Once Upon A Dream
ความรักของผมกับเขาเหมือนฝันฉากหนึ่ง ที่พอตื่นขึ้นมาเราก็ต้องกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
[/b][/size]
ผมมีบ้านสวนอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดี ร่มรื่น เราทำสวนแอปเปิ้ลกันแต่ก็มีพืชพรรณชนิดอื่นด้วย ส่วนใหญ่เป็นของกินได้ แม่เคยบอกว่าสร้างที่นี่ไว้เพื่อเป็นพื้นที่ส่วนตัวของผม วันใดที่ผมอยากพัก ให้หลบกลับมาที่นี่
“คุณหนู!”
“สวัสดีครับป้า”
“มาได้ยังไงคะเนี่ย” ป้านวล แม่บ้านที่ดูแลบ้านสวนให้เราวิ่งเข้ามากอดผมด้วยความโหยหา มือที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลาลูบเส้นผมของผมอย่างแผ่วเบา เหมือน0tรู้ว่าผมกำลังต้องการใครสักคน
“คิดถึงป้าครับ” ผมกระชับอ้อมกอดแน่น รับพลังบวกจากแม่บ้านที่นับถือเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่มาให้เต็มที่ก่อนจะถอดกอดออก
“มาเหนื่อยๆ ไปพักก่อนนะคะ ทำไมไม่บอกป้าก่อนเนี่ย ป้าจะได้เตรียมที่หลับที่นอนให้…” ป้านวลบ่นไปตามภาษา ผมเดินไปฟังบ้างไม่ฟังบ้างแต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้
อย่างน้อยก็ยังมีป้า ผมไม่ได้ไม่เหลือใครในโลกใบนี้
สายลมเอื่อยๆปะทะร่างกายผมที่ยืนอยู่นอกระเบียง ควันในแก้วโกโก้ร้อนลอยกลับมาทางผม กลิ่นหอมของมัน หลายคนบอกว่าจะช่วยผ่อนคลายได้ ผมก็หวังอย่างนั้นนะ
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะ”
“ใกล้แล้วครับป้า”
“งั้นป้าปิดไฟข้างนอกเลยนะคะ”
“ครับ”
แสงไฟบริเวณรอบๆบ้านดับสนิท ความมืดยามรัตติกาลมาเยือน มาพร้อมกับภาพและเสียงในความทรงจำ
‘ภพ’
‘ผมรักคุณ’
‘ผมก็รักคุณ’
ในความมืด ภาพสองร่างกอดก่ายกันบนเตียงกว้าง เสียงหายใจหอบหนักดังไม่หยุดทั้งคืน ทั้งเหนื่อย ทั้งล้า แต่กลับมีความสุข รอยยิ้มที่ส่งให้กันหวานซึ้งชโลมใจ ความเหนื่อยล้า ความกังวลใจ เทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่ได้รับ
ผมสะบัดหัวไล่ภาพนั้นออกจากสมอง
สองขาก้าวเข้ามาในห้องนอน ทิ้งตัวลงสูดกลิ่นอายบนเตียงคล้ายกับต้องการได้กลิ่นของใครบางคน...ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
“ภพ” ผมไม่ได้กลิ่นเขา ไม่รับรู้ถึงเขา แน่ล่ะ กี่ปีมาแล้วกลิ่นกายเราจะยังติดอยู่บนที่นอนได้ยังไง
ผมพลิกตัวนอนตะแคง เตียงด้านข้างว่างเปล่า ไร้เงา ‘ภพภูมิ’ ชายคนรักของผม ตอนนั้นเขาก็เคยนอนที่นี่...ข้างๆผม
ผมยื่นมือไปแตะที่ว่างข้างตัวเบาๆ หลับตานึกถึงคนที่จากไปแล้ว ภาวนาขอให้ได้เขากลับมาซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้
ต่อให้พลิกอีกกี่รอบ ยื่นมือคว้าอีกกี่หน ผมก็ไม่มีทางได้เขาคืนมา
“พนา!” เสียงเรียกสดใสของภพภูมิดังขึ้นพร้อมกับร่างปราดเปรียววิ่งเข้ามาหาผม ภาพเขาเหมือนขยับช้าๆ ฉีกยิ้มเจิดจ้า โบกมือให้ผมท่างกลางแสงอาทิตย์ตอนเช้า
ช่างสดใส
“ภพ”
“แกะออกลูก ไปดูกันเร็ว” ภพเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวผม สวนเขาอยู่ข้างๆบ้านสวนของผม เขาน่ารัก นิสัยดี ช่างเอาอกเอาใจ เป็นผู้ชายมีเสน่ห์มากๆคนหนึ่ง
“น่าสนใจตรงไหน” ผมมองแกะขนปุยสีขาวที่กำลังจะออกลูก คนงานช่วยกันหาน้ำอุ่นและผ้า สัตวแพทย์ให้การดูแลมันอย่างใกล้ชิด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แกะออกลูก แต่เป็นครั้งแรกที่ภพเคยเห็น เขาเพิ่งย้ายมาได้ไปถึงปี ช่วงที่ผมมาอยู่ที่นี่ตอนปิดเทอมฤดูร้อน เราเลยรู้จักกัน
ภพตื่นเต้นกับทุกอย่างที่นี่ สนใจทุกอย่างโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผมต้องพาเขาทัวร์ดูธรรมชาติแทบจะทุกวัน ไม่เคยมีครั้งไหนที่ภพบอกว่าไม่สนุกเลย
ผมติดต่อกับภพตลอด แม้แต่ตอนเปิดเทอมที้ต้องย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน เราคุยกัน เล่าสิ่งที่เจอในวันนี้ให้กันฟัง ช่วงวันหยุดเมื่อไหร่ผมจะกลับมาที่นี่เสมอ
จนเวลาผ่านไปหลายปี จากเด็กม.ต้น ย่างเข้าสู่วัยมหา’ลัย ความรู้สึกสนิทสนม คุ้นเคยเปลี่ยนความรู้สึกจากเพื่อนกลายเป็นคนรัก
ผมรักเขา แน่นอนเขาก็รักผมเช่นกัน
วันนั้น เราไปเที่ยวน้ำตก นั่นคือครั้งแรกที่เรามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ผมจำเหตุการณ์วันนั้นได้ไม่มีวันลืม เราเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน แต่แล้วก็เหมือนแม่เหล็กในตัวเราดึงดูดเข้าหากัน
เรากอดกัน จูบกัน เนื้อแนบเนื้อ ทุกสัมผัสที่จับต้องกันสร้างความร้อนวูบไหวไปทั่วร่าง อารมณ์ดิบถูกปลุกขึ้น จบท้ายด้วยการร่วมรัก
นึกแล้วยังขำ เราทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นฝ่ายทำและใครจะเป็นฝ่ายถูกกระทำเพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
รู้ไหม วันนั้นเราใช้การเป่ายิงฉุบเพื่อตัดสิน คนแพ้เป็นฝ่ายถูกกระทำ
...และผมแพ้
ผมรู้ว่าภพชอบออกกรรไกร จะเอาชนะเขาได้ไม่ยาก แต่ดูจากสีหน้ามีความสุขของเขา ผมไม่อยากทำลายมันเลยจงใจออกกระดาษ
ภพภูมิดีใจมากที่เป็นฝ่ายชนะ แค่เห็นรอยยิ้มนั้น ต่อให้ผมต้องแกล้งแพ้ไปตลอดชาติผมก็ยอม
หลายครั้งที่เราลักลอบทำอะไรแบบนี้ บางทีก็บนห้องผม บางทีก็ที่น้ำตก แม้แต่ในคอกม้าก็มี
ก็วัยคะนอง อยากรู้อยากลองเป็นธรรมดา
พ่อกับแม่เราทั้งคู่ไม่รู้เรื่อง ผมเดาว่าถ้ารู้มีหวังบ้านแตก แม่ผมไม่เท่าไหร่ แต่พ่อผมกับพ่อแม่ภพ พวกเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอย่างเรา
ครั้งหนึ่งเคยไปกินข้าวร่วมกัน พวกเขาเคยพูดถึงประเด็นนี้บนโต๊ะอาหาร ภพหน้าเจื่อน ผมทำได้เพียงลอบใช้เท้าเขี่ยต้นขาเขาเพื่อให้กำลังใจ
ประโยคหนึ่งที่ว่า ‘จะเป็นอะไรก็ได้ขอแค่เป็นคนดี’ ใช้ไม่ได้กับทุกคน
เพี๊ยะ!
“ลูกสารเลว” ผมมองภพภูมิถูกพ่อของเขาตบด้วยแววตาเจ็บปวด พวกเขารู้แล้ว เขาได้ยินเสียงพวกเราเมื่อคืนนี้ ตอนที่ผมกำลังทำอะไรกับภพ
“ฉันไม่ได้เลี้ยงแกมาเป็นพวกวิปลิตผิดเพศแบบนี้!”
เราไม่ได้วิปลิต แค่รักกันมันผิดตรงไหน
“คุณอาครับ” ผมอยากเถียงแทนภพ แต่พ่อของผมร้องห้ามไว้ก่อน
“เงียบซะพนา! แกเองก็เหมือนกัน ใครสั่งใครสอนให้แกเป็นแบบนี้ฮะ” ผมถูกพ่อต่อว่า โดนลากไปขังไว้ในห้อง ได้ยินแต่เสียงภพร้องไห้แทบขาดใจ
ผมอยากช่วยเขา อยากเข้าไปกอดเขาแน่นๆแล้วปลอบว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ผ่านไป แต่ผมทำไม่ได้ เสียงตึงตังดังอยู่ข้างนอกไม่นานก็เงียบไป เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเสียงนั้นคือพ่อภพภูมิซ้อมเขา แค่เพราะเขาบอกว่าเขารักผม
เราไม่เจอกันเลยหลังจากนั้น ผมถูกกักบริเวร ภพถูกส่งไปอยู่กับญาติ ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้นบ้านนั้นก็ย้ายออก ผมติดต่อภพภูมิไม่ได้อีก แต่เขารู้ว่าผมรอเขาอยู่ตรงนี้ ได้แต่รออย่างมีความหวังว่าเขาจะมา
แต่เขาก็ไม่เคยมา
หลังจากนั้นได้ข่าวว่าเขาจะแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ครอบครัวสนิทกัน เธอเป็นคนสวย มีหน้ามีตาทางสังคม ผมไปร่วมงานแต่ง ภพในชุดเจ้าบ่าวดูดีมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก เขายิ้มกว้าง หัวเราะกับแขกที่มาร่วมงานอย่างมีความสุข
รอยยิ้มนั้นค่อยๆจางหายไปเมื่อหันมาเจอผม ภพภูมิขอตัวออกจากตรงนั้น ตรงเข้ามาหาผม ทักทายด้วยประโยคธรรมดาอย่าง ‘สบายดีไหม’
เราคุยกัน หลบไปคุยในที่ส่วนตัว เขาบอกยังรักผม คิดถึงเสมอ แต่เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ พ่อเขาไม่เห็นด้วย พยายามกันเขาออกจากเรื่องพวกนี้ พาไปบำบัด หาผู้หญิงให้ แต่การชอบผู้ชายเป็นเรื่องของรสนิยม มันไม่ใช่โรค
ภพอาจจะแต่งงานมีลูกมีหลาน แต่เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเขายังมีความรู้สึกกับผม และผมเองก็ยังรู้สึกกับเขาเช่นกัน
เราจูบกัน
ผมรู้มันไม่สมควรแต่…
อย่างน้อยให้ผมได้ลา
ตอนนี้ภพก็แต่งงานไปแล้ว เขามีความสุข พ่อแม่เขามีความสุข
แต่ผมไม่มี
ผมไม่สามารถยิ้มและบอกได้ว่า ‘ก็ดีแล้วที่เขามีความสุข’ เพราะมันหมายถึงผมอกหัก
ผมเจ็บ ผมเศร้า ผมถึงมาอยู่ที่นี่ กลับมาในที่ที่คิดว่าสบายใจที่สุด
แต่ใครจะคิดว่ายิ่งมายิ่งเจ็บ ที่นอนข้างๆไร้เงาที่คุ้นเคย
นี่แหละโลกแห่งความเป็นจริง รักยังไงก็ไม่สู้ความเหมาะสม ภพเลือกปิดกั้นตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไว้เพื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนส่วนใหญ่ เขาแต่งงานกับผู้หญิง มีลูก มีครอบครัว
ในขณะที่ผมไม่มีใคร
นึกถึงตรงนี้จู่ๆนัยน์ตาผมก็ร้อนผ่าว แค่คิดว่าจะต้องเลิกรอเขาผมก็ทนไม่ได้ มันเจ็บ ปวดไปหมดทั้งใจ ผมร้องไห้หนักที่สุดในชีวิตตั้งแต่จำความได้ ผ้าปูที่นอนถูกใช้แทนผ้าเช็ดหน้าจนเปียกชื้น
ไม่มีแล้วรอยจูบนี้ ไม่มีแล้วมือที่เคยสัมผัสกัน ไม่มีแล้วความหวานล้ำของการตกหลุมรัก ภพภูมิกลายเป็นเพียงฝันฉากหนึ่งของผม
ความฝันอันแสนสุข
.
.
ตอนนี้ผมตื่นแล้ว ตื่นมาเพื่อร้องไห้ให้กับความเจ็บปวดในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ยังไงซะ คนเราไม่ได้ฝันครั้งเดียวแน่ ผมหวังว่าสักวันจะมีคนมาทำให้ผมนอนหลับฝันดีแบบนี้อีกครั้งหนึ่ง
.
.
ราตรีสวัสดิ์