-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
- - - -- - - - - -- - - - - - -
►► สารบัญ ◄ ◄
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64144.msg3746315#msg3746315)
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64144.msg3746823#msg3746823)
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64144.msg3747517#msg3747517)
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64144.msg3750282#msg3750282)
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64144.msg3751466#msg3751466)
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64144.msg3754286#msg3754286)
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64144.msg3755685#msg3755685)
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64144.msg3775398#msg3775398)
Be my chubby รักนี้ กี่แคล : ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64144.msg3782435#msg3782435) :katai2-1: :katai4:
ฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วยนะคะ
-
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 1
พักเที่ยงหลังเลิกเรียนในคาบเช้า ผมที่กำลังยืนอยู่ในโรงอาหารของมหาลัยวิทยาลัย มองไปยังร้านขายอาหารรอบๆ ในตอนที่สมองกำลังคิดว่ากินอะไรดี ตาก็หันไปเห็นร้านขายสเต็กกับสลัดเพื่อสุขภาพ ขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปซื้อ แต่ก็เปลี่ยนใจในวินาทีที่เห็นว่า ข้าวไก่กรอบร้านโปรดคนกำลังว่างพอดี
" ป้า เอาข้าวไก่กรอบผสมหมูบดพิเศษ จานนึง ขอน้ำซุบกระดูกหมูด้วยนะครับ "
" ได้จ้า เอาข้าวสวยนะ "
" ครับ " พยักหน้ารับก่อนจะยิ้มหวานให้เธอ ที่ก็ตักข้าวสวยขนาดเยอะพอควร ไก่ชิ้นหนาถูกหยิบมาสับทั้งชิ้น พร้อมกับหมูบดอีกทั้งชิ้น ก่อนจะที่เธอจะหันไปหยิบแตงกวา " ป้าๆ ไม่เอาแตงกวา ผมไม่กินผัก " ชะงักมือที่กำลังหยิบนั้นลง เธอยิ้มแห้งๆ
" โทษที ป้าลืม "
" แหม น่าน้อยใจนะเนี้ย คนกินทุกวันป้ายังจำไม่ได้ เสียใจ "
" เอาน่าๆ วันนี้ป้าเบลอๆ " เธอบอกก่อนจะยื่นจานข้าวมาให้แล้วหันไปตักน้ำซุป " เดี๋ยวป้าจะตักน้ำซุปให้ถ้วยใหญ่เลย ไถ่โทษๆ "
" โอเค จัดไปขอเนื้อเยอะๆนะป้า ขอชิ้นใหญ่ๆ "
" นี่ถ้าไม่ง้อด้วยของกินไม่หายงอนนะป้า " เสียงที่ทำให้รอยยิ้มของผมชะงัก ตอนที่หันหลังไปมองก็เจอเพื่อนสนิทอย่างอีลิลลี่ หรืออีลี่เพื่อนของผมกำลังยืนคอยอยู่พร้อมจานที่ใส่ส้มตำ ส่วนอีกจานก็เป็นข้าวเหนียวแล้วก็ไก่ย่าง
" กองทัพต้องเดินด้วยท้องมึง ง้อด้วยของกินยังได้แดก ง้อด้วยอย่างอื่น ไม่ได้แดกนะแบบนั้นเสียของฟรีๆ "
" ก็ว่าทำไมอ้วน " เสียงที่ไม่ใช่ทั้งเสียงของไอ้ลี่ และเสียงของป้า แต่เป็นเสียงของคนที่มายืนต่อคิวอยู่หลังผมพูดขึ้น เป็นผู้ชายหน้าตาคุ้นๆเพราะจำได้ว่าเราเรียนอยู่ห้องเดียวกันแต่ผมจำชื่อมันไม่ได้
" เสือก " ผมหันไปบอกก่อนจะยิ้ม " สนิทกันเหรอมึง ถึงมาออกความคิดเห็นเรื่องของกู "
" ไอ้เชี้ยเขิน " ไอ้ลี่พูดห้ามขึ้น มันที่มองผมสลับกับผู้ชายคนนั้นที่ตอนนี้หน้าเสียไปแล้ว เพราะคำด่าของผมที่ก็จัดว่าไม่ได้พูดเบาๆเลย " จ่ายเงินๆ ไปๆ หิวแล้ว "
" นี่ครับป้า " ยื่นเงินจ่ายไปให้ป้า ผมตักน้ำจิ้มราดลงไปบนข้าว ก่อนจะหยิบเอาจานข้าวแล้วก็น้ำซุปใส่ถาดเดินออกไปที่โต๊ะที่จองไว้ภายในโรงอาหาร
" มึงง อีเชี้ยเขิน หน้ามึงเมื่อกี้เหมือนจะหันเอาน้ำซุปไปสาดใส่หน้าไอ้เชี้ยนั่นอะ กูนี่กลัวมากจ้า จะปากไวอะไรเบอร์นั้น มือก็ไม่มีจะจับห้ามมึงอีก " มันบ่นก่อนจะเหลือบมองผู้ชายคนนั้น ผมก็แบะปากพลางยักไหล่ไม่สนใจ
" เสือกเรื่องกู ก็สมควรโดนละ อ้วนก็น้ำหนักกู หนักบนตัวกู เสือกไปหนักบนหัวมันก่อนทำไมละ " ผมบอกก่อนจะหันไปมองคนที่พูดกับผมแบบนั้นด้วยหางตา " ถึงกูจะอ้วน แต่กูก็อ้วนสวยเว้ย กูไม่แคร์หรอก "
ผมเป็นแค่คนอ้วนคนนึง แต่ผมไม่เคยรู้สึกว่าชีวิตตัวเองที่เป็นแบบนี้จะเป็นจุดด้อยอะไรเลยนะ เพราะผมมีความสุขกับการกิน และคิดอยู่เสมอว่า เราสวยได้ด้วยรูปร่างแบบที่เรามีนี่แหละ ขอแค่มั่นใจในตัวเองเข้าไว้
“ จ้าๆ อีสวย ว่าแต่มึงนี่แดกข้าวป้าร้านไก่กรอบนี่ทุกวันเลย "
“ แน่นอน ก็มันอร่อยอะมึง " เป็นเมนูที่ผมชอบที่สุดในโรงอาหารของมหาลัยแล้ว เพราะตัวผมเป็นคนไม่ชอบกินข้าวราดแกงก็เลยต้องกินอาหารจานเดียวแบบนี้ อีกอย่างช่วงเวลาเที่ยงๆที่คนเยอะแบบนี้ ข้าวร้านป้าใช้เวลาในการต่อคิวน้อยสุดแล้ว เป็นคนที่ชอบอะไรที่สะดวก สบาย ไม่ชอบต่อคิวยาวๆ นานๆ " อร่อย ไม่ต้องรอนาน ไม่ต้องเบียด เริ่ด "
" แล้วกับผู้ชายนี่ชอบเบียดมะ " ยิ้มกับคำถามของคนตรงหน้า ผมยกแก้วแปปซี่ขึ้นมาดูดก่อนจะพยักหน้ารับ
" แน่นอนว่าต้องทั้งเบียดและแนบชิด "
" โอ๊ยยยย แรดเบอร์แรงไปอีกจ้า ดูทำหน้าแซ่บกว่าส้มตำหอยดองของกูอีก " ปากว่าไป มือก็ตักส้มตำแดกไปเรื่อย ส่วนผมก็ตักข้าวแดกไปพร้อมๆกับมัน
ลิลลี่ เป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมสนิทที่สุดในตอนนี้ ตั้งแต่เด็กที่รู้ตัวว่าตัวเองไม่ชอบผู้หญิงแล้วรู้สึกอยากจะสีร่างกับผู้ชาย ผมก็คบกับเพื่อนผู้หญิงมาตลอด รู้สึกเข้ากันง่ายกว่าเพื่อนผู้ชายที่ชอบล้อว่า อีตุ๊ดอ้วนหมูตอน อีกอย่างผมชอบไลฟ์สไตส์ที่บ้าแฟชั่น เครื่องสำอางอะไรแบบนี้ มากกว่าจะเล่นเกมส์ แตะบอล
แล้วเพื่อนผู้หญิงที่คบด้วย แน่นอนว่า ต้องไม่ใช่สายที่ดูถูกและชอบนินทา และตอนนี้ลิลลี่ ก็จัดได้ว่า คบกันแล้วสบายใจที่สุด แม้จะเพิ่งคบกันตอนเข้าเรียนปีหนึ่งที่นี่ก็เถอะ
“ หื้ม " ไอ้ลี่ที่กำลังดูดน้ำแป็ปซี่ เบิกตาขึ้นก่อนจะวางแก้วลงแล้วสะกิดผมที่นั่งกินข้าวอยู่ " เชี้ยเขิน พี่ทีมๆ "
“ ไหน " หันไปมองแล้วเจอเข้าทันทีกับพี่ทีม เดือนมหาลัยวิทยาลัยของคณะนานาชาติที่กำลังเดินเข้ามา ผู้ชายหล่อ ที่ทั้งหรูและดูแพง เป็นเดือนของคณะที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีสอง และเป็นคนที่ผมกับไอ้ลิลลี่พร้อมใจกันกรี๊ดกร๊าดเพราะความหล่ออย่างที่สุดของเค้า
“ มึงเรียกๆ เรียกให้เค้ามานั่งกับเรา เขินเรียกๆ "
“ พี่ทีมมม " ด้วยความปากไวก็เรียกอีกคนด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับยิ้มพิมพ์ใจส่งไปให้ พี่ทีมเองก็ยิ้มตอบกลับมาก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ " เพิ่งเลิกเรียนกันเหรอ "
“ ใช่แล้ว "
“ อ้าว ไอ้หมูตอน " ถอนหายใจออกมากับเสียงของพี่ล๊อคเพื่อนสนิทพี่ทีมที่ก็เดินตามมาทีหลัง เค้ากอดคอพี่ทีมผมก็ ทำหน้าเซ็งใส่ พี่ล๊อคก็หัวเราะ " หมูทำหน้าเซ็งได้ด้วยเว้ย "
“ อย่าเรียกว่าหมูได้มั้ย หมูอะไรจะสวยเบอร์นี้ แค่คนอุดมสมบูรณ์มากเกินไปก็เท่านั้น อวบๆ น่าฟัดนะพี่ "
“ โหหห คงอุดมสมบูรณ์มากกกกกกกก อุดมสมบูรณ์จนเสื้อนักศึกษาปริไปหมดแล้วมึงอะ " พี่ล็อคว่า ก่อนจะมองไปรอบๆ " ไม่มีที่นั่งเลยวะ ขอนั่งด้วยคนนะ "
" เชิญเลยๆ ตามสบาย " ผมบอก เค้าก่อนจะหันไปบอกพี่ทีม
" ได้โต๊ะแล้ว งั้นไปหาอะไรกินกันไอ้ทีม มึงจะกินอะไร " คำถามที่ทำให้คนหล่อในสเป็คของผม หันไปมองรอบๆก่อนจะก้มลงมองจานข้าวของผม
" กินข้าวไก่กรอบเหมือนไอ้เขินแล้วกัน น่ากินดี "
" แต่เขินก็น่ากินนะพี่ทีม " เอามือทาบอกตัวเอง ก่อนจะกระพริบตามองเค้าที่ก็หลุดยิ้มกว้างออกมา
" จ้าๆ น่ากินจ้า "
" แต่คอลแลตอรอส น่าจะสูงอยู่หน่อยๆนะกูว่า ไขมันคงเยอะ "
" ไปเลยไป พี่ล๊อค หงุดหงิด คนจะจีบพี่ทีม " ผมบอกเค้าก็ลอยหน้าลอยตาก่อนจะลากพี่ทีมออกไป
" หล่อแม่งเอ้ยยย ใจกูสั่นหมดเลยอีดอก " ไอ้ลี่กัดฟันพูด มันที่เม้มปากแล้วจ้องผมเหมือนกำลังจะกรีดร้อง
" ดูท่ามดลูกมึงก็เหมือนจะสั่นด้วยนะ ดูออกมากว่าอยากได้อยากโดน " ผมบอกอีกคนก็พยักหน้ารับแบบไม่ปฎิเสธ " แต่เสียใจด้วยนะ พี่ทีมของกู "
“ ว่าแต่มึงนี่ไม่เคยโกรธพี่ล็อคที่ล้อเรื่องมึงอ้วนเลยนะ ปกติกูเห็นมึงด่ากลับตลอด ใครด่ามึงอ้วน "
“ แหมม ด่ากลับแม่งไป กูก็ไม่ได้คุยกับพี่ทีมสิวะ "
“ ก็จริง ปากขนาดมึง พี่ล็อคคงกลัวถึงขั้นหลบหน้า ถ้าด่าจริงๆ "
“ เพราะฉะนั้นก็ต้องยอมๆ มันไป ด่าไม่ได้ ถ้ากูยังสนิทกับไอ้พี่ล๊อคอยู่ พี่ทีมแม่งก็ต้องเข้ามาคุยกับกูด้วย เพราะงั้นกูก็ต้องอดทนเพื่อพี่ทีม กูจะได้ใกล้ชิดเค้าไง เพราะกูเชื่อเสมอว่า รักแท้แพ้ใกล้ชิด สักวันที่พี่ทีมอาจจะเกิดหันมองกูแล้วปิ้งในตัวกูก็เป็นได้ " ผมว่าเพ้อๆ " จีบตอนนี้แถมฟรีเพื่อนไปกินบุปเฟ่ฟ์ทุกสาขา "
“ ฮ่าๆ อีสัด มึงก็ช่างคิดเนอะ "
ผมเจอพี่ทีมครั้งแรกตอนงานต้อนรับน้องใหม่ของคณะนานาชาติที่มหาลัยจัดขึ้น ตอนนั้นพี่ทีมขึ้นมาบนเวทีแล้วพี่ที่เป็นพิธีกรก็แนะนำว่า เค้าเป็นเดือนของคณะเมื่อปีที่แล้ว จำได้ว่าตอนนั้นที่เห็นเค้าครั้งแรก ใจของผมสั่น ไขมันของผมมันกระเพื่อมไปหมด เหมือนกับว่า นี่แหละ รักแรกพบ แล้วไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้าย ผมที่เป็นคนสนุกสนานแรดๆอยู่ในงานวันนั้น ก็จับพลัดจับพลูได้มาก็ได้มาสนิทกับพี่ล๊อคที่ตอนแรกก็โคตรเกลียดปากมัน แต่พอรู้ว่ามันเป็นเพื่อนพี่ทีม ตัวผมก็รักมันขึ้นมาทันที ในใจที่กรีดร้องว่า แกล้งกูเลยจ้า แกล้งกูเยอะๆ พี่ทีมเค้าจะได้สนใจกู
เพราะลำพังให้ผมเข้าไปสนิทกับพี่ทีมตรงๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้ เค้าเป็นเงียบๆนิ่งๆ ไม่ค่อยคุยกับใครก่อน เพราะงั้นเข้าทางพี่ล๊อคนี่แหละ ดีที่สุดเพราะพี่ล๊อคกับพี่ทีมสนิทกันมาก เรียนสาขามาเก็ตติ้งด้วยกันแถมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรื่องม.ปลายแล้ว
" แต่จะว่าไปพี่ล๊อคนี่ก็หล่อเหมือนกันนะ ไอ้เขิน " ไอ้ลี่พูดขึ้นตอนที่มองไปที่พี่ล๊อคกับพี่ทีมที่กำลังยืนต่อคิวซื้อข้าวอยู่
“ งั้นมึงเอาพี่ล๊อคไปกูเอาพี่ทีม อย่ามาแย่งกัน "
“ K! ไม่เอาเว้ย กูอยากได้พี่ทีม " มันว่า ผมก็หัวเราะออกมา ก็แน่นอนว่าต้องเป็นอย่างงั้น ไม่ว่าใครจะหล่อยังไง พี่ทีมก็ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เป็นคนหล่อที่ไม่ว่าใครจะสเป็คยังไงก็ต้องชอบเค้า เป็นคนหล่อที่ถูกยอมรับว่าหล่อจริงๆ
“ แล้วไงต่อ มึงตอบรับมันมั้ย " พี่ล๊อคเอ่ยถามพี่ทีมตอนที่เค้านั่งลงข้างๆผม จานที่เล็กกว่าผมมาก พี่ทีมส่ายหน้าไปมาก่อนจะตักข้าวขึ้นกิน " ไม่ได้ตอบรับเหรอวะ "
“ เออ ไม่ได้ตอบ ก็กูไม่ได้ชอบเค้า "
“ อะไรกันวะพี่ " ความเสือกของผมถามพี่ล๊อคที่นั่งอยู่เยื้องกันออกไป
" มีผู้ชายมาสารภาพรักกับไอ้ทีม "
" ห๊าา " ไอ้ลี่สถบออกมาเสียงดัง ก่อนจะหุบปากทันทีตอนที่พี่ทีมหันไปมองมันแล้วก็ยิ้ม " ขอโทษค่ะ ลี่ตกใจนิดหน่อย "
" ไม่หน่อยมั้งครับน้องลี่ ได้ยินทั้งโรงอาหารเลย " พี่ล็อคแซวมันก่อนจะยิ้ม ก่อนจะพูดเข้าเรื่องพี่ทีมอีกครั้ง " แต่ว่านะเหมือนมันจะปฎิเสธไปใช่มั้ย " เค้าถามพี่ทีมที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวต่อเค้าก้บอก " แต่ก็แน่ละ มึงไม่ชอบผู้ชายนี่หว่า "
" ไม่ใช่หรอก " พี่ทีมปฎิเสธ คราวนี้ทุกคนก็หันไปมองเค้าที่ก็เคี้ยวข้าวไปเรื่อยๆ ก่อนจะกลืนแล้วตอบ " กูแค่รู้สึกว่าเค้ายังไม่ใช่ก็เท่านั้น สำหรับกูจะผู้ชายก็ได้ ผู้หญิงก็ได้ ถ้ากูชอบ กูก็คบ แต่บังเอิญคนที่เข้ามาสารภาพกับกู กูไม่ได้ชอบเค้ามันก็เท่านั้น เลยปฎิเสธไป "
" เอาจริงดิวะเนี้ย " ไอ้พี่ล็อคบอก พี่ทีมก็ยิ้มก่อนจะยักคิ้วแล้วก้มหน้าลงกินข้าวต่อ มือที่กำลังเขี่ยข้าวใส่ช้อน
" ความรักมันก็เป็นเรื่องของคนที่ก็แค่ที่ถูกใจกันมาคบกันแล้วก็รักกันไม่ใช่เหรอวะ กูเลยคิดว่าถ้ามันถูกใจผู้ชายก็ได้ผู้หญิงก็ได้ เอาที่รักกันก็พอ ไม่ต้องไปกำหนดว่าต้องเป็นเพศไหนหรอก ความรักมันไม่มีเพศนะเว้ย "
" โคตรคม " พี่ล๊อคเงยหน้าบอกเพื่อนตัวเองที่ก็ยิ้มก่อนจะยัดข้าวที่อยู่ในช้อนเข้าไปในปาก ท่าทางที่ดูไม่ได้สนใจของพี่ทีม เหมือนกับว่าเค้าคิดแบบนั้นจริงๆ ผู้ชายก็ได้ผู้หญิงก็ได้แต่ถ้าถูกใจเค้าก็คงคบ หัวใจเต้นแรงของผมในตอนนั้นเผลอคิดเข้าข้างตัวเองไปว่า งั้นตัวผมก็มีโอกาสเหมือนกันสินะ โอกาสที่ได้รักกับรักแรกพบของตัวเองที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นไปได้
" ไอ้เขินแม่งช็อคไปละ " ไอ้ลี่บอกผมก็เบิกตาใส่มันก่อนจะหันไปมองพี่ๆสองคนที่มองผมอยู่ ส่ายหน้ายิ้มไปมาให้เค้า ก่อนจะสบสายตากับพี่ทีมเข้าเต็มๆ ผมที่ยิ้มค้างในตอนนั้น เม้มริมฝีปากตัวเองอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
“ ก็คิดว่าคนหล่อ จำเป็นต้องมีความคิดเท่ห์ขนาดนี้มั้ย "
“ ไม่ได้คิดว่า ตัวเองก็มีโอกาสเหรอวะ ไอ้อ้วน!! “ พี่ล๊อคตะโกนล้อ ผมในตอนนั้นถอนหายใจออกมาก่อนจะบอกปัดแบบเรียกเสียงหัวเราะในกับคนที่นั่งอยู่ตรงนั้น
“ บ้าจริงงงงงงง แหม พี่ล็อคละก็ รู้ใจ.. "
“ อ้วนๆ แบบนี้ อย่าเพ้อไปหน่อยเลยมึง "
“ ก็นิดนึงน่า ฮ่าๆๆ "
คนอ้วนที่หน้าตาไม่ได้ดีอย่างผม สำหรับคนที่หล่อและเฟอร์เฟ็คแบบนั้น ก็มีสิทธิ์ทำได้แค่นี้ ทำได้แค่ใกล้ แล้วก็ทำให้เค้าหัวเราะจากภาพลักษณ์ที่ไม่ได้ดูดีของตัวเอง แสดงละครว่าตัวเองเป็นคนอ้วนๆที่ตลกๆ มองโลกในแง่ดีแล้วก็น่าคบหา
ทั้งๆที่ความจริงผมก็ไม่ชอบความรู้สึกนี้ มันเหมือนตัวเองย้อนกลับไปในช่วงม.ต้น ตอนนั้นผมเป็นคนอ้วนที่ใช้ความอ้วนของตัวเองเป็นจุดขายทำให้มีเพื่อน ผมที่เฮฮา และเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เพื่อนเลยมองว่าจะล้อยังไงผมก็ไม่โกรธ ต่อให้ด่าว่า อีหมูตอน อีตุ๊ดอ้วน อีตุ่มเดินได้ ผมก็จะแค่ยิ้มและก็หัวเราะ ผมอดทนกับมันเพราะคิดว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ เพื่อนจะไม่คบ และเพื่อนจะยิ่งแกล้งถ้าเกิดผมหงุดหงิด
แต่พอเข้าม.ปลายจึงได้รู้ว่า สิ่งที่ทำในวันนั้นมันผิด เพราะการที่ทำแบบนั้น นั่นคือการยอมรับให้โดนล้ออย่างยินยอมจนทำให้ผมกลายเป็นคนที่เหมือนไม่รักตัวเอง และไม่ปกป้องตัวเอง แล้วตั้งแต่นั้นผมก็เปลี่ยนไป
ผมกลายเป็นคนที่หันไปด่ากับเพื่อนที่วิจารณ์เรื่องน้ำหนักของผม แซวผม หรือทำให้จิตใจของผมต้องเจ็บซ้ำ ผมไม่ใช่คนที่หัวเราะสนุกสนานกับคำด่าที่ทำให้ตัวเองเจ็บแบบนั้นอีกแล้ว ผมกลายเป็นคนร้าย แรง ในสายตาของคนอื่น เพราะเพียงแค่นิดเดียวที่ใครติติง ผมก็จะไม่ทน แต่วันนี้ ในวินาทีนี้ ผมรู้สึกว่า ผมกำลังจะกลับไปเป็นคนที่ ' คนอ้วนคือตัวตลก ' ต่อหน้าของคนที่อยากจะให้เค้ารักผมสักครั้ง
“ ได้เวลาแล้ว งั้นเขินกับลี่ไปขึ้นเรียนก่อนนะ พี่ล๊อคพี่ทีม "
“ รีบขึ้นไปไหนวะไอ้อ้วน นั่งคุยกันก่อนดิ " พี่ทีมบอกก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู " เรียนตั้งบ่ายสองไม่ใช่เหรอวะ "
“ ก็อยากจะอยู่ต่อนะ แต่ว่า..” ทำเสียงเสียดายอย่างที่สุดไอ้ลี่ก็เสริม
“ พอดีจะไปหาอะไรกินต่อน่ะพี่ "จะไปซื้อน้ำปั่นหน้าม.ด้วย เดี๋ยวซื้อไม่ทันเข้าเรียน "
“ เออๆ งั้นไปเถอะ " พี่ล๊อคบอก เราสองคนก็พยักหน้ารับ ผมยิ้มให้พี่ทีม
“ ไปนะครับพี่ "
“ อื้ม ไปเถอะ ไว้เจอกัน "
“ นี่หันมามองหน้ากูแล้วบอกลากูด้วยสิวะ " พี่ล๊อคบอก ผมก็หันไปยิ้มให้เค้า ก่อนจะเดินออกไปจากโรงอาหารพร้อมไอ้ลี่ที่ก็เอื้อมมือมาจูงมือผมเดินออกไป
“ หาอะไรกินกันดีกว่ามึง อย่าซีเรียส " ไอ้ลี่พูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผมอย่ารู้ทัน ว่าผมรู้สึกอะไรอยู่ " เอาจริงๆนะเขิน มึงดูไม่เหมือนมึงเลยเวลาที่ยอมให้พี่ล๊อคกับพี่ทีมล้อมึงแบบนั้น แล้วกูก็รู้ว่ามึงคงกำลังเจ็บปวดอยู่แน่ๆ "
" ไม่หรอกมึง กูก็อ้วนจริงๆ อย่างที่เค้าพูดนั่นแหละ "
" ก็จริง แต่เวลามึงอยู่กับเค้า มึงลดคุณค่าความเป็นตัวเองลงไปทำไมวะ แล้วกูก็รู้สึกว่า มันไม่จำเป็น " หันไปมองไอ้ลี่ที่ก็ยักคิ้วให้ผม " เพราะถ้าเป็นมึงปกติ มึงจะด่าทั้งพี่ล๊อคพี่ทีมนั่นแหละ แล้วคนอย่างมึงก็กล้าเข้าไปสารภาพรักกับพี่ทีมด้วย เพราะมึงจะรักตัวเองและมั่นใจในตัวเองเสมอว่า มึงอ้วนแต่มึงสวย "
" อีลี่ มึงงง กูมั่นใจอะใช่ แต่มึงกับพี่ทีมกูไม่มั่นหน้าขนาดนั้น กูอ้วนแบบนี้ กูไม่คิดจะสารภาพรักกับเค้าหรอก ไอ้สัด "
" ผิดวิสัย คนอย่างมึงกล้าได้กล้าเสียไม่ใช่รึไง ตอนแรกที่กูได้ยินว่ามีผู้ชายมาสารภาพรักพี่เค้า แล้วเค้าบอกว่าชายก็ได้หญิงก็ได้ ตอนนั้นกูคิดว่าถ้าแยกออกจากเค้ากูจะให้มึงไปสารภาพรักให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย บอกสโลแกนพี่เค้าไปด้วย ' จีบตอนนี้แถมฟรีตอนผอม ' “
“ กูไม่กล้าหรอกจ้า ดอก " ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหัวเราะ แล้วอีกอย่างคือ คนอย่างกูคงไม่ผอมด้วยจ้า กูคงอ้วนจนตายนั่นแหละ
“ ทำไมวะ มึงกลัวอะไร "
“ กลัวผิดหวังมั้ง " ผมบอกก่อนจะหันไปยิ้มให้คนข้างๆ " ก็กูคิดอยากจะได้เค้าจริงๆนี่หว่า " สำหรับพี่ทีมผมไม่ได้คิดเล่นๆว่าจะได้หรือไม่ได้ก็ได้ แต่คิดว่าอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน อยากจะได้จริงๆ แม้ใครจะบอกว่าเหมือนหมาเห่าเครื่องบินก็เถอะ
เดินไปห้องสหกรณ์หลังจากเลิกเรียน เพราะว่าต้องขับรถกลับบ้านก็เลยคิดว่าจะหาขนมตุนไว้จะได้นั่งกินตอนรถติดเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ
" แดกอะไรดีวะ น้ำเปล่ามีแล้ว น้ำปั่นก็ซื้อแล้ว " พูดกับตัวเองเบาๆ ตอนที่ทำทีจะเดินเข้าไปในชั้นขายของผมก็หยุดชะงักลงเพราะดูเหมือนว่าชั้นวางขายขนมคราวนี้จะวางชิดกันเกินไปจนผมไม่สามารถจะแทรกตัวเข้าไปได้ " ชิบหายแล้วไง แล้วกูจะเดินไปหยิบยังไงวะ " กรอกตามองบน บ่นกับตัวเอง คือมึงคิดว่าทั้งมหาลัยมีแต่คนผอมเพรียวทั้งนั้นเลยสินะ พวกที่สามารถจะแทรกตัวเข้าไปหยิบขนมในชั้นของมึงได้
“ อ้าว เขิน มาซื้ออะไร " เสียงที่ดังขึ้นในระหว่างที่ผมกำลังยืนเซ็งกับตัวเอง ตอนที่หันไปมองก็พบว่าคนที่ทักไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายที่ทำให้หัวใจของผมเต้นรุนแรงเหมือนทุกครั้งที่ได้เจอ
“ พี่ทีม " แล้วหนนี้ เค้ามาคนเดียวด้วย ยิ้มเก้อตอนที่เห็นเค้าจนอีกคนหัวเราะก่อนจะถามซ้ำ
“ ว่าไงครับ มาซื้ออะไร "
“ ขนมน่ะครับ " ชี้ไปที่ชั้นก่อนจะยิ้มแห้งๆให้พี่เค้า " แต่ว่าเข้าไปไม่ได้น่ะสิ "
“ งั้นเดี๋ยวพี่เข้าไปหยิบให้มั้ย จะเอาอะไรละ " เค้าบอกก่อนจะเดินแทรกตัวเข้าไปในทางล็อคของชั้นขนม คือลองคิดดูว่า สูง สมาร์ทหล่ออย่างพี่ทีมยังต้องเอียงตัวแล้วแทรกเข้าไปอะมึง แล้วคนอ้วนสวยอย่างกูจะเข้าไปได้ยังไง ชั้นถล่มพอดี " เขิน จะเอาอะไรบ้าง "
“ ป๊อกกี้ แล้วก็ อื้ม พวกเวเฟอร์รสช็อคโกเล็ตแล้วก็ เลย์ห่อใหญ่สีเหลืองสักห่อ " ผมว่า พี่ทีมก็จัดการหยิบมาให้ เค้าเดินออกมาแล้วยื่นให้ผม
“ นี่ครับ " ยิ้มรับขนมจากพี่ทีม พนักงานที่จัดชั้นอยู่แถวๆนั้น ก็พูดขึ้นคล้ายกับจะนินทากับเพื่อนข้างๆ
“ ดูน้องคนนั้นสิ เค้าอ้วนจนเดินเข้าล๊อคไปเลือกขนมไม่ได้แล้ววะ " ผมหันขวับไปหาพวกเธอ ที่ก็สะดุ้งตอนเห็นผมหันไปจ้อง แต่ยังไม่ทันพูดอะไรพี่ทีมก็พูดขึ้น
" เอาชั้นมาเสริมแล้วทำให้ทางเดินมันแคบขนาดนี้ จะอ้วนจะผอมก็เดินเข้าไปเลือกขนมลำบากครับ "
" เอ่อ.."
" เพราะงั้นก็ช่วยจัดชั้นให้มันเดินเลือกสบายๆ ดีกว่ามาโทษคนอื่นว่าอ้วนจนเดินเข้าล๊อคไม่ได้จะดีกว่า แคบขนาดนี้ต่อให้ผอมก็ยังลำบากเลย คนที่เดินได้สบายๆ ก็มีแต่พวกคุณที่อยากจะเอาขนมมาขายเยอะๆ มากกว่า แล้วเลิกพูดนินทาคนอื่นแบบนั้นเถอะครับ มันดูไม่มีมารยาทเอาซะเลยนะ "
" ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ ทีหลังจะระวังมากว่านี้ค่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นเลยค่ะ ยังไงจะปรับเปลี่ยนล็อคให้กว้างเหมือนเดิมนะคะ " พนักหน้างานที่โต๊ะคิดเงินเดินมาพูดกับเรา เธอที่ก้มหน้าลงขอโทษ พี่ทีมก็มองพยักหน้ารับ
" คิดเงินเถอะครับ "
" ค่ะ ได้ค่ะ " พี่ทีมยื่นขนมของตัวเองไปให้พนักงาน มันเป็นขนมเลย์ห่อนึง ก่อนจะเป็นคิวผมที่ก็จ่ายเงินต่อจากหลังเค้า เราเดินออกไปจากสหกรณ์พร้อมกัน แล้วในตอนนั้นเค้าก็หยุดแล้วหันมาหาผม ใบหน้าหล่อเหลาที่มองผมก่อนจะถอนหายใจแล้วยิ้มจางๆ พี่ทีมเอ่ยบอก
" ไม่ต้องไปสนใจนะเขิน อย่าไปสนใจปากคนพวกนั้น ไร้สาระ เรามีดีมากกว่ารูปร่าง "
" อ่าา ครับ ขอบคุณนะครับพี่ทีม " ผมก้มหน้าลงให้เค้า อีกคนก็ยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะยื่นมือมาขยี้หัวผม ที่ตอนนั้นได้แต่นิ่งไปอย่างไม่รู้จะทำอะไร
" งั้นพี่ไปก่อนละ เราจะกลับบ้านใช่มั้ย งั้นก็กลับดีๆละนะ "
" คะ ครับ " พยักหน้ารับเค้าอีกทีนึง พี่ทีมก็เดินออกไป เหลือไว้แค่ผมที่ยืนหัวใจสั่นอยู่ตรงนั้นคนเดียว ก่อนจะรวบรวมสติเร่งขาตัวเองเดินมาที่รถตอนที่เปิดล็อคแล้วเข้าไปนั่ง วินาทีนั้นผมดีใจจนยังไม่ทันจะสตาร์ทรถหรือทำอะไรทั้งนั้น ปล่อยวางทุกอย่างแล้วกรี๊ดออกมาเป็นอันดับแรก ด้วยความบ้าคลั่งกับความหล่อและเป็นสุภาพบุรุษของผู้ชายคนนั้นราวกับคนบ้า
" อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่ทีม หล่อๆๆๆๆ อยากได้ๆ กูอยากได้เว้ยยยยย " กรี๊ดอยู่สักพัก ก่อนจะหายใจออกมาแรงๆ ด้วยความตื่นเต้นผสมความเหนื่อย ผมหยิบมือถือออกจากกระเป๋าพิมพ์ข้อความไลน์ออกไปหาเพื่อนสนิทตัวเองอย่างไอ้ลี่ทันทีที่ตั้งสติได้ ' มึง กูอยากจะสารภาพรักกับพี่ทีมว่ะ "
ครืน ครืน ครืน
“ มึงงงงงงงงงง " ผมกรอกเสียงไปตามสาย อีกฝ่ายก็ถามกลับ
“ อะไรยังไงวะมึง เกิดอะไรขึ้น ทำไมมึงถึงเกิดความคิดแบบนั้นขึ้นได้ ไหนบอกกู ตอนแรกบอกว่าจะไม่มีทางสารภาพเพราะกลัวโดนบอกปัดจากพี่เค้าแล้วจะเสียใจเพราะมึงอยากจะได้เค้ามากกกกไงอีดอก "
“ ทุกอย่างมันเปลี่ยนกันได้ มึงจงฟัง "
“ อะ ฟัง " ไอ้ลี่บอก ผมก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้มันฟัง ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดจบ ส่วนประโยคที่พี่ทีมพูดแน่นอนว่าผมพูดให้ฟังเน้นๆ แถมยังใส่สีเติมไข่เข้าไปให้ดูน่ากรี๊ดขึ้นกว่าเดิม " ไอ้เหี้ยยยยยยยยยย เค้าพูดแบบนั้นเลยเหรอวะ แล้วมึงไม่กรี๊ดตายรึไง ยังมีชีวิตอยู่มั้ยตอนนี้ "
“ ชีวิตอะยังมี แต่หัวใจอะ ให้พี่เค้าไปแล้วจ้า "
“ โอ๊ยย กูจะอ้วก " ไอ้ลี่บอกก่อนจะหัวเราะ " แล้วเอาไง จะสารภาพรักกับพี่เค้าจริงๆน่ะเหรอ มึงน่ะ "
“ มึงว่าทำดีมั้ย " ถามอีกคนกลับไปด้วยความไม่มั่นใจแต่มันก็ตอบกลับมาด้วยหัวเราะออกมาอีกครั้ง " อีลี่มึงจะหัวเราะอยู่อีกนานมั้ยละไอ้สัด "
“ ก็มันตลกอะมึง ลองคิดดูว่าคนที่แสนมั่นใจระดับมึง กลับมาถามคำถามนั่นกับกู มึงจะไม่ให้กูขำได้ไงวะ แล้วอีกอย่างมึงก็เกริ่นมาตั้งเยอะว่าจะสารภาพรักกับพี่เค้า แล้วแบบนี้จะมาถามกูเพื่ออะไรละค่าาาา "
“ แต่เรื่องแบบนี้มัน..”
“ คนเรามักไม่มั่นใจในความรักสินะ ต่อให้เป็นคนมั่นใจแค่ไหน ถ้าเป็นเรื่องความรักแล้ว ก็จะไม่มั่นใจขึ้นมาทันที " ปลายสายบอกผมก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงเบาะรถที่ตัวเองนั่ง " ถ้าถามกู กูคงบอกให้มึงสารภาพแต่กลัวว่ามึงจะผิดหวังวะ ไม่อยากจะให้มึงผิดหวังแล้วเสียความมั่นใจ เพราะพี่ทีมดูมีอิทธิพลกับมึงมากเลย มึงยอมเค้าทุกอย่างอะ เพราะชอบเค้า ตั้งแต่ให้ไอ้พี่ล๊อคมาปากหมาใส่นับครั้งไม่ถ้วนเพราะอยากจะสนิทกับพี่ทีมละ "
“ ก็จริง แต่ว่ามึง พี่ทีมเค้าก็ดูไม่รังเกียจกูเลยนะ แถมยังปกป้องกูอีก "
“ เออ กูรู้ มึงก็ไปคิดให้ดีแล้วกัน ว่าจะสารภาพรักกับเค้ามั้ย กูรู้ว่ามึงมีคำตอบในใจของมึงแล้ว แค่อยากจะให้กูช่วยซัพพอร์ตความคิดนั่นเฉยๆ "
“ เหรอ " อาจจะเป็นอย่างงั้นก็ได้ เพราะในใจของผมตอนนี้ รู้สึกเหมือนติดปีกบินกับคำพูดของพี่เค้า ผมอยากจะสารภาพรักเพราะรู้สึกว่าตัวเค้าไม่ได้มีท่าทางรังเกียจในตัวผม ที่มีรูปร่างแบบนี้ และตอนนั้นในห้วงความคิดนึง มันก็มีความรู้สึกที่ว่า พี่เค้าอาจจะตอบตกลงก็ได้ และถ้าเค้าปฎิเสธ ที่แย่ที่สุดก็คงไม่ทำให้ใจเจ็บซ้ำอะไรอยู่แล้วเพราะเค้าเป็นคนดี
" ลองคิดดูดีๆก่อน คิดถึงผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดแล้วก็ดีที่สุดแบบไม่เข้าข้างตัวเองด้วยนะ "
ตอบรับคำพูดนั้นของเพื่อนสนิท ผมกดวางสายก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด สตาร์ทรถเปิดแอร์ให้เย็น แกะถุงขนมที่ซื้อมาพลางดูดน้ำปั่นไปเรื่อย มองไปยังทางข้างหน้าที่ตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่าของลานจอดรถบนตึก ในใจตอนนั้นมันคิดขึ้นมาว่า ' แค่สักครั้ง ก็น่าจะลองทำตามหัวใจตัวเองดู "
.........................................................
-
ช่วงเย็นของวันหลังเลิกเรียนที่ผมยืนรอใครบางคนอยูหน้าตึกคณะนานาชาติ ริมฝีปากที่แห้งผากถูกเลียซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมยกหน้าจอมือถือที่ติดฟิล์มกระจกไว้ ขึ้นมาส่องที่หน้าของตัวเองอีกครั้งด้วยความไม่มั่นใจ เช็คมาแล้วว่าพี่ปีสองที่เรียนมาเก็ตติ้ง จะเลิกเรียนภายในสิบห้านาทีข้างหน้านี้ หัวใจของผมสั่น ร่างกายของผมมันครั้นเนื้อครั้นตัวอย่างไม่เคยเป็น นี่คือการสารภาพรักครั้งแรกในชีวิตของผม
ครืน ครืน ครืน
ก้มลงมองโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมา เผลอยิ้มออกมากับข้อความจากไอ้ลิลลี่เพื่อนสนิทที่ส่งเข้ามาให้กำลังใจ ' สู้ๆ คว้าพี่ทีมมาเป็นผัวให้ได้นะมึง '
“ เขิน " เสียงเรียกที่ดูไม่ค่อยมั่นใจ พอหันไปมองผมก็ช็อคนิ่งไปกับคนที่เอ่ยเรียก
" พี่ทีม..” มายืนอยู่ข้างหลังกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ " เลิกเรียนแล้วเหรอครับ ยังไม่เลิกนี่ " ยกนาฬิกาขึ้นมาดู มันบอกกับผมว่าอีกสิบนาทีกว่าเค้าจะเลิก
“ พอดี พี่มาเข้าห้องน้ำน่ะ แล้วเห็นว่าเหลือแค่สิบห้านาทีแล้ว เลยไม่เข้าไปละ ไว้ค่อยให้ไอ้ล็อคมันเอาหนังสือลงมาให้ "
“ อ๋อเหรอครับ " ก้มหน้าลงต่ำ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ไม่เคยเขินใครเพียงเค้าแค่เข้ามาพูดด้วย ใจดีด้วย ไม่เคยประทับใจอย่างที่รู้สึกกับพี่เค้าเลยสักครั้ง หัวใจที่พองโตของผมตอนที่ฝืนเงยหน้ามองเค้าด้วยความตื่นเต้น พี่ทีมก็ยิ้มให้ผม
“ เป็นอะไร แล้วทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ มารอลิลลี่เหรอ "
“ เปล่าครับ คือ..” ปากหนักขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ผมรู้สึกว่ามันแข็งจนแทบจะขยับไม่ได้ กลืนน้ำลายลงคอตัวเองไป เม้มริมฝีปากอีกครั้งก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด " พี่ทีม เขินมีอะไรจะคุยด้วยหน่อย "
“ ว่ามาเลยมีอะไรครับ " รอยยิ้มใจดีนั้น เค้าเหลือบมองรอบข้างก่อนจะมองเข้าไปในซอกตึกด้านในที่ลึกเข้าไปจนถึงเขตของคนที่เข้ามาสูบบุหรี่ " ไปยืนคุยกันข้างในดีกว่า ตรงนี้มันขวางทางเค้าจะเดินไปมา "
พี่ทีมเดินนำเข้าไป ผมที่เดินตามเค้าตอนที่ร่างสูงนั้นหยุด ผมก็เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่สูงกว่าแต่พอได้ไม่นานก็ต้องก้มหน้าลงต่ำด้วยความตื่นเต้น นี่เหรอวะ ความรู้สึกของการสารภาพรักเกิดมาก็เพิ่งเคยเจอ ปากที่ดูเหมือนจะเอ่ยคำพูดที่อยากจะพูดออกไปไม่ได้ ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจนี้ มีคำเป็นล้านที่อยากจะบอกเค้าออกไป ความรู้สึกที่แทบจะล้นออกมานอกอก
" เขิน .."
" พี่ทีม เขินชอบพี่วะ ชอบแบบที่อยากจะได้เป็นแฟน พี่ทีมคบกับเขินได้มั้ย " ใบหน้าคมที่ผมเงยหน้าขึ้นมอง ช็อคไปนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองทางอื่นแล้วถอนหายใจออกมา เค้ายกยิ้มก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเกาหัวตัวเองเบาๆ
" เอ่อ..เอาไงดีละ .. คือ คือว่านะ พี่ไม่ได้ชอบเราแบบนั้น แล้วก็ไม่มีทางที่จะชอบเราด้วย " พี่ทีมมองผมด้วยสายตาที่จ้องมาเหมือนกำลังขำในสิ่งที่ตัวเค้าได้ยิน " ถ้าให้บอกตรงๆก็คือ เราอ้วน พี่ไม่ได้ชอบคนอ้วนแล้วก็คิดว่า เราคบกันไม่ได้หรอก มันดูไม่เหมาะสมกัน ลองดูสิ " เค้าเชิดหน้าไปที่เงาของกระจกที่ติดใบปลิวต่างๆ เงาสะท้อนร่างของผมกับร่างของพี่ทีมที่ยืนอยู่ข้างกันนั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบอัดกระแทกข้างกำแพงอย่างแรง ร่างของผมในกระจกนั้น ทั้งอ้วนแล้วก็เตี้ย แตกต่างจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยสิ้นเชิง
พี่ทีมเป็นคนสูง ที่มีรูปร่างดี ไม่ต้องพูดถึงหน้าตาที่หล่อระดับเดือนของมหาลัย แล้วพอหันมามองดูผมที่หน้าตาธรรมดาไม่ได้โดดเด่น หนำซ้ำยังอ้วน ไม่มีอะไรเลยที่ดูเหมาะสมกันกับเค้า อย่างที่เค้าบอกมันก็จริง ผมเถียงไม่ออกสักคำ ' เราไม่ได้ดูเหมาะสมกันเลยสักนิด '
" เราคบกันไม่ได้หรอก " มือหนาเอื้อมมือมาจับไหล่ผมก่อนจะถอนหายใจ " แต่ก็นับว่าเขินกล้ามากนะ ที่มาสารภาพรักกับพี่ ขอบคุณนะที่รู้สึกดีต่อกัน แต่ไปลดความอ้วนให้ผอมก่อนเถอะ แล้วก็ทำตัวให้มันดูดีกว่านี้ แล้วค่อยมาสารภาพใหม่ ไม่แน่ตอนนั้นพี่อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ แต่ถ้าเขินยังอยู่ในสภาพนี้แล้วเราต้องคบกัน พี่ทำไม่ได้หรอก พี่คงไม่กล้าเดินกับเราแล้วให้คนเค้ามอง แล้วก็ติ ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้มาลดตัวแบบนี้ ขอโทษทีนะ "
เค้าที่เดินออกไป ปล่อยผมทิ้งไว้อยู่ตรงนั้นแค่คนเดียว หลากหลายคำพูดที่ทำให้ผมนิ่ง เงยหน้ามองตัวเองในเงาของกระจกที่สะท้อนรูปร่างน่าเกลียดของตัวเอง น่าแปลก ทั้งๆที่ผมควรเกลียดเค้า ที่เค้าพูดจาออกมาได้รุนแรงถึงขนาดนั้น แต่มันกลับมีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกว่า เค้าก็พูดถูกแล้ว
" หนังหน้าแบบนี้ ยังกล้ามาสารภาพรักกับเค้าอีก ไม่เจียมตัวเองเลยมึง ไอ้อ้วนเอ้ย ทุเรศ "
" แค่เค้าไม่รับรัก ถึงขั้นต้องด่าตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอวะไอ้อ้วน " หันไปมองต้นเสียงของผู้ชายคนนึงที่เอ่ยคำพูดนั้นออกมา ร่างสูงที่เดินออกมาจากซอกตึกมือที่คีบบุหรี่เดินสูบออกมาก่อนจะยกยิ้มมองผมด้วยความสมเพช ในวินาทีนั้นผมรู้แล้วว่ามันเองก็คงได้ยินทั้งหมด เรื่องที่ผมสารภาพรักกับพี่ทีมออกไป รวมถึงคำพูดของพี่ทีมเองก็ด้วย
" เสือกไรมึง "
" ก็ไม่ได้เสือกอะไรกูหรอก แต่เห็นแล้วมันน่าสมเพช ก็เค้าแค่ไม่รับรัก ถึงกับต้องด่าตัวเอง การที่เค้าไม่รักมึงมันแย่ขนาดนั้นเลยรึไง แล้วทำไมมึงไม่รักตัวเองละ "
" ไม่ต้องมาเสือก นี่มันตัวของกู กูจะทำอะไรมันก็เรื่องของกู " ผมบอกก่อนจะมองรูปร่างตัวเองในกระจกเงา " คนอย่างกูมันก็สมควรจะโดนด่าแล้ว ก็มันทุเรศจริงๆ ทั้งทุเรศทั้งน่ารังเกียจ"
" ไอ้เหี้ยนั่นตังหากที่น่ารังเกียจ "
" พี่ทีมไม่ได้น่ารังเกียจ! " ผมหันไปด่าผู้ชายขี้เสือกคนนั้นโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นใครแต่ที่รู้คือเราต้องไม่เคยเจอกันมาก่อนแน่นอน แต่ตอนนี้มันกลับหัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับแบบยียวนกวนประสาท
" อ๋อออ งั้นเหรอ "
" เค้าแค่บอกว่ากูอ้วนไป เพราะงั้นกูจะผอมแล้วไปสารภาพรักกับเค้าใหม่ กูจะลดความอ้วน "
“ แล้วมึงจะทำได้รึไง "
“ ทำได้ คอยดูกูต้องเอาพี่ทีมมาเป็นแฟนกูให้ได้! “ จ้องหน้าคนตรงหน้าด้วยสายตาหาเรื่องและมุ่งมั่น แต่สายตาดูถูกของมันที่จ้องมองมาทางผม มันมีคำพูดในแววตานั้นที่บอกกับว่า ผมจะไม่มีวันทำได้ ก่อนจะเค้าจะเดินผ่านผมไป " ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กู! จะลดความอ้วน "
..................................................
ยินดีต้อนรับสู่นิยายเรื่องใหม่แกะกล่องของหนมมี่ผู้ใสซื่อคนเดิม
เพิ่มเติมคือ จากที่หายหัวไปนานก็มีนิยายเรื่องใหม่กับเค้าสักทีจ้าาาา
นิยายเรื่องนี้เราจะพาคุณเข้าสู่โลกของการลดน้ำหนักของผู้ชายอ้วนๆคนนึง ที่หลงรักการกินพอๆกับผู้ชายในฝันของตัวเอง ร่วมลุ้นกันว่า ระหว่างไขมัน กับ ความรัก ใครจะอยู่ใครจะไป
ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ
ส่วนใครมีทวิตหนมขอฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ด้วยเด้อออ
ขอบคุณมากค้าาาา :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
-
:pig2:
-
ตามมาจากเรื่องเก่าาา เป็นกำลังใจให้น้องเขินนะ
ปล.พี่ทีมพระเอกจิงอ่ะ ฮือออ คำพูดใจร้ายมากเลย
-
รอดูหนูเขินตอนต่อไป :katai2-1:
-
หนูเขินลดความอ้วนให้ได้ แล้วหาที่มันดีกว่าไอ้พี่ทีมเหอะ เป็นผู้ชายที่ดีแต่เปลือกนอกชัดๆ :z6:
-
เขินกินได้แต่ต้องดูแลสุขภาพไปด้วย
เอาให้พี่ทีมหงายเงิมไปเลย
แต่สนใจคนมาใหม่อ่ะ
หรือจะคู่เขิน แบบคู่กัด อิอิ
ลุ้นต่อๆๆๆๆ
-
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 2
' เราอ้วน พี่ไม่ได้ชอบคนอ้วนแล้วก็คิดว่า เราคบกันไม่ได้หรอก มันดูไม่เหมาะสม' คำพูดที่ยังคงก้องอยู่ในหูผม ตั้งแต่เมื่อคืนจนมาถึงตอนนี้ที่ยืนส่องกระจกมองดูตัวเองแล้วพิจารณาถึงรูปร่างที่ได้เห็นในตอนนี้
รูปร่างของผู้ชายที่หัวเล็กๆ เวลาถ่ายภาพก็ถ่ายได้แค่หน้าเพราะดูผอมที่สุด น้ำหนักตัว 90 ของผม เกินกว่าค่ามาตรฐานที่คนสูง 170 ควรจะมี แล้วไม่ได้เกินมาน้อยๆ มันเกินมาเยอะเลยด้วย
“ อ้าวเขิน ลงมาแล้วเหรอ กูคิดว่าวันนี้มึงไม่มีเรียน " เสียงแฝดพี่ของผมอย่างเจ๊อาย ถามขึ้นตอนที่มองมา พยักหน้ารับอีกคนตอนที่เดินไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำเปล่าออกมากินก่อนจะหยิบนมแล้วเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร ที่ตอนนี้มีทั้งข้าวต้มหมู ปาท่องโก๋ ตั้งรออยู่แล้วในเช้าวันนี้ " นี่ของมึงนะ พิเศษหมูแต่ไม่พิเศษข้าว " ถอนหายใจออกมาตอนที่พี่สาวบอก มันที่เหลือบมองผมก่อนจะหัวเราะ " เป็นอะไรของมึงวะ ถอนหายใจเหมือนโลกจะแตก "
" เปล่าหรอกเจ๊อาย กูแค่ไม่ค่อยอยากจะกินอะ "
" ห๊า! อย่างมึงนี่อะนะ จะไม่ค่อยอยากจะกิน จะผอมแล้วเหรอวะ " เธอว่าพลางหลุดยิ้มออกมาแล้วส่ายหน้า มือที่ตักข้าวต้มกินไปเรื่อย ส่วนมือถืออีกข้างก็เลื่อนดูอะไรบางอย่างในมือถือ
เราเป็นแฝดชายหญิงที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ตั้งแต่หุ่น ยันหน้าตา เจ๊อายเป็นคนผอม หุ่นดี ร่างยังกับนางแบบ แถมยังเรียนเก่งตอนนี้เรียนหมอฟันอยู่ที่มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ตัดภาพมาที่ผมที่มีหุ่นทำเจ๊อายได้สองคน แถมหน้าตาก็แค่ธรรมดาไม่โดดเด่น ตั้งแต่เด็กจนโต ก็ชอบมีคนบอกว่า พี่สาวแย่งเอาส่วนดีๆของผมไปหมด เหลือไว้แต่ส่วนแย่ๆให้ผม ชื่อของเรา พ่อเป็นคนตั้งให้เค้าให้เหตุผลว่ามันไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แค่รู้สึกว่ามันน่ารักดี สำหรับชื่อ ' เขินอาย '
" เป็นอะไร ท่าทางไม่สบอารมณ์ แดกๆเข้าไปได้แล้ว จะได้ไปเรียน ถ้าไม่อิ่มขนมปังอยู่ในตู้เย็นนะ "
" เจ๊อาย "
" หื้ม ? “
" เขินอ้วนมากเลยเหรอวะ " คำถามที่ทำให้คนเป็นพี่พยักหน้ารับ
" อ้วนมากอะ ระวังมึงจะเป็นเบาหวาน " ก้มลงมองถ้วยข้าวต้ม เจ็อายก็ยิ้ม " เป็นอะไรของมึงไอ้เขิน มึงก็อ้วนมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว อย่าบอกนะว่ามึงเกิดจะซีเรียสอะไรขึ้นมาเอาตอนนี้ "
“ เออ ตอนนี้กูซีเรียสละ! เพราะงั้นวันนี้จะไดเอท ไม่แดกอะไรละ " ผลักถ้วยข้าวต้มออก
“ ไม่ได้!! “ มันตะโกนขึ้นมาก่อนจะจับมือผมที่ทำทีเป็นจะลุกขึ้นแล้วออกไปเรียน " มึงต้องกิน อาหารเช้าเป็นสิ่งสำคัญ มึงจะไม่กินไม่ได้ มึงจะไดเอทมื้อไหนก็ไดเอทไป แต่มื้อเช้ามึงต้องกิน นั่งลงแล้วกินข้าวซะ "
“ คือทำไมเจ๊ต้องร้าย ต้องเสียงดัง ไม่มีความเป็นผู้ดีอย่างที่สุด "
“ อย่ามาทำเป็นเล่น กูรู้ มึงจะไม่กินแล้วเดินออกไป มึงนั่งลงเลย แล้วแดก " ใช้สายตาขู่บังคับกันอีก ผมกรอกตามองบนก่อนจะถอนหายใจแล้วนั่งลงก่อนจะตักข้าวต้มกินไปอย่างจำยอม ความอร่อยที่ทำให้ต้องหยิบปาท่องโป๋ใส่ลงไปในถ้วยสามชิ้นติดๆ " เดี๋ยวๆ ถ้ามึงจะลดน้ำหนัก ไม่ต้องเอาปาท่องโก๋ใส่ลงไปถ้วยข้าวต้มก็ได้นะ กินแค่ข้าวต้มพอ "
" ก็มันไม่ครบเครื่องอะเจ๊อาย แดกแล้วก็ต้องแดกให้อร่อย ไม่อร่อยจะแดกทำไมเปลืองแคล "
“ รู้จักคำว่าแคลลอรี่ด้วยเหรอคนอย่างมึงนะ " เธอถามยิ้มๆ " แล้วเป็นอะไรวะ ทำไมอยู่ๆแกสนใจเรื่องลดน้ำหนักขึ้นมา ปกติกูเห็นแดกยับ เบาหวานจะแดกยังไม่สนใจ "
“ นับจากวันนี้ น้องของเจ๊อาย อย่างเขินคนนี้ จะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ "
“ ทำไม มึงมีจะผัว ? "
“ แค่กๆ " สำลักข้าวต้มที่กินอยู่กะทันหัน " เชี้ย เจ๊อายพูดอะไรวะ "
“ กูพูดตรงใจมึงสินะ " อีกคนยิ้ม " แล้วยังไง มึงคบกับเค้าแล้วเหรอ หล่อมั้ย "
“ อีเจ๊ มึงหันมาดูน้องมึง ใครมันจะมาคบ กูอ้วนขนาดนี้ "
“ ไม่ได้ยินคำนี้จากปากมึงมานานแล้วนะ " พี่สาวผมบอก " ปกติมึงจะบอกว่า มึงไม่แคร์ มึงจะอ้วนแบบนี้ใครจะมารักมาชอบมึงต้องรักมึงที่ใจไง "
" บางทีเพราะกูมั่นใจแบบนั้น มันเลยเป็นแบบนี้ไง " ก้มลงเขี่ยปาท่องโก๋ที่ลอยอืดอยู่ก่อนจะตักมันขึ้นมาแล้วกินเข้าไป ก็เพราะมั่นใจเกินไปผลมันเลยออกมาเป็นแบบนี้ มั่นใจว่าเค้าไม่รังเกียจในตัวเราคิดเข้าข้างตัวเองทั้งๆที่มันก็เหมือนกับฝันลมๆแล้งๆ ทั้งๆที่คิดถึงแง่ร้ายแบบสุดๆไว้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ได้ยินมันจะทำร้ายใจกันได้มากว่าที่คิดไว้ซะอีก
" เกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ เล่าให้กูฟังหน่อย "
" ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คนอ้วนๆคนนึง ที่สารภาพรักกับผู้ชายคนนึงแบบไม่ดูตัวเอง เค้าตอบกลับมาว่า กูอ้วนเค้าไม่ชอบ เราไม่เหมาะสมกัน แล้วก็บอกว่า ถ้ากูผอมค่อยมาสารภาพรักกับเค้าใหม่ เรื่องมันก็แค่นั้น "
" แล้วมึงก็เลยจะลดความอ้วนเพราะเค้าเหรอ " เจ๊อายถามผมก็เงยหน้าจากถ้วยข้าวต้มมองเธอที่ก็เลิกคิ้วสงสัย " คือ มันก็ดีนะ ที่มึงคิดจะลดความอ้วน กูอยากจะให้มึงลดเพราะกลัวพอมึงแก่กว่านี้แล้วมึงจะลดไม่ลง กลัวมึงเป็นโรคพวกเบาหวาน ความดัน เลยอยากจะให้มึงออกกำลังรักสุขภาพ แต่ไม่อยากจะให้มึงลดความอ้วนเพื่อให้ใครมาชอบมึง กูอยากจะให้เค้าชอบมึงในแบบที่มึงเป็นมึง เพราะสักวันที่มึงอ้วนอีก เค้าก็ยังจะรักมึง แล้วรักที่มึงเป็นมึง "
“ บางทีนะเจ๊อาย เขินก็ต้องทำให้เค้าเปิดใจรับเขินก่อน ด้วยการทำให้ตัวเองผอมแล้วคบกับเค้า พออ้วนขึ้นมาอีก นิสัยเรา ความรักที่ผ่านมาก็อาจจะทำให้เค้ายังรักเราต่อไปก็ได้ "
“ ก็แค่อาจจะ "
“ กูชอบเค้าจริงๆวะ " หันไปบอกอีกคนที่จ้องกันอยู่ " กูไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้วในตอนนี้ กูไม่ได้แคร์อนาคต กูสนใจแค่ว่า กูอยากจะผอม อยากจะให้เค้าหันหน้ามาสนใจกู มาคบกู มันมีแค่นั้นที่กูต้องการ วันนึงที่กูอ้วนอีกแล้วเค้าจะเลิกกับกูไป นั่นก็ช่างมันแม่ง ยังไงซะกูก็เคยได้คบกับเค้าแล้ว และนั่น มันก็พอแล้ว " กินข้าวเข้าไปคำสุดท้ายผมหยิบเอาถ้วยไปวางไว้ในอ่างล้างก่อนจะเปิดน้ำแล้วล้างจานใบนั้นของตัวเองจนเสร็จ เดินออกมาหยิบกระเป๋าที่ตั้งอยู่ที่เก้าอี้ตรงโต๊ะอาหารที่พี่สาวผมยังนั่งอยู่ " เขินไปเรียนก่อนนะเจ๊อาย ไว้เจอกัน "
“ เออ ขับรถดีๆละ "
ใช้เวลาฝ่ารถติดร่วมชั่วโมงกว่าจะถึงมหาลัย เมื่อวานสารภาพรักกับพี่ทีมไปไม่รู้ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมคิดถึงพี่ล๊อคที่ตอนนี้คงตั้งใจคิดคำล้อเลียนผม คิดถึงหน้าเพื่อนๆในกลุ่มพี่เค้าก็คงมองมาผมด้วยสายตานินทาแล้วก็สมเพช แต่ในเมื่อพุงและน้ำหนักนี้ ไม่สามารถหายไปเพียงแค่คิดว่าอยากจะให้มันหาย ผมก็ต้องเผชิญหน้ากับทุกอย่างที่เกิดขึ้น อย่างเข้มแข็งเหมือนทีเคยเป็นมา
เดินขึ้นไปในตึกเรียน แต่ยังไม่ทันจะถึงห้อง ผมก็ต้องเจอคนที่ไม่อยากจะเจอหน้ามากที่สุดในเวลานี้ ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ตอนที่สบตาเข้ากับพี่ทีมเค้าเหลือบมองไปทางอื่นทันทีเหมือนไม่อยากจะเจอหน้าผม แต่ทว่าพี่ล๊อคกลับเอ่ยแซวผม
" ไอ้อ้วนนนนนนนน ว่าไงมึง กูคิดว่าวันนี้มึงจะไม่กล้ามาเรียนแล้วซะอีก "
" ทำไมต้องไม่กล้าวะ " ผมถามกลับ อีกคนก็หลุดหัวเราะก่อนจะยิ้มกว้าง
" ไม่น่าถาม ก็เรื่องที่มึงกล้าไปสารภาพรักกับไอ้ทีมไง " มือหนาเอื้อมมือมาตบไหล่ผมตอนที่พูดคำนั้น " มึงแม่งกล้ามาก กูยอมใจ"
" ไปเถอะวะไอ้ล๊อค เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน " พี่ทีมเดินนำออกไปเหลือไว้แค่พี่ล๊อคที่ยังจับไหล่ผมอยู่ แล้วก็เพื่อนผู้หญิงอีกสองคนที่กำลังยิ้มมองผม ด้วยสายตาที่คงรู้สึกว่า อีอ้วนนี่ช่างกล้าเหลือเกิน ไม่ดูสารรูปตัวเองเลยสักนิด
“ เอาไว้ กูจะไปซื้อกระจกมาฝากมึงแล้วกันนะเขิน กระจกแบบบานสูงๆมึงจะได้ส่องทั้งตัว ก่อนที่จะคิดทำอะไรแบบนี้นะ ไอ้อ้วนเอ้ย ฮ่าๆ " เสียงหัวเราะในท้ายคำนั้น ทั้งคนพูดแล้วก็คนอื่นที่ยืนอยู่ข้างหลังต่างหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน ผมที่ยืนนิ่งแบบนั้น ปกติคงต้องบอกว่า ' เออดี ซื้อมาสวยๆเลยนะพี่ ขอแพงๆ งามๆ ' แต่ตอนนี้รู้สึกว่าไม่จำเป็นแล้ว ที่ต้องทนให้คนตรงหน้ามาดูถูกเพื่อใกล้ชิดคนที่ชอบ ในเมื่อพี่ทีมตอนนี้ก็ดูท่าทางจะรังเกียจผมขนาดนั้น
" ซื้อมาก็ดีนะพี่ แต่ผมว่าพี่เก็บไว้เถอะ " ยกยิ้มมองเค้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า " เก็บไว้ส่องสันดานเหี้ยๆของตัวเอง ว่าเป็นยังไง จะได้รู้ว่า อะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด "
" ไอ้เขิน..” เค้าหน้าช็อคไปตอนที่ผมพูดแบบนั้น
" แต่ว่าไม่รู้ว่ามันจะส่องเห็นรึเปล่านะ ความเหี้ยของพี่อะ เพราะมันคงอยู่ลึกมากจนกลายเป็นสันดานไปแล้ว " ยักคิ้วบอกก่อนจะเดินออกแต่ทว่าผมก็หยุดเท้าตัวเองไว้ก่อนจะหันมาพูดอีกที " แล้วเวลาซื้อ ซื้อมาเพื่อนข้างหลังด้วยก็ดีนะ สันดานแย่พอๆกันเลย ก็ถึงว่า ทำไมคบกันได้ เป็นแบบนี้นี่เอง "
" นี่ไอ้อ้วน มันไปแรงเกินไปหน่อยเหรอ ที่พูดอะ " พี่ผู้หญิงคนนึงเอ่ยถามผมออกมา เธอที่กำลังอยู่ในท่าทางที่ช็อคเหมือนไม่ได้คิดว่าจะโดนด่าจากผมแต่อย่างใด
“ ไม่แรงหรอก ถ้าเกิดว่าเทียบกับสิ่งที่พวกพี่ทำนะครับ พี่เถิก " ยิ้มให้อีกทีเธอก็เม้มริมฝีปากก่อนจะเอามือมาปิดหน้าปากเถิกๆของตัวเอง " แล้วจำไว้ด้วยว่า ผมชื่อเขิน ถ้าพี่เรียกผมว่าไอ้อ้วน ผมก็จะเรียกพวกพี่ด้วยจุดด้อยของพี่เช่นกัน ทีใครทีมันจำเอาไว้ "
หันหลังเดินออกมาจากกลุ่มคนพวกนั้นแล้วไม่ได้หันไปกลับไปมองอีก ผมเดินมาที่ห้องเรียนของตัวเอง ตอนที่หย่อนตัวลงนั่ง ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ไอ้ลี่ที่มาก่อนก็หันมายิ้มให้ผม
“ เป็นอะไรของมึง ถอนหายใจโคตรเสียงดัง เบื่ออะไรขนาดนั้น " มันบอกก่อนจะเอื้อมมือมาตบไหล่ผมก่อนจะยิ้ม " เครียดเรื่องนั้นอยู่เหรอ ถ้าเรื่องนั้นลืมๆมันไปเถอะ คิดว่าฝันร้าย วันนี้เลิกเรียนไปหาอะไรแดกกันดีกว่า มึงอยากจะแดกอะ.. "
“ ไม่อะ กูจะงดมื้อเย็น "
“ ห๊า ? มึงว่าอะไรนะ กูขออีกที " ไอ้ลี่ที่หันมามองผม อ้าปากค้างนิดหน่อยก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ
“ กูบอกว่า กูจะงดมื้อเย็น กูจะลดความอ้วน เข้าใจมั้ยอีลี่ "
“ เป็นไปไม่ได้ อิมพอสซิเบิ้ลมากค่ะซิสสสส " เอามือทาบอกตัวเอง ผมก็กรอกตามองบน " แล้วเที่ยงนี้มึงจะกินอะไร "
“ สลัด "
“ โอ๊ยยยยยย เป็นชะนีสายเฮลตี้ขึ้นมาเลยทีเดียว คือเอาจริงๆ กูขอถาม นี่มึงจะไดเอทจริงๆอะ เอาจริง "
“ เอาจริง " พยักหน้ารับมัน ก่อนจะก้มหน้าลงมองในมือถือตัวเอง " กูตั้งใจจะลดด้วยสูตรลดน้ำหนักแบบ 7 วันลด 9 กิโล มึงดูนี่กูหามา " ยื่นไปให้เพื่อนสนิทดู อีกคนก็ขมวดคิ้ว
“ มึงทนได้เหรอ นี่แทบจะไม่ได้แดกอะไรเลยนะ เช้าโยเกิร์ต เที่ยงไข่ต้ม เย็นสลัดผัก ตายๆ เป็นกู ต้องตายแน่ๆ "
“ กูต้องทำได้ แค่เจ็ดวันเองมึง สบ๊ายยยย " บอกด้วยความมั่นใจ แต่ไอ้ลี่ก็แค่ยกยิ้มจางๆแล้วพยักหน้ารับ
“ กูจะเป็นกำลังใจให้มึงนะเพื่อนรัก แล้วเมื่อเช้ามึงกินอะไร "
“ กินปาท่องโก๋กับข้าวต้ม "
“ ไม่ได้กินโยเกิร์ตตามสูตรเหรอวะ " ลี่หันมาถามก่อนจะขมวดคิ้ว " ไหนมึงบอกไดเอทตามสูตรนี่ไง "
“ ก็จะลดแหละมึง แต่อีเจ๊อายของกู ชวนแดกข้าวต้มน่ะสิ บังคับให้กูแดกด้วย กูเลยต้องแดก " ทำหน้าเสียดายอยู่หน่อยๆ ก่อนจะถอนหายใจ " เพราะงั้นตอนเที่ยงนี้กูว่าจะแดกของอร่อยๆไปเลย เย็นค่อยงดแล้วกัน ส่วนสูตรนี่ค่อยเริ่มพรุ่งนี้ "
“ แล้วแต่มึงเถอะ แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า การอดจะยิ่งทำให้มึงยิ่งกินในมื้อถัดไปนะ ทางที่ดี กินอะไรไปสักหน่อยน่าจะดีกว่า " ลี่บอกผมก็พยักหน้ารับมันแบบไม่สนใจ คิดว่าตัวเองทนไหวแน่นอนครับแล้วก็แค่เจ็ดวันเอง สบายมาก
เดินลงไปที่โรงอาหารหลังเลิกเรียน คนในโรงอาหารที่ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ ตอนที่มองหาโต๊ะว่างเพื่อจอง ไอ้ลี่ที่อยู่ข้างผมก็คว้ามือผมมาจับก่อนจะเขย่าหยิกๆ
“ ไอ้เขินๆๆๆๆๆ นั่งนู้นๆ " มันว่าก่อนจะเชิดหน้าไปที่โต๊ะตัวนึง แล้วตอนนั้นผมก็เจอเข้ากับผู้ชายคุ้นตาเพิ่งเจอกันเมื่อวาน หลังจากที่ผมสารภาพรักกับพี่ทีมเสร็จแล้ว ไอ้คนขี้เสือกคนนั้น
“ ไอ้เชี้ยนั่น " พูดเสียงเบาๆ ลี่มันก็หันมามอง
“ มึงว่าอะไรนะ "
“ เปล่า " ผมบอกก่อนจะส่ายหน้า " ว่าแต่มึงจะเข้าไปนั่งตรงนั้นทำไมอะ โต๊ะว่างตั้งเยอะแยะ "
“ ก็มึงเห็นผู้ชายคนนั้นมั้ย คนที่นั่งกินข้าวอยู่คนเดียว เห็นมั้ยคนหล่อๆคนนั้น "
“ ไม่เห็น " ผมบอกก่อนจะส่ายหน้า
“ โอ๊ย อีเหี้ยยย อย่ามาตอแหล กูรู้มึงเห็นเค้า " อีลี่หันมาเถียงผมเสียงมั่นใจ
“ เออ กูเห็น แต่ไม่อยากจะเห็นมัน เข้าใจมั้ย "
“ ทำไม เรียวไปทำอะไรให้มึง "
“ มันชื่อเรียว " ผมถามไอ้ลี่ที่ก็พยักหน้ารับ เพิ่งรู้จักชื่อมันเป็นครั้งแรกเลยเว้ย " มึงรู้จักมันด้วยเหรอ "
“ อ้าวว ต้องรู้สิค่าา จะไม่รู้จักได้ยังไง มันดังจะตาย "
“ ไอ้เหี้ยนี่อะนะ ดังในทางไหนวะ " ขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า คือยังไงซะต้องไม่ดังเรื่องหน้าตาแน่นอน เป็นผู้ชายตัวสูงที่หน้าตาธรรมดา ที่ดูไม่ธรรมดาเท่าไหร่ ถ้าให้พูดแบบไม่อคติ ก็คงต้องบอกว่ามันเป็นผู้ชายหน้าไม่พิมพ์นิยม แต่ก็ดูดีในแบบคนที่มีเอกลักษณ์ เข้ากับผิวสองสีที่ดูไม่ได้ขาวมากมาย
" มันเป็นนายแบบนะมึง "
" ห๊ะ ? " อ้าปากนิ่งค้างก่อนจะหันไปมองเพื่อนตัวเองที่ทำหน้าเซ็ง
" แหมมมมึง ในสมองมึงก็มองแค่พี่ทีมหล่ออยู่คนเดียว มึงจะไปชายตามองใครวะ " ลี่บอกก่อนจะหันมาแบะปากมองผม " เรียวมันเคยประกวดเดือนของคณะเราด้วยนะ "
" ให้กูเดา มันต้องไม่ได้ "
" ก็จริง " คนข้างๆผมยิ้มแห้ง " แต่ว่าที่มันไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่ชนะนะ แต่มันไม่อยู่แข่งให้จบตังหาก เห็นบอกว่ามีงานต้องไปทำต่อ ก็เลยยกเลิกกลางคัน คนอื่นก็เลยได้ไป "
“ เพราะรู้ว่าตัวเองแพ้แล้วไม่อยากจะแพ้สิไม่ว่า แม่งก็เลยชิ่งออกก่อน " ผมพูดเสียงเบาๆกับตัวเอง แต่แน่นนอนว่าอยู่ใกล้กันแค่นี้เพื่อนข้างๆก็คงได้ยิน
“ มึงว่าอะไรนะ ? “
" มึงนี่รู้เรื่องมันเยอะจังนะ "
" แน่นอน ก็กูแอบเชียร์มันนิดๆวันแข่ง ใครจะเหมือนมึงที่นั่งดูพี่ทีมตลอดเวลาอีแรด! " หันมาใส่อารมณ์ใส่กูอีก " มึงรู้มั้ยมันเป็นลูกครึ่งด้วยนะ ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เรียนอินเตอร์มาตั้งแต่เด็กเลยนะมึง "
" แล้วไง "
" เป็นนายแบบด้วยนะมึง "
" แล้วไง หล่อแค่ไหน ถ้าปากหมา ขี้เสือกก็เท่านั้นอะ "
" เดี๋ยวๆ ทำไมมึงพูดเหมือนเคยเจอเรียวเคยใกล้ชิด ไม่เล่่ากูเลยนะสัด! “
" กูจะรู้มั้ยละว่ามึงชอบ มึงชอบผู้ชายเป็นร้อย อีกอย่างกูเพิ่งเจอมันเมื่อวานด้วย " ถอนหายใจออกมาก่อนจะเหลือบไปทางอื่น คิดว่าจะไม่เล่าแล้วเชียว ต้องเล่าอีก สัดเอ้ย " ก็ตอนที่กูสารภาพรักพี่ทีมเสร็จนั่นแหละ ไอ้เชี้ยนี่มันสูบบุหรี่อยู่ ได้ยินหมดเลย แถมยังมาเสือกเรื่องกูอีก "
" เสือกยังไง ไหนเล่าๆ "
" ก็เสือกประมานว่า ตอนนั้นพอสารภาพรักเสร็จ กูโดนปฎิเสธ กูเลยด่าตัวเอง คือมึงเก็ตมั้ย มันอารมณ์แบบเฟลอะ หงุดหงิดตัวเอง ว่าทำไมกูอ้วน มันก็แค่นั้น แต่ไอ้เหี้ยนี่มาจากไหนไม่รู้ว่า เสือกขึ้นมาว่า พี่ทีมไม่รับรักกูแล้ว กูยังเสือกด่าตัวเองอีก อารมณ์แบบเค้าทำร้ายตัวกูแล้ว กูยังทำร้ายตัวเองอีก อะไรแบบนี้ แต่มันไม่ควรเสือกไง เรื่องของกู ใครไปพูดกับมัน กูพูดของกูคนเดียว "
" กูขอเข้าข้างเรียวแล้วกันนะคะ " ไอ้ลี่บอกก่อนจะยิ้มหวานให้ผม มันเอื้อมมือมาจับไหล่ " คนดีที่กูคู่ควรจริงๆ "
" คนที่มันไม่อ้วน ไม่ได้อยู่ในจุดเดียวกับที่กูอยู่ แม่งจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ "
“ เอาน่าๆ มึงก็อย่าซีเรียส ไม่ต้องคิดมาก พอได้แล้วๆ ไปๆ กินข้าว มึงจะกินอะไร " ถอนหายใจเซ็งๆออกมา ผมหันไปมองหน้าร้านสลัดที่ตั้งใจไว้ว่าจะกิน แต่ว่าอีกใจก็ยังอยากจะกินข้าวไก่กรอบของป้าอยู่ อยากเคี้ยวแป้งที่อยู่บนเนื้อไก่พร้อมด้วยรสของน้ำจิ้มที่มีทั้งเปรี้ยว เผ็ด แล้วก็หวาน กลืนน้ำลายลงคอของตัวเองไป
“ กูจะไปกินข้าวร้านป้าวะ " ไอ้ลี่หันมามองผม มันที่มีสายตาสงสัย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคงคิดว่า ไหนมึงบอกจะลดน้ำหนักแล้วแดกข้าวไก่กรอบเพื่อ ? “ ก็ยังไงเมื่อเช้ากูก็ไม่ได้แดกตามสูตรแล้ว งั้นวันนี้กูจะแดกเป็นวันสุดท้ายก็แล้วกัน มื้อเย็นค่อยลด "
“ เอาเถอะๆ ตามสบายมึงเถอะจ้า " มันบอก " แต่กูแดกด้วยดีกว่า กูก็อยากจะกิน งั้นกูไปจองโต๊ะก่อน เอาหนังสือมึงมา "
“ เค " ผมเดินไปสั่งข้าวส่วนอีลี่ก็เดินไปจองโต๊ะ ก็โต๊ะที่ไอ้เหี้ยนั่นนั่งอยู่นั่นแหละ แล้วเสือกจองใกล้ไอ้เสือกนั่นด้วยนะ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะแบะปากมองบน กูจะแดกข้าวไม่อร่อยก็เพราะแม่งนั่นแหละ สัด " ป้าเอาข้าวไก่กรอบผสมหมูบดพิเศษ เหมือนเมื่อวาน "
“ ได้เลยจ้า "
“ มึง สั่งแล้วเหรอ " ไอ้ลี่เดินมาต่อคิวผมที่พยักหน้ารับมันก็เอ่ยปากสั่ง " ป้า เอาเหมือนกันค่ะ แต่ไม่พิเศษ " รับข้าวกันมาคนละจานผมชะงักไปนิดหน่อยตอนที่เห็นหนังสือของตัวเองถูกวางลงอยู่ข้างๆ ไอ้ผู้ชายคนนั้น แต่หนังสือของไอ้ลี่มันกลับวางอยู่คนละฝั่ง สงสัยจะอยากนั่งมองหน้าคนที่ชอบ แรดเกินเบอร์ไปอีกเพื่อนกู เราวางจานข้าวลงบนโต๊ะ แต่ยังไม่ทันนั่งอีกคนก็ถามต่อ “ มึงจะกินน้ำอะไรเดี๋ยวกูไปซื้อให้ "
“ เอาแปปซี่ดิ "
“ เค เดี๋ยวมา " คนถามเดินออกไป ผมที่กำลังตักข้าวขึ้นกินแต่เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาจากของคนขี้เสือกคนเดิมก็ถามขึ้น
“ ไหนเมื่อวานบอกจะลดความอ้วนไง " ชะงักมือที่กำลังจะกินก่อนจะหันไปมองต้นเสียงเสือกๆคนเดิม ที่ทำหน้านิ่งๆ
“ เสือก "
“ คำก็เสือก สองคำก็เสือก กูก็แค่ถามดีๆ เห็นเมื่อวานมึงมุ่งมั่นจะลดน้ำหนัก " คนที่กำลังพูดเว้นเสียงก่อนจะมองลงที่จานข้าวของผม " แต่ดูจากของที่มึงกินกับน้ำที่มึงสั่ง กูไม่คิดว่ามึงจะลดได้เลยวะ "
“ วันนี้กูยังไม่ลด มันก็เท่านั้น กูจะเริ่มจากการงดแค่มื้อเย็นก่อน แล้วมึงจะมาเสือกอะไรกับชีวิตของกู นั่งกินข้าวของมึงไปเถอะ " คนที่ผมพูดด้วยยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา ท่าทางที่โคตรยียวนกวนส้นตีนของมัน " ก็ว่าทำไม มานั่งกินข้าวคนเดียว นิสัยขี้เสือกเรื่องชาวบ้านแบบมึง คงไม่มีคนคบสินะ "
“ เฮ้ย! ไอ้เรียว " เสียงที่เอ่ยขึ้นหลังจากที่ผมพูดออกไป ผู้ชายสามที่กำลังเดินเข้ามา คนที่ผมด่าไปเมื่อกี้ก็หันมามองผมก่อนจะยกยิ้ม
“ ไอ้เหี้ย " พูดออกไปแบบไม่ออกเสียง ตอนที่มองหน้ามัน หงุดหงิดชิบหายทำไมกูถึงสรรหาคำด่าอะไร มาด่ามันไม่ได้เลยวะ กูอยากจะให้มันเจ็บปวด แค้นกู อย่างที่กูแค้นแม่งที่เอาแต่เสือกเรื่องกูบ้าง แต่ทำไมแม่งไม่มีเลย หงุดหงิดเว้ยยยย
" เขิน อะ น้ำของมึง "
" ขอบใจ " รับน้ำจากไอ้ลี่ที่เดินเข้ามาให้ มันนั่งลงตรงข้ามกับผมที่ก็ก้มหน้าลงกินข้าว เพื่อนของไอ้เหี้ยเรียวเองก็เดินเข้ามานั่ง กลายเป็นว่าโต๊ะที่เรานั่งอยู่ตอนนี้อัดแน่นไปหมด
" อึดอัดชิบหาย " ผมพูดเสียงเบาๆ แต่คนที่นั่งตรงข้ามกันอย่างไอ้ลี่ ก็เบิกตาขึ้นเหมือนจะได้ยิน
" มึงว่าอะไร "
" เปล่า " ส่ายหน้าไปมา ก้มหน้าลงกินข้าวของตัวเอง ที่ก็รู้สึกไม่อยากจะกินขึ้นมาซะงั้น เพราะคำพูดของไอ้เหี้ยนั่นแท้ๆ ทำไมตัวผมถึงรู้สึกว่า ก็เพราะกินอยู่แบบนี้ไงก็เลยอ้วน แล้วถ้ากินอยู่แบบนี้เมื่อไหร่พี่ทีมจะหันมาสนใจกูละ จะรอให้เค้าเรียนจบออกไปแบบนั้นแม่งก็ไม่ทันแล้วแน่
" พวกมึงกินข้าวกันไปก่อนเดี๋ยวกูมา " เสียงทุ้มของคนที่ชอบเสือกเรื่องของผม เอ่ยขึ้นมาก่อนจะลุกจากโต๊ะที่ตัวเองกินข้าวแล้วเดินออกไป ไอ้ลี่ที่มองตามมันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุขกับการแค่ได้มอง
บางทีก็คิดว่าตัวเองก็ไม่น่าจะสารภาพรักกับพี่ทีมไปเลย ตอนที่ได้แต่แอบมองเค้า ตอนนั้นมันก็มีความสุขดีมากอยู่แล้ว ไม่น่าเลย ตอนนี้แม้แต่มองก็ไม่กล้า พี่ทีมเองตอนที่เจอกันเมื่อเช้าก็เดินออกไปไม่สนใจกันเลย ทั้งๆที่เค้าเป็นคนใจดี ที่ปกติก็ชอบยืนคุยกับผมแท้ๆ
" ไอ้เขิน พี่ทีม " หันไปมองตามสายตาของเพื่อน แล้วตอนนั้นผมก็เห็นพี่ทีมกำลังเดินผ่านโต๊ะที่ผมนั่งไป เค้าไม่ได้สนใจหันมามอง อาจจะไม่ได้เห็น หรือบางทีก็คงทำเป็นไม่สนใจ ความเจ็บปวดที่ทำให้ร่างกายชาจนแทบจะไม่เคลื่อนไหว ไม่อยากจะเสียเค้าไปเลย จะเป็นได้แค่เพื่อน หรือคนรู้จักก็ได้ แต่ขอแค่ได้รอยยิ้มที่ใจดีนั่นกลับมา ขอแค่ได้สายตาที่มีผมอยู่ในนั้นบ้างไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกไหน กลับมามองกันเมื่อวันก่อนๆ ก็พอ
" เดี๋ยวกูมานะ " ไวเท่าความคิด ผมวางช้อนที่กำลังกินวิ่งตามหลังของคนที่แอบชอบมานานออกไป ปากที่ไม่กล้าเอ่ยเรียกต่อหน้าผู้คน ผมเม้มริมฝีปากไว้แน่นตอนที่พี่ทีมกำลังเดินเข้าไปในที่ในพื้นที่สูบบุหรี่ตรงข้างตึก เค้าหยิบม้วนบุหรี่ออกมา " พี่ทีมครับ "
ใบหน้าคมที่หันมามอง นิ่งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วยิ้มเซ็งๆมาให้ " ว่าไง " ไม่น่าพูดคำนั้นออกไปเลย คำว่าชอบเค้า ยิ่งมาเห็นหน้าตาของเค้าในตอนนี้ก็ยิ่งมั่นใจ ว่าไม่น่าเลย ไม่น่าจะบอกออกไปเลย " เขิน.. มีอะไรรึเปล่า "
" ผม ขอโทษครับ " ก้มหน้าลงบอกเค้าแบบนั้น " ขอโทษที่เมื่อวานพูดตามใจตัวเองออกไปแบบนั้น เขินคงทำให้พี่ทีมลำบากใจ "
" ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก " เค้าบอกก่อนจะนั่งลงที่ขอบปูนยกสูงข้างคณะ ท่าทางที่ดูก็รู้ว่าตอนนี้เค้าก็คงเจอปัญหาเหมือนกัน พี่ทีมสุบบุหรี่เข้าไปในปอด " พี่ก็แค่โดนเพื่อนๆในห้องแซว ว่าโดนเขินมาสารภาพรัก มันก็เท่านั้น " เค้ายิ้ม " มันแย่หน่อยก็ตรงที่ มันไม่ใช่คนหน้าตาน่ารัก อย่างที่เคยเป็น ก็เลยโดนล้อว่า ตกต่ำถึงขนาดนี้แล้วเหรอ "
" ขอโทษด้วยนะครับ ที่คนอย่างผมทำให้พี่ต้องเป็นแบบนั้น " เค้าเงียบตอนที่ผมก้มหน้าลงขอโทษเค้า พี่ทีมถอนหายใจแล้วหันไปทางอื่น " แต่ว่า เขินก็รู้สึกอย่างงั้นจริงๆนะ รู้สึกอย่างที่พูดออกไป เขินชอบพี่มาก มากจนบอกไม่ได้ว่ามากแค่ไหน ชอบจนอยากจะทำทุกอย่างให้พี่กลับมาคุยกับเขินแล้วยิ้มให้เขินเหมือนเดิม เพราะงั้นพี่ทีมเขินจะลดน้ำหนักนะ " เค้าเหลือบมองผม " แต่สัญญากันได้มั้ย ว่าถ้าเขินผอม พี่จะกลับมาเป็นคุยกับเขินเหมือนเดิม ไม่ต้องคบกันก็ได้ แค่คุย แค่เราได้สนิทกันเหมือนเดิม เขินขอแค่นั้น "
" แล้วถ้าไม่ผอมละ " ผมเม้นริมฝีปากกับคำถามของเค้า " ถ้าเขินไม่ผอมพี่จะไม่คุยกับเขินเลยนะ " นิ่งไปอยู่นานกับคำพูดของอีกฝ่ายที่เสนอมา ในห้วงนึงของความรู้สึกผมคิดว่าคนที่สามารถพูดข้อตกลงแบบนี้ออกมาได้ นั่นหมายความว่าเค้าไม่ได้อยากจะอยู่ในความสัมพันธ์อะไรสักอย่างกับเราแล้ว มันคงแย่มากสำหรับเค้าที่มีคนหน้าและรูปร่างทุเรศอย่างผมไปสารภาพรัก อย่างที่เค้าบอก เค้ารู้สึกตัวเอง ตกต่ำลงแล้ว แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังอยากจะอยู่ในความสัมพันธ์นั่นอยู่ดี
" ครับ ตกลงตามนั้นก็ได้ "
ว่ากันว่า ความรัก คือพลังความรู้สึกของมนุษย์ที่น่าพิศวงที่สุด คนเรามีความสุขเพราะรัก เสียใจก็เพราะรัก และสามารถทำได้ทุกอย่างก็เพราะรัก ผมเองก็เช่นกัน
......................................................
มีคนถามเข้ามาว่า " ใครพระเอกอะแกกกก "
คำตอบคือ ไม่บอกเฟ้ยยย อ่านเองง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ อยากจะให้ร่วมลุ้นกับความรักครั้งนี้ไปด้วยกัน
อยากจะให้เอาใจช่วยน้องเขินลดน้ำหนักแล้วเอาไขมันไปปาใส่หน้าพี่ทีม
สุดท้ายนี้ พรุ่งนี้ลงอีกตอน คนอ่านจะได้รู้ทิศทางของเนื้อเรื่องมากขึ้นเนอะ
ใครมีทวิตหนมฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ ขอบคุณมากค่าาา
:กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
-
เขินก็คิดได้นะ ว่าคนแบบนี้(สำหรับเรา)มันน่ารังเกียจนะ ยิ่งเขาพูดเขาแสดงออกมาแบบนี้แล้ว มันแสดงให้เราเห็นถึงสิ่งที่เขาคิดเห็นต่อสิ่งๆหนึ่งได้แย่ขนาดไหน
อยากให้เขินรักตัวเองให้มากกว่านี้หน่อย
-
คนอย่างทีมอย่าไปเอาเลยเขิน
หันมาสนใจเรียวดีกว่า เราว่ารายนั้นต้องแอบชอบอยู่แน่ๆ
-
:mew2: :mew2:
-
เขินยังตัดทีมไม่ขาดนิ ตัดทิ้งไปเลยคนนี้ เลือกคนอื่นเถอะ :กอด1:
-
เออเนาะ คนมันรักอะ ทำได้ทุกอย่าง ยอมแม้ถูกว่ามาขนาดนี้
เขินเอ้ย คนเตือนดีๆ ไม่ชอบ ชอบคนด่า
เรียวเป็นคนนั้นใช่ไหม คนที่สุดท้ายแล้ว เขินจะสยบ
ทีมแย่นะ แค่หน้าตาดี ก็เลือกได้ ว่างั้น
-
คือ....หวังเป็นอย่างยิ่งว่า พระเอกจะไม่ใช่พี่ทีม :call:
เขิน มึงจะหน้ามืดตามัวอะไรขนาดนั้นวะ คนจิตใจต่ำทรามขนาดนั้นมึงยังชอบอะไรในตัวมัน!!! :m31:
-
เรียวเป็นพระเอกแน่ๆ อยาก :z6: ทีมจริงๆ นึกว่าหล่อจะพูดทำร้ายจิตใจใครก็ได้เหรองัย
น้องเขินเลิกชอบมันไปเหอะ ถ้าผอมแล้วก็เมินมันซะ ขอ :beat: ทีมอีกที เพื่อนก็นิสัยเหมือนกันเลยทั้งฝูง
รีบๆผอมนะคะ สู้ๆ (รอวันน้องเขินผอม น่ารัก)
ปล.เรื่องนี้เป็นแนวที่ชอบเลยคะ รออ่านต่อนะคะ ^^
-
น่าจะเลือกเรียวนะ ทีมนี่ผ่านๆไปเถอะ ไหนคบคนที่อื่นไงไม่ใช่หน้าตา
-
:L2: :L1: :pig4:
ความรักทำให้คนโง่เป็นเรื่องจริงสำหรับเขิน
กับคนอื่นๆด่าได้ กับคนนิสัยเลวมองแต่ภายนอกแบบทีม พูดแบบนี้ก็ควรจะมองออกว่าสตอไหม
-
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 3
“ น่าสมเพช " ผมพูดกับตัวเองตอนที่ยืนฟังการสนทนาของผู้ชายสองคนที่ก็จำเสียงได้ดีเพราะมันไม่ต่างอะไรไปจากเมื่อวานเลย เรื่องราวที่เกิดขั้นนั้นก็ไม่ต่างกันด้วย ผมเองก็ยืนสูบหรี่อยู่ตรงนี้ ได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นเหมือนกันกับเมื่อวาน
เรื่องราวของผู้ชายคนนึงที่แอบหลงรักใครสักคน เค้าที่ใช้ความกล้าเข้ามาสารภาพความจริงนั้น แต่น่าเศร้า ที่มันไม่สำเร็จแต่ที่แย่ไปกว่านั้น คือคำยกยอตัวเองว่าอยู่สูงเหนือกว่าคนชนชั้นล่างที่ไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาดีเหมือนกับตัวเอง แล้วที่เหี้ยคือ คนฟังก็รู้สึกว่า มันจริงอย่างงั้น
คนอ้วนไม่ผิด แต่ผิดที่คนประเทศนี้ยึดว่า อ้วนคือไม่ดี คนผอมคือดี ค่านิยมที่ลดคุณค่าความเป็นตัวเอง ทั้งๆที่เป็นคนชอบกินแต่กลับไม่ได้กินเพราะกลัวอ้วน กลัวสายตาทางสังคมที่มองมา กลัวการล้อเลียนเหยียดหยามจากคนอื่นๆ เป็นประเทศที่มองรูปลักษณ์ภายนอกสำคัญกว่าสิ่งที่อยู่ภายใน ตัวผมเองก็เคยรู้สึกแบบนั้น เมื่อก่อนก็รู้สึกว่าหน้าตาตัวเองไม่ได้มีอะไรดี ผิวสองสีที่ไม่ได้ดูขาวอย่างที่ใครๆชอบ หลายครั้งตั้งแต่เด็กก็ถูกเหยียดหยาบว่า เป็นนายแบบแบบนี้ได้เพราะอานิสงส์ของแม่ที่เป็นนางแบบ ลำพังหน้าตาแบบนี้ก็คงไม่มีใครรับหรอก เพราะไม่ได้หล่อแบบพิมพ์นิยมอย่างที่คนไทยชอบ
แต่นั่นก็ผ่านมานานแล้วละ ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ในการทำงานทุกคนยอมรับผม แต่กว่าที่เค้าจะยอมรับ ผมก็ต้องอดทนกับเสียงน่ารำคาญเหล่านั้น แต่ว่าเสียงนั่นมันไม่ได้จากคนที่ผมรัก ต่างจากคนที่ยืนร้องไห้อยู่ในตอนนี้ ถึงจะเข้าใจยังไงก็ไม่เท่ากับสิ่งที่เจ้าตัวรู้สึกหรอก มันต้องต่างกันอยู่แล้ว
" มึงไม่คิดว่าการร้องไห้มันน่าสมเพชเหรอ " ผมเอ่ยถามอีกคนออกไป ใบหน้าอ้วนกลมที่แดงจัดเพราะกำลังร้องไห้หันมามองผม ด้วยแววตาโกรธๆ ผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว เหลือแค่มันที่ยืนนิ่งไม่ไปไหน " หยุดร้องไห้ได้แล้วมึงไม่ได้ดูน่าสงสารหรอก "
" เสือก " คำนี้อีกแล้ว เราคุยกันครั้งนี้เป็นครั้งที่สาม และผมก็ได้ยินมันทั้งสามครั้ง " แล้วทำไม มันต้องเป็นมึงที่มาได้ยินเรื่องแบบนี้ของกูด้วยวะ หรือว่ามึงตั้งใจจะมาล้อกู "
" อย่าสำคัญตัวเองผิด " ผมบอก " ตั้งสติหน่อย กูมายืนตรงนี้ก่อนมึงนะ มึงเถอะ เป็นเหี้ยอะไร ทำไมต้องมาสารภาพตอนกูสูบบุหรี่ตลอด ทำไม ? มึงอยากจะให้กูสงสารเหรอ "
" ไม่มีทาง กูไม่รู้จักมึงด้วยซ้ำ จะอยากจะทำให้มึงสงสารทำไม อย่ามาสำคัญตัวผิด " หันมาเถียงแบบคนไม่ยอมใคร พื้นฐานมันก็คงเป็นคนแบบนี้ แต่ก็แปลกทำไมมันไม่ด่ากลับไอ้เชี้ยนั่นไปสักที ความรักแม่งเปลี่ยนสิ่งที่ต้องทำเป็นไม่ต้องทำได้ขนาดนี้เลยเหรอวะ
" หึ " ยกยิ้มมองมันที่กำลังทำหน้าโกรธใส่ผม ฝ่ามืออวบๆยกขึ้นปากน้ำตาที่แก้มแดงๆของตัวเอง เป็นคนผิวขาวที่สุขภาพดีจากการกินโดยแท้ แก้มแดงๆที่ไม่ต้องปัด ใบหน้ากลมที่ดึงทุกอย่างในใบหน้าให้ออกไปทางข้าง ไม่ว่าจะเป็นตาหรือจมูก คิดว่าถ้ามันผอมขึ้นมา มันคงกลายเป็นคนน่ารักอีกคนนึงแน่นอน แล้วผมก็รู้สึก อยากจะเห็นมันในวันนั้นชะมัด
" คอยดูนะ สักวัน กูจะต้องผอมให้ได้เลย " มันพูดกับตัวเองเสียงหนักแน่นอีกครั้ง แล้วในตอนที่กำลังจะเดินออกไป ผมก็จับข้อมือมันไว้ " อะไร " หน้าตาไม่สบอาหารณ์กับเสียงโกรธๆ หันมามองผม
" กูช่วยมั้ย จะเป็นเทรนเนอร์ให้มึง "
" ห๊า ? “ มันอ้าปากค้างแบบงงๆ ผมก็ยักคิ้ว " เรื่องอะไร ไม่จำเป็น กูทำเองได้ "
" งั้นเหรอ "
" แล้วมึงจะมาช่วยกูทำไม เราเป็นอะไรกัน " ผมนิ่งคิด ก็จริงอย่างที่มันพูด มันก็แปลกที่ผมจะเข้าไปช่วยมันแบบนี้ ยิ่งบอกว่าอยากจะเห็นตอนมันผอม อยากรู้ว่าจะน่ารักอย่างที่คิดมั้ย นั่นก็คงเป็นคำตอบที่ดู ยิ่งแปลกกันไปใหญ่
" สงสารแล้วก็สมเพช ก็เลยอยากจะช่วย ทำให้มึงผอมจริงๆ "
" หึ คำว่าสมเพช ไม่ใช่คำพูดของคนอยากจะช่วยหรอก มึงก็แค่จะกวนตีนกูแล้วก็ชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน มันก็เท่านั้นแหละ " มันที่สะบัดมือออกจากมือของผม
" ถ้าจะเปลี่ยนใจก็บอกแล้วกัน "
" ไม่มีทาง! “ เสียงที่ตอบกลับมา ก่อนจะเดินออกไป ในตอนนั้นผมยกยิ้มกับตัวเอง ก็จริงอย่างที่มันบอก คำที่พูดออกมาว่า ' สมเพช ' ไม่น่าจะใช่คำที่คนอยากจะช่วยเค้าพูดกันหรอก
" มึงลดเองไม่ได้แน่ไอ้อ้วน " แล้วกูที่อยากเห็นไอ้ผู้ชายคนนั้นมันกลับใจมาชอบมึง ต้องทำยังไงวะ ถ้ากูอยากจะเล่นเกมส์นี้แต่คนในเกมส์ลงไม่ครบโดยเฉพาะตัวหลัก แม่งก็ไม่เป็นเกมส์สิวะ " เซ็งชิบหาย คิดว่าจะได้มีอะไรทำอะไรสนุกๆสักหน่อย "
.................................................................
“ อีเขิน ! มึงหายไปไหนมา! “ เสียงไอ้ลี่ตะโกนขึ้นตอนที่เห็นผมนั่งลงตรงหน้ามัน ถอนหายใจมองจานข้าวที่ยังเหลืออยู่ ผมเงยหน้าบอก
“ ไปเรียนกันเถอะ "
“ แล้วมึงไม่แดกแล้วรึไง " มันถามหน้างงๆ ผมก็ส่ายหน้า
“ ไม่อะ อิ่มละ " ลุกขึ้นจากที่นั่งอีกครั้ง ผมตั้งใจจะลดน้ำหนักตั้งแต่วินาทีนี้แหละ แล้วก็จะไม่ต้องพึ่งพาใครมาช่วยด้วย ผมจะลดด้วยตัวเอง แล้วก็จะทำให้สำเร็จให้ได้!
เข้าไปเรียนคาบเย็นที่เป็นคาบสุดท้ายของวันนี้ ก่อนจะขึ้นรถของตัวเองแล้วขับออกมาจากมหาลัยโดยที่ไม่แวะไปที่สหกรณ์เพื่อซื้อขนมเหมือนอย่างปกติ แล้วในตอนที่กำลังติดไฟแดงอยู่นั้น
“ หิววะ " ผมพูดกับตัวเองตอนที่มองหาขนมในรถ ที่คิดว่าคงเหลือไว้บ้างแต่ก็ไม่มีอะไรสักอย่าง " เออวะ เมื่อวานกูกินหมดแล้วเพราะตั้งใจจะลดความอ้วนนี่หว่า " บอกกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจ " สัด เสือกหิวอะไรขึ้นมาตอนนี้วะ " เหลือบมองไปรอบๆตอนที่ติดไฟแดง จำได้ว่าขับออกไปอีกหน่อยจะเจอเข้ากับร้านสะดวกซื้อร้าน แต่ผมก็ฝืน " ไม่ๆ กูจะไม่กิน กูจะอดทน จะไม่กิน กูต้องผอม "
ขับรถผ่านเซเว่นแรกไปโดยไม่แวะกลับไปมอง ขับต่อไปเรื่อยๆท้องก็เริ่มร้อง ตอนแรกคิดว่ามันเป็นเพราะความอยาก เพราะผมกินขนมตอนขับรถทุกวัน แต่พอเริ่มปวดท้องมาขึ้นก็ค้นพบว่า มันไม่น่าจะใช่แค่ความอยากแล้วละ
" เอาวะ ในเซเว่นมันต้องมีอะไรผอมๆ แดกบ้างละ " ในที่สุดก็ตัดสินใจแวะจอดที่เซเว่นที่สอง ผมเดินตรงเข้าไปตอนที่เห็นข้าวผัดไข่กับไก่สูตรเกาหลี กลืนน้ำลายลงไปในท้องก่อนจะเหลือบไปกินอย่างอื่น " ไม่เขิน มึงต้องผอม และต้องตั้งสติก่อนซื้อนะ "
หยิบถั่วขึ้นมาจากในชั้นทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะกิน ก่อนจะเหลือบไปมองเลย์ห่อสีเหลืองแล้วป๊อกกี้สีชมพู " แต่ว่าวันนี้กูก็ไม่ได้ลดมาทั้งวันแล้ว ก็แดกๆ ไปเถอะ ค่อยลดพรุ่งนี้ " และพอคิดได้แบบนั้น วินาทีถัดมาผมก็เดินไปหยิบตะกร้ามาหยิบขนมที่อยากจะกินทุกอย่างลงในนั้น ลืมไปหมดเลยคำพูดดูถูกและคำสัญญาของพี่ทีม หรือแม้แต่เสียงลอยมาของไอ้เรียวคนขี้เสือกที่บอกว่า ' แดกแบบนี้เมื่อไหร่จะผอม ' แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันครับ ที่ผมแพ้ให้กับตัวเอง
ทั้งข้าวผัดไก่เกาหลี เลย์ห่อใหญ่ไซส์ครอบครัว หรือแม้แต่ป๊อกกี้ก็หมดไปแล้ว ผมที่นั่งดูดน้ำแป๊ปซี่ในแก้วของตัวเองจนหมด ตักน้ำแข็งขึ้นมาเคี้ยวก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน จอดที่ลานจอนรถเรียบร้อย ตอนที่เดินเข้าไปข้างในบ้านและกำลังจะผ่านในครัว
" เขิน มากินข้าวสิ วันนี้แม่ทำหมูตุ๋นหม้อไฟ ไข่เจียวหมูสับ แล้วก็กุ้งผัดพริกเอาไว้ เมื่อวานแม่ดูวิธีทำมาจากในเน็ตดูน่ากินมากเลย " แม่ของผมที่เอ่ยทักขึ้นมา รูปร่างอวบที่ดูคล่องแคล่วของเธอ แม่ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วกำลังตักข้าวใส่จาน รอทุกคนลงมากิน กลิ่นหอมๆของอาหารบวกกับหน้าตาที่น่ากินของมัน ผมถอนหายใจออกมา " เมื่อกี้อายมาชิมมันบอกว่าอร่อยมาก เขินมานั่งๆ แม่จะไปเรียก อายกับป๊ามากินด้วย " เธอบอกก่อนจะยิ้ม
" แต่ว่า.." คือ ผมกินมาแล้วไงแม่ อิ่มมากแล้วด้วย มันก็น่ากินอยู่หรอก แต่อิ่มไง อิ่มมากด้วย แม่จะเข้าใจมั้ย
" หรือว่า เขินลดน้ำหนัก " เธอถาม ก่อนจะเอียงหน้ามอง " จะไม่กินเหรอ แม่ลงครัวเองเลยนะ "
" กินก็กิน แต่แค่นิดเดียวนะ "
" ให้มันได้อย่างงั้น พ่อลูกชาย เอาไปเลย " ข้าวพูนชามถูกส่งมาให้สมเป็นแม่ของผมจริงๆ เวลาที่แม่ลงครัวเป็นอะไรที่ต้องกินครับ เป็นไฟท์บังคับเพราะแม่ไม่ค่อยทำ เวลาทำขึ้นมาก็เลยต้องกินเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ พ่อผมบอกไว้แบบนั้น " กินเถอะเชื่อแม่ กินเยอะๆ พรุ่งนี้ค่อยลด "
" เขินจะไม่ผอมก็เพราะแม่นั่นแหละ " บ่นออกมาแบบนั้นก่อนจะตักหมูตุ๋นหม้อไฟขึ้นมากิน เป็นเนื้อชิ้นกระดูดอ่อนที่พอกินเข้าไปคำแรกผมก็ตาโตขึ้นมา " อร่อยอะแม่ " แล้วดูท่าว่าข้าวพูนชามที่ได้มา อาจจะต้องเพิ่มก็เป็นได้
ตื่นเช้าขึ้นมาด้วยความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักวันนี้เป็นวันแรก ผมหยิบน้ำขึ้นมากินหนึ่งขวดเต็มๆก่อนจะนอนลงแล้วนวดท้องไปมาเหมือนทุกวัน เป็นวิธีที่ทำให้ตัวผมถ่ายในทุกเช้า หลับตาลงแล้วคิดถึงหมูตุ๋นหม้อไฟเมื่อคืนที่กินเข้าไป เป็นอะไรที่อร่อยมาก เนื้อแดงนุ่มกำลังดี กระดูกอ่อนก็กรุบๆกรอบๆ
" อยากกินอีกวะ " พูดกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะส่ายหน้าไปมาสลัดความคิดของตัวเอง แล้วพูดออกมาเสียงดัง " ไม่! วันนี้กูจะลดความอ้วน กูจะจริงจัง!! กูจะผอม "
เดินลงมาชั้นล่างของบ้าน กลิ่นหอมๆของข้าวต้มปลาก็ลอยมาเตะจมูก สูดกลิ่นความน่ากินนั่นเข้าไปจนเต็มปอดก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ เขินนน มากินข้าวต้มปลาลูก มา " แม่เอ่ยเรียกผม ตอนที่กำลังจะเดินผ่านห้องครัวของบ้านไป ส่ายหน้าให้เธอก่อนจะบอก
" เขินจะไดเอทตามสูตรอะแม่ ไม่กินนะ อาทิตย์นึงเลย "
" ไดเอทตามสูตรแล้วเค้าไม่ให้กินข้าวเช้าเหรอ " เธอถามต่อ ด้วยสายตาเป็นห่วง " แบบนั้นไม่ได้นะ ข้าวเช้าสำคัญนะเขิน "
" กิน แต่เค้าให้กินอย่างอื่นแทนอะ "
" แล้วเค้าให้กินอะไร " คำถามที่ทำให้ผมนิ่ง แต่เจ๊อายก็เป็นคนตอบขึ้นมาแทน
" กินโยเกิร์ต ถ้วยนึง "
" ห๊า ? แล้วมันจะไปอิ่มอะไร โยเกิร์ตถ้วยเดียว มากินข้าวดีกว่ามา อร่อยนะลูก " กวักมือเรียกให้เค้าไปหา ผมก็ส่ายหน้าไปมา
" ไม่อะแม่ ไม่กิน " วิ่งหนีออกไปจากบ้านหลังจากพูดคำนั้นจบ ปลดล็อครถของตัวเองตอนที่เข้าไปนั่งผมสูดลมหายใจเข้าไปในปอด เค้าบอกว่าการเริ่มต้นช่วงสามวันแรก เป็นอะไรที่ยากที่สุด ถ้าเราผ่านไปได้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว เพราะงั้นผมจะต้องผ่านมันไปให้ได้
จอดรถที่ลานจอด ผมแวะซื้อโยเกิร์ตในสหกรณ์กับน้ำ อ่านมาในเน็ตเค้าบอกว่าให้กินน้ำสองแก้วก่อนจะกินอาหารทุกมื้อจะช่วยให้อิ่มแล้วอยู่ท้อง นั่งลงที่โต๊ะหน้าคณะที่ว่างอยู่แกะน้ำออกมากินเป็นอย่างแรก แต่ยังไม่ทันหมดขวดก็อิ่มแล้ว
" ท่าทางจะได้ผลวะ "
" เชี้ยเขินนนน " เสียงที่ดังมาของไอ้ลี่เอ่ยทักผม ก่อนจะนั่งลงข้างๆ " ทำไมวันนี้มึงมาเร็วจังวะ ปกติกูเห็นมาหลังกู "
" วันนี้ไม่ได้แดกข้าวที่บ้านไง " ผมบอกก่อนจะเปิดโยเกิร์ตขึ้นกิน
" นี่ทำตามสูตรแล้วสินะ "
" ใช่ " พยักหน้ารับมัน ไอ้ลี่ก็ท้าวคางมองผมที่นั่งกินโยเกิร์ต
" สู้ๆนะมึง กูขอให้มึงผอมเร็วๆ เป็นกำลังใจให้ "
" ทำไมหน้าตามึงดูไม่ค่อยมั่นใจเลยวะ ว่ากูจะทำได้ "
" แหมมม มึงมันก็ยากนะ มึงลองคิดดูว่า ปกติมึงกินเยอะแค่ไหน แล้วจะให้กินแค่นี้แบบฉับพลัน มันก็ยากนะเว้ย ทำไมมึงไม่ลองแบบค่อยๆ ทำวะ "
“ กูอยากจะผอมเร็วๆไง "
“ แต่กว่าจะอ้วน ยังใช้เวลาเลย กว่าจะผอมมันก็ต้องใช้เวลานะเว้ยไอ้เขิน มึงไม่ลองออกกำลังกายอะ "
“ ไม่เอาอะ กูจะเอาเวลาที่ไหนไปออกวะ " ผมบอกอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมา " มึงลองคิดดูว่า กูกลับถึงบ้านก็เย็นแล้ว ไหนจะมีการบ้าน รายงานอีกอะ บางทีก็ต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน "
พ่อแม่ของผมท่านเปิดบริษัทออแกไนซ์ครับ พวกรับจัดงาน เป็นบริษัทขนาดเล็กที่ได้รับการยอมรับในระดับนึง ซึ่งคนที่ต้องรับช่วงต่อก็คือผม แน่นอน ไม่ใช่เจ๊อายที่ตอนนี้ก็ทุ่มเทให้กับการเรียนหมอฟันเต็มที่ เพราะงั้นพ่อกับแม่ก็ให้ผมไปช่วยงานท่านบ่อยๆ เหมือนเป็นการเรียนรู้ไปด้วยในตัว แต่ผมก็ชอบนะ มันสนุกดี ซึ่งแน่นอนว่าเวลาชีวิตในหนึ่งวันของผม บางทีก็เต็มอย่างไม่ต้องสงสัย ครั้นจะให้ไปออกกำลังกายอีก ก็คงเป็นไปไม่ได้ครับ ขี้เกียจด้วยละ ขอลดความอ้วนด้วยการคุมอาหารอย่างเดียวดีกว่า
" ซื้อเครื่องวิ่งดิ วิ่งสักแบบ ก่อนออกมาเรียน 30 นาที กลับบ้านไป 30 นาที ผอมแบบเฟิร์มๆไงมึง "
" ขอตังค์หน่อย " ยื่นมือไปหามัน ไอ้ลี่ก็ตีเข้าที่มือ ผมก็หลุดหัวเราะ " เอาไว้ให้กูลดลงไปสัก 10 กิโลแล้วก็จะซื้อละกัน "
" เออ ก็ดีจะได้ไม่ต้องเปลืองเงิน เอาไว้ให้จริงจังจริงๆ ก็ค่อยซื้อ "
" แต่นี่กูก็จริงจังนะเว้ยย " ผมบอกมัน อีกคนก็พยักหน้ารับ แบบไม่ค่อยเชื่อใจผมเท่าไหร่
" จ้่าๆ แล้วเที่ยงนี้มึงจะกินอะไร "
" ไข่ต้ม สองฟอง ตามสูตร "
" แล้วจะไปหามาจากไหนวะ "
" เซเว่นไงมึง เซเว่นมีทุกอย่าง "
" เออ จริงด้วย เคๆ แล้วแบบนี้มึงจะไปแดกข้าวกับกูมั้ย "
" แดกสิวะ เดี๋ยวกูซื้อไข่ต้มมานั่งกินกับมึง "
" กูกลัวมึงตะบะแตกอะดิ งั้นกูจะส้มตำแล้วกันวันนี้ มึงจะได้ไม่โหยหาข้าวป้า "
" เป็นคนดี รักเพื่อน " ผมบอกก่อนจะยื่นมือไปตบไหล่มัน " ขอให้ความดีนี้จงทำให้มึงมีเงินแล้วไปบินไปศัลยกรรมที่เกาหลีได้สักทีนะ "
" จ้า อีดอกกกก " มันย้ำเสียงใส่ผม ก่อนที่เราจะหัวเราะกันออกมาเสียงดัง
............................................................
ชั่วโมงแรกของการเรียนหมดไป ผมนั่งมองนาฬิกาทุกสิบวิ เพื่อดูว่าเมื่อไหร่มันจะถึงเที่ยง ผมกินน้ำเข้าไปจนหมดขวดจนตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ท้องที่เริ่มว่างเปล่า อาการมือชาแปลกๆ ก็ตามมา หนำซ้ำผมยังรู้สึก ปวดท้อง
“ เป็นอะไรของมึงวะ ไอ้เขิน นั่งบิดอยู่นั่นอะ "
“ ลี่ กูปวดท้องวะ " ผมบอกก่อนจะเม้มริมฝีปากมองเพื่อนตัวเอง " คงเพราะกูกินน้อยไปมั้ง "
“ ชิบหายละ เห็นมั้ยบอกแล้วว่ามันโหดไป " ไอ้ลี่ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปเหลือบมองอาจารย์ที่หน้าห้อง " แล้วเอาไง แต่นี่มันเพิ่งสิบโมงเองนะ ยังไม่ถึงเวลากินของมึงไม่ใช่เหรอ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับ " กูทนได้ ไม่เป็นไร แต่ขอน้ำมึงกินหน่อย "
“ เค " ยื่นน้ำของตัวเองมาให้ " เอาไป แดกไปจะได้หายหิว "
“ ขอบใจมึง " นั่งกินน้ำเข้าไปจนเกือบหมด แต่ไม่ว่ายังไงการกินน้ำมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรผมเท่าไหร่ ความปวดท้องยังอยู่หนำซ้ำยังแทรกด้วยความจุกน้ำที่กินเข้าไปอีกตังหาก
" เป็นยังไงบ้าง หายปวดมั้ย "
" ไม่หายวะ "
" กูว่าเที่ยงนี้กินข้าวเถอะ เดี๋ยวเป็นกระเพาะแล้วจะเรื่องใหญ่ "
" ไม่ๆ กูไหว กูต้องทำให้ผ่านสองวันแรกไปให้ได้ ผ่านสองวันแรกก็สบายๆแล้วมึง วันที่สามให้แดก เกาเหลาได้ "
เลิกคลาสด้วยความทรมานอย่างที่สุด ท้องที่เหมือนไม่มีอะไรของผม หอบหิ้วตัวเองออกจากห้องเรียนเหมือนคนหมดแรง ลงลิฟต์ไปชั้นล่างตึกด้วยยาดมที่ไอ้ลี่ยื่นมาให้ด้วยความเป็นห่วง
" มึงนั่งนี่เถอะ เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้ มึงไม่ได้แดกอะไรเลยแบบนี้ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไป " ลี่เชิดหน้าไปที่โต๊ะนั่งที่ใกล้ทางออกของมหาลัย ผมพยักหน้ารับ " แล้วมึงจะเอาอะไรบ้าง น้ำหวานหน่อยมั้ยจะได้มีแรง กูจะซื้อจากหน้าม.มาให้ บอกเค้าว่า หวานนิดเดียว "
" ไม่เอาอะ เอาแค่น้ำเปล่า ขวดใหญ่เลยนะ กับ ไข่ต้มสองฟอง เอามาแค่นั้นพอ "
" แต่มึง.."
" กูอยากจะทำให้มันสำเร็จจริงๆ " เงยหน้าบอกไอ้ลี่ที่มีสีหน้ากังวล มันถอนหายใจออกมา " มึงช่วยไปซื้อให้หน่อยเถอะ "
" แต่การลดน้ำหนักไม่ใช่การทรมานร่างกายนะเว้ย แค่มึงกินน้อยลงจากเดิม มันก็ลดลงแล้วเชื่อกูสิ "
" เอาน่า มึงอย่ามัวแต่บ่น ไปซื้อได้แล้ว กูหิวว "
" เออๆ รอแปป " ในเมื่อพูดไปก็เท่านั้น ไอ้ลี่ก็เลยตัดสินใจเดินออกไป ผมหยิบน้ำขึ้นมากินอีกครั้ง กุมท้องตัวเองไว้ด้วยความปวด แบบทรมานอย่างที่ไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน นี่แหละเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมตลอดมาผมถึงไม่คิดจะลดน้ำหนักเลย ความรู้สึกทรมานแบบนี้ ผมรู้สึกว่า การกินคงเป็นวิถีทางที่ดีกว่า
“ ปวดท้องชะมัด " พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าลงนอนบนกระเป๋าผ้าของตัวเอง สายตาที่มองไปที่หน้าประตูมหาลัย ผมมองอยู่แบบนั้นเป็นยี่สิบนาทีก่อนที่เพื่อนสาวคนสนิทจะเดินเข้าไปมาด้วยถุงอาหารแบบพะรุงพะรัง
“ มึงงง จะตายยัง กูมาแล้ว " มองถุงทั้งหมดลงบนโต๊ะ ผมหยิบน้ำมาดื่มเป็นอย่างแรก " นี่กูซื้อของที่ไม่อ้วนในเซเว่นมาให้มึงเลยนะ มีอกไก่นุ่มด้วย เผื่อมึงกินไข่ต้มแล้วไม่อิ่ม "
" แล้วมึงจะซื้อมาทำไมมมมมมม " ผมลากเสียงยาวก่อนจะถอนหายใจ " มึงซื้อมา กูก็อยากจะแดกสิวะ "
" มันไม่อ้วนหรอก มันเป็นของลดความอ้วน มึงกินเข้าไปเถอะน่า วันนี้เลิกเรียนแล้ว มึงต้องขับรถกลับบ้าน เกิดหิวจัดจนเบลอ เผลอไปขับรถชนเสาไฟฟ้า ไม่ตายห่าเหรอวะ “
“ อีลี่ มึงแช่งกูเพื่อออ “
“ พูดความจริง แดกๆ ไปเถอะ กินแค่อกไก่กับไข่สองฟองมันไม่อ้วนหรอก จะได้อิ่มๆด้วยไง นี่ซื้อถั่วมาให้ด้วย มึงจะได้เคี้ยวๆ เพลินๆ " มันว่าก่อนจถอนหายใจออกมา ลี่ดึงจานข้าวสีดำของตัวเองขึ้นมาจากถุง ผมมองจานข้าวมันก่อนจะกลืนน้ำลาย มันเป็นข้าวเซเว่นที่ผมโคตรชอบครับ ข้าวผัดไข่ไก่เกาหลี วินาทีที่มันตักไก่เกาหลีคลุกข้าว พร้อมด้วยควันอุ่นๆที่พุ่งขึ้นมา ผมกลืนน้ำลายอีกครั้ง
" เปิดอกไก่แดกเถอะมึง " ไอ้ลี่ยื่นให้พลางเปิดให้เสร็จสรรพ " อร่อยนะ รสชาติไม่แย่หรอก กูเคยกิน "
" อื้ม " ตอบมันเสียงเบาๆ ก่อนจะสูดกลิ่นอาหารที่อยากจะกินเข้าไปในปอดแล้วคิดว่าตัวเองได้กินมันคนเดียวทั้งหมด ก่อนจะพูดในใจ กูต้องผอม กูต้องผอมให้ได้ " หน้าตาน่ากินดีนะมึง "
“ หมายถึงอกไก่ ? “
“ อื้ม " พยักหน้ารับก่อนจะกินเข้าไป รสชาติไม่ได้แย่เลยครับ อร่อยมากเลยด้วย ผมกินเข้าไปเข้าไปจนหมด ก่อนจะตอกไข่ต้มกินตามเข้าไป อีกสองฟอง พร้อมกับน้ำเปล่า
“ โอ้โหหหหหห ลดน้ำหนักเหรอจ๊ะ น้องเขิน " เสียงที่ทำให้มือที่กำลังกินไข่ต้มของผมอยู่ชะงัก เงยหน้าขึ้นไปมองก็เจอพี่ล๊อคที่เดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะนั่งลงร่วมโต๊ะกับเราแบบไม่มีใครเชิญ ผมมองไปรอบๆแต่ว่ากลับไม่เจอพี่ทีม " ไอ้ทีม มันไม่ได้เดินตามหรอก มันเห็นมึงนั่งอยู่ มันก็เดินออกไปอีกทางละ "
“ ไหงงั้นวะ " ไอ้ลี่พูดขึ้น " ทำไมพี่ทีมต้องหลบหน้าไอ้เขินขนาดนั้น "
“ พอดีมากับเพื่อนกลุ่มใหญ่อะ ว่าจะไปกินส้มตำกันหน้ามหาลัย ถ้าเดินมาเจอมึง มันก็แซวไอ้ทีมกันดิวะ "
“ แซวว่า ? “ ผมถาม อีกคนก็ยกยิ้ม
“ มึงอยากฟังเหรอ " เค้ายกคิ้วถาม " นั่นไง ไอ้อ้วนที่มาสารภาพรักกับมึง ไม่ก็ ไอ้อ้วนอยู่นั่นไงไอ้ทีม ว่าไงจ๊ะ มาสารภาพรักกับพี่ทีมอีกทีมั้ย อ้วนนนนน อะไรแบบนี้ "
“ ทุเรศ " ไอ้ลี่บอก " แค่อ้วนเองนะเว้ย ไม่ได้มีอะไรผิดไปมากกว่านี้เลย มันร้ายแรงมากเลยเหรอวะ ถึงทำให้เพื่อนๆพี่ มองดูไอ้เขินเป็นตัวตลกขนาดนี้ พี่ทีมถึงขั้นอายมันขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเลย คนเราแค่หลงรักใครสักคนมันผิดมากเหรอวะ "
“ คนที่เค้าหน้าตาดีมาตั้งแต่เกิด เจอแต่คนสวยๆ หน้าตาน่ารัก สารภาพรักมาทั้งชีวิต คนที่จะดูตัวเองก่อนว่าอาจจะมีโอกาสที่เค้าจะตอบรับ ไม่ใช่คนที่ไม่ได้แคร์อะไร แล้วก็ไปสารภาพ มึงก็ต้องเข้าใจไอ้ทีมมันด้วยนะ มันไม่เคย ก็ไม่แปลกที่มันจะอาย ยิ่งมาโดนเพื่อนล้อแบบนี้อีก ทุกอย่างก็ยิ่งแย่ "
“ อื้ม เข้าใจ " ผมบอก ไอ้ลี่ที่เตรียมเถียงก็ถอนหายใจ
“ พี่ทีมคงเกลียดผมไปแล้วละ ไม่น่าเลย ผมไม่น่าพูดออกไปเลย " ก้มหน้าลงมองไข่ต้มที่กำลังจะกิน ผมยัดมันเข้าไปอีกคำ ก่อนจะเคี้ยว
“ กูได้ข่าวว่ามึงไปท้ากับไอ้ทีมว่า ถ้ามึงลดน้ำหนักได้จนผอม มึงจะขอกลับไปคุยกับมันเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ผอม มึงจะไม่คุยกับมันอีก "
“ อื้ม ใช่ " พยักหน้ารับอีกคน ไอ้พี่ล๊อคก็ยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ เอาชาตินี้แล้วกันนะ อย่าให้นานเกินละมึง " ยักคิ้วให้อีกครั้งเค้าที่เดินไป ไอ้ลี่ก็มองตาม
“ ปากหมาไอ้สัด มึงแม่งก็ยอม จริงจริ๊งงงงงงงง กับพี่ทีม น่าจะด่ากลับไปแบบปกติที่เคยด่า ความปากแรงหายไปไหนหมด "
“ เค้าก็พูดจริงของเค้า จะให้กูด่าอะไร " กินไข่ต้มเข้าไปคำสุดท้ายก่อนจะดูดน้ำเปล่าตามเข้าไป
มันจริงอย่างที่พี่ล็อคบอก ผมทำให้พี่ทีมต้องอายเพื่อน ต้องทนฟังคำล้อ จากการที่คนอย่างผมไปสารภาพรัก เป็นคนอ้วนๆ ที่ก็ไม่ได้เจียมตัวเองเลยสักนิด
“ แล้วเป็นไง ดีขึ้นมั้ย " ไอ้ลี่ถาม ผมก็เงยหน้ามองมันก่อนจะพยักหน้ารับ
“ ดีขึ้นละ " ผมบอก " แต่ว่าไม่อิ่มวะ "
“ ฮ่าๆๆ มันก็ปกติ เปล่าวะ " อีกคนยิ้ม " ทุกวันมึงกินข้าวพิเศษ วันนี้ให้มากินแค่นี้มันจะไปอิ่มอะไรเล่า "
“ กูอยากจะกินชาเขียววะ จะไปดูชาเขียวแบบไม่หวานในสหกรณ์หน่อย มึงจะเอาไรมั้ย "
“ ไม่เอาอะ มึงไปเถอะ " พยักหน้ารับมัน ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินตรงไปที่สหกรณ์ ระหว่างที่ผมเดินไป ผมรู้สึกว่ามีหลายสายตามองมาทางผม มองมาที่รูปร่างของผม หลายคนหัวเราะ แล้วชี้ชวนให้เพื่อนดูความอ้วนของผม เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ แต่ผมไม่เคยสนใจเลย แต่มันกลับไม่ใช่วันนี้ เงาสะท้อนของกระจกร้านที่ฉายร่างของผม
' เพราะอ้วนแบบนี้ แล้วก็เพราะผมน่าเกลียดแบบนี้ ก็เลยทำให้พี่ทีมต้องโดนล้อ ผมทำให้เค้าอยู่ในสารภาพนั้น ชีวิตที่มีความสุขของพี่ทีม วันนี้ผมทำให้ความสุขบางส่วนของเค้า หายไปแล้ว '
“ ขอโทษครับ " มือที่จะผลักประตู สวนทางกับคนในร้านที่กำลังจะออกมาพอดี ประตูที่ชนร่างของผมชวนให้ผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอ่ยปากขอโทษ ปากที่อยากจะบอกออกไปว่าไม่เป็นไร แต่มันก็หยุดนิ่งลงเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
" ไอ้เรียว " ยักคิ้วให้ผมเป็นการทักทาย มันเดินผ่านผมออกไป แต่อยู่ๆคำพูดของมันที่พูดกับผมเมื่อวาน ก็ดังขึ้นมาในความรู้สึก ' กูช่วยมั้ย จะเป็นเทรนเนอร์ให้มึง '
มองตามแผ่นหลังที่เดินออกไปในตอนนั้น ขาที่กำลังจะเดินเข้าไปในร้านของผมชะงักค้างลง ในช่วงเวลานึงผมคิดขึ้นมา บางทีมันอาจจะมีวิธีอะไรสักอย่างที่ช่วยผอมได้ก็เป็นไปได้
" ไอ้เรียว! " ไวเท่าความคิด เสียงของผมตะโกนออกไป มันดังจนเจ้าของชื่อที่เดินออกไปไกลแล้วหันกลับมา รวมถึงคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั่นก็ด้วย ร่างสูงหันกลับมามองผม มันที่เลิกคิ้วขึ้นมองราวกับจะถามว่ามีอะไร ผมที่ก็เดินเข้าไปใกล้ถอนหายใจมองมัน ก่อนจะเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น รู้สึกเซ็งตัวเองอยู่หน่อยๆ ที่กลับคำจากเมื่อวานได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่ว่าผมก็ไม่อยากจะให้มันช้าไปมากกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ ยิ่งผอมเร็วเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็ต้องพูดออกไปแม้จะเสียหน้าเท่าไหร่ก็ตาม แล้ววินาทีนั้นก็เงยหน้ามองมันแล้วพูดออกไปด้วยเสียงมั่นใจ " มึง..ช่วยมาเป็นเทรนเนอร์ลดน้ำหนักให้กูหน่อยจะได้มั้ย ช่วยทำให้กูผอมที "
....................................................
อยากเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ปฎิบัติการเปลี่ยนนายให้เป็นฟามิงโก้
รู้สึกฟามิงโก้ดูสดใสแรดๆ แบบน้องเขินดี เอ็นดูความลดน้ำหนักของน้องเค้า
ไม่เป็นไรนะลูก ถ้าหนูพยายามมันต้องผอม เอาใจช่วยน้องเขินกันนะคะ มาดูกันว่าพี่เรียวจะทำยังไง ให้เขินผอม
แต่ก่อนอื่นคือ เรียวจะรับมั้ย ฮ่าๆๆ
โอเค เจอกันตอนหน้า ในวันศุกร์หน้า
ใครมีทวิตน้องหนมฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ด้วยนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันจ้า
-
:L2: :L1: :pig4:
สู้วววววว เราจะลดไปด้วยกัน
-
พล็อตน่าสนุก แต่ไม่ชอบนายเอกเท่าไหร่ การพูดการจานึกว่าจะคิด จะแยกแยะได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ ก็ยังยอมให้ไอ้เหี้ยทีม โขกสับอยู่ดี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงกลายเป็นตัวตลกได้ ทำตัวเอง ยอมด้วยตัวเองล้วนๆ
ขอชมคนเขียนเลยว่าเก่ง ทำการบ้านดี ในการจี้ปมในใจ เพราะเรานี่ก็เป็นคนนึงที่เคยอ้วนและตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับนายเอกมากก่อน ต่างกันตรงที่ว่าไม่ได้ลดน้ำหนักเพื่อผู้ชาย แต่ลดเพราะ อยากมีชีวิตอยู่นานๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ แต่คงของดตามก่อน เพราะหมั้นไส้ และโมโหนายเอกมาก ขอพักก่อนเนาะ สู้ๆจ้า
-
ขอให้เรียวช่วย แล้วเรียวจะช่วยไหมเนี่ย เขินพูดเพราะๆ กับเรียวซิ เขาจะได้ช่วย :hao3:
-
เป็นกำลังใจให้จ้า ขอให้ผอมๆ สวยๆ แล้วเทอิคนอย่างรุ่นพี่ปากหมาหลงตัวเองซ่ะ
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
เขินเอ้ยย ไม่ไหวนะ เจอคนแซวไม่เท่าไหร่ แต่เจอคนดูถูก ก็ไม่ไหวนะ
เขินยอมเพราะจะให้ทีมหันกลับมาหรอ ชอบมากขนาดนั้นเลยหรอ
เรียวเอ้ยย งานสนุกที่ว่า ระวังเข้าตัวนะ
เขินปากไวกับทุกคน ยกเว้นทีมและเพื่อน เลยโดนว่าแบบไม่แคร์
ทีมทำตัวน่าเกลียด ล็อคก็แย่มาก
เอาใจช่วยเขินนะ พยายามเข้า แล้วถึงตอนนั้นได้มีโมเมนท์เรียวเขินแน่ ให้ทีมช้ำใจไปเลย
-
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 4
“ เปลี่ยนใจไวจังนะมึง " คำแรกที่มันพูดออกมาตอนที่ผมบอกออกไปแบบนั้น ถอนหายใจหลบหน้าคนที่ยิ้มล้อๆ ก่อนที่มันจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ หัวเราะเหี้ยอะไรของมึง น่าตลกมากรึไงไอ้สัด "
“ มันก็น่าตลกนะ " มันว่าพลางทำท่าคิด " เมื่อวานมึงยังบอกกูก็เลย ว่ากูเสือก มึงไม่มีทาง และก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งกู นี่ผ่านมาแค่วันเดียว มึงกลับมายืนอยู่ตรงนี้ แล้วขอให้กูช่วยละ "
“ ถ้ามึงไม่อยากจะช่วยงั้นก็ไม่ต้อง ไอ้สัด ! " ถอนหายใจใส่มันตอนที่กำลังจะเดินออกไป อีกคนก็พูดขึ้น
“ กูยังไม่พูดเลย ว่าจะไม่ช่วย " หันไปเหลือบมองมันที่เอาแต่ยิ้มกวนตีนใส่ผม " กูจะช่วยนะ แต่ว่ามึงต้องทำตามกูทุกอย่าง "
“ หมายความว่าไง "
“ หมายความว่า มึงต้องทำตามที่กูสั่ง กูบอกให้กินอะไรก็ต้องกิน สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ "
“ ไม่เอา เผลอมึงสั่งให้กูแดก ยาบ้า กูไม่ตายเหรอ ไอ้ห่า " ผมหันไปด่า " มึงเป็นคนแบบไหนกูยังไม่รู้เลย กูจะไว้ใจมึง กินทุกอย่าง อย่างที่มึงบอกได้ยังไง "
“ มึงเป็นบ้ารึไง "
“ ก็.. ก็รู้จะรู้รึไง เผลอมึงให้กูเอายาบ้าไปส่งให้เงี้ย มึงอาจจะเป็นคนส่งยาก็ได้นะ ทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นได้ กูก็ต้องระวังตัวเปล่าวะ พ่อแม่กูสอนมาดี " เถียงกลับไปแบบไม่ยอมแพ้ อีกฝ่ายก็เริ่มนิ่งไป มันที่จ้องผมด้วยสายตานิ่งๆ ขอบอกตามตรงเลยครับว่า แม่งเป็นสายตาที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน คล้ายกลับว่าจะกระโดดมาฆ่าผมตายยังไงอย่างงั้น " ก็กูผิดเหรอวะ ก็มึงแม่ง หรือมึงเป็นคนที่กินของกินที่รับจากคนแปลกหน้ารึไง ก็ไม่ใช่ ถูกมั้ยละ กูก็ต้องระวังตัว "
" กูไม่เอาให้มึงกินหรอก เพราะมันไม่่ธุระอะไรของกู ที่ต้องจัดหาให้มึงแดก ที่กูจะบอกแล้วมึงต้องทำตามมันก็แค่ ถ้ากูบอกว่า วันนี้มึงต้องกินอะไร มึงก็แค่ไปหามา แล้วกินมันเข้าไป ตามที่กูบอก มันก็แค่นั้น แล้วถ้ากูให้ไปออกกำลังกาย มึงก็ต้องไป ให้ออกท่าไหน ก็ต้องออก "
" แต่ว่ากูไม่ชอบออกกำลังกาย "
" งั้นก็ไม่ต้องลดความอ้วน " มันบอกปัดก่อนจะหันหลังเดินออกไป แต่ทว่าผมก็คว้ามือมันไว้ได้ก่อน
" เฮ้ยๆ เดี๋ยวสิ อะไรของมึงวะ ฟังกูก่อนสิวะ ไอ้เหี้ยนี่ " อีกคนหันมามองผม มันเหลือบมองมือของผมที่จับมือมันอยู่ ผมปล่อยมือทันที " กูไม่ได้อยากจะจับนะ เป็นแค่การรั้งไม่ให้มึงไปเฉยๆ "
" ว่ามา "
" กูแค่ไม่ชอบออกกำลังกาย อีกอย่างน้ำหนักตัวกูขนาดนี้ ไปออกกำลังกายไม่ได้หรอก " มันขมวดคิ้วตอนที่ผมอ้างออกไปแบบนั้น ก่อนจะถอนหายใจตามออกมาแล้วพูดเสียงเบาๆ
“ ก็ว่าทำไมอ้วน "
“ มึงว่าอะไรนะ กูได้ยินนะไอ้สัด " คำก็อ้วนสองคำก็อ้วน คนเหี้ยอะไรโคตรย้อนแย้ง เจอกันครั้งแรกเรียกกูไอ้อ้วนแต่บอกให้รักตัวเองที่กำลังด่าว่าตัวเองอ้วน เจอกันครั้งที่สองบอกกูน่าสมเพช แต่จะมาช่วยกูลดความอ้วน ส่วนหนนี้หนที่สาม สถบว่ากูอ้วน ทั้งๆที่ก็จะเข้ามาเป็นเทรนเนอร์ช่วยลดน้ำหนัก " มึงเป็นเทรนเนอร์แบบไหนกันไหนวะ ถึงได้ว่าคนอ้วนว่าอ้วน ปกติมันต้องให้กำลังใจกันไม่ใช่เหรอ "
" หึ.. อ้วนก็คืออ้วน อย่างแรกมึงก็ต้องยอมรับก่อนว่ามึงมันอ้วน อ้วนส่วนไหน อ้วนเพราะอะไร ก็ต้องรู้ก่อน "
" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่มึงด่ากูอ้วน มึงด่ากูอ้วนจะทำให้กูรู้เหรอ ว่ากูอ้วนส่วนไหน อ้วนเพราะอะไร " ผมถามมันอีกคนก็นิ่ง " มันไม่เกี่ยวหรอก มึงก็แค่ปากหมา ไอ้เทรนเนอร์เซินเจิ้นเอ้ย "
" จะลด ไม่ลด " มันถามสั้นๆ เหมือนตัดคำพูดของผม ที่ก็พยักหน้ารับลงทันที
" ลด "
" แล้วนี่แดกอะไรรึยัง " มันถามก่อนจะหย่อนตัวเองลงนั่งลงตรงท้ายรถกระบะของมหาวิทยาลัย ผมที่ยืนมองมันอยู่ตรงนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า จริงๆ ไอ้เชี้ยนี่แม่งก็หล่อนี่หว่า หล่อแบบพวกนายแบบ ที่หล่อกันแบบคลูๆ หล่อแบบในหน้าไม่มีอะไรดี ตาก็ตี๋ ปากก็หนา แต่พอรวมกับจมูกโด่งแล้วก็หล่อดี แต่.. ต้องมองดีๆ มองแบบใช้ความคิด ความเข้าใจทางศิลปะ
" ไม่ๆ กูจะไม่มองใครหล่อยกเว้นพี่ทีม " บอกกับตัวเองเสียงเบาๆ ไอ้เรียวก็ขมวดคิ้ว
" อะไรของมึง กูถามว่าแดกอะไรยัง มา ไม่ๆ เหี้ยอะไรของมึง ยังไม่ได้แดกอะไรรึไง "
" ก็ไม่เชิง " ผมบอกมันก่อนจะเม้มริมฝีปาก " กินไข่ต้มไปแล้วสองลูก แล้วก็กินอกไก่ไปแล้วชิ้นนึง แต่ว่ามันไม่อิ่มอะดิ " ลูบมือตัวเองไปมาเบาๆ เขินนิดนึงเหมือนกัน คนปกติทั่วไปกินแบบนี้ก็คงอิ่มแล้ว แต่พอดีคนที่กินจนอิ่มทุกครั้งอย่างผมมันยังไม่ถึงครึ่งกระเพาะเลย
" ก็ไม่แปลก ปกติมึงแดกเหมือนจะยัดคนเข้าไปทั้งตัว กินแค่นั้นมันก็ไปอิ่มอะไร " กรอกตามองบนกับคำพูดของอีกคน ผมเหลือบไปทางอื่น แต่ไอ้เชี้ยเรียวมันกลับยิ้มขำ " งั้นก็ไปแดกของที่มึงอยากจะแดกสิ "
" อะไรก็ได้เหรอ "
" อื้ม "
" แล้วแบบนี้กูจะผอมเหรอ มึงจะช่วยกูลดน้ำหนักจริงๆเหรอวะเนี้ย ไอ้สัด "
" ถ้ามึงไม่กิน มึงก็หิว ถูกมั้ย เพราะงั้นมึงก็แค่ต้องกิน แต่กูมีข้อแม้.. "
“ อะไร "
“ ห้ามกินน้ำอัดลม หรือน้ำหวาน ให้กินได้แต่น้ำเปล่าเท่านั้น " ขมวดคิ้วมองมันก่อนจะถอนหายใจออกมา แต่คิดในใจว่าก็ยังดีกว่าที่กูได้กินแค่ไข่ต้มแล้วก็อกไก่นั่นละวะ " ทำได้มั้ย "
“ ก็ได้ " ผมบอกก่อนจะพยักหน้ารับมัน
“ แล้วมึงจะกินอะไร "
“ อยากกินข้าวผัดไข่ ไก่ย่างเกาหลีที่เซเว่นแล้วก็ อยากจะกินขนมอีก " มันถอนหายใจตอนที่ผมบอก เรียวลุกขึ้นจากที่ที่ตัวเองนั่งปัดก้นตัวเองสองสามครั้งก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่ทว่ามันก็หันมาบอก
“ มาสิ มึงจะยืนเอ๋ออีกนานมั้ย "
“ ไอ้สัด " สถบออกมาเบาๆก่อนจถอนหายใจ " คือกูจะตรัสรู้มั้ยว่า มึงจะให้กูเดินตาม กูก็คิดว่ามึงจะกลับบ้าน "
“ จะไปไม่ไป " มันหันมาถามอีก ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหา
“ ไปซิ "
เซเว่นสาขาใกล้มหาวิทยาลัยเป็นเซเว่นเล็กๆที่อยู่ในบ้านเพียงแค่คูหาเดียว เป็นเซเว่นที่อยู่ปากซอยเข้ามหาวิทยาลัยแต่ถึงจะเล็กแบบนี้แต่ก็ครบครันด้วยสินค้าตามสไตส์เซเว่นที่อยากจะได้อะไรก็มีหมด
“ กูจะกินอันนี้ " ผมบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินไปดูอย่างอื่น " แล้วมึงไม่กินเหรอเรียว "
" ไม่อะ เดี๋ยวกูมีถ่ายแบบ "
" นั่นน่ะสินะ มึงเป็นนายแบบนี่นะ แล้ว.. คือกูถามอะไรหน่อยได้มั้ย " คนข้างๆหันมามองหน้าสายตานิ่งๆ แบบนั้นก็น่าจะถามได้นั่นแหละมั้ง ไม่ได้กูก็จะถามละ เพราะแม่งไม่ตอบอะไรเลย คือตั้งแต่วันนี้กูต้องเดาคำตอบจากสายตาของมึงใช่มั้ย ว่าอะไรได้ อะไรไม่ได้ " เอาเป็นว่า กูจะคิดว่ามึงตอบว่าได้สิ แล้วกันนะ งั้นกูถามหน่อย มึงทำงานเป็นนายแบบมานานแล้วเหรอ "
" ตั้งแต่เด็ก แต่ถ้าเริ่มทำเป็นงานจริงๆ ก็คงเกรด 11 มั้ง ประมาณม.ห้า "
" งั้นก็ประมาน สองปี ใช่มั้ย " เอียงหน้าบอกมัน อีกคนก็พยักหน้ารับ " แล้วทำไมมึงถึงอยากเป็นนายแบบอะ ชอบถ่ายรูปเหรอ ? “
" แม่กูเป็นนางแบบ " คำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้รับ ผมหันไปมองหน้ามันที่ก็หันมามองหน้าผม " ทำไม แม่กูเป็นนางแบบ มันแปลกมากนักเหรอ "
" ก็เปล่าหรอก แค่ไม่คิดว่าแม่มึงจะเป็นนางแบบก็เท่านั้น คิดว่าเป็นแม่บ้านเฉยๆ "
" เมื่อก่อนเค้าทำงานเป็นนางแบบ อยากเสือกอะไรอีกมั้ย " หันมาถามเหมือนรู้ ผมเม้มริมฝีปาก
" อยากนิดนึง คือ.. ก็อยากจะถามมึงว่า แล้วที่เค้าบอกว่ามึงเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น ใครเป็นคนญี่ปุ่นวะ "
“ แม่ แต่พ่อกูก็เป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นนะ "
“ งั้นมึงก็เหมือนคนญี่ปุ่นอะดิ เพราะว่ามีความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าไทย " ยักคิ้วให้มันก่อนจะยิ้ม ไอ้เรียวหันไปทางอื่นแต่ผมสะกิด " งั้นมึงก็ต้องพูดภาษาญี่ปุ่นได้อะดิ ไหนพูดให้กูฟังหน่อย "
“ เป็นเหี้ยอะไรถึงต้องให้คนที่พูดญี่ปุ่นได้ พูดให้ฟังวะ " มันหันมาถาม " ทำไมพอบอกว่าเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ก็ต้องถามว่า แล้วพูดญี่ปุ่นได้มั้ย พูดให้ฟังหน่อย แล้วจะให้กูพูดเหี้ยอะไร "
“ แล้วทำไมมึงต้องยั๊วะใส่กูขนาดนั้น ไม่อยากจะพูดก็บอกสิวะ ก็ง่ายๆ " เรียวหยิบนมขวดใหญ่ขึ้นมา แบ๋วมากครับ ขอบอกเลยเพราะมันคือนมสตอเบอรี่ น่ารักจนต้องแซวมันไปขำๆ " อุ้ย น่ารักจุง "
" พูดมาก ไปจ่ายเงินได้แล้วไป " พยักหน้ารับผมก็ยื่นข้าวไปให้พนักงานที่เค้าเตอร์คิดเงินก่อนจะจ่ายตังค์ และในระหว่างที่รอเวฟ ผมก็มองไปรอบๆ
“ มึง กูอยากจะกินเลย์อะ กินได้มั้ย "
“ ไม่ได้ "
“ แต่กูอยากจะกินขนม ข้าวแค่นี้กูไม่อิ่มหรอก " มันหันมามองหน้าผม เหมือนจะหาคำด่าอะไรสักอย่าง มองจากตามันก็รู้ " ด่าได้นะแต่อย่าแรง กูขอร้อง "
“ ไปเอาผลไม้มากินสิ " ทำหน้าแหยะแหยงใส่มัน เรียวก็เดินไปหยิบมะม่วงเป็นกล่องที่มีน้ำปลาหวานมาให้ผม
“ งั้นขอกินนี่ด้วยได้มั้ย " หยิบขนมของเลย์ที่ใช้การอบแทนการทอดขึ้นมา " อบแทนทอด ไม่อ้วน ลดน้ำมัน กินได้ เคี้ยวเพลิน "
“ นี่มึง จะลดความอ้วนได้มั้ยวะ "
“ มันก็ต้องค่อยเป็น ค่อยไป เปล่าวะ มึงจะให้กูที่อยู่ๆ แดก 100 มาแดกแค่ 30 มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน "
“ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามึงจะแดกขนมได้นะไอ้อ้วน ไปแดกอย่างอื่นให้อิ่มก็ได้ ผลไม้มีตั้งเยอะแยะ "
“ มึง ไอ้เหี้ย! “ ผมหันไปด่าก่อนจะชี้หน้ามัน " ต่อไปนี้ถ้ามึงเรียกกูว่าไอ้อ้วน กูจะเรียกมึงว่า ไอ้เหี้ย จำไว้ "
“ แล้วไง ใครแคร์ " ยักไหล่ใส่กูอีก ไอ้สัด อยากจะถีบแม่งให้กลิ้งออกทางประตูเซเว่น ออกไปที่ถนนแล้วโดนรถสิบล้อทับตาย
“ งั้นแสดงว่า มึงก็ยอมรับว่า มึงเหี้ยสินะ มึงก็เลยไม่แคร์คำด่าของกู "
“ ใครจะเหมือนมึง ที่ไม่ยอมรับที่ตัวเองอ้วน ก็เลยเจ็บปวด เวลาใครเรียกว่า อ้วน "
“ มันไม่เหมือนกันนะเว้ยไอ้สัด " ผมที่กำลังจะด่ามันต่อไอ้เรียวก็หันมามองหน้า สายตาคมที่จ้องมองกันนั้น ผมหยุดทุกนิ่งไปแบบกระทันทัน
“ งั้นก็รีบๆ ลดความอ้วน ให้กูเปลี่ยนจากเรียกมึงว่าไอ้อ้วน เป็นอย่างอื่นสิ "
“ อะ เออ! ไม่ต้องกลัว ยังไงกูก็ต้องลดแน่ๆ " หันไปบอกมันก่อนจะเอาขนม น้ำเปล่า แล้วก็มะม่วงให้พนักงานคิดเงินเรียบร้อย
“ ข้าวได้แล้วค่ะ " เธอบอกก่อนจะยื่นถุงข้าวมาให้ผม
“ ขอบคุณครับ " ยื่นมือไปรับ ผมก็เดินหิ้วถุงของกินทั้งหมดมาไว้ในมือเดียว เราออกมาจากเซเว่นพร้อมกันแต่ยังไม่ถึงหน้ามหาลัยคนข้างๆผมก็บอก
“ แยกกันตรงนี้แล้วกัน กูจะไปทำงานต่อ "
“ อื้ม โอเค " พยักหน้ารับมัน ผมก็ทำทีจะเดินออกไป แต่ทว่ามันก็เรียกไว้อีก
“ นี่ ”
“ อะไร " เอ่ยถามมันอีกคนทำทีเป็นหน้านิ่งๆก่อนจะพูดออกมาเสียงนิ่งๆ
" ขอเบอร์หน่อย ไลน์ด้วย กูจะได้ติดต่อมึงได้ "
“ ได้สิ " ยื่นมือไปให้มันอีกคนก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม มันที่ปลดล็อคเรียบร้อย ผมก็กดเบอร์ตัวเองแล้วก็แอดไลน์ตัวเองเข้าไปในเครื่องมัน " จะว่าไปนะมึง นี่ก็ครั้งแรกเลยน้าา ที่มีผู้ชายมาขอไลน์กับเบอร์กู รู้สึกสวยชะมัด "
“ เพ้อเจ้อ " มันว่าด้วยท่าทางเก็กๆก่อนจะเดินออกไป ตอนนั้นผมก็ตะโกนบอก
" เจอกันพรุ่งนี้นะมึง " ไม่มีเสียงตอบกลับมา มีแต่มือที่ยกขึ้นโบกไปมาเป็นคำตอบว่ามันรับทราบแล้ว ผมถอนหายใจออกมาตอนที่หยิบมือถือตัวเองออกมาดู ก่อนจะพบว่านอกจากเบอร์ที่เข้ามาของไอ้เรียว ไลน์ใหม่ที่แอดเข้ามา แล้วก็ยังมีเบอร์ของไอ้ลี่ที่โทรมาแทบจะเป็นสิบสาย แต่เพราะผมทั้งปิดเสียงแล้วก็ปิดสั่นเลยไม่รู้ตัว " เชี้ยเอ้ยยยยย โดนแดกหัวแน่เลยกู "
" มึงหายไปไหนของมึงมาเนี้ย! " เสียงที่ตะโกนออกมาดังออกมาตอนที่ผมเดินมาถึงโต๊ะ " กูโทรมึงจะเกือบจะร้อยสาย กูหอบตัวเองไปหามึงที่สหกรณ์ก็ไม่เจอ คิดว่ามึงน้อยใจที่พี่ล็อคพูดจนไปโดนคลองข้างมหาลัยตายไปละ ไอ้สัด "
“ มากไป อีเหี้ย ชีวิตกูมีอะไรให้ทำมากกว่านั้น " ผมบอกก่อนจะยิ้ม " น่าๆ โทษทีๆ กูมัวคุยธุระอยู่อะ "
“ ธุระอะไร " มันถามก่อนจะเอียงหน้าดูถุงที่ผมถือมา " เดี๋ยวๆ แล้วนั่นเหี้ยอะไร ขนมเต็มถุงเลยนะมึง ไหนบอกจะลดน้ำหนักไง "
“ ลดก็ลดแหละ แต่จะไม่ลดแบบอดไง เข้าใจมั้ย "
“ เอออ ดี เพิ่งคิดได้รึไง อีดอก " ยิ้มหวานให้เพื่อนผมจัดการเอาเปิดฝากล่องข้าวทิ้ง กลิ่นหอมน่ากินของมันผมก้มลงสูดกลิ่นนั่นเข้าไปเต็มปอด ไอ้ลี่ก็ถามต่อ " แล้วธุระของมึงที่มึงไปทำ ธุระเหี้ยอะไร ถึงขนาดลืมบอกกู ห๊า บอกมาหน่อย "
“ ธุระกับไอ้เรียว "
“ ไอ้เรียว ไอ้เรียวไหน..” มันเอียงหน้างงๆ ผมก็หันไปยิ้มให้มัน
“ รู้แล้วอย่าตกใจนะ "
“ อย่าบอกนะว่า เรียว ที่กูแอบปลิ้มปริ่มเค้าอยู่ ไอ้เรียวที่เป็นนายแบบ "
“ อะ ถูกต้องจ้า " ชี้นิ้วถูกต้องไปหามันอีกคนก็อ้าปากค้างก่อนจะเอื้อมมือมาตีไหล่ผม
“ อีเหี้ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไม มึงไม่มาบอกกู "
“ กูมีอะไรให้มึงตกใจมากกว่านี้ " บอกแบบนั้นไอ้ลี่ก็เงียบไป " ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไอ้เรียวของมึงจะมาเป็นเทรนเนอร์ลดน้ำหนักให้กูจ้าา "
“ อีดอกกกกกกกกกกกกก มึงงง กูรับไม่ได้ ม่ายยย พี่เรียวของกู ไอ้สัด " เสียงโวยวายของไอ้ลี่ทำเอาผมหัวเราะไม่หยุด มันที่มองหน้าผมงงๆ ด้วยรอยยิ้มแบบไม่อยากจะเชื่อ " เดี๋ยวๆ แล้วมึงไปรู้จักกับเรียวมันได้ยังไงอะ อะไรวะ ทำไมกูไม่รู้เรื่อง ไหนมึงบอกไม่ชอบมันเพราะมันขี้เสือกไงไอ้สัด อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจ "
“ กูไม่ได้เปลี่ยนใจอะไรเลยจ้าดอก คือฟังนะ ไอ้เรียวของมึงมันเสนอตัวมาช่วยกูเอง ว่าจะเป็นเทรนเนอร์ช่วยกูลดน้ำหนัก ตอนแรกกูปฎิเสธเพราะคิดว่ากูทำเองคนเดียวได้ แต่ตอนนี้กูรู้ละ ว่ากูทำไม่ได้ กูเลยตอบตกลงมันไป นี่ก็เพิ่งเซเว่นกับมันมา "
" อีเหี้ยยยยยย แล้วไม่ชวนเพื่อนเลยนะคะ!! "
" มันสุดวิสัยจริงๆ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว มึงต้องเข้าใจนะ "
" แล้วทำไมมึงต้องไปให้ไอ้เรียวช่วย เทรนเนอร์ประเทศไทยมีเป็นร้อย จะจ้างในเน็ต จะจ้างในฟิคเนตก็มี ปกติกูเห็นมึงเกลียดใครแล้วไม่ค่อยยุ่ง แต่กับเรียวนี่เหี้ยอะไร ไหนชี้แจงข้อนี้มาด่วนๆ "
" ไม่มีอะไรมากหรอกมึง ก็แค่กูเห็นมันพอดี ตอนที่เดินไปสหกรณ์เมื่อกี้ ก็ยอมรับว่ากำลังเฟลอะนะ เศร้าแล้วก็ท้อแท้ พอเจอหน้ามันกูคิดถึงคำพูดที่มันพูด แล้วก็คิดขึ้นได้ว่า มันอาจจะช่วยกูได้ก็ได้ กูก็เลย ไปตอบตกลงเรื่องที่จะให้มันช่วยลดน้ำหนัก "
" อย่างงั้น " ไอ้ลี่ว่าก่อนจะหยักหน้ารับ สองมือที่ยกขึ้นค้ำหน้าตัวเองมันถอนหายใจออกมาสายตาที่กำลังมองไปไกลแบบเพ้อๆ " หล่อแล้วยังใจดีอีกนะ คนอะไรก็ไม่รู้ "
" ปากหมาด้วยมึง นิสัยก็ขี้เก็ก เดาอารมณ์ก็ไม่ค่อยจะถูก " จากที่เจอกันแค่ไม่นานเมื่อกี้ ผมสรุปได้ว่า ไอ้เหี้ยนี่ นิสัยโคตรแย่ แย่สุดๆ
" แหมมม ข้อเสียมากขนาดนี้ให้กูไปลดด้วยคนได้มั้ย "
" ที่มึงจะลดอะไรอีก " ผมมองมันที่มีรูปร่างผอมจะแทบจะเป็นเสาไฟฟ้า แดกเหี้ยอะไรก็ไม่อ้วน เหมือนแดกเข้าไป แล้วขี้ออกหมด ร่างกายไม่ได้ดูดซับไปกักเก็บไว้เลยสักนิดเดียว " ลดกระดูกเหรอ "
" ย๊ะ! ก็แหมมมม กูก็อยากจะไปเจอเรียวบ้างอะไรบ้าง "
" แรดนะลี่ สมชื่ออีดอกจริงๆ "
" K ว่ากู แดกๆ ไปเลยไอ้สัด " มันผลักถุงขนมที่ผมวางอยู่บนโต๊ะเข้ามาใกล้ผมก่อนจะพูดขึ้น " มึงต้องลดน้ำหนักให้ผอม สวย จนหนุ่มๆเหลียวกันจนคอเคล็ดเลยนะอีเขิน " หันมองไอ้ลี่ที่พูดออกมาแบบนั้นอย่างจริงจัง " ลดความอ้วนให้ผอมจนคนที่เคยด่ามึงเสียดายมึงที่ไม่ได้จีบมึงตอนนี้ "
" ถือคติ จีบตอนนี้แถมฟรีตอนผอม "
" เออ!! " อีกคนย้ำ ก่อนจะเอามือมาจับไหล่ผม " กูจะเป็นกำลังใจให้แล้วช่วยมึงลดน้ำหนักเอง มึงต้องทำได้ "
" กูต้องผอมอยู่แล้ว จะเริ่มจากเย็นนี้เลย กูจะไม่กินอะไรละ " ก็รู้ว่ามันยาก สำหรับการลดน้ำหนักสำหรับผม แต่ว่าไม่รู้ทำไมถึงตอบออกไปแบบนั้น ราวกับว่าตัวเองไม่ได้กลัวผิดหวังอะไรเลย เหมือนใจมันบอก ' ยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว '
เลี้ยวรถเข้ามาถึงบ้านในช่วงเกือบเย็นของวัน ผมที่เดินฮัมเพลงเข้าไปในบ้าน สะดุดกึกกับกลิ่นหอมๆที่ลอยเข้าจมูกอย่างจัง แล้ววินาทีที่หันไปมองในครัว แม่ก็เอ่ยขึ้นมาว่า
“ เขิน วันนี้แม่ทำพะโล้ กุ้งผัดพริก แล้วก็เอ็นไก่ทอดนะ ของโปรดเขินทั้งนั้นเลย เดี๋ยวลงมากินข้าวเย็นด้วยกันนะลูก " รอยยิ้มของแม่ที่ส่งมาให้ ถ้าไม่ตอบตกลงไปแม่คงเสียใจแน่ ในตอนนั้นผมถอนหายใจออกไปก่อนจะพยักหน้ารับ
“ โอเค เดี๋ยวเขินลงมากินนะ "
ส่วนความอ้วนก็ขอให้เป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน
..............................................................
ปล่อยความอ้วนให้เป็นหน้าที่ของวันพรุ่งนี้
ส่วนเราในตอนนี้ก็จงกินต่อไปด้วยความสุข #ตบไหล่เขินสามครั้ง
ไม่เป็นไร คนลดความอ้วนก็เป็นเหมือนกันแหละ แรกๆมันก็อย่างงั้น #ปลอบโยน
โอเคค เจอกันตอนหน้า
ยังไงฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
-
เราก้เคยเป็นแบบเขิน อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ของการลดความอ้วนคือการมีแม่ที่ทำอาหารอร่อย ให้เยอะ ถูกปาก ที่สำคัญถ้าไม่กินจะโดนงอน 5555+
-
:mew1: :mew1: :mew1:
-
นี่น้องเขินจะลดได้ไหมนี่ เห็นของกินก็ไม่ปฏิเสธ :laugh:
เรียวช่วยเขินให้ผอมไวๆนะ อยากเห็นคนเลวตะลึง :hao3:
-
อ่านเรื่องนี้แล้ว ไม่อยากให้มีคำว่า "พรุ่งนี้" เลย เพราะคำ ๆ นี้เป็นอันตรายต่อการลดความอ้วน :katai1:
-
เจ็บมาเยอะกับคำว่าพรุ่งนี้
-
เขินเอ้ย ทำไมไม่ร้ายแบบนี้กับทีมบ้างนะ เอาให้เซไปเลยน่ะ
เรียวก็ตรงไปอีก คือเจอกัน ไม่มีตอนไหนไม่ด่ากันอะ 55555
-
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 5
ขึ้นมานอนกลิ้งบนเตียงหลังจากจบมื้ออาหารเย็นของวันนี้ที่ต้องบอกเลยว่า อร่อยเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือ กินข้าวไปตั้งสามจาน หมูสามชั้นในพะโล้นิ่มๆตักเข้าไปในปากพร้อมข้าววินาทีที่เคี้ยวก็เหมือนทุกอย่างจะละลายรวมกันไปหมด กุ้งผัดพริกเกลือก็เผ็ดกำลังดี ไม่ต้องพูดถึงเอ็นไก่ทอดที่ก็เข้ากันดีกับน้ำจิ้มไก่
“ อิ่มสัด " นอนลูบพุงตัวเอง ตากแอร์แล้วก็เปิดเพลงฟัง เพลงเพราะๆที่เข้ากับช่วงเวลาผ่อนคลายแบบนี้ ผมยกมือถือขึ้นมากดเล่นดูแล้วตอนที่เปิดไลน์เข้าไป เพื่อนใหม่หนึ่งคนที่ผมเพิ่งแอดมันวันนี้ ผมก็กดเข้าไปดูภาพดิสของมัน ภาพโทนสีดำที่ไม่ค่อยเห็นอะไรเท่าไหร่ ใบหน้าคมที่หันข้าง เชิดหน้ามองท้องฟ้าหลับตาพริ้มคล้ายคนเมายา ยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปดูทามไลน์ของมัน แต่พบว่าไม่ได้อัพเดทอะไรสักอย่างเดียว ผมสังเกตไอดีไลน์ แล้วคิดขึ้นมาได้ว่า อินสตราแกรมของมันก็คงเป็นรูปนี้
ความเสือกที่ไม่สิ้นสุดเริ่มต้นขึ้น ผมเข้าไปในโปรแกรม กดค้นหาก่อนจะเจอเข้าจริงๆ แต่ว่า.. " ไอ้สัด แม่ง ล็อคไอจี " ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ผมออกจากหน้าจอแล้วตอนที่จะเข้าเฟสบุ๊ค เสียงไลน์ก็ดังขึ้น
ติ้ง
" ต่อไปนี้ก่อนจะกินอะไร ให้ถ่ายรูปแล้วไลน์มาให้กูดูก่อนนะ " ข้อความแรกที่ไอ้เรียวส่งมา ผมขมวดคิ้วตอนที่อ่านจบ ส่งสติกเกอร์ไลน์เป็นหมูงงๆ ไปให้มัน
“ ทำไมกูต้องทำอะไรแบบนั้นด้วย "
“ กูจะเป็นคนบอกว่า อะไรที่มึงแดกได้ แดกไม่ได้ "
“ ต้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ " ถึงขนาดที่ว่าแม่งต้องรายงานยันของกินกันเลย " แล้วถ้ากูตอแหลมึงอะ ถ้ากูถ่ายภาพสลัดไปให้มึง แต่จริงๆ แอบกินขาหมูกับแปปซี่ "
“ เรื่องของมึง ถ้ามึงอยากจะอ้วนต่อไปแบบนี้ "
" นี่ก็ขู่จังเว้ย " ผมพิมพ์กลับไปก่อนจะส่งไลน์หน้าเศร้าๆไปให้ เรียวก็ถามกลับ
" แล้ววันนี้ตอนเย็นกินอะไร "
" มึงอย่ารู้เลย " ผมบอกก่อนจะยิ้มแห้งๆผ่านหน้าจอ
" ทำไม "
" ถ้ามึงรู้แล้วมึงจะช็อค " แล้วนอกจากที่มึงจะช็อคแล้ว มึงคงอยากจะเอื้อมมือผ่านโทรศัพท์มาบีบคอกูให้ตายไปอย่างอนาจ
" บอกมา "
" บอกว่า รู้แล้วจะช็อคก็ยังอยากจะรู้นะคนเรา "
“ บอกมา " มันย้ำครั้งที่สอง นี่ถ้าเห็นหน้าเห็นตากันตอนนี้ ไอ้เรียวมันคงกำลังจ้องหน้าผมแบบตาไม่กระพริบแน่นอน แล้วที่กูสงสัยคือ ไอ้ลี่แม่งชอบมึงเข้าไปได้ยังไง หรือว่าแม่งเป็นมาโซคิส พวกชอบเรื่องความเจ็บปวด
" ข้าวสามจานกับพะโล้ เอ็นไก่ทอดแล้วก็กุ้งผัดพริก " ส่งข้อความออกไป มันขึ้นว่าอีกคนอ่านแล้วอยู่นานมาก กว่าที่ข้อความตอบกลับจะถูกพิมพ์ส่งมา
" นี่มึง คิดจะลดความอ้วนจริงๆใช่มั้ย "
" คิดสิ ไอ้สัด วันนี้จะกินวันสุดท้ายแล้วจริงๆ ก็แม่กูบังคับให้กินอะ "
" แม่บังคับให้กินข้าวสามจานเลย " คำถามที่ทำให้ผมเม้นริมฝีปากไว้แน่น รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
" กูกินสามจานเองแหละสัด กูผิดเองคนเดียว ทั้งหมดนี้ กูผิดเอง ก็มันอร่อยอะมึงใครมันจะอดใจไหว "
" ไม่ผอมแน่ๆ "
" ผอมมม มึงก็ทำให้กูผอมสิ "
" ถ้ามึงยังแดกแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ทำให้มึงผอมไม่ได้หรอก จำไว้ "
" โอเค พรุ่งนี้ไม่กินละ "
" พรุ่งนี้จะลด มากี่วันแล้ว " มันถาม ผมก็ได้แต่ถอนหายใจอ่อนๆ
" ก็หลายอยู่นะ " คำตอบที่ขึ้นมาอ่านแต่กลับไม่มีข้อความตอบกลับมาเลย รู้สึกผิดชะมัดก็จริงอย่างที่ไอ้เรียวบอก ผมบอกว่าจะลด จะลดมาหมายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายกูก็หนักข้าวเย็นเหมือนเดิมทุกที " ไอ้เรียว ตั้งแต่พรุ่งนี้กูจะลดจริงๆ "
" ทำได้ครบสามวันเมื่อไหร่ ค่อยพูดแล้วกัน "
" สัด " พิมพ์ด่ามันไปก่อนจะทำหน้าโกรธ ผมโยนมือถือลงข้างตัว หงุดหงิดแม่งที่เอาแต่ดูถูกว่าผมจะทำไม่ได้ แล้วก็ยิ่งหงุดหงิดเมื่อรู้สึกว่าแม่งก็เป็นอย่างที่มันดูถูกนั่นแหละ ไม่ได้ดูผิดแต่อย่างใด " เอาว่ะ ! พรุ่งนี้ค่อยเริ่มใหม่ "
ตื่นขึ้นมาตอนเช้าที่โคตรจะสดใสเพราะเมื่อคืนแดกไปเยอะ วันนี้พลังงานที่มีเลยโคตรจะเต็มเปี่ยม จัดการอาบน้ำแปรงฟันแต่งตัวเรียบร้อย ผมที่เดินลงมาชั้นล่างก็พบกับกลิ่นข้าวต้มปลาที่หอมไปทั้งบ้าน
“ ข้าวต้มปลาน่ากินจัง " ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปในครัว ตอนที่กำลังจะหยิบถ้วยขึ้นมาตักกิน ผมก็หยุดนิ่งเพราะคิดขึ้นมาได้ " ต้องถ่ายรูปส่งไปหาไอ้เชี้ยนั่นก่อน " จัดการถ่ายรูปส่งไปเรียบร้อย " เช้านี้มีข้าวต้มปลาฮะ "
“ กินสิ "
“ เย้ โอเค กูกินแล้วนะ " จัดการตักใส่ถ้วยก่อนจะโรยผักชีต้นหอมแล้วก็หอมเจียว เดินมาที่โต๊ะก็เจอเข้ากับปาท่องโก๋ ซึ่งไม่ต้องส่งข้อความไปบอกก็รู้ว่าแม่งแดกไม่ได้หรอก อ้วนตายห่า
“ วันนี้มึงไม่กินปาท่องโก๋เหรอเขิน "
“ ไม่อะ "
“ แปลก " พี่สาวผมบอกก่อนจะหยิบปาท่องโก๋มาฉีกๆแล้วใส่ลงไปในถ้วยข้าวต้มของตัวเอง " งั้นแดกเอง อุตส่าห์เหลือไว้ให้ "
“ เขินจะลดความอ้วนแล้วเว้ย จะจริงจัง ต่อไปนี้เจ๊อายบอกพ่อกับแม่ไว้เลยก็ได้ ว่าไม่ต้องซื้อเผ่ื่อเขิน "
" มั่นหน้าจริงๆเว้ย เอาให้มันผ่านสามวันแรกไปให้ได้ก่อนเถอะน่า "
" ทำไมใครๆ ต้องบอกว่าผ่านสามวันแรกไปให้ได้ตลอดเลยวะ " ผมถามอีกคนก็ยิ้ม
" พอผ่านสามวันแรกไปได้แล้ว ก็รอให้ผ่านเจ็ดวันแรกไปให้ได้ แล้วก็ ผ่านสองอาทิตย์แรก ผ่านเดือนแรก แบบนั้นถึงจะเห็นผล แล้วอย่าไปกินยาลดความอ้วนละ ตายไม่รู้ตัวนะบอกไว้ก่อน "
" ไม่กินหรอก " ผมบอกก่อนจะก้มหน้าลงกินข้าวต้มปลาต่อ หยิบมือถือขึ้นมาดูข้อความของไอ้เรียวที่ไม่มีได้ส่งอะไรกลับมาอีก ผมก็พิมพ์ข้อความถามมันกลับไปบ้าง " แล้วเช้าวันนี้มึงแดกอะไร " ข้อความที่ขึ้นว่าอ่านแล้ว สงสัยมันจะนั่งเล่นมือถืออยู่แน่นอนก็เลยตอบเร็วแบบนี้ รออยู่นานก็ไม่มีข้อความตอบกลับจนกระทั้งมีภาพส่งเข้ามาให้ดู ผมจ้องเข้าไปในภาพ เห็นผลไม้สดที่อยู่ในถ้วยเหมือนซีเรียลที่เติมนมเรียบร้อย ส่วนข้างๆเป็นไข่เจียวที่คล้ายกับออมเล็ท " โคตรเฮลตี้เลยวะ " พิมพ์บอกมันไป แต่มันก็คงต้องเป็นอย่างงั้น ไอ้เรียวเป็นนายแบบยังไงก็ต้องรักษารูปร่างอยู่แล้ว
" พรุ่งนี้มึงมีเรียนมั้ยเขิน "
" ไม่ เจ๊อาย เขินว่าจะนอนลดน้ำหนักอยู่บ้านใสๆ "
" ไม่น่าจะใสได้นะ เพราะแม่อยู่ " นิ่งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมา " ค่อยไปลดวันจันทร์แล้วกันนะ " ตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะลุกเอาถ้วยข้าวต้มไปวางไว้ในอ่าง แล้วเดินออกไปจากบ้านเตรียมตัวไปเรียน
" ถ้ายังอยู่บ้าน กูแม่งต้องไม่ผอมแน่เลย "
นั่งลิฟท์จากชั้นจอดรถลงมาที่ชั้นล่าง ผมเดินคอตกมาที่หน้าคณะแต่ยังไม่ทันถึง เสียงคุ้นๆก็เอ่ยเรียกกันก่อน " ไอ้อ้วน " ถอนหายใจออกมาตอนที่หันไปมองคนที่เดินตามมาข้างหลังผมก็เรียกมัน
" ว่าไงไอ้เหี้ย "
" หึ " ใบหน้าคมยกยิ้มก่อนจะเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผม " เป็นเหี้ยอะไรทำหน้าเหมือนหมูจะโดนส่งเข้าโรงเชือด "
" พรุ่งนี้กูหยุดเรียนอะ " ผมบอกอีกคนก็ขมวดคิ้ว
" แล้ว ? ทำไม มึงอยากจะมาเรียนเหรอ "
" ก็เปล่า ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า พรุ่งนี้กูหยุดเรียน เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ สามวันใช่มั้ย แล้วแม่กูอะจะอยู่บ้าน แล้วทุกครั้งเค้าจะทำของอร่อยๆ แล้วกูต้องกิน แม่กูบังคับ "
" งั้นก็กิน "
“ แต่มันมีแต่ของอ้วนๆทั้งนั้นเลยนะ "
“ ก็กินน้อยๆ เน้นกินผัก "
" ไม่ได้ดิ " ผมส่ายหน้าไปมา " มึงเข้าใจฟิวมั้ย เคยกินข้าวที่บ้านรึเปล่า กับข้าวที่บ้านที่อร่อยขนาดนั้นจะให้กูกินน้อยๆ คือมันไม่ได้อะมึง พอกินข้าวไปคำนึงแล้วสิ้นสุดการแดก ก็นู้น ตอนที่ของหมด ข้าวหมด ไม่ก็อิ่มสุดๆจนจะอ้วกแตกแล้ว "
" ก็อดทนดิวะ "
" ยากนะ "
" คิดจะลดน้ำหนักก็ไม่ได้สบายตั้งแต่แรกแล้วละ ไอ้บ๊อง " โดนผลักหัวไปทีนึง ไอ้เรียวก็ส่ายหน้าไปมาหน้าตาเซ็งๆของมันคงกำลังรู้สึกว่า กูไม่รู้จะพูดอะไรกับไอ้อ้วนนี่ดี
" กูไม่อยากจะอยู่บ้านเลยอะ ถ้าอยู่บ้านสามวันนี้กูแดกบรรลัยแน่นอน "
" ออกมาอยู่หอสิ "
" ไม่ได้ง่ายอย่างงั้นนะสัด ไม่ใช่บอกวันนี้แล้วจะได้ไปอยู่เลย อีกอย่างพ่อแม่กูไม่ให้ไปอยู่แล้ว เค้าเลยซื้อรถให้ขับไปกลับมหาลัยแทนไง "
“ เรื่องมากชิบหาย อดทนก็ไม่ได้ ออกมาอยู่หอก็ไม่ได้ " เรียวบอกก่อนจะมองหน้าผม " ไม่ต้องลดดีมั้ย "
“ ไม่ดีเฟ้ย! " เถียงมันออกไปก่อนจะถอนหายใจออกมา " มึงเป็นเทรนเนอร์ให้กูไม่ใช่เหรอ มึงก็ต้องคิดดิว่าจะจัดการวิธีนี้ยังไง "
“ ต้องทำเหรอ มึงจ่ายเงินกูเท่าไหร่ "
“ แล้วใครมันเสือกเสมอตัวมาจัดการเรื่องนี้ให้กูเอง มึงใช่มั้ย "
“ แล้วคนที่กูช่วยฟรีๆ พูดกับกูแบบนี้เหรอ " มันจ้องหน้าผม ที่ก็เงียบไปสักพักก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
“ แหมมมม น้าา เรียวน้า ช่วยกูหน่อย ช่วยหาวิธีที่ทำให้กูลดน้ำหนักได้ภายในสามนี้ด้วยเถอะ แบบที่ว่าไม่ตะบะแตกแม้จะอยู่บ้าน น้าเรียวนะ นะๆ ช่วยกูหน่อย ช่วยเขินหน่อยนะ พี่เรียว พี่เรียวของน้องเขิน " บีบแขนมันพร้อมส่งวิ๊งค์เบาๆอีกคนก็เหล่มามองก่อนจะถอนหายใจ
“ อดทน "
“ มันยากเกินไปสำหรับกูที่จมูกรับกลิ่นอาหารได้ดีนะ แค่แม่ตั้งกระทะกูก็วิ่งลงมาคอยที่โต๊ะอาหารแล้วมึง "
“ งั้นก็ออกจากบ้านมาอยู่คอนโดกูสิ "
“ ห๊ะ ! “ คือ นี่กู ได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย...
......................................................
ตึกสูงใจกลางเมืองที่ตอนนี้ผมมายืนงงๆ เบลอๆ อยู่ที่ลานจอดรถชั้นล่างสุด ทุกอย่างที่เห็นตอกย้ำกับผมว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาผมหูไม่ได้ฟาดแต่อย่างใด
" นี่แค่จะลดน้ำหนัก ถึงขั้นต้องมานอนคอนโดผู้ชายเลยเหรอวะ " ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ตอนที่จะหันไปปลดล็อครถ ไอ้เรียวก็เดินลงมาจากรถของผม เสียงปิดประตูลงผมก็กดล็อครถ ยังไม่หายตกใจจากเมื่อเช้าที่มันชวนให้มาอยู่ที่นี่ได้เลย แล้วตอนที่กำลังคิดว่าจะมาดีหรือไม่มาดี แม่งก็ลากกูมาละ บอกแค่สั้นๆ ' ไปส่งที่คอนโดหน่อย '
" ขึ้นมาสิ "
" นี่มึงจะให้กูมาอยู่ที่คอนโดมึงจริงๆเหรอ " ผมถามตอนที่เดินตามมันเข้าไปในคอนโด แสร้งโง่ทำเป็นถาม " ไหนบอกว่าจะให้มาส่งเฉยๆไง "
" หน้าตามึงไม่ได้โง่ ไม่น่าจะไม่เข้าใจหรอกมั้ง "
" แต่กูจะนอนได้ยังไง ให้กูเริ่มนอนวันนี้เลยเหรอ กางเกงในกูก็ไม่มี เสื้อผ้าด้วยแล้วกูจะใส่อะไร ยังไงก็ต้องกลับบ้านไปขอพ่อแม่ก่อน กูไม่เคยนอนค้างคืนที่อื่นเลยนะเว้ย แบบที่ไม่บอกพ่อแม่ก่อนอะ "
“ ก็โทรไปบอก ส่วนกางเกงใน " มันเหลือบมองต่ำ " มึงใส่ของกูไม่ได้ "
“ ก็เออนะสิ ขาข้างเดียวยังยัดไม่เข้าเลยมั้ง "
“ กูไม่ได้คิดให้มึงใส่ของกูอยู่แล้ว " มันบอกปัดก่อนจะเชิดหน้าไปด้านซ้าย " ข้างๆมีห้าง ไปซื้อดิ "
“ หื้มมมมม ดูรวยนะมึง ให้ซื้อของที่นี่เลย แบบไม่ต้องกลับบ้าน กูนี่ดูเป็นลูกชายคนเดียวธุรกิจหมื่นล้านมากเลยสินะ "
“ แล้วถ้ามึงกลับไปบ้าน แล้วแม่มึงไม่ให้มามึงจะทำยังไง นอนอ้วนขึ้นอืดอยู่ที่บ้านแล้วก็บอกตัวเองว่า เดี๋ยววันจันทร์ลดแล้วกัน " เม้มริมฝีปากตัวเองตอนที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น คือพอคิดตามกูก็รู้อนาคตตัวเองเลยว่ามันก็ต้องเป็นแบบที่ไอ้เชี้ยนี่พูดนั่นแหละ เรียวยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้ามันเดินออกไปจากลิฟต์ตอนที่ถึงชั้น ปลดล๊อคประตูห้องด้วยการ์ด " เข้ามา "
“ ว้าววว ห้องมึงสวยจัง “ หลุดพูดออกมาตอนที่ก้าวเข้าไปในห้อง ผมชนเจ้าของห้องที่แวะถอดรองเท้าแล้วเอาไปใส่ไว้ในตู้ ก่อนจะใส่รองเท้าสำหรับในบ้านแล้วเดินเข้าไป
“ รองเท้าแขกอยู่ในตู้ “ มันหันมาบอกผมก็พยักหน้า ในจุดนี้กูขอทำตามมึงทุกอย่างแล้วกันนะครับ ตั้งแต่เอารองเท้าใส่ตู้ เอารองเท้าในบ้านที่ก็อยู่ในตู้มาวางลงก่อนจะใส่ คือไม่อยากจะบอกว่า แค่ในตู้รองเท้ามึงยังเรียบร้อย รองเท้าที่วางกันแบบเรียงคู่สวยงาม ตัดภาพมาที่บ้านกู วางแบบทับมึงทับกูสะดวกคู่ไหนหยิบคู่นั้น
" นี่ มึงอยู่ที่นี่กับครอบครัวรึเปล่าวะ " ผมถามมันเบาๆ ตอนที่เดินเข้าไปลึกขึ้นแล้วพบว่าห้องมันโคตรจะสวยเลยครับ มีความเป็นญี่ปุ่นโมเดิ้ลหน่อยๆ ในห้องก็ดูไม่แคบมากแต่ก็ไม่กว้าง จัดสัดแบ่งส่วนเป็นพื้นที่ชัดเจน ว่าตรงไหนเป็นอะไร และที่สำคัญแม่ง.. สะอาดชิบหาย สะอาดเกินกว่าจะเชื่อว่าอยู่คนเดียวแล้วทำความสะอาดห้องเอง
" อยู่คนเดียว " มันบอกก่อนจะหันมามองผมที่ทำหน้าไม่เชื่อมันอยู่ " ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไง "
" ตอแหลเปล่าวะ " ผมถามก่อนจะเหล่มองมัน " แอบซุกหญิงปะเหอะถามจริง ห้องมึงถึงได้โคตรสะอาดขนาดนี้ "
" ปกติกูก็ไม่ใช่คนซกมกนะ " เกือบบอกไปแล้วว่าสะอาดกว่าบ้านกูที่มีแม่บ้านอีก ดีนะไม่บอก ถ้าบอกต้องเหมือนโดนตบหน้าเรียงกันทั้งครอบครัวแน่นอน " กูแค่จ้างแม่บ้านคอนโดมาทำอะ อาทิตย์ละครั้ง ส่วนปกติก็.." มันเดินไปหยิบหุ่นยนต์ดูดฝุ่นขึ้นมาก่อนจะเปิดเครื่องแล้ววางลงบนพื้นให้เริ่มทำงาน
“ อันนี้ในห้องกูก็มีนะ สะดวกดีเนอะมึงไม่ต้องกวาดพื้น "
เมี๊ยว~ เมี๊ยว~
“ ครับ ท่านหญิง " เสียงทุ่มนุ่มที่ไม่เคยได้ยินต่างจากเวลาพูดกับผมโดยสิ้นเชิง ผมมองลงตามตัวเรียวที่ก้มลงมองแมวสีขาวแซมน้ำตาลอ่อน ที่เดินมาคลอเคลียอยู่ที่เท้า ขาสั้นๆของมันชวนให้ผมขมวดคิ้วแต่ในเวลาเดียวกันก็ยิ้มออกมา
" น่ารักกกกกก มึงเลี้ยงแมวด้วยเหรอ "
" หมามั้ง "
" ไอ้สัด " สถบด่ามันก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ผมเอื้อมมือไปลูบหัวไอ้ตัวเล็กที่มันอุ้ม แมวตัวนั้นก็เอียงหน้าเข้ากับมือของผมให้ลูบคอเต็มที่ " มันชื่ออะไรนะ ท่านหญิงเหรอ "
" อื้ม "
" ชื่อ สมเป็นแมว " รู้สึกถึงความเป็นเจ้านายและทาสโดยแท้ " แล้วทำไมขามันสั้นจังวะ ปกติแมวมันต้องขายาวๆ ไม่ใช่เหรอ "
" ก็เป็นพันธุ์ของมันไง พันธุ์มันซ์กิ้น ขามันจะสั้นๆ "
" เอ็นดู " ผมว่าก่อนจะย่อตัวลง " มานี่มาท่านหญิง มานี่ มานี่ เมี๊ยว~ “ เอ่ยเรียกมันเสียงหวานแต่อย่าคิดว่าจะมานะ ไม่มาหรอกหนำซ้ำยังกระโดดขึ้นไปนั่งบนเปลแมวแล้วเลียมือโชว์แบบไม่ใส่ใจอีก " สงสัย จะไม่ชอบขี้หน้ากู "
" อื้ม แมวมันก็ไม่ชอบหมูอยู่แล้วละ "
" ไอ้เหี้ย ว่ากูตลอดเลย" หันไปด่ามันตรงๆ อีกคนก็ยกยิ้มก่อนจะยักไหล่แล้วเดินไปนั่งบนโซฟาหน้าทีวี ผมเองก็เดินไปนั่งลงตามมัน " แล้วตกลงว่าพ่อแม่มึงไม่ได้อยู่ที่นี่สินะ "
" อื้ม เค้าก็อยู่บ้านของเค้า อีกอย่างกูโตแล้ว เข้ามหาลัยแล้ว ก็ต้องแยกออกมาอยู่ข้างนอก มันก็ธรรมดา " เหมือนในหนังญี่ปุ่นที่เคยดูเลย เด็กม.หกคนนึงในหนังเรื่องนั้นพอเรียนจบไปต่อมหาลัยก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก ทำงานหาเงินเอง ส่วนพ่อแม่ก็มีหน้าที่แค่จ่ายค่าเทอม ดูท่าทางไอ้เหี้ยนี่ คงถูกเลี้ยงดูมาแบบญี่ปุ่นมากๆเลยสินะ
" แล้วพ่อแม่มึงซื้อคอนโดนี่ให้มึงเหรอ หรือมึงเช่าเอง "
" กูซื้อเอง " มันบอกด้วยท่าทางไม่สนใจก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเล่น
" เก่งจังวะ ขนาดกู พ่อแม่ยังต้องผ่อนรถให้เลย "
" ไม่แปลกหรอก ก็มึงยังทำงานไม่ได้ " พยักหน้ารับมัน ผมมองไปรอบๆห้อง ประตูที่ปิดอยู่คงเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีทั้งห้องน้ำแล้วก็ห้องแต่งตัวในตัวด้วยแน่นอน ส่วนห้องเล็กก็คงอยู่อีกฝั่ง " มึงนอนห้องเล็กแล้วกันนะ "
" อ่า.."
" มันมีเตียงเล็กๆอยู่ มึงคงนอนได้ มีเตียงที่คอนโดให้มาอยู่แล้ว ส่วนห้องน้ำก็ใช้ห้องข้างนอกแล้วกัน กูจะใช้ห้องข้างในอย่างเดียว "
“ อื้ม " พยักหน้ารับมันอีกที ก่อนที่ผมจะเม้มปากแล้วเหลือบมองมัน มีบางอย่างที่ผมอยากจะถามมันอยู่ " แล้ว.. คือ "
" อะไร "
" คือนี่มันเที่ยงแล้วอะ หิว ไปกินอะไรกันเถอะ " ไอ้เรียวเหลืบมองนาฬิกา มันหันมาถามผม
" แล้วมึงจะกินอะไร "
" กูอยากจะกินข้าวหมูทอดทงคัตสึอะ " ทุกอย่างเงียบไป แม้แต่สายตาที่กำลังมองผมก็หันไปทางอื่นพลางถอนหายใจออกมา " ทำไมอะ ก็มึงถามกูเองว่าอยากจะกินอะไร กูก็ตอบสิ่งที่กูอยากจะกินดิ กูผิดเหรอ "
“ กูผิดเองที่ถามคนที่ปากว่าบอกว่าจะลด แต่ใจไม่ได้คิดอยากจะลดอย่างมึง "
“ กูอยากจะลดเว้ย ทั้งใจทั้งปากกูนี่แหละ " ผมเถียงมันอีกคนก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพยักหน้ารับยิ้มๆ มันที่กำลังจะเดินผ่านผมเอื้อมมือมาจับไหล่ก่อนจะตบเบาๆ ด้วยท่าทางที่ไม่เชื่อกัน
“ อ๋อเหรอ..”
“ สัด! แกล้งกูอีกแล้วนะ “ ส่งคำด่าไล่หลังมันที่เดินไปลูบหัวแมวของตัวเอง ก่อนจะเดินตรงออกไปที่ประตูห้อง มันที่หันมาถามผม
" แล้วนั่นจะไปมั้ย แดกข้าวอะ "
" ไปซี่ หิวจะตายห่าอยู่แล้ว " ก้าวเร็วๆเข้าไปหามัน ผมที่ส่งยิ้มกว้างไปอีกคนก็นิ่งไป ก่อนจะเหลือบไปทางอื่นแบบทำทีเป็นไม่ได้สนใจอะไรมันที่พูดขึ้นมาเบาๆ
" แล้วทำไม ต้องร่าเริงขนาดนั้น "
" กูน่ารักละซี่ "
" น่ารำคาญ ใครบอกมึงว่ากูคิดอย่างงั้น "
" กูนี่แหละ เพราะพูดแล้ว กูรู้สึกสบายใจ " มันถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางเก็กๆของมัน ไม่อยากจะบอกว่าเมื่อกี้ตอนที่กูวิ่งมา กูเห็นมึงนิ่งไปนิดนึงในตอนนั้นมึงอาจจะเห็นความน่ารักของกูก็ได้ เพราะผมเชื่อว่าคนเราถ้าได้รู้จักกันมุมมน่ารักจะเผยออกมาให้อีกคนเห็นอย่างแน่นอน แต่เถียงกับไอ้เหี้ยตรงหน้านี้ไปก็คงจะไม่ได้ผลหรอก " ไอ้ขี้เก็ก "
" ปิดประตูด้วย " มันบอกผมที่ก็พยักหน้ารับ แต่ตอนที่กำลังจะปิดประตูผมก็เอียงหน้าเข้าไปในห้อง ตะโกนเบอกอีกตัวที่อยู่ในนั้น
" ท่านหญิง เดี๋ยวจะซื้อขนมอร่อยๆมาฝากนะ " ผมยิ้มตอนที่ล็อคห้องเรียบร้อย ยื่นกุญแจคืนไปให้ไอ้เรียวที่ก็มองผมอยู่ด้วยสายตายิ้มๆ " ทำไม มึงมองอะไร "
" มองคนปัญญาอ่อน "
.............................................................
อยากลดน้ำหนักจะได้ไปนอนบ้างพี่เรียวบ้าง อะไรบ้าง
นี่กว่าจะผอม ได้ผอมไปเลยมั้ยอะเขิน.. #แอบเหล่
ชอบให้ความแซวแบบแรดๆของเขิน และความขี้เก็กของพี่เรียว
เจอกันตอนหน้า
ฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
-
เหมือนกับเขาตอนนี้เลย จะลดพรุ่งๆจะผ่านมาเป็นปีแล้วก็ยังอยู่เหมือนเดิม
-
จะลดได้ไหมนิน้องเขิน เหมือนไม่ตั้งใจลดเลยอ่ะ :เฮ้อ:
-
ดูแล้ว ทั้ืงเดือนหนูเขินน่าจะลดได้ 3 ขีด :laugh:
-
โอ้ยยยย เขินแม่งน่ารักวะ :ling1:
-
โหห เรียวนี้ลงทุนนะ อิอิ
-
:mew1: :mew1: :mew1:
-
โอ๊ยยย ทำไมไม่กล้าพูดกล้าทำแบบนี้เยอะๆ นะ ตลกดี น่ารักด้วย
คนอะไรชมตัวเอง เรียวแค่ชะงักรอยยิ้มไปแปบเดียวเอง
เรียวก็ดูแลดีเนาะ มีแผนไรไหม แค่อยากช่วยจริงหรอ
-
โหยยย ชอบมาก ชอบพล็อตแบบนี้มากๆเลยค่ะ ชอบนายเอกแร็งว์ๆด่ายับแบบนี้ด้วยอ่ะ
นี่จะกินตามเมนูนาง บอกเลย อ่านแล้วหิว เริ่มละนะเมื่อเช้าด้วยโจ๊กหมูใส่ปาท่องโก๋
เดี๋ยวบ่ายนี้จะกิน ข้าวสวยโปะไก่กรอบพิเศษ เพิ่มหมูก้อนทอด ...เอาเซ่!
-
Chubby love รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 6
เดินลงลิฟต์มาถึงชั้นล่างของตึก เพิ่งสังเกตว่าคอนโดที่มันอยู่ทำเลค่อนข้างดีเหมือนกัน เพราะแค่เดินออกมาหน้าตึกก็ขึ้นบันไดบีทีเอสได้เลยจะไปไหนก็สะดวก นี่ถ้ามีสะพานเชื่อมจากบีทีเอสเข้าไปด้านในด้วยก็คงต้องแจ่มกว่านี้แน่นอน ผมมองไปรอบๆพื้นที่ ตรงข้ามอีกฝั่งถนนเป็นห้าง ส่วนด้านข้างก็มีทั้งร้านสะดวกซื้อแล้วก็พวกร้านอาหารสไตส์ต่างๆทั้งไทยทั้งต่างชาติเรียงกันเป็นแนวยาว
" แล้วนี่เราจะไปกินอะไรกันวะ "
" มึงก็เลือกเอาสิ " มันบอกก่อนจะเชิดหน้าไปบนทางข้างหน้า คล้ายจะบอกว่า ให้เลือกร้านระหว่างทางที่เดินอยู่นี้ได้เลย
" แล้วมีร้านไหนที่มึงชอบกินบ้างวะ " พอถามออกไปอีกคนก็หยุดเดินก่อนจะชี้ไป เป็นร้านอาหารที่จัดตกแต่งหน้าร้านแบบญี่ปุ่น เงยหน้ามองป้ายร้านก็ค้นพบว่ามันไม่ได้บอกอะไรเลยนอกจากชื่อร้าน " เค้าขายอะไรอะ อร่อยเหรอ "
" ก็อร่อยดี " ยังไม่ทันพูดตกลงอะไร และยังไม่ได้พยักหน้ารับเลยด้วยซ้ำ แต่ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมก็เดินเข้าไปในร้านซะแล้ว มือที่กำลังจะเอื้อมคว้าตัวมันไว้ อยากจะเลือกต่ออีกสักหน่อย เผื่อเดินไปไกลกว่านี้จะมีร้านที่อยากจะกิน แต่ไม่ทันแล้วละ ..
" สัด "
" อิรัชชัยมะเซ " เสียงพนักงานที่เอ่ยทักทายเราขึ้นมาทันทีตอนที่ไอ้เรียวเปิดประตูเข้าไปในร้าน ร่างสูงตรงหน้าผมพยักหน้ารับ ผมก็พยักหน้ารับตาม
" สองที่ครับ " มันบอกแค่นั้น เธอก็ผายมือไปที่โต๊ะที่ว่าง ผมนั่งลงตรงข้ามมันก่อนจะรับเมนูที่เธอยื่นมาให้มาดู ร้านอาหารทั่วไปที่ไม่ได้มีภาพสวยงามเหมือนกับในร้านอาหารขึ้นห้าง แต่ก็พอมองออกว่าอะไรเป็นอะไร
" กินอะไรดี มึงกินอะไรเรียว "
" ไม่บอก " มันว่าผมก็เงยหน้ามองมันที่ก็ก้มดูเมนูอยู่ " เดี๋ยวมึงกินตาม "
" แหมมมม กูไม่ได้อยากจะกินตามมึงหรอกไอ้สัด แค่ถามเพราะเห็นว่านั่งร่วมโต๊ะกันเท่านั้นแหละเว้ย เป็นมารยาท "
“ ความเสือกนี่จัดเป็นมารยาทด้วยเหรอ " มันถามด้วยหน้าตาเฉยๆตามฉบับ ผมก็พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ " บ้านมึงเค้าสอนว่า เวลากินข้าวกับคนอื่นต้องถามเหรอ ว่าอีกคนกินอะไร สอนให้เป็นคนขี้เสือกสินะ "
" ไอ้เหี้ย "
" ไอ้อ้วน " มันตอบกลับก่อนจะยิ้ม " บอกมาตามตรงดีกว่า ไม่รู้จะกินอะไร ก็เลยจะกินตามถูกมั้ย "
" แค่ขอเป็นแนวทางเว้ย เหอะ! ไม่บอกก็ไม่บอกไอ้สัด เลือกเองก็ได้ " ก้มลงอ่านเมนูทีละเมนู เพราะมันไม่มีภาพนี่แหละเลยตัดสินใจยาก เป็นร้านอาหารที่ญี่ปุ่นโคตรๆเพราะมีภาษาญี่ปุ่นกำกับอยู่ทุกเมนู ภาพให้ชวนน่ากินแบบในร้านตามห้าง ลืมไปได้เลยเพราะมัน..ไม่มี
" ข้าวปลาแซลม่อน อร่อยที่สุด กินสิ ไม่อ้วน แถมที่นี่เติมข้าวได้ไม่อั้นด้วย "
" งั้นเหรอ " เงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกคน แต่คนขี้เก็กแม่งก็ก้มลงเสือกเมนุของตัวเองแล้ว ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ " ก็น่าสนใจนะ แต่กูกลัวกูไม่อิ่มวะ "
" ยังไม่ทันแดกเลย มึงบอกตัวเองไม่อิ่มละ " มันท้าวคางตัวเองมองผมก่อนจะถอนหายใจออกมา " แล้วอิ่มของมึง ปกติมึงกินยังไง "
" กินยังไงเหรอ ให้เล่าทั้งวันเลยมั้ย ว่าทั้งวันกูกินอะไรบ้าง "
" อยากพูดก็ว่ามา " มันยักคิ้วบอก ผมก็ยิ้มกว้างออกไป ชอบเม้าส์อยู่แล้ว ให้ถามกูเถอะ กูชอบพูด ชอบพรีเซ็นต์ตัวเอง
" ก็เช้าตื่นขึ้นมาก็อาบน้ำเรียบร้อย ลงมากินข้าว ส่วนใหญ่นะ บ้านกูจะกินข้าวต้ม โจ๊ก อะไรแบบนี้กันตอนเช้า โจ๊กหมูใส่ปาท่องโก๋ บางทีก็ข้าวต้มปลา อื้มม แล้วถ้าเบื่อๆ หน่อย ก็กินพวกหนมปังที่เป็นปอนด์อะมึง ที่ไส้เยอะๆ แล้วเวลากูกินนะ กูก็กินแม่งทั้งปอนด์เลยกับนมตอนเช้า บางทีก็แอบกินสองอันเพราะมันอร่อย "
" สองอัน " มันทวนคำพูดของผมที่ก็พยักหน้ารับ
" อร่อยมากนะมึง เปิดออกมานะ ก็จะมีไส้ทะลักออกมา ไส้ลูกเกดกับหมูหยองน้ำพริกเผาอร่อยสุด กูโคตรชอบบ "
" ท่าทางว่าจะชอบมากแหละ ไม่ชอบมากมึงไม่ตัวเท่านี้หรอก "
" แหมมมมม ขอมองแรง " ชักสายตาใส่มันอีกคนก็ส่ายหน้าไปมา แล้วตอนที่มันจะพูดอะไรขึ้นมา พนักงานก็เอ่ยทักขึ้นมาก่อน
" ไม่ทราบว่าจะสั่งอะไรดีค่ะ "
" เออ ลืมสั่งไปเลย มัวเม้าส์เพลิน " หันไปยิ้มให้พนักงานเธอก็ยิ้มกว้าง " สั่งชุดข้าวปลาแซลม่อนครับ "
" สองที่ครับ แล้วก็น้ำเปล่า สอง "
" แค่นี้นะคะ " พนักงานทวนถามแต่ก่อนที่ผมจะพูดอะไร ไอ้เรียวก็พยักหน้ารับเธอที่ก็เดินไปทันที
" เชี้ย กูว่าจะกินขาเขียวสักหน่อย "
" กินน้ำเปล่าดีที่สุด แล้วพอเค้ามาเสิร์ฟมึงก็แดกไปเลยสองแก้ว "
" จ้าๆ อีเทรนเนอร์คุง " พยักหน้ารับมันก่อนจะกลืนน้ำลายลงไปในคอ " มาพูดเรื่องการกินของกูต่อ "
" อื้ม " มันตอบรับยิ้มๆ
" แล้วคราวนี้นะ กูก็มาเรียนใช่มั้ย กูก็จะกินข้าวหมูบดทอดไก่ทอดของป้าแบบพิเศษ คือมันอร่อยมากเลยนะมึง กูเคยกินติดกันเป็นเดือนๆเลยแหละ "
“ แล้ว มื้อเย็นละ "
“ มื้อเย็นก็กลับไปกินที่บ้าน แต่ระหว่างขับรถกลับกูก็จะแดกขนมนะ แดกไปเรื่อยๆ ระหว่างรอรถติด พอถึงบ้านก็ถึงเวลาข้าวเย็นพอดี ถ้าแม่ขยันๆ ก็ชอบหัดทำอาหารจากในเพจเฟสบุ๊ค ถ้าวันไหนขี้เกียจก็สั่ง เคเอฟซี พิซซ่ามากินอะไรแบบนี้ แต่ก็กินจัดเต็มมากจ้า "
“ แล้วพอกินเสร็จ "
“ ก็ขึ้นห้อง ไปทำนู้นทำนี่ ตัวใครตัวมัน "
" แล้วมึงทำอะไร "
" นอนฟังเพลง เล่นเฟส อะไรแบบนี้ อาบน้ำ บางทีก็ทำการบ้าน ไม่มีก็ดูหนัง แล้วก็นอน "
“ ไม่ออกกำลังกาย " ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้มัน อีกคนก็พยักหน้ารับ
“ เป็นไงวิถีชีวิตกู "
“ เหมือนหมูในโรงเชือดอะ ขุนให้อ้วน แล้วพอโตเต็มที่ก็ฆ่าแล้วก็ขาย "
“ เชี้ย มึงจะแรงกับคนน่ารักแบบกูเกินไปแล้วนะไอ้สัด " ผมบอกอีกคนก็ยกยิ้ม เรียวจ้องหน้าผม
“ ถ้ามึงมีความสุขกับการกินขนาดนั้น ทำไมไม่กินตามที่อยากกินวะ " เหลือบมองมันที่พูดออกมาแบบนั้น สบสายตาคมที่จ้องมองมา ผมก็ได้แต่นิ่งไป " คนคนนั้นสำคัญกับมึงขนาดที่ทำให้มึงยอมทิ้งความสุขของตัวเองเลยเหรอ ทำไมไม่หาคนที่เค้ารักมึงแบบที่ มึงเป็นมึงละ เรื่องลดความอ้วนมันก็ดีอยู่หรอก แต่ควรลดเพื่อตัวเองไม่ใช่คนอื่น "
ในห้วงเวลานึงผมก็คิดอย่างที่อีกคนถาม ในเมื่อมีความสุขกับการกินจะทรมานกับตัวเองด้วยการลดความอ้วนทำไม ในเมื่อโลกนี้มันต้องมีทั้งคนที่อ้วนแล้วก็คนที่ผอมอยู่แล้ว แต่ว่าในความรัก มันไม่ใช่อะไรอย่างงั้น บางทีรูปลักษณ์หน้าตาภายนอกต้องมาก่อน ความเหมาะสมในการเดินข้างๆกันของคนรัก สำหรับบางคนมันสำคัญ โดยเฉพาะเค้าคนนั้น
" มันไม่มีหรอก คนที่รักกูแบบที่กูเป็นกูน่ะ " บอกมันแบบนั้นก่อนจะยกยิ้มให้ตัวเอง " ไม่มีใครที่สนใจคนอ้วนๆหรอก แล้วยิ่งเป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน ก็ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ว่ายังไงคนทั่วไปก็สนใจแต่เรื่องภายนอกมากกว่าเรื่องภายในอยู่แล้ว สังคมของเรามันเป็นแบบนี้ มึงก็รู้ดีนี่ "
“ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปหรอก " เรียวตอบเสียงนิ่งๆ " มึงแค่ไม่เจอมันก็เท่านั้น ไม่อย่างงั้น คนอ้วนๆทั้งโลก มันก็คงไม่มีแฟนแล้วละมั้ง "
“ แต่พี่ทีมไม่ได้เป็นแบบนั้น " ผมบอก อีกคนก็ถอนหายใจออกมา
“ ไอ้เหี้ยนั่นอีกแล้ว “
“ คนเรามันก็มองภายนอกกันทุกคนนั้นแหละ ไม่ใช่แค่พี่ทีมหรอก " เถียงมันออกไป " เวลามึงมีแฟนแล้วไปเที่ยวด้วยกัน ถ้าเจอเพื่อนที่รู้จักกัน เค้าก็ต้องมองภายนอกของแฟนมึงก่อน เค้าไม่ได้มองหรอกว่าแฟนมึงนิสัยดี หรือว่าอะไร เค้ามองแค่ว่า แฟนมึงสวยหรือไม่สวย อ้วนหรือไม่อ้วน เค้ามองกันแค่นั้น นิสัยน่ะ มันเรื่องต่อไป " จะบอกว่าปกป้องพี่ทีมจากความคิดของคนตรงหน้าก็ได้ แต่อยากจะให้มันมองว่าคนทั่วไปก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่พี่ทีมคนเดียวสักหน่อย
“ งั้นเหรอ "
“ ตอนนี้ มึงอาจจะไม่แคร์ แต่พอมึงได้รักใครสักคนที่เค้าสวยมากๆ สวยจนมึงรู้สึกว่าเค้าคงไม่เหมาะสมกับมึง วันนั้นมึงจะพยายามเปลี่ยนแปลงเพื่อเค้าเองละ "
" กูไม่ได้อยากมีแฟนเพราะอยากมีเครื่องประดับสวยๆ แต่กูอยากมีแฟนเพราะอยากจะมีใครสักคนที่คอยแชร์ทุกเรื่องด้วยกันมันก็เท่านั้น " เรียวยกยิ้ม ในตอนนั้นอาหารที่เราสั่งไปก็มาเสิร์ฟ มันขยับตัวนิดหน่อยเพื่อเตรียมตัวกินข้าว " ความรักของเรา มันคนละแบบกัน แล้วกูก็ไม่ใช่คนที่มองคนแค่ภายนอกแบบมึงแล้วก็ไอ้เหี้ยนั่นด้วย "
ทุกอย่างเงียบไป ผมที่ได้แต่เม้มปากไม่ได้พูดอะไรตอบออกไปสักคำ จะพูดว่าเถียงไม่ออกก็ได้ จริงอย่างที่มันพูด ผมตอนนี้เหมือนกำลังทำตัวเป็นเครื่องประดับสวยๆให้คนที่แอบชอบ มากกว่าจะอยากเป็นแฟนในแบบที่ควรจะเป็น แฟนที่จะถูกรักในแบบที่ไม่ว่ายังไง เค้าก็รัก ไม่ใช่ของที่จะถูกทิ้งเมื่อความสวยมันลดลง
“ ก่อนจะกินข้าว ก็กินน้ำเข้าไปก่อนสักสองแก้ว " เรียวรินน้ำให้ผม ตอนที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบตะเกียบเพื่อเริ่มกินข้าว
“ โอเค " พยักหน้ารับมันก่อนจะเริ่มกินน้ำเข้าไปตามที่บอก " งั้นถ้ากินน้ำก่อนกินข้าวทุกมื้อจะผอมลงอะดิ "
“ มันจะแค่ช่วยให้มึง อิ่มเร็วขึ้น "
“ อย่างงั้นนี่เอง "
“ ต่อไปนี้ก่อนจะกินอาหารทุกมื้อกินน้ำเข้าไปก่อนสองแก้ว แล้วค่อยกินข้าว "
“ รับทราบครับผม " กินน้ำหมดไปหนึ่งแก้ว ไอ้เรียวก็รินให้ผมอีกแก้ว ตอนที่นั่งกินอยู่อีกคนพูด
“ แล้วเลิกทำหน้าเศร้าเหมือนหมูจะถูกเชือกสักที " เหลือบมองมันที่ก็มองผมอยู่พอดี เรียวถอนหายใจ " มันน่ารำคาญ แล้วอีกอย่างเศร้าไปยังไงมึงก็รักไอ้เหี้ยนั่นแบบนั้น แล้วไอ้เหี้ยนั่นถ้าจะรักมึงก็รักมึงได้แค่แบบนั้นแหละ "
“ สัด มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าบางทีเวลาคนเราคบกันไปสักพัก มันอาจจะรักกันขึ้นมาก็ได้นะ รักที่ตัวตนของอีกคน แค่ตอนนี้กูต้องทำให้ตัวกูเป็นที่ยอมรับก่อนมันก็เท่านั้น "
“ เข้าข้างตัวเอง " อีกคนพูดก่อนจะก้มหน้าลงตักข้าวขึ้นกิน " แต่สบายใจที่จะคิดก็คิดเถอะ คนที่เค้าแอบรักคนอื่นแบบมึง ก็ต้องคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้น มันก็ถูกแล้ว "
“ K " พูดแบบไม่ออกเสียง ผมก้มหน้าลงกินข้าวตรงหน้าของตัวเองตอนที่กินน้ำเข้าไปแล้วสองแก้ว ขอบอกว่าอิ่มสัด จุกน้ำไปแล้วเรียบร้อย มองข้าวตรงหน้าที่ไม่รู้ว่าจะกินไหวรึเปล่าไม่ต้องคิดถึงเรื่องจะเพิ่มข้าว คิดว่าคงไม่ได้ทำอย่างที่คิดแล้วแน่นอน " แล้วชีวิตมึงอะ วันๆทำอะไรบ้าง "
“ จะเสือกเหรอ " มันเงยหน้าขึ้นถาม ผมก็ถอนหายใจออกมากับความกวนตีนของมัน
“ กูก็ไม่ได้อยากจะเสือกหรอก แค่เห็นว่ากินข้าวเงียบๆเลยชวนคุย แล้วอีกอย่างคือ กูเล่าเรื่องกูไปแล้ว มึงก็เล่าเรื่องมึงบ้างสิว่ะ กูต้องมาอยู่กับมึงตั้งสามวัน แถมต่อไปนี้ต้องมีมึงคอยช่วยลดน้ำหนักตลอด ก็ต้องรู้อะไรเกี่ยวกับมึงบ้าง ถูกมั้ย "
" แล้วอยากจะฟังเรื่องอะไร "
“ อื้ม ทำไมมึงมาอยู่คอนโดคนเดียวอะ " จะว่าไปผมก็รู้สึกอย่างที่มันบอกแหละ คือ เสือก อยากเสือกเรื่องของมัน อยากรู้ว่าชีวิตมันเป็นยังไงบ้าง มีเรื่องที่อยากจะรู้เยอะแยะไปหมด จะได้ไปเล่าไอ้ลี่ฟังถูก รู้สึกแฮปปี้ที่ตัวเองจะได้รู้ดีไปหมดเรื่องคนอื่น รู้แบบรู้จริงเพราะฟังมาจากปาก " หรือว่าพ่อแม่มึงอยู่ต่างประเทศเหรอ ไม่ก็ต่างจังหวัดถูกปะ มึงก็เลยต้องย้ายมาอยู่คอนโดคนเดียว "
“ เปล่า เค้าก็อยู่ในกรุงเทพนี่แหละ "
“ อ้าว แล้วทำไม "
“ พ่อแม่กูหย่ากันไปได้สักพักแล้ว แม่กูกลับไปญี่ปุ่นแล้วก็แต่งงานใหม่ ส่วนกูก็อยู่กับพ่อที่ก็ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ แล้วยิ่งกูมาทำงานแบบนี้เค้าก็ยิ่งไม่ชอบ " มันยกยิ้มตอนที่พูดออกมา " จากนั้นเค้าก็แต่งงานใหม่ กูก็เลยย้ายออกมาอยู่คนเดียว จบ "
“ งั้นเหรอ " ทำไมฟังแล้วชีวิตมันไม่ได้คูลอย่างที่คิดเลยวะ หนำซ้ำยังดราม่าอีก
ถึงแม้มันจะยกยิ้มเหมือนไม่ใส่ใจอยู่ตอนนี้ แต่ผมก็คิดว่าเรียวไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย เหมือนแค่กำลังแสร้งทำตัวเป็นเข้มแข็งไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ในใจลึกๆมันคงคิด แต่เอาจริงๆ คงไม่มีใครไม่คิดหรอก ขนาดพ่อแม่ผมเถียงกันเรื่องไร้สาระผมยังรู้สึกไม่ดีเลย แล้วของมันนี่ถึงขั้นหย่า ในชีวิตคงผ่านเรื่องเศร้าๆมากเยอะมากแน่ๆ เพราะคนรักกันก่อนจะตัดสินใจหย่าขาด ก่อนหน้านั้นคงทะเลาะกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แล้วมันที่เห็นสภาพของครอบครัวเป็นแบบนั้นอยู่นาน จนเค้าแยกออกจากกัน ต้องทนรับสภาพเจ็บปวดขนาดไหนวะ
“ มึงไม่ต้องสงสารกูหรอก " คนตรงหน้าพูดสั้นๆ ในตอนที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ " ตอนนี้กูมีความสุขดี "
“ ตอแหล สายตามึงกำลังบอกกูอยู่ว่ามึงทุกข์ ทำไมวะ มัน.. สาหัสขนาดนั้นเลยเหรอ " ผมเว้นประโยคท้ายที่เอ่ยถามมัน เรียวเงียบไปสักพัก มันก้มหน้าลงกินข้าวต่อ เคี้ยวอยู่สักพักก่อนจะกลืนข้าวลงไปคำโต
" แม่กูเป็นนางแบบ พ่อทำงานบริษัทที่เมื่อก่อนก็ทำงานที่ญี่ปุ่นแต่ถูกย้ายมาให้ดูแลสาขาในเมืองไทย ตอนนั้นกูสักประมานหกขวบมั้ง แต่จำได้ว่าตอนย้ายมาใหม่ๆเราต้องปรับเปลี่ยนอะไรกันเยอะมาก แล้วพอลงตัวพ่อกูก็เกิดติดใจไม่อยากจะย้ายกลับไปทำงานที่ญี่ปุ่นทั้งๆที่มีโอากาสให้ย้ายกลับ เหมือนว่าคงเสพย์ติดชีวิตที่ไม่ต้องกดดันอะไรมากมายของที่นี่แต่นั่นไม่ใช่ความคิดของแม่กู เค้าอยากจะกลับไปอยู่ที่ญี่ปุ่นเพราะเค้าอยากจะทำงานนางแบบเหมือนเดิม เมื่อก่อนทุกๆวันเค้าจะระบายความอยากจะเป็นนางแบบด้วยการพากูไปแคสติ้งงาน พวกถ่ายแฟชั่นของเด็ก เค้าที่ตอนนั้นได้เห็นสภาพแวดล้อมของการถ่ายแบบเหมือนเป็นความสุขเดียวที่ทำให้เค้ามีพลังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป แต่ว่า..”
" แต่ว่าอะไร " ผมถามพลางจ้องมันที่อยู่ๆก็หยุดเล่าไป เรียวมองหน้าผมเหมือนมีคำว่าเสือกออกมาจากส่ายตานั้น ผมส่ายหน้า " กูไม่ได้เสือกนะ แต่แค่ มันจะค้างคานะ ถ้ามึงเล่ากูไม่จบน่ะ "
" แต่ว่ามันก็ไม่พอ แม่อยากจะเป็นนางแบบเองมากกว่าจะมานั่งมองกูถ่ายแบบ วันนึงเค้าตัดสินใจรับงานนึงที่ญี่ปุ่นแล้วก็บินไปถ่าย แต่มันก็บ่อยขึ้นจนแม่บอกพ่อว่าอยากจะให้พ่อย้ายกลับไปอยู่ที่นู้นด้วยกัน แต่พ่อไม่ยอม ตั้งแต่นั้นเค้าก็ทะเลาะกันมาตลอด จนสุดท้ายแม่กูก็หย่ากับพ่อแล้วก็ย้ายกลับไปทำงานที่ญี่ปุ่นอย่างที่ตัวเองฝัน เค้าแต่งงานใหม่กับช่างภาพแล้วตอนนี้ก็เปิดบริษัทโมเดลดิ่ง ส่วนกูก็อยู่กับพ่อที่ไม่ลงรอยกันเท่าไหร่เพราะกูดันไปเป็นนายแบบให้บริษัทโมเดลลิ่งของแม่กู มึงรู้มั้ยตอนที่พ่อกูรู้ว่ากูเป็นนายแบบ เค้าโกรธกูจนหน้าสั่น ตบกูด้วยนะ " เรียวยกยิ้มก่อนจะหัวเราะ " แต่ก็นะเพราะอาชีพนั้นมันเป็นอาชีพที่เค้าโคตรเกลียดเลยนี่หว่า เป็นอาชีพที่ทำให้แม่ต้องเลิกกับเค้า "
" แต่มึงก็ยังทำ "
“ ก็กูอยากรู้ว่ามันสนุกยังไง เค้าถึงเลือกที่จะทิ้งกูแล้วก็พ่อไปทำมัน กูก็เลยลองดู " เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่อกผมตอนที่ฟังมันพูดออกมาแบบนั้น ผมที่เม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่น ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเลยสักอย่างเดียว ลมหายใจของผมที่ค่อยๆผ่อนออกมารู้สึกอึดอัดชะมัด ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแต่ก็รู้สึกเศร้าแทนมันชิบหาย " แล้วพอกูได้มาทำงานนี้ ตอนแรกแค่อยากจะทำมันเล่นๆแต่สุดท้ายมันกลับไปได้ดี กูมีงานเยอะขึ้น มีเงินเยอะขึ้น ประจวบเหมาะกับพ่อกูที่ทำเลขาหน้าห้องท้องพอดี กูก็เลยตัดสินใจย้ายออกมาอยู่คนเดียว เพราะไม่อยากจะเป็นส่วนเกินในครอบครัวใหม่ของเค้า "
" พอเถอะ " ผมเบรคมัน พลางยกมือห้าม " ไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว "
" อ้าว ? ทำไมไม่ฟังต่อ ตอนแรกเห็นเสือก " มันยกยิ้มถาม ในแววตานั้นเศร้าแม้จะหัวเราะออกมา
" ก็.."
" ก็อะไร "
" แววตามึงดูเศร้ามากเลย กูไม่ชอบ ถ้าเล่าแล้วมึงต้องคิดถึงมันแล้วทำให้มึงรู้สึกแย่ ไม่ต้องเล่าแล้ว กูไม่อยากฟัง พอ " ก้มหน้าลงกินข้าวต่อ ผมเคี้ยวไปเรื่อยๆ ก่อนจะชวนมันเปลื่ยนเรื่อง " ข้าวอร่อยดีเนอะมึง ปลาแซลม่อนก็สด นี่แล้วเดี๋ยวเราจะไปทำอะไรต่อ "
" ไปห้าง ซื้อของใช้ของมึง แล้วก็ของกิน "
" เหรอ ดีๆกูอยากจะกินขนม เดี๋ยวมึงเลือกให้กูด้วยนะว่ากูกินขนมอะไรได้บ้าง โอเค๊ ? "
" อื้ม " ตอบรับคำพูดของผมที่ยิ้มกว้างให้มันด้วยประโยคสั้นๆ แล้วตอนที่กำลังจะก้มกินข้าวต่อ เรียวก็พูดขึ้น
“ ทำไมกูต้องเล่าให้มึงฟังด้วยวะ " มันส่ายหน้าไปมากับตัวเอง " ทั้งๆที่คิดเอาไว้ว่าจะไม่เล่าใคร "
“ ก็คงเพราะสบายใจมั้ง " ผมยิ้มให้มัน " เหมือนอย่างที่กูก็รู้สึกสบายใจแล้วก็ไม่อายที่จะพูดอะไรกับมึงเลย อย่างเรื่องความอ้วนหรือแม้แต่ความรู้สึกของกู ทั้งๆที่เราเพิ่งรู้จักกันก็เถอะ " สบสายตากับอีกคน " จะด่าว่ากูเข้าข้างตัวเองอีก ก็ได้นะ "
“ เปล่า ก็เป็นอย่างที่มึงพูดนั่นแหละ "
“ คบกับกูเป็นเพื่อนแล้วสบายใจมากเลยใช่มั้ยล้าา แต่ก็นะใครๆ อยู่กับกูก็มีความสุขทั้งนั้นแหละ " พูดแบบอวดๆ อีกคนก็ทำหน้านิ่งแต่ถึงอย่างงั้นแววตาที่เศร้าๆของมันหายไปแล้ว เรียวที่ยกยิ้มขึ้นมา
“ ไอ้หลงตัวเอง "
“ ไอ้ขี้เก็ก มึงเองก็มีความสุขอยู่ชัดๆ ยังจะมาตอแหลกูอีก " ตักข้าวขึ้นกิน ผมเคี้ยวปลาแซลม่อนกับข้าวเปล่าเข้าไป อีกคนก็ยังมองผมนิ่งๆ ไม่ยอมกินสักที " มองความสวยของกูอยู่นั่นแหละ รีบๆกินเข้าไปเถอะน่า เดี๋ยวจะได้ไปซื้อขนมมากินอีก เร็วๆ เข้า กูอยากจะกินขนมแล้ว "
“ ไอ้อ้วนเอ้ย มึงจะลดได้มั้ยเนี้ย "
“ ไม่เห็นต้องกลัว กูมีมึงอยู่นะ นี่กูหวังพึ่งมึงเลยนะไอ้สัด เพราะงั้นตอนนี้ มึงเป็นคนสำคัญของกูนะ รู้มั้ยละ " ยักคิ้วบอกมันออกไป เรียวนิ่งไปสักพัก ในตอนนั้นมันไม่ตอบอะไรเลย ได้แต่ยิ้มแล้วก้มหน้าลงกินข้าวต่อไปก็เท่านั้น
.........................................................
ตอนที่เขินพูดถึงพี่ทีมนี้ สถบออกมาเหมือนเรียวเลย
“ ไอ้เหี้ยนี่อีกแหละ "
ให้อารมณ์เขินเป็นเพื่อนเรา แล้วเพื่อนไปชอบคนเหี้ยๆ ในใจนี่ ด่าเพื่อนเป็นพันคำตอนที่มันเล่าถึงคนที่ชอบ ไอ้เหี้ยนี่อีกแหละ
ความรู้สึกมันคือ อะไรอย่างงั้น ฮ่าๆๆๆๆๆ
อยากให้อ่านไปสักพักก่อน นิยายเรื่องนี้ อาจจะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมากเท่าไหร่
เพราะงั้น เนื้อเรื่องดำเนินไปเป็นยังไง อยากจะให้ทุกคนช่วยติดตามต่อไปนะคะ
โอเคค เพราะงั้น เจอกันตอนหน้า
ยังไงฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วยนะคะ ฝากแชร์ฝากไลค์ในเฟสด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
-
รอเขาชิดๆๆใกล้ๆๆกันเยอะๆๆๆ อิอิ รออ่สนจ้า
-
รอบนี้ที่เรียวแนะนำอาจจะกินน้อยลงก็ได้นะ :ruready
-
หวังว่าต่อๆไปเขินคงจะคิดได้นะว่าควรรักตัวเองมากกว่าจะเอาไปผูกกับใคร
-
:katai2-1: :katai2-1:
-
จริงๆพอมีช่อ อิพี่ทีมโผล่มาเราก็ฟิลเดียวกันเลยค่ะ "ไอ้เหี้ยนี่อีกละ" 555 ช่างเป็นบุคคลที่ทุกคนเห็นพ้องว่าชื่อนี้เหมาะสมนัก
-
น่ารักจุงงง
อยากเห็นตอนน้องเขิน ผอม.. :hao6:
-
:pig4: :pig4: :pig4:
-
จะลดได้มั้ยนะ
-
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 7
เดินออกจากร้านอาหารมาที่ห้างใกล้ๆหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ผมตรงไปที่รถเข็นเป็นอย่างแรก เข็นมันออกมาก่อนจะหันไปยิ้มให้ไอ้เรียวที่ก็ยังคงหน้านิ่งไม่เปลี่ยน ผมที่ค่อยๆหุบยิ้มตัวเองลงไปด้วยใบหน้าเซ็งๆ ในใจที่กร่อนด่ามัน ' จะตอบรับยิ้มกูสักหน่อยก็ไม่ได้นะสัด เก็กอยู่นั่น '
“ แล้วนี่กูต้องซื้ออะไรบ้างอะ " ผมหันไปถามคนที่ยืนอยู่ๆ ไอ้เรียวหันมามองอยู่สักพักก่อนจะหันกลับไปมองอะไรเรื่อยเปื่อยตรงหน้าเหมือนเดิม มือมันหยิบถุงแอปเปิ้ลเขียวขึ้นมาแพ็คนึงพลิกดูอยู่สักพักก่อนจะเอาใส่รถเข็น " นี่ ช่วยตอบคำถามที่กูถามไปด้วยสิวะ มึงจะเก็กหน้าหล่ออะไรนักหนา รำคาญญญญญญญ ตอบเร็วๆหน่อบจะได้มั้ย "
" แล้วมึงจะกินอะไร " มันถามกลับคราวนี้ผมก็นิ่ง " อะไรที่คิดว่ากินเข้าไปในตอนเช้าแล้วอิ่ม อยู่ท้อง "
" ข้าวมันไก่ " สบสายตาอีกคนที่มองออกไปทางอื่นก่อนจะถอนหายใจ
" งั้นก็ซื้อข้าวไรท์เบอรี่ไปสักถุงสิ "
" ข้าวที่มันมีสีดำๆอะนะ "
" อื้ม " เรียวพยักหน้ารับ " แล้วก็อกไก่ สัก หกชิ้น "
" ทำไมต้องซื้อตั้งหกชิ้นวะ "
" ก็สำหรับมื้อเช้าสามวัน แล้วก็มื้อเย็นอีกสามวัน " มันเว้นเสียงก้มหน้าลงคิด ก่อนจะหันมาบอกอีกครั้ง " จะซื้อกินเช้าวันจันทร์ก่อนไปเรียนด้วยก็ได้นะ "
" นี่กูต้องกินอกไก่สามวันเลยเหรอ " ผมถามย้ำมันด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ " คือจะแดกหมู กุ้ง อะไรแบบนี้อย่างอื่นไม่ได้เลยอะ กูต้องแดกอกไก่ทั้งสามวันเลย "
" อกไก่เป็นเมนูของคนลดน้ำหนัก ทำใจให้ชอบแล้วเลิกทำหน้าเหมือนจะตายได้แล้ว มึงยังต้องอยู่กับมันอีกเป็นปี หรือไม่ก็อาจจะทั้งชีวิตถ้าลดไม่สำเร็จ "
“ ไม่เอาน่า ไม่มีหมูสักส่วนที่แดกแล้วไม่อ้วนเหรอวะ เช่น หมูเนื้อแดงไง ไม่มีเนื้อขาว "
“ แดกไก่ดีกว่า แคลลอลี่มันน้อยกว่าเยอะ "
“ แต่ว่าถ้าแดกทุกวันอย่างที่มึงว่า กูไม่เป็นเก๊าต์เหรอไง "
“ มึงก็รีบผอมๆเข้าสิ จะได้เลิกแดกเร็วๆ " มันยกยิ้มก่อนจะเดินลากรถเข็นที่ผมเข็นอยู่ออกไปข้างหน้า ไม่ได้หันมาฟังเสียงสถบด่าของผมแต่อย่างใด
“ ไอ้สัดเอ้ย " ไม่รู้ว่าคนอย่างกู จะผอมก่อนหรือเก๊าต์ก่อนกันแน่ละงานนี้ " แล้วนี่ ตอนเช้ามึงจะให้กูกินอะไรอะ "
“ ก็กินข้าวไรต์เบอรรี่ถ้วยนึงกับอกไก่ชิ้นนึง แล้วก็สลัด ถ้ามึงไม่อิ่มก็ผลไม้ "
“ แต่กูไม่มีกินผัก " ผมบอกมันอีกคนก็ถอนหายใจ
“ ก็ต้องกิน " มันหันมาบอกเสียงเข้ม
“ แต่..”
“ กฏของการลด ต้องทำตามคำสั่งของกู บอกให้กินอะไรก็ต้องกิน " ไปทวงคำพูดตั้งแต่วันแรกที่ผมตกลงว่าจะลดน้ำหนักมาพูดจนได้ ผมถอนหายใจออกมา ตอนที่สบสายตาคมของมันที่จ้องมา " กินสลัดซะ "
“ ขอกินนิดเดียวนะ "
“ กินสักถ้วย " มันย้ำผมก็ได้แต่ทำหน้าตาจะร้องไห้ใส่มัน " เป็นเหี้ยอะไร กูบังคับให้มึงแดกขี้หมารึไง "
“ เออใช่! แล้วกูขอบอกไว้ว่ามันมากกว่านั้น คือมึงแม่งไม่เข้าใจคนที่ไม่กินผักอะ จะผักอะไรก็ไม่ได้ ไม่กิน มึงเข้าใจมั้ย จะอร่อย ไม่อร่อยกูก็ไม่แดก มันไม่โอเค แค่เห็นก็ไม่อยากจะมอง ไม่อยากจะใกล้ กูไม่ได้ไม่กินอย่างเดียว แต่กูรังเกียจมัน มึงเข้าใจมั้ย "
“ มันมีไฟเบอร์จะช่วยให้มึงถ่าย ช่วยให้มึงอิ่ม แบบที่มึงกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน "
“ ทำไมโลกใบนี้ไม่กำหนดให้ขาหมู แล้วก็ไก่ทอดเป็นของที่แดกเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนวะ ทำไมไม่กำหนดของอร่อยๆว่าเป็นเมนูลดน้ำหนักบ้าง ทำไมถึงมีแค่ ผัก กูไม่เข้าใจ ทำไมโลกถึงไม่ยุติธรรมขนาดนี้ "
“ เป็นบ้าพอรึยัง " มันถามผม ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหยิบผักเป็นต้น ตั้งสองสามต้นเข้ามาใส่ไว้ในรถเข็น ยังไม่นับรวมมะเขือเทศราชินีลูกเล็กๆ กับแครอทอีก
“ มึงซื้อทำไมเยอะแยะขนาดนี้ กูแดกไม่หมดหรอกนะเว้ย สามวันอะ อย่างดีก็แค่มะเขือเทศลูกเดียวเท่านั้นอะ "
“ กูกิน "
“ อ๋อออ โอเคๆ ถ้ามึงกินก็คงหมดแหละเนอะ " ยิ้มแห้งๆให้มัน ก่อนจะทำทีไปมองอย่างอื่น " มึง แล้วผลไม้นี่กูกินอะไรได้บ้างอะ สตอเบอรรี่แดกได้มั้ย "
“ ก็ได้ "
“ เหรอ งั้นกูจะซื้อนมข้นด้วย "
“ เพื่อ ? “ มันหันมาถาม
“ ก็กินนมข้นกับสตอเบอรี่ไง มันอร่อยมากเลยนะ หวานๆ มันๆ เปรี้ยวๆมึงไม่เคยกินเหรอ "
“ อ้วน " มันหันมาบอก " กินสตอเบอรี่เปล่าๆไป "
“ เหี้ย แต่มึงมันก็ทอปปิ้งกินนิดเดียว "
“ อ้วน " ย้ำคำเดิมสุดท้ายผมก็ได้มาแค่สตอเบอรี่เปล่าๆกล่องเดียวครับ.. เซ็ง
“ แล้วนี่ตอนเที่ยงกูต้องกินไรอะ "
“ เหมือนตอนเช้า "
“ เบื่อตายห่าแน่ๆ แล้วตอนเย็นอะ "
“ สลัด ไม่ก็ผลไม้ แล้วก็อาจจะเป็นนมอัลมอลล์สักแก้ว "
“ เหรอ " ผมพยักหน้ารับมัน จะว่าไปก็ได้กินครบสามมื้อ แถมยังเป็นปริมานที่พอดีก็คงจะทำให้ไม่หิวได้ละมั้ง เอาว่ะ ต้องสู้หน่อยเพื่อความผอม เพื่อความสวย เพื่อพี่ทีม เขินต้องสู้! " ว่าแต่มึง กูถามอะไรหน่อย "
" อะไร "
" กูเคยเห็นดาราที่เค้าปั่นน้ำผลไม้ปั่นกินอะ ถ้าอย่างงั้นกูปั่นน้ำอัลมอลล์กับน้ำแข็งกินได้มั้ย "
“ ก็ได้นะ เดี๋ยวกูสอน กูมีสูตรอร่อย "
“ ว้าววว " ผมทำตาโตก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแขนมัน " พี่เรียวใจดีอ่า "
" ดูตอแหลไอ้อ้วน "
“ สัด " พูดกันดีๆได้ไม่ถึงสิบวิหรอกกับไอ้นี่ เสียอารมณ์ " สรุปเราก็ซื้อกันแค่นี้เหรอวะ "
“ ถ้าของกิน กูคิดว่าครบแล้ว "
“ แต่กูกลัวไม่อิ่มวะ ขอเพิ่มไข่สักแพ็คแล้วกันนะ จะไปต้มกินเมื้อละฟอง "
“ ก็ตามใจ " หยิบไข่มาแพ็คนนึง ผมพยักหน้ารับกับมันก่อนจะเดินไปที่ล็อคของของใช้ส่วนตัว ไม่มีอะไรมากครับ ผมหยิบโฟมล้างหน้า แปรงสีฟัน ครีมอาบน้ำ ยาสระผม แม้แต่ยาสีฟันก็หยิบมา ไม่อยากจะเป็นภาระของเจ้าของห้องครับ อีกอย่างเสือกใช้แบบกลิ่นที่ผมไม่ชอบ ผมคงนอนไม่หลับไปทั้งคืน " เหลืออะไรอีก "
“ อื้มม อ่าใช่ เกือบลืม " ผมบอกก่อนจะเดินออกไปจากล็อคของใช้ เดินเข้าไปที่ล็อคขายอาหารเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ไอ้เรียวที่เดินตามมาผมหยิบให้มันดู " ขนมของท่านหญิง สัญญาไว้แล้วว่าจะซื้อไปให้ ก็ต้องซื้อถูกมั้ย "
“ จะขุนให้แมวกูอ้วนเหมือนมึงเลยใช่มั้ย " มันถามพลางยกยิ้มผมก็ยิ้มกว้างตอบ
“ ใช่! ก็แมวอ้วนๆน่ารักอะ แล้วก็นะ ไอ้ท่านหญิงของมึง แม่งก็ไม่ได้ผอมเลยกูจะบอกให้รู้ไว้ "
“ กูชอบอ้วนๆ "
“ มึงชอบคนอ้วนเหรอ " ผมหันไปถามมัน ได้ยินไม่ชัดว่าอะไร ชอบอ้วนๆ ผมเอามือทาบอกเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นทำท่าทางเหมือนกำลังตื่นเต้น ก่อนจะพูดเสียงสองใส่มัน " หรือว่าที่พี่เรียวมาช่วยน้องเขินก็เพราะว่าพี่เรียวชอบน้องเขินชิมิฮะ ~ น้องเขินเป็นสเป็คของพี่เรียวชิมิฮะ~ "
“ เพ้อเจ้อ " คำพูดสั้นๆของร่างสูงก่อนฝ่ามือจะเอื้อมมาตบหัวผมอย่างจัง ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ผมจิ๊ปากใส่มัน จะแกล้งให้มันเขินหน่อยก็ไม่ได้ หน้านิ่งได้นิ่งดีจริงๆ เซ็งเว้ย
“ แล้วนี่มึงจะไม่ซื้ออะไรแล้วเหรอ " ผมถามมันอีกคนก็ส่ายหน้า
“ ไม่มี "
“ แต่ของกูยังต้องซื้อเสื้อผ้าอีกนะ ยังมีกางเกงใน ชุดนอน แล้วก็ชุดอยู่บ้าน "
“ ก็เดี๋ยวออกจากฝั่งซูปเปอร์ขึ้นไปบนห้างแล้วค่อยซื้อ " เรียวบอกผมก็พยักหน้ารับ เอามือตะเบะเข้าที่หางคิ้ว
“ เซอร์เยสเซอร์! “
“ ปัญญาอ่อน " โดนผลักหัวไปทีนึง ผมหัวเราะให้ไอ้เรียวที่แค่ยกยิ้มขึ้นมานิดหน่อยตามแบบฉบับคนขี้เก็กแล้วหน้านิ่งๆ เราต่อคิวยืนรอจ่ายเงิน แล้วทั้งหมดผมก็เป็นคนจ่ายครับ ไม่มีอะไรพิเศษแค่จะให้ไอ้เรียวมาจ่ายได้ไงของผมทั้งนั้น
" เดี๋ยวของกู กูออกเอง "
" ไม่ต้องหรอก คิดว่าเป็นค่าน้ำค่าไฟที่กูจะอยู่ตลอดสามวันนี้ไง กูจ่ายให้เอง " บอกมันแบบนั้นตอนที่จ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยผมก็เข็นรถไปฝากไว้ที่จุดฝากรถเข็นก่อนครับ เพราะต้องขึ้นไปซื้อเสื้อผ้าก่อนกลับจะหอบหิ้วขึ้นไปด้วยก็ใช่ที แต่ถ้าให้พูดตรงๆ คือทำไมเมื่อกี้กูไม่แวะซื้อเสื้อผ้าก่อนแล้วค่อยมาซื้อของกินวะ ซื้อเสร็จแม่งจะได้กลับบ้านเลยไม่ต้องมาฝากยามอยู่แบบนี้ " เมื่อกี้เราก็น่าจะไปซื้อเสื้อผ้าก่อนจะมาซื้อของนะมึง ไม่น่าเลยวะ "
" มึงสมองช้าไง "
" ไม่ใช่มึงรึไง ที่เดินนำกูเข้ามาที่ซูปเปอร์ก่อนนะ " เถียงมันกลับไปแต่อีกฝ่ายก็ยังนิ่ง ผมรู้ว่าเรียวมันคงไม่ด่าตัวเองเพราะฉะนั้นผมนี่แหละที่ต้องด่ามันแต่ด่าแบบไม่ออกจากปาก เป็นคำด่าแบบเก็บเสียงแบบผู้ดีเค้าทำกัน " มึงนั่นแหละ สมองช้า K "
“ จะด่ากูก็ด่าออกมาตรงๆ "
“ ใครจะด่ามึงไม่มี๊ " ผมบอกเสียงสูงก่อนจะหัวเราะให้มัน " มึงแม่ง นิสัยเหี้ยจนเก็บเรื่องแบบนี้ไปคิดมากขนาดนี้เลยเหรอ ฮ่าๆ " เอื้อมมือไปตบไหล่มันเบาๆ เรียวที่ยังจ้องหน้าผมไม่เลิก ผมก็รีบเดินออกไปจากแม่งเลยครับ กลัวโดนกระชากหัวตบแล้วบอกไปลดน้ำหนักเองเลยไอ้อ้วน
เดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าร้านดังแบรนด์สวีเดน ผมชอบมาซื้อเสื้อผ้าที่นี่อยู่แล้วเพราะมันมีไซส์ฝรั่งตัวใหญ่ๆอยู่เยอะ เดินเข้าไปที่โซนฝรั่งผู้ชายหยิบเสื้อยืดลดราคาเป็นสีๆมาสี่ตัว ไว้ใส่อยู่บ้านสามแล้วก็นอนอีกหนึ่ง ส่วนกางเกงขาสั้นหยิบมาตัวเดียวครับ ไว้ใส่ซ้ำๆกัน ส่วนกางเกงนอนก็หยิบกางเกงเอวยืดแถวๆนั้นมาตัวนึง
" เท่านี้ ครบละ "
" ไปลองสิ "
" ต้องเหรอ " ผมถามย้ำมันอีกคนก็เหล่ " ปกติกูซื้อเสื้อผ้าที่นี่อยู่แล้ว ใส่ไซส์เดียวนี้ตลอด ส่วนสีกูคิดว่า กูสวยทุกสีนะเพราะว่า กูขาว " ถลกแขนเสื้อให้คนตรงหน้าดูเบาๆ ไม่อยากจะเม้าส์ว่าสีผิวผมกับไอ้เรียวถ้าไปออกงานโฆษณาด้วยกันก็ได้ครับ อารมณ์ก่อนทาครีมเป็นผิวไอ้เรียว ส่วนหลังทาครีมแม่งเป็นสีผิวผม
" ก็เผื่อมึงอ้วนขึ้น บางทีมันอาจจะคับพุงแล้วก็ได้ "
" สัด หยาบคาย "
ในที่สุดก็ต้องเข้ามาลองเสื้อผ้าอย่างที่มันบอกนั่นแหละ เพราะผมเองก็เกิดเสือกไม่มั่นใจขึ้นมาว่าจะแล้วสวยรึเปล่า เกิดใส่เสื้อผ้าไม่เข้ากับตัวเอง แบบดูไม่แฟชั่นอยู่บ้างกับนายแบบคนดังอย่างมัน คงโดนมองด้วยหางตาว่านอกจากอ้วนแล้วก็ยังเชยอีก
" ลองสีส้มนี้ก่อนเลย " เป็นเสื้อสีส้มแสดครับ แซ่บมาก แค่มองมายังร้อนผมเลือกตัวนี้มาเพราะว่าอยากจะให้เจ้าของห้องอิจฉาแต่คิดว่าไอ้เรียวคงไม่คิดอยากจะใส่สีนี้แน่นอน
" อ้วน " เสียงคุ้นๆที่ดังอยู่หน้าห้องลองเสื้อ ผมหันหลังไปแหวกม่านไปดูก็พบว่าร่างสูงคนที่มาด้วยมายืนหน้านิ่งอยู่ข้างหน้าแล้ว
" มึงเข้ามาทำไมเนี้ย "
" เข้ามาดูว่ามึงใส่เสื้อเข้ารึเปล่า "
" เข้าสิไอ้เหี้ย " ผมบอก แม่งเห็นกูตัวเท่ายักษ์รึไง ถึงใส่เสื้อไซต์ใหญ่ในร้านไม่ได้อะ
" ไหนออกมาให้ดูหน่อย "
" เรื่องอะไร " ผมบอกปัด ตอนที่หันกลับไปมองกระจกตรงหน้าที่ฉายร่างของตัวเองในเสื้อสีแสดตัวโคร่งที่ค่อนข้างขับผิว " ใส่ตัวนี้แล้วดูขาวเว่อร์ไรเว่อร์ "
" ดูหน่อย " เสียงทุ้มที่พูดขึ้นพร้อมกับม่านที่ที่กระชากออกอย่างแรง ผมหันไปมองมันที่อยู่ๆก็เปิดประตูเข้ามาด้วยความตกใจ มือที่ปิดปากตัวเองไว้ทันเกือบกรี๊ดเป็นตุ๊ดให้คนแห่มาดูแล้วมั้ยละ
" ไอ้สัด! มารยาทมึงต่ำตมขนาดนี้เลยเหรอ เหี้ยเรียว มึงเข้ามาทำไมมม " ด่ามันออกไปแบบกัดฟันแต่อีกคนก็ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไรทั้งนั้น มันยกยิ้มก่อนจะมองผมที่ใส่เสื้อตัวที่ลองอยู่ พิจารณาอยู่นานก่อนจะบอก
" มึงจะเข้าไปจำวัดที่กุฎิไหน "
" พ่อมึงนี่มันสีส้มแสด ไม่ใช่สีจีวรพระท่านสักหน่อย " ผลักอกอีกคนออกไปให้พ้นทางแต่เหมือนจะไม่พ้น ไอ้เรียวยังยืนอยู่ตรงหน้าห้องแต่งตัวของผมนั่นแหละ " ออกไปสักทีไป๊ กูจะเปลี่ยนเป็นสีอื่น "
" มึงจะไม่ถามกูสักคำเหรอว่ากุรู้สึกยังไงกับเสื้อสีจีวรพระของมึง "
" ทำไมต้องถาม เงินที่ซื้อเสื้อก็เงินกู คนที่ใส่ก็ตัวกู " หันไปมองมันก่อนจะแบะปากมอง " ไม่เสือกสิพี่เรียว "
" ก็ถ้าจะมั่นหน้าขนาดนั้นก็เรื่องของมึงแล้วกัน " หันมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง เริ่มจิตตกขึ้นมาในจุดนึงในสมองของผมอยู่ๆก็เกิดความคิดนึงขึ้นมา ' เอ๊ะ ? รึว่าสีมันจะแรงไป '
" มึง..” แหวกม่านห้องแต่งตัวเบาๆ ตอนที่โผล่แค่ตาออกไปดูหน้าอีกคนที่ก็เลิกคิ้วยืนมองผมอยู่ที่หน้าห้องแต่งตัว " มึงว่ากูใส่เสื้อสีนี้ดูเป็นยังไงบ้างอะ เอาความจริงจากใจเลยนะ ไม่ต้องรักษาน้ำใจกู "
" เหมือนหมูที่พระท่านเลี้ยงไว้ในกุฎิแล้วเอาจีวรไม่ใช้แล้วมาใส่เวลาหน้าหนาว "
" เอ่อ.. ทีหลังกูควรบอกให้มึงถนอมน้ำใจกูก็ท่าจะดีกว่านะว่ามั้ย " พูดกับมันแค่นั้นผมก็ถอนหายใจออกมา หันกลับไปดูตัวเองในกระจก ถ้าเทียบกับสายตาของผม มันก็ไม่แย่ คือใส่แล้วขับผิวดีออกทำให้ดูขาว ผิวนี่ดูใสมาก " หรือกูจะเป็นคนที่เข้าข้างตัวเองมากเกินไป "
“ จะซื้อก็ซื้อ คิดมากทำไม "
“ ก็ที่กูคิดมากนั่นก็เพราะคำพูดของใครละไอ้เหี้ย " ด่ามันผ่านกระจกอีกคนก็ยกยิ้ม
“ ใครจะรู้ กูเห็นมึงหน้าด้าน "
“ สัด " ย้ำมันสั้นๆ ก่อนจะเอาเสื้อสีน้ำเงินแล้วก็ดำ ขึ้นมาแนบลำตัวเพื่อวัด " งั้นเอาสามตัวนี่เนอะ "
“ อื้ม "
“ กูขอลองกางเกงขอสั้นหน่อย ปิดๆ อย่ามาแอบดูตูดกู "
“ ใครมันอยากจะดูตูดลายๆ ที่มีแต่ไขมันของมึงวะ " เบิกตามองบน ผมแบะปาก ก่อนจะจ้องหน้ามัน
“ เรียว..กูก็เหมือนเนื้อหมูเวลามึงไปกินชาบูนั่นแหละ มันต้องมีไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อสีแดง ไม่งั้น ไม่อร่อย.. " ยักคิ้วให้มันก่อนจะปิดผ้าม่านของตัวเองลง เชิดหน้าด้วยความมั่นใจก่อนจะมีเสียงลอยลมตามเข้ามา
" ไอ้อ้วน "
จัดการซื้อของที่จำเป็นเสร็จเรียบร้อย เราสองคนก็หอบหิ้วของทั้งหมดกลับมาที่คอนโด ประตูที่เปิดออกเสียงที่ได้ยินเป็นอันดับต่อมาก็คือเสียงกระดิ่งของแมวน้อยขาสั้นที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาใกล้ คลอเคลียที่เท้าของไอ้เรียว
“ งูยยยย ขี้อ้อนน้อ " ผมว่ายิ้มๆ " นี่ถ้ามันพูดได้ มันคงบอกมึงว่า พี่เรียวกลับบ้านมาแล้วเหรอฮะ ท่านหญิงคิ๊ดถึงคิดถึงพี่เรียวจังเลย น้าาา "
“ ปัญญาอ่อน " อาจเพราะผมดัดเสียงอีกคนก็เลยว่าออกมาอย่างงั้น " เอาของไปเก็บไป " มันยื่นถุงอาหารมาให้ผมที่ก็มองมันงงๆ
“ ทำไมต้องเป็นกู "
“ แล้วนี่อาหารสามวันของใคร "
“ โอ๊ะ ? ของกูจ้า แหมมมม กูลืม ซอรี่ๆ " เอื้อมมือไปหยิบก่อนจะยิ้มหว้างให้มัน " กราบขอบพระคุณพี่เรียวที่ช่วยกูถือมาด้วย ณ จุดนี้ "
“ มึงนี่ก็แรดนะ " คำพูดที่อยู่ๆก็พูดขึ้นพร้อมกับมือหนาที่อุ้มแมวตัวเองขึ้นมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา " ขนาดมึงอ้วนมึงยังแรดขนาดนี้แล้วถ้าผอมจะแรดขนาดไหนวะ "
“ ก็ขนาดนี้แหละสัด กูคงไม่เกินเบอร์ไปมากกว่านี้แล้ว เค้าเรียกว่า เอาแต่พอดี ให้ดูงาม ทั้งใจและภายนอก "
“ เห้อออ " มันถอนหายใจออกมาเสียงดังจนผมเองยังได้ยิน
“ ทำไม มึงเป็นอะไร เหนื่อยกับความสวยของกูเหรอ "
“ เหนื่อยกับความมั่นหน้าของมึง "
" หรือมึงอยากจะให้กูวันๆ หนอยแตกกับเรื่องน้ำหนัก รูปร่างหน้าตาตัวเอง ให้กูเครียด ทั้งๆที่ต่อให้เครียดให้ตายไขมันแม่งก็ยังเกาะอยู่บนร่างกู หน้าตากูมันก็เป็นแบบนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ถ้าเกิดว่าไม่มีเงินไปศัลยกรรม โอเค๊ ? เพราะงั้นเราควรมีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น แล้วค่อยๆทำมันไป ค่อยๆลดความอ้วนอะไรก็ว่าไป "
" สองวันก่อนยังร้องไห้แล้วบอกว่าตัวเองอ้วนอยู่เลย " อีกคนพูดเสียงเบาๆ ผมก็หลับตาลงก่อนจะถอนหายใจ
" โปรดเรียกสิ่งนั้นว่า ความอ่อนไหวของชีวิต "
" รีบจัดเอาของเข้าตู้เย็นไป เพ้อเจ้ออยู่ได้ "
" งั้นอีเจ้าของบ้านก็ช่วยย้ายตูดตัวเองมาแนะนำกูสิครับ จะนั่งสบายอยู่อีกนานมั้ย เดี่ยวกูทำบ้านมึงรก มึงก็ได้มาแหกอกกู " ผมบอกท้าวเอวบอกมันอีกคนก็ถอนหายใจ พาร่างที่เหมือนกำลังขี้เกียจสุดๆมายืนอยู่ข้างๆผมในครัว " ต้องทำอะไรก่อน "
“ จะทำอาหารไว้ทั้งหมดเลยแล้วค่อยอุ่นกินทีเดียว หรือว่าจะทำไว้ทำทีละมื้อ "
“ แล้วทำทั้งหมดเลยมีข้อดียังไง "
“ ก็เวลาจะกินมึงก็ไม่ทำ เข้าเวฟอุ่นแล้วกินได้เลย "
“ เช่นนั้น " ผมพยักหน้ารับ " แต่ถ้าทำใหม่ทุกวันข้อดีคือ สด อร่อย แต่แม่งต้องล้างทุกวันสินะ "
“ อื้ม " เรียวพยักหน้ารับ ผมก็พยักหน้ารับตามก่อนจะยิ้ม
“ งั้นก็ทำไปเลยแล้วกันเนอะ กูขี้เกียจล้างหลายๆรอบ แล้วต้องเริ่มทำอะไรบ้างอะ ทำเลยดีมั้ย ยังไงนี่มันก็ยังไม่ดึก "
“ ถ้าจะทำเลยก็ไปหุงข้าว " เชิดหน้าไปที่หม้อหุงข้าวที่อยู่ด้านหลัง บนเค้าเตอร์หินอ่อนอย่างดี ดีไซต์ของหม้อหุงข้าวที่หรูพอๆกับที่วางของมัน ถ้าให้พูดกันตามความจริงคือ สวยจนไม่กล้าจะแตะต้องอะไร ด้วยความเกรงใจ เกิดไปจับแล้วมันเสียหายขึ้นมา แน่นอนกลัวว่าจะไม่มีเงินชดใช้ให้มัน
“ เรียว หม้ออันนี้ใช่มั้ยวะ " ผมถามมันเสียงเบาๆ ตอนที่ชี้ไปอีกคนก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเลื่อนตัวเองไปนั่งบนเค้าเตอร์ด้านหลังที่ว่าง " อ้าว แล้วไหงมึงมานั่งตรงนี้ "
“ นั่งดูมึงทำ "
“ ไมไ่ด้จะช่วยหน่อยเหรอ "
“ ช่วยบอก "
“ ช่วยทำด้วยสิ "
“ ขี้เกียจ " สั้นง่าย ได้ใจความผมถอนหายใจออกมาก่อนจะบ่นเบาๆ
“ ส้นตีน ความมีน้ำใจไม่มีเลยมึง สัด มึงเป็นเจ้าของบ้านแท้ๆ "
“ กูไม่ได้กิน ทำไมกูต้องทำ " หันไปมองมันแบบแบะปากเบาๆอีกฝ่ายก็ยกยิ้ม
“ กูทำเองก็ได้ แม่ง ใจร้าย " ตัดถุงข้าวกล้องที่ซื้อมาเป็นอย่างแรก ผมไม่รู้หรอกว่าสามวันปริมานที่ต้องกินมันจะประมานเท่าไหร่ แต่ขี้เกียจจะหันไปถามมันแล้ว ถามไปก็เท่านั้นเดี๋ยวแม่งด่ากูโง่อีก รำคาญ
“ อ้วน " หันไปมองต้นเสียงที่เรียกผม แต่ไม่มีมาแค่เสียงกระป๋องใบเล็กๆเหมือนแก้วก็ถูกโยนมาด้วยผมรับไว้ก่อนที่มันจะถอนหายใจออกมา เรียวลุกจากที่นั่งมายืนข้างผมมันจับถุงข้าวที่ผมถือไว้ " ตักข้าวสองถ้วย "
" ห๊ะ ? “
" ตักข้าวสองถ้วยไง ไม่ได้ยินเหรอ "
" ก็ได้ยิน แต่มึงจะช่วยกูรึไง " เหล่มองมันไอ้เรียวก็เหล่กลับ
" หรือว่าจะทำคนเดียว " ทำทีเป็นจะปล่อยมือออกจากถุงข้าวที่ตัวเองถือ แต่ทว่าผมก็เอื้อมมือไปจับมือนั้นของมันเอาไว้
" ไม่เอา " เงยหน้ามองมันที่ก็ก้มลงมามองผม " ช่วยยืนอยู่เป็นเพื่อนกูแบบนี้แหละ ดีแล้ว "
............................................................
ชอบความปากไวเท่าความคิดและความมีชีวิตชีวาของเขิน
เพราะมันทำให้เรียวมีชีวิตชีวาขึ้นเช่นกัน
จริงๆแต่งเรื่องนี้อยากจะให้เขินเป็นตัวแทนของคนที่ มีจุดประสงค์ในความอยากจะผอม ว่าผอมเพื่ออะไร
เป็นคนอ้วนๆคนนึงที่รักการกินมากๆ อ้วนมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ก็มีความอยากผอม อยากจะสวย
เฝ้ามโนว่าตัวเองจะผอม แต่กลับข้ามขั้นตอนการผอมไป เหมือน ไม่ได้คิดว่า กว่าจะผอมคนเราต้องผ่านอะไรบ้าง
คิดแค่ว่ากูจะผอม กูจะผอมอย่างเดียว ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้เด้ออ
เพราะงั้นเลยต้องมี พี่เรียวไง ..
โอเค เจอกันตอนหน้า ฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
ป.ล. รู้สึกเนื้อเรื่องเดินช้ามาก แต่พยายามจะเขียนให้ได้เร็วกว่านี้ค่ะ
-
ทำทานเอง จะรอดไหมเนี่ย ไม่ใช่ว่าสุดท้ายเรียวทำให้หมด o18
-
:katai2-1: :katai2-1:
-
พยายามเข้า
-
กลัวว่าถ้าเขินผอมได้จะไปหาทีมน่ะสิ เรียวก็ดูเป็นคนซึนที่ไม่น่าบอกความรู้สึกตัวเองง่ายๆ
-
เรียวด่าแต่ละทีนี่เหมือนโดนด่าไปด้วย อูยยย :mew5:
-
อ้วนนนนนน ทำไมน่ารัก
-
:mew1: :mew1:
-
มาต่ิ
-
รอดูวันนางผอมสวย ...ปากจัด ปากดี แรดนิดๆ แต่สวยยย ดีงาม!
-
รออ่านอยู่นะคะ ไรท์อย่าลืมมาต่อนะคะ :กอด1:
-
โอ๊ยยย อิน้องเขินอยู่กับเรียวแล้วเป็นตัวเองสุด
เขินก็รู้ แต่ก็ทำใจให้เลิกชอบยังไม่ได้
เรียวก็นะ ปากร้ายใจดี แอบชอบเขินหรอ ระวังนะ
-
ชอบโมเมนท์เรียวเขินมาก คือไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องเก็บอาการ
เขินก็มุ่งมั่นนะ แต่มาเป็นระลอก 5555
เรียวเขินหรอ ระวังนะตกหลุมเขินแน่เลย
-
เชียร์ให้เรียวจีบจีบเขินจริงจังได้มั้ยอ่ะ ชอบบบ
-
อยากให้เขินเลิกชอบไอ้ทีมไวๆจังเลยแล้วเบนหัวเรือมาหาเรียว ตระครุบมันไว้สิลูกกกก แค่เอื้อมมือเอ๊งงงงงว
-
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 8
มองดูมือป้อมๆข้างนึงที่จับมือผมอยู่ รอยยิ้มที่ชวนให้หน้าใบหน้านั่นกลมไปหมดในวินาทีนั้นไม่รู้ทำไมแต่ผมรู้สึกอยากจะยิ้มออกมา มันไม่ใช่ความรู้สึกลึกซึ้งอะไร แต่ในความรู้สึกลึกๆของผมมันเหมือนกับไอ้ท่านหญิงของผมเลย เป็นแมวตัวอ้วนๆขาสั้นๆ บางทีถ้าท่านหญิงเป็นคนก็อาจจะมีน้ำหนักเท่าไอ้คนตรงหน้าผมก็ได้ น่าแปลกที่ใครหลายคนชอบเลี้ยงสัตว์ให้อ้วนๆเพราะดูน่ารัก แต่ทำไมคนอ้วนๆถึงโดนเหยียดจากสังคมทั้งๆที่ว่า ผมว่ามันก็น่ารักดี
" เรียว เรียว " หันไปมองมันที่ขมวดคิ้วมองผมด้วยความสงสัย " เหม่อไปถึงดาวอังคารแล้วรึไงมึง "
" ตักข้าวใส่หม้อไปสิ สองถ้วย "
" แหกตาลงมอง เสร็จตั้งแต่มึงเริ่มยืนเหม่อละสัด " ก้มลงมองหม้อหุงห้าวที่ตอนที่มีข้าวที่ยังไม่หุงอยู่ ไอ้เขินยักคิ้วให้ผม " หรือว่าที่มึงเหม่อๆ เพราะกำลังจินตการถึงความสวยของกูกลังจากที่กูผอมแล้ว " ถอนหายใจให้มัน มองดูคนที่กำลังเพ้อฝันกับตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือมาจับไหล่ผม " โทษทีนะเรียว กูคงมีให้มึงแค่คำว่าเพื่อนเท่านั้นแหละ "
“ กูไม่ตาต่ำขนาดนั้นหรอก " หันไปบอกมันอีกคนก็แบะปากใส่
“ กูสวยขึ้นมามึงจะทำยังไง อยู่ใกล้ๆกันอาจจะรักกันก็ได้นะ ความใกล้ชิด มันทำให้หวั่นไหวได้นะเว้ย มึงไม่กลัวเหรอ "
“ ไม่กลัว " หันไปบอกมันแบบนั้นก่อนจะยกยิ้ม เพราะสำหรับผมอะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด ผมไม่ได้กลัวอยู่แล้ว
“ งั้นเหรออออออ งั้นกูหว่านเสน่ห์ให้มึงเป็นไงแบบว่า พี่เรียวของน้องงง " เอียงหน้าเข้ามาซบที่ไหล่ ผมก็ถอยห่างแต่อีกคนกลับหัวเราะออกมา " ทำเป็นรังเกียจ กูผอมขึ้นมาอย่ามาลวนลามกูก็แล้วกัน "
“ กูไม่คิดจะทำอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มึงอะอย่ามาลวนลามกูก็แล้วกัน " เบิกตากว้างขึ้นก่อนจะเอามือไปจับที่หน้าอกตัวเอง
“ กล้าพูด~ เอาจริงๆนะเรียว ของพูดตรงๆเลย ถ้าไม่คิดว่ามึงจะช่วยกูลดน้ำหนักได้ กูคงไม่มาอยู่กับมึงหรอก แล้วเรื่องที่จะให้มาพิศวาสมึงที่เลิกคิดไปได้เลย มึงไม่ใช่สเป็คกู "
“ หึ " ยกยิ้มมองมันก่อนจะถอนหายใจ อยากจะเถียงด้วยคำพูดของมันว่า คนเราอยู่ๆกันไปความใกล้ชิดมันทำให้รักกันได้ แต่เกิดบอกคนอย่างมันไปแบบนั้น ก็คงเข้าข้างตัวเองว่า ผมคงหลงรักมันแน่ๆเลยพูดแบบนั้นออกมา
“ ว่าแต่นะ สเป็คมึงเป็นยังไงอะ "
“ หมายถึง คนที่กูชอบ "
“ เออดิ " ไอ้อ้วนรับคำ ก่อนจะเดินเอาหม้อไปในที่หุง กดปุ่มเรียบร้อยมันก็เดินมายืนข้างๆผม
“ เปิดตู้ข้างล่างแล้วหยิบเขียงขึ้นมา มีดด้วย "
“ ทำไรอะ "
“ หั่นไก่ " พอบอกไปแบบนั้นคนที่ฟังอยู่ก็พยักหน้ารับก่อนจะหยิบไก่อยู่ในกล่องไปล้าง มันที่เดินกลับหยิบไก่ชิ้นใหญ่ตั้งลงบนเขียง
“ กูว่าไม่เห็นต้องหั่นเลยมึง ให้กูกินทั้งชิ้นเลยก็ได้ กูกินหมดนะ " ชิ้นไก่ที่ใหญ่กว่าฝ่ามือผม คนลดความอ้วนบอกว่าจะกินหมดทั้งชิ้นโดนไม่ต้องหั่น หันมองมันที่ก็หันมายิ้มให้ผม ในแววตาที่ใสซื่อนั้นผมรู้ว่ามันไม่ได้โกหก แต่ที่ผมอยากรู้คือ มันเข้าใจบ้างมั้ยว่าการลดน้ำหนักคืออะไร
“ ทำไมมึงคิดจะกินแม่งเข้าไปทั้งชิ้นวะ "
“ ก็มึงบอกว่ากินอกไก่ไม่อ้วนอยู่แล้วถูกมั้ยละ กูเลยคิดว่างั้นกินเข้าไปทั้งชิ้นก็ได้นี่ ยังไงก็ไม่อ้วนอยู่แล้ว "
“ เขิน ของที่กินแล้วไม่อ้วน ไม่ว่ามึงจะแดกเท่าไหร่ มีแค่อย่างเดียว คือ ผักสด " เชิดหน้าไปทางผักสลัดที่วางอยู่ในถุง " แต่อย่างอื่นถ้าแดกเยอะเกินไป ยังไงก็อ้วนอยู่ดี เว้นแค่มึงจะหลอกตัวเองว่ามันไม่อ้วน "
“ อ๋อเหรออออ " ยิ้มแห้งๆให้ผม ที่ถอนหายใจให้มัน " งั้นแล้วกูต้องกินแค่ไหนอะ " หยิบมีดมาจากมือมัน ผมหั่นเป็นชิ้นขนาดเท่าผ่ามือ มันก็เบิกตา " มึงงงง มันเล็กไปมั้ย นี่กูกินมื้อนึงเลยนะ ใหญ่กว่านี้หน่อยสิ "
“ กินแค่นี้แหละ ยังมีข้าว มีผักสลัดอีก "
“ เชี้ย โคตรโหด " มันบ่นก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ
“ ไม่โหดหรอก กินตั้งห้ามื้อโหดอะไร ทำหน้าให้มันดีๆหน่อย " หันไปมองมันที่เหลือบมองผม เขินยิ้มออกมา
" กูจะได้กินห้ามื้อเลยเหรอ "
" อื้ม "
" แล้วกูจะแบ่งยังไงอะ "
" ก็ตั้งเวลาเอาไว้ ว่าตอนนี้กินมื้อที่เท่าไหร่ ก็เท่านั้น "
" แล้วแบบนี้จะได้ผลเหรอวะ "
" ก็ลองดูก่อน ไม่ลองก็ไม่รู้ "
“ โอเค๊ เทรนเนอร์ว่าไงคนลดก็ว่างั้นอะ " พยักหน้ารับตามที่ผมบอก มันจัดการหยิบมีดหั่นชิ้นไก่เป็นจำนวนที่เท่าๆกัน " แล้วนี่จะตอบคำถามกูได้ยัง "
“ คำถามอะไร " ผมหันไปถามมัน
“ ลืมแล้วรึไง ไอ้ปลาทอง ก็ที่กูถามไง ว่าสเป็คคนที่มึงชอบเป็นยังไงน่ะ "
“ ไม่มี " ตอบมันสั้นๆ แต่อีกคนก็ทำหน้าตาเหมือนจะไม่เชื่อกัน
“ ไม่มีเลย ไม่มีคนที่ชอบเลยยย แบบ ปิ๊งอะ สวยจัง อยากได้เป็นแฟน ไม่มีเลย " ร่างอ้วนถามย้ำ ผมก็ทำทีเป็นคิด " มึงไม่เคยมีแฟนเหรอ "
“ เคย "
“ แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นไง " นิ่งคิดอยู่นานจนคนถามได้แต่เอียงหน้างงๆ " เดี๋ยวนะ คือทำไมมึงต้องคิดอะไรนานขนาดนั้น มึงจำแฟนเก่าของตัวเองไม่ได้เหรอ มึงเข้าไปจีบเค้าเองเลยนะ "
“ กูบอกเหรอ ว่ากูเข้าจีบเค้ามาเป็นแฟน "
“ อ้าว..” อีกคนชะงัก " แล้วยังไง มึงไม่ได้จีบเค้า แล้วที่บอกว่าเคยมีแฟนนี่คือยังไง "
" ก็เค้ามาจีบกู สารภาพรักกับกู กูก็ตอบตกลงแล้วก็คบกันกับเค้า "
" อ๋อ เช่นนั้น " พยักหน้ารับขึ้นลง เขินพูดกับตัวเองเบาๆ " ชีวิตคนหน้าตาดีมันก็ดีแบบนี้สินะ ฟังแค่คำสารภาพแล้วก็แค่บอกว่าชอบหรือไม่ชอบ ส่วนคนหน้าเหี้ยๆอ้วนๆ ก็แอบชอบเค้าไป คนกล้าๆหน่อยก็ไปสารภาพแล้วสุดท้ายแม่งโดนด่าว่าไม่เจียมตัวเอง "
" บ่นเหี้ยอะไรของมึง "
" เปล่า " มันบอกปัด " แล้วยังไงเค้ามาสารภาพรักกับมึงแล้วมึงก็คบเค้างั้นเหรอ "
“ อื้ม "
“ แล้วเค้าเป็นยังไง น่ารักมั้ย "
“ ก็ดี "
" ทำไมมึงพูดแบบโคตรขอไปทีขนาดนี้วะ นี่เป็นแฟนกันจริงๆเปล่า หรือว่า.. มึงจะจบกับเค้าแบบไม่สวย "
" เปล่าหรอก ก็จบกันด้วยดีนี่แหละ "
" ขอเสือกเหตุผลที่เลิกหน่อยได้มั้ย " เอามือขึ้นมาเป็นไมค์แล้วจ่อปากผมไว้ ปัดมันออกไปอีกคนก็ยิ้ม " เล่าหน่อยๆ อยากจะฟัง "
“ ทำไมกูต้องเล่า "
“ ก็กูอยากรู้ อยากเสือกอะ อยากรู้ว่าคนหล่อๆ เค้ามีเรื่องอกหักยังไงกันบ้าง " ยักคิ้วให้ผมไม่พอมืออวบๆคู่นั้นยังเอื้อมมาเขย่าแบบเซ้าซี้อีก
“ น่ารำคาญ "
“ น่าๆ เล่าๆ กูมาเถอะ กูไม่บอกใครหรอก " หันไปมองตาคนที่พูดออกมาแบบนั้น พนันได้เลยว่าหลุดออกจากปากผมไป คนแรกที่จะได้ฟังก็คือเพื่อนของมันแน่นอน " มึงบอกว่าเค้ามาสารภาพรักกับมึงใช่มั้ย แล้วมึงก็คบเค้า งั้นมึงก็ต้องชอบเค้าอยู่ก่อนแล้วอะดิ เธอตอบรับ "
“ ก็ไม่ "
“ อ้าว..”
“ แค่ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่พ่อกับแม่กูเค้าเพิ่งหย่ากันใหม่ๆ กูที่ไม่อยากจะคิดถึงแต่เรื่องไร้สาระพวกนั้น ก็เลยคิดว่ามีแฟนก็ดี พอเค้าสารภาพรัก ก็เลยตอบตกลงเค้าไป "
“ แอบเหี้ยเหมือนกันนะเนี้ยมึงอะ " เขินบอก " ตอบรับรักเค้าทั้งๆที่ไม่ได้รักเนี้ยอะนะ แล้วยังไง อยู่ด้วยกันไปก็รักกันขึ้นมาบ้างรึเปล่า "
“ ก็เปล่า " ผมส่ายหน้าอีกคนก็ถอนหายใจ " สุดท้ายก็คบกันไม่ได้แล้วก็เลิกกันอยู่ดี "
" เอาจริงๆนะเรียว จากที่ฟังบางทีกูก็คิดว่ามึงไม่น่าจะไปด่าพี่ทีมเค้าเรื่องเค้าด่ากูตรงๆ ว่าอ้วนแล้วเค้าไม่ชอบ เพราะตัวมึงแม่งเหี้ยกว่าเค้าอีก ตอบรับรักผู้หญิงทั้งๆที่ไม่ได้ชอบ แค่คบเล่นๆเพราะไม่อยากจะเครียดเรื่องครอบครัว มึงแม่งไม่สงสารผู้หญิงคนนั้นบ้างเหรอวะ มึงรู้มั้ยว่าเค้าดีใจแค่ไหนตอนที่มึงตอบรับรักเค้า "
" คงรู้สึกแค่ว่า ก็ต้องตอบรับรักอยู่แล้วแหละ ก็ฉันสวยขนาดนี้ "
" เค้าอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นก็ได้ "
" มึงฟังแค่นั้นแต่เถียงกูไม่หยุดปากเลยนะ รู้รึไง ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร นิสัยแบบไหน เค้าเป็นยังไงตอนคบกับกู มึงเป็นคนนอกฟังแค่นั้นก็บอกว่ากูผิด แล้วถ้ากูบอกว่า เธอกับกูเพราะเห็นว่ากูเป็นนายแบบ แล้วเธอก็อยากจะเป็นคนดังที่อยากจะเป็นแฟนนายแบบ ก็เลยมาสารภาพรักกับกู เราคบกัน มันก็ใช่ที่กูคบเธอเพื่อไม่อยากจะเครียดเรื่องที่บ้าน แต่เธอเองก็คบกูเพราะอยากดัง แบบนั้นมันก็วินๆ ทั้งสองฝ่ายไม่ใช่เหรอวะ ในเมื่อมันก็ไม่ได้มาจากความรักของคนทั้งคู่อยู่แล้ว "
" แล้วมึงรู้ได้ไง ว่าเธอเป็นแบบนั้น "
" กูรู้เพราะกูได้ยิน แล้วมึงละ มองเธอเป็นคนดีแบบนั้น เพราะกำลังคิดว่าตัวเธอเหมือนมึงที่มีบทสารภาพรักกับผู้ชาย แล้วคิดว่า การที่ใครจะกล้าเข้าไปสารภาพรักกับใครสักคนนึงได้ มันต้องเป็นความรักบริสุทธิ์เหมือนในการ์ตูนตาหวานๆ ชวนฝัน หึ " ผมยกยิ้มก่อนจะส่ายหน้า " ความรักแม่ง ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก เพราะถ้ามันดีขนาดนั้นแล้วก็.. " ผมเว้นเสียงตอนที่มองหน้าของคนอ้วนตรงหน้าที่จ้องผมอยู่ " ถ้าความรักมันมีแต่เรื่องดีๆ มึงคงไม่เสียใจเพราะผู้ชายคนนั้นหรอก หรือที่กูพูดมันไม่ถูก "
ครั้งนึงตัวผมก็เคยเป็นเหมือนคนทั่วไปที่รู้สึกอยากจะมีรักดีๆ ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้รู้จักถึงคำว่าความรักดีพอ จนวันนึงที่ความรักดีๆในครอบครัวของผมจากไป ผมที่ถูกทิ้งไว้ไม่ต่างอะไรกับคนอกหัก ความรู้สึกแรกที่เคยคิดว่าอยากจะมีความรักดีๆ ได้หมดไปในตอนนั้น ผมไม่ได้อยากจะมีมันอีก
ในวันนั้นที่โดนสารภาพรัก ผมรู้มาก่อนหน้านั้นแล้วว่าจะโดนเพราะ ได้ยินมากับหูว่าหนึ่งในสาวคนดังของโรงเรียนสนใจในตัวผม ประโยคที่พูดว่า ' ถ้าได้คบกับนายแบบอย่างเรียวมันก็ดูเท่ห์สุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอวะ ' มันทำให้ผมตอบรับรักเธอได้อย่างง่ายดาย ผมที่ต้องการใครสักคนมาทำให้หยุดคิดเรื่องที่บ้านสักช่วงนึง ส่วนเธอก็อยากจะมีใครสักคนที่คอยควงไปไหนมาไหนเพื่ออวดคนอื่นๆ ผมไม่เคยตกหลุมรักใคร ไม่เคยรู้สึกลึกซึ้งว่าผูกผันกับใคร สำหรับผมความรักที่เคยเกิดขึ้นนั้น ก็เหมือนกับเกมส์สักเกมส์ที่เราเริ่มเล่นแล้วพอสุดท้ายมันน่าเบื่อ ทุกอย่างก็จบลง
" แล้วอกไก่นี่ต้องทำยังไง " เขินเงยหน้าขึ้นมาถามผม มันที่ส่งยิ้มกว้างมาให้ " เปลี่ยนเรื่องเนอะ มาทำเรื่องของกินกันดีกว่า ไม่ต้องซีเรียส "
“ ใส่เครื่องปรุง "
“ ใส่อะไรบ้างอะ "
“ ซีอิ๋วขาว น้ำมันหอย พริกไทย แค่นั้น "
“ โอเค " ร่างอ้วนเดินไปที่ตู้เย็นมันหยิบเครื่องปรุงทุกขวดขึ้นมาอ่านอยู่นานมาก กว่าจะแน่ใจแล้วเดินเอามาให้ " เรียวว มึงใส่เครื่องปรุงให้หน่อย กูไม่ชัวร์ "
" ไปเอาช้อนมาแล้วใส่ตามที่กูบอก " เดินไปหยิบช้อนตามที่ผมสั่ง ผมถามมันอีกครั้ง " มึงจะนึ่งทั้งหมดนี่เลยใช่มั้ย "
" ใช่แล้ว จะได้ไม่ต้องล้างหลายทีไง สามวันนี้ พอถึงมื้อไหน เราก็แค่เอาออกมา แล้วก็เวฟแดกได้เลย ง่ายๆ สบายๆ "
" อื้ม โอเค งั้นเอาน้ำมันหอยใส่ลงไปช้อนนึง "
" ช้อนโต๊ะนี่น่ะเหรอ "
" อื้ม " ท่าทางเงอะงะของมันดูก็รู้ว่าไม่เคยเข้าครัวมาก่อน ผมถอนหายใจออกมาขัดใจจนต้องเอื้อมมือไปหยิบแล้วจัดการใส่ให้เอง ทั้งน้ำมันหอยแล้วก็ซีอิ๋วขาว " จะใส่พริกไทยเยอะมั้ย "
" ใส่เยอะหน่อยก็ได้ กูชอบกินเผ็ดแบบพริกไทย "
" โอเค เอาไปนึ่ง " ผมบอกมัน " หม้อนึ่งอยู่ใต้เค้าเตอร์ "
" ขอบคุณครับพี่เรียวสุดหล่อ " จัดการนึ่งไก่เรียบร้อยคราวนี้ก็เหลือแค่ผัก มืออวบดึงมันมาพลิกไปมาว่าจะทำอะไรกับมันดีก่อนหันมามองหน้าผม " แล้วผักนี้ต้องหั่นเอาไว้มั้ย "
“ เด็ดมันออกมาให้หมด "
“ เด็ดมันออกมาให้หมด " เขินพูดตามผมในระหว่างที่เด็ดใบผักสลัดใส่ลงไปในชามเรื่อยๆ " เรียบร้อย "
" เอาทิชชู่แผ่นใหญ่ตรงนั้นมา "
" ทิชชู่แผ่นใหญ่ ทิชชู่แผ่นใหญ่ " เดินไปหยิบมาให้ ผมก็ฉีกมันมาแผ่นนึง
" ดูนะ "
" เอาทิชชู่แผ่นนึงตั้งลงไป แล้วก็เอาผักหยิบมาเท่าที่จะกินต่อมื้อสะบัดน้ำออกให้ได้มาที่สุดแล้ววางลงไปในทิชชู่ จัดการห่อมันแล้วก็เอาแรปมาแรปสามรอบ หมุนปิดหัว ปิดท้าย จบ แค่นี้ เวลาจะกินก็เอาขึ้นมาทีละอัน กินมื้อละอัน ทำแบบนี้ผักมันจะเก็บได้นาน "
" ว้าว สุดยอดเลย มึงรู้ได้วะ ทั้งๆที่หน้าตามึง ไม่ได้บ่งบอกเลยว่ามึงจะมีความรู้อะไรพวกนี้ " ขมวดคิ้วมองมันที่เม้มริมฝีปากก่อนจะหลบตาไปทางอื่น " คือ คือ กูไม่ได้หมายความว่าหน้ามึงดูโง่ๆนะ แต่แค่ คนแบบมึงก็ไม่ควรรู้เรื่องในครัวอะไรแบบนี้เปล่าวะ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ความรู้ของคนทั่วไปที่จะรู้ด้วยนะเว้ย แล้วมึงรู้ได้อะไรไง "
“ กูชอบกินสลัด มันก็แค่นั้น "
“ เฮลตี้เว่อร์ไรเว่อร์ "
“ ก็ถ้าชอบกินแต่สามชั้นกูก็คงได้มีร่างแบบมึง "
“ แหมมมม ไม่แซะกูสักนิดจะได้มั้ยละ คนชอบกินเนื้อแล้วมันผิดยังไง คนที่ชอบกินของอร่อยมันไม่ผิดหรอกเว้ย " มันที่เถียงหน้าตั้งรู้ว่าตัวเองมีการกินแบบผิดๆ แต่ก็ขอให้ได้เถียงไว้ก่อน " อ๊ะ ข้าวสุกแล้ว " เดินไปเปิดฝาหม้อควันที่พุ่งขึ้นมาพร้อมกับกินหอมๆของข้าวที่สุกใหม่ๆ มันสูดเข้าไปเต็มปอดก่อนจะหยิบเอาทัพพีขึ้นคนข้าวไปมาอยู่สักพักก่อนจะปิดหม้อลงอีกครั้ง
“ รู้ด้วยว่าต้องคนข้าวก่อน "
“ อะ แน่นอน ดูแบบนี้กูก็มีความเป็นแม่ศรีเรือนอยู่บ้างนะ "
" แม้มันจะน้อยขนาดขี้เล็บมดก็ตาม " ผมเสริมอีกคนก็ได้แต่กรอกตามองบน ก่อนจะกลับมานั่งทำผักสลัดต่อซึ่งมันก็หยิบน้อยมากๆต่อหนึ่งห่อ " กลัวกินเข้าไปแล้วตัวเองจะผอมรึไง ถึงใส่มันเข้าไปแค่นั้น ใส่เข้าไปให้มันเยอะกว่านี้อีก " จับผักใส่เข้าไปเพิ่มให้มันจนพอสำหรับหนึ่งมื้อแต่อีกคนกลับหันมามองผมแบบหน้าเบ้ๆ
“ เรียว มันเยอะไปแล้วไอ้สัด กูกินไม่หมดหรอก "
" ต้องหมด " ผมบอกมันสั้นๆ " ทุกมื้อมึงต้องกินผักให้ได้แค่นี้ นี่เป็นคำสั่ง "
" เผด็จการว่ะ " มันบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา ผมเดินไปหยิบกล่องใส่ผักมาให้มัน พร้อมกับกล่องใส่อาหารอีกคนก็ตาโต " ทำไมมึงมีกล่องเยอะขนาดนี้เลยวะ "
" ก็ไว้ใส่อาหารเป็นมื้อๆ มึงจะได้หยิบกินแค่กล่องเดียว ไม่เผลอหยิบเพิ่มไง "
" มึงเคยลดความอ้วนรึเปล่า ทำไมดูมึงพร้อมเพื่อกูขนาดนี้ "
" เคย "
" มึงเคยลดน้ำหนักมากสุดกี่กิโลวะ "
" ประมาน 7 “
" โห ก็เยอะเหมือนกันนะ แล้วมึงทำยังไงวะ ทำอย่างที่ทำให้กูอยู่มั้ย "
" ก็อื้ม " ผมพยักหน้ารับอีกคนก็พยักหน้ารับตามด้วยหน้าตาที่มีความหวัง
" งั้นถ้ากูกินตามมึงกูก็มีสิทธิที่จะผอมตามมึงถูกปะ "
" และต้องออกกำลังกายด้วย " ทุกอย่างเงียบ รอยยิ้มนั้นหุบลง ร่างอ้วนเอาผักใส่ลงไปในกล่องเรียบร้อยก่อนจะเดินไปที่หม้อหุงข้าวด้านหลัง ทำทีเป็นไม่สนใจในสิ่งที่ผมจะพูดต่อไปนี้ เพราะคงเป็นสิ่งที่มันคงเกลียด นั่นคือการออกกำลังกาย ทั้งๆที่มันไม่รู้หรอกว่าการออกกำลังกายที่แหละคือหนทางไปสู่รูปร่างที่มันต้องการ
" มึงกูต้องกินข้าวเท่าไหร่ต่อมื้อ "
" แค่ถ้วยเดียว " ผมบอกก่อนจะหยิบถ้วยขนาดใส่น้ำซุปถ้วยเล็กๆให้มัน " ใส่ข้าวให้เต็มถ้วยนี้แล้วเอาไปกล่อง แล้วเอาไก่ที่นึ่งอยู่ใส่ลงไปชิ้นนึง แค่นั้น "
" แค่นี้ ? แล้วมันจะไปอิ่มอะไร "
" อิ่มดิ ยังมีสลัดอีกตั้งชาม " ได้ยินเสียงถอนหายใจดังมาจากมัน ผมยักคิ้วให้มัน " ก็ทำไปแล้วกัน สำหรับสามมื้อของสามวัน "
“ โอเค " เห็นมันพยักหน้ารับ ก่อนจะตักเอาข้าวใส่ลงไปในถ้วยใบนั้นแบบทั้งอัดทั้งยัด พยายามอย่างที่สุดจะให้มันเข้าไปได้เยอะๆ เพราะกลัวตัวเองจะไม่อิ่ม วิถีชีวิตที่ยังยึดติดจะลดอีกที่สิบชาติก็ดูท่าทางว่าคงไม่ผอม
“ รู้อะไรมั้ย ก่อนที่มึงจะคิดลดน้ำหนัก มึงต้องรู้สึกว่าอยากจะลดด้วยใจของมึงก่อน "
" แต่ใจกูก็อยากลด " อีกคนหันมาเถียง
" ไม่หรอก เพราะว่าถ้ามึงอยากจะลดจริงๆ มึงจะไม่พยายามตักข้าวอัดเข้าไปในถ้วยเพราะกลัวว่าตัวเองจะไม่อิ่มหรอก คนอย่างมึงตอนนี้มันก็แค่คนที่อยากจะผอม วาดฝันว่าตัวเองจะผอมด้วยวิธีง่ายๆ สบายๆ คือกินเท่าเดิม ไม่ออกกำลังกายแต่มึงก็ผอมได้ ในความฝันมันเป็นไปได้แต่ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอก ลองคิดดูว่ากว่ามึงจะอ้วนขนาดนี้มึงเสียเงินจ่ายเรื่องกินไปเท่าไหร่แล้วมึงจะอยากจะผอมแบบไม่เสียอะไรมันเป็นไปไม่ได้หรอก มึงต้องเสียของที่มึงชอบกิน ต้องเสียเวลาไปออกกำลังกาย มึงถึงจะผอม โลกนี้ไม่ได้มีอะไรได้มาง่ายๆหรอก จำไว้ "
" ไม่ยัดแล้วก็ได้ " มันพูดเสียงเบาๆตอนที่ผมพูดจบ เอาข้าวใส่ลงไปในกล่องเรียบร้อยก่อนจะเปิดหม้อนึ่งหยิบไก่มาวาง ชิ้นนึง มันยื่นให้ผมดู " แค่นี้โอเคใช่มั้ย "
" อื้ม " ผมพยักหน้ารับ มันก็ทำหน้าหงอยๆ ก่อนจะวางกล่องข้าวที่ตักแล้วลงบนเค้าเตอร์แล้วหันไปตักกล่องต่อไป มันเรียงอาหารทั้งหมดบนเค้าเตอร์ก่อนจะเงยหน้ามองผม
" มึงเช็คหน่อยว่าโอเครึยัง "
" โอเคแล้ว รอให้เย็นลงหน่อยก็ปิดฝาแล้วเอาเข้าตู้เย็นได้เลย "
" แล้วกูต้องไปออกกำลังกายวันไหนอะ “
" ไม่อยากจะออก ก็ไม่ต้องออกหรอก ถ้าใจไม่อยากจะออก ไปแค่วันสองวันมันก็ล้มเลิกแล้ว "
" คือถ้าถามกูตอนนี้ กูก็ไม่อยากจะออกหรอก กูเหนื่อย แล้วกูก็อายด้วย "
" อาย ? อายอะไร "
" ก็กูอ้วน เวลาไปฟิตเนตคนที่ฟิตเนตแม่งก็ต้องหันมามองกูแบบมันก็มีไม่ใช่เหรอวะ คนที่มองเราแบบ ดูไอ้อ้วนนั่นสิ อ้วนขนาดนั้นยังมาออกกำลังกาย ยังไงก็ลดไม่ลงแล้วละ ไม่ต้องออกหรอก กูไม่ชอบให้ใครมามองกูตอนกูวิ่งแล้วไขมันมันกระเพื่อม ไม่ชอบเวลาที่มีคนมามองว่า อ้วนๆแบบกูออกกำลังกายแค่นั้นก็เหนื่อยแล้ว กูไม่ชอบ ไม่ชอบให้สายตาของคนพวกนั้นมันมาดูถูกกู "
" งั้นก็หันมามองแค่กูสิ " สายตากลมที่กำลังเซ็งเงยหน้าขึ้นมามองผม " ถ้าไม่ชอบสายตาคนอื่นที่มองมึงมาแบบนั้นก็อย่าไปมอง หันมามองที่กูนี่ เพราะกูจะไม่ทำสายตาแบบนั้นใส่มึงเด็ดขาด "
" แล้วมึงจะไปกับกูตลอดเหรอ "
" อื้ม กูจะไปกับมึงตลอด จะไปเป็นเพื่อนจนกว่ามึงจะผอมเลย " ผมบอกมันออกไปแบบนั้น เขินก็เงียบไปสักพักมันก้มหน้าลงก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วพยักหน้ารับ
" โอเค งั้นกูไปก็ได้ แต่สัญญากันนะว่ามึงจะไปกับกูตลอด ห้ามปล่อยให้กูไปคนเดียว ห้ามปล่อยให้กูหันไปมองคนอื่นที่ผอมๆแล้วทำให้กูต้องรู้สึกแย่ สัญญากัน "
นิ้วก้อยที่ถูกยื่นมาให้ ผมยืนมองมันอยู่นานเพราะไม่คิดเลยว่าคนตรงหน้าจะส่งมันมาให้ นิ้วก้อยเล็กๆที่ค่อนข้างอวบ แตกต่างจากนิ้วก้อยของแม่ผมที่เมื่อก่อนเธอชอบชวนให้ผมสัญญานู้นนี่นั่นอยู่เรื่อย แต่ที่มันทำให้รู้สึกอะไรในใจขึ้นมาได้บางอย่างเหมือน ความรู้สึกนึงที่เหมือนจะตายจากผมไปนานแล้ว เอื้อมมือเอานิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวไว้กับมัน รอยยิ้มที่ยิ้มให้ผมนั้น
“ อื้ม สัญญาก็สัญญา " มึงนี่มัน .. ช่างเป็นคนที่อบอุ่นชะมัดเลย
......................................................
ควรเขียนต่อไปมั้ย หรือควรหยุดเขียนแค่นี้ดี
เหมือนรู้สึกว่า ไม่มีคนอ่านเท่าไหร่ อาจเพราะเนื้อหาที่เรียบไป แล้วก็ไม่ค่อยสนุก
หนมควรไปเขียนเรื่องใหม่มั้ย แบบ ไม่นั่งคิดพล๊อตใหม่ที่ดีกว่านี้ อะไรแบบนั้น ฮ่าๆๆๆๆ
เอาเป็นว่าาาาา ยังไงก็ขอฝากแท็ก #รักนี้กี่แคล ด้วยนะคะ แท็กกันได้ในทวิต
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
-
เรียวต้องหมั่นเตือนเขินให้ทำตามให้ได้นะ จะได้ผอมสักที :hao3:
แต่งต่อเถอะหลานคนแต่ง ยังคอยอ่านอยู่จ้า :กอด1:
-
อย่าทิ้งเค้าาาาาาาา เขียนต่อเถอะนะะะะ :hao5:
พออ่านจากมุมมองของเรียวแล้วเขินทำไมดูน่ารักขึ้นอ้ะ
-
คิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะช่วงแรกอยุ่ด้วย เรื่องมันเลยดูเรื่อยๆ แต่เรากลับคิดว่าเรื่องมันดูค่อยเป็นค่อยไปดีค่ะ สเน่ห์ตัวละครเริ่มออกมาทีละนิดให้ค่อยๆชอบ
-
มาเขียนย่อยๆนะค้าบติดตาม
-
สู้ๆน้องเขิน พยายามเข้า ผอมไวๆ
เรียวอีกหน่อยต้องชอบน้องเขินแน่ๆ ตอนน้องอ้วนนี่แหล่ะ :mew4:
กลับมาต่อไวๆนะคะ อยากอ่านอีก ขอบคุณคะ :pig4: :pig4:
-
:L2: :L1: :pig4:
-
แต่งต่อน้าาาา
นี่แวบมาส่องตลอดเลยยย
-
รู้สึกเรื่อยๆไปนิดแต่ก็อ่านตลอดนะ
-
เขียนต่อเถอะนะคะ เรารออ่านอยู่น้าาา
เรารอดูน้องเขินผอมอยู่นะ :mew2:
-
เขียนต่อเถอะค่ะ เรารออ่านอยู่นะคะ :katai4: :hao5:
-
:impress2: รอวันเธอผอมอยุ่นะจ๊ะ
-
:katai2-1: :katai2-1:
-
ได้โปรดอย่าทิ้งกันไว้กลางทางงงงงง :pig4:
เอาใจช่วยน้องเขินอยุ่นะ
-
ยังไม่ทันผอมเลยยย อย่าพึ่งทิ้งกันเซซซซซซ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
-
ง่อออกกำลังกายกันตลอด ห้ามให้ไปคนเดียว งือ
-
Be my chubby รักนี้ กี่แคล
ตอนที่ 9
ปิดฝากล่องอาหารสำหรับสามวันทีละใบก่อนจะเดินเอาไปเรียงใส่ไว้ในตู้เย็นเรียบร้อย ผมเดินกลับมายืนใกล้ร่างสูงที่ก็กำลังทำอะไรอย่างอยู่กับถ้วยข้าวใบเล็กๆ โดยที่มีแมวตัวน้อยของมันยืนคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ
“ มึงทำอะไรอะ "
“ เอาอาหารให้ท่านหญิงกิน " มาดูจากตรงนี้ก็ดูเป็นอาหารเปียกของแมวที่มาจากในซองสำเร็จรูปแต่ท่าทางมันนี่ เหมือนลงทุนไปจับปลามาแล่เนื้อให้คุณหญิงกินเองยังไงอย่างงั้น
“ ท่านหญิงงงง มาดูสิ น่ากินมากเลย " ผมก้มลงอุ้มมันขึ้นมาให้ดูอาหารที่ไอ้เรียวกำลังทำ ลูบขนสีขาวนุ่มๆของมันก่อนจะเกาคอให้ แอบจุ๊บแก้มแมวชาวบ้านไปนิดหน่อย " น่ารักจังเลยยยย ท่านหญิงน่ารัก ว่าแต่นะมึง แล้วท่านหญิงนี่ กี่ปีแล้ววะ "
“ สองปี "
“ ทำหมันแล้วยัง "
“ ทำแล้ว "
“ ว๊ายยยยยยยย ท่านหญิงเธอเป็นแมวชะนีที่ไม่เคยผ่านการมีผัวมาก่อนแถมยังโดนตัดสิทธิ์การมีผัวเรียบร้อยจากพ่อตัวเอง " ร่างสูงหันมามองหน้าผมมันถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงคุณหญิงจากมือผมไปอุ้มไว้เอง มือนึงของมันก็เอื้อมมาหยิบถ้วยอาหารไปวางไว้กับพื้น
“ อาหารครับท่านหญิง "
“ ไฮโซไปอีก " พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะย่อตัวลงดูแมวน้อยขาสั้นกินข้าวด้วยท่าทางอร่อย เอื้อมมือไปลูบหัวมัน " จะว่าไปใครๆก็ชอบบอกว่า อยากจะเป็นสัตว์จะได้อยู่สบายๆ ไม่ต้องทำอะไร แต่กูว่าจริงๆมันไม่ได้สบายเลยนะ มึงว่ามั้ย "
“ ไม่ว่า กูว่ามันก็สบายดีนะ จะไม่สบายได้ไง งานไม่ต้องทำแต่มีกินตลอดเวลา "
“ บางทีถ้ามันเลือกได้มันก็อาจจะอยากออกไปข้างนอกทำงาน ดีกว่าอุดอู้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมที่เดินไปมุมไหนก็เหมือนกันทุกวัน เล่นของเล่นเดิมๆ แล้วก็มองออกไปข้างนอกในมุมเดิมๆนะกูว่า ถ้าเป็นมึง มึงจะไม่เบื่อเหรอ ให้อยู่แต่ในห้อง ไม่ต้องทำงาน เลือกกินของอร่อยๆก็ไม่ได้ ต้องกินของที่เค้าซื้อมาให้เองตลอด "
“ หมู เป็นสัตว์เหมือนกันก็เลยเข้าใจแมวได้อย่างงั้นเหรอวะ "
“ K " ผมสถบใส่มันก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง " มึงอะ จะใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นน้อยเกินไปแล้วนะเว้ยจะบอกให้ ก็ว่าทำไมไม่มีเมีย " พูดเบาๆ ในท้ายประโยคก่อนจะถอนหายใจ " หัดอ่อนโยนหน่อยสิว่ะเรียว เริ่มต้นจากการที่เรียกกูว่า เขิน เฉยๆ ก็ดี ไม่ใช่ว่าการที่กูไม่พูดอะไรเวลามึงเรียกกูว่า อ้วน หรือ หมู หลายๆครั้งเข้าแล้วมันจะโอเค กูก็รู้สึกเจ็บเหมือนกันแหละไอ้เหี้ย "
ถ้าไม่ใช่มันบางทีผมคงรู้สึกโกรธมากกว่านี้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมเองก็รู้สึกย้อนแย้งอยู่ในใจจนหาคำตอบไม่ได้ มันไม่ได้หงุดหงิดเวลาโดนเรียวเรียกว่าหมูหรืออ้วน แม้ฟังไปหลายๆครั้งก็อยากจะด่ากลับ แต่ว่า ด่าเพราะหมั่นไส้ที่เรียกกูมากเกินไปละ ไม่ได้โกรธอะไร อาจเพราะรู้สึกว่า มันได้รู้สึกอยากจะล้อผมเหมือนอย่างที่ใครคนอื่นพูด แค่พูดออกมาตามประสาคนพูดดีๆกับคนอื่นไม่ค่อยเป็น อีกอย่างในใจมันมีความคิดด้วยว่า ถ้าแม่งจะล้อกู แม่งก็คงไม่ช่วยกูขนาดนี้หรอก แต่ก็นะ ฟังไปฟังมาก็ไม่ชอบอยู่ดีแหละ อยากให้มันเรียกแค่ชื่อมากกว่า เพราะไม่ว่ายังไงปมด้อยแบบนั้น ก็ไม่ควรเอามาเรียกกัน " คือเอาจริงๆ ถ้าคิดไม่ออกว่าจะเรียกกูว่าอะไร เรียกกูว่า สวยสิ เพราะกูน่ะ สวย "
“ หลงตัวเอง " มันที่ยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้าไป " แล้วมีคำอื่นอีกมั้ย "
“ อะไร ? “
" ก็ชื่อเรียกอื่นที่มึงอยากจะให้เรียก ไม่อยากจะให้เรียกว่าอ้วนไม่ใช่รึไง "
“ จริงๆมึงเรียกกูว่า มึง ถ้าจะทักก็ เอ้ย!มึง หรือในที่ชุมชนหน่อยก็ เขิน ธรรมดาก็ได้นะ ดูเป็นผู้ชายที่มีมารยาทถูกสั่งสอนมาอย่างดีและได้รับการศึกษาเค้าทำกัน "
“ แล้วทำไม มึงต้องชื่อเขิน "
“ มึงรู้สึกชื่อกูแปลกๆใช่มั้ย " เพราะตั้งแต่เด็กใครๆก็รู้สึกแบบนั้น ทุกครั้งที่เข้าโรงเรียนใหม่พอเพื่อนถามว่าชื่ออะไร แล้วผมบอกไปว่า ' เขิน ' จะมีฟิคแบคสีหน้างุนงงตอบกลับมาทุกครั้งพร้อมคำถามที่ว่า ' ทำไมถึงชื่อเขินอะ '
“ อื้ม ก็แปลกอยู่ "
“ ที่กูชื่อเขินก็เพราะว่า ตอนกูเกิดออกมา กูมีฝาแฝดไง "
“ มึงมีฝาแฝด ? “ หน้าตาตกใจของอีกคนทำให้ผมหลุดยิ้มก่อนจะยักคิ้วให้มัน " งั้นก็มีคนอ้วนๆ แบบนี้อยู่สองคนอะดิ "
“ หมายความว่าไงวะ ทำหน้าเหมือนกลัว ไอ้สัด " โยนผ้าเช็คมือที่อยู่แถวๆนั้นใส่มันอีกคนก็ปัดออก ผมก้มลงเก็บก่อนจะวางมันไว้ที่เดิม " แฝดกูเป็นผู้หญิงเว้ย แล้วก็ไม่ได้ร่างเหมือนกูหรอก ขนาดตัวกู แม่งทำเจ๊ได้สองคนมั้ง "
“ แล้วตกลงว่าทำไมชื่อเขิน "
“ เห็นพ่อบอกว่า มันเป็นความคิดแรกที่เข้ามาในหัว เหมือนใครดลใจให้ตั้งอะว่า เขินอาย " คนตรงหน้าขมวดคิ้วมันที่ยังคงแสดงสีหน้าแบบไม่เข้าใจ " ก็นั่นแหละ พี่สาวกูได้ชื่ออายไป เพราะถ้าผู้ชายชื่ออาย มันแปลกๆ กูก็เลยชื่อเขิน "
“ แล้วทำไม ไม่ตั้งแบบที่แฝดทั่วไปเค้าตั้ง "
“ เช่น ? “ เอียงหน้าถามมันอีกคนก็คิด
“ ก็ เพชรพลอย ปันปั้น อื้มม ไม่ก็ ปุ่นป่าน " โบกมือไปมาแล้วส่ายหน้าให้มัน
“ อะไรแบบนั้น ไม่อยู่ในความคิดพ่อกูหรอกจ้า พ่อแม่กูไม่เหมือนใคร จิตใจที่ยังวัยรุ่นของเค้าชอบความแปลกและแหวกแนวอยู่เสมอ " ถ้าพูดให้ตรงคือ พ่อแม่ผมไม่เหมือนพ่อแม่ของคนทั่วไปที่ดูไว้ตัว มีความเป็นผู้ใหญ่ น่าเคารพ ตัดความคิดพวกนั้นออกไปได้เลยเพราะไม่ได้เป็นอย่างงั้นเลยสักนิด พ่อแม่เป็นคนที่ความคิดที่ค่อนข้างทันสมัย มีความเป็นเด็กบ้างในบางที แต่ก็มีเหตุผลและก็ดุในบางครั้ง เป็นทั้งพ่อแม่และเพื่อนให้ลูกในเวลาเดียวกัน แล้วผมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากเลยที่แม้ว่าผมจะเกิดมาเป็นผู้ชายที่ไม่ชอบผู้หญิง แต่กลับมีพ่อแม่ที่เข้าใจในตัวผมแบบชนิดที่ว่าเราไม่เคยต้องทะเลาะกันในเรื่องแบบนี้เลยสักครั้ง " ว่าแต่มึงอะ "
“ กูทำไม ? “
“ ในภาษาญี่ปุ่น เรียว แปลว่าอะไรวะ "
“ ยอดเยี่ยม " เบิกตามองบนพลางแบะปากเบาๆ ผมเอามือทาบที่อกอีกคนก็ยกยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาผลักหัว " มึงจะบอกว่ามันตรงข้ามกับที่กูเป็นใช่มั้ย "
“ มึงก็ดูรู้ตัวเองนิ " เอื้อมมือไปหยิกแก้มมัน ผมเดินไปเช็คห้องนอนของตัวเองพบว่ามันเป็นห้องนอนที่ไม่มีอะไรเลยครับ คล้ายห้องเก็บของที่ไอ้เจ้าของห้อง แม่งไม่ต้องการอะไรก็เอามาใส่ไว้ ขนาดบนเตียงที่บอกจะให้ผมนอน แม่งยังเอาของมากองไว้เลย " เชี้ย เรียว มึงจะให้กูนอนในห้องนี้เหรอ "
“ นอนไม่ได้รึไง "
“ ยังจะถาม รกขนาดนี้อะนะ ? “
“ มึงก็จัดสิ เดี๋ยวมันก็นอนได้ เมื่อกี้ตอนเข้ามามึงไม่ได้เสือกเข้าไปดูเหรอวะ เห็นปกติขี้เสือก “
" สัด " หันไปชักสีหน้าใส่มัน ผมถอนหายใจมองไปรอบๆห้อง เอาจริงๆ กูก็ขี้เกียจจัดแล้วไง ตอนนี้กูอยากจะอาบน้ำให้สดชื่น ทาครีม ทาสลีปปิ้งมาร์ค แล้วมานั่งหน้าทีวี เช็คเฟสบุ๊ค แล้วดูหนัง กูไม่ต้องการจะทำงานบ้านอะไรทั้งนั้นอีกแล้ว กูเหนื่อยยยยยยยย " ไม่อยากจะทำแล้วอะ " หันไปมองหน้ามัน ผมทำตาละห้อย " ขอนอนห้องมึงสักคืนสิ นะ พรุ่งนี้กูตื่นมาแล้วกูจะเข้าไปทำในห้องนั้น ได้มั้ย "
“ ไม่ " มันบอก
“ นะเรียวนะ " แต่ผมยังตื้อ เอื้อมมือไปจับมือมันผมบีบแน่น " เห็นใจกูหน่อย กูเป็นภูมิแพ้ถ้ากูยังฝืนเข้าไปนอน กูต้องอาการกำเริบแน่ๆ " ตอแหลมันไปแบบนั้น เอาจริงๆ ก็สุขภาพร่างกายแข็งแรงดีนี่แหละ
“ ไม่ "
“ หน้ากูบอบบางมากๆ กูอาจจะเป็นสิวถ้านอนกับฝุ่น "
“ นอนกับโซฟาสิ " มันเชิดหน้าไปที่โซฟาหน้าทีวี ผมก็หันมามองหน้ามันก่อนจะส่ายหน้าให้อีกครั้ง
“ เค้าแพ้ยุง "
“ เรื่องมาก มึงมาอยู่บ้านคนอื่น มึงก็ต้องอยู่ให้ได้ทุกที่ไม่ใช่เหรอวะ มาขอความช่วยเหลือคนอื่นแล้วยังจะเรื่องมากอีก " คำพูดสิ้นคิดของมันที่พูดออกมา แววตาที่กำลังอ้อนวอนของผมค่อยๆคลายลง ผมปล่อยมือที่จับมันอยู่
“ งั้นกูกลับบ้านแล้วกัน " บอกมันแบบนั้นสั้นๆ " เอาจริงๆ กูว่า กูไม่น่าตอบตกลงคำชวนที่บอกว่าจะมาค้างกับมึงเลย ถ้าทุกอย่างมันไม่โอเค มึงจะชวนกูมาทำไมวะ " หันหลังทำทีจะเดินออกไป ไม่มีมือที่เอื้อมมือมารั้งเหมือนในละครเวลาที่พระเอกทำกับนางเอก ผมรู้ว่า มันคงไม่เกิดขึ้นเพราะเราไม่ได้อยู่ในฐานะนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดว่า แม่งยังจะพูดคำพูดเหี้ยๆออกมาได้อีก
“ ถ้าเดินออกไปแล้วไม่ต้องกลับมาขอร้องให้กูช่วยอีกนะ "
" เออ " มันย้ำกับมัน
" แต่ถ้าออกไปตอนนี้รถจะติดนะ " ขมวดคิ้วกับคำพูดของมันที่กำลังรั้งผม ผมหันไปมอง " ถ้าออกไปรถจะติด แล้วอีกไกลกว่าจะถึงบ้าน ทางนี้ยังไม่เคยมาถ้าเกิดหลงไปเลี้ยวกลับมาหากูไม่ได้แล้วนะ "
" กลูเกิ้ลมีกลัวอะไรถามทางมันเอาดิวะ แล้วแค่รถติด ทำเหมือนกรุงเทพไม่เคยรถติดไปได้ แยกนรกแครายกูยังผ่านมาแล้วเลย " ผมบอก อีกคนก็นิ่งไป " เอาจริงๆนะเรียว ถ้ามึงจะให้กูอยู่ แค่มึงขอโทษกูแม่งก็จบแล้วเปล่าวะ ทำไมต้องพยายามแถ เอาเรื่องรถติดมาพูด มึงคิดว่ามึงคลูมากเหรอ เท่ห์มากเลยงั้นดิ ที่ทำตัวซึนๆ เท่ห์ๆ ปากร้าย เหมือนพระเอกในการ์ตูนญี่ปุ่น ถ้ามึงคิดงั้นกูขอบอกเลยนะ ว่ามันไม่คลู ไม่ได้รู้สึกมองแล้วมึงดีอะไรอย่างงั้น แต่กลับกลายเป็นว่า มึงดูไร้มารยาทและไม่มีสมอง " ยักคิ้วปิดท้ายให้มัน ผมนิ่งมองมันอยู่นาน " ว่าไง จะพูดมั้ย คำว่า ขอโทษกูเนี้ย "
" ทำไมกูต้องพูด .. ขอโทษ "
" อ้าว ยังจะถาม เมื่อกี้กูด่ามึงเหรอ ก็เปล่าใช่มั้ย กูก็พูดกับมึงดีๆ อ้อนมึงเพราะๆด้วยซ้ำ ถ้ามึงไม่โอเคกับการนอนกับคนอื่น มีประโยคอีกเป็นล้านๆที่จะพูดแบบคนมีมารยาทเค้าพูดกัน แต่มึงก็เลือกพูดคำพูดเหี้ยๆนั่นออกมา พูดคำพูดที่อยากจะพูดออกมาตรงๆ คือกูเข้าใจว่าคนเป็นเพื่อนกันมันคือพูดออกมาตรงๆนั่นก็ถูกแล้ว แต่บางเรื่องแม่งควรรักษาน้ำใจกันรึเปล่า ไม่ใช่ว่าพอจะสนิทด้วยแล้วพูดอะไรก็ได้ เอาจริงๆ บางทีเพื่อนสนิทรึเปล่า ที่มึงควรจะรักษาน้ำใจเค้า หรือเพราะมึงไม่ได้เห็นกูเป็นเพื่อนกันแน่วะ "
“ กูพูดไปแล้ว "
“ ห๊ะ ? “ อ้าปากค้างงๆ กับคำที่อีกคนพูดออกมา " พูดอะไรของมึง "
“ คำว่าขอโทษ กูพูดออกไปแล้ว "
" ตอนไหน! “ หันไปขึ้นเสียงกับมัน " ยังไม่เห็นรู้สึกว่ามึงพูดว่าขอโทษสักประโยค "
“ ก็ตอนที่กูถามว่าทำไมต้องพูด " นิ่งค้างไปกับคำพูดของมัน ผมถอนหายใจออกมา
“ แบบนี้ก็ได้เหรอวะ "
“ ถ้ามึงโอเค กูก็ว่า มันได้ "
“ มันไม่ได้เว้ย! กูจะดัดนิสัยมึงเองไอ้สัด ยังไงก็ไม่ได้ ขอโทษกูออกมาให้เป็นเรื่องเป็นราวเลย มึงทำร้ายจิตใจของกูให้บอบซ้ำมากเลยนะเรียว " ผมว่า " มึงชวนกูมาที่นี่แท้ๆ มึงออกปากบอกกูให้มาเองแท้ๆ แต่มึงกลับพูดเหมือนกูเป็นภาระแบบนั้น คือมันมีเหตุผลเป็นร้อยรึเปล่าวะที่คนอย่าวมึงจะพูดได้ ทำไมไม่พูด " คนตรงหน้าผมเงียบ " ขอโทษมา "
ทุกอย่างเงียบราวกับว่าไม่มีมันที่ยืนอยู่ตรงนั้น ตรงหน้าผม ร่างสูงที่ทำเป็นนิ่งไม่สนใจ สายตาของมันไม่ได้มองมาที่ผมด้วยซ้ำแต่ตอนนี้กลับมองไปที่จุดๆนึง ซึ่งตอนที่ผมมองตาม ผมกลับพบว่า มันกำลังมองแมวมันอยู่ ท่านหญิงที่กำลังนั่งเลียร่างกายตัวเอง
“ เรียว " หันมามองตาผมตอนที่เรียกชื่อแต่นั่นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านี้ ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้ารับกับตัวเอง " โอเค ฐิถิมึงคงมีมากกว่า การอยากมีกูเป็นเพื่อน หรือไม่บางทีกูก็เป็นคนเดียวที่คิดอยากจะสนิทแล้วเอามึงมาเป็นเพื่อนสนิทของกู " หันหลังจะเดินออกจากคอนโด ผมเองก็ไม่ชอบเหมือนกันที่จะทนอยู่ คือมันไม่กงการอะไรที่จะต้องทน มันไร้สาระเกินไป เอาจริงๆตอนนี้ก็มีความคิดที่ว่า กูจ้างเทรนเนอร์จากในฟิคเนตก็ได้ เสียเงินไป จบ ไม่ต้องมาเสียความรู้สึกแบบนี้ซ้ำๆด้วย เพราะคนอย่างไอ้เรียวผมรู้ว่านิสัยของมันคงเป็นสันดานที่คงแก้ยากไปแล้ว เรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน กว่าจะแก้ให้หายหรือดีขึ้น ผมคงต้องรู้สึกถูกกระทำแล้วเจ็บซ้ำๆอยู่นานแน่ๆ และบางทีอาจจะไม่หายเลยด้วยซ้ำไป
" ขอโทษ " มือที่เอื้อมมือมาจับข้อมือของผมตอนที่จะเดินออกไปคำพูดของมันที่พูดขึ้นมา ทำให้ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะหันไปมอง เรียวที่กำลังจ้องหน้าผม มันเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ได้หลบตาแต่กำลังตั้งใจที่จะเอ่ยคำว่าขอโทษอยู่ " เขิน กูขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ "
" ก็แค่นั้น " ยิ้มกว้างออกมาไปให้ ผมเอียงหน้ามองคนตรงหน้าที่ก็กำลังหน้าแดงจัด " นี่มึงเขินขนาดนี้เลยเหรอ "
" ไม่ใช่ " สะบัดมือผมออกจากข้อมือผมทันที ขาทีรีบเดินไปทางอื่นของมัน แต่ผมเองก็คว้ามือมันเอาไว้ก่อนจะเอามากอดกับตัว
" พี่เรียวน่ารัก ท่าทางจะไม่เคยขอโทษใครเลยสิท่ามึงน่ะ " ใบหน้าคมที่หันมามองผม มันไม่ได้พูดอะไร เรียวหันไปถอนหายใจทางอื่น " ถ้าให้เดาเพื่อนที่มึงคบๆกันอยู่ตอนนี้ คงจะคบกับมึงก็เพราะมึงเป็นนายแบบสินะ แล้วพวกมันก็แค่อยากจะมีอนิสงฆ์ดังไปด้วยก็เท่านั้น "
“ รู้ได้ไง “
“ ไม่ต้องฉลาดมากก็ดูออก นิสัยอย่างมึงใครจะอยากคบ ยิ่งปากไม่มีหูรูด ไม่รักษาน้ำใจใครแบบนี้อีก “ เหล่มองมันอีกคนก็เหล่กลับ “ งั้นต่อไปนี้เราแลกกันนะ “
“ อะไร “
“ มึงทำให้กูผอมลง ส่วนกูก็ทำให้มึงนิสัยดีขึ้น “
“ ทำไมกูต้องทำอะไรแบบนั้น “ มันถามหน้ายิ้มๆ ราวกับว่า คนอย่างมันนิสัยดีมากโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรแล้ว ดีโคตร ประเสริฐที่สุดอย่างหาใครเทียบไม่ได้
“ ไปเอาหน้าตามั่นๆแบบนั้นมาจากไหนวะ " ผมบอกก่อนจะส่ายหน้าไปมา " ถึงมึงไม่อยากจะทำ แต่มึงก็ต้องทำเพื่อการอยู่ร่วมกันของเรา แล้วกูสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีกับมึง เพื่อนแบบที่เรียกว่าเพื่อนจริงๆ เพื่อนที่ไม่ได้คิดจะคบมึงเพราะมึงเป็นนายแบบ "
" แต่ก็คบเพราะอยากจะให้เป็นเทรนเนอร์ลดน้ำหนักให้ ดูย้อนแย้งนะมึงน่ะ "
" อันนั้นเค้าเรียกว่า เพื่อนช่วยเพื่อนเว้ยสัด! “ หันไปบอกมัน ในแววตาของเรียวมันดูเหมือนมีคำว่า ' ทำไมกูต้องทำ ' ฉายออกมาแต่ทว่าอีกคนกลับถอนหายใจแล้วพูดออกมาสั้นๆ
" อย่าให้มันมากเกินไปก็แล้วกัน " เรียวพูดตัดจบออกมาสั้นๆ ผมก็เบิกตามองมัน ก่อนจะยิ้มล้อๆ คนที่เดินผ่านผมไปทันที มันที่เดินไปเล่นกับท่านหญิง ทำทีเหมือนไม่ได้พูดอะไรพวกนั้นออกมา
“ นี่ตอบตกลงแล้วถูกมะ ถูกมะ " ผมถามอีกฝ่ายก็หันมามอง ไม่ปฎิเสธงั้นก็แสดงว่าตกลง " น่ารักจริงๆเลยน้าา เรียวจังน่ะ " นั่งย่อตัวลงข้างมันตอนที่เอานิ้วจิ้มแก้ม ผมโดนมันสะบัดออกแต่นั่นก็ทำให้ผมยิ้มอยู่ดี " เป็นคนดีแบบนี้ เท่ห์กว่าเป็นคนเหี้ยๆตั้งเยอะ ไหนท่านหญิงบอกพ่อเค้าสิ ' พ่อค่ะ หนูรักพ่อที่พ่อเป็นคนดีค่ะ ' " ผมดัดเสียงเล็กคล้ายจะเป็นแมว อีกคนก็ยกยิ้มก่อนจะหันมามองหน้า
" ปัญญาอ่อน " มันที่อุ้มคุณหญิงลุกหนีไปนั่งที่โซฟา ผมที่ทำทีจะนั่งด้วยมันก็เอ่ยบอก " ไปอาบน้ำได้แล้วไป ยืนอืดเต็มห้องอยู่ได้ "
" แหมมมม ให้กูผอมก่อนเถอะไอ้สัด มึงจะไม่มีทางว่ากูแบบนี้ "
" งั้นเหรอ " มันพยักหน้ารับ เอาจริงๆท่าทางของมันเวลาไม่เชื่อเรื่องที่ผมพูดว่าตัวเองจะผอมนี่เป็นอะไรที่ทำให้โคตรปรี๊ดเลย ปรี๊ดยิ่งว่าแม่งด่ากูอ้วนอีก สัด สายตาท่าทางแม่งบอกหมด ว่าไม่เชื่อไม่มีทางทำได้แน่นอน
" นี่มึง งั้นเรามาพนันกันมั้ย "
" พนันอะไร " เรียวหยิบรีโมตขึ้นมาเปิดทีวีมันกดไปตามช่องต่างๆ ที่ตัวเองสนใจก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ช่องสารคดีของน้องหมาสุดแสนจะน่ารัก บอกตรงๆ ว่าไม่เข้ากับหน้าเลย แอบช็อคนิดหน่อยกับไลฟ์สไตส์รักสัตว์ของมัน
" ก็พนันว่าถ้ากูผอม มึงต้องให้อะไรกูอย่างนึงที่กูอยากได้ แต่ถ้ากูไม่ผอม มึงก็ขอของกูได้อย่างนึง เอามั้ย ว่าไง กล้ารึเปล่า " คำพูดสุดท้ายของผมทำเอาทั้งคนทั้งแมวหันมามองหน้า เรียวยกยิ้ม
“ ทำไมกูจะไม่กล้า ว่ามาสิ จะพนันอะไร "
“ ถ้ากูผอมมึงต้องทำตามที่กูสั่งหนึ่งอย่าง " คิดไม่ออกวะ บอกตรงๆ ครั้นจะขอไอโพนเท็น ก็เกรงว่ากว่าจะผอมตอนนั้นอาจจะไม่ได้อยากได้แล้ว อาจจะมีมือถือรุ่นใหม่ที่อยากจะได้มากกว่าเข้ามา หรือของอะไรอย่างอื่น
“ ยกตัวอย่างเช่น "
“ อื้ม " ผมเอียงหน้าคิด แน่นอนว่าถ้าคิดจะทำอะไรก็ควรให้มันไม่หนักหนาสาหัสมากเกินไป ผมควรเผื่อใจว่าตัวเองไม่ผอมด้วย เสือกเกิดไม่ผอมขึ้นมาจริงๆ แล้วต้องซื้อของที่แพงมากๆเพราะพนันกับมันไว้แม่งก็คงไม่ไหว " เอาเป็นว่า ถ้ามีของที่อยากจะได้ตอนนั้นกูอาจจะเป็นสั่งให้ซื้อของให้แต่รับรองไม่แพง ไม่เกินสามหมื่น ส่วนเรื่องอื่นก็อาจจะสั่งให้เป็นคนใช้ได้ สั่งให้เป็นทาสได้ แต่ก็แค่หนึ่งวันเท่านั้น ห้ามมากกว่านั้น อะไรอย่างงั้นมั้ง "
“ เอาสักอาทิตย์นึง วันเดียวจะไปพออะไร "
“ แต่..” ถ้อยเสียงที่ไม่มั่นใจหลุดออกมาจากปากผม เรียวที่นั่งอยู่ยกยิ้มก่อนจะหันมามอง
“ มึงก็คงคิดสินะว่ามึงจะลดความอ้วนไม่ได้ ก็เลยไม่กล้าพนันสูงๆ "
“ ทำไมจะไม่กล้า! “ ตะโกนบอกไปด้วยความมาดมั่น ทั้งๆที่ในอกที่สั่นรัวด้วยความลังเล เออ กูยอมรับว่ากูไม่มั่นใจตัวเอง แต่ว่ากูก็บอกแบบนั้นออกไปไม่ได้ เสียอะไรก็เสียได้แต่เสียหน้า กูเสียไม่ได้! " กูกล้าเว้ย เพราะแน่นอนว่ากูต้องผอม "
“ เพราะงั้นก็ตกลงตามนี้ " เรียวลุกขึ้นมาจากที่นั่ง มันเดินตรงมาหาผมด้วยรอยยิ้มที่แปลคำพูดได้จากสายตานั่นว่า ' มึงไม่มีทางทำได้หรอก ยังไงก็ต้องตกเป็นทาสของกู '
“ ถ้ามึงคิดว่า กูจะทำไม่ได้หรอก กูขอบอกไว้เลยนะว่า มึงคิดผิดแล้ว กูทำได้ แล้วจำไว้ว่า กูจะสวยจนแม้แต่มึงยังหวั่นไหวเลย คอยดู! “
“ ไว้จะคอยดู "
“ เออ!! “ มึงพลาดแล้วเรียว และกูจะจำหน้าตาที่ดูถูกกูของมึงไว้ กูแม่งต้องมาเป็นทาสกูให้ได้!
.............................................................
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า :L2: :3123: :L1: :pig4:
-
นังน้องเขินของคูมแมมมมม่
-
:กอด1: กอดคนเขียน สู้ๆน้า ค่อยๆปรับไป
-
:fire: เขินสู้ๆ
-
:L2: :L1: :pig4:
-
มีความหวั่นไหว555
-
:katai2-1:
-
:mew1: :mew1:
-
เขินลดให้ได้นะลูก จะได้เชิดใส่เรียวมันเลย :a14:
-
น้องเขิน สู้ๆนะลูก
-
เรื่องนี้จะไม่แต่งต่อจนจบจริงเหรอคะ รู้สึกเสียดายมาก จะมีอ่านเพิ่มแค่อีก 10 ตอน ไร้ท์คิดใหม่ได้มั้ย เรายังอยากอ่านอยู่ :monkeysad:
-
สวยค่ะสวย สวยจริงๆ 5555
-
:hao7: เรียววว รัศมีพระเอกแผ่มากค่าาาา
-
ชอบบบบ
รู้สึกว่าทั้งเขิน เรียว หรือแม้กระทั่งทีมดูเป็นคนทั่วไปดี
รอติดตามจ้า
-
ใครจะหวั่นไหวก่อนกันนะ อิอิ
ปล.เราว่าเรื่องปูมาดีแล้วนะตัวเอง อ่านแล้วยังหมั่นไส้คู่หูทีมล็อคเลย (จริงๆตอนแรกยังนึกว่าล็อคจะดีหรือจีบเองด้วบซ้ำ55) แต่คนอาจจะยังไม่เห็นว่ามีเรื่องใหม่ มีการอัพเดทตอนใหม่ๆมากกว่า
ขนาดเราเองยังจำไม่ค่อยได้เลยค่ะ แบบทดไว้ว่าจะๆแล้วก็ลืมซะเอง แฮ่่ๆ
สู้ๆน้าาา รอตอนต่อไปจ้า
-
เหยยย เข้ามาปักไว้ก่อน :z13: แต่งต่อเถอะนะคะ
เรื่องราวก็น่าติดตามนะ สนุกดี ได้ลุ้นไปกันเขินอ่ะ
อยากให้เขินลดสำเร็จ แล้วเอาคืนพวกนั้นสะหน่อย
-
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ เนื้อเรื่องสนุก เชียร์ให้คนทั้งคู่รักกันนะคะ แบบเรียวชอบเขินก่อน ไปๆ มาๆ เขินก็มาชอบเรียวกลับ ติดตามนะคะ เป้นกำลังใจเล็กๆ ให้ค่ะ :hao3:
-
ชอบฮะ สนุกดี อย่าเลิกแต่งนะฮะ
ให้ความรู้เกี่ยวกับการลดความอ้วนได้ดีมากเลย ทำเอาเราอยากลดไปด้วยเลย
มันยากมากจริงๆไอ้การลดความอ้วนเนี่ย จะพยายามไปพร้อมๆกับเขิน หวังว่าจะสำเร็จ (คราวนี้) 555+
:3123:
-
เออ ต่อไปต้องกินน้ำก่อนกินข้าว ไม่งั้นมีรอบสอง :hao5:
ต่างคนก็ต่างปรับตัว