-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
:mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
★ ☆คุ ณ า ก ร★ ☆
start : 29/1/61
Matcha_Latte :)
twitter: @blueeyesismine
#คนของคุณากร
-
บทนำ
“ทอม…” เสียงน่ารักที่มักจะได้ยินบ่อยๆดังขึ้นขณะที่เจ้าของชื่อมัวแต่เล่นโทรศัพท์ ไม่ได้ให้ความสนใจคนข้างๆสักเท่าไร อาจจะเพราะเนื้อหา หรืออะไรบางอย่างในโทรศัพท์เครื่องนั้นมันน่าสนใจไปหน่อย และมันคงต้องน่าขำมากแน่ๆ เพราะคนที่อ่านมันก็เอาแต่อ่านไปยิ้มไป
“อะไรเค้ก?” เลยถามกลับไปทั้งที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเลยสักนิด เสียงหัวเราะในลำคอก็ดังออกมาขณะที่แฟนสาวกำลังจะอ้าปากพูด ทำให้เธอรู้สึกเสียอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าแฟนหนุ่มที่โคตรจะชอบละเลยเธอไม่เคยรู้ และไม่คิดจะรู้อะไรเลย
ง่ายๆคือเขาไม่สนใจใครนอกจากเพื่อน เที่ยว และดูบอล
และอยากถามมานานแล้วว่าถ้าทำอย่างนี้จะคบเธอไว้ทำไมกัน ถ้าจะปล่อยให้เหงาขนาดนี้ไม่ต้องมีมันก็ได้แฟนน่ะ! ไอ้รักมันก็รัก
แต่ถ้ายังไม่เลิกนิสัยนี้คงไปกันไม่รอด
และวันนี้เธอได้ตัดสินใจแล้วว่าคงถึงเวลาที่ต้องแยกทางกันสักที จบความสัมพันธ์แสนน่าเบื่อและทรมานนี่ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป
ไม่ใช่ว่าเพิ่งคิดได้แต่เพราะคิดมาก่อนหน้านี้แล้ว คงจะประมาณหนึ่งเดือนได้ แต่ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจว่าจะพูดมันออกไป
ไอ้คำว่าเลิกเนี่ย!
ไหนๆก็ไม่เคยสนใจกันอยู่แล้ว ครั้งนี้เขาก็คงไม่ใส่ใจมันเท่าไรหรอก หนำซ้ำคงไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ
หญิงสาวคิดในใจ
“เราเลิกกันเถอะ!” เธอพูดเสียงดังฟังชัด จนทำให้แฟนหนุ่มที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่กับบ้าบออะไรก็ไม่รู้ในโทรศัพท์ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามอง
เขาดูอึ้งๆหน่อย
คงจะรู้สึกอยู่บ้างล่ะสิ ก็ดี…เธอไม่ใช่คนที่จะบอกเลิกใครง่ายๆหากแต่ได้ลองพูดออกไปแล้วมันก็ยาที่จะรีเทิร์น ง่ายๆเลยคือเธอง้อยากเป็นบ้า
เดือนวิศวะที่อยู่ในเสื้อช็อปถึงกับอ้าปากหวอด้วยความงุนงง กับคำพูดเมื่อครู่
คือก่อนน้านี้ประมาณเดือนที่แล้วได้ ไม่สิ… อาทิตย์ที่แล้ว เอ๊ะ!? รึจะไม่ใช่วะ
ช่างแม่ง! วันไหนก็ช่างมันแต่คือรู้แค่ว่าก่อนหน้านี้เธอยังดีๆอยู่เลยแล้วไงวันนี้ถึงมาบอกเลิกกันได้ คบกันมาก็เกือบจะหนึ่งปีแล้ว ซึ่งก็อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้เอง
ถึงจะเป็นแฟนที่ชุ่ยแต่ก็จำวันคบรอบได้นะโว้ยยย! และยังคิดจะทำเซอร์ไพรส์ให้เธออีกด้วย
แล้วทำไม…
“ทำไมล่ะเค้ก” เดือนวิศวะเอ่ยถามแฟนสาวที่เป็นถึงดาวมหาลัยเมื่อปีที่แล้ว
“ถามได้ว่าทำไม…ลองถามตัวเองดูนะทอมว่าทำไมเค้กถึงอยากเลิก” ดาวมหาลัยขึ้นเสียงใส่ด้วยความฉุนเฉียว ที่ตอนนี้มันเริ่มประทุเข้าให้แล้ว
จนป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักสันดานตัวเองอีกหรือไง!?
“ถามตัวเองไปทอมก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนหรอก” เขาว่าอย่างนั้น ก่อนจะกดล็อคหน้าจอโทรศัพท์และเอายัดใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ขาดๆของตัวเอง เพราะตอนนี้เนื้อหาในนั้นมันไม่ได้สนุกเหมือนอย่างเดิมอีกต่อไป “สู้เค้กบอกมาเลยดีกว่า ทอมไม่ดีตรงไหนก็พูดมาจะได้ปรับปรุง”
“ไม่ได้หรอก…ทอมทำไม่ได้หรอก!” เธอขึ้นเสียง
ทีก่อนหน้านี้ขอให้ทำเพื่อเธอบ้างเขายังทำไม่ได้ และไม่คิดจะทำด้วยซ้ำ! ทำไมพอตอนนี้เธอจะไปถึงได้พูดมันออกมา?
“ไม่เอาน่าเค้ก…” เสียงเขาอ่อนลง มันเป็นไปในทางขอร้อง
เขารักเธอนะไม่ใช่ไม่รัก… ไม่ดีตรงไหนก็บอกกันมาสิ
ทอมเว้าวอนอยู่ในใจ
หัวใจเต้นแรงตุบตับเพราะความกลัว… กลัวว่าเธอจะไปจริงๆ ได้แต่เฝ้าภาวนาให้แฟนสาวแค่หาเรื่องแกล้งเขาเล่น
โอเคว่ามันอาจจะเป็นการแกล้งที่แรงไปหน่อย แต่เชื่อเถอะเขาไม่โกรธหรอก
“ไม่…เค้กไม่อยากทนแล้วอ่ะทอม” เธอปฏิเสธ และสะบัดข้อมือแรงๆหนีแฟนหนุ่ม ไม่สิ…อดีตแฟนหนุ่มตรงหน้าที่กำลังจับไว้หลวมๆ “ให้เรื่องมันจบแค่นี้เถอะ” เธอว่าเสียงแข็ง ก่อนจะสะบัดก้นเดินออกไปพร้อมกับความเจ็บ แต่ก็รู้สึกโล่งที่จัดการเรื่องนี้ได้
พอกันทีความรักห่วยแตกของคนห่วยๆ!
แต่ถึงแฟนเก่าคนนี้จะห่วยยังไง…ครั้งหนึ่งเธอก็เคยรัก
สำหรับทอมแล้ว…ถึงเขาจะห่วยยังไงเขาก็รักเธอ
เพราะฉะนั้น… เขาจะไม่ยอมให้เธอมาบอกเลิกเอาดื้อๆแบบนี้แน่!
TBC.
มันเป็นนิยายวายนะคะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด :hao3:
-
ตอนที่หนึ่ง : กรุณ ก้องเกียรติ
ไม่ว่าจะสิ่งของ คน หรืออะไรก็ตามแต่ ทุกอย่างมีคุณค่าในตัวมันเสมอ
เมื่อได้มาแล้ว ควรเห็นค่าและรักษามันไว้
เพราะกฎของเวลาไม่สามารถย้อนกลับไปได้
และ โอกาสแม้จะมีให้ได้แต่ก็ไม่บ่อยนักที่จะได้รับตลอดเวลา
เกิดมาร้อยวันพันปีเพิ่งเคยจะโดนผู้หญิงบอกเลิก แถมผู้หญิงคนนี้ยังเป็นคนที่ทำให้เขาหยุดนิสัยเจ้าชู้ตัวพ่อ กะล่อนยิ่งกว่ามะม่วง (มะม่วงกะล่อน) ลื่นยิ่งกว่าปลาไหลทาน้ำมันอีกต่างหาก
ทำไมนะทำไม…หรือผู้หญิงจะชอบคนเลว
“ไอ้เหี้ยทอมโว้ยยยยยย!” เสียงเอะอะดังขึ้นอยู่หน้าห้อง พร้อมกับเสียงเคาะประตูปั้งๆ เลยทำให้เจ้าใครบางคนที่กำลังนอนเป็นผักเฉาอยู่บนเตียงจำเป็นต้องลุกขึ้นไปเปิดประตูให้ เพราะถ้าพวกมันยังเคาะอยู่แบบนี้ถ้าไม่โดนไล่ออกจากหอก็อาจจะได้เมนูอร่อยๆมาทานสักสองอย่าง เช่นยำหมัดสลัดตีน!
ห่าเอ้ย! เคาะกันอยู่นั่นแหละกลัวกูไม่รู้รึไง!?
“มาแล้ว! จะเคาะเอาโล่เหรอ?”
“เออก็ดี กูขอโล่แบบกัปตันเมกานะ” ไอ้หน้ามึนประจำกลุ่มพูดก่อนจะแทรกเจ้าของห้องเข้ามาทั้งที่เขายังไม่หลบให้ ประหนึ่งว่ากลัวไม่ได้เข้า
“ไอ้เชี่ยแดน!” เจ้าของห้องโวยวาย เพราะโดนชนจนเกือบล้ม
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้สักหลายชั่วโมงบอกเลยว่ามันทำอะไรผู้ชายถึกๆแบบเขาไม่ได้หรอก แต่เพราะวันนี้มันเป็นวันน้ำใบบัวบกแห่งชาติ เพราะช้ำใจจากคนรัก แข้งขาเลยอ่อนแรงเหมือนคนไม่ได้กินข้าว
แม๊ะจ๋า… ช่วยไอ้ทอมด้วย
มันเจ็บ
“เป็นไงมึง” ออยคือไอ้เกรียนประจำกลุ่ม เขาตบไหล่ๆคนที่เพิ่งอกหักมาปุๆ ก่อนจะเดินสะพายกระเป๋าเข้าไปในห้อง
“อาการเป็นไงไหนบอกหมอสิ?” ประตูปิดลงและเจ้าของห้องเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนขนาดหกฟุตที่บัดนี้มีเพื่อนสันดานเสียสองคนกำลังยึดครองอยู่
เป็นแดนที่ถามก่อนคนแรก เพราะดูจากอาการเพื่อนแล้วต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
“ให้ภาพมันฟ้อง” ไม่ใช่คนอกหักหมาดๆที่ตอบ แต่เป็นออยที่พูดขึ้น
“แล้วมึงไปทำอิท่าไหนให้เขาบอกเลิกวะ?” แดน
“ไม่รู้…กูทำทุกท่า” คนอกหักตอบเสียงอ่อย แถมยังตอบไม่ตรงประเด็นอีกต่างหาก
“สาระ?” ออยถามย้ำ กับมันนี่หาสาระไม่ได้เลย เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานละยังกระแดะเล่นอยู่ได้
“ร้อยท่าห้านาทีเลยป้ะ?” แล้วไอ้พวกห่ามหื่นด้วยกันนั้นก็ตอบโต้อย่างกับเป็นเรื่องตลก นี่มันอกหักจริงหรือจ้อจี้กันแน่วะ ก่อนหน้านี้ก็โทรไประบายอย่างกับเพื่อนสองคนนี้เป็นโถส้วม ยังไม่พอนะ มันยังหน้าด้านอ้อนวอนขอให้พวกเขามาอีก ละดูสิ มาแล้วเป็นไง?
“ไม่… ร้อยยี่สิบท่าห้านาที” เจ้าตัวก็ยังคงต่อมุขให้เพื่อนเหมือนมีอารมณ์มากนัก
แต่ก็เปล่าหรอก ปากพูดแต่สภาพน่ะเหมือนผักเฉาๆที่กำลังจะเน่าตาย
“เหยดดดด! ที่เด็ดขนาดนี้แล้วเค้กมันยังทิ้งมึงลงอีกเหรอวะ?” แดนถาม
คือจะสงสัยอะไรหนักนา? เลิกก็คือเลิกมันไม่มีเหตุผลอะไรมากหรอกนอกจากหมดรัก
ทอมก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ เพราะแรงจะพูดออกไปยังไม่มี
“โหไรว้า… ไอ้เสือทอมในตำนานคนนั้นมันหายไปไหนแล้ว!” เป็นออยที่พูด
ก็เสือมันถอดเขี้ยวตั้งแต่สอยดาวจากฟ้ามาได้แล้วเว้ย!
“กูไม่รู้เลยว่าทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ทั้งที่กูไม่ได้ไปเหล่สาวที่ไหนแล้วนะ” ทอมตัดพ้อ
นั่นสิ…ปัญหาคืออะไร?
“เอาจริงๆนะ…” ออยเปรย “กูว่าเป็นเพราะมึงไม่ค่อยดูแลไม่มีเวลาให้เขารึเปล่า”
“เออใช่…” แดนสมทบ พลางทำท่าขบคิด “ผู้หญิงน่ะนะนอกจากจะชอบคนเลวแล้วยังชอบให้ดูแลเทคแคร์อีกด้วย”
เดี๋ยวนะ? ไอ้ข้อหลังที่บอกว่าชอบคนดูแลเทคแคร์ข้อนั้นพอเข้าใจ แต่ที่บอกว่าผู้หญิงชอบคนเลวมันก็ไม่เสมอไปหรือเปล่าวะ?
กับเค้กยิ่งไม่ใช่ เพราะไม่งั้นเธอคงไม่อยากให้เลิกหน้าหม้อหรอก
โอเค…ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เขามันคนเหี้ยจริงๆ
“ไม่รู้ดิ กูก็มีเวลาให้เขาตลอดนะ จนไม่มีเวลาไปร้านเหล้า ดูบอลหรือทำอะไรแล้ว” ทอมอธิบาย
“มึงแน่ใจเหรอ…?” ออย
“ทำไมมึงถามงี้?” ทอมเหล่ตามองเพื่อนที่นั่งข้างๆ
“กูถามจริงๆนะ ที่มึงบอกว่ามีเวลาให้เขาเนี่ยมันเท่าไรกัน?”
“ก็…วันสองวันเจอกันทีก็ประมาณสามสี่ชั่วโมง”
“แล้วมึงได้คุยโทรศัพท์กับเขาหรือตอบแชทบ้างรึเปล่า?” ออย
“มีบ้างแต่ไม่บ่อย มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบอะไรแบบนี้แต่กับเค้กเนี่ยกูยอมสุดๆแล้วนะเว้ย!” เจ้าตัวแย้งขึ้น
“นี่มึงไม่รู้ตัวจริงๆเหรอวะ?” เพื่อนคนเดิมยังคงเป็นคนถาม อีกคนก็นั่งเท้าคางฟัง ส่วนทอมก็มีแค่หน้าที่ตอบและคิดทบทวนการกระทำของตัวเองเท่านั้น
“ทำไมวะ?” เขานึกไม่ออก เอาจริงๆเรื่องไม่ดีมันก็มีแค่ความเจ้าชู้ลื่นเหมือนปลาไหลของเขานี่แหละ ถ้านอกจากข้อนี้แล้วก็คิดว่าไม่น่าจะมีข้อไหนอีก
“ก็มึงไม่เคยดูแลหรือสนใจเขานี่ไง…เอาจริงๆมึงก็เที่ยวก็ดูบอลหรือไม่ก็ไปกับพวกกูบ่อยจนเหมือนไม่มีเวลาให้เค้กแล้วเนี่ย”
“กูเป็นงั้นเหรอวะ?” สีหน้าของทอมจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด
ไม่น่าล่ะทำไมหลังๆมานี้ถึงได้ทะเลาะกันบ่อยนักเรื่องไปเที่ยว เรื่องตั่งต่าง เค้กชอบขัดเสมอเวลาบอกว่าจะไปนู่นนี่นั่น
“ไม่เชื่อมึงก็ถามไอ้แดนดิ” ออยบุ้ยหน้าไปทางแดนที่กำลังนั่งเท้าคางตั้งใจฟัง เพราะคนอย่างเขาแล้วเรื่องความรักคงปรึกษาอะไรไม่ได้ ทำเป็นแค่รับฟังอย่างเดียว
“จริงเหรอวะแดน?” เหมือนคนผิดจะไม่รู้ตัว เขาถามเพื่อนเหมือนไม่เชื่อ
“เยปปปป!” และไอ้เพื่อนที่ไม่เคยมีความรักมันก็ตอบอย่างเสียงหนักแน่น
ทอมเงียบไปพักหนึ่ง เพื่อนทั้งสองก็ไม่มีใครพูดเพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าไม่ใช่การทบทวนตัวเองจากเรื่องในอดีต
ภาพในหัวฉายย้อนกลับไป เขานั่งคิดว่าการกระทำนั้นๆถูกผิดมากน้อยขนาดไหน… จนครู่ใหญ่ๆผ่านไปเขาก็เริ่มทำใจยอมรับแล้วว่าเรื่องทั้งหมดนั้น ตัวเองผิดไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นได้
และจะไม่โทษใครทั้งนั้นนอกจากตัวเอง
เหมือนคิดได้ก็สายไป
“มันไม่สายไปหรอก ถ้ามึงอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม” เหมือนรู้ว่าเพื่อนกำลังคิดอะไร ออยถึงได้พูดขึ้น
แต่จะไม่ให้รู้ใจได้ยังไงในเมื่อเป็นเพื่อนกันมาก็ตั้งนาน แค่มองตาก็รู้ใจแล้ว
“แล้วกูต้องทำยังไงวะ…?” “ถึงกูจะละเลยเขาไปบ้างแต่ก็มีแค่เขาคนเดียวในใจนะเว้ย” ดูท่าแล้วเดือนวิศวะคงจะลืมไม่ได้จริงๆ
และไอ้ที่พบรักได้ก็ตอนประกวดดาวเดือนนั่นแหละ ตอนแรกความเจ้าชู้ก็ยังมีอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานที่เริ่มคบกันจริงๆจังๆเค้กก็เอาเขาซะอยู่หมัด
เขาคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นแฟนที่ดี ไม่เคยนอกอลู่นอกทาง จนมาวันนี้ถึงได้รู้ว่าแค่เรื่องนั้นมันไม่พอ เขาไม่ค่อยมีเวลาให้เค้กเลย
เขานี่มันเป็นแฟนที่ชุ่ยจริงๆเลย…
…
วันต่อมา
เมื่อเดือนวิศวะเดินเข้ามาในมหาลัยพร้อมกับดอกไม้ในมือแทบไม่ถึงห้าวินาที ก็ตกเป็นเป้าสายตาของคนละแวกนั้นทันที
จริงๆไอ้การที่ถือดอกไม้ช่อโตมาแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไร แต่ที่แปลกและกำลังตกเป็นหัวข้อสนทนานั่นก็คือการที่ทอมเลิกกับเค้กต่างหาก
ส่วนมากก็ดีใจทั้งคู่ได้เลิกกัน เพราะเดือนสุดหล่อคนนั้นของสาวๆในที่สุดก็ไม่มีเจ้าของ และหนุ่มๆเองก็ดีใจที่ดาวมหาลัยซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของพวกเขานั้นเป็นโสด
ในเมื่อเขารู้ตัวว่าผิดหัวใจมันก็ร่ำร้องออกมาว่าจะต้องง้อ ส่วนเพื่อนทั้งสองเองก็ไซโคจนเมื่อคืนเขาแทบอยากจะวิ่งจากห้องพร้อมกับไปตะโกนของโทษเค้กที่หน้าหอ
สองเท้าก้าวฉับๆ ไปยังที่ที่คิดว่าแฟนสาวจะต้องอยู่ ไม่กี่นาทีชายหนุ่มพร้อมกับดอกไม้ในมือก็เดินมาถึง
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ เค้กกำลังนั่งสนทนากับเพื่อนๆของเธอ แน่นอนว่าทอมรู้จักหมดทุกคนที่นั่งอยู่ในวงนั้น
สองเท้าเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงตำแหน่งที่แฟนสาวที่เพิ่งบอกเลิกเขาไปเมื่อวาน ทอมเดินเข้ามาจากทางด้านหลังเธอ
เลยยังไม่รู้ว่ามีคนมายืนอยู่ เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะตรงนั้นก็ดูอึ้งๆจากที่กำลังจะพูดก็เงียบลงก่อน พร้อมกับสะกิดบอกให้เค้กหันไปมองคนที่มาใหม่
ดอกกุหลาบช่อโตที่ทอมซ่อนไว้อยู่ทางด้านหลังถูกยื่นให้ผู้หญิงตรงหน้า หัวใจเขาเต้นตุบตุบๆเพราะความตื่นเต้นระคนกับความกลัว จริงๆมันก็นานมาแล้วที่ไม่เคยซื้อดอกไม้ให้เค้กแบบนี้ ตอนนั้นเธอจะน้อยใจมากขนาดไหนกันวะ…
ตอนนี้เธอยังไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ทำเพียงแค่มองดอกไม้ในมือกับคนที่ยื่นให้เงียบๆเพียงเล็กน้อย
ทอมภาวอยู่ในใจ ขอร้องให้เค้กรับมันไป
แต่ก็ยังไม่มีคำใดเล็ดลอดออกมาจากปากเธอ
“ทอมขอโทษนะเค้ก…” ทอมพูด “ทอมรู้แล้วว่าทอมผิด” น้ำเสียงและท่าทางนั้นมันคือเรื่องจริง เขาสำนึกผิดจริงๆ
หากแต่…
“พวกแกเดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ ปวดท้องยังไงก็ไม่รู้”
เค้กไม่ได้ตอบกลับมา เธอเลือกที่จะเพิกเฉยทำเหมือนคนรักเก่าคนนี้เป็นเพียงธาตุอากาศ นักศึกษาไม่ว่าจะรุ่นพี่หรือรุ่นน้องแถวนั้นที่ได้มองอยู่ก่อนแล้ว ก็พากันซุบซิบนินทาไปตามประสาเรื่องที่ได้เจอ บางคนถึงกับถ่ายคลิปไว้
ทอมมองกุหลาบช่อโตในมือที่ยื่นไปให้อดีตแฟนสาวตาปริบๆเมื่อเธอเดินผ่านมันไป ไม่คิดว่าเค้กจะเย็นชาได้ขนาดนี้
และเขาเพิ่งตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าเจ็บกว่าโดนด่าคือการถูกมองว่าไร้ตัวตน…
…
“ดูท่าเพื่อนกูแล้วไม่น่าจะรอด” ทอมทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนในห้องของเพื่อนรัก วันนี้เขาไม่ได้ให้เพื่อนทั้งสองคนมาหาแต่กลับมาหาเพื่อนของตนแทน
เมื่อทอมเดินเข้ามาด้วยสภาพเหมือนคนลืมเอาวิญญาณมาจากร่าง ก่อนหน้านี้ที่มหาลัยเจ้าตัวก็นั่งหน้าหงอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนขณะที่กำลังฟังบรรยาย จริงๆไม่ใช่แค่นั้นแต่มันเป็นทั้งวันจนถึงตอนนี้เลยต่างหากและคาดว่าน่าจะเป็นอีกสักพัก
ทีแรกมันก็บอกว่าอยู่ได้ แต่เชื่อเถอะว่าคนติดเพื่อนอย่างทอมจะอยู่คนเดียวได้จริงๆ ถ้าไม่โทรมาบอกให้ไปหาสุดท้ายก็คงจะนั่งรถมาหาเอง
“กูก็ว่างั้นแหละ” ออยพูดเสริม
โชคดีหน่อยที่ออยกับแดนแชร์ห้องอยู่ด้วยกัน ไม่อย่างนั้นคงจะเวลาเดินทางมาหากันอีก
“ทำไมเค้กเย็นชาได้ขนาดนี้วะ…” ทอมพูด ขณะที่นอนมองเพดานโง่ๆอยู่อย่างนั้น
“เฮ้อ…” ออยถอนหายใจ “ถ้าเขาไม่อยากกลับมามึงก็ทำอะไรไม่ได้และแหละอย่าฝืนเลย”
“แต่มันเพิ่งง้อแค่ครั้งแรกเองนะเว้ย! ทำไมไม่ลองอีกสักครั้งวะ? มันอาจจะสำเร็จก็ได้” แดนเถียง ดูเหมือนว่าเจ้าตัวอยากให้เพื่อนกลับไปคืนดีกับเค้กมาก
“นี่ขนาดครั้งแรก…มึงดูดิมันมีผลต่อฟังก์ชันขนาดไหน ไอ้ทอมนี่อย่างกับจะตายให้ได้”
แต่มันก็จริงๆอย่างที่ออยว่า
ทอมนอนฟังเพื่อนทั้งสองเถียงเรื่องของตัวเองเงียบๆ สมองก็คิดตามที่เพื่อนพูดออกมาจนตอนนี้ความคิดมันแบ่งออกเป็นสองฝ่าย หนึ่งคือตื้อเท่านั้นที่ครองโลก สองคือตัดใจและก้าวออกมาซะ จนตอนนี้ความคิดทั้งสองฝั่งมันกำลังตีกันให้วุ่น เหมือนที่ออยกับแดนกำลังถกเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“พวกมึง…”และสองเสียงที่กำลังเถียงกันก็เงียบลงเมื่อทอมพูดขึ้น
“ไปแดกเหล้ากัน…”
และเอ่ยชวนไปหาอะไรดื่มย้อมใจสักหน่อย เมื่อคิดแล้วมันปวดหัวก็ขอดื่มเหล้าสักหน่อยให้มันลืมๆไปบ้างสักหน่อยก็ยังดี
BANANA
ทั้งสามมาหยุดอยู่ตรงหน้าบานาน่าผับชื่อดังที่อยู่แถวๆหอของแดนในเวลาแค่ไม่กี่นาที
มันเป็นผับชื่อดังแถวย่านนั้นเลยก็ว่าได้ และเป็นผับที่ค่อนข้างมีระดับ และคนอย่างทอมเลยเข้าได้สบายๆ ถึงบางครั้งเขาจะชอบทำตัวไม่เหมือนคนมีเงินก็เถอะแต่ทางบ้านทอมน่ะ รวยอย่าบอกใครเชียว เพราะด้วยความเป็นคนไม่ชอบรักษาภาพลักษณ์เป็นคนห่ามๆที่ไม่ชอบดูแลตัวเอง แต่ออร่าความรวยมันก็ยังปิดไม่มิดถึงบางครั้งจะชอบทำตัวสะถุนมากขนาดไหนก็เถอะนะ
ช่วงขายาวกาวเข้าไปในผับที่มีแสงสีเสียงเป็นส่วนประกอบอยู่ข้างใน พวกเขาได้โต๊ะในส่วนของชั้นบนมุมหนึ่งที่ค่อนข้างเหมาะ เหล้าพร้อมกับมิกซ์เซอร์ถูกนำมาเสิร์ฟ ประมาณชั่วโมงได้เหล้าก็พร่องไปเกือบครึ่งเพราะคนคนเดียว โดยมีออยกับแดนคอยนั่งดู และรับฟังเพื่อนของเขาตัดพ้อเรื่องของอดีตแฟนสาว ก่อนจะวกเข้าเรื่องที่ตัวเองไม่เคยดูแลเธอและสุดท้ายก็จบด้วยการโทษตัวเอง
นี่แหละหนา…ไม่เคยรักษาไว้แต่พอเสียไปกลับอยากได้คืน
“เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อน” คนเมาเอ่ยขอตัว ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ
คล้อยหลังทอมไปไม่ถึงสองนาทรี “เฮ้ยมึง…” แดนสะกิดเรียกออยเมื่อสายตานั้นดันไปประทะเข้ากับกลุ่มนักท่องราตีโต๊ะหนึ่ง ที่ค่อนข้างจะอยู่หลบมุมและมืดนิดหน่อย หากไม่สังเกตคงไม่เห็นว่าเป็นใครแต่เพราะความตาดีของแดนเลยเห็นเข้าให้ และพอจะมองออกว่าคนในกลุ่มนั้นมีใครบ้าง
มีผู้ชายอยู่สามคน และผู้หญิงอีกหนึ่ง
ผู้ชายอีกสองคนนั่งหันหลัง อีกคนนั่งหันหน้ามาทางเขาเลยทำให้เห็นหน้าได้ชัดและผู้หญิงที่วานั้นก็คือเค้ก… เธอนั่งข้างคนที่หันหน้าออกมาทางโต๊ะของแดน ไม่รู้ว่าเขาอายุเท่าไรแต่ดูแล้วหน้าตาค่อนข้างอ่อนกว่าวัย แต่ก็เหมือนไม่ใช่นักศึกษา น่าจะเป็นพวกวัยทำงานมากกว่า
เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วเพื่อนทั้งสองก็มองหน้ากันเงียบ พร้อมกับร่ำร้องว่า ‘ฉิบหายแล้ว…’ ไอ้เพื่อนหัวรุนแรงที่ชอบใช้กำลังมันต้องมีเรื่องแน่ๆถ้าหากรู้ว่าเค้กอยู่ที่นี่ และนั่งอยู่กับใคร เพราะดูจากท่าแล้วคงไม่ใช่แค่เพื่อนค่ะพ่อ หรือแค่พี่ค่ะแม่แน่ๆ เพราะนั่งเธอเล่นนั่งสิงเขาจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียวกันอยู่แล้ว และไม่นานคนที่นั่งโต๊ะนั้นก็ลุกขึ้นมาจากโต๊ะทิ้งไว้แค่เพียงแฟนเก่าเพื่อนเขากับผู้ชายอีกสองคน
วินาทีที่ชายร่างสูงคนนั้นเดินผ่านแดนกับออยไปออร่าความหล่อและกลิ่นน้ำหอมก็ฟุ้งเข้าที่พวกเขาสองคนอย่างจัง
“เชี่ย…มองไกลๆว่าหล่อแล้ว” แดนว่า
“มองใกล้ๆนี่หล่อจนต้องร้องขอชีวิตเลยสัด” ออยต่อประโยคให้จบ
ถ้าเขาคนนี้มีซัมทิงกับแฟนเก่าเพื่อนเขาจริงๆก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค้กถึงทิ้งทอมไป หล่อฉิบหายวายวอดขนาดนี้แถมยังหน้าเด็กเหี้ยๆ และความรวยนี่คงไม่ต้องพูดเพราะที่เดินผ่านมาเมื่อครู่นี้พอจะรู้อยู่หรอกอว่าเสื้อผ้าที่ใส่มันแบรนด์เนมมากขนาดไหน
ตายแน่ๆเพื่อนกู…
ถึงกับชิดซ้ายไปเลยครับ ถ้าเทียบกับไอ้เดือนวิศวะคนนั้นแล้วที่ค่อนข้างปล่อยตัวและชอบทำตัวสะถุนแล้วก็น่ะนะ
อีกด้านหนึ่ง…
คนเมาที่ว่าจะมาเข้าห้องน้ำที่จริงแล้วไม่ได้จะมาเข้าห้องน้ำอย่างที่ว่าแต่เป็นเพราะต้องการมาโทรศัพท์หาเค้กต่างหาก เลยมาหยุดอยู่ตรงโซนหนึ่งของผับที่เป็นพื้นที่โล่งมีระเบียงยื่นออกเพื่อรับลม
บุหรี่ตัวหนึ่งถูกจดสูบโทรศัพท์ก็กดโทรหาใครคนนั้นที่พยายามง้อ มือข้างที่จับบุหรี่ดูดก็ยกขึ้นลูบเกียร์ที่ห้อยอยู่กับคอไปมา ในใจก็ล่องลอยไปไกล เขาอยากขอโทษอยากบอกให้รู้ว่าใจจริงแล้วรู้สึกผิดมากขนาดไหน ถ้าได้โอกาสอีกครั้งเขาจะรักษามัน
ไว้อย่างดี
แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่รับสายจนบุหรี่เริ่มหมดมวล
กระทั่งใครคนสักคนที่เพิ่งเดินเข้าเดินมาทำแบบเดียวกับทอมที่กำลังจะจุดบุหรี่ตัวที่สองสูบ
ไม่ได้ตั้งใจจะมอง…
แต่สายตามันดันไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเขาจนได้
ผู้ชายเหี้ยอะไรหล่อได้ฉิบหายขนาดนี้…
ทอมคิดในใจ
เพราะเขาหล่อมากจนทอมอดชื่นชมในใจไม่ได้
สูง ขาว ผมสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกเซ็ตขึ้น หุ่นค่อนข้างดี เหมือนคนหุ่นลีนๆที่เข้าฟิตเนตกินอาหารคลีนๆ ผิดกับเขาที่กินมันทุก
อย่างเข้าฟิตเนตบ้างแค่อาทิตย์ละสองสามครั้ง มันเลยเป็นอย่างที่เห็น ทอมเป็นผู้ชายร่างหนาไปโดยปริยาเมื่อเทียบกับหุ่นคนข้างๆนี้แล้ว
ขายาวฉิบ… เรียวด้วย
กลิ่นตัวหอมอีกต่างหาก
ไม่รู้ว่าอายุเท่าไรนะ…แต่หน้าโคตรเด็ก
และวินาทีที่ริมฝีปากแดงติดคล้ำๆซึ่งกำลังอ้าสูบลมพิษเข้าปอด…
เชี่ย…แค่สูบบุหรี่มึงจำเป็นต้องเท่ขนาดนี้มั้ย? ทอมถึงกับสบถในใจ…
ดูเหมือนว่าคนถูกแอบมองจะรู้ตัวเลยหันไปมองกลับคนข้างๆบ้าง จนทอมหันหน้าหนีแทบไม่ทันเจ้าตัวเลยแสร้งทำเนียนสูบบุหรี่ต่อไป มือข้างที่จับโทรศัพท์ก็ยกมันขึ้นแนบหูอีกครั้งเพื่อโทรหาอดีตแฟนเก่า แต่ก็เหมือนเดิมเธอไม่รับโทรศัพท์…
จนตอนนี้คนหล่อข้างๆมันเดินเข้าไปขนางในก่อนแล้ว
หลังจากนั้นไม่ถึงสองนาทีทอมก็เดินกลับเข้าไปข้างในเห็นเพื่อนสองคนบนโต๊ะกำลังนั่งคุยเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าพอเขาเดินเข้าไปเท่านั้นหัวข้อสนทนาที่กำลังพูดถึงก็ถูกเปลี่ยนไป
อ่านต่อข้างล่างนะคะ
-
ต่อค่ะ
“อะไรของพวกมึง พอกูเข้ามาแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย?” ทอมว่าอย่างนั้น พลันสายตาก็แอบไปเห็นไอ้หล่อที่เดินเข้ามาก่อนหน้านี้ เขานั่งอยู่โต๊ะหนึ่งที่หลบมุมนิดหน่อย เจ้าตัวยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม มันให้ความรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
ก็แน่ล่ะนะ…เขาเคยมองและชมผู้ชายด้วยกันเองที่ไหนถ้าไอ้แดนกับไอ้ออยรู้นี่ต้องล้อเขาแน่ๆ
แต่…
วินาทีนั้นที่กำลังจะถอนสายตาออกจากไอ้หล่อมาดคุณชายคนนั้นใครคนหนึ่งที่แสนคุ้นตาก็เดินเข้ามาพอดี
เธออยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวสีดำ ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆไอ้หล่อที่เขาแอบชมเมื่อครู่ และแขนยาวๆของมันก็ยกขึ้นพาดกับพนักโซฟา เลยเหมือนเค้กกำลังโดนกอดอยู่กลายๆ
เธอเอนตัวซบมัน
เธอยิ้ม
เธอหัวเราะ
เธอกำลังมีความสุข มากกว่าตอนอยู่กับเขา
ทันเท่าความคิดทอมลุกขึ้นจากโต๊ะด้วยความรวดเร็ว ความโกรธ ความน้อยใจกำลังกัดกินหัวใจเขา
ช่วงขายาวก้าวฉับๆอย่างไม่ค่อยมั่นคง ความมึนเมานั้นยังคงมีแต่เริ่มมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่แล้วต่างหาก
แน่นอนว่าเค้กไม่ผิดหากเธอจะคบใครใหม่ แต่ทอมคิดว่ามันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ? เลิกกันไปแค่วันเดียววันต่อมาก็มีคนใหม่ เว้นเสียแต่ว่าจะคุยๆกับไอ้หล่อนี่อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
ออยและแดนที่คอยดูอยู่ก่อนแล้วมองหน้ากันพร้อมกับร้องฉิบหาย ดังๆหนึ่งรอบ
ไอ้เพื่อนบ้าพลังของเขาคนนี้ยิ่งสติไม่เต็มร้อยอยู่ด้วย ถ้ามีเรื่องขึ้นมาล่ะก็โคตรซวย…
ถึงพวกเขาจะชอบทำตัวกากๆไปบ้างแต่ฐานะและชื่อเสียงของครอบครัวแต่ละคนไม่ได้กากไปด้วยเลย เพราะฉะนั้นถ้ามีเรื่องแล้วถึงหูพ่อแม่เข้าล่ะซวยแน่
ออยและแดนเดินตามทอมไปแต่ก็ช้ากว่าหลายก้าวเพราะตอนนี้ไอ้บ้าพลังมันไปหยุดอยู่ตรงโต๊ะของแฟนเก่าเรียบร้อยแล้ว
“เค้ก!” เดือนวิศวะเรียกชื่อแฟนเก่าเสียงดัง จนหญิงสาวที่กำลังนั่งซบไอ้หน้าเด็กอยู่ถึงกับเด้งตัวขึ้นจากตรงนั้น
“ทอม…” เธอพูดเสียงเบา สีหน้าบ่งบอกว่าเธอกำลังตกใจมาก แต่มันก็แค่เสี้ยววินาทีเพราะเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าทั้งคู่ได้เลิกกันไปแล้ว
ไม่มีเหตุผลที่ต้องกลัว ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ก็อีกเรื่อง
ไอ้หน้าหล่อที่ทอมได้เจอตอนไปสูบบุหรี่หันมามองเขานิดหน่อย วูบหนึ่งแววตานั้นฉายแววความสงสัย จากนั้นก็หายไปทิ้งไว้แค่สีหน้าและแววตาที่เรียบเฉย
ผู้ชายอีกสองคนเองก็เช่นกัน พวกเขามองมาด้วยความสงสัย ว่าไอ้เด็กคนนี้มันเป็นใคร?
“นี่ใช่มั้ยเหตุผลที่เค้กบอกเลิกทอม?” คนที่สติไม่เต็มร้อยนักเอ่ยถามด้วยความเกรี้ยวกราด
ผู้ชายทั้งสามคนที่นั่งดูเหตุการณ์ตรงหน้าก็พอจะรู้แล้วว่าคนที่มาโวยวายตรงหน้านี้เป็นใคร
คงจะเป็นแฟนเก่าของเค้ก ที่เคยเล่าให้ฟังว่าเพิ่งตัดสินใจเลิกไปเพราะไม่มีเคยดูแล และไม่สนใจกันเลย
“เค้กไม่คุยกับคนเมานะทอม” เธอว่าเสียงเรียบพร้อมกับลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับทอม
เจ้าตัวยกยิ้มขึ้นก่อนจะพูดประโยคหนึ่ง “ไม่คุยหรือไม่อยากคุยกันแน่เค้ก?” สิ้นประโยคเขาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กด้วยความรวดเร็ว
“ไอ้ทอมอย่า!” เพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหลังสองคนร้องห้ามเสียงหลง
แต่คนเมาที่ไร้สติที่มีทั้งความโกรธและความน้อยใจไม่เคยฟังใครนอกจากเสียงความคิดของตัวเอง
“ปล่อยนะทอม!” เค้กร้องเสียงดังลั่นพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดออกมา ทั้งออยและแดนก็พยายามจะห้าม
และทุกคนก็จะพยายามเข้าไปแยกทั้งสอง
แต่…
ยังไม่ทันได้ประชิดตัวด้วยซ้ำ
ซ่า!!
แก้วใบหนึ่งที่บรรจุของเหลวอยู่ในนั้นจนเกือบเต็ม ถูกอดีตแฟนสาวนำมาสาดเข้าที่ใบหน้าของทอมด้วยความโมโห เพราะเขาพยายามที่จะลากเธอไปให้ได้
รีแอคชันทุกคนตรงนั้นต่างก็อึ้งไปกันหมดเพราะไม่คิดว่าเค้กจะกล้าทำถึงขนาดนี้
จะมีก็แต่คนคนเดียวที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆทั้งสิ้นนอกจากนั่งมองเหตุการณ์เงียบๆ
“เค้ก…” ทอมเรียกชื่อหญิงสาวด้วยเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน
สติที่หายไปเริ่มกลับมาเพราะเหล้าแก้วนั้น
“บอกแล้วไงว่าเค้กไม่คุยกับคนเมา” เธอต่อว่าเสียงดังลั่นแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดอยู่ในผับ “เลิกก็คือเลิก! ในเมื่อตอนนั้นเค้กให้ทอมเต็มร้อยมาตลอดแต่ก็เป็นทอมนั่นแหละที่ทำให้มันลดลงเอง แล้วตอนนี้ยังจะมาเรียกร้องเอาอะไรอีก!?”
“…”
มันก็จริงอย่างที่เธอว่า
“มาเห็นค่ากันตอนนี้มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอ!?” เธอถามเสียงสูง
โอเค…ข้อนั้นเขารู้ดีว่าตัวเองผิด
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาอยากถาม
“แล้วไอ้นั่นมันเป็นใคร” ทอมถามพร้อมกับชี้หน้าไปตรง ‘ไอ้นั่น’ ที่พูดถึง
“…” คนถูกถามเงียบและไม่กล้าตอบ ต่างกับคนเมื่อครู่ลิบลับ เพราะจริงๆแล้วเธอก็ผิด
ผิดที่เผลอใจไปให้ใครคนนั้นก่อนจะบอกเลิกทอม
“บอกมาสิว่าเค้กไม่ได้คุยกับมันก่อนจะบอกเลิกทอม?”
“…”
เค้กยังคงเงียบและทุกคนตรงนั้นต่างก็เงียบกันหมด เธอเม้มริมฝีปากแน่น ครั้นจะให้โกหกมันก็น่าละอายเกินไปหากแต่จะให้พูดความจริงเลยก็ไม่กล้า
“เค้ก…” ทอมเรียกชื่อเธอเบาๆราวกับคนหมดแรง
เหมือนความเงียบที่ได้มาเป็นคำตอบของทุกอย่าง
ในใจร้องอ้อนวอนให้เธอโกหกมาว่าไม่ใช่
หากแต่…
“ใช่…คุณนิวดีกับเค้กมากกว่าทอมซะอีกแล้วมีเหตุผลอะไรที่เค้กจะไม่เลิกกับทอม”
หลังจากความเงียบยังคงมีการยอมรับด้วยเสียงเป็นเครื่องตอกย้ำว่าตอนนี้เขาได้เสียแฟนสาวไปแล้วจริงๆ
เธอไม่รักเขาอีกแล้ว…
“มึง!” ราวกับเชือกฟางเส้นสุดท้ายได้ขาดลง อารมณ์เขาขาดสะบั้นเพราะประโยคนั้น คนบ้าพลังเข้าประชิดตัวไอ้หน้าหล่อด้วยความรวดเร็วขนาดคนที่คอยมองอยู่ตลอดอย่างแดนและออยยังห้ามไม่ทัน
มันดูงี่เง่าที่เขาจะไปต่อยไอ้หน้าหล่อ…แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาเลิกกับเค้ก!
ผัวะ!
มันเกิดขึ้นเร็วมาก
ทอมกระชากคอเสื้อคนหน้าหล่อให้ลุกขึ้นมาจากโซฟาก่อนจะฝากหนึ่งรอยแผลไว้ที่มุมปากของเขา “ไอ้เชี่ยทอม!?” เสียงอุทานของเพื่อนทังสองดังลั่นและเข้าไปดึงรั้งเพื่อนให้ออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะมีเรื่องไปมากกว่านี้ เพราะคนอื่นๆต่างก็เริ่มให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ตอนนี้แล้ว
“ไอ้นิว!” ผู้ชายอีกสองคนเข้าไปดูเพื่อนหน้าหล่อของเขา
“คุณนิว” เค้กเองก็เช่นกัน
“ไม่เป็นไร?” คนโดนต่อยตอบเสียงเรียบ เขายกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนจะช้อนตามองคนที่เข้ามาต่อยเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ” แดนว่า
“ขอโทษแทนไอ้ทอมด้วยนะเค้ก” ออยเสริม
“แม่งจะไปขอโทษทำไมวะ!?” ทอมโวยวาย พร้อมกับถูกเพื่อนลากตัวออกไป “สมควรโดน!” และทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยค
คุณนิวมองตามคนตัวใหญ่ที่ถูกลากออกไปจนสุดสายตา และความคิดหนึ่งกำลังผุดขึ้นเพราะเริ่มมีความสนใจใคร่รู้ว่าไอ้เด็กคนนี้นั้นเป็นใคร นอกจากเป็นแฟนเก่าของคู่ควงเขาแล้ว
ดี…
อย่าให้เจอครั้งที่สามก็แล้วกัน
โปรดติดตามตอนต่อไป...
twitter : @blueeyesismyheart
-
เจอกันอีกครั้งแล้วจะทำไมหนอ
-
:katai2-1:
ต้องเจอๆ
-
ตอนที่สอง : คุณากร เลิศพัฒน์
ถ้าความรักเปรียบเหมือนไฟ
คุณคงเป็นคนที่ชอบเล่นกับไฟมากเหมือนกัน
คอนโดXXX
“คุณนิวไปโดนอะไรมาครับ?” หนุ่มน้อยวัยสิบแปดเอ่ยถามนายตัวเองด้วยความเป็นห่วงขณะที่กำลังทำแผลให้ เวลาตอนนี้ก็ล่วงเลยไปจนเกือบวันใหม่แล้วถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองเผลอหลับอยู่ตรงหน้าทีวีพอเจ้าของห้องกลับมาก็ดันสะดุ้งตื่น ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าคุณนิวของเขาได้แผลกลับมาหลังจากออกไปเที่ยว
“ไม่มีอะไรหรอก?” เขาว่า “แล้วนี่ทำไมยังไม่นอน?” ก่อนจะเอ่ยถามเด็กรับใช้ในบ้าน ที่แม่ส่งให้มาคอยดูแลเขาอยู่ที่คอนโด แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่ส่งให้มาดูแลเขาหรือให้เขาดูแลเจ้าเด็กนี่กันแน่
เด็กคนนี้ชื่อน่าน เป็นหลานของคนรับใช้ที่บ้านใหญ่พ่อแม่เสียเลยได้มาอยู่กับป้าที่เป็นแม่บ้านอยู่ที่นั่น เขาเห็นน่านตั้งแต่เด็ก กี่ขวบเขาเองก็จำไม่ได้แต่ตอนนี้โตแล้วกลายเป็นเด็กมอปลายหน้าตาดีใช้ได้ น่านเป็นเด็กขยัน ตั้งใจเรียน นิสัยน่ารัก ถึงไม่มีครอบครัวที่เพียบพร้อมแต่ก็นิสัยดีมากๆ
ไม่เคยเกเรหรือหาเรื่องมาให้ใครต้องปวดหัว แต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะเด็กน่านน่ะ มันซื่อเกินไปไม่เคยตามเล่ห์เหลี่ยมใครทัน อย่างตอนเรียนมัธยมต้นก็โดนเพื่อนแกล้ง โดนเพื่อนไถเงินแล้วไม่กล้าบอกใครเพราะโดนขู่ไว้ จนเดือดร้อนมาถึงคุณนิวที่ต้องไปตามเคลียร์ให้
เขาจะไม่ยุ่งก็ได้ แต่ก็นะ…เขาเองก็เอ็นดูน่านเหมือนน้องชาย เหมือนคนในครอบครัวคนหนึ่ง
“ตอนแรกน่านเผลอหลับไปแล้วแต่คุณนิวกลับมาน่านเลยตื่น” คนซื่อว่ามาอย่างนี้
“เป็นฉันเองที่กวนนายว่างั้น?” คุณนิวย้อนถาม แม้เสียงทุ้มจะเรียบนิ่งคล้ายกำลังดุ แต่นั้นคือเขาแค่พูดเล่นๆ น่านเองก็คลุกคลีอยู่กับผู้ชายคนนี้มานาน ก็พอจะรู้ว่าเขามีนิสัยอย่างไร
“เปล่าครับ น่านแค่อธิบายให้ฟัง” เด็กน่านพูด ปากก็อ้าหาววอดๆอย่างน่าเอ็นดู
“ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ไปโรงเรียนสายไม่รู้ด้วยนะ” คุณนิวเตือน พอเด็กหน้าซื่อที่เริ่มง่วงทำแผลให้เขาเสร็จก็เดินเข้าห้องไปทันที คล้อยหลังจากนั้นคุณนิวเดินปิดไฟภายนอกห้องนั่งเล่นแล้วก็เป็นเขาบ้างที่เดินเข้าห้องไป
เห็นมั้ย…? เป็นเด็กน่านหรือเขากันแน่ที่ต้องดูแลใคร
คุณากร เลิศพิพัฒน์ หรือที่ใครๆเรียกว่าคุณนิว เป็นลูกเจ้าของห้างชื่อดังอย่าง The KNK ที่มีหน้าตาและมันสมองเป็นอาวุธ เขาเป็นคนที่เพอร์เฟคในหลายๆระดับ เรื่องแรกที่จะไม่พูดไม่ได้ก็คืออายุ คุณนิวเป็นคนอายุสามสิบเอ็ดที่หน้าเด็กเหมือนคนอายุยี่สิบต้นๆ
ถ้าให้เนียนใส่ชุดเป็นนักศึกษาก็ทำได้แบบไม่มีใครสงสัย และเรื่องความรวยคงไม่ต้องพูดถึงนามสกุล เลิศพิพัฒน์ ติดรายชื่ออันดับสองของคนที่รวยที่สุดในประเทศ
คุณนิวใช้เวลาอาบน้ำประมาณสิบห้านาที จากนั้นก็มาใช้เวลาอยู่กับการสูบบุหรี่ตรงระเบียงอีกยี่สิบนาที จนตอนนี้เวลาจะล่วงเลยเข้าตีสองอยู่รอมร่อ
มือขาวไล้แผลตรงมุมปากตัวเองเบาๆ สมองก็พาลให้ขบคิดถึงหน้าตาของคนที่ฝากรอยแผลนี้ไว้ ไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้จะอายุเท่าไร แต่คงเท่ากันกับเค้กคู่ควงคนล่าสุดของเขา
น่าจะปีสองได้…
ไม่ได้มีรสนิยมกินเด็ก ปกติเขาไม่ค่อยยุ่งกับคนอายุน้อยกว่าเพราะมันน่ารำคาญแต่เค้กเป็นข้อยกเว้นเพราะเธอต่างจากคนอื่น ตางจากคนอายุเยอะกว่าบางคนที่เขาเคยควงด้วยซ้ำ
แต่ก็นะ…ไม่รู้จะอยู่ด้วยได้นานเท่าไรเพราะเขายังไม่ได้เคลียร์เรื่องที่เธอยังไม่เลิกกับแฟนแล้วมาคุยกับเขาเลย เรื่องแฟนของเธอเขาน่ะพอรู้แต่ไม่รู้ว่าตอนคุยกับเขาสาวเจ้ายังไม่เลิกกับแฟนหนุ่มดี บอกไว้เลยว่าไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร ผู้หญิงเองก็เช่นกัน ไม่ชอบคนมีเจ้าของแล้ว
แต่นอกจากเค้กแล้วกำลังคิดว่ามีเด็กอีกคนหนึ่งน่าสนใจ…
ทอม…เด็กนั่นน่ะชื่อทอมอีกสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเจ้าตัว
อย่าให้เจอครั้งที่สามก็แล้วกัน
ใช่มันต้องสามครั้ง
…
หกโมงเช้าโดยประมาณ คุณนิวตื่นขึ้นมาทั้งที่ได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ด้วยความที่ชอบตื่นเช้าเป็นปกติเลยสะดุ้งตื่นขึ้นมาซะได้เขาใช้เวลาอาบน้ำประมาณสิบห้านาที และแต่งตัวอีกสิบนาที
โชคดีหน่อยที่มีน่านคอยเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ไม่งั้นก็คงเสียเวลาอีกนิดหน่อย จากนั้นก็ได้เวลาของอาหารเช้า กาแฟดำรสเข้มถูก
เสิร์ฟพร้อมกับครัวซองค์ของโปรดมันเป็นเบเกอรี่ ชนิดเดียวที่เขายอมกิน พร้อมกับข้าวต้มหมูกลิ่นหอม น้ำส้มคั้นหนึ่งแก้ว หนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับ
แน่นอนว่าทั้งหมดนี่ถูกจัดเตรียมโดยเด็กน่าน เจ้าตัวน่ะมีพรสวรรค์ในเรื่องของการทำอาหารมาก
“น่านขอตัวไปเรียนก่อนนะครับคุณนิว” เด็กหน้าซื่อวิ่งออกมาจากห้องด้วยความรวดเร็ว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงมือไม้ก็หอบอะไรไม่รู้พะรุงพะรัง
“สายเหรอ?” คิ้วหนาลิกขึ้นน้อยๆในเชิงถาม
“นิดหน่อยครับ” เจ้าตัวตอบแล้วยิ้มแห้งๆ “เมื่อเช้านอนเพลินไปหน่อย แหะๆ” พร้อมกับใส่รองเท้านักเรียนอยู่ตรงหน้าประตูห้อง
“ทันมั้ย? ให้ไปส่งหรือเปล่า?”
คุณนิวของเขาน่ะใจดีที่สุดในโลก แต่ไม่หรอก ไม่กล้ารบกวนคุณนิวหรอกแค่นี้ก็ให้มาเกินกว่าเจ้านายกับคนใช้แล้ว
“ไม่เป็นไรครับ” และตอบปฏิเสธไป
“ตามใจ” เขากลับไปสนใจหนังสือพิมพ์ตรงหน้าต่อ ไม่ใช่แค่น่านที่รู้จักคุณนิวดีพอ คุณนิวเองก็รู้จักน่านเหมือนกัน ในเมื่อเด็กคนนี้ปฏิเสธก็อย่าไปบังคับ เพราะน่านน่ะขึ้นชื่อของเรื่องคนขี้เกรงใจสุดๆ
ช่วงบ่ายของวันนั้นลูกชายเจ้าของห้าง The KNK กำลังเดินสำรวจสิ่งต่างๆภายในของห้างตน ไม่ว่าจะบริการ ความพึงพอใจของลูกค้า และอีกหลายๆเรื่องที่มีผลกระทบต่อชื่อเสียงของห้างเขา ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้าย
แต่การได้ลงพื้นที่สำรวจด้วยตัวเองครั้งนี้ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรมากนักเพราะคุณนิวแต่งตัวค่อนข้างปกปิด กางเกงสีดำขายาวห้าส่วนและพับขาขึ้นรับกับส่วนสูงร้อยแปดสิบของเขามาก เสื้อยืดสีขาวที่สวมทับลงบนร่างกายพาดผ่านไหล่กว้างๆแผ่นหลังตึงๆ
คุณนิวคือนิยามของคำที่ว่า ถ้าไม้แขวนดีเสื้อผ้าที่ใส่ออกมาก็ดี เพราะเขาค่อนข้างเป็นคนสมาร์ท ส่วนสูง ท่าเดิน คุณนิน่ะน่ามองทุกอิริยาบถ
พร้อมกับหมวกแก๊บสีดำและแมสปิดปากหนึ่ง วันนี้อยู่ในธีมขาวดำซึ่งมันเข้ากับเขาสุดๆ อันผมสีน้ำตาลอ่อนไม่ได้ถูกเซ็ตขึ้นเหมือนอย่างเคยยิ่งขลับให้ใบหน้านั้นดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
แต่ก็นะ…ไม่มีใครได้เห็นเพราะเจ้าของห้างเล่นปลอมตัวเป็นวัยรุ่นทั่วไป ปกปิดหน้าตาไม่ให้ใครจำได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าออร่าความหล่อมันพุ่งออมานอกแมสจนสาวๆบางคนที่เดินผ่านถึงกับเหลียวหลังตาม
ทุกๆเดือนคุณากรจะชอบทำอย่างนี้เสมอ เดือนละสองสามครั้งก็ว่ากันไปแล้วแต่ความว่างไม่ว่าง เหตุผลที่ไม่ชอบป่าวประกาศให้พนักงานในนี้ได้รู้ก็เพราะว่าเขาไม่ชอบการสร้างภาพ บางครั้งสิ่งที่เห็นก็อาจจะไม่ได้เหมือนกับสิ่งที่เป็นอยู่ ภาพแต่ละภาพมันสร้างขึ้นได้เสมอ
เขาใช้เวลาอยู่ในห้างของตัวเองประมาณสองถึงสามชั่วโมงได้ นี่แค่สาขาแรก ถ้าหากมีเวลาว่างอีกสองสาขาในจังหวัดนี้ก็ว่าจะไป
นี่ยังไม่นับรวมที่ไปขยายสาขาอยู่ที่ต่างจังหวัดถ้าได้ไปคงใช้เวลาทั้งวันแต่ก็นะ…เขาจะหาเวลาว่างให้พวกมันเสมอเพราะอีกหน่อยคุณพ่อก็จะเกษียณตัวเองไปพักผ่อน แต่นี่ขนาดวัยกำลังจะเกษียนเขาก็ยังไม่หยุดทำ คือปล่อยให้ตัวเองว่างไม่ได้ถ้าไม่เล่นหุ้นก็จะหาโครงการอื่นมานำเสนอโดยมีคุณากรเป็นที่ปรึกษา แต่เจ้าตัวก็ต้องเบรกพ่อไว้ตลอดเวลาเพราะแค่ทุกวันนี้ก็ดูแลจนไม่หวาดไม่ไหวแล้ว
สองเท้าที่กำลังเดินไปเรื่อยๆ คิดไว้ว่าจากนี้กลับคอนโด
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีเรื่องมาให้ทำอีกแล้ว…
ความบังเอิญครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อตาคมดันไปสะดุดเข้ากับใครบางคนที่กำกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสตาร์บัคคนเดียว เด็กปีสองตัวใหญ่ๆ ผมสีดำสั้น สวมช็อปสีน้ำเงินเข้มบ่งบอกถึงสถาบัน กางเกงยีนส์สีซีดขาดๆที่ยิ่งทำให้เจ้าตัวดูเซอร์มากยิ่งขึ้น
เป็นคนเดียวกับที่ฝากรอยช้ำไว้ตรงมุมปากเขานั่นแหละ
หึ… :)
เขายกยิ้มขึ้นตรงมุมปากหนึ่งครั้งภายใต้แมสสีดำ
โลกใบนี้น่ะมันกลมนะ…แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลมขนาดนี้ เพิ่งเจอกันเมื่อวานแท้ๆและวันนี้กลับได้เจออีก
ดี…อย่าให้เจออีกครั้งเดียวก็พอ
มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป คุณากรได้กาแฟมาหนึ่งแก้วก่อนจะมองหาที่นั่ง และสุดท้ายก็คิดว่าได้หนึ่งที่
“ขอนั่งด้วยได้มั้ยครับพอดีโต๊ะเต็มหมดเลย” โต๊ะที่ว่าก็คือโต๊ะของเด็กคนนั้นที่ต่อยเขานั่นแหละ มันเข้าแผนของเขาพอดีเมื่อไม่มีที่ไหนให้นั่งเลยแสร้งทำเป็นขอเด็กยักษ์นี่นั่งด้วย รู้สึกขอบคุณตัวเองในใจเงียบๆที่วันนี้สะพายกระเป๋าโน๊ตบุ๊คมา
ข้ออ้างชั้นเยี่ยมเลยล่ะ…
ทอมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบๆร้านแล้วก็พบว่ามันไม่มีที่นั่งจริงๆ เจ้าตัวเลยพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้เขานั่งด้วยได้
ดีนะที่เพื่อนอีกสองคนมันกลับไปแล้วไม่งั้นก็ไม่ได้นั่งหรอก
จากนั้นก็หันไปสนใจหนังสือตรงหน้าต่อ โทรศัพท์ที่วางไว้ก็ถูกนำมาเปิดเพลงก่อนจะเสียบหูฟังเข้าไปและยัดมันเข้าหูเพื่อกลบเสียงทั้งหมดในร้านโดยเพลงโปรดของตน
คุณากรลอบสำรวจคนตรงหน้าเงียบๆ แกล้งทำเป็นเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นและทำงานแต่ที่จริงนั้นไม่ใช่ เด็กนี่เป็นคนผิวละเอียดมากแต่ดูจากท่าทางแล้วคงไม่ชอบดูแลตัวเอง
เด็กคนนี้มีขี้แมลงวันตามใบหน้าอยู่นิดหน่อย แก้มซ้ายอยู่สองที่ ขมับขวาอยู่หนึ่งจุด และที่ปลายจมูกโด่งๆนั่นอีก เขาเคยมองว่าพวกนี้มันน่าเกลียดแต่พอมายอยู่กับเด็กคนนี้แล้วน่ามองเหี้ยๆ
จะว่าเขาสองมาตรฐานก็ได้นะ
ทอมรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองเลยเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ แต่ก็ไม่พบอะไร เห็นก็แค่คนตรงหน้าที่กำลังนั่งก้มหน้าทำงานงกๆ
คงจะรู้สึกไปเอง
ทอมคิดอย่างนั้น
จะว่าไปไอ้นี่มันหน้าตาดูคุ้นมาก…
วินาทีที่ทอมกำลังมองคนตรงหน้าอยู่บ้าง แน่นอนว่าคุณนิวรู้ตัวอยู่เลยแกล้งช้อนตามองขึ้นไป พร้อมกับถามว่า “มีอะไรหรือเปล่า?” คนหลบตาไม่ทันก็ทำตัวไม่ถูกเพราะโดนจับได้ว่าแอบมองอยู่
“อ เอ่อ…”
Rrrrr
แต่รู้สึกโชคดีขึ้นมากระทันหัน เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นสัญญาณเตือนว่ามีคนโทรเข้า
“โทษทีครับ” เด็กหนุ่มเลยพูดขอโทษไป จากนั้นก็เนียนเปลี่ยนเรื่องเป็นรับสาย
‘ว่าไงมึง’ ทอมเอ่ยถามปลายสาย
‘เออ’
‘วันนี้เหรอ?’
‘ก็ได้ๆ ค่ำๆนะ’
‘เออ! กูรู้แล้ว แค่นี้แหละ’
บทสนทนาที่เป็นกันเองจบลง คงจะเป็นคนสนิทที่โทรหา
ดูจากสถานการณ์แล้วทอมคิดว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้นาน เพราะรู้สึกอึดอัดกับสายตาแปลกๆที่กำลังมองมา
“ขอตัวก่อนนะครับ” เลยเอ่ยขอตัวกับคนแปลกหน้าที่มาขอร่วมโต๊ะ หนังสือถูกยัดใส่กระเป๋าลวกๆพร้อมกับเดินถือแก้วกาแฟออกไปจากร้าน
คุณนิวแอบมองไอ้เด็กทอมนั่นจนสุดสายตา
แปลกจริงๆ เด็กนี่น่าสนใจจนขนาดที่ทำเอาเขามองตามจนใจสุดสายตาถึงสองรอบ
บอกได้อีกครั้งและคำเดียวว่าอย่าให้เจอกันด้วยความบังเอิญจนถึงครั้งที่สาม…
หึ…
…
สี่ทุ่มโดยประมาณ
ช่วงเย็นของวันนี้ตอนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสตาร์บัค น้องเทคสุดที่รักของเขามันก็โทรมาบอกว่าวันนี้ให้ไปดูมันขึ้นเวทีด้วย พร้อมกับมันอยากสัมภาษณ์เรื่องที่เขาเลิกกับเค้กเลยเป็นเดือดเป็นร้อนให้ต้องลากตัวเพื่อนร่วมขบวนการอีกสองคนอย่างแดนและออยให้มาด้วย
น้องที่ว่านี้มันชื่อว่าศรศิลป์ เป็นมือกลองของวงดนตรีวงหนึ่งที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงพอสมควรในสายใต้ดิน และสาวๆในมหาลัยค่อนข้างชอบมันมากเพราะนอกจากจะเก่งแล้วหน้าตายังดีใช้ได้ ง่ายๆก็คือไอ้ศรเป็นเดือนวิศวะต่อจากเขานั่นแหละ แถมยังพ่วงด้วยการเป็นเดือนมหาลัยอีกต่างหากเพราะหน้าตามันดีฉิบหาย
ไลฟ์สไตล์ที่ค่อนข้างเฉพาะตัวดูดิบๆเถื่อนๆสาวๆชอบนักแล หุ่นสูงอย่างกับนายแบบ ผมสั้นสีดำสนิท ผิวขาวจั๊วะชนิดที่ว่าเดินออกไปตากแดดข้างนอกแล้วสะท้อนออกมาเป็นแสง และดวงตาที่แสนคมคายของศรน่ะเป็นเครื่องหน้าชั้นยอดที่เหมาะเจาะจะอยู่บนนั้น เพราะเจ้าตัวเป็นคนขอบตาเข้มที่เหมือนคนเขียนตลอดเวลาแต่นั่นไม่ใช่ ไม่ได้ได้มาเพราะสักแต่ได้มาตั้งแต่เกิด
ศรศิลป์เป็นคนตาคมมาก
“หวัดดีพี่” เมื่อดนตรีจบลงพร้อมกับเสียงกรี้ดกราดของบันดาสาวๆในร้าน รุ่นน้องปีหนึ่งก็เดินมาที่โต๊ะของพี่เทคตัวเองทันที
“เออ” ทอมตอบรับ เพื่อนสองคนเองก็เช่นกัน “เล่นเก่งนะมึงเนี่ย” ก่อนจะเอ่ยชมรุ่นน้องตัวเองด้วยความคิดที่ผุดขึ้นมา
“แล้วอะไรทำให้มึงอยากเจอพวกกูได้ล่ะเนี่ย?” แดนเอ่ยถาม หลังจากที่กระดกเหล้าเข้าปากไปเกือบครึ่งแก้ว ก็ร้อยวันพันปีน้องเทคของไอ้ทอมที่ค่อนข้างสนิทกับกลุ่มเขามันจะโผล่หน้ามาให้เห็น ทั้งทีเรียนมหาลัยเดียวกันก็ยังไม่ค่อยได้เจอ
“ก็เห็นพี่ทอมมันโดนบอกเลิก เลยอยากรู้” หนุ่มตาคมพูดออกมาหนึ่งประโยคแบบไม่มีอ้อมค้อม เขาไม่ใช่คนเฟค อยากรู้ก็คือยากรู้ไม่ได้อะไร แต่ความอยากรู้มันก็ผสมความเป็นห่วงเข้าไปนิดหน่อย
“โห...สะกิดแผลสัดๆ!” ออยว่า “เลิกกันยังไม่ถึงอาทิตย์เลยน้องเอ๋ย”
“อยากรู้กูไม่ว่าหรอก แต่ทำไมไม่ถามที่มหาลัยเอาวะ?” ทอมขมวดคิ้ว
โอเค จริงๆแผลมันยังสดอยู่ มาโดนสะกิดอย่างนี้ก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่อยากทำตัวให้เศร้ามากเพราะมันไม่ใช่วิสัยทัศน์ของเสือทอมในตำนาน
เมื่อวานที่เผลอไปต่อยหน้าแฟนใหม่ของเค้กก็ไม่รู้ว่าทำลงไปได้ยังไง เขาอาจจะใจร้อน ขี้โมโห แต่ก็ใช่ว่าจะชอบต่อยตี
“ก็ไม่ค่อยได้ไปมอ” เด็กหนุ่มเอ่ยตอบเหมือนไม่สะทกสะท้านกับการที่ไม่ค่อยเข้าเรียนของตัวเอง
“อะไรของมึง? ทำไมไม่รู้จักเข้าเรียน” ทอมโวยวาย “ถึงว่า ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้า”
“ไม่อยากไปเฉยๆ ต้องมีเหตุผลอะไรอีกวะ?” น้องเทคเองก็ตอบเหมือนกับเป็นแค่เพื่อนกัน
แต่พวกเขาไม่ถือหรอก คนอย่างศรน่ะ ถึงจะปากร้ายไปหน่อยแต่เป็นคนจริงใจ มันเป็นพวกเข้าถึงยาก เรียกง่ายๆก็หยิ่งนั่นแหละแต่ถ้าทำลายกำแพงนั้นได้แล้วจะได้พบความจริงใจที่มีให้เต็มร้อย แต่กำแพงหนานั้นกว่าจะผ่านเข้าไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องหมูๆ พวกเขาเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว
“มึงตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้หน่อยดิวะ อย่าเกเรให้มันมาก” ทอมว่า ก็พอจะรู้อยู่ว่าน้องมันมีปัญหาอะไรอยู่ แต่ก็ไม่อยากให้กระทบถึงเรื่องเรียนแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน
“อย่าสนเรื่องของผมเลย” ศรยักไหล่ “เล่าเรื่องพี่เค้กให้ฟังหน่อยดิ”
“ก็กูโดนบอกเลิก เหตุผลที่ว่ากูไม่เคยดูแลเขา” ทอมอธิบาย แต่ก็ไม่ได้เล่าถึงทั้งหมดเพราะไม่อยากให้อดีตแฟนสาวดูไม่ดี
“แน่เหรอ?” คนนั่งฟังถามขึ้นอย่างไม่เชื่อ เพราะก่อนได้ยินข่าวว่าพี่เทคของตัวเองถูกแฟนบอกเลิกเขาได้เห็นอะไรที่มันเด็ดกว่านั้น
“ก็ส่วนหนึ่ง แต่มันมีมากกว่านั้น” ออยต่อ เตรียมตัวจะเล่าในเรื่องที่เพื่อนไม่ค่อยอยากพูดถึงสักเท่าไร
แต่ก็ถูกพูดขึ้นมาเพราะไอ้เพื่อนตัวดีจนได้
“เค้กมันได้คนคุยใหม่เว้ย” แดนที่พูดต่อ เขาสองคนผลัดกันเล่าเรื่องอย่างเข้าขา โดยมีเจ้าของประเด็นฮอตที่นั่งฟัง “หล่อ ดูดี แล้วก็ดูรวยด้วย”
“เหรอ…?” ศรเอ่ยเสียงเอื่อยๆ ในใจก็คิดแล้วว่าตัวเองมาถูกทาง
“พี่มึงเลยมีสภาพอย่างที่เห็นนี่ไง” ออย “อย่าถามมันมากเลยรู้แค่นี้ก็พอละ เพราะมันก็มีแค่นี้แหละดีเทลไม่เยอะ”
“ตามใ--”
“ไอ้เหี้ยศร!”
พลั่ก!
ยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำรุ่นน้องคนหล่อก็ถูกใครก็ไม่รู้ เข้ามาประชิดตัวจากนั้นก็โดนกระชากคอเสื้อขึ้นจนตัวลอยจากเก้าอี้ และไม่มีใครได้ทันตั้งตัวอะไรด้วยซ้ำกำปั้นหนักๆก็ตั๊นเข้าที่หน้าศรศิลป์อย่างแรงหนึ่งครั้งทำให้ร่างใหญ่ๆเซจนเกือบล้มลงบนพื้นแข็งๆในร้านเหล้า
นักท่องราตรีที่นั่งอยู่ในร้านก็ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย พากันตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ศรมึงเป็นไรมั้ย?” ทอมวิ่งเข้าไปดูรุ่นน้องตัวเอง พร้อมกับพยุงให้น้องมันยืนดีๆ
“ไอ้เหี้ยบอย!” คนโดนต่อยตะโกนเสียงดังลั่น เลือดในกายร้อนผ่าว อารมณ์โมโหกำลังเดือดปุดได้ที่ เสี้ยววินาทีหลังจบประโยค เด็กตัวสูงก็วิ่งเข้าใส่คู่อริทันที ทอมที่รั้งไว้ก็รั้งไม่อยู่เพราะศรแรงเยอะเกินไป ยิ่งเลือดขึ้นหน้าแล้วยิ่งห้ามไม่ได้
ไม่รู้หรอกว่าสองคนนี้มีเรื่องอะไรกัน แต่ตอนอยู่ในมหาลัยเคยได้ยินข่าวมาบ้าง มันไม่ค่อยพ้นเรื่องไหนหรอกนอกจากผู้หญิง
หรืออาจจะมากกว่านั้นก็ได้
ผลัวะ!
พลั่ก!
เสียงกระทบกระแทกของการต่อยตีเสียงดังลั่น เพลงในร้านถูกปิดลง ทอมและเพื่อนพยายามเข้าไปห้ามไม่ให้มีเรื่องกันมากกว่านี้ พี่ๆเพื่อนๆของมันที่อยู่ในวงดนตรีก็รีบมาดูมันเช่นกัน ไม่มีใครห้ามศรศิลป์ในตอนนี้ที่กำลังโมโหถึงขีดสุดได้
ศรไม่ได้เป็นฝ่ายเสียเปรียบเลย เป็นบอยต่างหากที่อยู่ในสถานะนั้น
สองสามนาทีได้ที่มะรุมมะตุ้มกันอยู่อย่างนั้น ศรมีรุ่นพี่อย่างทอมคอยห้ามจนโดนลูกหลงไปด้วย หนึ่งหมัดของใครก็ไม่รู้ ไม่ศรก็บอยประทับที่หน้าเขาเต็มๆ
สัดเอ้ย!
นี่สินะรสชาติของการโดนต่อย เมื่อวานไอ้หมอนั่นมันคงรู้สึกแบบนี้ รู้สึกเหมือนเวรกรรมกำลังตามสนองจริงๆ
“หยุด!” เสียงการ์ดจากหน้าร้านวิ่งเข้ามาพรึบพรับประมาณสี่คนได้ การ์ดหุ่นยักษ์ทั้งสี่จับสองคนแยกออกจากกันได้ในที่สุดถึงมันจะยากมากก็ตามที ศรดูไม่เจ็บอะไรมาก ต่างจากบอยที่สภาพย่ำแย่เกินทน…
หยอดน้ำข้าวต้มอีกนานเลยน้องเอ๋ย…
อีกด้านหนึ่ง…
Rrrrrr
สี่ทุ่มโดยประมาณ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขณะที่คุณนิวกำลังนั่งจมอยู่กับงานตรงหน้า เด็กหน้าซื่อที่กำลังนั่งเฝ้านายของตัวเองอยู่ใกล้ๆก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่งัวเงีย ผมเผ้าชี้ฟูไปหมด
“ไปนอนในห้องเถอะน่าน” เป็นเพราะสงสารเลยไล่ให้เข้าไปนอนในห้องก่อนที่จะกดรับสาย เจ้าตัวเลยลุกจากพื้นเดินเข้าไปในห้องด้วยสภาพเซซ้ายเซขวาของคนเพิ่งตื่นนอน
เด็กน่านชอบมานั่งเงียบๆเฝ้าเขาตอนทำงานเพราะกลัวว่าคุณนิวจะเรียกใช้ หรือขาดเหลืออะไรจะได้ทำให้ ทั้งที่บอกแล้วว่าไม่ต้องแต่เด็กมันดื้อด้านผลเลยเป็นอย่างที่เห็นนี้ ก็นะ…ไม่รู้จะทำยังไง
‘ครับน้าออง?’ เมื่อเห็นว่าเป็นใครที่โทรมา เซนส์บางอย่างของเขามันก็ร่ำร้องว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ
‘ได้ครับ…เดี๋ยวผมจัดการให้’ เสียงของปลายสายที่โทรมาขอร้องอ้อนวอนพร้อมกับการสะอื้นไห้ เป็นเดือดเป็นร้อนให้เขาต้องรีบคว้ากุญแจรถที่วางไว้ข้างๆมาถือไว้ในมือ ก่อนจะหยิบฮู้ดที่ถูกเก็บไว้อย่างดีอยู่ในตู้เสื้อผ้ามาสวมใส่ทับสภาพที่เตรียมพร้อมจะเข้านอนของตัวเอง
ปอร์เช่คันสวยถูกเหยียบเร่งความเร็วในระดับหนึ่งจากที่เคยใช้ แต่ก็ไม่อยากจะเร็วกว่านี้เพราะกลัวโดนใบสั่งจะส่งตามหลังมา เป็นเพราะถนนตอนกลางคืนค่อนข้างโล่งเยลมาถึงที่หมายในเวลาไม่ถึงสิบหานาที
ที่หมายที่ว่านี้ก็คือสถานีตำรวจ
ช่วงขายาวก้าวเดินฉับๆด้วยความเร่งรีบ สีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด รอบกายเหมือนกำลังแผ่ไอเย็นของความน่ากลัวออกมาจนน่าขนลุก
“ผมเป็นพี่ชายของศรศิลป์” เสียงทุ้มพูดขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาข้างในแล้วเจอเจ้าหน้าที่ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ในโรงพักพร้อมกับเพื่อนของเขาอีกสองคนที่เจอในเมื่อวาน ที่พูดขอโทษแทนเพื่อนก่อนจะลากออกไป
หึ… คุณากรยกยิ้มที่มุมปาก
เมื่อวานที่ร้านเหล้า วันนี้ที่สตาร์บัค และวันเดียวกันอีกที่โรงพัก
เจอกันครั้งที่สามจนได้นะทอม
แต่เดี๋ยวก่อน… ขอสะสางเรื่องของน้องชายตัวเองก่อนแล้วเรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง เพราะเจอกันถึงสามครั้งแล้วเขาจะได้ทำอะไรๆ อย่างที่คิดไว้สักที
ทอมที่เพิ่งเห็นว่าใครที่พรวดพราดเข้ามาใหม่ก็ตกใจจนลุกขึ้นจากเก้าอี้ หน้าตาดูอึ้งๆ เพื่อนสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆเองก็ไม่ต่างพากันสะกิดขากันไปมายิกๆ คิดว่าตัวเองฝันไปหรือไม่ก็ตาฝาด เพราะว่าคนที่สวมฮู้ดสีดำมีรอยม่วงๆช้ำอยู่ตรงมุมปาก เขาอยู่ในชุดพร้อมนอนนั้นดันเป็นคนเดียวกับที่ไอ้เพื่อนบ้าพลังไปมันต่อยหน้าเขาเมื่อวาน
และเป็นแฟนใหม่เค้ก…
ซวยแล้วถ้ามันเอาเรื่องขึ้นมาล่ะก็… พ่อรู้เข้าก็ซวยแน่ๆความฉิบหายก็จะมาเยือนแบบเต็มรูปแบบแถมยังเป็นคนเริ่มก่อนอีกด้วย ความฉิบหายมีกี่ครั้งก็คูนสองมันเข้าไป
แต่ยังไงก็ช่าง…คนอย่างไอ้ทอมไม่เคยกลัวใครเว้ย!(นอกจากพ่อกับแม่)
เพราะงั้นทอมเลยเลือกที่จะอยู่ก่อนรอดูน้องเทคของตัวเอง เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ไม่เคยทิ้งพี่ทิ้งน้องทิ้งเพื่อนนะพูดเลย
แต่เรื่องเหี้ยๆที่สอดแทรกกับความตกใจเกิดขึ้นหลังจากนั้น เมื่อทอมรู้ว่าน้องเทคของตัวเองเป็นน้องชายของไอ้หน้าหล่อคนนั้น ทอมแทบล้มทั้งยืน เอามือกุมหน้าอกพร้อมกับดมยาดมแต่ก็ยังคงพยายามเชิดหน้าสู้เหมือนไม่กลัวความผิดของตัวเอง
ศรถูกประกันตัวออกมา พี่ชายเจ้าตัวโทรเรียกทนายให้มาเคลียร์ทุกอย่างให้และก่อนที่ศรมันจะเดินออกไปจากโรงพักได้ยินเสียงทะเลาะกันกับพี่ชายคนนี้ด้วย
อืม...รุนแรงพอตัว
ทอมไม่ได้ถามอะไรมากนักเขากับเพื่อนอีกสองคนรับหน้าที่ขับรถพาน้องมันส่งที่บ้านก็เท่านั้น แต่ก่อนออกมาจากโรงพักเขาดันเจอกับสายตาแปลกประหลาดนั่นของพี่ชายไอ้ศรจนมาถึงตอนนี้ทำให้ทอมรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างช่วยไม่ได้
เซนส์มันบอกกว่าเหมือนกำลังจะมีความฉิบหายเข้ามาเยือนในชีวิตยังไงก็ไม่รู้…
โปรดติดตามตอนต่อไป...
นาทีนี้อยากได้น้องศรเป็นผัวมาก เดือนวิศวะไม่เอาจะเอาเดิือนมหาลัย เจ้าของห้างก็ไม่เอาจะเอาน้องศร!!
-
ทั้งตอนที่อ่านมานี่สงสัยอยู่อย่าง ทำไมต้องสามครั้ง? แล้วหลังจากนั้นคุณพี่เขาจะทำอะไรล่ะนั่น
-
ศรน่านไหมเนี่ย
อิอิ
แอบคิดไปแล้ววว
-
o13 มันต้องมีอะไรเด็ดๆแน่ๆ :hao3:
-
น่าสนใจดีค่ะ ติดตามนะคะ
o13
-
น่าสนใจ
-
น่าติดตามค่ะ
ว่าแต่ ครบสามครั้งแล้วจะทำอะไรหรอคะ :impress2:
-
พี่มันจะทำอารายยยยยย เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก สนุกมากเลย
เราชอบ อยากอ่านต่อแล้ว เราอยากรู้ววว
ตอนนึงอ่านยาวจุใจมากเลยค่ะ
-
ดูเหมือนน้องรหัส ศร ก็จะชอบทอมสินะ
แล้วคุณนิวล่ะ เหมือนถูกใจทอมอยู่เหมือนกัน
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ตอนที่สาม : คุณคนเดิม เพิ่มเติมคือความรู้จัก
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา…
16.35 pm
แอร์เย็นๆของห้าง The KNK ตอนนี้ช่วยคลายร้อนให้เดือนวิศวะเป็นอย่างดีเพราะอากาศข้างนอกที่เพิ่งหนีมานั้นบอกเลยว่ามันร้อนจนตับแทบแตก นี่ขนาดสี่โมงเย็นแล้วนะ ความร้อนยังทุเลาลงแค่เพียงเล็กน้อยเอง
ทานโทษนะครับ ไม่ทราบว่านี่ความร้อนจากดวงอาทิตย์หรือความร้อนจากนรกกันแน่!
คนขี้ร้อนอย่างเขาเลยไม่พ้นที่จะหนีเข้าห้างเพื่อมาตากแอร์ ส่วนเพื่อนตัวดีสองคน ออยกับแดนดันมีธุระซะได้ ต่างคนต่างก็ต้องกลับบ้านไปหาครอบครัวในวันนี้ สุดท้ายทอมเลยต้องอยู่คนเดียวแบบเหงาๆ
จริงๆตอนแรกสองคนนั้นจะไม่กลับด้วยซ้ำเพราะเป็นห่วงเพื่อนที่อาการยังไม่ค่อยดีสักเท่าไร กลัวว่าถ้าอยู่คนเดียวแล้วจะฟุ้งซ่าน เพราะตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทอมก็ขลุกตัวอยู่แต่กับเพื่อนไม่ไปไหน
ถ้าเพื่อนไม่มาหาที่ห้องก็จะหอบผ้าหอบผ่อนไปนอนกับเพื่อนเอง เรียกได้ว่าไปไหนมาไหนสามทหารเสือก็จะกระเตงกันไป แต่วันนี้ทอมก็ยังยืนยันว่าอยู่ได้ ถึงแม้ตอนนี้จะเริ่มคิดถึงพวกมันมากขนาดไหนก็เถอะ
เฮ้อ… ให้ได้อย่างนี้ดิวะ
คนตัวสูงพึมพำออกมาเบาๆ ขณะที่สองเท้ากำลังก้าวเดินอย่างเอื่อยๆ และเป้าหมายก็คือสตาร์บัคตรงหน้าที่แค่เดินไม่ถึงสองเมตรก็จะได้สัมผัสประตูร้านแล้ว หากแต่…
หมับ!
ความรู้สึกอุ่นร้อนเกิดขึ้นยังบริเวณที่ถูกสัมผัส ข้อแขนขาวๆก็ถูกคว้าไว้ด้วยมือใครสักคนที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
ทันเท่าความคิดทอมหันหน้าไปมองเจ้าของฝ่ามือที่กำลังจับข้อมือของตัวเองไว้
มันไม่ได้แน่นมาก แต่ก็ไม่ได้หลวมไป
เขาว่าเขาขาวแล้วนะ ไอ้เจ้าของมือนี้มันขาวกว่าเขาอีก
ทีแรกคิ้วเข้มขมวดมุ่นเล็กน้อยขณะที่กำลังมองไล่ขึ้นไปตั้งแต่ข้อมือยันใบหน้าของคนที่มาจับเขาอยู่
หลังจากนั้นแค่เพียงเสี้ยววินาทีสีหน้าจากที่ดูงงๆก็แปรเปลี่ยนไปเป็นความตกใจ
(O_O)
อะไรวะเนี่ย!?
“คุยกันหน่อยมั้ย?” เจ้าของคำถามยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยตรงมุมปาก
จำได้ว่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็เจอรอยยิ้มแบบนี้ มันเป็นแบบเดียวกันเป๊ะๆ
แน่ล่ะสิ…ก็เป็นคนคนเดียวกันนี่หว่า
ชายหนุ่มวัยสามสิบสองที่หน้าเด็กกว่าอายุวันนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีแดงเลือดหมูที่ใหญ่กว่าตัวนิดหน่อย กางเกงยีนส์สีเข้ม ไม่รู้ว่าของแบรนด์อะไรเพราะทอมเองก็ไม่ค่อยสันทัด ที่รู้ก็เห็นมีแต่รองเท้าNIKE Air Maxที่เขากำลังใส่อยู่เพียงอย่างเดียว ด้านหลังสะพายกระเป๋าใส่โน้ตบุ๊คสีดำหนึ่งใบ
ผมสีน้ำตาลอ่อนแนบลงกับหน้าผากขาวๆของเขาเพราะไม่ได้เซ็ตขึ้นอย่างที่ชอบทำในเวลาทำงาน แต่เนื่องจากว่าตอนนี้คุณากรไม่ได้ทำงานแต่กำลังหาเรื่องคุยกับทอมอยู่
แม่ง…หล่อเหี้ยๆ
ถึงแม้จะตกใจขนาดไหนที่ได้เจอคนคนนี้แต่ทอมก็ไม่ลืมที่จะอุทานในใจเงียบๆ
ไอ้สัด หน้าเด็กขนาดนี้แดกคอลาเจนหมดไปเท่าไรแล้ววะนั่น?
ไม่รู้อายุเท่าไร แต่หน้าเด็กขนาดนี้เป็นน้องกูเลยมั้ยไอ้ห่า!
เดี๋ยวนะ?
แล้วกูจะสนทำไมล่ะเนี่ยยยยยยยย?
เสียงในสมองทั้งสองข้างของทอมตอนนี้กำลังทะเลาะกันนิดหน่อยเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องของผู้ชายตรงหน้า
“คุยอะไรกูไม่คุย!” ทอมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว เหมือนกับสำนวนสุภาษิตที่เคยว่าไว้ มะนาวไม่มีน้ำ พร้อมกับสะบัดข้อมือออกจากฝ่ามือของคนตรงหน้าอย่างแรง
มันหลุดแล้ว…แต่ก็ช้ากว่าคนหน้าเด็กหลายปีแสง เพราะแค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ข้อมือของทอมหลุดจากพันธนาการของคนตัวสูง เขาก็คว้าหมับ จับไว้ให้อยู่ในลักษณะเดิมด้วยความรวดเร็ว
“ไอ้เชี่ยหนิ” เด็กยักษ์ที่เริ่มหัวร้อนต่อว่าเขาด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างเกรี้ยวกราด แต่เหมือนว่าคุณากรจะไม่สะทกสะท้านกับคำพูดที่พ่นออกมาจากปากของคนตรงหน้าสักเท่าไร
หึ…
อีกครั้งที่เขายิ้มเช่นเดิม จนทอมเริ่มขนลุกจนชันผิดกันกับสาวๆที่เดินผ่านไปมาแถวนี้ซึ่งกำลังเหลียวหลังมองเจ้าของรอยยิ้มนี้กันจนคอแทบเคล็ด
“คุยกันนิดหน่อยเอง” เขาว่าเสียงเรียบ ยักไหล่ขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่หยี่ระ ก่อนจะออกแรงลากเด็กยักษ์ให้เดินตามเข้าไปในสตาร์บัค
เขาเลือกที่นั่งเหมาะๆหนึ่งที่ ซึ่งติดอยู่ตรงกระจกของร้านมองเห็นผู้คนที่กำลังเดินไปมา “จะกินอะไรก็สั่ง” ก่อนจะล้วงแบงค์พันในกระเป๋ากางเกงให้ทอม
คิ้วเข้มของเดือนวิศวะขมวดมุ่น ดูงุนงงยิ่งกว่าเดิม เพราะการกระทำของคนคนนี้
อะไรของมันวะ?
เริ่มงงแล้วนะเว้ย!
ถ้าจะเอาเรื่องที่เขาไปต่อยหน้ามันวันนั้นก็เอาเลย (แค่อย่าให้ถึงหูพ่อก็พอ) แต่ทำไมถึงลากเข้ามาในร้านกาแฟแบบนี้ได้แถมยังควักเงินตัวเองออกมาให้เขาเอาไปซื้อเครื่องดื่มอีก
รวยมากหรือไงมึง?
“กูไม่แดก จะเอายังไงก็พูดมา!” ทอมปฏิเสธพร้อมกับยัดแบงค์พันใส่มือกลับคืนพร้อมกับถามเสียงห้วนๆเหมือนที่ใช้ก่อนหน้านี้ และคำพูดคำจาที่ค่อนข้างหยาบคาย
“ไปซื้อ… แล้วมานั่งคุยกันดีๆ” คุณนิวค่อนข้างใจเย็น เขาพยักพเยิดหน้าไปทางเคาท์เตอร์หนึ่งที พนักงานในร้านที่เห็นว่าเป็นใครที่เข้าร้านวันนี้ต่างก็กรี๊ดกร๊าดในใจกันเบาๆ บางคนก็ถึงกับแอบยืนบิดตัวไปมาน้อยๆด้วยความเขิน
คนอะไรก็ไม่รู้แค่มองหน้าก็เขินแล้ว บ้าบอ!
จะใครซะอีกล่ะ?
ก็นั่นน่ะ…คุณนิวลูกเจ้าของห้าง The KNK ไง! เขาเคยเข้ามาในนี้ก็จริงแต่ก็แค่ไม่กี่ครั้ง สงสัยวันนี้สาวๆจะแต้มบุญถึง
ถึงได้ไม่นกกันถ้วนหน้า เพราะได้มีโอกาสได้เห็นลูกชายสุดหล่อของเจ้าของห้างคนนี้สักทีหลังจากที่พนักงานในร้านพากันพูดปากต่อปากว่าแซ่บนักแซ่บหนา!
และก็เป็นอย่างที่ข่าวลือว่าไว้!
“ก็กูไม่กินอ่ะ! จะทำไม?” ทอมช่างหยาบคายไม่ดูอายุตัวเองเลยสักนิดว่าห่างกับเขากี่ปี ถึงคุณากรจะหน้าเด็กก็ใช่ว่าอายุเขาจะเด็กสักหน่อย
“โอเค ตามใจ” และคุณนิวก็เลือกที่จะไม่เซ้าซี้ ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ “นั่งสิ” ผายมือเชิญชวนให้เด็กยักษ์นั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“มีอะไรก็พูดมาเร็วๆ!” แต่คนดื้อรั้นมีเหรอจะทำตาม เขายืนตั้งคำถามพร้อมกับเท้าเอวรอฟังคำตอบ
ขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังโดนสายตาของพนักงานในร้านประณามยังไงก็ไม่รู้…
ไม่ใช่ว่าเรื่องไม่ได้สั่งเครื่องดื่มหรืออะไรนะ แต่ว่าด้วยเรื่องที่กำลังทำตัวหยาบคายกับหนุ่มหล่อตรงหน้าที่มีท่าทางโคตรคุณชาย
อกผาย ไหล่ตึง หลังตรง
ท่าทางคุณชายฉิบหาย!
ทอมเบ้ปากเบาๆ กรอกตาหนึ่งครั้งด้วยความมันไส้
แต่แล้วไง? เขามันพวกโนแคร์โนสนอยู่แล้ว ใครจะมองยังไงก็ช่าง
“ก็แค่อยากคุยด้วย” “คุยเรื่องทั่วๆไป” มองหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่วางตา แม้เจ้าตัวจะยืนค้ำหัวคุยกับเขาก็เถอะนะ บอกได้เลยว่าถ้าเป็นศรศิลป์หรือเป็นคนอื่นมาทำตัวกับเขาแบบนี้คงต้องมีการสั่งสอนกันนิดหน่อย
“คุยกับมึงแล้วปวดหัวว่ะ กูไปละ!” ทอมพูดและกำลังจะเตรียมตัวเดินหนีออกไปจากจุดจุดนี้ ที่กำลังเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ
“ก็แค่อยากคุยด้วยกันดีๆ” และคำตอบของคุณนิวที่พูดออกมาก็ยิ่งทำเอาคนที่เข้าใจอะไรยากอย่างทอมถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
แล้วมันจะอยากมาคุยดีกับกูทำไมวะ?
ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย…
แฟนใหม่ของแฟนเก่าที่ไหนเขาจะมาคุยกันดีๆได้ ถึงจะมีบ้างก็เถอะ แต่ทอมน่ะไม่ใช่หนึ่งในกลุ่มน้อยๆนั่นแน่นอน
เพราะงั้นเลยไร้ซึ่งเหตุผลที่จะตอบโต้หรือพูดคุยกันอีกต่อไป ทอมไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้นเขาเดินหนีออกมาทิ้งไว้ให้ลูกชายเจ้าของห้างสุดหล่อนั่งเพียงลำพังอยู่ที่เดิมอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ท่ามกลางสายตาของคนในร้านที่แอบมองอยู่เป็นระยะๆ
หึ…
รอยยิ้มแบบเดิมๆที่ถูกยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง
หัวดื้ออย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
นี่มันแค่เริ่มต้นนะทอม…
วันนี้ถือว่าเวลาของเขาไม่เสียเปล่าเพราะอย่างน้อยก็ยังได้คุยกับไอ้เด็กยักษ์
ครั้งแรกที่เจอกัน (วันที่เขาโดนต่อยนั่นแหละ) ก็รู้ตัวทันทีเลยว่าสนใจทอมในระดับหนึ่งอย่างไม่มีเหตุผล
ยอมรับว่ามันเป็นแค่ความสนใจ ไม่ใช่ความชอบ และเพราะความรู้สึกนั้นเลยส่งผลให้เขาเลือกที่จะทำอะไรอย่างในหลายๆวันที่ผ่านมา
เช่นการหาประวัติของทอม และการเจียดเวลาอันน้อยนิดของตัวเองเพื่อตามดูว่าเด็กคนนี้ว่างแล้วจะไปไหน
เขาดูเหมือนทุ่มเทมาก แต่ก็เปล่าหรอกมันเป็นนิสัยของคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจและอยากได้อะไรก็ต้องต้องได้อย่างเขา
กับทอมก็เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าจะอยากได้ทอมมาทำไม แต่สมองมันสั่งการไปแล้วว่าอยากได้
และเขาก็ต้องได้…
อ่านต่อข้างล่างนะคะ
-
ต่อค่ะ
…
วันต่อมา
ช่วงเช้าของอีกวันทอมขับรถกลับบ้านที่อยู่ต่างอำเภอเพื่อมาหาพ่อกับแม่และพี่ทับทิมซึ่งทุกๆเดือนเราจะมีนัดของครอบครัวที่ต้องได้ทานข้าวด้วยกันสักครั้ง
ทอมมีพี่สาวหนึ่งคนชื่อว่าทับทิม เธอเป็นสาวโสดสวยลัเก่งที่อายุขึ้นหลักสามแล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะแต่งงานสักทีเพราะสาวเจ้าเอาแต่ทำงานๆแล้วก็ทำงานไม่ได้สนใจอะไรสักอย่าง ความรักก็เช่นกัน
มาสด้าสามสีขาวเลี้ยวเข้าไปจอดภายในตัวบ้านเมื่อประตูรั้วอัตโนมัติถูกสั่งงานด้วยรีโมทที่แม่ทิ้งไว้ให้เขาหนึ่งอัน ทอมมาถึงบ้านในเวลาประมาณสี่โมงเช้า
พอลงจากรถได้แล้วคนตัวสูงก็หอบถุงขนมที่ติดชื่อร้านเจ้าโปรดของคนในบ้าน จากนั้นสองเท้าก้าวฉับๆเดินหายเข้าไปในตัวบ้าน
ทันที
ทอมอยู่ในเสื้อผ้าสบายๆอย่างที่ชอบใส่ กางเกงขาสามส่วน เสื้อยืดตัวละร้อยเก้าๆที่ไปซื้ออยู่จตุจักรกับเพื่อน และรองเท้าแตะโนเนมที่ซื้อมาจากที่ไหนสักที่ซึ่งตอนนี้จำไม่ได้แล้ว
“อ้าว! น้องทอมมาแล้วค่ะคุณผู้หญิง” เสียงพี่แก้วสาวใช้ในบ้านดังขึ้นเมื่อเห็นว่าใครที่เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับถุงอะไรไม่รู้ ดูพะรุงพะรังไปหมด
“แม่หวัดดีครับ พี่แก้วหวัดดีครับ” เดือนวิศวะทำความเคารพคุณนายประจำบ้านพร้อมกับพี่แก้วสาวใช้ที่เป็นเหมือนคนในครอบครัว
“สวัสดีค่ะน้องทอม ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะเนี่ย?” พี่แก้วว่าพร้อมกับลุกขึ้นจากการที่กำลังช่วยคุณนายร้อยมาลัยไปเป็นช่วยน้องทอมของเธอถือถุงขนมแทน
“ซื้อขนมเจ้าโปรดมาฝากน่ะครับ มีของพี่แก้วด้วยนะ” เจ้าตัวว่าพร้อมกับยื่นถุงขนมให้พี่แก้ว
“ไม่มาหาแม่เลยนะน้องทอม ก็คิดว่าแต่ลืมทางกลับบ้านซะแล้ว” คุณแม่แซวเล็กน้อยขณะที่ลูกคนเล็กทิ้งตัวนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ
“โถ่แม่…ก็หนูเรียนหนัก” ทอมว่าพร้อมกับเอาหน้าหล่อๆไปถูไถที่แขนของคุณแม่ไปมาอย่าออดอ้อน
สรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองถูกเปลี่ยนไป ทอมมักจะใช้คำว่าหนู มันอาจจะดูขัดกับบุคลิกหากแต่ด้วยความเคยชินก็เลยไม่สามารถละทิ้งคำติดปากนี้ได้สักที
แต่ก็แค่กับคนในครับครัวนะ ถ้าอยู่ข้างนอกแล้วใครมาได้ยินเขาแทนตัวเองว่าหนูแบบนี้มีหวังโดนล้อยันลูกบวช เสียภาพพจน์เดือนวิศวะสุดเท่ ที่โคตรกร๊าวใจสาวๆในมอหมด
“อย่าบอกนะว่าเรียนหนักจนไม่มีเวลาดูแลตัวเองเลยเนี่ย?” คุณแม่ถามและวางดอกไม้ในมือลงก่อนจะจับและลูบๆคลำๆที่ใบหน้าของลูกชาย “ทาครีมครั้งล่าสุดวันไหนเนี่ยลูก?”
“แล้วดูสิผมเผ้าเนี่ย! ไม่ได้ตัดตั้งแต่ตอนไหน? ใช่ครั้งล่าสุดที่กลับมาบ้านหรือเปล่า?” เพราะว่าสภาพของลูกชายตนตอนนี้อยากจะบอกกว่าย่ำแย่มาก ผิดกับช่วงในอดีตลิบลับที่เคยน่ารักอย่างกับเด็กผู้หญิง
แล้วดูตอนนี้สิ หุ่นใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถึงผิวพรรณจะเนียนละเอียดแต่ถ้าไร้การใส่ใจดูแลมันก็ต้องแย่ลงมานิดหน่อย ผมเผ้าที่ชอบตัดสั้นๆบัดนี้ยาวลงมานิดหน่อยจากเด็กที่เคยน่ารักเหมือนกับเด็กผู้หญิงตอนนี้ดูเป็นผู้ชายห่ามๆไม่ค่อยดูแลตัวเอง
แต่ก็ยังไงก็ยังดูโซฮ็อตมากในสายตาสาวๆ
แต่ถ้าในสายตาของคุณแม่แล้วก็นะ…ขัดใจเล็กน้อยก็แล้วกัน
จากเด็กบอบบางที่ป่วยบ่อยๆในวันนั้นได้กลายมาเป็นผู้ชายที่ดูแข็งแรงในวันนี้เสียแล้ว ถึงจะดูแปลกไปนิดหน่อยก็เถอะ
ทุกวันนี้ยังคิดว่าน้องทอมเป็นเด็กตัวน้อยๆสำหรับเธอเสมอ ดูสิ…ขนาดโตแล้วนิสัยขี้อ้อนก็ยังไม่หายไปไหนเลย
“แม่…เรียนมาก็เหนื่อยละหนูไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรอก” เด็กยักษ์ขี้อ้อนบ่นอุบอิบ ท่าทางน่ารักๆแบบนี้น่ะน้อยนักจะได้เห็นถ้าไม่ใช่ตอนอยู่กับครอบครัวก็ไม่มีใครได้เห็นหรอกเชื่อสิ
แต่เรื่องเรียนนั้นน่ะไม่ถึงกับทำให้ไม่มีเวลาดูแลตัวเองหรอกมันก็แค่ข้ออ้าง แท้จริงแล้วเขาแค่ขี้เกียจและดื่มเหล้าบ่อยเท่านั้นเอง เลยเป็นสาเหตุให้ทอมมีสภาพแบบนี้
แต่ใครจะกล้าพูดเรื่องจริงออกไปถ้าแม่รู้เข้ามีหวังโดนบิดหูหลุดแน่ๆ
“เอาล่ะๆ ไปสวัสดีพ่อกับพี่ทิมข้างห้องทำงานก่อนไป แล้วเดี๋ยวเย็นๆพาแม่ไปจ่ายตลาดด้วยนะ” คุณแม่ว่า
“ครับคุณนายยยยยย” ทอมลากเสียงยาวก่อนจะไปก็แอบขโมยหอมแก้มคุณแม่ไปฟอดหนึ่งซะเต็มรัก
ช่วงเย็นของวันนั้น
ทอมพาคุณนายของบ้านมาจ่ายตลาดอย่างที่ชอบทำมาตลอด เจ้าตัวเดินตามหลังต้อยๆพร้อมกับช่วยถือของสดที่แม่เป็นคนเลือก ส่วนเขาก็มีแค่หน้าที่ถือ ครั้งนี้เราเลือกที่จะทานอาหารด้วยฝีมือคุณแม่ ไม่ได้ออกไปทานที่ไหนเหมือนครั้งก่อนๆ
แอบได้ยินมาว่าจะมีแขกของพ่อมาร่วมโต๊ะมื้อนี้ด้วย แถมยังเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันอีกต่างหาก เพราะตอนวัยรุ่นเพื่อนกับพ่อคนนั้นสนิทกันมาก
ก็คงจะเหมือนเขากับพวกแดนแล้วก็ออยล่ะมั้ง?
ไม่ได้รู้เพราะเคยเห็นนะ แต่รู้เพราะแม่เล่าให้ฟังเมื่อกี้นี้เอง
“น้องทอมเอาผักไปล้างให้แม่หน่อย” คุณแม่สั่งงานทันทีเมื่อกลับมาจากตลาดและมุ่งตรงเข้ามาทางครัว บุคคลที่อยู่ในครัวตอนนี้มีแม่เป็นคนทำ และพี่แก้วกับเขาเป็นผู้ช่วย ส่วนพี่ทิมน่ะเหรอ…นั่งคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้อยู่กับพ่อ
พี่ทิมน่ะเป็นผู้หญิงที่โคตรไม่เหมือนผู้หญิงเลยสักนิด
เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะให้พี่ทิมเข้าครัวไม่ต้องหวังเลยสักนิด เนื่องจากว่าเข้าครัวครั้งไหนครัวก็ไหม้ครั้งนั้น
ถึงเรื่องงานบ้านจะไม่ได้เรื่องก็เถอะ แต่พี่สาวเขาน่ะทำงานเก่งมาก ฉลาดและหัวไวสุดๆ
ยิ่งแต่ก่อนตอนที่ยังคงเป็นเด็กใครๆที่พบเห็นต่างก็บอกว่าทอมกับพี่ทิมน่าจะสลับร่างกันซะ เพราะทอมตอนนั้นเหมือนเด็กผู้หญิง ส่วนพี่ทิมเองก็แก่นแก้วซะเหลือเกินจนน่าจะเกิดเป็นผู้ชายซะให้รู้แล้วรู้รอด
“น้องทอมอยู่ที่นั่นมีคนมาจีบบ้างมั้ยคะ?” พี่แก้วชวนคุยขณะที่เจ้าตัวขะมักเขม้นกับการล้างผัก
“มีแน่นอนดิ หนูหล่อซะขนาดนี้” ทอมโม้ แต่มันก็แค่เมื่อก่อนน่ะนะ ตอนนี้เขาเบื่อที่จะทำอะไรแบบนั้นแล้ว เบื่อที่จะเจ้าชู้เบื่อที่จะลื่นเหมือนปลาไหลตั้งแต่ได้เจอเค้กจนกระทั่งเลิกกัน
“แต่คนหล่อที่ไม่ค่อยดูแลตัวเองก็เท่านั้นนะน้องทอม” คุณแม่พูด
“โธ่แม่…”
ไม่วายที่จะวกกลับมาพูดเรื่องเดิม แม่น่ะเจอหน้ากันกี่ครั้งๆก็ชอบบ่นเรื่องการดูแลตัวเองของเขาเสมอ
ก็คนมันขี้เกียจอ่า…
และบทสนทนาของลูกชายกับคุณแม่ก็เกิดขึ้นตลอดเวลาขณะที่ทำอาหาร และเมนูที่ทำในวันนี้ก็มียำผักบุ้งกรอบ ปูผัดผงกะหรี่ ต้มยำกุ้ง ปลาช่อนลุยสวน และแกงเขียวหวานไก่ที่เป็นเมนูโปรดของลูกชายคนเล็ก
เรียกได้ว่าการทำอาหารครั้งนี้ทำให้แม่ครัวและผู้ช่วยเสียพลังไปไม่ใช่น้อย แถมของหวานยังเป็นข้าวเหนียวมะม่วงที่คุณแม่มูนข้าวเหนียวไว้รอตั้งแต่ตอนบ่าย
อาหารที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือแม่ผมพูดเลย…
“นั่นไงท่าทางอาหารจะเสร็จแล้ว” คุณพ่อพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอาหารถูกยกออกมาโดยภรรยาของเขาและสาวใช้ในบ้าน
ขณะที่กำลังนังคุยอยู่กับหนุ่มใหญ่คนหนึ่งอย่างออกรสตามภาษาเพื่อนที่ไม่ค่อยได้มีเวลาเจอกัน ทับทิมเองก็เช่นกันที่กำลังคุยกันถูกคอกับลูกชายของเขาในเรื่องของการเล่นหุ้น
ทอมช่วยพี่แก้วจัดแจงอาหารบนโต๊ะ ส่วนคุณแม่ก็ออกไปตามสามีและเพื่อนของเขา เห็นว่าวันนี้เขาพาลูกชายมาด้วย เพราะจริงๆแล้วทั้งสองท่านเองก็ต้องการที่จะเป็นพ่อสื่อให้ลูกสาวกับลูกชายได้มีโอกาสได้คุยกัน
คนวัยเดียวกันน่าจะคุยถูกคอกันบ้างไม่มากก็น้อย
“สวัสดีครับคุณอา” ลูกชายของเพื่อนสามีตนยกมือขึ้นไหว้และพูดทำความเคารพ
“สวัสดีจ้ะลูก” คุณแม่รับไหว้ “จำอาได้มั้ยคะ?” ท่านถามขึ้นเพราะไม่ได้เห็นหน้าเด็กคนนี้มานานแล้วเหมือนกัน ล่าสุดนี่น่าจะเป็นตอนนี้น้องทอมยังไม่เกิดด้วยซ้ำ
“จำได้ครับ อาวัน” เขาตอบคำถามและยิ้มขึ้นหนึ่งครั้ง
“อาก็ถามดู กลัวว่าจะจำกันไม่ได้” “ไปค่ะ… เราเข้าไปข้างในห้องอาหารกันเถอะค่ะ”
ทอมที่เพิ่งช่วยพี่แก้วและคุณแม่จัดเตรียมอาหารตรงหน้าเสร็จก็หันหลังกลับไปเตรียมจะยกมือไหว้ผู้ที่เข้ามาใหม่ สองมือพร้อมที่จะยกไหว้ทำความเคารพเพื่อนของคุณพ่อที่ตัวเองยังไม่ได้ไปทำความเคารพเลย เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่ในครัว
“สวัสดีครับคุณอา--”
เสียงที่เปล่งขึ้นถูกตัดฉับแทบจะในทันที เพราะใครบางคนที่ปรากฏขึ้นในสายตาของตนเอง
รู้สึกเหมือนกับผีหลอก รู้สึกเหมือนกับภาพม้วนเก่ากำลังฉายซ้ำ
เพราะรอยยิ้มแบบเดิมที่เคยได้เห็นเมื่อวาน และเมื่ออาทิตย์ก่อน กำลังปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
ไอ้หน้าเด็กนั่น?
ทำไมตอนนี้มันมาอยู่ในบ้านเขาได้วะ?
“สวัสดี…เห็นตอนนั้นก็เพิ่งคลอด แป้บๆก็โตเป็นหนุ่มแล้วนะ” หนุ่มใหญ่ท่าทางใจดีรับไว้และยิ้มตอบ พร้อมกับเอ่ยย้อนรำลึกความหลังที่เคยเจอกับเด็กคนนี้นิดหน่อย ซึ่งมันก็นานมากแล้ว ถึงท่านทั้งสองจะได้เจอกันบ้างเป็นบางครั้งบางคราวแต่ก็ใช่ว่าลูกๆพวกเขาจะได้มาเจอกันสักหน่อย
“นี่ลูกอาเองนะ เขาชื่อนิวถ้าเห็นที่ไหนก็ทักได้เลยนะ” คุณอาใจดีพูดแนะนำ
ทอมเองก็อึ้งๆนิดหน่อย เขารู้ว่าโลกมันกลมแต่ไม่คิดว่ามันจะกลมขนาดนี้
ทำไมอยู่ๆคนที่ห่างกันเกินกว่าที่จะรู้จัก แท้จริงถึงได้เป็นคนใกล้ตัวอย่างน่าตกใจแบบนี้?
อืม…งงนิดหน่อยนะกับความบ้าบอของโลกใบนี้
หนึ่งรอยยิ้ม พร้อมกับหนึ่งคำทักทาย “ สวัสดีครับ น้อง…?” เป็นคุณนิวที่เอ่ยทักทายก่อน เขาตั้งใจจะกวนเจ้าเด็กยักษ์ตรงหน้านั่นแหละ ทั้งที่ก็รู้จักกันอยู่ก่อนแล้วถึงแม้ว่าจะมีแต่เขาที่รู้มากกว่าอยู่ฝ่ายเดียวก็เถอะ
จำได้ว่าเด็กนั่นไม่เคยรู้ชื่อของเขามาก่อน
“น้องทอมพี่เขาถามน่ะ” พี่ทิมสะกิดเรียกทอมที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป อยู่ๆก็มีท่าทางแปลกๆ เขาพูดด้วยก็ไม่พูดกับเขา
“อะ เอ่อ…” เสียงทอมติดขัดนิดหน่อยเพราะเพิ่งหลุดออกจากภวังค์ของความตกใจ “สวัสดีครับ” และจำใจยกมือไหว้คุณนิวทั้งที่ไม่ได้อยากทำเลยสักนิด
มีอย่างที่ไหนต้องยกมือไหว้แฟนใหม่ของแฟนเก่า รู้ถึงไหนอายถึงนั่น เสียชื่อไอ้ทอมหมด!
“ครับ… น้องทอม” เขาตอบรับ
เดี๋ยวนะ!?
ไอ้ฉิบหายเอ้ย! ไม่ได้นะเว้ย! ห้ามเรียกน้องทอมเด็ดขาดเพราะมึงมันไม่ใช่คนในครอบครัว!
ก็ได้แค่เกรี้ยวกราดในใจเพราะคุณนิวดันเรียกชื่อเขาแบบที่ไม่ค่อยชอบให้คนภายนอกเรียกเท่าไร
เข้าใจมั้ย?ว่ามันไม่คูล!!
ถึงข้างในจะเกรี้ยวกราดยังไงภายนอกก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมาเล็กน้อยอย่างไม่เต็มใจนัก เพราะไม่กล้าแสดงสิ่งที่กำลังคิดอยู่ออกไป
เนื่องจากตัวตนที่แท้จริงของเขาน่ะ…น้อยนักที่พ่อกับแม่หรือพี่ทิมจะได้เห็น เอาจริงๆแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้แสดงความเป็นตัวเองที่แท้จริงออกไปเท่าไร อยู่บ้านก็เป็นอีกแบบ ที่มหาลัยก็อีกแบบ
หมายตอนอยู่บ้านเป็นน้องทอมของคุณแม่ ของพี่ทิม แต่พออยู่มหาลัยเป็นไอ้เหี้ยทอมของเพื่อนๆก็เท่านั้น
รู้สึกเหมือนกิ้งก่ายังไงก็ไม่รู้ เปลี่ยนสีไปเปลี่ยนสีมา
และอาหารมื้อเย็นก็เริ่มต้นขึ้น โดยทุกคนล้วนมีบทสนทนาภายในนั้นยกเว้นแค่ทอมเพราะเด็กมหาลัยอย่างเขาที่ไม่ประสาเรื่องการเรื่องงานก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะคุยอะไร
แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ได้และเข้าใจในการสนทนาของพวกเขาก็คือ… อยากจะจับคู่ให้พี่ทิมกับไอ้คุณนิวนั่นฉิบหาย!
ไม่ได้! เขายอมไม่ได้ เพราะเขารู้ว่าไอ้คุณนิวนั่นมันร้ายขนาดไหนแถมมันยังคบกับเค้กอยู่ด้วย
ยอมไม่ได้หรอก!
“นิวถ้าเห็นลูกชายอาไปมีเรื่องต่อยตีกับใครก็บอกอาได้เลยนะ หรือถ้าเห็นเจ้าทอมมันไปเกเรที่ไหนอาฝากดูด้วยนะยิ่งไม่ได้อยู่ในสายตาเหมือนแต่ก่อนอยู่ด้วย” หนุ่มใหญ่ที่ขึ้นชื่อว่าบิดา ฝากฝังทอมไว้กับคุณนิว ยังไงถ้าเจอกันข้างนอกก็จะได้ช่วยเหลือกันไป
คุณนิวยิ้มอีกแล้ว ยิ้มแบบที่ชอบยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นหนึ่งประโยค “น้องดูเป็นเด็กดีนะครับ…” เขาเว้นจังหวะไปแค่เสี้ยววินาที “คงไม่มีเรื่องต่อยตีให้คุณอาปวดหัว”
หน็อยยยยยยย!
ไอ้คุณนิว! มึงมัน…
ทอมรู้ว่าไอ้คุณนิวคนนี้น่ะต้องการพูดใส่ใจตน เพราะตั้งแต่เจอกันครั้งแรกตัวเองก็ดันไปทำร้ายเขา ถึงจะไม่หนักหนาสาหัสแต่ถ้าพ่อรู้เข้ามันก็เป็นตัวทอมเองที่จะต้องเป็นคนที่โดนอย่างหนักหนาสาหัดแทน
ถึงพ่อจะใจดี แต่ถ้าโหดก็โหดเอาเรื่อง!
เพราะอย่างนี้ไงเลยกำลังหวั่นๆใจถ้าไอ้คุณนิวมันไปฟ้องพ่อเรื่องนั้น บอกได้คำเดียวว่า ฉิบหาย!
ก็ได้แต่ภาวนาล่ะนะให้ไอ้หน้าหล่อนี่มันไม่พูดออกมา
ทานคาวเสร็จก็ต่อด้วยทานหวาน
พี่ทิมเลือกที่จะไปนั่งที่ศาลาตรงสวนในบ้าน และผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็พยายามให้เขาทั้งสองได้มีเวลาอยู่ด้วยกันและมันเป็นสิ่งที่ทอมยอมไม่ได้!
ไอ้คนนั้นน่ะไม่เหมาะกับพี่ทิมของเขาเลยสักนิด จะมีดีก็แค่หน้าหล่อ! (แถมหน้าเด็กด้วย) สูงยาวเข่าดี และบ้านที่โคตรรวยฉิบหาย และวันนี้ทอมเองก็เพิ่งรู้ว่าห้างที่ไปเดินเมื่อวาน หรือตลอดมานั่นเป็นของไอ้คุณนิว
ตอนรู้แทบเอามือยกทาบอกและดมยาดมซะให้หายเวียนหัวกับความรวยนี้
แต่ถ้ารู้เร็วกว่านี้สักอาทิตย์นะ สาบานได้ว่าจะไม่ไปเหยียบเลย!
เห็นมั้ย? ไม่เหมาะกับพี่ทิมสักนิด ไม่เหมาะกับเค้กด้วย!
หนึ่งความคิดดังขึ้นอย่างเอาแต่ใจ
“พี่ทิมหนูเอาข้าวเหนียวมะม่วงมาให้” ทอมเดินเข้ามาในศาลาพร้อมกับถาดข้าวเหนียวมะม่วงสองที่ ซึ่งมีแค่ของตัวเองกับพี่สาวเท่านั้น ส่วนไอ้คนนั้นน่ะไม่มีหรอก
ฉิบหายละ!
แค่เสี้ยววินาทีก็รู้ได้ว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่ผิดมหันต์ลงไป
ดันเผลอแทนตัวเองกับพี่ทิมว่าหนูซะได้
เพราะความเคยชินแท้ๆเลยไอ้ทอมเอ้ย!
เท่านั้นแหละรอยยิ้มแบบเดิมๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนหล่อ ถ้าสาวๆคนอื่นเห็นอาจจะหันมองจนคอเคล็ดแต่สำหรับทอมแล้วยิ่งเห็นยิ่งเหม็นเบื่อ ยิ่งมันไส้!
หมดกันความลับของไอ้ทอม ขนาดเพื่อนอย่างแดนกับออยยังไม่รู้เลยแม้แต่น้อย
“ทำไมเอามาสองจาน?” พี่ทิมถาม เมื่อเห็นว่ามันควรเป็นสามสิ หรือทอมอาจจะไม่ทานนะ?
“ก็ของหนูกับของพี่ทิมไง” คำตอบของทอมยิ่งเอาพี่ทิมสงสัย วันนี้น้องทอมของเธอดูแปลกมาก อีกอย่างยังดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ชอบคุณนิวด้วยนะ
“ทำไ--”
Rrrrrrr
ยังไม่ทันได้ตั้งคำถามด้วยซ้ำ เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยของพี่ทิมก็แผดเสียงดังขึ้น “เดี๋ยวทิมขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ” เธอบอกขอตัวกับคุณนิว พร้อมกับมองน้องทอมอย่างคาดโทษ สายตาบ่งบอกประมาณว่า ถ้าพี่กลับมาต้องได้คำตอบนะ อะไรประมาณนี้
คล้อยหลังพี่สาวเดินไปได้ไม่ถึงนาที จากน้องทอมก็กลายเป็นไอ้ทอมที่ชอบแสดงกิริยาห่ามๆ และหยาบคาย
“อย่าคิดจะจีบพี่กูเชียวนะเว้ย!” มือหนึ่งข้าวเท้าเอว และยืนค้ำหัวพูดกับคุณนิวด้วยท่าทีไม่สุภาพทั้งที่เขาอายุมากกว่าตัวตั้งสิบสองปี
“ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ” คนหล่อเอียงหน้าเป็นท่าทางประกอบ ในใจนึกสนุกที่ได้ตอบโต้กับเด็กยักษ์หัวร้อนคนนี้
“กูรู้หรอกว่ามึงสนใจพี่ทิม!”
“เปล่า…” คุณนิวปฏิเสธ ท่าทางเขาตอนนี้ดูไม่มีผลต่อการกระทำของทอมสักเท่าไร ไม่ว่าจะหยาบคายขนาดไหนเขาก็ยังดูใจเย็นอ่อนโยนและยิ้มให้
ถ้าลองเป็นคนอื่นเถอะ ไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้ต่อหน้าหรอก
“มึงมันเลว มีเค้กอยู่ทั้งคนยังมายุ่งกับพี่กูอีก!” อีกครั้งที่ทอมต่อว่า ยิ่งเห็นว่าคุณนิวไม่มีอาการใดๆตอบโต้กลับมานอกจากนั่งใจเย็นอยู่เฉยๆก็ยิ่งรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“อะไรกัน… รู้จักกันดีแล้วเหรอถึงตัดสินกันแบบนี้?” คุณนิวยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอก ขณะที่ตั้งคำถาม
เขาไม่ได้อยากยุ่งกับทับทิมสักหน่อย คนที่อยากยุ่งน่ะเป็นเจ้าเด็กยักษ์ตรงหน้าต่างหาก
“ไม่รู้เว้ย! ” ทอมโวยวาย
ก็คงจะรู้อยู่หรอก เพราะในใจมันได้ตัดสินไปแล้วว่าไอ้คุณนิวมันนิสัยไม่ดี!
“นี่…น้องทอม”
และเมื่อสรรพนามที่ใช้เรียกเด็กยักษ์ตรงหน้านั้นเปลี่ยนไป ก็ยิ่งทำให้ทอมหัวร้อนมาขึ้นกว่าเดิม
มึงกล้ามาก!
“ใครให้เรียกกูแบบนั้น?”
“ทีน้องทอมยังหยาบคายกับพี่เลย แสดงว่าน้องทอมไม่ได้สนใจความห่างของอายุเราเท่าไร” คุณนิวเว้นจังหวะไปนิดหนึ่ง
“แล้วทำไมพี่ต้องสนใจด้วยว่าจะเรียกน้องทอมว่ายังไง?”
“ไอ้เชี่ยหนิ!” ทอมพูดเสียงดังลั่น
“หยาบคายแบบนี้พ่อแม่รู้จะเป็นยังไงนะ…?” เสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
“ทำไม แล้วมึงจะทำไม?”
“ก็ไม่ทำไม” คุณนิวยกยิ้ม “แอบสงสัยเหมือนกันว่าระหว่างกิริยาของน้องกับเรื่องที่น้องทอมต่อยพี่วันนั้นอย่างไหนจะเป็นเรื่องน่าตกใจมากกว่ากัน”
“ไอ้เหี้ย!!!” หนึ่งคำด่าหลุดออกมาจากปากด้วยความเหลืออด แต่คนโดนด่าก็ยังไม่มีท่าทางว่าจะโกรธเลยสักครั้ง
เพราะรู้สึกว่ากำลังถือไพ่เหนือกว่า ถ้าหากเหยื่อเดินตามเกมส์แล้วล่ะก็นะ…
“ไม่ด่านะครับ”
“มึงจะเอายังไงว่ามาเลย!?” จากทีแรกที่ต้องการขัดขวางเรื่องการจับคู่ของพี่ทิมกับไอ้คุณนิว ตอนนี้กลายเป็นว่ากำลังเข้าสู่ช่วงการต่อรองและตกลงเรื่องของทั้งคู่ซะงั้น
“ไม่รู้สิ…” คุณนิวว่า
คนหน้าหล่อเปลี่ยนจุดโฟกัสไปเป็นวิวรอบนอกศาลา เห็นแผ่นหลังเล็กของทับทิมที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เลยเลือกที่จะมองตรงนั้นแทน
“อย่าลวดลาย จะเอายังไงก็พูดมา!” ทอมทำเหมือนไม่ได้สนใจ เหมือนอยากตกลงกันเพื่อให้ปัญหามันจบๆไป
แต่ที่จริงแล้วทั้งหมดที่แสดงออกมานั้นคือความกลัว เขากลัวว่าพ่อจะรู้
คงไม่ต้องอธิบายนะว่าคนที่โคตรใจดีเวลาใจร้ายจะร้ายแค่ไหน?
“งั้น… วันจันทร์ตอนสองทุ่มเจอกันที่ร้านXXXนะ” คุณนิวนัดหมายสถานที่และเวลาให้เด็กตรงหน้า
จริงๆก็คิดออกแล้วล่ะนะว่าจะเอายังไง
เอาเป็นว่า..ค่อยคุยกันวันจันทร์ดีกว่า
ให้เด็กมันเตรียมตัวเตรียมใจหน่อย
“เออ! วันจันทร์ก็วันจันทร์” “แต่อย่าให้เรื่องนี้ถึงหูพ่อกูเด็ดขาดนะไม่งั้นมีเรื่องแน่!” ทอมคาดโทษไว้ หลังจากจบประโยคก็เดินปึงปังออกไปจากศาลา พี่ทิมที่เพิ่งคุยธุระเสร็จเดินสวนกันกับทอมยังเรียกไว้ไม่ทัน คิ้วสวยขมวดมุ่นด้วยความสงสัย
อะไรของน้องทอมนะ…?
แต่กับอีกคนที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า
ก็บอกแล้วว่าถ้าถูกใจสิ่งไหน เขาก็ต้องได้สิ่งนั้นมาเหมือนกัน
ส่วนได้มาทำอะไรนั้นก็อีกเรื่อง เพราะตอนนี้ต้องการที่จะเอาชนะเจ้าเด็กยักษ์นั่นมากกว่า
เจอกันวันจันทร์นะน้องทอม…
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ความเปย์นี้ *เบะปาก* เกลียดคามควักแบงค์พัน! นี่ขนาดถูกใจนะคะ ถ้าวันนึงชอบน้องทอมของคูมแม่เข้าให้แล้วคุณนิวของดิชั้นจะเปย์หนักขนาดไหน บอกเลยว่าน้องเลี้ยงยาก! ถ้าวันไหนวันหนึ่งถึงขั้นรักบอกเลยค่ะ ว่าThe KNKของเขาคงหนีไม่พ้นเงื้อมมือของน้องทอมแน่ๆ ฮุๆ
-จะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละสองถึงสามครั้งนะคะ
-ขอบคุณที่ชอบนะคะ ได้อ่านคอมเม้นแย้ววววว ดีใจมากเลยค่ะ
-ทำไมต้องสามครั้ง มันมีที่มาค่ะ เดี๋ยวค่อยเฉลยโนะ
หากอยากทราบช่องทางการติดตามการอัพนิยาย เข้าไปในทวิตมัทได้เลยจย้าาา @blueeyesismine
หรือไม่ก็ในแท็ก #คนของคุณากร ได้เลยนะคะ
มัทฉะลาเต้
-
:pig4:
-
น้องทอมอ้อนน่ารักมาก :impress2:
อยากเห็นอ้อนพี่นิวเขาจัง
-
น้องทอมของพี่นิว
กร๊ากกกกกก
อยากรู้ว่าพี่นิวจะปราบน้องยังไงแล้วววว
-
ความลับแตกเลยจ้าาา
ดันไปเรียกหนูต่อหน้าพี่เขา น่ารักเชียวววว
-
โลกกลมมากกกกก
-
ตอนที่สี่ : เด็กเอ๋ยเด็กดี ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
เฮ้อ…
เขาถอนหายใจด้วยความเหนื่อยและเบื่อหน่าย ช่วงขายาวสลัดรองเท้าผ้าใบคู่เก่าออกจากเท้าอย่างสะเปะสะปะ ไม่ได้สนใจว่ามันจะกระเด็นไปยังทิศทางไหน หรือเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบมั้ย?
จากนั้นเดินตรงเข้าไปตรงเตียงนอนขนาดหกฟุตหยิบรีโมทแอร์ได้ก็กดเปิดเร่งระดับความเย็นให้มากกว่าเดิมแล้วก็ทิ้งตัวนอนลงบนที่นอนทันที
เจ้าของห้องนอนมองเพดานโง่ๆอยู่อย่างนั้นราวกับว่าไม่คิดจะทำอะไรเลยแม้แต่นิด เช่นอ่านหนังสือ หรือไม่ก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ
เป็นเหนื่อยๆ
เป็นเซ็งๆ
เป็นเบื่อๆ
นั่นคือความรู้สึกของเขาในตอนนี้
ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังต้องการอะไรกันแน่ เคยติดบอล ติดเพื่อน ติดเที่ยวขนาดไหน แต่รู้สึกเหมือนความรู้สึกทุกอย่างนั้นมันได้หายไปพร้อมกับเค้ก
เขากลายเป็นคนไม่ค่อยอยากเที่ยวหรือดูบอลและอะไรอีกหลายๆอย่าง แต่มันก็เหงาเกินกว่าจะอยู่คนเดียวที่ห้องหรือนอนมองเพดานโง่ๆอยู่กับเพื่อนอีกสองคน เลยมีไปบ้างเพราะแสงสีเสียง และแอลกอฮอล์มันช่วยได้นิดหน่อย
ถ้าไม่มีออยกับแดนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงให้ชีวิตมันดูเป็นชีวิตขึ้นมากกว่านี้ ทุกวันนี้ใครที่เคยพบเจอต่างก็ถามว่า
ได้เอาวิญญาณมาด้วยหรือเปล่า?
ในแต่ละวันเวลานั้นช่างเดินช้า เหมือนความหน่วงถ่วงขาทั้งสองข้างไว้จนมันยากที่จะก้าวเดิน
เมื่อไรวะ… เมื่อไรความรู้สึกพวกนี้จะหายไปสักที
และล่าสุดนี้นะยังมีเรื่องมาให้ปวดหัวเพิ่มอีก
ก็ไอ้คุณนิวนั่นแหละ…
‘สิบข้อ…พี่ขอแค่สิบข้อแล้วคุณอาจะไม่รู้เรื่องของทอม’
‘สิบข้อเหี้ยอะไรล่ะ!? ไม่ขอมากไปหน่อยเหรอวะ’
ก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ทอมไปตามนัดที่ไอ้คุณนิวมันบอกไว้ในเมื่อวาน แล้วก็มีเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรไม่รู้ มันเกิดขึ้นอย่างงงๆ
ไอ้คุณนิวมันมีข้อเสนอมาให้ว่าขอแค่ สิบข้อ ถ้าเขาขออะไรไอ้ทอมคนนี้ก็ต้องทำให้อย่างไม่มีอิดออด ถ้าครบตามที่กำหนดแล้วเรื่องที่เขาต่อยมันจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเขาก็ตอบตกลงอย่างงงๆ ถึงแม้ว่าจะสาดซัดคำหยาบด้วยความเกรี้ยวกราดไปตั้งหลายหนก็เถอะ
แต่เชื่อมั้ย?ว่าไอ้คุณนิวมันไม่แม้แต่จะโต้ตอบอะไรแรงๆกลับมาเลย นั่งใจเย็นแบบเย็นมาก จนทอมที่หยาบคายกับเขามากถึงกับรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย
เออ!…มันก็แค่นิดหน่อย
ที่ตอบตกลงไปก็เพราะอยากให้เรื่องมันจบๆซะที จะได้ไม่ต้องติดค้างกันอีก แต่ก็นะ…มันไม่เยอะไปหน่อยเหรอวะ? ต่อยมันแค่ครั้งเดียวกลับต้องยอมทำตามมันทั้งหมดสิบข้อ
สงสัยเหมือนกันนะว่าคนที่เพียบพร้อมไปซะหมดทุกอย่าง อย่างไอ้คุณนิวมันจะขาดอะไรที่ต้องการถึงสิบข้อ
บ้าบอ ไอ้หน้าหล่อมันบ้าบอ!
นั่นแหละ บางครั้งกับเรื่องบางเรื่องก็หาเหตุผลให้ไม่ได้หรอกนะ เพราะก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้คุณนิวมันกำลังคิดอะไรอยู่ ทุกความคิดตอนนี้เลยได้แต่ทิ้งคำว่า ช่างแม่ง! ไว้ข้างกายเหลือไว้ก็แต่ความรู้สึกโล่งๆ และการนอนมองเพดานโง่ๆนี้สักพัก
แล้วพรุ่งนี้ กรุณ ก้องเกียรติ จะคัมแบ็ค!
.
“กินให้มันดีๆหน่อย ดูดิหกหมดแล้ว!” เสียงเข้มๆของออยบ่นขึ้นหนึ่งประโยค พร้อมกับการหยิบทิชชูในกระเป๋าไปเช็ดที่ริมฝีปากของแดนแรงๆหนึ่งครั้งด้วยความมันไส้
ไม่รู้ว่าปากรั่วหรืออะไร แต่เวลากินอะไรแต่ละทีถ้าไม่หกไม่ใช่แดน ยิ่งเวลาไปดื่มเหล้าทีนะ คิดว่าแต่อาบไม่ใช่ดื่มเพราะแม่งดัน
ปากรั่วเหล้าหกแทบจะทุกแก้วที่ยกดื่ม
“ก็กูไม่ได้ตั้งใจนิงายยยยย” ไอ้แดนตอบกลับไปและยื่นหน้าให้เพื่อนเช็ดคราบโกโก้ออกให้
ทอมนั่งมองการกระทำของเพื่อนสองคนเงียบๆ จนทั้งสองคนที่ทำเหมือนไม่ได้สนใจใดๆรอบข้างถึงกับชะงักลงเมื่อเห็นว่ามีสายตาของทอมมองอยู่ก่อนแล้ว
“พวกมึงนี่…?” สีหน้าของทอมมีความสงสัยแสดงอยู่อย่างชัดเจน จริงๆมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอด และแทบจะทุกวันแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่เคยชินเลยสักครั้ง
คือออยกับแดนมันเป็นเพื่อนที่รักกันมาก มันสองคนคบกันมานานก่อนที่จะเจอเขาอีกด้วยซ้ำ เรียนมัธยมที่เดียวกันแล้ว แถมยังเรียนมหาลัยที่เดียวกันคณะเดียวกันอีก เรียกได้ว่าโคตรสนิทกันฉิบหาย อีกย่างหนึ่งที่ทุกคนต่างก็รู้คือไอ้ออยนี่หวงไอ้แดนอย่างกับหมา
หมาบ้าด้วย พร้อมกัดทุกคนที่เข้ามาหาเพื่อนมันเพราะผลประโยชน์หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่เรื่องดี ชีวิตไอ้แดนนี่เหมือนมีเครื่องแสกนอัตโนมัติ ไม่ว่าจะมีอะไรใหม่ๆเข้ามาในชีวิตต้องผ่านคิวซีอย่างไอ้ออยก่อน
พวกมันน่ะ บ้าบอ!
“กูแค่เช็ดปากให้มัน” ออยว่าเสียงเข้ม หน้านิ่งๆของมันกลบเกลื่อนทุกความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ส่วนแดนมันก็นั่งทำหน้าไม่รู้เรื่องอย่างที่ชอบทำนั่นแหละ
“กูก็ไม่ได้--”
Rrrrrrrrr
พูดยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำโทรศัพท์เครื่องสวยของทอมก็แผดเสียงดังขึ้น เจ้าตัวหยิบมันขึ้นมาเพื่อดูว่าคนที่โทรเข้านั้นเป็นใคร
เบอร์แปลก?
ใครอ่ะ…? จำได้ว่าไม่เคยให้เบอร์ใครไปเลยนะ
ไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำอยู่นานเกินไป ทอมเลยกดรับสายทันที
“สวัสดีครับ”
[นี่พี่เองนะ] ทันทีที่ได้ยินปลายสายตอบกลับมา จากที่เคยรู้สึกสงสัยก็กลายเป็นหงุดหงิดทันทีและค่อนข้างจะเห็นได้ชัด ทำเอาแดนหูผึ่งรีบสะกิดออยยิกๆ เพราะเห็นว่าเพื่อนแสดงความเกรี้ยวกราดออกมาหลังจากที่ไม่ได้เห็นมานานหลายวันเพราะว่าได้ทำตัวเป็นพวกไร้ชีวิตจิตใจมาสักพัก
“กูมีพี่แค่คนเดียว!”
[คืนนี้เจอกันหน่อยได้มั้ยทอม?]
“กูไม่เจอ”
[อ่อ… ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ลองชวนทับทิมดู]
ประโยคนี้ทำเอาทอมแทบควันออกหู รู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิมขึ้นเป็นเท่าตัว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนน่าจะรู้ได้แล้วก็คือทอมหวงพี่ทิมมาก มากแบบ ก.ไก่ล้านตัว ยิ่งกับไอ้คนเลวแบบคุณนิวแล้วทอมยิ่งหวง
“ไอ้เชี่ย! กูบอกว่ายังไง?” ทอมโวยวายยกใหญ่
[…] แต่ปลายสายก็เงียบไม่ได้โต้ตอบอะไร หนำซ้ำเบื้องหลังที่ทอมไม่ได้เห็นคือคนหล่อกำลังยกยิ้มขึ้นอย่างได้ใจ เพราะสามารถทำให้เด็กยักษ์นั้นหัวร้อนได้
“อย่าสะเออะโทรหาพี่กูนะ!”
[ก็ได้ๆครับพี่จะไม่โทรถ้าทอมมาน่ะนะ แต่ถ้าทอมไม่ไปพี่ก็คงจะโทรชวนทับทิม]
“…”
[ถ้ามา…ข้อตกลงของเราก็เหลืออีกเก้าข้อนะ คิดดูดีๆ] ดูเหมือนว่าคนเด็กดื้อจะไม่ยอมง่ายๆ คุณนิวเลยต้องเอาไม้ตายอย่างสุดท้ายมาใช้
แรกๆมันก็จะต้องขอกันบ่อยแบบนี้แหละ
ไม่แน่ว่าต่อไปถ้าอยากเจออาจจะไม่ต้องเอาสิบข้อมาแลก
“เออ! อะไรยังไงก็ส่งข้อความมา!”
[ได้ครับ…แล้วอย่าลืมเมมเบอร์พี่ไว้ด้วยนะ]
“เสือก!”
หนึ่งคำด่าแรงๆถูกตอบกลับไป จากนั้นทอมก็กดตัดสายทันที แต่อีกด้านหนึ่งของคนที่โดนด่าด้วยคำว่า เสือก กลับยกยิ้มขึ้นอย่างชอบใจ ราวกับว่ามีความสุขเวลาโดนเด็กยักษ์มันด่า
“ใครโทรมาวะ?” เป็นแดนที่ถามขึ้นหลังจากเห็นเพื่อนเสร็จธุระจากการคุยโทรศัพท์แล้ว
“เสือก!” แล้วก็โดนตอบกลับไปแบบคนในโทรศัพท์เมื่อครู่นี้ แดนมันก็เลยหันหน้าไปฟ้องเพื่อนคนสนิทที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์
“เกรี้ยวกราดจริงนะมึง” ออยพูดขึ้นทั้งที่ไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอ เพราะทอมมันก็ปากหมาแบบนี้แค่อยากพูดให้พอเป็นพิธีก็เท่านั้น
“เบื่อเว้ย!” ทอมสบถเสียงดังจนนักศึกษาที่นั่งโต๊ะรอบข้างได้หันมามองว่าเดือนวิศวะสุดหล่อคนนี้นั้นมันเป็นอะไรของมัน
“แล้วเป็นอะไรของมึงอีกเนี่ย” แดนถามอย่างไม่กลัวว่าเพื่อนจะพ่นคำหยาบอะไรออกมาจากปากให้เขาอีก
ก็คนมันสันดานเดียวกัน ไม่สะทกสะท้านหรอกพูดเลย
“เรื่องมันยาว” ทอมตอบปัดๆไป เพราะขี้เกียจที่จะเล่า
“กูมีเวลาฟัง” แต่แดนก็ยังดั้นด้นที่จะฟังให้จนได้
“กูขี้เกียจเล่า! จบนะ”
“มันยาวมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” แดนยังคงถามต่อ “งั้นเดี๋ยวคืนนี้กูไปนอนฟังที่ห้องมึงเอง หรือมึงจะไปห้องพวกกู”
“กูขี้เกียจไปห้องมันว่ะแดน” ยังไม่ทันที่ทอมจะได้อ้าปากตอบเพื่อน ไอ้คนที่นั่งสนใจโทรศัพท์อยู่ถึงขั้นกับวางลงและหันไปคุยกับเพื่อน
มึงจริงจังเกินไปมั้ยออย?
“งั้นมึงก็ไม่ต้องไปดิ” แดนสวนกลับ
“แล้วกูจะนอนหลับได้ไง?” ออยโวยวายยกใหญ่
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันตัวติดกันขนาดไหน ไอ้เขาที่เพิ่งมาทีหลังตอนแรกๆก็เคยสงสัยเหมือนกันแต่ตอนนี้น่ะรู้แล้ว ว่าตัวของพวกมันติดกันอย่างกับเอากาวมาทาไว้
จากที่กำลังถกเถียงกับแดนอยู่ก็กลายเป็นว่าตัวเองต้องมานั่งฟังมันสองคนเถียงกันเอง
พวกมึงมันบ้าบอ!
“โว้ยยยย!” ทอมลุกขึ้นจากโต๊ะ “เลิกเถียงกันได้แล้ว! ไม่ต้องมีใครมาทั้งนั้น!” พร้อมกับก้าวเท้าเดินฉับๆออกมาจากตรงนั้น คิดว่าจะไปหาอะไรเย็นๆดื่มสักหน่อย เพราะตอนนี้รู้สึกไม่สดชื่นเป็นอย่างมาก!
กรุ้งกริ้ง!
ทันทีที่เดือนวิศวะผลักประตูร้านกาแฟเสียงกระดิ่งก็ดังขึ้น ช่วงขายาวก้าวเข้าร้านอย่างเอื่อยๆ ต่างจากคนเมื่อครู่ลิบลับ เพราะโหมดของคนไร้วิญญาณกำลังจะเปิดขึ้นอีกครั้ง
“เอสเพรสโซ่ปั่นแก้วนึงครับ” เมื่อหยุดอยู่ตรงหน้าเคาท์เตอร์ เขาก็เอ่ยสั่งเครื่องดื่มที่ชอบที่สุด
กรุ้งกริ้ง!
เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง ก็คงจะเป็นลูกค้านั่นแหละ แต่ทว่า…
‘เย็นนี้เหรอคะ?’
‘ว่างค่ะ’
‘ว่าแต่คุณนิวจะพาไปไหนคะ?’
‘โอเคค่ะ เจอกันตอนเย็นนะคะ’
น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นทำร่างสูงชะงักไปนิดหน่อย แต่ก่อนเขามักจะได้ยินมันเสมอ
เธอชอบพูดคำว่าคิดถึง
ชอบพูดคำว่ารัก บางครั้งก็ชอบบ่น หรือบางครั้งก็ชอบดุที่เขาเอาแต่ไปเที่ยว ไม่ยอมอ่านหนังสือหรือดูแลตัวเอง
ดาวมหาลัยชะงักเล็กน้อยขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปสั่งกาแฟ แต่ดันพบคนรักเก่าที่เลิกกันยังไม่ถึงเดือน วินาทีที่ทั้งคู่สบตากัน นักศึกษาในร้านต่างก็พากันแอบมอง ว่าทั้งคู่จะทำยังไง
ส่วนตัวแล้วทอมก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเหมือนกัน จะทักได้มั้ยนะ? แล้วมันจะสมควรหรือเปล่า จนกลายเป็นว่าชายหนุ่มมีท่าทีอ้ำอึ้ง
“เอสเพรสโซ่ปั่นได้แล้วครับ”
แต่ว่าริมฝีปากที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยเพราะคิดว่าจะลองทักดู และน้ำเสียงที่กำลังจะถูกเปล่งออกมาก็ต้องหยุดลงเพราะเสียงของบาริสต้าดันขัดขึ้นซะก่อน ทอมหันไปรับเครื่องดื่มจากนั้นก็เดินออกไปทันที นักศึกษาที่พากันรอลุ้นว่าทั้งคู่จะทำยังไงแทบจะหายใจกันไม่ทั่วท้องเพราะกำลังลุ้นในเรื่องของคนอื่น
บางคนถึงกับกั้นหายใจไว้ พอทอมเดินออกไปเท่านั้นแหละ เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นทันที
แต่ทอมไม่ได้สนใจมากนักหรอกเพราะตอนนี้มันมีเรื่องให้น่าหงุดหงิดมากกว่านั้น
ไอ้คุณนิวมึงมันบ้าบอ! นัดกูตอนค่ำแล้วตอนเย็นยังมีหน้าไปนัดแฟนเก่ากูอีก! คอยดูเถอะมึง!
อ่านต่อข้างล่างนะคะ
-
ต่อค่ะ
9.15 pm
BANANA
ที่เดิมๆเพิ่มเติมคือไอ้คุณนิว
วันนี้ไม่ได้ชวนแดนกับออยมาเพราะขี้เกียจมานั่งต่อความยาวสาวความยืดให้เพื่อนฟังว่าเรื่องที่เขาออกมากับแฟนใหม่ของเค้กนั้นเป็นยังไง
ทอมเบื่อที่จะต้องมานั่งอธิบายอะไรยาวๆ ทั้งที่ตัวเองกก็เป็นคนพูดมากอยู่เหมือนกัน แต่พอจะให้อธิบายอะไรที่ไม่ค่อยอยากจะอธิบายมันเลยกลายเป็นความขี้เกียจไปโดยปริยา
เดือนวิศวะเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับไอ้คนหน้าหล่ออายุสามสิบสองด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก เพราะมันไส้ไอ้คุณนิวที่ก่อนจะมานี่แล้วยังมีน้ำหน้าชวนเค้กไปข้างนอก
ขอเดาว่าต้องไปทานข้าวแน่ๆ
ตอนแรกไอ้คุณนิวก็ไม่ได้บอกหรอกว่าจะพาไปไหนหรืออะไรยังไง ส่งข้อความมาบอกแค่ว่าให้มาหาที่คอนโดนี้ แล้วก็ขับรถมันมาที่ตรงนี้
ไหนตอบกูมาดังๆสิ ว่าไอ้สิบข้อนี่มันคือสัญญาทาสใช่หรือไม่!
คงกลัวว่าถ้าเมาแล้วจะไม่มีคนขับรถให้ล่ะสิ
อี๋! ไอ้อ่อนเอ้ย!
คุณนิวเดินนำหน้าทอมไปที่โต๊ะหนึ่ง ซึ่งได้มีผู้ชายสองคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว ดูจากอายุก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ไอ้คุณนิวมันดันหน้าเด็กแบบผ่าเหล่าผ่ากอเพื่อนฝูงไปนิดหน่อย
ทันทีที่เพื่อนทั้งสองคนเห็นคนที่คุณนิวเพิ่งพาเข้ามาใหม่ เครื่องหมายเควสชันก็เด่นหราอยู่บนหน้าทันที
ถ้าจำไม่ผิด… นั่นเป็นไอ้เด็กที่ต่อยหน้ามันวันนั้นนี่หว่า สิงหาคิดในใจ และมองหน้าศักดิ์ดาที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างมีนัยยะ
อืม…เอาเป็นว่ารู้กันกับคำถามเกิดขึ้นแม้ไม่ได้พูด
“นี่ทอม” เขาเอ่ยแนะนำเด็กยักษ์ให้เพื่อนได้รู้จัก พร้อมๆกับการทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟานุ่ม “นั่นสิงหา กับ ศักดิ์ดา” และแนะนำเพื่อนทั้งสองให้ทอมได้รู้จัก
“หวัดดีครับ” ทอมคิดว่าตัวเองกับพี่สิงหา และพี่ศักดิ์ดาไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เลยทำความเคารพไปตามระเบียบ
เห็นอย่างนี้ก็มีมารยาท และแยกแยะเป็นนะเว้ย!
“ครับ…” พี่สิงหายิ้มตอบรับ พี่ศักดิ์ดาก็ด้วย แต่เชื่อเถอะว่าหน้าไม่ได้ยิ้มตามอย่างที่แสงดออกมา เพราะตอนนี้มันสงสัยมากเกินกว่าที่จะยิ้ม อยากจะยิงคำถามใส่เพื่อนตัวเองว่าไปรู้จักเด็กคนนี้ได้ยังไง แต่แค่ยังไม่ถึงเวลา
กลุ่มนี้นี่มันรวมตัวคนหน้าตาดีไว้หรือไงกัน? สามคนนี้เรียกได้ว่าสไตลส์เฉพาะตัวมาก บอกไม่ได้หรอกว่าใครหล่อกว่าเพราะมันหล่อกันคนละแบบ แต่พอมารวมกันแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่าออร่าความหล่อของพวกพี่มันลอยวิ้งคูณสามเข้าไปอีก
จนเดือนวิศวะคนนี้คิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นเดือนดับเข้าไปทุกที
“จะเอาอะไรดี? เบียร์ เหล้า” พี่สิงหาถาม และดูท่าว่าพร้อมจะบริการให้เต็มที่ เนื่องจากว่าไม่ชอบให้เด็กเสิร์ฟทำให้ เรื่องชงๆ เทๆขอเขาทำเองดีกว่า
“เหล้--”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวขับรถกลับไม่ไหว”
กำลังจะตอบว่าเหล้าก็ได้ครับ ไอ้คุณนิวมันดันเสนอหน้าพูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
เมื่อโดนห้ามเด็กยักษ์ก็มีท่าทางเกรี้ยวกราด และดูหงุดหงิดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
เขาตั้งใจจะขัดเอง…
ไม่ใช่เพราะว่ากลัวขับรถไม่ไหวหรอกนะ แต่เด็กยักษ์ของเขาน่ะ เวลาทำหน้าไม่สบอารมณ์ เกรี้ยวกราด หรือ หงุดหงิด แม่งโคตรตลก
ก็แค่อยากเห็น
ให้มองทั้งวันก็ยังได้
ไม่ได้โรคจิตนะ เพราะนอกจากจะดูตลกแล้วไอ้เด็กยักษ์มันยังน่ารักเหี้ยๆอีกด้วย
ทอมมองตาขวางใส่คนที่นั่งข้างๆตัวเอง ในใจก็นึกก่นด่าเรื่องที่ชอบทำให้เขาอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา ไอ้คุณนิวมึงมันบ้าบอคอแตก!
แต่ดูเหมือนว่าสายตานั้นจะไม่ทำให้เขาหยี่ระแม้แต่น้อย กลับเปลี่ยนเป็นนั่งท่าสบายๆ พร้อมกับรับแก้วเหล้าจากสิงหา
จนเพื่อนทั้งสองเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้คนที่ไม่ชอบให้ใครมามองตาขวาง หรือทำกิริยามารยาทไม่ดีใส่นั้นทำไมถึงยังใจเย็นอยู่ได้
คุณนิวพาดแขนข้างหนึ่งไว้บนพนักโซฟา เหยียดจนสุดความยาวเลยดูเหมือนจะนั่งกอดเด็กยักษ์อยู่หน่อยๆ แต่เพราะระยะห่างมันมีมากไปหน่อยเลยไม่ได้ใกล้ชิดกันมากนัก และบทสนทนาบ้าบออะไรของพวกเขาก็เริ่มขึ้น โดยมีทอมที่นั่งฟังอย่างกับคนไร้ชีวิตชีวาอย่างเช่นเคย
เย็นไว้…
เย็นไว้…
ท่องไว้ว่าเดี๋ยวก็กลับบ้าน ทอมท่องไว้อยู่อย่างนั้น จนหนึ่งชั่วโมงผ่านไปคนไม่ได้ดื่มเหล้าอย่างทอมก็เริ่มหงุดหงิดเข้าไปทุกที เลยบอกคุณนิวว่าขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน
แต่ก็ไม่ได้ไปอย่างที่ว่า เจ้าตัวเลือกที่จะไปสูบบุหรี่เพื่อระบายความหงุดหงิดก็เท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง
“ไอ้นิว นั่นเด็กที่ต่อยมึงวันนั้นไม่ใช่หรือไงวะ?” คล้อยหลังทอมไปได้ไม่นาน สิงหาที่รู้สึกอัดอั้นก็เอ่ยถามขึ้นทันที
ไม่ต้องบอกก็ดูออกว่าอยากรู้มากขนาดไหน ส่วนดามันก็นั่งนิ่งๆ อยากรู้ใจแทบขาดแต่แค่ขี้เกียจถามก็เท่านั้น
“อือ”
“แล้วทำไมวันนี้ถึงมากับมึงได้?”
“สัญญาใจนิดหน่อย”
“ปกติเพื่อนกูไม่ชอบที่จะรู้จักกับคนแบบนี้นี่หว่า” คนขี้เกียจถามอย่างศักดิ์ดา ท้ายที่สุดก็เอ่ยถามขึ้น เพราะไม่เข้าใจจริงๆว่าไอ้คนที่ไม่ชอบเด็กกิริยามารยาทไม่ดีทำไมถึงรู้จักกันได้
เพราะดูจากวันนั้นแล้วที่เพื่อนเขาโดนต่อยก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าเด็กนี่น่าจะร้ายกาจพอตัว ไหนจะก่อนหน้านี้อีกที่มองตาขวางใส่เพื่อนเขาอีก
“ไม่รู้” คุณนิวว่าอย่างนั้น
ก็เขาไม่รู้จริงๆนี่นะ ว่าทำไมถึงยังใจเย็นได้ อาจเป็นเพราะว่ากำลังสนใจอยู่ล่ะมั้ง?
“มึงคงไม่ได้กำลังสนใจเด็กนั่นอยู่ใช่มั้ยวะ?”
“น้องมันชื่อทอม ไม่ใช่เด็กนั่น” คนหล่อพูดแก้เพราะว่าสิงหาเรียกชื่อเด็กยักษ์ของเขาไม่ถูกต้อง
“เออ! น้องทอมก็น้องทอม!” สิงหาเบะปาก ศักดิ์ดาเองก็ยิ้มๆให้กับประโยคแก้ของเพื่อนเมื่อครู่
เป็นเอามากจริงๆว่ะ
“มึงยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะว่าสนใจน้องเขาอยู่ใช่มั้ย!?”
“ก็…” คำหนึ่งคำถูกพูดขึ้นและเว้นจังหวะไปนิดหน่อย
“…” เพื่อนสองคนเองก็เงียบรอฟังอย่างลุ้นๆ
“คงงั้น” คุณนิวยักไหล่ ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของเพื่อนเลยสักนิดเมื่อได้ยินคำตอบแล้ว และยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหนึ่งอึก
“เดี๋ยวนะ? นี่มึงไม่สบายหรือว่ายังไงวะนิว?” สิงหาค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมรสนิยมของเพื่อนถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ มันน่ะชอบคนน่ารัก ชอบคนตัวเล็ก พูดเพราะ และเอาใจเก่ง และไอ้น้องทอมอะไรนั่นก็ตรงข้ามโดยสินเชิง
แล้วทำไม…
“รสนิยมมึงหมดอายุหรือว่ายังไง?” ศักดิ์ดาถึงกับตั้งคำถาม เพราะเขาก็ไม่เชื่อเหมือนกัน
“ไม่รู้… รู้แค่ว่าสนใจ” “มันต้องมีเหตุผลอะไรด้วยเหรอ?”
“พวกกูก็แค่แปลกใ--”
“ขอนั่งด้วยได้มั้ยคะ?”
สิงหาพูดยังไม่จบประโยคเลย อยู่ๆก็มีผู้หญิงหน้าตาโคตรสวยคนหนึ่งเดินขอมานั่งด้วย ไอ้คุณชายนิวของพวกเขาก็ไม่ปฏิเสธ หนำซ้ำยังขยับที่นั่งข้างๆตัวให้เธอได้นั่ง
คนสวยใครที่ไหนมันจะอยากปฏิเสธวะ!?
เรื่องที่สิงหากำลังจะพูดเลยถูกเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ เนื่องจากสาวสวยตรงหน้านี้กำลังชวนคุยเรื่องอื่นๆ ดูก็รู้ว่าถูกใจสิงหามากขนาดไหน แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังสนใจคนข้างๆนี้ต่างหาก
เดือนวิศวะที่เพิ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะ ถึงกับต้องหยุดชะงักเพราะเห็นว่ามีใครคนหนึ่งมานั่งแทนที่ของตัวเอง คนในโต๊ะมองหน้าเขาเล็กน้อย ราวกับลืมไปเลยว่ามีทอมอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย
“เดี๋ยวกูไปรอข้างนอกนะ” เนื่องจากดูแล้วว่าอยู่ไปก็ไม่สนุก สู้ให้ไปรอข้างนอกไม่ดีกว่าเหรอ ไหนๆก็มีหน้าที่แค่ขับรถให้อยู่แล้วนี่นะ
เหม็นเบื่อพวกนิสัยไม่ดี ก่อนหน้านี้ก็ยังไปทานข้าวกับเค้ก หนำซ้ำยังมีท่าทีว่าสนใจพี่ทิม แล้วดูตอนนี้ดิไม่รู้พาสาวที่ไหนมานั่ง บอกแล้วว่าไอ้คุณนิวมันเลว!
คุณนิวไม่ได้ตอบอะไรเพราะเด็กยักษ์ของเขานั้นขยับ เคลื่อนย้ายตัวเร็วซะเหลือเกิน
คำว่า เดี๋ยวกูไปรอข้างนอกนะ ของทอมทำให้สิงหาแทบหลุดเสียงร้อง ว้าว! ออกมาจากปาก มึงกล้ามากเด็กน้อย!
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไกลเกินกว่านั้นเสียงเอะอะโวยวาย และกรีดร้องของคนในร้านก็ดังขึ้น เมื่อลูกค้าโต๊ะข้างๆคุณนิวกำลังมีเรื่องทะเลาะวิวาท ทอมเลยคิดว่าโอกาสนี้แหละจะไปลากคุณนิวกลับคอนโดให้ได้
ทันเท่าความคิด เดือนวิศวะหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะเดิมที่เดินออกมา
แต่ทว่า…
ด้วยความตาดีเจ้าตัวดันเหลือบไปเห็นผู้ชายในโต๊ะนั้นที่กำลังขว้างแก้วเหล้าใส่ใครบางคน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเมาจัดทิศทางของแก้วเลยไม่ตรงกับใครสักคนที่จะขว้างใส่ เพราะงั้นทิศทางมันเลยตรงมายังหญิงสาวที่มานั่งข้างๆไอ้คุณนิว ซึ่งขณะนี้กำลังลุกหนีออกห่างจากเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท พร้อมกับ พี่ศักดิ์ดา พี่สิงหา แล้วก็ไอ้หน้าหล่อ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทัน และผู้หญิงคนนั้นจะยังไม่รู้ตัวว่ามีแก้วใบหนึ่งกำลังพุ่งไปทางตัวเอง
เพราะฉะนั้น…
ปึก!
เพล้ง!
ไอ้เหี้ยเอ้ย… เจ็บฉิบหาย!
“เหี้ย!” ทอมสถออกมาเสียงดังลั่น ตำแหน่งที่แก้วใบนั้นมันลงมาคือช่วงหัวไหล่ของเขาดังปึก! และร่วงหลนลงพื้นจนแตกละเอียด
ไม่รู้ว่าจะขอบคุณความสูงของตัวเองดีมั้ยที่มันทำให้โดนแค่ตรงนั้น ถ้าเป็นเธอคนนี้โดนคงโดนที่ศีรษะไปแล้ว หรือจะด่าความโง่ของตัวเองดี ที่ดันสะเออะเป็นพระเอกไปรับแก้วเหล้าแทนเธอ
คุณนิวมองการกระทำของเด็กยักษ์อย่างตกใจ ทันทีที่ลุกออกจากโต๊ะได้คุณเขาก็รีบไปคว้าแขนของเดือนวิศวะให้เดินตามออกไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งไว้ให้เพื่อนทั้งสองคนและอีกหนึ่งสาวสวยงงไปตามๆกัน
แต่ดูเหมือนจะเป็นสิงหามากกว่าที่อึ้งในการกระทำของน้องมันมากกว่าใครๆ
น้องแม่งใจว่ะ!
.
“จะพากูไปไหน?” คนเจ็บถามขึ้นทั้งที่มือก็ลูบๆคลำๆตรงบริเวณที่โดนแก้วขว้างใส่
“จะพาไปโรงพยาบาล” คุณนิวตอบ ขณะที่กำลังขับรถ
“ไม่ต้อง! กลับคอนโดมึงเลยกูจะไปเอารถ” เพราะว่ารถของตัวเองนั้นดันจอดอยู่ที่คอนโดของคุณนิว ตอนที่ไปรับ เขาก็เร้าหรือให้ขับปอร์เช่คันหรูนี้มาให้ได้ บอกเลยว่าตอนขับน่ะเสียวสันหลังมากกลัวว่าจะไปชนใครเข้า เพราะถ้ามันเกิดขึ้นเขารับผิดชอบไม่ไหวแน่ๆ
“ไม่ได้นะครับ ต้องไป”
“ก็กูไม่ได้เป็นอะไรมาก อย่างมากก็แค่ช้ำ!” ทอมตะวาดเสียงดังลั่น เริ่มหงุดหงิดแล้วนะ
“ก็ได้ครับ ตามใจทอมเลย” น้ำเชี่ยวอย่าเพิ่งเอาเรือไปขวาง เด็กยักษ์ของเขากำลังโมโหเลยไม่อยากขัด ไว้เดี๋ยวอารมณ์เย็นลงแล้วค่อยตะล่อมๆให้ไปโรงพยาบาล
รถสปอร์ตคันสวยเลี้ยวเข้าไปยังลานจอดรถของคอนโดหรู ทอมที่มีท่าทีเหนื่อยล้าเหลือเกินถึงกับนั่งสัพพะหงกในระหว่างทาง
“น้องทอม” คุณนิวสะกิดเรียกเด็กยักษ์ที่เผลอหลับไป เรียกแค่ครั้งเดียวเจ้าตัวก็งัวเงียขึ้นมา ท่าทางสะลึมสะลือนี้บอกเลยว่า
น่ารักเหี้ยๆ!
“อ๊ะ!” แต่ความคิดไม่ดีก็ต้องหยุดลงเพราะขณะที่น้องมันกำลังขยับตัวออกจากรถ เจ้าตัวก็เผลออุทานออกมาเพราะความเจ็บบริเวณที่โดนแก้วขว้างใส่คงจะช้ำอยู่ไม่น้อย
“มานี่ก่อนครับ” เมื่ออกมาจากรถได้แล้วคุณนิวเลยต้องลากเด็กยักษ์ให้เดินตามเข้าไปในคอนโด เพราะจะไม่ปล่อยให้กลับไปเฉยๆแน่
“อะไรอีก!” ทอมนั้นเพิ่งตื่นสติเลยยังไม่เต็มร้อยนัก ก็เลยถูกลากไปไหนมาไหนโดยง่าย
“…” คุณนิวไม่ได้พูดอะไรแต่จับข้อมือขาวๆของเด็กยักษ์นั้นไว้แน่นขณะที่อยู่ในลิฟท์
ไม่กี่นาทีลิฟท์ก็เปิดออกยังชั้นบนสุดของคอนโดหรู
เขาดึงข้อมือเด็กยักษ์ให้เดินตามมา กว่าจะเข้าห้องได้เรียกว่าหมดแรงไปมากโขเลยทีเดียว
“พากูมาทำไม!” ทอมเริ่มหงุดหงิดอีกแล้ว คุณนิวเองก็ไม่ต่างกันถึงแม้ภายนอกจะดูใจเย็นมากขนาดไหนก็ตาม เพราะคนเจ็บนั้นดันทุรังที่จะออกจากห้องไปให้ได้ เลยทำให้เขาต้องออกแรงต่อกรกับเจ้าตัวอีกหน่อย ใช้แรงมากกว่าเดิมลากเด็กดื้อไปนั่งตรงโซฟา
“คุณนิวมีแขกมาเหรอครับ?” และการฉุดกระชากลากถูกของทั้งสองต้องหยุดลงเพราะเสียงใสๆของน่านดังขึ้น
ทันทีที่เห็นเด็กน่ารักคนนี้สมองทอมก็ดันคิดไปไกลว่าไอ้หน้าหล่อนี่มันพรากผู้เยาว์ถึงกับขั้นเลี้ยงอิหนูไว้ในห้อง!
เชี่ยนี่แม่งเลวคูณสามเข้าไปอีก! อย่าหวังเลยว่าต่อจากนี้มึงจะได้คุยกับพี่ทิม ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำให้แม่งเลิกยุ่งกับเค้กไปเลย!
“น่านไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้หน่อย” เจ้าของห้องเอ่ยสั่ง และเด็กที่เพิ่งตื่นนอนก็เดินไปหยิบมาให้อย่างว่าง่ายเพราะได้ยินเสียงดังอะไรก็ไม่รู้ดังอยู่ข้างนอก เลยลุกขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นคุณนิวกับใครก็ไม่รู้ที่ค่อนข้างหน้าตาดี
“อะไรของมึงเนี่ย!?” สุดท้ายทอมก็ยอมนั่งลงตรงโซฟา พร้อมกับพ่นคำถามออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
อยู่กับคุณนิวแล้วมีครั้งไหนบ้างที่เขาจะอารมณ์ดี
ไม่ถึงสองนาทีกล่องปฐมพยาบาลก็ส่งตรงมาถึงมือคุณนิว “ให้น่านช่วยอะไรมั้ยครับ?” เด็กหน้าซื่อเอ่ยถาม
“ไม่ต้อง ไปนอนได้แล้ว” แล้วเด็กน้อยก็ทำตามอย่างว่างาย เจ้าตัวเดินหาววอดๆกลับเข้าห้องไปทันที
คำพูดของคุณนิวทำเอาซะทอมอยากจะเบะปากแรงๆใส่หนึ่งครั้ง ที่แท้ก็เป็นพวกชอบเลี้ยงต้อยนี่เอง!
“ถอดเสื้อออกครับ” คุณนิวบอกคนที่กำลังนั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างๆ
“มึงเป็นหมอหรือไง?” ทอมสวนกลับทันควัน
“ทอมไม่ยอมไปหาหมอ ก็ต้องให้พี่ดูแผลก่อน” และเขาก็ยังคงพูดอย่างใจเย็นเหมือนเดิมทุกครั้ง
เฮ้อ…
ที่ยอมไม่ใช่เพราะอะไร แต่เรื่องมันจะได้จบๆ เขาจะได้กลับห้องสักที!
เสียงถอนหายใจดังขึ้นหนึ่งครั้ง เจ้าตัวนั่งหันหลังให้กับเขา พร้อมกับยอมถอดเสื้อยืดสีเข้มออกมาจากตัว แต่รอยช้ำมันส่งผลกระทบให้เขาขยับตัวอย่างปกติไม่ค่อยจะได้ เลยมีคุณนิวที่คอยช่วยถอดให้อีกแรง
ความขาวของแผ่นหลังปรากฏอยู่ในสายตา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเผลอกลืนน้ำลายลงไปในคออย่างช่วยไม่ได้ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความรู้สึกนี้ขึ้นมาเพียงแค่เพราะว่าเห็นแผ่นหลังขาวๆของคนที่ตัวเองรู้สึกถูกใจ แต่ความคิดอกุศลก็ต้องหยุดลงเมื่อเห็นรอยช้ำสีเข้มตรงไหล่ด้านขวา
“คิดยังไงเอาตัวเองไปบังให้เขาอย่างนั้น?” คำถามหนึ่งผุดขึ้น ค่อนข้างแปลกใจ ไม่คิดว่าทอมจะกล้าทำถึงขนาดนี้ทั้งที่แก้วใบนั้นมันอาจจะโดนศีรษะก็ได้ นับถือใจเด็กคนนี้จริงๆ คือจะไม่ทำก็ได้ แต่เด็กยักษ์ก็ยังเลือกที่จะทำ
“แล้วมึงล่ะ คิดยังไงถึงไม่ยอมช่วยเขา?” ทอมย้อนถาม
“ไม่ได้จะไม่ช่วยครับ แต่ไม่เห็น” คุณนิวอธิบาย จริงๆถ้าเขาเห็นก็คงทำแบบที่ทอมทำนั่นแหละ
“ไม่รู้ กูแค่อยากช่วย จำเป็นต้องมีเหตุผลอื่นด้วยเหรอ?” ประโยคหนึ่งพูดขึ้น พร้อมกับความเย็นของยาทาแก้ฟกช้ำที่สัมผัสลงบนผิว จนทอมสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยจากนั้นก็ตามด้วยสัมผัสที่ปลายนิ้วของคนด้านหลังที่ทำเอาเขาขนลุกขึ้นมานิดหน่อย
“ก็ได้ครับ อยากช่วยก็อยากช่วย” และเขาก็ยอมเจ้าเด็กยักษ์นี่ตลอด อารมณ์ประมาณว่า ทอมว่ายังไง พี่ก็ว่าอย่างนั้น แบบนี้ล่ะมั้ง?
และสัมผัสที่แผ่วเบา ความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำ ทำเอาคนที่ง่วงอยู่ก่อนแล้วถึงกับสัพพะหงกอีกรอบคล้ายกับตอนอยู่บนรถ
ฟึบ!
แค่เพียงเสี้ยววินาทีเด็กยักษ์ที่กำลังเคลิ้มหลับก็หงายหลังล้มตัวลงนอนบนตักของคุณนิวพอดี
อืม…
เสียงคำรามต่ำๆดังขึ้นเพราะรู้สึกสบาย
รอยยิ้มบางๆระบายขึ้นบนใบหน้าของคนอายุเยอะกว่าอย่างชอบใจ
ไอ้เด็กยักษ์เอ้ย!
นอกจากจะเป็นเด็กยักษ์ของเขาแล้ว ตอนหลับยังเป็นโกลเด้น รีทรีฟเวอร์อีกต่างหาก
น่ารักซะจริง
ยิ่งขี้แมลงวันที่ปลายจมูกโด่งรั้นนั่นยิ่งน่ารัก อยากจะงับด้วยความมันเขี้ยวให้ขาดไปซะเลย
ให้นั่งสำรวจทั้งวันก็ทำได้
แต่ความรู้สึกหนึ่งก็ทำให้เขาสะดุดลงเพราะแผงอกเละหน้าท้องขาวๆนั่น มันทำให้เขาเผลอกลืนน้ำลายลงคออีกครั้งอย่างฝืดคอ
ยิ่งสีชมพูอ่อนไหวทั้งสองข้างตรงหน้าอกของเด็กยักษ์ยิ่งทำให้ความรู้สึกนั้นพวยพุ่งขึ้นมาอีกเป็นระรอก
ไม่ได้! นั่งนานกว่านี้ไม่ไหวแน่
ทันเท่าความคิด คุณนิวก็จัดท่าทางของเด็กยักษ์ให้นอนในท่าที่สบายยิ่งขึ้น ก่อนจะหายวับเข้าไปในห้องกลับมาพร้อมผ้านวมผืนใหญ่เพราะคิดว่าถ้านอนเปลือยท่อนบนแบบนี้มีหวังจะเป็นปอดบวมตาย
แต่พอตกตะก่อนของความคิดดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็นเขามากกว่าที่จะตาย
ขาวชมพูแบบนี้ บอกเลยว่าทนได้ไม่ได้นานหรอก
เมื่อห่มผ้าห่มเสร็จแล้ว เจ้าของห้องที่กำลังเกิดความคิดอกุศลก็รีบเดินเข้าห้องไปทันที พร้อมกับขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำ ใบหน้าอ่อนกว่าวัยยืนระบายรอยยิ้มขึ้นมาบางๆอยู่ตรงหน้ากระจก
นี่แค่ถูกใจนะ… ทำไมถึงรู้สึกได้ขนาดนี้
แล้วการกระทำของน้องวันนี้ทำให้เขายิ่งประทับใจมากขึ้นกว่าเดิม ต่างกันกับเด็กที่ต่อยเขาในวันนั้นซะอีก
ถูกใจซะจริง
โปรดติดตามตอนต่อไป...
พิ๊จะมามีความคิดอุศลบับเน้กับน้องโกลเด้น เด็กยักษ์ของหนูแบบนี้ไม่ได้! นั่นเด็กยักษ์ของนุนะ!
#คนของคุณาร twitter: @blueeyesismine
มัท
-
:pig4:
-
รอตอนต่อไปค่ะ
-
นี่แค่ถูกใจ ยังเป็นขนาดนี้้ลยนะ คุณนิววววว
ถ้ารักนี่ ไม่ต้องขังทอมไว้ในห้องเลยหรอคะ?
ฉากทอมรับแก้ว โคตรเท่เลยอ่ะ
-
ตอนที่ห้า: ความรู้สึกของวันนี้
สักครั้งในชีวิต มันก็ต้องมีสักคนที่มาแหกทุกกฎที่เราตั้งไว้
คุณจะรู้ตัวมั้ยนะ? ว่ากำลังทำผิดกฎ
อากาศเย็นฉ่ำที่ได้จากแอร์คอนดิชันเนอร์ภายในห้องกว้างกระทบลงบนผิวขาวเนียนของเดือนวิศวะซึ่งกำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟาตัวใหญ่สีดำสนิท ผ้าห่มผืนหนาร่นลงไปกองอยู่ที่ช่วงเอวนั่นก็เพราะการนอนดิ้นของตัวเอง
และช่วงบนที่ไม่ได้มีเสื้อปกปิดเนื้อหนังเลยเริ่มทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมานิดหน่อยเพราะความหนาวมันเริ่มคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ ไหนจะเสียงการทำอาหาร เสียงกระทบกันของจานกับโต๊ะไม้ แม่แต่กระทั่งเสียงจามของใครสักคนซึ่งทอมก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
จำได้ว่าที่ห้องไม่เคยทำอาหารนี่หว่า…
ถึงจะคิดได้อย่างนั้น แต่ความง่วงที่มีมากกว่าเลยไม่ได้ทำให้ฉุกคิดได้เลยว่านี่ไม่ใช่ห้องของตัวเอง
อือ…
เด็กยักษ์ส่งเสียงอื้ออึงในลำคอเล็กน้อย ขณะที่กำลังพลิกกายเปลี่ยนท่านอนให้สบายขึ้นกว่าเดิม
มือข้างหนึ่งก็ควานหาผ้าห่มอย่างสะเปะสะปะเพื่อเอามาคลุมช่วงบนที่เปลือยเปล่าของตัวเองหวังจะบรรเทาความเย็นของเครื่องปรับอากาศที่กระทบลงผิวกาย จนเริ่มรู้สึกเย็นยะเยือกเข้าไปทุกที
อือ…
อีกครั้งที่ทอมเปลี่ยนขยับตัวเปลี่ยนท่านอน
แต่ทว่า…
ตุบ!
เสียงนั้นมาจากการที่ร่างของเดือนวิศวะกลิ้งหล่นลงพื้นเพราะว่าเขาขยับตัวผิดท่า เลยพลาดตกโซฟาซะได้
จากที่กำลังหลับสบายเปลือกตาสีไข่ก็เปิดขึ้นทันควัน
“โอย…” เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นเบาๆเพราะมันค่อนข้างส่งผลต่อรอยช้ำตรงหัวไหล่ของตัวเองเป็นอย่างมาก เขาขยับตัวช้าๆเพื่อที่จะเปลี่ยนลักษณะการนอนคว่ำเป็นหงายขึ้น พลันเพดานห้องที่ไม่คุ้นตาก็ปรากฏ
คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหากันทันทีเพราะสงสัยว่าที่นี่มันคือที่ไหน?
ไม่เพียงแค่เพดานห้องพอมองไปรอบๆแล้วเฟอร์นิเจอร์เองก็แปลกตา แน่นอนว่ามันไม่ใช่แบบที่อยู่ในห้องเขาแน่
ละ ละ แล้วที่นี่มันที่ไหนกันล่ะ?
“ตื่นแล้วเหรอครับ?” เสียงเล็กๆดังขึ้นจากที่ไหนสักที่ซึ่งตอนนี้ทอมมองหาตัวเจ้าของเสียงนี้ไม่เห็น แต่ยังไงถึงแม้ไม่ได้เห็นหน้าก็ขอฟันธงว่าคนพูดต้องน่ารักฉิบหายแน่ๆ
“ทะ ทำไมไปนอนตรงนั้นล่ะครับ?” เด็กคนหนึ่งที่อยู่ในชุดนักเรียนชะโงกหน้ามาจาทางด้านหลังพนักโซฟา เด็กหน้าซื่อเอียงหน้าน้อยๆด้วยความสงสัย
อ่า…เขาเห็นหน้าคนพูดละ น่ารักอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
เดือนวิศวะไม่ได้ตอบคำถาม หากแต่กำลังนอนทบทวนภาพเหตุการณ์ต่างๆซึ่งกำลังไหลย้อนกลับมาราวกับแฟลชแบ็ค
ที่จำไม่ได้ไม่ใช่เพราะเมา แต่เป็นเพราะการนอนในที่ใหม่ๆมันเลยยังไม่ค่อยชิน
อาการตอนนี้เรียกได้ว่าเซ่อนอนแบบสุดๆ และภาพต่างๆก็หยุดลงตรงที่คุณนิวเอายามาทาให้ จากนั้น…
จากนั้นก็วูบเลย
“อ๊ะ!”
เมื่อนึกได้แล้วเลยตั้งใจที่จะลุกขึ้น แต่ก็ลืมไปอีกว่าตัวเองโดนอะไรมา เวลาขยับตัวเลยรู้สึกไม่ค่อยสะดวกเท่าไร
“เป็นอะไรมากมั้ยครับ?” ไอ้ตัวเล็กมันถามด้วยสีหน้าตื่นๆ พร้อมกับจะเข้ามาช่วยพยุงแขกของคุณนิวให้ลุกขึ้นจากพื้น
“ไม่ต้องๆ” ทอมปฏิเสธกลับไป และจากนั้นก็ลุกได้ด้วยตัวเอง
“เดี๋ยวผมไปตามคุณนิวให้ดีมั้ยครับ?”
“ไม่ต้องๆ” เขาปฏิเสธแล้วก็มองหาเสื้อยืดของตัวเองที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ไหน มองหาได้ไม่นานก็เห็นว่ามันถูกพาดอยู่ตรงพนักโซฟา “เดี๋ยวจะกลับเลย” ทอมว่าอย่างนั้นพร้อมกับสวมเสื้อใส่กลับคืน
“ตะ แต่”
“แต่อะไร?” ทอมเลิกคิ้วขึ้นในเชิงคำถามกับเด็กหน้าซื่อที่พยายามจะห้ามเขา
“ผะ ผมทำอาหารเช้าไว้เผื่อคุณด้วยนะ จะไม่อยู่กินก่อนเหรอครับ?”
เอ๊? เมียเด็กไอ้คุณนิวนี่มันเซ้าซี้จริงๆเว้ย!
ตอนแรกก็งงว่าเด็กนี่เป็นใคร แต่เมื่อคืนจำได้ลางๆว่าเป็นเมียเด็กของไอ้ตัณหากลับ
ไม่รู้หรอกว่าเป็นไม่เป็น แต่ทอมคิดว่ามันต้องใช่แน่ๆ
“มะ…” กำลังจะตอบปฏิเสธอยู่แล้วเชียว! แต่พอเห็นหน้าซื่อๆ พร้อมกับแววตาอ้อนๆก็ถึงกับปฏิเสธไม่ลงกันเลยทีเดียว “ก็ได้”
อยากให้อยู่ดีนัก! คอยดูเถอะเดี๋ยวจะยุให้หนีไอ้คุณนิวมันไปไกลๆเลย
เท่านั้นแหละ เด็กหน้าซื่อมันก็ยิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาวๆทันที
แค่ยอมทานมื้อเช้า ทำไมจะต้องดีใจอะไรขนาดนั้น?
“ว่าแต่นี่กี่โมงแล้ว?”
“หกโมงอยู่เลยครับ” น่านตอบ ส่วนมือทั้งสองข้างก็กำลังสาละวนอยู่กับการพับเก็บผ้าห่มผืนหนา
“แล้วตื่นมาทำอะไรแต่เช้า?”
“ก็…ทำอาหารเช้าแล้วก็เตรียมเสื้อผ้าให้คุณนิวครับ”
โห! นี่พรากผู้เยาว์ไม่พอมึงยังใช้แรงงานเด็กอีกเหรอ ดูดิเนี่ย! น้องมันยังเรียนอยู่เลย
“ว่าแต่เราน่ะอายุเท่าไรแล้ว?”
“สิบแปดแล้วครับ”
“ชื่ออะไร?” บทสนทนาแบบเรียบง่ายดังขึ้นตลอดทางสั้นๆที่ทั้งคู่เดินไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่ตรงโซนครัว
“น่านครับ” เด็กหน้าซื่อว่าอย่างนั้น แล้วก็หันกลับไปทำงานตัวเองที่ค้างไว้อยู่ เพราะก่อนหน้านี้ได้ออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับแขกของคุณนิว
“พี่ชื่อทอมนะ” ทอมเป็นพวกสนิทง่าย ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม “ไม่ต้องจำก็ได้บอกไว้เฉยๆ” เพราะเห็นว่าเด็กน่านทำหน้างง ทอมเลยแก้พูดแก้ประโยคเมื่อครู่
“ไม่ใช่ครับๆ ผมจะจำไว้ครับคุณทอม” ที่ทำหน้างงไม่ใช่เพราะอะไร แต่เป็นเพราะว่าแขกคนนี้ของคุณนิวนั้นง่ายๆเกินไป ดูสบายๆไม่คิดอะไรกับการที่จะรู้จักกับเด็กอย่างเขา
เพราะส่วนมากแขกของคุณนิวทุกคนเลยล่ะที่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตาไม่เหมือนกับคนคนนี้ มันก็เลยอดแปลกใจไม่ได้
แต่แขกที่ว่านี้หมายถึงตอนอยู่บ้านใหญ่น่ะนะ เพราะตั้งแต่ย้ายมารับใช้คุณนิวที่คอนโดแห่งนี้ก็ไม่เคยเห็นใครได้เข้ามาแล้ว จะมีก็แต่สองเพื่อนซี้ คุณดากับคุณสิงหาเท่านั้น
จะว่าไปคุณทอมนี่ก็คนแรกเลยที่ได้เข้ามาในนี้ ปกติคุณนิวจะหวงพื้นที่ความเป็นส่วนตัวของตัวเองมาก ให้ตายก็ไม่มีใครได้เข้ามาถึงขนาดนี้หรอก
“คุณทอมอะไร พี่ทอมก็พอ”
“ไม่ได้หรอกครับ คุณทอมเป็นแขกของคุณนิว” เด็กน่านตอบปฏิเสธไปด้วยหน้าตาเหรอหรา
ใครจะกล้าเรียกด้วยความสนิทสนมแบบนั้นกัน น่านคนนึงล่ะที่ไม่กล้า…
“พี่ทอมก็พอ นี่ไม่ได้ถือตัวอะไรขนาดนั้น โอเค๊?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นหนึ่งข้าง และคำถามนี้มีคำตอบเดียวที่จะตอบได้คือ ตกลงครับ เท่านั้น และสายตาที่โคตรจะกดดันเลยทำให้เด็กซื่อพยักหน้าตอบรับแต่โดยดี
เขาไม่ชอบให้ใครมาเรียกว่าคุณสักเท่าไร ก็รู้แหละว่ามันเป็นคำสุภาพ แต่พอได้ฟังทีไรมันจักจี้อย่างบอกไม่ถูกคุยกันแบบง่ายๆน่ะดีแล้ว สนุกกว่ากันเยอะ
บทสนทนาเรียบๆของทั้งคู่กำลังดำเนินต่อไป คุยกันไปเรื่อยๆอย่างกับว่ารู้จักกันมานานแล้วทั้งที่ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ทั้งสองคนไม่มีใครรู้เลยว่าบทสนทนานี้กำลังสร้างรอยยิ้มให้กับใครบางคนได้เป็นอย่างดี
ใครสักคนที่กำลังยืนแอบฟังอยู่เงียบๆ
ชอบความง่ายๆแบบนี้ของเด็กยักษ์ซะจริง
และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งความรู้สึกใหม่ที่ได้ผุดขึ้นมาในสมอง
“งั้นทอมก็กำลังว่าพี่ถือตัวเหรอครับ?” ยืนแอบฟังไม่ถึงห้านาที เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเด็กยักษ์พร้อมกับคำถาม
น่านเองที่ไม่ได้เห็นคุณนิวในลักษณะแบบนี้มานานมากแล้วถึงกับอดแปลกใจไม่ได้
และลักษณะที่ว่านี้ก็คือการที่คุณนิวดูอารมณ์ดี และใบหน้าหล่อๆนั้นเปื้อนรอยยิ้มมากกว่าทุกวันเป็นพิเศษ ยิ่งทำให้น่ามองเข้าไปอีก
ก็ได้แต่คิดสงสัย เพราะใครล่ะจะกล้าไปยุ่งเรื่องของเจ้านาย
“…”
เด็กยักษ์ไม่ได้ตอบคำถามของคุณนิว และตอนนี้กำลังทำตัวราวกับว่าเขาเป็นเพียงธาตุอากาศ ดูไร้ตัวตนในสายตามากๆ แต่ทุกอย่างก็เป็นเหมือนเช่นทุกครั้ง คุณนิวไม่ได้สนใจเท่าไรว่าทอมจะมีปฏิกิริยายังไง
เพราะแค่นี้ก็ถูกใจจนจะตายอยู่แล้ว ถ้าหากพูดเพราะถูกหูไม่ใช่ว่าจะถึงขั้นชอบจนโงหัวไม่ขึ้นเลยหรือไง?
แต่ก็แอบใจแป้วนิดๆนะ ทีกับน่านรู้จักกันแค่ไม่เท่าไรก็เรียกกันทำเหมือนสนิทกันมาอย่างกับสิบปี พี่อย่างนั้น พี่อย่างนี้ พอกับเขาแล้วก็นะ กูๆ มึงๆ
แต่ก็นั่นแหละเขาไม่ยอมแพ้หรอก ไม่แน่อนาคตทอมอาจจะยอมเรียกเขาว่าพี่ หรือไม่ก็คุณนิว และแทนตัวเองว่า หนู อย่างที่ใช้กับคนในครอบครัวก็ได้
จะกี่วันหรือกี่เดือนก็ต้องรอดูกันต่อไป ถ้าเขาไม่เบื่อแล้วก็เลิกถูกใจน้องไปก่อนแล้วล่ะก็นะ
“อาหารเสร็จยังล่ะน่าน?” เมื่อเห็นว่าทอมไม่ตอบและเอาแต่เล่นโทรศัพท์ เลยเลือกที่จะถามถึงอาหารมากกว่า
“เสร็จแล้วครับ” เด็กหน้าซื่อตอบพร้อมกับยกถาดอาหารทั้งของคุณนิว และพี่ทอมที่เพิ่งเตรียมเสร็จไม่นานมานี้ยกมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
โจ๊กหมู กาแฟดำและครัวซองค์ของคุณนิว โจ๊กหมูและน้ำสมเป็นของพี่ทอม
“เดี๋ยวผมขอตัวไปโรงเรียนเลยนะครับ คุณนิวกับพี่ทอมอยากได้อะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ?” เมื่อเสิร์ฟทุกอย่างให้เสร็จแล้ว เด็กน้อยก็เอ่ยขอตัวทันที ถ้าไม่กลัวว่าสายก็อยากอยู่เก็บจานให้อยู่หรอกนะเพราะไม่อยากให้คุณนิวทำเอง
เห็นอย่างนั้นน่ะ เขาชอบยกถ้วยยกจานไปเก็บไว้ให้ในครัวเลยนะ ถึงจะไม่ได้ล้างก็เถอะ แต่ไม่ต้องล้างน่ะดีแล้วเพราะแค่นี้น่านก็เกรงใจจะแย่
“ไม่กินมื้อเช้าด้วยกันก่อนล่ะ?” หนึ่งประโยคของทอมดังขึ้น ทำเอาคุณนิวแอบขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ เด็กหน้าซื่อเองก็ไม่ต่างกันถึงกับทำหน้างงกันไปแถบๆ
สำหรับคุณนิวแล้วไม่ได้ว่าอะไรที่จะเรียกน้องมาทานมื้อเช้าด้วยกันเพราะแต่ก่อนเขาเองก็บอกให้มาทานด้วยกันตลอด แต่น่านก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะยอมทานข้าวกับเขา ถ้าไม่ไปแอบทานในครัวก็ชอบไปทานที่โรงเรียนเอา
แต่ก็แค่แปลกใจในความง่ายๆของทอมซะมากกว่า เพราะมันก็ต่างจากใครหลายๆคนที่เขาเคยรู้จัก หรือไม่ก็เคยควงมาก่อน
“มะ ไม่เป็นไรครับ” และมันก็เป็นอีกครั้งที่น่านตอบปฏิเสธด้วยหน้าตาเหรอหรา
“ทำไมอ่ะ? กลัวสายเหรอ? เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ทอมยิงคำถามใส่ซะจนตั้งตัวไม่ทัน คนอายุเยอะที่สุดในตอนนั้นก็เอาแต่ยิ้มน้อยๆให้กับคำพูดของไอ้เด็กยักษ์
“ไม่เป็นไรจริงๆครับ” เจ้าเด็กหน้าซื่อก็ส่ายหน้าปฏิเสธเช่นเดิม จนทอมเริ่มจะรู้สึกหงุดหงิด
ขัดใจซะจริง!
ที่ชวนก็เพราะว่าเห็นน้องต้องตื่นตั้งแต่เช้ามาเตรียมทุกอย่างให้ไอ้คุณชาย น้องมันคงยังไม่ได้กินอะไรแล้วกว่าจะไปถึงโรงเรียนก็คงจะต้องทำเวลานิดหน่อยในการเตรียมตัวเองให้พร้อม
นี่มันเลี้ยงเมียเด็กมันยังไงวะ ทำไมดูลำบาก!
คิดสภาพไม่ออกเลยว่าถ้าเค้กได้มาอยู่แบบนี้กับมันจะเป็นยังไง ไหนจะพี่ทิมอีก ถ้าอนาคตไอ้คุณนิวมันมาสปาร์คกับพี่สาวเขาเข้าคงนึกสภาพแบบนี้ไม่ออกเลยจริงๆ เพราะเธอเล่นทำงานบ้านไม่เป็นอย่างเลยน่ะสิ
“อย่าไปรั้งน่านสิ ถ้าเกิดไปสายขึ้นมาจะทำยังไง?” คุณนิวเลยพูดเตือนขึ้นมา เพราะเห็นว่าเด็กยักษ์ของเขานั้นไม่ยอมให้น่านได้ไปโรงเรียนสักที
ทอมปรายตามองคนที่พูดประโยคเมื่อครู่พร้อมกับยักไหล่หนึ่งครั้งเพื่อแสดงออกว่า ไม่ได้หยี่ระกับคำพูดนั้นหรอกนะ อะไรเทือกๆนี้
“งั้นก็ไปเถอะ อย่าลืมหาอะไรกินด้วย เคนะ?” เป็นห่วงเมียเด็กของไอ้คุณนิวซะจริงๆ หน้าตาก็ซื่อ แถมตัวยังเล็กมากอีกต่างหาก กลัวว่าโหนรถเมล์ไปแล้วจะถูกเบียดจนล้มฉิบหาย
“ครับ” “งั้นน่านไปแล้วนะครับ… สวัสดีครับคุณนิว…สวัสดีครับพี่ทอม” และก่อนจะเดินออกไป เด็กหน้าซื่อก็ทำความเคารพคนอายุเยอะกว่าอย่างนอบน้อม
หลังจากที่น่านเดินออกจากห้องไปไม่ถึงนาที เดือนวิศวะก็ลุกขึ้นทันควัน หมายจะออกจากห้องนี้ไปอย่างไม่บอกไม่กล่าวเจ้าของห้อง
เพราะเด็กน่านเป็นคนร้องขอให้ทานมื้อเช้า ตอนแรกก็คิดว่าจะอยู่ด้วยกันแต่ตอนนี้น่านไปแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลที่จะอยู่
แต่ก็นั่นแหละ… ไม่ว่าจะทำอะไรทอมก็ช้ากว่าคุณนิวหนึ่งก้าว
“จะไปไหนครับ?” เขาจับช่วงแขนนั้นไว้ได้ทันก่อนที่ทอมจะลุกเดินออกไป
“ก็กลับดิ! จะอยู่ทำไมล่ะ?” เจ้าตัวว่าอย่างนั้นพร้อมกับสะบัดมือให้หลุดออกจากการเกาะกุมของคุณนิว
แต่ก็ไม่เป็นผลหรอกนะ… ทอมน่ะสู้อะไรคุณนิวไม่ได้เลย
“ไม่ให้กลับครับ อยู่ทานมื้อเช้ากับพี่ก่อน”
น้ำเสียงทุ้มๆ คำพูดเพราะๆ และรอยยิ้มนี้ทำเอาซะทอมอยากจะทึ้งหัวเขาแรงๆสักครั้งสองครั้ง
มันไส้นัก!
“ใครน้องมึง?” เด็กยักษ์ตอบกลับแทบจะทันที มันไม่มีครั้งไหนเลยที่ทอมจะพูดกับคนคนนี้ด้วยคำพูดเพราะๆ และทุกครั้งจะต้องมีคำหยาบคายปะปนอยู่ด้วยเสมอ
แต่ก็นั่นแหละ คุณนิวก็ไม่เคยสนใจอีกเช่นเคย
คนมันถูกใจ… ยอมให้เป็นข้อยกเว้นก็ได้นี่นะ
“น้องทอมไงครับ” คำตอบของเขาน่ะตั้งใจจะกวนอารมณ์เด็กยักษ์เอามากๆ รู้ทั้งรู้ว่าทอมไม่ชอบให้เรียกแบบนี้แต่ก็ยังคงเรียกอยู่ได้
“ใครให้เรียกกูแบบนี้ คนในครอบครัวก็ไม่ใช่!”
“อีกหน่อยก็ได้เป็นแล้ว…”
อือ…ก็อยากเป็นคนในครอบครัวนะ แต่ดูเหมือนคำพูดนั้นจะทำให้ทอมเข้าใจผิดค่อนข้างมาก
“คนในครอบครัวเหี้ยไร มึงแย่งเค้กไปจากกูแล้วยังจะเสนอหน้ามาแย่งพี่ทิมไปอีกเหรอ!” นั่นแหละที่ทอมกำลังคิดอยู่
ไม่ได้หรอก ยอมได้ที่ไหนกัน!
“ฮึ…” คุณนิวยิ้มน้อยๆให้กับความคิดนี้
ขี้หวงซะจริงนะเด็กยักษ์ ไม่ได้หมายถึงทับทิมซะหน่อย หมายถึงตัวเองนั่นแหละ
อีกอย่างนะ… เขาไม่ได้แย่งเค้กมานะ ใส่ร้ายกันจริงๆ
“แล้วก็หยุดยิ้ม หยุดทำหน้าตาแบบนั้นได้แล้วกูขนลุก!” อดพูดไม่ได้เลยนะ ทุกครั้งที่เห็นน่ะเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“ถ้าอยากให้พี่หยุดก็พูดกับพี่เพราะๆก่อนครับ” เขาเสนอ
“ไม่! แล้วก็ปล่อยได้แล้ว กูมีบ้านมีช่องต้องให้กลับ”
“น้องทอมทานมื้อเช้ากับพี่ก่อน แล้วเดี๋ยวพี่จะปล่อย”
“ไม่แดก! แล้วก็เลิกเรียกกูว่าน้องทอมซะที!”
“ไม่เลิกครับ… ทีน้องทอมยังพูดกับพี่แบบไม่สนใจความห่างของอายุเราเลย เพราะงั้นพี่จะเรียกแบบนี้จนกว่าน้องทอมจะพูดกับพี่ดีๆ”
แม้ว่าเด็กยักษ์จะหยาบมา แต่เขาก็ไม่คิดจะหยาบกลับหรอกนะ
“ไอ้--”
“ทานข้าวด้วยกันนะครับ” ก่อนที่สัตว์เลื้อยคลานจะออกมาเพ่นพ่านในคอนโด คุณนิวเลยพูดขึ้นมาก่อนพร้อมกับออกแรงดึงให้เด็กยักษ์นั่งลงที่เดิมข้างๆเขา
รู้หรอกว่าไม่ได้ขัดขืน ไม่งั้นคงไม่ยอมนั่งลงง่ายๆแบบนี้
“นะครับ…”
“เออ!” เพราะเสียดายฝีมือเมียเด็กมันเฉยๆหรอก เลยยอมกินให้!
มื้อเช้าจบลงพร้อมกับคำหยาบคายสารพัดที่ทอมพ่นออกมาแทบจะทุกห้านาที
ที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นหรอก… แต่ก็นะ ไอ้หน้าเด็กมันกวนเขาตลอดเวลาเลย จนอยากจะเอาครัวซองค์จับยัดปากให้มันรู้แล้วรู้รอด ปากจะได้ไม่ว่างพูดอะไรที่มันกวนใจเขาอีก
“ไม่ต้องเดี๋ยวกูเก็บเอง” แม้จะเกรี้ยวกราดยังไง เขาก็ยังไม่ลืมที่จะยกถ้วยยกแก้วไปไว้ให้ตรงซิงค์ล้างจาน แต่คิดๆดูแล้วมันก็มีแค่ไม่กี่ใบ เดี๋ยวล้างให้ก็ได้
ก็แม่น่ะสอนตลอดแหละว่า อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควาย ให้ควายมันเล่น
เอ้ย! ให้ลูกเขาเล่นสิ
เลยตอบแทนน้ำใจเล็กๆน้อยๆของอาหารมื้อนี้ด้วยการเก็บถ้วยเก็บจานไปล้างให้ อีกย่างนะสงสารเด็กน่านมันด้วย กลับมาจากโรงเรียนจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมากเพราะเดี๋ยวก็ต้องดูแลไอ้คุณชายนี่อีก!
และนั่นก็เป็นอีกเรื่องของทอมที่ทำให้คุณนิวชอบใจมากยิ่งขึ้น… ไม่รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นมาเก็บจานไปล้างแล้วจะชอบใจแบบนี้มั้ย?
หรือเพราะนี่เป็นน้องทอม
เด็กยักษ์ของเขาเวลาทำอะไรก็เลยถูกใจไปซะหมด
ตอนนี้ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น… รู้แค่ว่าความรู้สึกมันอัพเลเวลเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
“มองเหี้ยไร?” เมื่อเห็นว่ามีเจ้าของห้องยืนมองอยู่เลยอดที่จะถามไม่ได้ “ไม่มีการมีงานทำรึไง?”
“มีครับ แต่รอออกไปพร้อมน้องทอม” เขายืนกอดอดมองเด็กยักษ์ด้วยสีหน้าที่เปื้อนยิ้ม
ถ้าคนรอบข้างมาเห็นเขาอย่างในตอนนี้ คงจะกดโหวตให้คุณนิวยิ้มเยอะๆ และยิ้มทั้งวันได้ยิ่งดี
คนอะไรยิ่งยิ้มยิ่งหล่อ ยิ่งดูดี ขนาดเวลาอยู่ข้างนอกชอบตีหน้าเข้มยังทำเอาสาวๆแถวนั้นอ่อนปวกเปียกอย่างกับขี้ผึ้งลนไฟกันเป็นแถบๆ
แล้วนี่ถ้าชอบโปรยยิ้มให้เหมือนที่ใช้กับเด็กยักษ์คาดว่าจะต้องมีคนไปพบแพทย์แบบด่วนๆสักคนสองคนในแต่ละวัน สาเหตุเพราะหัวใจมันทำงานหนักเกินไปเนื่องจากรอยยิ้มของเจ้านาย
“เออกูรู้แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะขโมยอะไรหรอก!” และทอมก็ชอบตีความหมายของเขาผิดตลอดเลย
ไม่ได้จะกลัวขโมยอะไรสักหน่อย สำหรับทอมแล้วอยากได้อะไรก็หยิบไปได้เลยไม่คิดจะว่าเลยสักนิด ก็แค่อยากออกไปพร้อมกันเฉยๆ
“เดี๋ยวพี่โทรหานะครับ” คุณนิวพูดขึ้นหนึ่งประโยคก่อนจะแยกทางกันขึ้นรถใครรถมัน
“กูไม่รับ!” ทอมหน้าบึ้ง และตอบกลับไปแบบที่ติดความเกรี้ยวกราดนิดหน่อย
“เดี๋ยวพี่โทรหาคุณอาก็ได้ครับ”
“เดี๋ย--” ยังไม่ทันจะแย้งอะไรด้วยซ้ำ คุณนิวก็เข้าไปนั่งอยู่ในรถซะแล้ว จากนั้นปอร์เช่คันสวยก็เคลื่อนตัวออกไป เหลือไว้ก็แต่เด็กยักษ์กับการยืนอ้าปากค้างเพราะยังไม่พูดไม่จบ
เดี๋ยวเถอะ…เดี๋ยวก่อนนะมึง
อย่าพลาดเชียว!
อ่านต่อข้างล่างนะคะ
-
ต่อนะคะ
“เย็นนี้กินอะไรกันดีวะ?” แดนเปิดประเด็นขึ้นหลังจากที่เดินออกจากชั่วโมงของความปวดหัว อยากจะถามเหลือเกินว่าอะไรดลใจให้กูมาเรียนคณะนี้!
แต่จะว่าไปก็เป็นไอ้ออยนั่นแหละ มันไซโคเขาตั้งแต่ขึ้นมอสี่ใหม่ๆละ ว่ามึงต้องสอบเข้าวิศวะกับกูให้ได้นะ และอีกบลาๆ
ไอ้หัวขวดเอ้ย! ไม่น่าไปเชื่อมันเลย
“ชาบูดีมั้ย? ร่างกายต้องการประทะเนื้อ” ก็มีแต่มันแค่สองคนนั่นแหละที่ออกความคิดเห็น
ส่วนทอมนั้นก็…
เหนื่อยล้าเต็มที ไม่เห็นปลายทาง…
ผิดละๆ
มันตื้อจนขี้เกียจพูดขี้เกียจออกความคิดเห็น เอาเป็นว่าถ้าใครลากไปไหนตอนนี้ก็ไปทั้งนั้น
“มึงว่าไงทอม?” แดนหันมาถามความคิดเห็นกับเพื่อนที่ตอนนี้ยังไม่เลิกทำตัวเหมือนผีตายซาก หมดกัน ราศีเดือนวิศวะ
นี่แหละนะปีแรกๆที่เข้ามามันก็จะฮ็อตหน่อยๆ พอขึ้นปีสองสภาพก็เริ่มย่ำแย่ไปตามๆกัน
แต่ไม่เป็นไรหรอก ทอมเชื่อมั่นในเหง้าหน้าของตัวเอง!
“ไม่รู้ยังไงก็ได้”
Rrrrrrrr
พูดจบประโยคแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น โทรศัพท์ก็แผดเสียงขึ้นจนทำให้เจ้าของมันกรอกตามองไปมาอย่างเบื่อหน่าย
คงไม่มีใครหรอก…
‘ไอ้ลูกหมา’
นั่นคือชื่อของคุณนิวที่เขาบันทึกลงในโทรศัพท์
“อะไร?” ทอมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ด้วยความเบื่อหน่าย เขาเดินรั้งท้ายออยกับแดนที่เดินนำไปก่อนนิดหน่อย
[พี่จะชวนไปทานข้าว]
“ไม่กิน!”
[ก็ได้ครับ… ถ้าเปลี่ยนใจยังไงก็โทรมานะ]
แล้วเขาก็ตัดสายไปดื้อๆ เล่นทำเอาทอมแปลกใจไม่น้อย
ทำไมไม่เซ้าซี้ ?
ทำไมไม่วอแว ?
ช่างมันเถอะ แบบนี้แหละที่เขาต้องการ
Rrrrrrr
แต่ทว่า… ยังไม่ได้เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงด้วยซ้ำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกระรอก
อะไรของมันอีกวะเนี่ย!? เซ้าซี้จริงๆ
‘พี่ทิม’
แต่เมื่อดูหน้าจอแล้วชื่อที่ปรากฏไม่ใช่ไอ้ลูกหมาอย่างที่พิมพ์ไว้ กลับกลายเป็นพี่สาวตัวเองซะได้
“ครับพี่ทิม”
[เย็นนี้น้องทอมว่างมั้ย?]
“หนูว่าจะอ่านหนังสือ พี่ทิมมีอะไรหรือเปล่า?” อย่าชวนเขาไปไหนเลย ตอนนี้อยากไปหาอะไรกินเสร็จแล้วก็จะได้กลับห้องไปอ่านหนังสือเต็มทีแล้ว
ถ้าไม่ใช่เรื่องด่วนก็คงขอปฏิเสธแล้วล่ะนะ
[ไม่มีอะไร งั้นน้องทอมอ่านหนังสือก็ได้ พี่แค่จะชวนไปทานข้าวกับคุณนิวเขาน่ะ… พ่อนัดให้พี่เลยไม่อยากปฏิเสธ]
หืม?
แบบนี้ไม่ได้นะ! บอกแล้วไงว่าไม่ยอม
“เดี๋ยวก่อนครับพี่ทิม!” ทอมร้องห้ามปลายสายแทบจะทันที เมื่อรู้ว่าต้องไปไหน กับใครอะไรยังไง “เดี๋ยวหนูไปด้วย”
[ไม่ต้องอ่านหนังสือแล้วเหรอ?]
“อยู่ๆหนูก็รู้สึกหิวขึ้นมา ยังไงเดี๋ยวหนูขับรถไปรับพี่ทิมนะ”
[ก็ได้… ตามใจ งั้นแค่นี้ก่อนนะ]
“ครับ สวัสดีครับ”
ติ๊ด!
“พวกมึง วันนี้กูไปกินชาบูด้วยไม่ได้แล้วนะ” ทอมเพิ่มระดับการก้าวเท้าของตัวเองให้ทันเพื่อน
“ทำไมอ่ะ?” แดนถาม
“ก็พี่ทิมชวนไปข้างนอก โทษทีนะมึง”
“เออๆไม่เป็นไร” ก็นั่นแหละ… สุดท้ายออยก็ต้องไปกับแดนสองคนอยู่ดี “เจอกันพรุ่งนี้นะมึง”
“โอเค”
และทั้งสามคนก็แยกกันหลังจากนั้น
ทอมในตอนนี้มีแต่ความหงุดหงิดเต็มไปหมด! เพราะยิ่งนึกถึงตอนที่คุณนิวโทรมาหาแล้วก็ยิ่งโมโห
มิน่าล่ะก่อนหน้านี้ถึงได้โทรมาชวน พอเขาปฏิเสธก็ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ
ร้ายนักนะ!
19.15 pm
บนโต๊ะอาหารที่มีแต่เสียงของพี่ทิมแล้วก็คุณนิวที่กำลังคุยกันอย่างออกรสในเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาคุยกัน ส่วนตัวทอมนั้นที่ไม่ได้เข้าใจอะไรมากนัก เลยไม่ขอร่วมด้วย
เหมือนกับระบบการรับฟังมันพังไปดื้อๆ
ไม่อยากได้ยินเสียงมัน
ไม่อยากเห็นหน้า
จริงก็ไม่ได้อยากมาเลยแม้แต่น้อย! แต่เพราะยอมไม่ได้ที่จะให้พี่ทิมอยู่กับมันแค่สองคน เพราะงั้นเลยต้องขัดขวาง!
แต่เด็กยักษ์ก็ช้ากว่าคนมากประสบการณ์อยู่หลายก้าว คงยังไม่รู้ว่านั่นน่ะเข้าทางคุณนิวเลยนะ
ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
“ไหนบอกหิว ทำไมทานน้อยแบบนี้?” พี่สาวถามขึ้น เมื่อเห็นว่าน้องชายเอาแต่เขี่ยเสต็กในจานไปมาอย่างกับไม่อยากทาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็นคนบอกเองแท้ๆว่าหิวมาก
“หนู--” “ทะ ทอมอิ่มแล้วอ่ะพี่ทิม” กำลังจะใช้สรรพนามที่ชินปากเวลาอยู่กับคนในครอบครัว แต่พอเห็นว่าใครนั่งอยู่ด้วยเลยรีบแก้ทันควัน
“น้องทอมจะไปทำอะไรก่อนมั้ย? เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่โทรหา” พี่ทิมเสนอ เพราะกลัวน้องจะเบื่อ เพราะเขากับคุณนิวเองก็เอาแต่คุยกันเรื่องทั่วๆไปของคนวัยทำงาน
ยิ่งได้คุยกับลูกชายเจ้าของห้าง The KNK ด้วยแล้วทับทิมยิ่งอยากคุย ใครๆเขาก็พูดกันว่าคนคนนี้น่ะ ทำงานเก่งมาก
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาน่ะเป็นผู้ชายที่ทัศนคติดีๆคนหนึ่ง
“ไม่ครับ” ทอมปฏิเสธ แม้จะเบื่อขี้หน้าคุณนิวมากขนาดไหน ก็ไม่อยากปล่อยให้เขาได้อยู่กับพี่ทับทิมสองคนแม้แต่วินาทีเดียว
จะเป็นก้างชิ้นใหญ่ๆคอยขวาง กับเค้กถึงจะขัดไม่ได้แต่กับพี่ทิมจะขัดให้สุดหนทางเลยคอยดูสิ
และไอ้อาการหน้าบึ้งนั้นก็อยู่ในสายตาคุณนิวเขาตลอดแหละ ไหนจะคำพูดคำจาที่ใช้พูดกับพี่สาวที่เขาได้ยินอีก
น่ารัก
น่ารักจริงๆ!
เด็กยักษ์นี่นะ… ทำอะไรก็น่ารักไปหมดเลย
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ทั้งสามก็เดินออกจากร้านอาหาร ทอมเดินรั้งท้ายทั้งคู่อยู่หลายก้าว ถึงจะอยู่เพื่อขัดขวางเขายังไงก็ไม่อยากทำให้พี่สาวตัวเองเสียหน้าด้วยการเดินไปแทรกกลาง ยังไงเขาก็เด็กกว่า มารยาทนั้นพึงมี
ถึงแม้เวลาได้อยู่กับคุณนิวสองคนนั้นจะหยาบคายมากขนาดไหนก็เถอะ
“อ๊ะ!” หากแต่เสียงอุทานของทับทิมที่ดังขึ้น ทำให้ทอมต้องรีบถลากเข้าไปหาเธอแทบจะทันที
คุณนิวที่เดินเคียงข้างกับทับทิมน่ะดูช้าไปหลายปีแสงเลยเมื่อเจอความรวดเร็วของทอมเข้าไปแล้ว
“พี่ทิมเจ็บตรงไหนมั้ย?” เดือนวิศวะถามด้วยความเป็นห่วง เพราะรองเท้าส้นสูงขนาดสี่นิ้วที่พี่ทิมใส่อยู่ดีๆก็หักซะงั้น
และด้วยความที่ส้นมันสูงเลยกลัวว่าพี่ทิมจะมีปัญหาที่ข้อเท้า
“ไม่เจ็บหรอก แต่รองเท้าพี่น่ะสิ…” เธอทำหน้าเศร้า เพราะคู่นี้ดันเป็นคู่โปรดซะด้วยสิ
“เดี๋ยวหนูเอาไปซ่อมให้” เด็กยักษ์เผลอใช้สรรพนามที่น่ารักอีกครั้งอย่างลืมตัว พร้อมกับนั่งลงถอดรองเท้าทั้งสองข้างออกให้พี่สาวอย่างเบามือ “พี่ทิมใส่รองเท้าหนูไปก่อน” เพราะไม่อยากให้พี่เดินเท้าเปล่า เลยเสียสละถอด vans old school คู่โปรดให้พี่ทิมใส่แทน
แม้แค่อีกไม่กี่เมตรจะถึงที่จอดรถก้เถอะ แต่เขาก็ไม่อยากให้พี่ทิมเดินเท้าเปล่า เพราะอย่างน้อยเขายังมีถึงเท้าแต่พี่ทิมน่ะเท้าเปล่าล้วนๆ
“ไม่เอาเดี๋ยวพี่เดินเท้าเปล่าก็ได้ ไม่เท่าไรก็ถึงรถแล้ว” เธอปฏิเสธ แต่ก็สู้ไม่ได้หรอกนะ เพราะน้องชายกำลังจับเท้าพี่สาวให้สวมเข้าไปใน vans old school
“ไม่เป็นไรหนูใส่ถุงเท้าอยู่”
เด็กยักษ์ลุกขึ้นมาจากพื้น พร้อมกับถือรองเท้าส้นสูงของพี่สาวไว้
“น่ารักจริงๆ ไหนอยากได้ไรเดี๋ยวพี่ซื้อให้” พี่ทับทิมถามและยิ้มให้กับการกระทำของน้องชายตัวเอง
ไม่เสียแรงเลยที่คอยสั่งสอนตั้งแต่เด็กยันโต
“ไม่หรอก ก็พี่เป็นพี่หนูหนิ” ทอมยิ้มตอบกลับไป และกลับไปเดินรั้งท้ายพี่สาวกับคุณนิวเช่นเดิม
รอยยิ้มหนึ่งถูกระบายขึ้นน้อยๆบนใบหน้าหล่อเหลาเพราะการได้เห็นอีกด้านของคนที่ตัวเองถูกใจ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดีกับการกระทำของเด็กยักษ์ต่อพี่สาวของเขามาก
ทั้งที่เจ้าตัวเลือกที่จะไม่ทำก็ได้ เพราะเดินไม่เท่าไรก็จะถึงรถแล้ว แต่ก็ยังเลือกที่จะเสียสละ ถอดรองเท้าให้พี่และตัวเองยอมเดินเท้าเปล่า
หนึ่งวันนี้ ตั้งแต่เช้าที่ได้เจอกันจนกระทั่งตอนนี้ คุณนิวได้เห็นหลายๆมุมของทอมที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็น
ทอมมีน้ำใจ
เสียสละ
เป็นกันเองไม่ถือตัว และพื้นฐานนิสัยนั้นคือดีมาก
ถึงแม้จะดีกับทุกคนแล้วยกเว้นเขาก็เถอะนะ… แต่เชื่อมั้ย? สักวันหนึ่งเถอะ ในลิสต์รายชื่อที่เด็กยักษ์ปฏิบัติตัวด้วยแบบนั้นจะต้องมีชื่อเขาเป็นหนึ่งในนั้น
เพราะจะไม่ยอมแพ้หรอก… ตราบใดที่ยังถูกใจอยู่น่ะนะ
อีกอย่างความรู้สึกของวันนี้ที่มีต่อเด็กยักษ์นั้นถูกปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่า มากกว่าตอนเช้าซะอีก
เพราะงั้น…
เห็นทีว่าคงต้องเจอกันอีกนาน
โปรดติดตามตอนต่อไป...
สาบานสิคะคุณนิวว่านี่แค่ถูกใจ อยากจะแหมมมมมมมมไปให้ถึงดาวอังคารซะจริง
#คนของคุณากร
twitter : @blueeyesismine
มัทฉะลาเต้
-
แหมมมมม ด้วยคนค่าาาาา
ถูกใจอีกนิด นี่ก็น่าจะหลงน้องทอมแล้วนะคะ
55555555
-
:seng2ped:
-
แหมค่ะแหม... มีการพ่วงท้ายว่า ตราบใดที่ยังถูกใจ ตลอดเลยนะ ไม่ใช่ว่าชอบมาก ๆ ไปแล้วหรือไง
ถ้าน้องทอมได้รู้ความคิดอิคุณนิวนี่คงอยากทึ้งหัวตัวเอง แล้วสยองไปอีกนานสำหรับประโยคสุดท้าย ฮา
-
พี่นิวมันร้าย
-
สนุกครับ หนูทอมรู้ตัวเมื่อไหร่คงจะบันเทิงน่าดู
-
อยากให้หนูทอม เรียกตัวเองว่าหนูกับพี่นิวแล้วววววว
-
ตอนที่หก : ทำไมน้องต้องน่ารักขนาดนี้
ห้องสักห้องภายใต้คอนโดหรูที่เป็นของคุณากร ลูกชายเจ้าของห้าง The KNK ตอนนี้กำลังถูกก่อกวนด้วยเพื่อนรักหักสะบั้นทั้งสองคนที่อยู่ๆก็พรวดพราดเข้ามาขณะที่เขากำลังนั่งทำงานที่ค้างไว้อยู่ซึ่งได้หอบเอากลับมาทำที่ห้อง
ว่าไปแล้วจะพูดเหมารวมศักดิ์ดาด้วยก็ไม่ได้เพราะศักดิ์ดาเองก็ถูกลากมาเหมือนกัน ถ้าจะบ่นใครก็นั่นแหละ… ไอ้สิงหา
ไอ้เพื่อนตัวดีที่ชอบทำตัวเหมือนตอนกำลังเรียนมหาลัย ทั้งที่อายุก็ปาเข้าเลขสามแล้ว แต่ก็นะ…จะทำยังไงได้ ก็คบกันอยู่แค่สามคน ถึงจะบ่นได้ยังไงสุดท้ายก็เปิดประตูต้อนรับมันอยู่ดี
คบกันมาก็นาน เลยพอจะรู้ว่าไอ้นิสัยติดเพื่อนของสิงหานั้นแก้ไม่หายสักทีขนาดว่าทำงานงานแล้วเวลาไปไหนมาไหนก็จะต้องโดนสิงหาลากไปด้วยตลอด
ถ้าถามว่าสิงหาชอบทำตัวว่าง ชอบทำตัวไร้สาระแบบนี้ นั้นจะมีงานมีการทำหรือเปล่า…?
บอกเลยว่ามี ยิ่งตอนนี้ได้รับช่วงต่อไปบริหาร บริษัท X ของพ่อเขาที่ผลิตเครื่องปริ้นท์ และเครื่องคิดเลขส่งออกนอกประเทศด้วยแล้ว เรียกได้ว่างานล้นมือสุดๆ
ขอเดาว่าถ้ามันไม่ได้แอบโดดงานมาก็คงจะเก่งจนเคลียร์งานทุกอย่างจนเสร็จนั่นแหละ
แต่กับคุณนิวตอนนี้แล้วเรียกได้ว่าวุ่นวายพอสมควรเพราะกำลังจะมีโครงการขยายสาขา The KNK ไปต่างประเทศ อย่างสิงคโปร์ ตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังเริ่มโครงการ เขาเองก็วุ่นวายพอตัวเหมือนกัน
“ตัวเล็กกูไปไหนวะนิว?” นั่งได้ไม่ถึงห้านาที สิงหาก็รู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง และพอนึกขึ้นได้เลยถามขึ้นทันที
ตัวเล็กที่ว่านั่นก็คือน่านน้ำน่ะแหละ
“วันนี้โทรมาขออนุญาตกลับดึกหน่อยเพราะต้องอยู่ทำซุ้มกิจกรรมสำหรับวันพรุ่งนี้” คุณนิวพูดไปพร้อมกับจดจ่อสายตาอยู่กับแม็คบุ๊ค
“โห…งี้ก็อดกินของอร่อยเลยอ่ะดิ” สิงหาบ่นอย่างเซ็งๆ เพราะวันนี้ที่มาบุกห้องเพื่อนไม่ได้ต้องการที่จะมาดื่มอย่างเดียวเท่านั้น เขาตั้งใจจะมาลิ้มรสชาติฝีมือของน้องตัวเล็ก เด็กที่แม่ไอ้นิวส่งมาให้คอยดูแลที่คอนโดด้วยน่ะสิ
“อย่าเรื่องมากน่า แค่นี้ก็กวนไอ้นิวมันจะตายอยู่แล้ว” ศักดิ์ดาปราม “ดูดิ จะดื่มทั้งที่มันก็ยังต้องหอบงานมานั่งทำด้วยเลย แล้วดูมึงดิ?”
“เออ! ว่ากูเข้าไปเดี๋ยวขาดกูสักวันแล้วจะรู้สึก!”
“รู้สึกดีน่ะสิ ดูดิเนี่ย! กูเองก็ยังเข้าไปดูร้านไม่ครบห้าสาขาเลย” ได้ทีพูด ศักดิ์ดาเลยบ่นเพื่อนงี่เง่าของตัวเองยกใหญ่ พร้อมกับตบเข้าที่ศีรษะทุยนั้นแรงๆหนึ่งที
แต่ก็นะ… บ่นไปก็ไร้ค่า เหมือนไข่กระทบหิน เพราะสุดท้ายยังไงก็ยอมมันอยู่ดี
“เอาน่า… เดี๋ยวกูเหมาร้านนมมึงทั้งห้าสาขาไปเลี้ยงพนักงานที่โรงงานกูเลยเอ้า!” สิงหายิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาว ดูไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของตัวเองแม้แต่นิด
จริงๆเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาของศักดิ์ดาหรอกนะ แต่แค่กลัวว่าปัญหาจะเกิดขึ้นกับตัวปัญหาที่อยู่ในร้านซะมากกว่า
“นี่มึงยังติดต่อกับน้องคนนั้นอยู่มั้ยวะนิว?” ดาเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากจะทะเลาะกับไอ้เพื่อนงี่เง่า
“น้องทอมน่ะเหรอ?” แม้จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาคุยกับเพื่อน แต่คิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันหน่อยๆกับคำถามของศักดิ์ดาว่าได้หมายถึงน้องทอมมั้ย?
“แหมมมมมมม น้องทอม” สิงหาเบะปาก “แล้วน้องเค้กมึงไปไหนซะล่ะ?” และเป็นคนรับหน้าที่ถามต่อเพื่อนดาที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นผู้ฟังที่ดีแทน
สิงหาล่ะเหม็นเบื่อความเลี้ยงต้อยของเพื่อนคนนี้ซะจริง ทีแต่ก่อนนี่ไม่แม้แต่กระทั่งจะวอแวกับเด็ก
พอเดี๋ยวนี้ล่ะ… น้องทอมอย่างนั้น น้องทอมอย่างนี้
ไอ้คนสับปลับ!
“กับเค้กไม่ได้คุยแล้ว”
“งั้นมึงกำลังจะบอกว่าคุยกับน้องทอมอยู่งั้นดิ?”
เอาจริงๆแล้วสิงหารู้สึกเหลือเชื่อในตัวเพื่อนตอนนี้มาก… อะไรที่ทำให้รสนิยมมึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้วะนิว?
ไม่ใช่ว่าน้องมันขี้ริ้วขี้เหร่ เพราะในสายตาของสิงหาแล้วน้องทอมก็คือเด็กปีสองที่น่ารักมากคนหนึ่ง ตัวขาวจั๊ว! อย่างกับหลอดไฟเดินได้ แต่เพียงแค่ลุคน้องมันดูเซอร์ไปหน่อยก็เท่านั้น อีกอย่างน้องมันก็เป็นผู้ชายห่ามๆคนหนึ่งเลยนะ
แล้วไอ้เพื่อนเขาที่ชอบคนเอาใจ พูดเพราะ ตัวเล็ก น่ารัก อย่างนั้นทำไมถึงไปถูกใจน้องเขาได้ก็ยังงงจนถึงทุกวันนี้
และน้องทอมก็ไม่ได้ตัวเล็กเลยแม้แต่น้อย น้องไม่ได้อ้วนหรือตัวใหญ่อะไรขนาดนั้นหรอก แต่แค่หุ่นนี่เกือบสูสีกับไอ้นิวก็เท่านั้น แต่ขอเดาว่าเพื่อนเขามันต้องกล้ามแน่นกว่า
“ไม่เชิงว่าคุย”
พอพูดถึงเรื่องเด็กยักษ์เข้าหน่อย คุณนิวก็ผละสายตาออกจากหน้าจอพร้อมกับบิดขี้เกียจน้อยๆเพื่อนขับไล่ความเมื่อยล้า
“แล้ว…?” สิงหาเว้นจังหวะไว้ให้เพื่อนได้ตอบ
“กำลังจีบ”
“หืม?” ศักดิ์ดาที่นั่งฟังมานานก็ส่งเสียงขึ้นบ้าง
จีบ… ไอ้นิวกำลังใช้คำว่าจีบ
มันเป็นคนกลัวการใช้ชีวิตคู่มากนะหลังจากเรื่องตอนนั้น แล้วทำไม…
“อย่ามองแบบนั้น ที่บอกว่าจีบ หมายถึงจีบให้มาเป็นเหมือนคนอื่นนั่นแหละ” คุณนิวรีบพูดแก้
อือ… มันก็นานแล้วแหละที่ไม่เคยใช้คำว่าจีบกับใคร เลยไม่แปลกใจว่าทำไมเพื่อนทั้งสองถึงสงสัยกันขนาดนี้
“คนอย่างมึงนี่ต้องจีบใครด้วยเหรอวะ?” สิงหาถาม เพราะเขารู้ดีว่ามันไม่เคยจีบใครเลย เนื่องจากได้มาก็ไม่ค่อยยากเท่าไร ทุกคนก็พร้อมจะดีลกับข้อเสนอของมันทั้งนั้น
คุณนิวเป็นประเภทที่เปลี่ยนคนคุยหรือคู่ควงนั้นค่อนข้างบ่อย แต่ก็ว่าไม่ได้เลยนะเพราะไม่เคยคบซ้อนใคร
อย่างกับเค้ก เขาก็ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ที่มีชื่อเรียกว่า คนคุย ไป เพราะอยากจะสานสัมพันธ์กับคนที่เป็นแฟนเก่าเค้กมากกว่า
ดูเลวใช่มั้ยล่ะ?
แต่ก็ดูเลวน้อยลงนิดหน่อยนะ ตรงที่ไม่ได้คุยซ้อน
“กับคนนี้ต้องใช้คำว่าจีบ… เพราะไม่ได้ง่ายเหมือนคนอื่น” เรียกได้ว่างานหินเลยทีเดียว หินที่โบกเหล็กไว้อะไรประมาณนี้
“แต่คนอย่างมึงนี่ถ้าเจออะไรยากๆก็ไม่ยุ่งแล้วไม่ใช่หรือไงวะ… แล้วทำไม?”
“ก็กูอยากได้…เลยต้องจีบ ” และรอยยิ้มเจ้าเลห์ก็ถูกแต่งแต้มบนใบหน้าหล่อเหลา สิงหาที่ได้เห็นถึงกับเบะปากด้วยความมันไส้อีกระรอก
งานนี้พี่บอกเลยแหละว่าน้องทอมไม่รอดแน่… เพราะถ้าไอ้นิวมันบอกว่าอยากได้อะไรแล้วล่ะก็นะ…
มันก็ต้องได้
คุยเรื่องน้องทอมได้ไม่นานก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นพร้อมกับทำงานตรงหน้าต่อ สิงหาถึงกับเบะปากขึ้นรอบที่สาม พร้อมกับทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่คุณนิวว่า ‘ถ้าไม่ใช่เรื่องของน้องทอมก็คงไม่เงยหน้าขึ้นมาคุยกันสินะ’
คุณากรไม่ได้โกรธกับคำพูดของเพื่อน แต่รู้สึกตลกตัวเองมากกว่า
เพิ่งรู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นได้ถึงขนาดนี้
จะว่าไปแล้วก็คิดถึงน้องทอมเหมือนกันนา… ไม่ได้เจอกันสองวันได้แล้วเพราะงานเยอะมากจริงๆ รอปลดแอกตัวเองจากงานได้ก่อนเถอะ คงจะตามเฝ้ากันทั้งวันทั้งคืน
พวกเขาทั้งสามคนยังคงคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ส่วนคุณนิวก็ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกทำงานตรงหน้า เขายังคงทำมันพร้อมๆกับการดื่ม และเวลาก็เลยผ่านไปได้ชั่วโมงกว่าๆ จนกระทั่ง…
Rrrrrr
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เครื่องหรูของคุณนิวก็ดังขึ้น มือใหญ่คว้ามันขึ้นมากดรับอย่างไม่ใส่ใจนัก ไม่แม้แต่จะดูรายชื่อด้วยซ้ำว่าใครที่โทรมา
[มึงอยู่ไหน?] และเสียงของปลายสายก็ทำให้เขาแปลกใจเป็นอย่างมาก ถึงกับเอาโทรศัพท์มาดูหน้าจออีกครั้งว่าเป็นใครกันแน่ที่โทรมา
‘น้องทอม’
นั่นแหละคือชื่อของปลายสายที่โชว์อยู่บนหน้าจอขณะนี้
จริงๆแค่ได้ฟังเสียงและคำพูดก็รู้แล้วว่าเป็นใคร เพราะนอกจากศักดิ์ดากับสิงหาก็ไม่มีใครอีกแล้วที่พูดกูๆ มึงๆ กับเขา
“อยู่คอนโดครับ มีอะไรเหรอ?”
พอได้ฟังประโยคแรกของเพื่อนที่ตอบปลายสายไป ศักดิ์ดากับสิงหาก็ถึงบางอ้อทันทีว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนคนนี้หลุดยิ้มออกมาได้ และวางงานตรงหน้าไว้ก่อนที่จะเลือกเดินออกไปคุยโทรศัพท์ตรงระเบียงของคอนโด พร้อมกับจุดบุหรี่สูบไปหนึ่งมวล
สิงหาล่ะอยากจะคว่ำปากให้เบี้ยวกันไปข้างกับคำพูดของเพื่อนที่บอกว่าแค่ถูกใจ
เชื่อมั้ย? ว่าถ้าน้องทอมลองทำตัวน่ารัก อ้อนๆไอ้นิวสักหน่อยนะ… ไอ้สิงหาคนนี้ขอฟันธงเลยว่าไอ้นิวนี่แทบจะยก The KNK ทุกสาขา ใส่พานไปถวายให้น้องมัน
ไม่ว่าน้องจะอยากได้อะไรพี่ก็จะหามาให้ ขอแค่บอกมา จะดวงเดือน จะดวงดาว หรือแม้แต่ชีวิตของพี่ก็ให้น้องได้ สิงหาคิดว่าเพื่อนเขาต้องเป็นแบบนั้นแหละ
ถ้าไม่ใช่นะให้เอาตีนมาลูบหน้าแรงๆเลยเอ้า!
[อะ ออกมาหากูหน่อยดิ?] น้องทอมพูดไม่ค่อยเต็มเสียงนัก เพราะเจ้าตัวน่ะไม่เคยอยากเจอคุณากรเลยแม้แต่น้อย และยังไม่เคยโทรหากันด้วย
แน่นอนว่าคนถูกสั่งให้ออกไปหาถึงกับหลุดยิ้มขึ้นมาหนึ่งครั้ง ในใจก็นึกสงสัยว่าเรื่องอะไรกันนะที่ทำให้น้องยอมโทรหาเขาได้ แถมยังบอกให้ออกไปหาอีก
ควันสีเทาหม่นถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากสวยได้รูป ควันนั้นลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศพร้อมกับความรู้สึกดีหน่อยๆของตัวเอง
“หืม…? จะให้พี่ออกไปหาทำไมไม่พูดดีๆนะ” คุณนิวก็พูดแกล้งไปเท่านั้น เชื่อเถอะว่าตอนนี้ใจเขามันลอยไปอยู่ข้างๆน้องแล้ว
ไม่ว่าจะพูดเพราะหรือไม่เพราะคุณากรก็พร้อมจะไปหาตลอดแหละ ขอแค่ให้น้องบอกมา
[จะมาไม่มา?] เจ้าโกลด์เดน รีทรีฟเวอร์เริ่มเกรี้ยวกราดแล้วแฮะ
: )
“ไปครับไป พี่ขอเวลาสักเดี๋ยวได้มั้ยครับ?”
[เออ! เร็วๆด้วย] ปลายสายพูดย้ำก่อนจะตัดสายไป
บุหรี่ราคาแพงที่สูบไปได้แค่ครึ่งมวลถูกดับไฟลงและโดนทิ้งให้นอนแอ้งแม้งอยู่ในจานเขี่ยบุหรี่
ถึงมันจะเป็นของโปรดยังไง แต่คนที่เขากำลังโปรดปราญกว่านั้นกำลังรออยู่
ขอโทษนะที่ต้องเลือกอย่างหลังมากกว่า
“มึงจะไปไหนวะ?” สิงหาถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินควงกุญแจรถอกไปด้วยใบหน้าที่โคตรจะเปื้อนยิ้ม
แหม… ทำอย่างกับน้องโทรมาบอกรักนะมึง!
“ไปหาคนถูกใจ” เขาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่เท่านั้น และเดินออกจากห้องไป
โชคดีที่งานทำจนเกือบเสร็จหมดแล้วเลยเจียดเวลาออกไปหาน้องได้
คนเรามันก็อย่างนี้แหละน้า… มีเวลาให้กับเรื่องอื่นๆได้เสมอ แม้ปากจะบอกว่าไม่ว่างขนาดไหนก็ตาม
เขาเองก็เช่นกัน
มีเวลาให้นองทอมเสมอแหละ ขอแค่น้องบอกมาว่าอยากเจอ
ถ้าน้องบอกให้ไปหา พี่ก็จะรีบไปให้เร็วที่สุด
และถ้าโดนน้องบ่นว่ามาช้า พี่ก็จะซื้อเครื่องบินไว้ขับไปหาน้องเดี๋ยวนั้นเลย
: )
50%
โปรดติดตามตอนต่อไป
เหม็นเบื่อคนปากแข็งซะจริง! มาค่ะ! เรามาแหมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ไปให้ถึงดาวอังคารพร้อมๆกัน 55555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
ต่อไปนี้จะอัพครั้งละ 50% นะคะ ตอนนึงจะอัพสองครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อนกันการดองมะม่วงของตัวเองจ้า
#คนของคุณากร
twitter : @blueeyesisnime
มัทฉะลาเต้
-
ค่ะ!!!!!! เอาที่สบายใจเลยค่ะ คุณนิวววววว
แค่ถูกใจเฉยๆนะ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าหลงน้องแล้วอ่ะ
รอตอนที่เหลือเด้อออ
-
ตอนที่หก : ทำไมน้องต้องน่ารักขนาดนี้ {PART2 100% }
21.34 pm.
สวนสาธารณะใกล้กับหอของทอม บรรยากาศโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ความสว่างที่มีให้ได้ก็แค่หลอดไฟสูงๆที่อยู่ข้างทาง และแสงจากไฟรถจักรยานยนต์หรือไม่ก็รถยนต์บ้างเป็นบางครั้ง
ขณะนี้เดือนวิศวะกำลังเดินวนไป วนมาราวกับหนูติดจั่นอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ก่อนจะตัดสินใจโทรหาคนที่ไม่อยากคุยด้วยที่สุดในโลก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้นะว่าหน้าของคุณนิวนั้นลอยมาอย่างดื้อๆตอนที่กำลังคิดหาทางออกให้กับสิ่งที่อยู่ตรงตรงหน้านี้
และสิ่งตรงหน้าที่ว่าก็คือสัตว์ตัวเล็กๆที่ทอมตกเป็นทาส
ทอมน่ะเป็นทาสแมวตัวจริง จะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่แค่แมว ทว่าทอมเป็นคนรักสัตว์เพราะฉะนั้นปัญหาตอนนี้ที่คนรักสัตว์ไม่สามารถแก้ไขได้ก็คือ จะเอายังไงกับเจ้าเหมียวนี่ดี?
เขาเจอมันตอนที่กำลังเดินซื้อของกินอยู่ถนนคนเดิน มันเป็นลูกแมวตัวน้อยๆที่ไม่รู้ว่ามีอายุกี่เดือน เห็นว่าเดินไปเดินมาอยู่ตัวเดียวไม่มีพวกตัวไหน ทอมเลยคิดว่าน่าจะหลงกลุ่มกับแม่ของมัน ยืนดูเจ้าตัวน้อยอยู่นานสองนาน จะตัดใจเดินจากไปแต่ก็ใจไม่แข็งพอ
ยิ่งตอนที่มันร้องแง๊วๆ พร้อมกับเดินเอาหัวมาถูไถขาเขานั้นมันทำให้ใจเขาสั่นไหวยิ่งกว่าสิ่งใด
โธ่… ไอ้เหมียวลูก T.T
และสุดท้ายเลยพ่ายแพ้ให้กับความรักสัตว์ของ ตัวเองเลยอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นรถพร้อมกับพาไปโรงพยาบาลสัตว์จัดการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อย และซื้อของที่ไว้ใช้เลี้ยงแมว (ที่คิดว่าน่าจะมีน่ะนะ)
ทอมน่ะเป็นคนรักสัตว์ก็จริง แต่ก็ไม่ได้อยากเลี้ยงสักเท่าไร เพราะยิ่งเลี้ยงก็ยิ่งรักและถ้าวันหนึ่งเขาตายจากไปทอมคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ
ที่คิดได้อย่างนี้เพราะตอนเด็กๆที่บ้านใหญ่เลี้ยงหมาพันโกลด์เดน รีทรีฟเวอร์ไว้หนึ่งตัว มันชื่อว่า เต้าหู้ เมื่อถึงเวลาเต้าหู้ที่อายุเยอะเข้ามากๆมันก็ต้องจากไปตามอายุขัย
ทอมในตอนนั้นที่อายุแค่สิบสามร้องไห้จะเป็นจะตายสามวันเต็มๆ แถมยังกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะคิดถึงเต้าหู้อีกต่างหาก
หลังจากนั้นมาเลยคิดว่าจะไม่ขอเลี้ยงสัตว์อะไรอีกก็แล้วกัน เพราะเขาทนไม่ได้จริงๆ
เค้กทิ้งยังไม่ร้องไห้ แต่ถ้าสัตว์เลี้ยงมาจากไปขอบอกเลยว่าน้ำตาของทอมน่ะต้องไหลท่วมบ้านแน่ๆ
แต่บางอย่างที่ฉุกคิดขึ้นมาได้หลังจากที่กำลังจะพาเจ้าตัวเล็กขับรถกลับไปอยู่ด้วยกันคือ
หนึ่ง...ตัวเองน่ะแพ้ขนแมวมากๆ ขนาดนั่งรถมาด้วยกันยังต้องลงไปซื้อแมสปิดปากมาใช้เลยทีเดียว เพราะเล่นจามมาตลอดทางจนตอนนี้
สอง… ก็ที่ห้องเขาน่ะห้ามเลี้ยงสัตว์ ข้อนี้รู้ตอนที่กำลังจะพาน้องเข้าไปในห้องนั่นแหละ เพราะคิดไว้ว่าเรื่องแพ้ขนแมวเดี๋ยวค่อยหาทางออก แต่ทางออกดันตันซะงั้นเพราะยามที่คอยเฝ้าหอนั้นบอกว่าห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไป
ก็ตอนย้ายเข้ามาแรกๆไม่ได้อ่านกฎนี่หว่า…
นั่นแหละนะ…สาเหตุที่ทำให้เดือนวิศวะกับน้องเหมียวระเห็จมาอยู่ตรงสวนสาธารณะใกล้ๆหอพัก จะโทรไปขอความช่วยเหลือไอ้สองตัวบาทพวกมันก็ช่วยไม่ได้เพราะแดนมันกลัวแมว
กลัวด้วยเหตุผลอะไรนั้นไม่รู้หรอก แต่ไอ้ออยที่รักสัตว์พอๆกันกับเขาก็เลยต้องยอมตัดใจไปเพราะมันสองคนดันอยู่ด้วยกัน
จะเอาไปไว้ที่บ้านก็ไม่ได้แน่ๆเพราะตั้งแต่เต้าหู้ตายไปแล้วทอมร้องไห้สามวันสามคืนข้าวปลาไม่ยอมกิน คุณแม่เลยไม่ให้ใครเอาสัตว์มาเลี้ยงในบ้านอีกหลังจากนั้น
ส่วนเพื่อนคนอื่นก็ไม่มีใครสะดวกเลยสักคน ก็เลยอุตส่าห์ใช้ความหล่อ ความฮ็อตของตัวเองที่เป็นถึงเดือนวิศวะหาบ้านให้น้องเหมียวแล้วก็…ยังไม่ได้อยู่ดี
-_-
สุดท้าย…และท้ายสุดหน้าของคนที่เขาไม่ค่อยอยากจำก็แวบเข้ามาในหัว
ชั่งใจอยู่นานสองนานทอมก็เลยตัดสินใจโทรไปหาเจ้าของชื่อ ‘ไอ้ลูกหมา’ ที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์จนได้
“น้องทอม?” คุณากรเรียกชื่อน้องออกมาเมื่อเห็นว่าใครบางคนท่าทางคุ้นๆกำลังเดินไปเดินมาตรงหน้าเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง
เด็กปีสองในเสื้อยืดสีดำและกางเกงผ้าร่มสีเดียวกับเสื้อหันขวับไปทางด้านหลังทันทีที่ได้ยินเสียง แม้จะขัดใจที่ตอนนี้คุณนิวยังไม่หยุดเรียกตัวเองว่า น้องทอม
ด้วยความปากไวก็เลยกำลังจะด่ากลับว่า ใครเสือกให้เรียกกูแบบนี้ แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้อีกนั่นแหละว่ากำลังขอความช่วยเหลือจากเขา งดด่าสักแป้บนึงก็ได้
คนตัวสูงพอได้เห็นน้องในอีกลุคนึงก็รู้สึกชอบใจอย่างบอกไม่ถูก จะยิ้มก็ไม่อยากยิ้มมากเพราะเดี๋ยวไก่ตื่นขึ้นมาแล้วจะซวย น่องขาขาวๆอย่างนั้นน่ะ ได้เห็นบ่อยๆซะที่ไหนกัน เพราะเจอกันทีไรน้องก็ใส่แต่ขายาว
แล้วดูตอนนี้สิ น้องอยู่ในชุดเล่นสบายๆ ออลแบ็คแทบทั้งตัว สีดำนั้นขลับผิวน้องทอมจริงๆ และผมม้าที่ชอบเสยขึ้นลวกๆตอนนี้ก็ลู่ลงไปตามทรง
เอาจริงๆก็… น่ารักมากเลยนะ ถึงแม้ว่าจะมีแมสปิดอยู่เกือบครึ่งหน้าก็เถอะ
ไม่ได้เห็นหน้าตั้งสองวัน ปฏิเสธไม่ได้เลยแฮะว่าคิดถึง
“กะ กูมีเรื่องให้ช่วยหน่อย” เด็กยักษ์พูดเสียงตะกุกตะกักนิดหน่อย ส่วนคนที่ได้ฟังประโยคแรกออกจากปากน้องก็ถึงกับขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะความสงสัย
เรื่องไหนกันนะ…ที่เจ้าเด็กยักษ์อยากให้ช่วย
“หืม…เรื่องอะไรครับ?”
สิ้นประโยคเด็กยักษ์ก็เบี่ยงตัวเองออกนิดหน่อยให้คนตัวสูงได้เห็นเจ้าเหมียวที่อยู่ในกรงอยู่ทางม้านั่งด้านหลังตน
“แมว?”
“ก็แมวสิวะ! เห็นเป็นนกเหรอ?” แต่ก็นั่นแหละ… ทอมก็ยังพูดดีๆกับคุณนิวได้ไม่ถึงหนึ่งนาที
“พูดแบบนี้พี่ควรกลับสินะ?”
คุณนิวก็แค่พูดเล่น จะกลับได้ยังไงน้องอุตส่าห์ขอความช่วยเหลือ
“ดะ เดี๋ยวดิ” เจ้าเด็กยักษ์รีบร้องห้ามเมื่อคนตรงหน้านั้นทำท่าจะหันหลังกลับไป
คุณนิวยอมหยุด แต่ไม่ยอมพูด ทำแค่เพียงยืนกอดอกรอคำพูดที่จะหลุดออกมาจากปากน้อง ท่าทางเขาเหมือนกำลังจะบอกเป็นนัยๆว่า ถ้าพูดไม่ดีอีกพี่จะกลับแล้วนะ
“ชะ ช่วยผมหน่อยนะ” ไม่ใช่ว่าเป็นพวกหยาบคายไม่เคยพูดดีๆ ที่พอพูดแล้วมันติดๆขัดๆเหมือนไม่เคยพูด
แต่เป็นเพราะด้วยความเคยชินกับคนคนนี้ที่ทอมชอบพูดกับเขาด้วยภาษาเป็นกันเองจนเกินไป มันเลยกระดากปากนิดหน่อยที่จะพูดด้วยดีๆ อีกอย่าคุณนิวน่ะแย่งเค้กไปจากเขา ถ้าไม่มีเรื่องนั้นก็อาจจะยอมได้อยู่หรอก
ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเหมียวบอกเลยนะว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด!
“ให้ช่วยยังไงล่ะครับ?” คุณนิวถามเสียงเรียบมือทั้งสองข้างก็ล้วงเข้าที่กระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง จนตอนนี้ก็ยังอยู่ในชุดทำงานไม่ได้เปลี่ยนสักที
และตอนนี้คุณากรก็กำลังตีสีหน้านิ่งเรียบ ความหน้าเด็กที่มีก็ดูเข้มขรึมลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะตอนนี้กำลังทำการแสดงที่ได้รางวัลระดับออสการ์อยู่ยังไงล่ะ
นี่ขนาดแค่ทำหน้านิ่งๆ น้องมันยังดูหวั่นๆเลย แถมยังพูดดีอีกด้วย
เจ้าเด็กยักษ์น่ะ เวลาไม่รั้นนี่น่ารักมากกว่าเดิมล้านเท่าเลยนะ
“ช่วยดูแลลูกแมวตัวนี้ให้ผมหน่อย” คุณนิวมองตรงไปยังน้องแมวตัวเล็กในกรงที่วางไว้ตรงม้านั่งข้างหลังเด็กยักษ์ และเขาไม่ได้ตอบกลับไปว่าตกลงหรือไม่
ก็ยังอยากจะได้ยินเสียงทุ้มๆนั่นพูดเพราะๆอีกหน่อย เล่นละครอีกสักนิดจะเป็นอะไรไป
เขาคิดอย่างนั้นพร้อมกับการคิดบวกลบคูณหารผลประโยชน์ที่จะได้จากเหตุการณ์นี้
หนึ่งแหละก็คงจะได้ใจน้องมาบ้าง ไม่มากก็น้อย (ก็แค่หวังน่ะนะ ถ้ายังไม่ได้ก็ไม่เป็นไร)
แต่ข้อสองที่แน่ๆเลยเรื่องนี้คงจะช่วยให้เขาได้เจอเจ้าเด็กยักษ์มากขึ้น เพราะจะเอาเรื่องนี้มาอ้างให้น้องมาหาเขา
ดีล!
ถึงแม้จะคิดบวกลบคูณหารผลประโยชน์ที่ได้แล้ว เขาก็ยังอยากรู้อีกว่าทำไมน้องไม่เลี้ยงเอง ทำไมน้องต้องใส่ใจอะไรขนาดนี้
“นะ…” เจ้าเด็กยักษ์ในตอนนี้ก็เริ่มถอดใจแล้วนิดหน่อย รู้สึกเหมือนชีวิตกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย เนื่องจากคุณนิวจะไม่รับไปดูแลให้ก็ได้เพราะไม่ใช่เรื่องอะไรของเขาเลย ข้อนั้นทอมเองก็รู้ดี
แต่จะให้ตัดใจปล่อยน้องเหมียวไปจริงๆทอมก็ทำไม่ลง
“ดูให้แค่สักพักก็ได้ เดี๋ยวจะรีบหาบ้านให้น้องเลย”
คุณนิวยังไม่ได้เอ่ยถามอะไรด้วยซ้ำ เจ้าเด็กยักษ์ที่ชอบคิดเองเออเองก็พูดๆไม่ยอมหยุดสักที ไม่มีช่องว่างให้แทรกเลย
“แล้วทำไมน้องทอมไม่ดูเองล่ะครับ?”
“แพ้ขนแมว แล้วที่หอไม่ให้เลียงสัตว์” สีหน้าเจ้าเด็กยักษ์ดูเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดจนคุณนิวแทบจะหลุดยิ้มให้กับปฏิกิริยาของคนตรงหน้านี้
ตั้งแต่เห็นหน้ามาก็ชอบทำแต่หน้าบึ้ง หน้าไม่สบอารมณ์บ้างแหละ แล้วพอมาตอนนี้ได้เจอน้องในเวอร์ชันโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์กำลังหงอยิ่งตลก
ไอ้เด็กยักษ์เอ้ย!
: )
ที่น้องยอมทำขนาดนี้คงเพราะความรักสัตว์สินะ เพราะจริงๆแล้วจะปล่อยไปตามยถากรรมของมันก็ได้แต่น้องก็ยังเก็บมันมา
น่ารักซะจริง
“แล้วพี่จะได้อะไรตอบแทน?” นอกจากผลประโยชน์ที่บวกลบคูณหารดูแล้วคุณากรก็ยังอยากได้อะไรที่มันมากกว่านั้น
ก็เป็นนักธุรกิจนี่นา… เรื่องแบบนี้มันก็ติดเป็นนิสัยไปแล้ว
กับเจ้าเด็กยักษ์น่ะ เดี๋ยวจะหาผลประโยชน์ให้เยอะๆเลย
“โห!? นี่ช่วยเพราะหวังผลเหรอวะ? ช่วยๆกันแค่นี้ก็ไม่ได้!” น้องเริ่มเกรี้ยวกราดอีกแล้ว ถึงใส่แมสก็ช่วยปกปิดไม่ได้หรอกนะ เพราะทุกอย่างมันแสดงออกทางสายตา
“พี่ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนหรอกครับ แต่ในเมื่อพี่มีน้ำใจแล้ว ทำไมเราไม่มีน้ำใจตอบกลับพี่บ้าง?”
ประโยคนี้มันมีทั้งความจริงและไม่จริงปะปนกันอยู่ เอาเป็นว่าห้าสิบๆแล้วกัน
เด็กยักษ์ยืนเงียบอยู่นานสองนานสุดท้ายก็ยอมเปิดปากพูด “ละ แล้วอยากได้อะไร?”
นั่นแหละ! ประโยคที่ฟังแล้วรู้สึกดีของวันนี้
“อืม… อาหารสักมื้อได้มั้ยครับ?”
นั่นทำเอาทอมขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความสงสัย
เงินก็มีนี่หว่า… จะมาของข้าวสักมื้อทำไมวะ?
แต่ถึงความรู้สึกสงสัยมันมีอยู่ยังไง ตอนนี้ก็ถูกปัดเป่าไปหมดแล้ว เพราะคิดแค่ว่าทำๆไปเถอะจะได้ไม่ต้องมาเซ้าซี้อีก เลี้ยงอาหารสักมื้อขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก เว้นเสียแต่ว่าจะเข้าร้านหรูๆ แบบนั้นก็ค่อยต่อรองกันอีกที
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
“เปล่าครับ พี่หมายถึงวันนี้” : )
“ ? ” อะไรของมันล่ะเนี่ย
“พอดีพี่กับเพื่อนกำลังดื่มอยู่ที่ห้อง น่านเองก็ไม่อยู่” เห็นหน้าเด็กยักษ์ที่กำลังแสดงออกว่างงมากกับคำพูดของเขาที่ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนัก เห็นแล้วก็รู้สึกเอ็นดู เลยชี้แจงให้เข้าใจเพราะกลัวจะหลุดยิ้มออกมาทั้งที่กำลังสร้างภาพหน้านิ่งๆอยู่
ไม่รู้หรอกว่าเจ้าเด็กยักษ์จะทำเป็นมั้ย? ก็แค่อยากหาเรื่องให้ไปที่คอนโดเขาก็เท่านั้น
“จะให้ไปทำอะไรให้กินว่างั้น?” เมียเด็กของมันคงไม่อยู่สินะ
แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าทำไมไม่ซื้อกิน แบบนี้มันไม่ง่ายกว่าเหรอ?
คุณากรพยักหน้าหนึ่งครั้งเป็นคำตอบ
“แต่นี่คือจะเอาน้องแมวไปดูให้ได้ใช่มั้ย?” ก่อนจะตอบอะไรไปเจ้าเด็กยักษ์ก็ถามย้ำอีกครั้ง เผื่อว่าเล่นตุกติกอะไรจะได้จัดการให้น่วมนอนหยอดน้ำข้าวต้มสักสามวัน
“ครับ พี่จะดูให้”
“ก็ได้”
: )
“แต่ถ้ากินไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้นะ”
เจ้าเด็กยักษ์พูดเตือน
ก็ไม่ได้ทำอาหารเก่งขนาดนั้นนี่หว่า…
.
ว่าจะไม่หงุดหงิดแล้วเชียวเพราะไม่อยากทำตัวไม่ดีต่อหน้าคุณนิวในเวลานี้ เนื่องจากกำลังขอความช่วยเหลือจากเขา
แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ เพราะต้องไปคอนโดของคุณนิวไง ตอนแรกว่าจะเอารถตัวเองไปแต่ไอ้หน้าเด็กนี่ก็เรื่องมากซะจริง
จะลากเขาขึ้นรถให้จนได้ และมันก็ได้อย่างที่ตั้งใจ
ขี้เกียจที่จะขัด ขี้เกียจที่จะแย้ง
-_-
ถ้าไม่ใช่เพราะน้องเหมียวนะ! เอาเงินมาวางตรงหน้าก็ไม่ทำเว้ย! (แต่ถ้าเงินเยอะก็อีกเรื่อง)
ขณะที่เดินเข้าไปในคอนโดของคุณนากร คนขี้ห่วงก็แย่งกรงน้องแมวไปถือเองเพราะเห็นน้องบอกว่าแพ้ขนแมว และทันทีที่กดออดหน้าห้อง สิงหาก็เดินมาเปิดประตูให้กับเพื่อนที่หายไปประมาณชั่วโมงนึงได้
และภาพตรงหน้าทำเอาเพื่อนคนนี้อยากจะเบะปากแรงๆให้สักรอบแต่ก็ต้องคีพลุคไว้เพราะเดี๋ยวไก่ของเพื่อนจะตื่นเอาได้
“สวัสดีครับ” เพื่อนของเขาสองคนนี้ทอมเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง
ไม่สิ….. สองครั้งต่างหาก นี่ครั้งที่สาม
เจ้าเด็กยักษ์ในยกมือทำความรพคนอายุเยอะว่า คนที่เดินตามหลังเข้ามาในห้องก็แอบลอบยิ้มอยู่คนเดียว สิงหาที่เหลือบไปเห็นก็เลยรู้สึกมันไส้ไอ้คนปากแข็งอย่างบอกไม่ถูก
ตั้งแต่ที่มันย้ายมาอยู่คอนโดไอ้เพื่อนตัวดีของเขาก็ไม่เคยพาใครมาเหยียบแม้แต่น้อย แล้วนี่อะไร?
ไหนบอกแค่อยากได้ ไหนบอกแค่ถูกใจน้องไง แล้วจะเป็นต้องพามาถึงห้องด้วยเหรอ?
ชิชะ! มึงมันคนปากแข็ง
ทอมไม่ได้คุยอะไรกับพี่สองคนนั้นมากนัก เพราะไม่ได้รู้จักอะไรกันขนาดนั้น แต่เลือกที่จะเดินไปตรงครัวของห้องนี้เพื่อที่จะได้ทำให้มันจบๆกันไปสักที รู้สึกดีหน่อยที่พอเปิดตู้เย็นดูแล้วก็พบของสดอยู่ในตู้เต็มไปหมด จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดเยอะว่าจะทำอะไร
คงเพราะน้องน่านเมียเด็กมันซื้อไว้นั่นแหละ
ทอมเป็นเด็กที่ทำอาหารไม่ค่อยเก่งแต่ก็ทำได้มากกว่าที่พี่สาวตัวเองจะได้ทำนิดหน่อย เพราะอาศัยการเข้าครัวไปเป็นลูกมือช่วยแม่บ่อยๆ
เขาทำต้มยำทะเลน้ำข้นรสจัดๆ แบบที่ตัวเองชอบทาน รสชาติก็ทำแบบที่ตัวเองชอบทาน ไม่สนหรอกว่าคนอื่นจะทานได้หรือไม่
ตอนแรกคิดว่าจะทำเท่านี้เพาะคิดไม่ออกอีกแล้วว่าจะทำอะไร แต่พอเหลือบไปเห็นกุ้งสดที่เหลืออยู่ เลยคิดว่าจะทำกุ้งแช่น้ำปลาให้ก็แล้วกัน
พวกเขาจะทานได้ไม่ได้ทอมก็ไม่สนใจอีกเช่นเดิม
ทำๆไปจะได้จบๆ
คุณากรไม่ได้เข้าไปกวนทอมมากนักเพราะกำลังนั่งตอบคำถามสิงหาที่ถามเอาๆจนเริ่มจะขี้เกียจตอบ ถ้าพูดน้อยๆได้แบบศักดิ์ดาบ้างก็คงจะดี
พอเบื่อที่จะคุยเลยเลือกที่จะออกไปสูบบุหรี่ตรงระเบียงแค่สองสามนาที จากนั้นก็คิดว่าจะไปหาเจ้าเด็กยักษ์สักหน่อย เพราะก็หายไปนานแล้วเหมือนกัน
ทันทีที่เดินเข้าไปตรงโซนครัว ภาพใหม่ๆก็ของน้องก็บันทึกลงในความทรงจำเขาทันที นั่นคือน้องกำลังยืนแกะกุ้งอย่างขะมักเขม้น ดูจากท่าทางแล้วแค่น่าจะพอทำได้ แต่อร่อยมั้ย? นั่นอีกเรื่อง
ทีแรกก็คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเจ้าเด็กยักษ์จะทำได้ถึงขนาดนี้
“ยังไม่เสร็จเหรอครับ?” เสียงทุ้มๆและคำพูดสุภาพๆของคุณากรไม่ได้ทำให้ทอมรู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย เพราะยังตั้งใจอยู่กับการแกะกุ้งในมือ พยายามจะไม่ลงแรงเยอะเพราะกลัวกุ้งจะเละคามือ ไหนจะผ่าเอาเส้นดำๆตรงหลังกุ้งนั้นออกอีก
“อ๊ะ!”
เจ้าตัวเลยอุทานออกมาด้วยความตกใจเพราะอยู่ๆก็มีบางอย่างสัมผัสเข้าที่หน้า เจ้าเด็กยักษ์ตกใจจนเกือบทำกุ้งหลุดมือ
“เล่นไรของมึง--” คำหยาบหนึ่งคำหลุดออกไปแต่ก็ต้องหยุดลงเพราะตอนนี้คุณากรกำลังสวมหน้ากากไร้ความรู้สึกอีกรอบ พอทำหน้านิ่งๆก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน
รอพ้นวันนี้ไปก่อนเถอะมึง!
“เห็นว่าเหงื่อไหลจนจะเข้าตาอยู่แล้ว”
คุณากรว่าอย่างนั้นและนำทิชชูในมือเช็ดหน้าให้เจ้าเด็กยักษ์ต่อ ทอมไม่ได้ขัดขืนเพราะมันก็จริงอย่างที่คนข้างๆบอก
ได้โอกาสคุณนิวก็ลอบสำรวจหน้าเจ้าเด็กยักษ์อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
ยิ่งมองก็ยิ่งน่ารัก
เบื่อขี้แมลงวันตรงปลายจมูกโด่งๆนั่นซะจริง และยังขอยืนยันคำเดิมนะว่า… มันน่ากัดให้จมเขี้ยวมากๆเลยล่ะ
“ว่าแต่น้องทอมทำอะไรให้พี่กับเพื่อนทานล่ะครับ?” เขาถามพร้อมกับยืนเท้าเค้าเตอร์ครัวอยู่ข้างๆเจ้าเด็กยักษ์
ทอมล่ะเบื่อกับสรรพนามที่เขาใช้เรียกทอมฉิบหาย อยากจะเอากุ้งดิบๆนี่ยัดใส่ปากให้รู้แล้วรู้รอดซะจริง!
แต่ก็นะ…จะว่าไปวันนี้คุณนิวมันนิสัยดีกว่าทุกๆวันนะ (เพราะเรื่องน้องแมวหรอกน่า)
ยังไงซะ… จะยอมพูดดีๆด้วยหนึ่งวันก็แล้วกัน
“ทำต้มยำทะเล กับกุ้งแช่น้ำปลา” บอกว่าจะพูดดีก็ดีอย่างที่ว่าไว้จริงๆนั่นแหละ ยังไงเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยดูกันอีกที
หน้าตาหน้าทานซะด้วย
คุณากรไม่ได้พูดชมออกมาย่างที่ใจคิด ไว้เดี๋ยวลองได้ชิมแล้วค่อยว่ากัน
จะว่าไปแล้ว…วันนี้น่ะ เจ้าเด็กยักษ์มีเรื่องมาให้เขาแปลกใจอีกแล้วนะ
หนึ่งรักสัตว์ สองทำอาหารได้ ตอนแรกไม่คิดด้วยซ้ำว่าน้องจะมีมุมแบบนี้กับเขา
อย่างว่าละนะ… ดูคนอย่าดูที่ภายนอกจริงๆ
ตัวตนของน้องช่างเป็นอะไรที่สร้างความประหลาดใจให้กับเขามากๆ
ในใจก็นึกชมพร้อมกับสายตาที่ยังคงติดอยู่ที่ใบหน้าของคนเด็กกว่า มองแล้วก็อยากมองอีก
อยากมองไปเรื่อยๆให้น้องเขิน
พูดถึงเรื่องความเขินแล้ว… เขาก็อยากเห็นมันเหมือนกันนะ และก็ต้องเป็นเขาคนนี้เท่านั้น ที่ต้องเป็นคนทำให้เจ้าเด็กยักษ์รู้สึกแบบนั้น
มันต้องน่ารักมากแน่ๆ ตอนที่เจ้าเด็กยักษ์กำลังเขินน่ะ
เพราะแค่นี้ก็น่ารักจะแย่อยู่แล้วล่ะ
เห้อ…ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยนะ
“ลองชิมดิ พอได้มั้ย?” เด็กยักษ์ว่าอย่างนั้น พร้อมกับพยักพเยิดไปทางหมอต้มยำ
แน่นอนว่าคุณากรก็ทำตามอย่างว่าง่าย เขาใช้ช้อนตกน้ำต้มยำขึ้นจากหม้อ เป่าไล่ความร้อนเล็กน้อยก่อนจะค่อยนำไปสัมผัสที่ริมฝีปากที่พร้อมกับลิ้มลอง
เจ้าเด็กยักษ์ที่เป็นคนสรรค์สร้างต้มยำหม้อนั้นก็แอบลอบมองด้วยความตื่นเต้นนิดหน่อย ถึงแม้จะบอกกับตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจมากนักก็เถอะ
แต่ว่า…
ถ้าเขาชอบสักนิดก็คงจะดีไม่น้อย
“อร่อยครับ…” เจ้าเด็กยักษ์กลั้นหายใจแทบตายตอนที่คุณนิวกำลังจะอ้าปากพูด “ทำอร่อยแบบนี้ทำให้ทานอีกนะ”
“พี่ชอบ”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
พาร์ทสองมาแล้วจ้าาาาาาาาา ถ้ารักถ้าชอบคุณากรหรือเอ็นดูเจ้าเด็กยักษ์บ้างไม่มากก็น้อย อย่าลืมติดแท็ก #คนของคุณากร ด้วยนะคะ
พาร์ทนี้ไม่รู้จะทอล์คอไรเยอะเลยค่ะ หนึ่งง่วง สองเหม็นเบื่อคนปากแข็ง 5555555555555555555555555555555
ขอบคุณที่อ่าน และคอมเม้นนะคะ
รัก
twitter : @blueeyesismine
-
หลงเด็กมากอะไรมากกกกก และก็ปากแข็งมากด้วยนะคุณนิว
-
อยากกินต้มยำด้วยอ่ะ อ่านแล้วหิวเลย
-
ชอบอะไร ต้นยำหรือคนทำ โปรดระบุด้วยค่ะคุณพี่
-
น่าร้ากกกกกกกก
ชอบที่น้องทอมพูดแบบนี้กับคุณนิว ดูเป็นเด็กน่ารักขึ้นมาทันที พี่นิวหลงมากกว่าเดิมอี๊กกกก
-
น้องทอมน่ารักกกกกก แงงงง ชอบความน่ารักที่แผ่ออกมาเรื่อยๆ
-
ตอนที่เจ็ด : เพื่อนคนนั้น {part1 60%}
เพลงสากลในกระแสที่ทอมมักได้ยินเสมอ เวลาได้ไปไหนไม่ว่าจะตามห้างฯ ร้านกาแฟ หรือที่ไหนก็ตาม กำลังถูกเปิดคลอให้เข้ากับบรรยากาศในตอนนี้ ที่มีผู้ชายอายุเข้าหลักสามทั้งสามคนกำลังนั่งดื่มกันไปมากพอสมควร
แต่เห็นทีว่าคนที่อาการเมามีมากที่สุดจะเป็นสิงหา เพราะผิวขาวๆสุขภาพดีตรงช่วงใบหน้านั้นกำลังขึ้นสีแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกสองคนทอมเองก็ไม่รู้จริงๆ คุณศักดิ์ดา กับ คุณนิวมันนิ่งเกินไปเลยดูไม่ค่อยออก ว่าเมาอยู่หรือเปล่า?
ตอนแรกว่าจะกลับแล้วหลังจากที่ทำกลับแกล้มให้คนขี้เมาเสร็จ ไปบอกลาน้องเหมียวนิดหน่อยพอกำลังจะกลับก็โดนรั้งไว้ และทอมเองก็ขัดไม่ได้ คุณสิงหาเป็นคนเอ่ยปากรั้ง ส่วนคุณนิวไม่ได้พูดใช้แค่เพียงสายตาเท่านั้นที่มองมา
ไม่ได้อ้อนหรือขอร้องนะ…
มันคือการบังคับ!
สุดท้ายทอมก็เลยยอม
เพราะจะทำอะไรได้บ้าง? ในเมื่อเขามีลูกแมวในกำมือนี่หว่า
ก็นะ… ช่วงนี้อะไรยอมได้ก็ยอมไปหน่อยแล้วกัน
ตอนนี้เวลาล่วงเลยใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เมียเด็กของคุณนิวก็เพิ่งกลับมาพอเห็นว่าทอมได้ทำหน้าที่แทนตัวเองก็ขอโทษขอโพยยกใหญ่ที่ทำให้ลำบาก พูดเหตุผลซะยืดยาวว่าเพราะอะไร ทำไมวันนี้ถึงกลับดึกเหมือนว่าทอมเป็นเจ้านายของตัวเอง ไม่ใช่คุณนิว
พอทอมได้เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้เลยไล่ให้เมียเด็กของคุณนิวมันไปนอนซะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก ยังไงเดี๋ยวดูแลตรงนี้ให้ก็ได้
ส่วนคุณสิงหานี่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมาหรือคิดถึงเด็กน่าน พอเห็นหน้าเมียเด็กของเพื่อนตัวเองเข้าหน่อยก็แทบจะเข้าไปกระโดดกอดซะให้รู้แล้วรู้รอดแต่ดีหน่อยที่คุณศักดิ์ดาห้ามไว้ได้ทัน ไม่งั้นมีเจ็บตัวกันไปข้างแน่ ก็คนเมาตัวใหญ่อย่างกับยักษ์พุ่งไปหาน้องน่านที่ตัวเล็กอย่างกับมดขนาดนั้น มันต้องล้มกันไปข้างล่ะวะ!
“ง่วงยังครับ?” คุณนิวเอ่ยถามเด็กยักษ์ของเขาที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน ตอนนี้กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อย่างไม่ได้สนใจรอบข้างเท่าไร พร้อมกับเพื่อนทั้งสองคนออกไปสูบบุหรี่ตรงนอกระเบียงก็เลยมีช่องไฟให้ถามเจ้าเด็กยักษ์ซะหน่อย
เพราะก่อนหน้านี้ไอ้สิงหามันชวนน้องคุยจนเขาแทบไม่ได้คุยด้วยเลยสักคำ แล้วมันก็ยังชมเรื่องฝีมือทำกับข้าวของน้องอีก เชื่อเถอะว่าครั้งหน้าสิงหามันต้องเรื่องมากอยากที่จะกินอีกแน่ๆ
แถมศักดิ์ดาเข้าไปอีกคน ไม่ยักจะรู้ว่าคนอย่างมันจะคุยกับน้องด้วย อาจจะเป็นเพราะคุยเรื่องที่ถูกคอกันด้วยล่ะมั้ง? อย่างเช่นเรื่องดนตรี เพราะจากที่ฟังแล้วศักดิ์ดากลับน้องทอมน่าจะชอบแนวเพลงเดียวกัน
เพิ่งรู้อีกเรื่องนะ ว่าน้องชอบฟังเพลง แถมตอนมอปลายเคยฟอร์มวงดนตรีกับรุ่นพี่อีกต่างหาก ต้องขอบคุณเพื่อนมากๆที่ทำให้เขารู้เรื่องเกี่ยวกับน้องทอมมากกว่าเดิมอีกหนึ่งอย่าง
เพื่อนสองคนนี้มันชอบน้องเขาเองก็ดีใจ อย่างน้อยจะได้ไม่มีคนขัดถึงแม้ว่ายังไงก็ขัดไม่ได้น่ะนะ
เพราะมันก็คงรู้สึกไม่ดีถ้าเพื่อนจะไม่ชอบ ฉะนั้นเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว…
“ไม่ แต่อยากกลับห้อง” ตอบแบบนั้นทั้งที่ดวงตาทั้งสองข้างของน้องทอมเริ่มเยิ้มเข้าไปทุกที ถ้าไม่เงยหน้าขึ้นมาคุยกันก็ไม่รู้เลยนะ
คุณนิววางท่าอย่างสบายๆด้วยการพาดช่วงแขนไปกับพนักโซฟา คล้ายกับกำลังโอบเจ้าเด็กยักษ์อยู่กลายๆ
แต่ก็นั่นแหละ ทอมมักจะช้ากว่าคุณนิวอยู่หลายก้าว เจ้าตัวนั้นยังคงไม่รู้ตัวเพราะถ้ารู้คงต้องโวยวายแน่ๆ
“ไม่นอนนี่เหรอ?” คนเข้าเล่ห์ถามพร้อมกับค่อยขยับตัวเข้าใกล้เด็กยักษ์เรื่อยๆ จนตอนนี้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำยาปรับผ้านุ่มของน้องเข้าไปทุกที
หอมซะจริง…
เดี๋ยวบอกให้น่านตีสนิทกับทอมแล้วถามว่าใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อไหน และกลิ่นอะไร เพราะจะให้ซื้อมาใช้กับเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง
“เดี๋ยวพี่ไปส่งครับ” จริงๆจะบังคับให้นอนนี่ก็ได้ แต่คนอย่างเขาน่ะ…มีแผนการตลอดนั่นแหละ แล้วไอ้การที่ไปส่งน้องด้วยเช่นกัน
เขากำลังหาผลประโยชน์…
เจ้าเด็กยักษ์พยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ
สงสัยคงต้องเลิกดื่มซะแล้วล่ะ เพราะดูท่าแล้วน้องทอมคงจะง่วงมากๆ ดูสิอ้าปากหาววอดๆตั้งหลายรอบละ
คุณนิวเลยลุกขึ้นจากโซฟาไปหาเพื่อนสองคนที่กำลังสูบบุรี่อยู่ตรงระเบียง
“กูว่าเลิกดื่มเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูลุกไม่ไหว” ใช่ที่ไหนล่ะ เขาโกหกเพราะตั้งใจจะไปหาผลประโยชน์ต่างหาก : )
“ใช่เร้ออออออ คนถึงอย่างมึงน่ะต่อให้นอนดึกขนาดไหนก็ลุกไปทำงานได้นี่หว่า” สิงหารู้จักนิสัยของเพื่อนคนนี้ดี คนอย่างไอ้นิวน่ะนะ จะมีความกลัวในเรื่องแบบนี้
ยังจำตอนเรียนอยู่ปีสองได้เลย ตอนที่ไอ้เพื่อนตัวดีมันลากไปเที่ยวกลับตั้งตีสี่เมาอย่างกับหมา และวันต่อมาน่ะมีเรียนตอนเช้าอีกต่างหาก เชื่อมั้ย…? ว่ามันยังลุกไปเรียนได้ เป็นสิงหากับศักดิ์ดานี่ดิที่นอนแฮงค์อยู่ห้อง
นี่คงเพราะว่ามันจะพาน้องทอมเข้านอนล่ะสิ…
แหมมมมมมมๆ อยากจะเบะปากให้เบี้ยวกันไปข้าง
“ไม่ต้องมองกูแบบนั้น จะกลับไม่กลับ?” คุณนิวพูดไปก็ยิ้มน้อยๆให้กับความรู้ทันของเพื่อน
เออ…รู้ก็ดี ถ้าจะให้พูดตรงก็เดี๋ยวเพื่อนจะมันไส้
“เออ เดี๋ยวพวกกูกลับเลย ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” ศักดิ์ดาว่าอย่างนั้น พร้อมๆกับการจี้ปลายบุหรี่ที่อีกนิดเดียวจะสูบหมดลงไปยังที่เขี่ยบุหรี่
“เอ้า! กูยังไหว” สิงหาพูดแกล้ง จริงๆก็จะกลับแล้วล่ะ เพราะเริ่มไม่ไหวอย่างที่ศักดิ์ดาบอกนั่นแหละ
“แต่กูอยากให้มึงกลับ โอเคนะ?” คุณนิวพูด
“แหมมม… ไล่กันเลยนะ” คนถูกไล่กระแหนะกระแหนเพื่อนด้วยความมันไส้
“มันก็ต้องไล่อยู่แล้ว มึงดูหน้ามันด้วยพร้อมออกรบขนาดไหน” เพื่อนอีกคนพูดปนตลก ก็แซวไปงั้นแหละน่า… ถ้าไม่มีโอกาสมันก็ไม่ทำ แต่ถ้ามีเมื่อไรนะ… ไม่น่ารอด
“รบอะไรแค่ไปส่งน้อง” คุณนิวแย้ง
“จ้า…ส่งก็ส่ง” สิงหาล่ะไม่อยากจะเชื่อ บอกเลยนะว่าในบรรดาพวกเขาสามคนน่ะ ไอ้นิวมันร้ายที่สุดแล้ว! เจ้าเล่ห์มีแผนการตลอด ชอบหลอกล่อเหยื่อด้วยภาพลวงตาเป็นคุณชายสุภาพบุรุษ ถึงเวลาเข้าจริงๆนะน้องทอมที่ว่าห่าม ก็ยังสู้เพื่อเขาที่ทั้งห่ามทั้งหื่นไม่ได้เลยจริงๆ
ถ้าไม่เป็นจริงอย่างที่ว่าก็กระโดดขาคู่แล้วเอาตีนมาลูบหน้าไอ้สิงหาคนนี้ได้เลยเอ้า!
“งั้นพวกกูกลับแล้วนะ” ศักดิ์ดา
“เออขับรถกันดีๆล่ะ” คุณนิวบอกเพื่อน
คล้อยหลังเพื่อนไปเจ้าของห้องก็ยกถ้วยจานไม่กี่ใบไปเก็บไว้ที่ซิงค์ ถ้าเด็กน่านเห็นก็คงจะบ่นเขานิดหน่อยล่ะว่าทำไมไม่ไปเรียกน่านให้มาเก็บอย่างนั้นอย่างนี้
ก็นะ…เขาไม่ได้เห็นน่านเป็นเด็กรับใช้สักหน่อย เห็นเป็นน้องชายคนนึงเหมือนกับศรศิลป์นั่นแหละ
สิบนาทีหลังจากนั้นได้คนหน้าเด็กก็เดินไปปลุกเจ้าเด็กยักษ์ที่ตอนนี้เผลอหลับไปพร้อมๆกับโทรศัพท์อยู่บนโซฟาที่เดิม
“น้องทอม…” เขาสะกิดเรียกน้องพร้อมกับเสียงทุ้มๆที่เปล่งออกมา
“…” เหมือนจะยังไม่รู้สึกตัวนะ
“น้องทอมครับ…” ครั้งนี้ใกล้มากกว่าเดิม คุณนิวกระซิบเสียงเบา หากแต่มันชิดใบหูขาวๆของคนหลับจนลมหายใจอุ่นร้อนนั้นกระทบลงบนผิวอ่อนที่ใบหู ทำให้เดือนวิศวะสะดุ้งตัวแทบจะในทันที
หน้าตาดูเหรอหราไม่บูดบึ้งหรือเกรี้ยวกราดอย่างที่ชอบทำ ผมเผ้าก็ชี้ฟูไปคนละทิศละทาง
เฮ้… จะมาทำตัวน่ารักบ่อยๆแบบนี้ไม่ได้นะ
เพราะ…
พี่คิดดีด้วยไม่ได้จริงๆ
“เดี๋ยวพี่ไปส่งที่หอครับ”
เพราะเห็นว่าเจ้าเด็กยักษ์ยังไม่เซ่อนอนไม่หายก็เลยบอกจุดประสงค์ที่ปลุก คุณนิวยื่นมือไปให้น้องด้วยความเซ่อนอนเจ้าตัวเลยส่งมือให้คุณนิวอย่างว่าง่ายไม่มีการต่อต้านหรือปฏิเสธใดๆ
คุณนิวออกแรงดึงน้องลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับเดินนำหน้าจูงมือเจ้าเด็กยักษ์ให้เดินตามออกไป
เจ้าเด็กยักษ์ที่กำลังเซ่อนอนก็เริ่มมีสติเต็มร้อยขึ้นมาเรื่อยๆเพราะความรู้สึกอุ่นๆที่กำลังโอบอ้อมฝ่ามือของตัวเองไว้อยู่
แผ่นหลังกว้างใหญ่ของคนอายุเยอะกว่าประมาณสิบปีได้ปรากฏชัดขึ้นในสายตาของทอมชัดเจนมากกว่าเดิม อยู่ๆความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นอย่างหาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้
เพราะเมื่อมองจากมุมนี้แล้ว… มันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก มันรู้สึกปลอดภัยเหมือนกับว่าแผ่นหลังนี้จะคอยปกป้องใครสักคนเวลาที่กำลังโอบกอดคนๆนั้นให้พ้นจากอันตราย
นั่นแหละคือความรู้สึกนี้ทอมหาเหตุผลมาตอบตัวเองไม่ได้
“มึง- เอ้ย! คุณขับไหวเหรอ” ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คำหยาบๆเกือบจะหลุดออกมาจากปาก ถ้าไม่ใช่เพราะตาคมๆนั้นที่หันมามองก็คงเผลอหลุดไปทั้งประโยค
“ไหวครับ…”
เด็กยักษ์เลยพยักหน้าหนึ่งรอบเป็นการตอบรับ และเดินตามคนตัวสูงไปอย่างว่าง่าย ส่วนฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้สะบัดออกอย่างที่ควรจะเป็น
เพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสจากใครมาก่อน ครั้งนี้… ขอหน่อยก็แล้วกันเวลาใครถามว่าเคยรู้สึกอบอุ่นเพียงเพราะฝ่ามือของใครหรือเปล่า? ทอมจะได้ตอบได้ยังไงล่ะ
ปอร์เช่คันสวยเลี้ยวเข้าซอยหอพักของเด็กยักษ์ที่เจ้าตัวเป็นคนบอกทาง จริงๆน้องบอกว่าให้ส่งแค่ทางเข้าพอ แต่คนอย่างคุณากรน่ะเหรอจะยอม?
มันเป็นหอธรรมดาๆที่คุณนิวเห็นแล้วก็รู้สึกสงสัยว่าทำไมน้องต้องอยู่แบบนี้ เพราะดูจากฐานะทางบ้านแล้วก็ไม่ได้ธรรมดาเลยนะ ถึงจะไม่ได้รวยเท่าเขาก็เถอะ แต่อย่างน้อยน้องน่าจะอยู่คอนโดมากกว่านะ
“ขอบคุณ” เด็กยักษ์บอกขอบคุณเจ้าของรถก่อนที่จะเปิดประตูออกไป “อย่าลืมดูไอ้เหมียวให้ดีๆด้วย แล้วเดี๋ยวจะรีบหาบ้านให้น้อง ถ้าแวะเข้าไปดูแล้วเห็นมันไม่มีความสุขนะ… ระวังจะโดน”
และก่อนจะได้ลงไปจริงๆเจ้าเด็กยักษ์ก็พูดฝากฝังและคาดโทษไปพร้อมๆกัน
“แล้วมึง- เอ่อ..คุณจะตามมาทำไมวะ?” แต่ลงจากรถไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที คนตัวสูงก็เดินลงมาจากรถเดินตรงมาทางตัวเอง
“พี่รู้สึกง่วงๆมึนๆ กลัวว่าจะหลับในน่ะ อีกอย่างพี่เห็นด่านตำรวจอยู่ฝั่งทางขากลับด้วย” คุณากรอธิบาย “มันคงไม่ดีแน่…ถ้าพี่โดนจับหรือเกิดอุบัติเหตุ”
“แล้ว…?” ทอมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ไหนตอนแรกบอกว่าไหวไง?
“คืนนี้ให้พี่ค้างด้วยนะครับ” นั่นแหละเหตุผลที่เขามาส่งเจ้าเด็กยักษ์ : )
“บ้าเหรอ!” ทอมโวยวาย
“งั้นพี่ไม่ขอฟรีๆหรอกครับ… แต่เปลี่ยนเป็นใช้สิทธิ์เก้าข้อที่เหลือได้มั้ย?”
“…” ทอมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หากแต่กำลังชั่งใจในสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังบอก
จริงๆมันก็ไม่เป็นอะไรนี่หว่า นอกจากเกลียดขี้หน้ามันแล้วก็ไม่มีอะไรหรอก… อีกอย่างเขาก็ผู้ชาย มันก็ผู้ชาย จะเป็นอะไรไปวะ?
“เหลือแปดข้อเลยนะครับ” เพราะมีเสียงของคุณนิวที่บอกข้อเสนอช่วยเป็นแรงผลักดัน เลยทำให้เจ้าเด็กยักษ์ตอบไปว่า
“เออ…ก็ได้”
และทอมก็ยอมเหมือนอย่างเช่นทุกครั้ง แต่มันเป็นการยอมแบบงงๆและยอมแบบไม่ได้ตั้งใจ
ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมกับผู้ชายต่างวัยแต่ตัวสูงไล่เลี่ยกัน เจ้าของห้องเดินนำเข้าไปก่อนและมีคุณากรตามหลังผ่านเข้าไปยังห้องที่ไม่ได้กว้างมากสักเท่าไร ถ้าหากเทียบกับคอนโดของเขาน่ะนะ แต่มันก็พอดีมากสำหรับเด็กนักศึกษาอย่างเขา แต่ตอนนี้กลับรู้สึกแคบลงไปถนัดตาเมื่อผู้ชายย่างคุณากรเข้ามาอยู่ในที่นี้ด้วย
คุณนิวมองห้องเล็กนี้ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนเจ้าเด็กยักษ์อย่างเต็มตา ธีมของห้องถูกตกแต่งด้วยสีม่วงอ่อนๆกับสีเทา ผ้าปูที่นอนก็เป็นสีม่วงอ่อนๆ สลับกับสีเข้ม บนฝาผนังห้องมีโปสเตอร์นักร้องวงร็อคอย่าง Linkin Park วงนี้คุณากรเองก็พอที่จะรู้จักอยู่บ้าง เพราะจำได้ว่าตอนเรียนมหาลัยศักดิ์ดามันเปิดฟังตลอด
อีกวงนั่นเป็น… Gun N Rose ไม่เคยฟังหรอกนะ แต่ที่รู้เพราะเห็นชื่อวงอยู่ในภาพต่างหาก
นั่นก็เห็นชื่อวงในภาพว่า Oasis อีกวงชื่อก็ The 1975 นั่นก็ Black eyes peas อย่างหลังนี้ก็พอรู้อยู่หน่อยๆ
แต่ก็สารภาพว่าที่แต่ละวงที่ติดอยู่ตรงผนังห้องเขารู้จักแค่อยู่แค่สองวงจริงๆ
แอบเห็นตรงข้างๆหัวเตียงน้องทอมมีกีตาร์ตัวหนึ่งวางไว้อยู่ด้วยนะ ก็น้องเคยพูดว่าตอนมอปลายเคยฟอร์มวงแต่ตอนนี้ไม่ได้เล่นแล้ว
แต่ก็ยังอยากได้ยินน้องเล่นให้ฟังอยู่นะ
ห้องนี้เล็กไว้อย่างที่คิดจริงนั่นแหละ แต่ก็ดูอบอุ่นไม่ได้รู้สึกอึดอัดสำหรับคนไม่ชอบที่แคบๆอย่างเขาน่ะนะ… ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโทนสีของในห้องนี้ หรือว่าเป็นเจ้าของห้องนี้กันแน่ : )
ทุกอย่างไม่ได้จัดเป็นระเบียบสักเท่าไรตามประสาเด็กผู้ชาย
“ห้องรกหน่อยนะ” เจ้าตัวว่าอย่างนั้นพร้อมกับเลื่อนโต๊ะญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่กลางห้องให้ไปอยู่ตรงมุมห้องแทน ไหนจะรองเท้าที่ถอดระเกะระกะ แล้วก็…
บ๊อกเซอร์ เสื้อผ้า ชุดนักศึกษาที่ซักแล้วอยู่ตรงปลายเตียง
“ไม่เป็นไร” คุณากรไหวไหล่ “พี่ขอออกไปดูดบุหรี่นะ” คุณนิวปล่อยให้เจ้าเด็กยักษ์จัดการเสื้อผ้าซักแล้วที่กองอยู่ตรงปลายเตียง
ส่วนเขาเองก็เริ่มลิ้มรสชาติของนิโคตินไปพร้อมๆกับความสุขที่ก่อเกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ช่วงนี้รู้สึกตัวเองได้เลยว่ายิ้มได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลังจากที่ไม่ได้ยิ้มมานานพอสมควร
แล้วยังรู้สึก… ไม่รู้สิ มันรู้สึกดี?
อือ… จะเรียกว่าดีก็ได้แหละ
เพราะมันดีจริงๆ ต้นสายปลายเหตุก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกนะ คุณากรรู้ตัวดีว่าคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ได้น่ะเป็นใคร
ก็เจ้าของห้องนี้ยังไงล่ะ…
ถ้าความสุขแบบนี้อยู่ตลอดไปก็คงจะดี
ไม่ต้องมีใครมาพรากไปอีกเหมือนครั้งก่อน
“คุณจะอาบน้ำมั้ย?” ไม่รู้ว่าเวลาที่คุณากรใช้อยู่กับการสูบบุหรี่ และจมอยู่ในห้วงของความสุข ที่เกิดขึ้นทั้งตอนนี้และในอดีตนั้นนานขนาดไหน
แต่พอเห็นเจ้าเด็กยักษ์ตรงหน้าที่อยู่ในเสื้อผ้าพร้อมนอน และปลายผมม้าที่เปียกหน่อยๆก็พอจะรู้ว่านานพอสมควรที่น้องทอมจะอาบน้ำเสร็จ
“อาบครับ… เหนียวตัวเหมือนกัน”
“งั้นเอาไป” เจ้าเด็กยักษ์พูดพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดตัวผืนสีม่วงอ่อนให้คนตัวสูง
เอ…ท่าทางน้องทอมจะชอบสีม่วงจริงๆด้วย
“ผ้าเช็ดตัวนี่เองแหละ แต่ซักแล้วไม่ต้องกลัว” สรรพนามจากคำว่า ผม เปลี่ยนไปเป็นคำว่า นี่ ที่ใช้แทนตัวเอง เพราะทอมรู้สึกว่ามันไม่ได้หยาบคายมากแต่ก็ไม่ได้สุภาพอย่างคำว่าผม ออกจะง่ายๆซะมากกว่า
เลยคิดว่าใช้ประมาณนี้น่าจะเวิร์ค
“ขอบคุณครับ” : )
ใช้เวลาไม่นานเจ้าของห้าง The KNK ก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อผ้าของเจ้าเด็กยักษ์กางเกงผ้าร่มสีเทากับเสื้อยืดสีม่วงอ่อนพ่วงด้วยกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมๆที่น้องใช้
อยากขโมยกลับบ้านซะจริง
“ปิดไฟให้ด้วยนะ” เจ้าเด็กยักษ์พูดเสียงดังให้คนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำได้ยิน ส่วนตัวเองก็นอนขดอยู่ในผ้านวมผืนหนาอย่างเคลิ้มๆ
“น้องทอมครับ…” พอเดินไปปิดไฟแล้วคุณากรทิ้งตัวลงบนที่นอนสปริงของเจ้าเด็กยักษ์ หากแต่ยังไม่ได้ล้มตัวลงนอน เขาก็เรียกชื่อน้องที่นอนหันหลังให้อยู่
“เมื่อไรจะเลิกเรียกนี่ว่าน้องทอมสักทีวะ?” ถึงกำลังจะเคลิ้มหลับไป แต่สรรพนามที่ทอมไม่ชอบให้คนนอกครอบครัวเรียกก็ถูกนำมาใช้โดยคนอื่นให้ได้ยินอีกแล้ว
เลยทำให้ตาทั้งสองข้างเปิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ก็…”
“นี่ไม่ได้พูดไม่เพราะกับคุณแล้วนะ” ทอมพูดแทรกขึ้นมาทั้งที่คุณนิวยังไม่ได้อธิบายด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าตั้งใจนะ บอกเลยว่าถ้าไม่มีเจ้าเหมียวคุณนิวก็ไม่ได้ยินอะไรแบบนี้หลุดออกมาจากปากทอมหรอก
“ก็พี่ชิน” แต่เขาก็ลืมตัวจริงๆนั่นแหละ เรียกซะจนชินเลย
“เลิกเรียกแบบนั้นสักที นี่ไม่ได้หน่อมแน้มขนาดนั้น” ทอมหันหน้าไปทางคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง
เป็นเพราะปิดไฟแล้วต่างหากถึงได้กล้าหันไปน่ะนะ
ไม่รู้สิ… ไม่ชอบให้ใครมาเห็นตัวเองตอนที่กำลังเข้านอน เพราะพี่ทิมเคยบอกว่ามันน่ารัก อีกอย่างนะ… ก็เป็นตอนที่ตื่นนอน
น่ารักตรงไหนทอมเองก็ไม่รู้หรอกเพราะไม่ได้ส่องกระจกเวลาตื่นนอนกับก่อนนอน แต่ด้วยความที่ไม่ชอบให้ใครมามองว่าน่ารัก เลยไม่อยากให้ใครเห็น นอกจากเพื่อนกับคนในครอบครัวก็ไม่มีใครแล้ว
แล้วตอนนี้ก็เพิ่มคุณนิวเข้ามาอีกหนึ่งคน
อย่างน้อยก็เห็นตอนตื่นนอนล่ะน่า…
“แล้วจะให้พี่เรียกว่าอะไรครับ? ‘หนู’ ดีมั้ย? พี่ว่าก็น่ารักเหมาะกับหนูดี” เอาจริงคุณากรก็ไม่เคยเรียกใครแบบนี้เลยนะ เจ้าเด็กยักษ์นี่คนแรกเลยก็ว่าได้
“หนูบ้าหนูบออะไร” ทอมโวยวาย ถึงแม้ว่ากับที่บ้านเขาจะแทนตัวเองว่าหนูก็เถอะ “จะเรียกอะไรก็ได้ที่ไม่ใช้ น้อง กับ หนู เคมั้ย?”
“ก็ได้ๆ โอเคครับ” และสุดท้ายคุณนิวก็ยอมเหมือนเดิม
น้องจะขออะไรเขาก็ยอมหมดนั่นแหละ
รอก่อนเถอะ… รอว่าสักวันจะทำให้น้องยอมให้เขาพูดคำเหล่านั้นอย่างไม่อิดออดเลย
ขอแค่ไม่รู้สึกเบื่อไปซะก่อนนะ
“นอนได้แล้ว ต้องตื่นเช้าไม่ใช่รึไง?” น้องทอมเตือนพร้อมกับนอนหันหลังให้อีกคน
: )
คุณนิวยกยิ้มขึ้นท่ามกลางความมืดอย่างชอบใจ
นี่ถ้ามาคอยเตือนเขาแบบนี้ทุกคืนนะ จะรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วรีบเข้านอนอย่างที่เจ้าเด็กยักษ์บอกเลย
คุณากรสอดแทรกตัวเข้าไปนอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเจ้าของห้อง แถมตรงกลางมีหมอนข้างคั่นกลางด้วยอีกต่างหาก
ไม่ทำอะไรหรอกน่า… คิดเยอะซะจริง
เพราะว่าแค่อยากกอด…
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปคุณากรก็ยังคงไม่หลับ เพราะรู้สึกแปลกที่ อีกอย่างพอรู้ว่าคนข้างๆเป็นคนที่เขาถูกใจความรู้สึกมันยิ่งตื่นจนข่มตาหลับไม่ลง ผ่านไปสักพักก็รู้สึกถึงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคนข้างๆ
คนชอบหาผลประโยชน์จากทุกเรื่องอย่างเขาเลยไม่รอช้าที่เตะหมอนข้างเจ้าปัญหาออกไป และเหลือพื้นที่แค่เพียงน้อยนิดสำหรับตัวเองและเด็กยักษ์
และมันก็ค่อยๆเหลือน้อยเข้าไปทุกทีจนท้ายที่สุดก็ถูกเติมเต็มด้วยร่างกายของเขา
พื้นที่ตรงนั้นไม่เหลืออีกต่อไป
คุณนิวพาดช่วงแขนยาวๆไปที่ตัวของน้องทอม ก่อนจะซุกซบใบหน้าลงที่ศีรษะของน้องราวกับว่าต้องการพักพิงความรู้สึกทั้งหมด เผื่อว่าจะรู้สึกดีขึ้นสักหน่อย
และมันก็รู้สึกดีอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย
นั่นอาจจะเป็นเพราะกลิ่นตัวหอมๆของน้อง ไหนจะน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ตอนนี้เขาเองก็มีกลิ่นแบบเดียวกัน และความรู้สึกอุ่นๆจากตัวของคนในอ้อมกอดอีกทำให้คุณากรเริ่มเคลิ้มหลับเข้าไปทุกที
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นให้กับความคิดของตัวเอง ก่อนที่จะค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด
แบบนี้สิค่อยทำให้การนอนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาอีกต่อไป
60%
Talk 1.
ช่างเป็น 60% ที่ลากเลือดมากกกกกกก.
-อยากจะแหมให้กับประโยคที่บอกว่า 'ถ้าไม่เบื่อไปซะก่อน' *ทำท่าเบะปากเหมือนคุณสิงหา*
-จริงๆนิยายเรื่องนี้มันง่ายๆนะคะไม่มีอะไรให้คิดเยอะ ถ้ารู้สึกว่ามันเบาไปต้องขอโทษด้วยนะคะ เพราะเหนื่อยกับความเครียดเลยอยากมีอะไรมาฮีลตัวเองนี่แหละค่ะ และคุณากรเองก็ตอบสนองความต้องการเราได้เป็นอย่างดี ทำให้เราหายเครียดได้มากเวลาหมกมุ่นอยู่กับการเขียน
-ถ้าชอบใจนิยายเรื่องนี้บ้างไม่มากก็น้อยอย่าลืมติดแท็ก #คนของคุณากร หรือคอมเม้นให้กันก็ได้นะคะ
เจอกันสี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือนะคะ
รักค่ะ
มิทฉะลาเต้
#คนของคุณากร
twitter : @blueeyesismine
-
:hao5: อบอุ่นถึงหัวใจเลย
-
:L2: :L1: :pig4:
เราก็ชอบเรื่องเบาๆ
-
ยังงี้แล้ว ก็ไม่น่าจะเบื่อนะคะ คุณนิว
-
ตอนที่เจ็ด : เพื่อนคนนั้น {part2 120%}
อากาศเย็นสบายในตอนเช้า ฝูงนกเริ่มบินออกจากรังเพื่อหาอาหารมาหล่อเลี้ยงชีวิต คล้ายกันกับมนุษย์ที่ยังคงต้องทำมาหากินเพื่อปากท้องตัวเองและคนในครอบครัว รถยนต์ทั้งราคาถูกและแพงก็เริ่มโลดแล่นอยู่ตามท้องถนน
หากเป็นรถสองแถวหรือรถเมล์ก็จะออกเช้ากว่านี้หน่อย แม่ค้าที่ขายอาหารเช้าก็คงกำลังตะโกนร้องเรียกลูกค้าให้เข้าร้าน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกๆวัน การเริ่มต้น และสิ้นสุด วนเวียนอยู่อย่างนั้นในแทบทุกๆวัน หรือสำหรับบางคนก็มีสิ่งใหม่ๆเข้ามาเยือนในชีวิต
ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าตะวันจะต้องลาลับฟ้า แสงสว่างเริ่มถูกความมืดเข้าปกคลุม บางอย่างที่ถูกเริ่มต้นตอนที่พระอาทิตย์มาเยือนนั้นก็กำลังจะจบลงไปพร้อมกับพระอาทิตย์ดวงเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณากรก็ชอบช่วงเวลาในตอนเช้ามากที่สุด
เพราะพระอาทิตย์เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นใหม่
เขาชอบที่จะดูการเริ่มต้นของแต่ละสรรพสิ่งบนโลกใบนี้และจบลงไปในที่สุดด้วยกาลเวลาที่ถูกกำหนดมา เลยไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไรที่ว่าคนนอนดึกอย่างเขาจะตื่นเช้าทุกวันขนาดนี้
หากแต่ตอนนี้มันต่างออกไปจากเดิมเช่นทุกวัน
เขาไม่ได้ตื่นมาบนเตียงขนาดคิงไซส์อีกคนเดียวอย่างเมื่อวาน วันก่อน หรือตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่กลับตื่นขึ้นแล้วพบคนถูกใจที่ยังคงนอนหลับสบายอย่างไม่รู้สึกตัวในอ้อมแขนของเขา
ตัวของเจ้าเด็กยักษ์ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น เหมือนได้กอดก้อนอุ่นๆสักก้อนที่ช่วยผ่อนคลายทำให้ยากที่จะแงะตัวเองออกจากที่นอนได้ในเวลานี้ เพราะไม่ได้หลับแบบเต็มตาเหมือนกับเมื่อคืนก็นานพอสมควร ไม่แน่ใจว่าเท่าไร… แต่อาจจะสักสาม หรือสี่ หรือเจ็ดปีเห็นจะได้
กลิ่นหอมๆของเจ้าเด็กยักษ์ที่ว่าหอมแล้ว ในตอนเช้ากลับหอมยิ่งกว่าเดิมซะอีก
เป็นกลิ่นที่หอมสะอาดๆ และให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะกลิ่นหอมของเสื้อผ้าที่ทั้งคุณากรและเจ้าเด็กยักษ์ของเขากำลังสวมใส่อยู่ มันเป็นกลิ่นเดียวกันก็ยิ่งตลบอบอวลเข้าไปอีก
รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในห้วงอะไรสักอย่าง เพราะรอบกลายมีกลิ่นหอมๆละฟุงอยู่เต็มไปหมด เหมือนโดนห้อมล้อมด้วยกลิ่นกลิ่นนั้น
คนที่นอนหลับอย่างไม่รู้สึกตัวตอนนี้เปลี่ยนจากพลิกหันหลังให้คุณากรมาเป็นหันหน้าเข้าไปหาเขา ด้วยสัดส่วนความสูงที่พอๆกันปลายจมูกโด่งๆที่มีขี้แมลงวันประทับอยู่ก็เลยเสียดสีเข้ากับปลายจมูกโด่งของอีกคุณากรเข้า
: )
นักธุรกิจที่ชอบผลประโยชน์ ที่ชอบได้กำไรเยอะๆถึงกับระบายรอยยิ้มลงบนใบหน้าอย่างชอบใจ ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งน่ารัก ผิวนี่เนียนละเอียดซะอยากลองประทับริมฝีปากลงไปจะได้รู้ว่ามันเป็นอย่างที่ตาเห็นจริงๆหรือเปล่า
ส่วนขี้แมลงวันที่ประปรายอยู่บนใบหน้านั้นก็เยอะซะจนอยากจูบลงตรงตำแหน่งนั้นๆเพื่อจะนับให้รู้ว่ามีอยู่มากน้อยแค่ไหน
ไม่ไหวแล้ว…
เจ้าเด็กยักษ์ของเขาทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ แค่นอนหลับจำเป็นต้องน่ารักขนาดนี้ด้วยเหรอ หรือว่าเป็นเพราะตอนไร้สติน้องเลยดูไร้พิษสง ดูไร้เดียงสาซึ่งมันตรงข้ามกับตอนที่น้องตื่นมาก แต่ก็นะ…ไม่ว่าแบบไหนคุณากรก็ชอบหมดนั่นแหละ
และตอนนี้ก็ชอบ… ชอบริมฝีปากบางๆที่มักจะพูดคำหยาบใส่เขา บัดนี้มันกำลังเผยอออกนิดหน่อยมันแดงๆคล้ายเชอร์รี่ น้องคงไม่สูบหนักเท่าไรเลยไม่ขึ้นสีคล้ำ
ชอบคิ้วเข้มๆที่กำลังขมวดเข้าหากันน้อยๆเหมือนกับว่าในความฝันมีเรื่องให้คิดเยอะแยะ
อย่าให้รู้เชียวว่าฝันถึงใครไม่อย่างนั้นล่ะจะเจอแบบในหนังเรื่อง inception แน่ๆ เพราะเขาจะตามเข้าไปทำลายคนในความฝันเจ้าเด็กยักษ์ให้รู้แล้วรู้รอด : )
ท้ายที่สุด…
เมื่อยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกหลงใหลในตัวเจ้าเด็กยักษ์ ความมันไส้ที่ก่อเกิดมาได้สักครู่หนึ่งถูกระบายออกไปด้วยการจุ๊บที่ปลายจมูกน้องเบาๆ
ก็กล้าทำได้เท่านี้ ทั้งที่จริงแล้วอยากจะงับ อยากจะกัดผิวขาวๆให้จมเขี้ยว ให้ขึ้นสีช้ำเป็นรอบฟัน อยากจะกอดเจ้าก้อนอุ่นๆให้จมอก ให้ร้องงอแง
“อือ…”
ราวกับว่ารู้สึกได้ถึงแรงสัมผัสเบาๆที่ปลายจมูก เจ้าเด็กยักษ์ถึงกับร้องอื้ออึงในลำคอทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ก่อนจะดิ้นขลุกขลักอยู่ภายในอ้อมแขนของคุณนิวไปมา
และ…
เปลือกตาสีไข่ก็เปิดขึ้นในที่สุด คนฉวยโอกาสเลยแกล้งหลับตาลงอย่างรู้ทัน…
และนั่นเลยทำให้คุณนิวไม่ทันได้เห็นใบหน้าของเด็กยักษ์ที่กำลังขึ้นสีแดงแปร๊ดเนื่องจากพอตื่นขึ้นมาแล้วก็ดันอยู่ในอ้อมแขนของคุณนิวซะได้ ซึ่งมาอยู่ได้ยังไงน่ะไม่รู้หรอก ครั้นจะโวยวายก็กลัวจะเสียหน้าเพราะมันก็แค่กอดอีกอย่างไอ้เรามันก็ผู้แมนๆคุยกันทั้งคู่
ไม่มีอะไรเสียหายเว้ย!
ปัญหาเรื่องแรกจบไป และเรื่องที่สองก็ตามมาติดๆ
เพราะว่า…
คิดได้อย่างนั้นเดือนวิศวะก็รีบลุกขึ้นจากที่นอนแทบจะทันที หมายจะวิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความรวดเร็วเพราะผู้ชายน่ะ… เช้าๆแบบนี้มันก็จะ…
จะ…
นั่นแหละ!
ไม่ต้องอธิบายให้มากความเพราะไม่ถึงสองโมงตรงอะไรบางอย่างมันก็จะเคารพธงชาติก่อนเวลาอยู่แล้ว
หากแต่ด้วยความซุ่มซ่ามเจ้าเด็กยักษ์เลยเผลอเตะเข้ากับขอบประตูห้องน้ำเข้าจังๆ จนเผลอร้องเสียงหลงออกมาดังๆหนึ่งรอบพร้อมกับยกเท้าขึ้นมากุมด้วยใบหน้าเหยเก
คนแกล้งหลับอยู่บนเตียงไม่ได้ลุกขึ้นไปช่วยแต่ทว่ากำลังระบายรอยยิ้มให้กับความซุ่มซ่ามของน้องทอม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขินหรืออะไรกันแน่
ชอบทำตัวน่ารักอยู่เรื่อยเลย
ผ่านไปสิบห้านาทีเจ้าเด็กยักษ์ก็ยังไม่ออกจากห้องน้ำ คุณากรที่แกล้งหลับตอนอยู่ต่อหน้าน้องทอมขณะนี้ได้ลุกขึ้นจากที่นอนแล้ว และกำลังสะบัดผ้าห่มนวมผืนหนาให้คลุมเตียงไว้อย่างเป็นระเบียบคล้ายกับที่น่านชอบทำให้
จากนั้นก็เดินไปหาน้ำเย็นๆดื่มสักขวด ก่อนจะออกไปสูบบุหรี่ต้อนรับเช้าแรกของวัน พร้อมกับกดโทรศัพท์ต่อสายหาเลขาคนสนิทว่าวันนี้จะเข้าสำนักงานช้า และโทรบอกน่านว่าไม่ต้องทำอาหารให้ โชคดีหน่อยที่มีชุดสูทอยู่ในรถเพราะงั้นเลยจะเอามันมาเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำเสร็จ
ก๊อก ๆ !!
บุหรี่ถูกสูบไปได้เพียงแค่ครึ่งมวลเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นคุณากรเลยต้องจำใจจี้ปลายบุหรี่ลงบนที่เขี่ยบุหรี่และปล่อยให้อีกครึ่งตัวที่เหลือนอนตากลมอยู่อย่างนั้น
แต่ก่อนจะเดินไปเปิดประตูก็คิดชั่งใจอยู่นิดหน่อยว่าจะเรียกเจ้าเด็กยักษ์ก่อนดีมั้ย? หรือถือวิสาสะเปิดให้เลย แต่พอได้ยินเสียงสายน้ำกระทบลงพื้นก็เลยเลือกทำอย่างหลังมากกว่า
คงไม่เป็นไรหรอกน่า…
คิดได้อย่างนั้นช่วงขายาวเลยก้าวเท้าอย่างเอื่อยๆตรงไปที่ประตูอย่างไม่ได้รีบร้อนนัก เพราะแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ฝ่ามือใหญ่ก็เอื้อมไปหมุนลุกบิดคลายล็อคของห้อง พอเปิดประตูออกไปก็พบกับเด็กผู้ชายสองคนที่หน้าเลือนๆลางๆอยู่ในความทรงจำ
แต่ลักษณะท่าทางดูแล้วคล้ายกับเพื่อนสองคนของน้องทอมในวันนั้น
อีกคนสูงร้อยแปดสิบล่ะมั้ง? แต่อีกคนน่าจะสูงสักร้อยเจ็ดสิบ
ถ้าอยู่คนเดียวก็ดูสูงอยู่หรอก แต่ว่ามาอยู่กับเจ้าไททั่นทั้งสองคนในกลุ่ม อย่างทอมกับออยเลยไม่แปลกใจถ้าแดนจะกลายเป็นคนตัวเล็กไปโดยปริยา
“อะ เอ่อ…” แดนพูดเสียงตะกุกตะกัก ยกมือที่กำลังเคาะประตูอีกรอบค้างไว้อยู่อย่างนั้นเพราะตอนนี้มันได้เปิดขึ้นแล้วแถมยังมี… มีแฟนใหม่ของแฟนเก่าเพื่อนเขาอีกที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ทะ โทษทีครับเข้าห้องผิด”
“ถูกแล้ว!” ออยที่มีสติมากกว่าแดนแทบจะรั้งเพื่อนไว้ไม่ทันเพราะมันตั้งท่าจะเดินหนีอย่างเดียวเลย
“คุณ?” ออยเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างในเชิงถาม หลังจากที่จัดการเพื่อนจอมเด๋อของตัวเองให้ไปมายืนอยู่ที่เดิม จนตอนนี้แดนก็ยังไม่เลิกทำหน้าตาเด๋อด๋าสักที
“ใครมาวะ!?”
O.O!
ทันทีทีร่างสูงของเดือนวิศวะเดินออกมาจากห้องน้ำที่สภาพมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอว ใบหน้าของเพื่อนทั้งสองคนก็ฉายชัดด้วยความตกใจแทบจะทันที ไม่ใช่แค่สอง แต่เป็นสี่ เพราะทอมก็ตกใจไม่แพ้กันว่าทำไมไอ้เพื่อนรักสองคนนี้ถึงมาอยู่ตรงหน้าห้องได้ ถ้าเป็นเวลาปกติคงไม่มีอะไรหรอกหากแต่… มีแฟนใหม่ของเก่าตัวเองที่สองคนนั้นรู้ดีว่าทอมไม่ชอบมากขนาดไหนมาอยู่ด้วยนี่สิ
-.-
คงต้องนั่งให้พวกมันสัมภาษณ์อีกยาวแน่ๆเลยกู
และคนที่ตกใจคนที่สี่ที่ว่านั้นก็คือคุณนิว ตกใจกับความขาวที่น้องทอมมีน่ะสิ เอาจริงๆก็ขาวพอๆกับเขาเลยนะนั่น
ขาวชมพูอีกต่างหาก…
ไม่ต้องบอกนะว่าอะไรชมพู
รู้สึกเหมือนเลือดจะหมดตัวเลยแฮะ
โชคดีที่เป็นคนซ่อนความรู้สึกเก่ง ไม่อย่างนั้นถ้าน้องเห็นคุณากรในตอนนี้น่ะนะ ขอบอกเลยว่า… ไม่ดีแน่ๆ
แล้วถ้ายิ่งได้ยินความคิดของเขาอีก บอกเลยว่าเละ!
แต่ก็นั่นแหละ…จ้างให้ก็ไม่โดน เพราะน้องจะไม่มีทางรู้เด็ดขาด…
: )
“กะ กูคิดว่าเข้าห้องผิดซะอีก” แดนว่าอย่างนั้นเมื่อเห็นหน้าเพื่อนรักที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เพราะมันช่วยยืนยันได้ดีเลยว่านี่เป็นห้องของไอ้ทอมจริงๆนะ ไม่ใช่ห้องของไอ้ผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ ที่ใส่เสื้อยืดสีม่วงกับกางเกงผ้าร่มสีเทา และแดนก็จำได้ว่าเป็นของไอ้ทอมเพราะเห็นมันใส่บ่อยจนชินตา
“เข้ามาก่อนดิ” ไม่อยากให้เสียเวลานานกับการตกใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องของเพื่อนและของตัวเองเลยเรียกให้เพื่อนเข้ามา คุณนิวหลีกทางให้เพื่อนตัวเล็กกับเพื่อนตัวโตของเจ้าของห้อง
สายตาของออยกับแดนที่มองมาขณะที่เดินผ่านเพื่อนตัวเปลือยช่วงบนไปก็แสดงออกมาได้อย่างชัดเจนเลยว่า ‘มึงอธิบายมาเดี๋ยวนี้!’
“งั้นพี่ขอลงไปเอาของที่รถก่อนนะ” คุณากรเอ่ยขอตัวสักครู่เพราะต้องลงไปเอาชุดทำงานที่ห้อยไว้ในรถ อีกอย่างก็พอจะรู้ว่าเด็กสามคนนั้นต้องมีอะไรคุยกันแน่ๆ
แหงล่ะ…ในสายตาของเด็กพวกนั้นเขาก็คือแฟนใหม่ของแฟนเก่าน้องทอมนี่นา แถมเจ้าเด็กยักษ์ยังเหม็นขี้หน้าอีกมากด้วย พอเห็นว่าอยู่ด้วยกัน แถมยังอยู่ในห้องเดียวกันอีก จะตกใจก็คงไม่แปลก
แต่ก็นะ… เจ้าเด็กยักษ์คงยังไม่รู้ว่าเขากับเค้กไม่ได้คุยกันอีกต่อไปแล้ว ตอนแรกว่าจะอธิบายให้เข้าใจเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาถ้าเกิดน้องทอมรู้ว่าแฟนเก่าของตัวเองเป็นโสดแล้วจะกลับไปง้อน่ะสิ คุณากรก็เลยเลือกที่จะไม่บอกใดๆทั้งสิ้น
“มึงเล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ทอม!” คล้อยหลังที่คุณนิวเดินออกไป ไอ้เพื่อนตัวเล็กมันก็สาดซัดคำถามใส่เดือนวิศวะอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าจะมีใครพูดแทรก ทั้งที่ก็อยู่กันแค่สามคน
“เรื่องมันยาว…” ทอมตอบเสียงเหนื่อยๆ ถ้าจะให้เล่าทั้งหมดก็ขอเหล้าสักหนึ่งกลมแล้วกัน หนำซ้ำเหล้ายังจะหมดก่อนที่จะเล่าจบเรื่องด้วยซ้ำ
“ไม่ได้!” แดนคัดค้าน
“เดี๋ยว รอกูแต่งตัวเสร็จก่อน” ทอมว่าอย่างนั้นพร้อมกับสวมกางเกงยีนส์สีซีด ตามลำดับแล้วก็สวมเสื้อสีเทาสวมช็อปทับอีกที
“กูมีเวลาฟัง” ไอ้แดนมันก็แบบนี้ทุกที เรื่องเรียนตั้งใจให้ได้เหมือนเรื่องที่อยากรู้เรื่องชาวบ้านเขาบ้างนะมึง!
“ก็เดี๋ยวก่อนสิวะ มึงจะให้กูนินทาระยะเผาขนเลยหรือไง!?”
“ก็---”
ก๊อก ๆ !
แดนยังพูดไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นซะก่อน แต่ทอมคิดว่าคงไม่ใช่คุณนิวแน่ๆ เพราะเขาคงจะเดินเปิดประตูเข้ามาเองเลย
เอ… แล้วใครกันวะ?
เจ้าเด็กยักษ์ไม่ยืดเยื้ออยู่นาน เดินไปเปิดประตูห้องตัวเองทันที เพราะก็อยากรู้นั่นแหละว่าใครที่มาเคาะ
“ขอโทษนะครับ พอดีจะขอรบกวนยืมโทรศัพท์หน่อยได้มั้ย---”
แต่ทว่า…
คนตรงหน้าประตูกลับทำให้ทอมเงียบลงไปโดยปริยา สีหน้าตอนแรกฉายชัดความตกใจแค่เพียงเสี้ยววินาที จากนั้นก็ถูกฉาบฉวยไว้ด้วยความเรียบเฉย
คนตรงหน้าเองก็เช่นกัน…
ไม่ได้มีปฏิกิริยาต่างจากทอมเท่าไรนัก
“ไง…ไม่คิดว่านายจะอยู่หอนี้เหมือนกันนะทอม” เขาเอ่ยทักเสียงเรียบ และยกยิ้มขึ้นเหมือนกับในอดีตครั้งก่อน
แต่ทว่า…
ผัวะ!
เดือนวิศวะตอบรับคำทักทายนั่นด้วยหมัดลุ่นๆไปหนึ่งทีจนคนตรงหน้าถึงกับล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในห้องก็รีบวิ่งออกไปดูเหตุการณ์หน้าห้องอย่างรวดเร็วเพราะได้ยินเสียง
“ไอ้ทอม! มึงทำอะไรของมึ๊งงงง!?” เสียงแดนกับออยร้องลั่นแทบไม่เป็นภาษาเมื่ออยู่ๆทอมมันเป็นอะไรของมันก็ไม่รู้ ถึงได้ไปต่อยคนอื่นได้อย่างนั้นแถมตอนนี้ยังเป็นต่อเพราะกระโดดขึ้นไปคร่อมร่างผู้ชายคนนั้นไว้อีกต่างหาก
แล้วไอ้คนนั้นก็ยังไง? ทำไมไม่รู้จักตอบโต้หรือไม่ก็หาทางดิ้นหนีไป
บอกเลยว่าออยกับแดนในตอนนี้ไม่สามารถห้ามไอ้เพื่อนรักที่ไม่รู้ว่าไปตกมันมาจากไหนได้เลย
“น้องทอม!”
รู้สึกเหมือนกับเสียงสวรรค์กำลังดังยังไงอย่างนั้น เมื่อคุณากรที่เดินมาจากทางบันไดพอได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็รีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าเด็กยักษ์อย่างรวดเร็ว ชุดสูทที่ถือมาก็โยนทิ้งไปตรงไหนไม่ได้สนใจสักเท่าไร เพราะสิ่งที่เขาสนใจมีแค่น้องทอม
น้องดูน่ากลัวมาก มากกว่าตอนที่ต่อยเขาวันนั้นอีก
“น้องทอมใจเย็นๆ” คนที่เพิ่งมาเห็นเหตุการณ์ใช้น้ำเย็นเข้าลูบเพราะน้องทอมดูไร้สติมาก ตอนที่เข้าไปห้ามโดนลูกหลงมาก็มากพอสมควร
น้องตัวสั่นมากเมื่อตอนที่วางฝ่ามือลงบนไหล่น้อง เพื่อที่จะห้าม
“หนู… หนูใจเย็นๆก่อนนะครับ” คุณนิวใช้มือของตัวเองไปรองรับกำปั้นของน้องที่กำลังจะซัดลงบนหน้าของคนใต้ร่าง เพราะกลัวว่าเรื่องจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
และพายุก็หยุดลกระทันหัน เมื่อเจ้าเด็กยักษ์ได้เห็นว่าเป็นใครที่เรียกตัวเอง และเป็นฝ่ามือของใครที่กำลังรองรับหมัดหนักๆของตัวเองไว้อยู่
รู้สึกอบอุ่นเหมือนเมื่อคืนไม่มีผิด…
เจ้าเด็กยักษ์ขี้โมโหมองหน้าคุณนิวนิ่งๆ ดวงตาสีสวยสั่นระริกเมื่อได้สบตากับเขา
ทั้งความโกรธ ความกลัว ความสับสนกำลังปะปนอยู่ในนั้นให้ได้เห็น
ฝ่ามือใหญ่ของคุณากรลูบหลังน้องไปสองทีก่อนจะดึงให้ลุกตามขึ้นมา
“กูบอกแล้วไงว่าอย่าให้เห็นหน้ามึงอีก!” เมื่อได้สติเจ้าเด็กยักษ์ก็ชีหน้า พร้อมกับตะโกนใส่ใครคนนั้นที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนรักกัน
รักกันมาก
แต่ก็…
จบไม่สวยสักเท่าไร
น้ำสีใสเริ่มคลอที่หน่วยตาจนภาพของเพื่อนเคยสนิทคนนั้นเริ่มพร่ามัว
ก่อนจะจบสัมพันธ์เพื่อนรักกันวันนั้นทอมเคยบอกไว้ว่าอย่าให้ได้เห็นหน้าอีก…และตอนนี้ได้เห็นอีกจริงๆทอมก็ไม่รอชาที่จะทำตามคำที่เคยพูดไว้ ถึงเรื่องจะผ่านมานานแล้วก็เถอะ
‘มึง ถ้าวงเราชนะเนี่ยมันจะเป็นยังไงวะ?’
‘ก็ดีสิไอ้เหี้ย…เพราะงั้นกูจะตั้งใจเล่นให้มากๆ มึงก็เหมือนกันนะทอม’
‘ทำไมมึงทำแบบนี้วะไอ้เหี้ยเพชร มึงทำพี่จูเสียใจทำไม!? มึงทำกับวงเราแบบนี้ได้ไง!’
‘เพราะกูไม่อยากแพ้…’
ยิ่งบทสนทนาทั้งดีและร้ายในอดีตหวนย้อนคืนกลับมา น้ำตาที่คลออยู่ก่อนแล้วถึงกับไหลลงมาหนึ่งหยดเพราะห้ามไม่สามารถห้ามมันไว้ได้จริงๆ
“น้องทอมเข้าห้องก่อนครับ…” เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องกันไปมากกว่านี้คุณากรเลยดึงตัวน้องทอมให้เดินตามเข้าไปในห้อง ส่วนเพื่อนทั้งสองคนก็พุ่งเข้าไปดูคนเจ็บทียันตัวเองลุกขึ้นจากพื้น
“เราจะกับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เลยหรือไงวะ!?” เสียงของเพชร อดีตเพื่อนรักของทอมถามขึ้นเสียงดังก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้าห้องไป
จากนั้นประตูก็ปิดลง… ไม่ได้แม้กระทั่งคำตอบกลับมา
“กูขอยู่คนเดียวก่อน!”
เมื่อเห็นว่าคุณนิวอยู่ในห้องด้วยทอมเลยร้องห้ามทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรหรือเปล่า จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องน้ำขังตัวเองอยู่ในนั้นพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลอย่างไม่หยุดหย่อน
สำหรับเรื่องนี้ทอมเคยคิดว่าตัวเองทำใจได้แล้ว จากแผลสดเหวอะหวะได้กลายมาเป็นแผลเป็นรอยใหญ่แทน
แต่ว่า…
มันไม่ใช่เลย
ที่คิดไว้ทั้งหมดนั้นกลับไม่ใช่เลย
แค่เพียงเพราะเห็นหน้าอดีตเพื่อนรักอารมณ์ทุกอย่างมันก็พุ่งถึงขีดสุดอย่างห้ามไม่ได้จริงๆ…
ทอมยังคงรู้สึกเจ็บเหมือนเดิม เจ็บกับการที่โดนหักหลัง ซ้ำยังทำให้เขากลับไปทำอะไรที่ตัวเองชอบไม่ได้อีก
สิ่งนี้แหละที่คอยฉุดรั้งทอมไว้อยู่ตลอดเวลา เพียงแค่ไม่มีใครรู้ก็เท่านั้น…
โปรดติดตามตอนต่อไป...
Talk 2.
-งู้ยยยยย เบื่อความอ่อนโยน ความเอาน้ำเย็นเขาลูบของคูมนิวมากเฟ่อออออ คิดถึงตอนเขาเกรี้ยวกราดไม่ออกเลยจีจีข่ะ แหมๆ
-แล้วบับ… นี่คงจะหลงเจ้าเด็กยักษ์ขั้นสุดแล้วสินะ โง้ยยยยยยย -///-
-จริงแล้วน้อวทอมน่ะเป็นผู้ชายที่ถ้ามองด้วยกันเองก็ ไอ้เหี้ยทอม ไอ้คนห่ามหื่นอะไรแบบนี้แหละค่ะ แต่พออยู่ในสายตาคูมนิวแย้วก็จิลายเป็นน้อนนนนนนนนนนน (อารมณ์ประมานนี้ เผื่อว่าจะสงสัยกันนะคะ แฮ่ะๆ) ก็คนมันชอบน่ะเนอะ ถึงจะเป็นไอ้เหี้ยทอมของใครแต่เป็นน้องทอมของผม เคนะ?
-นี่ไม่ใช่แค่ 40% เด้อ แต่มันคือ 60% ที่เหลือ ลากเลือดอีกแล้วจ้า
-รักน้อนนนชอบน้อนน หรือชอบคูมนิวอย่าลืมคอมเม้นให้เก๊าด้วยน้า เดี๋ยวจะให้คูมนิวไปนอนด้วยคืนนึงเป็นรางวัล งิงิ
เจอกันตอนหน้านะคะ
รักค่ะ
มัทฉะลาเต้
#คนของคุณากร
Twitter : @blueeyesismine
-
:L2: :L1: :pig4:
-
เกิดอะไรขึ้นในอดียย ทำน้องทอมขาดสติเลยอ่ะ
มีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาแล้ว
-
น่าติดตามมากๆ ดูเปนคนมีปมทั้งคู่เลย
รอดูปมต่างๆคลี่คลายนะคะ
-
รอตอนต่อไปค่ะ
-
โอ๋เอ๋น้องทอมมมมม
-
ตอนที่แปด : เพราะเจ้าเด็กยักษ์ไม่คู่ควรกับน้ำตา
ทองฟ้าวันนี้ดูอึมครึมมากกว่าปกติ คล้ายกับว่ากำลังตั้งเค้าพาสายฝนให้ลงมากระหน่ำ แต่ทว่ามันดูอึมครึมแค่ในสายตาของทอมเท่านั้น… จนช่วงหนึ่งก็แยกไม่ออกว่าที่จริงแล้วเป็นเพราะมุมมองของตัวเองหรือเพราะสภาพอากาศกันแน่
อาจจะเพราะวันนี้เริ่มต้นด้วยอะไรที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก สภาพอารมณ์ของทอมตอนนี้เลยค่อนข้างย่ำแย่ และคนที่ทำให้เป็นอย่างนี้ได้ก็คือเพชร อดีตเพื่อนเก่าคนเมื่อเช้านั้นแหละที่เป็นตัวต้นเหตุทั้งหมด
“ทอมมโว้ยยยยยย” เสียงแหลมๆของแดนร้องเรียกเพื่อนรักด้วยความสดใสของตัวเอง หวังว่าจะเผื่อแผ่มันไปให้เดือนวิศวะคนนี้ได้บ้าง
แต่ก็เปล่าเลย… นั่นกลับดูไร้ประโยชน์เหมือนขว้างหินลงแม่น้ำ หรือคล้ายกับไข่กระทบหิน เพราะไม่มีเสียงตอบใดหลุดออกมาจากปากทอมแม้แต่คำเดียว
“ไอ้ทอมมมม ไปหาอะไรแดกกานนนนนน” แดนพูดพร้อมกับดึงแขนเพื่อนตัวยักษ์ให้ลุกขึ้นจากโซฟา
หลังจากเลิกเรียนมออยกับแดนก็พร้อมใจกันลากเพื่อนกลับมาที่ห้องด้วย เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าหากจะปล่อยให้เพื่อนกลับห้องทั้งอย่างนั้น แถมยังมีใครก็ไม่รู้ที่ทอมมีเรื่องด้วยเมื่อเช้า แถมยังพักอยู่ห้องฝั่งตรงข้ามกันอีก ออยกับแดนเลยขอไม่เสี่ยงดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าปัญหาของทอมนั้นคืออะไร
เนื่องจากว่าจนถึงตอนนี้ทอมก็ยังไม่ได้เล่าให้ทั้งสองคนฟังเลยว่าอะไรเป็นอะไร และเพราะอะไรทำไมถึงทำอย่างนั้น
แต่ก็อย่างว่า…ออยกับแดนก็พอรู้ใจเพื่อนอยู่เหมือนกันว่าเขาน่ะมันเป็นคนประเภทไหน นิสัยเป็นยังไง ไว้ทอมพร้อมเล่าเมื่อไร เชื่อเถอะเดี๋ยวมันก็หลุดออกมาจากปากมาเอง
“ไม่เอา” แต่ทอมเลือกที่จะปฏิเสธ “กูจะอ่านหนังสือ” เขาหาข้ออ้างพร้อมกับหยิบหนังสือในเป้ขึ้นมาทำท่าอ่านไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงในตอนนี้แทบจะไม่มีอารมณ์ทำอะไรด้วยซ้ำเพราะกำลังถูกพิษแผลเก่าจากอดีตเข้าเล่นงาน
“ไปเร็วๆน่า อย่าทำท่าเป็นคนขยัน” แต่เพื่อนรักก็ยังไม่ยอม แดนดึงช่วงแขนยาวให้ลุกขึ้นจากบนโซฟา แต่เพราะแดนตัวเล็กอย่างกับลูกหมา แรงที่ส่งออกไปเลยไม่มีผลต่อร่างยักษ์ๆของทอมสักเท่าไร
“ฮือ…กูไม่ไป” คนโดนเซ้าซี้ตอบปฏิเสธไปด้วยความเหนื่อยหน่าย และบิดแขนตัวเองเล็กน้อยให้หลุดจากการเกาะกุมของเพื่อน และทิ้งตัวลงนอนเช่นเดิม
ก็คนมันไม่มีอารมณ์ไปนี่หว่า…
“มึงอย่าไปเร้าหรือมันมาก” ออยปราม เพราะรู้ว่าแดนน่ะดื้อด้านมากขนาดไหน “ไว้เดี๋ยวกูซื้ออะไรมาให้กิน” จากนั้นก็เดินล็อกคอไอ้เพื่อนตัวเล็กให้เดินออกจากห้องไปพร้อมกัน ถึงแม้จะยากเหมือนจับปูใส่กระด้งก็เถอะ
แต่ก็นะ…ยังไงแดนก็สู้ไม่ได้อยู่ดี
จากนั้นภายในห้องกว้างก็เหลือเพียงเดือนวิศวะเท่านั้นที่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาพร้อมกับการจ้องมองเพดานอยู่แบบนั้นอย่างหาจุดโฟกัสไม่ได้ ในขณะเดียวกันสมองก็ดันคิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาเป็นฉากๆ แล้วมันก็เริ่มมากขึ้นหลายฉากจนเบลอไปหมด เพราะเหตุการณ์นั้นยังไม่ทันฉายจบด้วยซ้ำ เหตุการณ์ใหม่ก็ลอยเข้าซ้อนทับ และยังมีหลากหลายความรู้สึกปะปนกันไปแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นที่ความรู้สึกไหนก่อนดี
Rrrrrrrr
แต่ก่อนที่จะสับสนไปมากกว่านี้ เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยที่วางไว้ตรงไหนสักที่บนโซฟาก็แผดเสียงดังขึ้น
ทอมใช้เวลาหาไม่ถึงยี่สิบวินาทีก็เจอ แต่เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอเขาก็วางมันกลับลงไปที่เดิม และไม่นานเสียงนั้นก็เงียบหายไป
ติ๊ง!
แต่มันก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น ระยะเวลาห่างกันไม่นานด้วยซ้ำเสียงข้อความก็ดังขึ้นหลังจากสิ้นเสียงโทรศัพท์ทันที แต่ก็เหมือนเดิม…ทอมไม่คิดที่จะเปิดมันอ่านเลยสักข้อความเดียว เพราะน่าจะเป็นคนคนเดียวกันกับสายเมื่อกี้นี้
ติ๊ง!
ติ๊ง!
และเสียงข้อความก็ดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อนเพราะใครคนนั้นน่ะรู้ว่าทอมต้องไม่รับโทรศัพท์แน่ๆ แต่อย่างน้อยถ้าส่งข้อความมาถี่ๆเจ้าเด็กยักษ์ของเขาอาจจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านก็ได้ แล้วถ้าได้เห็นข้อความที่ส่งมานะทอมอาจจะรีบโทรกลับเลยทันที
ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที เสียงก็ความยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและด้วยความรำคาญทอมเลยต้องนำโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูในที่สุด
‘รับสายพี่หน่อยครับ’ ข้อความที่หนึ่ง
‘เจอกันหน่อยมั้ย ?’ข้อความที่สอง
‘น้องแมวเราป่วยนะ ไม่มาดูมันหน่อยเหรอ?’ และข้อความที่สามทำเอาร่างสูงดีดตัวขึ้นจากโซฟาด้วยความรวดเร็วเมื่อรู้ว่าน้องแมวป่วย
ทันเท่าความคิดเจ้าเด็กยักษ์ก็รีบกดโทรออกไปยังเบอร์เมื่อครู่ด้วยความรวดเร็ว
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังยังไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ ปลายสายก็กดรับและเจ้าเด็กยักษ์ก็รีบยิงคำถามใส่คุณนิวทันที
“น้องเหมียวกูเป็นอะไร?” สรรพนามที่ใช้คุยกับเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะทอมไม่ได้มีอารมณ์ที่จะมานั่งปั้นหน้า ปั้นคำพูดสวยหรูให้คุณนิวอีกต่อไป
ชินอันไหนก็เลือกอันนั้นแล้วกัน ถึงจะไม่เหมาะก็เถอะนะ
[พี่ว่าน้องทอมมาดูเองดีกว่านะครับ]
“แล้วมันเป็นอะไรเล่า!?” เจ้าเด็กยักษ์เริ่มเกรี้ยวกราดขึ้นนิดหน่อย
เวลาคุยกับคุณนิว ไม่มีครั้งไหนเลยที่ทอมจะไม่ดูเป็นคนอารมณ์เสีย หรือหงุดหงิดง่ายตลอดเวลา เหมือนทุกคำที่คุณนิวพูดออกมานั้นไม่เข้าหูเดือนวิศวะสักประโยค หรือแม้แต่คำคำเดียว
“นี่ดูให้กูยังไงเนี่ย แมวเป็นอะไรยังไม่รู้เลย!?” ทอมถามด้วยความเกรี้ยวกราด ซึ่งผสมผสานด้วยความหงุดหงิด
ให้มันได้อย่างนี้สิน่า…อะไรก็ไม่ถูกใจเลยสักอย่าง
[ใจเย็นๆ]
แต่เสียงทุ้มๆที่ตอบกลับมาทำให้คนที่กำลังอยู่ในสภาวะหงุดหงิดถึงกับเงียบลงและปล่อยใบหน้าที่กำลังบูดบึ้งของตัวเองกลับมาอยู่สภาพปกติ ถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองกำลังทำหน้าบึ้งตึง
“เออๆ” ทอมตอบรับแบบส่งๆ “แต่ตอนไปไม่ได้นะ อยู่ห้องไอ้แดนอ่ะ ไม่ได้เอารถมาด้วย” ถ้ามีรถสาบานเลยว่าจะรีบขับไปหาน้องเหมียวด้วยความรวดเร็วเลย
[ให้พี่ไปรับมั้ยครับ?]
คนเจ้าเล่ห์เสนอ แน่ล่ะจะไม่ให้เสนอได้ไง ก็เหยื่อกำลังติดกับนี่นา แต่เหยื่อดันไม่มีรถซะได้
เพราะเรื่องรถไม่ใช่ปัญหา ต่อให้น้องทอมอยู่ห่างกับเขาไกลมากขนาดไหน ถ้าบอกให้ไปรับ ก็จะรีบขับรถไปรับอย่างเร็วรี่
“ไม่ทำงานทำการรึไง?” จริงๆก็อยากไปน่ะนะ ถ้าว่างจะมารับก็ได้ไม่ปฏิเสธ
[ก็มีครับ…แต่พี่เคลียร์ใกล้เสร็จแล้ว]
“เออๆ จะมาก็มาเดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นไปให้”
เยี่ยม…เหยื่อติดกับแล้ว
: )
หลังจากวางสายแล้ว ทอมก็กดส่งโลเคชั่นไปให้คุณนิวตามที่บอกไว้ จำได้ว่าตอนที่บันทึกชื่อคุณนิวไว้ในเครื่องไลน์เขาก็เด้งขึ้นมาให้แอดเฟรนด์แต่ก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไร เพราะคิดว่าคงไม่มีประโยชน์ จนกระทั่งตอนนี้ถึงคิดได้ใหม่ว่ามันก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง
และเมื่อครู่ที่ส่งข้อความมาก็ยังงงใจว่าไลน์มาไม่ดีกว่าเหรอ? อย่างน้อยแอคของทอมก็น่าจะเด้งให้แอดเฟรนด์เหมือนกันบ้างสิ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่เขาไม่เข้าไลน์หรือไม่เล่นไลน์กันแน่
สิบห้านาทีผ่านไป…
Rrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าของเครื่องวางหนังสือเรียนในมือลงและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่าใครที่โทรมา
‘ไอ้ลูกหมา’
คนดีคนเดิม
“ว่าไง?” ทอมกรอกเสียงถามปลายสาย
[ไหนจะส่งโลเคชั่นให้พี่ไงครับ?]
“ก็ส่งไปแล้วไง”
[พี่ไม่เห็น]
“ส่งให้แล้วในไลน์อ่ะ!”
[ไลน์?]
เหยดเข้…อย่าบอกนะว่าไม่รู้จักไลน์จริงๆน่ะ
“อย่าบอกนะว่าไม่รู้จัก?”
[ครับ…]
นั่นไง!
ไอ้ฉิบหายเอ้ยยยยยยย! กูว่าแล้วไม่งั้นจะส่งข้อความมาทำไมตั้งแต่แรกทั้งที่ไลน์ก็มี
ขอต่ออีกสักนิดนะว่า
ไอ้ลูกหมาคนดีคนเดิม เพิ่มเติมคือไม่รู้จักไลน์
.
“น้องทอมกินอะไรรึยังครับ?” คุณากรถามขึ้นขณะที่เจ้าเด็กยักษ์ของเขาทิ้งตัวลงบนเบาะในรถ
“ยังอ่ะ”
แม้สรรพนามที่คุณนิวใช้เรียกทอมจะใช้ว่า ‘น้อง’ นำหน้าซึ่งเป็นการเรียกที่ค่อนข้างขัดใจทอมมากพอสมควร แต่ ณ ตอนนี้เจ้าตัวกลับคิดอย่างเดียวว่าช่างแม่ง!แล้ว เพราะขี้เกียจที่จะพูดอะไรให้มากมาย เนื่องจากว่าตัวเองก็เรียกคุณนิวแบบตามใจปากเหมือนกัน
“จะกินอะไรก่อนมั้ยครับ? หรือจะซื้อเข้าไปกินที่คอนโดดี?”
คุณนิวว่าอย่างนั้น ใบหน้าก็คงราบเรียบเหมือนไม่ได้มีความคิดอะไรอยู่ในหัว แต่เชื่อเถอะว่าภายในใจก็ยังนึกเขินเจ้าเด็กยักษ์เรื่องการเล่นไลน์ อย่าว่างั้นงี้เลยนะเฟซบุ๊คอัพเดตข่าวล่าสุดก็เมื่อปีที่แล้ว โทรศัพท์ถ้าไม่กดโทรเข้าโทรออกหรือเช็คอีเมลล์ก็ไม่ได้ทำอะไรอีกแล้ว เรียกได้ว่าโลวเทคขั้นสุดเลยก็ได้
“ไม่รู้…ไม่หิวอ่ะ”
“หรือน้องทอมจะทำกินเอง?”
“โอ้ยยย! จะถามอะไรเยอะแยะวะ? เดี๋ยวหิวก็หากินเองนั่นแหละ!”
หนึ่งดอกได้ไปแบบงงๆ
“เปล่าพี่ก็แค่ถามดูกลัวว่าจะมีคนโมโหหิว” คุณนิวยกยิ้มน้อยๆ
คุณนิวนี่ก็ยังไง อารมณ์แบบนี้ก็ยังยิ้มได้อยู่อีก
แล้วเจ้าเด็กยักษ์นี่ก็ขี้หงุดหงิดซะเหลือเกิน
“ขับรถไปเถอะ” ทอมว่าอย่างนั้นและปิดเปลือกตาลงเพราะขี้คร้านที่จะคุย ตอนนี้ควรที่จะห่วงน้องแมวมากกว่าห่วงปากท้องตัวเองนะ
“ก็ได้ครับก็ได้”
ปกติจะมีแต่คุณนิวเท่านั้นที่คอยหลีกหนีการสนทนาของคนอื่น ไม่รู้ทำไมตอนนี้กลายเป็นเขาได้ที่โดนปฏิเสธการสนทนา น่าตลกชะมัด
ราวๆเกือบชั่วโมงกว่าจะฝ่ารถติดมาได้ทอมถึงกับงีบหลับไปแล้วหนึ่งรอบ ทั้งที่จริงตอนแรกจะแกล้งหลับตาเพื่อหนีคนข้างๆ แต่เพราะมันนานเกินไปบวกกับแอร์เย็นๆในรถเลยเผลอหลับเข้าจริงๆ
ประตูไม้ถูกเปิดออกหลังจากทาบคีย์การ์ดลงไป “ไหนอ่ะ” ทอมเดินเข้าไปอย่างรู้ทางว่าน้องเหมียวอยู่ตรงไหนของคอนโดนี้
ในใจก็นึกคิดว่าอย่าให้เป็นอะไรมากกว่านี้เลยเพราะไม่งั้นเห็นทีจะจัดการกับไอ้คนที่รับฝาก เนื่องจากไม่ยอมดูแลให้ดีๆ
“อ้าว! สวัสดีครับพี่ทอม” พอเดินไปหยุดตรงที่ที่เจ้าเหมียวอยู่แล้วก็พบเจ้าเด็กน่านกำลังเอาอาหารให้เจ้าเหมียวกินอยู่ ตรงระเบียงดูท่าว่าน่านเองก็จะชอบเจ้าเหมียวเองไม่ใช่เล่น
แต่เดี๋ยวนะ ?
ไหนว่ามันไม่สบาย ?
“ไอ้เหมียวมันไม่สบายเป็นยังไงบ้าง?” ทอมยืนพิงอยู่กับกรอบประตูตรงระเบียง
“เอ๋?” เด็กน่านร้องออกมาหนึ่งคำ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองทอมด้วยความสงสัย
“ทำไม!เป็นหนักเลยเหรอ?”
“เปล่าครับ เปล่าๆ” น่านปฏิเสธพัลวัน ที่จริงก็แอบสงสัยกับคำถามของพี่ทอมนิดหน่อย
“แล้ว..?”
“คือเจ้าเหมียวมันไม่ได้เป็นอะไรเลยนะครับ” และคำตอบของน่านก็ทำเอาเดือนวิศวะล่ะถึงบางอ้อทันที
ทันเท่าคำตอบที่ได้ยิน เจ้าเด็กยักษ์หันขวับไปทางคนเจ้าเล่ห์ที่ตอนนี้ทำเนียนเดินหนีออกไปหาน้ำดื่ม
“โกหกกูทำไม?” แต่ก็นั่นแหละ ทอมไม่ยอมหรอก เขาตั้งใจจะเอาเรื่องให้ได้ เลยเดินตามร่างสูงไปติดๆ
ร้ายนักนะมึง!
“พี่ไม่ได้โกหก” คุณากรปฏิเสธหน้าตาย ก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่ม
“มึงโกหก” นั่นไงล่ะ เจ้าเด็กยักษ์เริ่มเกรี้ยวกราดแล้ว
“พี่ว่าแล้วต้องมีเด็กโมโหหิว” คุณนิวทำเนียนเปลี่ยนเรื่องไปตามความถนัด เขาวางขวดน้ำที่ยกขึ้นดื่มเมื่อครู่ลงบนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินไปกอดคอเจ้าเด็กยักษ์ “ไปหาอะไรกินกันเถอะ” และหมายจะทำให้ทอมเดินตามออกไป แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
“กูไม่ไป!” ทอมดิ้นขลุกขลักพยายามดิ้นออกจากช่วงแขนขยาวของคุณนิวที่ล็อคคอตัวเองอยู่
ขณะเดียวกันก็มีเด็กน่านที่แอบดูอยู่เงียบๆ และยืนลอบยิ้มให้กับพฤติกรรมของคุณนิว เพราะไม่เคยเห็นคุณเขาทำตัวแบบนี้มาก่อนเลย นอกจากชอบรักษาภาพลักษณ์ และตีสีหน้านิ่งๆเรียบๆ
อยากให้คุณนิวยิ้มแบบนี้ทุกวันจังเลย ขนาดว่าหน้านิ่งแล้วยังน่ามอง ยิ้มแล้วน่ามองยิ่งกว่าเดิมซะอีก
นานมากแล้วนะที่ไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้
“เชี่ยแม่งหลอกกู!”
แล้วพี่ทอมของเขาเนี่ยดูท่าจะพิเศษกว่าใครคนอื่นนะ ขนาดพูดคำหยาบกับคุณนิวแบบนั้นแล้วก็ยังไม่เห็นว่าคุณนิวจะมีทีท่าอะไรเลย หนำซ้ำตอนนี้ยังดูยิ้มชอบใจ ลองเป็นคนอื่นมาพูดสิ มีหวังคอขาดกันไปข้าง
จำได้ว่าตอนเป็นเด็กคุณศรที่เป็นน้องชายคนละแม่ของคุณนิวเผลอพูดไม่เพราะกับพี่ชายไปหนึ่งครั้ง ตอนนั้นโดนทำโทษไปซะยกใหญ่เลย
“ไม่ได้หลอก ก็ตอนแรกเห็นว่าเจ้าเหมียวมันมีน้ำมูกไหลออกมาพี่เลยกลัวว่าไม่สบาย” คุณากรก็แถไปเรื่อย เขามันจอมวางแผนแถมยังเจ้าเล่ห์มากด้วยไม่รู้หรือไง?
“เหรออออออ!” ทอมลากเสียงยาว “ปล่อยเลยกูจะกลับห้อง!” เมื่อเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรต้องอยู่แล้วเลยว่าจะกลับห้องไปหาออยกับแดนน่าจะดีกว่า
“ถ้าไม่กินข้างนอกก็กินที่นี่ก็ได้”
“ไม่กิน!”
“ทำไมล่ะครับ?”
“เบื่อขี้หน้ามึงอ่ะ!” เจ้าเด็กยักษ์สวนกลับทันควัน พร้อมกับแงะแขนคุณนิวออกจากต้นคอตัวเองได้สำเร็จ
“อยู่ก่อนเถอะ นานๆทีจะได้ทานฝีมือน่านนะ คุณแม่พี่จะมาเอาตัวกลับวันไหนยังไม่รู้เลย”
ใช่ซะที่ไหนล่ะ…เขาโกหกอีกนั่นแหละ
แต่ก็ดูท่าว่าจะได้ผลนะ เพราะเจ้าเด็กยักษ์ถึงกับยืนครุ่นคิดอยู่ประมาณห้าวินาทีกันเลยทีเดียว
“อยู่เถอะนะครับพี่ทอม” และเสียงของเจ้าเด็กน่านก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างผมกะหร่องที่โผล่มาจากทางด้านหลัง เหมือนเป็นตัวช่วยให้ทอมตัดสินใจได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
เจ้าเด็กยักษ์ชำเลืองมองหน้าเจ้าของคำพูดเมื่อกี้นิดหน่อย “เออ” สุดท้าย…ก็ตอบตกลงไป
เห็นแก่น่านเฉยๆหรอกน่า…
นั่นแหละก็คือความคิดของทอม
ว่าแต่ว่าทำไมต้องมาพาน่านกลับด้วยวะ?
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา แต่พอกำลังจะเอ่ยปากถามไอ้เด็กหน้าซื่อมันก็เดินหนีไปทำอาหารซะแล้ว ส่วนคนอายุเยอะที่สุดในตอนนี้ก็ยืนอยู่ที่เดิมยังไม่ได้ไปไหน
“กูอยู่ก็เพราะน่านหรอกนะ”
คุณากรยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบกลับ “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ”
อ่านต่อข้างล่างนะคะ
-
ต่อค่ะ
: )
จบประโยคทอมก็เดินหนีเจ้าของห้องออกไปหาไอ้เหมียวทันที ซึ่งตอนนี้มันโดนขังไว้ในกรงเหมือนเมื่อคืนและถูกวางไว้ตรงประตูกระจกที่แค่เปิดออกไปก็เป็นระเบียง ช่วงแขนยาวเลยเอื้อมไปเลื่อนประตูออกให้เปิดกว้าง เพื่อจะได้รับลมและชมวิวสวยๆตรงหน้า
“ไอ้เหมียว” ทอมไม่ได้เข้าไปใกล้เท่าไรนัก ทั้งที่อยากเล่นด้วยมากกว่านี้แท้ๆ เพราะไม่งั้นอาจจะได้จามกันทั้งคืนแน่ เจ้าตัวเลยทำได้แค่เพียงเปิดกรงให้เจ้าเหมียวมันออกมาเดินเล่นก็เท่านั้น ลูบหัวเกาคางมันหน่อยสองสามทีมันก็ทิ้งตัวลงนอนหลับปุ๋ย
“อยากดื่มมั้ย?” อยู่เงียบๆกับไอ้เหมียวยังไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำคุณากรก็โผล่มากจากทางไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนจากชุดทำงานมาเป็นชุดลำลองอย่างสบายๆในสไตลส์ของตัวเองที่น้อยคนนักจะได้เห็น อย่างเช่นเสื้อยืดสีดำ กางเกงผ้าร่มสีเดียวกับเสื้อ ออลแบล็คทั้งตัวเลย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณนิวเป็นคนที่เหมาะกับสีดำมากๆ แถมมันยังขลับให้ผิวขาวๆนั้นขาววิ๊งยิ่งขึ้นอีกต่างหาก
โห…
ต้อคอขาวฉิบหายเลย
อยู่ๆความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นแบบงงๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นไปยังคนที่ยื่นกระป๋องเบียร์ให้เขาที่ยังคงยืนค้ำหัวยังไม่ได้ทิ้งตัวนั่งลงสักที
ไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือจากนั้นเลย…นอกจากคิดว่าผิวของคุณนิวขาวมากจริงๆ
“เอามั้ย?” เขาถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเจ้าเด็กยักษ์ไม่มีปฏิกิริยาอะไรหลังจากที่เงยหน้าขึ้นมามองเขา
“อะ เออ” ทอมว่าอย่างนั้นและเผลอแลบเลียริมฝีปากตัวเองหนึ่งครั้งด้วยความประหม่าก่อนรับกระป๋องเบียร์มาไว้กับตัวเอง จากนั้นก็เปิดกระป๋องและยกเบียร์ขึ้นจิบไปหนึ่งอึกใหญ่ๆ
และก่นด่าตัวเองเงียบภายในใจหนึ่งประโยคว่าเป็นบ้าอะไรไปมองต้นคอคุณนิวอย่างนั้น
“นั่งด้วยคนนะ”
ไม่ทันที่จะได้ตอบอะไรคุณากรก็ทิ้งตัวนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับเจ้าเด็กยักษ์โดยมีกรงเจ้าเหมียวขั้นกลางระหว่างทั้งคู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าเหมียวมันเดินไปทางไหนแล้ว ขณะนี้เลยเหลือแต่คุณนิวและเจ้าเด็กยักษ์แค่สองคน
ความเงียบเริ่มโรยตัวเข้าปกคลุม ครั้งนี้ไม่มีเสียงของคุณนิวเอ่ยถาม และไม่ได้มีเสียงของทอมที่ชอบพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด เพราะเจ้าตัวเอาแต่ยกเบียร์ขึ้นดื่มติดกันแบบถี่ๆ จนตอนนี้คิดว่าน่าจะเหลือเกือบครึ่งกระป๋อง
ทอมขยับตัวหันหน้าเปลี่ยนทิศทางไปเป็นวิวข้างนอกระเบียงแทน คุณนิวเองก็เหมือนกัน
พวกเขากำลังมองท้องฟ้าผืนเดียวกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจุดหมายนั้นคือที่เดียวกันหรือเปล่า…
“ท้องว่าง อย่าดื่มเยอะนะ” เจ้าของใบหน้าอ่อนกว่าวัยพูดปรามเมื่อเห็นว่าคนข้างๆเล่นยกกระป๋องเบียร์ไม่ยอมวาง
ก็นะ…ลืมไปว่าน้องยังไม่ได้ทานอะไรเลย
“ไม่ห้ามกูตอนแดกข้าวเลยล่ะครับ?” ทอมเอียงหน้าหันไปถามคุณากร ที่ได้มองมาที่ตัวเองอยู่ก่อนแล้ว
“โทษทีครับ พี่ก็ลืม” เขาว่าอย่างนั้นพร้อมกับแย่งกระป๋องเบียร์ในมือเจ้าเด็กยักษ์มาถือไว้กับตัว แต่ก็ช้าไปกว่าหนึ่งก้าวเพราะในกระป๋องนั้นไม่มีอะไรเหลือแล้ว
ไม่น่าล่ะ…แกมเนียนที่มีขี้แมลงวันประปรายอยู่ถึงขึ้นสีระเรื่อนิดหน่อย
“ไม่ต้องห่วงกูมันกระเพาะสกกระปรก ไม่เป็นอะไรหรอก” พูดแล้วเจ้าเด็กยักษ์ก็แย่งกระป๋องเบียร์ส่วนที่เป็นของคุณนิวมาเปิดดื่มอย่างไม่เกรงใจ
ตอนแรกก็คิดว่าอยากดื่มเพื่อคลายเครียด เผื่อว่าจะลืมเรื่องแย่ๆลงไปบ้าง แต่พอหมดกระป๋องแรกแล้วรู้สึกติดลมเลยคิดว่าถ้าไม่ได้ต่อกระป๋องที่สองจะเสียอารมณ์มากๆ
ไม่ได้ขี้เมานะ…แค่มันหยุดดื่มไม่ได้
“พูดไปเรื่อย” คุณนิวหัวเราะน้อยๆ ตลกให้กับคำพูดของเจ้าเด็กยักษ์
“มีปากก็ต้องพูดสิ”
“นี่ถามอะไรหน่อย….? ทำไมต้องขยันยอกย้อนพี่ขนาดนี้?” มันเป็นเรื่องที่เขาก็พอจะรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็แค่อยากได้ยินว่าน้องทอมจะตอบกลับตัวเองว่ายังไงก็เท่านั้น
เบียร์อึกที่สองของเบียร์กระป๋องที่สองซึ่งกำลังจะยกดื่มถึงกับชะงักค้างอยู่อย่างนั้น
นั่นสิ… ทอมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ปกติก็ไม่ได้หยาบคายตลอดเวลาสักหน่อย
อาจจะเพราะ…
“ก็แม่งชอบพูดอะไรไร้สาระแบบนี้ไง” อาจจะเพราะอย่างนี้มั้ง ไม่ก็… เรื่องของเค้ก
คุณากรไม่ได้ตอบหากแต่ระบายรอยยิ้มน้อยๆบนใบหน้าแทน
อือ…ตามใจก็แล้วกัน กับน้องทอมน่ะ ยังไงก็ได้
“แล้วยังชอบพูดไม่เพราะกับพี่อีก” คำพูดอีกหนึ่งประโยคถูกเอ่ยออกมา
“ก็กูชิน” เจ้าเด็กยักษ์ว่าอย่างนั้นพร้อมกับไหวไหล่หนึ่งครั้งเมื่อเห็นว่าคนข้างๆนั่งเป็นบ้าเป็นบออมยิ้มให้ลมฟ้าอากาศ
“ก็ได้ๆ” คุณนิวเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “แต่รู้อะไรมั้ย? กับคนอื่นน่ะ จะมาทำอย่างนี้กับพี่ไม่ได้นะ”
“ไร้สาระ” เมื่อได้ฟังประโยคที่เขาพูดทอมถึงกับมองแรงให้เพราะไม่เข้าใจและพูดตอบกลับไปด้วยประโยคเจ็บๆ แต่คนได้ฟังอย่าคุณนิวไม่ได้รู้สึกเจ็บกับคำว่า ‘ไร้สาระ’ ของน้องทอมเลยแม้แต่น้อย กลับกันยังดูชอบใจ
ท่าจะบ้าจริงๆแฮะ : )
“เป็นบ้าเหรอ? ยิ้มอยู่นั่นแหละ” แต่พอคุณนิวยังไม่หยุดยิ้ม ทำหน้าทำตาเหมือนคนมีความสุขทอมเลยอดแขวะไม่ได้
“มั้งครับ”
กับน้องทอมเขาอาจจะยิ้มเรี่ยราด แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นน้องคงไม่เชื่อแน่ว่าคุณากรคนนี้จะมีหน้าตาที่บอกบุญไม่รับแทบจะตลอดเวลา บางครั้งมันก็ดูไร้ความรู้สึก สงบ เรียบนิ่ง หน้าตายไร้อารมณ์ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ… สาวน้อยสาวใหญ่ก็พากันกรี้ดกร้าดจนคอแทบแตก สาบานได้เลยว่าถ้าลองคุณเขาแจกยิ้มไปสักหนึ่งครั้งนะ… ขี้คร้าน The KNK จะแตก เพราะแม่ยกเขาเยอะ
และที่มันเป็นแบบนี้ได้ไม่ใช่เพราะอะไรเลย ถ้าหากไม่ใช่เพจ คนนิยมผู้ชายหลักสาม แอบเอารูปเขาไปลง พร้อมกับแคปชั่นว่า #สามสิบยังหล่อบอกต่อด้วย คงไม่มีคนพร้อมใจกันแชร์ พร้อมใจกันเต๊าะ และตามกรี้ด (บ้างเป็นบางครั้งบางคราว) บางครั้งชีวิตเลยไม่ค่อยสงบสักเท่าไร และคุณากรยิ่งไม่ชอบอะไรแบบนี้ด้วยเลยเลือกที่จะไม่พูดถึงทั้งที่ศักดิ์ดากับสิงหาชอบเอามาเป็นประเด็นแซวอยู่ตลอดเวลา
นาทีที่ห้าสิบเดินทางมาเยือน ในตอนนี้บรรยากาศรอบตัวไม่ได้ปกคลุมด้วยความเงียบเหมือนห้านาทีแรกอีกต่อไป หลังจากที่บทสนทนาเรื่อยเปื่อยของทั้งคู่เกิดขึ้นอย่างงงๆ แบบที่ไม่คิดว่าจะได้มีโมเม้นแบบนี้
อาจจะเพราะเบียร์สองกระป๋อง ไม่สิ ตอนนี้มันถูกเพิ่มอีกสามเลยเป็นห้ากระป๋อง เลยช่วยทำให้บรรยากาศในตอนนี้ไม่ได้ดูอึดอัดไปมากกว่าที่ควร
เจ้าเด็กยักษ์หน้าเริ่มแดง สติเริ่มไม่เต็มร้อยนำหน้าคุณนิวไปหลายก้าวเพราะตัวเองก็ดื่มไปห้ากระป๋องแล้วส่วนคุณนิว ยังหยุดอยู่แค่กระป๋องเดียวเท่านั้น
อาหารที่เพิ่งทำเสร็จถูกเปลี่ยนที่วางนิดหน่อย จากโต๊ะอาหารเป็นโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่คุณเจ้าของห้องยกมาตั้งไว้เพื่อวางกระป๋องเบียร์ไหนจะขนมกินเล่นที่น่านชอบซื้อมาติดห้องไว้อีก
เคยบ่นน่านไปหลายครั้งว่าอย่ากินขนมให้มากนัก เพราะมันไร้ประโยชน์ แต่ก่อนหน้านี้รู้สึกขอบคุณของพวกนี้มากๆที่มีไว้ให้เจ้าเด็กยักษ์ขบเคี้ยวรออาหารไปก่อน เพราะดูท่าว่าไม่มีอะไรอย่างอื่นมาเข้าปากแล้วคงจะเป็นศีรษะของคุณากรนั่นแหละที่เจ้าเด็กยักษ์จะเคี้ยวเล่นแทนไปก่อน
เพราะเห็นบ่นว่าหิวจนจะแดกหัวคนได้แล้วน่ะนะ
เมื่อเห็นอย่างนั้นเจ้าเด็กน่านเลยคิดว่าน่าจะทำกับแกล้มมาให้คุณนิวกับพี่ทอมสักหน่อยอย่างเช่นเอ็นไก่ทอด หรือลาบทอดสักจานเพราะดูท่าแล้วว่าจะยาว
ก็ดูพี่ทอมตอนนี้สิ เริ่มพูดมากเข้าไปทุกที
“กินข้าวรองท้องสักหน่อยมั้ยครับ?” คุณนิวถาม และเลื่อนจานข้าวหอมมะลิร้อนๆให้เข้าไปใกล้น้องทอมมากกว่าเดิม
“แดกตอนนี้ก็อ้วกสิค้าบบบบบบบ” อย่าบอกนะว่าเมา เพราะปกติถ้าสติเต็มร้อยน้องจะไม่พูดแบบนี้เด็ดขาด
ถึงจะบอกว่ากลัวอ้วกแต่เจ้าเด็กยักษ์ก็ยังตักยำผักบุ้งกรอบเข้าปาก
“ฮือ…อร่อย” พร้อมกับทำหน้าฟินๆแบบที่คุณากรไม่เคยเห็นมาก่อน จนคนที่สติครบถ้วนถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ
หึ… เด็กยักษ์นี่มันน่ารักจริงๆ
ชอบแบบที่น้องเป็นแบบนี้มากกว่าเมื่อตอนเช้าหรือก่อนหน้านี้อีกนะ
ไม่อยากให้ความน่ารักนี้หายไปเลย
“ไหนบอกกลัวอ้วกไง?”
“กูแดกเป็นกับแกล้ม ไม่ใช่มื้อเย็น” พูดอย่างนั้นพร้อมกับเบียร์กระป๋องที่… หก ไม่สิ ห้า ถูกเปิดดื่มอีกครั้ง
“เบาหน่อย เมาแล้วกลับห้องไม่ได้นะ”
เป็นห่วงน่ะเป็นห่วง แต่เรื่องกลับไม่ได้ก็แค่แกล้งพูดไปอย่างนั้น
“กลัวเหี้ยไร เพื่อนกูเยอะเดี๋ยวให้แม่งมารับก็ได้”
แล้วยังไงครับน้อง… ถ้าพี่ไม่ให้ไปซะอย่าง ต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ใครก็พาไปไม่ได้
“โอเค… น้องทอมอยากทำอะไรก็ทำเลย” ไอ้ความคิดที่กำลังผุดขึ้นมาน่ะ เขาไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ
เดี๋ยวเจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์จะตื่น
“อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย?” เงียบไปพักหนึ่งกว่าคุณนิวจะพูดออกมา เพราะกำลังปล่อยให้เจ้าเด็กยักษ์ลิ้มรสชาติของอาหารอยู่
จริงๆไม่อยากจะถามถึงเรื่องนี้เท่าไร แต่มันก็อดไม่ได้เพราะคาใจจริงๆ ฉะนั้นน้องจะด่าเขาก็ยอม
ต้องขอโทษในความอยากรู้ของพี่ด้วยนะครับน้องทอม
“ทำไมวะ กูก็เป็นงี้อยู่แล้วนะ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นถามในเชิงสงสัย
“พี่หมายถึงเรื่องเมื่อเช้าครับ” โทนเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังถูกนำมาใช้ตะล่อมหลอกล่อเจ้าเด็กยักษ์
“ไม่ตอบได้มั้ยวะ?” ว่าแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นซดรวดเดียวจนเกือบหมดกระป๋อง
“ไม่เป็นไรครับ พี่เป็นห่วงก็เลยถามดู” สุดท้ายคุณากรก็ยอมตัดใจ เพราะถึงจะอยากรู้ยังไงแต่ถ้าน้องทอมลำบากใจเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไงก็ต้องยอมอยู่แล้ว
ยอมไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ถึงแม้ว่าในใจจะอยากรู้มากก็เถอะนะ
บรรยากาศตอนนี้เลยถูกความเงียบเข้าปกคลุมไปโดยปริยา
ทอมเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดบางอย่างออกมา อย่างเหม่อๆ “ไอ้คนนั้นมันชื่อเพชร”
“…” คุณนิวเงียบตั้งใจฟังในสิ่งที่เจ้าเด็กยักษ์กำลังเล่าออกมา
และที่อยากให้น้องเล่าไม่ใช่แค่เพราะอยากขจัดความคาใจของตัวเองอย่างเดียวหรอกนะ แต่เป็นเพราะเขาอยากให้น้องพูดมันออกมาบ้าง เงียบอย่างนี้มันคงอึดอัดน่าดู อีกอย่างก็คือเขาอยากอยู่กับเจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ในวันที่มีเรื่องไม่สบายใจแบบนี้
“เราเคยเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ตั้งแต่มอต้น… กูกับมันนิสัยแตกต่างกันแบบฉิบหายแต่สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดเราเข้าหากัน และทำให้เรามาเป็นเพื่อนที่โคตรรักกันนั่นก็คือดนตรี กูชอบฟังเพลงและเล่นดนตรี มันเองก็เหมือนกัน”
“ความฝันของกูมีหลายอย่างมันเองก็เหมือนกัน แน่นอนว่าก็ต้องต่างกันลิบลับเหมือนกับนิสัยและไลฟ์ไสตลส์กูกับมัน แต่มันมีอย่างนึงที่เหมือนกันอยู่บ้าง…นั่นก็คือการอยากฟอร์มวงดนตรี…”
“กูกับมันฝันว่าอยากมีวงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อค และก็ไม่รู้ว่าจะมีใครบ้างในวงอาจจะแค่กูกับมันหรือมีคนอื่นด้วยก็ได้… จนกระทั่งตอนมอห้า กิจกรรมวันครบรอบสี่สิบปีของโรงเรียนที่จัดขึ้นในปีนั้น จำได้ว่ามันเป็นปีที่ค่อนข้างพิเศษเพราะมีการแข่งขันวงดนตรี…”
“และตอนนั้นวงของรุ่นพี่กูก็ลงแข่งด้วย แต่ดันมีปัญหานิดหน่อยเพราะสองคนที่เป็นตำแหน่งมือกีตาร์และมือกลองดันทะเลาะกันเข้า เลยทำให้ขาดสองตำแหน่งนั้นไปอย่างกะทันหันเพราะแม่งต่างก็ลั่นวาจากันออกมาว่า ถ้ามีมันก็ต้องไม่มีกู ในตอนนั้นเหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะขึ้นโชว์แล้ว…ด้วยความที่พี่กูไม่รู้จะพึ่งใครนอกจากพวกกูสองคน ก็เลยได้เข้าไปเล่นตำแหน่งนั้นอย่างงงๆ
และเพราะเรามีเวลาซ้อมกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เลยทำได้แค่รองชนะเลิศเท่านั้น แต่พวกพี่กูมันไม่อะไรหรอกนะ มันบอกว่าได้แค่นี้ก็ดีใจแล้ว… เพราะสิ่งที่มันตั้งความหวังมากกว่านั้นคือเพลงที่กำลังจะเขียนแต่ก็ยังเขียนไม่เสร็จสักที เพราะอยากที่จะลองส่งให้ค่ายเพลงเอาไปพิจารณาบ้าง พี่สองคนนั้นมันไม่ได้กลับเข้ามาในวงอีกเลย เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ขาดสะบั้น อีกคนบอกไปต่อไม่ได้ อีกคนบอกว่าสิ่งที่ทำอยู่มันยังไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง”
“สองตำแหน่งนั้นเลยตกเป็นของกูกับไอ้เพชรไปอย่างงงๆ เราเลยสัญญากันว่าจะช่วยกันทำให้เต็มที่ ทำให้เพลงนั้นมันเสร็จสมบูรณ์อย่างสวยงาม… นักร้องนำวงเป็นรุ่นพี่กูหนึ่งปี เขาชื่อจู…พี่จูเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยมีความรักแต่อยากเขียนเพลงรัก…จนวันหนึ่งพี่แม่งเดินมาบอกกูว่ารู้แล้วว่ารักเป็นยังไง ไม่รู้ว่าต้นรักของพี่มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน แต่คนที่มาทำให้พี่จูรู้จักคำคำนั้นก็คือเพชร… เรื่องนั้นกูไม่ได้อะไรเลย
แต่แล้ววันหนึ่งวันที่พี่จูกับพวกกูช่วยกันสร้างเพลงขึ้นจนเสร็จสมบูรณ์ และกำลังจะส่งให้ค่ายเพลง มันเป็นวันที่เปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างของพวกกูในตอนนั้น ซึ่งก็คือพี่จู กู ไอ้เพชร แล้วก็พี่นัน ที่เป็นสมาชิกอีกคนในวง…”
“ถ้ามึงเคยฟังเพลงของวง bae บ้าง มึงจะได้รู้ความจริงว่าเพลงที่เปิดตัววงนั้นคือเพลงที่พี่จูแต่ง และไอ้เพชรมันขโมยไปให้พวกนั้น พวกที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนที่จะเจอกูและวง xy ของพวกเรา”
“จากนั้น…ความสัมพันธ์ของพวกเราก็จบลง และเรื่องราวในตอนนั้นมันทำให้กูเข็ดขยาดกับดนตรีไปเลย”
“จริงๆมันก็ไม่อะไรขนาดนั้นหรอกนะ… แต่แค่จับกีตาร์หรือไม่ก็หยิบไม้กองขึ้นมาเหตุการณ์ในตอนนั้นมันก็ซ้อนทับจนทำให้กูไม่มีกระจิตกระใจที่จะทำอะไร ฟังดูอาจจะเวอร์ไปหน่อย นั่นคงเพราะตอนนั้นวงเป็นทุกอย่างสำหรับกูล่ะมั้ง? เพื่อน พี่ เสียงดนตรี กูโคตรแคร์ และกูรักมาก กูเสียความรู้สึก เสียใจและผิดหวังในตัวไอ้เพชรฉิบหาย นั่นเพราะมันเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว เลยคิดว่าตลอดห้าหกปีที่คบกันมามันคืออะไร มันจริงใจกับกูแค่ไหนก็เท่านั้น”
“พอกูเสียศูนย์ พี่จูเองก็ไม่ต่างกัน โดนแฟนทรยศมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ xy ของพวกเราเลยล่มไม่เป็นท่าพร้อมกับความสัมพันธ์ที่แตกร้าวกู่ไม่กลับ เส้นทางเดินของพวกเราเลยแตกแขนงออกไปทางใครทางมัน ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยจนถึงตอนนี้”
เรื่องราวน่าเศร้าถูกเล่าออกมาจนจบ จากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมอีกครั้ง จนกระทั่งคุณนิวพูดขึ้นมาหนึ่งประโยค“อย่าร้องครับ” เพราะเห็นว่าดวงตาของเจ้าเด็กยักษ์กำลังเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาซึ่งกำลังจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ
ความรู้สึกพวกนี้มันตกตะกอนอยู่นาน พอถึงเวลาที่มีคนมาทำให้มันกลับมาลอยฟุ้งอยู่ภายในจิตใจอีกครั้งก็ทำให้ได้รู้ว่ามันยังคงรู้สึกไม่ต่างกันกับในอดีต
“มึงแหละ”
ฟืดดดดดดดดดดด!
เจ้าเด็กยักษ์โยนความผิดไปให้คุณนิว ขณะที่พูดน้ำตาก็เริ่มไหลไปพร้อมๆกันกับน้ำมูกเลยสูดเข้าไปฟืดหนึ่ง
“ครับพี่ขอโทษครับ…”
“กูแค่บอกว่ามึงแหละ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยจะขอโทษเพื่อ?” ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาเงยขึ้นมามอง ดวงตาแดงๆก็ช้อนขึ้นมองเขาอย่างสงสัย
“ก็ขอโทษสำหรับทุกๆเรื่องครับ” คุณนิวว่าอย่างนั้น พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบทิชชู่ที่วางอยู่ตรงโต๊ะญี่ปุ่นมาเช็ดคราบน้ำตาให้เจ้าเด็กยักษ์อย่างเบามือ จนคนที่ไม่เคยโดนใครทำอะไรด้วยอย่างนั้นถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาแดงๆที่คลอน้ำสีใสเบิกกว้างด้วยความตกใจ
จริงอยู่ที่มันคนละเรื่องกัน แต่อย่างน้อยก็ถือว่ามีโอกาสได้ขอโทษน้องสักทีสำหรับเรื่องนี้ ไม่ว่าเขาจะผิดหรือถูกก็ตาม
“อย่างเรื่องเค้ก” คุณนิวทั้งพูดและทำสองอย่างไปพร้อมๆกัน
“ไม่ให้อภัย” เจ้าเด็กยักษ์ตอบกลับทันควัน
“ไม่เป็นไร พี่รอได้”
“…”
เดดแอร์กำลังเกิดขึ้น
“ได้ระบายออกมาแล้วสบายใจขึ้นบ้างมั้ย?” คุณนิวถามไปพร้อมกับเช็ดคราบน้ำตาเปียกชื้นให้หายออกไปจากใบหน้าเจ้าเด็กยักษ์ ที่เงียบไปประมาณห้าวินาที ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักสองรอบเป็นการตอบคำถาม
เขาช่วยอะไรน้องมากไม่ได้หรอกสำหรับเรื่องแบบนี้ แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทำได้คือรับฟัง และแนะนำน้องบ้างในบางอย่างสำหรับสิ่งบางสิ่งที่ไม่เหมาะสม
และที่แน่นอนที่สุดคือไม่ว่าจะมีอะไรคุณนิวก็จะอยู่ข้างๆน้องแบบนี้
“แล้วก็อย่าร้องไห้อีกนะ พี่จะยอมให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
เดี๋ยวนะ…? เกี่ยวอะไรกันวะ น้ำตาก็น้ำตากูมั้ยล่ะไอ้ฟายยยยยยยย
“เพราะเราน่ะไม่เหมาะกับน้ำตาเลย”
ตู้มมมมมม!
แล้วทำไมทุกอย่างก็ตื้อไปหมดแบบนี้วะ? เกือบลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เคยร้องไห้
“แต่พี่ขอพูดอะไรนิดหน่อยนะ สำหรับวันนี้” และใบหน้าอ่อนกว่าวัยของเขาก็เริ่มเข้าสู่โหมดเข้มขรึมโดยทันที
“อะไรอีก?”
“ก่อนที่จะทำอะไรน่ะ พี่อยากให้ทอมคิดเยอะๆทำใจเย็นๆเข้าไว้ ถ้าเจอเรื่องร้อนใจก็ให้นับหนึ่งถึงสิบรอไปก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี… เพราะสิ่งไหนที่เราลงมือทำไปแล้วมันไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้นะครับ”
“แต่---” เจ้าเด็กยักษ์อ้าปากกำลังจะเถียง “ห้ามแต่ครับ” แต่คุณนิวแย้งไว้ก่อน เพราะตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงอบรม
“…”
“เราน่ะโตแล้วนะทอม ต้องหัดควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้บ้าง ไม่ใช่ว่ารู้สึกแบบไหนก็แสดงออกไป เพราะถ้าวันหนึ่งบุ่มบ่ามทำอะไรลงไปแล้วผลที่ตามมามันไม่ได้ดี เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้นะ”
“…”
“ดูอย่างวันนี้สิ ถ้าเพื่อนเราเป็นอะไรไปมากกว่านี้ล่ะ? จะรับผิดชอบยังไงไหว?”
“…” ประโยคนี้ทำเอาเจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์เริ่มรู้สึกผิด และเริ่มหน้าหงอไปตามระเบียบ
“อย่าลืมว่าขาเป็นลูกมีพ่อมีแม่ พ่อแม่เขาเลี้ยงมากว่าจะโตไม่เคยแตะไม่เคยต้อง แล้วเราล่ะเป็นใครไปทำลูกเขา”
“…” พูดอีกก็ถูกอีก
“ก่อนจะทำอะไรก็คิดให้เยอะๆ” คุณนิวว่าอย่างนั้นพร้อมกับยื่นมือไปยีหัวเจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ไปมาให้ผมยุ่งๆ ยิ่งทำหน้าแบบนี้ยิ่งน่าแกล้ง “เข้าใจมั้ย?” จากหน้าขรึมๆก็เริ่มมีรอยยิ้มมาแต่งแต้ม
“เออ กูรู้แล้ว! ขอบคุณนะครับพ่อออออออออออออออออออออออออ”
“หืม…เห็นพี่เป็นพ่อเลยเหรอ?”
“เอออ… ทำตัวไม่ต่างจากพ่อกูเล้ยยยยยยย”
“ก็ได้พี่เป็นพ่อให้ก็ได้… แต่ต้องพ่อทูนหัวอย่างเดียวนะ”
O.O
“ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
.
เวลาล่วงเลยไปเกือบหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่คุณนิวพูดอะไรก็ไม่รู้ออกมา จนทอมถึงกับต้องรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว และอยู่ในนั้นประมาณห้านาทีได้
ในตอนนั้นก็ปลอบใจตัวเองไปว่าคุณนิวมันก็แค่พูดออกมาเฉยๆไม่มีอะไร
และมันก็ไม่มีอะไรจริงๆด้วย เพราะหลังออกมาจากห้องน้ำเราสองคนก็กลับเข้าสู่โหมดปกติ จนตอนนี้เบียร์หมดไปแล้วเป็นสิบกระป๋อง เจ้าเด็กยักษ์เริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อย แถมยังพูดมาก ลิ้นพันกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เวลาอยู่กับคุณนิว
“มาเล่น don’t sing along challenge กัน” คนสติไม่เต็มร้อยพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาจากโต๊ะญี่ปุ่น จากนั้นก็กดเข้าไปในยูทูป
“พี่เล่นไม่เป็น” คุณนิวปฏิเสธ
ก็เดี๋ยวนี้กับตอนมหาลัยเขาไม่เหมือนเดิมแล้วนะ ตอนที่ยังพากันปาร์ตี้อยู่พวกเกมส์ที่ใช้เล่นเอาฮาในวงเหล้าน่ะ จะถูกยิบยกขึ้นมาเล่นตลอด แต่ตอนนี้พอโตขึ้นอายุแตะหลักสาม เวลาที่ดื่มเหล้ากับเพื่อนเลยมีแค่เรื่องงาน เรื่องทั่วไป เรื่องการใช้ชีวิตของแต่ละวันก็เท่านั้นที่ถูกเอามาพูดในวงเหล้า
“ไม่ยากหรอก เดี๋ยวกูจะกดเปิดเพลงแล้วระหว่างนั้นห้ามแสดงท่าทีอะไรออกมา เช่นห้ามร้องตามเพลง ห้ามยิ้ม ห้ามเต้น” คนชวนเล่นอธิบายยาวเหยียด สายตาก็จดจ้องอยู่กับหน้าจออย่างตั้งใจเพื่อกดหาชาแนลที่เอาเพลงต่างๆมามิกซ์รวมกัน
“แล้วถ้าใครเต้น ใครร้องหรือทำผิดกฏิกาแบบที่น้องทอมบอก จะเป็นยังไงเหรอ?”
“โดนตบ” ทอมตอบ “ส่งมือมา” คนชวนเล่นเกมส์ยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อขอมือคุณนิว ไม่รู้ว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่เป็นโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ พอเจ้าเด็กยักษ์บอกว่ายื่นมือมา เขาก็รีบทำตามอย่างไม่ขัดแย้งเพราะจะได้จับมือน้อง
แต่ก็คงจะมีแค่เขานั่นแหละที่คิดเกินจริงไปคนเดียว เพราะทอมกำลังคิดแค่ว่าถ้าต่างคนต่างจับมือกันไว้ เวลาใครทำผิดจะได้ตบง่ายๆหน่อย และตบที่ว่าก็คือตบที่หลังมือของคนผิด ฉะนั้นการจับมือแบบนี้เลยค่อนข้างสะดวกเพราะถ้าผิดปุ้บก็ตบแม่งเลย!
งานนี้ล่ะมึงโดนแน่…
อะๆ ยังไม่หมดจ้า
-
สุดท้ายแล้วจ้าาา
แต่…
ฉิบหายเอ้ยยยยย! พวกคนรักเสียงดนตรีแบบกูนี่มันเสียเปรียบจริงจรี๊งงงงงงงงงงงงงงงงง
คนเริ่มเมาบ่นอุบอิบเพราะครึ่งแรกยังไม่ทันผ่านไปเท่าไรเลยหลังมือขาวๆของตัวเองก็เริ่มขึ้นสีแดงชัดเพราะโดนตีโดยคนที่ไม่ค่อยชอบฟังเพลง เพราะฉะนั้นไม่ว่าเพลงอะไรจะเปิดมา คุณากรก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย
ผิดกับเจ้าเด็กยักษ์ที่เผลอร้องตามบ้าง พอพยายามกลั้นก็ทำไม่ได้เพราะเห็นหน้าคุณนิวที่โคตรจะนิ่งได้ใจ บางครั้งก็เผลอโยกตัว
ตามจังหวะเพลงอย่างอดไม่ได้
แต่ทอมก็ไม่ได้คิดจะโทษตัวเองเลยแม้แต่น้อย หลักๆก็เอาแต่ว่าคุณนิวเอาเปรียบ แถมยังบอกอีกว่าเป็นเพราะเบียร์ที่ดื่มเข้าไป เลยทำให้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
“กูไม่เล่นละ!” เพลงยังเล่นไม่จบตามนาทีที่อยู่ในคลิปด้วยซ้ำ เจ้าเด็กยักษ์เลยโวยวายพร้อมกับสะบัดมือออกจากการเกาะกุม
คุณากรเลยแอบเสียใจเล็กน้อยที่ไม่ได้จับมือนุ่มนิ่มนั่นอีก โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายๆซะที่ไหน เชื่อสิถ้าไม่เมาก็อย่าหวังว่าปลายนิ้วก้อยเขาจะได้แตะ
เขาให้เกียรติน้องทอมนะ แต่ถ้าน้องเป็นคนเข้าหาเขาก่อนนั่นก็อีกเรื่อง
จ้างให้ก็ไม่ปฏิเสธหรอก…
: )
“โธ่…กำลังสนุกเลย” คุณนิวยิ้มออกมาหนึ่งครั้ง และเจ้าเด็กยักษ์ก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังโดนหัวเราะเยาะอย่างบอกไม่ถูก
“มึงเยาะเย้ยกูเหรอ?”
“พี่เปล่า”
“มึงทำ!”
“ก็บอกว่าเปล่า”
“อย่าเถียง”
“ไม่ได้เถียง”
“นั่นแหละที่เถียง”
“นี่…อย่าแพ้แล้วพาลสิ” ยิ่งคุณนิวกำลังระบายรอยยิ้มออกมายิ่งสร้างความหงุดหงิดให้เจ้าเด็กยักษ์เป็นอย่างมาก
แต่ก็นั่นแหละ…ต่างคนก็ต่างหมายความไปกันคนละแบบ เจ้าเด็กยักษ์ก็เข้าใจว่าคุณนิวเยาะเย้ย ส่วนเจ้าของรอยยิ้มก็แค่รู้สึกพอใจกับอะไรที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เท่านั้น
“ไม่ได้พาลเว้ย!”
“โอเคครับ ไม่พาลก็ไม่พาล” ว่าแล้วก็พยายามจะหยุดยิ้มหยุดขำ แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆเพราะหน้าบูดบึ้งของเจ้าโกลด์รีทรีฟเวอร์ที่แสดงออกมา
“ยังอีก!” จากหน้าตาบูดบึ้งก็เปลี่ยนเป็นชักสีหน้าใส่ทันควัน “มาแก้มือใหม่เลย แต่ครั้งนี้ต้องเปลี่ยนเป็นทายเพลง!”
คนแพ้แล้วพาลประกาศกร้าวขอแก้มือ ก่อนจะยกเบียร์อีกครึ่งกระป๋องขึ้นดื่มจนหมดรวดเดียว
“ครั้งนี้ถ้ามึงไม่โดนตบจนมือแดงอย่ามาเรียกกูว่าทอม!”
“งั้นให้พี่เรียกหนูแบบนี้ได้มั้ย?”
“เหี้ย” ทันเท่าความคิดเจ้าเด็กยักษ์ก็พูดออกมาแบบไม่มีเสียงแต่สามารถรู้ได้ว่ามันเป็นคำว่าอะไร ใส่หน้าคุณนิวเต็มๆ
ก็นะ…กับน้องทอมน่ะ เขายังไงก็ได้ จะยอมเป็นเหี้ยให้ก็แล้วกัน : )
“มือมา!”
ทันเท่าคำสั่ง ฝ่ามือหนาก็ยื่นไปข้างหน้าเพื่อจับมือของเจ้าเด็กยักษ์
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชอบเกมส์นี้มาก
ถึงแม้จะแลกมากับการเจ็บตัวเล็กๆน้อยๆก็เถอะนะ
อือ…ก็ยอมนั่นแหละ
“shape of you!” แค่เพียงโน้ตไม่กี่ตัวที่ดังขึ้นไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ เจ้าเด็กยักษ์ก็ตอบขึ้นด้วยความเร็วรี่
เพี๊ยะ!
พร้อมกับการออกแรงตีที่ฝ่ามือใหญ่นั่นหนึ่งครั้ง
“someone that loves you!”
เพี๊ยะ!
“wild thoughts!”
เพี๊ยะ!
“that’s what I like!”
เพี๊ยะ!
“we don’t talk anymore!”
เพี๊ยะ!
และเสียงตีมือก็ดังติดต่อกันตลอดมา จะทำยังไงได้ ถึงจะรู้ว่าตัวเองตอบไม่ได้แน่เพราะไม่ได้ฟังเพลงมากเท่าไร แต่ก็ยังยอมที่จะเล่นแม้จะตอบไม่ได้และโดนตีมือก็เถอะ
“ยอมแพ้ยัง?” จบเกมส์แรกไปอย่างชอกช้ำเพราะมือของคุณนิวนั้นแดงเถือกอย่างช่วยไม่ได้
กระป๋องเบียร์ที่เท่าไรไม่รู้ ไม่แน่ใจว่าสิบสามหรือสิบสี่ถูกเปิดขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ยอมแล้วๆ”
“ดี!” เจ้าเด็กยักษ์ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
ยอมง่ายซะจริงๆ บอกอะไรก็ทำตาม
“น้องทอมเองก็เหมือนกัน พอได้แล้วนะ” เขาว่าอย่างนั้นพร้อมกับแย่งกระป๋องเบียร์ในมือเจ้าเด็กยักษ์มาไว้กับตัวเอง
“โอเคๆ นี่ป๋องสุดท้ายแล้ว” ว่าอย่างนั้นพร้อมกับเข้าไปยื้อแย่งของในมือคุณนิว
“พอแล้วครับ” เพราะเห็นว่าน้องเมามากแล้ว กลัวตื่นมาแล้วจะแฮงค์เอาได้
“ไม่ได้เสียดายของ” แต่ไม่ว่ายังไง เจ้าเด็กยักษ์ก็ไม่ยอมอีกเช่นเคย
“เดี๋ยวพี่จัดการให้”
“จะยอมไม่ยอม!?” ไม่รู้ว่าเพราะเบียร์หรือเพราะอะไรที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเอาแต่ใจกับคุณนิวได้มากขนาดนี้
เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นเพราะนิสัยนะ
ไม่หรอก เพราะเบียร์นั่นแหละ ปกติไม่ใช่คนแบบนี้เลย
ถึงจะแอบมีบ้างก็เถอะ
“ไหนดูดิว่ามือน้องทอมแดงมากหรือเปล่า?” คนเจ้าเล่ห์แกล้งเปลี่ยนเรื่อง เขาวางกระป๋องเบียร์ให้ไว้ห่างพิกัดที่มือของเจ้าเด็กยักษ์จะเอื้อมถึง จากนั้นก็คว้ามือข้างที่โดนตีของคนตรงหน้ามาดู
ไม่ได้แดงมากแล้ว แต่คุณากรก็ยังทำเนียนจับมือเจ้าเด็กยักษ์ขึ้นมาดู
“ไกลหัวใจ” และแผนนี้ก็ได้ผล เจ้าของฝ่ามือไม่ได้ยื้อแย่งกระป๋องเบียร์กับเขาอีก
“แต่พี่ว่าไม่ไกลนะ” : )
อยู่ๆสมองมันก็คิดตอบสนองกับคำพูดที่เพิ่งบอกออกมาว่า ‘ไกลหัวใจ’
“พูดเหี้ยอะไรเนี่ย มึงเมาเหรอ?” ใครกันแน่ที่เมา
คุณากรส่ายหน้าไปมา เป็นการตอบปฏิเสธ “นี่ไงครับ…” ก่อนจะเอามือของเจ้าเด็กยักษ์มาทาบไว้ที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง “ใกล้หรือยัง”
ตู้มมมมม!
ผิวขาวเนียนบนใบหน้าที่ประปรายไปด้วยขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อมากขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายเท่า
ไม่รู้ว่าเพราะแอลกอฮอล์หรือเพราะเขินกันแน่
ถ้าคุณนิวจะคิดแบบเข้าข้างตัวเองก็คืออย่างหลังนั่นแหละ
และเขาก็เป็นพวกชอบเข้าข้างตัวเองซะด้วยสิ
เจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ต้องเขินมากแน่ๆ ดูสิหน้าแดงแจ๋เลย
“เมามากแล้วนะเรา…” ไม่ว่าเปล่า เขาเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้คนกำลังเขินมากขึ้นจนปลายจมูกเกือบชนกัน
“…”
“หน้าแดงแจ๋เลย” : )
“กะ กูไปเข้าห้องน้ำแป้บนะ…ปวดเยี่ยวฉิบหายเลย!” ไม่แน่ใจว่านี่ตั้งใจจะพูดหรือตั้งใจจะแร็ป เร็วซะจนลิ้นพันกัน
และที่พูดออกมาน่ะมันก็เป็นแค่ข้ออ้างที่พูดขึ้นมาเพื่อที่จะได้เอาตัวรอดออกไปจากสถานการณ์ตอนนี้
สายตา
รอยยิ้ม
ไหนจะจังหวะการเต้นของก้อนเนื้อภายใต้หน้าอกด้านซ้ายของคุณนิวอีก
บอกเลยว่ามันรู้สึกแปลกมากจนทนไม่ได้
ว่าอย่างนั้นแล้วเจ้าเด็กยักษ์ก็รีบวิ่งปรู๊ดไปเข้าห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว ทิ้งไว้ก็แต่คุณนิวที่นั่งอมยิ้มให้กับการกระทำบ้าๆของตัวเอง
ไม่ได้ทำกับใครแบบนี้มานานมากแล้ว นานจนลืมไปว่ามันรู้สึกยังไง
: )
เอ… วันนี้เขายิ้มไปกี่ครั้งกันแล้วนะ
ถ้าจะนับนิ้วคงต้องยืมนิ้วเท้ามานับแล้วล่ะ…
โปรดติดตามตอนต่อไป...
ขอโทษน้าาาา ที่หายไปนาน ข้ามิมีเวลาจริงTwwwwwwT
ไม่รู้จะเม้าอะไรแล้ว ง่วงนอนมากกกก ฮือออ ช่วยข้าด้วยนะ เพราะแผ่นดินไหวแต่ข้ามิไหวแร้วววววววววว
#คนของคุณากร
twitter : @blueeyesmine
-
:o8: :-[ :impress2: งานหยาบแบบน้องทอม ต้องเจองานละเอียดแบบคนพี่ :hao3: น่ารักกกก
-
ดีจายยยย ตอนแรกนึกว่าตาฝาด อัพจริงๆด้วยย
ตอนยาวได้ใจมากค่าาา สนุกมากๆ
น้องทอมมีความเขินคุณนิวแล้ว
-
น้องทอมลูกกกกกก
โดนอิพี่เค้าแต๊ะอั๋งไปเยอะมากกกกกกก รู้ตัวไหมเนี่ย 5555555
-
ตอนที่เก้า : คำขอข้อที่สาม
ความเย็นฉ่ำที่ได้จากแอร์คอนดิชันเนอร์กระทบลงผิวขาวเนียนของใครบางคนที่กำลังนอนหลับพริ้มอยู่บนโซฟา ร่างสูงขยับตัวยุกยิกเพราะเริ่มหนาว แต่ไม่นานเปลือกตาสีไข่ก็ต้องเปิดขึ้นมาในที่สุด เพราะร่างกายนั้นประท้วงมาว่าเขาได้พักผ่อนเพียงพอแล้ว
เจ้าเด็กยักษ์นอนกะพริบตาปริบๆอยู่อย่างนั้นประมาณห้านาทีได้เพื่อให้ดวงตาได้ปรับแสงกับความสลัวในตอนนี้ และให้สมองประมวลผลว่าสิ่งที่เห็นอยู่ ณ ตอนนี้มันคืออะไร เพราะพอมองจากรอบๆห้องแล้วแต่เฟอร์นิเจอร์แต่ละอย่างมันไม่ได้มีอยู่ในห้องเขาเลย หลังจากที่นอนนึกคิดไปได้ครู่หนึ่งทอมก็ร้อง อ๋อ… ออกมาด้วยความกระจ่าง
คอนโดไอ้คุณนิวนี่หว่า…
เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้วเจ้าเด็กยักษ์เลยลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความรวดเร็ว แต่แค่เพียงเสี้ยววินาทีทอมก็ต้องยกมือขึ้นมานวดขมับตัวเองไปมาเพราะอาการปวดหัวที่เข้าเล่นงาน บอกได้เลยว่าตอนนี้โลกของเขามันทั้งหมุนและเอนเอียงจนแทบจะอ้วก
กระทั่งสามนาทีผ่านไป เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วเจ้าตัวก็เลยหันหน้าออกไปมองท้องฟ้าว่าช่วงนี้คือเวลาไหน แต่ฟ้ามืดๆที่มองเห็นทำเอาเจ้าเด็กยักษ์ถึงกับแปลกใจ ว่าทำไมดื่มหนักขนาดนี้แล้วตัวเองยังตื่นเช้าได้อีก
จำได้ว่าเมื่อคืนตัวเองดื่มถึงตีสอง แล้วนี่เพิ่งตีห้าทำไมไม่นอนต่อ ทันเท่าความคิดเจ้าเด็กยักษ์ก็รีบลุกขึ้นไปเปิดไฟรอบๆห้องเพื่อเพิ่มความสว่าง เจ้าตัวมองหาโทรศัพท์ตัวเองสุดท้ายก็พบว่ามันนอนแอ้งแม้งอยู่ที่โต๊ะตัวน้อยๆตรงโซฟาที่ตัวเองนอน เลยหยิบมันขึ้นมาเช็คตามดูนิดหน่อยว่ามีใครโทรหาบ้างหรือเปล่า
ป่านนี้ไอ้ออยกับไอ้แดนคงจะถามหากันน่าดู แต่ปลดล็อคหน้าจอยังไม่ทันไรด้วยซ้ำ หน้าจอที่บ่งบอกเวลาและวันที่ก็ทำเอาทอมถึงกับเบิกตาขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาขยี้ตาแล้วขยี้ตาอีกว่าตัวเองมองผิดหรือเปล่า แต่จนแล้วจนรอดทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม
ฉิบหาย !
สองคำแรกที่หลุดออกมาจากปากหลังจากที่เขาตื่นนอน นั่นคือคำว่า ‘ฉิบหาย’ เพราะว่าตอนนี้มันไม่ใช่ตีห้าอย่างที่ทอมคิด เนื่องจากตอนนี้มันเป็นเวลา 19.31 นาฬิกาต่างหาก
โห… นี่กูนอนเหี้ยอะไรขนาดนี้วะเนี่ย ! นอนตั้งแต่ตีสองถึงทุ่มครึ่ง เหี้ยแล้ววววว
และหน้าจอโทรศัพท์เขามันก็ขึ้นโชว์ว่าสองเพื่อนรักมันโทรหาเขาบ่อยแค่ไหน โชคดีที่นี่มันวันหยุดเพราะฉะนั้นเลยไม่ต้องไปเรียน ไม่อย่างนั้นล่ะมีหวัง….
Rrrrrrrrrrrr
ยังไม่ทันได้วางโทรศัพท์ดีด้วยซ้ำ ใครคนหนึ่งก็โทรเข้ามา และคนที่ว่าก็คือไอ้แดน
แหม…เร็วจังนะไอ้สันขวานนนนน ไม่ปล่อยให้เพื่อนรอนนานทอมจึงกดรับทันทีและต่อจากนั้นเขาก็ต้องตอบคำถามของเพื่อนอีก หลายคำ พอวางสายได้ไม่นานก็มีบางสิ่งที่เขาเอะใจขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
เจ้าของห้องมันไปไหนวะ… ? ไม่เห็นทั้งไอ้คุณนิวแล้วก็เมียเด็กของมันเลย แต่ก็ดีละ เพราะจะได้ชิ่งแบบทางสะดวกหน่อย ทันเท่าความคิดเจ้าเด็กยักษ์ก็รีบเดินไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา หมายจะรีบเผ่นออกจากคอนโดคุณนิวให้เร็วที่สุดก่อนที่เขาจะกลับมา แต่เมื่อเข้าไปในห้องน้ำแล้วสิ่งที่เห็นตรงหน้ากระจกทำเอาเจ้าตัวถึงกับหัวร้อน เพราะเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่มันไม่ใช่ชุดนักศึกษาอย่างที่ควรจะเป็น แต่กลับเป็นชุดลำลองของใครสักคนซึ่งทอมเองก็มั่นใจว่าต้องเป็นของคุณนิวเพราะถ้าเป็นของเด็กน่านเขาคงใส่ไม่ได้ เนื่องจากไซส์ตัวก็ต่างกันพอสมควร
และสิ่งสำคัญเลยคือคนเมาไม่รู้เรื่องอย่างเขาน่ะเปลี่ยนชุดให้ตัวเองไม่ได้แน่ๆ หรือบางคนอาจจะได้แต่สำหรับทอมแล้วมันไม่ได้ เพราะถ้าทอมเมาสิ่งเดียวที่จะทำคือล้มตัวลงนอน เพราะฉะนั้นทอมคิดว่าคนที่มาเปลี่ยนเสื้อให้ตัวเองคงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก
ไอ้ลูกหมา !
แต่ก็ช่างมันเถอะ ! ยังไงเรามันก็ผู้ชายเหมือนกัน ไม่มีอะไรเสียหายหรอก
คิดได้ดังนั้นเขาก็จัดการธุระของตัวเองให้เสร็จ จากนั้นก็คิดว่าเขาจะออกตามล่าหากระเป๋าและเสื้อผ้าของตัวเอง แต่ทุกอย่างก็เป็นได้แค่เพียงความคิด เพราะเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงโซฟาที่ใช้นอนเมื่อครู่นี้ เจ้าของห้องก็ปรากฏอยู่ในสายของตาทอมทันที คนที่คิดจะหนีกลับห้องอย่างไม่บอกไม่กล่าวถึงกับมีท่าทางที่แปลกไป ดูเลิ่กลั่กๆ คล้ายกับคนทำผิดมาอย่างไรอย่างนั้น
“ตื่นแล้วเหรอครับ ?” คุณนิวเพิ่งกลับมาจากทานอาหารมื้อค่ำกับลูกค้า เขาเอ่ยถามเจ้าเด็กยักษ์ที่เพิ่งออกมาจากห้อง พร้อมกับสองเท้าของตัวเองก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าน้องทอม
“ไม่ตื่นกูจะยืนอยู่นี่เหรอ ?” เจ้าเด็กยักษ์สวนกลับทันควัน และคุณนิวก็เป็นเหมือนกับทุกครั้งที่ไม่เคยโต้ตอบอะไรกลับไป ทำแค่เพียงยิ้มให้และตอบกลับอย่างคนใจเย็น
“อะ…งั้นพี่ถามใหม่” คุณนิวว่าอย่างนั้น “น้องทอมกำลังจะทำอะไรครับ ?”
เจ้าเด็กยักษ์ถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “หากระเป๋า ชุกนักศึกษาด้วย”
“ชุดนักศึกษาพี่เอาไปซักให้ครับ ส่วนกระเป๋าอยู่ในห้องพี่”
แล้วแม่งจะเอาไปเก็บไว้ในห้องตัวเองทำซากอะไรวะ ! บ้าบอ
“เอามาให้กู กูจะกลับแล้ว” ตอนนี้อารมณ์ของเจ้าเด็กยักษ์เริ่มจะหงุดหงิดเข้าไปทุกที เพราะทั้งแฮงค์และหิวข้าวจนอยากจะแดกหัวคุณนิวเข้าไปทุกที
“เดี๋ยวค่อยกลับครับ อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน” คุณนิวเสนอ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดหรอก เพราะเขากำลังคิดที่จะทำอะไรที่มันดีๆต่างหาก เลยต้องตะล่อมให้เจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์อยู่ก่อน เพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่กำลังคิดอยู่
ทีแรกทอมก็อยากปฏิเสธแต่เพราะท้องไม่รักดีมันดันร้องโครกครากออกมาตอนอยู่ต่อหน้าไอ้คุณนิวเจ้าตัวก็เลยต้องอยู่ทานข้าวกับเขาก่อนเพราะโดนบังคับ
แพลนในตอนแรกก็คือจะสั่งอาหารมาทานกันที่ห้อง แต่เพราะนิสัยของทอมที่อยากจะเอาคืนคุณนิวเพราะอยากบังคับทอมดีนัก เลยแกล้งลากเขาออกไปหาอะไรทานกันข้างนอก คุณนิวเองก็คิดว่าเป็นร้านอาหารที่โรงแรมหรู แต่ก็เปล่าเลย เจ้าเด็กยักษ์กลับลากเข้ามาที่ร้านอาหารอีสานข้างทาง ครั้นเจ้าของห้าง เดอะเคเอ็นเค จะอ้าปากปฏิเสธก็ดูท่าว่าจะยาก เพราะคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยน่ะคือเจ้าเด็กยักษ์ไม่ใช่ตัวเอง เพราะฉะนั้นน้องทอมจะพาขับรถไปไหนเขาเลยขัดไม่ได้
“น้องทอมอยากทานร้านนี้เหรอครับ ?” คุณนิวถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจในตัวน้องทอม แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก และอีกอย่างสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครรู้เลยคือ เขาไม่กินเผ็ด
“กูจอดตรงนี้คงจะเดินไปแดกที่อื่นหรอก” ทอมว่าอย่างนั้น เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกับสิ่งที่ตัวเองทำนั่นคือการแกล้งพาคุณนิวมาทานอาหารที่นี่
เชื่อหัวไอ้ทอมเท้อออออ ว่าไอ้คุณนิวมันต้องไม่เคยกินอาหารอิสานแน่ๆ เสร็จโจร !
บังคับกันนักใช่มั้ย ได้! เดี๋ยวเจอกู
ความคิดร้ายๆผุดขึ้นยิ่งทอมได้เห็นสีหน้าท่าทางของคุณนิวเจ้าตัวก็ยิ่งได้ใจ
“เอ้า! ลงมาดิ กูหิว”
“พี่ว่า--”
“ว่าอะไร ? นี่กูหิวจนจะแดกหัวคนได้แล้วเนี่ย” ทอมโวยวาย “จะนั่งอยู่ในรถก็ตาใจ” คนขี้แกล้งทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะลงจากรถไปเพื่อไม่ให้คุณนิวได้มีสิทธิ์ต่อรอง
ท้ายที่สุดคุณนิวจำเป็นต้องยอมตามเจ้าเด็กยักษ์ลงไป เพราะเขาคงไม่ทานมากเท่าไร เนื่องจากว่าทานมาแล้ว เพราะไม่อย่างนั้นแผนการที่คิดมามันจะไม่ดำเนินต่อไป
บรรยากาศในตอนนี้ค่อนข้างเย็นสบาย ท้องฟ้ามืดมิด แต่รถราก็ยังคงวิ่งอย่างพลุกพล่าน
“รับอะไรดีคะ” เด็กเสิร์ฟเข้ามาถามเมื่อเห็นว่ามีลูกค้าโต๊ะใหม่ แต่เป็นเพราะว่าดีกรีเดือนวิศวะที่ฟรุ้งกระจายรอบๆตัวสาวเจ้าเลยค่อนข้างขัดเขินเมื่อเดินเข้ามารับออเดอร์
“เอา…” ทอมเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง เพราะกำลังเหลือบตามองคนที่เพิ่งลงมาจากรถ “เอาส้มตำปูปลาร้า ยำคอหมูย่าง ต้มแซ่บ ไก่ทอดน้ำปลา แล้วก็ข้าวเหนียวครับ”
“คะ…” เด็กเสิร์ที่กำลังจดรับออเดอร์กำลังจะอ้าปากถามว่า ‘เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีคะ’ ถึงกับสะดุดในคำพูดของตัวเอง เพราะเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากการเขียนเมนูลงในกระดาษแล้วพบกับลูกค้าอีกคนที่ไม่รู้ว่ามาตอนไหน แต่ที่รู้ๆคือแซ่บมาก !
เมื่อเห็นอย่างนั้นเจ้าเด็กยักษ์ขี้แกล้งถึงกับใช้เท้าสะกิดคนอายุเยอะกว่า ว่ากำลังมีสาวพูดไม่ออกเพราะตัวเอง พร้อมกับยิ้มล้อเลียนอย่างที่คุณนิวไม่เคยเห็นมาก่อน เพราะฉะนั้นเจ้าเด็กยักษ์เลยโดนคนตรงหน้าใช้สายตามองอย่างคาดโทษ
“อะเอ่อ… เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีคะ ?” ดูท่าทางสาวเจ้าจะเขินจริงเขินจังเพราะถึงขั้นไม่กล้ามองหน้าคุณนิว เธอเลยหันไปทางเจ้าเด็กยักษ์แทน
แต่ไม่ว่าทางไหนเธอก็คิดว่าหัวใจกำลังทำงานหนักไม่แพ้กัน
“โค้กแล้วก็น้ำเปล่าครับ”
คล้อยหลังเธอเดินไปได้ไม่นานทอมก็เอ่ยปากแซวคนตรงหน้า “เสน่แรงจังนะพ่อรูปหล่อ”
คุณนิวเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “อารมณ์ดีขึ้นแล้วหรือไง ?” เป็นเพราะว่าเห็นเจ้าเด็กยักษ์ดูมีท่าทีปกติไม่เหมือนกับเมื่อวานคุณนิวเลยกล้าเอ่ยปากถาม
“ก็…” ทอมเว้นจังหวะไปครู่หนึ่ง “คงดี” พร้อมกับไหวไหล่หนึ่งครั้งอย่างไม่ใส่ใจนัก
ที่รู้สึกดีขึ้นไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะได้พูดสิ่งที่ไม่เคยพูดให้ใครได้ฟังออกไป หรือเป็นเพราะความรู้สึกมันกำลังตกตะกอนไปยังก้นบึ้งของความรู้สึกกันแน่ หรือไม่…มันก็เป็นทั้งสองอย่าง
แต่ทอมไม่แน่ใจเลย ว่าถ้ากลับไปเห็นหน้าเพชรอีก ตัวเองจะอดทนกับความเสียใจได้มากแค่ไหน หรือเขาจะย้ายห้องอยู่ดีนะ ?
“ก็ดีแล้วครับ” : )
อีกครั้งที่คุณนิวส่งรอยยิ้มไปให้กับคนตรงหน้า และครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งไหนๆเพราะความรู้สึกที่ทอมกำลังได้รับมันคล้ายกับความอบอุ่นที่เข้ามาขับไล่ความหนาวเย็นออกจากก้นบึ้งของความรู้สึก
และก็เป็นเพราะรอยยิ้มเมื่อครู่นี้ที่ทำให้เจ้าเด็กยักษ์ถึงกับเขินทำตัวไม่ถูก เพราะฉะนั้นเจ้าตัวเลยผินหน้ามองไปทางอื่น เนื่องจากไม่กล้าสบตาคุณนิว
“ขออนุญาตเสิร์ฟนะคะ” ความเงียบกลืนกินคนทั้งคู่เข้าไปได้ไม่นาน เสียงของเด็กเสิร์ฟคนเดิมก็ดังขึ้นพร้อมกับอาหารที่นำมาเสิร์ฟ และครั้งนี้สาวเจ้าจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อในความหล่อของลูกค้าโต๊ะนี้เด็ดขาด! เธอเลยไปซื้อแมสปิดปากมาใส่เพื่อปิดบังอาการที่มันจะแสดงออกมาทางสีหน้า
เมื่ออาหารถูกนำมาเสิร์ฟเต็มโต๊ะแล้ว คุณนิวถึงกับนั่งมองตาไม่กะพริบเพราะดูจากสีสันแล้ว บอกเลยว่า… เผ็ดแบบกินน้ำได้เลยสามลิตร
“กินสิวะ นั่งมองแล้วมันจะอิ่มเหรอ?” ทอมเอ่ยปากพูดเมื่อตักนู่น ตักนี่ชิมเสร็จแล้ว แต่คนตรงหน้าก็ยังทำแค่เพียงนั่งดู
เสร็จกูแน่ไอ้ลูกหมา !
ทอมคิดด้วยความสะใจ
“พอดีพี่ทานมาแล้วครับ” คุณนิวว่าอย่างนั้น
“โห ไร้ว๊า….” “คิดว่าจะมากินเป็นเพื่อนกัน เสียใจจริงๆ” เจ้าตัวถึงขั้นกับแกล้งตัดพ้อ
“พี่ไม่--” คุณนิวกำลังจะบอกว่า ‘พี่ไม่ค่อยถนัดอาหารพวกนี้’ แต่ยังพูดไม่ทันจบเจ้าเด็กยักษ์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ตามใจ…” ทอมไหวไหล่หนึ่งครั้งอย่างไม่สนใจ แต่ก็แอบหวังว่าไอ้คุณนิวมันจะรู้สึกผิดที่เขาตัดพ้อเลยตักอาหารขึ้นมากินบ้าง
“…”
“ก็ได้…” และสุดท้าย คุณนิวก็ยอม
“น้องครับขอน้ำเปล่าสองขวด” ครึ่งชั่วโมงผ่านไปตอนนี้คุณนิวขอยกธงขาว วางช้อนลงเพราะไปต่อไม่ไหวเนื่องจากมันเผ็ดจนควันออกหู เลยต้องเอ่ยปากสั่งน้ำเปล่าเพิ่ม
“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ากินเผ็ดไม่ได้” เจ้าเด็กยักษ์พูดพร้อมกับกลั้นขำสุดชีวิต ตอนนี้หน้าเขาแดงเหมือนมีใครเอาสีมาทาหน้าอย่างไรอย่างนั้น
“…” คนเผ็ดจนควันออกหูไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะกำลังยกขวดน้ำขึ้นดื่มอย่างกับคนไม่เคยกินน้ำ
“หัวเราะพี่เหรอ ?” เมื่อดื่มน้ำขวดเล็กจนหมด คุณนิวก็เลยถามคนตรงหน้ากลับ
“เปล๊า” เจ้าเด็กยักษ์ตอบเสียงสูง
“ระวังจะหัวเราะไม่ออก” คุณนิวว่าไว้อย่างคาดโทษ พร้อมกับสีหน้าที่นิ่งเฉยจนน้องทอมของเขาถึงกับสีหน้าเจื่อนลงเพราะกลัวจะหัวเราะไม่ออกจริงๆ
“กูขอโทษษษษษษษษษษษษษ” ทอมลากเสียงยาวเมื่อรู้ว่าตัวเองทำผิดไป ถึงมันจะไม่ได้ร้ายแรงมาแต่ดูท่าว่าคุณนิวจะอารมณ์เสียจริงๆ เพราะเขาดูนิ่งเฉยๆไปเลย ดูไม่ใช่คนเดียวกันเหมือนก่อนหน้านี้ที่ชอบพูดกวนหรือยิ้มแย้มเวลาอยากับทอม
“ไม่หายครับ” คุณนิวปฏิเสธ “มื้อนี้จ่ายเองแล้วกันนะครับพี่ไม่เลี้ยง”
โหหหหห ไอ้ลูกหมามันโกรธจริงๆเหรอวะเนี่ย!
“ไม่เลี้ยงเหี้ยอะไร? ก็เป๋าตังกูอยู่กับมึงอ่ะ” เป็นทอมที่เริ่มงอแงบ้าง
“พี่โกรธครับ”
“…” เจ้าเด็กยังเงียบไปครู่หนึ่ง “เออ! จะเอายังไงก็ว่ามาเลย” ก่อนจะวางช้อนลงเพราะมันหมดอารมณ์ที่จะทานต่อ เขานั่งกอดอกรอฟังว่าคนตรงหน้าว่าจะพูดอะไรออกมา
“พี่มีข้อแลกเปลี่ยน”
“ข้อแรกเปลี่ยนอะไรอีก ?”
“มาอยู่กับพี่สิ”
“…”
“นอกจากจะหายโกรธแล้ว ข้าวพี่ก็จะเลี้ยงทุกมื้อเลย…”
เหี้ยยยยยย!
“ทำไมชอบพูดอะไรไร้สาระ ?” เจ้าเด็กยักษ์ถามด้วยหน้าตาหาเรื่อง
“พี่ไม่เคยไร้สาระครับ” แต่คุณนิวก็ยังคงความนิ่งเฉยไว้ได้อย่างเช่นเคย และไม่สะทกสะท้านต่ออารมณ์ของน้องทอมเลยแม้แต่นิด
“ไม่คุยกับมึงละ! รีบจ่ายค่าอาหาร แล้วก็ไปส่งกูสักที” เป็นเพราะว่าท่าทางของคุณนิวตอนนี้มันบอกว่า ‘พูดจริง ทำจริง’ ทอมเลยเปลี่ยนเรื่องคุย
บ้าเหรอ ! ใครจะย้ายไปอยู่กับมันบ้าบอ
“น้องครับคิดเงินด้วย” จบประโยคที่คุยกับคุณนิวเมื่อครู่ เจ้าเด็กยักษ์ก็รีบเรียกเด็กเสิร์ฟให้มาคิดเงิน
“ทั้งหมด สามร้อยห้าสิบบาทค่ะ” สาวเจ้าใช้เครื่องคิดเลขยืนคิดอยู่ตรงนั้นประมาณครึ่งนาทีได้ จำนวนเงินค่าอาหารทั้งหมดในโต๊ะนั้นก็ถูกคำนวนออกมา
ถึงจะยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แต่เพราะโดนมัดมือชกให้จ่ายค่าอาหารคุณนิวเลยต้องนำเงินออกมาจ่ายค่าอาหาร แต่ยังไม่ทันได้เงินทอนเจ้าเด็กยักษ์ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะไปก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่รอช้าที่จะตามไป ก่อนจะหันไปบอกคนคิดเงินว่า ‘ไม่ต้องทอน’
“พี่จริงจังนะหนู ทำไมเดินหนีกันแบบนี้” ช่วงขายาวก้าวเดินตามเดือนวิศวะไปติดๆ จากนั้นก็ท่อนแขนล็อกคอเจ้าเด็กยักษ์ไว้อย่างหลวมๆเพื่อกันไม่ให้น้องทอมเดินนำหน้าไปเสียก่อน
แต่นั่นก็แค่ข้ออ้าง… คนที่รู้ดีที่สุดน่ะก็คือตัวเขาเองนั่นแหละ เพราะลึกๆแล้วคนเจ้าเล่ห์แค่อยากจะหาเรื่องใกล้เจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ก็เท่านั้น
: )
“จะมาเกาะกูทำไมเล่า !” แต่การหาเรื่องใกล้เจ้าเด็กยักษ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทอมร้องโวยวายทันทีเมื่อคุณนิวล็อคคอตัวเองไว้หลวมๆขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถ สองมือก็พยายามแกะพันธนาการนั้นออก แน่นอนว่าการล็อคไว้หลวมๆมันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่ทอมจะนำมันออกไป แต่เป็นเพราะว่าเมื่อเขาทำอย่างนั้นแล้วคุณนิวก็ยังคงเอาแขนมาล็อคคอเขาไว้เช่นเดิม
ไอ้ลูกหมา !
เริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะโว้ยยยย
เป็นบ้าเป็นบออะไรมาบังคับให้คนอื่นเขาไปอยู่ด้วย ญาติพี่น้องก็ไม่ใช่ !
“ที่เกาะก็เพราะต้องการคำตอบ”
“คำตอบอะไรอย่าเพ้อเจ้อ !” จนถึงตอนนี้ทั้งคู่ก็เดินมาถึงรถสปอร์ตคันหรูในที่สุด
“นี่พี่พูดจริงๆ อีกอย่างที่พี่ชวนก็เพราะหวังดี”
“หวังดีอะไรของมึง ?” ทอมถึงขั้นกับขมวดคิ้ว เพราะไม่เข้าใจเหตุผลของคุณนิวที่พูดออกมา
“เพราะพี่ไม่รู้ไง ว่าถ้าเรากลับไปอยู่ห้องตัวเองแล้ว ถ้าเห็นเพื่อนเก่าคนนั้นเราจะยังควบคุมอารมณ์ตัวเองได้อยู่มั้ย ?” และนั่นก็คือความหวังดีทั้งหมดที่เขามีให้เจ้าเด็กยักษ์ เพราะคุณนิวไม่อยากให้ทอมโมโหจนฟิวส์ขาดไปทำร้ายใครอีก และถ้าโชคร้ายกว่านั้น คือถ้าเพื่อนคนนั้นของน้องทอมต้องการเอาคืน มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ ถึงแม้ว่ามันจะมีผลพลอยได้อย่างอื่นด้วยก็เถอะ
แต่เขาหวังดีจริงๆนะ…
เมื่อคำพูดของคุณนิวตรงกับความคิดก่อนหน้านี้ของตัวเอง เรื่องที่ว่าจะทนได้มั้ย ถ้าหากได้เผชิญหน้ากับเพชรอีกครั้ง เจ้าเด็กยักษ์เลยเงียบลงกะทันหัน เพราะหนึ่งแทงใจดำ และสองกำลังใช้ความคิดว่าจะเอาอย่างไรดี
แต่… เขาไปอยู่กับไอ้แดนไอ้ออยก็ได้นี่นา ทำไมต้องอาศัยที่อยู่ของคนอื่นด้วย
“ก็ถูกของมึงนะ” ทอมว่าอย่างนั้นและเงียบไปครู่หนึ่ง “แต่กูไม่อยู่กับมึงอ่ะ จะไปอยู่กับเพื่อน” ก่อนหน้านี้แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่คุณนิวแอบลอบยิ้มอย่างได้ใจ แต่เมื่อได้ฟังประโยคถัดไปแล้วเขาเกือบจะหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“จะไปอยู่กับเพื่อนทำไมให้อึดอัดครับ? คอนโดพี่ออกจะกว้าง หรือถ้ามันกว้างไม่พอพี่ซื้ออีกห้องไว้เลยก็ได้นะ”
ว้อท ?
เหี้ยอะไรเนี่ย ?
เดือนวิศวะถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก็พอจะเข้าใจนะว่าบ้านรวย ว่าตัวเองเป็นลูกชายของเจ้าของห้างชื่อดัง แต่คือ… นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้นที่จะต้องถอยห้องใหม่เพียงแค่เพราะว่าเขาย้ายเข้าไปอยู่ด้วย
“ไม่ว่ะ ขอปฏิเสธ ไม่อยากแย่งที่นอนน่านมัน”
“ไม่แย่งหรอกครับ เพราะน่านต้องกลับไปอยู่บ้านใหญ่อยู่แล้ว”
เฮ้อ… ทอมล่ะอยากจะถอนหายใจแรงๆใส่หน้าพวกข้ออ้างเยอะเสียจริง “ไม่ว่ะ ยังไงกูก็ยืนยันคำเดิม”
“…” ครั้งนี้คุณนิวเงียบ ไม่ได้หาข้ออ้างมาพูดอีกต่อไป
เพราะ…
เขากำลังคิดว่า ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่ก็คงต้องงัดไม้ตายออกมาใช้
ส่วนของเจ้าเด็กยักษ์ก็คิดว่าหัวข้อสนทนานี้คงจะจบลงแล้ว เขาก็เลยเปิดประตูรถออกมาพร้อมกับพาตัวเองเข้าไปนั่งข้างใน คุณนิวเองก็เช่นกัน และครั้งนี้คนที่อยู่หลังพวงมาลัยก็คือเจ้าของรถตัวจริง ทันทีที่สตาร์ทรถได้ไม่นาน คุณนิวก็เลยพูดออกมาว่า “งั้นพี่ขอใช้สิทธิ์นั้นได้มั้ย?”
ทอมถึงกับหันหน้าไปมองคนข้างๆ โอเค…สรุปคือจะให้เขาไปอยู่ด้วยให้ได้เลยใช่มั้ย ?
“สรุปคือจะให้เข้าไปอยู่ด้วยให้ได้เลยใช่มั้ย ?”
“พี่เป็นห่วงเรา”
โอเค…ห่วงก็ห่วง
กูจะพยายามเชื่อก็แล้วกัน
“ก็ได้” ทอมว่าเสียงสูง “แต่… ถ้ามันไม่เวิร์คกูจะย้ายออกมานะ” ก็ได้ ! ในเมื่อชอบเร้าหรือนัก ไอ้ทอมคนนี้ก็จะจัดให้ เคยได้ยินมั้ย ? คำว่าล่มจมน่ะ ต่อจากนี้ไปมึงจะได้รู้จักคำนี้มากขึ้นกว่าเดิมแน่ไอ้ลูกหมา !
“ยังไงก็ได้ครับ”
“งั้นก็พากูกลับไปเอาเสื้อที่ห้องด้วย”
: )
ดีล
สุดท้ายคนเจ้าเล่อย่างคุณากรก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ…
เห็นมั้ย…? ไม่มีสิ่งไหนที่เขาอยากได้แล้วไม่ได้
.
ในตอนแรกทอมบอกให้คุณนิวพามาเอาเสื้อผ้าที่อพาร์ทเม้นของตัวเอง แต่ทำไมคนที่พาเขาขับรถมา ถึงชิ่งหลับไปซะได้ ทอมแค่ขอตัวไปอาบน้ำแป้บเดียวเอง
“เห้ย !” เจ้าเด็กยักษ์ที่เพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จมาหมาดๆเดินเข้ามาปลุกคนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังนอนอย่างสลบไสลอยู่บนเตียงตัวเอง
ไรว้า… เข้าไปอาบน้ำยังไม่ถึงสิบนาทีเลย
“ไอ้คุณนิว !” ทอมเรียก ด้วยน้ำเสียงที่เพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง แต่เขาก็ยังไม่มีท่าทีที่จะลุกขึ้นแม้แต่น้อย
ไม่ตื่นใช่มั้ย ?
ได้ !
ทอมพึมพำกับตัวเองประโยคสองประโยค จากนั้นก็กระทำการปลุกคนบนเตียงอีกวิธีหนึ่งที่แตกต่างจากเมื่อครู่ นั่นก็คือการที่สะบัดหยดน้ำจากศีรษะที่เพิ่งผ่านการทำความสะอาดมาหมาดๆ เลยทำให้ละอองน้ำกระเด็นโดนหน้าคนที่นอนอยู่บนเตียงจนในที่สุดเขาต้องลืมตาขึ้นมา
แต่…
“เหี้ยยยยย”
ทอมถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อคุณนิวรวบตัวเขาด้วยแขนทั้งสองข้างให้ล้มลงไปบนที่นอนทั้งอย่างนั้น
คิดเหรอ ? ว่าคนที่นอนหลับยากอย่างคุณนิวจะเผลอหลับไปทั้งที่แค่ไม่กี่นาที
: )
มันก็แค่แผนการ…
ช่วงแขนยาวทั้งสองข้างก็รัดรอบลำตัวทอมแน่น ขาทั้งสองข้างก็ล็อคช่วงล่างของทอมไว้เพื่อไม่ให้มีช่องว่างในการโต้ตอบ
“ปล่อยยยยยยยโว้ยยยยย!”
“คนผิดไม่มีสิทธิ์พูดครับ” คุณนิวกระซิบเสียงเบาชิดที่ใบหูของเจ้าโกลด์เดนรีทรีฟเวอร์ ขณะนี้ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้กับซอกคอขาวจนได้กลิ่นครีมอาบน้ำที่ติดตัวมา
“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย !” ทอมโวยวาย พร้อมกับออกแรงดิ้นอีกครั้งเพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆตอนที่โดนกอด ไหนจะริมฝีปากของคุณนิวที่กระซิบใกล้ๆกับใบหูเขาอีก
“แน่ใจนะครับ…ว่าไม่ได้ทำอะไร” “แล้วใครกันน้า…ที่สะบัดน้ำใส่พี่”
“โว้ยยยย อันนั้นกูแค่ปลุก !”
“อะๆ อย่าลืมครับว่าคนผิดไม่มีสิทธิ์เถียง”
“ปล่อยกูวววววววววววววว” ครั้งนี้ทอมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาพยายามเค้นแรงที่มีทั้งหมดออกมา และมันก็ได้ผล เพราะทอมไม่ใช่ผู้ชายบอบบาง ร่างกายปวกเปียกคุณนิวก็เลยทำอะไรเขาได้ไม่มากนัก
“มึงตาย! เมื่อหลุดออกจากพันธนาการได้ทอมก็คว้าหมอนได้ใบหนึ่ง และเขากำลังจะยกมันขึ้นมาปาดใส่คุณนิว
แต่ทอมก็ช้ากว่าเป้าหมายไปหลายปีแสง เมื่อคุณนิวพุ่งเข้าชาร์ตตัวเองด้วยการกอดช่วงเอวอย่างเต็มรัก
และเป็นเพราะว่าตรงนั้นคือจุดอ่อนของทอม เจ้าตัวก็เลยเสียการทรงตัว ทำให้ตัวเองกับคุณนิวล้มลงบนที่นอนอีกครั้ง คนเจ้าเล่ห์ยิ่งได้ใจ เมื่อเห็นว่าน้องทอมมีจุดอ่อนก็คือบ้าจี้ เขาเลยจี้ลงไปตรงเอวหนาๆของคนใต้ร่างซ้ำเพราะต้องการเอาคืน
“ฮ่าๆๆ พะ พอ แล้วไอ้ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เพราะทอมบ้าจี้จริงๆ พอจะเอ่ยปากร้องห้ามคำพูดมันเลยไม่ออกมาเป็นคำพูด
ผ้าปูที่นอนจากที่เคยเรียบตึงก็ย่นยับยู่ยี่ หมอนและผ้าห่มก็ตกลงพื้นกองระเนระนาดเนื่องจากแรงดิ้นของเจ้าของเจ้าเด็กยักษ์
ภายในห้องหมายเลข 3112 มีเสียงหัวเราะของผู้ชายสองคนดังลั่นไปทั่วห้อง เรียกได้ว่าความสุขกำลังก่อเกิดขึ้นมาช้าๆในหัวใจของคนทั้งคู่
และพวกเขา…ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด
โปรดติดตามตอนต่อไป...
-งานการไม่ทำเต๊าะเด็กไปวันๆก็มีความสุข
-
- ขอทอล์คนิดหน่อยนะคะ
สวัสดีตอนดึกๆค่ะคนอ่านที่น่ารัก มัทฉะลาเต้เองค่ะ เเน่นอนว่ามัทห่างหายไปนานมากเหตุผลที่ว่าก็คือติดงานค่ะ ไม่มีเวลาปลีกตัวทำอะไรเลย ติดนู่นนี่นั่นเต็มไปหมด ต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งที่ทำให้นักอ่านบางท่านรอนานเกินไป (ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีมั้ยนะคะ :mew2:)
เราอยากเเจ้งให้นักอ่านทุกท่านทราบว่า ต่อจากนี้ไปจะเเบ่งอัพเป็นเปอร์เซ็นที่เว็ปเด็กดีนะคะ เเละเมื่อไรที่อัพครบ 100% เเล้วก็จะนำมาอัพที่เล้าเป็ดด้วยค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อป้องกันการดองของตัวเองเลยจะเเบ่งอัพเป็นเปอร์เซ็น หากใครจะรออ่านเต็มร้อยก็สามารถรอได้ เพราะจะพยายามไม่ทิ้งช่วงห่างจากกันมากนัก
สุดท้ายเเล้วขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากนะคะที่กดเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ เเละให้โอกาสมัท ให้โอกานิยายเรื่องคุณากร
เเละสุดท้ายท้ายสุด รักน้องชอบน้องอย่าลืมคอมเม้นหรือเข้าไปติดเเท้กในทวิตเตอร์นะคะ #คนของคุณากร
ขอบคุณที่รักกัน
-
กรี๊ดดดดดดดดดด นึกว่าตาฝาด คนเขียนมาอัพแล้ววว ดีต่อจายยยยย
คุณนิวกับน้องทอมก็ยังน่ารักกันเหมือนเดิม
เพิ่มเติม จะได้อยู่ด้วยกันแล้วววว 5555555
-
เรื่องนี้สนุกมากครับ มากประมาณความซึนของคุณนิวเลย
-
ตอนที่สิบ : คืนร้อน…เพราะไฟดับ !
เมื่อคืนที่ผ่านมาหลังจากจบสงครามเเล้ว พวกเขาทั้งคู่ก็ล้มตัวลงนอนเเผ่หลาอยู่บนเตียงอย่างหมดแรง ส่วนคุณนิวนั้นได้แผลมาเต็มๆเพราะเล่นกันเเรงเกินไป เจ้าเด็กยักษ์บ้าจี้เลยเผลอถีบเข้าเสียเต็มรักทำเอาคุณนิวถึงกับตกเตียง
ทีเเรกก็คิดว่าคุณนิวจะโกรธ เเต่ก็เปล่าเลย เมื่อเจ้าเด็กยักษ์รีบลงไปดูคนโดนถีบตกเตียงด้วยเร็วรี่ เเละช่วงจังหวะหนึ่งที่เขาทั้งคู่ได้สบตากัน แค่เพียงเสี้ยววินาที เสียงหัวเราะจากคนทั้งคู่ก็ดังลั่นห้อง
นั่นเป็นอีกครั้งที่คุณนิวได้ร่วมเตียงเดียวกับเจ้าเด็กยักษ์ และเป็นอีกครั้งที่เขาหลับไปโดยมีใครสักคนอยู่ข้างๆ คนข้างๆก็เป็นคนที่เขาถูกใจ
เช้านั้นที่ตื่นขึ้นมาปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดีมากกว่าวันไหนๆ ไม่ต้องข่มตาหลับเหมือนทุกคืน เพราะอาการนอนไม่หลับที่มีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ถ้าเปรียบชีวิตให้เหมือนสี ของคุณนิวคงไม่พ้นเฉดสีเทา ความเทานั้นเกือบขาว มันเป็นความจือชืดไม่มีสีสรรค์ และคุณนิว… ไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าตั้งเเต่มีทอมเข้ามาในชีวิต สีเทาเกือบขาวแสนจืดชืดของเขากำลังถูกสีสันสดใสแปดเปื้อนที่ละนิดที่ละน้อย
เเรกเริ่มเดิมทีอาจจะเพราะถูกใจ เเต่เขาไม่เคยรู้ใจตัวเองเลยว่ามันกำลังจะรู้สึกมากกว่านั้นเข้าไปทุกที
แต่สุดท้ายแล้วเขาจะไม่มีวันได้รู้เลยถ้ายังปล่อยให้ความคิดบ และความรู้สึกบางอย่างครอบงำจิตใจอยู่อย่างนี้
ใช่…
จะไม่มีวัน
“น้องทอม” หลังจากที่คุณนิวออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพที่หยดน้ำเกาะตามลำตัวเขาก็ตรงดิ่งมาที่เตียงพร้อมทั้งเอ่ยปากเรียกคนที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องตรงหน้า
ที่ต้องออกมาในสภาพนี้ก็เพราะว่าเมื่อคืนเขาเผลอหลับเเบบจริงจัง ทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ ว่าจะมาขอยืมเสื้อผ้าเจ้าเด็กยักษ์ใส่ก่อน
คิดเเล้วก็น่าอาย… เพราะความคิดที่ผุดขึ้น เลยทำให้คุณนิวหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ในความน่าอายของตัวเองที่เผลอหลับไปง่ายๆทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ
“น้องทอมครับ” เมื่อปลุกเจ้าเด็กยักษ์ครั้งแรก แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา คุณนิวก็เลยต้องเรียกเจ้าเด็กยักษ์อีกเป็นครั้งที่สอง
“อือออออ” เจ้าเด็กยักษ์ส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอด้วยความขัดใจ พร้อมกับพลิกตัวไปมาราวกับว่าขี้เกียจเต็มที แม้แต่ลืมตาก็ทำให้ไม่ได้
ไม่ถึงสามนาที ท้ายที่สุดก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาแม้ว่าจะง่วงขนาดไหนก็ตาม เพราะหยดน้ำที่เกาะอยู่ตามร่างกาย ตามศีรษะของคุณนิวที่กำลังหยดลงตามตัวเเละใบหน้าของทอม ปลายจมูกของพวกเขาปัดป่ายกันไปมาเนื่องจากว่าระยะห่างนั้นมีน้อยมากและทั้งหมดนั้นก็มาจากความจงใจของคุณนิวล้วนๆ แต่ที่ทำเพราะแค่อยากจะเเกล้งเจ้าเด็กยักษ์ก็เท่านั้น
“เหี้ยยยยยยย” ทันเท่าความคิด เมื่อสมองประมวลผลเสร็จเเล้ว สวนสัตว์จึงเปิดทำการทันที เเละประเดิมด้วย ‘เหี้ย’ เป็นตัวเเรก
เท่านั้นยังไม่พอ ทอมต้องออกเเรงผลักอกคุณนิวด้วยเเรงทั้งหมดที่มีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องใกล้ชิดกันขนาดนี้
คนขี้เเกล้งยอมผละออกมาอย่างง่ายดาย เพราะไม่อยากถึงเนื้อถึงตัวเจ้าเด็กยักษ์มากนัก เดี๋ยวไก่จะตื่นเอาได้ เเค่นี้มันก็มากพอเเล้ว
คุณนิวเผลอระบายรอยยิ้มออกมาน้อยๆด้วยความสุข เเต่กลับกันทอมนั้นหน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะการกระทำของอีกคน เป็นเพราะว่าไม่เคยได้เข้าใกล้ผู้ชายคนไหนในลักษณะเเบบนี้มาก่อน เเม้เเต่ไอ้เพชรที่เคยเป็นเพื่อนสนิทกันก็ไม่เคยอย่างน้อยก็แค่กอดคอ ออยเเดนยิ่งเเล้วใหญ่ เพราะมีเเต่มันสองคนที่ใกล้ชิดกันเอง
“ทำเหี้ยไรเนี่ย?” ทอมถามด้วยความไม่พอใจ เเต่เจ้าตัวจะรู้มั้ยนะว่าผิวขาวๆบนใบหน้ากำลังขึ้นสีเเดงระเรื่ออย่างกับลูกตำลึงสุก
“ก็ปลุกไงครับ” เสียงทุ้มตอบกลับไปด้วยความราบเรียบเเต่ก็ยังคงระบายรอยยิ้มน้อยๆออกมาด้วยความชอบใจ เพราะท่าทางของเจ้าเด็กยักษ์ในตอนนี้ ขี้แมลงวันที่ปลายจมูกนั้นน่ากัดให้จมเขี้ยวเสียจริง
“ปลุกบ้านมึงเขาปลุกกันเเบบนี้เหรอ” ครั้งนี้ทอมลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกับเผชิญหน้ากับคุณนิวที่ตอนนี้กำลังยืนยิ้มค้ลายกับคนบ้าอยู่ข้างเตียง
หนำซ้ำคนบ้าในตอนนี้ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอีกด้วย เขามีเเค่เพียงผ้าขนหนูที่พันรอบเอว
รู้หรอกว่าเว้ยว่าหุ่นดี! เรียนจบเมื่อไรเดี๋ยวจะไปฟิตหุ่นให้เเซ่บกว่าคอยดู
พอเห็นร่างกายคุณนิวแบบเต็มๆตาเจ้าเด็กยักษ์เลยอดเปรียบเทียบกับตัวเองที่ไม่ได้ เพราะตอนนี้หุ่นของอตัวเองนั้นเริ่มจะเหมือนหมีเข้าไปทุกวัน
“ทีเมื่อคืนน้องทอมยังปลุกพี่เเบบนี้เลย”
ไอ้ฉิบหายยยยยย
ทอมถึงกับร้องโอดครวญอยู่ภายในใจเพราะความหน้ามึนของคนอายุเยอะตรงหน้า
“เเล้วมีไร ปลุกกูเเต่เช้าเลยมันใช่เวลาตื่นมั้ย?” ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นล่ะน่าดูเเน่!
“พี่เเค่จะขอยืมเสื้อผ้าเปลี่ยนไปก่อน”
ไอ้ห่าเอ้ยยยยย อยากใส่ตัวไหนก็ใส่ไปสิวะ จะมาขอทำสากกะเบืออะไรเล่า !
“เออ ตามสบายอยากทำไรก็ทำ” เมื่อจบประโยคเเล้วเจ้าของห้องก็กำลังจะล้มตัวลงนอนต่อ
“เเล้วจะออกไปพร้อมพี่เลยมั้ยครับ” เพราะกลัวว่าเจ้าเด็กยักษ์ของเขาจะเจอเข้ากับอดีตเพื่อนรัก คุณนิวเลยอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความใส่ใจ
เเถมมันยังเป็นความใส่ใจเล็กๆน้อยๆที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่ากำลังยิบยื่นไปให้น้องทอม เเละไม่รู้ว่าให้ไปตั้งเเต่เมื่อไร เพราะนอกจากเพื่อนเเละคนในครอบครัวเเล้ว เขาก็ไม่เคยให้ใครอีกเลย
“ทำไมต้องออกไปพร้อมกัน ? เดี๋ยวเจอกันตอนเย็นก็ได้”
“ไม่กลัวเจอหน้าเพื่อนคนนั้นเหรอครับ?”
พอได้ฟังคุณนิวพูดเจ้าเด็กยักษ์ถึงกับทำหน้าครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาว่า “เอออ ไปกับมึงก็ได้
เเละนอกจากคุณนิวจะห่วงเจ้าเด็กยักษ์เเล้วเขายังห่วงอีกว่า เด็กจะเบี้ยวข้อตกลง เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าเเก้ เขาเลยต้องพาเจ้าเด็กยักษ์ไปส่งไว้ที่คอนโดตัวเอง ถึงเเม้ไม่ว่ายังไงทอมก็หนีเขาไม่พ้นก็ตาม
: )
.
เมื่อเช้าขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถ เจ้าเด็กยักษ์ตัวแสบถึงนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองก็มีรถ ทำไมต้องทำให้อื่นให้ลำบากด้วย เนื่องจากคุณนิวเขาก็มีหน้าที่ที่ต้องทำเหมือนกัน ตอนนั้นเลยเกิดอาการเปลี่ยนใจกะทันหัน เพราะเจ้าเด็กยักษ์บอกว่าเดี๋ยวจะขับรถไปเอง
และคุณนิวก็ขัดไม่ได้อีกต่างหาก เลยปล่อยให้เจ้าตัวทำตามใจชอบเพราะไม่ว่ายังไงน้องทอมก็ต้องไปอยู่กับเขาที่คอนโดอยู่แล้ว
ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กยักษ์จะอยู่กับเขาไปถึงเมื่อไร เพราะน้องมีสิทธิ์เลือกทุกเมื่อเชื่อวันว่าจะกลับมาอยู่ห้องตัวเองเมื่อไรก็ได้ และยิ่งถ้าน้องทำใจ ปลงเรื่องเพื่อนคนนั้นได้เมื่อไร ก็ยิ่งจะโนสนโนแคร์และกลับไปอยู่ที่ตรงนั้นได้โดยไม่ต้องคิดอะไร
แต่เชื่อเถอะ…เสือเจ้าเล่ห์อย่างคุณนิวไม่มีทางปล่อยให้เหยื่อชิ้นใหญ่นี้หลุดมือไปง่ายๆหรอก เพราะเขาคิดอยู่ในหัวตลอดเวลาว่าจะทำยังไงให้น้องอยากอยู่เพราะ ว่าอยากอยู่เอง
ทั้งคู่แยกกันตรงลานจอดรถที่หอของทอม เส้นทางของทั้งสอคือคนละทาง คุณนิวไปทำงานส่วนน้องทอมก็มีโปรแกรมว่าจะไปหาเพื่อนรักทั้งสอง ออยกับแดน ซึ่งทอมขอเดาว่าสองคนนั้นยังไม่ตื่น เพราะตอนนี้มันเป็นเวลาที่เช้ามากๆและมันก็เป็นเวลาที่ทอมยังไม่ตื่นเช่นกัน แต่เพราะใครบางคนที่ตื่นเช้ากว่าดันมาปลุกไม่รู้เวลาล่ำเวลา
วันหยุดใครเขาตื่นเช้ากัน เขาตื่นตอนเย็นนู๊นนนนนน ตอนแรกก็อยากด่าให้ใจขาดดิ้น แต่พอดึงสติ ตัวเองกลับมาแล้วก็คิดว่าดีเหมือนกัน เพราะถ้าเขาไม่ได้ออกไปพร้อมกับคุณนิวแล้วเจอกับอดีตเพื่อนรักเข้ามันคงไม่เวิร์คเท่าไร เพราะฉะนั้นเลยยกโทษให้แคเพียงครึ่ง อีกครึ่งเป็นความหงุดหงิดที่ต้องตื่นแต่เช้าก็แล้วกัน เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ดึกเอาเรื่อง
ทอมเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมคุณนิวถึงยังตื่นเช้าได้ขนาดนี้ ถึกจริงๆ ทั้งที่ดูจากสารรูปแล้วไม่น่าจะเป็นคนถึกได้ขนาดนี้ เนื่องจากท่าทางดูเป็นคนเหยาะแหยะ เป็นคุณชายเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออย่างไรก็ไม่รู้ แต่ก็นะ… คนเราไม่ตัดสินกันแค่ภายนอกไม่ได้นี่นะ เพราะทอมชอบโดนคำสอนนี้กรอกหูมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโตจากพี่ทับทิมคุณแม่ว่าอย่าตัดสินคนที่ภายนอก เพราะเราไม่ได้เป็นบรรทัดฐานของโลกใบนี้
จะว่าไปคุณนิวเขาก็ดีเหมือนกัน ถ้าตัดเรื่องความหน้ามึน และเรื่องที่ชอบบังคับกันแบบนุ่มนวลออกไปได้มันจะดีมาก !
จนถึงตอนนี้ทอมรู้แล้วว่าคุณนิวเป็นพวกหว่านล้อมเก่ง บางครั้งก็ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรออกมาแต่ก็ตอบตกลงไปแล้วอย่างงงๆ
แล้วก็อีกเรื่องเลยที่ยังรู้สึกว่ายังไงก็ยอมตัดออกจากใจไม่ได้ นั่นก็คือเรื่องของเค้ก เพราะทอมรักเค้ก แต่ก่อนทอมมีคนคุยเยอะแยะ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปแต่เค้กเป็นคนแรกที่ผ่านมาแล้วทอมไม่อยากให้ผ่านไป เพราะฉะนั้นมันเลยยากที่จะตัดใจ
เขาดูเหมือนไม่ได้คิดเรื่องเค้กแล้ว ใช่… เขาไม่คิด แต่มันก็ต้องผ่านการใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะไม่ให้ตัวเองคิด บางครั้งที่ความคิดเรื่องของเค้กผุดขึ้นมาเขาเเทบจะกระอักเลือดตาย เเต่ไม่ส่าจะรู้สึกเหมือนตายยังไงก็ต้องปกปิดไว้ไม่อยากให้ใครรู้
นี่เลยเป็นข้อสุดท้ายที่ติดอยู่ในใจ ทำให้ทอมไม่สามารถมองคุณนิวในแง่ที่ดีได้เลย เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทอมเองเริ่มเกิดความย้อนเเย้งในใจว่า คุณนิวก็ไม่ได้เเย่เสียทีเดียว เลยเกิดเป็นข้อถกเถียงขึ้นมาในใจเงียบๆว่า ‘สรุปเเเล้วจะมองเขาเป็นคนยังไงดี?’
นั่นเป็นหัวข้อที่ทอมเฝ้าถามตัวเองตั้งเเต่เช้าจนถึงตอนนี้ “ทอมเย็นนี้เเดกไรดี?” ตอนที่พระอาทิตย์ตกดิน เเละท้องของเพื่อนทั้งสองเริ่มประท้วงว่า ‘หิวเเล้ว’ ออยถึงได้เอ่ยปากชวน พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือเรียนเล่มหนาในรอบหลายชั่วโมง
“ไม่รู้ว่ะ…” ทอมพูดเสียงเบา ทั้งที่ยังคงจดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้า
“เนื้อย่างมะ!” พอตอบไปว่า ‘ไม่รู้’ เเค่เพียงเสี้ยววินาที สมองก็นึกไอเดียดีๆออกมา ว่าจะไปกินเนื้อย่างกันดีหรือเปล่า?
“ก็ดีนะ เรียวลิ้นกูไม่ได้สัมผัสสามชั้นย่างหอมๆนานแล้ว” ออยว่าอย่างนั้น พร้อมกับทำท่าประกอบราวกับว่าทางโหยหามันมานานแสนนาน
“บุฟเฟต์มั้ย? หรือยังไงดี?” ออยตั้งคำถาม
“เนื้อย่างก็เนื้อย่างสิวะ ไม่ได้อยากกินบุพเฟต์” แต่ทอมก็เกิดคำค้าน เพราะสำหรับทอมแล้วเนื้อย่างก็คือเนื้อย่าง บุพเฟต์ก็คือบุพเฟต์ ถึงมันจะย่างเหมือนกัน ใช้กระทะเหมือนกัน แต่อรรถรสและรสชาติมันโคตรต่างกัน
“กูอยากกินบุพเฟต์ว่ะ…กลัวไม่อิ่ม” ออยหน้าหงอลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเจ้าตัวคิดว่าไปบุพเฟต์มันมีตัวเลือกให้เยอะกว่า
“แต่กูอยากกินเนื้อย่าง” ทอมว่าเสียงแข็ง และศึกครั้งนี้เขาไม่เป็นคนแพ้เด็ดขาด ถึงแม้ว่าออยมันจะมีแดนคอยเข้าข้างอยู่ตลอดเวลาก็ตาม !
“ไอ้เหี้ยทอมมมมมมมมมมมมมมมมมม”
“เอออ กูเหี้ยทอมเอง มึงมีไรครับไอ้สัดออย” ความหยาบคายเริ่มเกิดขึ้นเมื่อทั้งสองคนเริ่มจะมีความเห็นต่างในความคิดว่าจะกินอะไรดี
“แดนนนนนนนนนนมึงดูไอ้ทอมดิ” เพราะรู้ว่าตัวเองต้องสู้ทอมไม่ได้แน่ๆ เจ้าเตี้ยที่สุดในกลุ่มจึงต้องหันไปพึ่งเพื่อนรักหักสวาทที่นั่งเงียบๆ อย่างไม่คิดจะห้ามหรือมีความเห็นใดๆ
“ทอมมึงก็ตามใจมันหน่อยดิ…” ว่าจะไม่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูด จริงๆแล้วแดนยังไงก็ได้แต่ไอ้เตี้ยข้างๆนี่ดันทำหน้าตาเป็นหมาหงอจนน่าสงสาร
“ไม่ !” แต่มีเหรอที่ทอมจะยอม คนอย่างไอ้ออยน่ะทำหน้าหงอแล้วเห็นผลได้แค่กับแดนเท่านั้นแหละ เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้นกับทอมแน่
“ไอ้สัด” ‘สัด’ คำใหญ่ๆหลุดออกมาจากปากออย พร้อมกับพุ่งกระแทกหน้าทอมเข้าอย่างจัง
“เออ กูสัด ! งั้นก็แยกกันแดกจะได้จบๆ” กินคนเดียวก็ได้วะ… ไม่ตายหรอก
“โว้ยยย ไอ้พวกเหี้ย แค่เรื่องกินหมูกระทะกับบุพเฟต์ก็เอามาเป็นประเด็นกัน ไอ้ฉิบหาย!” ก่อนที่เพื่อนจะโวยวายกันไปมากกว่านี้ แดนจึงต้องชิงพูดขึ้นก่อนเพื่อตัดความรำคาญที่กำลังก่อเกิด
“โอเคงั้นแยกกันกินนะ” ทอมสรุป
“ไม่เอาน่า” แดนพูดกับทอม ประโยคถัดไปเขาหันไปพูดกับแดน “ไอ้ออยมึงอย่าเรื่องมาก” จากตอนแรกที่เข้าข้างออย แต่ดูท่าแล้วคนหัวแข็งมากกว่าจะเป็นทอม แดนเลยต้องยื่นข้อเสนอ “ถ้ากลัวแดกไม่อิ่ม ตัวเลือกน้อยเดี๋ยวกูพาไปหาอะไรกินก็ได้”
เฮ้อ…อยากจะถอนหายใจวันละหลายล้านรอบกับเพื่อนคนนี้ ที่ต้องตามใจประหนึ่งว่าเป็นเมีย
“ตะ…”
“ไม่มีแต่ แล้วรีบใสหัวไปร้านเนื้อย่างกันสักที กูหิวจนจะแดกหัวมึงได้แล้ว” จากตอนแรกเป็นศึกระหว่างทอมกับออย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศึกของออยและแดนไปเสียแล้ว เพราะสองคนนี้กำลังจะแดกหัวกันอยู่รอมร่อ
เมื่อทุกอย่างเคลียร์แล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มถูกความมืดเข้าปกคลุมถึงเวลาที่สามหนุ่มต้องออกไปร้านเนื้อย่าง เพราะเสียงท้องร้องในกำลังร้องประท้วงประหนึ่งว่าฟ้าผ่า ทอมขับรถมาต่างหากเพราะเขาต้องกลับไปที่คอนโดของคุณนิว ส่วนออยและแดนนั้น แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกัน
“สวัสดีค่ะ ลูกค้ากี่ที่คะ?” เด็กเสิร์ฟสาวหน้าตาน่ารักเดินมาถาม เมื่อเห็นว่าลูกค้าโต๊ะใหม่กำลังเข้า
“สามครับ” ทอมตอบพร้อมกับเดินหาที่นั่ง และโต๊ะที่เขาเลือกก็เป็นโซนด้านหน้าร้าน บริเวณนี้เปิดโล่งไม่มีหลังคายื่นออกมา ทำให้รับลมเย็นๆที่กำลังพัดเอื่อยเฉื่อยพัดผ่านร่างใหญ่สร้างความสบายตัวให้คนขี้ร้อนได้เป็นอย่างมาก
“รับชุดเล็กหรือชุดใหญ่ดีคะ?”
“เอาชุดใหญ่สอง แล้วก็ชุดแถมขอเป็นสามชั้นล้วน เครื่องดื่มเอาเป็นโค้กแล้วก็น้ำเปล่าสองขวด” ทอมสั่งอย่างรู้งาน เมื่อพนักงานเดินออกไปออยและแดนก็เดินเข้ามา
“สั่งยัง?” ทั้งสองนั่งลงฝั่งเดียวกัน เพราะเก้าอี้เป็นเก้าอี้แบบยาว ซึ่งทางฝั่งที่ทอมนั่งอยู่นั้นบอกเลยว่าเหลือพื้นที่เยอะมาก
“สั่งแล้วสิ รอมึงสองคนคงไม่ได้กินหรอก”
Rrrrrrr
ทอมว่าอย่างนั้น แต่ก่อนที่ออยหรือแดนจะได้เอ่ยปากพูดขึ้น เสียงโทรศัพท์เครื่องสวยก็ส่งเสียงร้องเตือนว่ามีคนโทรมา
“ว่าไง?” ไม่ปล่อยให้ปลายสายรอนาน แค่เพียงเสี้ยววินาทีทอมก็กดรับ เพราะชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอนั้นขึ้นว่า ‘ไอ้ลูกหมา’
[น้องทอมอยู่ไหนครับ?]
“ทำไมอ่ะ มีไร ?” แทนที่จะตอบคำถาม แต่กลายเป็นทอมที่ถามกลับ
[พี่ว่าจะชวนทานข้าว]
“ไม่ได้ว่ะ ตอนนี้อยู่ร้านเนื้อย่าง”
[อืม…น่าเสียดายจังเลยนะครับ] ในประโยคนี้เสียงของคุณนิวอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ฟังแล้วดูหงอมากๆ จนอยากรู้ว่าหน้านิ่งๆอย่างเขา ตอนนี้กำลังหงอเหมือนกับเสียงที่เปล่งออกมาหรือเปล่า
“เออ โทษทีมึงม้าช้าอ่ะ ไปหาอะไรกินเองก็แล้วกัน”
[ครับ…] คุณนิวตอบรับแค่เพียงสั้นๆ และกดวางสาย และมันมีชั่วขณะหนึ่งที่ทอมรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็พยายามบอกตัวเองอยู่ในใจว่าคุณนิวโทรมาช้าเอง เราไม่ได้มีนัดกันมาก่อน เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อย
“ใครวะมึง?” เป็นเพราะทนความสงสัยของตัวเองไม่ไหวออยเลยเอ่ยปากถามออกไปด้วยความอยากรู้
“เออ ไว้เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” ไม่ใช่ว่าไม่อยากเล่า แต่เพราะขี้เกียจที่จะนั่งสาธยายทอมเลยขอเลี่ยงที่จะพูด และอีกอย่างทั้งสองคนยังไม่รู้ว่าทอมต้องไปอาศัยที่คอนโดคุณนิว และถ้ารู้ทั้งสองคนก็จะเกิดคำถามขึ้นอีกมากมาเช่น ว่าทำไม? ไหนว่าไม่ชอบ? ไหนว่าคนนี้แฟนใหม่เค้ก? และอีกบลาๆๆ ซึ่งทอมขอไม่สู้ในการตอบคำถาม ไม่ใช่ว่าเพราะกลัวโดนล้อหรืออะไร แต่มันขี้เกียจมากจริงๆ และนิสัยข้อนี้มันก็แก้ไม่หายเสียแล้ว
อ่านต่อข้างล่างนะคะ
-
ต่อค่ะ
สามหนุ่มใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการยัดเนื้อย่างชุดใหญ่สองแถมหนึ่ง บอกเลยว่าตอนนี้ซิปกางเกงแทบจะแตกอยู่รอมร่อ จนทอมถึงขั้นแวะเซเว่นเพื่อลงไปซื้ออีโนกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นไม่เกินสิบนาทีมาสด้าคันสวยก็เลี้ยวเข้าไปยังบริเวณลานจอดรถของคอนโดหรูของคุณนิว บอกเลยว่า ณ จุดจุดนี้ถ้าให้คลานขึ้นห้องคงต้องคลานเพราะมันอิ่มมากจนไม่อยากเดินหรือทำอะไรทั้งนั้น
สี่ทุ่มโดยประมาณที่ทอมมาถึงห้องของคุณนิว เจ้าตัวเลยถือวิสาสะเดินเปิดประตูเข้าไปเลยไม่ได้กดออดเรียกให้เจ้าของห้องออกมาเปิดให้ เพราะคุณนิวทิ้งคีย์การ์ดไว้ให้ตั้งแต่เมื่อเช้าก่อนจะแยกย้ายกัน
เมื่อเข้ามาถึงใจกลางห้องแล้ว ภาพตรงหน้าที่ปรากฏคือผู้ชายที่อายุสามสิบอัพแต่หน้าเด็กม๊ากกกกมากกำลังนั่งอยู่หน้า แล็ปท็อปราคาแพงที่วางไว้อยู่บนโต๊ะตัวเล็กตรงโซฟา
“ยังไม่นอนเหรอ?” ชั่วขณะหนึ่งที่ทอมเดินเข้ามา คุณนิวทำแค่เพียงชำเลืองตามองและไม่ได้เอ่ยถามอะไร ทำให้ทอมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามเอง ทั้งที่ปกติแล้วจะไม่ได้เป็นในรูปแบบนี้
“ยังครับ” และเขาก็ตอบกลับสั้นๆทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากหน้าจอ แถมมือก็ยังพิมพ์ยิกๆไม่หยุด และท่าทางของคุณนิวที่เห็นอยู่ในตอนนี้ทำให้ทอมคิดไปไกลว่าเขากำลังโกรธ เรื่องที่ไม่ได้ไปกินข้าวกับเขา
แต่คนดื้อก็ไม่ได้โทษตัวเองหรอกนะ เพราะเจ้าเด็กยักษ์ปลอบใจตัวเองตลอดว่าไม่ได้ทำผิดอะไร อีกทั้งคุณนิวเพิ่งโทรมาชวนมายอมชวนตั้งแต่เนิ่นๆ
แต่ก็นะ…ถึงจะคิดอย่างนี้แต่มันก็…
โว้ยยยย !
อยากจะทึ้งหัวตัวเองแรงๆ ทึ้งทำไมไม่รู้แต่ตอนนี้อยากทึ้งมาก
ทอมอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นอยู่ในสายตาของคุณนิวเสมอ และท่าทางของทอมในตอนนี้ทำให้เขาอยากจะเอ่ยปากถามเจ้าเด็กยักษ์มากว่า ‘เป็นอะไรหรือเปล่า’ แต่เพราะงานตรงหน้านั้นเครียดเกินไปเลยทำให้เขาหยุดแค่เพียงคิด
เมื่อเขาได้จดจ่ออยู่กับอะไรแล้วใจก็จะไม่วอกแวกไปไหน อย่างเช่นตอนทำงาน ถ้าทำงานก็คือทำเขาจะไม่สนใจสิ่งใดเด็ดขาด นิสัยของคุณนิวก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องงาน เรื่องอื่นก็ไม่เว้นเช่นกัน ถ้าผ่านพ้นช่วงของการสนใจงานไปแล้วก็นะ สิ่งต่อไปที่จะสนใจและจดจ่อสาบานได้ว่าคงไม่พ้น… เจ้าเด็กยักษ์คนนี้
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปทอมนอนกระสับส่ายไปมาอยู่บนเตียง เล่นโทรศัพท์ก็แล้ว ลองเอาหนังสือออกมาอ่านก็แล้วแต่ต้องขอยอมรับเลยว่าภาพของคุณนิวที่นั่งทำงานก่อนหน้านี้ลอยวนเวียนอยู่ในหัวเขาไปมา
แต่จริงๆแล้วตอนที่คุณนิวนั่งทำงานนั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญนักหรอก จะว่ายังไงดี…
ก็เพราะลักษณะท่าทาง ปฏิกิริยาของคุณนิวที่มีต่อเขาน่ะสิ… ดูก็รู้ว่ากำลังโกรธกันเห็นๆ
เฮ้ออออออ ! มันจะไม่ไร้สาระไปหน่อยหรือไง แค่ไปตามคำชวนของเขาไม่ได้เนี่ย !
คิดแล้วก็หงุดหงิด และการระบายความหงุดหงิดว้าวุ่นใจของทอมก็คือการเตะขาไปมากลางอากาศ ดีดดิ้นเสียจนผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่
'ไอ้ลูกหมาเอ้ยยย!’ พร้อมทั้งก่นด่าคนที่นั่งทำงานอยู่ข้างนอกเสียงดังลั่น แต่มันก็ลั่นไปได้ไม่ถึงคุณนิวเพราะเจ้าตัวดันเอาหน้ามุดลงไปในหมอนใบโต
แต่แล้ว…
พรึบ !
ทั้งห้องก็ต้องตกอยู่ในความมืดเพราะไปที่เปิดสว่างอยู่ๆก็ดับไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
“เหี้ยอะไรวะเนี่ย !” ร่างสูงดีดตัวขึ้นจากที่นอนด้วยความรวดเร็ว พร้อมทั้งสบถออกมาด้วยความตกใจระกับความสงสัย
ทันเท่าความคิดเจ้าตัวรีบลุกออกจากเตียงและกำลังจะเดินออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก แต่นึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบโทรศัพท์ ทันเท่าความคิดร่างสูงเลยกลับหลังหันจะไปหมายจะไปเอาโทรศัพท์ที่อยู่ตรงไหนสักที่ของเตียงหลังใหญ่นี้
แต่…
โอ้ยย !
เสียงอุทานเพราะความเจ็บปวดของเขาดังลั่นห้อง เพราะปลายเท้าดันไปเตะที่ขาเตียงนอนเข้าอย่างจังสาเหตุก็เป็นเพราะว่ามองไม่เห็นอะไร เลยกะระยะของช่วงเท้ากับเตียงนอนไม่ได้ ตอนนี้ทอมเลยได้แต่กระโดดโหยงๆไปมาท่ามกลางความมืด สองมือก็กำแน่นที่บริเวณปลายเท้าเพราะความเจ็บ
“ไอ้โง่เอ้ยยย!” เป็นเพราะความหงุดหงิดเลยทำให้ลั่นคำออกมาด่าตัวเองหนึ่งประโยค เมื่อความเจ็บบรรเทาลงแล้วเลยเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปหาคุณนิว
เจ้าเด็กยักษ์ใช้แฟลชจากโทรศัพท์เป็นแสงนำทางในความมืด บริเวณที่กำลังยืนอยู่ตอนนี้ก็คือพื้นที่กลางห้อง มันเป็นพื้นที่นั่งเล่นซึ่งก่อนหน้านี้คุณนิวใช้นั่งทำงาน และเมื่อส่องแฟลชไปทางนั้นพื้นที่ข้างหน้ากลับว่างเปล่า ไม่มีแลปท็อปหรือกองเอกสารวางทิ้งไว้ และแน่นอนว่าไม่มีเจ้าของห้องนั่งอยู่
เฮ้อ…
ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาเพราะความรู้สึกใจแป้ว อะไรกัน… ไฟดับก็ไม่คิดแม้แต่จะออกมาดูเลยเหรอ?
ก็ได้ๆ จะโกรธกันก็ตามใจ อย่ามาง้อก็แล้วกัน !
ทันเท่าความน้อยใจที่กำลังประทุขึ้นมาเงียบๆ เสียงประตูห้องพร้อมกับเสียงของคุณนิวก็ดังขึ้น “น้องทอมจะไปไหน ?”
เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก แสงแฟลชจากโทรศัพท์เขาสาดส่องไปทางเจ้าเด็กยักษ์ที่กำลังยืนหันหลังเตรียมตัวเดินเข้าห้อง
“เรื่องของกู” ถึงจะพูดไปอย่างนั้น แต่ภายใต้ความมืดนั้นกลับปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทั้งที่เขาไม่รู้ตัวในปฏิกิริยาตอบรับ ว่าคุณนิวโผล่มาแล้วเป็นยังไง ในใจนั้นลิงโลดอย่างบอกไม่ถูก
“พี่โทรไปถามที่ล็อบบี้ข้างล่างแล้ว” คุณนิวพูดพร้อมทั้งเดินไปทางเจ้าเด็กตัวสูง
“แล้-”
“เขาบอกว่ายังไม่ทราบสาเหตุ ทราบแล้วยังไงเดี๋ยวแจ้งอีกที”
“อ่อ… คิดว่าไม่ได้จ่ายค่าไฟ” เจ้าเด็กยักษ์พูดติดตลก ทั้งคู่หันแสงแฟลชเข้าหากัน ทอมถึงได้เห็นว่าคุณนิวอยู่ในสภาพพร้อมนอน จากกลิ่นหอมที่ลอยมาแตะจมูกขอเดาว่าเขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ อีกทั้งยังมีเส้นผมที่เกาะเต็มไปด้วยหยดน้ำ เลยขอเดาว่าก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ได้ออกมาโดยทันทีเป็นเพราะว่าเพิ่งอาบน้ำเสร็จ
เฮ้ออ… เมื่อครู่นี้ก็คิดเป็นตุเป็นตะเสียใหญ่โตว่าคุณนิวโกรธจนไม่อยากเจอ สาบานได้เลยว่าถ้าคุณนิวอ่านใจเขาได้มันต้องน่าอายมากแน่ๆ
“ตามมานี่มา” เป็นเพราะท่าทีของคุณนิวที่ดูเพิกเฉยต่อประโยคคำพูดของตัวเองทำให้ทอมรู้สึกใจแป้วลงอีกครั้งทั้งที่เมื่อห้าวินาทีที่แล้วเขายังรู้สึกดีอยู่เลย
หมับ !
แต่หัวใจเจ้ากรรมมันดันเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อฝ่ามือใหญ่ของคุณนิวจับเข้าที่ข้อมือเขาพร้อมทั้งพาเดินฝ่าความมืดออกไปตรงระเบียง
“นั่งข้างนอกกันเถอะ ข้างในคงร้อนน่าดู” เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงตรงระเบียง เจ้าเด็กยักษ์ก็ทิ้งตัวนั่งลงตรงพื้นกระเบื้องทั้งที่ไม่มีอะไรมารอง
“นั่งลงไปอย่างนั้นก็สกปรกสิครับ เดี๋ยวพี่ไปหาเก้าอี้มาให้”
หมับ !
ยังไม่ทันที่คนอายุเยอะกว่าจะเคลื่อนตัวเดินไปเอาเก้าอี้ด้วยซ้ำ เจ้าเด็กยักษ์ก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเขา ก่อนจะออกแรงรั้งให้คุณนิวนั่งลงที่พื้นด้วยกัน
“นั่งลงพื้นนี่แหละ มันไม่ได้เปื้อนขนาดนั้น” ทอมไม่ใช่คนเจ้าสำอางค์ แต่คุณนิวกลับตรงกันข้าม แต่ถึงจะเป็นคนอย่างนั้นยังไง เมื่อเจ้าเด็กยักษ์รั้งให้เขาลงไปนั่งด้วยคำปฏิเสธก็เลยไม่หลุดออกจากปาก
รอบตัวของทั้งคู่เต็มไปด้วยความเงียบเพราะทอมกำลังสนใจแต่โทรศัพท์ตรงหน้าเนื่องจากไลน์กลุ่มกำลังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนคนที่ไม่ค่อยเล่นโซเชียลใดๆอย่างคุณนิวเลยทำแค่นั่งมองท้องฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยความมืดตรงหน้า ก่อนจะหันมองคนข้างๆที่กำลังตั้งใจกดโทรศัพท์ยิกๆอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เขาอาศัยแสงจากดวงจันทร์และแสงไฟจากตึกรอบๆเพื่อเป็นแสงสว่าง
เหอะ…
คิดแล้วก็ตลก อะไรกันนะที่ทำให้เขาสนใจในตัวเจ้าเด็กยักษ์มากขนาดนี้
คนอื่นที่เขาเคยถูกใจก็ยังไม่เป็นถึงขนาดนี้
หรือว่ามันจะพัฒนามาเป็นความชอบกันนะ ?
แต่…เขาไม่เคยชอบใครมานานแล้ว มันจะเกิดขึ้นได้อีกครั้งจริงๆเหรอ ?
คำถามวนเวียนอยู่ในหัวคุณนิวทั้งที่สายตาเขายังไม่ละออกจากเสี้ยวหน้าของเจ้าเด็กยักษ์ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่ตอนนี้เจ้าเด็กยักษ์เลิกสนใจโทรศัพท์และหันมาเห็นว่าคุณนิวกำลังมองตนอยู่อย่างนั้นไม่วางตา
“มองไร ?” เจ้าเด็กยักษ์ปากไวถามออกไปทั้งอย่างนั้นเพราะรู้สึกถึงความแปลกในสายตาของคุณนิว เหมือนมันกำลังมีบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้นแต่ก็ไม่สามารถตีความออกมาได้ว่ามันคืออะไร
“เปล่าครับ” คุณนิวส่ายหน้าไปมาเบาๆพร้อมทั้งรอยยิ้มที่ระบายออกมาน้อยๆ “หิวอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ไปหามาให้?”
“ไม่อ่ะ เนื้อย่างชุดใหญ่สองแถมหนึ่งทำกูพุงแตกจะตายอยู่ละ เนี่ยแน่นท้องไปหมดเลย”
“งั้นเอาอีโนมั้ย? เดี๋ยวพี่ไปเอามาให้”
“ไม่ กินมาแล้ว ตอนนี้อยากได้พาสเตอร์มากกว่า”
“หืม…? น้องทอมเป็นอะไรครับ ?”
“กูเดินเตะขอบเตียง”
“ไหนให้พี่ดูหน่อย” คุณนิวว่าอย่างนั้นพร้อมทั้งจะจับเท้าทอมขึ้นมาดูว่าเป็นมากน้อยแค่ไหน หรือต้องไปหาหมอมั้ย
“นี่ๆ ไม่ต้องเว้ย ไม่ได้เป็นอะไรมากแค่เดินไปเอาพลาสเตอร์มาก็พอ”
คุณนิวนิ่งและเงียบไปประมาณสิบวินาที พร้อมทั้งมองหน้าเจ้าเด็กยักษ์อย่างไม่ค่อยเชื่อในคำพูดนัก “กูไม่เป็นไรจริงๆ ขอแค่พลาสเตอร์ก็พอ”
เป็นเพราะเห็นว่าคุณนิวดูจะไม่เชื่อเท่าไรนัก ทอมเลยต้องพูดซ้ำอีกหนึ่งรอบว่าต้องการแค่พลาสเตอร์จริงๆ
“ก็ได้ครับ ก็ได้…” แต่คุณนิวก็ต้องยอมแต่โดยดี ก็เขาไม่ใช่คนเจ็บนี่นะ
สิ้นประโยคนั้นคุณนิวก็หายไปร่วมห้านาทีก่อนจะกลับมาพร้อมทั้งกล่องประถมพยาบาลและขนมกินเล่นติดมือมาสองห่อที่น่านเคยซื้อมาไว้ก่อนจะย้ายกลับไปอยู่บ้านใหญ่ พร้อมกับโค้กสองประป๋อง
ทอมยื่นมือจะไปคว้ากล่องประถมพยาบาลแต่ก็ต้องหยุดอยู่อย่างนั้นเมื่อคุณนิวขยับไปทางอื่นไม่ให้เจ้าเด็กยักษ์ได้กล่องไป
“เดี๋ยวพี่ทำให้ครับ” เขาว่าอย่างนั้นและนั่งลงที่เดิมของตัวเอง
“เดี๋ยวกูทำเอง”
“ให้พี่ทำนะครับ ไม่อย่างนั้นก็ไปหาหมอ”
“โว้ะ ! เรื่องมาก !”
“เพราะน้องทอมเป็นคนชอบทำอะไรลวกๆ ไม่ค่อยละเอียดเพราะฉะนั้นให้พี่ทำให้ดีกว่านะครับ”
: )
คนเจ้าเล่ห์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล และสุดท้ายทอมก็ยอมในที่สุด
เห็นมั้ยล่ะ…? เขามันพวกหว่านล้อมเก่ง !
“ส่งเท้าข้างที่เป็นแผลมาครับ” ในสถานการณ์ที่เขาต้องการเอาชนะเจ้าเด็กยักษ์คุณนิวจะดูอ่อนโยนเป็นพิเศษไม่ว่าจะทั้งท่าทางและน้ำเสียง
“งี่เง่าว่ะ” ทอมต่อว่าแต่ก็ยื่นเท้าข้างที่เป็นแผลออกไปแต่โดยดี เท้าข้างนั้นถูกคุณนิวจับวางไว้ตรงที่ตักเขา จนทอมอดแปลกใจไม่ได้ว่าคนเจ้าสำอางค์อย่างนั้นกล้าจับเท้าคนอื่นอย่างไม่รับเกียจได้ยังไง
“ครับ” เขาตอบรับพร้อมทั้งตรวจดูว่าแผลใหญ่หรือไม่ ถึงแม้แสงไปรอบกายจะไม่ได้สว่างมากนักแต่ก็พอมองเห็นว่ามีเลือดซึมออกมาจากซอกเล็บ
“เดี๋ยวก่อนนอนก็กินยาแก้ปวดด้วยนะครับ คงปวดน่าดูเลย” คุณนิวว่าอย่างนั้นก่อนจะใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดที่นิ้วกลางของฝ่าเท้า พร้อมกับติดพลาสเตอร์ลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย
“เออ พูดอย่างกับเป็นหมอ”
“เปล่าหรอกครับ…”
“พี่ไม่ได้เป็นหมอ แต่พี่เป็นห่วง”
ตู้ม!
คล้ายกับมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาในหัวของทอม เมื่อได้ฟังประโยคเมื่อครู่แล้วทอมถึงกับไปต่อไม่เป็น เลยแกล้งนำโค้กกระป๋องมาเปิดดื่ม
“พี่เป็นห่วงจริงๆ” เพราะความเงียบที่เข้าปกคลุมคนทั้งคู่ เหมือนกับความมืดที่กำลังปกคลุมท้องฟ้า คุณนิวเลยพูดอีกหนึ่งประโยคออกไป แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนประเภทดีแต่พูด เขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“คะ ใครเขาพูดแบบนี้กัน”
“พี่ไงครับ… คราวหลังดูแลตัวเองให้ดีๆหน่อยพี่ไม่อยากเห็นเราเจ็บตัว”
“…”
นอกจากคนในครอบครัวและเพื่อนแล้ว เจ้าเด็กยักษ์ของเขาก็เป็นอีกหนึ่งคนที่คุณนิวรู้สึกว่าไม่อยากให้เกิดความเจ็บปวดขึ้นกับเจ้าตัว ไม่ว่าจะเจ็บปวดทางกายหรือทางใจ
“…”
“หายโกรธกูแล้วหรือไง ?” หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง คำถามที่ค้างคาใจมาตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้วก็ถูกพูดออกมา
“หืม…?” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันน้อยๆ “โกรธ…? พี่ไม่ได้โกรธอะไรเรานะ”
“ใช่เหรอ? ร้อยทั้งร้อยที่บอกว่าไม่ก็ใช่ทั้งนั้นแหละ”
“จริงสิครับ พี่ไม่ใช่คนซับซ้อนอะไรขนาดนั้น” “แล้วเรื่องอะไรล่ะครับ ที่ทำให้น้องทอมคิดว่าพี่จะโกรธ?”
“ก็…”
“…”
“ก็เรื่องที่กูไม่ไปกินข้าวด้วยอ่ะ !” ถึงตอนแรกจะอึกอัด แต่พอได้พูดออกมาแล้วทอมกลับพูดเร็วรวดเดียวจบ
“ฮะ… ฮะ ฮะ ฮ่า” และคำตอบเมื่อครู่นั้นทำเอาคุณนิวหลุดขำออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เสือยิ้มยากอย่างเขาดันมาหลุดหัวเราะเพราะเรื่องเข้าใจผิดของน้องทอมที่มีต่อตัวเขาได้อย่างง่ายดาย สาบานได้เลยว่าถ้าศักดิ์ดาและสิงหามาเห็นมีหวังโดนล้อยันลูกบวชแน่ๆ
“หัวเราะอะไร !?” คนคิดเป็นตุเป็นตะถามด้วยความหงุดหงิดระคนกับความอับอาย แล้วไอ้อาการเงียบขรึม มึนตึงก่อนหน้านี้ล่ะ? มันคืออะไรกัน !
“เปล่าครับ” เขาตอบและหยุดหัวเราะแต่ก็ยังคงไม่หยุดยิ้ม บอกได้คำเดียวว่ามันสร้างความน่าอับอายให้กับเจ้าเด็กยักษ์เป็นอย่างมาก
“โว้ยยย ไปไม่อยู่แล้ว!” เจ้าเด็กยักษ์โวยวายก่อนจะรีบลุกขึ้นหมายจะเดินหนีออกไปจากสถานการณ์หน้าอับอายนี้ให้เร็วที่สุด
หมับ !
แต่ทอมก็ช้ากว่าคุณนิวหลายปีแสง พอเขาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือก็ออกแรงดึงให้เจ้าเด็กยักษ์นั่งลงที่เดิม
“พี่ไม่ขำแล้วก็ได้”
“ห้ามยิ้มด้วย !” ทอมนั่งลงแล้ว พร้อมกับพูดข้อห้ามข้อที่สองที่คิดว่าคุณนิวห้ามทำ นอกจากการหัวเราะแล้ว
“ไม่คิดเลยนะครับ ว่าจะเรื่องแบบนี้เป็นด้วย?”
“เรื่องแบบนี้ ?” ทอมถึงกับหันหน้าไปถามอย่างหาเรื่อง เรื่องแบบนี้เหรอ? เหอะ….! เรื่องแบบนี้แล้วมันยังไง ?
“พี่หมายถึงเรื่องเล็กๆน้อยๆ เพราะเราดูไม่น่ามานั่งคิดถึงเรื่องแบบนี้”
“มึงจะบอกว่ากูไม่ค่อยสนใจความรู้สึกคนอื่นงั้นสิ !?” แต่ดูเหมือนว่ามันจะแย่ไปกว่าเดิม เพราะทอมดันตีความหมายไปแบบผิดๆ
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่” คุณนิวตอบอย่างใจเย็น ผิดกับคนตรงหน้าที่กำลังมีไฟลุกอยู่บนศีรษะ “ก่อนหน้านี้พี่ก็สงสัยเหมือนกันว่าเราเป็นอะไร เพราะดูแปลกไปเหมือนกัน”
“แล้วทำไมไม่ถาม แล้วทำไมพอกูถามมึงแล้วต้องตอบกูแบบตึงๆ ตอบแบบไม่สนใจด้วยล่ะ?”
ถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปจะคิดแล้วนะว่าน้องทอมกำลังน้อยใจเขาจริงๆ
“ก็พี่เครียด เพราะกำลังทำงาน”
“แล้วยังไงวะ ? กำลังทำงานแต่พูดให้ดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง @$%@$^@@%&@&@^*@^@*^@* ”
ภาพของทอมที่กำลังบ่นคุณนิวยาวเป็นหางว่าวดันมีภาพของใครสักคนแทรกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...
น้องทอมทำให้เขาคิดถึงใครบางคน
และใครคนนั้นก็เป็นคนที่ติดอยู่ในใจเขามานานแสนนาน
“อื้อ….”
เพราะน้องทอมทำให้เขาคิดถึงอดีตมากเกินไปการที่ทำให้เจ้าตัวหยุดพูดหยุดบ่นน่าจะดีกว่า แต่เขาดันใช้วิธีที่แตกต่างออกไป…
ริมฝีปากสวยได้รูปฉกฉวยทาบทับลงบนริมฝีปากของเจ้าเด็กยักษ์เพื่อดูดกลืนเสียงที่กำลังกำลังเปล่งออกมาให้หายไป เขาอยากให้ทอมหยุด…เพื่อที่จะไม่ต้องทนเห็นภาพในอดีตมาซ้อนทับภาพที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
เพราะมันแย่มาก… และเขาทนไม่ได้จริงๆ
ทอมตกใจจนมือไม้อ่อนไม่ไม่แม้แต่แรงที่จะขัดขืน ไม่ใช่ว่าไม่เคยจูบแต่เพราะอีกคนเป็นผู้ชายเขาเลยรู้สึกว้าวุ่นไปนิดหน่อย จากนั้นความรู้สึกพวกนั้นก็กลายมาเป็นความสงสัยและแปลกใจในตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนี้
ถ้าเราจูบคนที่ไม่ได้ชอบ หรือไม่ได้รัก แน่นอนว่ามันต้องเป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคลายไปออก แต่กับคุณนิวแล้ว… มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิดเขากลับ…รู้สึกดีจนน่าปะหลาดใจ
ลมหายใจของคุณนิวได้กลิ่นยาสีฟันเต็มไปหมด ส่วนทอมนั้นก็มีความหวานของน้ำโค้กเคลือบอยู่ในโพรงปากจนทำให้คนที่ไม่ชอบดื่มน้ำอัดลมอย่างคุณนิวถึงกับติดใจ และชอบมันได้อย่างง่ายดาย
เขาไม่ได้ลุกล้ำด้วยการสอดแทรกเลียวลิ้นแต่กับทำแค่บดคลึงเบาบ้างหนักบ้างสลับกันตามแรงอารมณ์ที่กำลังเกิด รสจูบนี้อีกคนได้ความหวานแต่อีกคนกลับรู้สึกขมปร่าอย่างบอกอไม่ถูก เสียงชื้นแฉะดังขึ้นรอบกายแต่กลับส่งไปไม่ถึงเขาทั้งคู่
จนกระทั่ง…
พรึบ !
ไฟกลับมาใช้ได้อีกครั้ง เลยทำให้สวิตช์ไฟที่เปิดค้างไว้อย่างนั้นเริ่มทำงานทันทีที่ได้กระแสไฟฟ้า เขาทั้งคู่ผละออกจากกันด้วยความรวดเร็ว ทอมมีสีหน้าที่ค่อนข้างตื่นตกใจส่วนคุณนิวนั้นยังคงรักษาความราบเรียบไว้ได้อยู่
“ฟะ ไฟมาละแล้ว ”
“…”
“ปะ ไปนอนแล้วนะ ง่วงมาก” ทอมทิ้งท้ายไว้อย่างนั้นก่อนจะรีบวิ่งแจ้นเข้าห้องตัวเองไปด้วยความรวดเร็ว เหลือก็เพียงแต่คุณนิวที่นั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ทิ้งไปกับสายลมที่กำลังพัดเอื่อยเฉื่อย
ให้ตายสิ… นี่เขาทำอะไรลงไป ?
จูบแรกของเขากับเจ้าเด็กยักษ์มันควรจะเกิดจากอะไรที่ดีกว่านี้… ไม่ใช่เพราะว่าเขาต้องการทำลายภาพๆนั้นที่กำลังฉายซ้อนทับอยู่กับน้องสิ…
คุณากรกำลังรู้สึกผิดอย่างมาก
หนึ่งประโยควนเวียนอยู่ในหัวเขาไปมาว่า ‘ไม่น่าทำเลยจริงๆ’
โปรดติดตามตอนต่อไป...
งุ้ยยยยย หายไปนานเลยยยยยยยยยยยยยย ต้องขอโทษอย่างสุดซึ้งด้วยนะคะ ก็ไม่มีอะไรมาก...เเค่.... เขาจูบกันเเรวข่ะเเม๊ขาาาาาา กรี้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ถึงจูบของคุณนิวเขาจะรูู้สึกหน่วงๆมากก็เถอะค่ะ
เอาเป็นว่านะคะ รักน้องชอบน้องอย่าลืมคอมเม้น หรือ ติดเเท้ก #คนของคุณากร ในทวิตเตอร์นะคะ
ปอลิงค่ะ นิยายเรื่องนี้แบ่งอัพเป็นเปอร์เซ็นนะคะ ซึ่งจะอัพในเด็กดีก่อนเเล้วอัพครบ100%เมื่อไรถึงจะมาอัพในเล้าค่ะ สามารถตามอ่านในเด็กดีได้นะคะ หรือใครจะรออ่านร้อยเปอร์เซ็นทีเดียวก็ได้ค่ะ
สามารถเข้ามาคุยเเละคอยติดตามความเคลื่อนไหวของนิยายได้ที่ twitter @blueeyesmine
เจอกันตอนหน้านะคะ
รัก
-
:pig2: :pig2: :L2:
-
สนุก รอรอรอรอ
-
:L2: :pig4:
ความหลังอะไร อยากรู้
-
งื้ออออ ความหลังอะไรนะ อย่ามาทำให้น้องเสียใจน้า
-
อยากรู้ว่า " คนในความหลัง " ของพี่นิว นี่ตายหรือว่ายังมีชีวิตอยู่ แต่ถึงจะตายหรือไม่ตายถ้าวันหนึ่งน้องรักพี่ขึ้นมาแล้วรู้ว่าพี่มีคนในใจ วันนั้นน้องคงเสียใจน่าดู
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: