ว่านึกถึงเพื่อนแค่ยามทุกข์ แต่ระหว่างเซียนกับแพทมันเป็นเพื่อนที่สามารถแชร์ความทุกข์กันได้อย่างไม่อาย

 “เป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอวะ” หลังจากได้ยินว่าเพื่อนได้รับการติดต่อจากค่ายเพลงแพทก็เอ่ยออกไปเช่นนั้นด้วยความยินดีทั้งสงสัยว่ามันจะกังวลเพื่ออะไรในเมื่อความฝันเข้ามาอยู่ตรงหน้าแล้ว คว้าเอาไว้ก็จบ

 “กูไม่ได้อยากเป็นนักแต่งเพลงนี่หว่า กูอยากเป็นนักดนตรี”

 “แล้วมันต่างกันยังไง”

 “ก็ต้องต่างกันอยู่แล้วป่าววะ” ไม่แน่ใจว่าเพื่อนคิดดีแล้วหรือที่ตัดสินใจมาปรึกษาตน ถึงแม้แพทจะเป็นเด็กหัวดีแต่ก็ใช่ว่าเขาจะรอบรู้ขนาดนั้น

 “แต่มึงก็เคยแต่งเพลงจนดังมากมาแล้ว ที่จริงทางนั้นอาจจะดีสำหรับมึงก็ได้นะ”

 “กูยอมรับเว้ยว่ากูแต่งเพลงได้ดีมาก แต่กูก็รักมันไม่เท่ากีตาร์ว่ะ”

 “กูว่ามึงมีคำตอบอยู่ในใจแล้วเซียน ที่มึงมาหากูก็แค่อยากได้พวกใช่มั้ย”

 “แต่มึงเสือกไม่ใช่พวกกูนี่สิ”

 “มีไม่กี่คนหรอกที่จะได้รับโอกาสดีๆ อย่างมึง ตอนนี้มีโอกาสได้แต่งเพลงก็ทำไปก่อนสิวะ ทำไปพร้อมๆ กับเล่นกีตาร์ก็ไม่เสียหายนี่”

 “กูอยากโฟกัส...”

 “แล้วมึงจะไม่เสียดายโอกาสนี้ใช่มั้ย”

 “เสียดาย”

 “เย็นนี้ไปหาพี่มินกับกูสิ”

 “ไปทำไม”

 “กูคิดว่าพี่มินน่าจะให้คำปรึกษาที่ดีกับมึงได้”

 แพทเอ่ยชื่อพี่มินด้วยสีหน้าเปี่ยมความสุขจนเซียนต้องนับเวลารอเพื่อจะเจออีกฝ่าย อยากรู้นักว่ามีอะไรดีถึงได้ทำให้เพื่อนตนตกหลุมรักได้อย่างหัวปักหัวปำเป็นเวลาหลายปีขนาดนี้

 

 

 

 

 

 

 

 “ไม่แน่ใจว่าอาหารถูกปากดอกเตอร์รึเปล่า”

 “อาหารอร่อยมากครับ” คนเป็นดอกเตอร์ตอบพลางเช็ดปากด้วยผ้าสีขาวที่ทางร้านเตรียมเอาไว้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกท่าทางของดอกเตอร์หนุ่มตรงหน้าสะกดสายตาของพิพัฒน์ได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูน่ามองไปเสียหมด

 “แต่ผมว่าต้มยำกุ้งเผ็ดไปหน่อย” พิพัฒน์กระซิบเสียงเบาขณะรอเช็คบิล

 “สำหรับผมเผ็ดเท่านี้กำลังดีเลยครับ”

 “ไปอยู่ต่างประเทศตั้งนานผมคิดว่าดอกเตอร์จะไม่ชินรสอาหารไทยซะอีก”

 “ผมทำงานพิเศษที่ร้านอาหารไทยหลายปีเลยครับ”

 “เพราะแบบนี้ก็เลยยังชินกับรสอาหารไทย ที่จริงผมเคยเจอดอกเตอร์นะครับ” คนถูกเรียกว่าดอกเตอร์นนึกฉงนเล็กน้อยกับความรู้ใหม่ แต่ก็ไม่แปลกที่พวกเขาอาจจะเคยพบกัน เพราะร้านอาหารไทยที่มินเคยทำงานพิเศษก็มีคนไทยแวะเวียนเข้ามาเป็นลูกค้าอยู่ทุกวี่วัน

 “ต้องขอโทษคุณพิพัฒน์ด้วยครับ ผมจำไม่ได้เลย”

 “แต่ผมจำดอกเตอร์ได้ขึ้นใจเลยนะ”

 “ผมทำอะไรให้คุณพิพัฒน์ไม่พอใจรึเปล่า” มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้เราจดจำคนๆ นึงได้ขึ้นใจ ก็หวังว่าคงจะเป็นเรื่องดีเพราะมินไม่อยากมีปัญหากับใคร

 “เปล่าครับ ตรงข้ามเลยต่างหาก”

 วันนั้นเป็นวันที่หิมะตก พื้นที่ภายนอกร้านถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีขาว เพราะไปที่นั่นอย่างเร่งด่วนทำให้คนที่อยู่เมืองร้อนมาทั้งชีวิตไม่ได้เตรียมตัวมากนัก พิพัฒน์รู้สึกหนาวมาก หนาวจนสั่นไปทั้งตัว ฟันกระทบกันดังกึกๆ ทั้งที่ทั้งสวมเสื้อโค้ท ผูกผ้าพันคอ สวมหมวก ใส่ถุงมือ ถึงกระนั้นเขาก็ยังรู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ

 ขณะที่กำลังยืนกอดอกบรรเทาความนาวเหน็บรอใครบางคนอยู่ที่หน้าร้านอาหารไทยซึ่งเป็นสถานที่นัดหมายนั้น พนักงานหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านก็เปิดประตูออกมาถามไถ่เขาก่อนจะเชื้อเชิญเข้าไปนั่งรอในร้านแถมยังยกชามาเสิร์ฟโดยไม่คิดเงินอีกต่างหาก

 ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ความใจดีของเขาคนนั้นยังคงตราตรึงในความทรงจำ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้กลับมาเจอกันอีก

 “ว่าแต่งานที่มหา’ลัยไม่หนักเกินไปใช่มั้ยครับ ไหนจะเป็นที่ปรึกษาเรื่องงานวิจัย ไหนจะต้องสอน”

 “คุณพิพัฒน์ไม่ไว้ใจผมเหรอครับ”

 “ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมไม่อยากให้ดอกเตอร์รู้สึกเหนื่อย”

 “ไม่มีงานที่ทำแล้วไม่เหนื่อยหรอกครับ แต่ถ้าเป็นงานที่เราชอบเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่หวั่นหรอก”

 “แล้วงานที่ทำอยู่ตอนนี้ดอกเตอร์ชอบหรือเปล่าครับ”

 “จะว่าอย่างไรดีล่ะครับ” มินทำเพียงหัวเราะอย่างสงวนท่าที ไม่คิดจะตอบคำถาม ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบงานที่กำลังทำแต่ก็ไม่ได้ชอบมากขนาดที่ว่ายอมทิ้งทุกอย่างได้เพื่อมัน

 “ดอกเตอร์ชอบอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ”

 “หมายถึงงานเหรอครับ”

 “อืม ไม่ตอบเรื่องงานก็ได้ครับ” พิพัฒน์รอคอยคำตอบอย่างมีความหวัง ถ้าหากดอกเตอร์เมฆเปิดใจให้เขาสักนิดก็คงดี

 น้ำใจของดอกเตอร์เมฆที่มอบให้กันยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำลึกๆ และการได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนร่วมงานที่เพอร์เฟ็คน่าชื่นชมยิ่งทำความรู้สึกของพิพัฒน์ค่อยๆ พัฒนาขึ้น รู้อยู่เต็มอกว่าการเลื่อนสถานะจากเพื่อนร่วมงานมาเป็นคนรักไม่ใช่เรื่องที่ควรทำแต่ไม่ว่าจะพยายามหักห้ามใจเพียงใดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองถลำลึกกับความรู้สึกนี้มากขึ้นเท่านั้น

 ตลอดเวลาที่ผ่านมาพิพัฒน์พยายามแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตนหลายต่อหลายครั้งหากดอกเตอร์เมฆก็ปฏิเสธมันอย่างละมุนละม่อมเสมอมา ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พิพัฒน์ไม่คิดจะยอมแพ้หรอก

 อะไรก็ตามที่หมายตาไว้แล้วไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 ในร้านอาหารที่ไม่ได้ถูกตกแต่งให้สวยเป็นพิเศษแต่รสชาติพิเศษจนต้องบอกต่อ แพทก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือตนเป็นระยะก่อนชะเง้อมองไปยังทางเข้าร้านอย่างรอคอย

 “พี่มินของมึงเขาไม่เบี้ยวหรอกน่า”

 “กูรู้ว่ายังไงพี่มินก็ไม่เบี้ยว แต่เขามาสาย กูเป็นห่วง”

 “ห่วงอะไรนักหนา เขาก็เป็นผู้ชายเหมือนเรา ไม่ใช่สาวๆ บอบบางซักหน่อย”

 “ถ้าเป็นคนที่รัก จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ตัวบางหรือร่างหนาก็เป็นห่วงอยู่ดีป่ะวะ”

 “โคตรเฉียบ” เซียนว่าและในตอนนั้นเองที่คนซึ่งแพทชะเง้อคอรอคอยปรากฏตัว

 มินไม่ได้สวมสูทอย่างตอนอยู่มหาวิทยาลัย เสื้อเชิ้ตสีอ่อนที่สวมอยู่ถูกปลดกระดุมออก 1 เม็ด แขนเสื้อก็ถูกพับขึ้น ผมที่เซ็ตเป็นทรงบัดนี้ก็เริ่มเสียทรงแล้ว

 เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มมาตอนที่แพทโบกมือเรียกจากที่โต๊ะ

 “กูเกร็งเลยว่ะ” เซียนกระซิบในระหว่างที่มินเดินเข้าใกล้เรื่อยๆ

 “ทำไมวะ”

 “ก็พี่เขาเป็นถึงดอกเตอร์แล้วยังสอนที่มหาลัยเราอีก”

 “ก็คิดว่าเขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเราสิวะ เหมือนต๊อดไง”

 “คนละระดับกับต๊อดเลยมึง กูคิดงั้นไม่ได้หรอก”

 “เซียนเหรอ ไม่ได้เจอกันนานเลย” คำทักทายทำให้เซียนที่นั่งเกร็งจนหลังตรงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย

 “พี่มินจำเซียนได้ด้วย” คนถูกทักยิ้มอาย

 “พี่จำคนเก่งนะ เห็นแพทบอกว่าเซียนมีเรื่องจะปรึกษาพี่”

 “เอาเลยเหรอพี่ ไม่รอกินข้าวก่อนเหรอ”

 “ไงก็ได้ แล้วแต่เซียนเลย”

 “กูว่ามึงรีบปรึกษาแล้วรีบไปเหอะ” แพทออกความเห็น และเพื่อนกันก็รู้ทันกันในทันทีว่าแพทอยากอยู่กับพี่มินของมันตามลำพัง

 “เอางั้นก็ได้แหละ”

 มินฟังปัญหาหนักใจของเซียนอย่างตั้งอกตั้งใจ รู้สึกยินดีไม่น้อยที่อีกฝ่ายเลือกที่จะปรึกษาเขาทั้งที่ไม่ได้สนิทสนมกันมาก่อนเลย

 “เซียนหนักใจตรงไหนล่ะ” พอฟังปัญหาจบก็เลือกที่จะยิงคำถามทันที

 “ก็เซียนเลือกไม่ได้นี่พี่มิน”

 “ทำไมต้องเลือกด้วยล่ะ”

 “การได้ร่วมแต่งเพลงกับทีมงานมืออาชีพที่เก่งมากมันเป็นโอกาสที่ดีใช่มั้ยล่ะ แต่เซียนมุ่งมั่นจะเอาดีด้านดนตรีนี่นา”

 “แล้วเพลงกับดนตรีมันไปด้วยกันไม่ได้เหรอ พี่คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำไปควบคู่กันซะอีก”

 “ก็จริง แต่ว่า...”

 “เซียนกำลังไม่มั่นใจในตัวเองใช่มั้ยล่ะ ไม่คิดว่าตัวเองจะทำทั้งสองอย่างนั้นไปพร้อมๆ กันได้”

 ทุกคำพูดของคนอายุมากกว่าแทงใจดำของเซียนเข้าอย่างจัง

 “เซียนไม่จำเป็นต้องเลือกอะไรเลย สิ่งที่เซียนต้องทำคือมั่นใจในศักยภาพของตัวเองและทำมันทั้งหมดนั่นแหละ”

 “แต่เซียน...”

 “ถ้าคุณเอาแต่หาข้ออ้างแบบนี้ ไม่ว่าจะปรึกษาใครคุณก็ไม่มีทางได้คำตอบหรอก และถ้าเอาแต่ลังเลสุดท้ายโอกาสดีๆ ที่ควรจะเป็นของคุณก็คงกลายเป็นของคนอื่น ตอนนั้นจะไม่รู้สึกเสียใจกว่าเหรอ”

 “ต้องเสียใจมากแน่ๆ ครับ”

 “ผมรอฟังเพลงของเซียนนะ”

 “พี่มินคิดว่าเซียนจะทำได้มั้ยครับ”

 “ไม่รู้สิ ขึ้นอยู่กับว่าเซียนจะทุ่มเทและตั้งใจกับมันมากแค่ไหน อีกอย่างถ้าเรามีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะทำมัน  ทุกอย่างต้องผ่านไปได้ด้วยดี”

 “เพราะแบบนี้เอง...”

 “หืม”

 “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้แพทถึงชอบพี่มินมากขนาดนี้”

 เซียนทิ้งระเบิดเอาไว้ก่อนเอ่ยขอบคุณแล้วบอกลา

 พี่มินน่ะทั้งเป็นผู้ใหญ่ ทั้งใจดี ภายนอกก็ดูดีไม่มีที่ติ จัดว่าเป็นบุคคลประเภทเพอร์เฟ็คอย่างหาตัวจับยาก เพราะดีเยี่ยมไปเสียหมดอย่างนี้ล่ะมั้ง แพทถึงไปไหนไม่รอดเลย

 แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าพี่มินจะเป็นอย่างไร แพทก็ยังคงชอบพี่มินอยู่ดี

 “พี่มินให้กำลังใจเก่งจัง ให้กำลังใจแพทบ้างสิ”

 “อยากได้กำลังใจเรื่องอะไรล่ะ”

 “เรื่องพี่มินไง บอกว่าแพทเก่งอยู่แล้ว ยังไงก็จีบพี่มินติดแน่นอน”

 “อย่างนี้เค้าไม่เรียกมั่นใจ เค้าเรียกมั่นหน้า”

 “โห ทำไมร้าย ท้าทายเหรอ อย่าคิดว่าจะรอดนะ ไม่ว่ายังไงพี่มินก็ต้องเป็นของแพทอยู่ดี”

 “เริ่มน่ากลัวแล้ว พูดถึงแพทกับเซียนคบกันนานเนอะ”

 “ยังน้อยกว่าพี่มินกับต๊อด”

 “ก็จริง แต่ก็ดีแล้วที่มีเพื่อนดีๆ”

 “ไอ้เซียนก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่หรอก”

 “ศีลเสมอกันล่ะสิ”

 “ก็จริงมั้ง นอกจากพี่มินก็มีเซียนนี่แหละที่คอยรับฟังแพททุกเรื่องเลย”

 “เจอเพื่อนดีๆ แล้วก็รักษาไว้ล่ะ”

 “พี่มินก็เหมือนกัน เจอคนดีๆ อย่างแพทแล้วก็รักษาไว้นะ” มั่นใจให้ 5 มั่นหน้าให้ 10 ไปเลย

 บรรยากาศผ่อนคลายทำให้อาหารมื้อนี้อร่อยกว่ามื้อไหนๆ อาหารที่สั่งมามากมายเกินกว่าชายหนุ่ม 2 คนจะกินหมด ค่อยๆ เกลี้ยงไปทีละจาน ข้าวในโถก็แทบจะหมด

 นานแล้วที่ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศครึกครื้นบนโต๊ะอาหารแบบนี้ หากแพทก็ไม่ได้นึกถึงอดีต เพราะเขากำลังคิดถึงเรื่องของอนาคต ถ้าได้กินข้าวเย็นกับพี่มินที่บ้านทุกมื้อต้องมีความสุขมากแน่ๆ

 “อยากกินข้าวเย็นกับพี่มินทุกวันจัง” มินหยุดมือที่กำลังเอื้อมไปเปิดประตูรถแล้วเอี้ยวตัวมามอง

 “วันจัง” เขาทวนคำแล้วมุ่นคิ้วทำหน้าสงสัย “หมายถึงวันจันทร์รึเปล่า”

 “พี่มิน แพทพูดชัดแล้ว”

 “ตอนพูดไม่ชัดน่ารักดีออก”

 “ทำไมเป็นคนแบบนี้วะ”

 “เป็นคนแบบนี้แล้วยังไง”

 “แล้วก็ยังชอบอยู่ดี” เอาเข้าไป แพทเนี่ยอย่าให้ได้มีโอกาสเลย หยอดตลอด และถึงแม้จะโดนหยอดอยู่บ่อยๆ แต่มินก็ไม่เคยชินซักที ได้ยินทีไรก็หวั่นไหวเป็นสาวน้อยจนนึกรำคาญตัวเองอยู่กรายๆ “พี่มินเองก็ชอบแพทเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ”

 ไม่รู้ว่าแพทเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน และเมื่อหันไปมองหน้าตรงๆ ก็พบว่าอีกฝายกำลังจ้องมองมายังข้อมือ

 จริงด้วย เพราะวันนี้มินพับแขนเสื้อขึ้นทำให้เห็นว่าเขาสวมกำไลถักไว้ ทั้งที่เคยบอกอีกฝ่ายว่ามันเก่าจนไม่กล้าใส่แท้ๆ

 “ดีจังที่พี่มินยังใส่มัน” แพทเห็นมันตั้งแต่พี่มินเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วแต่ไม่มีโอกาสทักซักทีกระทั่งตอนนี้ยามที่อยู่กันลำพังในรถ

 แอร์ค่อนข้างเย็นแต่สายตาของแพททำให้รู้สึกร้อนอบอ้าวจนเหงื่อซึมออกมาที่ไรผม

 นิ้วเรียวสัมผัสข้อมือมินแผ่วเบาพลางทอดสายตามองอย่างสื่อความหมายพิเศษ

 ตอนที่พี่มินบอกว่าอายที่จะใส่มันแพทใจแป้วไปเลย กระทั่งวันนี้ความไม่สบายใจหลายๆ อย่างเหมือนถูกยกออกไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังใส่ของแทนตัวเขาเอาไว้ตลอดเวลา

 บางทีพี่มินเองก็อาจจะใจตรงกัน

 แพทคิดเข้าข้างตัวเองก่อนจะเปลี่ยนจากลูบไล้เป็นจับข้อมือบางเอาไว้แล้วบรรจงจุมพิตลงบนผิวของอีกฝ่าย นุ่มนวล แฝงความหมายพิเศษที่ทำให้เจ้าของมันรู้สึกวูบวาบที่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่ชินแม้แต่ครั้งเดียว

 

 

 [T B C]


 

 
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 12 {Up.230918}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-09-2018 19:42:18
ใจละลายแล้ว พี่แพท  :-[
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 12 {Up.230918}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-09-2018 19:52:01
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าว.....ครูพี่มินเป็นสาวน้อยเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 12 {Up.230918}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-09-2018 20:04:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 12 {Up.230918}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-09-2018 20:20:23
มิน ก็มีคนมาชอบ  :เฮ้อ:
แพท ก็มีคนที่มาชอบ  :เฮ้อ:
คนหล่อ คนมีเสน่ห์ก็อย่างนี้แหละ

แพท มิน   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 12 {Up.230918}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 24-09-2018 13:09:10
หวานกันจริงๆ ขอให้น้องแพทจีบคุณครูพี่มินติดเร็วๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 12 {Up.230918}
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 24-09-2018 16:33:33
 :katai2-1: :mew1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 13 {Up.031018}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 03-10-2018 17:03:33

คุณครูพี่มิน 13



เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

ดอกเตอร์เมฆมองไปยังนักศึกษาที่เข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องงานวิจัยพลางเอ่ยขอโทษแล้วเดินเลี่ยงออกมาเพื่อรับโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทตน

“ไงต๊อด”

“มึงว่างมั้ยมากินเหล้าเป็นเพื่อนกูหน่อย”

“แต่หัววันเลยต๊อด มึงมีเรื่องอะไรรึเปล่า”

“มาหากูดิ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

มินมองโทรศัพท์ที่อีกฝ่ายตัดสายไปแล้วอย่างนึกฉงน ต๊อดชอบดื่มก็จริง แต่ปกติมันจะไม่ดื่มแต่หัววันแบบนี้ อีกอย่างน้ำเสียงที่ดังผ่านสัญญาณมือถือมาเมื่อครู่ก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

นึกห่วงเพื่อนตนอยู่มาก แต่งานที่ปรึกษาเรื่องงานวิจัยก็ยังค้างอยู่

แน่นอนว่าคนเป็นดอกเตอร์ต้องเลือกงานก่อนอยู่แล้ว

กระทั่งพระอาทิตย์ตกดินนั่นแหละดอกเตอร์เมฆจึงปลีกตัวออกมาได้ เขาบึ่งรถไปยังบ้านต๊อดทันทีแต่การจราจรก็ไม่ค่อยเป็นใจซักเท่าไหร่ กว่าจะมาถึงต๊อดก็นั่งคอพับคออ่อนแล้ว

“คุณมินมาพอดีเลยครับ” ช่างคนเก่าคนแก่ในร้านเอ่ยทักทายก่อนจะขอตัวกลับบ้านไปด้วยท่าทางร้อนรน

ต๊อดเนี่ยจะเมาทั้งทีทำเขาเดือดร้อนไปหมด

“ต๊อดมึงไหวป่ะเนี่ย”

“มินเหรอ ทำไมมึงมาช้าจังเลยวะ”

“ติดงานที่มหา’ลัยว่ะ นี่อย่าบอกนะว่ามึงดื่มตั้งแต่โทรหากู” ผ่านมาเกือบ 5 ชั่วโมงแล้วมั้ง มองขวดเหล้าสีที่พร่องไปเยอะแล้วและขวดโซดาที่วางระเกะระกะก็พอเดาได้ว่าดื่มไปมากน้อยแค่ไหน

“ไอ้เมี่ยงแม่ง ไอ้ห่าเอ้ย”

“พี่เมี่ยงทำไม” นานทีต๊อดจะทะเลาะกับพี่เมี่ยงที ครั้งนี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“มันชวนกูไปดูหนังวันนี้ แต่แม่งเบี้ยว”

“ติดเคสด่วนรึเปล่า ที่โรงบาลนั่นมีพี่เมี่ยงเป็นหมอคนเดียวไม่ใช่เหรอ”

“คนเดียวเหี้ยไรอะ มึงตกข่าวมากมิน เอ้าดื่มเป็นเพื่อนกูก่อน” ถึงแม้จะเมาจนคอพับคออ่อนแต่ก็ยังมีเรี่ยวแรงชงเหล้าแล้วยื่นมาให้ เห็นแก่น้ำใจเพื่อนมินจึงรับมาจิบ

มินไม่ใช่คนคอแข็งนัก เขาดื่มไม่เก่งแต่มีวิธีทำให้ตัวเองนั่งร่วมวงเหล้าได้นานเท่ากับคนที่ดื่มเก่งๆ

“ดื่มเซ่ดื่มให้หมดแก้ว” และต๊อดก็สนิทสนมกันจนรู้หมดว่ามินแค่จิบเหล้านิดหน่อยแล้วถือเอาไว้พอเป็นพิธีดังนั้นจึงคะยั้นคะยอให้ดื่ม ถ้าไม่ดื่มเขาก็จะไม่เล่าต่อ

“อะไรของมึงนักหนา” ดังนั้นมินจึงต้องดื่มเหล้ารวดเดียวหมดแก้วตามคำขอของเพื่อน

แก้วถูกกระแทกวางลงบนโต๊ะ มินใช้หลังมือเช็ดปากตนแล้วจ้องเพื่อนอย่างรอคอย

“ที่โรงบาลเมี่ยงมีคุณหมอสาวย้ายไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว”

“มึงคิดว่าเขานอกใจมึงงั้นสิ”

“ดื่มก่อน” แก้วตรงหน้าถูกหยิบไปแล้วส่งกลับมาพร้อมกับเหล้าเต็มแก้ว

ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ อย่างไรพรุ่งนี้ก็เป็นวันเสาร์ ถ้าขับรถกลับบ้านไม่ไหวก็นอนบ้านต๊อดละกัน

“ตอบคำถามกูได้ยัง”

“มันไม่เคยเป็นแบบนี้”

กว่าจะคุยกันรู้เรื่องมินก็สลบเหมือดเพราะเหล้าที่ถูกเติมในทุกๆ คำถามที่ส่งไป

แพทที่วันนี้แวะเล่นเกมส์ที่ร้านใกล้ๆ มหา’ลัยรีบบึ่งรถกลับมาหลังจากได้รับสายจากพี่เมี่ยงว่าพี่มินเมาหมดสภาพอยู่บ้านต๊อด ตอนแรกก็ไม่เชื่อหรอก จนพี่หมอถ่ายรูปส่งมานั่นแหละ

“ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ครับพี่หมอ”

“โดนไอ้แสบมอมเหล้ามั้ง” ไอ้แสบที่ว่าก็สภาพไม่ต่างกันเลย ถูกพี่เมี่ยงประครองไว้แท้ๆ แต่ก็ยังทำตัวร้ายกาจด้วยการตีเขาดังตุ๊บๆ

“ไม่เจ็บเหรอพี่หมอ”

“เจ็บดิ เดี๋ยวฝากแพทดูมินนะ พี่ไม่ไหวแล้ว” สีหน้าพี่หมอดูเหนื่อยอย่างปากว่า แพทจึงเลือกที่จะทำตามคำสั่ง

มองส่งจนสองคนนั้นปิดประตูบ้านจึงค่อยนั่งลงบนม้านั่งข้างพี่มินของตน

คนเมานั่งก้มหน้า มือถือแก้ววางไว้บนโต๊ะ ไม่แน่ใจว่าหลับไปแล้วรึยัง

“พี่มิน นี่แพทนะ” แพทดึงแก้วเหล้าออกจากมืออีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง

“อือ” พอได้ยินว่าเป็นแพทคนเมาก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพยักหน้ารับ

“คืนนี้นอนบ้านแพทนะ”

“อื้อ” เมาแล้วว่าง่ายจังเลยแฮะ

“เดินไหวมั้ย”

“ไหวสิ” ดอกเตอร์ตอบเสียงอ้อแอ้ แพทไม่มั่นใจในคำตอบมากนักหรอก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายว่าอย่างนั้นก็คงต้องปล่อยให้เขาเดินเองไปก่อน ถ้าไม่ไหวค่อยว่ากัน

คนเมาลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก เขาเท้าแขนที่โต๊ะ ตั้งท่าทรงตัวอยู่สักพักใหญ่ก่อนจะค่อยๆ ละมือจากที่ยึดเหนี่ยวอย่างระมัดระวัง ขาเรียวค่อยๆ ก้าวไปตามทางเดินเท้ามุ่งหน้าสู่บ้านท้ายซอย

แพทเดินเคียงข้างกัน สาบานเลยว่าวันนี้เป็นวันที่เขาเดินช้าที่สุดในชีวิตหากไม่นับรวมตอนหัดเดินเตาะแตะอะนะ จะว่าไป พี่มินตอนนี้สภาพเหมือนเด็กหัดเดินไม่ผิดเพี้ยน เดินอย่างไรก็ไม่ตรงแม้แต่นิดเดียว เป๋ไปเป๋มาบ้างก็เดินเซเข้าข้างทางซึ่งเป็นพุ่มไม้ให้แพทรีบเข้าไปช่วยพยุง

เอวพี่มินบางอย่างที่คาด แพทกระชอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้ กลิ่นแอลกอร์ฮอล์ทำให้คนที่มีสติสัมปชัญญะครบดีเริ่มวิงเวียนนิดหน่อยแล้ว

“พี่มินขี่หลังแพทเถอะ”

“เดินไหว” เดินไหวก็แย่แล้ว หมายถึงแพทเนี่ย เดินช้าก็จริงแต่ก็ต้องคอยอยู่ใกล้ๆ ระวังไม่ให้คนเมาล้มลงไป แบบนี้น่ะมันเหนื่อยชะมัด

“พี่มินครับ” แพทบังคับให้คนอายุมากกว่าหยุดเดินแล้วจับไหล่ให้นั่งลงบนม้านั่งข้างทาง ขณะที่ตัวเขาเองนั่งคุกเข่าด้วยท่าเจ้าชายลงตรงหน้า

ภาพแผ่นหลังกว้างที่อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาเลือนลางด้วยฤทธิ์แอลกอร์ฮอลที่กำลังเล่นงาน หากเชื่อเถอะว่าหัวใจของมินยังคงทำงานปกติดีทุกประการ มันกำลังสั่นไหวบอกเป็นนัยยะว่าคนที่มีตำแหน่งเป็นถึงดอกเตอร์กำลังหวั่นไหวกับความอ่อนโยนที่ได้รับ

ยังไม่ได้ย้ำ มือเรียวก็วางลงบนไหล่กว้าง แพทอมยิ้มเอี้ยวมองคนที่ทิ้งตัวลงบนหลังตน

การแบกชายหนุ่มที่รูปร่างเกือบจะเท่ากันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ทั้งหนักและเหนื่อยขนาดนั้นแต่แพทกลับเอาแต่ยิ้ม หัวใจของเขาพองโตจนคับอก ใบหน้าพี่มินซุกอยู่ที่คอ กลิ่นแอลกอร์ฮอล์โอบล้อมพวกเขาเอาไว้ตลอดทาง

แม่งเอ้ย แทนที่จะโรแมนติก แต่กลับดูเป็นฉากรักของคนขี้เหล้าไปซะงั้น และแม้จะบ่นกระนั้นขาเรียวทั้งสองข้างก็ยังคงเดินต่อไป

ต้นไม้ข้างทางพัดไหว วันนี้พระจันทร์ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า แต่แพทกลับมองไม่เห็นดาวเลยซักดวง ไม่สิ ดาวนำทางของแพทอยู่บนหลังนี่ต่างหาก

คนเมาถูกวางลงบนเตียงในห้องนอน

พี่มินหลับไปแล้ว

แพทเช็ดเหงื่อที่ซึมอยู่บนใบหน้าด้วยหลังมือก่อนปลดกระดุมเสื้อออกอีก พาลโกรธเครื่องปรับอากาศที่ไม่ให้ความเย็นทันทีที่เปิด

เจ้าของห้องนั่งลงบนที่ว่างริมเตียง ทอดสายตามองเจ้าของใบหน้าสะอาดสะอ้านที่กำลังหลับพริ้มครู่หนึ่งก่อนช่วยถอดรองเท้ากับถุงเท้าออกให้แล้ววางมันไว้ที่พื้นตรงปลายเตียง

ความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่กำลังลูบไล้เท้าเปลือยเปล่าปลุกให้คนเมารู้สึกตัวขึ้นมา

มินรู้สึกว่าใครบางคนกำลังวุ่นวายอยู่กับกระดุมเสื้อของเขาจึงคว้ามือข้างหนึ่งเอาไว้

“พี่มิน เปลี่ยนเสื้อก่อนแล้วค่อยนอน” จำได้ทันทีว่านี่คือเสียงแพท และจำได้อีกว่าแพทเป็นคนแบกตนขึ้นหลังมาที่นี่

“ไม่เปลี่ยนได้มั้ย” คนเมาส่งสายตาออดอ้อนมา คนถูกอ้อนชะงักไป รู้อยู่เต็มอกว่าที่พี่มินเป็นเช่นนี้เพราะฤทธิ์แอลกอร์ฮอล์แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าคนเป็นถึงดอกเตอร์มันต้องน่ารักขนาดนี้เลยเหรอ

“ไม่ได้ครับ เดี๋ยวจะไม่สบายตัวนะ”

“ไม่เอา ตัวไม่เหม็นซักหน่อย” แม้จะบอกเหตุผลไปแล้วแต่คนเมาก็ยังคงดื้อรั้นจับมือแพทเอาไว้แน่นบอกเจตนาว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเปลี่ยนเสื้ออย่างแน่นอน

“เหม็นครับ”

“ดมแล้วเหรอถึงรู้ว่าเหม็น” พี่มินเมาแล้วเหมือนกับว่าจะเด็กลงไปเป็นสิบยี่สิบปีเลย

“งั้นแพทดมเดี๋ยวนี้เลย” ว่าจบก็โน้มใบหน้าเข้าไปหาแต่กลับถูกเจ้าของร่างกายอ่อนเปลี้ยบนเตียงกุมแก้มเอาไว้ซะก่อน

“ไม่ให้ดมง่ายๆ หรอกนะ”

“แล้วทำยังไงถึงจะยอมให้ดมครับ” พี่มินตอนนี้น่ะถึงไม่ดมกลิ่นเหล้าก็โชยมาเตะจมูก แต่ในเมื่อโอกาสใกล้ชิดมาถึงแล้วมีหรือที่แพทจะปล่อยให้มันหลุดมือไปง่ายๆ

“เป็นเด็กเป็นเล็กมาขอดมผู้ใหญ่ได้ยังไง”

“แพทไม่เด็กแล้ว”

“ไม่เด็กอะไรกัน ตัวเท่าเอว”

“นั่นมันเมื่อ 10 กว่าปีก่อนต่างหากครับ พี่มินจำแต่พี่แพทรึไง” รู้สึกงอนขึ้นมานิดๆ เลยแฮะ “มองแพทดีๆ สิครับ แพทโตเป็นหนุ่มแล้วนะ”

สายตาพี่มินที่มองแพทอ่อนโยนเหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรก เขาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเด็กน้อยที่เติบโตเป็นชายหนุ่มเต็มตัวโดยไม่กระพริบตา ไม่รู้ว่าคนมองรู้สึกอย่างไร แต่คนถูกมองกำลังจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว ยิ่งในยามที่นิ้วเรียวเลื่อนมาสัมผัสที่คิ้ว ไล้ลงมาที่สันจมูกแล้วค่อยๆ ไต่มายังริมฝีปาก แพทก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเขาอาจจะระเบิดออกมาเพราะความร้อนรุ่มเร็วๆ นี้

“พี่มิน” แพทว่าด้วยเสียงออดอ้อนติดเลื่อนลอยพร้อมกับกอบกุมมือคนบนเตียงให้เลื่อนมาจับที่อกแน่นๆ ของตน “เชื่อรึยังว่าแพทโตเป็นหนุ่มแล้ว”

“ดมตรงนี้”

หัวใจของชายหนุ่มเต้นตึกตักเมื่อคนที่ตนเฝ้ารักมานานหลายปีถลกคอเสื้อเชิ้ตลงแล้วบอกให้ดมที่บริเวณไหปลาร้าพลางเอียงคออย่างเชิญชวนแบบที่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวแน่ว่ากำลังทำอะไรอยู่

พี่มินยามนี้ถึงแม้จะยังสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้นแต่ก็ยั่วยวนเสียจนชายหนุ่มวัยฮอร์โมนพลุ่งพล่านอย่างแพทเริ่มร้อนรน ตรงนั้นที่เคยเฝ้าโอ๋ด้วยตัวเองตลอดหลายปีก็พลันปึ๋งปั๋งขึ้นมา

ไอ้บ้าเอ้ย ขายขี้หน้าชะมัด

มินนอนมุ่นคิ้วมองแพทที่กำลังทึ้งหัวตัวเองจนผมยุ่งเหยิง ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยื่นมือไปจับผมแพทเบาๆ

“เดี๋ยวก็ไม่หล่อหรอก” คนที่กำลังข่มอารมณ์ตัวเองอย่างถึงที่สุดถึงกับพรูลมหายใจออกมา

พี่มินไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ดอกเตอร์อะไรวะไร้เดียงสาชะมัด

“เดี๋ยวแพทไปห้องน้ำแป๊บนึง”

“ไม่ดมแล้วเหรอ” แกล้งกันหรือไงวะ แพทเพ่งมองคนที่ไม่ยอมปล่อยแขนตนทั้งยังมองมาด้วยสายตาชวนฝัน ถ้าอีกฝ่ายไม่เมาล่ะก็ แพทคงคิดว่าพี่มินกำลังพิสูจน์ความเป็นสุภาพบุรุษของเขาแน่ๆ

“เดี๋ยวไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ครับ” ซะที่ไหนกันล่ะ พี่มินแม่งแย่ทำให้แพทต้องไปโอ๋ลูกชาย

“ยังไม่ดมเลย” ย้ำเข้าไป ถ้าเกิดแพททนไม่ได้แล้วจับแก้ผ้าอย่าหาว่าไม่เตือนนะโว้ย

แพทอยากจะทึ้งหัวตัวเองอีกรอบเมื่ออยู่ๆ พี่มินก็ช้อนสายตามองกัน ขณะริมฝีปากอิ่มก็เบะคว่ำลง มือที่ถูกจับเฉยๆ ในคราแรกกำลังถูกหยอกเย้าด้วยนิ้วเรียวที่คลึงหลังมือ

ให้ตายเถอะโว้ย พี่มินทำตัวเองทั้งนั้นเลยนะ

ใบหน้าหล่อเหลาของคนเป็นเจ้าของห้องฉกเข้าไปใกล้จนคนเมาขยับห่างจนศีรษะจมลงไปกับหมอนที่หนุนอยู่

สายตาเร่าร้อนของแพทกวาดมองเจ้าของดวงหน้าสีระเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอร์ฮอลย์อย่างเชื่องช้าคล้ายราชสีห์จ้องมองเหยื่อ มือที่ถูกกอบกุมพลิกมาเป็นฝ่ายจับบ้าง หน้าผากของทั้งคู่แนบกันส่งผ่านอุณหภูมิร่างกายให้ร้อนขึ้นเป็นเท่าตัว

มินรู้สึกเหมือนกำลังสร่างเมาหน่อยๆ แล้ว

“ให้ดมตรงไหนก่อนดีครับ” ลมหายใจอุ่นๆ รินรดปลายจมูกพร้อมกับเสียงพร่าที่ถูกเปล่งออกมา

แพทไม่คิดว่าสัญชาติญาณดิบของตนมันจะน่ากลัวขนาดนี้ มือหนาเลื่อนผ่านชายเสื้อที่ถูกดึงออกนอกกางเกงตั้งแต่ที่บ้านต๊อด ลูบไล้หน้าท้องอีกฝ่ายด้วยปลายนิ้วให้ขนอ่อนของคนถูกสัมผัสพร้อมใจกันลุกชัน

ปลายจมูกโด่งคลอเคลียบริเวณไหปลาร้าก่อนเจ้าของมันจะร้องโอ้ยเมื่อเขี้ยวถูกฝังลงมา

“พี่มิน ขอจูบได้มั้ย” เสียงพร่าเอ่ยขอร้องขณะปลอบประโลมบริเวณที่โดนขบกัดด้วยริมฝีปากที่กดย้ำๆ อย่างแผ่วเบา

หากก็ไร้ซึ่งสัญญาณตอบรับใดๆ ให้ต้องผละออกเพื่อมองหน้ากันตรงๆ

ให้ตายเถอะ คนเมาหลับไปแล้วขณะที่ลูกชายแพทตื่นเต็มตา

เจ้าของห้องถอยกรูดออกมา อยากจะกรีดร้องที่ถูกทิ้งเอาไว้กับสภาพที่กำลังย่ำแย่ แพทกระโดดโลดเต้นมือแกร่งกำแน่นอย่างคนไม่รู้ว่าจะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับเรื่องนี้อย่างไร

พี่มินแม่งจะใจร้ายไปถึงไหนวะ















ทันทีที่ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวตุบๆ มินก็รู้ทันทีว่าที่นี่ไม่ใช้ห้องนอนเขาอย่างแน่นอน

จำได้ว่าเมื่อคืนดื่มกับต๊อดไปเยอะมาก มากจนเมาแล้วหลังจากนั้นแพทก็มา อ่อ ไม่สิ พี่เมี่ยงมาถึงก่อน สักพักแพทก็ตามมา

ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็คงจะเป็นบ้านแพทล่ะมั้ง

ไม่ต้องคิดมากให้เมื่อยสมองเพียงพลิกร่างนอนตะแคงก็พบเจ้าของห้องนอนหลับอยู่ข้างๆ กันในสภาพเปลือยท่อนบน

มินตกใจนิดหน่อยก่อนก้มมองสภาพตัวเองแล้วค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เสื้อผ้ายังคงอยู่ครบ ถึงแม้ว่าเสื้อที่สวมอยู่จะไม่ใช่เสื้อเชิ้ตตัวเมื่อวานก็ตาม

ก็คงเป็นแพทนั่นแหละที่ช่วยเปลี่ยนเสื้อให้

เจ้าของห้องยังคงหลับพริ้มไม่มีวี่แววจะตื่นขึ้นมาได้ง่ายๆ มินจึงถลกผ้าห่มฝั่งตนออกแล้วลุกจากเตียง

อาการปวดหัวนี่คงเป็นผลจากการดื่มหนักแน่ๆ

ไม่รู้ว่าต๊อดเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ว่าโดนพี่เมี่ยงลงโทษจนเดี๊ยงไปแล้วหรอกนะ

มินคว้าผ้าขนหนูที่แขวนอยู่บนราวอย่างถือวิสาสะก่อนเดินไปยังห้องน้ำ เขากวาดสายตามองห้องแคบอย่างพิจารณา สภาพเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นชวนให้นึกถึงอดีต แต่ก็คิดไม่นานหรอกเพราะคนเราน่ะต้องเดินไปข้างหน้า

กระจกเหนืออ่างล้างจานสะท้อนภาพชายหนุ่มวัย 32 ในสภาพหัวกระเซิง ใบหน้าอ่อนล้า ขอบตาดำ ดวงตาแดงก่ำ เรียกโดยรวมว่าสภาพแย่มาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่สะดุดตาและทำให้ตกใจที่สุดคือรอยช้ำบริเวณไหปลาร้า ยิ่งพิจารณาก็ยิ่งพบว่าไม่ใช่แค่ช้ำแต่มีรอยเขี้ยวเหมือนถูกกัดมา

แพท!!

ไม่ได้อยากใส่ร้ายใครเลย แต่คนเดียวที่แว้บเข้ามาในหัวคือคนที่กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงในห้องนอนนั่น

ประตูห้องน้ำถูกกระชากออก เสียงดังตึงๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กระนั้นคนเป็นเจ้าของห้องก็ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนผ้าห่มถูกกระชากออกแพทจึงงัวเงียลืมตาขึ้นมา

“พี่มิน” พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็ทักทายด้วยรอยยิ้มโดยไม่รู้เลยว่าพายุหมุนกำลังประชิดตัวผู้เคราะห์ร้ายแล้ว

“ไม่ต้องมายิ้ม” โกรธอะไรแต่เช้า แพทนึกสงสัยแต่ไม่ได้เอ่ยถาม เขาลุกขึ้นมานั่งแล้วขยี้หัวยุ่งๆ ของตัวเอง สภาพดูไม่ได้ยิ่งกว่ามินซะอีก

“ต้องทำหน้าโกรธเหมือนพี่มินเหรอ”

“คุณแม่งโคตรฉวยโอกาสเลยว่ะ”

ฉวยโอกาส? แพทตกอยู่ในอาการงุนงงนิดหน่อย อ่อคงหมายถึงรอยที่ไหปลาร้านั้นแน่ๆ คนเมาก็อย่างนี้แหละน๊า ตัวเองเชิญชวนเองแท้ๆ ยังจะมาโยนความผิดให้กันอีก

“พี่มินถลกเสื้อให้แพทเองเลยนะ ฉวยโอกาสอะไรกันล่ะ”

“ผมเนี่ยนะ ไม่มีทาง” มินปฏิเสธเสียงแข็ง ถึงแม้จะเมาแค่ไหนเขาก็ไม่เคยปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

“คิดอยู่แล้วว่าพี่มินต้องไม่เชื่อแพทแน่ๆ รู้งี้น่าจะถ่ายคลิปไว้ พี่มินจะได้รู้ว่าตอนเมาตัวเองเป็นยังไง”

“เป็นยังไง” เพราะสีหน้ากรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายทำให้นึกสงสัยขึ้นมา

“บอกไปก็ไม่เชื่ออยู่ดี”

“ผมจะทำยังไงกับคุณดีวะแพท”

“กัดคืนมั้ยล่ะ ตรงไหนก็ได้นะ แพทยอมหมดเลย” คนที่นั่งอยู่บนเตียงกางแขนออกโชว์สรีระช่วงบนให้อีกฝ่ายมองและเลือกตามสบาย

“อะไรกันล่ะ ใครจะอยากทำแบบนั้น ไม่ใช่เด็กซักหน่อย”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกน่า มาสิครับ” ข้อมือของมินถูกคว้าเอาไว้ก่อนแพทจะออกแรงดึงให้คนที่ยืนห่างจากเตียงไปนิดหน่อยขยับเข้ามาใกล้จนเข่าชนกับขอบเตียงเบาๆ

มินไม่ได้พยายามทำให้ข้อมือรอดพ้นจากการเกาะกุม เขามองเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ขยับเข้ามาใกล้ในสภาพเกือบเปลือย เพิ่งสังเกตุตอนนี้เองว่าท่อนล่างเด็กนั่นมีแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว

“ไม่ต้องมาเล่นเลยแพท”

“อะไรล่ะ แพทกำลังสำนึกผิดนะเนี่ย” ถึงแม้จะพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายรู้สึกผิดจริงๆ ก็เถอะ แต่มินก็เชื่อไม่ลงอยู่ดี เด็กนี่เจ้าเล่ห์จะตาย เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วด้วยซ้ำ

“เชื่อก็โง่แล้ว”

“ยอมโง่หน่อยไม่ได้เหรอครับดอกเตอร์”

“ทำไมต้องทำเป็นโง่ทั้งที่ผมฉลาดขนาดนี้”

“พี่มินรู้ป่ะ” คนที่นั่งอยู่บนเตียงเปลี่ยนอิริยาบถเป็นยืนด้วยเข่าให้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน “เวลาแพทเรียกพี่มินว่าดอกเตอร์เอย อาจารย์เอยมันโคตรตื่นเต้นเลยอะ”

ไม่ต้องถามก็รู้ได้ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ในทันทีเลยว่าตื่นเต้นในแง่ไหน

ท้ายที่สุดคนเป็นดอกเตอร์ก็จำต้องล่าถอย

แพ้อีกแล้วแฮะ















นับแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เวลาก็ผ่านไปเกือบ 2 สัปดาห์แล้วที่พี่มินไม่ยอมพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับแพท เอาเป็นว่าแม้แต่สบตากันยังไม่ทำเลย

เพราะเป็นเช่นนั้นจึงไม่มีแม้แต่โอกาสจะหงายคูปองสะสมความดี

เสียงถอนหายใจดังออกมาอีกครั้งให้คนเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถนึกหงุดหงิด

ต๊อดวางอุปกรณ์ในมือลงก่อนเดินไปนั่งลงข้างแพทบนแคร่

“มึงจะถอนหายใจให้ได้อะไรขึ้นมา น่ารำคาญฉิบหาย”

“ก็พี่มินน่ะสิ”

“กูว่าแล้ว” มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ทำให้ไอ้เด็กนี่ทุกข์ใจ ไม่เรื่องที่บ้านก็เรื่องคุณครูพี่มินสุดที่รักของมัน

“มันไม่สนใจมึงล่ะสิ”

“ทำไมต๊อดรู้ พี่มินเล่าให้ต๊อดฟังเหรอ”

“ไม่ต้องมีใครเล่าหรอก” ช่วงนี้แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่ค่อยได้คุยกับเพื่อนสนิทเลย จะว่าไปก็ตั้งแต่มอมเหล้ามันจนหัวราน้ำไปด้วยกันนั่นแหละ

“พี่มินต้องโกรธแพทเรื่องวันนั้นแน่เลย” ต๊อดขยับตัวหันหน้ามามองเพื่อตั้งใจฟัง นึกสงสัยว่าตัวเองพลาดอะไรไปรึเปล่านะ “แต่ตอนพี่มินเมาน่ะน่ารักมากเลยนะ”

“ไอ้มินเนี่ยนะน่ารัก” แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง และยิ่งแพทพยักหน้าสำทับว่าที่ตนพูดน่ะเป็นเรื่องจริง ต๊อดก็ยิ่งงงหนักเข้าไปอีก “มึงกำลังพูดถึงมินที่เป็นอาจารย์สอนที่มหา’ลัยมึงป่ะแพท”

”ก็พี่มินไง ต๊อดงงอะไรเนี่ย” แพทเองก็เริ่มงงด้วยแล้วนะเว้ย

“มึงบอกว่าเวลาเมามันน่ารักเหรอ”

“อื้อ ต๊อดแคะขี้หูบ้างนะ แพทก็ว่าแพทพูดชัดมากแล้ว ยังไม่ได้ยินอีกเหรอ”

“มึงอย่ามาโม้ ไอ้มินน่ะเวลาแม่งเมาด่ากูอย่างกับด่าหมา อะไรที่ไม่เคยพูดตอนมีสติแม่งก็พูดออกมาหมดเลย กูเนี่ยสำนึกผิดไม่เคยทัน”

“จะเป็นไปได้ยังไง พี่มินน่ะ...” แพทหยุดคำพูดเอาไว้เพียงแค่นั้นเมื่อความคิดนึงแว้บเข้ามาในหัว

พูดในสิ่งที่ยามปกติไม่พูด ทำอย่างที่เวลามีสติไม่ทำ

เข้าข้างตัวเองได้มากน้อยแค่ไหนนะ

ขณะกำลังครุ่นคิดเสียงโทรศัพท์มือถือต๊อดก็ดังขึ้นขัดจัวหวะ นึกโมโหอยู่ไม่น้อยกระทั่งได้ยินชื่อพี่มินดังมาจากเสียงสนทนา ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ชายหนุ่มขยับเข้าไปเงี่ยหูฟัง

จับใจความไม่ค่อยได้ แต่ดูเหมือนว่าพี่มินกำลังมีปัญหา

“ต๊อดงานเยอะนี่ให้แพทไปแทนมั้ย” มีน้ำใจก็ส่วนหนึ่งแต่อยากเจอพี่มินน่ะส่วนใหญ่

ต๊อดมองเจ้าเด็กที่เติบโตมากับตนอย่างรู้ทันแต่ก็ยอมบอกสถานที่แต่โดยดี















อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้ร้ายแรงนักแต่ก็สร้างความหวาดกลัวให้มินได้มากทีเดียว

แม้ว่าเรื่องทุกอย่างจะถูกเคลียร์เรียบร้อยโดยประกันของทั้งสองฝ่ายแล้วแต่มือไม้ของเจ้าของรถกลับยังสั่นไม่หาย

ทั้งที่เคลียร์งานเสร็จเร็วและตั้งใจจะกลับบ้านไปพักผ่อนให้เต็มอิ่มซักหน่อยแต่กลับเผลอวูบระหว่างทางจนรถไปเฉี่ยวกับคันอื่นซะได้

มินละสายตาจากมือสั่นๆ ของตนเมื่อแท็กซี่เข้ามาจอดต่อท้ายรถเขาที่จอดเทียบทางเดินเท้าเอาไว้ คิดว่าคงเป็นเพื่อนตนอย่างแน่นอน แต่กลับไม่ใช่

คนที่เดินลงจากรถมายังคงอยู่ในชุดนักศึกษาไม่ถูกระเบียบ

“พี่มินเป็นอะไรมากรึเปล่า” คนถูกถามไม่ตอบในทันที กำลังทบทวนการกระทำของตนเองอยู่ว่าไม่ได้เผลอโทรเรียกแพทมาใช่มั้ย

ถึงแม้ว่าเรื่องที่เด็กนี่ทำกับเขาในคืนที่เมาหัวราน้ำจะยังติดค้างอยู่ในใจแต่คงไม่ถึงกับไร้สติโทรตามออกมาหรอก

“ต๊อดไม่ว่างก็เลยขอให้แพทมาแทน แต่ถึงต๊อดไม่ขอแพทก็เต็มใจมานะ” แพทบอกราวกับล่วงรู้ความในใจ “ยังตกใจอยู่เหรอครับ”

“นิดหน่อยแหละ ไหนๆ ก็มาแล้วช่วยขับรถให้หน่อยแล้วกัน”

คนที่ตั้งใจมาช่วยรับกุญแจไปอย่างเต็มอกเต็มใจ ช่วยเจ้าของรถปิดประตูแล้วค่อยอ้อมไปฝั่งคนขับ ในตอนนั้นเองที่พบว่ากระจกมองข้างฝั่งตนหักลงมา พอก้มมองที่ตัวรถก็พบรอยถลอกยาวประมาณ 1 ฟุต

รถเฉี่ยวอีท่าไหนกันล่ะเนี่ย

“มือยังสั่นอยู่เลยนี่ ตกใจมากเลยเหรอครับ” แพทถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางกอบกุมมืออันสั่นเทาของเจ้าของรถเอาไว้

ความอบอุ่นและความห่วงใยที่ถูกถ่ายทอดผ่านสัมผัสช่วยทำให้หัวใจที่เต้นถี่ด้วยความตกใจก่อนหน้านี้ค่อยๆ เต้นช้าลงจนเกือบเป็นปกติ

“ไม่เป็นไรนะ ขวัญเอ้ยขวัญมา” มินเผลอยิ้มเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านเหตุร้ายมา

ท่าทางของแพทที่ยื่นมือมาคล้ายจะลูบหัวกันแต่สุดท้ายก็ชักมือกลับเมื่อนึกได้ว่ามินอายุมากกว่าทำให้นึกถึงพี่แพทคนที่เป็นเด็กร้ายๆ

“ขอบใจนะที่มา”

“คิดว่าพี่มินผิดหวังที่เห็นแพทแทนที่จะเป็นต๊อดซะอีก”

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ”

“ก็ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย”

“คิดว่าโกรธเหรอ”

“ก็ต้องคิดอยู่แล้วสิ”

“คิดไม่ผิดหรอก อย่าไปทำแบบนั้นกับใครอีก”

“ไม่เคยทำกับใครเลย ทำกับพี่มินคนแรก”

“แพท!”

“ดุทำไมล่ะ แพทพูดจริงนี่นา”

“ถ้าไม่เลิกพูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่ต้องมาคุยกันอีกนะ”

“แล้วรอยนั่นจางไปรึยังครับ”

“บอกว่าให้หยุดพูดไง”

“ขอดูหน่อยสิ” พูดเปล่าซะที่ไหนกันล่ะ นอกจากใช้สายตากรุ้มกริ่มมองสำรวจกันแล้วยังทำท่าเหมือนจะยื่นมือมาถลกคอเสื้อกันให้มินรีบยกมือขึ้นปัดป้องเป็นพัลวัน

พอเห็นพี่มินแสดงสีหน้าแบบอื่นบ้างแพทก็รู้สึกสบายใจ เขาถอยออกห่างพลางยกมือยอมแพ้ กระนั้นก็ยังไม่ละสายตาจากอีกฝ่าย อยากมองทดแทนช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ไม่ได้มอง



[-T B C-]



เจ้าแพทมันร้ายค่ะ ขอกำลังใจให้พี่มินด้วย


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 13 {Up.031018}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-10-2018 18:04:45
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถๆๆๆๆๆๆๆๆ ด็อกเตอร์พี่มินจะเล่นตัวไปทำไม?

ใจตรงกันมานานแล้ว แต่ดันเล่นตัวซะ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 13 {Up.031018}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-10-2018 18:42:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 13 {Up.031018}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-10-2018 18:57:50
แพทรุกหนักไปป่าว.  :hao4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 14 {Up.091018}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 09-10-2018 20:50:37
คุณครูพี่มิน 14



อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงสอบกลางภาคแล้ว หากพ่อนักศึกษาคนเก่งกลับไม่กระตือรือร้นแม้แต่นิดเดียว ต่างจากดอกเตอร์เมฆที่กำลังจดจ่ออยู่กับการออกข้อสอบจากบทเรียนที่เขาตั้งใจถ่ายทอดออกไป

การสอบนอกจากวัดผลการเรียนแล้วยังเป็นการวัดผลการสอนของอาจารย์ด้วย

ถ้าคะแนนออกมาดีคนเป็นอาจารย์ก็ดีใจแต่ถ้าออกมาแย่ก็คงต้องกลับมาถามตัวเองหน่อยแล้วว่าพลาดตรงไหนแล้วนำไปปรับปรุง

“เตรียมข้อสอบเสร็จแล้วเหรอครับดอกเตอร์” คนถูกทักตกใจนิดหน่อย เพราะเวลานี้มันค่อนข้างดึกเขาจึงคิดว่าคนอื่นน่าจะกลับไปกันหมดแล้ว

“คุณพิพัฒน์ก็อยู่เคลียร์งานเหมือนกันเหรอครับ”

“งานผมเคลียร์เสร็จตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะครับ”

“อ้าว แล้ว...”

ยังเอ่ยไม่จบประโยคอีกฝ่ายก็พูดแทรกขึ้นมา “เห็นไฟในห้องดอกเตอร์ยังเปิดอยู่ก็เลยแวะมาดูน่ะครับ เห็นตั้งใจทำงานก็เลยนั่งรออยู่ตรงนี้”

“คุณพิพัฒน์มีอารมณ์ขันนะครับเนี่ย”

“เสียใจจังเลยครับที่ดอกเตอร์ไม่เชื่อกัน” พิพัฒ์แสร้งทำหน้าเศร้า คิดว่าก็ไม่แปลกหรอกที่ดอกเตอร์เมฆจะไม่เชื่อเพราะในฐานะเพื่อนร่วมงานการมานั่งรอกันมันดูเป็นไปไม่ได้แม้แต่น้อย

“แล้วนี่คุณพิพัฒน์จะกลับเลยมั้ยครับ”

“ดอกเตอร์ล่ะครับ ตรงกลับบ้านเลยมั้ย”

“ครับ” การเตรียมข้อสอบทำให้ดอกเตอร์เมฆรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและสมองแน่นอนว่าเขาย่อมอยากพักผ่อนเป็นเรื่องธรรมดา

“ไปหาอะไรดื่มกันหน่อยมั้ย”

“เอาไว้ครั้งหน้าดีกว่าครับ วันนี้ผมอยากพักมากกว่า”

“แค่แก้วเดียวก็ไม่ได้เหรอครับ”

“เอาไว้ครั้งหน้าดีกว่าครับ”

“ผมนัดดอกเตอร์ล่วงหน้าเลยได้มั้ยเนี่ย”

“คุณพิพัฒน์กำลังเครียดรึเปล่าครับ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้มั้ง และถ้าผมเครียดจริง ดอกเตอร์จะยอมไปดื่มด้วยกันมั้ย”

“เอาไว้หลังกลางภาคดีกว่ามั้ยครับ”

“ผมจะลงตารางไว้เลย” พิพัฒน์เดินตามมาส่งดอกเตอร์เมฆถึงรถ กระทั่งไฟท้ายลับตาไปเขาจึงก้าวออกจากบริเวณนั้น

อดคิดไม่ได้ว่าคนใจดีบทจะใจแข็งก็แข็งซะจนทำตัวไม่ถูกเลย

คงไม่ง่ายที่จะพิชิตใจและเลื่อนขั้นเป็นคนรักในซักวัน













ตอนที่ดอกเตอร์เมฆเดินเข้ามาในห้องเรียนเพื่อทำการสอนในวันนี้ เขาก็พบกับแพทที่นั่งยิ้มแป้นต้อนรับกันอยู่ที่เก้าอี้แถวหน้าสุดแล้ว

การเรียนการสอนผ่านไปอย่างปกติกระทั่งหมดชั่วโมงเรียนใครคนหนึ่งที่คุ้นเคยกันดีก็ยกมือขึ้นแล้วเอ่ยถามเสียงดังโดยไม่ต้องพึ่งไมโครโฟน

“อาจารย์จะไม่ช่วยเก็งข้อสอบให้ซักหน่อยเหรอครับ”

บรรดานักศึกษาที่กำลังเก็บข้าวของต่างพากันชะงักมืออย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียว ทุกสายตาจับจ้องมายังอาจารย์ผู้สอนชวนให้รู้สึกกดดัน กระนั้นก็ใช่ว่าดอกเตอร์เมฆจะใจอ่อนง่ายๆ

“ข้อสอบก็ออกตามที่ผมสอนนั่นแหละ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก”

“โหจารย์อย่าขี้งกสิ”

“ภัทรดนัยเอาเวลาโอดครวญไปตั้งใจอ่านหนังสือเถอะ”

“บอกคร่าวๆ ก็ไม่ได้เหรอครับ ถ้าพวกเราสอบตกกันยกห้องทำไงอะ”

“ก็ซ่อมไง อีกอย่างผมจะได้รู้ด้วยว่าฝีมือการสอนของผมมันห่วย นักศึกษาถึงได้พากันสอบตกยกห้อง”

นักศึกษาบางส่วนพากันส่ายหัวเป็นเชิงว่าอาจารย์ไม่ได้สอนห่วยหรอก และแพทเองก็คิดอย่างนั้น วิชาที่เขาคิดว่าอาจจะไม่ไหวในตอนแรกนั้น พอเรียนไปเรื่อยๆ แล้วกลับมานั่งทบทวนอีกนิดหน่อยก็เข้าใจมันได้ไม่ยากเลย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากวิธีการสอนของอาจารย์อย่างแน่นอน

ดอกเตอร์เมฆน่ะสอนดีมากแล้วนะ

“พี่มินช่วยติวให้แพทบ้างสิ” เมื่อนักศึกษาทยอยออกนอกห้องไปจนหมดแล้วคนที่นั่งหน้าแป้นอยู่โต๊ะตัวหน้าสุดก็เดินเข้ามาหา

“ไม่ได้หรอก มันไม่เท่าเทียม”

“ไม่ได้ให้ติวในฐานะอาจารย์นี่นา ติวในฐานะพี่มินของแพทก็ไม่ได้เหรอ ใจดำจัง”

“ไม่ได้!”













ทั้งที่ปฏิเสธออกไปอย่างนั้นแท้ๆ แต่กลับต้องกลืนน้ำลายตัวเอง

น้ำในแก้วถูกดื่มจนหมดรวดเดียวเพื่อดับอาการหัวร้อนจากการถูกกวนประสาทของคนที่เหมือนจะตั้งใจเรียนแต่กลับเอาแต่มองหน้าอาจารย์ผู้สอนไม่ยอมมองหนังสือเรียนแม้แต่วินาทีเดียว

“เลิกติวแล้วไปช่วยต๊อดซ่อมรถเถอะ ติวไปก็ไม่ได้ประโยนช์อะไร”

“ทำไมล่ะ แพทตั้งใจอยู่นะ”

“มั่นใจเหรอที่พูด”

“พี่มินไม่เชื่อเหรอ แพทจดจริงๆ นะ” สมุดเล็คเชอร์ตรงหน้าถูกเลื่อนมา มินกวาดสายตามองผ่านๆ ก็พบว่าแพทไม่ได้โกหกเลย

ก็เห็นเอาแต่นั่งมอง เอาเวลาไหนไปจด

“ทีนี้สอนต่อได้รึยังครับ”

“ไม่คิดว่ามันเป็นการเอาเปรียบเพื่อนเหรอ” ถึงจะเต็มใจติวโดยที่แพทไม่ต้องหงายการ์ดสะสมความดีแต่ในใจลึกๆ คนเป็นอาจารย์เจ้าของวิชาก็รู้สึกผิดต่อลูกศิษย์คนอื่นๆ อยู่ไม่น้อย

“พี่มินเป็นคนดีจังเลยนะ”

“อันนี้ชมหรือประชด”

“ก็ต้องชมอยู่แล้วสิ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวแพทสรุปแล้วเอาไปบอกต่อในกรุ๊ปเอง”

“มีกรุ๊ปด้วยเหรอ” ได้ยินอย่างนั้นแล้วคนเป็นอาจารย์ผู้สอนก็เริ่มสนใจอยากรู้อยากเห็น

“ก็เอาไว้สรุปบทเรียนต่างๆ ไรงี้”

“ไม่ใช่ว่าเอาไว้นินทาอาจารย์หรอกเหรอ”

“แหม มันก็มีบ้างนิดหน่อยแหละ”

“เล่าให้ฟังบ้างสิ”

“เรายังติวหนังสือกันไม่ถึงไหนเลยนะครับเนี่ย”

“ถ้าไม่เล่าไม่ติวนะ”

“โหพี่มิน โคตรกดดันอะ ไม่เอาหรอกแพทไม่อยากหักหลังเพื่อน”

“ก็แล้วแต่นะ” คนเป็นอาจารย์ขยับนั่งตัวตรงพิงพนักเก้าอี้ ทำเป็นมองไปทางอื่นไม่สนใจแพทที่ส่งสายตาอ้อนวอนมา

มินค่อนข้างมั่นใจเลยว่าในกรุ๊ปนั้นต้องมีการพูดถึงเขาบ้างแหละ และถ้าเป็นเรื่องที่สามารถนำไปปรับปรุงได้เขาก็อยากรู้เพื่อจะได้พัฒนาตัวเองให้เข้ากับนักศึกษาให้ได้มากกว่านี้

“ส่วนมากสาวๆ ก็บอกว่าดอกเตอร์เมฆโคตรหล่อ มองมุมไหนก็ดูดี อยากได้เป็นพ่อของลูก พอใจรึยังครับ” แพทบอกอย่างไม่เต็มใจ

“แค่นี้เหรอ”

“มากกว่านี้ แต่แพทไม่บอกหรอก ไม่ชอบให้ใครมาชม อยากเก็บไว้ชมคนเดียว”

“ขอเข้ากรุ๊ปบ้างดีมั้ยนะ”

“ไม่ดีหรอก ไม่ให้เข้า ถ้าเข้าก็จะเตะออก”

“ทำไมใจร้ายจังล่ะ”

“เดี๋ยวก็มีคนมาจีบพี่มินน่ะสิ แพทหวง” แพทน่ะพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ ต่างจากคนฟังที่วูบวาบไปทั้งใบหน้ากับคำว่าหวง

“โอเค ไม่เข้าก็ไม่เข้า” ได้ยินอย่างนั้นแพทก็เบาใจกลับมาตั้งใจเรียนต่อได้อย่างไร้ความกังวล

จนดึกดื่น จนต๊อดปิดร้าน จนต๊อดต้องเอายากันยุงออกมาจุดให้ และจนทนยุงกัดไม่ไหวอาจารย์กับลูกศิษย์จึงยกธงขาวยอมแพ้เก็บสมุดหนังสือแล้วบอกลากัน

แพทเป็นห่วงมากที่พี่มินต้องขับรถกลับบ้านดึกดื่นเพราะเขาทั้งที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ทำให้ตกใจจนมือไม้สั่นมาไม่นาน พอขอไปส่งอีกฝ่ายก็เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว สิ่งเดียวที่ทำได้คือกำชับให้โทรมารายงานตัวเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว

มินน่ะก็ว่าง่ายซะเหลือเกิน พอเปิดไฟในห้องตนปุ๊บก็คว้าโทรศัพท์ออกมาโทรหาแพทปั๊บ แถมยังอ้อยอิ่งตอนจะวางสายอีก

บ้าไปแล้วแน่ๆ













สอบกลางภาคผ่านไปแล้ว

ให้ตายเถอะ ตอนนี้แพทเหลือแค่ร่างไร้วิญญาณ หัวใจก็ไม่มีเพราะให้พี่มินไปหมดแล้ว ทั้งหมดในวิชาที่สอบดูเหมือนว่าวิชาของดอกเตอร์เมฆนี่แหละที่เหมือนจะกล้วยที่สุด

“ตายรึยังมึง” เซียนวางกีตาร์ลงเมื่อเห็นเพื่อนตนเดินเข้ามาใกล้ด้วยสภาพซอมบี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าอย่างไรมันก็ยังดูหล่อบาดใจสาวอยู่ดี

“ขอเพลงเพราะๆ ปลอบใจกูซักเพลงหน่อยสิวะ”

“ธรีณีร้องไห้มั้ย”

“ปากมึงนี่โคตรไม่เป็นมงคลเลยว่ะ เดี๋ยวก็ยันโครมเข้าให้”

“มีแรงยกตีนแปลว่ายังไม่ตายง่ายๆ”

“ถ้ากูตายมึงก็คงกำพร้าเพื่อนหล่อ น่าสงสารสุดๆ”

“มึงแวะมาหากูแค่ฟังเพลงจริงดิ”

“จัดมาครับ เอาเพราะๆ เลย”

“กูก็เล่นเพราะทุกเพลงอยู่แล้วป่ะวะ” หลงตัวเองให้สมกับเป็นเพื่อนกัน ไปให้สุดหยุดที่เงิบเท่านั้นแหละ แต่ไม่เชื่อก็ต้องยอมรับว่าเซียนมันเทพจริงๆ แค่กรีดนิ้วลงบนสายกีตาร์ก็เพราะเสียจนเคลิ้ม แปลกใจทุกครั้งที่มันบ่นว่าโสดอยากมีสาว

หน้าตาก็ไม่ขี้เหร่ ตอนเล่นดนตรีก็เท่ห์บาดจิต ไม่มีทางที่จะโสดแน่ถ้ามันไม่เลือกมาก

เล่นจบ 3 เพลงตามคำขอเซียนก็วางกีตาร์ลง

“ตกหลุมรักกูเลยสิ”

“รักสุดหัวใจเลย แล้วนี่เรื่องแต่งเพลงมึงไปถึงไหนแล้ว”

“แต่งจริงจังแล้วไม่สนุกเลยว่ะ มันเครียด ไม่เป็นธรรมชาติด้วย”

“ทีมเขาบอกเหรอ”

“กูเนี่ยแหละบอกตัวเอง พอกูแต่งเสร็จแล้วมาลองอ่านทวนก็รู้ทันทีเลยว่าเนื้อเพลงกูตอแหลสิ้นดี”

“แล้วมึงทำไงต่อล่ะ”

“กูได้พยายามอยากที่พี่มินของมึงบอกแล้ว แต่กูไม่ไหวว่ะ ว่าจะไปบอกเลิกพวกพี่เขา อาจจะโดนตำหนิแหละแต่กูไม่มีทางปล่อยงานชุ่ยๆ ออกตลาดไปหรอก”

แพทมองเพื่อนด้วยสายตาชื่นชม ข้อดีของเซียนมีมาก พอๆ กับความระยำตำบอนของมันนั่นแหละ

“สอบเสร็จแล้วงี้ก็ไปให้กำลังใจกูที่ร้านได้แล้วดิ สาวๆ อยากเจอมึงจะแย่”

“ดูฮ๊อตเลย ถ้ายังไงดึกๆ กูค่อยแวะไปแล้วกัน”

“จะไปหาพี่มินก่อนละสิ ลืมกูเลยนะมึง”

“ลืมมากมั้งเนี่ย สอบเสร็จแล้วแวะมาหามึงทันทีเลย”

“แล้วเรื่องมึงกับพี่มินไปถึงไหนแล้ววะ”

“ไม่รู้สิ” แพทไม่รู้จริงๆ ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาบ้างมั้ย ท่าทางพี่มินก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนมากนัก ถึงแม้จะดูเขินๆ และหน้าแดงตอนถูกจีบก็เถอะ แต่แค่การแสดงออกเล็กน้อยแค่นั้นไม่มีทางทำให้แพทมั่นใจได้หรอก

ไหนๆ ก็สอบเสร็จแล้ว แวะไปหาให้หายคิดถึงหน่อยดีกว่า













หลังจากการสอบกลางภาคจบลง งานก็มากองอยู่ที่โต๊ะในระดับสูงท่วมหัว ยิ่งเป็นข้อสอบอัตนัยอาจารย์คงต้องอดนอนไปอีกหลายคืนอย่างแน่นอน

“ดอกเตอร์” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นจากข้อสอบตรงหน้า รอยยิ้มที่ได้รับจากพิพัฒน์ทำให้ต้องยิ้มตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่ปวดหัวตาลายแทบจะบ้าแล้ว

“คุณพิพัฒน์ มีธุระเหรอครับ”

“ดอกเตอร์ลืมนัดของเราไปแล้วเหรอ”

“ยังไม่ลืม แต่งาน...” ดอกเตอร์เมฆแทนคำพูดด้วยการมองไปยังกองเอกสารบนโต๊ะของตนให้คนมาทวงสัญญามองตามบ้าง

กระนั้นพิพัฒน์ก็ไม่คิดจะย่อท้อ

“แค่เห็นก็เหนื่อยแล้ว คืนนี้ไปดื่มให้สมองโล่งๆ พรุ่งนี้ค่อยมาลุยงานไม่ดีกว่าเหรอ” ที่จริงก็เป็นความคิดที่ไม่เลวนัก แต่มินน่ะไม่ได้สนิทกับพิพัฒน์ขนาดนั้นซะหน่อยนี่นา

เพราะกำลังครุ่นคิดสีหน้าก็เลยดูเป็นกังวลมากจนอีกฝ่ายเผลอมุ่นคิ้วตาม

“คิดหนักขนาดนั้นเลยเหรอครับดอกเตอร์ ถ้าไม่สบายใจจะปฏิเสธกันผมก็ไม่ว่านะครับ”

“เป็นห่วงงานนิดหน่อยครับ แต่เอาไว้ทำต่อพรุ่งนี้อย่างคุณพิพัฒน์ว่าก็ได้”

“ถ้างั้นเราไปกันเลยมั้ยครับ”

“ขอเก็บกระเป๋าแป๊บนึงครับ” แป๊บนึงของดอกเตอร์เมฆคือแป๊บนึงจริงๆ แค่หยิบโทรศัพท์มือถือใส่เสื้อสูท คว้ากระเป๋ากับเอกสารนิดหน่อยก็พร้อมกลับเลย

ลิฟต์เปิดออกที่ชั้น 1 แพทถึงกับกำมือถือแน่นเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินออกมาจากเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมนั่น

พี่มินไง คนที่ไม่แม้แต่อ่านข้อความของเขาและกำลังเดินมากับใครก็ไม่รู้ท่าทางอารมณ์ดีเชียว

ที่จริงแพทอยากจะออกไปปรากฏตัวแล้วถามให้มันชัดเจนไปเลย แต่ด้วยสถานะของพวกเขาตอนนี้ ถ้าแพททำอย่างนั้นคนที่จะยุ่งยากและลำบากกับผลกระทบที่ตามมาก็คงเป็นดอกเตอร์เมฆอย่างไม่ต้องเดา เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้วแพทจึงทำได้แค่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างเสามองสองคนนั้นเดินออกจากตึกไปด้วยความรู้สึกจุกในอกเหมือนกินบุพเฟต์แล้วอาหารไม่ย่อย

คล้อยหลังสองคนนั้น แพทที่สงสัยว่าพี่มินขับรถไปเองรึเปล่าก็เดินไปยังลานจอดรถ เดินหาอยู่ไม่นานก็พบว่ารถยังจอดอยู่ที่นี่และคิดไปเองว่าเดี๋ยวพี่มินก็คงกลับมาเอารถ รออยู่ตรงนี้ก็คงได้เจอกัน

ช่างเป็นความคิดที่โง่สมเป็นเด็กซะจริงๆ













ถึงแม้จะเป็นเวลาดึกแล้วแต่รถก็ยังติดอยู่ที่ทางเข้าร้านอาหาร

“คุณพิพัฒน์ชอบถ่ายรูปเหรอครับ” เพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบสงบจนชวนอึดอัดดอกเตอร์เมฆจึงชวนคุยเมื่อมองไปที่เบาะหลังแล้วเห็นกระเป๋ากล้องวางอยู่

“งานอดิเรกครับ”

“ดีจังเลยครับ มีงานอดิเรกด้วย” พิพัฒน์มุ่นคิ้วเล็กน้อย

“ดอกเตอร์ล่ะครับเวลาว่างชอบทำอะไร”

“ไม่ชอบทำอะไรเลยครับ เดี๋ยวไม่ว่าง”คนฟังนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะหัวเราะให้กับมุกฝืดๆ ที่ก็เหมาะกับคนนิ่งๆ อย่างดอกเตอร์เมฆดี

“ดอกเตอร์ก็แอบตลกเหมือนกันนะครับเนี่ย”

“ช่วงนี้ชอบดูรายการตลกครับ คนที่ทำให้คนอื่นหัวเราะได้น่าชื่นชมมากเลยนะ”

“ดอกตอร์ก็น่าชื่นชมมากเลยนะครับ”

“หือ”

“ก็เมื่อกี้ดอกเตอร์ทำให้ผมหัวเราะ” มินยิ้มเล็กๆ เมื่อได้รับคำชม เผลอคิดว่าถ้าเล่นมุกพวกนี้กับแพทรายนั้นจะหัวเราะบ้างมั้ยนะ

ขณะกำลังคิดรถก็เข้ามาจอดที่ลานจอดรถแล้ว

ร้านที่พิพัฒน์ชวนมาเป็นเลาท์ในโรงแรมหรู ไฟถูกเปิดสลัวๆ กับเพลงคลาสสิกรวมกันทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายและเงียบสงบ

“ดอกเตอร์ชอบที่นี่มั้ยครับ”

“ก็ดีครับ”

“แค่ก็ดีเองเหรอครับ ผิดหวังจัง คิดว่าดอกเตอร์จะตอบว่าชอบมากซะอีก”

“ที่จริงไม่ค่อยชินเท่าไหร่ครับ”

“ดูเหมือนดอกเตอร์จะเป็นพวกรักสันโดดนะครับ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าว่างก็ชอบให้เวลากับตัวเองครับ”

“แปลว่ายังไม่มีแฟน แล้วดอกเตอร์ชอบคนแบบไหนกันน๊า” เครื่องดื่มถูกส่งเข้าปากขณะครุ่นคิดว่าตัวเองชอบคนแบบไหน และในตอนนั้นเองใบหน้าของแพทก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด

เด็กน้อยที่เติบโตเป็นชายหนุ่ม คนที่ทำให้มินเป็นทุกอย่างทั้งคุณครู พี่เลี้ยง เป็นผู้ใหญ่และเป็นเด็กไร้เดียงสาได้ ช่างเป็นบุคคลที่ทั้งวิเศษและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

ดวงตาของดอกเตอร์เมฆทอประกายคล้ายคนกำลังมีความรัก และนั่นก็ทำให้คนที่อุตส่าห์พามาสถานที่โรแมนติกเพื่อทำคะแนนถึงกับใจแป้ว อยากรู้เหลือเกินว่าคนๆ นั้นจะดีมากกว่าตนซักแค่ไหนกันเชียว













ก็ไม่ใช่คนดีเท่าไหร่หรอก แต่คูปองสะสมความดีที่มีอยู่ในมือนั้นใช้อีก 10 ปีก็ไม่หมด

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในเช้าตรู่วันเสาร์ทำให้เจ้าของมันหงุดหงิดเป็นบ้า ยิ่งรู้จุดประสงค์ของการโทรมาก็ยิ่งหงุดหงิดซะจนคิดว่าตัวเองฆ่าคนได้อย่างแน่นอน

หลังจากวางสายเจ้าเด็กงี่เง่านั่นก็ส่งรูปคูปองสะสมความดีมาให้มินไม่สามารถจะปฏิเสธได้

เพราะปฏิญาณกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ผิดคำพูดอีก นั่นแหละ ไม่น่าปากพล่อยเลย

เสียงเครื่องยนต์ที่จอดหน้าบ้านทำให้เจ้าของบ้านกุลีกุจอลุกจากโซฟาวิ่งไปเปิดประตู สีหน้าพี่มินตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก ก็คงจะโกรธที่ถูกปลุกตอนกำลังนอนฝันหวาน แต่ก็ช่วยไม่ได้ ใครบอกให้นอกใจแพทล่ะ

“ร้านโจ๊กก็อยู่แค่นี้ ออกไปซื้อเองก็ได้ไม่ใช่เหรอ” ถุงโจ๊กถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมน้ำเสียงขุ่น

“เข้าบ้านก่อนครับ”

“ไม่เป็นไร ผมจะกลับแล้ว”

“ไม่ได้เชิญครับแต่บังคับ”

“แพท”

“พี่มิน”

“ทำไมเป็นเด็กแบบนี้วะ” ถึงจะบ่นเช่นนั้นแต่ก็ยอมเดินตามเข้าบ้านแต่โดยดี “ผมอยู่ได้ไม่นานนะ ต้องเข้ามหา’ลัยไปตรวจข้อสอบพวกคุณ”

“แพทช่วยมั้ย”

“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”

“รอดอยู่แล้วน่า ในบรรดาวิชาที่สอบทั้งหมด ข้อสอบของดอกเตอร์เมฆน่ะง่ายที่สุดแล้ว”

“ขี้โม้จริง”

“ไม่เชื่อเหรอ”

แน่นอนว่ามินส่ายหน้าทันทีอย่างไม่ต้องคิดมาก ก็ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อแต่ไม่อยากคล้อยตามเดี๋ยวเด็กมันเหลิง

“พนันกันมั้ย”

“เอาสิ”

“ถ้าแพทได้คะแนนเกิน 70% พี่มินต้องตามใจแพททุกอย่าง”

“ทุกวันนี้ยังตามใจไม่พออีกเหรอ”

“ก็...” ลืมไปเลยว่าทุกวันนี้เขายังใช้คูปองสะสมความดีอยู่ “ตามใจโดยไม่ต้องหงายการ์ดไง”

“แค่ 70% เองเหรอ ถ้าคุณมั่นใจว่าง่ายที่สุดก็ควรจะทำข้อสอบได้มากกว่า 80% สิ”

“ต่อเป็นผักเลยอะ”

“คุณมันขี้โม้”

“ก็ได้ๆ ถ้าแพทได้คะแนนน้อยกว่า 80% เท่ากับว่าแพทแพ้”

“ถ้าคุณแพ้ผมขอริบคูปองสะสมความดีทั้งหมด”

“แบบนั้นมัน...” แพทลังเลที่จะรับปาก เพราะถึงแม้จะมั่นใจว่าทำข้อสอบได้แต่ก็ใช่ว่ามันจะถูกทั้งหมดนี่นา “ครึ่งนึงไม่ได้เหรอ”

“ขอหมด”

“พี่มิน” ใบหน้าของแพทดูสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่คิดจะลองเจอกันโดยไม่ต้องพึ่งคูปองบ้างเหรอ”

“คิดสิ แต่แพทก็อยากใช้มัน อยากให้พี่มินรู้ว่าตอนนั้นแพทพยายามมากแค่ไหน”

“พี่รู้ครับ”

“รู้ได้ยังไง”

“รู้ก็แล้วกันน่า”

“เชื่อก็บ้าแล้ว”

“โจ๊กเย็นหมดแล้ว รีบกินสิ”

“พี่มินเมื่อคืนไปไหนมา”

“หืม” คนถูกถามชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำถาม คิดว่าบางทีแพทอาจจะเห็นเขาออกไปข้างนอกกับคุณพิพัฒน์เมื่อคืน และก็ตามคาด

“แพทไปหาแล้วเห็นพี่มินออกไปกับใครก็ไม่รู้”

“อ๋อ คุณพิพัฒน์”

“เขาจีบพี่มินเหรอ”

“เอาอะไรมาพูด”

“แพทดูออกก็แล้วกันน่า อย่าไว้ใจเขาให้มากนักล่ะ แพทหวง”

“พูดอะไรไม่รู้เรื่อง ยังไม่สร่างเมาอีกเหรอ”

“ก็ไม่ได้เมาขนาดนั้นซักหน่อย” ถ้ายังกลับมานอนที่บ้านได้แบบนั้นเขาไม่เรียกว่าเมาหรอก ถึงแม้ว่าเมื่อคืนภาพพี่มินที่ออกไปกับคนอื่นจะรบกวนใจแพทมากก็ตามแต่เขาก็ดื่มไปเพียงไม่กี่แก้วเพราะว่าวันนี้ต้องเข้าไปคุยเรื่องโปรเจ็คที่จะส่งเข้าประกวดช่วงปลายปีนี้

โปรเจ็คที่แพทและเพื่อนทุ่มเทกับมันมาเป็นปีด้วยความคาดหวังว่ามันจะนำชื่อเสียงมาสู่คณะและพวกเขา



[T B C]


ไม่แน่ใจเลยค่ะว่าคุณภัทรดนัยเขาเป็นนักศึกษาคณะวิศวะหรือเป็นพ่อค้าขนมครก
หยอดเก๊งเก่ง


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 14 {Up.091018}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-10-2018 22:09:40
 :pig4: :pig4: :pig4:

ครูพี่มินใจร้าย  แอบไปกับหนุ่มอื่น  ทิ้งพี่แพทไว้   อิอิ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 14 {Up.091018}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-10-2018 22:59:26
พี่มิน ชอบแพทแต้ก็กลัวๆ   :serius2: :really2:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 14 {Up.091018}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-10-2018 02:01:33
พี่แพทสู้ ๆ ทำข้อสอบให้ได้คะแนนดี ๆ แล้วขอรางวัลกับคุณพี่มินซิ เผื่อจะช่วยได้  :hao3:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 19-10-2018 21:00:00
คุณครูพี่มิน 15



เป็นเวลาเกือบเย็นกว่าแพทจะออกมาจากตึกวิศวะ

“แพทไม่ไปด้วยกันจริงๆ เหรอ” ส้มโอชวนอีกครั้งและแน่นอนเป็นอีกครั้งที่แพทปฏิเสธให้หญิงสาวชักสีหน้าใส่ก่อนจะเดินตามเพื่อนคนอื่นๆ ไปอย่างอ้อยอิ่ง

แพทไม่ได้มองตามเพื่อนที่กำลังมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัย เขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วมุ่งหน้าไปยังตึกคณะสังคมศาสตร์

รู้ทั้งรู้ว่าถึงแม้จะถ่อมาหาถึงที่ดอกเตอร์เมฆก็คงไม่ให้เขาช่วยอะไรทั้งนั้นแต่ก็ยังมากับความคิดที่ว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก แต่เอาเข้าใจทุกอย่างกลับไม่เป็นดังหวัง

นอกจากไม่ยอมให้ช่วยตรวจข้อสอบแล้ว ยังไล่กลับบ้านด้วยท่าทีเฉยชาสุดๆ ให้แพทต้องกลับมานั่งหงอยเป็นหมาเหงาที่อู่ของต๊อดครึ่งค่อนวัน

“ต๊อดๆ พี่มินเคยปรึกษาต๊อดเรื่องความรักบ้างมั้ย” เจ้าของอู่ซ่อมรถที่วันนี้ค่อนข้างว่างละมือจากโทรศัพท์มือถือแล้วหุบยิ้มก่อนจะหันมาคุยกัน

“ไปรู้ไปเห็นอะไรมาอีกล่ะ”

“เมื่อคืนพี่มินออกไปกับผู้ชายคนนึง บอกว่าชื่อพิพัฒน์ พี่มินเคยเล่าเรื่องเขาให้ต๊อดฟังบ้างมั้ย”

“ไม่เคยได้ยินแม้กระทั่งชื่อ” ความจริงก็คือมินไม่ค่อยเอาเรื่องที่มหาวิทยาลัยมาเล่าให้ต๊อดฟังเท่าไหร่หรอก

พอได้ยินอย่างนั้นแล้วแพทก็ค่อยโล่งอกหน่อย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า...

“พี่มินชอบผู้ชายแบบไหนเหรอต๊อด”

“มันอาจจะชอบผู้หญิงก็ได้นะ”

“แบบนั้นก็ดีสิ”

“หืม” ต๊อดแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินคำของแพท ให้อีกฝ่ายต้องรีบอธิบาย

“ก็ถ้าพี่มินชอบผู้หญิง อย่างน้อยผู้ชายคนเมื่อคืนก็ไม่ใช่คู่แข่งของแพทไง อีกอย่างช่วงนี้แพทก็ไม่เห็นว่าจะมีผู้หญิงที่ไหนป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ พี่มินเลย”

“ไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มีซักหน่อย”

“ต๊อดพูดแบบนี้หมายความว่าไง”

“เปล่า กูก็พูดไปเรื่อยนั่นแหละ อย่าใส่ใจเลย” พูดออกมาขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่มาบอกให้ไม่ต้องใส่ใจเนี่ยนะ ใครจะไปคิดน้อยได้อย่างต๊อดล่ะ

“พูดมาขนาดนี้แล้วอะต๊อด มีอะไรก็บอกกันสิ”

“จะให้กูบอกอะไรล่ะ มันไม่มีอะไรให้บอก”

“ตาล้อกแลกขนาดนี้จะไม่มีอะไรได้ยังไง”

“กูไม่รู้หรอกนะว่ามินมันชอบคนแบบไหน แต่คนที่มันไม่ชอบมากๆ เลยคือคนนิสัยแบบมึงเนี่ย” แพทสตั๊นไปเลยเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“คนแบบแพทมันเป็นยังไงอะต๊อด”

“ทำตัวให้มันเป็นผู้ใหญ่กว่านี้หน่อย” แพทมั่นใจว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว ที่ยังทำตัวเป็นเด็กๆ ก็แค่เวลาอยู่กับพวกผู้ใหญ่ที่เคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็กเท่านั้น แน่นอนว่าหนึ่งในผู้ใหญ่เหล่านั้นมีพี่มินอยู่ด้วย

ต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่เวลาอยู่ต่อหน้าพี่มินอย่างนั้นเหรอ

ก็คงไม่ยากเกินไป













ตลอดชั่วโมงเรียนวันนี้แพททำให้มินประหลาดใจไม่น้อย

จะว่าอย่างไรดี ปกติเจ้าเด็กนั่นต้องเอาแต่นั่งเท้าคางมองเขาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แต่วันนี้กลับตั้งใจเรียนโดยไม่วอกแวกเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าก็เคร่งขรึมกว่าครั้งไหนๆ

ไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ทำให้แพทเปลี่ยนไป แต่ตั้งใจเรียนก็ดี

“ทุกคนเช็คคะแนนสอบแล้วใช่มั้ยครับ”

เสียงตอบว่า ‘ใช่’ ดังอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย

“พอใจรึเปล่าครับ”

คราวนี้เสียงแตกเป็นสองฝ่าย และดังอื้ออึงหนักกว่าเมื่อครู่อีก

“ผมยังไม่ค่อยพอใจเลย คิดว่าทุกคนจะทำคะแนนได้ดีกว่านี้ซะอีก อาจจะพลาดที่ตัวผมเอง ยังไงฝากทุกคนช่วยประเมิณกันหน่อยได้มั้ยว่ามีตรงไหนที่ผมต้องปรับปรุงบ้าง เดี๋ยวชั่วโมงหน้าจะมีกล่องมาวาง ทุกคนหย่อนกระดาษลงกล่องได้เลย”

“อาจารย์น่าจะบอกแนวข้อสอบก่อนสอบนะคะ” นักศึกษาหญิงคนนึงยกมือขึ้นก่อนว่า

แพทหันไปมองด้วยความสนใจ เธอคนนั้นหน้าตาสะสวยมากทีเดียว มากจนคิดว่าหนุ่มๆ อาจจะตกหลุมรักทันทีที่ได้สบกับดวงตากลมโตของเธอ

“ถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับว่าพวกคุณเรียนเพื่อสอบเฉยๆ โดยที่ไม่สามารถนำไปใช้จริงได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนครับ”

เธอหน้าจ๋อยไปเลย เห็นอย่างนั้นแล้วแพทก็ได้แต่นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ

“แทนที่จะหวังให้ผมบอกแนวข้อสอบ เรามาช่วยกันหาวิธีการสอนที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจบทเรียนได้ง่ายไม่ดีกว่าเหรอ หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกคนนะครับ”

สิ้นประโยค อาจารย์เจ้าของวิชาก็เก็บเอกสารมากมายของตนมาถือไว้แล้วเดินออกจากห้องก่อนใครเพื่อน ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องปกติของดอกเตอร์เมฆ เพราะทุกครั้งเขาจะรอจนกว่านักศึกษาออกจากห้องหมดแล้วค่อยเก็บของออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย

พูดถึงคะแนนสอบแล้วแพทก็เศร้า

อีกแค่นิดเดียวคะแนนก็จะถึง 80% แล้วแท้ๆ

“ดอกเตอร์ครับ” คนถูกเรียกหยุดฝีเท้าที่โถงบันได เมื่อเอี้ยวตัวไปมองก็พบกับแพท ในมือของนักศึกษาหนุ่มมีกล่องไม้ใบเล็กอยู่

“ว่าไง”

“ผมดูคะแนนสอบแล้ว”

“อ่อ ไม่ถึง 80%”

“ครับ ผมมาทำตามสัญญา”

“น่าเสียดายนะ อีกแค่ไม่ถึง 0.5% แท้ๆ”

“ดอกเตอร์ปัดขึ้นให้หน่อยไม่ได้เหรอครับ”

“ทำแบบนั้นได้ที่ไหน”

อยากจะงอแงขอร้องอ้อนวอนแทบขาดใจ แต่คำของต๊อดที่บอกว่าพี่มินชอบคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ก็ฉุดรั้งเอาไว้ กระนั้นสีหน้าก็แสดงออกชัดเจนว่าเสียดายมากแค่ไหน

กล่องไม้ถูกยื่นมาตรงหน้าอย่างอ้อยอิ่ง พอมินยื่นมือไปรับแพทกลับไปยอมปล่อย กลายเป็นว่ายื้อกันอยู่อย่างนั้น

“ร่ำลากันพอรึยัง”

“พอก็ได้ครับ” แม้จะไม่อยากปล่อยมือแต่อย่างไรก็ต้องตัดใจยอมปล่อยอยู่ดี

“ฝากถือหน่อยสิ” เอกสารต่างๆ ถูกยื่นมาให้แพทรับมาถือไว้ ขณะที่สายตาจับจ้องกล่องนั้นด้วยความอาลัยอาวรณ์

มินเปิดกล่องออก เขาแทบไม่เชื่อสายตา คูปองสะสมความดีในกล่องนี่มันเยอะเกินกว่าที่เขาคาดเดาเอาไว้ เขาละสายตาจากของในมือเงยหน้ามองเจ้าของมันด้วยสายตาอ่านยาก

“อึ้งไปเลยล่ะสิ” อย่างน้อยถ้าหลังจากนี้จะไม่มีโอกาสได้ใช้มันอีก แพทก็อยากให้พี่มินรู้ว่าเขาพยายามเพื่อมันมากแค่ไหน

“โกงรึเปล่า”

“ไปถามแม่ได้เลย แพทไม่เคยโกง แม่บอกว่าคนขี้โกงเป็นคนเลว”

“ทั้งที่ตอนเป็นเด็กดูเหมือนจะเป็นเด็กดีแท้ๆ”

“อะไรอีกล่ะ ตอนนี้แพทก็...” ไม่กล้าพูดว่าเป็นคนดีเต็มเสียง เพราะแพทรู้ว่าเส้นทางระหว่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ขาวสะอาดขนาดนั้น

ทั้งไปแว้นซ์ ทั้งทะเลาะวิวาท ดื่มเหล้าตั้งแต่อยู่ม.ต้น แถมยังโดดเรียนเป็นว่าเล่น

“อันนี้พี่คืนให้ เอาไว้ใช้ยามจำเป็นนะ”

คูปองสะสมความดีจำนวน 5 ใบถูกส่งคืนมาแลกกับเอกสารที่ฝากไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อเทียบกับคูปองมากมายในกล่องนั้น ที่อยู่ในมือแพทตอนนี้ถือว่าน้อยนิดจนแทบจะไร้ความหมาย แต่สำหรับแพทพวกมันเปรียบเสมือนโอกาสที่พี่มินหยิบยื่นให้เพื่อเขาจะได้ใช้มันเพื่อเอาแต่ใจตัวเองในซักวัน

“เย็นนี้พี่มินไปไหนไหมครับ”

“ไม่นะ”

“ไปฟังไอ้เซียนร้องเพลงด้วยกันมั้ย”

“อันนี้ใช้คูปองสะสมความดีรึเปล่า”

“ไม่ครับ”

“ขอคิดดูก่อน เดี๋ยวเย็นๆ บอก”

“งั้นแพทไปส่งที่ตึก”

“ไม่เป็นไรหรอก มีเรียนต่อไม่ใช่เหรอ”

“งั้นเจอกันเย็นนี้”

“ไม่แน่นะ ผมอาจจะปฏิเสธก็ได้”

พี่มินไม่ปฏิเสธหรอก แพทมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นด้วยซ้ำ ถ้าตั้งใจจะปฏิเสธจริงๆ พี่มินไม่ใช้เวลาคิดเยอะหรอก เผลอๆ อาจจะพูดออกมาตรงๆ ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ













“เซียนร้องเพลงเพราะดี”

เห็นไหมล่ะบอกแล้วว่าพี่มินไม่มีทางปฏิเสธแพท แต่มาร้านเหล้าทั้งทีกลับไม่ยอมดื่มเหล้าแม้แต่นิดเดียว น่าเสียดายชะมัด ทั้งที่แพทอยากเห็นพี่มินตอนเมามากขนาดนั้นแท้ๆ

“แต่เซียนชอบเล่นกีตาร์มากกว่าครับ”

“ก็ดีนะที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แล้วแพทล่ะ”

“วกมานี่ได้ไงอะ” คนที่ทั้งชีวิตนี้ไม่รู้ว่าความฝันของตนคืออะไรทำเป็นมองไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงการตอบคำถาม

“คนเรามันต้องมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิตนะ”

“แพทก็มีนะเป้าหมายชีวิต”

“อะไรล่ะ”

“พี่มินไง”

“พระเอกลิเกสัดๆ” คำพูดเลี่ยนๆ ของเพื่อนตนที่ไม่ได้ยินบ่อยๆ ทำเอาเซียนแทบจะขย่อนมื้อเย็นออกมา เห็นอย่างนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ถึงตนจะสนิทกับแพทแค่ไหน ก็มีมุมอื่นที่เพื่อนสนิทไม่มีทางได้เห็น แต่ก็ดีแล้วที่ไม่เห็น

“ถ้ากูเป็นพระเอกลิเกก็คงดังระดับไชยา มิตรชัยแหละ”

“รู้จักไชยา มิตรชัยด้วยเหรอเรา”

“คุณยายเป็นแม่ยก นี่แพทก็กลัวอยู่นะว่าคุณแม่อาจจะเจริญรอยตามคุณยาย”

“ถ้าท่านทำแล้วมีความสุขก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ แพทน่ะเคยห้ามคุณแม่ได้ที่ไหน”

“ดราม่าเฉยไอ้เวร” เซียนว่าพร้อมตบหัวเพื่อนฉาดนึงให้แพทลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ เกือบจะหันไปอ้อนพี่มินแล้วแต่ก็คิดได้ก่อนว่าต้องทำตัวเป็นผู้ใหญ่เข้าไว้

ทั้งหมดพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยระหว่างทางเดินสู่ลานจอดรถ วันนี้มินอาสาไปส่งทุกคนเองแต่แผนที่คิดเอาไว้ก็พังไม่เป็นท่าเมื่อพบว่ารถที่จอดไว้เฉยๆ ถูกชน

“ไอ้เวรตัวไหนวะ”

หนุ่มนักศึกษาทั้งคู่มองหน้ากันเลิ่กลั่กเมื่อคนที่สุภาพตลอดเวลาอย่างมินสบถอย่างหัวเสีย เท้าในรองเท้าหนังเงาวับเตะเข้าที่ล้อรถเพื่อระบายอารมณ์ทีนึง ท่าทางพวกนั้นทำให้แพทนึกได้ว่าพี่มินน่ะก็เป็นมนุษย์คนนึง มีความรู้สึกเหมือนพวกเขานี่แหละ ไม่ใช่ผู้วิเศษมาจากไหนเลย

“พี่มินดูกล้องหน้ารถสิครับ เซียนว่ามันน่าจะบันทึกภาพตอนนั้นไว้ได้”

และก็จริงอย่างเซียนว่า ภาพในกล้องหน้ารถปรากฏทะเบียนรถคันที่ชนชัดเจนทีเดียว

“ซวยซ้ำซวยซากจริงๆ” มินยังบ่นไม่เลิกขณะรอประกัน

“นั่นสิ ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งชนมา” แพทสำทับ

“ควรจะไปทำบุญบ้างนะผมว่า” คราวนี้เซียนเสนอ

“ทำบุญก็ไม่ช่วยอะไรหรอก ในเมื่อคนเรายังทำอะไรด้วยความประมาทอยู่แบบนี้”

“สาธุ” สองหนุ่มประนมมือไหว้อย่างพร้อมเพรียงก่อนจะหัวเราะออกมาให้คนที่หัวเสียมีรอยยิ้มขึ้นมาหน่อย

มินนึกขอบคุณทั้งคู่จากใจจริง ถ้าตอนนี้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวคงเอาแต่โกรธและหัวร้อน ไม่มีทางที่จะยิ้มได้แบบนี้อย่างแน่นอน

นั่นก็เป็นสิ่งยืนยันแล้วว่าการที่เขาเลือกกลับมาที่นี่ไม่ใช่เรื่องผิดพลาดแต่อย่างใด













เพราะอุบัติเหตุคืนนั้นทำให้มินต้องกลับมาใช้บริการรถสาธารณะอีกครั้ง

ช่วงนี้มินใช้บริการแอปพลิเคชั่นเรียกรถแท๊กซี่จนกลายเป็นลูกค้าประจำไปแล้ว

วันนี้หลังจากสอนเสร็จ ระหว่างที่กำลังกดปุ่มเพื่อเรียกรถอย่างทุกวัน พิพัฒน์ก็เดินเข้ามาหา

“กำลังจะกลับบ้านเหรอครับดอกเตอร์” มินหยุดนิ้วที่กำลังแตะลงบนหน้าจอแล้วเงยหน้าขึ้นทักทาย

“คุณพิพัฒน์ก็กำลังจะกลับเหรอครับ”

“ใช่ครับ อ่อ เมื่อกี้ก่อนที่ผมจะออกมาเห็นนักศึกษาที่เคยปรึกษาเรื่องงานวิจัยกับดอกเตอร์มารออยู่”

“จริงด้วย เกือบลืมไปเลย ขอบคุณครับถ้าไม่เจอคุณพิพัฒน์ป่านนี้ผมคงกลับถึงบ้านแล้ว”

“ดีใจที่เจอผมงั้นเหรอครับ” คำที่ไม่คิดอะไรของดอกเตอร์เมฆแต่มันกลับทำให้คนฟังรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ เพราะถ้าไม่เจอคุณพิพัฒน์ผมต้องแย่แน่ๆ เลย”

“ถ้าอย่างนั้นเราขึ้นตึกด้วยกันเลยมั้ยครับ”

“อ้าว เมื่อกี้คุณพิพัฒน์บอกจะกลับบ้านแล้ว”

“พอดีเพิ่งนึกได้ว่าลืมของ ว่าจะกลับไปเอาซักหน่อย เอกสารในมือนั่นให้ผมช่วยถือมั้ย ท่าทางหนักน่าดูเลย” พิพัฒน์ยื่นมือมาแต่ก็ถูกปฏิเสธ

“ไม่เป็นไรครับ ผมถือจนชินแล้ว”

“ดอกเตอร์ไม่คิดจะให้โอกาสผมบ้างเหรอครับ”

กล้าดียังไงมาใช้สายตาออดอ้อนมองพี่มินของแพท เด็กหนุ่มที่ตั้งใจมารับคนไม่มีรถขับกลับบ้านแต่ดันมาเจอภาพบาดใจจังๆ กำมือแน่นขณะซ่อนตัวหลังเสามองภาพนั้นอย่างไม่ค่อยพอใจ

แพทจำได้ว่าคุณคนนี้คือคนที่พี่มินออกไปด้วยในคืนนั้น ชื่ออะไรนะ พิพัฒน์หรืออะไรซักอย่างที่แพทไม่อยากจำให้เปลืองสมอง

ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูเหนือกว่าแพทจนนึกหวั่นใจ

ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ยินหรอกว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่ดูจากสายตาคุณคนนั้น ดูจากท่าทางลังเลของพี่มิน คงถึงเวลาที่แพทต้องทำอะไรซักอย่าง

“ดอกเตอร์ครับ” ทั้งคนถูกเรียกว่าดอกเตอร์ทั้งคนไม่คุ้นหน้าต่างหันมายังต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน

ทันทีที่ก้าวเข้ามาใกล้แพทก็ถือโอกาสฉวยเอกสารในมือมินมาถือเอาไว้เอง คนที่อยู่ๆ ก็ถูกแย่งเอกสารไปทำหน้าเลิกลั่ก เลิกคิ้วสูงมองแพทเพื่อขอคำตอบ

“กลับกันเลยมั้ยครับ”

“หืม เรานัดกันไว้เหรอ” คำถามของดอกเตอร์เมฆทำแพทเสียหน้ามาก และยิ่งตอนที่มองไปยังบุคคลที่ 3 ซึ่งยกยิ้มเยาะนิดๆ ก็ยิ่งคิดว่าครั้งนี้ต้องเอาชนะให้ได้

“ผมก็มารับดอกเตอร์ทุกวันนี่ครับ” แต่ดอกเตอร์ไม่ยอมกลับด้วยซักวัน อุตส่าห์ไปหาหมวกกันน็อคมาให้ก็แล้วยังไม่ยอมใจอ่อนเลย จงเกลียดจงชังมอเตอร์ไซค์อะไรนักหนาก็ไม่รู้

ที่จริงแพทจะหงายคูปองสะสมความดีก็ได้ แต่อย่างที่รู้ว่ามันมีน้อย เพราะงั้นก็เลยคิดว่าเก็บไว้ใช้สอยอย่างประหยัดน่าจะดีกว่า

“แต่น่าเสียดายจังเลยนะครับที่วันนี้ดอกเตอร์ต้องไปกับผม” พิพัฒน์ที่เงียบมาซักพักเอ่ยขึ้นพลางยื่นมือมาตรงหน้า “ส่งเอกสารพวกนั้นคืนมาเถอะครับ”

แพทไม่ส่งเอกสารคืนทันที เขามองไปยังมินคล้ายกำลังปรึกษาแต่คนเป็นดอกเตอร์กลับไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา

ผิดหวังชะมัด ทั้งที่คิดตั้งแต่ออกจากบ้านมาแล้วว่าต้องถูกปฏิเสธอีกแน่ แต่พอมาพบว่าตนถูกปฏิเสธเพราะเขาจะไปกับคนอื่นก็รู้สึกผิวหวังมากๆ เลย

ท้ายที่สุดแล้วแพทก็จำต้องส่งเอกสารคืน ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกมาอย่างคนขี้แพ้

มินมองตามแผ่นหลังกว้างที่ห่อลงจนลับสายตา

พักหลักมานี้แพทไม่ค่อยมาวอแวนัก วันนึงเจอกันแค่ตอนที่น้องมารับพอถูกปฏิเสธก็กลับบ้านไปโดยไม่ตื๊ออะไร ท่าทางที่แสดงออกก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น โดยรวมแล้วก็ดีแต่มินกลับไม่รู้สึกดีเลยซักนิด ถ้าตื๊ออีกซักหน่อยก็จะยอมกลับด้วยแล้วแท้ๆ เด็กโง่

“ญาติดอกเตอร์เหรอครับ”

“ญาติ?” มินหันไปมองพลางทวนคำถามก่อนตอบ “เปล่าครับ”

“เป็นนักศึกษามอเรารึเปล่า”

“ใช่ครับ ปี 3 แล้วแต่ยังทำตัวเป็นเด็กๆ อยู่เลย”

“เขาดูผิดหวังมากเลยตอนที่ถูกดอกเตอร์ปฏิเสธ สงสัยจังว่ามีความสัมพันธ์แบบไหนกัน” มินตกใจนิดหน่อยกับคำถามตรงไปตรงมาของพิพัฒน์ ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบดั่งเช่นปกติ

“เคยเป็นเด็กในปกครองครับ แต่ตอนนี้ก็คงอยู่ในฐานะอาจารย์กับลูกศิษย์ล่ะมั้ง”

“ค่อยโล่งอกหน่อย” พิพัฒน์ยิ้มด้วยใบหน้าคลายกังวล

“เรื่องอะไรครับ”

“อย่างน้อยเด็กนั่นก็ไม่ใช่คู่แข่งของผม” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่สายตาที่ทั้งคู่มองกันมันชวนให้หวั่นใจอยู่ไม่น้อย อย่างไรซะก็ต้องจับตาดูเด็กนั่นเอาไว้ให้ดี

“แข่งเรื่องอะไรกันล่ะครับ”

ถามออกไปแล้วจึงคิดได้ว่าพิพัฒน์หมายถึงคู่แข่งในแง่ไหน

มินหยุดเดินเมื่อพวกเขาก้าวผ่านประตูอัตโนมัติเข้ามาในตึก หมุนตัวไปเผชิญหน้ากับคนข้างกาย มองอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง

“ถ้าคุณพิพัฒน์หมายถึงคู่แข่งในแง่นั้นล่ะก็ อย่าคิดจะแข่งเลยครับ”

คนที่อยู่ๆ ก็ถูกปฏิเสธทั้งที่ยังไม่ได้สารภาพความในใจหยุดเดินแล้วมองดอกเตอร์เมฆด้วยสีหน้าที่สลดลงนิดหน่อย หัวใจในอกซ้ายที่พองโตมาจนถึงเมื่อครู่ก็ห่อเหี่ยวลงในทันที

“คุณพิพัฒน์เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีครับ ถ้าพูดแบบเห็นแก่ตัว ผมก็จะบอกว่าผมไม่อยากเสียเพื่อนร่วมงานดีๆ ไปเพราะเรื่องแบบนั้น”

“แต่ว่าผม ผมไม่ได้รู้สึกกับดอกเตอร์แค่เพื่อนร่วมงาน”

“ครับ” ดอกเตอร์เมฆตอบรับเต็มเสียง “ถึงจะไม่มีกฏข้อไหนห้ามแต่ผมคิดว่าอย่างไรก็ไม่เหมาะและไม่มีทางเป็นไปได้ครับ”

พิพัฒน์กำมือแน่น มีคำมากมายที่อยากจะเอ่ยแต่ก็ไม่สามารถพูดมันอย่างตรงไปตรงมาได้

เขาจ้องมองใบหน้าจริงจังของดอกเตอร์เมฆด้วยสายตารักใคร่อยากไม่ปิดบังเป็นครั้งแรก หากอีกฝ่ายกลับไม่มีวี่แววหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

ถ้าจะให้ตัดใจตอนนี้ล่ะก็...พูดง่ายเหลือเกิน ถ้าปฏิบัติง่ายอย่างปากว่าก็คงดี

“ดอกเตอร์ใจร้ายจังเลยครับ” คนถูกหาว่าใจร้ายน้อมรับคำแต่โดยดี “ผมยังไม่ได้เริ่มจีบดอกเตอร์ด้วยซ้ำ ยังไม่ได้บอกความในใจ ยังไม่ได้แสดงให้เห็นว่าผมชอบดอกเตอร์มากแค่ไหน ไม่คิดจะให้โอกาสกันบ้างเลยเหรอครับ”

“ไม่มีประโยชน์ที่จะให้โอกาส เพราะไม่ว่าอย่างไรผมก็คิดกับคุณพิพัฒน์เกินกว่าเพื่อนร่วมงานไม่ได้”

“เพราะอะไรครับ เพราะดอกเตอร์มีคนที่ชอบอยู่แล้วอย่างนั้นเหรอ”

“ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกเหตุผล”

“ถ้าดอกเตอร์ไม่บอก ผมก็จะไม่หยุด”

“อย่าดื้อรั้นให้มันมากเลยครับคุณพิพัฒน์ เพราะความดื้อรั้นของคุณอาจจะพาความเดือดร้อนมาให้พวกเราในซักวัน”

“ผมไม่กลัว” พิพัฒน์ยังคงแสดงความดื้อรั้นอย่างตรงไปตรงมาไม่เหมือนคนที่ดอกเตอร์เมฆเคยรู้จักแม้แต่นิดเดียว

ความรู้สึกรักทำให้คนๆ นึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในเสี้ยววินาทีได้จริงๆ

ดอกเตอร์เมฆถอนหายใจ ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว อย่างน้อยพิพัฒน์ก็เคยเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี อย่างน้อยก็มีความรู้สึกดีๆ ให้กันถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถรับมันเอาไว้ได้ก็ตาม

หากบอกความจริงไป ทุกอย่างก็จะจบแค่ตรงนี้ใช่หรือเปล่า

ดอกเตอร์เมฆชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตอบคำถามที่เจ้าตัวคิดว่าจะทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี

“ถ้าคุณพิพัฒน์จะแข่ง ผมก็จะบอกว่าเด็กนั่นเป็นคู่แข่งที่หน้ากลัวมากครับเพราะเขาเป็นเหตุผลที่ผมกลับมาที่นี่”

ใช่อย่างที่คิดไม่มีผิด คู่แข่งเป็นแค่เด็กมหา’ลัย ไม่มีอะไรน่ากลัวแม้แต่นิดเดียว แต่คำพูดของดอกเตอร์เมฆกลับทำให้เด็กนั่นเหนือกว่าเขาทุกประการ

“คุณปฏิเสธผมเพราะว่าผมเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่กลับคิดจะสานต่อกับเด็กนั่นทั้งที่มันเป็นนักศึกษาของตัวเอง ไม่คิดว่ามันย้อนแย้งไปหน่อยเหรอ”

“นั่นสินะครับ ย้อนแย้งจริงๆ แต่เพราะผมรักเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไร ผมก็ยังรักอยู่ดี”

“มีอะไรที่ผมสู้เด็กนั่นไม่ได้”

ในเมื่อพิพัฒน์เอาความจริงทุกข้อในใจมาคุยกันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ดอกเตอร์เมฆต้องปิดบังความในใจอีกแล้ว

“เขาเป็นรักแรกของผม เป็นคนที่ทำให้ผมมีทุกวันนี้ เป็นคนที่รอคอยแม้ว่าจะไม่รู้เลยว่าผมจะกลับมารึเปล่า ผมคือทุกอย่างของเขา เช่นเดียวกัน เขาเองก็เป็นทุกๆ อย่างของผม”

พิพัฒน์นิ่งฟังพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจ

รอคอยอย่างนั้นเหรอ

“ผมเองก็รอดอกเตอร์มานานแล้วเหมือนกัน ผมเองก็ควรจะได้รับสิ่งตอบแทนที่ว่านั้นเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” พิพัฒน์สวนขึ้นทันควันพร้อมกับความจริงที่พรั่งพรูออกมา

ดอกเตอร์เมฆมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ จำได้ว่าพิพัฒน์เคยบอกว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน แต่นั่นก็เป็นความทรงจำของพิพัฒน์เพียงคนเดียวเพราะเขาจำอะไรไม้ได้เลย

“ที่ร้านอาหารไทยในวันที่หิมะตกหนักมาก ผมคือคนไทยที่มินชวนเข้าไปในร้านแล้วหาชาให้ดื่ม”

ดอกเตอร์เมฆครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่พิพัฒน์เล่า

ที่ร้านอาหารไทย พวกเราพนักงานทุกคนถูกเจ้าของร้านสั่งสอนให้มีน้ำใจ ทุกวันที่หิมะตกหนักหากเจอใครที่ดูเหมือนจะทนกับสภาพอากาศอันย่ำแย่ไม่ไหวก็สามารถเปิดประตูต้อนรับพวกเขาถึงแม้จะไม่ใช่ลูกค้าก็ตาม ส่วนเรื่องชา แน่นอนว่าเจ้าของร้านก็สั่งเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่พิพัฒน์คนเดียวทีได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น วันๆ นึงในวันที่หิมะตกมีคนมากๆ ถูกช่วยเหลือ ทั้งมินและเพื่อนพนักงานเสิร์ฟจำไม่ได้หรอกว่าเคยช่วยใครไว้บ้าง

เขาควรจะบอกความจริงให้พิพัฒน์ได้รู้ ถึงแม้ว่าจะทำให้อีกฝ่ายผิดหวังก็ตาม

“ขอบคุณคุณพิพัฒน์ที่จำผมได้ แต่ขอโทษจริงๆ ที่ผมจำคุณไม่ได้เลย”



[-TBC-]



ฮ็อตเหลือเกินค่ะดอกเตอร์ แต่คุณผู้อ่านไม่ต้องห่วงนะคะ

พี่มินบอกแล้วเนอะว่ารักแพท แต่ตาแพทเนี่ยสิ ยังไม่รู้อะไรเลย สงสารเขานะคะ

แวบมาคุยกันได้ที่ #คุณครูพี่มิน เด้อ






หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-10-2018 02:24:18
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่...พี่แพทน่าจะอยู่แอบฟังบทสนทนาก่อนนะ  ไม่น่ารีบคอตกกลับบ้านก่อนเลย
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-10-2018 02:56:14
คุณพี่มินอ่ะ ทำพี่แพทหูตก หางตก อีกล่ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-10-2018 13:22:47
 :pig4:  นึกว่าจะไม่ได้ยินคำว่ารัก
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 22-10-2018 08:55:38
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 22-10-2018 09:48:10
สงสารพี่แพท คงจะเสียใจมาก
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-10-2018 11:06:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 15 {Up.191018}
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-10-2018 20:34:32
หวังว่าพิพัฒน์จะยอมรามือแต่โดยดี ไม่เอาไปโพทนาว่าอาจารย์กับนักศึกษารักกัน
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 16 {Up.261018}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 26-10-2018 20:29:16
คุณครูพี่มิน 16



ไหนต๊อดบอกว่าพี่มินชอบคนที่ดูเป็นผู้ใหญ่ไง นี่แพทก็พยายามทำตัวเคร่งขรึมขึ้นมากแล้ว อ้อนก็ไม่อ้อน แต่พี่มินก็ยังไม่สนใจกันอยู่ดี

ทั้งที่เคืองพี่มินขนาดนั้น แต่แพทก็ตัดใจกลับบ้านไปทั้งอย่างนั้นไม่ได้

ไม่รู้แหละ อย่างน้อยก็อยากเห็นกับตาว่าพี่มินยอมให้คุณคนนั้นไปส่งบ้านจริงๆ

เห็นแล้วอย่างไรล่ะ แอบดูเอง เจ็บเอง นักเลงพอ

ขณะกำลังนั่งเล่นเกมส์รออยู่นั้น พี่มินก็ส่งข้อความมา ใจความประมาณว่า ‘มารับหน่อย’ แพทแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาลุกขึ้นยืน ชะเง้อเข้าไปในตึกก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังเดินตรงมา

แพทเก็บมือถือเข้ากระเป๋าโดยไม่ตอบข้อความแล้วโบกมือเรียก

บนใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มกว้างกว่าครั้งไหนๆ ความหนักอึ้งในอกถูกยกออกไปแล้วเมื่อพี่มินส่งยิ้มกลับมา

อะไรกัน ขี้โกงชะมัด

“รออยู่นี่ตลอดเลยเหรอ”

“ไม่ได้รอซักหน่อย” โธ่คนปากแข็ง

“จะลองเชื่อดูก็ได้” มินว่ากลั้วขำถึงแม้จะบอกว่าเชื่อแต่สีหน้าและน้ำเสียงมันตรงข้ามกับคำพูดโดยสิ้นเชิงเลยนี่นา

“ก็ได้ๆ ยอมรับก็ได้ว่ารออยู่ตรงนี้ตลอดเลย”

“ดีจัง”

“กินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่า” ท่าทางโอนอ่อนผิดปกติทำให้อดสงสัยไม่ได้แม้แต่น้อย

“ผมสบายดี”

“ขอวัดไข้หน่อยสิ”

“หยุดเลย” ทุกการกระทำจำต้องหยุดลงเมื่อมินยกมือขึ้นมาดันหน้าผากของแพทที่กำลังจะแนบลงมาเอาไว้ ทั้งที่คิดว่าจะดื้อดึงกว่านี้ซะอีกแต่น่าแปลกที่แพทยอมผละออกไปง่ายๆ

“รีบกลับเถอะครับ เดี๋ยวจะติดฝน”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก็พบว่ามีกลุ่มเมฆสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงฝนห่าใหญ่น่าจะเทลงมา













รถมอเตอร์ไซค์เคลื่อนตัวออกไปแล้ว หากพิพัฒน์กลับยังไม่ละสายตาไปจากถนนเบื้องหน้า

คนที่เพิ่งถูกปฏิเสธความสัมพันธ์มาหมาดๆ เจ็บแปลบไปทั้งอก ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆสีดำทมึนปกคลุมไปทั่วบริเวณในยามนี้ก็คงไม่ต่างจากตัวเขาซักเท่าไหร่

ในเมื่อดอกเตอร์เลือกที่จะปฏิเสธความสัมพันธ์อย่างไร้เยื่อใย ไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ทั้งที่เขาเองก็ผูกใจเอาไว้กับดอกเตอร์มาตั้งหลายปี เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อเพื่อจะได้พบกันอีกครั้งเมื่อทราบว่าอีกฝ่ายจะย้ายมาสอนที่เดียวกัน

อุตส่าห์คิดว่าการที่โลกของพวกเขาหมุนมาบรรจบกันอีกครั้งเป็นเรื่องของพรหมลิขิตแท้ๆ แต่สุดท้ายมันก็จบลงทั้งที่ยังไม่มีโอกาสได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ

ทุกเรื่องเกิดจากความใจร้ายของดอกเตอร์เมฆทั้งสิ้น

ถ้าหากต่อจากนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะก็ ให้รู้ไว้เลยว่าทั้งหมดเป็นผลจากความใจร้ายของดอกเตอร์ทั้งสิ้น













ฝนเทลงมาระหว่างทางก่อนถึงคอนโดแค่ไม่กี่นาที

ด้วยสภาพที่ไม่สามารถมองเห็นถนนเบื้องหน้าได้ แพทจึงจำต้องจอดรถหลบฝนใต้สะพาน เพราะถ้าขืนดันทุรังขี่รถฝ่าฝนไปก็มีแต่จะเปียกกับอันตราย

“เปียกหมดเลย” แพทว่าพลางสางผมตัวเองลวกๆ พลางบิดชายเสื้อที่เปียกชุ่มจนน้ำไหลออกมาเหมือนผ้าที่เพิ่งเอาออกจากเครื่องซักผ้ายังไม่ได้ปั่นแห้ง

ขณะที่แพทเปียกจนชุ่มโชกไปทั้งตัว มินกลับแค่ชุ่มๆ จะเปียกมากหน่อยก็แค่แขนเสื้อกับขากางเกงบางส่วนเท่านั้น

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาหลบหลังแพทอยู่ตลอดเลย

เห็นสภาพตนและน้องก็อดคิดไม่ได้ว่าแพทโตมากแล้วจริงๆ โตพอที่จะปกป้องใครซักคนได้แล้ว และคนๆ นั้นก็คือมิน คิดไม่ออกเลยว่าถ้าน้องเลือกปกป้องคนอื่น เขาจะรู้สึกอย่างไร

ไม่เอาด้วยหรอก ไม่อยากถูกทอดทิ้งอีกแล้ว

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นครับ” มินสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อแก้มถูกสัมผัสด้วยมือเย็นเฉียบ “หนาวเหรอ”

“เปล่า”

“แต่แพทหนาวมากเลย”

“ต้องไม่สบายแน่ๆ ถึงห้องแล้วต้องรีบอาบน้ำ กินยาเลยนะ”

“ตอนนั้นพี่มินไม่ได้กินยาก่อนนอนใช่มั้ย”

“ตอนนั้น” มินทวนคำ ซักพักทีเดียวกว่าจะนึกได้ว่าตอนนั้นที่แพทพูดถึงคือเมื่อไหร่กัน













ทั้งที่คุณแม่ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าลืมพกร่มด้วย เพราะกรมอุตุฯ ประกาศว่าจะพายุที่กำลังจะเข้าจีนส่งผลให้ฝนตกในประเทศไทยบางส่วน แต่เพราะความดื้อรั้นเชื่อแต่ตัวเองว่าตอนเช้าแดดแรงขนาดนั้นไม่มีทางที่ฝนจะตกลงมาหรอก และนั่นก็เป็ฯความคิดที่ผิด

ทั้งที่เมื่อกี้แดดยังแรงจนต้องหรี่ตาเดินแท้ๆ แต่อยู่ๆ ฝนห่าใหญ่ก็เทลงมาให้ทั้งเขาและน้องแพทวิ่งหาที่หลบฝนเป็นพัลวัน ป้ายรถเมล์คนก็ล้นแล้ว ที่พึ่งสุดท้ายคือร้านขายเครื่องเขียนที่ตั้งอยู่ห่างออกไป

กว่าจะวิ่งมาถึงก็เปียกโชกทั้งตัว

แต่ถึงแม้จะเปียกไปทั้งตัวเด็กน้อยกลับเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างก่อนยื่นมือเล็กๆ ออกไปรองน้ำฝนที่กำลังตกลงมา

“หนาวมั้ย”

“ม่ายหนาว” น้องตอบพลางส่ายหน้า

นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่คุยกันแล้วน้องแพทไม่ยอมมองหน้า ดวงตากลมโตบนใบหน้าน่ารักกำลังจับจ้องไปยังสายฝนเบื้องหน้าอย่างสนอกสนใจ

มินนั่งยองๆ ลงข้างกัน ทอดสายตามองไปข้างหน้าเลียนแบบน้องเผื่อว่าจะมองเห็นบางอย่างที่คนโตกว่าอย่างเขามองข้ามไป

และก็จริงดั่งคาด

หยดน้ำที่ตกกระทบพื้นคอนกรีตแล้วกระจายออกเหมือนดอกไม้บานไม่เคยได้รับความสนใจจากมินหรือแม้กระทั่งผู้คนอันเร่งรีบในเมืองแห่งนี้ แต่มันกำลังสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กน้อยไร้เดียงสา

ของไร้ค่าสำหรับบางคนอาจจะเป็นของมีค่าสำหรับอีกคน

นานทีเดียวกว่าฝนจะหยุดตก

“กลับบ้านกันเถอะครับ” มือเล็กถูกคว้ามาจับ และแทนที่จะเดินตามคนเป็นพี่อย่างเช่นทุกครั้งแต่น้องแพทกลับไม่ยอมเดิม

ใบหน้าน่ารักแหงนเงยมองท้องฟ้า ริมฝีปากเล็กอ้าออกคล้ายตกใจให้มินมองตาม

“รุ้งกินน้ำนี่นา”

“รุ้งกิงน้ำคืออะไรฮะคุงคูงพี่มิง” เด็กน้อยถามอย่างสงสัยใคร่รู้

ถ้าตอบไปว่ารุ้งกินน้ำเป็นปรากฎการทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นหลังฝนตกเมื่อแสงแดดส่องผ่านละอองน้ำในอากาศทำให้เกิดเป็นสีต่างๆ ทั้งหมด 7 สี น้องคงไม่มีทางเข้าใจแน่ๆ

“ก็ที่น้องแพทมองอยู่นั่นแหละครับคือรุ้งกินน้ำ”

“รุ้งหิวน้ำเหรอฮะ” มินส่ายหน้าให้กับความไร้เดียงสา

“มันขึ้นหลังฝนตกครับก็เลยเรียกว่ารุ้งกินน้ำ”

“เพราะว่ารุ้งกิงน้ำ ฝงก็เลยหยุดตกเหรอฮะ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้แหละมั้ง” รู้ว่าไม่ใช่วิธีการตัดบทสทนาที่ดี แต่พูดตามตรงคือมินไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องอย่างนี้ให้เด็กวัย 5 ขวบเข้าใจได้อย่างไร

“พี่แพทก็อยากกิงน้ำเหมืองกังน๊า”

“ต้องเดินไปตรงโน้นนะครับ” ร้านสะดวกซื้ออยู่ถัดไปอีกประมาณ 3 ตึก ด้านหลังป้ายรถเมล์

“ขอกิงโคล่าได้มั้ย”

“ไม่ได้ครับ”

“ทำไมอ่า พี่แพทอยากกิงนี่นา มังอาหร่อย ซ่าๆ ด้วย” ต้องโทษต๊อดคนแรกเลย มินห้ามแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังแอบเอาโคล่าให้น้องดื่มจนได้ เป็นไงล่ะทีนี้ ติดใจเลย

“เด็กดีต้องไม่งอแงนะครับ”

“พี่แพทไม่ได้งอแงซักหน่อย คุงคูพี่มิงแหละที่งอแง”

“พี่มินงอแงยังไงครับ”

“ก็งอแงไม่ให้พี่แพทกิงโคล่างาย ไม่น่ารักเลย”

“แล้วไม่รักเหรอครับ” น้องทำหน้ายุ่งยากใจครุ่นคิด

“รักสิ พี่แพทรักคุงคูพี่มิงที่สุดในโลกเลยนะ”

“พี่มินก็รักน้องแพทครับ”

คำบอกรักในตอนนั้นก็ไม่ต่างจากการทักทาย ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยแต่ก็ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้รับมัน













“ให้แพทแวะร้านขายยามั้ย กินยาดักไว้เลยเดี๋ยวก็ไม่สบายอีก”

“แพทเปียกกว่าพี่อีก”

“แพทแข็งแรง”

นั่นสินะ ตอนนั้นที่เปียกฝนด้วยกันก็มีแต่มินคนเดียวที่ไม่สบายจนล้มหมอนนอนเสื่อ

“จะว่าไปก็เสียดายเนอะ ฝนดันตกตอนกลางคืนก็เลยอดเห็นรุ้งกินน้ำ” ฝนซาลงแล้ว แพทเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ปราศจากดวงดาวแล้วถอนหายใจออกมา

“ฝนตกตอนไหนก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ”

“ใช่ แพทก็ไม่ชอบ”

“ทำไมล่ะ”

“เดี๋ยวพี่มินไม่สบายไงครับ”

“แพทนั่นแหละที่จะไม่สบาย”

“บอกแล้วไงว่าแพทแข็งแรงมาก” ว่าแล้วก็ถลกแขนเสื้อขึ้นโชว์กล้ามให้คนอายุมากกว่าหัวเราะออกมา

คุยกันเรื่อยเปื่อยจนฝนหยุดตกค่อยขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านกัน

แพทจอดรถที่หน้าคอนโด ช่วยถอดหมวกกันน๊อคแล้วตั้งใจจะกลับบ้าน ทว่ากลับถูกอีกคนยื่นมือมาจับแขนเพื่อรั้งกันเอาไว้

ไม่เอาน่าพี่มิน แพทกำลังห้ามใจอยู่นะ

“ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิแล้วค่อยกลับ”

“ไม่เป็นไร...”

“แพทแข็งแรง” มินพูดดักคอเอาไว้ก่อนยื่นมือไปดึงกุญแจรถมาถือไว้เอง

“เป็นห่วงแพทขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

“ก็ต้องเป็นห่วงสิ”

“คืนกุญแจมาก่อน”

“ไม่”

“แล้วแพทจะเอารถไปจอดยังไงครับ” นั่นสิ คิดได้อย่างนั้นจึงยอมคืนกุญแจรถแต่โดยดี













ไฟในห้องนอนสว่างขึ้นทันทีที่เจ้าของห้องก้าวผ่านประตูเข้ามา มินถอดรองเท้าแล้วเก็บไว้บนชั้นวางอย่างเคย แพททำตามบ้าง ก่อนจะกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณห้องอีกครั้ง

มาครั้งก่อนก็เอาแต่แกล้งเจ้าของห้องจนไม่ได้สังเกตเลยว่าเฟอร์นิเจอร์บางอย่างถูกเปลี่ยนแล้ว

คนเป็นแขกก้าวตามเข้ามาอย่างเก้ๆ กังๆ นึกแปลกใจตัวเองไม่น้อยที่ไม่คุ้นชินกับห้องนี้ทั้งที่เมื่อก่อนก็มาอาศัยหลับนอนอยู่เป็นเดือน

“ใช้ห้องน้ำก่อนได้เลย” ผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าชุดนึงถูกส่งมา ทันทีที่รับมากลิ่นหอมประจำกายของพี่มินก็ลอยเตะจมูก

ดีจัง แพทรู้สึกโชคดีมากที่วันนี้ฝนตก

ชักจะชอบฤดูฝนขึ้นมาแล้วสิ

“พี่มินล่ะ พี่มินก็เปียกเหมือนกัน”

“ถ้าเป็นห่วงก็รีบใช้ห้องน้ำรีบออกมาสิ” มินตอบขณะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกไม่สนใจสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองตน

จะบอกว่าเชื่อใจก็ได้ แพทน่ะถึงจะเป็นเด็กห่ามๆ หน่อยแต่ก็มีความเป็นสุภาพบบุรุษมากทีเดียว

มินพรูลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง

คิดว่าตัวเองโชคดีมากที่อย่างน้อยก็ยังมีแพทให้โทรหาหลังจากผ่านเรื่องราวไม่คาดฝันมา

ใครจะไปรู้ว่าพิพัฒน์คิดกับตนแบบนั้น ตลอดมาก็ไม่เห็นอีกฝ่ายจะแสดงออกถึงความสนใจในเชิงชู้สาว และถึงแม้จะปฏิเสธไปแล้วก็ตาม แต่สัญชาตญาณก็พร่ำร้องบอกว่าเรื่องมันไม่มีทางจบง่ายๆ แน่

ทั้งที่คิดว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายหลังจากตรากตรำลำบากลำบนอยู่ต่างประเทศมาหลายปีแท้ๆ แต่กลับมาเจอเรื่องแบบนี้ซะได้

บางทีการเป็นคนดีมีน้ำใจนี่มันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีเท่าไหร่เลยแฮะ

ขณะกำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น แพทใส่เสื้อผ้ามินได้พอดีเลย แต่กางเกงเหมือนจะขาเต่อไปหน่อย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา แพทน่ะชอบกลิ่นหอมๆ นี้มากเลย ใส่เสื้อผ้าชุดนี้แล้วรู้สึกเหมือนว่าถูกพี่มินกอดเอาไว้อย่างนั้นแหละ

คิดแล้วก็เขิน

แพททิ้งตัวลงบนโซฟา หยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีที่กำลังฉายละคร ไม่เคยรู้เลยแฮะว่าดอกเตอร์เมฆติดละครกับเขาด้วย นึกว่าอ่านแต่หนังสือวิชาการซะอีก แต่แพทน่ะตั้งแต่ไม่ค่อยสนิทกับแม่ก็ไม่ได้ดูละครอีกเลย เพราะว่าดูละครทีไรความทรงจำช่วงนั้นก็มักจะชัดเจนขึ้นเสมอ

ที่จริงแล้วมันเป็นความทรงจำที่ดีนะ แต่แปลกที่ความทรงจำดีๆ นั้นกลับทำให้เจ็บปวดซะอย่างนั้น ไม่ยุติธรรมเลยว่ามั้ย

แพทละความสนใจจากทีวีตรงหน้า เขาเดินเข้าไปในห้องนอนของมินอย่างถือวิสาสะ จำได้ว่าถ้าเปิดม่านออกจะเห็นวิวกรุงเทพยามค่ำคืนอันสวยงาม

พรึ่บ!

ทันทีที่เปิดม่านแพทก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อวิวทิวทัศน์อันสวยงามถูกบดบังด้วยสายฝน

มันตกลงมาอีกแล้ว

แพทถือวิสาสะนั่งลงบนเตียง ทอดสายตามองฝนภายนอกนั้นอย่างเลื่อนลอย

“ฝนตกอีกแล้วเหรอ”

“กลับบ้านไมได้แน่เลย” แพทยู่ปากพลางส่งสายตาออดอ้อนหากมินก็ทำเป็นเมินแล้วพูดเรื่องอื่น

“ทำไมไม่เป่าผมให้แห้งล่ะ มีไดร์ฟเป่านะ”

“พี่มินเป่าให้หน่อยสิ”

“โตแล้ว ทำเองสิ”

“ทั้งที่เมื่อก่อนตามใจแพททุกอย่างแท้ๆ”

“ก็ตอนนั้นแพทยังเด็ก”

“นั่นสินะ ตอนนี้แพทโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่สงสัยอะว่าโตพอจะเป็นแฟนพี่มินรึยัง”

“เอาเวลาไปตั้งใจเรียนหนังสือเถอะ”

“ต้องรอจนเรียนจบเลยเหรอถึงจะยอมเป็นแฟนกันน่ะ”

“มานั่งนี่สิ” แพทขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ เจ้าของห้องทั้งที่ไม่รู้เลยซักนิดว่าพี่มินเรียกทำไม และก็ถึงบางอ้อเมื่ออีกฝ่ายยืนด้วยเข่าแล้วช่วยเช็ดผมให้จริงๆ ทั้งที่ผมตัวเองก็ยังไม่แห้งเหมือนกัน

ถึงปากจะเอาแต่ปฏิเสธ แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนความใจดีของพี่มินก็ยังคงไม่จืดจางแม้แต่น้อย

“พี่มินโป๊อะ” คนถูกทักไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย เสื้อนอนที่สวมอยู่ก็ปลดกระดุม 2 เม็ดอย่างปกติ แพทนั่นแหละที่คิดทะลึ่งไปเอง

“คิดเยอะ”

“พี่มินนั่นแหละคิดเยอะ”

“คิดอะไร”

“ไม่รู้สิ แต่มองหน้าก็รู้แล้วว่ากำลังคิดมาก มีเรื่องไม่สบายใจใช่มั้ยล่ะ”

“ช่างสังเกตุ”

“นี่ชมหรือด่าว่าเสือก แต่ยังไงก็ช่างเถอะ แพทจะคิดซะว่าพี่มินชม”

“คิดเองเออเองเก่ง”

“พี่มินมีอะไรก็เล่าให้แพทฟังนะ เมื่อก่อนแพทพึ่งพี่มินเยอะมาก ตอนนี้แพทโตแล้วแพทอยากเป็นที่พึ่งให้พี่มินบ้าง”

“เป็นเด็กดีจังนะ”

“ตกลงจะให้แพทเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่เนี่ย”

“ในสายตาพี่ แพทก็ยังเป็นเด็กเหมือนเดิมแหละ”

“อะไรวะ” แพทบ่นอุบ ไม่ค่อยเข้าใจมินที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเดี๋ยวก็บอกว่าเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเดี๋ยวก็บอกว่าเป็นเด็ก งงแต่ก็อยากแสดงให้เห็นว่าแพทไม่เด็กแล้วนะครับ

มินเบิกตากว้างกำผ้าขนหนูไว้แน่นในวินาทีที่ถูกคนเด็กกว่ากดร่างลงบนเตียง สายตาอ่อนโยนไร้เดียงสาเหมือนกวางน้อยเปลี่ยนเป็นสายตาแบบสัตว์ป่าที่พร้อมจะกระชากเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ ยอมรับว่าตกใจมากแต่เพราะเป็นผู้ใหญ่จึงได้แต่ข่มความรู้สึกนั้นเอาไว้ด้วยความเรียบเฉย

แต่แพทน่ะโตแล้ว โตพอที่จะสังเกตุเห็นแววตาสั่นระริกที่ไม่อาจซ่อนเร้นได้

ความรู้สึกเหนือกว่าทำให้เขายกยิ้มร้ายกาจอย่างไม่รู้ตัว ท่าทางแบบนั้นยิ่งทำให้มินแสดงความหวาดหวั่นออกมาชัดเจน

“แพทโตแล้วนะ”

“ตัวหนักขนาดนี้ก็คงเป็นผู้ใหญ่แล้วแหละ”

“เป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่แค่ตัวใหญ่นะ อย่างอื่นก็ใหญ่ด้วย”

“ทะลึ่ง” มินเบือนหน้าหนีเมื่อเผลอกดสายตาลงต่ำมองระหว่างกายที่แนบอยู่บนท่อนขาของเขา

“พี่มินนั่นแหละทะลึ่ง คิดอะไรอยู่”

“ลุกไปก่อนสิแล้วจะบอก”

“ไม่เอา ไม่ลุกจนกว่าพี่มินจะเล่าเรื่องที่ไม่สบายใจให้แพทฟัง”

“อย่ามาบังคับสิ”

“แพทกำลังขอพี่มินดีๆ นะ ยังไม่ได้บังคับเลย”

“ที่กดพี่เอาไว้กับเตียงแบบนี้คือไม่บังคับเลยว่างั้น”

“ไม่ได้บังคับ เพราะถ้าบังคับล่ะก็...” แพทแทนคำตอบด้วยการโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้จนปลายจมูกเฉียดกับแก้มใส

มินรู้สึกว่าใบหน้าของตนเห่อร้อน กลิ่นหอมจากเสื้อผ้าที่คุ้นเคยแต่เมื่ออยู่บนตัวแพทกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

“บอกได้รึยังครับ ถ้าไม่บอก...”

ไม่ดีแน่ มินคิดอย่างนั้นก่อนหันหน้ากลับมามองกัน แต่ใครจะไปรู้ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะทันทีที่หันกลับมาจมูกของทั้งคู่ก็ชนกันเข้าอย่างจัง มินไม่มีทางหนีอยู่แล้ว และแพทก็ไม่คิดจะถอยด้วย

ความใกล้ชิดทำให้สายตาไม่อาจโฟกัสอีกฝ่ายได้

แพทกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก พอๆ กับความยับยั้งชั่งใจ

พี่มินที่อยู่ใต้ร่างไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนหมอนข้างแต่น่ากอดกว่าสิ่งของที่ไม่มีชีวิตเป็นไหนๆ ทั้งริมฝีปากสีระเรื่อที่อยู่ใกล้จนถ้าขยับเพียงนิดต้องได้สัมผัสแน่ๆ

“ถ้าไม่บอกจะทำไม” มินเอ่ยถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา และฉกชิงเอาคำตอบด้วยริมฝีปากที่แนบเข้ากับเรียวปากของอีกคน

แพทเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาอยากจูบมินมากแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเริ่มก่อน และเมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วมีหรือที่จะยอมปล่อยให้หลุดมือไป

สายตาของมินพร่ามัวเมื่อแพทประกบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ฝ่ามือข้างขวาประคองท้ายทอยเอาไว้แล้วสอดเข้าไปในเส้นผม ลูบไล้แผ่วเบาขณะปลายลิ้นรุกล้ำเข้ามาภายในปากเพื่อสัมผัสให้ลึกซึ้ง

มินรู้สึกว่าไม่ใช่แค่ใบหน้าที่ร้อนผ่าว ร่างกายเองก็ร้อนฉ่าอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

แพทผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจ้องลึกเข้ามาในดวงตาอย่างรักใคร่ ยิ่งรับรู้ถึงความชื้นบนริมฝีปากมินก็ยิ่งเขินอายจนอยากเบือนหน้าหนีหากไม่ติดว่าแพทยังไม่ละมือจากท้ายทอยแม้แต่วินาทีเดียว

“แย่จัง” เจ้าของริมฝีปากบ่วมเจ่อเอ่ยออกมาเมื่อความรู้สึกผิดเข้ามาเกาะกุมหัวใจ

ได้ยินอย่างนั้นแพทก็ใจแป้ว ที่บอกว่าแย่หมายถึงจูบเมื่อกี้เหรอ เสียเซลฟ์ชะมัดเลย

“ทั้งที่พี่เป็นอาจารย์”

“ไม่คิดมากสิ บาปน่ะหวานจะตายไม่ใช่เหรอ” ก็จริงอย่างแพทว่า ในเมื่อเป็นคนดีแล้วไม่ได้ดี เป็นคนบาปก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา

คนที่ทำแต่ความดีมาทั้งชีวิตให้กำลังใจตัวเองก่อนพลิกตัวนอนตะแคงมองหน้าคนข้างกายเต็มตา

มินยกมือขึ้นสัมผัสกรอบใบหน้าหล่อเหลาของอดีตเด็กในปกครองตน เผลอมองริมฝีปากที่ยังบวมเจ่อและถูกเคลือบด้วยน้ำใสแล้วใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง

จูบเมื่อกี้น่ะมันสุดยอดเลย

“คราวนี้จะเล่าให้ฟังได้รึยังครับ”

“เรื่องที่มหา’ลัยนั่นแหละ”

“เกี่ยวกับคุณพิพัฒน์อะไรนั่นรึเปล่า” คนที่ทั้งภูมิฐานและดูเป็นผู้ใหญ่ ที่แพทเจอเพียงไม่กี่ครั้งก็รู้สึกหวั่นใจแล้ว

“เขาชอบพี่” และยิ่งได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งไม่สบายใจ

“รู้ได้ยังไง เขาบอกรักแล้วด้วยเหรอ รักตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ทำไมแพทไม่รู้เลยอะ”

แค่รู้ว่ามีใครก็ไม่รู้มาบอกรักพี่มินของตนแพทก็รู้สึกไม่พอใจมากแล้ว และยิ่งรู้ว่าคนนั้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดูเหมือนจะตรงสเป็กพี่มินมากกว่าก็ยิ่งคิดว่าตนอาจจะแพ้

“พี่มินไม่ได้ชอบเขาใช่มั้ย”

“ถ้าชอบจะกังวลทำไมล่ะ”

“ไม่รู้สิ ถึงแพทจะโตแล้วแต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่แพทไม่รู้นะ”

“ไม่ได้ชอบหรอก”

“แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะ ปฏิเสธเขาไปรึยัง” ภาวนาขอให้พี่มินปฏิเสธไปให้จบๆ ฝ่ายนั้นจะได้เลิกตามตื๊อซักที และถ้าเป็นอย่างที่หวังแพทจะได้สบายใจ ลำพังแค่ตามจีบพี่มินโดยปราศจากคู่แข่งก็ใจแป้วแล้วแป้วอีก ถ้าขืนมีคู่แข่งล่ะก็แพทได้ช้ำใจตายแน่

“ปฏิเสธไปรึยังน๊า จำไม่ได้ซะด้วยสิ”

“พี่มินอย่ามาล้อเล่นกับหัวใจแพทอย่างนี้สิ”

“ผมทำอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ มีแต่คุณนั่นแหละที่คิดไปเอง”

“ดอกเตอร์จะปั่นหัวผมเล่นเหรอครับ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าไม่ง่ายหรอก”

“แพท” เจ้าของเตียงยกมือขึ้นดันแผ่นอกแกร่งของแพทเอาไว้ในตอนที่ถูกรวบกอด กระทั่งเสียงพร่าที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนดังขึ้นจึงยอมลดมือลง

“บาปมันหวานใช่มั้ยล่ะ ถ้างั้นเรามาทำบาปกันเยอะๆ เลยดีมั้ย”

แพทเริ่มต้นทำบาปด้วยการจรดริมฝีปากลงบนเปลือกตาของคนที่อยู่ในฐานะอาจารย์ของตนพลางกระชับกอดให้แนบแน่น

ทั้งคู่หลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน เพราะบรรยากาศยามฝนตกช่วยให้หลับสบายกว่าทุกๆ คืน ใช่หรือเปล่านะ



[-T B C-]




พี่มินเขาก็ชัดเจนในแบบของเขานะคะ

ถึงจะไม่บอกว่ารักแต่การกระทำมันก็...นั่นแหละ 555

ไม่ได้ยินคำว่ารัก แต่ถูกจูบงี้ เจาแพทฟินตัวแตกไปแล้วมั้ง




หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 16 {Up.261018}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-10-2018 23:25:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ  พี่มินเปิดฉากก่อนดัวะ  พี่แพทฟินเลยดิ  อิอิ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 16 {Up.261018}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-10-2018 02:15:01
อยากกลายร่างเป็นผ้าห่มให้สองคนห่มจังเลย  :hao6:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 17 {Up.021118}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 02-11-2018 16:19:19
คุณครูพี่มิน 17



แพทตื่นขึ้นมาในตอนเช้าบนเตียงที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมประจำกายของมิน

เหตุการณ์เมื่อคืนยังชัดเจนในความทรงจำให้เจ้าตัวทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งแล้วชักดิ้นชักงอด้วยความเขินอาย

พวกเขาจูบกันแล้วจริงๆ แถมยังเป็นจูบที่พี่มินเริ่มต้นก่อนซะด้วย

โคตรเขินเลย ไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นเขินเหมือนกันหรือเปล่า

นอนเล่นจนพอใจแพทค่อยลุกจากเตียง เมื่อเดินออกจากห้องนอนมาก็พบกับโพสต์อิทใบเล็กที่ถูกแปะไว้หน้าทีวี

‘ออกไปเคลียร์งานที่มหา’ลัย’

อ่านแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ

เมื่อคืนพี่มินเป็นกังวลมาก และเช้านี้ยังต้องไปมหา’ลัยอีก ถ้ายังทำงานที่นี่ก็คงเลี่ยงการเจอคุณพิพัฒน์ไม่ได้อย่างแน่นอน

แพทเพิ่งตระหนักได้ตอนนี้เองว่าถึงแม้ว่าเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ก็ไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้พี่มินได้ในทุกๆ เรื่อง

ชายหนุ่มออกจากคอนโดมาโดยไม่ลืมล๊อคห้องให้เรียบร้อยพร้อมส่งข้อความไปบอกเจ้าของห้อง

มินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูก่อนระบายรอยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มของคนมีความรักอย่างแน่นอน เห็นอย่างนั้นนักศึกษาที่มาช่วยงานก็อดแซวไม่ได้

“ข้อความจากแฟนเหรอคะ” พอได้ยินอย่างนั้นดอกเตอร์เมฆก็หุบรอยยิ้มกว้างลง

“เปล่าครับ” แล้วปฏิเสธ

“อิจฉาแฟนดอกเตอร์จังเลยนะคะ”

“ไม่ใช่แฟนครับ” ถึงแม้ว่าต่างคนต่างก็ใจตรงกันแต่ก็ยังไม่ใช่แฟนซักหน่อย

“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ค่ะ แต่อีกเดี๋ยวคงใช่เนอะ”

“งานตรงนั้นเสร็จแล้วเหรอครับ”

“ยังเลยค่า ดอกเตอร์อย่าเร่งสิคะ นี่หนูก็ทำจนไม่มีเวลาพักแล้วนะ”

“ผมเผื่อเวลาให้ตั้งนานแล้วนี่ครับ ทำไมถึงทำไม่เสร็จซักทีล่ะ”

“ก็...” ดอกเตอร์เมฆยกมือห้ามไม่ให้อีกฝ่ายแก้ตัว เพราะเขาเบื่อจะฟังคำเหล่านั้นแล้ว ถึงแม้ว่าภายนอกจะดูเป็นคนใจดีมากแต่ถ้าเป็นเรื่องงานดอกเตอร์เมฆก็กลายเป็นขาโหดขึ้นมาทันที และยิ่งเวลาเจอคนไม่มีความรับผิดชอบก็ยิ่งกระตุ้นปีศาจในตัวออกมาได้อย่างดี

อย่างเช่นตอนนี้

รายงานการวิจัยต่างๆ ถูกรื้อออกมากองไว้บนพื้นห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เอาเป็นว่าพอดอกเตอร์เมฆย้ายเข้ามาก็เห็นพวกมันกองระเกะระกะไว้แบบนี้ เขามอบหมายให้นักศึกษาที่ขอมาช่วยงานเก็บมันเข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบ แต่นี่เวลาล่วงเลยมากว่า 3 เดือนแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะเสร็จเลย

คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายใจ

ความรับผิดชอบไม่มีแล้วยังกล้ามาแซวเขาเรื่องแฟนอีก

ดอกเตอร์เมฆใช้เวลาอยู่ที่มหา’ลัยจนค่ำ และในตอนที่กำลังจะกลับบ้านนั้นเองที่โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจากต๊อดที่โทรมาชวนให้เข้าไปหาที่บ้าน

น้ำเสียงไอ้หมอนั่นสดใสดี จึงมั่นใจได้ว่าไม่ได้ชวนไปเป็นเพื่อนดื่มเหล้าแน่นอน

พอเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วออกจากลิฟต์ก็พบกับพิพัฒน์ที่ยืนรอลิฟต์อยู่ ทั้งคู่สบตากัน ดอกเตอร์เมฆตั้งท่าจะทักทายหากอีกฝ่ายกลับทำเป็นเมินแล้วเดินผ่านไป

กระนั้นดอกเตอร์เมฆก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าดีซะด้วยซ้ำที่เมินๆ กันไปซะจะได้ไม่ต้องปั้นหน้าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่การพบกันหลังเหตุการณ์นั้นทำให้หายใจลำบากสุดๆ

“พี่มิน” ในตอนที่ลิฟต์กำลังจะปิด เสียงแพทดังขึ้น พิพัฒน์ที่ตอนแรกก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมามอง เขาจับจ้องสองคนที่ยิ้มให้กันจนประตูลิฟต์ปิดลง

“มีความสุขกันเข้าไปเถอะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจดังขึ้นในลิฟต์

ดอกเตอร์เมฆในเมื่อคุณกล้าหักหน้าผมแบบนั้นก็อย่างคิดว่าผมจะยอมให้อภัยง่ายๆ เลย

“ต๊อดให้มารับเหรอ”

“นี่รู้ใจแพทหรือรู้ใจต๊อดอะ”

“คิดว่าไงล่ะ”

“คิดว่ารู้ใจแพทแล้วกัน”

“เอาที่สบายใจ”

“แล้วพี่มินสบายใจรึยัง เมื่อกี้เห็นนะ คุณคนนั้นเมินพี่มินด้วย”

“แบบนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ก็ดีแล้วล่ะ” ไม่รู้ทำไม ทั้งที่เอ่ยคำนั้นออกมาแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกดีเลยแม้แต่น้อย

ตอนลิฟต์กำลังจะปิด แพทเห็นพิพัฒน์เงยหน้าขึ้นมามอง สายตาของเขาดูเจ้าเล่ห์จนนึกหวั่นใจ คงไม่ใช่ว่ากำลังคิดทำเรื่องไม่ดีอยู่หรอกนะ แต่อย่างไรก็ตาม ใครที่คิดไม่ได้กับพี่มินน่ะแพทไม่มีทางให้อภัยอย่างแน่นอน แพทจะทำให้พี่มินเห็นเองว่าแพทสามารถดูแลเขาได้ สามารถเป็นที่พึ่งได้จริงๆ













“แต่งตัวไม่เข้ากับปาร์ตี้หมูกระทะเลยว่ะ”

ต๊อดที่นั่งหน้ามันเยิ้มอยู่หน้าเตาหมูกระทะเอ่ยทักทายด้วยเสียงร่าเริงทันทีที่มินกับแพทเดินเข้าไปร่วมวง เห็นสภาพเพื่อนแล้วมินจึงปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนสุดออก พับแขนเสื้อขึ้น สร้อยบนข้อมือทำให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ กันยิ้มกว้าง

“ใครจะไปรู้ว่ามีปาร์ตี้หมูกระทะ”

“แพทบอกว่ามึงไม่สบายใจน่ะ” มินเหลือบมองคนข้างกายตนเมื่อได้ยินคำของเพื่อน เขายิ้มเป็นการขอบคุณ เป็นรอยยิ้มที่หวานเสียจนแพทรู้สึกเหมือนตัวเองจะละลายลงตรงนี้

“ก็เลยเลี้ยงหมูกระทะกูน่ะเหรอ”

“จ่ายมาห้าร้อย” ต๊อดว่าพลางแบมือมาขอเงิน

“แปะโป้งไว้ก่อนแล้วกัน”

“โห ดอกเตอร์ แปะโป้งอะไรวะ”

“ถ้าต้องจ่ายมึงห้าร้อยกูไปบุพเฟ่ต์ไม่ดีกว่าเหรอ”

“ไม่ดีหรอก เพราะร้านบุพเฟต์ไม่มีน้ำจิ้มฝีมือต๊อดนะ”

“จะซักเท่าไหร่กันเชียว”

“อร่อยมากนะพี่มิน ตอนแรกแพทคิดว่าต๊อดไปซื้อมาหลอก แต่พอต๊อดปรุงให้เห็นกับตาก็อึ้งไปเลยล่ะ” ต๊อดทำเป็นอวดเบ่งเมื่อได้รับคำชม

“ถ้าไม่เชื่อก็ลองชิมดู แต่ถ้าอร่อยมึงต้องจ่ายกูพันนึง”

“ถามจริง นี่เป็นช่างหรือเป็นนักตกทอง”

“พันเดียวซื้อทองได้ที่ไหน”

“กูเปรียบเทียบครับ”

“อย่าพูดอะไรที่เข้าใจยากได้มั้ย กูไม่ฉลาดมึงก็รู้” แพทถึงกับหัวเราะก๊ากเมื่อได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของต๊อด มินเองก็ยิ้มนิดๆ แล้วส่ายหน้าอย่างระอา

ต๊อดน่ะชอบบอกว่าตัวเองโง่และถึงแม้จะโง่จริงในบางเรื่อง แต่บางเรื่องก็ฉลาดเป็นกรดเชียว

ปาร์ตี้หมูกระทะดำเนินไปเรื่อยๆ น้ำจิ้มฝีมือต๊อดอร่อยอย่างคำคุยโม้ สงสัยคงต้องเสียเงินพันแล้วล่ะมั้ง แต่นั่งอยู่นี่ก็เสียค่าเครื่องดื่มไปเยอะแล้ว

เบียร์ขวดสุดท้ายถูกต๊อดกระดกทีเดียวหมด ก่อนเจ้าตัวจะอาสาไปซื้อมาเพิ่มอีก แน่นอนว่าหยิบเงินจากกระเป๋าสตางค์มินตามอัธยาศัย

“พี่มินไหวมั้ยเนี่ย ต๊อดเอาเงินไปอีกแล้วนะ”

“ไหวสิ”

“คอพับคออ่อนแล้วอะ ซบไหล่แพทดีมั้ยครับอาจารย์” ศีรษะของมินถูกประคองให้ซบลงบนไหล่กว้างและเจ้าตัวก็ไม่คิดจะปฏิเสธ

“ทำไมเรียกอาจารย์”

“ตื่นเต้นดีออกไม่ใช่เหรอครับ” ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอถูกแพทเรียกว่าอาจารย์ขณะที่นั่งซบกันอยู่แบบนี้มันชวนให้ตื่นเต้นไม่น้อย

ทั้งที่เมื่อก่อนก็ถูกเรียกแบบนี้บ่อยๆ แท้ๆ แต่พอหลังจากคืนนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมด

บาปน่ะมันหอมหวานใช่มั้ยล่ะ ใครที่ได้ลองลิ้มรสแล้วครั้งหนึ่งก็ย่อมอยากลองครั้งต่อไปเสมอ

แต่การทำบาปไม่เคยส่งผลดีกับใคร















มือของดอกเตอร์เมฆสั่นไหวเหมือนกับหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นส่ำ เขามองซ้ายมองขวาก่อนเก็บรูปถ่ายใส่ซองไว้ตามเดิม

ต้องเป็นพิพัฒน์อย่างแน่นอนที่เอารูปถ่ายพวกนี้มาแบล็คเมล์เขา ทั้งที่ไม่คิดผูกใจเจ็บใดๆ คิดว่าเรื่องจะจบลงด้วยดี คิดว่าจะยังเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันได้แท้ๆ แต่พิพัฒน์ก็ทำความหวังทั้งหมดพลังทลายลง

ซองกระดาษถูกโยนไว้ในรถก่อนดอกเตอร์เมฆจะปั้นสีหน้าเรียบเฉยเดินเข้าตึกทำราวกับว่าวันนี้ทุกอย่างปกติดี

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ได้เจอกับพิพัฒน์ในลิฟต์พอดี

ทั้งที่ไม่ได้เอ่ยทักทายกันมาเกือบสัปดาห์แล้วหากวันนี้อีกฝ่ายกลับส่งยิ้มมา ดอกเตอร์เมฆเองก็ส่งยิ้มกลับไปเช่นกัน

บรรยากาศชวนอึดอัดเกาะตัวกันแน่นเหมือนเมฆฝนในลิฟต์แคบๆ

ตอนที่เผลอสบตากันผ่านกระจกนั้นเองที่พิพัฒน์เอ่ยทำลายความเงียบ

“ดอกเตอร์ดูสบายดีนะครับ”

“สบายดีครับ”

“ทั้งที่เพิ่งหักอกผมมาแท้ๆ เนี่ยนะ”

“คนเราต้องเดินไปข้างหน้านะครับ”

“ดอกเตอร์ใจร้ายจัง”

“แต่คงไม่เท่าคุณพิพัฒน์หรอกมั้ง” ดอกเตอร์เมฆเผยรอยยิ้มเย็นชากับดวงตาที่ว่างเปล่าให้อีกฝ่ายเห็น บอกเป็นนัยๆ ว่าเขาไม่ได้ใจดีอะไร และถ้าถึงคราวที่ต้องร้ายเขาก็ร้ายได้มากกว่าที่คิดซะอีก

ประตูลิฟต์เปิดออก ดอกเตอร์เมฆเดินออกมาก่อนหันไปมองอีกฝ่ายขณะประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิดลง

“ฝีมือถ่ายรูปของคุณพิพัฒน์นี่ไม่ธรรมดาเลยนะครับ”

“ถ้าดอกเตอร์ชอบ...” ยังไม่ทันเอ่ยจบประโยคประตูลิฟต์ก็ปิดสนิทซะก่อน กระนั้นดอกเตอร์เมฆก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร

คงถ่ายรูปเก็บไว้เยอะเลยล่ะสิท่า คิดว่าวิธีนี้จะทำให้เขาจนตรอกได้จริงๆ น่ะเหรอ ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลาไม่สมเป็นอาจารย์แม้แต่นิดเดียว













“ถ้ามึงไม่บอกว่าคนทำเป็นอาจารย์มหา’ลัยกูคงคิดว่ามันเป็นเด็กแว้นซ์หัวโปก”

ต๊อดว่าพลางโยนรูปถ่ายพวกนั้นลงบนโต๊ะ

เห็นมั้ยล่ะขนาดต๊อดยังคิดเหมือนกันเลย คนที่ไม่รู้จักให้อภัยคนอื่นแถมยังเอาแต่คิดจะแก้แค้นเนี่ยมันช่างน่าสมเพช

“ไอ้แพทรู้เรื่องรูปพวกนี้รึยัง”

“ยังไม่ได้บอก” และไม่คิดจะบอกเพราะรู้ดีว่าคนใจร้อนอย่างแพทต้องไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบไปอย่างเงียบๆ แน่นอน และช่วงนี้ก็ดูเหมือนว่าแพทกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องที่คณะด้วย

“ถ้าวันนั้นมันไม่ให้มึงซบไหล่เรื่องนี้ก็คงไม่เกิด”

“กูก็เต็มใจ” ต๊อดเบะปากให้ความตรงไปตรงมาของเพื่อนตนในทันที

“มึงคบกับมันแล้วเหรอวะ”

“ยัง”

“ก็ชอบกันทั้งคู่ทำไมไม่คบกันให้มันชัดเจนไปล่ะ”

“แพทเป็นลูกศิษย์กูนะ ถ้ารูปพวกนี้หลุดออกไปแพทนั่นแหละจะลำบาก”

“ห่วงแต่เขา ห่วงตัวเองบ้างมั้ย”

“กูไม่เป็นไรหรอก ถ้าออกจากที่นี่ก็แค่หางานใหม่”

“ไม่ต้องมีใครออกไปไหนทั้งนั้นแหละ ถ้ามึงให้กูช่วย” ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าต๊อดเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ใครจะกล้าไว้ใจให้ช่วยเหลือกันล่ะ แน่นอนว่ามินปฏิเสธทันที

“หยุดเลยต๊อด คิดจะไปขโมยกล้องเขาหรือไง เมื่อไหร่มึงจะเลิกนิสัยลักเล็กขโมยน้อยซักที”

“กูเคยทำอย่างนั้นที่ไหนกันวะ”

“มึงขโมยดินสอสองบีกู จำไม่ได้เหรอ มึงทำให้กูเกือบไม่ได้ทำข้อสอบ”

“ไอ้ห่า เจ้าคิดเจ้าแค้นเหลือเกิน” เรื่องตั้งแต่ตอนมัธยมยังเอามาเล่าอีก

“แต่จะยังไงก็ตามเดี๋ยวเรื่องนี้กูจัดการเอง ส่วนมึงเงียบปากไว้เลย ห้ามเล่าเรื่องนี้ให้แพทฟังเด็ดขาด”

“รับทราบครับท่าน”

“ว่าแต่รูปนี้ ไอ้แพทมันออกมาจากคอนโดมึงไม่ใช่เหรอ ไปทำอะไรกันที่คอนโดวะ” ต๊อดหยิบภาพนึงขึ้นมา เป็นภาพที่แพทกำลังเดินออกจากคอนโดเขาในเช้าของวันถัดมาหลังจากคืนฝนตก

แค่คิดเรื่องคืนนั้นใบหูก็แดงขึ้นมาให้คนเป็นเพื่อนสนิทแซว

“ทำเรื่องทะลึ่งกันแน่เลย”

“ยังไม่ถึงขั้นมึงกับพี่เมี่ยงหรอกน่า” กลายเป็นต๊อดซะเองที่หน้าร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู

“มึงกับไอ้แพทนี่มาไกลฉิบหายเลยว่ะ”

“นั่นสิ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ก็ไม่รู้”

“มึงก็อย่าคิดมากเลย น้องมันรักมึง มึงเองก็รักมัน กูว่าดีแล้วด้วยซ้ำ อย่างน้อยพวกมึงก็เป็นแรงผลักดันให้กันและกัน”

“พูดดีสมมีแฟนเป็นหมอ”

“เรื่องนี้ไม่เห็นเกี่ยวกับเมี่ยงเลย เกี่ยวกับสมองอันชาญฉลาดของกูล้วนๆ”

นานๆ คนที่เอาแต่พูดเรื่องโง่ๆ จะเอ่ยคำฉลาดๆ ซักทีก็คงต้องปรบมือให้ซักหน่อยแล้ว

“ว่าแต่มึงได้คุยกับไข่มุกบ้างมั้ยช่วงนี้”

“ทำไมอยู่ๆ ถามถึงไข่มุกล่ะ”

“วันก่อนกูไปดูหนังกับเมี่ยงแล้วเจอผู้หญิงคนนึงคล้ายๆ ไข่มุกว่ะ แต่ไม่ได้ทักเพราะต้องรีบเข้าโรง แต่กูคิดว่าไม่น่าจะใช่ไข่มุกหรอก เพราะเธอที่กูเจอจูงมือเด็กมาด้วย”

เด็กงั้นเหรอ

“เด็กกี่ขวบ”

“กูไม่แน่ใจ ยังไม่เท่าพี่แพทของมึงหรอก”

“อย่างนั้นเหรอ มึงคงจำคนผิดแหละ ไข่มุกยังไม่แต่งงานซักหน่อย”

“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าเขายังไม่ได้แต่งงาน ยังติดต่อกันอยู่เหรอ”

“อือ กูเจอไข่มุกที่อเมริกา”

“คืนนั้นเมื่อ 4 ปีก่อนพวกมึงก็ออกไปด้วยกันนี่ ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย”

มินแค่มองหน้าเพื่อนโดยไม่คิดจะตอบคำถาม ในเมื่อเรื่องคืนนั้นไม่มีอะไรน่าเอามาเล่าต่อเลยแม้แต่น้อย มันเป็นคืนที่ทั้งเขาและไข่มุกอยากจะลืมๆ ไปเสียด้วยซ้ำ



[-T B C-]



ไข่มุกเคยโผล่มาตอนพี่แพทเป็นเด็ก
ส่วนตาพิพัฒน์นั้น ถ้าเธอยังไม่หยุด ฉันจะส่งเจ้าแพทไปจัดการเธอ จัม!!
พูดคุยเซย์ไฮ คุยเรื่องหมาแมว #คุณครูพี่มิน


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 17 {Up.021118}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-11-2018 18:56:11
เอาแล้วๆ ใครเป็นพ่อเด็กนะ   :hao3:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 17 {Up.021118}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-11-2018 19:04:29
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตายหล่ะ  ไข่มุกโผล่มาตอนแพทยังเป็นเด็ก   ทำไมตรูจำไม่ได้   สงสัยต้องย้อนกลับไปอ่านอีกรอบแระ

ป.ล.  สำหรับอิอาจารย์พิพัฒน์   สมควรส่งคนไปสั่งสอนมัน  ให้รู้จักกาละเทศะเสียบ้าง
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 17 {Up.021118}
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 02-11-2018 19:24:23
ลูกมินใช่ไหมเนี่ยยยยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 09-11-2018 17:14:13
คุณครูพี่มิน 18



พายุลูกย่อมๆ กำลังพัดเข้ามาในชีวิตของดอกเตอร์เมฆอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

แต่เดี๋ยวพายุก็คงสงบลงและพัดผ่านไป

มินมองแพทที่กำลังเกรี้ยวกราด ในมือกำรูปถ่ายที่ได้รับมาเอาไว้แน่น ถ้าเขารู้ว่าในกองเอกสารหลังรถยังมีภาพอีกหลายชุด เจ้าเด็กนี่ต้องระเบิดออกมาจริงๆ แน่

“นี่มันสตอล์กเกอร์ชัดๆ”

“ใช่มั้ยล่ะ”

“ยังจะมาทำเป็นสบายใจอีก ไม่กลัวบ้างเลยเหรอ”

“ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย”

“แต่หมอนั่นมันตามเราอยู่นะพี่มิน”

“เขาก็แค่ตามน่า ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย”

“มองโลกในแง่ดีเหลือเกิน แจ้งตำรวจดีมั้ยเนี่ย”

“เดี๋ยวก็กลายเป็นเรื่องใหญ่หรอก”

“ใหญ่แล้วไง แพทไม่ยอมให้พี่มินตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงแบบนี้หรอกนะ”

“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่พี่ไม่เป็นไรจริงๆ”

“พี่มินถ้าขืนยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่แบบนี้แพทจะโกรธแล้วนะ”

“โกรธแล้วยังไง”

“ก็...” แพทโถมกายเข้ามาหาอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ยังมีสติพอที่จะยกมือขึ้นยันอกแกร่งของคนใจร้อนเอาไว้ได้ ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันมากชวนให้นึกถึงจุมพิตอันแสนวิเศษในคืนนั้น ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้อีกเมื่อความยับยั้งชั่งใจขาดสะบั้น หากมินกลับไม่เห็นด้วย

เจ้าของรถเบือนหน้าหนีแล้วว่า “ตอนนี้เขาอาจจะกำลังซุ่มถ่ายรูปเราอยู่ก็ได้นะ”

“เราอยู่ในรถนี่ครับ เขามองไม่เห็นหรอก”

“แต่ว่า...”

“พี่มินอย่าดื้อสิ” จุมพิตถูกแนบลงมาเมื่อสิ้นประโยคอย่างที่มินเองก็ไม่คิดจะห้ามปรามทั้งยังโอนอ่อนผ่อนตามอย่างง่ายดาย

นั่นสินะ รถติดฟิล์มทั้งคันไม่มีทางที่คนข้างนอกจะมองเห็นเหตุการณ์ภายในห้องโดยสารเว้นก็แต่เอาหน้ามาแนบล่ะนะ แต่แบบนั้นมันไม่ต่างอะไรจากพวกโรคจิตเลยไม่ใช่หรือ

“พอไม่ดื้อแล้วก็น่ารักแฮะ” แพทถอนริมฝีปากออกเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังจะหมดลมหายใจ

ดวงตาคมที่กวาดมองใบหน้าเต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างที่มินเองก็สัมผัสได้ และเชื่อเถอะว่าแค่ถูกมองร่างกายก็ร้อนผ่าวไปหมด นึกอนาถใจตัวเองไม่น้อย ทั้งที่เป็นถึงดอกเตอร์แท้ๆ แต่เรื่องความรักกลับอ่อนหัดจนน่าสงสาร

“ไม่อึดอัดเหรอ”

“หือ” มินก้มมองนิ้วเรียวที่กำลังเกี่ยวเนคไทเขาเล่นเมื่อถาม และทันใดนั้นปมที่ผูกไว้อย่างดีก็ถูกคลายออก

ใบหน้าของแพทเลื่อนต่ำลงมา  อดีตเด็กในปกครองก้มลงใช้ฟันช่วยปลดกระดุมเม็ดบนสุดออก ลมหายใจอุ่นๆ ที่รินรดผิวกายทำให้คนอ่อนหัดแทบจะละลายลงตรงนั้น

“อยากทำมากกว่าจูบจังครับอาจารย์”

ยิ่งถูกเรียกว่าอาจารย์ก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายถูกกระตุ้นเข้าอย่างจัง กระนั้นมินก็ยังมีสติและสำนึกมากพอ

พวกเขาอยู่ในที่สาธารณะและการกระทำจาบจ้วงเช่นนี้ก็คงไม่ต่างจากพวกโรคจิต

“ไม่เอาน่าแพทนี่มันในรถนะ”

“คืนนี้ผมนอนห้องอาจารย์ได้มั้ย”

“ไม่ได้”

“ผมเป็นห่วงนี่นา ถ้าเกิดหมอนั่นมันบุกเข้าไปทำร้ายอาจารย์ในห้องใครจะปกป้องล่ะ”

“ไม่ต้องเลย แพทอันตรายกว่าคุณพิพัฒน์อีก”

“แพทเป็นเด็กดีนะไม่อันตรายหรอก”

“คุณน่ะมันตัวอันตราย”

“อันตรายยังไง”

“ก็...”

“ขอจูบอีกทีนึงแล้วจะยอมปล่อยไป โอเคเนอะ” และแน่นอนว่ามินไม่เคยขัดใจอีกฝ่ายได้เลย จุมพิตของแพทน่ะวิเศษมาก วิเศษเสียจนถ้าอีกฝ่ายขอจูบทุกวันก็คงให้อย่างเต็มใจ











เสียงเบิ้ลเครื่องมอเตอร์ไซค์หน้าบ้านทำให้ต๊อดที่หลับไปแล้วลุกขึ้นมา

เจ้าของอู่ซ่อมรถเปิดหน้าต่างห้องนอนแล้วตะโกนด่าชุดใหญ่ แค่นั้นไม่สะใจจนต้องเดินไปตักน้ำในห้องน้ำเอามาสาดโครม

แพทพยายามอธิบายแล้วแต่สุดท้ายก็ถูกสาดน้ำจนตัวเปียกอยู่ดี

ต๊อดนะต๊อด เมาขี้ตาหรือไงวะ

“เอาผ้าขนหนูมาให้ด้วยเลย” เสียงทุบประตูบ้านหยุดลงและถูกแทนที่ด้วยเสียงตะโกน

เจ้าของบ้านที่กำลังเดินลงบันไดมาจำต้องวนกลับขึ้นบ้านอีกครั้งเพื่อหยิบผ้าขนหนู จะว่าไปเมื่อกี้ต๊อดก็เมาขี้ตาจริงๆ นั่นแหละ คนกำลังหลับสบายนี่หว่า พอถูกกวนใจมันก็ประสาทเสียเป็นเรื่องธรรมดา

“ต๊อดเคยสาดน้ำใส่พี่เมี่ยงแบบนี้รึเปล่า”

“ไม่เคย”

“พี่เมี่ยงไม่เคยลุกขึ้นมาสะกิดต๊อดกลางดึกบ้างเหรอ”

“ถ้ามึงจะมาแค่เสือกเรื่องของกูล่ะก็เช็ดตัวแห้งแล้วก็เชิญกลับบ้านไปซะ” เจ้าของบ้านออกปากไล่ก่อนตั้งท่าลุกจากโซฟาหากก็ถูกแพทจับแขนเอาไว้ให้ต้องนั่งลงตามเดิม

“แพทก็แค่ชวนคุยน่า ตื่นรึยังเนี่ย”

“ตื่นแล้วสิ มึงมีอะไรมาดึกขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญคราวนี้ไม่ใช่แค่ถูกสาดน้ำนะมึง”

“สำคัญสิ สำคัญมากจนแพทนอนไม่หลับเลย”

“เรื่องไอ้มินอีกล่ะสิ”

“ต๊อดรู้ได้ไงอะ สุดยอดเลย”

“มึงไม่ต้องมายอกูไอ้แพท มีอะไรก็รีบว่ามากูง่วง”

“ต๊อดหาคนให้แพทซัก 5-6 คนสิ”

“เอาไปทำไม”

“เอาไปสั่งสอนคนหน่อย”

“ไอ้แพท!!”

“แค่เอาไปขู่เอง ต๊อดก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าไอ้คุณพิพัฒน์อะไรนั่นคิดจะแบล็คเมล์พวกเรา ต๊อดจะให้แพทอยู่เฉยๆ มองมันปั่นประสาทพี่มินไปอย่างนี้เรื่อยๆ น่ะเหรอ แพทไม่ใช่คนดีเหมือนพี่มินนะต๊อด”

“ไอ้มินต้องโกรธแน่” แค่นึกภาพคนใจเย็นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็กลัวจนขนหัวลุกแล้ว

“ก็อย่าให้พี่มินรู้สิ”

“ถ้ามันบอกว่ามันไม่เดือดร้อนก็คือไม่เดือดร้อน มึงจะเดือดร้อนแทนมันทำไม”

“ใครบอกต๊อดว่าพี่มินไม่เดือดร้อน ที่พี่มินไม่ทำอะไรเพราะห่วงแพท กลัวว่าถ้าเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้วแพทจะเรียนไม่จบ พี่มินกำลังปกป้องแพทนะต๊อด จะให้แพทอยู่เฉยๆ ได้เหรอ”

“ยิ่งรู้ว่ามันกำลังปกป้องมึง มึงก็ยิ่งควรจะอยู่เฉยๆ”

“แพทเองก็อยากปกป้องพี่มินเหมือนกัน”

“มันต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้”

“ยังไง”

“กูคิดไม่ออก”

“โถ่ งั้นก็หาคนให้แพทสิ”

“แค่เอาไปขู่นะ”

“อือ แค่ขู่”

“สัญญาลูกผู้ชาย”

“เออน่า ต๊อดไม่เชื่อใจแพทรึไง”

“กูไม่เคยเชื่อมึงหรอกแพท เพราะมึงไม่เคยทำให้กูเชื่อใจได้เลย และคราวนี้ถ้ามึงทำมากกว่าขู่เรื่องนี้ถึงหูไอ้มินแน่”

“ขี้ฟ้องจังเลย”

“จะเอาไม่เอาคนน่ะ”

“เอาคร้าบลูกพี่”











หลังจากนั้น 3 วันคนของต๊อดก็ถูกส่งมา

2 คนในกลุ่มเป็นคนที่แพทคุ้นหน้าดีเพราะเคยเจอกันตอนไปแว้นซ์เมื่อนานมาแล้ว และยังเจอที่ร้านต๊อดอยู่เนืองๆ ส่วนที่เหลือยังดูเด็กอยู่เลย บุคลิกเหมือนเด็กช่างไม่น่ากลัวมากแต่ก็เอาเรื่องอยู่

ต๊อดเนี่ยไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ

“ต๊อดบอกแล้วว่าไม่ให้ใช้กำลัง แต่ไปขู่ทั้งทีก็น่าจะขู่ให้เจ็บตัวหน่อยสิวะ” ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่กว่าใครเพื่อนเอ่ยพลางหักนิ้วกรอบแกรบ ไอ้นี่ชื่อตูนก็จริงแต่ไม่เคยทำประโยชน์ให้ใครเหมือนพี่ตูนบอร์ดี้สแลมหรอก

“อย่าเลย แค่ขู่เฉยๆ แหละ” แพทย้ำอีกครั้ง รับปากกับต๊อดแล้วก็ต้องทำตาม ลูกผู้ชายคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว

“ป๊อดว่ะแพท”

“กูไม่อยากมีเรื่องกับต๊อด มึงเองก็คงไม่อยากหรอก” ต๊อดน่ะถึงจะไม่เก่งเรื่องใช้สมองแต่เรื่องใช้กำลังและเอาตัวรอดเก่งต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่ง

“ต๊อดยังไม่บอกค่าจ้างนะ”

“คนละ 500”

“น้อยว่ะแพท”

“น้อยเหี้ยไรมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำอีก แถมยังทำงานไม่ถึงชั่วโมง แต่ถ้าพวกมึงทำมากกว่าขู่กูไม่จ่ายนะเว้ย”

“เออ ก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ถึงจะคันไม่คันมือมากก็เถอะ”

ถึงแม้จะเป็นคนที่ดูห่ามๆ หน่อยแต่ก็ยอมรับข้อเสนออย่างง่ายดาย

แพทน่ะตอนเจอคนท่าทางน่ากลัวเหล่านี้ครั้งแรกก็รู้สึกว่าพวกมันไม่น่าคบเลย ถ้าไม่ติดว่าไปเจอพวกมันกับต๊อดล่ะก็คงขอบาย แต่พอได้ลองพูดคุยก็ได้ค้นพบว่าคนเราดูกันแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ

คนพวกนี้ทำให้แพทได้รู้ว่ามนุษย์บนโลกนี้ถึงแม้จะดูร้ายกาจแค่ไหนแต่ก็ยังมีมุมอ่อนโยนที่บางทีเราเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน เช่นเดียวกับคุณพิพัฒน์อะไรนั่น ทั้งที่หน้าที่การงานกระทั่งหน้าตาก็ออกจะดีแต่กลับมีนิสัยที่ไม่น่าคบเอาซะเลย

แพทเตรียมแผนและศึกษาเส้นทางการกลับบ้านของพิพัฒน์มาอย่างดี

แค่รอเขาออกจากมหาวิทยาลัยตอนค่ำๆ แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตาม รอให้ถึงทางเปลี่ยวๆ ก็เข้าชาร์ตเลย

ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เมื่อตูนขี่มอเตอร์ไซค์ตัดหน้ารถยนต์ของพิพัฒน์จนเขาต้องเบรครถหัวทิ่มก่อนจะเปิดประตูออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่คิดระแวงซักนิด

ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากเลยแฮะ

“คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า” ตูนแสร้งทำเป็นเจ็บขณะพยุงตัวลุกขึ้นมา ในตอนนั้นเองที่พิพัฒน์มองไปยังรถมอเตอร์ไซค์อีก 3 คันที่จอดอยู่ข้างทาง

ท่าไม่ดีแล้ว คิดเช่นนั้นแล้วตั้งใจจะวิ่งกลับรถทว่าก็ช้าเกินไป

ตูนเข้าชาร์ตเขาเอาไว้ พิพัฒน์ดิ้นด้วยแรงทั้งหมดที่มีทว่าก็ไม่สามารถสู้แรงนักเลงได้

“หยุดเถอะน่าคุณพิพัฒน์ มาคุยกันดีๆ มั้ย”

“แก แฟนดอกเตอร์เมฆนี่” เมื่อเห็นว่าคนที่เดินออกมาจากหลังพุ่มไม้คือแพท คนถูกล็อคแขนไว้ก็เอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด

“ยังไม่ได้เป็นแฟนครับ เรียกว่ากำลังดูใจกันดีกว่า”

“เพราะแกคนเดียวแหละ ไอ้เด็กไม่มีการศึกษา”

“เจ็บจัง แต่คุณคงเจ็บกว่าที่ดอกเตอร์เมฆดันเลือกเด็กไม่มีการศึกษาแทนที่จะเลือกอาจารย์หนุ่มรูปหล่อไฟแรงอย่างคุณ”

“แกต้องการอะไร”

“ยังจะถามอีกเหรอ คุณทำอะไรไว้ผมก็ต้องการสิ่งนั้นแหละ”

“ดอกเตอร์ใช้แกมาใช่มั้ย”

“อย่าใส่ร้ายคนอื่นอย่างนั้นสิครับ ผมก็แค่อยากปกป้องคนที่ผมรัก ไม่เหมือนคุณนะ ปากก็บอกว่ารักเขาแต่กลับจ้องจะทำร้ายเขา คุณนี่มันน่าสมเพชฉิบหายเลยว่ะ”

“ถ้ามึงแน่จริงก็อย่าหมาหมูสิวะ”

“กูแน่จริงเว้ย แต่แน่จริงเฉพาะกับคนจริงเท่านั้นแหละ หมาลอบกัดอย่างมึงคงไม่มีทางได้รับการปฏิบัติแบบนั้นหรอก”

“มึงรู้มั้ยว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร ถ้ายังอยากเรียนและจบจากที่นี่ก็ปล่อยกูเดี๋ยวนี้”

“ถ้ากูโดนไล่ออกจากที่นี่กูก็แค่ไปเรียนที่ใหม่ แต่ถ้ามึงโดนไล่ออกเพราะมีคดีติดตัว อะไรนะ สตอล์กเกอร์ใช่ป่ะ แถมยังมีภาพเปลือยหลุดไปอีก เป็นกู กูคงไม่กล้าแบกหน้าไปให้ใครเห็นหรอกว่ะ”

“มึงคิดจะทำอะไร” สีหน้าพิพัฒน์สลดลงนิดหน่อย เมื่อกวาดสายตามองกลุ่มชายฉกรรจ์ 5-6 ตรงนี้ก็พอเดาได้ว่าแพทไม่ได้แค่ขู่อย่างแน่นอน

“กูทำแน่ถ้ามึงไม่ส่งเมมโมรี่การ์ดมา”

“มึงขู่กูเหรอ” กระนั้นก็ยังปากเก่งไม่เลิก

“กูก็ทำเหมือนที่มึงทำกับพี่มินไง เอาเมมกล้องมาแล้วกูจะปล่อยมึงไป แต่ถ้ามึงไม่ยอมก็เตรียมตัวกลายเป็นคนดังในเน็ตได้เลยคุณพิพัฒน์”

“มึงพูดเรื่องอะไร กูไม่รู้เรื่อง”

“ความจำเสื่อมเหรอ ต้องกระตุ้นด้วยอะไรดีวะ”

“ซักหมัดดีมั้ยวะ” ตูนถามอย่างคันไม้คันมือ

“ไม่เอาน่าเดี๋ยวคนมีการศึกษาเขาจะหาว่าเราเป็นคนเถื่อน ถอดเนคไทมัน”

พิพัฒน์ดีดดิ้น พยายามปกป้องเนคไทตนอย่างเต็มที่ทว่ามีหรือคนๆ เดียวที่ถูกล็อคแขนเอาไว้จะสู้แรงพวกหมาหมู่ได้ สุดท้ายเนคไทก็ถูกถอดออกแล้วโยนไปค้างเติ่งอยู่บนกระโปรงรถ

“ต่อไปถอดอะไรดีวะ เสื้อมั้ย หรือถอดกางเกงเลยดี”

“มึงมันโรคจิต”

“ถ้าจะสู้กับคนโรคจิตมันต้องจิตกว่า ผมจะให้โอกาสคุณพิพัฒน์อีกครั้ง บอกมาว่าเมมกล้องอยู่ไหน ถ้าไม่บอกกูถอด แต่คราวนี้จะไม่ใช่แค่ชิ้นเดียวแต่กูจะถอดหมด”

“มึงไม่กล้าหรอก”

“จะลองดูก็ได้ ถอด ถอดให้หมด” แพทออกคำสั่งเสียงกร้าว

สิ้นคำเสื้อเชิ้ตก็ถูกกระชากออกไม่เหลือชิ้นดี พิพัฒน์ที่ถูกล็อคแขนเอาไว้พยายามถีบขาตัวเองเมื่อชายฉกรรจ์ทั้ง 3 กำลังยุ่มย่ามอยู่กับเข็มขัดตนแต่สุดท้ายมันก็ถูกถอดออกไปจนได้

ไม่ว่าจะคิดซักเท่าไหร่ก็ไม่เห็นทางที่จะชนะ เพราะฉะนั้นจึงยอมยกธงขาวแต่โดยดีทั้งที่ใจไม่อยากยอมแพ้แม้แต่นิดเดียว

“ก็ได้ เมมกล้องอยู่ในกล้องในรถ”

“ตูนไปเอามาดิ๊”

คนถูกออกคำสั่งพยักหน้ารับก่อนก้าวไปกระชากเปิดประตูแล้วหยิบกล้องออกมาส่งให้แพท

“ใช้กล้องโปรซะด้วย เป็นสตอล์กเกอร์ระดับวีไอพีแฮะ” แพทว่าเมื่อรับกล้องจากตูนมา ลองเช็คดูก็พบว่ากล้องมีแต่ภาพเขากับพี่มินทั้งนั้น และจริงอย่างที่พี่มินว่า ขนาดในรถคืนนั้นมันยังถ่ายเอาไว้ ไอ้หมอนี่มันโรคจิตเข้าขั้นน่ากลัวเลยแฮะ

“ในเมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว...”

“เอามือถือมา กูบอกให้มึงเอามือถือมา” และเป็นตูนอีกนั่นแหละที่ล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงทั้งยังบังคับเอานิ้วมาปลดล็อคให้อย่างเรียบร้อย

แพทมุ่นคิ้วเป็นปม อ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อพบความลับที่นึกไม่ถึงในโทรศัพท์เครื่องหรู

เห็นอย่างนั้นแล้วก็คิดว่าการจับคุณพิพัฒน์แก้ผ้าไม่มีประโยชน์อีกต่อไป

“ทำยังไงดีล่ะครับเนี่ย ผมดันรู้ความลับของคุณพิพัฒน์เข้าแล้ว มันจะเป็นยังไงนะถ้าท่านอธิการรู้ว่าบุคลากรของมหาวิทยาลัยใช้บริการเด็กผู้ชายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ท่านคงจะว้าวเหมือนผมแน่เลยอะ”

“แก ถ้าแกพูดเรื่องนี้ออกไป ทั้งแกทั้งแฟนแกก็คงได้ออกมหา’ลัยเหมือนฉันนั่นแหละ”

“แต่ถ้าเอาความผิดมาเทียบกัน ความผิดของผมกับพี่มินดูเล็กไปเลยนะ จะยอมแลกเหรอ ใจป๋าจัง”

“แกก็ได้ทุกอย่างที่แกต้องการไปแล้วไม่ใช่เหรอ ยังอยากได้อะไรจากฉันอีก”

“เรามาทำข้อตกลงกันดีๆ อย่างคนมีการศึกษาดีมั้ย เอาแบบที่พวกเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน แบบมีแต่ได้กับได้ไม่มีเสียน่ะ”

“ฉันจะเชื่อใจแกได้ยังไง”

“ไม่รู้สิ เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่พูด ผมไม่พูด อ่อคุณต้องเลิกยุ่งกับพวกเรา แล้วกลับมาใช้ชีวิตปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่นี้ก็แฮปปี้แล้วป่ะ”

พิพัฒน์ครุ่นคิดอย่างหนัก ที่จริงเขาน่ะมีแต่เสียกับเสียด้วยซ้ำถ้าหากเด็กนี่แพร่งพรายความลับนั้นออกไป สุดท้ายคนที่ไม่มีทางเลือกก็เขาเอง

“ได้ ฉันจะเลิกยุ่งกับพวกแก”

“น่ารักที่สุดเลยครับ” แพทเอ่ยชมด้วยท่าทีเสแสร้งสุดๆ พลางพยักพเยิดให้คนของตนปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ

แพทเดินเข้าไปใกล้พิพัฒน์อีกก้าวพลางยื่นมือไปเพื่อจับทำข้อตกลงแต่ก็ถูกปัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย

ฝ่ายนั้นรีบคว้าเอาเสื้อผ้า ไม่ลืมฉวยเอามือถือในมือแพทไปด้วยก่อนจะบึ่งรถออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

“ทำไงดีล่ะ ได้กล้องมาตัวนึงแน่ะ”

“มึงไม่เอากูขอ” ตูนรีบเอ่ย แพทไม่ลังเลซักนิดที่จะให้ ไหนๆ เขาก็คงจะไม่ได้เจอเจ้าของมันอีก และถึงเจอรายนั้นก็คงไม่อยากจะเสวนาด้วยอยู่แล้ว กล้องน่ะถือซะว่าเป็นของปลอบใจก็แล้วกัน

แพทเก็บเมมโมรี่การ์ดใส่กระเป๋าเสื้อไว้ จนถึงตอนนี้ยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย คุณพิพัฒน์เนี่ยภายนอกดูปกติสุดๆ แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าลึกๆ จะมีรสนิยมแบบนั้น

คนเราเนี่ยรู้หน้าไม่รู้ใจจริงๆ



[TBC]



มันเท่ได้จริงมั้ยเนี่ยเจ้าแพท
เคลียร์เรื่องพิพัฒน์แล้วเนอะ
ต่อไปก็...ขอหวานๆ หน่อยละกัน 555



#คุณครูพี่มิน


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-11-2018 18:03:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-11-2018 19:04:00
ได้แต่หวังว่าพิพัฒน์คงจะคิดได้นะ   :hao3:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 09-11-2018 19:23:53
คราวนี้น่าจะเข็ดนะ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-11-2018 22:10:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่แพทสุดยอด  เท่มาก

คุงครูพี่มิง ให้รางวัลพี่แพทด่วนเลย
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 18 {Up.091118}
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-11-2018 09:36:31
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 19 {Up.161118}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 16-11-2018 16:58:09
คุณครูพี่มิน 19



โทรศัพท์มือถือยังคงวางอยู่ข้างหู มินจำได้ว่าเขาไม่ได้กดวางสายด้วยซ้ำ ที่จริงไม่รู้แม้แต่ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จำได้ว่าเมื่อคืนตอนกลางดึกแพทโทรมา น้ำเสียงเจ้าตัวร่าเริงเกินเหตุจนนึกสงสัย ซักถามอยู่นานฝ่ายนั้นก็บอกแค่ว่ากำลังมีความสุขที่ได้ปกป้อง

ปกป้องอะไรกัน มินไม่เห็นเข้าใจเลย

กระทั่งมาทำงานมินก็ยังนึกถึงคำของแพทอยู่ตลอดเวลา

เขาเจอพิพัฒน์ในลิฟต์ตอนกำลังจะกลับบ้าน แต่น่าแปลกที่ฝ่ายนั้นก้มหน้าหลบตาแล้วเดินสวนออกมาทั้งที่ยังไม่ถึงชั้น 1 ด้วยซ้ำ และท่าทางแบบนั้นก็ทำให้คนที่เป็นถึงดอกเตอร์นึกคลางแคลงใจ

แพทต้องไปทำอะไรไว้แน่นอน และก็ยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกเมื่อพบว่าวันนี้ที่หน้ารถไม่มีซองเอกสารเสียบไว้อีกแล้ว

มันก็ดี มินยอมรับว่าเขาโล่งอกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่อะไรล่ะที่ทำให้พิพัฒน์เลิกพฤติกรรมสตอล์กเกอร์

มินเข้ามานั่งในรถก่อนกดโทรหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร

ต๊อด

“กูไม่รู้” ทันทีที่ถามต๊อดก็ปฏิเสธเสียงสูงให้ยิ่งมั่นใจว่ารู้เห็นกันอย่างแน่นอน

“มึงอยู่ข้างใครกันแน่ต๊อด”

“พวกมึงแม่งเลิกกดดันกูทีเถอะ” ต๊อดโอดครวญ พลางบ่นในใจ อะไรๆ ก็ต๊อด

“มึงก็แค่บอกความจริงกูมาก็แค่นั้นต๊อด”

“แล้วทำไมพวกมึงไม่ไปเคลียร์กันเองวะ”

“แพทคงบอกกูหรอก”

“มึงก็ขู่มันสิ ว่าถ้าไม่พูดความจริงจะหนีไปต่างประเทศ ขี้คร้านจะรีบบอกมึงทุกเรื่องเลย” บางเรื่องต๊อดก็ฉลาดกว่ามินอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเรื่องทำให้คนอื่นไม่สบายใจ













แพทกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองนั่งอยู่ในสถานีตำรวจ พี่มินที่อยู่ตรงหน้าคือคุณตำรวจที่กำลังสอบสวนเขาด้วยท่าทางเคร่งเครียดสุดๆ

ทั้งที่ตอนโทรหาบอกให้รีบมาด้วยเสียงหวานจนแพทที่กำลังประชุมกับเพื่อนเรื่องโครงการที่จะส่งประกวดเร็วๆ นี้เสียสมาธิ พอประชุมเสร็จก็รีบบึ่งรถมาหาทันที แต่พอเจอหน้ากลับพบว่าโคตรไม่ตรงปก

“แพททำอะไรคุณพิพัฒน์”

“แพทเปล่า” แน่นอนว่าผู้ร้ายต้องไม่ยอมรับความผิดของตนตั้งแต่ทีแรก ปากแข็งไว้เป็นดี

“พี่จะถามอีกรอบ แพททำอะไรคุณพิพัฒน์”

“ทำไมพี่มินคิดว่าแพททำ ไม่คิดบ้างเหรอว่าคุณเขาอาจจะสำนึกเอง”

“นั่นสินะ”

“แต่ไม่ใช่หรอก คุณเขาไม่ได้สำนึกผิดเองหรอก” เมื่อเห็นว่ามินคล้อยตามแพทก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ควร เรื่องอะไรจะยกความดีความชอบให้คนประเภทนั้นล่ะ ถ้าแพทไม่ขู่ก็คงไม่มีทางหยุดเรื่องนี้หรอก

“งั้นก็แปลว่าแพทไปขู่เขามาจริงๆ”

“แพทไม่ได้ทำอะไรเลย”

“แพท” มินขึ้นเสียง

“โอเค ยอมรับก็ได้ว่าคิดจะทำ แต่ไม่ได้ทำเพราะคุณเขาทำตัวเองหมดเลย”

“ทำตัวเองยังไง”

“อยากรู้เหรอ มานั่งตักแพทดิเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

“งั้นไม่อยากรู้แล้วก็ได้”

“อาจารย์ครับ”

“ไม่ต้องมาเรียกเลย”

“อาจารย์แค่มานั่งข้างๆ ก็ได้ ยืนแบบนั้นเมื่อยแย่เลย” เด็กนี่มันร้ายและถึงแม้จะรู้ว่าร้ายแต่มินก็ยอมเดินอ้อมไปข้างๆ แต่ยังไม่ทันได้นั่งแขนก็ถูกคว้าเอาไว้ เพียงแค่แพทกระตุกเบาๆ ก็เซลงไปนั่งลงบนตักอย่างพอเหมาะพอดีแล้ว

ก็บอกแล้วว่าแพทน่ะร้าย

“ตัวหนักแฮะ”

“ก็ตัวเท่ากันจะไม่หนักได้ไง” มินว่าพลางตั้งท่าจะลุกแต่ก็ถูกเกี่ยวเอวไว้ไม่ยอมปล่อย

ถ้าทนได้ก็ทนไปเถอะถ้างั้น

แพทเกยคางไว้บนไหล่มน กอดเอวพี่มินเอาไว้อย่างนั้นเฉยๆ ไม่มีใครพูดอะไรคล้ายกำลังซึมซับช่วงเวลาที่มีค่านี้เอาไว้

“อาจารย์”

ยัง! ยังไม่เลิกเรียกอาจารย์อีก คำนั้นน่ะมันชวนให้ตื่นเต้นจะตาย

“คุณพิพัฒน์ก็เลิกยุ่งกับอาจารย์แล้ว ควรดีใจไม่ใช่เหรอ”

“ก็รู้สึกดีแต่ก็อดสงสัยไม่ได้”

“หอมแก้มสิเดี๋ยวแพทเล่าให้ฟัง”

“คุณนี่มัน...” มินว่าพลางส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนยกแขนขึ้นโอบรอบคออีกฝ่าย

“จูบเลยดีกว่า จูบแบบลึกซึ้งเลยนะ”

ได้คืบจะเอาศอก มินมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเอือมระอา ฉับพลันขณะที่แพทหลับตาพริ้มยู่ริมฝีปากเพื่อรับสัมผัสนุ่มหยุ่นหวานละมุนที่ชื่นชอบมินก็ยิ้มร้าย

มือที่ลูบเกลี่ยอยู่ข้างแก้มลากไล้ที่เหนือริมฝีปากให้เจ้าของมันขนลุกซู่ หัวใจคันยุบยิบ

แต่ก็คันยุบยิบได้ไม่นานหรอก เมื่อจมูกถูกบีบเอาไว้ แพทเบิกตากว้างเมื่อหายใจไม่ออก มือที่เกี่ยวอยู่บนเอวเปลี่ยนมาจับข้อมือของมินไว้ พยายามบังคับให้อีกฝ่ายปล่อยตนแต่ก็ไม่เป็นผล

ทั้งคู่ต่อสู้กันในความเงียบงัน จนแพทหน้าแดงก่ำคล้ายคนจะขาดอากาศหายใจจริงๆ มินจึงยอมปล่อยแล้วลุกขึ้นยืนมองคนที่ตอนนี้ทิ้งตัวนอนแผ่หราอยู่บนโซฟาหอบหายใจแรงๆ

เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับดอกเตอร์ ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร

“เล่นแรงมากเวอร์” พอหายใจได้ปกติแล้วก็หันมาต่อว่ากันพลางมองมาด้วยแววตาเอาเรื่องไม่ใช่น้อย

“จะยอมเล่าให้ฟังได้รึยังล่ะ”

“ก็ได้ยอมเล่าก็ได้ พี่มินมานั่งก่อนสิ เรื่องมันยาวนะ”

“ไม่ล่ะ” มินปฏิเสธ เขาเสียรู้แพทมาครั้งนึงแล้ว และวันนี้เขาจะไม่ให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง

แพทมองเจ้าของห้องที่เดินไปลากเก้าอี้มาแล้วนั่งลง พี่มินเนี่ยไม่ว่าจะนั่งอยู่ที่ไหนของโลกใบนี้ก็ยังนั่งหลังตรงเหมือนเดิม ไม่เมื่อยบ้างรึไง

“กลัวแพทขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ไม่ได้กลัวแต่ไม่ไว้ใจคุณ”

“อาจารย์ก็มองผมในแง่ร้ายเกินไป” แพทหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดีก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่ตนยกพวกไปขู่พิพัฒน์ให้มินฟังอย่างไม่ละเอียดนัก บอกแค่ว่าบังเอิญรู้ความลับบางอย่างของอีกฝ่ายในโทรศัพท์เลยยังไม่ได้แก้ผ้าถ่ายรูปไว้แบ็คเมล์

ตลอดเวลาไม่กี่นาทีที่นั่งฟังแพทเล่าเรื่องนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ มินก็ได้ค้นพบว่าแพทโตเป็นผู้ใหญ่มากแล้วจริงๆ ทั้งกระบวนการคิดและวิธีการพูดคุย

“อาจารย์ไม่ต้องถามหรอกนะว่าความลับของเขาคืออะไร แพทรับปากกับเขาไว้แล้วว่าจะไม่เล่าให้ใครฟัง”

“เอาล่ะ กลับบ้านได้แล้ว” พอหายข้องใจก็ไล่กลับทันที

“หืม อาจารย์ไม่โกรธผมเหรอ”

“ไม่หรอก ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่แพทช่วยปกป้องพี่ เท่ห์มากเลยนะ”

“ทำไงดีล่ะ” เมื่อได้ยินคำว่าเท่ห์จากปากพี่มินรอยยิ้มก็เบ่งบานขึ้นมาบนใบหน้า หัวใจพองโตขึ้นมาจนคับอก ความปีติโอบล้อมอยู่รอบกายจนควบคุมตัวเองไม่ได้แม้แต่น้อย

“หน้าบานแล้ว”

“พี่มินแหละ”

“ทำดีก็ต้องชมสิ”

“แพทไม่ใช่เด็กแล้วนะ ไม่บ้ายอหรอก”

“ไม่บ้ายอเลยเนอะ” แต่ที่ยิ้มจนแก้มจะแตกนี่หมายถึงอะไรล่ะ เพิ่งจะชมว่าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาไปหยกๆ เองแต่กลับทำตัวเป็นเด็กอีกแล้ว

“แล้วอาจารย์ไม่คิดจะให้รางวัลคนทำดีหน่อยเหรอ”

“ทำดีอย่าหวังผลตอบแทนสิ”

“หวังสิ คืนนี้ให้แพทนอนนี่เถอะนะ”

“แม่ซื้อบ้านไว้ให้นอนก็กลับไปนอนบ้านสิ”

“นอนบ้านตัวเองเบื่อแล้วอะ คืนนี้ขอนอนนี่นะแล้วพรุ่งนี้ก็ออกไปมหา’ลัยพร้อมกัน”

วิชาเรียนเช้าพรุ่งนี้คือวิชาของดอกเตอร์เมฆนี่แหละ สงสัยคงเลือกตารางสอนหลังเพื่อนก็เลยได้สอนตอนเช้าแปดโมง

“กลับไปนอนบ้านตัวเองน่ะดีแล้ว” แพทก็ไม่ได้ผิดหวังเท่าไหร่เพราะไม่ได้หวังอะไร แต่กระนั้นก็อยากตื๊อต่ออีกหน่อยทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าตื๊อไปก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์

ดอกเตอร์เมฆน่ะใจแข็งยิ่งกว่าหินซะอีก ต่างจากพี่มินคนที่น่ารักๆ และตามใจแพทไปซะหมดทุกเรื่อง

“โห นี่มันก็ดึกแล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์ดึกๆ มันอันตราย”

“ขับรถพี่กลับไปสิ” ยอมใจความขับไสไล่ส่งแบบไม่หวงของของดอกเตอร์เมฆก็ตอนนี้เมื่อเจ้าตัวส่งกุญแจรถคันสวยมาให้จริงๆ

“แล้วพรุ่งนี้อาจารย์ไปมหา’ลัยไงล่ะ”

“แพทก็มารับสิครับ”

ละลายไปเลยไอ้แพท แค่เขาพูดเพราะๆ แล้วยิ้มหว่านเสน่ห์นิดหน่อยก็ยอมยื่นมือไปรับกุญแจรถมาถือเอาไว้ง่ายๆ แถมยังบอกลาเสร็จสรรพ

มินรู้ดีว่าแพทแพ้รอยยิ้มของเขา และมันก็ใช้ได้ผลเสมอ

เจ้าของห้องเดินออกมาส่งที่ประตู แพทหมุนตัวกลับมาบอกลาอีกครั้งทว่าก็ต้องพบกับความประหลาดใจครั้งใหญ่ เมื่อคนตรงหน้าโน้มใบหน้าเข้ามาจูบที่แก้มเบาๆ แล้วบอกว่าขับรถดีๆ

ให้ตายเถอะอาจารย์ เล่นงานจนหัวใจเกือบจะพังใครมันจะมีสติขับรถวะ

ประตูห้องปิดลงแล้ว กระนั้นแพทก็ยังยืนกุมหัวใจที่กำลังเต้นถี่เอาไว้ รอจนสติกลับมาค่อยกลับบ้านตน

พี่มินโคตรร้ายเลยว่ะ

แต่ไม่ว่าจะดีเหมือนเทวดาหรือร้ายเหมือนปีศาจแพทก็ยังรักอยู่ดี













แพทนอนตาค้างอยู่บนเตียง ไม่ว่าจะพยายามข่มตาเท่าไหร่ก็หลับไม่ลง

ต้องโทษพี่มินที่ให้รถมาใช้แถมยังบอกว่าให้ไปรับเพื่อไปมหา’ลัยพร้อมกันอีกต่างหาก มันก็ดีนะที่จะได้ไปมหา’ลัยพร้อมกันแต่ชั่วโมงเรียนดันเริ่มตอน 8 โมงเช้านี่สิ ปกติขี่มอเตอร์ไซค์แค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว ตื่นเจ็ดโมงครึ่งยังทันแต่นี่...

ไม่อยากจะคิดเลยว่าต้องตื่นตั้งแต่กี่โมงถึงจะฝ่าการจราจรไปมหา’ลัยได้ทัน

ไม่นงไม่นอนแม่งละ

ในเมื่อนอนไม่ได้ก็ลุกขึ้นมานั่งเล่นเกมส์แม่งซะ

แต่คนเรามันก็มีขีดจำกัด นั่งเล่นเกมส์อยู่ดีๆ ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าพระอาทิตย์ขึ้นเลย

ไอ้ฉิบหาย

แพททะลึ่งตัวลุกขึ้นจนเก้าอี้ล้มตึง มองนาฬิกาบอกเวลา 7 โมงเช้า เขาใช้เวลาในห้องน้ำไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ ขณะสวมเสื้อผ้าโทรศัพท์มือถือก็ดังระรัว ไม่ต้องดูก็รู้เลยว่าใครโทรตาม

เจ้าของรถไงจะใครล่ะ

โดนพี่มินด่าแน่ ไม่น่าเลย ไม่น่าเผลอหลับเลยไอ้แพท ด่าตัวเองไปก็เท่านั้น แพทวิ่งออกจากบ้านทั้งสภาพหัวกระเซอะกระเซิง สวมสลิปเปอร์แต่ก็ไม่ลืมหยิบรองเท้าผ้าใบที่ถอดทิ้งไว้หน้าบ้านตั้งแต่เมื่อคืนติดมือมาด้วย

ยืนชั่งใจมองรถยนต์คันสวยที่ตนขับมาจากคอนโดเจ้าของมันอยู่ครู่ ก่อนตัดสินใจเก็บกุญแจใส่กระเป๋าแล้วขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจออกมา โดนพี่มินด่าหนักหน่อยก็ยังดีกว่าทำให้อีกคนไปมหา’ลัยสายล่ะวะ

คิดเช่นนั้นแล้วก็เร่งเครื่องด้วยความเร็วเต็มสปีด ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็มาถึงคอนโด

ดอกเตอร์เมฆยืนรออยู่แล้ว เขามองอีกคนตาเขียวปั๊ดด้วยความโกรธ และยิ่งเห็นว่าแพทขี่มอเตอร์ไซค์มาก็ยิ่งหัวร้อนเป็นเท่าตัว อยากจะเฉ่งให้สำนึกผิดตรงนี้แต่เมื่อก้มมองนาฬิกาก็พบว่ามีเวลาไม่มากพอ

ฝากไว้ก่อนเถอะ

“ขอโทษครับอาจารย์”

“รีบเลยสายแล้ว” ถึงจะไม่โดนด่าทันทีแต่แพทก็พอจะรู้ว่าอีกไม่นานเขาต้องโดนแบบทบต้นทบดอกแน่ แต่จะให้ทำไงได้นอกจากก้มหน้ายอมรับผิด ก็คนมันผิดเต็มๆ เลยนี่หว่า หาข้อแก้ตัวไม่ได้เลย

ทั้งคู่มาถึงมหา’ลัยแบบฉิวเฉียด

ชั่วโมงสุดท้ายของการเรียนการสอนค่อยๆ ผ่านไปกับภาพดอกเตอร์เมฆที่วันนี้ไม่เนี้ยบเอาซะเลย ผมเผ้าเรียบแปร้ เสื้อเชิ้ตก็ยับ เป็นภาพที่แปลกตากระนั้นสาวๆ ก็ยังแอบกรี๊ดกร๊าดกับลุคใหม่ที่ไม่เคยเห็น

แพทเหลือบมองสาวๆ กลุ่มนั้นบ่อยครั้ง อยากประกาศออกไปใจจะขาดว่าคนนี้ของเขา แต่ด้วยสถานะตอนนี้ก็ทำให้จำใจต้องข่มความห้าวหาญบ้าบิ่นทั้งหมดเอาไว้

“ดอกเตอร์ รอบนี้ก็ไม่เก็งข้อสอบเหรอ” ใครซักคนยกมือถามตอนท้ายชั่วโมงเรียนทั้งที่ก็รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากลองเสี่ยง

“มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ”

“กลางภาคพวกเราก็มั่นใจแต่คะแนนก็ไม่ค่อยดี”

ถึงจะไม่แสดงความรู้สึกออกทางสีหน้าแต่แพทก็มั่นใจเหลือเกินว่าดอกเตอร์เมฆกำลังทุกข์ใจ เขาพูดเสมอว่าการที่นักศึกษาทำข้อสอบไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าการสอนของเขาล้มเหลว ดอกเตอร์เมฆพยายามเป็นอย่างมาก ข้อนั้นแพทรู้ดี แต่นักศึกษาครึ่งร้อย ต่างคนต่างที่มา ระดับการจดจำและเรียนรู้ก็ต่างกัน จึงเป็นเรื่องยากที่ทุกคนจะสามารถเข้าใจบทเรียนไปพร้อมๆ กัน

“การที่พวกเราทำข้อสอบไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าดอกเตอร์สอนไม่ได้นะครับ” แพทยกมือแล้วลุกขึ้นว่าด้วยน้ำเสียงฉะฉาน

“ผมรู้น่า” ดอกเตอร์เมฆสวนกลับด้วยท่าทางไม่ยี่หระ

“แต่พวกเราก็อยากให้ดอกเตอร์เข้าใจด้วยว่าระดับมันสมองของพวกเรามันไม่เท่ากัน ถ้าดอกเตอร์จะกรุณาเก็งข้อสอบให้เราซักหน่อยจะถือเป็นบุญคุณมากเลยนะ”

“พวกเธอนี่นะ” ถึงจะไม่อยากให้แต่เมื่อมองตาที่กำลังขอร้องอ้อนวอนก็จำต้องใจอ่อน

มินนึกโกรธตัวเองไม่น้อย ทั้งที่ใจแข็งมาทั้งเทอมแล้วแท้ๆ แต่กลับมาตกม้าตายเอาตอนจบ

“ก็ได้ เดี๋ยวผมฝากภัทรดนัยมาก็แล้วกัน”

“ดอกเตอร์เนี่ยทั้งหล่อทั้งใจดีเลย” หนึ่งในสาวๆ กลุ่มที่ดูเหมือนจะชื่นชอบดอกเตอร์เมฆเป็นพิเศษเอ่ยขึ้น

และอีกคนก็ว่าตาม “จนจะจบเทอมแล้วพวกเรายังไม่มีเบอร์ดอกเตอร์เลย ไม่คิดจะให้ไว้หน่อยเหรอคะ”

“เบอร์โต๊ะไงครับ ถ้ามีปัญหาโทรไปที่โต๊ะได้ตลอดเลย”

แพทถึงกับหัวเราะหึออกมาอย่างสะใจ

ดอกเตอร์เมฆเนี่ย ถ้าพูดถึงเรื่องความรักล่ะก็ช่างเป็นเด็กน้อยที่อ่อนหัดซะจริง ผู้หญิงเขาอ่อยยังไม่รู้ตัวอีก













ถามว่าเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำไปเมื่อตอนกลางวันมากน้อยแค่ไหน บอกเลยว่ามาก

แพทฟุบหน้าลงบนคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊ก นึกโกรธตัวเองที่ออกตัวแรงขอให้ดอกเตอร์เก็งข้อสอบให้เพื่อนทั้งคลาส แล้วยังไงล่ะ กรรมตามทันแบบติดจรวดเลย

เมื่อค่ำ ตอนที่มาส่งที่คอนโดแล้วพี่มินชวนขึ้นห้องก็ดีใจอยู่หรอก แต่ปล่อยให้ดีใจไม่นานก็โยนสมุดบันทึกเล่มเล็กมาพร้อมยกโน๊ตบุ๊กมาวางตรงหน้า 1 เครื่อง แล้วออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ว่า...

ออกตัวแรงนักก็รับผิดชอบซะ

การต้องมานั่งอ่านสรุปบทเรียนในสมุดบันทึกของดอกเตอร์เมฆแล้วพิมพ์ใหม่เนี่ยมันไม่สนุกเลย ให้ตายเถอะ ขอเครื่องย้อนเวลาหน่อยสิโดราเอม่อนนนนนน!

“ไงคนเก่ง ไหวมั้ยครับ” แพทหันขวับไปมองเมื่อได้ยินคำพูดประชดประชันและก็พบกับรอยยิ้มกวนๆ ที่เขาไม่ค่อยได้เห็นนัก

จะว่าอย่างไรดี ก็ดีใจอยู่หรอกที่ได้เห็นพี่มินด้านอื่นบ้าง แต่ต้องไม่ใช่ตอนที่แพทกำลังเหนื่อยสายตัวแทบขาดแบบนี้สิ

“ถ้าตอบว่าไม่ไหว อาจารย์จะช่วยผมมั้ย”

“คุณเป็นคนขอเองนะภัทรดนัย”

“แต่ผมก็ไม่คิดว่า...” แพทมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงหน้าด้วยความละเหี่ยใจ พูดอะไรไม่ออกซักคำ

“ผลของการพูดไม่คิดก็เป็นแบบนี้แหละ”

“ผมคิดนะอาจารย์ ตอนกลางภาคเพื่อนๆ พยายามกันมากเลย แต่ผลสอบก็ออกมาอย่างที่เห็น วิชาอาจารย์หน่วยกิตเยอะด้วย ถ้าได้เกรดน้อยก็แย่เลย”

“คิดดีนะ พยายามเข้าล่ะ”

“อาจารย์”

“อะไร”

“ไม่คิดจะช่วยเหรอ”

“ช่วยอะไร”

“นวดไหล่ให้หน่อย เมื่อยมากเลย”

“กำลังใช้ใครเนี่ย”

“แฟน”

“ใครเป็นแฟนคุณ”

“อาจารย์ไม่รักผมเหรอ”

“ต้องรักด้วยเหรอ”

“ไม่รักแล้วทำไมถึงยอมจูบล่ะ”

“ไม่รู้สิ”

“ผมจะทำให้อาจารย์รู้ เดี๋ยวนี้เลย” แพทว่าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทั้งที่ขนาดตัวก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่แต่แพทที่อยู่ตรงหน้ากลับให้ความรู้สึกว่าเขาตัวใหญ่และน่าหวาดหวั่น อาจจะเพราะสายตาและท่าทีคุกคามนั้นล่ะมั้ง

ไม่ได้การล่ะ สัญชาติญาณร้องเตือนให้มินก้าวถอยหลังขณะที่อีกฝ่ายก้าวตามมาอย่างไม่ยี่หระ

ถึงแม้จะรู้สึกกลัวอยู่หน่อยๆ แต่มินก็ไม่ยอมละสายตาจากแพทเลย อย่างไรเขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่าจะยอมให้เด็กมาข่มขู่ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน

แต่แล้วชีวิตก็เดินมาถึงทางตันเมื่อสะโพกชนเข้ากับหลังโซฟา แพทไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหนีได้อีก เขาก้าวเข้ามาประชิดตัว ใช้แขนแกร่งโอบรอบเอวเจ้าของห้องเอาไว้ ขายาวข้างหนึ่งวางอยู่ระหว่างขาของมินในลักษณะชวนหวาดเสียว

“แค่นี้ก็หนีไม่รอดแล้ว”

“แพท”

“ครับ”

“กลับไปทำงาน” ทั้งที่ออกคำสั่งเต็มเสียงแต่ท่าทางของแพทกลับไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิด แถมยังดูเหมือนจะรุกเร้ากันมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ

ขาข้างที่วางอยู่ระหว่างขาขยับเข้ามาจนต้นขาสัมผัสกันด้วยความตั้งใจของคนเด็กกว่า

พี่มินในยามที่กำลังหวาดหวั่นแต่พยายามซ่อนเอาไว้นี่น่าแกล้งอย่าบอกใครเชียว

แพทแอบยิ้มให้กับท่าทีน่ารักโดยธรรมชาติของอีกฝ่ายแล้วโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ กระซิบเสียงแผ่วชวนสยิว

“บอกแล้วไงว่าผมจะทำให้อาจารย์รู้ว่าทำไมถึงยอมให้ผมจูบ”

“ไม่อยากรู้ซักหน่อย”

“ผมอยากให้อาจารย์รู้นี่นา”

“ผม...”

“อาจารย์ รักนะ รักที่สุดเลย”



[TBC.]



เนี่ย พวกเธอก็มองพี่มินในแง่ร้ายเกินไป เขาตีน้องที่ไหน ไม่เลยซักนิดเห็นป่าว



#คุณครูพี่มิน


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 19 {Up.161118}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-11-2018 17:42:41
พี่แพทบอกรักแบบนี้ ชักเป็นห่วงแนวข้อสอบเสียแล้วซิ  :hao4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 19 {Up.161118}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-11-2018 19:05:41
 :pig4: :pig4: :pig4:

ี่แพทเป็นผู้ใหญ่แล้ว  พี่มินก็ลดการ์ดลงแล้ว

รอฉากอัศจรรย์  อิอิ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 20 {Up.231118}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 23-11-2018 17:01:40
คุณครูพี่มิน 20



ท่าทางขัดขืนเปลี่ยนเป็นขัดเขินเมื่อได้ยินคำว่ารัก

ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกบอกรักแท้ๆ แต่กลับไม่ชินกับมันซักที

มินกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเมื่อแพทใช้นิ้วเรียวลูบไล้ปลายคางของเขาระเรื่อยลงมายังลำคอ ทุกพื้นที่ที่ถูกสัมผัสร้อนผ่าวราวกับว่าปลายนิ้วนั้นถูกฉาบด้วนเปลวไฟอ่อนๆ

ในความเงียบที่เหมือนทั้งโลกนี้มีเพียงพวกเขา ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกระดุมเสื้อนอนหลุดจากรังดุมดังฉึบ

ราวกับว่าร่างกายถูกตรึงเอาไว้ด้วยสายตาที่จับจ้องกันไม่ว่างตา

ทั้งที่จะปัดมือแพทที่กำลังยุ่มย่ามอยู่กับรังดุมออกก็ได้แต่มินกลับไม่ทำ

กระทั่งกระดุมหลุดออกทั้งแถว สาบเสื้อถูกแยกออกเผยผิวขาวละเอียดแม้มองด้วยตาเปล่า มินก็ยังทำเพียงแค่มองแพทเฉยๆ

หัวใจในอกซ้ายเต้นอย่างบ้าระห่ำ ถ้าพี่มินไม่หยุดแพทตอนนี้มีหวังเรื่องได้เลยเถิดแน่

แพทวางมือลงบนเอวเปลือยเปล่า ค้างไว้อย่างนั้นขณะมองเข้าไปดวงตาอีกฝ่าย

พี่มินยามนี้น่ารักมาก แก้มแดงปลั่งเหมือนลูกมะเขือเทศ แววตาคู่สวยสั่นระริก ลมหายใจที่ผ่อนออกมาถี่กระชั้น แผ่นอกสะท้อนขึ้นลง ภาพตรงหน้าสวยงามยิ่งกว่าประติมากรรมชิ้นไหนๆ

ก็เป็นซะแบบนี้ใครมันจะไปห้ามใจไหววะ

“อาจารย์จะไม่ห้ามผมหน่อยเหรอ”

“ปล่อยสิ” ห้ามก็จริงแต่น้ำเสียงไม่มีพลังซักนิดใครมันจะไปกลัว

และท่าทางห้ามปรามไม่จริงจังนั้นก็ยิ่งทำให้แพทย่ามใจ

มือที่วางอยู่เฉยๆ บนเอวเริ่มเคลื่อนไหว ร่างกายของมินสะท้านน้อยๆ เมื่อหน้าท้องและแผ่นอกเปลือยเปล่าถูกสัมผัส ลมหายใจของแพทรินรดอยู่แถวๆ ซอกคอ ทุกการกระทำทำให้ขนอ่อนทั้งกายรวมใจกันลุก หัวใจก็เต้นแรงขึ้นอีกอย่างน่าหวาดกลัว

“ผิวอาจารย์ละเอียดเหมือนผิวเด็กเลย”

อยากถามว่าเคยสัมผัสผิวเด็กที่ไหนถึงได้พูดเหมือนรู้แต่ยังไม่ได้เอ่ยคำใดก็ต้องร้องออกมาเมื่อแพทขบลาดไหล่เปลือยเปล่าแล้วเม้มด้วยริมฝีปาก

สัมผัสที่ไม่เคยพานพบทำให้รู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อย

“แพทเดี๋ยวก็เป็นรอยหรอก”

“ห้ามให้มันจริงจังกว่านี้หน่อยสิครับอาจารย์” คำว่าอาจารย์ถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเส่านิดๆ ให้คนเป็นอาจารย์ใจอ่อนยวบ

แพทที่อยู่ตรงหน้าไม่เหลือเค้าโครงของเด็กน้อยที่เขาเคยรู้จักเลย กระทั่งแววตาก็เปลี่ยนไป

และอดีตเด็กที่เขาเคยเอ็นดูเมื่อก่อนก็กำลังมองดอกเตอร์เมฆด้วยสายตาเอ็นดู

ไม่คิดเลยว่าการถูกคนเด็กกว่ามองด้วยสายตาเหมือนต้องการกลืนกินมันจะทำให้รู้สึกวูบวาบหวิวไหวได้ขนาดนี้

ทุกคำห้ามปรามไม่ได้รับสิทธิ์ให้ถูกเปล่งออกมาเมื่อริมฝีปากอิ่มถูกปิดด้วยอวัยวะเดียวกัน ความนุ่มหยุ่นแนบลงมาเมื่อปลายคางถูกเชยขึ้น แขนที่โอบรอบเอวกอดกระชับให้ร่างกายเบียดชิดจนกลางกายสัมผัสกับต้นขาของคนที่กำลังละเลียดชิมริมฝีปากกันราวกับว่ามันคือของหวาน

ใช่หวาน หวานมาก อาจเพราะใช้หัวใจนำทางถึงได้รู้สึกว่าริมฝีปากของพี่มินนุ่มและหวานเหมือนมาชเมลโล ให้กินทั้งชาติก็ไม่มีทางเบื่อ

มินไม่ได้ปฏิเสธจูบของแพท ซ้ำยังยอมเปิดริมฝีปากง่ายๆ เมื่ออีกฝ่ายพยายามบุกรุกเข้ามาภายใน

ทันทีที่ปลายลิ้นชื้นๆ สัมผัสกันก็รู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าชนิดพิเศษวิ่งไปทั่วร่างกาย

ร่างของมินสั่นสะท้าน มือที่ยันอกอีกฝ่ายไว้ก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นโอบรอบคอ สอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมนุ่มแล้วดันให้ใบหน้าเข้ามาใกล้ชิดจนจมูกเบียดกัน

ลมหายใจอุ่นๆ หลอมรวมเป็นหนึ่ง เช่นเดียวกับเรียวริมฝีปากที่บดเบียด

ในห้องเงียบๆ มีเพียงเสียงหอบคล้ายคนที่วิ่งมาในระยะไกล แต่ไม่ใช่เช่นนั้น ที่มินหอบหนักขนาดนี้ก็เพราะแพทคนเดียวเลย

“อาจารย์น่ารักมากเลย” แพทว่าเสียงอ้อนก่อนเสยผมที่ปรกหน้าผากออกแล้วบรรจงแนบจูบลงไป

มือเรียวก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เขาใช้มันลูบไล้ไหล่ของคนที่ตอนนี้หย่อนก้นลงบนพนักโซฟา เงยหน้ามองมาด้วยสายตาเชื่อมปรอย

ให้ตายเถอะพี่มิน ตอนแรกคิดว่าแค่จูบก็น่าจะเพียงพอให้อีกฝ่ายยอมรับความในใจแล้วเอ่ยคำว่ารักบ้าง แต่ตอนนี้แพทคิดว่าแค่นั้นไม่น่าจะพอแล้ว

แพทโน้มใบหน้าเข้ามาอีกอย่างชะล่าใจ คิดว่าอย่างไรคืนนี้คงไม่พ้นจบลงบนเตียง แต่ฝันก็ต้องสลายลงต่อหน้าต่อตาเมื่อคนที่เมื่อครู่ยังเคลิบเคลิ้มอยู่ยกมือขึ้นมายันบนอกบอกด้วยการกระทำว่า ‘หยุดได้แล้ว’

และถึงแม้ว่าไม่อยากหยุดแต่ก็ไม่อยากดันทุรังเสี่ยงกับการถูกพี่มินเกลียดเอา

แพทผละออกมาอย่างว่าง่าย มองมินที่กำลังติดกระดุมด้วยมืออันสั่นเทา ใบหน้าสวยก้มมองพื้นไม่แม้แต่จะมองมาที่เขาด้วยซ้ำ

คิดว่าคงกำลังเขินล่ะมั้ง

ใช่แหละ มินกำลังเขินมาก  พอได้สติถึงตระหนักว่าการกระทำเมื่อครู่มันน่าอายมากแค่ไหน และยิ่งในยามที่พวกเขาอยู่ในสถานะอาจารย์กับศิษย์ก็ยิ่งไม่ควรทำ

แต่ถ้าสอบเสร็จ สถานะเปลี่ยนนั่นก็อีกเรื่อง

มินสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อแพทจับมือเขาที่กำลังติดกระดุมออกไปแล้วเป็นฝ่ายช่วยติดซะเอง

“แพทเป็นคนถอด แพทก็ต้องรับผิดชอบสิครับ”

“รับผิดชอบอะไร”

“ทุกอย่างเลย ทั้งเรื่องถอดเสื้อ ทั้งเรื่องรอยตรงนี้” นิ้วเรียวลูบลงบนร่องรอยสีจางที่เขาวาดเอาไว้ด้วยลิ้น “หรือแม้กระทั่งจูบเมื่อกี้”

“แล้วถ้าผมไม่อยากให้รับผิดชอบล่ะ”

“ไม่หรอก พี่มินเต็มใจให้แพทรับผิดชอบอยู่แล้ว”

“มั่นใจขนาดนั้นเชียว”

“ไม่มีใครจูบกับคนที่ตัวเองไม่ชอบหรอกครับอาจารย์” แพทกระซิบชิดหูพร้อมๆ กับติดกระดุมเม็ดสุดท้าย

อย่างนั้นเหรอ

มินไม่ปฏิเสธเลยว่าเขาชอบแพทมากแค่ไหน แต่เพราะเลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็กทั้งที่ชอบขนาดนั้นแท้ๆ แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องเลย

“อาจารย์เนี่ยวิเศษมากเลยนะ”

“หืม” มินเลิกคิ้วเมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ อีกอย่างตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครชมเขาว่าวิเศษเลยซักครั้ง ก็แหงล่ะ นี่ดอกเตอร์เมฆนะไม่ใช่แฮร์รี่พอตเตอร์ซักหน่อย

“พอได้จูบอาจารย์แล้วก็มีแรงพิมพ์งานทันทีเลยอะ”

“เวอร์เชียว”

“ไม่เวอร์หรอก อาจารย์ไปนอนเถอะ ถ้าแพทหมดพลังอีกเมื่อไหร่จะไปขอเติมนะ”

หมายถึงจูบน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ













ทำข้อสอบวิชาของดอกเตอร์เมฆได้ทุกข้อเลย ขอรางวัลหน่อย

มินอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งเข้ามาเมื่อครู่นี้

“มีความสุขเชียว” เห็นเพื่อนมีความสุขต๊อดก็ขอใส่ใจหน่อย “สรุปมึงกับไอ้แพทคบกันแล้วเหรอ”

“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย” มินว่าพลางปิดหน้าจอแล้วเก็บมือถือให้พ้นสายตาคนที่ถึงแม้จะคุยกันแต่กลับเอาแต่จ้องมือถือไม่วางตา

“เพื่อนๆ เม้าท์กันในกลุ่มไลน์ว่าไข่มุกมีลูกแล้วจริงๆ เห็นบอกว่าเป็นซิงเกิ้ลมัมด้วยนะ”

“ใครเป็นคนพูด”

“ก็เพื่อนผู้หญิงอะแหละ ทำไมมึงดูไม่ตกใจเลย รู้อยู่แล้วเหรอ”

“เปล่า” มินตอบไม่เต็มเสียง

“ไอ้มิน มึงโกหกไม่เนียน นี่มึงแอบติดต่อกับไข่มุกมาตลอดเลยเหรอ หรือว่าเด็กนั่น...” ต๊อดไม่อยากจะคิดแต่เมื่อเห็นพฤติกรรมของเพื่อนแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่ามินอาจจะเป็นพ่อของลูกไข่มุก และถ้าเป็นเช่นนั้นจริงไม่อยากคิดเลยว่าแพทจะเสียใจแค่ไหน

“ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอกน่า”

“แล้วมันยังไงล่ะ”

“มันเรื่องส่วนตัวของไข่มุกนะ ถ้าพวกมึงไม่รู้จากปากเจ้าตัวนั่นก็แปลว่าเขาไม่อยากให้รู้”

“แต่กูอยากเสือกนี่นา”

“ไปเสือกเรื่องแฟนมึงโน่นเลย”

“ช่างแม่ง เห็นงานดีกว่ากู” ต๊อดหงอยเหมือนไก่เหงาเมื่อพูดถึงแฟน และมินก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงผิดนัดมันอีกแล้ว “มึงแหละอย่าเปลี่ยนเรื่อง เล่าให้กูฟังเหอะ รับรองกูจะเหยียบให้มิด”

“เหยียบให้แซดล่ะสิ”

“ไม่เชื่อใจกูเลยอะ”

“เพราะกูรักมึงไงกูเลยไม่เล่า เพราะถ้ามึงรู้ ปากอย่างมึงน่ะรับรองว่าทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับกูไม่ได้ชัวร์” ต๊อดไม่พอใจนัก แต่ก็แอบเห็นด้วยอยู่นิดๆ ต๊อดน่ะเกรงใจมินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“งั้นกูอยากรู้เรื่องของมึงได้มั้ยล่ะ”

“มึงนี่นะ” มินได้แต่ส่ายหน้าให้กับความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่มีสิ้นสุดของเพื่อนสนิทตน

“กูมันขี้เสือกไง”

“อือ ไอ้คนขี้เสือก” ในเมื่อต๊อดมั่นอกมั่นใจในความขี้เสือกของตนขนาดนั้นมินก็ไม่มีเหตุจำเป็นต้องคัดค้าน

“ว่าแต่ดอกเตอร์เถอะ ใกล้จะปิดเทอมแล้วมีแพลนไปเที่ยวไหนป่าววะ”

“ทำไม มึงจะชวนกูเที่ยวเหรอ”

“ไปมั้ยล่ะ แต่มึงออกค่าเที่ยวนะ”

“ขี้งกฉิบหายไอ้ต๊อด”

“ช่วงนี้กิจการไม่ค่อยดีเลยว่ะ เพราะตำรวจปราบพวกเด็กแว้นซ์มั้ง” พอพูดเรื่องงานน้ำเสียงขี้เล่นในคราแรกก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง กระทั่งสีหน้าต๊อดก็เคร่งเครียดขึ้นมาอย่างที่ไม่ค่อยแสดงให้เห็นง่ายๆ

“กูไม่รู้จะรู้สึกยังไงเลยว่ะ”

“กูเสียใจอะ มึงเป็นเพื่อนกูก็ต้องเสียใจไปด้วยกันสิ”

“แต่ตำรวจปราบเด็กแว้นซ์ก็ดีแล้ว”

“มึงไม่ใช่เพื่อนตาย”

“กูยังมีชีวิตอยู่”

“กวนตีนว่ะดอกเตอร์”

“เหมือนมึงอะ”

“ไอ้ดอกเตอร์ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้วะ” ต๊อดคร่ำครวญ

“เพราะกูเป็นเพื่อนมึงไง” มินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกับต๊อดสกีลการกวนตีนของเขาจะอยู่ในระดับไหน แต่ก็ช่างเถอะ ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีแล้ว

“อาจารย์อยู่นี่เอง ทำไมไม่ตอบข้อความแพทล่ะ ต๊อดยึดมือถือเหรอ” ขณะที่กำลังคุยกันเรื่อยเปื่อย แพทก็โผล่เข้ามา

“หวยออกที่กูอีกแล้ว” ต๊อดน่ะเครียดได้ไม่นานหรอก

“แพทล้อเล่นน่าต๊อด หิวข้าวอะ อาจารย์ไปกินข้าวกัน” สนใจต๊อดแค่ชั่วแวบเท่านั้นก่อนจะหันมาส่งสายตาอ้อนชวนมินไปกินข้าว

“กูก็นั่งอยู่นี่ทั้งคนนะ”

“แพทเลี้ยงก็ได้ อาจารย์คนเดียวแพทเลี้ยงไหว”

“แล้วกูล่ะ”

“หมาที่ไหนมาเห่าอยู่แถวนี้”

“ไอ้เหี้ยแพทคราวหน้าลำบากแค่ไหนก็อย่ามาขอให้กูช่วยนะ” ต๊อดกอดอกทำท่าแสนงอนเหมือนเด็กๆ ให้แขกทั้งคู่หลุดขำออกมา

“แพทล้อเล่นน่าต๊อด ต๊อดน่ะน่ารักที่สุดในโลกเลย ในโลกของพี่เมี่ยงอะนะ”

เห็นทีว่าถ้าไม่รีบห้ามทั้งคู่คงไม่หยุดทะเลาะกันเป็นเด็กง่ายๆ แน่ ดังนั้นมินจึงรีบห้ามทัพ “พอแล้วทั้งคู่ เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้ ถ้าหิวก็ไปหาอะไรกินกันสองคนละกัน ต้องกลับไปทำงานแล้ว”

“อ้าว เย็นแล้วทำงานอะไร”

“ตรวจข้อสอบไง ต้องรีบส่งเกรด”

“ไปกินข้าวด้วยกันก่อนสิ” กระนั้นแพทก็ยังไม่ละความพยายาม อย่างน้อยก่อนไปลุยงานก็ควรจะเติมพลังซะก่อน

ในฐานะนักศึกษา นี่อาจจะเป็นสิ่งเดียวที่แพทช่วยดอกเตอร์เมฆได้

“ไม่ล่ะ แพทก็ไปพักผ่อนนะ เหนื่อยมาหลายวันแล้ว”

“ไปรักกันไกลๆ เลยไปพวกมึง” ต๊อดว่าอย่างหมั่นไส้ก่อนฝากฝังให้หนึ่งในแขกซักคนช่วยล็อคบ้านให้ด้วยขณะเจ้าของบ้านหนีขึ้นบ้านไปแล้ว

“เป็นอะไรของเขาน่ะ”

“งอนพี่เมี่ยงมั้ง”

“ถ้าพี่มินคบกับแพท แพทจะไม่ทำให้พี่มินเสียใจเลย”

“จำคำตัวเองไว้ดีๆ ล่ะ ฝากปิดบ้านให้ต๊อดด้วย”

คำของมินน่ะเหมือนจะไม่มีความหมายพิเศษอะไร แต่สำหรับแพทแล้วคำนั้นทำให้ความเหนื่อยตลอดหลายสัปดาห์ระหว่างเตรียมสอบปลายภาคหายไปจนสิ้น

คนเราเนี่ย แม้กระทั้งตอนทำตัวคูลๆ ยังน่ารักได้อีกเหรอ













ถึงแม้ว่าพี่มินจะบอกให้แพทที่เหนื่อยมาทั้งวันกลับบ้านมาพักผ่อน แต่ถึงจะพยายามข่มตาแค่ไหนก็นอนไม่หลับอยู่ดี

สุดท้ายก็ยอมแพ้แล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

นาฬิกาบนหน้าจอมือถือบอกเวลาตี 3 บรรยากาศโดยทั่วไปวังเวงจนน่ากลัว แต่นั่นก็ไม่สามารถเขย่าขวัญคนที่อยู่คนเดียวมาแต่ไหนแต่ไรอย่างแพทได้

แพทนั่งจ้องมือถือตัวเองขณะกำลังนึกถึงอีกคน

ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่มินจะยังทำงานอยู่ไหม แต่ก็คงทำงานอยู่นั่นแหละ คนนั้นน่ะบ้างานจะตาย

โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะสั่นครืดให้คนที่นั่งเอนหลังพักสายตาจากการตรวจข้อสอบลืมตาขึ้นมา ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ดอกเตอร์เมฆเผยรอยยิ้ม

แน่นอนว่าเขาไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายรอนาน

“มีอะไร ดึกดื่นแล้วไม่นอน”

“พอคิดว่าพี่มินทำงานอยู่แพทก็นอนไม่หลับ”

“ก็ไม่ต้องคิดสิ”

“ได้ไงอะ แล้วนี่ยังทำงานอยู่เหรอ”

“ทำอยู่ครับ”

“จะโต้รุ้ง?”

“ก็ต้องรีบอะ”

“กลับบ้านไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาตรวจต่อก็ได้นี่ เดี๋ยวแพทไปรับ ดึกขนาดนี้ไม่ให้ขับรถเองนะ”

“อย่าขี่มอเตอร์ไซค์มานะ”

“อือ รับทราบครับ เดี๋ยวแพทนั่งแท็กซี่ไปนะ”

“มาถึงแล้วโทรมา”

แพทไม่วางสายด้วยซ้ำ เขากำมือถือเอาไว้ คว้ากระเป๋าตังค์แล้ววิ่งตาหลีตาเหลือกออกจากบ้านมาไม่คิดแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า ทั้งที่ไม่รีบก็ได้อย่างไรพี่มินก็ไม่หายไปไหนแต่พอคิดว่าอีกฝ่ายกำลังรอเขาอยู่ก็คิดแค่ว่าต้องไปถึงให้เร็วที่สุด

มินนั่งมองมือถือที่ยังไม่วางสาย ในห้องทำงานที่ปราศจากใครอื่นเจ้าของห้องจึงเปิดลำโพงแล้ววางมันลงบนโต๊ะ ฟังเสียงบรรยากาศรอบตัวของคนที่กำลังเร่งรีบมาหาเขาที่มหาวิทยาลัยในเวลาตี 3

แค่ฟังก็รู้เลยว่าแพทกำลังวิ่ง วิ่งมาได้ซักพักคงถึงถนนใหญ่มั้งได้ยินเสียงรถดังมา ซักพักเจ้าตัวก็บอกจุดหมายปลายทางกับแท็กซี่ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ

มินขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ก็ยอมรับว่าแพทโตเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ แต่พอบทจะสะเพร่าก็เหมือนเด็กน้อยสุดๆ เลย

แพทยังคงถือโทรศัพท์เอาไว้ในมือขณะพิงหลังกับเบาะ ทอดสายตามองออกไปข้างนอกด้วยใจอันร้อนรน

อยากเจอพี่มินเดี๋ยวนี้เลย แต่เดี๋ยวนะ ในตอนนั้นที่รู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ

เขาเอามือถือแนบหูแล้วกรอกเสียงลงไป “พี่มินยังอยู่เหรอ”

มินหลุดขำเมื่อแพทเอ่ยถาม

“แล้วทำไมเธอไม่วางสายล่ะ”

“ก็แพท แพทรีบอะ”

“เด็กน้อย”

“พูดไปเถอะ”

“ทำไม”

“เดี๋ยวจะพิสูจน์ให้ดูว่าไม่เด็กแล้ว”

“ยังไง”

“คืนนี้เลยมั้ยล่ะ”

“วางสายแล้วนะ”

“เขินเหรอ”

“เปล่า” ซะเมื่อไหร่ มินในตอนนี้น่ะรู้ตัวเองเลยว่าหน้าเขาต้องแดงมากแน่ แต่กระนั้นก็ไม่คิดจะยอมรับกับแพทหรอก “จะทำงานต่อ”

“นั่งรอแพทเฉยๆ ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องทำงานรอด้วยล่ะ”

“ทำค่าเวลาไปงั้นแหละ”

“คิดถึงแพทค่าเวลาไปสิ”

เอางั้นเหรอ แต่ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจทีเดียวแหละ

มินตัดสินใจวางปากกาลงแล้วปิดคอมพิวเตอร์ เก็บข้าวของไว้รอเผื่อว่าแพทมาถึงแล้วจะได้กลับกันเลย ที่จริงเขาเองก็เหนื่อยมาก คิดว่าตัวเองโชคดีเหลือเกินที่ยังมีแพท คนที่ถึงแม้จะไม่บอกความต้องการก็รู้ได้ด้วยตัวเองว่าต้องดูแลเขาอย่างไร

ให้คิดถึงแพทค่าเวลาอย่างนั้นเหรอ

ที่จริงก็คิดถึงตลอดเวลาอยู่แล้วล่ะน่า

คิดถึงตลอดมา ไม่มีวันไหนไม่คิดถึงเลย จากความคิดถึง ความห่วงใย ความเอ็นดูก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกอื่น ความรู้สึกที่เรียกว่ารัก











บนทางเดินเท้าที่ทอดยาวจากหน้าหมู่บ้านเข้าไปยังบ้านพี่แพท เด็กน้อยยิ้มสดใสแข่งกับท้องฟ้ายามค่ำของฤดูร้อนที่ยังมีแสงอาทิตย์สาดส่อง

“อารมณ์ดีอะไรครับ” มองหน้าเด็กน้อยแล้วก็อดถามด้วยความอยากรู้ไม่ได้เลย

“พี่แพทมีความสุข”

“มีความสุขเรื่องอะไร”

“ก็มีความสุขที่ได้จับมือคุงคูพี่มิงไง” น้องตอบพลางยกมือที่กอบกุมกันขึ้นมาในระดับสายตา

“หือ ก็จับทุกวันอยู่แล้วนี่”

“ก็มีความสุขทุกวังเลย”

“ปากหวานเชียว อยากได้อะไร”

“ไม่ได้อยากได้อะไรนะ แค่คุงคูพี่มิงอยู่กับพี่แพททุกๆ วังก็มีความสุขแล้ว”

“แอบดูทีวีอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย” แพทเป็นเด็กช่างเจรจาเพราะดูทีวีเยอะ แต่หลังๆ มินไม่ให้ดูแล้ว

“รู้ได้ไง ใครฟ้อง”

“ไม่มีใครฟ้องทั้งนั้น แล้วดูเรื่องอะไรครับ”

“พี่แพทไม่รู้ รู้แต่ว่าคงที่เค้ารักกังน่ะเค้าจับมือกังนะ คุงแม่บอกว่าเค้าเป็นแฟงกัง คุงคูพี่มิงเป็นแฟงพี่แพทป่าว”

“ตัวแค่นี้อยากมีแฟนแล้วเหรอ”

“ทำไมอะ ขนาดน้องแป้งหอมกับท๊อปแท๊ปยังเป็งแฟงกังเลย สองคงนั้งจูงมือกังไปกิงข้าวทุกวังเลยนะ ก่องนองก็หอมแก้มกังด้วย”

ได้ยินอย่างนั้นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าเด็กอะไรทำไมแก่แดดจัง พี่แพทเป็นอย่างเขาหรือเปล่านะ

“แล้วพี่แพทล่ะเคยหอมแก้มใครก่อนนอนมั้ย”

“เคยซี่ เคยโดงหอมแก้มด้วยนะ”

“หืม”

“คุงคูพี่มิงไง จำไม่ได้เหรอ ถ้างั้งคืงนี้หอมเลยนะ แต่ว่าหอมตองนี้ก็ได้นะ” เจ้าเด็กแก่แดดว่าพลางเอียงแก้มมา

“ทำไมต้องหอม”

“ก็เป็งแฟงกังไง จับมือกังแล้ว หอมแก้มกังแล้ว แบบนี้เป็งแฟงกังแล้วชัดๆ เลย”

“ตอนนี้เป็นไม่ได้หรอกนะ”

“ทำไมอะ” คำของคุณครูพี่มินทำให้แพทผิดหวัง

“ต้องตั้งใจเรียนก่อนแล้วค่อยมีแฟน”

“ไม่เอาอะ พี่แพทอยากเป็งแฟงกับคุงคูพี่มิงตอนนี้เลย”

“เป็นเด็กดีหรือเปล่าครับ”

“แล้วถ้าเป็งเด็กดีคุงคูพี่มิงจะยอมเป็งพี่แพทมั้ย” ดวงตากลมลุกวาวทอประกายสดใสอย่างมีความหวัง

“ขอคิดดูก่อน”

“คิดนางแค่ไหน 5 นาทีพอมั้ย”

“โห ให้เวลาน้อยจัง”

“ทำไมอะ ไม่รักพี่แพทเหรอ”

“รักครับ แต่ยังเป็นแฟนไม่ได้นะ เอาไว้โตก่อน”

“โตแค่ไหน โตเท่าคุงคูพี่มิงหรอ”











ลิฟต์เปิดที่ชั้นหนึ่งและพอประตูเปิดออกก็พบว่าแพทยืนรออยู่แล้ว พอมองเห็นกันแพทก็รีบปรี่เข้ามาแย่งของในมือไปถือหมด

“ไม่ไหวก็ยังฝืนอยู่นั่นแหละ” ท่าทางอ่อนแรง ดวงตาที่คล้ายจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ทำให้แพทอดห่วงไม่ได้จริงๆ ถ้าเขาไม่มาล่ะก็พี่มินต้องวูบหลับคาโต๊ะอย่างแน่นอน

“ขี้บ่นจัง”

“เป็นห่วงไง”

“ไหวน่า นี่ก็หลับไปหลายงีบแล้ว”

“ขี้โกง”

“อะไร”

“แพทนอนไม่หลับเลย”

“ใครไปถ่างตาเธอไว้”

“เป็นห่วงพี่มินนี่นา”

คำว่าเป็นห่วงที่ถูกเอ่ยออกมาจากใจจริงทำให้มินหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดิน แพทเองเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตามมาจึงหยุดเดินบ้างก่อนเอี้ยวตัวกลับมามอง

“ไม่กลับเหรอ”

มินไม่ตอบคำถาม เขายิ้มกว้างเต็มใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่สดใสอย่างที่แพทเคยได้รับเมื่อตอนยังเป็นเด็ก รอยยิ้มที่ช่วยเติมเต็มในช่วงเวลาที่แสนว่างเปล่าของเขา

แพทนิ่งไปเมื่อมือข้างที่ว่างถูกคนอายุมากกว่าจับหมับเข้าให้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งร่างกายโดยเฉพาะหัวใจ

“พี่มินทำแบบนี้แพทก็เขินแย่สิ”

“เธอทำให้พี่เขินมากกว่าอีก”

“ตอนไหน”

“ทุกตอนนั่นแหละ ตอนนี้ก็ด้วย”

“อะไรเนี่ย ทำตัวน่ารักแบบนี้เดี๋ยวก็จูบซะหรอก”

“ทำตรงนี้ไม่ได้นะ” นั่นหมายความว่าถ้าเป็นที่อื่นก็ทำได้งั้นสินะ



[TBC.]



คนมีความรักมันก็จะตาสว่าง ไม่ยอมหลับยอมนอนแบบนี้แหละ

#คุณครูพี่มิน


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 20 {Up.231118}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-11-2018 17:44:36
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ เต๊าะกันไปเต๊าะกันมา

เมื่อไรจะ......กันสักทีหล่ะ?
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 20 {Up.231118}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-11-2018 19:15:31
ยอมๆ พี่แพททีเถอะ พี่เขารอมานานแล้วนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 21 {Up.031218}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 03-12-2018 16:56:09
คุณครูพี่มิน 21



คนเป็นเจ้าของห้องทำเพียงแค่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตและถอดถุงเท้า ไม่คิดแม้แต่จะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาทิ้งตัวลงบนเตียง หัวถึงหมอนแล้วหลับไปเลย

แพทนอนลงข้างกันบนเตียงซึ่งยังเหลือที่ว่างสำหรับเขาแล้วพลิกตัวตะแคงทอดสายตามองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังหลับสนิท

มองอยู่อย่างนั้นทั้งที่ตนก็ง่วงจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้นแล้วแท้ๆ

“เลิกมองได้ยัง” คนที่กำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์ถึงกับสะดุ้งแล้วตอบด้วยเสียงอึกอัก

“แพทนึกว่าพี่มินหลับแล้วซะอีก”

“นอนเถอะ อีกเดี๋ยวก็เช้าแล้ว”

“กลัวตื่นขึ้นมาแล้วพี่มินหายไป”

“ไม่หายไปไหนหรอก”

“ครั้งที่แล้วก็ทิ้งแพทไว้แล้วตัวเองก็หนีไปมหา’ลัย”

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้จะปลุก แต่ต้องตื่นนะ”

“พี่มินต้องปลุกนะ สัญญานะ”

“ครับ สัญญา” มือเรียววางลงบนแก้มของแพท ในตอนที่มินหลับตาลงนั้นรอยยิ้มสวยยังคงปรากฏบนใบหน้า แพทเองเมื่อเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มไม่ได้เหมือนกัน

เขาหลับตาลง ในตอนนั้นเองที่รู้สึกเหมือนว่าถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่น กระนั้นก็ไม่มีแรงที่จะลืมตาขึ้นมา ขอคิดว่าเป็นพี่มินก็แล้วกัน













“ถ้าไม่ตื่นตอนนี้ล่ะก็ถูกทิ้งจริงๆ นะ”

แพทกำลังฝันหวาน เขายิ้มออกมาในยามที่ถูกพี่มินกระซิบปลุกข้างหูในเช้าอันสดใส แสงแดดที่ส่องผ่านแนวผ้าม่านที่เปิดเอาไว้เข้ามาภายในห้องทำให้ภาพในฝันเป็นสีขาวฟุ้ง

“ยังเช้าอยู่เลยครับ”

“เช้าอะไรกันนี่มันใกล้เที่ยงแล้ว” มินฟาดแขนแพททีนึงอย่างนึกหมั่นไส้ เอาแต่นอนยิ้มอยู่ได้ฝันดีอะไรนักหนา โดยไม่รู้เลยว่ากำลังฝันถึงตัวเองนั่นแหละ

“แพทยังง่วงอยู่เลย”

“ถ้างั้นก็นอนต่อเถอะ” แล้วอย่ามางอแงเรื่องถูกทิ้งก็แล้วกัน

มินสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกอีกครั้งก่อนเก็บของใส่กระเป๋าแล้วออกจากคอนโดมา แน่นอนว่าจุดหมายคือมหาวิทยาลัย

การเป็นอาจารย์เนี่ยไม่ง่ายเลย นอกจากต้องเตรียมตัวรับมือกับนักศึกษาแล้วยังต้องอัพเดตความรู้อยู่ตลอดเวลา มันก็สนุกแต่ก็ผลาญพลังงานชีวิตไปเยอะมากทีเดียว

กระนั้นก็เถอะ พอเห็นลูกศิษย์ที่เจริญก้าวหน้าเพราะวิชาที่เราเฝ้าสั่งสอนมันเหมือนกับว่าความเหนื่อยนั้นถูกปัดเป่าออกไปเหลือเพียงความตื้นตันใจ

หลังจากมินออกไปหลายชั่วโมงแพทค่อยงัวเงียตื่นขึ้นมา

คนหัวฟูเมาขี้ตาวาดแขนไปรอบกายแต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าของเตียงนอน พอขยี้ตาแล้วมองหาเจ้าของห้องก็พบว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ในห้องนี้แล้ว

ถูกทิ้ง...อีกแล้ว

แพทหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูแล้วก็ถึงบางอ้อ เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่าย 2 กว่าแล้ว ดอกเตอร์เมฆคงออกไปตรวจข้อสอบที่มหา’ลัยล่ะมั้ง เหตุผลเข้าใจได้ แพทไม่งอนก็ได้

คนเป็นแขกลุกขึ้นมา เก็บเตียงให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยอย่างที่ทำเป็นประจำ อย่างน้อยถ้าเจ้าของห้องกลับมาเห็นอาจจะได้รับคำชมบ้าง

แพทถือวิสาสะใช้ของใช้ส่วนตัวของพี่มินรวมทั้งเสื้อผ้า เมื่อจัดการกับตัวเองเสร็จก็พบว่ามีโพสอิทถูกแปะเอาไว้ที่หน้าทีวี ข้อความว่า ‘คนขี้เซา’ แน่นอนว่านั่นคือการตำหนิ แต่พออ่านแล้วรู้สึกเหมือนว่าได้ยินเสียงพี่มินดังมาจากที่ไหนซักแห่งก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

ไม่รู้ว่าป่านนี้กินอะไรบ้างหรือยัง

คิดเช่นนั้นแพทก็ออกจากคอนโดมา เขาแวะซื้อแฮมเบอร์เกอร์ 2 ชุด สำหรับคนทำงานหนักกับตนที่เพิ่งตื่น

กลิ่นอาหารลอยเตะจมูกบรรดาพนักงานของมหาวิทยาลัยที่กำลังตั้งใจทำงานให้เงยหน้าขึ้นมาซุบซิบกัน ถึงอย่างนั้นแพทก็หาได้สนใจไม่ สองเท้ายังคงย่ำไปตามทางเดินเท้ามุ่งหน้าสู่ห้องดอกเตอร์เมฆ

เขาเคาะประตูแสดงมารยาทก่อนผลักประตูเข้าไป

ทั้งผู้มาใหม่ ทั้งคนในห้องต่างหยุดทำทุกสิ่งอย่าง มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

แพทตกใจนิดหน่อย เขาคิดว่าในห้องทำงานดอกเตอร์เมฆคงมีแค่เจ้าของห้องที่กำลังนั่งทำงานหลังขดหลังแข็ง ทว่าภาพตรงหน้ากลับไม่ใช่เลย นอกจากคนเป็นดอกเตอร์แล้วยังมีนักศึกษาหญิงชายอีก 3 คน

“ขอโทษครับ” แพทเป็นฝ่ายเอ่ยก่อนพลางก้มหัวขอโทษ หันไปสบตากับเจ้าของห้องก่อนถอยหลังออกมา

ดอกเตอร์เมฆหันไปสั่งงานนักศึกษาที่มาช่วยงานเขานิดหน่อยก่อนจะตามแพทออกมาข้างนอก

“ตื่นแล้วเหรอ แล้วมาทำอะไรที่นี่”

“อาจารย์กินอะไรรึยัง”

“นั่นสิ ลืมไปเลย”

“ว่าแล้วเชียว ผมก็เลยซื้อนี่มาฝากไง” ถุงบรรจุอาหารถูกยกขึ้นในระดับสายตา

“แต่กินที่นี่ไม่ได้นะ รบกวนคนอื่นเขา”

“สวนข้างตึกดีมั้ย ถือโอกาสออกไปสูดอากาศบ้าง”

สวนข้างตึกเป็นเนินหญ้าขนาดไม่กว้างมากนัก มีม้านั่งยาวตั้งอยู่เพียงไม่กี่ตัว ถูกขั้นด้วยกระถางดอกไม้ที่ตอนนี้ไม่ออกดอก

หากเป็นช่วงเปิดเทอมบริเวณนี้นักศึกษาคงเดินกันอย่างพลุกพล่านเพราะเป็นทางเดินจากตึกนี้ไปอีกตึกนึง หากแต่ยามนี้มันกลับเงียบสงบเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอย่างถึงที่สุด

“ตรวจข้อสอบใกล้จะเสร็จรึยัง” แพทถามพร้อมกับแกะแฮมเบอร์เกอร์ส่งให้คนข้างกาย

มินรับมาและส่งเข้าปากทันที ก่อนหน้านี้ก็ไม่หิวหรอก แต่พอได้กลิ่นก็รู้สึกหิวขึ้นมาเลย

“แพททำข้อสอบได้ดีมากเลยนะ”

“หืม ดีพอจะได้เอมั้ย”

“ไม่รู้สิ นักศึกษาที่มาช่วยงานกำลังสรุปกันอยู่”

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าเคลียร์งานใกล้จะเสร็จแล้วสิ”

“ยังหรอก อีกเยอะเลย”

“พี่มิน” เสียงแผ่วเบาของแพททำให้มินละสายตาจากบ่อน้ำตรงหน้าหันไปมอง ทั้งคู่สบตากันพร้อมกับที่แพทยื่นมืออีกข้างมาบีบมือกันไว้ “ถ้ามีอะไรให้แพทช่วยก็บอกได้เลยนะ”

“แค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้ว” มินบีบมือกลับ พร้อมส่งรอยยิ้มที่ทำให้แพทใจเต้นซะจนไม่สามารถอดทนต่อสายตาที่กำลังจ้องมองกันได้

คนอายุน้อยกว่าทำเป็นทอดสายตามองไปเบื้องหน้าพลางกัดแฮมเบอร์เกอร์คำโต

“วิวข้างหน้าน่ามองกว่าพี่เหรอ”

ให้ตายเถอะพี่มินกำลังเล่นตลกกับความรู้สึกแพทอยู่แน่ๆ

“เปล่าซะหน่อย”

“แล้วทำไมไม่มองพี่ล่ะ”

“กลัวอดใจไม่ไหวน่ะสิ”

“ถ้าอดใจไม่ไหวแล้วจะทำอะไร”

“ทำอะไรที่ถ้าถูกจับได้พวกเราสองคนต้องลำบากแน่ๆ เลย”













ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาแพทก็กลายเป็นคนขับรถส่วนตัวของดอกเตอร์เมฆไปโดยปริยาย

“รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยอะ” มินว่าหลังจากขึ้นมานั่งข้างคนขับพลางบิดขี้เกียจอย่างไม่รักษามาดดอกเตอร์เมฆแม้แต่นิดเดียว

“ทีนี้ก็พักผ่อนได้แล้วใช่มั้ย”

“อยากนอนยาวๆ ซัก 48 ชั่วโมงเลย”

“แพทเคยนะ แต่ตื่นมาแล้วไม่สดชื่นเลยซักนิด”

“แล้วไปทำอีท่าไหนถึงต้องนอนยาวขนาดนั้น”

“ปั่นงานตอนใกล้ส่งอะ ไม่ได้หลับไม่ได้นอนตั้งหลายวัน พอส่งงานเสร็จก็สละร่างเลย ตอนนั้นถูกต๊อดบ่นจนหูชาเลยล่ะ ต๊อดน่ะตื่นตูมมาก”

“ต๊อดมันก็เป็นแบบนั้นแหละ พี่เองก็โดนมันบ่นบ่อยๆ”

“ก็สมควรหรอก เล่นหายไปเป็นปีๆ ติดต่อก็ไม่ได้ แพทเองก็อยากบ่นพี่มินเหมือนกัน”

“แล้วทำไมไม่บ่นล่ะ”

“พอเห็นหน้าแล้วใครมันจะไปบ่นได้ล่ะ”

“ต่อไปนี้แพทบ่นพี่ได้เท่าที่อยากบ่นเลยนะ”

“หือ หมายความว่าไง”

“ก็หมายความว่าอนุญาตให้บ่นได้ไง” แน่นอนว่าคำนั้นแฝงความหมายพิเศษอย่างที่แพทเองก็รู้ทันที เขาเหลือบมองคนที่ถอดสูทมาคลุมกายตน ปรับเบาะให้เอนลงหน่อยก่อนจะหลับไป

ถึงแม้ตลอดระยะเวลาหลายวันที่มินทำงานอย่างหนักแพทจะไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก แต่เขาก็รู้สึกดีมากที่อย่างน้อยอีกฝ่ายเอ่ยปากขอให้เขามารับไปส่งและจัดการเรื่องอาหารการกินให้

สำหรับแพทแล้ว โอกาสที่ได้รับจากพี่มินไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็พิเศษทั้งนั้น

รถยนต์คันสวยวิ่งอยู่บนถนนซึ่งมุ่งหน้าออกนอกเมืองโดยที่เจ้าของรถไม่รู้เรื่องรู้ราวแม้แต่น้อย ถ้าตื่นขึ้นมามินต้องตกใจมากแน่ และแพทก็อาจจะโดนดุแต่เขาก็เตรียมใจไว้ประมาณนึงแล้ว

กระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นถูกเก็บไว้ท้ายรถอย่างพรักพร้อม

ในสมุดบันทึกของพี่แพท เจ้าเด็กนั่นวาดรูปห่วยๆ เอาไว้เป็นภาพของครอบครัวโดยมีพี่มินเป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาไปเที่ยวทะเลด้วยกัน แถมยังใส่เสื้อเหมือนกันอีกด้วย

ตอนเด็กพี่แพทอาจจะยังทำอะไรไม่ได้มาก แต่ตอนนี้นายภัทรดนัยคนนี้จะทำความฝันของเจ้าเด็กนั่นให้เป็นจริงเอง

ที่จริงแล้ว การเจอพี่มินในตอนที่เขาอายุเพียง 5 ขวบเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก

สมุดบันทึกของพี่แพทช่วยย้ำเตือนให้เขาไม่ลืมความรู้สึกที่ตนมีต่อคุณครูพี่มิน ย้ำให้มั่นใจว่าความรู้สึกที่เขามีต่ออีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องลวงตาแต่มันเกิดขึ้นจริง ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ถูกบันทึกเอาไว้ในสมุดอย่างยาวนานเป็นสิบๆ ปี

ต้องขอบคุณเจ้าเด็ก 5 ขวบคนนั้นที่ทำให้วันนี้เขายังคงรอพี่มินและได้พบกับคนที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดในโลก

“กำลังถูกลักพาตัวรึเปล่าเนี่ย” มินตื่นขึ้นมาตอนที่แพทแวะพักบนทางหลวงมุ่งหน้าสู่เมืองชายทะเล

“พี่มินเข้าห้องน้ำมั้ย หิวรึเปล่า”

“จะไปไหน”

“ทะเล”

ตอนที่กำลังคิดว่าต้องนั่งรถไปกลับและรู้สึกท้อแท้เหนื่อยอ่อนสายตาของเจ้าของรถก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเดินทางเข้าพอดี มินยกยิ้มพร้อมๆ กับส่ายหน้าให้กับความเจ้าแผนการของแพท นี่เตรียมแผนลักพาตัวเขาอย่างรัดกุมเลยนี่นา

“นั่นกระเป๋าเดินทางผมเหรอ”

“ช่าย”

“เตรียมให้หมดเลยเหรอ”

“แพทไม่ได้รื้อตู้พี่มินหรอก”

“หือ” ไม่ได้รื้อตู้แล้วเอาเสื้อผ้าเขามาจากไหน และไม่ต้องถามแพทก็ตอบให้

“แพทเตรียมของแพทมาเผื่อน่ะ”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่โกรธเหรอ แพทคิดว่าพี่มินจะโกรธซะอีก”

“อยากให้โกรธรึไง”

“ไม่นะ นั่นเป็นสิ่งที่แพทกลัวที่สุดในโลกเลย”

“สิ่งที่กลัวที่สุดในโลกไม่ใช่คุณยายเหรอ”

“แค่ได้ยินชื่อคุณยายก็สยองแล้วอะ” แพทลูบแขนทำเหมือนกลัวสุดขีดก่อนเขาจะลงจากรถไปเข้าห้องน้ำ มินมองตามร่างสูงที่เดินอย่างคล่องแคล่วจนลับตาไป

จำได้ว่าเมื่อตอนที่แพทยังเด็กพวกเขาเคยสัญญากันว่าจะไปเที่ยวทะเลด้วยกัน กว่าจะทำตามสัญญาได้เวลาก็ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว

นั่นทำให้มินตระหนักได้ว่าข้อจำกัดของความเป็นเด็กมันมากมายเหลือเกิน













“ลมเย็นดีนะ” ระหว่างทางอยู่ๆ คนที่หลับมาตลอดก็ลืมตาขึ้นมา

มินจัดท่าให้ตัวเองนั่งในท่าที่สบายก่อนเปิดกระจกฝั่งตนแล้วยื่นมือออกไปปะทะกับสายลม แพทเหลือบมอง การกระทำแบบนั้นน่ะมันอันตรายจะตาย เช่นนั้นเขาจึงเปลี่ยนไปขับเลนซ้ายสุดทั้งยังลดความเร็วลง

“เล่นอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้”

“เด็กๆ น่ะทำอะไรก็น่ารัก”

“ไม่ต้องเป็นเด็กหรอก พี่มินน่ะไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ารักอยู่แล้ว”

“ชมคนอายุ 30 กว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ”

“แล้วไม่ชอบเหรอครับ”

“ชอบสิ” มินตอบทันทีพลางหันไปเอียงคอส่งยิ้มให้คนข้างกาย แพทน่ะรู้สึกเหมือนร่างจะระเบิดออกมาในตอนนั้นเลยก็พี่มินเล่นระเบิดความน่ารักใส่กันแบบนี้ใครมันจะไปทนไหว

“ชอบแพทอะนะ”

“งั้นมั้ง”

“พี่มินอย่าเล่นแบบนี้สิ”

“คำพูดพี่ไม่น่าเชื่อถือเหรอ”

“เพราะแพทเชื่อพี่มินมาตลอด วันนี้เราถึงได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ไง”

พอได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะบอกอีกฝ่ายว่า ‘เป็นเด็กดีจังเลยนะ’ อยากยื่นมือไปลูบผมด้วยซ้ำแต่เพราะแพทกำลังขับรถมินจึงตั้งใจจะชักมือกลับหากในตอนนั้นเองที่อีกฝ่ายละมือจากพวงมาลัยแล้วคว้ามือกันไปกุมไว้ก่อนจะสอดนิ้วเข้ามาประสานฝ่ามือกัน

“เมื่อไหร่เราจะได้จับมือกันในฐานะแฟนซักทีล่ะ”

มินไม่ตอบคำถาม หากการที่เขาบีบมือแพทแน่นขึ้นนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายใจชื้นขึ้นมา

ก็คงจะเร็วๆ นี้ล่ะมั้ง













ห้องพักที่แพทจองไว้ไม่ใช้รีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาวแต่เน้นความเป็นส่วนตัวและบรรยากาศที่แสนผ่อนคลายเพราะคำนึงถึงที่คนทำงานหักโหมไม่ได้นอนเต็มอิ่มมานาน

ตลอดทางที่ขับรถกันมาแพทเฝ้าภาวนาให้พี่มินชอบสิ่งที่เขาเลือกไว้ให้ด้วยความตั้งใจ และการแสดงออกของมินตอนที่เปิดประตูเข้าห้องมาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

ทันทีที่ไฟในห้องถูกเปิดให้เห็นบรรยากาศในห้องและนอกห้องมินก็รีบก้าวเท้าไปยังประตูกระจกที่ขั้นระหว่างโลกภายในกับภายนอกเอาไว้ทันที

ดวงตาคู่สวยฉายแววสดใสขณะเปิดประตูออก เขาสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงร่าเริงกว่าปกติ

“ห้องสวยมากแฮะ มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย” มือเรียวปลิดกระดุมเสื้อตนออกโดยไม่สนว่าคนเป็นเพื่อนร่วมห้องจะรู้สึกอย่างไร

แพทน่ะตื่นเต้นเป็นบ้าเลย

“พี่มินชอบมั้ย” คนถามเฝ้ารอคำตอบด้วยใจลุ้นระทึก

“ชอบสิ เป็นส่วนตัวมากเลย”

“ดีใจที่ชอบนะครับ” มินสัมผัสได้ถึงร่างสูงที่เข้ามายืนซ้อนหลัง ดังนั้นเขาจึงตั้งใจหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากัน

“ไปว่ายน้ำกันเถอะ”

“ไม่หิวเหรอครับ”

“แพทโทรสั่งอาหารมาสิ เดี๋ยวระหว่างรอก็ไปว่ายน้ำกัน” ถ้าพี่มินออกคำสั่งเฉยๆ แพทคงไม่รู้สึกร้อนรนขนาดนี้ แต่นี่ทั้งพูดด้วยน้ำเสียงหวานๆ แล้วยังเอานิ้วมาเกี่ยวกระกระดุมเสื้อกันอีก

ไม่อยากกกินข้าวแล้วอะ อยากกินพี่มินมากกว่าอีก

แพทผละออกไปโทรสั่งอาหารตามที่อีกฝ่ายสั่ง หากสายตากลับไปละไปจากมินที่กำลังปลดเสื้อเชิ้ตออกแล้วตามด้วยเสื้อกล้ามที่สวมเอาไว้ด้านในจนเผยร่างกายท่อนบนอันเปลือยเปล่า

แพทรู้สึกว่าภายในห้องร้อนอบอ้าวมากๆ ทั้งที่เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสมแล้ว ต้นเหตุของความร้อนนี้ต้องเป็นพี่มินที่กำลังปลดเข็มขัดแน่ๆ

คิดจะยั่วกันหรือไงน่ะ

“พี่มินเอาเบียร์มั้ย”

“เอาไวน์ดีกว่า” แพทพยักหน้ารับก่อนสั่งอาหารและวางสาย “เอากางเกงว่ายน้ำมาด้วยมั้ย”

“เดี๋ยวแพทหาให้ พี่มินรอแป๊บนึงนะ”

แพทรื้อกระเป๋าด้วยมืออันสั่นเทาพอๆ กับหัวใจ พี่มินตอนเปลือยท่อนบนก่อนหน้านี้ว่าเซ็กซี่น่าขยี้แล้วหากตอนที่สวมชุดคลุมกลับยิ่งยั่วยวนมากกว่า

จะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่ากำลังทำให้แพทลำบากใจแค่ไหน

ทำไมมินจะไม่รู้ล่ะ ตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมาแพทดูแลเขาดีมาก เพราะเป็นเช่นนั้นวันนี้จึงคิดว่าน่าจะเซอร์วิสให้แพทรู้สึกดีซักหน่อย แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเซอร์วิสกันถึงขั้นไหน

“นี่ครับ” มินยื่นมือไปรับกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีกรมท่ามาถือไว้พลางยิ้มขอบคุณและจัดการยกขาสวมกางเกงตรงนั้นให้คนที่เงยหน้าขึ้นมาพอดีถึงกับเบิกตากว้าง

มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอวะพี่มิน

“พี่มิน”

“หือ”

“ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

“อะไรตั้งแต่เมื่อกี้”

“พี่มินน่ะตั้งใจยั่วแพทรึเปล่า”

“พี่ทำแบบนั้นเหรอ ไม่เห็นรู้ตัวเลย” ดูก็รู้ว่าตั้งใจยั่วแน่ๆ เพราะก่อนหน้านี้มินไม่เคยแสดงออกแบบนี้เลย

“ระวังตัวไว้เถอะ”

“ระวังตัวจากอะไร”

“พี่มินไม่รู้หรอกว่ากำลังเล่นกับอะไร”

“แล้วพี่กำลังเล่นกับอะไรอยู่ล่ะ”

“ก็...” แพทไม่พูดอะไรต่อจากนั้น หากเขากลับก้าวเข้าไปประชิดตัวมินซึ่งคนถูกคุกคามก็ไม่คิดจะถอยหนีแม้แต่น้อย ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนแพทจะยื่นมือไปไล้บนสาบเสื้อคลุมแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วสอดผ่านเข้าไปสัมผัสผิวอุ่นๆ ด้านใน

ลมหายใจมินสะดุดไปวูบหนึ่ง ใบหน้าเขาเห่อร้อนโดยเฉพาะใบหู

สายตาที่แพทใช้มองกันเต็มไปด้วยไฟปรารถนาอย่างที่คนถูกมองอยากเบือนหน้าหนีเดี๋ยวนี้ แต่ใจนึงก็คิดว่าเป็นฝ่ายยั่วเองนี่นาจะให้ยอมแพ้ตอนนี้ก็เสียศักศรีแย่น่ะสิ

“ถอดทิ้งซะเลยดีมั้ยเนี่ย”

“ก็ไม่ได้ห้ามซักหน่อย”

“พี่มิน”

“ครับ” เพียงอีกฝ่ายตอบรับด้วยน้ำเสียงหวานหูความอดทนของแพทก็เหมือนถูกตัดให้ขาดลง

“ให้ตายเถอะว่ะ” เขาหยุดมือที่กำลังวุ่นวายอยู่กับปมเชือกพร้อมซบหน้าผากลงบนไหล่มนของคนตรงหน้า ลมหายใจอุ่นๆ ถูกทอดถอนออกมา

มินยกมือที่เคยทิ้งไว้ข้างลำตัวขึ้นมาลูบท้ายทอยของแพท ส่งนิ้วเรียวเข้าไปในกลุ่มผมนุ่ม

ยิ่งถูกสัมผัสแพทก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาไม่สามารถรักษาความเป็นสุภาพบุรุษเอาไว้ได้อีกแล้ว



[TBC.]



คุณตำรวจคะตรงนี้มีโจรลักพาตัวและหัวใจ 1 อัตราค่ะ

มาจับเร้ววววววววววว



#คุณครูพี่มิน


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 21 {Up.031218}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-12-2018 17:55:17
ต่อด่วนๆๆๆๆๆๆๆ  :haun4:  :hao6:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 21 {Up.031218}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-12-2018 21:17:48
 :pig4: :pig4: :pig4:

งุย ๆ  ตอนหน้ามีได้เสียหรือเปล่าหนอ?  อิอิ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 21 {Up.031218}
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-12-2018 21:26:51
รอตอนต่อไปแทบไม่ไหวเลยจ้า
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 21 {Up.031218}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-12-2018 22:23:33
ค้างงงงงงงงงง   :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 11-12-2018 17:16:09
คุณครูพี่มิน 22



ปมเชือกในมือถูกกระตุกจนคลายออก หากเจ้าของมันก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกแม้แต่น้อย กระทั่งในยามที่แพทเลื่อนมือขึ้นมาแยกสาบเสื้อคลุมออกมินก็ทำเพียงยืนนิ่งๆ มองอีกฝ่ายด้วยแววตาสื่อความหมาย

แพทได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ

ให้ตายเถอะ ถ้ามาถึงขั้นนี้แล้วทิ้งกันไว้กลางทางล่ะก็...

ไม่รู้เลยว่าต้องทำยังไงต่อไป

“ไม่ห้ามหน่อยเหรอ” คนถูกถามกระตุกยิ้ม มินแทบหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินคำถามที่สื่อถึงว่าอีกฝ่ายกำลังลังเล

“อยากให้ห้ามเหรอ”

“ก็...” แพทก้มหน้าลงด้วยความไม่มั่นใจ จะว่าอย่างไรดี พวกเขายังไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะทำเรื่องอย่างว่าได้ซักหน่อย ถึงแม้ร่างกายจะต้องการมากๆ ก็เถอะ ถึงแพทจะเป็นวัยรุ่นมีความคิดแบบคนสมัยใหม่กระนั้นเขาก็ยังอยากจะให้เกียรติคนที่ตัวเองรักมากๆ อยู่ดี

“ไปว่ายน้ำมั้ยจะได้ใจเย็นๆ”

มินผละออกมาในที่สุด เขามองแพทแล้วยิ้มอ่อนโยนเหมือนผู้ใหญ่มองเด็ก เมื่อก่อนแพทอาจจะชอบสายตาแบบนี้มาก แต่ตอนนี้ไม่แล้ว แพทอยากถูกมองด้วยสายตาแบบบคนรักมากกว่า

เสื้อคลุมที่ถูกปลดออกไม่ได้รับความสนใจ มินเมินเฉยต่อมันขณะยกมือขึ้นโอบแก้มพลางใช้นิ้วบีบคลึงใบหูแพทเล่น

“พี่มิน...” คนถูกสัมผัสหัวใจสั่นระรัว เม้มริมฝีปากแน่น

“เป็นเด็กดีจังเลย”

“บอกว่าไม่เด็กแล้วไง”

“ครับ ไม่เด็กก็ไม่เด็ก” มินยอมรับคำแต่โดยดี

ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ยอมรับว่าแพทโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่อย่างไรซะมินก็ยังมองว่าแพทเป็นเด็กดีเสมอนั่นแหละ คำว่าเด็กดีน่ะใช้กับผู้ใหญ่ก็ได้ไม่ใช่หรือไง เขาเองจนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกเต็มตื้นในอกเสมอยามที่คุณแม่ชมด้วยคำนั้น

ถูกทิ้งไว้กลางทางจริงๆ ด้วย

แพททิ้งตัวลงบนเตียงนอน มองผ่านประตูที่ถูกเปิดเอาไว้ไปยังคนที่กำลังปลดเสื้อคลุมออกแล้วค่อยๆ หย่อนกายลงในสระว่ายน้ำ

เขาเองก็อยากตามไปเดี๋ยวนี้แต่ติดที่ว่าต้องรออาหารมาเสิร์ฟก่อน

รออีกซักพักทีเดียวกว่าอาหารที่สั่งจะถูกยกมาเสิร์ฟ

“พี่มินอาหารมาเสิร์ฟแล้วนะ”

คนถูกเรียกหยุดดำผุดดำว่ายแล้วหันมายิ้มให้พลางยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์โอเค และไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นมินก็ว่ายเข้ามาขอบสระ

เจ้าของร่างเพียวที่เปียกไปทั้งตัวก้าวขึ้นจากสระ

พี่มินแม่งโคตรใจร้าย

แพทคิดเช่นนั้นทันทีที่หันไปเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในสภาพอย่างไร

กางเกงว่ายน้ำซึ่งเป็นเสื้อผ้าเพียงชิ้นเดียวเปียกลู่แนบไปกับร่างกายให้เห็นสรีระชัดเจน แผ่นอกที่กำลังสะท้อนขึ้นลงเพราะอาการเหนื่อหอบจากการว่ายน้ำสะกดสายตาและปลุกปั่นเสียจนแพทรู้สึกว่าลำคอตนแห้งผาก ทั้งผมที่เปียกลู่แนบกับใบหน้าโดยมีน้ำหยดแหมะๆ ลงมานั้นอีก ไม่คิดจะเช็ดหน่อยหรือไง

“ส่งผ้าขนหนูให้พี่หน่อยสิ”

คนถูกเรียกสะดุ้งทำตัวเลิ่กลักหันไปคว้าผ้าขนหนูมาส่งให้ หากสายตากลับเอาแต่มองไปทั่วไม่สนใจกันแม้แต่นิด ยิ่งเห็นแพทแสดงความไร้เดียงสาออกมามินก็ยิ่งอยากแกล้ง

“ช่วยเช็ดผมให้ได้มั้ย”

“หา!?”

“เช็ดให้ไม่ได้เหรอ” มินส่งสายตาอ้อนพลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างสระและแทนที่จะรับผ้าขนหนูมาก็เปลี่ยนเป็นดึงมือแพทให้ก้าวเข้ามายืนตรงหน้ากัน

หัวใจของคนถูกช้อนสายตามองเต้นระรัวอีกครั้ง แพทใช้มือกดหน้าอกเอาไว้ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ

ขณะลงมือเช็ดเส้นผมของอีกฝ่ายก็ได้แต่คิดว่าวันนี้พี่มินกินยาผิดหรือเปล่าทำไมถึงได้ขยันยั่วกันนัก

“มือเบามากเลยนะเนี่ย”

“แล้วชอบมั้ย”

“ชอบสิ”

“ชอบแพทอะนะ”

“ชอบดีมั้ยนะ”

“ถ้าพี่มินยอมเป็นแฟนแพทล่ะก็แพทจะเช็ดผมให้พี่มินตลอดไปเลย”

“พูดเองนะ แล้วถ้าผิดสัญญาล่ะ”

“ให้ลงโทษได้ตามต้องการ”

“แพทรู้ใช่มั้ยว่าพี่ความจำดีมาก”

คนถูกถามหยุดมือก่อนก้มลงมาสบตากับมินที่เงยหน้ามองเขาอยู่ก่อนแล้ว ในตอนนี้เขาอยากล็อคปลายคางอีกฝ่ายเอาไว้แล้วบดริมฝีปากลงไปหนักๆ ซักทีเพื่อสั่งสอนให้รู้ว่าอย่ามายั่วกันแบบนี้อีก

แต่จะว่าไปตอนที่พี่มินยั่วมันก็ชุ่มชื่นหัวใจดีเหมือนกันล่ะนะ

ถ้าอย่างนั้นไม่สั่งสอนก็ได้

“พี่มินใส่เสื้อคลุมเถอะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

“เดี๋ยวก็ลงน้ำอีก”

“ยังไม่พออีกเหรอ พี่มินว่ายน้ำนานมากแล้วนะ”

“ว่ายน้ำแข่งกันมั้ย ถ้าใครแพ้นอนโซฟา”

“อะไรล่ะ” ที่แพทเลือกห้องเตียงเดี่ยวก็เพราะว่าคืนนี้เขาอยากนอนกอดพี่มินนี่นา อย่างไรก็ไม่ยอมรับข้อเสนอนั้นอย่างแน่นอน

“กลัวแพ้เหรอ” เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามุ่นคิ้วครุ่นคิดมินจึงเอ่ยถาม

“เปล่า แต่ถึงแพทจะชนะแพทก็ไม่ยอมให้พี่มินนอนโซฟาหรอก”

“งั้นก็ยอมแพ้ซะสิ”

“ไม่เอาอะ แพทไม่อยากนอนโซฟา”

“งั้นก็เอาชนะให้ได้สิ”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากให้พี่มินนอนโซฟา ไม่ต้องพนันหรอกแค่ว่ายน้ำด้วยกันเฉยๆ ก็พอนี่”

“แบบนั้นก็ไม่สนุกสิ”

“แพทจะทำให้พี่มินสนุกเอง”

อาหารที่รีสอร์ทยกมาเสิร์ฟรสชาติใช้ได้เลยแต่เพราะดึกมากแล้วมินจึงกินไปแค่ไม่กี่คำแต่ไปหนักที่ไวน์ ตอนนี้ไวน์ในขวดพร่องไปกว่าครึ่งแล้วและคนดื่มก็หน้าแดงลามลงมาถึงคอแล้วเช่นกัน

เมา ไม่สิ อาจจะแค่กรึ่มๆ ล่ะมั้ง

“ไปว่ายน้ำกัน” มินวางแก้วไวน์ลงก่อนจะลุกขึ้นปลดชุดคลุมออกแล้วดึงแขนแพทให้ลุกตาม

“พี่มินเมาแล้วยังจะลงน้ำอีกเหรอ”

“ไม่เมาซักหน่อย” คนเมาที่ไหนยอมรับว่าตัวเองเมากันล่ะ เอาเถอะ เล่นก็เล่นแล้วอย่ามาหาว่าแพทเอาเปรียบคนเมาก็แล้วกัน

เสื้อคลุม 2 ชุดถูกถอดแล้วกองไว้บนเก้าอี้ยาวข้างสระ

มินลงสระไปก่อนแล้วหันมากวักมือเรียก “ลงมาเร็วๆ สิ ในนี้เย็นมากเลย”

ก็ควรจะเย็นหรอก แพทส่ายหน้าให้กับคนอายุ 30 กว่าที่ทำตัวน่ารักได้น่าชังเหลือแสนก่อนกระโดดลงสระจนน้ำแตกกระจายเป็นวงกระเซ็นโดนอีกคนจนต้องหยีตา

“แกล้งเหรอ เปียกหมดเลย” มินใช้หลังมือปาดน้ำออกจากใบหน้าหล่อเหลาของตนพลางต่อว่าอีกฝ่ายให้แพทว่ายน้ำเข้าไปหา

“ลงสระก็ต้องเปียกอยู่แล้ว”

“แต่เมื่อกี้น้ำเข้าตานะ”

“ขอแพทดูหน่อย” แพทเข้ามาประชิดตัว จับมือมินไว้ แล้วใช้มืออีกข้างที่ว่างช่วยเสยผมและเช็ดน้ำบนใบหน้าออกให้

ความใกล้ชิดในสภาพเกือบเปลือยทำให้คนคิดไม่ดีเริ่มรู้สึกร้อนทั้งที่แช่อยู่ในน้ำทั้งตัวแท้ๆ

พี่มินเองก็ขยันยั่วกันซะเหลือเกิน ทั้งช้อนตามอง ทั้งโอบรอบคอ เดี๋ยวก็จับกินในน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอดซะหรอก แล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือน

“ถ้าเมาแล้วก็ไปนอนดีกว่า”

“บอกแล้วไงว่าไม่เมา” ถ้าไม่เมาแล้วจะดื้อแบบนี้เหรอ แบบนี้เนี่ยมันพี่มินตอนเมาชัดๆ

น่ารักเกินเบอร์ไปมากเลย

“พี่มินครับแพทขอร้อง”

“ร้องอะไร ร้องเพลงเหรอ ร้องเพลงเป็นด้วยเหรอ”

“ไม่ใช่ซักหน่อย แพทขอร้องให้พี่มินขึ้นสระแล้วไปเปลี่ยนเสื้อผ้าครับ ในน้ำมันหนาวเดี๋ยวจะไม่สบายนะ”

“ก็ทำให้อุ่นสิ”

ให้ตายเถอะว่ะพี่มิน แพทไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะเว้ย













ทำให้อุ่นเหรอ แพทอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง

หลังจากปล่อยตัวให้แพทลูบๆ คลำๆ อยู่ในสระว่ายน้ำ พอขึ้นจากสระ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า หัวถึงหมอนเจ้าตัวก็ชิงหลับไปอีกแล้ว

ปล่อยให้แพทค้างอีกตามเคย ใหตายเถอะว่ะ อย่าให้ถึงคราวแพทบ้างก็แล้วกัน

แพทไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน จนมาเที่ยวกับพี่มิน เพราะเมื่อคืนดื่มเยอะเกินลิมิตตัวเองตื่นมาเจ้าตัวบอกว่าปวดหัว แพทต้องหาน้ำหายามาให้กิน จัดเตรียมข้าวเช้ากระทั่งเสื้อผ้าเอาไว้ให้

กว่าจะลุกจากเตียงก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว

คนที่เพิ่งตื่นมองไปยังแพทที่นั่งก้มหน้ากดโน๊ตบุ๊กอยู่บนโซฟาแล้วมุ่นคิ้ว

ทั้งที่ปิดเทอมแล้วแท้ๆ

“มาเที่ยวทั้งทีเอางานมาทำด้วยเหรอ” เมื่อได้ยินเสียงแพทก็รีบเอี้ยวตัวไปมอง ภาพพี่มินผมเผ้ายุ่งเหยิงทำให้อดยิ้มออกมาไม่ได้

“ทำค่าเวลารอพี่มินตื่น”

“มาเที่ยวทั้งทีก็ควรจะพักผ่อนสิ”

“จะเลิกทำแล้วครับ”

บอกว่าจะเลิกทำก็จริงแต่จนมินเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแพทก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย ตอนที่ยืนมองอีกฝ่ายจากด้านหลังนี่เองที่มินเริ่มเข้าใจความรู้สึกของแพทในยามเขาเอาแต่ทำงานโดยไม่สนใจกัน

“ไปเดินเล่นที่ชายหาดกัน” มินเดินเข้าไปกอดคออีกฝ่ายจากด้านหลังให้แพทหยุดนิ้วที่กำลังพิมพ์ข้อความคุยกับส้มโอผ่านโปรแกรมแชท ในตอนที่กำลังจะเอี้ยวตัวไปหานั้นเองที่สัมผัสแก้มของอีกฝ่ายที่แนบลงมา

แพทละมือจากคีย์บอร์ดมาลูบแขนมินขณะกำลังคิดว่าอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้

“แอบนอกใจเหรอ”

“เพื่อน”

“เพื่อนผู้หญิง”

“หึงเหรอครับ”

“แล้วหึงได้มั้ย”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

“ทำอะไรอะ” มินกวาดสายตามองสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เขาไม่เข้าใจก่อนเอ่ยถาม ดูเหมือนว่าแพทกำลังทำโครงการอะไรบางอย่างและท่าทางคงยุ่งมากทีเดียวถึงได้หอบมาทำถึงนี่

“โครงการประกวดนวัตกรรมยานยนต์ครับ แพทกับเพื่อนพยายามจะพามันไปประกวดหลายปีแล้วแต่ไม่สำเร็จซักที”

“ทำไมล่ะ”

“มีหลายเรื่องที่เราไม่ยังไม่รู้ แต่ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วยังไงก็ต้องไปให้ได้”

“งั้นก็ทำเถอะ เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยออกไปเดินเล่นที่หาดกัน” มินผละออกมาอย่างแสนเสียดาย มาทะเลทั้งทีใจจริงก็อยากทำอะไรหลายๆ อย่างด้วยกัน แต่ในเมื่อแพทกำลังมุ่งมั่นกับงานขนาดนั้นเขาก็ไม่อยากขัด

“มินครับ” คนถูกเรียกชื่อเฉยๆ ถึงกับหัวใจกระตุก เมื่อเอี้ยวตัวมองก็พบกับสายตากรุ้มกริ่มที่ชวนให้ละลายลงตรงนี้

“อะไร”

“มานั่งนี่สิ” เพียงแค่อีกฝ่ายกวักมือเรียกมินก็เดินเข้าไปหาราวกับต้องมนต์สะกด

ตอนนี้เองที่เพิ่งสังเกตุว่าพวกเขาใส่เสื้อคู่

เหมือนที่พี่แพทเคยวาดภาพไว้ในสมุดบันทึก

มินเผลอยิ้มออกมา อดสงสัยไม่ได้ว่าสมุดไดอารี่พวกนั้นยังอยู่หรือเปล่า รวมถึงเจ้าฉลามที่เขาเคยให้แพทตอนชนะพนันโบลิ่งนั่นด้วย

“มินครับ” แพทกระซิบข้างหูด้วยคำเดิมเมื่อดึงเจ้าของชื่อให้นั่งลงบนโซฟาตรงระหว่างของตน

“ปีนเกลียว”

“ไม่ชอบเหรอ”

“ก็ยังดีกว่าเรียกอาจารย์นะ”

“ตื่นเต้นดีออก”

“จะอยากตื่นเต้นอะไรนักหนา”

“ที่จริงแค่ได้อยู่ใกล้มิน แพทก็ตื่นเต้นจะแย่แล้วล่ะ”

“อ้อนอะไรเนี่ย จะทำงานไม่ใช่เหรอ”

“ไม่อยากทำเลยอะ อยากเที่ยว”

“เอาไว้ทำงานนี้เสร็จแล้วเราค่อยไปเที่ยวด้วยกันเยอะๆ ก็ได้นี่”

“สัญญานะ” ดวงตาของแพทเป็นประกายขณะยกนิ้วก้อยขึ้นมา หากมินกลับเลือกที่จะเอี้ยวตัวกลับไปหาคนที่กอดเขาเอาไว้จากด้านหลัง วางมือลงบนแก้มอีกฝ่ายแล้วกดจูบลงบนเรียวปากแรงๆ

ตายไปเลยไอ้แพท หัวใจจะวายตายอยู่แล้ว













ชายหาดตอนเย็นที่พระอาทิตย์คล้อยต่ำบรรยากาศครึกครื้นเป็นพิเศษ

ทั้งที่จะเดินเล่นชมทะเลที่หาดส่วนตัวของรีสอร์ทก็ได้แต่มินกลับชวนแพทขับรถออกมายังหาดสาธารณะ ทั้งคู่ปั่นจักรยานกันไปจนสุดหาด ก่อนเลือกนั่งเล่นบนพื้นทรายทอดสายตามองผู้คนที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยใบหน้าแจ่มใสเคล้าเสียงหัวเราะ

การได้เห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะของคนอื่นทำให้มีความสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“เล่นบานาน่าโบ๊ทกันมั้ย”

“แพทอยากเล่นเหรอ”

“มาถึงนี่ทั้งที หรือจะขี่เจทสกี แพทขี่เป็นนะ”

“จริงเหรอ” มินถามกลับด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ก็ง่ายๆ เหมือนขี่มอเตอร์ไซค์แหละ” แพทตอบอย่างภูมิอกภูมิใจและยิ่งอีกฝ่ายพยักหน้ารับก็ยิ่งรู้สึกดีเข้าไปใหญ่

หลังจากใส่เสื้อชูชีพแล้วแพทก็ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ มินลังเลนิดหน่อยแต่ไม่นานก็ก้าวขึ้นไปซ้อน

“กอดแพทแน่นๆ เลยนะ” แขนเรียวโอบกอดอีกฝ่ายไว้อย่างไม่ลังเล

ไม่อยากจะยอมรับแต่เชื่อเถอะว่าแพทที่กำลังขี่เจทสกีโต้คลื่นท้าลมพาเขาออกมากลางทะเลเท่ห์จนสุดจะบรรยาย

ทะเลที่มองเห็นจากชายหาดก็สวยไปอีกแบบ แต่ทะเลที่มองเห็นเมื่อทั้งคู่ลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเลก็ยิ่งสวย

“ลองมั้ย เดี๋ยวแพทสอน”

“ไม่เอา” คนอายุมากกว่าส่ายหน้าเป็นเด็กๆ “มีแพทอยู่ทั้งคนพี่ไม่จำเป็นต้องขี่เจทสกีเป็นหรอก”

“ปากหวานขึ้นทุกวัน” มินน้อมรับคำชม ที่จริงแล้วเขาไม่เคยรู้ตัวเลยว่าสามารถพูดและทำอะไรหวานเลี่ยนแบบนี้ได้ด้วย กระทั่งถูกกระตุ้นจากแพท

“ตอนนี้ไม่หวานหรอก น่าจะเค็มเหมือนน้ำทะเลมากกว่า”

“ไม่จริงอะ แพทไม่เชื่อ” สิ้นประโยคคางมนก็ถูกเชยขึ้นก่อนแพทจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วชิมริมฝีปากนุ่มด้วยลิ้นก่อนจะผละห่างแล้วว่ากลั้วขำ “เค็มจริงด้วยแฮะ”

“นิสัยไม่ดี”

“แพทนิสัยไม่ดีได้มากกว่านี้อีกจะบอกให้”

โดยยังไม่ทันได้ตั้งตัว เอวของมินถูกเกี่ยวแล้วแพทก็พาเขาทิ้งตัวลงบนผิวน้ำ ทั้งคู่จมดิ่งลงใต้ทะเลเสี้ยววินาทีก่อนจะผุดขึ้นมาหอบหายใจ และยังไม่ทันหายตกใจแขนที่โอบรอบเอวก็กระชับกอดให้แน่นขึ้น ดันให้แผ่นหลังแนบไปกับเจทสกีที่จอดอยู่ด้านหลัง

ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของแพทที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เชื่อได้อย่างสนิทใจว่าเจ้าเด็กนี่ร้ายกาจอย่างที่พูดจริงๆ

“ตื่นเต้นเนอะ”

คนถูกถามมองตามสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังทอดมองไปยังชายหาดที่นักท่องเที่ยวมากมายกำลังทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่พวกเขากอดเกี่ยวกันอยู่กลางทะเลแบบนี้

ก็จริงอย่างแพทว่า ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหัวใจกำลังเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น

“พี่มินรู้มั้ยว่าตอนพี่มินตัวเปียกเซ็กซี่สุดๆ เลยล่ะ” แพทกระซิบด้วยเสียงทะเล้นพร้อมกับช่วยเสยผมที่ปรกตาขึ้นให้ ก่อนจะวาดนิ้วเรียวลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่แม้จะอยู่เฉยๆ ก็ทำให้เขารักจนโงหัวไม่ขึ้น

“ไม่เคยรู้เลย”

เพราะไม่เคยมีความรักและคนรัก ไม่เคยเปิดใจให้ใคร อยู่ลำพังคนเดียวตลอดมามินจึงไม่เคยได้รับคำชมอื่นนอกจากคำว่า ‘เก่ง’ และ ‘เฉลียวฉลาด’

“ถ้าอย่างนั้นก็รู้ไว้ซะ แล้วอย่าไปทำแบบนี้กับใคร แพทหวง”

“ขี้หวงจัง”

“หวงสิ ก็แพทรักพี่มินนี่นา”

อยากได้ยินคำเดียวกัน หากพี่มินก็ทำให้ผิดหวังแต่ก็ไม่เสียใจหรอก เมื่ออีกฝ่ายละมือที่เคยโอบรอบคอกันมาลูบไล้เส้นผมก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามามอบจุมพิตรสน้ำทะเลให้กัน

แน่นอนว่ามันเป็นน้ำทะเลที่หวานที่สุดในโลก













อาจจะเป็นคืนแรกที่ทั้งคู่นอนบนเตียงเดียวกันในสภาพที่ปกติที่สุด

ไม่เมา ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย และอดตื่นเต้นไม่ได้เลย

“นอนไม่หลับเหรอ” ในความมืด มินที่นอนตาค้างอยู่เป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อน

“ทั้งที่เที่ยวเล่นมาทั้งวันแท้ๆ”

“นั่นสินะ”

“หาอะไรทำดีมั้ย” ได้ยินอย่างนั้นแล้วความตื่นเต้นก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณเป็นร้อยเป็นล้านเท่า อะไรที่ทำบนเตียงตอนกลางคืนได้ถ้าไม่ใช่... “ขอดูรูปที่ถ่ายไปเมื่อกลางวันหน่อยสิ”

ใจแป้วเลย

แพทเกือบจะสบถออกมาด้วยความผิดหวังแต่ก็ยั้งตัวเองไว้ได้ทัน

ทั้งคู่ขยับลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียงแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา แพทเป็นฝ่ายเริ่มต้นเปิดแกลอรี่รูปถ่ายของตัวเองก่อน และนอกจากภาพเซลฟี่ไม่กี่ภาพของพวกเขาแล้วนอกนั้นก็เป็นภาพที่เขาถ่ายมินยามรู้ตัวบ้างยามเผลอบ้าง

“อันนี้รูปใคร” มินถามเมื่อภาพของนักศึกษาหญิงหน้าตาน่ารักปรากฏขึ้นบนหน้าจอมือถือของคนข้างกายเขา ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้รู้สึกโกรธแต่ยังไม่มากจนควบคุมตัวเองไม่ได้

“เพื่อนในกลุ่ม”

“ทำไมมีรูปเซลฟี่ในมือถือแพทด้วยล่ะ”

“ส้มโอชอบเอามือถือไปถ่ายรูปอะ”

“เคยเป็นแฟนกันเหรอ”

“บ้า ไม่เคย แพทบอกแล้วไงว่าถ้าไม่ใช่พี่มินแพทก็ไม่เป็นแฟนกับใคร” ถึงแม้จะอยากเชื่อแต่ว่าความรักก็ทำให้คนมีเหตุผลงี่เง่าขึ้นมาได้

“แล้วทำไมไม่ลบ”

“แพทไม่รู้ด้วยซ้ำว่าส้มโอเอามือถือแพทไปถ่ายรูปตอนไหน”

“รู้รหัสมือถือกันด้วย คงจะพิเศษมาก”

“ไม่มีใครพิเศษเท่าพี่มินหรอก อะไรเนี่ยหึงเหรอครับ” แพทก้มหน้าลงมาถามพร้อมกับวาดแขนโอบไหล่มนแล้วดึงเข้ามาตัว

“มันก็...” จะว่าอย่างไรดี ถึงแม้การกระทำของพวกเขาจะชัดเจนแล้วก็ตามแต่มินก็ยังไม่เคยให้คำตอบที่ชัดเจนกับแพทเลยซักครั้ง

“พี่มินช่วยลบให้หน่อยสิ” แพทยัดมือถือที่หน้าจอดับลงแล้วใส่มือคนที่นั่งพิงอกเขาอยู่แล้วกระซิบบอกรหัสผ่าน

มินทำตามอย่างว่าง่าย พอลบรูปส้มโอเสร็จก็ส่งคืนเจ้าของหากแพทกลับไม่ยอมรับไป

“พี่มินจะใช้มือถือแพทถ่ายรูปตัวเองก็ได้นะ”

“ไม่เอาหรอก”

“ทำไมล่ะ”

“ไม่ชอบถ่ายรูป”

“สบายใจแล้วใช่มั้ย”  คนถูกถามพยักหน้ารับ มินรู้สึกว่ายิ่งอยู่กับแพทมากเท่าไหร่ก็เหมือนกับว่าเขาจะดูเล็กลงเรื่อยๆ ทุกวัน

หลังจากส่งมือถือคืนแพท มินก็ล้วงเอาของตัวเองออกมาบ้าง

เขาค่อยๆ กดรหัสผ่านมือถือทีละตัวให้แพทเห็น ถือซะว่าแลกกัน

“พี่มินไม่เห็นถ่ายรูปแพทบ้างเลย”

ในมือถือมินนอกจากรูปเซลฟี่ไม่กี่รูปกับรูปวิวทะเลก็ไม่มีรูปอะไรอีกเลย ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนแพทคงคิดว่าคนในอ้อมกอดเขาช่างจืดชืดเสียจริง

“ถ่ายแล้วแต่มันเบลอหมดเลย”

“เบลอว่ารักแถบป่าว”

มินไม่ตอบ เขาเอี้ยวตัวไปมองคนพูดแล้วเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ให้กับมุกโคตรเสี่ยวนั่น เห็นเช่นนั้นแพทก็หัวเราะออกมา คิดว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะเล่นมุกพวกนี้ถ้าแพรวพราวไม่พอ

“พี่มินแพทขออะไรอย่างนึงสิ”

“อย่างเดียวเองเหรอ”

“อื้อ แค่อย่างเดียวก็พอแล้ว”

สายตาแพทที่มองมาเต็มไปด้วยความจริงจังกระนั้นก็ยังแฝงความหวานล้ำที่ทำเอาคนมองแทบจะหลอมละลายลงตรงนี้ มินคิดว่าเขารู้นะว่าอีกฝ่ายจะขออะไร และตอนนี้เขาก็พร้อมจะมอบให้

“เราเป็น...”

Rrrrrr...

ยังไม่ทันที่แพทจะเอ่ยจบประโยคโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน มินลังเลที่จะรับมันด้วยความเกรงใจจนแพทพยักหน้าอนุญาตนั่นแหละนิ้วเรียวจึงกดรับสาย

ไข่มุก...

แพทเห็นชื่อบนหน้าจอชัดเจนเต็มสองตา อดหวั่นไหวไม่ได้เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นผู้หญิงโทรหาว่าที่คนรักตน

เริ่มเข้าใจความรู้สึกพี่มินตอนเห็นรูปเซลฟี่ส้มโอในมือถือแล้วสิ

มินที่เดินไปคุยโทรศัพท์นอกห้องมีสีหน้าที่เคร่งเครียด เขาเดินไปเดินมาไม่หยุด ท่าทางแบบนั้นทำให้แพทนึกหวั่นใจว่าสิ่งที่เขาตั้งใจจะขอวันนี้อาจจะต้องเลื่อนไปวันอื่น และก็คงจะจริงอย่างคาด

ประตูกระจกที่กั้นพวกเขาอยู่เปิดออก มินก้าวเข้ามาด้วยท่าทางเครียดจัด เขามองหน้าแพทอย่างลังเลทั้งรู้สึกผิดกับสิ่งที่กำลังจะเอ่ย

“พอดีเกิดเรื่องน่ะ เรากลับกรุงเทพกันเถอะ”



[TBC]



หวานพอยัง หวานกว่านี้กลัวเบาหวานจะขึ้นตานะ คริคริ
 :o8:



#คุณครูพี่มิน


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-12-2018 19:24:25
 :pig4: :pig4: :pig4:

นังไข่มุก  นังมารผจญ  ชิส์
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-12-2018 23:24:36
พีแพทขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว ขอไว้อาลัยให้ไข่มุก  :hao3:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-12-2018 08:49:19
แพท ใจ....ไม่กล้า....พอ   :เฮ้อ:
โอกาสเปิด แต่ไม่กล้าก้าวข้าม
ไม่โทษพี่มินเล้ย   o18
คนที่ไม่กล้าก้าวข้ามคือแพทเห็นๆ   :serius2: :really2: :angry2:

พี่มิน  แพท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 22 {Up.111218
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 13-12-2018 16:55:47
 :L2:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 23 {Up.171218}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 17-12-2018 20:06:41


คุณครูพี่มิน 23

 

แม้ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่เพราะพี่มินไม่ยอมบอกอะไรเลย แต่แพทก็ยอมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแล้วเช็คเอาท์ในเวลาอันรวดเร็ว

หากขณะที่เขากำลังจัดการเรื่องต่างๆ พี่มินกลับเอาแต่คุยโทรศัพท์

“เราบอกต๊อดแล้ว อีก 20 นาทีมันน่าจะถึงร้าน”

“ต๊อดจะช่วยได้จริงๆ เหรอ” น้ำเสียงของไข่มุกเต็มไปด้วยความกังวลอย่างไม่ปิดบัง ก็แน่ล่ะ ลูกหายออกไปจากบ้านทั้งคนถ้ายังใจเย็นอยู่ได้สิแปลก

“ถึงต๊อดจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวนะ”

“มินรีบกลับมาสิ”

“กำลังกลับนี่ไงครับ” แพทตวัดสายตามองคนข้างกายที่คุยโทรศัพท์ด้วยเสียงหวานๆ อย่างไม่พอใจ นึกสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าพี่มินของเขาคุยกับใครทำไมต้องหวานขนาดนี้ แถมพอฝ่ายนั้นบอกให้กลับก็รีบกลับโดยไม่สนใจตนแม้แต่น้อย

ทั้งที่เมื่อกี้ยังมีความสุขกันอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้แพทกลับรู้สึกเหมือนถูกปลุกจากฝัน

“เร็วกว่านี้ได้มั้ยแพท”

“นี่ก็เร็วที่สุดแล้ว และถ้าเร็วกว่านี้จะอันตราย พี่มินรีบอะไรนักหนา”

“ก็...” ยังไม่ทันได้ตอบคำถามเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะอีกครั้ง แพทถอนหายใจออกมาก่อนละสายตาจากคนข้างกายเพื่อมองตรงไปข้างหน้า

ดูเหมือนตั้งใจขับรถแต่เชื่อเถอะว่าแพทกำลังพยายามเงี่ยหูฟังบทสนทนาน่าสงสัย

“มึงถึงไหนแล้วเนี่ย”

“กูพาเมี่ยงไปด้วยได้มั้ย”

“จะพาใครไปก็รีบไปเถอะ ตอนนี้ไข่มุกสติแตกแล้ว”

“กูตื่นเต้นว่ะ คือแบบกูไม่เจอเขามาสิบกว่าปีแล้วนะมึง ละอยู่ๆ ก็...”

“มึงอย่าคิดมากน่า ถ้าไปไม่ถูกก็โทรถามไข่มุกได้เลย” มินชิงตัดสายเองก่อนที่ต๊อดจะได้เอ่ยคำใด หากหน้าจอยังไม่ทันดับสายเรียกเข้าจากคนใหม่ก็ดังขึ้นอีก

เป็นไข่มุกอีกเช่นเคย

มินเหลือบมองแพทนิดหน่อยก่อนรับสาย

ไข่มุกสติแตกไปแล้วจริงๆ เธอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมวางสาย เอาแต่โทษว่าการที่ลูกสาวหายออกจากบ้านเป็นความผิดของตัวเอง

มินปลอบใจจนไม่รู้จะปลอบอย่างไรแล้วสุดท้ายก็ได้แต่ฟังเฉยๆ

ตลอดทางเขาแทบไมได้คุยกับแพทเลย พวกเขาขับรถยาวแบบไม่แวะพัก มินแวะส่งแพทที่บ้านก่อน และขับรถออกมาโดยไม่เอ่ยคำใด

โดยไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังน้อยใจ

ทันทีที่ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนแพทก็ต่อสายหาต๊อด หากคนรับสายกลับเป็นพี่เมี่ยง เพราะเกรงใจแพทจึงไม่ได้ถามอะไร หากเวลาไม่กี่วินาทีนั้นก็ยังพอให้ได้ยินเสียงบรรยากาศที่ดังผ่านมา

แพทได้ยินเสียงต๊อดปลอบใครบางคนที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอนและเป็นคนๆ เดียวกับที่โทรคุยกับพี่มินตลอดทาง

 

 

 

 

 

 

 

ไข่มุกโผเข้ากอดมินทันทีเมื่อเขาก้าวเข้ามาในร้านซึ่งตอนนี้นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีใครอยู่อีกเลย

หญิงสาวสะอึกสะอื้นปริ่มจะขาดใจขณะพูดไม่เป็นภาษา แต่กระนั้นมินก็ยังเข้าใจได้ แน่ล่ะเพราะคำพวกนี้เขาฟังมาตลอดทางแล้ว

มินไม่ได้เอ่ยคำปลอบโยนใดๆ เพราะเขารู้แล้วว่ามันไม่ช่วยอะไรในสถานการณ์แบบนี้ สิ่งที่ควรทำคือตามหาน้องสายไหม

“มุกมั่นใจใช่มั้ยว่าน้องไหมถูกเค้าพาตัวไป”

หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงัก น้ำตาที่เหือดแห้งไหลรินออกมาจากดวงตาบวมเป่งอีกครั้ง

ต๊อดมองเพื่อนสมัยมัธยมของตนที่กำลังคุยกันด้วยเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ พอมองหน้าแฟนก็พบว่าคุณหมอหนุ่มมีสีหน้าไม่ต่างจากตนแม้แต่น้อย

ไหนๆ ก็เรียกมาแล้วก็ควรเล่าเรื่องให้ฟังบ้างสิวะ

“มุกพยายามทุกวิธีแล้วแต่ก็ติดต่อไม่ได้เลย”

“มันต้องมีซักวิธีสิ มุกในฐานะที่เป็นแม่มุกต้องตั้งสติแล้วค่อยๆ คิดว่ามีที่ไหนมั้ยที่เขาจะพาน้องไหมไป สถานที่ที่เป็นความทรงจำอะไรแบบนี้”

“มันจะมีที่แบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อพวกเราเพิ่งย้ายกลับมาอยู่ไทย หรือว่า...” ยังเอ่ยไม่ทันจบประโยคไข่มุกก็ปล่อยโฮออกมาอีก

มินดึงเพื่อนตนเข้ามากอดอีกครั้ง ปลอบใจกันอยู่นานจนดึกดื่นจนคุณแม่ของไข่มุกเข้ามาในร้านนั่นแหละพวกตนจึงหลบฉากออกมาได้

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะมิน” ทันทีที่ทิ้งตัวนั่งลงบนม้านั่งหน้าร้านอาหารของไข่มุกต๊อดก็ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าโดยมีคุณหมอหนุ่มยืนเคียงข้างแล้วยิงคำถามใส่

มินลังเลนิดหน่อย เพราะว่าเรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเขากับไข่มุก เป็นเรื่องที่สัญญากันเอาไว้ว่าจะไม่บอกใคร แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว และเขาก็เป็นฝ่ายดึงต๊อดเข้ามายุ่งเองก็คงไม่มีทางเลี่ยงได้แล้ว

“น้องสายไหมคือใครวะ”

“ลูกสาวไข่มุก”

“ถ้างั้นก็แปลว่า...” เรื่องที่เพื่อนๆ ลือกันในกลุ่มแชทเป็นเรื่องจริงน่ะสิ

มินพยักหน้าแทนคำตอบ

“แล้วพ่อเด็กล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นมึง”

“กูบอกมึงได้แค่นั้นต๊อด กูบอกมึงมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

“ไอ้มินกูเพื่อนมึงนะ”

“มุกก็เพื่อนกูเหมือนกัน มุกเขาขอไว้ว่าไม่ให้บอกเรื่องกับคนอื่น”

“มึงเห็นกูเป็นคนอื่นเหรอ มึงอย่าลืมนะว่ามึงเป็นคนดึงกูเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เอง”

“รู้ต๊อด เพราะกูมีแค่มึงไง คนเดียวที่กูนึกถึงก็คือมึง”

“เด็กนั่นเป็นลูกมึงเหรอ”

“เปล่า”

“ตอบกูเสียงดังๆ แบบมั่นใจๆ หน่อยดิ๊ว่าเด็กนั่นเป็นลูกมึงเหรอ”

“ไม่ใช่ สายไหมไม่ใช่ลูกมิน” ไข่มุกที่เดินออกมาพอดีเป็นฝ่ายตอบคำถามเสียงดังฟังชัดให้ชายหนุ่มทั้งสามมองไปยังเธอเป็นตาเดียว

ได้ยินอย่างนั้นแล้วต๊อดก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยเขาก็เบาใจว่าอดีตของมินจะไม่ทำให้แพทต้องเสียใจ

“แล้วเรื่องเป็นมายังไง”

“ต๊อดแค่ช่วยเราไม่ได้เหรอ ไม่รู้เรื่องของเราได้รึเปล่า”

“ก็ได้ แต่มันคาใจ แต่ถ้าเธอลำบากใจที่จะบอกก็ไม่ต้องบอกก็ได้ ถึงเราจะอยากรู้มากก็เถอะ”

“เอาไว้เจอน้องแล้วเราจะเล่าทุกเรื่องที่เธออยากรู้ให้ฟัง”

“ถ้าคนที่เอาตัวน้องไปคือพ่อน้อง เธออย่ากังวลไปเลย ยังไงซะคนเป็นพ่อก็ไม่ทำร้ายลูกตัวเองหรอก” ต๊อดไม่รู้หรอกว่าคำปลอบโยนของตนจะได้ผลหรือเปล่า แต่เชื่อเถอะว่าคำนั้นได้ใจคุณหมอสุดหล่อผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้ไปเต็มๆ

ต๊อดส่งพี่เมี่ยงกลับไปทำงานก่อนจะเข้ามานั่งล้อมวงกับคนอื่นๆ ที่โต๊ะตัวใหญ่ในร้านเพื่อปรึกษาหารือกันเรื่องนี้ เท่าที่ฟังคร่าวๆ ดูเหมือนว่าเพราะไข่มุกแจ้งตำรวจเรื่องลูกสาวถูกคนเป็นพ่อพาตัวออกจากบ้านไปบ่อยๆ และพากลับมาส่งทุกครั้งทางนั้นจึงไม่ค่อยให้ความสนใจนัก

ได้ฟังอย่างนั้นแล้วก็นึกท้อแท้ไม่เบา

แต่ก็ยังดีที่ความเป็นหัวหน้าแก็งค์เด็กแว้นซ์ทำให้ต๊อดพอมีเส้นสายอยู่บ้าง

คนที่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรต่อสายหานายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาอาศัยกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อให้ช่วยเช็คกล้องวงจรปิดหารถต้องสงสัยว่าเป็นคันที่พาน้องสายไหมไป

รอกันค่อนคืนกว่าจะได้รับข่าวดี

ดูเหมือนว่ารถคันนั้นจะขับออกจากกรุงเทพมุ่งหน้าไปทางภาคอีสาน

ขณะที่นั่งรถออกนอกเมือง มินที่เอาแต่กังวลไม่รู้เลยว่าโทรศัพท์มือถือตนกำลังกระพริบเพราะมีสายเรียกเข้า

ตั้งแต่มินขับรถออกไปด้วยท่าทางเร่งรีบและเป็นกังวลแพทก็ยังไม่ได้นั่งด้วยความสบายใจเลยแม้แต่วินาทีเดียว ทั้งที่อยากเป็นที่พึ่งให้แท้ๆ แต่พอเอาเข้าจริงเขากลับถูกมองข้ามเป็นอันดับต้นๆ

คิดแล้วก็อดน้อยใจไม่ได้เลย

แพทมองมือถือที่ดับลงเมื่อไม่ว่าจะต่อสายซักกี่ครั้งก็ไร้สัญญาณตอบรับจากอีกฝ่าย

มันจะอะไรกันนักหนา เอาแต่ห่วงคนอื่นไม่ห่วงความรู้สึกแพทบ้างเลยรึไง

โกรธไปก็เท่านั้น งอนไปก็เท่านั้นในเมื่อไม่ว่าอย่างไรมินก็ไม่มีทางรับรู้ความกระวนกระวายใจของเขา ว่าจะไม่พึ่งต๊อดแล้วเชียวแต่พอถึงทางตันก็มีแค่ต๊อดที่จะช่วยกันได้

เขาต่อสายหาต๊อดอย่างไม่ลังเล และคนนั้นก็ไม่ทำให้ผิดหวัง รอสายแค่ไม่กี่วินาทีปลายสายก็รับ

“ว่าไงมึง ดึกดื่นไม่หลับไม่นอน” ต๊อดนั่นแหละได้นอนบ้างรึยัง เสียงไม่ไหวแล้ว ได้ยินอย่างนั้นก็อดเป็นห่วงพี่มินไม่ได้เลย

“ขอคุยกับพี่มินหน่อยสิ” ต๊อดเหลือบมองเพื่อนตนที่กำลังขับรถพลางพูดแบบไม่มีเสียงบอกความประสงค์ของแพท

มินรู้ดีว่าแพทต้องกำลังเป็นกังวลเรื่องเขาแน่ ก็เจ้าเด็กนั่นน่ะรักเขายิ่งกว่าอะไรดี

“แล้วทำไมมึงไม่โทรหามัน” ถึงแม้มินจะบอกให้เปิดลำโพงแต่ต๊อดก็ยังเป็นต๊อดคนชอบกวนประสาททุกสถานการณ์เช่นเดิม

“ถ้าติดต่อพี่มินได้แพทคงไม่โทรหาต๊อดหรอก”

“อะ คุยกันเองละกัน” เพราะน้ำเสียงเคร่งเครียดกว่าครั้งไหนๆ ของแพททำให้ต๊อดหยุดเล่นแล้วเปิดลำโพงให้ทั้งคู่ได้คุยกัน

“ทำไมพี่มินไม่รับสายแพท รู้มั้ยว่าโทรหากี่ร้อยสายแล้ว”

“ขับรถอยู่ครับ”

“ไปไหนกัน”

“เพื่อนมีเรื่องนิดหน่อย แต่แพทไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยว...”

“ไม่ห่วงได้ไง พี่มินคิดว่าแพทไม่ห่วงพี่มินได้เหรอ”

ไม่ได้ มินรู้จักแพทดีกว่าคนในครอบครัวอีก แต่ถึงแม้จะรู้อย่างนั้นแต่ก็อยากบอกให้เบาใจว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เลวร้าย

“มีอะไรทำไมไม่บอกแพทวะ แพทบอกแล้วใช่มั้ยว่าตอนนี้แพทเป็นที่พึ่งให้พี่มินได้แล้ว”

“รู้ครับรู้ แต่นี่มันเรื่องส่วนตัวของเพื่อนพี่ไง ขอพี่จัดการเรื่องนี้เองได้มั้ย แล้วถ้าคราวหน้ามีเรื่องอีกพี่จะนึกถึงแพทคนแรกเลย”

“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว แพทจะไม่ยอมปล่อยให้พี่มินคลาดสายตาอีกแน่”

มินยิ้มรับต่างจากต๊อดที่เบะปากเป็นรูปชามคว่ำด้วยความหมั่นไส้สุดติ่ง ขนาดยังไม่รับเป็นแฟนยังหวานเวอร์วังขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าคบกันจริงจังแล้วจะหวานขนาดไหน

พวกคนไม่เคยมีแฟนก็เงี้ย

“พี่ต้องขับรถแล้วอะ ละเดี๋ยวจัดการเรื่องทางนี้เสร็จพี่จะโทรหานะ”

“แพทจะรอ”

“ไปนอนเลย”

“แพทนอนไม่หลับหรอก แพทจะรอนะ” สิ้นคำต๊อดก็ดึงมือถือกลับมาแล้ววางสาย

เสียงดังตู้ดๆ ที่ดังขึ้นทำให้แพทอดไม่ได้ที่จะก่นด่าต๊อด ทั้งที่อยากอ้อนพี่มินมากกว่านี้แท้ๆ ต๊อดนี่ขี้อิจฉาจริงๆ

“ไงอะดอกเตอร์ ไปทะเลด้วยกันไม่กี่วันกลับมาอีกทีต้องหวานกันเบอร์นี้เลยเหรอ”

“น้องมันก็แค่เป็นห่วงกู”

“ไม่มั้ง มึงอะ”

“กูทำไม”

“ถ้าจะขนาดนี้แล้ว พรุ่งนี้ก็ไปตกลงเป็นแฟนกันซะ” ไม่ต้องบอกมินก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาใช้เวลาด้วยกันในสถานะคนไม่มีสถานะมามากพอแล้ว และตอนนี้ก็ไม่มีข้อจำกัดใดมาขีดเส้นขั้นความสัมพันธ์อีก

 

 

 

 

 

 

 

รถยนต์คันสวยของดอกเตอร์เมฆวิ่งไปตามทางอย่างไม่หยุดพัก พวกเขาแวะเติมน้ำมันแค่ครั้งเดียวก่อนวิ่งยาวโดยมีเจ้าของรถกับต๊อดเปลี่ยนกันขับเป็นระยะ

“พอนึกออกบ้างมั้ยว่าเขาน่าจะพาสายไหมไปที่ไหน” มินเอ่ยถามขณะเอี้ยวตัวไปมองไข่มุกที่นั่งร้องไห้อยู่ด้านหลัง

น้ำตาของหญิงสาวเหือดแห้งไปแล้วหากความกังวลใจยังไม่มีท่าทีจะบางเบาลงแม้แต่น้อย

ไข่มุกกำมือแน่นขณะเค้นเอาความทรงจำเก่าๆ สมัยคบกับพ่อของน้องสายไหม แต่มันก็นานมากแล้ว อีกอย่างเธอไปอยู่ต่างประเทศก็หลายปีทำให้เป็นการยากที่จะจำสถานที่ได้ชัวร์ๆ

“มันเป็นรีสอร์ท” ต๊อดถึงกับกลอกตาเมื่อคำบอกเล่าจากหญิงสาวไม่ได้ช่วยให้การค้นหาจำกัดวงแคบลงแม้แต่น้อย

“รีสอร์ทมีเป็นพันนะไข่มุก”

“มีสวนน้ำ ที่นั่นมีสวนน้ำด้วย”

“ใหญ่มากมั้ย”

“เป็นสวนน้ำของรีสอร์ท” ได้ยินอย่างนั้นมินจึงลงมือค้นหาจากเว็บเสิร์ชเอนจิ้น ทว่ารีสอร์ทที่มีสวนน้ำก็มีมากมายเช่นกัน

กระนั้นเขาก็ยังคงค้นหาอย่างใจเย็น ผิดกับต๊อดที่จิ๊ปากแล้วจิ๊อีกเมื่อไข่มุกดูรูปที่มินยื่นให้แล้วส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า

และดูเหมือนว่าความพยายามอย่างใจเย็นของมินจะเป็นผล เมื่อไข่มุกพิจารณารูปๆ นึงนานกว่ารูปก่อน

“ใช่ที่นี่รึเปล่า”

“ไข่มุกไม่แน่ใจ รูปนี่มันคุ้นๆ แต่ว่า...”

“ไม่เป็นไรมุก เราแวะไปดูก่อนก็ได้ ดีกว่าขับรถไปเรื่อยๆ แบบนี้” ปลอบไข่มุกเสร็จมินก็หันไปบอกทางกับต๊อดที่ดูเหมือนจะอ่อนล้าจากการขับรถพอสมควรแล้ว “ถ้ามึงไม่ไหวเปลี่ยนได้นะต๊อด”

“ก็ดีว่ะ กูแม่งจะลืมตาไม่ขึ้นแล้ว”

รถยังคงวิ่งไปตามจีพีเอสบอกทาง ต๊อดที่นั่งข้างคนขับหลับไปแล้ว ไข่มุกเองก็เอาแต่ก้มดูรูปในมือถือ ยิ่งเข้าใกล้สถานที่แห่งนั้นมากเท่าไหร่มินก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นพิกล

ถ้าตอนนี้แพทอยู่ด้วยล่ะก็เขาต้องปลอบใจมินให้เย็นลงได้แน่ๆ

“มิน” เสียงไข่มุกดังขึ้นในห้องโดยสารอันเงียบงันให้มินมองเธอผ่านกระจกมองหลัง และก็พบว่ามีสายเรียกเข้าจากพ่อน้องสายไหม

“รับเลย” มินตัดสินใจจอดรถข้างทางเมื่อไข่มุกรับสายนั้นด้วยเสียงอันสั่นเทา

เขาจับใจความไม่ค่อยได้ว่าทั้งคู่คุยอะไรกันบ้าง ได้ยินแต่เสียงก่นด่าของไข่มุกในช่วงแรก และเสียงสะอื้นในช่วงหลังก่อนสายจะถูกตัดไป

“เราต้องไปที่นั่น” ที่นั่นที่ไข่มุกพูดถึงก็คือสถานที่ที่พวกเขาตั้งใจไปในตอนแรก

กว่าจะมาถึงรีสอร์ทแห่งนั้นก็เป็นเวลาเช้าแล้ว

ไข่มุกเล่าให้ฟังระหว่างทางว่ารีสอร์ทนั่นเป็นสถานที่ที่พวกเขามาเที่ยวกันในทุกวันครบรอบ แต่เพราะถูกทำร้ายจิตใจไว้มากไข่มุกจึงไม่เหลือความทรงจำดีๆ เหล่านี้เอาไว้แม้แต่น้อย

ไข่มุกต่อสายหาอดีตสามีอีกครั้ง รอไม่นานเขาก็จูงมือน้องสายไหมออกมา

เกลี่ยกล่อมกันอยู่นานทีเดียวกว่าเขาจะยอมปล่อยลูกสาวแล้วเข้าไปนั่งเคลียร์กับไข่มุกในรถ กระนั้นทุกอย่างก็ยังอยู่ในสายตาของมินและต๊อด

ถึงแม้จะไม่อยากยุ่งเรื่องของครอบครัวคนอื่นแต่อย่างไรก็อดห่วงไข่มุกไม่ได้อยู่ดี

“น้ามินมารับน้องสายไหมเหรอคะ” เด็กน้อยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ให้มินรู้สึกโล่งใจไปเปราะนึง

“ใช่แล้วค่ะ มาเที่ยวกับคุณพ่อสนุกมั้ย”

“สนุกมากๆ เลย เมื่อวานคุณพ่อพาน้องสายไหมไปเล่นสไลเดอร์ตรงนั้นด้วย” เด็กน้อยชี้ไปยังสไลเดอร์ตรงสระว่ายน้ำพลางเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตากลมโตที่ถอดแบบมาจากคุณแม่เป็นประกายนั่นทำให้มินเชื่อแน่ว่าอดีตสามีของไข่มุกทำหน้าที่พ่อได้เป็นอย่างดี

เขาพาน้องมาเพียงเพราะอยากใช้เวลาด้วยกันเหมือนครั้งก่อนๆ หากเพียงครั้งนี้เขาพาน้องมาไกลเกินไป

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าหากผู้ใหญ่ตกลงกันได้ก็คงเป็นผลดีต่อคนเป็นลูกสาวมากทีเดียว

“น้ามินแล้วลุงคนนั้นเป็นใครอ่า”

คนถูกเรียกว่าลุงตวัดสายตาน่ากลัวมาให้เด็กน้อยรีบวิ่งหลบหลังน้ามินของตนพลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมา

น้องสายไหมทำแบบนั้นต๊อดก็เสียเซลฟ์สิ

อุตส่าห์เป็นที่รักของคุณหมอแต่กลับถูกเด็กแสดงท่าทีหวาดกลัวใส่ แบบนี้มันเกินไปแล้ว

“หน้าตากูดูโหดเหรอวะ”

มินก็ไม่รู้จะตอบยังไง ถามว่าโหดมั้ยก็ไม่หรอก แต่หนักไปทางไม่น่าไว้วางใจมากกว่า แต่ถึงกระนั้นต๊อดก็มีวิธีเข้าหาเด็กด้วยวิธีของตน พูดคุยกันได้ไม่นานน้องก็ยอมให้อุ้มแล้ว

ภาพตรงหน้าทำให้นึกถึงเมื่อก่อนขึ้นมา

แพทน่ะ ครั้งแรกที่เจอต๊อดก็ไม่ชอบขี้หน้ามากๆ เหมือนกัน แต่ตอนนี้สิเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย

“มึงยิ้มอะไร”

“กูขอโทรหาแพทหน่อย ฝากมึงสังเกตุการณ์ทางนี้ด้วย” ต๊อดพยักหน้ารับ กระชับอุ้มเด็กน้อยในอ้อมแขนพลางมองตามแผ่นหลังเพื่อนตนที่เดินห่างออกไป

คิดว่าป่านนี้แพทก็คงยังถูกความห่วงใยรบกวนจนไม่ได้หลับได้นอนนั่นแหละ

และก็เป็นอย่างที่ต๊อดคิด

แพทนอนไม่หลับเลย เขาผุดลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาทันทีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขั้น เมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่งแต่ถ้ายังไม่ได้กอดพี่มินเขาก็ไม่มีทางหยุดความห่วงใยที่หน่วงอยู่ในอกนี้ได้

“ได้นอนบ้างหรือยัง”

“คำนี้ต้องเป็นแพทนะที่ถามพี่มิน” แพทกรอกเสียงของคนน้อยใจลงไป

“นอนไปงีบนึงเมื่อกี้”

“ไม่ต้องขับรถเลยนะ”

“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ง่วงไม่ขับสิ”

“ถ้าพี่ไม่ขับแล้วใครจะขับ”

“พี่มินอยู่ไหนเดี๋ยวแพทไปขับรถให้ก็ได้”

“จะบ้าเหรอ กว่าแพทจะมาถึงพี่ก็กลับแล้ว”

“ไม่อยากให้แพทไปเหรอ มีเรื่องที่ไม่อยากให้แพทรู้รึเปล่า”

“ทำไมคิดแบบนั้น”

“ไม่รู้สิ พอพี่มินรับสายนั้นแล้วก็ไม่สนใจแพทเลย จะให้คิดไงอะ”

“เดี๋ยวค่อยคุยกันตอนพี่กลับถึงกรุงเทพแล้วละกัน”

“แพทไม่สบายใจเลย” แพทเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา เขากลัวว่าคนที่พี่มินหุนหันพลันแล่นออกไปหาจะเป็นคนสำคัญมากกว่าตน

“พี่อยากให้แพทเชื่อใจพี่นะ”

“ถ้าอยากให้เชื่อใจกลับกรุงเทพคราวนี้ก็มาอ้อนสิครับ”

มินไม่ตอบอะไร แต่เชื่อเถอะว่าเจ้าตัวกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก เกิดมาตั้ง 30 กว่าปีไม่เคยคิดจะอ้อนใคร แต่กลับต้องมาอ้อนเจ้าเด็กที่ตนเลี้ยงมากับมือ

แบบนั้นมัน...ถ้าต๊อดรู้เข้าล่ะก็อายตายเลย

 

 

 

 

 

 

 

ไข่มุกกอดน้องสายไหมเอาไว้ตลอดทางจากโคราชถึงกรุงเทพคล้ายกับว่ากลัวจะถูกแย่งลูกไปอีก

ก็เข้าใจได้ล่ะนะแต่การที่เธอไม่ยอมปริปากเล่าอะไรให้ฟังซักอย่างแบบนี้ต๊อดก็ไม่พอใจเหมือนกัน อุตส่าห์อดหลับอดนอนขับรถพามาก็ควรจะตอบแทนกันด้วยการบอกความคืบหน้าอะไรบ้างสิวะ

“ไข่มุกนี่แม่งยังนิสัยแย่เหมือนเดิม” ถึงแม้ภายนอกจะดูน่ารักน่าทนุถนอมแต่ตบตาใครก็ตบไปเถอะนะอย่างไรก็ไม่มีทางตบตาต๊อดได้แน่นอน

ต๊อดน่ะโตมากับกลุ่มเพื่อนของอาเจ๊ เพราะอยู่กับสาวๆ มาตั้งแต่เด็กจึงมีตาวิเศษมองออกว่าผู้หญิงคนไหนน่ารักจริง คนไหนแสร้งทำ

“ก็ไม่แปลกนะ มึงยังนิสัยเหมือนเดิมเลยต๊อด”

“เข้าข้างต๊อดบ้างเถอะมิน”

“ขนลุกเลยเนี่ย” ไม่บ่อยเลยที่ต๊อดจะแทนตัวเองด้วยชื่อแบบนี้ ซึ่งก็ไม่แปลกที่มินจะไม่ชิน

“แล้วนี่มึงส่งกูแล้วจะกลับคอนโดเลยมั้ย”

“จะแวะไปหาแพทหน่อย”

“อย่าไปเลย ปล่อยให้มันห่วงมึงจนอกแตกตายไปเถอะ”

“ไม่ล่ะ ถ้าแพทอกแตกตายกูคงเสียใจ”

“เสี่ยวสัดเลยว่ะไอ้ดอกเตอร์ ถ้าไอ้แพทมาได้ยินเข้ากูว่ามันสำลักความหวานตายไปเลยอะ”

“ต๊อด”

“หือ ทำไมอยู่ๆ จริงจังขึ้นมาวะ”

“กูมีเรื่องจะบอกมึง”

“อะไร จะสารภาพรักรึไง” มินพยักหน้าให้ต๊อดถอยกรูด เห็นอย่างนั้นแล้วก็อดขำกับจินตนาการอันสูงส่งของเพื่อนไม่ได้เลย คิดไปถึงไหนกันล่ะเนี่ย

“กูรักแพท กูคิดว่ากูอยากใช้ชีวิตกับเขาตลอดไป”

“บอกกูทำไม มึงต้องไปบอกไอ้แพทโน่น”

“เพราะมึงเป็นเพื่อนรักกูไงกูก็เลยอยากให้มึงรู้เป็นคนแรก”

ต๊อดไม่รู้จะตอบคำใด ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตนเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของมิน แต่เมื่อได้ยินคำนั้นจากปากเพื่อนก็อดซาบซึ้งใจไม่ได้เลย นั่นแหละ และอยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาซะงั้น

“มึงร้องไห้ทำไมเนี่ย”

“ไม่รู้อะ อยู่ๆ แม่งก็ไหล กูห้ามไม่ได้เลย”

“ซึ้งอะดิ”

“อือ มึงอย่าทำแบบนี้อีกนะเว้ย กูไม่ชอบ”

“ขี้แยว่ะต๊อด ตอนพี่เมี่ยงบอกรักมึงร้องไห้ด้วยป่ะเนี่ย”

“เสือกว่ะดอกเตอร์” ต๊อดว่าพลางเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ เหมือนเด็ก เพราะแบบนี้ล่ะมั้งพี่เมี่ยงถึงได้ตกหลุมรักต๊อดจนถอนตัวไม่ขึ้น

มินเองก็อยากมีความรักดีๆ แบบนี้บ้างเหมือนกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาคาดหวังในตัวแพทหรอก ที่จริงแค่มีแพทอยู่ด้วยกันนั่นก็ดีแสนดีแล้ว

“เอาไว้เดี๋ยวกูเล่าเรื่องไข่มุกให้ฟังวันหลัง” มินบอกเมื่อต๊อดลงจากรถไปแล้วให้เจ้าตัวชะโงกหน้าเข้ามามุ่นคิ้วไม่เข้าใจ

“ไหนมึงบอกว่าเป็นความลับ”

“ไข่มุกรู้ว่ามึงอยากรู้ก็เลยอนุญาตให้รู้ได้”

“แล้วไม่คิดว่ากูจะไปเล่าให้คนอื่นฟังรึไง”

“นั่นมันก็เป็นความรับผิดชอบของมึงแล้ว”

“กูไม่ฟังได้มั้ยวะ”

“แล้วแต่นะ กูมีเวลาให้มึงตลอดช่วงปิดเทอมนี้ อยากฟังเมื่อไหร่ก็โทรมา”

ต๊อดถอนหายใจออกมา อยากรู้ก็จริงแต่ก็ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าวันนึงเขาจะไม่เผลอตัวเอาความลับนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง คิดไปคิดมานี่มันอย่างกับแบกอะไรก็ไม่รู้ว่าบนบ่าโดยใช่เหตุเลยนี่หว่า

 

[TBC]



เราโคตรชอบความเพื่อนของต๊อดกับมินเลยค่ะ
เพื่อนที่มีอะไรก็อยากเล่าให้กันฟัง ถึงต๊อดจะไม่ค่อยเอาไหนก็เถอะ
อย่าเพิ่งโกรธพี่มินกันนะที่ทิ้งเจ้าแพทมาแบบนี้ พลีสสสสสสส
 :mew3:


#คุณครูพี่มิน






หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 23 {Up.171218}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-12-2018 20:10:49
เกือบเข้าใจมินผิดแล้ว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 23 {Up.171218}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-12-2018 21:45:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

ต๊อดน่ารัก  ต๊อดเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลยอ่ะ

ส่วนไข่มุก  นางคงฟอนเฟะตั้งแต่สมัยเรียนอ่ะแหละ ประเภทแรดเงียบไรเงี้ยะ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 24 {Up.231218}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 23-12-2018 17:31:38
คุณครูพี่มิน 24



ขับรถเลยบ้านต๊อดเข้ามาจนสุดซอยก็เจอบ้านแพท

ทันทีที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์คนเป็นเจ้าของบ้านก็กุลีกุจอวิ่งออกมา

พี่มินที่อยู่ตรงหน้าดูอ่อนล้าจนน่าเป็นห่วง ที่จริงภาพนั้นก็ไม่ต่างจากที่จินตนาการไว้ซักเท่าไหร่ สภาพอย่างนั้นยังไม่เจียมตัวขับรถพาคนอื่นไปถึงไหนต่อไหน

“ขับรถมาถึงนี่ได้ไง”

“เก่ง” ยังมีหน้ามาบอกด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจอีก มันน่าภูมิใจตรงไหนไม่ทราบครับดอกเตอร์

“สภาพตัวเองโคตรแย่เลย รู้บ้างป่าว”

“รู้ ง่วงมากเลย”

“งั้นเดี๋ยวแพทไปส่งคอนโด”

“ซื่อบื้อเหรอ” มินว่าพลางกระแทกไหล่อีกฝ่ายแล้วเดินเข้าบ้านทั้งที่เจ้าของบ้านยังไม่ได้เชิญ แพทมองตามอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ถ้าพี่มินจะเข้าบ้านแพทก็เต็มใจล่ะนะ

คนเป็นเจ้าของบ้านวิ่งตามมาทันก่อนที่มินจะเอื้อมมือไปเปิดประตูบ้าน เขาจึงใช้จังหวะนี้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษเปิดประตูและผายมือให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปก่อน

มินไม่ได้สนใจเสียงปิดประตูที่ดังตามหลังมา เมื่อเห็นโซฟาที่ห้องรับแขกเขาก็ถลาเข้าใส่ ล้มตัวนอนลงฝังใบหน้าไว้กับหมอนนุ่มๆ

สบายจัง ไม่เคยคิดเลยว่านอนโซฟาจะสบายตัวได้ขนาดนี้

หากยังไม่ทันได้ซึมซับความสบายให้ฉ่ำปอดคนเป็นเจ้าของบ้านก็เรียกชื่อให้ปรือตาขึ้นมามองซะก่อน

“ถ้าจะนอนก็ไปอาบน้ำสิ พี่มินใส่ชุดนั้นตั้งแต่วันที่ไปทะเลกับแพทแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ออกไปเอาเสื้อผ้าในรถให้หน่อยสิ ไม่อยากเดินอะ”

“ให้แพทอุ้มไปห้องน้ำด้วยเลยมั้ยล่ะ”

“เป็นความคิดที่ดี” ถึงแม้จะตกใจอยู่นิดหน่อยแต่ทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบแพทก็ย่างสามขุมเข้าไปหาแล้วช้อนร่างมินขึ้นมา ทว่ายังนับ 1 ไม่ถึง 3 ก็ล้มไม่เป็นท่าทั้งคู่

ก็นึกว่ามันจะง่ายแต่เอาเข้าจริงการอุ้มคนที่ตัวเท่าๆ กันแถมยังเป็นผู้ชายอกสามศอกเหมือนกันนี่ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

“อ่อนจัง” มินว่ากลั้วขำไม่จริงจัง

“ไม่ไหวอะ พี่มินก็ไม่ใช่ตัวเล็ก”

“ลดน้ำหนักดีมั้ย”

“ไม่ต้องเลย แค่นี้ตัวก็บางจนจะหักอยู่แล้ว”

“ก็แพทบอกว่าตัวพี่หนัก”

“เปลี่ยนเป็นขี่หลังแทนละกันงั้น” สิ้นประโยคแพทก็นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าคนบนโซฟา และมินก็ไม่ลังเลเลยที่จะขี่หลังพลางกอดคอเอาไว้กันตก

แพทรวบรวมกำลังกายทั้งหมดลุกขึ้นยืนพลางส่งเสียงดังฮึบ

พอเท้าลอยเหนือพื้นก็ทำให้นึกไปถึงเมื่อก่อน ตอนที่พี่แพทอ้อนขอขี่หลังบ่อยๆ

และพอนึกถึงความทรงจำวัยเยาว์ทีไรความสุขก็มักล้นออกมาจนเผลอยิ้มเสมอ

ขายาวที่กำลังก้าวขึ้นบันไดหยุดชะงักก่อนแพทจะเอี้ยวตัวกลับมามองคนบนหลัง ใบหน้ามินเกยอยู่บนไหล่ กลิ่นหอมประจำกายจางไปมากแล้วแต่ก็ไม่แย่

“แพทได้นอนบ้างรึยัง” คนเป็นแขกเอ่ยถามขณะขึ้นบันได

“นอนหลับที่ไหน”

“ขอโทษนะ พี่ทำให้แพทเป็นห่วงอยู่เรื่อย”

“”ทำไมวันนี้น่ารักจัง

“ไม่ดีเหรอ”

“ก็ดีแต่มันก็รู้สึกแปลกๆ ไงไม่รู้” แพทว่าพลางเลี้ยวเข้าห้องนอนของตนแล้ววางคนบนหลังลงบนเตียงนอนที่ไม่ได้ใช้งานมาหลายคืนแล้ว

ขณะที่มินวุ่นวายอยู่กับเรื่องของคนอื่น คนที่รออยู่ทางนี้อย่างแพทก็ไม่เป็นอันทำอะไรเลย เขาปักหลักรออีกฝ่ายอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก โทรศัพท์มือถือก็เอาติดตัวไว้ตลอดเผื่อพี่มินจะโทรมาขอความช่วยเหลือ อย่าว่าสกปรกเลย เขาเองก็ยังไม่ได้อาบน้ำเหมือนกัน

“ไม่ชอบให้พี่ทำตัวน่ารักเหรอ” ก็มินน่ะอายุสามสิบต้นๆ แล้วบางทีการทำตัวน่ารักอาจจะดูขัดหูขัดตาก็ได้ พอคิดว่าแพทไม่ชอบ ความมั่นใจมากมายก่อนหน้านี้ก้ลดฮวบฮาบลง

“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย ก็ทุกครั้งที่พี่มินทำตัวน่ารัก ทำดีกับแพทมากๆ วันต่อมาพี่มินก็หายไปทุกที”

ได้ยินอย่างนั้นแล้วมินก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย รอยยิ้มสวยผุดขึ้นบนใบหน้าขณะยื่นมือไปจับมือแพทมากุมไว้ให้คนที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้นั่งลงบนพื้นตรงหน้า

ทั้งคู่มองลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกัน

อยากจูบ

ถึงแม้จะอยากทำเช่นนั้นใจจะขาดแต่ก็ต้องยั้งตัวเองเอาไว้

“ไม่หายไปไหนหรอกน่า สัญญา”

“ถ้าพี่มินผิดสัญญาล่ะ”

“พี่ไม่มีทางหายไปไหนอีกแน่นอน”

ถึงแม้จะไม่มีอะไรการันตีคำพูดนั้นได้ แต่แพทน่ะก็พร้อมที่จะเชื่อพี่มินสุดหัวใจ















ตอนขอให้แม่ซื้อบ้านหลังนี้ แพทก็คิดมาตลอดเลยว่าซักวันนึงเขาจะได้มีโอกาสต้อนรับพี่มิน คนที่เขารอมาทั้งชีวิต และวันนี้ก็ยิ่งกว่าที่หวังซะอีก

มินกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงขนาด 5 ฟุตที่แพทคิดว่ามันกว้างขวางและชวนให้รู้สึกเหงาตลอดเวลา หากตอนนี้พอมีอีกคนมานอนอยู่บนนั้นความเหงาที่เคยสัมผัสได้ก็พลันหายไป

ฟูกนอนที่ยวบลงทำให้คนที่กำลังจมอยู่ในห้วงนิทราขยับกายนิดหน่อย แพทนั่งนิ่งชั่ววินาทีก่อนจะนอนลงข้างกันอย่างเงียบเชียบที่สุด

อย่างกับฝันแหนะ

ทั้งที่ง่วงจนแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่อีกใจก็กลัวว่าถ้าหลับไปแล้ว เมื่อลืมตาตื่นอีกครั้งคนที่เคยนอนข้างกันจะหายไป

กระนั้นก็ไม่มีใครต่อสู้กับความง่วงได้

มินลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากแพทหลับไปแล้ว

ขนาดยามหลับยังขมวดคิ้วมุ่นคล้ายมีเรื่องให้คิดตลอดเวลา คนอายุมากกว่าขยับเข้าไปใกล้อีก นอนหนุนหมอนใบเดียวกัน วางมือข้างหนึ่งลงบนแก้มใสขณะใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆ

คิ้วที่ขมวดเอาไว้คลายออกแล้ว แบบนี้สิค่อยสมกับเป็นแพทคนที่เปรียบดั่งความสดใสของมินหน่อย

อาจเป็นเพราะไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้วถึงแม้จะเป็นตอนกลางวันแต่แพทก็ยังคงหลับสนิท เมื่อลืมตาตื่นก็พบว่าเป็นเวลาโพล้เพล้

เพราะห้องนอนของเขาตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ยามนี้แสงของพระอาทิตย์จึงลอดเข้ามากระทบกับเตียงนอนพอดี

แพทก้มมองคนที่นอนกอดเขาเอาไว้หลวมๆ แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

แอบมากอดกันตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย แต่จะเมื่อไหร่ก็ตาม ไม่ว่ายามหลับหรือตื่นแพทก็เต็มใจให้พี่มินกอดอยู่แล้ว

ทั้งที่ตั้งใจว่าจะลุกจากเตียงแล้วแท้ๆ แต่พอขยับตัวอ้อมแขนที่สวมกอดกันอยู่กลับกระชับแน่นกว่าเดิมซะอย่างนั้น คนเป็นเจ้าของเตียงขยับตัวลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนจัดท่าให้มินกอดเอวเขาไว้แล้วหนุนที่ตัก

แบบนี้มันเหมือนคนรักเลยไม่ใช่เหรอ

แสงแดดอ่อนๆ ตกกระทบบนใบหน้าของคนที่กำลังหลับพริ้ม แพทก็อยากลุกไปปิดม่านหรอกนะแต่พี่มินเล่นกอดกันด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขแบบนี้คงไม่สามารถตัดใจทำลายความสุขของอีกฝ่ายได้หรอก

จำได้ว่าเคยเห็นฉากแบบนี้ในซีรีส์ผ่านตาตอนที่ส้มโอชวนดูด้วยกัน เป็นฉากที่นางเอกกำลังฟุบนอนหลับบนโต๊ะเรียนริมหน้าต่างที่มีแสดงแดดตกกระทบแล้วพระเอกก็เอามือมาบังให้ ตอนที่เห็นส้มโอกรี๊ดกร๊าดบอกว่าโคตรโรแมนติกแพทไม่อินด้วยเลยซักนิด แต่ตอนนี้เขากลับกำลังทำเหมือนฉากนั้นในซีรี่ส์

มือหนายกขึ้นบังแสงแดดที่ตกกระทบเสี้ยวใบหน้าด้านข้างของมิน คนที่ตื่นได้ซักพักแล้วเผลอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ก็รู้สึกประทับใจอยู่หรอกแต่แบบนี้มันคงเมื่อยไม่ใช่เล่นเลย

แกล้งให้แพทยกมือค้างไว้อย่างนั้นครู่หนึ่งนั่นมินจึงลืมตาแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้

ดวงตากลมจ้องค้างอยู่ที่ฝ่ามือหนาก่อนจะยื่นมือออกไปจับเอาไว้

“โรแมนติกชะมัด”

“ถ้าทำอย่างอื่นด้วยจะโรแมนติกกว่านี้อีก”

“ทำอะไรล่ะ”

“ก็...” ยิ้มละลายใจบนใบหน้างัวเงียของคนที่เพิ่งตื่นจางลงเมื่อแพทโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมา

ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไรกันแน่

แพทหยุดชะงักไปเล็กน้อยเมื่อแขนที่เคยกอดรอบเอวตนเปลี่ยนมาโอบรอบคอ

ให้ตายเถอะ พี่มินเมาขี้ตาเหรอทำไมถึงยั่วเก่ง

มินหลับตาลงเมื่อความอุ่นซ่านจรดลงบนหน้าผาก ที่จริงก็แอบผิดหวังอยู่เล็กน้อยที่แพทไม่จูบปากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจูบหน้าผากก็ให้ความรู้สึกดีที่ต่างออกไป

“พี่มินหิวรึยัง” พอได้นอนเต็มอิ่มท้องก็เริ่มโหยหาอาหาร

“ค่ำแล้วอะหาอะไรง่ายๆ กินดีกว่ามั้ย”

“อะไรง่ายๆ อย่างเช่นอะไรล่ะ แพททำอาหารไม่เป็นหรอกนะ”

ก็ไม่ได้หวังว่าแพทจะเข้าครัวแล้วลงมือทำกับข้าวให้กินหรอก แต่ถ้าหวังพึ่งมินล่ะก็บอกเลยว่า...

“พี่เองก็ทำไม่เป็นเหมือนกัน”

เพราะไม่มีใครสามารถโชว์ฝีมือทำอาหารได้แพทจึงคว้าโทรศัพท์มือถือมาค้นข้อมูลร้านอาหาร มินขยับขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนข้างๆ กันพลางทอดสายตามองหน้าจอในมือแพท

“อยากกินเบียร์จังเลย”

“ไม่ได้ครับ ต้องกินข้าวก่อน”

“ดุจัง”

“ขอโทษครับ” พอนึกได้ว่าตนกำลังดุคนอายุมากกว่าก็เอ่ยขอโทษออกมาจากใจจริงให้มินหลุดขำออกมานิดหน่อย

“ขอโทษทำไม เมื่อกี้แพทเท่ห์ดีออก”

“ชอบให้ดุเหรอครับ”

“มันก็รู้สึกแปลกดี พี่จำไม่ได้แล้วอะว่าถูกดุครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” ดวงตาของมินหม่นแสงลงเมื่อเอ่ย

ตลอดมามีแต่พี่มินที่รับฟังและคอยช่วยเหลือ แต่แพทกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่มินเลย ไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายใช้ชีวิตอย่างไร โดดเดี่ยวแค่ไหน อย่างน้อยเขาก็อยากแชร์ความรู้สึกกัน

“พี่มินเล่าเรื่องของพี่มินให้แพทฟังบ้างสิ”

“เอาไว้วันหลังเหอะ”

“ทำไมล่ะ” ได้ยินอย่างนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายไม่อยากให้ตนรู้เรื่องส่วนตัว

“ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกเยอะ จะรีบไปทำไม”

ค่อยเบาใจหน่อย















“คืนนี้ต้องนอนไม่หลับแน่ๆ เลย” แหงล่ะก็เล่นหลับไปตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยนี่นา

“นอนไม่หลับก็หาอย่างอื่นทำสิ” มินที่กำลังล้างจานอยู่หน้าซิงค์ในครัวหันมาออกความคิดเห็นให้แพทเอียงคอคิดนิดหน่อยก่อนรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา

เจ้าของร่างสูงวางแก้วน้ำที่ดื่มจนหมดลงบนโต๊ะก่อนเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังอีกฝ่ายที่ยืนอยู่หน้าซิงค์

มินตกใจนิดหน่อยกับแผ่นอกแกร่งที่แนบลงบนแผ่นหลังของเขาอย่างจงใจ

“ให้แพทช่วยนะ”

“จริงใจให้มันมากกว่านี้หน่อยนะ”

“รู้ได้ไงว่าแพทไม่จริงใจ”

“ล้างจานจะเสร็จแล้วเนี่ย” มินว่าพร้อมกับวางจานล้างสะอาดใบสุดท้ายลงแล้วหมุนตัวไปเผชิญหน้ากัน

“พี่มินแพทถามอะไรหน่อยสิ”

“ว่ามาสิ”

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร สำคัญกับพี่มินมากกว่าแพทอีกเหรอ”

ตลอดเวลาที่ผ่านมาจากคำบอกเล่าและสิ่งที่เขาเจอด้วยตัวเองมันทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาเป็นหนึ่งในคนสำคัญอันดับต้นๆ ที่มินคิดถึง แต่สายจากผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้ความมั่นใจนั้นลดลงจนกลายเป็นความกังวล

มินมองใบหน้าแพทที่จริงจังกว่าครั้งไหนๆ ความไม่มั่นใจฉายชัดในดวงตาคมให้มินค่อนข้างเป็นกังวล

มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะบอกเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไข่มุก แต่คิดว่าถ้าแค่เล่าเฉยๆ ก็ไม่แน่ว่าแพทจะเชื่อทั้งหมดและคลายความกังวลลง

“ไปหยิบกุญแจรถให้หน่อยสิ”

“หือ” แพทคิดว่าตัวเองหูฝาด เพราะแทนที่จะตอบแต่กลับพูดถึงกุญแจรถซะงั้น “พี่มินไม่อยากตอบคำถามแพทก็เลยจะหนีกลับบ้านเหรอ”

“คิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นรึไงล่ะ” มินผลักแพทออกห่างก่อนจะเดินออกจากครัวไปหยิบกุญแจรถเอง พอเดินใกล้จะถึงประตูบ้านค่อยเรียกให้แพทตามออกมา

ตลอดทางที่นั่งอยู่บนรถด้วยกัน บรรยากาศของทั้งคู่เต็มไปด้วยความเงียบจนอึดอัด มินเหลือบมองแพทเป็นระยะ แพทเองก็ทำเช่นนั้นและถึงแม้จะเผลอสบตากันอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร

กระทั่งรถเลี้ยวเข้ามาในร้านอาหารที่วันนี้ปิดทำการและเดินนำเข้าไปในร้านที่เปิดไฟเอาไว้แค่สลัวๆ แพทจึงปลดเบลท์แล้วเดินตามเข้าไป

“อะไรเนี่ย เพิ่งแยกกันไปเมื่อเช้าเอง คิดถึงไข่มุกจนต้องมาหาถึงนี่เลยเหรอ” ใบหน้าสวยดูสดใสกว่าเมื่อวานและเมื่อเช้ามาก

มินยักไหล่นิดหน่อยก่อนจะเดินตามสาวเจ้าขึ้นไปยังชั้นสอง แพทไม่แน่ใจว่าเขาควรจะเดินตามไปด้วยหรือเปล่า แต่พี่มินเป็นฝ่ายชวนมาเพราะงั้นก็คงอยากให้เดินตามไปนั่นแหละ

“สายไหมอยู่มั้ย”

“ถ้าไม่อยู่แล้วจะให้ไปไหนได้ล่ะเด็กตัวแค่นั้น”

“เคลียร์กันไม่ได้เหรอ”

“ก็ได้แหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง”

“อย่าคิดมาก ไงไข่มุกก็ยังมีเรากับต๊อด”

“พูดถึงต๊อดก็ดีเลย หมอนั่นนิสัยเสียไม่เปลี่ยนเลยนะ”

“ก็คนๆ เดิม”

“ก็จริงแหละ จะว่าไปมุกยังไม่ทันได้ขอบคุณต๊อดเลย”

“หาลูกค้ากระเป๋าหนักๆ ให้ต็อดซักรายสองรายสิ คงช่วยได้เยอะเลย”

“ต็อดกำลังมีปัญหาเหรอ ดูไม่ออกเลย”

“ตอนนี้ธุรกิจของต๊อดไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่”

ในหัวของแพทเต็มไปด้วยคำถาม ข้อ 1 ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่ฟังจากเสียงแล้วคงเป็นคนที่โทรหาพี่มินเมื่อวันก่อนโน้น ข้อ 2 เรื่องร้านต๊อดแพทไม่เคยรู้เลยว่าที่นั่นกำลังประสบปัญหา และข้อ 3

“คุณพ่อขา” เด็กที่วิ่งเข้ามากอดพี่มินแล้วเรียกว่าคุณพ่อนี่เป็นใครกัน

“น้องไหมคุณแม่บอกแล้วไงคะว่าอย่าเลี้ยงน้ามินว่าคุณพ่อ”

“ก็น้องไหมอยากให้น้ามินมาเป็นพ่อจริงๆ นี่นา”

ไม่มีทาง!! แพทเถียงเด็กน้อยอยู่ในใจ และถึงแม้จะไม่เอ่ยออกมาแต่สีหน้าก็บอกทุกอย่างให้มินที่หันมามองพอดีหลุดขำออกมา

“ว่าจะถามตั้งแต่ข้างล่างแล้ว มินพาใครมาด้วยน่ะ” ดวงตาคู่สวยจ้องมองมาพลางถาม

“แพทน่ะ”

“แพท?” ไข่มุกทวนคำพลางครุ่นคิด “คุ้นๆ แฮะ เคยเจอกันรึเปล่า”

“ตอนเราอยู่มัธยมไง”

“เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่า...” ถึงแม้ว่าจะผ่านมา 10 กว่าปีแล้วแต่สายไหมไม่มีทางลืมคนที่ทำให้รักครั้งแรกของเธอพังไม่เป็นท่าได้หรอก “เด็กที่อยู่กับมินเมื่อก่อนเหรอ”

“ใช่”

“แล้วพามาด้วยทำไม”

“ช่วยบอกเขาหน่อยสิว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“หา!” ไข่มุกร้องเสียงหลงแต่เพราะเป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงเข้าใจได้ทันทีถึงความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาของทั้งคู่ “นั่งก่อนสิ ยืนคุยคงเมื่อยแย่ มินก็รู้ว่าเรื่องของเรามันยาว”

เพราะเป็นเช่นนั้นตอนนี้ทั้งหมดจึงมานั่งกันอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี โดยบนตักของมินมีเด็กน้อยนั่งแสดงความเป็นเจ้าของ

ซะทีไหนล่ะ พี่มินเป็นของแพทต่างหาก

ที่จริงแล้วแพทจำไข่มุกไม่ได้ด้วยซ้ำ อาจเพราะตอนเจอกันเขายังเด็กมากแถมในบันทึกของพี่แพทยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้

“เธอคงจำไม่ได้เลยสินะว่าเมื่อก่อนทำกับฉันไว้แสบขนาดไหน”

แพทได้แค่ฟังเฉยๆ โดยไม่มีคำพูดใด

“แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กแสบอย่างเธอจะรอเก่งขนาดนี้”

“ถ้านั่นเป็นคำชมก็ขอบคุณมากครับ” แพทตอบรับเสียงเรียบ

“ชอบมินมากแค่ไหนเหรอ”

“ผมคิดว่านั่นไม่เกี่ยวกับคุณนะครับ”

“ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ เธอไม่รู้หรอกว่ามินสำคัญกับฉันและลูกขนาดไหน” แพทไม่รู้ว่าที่เธอพูดเป็นเรื่องจริงเท็จแค่ไหนแต่ความจริงก็คือมันทำให้ในอกของเขาวูบโหวงเหมือนชิ้นส่วนบางอย่างถูกเฉือนทิ้งไป

“ไข่มุก เรามาให้เธอช่วยนะไม่ได้มาให้หาเรื่อง”

“รู้แล้วน่า ล้อเล่นหน่อยไม่ได้รึไง”

“ไม่ตลกครับ” เป็นแพทที่เอ่ยจากใจจริงให้คนฟังถึงกับขำพรืด

ไข่มุกจ้องมองเด็กน้อยคนนั้นที่โตเป็นหนุ่มอย่างไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้มากนัก โลกนี้กว้างใหญ่มากไม่คิดไม่ฝันว่าจะโคจรกลับมาเจอกันอีก แถมเด็กนั่นยังกำลังจะเลื่อนขั้นเป็นคนรักของรักแรกของตนอีกต่างหาก

“เธอนี่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ทั้งตอนเป็นเด็กและตอนนี้”

“ผมโตขึ้นครับ”

“ฉันหมายถึงความรักที่มีให้มินต่างหาก ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้ฉันก็สู้เธอไม่ได้เลย”

หลังจากตัดสินใจบอกรักมินในวันที่พวกเขาไปเลี้ยงส่งกันแล้วถูกปฏิเสธ ไข่มุกก็คิดมาตลอดเลยว่าเธาจะลืมอีกฝ่ายได้ เธอเริ่มเปิดใจให้คนอื่นเมื่อกลายเป็นนักศึกษามหา’ลัย แต่ไม่ว่าจะคบกันใคร โปรไฟล์ดีแค่ไหนก็ไปกันไม่รอดซักราย

กระทั่งเมื่อประมาณ 4 ปีก่อน

เธอได้พบมินอีกครั้งในงานพบปะสังสรรของกลุ่มเพื่อน ทันทีที่ได้สบตากันเธอก็รู้คำตอบทันทีว่าเพราะอะไรความรักตลอดหลายปีที่ผ่านมาถึงไม่ประสบความสำเร็จ นั่นก็เพราะว่าเธอยังลืมมินไม่ได้นั่นเอง

สำหรับไข่มุกมินก็ยังคงเป็นมินคนเดิม คนที่มองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมช่วยเหลือตลอดเวลา คนที่ไม่เคยคิดกับเธอเกินเพื่อนเลยซักครั้ง

ชั่ววูบหนึ่งเธอคิดว่าถ้าใช้ความใจดีนั้นทำให้เขาเป็นของเธอได้ก็คงดี

คืนนั้นเธอย้อมใจด้วยเหล้าหลายแก้วแต่กระนั้นก็ไม่ถึงกับเมาจนไม่ได้สติ เธอขอให้มินไปส่งที่คอนโด แน่นอนว่าคนใจดีอย่างมินไม่มีทางปฏิเสธแน่

เหมือนทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หวัง ทว่าเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

ตอนที่มินช่วยเปิดประตูห้องนั่นเองอยู่ๆ แฟนเก่าที่เธอเพิ่งบอกเลิกไปเมื่อไม่นานมานี้ก็ปรากฏตัว พอเห็นภาพนั้นเขาก็โกรธหัวฟัดฟัวเหวี่ยงผลักมินจนล้มลง พอจะตามไปกระทืบไข่มุกก็เข้ามาห้าม ไอ้คนชั่วตวัดสายตามองมาแล้วลากเธอเข้าห้อง

ขณะที่กำลังปวดร้าวทั้งร่างกายและหัวใจ เสียงทุบประตูผสมกับเสียงเรียกของมินก็แว่วเข้ามาให้ได้ยิน

ตอนนั้นเองที่เธอระลึกได้ว่าทั้งหมดเกิดจากความชั่วร้ายของเธอเอง ถ้าไม่ลากมินมาเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น

หลังจากคืนนั้นเธอจึงตัดสินใจบอกลาประเทศไทย แต่โลกของไข่มุกช่างกลมจนน่าใจหาย เธอได้พบมินอีกครั้งที่อเมริกาแถมยังอาศัยอยู่ในย่านเดียวกันอีก

มินช่วยเหลือเธอที่กำลังตั้งครรภ์จากใจจริง ยิ่งเห็นแบบนั้นความรู้สึกผิดก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

เธอคิดว่าหากบอกความจริงเรื่องคืนนั้นไปมินจะต้องโกรธและไม่ติดต่อเธออีกแน่แต่นั่นก็เป็นความคิดที่ผิด มินไม่แสดงความโกรธแถมยังบอกว่าเป็นความผิดตนที่ปกป้องเธอไม่ได้อีกต่างหาก

เขาดูแลเธอจนคลอดลูก ในคืนที่สายไหมลืมตาดูโลกเขาก็ทิ้งงานอันยุ่งเหยิงไปเป็นกำลังใจให้ในห้องคลอด พอคลอดเสร็จก็ช่วยเลี้ยงดูน้องแถมยังปิดความลับได้อย่างดีเยี่ยม

กระทั่งตอนที่เธอตัดสินใจบินกลับมาไทยเพื่อทำธุรกิจมินก็ช่วยเรื่องเงินทุนโดยยอมเป็นหุ้นส่วนด้วย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไข่มุกคิดว่าตนติดหนี้บุญคุณมินมากมายเหลือเกิน

ถ้าหากการที่เธอบอกความจริงทุกอย่างเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ให้คนรักของมินสบายใจ เธอก็พร้อมจะบอกทุกอย่างอย่างไม่ปิดบัง



[TBC]



เธอ ไข่มุกนังก็ไม่ได้ร้ายขนาดนั้น ส่วนพี่มินน่ะก็คือคนดีของโลกใบนี้ที่แท้จริง
ตอนนี้ยังหวานไม่มากนะ
รอตอนหน้า...อย่าลืมเตรียมหมอนไว้จิกด้วย
เจอกันๆ



#คุณครูพี่มิน


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 24 {Up.231218}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-12-2018 18:52:26
อย่าบอกนะว่าแพทจะเปลี่ยนเป็นหึงสายไหมแทน  :hao4:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 24 {Up.231218}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-12-2018 19:02:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

เธอแพ้ภัยตัวเองอย่างแท้ทรูจริง ๆ นะ ยัยไข่มุก

ถือว่าสวรรค์มีตาที่ไม่ปล่อยให้เธอทำสำเร็จ  อิอิ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 25 {Up.070119}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 07-01-2019 22:22:58
คุณครูพี่มิน 25



 “พี่มินเป็นคนดีขนาดนั้นได้ยังไง” ถ้าคนในเรื่องเล่าของไข่มุกไม่ใช่มิน แพทคงไม่มีทางเชื่อแน่ว่าคนๆ นึงจะแสนดีได้ขนาดนั้น

“ถ้าไข่มุกไม่ใช่เพื่อนที่เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กันพี่ก็คงไม่ช่วยขนาดนี้หรอก”

“พี่ไข่มุกเป็นรักแรกของพี่มินเหรอ”

คนถูกถามส่ายหน้าแทนคำตอบให้แพทผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเบาใจ “รักแรกของพี่น่ะ...”

มินใช้ดวงตาคู่สวยจ้องมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่นั่งอยู่ข้างกันบนโซฟาในบ้าน

“เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีก่อนต่างหาก”

“ใครอะ แพทรู้จักรึเปล่า”

“รู้จักดีเลย”

“คงไม่ใช่ต๊อดหรอกใช่มั้ย”

“จะบ้าเหรอ”

“หรือว่าเป็นคนต่างชาติ แต่ก็ไม่น่าจะใช่นะ เพราะพี่มินบอกว่าแพทรู้จักดี” ตอนนี้เองที่แพทนึกเอะใจ ทั้งสายตาอ่อนโยนที่พี่มินใช้มองตนก็ยิ่งชัดเจนว่าสิ่งที่เขากำลังคิดตอนนี้เป็นเรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็น

“เธอนี่โคตรเด็กเลยว่ะ”

แพทไม่เคยเอะใจซักครั้งเวลาที่ถูกมินเรียกว่าเธอแทนที่จะใช้ชื่อ แต่ครั้งนี้เขาเอะใจแล้ว เอะใจหลายเรื่องพร้อมๆกัน

“รักแรกของพี่มินคือแพทรึเปล่า”

“ยังต้องให้พูดอีกเหรอ”

“พูดเถอะแพทอยากได้ยิน”

“งั้นก็ตั้งใจฟังล่ะ”

คนอายุน้อยกว่าขยับนั่งตัวตรงตั้งอกตั้งใจอย่างที่อีกฝ่ายบอก

มินขยับเข้าไปใกล้จนทั้งคู่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาเข่าชนกันทั้งสองข้าง มือเรียวยกขึ้นกอบกุมข้างแก้มอีกฝ่ายก่อนโน้มใบหน้าเข้าไปหา แพทแทบจะขาดใจตายเมื่อความตื่นเต้นทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ

บทจะน่ารักก็น่ารักได้เบอร์นี้เลยนะคนเรา

มินสูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออก ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าอย่างไรวันนี้ต้องพูดคุยเรื่องสถานะความสัมพันธ์อันคลุมเครือนี้ให้ชัดเจน แต่เอาเข้าจริงก็อดตึ่นเต้นไม่ได้อยู่ดี

ทั้งคู่จ้องตากันเนิ่นนานจนขาเริ่มเป็นตะคริว

“ถ้าพี่มินไม่พูดแพทจะพูดเองแล้วนะ”

“หือ”

“ไม่ได้ใจร้อนอะไรนะ แต่นั่งท่านี้ไม่ไหวแล้วอะ” คนพูดขยับตัวยุกยิกให้มินหลุดยิ้มออกมา

บรรยากาศตอนนี้ไม่ตรึงเครียดเหมือนนาทีที่แล้วอีกต่อไป

“เป็นแฟนกันมั้ย”

“ฮะ? โอ้ย!” คนที่กำลังขยับตัวเปลี่ยนท่าตกใจจนร่วงลงไปนั่งหมดสภาพอยู่บนพื้นให้มินรีบกุลีกุจอลงไปนั่งด้วยกัน

“เป็นอะไรรึเปล่า”

“เป็นครับ”

“เจ็บขาเหรอหรือเจ็บตรงไหน” มินยื่นมือเข้าไปจับขาจับแขนเพื่อสำรวจดูว่าแพทเจ็บตรงไหนรึเปล่าทว่าในวินาทีต่อมาเขากลับเป็นฝ่ายถูกจับเอาไว้แล้วดึงเข้าไปใกล้

“ไม่ได้เจ็บตรงไหนซักหน่อย”

“อ้าว ก็เมื่อกี้...” บอกว่าเจ็บ

“ที่บอกว่าเป็นคือ เป็นแฟนต่างหาก”

มินเขินจนพูดอะไรไม่ออก เพราะไม่เคยรู้สึกแบบนี้จึงไม่รู้ว่าควรจัดการกับตัวเองอย่างไร แพทเองก็ไม่ต่างกัน

“เหมือนฝันเลยอะ”

เพี้ยะ!!

สิ้นประโยคแก้มก็ถูกตบเข้าอย่างจัง คนตบเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ก็เมื่อกี้แพทบอกว่าเหมือนฝันมินก็เลยอยากย้ำให้รู้ว่านี่คือเรื่องจริง

“ตบแพททำไมอะ ปลอบเลย” แพทว่าพลางเอียงแก้มที่ขึ้นรอยมือมาให้ ไม่ต้องบอกวิธีปลอบมินก็รู้ได้ทันที่ว่าต้องทำอย่างไร

เขายื่นหน้าเข้าไปหา หากยังไม่ทันได้ปลอบท้ายทอยก็โดนล็อคเอาไว้ และในวินาทีต่อมาริมฝีปากก็ถูกครอบครอง

“ลืมบอกไปว่า พี่มินตบแพทจูบนะ” แพทบอกเมื่อผละริมฝีปากออกก่อนจะแนบลงมาใหม่ คราวนี้เขาทั้งดึงทั้งขบเม้มราวกับว่าริมฝีปากของมินเป็นเจลลี่รสหวาน

ถ้าริมฝีปากของมินเป็นเจลลี่รสหวาน ริมฝีปากของแพทก็คงเป็นอาหารจานโปรดล่ะมั้ง

สำหรับมินแล้ว จูบที่ผ่านมาระหว่างพวกเขากับความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนทำให้ไม่กล้าแสดงความรู้สึกมากนักหากตอนนี้สถานะเปลี่ยนแล้ว เขาจะตอบรับจูบนี้อย่างไรก็ย่อมได้

เมื่อแพทผละออกอีกครั้งในยามที่รู้สึกคล้ายจะหมดลม มินกลับเป็นฝ่ายรั้งใบหน้าของอีกฝ่ายเข้ามาแล้วขบเม้มริมฝีปากนั่นเหมือนกำลังลิ้มรสผลไม้หวานฉ่ำอย่างเชื่องช้าก่อนจะแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างใจปรารถนา

พอถูกคลอเคลียมีเหรอที่แพทจะอดใจไหว เขาส่งปลายลิ้นมากระหวัดเกี่ยวอย่างร้อนแรงก่อนจะพลิกเกมไล่ต้อนอีกฝ่ายให้จนมุม

ปลายลิ้นถูกดูดดึง โพรงปากถูกสำรวจ แผ่นหลังถูกมือแกร่งที่สอดผ่านชายเสื้อเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ลูบไล้สำรวจ

ร่างกายของมินอ่อนปวกเปียกจนเกือบจะหลอมละลายไหลลงไปกับพื้นหากแพทก็ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น

เขาประครองแผ่นหลังแฟนหมาดๆ ของตนไว้พลางมอบจุมพิตที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

มันคงดำเนินไปยาวนานกว่านี้ถ้าหากว่าไม่มีใครก็ไม่รู้มาขัดจังหวะด้วยการกดกริ่งหน้าบ้าน

“ไอ้ฉิบหายเอ้ย ใครวะแม่ง”

มินลืมตาขึ้นเมื่อแพทผละออกแล้วสบถอย่างหัวเสีย แก้มใสแดงปลั่งแววตาสั่นระริก แน่นอนว่าถูกกระตุ้นขนาดนี้กลางกายคงนอนหลับสนิทอยู่ไม่ได้เป็นแน่

“เหี้ยแพท ไอ้มินอยู่นี่มั้ย โทรไม่รับไอ้สัด”

ต๊อดชะเง้อคอมองเข้ามาในบ้านก่อนผลักประตูรั้วที่ไม่ได้ล็อคเข้ามา

คนในบ้านทั้งคู่เลิกลั่กทำตัวไม่ถูก มินคิดว่าถ้าหากเผชิญหน้ากับต๊อดตอนนี้ เจ้าคนฉลาดเรื่องไร้สาระต้องรู้แน่เมื่อซักครู่พวกเขาทำอะไรกันอยู่

“พี่มินขึ้นไปรอแพทบนห้องก่อนก้ได้” อย่าว่าแต่มินเลยที่ไม่อยากเจอต๊อดตอนนี้ แพทเองก็ไม่อยากให้ต๊อดเห็นหน้าแฟนตนตอนนี้เหมือนกัน

ใบหน้าพี่มินตอนนี้น่ะยั่วยวนจนอดหวงไม่ได้ อยากเก็บไว้ดูคนเดียวก็พอ ถ้าหากต๊อดไม่มาขัดจังหวะซะก่อนแพทก็คงไม่หยุดหรอก

กระทั่งมินเดินพ้นสายตาเจ้าของบ้านจึงยอมเดินไปเปิดประตู

เชื่อเถอะว่าต๊อดไม่ใช่คนโง่ แค่เห็นหน้าแพทก็รู้ทันทีว่าเพื่อนตนอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน

“ต๊อดมีอะไร พี่มินไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก” รู้ว่าเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอกล่ะนะ

“แล้วมันไปไหน โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้”

“อยู่คอนโดมั้ง เดี๋ยวแพทไปดูให้ละโทรบอกต๊อดนะ”

“เดี๋ยวกูไปดูเองก็ได”

“แพทจะไปหาพี่มินอยู่พอดี ว่าแต่ต๊อดมีธุระอะไรกับพี่มินล่ะ”

“กูเป็นเพื่อนสนิทมัน เจอมันต้องมีธุระด้วยรึไง”

“ก็ไม่จำเป็นหรอก และถ้าต๊อดจะอยู่ที่นี่นานก็เข้าไปนั่งก่อนดีมั้ย”

“จริงใจมากเลยไอ้ห่า มึงไม่อยากให้กูอยู่นานหรอก กูรู้”

“ทำไมต๊อดมองแพทให้แง่ร้ายแบบนั้นล่ะ”

“กูรู้จักมึงมากี่ปี เป็นเพื่อนสนิทไอ้มินมากี่ปี คบกับแฟนมากี่ปี ทำไมกูจะไม่รู้”

“รู้อะไรล่ะ”

“อยากให้กูพูดจริงๆ เหรอ” ต๊อดเจ้าเล่ห์มาก ถ้าแพทพยักหน้าล่ะก็รับรองว่าเขาต้องพูดทุกอย่างออกมาแน่ ทำไมต๊อดต้องมาทำตัวเหมือนคนฉลาดตอนนี้ด้วยก็ไม่รู้













“ต๊อดกลับไปแล้วนะ เพื่อนพี่มินกวนประสาทชะมัด”

“ยังไม่ชินอีกเหรอ” มินว่าขณะที่นั่งกอดตุ๊กตาฉลามสภาพกลางเก่ากลางใหม่ที่ตนเคยให้แพทเป็นของขวัญในอดีต

“ก็นะ” เจ้าของห้องไหวไหล่ก่อนก้าวเขามานั่งข้างกัน

“ปล่อยห้องทิ้งไว้หลายวันแล้ว เดี๋ยวพี่จะกลับแล้วล่ะ”

“อะไรเล่า”

“ทำไม”

“เพิ่งเป็นแฟนกันเองไม่ใช่เหรอ”

“แล้วทำไม”

“ก็น่าจะอยู่ด้วยกันนานกว่านี้อีกหน่อยสิ”

“ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกนาน”

“แพทต้องคิดถึงพี่มินมากแน่ๆ เลย”

“เวอร์”

“ไม่เวอร์หรอก”

ก็คงไม่เวอร์อย่างที่แพทว่าจริงๆ เมื่อภาพของแพทที่โบกมือส่งเขาหายไปด้วยระยะทาง ความคิดถึงก็แล่นพลานอยู่ภายในอกจนอยากวนรถกลับเดี๋ยวนี้

อดคิดไม่ได้ว่าความรักช่างมีพลังมหาศาลจนน่ากลัว กระนั้นก็เป็นความน่ากลัวที่แสนหวาน เหมือนบุพเฟต์สำหรับคนที่กำลังลดความอ้วน













เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นกลางดึกปลุกมินให้ตื่นขึ้นมา

มองนาฬิกาบนผนังในห้องที่เปิดไฟสว่างก็พบว่าเป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว

ทั้งที่นอนมาก็มาก แต่เมื่อกลับมาถึงห้องเมื่อตอนบ่ายหัวถึงหมอนก็หลับไปอีกอย่างง่ายดาย อาจจะเพราะความกังวลต่างๆ ได้ถูกยกออกจากอกไปแล้วล่ะมั้ง

โทรศัพท์ยังคงแผดเสียงให้เจ้าของมันรีบคว้ามา ไม่ต้องมองหน้าจอก็รู้ว่าใครที่โทรมาดึกดื่นป่านนี้

“ทำอะไรอยู่” ปกติแพทก็เป็นคนขี้อ้อนอยู่แล้วแต่พอเลื่อนสถานะมาเป็นแฟนความออดอ้อนก็ยิ่งทวีความรุนแรง

มินยิ้มให้กับโทรศัพท์ก่อนกรอกเสียงลงไป “นอน”

“ขี้โกงนี่”

“อะไร ขี้โกงอะไรล่ะ”

“แพทนอนไม่หลับเพราะคิดถึงแฟนอยู่คนเดียวรึไง”

มินยิ้มกว้างขึ้นอีก ตอนนี้เขาสามารถเอ่ยความในใจได้ทั้งหมดแล้วเพราะฉะนั้นไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องเก็บเอาไว้ “พี่ก็คิดถึงนะ”

“อยากเจอพี่มินตอนนี้เลย”

“พรุ่งนี้ก็มาที่คอนโดสิ”

“ไปทำอะไรที่คอนโดดีน๊า”

“มีไม่กี่อย่างมั้งที่ทำในห้องได้”

ไม่รู้ว่ากี่อย่างที่ว่านั่นมีอะไรบ้างแต่คนอายุน้อยกว่ากลับคิดได้แค่เรื่องเดียว

เรื่องบนเตียง

อาจจะดูหมกมุ่นไปนิดแต่ว่าในเมื่อเป็นแฟนกันแล้วเรื่องแบบนี้มันก็ปกติใช่มั้ยล่ะ ใครๆ ก็อยากเป็นหนึ่งเดียวกับแฟนตัวเองทั้งนั้น อีกอย่าง แพทน่ะรอพี่มินโดยไม่วอกแวกมานานมากแล้ว มากเกินกว่าที่คนปกติธรรมดาจะรอได้ซะอีก

“อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จัง”

“รีบนอนสิ”

“จะนอนแล้วแหละแต่ทนคิดถึงพี่มินไม่ไหว”

“ใช้คำว่าคิดถึงเปลืองจัง”

“ไม่เปลืองหรอก แพทใช้คำนี้กับพี่มินมาสิบกว่าปีแล้วแต่ก็ไม่ลดลงซักที”

“พี่ก็คงใช้เปลืองเหมือนกันแหละถ้างั้น” หมายความว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่มินเองก็คิดถึงแพทเหมือนกันสิงั้น เมื่อคิดอย่างนั้นแล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาจนเต็มแก้ม

“ที่จริงแพทมีเรื่องอยากถามพี่มินเยอะแยะเลยนะ”

“ถามสิ”

“อยากถามตอนเห็นหน้ากันมากกว่า”

“ถึงได้บอกให้รีบไปนอนไง”

“พี่มินอาบน้ำรึยัง”

“อาบตั้งแต่ตอนกลับมาถึงห้องแล้ว”

“เสื้อผ้าแพทที่พี่มินใส่ไปวันนี้เก็บไว้ที่คอนโดเลยได้มั้ย”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

“วันหลังก็เอาเสื้อผ้าพี่มินมาทิ้งไว้ที่บ้านแพทบ้างนะ”

“อืม”

“อืมอะไรกันล่ะ ตอบว่าครับสิ”

“ทำไมล่ะ คำว่าอืมไม่ดีตรงไหน”

“อยากได้ยินเสียงมากกว่าไง”

“เป็นเอามากแล้วนะเรา”

พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบทสนทนาจบลงตรงไหน ไม่รู้ว่าหาเรื่องอะไรมาคุยนักหนา แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรเลย ความสุขที่แผ่ซ่านออกมาจากบทสนทนาไร้สาระคือใจความสำคัญ

รู้ตัวอีกทีก็เมื่อตื่นแล้วพบว่าโทรศัพท์วางอยู่บนหมอนข้างหูนั่นแหละ













แขกที่คุยกันจนหลับเมื่อคืนบุกมาห้องมินตั้งแต่เช้าตรู่

พอเปิดประตูแล้วเห็นหน้ากันแพทก็สำรวจร่างเจ้าของห้องในชุดนอนด้วยสายตาแพรวพราวน่าขนลุกทันที

“แต่งตัวแบบนี้นอนเหรอ”

“อือ ทำไม”

“ถ้าเมื่อคืนแพทนอนนี่พี่มินไม่ได้นอนแน่ๆ”

ชุดแบบนี้ที่แพทพูดถึงก็แค่เสื้อยืดโอเวอร์ไซส์ตัวบางและย้วยที่ใส่มานานแล้วแต่เพราะมันใส่สบายมินก็เลยตัดใจทิ้งไม่ลงซักที กับกางเกงบอกเซอร์ที่ขากว้างๆ และสั้นเหนือเข่าขึ้นมาประมาณคืบนึง แต่ถึงอย่างนั้นถ้าไม่สังเกตุดีๆ ก็อาจจะไม่เห็นกางเกงเลย

“คิดมากจัง”

“อย่าไปใส่แบบนี้ให้ใครเห็นนะแพทหวง”

พอหมุนตัวเพื่อเดินเข้าห้องเอวบางก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยวงแขนแกร่งก่อนที่แพทจะจงใจก้มลงมาจนปลายจมูกคลอเคลียที่ท้ายทอยให้ขนอ่อนทั้งกายของผู้ถูกกระทำพร้อมใจกันลุก

“คนยังไม่อาบน้ำจำเป็นต้องตัวหอมขนาดนี้เลยเหรอ”

“ไม่ต้องมาปากหวานเลย”

“ไม่นะ ปากแพทหวานไม่เท่าปากพี่มินหรอก” ก็เป็นซะแบบนี้ เว้นช่องไม่ได้พอสบโอกาสก็หยอดกันตลอด และถึงแม้แพทจะพูดบ่อยๆ แต่หัวใจมินก็ตื่นเต้นไปกับคำเหล่านั้นเสมอ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ชินซักที

“ปล่อยได้ยัง”

“ไม่อยากปล่อยเลยอะ” ถึงแม้จะว่าอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงงอแงเหมือนเด็กถูกแย่งขนมแต่แพทก็ยอมคลายอ้อมกอดแล้วเดินนำเจ้าของห้องไปยังโซฟาหน้าทีวี

ภายในห้อง นอกจากเสียงฝีเท้าเบาๆ แล้วก็มีเสียงข่าวตอนเช้านี่แหละที่ขับกล่อมให้ห้องไม่เงียบเกินไป

แพทนั่งลงบนโซฟาพลางกวาดสายตามองเจ้าของห้องในชุดวาบหวิวโชว์ไหล่โชว์ต้นขาสวยๆ ด้วยหัวใจที่เต้นตุบๆ ผิดจังหวะ

อยากทำมากกว่ากอดจัง

คิดเช่นนั้นแล้วขาทั้งสองข้างก็พาเจ้าของร่างสูงมาหยุดด้านหลังมินซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการชงกาแฟและปิ้งขนมปังในครัว

คนอายุมากกว่าสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างกายแข็งแกร่งที่ทาบเข้ามากับแผ่นหลัง เขาหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากัน แต่ยังไม่ทันได้มองหน้าปลายคางก็ถูกเชยขึ้นก่อนความอ่อนนุ่มจะทาบทับลงมา

มินทำตัวไม่ค่อยถูกในวินาทีแรก หากความเร่งเร้าตั้งแต่เริ่มต้นก็ทำให้ได้สติและจูบตอบอย่างไม่เกี่ยงงอน

“พี่มิน” จุมพิตยุติลงเมื่อแพทถอนริมฝีปากออก ในตอนที่กำลังจะขานรับร่างของมินก็ถูกอีกฝ่ายอุ้มขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ด้านหลัง

ดวงตาคู่คมที่มองมาเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างที่มินเองก็เข้าใจดี

ขนอ่อนลุกชันเมื่อต้นขาถูกสัมผัสเพียงแผ่วเบา

มินไม่แน่ใจว่าที่ทำอยู่ตอนนี้มันถูกต้องหรือเปล่า แต่ในเมื่ออยู่ในสถานะคนรักก็ย่อมทำอะไรต่อมิอะไรในแบบคนรักได้สิ

ขาเรียวแยกออกเล็กน้อยเพื่อให้ร่างสูงแนบลงมา มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาโอบแก้มพลางใช้สองนิ้วคลึงใบหูเล่นให้แพทเคลิบเคลิ้มก่อนจะย้ายไปลูบไล้ที่ท้ายทอย

แน่นอนว่าริมฝีปากที่คล้ายมีแม่เหล็กคนละขั้วติดตั้งเอาไว้ถูกดึงดูดให้แนบชิดจนแนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกันอีกครั้ง

เสียงหอบหายใจแรงๆ ประสานกับเสียงเฉอะแฉะของน้ำหวานที่ถูกผลิตจากจุมพิตดังสะท้อนในห้องครัว

มือแกร่งของแพทเลื้อยผ่านชายกางเกงขากว้างเข้าไปสัมผัสผิวอ่อนตรงโคนขา คนถูกสัมผัสสะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม ไม่มีเหตุผลที่ต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้วในเมื่อมินเองก็ปรารถนาให้มันดำเนินไป

“ทำยังไงดี” แพทถามเสียงพร่าพลางแนบหน้าผากลงบนไหล่เปลือยขณะแนบระหว่างกายที่พรักพร้อมเข้ามา “ถ้าพี่มินไม่ห้ามตอนนี้แพทไม่หยุดจริงๆ นะ”

“ถ้าแพทอยากทำ...”

สายตาปรือปรอยกับคำพูดแผ่วเบาที่ยังไม่จบประโยคทำให้แพททรุดนั่งคุกเข่าลงบนพื้นทันที เขาไม่สามารถอดรนทนรอได้อีกต่อไปแล้ว

กางเกงตัวเล็กถุกรูดออกจากขาเรียว แพททิ้งมันลงบนพื้นอย่างไม่ใยดี

เจ้าของกางเกงสัมผัสถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่ลูบไล้ท่อนขาเปลือย หากมินก็หาได้สนใจมันไม่ในเมื่อเรียวลิ้นที่กำลังกระหวัดเลียและริมฝีปากที่กำลังพรมจูบท่อนขาเขามันชวนให้รู้สึกวาบหวามมากกว่า

แพทสัมผัสมินด้วยความรักทั้งหมดที่เขามี ทั้งอ่อนโยนและรุ่มร้อนเสียจนคนถูกดูแลต้องเปล่งเสียงหวานออกมาอย่างยากจะห้ามปราม

เมื่อสัมผัสจนพอใจเขาจึงยืนขึ้นเต็มความสูง ตั้งใจจะถอดเสื้อมินทิ้งแต่ก็ถูกห้ามเอาไว้ซะก่อน

แพทชอบวิธีการห้ามของพี่มินจัง

ในยามที่เขากำลังรั้งชายเสื้อขึ้นอยู่ๆ มินก็วางมือลงบนกลางกายอันโป่งพองของเขาแล้วคลึงเบาๆ ให้คนที่ไม่เคยถูกสัมผัสโดยมือคนอื่นถึงกับครางฮึมในลำคอ มืออ่อนปวกเปียก จ้องหน้าคนที่กำลังหยอกล้อด้วยท่าทีเงอะงะน่าเอ็นดู

จนถึงตอนนี้แพทก็ยังสงสัยอยู่ว่าคนอายุสามสิบกว่าน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกัน

นอกจากน่ารักแล้วยังทำอะไรไม่คาดฝันเก่งเหลือเกิน

แพทถึงกับเบิกตากว้างเมื่อกางเกงเขาถูกปลดแล้วรั้งลงมาค้างไว้ใต้สะโพก คนบนเคาน์เตอร์ยกสะโพกขึ้นนิดหน่อยจงใจให้ตรงนั้นสัมผัสกัน

“ไม่ทำเหรอ ตรงนี้มัน...” มินว่าเสียงแผ่วเบาติดกระเส่าขณะใช้มือลูบไล้ส่วนแข็งขืนที่สัมผัสกันตรงระหว่างขา

แค่เป็นฝ่ายปลดกางเกงแพทแล้วควักเจ้าน้องชายออกมาก็อายจะแย่แล้ว อย่าให้เขาเป็นฝ่ายขยับเลย แบบนั้นตัวต้องระเบิดเพราะความร้อนจัดในกายอย่างแน่นอน

“พี่มินแม่ง” แพทสบถเบาๆ ก่อนขยับสะโพกเหมือนกับว่าร่างกายหลอมรวมกันแล้วจริงๆ

แพทมองหน้าอีกฝ่ายไม่วางตา ยิ่งถูกมองมินก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายไม่ใช่ของตัวเอง เขาควบคุมอะไรไม่ได้เลย ในยามที่แพทโน้มใบหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบเขาก็เผยอริมฝีปากรอ หากพออีกฝ่ายไม่ทำอย่างที่หวังก็เป็นมินเองที่ส่งลิ้นออกมาเลียริมฝีปากแพทเพื่อขอจูบ

เสียงเฉอะแฉะของการแลกเปลี่ยนน้ำหวานในปากดังสะท้อนในห้องครัวอีกครั้งประสานกับเสียงของสองมือที่ช่วยกันโอ๋เจ้าลูกชาย

มินรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังล่องลอยอยู่บนอากาศเหมือนลูกโป่งสวรรค์ หากพอลมข้างในถูกปลดปล่อยก็ลอยคว้างด้วยความเร็วอย่างไร้ทิศทางแล้วตกลงสู่พื้นโลกอีกครั้ง

“พี่มิน”

เขาได้ยินเสียงกระเส่าของแพทดังข้างหู เป็นคำที่ทำให้ร่างกายร้อนรุ่มอีกครั้ง

”ครั้งหน้าแพทขอเข้าไปนะ”



[TBC]



ก็คือ... 5555
ไม่พูดเยอะละกัน เจ็บคออ่ะ
หวังว่าจะชอบความหวานแบบนี้นะคะ
อีก 2 ตอนก็จบแล้ว แต่จะเปิดให้อ่านจนกว่าหนังสือจะออกนะ
น่าจะราวๆ มีนา ไม่ก็เมษาค่ะ เดี๋ยวจะมาบอกอีกรอบนะคะ
เลิฟ
 :hao3:


#คุณครูพี่มิน


หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 24 {Up.231218}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-01-2019 22:40:03
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวัย ๆ  เขาฟีเจอริ่งกันแล้ว  แค่แค่เบาะ ๆ ภายนอกเท่านั้น  555
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 25 {Up.170119}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 17-01-2019 16:26:09

คุณครูพี่มิน 26



มินตื่นขึ้นมาบนเตียงที่ไม่ใช่ของตัวเองในห้องนอนซึ่งอดีตเคยเป็นของเขา

แสงแดดจ้าลอดผ่านแนวผ้าม่านเข้ามากระทบใบหน้าคนที่ยังคงนอนหลับให้ต้องซุกหน้าลงบนหมอนนุ่มๆ

“ตื่นได้แล้ว นี่มันสายแล้วนะ” มินโน้มใบหน้าเข้าไปป้องปากกระซิบปลุกข้างหูให้เจ้าของห้องนอนคลี่ยิ้มทั้งที่ยังหลับตา

มือเรียวถูกคนหลับคว้าเอาไว้แล้วดึงเข้าหาจนลำตัวเกยอยู่บนอกแกร่ง

“ปิดเทอมวันสุดท้ายทั้งทีขอนอนตื่นสายหน่อยไม่ได้เหรอครับอาจารย์” มินยู่หน้าไม่พอใจสรรพนามที่ถูกเรียก

“ผมไม่ได้เป็นอาจารย์ผู้สอนคุณแล้วนะ”

“อาจารย์” แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบให้เรียกอาจารย์แต่แพทก็ยังคงเรียกด้วยรู้ดีว่าพอถูกเรียกว่า ‘อาจารย์’ ทีไรมินจะตื่นเต้นเสมอ

แน่นอนว่าหากต้องการบทรักที่ร้อนแรง ยามที่ร่างกายกำลังคลอเคลียกันจนแทบหลอมเป็นหนึ่งเดียวการกระซิบเรียกมินด้วยเสียงหวานๆ ว่า อาจารย์ครับ บทรักนั้นจะเพิ่มความร้อนแรงขึ้นมาอีกระดับจนแพทแทบจะคลั่งตายให้ได้

“อยากนอนก็นอนไปเถอะงั้น”

“นอนด้วยกันต่ออีกหน่อยสิ”

“ไม่เอาหรอก ผมหิวแล้ว”

“กินแพทรองท้องไปก่อนสิ”

“จะบ้าเหรอ กินได้ที่ไหน”

“เมื่อคืนก็กินแล้วนี่ครับ”

“ทะลึ่ง”

“ทะลึ่งอะไรล่ะ แพทพูดความจริง”

“ไม่คุยด้วยแล้ว ปล่อยเลย ผมไม่อยากนอนต่อ”

“แต่แพทอยากให้พี่มินนอนต่อนี่นา นะครับอาจารย์”

อย่าเรียก!! มินร้องประท้วงได้แค่ในใจเมื่อริมฝีปากถูกครอบครอง ให้ตายเถอะ นี่คงเป็นอีกเช้าที่มินต้องพ่ายแพ้ให้แก่จุมพิตหวานๆ จนร่างกายระทวยอยู่บนเตียงในอ้อมกอดของคนเด็กกว่า

ทั้งคู่คลอเคลียกันบนเตียงนอนแคบๆ นานทีเดียว จูบกันซ้ำๆ อย่างไม่รู้เบื่อจนตื่นเต็มตาแพทจึงยอมปล่อยทั้งปากเจ่อๆ และร่างกายที่ขึ้นสีระเรื่อเพราะอุณหภูมิในร่างกายที่สูงขึ้นของมินให้เป็นอิสระ

“พี่มิน แพทอาบน้ำด้วยสิ” แพทร้องขอให้ยามที่นิ้วซึ่งเกาะเกี่ยวกันอยู่ผละห่าง กระนั้นมินก็ไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ

เขาจำได้ดีว่าเคยใจอ่อนครั้งนึง กว่าจะได้อาบน้ำก็โดนแพทเล่นงานเสียจนหมดเรี่ยวแรงไม่มีแม้กระทั่งแรงจะยืน จำต้องปล่อยให้อีกฝ่ายชำระร่างกายให้แล้วแบกออกจากห้องน้ำมา

เหตุการณ์นั้นทำให้มินเข็ดหลาบ ถ้าไม่ใช่โอกาสพิเศษจริงๆ เขาสาบานกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ยอมแก้ผ้าเข้าห้องน้ำพร้อมแพทอีกเด็ดขาด

อาหารเช้าของวันนี้ยังเป็นแบบเดิม

โกโก้ร้อนคนละแก้วกับขนมปังปิ้งคนละ 2 แผ่น พอกินอิ่มก็ช่วยกันล้างแก้วเช็ดโต๊ะ

หลังจากนั้นก็ย้ายมานั่งหน้าทีวี ดูหนังที่ฉายเมื่อหลายปีก่อนด้วยกัน พอง่วงก็ล้มตัวลงนอนตัก หากมองตากันแล้วอยากจูบก็จูบ อยากหอมก็หอม

ตลอดเวลา 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนกับจะไม่มีพรุ่งนี้แล้ว อยากทำอะไรก็ทำโดยไม่ต้องหักห้ามใจใดๆ

สำหรับแพทการมีพี่มินเป็นแฟนนอกจากจะทำให้ช่องว่างในหัวใจถูกเติมเต็มแล้ว บรรยากาศในบ้านของเขายังดีขึ้นมากด้วย ครัวที่แทบจะไม่ได้ใช้งานก็ได้ใช้ ห้องที่นานๆ จะเก็บกวาดซักทีพอพี่มินมาบ่อยๆ ก็จำต้องหยิบจับช่วยกันทำความสะอาด รวมไปถึงสวนเล็กๆ หน้าบ้านที่อีกฝ่ายชวนเขาไปซื้อไม้ประดับที่ดูแลง่ายๆ มาลงไว้

ส่วนที่คอนโดมิน พวกเขาก็ซื้อกระบองเพ็ชรมาช่วยกันเลี้ยง

ตั้งแต่เลื่อนสถานะ ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตประจำวันด้วยกันเหมือนฝาแฝดทำตัวติดกันตลอดเวลาจนต๊อดแซวแล้วแซวอีก แซวจนเบื่อและเลิกไปเอง

ถ้าวันนี้นอนบ้านแพท พรุ่งนี้หรืออีก 2 วันข้างหน้าก็จะย้ายไปนอนคอนโดมิน อยู่บ้านนั้นที อยู่บ้านนี้ทีเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้อยู่ในที่ของตัวเองบ้าง

แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขก็มักผ่านไปเร็วเสมอ เผลอแป๊บเดียวพรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้ว

แพทเคยถามมินว่าไม่วางแผนการสอนเหรอ ก็ได้คำตอบง่ายๆ ว่าคนระดับดอกเตอร์เมฆเตรียมพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว ได้ยินแล้วก็ยอมรับว่าแอบหมั่นไส้เล็กๆ ก็เลยจับมาฟัดซะจนลุกไม่ขึ้น

“วันหลังเราไปดูหนังในโรงกันบ้างเถอะ”

“ขี้เกียจอะ คนเยอะ”

“เป็นบุญหูมากนะที่ได้ยินคำว่าขี้เกียจจากปากดอกเตอร์เมฆเนี่ย แต่นี่แฟนกำลังชวนไปเดทนะครับ”

“แล้วอยากดูหนังเรื่องอะไร”

“ไม่รู้”

“แล้วมาชวนไปดูเนี่ยนะ”

“ก็อยากไปนั่งกุมมือแฟนในโรงหนังบ้างนี่นา” เหตุผลโคตรเด็กเลย และมินก็แทบไม่เชื่อว่าแพทจะจริงจังกับเหตุผลเด็กๆ มากขนาดนี้

“อยู่ที่ไหนก็กุมมือได้น่า”

“ก็จริง แพทรู้ แต่การนั่งจับมือกันในโรงหนังและให้พี่มินซบไหล่เป็นหนึ่งในสิ่งที่แพทอยากทำร่วมกันนี่นา” ตั้งแต่ตอนเรียนมัธยมมั้งที่พวกเพื่อนชอบมาเล่าประสบการณ์เดทให้ฟัง จากนั้นมาแพทก็จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำตอนเป็นแฟนกับมินเอาไว้เป็นข้อๆ

ตอนนี้ได้ทำไปหลายข้อแล้ว แต่ก็ยังมีอีกมากที่ยังไม่มีโอกาส

“งั้นเอาไว้ว่างๆ แล้วค่อยไปกัน”

“วันนี้ไง”

“วันนี้ไม่ว่างแล้ว”

“หือ” ดวงตาของแพทฉายแววสงสัยหากมินกลับประสานมือเข้าด้วยกันแล้วซบลงบนไหล่กว้างขณะทอดสายตามองไปยังจอทีวีซึ่งกำลังฉายอนิเมะแนวสืบสวนที่พวกเขาเริ่มดูตอนที่ 1 ด้วยกันเมื่อสามสัปดาห์ก่อน จนถึงตอนนี้เพิ่งถึงตอนที่ 10 เอง

“คิดว่าใครเป็นคนร้าย”

“พี่มินนั่นแหละร้าย” ก็ชอบอ้อนกันแบบนี้เพื่อต้อนให้แพทจนมุม ร้ายที่สุดอย่างที่ไม่เคยจินตนาการไว้เลยด้วยซ้ำ

“ถ้าอย่างผมร้ายบนโลกนี้ก็ไม่มีคนดีแล้ว”

“เอางี้เลยเหรอ”

“ทำไม หรือจะเถียง” มินช้อนสายตาขึ้นมามองอย่างเอาเรื่องให้แพทยิ้มจนตาหยีก่อนยื่นมือไปล็อคปลายคางมนเอาไว้ในท่านั้น

“ไม่เถียงครับ” ไม่เถียงจริงแต่เล่นก้มหน้าลงมาปิดปากกัน ถึงจะไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาแต่การจูบย้ำๆ หนักๆ ก็ทำเอาปากมินเจ่อขึ้นมานิดๆ

“แพทอย่ากัดสิ” คนถูกกัดปากล่างแล้วดึงร้องห้ามเสียงอู้อี้ให้อีกฝ่ายปล่อย

“อยากกัดทั้งตัวเลยอะ”

“นี่ไม่คิดว่าตัวเองหมกมุ่นเกินไปรึไง”

“ไม่นะ ให้แพทไม่ได้เหรอ เพราะเดี๋ยวเปิดเทอมนี้เราอาจจะไม่มีเวลาให้กันก็ได้”

นั่นสินะ มินจำได้คร่าวๆ ว่าแพทเคยบอกเรื่องโครงการนวัตกรรมยานยนต์ที่เจ้าตัวกับเพื่อนกำลังทำเพื่อส่งเข้าประกวด ดูเหมือนว่าระยะเวลากระชั้นชิดเข้ามาทุกที กระนั้นตลอดเวลาสามสัปดาห์ที่ผ่านมานี้แพทก็ยังทุ่มเวลาให้เขาทั้งหมด

“หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปแพทต้องยุ่งมากแน่ๆ เลย เทอมนี้มีแต่ตัวหนักๆ ไหนจะโครงการนวัตกรรมอีก” ถึงแม้คำพูดที่สื่อจะดูเหมือนเบื่อหน่ายแต่ในน้ำเสียงไม่ให้ความรู้สึกอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ไม่เจอกันเลยเป็นปียังทำได้เลย แค่ไม่เจอกันนิดๆ หน่อยๆ ไม่กี่วันคงไม่เป็นไรหรอก”

“ไม่เป็นไรได้ไง ต้องเป็นสิ”

“เป็นอะไร”

“ก็คิดถึงไง” ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าคนปากหวานต้องตอบแบบนี้ แต่ก็จริงอย่างแพทว่า เมื่อถึงตอนนั้นต้องคิดถึงแน่ๆ เลย













เปิดเทอมผ่านมา 1 เดือนเต็มแล้ว

ถึงแพทจะบอกว่าอาจไม่ค่อยได้เจอแต่เอาเข้าจริงเจ้าเด็กนั่นก็แวะมาหามินที่ห้องทำงานทุกวันพร้อมกับถือขนมติดไม้ติดมือมาฝากนักศึกษาที่มาช่วยงานเสมอจนกลายเป็นขวัญใจกันไปแล้ว

มินทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

ในตอนที่กำลังจะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เป็นใครไม่ได้เลยนอกจากคนที่เพิ่งแยกกันเมื่อชั่วโมงที่แล้ว

“พี่มินแพทวิดีโอคอลไปได้มั้ย” ถึงจะชอบเอาแต่ใจตัวเองในบางเรื่องแต่กับบางเรื่องก็ขอก่อนเสมออย่างเช่นเรื่องนี้หากมินก็เลือกที่จะปฏิเสธ

สำหรับมินแค่ฟังเสียงก่อนนอนก็พอช่วยให้หลับฝันดีแล้ว

“โป๊อยู่เหรอ”

“อือ”

“อยากเปิดกล้องอะ”

“ล้อเล่นน่า งอแงอะไรเนี่ย”

“อยากเห็นหน้า”

“เราเพิ่งแยกกันเองไม่ใช่เหรอ”

“ก็ใช่แหละ พี่มินแพทถามอะไรหน่อยสิ”

“ถามอะไร”

“วันนี้ใส่กางเกงตัวนั้นนอนป่ะ”

“ตัวไหน” มินถามพลางก้มมองกางเกงนอนตัวสั้นที่สวมอยู่ หวังว่าฝ่ายนั้นคงไม่ขอให้ทำอะไรแผลงๆ หรอกนะ

“ถ่ายรูปมาให้ดูหน่อยสิ”

“นี่!!!”

“เถอะนะ ไม่ได้กอดก็ขอดูรูปก็ยังดี” อาการหนักแล้วเด็กนี่ กระนั้นมินก็ยอมถ่ายรูปท่อนล่างตั้งแต่ช่วงเอวไปจนถึงปลายเท้าส่งข้อความไปให้

แพทดูรูปที่แฟนตัวเองส่งมาพลางยิ้มกริ่ม ถ้ามินเห็นเข้าคงดุเขาแล้วบอกว่ายิ้มโคตรหื่นอะไรประมาณนี้ แต่ใครจะสนในเมื่อพี่มินก็แค่ดุไปอย่างนั้นหากไม่เคยห้ามซักครั้งเวลาเขาขอ

“อยากไปหาเลยอะ”

“นอนมั้ย พรุ่งนี้ต้องไปมหา”ลัยแต่เช้าอีก”

“ไม่อยากให้ถึงพรุ่งนี้เลย เหนื่อยอะ งานโคตรเยอะ”

แพทงอแงอยู่อีกหลายคำก่อนจำใจตัดสายอย่างช่วยไม่ได้

มินทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนอนโดยวางมือถือไว้ข้างตัว ซักพักไฟ LED ที่หน้าจอก็กระพริบเตือนข้อความเข้า เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นแพทที่ส่งรูปตัวเองเปลือยท่อนบนมาพร้อมข้อความว่า ‘ส่งมาส่งกลับไม่โกงแน่นอน’

ที่จริงจะโกงก็ได้แหละ ใครอยากจะดูกัน

ถึงแม้จะพูดลอยๆ คนเดียวในห้องอย่างนั้นแต่เอาเข้าจริงมินก็มองรูปนั้นอยู่นานทีเดียว

มีหลายเรื่องเกี่ยวกับแพทที่ทำให้มินค่อนข้างประหลาดใจ เรื่องแรกเลยคือเพื่อนที่ชื่อส้มโอ ดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าเธอคนนั้นชอบแพท เมื่อถามก็ได้ความว่าชอบมาตั้งนานแล้ว บอกรักหลายครั้งหลายคราแต่แพทก็ปฏิเสธเสมอมา แน่นอนว่าเหตุผลหลักคือเขามีคนที่รักอยู่แล้ว แม้ความหวังจะริบหรี่แต่ก็ยังรอ

การรอคอยทำให้แพทมีแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต ส้มโอเองก็คล้ายกัน ดูเหมือนว่าการได้อยู่ข้างแพททั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าสุดท้ายต้องผิดหวังไม่ได้ทำให้ชีวิตเธอเศร้าหม่นเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับว่ารู้ทั้งรู้ว่าปลายทางคือทางตันแต่ก็สนใจแต่สองข้างทางที่เต็มไปด้วยสีสัน

ทฤษฎีที่ว่าโลกมักเหวี่ยงคนประเภทเดียวกันมาเจอกันเห็นทีคงเป็นเรื่องจริง

ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์รวมถึงคณะข้างเคียงแพทค่อนข้างป๊อบปูลาร์มากทีเดียว เจ้าตัวเคยเปิดรูปในเพจคิวท์บอยให้ดู ยอดไลค์เยอะอยากไม่น่าเชื่อ เห็นโม้ว่าเคยมีโมเดลลิ่งมาติดต่อไปถ่ายแบบแต่เพราะรวยอยู่แล้วก็เลยไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ได้ยินแล้วก็อดหมั่นไส้นิดๆ ไม่ได้เลย

คำพูดของแพทหลายๆ อย่างฟังแล้วเกินจริงไปมาก แต่การกระทำของเจ้าเด็กคนนั้นน่ะจริงยิ่งกว่าคำพูดเสียอีก

มินไม่เสียใจเลยที่เขาตัดสินใจทิ้งหนทางที่ปูด้วยกลีบกุหลาบเพื่อกลับมาที่นี่ ที่ซึ่งไม่มีอีกแล้วความเดียวดายเมื่อคนโดดเดี่ยวสองคนโคจรมาเจอกัน















ไม่เดียวดายอย่างนั้นเหรอ

มินมองอดีตคนเคยโดดเดี่ยวที่ยืนทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ในห้องทำงานเขา ใต้ตาแพทดำจนสังเกตุได้ มินรู้ว่าแพทกำลังวุ่นวายกับการทำโครงการนวัตกรรมยานยนต์เพื่อส่งเข้าประกวดแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหนักหนาจนสภาพกลายเป็นอย่างนี้

หลังจากคืนนั้นที่ส่งรูปแลกกัน แพทก็ไม่โทรมาหาก่อนนอนอีกเลย คราแรกก็สงสัยแต่ตอนนี้มินเข้าใจแล้ว คงเพราะไม่ได้นอนสินะถึงโทรหาเขาก่อนนอนไม่ได้

“มีอะไรรึเปล่า” มันก็แปลกอยู่ที่แพทไม่ซื้อของกินติดมือมาอย่างเช่นทุกครั้ง อีกอย่างคนรักกันพอได้เจอกันหลังจากไม่ได้เจอมาซักพักมันต้องดูมีความสุขกว่านี้สิ

“ว่าจะคืนให้ตั้งนานแล้ว แต่ก็ลืมตลอดเลย” แพทว่าพลางล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ

คูปองสะสมความดีห้าใบที่มินเคยให้ไว้ใช้ยามจำเป็นถูกวางลงบนโต๊ะ เจ้าของโต๊ะตกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆ ก็เอามาคืนกันแบบนี้

“คืนทำไม”

“มันไม่จำเป็นสำหรับแพทแล้ว” คนฟังจุกไปทั้งอก ยังไม่ทันได้ถามอะไรโทรศัพท์มือถือของแพทก็ดังขึ้น เจ้าตัวรับมันด้วยท่าทีร้อนรนแล้วออกจากห้องไปเลย

ถ้าฟังไม่ผิด เสียงที่ดังผ่านสายมาเมื่อครู่เป็นเสียงผู้หญิงอย่างแน่นอน ถึงแม้จะไว้ใจแพทมากแต่ในฐานะคนรักก็อดหึงไม่ได้เลย และยิ่งรู้ว่าปลายสายคิดกับคนรักตนมากกว่าเพื่อนแถมยังใช้เวลาด้วยกันตลอดเวลาที่ช่วยกันทำงาน มินก็ยิ่งควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้

“ให้ตายเถอะ” ดอกเตอร์เมฆสบถออกมาอย่างหัวเสีย

โชคยังดีที่วันนี้นักศึกษาที่มาช่วยงานกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาคงอึดอัดจนตัวระเบิดเป็นแน่

เจ้าของมือเรียวกำคูปองสะสมความดีแน่นก่อนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานที่เคยนั่งแล้วสบายที่สุดแต่ตอนนี้เขาไม่รู้สึกอย่างนั้นแล้ว

 เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่งสวรรค์ที่ลอยอยู่ดีๆ ก็ถูกนกบินมาชนจนลูกโป่งแตกแล้วลอยคว้างอยู่กลางอากาศ

ไม่จำเป็นแล้วอย่างนั้นเหรอ

พูดแบบนั้นด้วยท่าทางเครียดจัดหมายความว่ายังไงกัน

ทั้งที่รอกันมาตั้งนานบทจะขอเลิกก็ทิ้งกันง่ายๆ แบบนี้อะนะ

บ้าไปแล้ว แพทต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ















แพทกำมือถือแน่นเขายืนหันรีหันขวางอยู่ตรงโถงบันได กำลังคิดว่าควรกลับไปพูดอะไรเท่ห์ๆ อย่างที่ตั้งใจไว้ตอนคืนคูปองนั่นกับพี่มินหรือต้องรีบไปสานต่องานเร่งด่วนที่ทำค้างเอาไว้

หากเมื่อเสียงโทรศัพท์ในมือดังขึ้นอีกหน ขาทั้งสองข้างก็จำต้องวิ่งออกจากตึกอย่างช่วยไม่ได้

แม่งเอ้ย! รอให้รอดพ้นจากโปรเจ็คนี่ไปได้ก่อนเถอะ















มินบึ่งรถมาหาต๊อดที่ร้านทันทีหลังจากตั้งสติได้

อย่างไรต๊อดก็เป็นคนดียวที่รู้เรื่องของพวกเขาโดยละเอียดและก็เป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เขางอแงใส่ได้อย่างไม่อาย

แต่พอมาถึงมินก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าพวกต๊อดกำลังตั้งวงปาร์ตี้กันอยู่

เขาถูกเชื้อเชิญให้ร่วมวงและแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่หลากหลายอาชีพหากความรักในสิ่งเดียวกันก็เหวี่ยงคนเหล่านี้มาเจอกันจนได้

เอาก็เอาวะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วกินเหล้าย้อมใจหน่อยแล้วกัน

มินคิดอย่างนั้นพลางรับแก้วมาดื่มรวดเดียวหมดก่อนจะส่งแก้วใบเดิมกลับไปให้ผู้เชี่ยวชาญชงให้ใหม่

“กูไม่รู้ว่ามึงเครียดอะไรนะไอ้ดอกเตอร์แต่ช่วยทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยเถอะว่ะ” ต๊อดหันมาเอ็ดเมื่อมินเอาแต่ทำหน้าบึ้งพลางซดเหล้าเอื้อกๆ

นี่มันงานเลี้ยงเปิดตัวแก็งค์สิงห์นักบิดรุ่นใหญ่นะโว้ย ดื่มให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ เงินก็ไม่ได้จ่ายซักบาท

“แพทไม่รับสายกู 5 วันเต็มแล้ว ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน”

“มันเบื่อมึงแล้วมั้ง”

“ปากมึงนี่นะ พูดอะไรให้เป็นมงคลหน่อยไม่ได้รึไง”

“มึงก็ทำหน้าให้มันเป็นมงคลต่อชาวแก็งค์บิ๊กไบค์กูก่อนสิวะ”

“เรื่องมากฉิบหาย แต่มึงช่วยฟังกูให้จบก่อนได้มั้ย” พอเห็นว่ามินกำลังจะเล่าเรื่องส่วนตัวต๊อดก็ลากเขาเข้าบ้าน

“มีเรื่องอะไรกัน”

“ก็วันนี้น่ะสิ...” แล้วเรื่องที่คาอยู่ในใจก็พรั่งพรูออกมาเหมือนเขื่อนแตก

“ก็ไม่เห็นแปลก”

“ไม่แปลกยังไง”

“มึงกับมันก็คบกันจริงจังแล้ว คูปองสะสมความดีนั่นก็ไม่จำเป็นต้องใช้แล้วไม่ใช่เหรอวะ” มินถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ยินคำนั้นจากปากต๊อด สมแล้วที่เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านความรัก คิดอยู่แล้วว่าต๊อดต้องไม่ทำให้ผิดหวัง

พอมาคิดดูดีๆ ตรรกะง่ายๆ แค่นั้นทำไมมินถึงคิดไม่ได้

“พอมีความรักแล้วมึงก็ดูเป็นเด็กน้อยไปเลยเนอะ” นั่นสินะ ไม่ว่าอย่างไรก็แย้งต๊อดไม่ได้เลย

“ตอนมึงอยู่กับพี่เมี่ยงก็กลายเป็นหมาน้อยเหมือนกันแหละ”

“หมาเหี้ยไร”

“มึงแหละหมา”

“งั้นมึงก็เป็นหมาเหมือนกันแหละ พอคิดว่าไอ้แพทจะไม่รักก็หูตูบหางตกเชียว”

“มึงแม่ง”

ประโยคที่ว่า ‘คนมีความรักมักจะดูเด็กลง’ คงจะจริงแล้วล่ะมั้ง

แพทน่ะชอบนิสัยเด็กๆ ของเขาหรือเปล่านะ















ถึงแม้จะโล่งใจเรื่องคูปองแล้วแต่เรื่องที่ติดต่อแพทไม่ได้ก็ยังคงค้างอยู่ในใจมินไม่คลาย

เขาเดินไปตามทางเดินเท้าในซอยที่มีเพียงแสงสลัวส่องทางหลังจากตัดสินใจทิ้งรถไว้ที่บ้านต๊อดเมื่อรู้สึกว่าถูกฤทธิ์แอลกอร์ฮอลทำลายระบบความคิดและตัดสินใจ

ระหว่างทางก็ลองโทรหาแพทอีกหลายสายแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับเช่นเคย

มินยอมแพ้แล้วเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง

มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อมาถึงบ้านเขาแล้วแต่ไม่เจอเจ้าของบ้าน มินเดินคลำทางขึ้นไปยังห้องนอนของแพท ไม่มีเหตุจำเป็นใดที่ต้องเปิดไฟชั้นล่างเอาไว้ให้สินเปลืองพลังงาน เมื่อเห็นเตียงก็ทิ้งตัวลงนอนทั้งสภาพนั้น ไม่คิดจะอาบน้ำด้วยซ้ำ

ความรักทำให้ความคิดถึงรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ

มินฝังใบหน้าลงบนหมอน เขารู้สึกว่าตัวเองเหมือนพวกโรคจิตเข้าไปทุกวัน แม้รู้อยู่เต็มอกแต่ก็ยังคงสูดดมกลิ่นหอมประจำกายแพทจนเต็มปอด ผ้าห่มนวมผืนใหญ่ถูกดึงเข้ามากอด แม้จะไม่อุ่นเท่าถูกเจ้าของมันกอดแต่ก็พอคลายหนาวได้บ้าง

เหงาชะมัด มินไม่เคยเหงาเท่านี้มาก่อนเลย















เสียงหวอรถฉุกเฉินดังผ่านโทรศัพท์มาให้ต๊อดที่นอนหลับอยู่บนโซฟาตื่นเต็มตา จากที่ตั้งใจจะด่าคนโทรมาซักหน่อยก็จำต้องเปลี่ยนเป็นถามไถ่

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นไอ้เซียน”

“พี่ต๊อด ไอ้แพทมัน...”

“แพททำไม มึงอย่าลน ตั้งสติแล้วเล่า”

“แพทมัน ฮือ พี่ต๊อดผมทำตัวไม่ถูกอะ”

“ไอ้เวรกูบอกให้มึงตั้งสติ เมื่อกี้ได้ยินเสียงหวอ เกิดอะไรขึ้นกับไอ้แพท” ต๊อดตะคอก เขาเองก็ตื่นตกใจแต่พอได้ยินเสียงเซียนที่ตกใจกว่าจึงจำต้องตั้งสติให้สมเป็นผู้ใหญ่

“มอ’ไซค์มันเกี่ยวกับรถกระบะอะพี่ต๊อด”

“แล้วมันตายมั้ย”

“ทำไมพี่ต๊อดปากเสียงี้ล่ะ” เสียงสะอื้นเงียบลงเปลี่ยนเป็นตัดพ้อ

“แปลว่ามันยังไม่ตาย”

“อือ ไม่ตาย”

“แล้วมึงร้องไห้ทำเหี้ยไร มันฉุกเฉินเหรอ”

“เปล่า เลือดอาบขาไอ้แพทน่ากลัวมากพี่ต๊อด สงสัยขาหักแน่เลย”

“แค่ขาหักมึงจำเป็นต้องร้องไห้เบอร์นี้เลยเหรอ”

“รถพังยับเลยนะพี่”

“มึงร้องไห้เพราะรถมันพังเนี่ยนะ ถ้ากูเป็นไอ้แพทกูรักมึงตายเลย”

“รถมันเหี้ยไรล่ะพี่ต๊อด รถกูเนี่ย เพิ่งถอยออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว เงินเก็บทั้งชีวิตกู” ว่าจบเซียนก็ปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใครหน้าไหน

ถึงตรงนี้ต๊อดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงต้องร้องไห้ขนาดนั้น เซียนน่ะรักรถพอๆ กับกีตาร์นั่นแหละ

พอวางสายคนส่งข่าวก็รีบบึ่งไปที่บ้านแพทในซอย เคาะประตูจนเกือบพังคนในบ้านก็ไม่มีท่าทีจะออกมาเปิดให้ เห็นมีแต่ข้างบ้านที่เปิดหน้าต่างออกมาด่า

ต๊อดเดินวนรอบบ้าน จำได้ว่าตอนเด็กเคยแอบเข้าบ้านนี้ผ่านหน้าต่างซักบ้าน งัดแงะอยู่ซักพักกว่าจะลอดผ่านเข้ามาได้

ต๊อดเดินขึ้นบันไดพลางถามตัวเองว่าทำไมเขาต้องทุ่มเทเพื่อมินขนาดนี้ หากยังไม่ทันได้คำตอบก็เข้ามาหยุดในห้องนอนเจ้าของบ้านแล้ว

นอนหลับสบายเชียวนะมึง เห็นเพื่อนหลับสบายแล้วก็หมั่นไส้ คิดว่าถ้าหลอกให้ตื่นเต้นคงบันเทิงดี



[TBC]



ตอนหน้าก็จบแล้วค่ะ

ใจหายนิดหน่อยเนอะ

ยังไงก็ฝากเอ็นดูน้องด้วยนะคะ



#คุณครูพี่มิน

หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 25 {Up.170119}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-01-2019 21:33:16
มันเกิดอะไรขึ้น  :katai1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 25 {Up.170119}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-01-2019 22:03:35
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนหน้าจบ  จบแบบไหนหล่ะเนี่ย?
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 27-01-2019 16:50:26
คุณครูพี่มิน 27



มินวิ่งสุดแรงเกิดเมื่อต๊อดจอดรถส่งเขาที่หน้าตึกในโรงพยาบาล วิ่งมาซักพักก็เจอเซียนที่เหมือนกับนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เจ้าของร่างเพียวก้มตัวหอบนิดหน่อยก่อนโบกมือส่งสัญญาณให้เซียนเดินนำ

“แพทเป็นไงบ้าง” ผู้มาใหม่ถามอย่างร้อนรนทั้งกายและใจ

“ยังไม่ฟื้นเลยพี่”

“เซียนอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ”

“ครับ”

“แล้วหมอว่ายังไงบ้าง”

“ต้องรอมันฟื้นก่อนครับถึงจะบอกได้ว่าอาการเป็นยังไง” ยิ่งฟังหัวใจที่เคยพองโตก็พลันห่อเหี่ยวลง มินไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลยซักครั้ง เพราะเป็นเช่นนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าต้องจัดการกับความหน่วงในอกนี้อย่างไร

เซียนแค่เดินมาส่งมินที่ห้องพักของแพทแล้วก็ขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อน

ตอนที่นั่งมองแพทอยู่ในห้องเพียงลำพังมินไม่รู้เลยว่าหัวใจเขากับบรรยากาศรอบกายอันไหนเงียบงันกว่ากัน

มือของแพทยังคงให้ความอบอุ่นเช่นทุกครั้งที่ได้สัมผัส ก็ได้แต่ภาวนาให้คนบนเตียงฟื้นขึ้นมากุมมือกันอย่างที่เคยสัญญาเอาไว้

“แพท เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว”

“อือ ขออีก 5 นาทีนะครับ”

“หืม” มินลองก้มตัวลงไปเงี่ยหูฟังเพื่อย้ำว่าตัวเองไม่ได้ห่วงอีกฝ่ายจนหูฟาดไปเอง “แพทสายแล้วนะ”

“พี่มินเหรอ” คนป่วยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเมื่อเห็นหน้าคนรักแพทก็เผยรอยยิ้มกว้าง

ไอ้ต๊อด ไอ้เพื่อนเหี้ย

มินค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าโดนต๊อดหลอกเข้าให้แล้ว เขากวาดสายตามองรอบห้องอีกครั้ง คนป่วยอยู่ในอาการโคม่าอย่างนั้นเหรอ เฮอะ ทั้งห้องมีแค่สายน้ำเกลือ โคม่าพ่อมึงไอ้ต๊อด

“พี่มินโกรธแพทเหรอ” สีหน้ามินตอนนี้เหมือนจะฆ่าคนได้เลย เห็นอย่างนั้นแล้วแพทก็เสียวสันหลังวาบๆ

“ลุกขึ้นมาคุยกันซิ”

ก่อนจะไปจัดการกับทางโน้นคงต้องจัดการทางนี้ก่อน

เมื่อได้รับคำสั่งแพทก็ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ขาที่ถลอกเป็นทางยาวทำให้การขยับตัวค่อนข้างลำบากแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขาไม่เจ็บตัวมากไปกว่านี้

“ลุกไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวก็นอนลงไป”

“ไหวครับ” ปากเก่งไปเถอะ ที่จริงแพทน่ะปวดไปทั้งตัวเลย

“มอเตอร์ไซค์ใช่มั้ย”

แพทได้แต่พยักหน้า เขาไม่กล้าสบตาคนรักด้วยซ้ำ รู้ชะตากรรมตัวเองเลยว่าต้องโดนบ่นเรื่องแว้นซ์อย่างแน่นอน

“คราวหน้าก็ระวังหน่อย ซื้อชุดเกราะมาใส่เลยดีมั้ย”

“บ้า เวอร์ไปพี่มิน”

“ก็ในเมื่อห้ามไม่ได้ก็ต้องป้องกัน”

“แพทจะระวัง”

“คุณก็พูดแบบนี้ตลอดแหละ แพท...” มินมองหน้าคนรักตนด้วยสายตาจริงจังกว่าครั้งไหนๆ ก่อนจะขึ้นมานั่งบนเตียงแล้วกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้พลางนวดเบาๆ “ก่อนจะทำอะไรถ้าไม่คิดตัวเองก็คิดถึงคนที่รักคุณหน่อยสิ”

“แพทขอโทษนะ”

“ช่างเถอะ แล้วงานล่ะ สภาพนี้จะเอายังไงต่อ”

“สภาพแบบนี้พี่มินคิดว่าไงอะ” อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแข่งขันแล้ว เมื่อก้มมองสภาพตัวเองแพทก็คิดได้อย่างเดียวว่าคงทำได้แค่ส่งกำลังใจไปให้เพื่อน

“อุตส่าห์ลงแรงไปตั้งเยอะ”

“แต่แพทก็ได้อะไรกลับมาเยอะนะ ไม่เป็นไรหรอกแค่นี้ก็ดีแล้ว”

“ไม่เสียใจเหรอ”

“ไม่หรอก แค่ได้ลงมือทำก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่โคตรเจ๋งแล้ว”

“ปากไม่ตรงกับใจเลย น้ำตาไหลแล้วรู้ตัวมั้ยเนี่ย”

“ก็อุตส่าห์ห่างพี่มินไปทุ่มเทให้งานขนาดนั้นนี่นา” ร่างของมินถูกดึงเข้าไปกอดอย่างที่เขาเองก็ไม่คิดจะปฏิเสธอ้อมกอดที่ห่างหายไปหลายวัน

ถึงแม้จะบอกว่าไม่เสียใจเต็มปากเต็มคำแต่มินก็สัมผัสได้ว่าแท้จริงแล้วแพทเจ็บใจแค่ไหน

คนเราน่ะถ้าได้เริ่มทำอะไรแล้วอย่างไรก็ต้องการที่จะทำจนสำเร็จ และมีเหรอที่คนอย่างแพทจะตัดใจง่ายๆ

มินโอบและลูบแผ่นหลังคนที่กำลังร้องไห้เป็นเด็กเพื่อปลอบโยน เผลอคิดไปว่าครั้งสุดท้ายที่แพทร้องไห้แบบนี้คือเมื่อไหร่กันนะ

คงจะเป็นตอนนั้นที่พวกเราบอกลากันครั้งแรก

ทั้งที่ตั้งใจจะดุแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าต้องมานั่งกอดปลอบกัน...ซะงั้นอะ















รักษาตัวนานทีเดียวกว่าแผลที่ขาจะหายดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเหลือร่องรอยเอาไว้ให้จดจำ

“ไม่น่าเลยอะ ขาแพทโคตรน่าเกลียด” แพทบ่นขณะนั่งดูมินลงดอกไม้ต้นใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อไม่นานมานี้

“ก็ดีแล้วจะได้จำ”

“นี่แฟนไง”

“ก็เพราะเป็นแฟนไงถึงได้พูดตรงๆ”

“จำแล้วอะ จะไม่แตะอีกแล้วมอเตอร์ไซค์”

“พูดอีกที” มินหยุดสิ่งที่กำลังทำแล้วถอดถุงมือก่อนล้วงหยิบมือถือออกมากดอัดเสียง “จะอัดไว้ให้คุณฟัง”

“อะไรล่ะ เชื่อใจกันบ้างเถอะ”

“เชื่อได้มากเลยนะเราน่ะ”

“หิวข้าวอะหาอะไรกินหน้าปากซอยเถอะ”

“มีตังค์รึไง” คนถูกถามทำเป็นล้วงกระเป๋า แน่นอนว่าไม่มี ก็จะมีได้อย่างไรกันในเมื่อเอาเงินไปซื้อรถคันใหม่ใช้เซียนแล้ว

เจ็บตัวแล้วยังหมดตัวอีก โคตรแย่ เพราะเป็นเช่นนั้นช่วงนี้แพทจึงต้องเกาะมินกินไปก่อน

“การได้เป็นแฟนกับพี่มินอาจจะเป็นโชคดีอย่างเดียวของแพทล่ะมั้ง”

แพทว่าขณะเดินตามมินเข้าไปในบ้าน เขาหยุดมองโล่รางวัลจากการประกวดนวัตกรรมยานยนต์ที่ได้มาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นึกขอบคุณคนรักของตนที่อุตส่าห์ไปคุยกับอาจารย์ที่คณะแถมยังลางานตามไปดูแลเขาตอนแข่งขันอีก

แพทอาจจะโชคร้ายในฐานะเด็กบ้านแตก แต่ในความโชคร้ายนั้นโชคดีก็เดินเข้ามาทักทายเขา มอบความรักและแรงบันดาลใจให้มากมาย

“มันก็ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้ว ยังไม่เลิกเห่ออีกเหรอ”

“ขนาดเป็นแฟนกับพี่มินมาตั้งนานแพทยังไม่เลิกเห่อเลย” และดูเหมือนว่าแพทจะไม่เบื่อการหยอดคำหวานใส่กันง่ายๆ เลยด้วย จนมินต้องเอ่ยถาม

“ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

“เบื่อเรื่องอะไร”

“ก็จีบทุกวันเลย”

“พี่มินเบื่อเหรอ แบบนี้แพทก็เสียใจแย่สิ ง้อเลย”

“ทำไมต้องง้อ ไม่เอาด้วยเหรอ”

“ง้อเดี๋ยวนี้เลยนะ” มินก้าวถอยหลังเมื่อแพทเข้ามาประชิดตัวด้วยท่าทางคุกคาม สายตาเจ้าเล่ห์ที่จ้องมองมาทำให้รู้ได้ทันทีเลยว่าอีกฝ่ายต้องการให้ง้อแบบไหน

ไม่เอาด้วยหรอก มินยกมือขึ้นดันอกแกร่งเอาไว้ แต่แพทก็คว้าข้อมือเขาแล้วดึงเข้าหาจนร่างกายแนบชิดกัน

อันตรายเกินไป แต่ถึงจะคิดว่าไม่ควรเริ่มตอนนี้แต่ก็นานแล้วที่พวกเขาไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่า อาจจะตั้งแต่ก่อนแพทเข้าโรงพยาบาล คิดๆ ดูมันก็นานมากแล้วจริงๆ

ดวงตาของมินกำลังสั่นไหว และแพทก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ควรปล่อยโอกาสนี้ผ่านไป

แพทก้าวเข้ามาประชิด และยังไม่ทันได้ตั้งตัวริมฝีปากก็ถูกช่วงชิงไป สัมผัสที่ห่างหายทำให้สติหลุดลอย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แผ่นหลังแนบไปกับโซฟาโดยที่มีร่างของคนเป็นเจ้าของบ้านคร่อมอยู่ด้านบน

แม้อีกฝ่ายจะผละริมฝีปากออกไปเพื่อสัมผัสส่วนอื่นบนร่างกายของมินแล้วหากเขากลับรู้สึกว่ายังไม่พอ

อยากได้จูบอีก และแน่นอนว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเก็บความรู้สึกไว้

มินวาดแขนโอบลำคอแกร่งของคนบนร่าง สอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มเส้นผมแล้วดึงเบาๆ บอกผ่านการกระทำว่าให้หยุด และแพทก็พร้อมจะทำตามเสมอ

ทั้งคู่สบตากันอีกครั้ง และแพทก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำขอของอีกฝ่าย

“จูบอีกสิ” ริมฝีปากแนบลงมาอีกครั้งอย่างที่ใจปรารถนา ดูดดึงกัดกินราวกับมันเป็นอาหารรสเลิศ แต่ไม่มีอาหารจานใดบนโลกใบนี้ที่ให้ความรู้สึกซาบซ่านได้เท่านี้

ไม่มีใครสนใจน้ำใสๆ ที่ไหลเลอะขอบปากจนถึงลำคอ ทั้งคู่ยังคงมัวเมากับเรียวลิ้นที่กระหวัดเกี่ยวอย่างไม่มีใครคิดจะยอมแพ้ เมื่อแพทถอยมินก็ตามไล่ต้อน หากเมื่อมินอ่อนล้าแพทก็เป็นฝ่ายปลุกเร้า กระทั่งเสียงหอบสะท้อนในห้องรับแขกในบ้านที่เจ้าของไม่คิดจะเสียเวลาลุกไปปิดประตู

หากมินไม่คิดอย่างนั้น

คนอายุมากกว่ารู้สึกเหมือนตนจะขาดอากาศหายใจเดี๋ยวนี้ เขาบอกให้แพทหยุดแถมยังสั่งให้ไปปิดประตูบ้านซะ และถึงแม้จะรู้สึกขัดใจหากแต่คนเป็นเจ้าของบ้านก็ยอมผละห่างอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะเดินเร็วๆ จนเกือบเป็นวิ่งไปปิดประตูโดยไม่ลืมที่จะลงกลอนอย่างแน่นหนา

เมื่อหมุนตัวกลับมาก็ถูกสวมกอด เสียงกระซิบข้างหูดังว่า “ไปทำบนห้องกัน”

ให้ตายเถอะว่ะ ถ้าวันนี้พี่มินยังลุกจากที่นอนได้อย่าเรียกแพทว่าแพทให้เรียกว่าไอ้อ่อนไปเลย

แพทไม่เคยรู้สึกว่าระยะทางจากหน้าบ้านเขาไปถึงห้องนอนไกลเลยกระทั้งวันนี้ หลายครั้งที่เขาเกือบจะจับพี่มินกินซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไม่ต้องรอให้ถึงห้องนอนหรอก

ไม่เป็นแพทไม่รู้หรอกว่าพี่มินร้ายแค่ไหน ยั่วกันไม่ว่างเว้นตั้งแต่ประตูบ้านแบบนี้เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย

หากพอทั้งคู่ไปถึงจุดหมาย คนที่ตั้งใจจะจับคนอายุมากกว่ากดกลับต้องตกใจเมื่อเขาเป็นฝ่ายโดนทุ่มซะเอง

แพทเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ พี่มินก็นั่งลงบนพื้นระหว่างขาของเขา ไม่ต้องอธิบายให้มากความเมื่ออีกฝ่ายปรนเปรอให้เขาด้วยปากอย่างที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้รับประสบการณ์ที่แสนดีแบบนี้

แน่นอนว่าคนไม่เคยถูกคนอื่นช่วยในลักษณะนี้ไม่มีทางห้ามตัวเองไหว แพทปลดปล่อยออกมาจนคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวไอแค่ก

ดวงตากลมบนใบหน้าแดงก่ำสั่นระริกรื้นน้ำตาช้อนมอง ริมฝีปากบวมเจ่อและเปื้อนนิดหน่อย

ภาพนั้นทำให้สติของแพทขาดผึง เขาดึงคนบนพื้นขึ้นมา จับกดลงบนเตียงให้นอนคว่ำแล้วฟัดเสียจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยผมเผ้ายุ่งเหยิง

ความห่วงหาและคิดถึงทำให้ไม่สามารถห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไป

เสื้อผ้าถูกโยนทิ้งราวกับเป็นของไร้ค่าจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า

ผ้าห่มถูกดึงทึ้งจนไปกองอยู่อีกฝั่งของเตียง หมอนถูกโยนทิ้งลงบนพื้น บนเตียงกว้างมีเพียงสองร่างที่กอดเกี่ยวกันราวกับกลัวว่าถ้าหากปล่อยมือแม้ซักวินาทีอีกฝ่ายจะหายไป

เสียงหอบหายใจค่อยๆ เบาลงเมื่อร่างกายเข้าสู่สภาวะปกติ

มินวิ่งไม่เก่ง เขาไม่ถนัดเรื่องใช้แรงและไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะสามารถใช้แรงกับแพทบนเตียงได้นานขนาดนี้

“ไหวมั้ยครับ”

“ไม่เอานะ” มินปฏิเสธด้วยน้ำเสียงหวาดๆ พลางตั้งท่าจะผละออกจากอกของอีกฝ่ายที่ตนอิงแอบมาได้ซักพักหากแพทก็กอดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“คิดเรื่องลามกอีกแล้ว” แพทล้อให้คนคิดไปเองหน้าแดงก่ำ

“ปล่อยได้ยัง จำได้ว่าเมื่อชั่วโมงที่แล้วบอกว่าหิว”

“ก็ได้กินแล้วนี่ไง” ไหล่เปลือยเปล่าของมินถูกลูบไล้เบาๆ ราวกับจงใจยั่วเย้า แต่ในยามนี้ไม่ว่าแพทจะพยายามปลุกเร้าเพียงใดมินก็สู้ไม่ไหวหรอก

“ไม่ให้กินอีกนะ”

“ถ้าพี่มินไม่อนุญาตแพทก็ไม่ทำหรอกน่า”

“เป็นเด็กดีจัง”

“เรามาทำคูปองสะสมความดีกันอีกมั้ย ถ้าสะสมครบ 1 ใบ พี่มินต้องตามใจแพท 1 อย่าง”

“จะทำไปทำไมในเมื่อสุดท้ายคุณก็ทิ้งมัน” จนถึงตอนนี้มินก็ยังไม่หายเคืองเรื่องที่อยู่ๆ แพทก็เอาคูปองสะสมความดีมาคืนเขาเลย ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ถือโอกาสเคลียร์เลยก็แล้วกัน

“แพทไม่ได้ทิ้งซักหน่อย เก็บไว้อย่างดีอีกต่างหากพี่มินก็เห็น” ดูเหมือนว่าแพทจะยังไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเคืองเขาถึงกล้าเอ่ยออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ

“คุณไม่ได้ทิ้งแต่คุณก็เอามาคืนผม”

“ก็แพท...”

ยังไม่ทันได้แก้ตัวก็ถูกคนบนอกแทรกขึ้นมาซะก่อน

“ตอบมาสิว่าคืนคูปองสะสมความดีทำไม” คนถูกถามอ้าปากค้าง ก็คิดอยู่ว่าพักหลังมานี้พี่มินดูตึงๆ ที่แท้ก็คิดมากเรื่องนี้นี่เอง

“จูบแพทสิ”

“ทำไมต้องจูบ”

“จูบก่อนแล้วจะบอก”

เพราะอยากได้คำตอบมินจึงพลิกตัวขึ้นไปนอนบนร่างคนรักแล้วประทับจูบลงบนเรียวปากแผ่วเบา เมื่อผละออกรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาทันที

“พี่มินยอมแพททุกอย่างขนาดนี้ คูปองนั่นไม่เห็นจำเป็นเลย อีกอย่างแพทไม่อยากบังคับพี่มินแล้ว”

ยอมรับว่าเหตุผลของแพททำให้มินประทับใจอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงตอบแทนด้วยการมอบจุมพิตแสนหวานให้อีกครั้งหนึ่ง

ถ้าพี่มินจะหวานขนาดนี้ แพทขอเป็นเด็กดีของพี่มินตลอดไปเลย



[The end]



จบแล้วจริงๆ แหละ ทำไมตอนจบมันสั้นจังล่ะ
แต่ความหวานของพี่มินเนี่ยเพิ่มขึ้นทุกตอนเลยว่าป่ะ กว่าจะแก่เจ้าแพทคงไม่เป็นเบาหวานไปก่อนใช่มั้ย
ทุกครั้งที่นิยายที่เราเขียนเดินทางมาถึงตอนจบ อดไม่ได้จริงๆ ที่จะรู้สึกใจหาย
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะคะ
วันๆ นึงมีนิยายฟรีถูกอัพบนในเว็บให้อ่านมากมาย แต่คุณก็เลือกอ่านนิยายของเรา ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
หวังว่าจะได้เจอกันอีกในเรื่องต่อไป เมื่อไหร่นะ 555
รักนะคะ
แจ๊ส



พูดคุยกันต่อได้ที่แฮชแท๊ก #คุณครูพี่มิน
แล้วก็...ขอฝากคุณครูพี่มินฉบับหนังสือจะตีพิมพ์กับ สนพ.เซ้นส์บุ๊ก ประมาณเดือนเมษายนนะคะ
มีความพิเศษมากมายอัดแน่นอยู่ในเล่ม ความหวานก็เช่นกัน






หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-01-2019 18:06:09
 :pig4: :pig4: :pig4:

ว้า...จบซะแระ

แทงคิ้วผู้แต่งนาจา
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-01-2019 04:37:21
จบแบบเข้าใจกันได้ก็ดี แต่ขอที  :fcuk: เอาเรื่องอุบัติเหตุมาล้อเล่นไม่ดีนะจ๊ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 22-02-2019 13:31:19
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: FeRnChOi ที่ 23-02-2019 13:36:12
สนุกมากเลย ชอบพี่แพทตอนเด็กมากๆน่าเอ็นดู
แต่ตอนโตชอบมากกว่าอีก เป็นผู้ใหญ่มากอบอุ่น~

ขอบคุณคนแต่งนะคะสนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-03-2019 10:01:43
น่ารักมาก ๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Fakewinx ที่ 03-07-2019 10:55:34
ตอนที่ 21 อยู่ไหนอ่าา
หัวข้อ: Re: คุณครูพี่มิน :: ตอนที่ 27 {Up.270119} - จบแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:36:58
 :pig4: