พิมพ์หน้านี้ - XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป - ตอนจบ}

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: แจซอล ที่ 14-01-2018 14:03:03

หัวข้อ: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป - ตอนจบ}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 14-01-2018 14:03:03
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


║█║▌║█║▌│║▌║▌█║


โอม ♥ ปิ๊ก


ให้อาหารหมาอยู่ดีๆ ก็มีลูกหมาหลงทางเข้ามาขออาหารกิน
จะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ก็ดูใจร้ายเกินไป แต่การรับเด็กนั่นมาอยู่ด้วยก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตารางเหลือเกิน
ท่องเอาไว้ 'โอม' เด็กนั่นกินไม่ได้


เนื้อหา 15%
NC 55%
ความน่ารักของปิ๊ก 20%
ความหื่นของพี่โอม 10%

:: คำเตือน ::
'พรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี โดยที่ผู้เยาว์นั้นเต็มใจมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ชายมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี ปรับ 4,000-20,000 บาท'



:: หมายเหตุ ::
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นเพื่อความบันเทิง โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

ขอบคุณค่า :)
 :mew1:

หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 14-01-2018 14:10:13

ตอนที่ 1 :: เด็กน้อยที่หลงทางมา


ชีวิตคนเราไม่แน่นอน

เมื่อวานมีงานทำ วันนี้ตกงานแล้ว

เมื่อวานอยู่คนเดียว วันนี้มีเพื่อนร่วมห้องเฉยเลย







โอม

ชื่อของผมคือโอม มีอาชีพเป็นครูพละอัตราจ้าง สัญญาจบลงเมื่อวาน วันนี้ผมกลายเป็นคนว่างงานโดยสมบูรณ์แบบแล้ว

ผมอาศัยอยู่ลำพังในห้องเช่าเล็กๆ ไม่มีครอบครัว ถึงไม่ค่อยสุขกายแต่ก็สบายใจดี







เมื่อวาน

ขณะเดินเตร็ดเตร่อยู่ข้างถนน

"พี่ฮะ" ผมที่กำลังป้อนลูกชิ้นให้หมาข้างถนนที่เคยทำเป็นประจำเงยหน้าขึ้นแล้วชี้หน้าตัวเอง

"ฉันเหรอ"

"อื้อ" เจ้าของใบหน้าใสซื่อ เนื้อตัวมอมแมม ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วอายุน่าจะไม่เกิน 15 ปีพยักหน้าทว่าดวงตาคู่สวยกลับกำลังจับจ้องที่ถุงลูกชิ้นในมือผม

"อะไร จะแย่งหมารึไง" ผมว่าพลางดึงถุงลูกชิ้นไปซ่อนไว้ข้างหลัง

"กินด้วยไม่ได้เหรอ" ลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปากเมื่อขอ

"นี่มันของหมา"

"พี่ก็คิดว่าผมเป็นหมาสิ"

"จะคิดอย่างนั้นได้ยังไง ก็เห็นๆ อยู่ว่าเธอเป็นคน"

ใบหน้าน่ารักถูกแต้มด้วยความสงสัย เสียงท้องร้องดังขึ้นขณะดวงตาหม่นก้มมองหมาที่นั่งอยู่บนพื้นตรงหน้าผมและเขาก็ทำในสิ่งไม่คาดคิด

ร่างบอบบางในเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนนั่งลงบนพื้น เขาช้อนสายตามองผมแล้ววางมือลงบนตก

ผมทำอะไรไม่ถูก มองเขาด้วยความตกตะลึงอยู่ครู่จึงยื่นลูกชิ้นไม้สุดท้ายให้เจ้าสีน้ำตาลที่เพิ่งเดินมา

เด็กน้อยที่ทำตัวเลียนแบบหมาเบะปาก ดวงตาปริ่มน้ำคล้ายจะร้องไห้

"ใจร้าย ผมอุตส่าห์ ฮึก"

แล้วก็ร้องออกมาจนได้

"เธอเป็นใคร" ผมไม่ซื้ออาหารให้คนแปลกหน้า หมาจรจัดที่ผมให้อาหารอยู่นี้ก็รู้จักกันดีทั้งนั้น

"ผมไม่รู้" ทว่าเด็กน้อยกลับตอบคำที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยิน

"หมายความว่ายังไง"

"ไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ผมไม่รู้ ผมหิว" คนหิวสะอื้นฮักจนตัวโยนให้ผมต้องเข้าไปช่วยพยุงเขาขึ้นมานั่งข้างๆ บนเก้าอี้ยาวในสวนสาธารณะที่ทั้งเงียบและมืด

"เอาล่ะๆ" ผมลูบหลังเขาแผ่วเบา พยายามปลอบโยนทั้งที่ตัวเองไม่ถนัด

"ผมหิว"

"หยุดร้องแล้วนั่งรอตรงนี้" ผมบอกแล้วตั้งท่าจะลุกขึ้นทว่ากลับถูกมือเล็กรั้งชายเสื้อเอาไว้

"พี่จะทิ้งผม"

"ไม่ทิ้ง"

"ไม่เชื่อ พี่จะทิ้งผม" เขายังย้ำคำเดิมให้ผมถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายใจ

"แล้วจะให้ทำยังไง"

"พาผมไปด้วย" เรื่องเยอะจริง

กระนั้นผมก็ยอมให้เขาตามมา เด็กนั่นจับชายเสื้อผมไว้ไม่ยอมปล่อย กระทั่งตอนนั่งกินข้าว เขาก็นั่งข้างๆ จับเสื้อผมไม่ยอมปล่อยเช่นเดิม

หลังกินข้าวเสร็จ ผมพาเขาไปสถานีตำรวจ ผมคิดว่าจะส่งเขาที่นั่นแล้วค่อยกลับบ้าน

แต่ทุกอย่างก็ผิดพลาดหมดเมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากชายเสื้อของผมเลย

"พี่จะทิ้งผม"

ย้ำคำเดิมแล้วก็ร้องไห้

"เธอต้องอยู่ที่นี่" ผมบอกพยายามแกะมือเล็กออก

"ผมอยู่กับพี่ไม่ได้เหรอ" ดวงตากลมฉ่ำด้วยน้ำที่คล้ายจะไหลออกมาเมื่อใดก็ได้

"ไม่ได้" ผมย้ำหนักแน่น

ไม่ใช่ไร้น้ำใจแต่ผม...

ผมเป็นเกย์ ผมชอบผู้ชาย ยิ่งกว่านั้นผมแพ้เด็ก ผมกลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะห้ามความต้องการที่ซ่อนลึกในหัวใจไม่ได้

ไม่ได้เด็ดขาด อย่างไรผมก็ไม่มีทางให้เด็กนี่อยู่กับผมเด็ดขาด







"ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น"

ผมบอกเมื่อส่งผ้าขนหนูให้เขา

เด็กชายที่ผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อลังเลที่จะรับจนผมต้องเป็นฝ่ายยัดใส่มือเล็กเสียเอง

"พี่โกรธผมเหรอครับ" เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาหากดวงตากลมไม่ละจากใบหน้าของผมสักเสี้ยววินาที

เพิ่งสังเกตชัดๆ ว่าเจ้าเด็กนี่นอกจากมีเส้นผมสีทองเหมือนฝรั่งแล้วสีตาก็แตกต่างจากชาวเอเชียโดยสิ้นเชิง ถ้าเขาตัวใหญ่กว่านี้ผมคงมั่นใจว่าเขาเป็นฝรั่งแน่ๆ แต่นี่มันไม่ใช่ หรือถ้าใช่ก็คงเป็นฝรั่งแคระ

“มองหน้าทำไม” มองหน้าก็ไม่ได้ด้วย ผมขำเบาๆ ก่อนถอนสายตาจากเขาและปฏิเสธ


"เปล่า"

"พี่โกหก"

"ไม่ได้มองและไม่โกรธด้วย"

"ถ้าพี่ไม่โกรธ พี่ขึ้นเสียงใส่ผมทำไม"

"ฉัน..."

โอ๊ะ! ไอ้เด็กนี่

"ห้องน้ำพี่แคบจัง" มือเล็กเปิดประตูห้องน้ำ ปากก็วิจารณ์

"จะใช้หรือไม่ใช่ ถ้าไม่ใช้ก็ไปอยู่ที่อื่น"

"พี่โกรธผมอีกแล้ว"

ประตูห้องน้ำเปิดค้างไว้ เด็กน้อยก้าวเข้ามาตรงหน้าผม

"ไม่โกรธนะฮะ"

ตัวผมแข็งทื่อเมื่อถูกสวมกอด ใบหน้าน่ารักซุกซบที่แผ่นอกแล้วช้อนตามอง

"หายโกรธนะฮะ"

น้ำเสียงอ้อนๆ นี้อีก จะฆ่ากันหรือไงวะ

"ต้องทำยังไงพี่ถึงจะหายโกรธ"

เด็กความจำเสื่อมนี่คงเป็นเด็กขี้อ้อนน่าดู ทั้งการกระทำและคำพูดของเขาทำผมอ่อนยวบไปหมด ยกเว้นก็แต่...

"ไปอาบน้ำแล้วจะไม่โกรธ"

"จริงนะฮะ" น้ำเสียงร่าเริงขึ้นมาเชียว

ผมพยักหน้าแล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขาผละออกห่าง

เมื่อร่างบอบบางวิ่งหายเข้าไปห้องน้ำผมจึงนั่งลงบนพื้น มือคว้ารีโมทกดเปิดทีวี

เสียงที่ดังจากลำโพงทีวีเป็นเสียงเดียวที่ดังภายในห้องพักเล็กๆ

แปลกจังแฮะ

"น้อง !!" ผมร้องเรียกคนที่หายเข้าห้องน้ำไปแล้วเงียบจนน่าใจหาย

เขาไม่ตอบ ผมจึงพรวดพราดไปที่หน้าห้องน้ำและพบว่าประตูถูกแง้มไว้

เจ้าของร่างเปลือยหันมามองผมแล้วเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้

"น้ำเย็นจังเลย"

น้ำเย็นแล้วไงวะ

"พี่น้ำเย็นมาก ผมหนาว" เจ้าของร่างเปลือยก้าวเข้ามาใกล้ให้เห็นเรือนร่างขาวผ่องเต็มตา

ใจเย็นไว้ไอ้โอม นี่มันเด็กแถมยังเป็นคนแปลกหน้าอีกต่างหาก

"แล้วจะไม่อาบรึไง"

"ผมหนาว" เขายังย้ำคำเดิม

"หนาวก็ต้องอาบ ถ้าไม่อาบก็ออกไปนอนหน้าห้อง"

ผมยื่นคำขาด เด็กน้อยหน้าง้ำงอ เขาปล่อยมือจากชายเสื้อผมแล้วหันหลังให้

มือเรียวเอื้อมเปิดฝักบัวให้น้ำไหลรดร่างกายของเขา

เสียงพึมพำว่าหนาวๆ ยังคงดังอย่างต่อเนื่องกระทั่งผมปิดประตูแล้วก้าวออกมานั่งสงบจิตใจ

ตัวเล็ก ผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้ม เวลาหน้างอหน่อยๆ โคตรน่ารัก ผมจะใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ตรงสเป็กผมได้ยังไงวะ

แกร็ก!

เสียงประตูห้องน้ำดึงสายตาให้ผมเหลือบมอง

ร่างบอบบางก้าวออกมาในสภาพเกือบเปลือย ผ้าที่ควรจะพันเอวไว้เพื่อปกปิดท่อนล่าง เขากลับใช้มันคลุมไหล่ซะอย่างนั้น

"ขอเสื้อหน่อยผมหนาว"

ร่างเล็กกอดตัวเองแน่น ผมจึงเขวี้ยงเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้ให้เขา

"พี่โกรธผมเหรอ"

"ฉันดูเหมือนโกรธตลอดเวลารึไง"

"อื้อ"

เด็กน้อยกดหน้าลงพร้อมกับเก็บเสื้อที่กองตรงปลายเท้าขึ้นมา

"เก่าจัง"

"เรื่องมากจังนะเรา จะใส่หรือไม่ใส่" พอผมขึ้นเสียงเด็กน้อยก็หน้าง้ำงอ

ดวงตากลมจับจ้องที่ใบหน้าของผมพลางสวมเสื้อ

"ตัวใหญ่จัง"

"เธอตัวเล็กต่างหาก"

"กางเกงก็ตัวใหญ่" กางเกงบอลที่ผมซื้อมาแล้วมันคับตูดเมื่อไปอยู่ในเรือนกายบอบบางนั่นกลับดูตัวใหญ่ขึ้นถนัดตา

มองคนที่กำเอวยางยืดของกางเกงที่พร้อมจะหลุดเมื่อปล่อยแล้วก็นึกขำ

"มานี่มา"

เขาไม่ลังเลที่จะก้าวเข้ามาหาผมสักนิด

"สูงเท่าไหร่น่ะเรา"

เขาสูงแค่ระดับอกผมเท่านั้นเอง"

"150 ได้มั้ย"

"ผมไม่รู้" เขาซบหน้าลงบนแผ่นอกของผม "พี่โอม ผมชื่ออะไรเหรอ"

นั่นสิ ชื่ออะไรล่ะ ขนาดเจ้าตัวยังไม่รู้แล้วผมจะรู้ได้อย่างไร

"จำไม่ได้เหรอว่าตัวเองชื่ออะไร"

เด็กน้อยยู่หน้าอย่างที่ชอบทำ

น่าฟัดฉิบหาย

"ลองคิดดูดีๆ"

"คิดแล้วแต่คิดไม่ออก"

"งั้น..." ผมกวาดมองใบหน้าน่ารัก จมูกโด่งรั้น ดวงตากลมโต ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ แก้มขาวใส พลางคิดว่าหน้าตาน่ารักแบบนี้ควรชื่ออะไรดี "อืม...ชื่อปิ๊กดีมั้ย"

"ทำไมต้องปิ๊ก"

"ไม่อยากชื่อปิ๊กเหรอ"

"ไม่ค่อยชอบหรอกแต่ถ้าพี่โอมว่าดีปิ๊กก็โอเค"

แม้จะขี้สงสัยในบางครั้ง แต่บางทีก็น่ารักเหมือนกัน


[T B C]

ฝากติดตามน้องกับพี่โอมด้วยนะคะ
นิยายก็จะออกแนวพี่โอมหื่นๆ หน่อย
ชอบไม่ชอบบอกกันนะ :)
คุยกันในแท็กที่ทวิตก็ได้ #ไม่ใช่_พี่ชาย

หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 14-01-2018 17:03:32
น้องความจำเสื่อมเหรอ หรืออะไรรร
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 2 เด็กชายไร้ความทรงจำ Up.100218}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 10-02-2018 16:41:29

ตอนที่ 2 :: เด็กชายไร้ความทรงจำ


"พี่โอม ดูนี่"

เมื่อประตูเปิดออกในช่วงบ่ายปิ๊กก็เข้ามาลากผมในสภาพร่างกายชุ่มเหงื่อเข้าไปในห้อง

เขาชี้ไปยังฟูกนอนที่ถูกพับมั่วๆ ไม่เรียบร้อยนักด้วยท่าทีตื่นเต้น

ปิ๊กอยู่กับผมมาเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว

เขาทำอะไรไม่เป็นสักอย่างและนั่นก็ทำให้ผมเหนื่อยมาก

ผมซึ่งตอนนี้อยู่ในสถานะคนว่างงานกำลังพยายามหางาน แต่ตลอด 1 สัปดาห์ไม่มีที่ไหนติดต่อให้ผมไปเริ่มงานเลย และเงินเก็บก็ใกล้จะหมดลงแล้วเช่นกัน

"พี่โอมดื่มน้ำ"

ปิ๊กที่ผละออกไปเมื่อครู่กลับมาพร้อมแก้วน้ำใบหนึ่ง เขายิ้มกว้างเมื่อส่งให้ น้ำที่ได้รับมาไม่ได้พิเศษอะไรแต่ดื่มแล้วชื่นใจมาก อาจเพราะผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานเกินไป พอมีปิ๊กอยู่ใกล้ๆ ผมจึงรู้สึกดีมาก

บางครั้งเด็กน้อยยิ้มสวยตรงหน้าผมก็เหมือนเครื่องดื่มชูกำลัง รอยยิ้มของเขามีพลังปัดเป่าความเหนื่อยล้า

"วันนี้จำอะไรได้บ้าง เล่าให้พี่ฟังหน่อยซิ" ผมบอกให้ปิ๊กใช้เวลาทบทวนหาความทรงจำของตนเอง แต่ตลอดสัปดาห์นี้ก็ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรซักอย่าง

ผมนั่งลง ปิ๊กนั่งลงข้างๆ

เด็กน้อยก้มหน้านิ่งแล้วส่ายหัวเบาๆ อย่างทุกวัน

"ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร" ผมลูบไล้เส้นผมของเขาเพื่อปลอบประโลม เส้นผมของเด็กน้อยนุ่มสวยเมื่อลองก้มหน้าลงใช้ปลายจมูกคลอเคลียก็พบว่ามันให้ความรู้สึกที่ดี กลิ่นแชมพูก็หอมจนเผลอสูดดมอยู่นานสองนาน

"พี่โอม หรือว่าบางทีปิ๊กอาจจะไม่มีความทรงจำ" เด็กน้อยว่าอย่างสิ้นหวัง

"ไม่มีใครไม่มีความทรงจำหรอก"

"แต่ปิ๊กจำอะไรไม่ได้เลย"

เมื่อพูดถึงความทรงจำคนที่เคยร่าเริงก็ถูกความเศร้าเข้าครอบงำ ซึ่งผมไม่ชอบเลย

"ยิ้มหน่อย" ผมเอื้อมมือไปหยิกแก้มใสก่อนรื้อกองเอกสารไม่คุ้นตา "นี่อะไรน่ะ"

"ปิ๊กออกไปเดินเล่นหน้าตึก"

คงไปดึงมากจากเสาไฟฟ้ากับตู้รับเอกสารหน้าตึก

"พี่โอมโกรธปิ๊กมั้ย"

"ถามอีกแล้ว เดี๋ยวก็โกรธจริงๆ ซะหรอก" ผมว่าเสียงเข้มขณะไล่สายตาอ่านข้อความในกระดาษคร่าวๆ

"พี่โอมบอกไม่ให้ปิ๊กออกไปข้างนอก"

"พี่เป็นห่วง ถ้าเกิดหลงทางจะทำยังไง จำทางกลับบ้านได้เหรอ" เด็กน้อยส่ายหน้า

"รู้สึกดีจังฮะ" ดวงตากลมโตเปล่งประกาย

เรานอนเล่นอยู่ในห้องเงียบๆ เหมือนคนเลื่อนลอย ที่จริงสภาพผมตอนนี้ก็ใช่แหละ

ล่องลอยไม่มีงานทำ คิดแล้วก็อนาถตัวเอง

"พี่โอมอันนี้เขาเขียนว่าอะไร"

ใบปลิวถูกยกขึ้นในระดับสายตาก่อนคนข้างๆ จะพลิกตัวนอนตะแคงมองหน้าผม

"อ่านหนังสือไม่ออกเหรอเรา"

"ปิ๊กอ่านไม่ได้เลย"

อาการของปิ๊กแปลกมาก นอกจากจำอะไรไม่ได้แล้วเขายังไม่สามารถอ่านภาษาไทยได้

"ฟิตเนสเปิดใหม่ สมัครวันนี้ลดทันที 50%" ผมอ่านออกเสียงให้เด็กน้อยข้างๆ ฟัง "ทำไม อยากเล่นฟิตเนสรึไง พี่ไม่มีเงินหรอกนะ"

"คนนี้" นิ้วเรียวชี้พรีเซนเตอร์หนุ่มหล่อในใบปลิว "หุ่นเหมือนพี่โอมเลย"

คำพูดของปิ๊กทำให้ผมนึกบางอย่างได้







ผมได้งานที่ฟิตเนสเปิดใหม่แห่งนั้น นี่ก็เริ่มงานมาได้เกือบ 1 สัปดาห์แล้ว เพราะเป็นงานที่ถนัดผมจึงรู้สึกสนุกกับมันมากๆ

"ปิ๊กหิว" เด็กน้อยว่าขณะมองอาหารที่ผมซื้อมาด้วยดวงตาเป็นประกาย

ผมไม่อยากคิดเลย แต่ปิ๊กตอนนี้เหมือนหมาตัวน้อยๆ ที่ผมเลี้ยงเอาไว้

"โห น่ากินจัง"

ก็ไม่ได้น่ากินเป็นพิเศษหรอก เพียงแค่มันดูต่างจากปกติมากกว่า

ตอนผมตกงานเราสองคนกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับไข่ต้มทุกวัน แต่ปิ๊กเองก็ไม่บ่นแถมยังดูมีความสุขกับการได้ลุ้นรสชาติของบะหมี่ที่เปลี่ยนไปในทุกๆ วันอีกต่างหาก

"กินเยอะๆ นะ" ผมยื่นช้อนให้ปิ๊กรับไป

"ไม่เกรงใจแล้วนะคร้าบ"

มื้อเย็นหมดลงอย่างรวดเร็ว ปิ๊กดูมีความสุขเป็นพิเศษที่ได้กินอาหารดีๆ

"อร่อยมากเลยฮะพี่โอม"

เด็กน้อยยิ้มแก้มปริขณะเก็บขวดน้ำเข้าตู้เย็น

"วันหลังขอแบบนี้อีกได้มั้ยฮะ"

ผมเงียบไม่ตอบ คนถามจึงคอตกอย่างหมดหวัง

"ปิ๊กคงขอมากไปใช่มั้ยฮะ"

"ไปอาบน้ำได้แล้ว"

เด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย

ผมทิ้งตัวลงบนพื้นเย็นๆ คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อบอกกับบางคนว่าอาหารที่เขาซื้อมาฝากอร่อยมาก หมาน้อยที่บ้านกินมันจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว

ผมพบเขาที่ฟิตเนสเมื่อ 2 วันก่อน เขาเป็นลูกค้าที่หน้าตาโดดเด่นมาก ตัวเล็ก ผิวขาว สเป็กผมเลย

เขาเป็นฝ่ายเข้าหาผมก่อน เราแลกเบอร์กัน และกำลังสานสัมพันธ์อันตราย

'พรุ่งนี้เลิกงานเราไปหาโอมได้มั้ย'

"แฟนไม่ว่าเหรอ"

'พูดแต่เรื่องของเราไม่ได้เหรอ’ แม้ไม่ได้ยินเสียงแต่ก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังงอน

"พรุ่งนี้ไอซ์อยากไปไหน"

'ไปห้องโอมได้มั้ย'

เขายังย้ำคำเดิมให้นิ้วมือของผมชะงักค้างที่คีย์บอร์ด ก็อยากให้มาอยู่หรอกแต่ติดตรงที่...

"พี่โอม น้ำเย็นมากเลย"

นี่ไงปัญหา

ผมเหลือบมองปิ๊กด้วยหางตาแล้วกลับมามองหน้าจอมือถืออีกครั้ง

'เงียบทำไมอะ ซ่อนใครไว้ที่ห้องเหรอ'

"โอมอยู่กับน้องชาย"

'ก็ให้น้องชายโอมไปที่อื่นก่อนสิ นะโอม'

เขาส่งสติ๊กเกอร์มาอ้อน ผมควรทำยังไงดี







ผมนัดปิ๊กออกมาเจอที่สนามเด็กเล่นหน้าปากซอย

เด็กน้อยนั่งแกว่งชิงช้าเพียงลำพังขณะทอดสายตามองภาพข้างหน้าอย่างเลื่อนลอย

ตลอดหลายสัปดาห์มานี้ ยังไม่มีวี่แววว่าความทรงจำของเขาจะกลับมาเลย

ผมก้าวช้าๆ เข้าไปหยุดตรงหน้าเด็กน้อย ปิ๊กเงยหน้ามองผมแล้วยิ้มสดใส

"ชอบที่นี่รึเปล่า" ผมหยุดชิงช้าด้วยมือที่ยื่นไปจับสายเหล็กทั้ง 2 เส้น

เจ้าตัวน้อยมองผมตาแป๋วก่อนจะพนักหน้ารับ

"อยากกินไอติมกับขนมมั้ย”

เขาพยักหน้าอีกครั้ง "ปิ๊กชอบกินไอติม"

"เดี๋ยวเราไปซื้อไอติมกัน"

ผมจูงมือปิ๊กไปที่ร้านสะดวกซื้อ ให้เขาเลือกขนมตามต้องการด้วยงบ 100 บาท

ปิ๊กเลือกขนมไม่กี่อย่างกับไอศกรีมรสสตรอเบอรี่แท่งหนึ่ง

ผมพาปิ๊กที่เอาแต่ดูดเลียไอศกรีมกลับมาที่ชิงช้าในสวนอีกครั้ง จับไหล่ให้เด็กน้อยนั่งลงก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้า

"ปิ๊กรอพี่อยู่ตรงนี้จนกว่าพี่จะกลับมารับได้มั้ย"

"ทำไมฮะ"

ดวงตากลมจ้องมองผม ลิ้นเล็กยังคงเลียไอศกรีมในมือจนสุดความยาว ท่าทางของปิ๊กดูใสซื่อมากแต่ผมกลับมีอารมณ์เพราะท่าทางการดูดเลียไอศกรีมของเขา

"ปิ๊กรอพี่นะ"

"ก็ได้ฮะ แต่พี่โอมต้องรีบกลับมารับปิ๊กนะ"

เมื่อผมพยักหน้ารับใบหน้าที่ถูกแต้มด้วยความสงสัยก็กลับมาสดใสอีกครั้ง

ผมเดินเร็วๆ กลับมาที่ร้านกาแฟหน้าปากซอย ไม่ต้องเดินเข้าไปคนที่รอผมอยู่แล้วก็เดินออกมาหา

"วันนี้ไปเรียนมาเหรอ"

ไอซ์ที่อยู่ในชุดนักศึกษาพยักหน้ารับ

ผมไม่สนใจหรอกว่าเขาเรียนคณะอะไรที่มหา'ลัยไหน รู้แค่ว่าเขาตรงสเป็กและเรามีความปรารถนาเดียวกันก็พอ

"ห้องเล็กหน่อยนะ"

ผมบอกเมื่อเราออกเดิน

ปิ๊กยังคงนั่งกินขนมอยู่ที่เดิมในตอนที่ผมเดินผ่านสวน

"เก็บเสียงมั้ย"

"ไม่รู้สิ ไม่มั้ง"

"ไม่เคยพาใครไปนอนที่ห้องเหรอ"

"ก็เคยนะ แต่ก็ทำเบาๆ อะ"

"คราวหน้าไปทำที่ห้องไอซ์ดีกว่า"

"ได้เหรอ แฟนล่ะ"

"อย่าพูดถึงได้มั้ย"

เมื่อไอซ์พูดจบเราก็มาหยุดที่หน้าห้องพักของผมพอดี

เพียงประตูเปิดออกร่างเล็กก็ดันหลังผมเข้าไปข้างใน และเป็นเขาที่ใช้เท้าผลักประตูให้ปิดลง

ไอซ์ประกบจูบผมราวกับโหยหา เขาเบียดริมฝีปากลงมาบดขยี้ก่อนจะส่งลิ้นชื้นเข้ามาในโพรงปากของผม

มือเล็กๆ ถลกถอดเสื้อของผมออกแล้วโยนทิ้งอย่างไร้ทิศทาง

เขาดูดลิ้นของผมจนต้องครางฮือในลำคอด้วยความซ่านสยิว ก่อนริมฝีปากอิ่ม จะไล่จูบลงมายังลำคอให้ผมแหงนเงยใบหน้าสูดปาก

"อื้อ ไอซ์ใจร้อนจัง"

"ไอซ์อยากกินโอมนี่"

เขาช้อนสายตาขึ้นมองเมื่อลิ้นชื้นปาดเลียที่หัวนมของผมให้เสียวซี้ดไปทั้งตัว

"อ๊า กินอีกสิ กินโอมเท่าที่ไอซ์ต้องการเลย"

ผมลูบเส้นผมนุ่มมือเมื่อไอซ์ดูดสลับเลียและกัดยอดอกของผมซ้ำๆ

โคตรเสียวเลยว่ะ

"อ๊า"

ผมร้องเมื่อลิ้นชื้นเลียระเรื่อยลงไปที่หน้าท้อง

"น่ากิน"

ไอซ์ช้อนตามองผมทุกครั้งที่พูด

ลิ้นเล็กไล้เลียกล้ามเนื้อหน้าท้องของผมซ้ำๆ บ้างก็กัด บ้างทีก็ดูด ถ้าผมผิวขาวกว่านี้คงได้เห็นรอยชัดแน่ๆ

กางเกงวอร์มถูกดึงรั้งให้พ้นสะโพก

ไอซ์แนบแก้มลงบนเนื้อผ้าที่ขวางกั้นระหว่างแก่นกายของผมกับโลกภายนอก

มือเล็กรั้งมันลง ผมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีจนชั้นในลงไปกองที่พื้น

ไอซ์มองกลางกายของผมด้วยดวงตาเป็นประกาย

เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากราวกับต้องการจะกิน

"อ๊า ไอซ์ อื้อ" กว่าจะรู้ตัวก็เผลอครางออกมาซะแล้ว

ลิ้นเล็กก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

เขาค่อยๆ แตะที่ส่วนปลาย ก่อนปากเล็กจะอ้าออกแล้วครอบลงมา

มือบางรูดรั้งที่ส่วนโคน

กลุ่มเส้นผมสีอ่อนขยับขึ้นลงที่แก่นกายของผม

ซ่านเสียวสุดใจจนต้องแหงนเงยใบหน้าขึ้นซี้ดปาก ‘อ๊า โคตรเสียว’

ผมวางมือลงบนไหล่บอบบาง บีบเบาๆ แล้วเลื่อนขึ้นมาที่ท้ายทอย ลูบไล้ให้อีกฝ่ายรูดรั้งด้วยจังหวะที่หนักหน่วงกว่าเดิม

"ดีมาก ไอซ์ เสียว อื้อ แรงอีกครับ คนเก่ง ดูดแรงๆ"

จังหวะลิ้นตวัดเลียหนักหน่วงขึ้นเมื่อผมเอ่ยชม ลิ้นเล็กรุกเร้าที่ส่วนปลายจนผมแทบปริแตก

"ฮ้า อะ ไอซ์"

ซ่านเสียวจนทนไม่ไหว

ผมเลื่อนมือลงมาลูบไล้กรอบใบหน้าน่ารัก บังคับให้แหงนเงยขึ้นแล้วดันแกนกายเข้าลึก

ดวงตากลมปริ่มน้ำตา ทว่าก็ยังไม่หยุดไล้เลียของๆ ผม

"สุดยอดเลยไอซ์"

ผมเอ่ยชม ลูบไล้เส้นผมเขา ดันกายเข้าแล้วชักออกอย่างที่ใจต้องการ

มือเล็กวางลงบนหน้าขาของผม เลื่อนขึ้นมากอบกุมที่บั้นท้าย

"อะ ไอซ์ แตกในปากได้มั้ย"

ความซ่านเสียววิ่งพล่านไปทั้งกาย ลาวาร้อนปริ่มๆ ที่ส่วนยอด

"อ๊า!!"

เพียงลิ้นชื้นกดย้ำที่ส่วนหัวผมก็ปริแตกออกมาในโพรงปากเขา

น้ำขาวขุ่นไหลเลอะขอบปาก ส่วนหนึ่งถูกกลืนกิน

ไอซ์ยังคงสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้นแต่ท่าทางของเขาตอนนี้โคตรอีโรติก

ความเป็นชายของผมแข็งตั้งอีกครั้งเมื่อปากบางจูบที่ส่วนปลายเบาๆ

ไม่ไหวแล้วว่ะ

"แป๊บนึงนะไอซ์ โอมปูที่นอนก่อน"

"ไม่ปูก็ได้" ว่าแล้วก็กดจูบลงบนหน้าขาของผม

"เอางั้นเหรอ ไหวแน่นะ"

"ไอซ์รอไม่ไหวแล้ว" เขายังคงจูบที่แก่นกายของผมเพื่อย้ำความปรารถนา

ทว่า...

"พี่โอมฝนตกหนักมากเลย โอ๊ะ!!"

ประตูห้องเปิดออกให้ผมละสายตาจากกลุ่มเส้นผมตรงระหว่างขา

ปิ๊กในสภาพเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้ายืนนิ่งตรงหน้าประตู เขามองผมด้วยสายตาตื่นตกใจก่อนจะทรุดนั่งลง

"พี่โอม ปิ๊กหนาว"

"อื้อ" ไอซ์ผละจากแก่นกาย เขาช้อนสายตามองผมด้วยแววตาขุ่นเคือง

"ให้หยุดมั้ย"

"แป๊บนึงนะไอซ์" ไอซ์ผุดลุกขึ้นเต็มความสูง

ผมดึงกางเกงที่ยังคงคาตรงข้อเท้าขึ้นมาสวมด้วยอารมณ์หงุดหงิด

"พี่บอกให้รอทำไมไม่รอ"

"ฝนตก ปิ๊กหนาว"

ปิ๊กกอดตัวเองแน่น เขาช้อนมองผมด้วยดวงตาฉ่ำน้ำตา

แม่งเอ้ย!

ผมไม่รู้ควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้กระทั่งไอซ์เดินเข้ามาหยุดข้างๆ

"ไว้ต่อวันหลังก็ได้โอม"

ทั้งที่ก่อนหน้าดูเหมือนอยากมากเหลือเกินแต่กลับหยุดง่ายๆ อย่างนี้น่ะเหรอ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจหรอกแต่เมื่อเหลือบมองในมือของเขาก็พบว่ามือถือในมือไอซ์กระพริบอยู่

"แฟนโทรมา"

บอกผมอย่างนั้นแล้วก็ออกจากห้องไป

พูดง่ายหรอก แต่ทำได้เหรอ ในเมื่ออารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นมายังไม่ทันได้ปลดปล่อยเลย

ผมถูกทิ้งไว้ในห้องกับหมาน้อยตัวเปียกและอารมณ์ที่คั่งค้าง

ให้ตายเถอะ นี่มันฝันร้ายชัดๆ

"ปิ๊กลุกขึ้นมา แล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า"

เด็กน้อยลุกขึ้นตามคำบอก

"เพราะคนนั้นมาพี่โอมเลยให้ปิ๊กออกไปรอข้างนอกเหรอ" ปิ๊กถามผมด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

"แล้วไง นี่ห้องพี่ มันเป็นสิทธิ์ของพี่”

"พี่โอมโกรธปิ๊กอีกแล้ว"

"โกรธ" เป็นครั้งแรกที่ผมยอมรับว่าโกรธ

"ต้องทำยังไงถึงจะหายโกรธ"

"ถอดเสื้อผ้าสิ"



[T B C]


พี่โอมไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ แต่อย่าเพิ่งเกลียดพี่เขาเลยนะ
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วย :)
 :pig4:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: dolooh ที่ 10-02-2018 16:48:28
 o22
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 10-02-2018 20:37:13
อย่าทำน้องงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 12-02-2018 00:59:02
น้องปิ๊กของป้าน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-02-2018 01:06:33
อีพี่นิสัยหื่นจริงๆ น้องก็ไม่เว้น  o12
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-02-2018 07:56:51
หือออออ เอาอย่างนี้จริงสิพี่โอม
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 3 ปิ๊กคือของหวาน}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 15-02-2018 21:32:51

ตอนที่ 3 ปิ๊กคือของหวาน


การบอกให้เด็กน้อยถอดเสื้อผ้าเป็นเรื่องผิดพลาดที่สุด

ผิวขาวผุดผ่องเผยให้เห็นทันทีที่เสื้อยืดตัวเก่าถูกรั้งพ้นศีรษะ

กางเกงขาสั้นคือปราการด่านต่อไปที่ถูกถอดออก

"ปิ๊ก"

"ครับ"

ผมกดสายตามองกึ่งกลางกายที่ซุกตัวภายใต้กางเกงตัวจิ๋ว

"โอเคมั้ย"

"ปิ๊กหนาวและเจ็บ"

ท้ายประโยคดวงตากลมหลุบมองที่ระหว่างกายตนก่อนจะมองมายังผมที่ยังคง 'แข็ง' อยู่

"แล้วพี่โอมเจ็บมั้ยฮะ"

"มานี่สิ" เพียงผมกวักมือเรียกเด็กน้อยก็ก้าวเข้ามาหาอย่างว่าง่าย

"พี่โอมจะทำอะไรฮะ" ผมอ้าแขนออก

"พี่จะช่วยให้ตัวอุ่นขึ้นไงครับ"

เด็กน้อยในอ้อมกอดของผมตัวสั่นเหมือนลูกนก ใบหน้าน่ารักซุกซบที่แผ่นอก แขนเล็กยกขึ้นโอบลำตัวของผม

อารมณ์ที่คั่งค้างทำให้ความผิดชอบชั่วดีหายไปกว่าครึ่งหนึ่ง

เด็กแล้วไง ดูจากลักษณะทางกายภาพแล้วถึงปิ๊กจะตัวเล็กไปหน่อย อายุอาจจะยังไม่ถึง 18 แต่ก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 15

ผมกระชับกอดให้ร่างกายแนบชิด

ไล้ฝ่ามือไปตามแผ่นหลังบอบบาง ผิวเนียนทำให้สติของผมกระเจิดกระเจิง

คนตัวเล็กในอ้อมกอดสั่นสะท้าน

ผมจูบที่กลางศีรษะเปียกชื้น ไล้มือลงไปกอบกุมบั้นท้ายพอดีมือ

สุดยอดเลย ถ้าได้สัมผัสผิวนุ่มเนียนภายใต้กางเกงตัวจิ๋วนี้มันต้องสุดยอดจนผมห้ามใจไม่ได้แน่

"อุ่นขึ้นมั้ย"

เด็กน้อยช้อนตามองแล้วส่ายหน้า

"ตรงนี้" เขาละมือจากร่างกายผมแล้วกุมที่กลางกายตน "เจ็บ"

"ให้พี่ช่วยมั้ย"

"ช่วยยังไงฮะ" ใบหน้าน่ารักถูกแต้มด้วยความสงสัย

ผมยิ้มให้เขา จูบที่แก้มให้เด็กน้อยร้อง 'อื้อ' แต่ก็ไม่ได้กระถดตัวออกห่าง

ผมลงน้ำหนักมือที่บั้นท้ายก่อนจะเลื่อนมากุมส่วนแข็งขืนที่กลางกายคนตัวเล็ก

"อ๊ะ พี่โอม" เขาร้องเมื่อผมคลึง

"พี่จะช่วยให้หายเจ็บไงครับ"

ผมบอกเหนือศีรษะ อยากกระซิบที่หูแต่ปิ๊กตัวเล็กแค่ไหล่ผมเอง

"ฮือ มันรู้สึกแปลกๆ"

"แป๊บเดียวครับคนเก่ง"

"อ๊ะ พี่โอม" ความซ่านเสียวเมื่อผมกดนิ้วที่ส่วนปลายส่งผลให้เด็กน้อยกอดผมแน่น เขี้ยวแหลมฝังลงบนอกผมเต็มแรง

เจ็บแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันดีเหลือเกิน

"กัดพี่เหรอ หืม"

"ก็มัน อ๊า" ผมลูบไล้ทั้งความยาวที่ไม่ถึงครึ่งของผมให้เด็กน้อยครางออกมาแทนคำพูด

"หืม ว่าอะไรนะครับคนเก่ง"

"ปิ๊กรู้สึกแปลกๆ" ผมยังคงลูบไล้ตัวตนของปิ๊กไม่หยุด

เสียงพูดปนเสียงครางน่าฟังเสียจนอยากจะฟังซ้ำ

"ของพี่โอม อื้อ"

"ของพี่ทำไมครับ"

"มันทิ่ม"

ส่วนแข็งแกร่งภายใต้กางเกงวอร์มคงทิ่มหน้าทองเรียบเนียน

"มันแข็ง" น้ำเสียงซื่อๆ ทำผมแทบคลั่งตาย

"อยากลองจับมั้ย"

"หือ" ปิ๊กช้อนสายตามอง

"จับเหมือนที่พี่จับของปิ๊กไง"

"อ๊ะ!!" เด็กน้อยครางพร่าเมื่อผมกดนิ้วลงบนส่วนหัวที่ทำให้เสียวซ่านที่สุด

"ว่าไงครับ อยากจับไหม"

ผมกดจูบลงบนแก้มเนียน ใช้มือข้างหนึ่งรั้งกางเกงลงเพื่อปลดปล่อยลูกชายของผมให้เด้งผึงออกมา

มันแข็งและขยายใหญ่

ปวดร้าวจนผมอยากจะปลดปล่อยเดี๋ยวนี่

"จับสิครับ" ผมจับมือเล็กวางลงบนแก่นกายที่ทั้งแข็งและร้อน "อ๊าาา~"

เพียงถูกสัมผัสด้วยมือนิ่มผมก็แทบปริแตก

"พี่โอมเจ็บเหรอฮะ"

"พี่รู้สึกดีครับ" ผมบอกแล้วสั่งสอนเด็กน้อยให้ไล้มือไปตามความยาว

"มันร้อน"

"ปิ๊กทำให้มันเย็นลงได้นะ"

"ยังไงฮะ อ๊ะ พี่โอม ปิ๊ก" เด็กน้อยร้องเมื่อผมรูดรั้งแก่นกายเล็ก

"เสียว ความรู้สึกแบบนี้เขาเรียกว่าเสียวครับ"

"อื้อ ปิ๊กเสียว พี่โอม ปิ๊กเสียวฮะ"

ให้ตายเถอะ ยิ่งริมฝีปากเล็กร้องว่าเสียว ของผมมันก็ยิ่งแข็งขึ้น

"ฮือ พี่โอม มันใหญ่"

ผมปล่อยมือให้เด็กน้อยสัมผัสผมอย่างที่เขาต้องการ

"อ๊า" อดไม่ได้ที่จะร้องครางเมื่อแก่นกายที่ขยายใหญ่ถูกสัมผัสด้วยมือเล็กสะเปะสะปะ

"พี่โอมเสียวเหรอฮะ"

"อื้อ เสียวสุดๆ เลยครับ"

"ปิ๊กอยากทำให้พี่โอมเสียวอีก"

ไม่รู้ว่าปิ๊กรู้หรือเปล่าว่าคำพูดของเขาหมายถึงอะไร แต่ความคิดผมน่ะไปไกลสุดๆ แล้ว

"ทำเป็นหรือ"

เด็กน้อยส่ายหน้า

"เดี๋ยวพี่จะสอน ดูดีๆ นะครับ" ผมบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหลอกล่อให้อีกฝ่ายโอนอ่อนตาม

ผมดันแผ่นหลังปิ๊กชิดผนังแล้วคุกเข่าลงตรงหน้า

"พี่โอมทำอะไร อ๊ะ"

ผมแนบหน้าลงบนต้นขาเล็ก จูบเบาๆ แล้วช้อนตามองเด็กน้อยที่เบิกตามองผมอย่างตกตะลึง

"ฮือ พี่โอม ตรงนั้น" มือเล็กกำแน่นเมื่อผมพรมจูบลงบนส่วนปลายแก่นกายเล็กฉ่ำน้ำ

"เสียวกว่าใช้มือมั้ย" ผมถามแล้วเลีย

"อ๊า พี่โอม เลียอีก มันเสียว"

"ชอบมั้ยครับ"

"ฮือ" ปิ๊กหลับตาแน่นไม่ตอบคำถาม ผมจึงพรมจูบไปทั่วทั้งความยาวของแก่นกายเล็ก

เสียงครางพร่าดังเป็นระลอก ยิ่งเมื่อผมไล้เลียแล้วตวัดลิ้นตรงส่วนปลายเพื่อดื่มกินน้ำบริสุทธิ์เสียงครางหวานก็ยิ่งดังกระตุ้นความต้องการ

"ปิ๊ก มองพี่"

"ปิ๊ก" เด็กน้อยขานรับทว่ากลับไม่ทำตาม

"ถ้าไม่ดูแล้วจะทำให้พี่ได้ยังไง ปิ๊กไม่อยากช่วยพี่เหรอ"

"อ๊า พี่โอม" มือเรียวสอดเข้ามาในกลุ่มผมสีเข้มของผมเมื่อผมอ้าปากอมเอาแก่นกายเล็กเข้ามาจนสุดความยาว

รสชาติอันแสนบริสุทธิ์นั้นหวานอย่างกับน้ำผึ้ง

"พี่โอม ฮือ ดี ดีจัง เสียว ปิ๊กเสียว"

มือเล็กทึ้งหัวของผมแรงๆ ระบายความซ่านเสียวเมื่อผมตวัดลิ้นไล้เลียความแข็งขืนในโพรงปาก บดขยี้ส่วนปลายซ้ำๆ กระทั่ง

"อ๊าาาา~"

น้ำหวานอันแสนบริสุทธ์หลั่งไหลออกมาจากส่วนยอด มือเล็กดึงทึ้งเส้นผมบนศีรษะผมจนกลัวว่ามันจะหลุดติดมือออกมา ก่อนขาเรียวจะอ่อนลงจนยืนไม่ได้

ผมขยับเข้าไปประคองเขาเอาไว้แล้วกระซิบถามชิดใบหู

“ไหวมั้ยครับเด็กดี”

“ฮือ ปิ๊กเหนื่อย”

“แล้วจะไม่ทำให้พี่หรือครับ” ผมอ้อนเมื่อพามือเล็กมาลูบไล้กลางกายแข็งแกร่งที่บวมเป่งต้องการการปลดปล่อย

“ปิ๊กยืนไม่ไหว”

“ไม่ยืนก็ทำได้ครับ” เด็กน้อยมองผมที่ขยับถอดกางเกงไม่วางตา กระทั่งนั่งลงตรงหน้าเขา ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสก็ยังมองไม่เลิก

“ของพี่โอมใหญ่จัง ปิ๊กจะอมมันเข้าไปหมดได้ยังไง”

“ก็ค่อยๆ ทำสิครับเด็กดี”

ปิ๊กมองหน้าผมสลับกับแก่นกายที่ตั้งอยู่ระหว่างขาก่อนร่างกายเปลือยเปล่าจะขยับเข้ามาใกล้

“อ๊า ปิ๊ก” เพียงมือเล็กยื่นมาสัมผัสแผ่วเบาความซ่านเสียวก็เล่นงานผมตั้งแต่หัวจรดเท้า

ให้ตายเถอะ ไม่อยากคิดถึงตอนที่ความแข็งแกร่งของผมถูกตวัดเลียด้วยลิ้นเล็กๆ นั้นเลย

"พี่โอม ฮือออ~"

เด็กน้อยครางฮือในลำคอให้ผมร้องตามเมื่อริมฝีปากเล็กกดจูบลงที่โคนขาอย่างที่ผมทำให้เขาก่อนหน้านี้

"มันร้อน"

ดวงตาฉ่ำช้อนมองผม

มือเล็กค่อยๆ แตะต้องยอดปลายฉ่ำเยิ้มสีแดงจัดของผมอีกครั้ง

ผมมองภาพนั้นด้วยใจสั่นระรัว ตื่นเต้นยิ่งกว่าการมีเซ็กส์ครั้งไหนๆ

"ทำให้มันเย็นลงด้วย..."

ผมสัมผัสริมฝีปากสีระเรื่อแผ่วเบาแทนคำบอก

ปิ๊กเองก็เข้าใจอะไรง่ายดี

เขากดจูบลงบนโคนขาของผมอีกครั้ง ใช้ลิ้นแตะแล้วลากเข้ามาจนเกือบถึงกายแกร่ง

"อ๊า ปิ๊ก"

ผมไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกได้

"พี่โอมเสียวเหรอฮะ"

คงเพราะผมครางเสียงดังเด็กน้อยจึงถามด้วยความใคร่รู้

"ทำให้พี่เสียวกว่านี้สิครับ อ๊ะ!"

เด็กมันร้าย

ปิ๊กกดริมฝีปากลงบนส่วนหัวแดงจัด เขาจุ๊บมันอย่างเอ็นดู ขณะลูบไล้มือไปตามความยาว

มือนุ่มๆ และเรียวลิ้นชื้นทำให้ผมเสียวแทบคลั่ง

ผมร้องเรียกชื่อคนที่ปรนเปรอให้ผมด้วยมือและลิ้นจนเสียงแหบแห้ง ทว่าเด็กน้อยก็ยังคงสัมผัสผมอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวสิ่งที่ตั้งตระหง่านตรงหน้านั้นปริแตก

"ปิ๊ก พี่อยากแตก"

เด็กน้อยช้อนตาขึ้นมอง ส่วนยอดของผมยังคงคาอยู่ในโพรงปากเล็ก

ภาพที่สะท้อนในดวงตาอีโรติกจนอยากจะกระแทกใส่โพรงปากเสียให้รู้แล้วรู้รอด

"แตก ยังไงฮะ"

"พ่นน้ำออกมาไงฮะ"

"จากตรงนี้เหรอฮะ"

"อื้อ" เด็กน้อยใช้ลิ้นแตะตรงยอดฉ่ำๆ เมื่อถามให้ผมส่งมือเข้าไปขย้ำเส้นผมนุ่มระบายความซ่านสยิวที่ถูกปรนเปรอ

"ปิ๊กต้องทำยังไง"

ปิ๊กมองแก่นกายใหญ่ตาปริบๆ มือเล็กลูบไล้แผ่วเบา

"รูดแรงๆ"

ผมวางมือลงบนมือเล็กที่เทียวลูบไล้ของผมอย่างทะนุถนอม

"แล้วพี่โอมจะไม่เจ็บเหรอฮะ"

ผมส่ายหน้าแล้วชักนำให้เด็กน้อยรูดแก่นกายของผมแรงๆ ด้วยมือน้อยๆ

โคตรเสียว ผมเงยหน้ามองเพดานสูดปากด้วยความกระสัน กระนั้นก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงใจ

"อมสิครับปิ๊ก"

ผมเชยคางเด็กน้อยขึ้นมาเพื่อสบตา

ปิ๊กมองผมสลับกับของในมือแล้วค่อยๆ อ้าปากออก

"อย่างนั้นครับเด็กนี้"

ลิ้นเล็กแตะที่ส่วนยอดคล้ายกับลองชิม เพียงเท่านั้นผมก็แทบขาดใจแล้ว

"ฮือ พี่โอมมันใหญ่"

เสียงแผ่วเบาดังอู้อี้เมื่อปากเล็กครอบลงบนกลางกายแข็งขืนของผม

ปากปิ๊ก เรียวลิ้นของปิ๊ก ดวงตาฉ่ำๆ ของเขา ความไร้เดียงสา ทุกอย่างกระตุ้นให้อารมณ์ของผมพุ่งพล่านอย่างน่าเหลือเชื่อ

และผมก็ไม่สามารถทานทนต่อแรงพิศวาสได้อีกต่อไป

"ฮือ พี่โอม"

เด็กน้อยร้องอู้อี้เมื่อผมสวนสะโพกเข้าไปในโพรงปากเล็ก

ปิ๊กยังเด็กนัก เขาไม่สามารถรับผมไปจนสุดความยาวได้

"ปิ๊ก" ผมลูบไล้ใบหน้าน่ารัก เมื่อลิ้นเล็กตวัดเลียความแข็งแกร่งในโพรงปากเขา

ปิ๊กช่างไร้เดียงสา บริสุทธิ์จนอยากทำให้แปดเปื้อนเดี๋ยวนี้

"อุก"

น้ำตาไหลรินอาบแก้มใสเมื่อผมกระทั้นกายเข้าไปอีกครั้ง

"พี่โอม" เด็กน้อยเรียกผมเสียงอู้อี้ มือเล็กทุบหน้าขาเมื่อผมดึงแก่นกายออกแล้วดันเข้าไปอีก

ดีเหลือเกิน ดีที่สุดในรอบหลายปีนี้ ดีจนผมอยากจะแตกในโพรงปากเล็กๆ นี่

แต่ว่า...

"อื้อ"

ผมดึงแก่นกายที่ถูกฉาบด้วยน้ำลายออกมา ผลักเด็กน้อยที่ถูกฤทธิ์พิศวาสเล่นงานให้นอนลงบนพื้น

ผมขยับเข้าไปคุกเข่าใกล้ๆ ให้แก่นกายตรงกับใบหน้าคนที่กำลังหอบหายใจ แผ่นอกบอบบางสะท้อนขึ้นลงอย่างน่าเห็นใจ

"ปิ๊กแลบลิ้นออกมา"

ผมออกคำสั่งให้เด็กน้อยทำตาม

ผมซี้ดปากราวกับกินของเผ็ดเมื่อลิ้นเล็กแตะที่ส่วนยอดฉ่ำแดง

ผมชักรูดแก่นกายด้วยมือตัวเอง แต่มันให้ความเสียวซ่านกว่าครั้งไหนๆ เมื่อเด็กที่นอนอยู่ตรงหน้ามองการกระทำของผมด้วยสายตาฉ่ำเยิ้ม ลิ้นเล็กก็แตะต้องผมจนกระทั่งปริแตก

"อ๊า ปิ๊ก"

ตัวผมกระตุกเมื่อปลดปล่อยน้ำสีขุ่นออกมาเปรอะเปื้อนดวงหน้าน่ารักของคนที่นอนระทวยอยู่ใต้ร่างก่อนทิ้งตัวนอนลงข้างเขา ประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากให้ปิ๊กหลับตาพริ้ม ใช้มือเช็ดคราบน้ำรักของผมบนใบหน้าให้เขา

ปิ๊กน่ารักมาก เขากอดผม ซุกใบหน้าบนอกแกร่งแล้วจึงหลับไป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของเรายากขึ้นทุกที

ปิ๊กน่ารักขนาดนี้ ผมจะอดใจอย่างไรไหว





✧✧✧✧





ผมคิดว่าปิ๊กจะหลับจนถึงเช้าเพราะสูญเสียพลังงานไปมาก แต่ผมคิดผิด

เด็กน้อยลืมตาขึ้นมองผมหลังจากเช็ดตัวเสร็จ

"พี่โอม"

"ว่าไงครับ"

"ปิ๊กหิวข้าว"

"ไม่เหนื่อยเหรอ"

"เหนื่อยสิแต่หิวมากกว่า"

"ลุกขึ้นมาแต่งตัวก่อนแล้วค่อยออกไปหาอะไรกินกัน"

มือเล็กยื่นมาตรงหน้าทันทีเมื่อจบประโยค

ผมส่ายหน้า ยิ้มให้กับความขี้อ้อนของเขาแล้วจับมือบอบบางนั้นเอาไว้

ออกแรงดึงนิดหน่อยร่างเล็กเปลือยเปล่าก็เซมาซุกอก

"ยืนไม่ไหวอะ" เขาบอกเมื่อช้อนตามอง

"งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปหาอะไรมาให้กินดีกว่าเนอะ"

"อื้อ" เด็กน้อยพยักหน้ารัวผมจึงพยุงให้เขานั่งลงตามเดิม

ช่วยสวมเสื้อผ้าให้แล้วจึงเดินออกจากห้องมา

ผมซื้อบะหมี่หน้าปากซอยหน้าเซเว่นซึ่งเป็นอาหารโปรดของปิ๊กมา 2 ห่อแล้วรีบกลับห้องเพราะกลัวคนหิวจะรอนาน

เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องก็พบว่าเด็กน้อยเตรียมจานชามไว้รอแล้ว

ปิ๊กเป็นเด็กที่แสนรู้มาก เขาเหมือนหมาตัวน้อยๆ ที่โคตรจะไร้เดียงสา

"ซื้อมาแค่นี้เองเหรอพี่โอม" เจ้าตัวเล็กเอ่ยถามเสียงสูงให้ผมยื่นมือไปลูบผมหน้าม้าที่เริ่มยาวด้วยความเอ็นดู

"ทำไม กลัวไม่อิ่มเหรอ"

"ปิ๊กหิวมาก" เด็กน้อยยู่หน้า มือเล็กๆ เทบะหมี่ใส่จานตามด้วยน้ำซุปใส่ถ้วย

"จะหิวอะไรขนาดนั้น"

"หิวสิ ปิ๊กยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่บ่าย"

"พี่ให้ปิ๊กกินหมดนี่เลย" ผมยิ้มแล้วใช้นิ้วดันชามบะหมี่ตรงหน้าไปให้เขา

เด็กน้อยส่ายหน้าแล้วดันมันคืนมา

"ไม่เอา พี่โอมต้องกินเยอะๆ เพราะพี่โอมทำงาน"

"แล้วปิ๊กจะอิ่มเหรอ"

"ไม่เป็นไรปิ๊กทนได้" ใบหน้าน่ารักถูกฉาบด้วยรอยยิ้มสดใส

เรากินอาหารเย็นกันเงียบๆ กระทั่งฝนตกลงมาอีกครั้ง

"ปิ๊กไม่ชอบฝนเลย"

ผมหยุดมือที่กำลังตักอาหารเข้าปาก มองเด็กน้อยที่ทอดสายตามองสายฝนผ่านช่องหน้าต่าง

"ทำไมล่ะ"

"ไม่รู้สิ แค่ไม่ชอบ"

"แต่พี่ชอบนะ"

"ทำไมล่ะ" ดวงตากลมที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างน่าเอ็นดูจ้องที่ผม

ผมยิ้ม "ก็แค่ชอบ"

"พี่โอมกวน"

"ไม่ได้กวนซักหน่อย"

"กวนแล้ว กวนมากๆ ด้วย"

"มีสิทธิ์อะไรมาว่าพี่ฮะ!" ผมยื่นมือไปหยิกแก้ม ปิ๊กพยายามปัดออกแต่ผมก็ยื่นอีกมือไปบีบแก้มอีกข้าง ให้เด็กตรงหน้าร้องหงิงๆ เหมือนหมา

"พี่โอมอะ"

ยอมปล่อยแล้วยังมองค้อนกันอีก

"พี่เป็นลูกชาวนา"

"ชาวนาคืออะไร" เด็กน้อยหยุดมือที่กำลังลูบแก้มเมื่อมองหน้าผมด้วยความสงสัย

"ชาวนาคือคนปลูกข้าว"

"อ๋อ ปลูกข้าว" ปิ๊กพยักหน้าหงึกหงัก เขาจ้องผมตาแป๋วรอคอยให้เล่าต่อ

"ฝนตกเป็นสัญญาณบอกให้เราเริ่มปลูกข้าว ถ้าน้ำดีผลผลิตข้าวก็มาก ถ้าเราขายข้าวได้มาก เราก็จะมีเงิน"

"อ๋า"

เด็กน้อยอ้าปากพยักหน้าหงึกๆ ท่าทางน่ารักเสียจนเผลอยื่นมือไปลูบแก้มใสแผ่วเบา

"แล้วทำไมพี่โอมไม่ทำนา"

"พี่ไม่อยากเป็นชาวนา"

"ไม่อยากเป็นชาวนาแล้วทำไมถึงชอบฝนล่ะ"

ความสงสัยของเด็กความจำเสื่อมไม่มีที่สิ้นสุด

"ฝนทำให้พี่คิดถึงบ้าน"

"ปิ๊กก็อยากคิดถึงบ้านเหมือนกัน" เด็กน้อยคอตกเมื่อพูด

"เดี๋ยวถ้าความจำกลับมาก็ได้กลับบ้านแล้ว"

"ปิ๊กต้องคิดถึงพี่โอมมากแน่"

ผมพยักหน้ารับ เมื่อถึงตอนนั้นผมเองก็คงคิดถึงปิ๊กเหมือนกัน



[TBC]

พี่โอมกับเจ้าปิ๊กมี E-book นะคะ คลิกเลย >> meb  (https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetailsPublisher&publisher_id=788552&id=788552&name=%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A5&book_id=70435)
ฝากด้วยๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 3 ปิ๊กคือของหวาน}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-02-2018 22:00:07
เฮียโอมนี่ทำเด็กนิสัยเสียหมด  :hao3:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 3 ปิ๊กคือของหวาน}
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-02-2018 22:17:24
น่าสงสัย ปิ๊ก ทำไมความจำเสื่อม  :hao3:
ปิ๊ก ต้องเคยเกิดอุบัติเหตุแน่เลย  :really2:
ปิ๊ก เป็นลูกครึ่งสินะ

พี่โอม หื่นมากกกกกกกกกกกกกก
ไอซ์ เป็นพวกแฟนเผลอ แล้วเจอกัน ชอบนอกใจแฟนชัดๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 4 สัมผัสที่ยังติดตรึง}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 20-02-2018 20:20:53

ตอนที่ 4 สัมผัสที่ยังติดตรึง


ครืน~~

ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการตามที่กรมอุตุฯ ได้แจ้งเอาไว้

"พี่โอม ปิ๊กกลัว" ในความมืดเด็กน้อยที่นอนอยู่อีกฟากของฟูกว่าเสียงสั่น

พอพลิกตัวกลับไปมองก็ถูกอีกฝ่ายกอดเอาไว้

หัวใจผมสั่น ร่างกายอ่อนไหวเมื่อใบหน้าน่ารักซุกเข้าที่อก

"กลัวอะไร"

ฟ้าร้องครืน ปิ๊กกอดผมแน่นขึ้น

ที่แท้ก็กลัวฟ้าร้องนี่เอง

ผมลูบแผ่นหลังเขาแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลม

นานแล้วที่ผมไม่ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ว่าอยากปกป้องใครซักคน

ปิ๊กหลับไปในอ้อมแขนของผม ที่จริงเราต่างก็หลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน

อ้อมกอดมนุษย์น่ะอบอุ่นกว่าผ้าห่มเป็นไหนๆ




✧✧✧




ผมตื่นขึ้นมาในช่วงสายที่ฝนยังคงตกปรอยๆ

"ปิ๊กครับ" ผมเรียกพร้อมสะกิดที่ไหล่คนที่กอดผมแน่นตั้งแต่เมื่อคืน

เด็กน้อยปรือตามองผม เขายิ้มนิดๆ ที่มุมปากแล้วซุกหน้าลงบนอกผมอีกครั้ง

"อุ่นจัง" ปิ๊กกระชับกอดผมแน่นขึ้นอย่างคนขี้อ้อน

"ตื่นได้แล้ว"

"ปิ๊กยังอยากนอนต่ออยู่เลย"

"แต่พี่ต้องไปทำงาน"

ปิ๊กยอมผละออกไปแต่ไม่ยอมตื่น

ขี้เซาจริง

กระทั่งผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเด็กน้อยก็ยังคงนอนกลิ้งอยู่บนฟูกเช่นเดิม

"พี่โอม วันนี้ปิ๊กออกไปเล่นข้างนอกได้มั้ย"

เด็กน้อยพลิกนอนคว่ำมองผมที่กำลังสวมรองเท้าเตรียมตัวไปทำงาน

มองเขาแล้วก็นึกอิจฉา วันๆ ไม่ต้องทำการทำงาน สบายจริง

"อย่าออกไปไกลก็พอ"

"ขอบคุณฮะ" ปิ๊กยิ้มหน้าบานจนอดคิดไม่ได้ว่าเขาน่ารักจริงๆ




✧✧✧





ปกติผมเลิกงานเกือบ 4 ทุ่ม

เป็นเรื่องน่าแปลกมากที่หลายวันมานี้ปิ๊กเข้าบ้านช้ากว่าผมเสียอีก

"ไปไหนมา" ผมที่นั่งรออยู่หน้าทีวีเอ่ยถามเสียงแข็ง

"ปิ๊กง่วง"

และก็เช่นเดิม ปิ๊กเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของผมแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมมองเขาจนประตูปิดลง อย่างไรวันนี้ก็ต้องเค้นความจริงจากปากเขาให้ได้

รอไม่นานประตูก็เปิดออก

ผมเข้าไปคว้าแขนปิ๊กกระชากให้นั่งลงบนตักอย่างพอเหมาะพอดี

"จะไม่ยอมตอบคำถามพี่ใช่มั้ย"

ผมก้มมองหน้าเด็กน้อยอย่างคาดโทษ หวังว่าเขาจะเกรงกลัวกันสักนิดแล้วตอบคำถาม

แต่ไม่เลย

"ปิ๊กง่วง"

"ก็ตอบคำถามพี่สิแล้วค่อยนอน"

"ปิ๊กอยากนอนตอนนี้"

ด้วยสภาพทั้งกายมีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพันท่อนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่เนี่ยนะ

"ชอบให้บังคับใช่มั้ย"

"พี่โอม เจ็บนะ" เด็กบนตักผมร้องเมื่อถูกกัดที่ใบหูแรงๆ จนขึ้นรอยฟันอย่างเห็นได้ชัด

"ตอบพี่สิ"

"ปิ๊ก..." เจ้าของชื่อก้มหน้าลงให้ผมรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ "ง่วง"

"ปิ๊ก!!"

ผมตะคอกพร้อมสอดมือผ่านชายผ้าขนหนูเข้าไปสัมผัสต้นขาเนียน

สัมผัสที่ยังติดตรึงตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้

"จะตอบหรือไม่ตอบ"

กลิ่นกายหอมบริสุทธิ์เย้ายวนชวนให้สูดดม

"ปิ๊กไปช่วยงานที่ร้านสะดวกซื้อมา"

"ช่วยงานอะไร"

ผมถามขณะวนนิ้วที่ช่องทางด้านหลังซึ่งไม่น่าจะมีใครเคยสัมผัส

ปิ๊กกัดปากแน่น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจสะกดกลั้นเสียงครางไม่ให้หลุดลอดออกมา

"พี่โอม ตรงนั้นมัน อื้อ"

"มันทำไมครับ"

"แปลกๆ"

"รู้สึกดีกว่าข้างหน้ามั้ย"

"ฮือออ~" หูเล็กๆ ที่ถูกผมคลอเคลียขึ้นสีแดงจัด

น่าหมั่นเขี้ยว

"จะตอบมั้ย ถ้าไม่ตอบ..."

ผมดันนิ้วเข้าไปอีก ให้เด็กน้อยกัดปากแน่น

"ไม่กัดปากสิ"

ผมบอกปิ๊กเสียงแผ่ว ลูบไล้ที่ริมฝีปากนุ่มน่าสัมผัสให้เจ้าของมันอ้าเผยอออกอย่างว่าง่าย

"พี่โอม เจ็บ ฮือออ~"

ดวงตาของเด็กน้อยปริ่มน้ำเมื่อมองหน้าผม น่าแกล้งชะมัด

"เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว"

"แต่ว่า อ๊ะ!!"

ผมดันนิ้วเข้าไปจนสุดให้เจ้าของช่องทางคับแน่นจิกเล็บลงบนต้นแขนของผมสุดแรง

ร่างกายเล็กหอมกรุ่นบิดเกร็ง

ผมแช่ค้างนิ้วไว้อย่างนั้น รอคอยที่ช่องทางที่ไม่เคยถูกรุกรานผ่อนคลาย

"บอกพี่ได้รึยังครับว่าไปทำงานอะไรที่ร้านสะดวกซื้อ"

"พี่โอมเอานิ้วออกก่อน"

ปิ๊กบีบข้อมือของผมด้วยเรี่ยวแรงเท่ามด ผมจึงยอมถอนนิ้วออกตามใจน้อง

"ปิ๊กไปช่วยเป็น..."

"เป็นอะไรครับ"

"ฮือ พี่โอม" เด็กน้อยร้องเมื่อผมดันนิ้วเข้าไปอีก

"รู้สึกดีรึยัง"

"พี่โอมแกล้ง" ว่าเสียงขุ่นด้วยใบหน้าง้ำงอ

"ไม่ได้แกล้ง พี่กำลังทำให้ปิ๊กรู้สึกดีต่างหาก" ผมไล้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมกรุ่นจากซอกคอขาว "รู้สึกดีรึยังครับ"

"ปิ๊กยอมแล้ว ยอมบอกแล้ว แต่พี่โอมเอามันออกนะ"

"บอกก่อนสิ" ผมต่อรอง

"ปิ๊กไปช่วยเขาคุยกับชาวต่างชาติ"

"เป็นล่ามเหรอครับ"

"อื้อ" เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก "พี่โอมเอาออก"

ผมยอมดึงนิ้วออกตามที่ถูกร้องขอให้เด็กน้อยส่งเสียงครางอู้อี้ในลำคอ

"ตรงนี้" ผมไล้มือมายังกลางกายน่ารักที่ตั้งตรง ลูบไล้เมื่อถามชิดใบหูเล็ก "แข็งแล้วนะ"

"พี่โอมทำให้ปิ๊กหน่อย"

ผมร้อนไปหมดเมื่อเด็กน้อยแหงนหน้าร้องขอ

ปฏิกิริยาตอบสนองของปิ๊กยามถูกผมสัมผัสน่ารักมาก เสียงหวานที่ดังบอกความรู้สึกทำให้ผมร้อนไปหมดจนไม่รู้ว่าจะทนสัมผัสเขาแค่ภายนอกได้นานแค่ไหน

น้ำสีขุ่นถูกปล่อยออกมาเมื่อถึงจุดหมาย

ร่างเล็กในอ้อมกอดผมหอบสั่น

ดวงตาที่มองผมเชื่อมปรอย

ริมฝีปากเล็กอ้าเผยอน่าสอดลิ้นเข้าไปคลอเคลีย

ท่าทางของปิ๊กปลุกความปรารถนาของผม

อยากจะปลดปล่อยจนแทบจะปริแตก

"อาบน้ำอีกรอบมั้ย เปื้อนหมดแล้ว"

ระหว่างขาเรียวเฉอะแฉะไปหมด

"แล้วพี่โอมล่ะ"

มือเล็กวางลงที่หว่างขาของผมเมื่อปิ๊กพลิกตัวหันมาเผชิญหน้ากัน

"ตื่นแล้ว"

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการเอง"

"ทำตรงนี้สิ"

"หือ" ผมมองหน้าซื่อๆ ของปิ๊กอย่างระคนสงสัย

"ปิ๊กอยากดู"

"ทะลึ่งใหญ่แล้วนะเรา"

ผมดีดหน้าผากมนไปทีให้เจ้าตัวลูบรอยแดงนั้นแผ่วเบาพลางส่งเสียงอู้อี้ไม่พอใจ

"ทีพี่โอมยังดูของปิ๊กได้เลย"

"อยากดูจริงดิ"

เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงักอย่างน่าเอ็นดู

"งั้นทำให้พี่สิครับ"

เด็กน้อยหดคอหนีพลางหัวเราะคิกคักเมื่อผมก้มกระซิบที่ใบหู

"จั๊กจี้"

"แล้วชอบมั้ย"

"ไม่รู้" ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วยืดตัววางมือบนไหล่ของผม

"อื้อ ปิ๊ก" ขนอ่อนลุกซู่เมื่อปิ๊กกัดใบหูของผมแผ่วเบา

"พี่โอมรู้สึกดีมั้ยล่ะ"

"ดีมากครับ ทำอีกสิ"

ผมเอื้อมมือไปสัมผัสเอวบาง ปิ๊กมองตามเล็กน้อยแล้วจึงหันมาสบตากับผม

ไม่รู้ว่าปิ๊กรู้มั้ยว่าท่าทางของเจ้าตัวตอนนี้โคตรยั่ว

เด็กน้อยยกลำตัวขึ้น ลากไล้ฝ่ามือเข้าไปในกลุ่มเส้นผมจากท้ายทอย ดันใบหน้าผมให้ซุกซบกับแผ่นอกบอบบาง

ผมกอดเอวน้องรัดแน่นให้เข้ามาแนบชิดจนได้ยินเสียงหัวใจ

"พี่โอม หรือปิ๊กจะไม่ใช่คนไทย"

"ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ"

"ปิ๊กอ่านภาษาไทยไม่ได้เลยแต่กลับพูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษคล่องมาก"

"ถ้าไม่ใช่คนไทยจะพูดไทยได้คล่องขนาดนี้ได้ยังไง อย่ากังวลเลย"

ผมลูบแผ่นหลังเนียนเพื่อปลอบประโลม

ปิ๊กละมือจากเส้นผมของผมแล้ววางมือลงบนไหล่ เขายืดตัวออกมาจ้องลึกเขาไปในดวงตาของผม

"ปิ๊กกลัว"

"ไม่มีอะไรน่ากลัว"

"น่ากลัวสิ ปิ๊กกลัวว่าถ้าความทรงจำกลับมาแล้วปิ๊กจะจำพี่โอมไม่ได้"

ในละครเมื่อความทรงจำที่ลืมเลือนกลับมา เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างลืมก็จะหายไปแทน

"พี่จะจำแทนปิ๊กเอง"

"แล้วถ้าปิ๊กไม่ใช่คนไทยอย่างที่พี่ร้านสะดวกซื้อว่าล่ะ เราจะได้เจอกันอีกเหรอ"

"คิดเยอะเกินไปแล้ว"

"ปิ๊กกลัวลืมพี่โอม"

"เด็กดี พี่จะไม่ยอมให้ปิ๊กลืมพี่หรอก"

ผมกอดเจ้าตัวเล็กแน่นขึ้น พรมจูบลงบนแผ่นอกของเขาให้เด็กน้อยจิกไหล่ของผม

"ไหนบอกจะทำให้พี่ไงครับ"

ปิ๊กยิ้มอายๆ แล้วเลื่อนมือมากอบกุมสิ่งที่อยู่ในกางเกงของผม

"ของพี่โอมใหญ่จัง"

"ชอบมั้ย"

"ทำไมต้องชอบ" ปากว่ามือคลึงให้ผมซี๊ดปาก

“แต่พี่ว่าปิ๊กชอบนะ ดูสิ จับไม่วางมือเลย” เมื่อถูกยิ้มล้อเลียนมือบางที่เคยสัมผัสผมเบาๆ อย่างทะนุถนอมก็รูดรั้งแรงขึ้นคล้ายกับต้องการแกล้งกัน

ปิ๊กคงไม่รู้หรอกว่าการกระทำของเขาทำให้ผมรู้สึกดีแค่ไหน

“ใช้ปากสิคนดี” ผมเชยคางน้องให้สบตาแล้วอ้อนวอน

ปิ๊กเป็นเด็กจิตใจดี สิ้นคำลิ้นเล็กก็แตะต้องลงบนส่วนปลายชุ่มฉ่ำ แตะเบาๆ ย้ำๆ จนขนทั้งกายของผมลุกไปหมด อยากจะเสร็จตอนนี้แต่ก็อยากถูกน้องครอบครองนานกว่านี้อีกหน่อย

ริมฝีปากเล็กพรมจูบลงบนท่อนเนื้อของผมตั้งแต่ส่วนหัวจรดโคนอย่างแผ่วเบาแต่ซ่านถึงใจ

แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับตอนที่เขาเลียมันด้วยลิ้นชื้น

ผมลูบไล้เส้นผมของคนที่ก้มอยู่ระหว่างขาเพื่อระบายอารมณ์ทว่ามันกลับไม่ช่วยอะไรเลย

ผมไม่กล้าดึงทึ้งเส้นผมนุ่นสลวยนี้ ผมกลัวเขาเจ็บ ผมอยากทะนุถนอมปิ๊กเอาไว้ให้ถึงที่สุด

นอกจากแฟนคนเก่าของผมแล้ว ผมก็ไม่เคยคิดอยากจะถนอมใคร กระทั่งมาเจอปิ๊ก

“ปิ๊กครับ มองหน้าพี่หน่อย อ๊า”

ผมร้องครางแทบไม่เป็นภาษาเมื่อตัวตนถูกส่งเข้าไปในโพรงปากเล็ก ขณะดวงตาฉ่ำหวานช้อนมอง

ยิ่งสบตากัน ขณะที่ถูกกลืนกินผมก็ยิ่งอยากจะปล่อยทุกหยาดหยดออกมาเดี๋ยวนี้

“อ๊า ปิ๊ก ดีครับ ดีมาก อื้อ”

ผมลากมือลงไปตามแผ่นหลังเปลือย ลูบไล้ที่ก้นกลม บีบขย้ำด้วยความอยาก อยากครอบครองร่างนี้ อยากหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

ลองลูบไล้มือข้างหนึ่งผ่านสีข้างไปที่ด้านหน้าก็พบว่า...

“เป็นเด็กนี่แข็งแรงจังนะ อ๊า ปิ๊ก”

ของปิ๊กแข็งอีกแล้ว และเมื่อถูกแซวเจ้าตัวก็ดูดของผมแรงๆ จนความซ่านเสียววิ่งพล่าน

“อื้อ” ปิ๊กตั้งท่าจะถอนปากออกเมื่อผมแกล้งหยัดสะโพกเข้าใส่ทว่าก็ถูกผมรั้งท้ายทอยเอาไว้ไม่ให้ทำอย่างใจ

แต่ปิ๊กก็ไม่ได้งอแง เมื่อถอยไม่ได้ เขาก็ลงมือกินของในปากต่อ

เสียงครางดังอื้ออึงเมื่อผมเริ่มรูดรั้งให้เขาบ้าง

ปิ๊กบิดสะโพกไปมาเมื่อความเสียวเข้าเกาะกุมร่างกาย เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าท่าทางแบบนี้มันคือการยั่วยวนดีๆ นี่เอง

“อ๊า พี่โอม”

ปิ๊กถอนปากออกเมื่อผมรูดรั้งให้เขาแรงๆ เสียงครางหวานทำให้ผมหยุดตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

“ทำอะไร” ปิ๊กร้องแต่ก็คล้องคอของผมไว้เมื่อถูกผมจับให้นั่งหันหน้าเข้าหากัน

ริมฝีปากเล็กถูกผมครอบครอง สอดลิ้นเข้าไปพันเกี่ยวอย่างที่เด็กน้อยเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาจูบตอบผม ดูดลิ้นของผมด้วยความกระหาย

ส่วนล่างที่แข็งขืนถูกผมจับรวบเข้าด้วยกัน รูดรั้งให้มันเสียดสี

เสียงครางของเราดังอื้ออึงในลำคอ จุมพิตร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับจังหวะการรูดรั้ง

“อ๊า พี่โอม”

“อื้อ ปิ๊ก”

ร่างเล็กกระตุกเกร็งในจังหวะเดียวกับผมเมื่อปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน

เสียงหอบหายใจดังสะท้อนอยู่ในหู

ร่างกายชื้นเหงื่อแนบลงบนร่างของผม ใบหน้าเหนื่อยอ่อนซบลงบนไหล่ ปล่อยให้เสียงหายใจเป็นเสียงเดียวที่ดังในห้องนี้

กว่าจะหายใจได้ในจังหวะปกติก็ใช้เวลานานทีเดียว

“อาบน้ำอีกมั้ย” ผมถามพร้อมกับประทับจูบลงบนกระหม่อมคนบนตัก

ปิ๊กเงยหน้ามองผมแล้วย่นหน้าใส่ อ้าว! โกรธอะไร เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย

“พี่โอมอะ รับผิดชอบเลย ปิ๊กหมดแรงแล้ว”

ว่าจบก็ซบหน้าลงบนไหล่ของผมอีก เขินตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วมั้ยครับเด็กน้อย

ผมหัวเราะให้กับความน่ารักดีก่อนจะอุ้มคนตัวเล็กเข้าห้องน้ำ จัดการชำระร่างกายให้แล้วพาเข้านอน

ตั้งแต่มีปิ๊กอยู่ข้างกาย โลกของผมก็เปลี่ยนไป จากโลกสีเทาก็ค่อยๆ มีสีสันมากขึ้น

คงดีถ้าเราได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปเรื่อยๆ




✧✧✧




เสียงฝนนอกหน้าต่างทำให้เด็กน้อยที่นอนอยู่ข้างผมซุกตัวเข้าหาผมมากขึ้น แขนเล็กๆ วางลงบนอกของผม แสงสว่างเพียงน้อยนิดที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาแม้จะไม่ช่วยให้เห็นใบหน้าหลับพริ้มน่าเอ็นดูได้ชัดเจนนัก แต่ปิ๊กก็ยังดูน่ารักมากอยู่ดี

ครืนนนน~

เด็กในอ้อมกอดของผมสะดุ้ง ซุกหน้าจนจมลงบนอกก่อนเสียงอู้อี้จะดังลอดออกมาจากริมฝีปากเล็ก

“มามี๊!!”

ผมเงี่ยหูฟัง

“ดีนกลัว มามี๊ หนาว ดีหนาว” บอกว่าหนาวแต่กลับเตะผ้าห่มออกให้ผมดึงมันขึ้นมาคลุมร่างบอบบางอีกหน

‘ดีน’ คือชื่อของเด็กคนนี้อย่างนั้นเหรอ

‘มามี๊’ คำที่ใช้เรียกผู้เป็นแม่นั่นอีก

หรือว่าจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้างแล้วอย่างนั้นเหรอ





[T B C]

อย่าเกลียดพี่โอม...
ขอแค่นี้แหละค่า 555
 :o8:

หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 5 พี่โอมไม่ใช่พี่ชายปิ๊กซักหน่อย}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 02-03-2018 19:59:11

ตอนที่ 5 พี่โอมไม่ใช่พี่ชายปิ๊กซักหน่อย


“จะกลับแล้วเหรอ”

มือบางกอดเอวของผมตอนที่ผมลุกจากเตียงกลางดึก

“นอนนี่ก็ได้นะ แฟนไอซ์ไม่กลับมาหรอก”

“ไม่ดีกว่า” ผมแกะมือเขาออกก่อนจะลุกขึ้นเก็บเสื้อผ้าที่ถูกโยนเกลื่อนพื้นขึ้นมาสวม

“ห่วงเด็กที่ห้องล่ะสิ”

“อื้อ” ผมพยักหน้าก่อนจะเก็บกางเกงขึ้นมาสวม

“ถามจริงๆ เถอะ โอมกับน้องเป็นอะไรกันเหรอ”

นั่นสิ เป็นอะไรกันนะ ผมไม่ตอบคำถามของไอซ์แต่เลือกที่จะนั่งลงบนเตียงอีกครั้งแล้วพรมจูบลงบนหน้าผากมนอย่างที่เจ้าตัวก็หลับตาพริ้มเพื่อรับสัมผัสอ่อนโยน

“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”

“เราจะได้เจอกันอีกมั้ย”

“ตราบใดที่แฟนไอซ์ยังจับไม่ได้” ผมว่าอย่างนั้นแล้วตั้งใจจะลุกขึ้นทว่ากลับถูกคนบนเตียงคว้าคอเอาไว้แล้วประกบจูบ

ลิ้นชื้นถูกสอดเข้ามาอย่างที่ผมเองก็ไม่ได้ห้ามปราม

ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสจนอีกฝ่ายพอใจจึงจูบแก้มเขาเพื่อบอกลา

ที่จริงผมไม่อยากให้คืนนี้จบลงแบบนี้หรอก แต่ใจก็เป็นห่วงปิ๊กเกินกว่าจะทำเรื่องเห็นแก่ตัวนี้ได้





✧✧✧





กว่าผมกลับมาถึงบ้านปิ๊กก็หลับไปแล้ว

ก็ไม่แปลกนี่มันตี 2 แล้วนี่นา

“ทำไมเพิ่งกลับครับ”

คงเพราะได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวคนที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มจึงปรือตาขึ้นมาถาม

ผมชะงักมือที่กำลังปลดกระดุมแล้วนั่งลงข้างเขา

“นอนเถอะ”

“ปิ๊กรอพี่โอมจนหลับไปเลย”

“พี่ขอโทษครับเด็กดี” ก้มลงจรดริมฝีปากที่หน้าผากมนแล้วบอกฝันดี

ผมนอนลงข้างปิ๊กหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ตะกรองกอดร่างนุ่มนิ่มเอาไว้แล้วหลับไป

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเคยชินกับการมีเจ้าตัวเล็กอยู่ในอ้อมกอด

ปิ๊กซุกหน้าเข้ากับอกเปลือยเปล่าของผม

เส้นผมหอมๆ คลอเคลียปลายจมูก อดไม่ได้ที่จะพรมจูบซ้ำๆ จนคนหลับลืมตาแล้วเงยหน้ามอง

“พอแล้ว ปิ๊กจะนอน”

“ก็นอนไปสิครับ”

“ถ้าพี่โอมยังทำอย่างนี้เดี๋ยวปิ๊กก็ตื่น”

“หืม” ผมยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะเลื่อนมือลงไปกอบกุมก้นกลมดันให้ขยับเข้ามาเบียดชิดกับท่อนล่างของผม

“พี่โอมไม่เล่น”

“พรุ่งนี้พี่ไม่ได้ไปไหน ทำไม่ได้เหรอ หืม”

สำหรับร่างกายของปิ๊ก ไม่ว่าสัมผัสเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอเลย

“พรุ่งนี้พาปิ๊กไปเที่ยวได้มั้ย พอกลับมาแล้วค่อยทำ นะครับ” เด็กน้อยอ้อนให้ผมใจอ่อน

ให้ตายเถอะ ผมแพ้ลูกอ้อนเด็กนี่เข้าแล้ว

“แต่ตรงนี้มันตื่นแล้ว” ผมยกสะโพกให้เราสัมผัสกัน

“อ๊ะ!” จนเด็กน้อยร้องออกมาผมจึงปล่อยมือจากก้นกลมแล้วมุดเข้าไปในผ้าห่ม

“ให้พี่ช่วยนะครับ”

ไม่รอให้น้องอนุญาตเมื่อร่างกายของปิ๊กพร้อมสำหรับสัมผัสของผมเสมอ

เสื้อตัวบางถูกรั้งขึ้นเผยแผ่นท้องไร้ไขมัน

ร่างกายของปิ๊กบิดเกร็งเมื่อผมพรมจูบสลับเลียที่หลุมเล็กๆ กลางหน้าท้อง

“อื้อ พี่โอม”

กางเกงนอนตัวเล็กถูกรั้งลงจากสะโพกเผยส่วนน่ารักที่ชูชัน

“อ๊า~” ปิ๊กขยับสะโพกเมื่อผมเลียแผล้บเข้าที่ส่วนปลายฉ่ำน้ำ

มันเป็นสีชมพู น่ารักเสียจนต้องเลียซ้ำๆ ให้เจ้าของมันส่งเสียงครางหวานกระตุ้นความกำหนัดของผมที่ไม่อาจปิดบัง

ผมปรนเปรอให้ปิ๊กด้วยลิ้นและปากจนคนตัวเล็กปลดปล่อย

“อ๊า พี่โอม”

ผมชอบนะ ชอบที่ปิ๊กเรียกชื่อผมทุกประโยค และนั่นหมายความว่าผมมีความหมายกับเขามากที่เดียว

น้ำสีข้นถูกเช็ดด้วยหลังมือ รสชาติของปิ๊กหวานล้ำจนผมติดใจ

“ไม่โอมกินทำไม”

“อร่อยออก” เจ้าของใบหน้าสีระเรื่อ ดวงตาฉ่ำหวานเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ เมื่อถูกผมยั่วเย้าด้วยการเลียที่มือตัวเองอีกครั้ง

“พี่โอมทะลึ่ง”

เราหลับไปหลังจากผมทำความสะอาดให้ปิ๊กเรียบร้อยแล้ว

เด็กน้อยก็น่ารักครับ ส่งเสียงหวานๆ ให้ได้ยินตลอดเวลาที่ถูกผ้าชื้นๆ เช็ดที่ส่วนอ่อนไหว จนผมต้องปรนเปรอให้อีกครั้ง

กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตี 3 แล้ว





✧✧✧





“อยากกินอะไรอีกมั้ย”

ผมถามคนตัวเล็กที่เกาะรถเข็นเหมือนเด็กๆ ขณะที่เราเลือกซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆ บ้าน

วันหยุดทั้งทีก็อยากพาน้องไปเที่ยวหรอกนะ แต่ว่าเงินไม่ค่อยมีนี่หว่า ทำอาหารให้กินก็พิเศษแล้ว

“น้องปิ๊กมาซื้อของเหรอคะ”

ขณะที่กำลังเลือกซื้อผัก ใครสักคนที่ผมไม่รู้จักก็ทักเด็กของผม

และเจ้าตัวก็ส่งยิ้มกว้างมากๆ ไปให้

เด็กมันน่ารักใครๆ ก็เอ็นดู

“พี่ชายเหรอคะ” เธอถามเมื่อมองมาที่ผม

ปิ๊กหันมามองแล้วยิ้มแบบที่ผมไม่รู้ความหมาย พอเขาไม่ตอบจึงเป็นผมที่ตอบแทน

“ครับ”

“พี่ชายหล่อแบบนี้นี่เอง น้องปิ๊กถึงได้หวงนัก”

“หวง” ผมทวนคำอย่างไม่เชื่อหู “หวงอะไรครับ”

“ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตอบว่าอยู่กับใคร”

ผมพยักหน้ารับก่อนเธอจะหันไปลาปิ๊กแล้วผละออกไป

“ปิ๊กไม่ได้หวง” ยังไม่ทันได้ว่าอะไร คนร้อนตัวก็ออกปากปฏิเสธซะแล้ว

“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

“ไม่ได้หวงจริงๆ นะ ปิ๊กแค่ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไง พี่โอมไม่ใช่พี่ชายปิ๊กซักหน่อย”

“พี่เข้าใจครับคนเก่ง อย่าคิดมาก มา อยากกินอะไรอีกครับ เดี๋ยวพี่โอมสุดหล่อจัดให้”

“พี่โอมน่ารักที่สุดเลย”

เด็กน้อยดี๊ด๊ายื่นมือมาหยิกแก้มผม

เอิ่ม นี่พี่นะ แต่เมื่อถูกทำแบบนี้ก็เขินเหมือนกันแฮะ

“ปิ๊กขอกินนี่ได้มั้ย”

นิ้วเรียวชี้ไปยังช็อคโกแล๊ตกับขนมขบเคี้ยว เพียงผมพยักหน้าเขาก็กระโดดลงไปเลือกขนมมา 2 ชิ้น

ท่าทางอยากกินขนาดนั้นแต่หยิบมาแค่ 2 เนี่ยนะ

“แค่นี้พอเหรอ”

“พอแล้ว” เด็กน้อยพยักหน้าแล้วมองผมตรงๆ “พี่โอมจนอะ ซื้อขนมเยอะๆ ไม่ได้หรอก”

โอ้โห คำว่าจนพูดเบาๆ ก็เจ็บ

“วันนี้พี่มีตังค์แล้วนะ”

“มีเท่าไหร่ ขอดูหน่อย” พอเด็กแบมือมาขอผมก็หยิบกระเป๋าเงินให้

ปิ๊กเปิดดู มองแบ็งค์หลายสีในกระเป๋า แล้วอยู่ๆ เขาก็ขมวดคิ้วแล้วยื่นกระเป๋าที่ยังเปิดอ้าอยู่มาตรงหน้า

“นี่ใครเหรอครับ”

ภาพคู่ของผมกับใครอีกคน

“ปิ๊กก็อยากมีรูปคู่กับพี่โอมบ้างอะ”

เด็กน้อยย่นจมูกใส่ก่อนจะยัดกระเป๋าเงินในมือผมแล้ววิ่งไปหยิบขนมมาอีก โดยไม่รอคำตอบเรื่องคนในรูป

ก็ดีแล้วที่ปิ๊กไม่ถามต่อ

ผมมองภาพถ่ายอีกครั้ง ป่านนี้ไม่รู้ว่าคนในรูปจะเป็นยังไงบ้าง เขามีชีวิตที่ดีหรือเปล่า ก็ได้แต่สงสัยในเมื่อความจริงผมไม่อาจเอื้อมมือถึงเขาอีกแล้ว





✧✧✧





 “ปิ๊กน่ารักเนอะพี่โอม”

เด็กอะไรหลงตัวเองชะมัด แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าเซลฟี่ทุกรูปของเราคนที่โดดเด่นก็คือคนน่ารักข้างๆ ผมเนี่ย

“ว่าไงพี่โอม ปิ๊กน่ารักมั้ย” พอไม่ยอมตอบก็คะยั้นคะยอจนต้องหันไปมองหน้าคนที่มองรูปในจอมือถือของผมแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

“แล้วพี่หล่อมั้ย”

ผมชะโงกเข้าไปมองเมื่อถาม

“ก็หล่อ”

“เลยหวง”

“บอกแล้วไงว่าไม่ได้หวง” ว่าเปล่าซะเมื่อไหร่ ตีแขนกันดังเพี้ยะอีกต่างหาก เจ็บเลย

“เจ็บเลย” ผมเบ้หน้าเหมือนเจ็บให้เด็กน้อยเบะปากใส่

“พี่โอมไม่เจ็บหรอก พี่โอมแข็งแรง”

เอ้า แข็งแรงแล้วเจ็บไม่ได้เหรอ

ผมเบิกตามองเด็กน้อยแล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

ถ้าไม่นับเรื่องบนเตียงล่ะก็ ปิ๊กเป็นเด็กที่ไร้เดียงสามากเลยนะ

“พี่โอม ปริ้นรูปนั้นให้ปิ๊กหน่อยนะ” ปิ๊กว่าระหว่างที่เราเดินถือของพะรุงพะรังไปตามทางเดินเท้า

“หืม”

“ก็เผื่อปิ๊กต้องกลับบ้าน ปิ๊กจะได้ไม่ลืมพี่โอมไง”

นั่นสินะ สักวันเราก็คงต้องแยกกัน ถ้าน้องไม่พูดเรื่องนี้ผมก็ลืมไปเลย นึกว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไปซะอีก

“ไว้วันหลังพี่ปริ้นมาให้นะ ทุกรูปเลยดีมั้ย”

“ดีครับ” เด็กน้อยยิ้มจนตาปิดขณะพยักหน้าแรงๆ อย่างชอบใจ





✧✧✧





ที่ห้องของผมมีแค่กระทะไฟฟ้ากับหม้อหุงข้าว ถึงจะซื้อของมาเยอะแต่ก็มีข้อจำกัดในการทำ

ปิ๊กนั่งมองผมทำอาหารอยู่ใกล้ๆ พอบอกให้ไปดูทีวีรอ เด็กน่ารักก็บอกด้วยเสียงใสๆ ว่าจะอยู่ให้กำลังใจ

ก็ดีครับ แต่ให้กำลังใจใกล้ๆ แบบนี้มันค่อนข้างจะเกะกะ

ให้ช่วยหยิบจับอะไรเจ้าตัวก็ไม่รู้จักซักอย่าง

“ปิ๊กชอบกินออมเล็ท” เจ้าตัวว่าอย่างนั้นเมื่อผมเทไข่ลงในกระทะเสียงดังซ่า

กลิ่นหอมๆ ลอยมาเตะจมูกให้คนข้างๆ สูดเข้าเต็มปอด

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ปิ๊กทำเบรคฟาสต์ให้พี่โอมดีมั้ย เราซื้อไส้กรอกมาด้วยนี่ปิ๊กจำได้”

คำพูดของปิ๊กทำให้มือผมหยุดชะงัก จ้องหน้าเขม็งจนคนถูกมองถาม

“มองปิ๊กแบบนั้นหมายความว่าไง”

“จำอะไรได้บ้างแล้ว”

“จำอะไรฮะ ปิ๊กจำไม่ได้ซักหน่อย”

“ปิ๊ก!” พอผมเรียกเสียงแข็งเจ้าตัวก็ช้อนตามองอ้อนๆ

“จำได้ก็ได้ จำได้ว่าเรียกแม่ว่ามามี๊ เรียกพ่อว่าแด๊ด ชอบกินออมเล็ท เบรคฟาสต์ฝีมือมามี๊อร่อยมาก”

“แล้วบ้านล่ะ” คำถามถูกป้อนเรื่อยๆ ขณะวางอาหารไม่กี่อย่างลงบนโต๊ะ

“ปิ๊กจำไม่ได้ มันเลือนลาง” เด็กน้อยกัดปากเมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อให้ยื่นมือไปลูบเส้นผมนุ่มเบาๆ

“ไม่เป็นไรนะ ค่อยๆ คิด เดี๋ยวก็จำได้”

“พี่โอมเบื่อปิ๊กแล้วเหรอ” เด็กน้อยเอาแต่เขี่ยข้าวในจานที่ผมส่งให้ ก้มหน้าก้มตาบ่นไม่ยอมสบตากัน

“เปล่า”

“พี่โอมต้องเบื่อปิ๊กแล้วแน่ๆ ถึงอยากให้ปิ๊กจำเรื่องของตัวเองได้ขนาดนี้”

“พี่อยากให้ปิ๊กจำได้”

“เห็นมั้ยล่ะ” พูดยังไม่จบไง

ผมวางช้อนลงแล้วจับมือสั่นๆ ของปิ๊กเอาไว้ มองเข้าไปในดวงตาเขาแล้วว่าอธิบายให้เข้าใจ

“พี่อยากให้ปิ๊กอยู่กับพี่แต่มันจะดีกว่ามั้ยครับ ถ้าเราได้อยู่ด้วยกันโดยที่ปิ๊กเองก็รู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน”

“แต่ถ้าปิ๊กจำได้ ปิ๊กอาจจะลืมพี่โอม เหมือนในละคร”

“พี่บอกปิ๊กแล้วไงว่าถ้าปิ๊กจำไม่ได้พี่จะจำทุกอย่างแทนปิ๊กเอง และถ้าปิ๊กเห็นรูปที่เราถ่ายด้วยกันวันนี้จะจำพี่ไม่ได้เชียวเหรอ”

“ปิ๊ก...” เด็กน้อยก้มหน้าลงให้ผมเชยคางเขาขึ้นมา

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากนะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่จะไม่มีวันลืมปิ๊ก”

“สัญญานะ” คนตรงหน้าผมว่าเสียงแผ่วแล้วยื่นนิ้วก้อยมาให้

“แบบนี้มันเด็ก”

ว่าจบผมก็จรดริมฝีปากลงบนเรียวปากอิ่มให้ลมหายใจผสานเป็นหนึ่งแล้วค่อยผละออก

“สัญญาแล้วนะ”

ใบหน้าน่ารักขึ้นสีระเรื่อ เขินอะไรกัน มากกว่านี้ก็ทำมาแล้วนะปิ๊ก

“กินข้าวต่อได้รึยังครับ”

ปิ๊กกดหน้าลงแล้วตักไข่เจียวเข้าปาก ค่อยๆ เคี้ยวจนผมต้องเอ่ยถาม

“ไม่อร่อยเหรอครับ”

“อร่อย”

“เคี้ยวเหมือนไม่อร่อย”

“อร่อยจริงๆ” คงกลัวว่าผมจะไม่เชื่อจึงจ้วงตักไข่เจียวเข้าปากคำโตแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มป่อง

เด็กอะ เป็นเด็กที่ทำให้ผมตบะแตกซะด้วย

“ปิ๊กรู้มั้ยคนใดที่ถูกเจียว”

“อะไรอะ งง” ถึงไม่บอกว่างงผมก็รู้ด้วยคิ้วที่ขมวดมุ่นว่าน้องกำลังงง

พูดไทยได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว เรื่องผวนน่ะลืมไปเถอะ

แล้วนี่ผมเล่นอะไรอยู่วะ

“อะไรอะพี่โอม” ว่าจะหยุดแล้วแต่น้องถามก็ต้องตอบ เพราะถ้าไม่ตอบล่ะก็เด็กขี้สงสัยต้องกวนผมทั้งคืนแน่

“คนใดที่ถูกเจียว คนเดียวที่ถูกใจ”

เงียบกริบ

ปิ๊กกระพริบตาปริบๆ ไม่หือไม่อือกับมุกเสี่ยวที่ผมไม่เคยเล่นกับใครแล้วก้มหน้าตักข้าวใส่ปาก

เสียเซลฟ์เลยนะเนี่ย จะขำหน่อยก็ไม่ได้เลยเหรอ

น้องปิ๊กโคตรใจร้าย อย่างนี้ต้องเอาคืน

ผมคิดอย่างมาดมั่น กระทั่งเวลาอาหารค่ำจบลง

ปิ๊กช่วยผมล้างจาน คงจะรู้สึกขอบคุณกว่านี้ถ้าเจ้าตัวไม่ทำจานแตกถึง 2 ใบอะนะ

“พี่โอม”

“ครับ” ผมวางจานใบสุดท้ายลงก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงหวานที่ยืนอยู่ข้างหลัง

“ถูหลังให้ปิ๊กหน่อยได้มั้ย”

หืม ยั่วกันหรือเปล่าครับ

“ปิ๊กถูไม่ถึงอะ นะครับ” ถึงจะไม่อ้อนขอผมก็เต็มใจอยู่แล้ว

“ก็ได้ครับ อาบน้ำด้วยกันเลยมั้ย”

เหยื่อเนื้อหวานพยักหน้าแรงๆ ด้วยความยินดี ไม่รู้เสียแล้วว่าคนตรงหน้านี้กำลังจะแปลงร่างเป็นปีศาจร้าย

ขอโทษนะปิ๊ก แต่ตอนนี้พี่คิดดีไม่ได้จริงๆ


[TBC]

เป็นนิยายที่เขียนเพื่อความบันเทิง
โปรดอ่านเพื่อความบันเทิงนะ
ฝากน้องปิ๊กกับพี่โอมด้วยจ้า :)

หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 5 พี่โอมไม่ใช่พี่ชายปิ๊กซักหน่อย}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-03-2018 20:44:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 5 พี่โอมไม่ใช่พี่ชายปิ๊กซักหน่อย}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-03-2018 02:47:15
อ่าน 2 ตอนรวด เฮียทำให้น้องนิสัยเสีย ทำให้ชีวิตน้องขาดเฮียไม่ได้  o18
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 6 คราวหน้าทำกันอีกนะ}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 12-03-2018 20:28:13
ตอนที่ 6 คราวหน้าทำกันอีกนะ


ให้ตายเถอะไอ้โอม มึงกำลังทำอะไรอยู่วะ

เสียงหวานที่ดังผ่านลำคอทุกครั้งที่ผมสัมผัสทำให้ผมแทบจะตบแตก ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิดที่เข้าห้องน้ำมาพร้อมกับเด็กผิวขาวนี่

ปิ๊กที่อยู่ตรงหน้าผมเปลือยทั้งตัว ส่วนผมมีเพียงผ้าขนหนูพันเอวแต่มันก็ไม่ได้ช่วยปกปิดส่วนแข็งขืนที่ดันผ้าขนหนูจนขึ้นรูปบอกอารมณ์ชัดเจนได้เลย

“พี่โอมจับเอวทำไม”

เจ้าของแผ่นหลังเปลือยเอี้ยวตัวมามองเมื่อผมหยุดมือที่กำลังถูหลังแล้วลูบลงมาที่เอวคอด

เบียดไอ้ที่แข็งๆ ตรงกลางกายเข้ากับก้นนุ่มๆ ของน้อง

“ความผิดของปิ๊ก”

“ปิ๊กไม่เกี่ยว อ๊ะ!” คนไม่ยอมรับความจริงว่าให้ผมถูส่วนที่อยู่ใต้ผ้าขนหนูกับก้นเขาเบาๆ แล้วขบเม้มที่ติ่งหูน่ารัก

อยากเลียน้องทั้งตัวอะตอนนี้

“อื้อพี่โอม ปิ๊กจั๊กจี้” เด็กน้อยย่นคอหนีเมื่อผมแลบลิ้นเลียที่ลำคอด้านหลัง

ไอ้โอมจะไม่ทนแล้วนะครับ

“ปิ๊กถูให้พี่บ้างสิ” ผมพลิกตัวน้องให้หันมาเผชิญหน้ากัน

“พี่โอมหันหลังมา”

“ไม่ใช่ถูหลังครับ แต่ถูตรงนี้” ผมคว้ามือเล็กให้วางลงบนกลางกายที่กำลังปึ๋งปั๋งอยากปลดปล่อย

“พี่โอมทะลึ่ง”

“พี่ปวดจะแย่อยู่แล้ว ปิ๊กจะใจร้ายไม่ช่วยพี่จริงๆ เหรอครับ”

ยามนี้ใครจะหาว่าตอแหลก็ยอมรับครับถ้าหากน้องจะยอมสัมผัสตัวตนของผมแล้วช่วยให้มันผ่อนคลายสักหน่อย

“ปิ๊กครับ” ผมปล่อยมือน้องแล้วเกี่ยวเอวดึนให้ร่างเล็กขยับเข้ามาชิด เกยคางไว้บนศีรษะแล้วอ้อน “ไม่ช่วยพี่จริงเหรอ”

เข้าทางเลยเมื่อคนที่กอดผมตอบเลื่อนมือลงมาที่ขอบผ้าเช็ดตัว

กระตุกเบาๆ ให้มันร่วงลงบนพื้น

ตอนนี้ทั้งผมและเขาอยู่ในสภาพที่ไม่มีใครเสียเปรียบทั้งนั้น

“ใหญ่จัง” เด็กน้อยว่าเสียงซื่อๆ เมื่อเบิกตามองส่วนแข็งขืนที่กำลังยืนตรงที่กลางกายของผม

“มันคิดถึงมือนุ่มๆ ของปิ๊กจะแย่แล้ว”

ผมไม่ได้บังคับ แขนทั้งสองข้างยังคงกอดเอวน้องไว้หลวมๆ

มือของปิ๊กสั่นแต่ถึงกระนั้นเขาก็เอื้อมมันมาวางลงบนแผ่นอกแข็งแกร่งของผม

ไม่รู้ว่าน้องตั้งใจยั่วหรือเปล่าแต่มือเล็กที่ค่อยๆ เลื่อนลูบไล้จากแผ่นอกลงมาที่หน้าท้องของผมนี่มันซี๊ดมาก

ผมเม้มปากแน่น หลับตาลงเพื่อใช้ร่างกายรับสัมผัสที่เคลื่อนต่ำลงมา

นิ้วเรียวกรีดไล้แผ่วเบาที่ความยาวอันร้อนผ่าว

ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดแผ่นอกของผม ให้ตายเถอะ ลมหายใจของปิ๊กทำให้ผมร้อนไปหมด

ผมลูบท้ายทอยของเขา ขณะที่อีกคนยังคงลูบไล้ตัวตนของผมแผ่วเบา

ค่อยๆ แตะต้องเหมือนกลัวว่ามันจะหัก

โธ่ น้องครับจับแรงๆ ก็ได้มันไม่หักหรอก มีแต่จะพ่นน้ำเหมือนเมอร์ไลออนนั่นแหละ

ผมกดจูบลงบนเส้นผมอ่อนนุ่ม เลื่อนมือข้างหนึ่งไปวางทับที่มือเล็กแล้วเอ่ยเสียงพร่าด้วยความปรารถนาที่ซ่อนอย่างไรก็ไม่มิดที่เหนือศีรษะเด็กน้อย

“รูดแรงๆ เลยครับปิ๊ก อื้ม อย่างนั้นเด็กดี”

พูดจบประโยคพอดีกับที่มือเล็กคลึงกลางกายของผมด้วยน้ำหนักมือที่พอเหมาะพอดี ให้ตายเถอะ ฟินฉิบหาย ยิ่งในยามที่นิ้วเล็กๆ สัมผัสส่วนปลายตรงที่มีน้ำซึมออกมา ผมนี่แทบจะปริแตกคามือ

“แรงอีกครับ อ๊า แรงอีก”

ผมแหงนหน้าขึ้นเปล่งเสียงครางกระเส่าอย่างไม่อาจสะกดกลั้น

มือนุ่มๆ นี่มันทำให้ผมนึกถึง...ใครบางคน

“ปิ๊ก” ผมเรียกชื่อเขา ในสมองนึกถึงคนตัวเล็กๆ ที่เคยเต้นระบำอยู่บนตัวของผม

“พี่โอม ร้อน ของพี่โอมมันร้อน”

รูดเท่าไหร่ผมก็ไม่ยอมปลดปล่อย ร่างเล็กจึงครางประท้วง

สงสัยคงจะเมื่อยมือ ดังนั้นผมจึงก้มหน้ามองเขา เชยคางให้ใบหน้ายั่วยวนแหงนมองก่อนจะประทับจูบลงบนปากอิ่ม เลียซ้ำๆ ให้อ้าเผยอริมฝีปากครวญคราง

ให้ตายเถอะ ตายซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมอยากกระแทกร่างเล็กๆ นี้เดี๋ยวนี้เลย

ห้ามใจไว้นะไอ้โอมถ้ามึงไม่อยากไปนอนคุกมึงต้องห้ามใจนะ

ผมผ่อนลมหายใจเมื่อผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง

บดคลึงปากอิ่มๆ นั้นด้วยนิ้วเรียว กดหนักๆ จนปิ๊กแลบลิ้นออกมา

น่าดูด อยากดูดว่ะ แต่ตอนนี้อยากถูกดูดมากกว่า

“ใช้ปากให้พี่สิครับ”

เมื่อตกอยู่ในห้วงสวาท เด็กน้อยก็ยอมนั่งคุกเข่าลงบนพื้นอย่างง่ายดาย

ส่วนแข็งขืนที่ยังแข็งแรงจรดที่แก้มใส ดวงตาฉ่ำๆ จ้องมองมัน

เป็นภาพที่โคตรจะอีโรติก

แค่ถูกมองก็จะแตกแล้วแม่งเอ้ย

จุ๊บ!

ไม่ต้องจุ๊บเบาครับน้อง ครอบปากลงไปแล้วดูดเลย พี่จะไม่ไหวแล้ว

แม้ในใจจะคร่ำครวญให้น้องทำแรงๆ แต่สัมผัสเบาๆ เมื่อยามที่ลิ้นชื้นค่อยๆ แตะต้องที่ส่วนปลายฉ่ำ เงยใบหน้าแดงก่ำขึ้นมองคล้ายถามว่ารู้สึกดีไหมให้ผมยกยิ้มส่งให้อย่างยากลำบากแล้วก้มลงเลียตั้งแต่ปลายจรดโคนแบบค่อยชิมรสก็ทำเอาผมหายใจหืดหาดเป็นคนหื่นไปเลย

“อืม ปิ๊ก”

ผมวางมือลงบนเส้นผมนุ่มยามที่ปากเล็กอ้าออกแล้วอมส่วนปลายเข้าไป ลิ้นชื้นตวัดเลียเน้นตรงส่วนที่ปล่อยน้ำออกมาผมก็ถึงกับขาสั่น

ทำไมเก่งจังวะ

เก่งได้ขนาดนี้ต้องยกความชอบให้คนสอน

ปิ๊กเลียๆ ดูดๆ ตรงนั้นซ้ำๆ มือเล็กก็ช่วยรูดรั้ง ซ้ำยังช้อนดวงตาฉ่ำๆ ขึ้นมองผมอีก ถามว่าทนได้ไหม บอกเลยว่าแม้ทนได้ไอ้โอมก็จะไม่ทนแล้ว

“อื้อ”

เด็กน้อยครางประท้วงเมื่อผมหิ้วปีกเขาให้ยืนขึ้น

แผ่นหลังบอบบางแนบไปกับผนัง ดวงตากลมเบิกโพลงเมื่อผมบดขี้ริมฝีปากลงบนปากอิ่ม ขบเม้มให้อ้าเผยอแล้วสอดลิ้นเข้าไปตวัดเกี่ยว เสียงครางพร่าดังเป็นระยะพร้อมกับน้ำใสที่ไหลเลอะขอบปาก

“อ๊ะ!”

เพราะลิ้นยังกระหวัดเกี่ยวกับผม เสียงครางจึงดังออกมาเพียงแผ่วเบาเมื่อมือที่เคยลูบไล้สีข้างเปลี่ยนมากอบกุมหน้าอกเล็กแบนเรียบเอาไว้ทั้งสองมือ

ผมใช้นิ้วคลึงมันไม่เบาไม่แรงจนรู้สึกได้ว่ายอดอกเล็กๆ นั้นเริ่มแข็งขึ้นมาเหมือนกับมังกรตัวเล็กที่ชูคอขึ้นมาแล้วเหมือนกัน

“พี่โอม...”

เด็กน้อยเรียกผมเสียงกระเส่า ใบหน้าน่ารักแหงนเงยเมื่อผมลากปลายลิ้นเลียตามความหวานที่ไหลเปรอะขอบปาก ปลายคางและลำคอ

ผมใช้เรียวลิ้นสัมผัสไปทั่วทุกซอกมุม แม้อยากจะทำแรงๆ แต่ก็เตือนตัวเองเอาไว้ว่าน้องยังเด็กนัก

แผ่นอกบางสะท้านไหว เมื่อลิ้นชื้นแวะเวียนเลียยอดอกสีหวาน

มันแข็งสู้ลิ้นจนอยากดูดๆ เลียๆ อยู่อย่างนี้ซ้ำๆ

มือเล็กขย้ำเส้นผมของผมจนยุ่งเมื่อมังกรตัวน้อยที่ส่วนหัวชื้นๆ ถูกสัมผัสลูบไล้ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนที่เขาเคยทำให้ผม

ปิ๊กหุบขาเข้าเมื่อผมเลื่อนมือลงไปสัมผัสที่ซอกขาเนียน

“อืม พี่โอม” เด็กน้อยอ้าปากคราง ภาพอีโรติกที่เห็นเมื่อเงยหน้ามองทำให้ผมแทบจะคุมสติตัวเองไม่อยู่

ตรงนี้สินะจุดอ่อนไหว

ผมคุกเข่าลง กดริมฝีปากลงบนมังกรตัวน้อยๆ เหมือนอย่างที่ปิ๊กทำให้ผมเมื่อครู่

“พี่โอม อื้อ ไม่เอา ไม่ อ๊า”

แม้ปากจะครางปฏิเสธแต่มือเล็กๆ ที่ยังคงไม่ละจากเส้นผมกลับกดให้ใบหน้าของผมขยับเข้าไปใกล้อีก

ผมสูดดมกลิ่นบริสุทธิ์เข้าไปจนฉ่ำปอด

รู้สึกว่าตัวเองเหมือนตาแก่โรคจิตเลยว่ะ

“ตรงนี้เหรอครับ” ผมลากปลายลิ้นทิ้งความฉ่ำชื้นไว้เป็นทางยาวบนมังกรตัวเล็ก ทำซ้ำๆ จนสัมผัสได้ว่าขาของปิ๊กสั่นน้อยๆ ถึงกระนั้นผมก็ยังกดขาเขาเอาไว้ บังคับให้ยืนอยู่อย่างนั้น

ลากปลายลิ้นเข้าไปที่ซอกขาด้านใน เพียงถูกสัมผัสเขาก็เปล่งเสียงหวานออกมาให้อยากได้ยินอีก

ผมเลียบริเวณนั้นซ้ำๆ ยิ่งเลีย ขาเล็กก็ยิ่งสั่น มือนิ่มดึงทึ้งผมในบางครั้งเหมือนบอกให้หยุด แต่บางทีก็ดันให้เข้าไปแนบชิด

แน่ล่ะว่าความปรารถนาที่ถูกปรนเปรอทำให้เขาสับสน

ผมลากมือไปกุมที่ก้นนุ่มๆ อืม รู้สึกดีมาก เต็มไม้เต็มมือราวกับเกิดมาเพื่อให้ผมสัมผัสอย่างนั้นแหละ

“พี่โอม ปิ๊ก อื้ม ปิ๊ก...”

ริมฝีปากอิ่มถูกเม้มจนเป็นเส้นตรง ใบหน้าของปิ๊กแสดงออกถึงความทรมานอย่างชัดเจน เห็นแล้วก็นึกเห็นใจ

“อยากเสร็จเหรอครับเด็กดี”

เขาก้มหน้าใช้ดวงตาฉ่ำมองผมแล้วกดหน้ารับ

“อยากให้พี่ทำยังไงกับมันครับ”

เลียแผล้บเข้าที่ส่วนปลายสีสวยให้ร่างเล็กเกร็งหน่อย

“อยากให้พี่เลียมันใช่มั้ยครับ”

เด็กน้อยไม่ยอมตอบผมจึงเลียแผล้บๆ อีกหลายๆ ครั้งแบบไม่จริงจังพอจะทำให้เขาแตะสวรรค์ได้

“พี่โอม...”

“ว่าไงครับ”

ผมเงยหน้ามองเขาอีกทั้งที่ริมฝีปากจรดที่ส่วนปลายอ่อนไหว

“เลีย ปิ๊กอยากให้พี่โอมเลีย” ว่าอย่างยั่วๆ พลางลูบกรอบหน้าผมสะเปะสะปะเหมือนบอกให้รีบทำ

แต่นี่พี่โอมไง คนมันกำลังหื่น แม้อยากจะเสร็จแต่ก็ยังอยากแกล้งอยู่

“อยากให้พี่อมด้วยมั้ยครับ”

“พี่โอม อ๊ะ”

ผมแกล้งครอบริมฝีปากลงบนส่วนปลายสีหวานฉ่ำ ดูดแรงๆ จนเกิดเสียงน่าอายให้เด็กน้อยเปลี่ยนมากดศีรษะผมไว้อีกหน

“ปิ๊กไม่ไหวแล้ว ตรงนี้มันจะระเบิดแล้ว”

เด็กน้อยแอ่นสะโพกเข้ามาหา มือเล็กอีกข้างจับที่ส่วนแข็งแกร่งของตน อีกข้างรั้งท้ายทอยของผมให้โน้มเข้าไปหา

“ทำปิ๊ก ช่วยปิ๊กนะฮะ”

ถูกยั่วยวนออดอ้อนขนาดนี้ใครมันจะทนไหว

สิ้นเสียงเด็กน้อยผมก็ครอบปากลงไปรับเอาส่วนน่ารักเข้ามาจนสุด ดูดแรงๆ แล้วใช้ปลายลิ้นตวัดเลียซ้ำๆ จนสะโพกเล็กบิดเกร็ง

ปิ๊กที่ถูกอารมณ์หวามไหวเล่นงานอย่างจังปล่อยเสียงครางที่ไม่อาจปิดบังได้

เสียงหวานทำให้ผมแทบคลั่ง

ผมกอบกุมก้นกลมไว้เต็มทั้งสองมือ บังคับให้เขากระทุ้งกายเข้ามารับกับจังหวะการรูดรั้ง

ทั้งบีบทั้งขยำอย่างมันมือ สอดนิ้วเข้าไปยังระหว่างแก้มก้นทั้งสองข้าง ใช้ปลายนิ้วลากไปมาเพื่อหาช่องทางที่ซ่อนอยู่ข้างในนั้น

“อ๊ะ อื้ม อือ พี่โอม ปิ๊ก...”

“ปล่อยออกมาเลยครับคนเก่ง”

นิ้วแกร่งยังทำหน้าที่ลูบวนช่องทางที่เพิ่งหาเจอ ผมครอบปากลงไปที่มังกรตัวเล็กอีกครั้ง คราวนี้ชักรูดแรงๆ ให้ปิ๊กส่งเสียงครางไปตามจังหวะเข้าออกกระทั่ง...

“อ๊า...”

เสียงหวานดังสะท้อนในห้องน้ำแคบ น้ำสีขุ่นถูกปลดปล่อยเข้ามาในปากของผม เลอะออกมาที่ขอบปากนิดหน่อยตอนที่ผมดูดย้ำๆ เพื่อรีดเอาทุกหยาดหยดของปิ๊กออกมา

“หวาน” ผมใช้หลังมือเช็ดปากแล้วก้มลงไปจูบส่วนปลายที่หมดแรงของคนในอ้อมกอดอีกครั้ง

“พี่โอมกินทำไม” เด็กน้อยว่าปนหอบ เนื้อตัวของเขาแดงไปหมดจากการกระทำของผม

“อร่อยออกครับ”

น้องจ้องผมนิ่งๆ ท่าทางเจ้าตัวคงไม่เชื่อผมจึงป้อนมันให้เขาด้วยลิ้นที่ฉวยโอกาสสอดเข้าไปในโพรงปากเล็ก เกี่ยวกระหวัดจนได้ยินเสียงหอบเหนื่อยจึงผละออก

“เห็นมั้ยอร่อยออก”

เด็กน้อยเบ้หน้าก่อนจะก้มงุดกับการกระทำที่เจ้าตัวคงคิดว่าน่าอายก่อนหน้า แต่อย่าลืมสิว่าพี่โอมยังไม่เสร็จเลยนะครับ ลูกชายพี่โอมยังแข็งอยู่เลย

“ปิ๊กครับ”

ผมเชยคางให้น้องสบตาแล้วก้มลงไปกระซิบชิดผิวแก้ม

“พี่ยังไม่เสร็จเลย”

ดวงตากลมหลุบมองที่กลางกายผมแล้วเบิกกว้าง ตกใจอะไรครับ อมก็เคยทำมาแล้วไม่น่าตื่นตะลึงกับความมโหฬารนี้แล้วนะ

“ปิ๊กเหนื่อย” น้องตอบเสียงอ้อมแอ้ม ใจคงอยากช่วยผมแต่ตัวเองก็คงเหนื่อยด้วย

“นอนเฉยๆ ก็พอครับ”

หืม...

เสียงครางแผ่วดังจากเรียวปากฉ่ำเมื่อผมจัดท่าให้น้องนั่งคุกเข่า ยันมือทั้งสองข้างไว้ที่ผนังโดยมีผมนั่งท่าเดียวกันซ้อนอยู่ด้านหลัง

“แบบนี้มัน...”

“แค่ยันมือไว้ตรงนี้ก็พอครับ”

“อ๊ะ!”

รู้สึกว่าร่างกายของปิ๊กกำลังตอบสนองผมอีกครั้งเมื่อถูกขบเบาๆ ที่หู

ผมกอดเอวเล็กๆ ของน้องเอาไว้ ลากมือลูบไล้ที่แผ่นท้องเนียน ลูบสูงขึ้นไปกอบกุมที่อกแบน ใช้นิ้วหยอกเย้าที่ยอดอกให้เจ้าของมันเปล่งเสียงครางออกมาอีกหน

อีกข้างเลื่อนต่ำลงไปสัมผัสกับมังกรเล็กๆ ที่กำลังผงกหัวขึ้นมาอีกครั้ง

ผมจับมันรูดรั้งครู่หนึ่งก่อนจะจำใจลามันเพื่อจัดท่าทางให้ปิ๊กรองรับความปรารถนาของผมที่กำลังจะถูกสาดเข้าใส่ร่างบอบบางของเขา

“อ๊ะ พี่โอม แบบนี้มัน อ๊า...”

เสียงลมหายใจของปิ๊กดังฟึดฟัดเมื่อผมใช้ความแข็งแกร่งสอดแทรกเข้าไประหว่างก้นกลมอวบอิ่ม จงใจใช้ส่วนปลายฉ่ำๆ ลากผ่านช่องทางสีหวานที่ยังไม่เคยมีใครได้สัมผัส แน่นอนว่าคนแรกที่ได้สัมผัสต้องเป็นไอ้พี่โอมคนนี้แหละ

“ดีมั้ยครับปิ๊ก”

“ไม่รู้ ปิ๊ก อ๊า ไม่รู้”

ครางแบบนี้แปลว่าดี

ผมยังคงเสียดสีความแข็งแกร่งกับส่วนนั้น น้ำที่ปริ่มตรงส่วนปลายเปรอะเปื้อนเป็นทางที่ร่องก้น ช่างเป็นภาพที่โคตรจะอีโรติก

ผมผละออกมา กวาดสายตามองก้นน้องแล้วเลียริมฝีปากอย่างกระหาย

อดใจไว้โอม น้องยังเด็ก

“ปิ๊กยันมือไว้ที่พื้นนะครับ”

ผมบอกน้องเมื่อจัดท่าให้ใหม่ให้เจ้าตัวอยู่ในท่าคลานโดยมีผมซ้อนอยู่ด้านหลัง ชักรูดส่วนแข็งแกร่งของตัวเองแรงๆ ก่อนจะสอดเข้าไประหว่างขาที่ถูกจัดให้เบียดชิดกัน

ผมแนบลำตัวลงไปให้อกชิดกับแผ่นหลังของน้อง มือนึงค้ำยันบนผนังตรงหน้า ส่วนอีกมือลูบไล้ที่ขาอ่อน

“ร้อน พี่โอม ปิ๊กร้อน”

“อื้ม...” ผมหลับตากัดริมฝีปากรับความซ่านเสียวเมื่อถอนกายออกสุดความยาวแล้วดันเข้าไปใหม่

ใช้ต้นขาปิ๊กแทนช่องทางอ่อนนุ่มที่ไม่พร้อม

เลื่อนมือไปกอบกุมส่วนแข็งแกร่งที่ยาวเลยขาน้องออกมาแนบไปกับมังกรตัวเล็กที่แข็งแรงขึ้นมาอีกครั้ง

ทั้งรูดรั้งและอัดสะโพกใส่จนร่างเล็กโยกไหวไปตามจังหวะ

ปากเล็กหวีดร้องอย่างสุขสม

“อ๊า ปิ๊ก”

ผมเองก็ครวญครางไม่ขาดปาก ดันใบหน้าน่ารักให้หันมาแลกลิ้นกันที่ภายนอก ไม่สนใจน้ำใสๆ ที่หยดลงบนพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า

“อ๊ะ อ๊า...”

ปิ๊กร้องออกมาก่อนเมื่อผมผละริมฝีปากออกเป็นจังหวะเดียวกับที่เด็กน้อยปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งที่สอง

ผมยืดตัวขึ้น ใช้มือกดสะโพกเล็กเอาไว้แล้วค่อยอัดสะโพกให้ท่อนกายขยับเข้าออกระหว่างขาน้องแรงๆ อีกหลายครั้งจน...

“อ๊า....”

เสียงหอบของปิ๊กดังประสานกับเสียงครางของผม

ร่างเล็กหอบหนักจนตัวโยนเมื่อผมทิ้งตัวทับเขาจากด้านหลัง ขาเล็กที่หนีบแน่นก่อนหน้าคลายออก ปิ๊กทิ้งตัวนอนลงบนพื้นห้องน้ำทั้งตัว

ท่าทางเหมือนคนหมดแรงที่เมื่อมองแล้วก็นึกสงสาร

หรือผมจะรุนแรงกับน้องเกินไป แต่ว่านะ ใครใช้ให้ปิ๊กน่ารักวะ พอน่ารักผมแม่งก็ห้ามตัวเองมาไหวไง

“ปิ๊กครับลุกไหวมั้ย”

ผมถามเมื่อขยับลุกขึ้นนั่ง พอน้องไม่ตอบจึงหิ้วปีกให้เขาขึ้นมานั่งบนตัก

“พี่ทำแรงไปเหรอครับ”

“เมื่อกี้มันอะไร”

“ชอบมั้ย อยากให้พี่ทำอีกหรือเปล่า” ผมเลี่ยงไม่ตอบแล้วเป็นฝ่ายป้อนคำถามที่ร่างน้อยต้องก้มหน้างุดให้ผมหัวเราะในลำคอให้กับความน่ารักนี้

กลับมาน่ารักอีกแล้ว แต่ภาพของคนที่นอนให้ผมกระทั้นกายใส่เมื่อครู่นี้ก็ยังคงตราตรึง ไม่ว่าภาพไหนๆ ก็ไม่สามารถลบล้างได้

“คราวหน้าทำกันอีกนะ”

“พี่โอมมีความสุขหรือเปล่า”

“แน่นอนสิครับ” ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้เมื่อเชยคางน้องมองหน้ากัน “แล้วปิ๊กล่ะมีความสุขกับสิ่งที่พี่ทำหรือเปล่า”

ปิ๊กกดหน้าเบาๆ แทนคำตอบให้ผมใจชื้นขึ้นมา

ถ้าอย่างนั้น...ครั้งหน้าเราจะทำกันเมื่อไหร่ดีล่ะปิ๊ก



[TBC]

คุณโอม เข้าคุกเชิญช่อง 2
 :mew5:

หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 6 คราวหน้าทำกันอีกนะ}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-03-2018 20:47:01
อีพี่โอม ทำน้องเสียคนตั้งแต่เด็ก  :m16:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 6 คราวหน้าทำกันอีกนะ}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-03-2018 21:21:08
เราได้ทำการบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้หมดแล้ว 

คุณวอนนอนคุก

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 6 คราวหน้าทำกันอีกนะ}
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 13-03-2018 03:21:41
น้องง โดนอีพี่หลอกกกกแล้วววววว ช่วยด้วยยยลูกกกก
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 03-04-2018 20:14:03
ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย


“ไม่ไปค้างกับไอซ์จริงๆ เหรอ”

“เอาไว้คราวหน้านะ”

“ไอซ์คิดถึงโอมอะ” ไอซ์เกี่ยวเอวของผมไว้เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้อีก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงไม่ปฏิเสธความสัมพันธ์ฉาบฉวยนี้ แต่ตอนนี้แค่คิดว่าปิ๊กรออยู่ที่ห้องผมก็เอาแต่คิดว่าต้องกลับห้องให้เร็วที่สุด

ผมแกะมือของไอซ์ออกแผ่วเบาเพื่อรักษาน้ำใจแล้วจึงว่า

“ครั้งหน้าเราจะไม่ทำให้ไอซผิดหวังเลย แต่วันนี้เราต้องขอตัวจริงๆ”

“สัญญาแล้วนะ”

“อื้อ”

ไอซ์กอดคอผมรั้งให้โน้มใบหน้าเข้าไปรับจูบจากริมฝีปากสีสดของเขา จูบของผมกับไอซ์มักจะเริ่มต้นอย่างร้อนแรงและจบลงอย่างอ้อยอิ่งอย่างแสนเสียดาย

ผมส่งไอซ์ขึ้นรถก่อนจะเดินทางกลับบ้านตัวเองบ้าง







ทางเข้าบ้านค่อนข้างมืด เพียงแค่นึกว่าปิ๊กเดินลำพังบนเส้นทางมืดๆ นี้แล้วก็นึกห่วงขึ้นมา

ผมรีบสาวเท้าเร็วๆ เพื่อไปถึงห้องให้เร็วที่สุด แต่ก็ต้องลดความเร็วเมื่อเห็นคนแปลกๆ เดินวนอยู่ใกล้ๆ อพาร์ทเมนท์

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ”

ไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอก แค่สงสัยก็เลยเข้าไปถาม และคนถูกถามก็ยิ่งทำตัวให้ไม่ไว้ใจเมื่อพวกเขาดูตกใจมากเกินคนปกติไปหน่อย

“เอ่อ พอดีสนใจอยากเช่าห้องน่ะหนุ่ม”

คุณยายเป็นคนตอบให้ผู้หญิงวัยกลางคนข้างตัวพยักหน้าแรงๆ สำทับ

“ป่านนี้แล้ว คนดูแลอพาร์ทเมนท์นอนไปหมดแล้วมั้งครับ”

“งั้นเหรอ เอาไว้ยายมาใหม่พรุ่งนี้เนอะ”

“สำนักงานเปิด 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นนะครับ”

ทั้งคู่พยักหน้ารับก่อนจะสาวเท้าเร็วๆ ห่างผมออกไป

ยิ่งมองตามก็ยิ่งรู้สึกว่าท่าทางของทั้งคู่มีพิรุธจนนึกสงสัย แต่ถึงกระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีนอกจากปล่อยมันไปในเมื่อไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเรา

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เห็นเด็กน้อยนอนคว่ำหน้าเขียนบางอย่างอยู่บนพื้น

ผมก้าวเข้าไปนั่งข้างเขาจ้องมองภาพวาดบนกระดาษแล้วถาม “นั่นอะไรครับ”

“ความทรงจำของปิ๊ก” คำตอบทำให้ผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ

“จำได้แล้วเหรอครับ”

“เปล่า” ค่อยโล่งใจหน่อย “ปิ๊กลองวาดภาพในหัวแต่ก็ไม่ค่อยได้เรื่องหรอก”

“อยากไปจากพี่แล้วเหรอครับ”

คนที่กำลังจรดดินสอลงบนกระดาษเงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะพลิกนอนหงายเพื่อหนุนตักของผมด้วยท่าทางอ้อนๆ

“ปิ๊กอยากอยู่กับพี่โอมตลอดไป”

ผมลูบเส้นผมนิ่มเบาๆ อย่างนึกเอ็นดูกับคำพูดที่ไม่แน่ใจว่าเพื่อเอาใจหรือเป็นความจริงจากใจกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกดี

“ปิ๊กหิวมั้ย”

“พี่ที่มินิมาร์ทพาไปกินข้าวเย็นแล้ว พี่เค้าให้นี่มาด้วยนะ” เด็กน้อยลุกขึ้นนั่งแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

ธนบัตรสีเทา 2 ใบถูกยื่นมาตรงหน้า

“พี่โอมเก็บไว้นะ”

“เงินของปิ๊ก ปิ๊กก็เก็บไว้สิครับ”

“ปิ๊กไม่ได้ใช้นี่นา พี่โอมเก็บไว้เถอะ” พอถูกอ้อนเข้าหน่อยก็ต้องจำใจรับเงินนั้นมาเก็บใส่กระเป๋าก่อนจะยื่นธนบัตรสีแดงที่เหลืออยู่ในกระเป๋าให้คนตรงหน้า

“เก็บไว้ซื้อของที่อยากกิน”

“ถ้าพี่โอมไม่ซื้อให้ปิ๊กก็ไม่อยากกินอะไร” ฟังเขาพูดสิครับ จะไม่ให้ผมหลงได้อย่างไรกัน

นานทีเดียวกว่าจะบังคับให้คนตัวเล็กพกเงินติดตัวได้ ถึงจะทำหน้าบูดบึ้งตอนรับเงินแล้วก็บ่นนิดหน่อยแต่ก็ยอมเก็บเงินใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองไป

ปิ๊กยังไม่มีกระเป๋าสตางค์นี่นา เอาไว้วันหลังค่อยพาไปเลือกซื้อซักใบ







วันนี้ผมออกจากบ้านก่อนเวลาทำงานราว 2 ชั่วโมงเพราะถูกผู้หมวดก้องคนที่รับเรื่องของปิ๊กเอาไว้ในการดูแลเรียกพบ

ก่อนออกมาไม่ลืมแวะบอกที่สำนักงานเรื่องคนแปลกหน้าที่เจอเมื่อคืน

ไม่รู้สิ ผมแค่รู้สึกไม่วางใจ ถึงแม้ว่าคนแปลกหน้าที่ผมเจอจะเป็นเพียงผู้หญิงก็ตามที

“สวัสดีครับหมวด” ผมเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต

“น้องไม่มาด้วยเหรอครับ”

ถามเมื่อมองกันตรงๆ ผมจึงส่ายหน้า

“เปล่าครับ ว่าแต่หมวดเรียกผมมา มีความคืบหน้าเหรอครับ”

“ตอนนี้เราไม่มีข้อมูลอะไรเลย”

ผมร้องอ้าวเมื่อได้ยินอย่างนั้น เรียกผมมาเพื่อบอกว่าไม่มีข้อมูลอะไรเลยเนี่ยนะหมวด ผมไม่โอเคว่ะ

“ที่เรียกมาวันนี้เพราะอยากคุยกับน้อง ผมคงสะเพร่าเองที่ลืมบอกให้คุณพาน้องมาด้วย”

“คิดไม่ถึงเหมือนกันครับ เอาไว้วันพุธได้มั้ยครับ ผมหยุดงานพอดี”

“ก็ได้นะ แต่ว่าไหนๆ ก็มาแล้ว ช่วยเล่าเรื่องของน้องให้ผมฟังคร่าวๆ ได้มั้ย”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“ก็ช่วงที่อยู่กับคุณน้องจำอะไรได้บ้างหรือเปล่า”

คำถามของหมวดก้องทำให้นึกถึงคืนวันฝนตก

ผมเล่าให้ผู้หมวดฟังคร่าวๆ เท่าที่รู้ ซึ่งก็ไม่แน่ใจหรอกว่ามันจะช่วยอะไรได้บ้างหรือเปล่า

“ชื่อดีนงั้นเหรอ”

ผมพยักหน้า “ผมเพิ่งทราบเรื่องเมื่อไม่นานมานี้เอง ก่อนหน้านี้ก็เลยตั้งชื่อให้ใหม่ไปแล้ว”

“ตั้งชื่อ?” ผู้หมวดมุ่นคิ้ว

“ปิ๊กครับ ผมเรียกเค้าอย่างนั้น และดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบไม่เบา” นึกถึงรอยยิ้มและคำเรียกแทนตัวว่าปิ๊กๆๆๆ แล้วก็อดยิ้มไม่ได้

“อย่าผูกพันกันให้มากนะครับ เพราะซักวันก็คงต้องแยกกัน”

คำของผู้หมวดทำให้ความฝันหวานๆ ของผมมลายไป นั่นสินะ มัวแต่หลงใหลมัวเมากับความหวานตรงหน้าจนเกือบลืมไปว่าเมื่อถึงเวลาก็คงต้องปล่อยเขาไป

สำหรับผมกับปิ๊ก เราคงพบกันเพื่อจากจริงๆ

ผมบอกลาผู้หมวดเมื่อธุระของเราจบลง

เอ๊ะ! ขณะเดินผ่านบอร์ดซึ่งมีรายชื่อและรูปถ่ายของผู้รายแปะเอาไว้ก็ต้องหยุดแล้วขยับเข้าไปดูใกล้ๆ

ภาพคุณป้าแก่ๆ กับผู้หญิงวัยกลางคนอีกหนึ่งสะดุดตาจนต้องย้อนกลับไปหาผู้หมวดอีกครั้ง

“ไงคุณโอม มีอะไรอีกเหรอครับ”

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นผมที่กำลังหน้าตื่นผู้หมวดก็ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งในแบบของเจ้าตัว

“ผมคิดว่าผมเจอผู้ต้องหาที่แปะอยู่บนบอร์ดครับ” คราวนี้ผู้หมวดหน้าตื่นกว่าผมเสียอีก

เขาลุกขึ้นแล้วถาม “คนไหนครับ”

“ป้าแก่ๆ กับผู้หญิงท้วมวัยกลางคน”

“เจอที่ไหนเมื่อไหร่”

“เมื่อคืนหน้าอพาร์ทเมนท์ผมครับ”

“เจอเหยื่อรายใหม่สินะ”

“ว่าไงนะครับ” เพราะผู้หมวดบ่นพึมพำผมจึงได้ยินไม่ถนัดนัก

“สองคนนั้นเป็นผู้ต้องหาคดีลักพาตัวครับ เหยื่อรายก่อนๆ ถูกพาไปขายให้ลูกค้าที่ชื่นชอบเด็กผู้ชาย”

“ปิ๊ก!!!”

ผมวิ่งออกมาจากโรงพักอย่างไม่คิดชีวิต พยายามโบกแท็กซี่ทั้งที่เงินในกระเป๋ามีไม่มากนัก

“คุณโอม ขึ้นรถ”

ขณะที่กำลังกระวนกระวาย รถตำรวจก็หยุดตรงหน้า ผู้หมวดลดกระจกแล้วตะโกนเรียกให้ผมรีบเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างใน

มองเข็มไมล์ที่ชี้เลข 100 แต่ก็ยังรู้สึกว่ารถวิ่งช้าเหลือเกิน อย่างน้อยมันก็ช้าว่าใจของผม

ขอให้ปิ๊กไม่เป็นอะไร

“ใจเย็นๆ นะคุณโอม ปิ๊กไม่เป็นไรหรอก”

ผมไม่ได้รับฟังคำผู้หมวด ไม่มีกะจิตกะใจจะทำใจเย็นด้วย นั่นคนในความดูแลของผมนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับปิ๊กล่ะก็ผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย

ผมจะมีชีวิตอยู่กับความรู้สึกผิดได้ยังไง







“พี่โอม”

ขอบคุณพระเจ้า เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วพบว่าปิ๊กกำลังนั่งนอนคว่ำหน้าวาดรูปลงในสมุดที่เก็บออกมาจากกล่องหนังสือของผม

ผมโผเข้าไปกอดน้องไว้แนบอก ลูบศีรษะแผ่วเบาอย่างที่คนในอ้อมกอดได้แต่นิ่งเพราะความงุนงง

“อะไรกัน กอดแน่นเชียว”

มือเล็กๆ ลูบแผ่นหลังของผมเหมือนปลอบก่อนจะทักอีกคนที่ยืนอยู่ที่ประตู

“ผู้หมวดสวัสดีครับ”

“สบายดีนะครับปิ๊ก” ผมปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระเมื่อเสียงของบุคคลที่สามดังขึ้น

“สบายมากเลยครับ พี่โอมดูแลปิ๊กดีมาก”

“นั่น...” ดวงตาเฉียบคมของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์มองไปยังสมุดที่วางอยู่บนพื้น “ขอหมวดดูได้มั้ย”

เด็กน้อยพยักหน้าก่อนจะยื่นสมุดให้

“วาดอะไรครับ”

“ภาพในหัวครับ”

“นี่บ้านเหรอ” ผมชะโงกหน้าไปมองสิ่งที่ผู้หมวดจับจ้องอยู่แล้วก็พบกับสิ่งที่เขาพูดถึงจริงๆ “หลังใหญ่จัง บ้านใครเหรอครับ”

“ปิ๊กไม่รู้ อยู่ๆ มันก็มีภาพในหัว ปิ๊กไม่รู้ว่าบ้านใคร”

“ปิ๊กวาดรูปเก่งจังเลย”

“นิดหน่อยครับ” ไม่นิดหน่อยแล้วมั้ง วาดดีมากเลยต่างหาก

“เอาอย่างนี้นะ ถ้ามีภาพอะไรผุดขึ้นมาในหัวอีกให้ปิ๊กวาดแล้วเอามาให้หมวดดูนะครับ”

ปิ๊กพยักหน้าเบาๆ แล้วรับสมุดกลับมากอดไว้

“ยิ่งปิ๊กวาดรูปได้เยอะเท่าไหร่เราก็จะได้บ้านเร็วเท่านั้น”

“ครับ” น้องตอบรับเบาๆ แล้วเหลือบมองผมด้วยความรู้สึกเศร้าแปลกๆ

“แล้วก็อย่าไว้ใจคนแปลกหน้านะครับ”

“ปิ๊กไว้ใจพี่โอม” นั่นสินะ ผมก็คนแปลกหน้าเหมือนกันนี่หว่า

“ยกเว้นพี่โอมไว้คนนึง”

ผู้หมวดกลับออกจากห้องไปหลังจากสั่งอะไรมากมายให้ปิ๊กทำตาม ไม่รู้หรอกว่าน้องจำได้หรือเปล่า อาจจะจำได้แต่ก็คงไม่ทั้งหมดหรอก

อีก 30 นาทีก็จะถึงเวลาที่ผมต้องเข้างานแล้ว

ห่วงน้องก็ห่วงแต่ถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีจะกินไง

“รอพี่อยู่ที่ห้องแล้วพี่จะรีบกลับมานะ”

“ปิ๊กต้องไปช่วยงานที่ร้านมินิมาร์ท”

“ไม่ไปไม่ได้เหรอ”

เด็กน้อยส่ายหน้า ดวงตาของเขามีแววมุ่งมั่นจนผมไม่อาจขัด ผมบอกให้ปิ๊กรีบแต่งตัวเพื่อที่เราจะได้ออกไปพร้อมกัน ก็นะ ในสถานการณ์ที่มีโจรลักพาตัวป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้บ้านแบบนี้ใครจะกล้าปล่อยให้น้องเดินไปไหนมาไหนคนเดียววะ

ผมส่งปิ๊กที่ร้านสะดวกซื้อ ฝากคนที่ร้านให้ดูแลน้องไม่ให้คลาดสายตา ก่อนออกมาไม่ลืมกำชับเจ้าตัวเล็กอีกครั้ง






เพราะเอาแต่พะว้าพะวงเป็นห่วงปิ๊กกลายเป็นว่าวันนี้ทั้งวันผมไม่มีสมาธิทำงานเลย







ผมมุ่งหน้ากลับห้องทันทีเมื่อเลิกงาน สืบเท้าเร็วๆ จนเกือบจะกลายเป็นวิ่งเมื่อความรู้สึกบางอย่างกำลังกวนใจอย่างมาก

และก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเปิดประตูแล้วพบว่าปิ๊กนอนคว่ำวาดภาพอยู่กลางห้อง

“พี่โอม” เจ้าตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม วางปากกาลงแล้วลุกขึ้นก้าวเข้ามาหาผมที่กำลังถอดรองเท้า

หมับ!

กอดแล้วแนบใบหน้าไว้ที่แผ่นหลังจนผมทำตัวไม่ถูก

“อ้อนจะเอาอะไรครับ”

เด็กน้อยส่ายหน้าเมื่อผมเอี้ยวตัวไปถาม

“แล้วกอดแน่นขนาดนี้หมายความว่ายังไงครับ”

“ปิ๊กรักพี่โอม”

หืม

รู้หรือเปล่าหรอกว่าคำว่ารักที่เจ้าตัวพูดออกมามันหมายความว่ายังไง

“พี่ที่มินิมาร์ทบอกว่าพี่โอมเป็นห่วงปิ๊กมาก ปิ๊กดีใจมากเลยนะ”

เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาบอกพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง

นับวันก็ยิ่งน่ารักนะคนนี้เนี่ย

ผมยิ้มตอบแล้วจูงมือเขาเข้าไปในห้อง ช่วยกันตั้งโต๊ะ เตรียมจานชามสำหรับบะหมี่มื้อดึกของเรา

“แล้วนั่นวาดอะไรอยู่ครับ” ถามขณะตักหมูแดงในชามของตนส่งให้น้อง

ปิ๊กมองไปยังสมุดที่ถูกกางไว้กลางห้องแล้วเอื้อมมือไปหยิบ

“วาดพี่โอม”

ภาพที่ถูกร่างด้วยดินสอถูกยื่นมาให้ดู

“นี่พี่เหรอ”

“อื้อ”

“กล้ามพี่แน่นกว่านี้นะ”

“พี่โอมอะ” พอถูกผมแซ็วก็หูแดงขึ้นมาอย่างน่าเอ็นดู

“คืนนี้ลองจับดูมั้ย พี่ให้จับทั้งตัวเลย คราวหน้าจะได้วาดให้มันสมส่วนน้อย”

“ไม่เอา!!”

เด็กตรงหน้าตะโกนพลางทำหน้าบึ้งใส่ เจ้าตัวจะรู้ไหมนะว่าทุกท่าทางมันช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง

“ไม่เอาจริงเหรอ” ยิ่งน่ารักผมก็ยิ่งอยากแกล้ง

พอถูกผมเย้าต่อคนตรงหน้าก็เงียบไปเลย ก้มหน้าก้มตากินอย่างกับหิวมากมาย ปิ๊กเอ้ย ไม่เนียนครับไปฝึกมาใหม่

ผมมองเขาแล้วก็หัวเราะในลำคอ ส่ายหน้าอย่างนึกเอ็นดูแล้วก้มหน้าจัดการอาหารของตนเหมือนกัน

“เดี๋ยวปิ๊กล้างเอง พี่โอมไปอาบน้ำเถอะครับ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ทำเอง”

“พี่โอมทำงานมาทั้งวัน ให้ปิ๊กช่วยนะ นะครับ” พอถูกอ้อนหัวใจก็อ่อนยวบ ยอมปล่อยมือจากจานชามแล้วผละออกมา

ผมถอดเสื้อออกทั้งที่ไม่ละสายตาจากแผ่นหลังเล็กของคนที่กำลังเก็บจานชามไปล้าง

มองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ รู้สึกเหมือนเขาเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจที่กลวงโบ๋มานาน การมีปิ๊กอยู่ข้างๆ มันดีเสียยิ่งกว่าดีซะอีก

กว่าจะออกจากห้องน้ำ ปิ๊กก็นอนหลับไปแล้ว

ผมทรุดนั่งลงข้างๆ เขา กวาดตามองใบหน้าน่ารักยามหลับพริ้ม อดใจไม่ได้ที่จะส่งมือไปลูบไล้แก้มเนียนให้เจ้าตัวครางอืออาในลำคอ

ผมก้มหน้าลงไปจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากมน สูดดมความหอมกรุ่นครู่หนึ่งแล้วค่อยผละออก

ล้มตัวนอนแล้วตะกรอกกอดน้องไว้แนบอก

หลับไปแล้วฝันดี







วันนี้ผมออกจากบ้านเร็วกว่าปกติ ตั้งใจว่าจะไปอัดรูปเซลฟี่ที่ถ่ายกันวันก่อนให้ปิ๊กซะหน่อย แล้วค่อยแวะไปหาซื้อกระเป๋าสตางค์ให้เขาสักใบ

“วันนี้ดูอารมณ์ดีนะ มีเรื่องดีๆ เหรอ”

พี่อาร์ท รุ่นพี่ที่ฟิตเนสเอ่ยทักทายเมื่อผมก้าวเข้าไปในห้องล็อคเกอร์เพื่อเปลี่ยนชุด

“ก็ดีครับ”

“ไอซ์เหรอ”

“ครับ?” ผมมุ่นคิ้วเมื่อหันไปมอง มือที่กำลังเก็บของที่ซื้อมาใส่ล็อคเกอร์ก็ชะงักไป

“ก็นึกว่าคบกับไอซ์ เห็นช่วงนี้เขาตามโอม”

“อ๋อ ไอซ์มีแฟนแล้วครับ”

“อ้าว แล้ว...” คงหมายถึงเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับไอซ์ที่พี่อาร์ทคงดูออกว่ามันเลยเถิดไปถึงเรื่องบนเตียงแล้ว ก็แน่ล่ะไอซ์เป็นคนเปิดเผยขนาดนั้น

“ก็แค่ความพึงพอใจของเราทั้งคู่น่ะครับ”

“ระวังตัวหน่อยนะโอม”

“ผมว่าจะหยุดแล้วล่ะครับ ที่จริงก็รู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกัน”

“พี่จะบอกอะไรให้นะ เซ็กส์ที่เกิดจากความรักน่ะมันยอดเยี่ยมกว่าเป็นไหนๆ เลยล่ะ”

“ครับ ผมก็อยากสัมผัสมันในสักวัน”

พี่อาร์ทตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

เซ็กส์ที่เกิดจากความรักงั้นเหรอ

ครั้งหนึ่งผมก็เคยสัมผัสมันหรอก

ยามรักน้ำต้มผักยังว่าหวาน ทุกอย่างเป็นสีชมพู ไม่ว่าจะไปทางไหนก็เหมือนกับถูกโอบอุ้มเอาไว้ แต่เมื่อหมดรักนี่สิ เจ็บ เจ็บเจียนตาย







“วันนี้จะปฏิเสธเราอีกรึเปล่า”

ไอซ์ที่กำลังวิ่งอยู่บนลู่หันมาถามผมที่ดูแลการออกกำลังกายของเขาอย่างใกล้ชิด

“ก็ลองชวนดูสิ”

“ชวนแล้วไม่ไปเราก็เฟลสิ” เจ้าตัวหน้าบึ้งใส่แล้วหันไปตั้งใจวิ่ง

“ในเมื่อพี่เค้าตอบสนองความต้องการของไอซ์ไม่ได้ ทำไมยังคบอยู่” เพราะความสัมพันธ์ของเรามันเลยเถิดไปแล้วผมจึงไม่ลังเลที่จะถามอะไรก็ตามที่ผมอยากรู้

“ก็รัก”

“รักเค้าแต่นอนกับคนอื่นเนี่ยนะ”

ไอซ์เหลือบมองผมครู่เดียวเท่านั้นก่อนจะมองตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง

“ก็แค่มีเซ็กส์ด้วย ไม่ได้รักซักหน่อย แล้วถ้าโอมปฏิเสธเพราะคิดว่าเราชอบโอมล่ะก็ คิดผิดแล้วล่ะ เราแค่อยากมีอะไรกับโอมเท่านั้นเอง”

“เรามีเวลาไม่เยอะ เป็นห่วงน้องต้องรีบกลับ”

“ก็ไม่ต้องใช้เวลามากนี่”

เหมือนกับเป็นการชักชวนกันกรายๆ และผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ ก็ต้องยอมรับว่าผมก็ชอบร่างกายของเขาไม่น้อยเหมือนกัน

“อื้อ โอม แรงอีก แรง”

ในห้องโดยสารแคบๆ ที่เบาะหลัง ไอซ์นั่งอยู่บนตักของผม ถึงปากจะร้องครางบอกให้ผมทำแรงๆ แต่เจ้าตัวนั่นแหละที่เป็นฝ่ายขยับโยกเสียจนรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ในมุมมืดๆ ของลานจอดรถสั่นไปตามกิจกรรมเข้าจังหวะของเรา

ผมไล้มือไปตามแนวกระดูกสันหลังของเขา วางมือลงบนเอวบางแล้วเป็นฝ่ายกำหนดจังหวะตอนที่สวนกายเข้าใส่ความอ่อนนุ่มคับแน่นให้เสียงครางดังขึ้นอีกระรอก

“อ๊ะ อื้อ อ๊า โอม โอม อื้ม”

เขาเงยหน้าร้องครางให้ผมลากปลายลิ้นเลียที่ช่วงคอระหง ลากต่ำลงมาตามแนวกระดุมเสือที่ถูกปลดทั้งที่เสื้อเชิ้ตยังคงคาอยู่ที่ไหล่

ภาพที่โคตรจะอีโรติกทำให้ผมพลิกตัวเขาให้นอนลงบนเบาะแล้วทาบทับร่างลงไป

ลูบไล้ปลีน่องยั่วเย้าให้เจ้าตัวอารมณ์เตลิดแล้วแยกขาของเขาออกกว้าง

“อ๊ะ โอม แรง อ๊ะๆๆ”

เสียงครางดังตามจังหวะกระแทกกระทั้น พร้อมกับยกสะโพกขึ้นรับ ดวงตาของไอซ์ฉ่ำหวานอย่างคนตกอยู่ในห้วงกามารมณ์ ยอดอกของเขาวาววับไปด้วยน้ำลายของผม เต่งตึงเพราะถูกดูดและกัด

เขาบิดกายเร่าเมื่อผมกระแทกแรงๆ ส่งแขนเล็กทั้งสองข้างขึ้นมาลูบไล้ที่ไหล่แกร่งแล้วโอบรอบลำคอ บังคับให้โน้มใบหน้าเข้ามาบดขยี้ริมฝีปาก แลกเปลี่ยนความหวานเมื่อลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันและกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

“อ๊ะ อ๊า”

ร่างเล็กกระตุกเกร็ง ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเลอะแผ่นท้องตน

ผมเองก็หยุดการกระทำ ปล่อยให้เขาพักสักครู่แล้วก้มลงไปเลียที่ริมฝีปากของเขา บอกผ่านการกระทำว่าผมจะทำต่อแล้ว

ท่อนกายแกร่งในร่างกายของเขากระตุกให้เจ้าตัวร้องคราง

“อื้อ ไอซ์ บีบแน่นไปแล้วนะ อื้อ”

ผมบดอัดสะโพกใส่เขาแรงๆ อย่างที่ไอซ์เองก็ขมิบช่องทางรักของเขาปรนเปรอให้ผมด้วยเช่นกัน ที่หางตาผมเห็นปลายทางอยู่รำไร ดังนั้นจึงถอนกายออก ประคองมันไว้ด้วยมือแล้วรูดแรงๆ จนน้ำสีขุ่นพุ่งออกมาเปรอร่างกายบอบบางที่สุดแสนจะยั่วยวน

“อ๊า!” ผมเชิดหน้าร้องครางด้วยความสุขสมชั่วขณะหนึ่งผมเห็นภาพของปิ๊กทับซ้อนคนที่นอนระทวยอยู่ใต้ร่าง

คิดถึงจัง คิดถึงสัมผัสของปิ๊กจะแย่อยู่แล้ว




[T B C]

พี่โอมนิสัยไม่ดีเลยเนอะ มีปิ๊กอยู่แล้วทั้งคนยังไปยุ่งกับไอซ์อีก
อนุญาตให้เกลียดพี่โอมได้นิดหน่อย ถ้ายังไม่พอใจให้เรียกตำราจมาจับ 555

หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-04-2018 20:37:34
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไหนบอกจะเลิกยุ่งกะไอซ์?
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 8 ทำกับปิ๊กนะ}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 11-04-2018 20:28:48
ตอนที่ 8


“กลับมาแล้วครับ”

ผมร้องทักคนในห้องเมื่อเปิดประตูออก ถอดรองเท้าแล้ววางไว้ที่ชั้นวางซึ่งมีรองเท้าอยู่ไม่กี่คู่ และก็ควรจะมีรองเท้าปิ๊กวางอยู่ด้วย

แต่ว่า...

ไม่มี

“ปิ๊ก!!!” ผงลองเรียกอีกครั้งขณะก้าวเข้าไปในห้องแต่ปิ๊กไม่ได้อยู่ข้างในจริงๆ

ในใจผมเริ่มว้าวุ่น สมองคิดอะไรไม่ออก ได้แต่วิ่งออกจากห้องมา ไม่แม้แต่จะล็อคประตูด้วยซ้ำ ผมวิ่งไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็มายืนหอบที่หน้าร้านสะดวกซื้อแล้ว

เสียงกริ่งดังต้อนรับคลอกับเสียงพนักงานที่หันมามองผมพอดี

“มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”

“ปิ๊กอยู่ที่นี่มั้ยครับ” ผมถามอย่างร้อนรน มองคนที่เบิกตากว้างอย่างคะยั้นคะยอ

“กลับไปตั้งแต่บ่ายแล้วนะคะ”

“ขอบคุณครับ” ผมบอกเธอแล้วตั้งท่าจะวิ่งออกมาหากไม่ถูกเรียกเอาไว้ซะก่อน

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ ปิ๊กหายไปเหรอคะ”

“ไม่อยู่ที่ห้องครับ”

“เดี๋ยวทางนี้จะช่วยหาอีกแรงนะคะ”

“ขอบคุณครับ”

ผมบอกเธอแล้ววิ่งออกมาด้วยความเร็วที่วิ่งแข่งกับนักกีฬาโอลิมปิกก็อาจจะได้ชัยชนะมาโดยง่าย ถึงกระนั้นผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าควรตามหาเขาที่ไหน

ท้ายที่สุดขาทั้งสองข้างก็พาผมมาหยุดที่สถานีตำรวจ

“หายไปตั้งแต่เมื่อไหร่” ผู้หมวดถามให้ผมเงยหน้าที่เอาแต่ก้มมองมือตัวเองเพื่อมองเขา

“ที่มินิมาร์ทบอกว่าออกมาตั้งแต่บ่าย”

“งั้นก็คงต้องเริ่มจากที่นั่น”

ผู้หมวดเดินนำออกไปก่อนให้ผมเดินตามเขาด้วยสภาพเหมือนคนหมดแรง ที่จริงแรงยังมีจนแทบล้นแต่สมองส่วนที่ใช้ควบคุมเหมือนจะสูญเสียไปแล้ว

“ผมควรทำยังไงหมวด”

“ใจเย็นนะคุณโอม ปิ๊กไม่เป็นไรหรอก” คำปลอบใจของผู้หมวดไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นสักนิด

ผมไม่ควรปล่อยเขาไว้ลำพังทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าใกล้ๆ ตัวเรามีคนร้ายป้วนเปี้ยนอยู่แต่ผมก็ปล่อยเขาเอาไว้ ผมมันแย่ ผมมันสะเพร่า

“ผมผิดเอง”

“ตั้งสติหน่อยสิคุณโอม บางทีปิ๊กอาจจะแค่ไปเดินเล่นหรือเปล่า”

“กลางดึกน่ะเหรอครับ ไม่มีทาง ปิ๊กไม่ทำแบบนั้นแน่”

“คุณโอม” ผู้หมวดตบไหล่เบาๆ เหมือนให้กำลังใจ แม้มันจะไม่ช่วยอะไรมากอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมมีสติขึ้นมาอีกนิด

ไม่นานนักผมก็กลับมาที่มินิมาร์ทอีกครั้ง มองดูผู้หมวดที่กำลังสอบถามกับพนักงานคนเดิม อาจเพราะวิชาชีพทำให้เขามีเรื่องให้สอบถามมากกว่าผม

ก็ได้แต่หวังว่าจะมีประโยชน์และทำให้เราได้เจอปิ๊กเร็วๆ นี้

หลังจากออกจากมินิมาร์ท ผู้หมวดก็พาผมแวะเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้กระทั่งเวลาล่วงเลยไปอีก

ผมกลับมาที่ห้องอีกครั้งหลังจากแยกกับผู้หมวด

“พี่โอมไปหาพี่ไอซ์มาอีกแล้วเหรอ”

“ปิ๊ก!!!” หัวใจผมพองโตขึ้นมาเมื่อคนที่ผมตามมามากว่า 2 ชั่วโมงปรากฏตรงหน้า ผมปรี่เข้าไปกอดเขาไว้แน่น อย่างที่เด็กน้อยในอ้อมกอดก็ดูงุนงงแต่ก็ยอมให้กอดแต่โดยดี

แขนเล็กๆ ของปิ๊กโอบรอบลำตัวของผม เขาถูแก้มกับอกของผมแล้วเงยหน้าขึ้นมอง

“เป็นอะไรครับพี่โอม”

“ปิ๊กหายไปไหนมา”

“ปิ๊กลงไปรอพี่โอม”

“แล้ว?” ผมผละออกแต่ยังกอดเอวบางไว้หลวมๆ พลางจ้องหน้าเพื่อรอคำตอบ

“ตอนที่ยืนรอ ปิ๊กเจอคุณยายเข็นรถขายผักผ่านมาปิ๊กก็เลยเข้าไปช่วยฮะ”

“ทีหลังไม่ต้องใจดีขนาดนั้นก็ได้”

“คุณยายให้ผักมาด้วยนะฮะ บอกว่าเป็นผักปลอดสารพิษ แต่ปิ๊กไม่เข้าใจหรอก”

มองตามนิ้วเล็กๆ ไปก็พบกับผักจำนวนหนึ่งจริงๆ

“พี่ควรทำยังไงกับปิ๊กดีเนี่ย” ถึงจะโล่งใจแต่ผมก็ยังรู้สึกขัดเคืองใจอยู่ตงิดๆ

“ปิ๊กทำอะไรผิดฮะ” เด็กน้อยเบ้หน้าเมื่อผมดึงเขาให้เข้ามาเบียดชิดอีกครั้งพลางล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรบอกผู้หมวดว่าเจอตัวเด็กเจ้าปัญหาแล้ว

รอสายไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย ถูกเขาบ่นชุดใหญ่ทีเดียวแต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้สึกว่าผู้หมวดพึ่งได้เสมอ

“ขอโทษครับหมวด”

“ทีหลังก็ระวังหน่อยก็แล้วกัน แค่นี้งานผมก็เยอะจนไม่มีเวลาจะนอนแล้ว”

“ครับผม วันนี้ขอบคุณหมวดมากๆ เลยนะครับ”

“สงสัยคงต้องรีบหาครอบครัวปิ๊กให้เจอคุณจะได้ไม่เป็นบ้าแบบนี้”

ตอนนั้นผมอาจจะบ้ามากกว่านี้ก็ได้

ผมคิดก่อนจะบอกลาแล้ววางสาย หันมามองเด็กน้อยที่ช้อนตามองผมตั้งแต่เริ่มคุยโทรศัพท์แล้วก็นึกหมั่นเขี้ยว

“พี่โอมปิ๊กเจ็บ” พอถูกกัดที่ปลายจมูกก็ร้องออกมาดังๆ จนต้องงับอีกหลายๆ รอบ จากที่ร้องก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะคิกคัก

“ทีหลังอย่าไปไหนกับคนแปลกหน้าอีก”

“พี่โอมก็เป็นคนแปลกหน้า”

“ทุกวันนี้ยอกย้อนขึ้นนะเรา”

ดีดหน้าผากไปทีให้เจ้าตัวดีเบ้หน้าใส่

“พี่โอมไปอาบน้ำได้แล้ว ตัวเหม็นมากเลยรู้ป่ะ”

“เหม็นตรงไหน”

“ทุกตรงนั่นแหละ”

“ก่อนออกจากยิมพี่อาบแล้วนะ”

“ไปกับพี่ไอซ์มาล่ะสิ”

“รู้ได้ไง”

“รู้ก็แล้วกันน่า” ทุบอกผมดังปั้กแล้วจึงผละออกไป

ผมมองปิ๊กที่หอบเอาที่นอนมาปูแล้วเจ้าตัวก็ทิ้งตัวนอนลง ห่มผ้า ขยับนอนตะแคงเพื่อหันหลังให้ผม

“ไปอาบน้ำเลย”

เจ้าตัวหันมาตีหน้ายักษ์ใส่เมื่อผมแกล้งนอนลงข้างๆ

“อาบมาแล้วครับ”

“ปิ๊กไม่ชอบกลิ่นพี่ไอซ์” ผมยันตัวลุกขึ้น ก้มหน้าดมเสื้อผ้าตัวเองว่ามีกลิ่นของไอซ์ติดตัวมาด้วยหรือเปล่าแต่ก็ไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไร

มองคนที่กลับไปนอนหันหลังให้กันอีกแล้วก็ได้แต่สงสัยว่าคนที่นอนอยู่นั่นกลายเป็นปิ๊กจิตสัมผัสไปแล้วหรือไงนะ

ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก ออกมาเก็บผักที่ปิ๊กได้มาจากคุณยายรถเข็นใส่ตู้เย็นแล้วค่อยกลับมาทิ้งตัวนอนลงข้างเขา พลางคิดว่าจะทำอย่างไรกับผักพวกนั้นดี

ปิ๊กชอบกินผักรึเปล่านะ






✧✧✧






เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนสายก็เห็นปิ๊กกำลังนั่งมองอะไรบางอย่าง เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเด็กน้อยจึงหันมามองพลางยื่นของในมือมาตรงหน้าผม

“อันนี้ให้ปิ๊กหรือเปล่า”

“แล้วคิดว่าของใครล่ะ”

“กระเป๋านี่ด้วยเหรอ” กระเป๋าสตางค์สีฟ้า

“ใช่ครับ ปิ๊กชอบหรือเปล่า”

“แต่ปิ๊กไม่จำเป็นต้องใช้”

“จำเป็นสิครับ” ผมรับกระเป๋าสตางค์จากปิ๊กมาแล้วหยิบเงินออกจากกระเป๋าตัวเองจำนวนหนึ่งเพื่อแบ่งไปใส่ไว้ในกระเป๋าของเขาแล้วส่งคืนให้

เด็กน้อยลังเลครู่หนึ่งแต่ก็ยอมรับไปแต่โดยดี

“ปิ๊กอยากได้แค่รูปนี่นา” แต่ก็ยังบ่นอยู่ดี

ผมขยับเข้าไปใกล้ปิ๊ก นั่งซ้อนหลังแล้วกอดเอวบางไว้หลวมๆ

“พี่ซื้อให้นะ รับไว้เถอะนะครับปิ๊ก” อ้อนเขาที่ข้างหูก่อนจะงับเบาๆ อย่างมั่นเขี้ยวให้เด็กน้อยหดคอหนี

“จั๊กจี้อะพี่โอม”

“ไม่ชอบเหรอครับ”

“อะไร” เด็กน้อยเอี้ยวตัวมามองผมจึงหอมแก้มเขาฟอดใหญ่สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ เข้าเต็มปอด อะไรๆ ที่มันชอบยืนตรงตอนเช้าก็บดเบียดที่ก้นนิ่ม

หื้มมม~ ไอ้โอมจะทนได้ซักกี่น้ำ

“ไม่ชอบกระเป๋าที่พี่ซื้อให้หรือครับ”

“ชอบก็ได้”

“แปลว่าไม่ชอบ” คราวนี้ผมกดปลายจมูกลงบนลำคอของเขา

“ชอบครับ ปิ๊กชอบ พี่โอมปล่อย”

“แล้วไม่ชอบที่พี่กอดเหรอครับ”

เด็กน้อยไม่ตอบผมจึงยกร่างเขาขึ้นมานั่งบนตัก ละมือข้างหนึ่งจากเอวบางแล้วสอดเข้าไปสัมผัสเนื้อแท้ภายใต้เสื้อตัวเล็ก

“ว่าไงครับ ชอบหรือเปล่า”

“ของพี่โอมมันทิ่มอะ”

“ของปิ๊กก็แข็งแล้ว” ผมเย้าเมื่อสอดผ่านเอวยางยืดเข้าไปสัมผัสผิวเนียนข้างใต้นั้นจนเจ้าของมันต้องคว้าข้อมือไว้

“พี่โอมไม่เอา ไปอาบน้ำเตรียมตัวไปทำงานได้แล้วครับ”

“ยังมีเวลาอยู่ ให้พี่กอดปิ๊กไม่ได้เหรอครับ”

เด็กน้อยในอ้อมแขนมีท่าทางอ่อนลงเล็กน้อย มือเล็กที่จับข้อมือผมคลายออกผมจึงเลื่อนมือลงต่ำอีก แต่เพียงสัมผัสส่วนที่กำลังตื่นตัวเจ้าของมันก็กลับมาคว้ามือของผมไว้อีกครั้ง

“ถ้ามีเวลามากนักก็ไปทำข้าวเช้าสิ”

“วันนี้ทำไม่ได้จริงๆ เหรอ”

ปิ๊กแทนคำตอบทั้งหมดด้วยการลุกจากตักของผม คว้าผ้าขนหนูแล้วเข้าห้องน้ำไป เสียงปิดประตูดังปังทำให้ผมถึงกับสะดุ้งก่อนจะก้มมองที่กลางกายของตัวเองที่กำลังตื่น

ให้ตายเถอะ โลกสวยด้วยมือเราอีกแล้วเหรอวะ

ระหว่างรอเด็กในห้องน้ำจัดการกับตัวเอง ผมก็เริ่มทำอาหารเช้า มองผักกำใหญ่ๆ ในตู้เย็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่รู้ว่าควรจัดการกับมันยังไง

“ปิ๊ก พี่เอาผักพวกนี้ไปฝากผู้หมวดได้มั้ย”

“แล้วแต่”

ไหงคำตอบฟังดูห่างเหินขนาดนั้นวะ

“โกรธอะไรพี่รึเปล่าปิ๊ก”

“เปล่าซักหน่อย”

“แน่ใจนะ” คนไม่โกรธพยักหน้าแรงๆ ผมจึงยกยิ้มส่งให้ “พี่ทำข้าวต้มไว้นะ รับผิดชอบให้หมดด้วย”

“โห” ดวงตากลมมองผ่านผมไปหยุดที่หม้อข้าวต้ม “จะเลี้ยงให้โตวันเดียวเลยเหรอครับ”

“ถ้าโตเร็วๆ ก็ดีสิ”

ถ้าโตเร็วๆ ผมก็จะได้ทำอะไรได้อย่างที่ใจต้องการเสียที แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันจนถึงวันที่เขาโตหรือเปล่า

หลังจัดการตัวเองเสร็จและก้าวออกจากห้องน้ำก็เห็นปิ๊กนั่งกินข้าวต้มชามใหญ่อยู่แล้ว ตรงข้ามเขามีชามของผมที่เจ้าตัวเตรียมไว้ให้วางอยู่ด้วย

“อร่อยมั้ย” ผมถามและยิ้มให้เมื่อนั่งลงตรงข้าม

“จืดไปนิดครับ”

“ถ้าจืดก็เหยาะน้ำปลา” ตั้งท่าจะเหยาะน้ำปลาใส่ชามอีกฝ่ายแต่ก็ถูกห้ามเอาไว้

“ปิ๊กใส่แล้ว ส่วนพี่โอมน่ะก็ควรไปใส่เสื้อผ้านะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย”

“เป็นห่วงพี่เหรอครับ” ผมยิ้มกวนให้เด็กน้อยเบะปากใส่ ท่าทางที่ผมมองว่าน่ารักจนต้องยื่นมือไปบีบแก้มเขาเบาๆ

“พี่โอมไม่เล่นสิ ปิ๊กเจ็บนะ” ว่าแล้วก็ปัดมือผมออก

ไม่ว่าเขาจะทำอะไร จะอารมณ์เสียใส่แค่ไหนผมก็ยังมองว่าเขาน่ารักมากอยู่ดี

ผมนั่งกินข้าวกับปิ๊กทั้งที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูพันกาย โชว์ท่อนบนเปลือยเปล่าที่ใครๆ ต่างก็บอกว่าสวยงามน่าสัมผัส แต่ผมชอบตอนที่ถูกปิ๊กสัมผัสมากกว่าอีก

“ทำไมพี่โอมไม่ไปใส่เสื้อผ้าล่ะ”

ถามแล้วก็ตักข้าวต้มขึ้นมาจ่อปาก เป่าลมให้คลายร้อนแล้วค่อยกิน

น่ากินจังเลยน๊าเด็กอะไรก็ไม่รู้

“ก็รอปิ๊กกินอิ่มก่อน”

“รอทำไม ปากไม่ได้ติดกันซักหน่อย”

จุ๊บ!

เด็กน้อยเบิกตากว้างเมื่อผมค้ำมือไว้กับโต๊ะแล้วโน้มลำตัวเข้าไปหา ประทับริมฝีปากลงบนเรียวปากสีสดจากของร้อนที่กินเข้าไป

“พี่โอม”

ปิ๊กวางมือลงบนไหล่ ออกแรงดันนิดหน่อยเพื่อให้ผมผละห่าง

“ปากติดกันไง” ผมจูบเขาอีกก่อนจะแลบลิ้นเลียที่มุมปากด้านบนของเด็กตรงหน้า

“พี่โอมอะ กินข้าวเข้าไปเลย”

ออกแรงทุบผมเมื่อดุทั้งที่ริมฝีปากของเรายังสัมผัสกันอยู่ เมื่อผละออกห่างมาอีกหน่อยเพื่อมองใบหน้าน่ารักก็พบว่าสีหน้าของปิ๊กเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ น่ารักเชียว

“ไม่ชอบปากติดกันเหรอครับ”

“ชอบแต่ไม่ใช่ตอนนี้ไงครับ กินข้าวเลยจะได้ไปทำงาน”

ผมบีบแก้มเขาอีกทีก่อนจะผละกลับมานั่งที่เดิม ตักข้าวเข้าปากไป มองหน้าคนตัวเล็กไป บางทีก็เผลอมองริมฝีปากที่กำลังเคี้ยวแล้วก็อยากจะกินปากนั่นแทนข้าวต้ม

ปิ๊กทำให้ผมใจแตกแล้วล่ะ






✧✧✧







“อีกแล้วเหรอปิ๊ก คราวหลังไม่ต้องรับผักจากคุณยายมาแล้วนะ”

เหมือนเป็นเรื่องปกติแล้วที่เมื่อเปิดประตูเข้าห้องมานอกจากพบปิ๊กที่นอนวาดภาพตรงกลางห้องแล้วยังมีผักถุงหนึ่งวางอยู่ในครัวอีกด้วย

“ก็คุณยายให้มา ปิ๊กปฏิเสธไม่เป็นนี่”

“ปิ๊กก็ปฏิเสธพี่ตลอดนี่”

นั่นแหละครับ หลายวันมานี้เด็กคนนี้ไม่ยอมให้ผมกอดเลย

ไอ้โอมจะเฉาตายแล้ว

“กอดพี่ไอซ์ไม่พอเหรอครับ” นั่นไง มียอกย้อนซะด้วย

ที่จริงพักนี้เหมือนว่าปิ๊กกำลังโกรธผมเรื่องของไอซ์

เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อหลายวันก่อนผมเลิกงานดึกเพราะไอซ์มายิมช้ากว่าปกติ เขาก็เลยอาสามาส่งที่อพาร์ทเมนท์ และเจ้าตัวก็ขอเข้าห้องน้ำ และคืนนั้นปิ๊กก็นอนหันหลังให้ผมทั้งคืน

หลังจากคืนนั้นเขาก็ไม่ยอมให้ผมกอดอีกเลย

เศร้าเลยครับเพราะได้แต่นอนมองแผ่นหลังของเขา จะกอดก็ไม่ได้กอด แตะนิดหน่อยก็ถอยหนีกันไปเสียไกลเชียว

“พี่ไม่ได้กอดไอซ์เลยนะ”

“พี่โอมจะกอดใครก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับปิ๊ก”

“ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะครับ”

พอผมขยับเข้าไปหาอีกฝ่ายก็ขยับออกห่าง ท่าทางของเขาทำให้ผมเริ่มจะหงุดหงิดอีกแล้ว

“เอาเถอะ พี่เหนื่อยแล้วและขี้เกียจจะเอาผักไปแจกใครต่อใครแล้ว เอาเป็นว่าพี่ห้ามปิ๊กรับผักมาอีก”

“ทำไมไม่ห้ามปิ๊กไปช่วยคุณยายเลยล่ะ” แน้ มีประชดอีก

ผมมองเด็กน้อยตรงๆ แล้วพรูลมหายใจออกมา ก็ไม่อยากจะพูดให้รู้สึกไม่ดีแต่ไหนๆ น้องก็เกริ่นแล้วผมก็จะสานต่อเลย

“ถ้าพี่ขอ ปิ๊กทำให้พี่ได้ไหมล่ะ”

“ปิ๊ก” เด็กน้อยเม้มปากแน่นแล้วก้มหน้าไม่ยอมสบตา

“เพราะปิ๊กทำไม่ได้ไงพี่ก็เลยไม่ขอ ช่วยคนอื่นน่ะไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอกปิ๊กแต่อย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อน แล้วก็อย่าทำให้พี่เป็นห่วงด้วยการกลับดึก โอเคมั้ย”

“ที่จริง...”

“ครับ”

“ปิ๊กก็ห่วงพี่โอม”

“ห่วงเรื่องอะไรครับหืม”

“ปิ๊กว่าพี่ไอซ์ดูแปลกๆ”

“แบบนี้ไม่เรียกห่วงครับแต่เรียกว่าหวง”

“หวง?” เด็กน้อยมุ่นคิ้วให้ผมรีบอธิบายเพื่อไขความสงสัย

“หวงก็คืออาการที่ไม่อยากให้คนที่ตัวเองชอบอยู่ใกล้คนอื่น ปิ๊กหวงพี่ใช่มั้ยครับ ช่วยบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยซิ”

ยื่นมือไปเชยคางมนให้เด็กตรงหน้าสบตากัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพยายามหลบด้วยการเสมองไปทางอื่นจนผมต้องโน้มใบหน้าเข้าไปหาเพื่อแนบหน้าผากเอาไว้

“บอกพี่ให้ชื่นใจหน่อยสิครับ”

พอถูกอ้อนเด็กน้อยก็ขยับปากนิดหนึ่ง แต่ก็เงียบไปเหมือนกำลังคิด

อืม คิดนานเสียด้วยแฮะ

“เอางี้ เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน พอพี่อาบน้ำเสร็จปิ๊กต้องให้คำตอบพี่นะ”

เด็กน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อผมผละออกมาแล้วก็ทำตาโตอีกครั้งเมื่อผมถอดเสื้อออกต่อหน้าเขา เผยท่อนบนเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยมัดกล้าม

“มองทำไมครับ อยากจับเหรอ จับได้นะ”

“พี่โอมบ้า ไม่คุยด้วยแล้ว” ว่าจบก็ทิ้งหัวลงบนหมอนเลยให้ผมหัวเราะหึหึมองร่างนุ่มนิ่มที่นอนหันหลังให้กัน

“อย่าเพิ่งหลับนะ รอตอบคำถามพี่โอมก่อน”

ก่อนปิดประตูห้องน้ำยังไม่ลืมหันมาแหย่ให้อีกฝ่ายพลิกตัวมาตีหน้ายักษ์ใส่

น่ารักจริงๆ เลยน๊า ปิ๊กเนี่ย





“ปิ๊กครับ”

ผมตะกรองกอดเด็กน้อยจากด้านหลังเมื่อสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน กระซิบที่ข้างหูก่อนจะกดจูบลงบนลำคอหอมกรุ่นให้คนที่ยังไม่หลับย่นคอหนีก่อนจะพลิกตัวมาเผชิญหน้ากัน

“ปิ๊กจะนอน”

“แล้วคำตอบของพี่ล่ะ”

“หวง ปิ๊กหวงพี่โอม” เด็กน้อยกอดตอบผมแล้วซุกหน้าลงบนอก “อย่าไปกับพี่ไอซ์อีกได้มั้ย อย่าทำกับพี่ไอซ์แบบที่ทำกับปิ๊ก”

หัวใจของผมเต้นแรงเมื่อได้ยินคำพูดตรงๆ จากคนในอ้อมแขน กระชับกอดเขาแน่นอีกแล้วพรมจูบลงบนเส้นผมนุ่ม

“ให้พี่ทำกับปิ๊กแทนงั้นหรือ”

“ครับ ทำกับปิ๊กนะ”

“ตอนนี้ได้มั้ย นะครับ พี่คิดถึงปิ๊กจะแย่อยู่แล้ว” ผมเชยคางเขาขึ้นแล้วประทับจูบลงบนหน้าผากมนให้เด็กน้อยหลับตาพริ้มรับอย่าเต็มใจ

“ปิ๊กก็คิดถึงพี่โอม”

ให้ตายเถอะ อ้อนขนาดนี้ไอ้โอมจะทนได้ซักกี่น้ำกันวะเนี่ย





[TBC]
 :katai5:

หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-04-2018 20:48:46
หวังว่าคนที่ให้ผักปิ๊ก กับคนที่หน้าอพาตเมนท์จะเป็นคนละคนกันนะ  o21
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-04-2018 15:39:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 19-04-2018 18:23:56
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 9 คนใดที่ถูกเจียว}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 22-04-2018 22:17:02
ตอนที่ 9  คนใดที่ถูกเจียว


“อื้อ พี่โอม ปิ๊ก อื้อ ปิ๊ก...”

เสียงครางผะแผ่วทว่าเย้ายวนอารมณ์ดังขึ้นที่อกเมื่อมือของผมกำลังชักรูดส่วนแข็งขืนของเราทั้งคู่ในจังหวะเดียวกัน

ยิ่งได้ยินเสียงหวานๆ ผมก็ยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้น

ปิ๊กน่ารักมาก เขาเบียดตัวเข้าหาผม ขยับร่างกายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กัน มือบางลูบไล้ที่กรอบใบหน้าของผม ขยับเข้ามาใกล้จวนเจียนที่ริมฝีปากเราจะสัมผัสกันแล้วครางแผ่วๆ อยู่ตรงนั้น

ผมจูบเขาซ้ำๆ ไม่ได้แทรกเรียวลิ้นเข้าไป แต่ก็เป็นเจ้าตัวเล็กที่ทนไม่ไหวแลบลิ้นออกมาเลียกลีบปากของผมเสียเอง

ปิ๊กเรียนรู้เร็วมาก มากเสียจนครูอย่างผมตื้นตันจนพูดไม่ออก

“พี่โอมเร็วอีก อ๊า เร็ว”

ถึงเด็กน้อยไม่ออกคำสั่งผมก็ตั้งใจจะทำอย่างนั้น เพราะตอนนี้ผมก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

น้ำหล่อลื่นของเราที่หลั่งออกมาผสมปนเปเป็นเนื้อเดียวช่วยให้การชักรูดทำได้ง่ายมากขึ้น เสียงครางของปิ๊กกระตุ้นให้ผมทำเร็วขึ้นอีกจนเสียงลามกดังสะท้อน

“อ๊ะ อ๊า พี่โอม...”

เสียงสุดท้ายดังขึ้นก่อนปิ๊กจะปลดปล่อย ผมปลื้มใจมากที่ทุกเสียงของเขามีชื่อของผมรวมอยู่ด้วย ทำให้รู้ว่าเขานึกถึงผมอยู่เสมอ

คนที่เพิ่งปลดปล่อยซุกหน้ากับลำคอของผม เขาปิดเปลือกตาลง ผมลูบหลังให้ปิ๊ก รอให้เสียงหอบกลายเป็นเสียงหายใจอย่างปกติแล้วค่อยกระซิบเขาที่ข้างหู

“พี่ทำต่อนะ”

เด็กน้อยไม่ได้ตอบคำถาม แต่ก็โอนอ่อนปล่อยให้ผมพลิกร่างเขาให้นอนค่ำ ปลดกางกางที่ค้างคาตรงข้อเท้าออกแล้วค่อยคร่อมตัวเขาจากด้านหลัง

ผมสอดมือเขาไปใต้เอวบาง รั้งให้สะโพกยกสูงขึ้นเพื่อรองรับการกระทำของผม

“ฮือ พี่โอม” เด็กน้อยเอี้ยวตัวมามอง น้ำใสไหลเลอะขอบตา ริมฝีปากบวมเจ่อ ดวงตาเหม่อลอยยิ่งกระตุ้นความรู้สึกให้เปลี่ยนความคิดที่เคยตั้งใจจะค่อยๆ หยอกเย้าเป็นอย่างอื่น

ผมสอดส่วนแข็งขืนเข้าไปตรงระหว่างต้นขาเล็ก อย่างที่เจ้าตัวก็บีบขาให้กระชับเพื่อรองรับผม

เห็นไหม บอกแล้วว่าปิ๊กน่ารักมากจริงๆ

ผมสอดมือเข้าไปในเสื้อของเขา บดคลึงยอดอกนุ่มนิ่ม บีบเค้นเป็นจังหวะเดียวกับสะโพกที่บดเข้าถอนออก

“อ๊า ปิ๊ก...” ผมแนบลำตัวทาบทับแผ่นหลังเนียน เปล่งเสียงครางพร่าที่ข้างหูให้เด็กน้อยครางตอบ

“พี่โอม ปิ๊กเสียว ฮือออ~ เร็วครับ เร็วอีก”

เด็กน้อยใต้ร่างยกสะโพกขึ้นในจังหวะที่ผมเริ่มกระหน่ำสอดแท่งร้อนเข้าไประหว่างซอกขาของเขาอย่างไม่สามารถหยุดยั้งความปรารถนานี้ได้

“อ๊า...”

ไม่นานทั้งผมและปิ๊กก็ปลดปล่อยออกมา เด็กน้อยที่เสร็จไปถึงสองครั้งทิ้งตัวนอนหมดแรงบนที่นอน ผมที่คร่อมอยู่บนร่างเขาค่อยๆ จูบปลอบก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ กัน

ผมตะกรองกอดร่างปวกเปียกเอาไว้แนบอก เราหลับไปทั้งอย่างนั้นด้วยความอิ่มเอมที่ร่างกายและหัวใจ

ถ้าปิ๊กจะน่ารักขนาดนี้ผมคงขาดเขาไม่ได้จริงๆ





✧✧✧





คืนนี้ปิ๊กก็กลับบ้านดึกอีกแล้ว คงเพราะความเคยชินล่ะมั้งผมจึงไม่รู้สึกกระวนกระวายใจเหมือนเมื่อก่อน

ผมนอนดูทีวีแล้วผล็อยหลับไป ตื่นมาอีกครั้งในตอนที่นาฬิกาบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน แต่ทั้งห้องก็ยังมีแค่ผม

ปิ๊กยังไม่กลับมา เถลไถลเกินไปแล้วนะ ที่บอกไปเมื่อครั้งที่แล้วไม่เข้าหูเลยใช่มั้ย

นึกโกรธแต่ก็เป็นห่วง ดังนั้นผมจึงออกจากห้องเพื่อไปตามหาเขา แน่นอนว่าเริ่มจากมินิมาร์ทอย่างเคย

ระหว่างเดินก็คิดไปว่าถ้าหากมีเงินก็คงซื้อโทรศัพท์มือถือให้เขาไปแล้ว ถ้ามีเรื่องอย่างวันนี้อีกจะได้ตามตัวกันได้ง่ายๆ หน่อย

“คุณโอม” เมื่อก้าวผ่านประตูเข้าไปก็ได้รับการทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “น้องปิ๊กออกไปตั้งแต่บ่ายแล้วนะคะ”

“คงไปช่วยคุณยายขายผักครับ”

“อ๋อ คุณยายคนนั้น” ดูเหมือนว่าเธอก็รู้จักผมจึงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

”ผมจะตามหาคุณยายได้ที่ไหนครับ”

“เห็นว่าเช่าบ้านอยู่ท้ายซอยนะคะ”

ผมกล่าวขอบคุณเธอแล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านเช่าท้ายซอยอย่างที่ได้ยินมา ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ผมไม่เคยเดินเลยอพาร์ทเมนท์ตัวเองเข้ามาในซอยเลย จึงไม่รู้ว่าข้างในนี้จะมืดและดูน่ากลัวขนาดนี้

ยิ่งเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่น่าจะมีคนอยู่ได้ เพราะมันทั้งมืดและน่ากลัว

กระทั่งแสงไฟส่องสว่างจากบ้านหลังหนึ่งปรากฏให้เห็น เมื่อเดินตามแสงนั้นไปก็พบกับบ้านหลังเล็กที่โคตรจะโทรมหลังหนึ่ง

ประเมินจากสภาพแล้วไม่น่าจะมีใครกล้าอยู่ แต่ถึงกระนั้นแสงไฟที่ส่องสว่างก็เรียกให้ผมก้าวเข้าไปหยุดที่หน้าบ้านหลังนั้น

“ขอโทษครับมีใครอยู่มั้ย”

ตะโกนเรียกในเวลาเดียวกับที่เหลือบเห็นรถเข็นเก่าๆ ที่บรรทุกผักไว้จำนวนหนึ่ง

บ้านคุณยายคนนั้นจริงๆ สินะ รถเข็นก็อยู่ตรงนี้แต่ทำไมไม่ใครตอบรับผมเลยล่ะ

“ขอโทษนะครับ มีใครอยู่มั้ยครับ” ผมลองเรียกอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมแบบที่ไม่มีทางเลยที่คนข้างในจะไม่ได้ยิน

แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงความเงียบงันเท่านั้น

และนั่นก็ทำให้ผมเริ่มกระวนกระวายใจอีกครั้ง ยื่นมือไปหวังจะเปิดประตูแต่ก็คิดว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วเกิดมีคนอยู่ข้างในผมจะถูกแจ้งความข้อหาบุกรุกยามวิกาลหรือเปล่า

ชั่งใจอยู่ชั่วครู่จึงลองเรียกอีกครั้งและก็เช่นเดิม

เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

เพียงผลักประตูเบาๆ บานไม้เก่าๆ ก็เปิดออกอย่างง่ายดาย ข้างในมีเพียงแสงไฟสลัวที่สะท้อนให้เห็นว่าในบ้านหลังนี้เคยมีคนอาศัยอยู่จริงแต่ตอนนี้ไม่มีใครเลย

“นั่นมัน...!” ในตอนที่กำลังจะก้าวออกจากบ้านมาสายตาดันไปสะดุดเข้ากับเชือกและผ้าที่กองอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง ใกล้ๆ กันนั้นมีกระเป๋าสตางค์ที่คุ้นตาตกอยู่

เมื่อหยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดดูก็พบว่าเป็นกระเป๋าสตางค์ของปิ๊กจริงๆ

กระเป๋าอยู่ตรงนี้ เจ้าของอยู่ไหนล่ะ

หัวใจของผมที่เคยเต้นด้วยจังหวะปกติบัดนี้กำลังเต้นอย่างถี่รัวเมื่อนึกไปว่าปิ๊กอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตราย สิ่งแรกที่ทำคือโทรหาผู้หมวด เมื่อเขารับก็รีบบอกสิ่งที่เกิดขึ้นให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ทราบ ถึงน้ำเสียงจะฟังเหมือนระอาในความตื่นตระหนกของผมแต่เขาก็รับปากว่าจะมา

ผมไม่โกรธผู้หมวดหรอก เพราะครั้งก่อนตอนที่ผมตื่นเต้นตกใจไปเองนั้นทำให้เขาวุ่นวายไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน แต่ถึงกระนั้นครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งที่แล้วซักหน่อย มันมีหลักฐานว่าปิ๊กเคยมาที่นี่และตอนนี้เขาก็หายไปจริงๆ

“ปิ๊ก” ผมเรียกน้องเมื่อเดินดูรอบๆ บ้าน หาเขาไปทุกซอกมุมแต่ก็ไม่เจอ

ถ้าผมเอะใจเร็วกว่านี้หน่อยก็คงดี

ผมทิ้งตัวนั่งลงตรงหน้าบ้านข้างรถเข็นผักด้วยอาการของคนหมดอาลัยตายอยาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงรอให้ผู้หมวดมาถึง

ไม่นานแสงไฟหน้ารถก็ส่องเข้ามา เสียงเครื่องยนต์ดับลงก่อนที่ผู้หมวดจะก้าวเข้ามาหา

“หายไปจริงๆ เหรอคราวนี้”

ผมเงยหน้ามองเขาแล้วพยักหน้าพลางยื่นกระเป๋าสตางค์ไปให้ดู

“ของปิ๊กครับ ผมเห็นมันหล่นอยู่ข้างใน”

“ทำไมขยันหายจังนะเด็กคนนี้” บ่นอย่างนั้นก่อนจะหันไปสั่งนายตำรวจอีก 2 นายที่ตามมาด้วย

พวกเขาแยกย้ายกันหาหลักฐานอยู่ครู่ใหญ่ก่อนพวกเราทั้งหมดจะขึ้นรถแล้วมุ่งหน้ากลับโรงพัก

เข็มนาฬิกาหมุนไปเรื่อยๆ ในขณะที่ผมเดินวนไปวนมาในโรงพักอย่างที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

“เลิกเดินได้แล้วคุณโอม”

“ผมเป็นห่วงน้อง”

“คุณเคยบอกว่าเจอคนร้ายสองคนแถวๆ บ้านใช่มั้ย”

“ครับ”

“ผมคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือเขา ตอนนี้พวกเราส่งเจ้าหน้าที่ไปยังร้านประจำที่พวกเขาส่งเด็กแล้ว คุณเองก็ควรกลับไปนอน”

“ผมจะหลับลงได้ยังไง ให้ผมรอที่นี่นะหมวด ผมสัญญาว่าผมจะไม่รบกวน”

ผู้หมวดมองหน้าผมแล้วส่ายหน้าหน่ายใจแต่เขาก็ไม่ได้ไล่ผมกลับบ้านอีก ปล่อยให้ผมรออยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเช้า

“คุณโอมเราเจอรถต้องสงสัยแล้ว”

“ครับ !?” ผมทะลึ่งตัวลุกขึ้นด้วยความตื่นตกใจก่อนจะก้าวตามผู้หมวดไปยังรถตำรวจหลายคันที่จอดรออยู่แล้ว

รถยนต์ที่เปิดไซเรนดังลั่นวิ่งไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วแต่นั่นก็ช้ากว่าใจของผมที่วิ่งนำไปหาปิ๊กแล้ว

“เหมือนว่าเด็กที่ถูกจับไปคราวนี้จะไม่ใช่ปิ๊กคนเดียวนะครับ”

“มิน่าล่ะ ในบ้านหลังนั้นมีเชือกโคตรเยอะ”

“ไม่ต้องกังวลนะคุณโอม เด็กๆ ยังปลอดภัยดี ตราบใดที่ยังไม่ถึงมือลูกค้า”

“จับไปทำไมเหรอครับ”

“ค้าบริการทางเพศน่ะ สองคนนั้นเคยถูกจับแล้วครั้งนึง แต่ถูกประกันตัวออกมาแล้วหลบหนีไป”

“ถ้าเราไปช่วยปิ๊กไม่ทัน...” แค่คิดว่าเขาจะต้องเจอกับเรื่องโหดร้ายหัวใจของผมก็ร้าวระบมไปหมด

“ต้องทันครับ” ผู้หมวดบอกอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ถามว่ารู้สึกดีขึ้นไหม ก็ไม่มากเท่าไหร่จนกว่าจะได้เจอปิ๊ก

ถนนใหญ่ที่พาเรามุ่งหน้าสู่ต่างจังหวัดเปลี่ยนเป็นทางแคบๆ ที่ขรุขระ มองออกไปนอกกระจกเห็นทะเลอยู่ลิบๆ กระทั่งเราโผล่ออกมาถนนใหญ่อีกครั้ง

“เลี้ยวขวาข้างนั้นนั้นเลย”

ผู้หมวดออกคำสั่ง ในตอนที่รถเลี้ยวเข้ามาก็พบว่าในบริเวณกว้างนี้เต็มไปด้วยตู้คอนเทนเนอร์หลากสี

“ท่าเรือเหรอครับหมวด”

“ใช่ครับ เรือจะเข้าเทียบท่าในอีก 1 ชั่วโมง”

“หมายความว่า...”

“เด็กๆ จะถูกส่งไปนอกประเทศครับ” ผู้หมวดตอบคำถามในตอนที่รถจอดพอดี

หมายความว่าเรามีเวลาตามหาน้องแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น







✧✧✧






PIK SIDE

 ปิ๊กลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด

ไม่สิ มันไม่น่าจะมืดแล้วนะ ที่จริงตอนนี้น่าจะมองเห็นแสงจากพระอาทิตย์สิ แล้วพี่โอม พี่โอมไปไหน เขาไม่ได้นอนอยู่ข้างปิ๊ก ไม่ได้กอดไว้เหมือนดั่งคืนก่อนๆ

พี่โอมไปหาพี่ไอซ์อีกแล้วเหรอ

พักหลังนี้ปิ๊กไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมต้องรู้สึกไม่ดีเวลาคิดไปเองว่าพี่โอมกอดคนอื่นเหมือนกอดปิ๊ก

ปิ๊กคงหวงพี่โอมมากไปล่ะมั้ง

แต่ว่านะ ตอนนี้ปิ๊กเมื่อยตัวไปหมดเลย เมื่อยกว่าตอนที่ถูกพี่โอมกอดรัดแล้วกระแทกสะโพกลงมาเสียอีก

ปิ๊กพยายามขยับตัวแต่ก็พบว่าถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเชือกทั้งมือและเท้า

นี่มันอะไรกัน ความมืดรอบๆ ตัวทำให้ปิ๊กเริ่มกลัว ถึงแม้ว่าสายตาจะปรับให้สามารถมองเห็นในความมืดได้แล้วแต่ปิ๊กก็แทบจะมองไม่เห็นอะไรนอกจากเด็กผู้ชายที่น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่นั่งจับเจ่าอยู่บนพื้นแข็งๆ นี่เท่านั้น

ที่นี่ที่ไหน มันทั้งอับและร้อนอบอ้าว

พี่โอม ปิ๊กอยากออกไปจากที่นี่

“ที่นี่ที่ไหน” ปิ๊กหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่เขาก็ส่ายหน้า

คงไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนๆ กับปิ๊ก

“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

“ไม่รู้สิ” เขาว่า

“ปิ๊กจำได้ว่าไปช่วยคุณยายขายผัก แล้วก็ไปส่งคุณยายที่บ้าน คุณยายเอาน้ำให้ดื่ม แล้วก็...”

หลังจากนั้นปิ๊กก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

“ถูกจับตัวมาน่ะสิ” พอเขาว่าอย่างนั้นเสียงโวยวายก็ดังขึ้นจากคนที่อยู่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน

ปิ๊กพยายามบอกให้พวกเขาหยุดทั้งที่ตัวเองก็น้ำตาไหลเหมือนกัน

ควรทำยังไงดี ปิ๊กต้องทำยังไงถึงจะได้เจอพี่โอมอีก

“หุบปากซักที ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ มีสติกันหน่อยสิ” เสียงของคนข้างปิ๊กทำให้รอบกายกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

ปิ๊กเองก็ได้แต่กลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอ

“แก หันหลังมา”

“ปิ๊กเหรอ” ปิ๊กหันไปเบิกตาถามเขาให้อีกฝ่ายพยักหน้าแรงๆ ก่อนจะทำตามคำสั่งเพราะสีหน้าที่มองเห็นในความมืดน่ากลัวมาก

เราหันหลังชนกัน นิ้วของเขาขยับยุกยิกที่ข้อมือของปิ๊ก ไม่นานเชือกก็คลายออกให้สัมผัสถึงอิสรภาพอีกครั้ง

“โห” ปิ๊กมองหน้าเขาอย่างทึ่งๆ แล้วรีบแกะเชือกที่ขาตัวเองก่อนจะช่วยอีกฝ่ายแกะเชือกบ้าง

“เก่งใช่มั้ยล่ะ”

ปิ๊กยิ้มกว้างยกนิ้วโป้งให้เขาทั้งสองข้าง แล้วช่วยกันมอบอิสระให้กับคนอื่นๆ

“พี่เก่งมากเลย”

“เราชื่อเบลล์ แล้วแกล่ะ”

“ปิ๊ก”

“เอาไว้ออกจากที่นี่ได้ก่อนแกค่อยชมว่าเราเก่ง” ในน้ำเสียงของเบลล์ปราศจากความหวาดกลัว ดังนั้นปิ๊กเองก็ลืมความกลัวไปชั่วขณะเช่นกัน

“ว่าแต่เราจะออกจากที่นี่ได้ยังไง”

เมื่อสักครู่เราลองเปิดประตูแล้วแต่ก็พบว่ามันถูกล็อกจากด้านนอก ถ้าไม่มีใครช่วยเปิดเราก็คงต้องคิดแหง็กอยู่ในนี้ไปจนตาย

“รอล่ะมั้ง” เบลล์ว่าอย่างสิ้นหวังแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงที่เดิม

“ยอมแพ้แล้วเหรอ”

“แล้วเราจะทำอะไรได้ล่ะ ไม่ใช่ไอรอนแมนนะเว้ยจะได้มีพลังพังเหล็กพวกนั้นออกไปได้น่ะ”

“ปิ๊กเคยเจอไอรอนแมนด้วยนะ เมื่อปีก่อนไปดูหนังรอบปฐมทัศน์มาด้วยแหละ”

“ขี้โม้แล้วปิ๊ก” เบลล์ผลักหัวปิ๊กเบาๆ เมื่อปิ๊กว่าอย่างนั้น

ไม่ใช่นะ ปิ๊กไม่ได้โม้ ปิ๊กเคยไปมาจริงๆ เคยเจอไอรอนแมนจริงๆ

“หิวอะ” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความมืดให้เราหันไปมองก็พบกับใครคนหนึ่งที่ตัวผอมมากๆ เลย

“เออ โคตรหิว” หลังจากนั้นก็ร้องว่าหิวกันดังระงมเชียว

จะว่าไปปิ๊กก็หิวแล้วเหมือนกัน ลูบท้องป้อยๆ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเบลล์ เขาส่ายหน้าแล้วยิ้มแหยเหมือนบอกว่าช่วยอะไรไม่ได้

ก็ไม่ได้อยากให้ช่วยหรอก เบลล์เองก็คงหิวเหมือนกัน

“ชู่ววว~ เงียบก่อนๆ”

เบลล์จรดนิ้วมือที่ริมฝีปากเมื่อบอกให้พวกเราเงียบ เขาแนบหูกับผนังเหล็ก ปิ๊กจึงทำตามบ้าง เราได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวข้างนอก

“เหมือนกำลังสู้กันเลยเนอะ”

ปิ๊กพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่เราทั้งคู่จะพยักหน้าให้กันเหมือนสื่อความหมายบางอย่าง

ปึ้ง!!!!

“ช่วยด้วยครับ มีคนติดอยู่ในนี้ ช่วยด้วย!!!!” เบลล์ตะโกนนำให้พวกเราที่เหลือตะโกนร้องกันจนสุดเสียง

ทั้งทุบผนังดังปึงปังหวังให้ใครสักคนที่อยู่ข้างนอกนั้นได้ยินเรา

หวังว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่

“ปิ๊ก!” ท่ามกลางความวุ่นวายปิ๊กได้ยินเสียงพี่โอมแว่วมา

“พี่โอม” ปิ๊กวิ่งวุ่นไปหมดอย่างไม่รู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากตรงไหน

“ปิ๊กได้ยินพี่มั้ย ปิ๊ก!!”

“พี่โอม ปิ๊กอยู่นี่ พี่โอม” น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้เริ่มไหลออกมาเป็นสาย ร้องเรียกอีกคนจนเสียงแหบแห้ง

ความวุ่นวายในตู้มืดๆ แห่งนี้สงบลงเมื่อแสงสว่างสาดผ่านประตูที่เปิดออกเข้ามา พี่โอมยืนอยู่ตรงนั้น แสงที่ส่องมาทางด้านหลังทำให้เขาดูเหมือนเทวดาที่ปิ๊กเคยเห็นในหนังสือ

“พี่โอม ฮือออ~” ปิ๊กโผเข้าสู่อ้อมกอดที่คุ้นเคย ซุกหน้าลงกับอกพี่โอมแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

“ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่โอมอยู่ตรงนี้ พี่จะไม่ปล่อยให้ปิ๊กตกอยู่ในอันตรายอีกแล้ว”

“ฮืออออ~” ปิ๊กยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น ความกลัวที่เคยกินพื้นที่ทั้งหัวใจค่อยๆ จางหายไปเมื่อถูกเขากอดเอาไว้

พี่โอมประครองปิ๊กเอาไว้ พร่ำบอกว่าไม่เป็นไรข้างหูจนทุกอย่างผ่านพ้นไป

“ลาก่อนปิ๊ก” เบลล์โบกมือลาเมื่อเราต้องแยกย้าย

ปิ๊กขอบคุณเขา ถ้าในห้องมืดๆ นั้นไม่มีเบลล์ พวกเราก็คงถูกมัดเอาไว้อย่างนั้น เบลล์เป็นคนที่เข้มแข็งและกล้าหาญมากเลย






✧✧✧






“พี่โอมโกรธปิ๊กมั้ยครับ”

ปิ๊กยังคงนั่งอยู่บนตักของพี่โอมแม้ว่าเราจะกลับมาถึงห้องแล้ว

“ปลอยภัยกลับมาก็ดีแล้ว”

“เพราะปิ๊กไม่เชื่อฟังพี่โอม ปิ๊กไว้ใจคนแปลกหน้าเกินไป ปิ๊ก...”

“พอแล้ว อย่าพูดถึงมันอีกนะ อย่างน้อยปิ๊กก็ทำให้ผู้หมวดจับคนร้ายได้นะครับ ปิ๊กของพี่เก่งที่สุดเลย”

พี่โอมจูบเส้นผมของปิ๊กอย่างอ่อนโยน

“พี่โอม...”

“หืม” ริมฝีปากที่ประทับจูบปิ๊กซ้ำๆ หยุดลงก่อนจะเลื่อนมาจูบที่คอ พี่โอมชอบแกล้งปิ๊กแบบนี้ มันทำให้ร่างกายรู้สึกแปลกๆ แต่ปิ๊กก็ชอบนะ ชอบให้พี่โอมสัมผัสทั้งตัวเลย

“ปิ๊กทำกระเป๋ากับรูปหายไปแล้ว”

“กระเป๋าอันนี้หรือเปล่านะ”

กระเป๋าที่ปิ๊กคิดว่าหายไปแล้วถูกคนที่กอดปิ๊กไม่ยอมปล่อยยื่นมาตรงหน้า ปิ๊กเอี้ยวตัวไปมองพี่โอมอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองก่อนจะรับกระเป๋ามาถือเอาไว้

“จะไม่ให้รางวัลพี่หน่อยเหรอครับ”

“ยังไงอะ”

“จูบพี่หน่อยสิ” พี่โอมหลับตา ทำปากจู๋ ท่าทางที่พี่โอมคงไม่รู้ว่าตัวเองน่ารักมาก แต่ปิ๊กไม่จูบพี่โอมในทันทีหรอกนะ เขินจะแย่

“ปิ๊กหิวข้าวอะ ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว”

“กินพี่โอมรองท้องก่อน”

“หิวจริงๆ นะ” ปิ๊กลูบท้องเพื่อยืนยันว่าหิวจริงๆ ให้พี่โอมยอมปล่อยมือที่โอบกอดอยู่นานเป็นครั้งแรก

“มีอะไรในตู้เย็นบ้างน๊า”

“ปิ๊กไปอาบน้ำนะ” ปิ๊กกระโดดลงจากตักพี่โอม วิ่งไปหยิบผ้าขนหนู นี่ไม่ได้อาบน้ำเกือบ 2 วันแล้ว ตัวเหม็นมากไม่รู้ว่าพี่โอมทนดมอยู่ได้ยังไง

“พี่ทำไข่เจียวนะ”

“คนใดที่ถูกเจียว” ปิ๊กตะโกนออกมาขณะกำลังปิดประตู มุกนี้พี่โอมเคยเล่น ตอนนั้นปิ๊กงงมาก อาจเพราะปิ๊กไม่ค่อยเก่งภาษาไทยล่ะมั้ง

พี่โอมหัวเราะหึๆ ก่อนจะตะโกนตอบคำที่ทำให้ปิ๊กเขินไปหมด

“ปิ๊กเป็นคนเดียวที่ถูกใจพี่นะครับ”

คนบ้า!!


[T B C]
เพราะความขี้สงสารแท้ๆ เลย เกือบซวยแล้วนะปิ๊ก
พี่โอมเนี่ย นอกจากจ้องจะตอดเล็กตอดน้อยน้องแล้ว ก็เป็นคนที่พึ่งพาได้ใช่มั้ยล่ะ
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะ :)
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-04-2018 22:40:00
 :pig4: :pig4: :pig4:

คุณยายขายผัก  นี่คือคนร้ายปลอมตัวสินะ

หลอกให้ปิ๊กตายใจก่อน  แล้วค่อยปฏิบัติการ

โชคดีนะ  ที่พี่โอมไหวตัวทัน
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-04-2018 01:25:05
ทำไม ๆ อยากให้ได้เจอกับเบลล์อีกครั้ง  :hao3:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-04-2018 02:26:16
ปมที่1 คนในรูปคือใคร?
ปมที่2 ปิ๊กคือใคร
หรือปิ๊กกับคนในรูปอาจเป็นคนๆเดียวกันหรือมี
ความเกี่ยวข้องกัน

ทำได้แค่รอให้ไรท์มาอัพนิยายเฉลย :hao5:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 23-04-2018 03:55:42
 :mew1:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 24-04-2018 07:26:28
พี่โอมหื่นมากกกก
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 7 คืนนี้ลองจับดูมั้ย}
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 24-04-2018 18:47:12
ตามมม
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 04-05-2018 21:04:42
ตอนที่ 10 เด็กมันยั่ว


ข่าวเรื่องการบุกจับแก๊งค้าประเวณีข้ามชาติถูกถ่ายทอดออกสื่อทุกแขนง ผมไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรที่ตัวเองได้มีส่วนร่วมในการเข้าจับกุมครั้งนี้

ตลอดมาผมทำหน้าที่เป็นครู แต่รู้สึกว่าการเป็นตำรวจก็ไม่เลวเหมือนกัน

“พี่โอมจะพาปิ๊กไปเที่ยวไหน”

“สวนสนุกดีมั้ย” ผมกระชับมือน้อยๆ ที่กอบกุมกันเอาไว้ตั้งแต่เดินออกจากห้องมาเมื่อก้มลงถาม

“ไม่ค่อยชอบเลย”

“แล้วอยากไปไหนครับ”

“ที่ไหนก็ได้ถ้ามีพี่โอม” หลังจากเจอเรื่องราวไม่ค่อยดีมา ปิ๊กก็ดูเหมือนจะขี้อ้อนขึ้นเยอะมากเลย

“งั้นกลับห้อง พี่อยากกอดปิ๊ก”

“ออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า”

วันที่อากาศร้อนๆ แบบนี้การเลือกมาเดินเล่นตากแอร์ในห้างสรรพสินค้าดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ปิ๊กยิ้มร่าจนดวงตากลมปิดสนิทเมื่อความเย็นปะทะที่ผิวกาย แอบเห็นเด็กน้อยอ้าแขนออกกว้างแต่คงนึกได้ว่าเป็นที่สาธารณะเจ้าตัวจึงหุบแขนลง

ผมหัวเราะคนน่ารักในลำคอให้เจ้าตัวหันมาค้อนใส่ แต่ไม่ทันไรก็เข้ามาเกาะแขนผม

“อ้อนอยากได้อะไรครับ”

“เปล่า” ส่ายหน้าน้อยๆ “ปิ๊กกลัวหลง”

“งั้นก็จับมือพี่ไว้แน่นๆ นะ”

เรากระชับมือที่จับกันให้แน่นด้วยความรู้สึกราวกับว่าจะไม่มีวันปล่อยมือจากกันถึงแม้ใครจะแยกเราก็ตาม

ผมพาปิ๊กขึ้นบันไดเลื่อนมายังชั้น 3 ซึ่งเป็นส่วนของร้านอาหาร เงินเดือนรวมกับค่าสอนที่เพิ่งเข้าบัญชีเมื่อวานมากพอที่จะเลี้ยงอาหารดีๆ ให้น้องสักมื้อ

“ปิ๊กชอบกินอาหารญี่ปุ่นมั้ย”

“ไม่ค่อยชอบครับ” ปิ๊กไม่แม้แต่จะมองเมนูอาหารที่ติดโชว์ที่หน้าร้าน ผมว่าไม่ใช่ไม่ชอบหรอก แต่คงเกรงใจ

“วันนี้พี่มีเงินนะ”

“ปิ๊กก็มีเหมือนกัน” ว่าแล้วก็ล้วงเอากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดโชว์ ผมหรี่ตามองแล้วก็ยิ้มให้กับท่าทางน่ารักนั่น

“มีเงินเยอะนี่ งั้นเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นพี่ซักมื้อสิ”

“กินแฮมเบอร์เกอร์กันดีกว่า”

ไม่รอให้ผมแสดงความคิดเห็นเจ้าตัวก็ลากผมไปยังร้านเบอร์เกอร์ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม จัดแจงสั่งอย่างชำนาญเหมือนคนที่กินอยู่แล้วเป็นประจำ

“พี่โอมเอาอะไร” ผมก็อึ้งรับประทานสิครับ เคยกินอะไรแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ

“เอ่อ...”

“งั้นเอาเหมือนปิ๊กเนอะ” เด็กน้อยยิ้มแฉ่งแล้วสั่งเบอร์เกอร์ให้ผมบ้าง

รอสักครู่ก็ได้แฮมเบอร์เกอร์กับน้ำมาคนละแก้ว โดยที่ผมเป็นฝ่ายแย่งจ่ายตังค์เอง แหม จะปล่อยให้น้องจ่ายก็กระไรอยู่ อย่างไรผมก็เป็นผู้ใหญ่กว่า

แต่ว่า...แฮมเบอร์เกอร์นี่มันแพงจริงๆ แฮะ

“เมื่อก่อนคงกินบ่อยเลยสิ สั่งคล่องเชียว”

เราเลือกที่นั่งติดกระจกซึ่งมองเห็นบรรยากาศข้างนอกได้ชัดเจน

“ปิ๊กแค่รู้สึกคุ้นเคย” ตอบผมแล้วก็กัดเบอร์เกอร์ในมือเข้าไปเต็มคำ “คงจะเคยกินบ่อยๆ ตอนก่อนความจำเสื่อมมั้งครับ”

“งั้นบ้านปิ๊กก็คงมีฐานะ” ผมพูดอย่างที่คิด

ถ้าน้องฐานะอย่างผมคงไม่มีทางได้กินแฮมเบอร์เกอร์นี้บ่อยๆ หรอก แต่ก็สงสัยนะว่าคนมีฐานะดีนั้นเวลาลูกหลานหายตัวไปเขาไม่ตามหากันเหรอ

“ฐานะดีแล้วไง ไม่เห็นจะมีใครตามหาปิ๊กเลย”

น้ำเสียงของปิ๊กเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด จนต้องยื่นมือไปบีบแก้มนิ่มๆ แล้วยิ้มให้อีกคนยิ้มตอบ

“กินเสร็จแล้วเราไปเล่นเกมกันมั้ย”

“ปิ๊กอยากเล่นเกมคีบตุ๊กตาอะ ปิ๊กเล่นเก่งมากเลยนะ”

“โม้รึเปล่า”

“ไม่ได้โม้”

อื้อหือ ไม่ได้โม้จริงๆ ครับ

ปิ๊กปรี่เข้าหาตู้คีบตุ๊กตาทันทีเมื่อเรามาถึงโซนเกมส์ เริ่มเล่นทันทีเมื่อผมส่งเหรียญให้ ผ่านมาเกือบ 20 นาที ตอนนี้ตุ๊กตาล้นมือผมจนต้องคาบเอาไว้ด้วยปากแล้ว

“ปิ๊ก พี่โอมถือไม่ไหวแล้ว” ผมบอกเสียงอู้อี้เมื่อไม่สามารถขยับริมฝีปากได้ให้เด็กน้อยเหลือบมองแล้วก็ขำก๊ากจนตัวงอ

“พี่โอมตลกจัง”

“ช่วยถือเลย” ผมโน้มลำตัวลงไปหาให้หยิบตุ๊กตาออกไปจากปาก

จุ๊บ!!

คนถูกขโมยจูบที่แก้มเบิกตากว้างแล้วลูบแก้มตัวเองป้อยๆ มองผมราวกับคาดโทษที่ทำอะไรประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ

“เก่งจริงๆ เลยนะปิ๊กเนี่ย”

“ก็บอกแล้วว่าเก่ง” ไม่ถ่อมตัวสักนิดอะคนเรา

เราเดินเตร็ดเตร่ในห้างอย่างไร้จุดหมายกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่ายแก่ๆ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะกลับบ้านกันได้แล้ว และเด็กข้างๆ ผมก็ดูเหมือนจะล้ากับการเดินเรื่อยเปื่อยของเราเต็มทนแล้ว

“เหนื่อยรึยังครับ”

“นิดหน่อยครับ”

“ลงไปซื้อของที่ซุปเปอร์ก่อนได้มั้ย เย็นนี้พี่จะทำอาหารอร่อยๆ ให้กิน” พอได้ยินเรื่องของกิน คนที่ดูเหมือนเมื่อยล้าในคราแรกก็ดูเหมือนจะมีพลังขึ้นมา

เราเดินลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นซุปเปอร์มาเก็ต อาหารสดในนี้แพงกว่าในตลาดแน่แต่ว่าป่านนี้แล้วผมไม่มีทางถ่อไปตลาดหรอก

“ซื้ออันนี้ได้มั้ยพี่โอม”

“เอาสิ” ผมหยิบขนมปังแพที่ปิ๊กอยากกินใส่รถเข็นแล้วเดินไปยังเชลล์ขายแยม บอกให้เขาเลือกที่ตัวเองชอบมาหนึ่งอย่าง

“ปิ๊กอยากกิน...” คิ้วขมวดมุ่นมองขวดแยมที่วางเรียงรายอย่างพิจารณา เอิ่ม แค่เลือกแยมต้องจริงจังขนาดนั้นเลยเหรอครับน้อง

“สตรอเบอร์รี่มั้ย”

“อ่า เอาๆ เอาสตรอเบอร์รี่ครับ” และเป็นเจ้าตัวที่หยิบขวดแยมมาใส่รถเข็นไว้เอง

“ปิ๊กอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย”

“ไม่เอาแล้ว” พอซื้อของเสร็จก็ดูเหมือนคนเหนื่อยทันที ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าปิ๊กเหนื่อยจริงหรือแอคติ้งกันแน่

“น้องดีน!!!”

เสียงเรียกทำให้ผมที่ใช้มือข้างหนึ่งจับมือปิ๊กแล้วเข็นรถด้วยมือเดียวหันขวับไปมอง แล้วก็สบตากับหญิงวัยกลางคนที่แต่งตัวดีในระดับหนึ่ง

เธอปรี่เข้ามาหาเรา แล้วจ้องปิ๊กเสียจนตาแทบถลนออกมา

“น้องดีนนี่อาช้องนางเอง จำได้มั้ยคะ”

คนถูกถามมองคนตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะหันมามองหน้าผม สีหน้าปิ๊กดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก่อนเขาจะก้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่ใช่น้องดีนหรอกเหรอ ทำไมเหมือนขนาดนี้” เธอบ่นเบาๆ แต่ผมได้ยินนะ “น้องดีนมองหน้าอาดีๆ สิคะ ค่อยๆ คิดว่าเรารู้จักกันหรือเปล่า”

“พี่โอม” เมื่อถูกคะยั้นคะยอ มือที่กุมมือผมไว้หลวมๆ ก็บีบแน่นพลางขยับเข้ามายืนจนชิดแล้วว่าเสียงอ่อน “ปิ๊กอยากกลับบ้าน”

“น้องดีนลูก...”

“ขอโทษนะครับ คุณคงจำคนผิด นี่น้องชายผมชื่อปิ๊ก ไม่ได้ชื่อดีน”

“จะไม่ใช่ได้ยังไง” เธอยังคงบ่นกับตัวเองเสียงแผ่วก่อนจะมองตรงมาที่ผมขณะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “ขอถ่ายรูปน้องไว้ได้มั้ย”

“พี่โอมปิ๊กอยากกลับบ้าน” เด็กน้อยว่าพลางกระตุกมือผมแรงๆ ให้จำต้องเดินห่างออกมา

ปิ๊กดูลุกลี้ลุกลน เขาสอดส่ายสายตามองไปทั่วบริเวณเหมือนกับระแวงว่าคุณอาช้องนางอะไรนั่นจะตามมา ท่าทางที่ผมแอบคิดว่าบางทีปิ๊กอาจจะจำเธอได้แต่ไม่อยากยอมรับ

“กลับบ้านกันครับ”

พอผมบอกอย่างนั้นปิ๊กก็แทบจะลากให้เดินเร็วๆ ออกจากซุปเปอร์มาเก็ตเลยทีเดียว

“ปิ๊กครับ”

“ครับ” เด็กน้อยขานรับเมื่อเราขึ้นมานั่งบนรถแท็กซี่แล้ว

“จำอะไรได้บ้างแล้ว”

“จำอะไรครับ ปิ๊ก...”

“อย่าโกหก ถ้าปิ๊กโกหกพี่จะพาเรากลับไปหาคุณอาช้องนางอะไรนั่นนะ”

“ปิ๊ก...” เด็กน้อยก้มหน้าละล่ำละลักให้ผมบีบมือเขาเบาๆ สร้างความมั่นใจว่าถ้าบอกผมจะไม่ว่าอะไรเขาอีก “คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นเพื่อนแด๊ดครับ”

“เพื่อนพ่อ?? ปิ๊ก เขาเป็นคนที่จะพาปิ๊กกลับบ้านนะ”

“แต่ปิ๊กไม่อยากกลับ ปิ๊กอยากอยู่กับพี่โอม ปิ๊กไม่อยากไปไหนแล้ว”

ปิ๊กอยู่กับพี่ไม่ได้...

ความจริงข้อนั้นแม้ไม่อยากยอมรับแต่สักวันหนึ่งเขาก็ต้องไป






✧✧✧






“พี่โอมโกรธอะไรปิ๊กรึเปล่าครับ”

แขนเล็กโอบเอวของผม ใบหน้าซบลงบนแผ่นหลังเมื่อเราก้าวพ้นประตูเข้ามา

ถามว่าที่ทำตัวเฉยชาตั้งแต่บทสนทนาบนรถแท็กซี่จบลงเพราะโกรธเขาหรือเปล่า ไม่นะ ผมโกรธตัวเองมากกว่า โกรธที่อยากรั้งน้องเอาไว้กับตัวเอง

“เปล่าครับ ปิ๊กหิวข้าวรึยัง”

ผมหมุนตัวไปมองหน้าเจ้าตัวเล็กแล้วยิ้มอบอุ่น อย่างที่คนได้รับก็ส่งยิ้มสดใสตอบกลับมา

“หิวมากเลย”

“งั้นมาช่วยพี่ทำกับข้าวดีกว่าเนอะ”

“ครับผม” เด็กน้อยขานรับด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว

ปิ๊กช่วยผมตอกไข่แล้วตีให้เข้ากัน หั่นต้นหอมแล้วใส่ลงไป ก่อนจะเรียกผมมาปรุงรส ไม่นานไข่เจียวก็ถูกเทลงในกระทะ อย่างที่คนตีไข่ก็ยืนมองอย่างสนอกสนใจ

“พี่โอมสอนปิ๊กทำบ้างสิ”

“เอาไว้คราวหน้าเนอะ”

“ฮือออ หอมจัง” เด็กน้อยหลับตาพริ้มขณะสูดดมกลิ่นหอม น่ารักจนต้องยื่นมือไปบีบแก้มเบาๆ “เจ็บนะ ขี้แกล้งว่ะ”

“นี่!! ไปเอาคำว่า ‘ว่ะ’ มาจากไหน” ผมดุเขาไม่จริงจังนักให้ปิ๊กหัวเราะแห้งๆ

“พี่ร้านสะดวกซื้อ”

“จำอะไรแบบนี้มา เดี๋ยวก็ไม่ให้ไปทำงานซะหรอก”

“จะไม่พูดอีกแล้วครับ” เด็กน้อยว่าเสียงอ่อนแล้วซบหน้าลงบนอกผมอย่างอ้อนๆ ทำแบบนี้ผมก็หิวน่ะสิครับ

เอาล่ะ อาหารเย็นพร้อมเสิร์ฟแล้ว

เราช่วยกันตั้งโต๊ะ แล้วนั่งลงตรงข้ามกันเพื่อจัดการอาหารธรรมดาๆ ตรงหน้าที่ให้ความรู้สึกที่ไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เคยกินคนเดียว

“พี่โอมกินนี่สิ อร่อยมากเลย” ปิ๊กตักไข่เจียวให้ผมขณะพูดงึมงำเพราะมีข้าวอยู่เต็มปาก

ผมยิ้มขำมองเขาแล้วจึงแกล้งเย้า “พี่ชายปิ๊กทำกับข้าวอร่อยเนอะ”

“พี่ชาย?” เด็กน้อยขมวดคิ้วเมื่อทวนคำ “แค่พี่ชายเองเหรอครับ”

หืม?

ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินเขาว่าอย่างนั้น เมื่อลองทวนคำตอบในหัวใจที่กำลังเต้นแรงก็ได้รับคำตอบว่าความสัมพันธ์ของเราตอนนี้มันไม่ใช่แค่พี่น้องซักหน่อย

พี่น้องที่ไหนเขาอยากมีเซ็กส์กันล่ะ

“ไม่อยากเป็นน้องชายพี่เหรอครับ” ผมลองแกล้งถาม อยากรู้เหมือนกันว่าความรู้สึกของปิ๊กที่มีต่อผมเป็นแบบไหน

“ไม่อยาก” เด็กน้อยแก้มแดงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำตอบ

“แล้วอยากเป็นอะไรครับ”

“อยากเป็นคนที่ถูกพี่โอมกอด”

ช้อนในมือแทบจะร่วงหล่นลงบนจานข้าวที่พร่องไปกว่าครึ่งตรงหน้า

ผมวางช้อนลง ตั้งศอกไว้บนโต๊ะ เท้าคางมองหน้าปิ๊กตรงๆ อย่างที่เจ้าตัวก็ไม่ได้สะทกสะท้าน ยังคงตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ แม้ว่าใบหน้าน่ารักนั้นจะขึ้นสีระเรื่อแต่เขาก็ทำตัวปกติเกินไปจนผมเริ่มจะใจแป้ว

เจ้าเด็กนี่ ที่พูดเมื่อกี้เข้าใจความหมายหรือเปล่าหรอก

“พี่ก็อยากเป็นคนที่ถูกปิ๊กกอดเหมือนกันนะ”

“อื้อ” รอยสีแดงแล่นริ้วไปยังใบหูเล็กๆ เมื่อผมพูดเช่นนั้น

โด่ว เขินอะดิ

“แล้วคืนนี้กอดได้มั้ยครับ”

“อาบน้ำด้วยกันมั้ยครับ” เด็กน้อยว่าเสียงแผ่วคล้ายพึมพำแต่มันทำให้ผมแทบจะคว่ำโต๊ะกินข้าวแล้วหิ้วเขาเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลย

หลังจากนั้นเราก็นั่งกินข้าวกันเงียบๆ แม้ว่าหัวใจในอกซ้ายจะกำลังเต้นระรัวเป็นจังหวะชะชะช่า จะว่าอย่างไรดีล่ะ ตั้งแต่เกิดมา มีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอดทั้งชีวิตแต่ไม่เคยเห็นใครรุกผมได้หน้าตายเท่าคนนี้มาก่อนเลย

“ปิ๊กอายุเท่าไหร่แล้ว”

“หืม ทำไมอยู่ๆ เพิ่งถาม”

“จำอายุตัวเองไม่ได้เหรอ”

“16 ปี เกรด 10 ครับ”

“แปลว่าจำเรื่องของตัวเองได้เยอะแล้วสิ”

คนถูกถามพยักหน้าเบาๆ ก้มหน้าเหมือนคิดอะไรครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมองผม “ถ้าตอบว่าเยอะพี่โอมจะส่งปิ๊กกลับบ้านเหรอ”

สิ่งที่ปิ๊กพูดคือสิ่งที่ผมควรทำ แต่ผมกลับไม่อยากทำ

“อิ่มแล้ว เดี๋ยววันนี้ปิ๊กขอล้างจานนะ”เสียงใสเรียกให้ผมตื่นจากภวังค์ “แล้วพี่โอมอิ่มรึยัง”

“อิ่มละ ว่าแต่เราล้างจานเป็นเหรอ”

“พี่โอมก็สอนสิครับ”

นั่นไง คิดว่าเด็กอ่อยได้มั้ยเนี่ย






✧✧✧







นั่นแหละ ผมคิดว่าปิ๊กกำลังอ่อยผมจริงจัง

คนที่ยืนอยู่หน้าอ่างล้างจานโดยที่มีผมยืนคร่อมอยู่ไม่ได้ช่วยผมเลยสักนิด เจ้าตัวเล็กที่สูงแค่ไหล่ พิงศีรษะลงตรงนั้น ยืนนิ่งๆ ปล่อยให้ผมล้างจานใบแล้วใบเล่า ปล่อยให้ผมพรมจูบบนเส้นผมเขาซ้ำๆ โดยไม่หือไม่อืออะไรเลย

“คิดอะไรอยู่”

ผมถามเมื่อผละริมฝีปากออกจากเส้นผมนุ่ม

“คิดถึงพี่โอม” นั่นไง! รู้ใช่ไหมว่าพูดแบบไหนแล้วผมหวั่นไหวถึงได้พูดบ่อยๆ เนี่ย

“คิดถึงอะไรพี่ก็อยู่นี่ทั้งคน”

“ถ้าปิ๊กกลับบ้าน ปิ๊กต้องคิดถึงพี่โอมมากแน่ๆ เลย” เด็กน้อยช้อนตามองให้ผมก้มหน้าลงไปจูบปากเขาเบาๆ แล้วผละออก

“พี่ก็จะคิดถึงปิ๊ก”

“มันก็แน่นอนอยู่แล้วอะ ล้างจานเสร็จรึยังครับ”

ถามแล้วก็เหลือบมองผมที่วางจานใบสุดท้ายลงพอดี

เจ้าตัวเล็กหมุนตัวหันมาเผชิญหน้า ใช้ท่อนแขนเล็กคล้องคอผมแล้วเขย่งเท้ายืดตัวให้สูงขึ้นมาจนใบหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน

เขามอบจุมพิตอ่อนหวานให้ผมก่อนจะค่อยๆ ละเลียดชิมทีละนิดด้วยเรียวปากนิ่มที่ขบเม้มดูดดึงริมฝีปากของผมราวกับว่าที่กำลังสัมผัสอยู่นี้คือขนมรสชาติเยี่ยม

“อือ อืม...”

จุมพิตที่เริ่มต้นด้วยความอ่อนหวานค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความเร่าร้อนเมื่อผมเป็นฝ่ายครอบครองเรียวปากนิ่มเอาไว้เสียเอง

มือบางลูบไล้ที่ท้ายทอยอย่างยั่วเย้าเมื่อผมถอยเรียวลิ้นที่เคยสัมผัสกันข้างในโพรงปากออกมาเพื่อไล้เลียริมฝีปากสีแดงจัด ไล้ตรงรอยแยกด้วยความนุ่มชื้นให้เจ้าตัวส่งลิ้นชื้นออกมาแตะกับผมภายนอก

“อื้อ...”

ลิ้นของเราแตะต้องหยอกล้อกันที่ภายนอก เมามันในอารมณ์หวามโดยไม่สนใจความชื้นแฉะที่เปรอะเปื้อน

ผมดันปิ๊กไปข้างหลังจนสะโพกของเขาชนเข้ากับอ่างล้างจาน

แลกจูบกันราวกับโหยหา อืม ที่จริงผมก็โหยหาสัมผัสของปิ๊กอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

“อาบน้ำมั้ย”

ผมผละออกอย่างแสนเสียดายเมื่อปิ๊กเริ่มหายใจลำบากจากการแลกจูบเป็นระยะเวลานาน

เด็กน้อยยังคงก้มหน้า โห ขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องอายแล้วมั้งครับ

ผมเอื้อมมือไปเชยคางเขาให้เงยหน้าขึ้นสบตา ให้ตายเถอะ ผมคิดว่าตัวเองคิดผิดแล้ว ดวงตาฉ่ำๆ นี่ฆ่าผมได้เลยนะ

ไม่อยากอาบน้ำแล้วอะ อยากกอดตอนนี้เลย

“อาบน้ำกับพี่มั้ยครับ”

ถึงผมจะถามซ้ำเจ้าเด็กตรงหน้าก็ยังไม่ตอบอยู่ดี ดังนั้นผมจึงปล่อยมือจากเอวบาง ก้าวถอยหลังมาราว 1 ช่วงตัว ใช้ดวงตาคมกดมองร่างเล็กในเสื้อผ้าราคาถูกที่ผมซื้อมาจากตลาดเพื่อเขา ถ้ากระชากมันจนขาดวิ่นก็คงไม่น่าเสียดายซักเท่าไหร่

“ถอดเสื้อให้พี่หน่อย”

“หือ” คนถูกขอร้องพ่นเสียงออกจมูก เงยหน้าใช้ดวงตาสั่นระริกมองผมสลับกับเสื้อเชิ้ตบนร่าง “ทำไมไม่ถอดเองล่ะ”

“อยากให้ปิ๊กถอดให้นี่ครับ” ผมยิ้มอ้อนเขาอย่างผู้ใหญ่ใจดี ไม่รู้ว่าเด็กตรงหน้าผมรู้หรือเปล่าว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงกลลวง

“แต่ว่า...”

ฟอด!!!

ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธอีกแล้ว ผมกดปลายจมูกลงบนแก้มสีปรั่งแรงๆ จนคนตัวเล็กเซไปด้านหลังนิดหน่อย ยื่นมือไปจับมือเขานำพามาวางไว้บนรังดุมแล้วโน้มใบหน้าลงไปกระซิบชิดใบหูเล็ก

“ไหนบอกว่าอยากกอดพี่ไง อาบน้ำกัน จะได้กอดกันไงครับ”

ปิ๊กลังเล ผมปล่อยให้เขาเม้มริมฝีปากครุ่นคิดครู่หนึ่งกระทั่งเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมองหน้ากัน ผมจึงบดนิ้วลงบนเรียวปากให้เขาคลายมันออก เด็กน้อยหน้าแดงไปถึงหู ลามไปยันลำคอ และใต้ร่มผ้านั่นก็คงเป็นสีระเรื่อเหมือนกัน

ผมมองเขา บอกความหมายผ่านนัยน์ตาที่เหมือนว่าเจ้าตัวเล็กตรงหน้าผมจะเข้าใจดี

กระดุมถูกปลดออกทีละเม็ด ทุกครั้งที่ปลายนิ้วบังเอิญสัมผัสกับผิวเนื้อร่างกายของผมก็รู้สึกคล้ายกับว่าเกิดไฟฟ้าสถิต มันปลาบแปลบไปทั่วบริเวณ

กระทั่งกระดุมถูกปลดออกทั้งแถว เด็กน้อยจ้องร่างกายเปลือยเปล่าของผมด้วยดวงตาพราวระยับ

“อ๊ะ!” ผมแกล้งจับมือเล็กวางลงบนอกแล้วลากต่ำลงมา

ผิวแก้มของปิ๊กแดงมาก ร่างกายของผมก็ร้อนผ่าวแล้วเช่นกัน

“ช่วยพี่ถอดตรงนี้ด้วยได้มั้ยครับ” ผมกระซิบเขา จงใจให้ริมฝีปากสัมผัสกับใบหูเล็กๆ จนเจ้าของมันย่นคอเพื่อหนี ช้อนสายตามองผมแล้วค้อนเล็กๆ

“แล้วทำไมไม่ถอดเอง”

“พี่อยากให้ปิ๊กถอดให้นี่ ช่วยพี่หน่อยไม่ได้เหรอครับ หืม”

“พี่โอมอะ” ตัดพ้อผมด้วยน้ำเสียงน่ารักๆ แต่กระนั้นก็ยอมไล้มือลงต่ำเพื่อสัมผัสกับหัวเข็มขัดของผม

อย่าว่าแต่ปิ๊กเลยที่สั่น ผมเองก็ใจสั่นไปหมด

เพราะมือสั่นๆ กว่าจะแกะเข็มขัดออกได้ก็ใช้เวลาพอประมาณ

ครืดดดด~

เสียงดึงเข็มขัดหนังออกจากหูกางเกงทำให้คนตรงหน้าผมสะดุ้งน้อยๆ ให้ผมยกยิ้มที่มุมปากส่งให้

“ทีนี้ก็...” ผมวางมือลงบนกระดุมกางเกงที่ยังเกาะกันแน่นสนิท บอกปิ๊กด้วยสายตาให้เขารู้ความหมาย และปิ๊กก็เป็นเด็กดีมาก มากเสียจนเกือบจะทำให้ผมสติหลุดทีเดียว

กระดุมของผมถูกปลดออกในวินาทีเดียวกับที่เด็กตรงหน้าผมทรุดตัวนั่งคุกเข่าบนพื้น

“ปิ๊ก” ผมร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ

เด็กน้อยวางมือลงบนหน้าขาของผม แนบแก้มลงบนกลางกายที่กำลังโป่งพองอยู่ในกางเกง ริมฝีปากอิ่มพรมจูบซ้ำๆ ให้ขนทั้งกายของผมตั้งชัน ความเสียวซ่านวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายจนต้องส่งเสียงครางเครือออกมา

“พี่โอมรู้สึกดีเหรอ”

“อื้อ ดีมากเลยครับ” ผมวางมือลงบนศีรษะของน้องลูบไล้ด้วยความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม

กระทั่ง

ครืดดดด~

ซิปถูกรูดลงด้วยปาก มือเล็กที่วางอยู่บนหน้าขาทำหน้าที่ดึงกางเกงให้หลุดออกจากสะโพก

“ของพี่โอมตื่นแล้วอะ” เด็กน้อยช้อนตามอง แนบแก้มลงบนส่วนที่ถูกปลุกให้ตื่นมาสักพักแล้ว

“เพราะปิ๊กแหละ รับผิดชอบเลย”

“อื้อ ปิ๊กจะรับผิดชอบ”

“อ๊า...” คงกลัวว่าผมจะไม่เชื่อถึงได้จรดริมฝีปากลงบนส่วนนั้นที่ถึงแม้จะมีกางเกงชั้นในกั้นไว้แต่ผมก็รับรู้ถึงความอุ่นของริมฝีปากอิ่มได้เป็นอย่างดี

ให้ตายเถอะ ไม่ต้องอาบมันแล้วน้ำเนี่ย เอาไว้ทำเสร็จแล้วค่อยอาบทีเดียว

“ปิ๊กครับ” ผมไล้มือที่กรอบหน้าเรียวก่อนจะเชยคางให้เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากัน “ถอดสิ”

เด็กน้อยพยักหน้าแล้วทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

กางเกงชั้นในของผมถูกถอดและดึงลงมาค้างไว้ที่หัวเข่าให้ส่วนที่ซุกซ่อนอยู่ภายในดีดผึงออกมาชี้หน้าคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน

“มันชี้หน้าปิ๊กอะ อย่ามาชี้หน้านะ”

ซี้ดเลย แม่งเอ้ย!!!

ผมกำมือข้างที่ว่างแน่น เท้าที่กำลังเขี่ยกางเกงชั้นในให้พ้นขาก็หยุดชะงักเมื่อลิ้นเล็กๆ เลียแผล้บลงบนส่วนหัวปริ่มน้ำ

คิดผิดหรือคิดถูกวะที่ยอมให้น้องใช้ปากให้เนี่ย

“ของพี่โอมร้อนมากเลย ปิ๊กจะทำให้มันเย็นนะ”

“อื้อ” ไม่ใช่คำตอบรับแต่เป็นเสียงครางของผมที่กำลังถูกปิ๊กปรนเปรอให้ด้วยปาก ลิ้นเล็กทำหน้าที่เลียไปทั่วทั้งความยาว ถึงส่วนโคนแล้วก็เลียกลับมาที่ส่วนปลาย ใช้ริมฝีปากจูบตรงนั้นซ้ำๆ แล้วแลบลิ้นออกมาเลีย

ทำซ้ำๆ จนผมที่ความอดทนสูงแทบจะปริแตก

ไม่ใช่เพราะฝีมือของเจ้าเด็กตรงหน้าแต่เพราะท่าทางไร้เดียงสานั้นต่างหาก

“อืม ปิ๊ก”

ผมละมือจากไหล่บางแล้วไล้ที่กรอบใบหน้าของคนที่ยังไม่หยุดเลียตัวตนของผมสักวินาที

“ปิ๊ก...” ผมร้องเรียกเคล้าเสียงครางให้เขาหยุดแล้วเงยหน้ามอง ผมจึงไล้ริมฝีปากสีสดที่เปรอเปื้อนด้วยน้ำของผมเบาบ้างหนักบ้างให้คนถูกสัมผัสหลับตาพริ่ม “อ้าปากให้พี่หน่อย”

เด็กน้อยเผยอริมฝีปากแล้วแลบลิ้นออกมา

ภาพตรงหน้าทำให้ผมแทบจะสติแตก

ผมใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสตัวตนที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำลายของเขา ใช้ส่วนปลายลูบไล้ไปทั่วริมฝีปากอิ่มให้ปิ๊กตวัดลิ้นตาม

“อื้อพี่โอม อย่าแกล้ง” พอเขาสัมผัสผมก็ผละออกให้เด็กน้อยร้องประท้วงเหมือนเด็กถูกแย่งของเล่น

“อยากกินเหรอครับ” คนถูกถามช้อนดวงตาฉ่ำขึ้นมองแล้วพยักหน้าพลางแลบลิ้นออกมาเพื่อรอ

ไม่ให้เดี๋ยวจะหาว่าใจร้าย

“อื้มมมม~”

ลิ้นชื้นตวัดเลียที่ส่วนหัวฉ่ำทันทีเมื่อตรงนั้นสัมผัสกับลิ้นชื้น ปิ๊กปัดมือผมออก กอบกุมแท่งร้อนด้วยมือของตน ส่งมันเข้าไปในโพรงปากครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครั้งก็ชักรูดมันด้วยมือ

สมองของผมพร่าเบลอ ดวงตาที่ตั้งใจว่าจะมองคนที่กำลังปรนเปรอให้ก็จำต้องหลับลง อยู่ๆ ริมฝีปากก็แห้งผากจนต้องแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก

“อื้อ” ปิ๊กละมือออก วางลงบนต้นขาแล้วค่อยๆ ส่งแท่งร้อนเข้าไปในโพรงปากเขาจนสุดความยาว

ได้ยินเสียงปิ๊กดังแผ่วๆ อยู่ด้านล่างจนต้องลืมตาขึ้นมอง

ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือผิด เพราะภาพของเด็กที่กำลังโยกศีรษะขึ้นลงอยู่ระหว่างกายของผมนั้นช่างเย้ายวนชวนให้ปริแตกเสียเหลือเกิน

“ซี้ด อาห์ ปิ๊ก”

ผมร้องไม่เป็นภาษา ลากมือสะเปะสะปะไปทั่วทั้งร่างกายนุ่มนิ่มก่อนพิษสวาทจะลามไปทั่วทั้งร่างกายจนไม่สามารถหักห้ามความปรารถนาเบื้องต่ำได้อีก

ใบหน้าของปิ๊กถูกล็อคไว้ด้วยมือหนาก่อนที่ผมจะเริ่มขยับสะโพกกำหนดจังหวะด้วยตัวเอง

“อ๊า ปิ๊ก ปิ๊ก”

ข้างในปากปิ๊กให้ความรู้สึกดีมาก ยิ่งในยามที่ลิ้นชื้นตวัดเกี่ยวพันกับแท่งของผมยิ่งให้ความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย

“อื้อ อื้อ อื้อ”

เสียงหวานดังผ่านลำคอในทุกจังหวะที่ผมกระแทกกายเข้าออก มือเล็กที่เคยวางอยู่บนหน้าขาเลื่อนมากอดสะโพกของผมเอาไว้ ขณะที่ผมก็ล็อคศีรษะของปิ๊กแน่น สอนให้เขาขยับศีรษะไปในจังหวะเดียวกับสะโพกของผม

น้ำสีแปลกไหลเลอะที่ขอบปากอิ่ม หยดแหมะลงบนกางเกงของคนตัวเล็ก ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้สนใจ

ปิ๊กยังคงขยับตามจังหวะของผม เขาช้อนสายตามอง ยิ่งสบตากันความร้อนรุ่มก็ยิ่งถูกพัดโหมจนผมแทบจะปริแตกเดี๋ยวนี้

ไม่! มันไม่ถูกต้อง ผมจะชิงเสร็จก่อนน้องไม่ได้

คิดได้ดังนั้นผมก็รีบถอนตัวตนออกให้น้ำลายเหนียวๆ ที่ผสมกับน้ำของผมยืดออกมาเป็นสาย เด็กที่กำลังกินไอติมอย่างเอร็ดอร่อยก็ถึงกับอารมณ์ค้าง

ผมเองก็ค้าง แต่เชื่อพี่โอมสิว่าหลังจากนี้มันจะดีมาก มากกว่านี้พันเท่าเลย


[TBC]
 :hao3:


หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-05-2018 21:38:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

น้องจำได้แล้ว  แต่...น้องติดใจพี่โอม   จนไม่อยากกลับบ้านไปหาครอบครัว

หรือไม่ก็ อยู่กับครอบครัวไม่มีความสุข  อยู่กับพี่โอมมีความสุขมากกว่า  โดยเฉพาะเรื่อง.....นั้น
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 04-05-2018 22:27:14
ติดตามจ้า  สนุกมาก
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-05-2018 02:43:54
จำได้ แต่คงเป็นบางเรื่อง ยิ่งตอนนี้ติดใจพี่โอม จนไม่อยากจะแยกกัน  :hao3:

ปอลอ   ผู้ใดเอา + เป็ด ไป รบกวนเอามาคืนด้วยจ้า   :m5:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-05-2018 11:54:15
น้องคงจำอะไรได้เยอะแล้วมั้งเนี่ย :hao3:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-06-2018 16:19:31
 :call: :call: :call:

คัมแบ็ค  พลีส
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 27-06-2018 21:21:34
 :haun4:  :haun4:  :jul1:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 29-06-2018 03:56:32
จะดราม่ามั้ยอ้ะถ้าน้องจำได้ ฮือออ พี่โอมคือหื่นเสมอต้นเสมอปลายมากๆ จนตอนนี้น้องหื่นตามไปแล้วเนี่ยย
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 29-06-2018 19:43:25
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 11 รอน้องโตก่อน}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 06-07-2018 21:24:59
ตอนที่ 11 รอน้องโตก่อน


ร่างกายเปลือยเปล่าของเด็กตรงหน้าทำให้ผมถึงกับต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้โอมจะปล่อยเนื้อสวยๆ หวานๆ นี้หลุดรอดมาจนถึงทุกวันนี้ แต่คืนนี้แหละ ไม่พลาดแน่

ผมช้อนมือเข้าไปใต้รักแร้แล้วยกเด็กน้อยขึ้นนั่งบนซิงค์ล้างจาน

แนบหน้าผากกับหน้าผากน้องแล้วยิ้มใส่ดวงตาเขา เกลี่ยปลายจมูกที่แก้มใส ไล้ลงมาตามสันกราม เลียที่ปลายคางอย่างที่เจ้าตัวเล็กก็เงยหน้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้

ปิ๊กวางมือเล็กๆ ลงบนไหล่ของผม ลูบขึ้นมาที่ท้ายทอย กดใบหน้าผมลงบนลำคอของเขา

“อื้อ” เขาร้องเมื่อผมฝังเขี้ยวลงบนลำคอระหง

“เจ็บเหรอครับ” ปิ๊กส่ายหน้าเมื่อผมเงยหน้าขึ้นถาม

“งั้นพี่ทำต่อนะ”

เด็กในอ้อมกอดกดหน้าลงผมจึงตามไปจูบที่ลำคอหอมๆ อีกรอบให้ปิ๊กส่งเสียงครวญครางเร้าอารมณ์ออกมาเป็นระรอก

ผมผละออกเขาก็กดท้ายทอยผมลง ผมรุกเขารับ ผมรับเขารุก ทำซ้ำๆ จนผิวสีน้ำนมถูกแต่งแต้มด้วยร่องรอยสีกุหลาบไปทั่วบริเวณ

ในตอนนี้ร่างกายของปิ๊กก็ไม่ต่างกับผลงานศิลปะชิ้นเอกของผม

ผมผละออก กวาดสายตามองร่างเกือบเปลือยตรงหน้าด้วยสายตาที่บ่งบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าต้องการกลืนกินเขาไปทั้งตัว

เรือนร่างของปิ๊กที่กำลังสะท้านไหวด้วยแรงหอบช่างยั่วยวน

ผมช้อนตัวน้องขึ้นมาในอ้อมกอด

ก้าวขายาวๆ ไปที่กลางห้อง วางน้องลงแล้วดึงเอาที่นอนมาปูลวกๆ ด้วยความร้อนรนที่กำลังลุกไหม้ในหัวใจและร่างกาย

ผมลูบไล้ที่ปลีน่องขาว กดจูบแล้วแลบลิ้นเลียอย่างละเมียดละไม เงยหน้าขึ้นสบตากับปิ๊กบ้างในบางครั้ง

ผมค่อยๆ ชิมน้องอย่างใจเย็นทั้งที่ความเป็นชายร้อนผ่าวจนแทบปริแตก ปิ๊กเองก็มีอาการไม่ต่างกัน

กลางกายเล็กชูชัน ส่วนปลายฉ่ำวาวด้วยน้ำอยากที่เปรอะเปื้อน เห็นอย่างนั้นผมที่แทบจะไม่อยากรอคอยอะไรอีกแล้วจึงใช้ปลายลิ้นเลียตั้งแต่นิ้วหัวแม่เท้า หน้าแข้ง ดูดเม้มที่หัวเข่า ขาอ่อน ลูกบอลที่แสนจะน่ารักน่าชังให้เจ้าของมันส่งเสียงครวญครางแทบขาดใจ

“พี่ขอกินนะครับ” เงยหน้าขึ้นสบตาเด็กน้อย เราจ้องกันขณะที่ผมแลบลิ้นเลียที่ส่วนหัวแดงก่ำ ดูดแรงๆ จนเกิดเสียง

ปิ๊กแหงนเงยใบหน้าร้องคราง แผ่นอกแอ่นขึ้น มือเล็กกำผ้าปูที่นอนจนยับย่น

ผมลูบไล้ที่เรียวขาน้อง พามันขึ้นมาพาดไว้ที่ไหล่ ขณะดูดรีดน้ำหวานรสเด็ดให้หลั่งไหลออกมาให้ดื่มกลิ่น

เสียงผิวเนื้อที่เสียดสีกันในปากยิ่งทำให้ผมตบะแตก

“พี่โอม ปิ๊กไม่ไหว อื้อ ไม่ไหวแล้ว แรงอีก อ๊ะ แรงครับ”

เด็กน้อยครวญครางพลางกดหัวผมให้จมอยู่ที่กลางกายของเขา แต่ผมก็ต้องขัดใจเขาด้วยการถอนปากออก

“พี่โอม ฮือ ใจร้าย” เด็กน้อยตัดพ้อ

“ใจร้ายอะไรกันครับ พี่กำลังจะทำให้ปิ๊กมีความสุขมากกว่าเดิมต่างหาก”

ผมลูบไล้ที่ปลีน้อง แยกหัวเข่าน้องออก แลบลิ้นเลียที่โคนขา สัมผัสช่องทางรักที่ปิดสนิทด้วยนิ้วให้ปิ๊กส่งเสียงครางอู้อี้ในยามที่เจ้าตัวเล็กเอาหลังมือปิดปากไว้

ภาพตรงหน้าทำให้ผมอยากส่งตัวตนเข้าไปภายในช่องทางคับแคบเดี๋ยวนี้ แต่ผมไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น

“เลียครับปิ๊ก” ผมส่งนิ้วชี้กับกลางของมือข้างที่ว่างไปจ่อที่ปากเล็ก ปิ๊กมองมันตาแป๋วแต่ก็ยอมอ้าปาก แลบลิ้นเล็กออกมาเลียนิ้วอย่างที่ผมบอก

น่ารักฉิบหาย

น้องร้องอู้อี้ เสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดมากกว่ารัญจวน ในตอนที่ผมส่งนิ้วกลางฉ่ำน้ำลายเข้าไปก่อน

รัดแน่นมากให้ตายเถอะ

ผมพยายามสร้างความคุ้นเคย เบิกทางด้วยความนุ่นนวลที่สุด ปิ๊กละมือออกจากปากเปร่งเสียงครางออกมา เด็กน้อยจิกผ้าปูที่นอนแน่นในยามที่ผมพยายามส่งนิ้วที่สอง เท้าที่ยันอยู่บนที่นอนจิกเกร็งตอนที่ผมเพิ่มนิ้วไปสาม

น้องร้องอู้วอย่างรัญจวนเมื่อผมเริ่มความนิ้วหาจุดกระสัน

ร่างกายของปิ๊กกระตุกเกร็ง น้ำตาไหลเป็นสาย น้ำลายไหลเลอะขอบปากเมื่อผมเจอจุดกระสันที่เป็นดั่งขุมทรัพย์ของการมีเซ็กส์

ยิ่งผมขยับเข้าออกรัวเร็วน้องก็ยิ่งแสดงสีหน้ารัญจวนจนผมไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

“ปิ๊กครับชอบมั้ย” ผมถอนมันออกเกือบสุดหากน้องก็คว้ามือผมเอาไว้ซะก่อน

“พี่โอมอย่าไป ทำปิ๊ก อ๊า” น้องแลบลิ้นเลียริมฝีปากพลางร้องขอ

ได้ครับ เดี๋ยวพี่ให้ ให้อะไรที่ใหญ่กว่า

“เอาของพี่ดีกว่าเนอะ” ผมก้มลงไปกระซิบที่ใบหูเล็กแล้วเลียก่อนจะสบตากันอย่างสื่อความหมาย

น้องมองตามสายตาผมลงมาที่ท่อนเนื้อที่แข็งตั้งอยู่ระหว่างกาย ผมชักรูดมันขณะสบสายตากับเด็กน้อย ยิ่งมองยิ่งรูดยิ่งกระสัน

“เป็นของพี่นะเด็กดี”

ผมขยับเข้าไปหา ใช้ส่วนหัวลูบไล้ที่ช่องทางซึ่งถูกเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว

“อื้อ เจ็บ พี่โอม มันใหญ่” กดเข้าไปเพียงนิดเด็กน้องใต้ร่างก็ร้องออกมาพลางจิกเล็บที่หัวไหล่

“ทนนะครับ พี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน” ผมบอกชิดเรียวปากเล็กฉ่ำชื้นก่อนแลบลิ้นออกมาให้น้องทำตาม

เราหยอกล้อกันด้วยลิ้นชื้น ปิ๊กดูดลิ้นผมอย่างหิวกระหาย ส่วนผมก็ส่งมือไปลูบไล้ผิวเนียนที่เอวคอด แยกบั้นท้ายกลมกลึงออกก่อนจะกัดฟันกลั้นใจสอดร่างกายอันใหญ่โตเข้าไปทีเดียวจนมิด

ปิ๊กร้องเสียงหลง ผมเองก็เผลอครางออกมาเช่นกัน

น้องกอดผมแน่นขณะที่ผมลูบไล้แผ่นหลังเปลือยอย่างอ่อนโยนในตอนที่ยกร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นมานั่งบนตัก จูบซับที่หน้าผากมน เลียคราบน้ำตาบนแก้ม จูบที่ปลายจมูกแล้วจบที่ริมฝีปาก

ปลอบโยนกันอยู่สักพักทีเดียวกว่าน้องจะผ่อนคลาย

“พี่ขยับนะ” ช่องทางคับแคบที่ผมได้ครอบครองเป็นคนแรกบีบรัดเสียจนกลัวว่าของๆ ผมจะขาดเป็นเสี่ยงๆ

ปิ๊กไม่ได้พยักหน้า ไม่ได้ตอบคำถามผมเป็นคำพูด แต่น้องแทนคำตอบด้วยการโยกร่างบนตัวผม

ให้ตายเถอะ จะยั่วกันไปถึงไหน

ผมผ่อนร่างน้องลงบนฟูกอีกครั้ง ร่างกายของเราประสานกัน ผมเริ่มขยับน้องก็ครางออกมาเสียงเครือ ยิ่งขยับแรงน้องก็ยิ่งร้องดัง ตอนขยับถี่ๆ ในยามกำลังจะถึงฝั่งฝันเสียงน้องก็ทำให้ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

“อ๊ะๆๆๆๆๆๆ” น้องร้องเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมกระแทกสะโพกลงไป ปิ๊กเองก็ดูเหมือนจะรู้งานดันสะโพกขึ้นมารับแรงกระทั้นของผมด้วยเช่นกัน

อู้ว โคตรเสียวเลย นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกถึงเซ็กส์ที่ดีเยี่ยมแบบนี้

ผมดึงตัวตนออกมาในตอนที่กำลังจะถึงจุดสุดยอด ขยับตัวขึ้นไปให้ตัวตนจดจ่อที่ใบหน้าน่ารัก ไม่รู้ว่าปิ๊กเรียนรู้เรื่องนี้มาจากไหน ตอนที่ผมชักรูดตัวตนตรงหน้าเขา อยู่ๆ เด็กน้อยก็แลบลิ้นออกมาเลียที่ส่วนหัวจนผมแตกคาปากของเขา

ให้ตายเถอะว่ะ โคตรอีโรติกเลย

“ปิ๊ก มานี่สิ”

ผมนอนลงบนฟูกข้างกันแล้วเรียกให้ปิ๊กขึ้นมาคร่อมที่หน้า ให้ตัวตนเล็กๆ ที่ปลดปล่อยน้ำรักออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าจดจ่อที่เรียวปาก

เจ้าตัวเล็กซี้ดปาก ยกมือขึ้นมาบีบบี้หน้าอกตัวเองขณะที่ผมรูดรั้งและดูดเลียตัวตนตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย

ไม่นานเลย น้ำรักก็ถูกปลดปล่อย

ไม่พอ แค่นี้ไม่พอหรอก

“ปิ๊กครับ ขออีกนะ ให้พี่เอาปิ๊กอีกนะครับ” ผมแม่งเหมือนตาแก่ตัณหากลับเลยว่ะ ยังไม่ทันที่น้องจะตอบตกลงผมก็จับร่างเล็กให้คลานสี่ขา

ท่านี้แม่งโคตรเอ็กซ์เลย

“อมให้พี่หน่อยสิ” เด็กน้องแลบลิ้นออกมาอย่างน่ารักในตอนที่ผมชักรูดแก่นกายให้แข็งขึ้นมาอีก

ปิ๊กบรรจงเลียให้ผมตั้งแต่ส่วนยอดจรดโคน แถมยังหยอกเย้าที่ลูกบอลของผมอีก

แม่งเอ้ย ไม่ไหวแล้วว่ะ

“อ้าปากครับ” ผมส่งมือไปบีบกรามน้องจนปากเล็กอ้าออกให้ผมส่งตัวตนเข้าไปได้ถนัด “ขอแตกในปากอีกนะ”

ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายอนุญาตเลย ผมก็โยกเอวรัวสะโพกใส่ปากน้องแล้ว ลิ้นเล็กก็แสนจะซุกซน ลูบไล้แก่นกายของผมในปากจนแตก

“อ๊า” ผมครางเสียงพร่าเมื่อถอนตัวตนออก มองภาพเด็กน้อยที่น้ำสีขุ่นไหลย้อยออกจากปากแล้วก็ก้มลงไปจูบแลกลิ้น

“พี่โอมปิ๊กเหนื่อย”

“พี่ยังอยากกอดปิ๊กอยู่เลยครับ” ผมดันร่างน้องไปข้างหน้าให้ยันมือที่ผนัง “ขอพี่อีกนะครับคนเก่ง ตรงนี้” ช่องทางรักของปิ๊กติอดรัดนิ้วของผมตุบๆ

และเมื่อส่งของที่ใหญ่กว่าเข้าไปคนที่ร้องบอกว่าเหนื่อยเมื่อครู่ก็รับมันไปจนหมด

ผมวางมือทาบมือปิ๊กไว้ที่ผนัง ส่วนอีกข้างลูบไล้ที่แผ่นอกน้อง หยอกเย้ายอดอกที่แข็งตึงน่าดูด ขยับสะโพกส่งตัวตนเข้าไปในตัวน้องอย่างกับอดอยากปากแห้ง ปิ๊กเองก็รองรับทุกอารมณ์ของผมได้เป็นอย่างดี

แม้ปากจะบอกว่าเหนื่อยๆ แต่พอผมขอต่อน้องก็ไม่เคยปฏิเสธเลย

กระทั่งน้องหลับตัวตนของผมก็ยังคงขยับขยายอยู่ภายใน

ให้ตายเถอะ น้องแม่งโคตรน่ารักเลย

ค่ำคืนที่แสนเร่าร้อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว กว่าเราจะตื่นขึ้นมาก็สายเกินกว่าจะกินข้าวเช้าแล้ว ผมมองเด็กที่นอนหลับไหลอยู่ข้างกาย พลันภาพเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในหัวเป็นฉากๆ

นานแล้วที่ผมไม่ได้สัมผัสความบริสุทธิ์ ความอ่อนหวาน ความยั่วเย้า ความน่ารักแบบนี้

นานเหลือเกินที่ไม่ได้รักใครจนหมดแรงแบบนี้

ถ้าปิ๊กอยู่กับผมตลอดไปได้ก็คงดี

ผมเอื้อมมือไปลูบเส้นผมของเด็กน้อยอย่างนึกเอ็นดู ก้มลงประทับจูบที่แก้มใสแล้วจึงลุกเข้าห้องน้ำทั้งร่างกายเปลือยเปล่า

เมื่อคืนผมเอาแต่ใจตัวเองและรังแกปิ๊กจนเจ้าตัวหมดแรง ปล่อยให้นอนเยอะๆ หน่อยคงไม่เป็นไรหรอก




✧✧✧




ทั้งวันผมยุ่งอยู่กับการเตรียมของอร่อยและยาต่างๆ ไว้ให้ปิ๊กเผื่อเจ้าตัวอาจจะเจ็บป่วยจากการถูกผมรัก จนบ่ายคล้อยเจ้าตัวเล็กจึงงัวเงียตื่นขึ้นมา

“พี่โอม” เมื่อตื่นก็เรียกหาผมเลย โคตรอยากจะจับปู้ยี่ปู้ยำอีกหลายๆ ครั้ง

“ครับ” ผมขานรับพลางขยับเข้าไปใกล้ “ปิ๊กเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

“เจ็บไปทั้งตัวเลย” เด็กน้อยยู่หน้าน่าสงสาร แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก เพราะตอนอยู่บนเตียงเจ้าตัวอยากทำตัวให้น่าเอ็นดูทำไมเล่า

“ลุกไหวมั้ย”

เด็กน้อยส่ายหน้าแทนคำตอบ “ปิ๊กหิวน้ำอะ”

“งั้นรอเดี๋ยวนะครับ เดี๋ยวพี่ไปรินน้ำมาให้”

แก้วน้ำถูกส่งถึงปาก เจ้าตัวดื่มมันเร็วๆ อย่างคนกระหาย ปล่อยให้หยอดน้ำไหลเลอะขอบปากลงมาที่คอ ช่วงอก ระเรื่อยลงมาในจุดที่ต่ำกว่านั้น ผมมองตาม ลอบกลืนน้ำลายให้กับความไร้เดียงสาที่ยั่วยวนเกินจะห้ามใจไหว

“ปิ๊กครับ” ผมยื่นมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือแก้วไปลูบที่ไหล่เล็กอย่าเผลอไผล เด็กน้อยสะดุ้งกระนั้นก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร

ถ้าไม่เห็นว่าน้องยังเจ็บตัวด้วยเรื่องเมื่อคืนอยู่ล่ะก็ผมไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปแน่

“ลุกขึ้นมาอาบน้ำไหวมั้ย”

“ขยับตัวยังไม่ได้เลย” น่าสงสารจริงๆ ถามว่ารู้สึกผิดมั้ย ก็ไม่นะ เพราะอย่างไรเสียเมื่อคืนเราก็มีความสุขกันทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว

“งั้นเดี๋ยวพี่โอมเช็ดตัวให้นะ”

“ครับ” เด็กน้อยตอบรับอย่างน่ารักให้ผมผละออกไปหาอุปกรณ์มาเช็ดตัวให้

บางทีผมก็รู้สึกว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ทุกครั้งที่ผ้าชื้นๆ ลูบไล้ไปตามผิวเนียนเด็กน้อยตรงหน้าผมก็จะส่งเสียงออกมาเพราะความเย็นที่สัมผัสผิวกาย โดยไม่รู้เลยว่าเสียงนั้นมันกระตุ้นของที่หลับใหลอยู่ระหว่างกายของผม ทั้งความเย็นก็ทำให้ขนอ่อนของน้องลุกขึ้นมาไม่เว้นแม้กระทั่งยอดอกเล็กๆ นั่น

ผมมองมัน เผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยความกระหายอยากอยู่หลายครั้ง ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถทนความต้องการเบื้องล่างไหว

แผล้บ!

อ๊ะ!

ปิ๊กร้องออกมาเมื่อผมก้มหน้าลงไปใกล้อกเขาแล้วเลียยอดอกเล็กๆ นั่นแผ่วเบา

“พี่โอม ไม่เอา ปิ๊กเจ็บ” เด็กน้อยร้องประท้วง มือเล็กสอดเข้าไปในเส้นผม พยายามดึงรั้งให้ผมผละออก และถึงแม้จะเสียดายมากแต่ผมก็ยอมถอย เพราะไม่อยากขืนใจ

“พี่แค่แกล้งเล่นหรอก”

“ตรงนี้มันเจ็บ” ผมหลุบตามองตามก็พบว่าส่วนที่ถูกปดปิดด้วยผ้าชิ้นเล็กขยับขยายขึ้นมาเล็กน้อย

“ให้พี่ช่วยมัน” ผมวนผ้าชื้นๆ บริเวณขาอ่อน ดวงตายังคงจับจ้องส่วนที่กำลังขยับขยายขึ้นอีก “พี่ไม่เข้าไปหรอกครับ นะ ให้พี่ช่วยนะ”

เมื่อถูกผมออดอ้อนเด็กน้อยไร้เดียงสาก็พยักหน้ารับ เพียงเท่านั้นผ้าชื้นๆ กับกะละมังใบเล็กก็ถูกดันออกไปไกล

ผมก้มลงจูบที่ท่อนขาเรียว ระเรื่อยมาตามปลีน่อง ขบเม้มที่ต้นขา และกดจูบลงบนกลางกายเล็กผ่านเนื้อผ้า เงยหน้ามองปิ๊กก็พบว่าเด็กน้อยของผมใช้หลังมือปิดปากตัวเองไว้ซะอย่างนั้น

ไม่น่ารักเลยอะแบบนี้ ผมอยากได้ยินเสียงน้องมากกว่าอีก

ดังนั้นผมจึงถอนปากออก ยืดตัวขึ้นให้ใบหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกันแล้วประทับจูบลงบนมือน้อยๆ นั่น เลียที่ปลายนิ้ว ดูดเบาๆ ให้เกิดเสียงจุ๊บ เพราะเราทำกันตอนสว่างจึงเห็นสีหน้าทรมานของน้องได้ชัดเจนขึ้น

ให้ตายเถอะ ผมจะห้ามใจตัวเองไหวแน่เหรอวะ




✧✧✧





การมีปิ๊กอยู่ข้างๆ เป็นความสุขของผม แต่ไม่รู้เลยว่าความสุขนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่

หลังจากความสัมพันธ์ของผมกับน้องเลยเถิดไปไกล สมุดวาดภาพของปิ๊กก็ไม่มีรูปภาพเพิ่มขึ้นอีก ราวกับน้องจงใจปล่อยมันทิ้งเอาไว้ เพื่อยืดเวลาของเราออกไปอีกหน่อย

แต่สุดท้ายการจากลาก็มาถึง

ในเช้าวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังสวมรองเท้าเพื่อเตรียมตัวออกไปทำงาน เสียงพูดคุยที่หน้าห้องก็ดังเข้ามาให้หยุดมือที่กำลังบบิดลูกบิดประตู

ก๊อกๆๆ

ผมถอยออกมาจากประตู ช่างใจอยู่ว่าควรเปิดประตูดีหรือไม่

“คุณโอมครับ” เสียงผู้หมวดก้องดังขึ้นให้ผมไม่มีทางออกนอกจากเปิดประตู

และเมื่อประตูเปิดออกก็พบกับนายตำรวจเจ้าของเสียงและใครอีกมากมายซึ่งยืนกันอยู่ด้านหลังเขา และหนึ่งในผู้คนเหล่านั้น ผมสบตาเข้ากับผู้หญิงที่เคยเจอกันในซุปเปอร์มาเก็ต

ผมสูดลมหายใจเข้าก่อนจะยิ้มให้ผู้หมวดแล้วเอ่ยถามเหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไร ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

“มีอะไรเหรอครับหมวด มาแต่เช้าเลย”

“น้องปิ๊กอยู่มั้ยครับ” ผู้หมวดมองตามผมเข้าไปในห้องแคบๆ ซึ่งปิ๊กยังคงหลับอยู่ในนั้น

“ยังไม่ตื่นเลยครับ ว่าแต่... ใครเหรอครับ” ผมมองไปยังด้านหลังผู้หมวดพลางถาม เขามองตามแล้วค่อยไขข้อข้องใจของผม

“คุณแม่น้องปิ๊กครับ” คนถูกเอ่ยถึงก้าวเข้ามาหาเรา เธอเป็นหญิงต่างชาติวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานมาก ปิ๊กคงได้ดวงตาสวยๆ และสีผมมาจากคุณแม่แน่ๆ

“คุณโอมใช่มั้ยคะ” ภาษาไทยสำเนียกแปลกๆ ทำให้ผมนิ่งไป ไม่รู้ว่าเธอรู้จักผมได้อย่างไร ผู้หมวดจึงเอ่ย

“ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้คุณแม่น้องปิ๊กฟังหมดแล้วนะครับ”

“ขอบคุณคุณโอมมากเลยนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ ป่านนี้น้องจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” ผมไม่กล้ารับคำขอบคุณ เพราะผมเองก็ไม่ได้ทำดีกับปิ๊กมากนัก ซ้ำยังหาความสุขจากร่างกายของน้องอีกต่างหาก

ผมยิ้ม อย่างไม่รู้ว่าต้องตอบรับเธออย่างไร ด้วยสังคมและสภาพแวดล้อมที่ผมเกิดมาทำให้ทำตัวไม่ค่อยถูกนัก

“ขอฉันเข้าไปหาน้องได้มั้ยคะ” อยากปฏิเสธแต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีสิทธิ์ ผมจึงเบี่ยงตัวหลบให้เธอก้าวเข้าไปในห้องอันแสนจะคับแคบนั้น

ผมมองตาม เห็นเธอนั่งลงข้างฟูกนอนที่ปิ๊กยังคงนอนหลับอยู่ ไม่นานหลังจากมือเรียวข้างหนึ่งลูบไล้ที่แก้มปิ๊กก็ลืมตาขึ้นมา มองจากตรงนี้ผมไม่รู้ว่าน้องทำหน้าแบบไหน แต่ผมกำลังทำหน้าเศร้าแน่นอน เพราะการปรากฏตัวของครอบครัวปิ๊กหมายความว่าถึงเวลาที่เราต้องบอกลาแล้ว

“คุณแม่จะรับน้องกลับไปเลย” ขณะที่ผมกำลังอึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้า ผู้หมวดก็ว่าอย่างนั้นให้ต้องหันไปมองหน้าเขา

ก็ไม่แปลกหรอก เจอกันแล้วก็ต้องพากลับไปน่ะถูกแล้ว

“ช่วงแรกก็คงเหงาหน่อยนะครับคุณโอม”

“ดีแล้วล่ะครับที่ปิ๊กเจอครอบครัวซักที ผู้หมวดมั่นใจแล้วใช่มั้ยครับว่าใช่ครอบครัวปิ๊กจริงๆ”

“เราตรวจสอบกันมาระยะนึงแล้ว”

“งั้นเหรอ ก็ดีครับ ดีแล้ว” ผมบอกตัวเองซ้ำๆ อย่างนั้น หากหัวใจกลับไม่รู้สึกดีด้วยเลยซักนิด

ผมขอตัวออกไปทำงานเพราะทำตัวไม่ค่อยถูกและรู้สึกอึดอัดมาก ผู้หมวดก็ไม่ขัดอะไรเพราะเห็นว่ารบกวนผมมามากแล้ว

ทั้งวันผมทำงานด้วยสติที่ไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวจนหัวหน้าคิดว่าไม่สบายและไล่ให้กลับบ้านมาพักผ่อน ผมพยายามค้านแต่เขาก็ไม่ฟังกันสักนิด

ผมน่ะ ไม่อยากกลับไปที่ห้องนั้นเลย ไม่อยากกลับไปพบกับความว่างเปล่ายามที่ไม่มีปิ๊กอยู่ด้วยกัน แค่คิดก็เหงามากแล้ว

และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อประตูห้องเปิดออก ผมก็พบกับความว่างเปล่า ในห้องนี้ไม่มีปิ๊กอีกต่อไป ห้องแคบๆ นี้เหลือเพียงกลิ่นของความทรงจำและเสื้อผ้าราคาถูกที่ผมเคยซื้อให้เขาเท่านั้น

มันเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายมากที่ผมได้เจอกับน้อง เด็กผู้ชายที่อยู่ในอีกสังคมหนึ่งซึ่งห่างกับผมเหลือเกิน

การได้เจอปิ๊กทำให้ผมได้รับความสุขมากมาย อย่างน้อยเราก็ควรได้บอกลากันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่ตอนนี้ ในขณะที่ปิ๊กจากผมไปแล้ว ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะบอกลาเขาด้วยซ้ำ




✧✧✧





ยามที่เรารู้สึกเหงา เวลามักผ่านไปอย่างเชื่องช้า

ขณะที่ผมกำลังเดินกลับบ้าน ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือผู้หมวดตั้งใจแวะมาเจอกัน แต่ตอนนี้เราก็มานั่งกันอยู่ในร้านกาแฟแล้ว

“น้องปิ๊ก อ่า ไม่สิ ที่จริงปิ๊กชื่อดีนนะครับ ตอนนี้คุณแม่พาน้องกลับแคนาดาไปแล้ว ผมมาอกเผื่อคุณโอมอยากรู้ เผื่อคุณโอมเป็นห่วง”

“ก็ดีแล้วครับ”

“คุณโอเคใช่มั้ย หมายถึงว่า คุณไม่ได้บอกลาน้อง”

“เสียดายครับ แต่ว่า ถ้าบอกก็กลัวจะร้องไห้”

“ผมเข้าใจคุณโอมนะ ช่วงแรกๆ ก็คงเหงาหน่อยครับ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณกับปิ๊กจะทำให้คุณยิ้มได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งทางเราและครอบครัวของปิ๊กต่างก็รู้สึกขอบคุณคุณโอมนะ”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ผมเองก็ไม่ได้ดูแลปิ๊กดีขนาดนั้น”

“อย่างน้อยน้องก็ไม่ต้องนอนข้างถนน ปิ๊กน่ะที่จริงเป็นเด็กดื้อมากนะครับ...”

ผู้หมวดก้องเล่าว่า ระหว่างช่วงปิดเทอม ช่วงที่ครอบครัวบินไปทำงานต่างประเทศ ปิ๊กแอบซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อบินมาเยี่ยมคุณย่าที่ไทยโดยไม่บอกกล่าวใคร ที่จริงการเดินทางลำพังก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่คงเป็นความซวยของน้องเองที่ระหว่างลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากสนามบิน เกิดอยากเดินทางด้วยรถอย่างอื่นที่ไม่ใช่แท็กซี่ จนเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง คนขับรถชนแล้วหนี สถานที่เกิดอุบัติเหตุเป็นที่เปลี่ยวจึงไม่มีใครเห็น และปิ๊กก็ฟื้นขึ้นมาเอง หลังจากนั้นเขาก็คงเดินมาเรื่อยๆ จนเจอผม

ผู้หมวดบอกว่าปิ๊กโชคดีที่เจอผม แต่สำหรับผม ผมไม่แน่ใจเลยว่าการเจอกันของเราเป็นความโชคดีหรือโชคร้ายของน้องกันแน่

ก่อนไป ผู้หมวดทิ้งนามบัตรใบนึงไว้ให้ผม บอกว่าคุณย่าของปิ๊กอยากเจอ พร้อมบอกสถานที่นัดหมาย



สถานที่นัดหมายเป็นโรงแรมหรู ผมทำตัวไม่ค่อยถูกนัก แถมยังสวมชุดวอร์มซึ่งไม่เข้ากับสถานที่ซักนิด

เมื่อมาถึงและบอกชื่อของคุณย่าปิ๊ก พนักงานในชุดที่ดูดีกว่าผมมากก็พาขึ้นลิฟต์มา เมื่อประตูห้องถูกเปิดออก ก็พบกับหญิงสูงอายุซึ่งท่าทางดูใจดีมาก และนั่นทำให้อาการเกร็งสถานที่ของผมทุเลาลง

ผมยกมือไหว้ท่าน และท่านก็ยิ้มรับพลางบอกให้ผมนั่งลง

“คุณโอมใช่มั้ย ตอนนี้ทำอะไรอยู่”

“เอ่อ...” ผมไม่รู้ว่าท่านต้องการอะไร แต่คำทักทายแรกมันดูแปลกๆ นะว่ามั้ย

“เห็นเจ้าตัวแสบบอกว่าคุณอยู่ห้องเช่าทั้งเล็กและแคบ เคยเป็นครูแต่ตอนนี้เป็นเทรนเนอร์อยู่ที่ฟิตเนส ใช่รึเปล่า” ยามที่คนใจดีถามด้วยน้ำเสียงจริงจังมันน่ากลัวมากครับ

เพราะพูดไม่ออกผมจึงพยักหน้ารับแทน

“อยากมาทำงานที่โรงเรียนของฉันมั้ย ตอนนี้ขาดครูพละอยู่ ฉันจะจ้างเธอ ตอบแทนที่ดูแลเจ้าตัวแสบของฉัน” ข้อเสนอทำให้หัวใจของผมเต้นแรง อยากตอบตกลงเดี๋ยวนี้ด้วยซ้ำแต่ก็ยั้งตัวเองเอาไว้ได้ทัน

“ผมไม่ได้เดือนร้อนขนาดนั้นครับ”

“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเธอเดือดร้อน ฉันแค่อยากตอบแทน และถ้าไม่ได้ตอบแทน ฉันคงตายตาไม่หลับ รับไว้เถอะคุณโอม เห็นแก่ผู้หญิงแก่ๆ อย่างฉันก็แล้วกัน”

“แต่มันมากไปนะครับ”

“ไม่มากหรอก ฉันจ้างเธอทำงานนะ ไม่ได้ให้เงินฟรีๆ ฉันมีห้องพักให้ด้วย” คีย์การ์ดและกุญแจถูกคุณเลขาที่ยืนอยู่ข้างๆ ส่งมาวางไว้ตรงหน้าผม

“ผม...” ผมอึกอักมองหน้าท่านกับกุญแจห้องสลับกันไปมาอย่างชั่งใจ

“ห้องที่คอนโดนี้ฉันประกาศขายไปตั้งนานแล้วแต่ไม่มีใครซื้อซักที ทิ้งไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เธอรับไว้ซะ ย้ายเข้าอยู่ได้ตลอดเวลา แล้วพร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่ก็แจ้งเลขาฉันมา”

“คุณนายครับ สิ่งที่คุณนายตอบแทนผมมันมากเกินไปเมื่อเทียบกับความช่วยเหลืออันน้อยนิดที่ผมทำให้น้อง ที่จริงผมก็อยากรับไว้ทั้งหมดนะครับ แต่ก็กระดากอายเหลือเกิน”

“มันไม่น้อยเลยคุณโอม สิ่งที่คุณทำคือการช่วยชีวิต ถ้าเจ้าตัวแสบไม่เจอคุณ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง ความช่วยเหลือที่คุณมองว่ามันเล็กน้อยแต่สำหรับพวกเรามันยิ่งใหญ่มาก สิ่งที่ฉันให้คุณมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ อย่าคิดมากเลย รับไปเถอะ ฉันขอร้อง”

ผมถูกทิ้งเอาไว้ในห้องนั้นกับคีย์การ์ดคอนโด และหลังจากนั่งงงอยู่พักนึง ชื่อคอนโดและหมายเลขห้อง พร้อมด้วยแผนที่ก็ถูกส่งเข้ามา รวมทั้งรายละเอียดเรื่องเข้าไปรายงานตัวที่โรงเรียนในฐานะครูพละคนใหม่ด้วย

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาจนผมตั้งตัวไม่ทันเลย

ประมาณ 1 เดือนหลังจากตัดสินใจรับน้ำใจของคุณย่าปิ๊กไว้ ผมก็ย้ายเข้าคอนโดด้วยสัมภาระที่มีไม่มากนัก

ผมมีบ้านแล้ว มีการงานที่มั่นคง มีทั้งหมดนี้ก็เพราะปิ๊ก สิ่งต่อไปที่อยากมีก็คือมีเขาอยู่ข้างๆ




✧✧✧





วันเวลาผ่านไป

ก็จริงอย่างที่ผู้หมวดเคยบอกว่า ‘เมื่อเวลาผ่านไป ความทรงจำดีๆ ระหว่างคุณกับปิ๊กจะทำให้คุณยิ้มได้’

ทุกครั้งที่กลับมาถึงห้องด้วยความเหนื่อยล้าจากการสู้รบปรบมือกับนักเรียนตัวแสบ แค่ผมนึกถึงปิ๊ก นึกถึงรอยยิ้ม ดูรูปคู่ของเรา ถึงแม้ทั้งหมดนี้จะไม่ทำให้หายเหนื่อยแต่ก็ทำให้ยิ้มได้

“ครูเตะบอลกัน” บอลลูกเล็กๆ กลิ้งมาหยุดที่เท้าในตอนที่ผมเดินผ่านสนามเพื่อกลับบ้านหลังเลิกเรียน

เสียงเจ้านักเรียนตัวแสบทำให้ต้องหันไปมอง

“ไม่ล่ะ ครูจะกลับบ้านแล้ว พวกเธอล่ะไม่กลับบ้านรึไง”

“ต้องไปเรียนพิเศษต่อครับ” เป็นแค่เด็กประถมแท้ๆ จำเป็นต้องเรียนหนักขนาดนี้เชียวหรือ

ผมเตะบอลกลับไปให้ลูกศิษย์ก่อนบอกลา

คอนโดที่ได้รับมาจากคุณย่าของปิ๊กตั้งอยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากๆ นั่นทำให้ผมเดินทางมาทำงานอย่างสะดวกสบาย น่าแปลกใจที่คอนโดหรูขนาดนี้จะขายไม่ออก จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เชื่อนะ ตอนนั้นท่านก็คงแค่พูดไปอย่างนั้นเพื่อให้ผมยอมรับน้ำใจเท่านั้นเอง

ปี๊นๆๆ

ขณะที่สองเท้ากำลังย่ำไปตามฟุตบาธเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟฟ้า เสียงแตรรถก็ดังขึ้นด้านหลังให้ผมหยุดเดินแล้วหันไปมา จังหวะเดียวกับที่เจ้าของรถคันสวยจอดลงข้างๆ พร้อมกับกระจกฝั่งตรงข้ามคนขับที่ถูกลดลง

เมื่อสบสายตากับเข้าดวงตาคู่สวยที่คุ้นเคยผมจึงยิ้มให้เขา

ไอซ์

“ไม่ได้เจอกันนานเลย”

“ขึ้นรถสิ” ผมลังเลแต่ก็ยอมขึ้นรถมากับเขาง่ายๆ ไอซ์ไม่พูดไม่จาไม่พูดพร่ำทำเพลง หากเขาเลือกที่จะออกรถไปอย่างเร็วแต่เพราะการจราจรในกรุงเทพทำให้เราไปได้ไม่ไกลจากจุดเมื่อกี้มากนัก

“เซ็งเลย ถนนในกรุงเทพแม่งน่าเบื่อเนอะ”

“อือ แล้วนี่แค่บังเอิญมาเจอโอมเหรอ”

“เมื่อวานไอซ์เข้าไปที่ฟิตเนสมา”

“อ๋อ แล้วมาหาโอมมีอะไรรึเปล่า”

“เหงา” ตั้งแต่เลิกทำงานที่ฟิตเนสผมก็ไม่ได้ติดต่อกับไอซ์อีก ไม่ได้ข่าวคราวกันและกันเลยด้วยซ้ำ การเจอกันอีกครั้งของเราจึงทำให้ผมค่อนข้างตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย

ที่จริง หลังจากแยกกับปิ๊กผมก็ไม่ได้มีเซ็กส์กับใครเลยด้วยซ้ำ

“ไปห้องไอซ์มั้ย”

“แฟนล่ะ”

“เลิกแล้ว”

“จริงดิ ทำไมล่ะ”

“หลายเรื่อง ก็ไม่รู้จะทนทำไมก็เลยเลิก”

“เพิ่งเลิกล่ะสิ ถึงมาหาโอม”

“แสนรู้นะครับ” ไอซ์หันมายิ้มก่อนจะกลับไปมองสัญญาณไฟจราจรที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว “แล้วยังไงอะ ไปห้องไอซ์ได้มั้ย”

“ได้สิ”

“แล้วน้องชายล่ะ”

“ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”

“ใจเย็นนะ รอน้องโตก่อน” ไอซ์พูดเหมือนรู้อะไร แต่ผมก็ไม่ได้สนใจจะถามต่อ

สำหรับผมกับปิ๊กไม่รู้อนาคตในตอนที่น้องโตแล้ว พวกเราจะยังมีโอกาสได้เจอกันอีกมั้ย ถึงแม้จะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่อย่างน้อยผมก็อยากเจอเขาซักครั้ง



[TBC]


หายไปนานมาก ลืมกันไปแล้วรึยัง
อย่าเพิ่งลืมกันได้มั้ย
กลับมาคราวนี้ มาพร้อมดราม่า แต่นิดเดียวแหละ ฝากติดตามความบาปของพี่โอมต่อไปด้วยนะคะ
 :katai5: :katai5:


หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-07-2018 21:54:10
พาไอซ์ขึ้นคอนโด ถ้าปิ๊กรู้นะ พี่โอมตายแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 10 เด็กมั่นยั่ว}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-07-2018 22:30:39
 :pig4: :pig4: :pig4:

คุกคุกคุก 

คือเสียงไอชนิดหนึ่ง
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 12 เปิดกล้องคุยกัน}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 16-08-2018 20:23:27
ตอนที่ 12 เปิดกล้องคุยกัน



หลังจากกลับมาเจอกันอีกครั้ง และต่างคนต่างเหงา จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกเราจะหักห้ามใจ ถึงแม้จะอยู่ในสถานะไม่ชัดเจนแต่พวกเราก็มีความสุขกับสิ่งที่กำลังดำเนินไป

ไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน หากเจอคนที่คิดว่าอยากจะรักจริงๆ ในซักวันนึง พวกเราก็พร้อมที่จะอวยพรอีกฝ่าย

แต่ถ้าบอกว่าไม่ผูกพันเลยก็คงไม่ถูกต้องนัก

“วันนี้ไม่กลับเหรอ” กลางดึกหลังจากความเร่าร้อนบนเตียงของเราจบลง ไอซ์ในสภาพกึ่งเปลือยก็ขยับเข้ามานอนหนุนอกผม พลางช้อนสายตามองเมื่อถาม

“พรุ่งนี้วันเสาร์ไง อยากให้กลับเหรอ”

“อยู่คนเดียวแล้วเหงารึไง”

“ก็ไม่นะ ปกติก็อยู่คนเดียว”

“โกหก โอมโคตรขี้เหงาเลย ขี้เหงากว่าไอซ์อีก”

“รู้ดี”

“รู้ดีพอๆ กับที่ว่าทำยังไงโอมถึงจะมีความสุขนั่นแหละ”

“คนเก่ง ไหนบอกซิว่าทำยังไงโอมถึงจะมีความสุข”

“ไม่เอาอะ เหนื่อยแล้ว โอมน่ะทำแรง”

“ไม่ใช่คุณเหรอที่บอกให้ผมทำแรงๆ”

ถึงจะบอกว่าไม่เอาแต่เขาก็อ้อนผมทั้งคืน กระนั้นการได้กอดไอซ์ก็ไม่เคยทำให้ผมลืมปิ๊กได้เลย ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน บางทีเวลาอาจจะไม่สามารถช่วยเยียวยาผมได้








✧✧✧









ช่วงปลายเดือนธันวาคม อยู่ๆ อากาศในกรุงเทพมหานครก็หนาวขึ้นมา

ผมทิ้งตัวลงบนเตียงในช่วงบ่ายวันเสาร์ คิดว่าจะนอนเล่นซักพักก่อนออกไปฟิตเนส มือถือเครื่องใหม่ที่ไอซ์ช่วยเลือกให้ถูกถือเอาไว้ในด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาของผมมีกระดาษโน้ตใบเล็กๆ ที่ได้มาจากผู้หมวดตอนเราเจอกันล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้

ข้อความในกระดาษใบนี้จะทำให้ผมหายคิดถึงปิ๊กหรือคิดถึงเขามากกว่าเดิมก็ไม่รู้

ชั่งใจอยู่นาน สุดท้ายผมก็ตัดสินใจกดเข้าไปในแอพเฟซบุ๊ก พิมพ์ชื่อในกระดาษลงในช่องค้นหาด้วยใจสั่นระรัว ไม่นานรูปโปรไฟล์ที่ปรากฏรอยยิ้มสดใสก็แสดงที่หน้าจอ

ผมคิดว่าหัวใจของผมอาจจะหยุดเต้น ทุกความรู้สึกมันอัดแน่นอยู่ในอกนี้ เพียงได้เห็นหน้าปิ๊กอีกครั้ง

ลองกดเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์ แต่ก็ต้องพบกับว่าผิดหวังเมื่อน้องตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเอาไว้

ชั่งใจอยู่อีกนานพอสมควรผมจึงส่งคำขอเป็นเพื่อน

กดเสร็จก็ถึงเวลาที่ต้องไปฟิตเนสพอดี แต่เชื่อเถอะว่าตลอดเวลาหลายชั่วโมงกับเครื่องออกกำลังกายเหล่านี้ ผมไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับมันเลยซักนิด

“วันนั้นผู้หมวดให้อะไรโอมมาเหรอ” ไอซ์ที่วันนี้ขอมาออกกำลังกายด้วยกันนั่งลงข้างๆ พลางถาม

“ทำไมเหรอ อยากใส่ใจหรือไง”

“ก็ใช่แหละ แต่ไอซ์สังเกตโอมมาซักพักแล้ว ตั้งแต่ได้กระดาษนั่นมาเธอก็ดูเหม่อๆ แต่ถ้าไม่สะดวกใจที่จะบอกก็ไม่เป็นไรนะ”

“ไม่สะดวก”

“ก็ไม่ว่ากัน เออนี่ มีคนมาจีบแหละ”

“นี่คือจะอวดหรืออะไร”

“เปล่าๆ แค่จะบอกว่าเค้าก็ดีนะ แต่ไอซ์ยังไม่อยากเปิดใจให้ใคร”

“ดีในแง่ไหน”

“ก็ตรงไปตรงมาดี ชอบก็เข้ามาบอกว่าจะจีบ ตรงจนตกใจเลยล่ะ”

“แล้วไม่ชอบเหรอ”

“ไม่นะ”

“ถ้าไอซ์ไม่คิดอะไร ไอซ์คงไม่มาเล่าให้โอมฟังหรอก ลังเลใช่มั้ย”

“เปล่า”

“ยังไม่ต้องรีบตอบก็ได้ ไปลองทบทวนความรู้สึกตัวเองก่อน ไอซ์ไม่จำเป็นต้องกลับมาตอบโอม แค่ตอบตัวเองให้ได้ก็พอว่าทำไมถึงยังไม่กล้ายอมเปิดใจซักที”

ผมบอกไอซ์อย่างนั้น ปล่อยให้เจ้าตัวคิดทบทวนเรื่องของตัวเองเงียๆ ก่อนจะเดินออกจากฟิตเนสมา ผมไม่ได้ชวนไอซ์ขึ้นมาบนห้อง ที่จริงผมไม่เคยให้ใครเข้ามาในห้องส่วนตัวเลยซักครั้ง








✧✧✧











กว่าจะได้จับโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่อีกครั้งก็หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วนั่นแหละ

ผมที่ยังไม่ทันได้แต่งตัวหลังจากออกจากห้องน้ำหยิบมือถือขึ้นมาดูด้วยหัวใจที่สั่นระรัวเมื่อพบว่าสัญญาณไฟแจ้งเตือนเล็กๆ กำลังกระพริบอยู่ และเมื่อปลดล็อกก็พบว่าปิ๊กรับผมเป็นเพื่อนแล้ว และเขาก็ทักทายผมมาในอินบ็อกซ์ด้วย

เพียงแค่น้องส่งคำว่า ‘พี่โอม’ มา ก็เหมือนกับได้ยินเสียงน้องดังจากที่ไหนซักแห่ง

‘เปิดกล้องคุยกัน’

ผมอยากทำตามที่น้องขอเดี๋ยวนี้ แต่ผมเปิดกล้องไม่เป็น

‘เปิดกล้องยังไงอะ’

‘พี่โอม!!!!’ เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะของน้องผ่านตัวอักษรเหล่านั้นมา และหลังจากนั้นปิ๊กก็สอนผมเปิดกล้อง มันเหมือนจะไม่ยากนะ แต่สำหรับคนโลวเทคโนโลยีอย่างผมมันไม่ง่ายเลย

และเมื่อเปิดกล้องได้ ผมก็เห็นหน้าปิ๊กชัดๆ

เด็กน้อยของผม พวกเราไม่เจอกันไม่ทันถึงครึ่งปี แต่ปิ๊กที่อยู่ตรงหน้ากลับดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลย

“พี่โอม” น้ำเสียงออดอ้อนที่คุ้นเคยดังผ่านสัญญาณความคิดถึงมาให้ผมน้ำตารื้น อยากร้องไห้เดี๋ยวนี้แต่ก็ต้องฝืนส่งยิ้มให้น้องไป

“ปิ๊กสบายดีมั้ย”

“คิดถึงพี่โอม แต่ ไม่คิดถึงดีกว่า พี่โอมใจร้ายมาก มากที่สุดเลย” น้ำเสียงเล็กๆ ติดงอนนั่นไม่จริงจังนัก ถึงกระนั้นผมก็ตระหนักดีกว่าผมใจร้ายมากจริงๆ

ไม่หรอก ผมไม่ใช่คนใจร้ายธรรมดา แต่เป็นคนใจร้ายที่ขี้ขลาดมากๆ ต่างหาก

“จะไม่ขอโทษปิ๊กซักคำเลย”

“โกรธพี่มากมั้ยครับ”

“ไม่เท่าคิดถึงหรอก นี่ฝากเฟซบุ๊กผู้หมวดไปตั้งนานแล้วทำไมถึงเพิ่งแอดมา”

“เพิ่งสมัครเฟซบุ๊กครับ” น้องหัวเราะก๊ากก่อนจะจ้องหน้าผมนิ่งๆ พลางมุ่นคิ้วสงสัย

“ทำไมแต่งตัวแบบนั้น ทำอะไรอยู่ครับ” ผมมองต่ำลงตามสายตาของน้องที่มองมา ใช่ว่ะ ลืมไปเลยว่าตอนนี้นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว

“เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดี๋ยวพี่ขอแต่งตัวก่อนได้มั้ย”

“ไม่ต้องหรอก ปิ๊กอยากดู”

“เด็กแก่แดด”

“คิดถึงพี่โอมมากเลย” สายตาออดอ้อนทำใจผมอ่อนยวบ

“คิดถึงปิ๊กเหมือนกันครับ”

“ไม่เชื่อ”

“แล้วทำยังไงถึงจะเชื่อ”

“อยากกัดพี่โอมว่ะ”

“พูดไม่เพราะ”

“อยากกัดพี่โอมจังเลยครับ” น้องว่าเสียงใสเหมือนรอยยิ้ม “พอใจรึยังครับ”

เห็นอย่างนั้นแล้ว ผมอยากดึงน้องเข้ามากอดแน่นๆ ซักที แต่ถึงแม้เทคโนโลยีนี้จะเห็นหน้าแต่ก็สัมผัสไม่ได้อยู่ดี และยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งคิดถึง

“แล้วปิ๊กอยากกัดตรงไหน”

“แขน” บอกพลางมองมาที่ต้นแขนของผม

“ตรงไหนอีก”

“พี่โอมอยากให้กัดตรงไหน”

“ค...”

“คอ” น้องเอ่ยก่อนที่ผมจะพูดจบ และน้องก็เดาถูกซะด้วยสิ ผมอยากให้ปิ๊กฝังเขี้ยวลงบนลำคอของผม อยากให้เขาประทับร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้

ปิ๊กเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟังมากมาย ทุกเรื่องเล่าเต็มไปด้วยรอยยิ้มและนั่นทำให้ผมมีความสุขมาก เป็นความสุขที่ไม่ได้สัมผัสมานานเหลือเกิน

ตอนนี้คงไม่แปลกถ้าผมจะบอกว่าปิ๊กคือความสุขของผม

“พี่โอมเล่าเรื่องของพี่โอมให้ปิ๊กฟังบ้างสิ” พอเล่าเรื่องตัวเองจบก็วกเข้ามาเรื่องของผม แสดงถึงความใส่ใจมากมายจนปิดไม่มิด

“ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”

“น่าสนสิ สำหรับปิ๊กเรื่องของพี่โอมน่าสนใจทุกเรื่องเลยนะ”

“เอาไว้กลับมาเจอกันแล้วเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”

“เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย” ปิ๊กมุ่นคิ้วคิดหนัก นั่นสินะ เมื่อไหร่เราจะได้เจอกัน “เพราะปิ๊กหนีเที่ยวจนเกิดเรื่องหม่ามี๊ก็เลยกักบริเวณ ห้ามออกนอกประเทศจนกว่าจะอายุ 18 โคตรเซ็งเลยอะ”

ได้ยินอย่างนั้นผมเองก็ช็อค

ตอนนี้ปิ๊กอายุ 16 ถ้าอย่างนั้นก็เท่ากับว่าอีกตั้ง 2 ปีกว่าเราจะได้เจอกัน

“อยากให้พี่โอมมาหาปิ๊กจัง” ปิ๊กทำหน้าอ้อนเมื่อเอ่ย

บังเอิญชะมัดที่เรากำลังคิดอย่างเดียวกัน ด้วยสถานะของผมและเงินเดือนตอนนี้ มันก็พอมีทางเป็นไปได้ แต่ผมน่ะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยน่ะสิ แย่จัง

“ทำไมทำหน้างั้นอะ ไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบินเหรอ ยืมปิ๊กก่อนมั้ย”

“เห็นพี่เป็นคนจนขนาดนั้นเชียว”

“จนสิ หรือไม่จริง” น้องก็ช่างปากตรงกับใจอย่างไม่น่าให้อภัย แต่ก็ต้องยอมรับว่าผมเคยอยู่ในฐานะยากจนจริงๆ จนเจอปิ๊กนั่นแหละถึงลืมตาอ้าปากได้

จะว่าไปการได้เจอปิ๊กนี่มันยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 ซะอีก หากพอคิดว่าตัวเองลืมตาอ้าปากได้เพราะน้องก็รู้สึกเสียศักดิ์ศรีอย่างไรก็ไม่รู้

“ทำไมเงียบไปอะ ปิ๊กขอโทษนะ”

“ขอโทษทำไม”

“ปิ๊กพูดไม่ดีใช่มั้ย”

“เปล่าครับ”

“เอาไว้เจอกันแล้วปิ๊กจะขอโทษนะ”

“ขอโทษไปแล้วไงเมื่อกี้”

“ไม่ใช่สิ ขอโทษที่มากกว่าขอโทษอะ” ไม่ได้เจอกันไม่กี่เดือน ดูเหมือนว่าปิ๊กจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลย คำพูดคำจาส่อไปเรื่องอย่างว่าเสียจนผมเองก็แอบคิดตามไปด้วยเหมือนกัน

“พี่จะตั้งใจทำงานเก็บเงินนะ”

น้องหัวเราะคิกคักและเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อยจนปิ๊กฟุบหลับไปหน้าคอมพ์

โซเชียลมีเดียร์ทำให้ผมไม่เหงาอีกต่อไป ปิ๊กวิดีโอคอลมาคุยด้วยบ่อยเสียจนลืมไปแล้วว่าเราอยู่คนละซีกโลก ถึงแม้จะสัมผัสไม่ได้แต่ก็อุ่นใจมากอย่างเหลือเชื่อ

จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี

หลังจากกลับมาคุยกับปิ๊ก ผมกับไอซ์ก็ห่างๆ กันไป โทรคุยกันครั้งล่าสุดได้ข่าวว่าไอซ์กำลังเปิดใจให้กับคนใหม่ ผมยินดีกับเขาอย่างที่เราเคยให้สัญญาต่อกันไว้ ไอซ์เองเมื่อรู้ว่าผมกำลังสนุกกับการวิดีโอคอลคุยกับปิ๊กก็แซ็วผมเรื่อย แต่ทั้งหมดนั้นก็เต็มไปด้วยความหวังดี

ระหว่างเราถึงแม้จะเริ่มต้นด้วยการเป็นเซ็กเฟรนด์ แต่อย่างน้อยสถานะตอนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าเดิม เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้อย่างน่าเหลือเชื่อเชียวล่ะ








✧✧✧











“โค้ช” หลังจากสอนที่โรงเรียนของคุณย่าปิ๊กมาเป็นเวลา 1 ปี ผมก็ถูกทาบทามให้มาเป็นโค้ชฟุตบอลของชมรมฟุตบอล เห็นอย่างนี้ครั้งนึงตอนเป็นเด็กผมเคยฝันนะว่าจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพในซักวัน แต่เพราะความยากจนทำให้ไปไม่ถึงฝัน

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน กลับบ้านไปทำการบ้านเถอะเด็กๆ”

“โหย โค้ช อะไรอะ ยังอยากเล่นต่ออยู่เลย” เด็กๆ พวกนี้พลังเยอะมาก แต่ว่านะ ทำหน้างอแงใส่ก็ไม่ยอมใจอ่อนหรอก

“กลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวผู้ปกครองเธอก็โทรมาโวยโค้ชอีก ไหนจะครูคณิตศาสตร์อีกล่ะ ไม่ไหวหรอกนะ”

“ช่างสิ”

“ใช่สิ เธอไม่โดนด่านี่นา” ถึงจะเป็นโค้ชแต่ก็ใช่ว่าจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้เต็มร้อยหรอก เด็กๆ ยังต้องเรียนหนังสือ ต้องทำการบ้าน ต้องเรียนพิเศษ แม้อยากให้ซ้อมกันอย่างเต็มที่ก็ทำไม่ได้

ผมเคยให้เด็กๆ ซ้อมหนักในช่วงแรกที่เข้ามารับหน้าที่โค้ช เพราะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับปัจจัยต่างๆ มากนัก กลายเป็นว่าหลังจากซ้อมกันได้ประมาณ 1 สัปดาห์ทั้งครูฝ่ายวิชาการ ทั้งผู้ปกครองเด็กๆ โทรมาตำหนิผมจนสายโทรศัพท์แทบไหม้ทีเดียว

เจ็บแล้วก็ต้องจำครับ หลังๆ ก็เลยให้เด็กๆ อยู่ซ้อมกันถึงเย็นๆ แล้วบังคับกลับบ้าน

ผมเองก็จะได้กลับไปคุยกับปิ๊กเหมือนกัน








✧✧✧











ประเทศไทยทุ่มนึงแล้ว ที่แคนาดาที่เวลาต่างกัน 12 ชั่วโมงก็คงเป็นเวลา 7 โมงเช้า

ปิ๊กเคยบ่นว่าเพราะอยากคุยกับผมมาก ทำให้เขากลายเป็นคนตื่นเช้าไปโดยปริยาย วันนี้ก็เช่นกัน เด็กน้อยที่ปรากฏตรงหน้าผมอยู่ในสภาพเพิ่งตื่น มือเรียวล้วงเข้าไปในเสื้อยืดเพื่อเกาพุงตัวเอง

เขาคงไม่รู้หรอกว่าท่าทางแบบนั้นก็เซ็กซี่ไปอีกแบบ

“พี่โอมเพิ่งกลับเหรอ กินข้าวยังอะ”

“เดี๋ยวส่งปิ๊กไปเรียนเสร็จแล้วค่อยไปหาอะไรกิน”

“ยังไม่ได้อาบน้ำด้วยล่ะสิ”

“ตัวเหม็นเหงื่อมากเลย” ผมถอดเสื้อวอร์มออกให้เหลือเพียงเสื้อกล้ามพอดีตัว สายตาที่ปิ๊กใช้สำรวจผมทำให้ร่างกายวูบวาบไปหมด

ถ้าหากได้ทำมากกว่ามองและคุยกันก็คงดี

“พี่โอมเมื่อคืนตอนเล่นอินเตอร์เน็ตปิ๊กเจออะไรเจ๋งๆ ด้วยแหละ”

“อะไรครับ”

“เซ็กส์โฟน เรามาลองเล่นกันมั้ย” ที่จริงผมเองก็อยากลอง เคยคิดจะชวนน้องหลายครั้งแล้วด้วยซ้ำแต่ก็ไม่กล้า และแน่นอนว่าเมื่อน้องชวนแบบนี้ผมไม่มีทางปฏิเสธหรอก

“ทำยังไงครับ”

“ปิ๊กมีเวลาไม่มากนะ” น้องบอกพลางเหลือบมองไปยังประตูห้อง

“จริงจังป่ะครับเนี่ย”

“จริงจังสิ ตรงนี้มันตั้งแล้วอะ” น้องหลุบตามองต่ำพลางกดกล้องให้ต่ำลงตามสายตาด้วย และผมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าภายใต้เสื้อตัวโคร่งที่น้องสวมอยู่มีเพียงกางเกงชั้นในสีขาว เผยท่อนขาเรียวที่ทำให้ผมหายใจติดขัดเมื่อได้มอง

ให้ตายเถอะไอ้โอม

คงเพราะนานแล้วที่ไม่ได้ทำแบบนี้กับใครซักคน เพียงแค่น้องเลิกชายเสื้อขึ้นสูงจนถึงเอวให้เห็นว่าเด็กตัวน้อยๆ ที่ซ่อนอยู่ในกางเกงชั้นในกำลังขยับขยายเพราะตื่นตัว ของผมที่อยู่ในกางเกงก็ปวดร้าวตามไปด้วยแล้ว

“พี่โอมเร็วเข้าปิ๊กต้องไปโรงเรียน” เสียงน้องดังมาให้ตื่นจากภวังค์

ผมค่อนข้างมั่นใจมากเชียวล่ะว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่เอาเข้าจริงพอน้องชวนเล่นเซ็กส์โฟนผมกลับไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน

และคงเพราะผมเอาแต่นั่งนิ่งๆ ไม่ยอมทำอะไรซักทีปิ๊กจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“อยากดูของพี่โอมอะ เอาออกมาหน่อยสิ” ผมเหมือนกำลังต้องมนต์ พอน้องบอกให้เอาออกมาผมก็ล้วงมันอออกมาจากกางเกง ลูบคลำมันจนตื่นตัวเต็มที่ ขณะจ้องมองปิ๊กที่มองผมตาแป๋ว

ริมฝีปากอิ่มอ้าเผยอ ดวงตาเป็นประกายจับจ้องที่มือของผม และนั่นก็ทำให้อารมณ์ของผมพุ่งสูงขึ้นเหมือนกับน้ำเหนียวเหนอะที่กำลังปริ่มที่ส่วนปลาย

“ปิ๊ก” เสียงเรียกกลายเป็นเสียงคราง

ผมเห็นปิ๊กยิ้มพอใจก่อนเจ้าตัวจะถอดเสื้อกับกางเกงชั้นในออกจนร่างกายเปลือยเปล่า มือเล็กๆ ลูบไล้ที่ร่างกายตัวเอง หยอกเล่นกับยอดอกจนมันชูชันขึ้นมา

อยากเลียจัง

แค่คิดคอและริมฝีปากก็แห้งผากจนต้องแลบลิ้นเลียให้มันชื้น

อืม ให้ตายเถอะ อยากเข้าไปในตัวปิ๊กจัง

“ของพี่โอมใหญ่ขึ้นรึเปล่า” เก้าอี้ที่ปิ๊กนั่งอยู่ถูกเลื่อนออกไปให้ผมสามารถเห็นน้องได้ทั้งตัว หลังจากนั้นผมเองก็ทำตามเหมือนกัน

เสื้อผ้าถูกถอดออกจากร่างกายของผมให้เราอยู่ในสภาพเดียวกัน

“พี่โอม ตรงนี้ของปิ๊ก” นิ้วเรียวลูบไล้ไปตามความยาวของท่อนกายที่เหมือนจะเติบโตขึ้นกว่าปีที่แล้วมาก ปิ๊กไล้มันจากปลายไปที่โคน แล้วเลื่อนต่ำลงไปที่ช่องทางเร้นลับให้ผมยิ่งขยับมือที่กำลังรูดรั้งท่อนกายตัวเองเร็วขึ้น

“อยากเข้าไปในตัวปิ๊กจังเลยครับ”

“เข้ามาสิครับ อื้ม” ปิ๊กครางออกมาอย่างสุขสมเมื่อนิ้วหนึ่งถูกส่งเข้าไป “เจ็บจัง”

ถึงจะบอกว่าเจ็บแต่ก็ยังคงเล่นกับตรงนั้นจนเสียงเล็กๆ เปลี่ยนเป็นเสียงคราง

“ปิ๊ก อื้อ ดี ตอดพี่อีกสิครับ อื้ม”

ผมโคตรอิจฉานิ้วปิ๊กเลยว่ะ ตรงนั้นต้องเป็นของผมสิ ต้องเป็นของผมเท่านั้น

“ไม่ไหวแล้วอะพี่โอม ทำแรงๆ อีกสิ” ขาเรียวถูกกางออกอีก ให้ผมมองเห็นจุดเร้นลับที่กำลังกลืนกินนิ้วเล็กๆ ได้เต็มตายิ่งขึ้น และเมื่อน้องบอกให้เร็วผมก็สาวกายให้เร็วเป็นจังหวะเดียวกับน้องที่กำลังปรนเปรอตัวเอง

“อื้อปิ๊ก พี่จะไม่ไหวแล้ว อื้ม” จบประโยคน้ำสีขุ่นก็ถูกปลดปล่อยออกมา ทว่าตัวตนของผมกลับยังไม่ยอมอ่อนตัวลงเลย ปิ๊กเองก็ไม่มีทางทีว่าจะเสร็จง่ายๆ เหมือนกัน

“อือ พี่โอม อยากได้ อยากได้ของพี่โอมจัง” ดวงตาฉ่ำน้ำจ้องมองตัวตนของผมด้วยความเสน่หา ลิ้นชื้นถูกส่งออกมาเหมือนต้องการจะกลืนกินของผม

“ส่งนิ้วเข้าไปอีกสิครับ แค่นิ้วเดียวมันจะช่วยอะไร” ผมบอกพลางยื่นมือเข้าไปใกล้ๆ กล้อง

ปิ๊กตวัดลิ้นเหมือนกำลังเลียนิ้วผม สีหน้าน้องโคตรเร้าอารมณ์จนผมต้องยื่นมือไปลูบไล้แก่นกายของตัวเองอีก

“ปิ๊กครับ ตอดพี่แน่นอีกสิ ขยับสะโพกหน่อยคนดี”

น้องขยับสะโพกตามคำสั่ง นิ้วที่กำลังถูกกลืนกินก็ขยับเข้าออกเร็วขึ้น เสียงครางของปิ๊กดังถี่ๆ ประสานไปกับเสียงของผม

“เร็วอีก เร็วกว่านี้ พี่ อื้อ พี่จะแตกแล้ว ให้พี่แตกใส่ที่ไหนดีครับ”

“ปาก” ตอบผมด้วยเสียงอักแหบพร่า และเมื่อน้องบอกอย่างนั้นผมก็ลุกขึ้น เดินเข้าไปใกล้ๆ กล้อง ขณะชักรูดแก่นกายเร็วๆ กระทั่งปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

น้ำสีขุ่นเปรอเปื้อนหน้าจอโน๊ตบุ๊ก

เมื่อผมขยับออกมานั่งบนเก้าอี้ก็พบว่าปิ๊กเองก็เสร็จแล้วเหมือนกัน เสร็จโดยที่ไม่ได้ยุ่งกับแก่นกายเลยด้วยซ้ำ

“เก่งมากครับคนดี” พอถูกผมชมก็ยิ้มอาย

เรามองกันนิ่งๆ ในสภาพที่ชวนให้ตบะแตก

พอได้สำรวจร่างกายเปลือยเปล่าของปิ๊กแล้วก็พบว่านอกจากน้องจะโตขึ้นแล้วยังดูเย้ายวนมากขึ้นด้วย คงเพราะผมชอบน้องมากล่ะมั้งก็เลยคิดแต่เรื่องแบบนี้

เซ็กส์โฟนครั้งแรกของเราทำให้ผมนึกถึงครั้งต่อๆ ไปตลอดเวลา อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีเวลามากกว่านี้ต้องสนุกมากแน่ๆ เลย








✧✧✧











“โค้ชไปทำอะไรมา” ขณะกำลังช่วยเด็กๆ เก็บบอลหลังเลิกซ้อมนั่น อยู่ๆ เจ้าแชมป์ซึ่งเป็นกัปตันทีมก็เอ่ยถามให้ผมหยุดมือแล้วเงยหน้ามอง

“ทำไม”

“หน้าตาดูมีความสุข”

“แล้วโค้ชมีความสุขไม่ได้เหรอ”

“มีความรักแน่เลย”

“แก่แดดนะเรา”

“ตอนมีความรักหัวใจเต้นแรงมากเลยใช่มั้ยล่ะ” แชมป์ว่าพลางยกมือขึ้นมากุมหัวใจ

“รู้ได้ยังไงเคยมีความรักเหรอ”

“หล่อขนาดนี้ก็ต้องเคยมีอยู่แล้วสิ”

“พูดจาไม่มีหางเสียงอีกแล้ว บอกตั้งหลายทีแล้วไม่ใช่เหรอว่าพูดกับผู้ใหญ่ต้องพูดยังไง” ถึงแม้จะเกิดมากับฐานะร่ำรวยแต่มารยาทของเด็กในทีมผมก็ไม่ค่อยดีนักหรอก คิดในแง่นึงอาจเพราะเจ้าพวกนี้ยังเด็กอยู่ล่ะมั้ง คงต้องรอให้โตกว่านี้คงได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น

“ไม่ต้องนอกเรื่องเลยครับโค้ช สรุปว่ามีแฟนจริงป่ะ”

“ไม่ยุ่งเรื่องของผู้ใหญ่สิ”

“ใช่พี่ผู้ชายที่เคยมารับโค้ชหลังเลิกเรียนป่ะ” ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุและดูเหมือนว่าแชมป์จะไม่ยอมหยุดซักผมง่ายๆ ซะด้วย เอาแต่ใจชะมัด

คนที่มารับผมตามที่เจ้าตัวว่าก็คือไอซ์แต่ก็นานมากแล้วที่เขาไม่มา

“ไม่ใช่” ดังนั้นผมจึงตอบตัดความรำคาญไป

“แล้วโค้ชชอบผู้ชายหรือผู้หญิง”

“ไม่ตอบได้มั้ยคำถามนี้” ผมคิดว่าเด็กนี่ควรเลิกถามได้แล้วจึงก้มลงเก็บบอลต่อ ทว่าเด็กก็คือเด็กแหละ พออยากรู้ก็ไม่ยอมจบง่ายๆ เลย

“ชอบผู้ชายใช่มั้ย ตอนนั้น ผมเห็นโค้ชจูบกับพี่คนนั้นในรถ” มือที่กำลังเอื้อมไปหยิบลูกบอลหยุดชะงัก ผมหันมองแชมป์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนกที่ปิดอย่างไรก็ไม่มิด

“มันเป็นเรื่องส่วนตัว”

“โค้ชไม่ต้องคิดมากหรอก ใครๆ ก็มีแฟนเป็นผู้ชาย ผมก็มีแฟนเป็นผู้ชายนะ” คำนี้ทำให้ผมช็อกกว่าที่ได้ยินว่าแชมป์เห็นผมจูบกับไอซ์ซะอีก

“ได้ไง”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ยิ่งลูกศิษย์ทำหน้าไม่สนฟ้าสนฝนผมก็ยิ่งกังวลใจ

ความรักระหว่างชายกับชายไม่ผิด แต่กับเด็กที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น วัยที่กำลังอยากจะเรียนรู้ ผมคิดว่าบางทีเขาอาจจะแค่กำลังสนุก และถ้าพลาดล่ะ นั่นจะส่งผลต่อชีวิตเขาเลยนะ

“เล่าให้ครูฟังได้มั้ย”

“เล่าอะไร”

“แฟนแชมป์เป็นใครเหรอ โค้ชรู้จักมั้ย”

“พี่ม.2 อะ เจอกันที่โรงเรียนกวดวิชา เนี่ยพี่เขาอาสาสอนการบ้านผมด้วยนะ”

“ใจดีจังเนอะ แล้วเป็นแฟนกันเนี่ย ทำอะไรกันบ้างเหรอ”

“สอนการบ้านไง โค้ชถามอะไรเนี่ย” น้ำเสียงแชมป์ติดหงุดหงิดนิดหน่อย และก็คงรำคาญที่ผมถามมากล่ะมั้งถึงได้รีบเก็บบอลให้เสร็จแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากสนามไป

โล่งอกนะที่คำตอบของแชมป์มีเพียงเท่านั้น ถ้าหากเขาตอบมากกว่านั้นผมเองก็ไม่รู้เลยว่าต้องจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี

สำหรับเด็กอายุ 11 ย่าง 12 เรื่องมีความรักน่ะอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาแต่ความรักแบบชายกับชายขนาดโตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังไม่ได้รับการยอมรับเลย



[T B C]



เจ้าปิ๊กอิสแบ็คค่า
กลับมาคราวนี้ไม่ธรรมดาเลยล่ะ
อ๊ะๆ อนุญาตให้เกลียดพี่โอมได้ แต่อย่าเกลียดนนานนะ สงสารพี่มัน

ที่จริงแล้วเรื่องนี้มีอีบุ๊คด้วยนะคะ เผื่อว่าอยากอ่านแบบที่จบแล้วจะได้ไม่ต้องเรานานเนอะ
เสิร์ช ไม่ใช่พี่ชาย ใน MEB ได้เลย
ยังไงก็ฝากติดตามด้วย
เรื่องนี้เราอัพจนจบนะ  แต่ก็คงใช้เวลาหน่อย เพราะภารกิจเยอะเลย

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 12 เปิดกล้องคุยกัน}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-08-2018 22:36:52
อีน้อง ใจกล้านะ มีชวนเล่นSP ด้วย  :hao6:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 12 เปิดกล้องคุยกัน}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-08-2018 09:57:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

เด็กสมัยนี้  แก่แดดเนอะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 12 เปิดกล้องคุยกัน}
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 17-08-2018 12:31:54
หายไปนานจนเกือบลืมไปแล้ว
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 13 ทุกอย่างของโอม}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 16-09-2018 22:40:54
ตอนที่ 13 ทุกอย่างของโอม



ผมไม่เคยคิดว่าบทสนทนาระหว่างผมกับแชมป์ในวันนั้นจะบานปลายจนทำให้ผมเดือดร้อนขนาดนี้

ในห้องท่านผู้อำนวยการถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกสีครึ้ม บรรยากาศเหมือนก่อนฝนจะตก และผมก็หวังว่าหลังฝนตกอากาศจะแจ่มใสขึ้นมา

ภายในห้องประกอบด้วยท่านผู้อำนวยการหญิงซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะประจำตำแหน่ง โดยฝั่งตรงข้ามกันมีหญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานซึ่งผมทราบมาว่าเป็นคุณแม่ของแชมป์ และผมที่ยืนทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่เยื้องมา

“คุณอัจฉราพรรณแจ้งมาว่าอาจารย์เบี่ยงเบนทางเพศ”

“ครับ?” ผมมุ่นคิ้วทันที ไม่เข้าใจว่าผมผิดตรงไหนที่เป็นเกย์

“ว่าอย่างไรคะคุณครู สรุปคุณเบี่ยงเบนทางเพศจริงหรือเปล่า”

“ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ”

“แต่ตอนนี้คุณอยู่ในฐานะลูกจ้าง และฉันมีสิทธิ์ทราบเรื่องนี้” ผู้อำนวยการออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงขึงขัง หัวใจของผมสั่นระรัว ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรในสถานการณ์ไม่คุ้นเคยนี้

“ผมขออนุญาตไม่ตอบครับ และถึงแม้ว่าผมจะมีอาการเบี่ยงเบนทางเพศแต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีผลต่อการเป็นครูตรงไหน”

“ทำไมจะไม่มีผล” คราวนี้เป็นคุณแม่ของแชมป์ที่เอ่ยขึ้นเสียงดัง

“ยังไงครับ”

“เพราะการสั่งสอนของคุณ เพราะลูกชายของฉันอยู่ใกล้คุณ ทำให้เขาเป็นเกย์” เพราะผมอย่างนั้นเหรอ ไม่จริงหรอก ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับรสนิยมทางเพศ ไม่ใช่ว่าแค่สั่งสอนก็เป็นได้

“คุณแม่คงเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ”

“ใครแม่คุณ พวกวิปริตผิดเพศอย่างคุณอย่าริอาจมานับญาติกับฉัน” เธอขยับออกห่างผม ทำหน้าเหมือนรังเกียจ เห็นแบบนั้นแล้วก็ออดรู้สึกแย่ไม่ได้เลย

“ใจเย็นก่อนค่ะคุณอัจฉราพรรณ เดี๋ยวทางโรงเรียนจะสอบสวนเรื่องนี้เอง หากคุณครูผิดจริง เราจะจัดการให้ค่ะ”

“ผอ.ครับ การที่เด็กคนนึงจะเบี่ยงเบนทางเพศได้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการสั่งสอนของใคร”

“ฉันยังไม่ได้ถามคุณ อย่ามาทำเป็นสั่งสอน” ใจแคบขนาดนี้ สงสัยนะว่าทำไมถึงได้ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน และเมื่อเธอไม่ให้พูดผมก็ได้แต่สงบปากสงบคำ

“ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ต้องการให้คนๆ นี้สอนลูกของฉัน ไม่ว่าจะในฐานะครูพละหรือโค้ชฟุตบอล” เธอชี้หน้าผมราวกับตราหน้าว่าผมเป็นตัวประหลาด “และถ้าผอ.ไม่จัดการเรื่องนี้ล่ะก็เรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวดังแน่”

คุณแม่ของแชมป์เอ่ยคำประกาศิตก่อนเธอจะเดินลงส้นเท้าออกจากห้องไป

คราวนี้ในห้องจึงเหลือเพียงผมกับท่านผู้อำนวยการเท่านั้น

“ไปลาออกซะ” ประตูห้องยังไม่ทันปิดสนิทด้วยซ้ำ ท่านผู้อำนวยการก็บอกผมอย่างนั้น

“ว่าไงนะครับ”

“บอกให้ไปลาออก คุณก็ได้ยินแล้วนี่ว่าถ้าคุณไม่ไปจะเกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียน”

“แต่ผมไม่ผิด การเป็นเกย์ไม่ได้ติดต่อกันได้เหมือนโรคติดต่อนะครับ ความรักเกิดจากคนสองคน ไม่ว่าเค้าจะเป็นเพศอะไรเค้าก็มีสิทธิจะมีความรักไม่ใช่เหรอครับ”

“เลิกพร่ำเรื่องไร้สาระได้แล้วครู ที่จริงเธอก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าคุณย่าไม่ใช้เส้นสายเธอก็ไม่มีทางได้เป็นครูของที่นี่หรอก และถ้าไม่อยากให้ท่านเดือดร้อนก็ลาออกไปดีๆ ซะ”

ก็จริงอย่างที่ท่านผู้อำนวยการว่าทุกประการ แต่ไม่ว่าการเข้ามาเป็นครูของผมจะเกิดจากเส้นสายหรือสอบเข้ามาเอง ตลอดเวลาในฐานะครูผมก็ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ไม่มีขาดตดบกพร่องเลย อีกอย่างการเป็นครู การได้สั่งสอนเด็กๆ ทำให้ผมรู้ว่าการมีชีวิตอยู่นั้นมีค่าเหลือเกิน และผมคงเสียใจมากถ้าหากยอมถอดใจง่ายๆ

ผมไม่ได้ลาออกทันทีเมื่อถูกออกคำสั่ง ตอนนี้กำลังลังเลว่าควรจะปรึกษาคุณย่าดีหรือเปล่า











ผมใช้เวลาวันหยุดคิดเรื่องนี้ทั้งวัน กระทั่งปิ๊กคอลมาผมจึงหยุดคิด ปั้นหน้าให้เป็นปกติก่อนจะทักทายเขา แต่ปิ๊กเป็นเด็กฉลาด ผมไม่เคยโกหกเขาได้เลย

“หน้าไม่ค่อยดีเลย” แล้วดู นี่มันคำทักทายประเภทไหนกัน “มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ”

กำลังคิดอยู่ว่าเล่าเรื่องนี้ให้ปิ๊กฟังดีไหม มันจะไม่เป็นการเอาเรื่องเครียดใส่หัวคนที่กำลังอยู่ในช่วงสอบหรอกใช่มั้ย

“พี่โอม มีเรื่องอะไร เล่าให้ปิ๊กฟังนะครับ”

“มีเรื่องที่โรงเรียน”

“เรื่องอะไร”

“ถ้าพี่เล่า ปิ๊กเก็บเป็นความลับของเราได้มั้ย”

“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ”

“รับปากพี่ก่อน” ปิ๊กมีสีหน้าลังเล แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ และผมก็ไว้ใจน้องมากเลยนะ คิดว่าเขาจะไม่มีทางผิดคำพูดแน่นอน

“รับปากแล้ว เล่าได้ยังอะครับ”

“เมื่อวันก่อน...” ปิ๊กตั้งใจฟังเรื่องที่ผมเล่าอย่างมีมารยาท แม้บางทีจะอ้าปากเหมือนอยากถามแต่ก็ไม่พูดแทรกเลย กระทั่งเล่าจบนั่นแหละจึงระเบิดอารมณ์ออกมา

“ทำแบบนี้ได้ไงอะ เป็นผู้ใหญ่ที่โคตรไร้เหตุผลเลย แล้วพี่โอมจะลาออกเหรอ”

“ปิ๊กคิดว่าพี่ควรลาออกมั้ย”

“พี่โอมดูมีความสุขกับการเป็นครู มันคงยากเนอะที่จะทิ้งความสุขของตัวเองแล้วเดินออกมา เป็นปิ๊ก ปิ๊กคงไม่ทำอย่างนั้นหรอก”

“แต่ถ้าพี่ดันทุรัง มันจะส่งผลเสียต่อโรงเรียนของคุณย่านะ”

“พี่โอมไม่ลองปรึกษาคุณย่าล่ะ เห็นอย่างนั้นคุณย่าหัวสมัยใหม่มากเลยนะ ท่านเข้าใจเรื่องรสนิยมทางเพศดี ตอนที่ปิ๊กบอกว่าปิ๊กรักพี่โอมคุณย่าก็ไม่ว่าอะไรซักคำ”

เดี๋ยวนะ เมื่อครู่ผมไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย บอกว่ารักหมายความว่ายังไง

“หมายถึงยังไงครับปิ๊ก”

“ก็ตอนนั้นทีหม่ามี๊ไปรับปิ๊กจากห้องพี่โอม ก่อนที่จะบินกลับ ปิ๊กบอกคุณย่าว่าพี่โอมกับปิ๊กรักกัน คุณย่าก็ไม่เห็นจะว่าอะไร”

“รักที่ว่า หมายความว่ายังไง”

“ก็รักแบบที่มีเซ็กส์กันได้ไง ทำไม พี่โอมไม่รักปิ๊กเหรอ”

“รักสิ ถ้าไม่รัก พี่จะโสดรอปิ๊กอยู่อย่างนี้เหรอ แต่คุณย่าเข้าใจมั้ยว่ารักที่ปิ๊กพูดหมายความว่ายังไง” น้องนิ่งไปเลย คงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ล่ะมั้ง และพอน้องทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมที่เผลอท้วงขึ้นมาก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้จะปลอบยังไงเลย

“พี่โอม ปิ๊กสงสัยว่าทำไมความรักของผู้ชายกับผู้ชายถึงเป็นเรื่องผิดอะ ทั้งที่มันก็คือความรักเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“ไม่รู้สิ ที่จริงความรักไม่ผิดหรอก มันขึ้นอยู่กับมุมมองของคนล่ะมั้ง ถ้ามองว่าผิดก็ผิด ถ้ามองว่าถูกก็ถูก”

“ซับซ้อนจัง แต่ถึงยังไงพี่โอมก็น่าจะปรึกษาคุณย่านะ”

“ถ้าท่านรับพี่ไม่ได้ล่ะ ปิ๊กจะทำยังไง”

“ไม่รู้สิ ก็ลองคุยดูก่อนถ้ามันไม่โอเคเราก็ค่อยช่วยกันหาทางแก้ ดีมั้ยครับ” ครั้งแรกเลยที่ผมรู้สึกว่าปิ๊กพึ่งพาได้ ปิ๊กน่ะนอกจากร่างกายจะโตเป็นหนุ่มแล้ว ความคิดของน้องยังพัฒนาไปไกลมาแล้วด้วย

“ขอบคุณปิ๊กนะ”

“มันเป็นเรื่องที่ปิ๊กควรทำใช่มั้ยล่ะ แต่ว่าน้องคนนั้นเป็นยังไงบ้าง ชื่อแชมป์ใช่มั้ย”

“ใช่ครับ” ผมพยักหน้าพลางคิดถึงลูกศิษย์ตัวเอง ถ้าหากแชมป์เป็นเกย์จริงๆ และต้องเติบโตมากับแม่ที่ไม่ยอมรับในเพศสภาพของเขา คิดไม่ออกเลยว่าเขาจะกดดันมากแค่ไหน

“ป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้างเนอะ”

“พี่คิดว่าคุณแม่ของแชมป์อาจจะวิตกกังวลจนเกิดไป ปิ๊กรู้ใช่มั้ยว่าช่วงวัยรุ่นเป็นวัยที่เราอยากรู้อยากลอง แทนที่คุณแม่จะคอยให้คำปรึกษากลับเอาแต่ดุด่าแบบนี้ ไม่ดีเลย”

“ใช่ๆ แต่ปิ๊กโชคดีนะ ถึงแม้หม่ามี๊จะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยแต่ก็คอยให้คำปรึกษาตลอดเลย อยากเรื่องของเราหม่ามี๊ก็รับรู้นะ หม่ามี๊บอกว่าเอาไว้ปิ๊กโตแล้วค่อยคิดเรื่องนี้จริงจัง”

“หมายความว่าตอนนี้ไม่จริงจัง”

“จริงจังสิ ไม่เชื่อเหรอ”

“ไม่เชื่อ”

“ต้องทำยังไงถึงจะเชื่อ”

“ทำให้ดูหน่อย”

“ทำอะไร” เชื่อเถอะว่าปิ๊กรู้ว่าผมอยากให้น้องทำอะไร ที่ถามน่ะก็แค่แกล้งทำเป็นใสซื่อเท่านั้นเอง และพอน้องแกล้งผมเองก็อยากจะลองเล่นไปตามน้ำดู

“ก็ทำ...” ผมเว้นคำเอาไว้พร้อมกับคลึงที่เป้ากางเกงตัวเองบอกเจตนาที่แท้จริงให้ปิ๊กมุ่ยหน้าใส่แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมปลดกระดุมกางเกงแล้วรูดซิปลง

วันนี้ปิ๊กใส่กางเกงชั้นในสีขาวอีกแล้ว และเจ้าตัวเล็กที่กำลังถูกคลึงในจังหวะเดียวกับมือของผมก็ค่อยๆ พองโตขึ้นอย่างน่าเอ็นดู

“จะสอบแล้วอ่านหนังสือบ้างรึเปล่าเรา”

“หือ พี่โอมว่ายังไงนะ” ปากก็ถาม คิ้วก็ขมวดหากมือก็ยังไม่หยุดเคล้าคลึงเจ้าตัวเล็ก “เรื่องสอบเหรอ อืม พี่โอม ถอดกางเกง อยากดู”

“ดูอะไรครับ” ผมเย้า พลางแกล้งรั้งกางเกงลงมาเพียงนิด

“ของพี่โอม อยากดู”

“ปิ๊กถอดก่อน”

“ทำไมปิ๊กต้องถอดก่อนอยู่เรื่อยเลยล่ะ” ตัดพ้อแต่ก็ยอมรั้งกางเกงออกจากขาเหลือเพียงกางเกงชั้นใน ปิ๊กยกเท้าขึ้นมาวางไว้บนเก้าอี้ให้ท่วงท่าที่น้องนั่งเปิดเผยกว่าครั้งไหนๆ

ให้ตายเถอะ ภาพน้องที่นั่งอ้าขาทำให้เลือดกำเดาผมแทบจะพุ่งออกมา จะบอกว่าผมหื่นก็ได้แต่ตอนนี้โคตรอยากใส่เข้าไปในตัวน้อง อยากจะเลียตั้งแต่นิ้วเท้าจนถึงหน้าผาก อยากกลืนกินเข้าไปทั้งตัว

“ไหนปิ๊กบอกมีของจะอวดพี่ไงครับ”

“ของ” น้องว่าตามพลางกัดปากครุ่นคิด ปิ๊กบอกผมเมื่อวันก่อนว่าเจอร้านของเล่นในเว็บและสั่งบางอย่างมา ถ้าคิดไม่ดีผมว่าของเล่นที่ปิ๊กพูดถึงต้องเป็น...

ของเล่นสำหรับผู้ใหญ่

เจ้าแท่งสีชมพูนั่นถึงแม้จะใหญ่ประมาณนึงแต่เชื่อเถอะว่าสู้ของผมไม่ได้หรอก

“เท่าของพี่โอมเลย” น้องโชว์มันตรงหน้ากล้องก่อนจะเอาลงไปเทียบกับเจ้าตัวเล็กที่ถูกปลดปล่อยออกสู่โลกภายนอกเมื่อครู่ “โคตรใหญ่”

ผมไม่รู้ว่าควรจะมีอารมณ์หื่นหรืออารมณ์ขำดี

“พี่ว่ามันเล็กกว่าของพี่นะครับ”

“งั้นเหรอ เดี๋ยวเอาไว้ลองมาเทียบกันดูนะ แต่ยังไงก็ใหญ่กว่าของปิ๊ก กินอะไรเข้าไปเนี่ยทำไมใหญ่จัง”

“ถามพี่เหรอครับ” คงไม่ใช่ว่าน้องคุยกับเจ้าแท่งปลอมนั่นหรอกนะ

เมื่อถูกถามน้องก็ยิ้มแฉ่ง “ต้องเจ็บแน่เลย ไม่มีอะไรใหญ่ๆ เข้าไปในนี้นานแล้ว” ตอนที่บอกว่าในนี้ น้องใช้นิ้วสัมผัสตรงช่องทางเร้นลับที่ยังปิดแน่นพลางทำหน้าแหย

ได้ยินอย่างนั้นแล้วค่อยโล่งใจว่าตลอดช่วงเวลาที่เราห่างกัน น้องไม่เคยให้ใครกอดหรือสัมผัสเลย อย่างมากก็คงใช้แค่นิ้วตัวเอง

“จะใช้อันนั้นเหรอ”

“ใช้ได้มั้ยอะ ถ้าพี่โอมไม่อนุญาตปิ๊กไม่ใช้ก็ได้”

“ตรงนั้นเป็นของพี่คนเดียวนะ”

“อืม” สีหน้าน้องผิดหวังนิดหน่อยแต่ก็ยอมพยักหน้ารับก่อนจะทำท่าเหมือนจะวางเจ้าสิ่งนั้นลงแต่ผมห้ามไว้ซะก่อน

“ห้ามเอาใส่เข้าไปแต่ใช้ทำอย่างอื่นได้นะ”

“ทำ ทำอะไร”

“มันสั่นได้ใช่มั้ย”

“ได้มั้ง ปิ๊กไม่รู้อะ” ตอบผมพลางสำรวจเจ้าแท่งนั้นอย่างพิจารณา และเมื่อเห็นปุ่มที่ใช้ทำให้มันสั่นน้องก็ยิ้มเต็มแก้มจนตาเป็นประกายเหมือนเด็กได้ของเล่น

มันก็ดูไร้เดียงสาอยู่หรอก หากของในมือไม่ใช่ของเล่นผู้ใหญ่

“นี่ไงพี่โอม มันสั่นแล้ว” พอกดให้มันสั่นแล้วก็ยกขึ้นมาโชว์

“สนุกมั้ยนั่น”

“พี่โอมไม่สนุกเหรอ งั้นวันหลังปิ๊กซื้อฝากไปให้พี่โอมดีมั้ย” ก็ขอบคุณที่น้องนึกถึงกัน แต่มันไม่ค่อยถูกที่ถูกเวลาเท่าไหร่ ถ้าจะซื้อของพรรคนั้นมาฝากสู้น้องบินมาหาให้ผมกอดแน่นๆ เสียยังจะดีกว่า

“พี่ไม่ต้องใช้หรอก แต่ถึงไม่มีไอ้นั่นปิ๊กก็ทำให้พี่สนุกได้นะ”

“ยังไง”

“อมให้พี่หน่อยสิครับ”

“หืม”

“อมไอ้นั่นให้พี่ดูหน่อยสิครับ ทำเหมือนตอนที่ทำให้พี่ไง จำได้มั้ย” ผมแม่งโคตรหื่นเลยว่ามั้ย แต่ก็ว่าไม่ได้นะครับ เห็นปิ๊กมองเจ้าแท่งสีชมพูนั่นแล้วไอ้แท่งของผมก็อยากถูกสัมผัสบ้างเหมือนกัน

ปิ๊กมองผมอย่างชั่งใจ เมื่อผมมองนิ่งๆ และยิ้มเล็กๆ ให้เขา เจ้าตัวก็เอาของในมือเข้ามาใกล้ปาก จุ๊บมันเบาๆ ทักทายก่อนส่งลิ้นออกมาแตะ คล้ายกับลองชิมว่ามันเอาใส่ปากได้จริงเหรอ

“ไม่เหมือนของพี่โอมอะ” มันจะเหมือนได้ยังไงกันเล่า

ถึงจะบอกว่ามันไม่เหมือนแต่น้องก็ส่งลิ้นออกมาเลียมันตั้งแต่โคนจรดปลาย

แม่งเอ้ย!!!

ผมมองปิ๊กเล่นกับเจ้าแท่งนั้น มือก็รูดของตัวเอง ไม่นานก็ปริแตกออกมา











ผมยังคงมาทำงานทั้งในฐานะคุณครูและโค้ชอย่างเช่นปกติ

ตอนเช้าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี หากไม่นับเรื่องที่ถูกท่านผู้อำนวยการเรียกไปเซ็นใบลาออกแต่ผมไม่ยอมทำตามคำสั่งก็ถือว่าทุกอย่างยังปกติดี

เด็กๆ ยังคงมาซ้อมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาที่สนาม

ในขณะที่ผมยืนมองเด็กๆ ที่ข้างสนาม ลูกบอลก็ถูกส่งมา ก่อนแชมป์จะวิ่งเหยาะๆ มาหยุดตรงหน้า

“โค้ช” เด็กน้อยเงยหน้ามองผม สีหน้าแชมป์ไม่ค่อยดีนักต่างจากทุกครั้งที่เจอกันจนสังเกตเห็น

“ว่าไงครับ”

“ผู้ชายกับผู้ชายรักกันไม่ได้เหรอ” เด็กน้อยถามด้วยน้ำเสียงคล้ายจะร้องไห้ “แม่บอกว่ารักไม่ได้ ทำไมอะ แชมป์ไม่เข้าใจ”

“เอาไว้โตก่อนแล้วแชมป์จะเข้าใจ”

“ทำไมอะ ต้องโตเท่าโค้ชเหรอถึงจะมีแฟนเป็นผู้ชายได้”

“โตแค่ไหนก็มีแฟนเป็นผู้ชายไม่ได้ทั้งนั้นแหละ” เสียงแว้ดดังมาจากด้านหลังตามมาด้วยคุณแม่ของแชมป์ที่ยื่นมือเข้ามาดึงลูกชายตัวเองออกห่างจากผม

เธอมองผมราวกับจ้องเศษขยะที่น่ารังเกียจ

กิริยาของเธอไร้มารยาทที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา

“คุณนี่มันหน้าด้านจริงๆ เลยนะ”

ถ้าหากเธอจะมองว่าหน้าด้านก็ไม่แปลกหรอก แต่สำหรับผม ผมไม่คิดว่าการกระทำนี้เรียกว่าหน้าด้านหรอกนะ ในเมื่อผมไม่ผิดอะไร ทำไมต้องลาออกด้วยล่ะ

“ท่านผอ.ให้คุณลาออกแล้วไม่ใช่รึไง ทำไมยังมาเสนอหน้าอยู่ที่นี่อีก”

“ผมไม่ออกครับ”

“ฉันให้โอกาสคุณแล้วนะ ถ้าไม่ยอมไปดีๆ ฉันก็จะทำให้คุณเห็นว่าการขัดคำสั่งของฉันมันเป็นยังไง” เธอชี้หน้าขู่ผมก่อนจะกระชากแขนลูกชายตัวน้อยของตนให้เดินตามไปอย่างยากลำบาก

ผมมองตามแชมป์ มองสายตาเว้าวอนนั่น มองเขาร้องไห้ ทุกภาพสะท้อนเรื่องราวหลายๆ อย่างที่ผมเองก็เคยเจอมา

เรื่องแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงไม่สามารถทำใจยอมรับได้ง่ายๆ หรอก แต่การแสดงออกของแม่แชมป์ก็ไม่ถูกต้องเลย











ผมกลับบ้านมาด้วยความสับสน

แม้จะคุยกับปิ๊กแต่ผมก็เอาแต่คิดเรื่องการลาออกซ้ำไปซ้ำมาจนถูกน้องตัดพ้อหลายครั้ง

“ไม่อยากคุยกับปิ๊กใช่มั้ย” น้องหยุดมือที่กำลังปลดกระดุมเสื้อ

“พี่กำลังคิดว่าจะลาออกจากโรงเรียนดีมั้ย”

“ถ้าไม่อยากทำแล้วก็ลาออกไปเลยสิ”

“ถ้าออกง่ายๆ ก็เหมือนพวกขี้แพ้น่ะสิ”

“ผู้ใหญ่นี่เข้าใจยากจัง ไม่อยากโตเป็นผู้ใหญ่เลยอะ” คนในจอเบ้หน้าก่อนจะติดกระดุมกลับเหมือนเดิม

“ทำไม” เห็นอย่างนั้นผมจึงเอ่ยถาม

“พี่โอมไม่อยากเล่นกับปิ๊กหรอก”

“อยากเล่นสิครับ” แค่ปิ๊กยั่วผมเพิ่มอีกนิดหน่อยก็พร้อมจะเล่นด้วยแล้ว

“ไม่ดีกว่า เอาไว้สบายใจก่อนแล้วค่อยมาเล่นกัน”

“ขอโทษนะ”

“ไม่ใช่ความผิดของพี่โอมหรอก พี่โอม ไม่ว่าพี่โอมจะเลือกทางไหน ปิ๊กก็ยังอยู่ตรงนี้นะ อยู่ข้างๆ พี่โอมเสมอ”

“ขอบคุณครับ”

เราบอกลากันด้วยรอยยิ้มอย่างเช่นทุกๆ คืน

ถ้าผ่านคืนนี้ไป ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป แต่ผมเชื่อว่าความสัมพันธ์ของผมกับน้องจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแน่นอน











และก็จริงอย่างที่คิด

รอบกายของผม ตั้งแต่เดินผ่านประตูเข้ามาในบริเวณโรงเรียนไม่มีอะไรที่เป็นปกติเลย

เมื่อเช็คเว็บบอร์ดของโรงเรียนก็ได้พบกับคำตอบทั้งหมด

คิดว่าผมจะถอดใจไหม

ยังหรอก ของแบบนี้ต้องลองสู้กันอีกซักตั้ง

หากการสู้คนเดียวไม่มีทางชนะได้เลย

ในชั้นเรียนผมถูกเด็กๆ มองเหมือนตัวประหลาด ที่ชมรมก็เช่นกัน และวันนี้ผมก็ไม่เจอแชมป์แล้ว

การต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดของผม











บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่จบง่ายๆ แน่หากผมไม่ลาออก

ผมรู้ว่านี่อาจจะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดี แต่เพื่ออนาคตของเด็กคนนึง ทางออกนี้อาจจะดีแล้วก็ได้ ถ้าการลาออกของผมเป็นประโยชน์กับใครบ้างก็คงดี

ผมกลับมาร่างจดหมายลาออกที่ห้องพัก ใช้เวลานานทีเดียวเพราะไม่คุ้นเคยกับเอกสารราชการนัก

ตลอดปีกว่าที่ผ่านมา ผมได้รับโอกาสที่ดีมากมาย ได้พบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตาก่อเกิดเป็นมิตรภาพดีๆ

มีปัญหาเกิดขึ้นมากมายให้คนไร้ประสบการณ์อย่างผมได้ลองแก้ไขผิดๆ ถูกๆ แต่ก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี

ถึงแม้วันนี้ผมจะลาออก แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองขาดทุนหรอก เรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาในชีวิตถือว่าเป็นกำไรทั้งนั้น

หลังจากยื่นจดหมายลาออกแล้วผมก็เดินออกมาจากโรงเรียนโดยไม่ได้ร่ำลาใคร

ไม่ได้แวะไปที่ชมรมฟุตบอลด้วยซ้ำ ทั้งที่อยากไปลาใจจะขาดแต่คงไม่ดีแน่ถ้าผมไปเจอเด็กๆ ทั้งที่พวกเขาแสดงท่าทางหวาดกลัวผมขนาดนั้น

ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่ารสนิยมทางเพศของผมมันน่ากลัว พอนึกถึงภาพเด็กๆ ที่เคยทำดีต่อกัน แต่วันนี้กลับทำหน้ารังเกียจก็อดเศร้าใจไม่ได้เลย

ผมต่อสายหาคุณย่าของปิ๊กทันทีเมื่อกลับมาถึงคอนโด แต่กว่าจะได้คุยกับท่านก็ใช้เวลานานทีเดียว

คุณย่าของปิ๊กน่ะถึงจะอายุมากแล้วแต่ก็ยังคงทำงานการกุศลอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย

“ว่าไงครูโอม”

“สวัสดีครับคุณท่าน”

“คุณท่านอะไรกันจ้ะ เรียกคุณย่าก็ได้”

“เอ่อ...”

“ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะ ว่าแต่มีธุระอะไรล่ะ ถ้าไม่ด่วนก็ออกมาทานอาหารค่ำด้วยกันแล้วค่อยคุยได้มั้ยจ้ะ” ผมไม่กล้าปฏิเสธหรอก แต่พอนึกว่าต้องบอกรสนิยมทางเพศของตัวเองให้ผู้มีพระคุณทราบก็ไม่รู้ว่าต้องปั้นหน้าอย่างไรดี

“ผมสะดวกคุยโทรศัพท์มากกว่าครับ”

“งั้นเหรอ ว่ามาสิ”

“ผมลาออกจากโรงเรียนแล้วนะครับ ขอโทษคุณท่านด้วยที่หุนหันพลันแล่นออกมาโดยไม่ปรึกษา”

“ไม่เป็นไรๆ ฉันได้ยินข่าวจากเลขามาบ้างแล้ว แต่ไม่คิดว่าเธอจะใจเสาะแบบนี้นะครู”

“คุณท่านทราบว่าผมเป็นเกย์”

“ก็เธอเป็นคนรักของหลานชายฉันไม่ใช่หรือไง”

“คุณท่าน” ผมไม่คิดว่าท่านจะเข้าใจคำที่ปิ๊กเคยบอกลึกซึ้งขนาดนี้ และพอได้ยินอย่างนั้นแล้วก็รู้สึกเหมือนมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ กระทั่งลืมวิธีการออกเสียงไปเลยด้วยซ้ำ

“อย่าคิดมากเลยคุณโอม การที่หลานชายฉันเป็นเกย์มันก็ยังดีกว่าเขาไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้”

“เพราะแบบนี้คุณท่านก็เลยช่วยเหลือผมเหรอครับ”

“ไม่ใช่หรอก ฉันอยากตอบแทนเธอจริงๆ แต่การที่เธอลาออกมาง่ายๆ แบบนี้ทำให้ฉันไม่ค่อยปลื้มนะ”

“ผมสงสารแชมป์ครับ คิดว่าถ้ายังอยู่น้องอาจจะแย่เพราะโดนเพื่อนๆ บุลลี่เรื่องรสนิยมทางเพศ”

“เธอคิดว่าทางนี้มันดีที่สุดแล้วอย่างนั้นเหรอ”

“ครับ”

“เธอจะหนีไปอีกนานแค่ไหน”

“ผมหยุดข่าวลือไม่ได้ แต่อย่างน้อยข่าวลือพวกนี้ถ้ามันจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิดกับคนที่มีภูมิคุ้มกันมากพอ ไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาอย่างแชมป์”

“แล้วเธอจะทำยังไงต่อ ฉันหมายถึงงานใหม่น่ะ”

“ยังไม่มีแผนครับ บางทีอาจจะกลับไปทำงานที่ฟิตเนสเหมือนเดิม”

“เห็นเจ้าหลานชายบอกว่าเธออยากเป็นครู”

“ครับ ผมจบครูพละมา”

“จำเป็นต้องเป็นครูโรงเรียนในกรุงเทพด้วยเหรอ”

“ครับ เอ่อ ก็ไม่จำเป็นครับ”

“ลองคิดดูดีๆ นะ”











พอกลับมาคิดๆ ดูอย่างที่คุณท่านกล่าวไว้ก่อนวางสาย ก็พบว่าตัวเองยึดติดกับเมืองหลวงมากเกินไป ทั้งที่ผมก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกคนนึงแท้ๆ

ระหว่างที่ใช้เวลาทบทวนตัวเอง ผมตัดสินใจว่าจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อเยี่ยมยายทั้งที่ไม่แน่ใจนักหรอกว่าท่านจะอยากเจอผมหรือเปล่า

“พี่โอมออกเดินทางกี่โมงอะ” ผมเก็บเสื้อผ้ามือเป็นระวิงขณะเปิดกล้องคุยกับปิ๊กไปด้วย

“พรุ่งนี้เช้า ว่าแต่เราเถอะ ไม่ไปเรียนเหรอวันนี้”

“อยากคุยกับพี่โอมนี่นา แล้วก็อยากไปบ้านนอกกับพี่โอมด้วย” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วนั้นแสดงความอยากไปบ้านผมมากกว่าตัวผมเองเสียอีก

“เอาไว้ปิ๊กกลับมาแล้วเราไปเที่ยวด้วยกันนะ”

“ไปบ้านพี่โอมเหรอ ไปพบครอบครัวพี่โอมอะนะ” ไม่ใช่หรอก ผมไม่กล้าพอที่จะทำเรื่องแบบนั้น ในเมื่อคุณยายไม่เคยยอมรับเพศสภาพของผมเลย

“พี่คงพาปิ๊กไปบ้านไม่ได้หรอก”

“งั้นเหรอ ไม่เป็นไร แค่ไปเที่ยวด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวปิ๊กต้องไปโรงเรียนแล้วอะ ไว้คุยกันนะครับ รักพี่โอมนะ” เด็กน้อยในจอโบกมือลาผมพร้อมกับรอยยิ้มสดใส แน่นอนว่าปิ๊กยังคงทำให้ผมยิ้มได้เสมอ เขาเป็นดั่งหยาดฝนที่ชโลมลงบนความแห้งแล้งในหัวใจของผม

ปิ๊กน่ะ เปรียบเสมือนทุกอย่างของผมเลย



[T B C]



อีก 2 ตอนก็จบแล้วจ้า




หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 13 ทุกอย่างของโอม}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-09-2018 01:59:30
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่โอมจะทำยังไงต่อไปน้อ?
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 13 ทุกอย่างของโอม}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 17-09-2018 02:24:54
อ่าเป็นการบรรยายถึงสังคมที่รังเกียจเพศที่สามได้สะเทือนใจมาก หดหู่มาก
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 13 ทุกอย่างของโอม}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-09-2018 03:13:16
สงสารแชมป์เนอะ มีแม่แบบนี้ต้องทำใจ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 14 เรื่องของโอม}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 01-10-2018 20:19:43

ตอนที่ 14 เรื่องของโอม


ด้วยความกระวนกระวายและตื่นเต้นทำให้คืนนี้ผมนอนไม่หลับเลย

ผมใช้ช่วงเวลาระหว่างรอให้เช้าลองเช็คตำแหน่งงานว่างในเว็บก็พบว่าตำแหน่งครูพละที่ต่างจังหวัดว่างอยู่หลายอัตราทีเดียว ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ตำแหน่งครูอัตราจ้างผมก็ไม่เกี่ยงหรอก

ลองหาข้อมูลคุณสมบัติของผู้เข้าสมัครเผื่อเขาจะไม่รับผู้สมัครที่เป็น LGBT แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอข้อห้ามนี้ เห็นอย่างนี้แล้วก็ค่อยโล่งอกหน่อย

ตำแหน่งที่โรงเรียนทางภาคเหนือก็ไม่เลวนักหรอก ที่นั่นมีสถานที่เที่ยวสวยๆ เยอะด้วย ปิ๊กน่าจะชอบ

หาข้อมูลไปเรื่อยเปื่อยเงยหน้าขึ้นมาดูนาฬิกาก็พบว่าเช้าแล้ว

นั่งรถอีกไม่กี่ชั่วโมงผมก็จะได้พบกับยายที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว

หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ขณะรถไฟวิ่งเข้าใกล้บ้านผมเข้าไปทุกขณะ ความกังวลต่างๆ นานาถาโถมเข้ามาอย่างไม่มีทางให้หลีกหนี

ผมไม่ค่อยมั่นใจนักหรอกว่ายายจะดีใจเมื่อได้เจอหน้าหลานชายที่ถูกตราหน้าว่าผิดปกติคนนี้

บ้านของยายอยู่ห่างจากสถานีรถไฟออกไปราว 5 กิโลเมตร เชื่อมั้ยว่าตอนที่ผมตัดสินใจออกจากบ้านมาผมต้องเดินเท้าเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตรเพื่อมาที่สถานีรถไฟ แต่ตอนนี้ตอนที่ผมมีเงินพอผมไม่มีทางเสียเวลาเดินอีกแน่

รถรับจ้างจอดที่หน้าบ้านไม้ 2 ชั้น มีรั้วรอบขอชิดทำให้คนนอกรั้วไม่มีทางรู้เลยว่าเจ้าของบ้านทำอะไรอยู่ข้างในนั้น

หลังจากลงรถ ผมก็ยืนเคว้งอยู่นาน ใจหนึ่งก็อยากเปิดประตูรั้วเข้าบ้านเดี๋ยวนี้ แต่อีกใจก็ไม่กล้าเผชิญหน้ากับยาย มากกว่าการถูกดุด่า ผมกลัวว่าการได้เจอหน้าผมจะทำให้ความอับอายในอดีตวนกลับมาอีกครั้ง

“ใครน่ะยืนทำอะไรลับๆ ล่อๆ อยู่นอกรั้ว” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงยายดังผ่านรั้วมา

“ผม...”

ระหว่างเราถูกปกคลุมด้วยความเงียบนานทีเดียวจนประตูรั้วเปิดออก

“แกกล้าดียังไงถึงกลับมา” คำของยายไม่ต่างไปจากที่ผมจินตนาการไว้นัก

ผมได้แต่ยิ้มเก้ออย่างไม่รู้ว่าควรตอบโต้อย่างไร แต่ท่ามกลางความอึดอัดใจ ดวงตาที่กำลังเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำใสนั้นทำให้ผมตัดสินใจก้าวเข้าไปหาแล้วทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ประนมมือแล้วก้มลงกราบแทบเท้ายายด้วยความรู้สึกผิดทั้งหมด

“ยาย โอมขอโทษ”

“แกทิ้งฉันไปได้ยังไง แกทิ้งยายแก่ๆ ของแกไว้คนเดียวได้ยังไงฮะไอ้หลานเนรคุณ”

ผมนั่งอยู่อย่างนั้นปล่อยให้ยายทุบตีและด่าทอจนสาแก่ใจ ก่อนท่านจะหมดแรงแล้วนั่งลงกอดผมเอาไว้

ถ้าผมไม่ขี้ขลาด ถ้าผมกล้าที่จะเผชิญหน้า ยายก็คงไม่ทนทุกข์นานขนาดนี้













กับข้าวฝีมือยายยังคงอร่อยเหมือนเดิม ผมปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาขณะส่งน้ำพริกเข้าปาก สิ่งที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ความเสียใจอีกแล้ว แต่มันคือความตื้นตันใจที่อย่างน้อยจากผู้คนเป็นล้านบนโลกใบนี้ก็ยังคงมียายแก่คนนึงที่เข้าใจผมเสมอ

“หลังจากที่โอมไปทางนั้นเขาเป็นยังไงบ้างยาย”

“มันไม่ได้หนีตามแกไปหรอกหรือ”

“หนีตามอะไรกันล่ะยาย หลังจากวันนั้นโอมก็ไม่เจอเขาอีกเลยนะ”

“หลังจากที่แกออกจากบ้านไปเดือนกว่าๆ เด็กนั่นก็หนีออกจากบ้านด้วยเหมือนกัน ชาวบ้านเขาลือว่ามันไปอยู่กับแก”

“แล้วยายก็เชื่อเหรอ”

“เชื่อสิ อย่างน้อยการที่เขาลืออย่างนั้นก็หมายความว่าแกยังมีชีวิตอยู่ใช่มั้ยล่ะ”

“ยาย โอมขอโทษนะ” ผมหยุดมือที่กำลังส่งข้าวเข้าปาก แล้วบอกขอโทษ ซึ่งไม่รู้ว่านี่เป็นคำขอโทษคำที่เท่าไหร่ แต่สำหรับผมแล้วไม่ว่าจะบอกอีกกี่ครั้งความรู้สึกผิดในใจก็ไม่มีทางหมดไป

“เลิกขอโทษซักที แล้วนี่คิดยังไงถึงกลับมาล่ะ ไม่คิดว่ายายแกตายไปแล้วหรือไง”

“ไม่หรอก ยายไม่ตายง่ายๆ หรอก ไม่ว่ายังไงยายก็ต้องรอโอมกลับมาใช่มั้ยล่ะ”

“เอาอะไรมามั่นใจ ยายก็แก่ขนาดนี้”

“โอมเอาปริญญามาฝากยายด้วยแหละ” ยายเผยรอยยิ้มน้อยๆ ตอนที่ผมยื่นใบปริญญาบัตรไปตรงหน้า มองยายลูบคลำมันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความปรีติยินดี การกลับบ้านครั้งนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย และมันอาจจะดีกว่านี้ถ้าผมคิดได้เร็วอีกหน่อย

“จบอะไรมาล่ะ”

“ครูพละ”

“ตอนนี้เป็นครูพละเหรอ”

“เคยเป็นครับยายแต่ตอนนี้โอมลาออกแล้ว”

“ทำไมล่ะ”

“เพราะสิ่งที่โอมเป็นนี่แหละ”

“อีกแล้วเหรอ” นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมเดือดร้อนเพราะรสนิยมทางเพศของตัวเอง ครั้งก่อนมันทำให้ยายเสียใจและเดือดร้อนมากจนผมต้องหนีออกจากบ้านมา “การชอบผู้หญิงเหมือนผู้ชายทั่วๆ ไปมันยากนักหรือเจ้าโอม”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ

สำหรับผม การหาผู้หญิงซักคนมาไว้ข้างกายไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงกันในเมื่อไม่ว่าอย่างไรผมก็ไม่มีทางชอบผู้หญิงได้เลย

“แต่โอมไม่ยอมแพ้หรอกนะยาย โอมจะมีความสุข ไม่ว่ายังไงโอมก็จะมีความสุขกับสิ่งที่โอมเป็นให้ได้”

“ก็ดี ถึงฉันจะไม่เข้าใจแกมากนักแต่ฉันก็อยากเห็นแกมีความสุข”

“ขอบคุณนะครับยาย” ผมโอบกอดท่าน ยายเองก็กอดตอบพลางลูบหัวผม ความอบอุ่นนี้ทำให้น้ำตาของผมไหลออกมา คิดดูแล้วก็นานมากเหมือนกันที่ไม่ได้รับความอบอุ่นจากการกอดที่เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยแบบนี้ กอดที่คนรักก็ไม่สามารถมอบให้กันได้











ที่จริงผมตั้งใจจะอยู่บ้านยายซักระยะ แต่เพราะญาติคนอื่นๆ ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงมองผมเหมือนตัวประหลาด ในเช้าวันที่ 5  ของการมาบ้านยายผมจึงบอกลาท่าน ให้สัญญาว่าจะใช้ชีวิตอย่างดีและกลับมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ

อีกชั่วโมงกว่ารถไฟจะเทียบชานชาลา ผมจึงใช้เวลาว่างระหว่างรอวิดีโอคอลหาปิ๊ก เพราะเป็นเวลาเที่ยงของประเทศไทย ที่แคนาดาจึงเป็นเวลาดึกแล้ว ภาพที่ปรากฏบนจอมือถือจึงเป็นเด็กคนนึงที่งัวเงียจนคุยกันไม่รู้เรื่องเลย

“พี่โอม คอลมาทำไมดึกๆ”

“พี่กำลังกลับกรุงเทพแล้ว”

“กลับไงอะ”

“กลับรถไฟเหมือนเดิม”

“เดินทางปลอดภัยนะ”

“จะวางแล้วเหรอ”

“ง่วงอะ ปิ๊กจะนอน”

“แต่พี่อยากคุยกับปิ๊กนี่นา”

“ดื้อจัง เดี๋ยวก็ตีซะหรอก”

“มาหาสิ พี่จะให้ปิ๊กตีจนพอใจเลย”

“ปากเก่งไปเถอะ พี่โอมก็รู้ว่าอีกนานกว่าปิ๊กจะไปหาพี่โอมได้”

“นั่นสินะ งั้นปิ๊กรีบโตแล้วรีบมาหาพี่นะครับ”

“พี่โอมเก็บเงินค่าตั๋วเครื่องบินแล้วบินมาหาปิ๊กง่ายกว่านะ” ก่อนอื่นผมต้องหางานที่ได้เงินเดือนเยอะๆ ถึงจะได้มีเงินเก็บเพื่อบินไปหาปิ๊ก

ถ้าการทำตามความฝันไม่สามารถพาผมบินไปหาปิ๊กได้ ในตอนนี้ผมขอเลือกงานที่ทำแล้วได้เงินเยอะๆ ก่อนก็แล้วกัน

“โอม โอมใช่มั้ย” ในตอนที่วางสายจากปิ๊กและกำลังค้นหางานฟิตเนสที่ได้ค่าแรงดีๆ อยู่ๆ เสียงที่เหมือนจะคุ้นหูก็ดังขึ้น เป็นเสียงที่เหมือนจะเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว และเมื่อเงยหน้ามองก็พบกับเขาจริงๆ

“พี่ก้อย”

“โอมไปอยู่ที่ไหนมา พี่ติดต่อเราไม่ได้เลย”

“อยู่กรุงเทพน่ะแหละพี่ พี่ล่ะเป็นยังไงบ้าง” ถ้าจะบอกว่าพี่ก้อยเป็นรักครั้งแรกของผมก็คงใช่ เวลาเปลี่ยน ตอนนี้เด็กหนุ่มตัวบางหน้าตาน่ารักเปลี่ยนไปมากแล้ว เขาดูดีขึ้น แววตาที่มองผมยังคงเปล่งประกายเหมือนครั้งแรกที่เราตกหลุมรักกัน ที่จริงผมน่ะ ลืมความรู้สึกนั้นไปแล้วล่ะ กระทั่งกลับมาเจอเขาอีกครั้งโดยบังเอิญ

“หลังจากเกิดเรื่อง พี่ก็ตามหาเรานะ พี่อยากขอโทษ แต่ตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอเลย ยายก็ไม่บอกอะไรพี่”

“ผมไม่ได้ติดต่อกับยายเลย นี่ก็เพิ่งกล้ากลับมาเจอท่าน”

“ดีจังเลยนะ”

“ดียังไงพี่”

“พี่กลัวมาตลอด กลัวว่าเรื่องของพี่จะทำให้ชีวิตโอมพัง”

“มันก็ไม่ได้พังขนาดนั้นหรอก แค่ต้องใช้ชีวิตลำพังมาตั้งแต่ตอนนั้น มันก็เหงาๆ หน่อย แต่ตอนนี้ผมไม่เหงาแล้วล่ะ”

“เจอคนที่ใช่แล้วใช่มั้ย”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้แหละ พี่ก้อยล่ะ เจอคนที่ใช่รึยังครับ”

“คงจะใช่แล้วล่ะ อยู่ด้วยกันมา 3 ปีแล้ว”

‘ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ...’

เสียงเตือนรถไฟเข้าชานชาลาทำให้ทสนทนาของเราจบลง ทั้งผมและพี่ก้อยเพียงแค่ยิ้มให้กันแทนคำบอกลา รอยยิ้มที่ไม่ต่างกับตอนที่เจอกันครั้งแรกต่างกันแค่ความหมายเท่านั้นเอง

ผมเจอพี่ก้อยตอนอายุ 17 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ล่ะมั้ง เขาเป็นญาติของใครซักคนในหมู่บ้าน เป็นคนหน้าตาดี เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้รสนิยมทางเพศของตัวเอง ทำให้มั่นใจว่าเพราะแบบนี้นี่เองถึงคบกับผู้หญิงไม่ยืดนัก

ครั้งแรกที่เราคุยกัน หัวใจของผมเต้นแรงมาก และในคืนเคาท์ดาวน์ที่ผมอยู่บ้านคนเดียวเพราะยายไปสวดมนต์ข้ามปีที่วัด ผมก็นัดพี่เขามาแล้วพวกเราก็เกินเลยกัน ครั้งแรกของเรามันดีมาก ดีเสียจนผมห้ามตัวเองไม่ได้ พวกเราทำกันซ้ำๆ จนหมดแรง

เมื่อความสุขผ่านพ้นไป ความทุกข์ก็วิ่งเข้ามาหาด้วยความไวแสง

เช้าวันต่อมาขณะที่เรานอนหยอกล้อกันอยู่ในห้องของผมนั้น ประตูห้องก็เปิดออก ทั้งยายและญาติของพี่ก้อยยืนมองพวกเราด้วยสายตาตื่นตกใจ

ในตอนนั้นไม่มีใครพูดอะไรเลย มีเพียงความอึดอัดที่ชวนให้หายใจไม่ออก

หลังจากนั้นยายก็ไม่ยอมคุยกับผมอีก ญาติพี่ก้อยซึ่งมีหน้ามีตาในหมู่บ้านก็เอาแต่พูดเรื่องของผมจนคนทั้งหมู่บ้านเริ่มไม่ชอบหน้าเรา ผมทนเห็นยายถูกคนเหล่านั้นมองด้วยสายตารังเกียจไม่ได้ เมื่อเรียนจบม.ปลายผมจึงตัดสินใจออกจากบ้านมา

ทางเดินชีวิตของผมไม่ราบรื่นนัก แต่มันก็ไม่แย่หรอก เจอคนดีบ้างไม่ดีบ้างก็เรียนรู้และปรับตัวกันไป

และตอนนี้เค้าพายุหนักที่ปกคลุมผมอยู่ก็ได้สลายตัวไปแล้ว ต่อจากนี้ผมจะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง แน่นอนว่าในเส้นทางนั้นต้องมีปิ๊กเดินไปด้วยกัน













ผมกลับมาทำงานที่ฟิตเนสได้เกือบ 3 เดือนแล้ว

คุยกับคุณย่าของปิ๊กครั้งล่าสุดท่านบอกว่าข่าวลือของผมที่โรงเรียนซาลงไปมากแล้ว ถ้าอยากกลับมาทำงานต่อก็มาได้ ผมรู้สึกขอบคุณโอกาสดีๆ ที่ได้รับ แต่ผมคงไม่กล้ารับมันไว้อีกแล้ว ผมกลัว กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแน่ ถ้าผู้คนในประเทศนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องของ LGBT อย่างแท้จริง ไม่สิ อย่างน้อยถ้าเขาเปิดใจและมองว่าพวกเราก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึง เรื่องราวเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น

ความสัมพันธ์ของผมกับปิ๊กก็ยังคงดำเนินไป ถึงแม้ระยะทางจะห่างไกล ถึงแม้จะไม่ได้กอดกันจริงๆ ซักครั้งแต่ปิ๊กก็ทำให้ผมสนุกมาก ไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์แต่รวมถึงชีวิตประจำวันของเขาด้วย

ทั้งผมและปิ๊กกลายเป็นมนุษย์โซเชียลไปแล้ว ถ้าไม่มีโทรศัพท์มือถือกับอินเตอร์เน็ตผมคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ได้จริงๆ

“พี่โอมๆ พรุ่งนี้มางานพรอมพ์ที่โรงเรียนแหละ”

“งานพรอมพ์?” พอผมทำหน้าไม่เข้าใจเด็กน้อยของผมก็หัวเราะร่วน ที่จริงผมเคยได้ยินคำนี้มาบ้างในละครแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมันจริงจังนักหรอก

“ปาร์ตี้ครับ มีสาวมาชวนปิ๊กไปงานด้วยนะ”

“แล้วปิ๊กตอบตกลงมั้ย”

“ตอบตกลงดีมั้ยนะ” ยังมีหน้ามาทำทะเล้นอีก มันน่าบีบจมูกให้แดงเป็นลูกตำลึงจริงๆ “พี่โอมอยากให้ปิ๊กไปกับเธอมั้ย”

“ถ้าปิ๊กอยากไปพี่ก็ไม่ห้ามนะครับ”

“ที่จริงมีรุ่นพี่กัปตันทีมบาสมาชวนปิ๊กด้วยแหละ”

“ผู้ชายเหรอ”

“ช่าย ตัวสูง หล่อด้วย”

“หล่อกว่าพี่รึเปล่า”

“อืมมมม...” ปิ๊กไม่ตอบผมทันที แต่เขาใช้ดวงตากลมๆ จ้องมองผมอย่างพิจารณาด้วยสีหน้าจริงจังมากจนน่าหมั่นเขี้ยว ถ้าอยู่ใกล้ๆ กันจะจับตีก้นซะให้เข็ดเลย

“คนละแบบอะ แต่ปิ๊กชอบแบบพี่โอมมากว่านะ” ปากหวานจนอยากจูบให้ปากเจ่อเลย

“พี่ไม่อนุญาตให้ปิ๊กไปกับผู้ชายนะ”

“รู้น่าๆ เดี๋ยวปิ๊กอวดชุดที่ใส่ไปพรุ่งนี้นะ” ว่าแล้วก็ถอดเสื้อยืดออก ปลดกางเกงจนเหลือเพียงกางเกงชั้นในสีขาวตัวเดียว

ให้ตายเถอะ ผมละสายตาจากยอดอกเล็กๆ บนแผ่นอกสีน้ำนมนั่นไม่ได้เลย อยากละเลงมันด้วยลิ้น อยากขยี้ด้วยมือ อยากฝากรอยรักเอาไว้แสดงความเป็นเจ้าของทั้งตัว

ตอนนี้ ตอนที่ปิ๊กกำลังวิ่งวุ่นหาเสื้อผ้ามาอวดผม ผมก็มองด้วยสายตาหื่นกระหาย ถึงแม้จะเล่นสไกฟ์เซ็กส์กันแทบทุกคืนแต่เชื่อเถอะว่าแค่นั้นมันไม่เพียงพอกับความต้องการของผมหรอก

“พี่โอมๆๆๆ”

เสียงปิ๊กเรียกผมให้ตื่นจากความคิดลามกในหัว เมื่อมองไปตรงหน้าก็ยังพบว่าปิ๊กยังคงสวมกางเกงชั้นในเพียงตัวเดียว ยอดอกสีสวยตัดกับผิวขาวใสสะกดสายตาของผมไว้ได้เป็นอย่างดี

“ชุดหล่อเปล่า?” น้องถามพลางชูเสื้อสูทกับกางเกงสีดำขึ้นให้ผมดู

ชุดมันก็ดูดีอยู่แล้วล่ะ

“ลองใส่ให้พี่ดูหน่อยสิครับ” อยากบอกว่าเวลาน้องไม่ใส่อะไรเลยดูดีที่สุดแล้ว แต่นั่นมันก็จะดูหื่นจนเกินไปใช่มั้ยล่ะ

“แป๊บนึงนะครับ” แป๊บนึงของปิ๊กไม่มีอยู่จริงหรอก

ไม่แน่ใจว่าน้องมันไร้เดียงสาจริงๆ หรือกำลังยั่วยวนผมกันแน่ เมื่อปิ๊กขยับเข้ามายืนในจุดที่ผมสามารถมองเห็นเขาทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า

มือเล็กหยิบเสื้อมาสวม เขาค่อยๆ สอดแขนเข้าไปในแขนเสื้ออย่างอ้อยอิ่ง พอสวมเสร็จก็ค่อยๆ ติดกระดุมอย่างไม่เร่งรีบ ราวกับตั้งใจโชว์ผมอย่างนั้นแหละ

แต่ก็ดี น้องชอบโชว์ ผมเองก็ชอบดูเหมือนกัน

“ที่ฟิตเนสเป็นยังไงบ้างอะครับ แอบนอกใจปิ๊กรึเปล่า”

“นอกใจอะไรกันล่ะ ไม่มีหรอก”

“ให้มันจริงเถอะ อย่าให้จับได้”

“ไม่ให้จับได้หรอก”

“พี่โอม!!” เด็กน้อยแหว ใบหน้าน่ารักยุ่งเหยิง มือที่กำลังติดกระดุมหยุดชะงัก “ฟ้องคุณย่านะ”

“พี่ล้อเล่นน่า กำลังตั้งใจเก็บเงินซื้อตั๋วเครื่องบินอยู่เนี่ย”

“ซื้อตั๋วเครื่องบินไปไหน” มือเล็กกลับมาวุ่นวายกับกระดุมเสื้ออีกครั้ง

“ปิ๊กคิดว่าไงอะ”

“มาหาปิ๊กเหรอ” น้ำเสียงน้องตื่นเต้น เห็นอย่างนั้นแล้วผมเองก็รู้สึกดีไปด้วย ทั้งตื่นเต้นกับการเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก

“เขาจะให้พี่เข้าประเทศมั้ย” ปิ๊กหัวเราะชอบใจ เขาละมือจากเสื้อตัวเองทั้งที่ยังติดกระดุมไม่เสร็จแล้วขยับมานั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าคอมพิวเตอร์

คิดว่าคงลืมเรื่องที่ทำก่อนหน้าไปแล้วแน่นอน เพราะคงตื่นเต้นกับเรื่องที่ผมเพิ่งบอก

“อยากเจอพี่โอมพรุ่งนี้เลย” แล้วก็อ้อน “พี่โอมมาวันไหนอะ ช่วงคริสมาสต์ดีมั้ย”

“อีกไม่กี่เดือนเอง”

“เก็บเงินไม่ทันเหรอ”

“ทันสิ”

“แล้วทำไมทำหน้างั้นอะ” ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองทำหน้าอย่างไร คงกังวลแหละมั้ง ผมไม่รู้เรื่องการไปต่างประเทศก็เลยรู้สึกกลัวไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง

“พี่ไม่เคยนั่งเครื่องบิน” ผมบอกน้องด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างไม่มั่นใจนัก

ก็ต้องไม่มั่นใจอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ อายุเกือบจะ 30 แล้วแต่ไม่เคยนั่งเครื่องบินเลยซักครั้ง สำหรับสังคมคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำอย่างผม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลย แต่สำหรับสังคมของปิ๊ก ผมไม่รู้ว่าน้องจะมองผมอย่างไร

ขณะที่ผมทำหน้าไม่ถูก ปิ๊กก็หัวเราะออกมา

“ปิ๊กก็เคยกลัวการนั่งเครื่องบิน แต่พี่โอม มันไม่น่ากลัวหรอก”

“พี่กลัวเครื่องบินตก” ผมบอกด้วยความสัตย์จริง คิดว่าปิ๊กจะหัวเราะแต่น้องไม่พูดอะไร เขามองหน้าผมนิ่งๆ ด้วยสายตาอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรนะ ถ้าพี่โอมยังไม่พร้อมยังไม่ต้องบินมาก็ได้ รอจนกว่าปิ๊กอายุครบ 18 แล้วเราค่อยเจอกันยังได้เลย”

ไม่ได้หรอก ผมรอจนถึงตอนนั้นไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นไม่ใครก็ใครคงต้องเฉาตายกันไปข้างแน่

“แล้วนี่ไม่ลองชุดให้พี่ดูแล้วเหรอครับ”

“นั่นสิ รอแป๊บนะ”

“ไม่ต้องแล้วก็ได้มั้ง”

“ทำไมอะ” น้องทำหน้าน่ารักพลางเอียงคอถาม

“ถอดออกดีกว่าไม่ต้องใส่แล้ว” ผมบอกพร้อมกับถอดเสื้อตัวเองออก

“พี่โอมลามก” ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่ก็ยอมปลดระดุมแล้วแยกสาบเสื้อออกเผยยอดอกน่ารักที่ผมมองแล้วรู้สึกคอแห้งจนต้องแลบลิ้นเลียริมฝีปาก

“โคตรอยากกัดปิ๊กเลย”

“เจ็บนะพี่โอม อย่ากัดแรงดิ” ปากบอกอย่างนั้นพร้อมกับบดขยี้ยอดอกตัวเองด้วยนิ้วเรียว

“เด็กดื้อพี่จะกัดให้ขาดเลย”

“ใจร้าย อื้อ” ปิ๊กหลับตาลง ริมฝีปากเล็กอ้าเผยอเปล่งเสียงน่ารักขณะปรนเปรอยอดอกตัวเองด้วยมือ

แน่นอนว่าภาพตรงหน้าทำให้กลางกายของผมค่อยๆ ขยับขยาย

“ปิ๊กครับ กินสิ” ผมถลกกางเกงลงปลดปล่อยลูกชายออกสู่โลกภายนอกพลางกดกล้องลงต่ำ และเด็กน้อยของผมก็ลืมตาขึ้นมา

กล้องถูกกดลงไปให้เห็นปิ๊กที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น ปากอิ่มอ้าเผยอ มือบางคว้าสะเปะสะปะหาอะไรสักอย่างอยู่นอกเฟรม ครู่หนึ่งของที่เจ้าตัวตามหาก็ปรากฏแก่สายตาผม

มันคือเจ้าแท่งสีชมพูที่น้องซื้อมาเล่น

ที่จริงผมไม่ค่อยชอบมันนัก แต่ในยามนี้ก็ต้องยอมรับแหละว่าของเขาดีจริงๆ

ผมมองปิ๊กที่ถือเจ้าสิ่งนั้นไว้ในมือ ลิ้นชื้นถูกส่งออกมาแตะส่วนยอดของเจ้านั่น ใบหน้าเคลิบเคลิ้มทำให้ผมเริ่มขยับมือที่กำลังรูดรั้งของในมือตัวเองเร็วยิ่งขึ้น

“ปิ๊ก อมมันครับ อื้ม” ห้องที่ผมได้รับมาเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ดังนั้นผมจึงเปล่งเสียงออกมาได้อย่างที่ต้องการ

ของในมือถูกส่งเข้าปาก ปิ๊กรูดอมมันด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม เขาปล่อยให้น้ำลายไหลออกมา ไม่สนใจว่ามันจะหยดลงพื้นเลยสักนิด

“อีกครับปิ๊ก เร็วอีก” น้องก็ช่างน่ารัก บอกให้ทำเร็วๆ ก็ทำ

“ใหญ่ อืม ของพี่โอมมันใหญ่” ดวงตาเยิ้มๆ เปิดขึ้น น้องจับจ้องมาที่ผม ลิ้นเล็กตวัดเลียและบดขยี้ที่ส่วนปลายเช่นเดียวกับมือผมที่กำลังขยี้ของตัวเองจนแทบจะแตกอยู่รอมร่อ

“แล้วปิ๊กไม่ชอบเหรอครับ อื้ม เด็กดี พี่จะออกแล้ว”

“อย่า อย่าทิ้งปิ๊ก พี่โอม”

“ให้พี่แตกใส่หน้านะครับ คนดี อื้ม” ผมสาวมือแรงๆ พร้อมกับปิ๊กที่ขยับเข้ามาใกล้ในมุมที่เหมือนผมจะแตกใส่หน้าเขาได้จริงๆ ลิ้นเล็กถูกส่งออกมา ไม่รู้ว่าน้องกำลังจินตนาการเรื่องลามกระหว่างดูผมหรือเปล่า แต่ผมกำลังคิด คิดลามกมากๆ เลยด้วย

“ใจร้าย” ผมลืมตาขึ้น หอบหายใจ และได้ยินเสียงปิ๊กแผ่วเบา “ไม่รอปิ๊ก”

“ขยับเข้ามาหาพี่เร็ว”

น้องก้าวขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ แต่คราวนี้นั่งคร่อมหันหน้าเข้าหาพนักพิงหันหลังให้ผม เชื่อเถอะว่าภาพนั้นทำให้ผมตื่นตัวอีกครั้ง แผ่นหลังและลำคอระหงเรียบเนียนทั้งก้นกลมๆ ท่อนขาเรียว ทั้งหมดที่ประกอบขึ้นมาเป็นปิ๊กผมอยากฝากรอยรักเอาไว้ ตีตราจองตลอดชีวิต

“ปิ๊ก พี่จะใส่เข้าไป” น้องเอี้ยวตัวมายิ้มหวาน ยกขาข้างนึงขึ้นเผยให้เห็นช่องทางสีหวาน “เลียนิ้วพี่หน่อยสิครับ”

ผมยื่นมือเข้าไปหา และปิ๊กก็อ้าปากส่งนิ้วตัวเองเข้าไปในปาก ไล้เลียแล้วชักออก ส่งลิ้นตามออกมา มองผมด้วยสายตาที่ฆ่ากันตายได้เลย

“พี่จะใส่นิ้วเข้าไปก่อน”

“อืม” ช่องทางรักถูกเค้นคลึงด้วยนิ้วของเจ้าตัวแทนนิ้วผม ชั่วอึดใจเดียว นิ้วกลางก็ถูกส่งเข้าไปจนสุด สะโพกอวบส่ายเบาๆ พลางสั่นระริก ปิ๊กกัดปากยั่วยวนกันก่อนจะส่งนิ้วที่สองเข้าไป

“ดึงออกแล้วกระแทกเข้าไปแรงๆ เลย” ปิ๊กทำตามคำสั่ง เขากระแทกกระทั้นช่องทางรักของตนเองด้วยนิ้วแรงๆ อย่างใจปรารถนา

ผมเองก็เริ่มคลึงเจ้าตัวที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นมาหลังจากได้ปลดปล่อยเมื่อครู่

ถ้าได้สอดใส่เข้าไปในช่องทางนั้นจริงๆ มันจะตอดรัดดีซักแค่ไหนกันนะ

ผมมองน้องไม่คลาดสายตา จับจ้องนิ้วนั้นพลางจินตนาการว่าตัวเองได้สอดใส่เข้าไป

“พี่โอม ไม่พอ ปิ๊กอยากได้” น้องพูดกับผมแต่สายตากลับจับจ้องอยู่ที่ของบางอย่าง แน่นอนว่ามันคือของเล่นที่มีขนาดใกล้เคียงกับของผม

สีหน้าปิ๊กทรมานมาก เขามองเจ้าแท่งด้วยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา สะโพกเล็กบิดเร่าเหมือนตอนที่เคยอ้อนขอของผม

“ปิ๊กใช้มันนะ นะครับ” ถึงแม้น้องไม่อ้อน ครั้งนี้ผมก็ยอมอยู่แล้ว ก็น้องน่ารักเสียขนาดนี้

“พี่จะใส่ของพี่เข้าไป” ผมลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปใกล้ ทำเหมือนว่าจะใส่ของตัวเองเข้าไปได้จริงๆ

เหมือนรู้กัน พอผมว่าอย่างนั้นน้องก็หยิบเจ้าของเล่นนั้นมาดูดอมเคลือบมันด้วยน้ำลายก่อนจะส่งมันไปลูบไล้ตรงแก้มก้น เสียดสีตรงรอยแยกก้นอิ่มๆ

ปิ๊กค่อยๆ สอดส่วนยอดเข้าไป

เสียงน้องคล้ายทรมาน แต่มือก็ไม่หยุด เขาส่งมันเข้าไป ร้อง ร้องคราง กระทั่งสุด

“อื้อ พี่โอม มันแน่น”

“พี่ขยับได้รึยังครับ ปิ๊กโคตรแน่นเลย อย่าเพิ่งตอดพี่สิ” มองด้วยตาก็รู้ว่าช่องทางนั้นคับแคบเพียงใด

ผมมองเจ้าแท่งที่ค้างคาอยู่ในก้นของคนรักพลางชักรูดของตน สักพักปิ๊กก็ละมือออก เขาจับพนักพิงด้วยมือข้างนึง ส่วนอีกข้างเอื้อมลงมาข้างล่างตรงส่วนหน้าที่ตื่นเต็มตัวพร้อมปลดปล่อย

เจ้าแท่งนั้นสั่น ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงมัน

ปิ๊กครางเสียงแผ่ว ปล่อยให้น้ำตาและน้ำลายไหลย้อยด้วยความปรารถนาอันร้อนแรง เขาร่อนสะโพกรับของที่เสียบคาอยู่ในก้น มือเรียวชักรูดของตัวเอง

เราสบตากัน ปิ๊กมองผม ผมมองเขา เด็กน้อยแลบลิ้นออกมาเหมือนรอให้ผมปลดปลดใส่ใบหน้าน่ารักของเขา

ให้ตายเถอะ ขนาดไม่ได้สัมผัสกัน คืนนี้ผมก็ใกล้จะเสร็จสมรอบที่สองแล้ว ไม่อยากคิดเลยว่าตอนที่ได้ร่วมรักกันจริงๆ เราจะหมกมุ่นกันแค่ไหน

“พี่โอม ปิ๊กจะเสร็จ อ๊า แรง เอาแรงๆ ฮือ” สิ้นคำร่างบอบบางก็กระตุกเกร็ง ผมเองก็ปลดปล่อยออกมาในช่วงเวลาเดียวกัน

“อยากกินของปิ๊กจังเลยครับ”

เด็กน้อยยิ้มน้อยๆ อย่างเหนื่อยหอบ มือเล็กที่เปรอะเปื้อนน้ำรักยื่นเข้ามาใกล้หน้าจอ

“แลกกัน” น้องว่าอย่างนั้นพลางอ้าปากขอ ผมจึงยื่นมือเข้าไปหา

เราต่างก็เลียมือในจินตนาการ รับเอาสิ่งที่ปลดปล่อยออกมาเข้าปากจนหมด

และเมื่อทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติปิ๊กก็หัวเราะ เสียงใสๆ ทำให้มั่นใจว่าสิ่งที่เราทำเป็นการเติมความสุขให้เราทั้งคู่ ไม่ใช่การเอาเปรียบกันเพื่อความสุขสมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

แคนาดาเหรอ

นั่งเครื่องกี่ชั่วโมงนะ

ผมน่ะ จะนอนกกปิ๊กเท่ากับจำนวนชั่วโมงการเดินทางเลย นับตั้งแต่ออกจากบ้านไปถึงสนามบินก็ใช้เวลามากโขแล้วล่ะมั้ง





[T B C]



ตอนหน้าพี่โอมกับเจ้าปิ๊กเจอกันแล้ววววววววววววววววววววววว


หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 14 เรื่องของโอม}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 01-10-2018 21:30:32
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนหน้าก็ไม่ต้องเซ็กส์โฟนจินตนาการแล้วเนอะ
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 14 เรื่องของโอม}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-10-2018 22:01:43
อีกตอนเดียวก็จบแล้วสิเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 14 เรื่องของโอม}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-10-2018 01:25:46
ความหื่นยังคงเส้นคงวาเสมอเลยทั้งคู่  :hao6:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 14 เรื่องของโอม}
เริ่มหัวข้อโดย: joborcusier ที่ 06-10-2018 00:10:38
 :jul1:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 14 เรื่องของโอม}
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 06-10-2018 16:16:35
 :pighaun: ตายๆ พี่โอมไปไหนรอดเลยเนียยย ยั่วขนาดนี้ลูกก
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป - ตอนจบ}
เริ่มหัวข้อโดย: แจซอล ที่ 12-10-2018 20:20:31

ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป – ตอนจบ




ผมมาถึงแคนาดาแล้วจริงๆ

ที่จริงแล้วการนั่งเครื่องบินไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย หรือบางทีผมอาจจะจดจ่ออยู่กับการได้เจอปิ๊กมากเกินไปจนลืมความกลัวพวกนั้นไปเป็นปลิดทิ้ง

แต่อย่างไรก็ตาม เร็วๆ นี้ผมจะได้เจอปิ๊กตัวเป็นๆ แล้ว

อากาศในช่วงเทศกาลคริสมาสต์หนาวมาก ผมคิดว่าตัวเองคงแข็งตายแน่ๆ ถ้าออกไปสัมผัสหิมะนอกสนามบินนั่น

และเพราะเป็นช่วงเทศกาล ค่าเครื่องบินจึงแพงมาก ค่าห้องพักที่โรงแรมก็คงไม่ต่างกัน ปิ๊กจองห้องพักด้วยชื่อของเขา เจ้าตัวบอกว่าที่พักของผมเป็นกิจการของครอบครัวเพื่อนคุณพ่อ ถ้าใช้ชื่อเขาก็จะได้ส่วนลดมากหน่อย

ยังไงก็ได้แหละ ถ้ามันจะเซฟเงินในกระเป๋าของผมได้บ้าง

บรรยากาศตอนลงจากเครื่องแล้วเดินมาที่ประตูขาเข้าก็คล้ายๆ กับที่เคยเห็นในทีวี มีผู้คนมารอรับญาติมากมาย และผมก็เป็นส่วนน้อย ปิ๊กไม่ได้มายืนถือป้ายรออย่างที่ผมคิด จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่มา แถมไม่ยอมติดต่อมาอีกด้วย

ผมนั่งอย่างคนอับจนหนทางอยู่ในอาคาร มองผู้คนที่เดินผ่านไปมาอย่างเลื่อนลอย

คงไม่เกิดเรื่องแย่ๆ กับน้องระหว่างเดินทางมาที่นี่หรอกใช่มั้ย

“เฮ้!” ผมมองซ้ายมองขวาเมื่อเด็กหนุ่มผมดำขวับที่กำลังโบกมือทักทายเดินเข้ามาใกล้กัน

อย่ามาทักนะเว้ย ผมพูดภาษาอังกฤษได้เสียที่ไหนกัน

“ทำไมทำหน้างั้นอะ” เขาเข้ามาหยุดตรงหน้าผมพลางใช้สายตาที่คุ้นเคยจ้องมองกันอย่างพิจารณา

คุ้นๆ แฮะ ปิ๊กเหรอ แต่จำได้ว่าผมปิ๊กไม่ใช่สีนี้ อีกอย่างดวงตาเขาก็เป็นสีทองไม่ใช่สีดำอย่างเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ซักหน่อย

“พี่โอม จำปิ๊กไม่ได้เหรอ”

“ปิ๊ก” ผมมองเขาอย่างพิจารณา “ทำไมผมสีนี้ ตาด้วย” ผมชี้ที่ผมและดวงตาเขาด้วยสีหน้าของคนโง่ๆ คนหนึ่งให้เด็กหนุ่มตรงหน้าผมหัวเราะร่วน

“ไม่รู้จักนวัตกรรมการย้อมผมเหรอ คอนแทคเลนส์รู้จักมั้ยครับ”

“แต่ก่อนที่พี่จะบินผมปิ๊กยังเป็นอีกสีอยู่เลย”

“ก็เพิ่งไปย้อมมา”

“ที่มาช้าก็เพราะไปร้านทำผม”

“ใช่แล้ว” เด็กหนุ่มตรงหน้าตอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่สะทกสะท้านกับการมารับผมสาย แถมยังใช้นิ้วม้วนเส้นผมตรงหน้าเล่นอีก

ทำไมกลายเป็นเด็กแบบนี้ไปได้ล่ะ

ที่จริงปิ๊กเปลี่ยนไปมากเลย เมื่อ 2 ปีก่อนเขาตัวเท่าอกผมเอง ดูเด็กกว่าอายุมาก แต่ตอนนี้น้องสูงขึ้น ดูมีกล้ามเนื้อมากขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และสีผมเปลี่ยนไป

“มองอะไร ที่นี่สนามบินทำเรื่องอย่างว่าไม่ได้หรอกนะ” แต่ยังคงชอบหยอกผมเหมือนยามเราวิดีโอคอลคุยกัน

“ที่นี่หนาว”

“ใช่หนาวมาก” น้องพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ “อยากให้พี่โอมช่วยทำให้อุ่นจังเลย”

“กลับที่พักกัน” ปิ๊กยิ้มร่า เขายื่นมือมาเหมือนจะขอช่วยถือกระเป๋า น้องตัวโตขึ้นก็จริงแต่ก็ยังเล็กกว่าผมแหละ เรื่องใช้แรงงานนี่ไม่ต้องมาขอช่วยหรอก

ผมบอกให้น้องเดินนำออกไป เรามาหยุดที่รถคันหนึ่ง ไม่มีคนขับ กำลังจะถามก็พบว่าเด็กน้อยของผมล้วงเอากุญแจออกมาควง คงคิดว่าตัวเองเท่มากล่ะมั้ง

“ขับมาเอง?”

“ใช่”

“มีใบขับขี่แล้วเหรอ”

“ไม่มี” ตอบอย่างฉะฉานพร้อมกับปลดล็อครถ พยักพเยิดให้ผมเก็บกระเป๋า

เราเข้ามานั่งประจำที่ คาดเบลท์ แล้วปิ๊กก็ออกรถ

ผมมองตรงไปข้างหน้า ครู่เดียวก่อนจะหันมามองปิ๊กด้วยความรู้สึกแปลกๆ

คนข้างๆ ผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ มากจนผมรู้สึกเหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้าทั้งที่คุยกันอยู่ทุกวัน ในหน้าจอ เรามองเห็นกัน แต่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องดูเป็นผู้ใหญ่มากขนาดนี้

“มองอะไรครับ” น้องถามทั้งที่ไม่ละสายตาจากถนนตรงหน้า

“ปิ๊กเปลี่ยนไปเยอะเลยเนอะ”

“เปลี่ยนอะไรครับ ก็เห็นกันในจอทุกวัน”

“ไม่เหมือนกัน ในจอปิ๊กดูเด็กกว่าตัวจริงมาก”

“เหรอ ทำไม เจอตัวจริงแล้วไม่รักเหรอ” น้องเหลือบมองผมแว้บหนึ่ง ละมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยมาลูบต้นขาผมก่อนจะจับหมับเข้าที่กลางกาย

ผมสะดุ้งเฮือก แต่ก็ไม่คิดจะห้ามปราม

“ตรงนี้พี่โอมยังใหญ่ขึ้นได้เลย แล้วปิ๊กไม่มีสิทธิ์โตขึ้นเหรอครับ”

“มะ อื้ม มี มีครับ” ผมเอ่ยไม่เต็มเสียง เพราะแค่ถูกลูบไล้ด้วยมือของคนที่ผมปรารถนาตลอดมามันก็ขยายใหญ่พร้อมใช้งานแล้ว

“พี่โอมไม่อดทนเลยอะ อยากทำตรงนี้นะแต่ทำไม่ได้ รถเพื่อน” ปิ๊กโคตรร้ายเลยว่ะ บอกผมอย่างนั้นแล้วก็ชักมือออกพลางยิ้มร้าย

“ระวังไว้เถอะ”

“เรื่อง?” พอถูกขู่ก็หันมาถามด้วยใบหน้าระรื่น แต่ก็สมเป็นปิ๊กดี

“จะเอาจนลุกไม่ได้เลย”

“ไม่กลัวหรอก” ไปเรียนท่าทางการยักคิ้วมากจากไหนกันนะ

ความเร็วของรถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างที่ผมเองก็สังเกตได้ถึงความเร่งรีบ ไม่นานก็เข้ามาจอดที่หน้าโรงแรม ปิ๊กรีบเช็คอินแต่ถึงกระนั้นเคาท์เตอร์ก็ไม่รีบอย่างใจเขา สักพักทีเดียวกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย

พนักงานเดินนำเราขึ้นมาบนห้อง ผมไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับปิ๊กเพราะไม่ถนัดภาษาอังกฤษ

ประตูห้องถูกเปิดออกและปิดลงแทบจะทันที และผมก็เข้าสวมกอดน้องทันทีเช่นกัน

“คิดถึงนะครับ” ผมสูดดมกลิ่นหอมที่ซอกคอขาว ประทับจูบแล้วดูดแรงๆ ให้เกิดรอยอย่างที่อยากทำมาตลอด

ปิ๊กหัวเราะคิกคัก เขากอดตอบผม ลูบไล้เส้นผมอย่างรักใคร่

“เดินทางมาตั้งไกล ไม่เหนื่อยไม่หิวเหรอครับ”

“หิวปิ๊ก” ผมบอกก่อนยกเจ้าตัวน้อยของผมขึ้นพาดบ่า คิดว่าครั้งแรกน่าจะเริ่มที่เตียงจึงเดินตรงไปยังห้องนอน จะหาว่าผมหมกมุ่นก็ได้ แต่ผมคิดมาจากบ้านแล้วว่าผมจะทำกับปิ๊กในทุกๆ ที่ของห้องพักนี้ แน่นอนว่ารวมระเบียงห้องด้วย

ร่างน้องถูกทุ่มลงบนเตียง ผมพยายามถอดเสื้อ แต่มันช่างยากลำบาก

ความต้องการทำให้มือไม้สั่น เสื้อผ้าที่สวมก็หลายชั้นจนนึกหงุดหงิด

“พี่โอมใจเย็น” เสียงน้องติดขำ และก่อนที่ผมจะอารมณ์เสียมากไปกว่านี้เจ้าตัวเล็กก็ลุกขึ้นยืนเข่าแล้วคลานเข้ามาหาผมซึ่งยืนอยู่ที่พื้นตรงปลายเตียง

มือของผมถูกกุมเอาไว้ ปิ๊กส่งมันลงข้างลำตัวก่อนจะยื่นมือตัวเองเข้ามาช่วยถอดเสื้อหนาวตัวที่หนาโคตรๆ ออกจากร่างผม

ขณะที่น้องทำอย่างใจเย็น แต่ใจผมโคตรร้อน อยากทำเดี๋ยวนี้ อยากกอดปิ๊กเดี๋ยวนี้เลย

“ปิ๊กก็ถอดสิ” ผมบอกขณะสูดดมเส้นผมของเขา

“พี่โอมก็ถอดให้สิ” ปิ๊กว่าพร้อมกับที่เสื้อหนาวของผมถูกถอดออกไปจนเหลือเพียงเสื้อยืดสีขาวเพียงตัวเดียว

ผมถอดมันออกแล้วขึ้นไปบนเตียง ดึงน้องขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก เริ่มต้นด้วยการปลดผ้าพันคอแล้วตามด้วยเสื้อกันหนาวผืนหนา จนเหลือแค่เสื้อไหมพรมผมจึงซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกเขา สอดมือผ่านชายเสื้อเข้าไปลูบไล้เอว ทำทุกอย่างอย่างที่เคยจินตนาการเอาไว้ตอนเล่นกันผ่านกล้อง

“พี่โอม...” มือเรียวซุกเข้ามาในกลุ่มเส้นผมบนศีรษะ เขาพยายามดึงผมให้ผละออกจากอก แต่ผมก็ไม่ยอมง่ายๆ นอกจากจะไม่ยอมทำตามแล้วยังครอบริมฝีปากลงบนยอดอกใต้เสื้อไหมพรมนั้น

ได้ยินเสียงคนบนตักดังขึ้นด้วยความซ่านเสียว

“พี่โอมถอดเสื้อแล้วค่อยเลียสิ”

“ไม่ถอดก็เสียวนี่ครับ”

“แต่ถอดเสียวกว่า” เขาเถียงและเป็นฝ่ายถอดเสื้อออกแล้วโยนมันทิ้งไปราวกับของไร้ประโยชน์

ที่จริงในยามนี้ บนเตียงที่กำลังจะถูกเผาด้วยไฟรัก เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ของจำเป็นเท่าไหร่หรอก

เมื่อเห็นน้องทำอย่างนั้นผมเองก็ถอดเสื้อตัวเองทิ้งเหมือนกัน ก่อนจะเริ่มลงมือกับท่อนบนอันเปลือยเปล่าของน้อง ทุกซอกทุกมุมอย่างโหยหา

เมื่อก่อนจุดอ่อนของปิ๊กอยู่ที่ยอดอก แต่ตอนนี้เหมือนว่าจุดอ่อนของเขาอยู่ตรงปลายลิ้นของผมนี่แหละ เพราะไม่ว่าจะแตะต้องตรงส่วนใด ทั้งไหปลาร้า แผ่นท้อง สีข้าง กระทั่งรักแร้น้องก็ครางไม่ขาดปากเลย

และเชื่อเถอะว่าเสียงของปิ๊กกระตุ้นผมได้มากทีทีเดียว

“ฮือ พี่โอม ตรงนั้น” น้องกดหัวผมให้ซุกลงบนหน้าท้องเขาขณะกำลังหยอกล้อกับหลุมสะดือน่ารัก

เห็นมั้ย กระทั่งที่สะดือน้องก็ครางเสียงดังเชียว

“ตรงนี้ก็ดีเหรอครับ” ผมหยุดการกระทำแล้วมองหน้าน้อง ปิ๊กก้มลงมาสบตา ใบหน้าน่ารักแดงเชียว

“ถอดกางเกงจะเสียวกว่านี้อีก” ปากดีจริงๆ

“แล้วอย่ามาขอให้พี่หยุดล่ะ”

“ไม่หรอก ไม่บอกให้หยุดแน่นอน” เมื่อน้องว่าอย่างนั้นผมจึงปลดเข็มขัด ถอดกางเกงแล้วดึงรั้งมันออกรวดเดียวอย่างผู้เชี่ยวชาญ

เชื่อเถอะว่าสิ่งที่เห็นในจอกับของจริงแม่งโคตรต่างกันเลย

ปิ๊กที่อยู่ตรงหน้า ปิ๊กที่ผมสัมผัสได้ ดีกว่าปิ๊กที่อยู่ในจอเป็นไหนๆ ขาวกว่า เต็มไม่เต็มมือกว่า แม่งเอ้ย! แค่ลูบนิดๆ หน่อยๆ ก็จะแตกให้ได้เลย

ผมพลิกร่างปิ๊กให้นอนคว่ำหน้า ยกสะโพกเขาขึ้นก่อนกดจูบลงบนก้นกลมๆ นั้นอย่างหมั่นเขี้ยว

“ฮือ พี่โอม ปิ๊กเจ็บ” น้องเหลียวมองเมื่อถูกฝังเขี้ยวลงบนแก้มก้นแรงๆ แต่มีหรือที่ผมจะยอมหยุด

ปิ๊กแค่บอกว่าเจ็บ ไม่ได้บอกให้หยุดซุกหน่อย

แก้มก้นทั้งสองข้างถูกแยกออกให้ช่องทางคับแคบปรากฏแก่สายตา

สภาพผมตอนนี้เหมือนตาแต่ตัณหากลับ เพียงแค่มองก็อยากจะตีตราจองเป็นเจ้าของเดี๋ยวนี้

เร็วกว่าความคิดตัวเอง นิ้วเรียวถูกส่งไปสัมผัสให้เด็กที่นอนอยู่บนเตียงตัวกระตุก ปิ๊กเหลียวมามองผมอีกครั้งด้วยสายตาเชื่อมปรอย เห็นอย่างนั้นก็อดที่จะก้มลงไปป้อนจูบให้เขาไม่ได้เลย

เสียงครางอู้อี้ดังในปากที่ถูกป้อนด้วยลิ้นเมื่อนิ้วถูกสอดเข้าไปในช่องทางที่โคตรคับแน่น มันแน่นเสียจนกลัวว่าถ้าไม่เบิกทางล่ะก็ ของที่หลงเข้าไปต้องถูกบีบรัดจนขาดแน่ๆ

ผมผละจูบออก น้ำลายที่ยืดเป็นสายยิ่งที่ให้ภาพตรงหน้าดูลามกขึ้นไปอีก

ปิ๊กแลบลิ้นตามออกมา โหยหาให้ผมจูบ แต่ไม่ครับ ตอนนี้ผมอยากจูบที่อื่นมากกว่าปากของเขา

ผมเลื่อนตัวลงต่ำ พรมจูบตั้งแต่ใต้รักแร้ สีข้าง แผ่นหลัง เอวบาง เลียก้นกลมๆ ของเขาให้เจ้าของมันขยับกลายคล้ายจะหนี แต่ผมก็ห้ามเขาด้วยการจับเอวเอาไว้

ขาน้องบิดเกร็งเมื่อช่องทางสีระเรื่อที่ปิดสนิทนั้นถูกเลียด้วยลิ้น

เสียงปิ๊กดังขึ้นคล้ายจะขนาดใจเมื่อถูกจ้วงแทงด้วยลิ้นชื้นๆ ของผม

ไม่พอ...

ปิ๊กเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน เขาจึงยื่นมือมากดใบหน้าของผมให้จมอยู่กับก้นของเขา ให้ลิ้นเข้าไปลึกอีก

แก่นกายของผมคับแน่นเต็มกางเกง มันเจ็บปวดจนต้องคลึงมันเพื่อบรรเทา ปิ๊กเองก็คงรู้สึกเหมือนกัน เขาจึงยกสะโพกขึ้นโดยทิ้งร่างกายท่อนบนไว้บนที่นอน มือบางข้างหนึ่งถูกส่งมารูดรั้งตัวตนที่แข็งขึ้นมา ขยับด้วยจังหวะเดียวกับลิ้นของผม

แม่งเอ้ย!! ไม่ไหวแล้วว่ะ

ผมผละออกจากน้องอย่างแสนเสียดาย ลุกนั่งด้วยเข่าแล้วปลดกางเกงอย่างลุกลี้ลุกลน

ตุบ!!

และคงเพราะเร่งรีบเกินไป ตอนยกขาขึ้นเพื่อรูดกางเกงออกจึงหงายหลังร่วงลงมานอนกับพื้น

“พี่โอม” เสียงปิ๊กดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลและเมื่อลืมตาขึ้นมองก็พบว่าน้องนั่งมองผมอยู่ที่ปลายเตียงพลางหัวเราะชอบใจ

ผมแม่งรีบจนลนลานไปหมด

“หัวเราะอะไรตัวแสบ”

“พี่โอมตลกอะ” ยัง ยังไม่หยุดหัวเราะอีก

“มาช่วยพี่ถอดกางเกงเลย” และปิ๊กก็เป็นเด็กดีมาก พอผมบอกอย่างนั้นก็ยื่นมือมาช่วยดึงกางเกงยีนส์ออกจากขาตามด้วยกางเกงชั้นในจนตอนนี้ผมอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า

ผมลุกขึ้นยืนด้วยเข่า ยื่นมือไปคว้าแขนปิ๊กแล้วดึงร่างเล็กๆ นั้นลงมาหา เพียงสบตาในระยะประชิด ลิ้นของเราก็ถูกส่งออกมาแตะต้องกันอย่างโหยหา

มือเล็กๆ ลูบไล้ที่แผ่นอกของผม ผมเองก็ไม่น้อยหน้า ไม่มีส่วนไหนของแผ่นหลังน้องที่ผมไม่ได้สัมผัส

“ปิ๊กพี่เข้าไปนะ” ผมถามชิดกลีบปากอิ่ม ขณะหยอกเย้าช่องทางรักที่ยังคงฉ่ำแชะเพราะน้ำลายของผม

เด็กน้อยก็ช่างน่ารัก พอผมขอก็หมุนตัวไปเกาะขอบเตียงเอาไว้แล้วยกสะโพกขึ้น

ใจผมสั่นระรัวเมื่อภาพที่แสนยั่วยวนนี้ปรากฏตรงหน้า และไม่รอช้าที่จะเข้าไปในตัวเขา

ผมชักรูดส่วนที่กำลังแข็งขันจนพร้อมพรัก ใช้ส่วนปลายลูบแก้มก้นน้องเป็นออร์เดิร์ฟแล้วค่อยดันมันเข้าไป แต่เข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ น้องก็ร้องว่าเจ็บให้ต้องหยุดการกระทำลงระหว่างทาง

“ไหวมั้ยครับ” ผมปลอบโยนน้องด้วยจูบที่ท้ายทอย

“เจ็บ แต่ไหว พี่โอมเข้ามาเถอะ” น้องยื่นมือมาแยกแก้มก้นอิ่มออกให้ผมเข้าไปในตัวได้ถนัด

น้องแม่งโคตรเอาใจผมเลยว่ะ

พอน้องทำตัวน่ารักผมเองก็อยากทำตัวเป็นคนรักที่ดีเช่นกัน

ผมค่อยๆ ดันร่างกายส่วนที่ยังค้างคาเข้าไป แต่มันคับแน่น แถมน้องยังร้องไห้อีกด้วย ผมไม่รู้ว่าควรทำต่อดีมั้ย แต่ปิ๊กก็ช่างแสนดี พอผมหยุดน้องก็ดันสะโพกเข้ามาหา จนในที่สุดแก่นกายของผมก็เข้าไปอยู่ในตัวน้องทั้งหมด

“อื้ม” อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นสูดปากส่งเสียงครางเมื่อความคับแน่นที่กำลังกลืนกินของๆ ผมให้ความรู้สึกดีจนแทบปริแตกในทันทีที่เข้ามาจนสุดความยาว

“พี่โอม ขยับสิ” น้องเอี้ยวตัวมามองพร้อมออกคำสั่ง

“ไม่เจ็บเหรอครับ”

“เจ็บ” เอ้า! ผมมองน้องอย่างไม่เข้าใจนัก และพอผมไม่ยอมขยับเจ้าตัวแสบก็ดันสะโพกเข้ามาหาเสียเอง

“อื้ม ปิ๊ก แกล้งเหรอครับ”

“พี่โอมอะช้า”

“แล้วอย่ามาบอกให้หยุดล่ะ” จบประโยคผมก็เริ่มสอบสะโพก เริ่มต้นอย่างเนิบช้าแต่เหมือนว่ามันจะไม่ค่อยถูกใจน้องนัก ผมจึงเพิ่มความเร็วจนกลายเป็นถี่รัว

ผมจับแขนปิ๊กทั้งสองข้างไว้มั่น ดึงตัวน้องให้ลุกขึ้นมาจนแผ่นหลังแนบไปอกผม

น้องเอี้ยวหน้ามาขอจูบ ผมก็ตามใจโดยการป้อนจูบให้

ปิ๊กครางอู้อี้ ปล่อยให้น้ำลายของเราไหลเลอะขอบปากเมื่อยอดอกถูกผมหยอดล้อและบดคลึงอย่างสนุกมือ

“ฮือ พี่โอม แรง แรง ปิ๊กไม่ไหวแล้ว”

เสียงเนื้อกระทับกันดังอย่างหยาบโลนประสานกับเสียงครางหวานๆ ของปิ๊กและเสียบแหบพร่าของผม ไม่ว่าจะใกล้ชิดกันมากแค่ไหน ผมก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่พอ ปิ๊กก็คงจะรู้สึกเหมือนๆ กัน

ผมสอบสะโพกใส่น้องก็ดันก้นเข้าหา ทุกจังหวะของเราเร่าร้อนรุนแรงสมกับที่โหยหากันมาเนิ่นนาน

กระทั่งเดินทางมาถึงปลายทาง

ผมยื่นมือไปสัมผัสแก่นกายเล็กๆ ของน้อง ชักรูดไปตามจังหวะที่ผมกระแทกกระทั้นใส่เขา

“ดีนครับ เสร็จพร้อมพี่นะ ไปด้วยกัน”

น้องไม่ตอบอะไร เขาเอาแต่ครางอย่างคนเสียสติ กระทั่งทุกหยาดหยดถูกปลดปล่อยออกมา เราทั้งคู่ทิ้งร่างอ่อนปวกเปียกให้แนบไปกับเตียง โอบกอดสอดประสานกันอยู่อย่างนั้น รอให้เรี่ยวแรงกลับมาเพื่อจะได้รักกันต่อ

จนผ่านไประยะหนึ่ง ตอนที่ลมหายใจของเราทั้งคู่กลับสาสภาวะปกติน้องจึงพลิกตัวมาซุกอกผม

“ขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆ มั้ย”

“ลุกไม่ไหว” น้องบอกว่าลุกไม่ไหวผมก็อุ้ม ง่ายๆ แค่นี้

สถานการณ์ร้อนๆ เมื่อกี้กลับสู่สภาวะปกติ ถึงกระนั้นสิ่งที่กำลังกรุ่นๆ อยู่ในอกเรานี้ก็พร้อมที่จะประทุขึ้นมาทุกเมื่อ

“เมื่อกี้ พี่โอมเรียกปิ๊กว่ายังไงนะ”

“ดีนไงครับ”

“ทำไมเรียกดีน”

“ก็เราชื่อดีนไม่ใช่เหรอ”

“แล้วทำไมเพิ่งมาเรียก”

“ไม่ชอบเหรอครับ”

“ชอบ แต่สงสัยว่าทำไมถึงเพิ่งมาเรียก”

“มันคงถึงเวลาแล้วล่ะมั้ง ทำไม ไม่ชอบที่พี่เรียกชื่อเหรอ”

“ชอบสิ ชอบมากเลย แต่ก็ชอบให้พี่โอมเรียกปิ๊กเหมือนกันนะ สงสัยอะ ถามได้มั้ย”

ไม่รู้ว่าน้องสงสัยเรื่องอะไรแต่ผมก็พยักหน้าอนุญาต

“ชื่อปิ๊ก ทำไมตอนนั้นถึงตั้งชื่อนี้ให้ปิ๊กล่ะ ชื่อแฟนเก่าเหรอ” ที่จริงน้องเป็นเด็กฉลาดมาก มากจนน่ากลัวเลยทีเดียว และเมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็นิ่งไป รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่รู้ว่าควรบอกความจริงหรือเงียบเอาไว้ดี

“ใช่ ชื่อแฟนเก่า” การที่เราจะรักใครซักคน เราก็ควรที่จะทิ้งอดีตเอาไว้ข้างหลังใช่มั้ยล่ะ

“ว่าแล้วเชียว แล้วเมื่อก่อนเวลามีอะไรกัน พี่โอมเห็นหน้าดีนเป็นคนนั้นมั้ย”

“ไม่เคย”

“จริงเหรอ”

“จริง ปิ๊กก็คือปิ๊ก ดีนก็คือดีน”

“แล้วตอนนี้รักใครมากกว่า”

“ก็ต้องดีนอยู่แล้ว”

“ปากหวาน”

“อย่างอื่นก็หวาน” เด็กแสบเบ้ปากก่อนจะซุกหน้าลงบนอกของผม มือเล็กลูบไล้หน้าท้องที่เต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างเพลิดเพลิน หารู้ไม่ว่าการกระทำนั้นปลุกเสือร้ายในตัวพี่โอมขึ้นมาแล้ว

“วันคริสมาสต์ไปเดินเที่ยวข้างนอกกันนะ”

“หนาวจะตาย”

“หนาวก็ใส่เสื้อหนาๆ สิ หรือพี่โอมไม่มี” เสื้อกันหนาวแพงมาก แน่นอนว่าผมไม่มีปัญญาหอบเสื้อหนาๆ มาที่นี่หลายๆ ตัวหรอก และพอผมเงียบน้องก็คงรู้ทันจึงช้อนสายตามองแล้วยิ้มอ้อน “เดี๋ยวดีนพาไปช๊อปดีมั้ย”

“พี่ไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก”

“ยืมของดีนก่อน แล้วค่อยใช้คืนเป็นอย่างอื่น”

“อย่างเช่น” น้องทำหน้าครุ่นคิดแล้วยิ้มร้าย

“ทำให้ปิ๊กมีความสุขตลอดไป”

“เรื่องนั้นพี่ทำอยู่แล้วนี่” ร่างเล็กถูกผมดึงขึ้นมานั่งบนหน้าท้อง ร่างกายเปลือยเปล่าปรากฏตรงหน้า ตัวตนของน้องแนบไปกับผวเนื้อของผม แม่งเอ้ย!! ความหื่นกระหายของผมค่อยๆ ประทุขึ้น

เริ่มต้นมอบความสุขให้น้องตอนนี้เลยก็ได้นะ

คิดแล้วก็ทำโดยการเริ่มลูบไล้หน้าท้องแบนเรียบมีกล้ามเนื้อน้อยๆ ของดีนเบาๆ อย่างที่เจ้าตัวเองก็ครางรับอย่างพออกพอใจ ผมลากนิ้วขึ้นสูง หยอกเย้าที่ปลายคางและสันกรามให้น้องเอียงคอพลางหลับตาพริ้ม

แม่งโคตรๆ ของความยั่ว

ส่วนมืออีกข้างสัมผัสท่อนขาน้อง ค่อยๆ ลูบสูงขึ้นมาจนถึงขาอ่อน บีบคลึงก้นกลมก่อนแยกมันออกเพื่อสอดนิ้วเข้าไปหยอกเย้า

ดีนวางมือลงบนหน้าท้องของผมในคราแรก และเมื่อถูกผมสัมผัสน้องก็ช่วยปรนเปรอให้ผมเช่นกัน

มือเล็กเอื้อมไปด้านหลัง สัมผัสตัวตนของผมที่ลุกขึ้นมาแล้วรูดรั้งทั้งที่ไม่มองมันสักนิด

เราทั้งคู่สบตากัน ดีนกัดปากพลางส่งสายตายั่วยวน

ไม่รอด ยังไงก็ไม่รอดแน่ๆ

“อื้ม” ผมนี่แหละไม่รอด เมื่อน้องขยับลงไปต่ำอีก ให้บั้นท้ายสัมผัสกับตัวตนอันแข็งแกร่งของผม ดีนกำมันไว้เต็มมือ ส่งส่วนปลายเข้าไปหยอกเย้ากับช่องทางของเขา

น้องหลับตาพริ้ม กัดปากจนกลัวว่าเจ้าตัวจะเจ็บ

“ดีนครับ เดี๋ยวเจ็บนะ”

“อื้อ ไม่เจ็บ ดีนไม่เจ็บ” น้องว่าอย่างนั้นแต่สีหน้าไม่ใช่เลย ถึงแม้จะผ่านการถูกรักมาแล้วครั้งนึงแต่ช่องทางก็ยังคงแคบอยู่ ถึงกระนั้นน้องกลับพยายามดันมันเข้าไป

ส่วนหัวเข้าไปแล้ว  หากสีหน้าน้องยังคงดูทรมาน

ผมลุกขึ้นนั่ง ลูบไล้แล้วดันแผ่นหลังบางให้อกแอ่นขึ้น ยอดอกชูชันอยู่ตรงหน้า และผมก็เลียมันอย่างไม่ลังเล

เสียงหวานครางเครือ เงยหน้ามองก็พบกับสีหน้าสุขสม ดังนั้นผมจึ้งครอบปากลงบนยอดอกเขา ตวัดลิ้นเลียให้น้องส่งมือมาขย้ำเส้นผม ทั้งดันให้ผมฝังใบหน้าลงไป

ท่อนกายถูกดันเข้าไปจนสุด ข้างในของน้องบีรัดจนผมแทบทนไม่ไหว

“ให้ดีนทำ” น้องว่าอย่างนั้นก่อนดันตัวผมให้นอนลงกับเตียง

เราสบตากัน ขณะน้องยกสะโพกขึ้นแล้วทิ้งลงมา

แม่งเอ้ย!!

“แรงอีก” ผมบอกและน้องก็ทำตามอย่างว่าง่าย

เสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นอีกครั้ง ผมวางมือลงบนเอวบาง กำหนดจังหวะขณะยกสะโพกเข้าใส่น้องที่ทิ้งตัวลงมา

มันวิเศษมาก ยิ่งในยามที่น้องลูบไล้หน้าอกตัวเอง แหงนเงยใบหน้าน่ารักขึ้นมองเพดาน อ้าปากส่งเสียงหวานไม่สนใจน้ำต่างๆ ที่ไหลเปรอะเปื้อน

ดีนเต้นระบำอยู่บนร่างของผมจนเหนื่อยล้าเจ้าตัวค่อยทิ้งตัวลงบนอกผม สะโพกเล็กหยุดขยับ และคงเป็นหน้าที่ผมที่ต้องสานต่อ

เสียงหวานดังชิดหูของผม และนั่นยิ่งเป็นการเชื้อเชิญให้ผมหนักมือยิ่งขึ้น

ครั้งนี้น้องสุขสมได้โดยที่เราไม่ได้ยุ่งกับข้างหน้าเลย แค่เพียงผมกระแทกซ้ำ น้องก็ปล่อยปลดน้ำสีขุ่นออกมาจนเปียกชุ่มหน้าท้องของผม เช่นเดียวกัน ตรงนั้น ตรงที่ผมได้อิงแอบก็เต็มไปด้วยน้ำรักของผมเช่นกัน













พวกเราหลับไปหลังจากนั้น ตื่นขึ้นมาอีกทีทั้งห้องก็ตกอยู่ในความมืดแล้ว

“มืดแล้วอะ ทำไรดี” เจ้าตัวแสบลืมตาขึ้นมาก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดไฟให้บริเวณหัวเตียงสว่างขึ้น

“หิวข้าวแล้ว”

“ก็ควรหิวหรอก” น้องว่าอย่างนั้นพร้อมกับส่งยิ้มหยอกๆ มาก่อนจะลุกขึ้นยืนทั้งร่างกายเปลือยเปล่า

“เจ็บมั้ย”

“เจ็บสิ ของพี่โอมไม่ใช่เล็กๆ”

“ถ้าเจ็บก็นอนพักเถอะ”

“ถ้าดีนนอนพักแล้วพี่โอมจะไปกินข้าวยังไง อาบน้ำกัน” ก้าวลงจากเตียงแล้วยื่นมือมาตรงหน้า ผมลังเลแต่ก็ยอมส่งมือให้

เราเดินจูงมือกันเข้าไปในห้องน้ำ

รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง

“ไม่กลัวพี่จะตบะแตกเหรอ”

“อดทนหน่อยสิ” ว่าพลางถูฟองสบู่บนอกของผม ก็เนี่ยเด็กมันยั่วผมจะทนได้ยังไงล่ะ “ไว้วันหลังเราแช่น้ำในอ่างด้วยกันนะ”

ผมพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเลสักนิด ถ้าวันนี้ไม่ติดว่าท้องกำลังร้องด้วยความหิวโหยผมคงชวนน้องแช่น้ำแล้วก็เล่นกันจนหมดแรงแน่ๆ













ดีนพาผมลงมากินอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรม บอกตรงๆ เลยว่าผมทำตัวไม่ถูกเลย เอาแต่เดินตามน้องต้อยๆ หากน้องก็น่ารัก บอกเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ผมฟังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย

“อุปกรณ์บนโต๊ะชิ้นไหนที่ใช้ไม่สะดวกก็ไม่ต้องใช้นะ ทำตัวสบายๆ”

อุปกรณ์บนโต๊ะเยอะมาก และบรรยากาศก็ไม่ค่อยคุ้นเคยจะให้ผมทำตัวสบายๆ ได้ยังไง

“คุณย่าเล่าว่าพี่โอมไม่ยอมกลับไปสอนที่โรงเรียน ทำไมล่ะ” ขณะส่งสเต็กเข้าปาก น้องก็ถามออกมา ไม่รู้ว่าอยากได้คำตอบไหม เพราะเมื่อถามเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารตรงหน้าตัวเองต่อหน้าตาเฉย

“กลัวจะซ้ำรอยเดิมอีก”

“เป็นครูนี่เป็นเกย์ไม่ได้เหรอ” นี่ก็ตรงประเด็นจนน่าตกใจเลย

“ไม่มีกฎห้ามนะ แต่สังคมยังไม่ยอมรับ”

“แล้วมีครูที่เป็นผู้ชายแต่งหญิง กับผู้หญิงแต่งเป็นผู้ชายมั้ย”

“มีนะ เพื่อนพี่เป็นทอมก็เป็นครูสอนอยู่โรงเรียนประถมตั้งหลายคน”

“ทีอย่างนี้ทำไมรับล่ะ นี่มันไม่ใช่สองมาตาฐานแล้ว เรียกว่าไม่มีมาตรฐานถูกกว่าอีก” ดีนพูดเก่งและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมา ฟังที่เขาพูดก็เผลอคิดตาม

ก็ถูกนะ บางเรื่อง ประเทศนั้นก็โคตรจะไร้มาตรฐานเลย

“แล้วพี่โอมก็ต้องทำงานที่ฟิตเนสต่อไปเหรอ มีความสุขเหรอครับ ไม่อยากเป็นครูแล้วหรือไง”

“อยากเป็นสิ พี่กำลังคิดอยู่ว่ากลับไทยคราวนี้จะกลับไปเป็นครูแล้ว”

“ที่ไหน”

“ซักแห่งในประเทศนั้นที่ต้องการพี่”

“ตอบแบบนี้ไม่ตอบดีกว่าอีก”

“คงจะไปอยู่ต่างจังหวัด”

“มีอินเตอร์เน็ตมั้ย”

“ไม่รู้สิ ถ้ามีก็คงไม่แรงเท่ากรุงเทพหรอก”

“ไม่ดีเลยอะ งี้ก็ไม่ได้คุยกันแล้วสิ”

“ดีนทนได้มั้ยล่ะ”

“อยากไปอยู่กับพี่โอมจัง แต่กว่าจะเรียนจบก็อีกตั้งหลายปี เหงาแย่เลย”

“หรือพี่จะไม่เป็นครูดีนะ”

“ไม่เอาสิ ทำสิ่งที่พี่โอมอยากทำเถอะ อีกเดี๋ยวดีนก็อายุครบ 18 แล้ว พอถึงตอนนั้นจะบินไปหาพี่โอมบ่อยแค่ไหนก็ได้”

“ขอบคุณนะครับ”

“พี่โอมต่างหากที่ต้องได้รับคำขอบคุณ คุณย่าบอกว่าถ้าดีนไม่เจอพี่โอมป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้”

“แต่พี่ทำให้ดีนเป็นเกย์”

“พี่โอมทำให้ดีนมีความรักต่างหาก” คำของน้องทำให้ผมตื้นตันใจมาก อาหารในมือถูกวางลงที่เดิม เราปล่อยเวลาให้เดินผ่านไปด้วยการสบตากันนิ่งๆ

ไม่รู้ว่าการเจอกันของเราเรียกว่าพรหมลิขิตได้มั้ย และควรจะดีใจหรือเปล่าที่อะไรก็ตามเหวี่ยงให้เรามาเจอกัน เพราะกว่าจะพบความสุขดีนก็ผ่านความเจ็บปวดมามากมาย เขาเกือบถูกส่งไปค้าประเวณีเพราะความประมาทเลินเล่อของผม กลายเป็นเกย์เพราะการกระทำที่ขาดการยับยั้งชั่งใจของผมอีก

ผมสงสัยอยู่ว่า สิ่งที่ตัวเองได้รับนี้มันสวมควรแล้วเหรอ

กระทั่งรอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าเด็กตรงหน้าของผม

ผมได้คำตอบของทุกคำถามแล้ว

ไม่ว่าจะผ่านความเจ็บปวดทุกอย่างมาเพียงใด แต่สุดท้ายน้องก็มีความสุข ความสุขที่เกิดจากการได้รักกับผม เกิดจากความช่วยเหลือของผมในอดีต

ทุกอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้เหมาะสมแล้วจริงๆ



[The end]




ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนจบ

เป็นนิยายเรื่องแรกที่เขียนได้หื่นขนาดนี้

ยากมากเลยกว่าจะเขียนจบ

แต่ก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนค่ะ

ยังไงก็ฝากติดตามเรื่องอื่นๆ ด้วยนะ



น้องดีนกับพี่โอมมีฉบับอีบุ๊คด้วยแหละ
เอาชื่อ ‘ไม่ใช่พี่ชาย’ ไปค้นใน Meb ได้เลย

ราคาก็ไม่แพงมาก มีตอนพิเศษด้วยนะ


หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป - ตอนจบ}
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-10-2018 04:26:40
สมหวังกันเสียที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป - ตอนจบ}
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 13-10-2018 20:05:30
 :pig4: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป - ตอนจบ}
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-10-2018 12:31:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถูกย้ายมาบอร์ดจบแล้วเร็วมากเลย

ดีนะที่เข้ามาอ่านบอร์ดจบบแล้ว  ไม่งั้นก็ไม่เห็นว่าอัพตอนจบแล้ว

ยินดีกับทั้งสองคนที่ได้เจอกันและทำเรื่อง....กันอีก  อิอิ
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป - ตอนจบ}
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-10-2018 10:03:43
น่ารัก อ่านไปยิ้มไป :o8:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป - ตอนจบ}
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 07-11-2018 21:45:06
โอ่ยยยยย เลือดหมดตัวจิงๆ  :m25: :m25:
พี่โอมหื่นไปมั้ยยย หื่นได้ตลอดเวลา น้องก็น่ารักมากๆเลย ใสซื้อ แต่หลังๆนี้เริ่มหื่นตามพี่โอมละนะ  55555555  :hao7:
หัวข้อ: Re: XBrother :: ไม่ใช่พี่ชาย {ตอนที่ 15 เปลี่ยนแปลงแต่ไม่เปลี่ยนไป - ตอนจบ}
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:30:25
 :pig4: