พิมพ์หน้านี้ - Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Z4 ที่ 16-11-2017 15:33:00

หัวข้อ: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 16-11-2017 15:33:00
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม











 :mew1:
สวัสดีค่ะ Z4 ค่ะ

เราเพิ่งเคยลงนิยายที่นี่เป็นเรื่องแรก แต่ไม่ใช่เรื่องแรกที่เคยแต่งค่ะ แค่ว่าเว้นไปนานแล้วและเรื่องนี้แต่งค้างไว้ไม่จบ จู่ๆ ก็เกิดอยากสานต่อมันขึ้นมา หากแวะเข้ามาอ่านแล้วอยากติชมก็ยินดีค่ะ หากมีสิ่งใดที่เราทำผิดพลาดหรือมีสิ่งใดที่อยากจะแนะนำเรื่องการลงนิยายที่บอร์ดนี้ ก็ยินดีมากเช่นกันค่ะ

สำหรับเรื่องนี้เราเขียนโดยมีธีมว่า Love is hard ความรักนั้นยาก ถ้าแค่มีใจให้กันแต่ไม่บอก ก็ต้องคลาดกัน หรือได้บอกได้คบกันแล้ว แต่ไม่ปรับตัวเข้าหากันเลย ก็ไปไม่รอด ความรักเกิดขึ้นง่ายดายแต่สุขสมหวังได้ยาก ต้องอาศัยความเข้าใจ ไว้ใจ เคารพ ห่วงใย ซื่อสัตย์ ถึงจะประคับประคองให้ตลอดรอดฝั่งได้

พล็อตหลักของเรื่องนี้ก็ตามชื่อเลยค่ะ คือรักแรกแอบหลงรัก แล้วหลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร กรุณาเอาใจช่วยตัวเอกทั้งสองด้วยนะคะ

ป.ล. ตอนที่ลงจะสั้นบ้างยาวบ้างนะคะ เพราะลงตามความเหมาะสมในการตัดตอน ไม่ได้กำหนดความยาวค่ะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight [บทนำ : Love at first sight]
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 16-11-2017 15:33:36

Love at first sight


ใครบางคนบอกเอาไว้ว่า เราอาจมีรักได้หลายครั้ง แต่ชั่วชีวิตนี้เราจะมีรักแท้ได้แค่ครั้งเดียว
ผมไม่รู้ว่าคำกล่าวนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ใจก็คือ คนเราสามารถมีรักแรกได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต

สำหรับผม มันเข้ามาอย่างรวดเร็วและไม่เคยจากไปไหน เป็นเรื่องแปลกประหลาดเหลือเกินที่เราไม่สามารถควบคุมได้เลยว่าความรักจะเกิดขึ้นเมื่อไร กับใคร เวลาไหน ด้วยเหตุอันใด

อาจจะเพราะอย่างนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่เรียกว่า...ความรัก ที่ทำให้หัวใจสุขล้นและเจ็บปวดเจียนตายได้ในเวลาเดียวกัน

ความรักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นตั้งแต่ผมยังเด็กเหลือเกิน เด็กจนไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่านี่คือความรัก แต่ต่อมาเมื่อรู้แน่แก่ใจแล้วมันกลับกลายเป็นความขมในอกที่ตัวเองมีรักซึ่งผิดเพี้ยนไปจากสังคม กระนั้นผมก็ยังไม่อาจตัดใจได้ และเฝ้ารักเขาอยู่เรื่อยมา บางครั้งกระหน่ำรุนแรงในความรู้สึกดั่งพายุฝน บางครั้งเป็นเพียงสายลมบางเบา เมื่อวันเวลาผ่านไปผมแปลกใจที่มันเนิ่นนานกว่าที่คิด พร้อมๆ กับโลกของผมที่กว้างขึ้น โตขึ้น เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จนผมเริ่มจะมั่นใจแล้วว่า

นี่คือรักแรก และอาจเป็นรักชั่วชีวิตของผม...

......

ย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น ผมซึ่งเพิ่งเข้าชั้นประถมเดินสวนกับเขาในวันธรรมดาวันหนึ่ง อาจเป็นแรงดึงดูดที่ใครเรียกว่าพรหมลิขิต ผมรู้แค่ว่ามองเขาจนเหลียวหลัง ตั้งแต่นั้นภาพของเขาก็ไม่เคยห่างหายไปจากความคิดของผมอีกเลย

รักแรกพบ… ช่างรวดเร็วและง่ายดายจนน่าขำ

ผมซึ่งยังไม่ประสาคิดเพียงว่า หมอนี่เท่จัง แม้เขาจะยังเป็นเด็กผมสั้นเกรียนแต่ก็เริ่มฉายแววหล่อแล้ว ผมนึกอิจฉาและชื่นชมในเวลาเดียวกัน คิดแค่ว่าทำยังไงนะเราถึงจะได้รู้จักเขา ทำยังไงถึงจะอยู่ในสายตาเขา ได้เล่นกับเขา เพราะเราอยู่คนละห้องกัน

รายละเอียดนั้นจำไม่ได้แล้ว แต่มั่นใจว่าช่วงหนึ่งตัวเองเคยพยายามใช้เวลาทุกเย็นเล่นอะไรก็ตามที่มีเขาเล่นอยู่ด้วย จะพูดไป เขาก็เป็นคนโดดเด่นและเป็นผู้นำมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว รอบกายเขามักรายล้อมด้วยเพื่อนฝูงอยู่เสมอ

แล้วรู้สึกตัวว่ารักเมื่อไรน่ะหรือ บางทีอาจจะเป็นช่วงประถมปลาย มีเกมกีฬาสีที่โรงเรียนและอาจารย์ถ่ายรูปไว้ ให้พวกเราสั่งอัดเป็นที่ระลึกได้ ผมแอบจดเลขรูปที่มีเขาอยู่ไปหลายใบ ส่วนรูปตัวเองแทบไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ

ช่วงนั้นจนถึงม.ต้น เป็นช่วงที่ผมรู้สึกสับสน เพราะรู้แล้วว่า ในสังคมนี้ผู้ชายรักผู้ชายมันเป็นเรื่องผิดปกติ แต่ถ้าจะว่ากันตามจริงผมจดจำความทุกข์ไม่ได้มากเท่าไร เพราะผมตั้งใจแล้วว่าจะไม่มีวันแสดงออกให้ใครรู้ แค่สุขใจที่ได้แอบรักเขาเงียบๆ เท่านั้น

ตอนประมาณม.2 ผมบังเอิญได้สนิทสนมกับเพื่อนสนิทของเขาอีกทอดหนึ่ง ดังนั้นผมจึงได้เข้ากลุ่มและเที่ยวกับพวกเขาบ้าง รู้สึกมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดกับเขาขนาดนั้น แต่เพราะความในใจทำให้รู้สึกอึดอัดไปพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้ อีกทั้งความสนใจของผมไม่ค่อยเหมือนพวกเขาเท่าไร กลุ่มนั้นชอบเตะบอล ออกไปเที่ยวห้าง เล่นเกมเซ็นเตอร์ บางทีก็พากันไปเล่นเกมที่บ้านเขาซึ่งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรไม่ไกลจากห้างนั้นนัก ตอนเล่นก็สนุกหรอก แต่ขากลับนี่สิ บางวันดึกจนโดนพ่อดุ ที่บ้านโทรตาม โดยรสนิยมผมชอบอ่านหนังสือมากกว่าเล่นเกม และแต่เดิมผมก็มีกลุ่มเพื่อนอยู่แล้วด้วย ไม่นานจึงห่างออกมาโดยปริยาย

ช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมช่างแสนสั้น แต่ผมก็พอใจแล้ว

ไม่นาน ผมมีแฟนคนแรก ที่ทำให้ผมทั้งรู้สึกผิดและโล่งอก รู้สึกผิดที่เรายังมีคนอื่นอยู่ในใจ แต่ก็โล่งอกที่ผมชอบผู้หญิงได้ นอกจากเขาผมยังไม่เคยชอบใครที่เป็นผู้ชายอีกเลย คิดแล้วก็ประหลาดอยู่เหมือนกัน

ผมรักแฟนผมด้วยใจที่บริสุทธิ์ แต่เพราะความไม่ไว้วางใจทำให้เราคบกันได้แค่ปีกว่าเท่านั้น จึงรู้สึกเข็ดและเหนื่อยกับความรักอยู่บ้าง ต่อจากนั้นจึงไม่ได้คบใครเป็นแฟนอีก กิ๊กกันไปเรื่อยเปื่อยสองสามหน แน่นอนว่าขนาดผู้ชายธรรมดาอย่างผมยังมีแฟน เขาซึ่งหล่อเหลากว่าผมมากนักย่อมต้องมีเหมือนกัน ผมรู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย แต่อาจเพราะคาดไว้แล้วจึงทำใจได้อย่างรวดเร็ว ยังไงผมก็ไม่ได้หวังให้เขามาคบกับผมอยู่แล้ว

โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนมีชื่อและใช้ระบบเลื่อนชั้นจนจบม.ปลายผมจึงได้เรียนที่เดียวกับเขา 12 ปีเต็ม แต่ถึงอย่างนั้นเรากลับไม่เคยได้อยู่ห้องเดียวกันเลย อาจเป็นเพราะฟ้าลงโทษที่ผมคิดเกินเพื่อนกับเขาล่ะมั้ง...ว่าไปนั่น ผมเรียนหนังสือได้ค่อนข้างดี เขาก็เหมือนกัน แต่เราเรียนกันคนละสาย สำหรับมัธยมปลายมีการเรียนการสอนที่เปลี่ยนไปเยอะ ทำให้ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องอื่นเท่าไรนัก แค่ยุ่งเรื่องของตัวเอง ตามบทเรียนให้ทัน กิจกรรมก็ห้ามขาด แค่นี้ก็ปวดหัวแล้ว

ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่ผมจดจำได้แม่น คือในคาบเรียนตามสาย มีอยู่วิชาหนึ่งที่ผมจะได้ย้ายห้องและได้นั่งโต๊ะของเขาโดยบังเอิญ ช่องใต้โต๊ะนั้นรกมากจนน่ากลัวจะมีงูโผล่ออกมา ผมเลยจัดให้ใหม่ทุกครั้ง เป็นความสุขเล็กๆ ที่ผมได้แต่เก็บไว้ในใจคนเดียว

แต่แล้ววันหนึ่งระหว่างนั่งเรียนอยู่เขาก็กลับเข้ามาเอาของพอดี ผมตกใจมากเพราะเท่ากับเขารู้แล้วว่าผมเป็นคนจัดของให้ ได้แต่ทำหน้าเฉยๆ ระหว่างที่เขาก้มหยิบอะไรใกล้ขา ผมจำได้ว่าใจเต้นแรงและมั่นใจไปอีกขั้นว่าความรู้สึกที่ผมมีให้เขาเป็นแบบชู้สาวจริงๆ ผมหมายถึง...ต้องการสัมผัส คงเข้าใจนะครับ

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก ทุกอย่างเหมือนเดิม จนกระทั่งวันที่เราจบการศึกษาและร่ำลากันไป ผมติดที่หนึ่ง เขาติดอีกที่หนึ่ง คิดในใจว่า รักข้างเดียวอันยาวนานของผมคงจบลงเพียงเท่านี้...

...

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight [บทนำ : Love at first sight]
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 17-11-2017 14:35:40
001 : Begin


วันนั้นเมื่อเดือนธันวาคมเริ่มต้นอย่างธรรมดา ผมเลิกเรียนคาบบ่ายแล้วก็ข้ามมาฝั่งศูนย์การค้า ระหว่างทางเกิดปวดห้องน้ำขึ้นมาเลยแวะห้างใกล้ๆ พอทำธุระเสร็จก็เดินออก

ในตอนนั้นเอง สายตามองเห็นชายหนุ่มรูปหล่อร่างสูงใหญ่ที่จำได้ในทันทีทันใดว่าคือใคร ผมตกใจในความบังเอิญจนทำอะไรไม่ถูก เราสบตากันระหว่างที่เดินเข้าใกล้กันทุกขณะ คิดไม่ตกว่าควรทักทายหรือเปล่า

ผมกับเขาเดินสวนกันไปแล้วสองสามก้าว แต่อาจเพราะเห็นว่าเขายังมองผมจนเหลียวหลังเช่นกันจึงตัดสินใจหยุด ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออกว่าเป็นใคร แล้วเดินเข้าไปพูดคุย

“ไง” เราทักกัน

“มาทำอะไรเนี่ย” ผมถาม เพราะที่นี่ไม่ได้ใกล้มหา’ลัยมันเลย แต่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใส่ชุดนิสิต

“นัดเพื่อนไว้ แล้วมึงล่ะ” มันยกมือเสยผมที่ยาวระบ่ากว้าง หน้ายังหล่อจัดเหมือนเดิม ผิวขาวแบบเชื้อสายจีน ตาคม จมูกโด่งปลายงุ้มนิดๆ ริมฝีปากบางได้รูป คอยาวแต่หนา สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ สูงเซอร์ โคตรเท่ ผมไม่ได้เตี้ย แต่มันสูงกว่าผมสักสิบเซ็นต์ได้ รูปร่างที่สมาร์ทมากๆ แบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมชอบแอบมองมันบ่อยๆ

“มาคุยงาน ส่งเอกสาร”

“นัดอาจารย์ไว้เหรอ” มันเลิกคิ้ว คงสงสัยว่ามาคุยเรื่องรายงานอะไรกลางห้าง

“เปล่า งานพิเศษ” ผมขยับแฟ้มที่หนีบไว้เป็นเชิงอธิบาย “นัดที่แมค แต่ปวดฉี่เลยมาห้องน้ำ”

“ขยันโคตร แล้วเป็นไง ไม่ได้เจอเลย ยังคุยกะใครอยู่มั้ย”

“ก็เจอตั้งหลายคน ในเฟสก็เรื่อยๆ แต่ที่ยังอยู่กลุ่มเดียวกันก็มีไอ้ต่อ ไอ้เม ไอ้หวาน”

“มึงเรียนนิติใช่ป่ะ”

ผมแปลกใจนิดหน่อยที่มันรู้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าพวกรุ่นผมเรียนด้วยกันมาตั้ง 12 ปี ต่อให้ไม่สนิทก็ยังต้องรู้ข่าวคราวกันบ้างจนได้

“อือ แล้วมึงอ่ะ” ถามไปยังงั้น ผมรู้ว่ามันเอนท์ติดวารสารฯ ภาคอินเตอร์ แถมได้เป็นเดือนตอนปี 1 ด้วย

“วารสารอินเตอร์ว่ะ”

“อือ...เดี๋ยวกูไปละ มึงไปห้องน้ำเหอะจอม ไว้เจอกัน” รู้สึกเริ่มจะหมดเรื่องพูด ผมเลยเป็นฝ่ายตัดบทเพราะได้เวลานัดคุยงานแล้วด้วย

“เออ ไปนะ” มันโบกมือส่งๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมหันหลังออกเดินด้วยรอยยิ้ม รู้สึกดีใจที่บังเอิญเจอมัน ใครจะว่าผมเว่อร์ก็ตาม แต่ทั้งที่ไม่รู้วันเวลาหรือสถานที่ กลับได้มาเจอคนที่เรารู้สึกดีด้วยอย่างไม่คาดหมายนี่มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์เล็กๆ เลยนะ พร้อมกันนั้นความรู้สึกหวานปะแล่มในใจ ความทรงจำเก่าๆ กับความรู้สึกที่ไม่เคยหายไปก็โถมทับผมเหมือนคลื่นทะเลซัดเข้าหาฝั่ง สะท้านจนตัวเกือบสั่น...

นี่ผมยังรักมันอยู่จริงๆ...

...

แต่ปาฎิหาริย์ของผมกลับไม่จบอยู่เพียงแค่นั้น ตอนนี้ผมเงยหน้าจากมือถือกับเฟรนช์ฟรายแมคและมองเห็นหน้าหล่อๆ ของผู้ชายที่ชื่อจอมเดช คนที่ทำให้ผมใจเต้นอีกครั้ง

“ยังไม่กลับอีกเหรอมึงอ่ะ” มันพูดพร้อมกับเลื่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม

“เออ...กลับตอนนี้รถมันติด สักสองทุ่มค่อยออก” ผมพูดตามความจริง

“แล้วกลับไง”

“บีทีเอส” ผมมองมันที่หยิบมันฝรั่งชืดๆ กินด้วยความงงผสมดีใจ “แล้วไหนเพื่อนมึง”

“ดูหนังเสร็จก็แยกย้ายแล้ว แต่กูหิวเลยว่าจะหาอะไรกิน” มันเคี้ยวพร้อมมองหน้าผมสักพัก “มึงกินไรยังธี ไปกินกัน ป่ะ”
นี่ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมอาจจะอิ่มแล้ว แต่อันที่จริงก็กินแค่เฟรนช์ฟรายกับกาแฟนี่แหละ ผมไม่ค่อยชอบกินฟาสต์ฟู้ดเท่าไร แต่ซื้อเพื่อจะได้นั่ง

“จะกินไร” ผมกวาดเก็บข้าวของทั้งหมดลงเป้

“กูอยากกินอาหารญี่ปุ่น” ว่าแล้วก็เดินนำลิ่วๆ ส่วนผมก็ตามมันไปอย่างใจง่าย

และยังแปลกใจในความโชคดีของตัวเองไม่หาย...

...

อาหารทยอยวางเต็มโต๊ะ ผมชอบอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจอมก็ชอบ สั่งปลาดิบมาเป็นเรือเลย แต่ก็อีก นอกจากเรื่องที่ว่าผมแอบรักมันแล้ว นอกนั้นผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากนักหรอก ไม่ใช่ไม่อยากรู้ แต่ไม่อยากหมกมุ่นกับมันให้มากเกินไปกว่าที่เป็นอยู่

“ว่าแต่มึงทำงานอะไร” มันถาม

“รับแปลเอกสารทางกฎหมาย ไม่แอดวานซ์นะ ทั่วไป”

“แปลอังกฤษ-ไทย?”

“อือ ไทย-อังกฤษก็รับ จริงๆ กูทำผ่านเวบนอก แต่ถ้าลูกค้าไทยก็มีนัดมาตรวจงานบ้าง เหมือนวันนี้ รายละเอียดมันต้องเป๊ะไง”

“เงินดีเหรอ”

“แล้วแต่ความขยัน แต่ถ้านับต่อคำก็ดี”

“เออ ดีๆ งั้นมื้อนี้มึงเลี้ยง...กูล้อเล่น” มันขำที่ผมอ้าปากค้าง ก็เล่นสั่งมาซะเยอะดันจะให้ผมจ่าย บอกก่อนว่าบ้านผมมีฐานะนะ แต่มันน่ะโคตรรวย ตอนสมัยมัธยมผมใส่แท็ก แต่มันใส่โรเล็กซ์ คิดดูละกัน

“เชี่ย กูทำงานหาเงิน ค่าขนมก็ไม่มี มึงสิควรจะเลี้ยง” ผมว่าไม่จริงจังนัก กะหารอยู่แล้ว คีบของกินเข้าปากไปเรื่อย

“ทำไมไม่มี โดนพ่อแม่ทิ้งแล้วเหรอ” ปากสวยๆ ทำไมยิ้มได้เลวแบบนี้

“ยังอุปการะอยู่เว้ย แต่พอบอกแม่ว่าแปลงานได้ตัง แม่กูก็บอกว่างั้นค่าขนมจากนี้จะไม่ให้แล้ว เฉยเลยว่ะ ซวยฉิบหาย”  ผมส่ายหน้า “ยังจ่ายค่าเทอมให้กูก็กราบละ”

จอมหัวเราะขำอย่างเดียว ก่อนก้มหน้าก้มตากิน แล้วยังสั่งกุ้งเทมปุระเพิ่มอีก มันกินเก่งชะมัดเลยแฮะ

“ธี...มึงยังใช้เบอร์เดิมอยู่ป่ะ” จู่ๆ มันก็ถามตอนใกล้กินเสร็จ

“เบอร์เดิมคือเบอร์ไหน ตอนนี้กูใช้...”

มันควักไอโฟนขึ้นมายิงเบอร์ให้ผม 9 หลังสามตัว เบอร์สวยซะ ผมก็เมมไว้ในมือถือตัวเองเหมือนกัน

สุดท้ายเมื่อจบมื้อ ค่าอาหารก็หารกัน ผมคิดว่ากำลังจะขอตัวมันก็พูดขึ้นมาก่อน

“ติดรถกูดิ เดี๋ยวไปส่ง”

ผมคิดอยู่แป๊บนึง บ้านมันอยู่ห่างบ้านผมไม่มาก ไปทางเดียวกัน แต่ต่ออีกสักประมาณ 15-20 นาที ยังไงก็ต้องผ่านซอยผมก่อนอยู่แล้ว

“ก็ดี ขอบใจ”

ผมเดินตามมันไป ได้นั่งบีเอ็มซีรี่ยส์ 3 เสียด้วย พลางคิดเป็นรอบที่สิบว่าวันนี้ช่างเป็นวันดีของผมจริงๆ


***


“ธี มึงเป็นไร ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่สนใจเพื่อนฝูง” ไอ้ต่อแทรกตัวนั่งเบียดผมที่โต๊ะ ออกปากแซวทันที

“กูอารมณ์ดีไม่ได้รึไง”

“แน้ มีแฟนแล้วเหรอมึงอ่ะ” มันทำหน้าเจ้าเล่ห์กระแซะไหล่ผมเสียแรง ทำให้คนอื่นพลอยหันมาสนใจด้วย

“อะไรธี มึงเป็นผู้ชายสาธารณะของรุ่นเรา ห้ามมีแฟนเว้ย” หวานแทรก ชื่อหวานก็จริงแต่ตัวมันโคตรห้าว สาวหนึ่งเดียวในกลุ่มจากโรงเรียนเก่าเรา

“สัส ได้ยินทีไรกูนึกถึงส้วมทุกที” ผมส่ายหน้าขำๆ ไม่รู้เริ่มต้นเพราะอะไร ตั้งแต่ตอนรับน้องปีหนึ่งรุ่นพี่ผู้หญิงชอบเข้ามาจับแขน เข้ามาหยิกแก้ม ผมก็แค่ยิ้มๆ พวกพี่ๆ เห็นผมชิลเลยเกิดการแย่งตู่ว่าเป็นแฟนคนนู้นเป็นแฟนคนนี้ ไอ้ผมก็ยิ้มรับมุกไปเรื่อย รู้ตัวอีกทีได้เป็นผู้ชายสาธารณะไปซะแล้ว วันไหนพี่ๆ อยากควงก็จะเข้ามานั่งกระแซะ ให้กินข้าวกินน้ำเป็นเพื่อน ควงเดินไปซื้อนู่นนี่บวกใช้แรงงานช่วยถือของนิดหน่อย หรือเป็นลูกมือยามทำกิจกรรม แต่ไม่มีอะไรเกินเลย คลายเครียดกันล้วนๆ

ผมไม่ใช่คนหล่อขนาดดารา สูงก็กลางๆ รูปร่างก็กลางๆ หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ แต่ผิวขาวหน่อย พวกผู้หญิงชอบบอกว่าผมหน้าใส หน้าเฉยๆ ขรึม แต่เวลายิ้มแล้วหวาน ที่สำคัญผมเป็นคนนิ่งๆ ง่ายๆ ใจเย็น ไม่รุ่มร่าม ไม่หยาบคาย ที่จริงผมคิดว่าตัวเองเป็นคนน่าเบื่อ ไม่หวือหวาโลดโผน แถมยังชอบอ่านการ์ตูน เล่นเนท วาดรูป ถ่ายภาพ สะสมฟิกเกอร์ อยู่กับบ้าน อย่างที่เขาเรียกว่าโอตาคุล่ะมั้ง แต่บังเอิญว่าผมไม่ใช่คนไร้มนุษยสัมพันธ์ ถ้าให้เข้ากลุ่มเฮฮาผมก็ทำได้ ให้เป็นผู้นำหรือผู้ตามผมก็ทำได้ แค่จะทำหรือเปล่าเท่านั้นแหละ

“แล้วตกลงใคร โบว์ สาวนิเทศที่ชอบยิ้มให้มึงบ่อยๆ ใช่ป่ะ” นิค เพื่อนอีกคน มันยังไม่จบประเด็น

“กูยังไม่ได้บอกเลยว่ามีแฟน กูแค่อารมณ์ดีเฉยๆ ไปกันใหญ่แล้วพวกมึง” ก็แค่อารมณ์ดีที่ได้เจอ ได้กินข้าว ได้นั่งรถ แถมได้เบอร์จอมเท่านั้นเอง

“ไอ้เหี้ยแม่งเขินอ่ะดิ ระวังไว้ กูจะล้วงลับตับแตกมึง” ไอ้ต่อหันไปหัวเราะกับเพื่อนในกลุ่ม ผมก็ปล่อยมันไป

“เออ เมื่อวานกูเจอจอมด้วย จอมเดชน่ะ” ต่อ เม หวาน เป็นเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันกับผม พวกมันรู้จักจอมอยู่แล้ว

“อ๋อ ได้ข่าวว่ามันไปรุ่งนี่ อดีตเดือน สาวๆ ตรึม” ไอ้เมว่า เห็นชื่อเมแต่มันเป็นผู้ชายนะครับ ชื่อจริงคือ เมธี “แล้วมันมาทำไรอ่ะ”

“ดูหนัง”

“หรือว่ามาหาแฟนเก่ามัน” เมพูดถึงเกลคนที่จอมเคยคบด้วยสมัยมัธยม เกลเป็นลูกเสี้ยว สวยระดับนางฟ้า ผิวขาว ปากแดง ผมสีน้ำตาล นามสกุลดัง ตอนนี้เรียนอยู่อักษรที่นี่ ผมคิดถึงแล้วแปลบๆ ในใจนิดหน่อย แต่เคยคิดว่าสองคนนี้เหมาะสมกันมาก ได้ข่าวว่าเลิกกันก่อนจะเข้ามหา’ลัยได้ไม่นาน

“ไม่รู้สิ แต่กูไม่เห็นเกลนะ”

“โอ๊ย หล่อเลือกได้ ควงสาวใหม่มาเที่ยวมากกว่า” ต่อโบกไม้โบกมือ

“ไอ้อินเตอร์นี่มันปิดเทอมเปิดเทอมไม่เหมือนคอร์สปกติใช่ป่าววะ” อืม...คงเพราะปิดเทอมรึเปล่าถึงใส่ชุดลำลองออกมาเที่ยวเล่นได้ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน “น่าจะใช่นะ สงสัยแม่งปิดกลางภาค” หวานถามเองตอบเองเสร็จสรรพ

หลังจากหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ผมเองก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ยังสุขใจไม่หายกับเรื่องบังเอิญเมื่อวานนี้ที่จะกลายมาเป็นคอเลคชั่นหนึ่งในความทรงจำดีๆ ของผมอย่างแน่นอน


***


วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ยังไม่อยากกลับเร็วเลยกะจะดูหนังสักเรื่อง ผมเดินทอดน่องยืนดูโปสเตอร์หน้าหนังที่น่าสนใจไปเรื่อยเปื่อย กำลังคิดว่าจะเป็นหนังที่กำลังฮิตดี หรือหนังสารคดีที่มีฉายเฉพาะที่นี่ดี ผมไม่ใช่ฮิปสเตอร์แต่อย่างใด แค่พอดีรู้ว่าโรงใหญ่ที่นี่เก็บโรงฉายบางส่วนไว้ฉายหนังสารคดีกับหนังนอกกระแสด้วย ถ้าสนใจก็อยากอุดหนุน เขาจะได้ลงทุนเอาเข้ามาอีก หนังแนวนี้หลายเรื่องสนุกและไม่ได้ดูยากอย่างที่คิด

“เฮ้ย ธี” เสียงทุ้มดังแทบชิดหูพร้อมกับมือที่ตบลงมาบนบ่าไม่แรงนักแต่เล่นเอาสะดุ้ง ผมหันขวับไปหาต้นเสียงแล้วพบว่าเป็นคนเดียวคนเดิมที่ทำให้ใจผมสั่นได้ตลอดเวลา

“เป็นไร ตกใจเหรอ” มันยิ้มซะผมตาแทบพร่า

“ตกใจดิ จู่ๆ ก็โผล่มา” ผมว่าพลางดึงหูฟังออกจากหู มัวแต่ฟังเพลงเลยไม่ได้สังเกตว่ามันย่องมาประชิดตัวขนาดนี้

“ทำไรอยู่ ไม่เห็นตอบ” จอมพยักเพยิดมาที่มือถือของผม

“หือ” ผมหยิบมากดดูแชต มีข้อความของมันจริงๆ ด้วย ถามว่าผมอยู่ที่ไหน ผมตั้งไม่ให้มันส่งเสียงเตือนเลยไม่รู้ “โทษที ปิดเสียงไว้น่ะ”

“เออ ดีนะที่บังเอิญเจอไอ้เม มันบอกว่าสงสัยอยู่แถวนี้เลยมาดู แล้วนี่จะดูหนังเหรอ”

“อือ ก็ถ้ามีอะไรน่าดู...”

“เรื่องนี้มึงดูยัง” ยังไม่ทันพูดจบมันก็ชี้โปสเตอร์หนังสารคดีที่ผมลังเลอยู่เมื่อกี้

“ยังอ่ะ”

“ดูป่ะ”

อืม...ถามง่ายแต่ตอบยากจัง ไม่ใช่ไม่ดีใจนะแต่ตั้งตัวไม่ติด

“มึงว่างเหรอ” ผมตอบด้วยคำถาม วันนี้มันก็ใส่ชุดลำลองอีกแล้ว เสื้อเชิ้ตพอดีตัวกับกางเกงยีนส์ฟอก ลากรองเท้าแตะ แค่นี้ทำไมยังดูหล่อนักก็ไม่รู้

“กูปิดเทอม” มันยกนาฬิกาขึ้นดู “ไปดูรอบกัน”

ผมที่ยังงงนิดๆ โดนคว้าแขนลากไปซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว มันคิดไว ทำไว แถมมือไวจริงๆ ให้ตายเหอะ

“มึงมาคนเดียวเหรอ” ผมถามเมื่อเราซื้อตั๋วเสร็จแล้ว กำลังลงมาซื้อกาแฟกินฆ่าเวลารอรอบฉาย

“อือ...” เหมือนมันจะพูดอะไรต่อแต่ก็เงียบไป ผมเหลือบตามองแต่มันก็หันไปทางอื่น “ดูหนังเสร็จอยากกินไรมึงคิดด้วย”

พูดยังงี้แปลว่าจะไปกินข้าวด้วยกันอีกใช่มั้ย ผมถึงกับต้องแอบกัดปากกัดลิ้นตัวเองไม่ให้เผลอยิ้มกว้างออกมา

สารภาพตามตรงว่าดูหนังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย ไอร้อนจากศอกที่แตะกันเบาๆ ทำเอาผมเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหน ทำทีพิงเบาะลึกๆ เพื่อจะได้เหลือบมองเงาร่างข้างกาย มันกินน้ำแก้วเดียวกับผมด้วย เขินชะมัด จะรู้บ้างมั้ยว่าที่ผมทำตัวเป็นปกตินั้นมันเสแสร้งทั้งเพ อยู่กับมันผมไม่เคยเป็นปกติ ไม่เคยไม่รู้สึก ไม่เคยไม่ลิ้มรสบางสิ่งซึ่งหวานซ่านและขมปร่าในเวลาเดียวกัน...

ถ้าพูดได้ ผมอยากบอกมันว่าอย่าใกล้ชิดกันนักจะได้มั้ย...หัวใจไม่รักดีมันจะลอยขึ้นฟ้าทุกครั้ง ทั้งที่รู้ว่าสุดท้ายมีแต่ต้องตกลงมาตาย ก็ยังคอยแต่จะโผบินขึ้นไป ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...


***

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight [002]
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 18-11-2017 16:35:03
002


นับจากวันนั้นผมก็ได้แชตกับจอมผ่านเฟสบุ๊คหรือไม่ก็ไลน์ตลอด นัดเจอแทบจะวันเว้นวัน อย่างเมื่อวานเพิ่งไปซื้อของด้วยกันวันนี้ก็กำลังนั่งรอมันอีกแล้ว ผมไม่รู้ว่าทำไมจอมถึงได้เกิดอยากมาเป็นเพื่อนกับผมเอาตอนนี้ และผมก็ไม่คิดถามหาคำตอบ สิ่งที่ผมอยากทำก็คือใช้เวลานี้ที่มันยังอยู่ใกล้ผม ยังไม่เบื่อผม ให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่มีอะไรติดค้างให้เสียใจภายหลัง

ความรู้สึกของผมมันยังอยู่ที่เก่า เพียงแค่พองฟูกว่าเดิม กระนั้นก็คงไม่อาจหาญพอจะบอกความรู้สึกนี้ออกไปให้มันรับรู้ ผมไม่อยากให้เราต้องลำบากใจจนเข้าหน้ากันไม่ติด แค่ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีมากเกินกว่าที่ผมนึกฝันไว้ตั้งร้อยเท่าพันเท่าแล้ว

หลายวันมานี้ผมเริ่มเข้าใจว่าจอมเปลี่ยนไปนิดหน่อยจากที่เคยรู้จักมันในช่วงสั้นๆ เมื่อหลายปีก่อน คงเพราะโตขึ้นล่ะมั้ง มันยังเอาแต่ใจเหมือนเดิม ลองตัดสินใจอะไรแล้วจะลงมือทำทันที แถมไม่ค่อยปรึกษาคนที่โดนหนีบไปด้วยเลย แต่ถ้าคัดค้านจริงๆ อย่างมีเหตุผลมันก็ยอมฟังเหมือนกัน หรือหลายๆ ครั้งก็ให้ผมเป็นคนเลือก เป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่ต้องตามมันฝ่ายเดียวเหมือนเมื่อก่อน

นอกจากนี้ผมยังได้เห็นความคล้ายและแตกต่างของเราชัดเจนกว่าเดิม ผมเคยคิดว่าเราตรงข้ามกันค่อนข้างมาก เตรียมไว้ว่าคงต้องฝืนใจหลายเรื่อง แต่ที่จริงแล้วรสนิยมหลายๆ อย่างกลับคล้ายกันอย่างไม่น่าเชื่อ เช่นเพลงที่ฟัง หนังที่ดู การ์ตูนที่อ่าน อาหารที่ชอบ ทำให้ผมชักติดใจที่ได้ออกไปไหนมาไหนกับมันเข้าเสียแล้ว

หวั่นไหวใจสั่นก็เหนื่อยอยู่หรอกแต่ที่เหนื่อยกว่าคือการหักห้ามใจ พยายามเตือนตัวเองว่าผมเป็นใครและมันเป็นใคร เราคบกันได้ในฐานะเพื่อนเท่านั้น ไม่ควรคิดฟุ้งซ่านไปไกลกว่านี้ ผมเคยคิดว่าตัวเองระงับความรู้สึกได้ดี แอบรักมันมาตั้งหลายปีก็อยู่ได้ไม่เห็นทุกข์ร้อน แต่นั่นเป็นเพราะเรามีระยะห่างระหว่างกัน ไม่ได้สนิทสนม ไม่ได้...ก่อให้เกิดความหวัง เหมือนกับตอนนี้…
 
“มาแล้ว รับหน่อย ร้อน” จอมเดินเข้ามาพร้อมชามก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ยื่นให้ผมชามนึง

เมื่อครู่ผมบอกว่ากำลังรอ ลืมบอกไปว่ารออยู่ที่บ้านมันน่ะล่ะ หมู่นี้บางวันมันจะรับผมมานั่งเล่นนอนเล่น โดยเฉพาะวันหยุดอย่างนี้ มันว่าขี้เกียจไปที่อื่น คนเยอะ บ้านของจอมอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรย่านคนมีเงิน หลังนี้ที่เล็กกว่ามันอยู่คนเดียว ส่วนของครอบครัวอยู่หลังใหญ่หน้าหมู่บ้าน ถึงจะบอกว่าหลังเล็กก็สองชั้นครึ่งมีสนามหญ้า มันปรับชั้นล่างทั้งชั้นเป็นห้องโฮมเธียเตอร์ มีบาร์เครื่องดื่ม กับแบ่งส่วนวางโต๊ะบิลเลียด มีโต๊ะปิคนิคและเตาบาร์บีคิวกลางแจ้ง พร้อมสำหรับสังสรรค์ ส่วนชั้นลอยที่ผมกำลังนั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่นี้เป็นห้องเล่นเกมของมัน

“เอาชาเขียวหรือเป็บซี่”

“เป็บซี่”

มันยื่นแก้วมาให้ แถมเลื่อนชามลูกชิ้นลวกพูนชามมาให้อีก

“แดกไป อร่อยนะเนี่ย”

“อือ ขอบใจ” ดูมัน กระทั่งกินยังบังคับ แต่ก็อร่อยจริงๆ นั่นแหละ อุตส่าห์ไปซื้อมาให้ก็น่าขอบคุณนะ

“ทำงานเสร็จยัง”

“อีกนิดนึง” วันนี้ผมต้องส่งงานแปลอังกฤษ แต่ความจำเป็นแค่นี้ขวางอะไรจอมไม่ได้อยู่แล้ว สรุปคือผมต้องแบกโน้ตบุ๊คมานั่งทำที่บ้านมันตามบัญชา ในขณะที่มันนอนเล่นเกมสบายใจเฉิบแถมหันมาเร่งให้ไปเล่นเป็นเพื่อนเป็นระยะตั้งแต่เช้าแล้ว
ที่บอกว่ามันดีขึ้นขอถอนคำพูดยังทันมั้ยนี่

จอมยักไหล่แล้วโกยลูกชิ้นใส่ชามก๋วยเตี๋ยวเปล่าไปนั่งกินหน้าจอ เล่นเกมต่อ มีไอ้แจ็ค ไซบีเรียนฮัสกี้วัยกำลังโตหมอบอยู่ปลายเท้า ไม่ใช่ว่ามันสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอะไรหรอกนะ แต่เพราะได้วิ่งเล่นกับพวกผมตั้งแต่เช้าจนเหนื่อยต่างหาก ขนาดหนีขึ้นมาทำงานก่อนจอมก็ยังเล่นกับมันต่อจนต้องขึ้นไปอาบน้ำเพราะเหนียวตัวไปหมด เลี้ยงหมาตัวโตผมว่าต้องใช้พลังงานมากเลยนะเนี่ย

ผมรีบกินให้เสร็จแล้วนั่งอ่านทวนทุกอย่างรอบสุดท้าย ตรวจทานก่อนส่งไม่ลืมที่จะเช็คว่าข้อความเซฟแล้วเป็นระยะ ใครที่เคยคอมพ์แฮงค์ระหว่างทำงานคงเข้าใจความเจ็บปวดได้ดี

“เสร็จยังงงง” แม่ง...

“มึงจะถามกูทุกห้านาทีเลยรึไงฮะ”

“ก็เสร็จยังล่ะ”

“เออๆ เสร็จแล้ว แม่งเร่งกูจริง” ผมกดส่งงาน ถอดเก็บแว่นสายตาแล้วเดินไปหามันอย่างเคืองๆ นิดหน่อย มีการยิ้มหน้าเป็นใส่อีกนะ กูโมโหมึงนะเนี่ย

“โอ๋ ไม่โกรธๆ อ่ะ” มันง้อส่งๆ ก่อนโยนจอยมาให้ แล้วผมจะทำอะไรได้ นอกจากยอมเล่นเป็นเพื่อนมัน แค่ยิ้มก่อนหน้านี้ความขุ่นใจใดๆ ก็ปลิวหายไปกับสายลมแล้ว

ผมนี่อ่อนชะมัด


***


มือหนึ่งเล่นเกม มือหนึ่งกินขนม เท้าก็เกาพุงไอ้แจ๊คที่นอนเลื้อยมาหาผมเพราะเจ้านายมันไม่ยอมเล่นด้วย เผลอแป๊บเดียวก็ค่ำแล้ว จอมพาผมเดินไปบ้านใหญ่ไปกินข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ ปกติจอมจะอยู่คนเดียวแต่เดินไปกินข้าวเย็นกับที่บ้านแทบทุกวัน ผมว่าก็น่ารักดีนะ บ้านผมเสียอีกทีแทบไม่เคยกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเลย

ไม่ใช่ว่าห่างเหินหรือขาดความอบอุ่น แต่เป็นวิถีในแบบของเรามากกว่า คุณพ่อผมเป็นข้าราชการ ส่วนคุณแม่เป็นเจ้าของกิจการสถาบันเสริมความงาม พี่ก็เป็นหมอ น้องๆ ผมก็ติดเพื่อน มีผมนี่แหละอยู่ติดบ้านที่สุด ซึ่งระยะหลังนี้ก็ดันโดนลากออกมาบ่อย ชีวิตของแต่ละคนทำให้มาเจอกันยาก แต่เราก็พยายามมากินข้าวด้วยกันอาทิตย์ละหนเป็นประจำ   

ขากลับมันไม่ได้เอารถออกเหมือนทุกที เดินขึ้นห้องนอนไปเปิดแผ่นหนังดูเฉย ตกลงยังไง วันนี้จะให้ผมกลับบ้านเองเหรอ ก็ได้อ่ะนะ

“คืนนี้มึงค้างนี่นะ” มือที่กำลังจะเก็บของเข้าเป้หยุดชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่มันชวนให้ผมค้างด้วย

ผมไม่รู้จะตอบว่าไง ไม่เอา...ทำไมไม่เอาล่ะ ถ้าปฏิเสธมันจะพิลึกไปหน่อยรึเปล่า จะเอางานมาอ้างมันก็ดันรู้อีกว่าผมทำเสร็จแล้ว แต่ถ้านอน...ก็แล้วมันจะมีอะไรเกิดขึ้น นอกจากผมหัวใจวายตายด้วยความฟุ้งซ่านของตัวเองเท่านั้นเอง

ดูเหมือนจอมจะถือเอาความเงียบเป็นคำตอบรับ มันหันมาเรียกให้ไปดูหนังด้วยกัน เป็นอันว่าคำพูดคัดค้านก็ไม่ได้เอ่ยออกไปแม้สักครึ่งคำ เอาวะ ตายเป็นตาย



กำลังดูหนังช่วงใกล้จบเพลินๆ จู่ๆ ก็ต้องตกใจเกือบสะดุ้งที่มีมือมาแตะคาง ผมหันขวับทันที

“คางมึงเป็นไรทำไมแดงๆ”

“...กูเป็นสิว มึงอย่าจิ้ม” ผมปัดมือมันออก อยู่กันสองคนบ่อยครั้งแล้วก็จริงแต่ก็ยังไม่เคยชินกับสัมผัสเสียที

“เดี๋ยวกูบีบให้” ไม่พูดเปล่า ขยับเข้ามาทำท่าจะจับให้ผมยื่นหน้าไปให้มัน

“ไม่เอา มันไม่มีหัว แต่เจ็บ โอ๊ย! ไอ้เชี่ย” มันแกล้งจิ้มซ้ำแถมโถมมาล็อคคอ ผมก็คว้าหมอนอิงทุบสู้ เอาตีนยันด้วย ไอ้หมีป่านี่ ตัวก็ใหญ่แรงก็เยอะ “กูบอกว่าอย่า จากสิวแม่งจะเป็นฝีแล้ว ไอ้ห่า!”

จอมหัวเราะชอบใจใหญ่

“ก็เห็นมึงหน้าใส มีสิวกับเขาด้วยเหรอ” พูดไม่ดูตัวเองเลย มันก็หน้าใสเหมือนกัน เคยเห็นมีสิวผดนิดหน่อยที่หน้าผากเป็นบางครั้งเท่านั้นเอง

“เห็นกูหมดหล่อแล้วสะใจเหรอ ออกไปเลยมึงอ่ะ หนัก”

“อื้อหือ ชมตัวเองก็ได้” มันยอมขยับออกไป ล้วงน้ำแข็งเกล็ดก้นแก้วดีดใส่หน้าผมด้วย ไอ้นี่

“เออ ไม่มีใครชมเหมือนมึงนี่ กูก็ต้องชมตัวเอง มีไรป่ะ”

“อย่างมึงเหรอ หล่อก็เรียกได้ แต่กูว่า...” มันหรี่ตาทำหน้าชั่วร้ายแล้วพูดค้างไว้

“ทำไม พูดมา”

“น่ารักมากกว่า”

“...” ผมอึ้งหาคำโต้ตอบไม่ออก รู้นะว่ามันพูดเล่นแต่ก็อดเขินไม่ได้ อ่อยคนเก่งนักนะมึง

ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ หนีเลยละกัน

“แม่ง กูไปอาบน้ำแล้ว”

จอมยักไหล่กวนๆ ก่อนจะเดินไปหาเสื้อกับกางเกงนอนให้

ผมเดินเข้าไปอาบน้ำที่จงใจปรับให้เย็นนิดหน่อย เมื่อกี้เราเผลอแสดงสีหน้าอะไรออกไปให้มันรู้หรือเปล่านะ ความคิดกังวลล้านแปดแล่นเข้ามาไม่หยุดหย่อน แต่ที่จู่โจมเข้ามาไม่แพ้กันคือความใกล้ชิดที่ชักจะมากจนใจแทบรับไม่ไหว แค่โดนกอดคอเข้าหน่อยหัวใจก็เต้นแรงจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย...

แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความสุข ผมปล่อยให้ริมฝีปากแย้มยิ้มออกมาเต็มที่ ก็รู้หรอกนะว่าจะไม่ได้รับการตอบสนองไปตลอดชีวิต ทว่าทำอย่างไรได้ ผมยอมแพ้ให้มันตั้งนานมาแล้ว ตั้งแต่เมื่อเราได้พบกันเป็นครั้งแรก...


***

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight [002]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-11-2017 19:41:59
อย่าลืมแปะกฏนะ
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight [003]
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 19-11-2017 12:50:50
003


ถ้าใครคาดหวังว่าตกดึกจะมีแตะแขนแตะไหล่อารมณ์สปาร์คไฟลุกพรึ่บพรั่บเสียตัว ขอบอกว่าเพ้อเจ้อ ก็นอนธรรมดา เตียงมันกว้างแถมมีหมาตัวเท่าลูกหมีนอนกั้นอีก ไม่มีมู้ดเมิ้ดอะไรให้สร้างหรอก ผมตาค้างนิดหน่อยเพราะแปลกที่ กว่าจะได้หลับจริงคือดึกมาก ตื่นสายซะ 10 โมงเลย จอมไม่อยู่ ไม่รู้เดินไปกินข้าวเช้าที่บ้านใหญ่หรือเปล่า จะปลุกสักหน่อยก็ไม่ได้ คือหิว

เปิดโทรศัพท์ดู มีข้อความของมันส่งมา

[ถ้าตื่นแล้วก็ลงมากินข้าวซะ มีโจ๊กหมูข้างล่าง นวลเอามาส่ง อุ่นเอาเองนะ] นวลคือเด็กแม่บ้าน ทุกวันจะมาส่งอาหารเช้าแล้วปัดกวาดเช็ดถูบ้านหลังนี้ เสร็จงานก็กลับบ้านใหญ่

ยังดีที่นึกถึง ผมเดินเมาขี้ตาไปล้างหน้าแปรงฟัน ก่อนลงไปที่โต๊ะกินข้าวข้างล่าง มองไม่เห็นจอม เลยเอาโจ๊กหมูใส่เครื่องในเข้าไมโครเวฟตามที่มันบอก พร้อมกดแชตไปหา ถามว่าอยู่ไหน

[อยู่บ้านแม่ เดี๋ยวกลับ]

ผมตอบรับรู้ไป ตักโจ๊กเข้าปากโดยมีเจ้าแจ็คเดินเอาคางมาเกยขา เลยแยกหมูสับก้อนกับเครื่องในบางชิ้นไว้ รอกินเสร็จก่อนค่อยให้ มันจะได้ไม่เสียนิสัย

[กลางวันนัดเพื่อน ไปด้วยกัน] จอมส่งข้อความมาอีก

[ไม่มีเสื้อใส่] เมื่อคืนนี้ค้างกะทันหัน เสื้อนอนยังต้องยืมมันเลย เสื้อผ้าของผมก็ยังไม่ได้ซัก จะเอาของมันอีกก็ต่างกันเยอะ ไม่ไหวมั้ง

คราวนี้จอมไม่ตอบกลับ ผมเลยนั่งกินโจ๊กต่อ เสร็จก็พอดีมันเดินกลับมา หิ้วองุ่นที่บ้านใหญ่แบ่งมายื่นให้ผมพวงนึง ที่เหลือเก็บใส่ตู้เย็น

"เดี๋ยวไปซื้อที่ห้าง เสื้ออ่ะ" ห้างที่ว่าก็ที่อยู่ติดหมู่บ้านมันนี่แหละ ที่ผมเคยมาเล่นเกมกับมันเมื่อก่อนนู้น

เห็นว่ามันจะเอาตามนั้นให้ได้ ผมก็ไม่มีอะไรจะขัด วันนี้ก็ว่างอยู่แล้วด้วย

...

ไม่นานเราสองคนก็มายืนเลือกเสื้อผ้ากันอยู่บนห้างสรรพสินค้า โดยที่ผมสวมยีนส์ของตัวเองแต่เสื้อยืดยังเป็นตัวเดิมที่ใส่นอนเมื่อคืน ดูซอมซ่อเหมือนเด็กรับใช้ติดตามคุณชาย ซึ่งก็คือไอ้จอมที่แต่งตัวพร้อม เสื้อเชิ้ตมีแบรนด์แขนสั้นสีเขียวทหารโชว์กล้ามต้นแขนล่ำๆ มีอินทรธนูที่ไหล่ เน้นช่วงบ่ากว้างที่ตั้งตรงดูสมาร์ทมาก เข้ากับยีนส์สีซีดมีรอยขาดแบบจงใจอาร์ต รองเท้าโอนิซึกะรุ่นลิมิเต็ด บวกกับน้ำหอมกลิ่นสะอาดและหน้าตาที่หล่อโคตะระของมัน เรียกสายตาให้สาวแท้สาวเทียมเหลียวมองคอแทบหัก

หมั่นไส้ บ่องตง แต่ก็หล่อ ...ยอม

ผมเลือกตัวที่ชอบออกมาสองสามตัว กะจะลองก่อนค่อยซื้อ ไม่ชอบใส่เสื้อใหม่ที่ยังไม่ได้ซักเอาเสียเลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ สุดท้ายก็ได้เชิ้ตขาวลายน้ำเงินมาตัวนึง สไตล์พับแขน มีลูกเล่นที่ช่วงพับนิดหน่อย ผมออกมาสะกิดพนักงานที่แอบมองคนตัวสูงจนแทบลืมลูกค้าอย่างผมไปแล้วให้หันมาสนใจกันบ้าง

"มีตังเปล่ามึง ไม่มีเอาที่กูก่อนก็ได้"

"ไม่ต้องหรอกเสี่ย กูมี" ผมยิ้มขำ หยิบแพลตินั่มการ์ดให้พนักงานไปคิดเงิน ส่วนกระเป๋าสตางค์โดนมือใหญ่คว้าไปสำรวจหน้าตาเฉย

"บัตรแพลตเต็มกระเป๋า ไหนว่าแม่ตัดเงิน"

"ก็ไม่ให้เงิน แต่ให้วงเงินไง กูเป็นเด็กดี แม่รักกู" ผมหยิบกระเป๋าคืน บัตรที่เห็นก็พ่วงของแม่ทั้งนั้นล่ะครับ ที่ว่าตัดค่าขนมคือเรื่องจริง แต่แม่ให้บัตรมาใช้แทน ใช้ได้เดือนละเท่าไรเรามีข้อตกลงกัน ผมเป็นคนมีวินัยการใช้เงินมากที่สุดในหมู่พี่น้อง เลยได้ถือหลายใบ ไว้ใช้แล้วแต่กรณี ส่วนใหญ่ก็สำหรับจ่ายแทนแม่เวลาแม่ติดธุระ นอกนั้นพี่น้องผมได้อย่างมากก็สองใบ

"นัดเพื่อนมึงไว้ที่ไหน" ผมถาม เซ็นบิลแล้วก็รับถุงเสื้อเน่าตัวเก่ามา กะจะซักค่อยคืนแต่เจ้าของเสื้อบอกไม่ต้อง แย่งถุงไปถือเองเรียบร้อย

มันบอกชื่อห้างใหญ่กลางเมืองเป็นจุดหมาย

"เสร็จสักกี่โมงอ่ะ ดึกมั้ย"

"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ขากลับกูก็ไปส่งมึงอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงน่า"

ผมเออออเดินตามมันไปขึ้นรถ จอมเลือกขึ้นทางด่วน ทำให้ไม่ต้องเจอรถติดเท่าไรนัก มาถึงก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมงได้

"หิวแล้ว หาไรกินก่อนเหอะ" คนตัวใหญ่อนามัยผิดหน้าตา กินข้าวโคตรเป็นเวลา เที่ยงปุ๊บหิวปั๊บ

"แล้วนัดกันรึเปล่าว่าจะเอาร้านไหน"

"แคร์ทำไม เลือกร้านก่อนแล้วให้มันตามมากินกันทีหลัง"

คำตอบสมเป็นคุณชายมาก... มันพาผมเดินเข้าร้านหมูทอดญี่ปุ่นชื่อดัง เปิดเมนูสั่งทันที ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่เพราะกินมื้อเช้าสาย ก็เลยสั่งชุดข้าวไก่ทอด ส่วนอีกคนสั่งชุดหมูทอดกุ้งทอดพิเศษใหญ่เบิ้ม

ระหว่างรออาหารเห็นจอมแชตหาเพื่อน คงบอกว่ารออยู่ที่ไหน เริ่มกินกันไปได้แค่คำสองคำเพื่อนๆ มันก็มากันแล้ว
คนที่มาเป็นผู้ชาย 3 หญิงอีก 2 หน้าตาดีกันทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ชายผมหยักศกตัดอันเดอร์คัทตัวสูงข้างหลัง ที่ผมคุ้นหน้าชอบกล

“แดกไม่รอเลย ห่า กูอยากแดกสปาเก็ตตี้ เลือกร้านไม่ทันมึงอีกละ” คนที่ดูขาวตี๋ เกาหลีหน่อยๆ ไถลตัวเข้ามาถองจอม ก่อนมองมาทางผมแล้วยิ้มกว้าง “หวัดดีค้าบ ชื่อโจ้นะ”

พอโจ้แนะนำตัวที่เหลือก็ขานบ้าง ผู้ชายหน้าไทยๆ หล่อคมคือเอก ผู้หญิงที่มาด้วย คนหนึ่งขาวจั๊วะ น่ารักใสๆ เป็นแฟนโจ้ชื่อน้ำ อีกคนเป็นเพื่อนน้ำชื่อพราว สวยเหมือนแขกขาว ส่วนคนตัวสูงชื่ออาร์ต

“เราธี” อยากแนะนำตัวมากกว่านี้แต่เอะใจเสียก่อน “เอ๊ะ อาร์ตเหรอ ใช่จิตรินหรือเปล่า”

ผู้ชายคนนั้นส่งยิ้มดีใจมาให้ผม พลางขยับเข้ามานั่งใกล้แล้วตีไหล่เบาๆ

“นึกว่าจำไม่ได้แล้ว ไม่เจอนานมาก”

หากยังจำได้ เพื่อนสนิทของจอมที่ผมเคยสนิทด้วยช่วงม.2 ก็คือมันนี่แหละครับ โอ้โห บอกเลยว่าตะลึง จำแทบไม่ได้ คือมันหน้าตาดีตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ผมหยักศก นัยน์ตาโศก ริมฝีปากอิ่ม มีไฝเสน่ห์ที่แก้มขวา เสียแต่เตี้ยไปหน่อย เตี้ยกว่าผมอีก เจอกันอีกทีคือสูงเกือบเท่าจอมแน่ะ เสริมให้ดูหล่อออร่าจับอย่างกับนายแบบ

อาร์ตออกจากโรงเรียนไปตอนม.3 ตามแม่มันไปเรียนที่อเมริกา ตอนจะไปมันคงเสียใจเลยไม่ลา เพื่อนๆ เพิ่งรู้เอาตอนเปิดเทอมม.ปลาย ตอนนั้นผมก็นอยด์บ้างนะที่มันไม่บอก แต่เป็นช่วงที่เราห่างกันไปบ้างแล้ว เลยได้แต่อวยพรให้มันโชคดี ไม่คิดว่าจะได้พบกันอีก

“คือมึงแหละเปลี่ยนไปมาก สูงขึ้นเยอะมากกกก ไปอยู่โน่นแล้วกลายพันธุ์เหรอวะ”

“พ่อง” แหม่…นักเรียนนอกนี่ด่าไทยชัดเหลือเกิน

“สัส แล้วกลับมาเมื่อไหร่ ตอนไปก็ไม่ลา กลับมาก็ไม่บอกอีก แม่งไม่เห็นกูเป็นเพื่อนแล้วใช่มั้ย”

ผมแกล้งตีหน้าเข้ม นึกว่ามันจะหัวเราะเลวใส่ แต่เปล่าเลย มันหน้าจ๋อยลงสนิท แม้แต่ยิ้มก็ยิ้มไม่ออก ผมเลยต้องรีบบอกมัน

“เฮ้ย มึงอย่าซึมดิ เอาจริง กูไม่โกรธเลยนะ เป็นห่วงเฉยๆ”

“เออ… เอาไว้กูค่อยคุยกับมึงทีหลังนะ” อาร์ตสีหน้าดีขึ้น พวกเราหันมาสั่งอาหารกัน ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ

ผมทำความรู้จักกับเพื่อนที่เหลือ ทุกคนเรียนอินเตอร์หมด อาร์ต เอก และ โจ้ เรียนคณะเดียวกับจอม มีน้ำกับพราวที่เรียนคณะอื่น ผมตกใจอีกครั้งที่มันกลับมาเรียนเมืองไทยได้ตั้งสามปีแล้ว แต่เพื่อนผมไม่มีใครรู้เรื่องเลย เฮ้อ ไอ้ตกใจก็เรื่องนึง แต่ผมคงไม่ไปไล่เบี้ยมันหรอก แปลกอะไรถ้าคนเคยเป็นเพื่อนวัยเด็กจะไม่สนิทกันเหมือนเดิมอีกแล้ว การเปลี่ยนแปลงมันเป็นของธรรมดา

“ไม่เคยได้ยินไอ้จอมพูดถึงธีเลย นึกว่าเพิ่งรู้จักกันเสียอีก” เอกคุยกับผม หลังสวาปามส่วนของตัวเองหมดด้วยความเร็วที่น่าส่งไปแข่งทีวีแชมเปี้ยน

“เดิมก็ไม่ค่อยสนิทหรอก เพิ่งมาคุยกันอีกทีไม่นานมานี้ บังเอิญเจอน่ะ”

“ถึงว่า เสียดาย ถ้ารู้จักกันเร็วกว่านี้คงได้ไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกันละ แต่ไม่เป็นไร ทริปหน้าเดี๋ยวชวน”

“ขอบใจ ไม่รู้ว่างตรงกันรึเปล่าอ่ะสิ แต่ถ้าไปได้ก็เอา” ผมยิ้ม

“อุ๊ย ธียิ้มน่ารักอ่ะ มีเขี้ยวเล็กๆ ด้วย” น้ำส่งเสียงแซว

“เกรงใจแฟนบ้างมั้ย พูดยังงี้ เดี๊ยะ!” โจ้แกล้งโบกอากาศเฉียดหัวแฟนสาว

“หึงเหรอ โอ๋ๆ”

ผมดูคู่รักหยอกกันไปมาแล้วต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม น่ารักดีนะคู่นี้ เหลือบมองพราวที่เงียบกว่าใครเพื่อนแล้วต้องสะดุดเบาๆ เมื่อเห็นว่าเป้าหมายการจับจ้องของเธอชัดเจนว่าคงเป็นจอม ที่ก็ไม่รู้อิ่มเกินหรือไง ไม่ค่อยพูดค่อยจา นั่งหล่อทำมิวสิคอยู่ได้คนเดียว

ฝ่ายนั้นหันมาสบตาพอดี ผมจึงส่งยิ้มขอบคุณไปให้ เข้าใจแล้วว่าจอมคงอยากเซอร์ไพรส์ผมกับอาร์ตด้วยการพามาเจอกัน ถึงได้ลากผมมาด้วยวันนี้ แต่มันดันส่งสายตากวนตีนกลับมา เป็นไรของแม่งวะ ถ้าให้เดาสงสัยรำคาญพราว ผมจำได้ว่ากลุ่มเพื่อนมันมีแต่ชายล้วนมาตลอด น้ำเป็นแฟนโจ้ เข้าใจได้ แต่พราวมาแบบไม่เก็บอาการ ไอ้หล่อมันคงเซ็งมั้ง

ก่อนที่บรรยากาศจะกร่อยทุกคนก็กินเสร็จพอดี เลยเดินออกจากร้านแบบไร้จุดหมาย แวะเดินดูโน่นซื้อนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่คนที่ได้ของเยอะก็คือสองสาวนั่นแหละ แยกแป๊บเดียวได้ของมาทีละถุงสองถุง ยิ่งเดินยิ่งเพิ่ม ผมนี่นับถือสกิลการชอปของเพศแม่เลยจริงๆ

สักพัก น้ำกับโจ้ก็ขอแยกตัวไป พราวที่ตามน้ำมาเลยต้องไปด้วยแบบเสียไม่ได้ คล้อยหลังแป๊บเดียวเอกถึงกับหลุดหัวเราะ
“พราวแม่งเอาจริงว่ะ ตามมึงไม่เลิกเลยไอ้จอม”

มันส่งเสียงเฮอะตอบ ท่าทางรำคาญเต็มแก่

“มึงบอกโจ้ด้วย ถ้ามียังงี้อีกก็ไม่ต้องพาแฟนมันมาเลย”

“ใจเย็นๆ พราวก็สวยดีนี่หว่า ไม่ชอบขนาดนั้นเลย”

“ตามเกิน ไม่ชอบ ขืนคบคงมาก้าวก่ายชีวิตแม่งทุกเรื่อง”

“เออๆ” เอกถอนใจ “แล้วนี่เอาไงต่อ จะไปไหน หรือจะกลับ”

“จะกลับแล้ว เย็นกว่านี้เดี๋ยวรถติด” จอมหันมาพยักหน้าให้ผม

“ขอกูซื้อการ์ตูนก่อนได้ป่ะ”

“กูไปด้วย” อาร์ตเดินตามมา เอกเลยขอตัวกลับบ้านไป

ผมเลือกหนังสือออกใหม่ ส่วนอาร์ตยกชุดการ์ตูนที่จบแล้วเรื่องหนึ่งตามคำแนะนำของผม รู้สึกเหมือนได้กลับไปในสมัยที่เรายังสนิทกัน ผมกับอาร์ตเคยถูกคอกันมาก ไม่รู้เมื่อไรที่เราเริ่มห่างเหินกันไป ผมพบว่ามันก็ยังเหมือนเดิม ยังคงตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมพูด สบตาเวลาคุยกัน ดวงตาเชื่อมโศกกับขนตายาวงอนที่เคยทำให้มันหน้าหวานตอนเด็ก กลายเป็นเสน่ห์ชนิดที่ทำให้ผู้หญิงหลายคนละลายได้ไปแล้ว

“กลับไง ไปส่งมั้ย”

“ไม่เป็นไร กูมากับจอม”

เหลือบมองคนที่ไม่ได้เร่ง แต่หน้าตึงขึ้นทุกทีแล้วต้องลอบกลืนน้ำลาย

“แอดเฟสไปแล้วนะ อย่าลืมกดรับ เมมเบอร์กูรึยัง”

“เมมแล้ว ไว้คุยกัน”

ผมโบกมือ ตอนเดินแยกมาเห็นมันยืนส่งอยู่สักพัก นิสัยนี้ก็ทำตั้งแต่เมื่อก่อนเหมือนกัน ผมยิ้มบางๆ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกกับความเย็นที่เข้ามาแนบ…เรียกว่าโปะ หรืออีกทีก็แทบฟาดแก้มดีกว่า

“แดกไป 1 แถม 1 มันเหลือ”

ผมรับแก้วกาแฟปั่นจากจอมพร้อมบอกขอบใจ ผมติดกาแฟ อย่างน้อยต้องกินวันละแก้ว ชอบกาแฟเย็นปั่นเป็นพิเศษ เพราะกินได้จนหมด ไม่เหมือนกาแฟเย็นธรรมดาที่จะเหลือน้ำแข็ง

“อร่อยดี ซื้อมาตอนไหน”

“ตอนรอมึง นาน!”

ไม่น่าถาม โดนด่าอีก ผมยิ้มแหะๆ ขอโทษ วันนี้จอมต้องอารมณ์ไม่ดีหลายเรื่อง ก็น่าเห็นใจนะ

ออกมาจากห้าง รถยังไม่ติดแต่ก็เริ่มหนาแน่น ผมสังเกตอาการคนขับ กลัวจะหงุดหงิดกว่าเดิม แต่ดูจากสีหน้าและการเคาะนิ้วเข้ากับจังหวะเพลงทางวิทยุ บ่งบอกว่ามันผ่อนคลายลงแล้ว ผมจึงคลายอาการเกร็งลงบ้าง เอนพิงพนักเบาะ รับแอร์เย็นฉ่ำ ดูดกาแฟอย่างเป็นสุขไปตลอดทาง…


***


พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน เมื่อบีเอ็ม 325d สีน้ำเงินคันงามจอดเทียบหน้าประตูบ้าน ผมหันไปถามสารถีกิตติมศักดิ์ด้วยคำถามเดิมๆ

“แวะป่ะ”

“อือ” มันรับคำแล้วปลดเข็มขัดนิรภัย

เกือบอุทาน… คือทุกครั้งที่มาส่งมักจะเป็นขากลับจากบ้านจอม อยู่กันมาทั้งวันแล้วที่ชวนตามมารยาทเลยไม่เคยตอบรับ วันนี้เกิดจะเข้าบ้านผมซะงั้น แต่คิดอีกทีมันอาจจะปวดห้องน้ำก็ได้ ผมรีบนำมันเข้าบ้าน

นอกจากแม่บ้านแล้ว คนอื่นยังไม่กลับตามคาด ผมขอให้ป้าพิศเอาขนมกับน้ำขึ้นไปให้ ก่อนนำจอมขึ้นไปยังชั้น 3

“บ้านมึงแปลกดีว่ะ”

ผมเข้าใจว่าหมายถึงอะไร บ้านผมเป็นอาคารสี่เหลี่ยมสูง 5 ชั้น มีลิฟท์เล็กหนึ่งตัว ดูเหมือนอพาร์ตเม้นต์ขนาดย่อมมากกว่า

“เมื่อก่อนก็บ้านธรรมดาแหละ แต่พอแม่เห็นว่าพวกกูเริ่มโตแล้วก็ทำบ้านใหม่เป็นแบบนี้ ชั้นล่างเป็นครัวกับรับแขก ชั้นสองพ่อกับแม่อยู่ กูกับพี่ทัตอยู่ชั้น 3 ชั้น 4 นั่นของไอ้ทศไอ้ธาม น้องกู ส่วนชั้น 5 ดาดฟ้าเป็นที่รวมสังสรรค์”

เมื่อลิฟท์เปิดออกก็เห็นห้องนั่งเล่นตรงกลางมีชุดโฮมเธียเตอร์ ชั้นวางหนังสือกับแผ่นหนังสูงจรดเพดานมีบันไดพาดกับเครื่องดนตรีตั้งอยู่มุมหนึ่ง กั้นห้องใหญ่ไว้ทั้งสองฟาก

“ห้องกูด้านนี้ อีกฝั่งของพี่ทัต แต่ตอนนี้ห้องว่าง ไปเป็นหมอใช้ทุนอยู่”

ผมนำจอมเข้าห้อง เปิดไฟ เปิดแอร์ พอเห็นห้องผมชัดๆ ดูคนข้างหลังจะอึ้งนิดหน่อย เมื่อเจอกับตู้โชว์กระจกสูงเกือบท่วมหัวอยู่กลางทางเดิน 2 ตู้ ติดผนังอีก 2 ตู้ เต็มไปด้วยฟิกเกอร์ของสะสมราวกับร้านขายของเล่น ยังไม่นับตู้กับชั้นด้านในถัดไปแถวเตียงนอนอีก

“นี่ของมึงหมดเลย?” จอมถาม ชะโงกหน้าดูฟิกเกอร์สาวน้อยเวทมนต์อย่างสนอกสนใจ

ผมพยักหน้า เดินไปวางของบนโต๊ะเตี้ย ก่อนกลับมาเปิดไฟตู้เพิ่ม

“มึงดูการ์ตูนผู้หญิงด้วยเหรอ” ไอ้หล่อทำหน้าประหลาด กึ่งขำกึ่งงง

“ไม่ใช่การ์ตูนผู้หญิงหรอก ถ้ามึงได้ดูนะ โคตรดาร์ค”

“แล้วที่เหมือนวงนักร้องนี่อ่ะ เกาหลี?”

“อนิเมไอด้อลญี่ปุ่น”

“มีแต่ผู้หญิงเนี่ยนะ”

“ผู้ชายดูอนิเมไอด้อล ผู้หญิงดูอนิเมกีฬา มึงไม่เข้าใจหรอก” ผมหัวเราะ ปล่อยให้มันงงเล่นโดยไม่คิดอธิบายเพิ่มเติม ความชอบพวกนี้มันเฉพาะทาง เอาไว้มันอยากรู้ค่อยแนะนำก็แล้วกัน

จอมก้มๆ เงยๆ ดูฟิกเกอร์ที่มันรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างอีกสักพักก็หมดความสนใจ เดินมาหย่อนก้นนั่ง พอดีกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมส่งเสียงตอบรับ

“คุณธีกับเพื่อนจะอยู่ทานอาหารเย็นมั้ยคะ” ป้าพิศถาม พลางเดินถือถาดของว่างเข้ามา เป็นฝรั่งเฉาะเรียบร้อยกับเค้กมะพร้าว พร้อมน้ำผลไม้ขวดและแก้วใส่น้ำแข็ง 2 แก้ว

“เอาไง” ผมถามคนข้างๆ

“กินครับ” จอมหันไปตอบป้าพิศ

“มีกับข้าวเมือง พอทานได้มั้ยคะ มีไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แกงหัวปลี ถ้าไม่ได้ยังไงเดี๋ยวป้าทำเพิ่มให้ วันนี้คุณท่านกับคุณนายไปงานแต่งค่ะ ไม่กลับมาทานด้วย” ประโยคหลังหันมาพูดกับผม

“น่าจะได้ครับ ถ้าไม่เผ็ดมาก”

“ป้าพิศทอดหมูที่ธีหมักไว้วันก่อนเพิ่มละกัน แล้วผัดผักเพิ่มสักจานนึง” ผมไม่แน่ใจว่าจอมจะกินได้ เลยสั่งเผื่อ

“ได้ค่ะ ข้าวมีทั้งข้าวนึ่งและข้าวสวยนะคะ ของหวานมีเฉาก๊วย คุณนายซื้อมาเยอะ บอกให้ช่วยทานด้วยค่ะ”

“งั้นให้ใครไปซื้อน้ำแข็งเกล็ดไว้ด้วยนะครับ เดี๋ยวสักทุ่มธีลงไปกิน”

ป้าพิศรับคำแล้วลงไปจัดการตามสั่ง ผมเปิดน้ำผลไม้เทใส่แก้วให้จอมกับตัวเอง

“แม่กูเป็นคนเหนือน่ะ ที่บ้านเลยมีกับข้าวเหนือขึ้นโต๊ะบ่อย”

“จริงดิ นอกจากแคปหมู ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม นอกนั้นแทบไม่เคยกินเลยว่ะ”

“ยังดีวันนี้เบสิค ถ้าโชคไม่ดีมึงอาจเจอลาบหมูดิบ สมองหมู ถั่วเน่า อึ่งย่าง ก็เป็นได้”

“พูดจริงเปล่าเนี่ย” จอมหรี่ตาทำหน้าปุเลี่ยนเมื่อเห็นผมพยักหน้ารับหนักแน่น ไม่ได้โกหกนะ ยิ่งกว่านี้ก็มี ผมกินมาตั้งแต่เด็กจนชินแล้ว อร่อยเสียอีก

ระหว่างรอ ผมแกะการ์ตูนใหม่ที่เพิ่งซื้อมาออกอ่าน ส่วนจอมก็รื้อเอาการ์ตูนจากชั้นปลายเตียงของผมออกมาอ่านบ้าง นั่งกันไปสักพักมือถือบนโต๊ะก็สั่นครืด ผมเปิดดูแล้วก็ต้องยิ้ม ละมือมาพิมพ์ตอบ

“ใคร?” จอมเงยหน้าขึ้นมาถาม

“อาร์ตแชตมา”

“ยังคุยกันไม่พออีกเหรอ”

เหลือบตามองมัน รู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าโดนค่อนเอานิดหน่อย แต่คนพูดก็ดูจะไม่ต้องการคำตอบ ก้มหน้าอ่านการ์ตูน ไม่ต่อความอะไรอีก

ผมยักไหล่ พิมพ์แชตต่อ อาร์ตบอกว่ากำลังเริ่มอ่านการ์ตูนที่ซื้อวันนี้ แล้วถามว่าไว้นัดเจอกันอีกได้มั้ย อยากคุยกันยาวๆ สบายๆ ซึ่งผมตอบตกลงไปเพราะอยากถามไถ่สารทุกข์สุขดิบมันเหมือนกัน แต่ยังไม่ตกลงวัน ก็หมู่นี้เวลาว่างแทบทั้งหมดของผมใช้ไปกับจอม ขืนไม่ถามมันก่อนอาจจะโดนเหวี่ยงใส่เอาได้ง่ายๆ



หลังอาหารค่ำ ผมเดินออกมาส่งจอมหน้าบ้าน แบ่งเฉาก๊วยเจ้าอร่อยให้มันไปด้วย แม่ซื้อเยอะเกินตลอด มีคนช่วยกินก็ดี

“ก่อนหยุดยาวไปไหนป่ะ” ผมถาม

“ยังไม่รู้ ทำไมเหรอ”

“อาร์ตจะนัด” ผมตอบตามตรง

“ต้องเตรียมตัวกลับหอ ยังไม่ได้จัดของเลย นี่หลังปีใหม่พวกกูก็เปิดเทอมสองละ จะนัดไปไหนอีก”

“…” จู่ๆ ก็ดูอารมณ์เสียอีกละ งงกับมันจัง

“ตกลงว่าไง”

“อะไรว่าไง”

“จะนัดกับไอ้อาร์ตรึเปล่า” คิ้วเข้มขมวดนิดๆ

“อือ แต่ยังไม่รู้วันไหน มันบอกว่าก่อนปีใหม่แหละดีแล้ว”

จอมไม่พูดอะไร ผมขยับจะชวนไปด้วยกัน แต่ก็ลังเลเพราะอาร์ตพูดเหมือนอยากคุยกับผมสองคนมากกว่า ไม่ทันไรคนใจร้อนก็ปิดประตูสตาร์ทรถ ขับออกไปฉิวเสียแล้ว

เหม่อมองรถสีน้ำเงินที่ขับห่างออกไป ในใจพลันรู้สึกวูบโหวงขึ้นมา สงสัยเหลือเกินว่าเมื่อต้องกลับสู่ชีวิตเรียนตามปกติ ไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นด้วยกันดังเช่นเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาแล้ว ระยะห่างของเราจะกลับไปเป็นคนไกลจนแทบแปลกหน้าอีกครั้งหรือเปล่า ช่วงเวลาแห่งความสุขของผมถึงคราวต้องจบลงแล้วหรือยัง …ไม่รู้คำตอบเลยจริงๆ


***

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight [003]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 19-11-2017 13:23:56
คือหึงใช่ม่ะ จริงๆก็ชอบเขาใช่หรือเปล่า
นายไม่น่าจะแอบรักข้างเดียวหรอกธี---
หัวข้อ: Re: Love after first sight [002]
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 19-11-2017 13:28:05
อย่าลืมแปะกฏนะ
 :L2: :pig4:

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight [004] 20/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 20-11-2017 17:20:50
004


ผมสะดุ้งนิดๆ เมื่อเมนูเล่มใหญ่โบกไปมาตรงหน้า

“เฮ้ย เหม่อเชียว เป็นอะไร”

“…ไม่มีอะไร แค่ง่วงนิดหน่อย” ผมแก้ตัว หันไปสั่งคาร์โบนาร่าซอสไข่ปลากับพนักงานที่ยืนด้านข้าง รอออร์เดอร์มาพักหนึ่งแล้ว ดีที่ร้านนี้เงียบและเป็นส่วนตัว รับลูกค้าน้อย ไม่งั้นคงมีหน้าตึงกันบ้าง

“นอนดึกล่ะสิ ทำอะไรอยู่ อ่านการ์ตูนเพลิน?” อาร์ตถามยิ้มๆ สั่งอาหารเพิ่มสองสามอย่างก่อนเปิดขวดรินน้ำให้ผม

“อือ ก็ประมาณนั้น”

“เอากาแฟป่ะ”

“ยังก่อน เดี๋ยวกินข้าวไม่ลง”

อาร์ตพยักหน้า เราสองคนนั่งรออาหารที่สั่ง พลางคุยเรื่องนู้นนี้เรื่อยเปื่อยฆ่าเวลา ความเป็นเพื่อนนี่ก็แปลก ขอแค่ถูกคอกัน คุยกันแป๊บเดียวก็ต่อติด ผมรู้สึกเหมือนเราสองคนไม่เคยแยกกันเลย จะพูดคุย รับส่งมุก ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ยังคงรู้ใจกันดีเหมือนเมื่อก่อน เวลาอยู่กับอาร์ตผมรู้สึกสบายใจเสมอ

ฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องที่อเมริกาให้ฟังไปกินนั่นนี่ไปจนอิ่ม ส่วนผมก็โดนซักถามเรื่องของตัวเองบ้างแต่ก็ไม่มีอะไรจะเล่า อย่างที่บอกว่าชีวิตผมง่ายๆ ไม่ตื่นเต้น อยู่กับสิ่งที่ชอบ ที่สนใจไปเรื่อยเปื่อย สโลว์ไลฟ์

“ตอนที่จอมโพสต์รูปว่าอยู่กับมึง กูก็ตามไปเจอเฟสแล้วแหละ แต่ไม่กล้าแอด”

“ทำไมอ่ะ แอดมายังไงกูก็ต้องรับ” ผมอัพรูปขนมน่ากินที่ตกแต่งจานเข้ากับเทศกาลส่งท้ายปีเก่าตรงหน้าขึ้นอินสตาแกรม ก่อนลงมือเอาส้อมจ้วง

“ก็…ไม่รู้สิ ไม่เจอตั้งหลายปี ดูมึงมีความสุขดีอยู่แล้ว”

“พูดแปลกๆ ทำยังกะมึงจะมาทวงหนี้ให้กูไม่มีความสุขงั้นแหละ” ผมหัวเราะ เห็นมันยิ้มเฝื่อนเลยอดชะงักไม่ได้ “เอ่อ… อย่าบอกนะว่ามาทวงจริง?”

“เปล่า…” อาร์ตก้มหน้าพลิกไอโฟนในมือไปมาเล่น นิ่งเงียบไปอึดใจใหญ่

ผมวางส้อม มองมันตรงๆ ด้วยสีหน้าที่คิดว่าดูเป็นมิตรผู้แสนดีมากที่สุด

“เอาจริงๆ มึงมีอะไร พูดมาเลย กูพร้อมฟัง”

ฝั่งตรงข้ามยกมือใหญ่เสยผม เสมองไปทางอื่น พูดงึมงำเกือบไม่ได้ยิน

“มึงไม่พร้อมหรอก”

“ตั้งแต่คบกันมา มึงเห็นกูใจแคบ?” ผมรักษาความจริงจังเอาไว้ ในหัวคิดถึงความเป็นไปได้มากมายถึงเรื่องที่มันจะบอก มาฟีลนี้คงเคยทำอะไรผิดต่อผมแน่ๆ เดาว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องที่มันไปเรียนต่อไม่บอก ชัวร์

คิ้วเข้มขมวด ดวงตาโศกมองผมด้วยความรู้สึกที่บอกได้ไม่หมด คล้ายว่าหนักใจมาก

“งั้นกูพูดนะ”

“ว่ามา”

“เอาจริงนะ”

“มีไรบอกเลย โลด”

“เสียใจทีหลังไม่รู้ด้วยนะ”

“กูจะประสาทเสียมากถ้ามึงไม่พูด” บอกตรงๆ บิ้วท์จนกูอยากรู้มวากกกก

“…มึงสัญญาก่อนว่าจะฟังให้จบ แล้วจะไม่โกรธ”

อื้อหือ มามุกนี้ ผมหยุดคิดใคร่ครวญ สักพักจึงพยักหน้า

“สัญญาว่าจะฟังให้จบ แล้วเรื่องอะไรที่กูอาจจะโกรธ กูจะพยายามอภัยให้มึง โอเคมั้ย”

อาร์ตดูจะยอมรับได้ในที่สุด มันสูดหายใจเฮือกใหญ่ นิ้วมือประสานกันแน่นวางอยู่บนโต๊ะ

“ตอนม.ต้น กูชอบมึง”

เปิดประโยคมาก็เจอหมัดน็อคเลยครับ รู้สึกเลยว่าปากผมกระตุกในมุมที่ต้องดูประหลาดมาก

“ชอบ…คือ…”

“ไม่ได้ชอบแบบเพื่อน”

โอเค ชัดเจน

“ตอนที่มึงคบอ้อม กูเฮิร์ตมาก ทั้งเสียใจ น้อยใจ เจ็บใจ แต่ที่ยิ่งกว่า คือกูกลัว...” อาร์ตสบตาผม ยิ้มเศร้าๆ “กลัวที่ตัวเองชอบผู้ชาย กลัวจะทำร้ายมึง”

ผมอึ้ง สมองมันตื้อๆ คิดอะไรไม่ทัน ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองส่งผลกระทบต่อมันมากขนาดนั้น

“ตอนนั้นแม่กูกลับมาเยี่ยม คงเห็นว่ากูไม่มีความสุข เลยชวนไปเรียนไฮสคูล กูไม่รู้จะทำไง คิดว่าอยู่ไกลจากมึงคงจะดีขึ้น คงจะลืมมึงได้ กูเลยไปไม่บอก ขอโทษนะ”

ได้แต่ส่ายหน้า อาร์ตไม่จำเป็นต้องขอโทษผมเลย

“แล้วมึง…ดีขึ้นมั้ย”

อาร์ตก้มหน้ามองแก้วเครื่องดื่มที่พร่องไปเกินครึ่งอยู่เป็นนานสองนาน จึงค่อยเอ่ย

“ก็คิดว่าใช่ คิดว่าใช่มาตั้งหลายปี”

เรามองหน้ากันเหมือนคนเพิ่งพบเจอเป็นครั้งแรก สิ่งเล็กน้อยที่เคยมองข้ามไปวนกลับมาฉายซ้ำวูบวาบในหัวไม่หยุด แววตาเชื่อมหวานที่มันใช้มองผมเสมอ ทำไมถึงไม่เคยรู้สึกตัวมาก่อนนะ

“จนมาเจอมึงอีกครั้ง มึงแม่ง… โคตรเหมือนเดิม คำพูด สายตา รอยยิ้ม ยังชอบคิดว่าตัวเองธรรมดา ทั้งที่มึงโคตรพิเศษ ทั้งหมดที่เป็นมึง ที่กูรักมาก ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แล้วจะให้กูเปลี่ยนใจยังไงไหว” น้ำเสียงมันสั่นนิดๆ ยกมือขึ้นขยี้ตาแรงๆ เหมือนพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ทำผมปวดใจตามไปด้วย

“ธี…ตอนนี้ กูก็ยังรักมึง”


***


ยกแขนก่ายหน้าผากมองเหม่อพิจารณาลายครอบไฟบนเพดานเหมือนมีอะไรน่าสนใจหนักหนา ผมนอนหายใจทิ้งบนเตียงตัวเอง ครุ่นคิดถึงอดีตและปัจจุบันเหมือนพยายามจะบรรลุ แต่คิดแล้วคิดอีกก็ได้แต่บรรลัย

บอกตรงๆ ว่ายิ่งกว่าช็อค ทั้งเรื่องที่อาร์ตชอบผม ทั้งเรื่องที่ตัวเองงี่เง่า เพื่อนสนิทประสาอะไรไม่เคยรู้ใจมันอย่างที่คุยเลย ไหนจะเรื่องที่อาร์ตบอกกับผม… บอกว่าจอมก็รู้แล้ว เรื่องความรู้สึกของมัน

คงไม่ใช่ว่าที่จอมดึงผมให้ไปนั่นมานี่ด้วยคืออยากเป็นพ่อสื่อพ่อชักให้ผมกับอาร์ตหรอกนะ… จะขำไม่ออก คนที่แอบชอบเชียร์ให้เราไปรักกับคนอื่นนี่ แค่คิดก็โคตรเจ็บ

ผมเด้งตัวขึ้นจากที่นอน ควานหามือถือ กดแชทหาจอม แต่พิมพ์…แล้วลบ พิมพ์แล้วลบ จนแล้วจนรอดก็ไม่รู้จะเปิดประเด็นอีท่าไหนดี สุดท้ายได้แต่ทิ้งตัวหงายหลังนอนก่ายหน้าผากท่าเก่า

เรื่องเมื่อวันก่อนกับอาร์ตจบลงที่ว่า ผมขอเวลาคิดก่อน แต่ก็ย้ำไปด้วยว่าผมไม่โกรธ ไม่รังเกียจอะไรมันทั้งสิ้น

จะไปรังเกียจอะไร ตัวผมเองก็ชอบจอมไม่ใช่หรือไง …แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้บอก

ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับอาร์ต ถ้าถามว่าชอบหรือเกลียด คำตอบคือชอบแน่นอน แต่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยมองมันในฐานะอื่นเลย แล้วไม่รู้ด้วยว่าควรจะเริ่มมองในฐานะอื่นดีมั้ย

ถ้าผมเปิดโอกาสให้อาร์ต ก็เท่ากับผมปิดโอกาสตัวเองกับจอม

ใช่ แม้ว่าโอกาสนั้นแทบจะเป็นศูนย์ แต่ไม่ว่ายังไงในหัวใจของผมก็ยังคงมีความหวังเล็กๆ ซ่อนอยู่ ต่อให้มันริบหรี่อับแสงยังไงก็เหอะ

เพราะฉะนั้นปัญหาด้านความรู้สึกของผมตอนนี้ อย่างแรกคือจะตัดใจ หรือจะเกาะเกี่ยวความหวังนั้นไว้ ส่วนลำดับต่อมาจึงเป็น จะตอบรับ หรือปฏิเสธ

อาร์ตรักผม ผมรักจอม จอมรักใครสักคน คิดแล้วก็สับสนสิ้นดี หัวใจมักวิ่งสวนทางกันเสมอ ยากเย็นอะไรอย่างนี้หนอ

“พี่ธี!”

จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดผัวะโดยไม่มีการเคาะล่วงหน้า ขัดเวลาดราม่าความรักของผมจนกระเจิดกระเจิง

“มีไร บอกกี่หนแล้วว่าให้เคาะห้อง” ผมบอกทศเซ็งๆ

นายทศวิน น้องผม ตั้งแต่ติดวิศวะปีนี้มันก็แทบไม่กลับบ้าน เห็นว่าเป็นขวัญใจพี่ว้ากตั้งแต่ไปรับน้องด้วยกัน อยากปั้นให้มันเป็นทายาทอสูร เข้าทางน้องผมที่มันชอบเฮฮาปาร์ตี้ลุยๆ ห่ามๆ พอดี นี่ก็ไปค้างห้องเพื่อนห้องพี่แทบทุกวัน มันว่าสะดวกดี

“คืนนี้ไปเคาท์ดาวน์กันป่ะ”

วันนี้คือวันสิ้นปีแล้วนี่นา ผมไม่ค่อยได้ไปไหนช่วงนี้หรอก เกลียดคนแออัด ทำตัวฮิคคิคลอดวันหยุด

“ที่ไหนอ่ะ ใครไปมั่ง”

“ที่สวนอาหารแถวม. อาหารดี ดนตรีเพราะ มีคาราโอเกะ” ทศโฆษณาเสร็จสรรพ “มีพี่ๆ เพื่อนๆ ทศ แล้วก็ไอ้ธาม”

“จะพาน้องไปกินเหล้าอ่ะดิ เดี๋ยวแม่ด่านะมึง”

“ก็เนี่ย เลยมาชวน กะเมาอ่ะ หาคนพากลับบ้าน” ทศพุ่งร่างควายๆ ของมันมาบีบนวดแขนผม ทำเสียงออดอ้อนอย่างตอแหลที่สุด เป็นน้องนุ่งตัวแม่งใหญ่เกินพี่ ชอบไปยกเวทเล่นกล้ามตลอด มันว่าเท่ของมัน

“นิสัย! หาคนเลี้ยงด้วยว่างั้น” ผมดักคอ บ้านนี้เป็นพี่ต้องเลี้ยงน้อง ตลอด

“รักน้องเปล่าล่ะ”

“เออๆ ไม่ต้องทำเสียงเล็กเสียงน้อย ทุเรศ” ในที่สุดก็ตัดสินใจไป ดีเหมือนกัน พักสมองไปคิดเรื่องอื่นบ้าง



สองทุ่ม ผมพาน้องสองคนออกจากบ้านมาแถวมหา’ลัยของทศ ซึ่งอยู่ใกล้กว่าที่เรียนของคนอื่นทั้งหมด ถนนโล่งมากถึงมากที่สุด แต่ที่จอดรถในสวนอาหารหายาก ท่าทางจะมีชื่อพอตัวเพราะเห็นคนแน่นขนัด วนรถอยู่สองรอบกว่าจะได้ช่องจอด

“ไปห้องเกะใหญ่กัน ร้านนี้ของรุ่นพี่ทศเอง จองไว้แล้ว”

“รีบเลยนะมึง” ธามแซว มันอ่อนกว่าทศปีเดียวเลยสนิทกัน ไม่ยอมเรียกพี่เหมือนคนอื่น

“พูดมากเดี๋ยวอดแดก”

ทศแกล้งเอาแขนพาดคอธามหนักๆ เดินกึ่งลากไปจนถึงห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวที่มีทั้งเวทีเล็กและคาราโอเกะ เปิดประตูกระจกไปเจอแต่เด็กวิศวะชายล้วน บางคนหนวดเคราเฟิ้มดูแก่กว่าอายุจริงมาก ทศไล่สวัสดีรุ่นพี่เสียครบคน ก่อนจะหันมาแนะนำผมกับธาม

“ตามสบายนะพี่ กันเองๆ” ป๊อบที่ถูกแนะนำว่าเป็นพี่รหัสไอ้ทศปรี่เข้ามาพร้อมวิสกี้โซดาสองแก้ว ประเดิมค่ำคืนก่อนเลย
ผมขอบคุณแล้วรับมาจิบ มือเปิดเมนูหาอะไรกินรองท้องเสียหน่อย ตอนนี้ยังไม่มีใครร้องคาราโอเกะ แต่เสียงดนตรีก็ดังพอสมควร ต้องตะเบ็งเสียงสั่งพนักงาน สงสัยพวกนี้ว้ากจนชิน

อาหารมาแร้งก็ลง แต่กินยังไม่อิ่มดีธามก็เริ่มปลิ้น ผมเลยยัดเนื้อปลาเผาให้มันกิน เรียกมากินข้าวเบาเหล้าลงก่อน คืนนี้ยังอีกยาว ร้านนี้เน้นของทะเล อาหารอร่อย กุ้งแช่น้ำปลากับหอยแครงลวกมาจานที่สิบได้แล้วมั้ง สั่งกันรอบห้อง ผมนั่งละเลียดแกะกุ้งแกะปูใส่จานให้น้องวัยกำลังกินกำลังนอนสวาปาม ส่วนทศขึ้นไปร้องเกะเรียบร้อยแล้ว

สั่งน้ำอัดลมมากินสลับบ้าง ต้องเป็นสารถีเลยเพลาน้ำเมา ผมเดินไปล้างมือรอบหนึ่ง ก่อนเปิดมือถือ ตอบข้อความสวัสดีปีใหม่ที่บางคนใจร้อนรีบแท็กเสียตั้งแต่ตอนนี้ อดไม่ได้ต้องเปิดเช็คข้อความ แต่ก็ไม่มีจากคนที่หายหน้าไปเลยตั้งแต่วันนั้น

ได้แต่ถอนใจ...



งานสังสรรค์ดำเนินต่อไปอย่างครึกครื้น จนอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะเข้าปีใหม่แล้ว ผมอยู่ปี 3 ถือว่าเป็นรุ่นพี่หลายๆ คนในที่นี้เลยไม่ค่อยมีการปีนเกลียวกันเท่าไร ส่วนธามก็เข้ากับคนง่าย งานนี้จึงถือว่าสนุกพอสมควรเลย ผมเรียกทศมาถ่ายรูปรวมสามพี่น้อง แล้วส่งไปอวยพรพี่ทัตที่ยุ่งเป็นเท่าตัวในช่วงเทศกาลแบบนี้ กับอีกรูปจงใจเลี่ยงขวดเหล้า เช็ดหน้าน้องๆ ให้ดูเมาน้อยหน่อย แล้วส่งเข้าไลน์กรุ๊ปของครอบครัว อวยพรพ่อกับแม่

“ปายๆ สองคนตามมา ออกปายข้างนอกกาน” ทศเริ่มติดอ้อแอ้ โอบไหล่ผมกับธามเดินตามกลุ่มพรรคพวกที่ทยอยลุกกัน

“ไปไหนอ่ะ เลิกแล้วเหรอ” ผมถาม

“ย้างงงง ไปเคาท์ดาวน์ไง ดูพุล พี่พีทบอกว่าจะขึ้นทางลานว่างด้านหลังอ่ะ”

สรุปคือให้ออกมายืนตรงที่โล่งด้านนอกเพื่อรอดูพุลที่ทางสวนอาหารตระเตรียมไว้ฉลองนาทีข้ามปีนั่นเอง ดีแฮะ

เครื่องดื่มยังตามมาแจกจ่ายให้ถือกันคนละแก้ว รอนาทีสำคัญ ผมเปิดมือถืออีกครั้ง คิดคำอวยพรเอาไว้มากมาย สุดท้ายก็มีแค่ ‘Happy New Year’ ที่เตรียมจะส่งถึงจอมเป็นคนแรกของปี

เสียงรอบข้างเริ่มนับเวลาถอยหลัง 10-9-8… ใจของผมอธิษฐานเรื่องดีๆ อวยพรให้คนที่เป็นรักแรกของผมเสมอมา 3-2-1…

[HNY สวัสดีปีใหม่]

แทบจะพร้อมกันกับข้อความของผม ข้อความของจอมก็เด้งขึ้นมา ในวินาทีเดียวกัน แสงเป็นลำพุ่งทะยานขึ้นฟ้า แตกออกเป็นสีสันแพรวพราวละลานตา เสียงพลุดังปึงปังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ส่งบรรยากาศการเฉลิมฉลองและความยินดี สะท้อนสะท้านมาถึงหัวใจของผม

เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ระบายด้วยแสงไฟอันงดงาม ผมยิ้มด้วยหัวใจที่ชื่นบาน…


***

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight [004] 20/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 20-11-2017 22:15:54
เขียนดีค่ะ ชอบ
หัวข้อ: Re: Love after first sight [005] 21/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 21-11-2017 16:30:00
005


ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวรถมินิคูเปอร์เอสสีส้มดำเข้าหมู่บ้านที่คุ้นเคยมาตลอดเดือนกว่า แลกบัตรกับรปภ.ด้านหน้า แล้วขับมาจอดหน้าบ้านจอม

มือของผมชื้นเหงื่อเล็กน้อยเมื่อคิดถึงสิ่งที่กำลังจะทำต่อไป

หลังจากทบทวนตัวเองพันแปดร้อยตลบ ทางออกเดียวที่ผมคิดว่าดีที่สุดกับทุกฝ่ายคือ บอกความจริงกับอาร์ต…

บอกว่าผมชอบจอม

หลายครั้งที่ผมคิดจะบอก แต่ก็ต้องยั้งไว้ เพราะผมคิดว่าถ้าจะมีใครสักคนที่ควรรับรู้ถึงความรู้สึกของผมเป็นคนแรก คนนั้นก็ควรจะเป็นจอม ไม่ใช่ใครอื่น

ก่อนจะบอกความจริงกับอาร์ต ผมควรบอกความจริงกับจอม

คิดว่าดีแล้ว สมควรแล้ว แต่พอถึงเวลานี้จริงๆ ผมโคตรอยากกลับบ้าน อยากไม่สบาย รถติด รถเสีย รถหาย เป็นห่าอะไรก็ได้ นึกด่าตัวเองว่ามึงจะทำทำไม จะเสี่ยงสูญเสียมิตรภาพและความรู้สึกดีๆ ไปเพื่ออะไร เป็นแบบนี้ เก็บไว้ในใจแบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่มีใครบังคับให้พูดเสียหน่อย

แต่อีกใจของผมมันบอกว่าถึงเวลาแล้ว พอแล้วกับการหลอกตัวเอง ผมชอบจอม ผมอยากให้มันรับรู้ ถึงมันจะรังเกียจ จะเกลียดผม แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ความรู้สึกของผมเป็นอากาศธาตุ ไม่เคยมีตัวตน ในเมื่อจอมไม่เคยเป็นของผม แล้วคนเราจะสูญเสียสิ่งที่ไม่เคยมีได้ยังไง

สองด้านความคิดต่อยตีกันอยู่ในหัวเหมือนคนบ้า

เนิ่นนาน ผมลงจากรถในที่สุด ผลักประตูบ้านเข้าไปแล้วลงกลอนให้ ก่อนหน้านี้ผมบอกมันแล้วว่าจะมาหา พอเปิดประตูกระจกไอ้แจ๊คก็รีบวิ่งเข้ามากระโดดใส่ ผมกอดหลังลูบหัวมันไปสองสามที ไม่แน่ว่าจากนี้ไปอาจจะไม่มีโอกาสเล่นด้วยกันอีกแล้ว

เดินมาถึงชั้นลอย เปิดประตูเข้าไปก็เห็นจอมใส่ชุดลำลอง เสื้อยืดกางเกงสามส่วน นอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟา มีนิตยสารรถปิดหน้า ท่าทางเหมือนหลับอยู่

“จอม” ผมลองเรียกเบาๆ

“อือ” มันตอบ ปัดหนังสือลงข้างตัว ปรือตามองผม “กี่โมงแล้ววะ”

“จะบ่ายสอง”

มันพยักหน้า ลุกขึ้นหาวหวอดหนึ่งที ผมมองทุกอิริยาบถอย่างจะจดจำไว้ ก่อนเดินไปทรุดตัวนั่งตรงพื้นหน้าโซฟา มุมนี้ เวลาคุยกันผมจะได้ไม่ต้องสบตามันตลอดเวลา

“ทำไม มีไร” ดูเหมือนจอมจะรับรู้ถึงบรรยากาศที่แปลกไป มันหันมามองผม

“ก็มีแหละ แต่ทำใจแป๊บ”

ก่อนมาก็เตรียมตัวตั้งมากมาย จะเปิดประเด็นยังไง พูดแบบไหน เป็นขั้นเป็นตอน เอาเข้าจริงอย่าว่าแต่เริ่มเรื่อง จะพูดยังหาเสียงตัวเองไม่ค่อยเจอ นึกไม่ออกแล้วว่าควรจะพูดว่ายังไง

“อะไรของมึง” มันบ่น แต่ก็รอเงียบๆ เปิดมือถือเช็คนั่นนี่ไปตามเรื่อง

“วันนี้กูขับรถมา”

เรื่องที่โพล่งออกมาเหมือนไม่เกี่ยวกันเลย อย่าว่าแต่จอมอึ้ง ผมก็อึ้งตัวเอง

“แล้ว?” เป็นผมก็คงงง จะมาอวดรถหรือไง

“ปกติ กูขับรถไปมหา’ลัยเองตลอด”

“…”

“ตั้งแต่บังเอิญเจอมึง กูก็ขึ้นรถไฟฟ้าไปเรียน” ผมสูดลมหายใจลึก พยายามไม่มองหน้า จะได้ไม่ปอดแหกขึ้นมาเสียก่อน
จอมยังไม่พูดอะไร มาถึงขนาดนี้ผมว่ามันคงเดาได้แล้วล่ะ

“กูอยากกลับกับมึง ใช้เวลากับมึง เพราะ…เพราะกูชอบมึง”

หูของผมอื้ออึงลั่นเปรี๊ยะ ใจเต้นแรงเพราะความเครียด อยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำแท้ๆ แต่แผ่นหลังกลับอุ่นวาบเหมือนมีเหงื่อซึม ในที่สุดผมก็พูดออกไปจนได้ จะเสียใจภายหลังยังไงก็เรียกคำกลับคืนมาไม่ได้อีกแล้ว

สิ่งที่ตามมาคือความเงียบที่น่าอึดอัด ผมแทบจะกลั้นใจตายไปเดี๋ยวนี้จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรอีก แต่ก็ไม่อาจเป็นอย่างต้องการ ผมยังต้องทนต่อไป

“ไอ้อาร์ตบอกแล้วใช่มั้ย ว่ามันชอบมึง” จอมเปิดปากในที่สุด

ผมเหลือบตามองหน้าที่ยังไม่เปลี่ยนสีของคนข้างตัวทีนึง ก่อนพยักหน้า

“มึงจะตอบมันว่าไง”

“กูจะบอกว่าชอบมึงอยู่” ผมเริ่มโล่งใจได้เล็กน้อย ลองถามแบบนี้อย่างน้อยถึงจอมจะปฏิเสธผมก็คงไม่ถึงขั้นโกรธเกลียด “ก็คิดจะตอบมันหลายหนแล้ว แต่ก่อนจะบอกอาร์ต กูว่ากูควรบอกมึงก่อน”

ความเงียบกลับมาอีกครั้ง แม่ง…กูขอเถอะ อย่าเงียบได้มั้ย ใจไม่ดีเลย

ได้แต่บ่นในใจ ความจริงคือแค่หายใจแรงยังมิกล้า แค่ระยะเวลาสั้นๆ ผมขึ้นลงปากเหวไปแล้วไม่รู้กี่รอบ

ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนิ้วแข็งๆ ยื่นมาจับบิดคางให้เงยสบตา ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้หรือเปล่า แต่ถ้าผมตาไม่ฝาด ดูเหมือนจอมจะกำลัง…ยิ้ม?

“มึงชอบกู?”

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ

“ตั้งแต่เมื่อไหร่”

‘ตั้งแต่แรกพบ’ อยากตอบความจริงออกไป แต่เลือกที่จะบอกเพียง “…นานแล้ว”

“นานแค่ไหน”

“…สมัยเรียนสาธิต” จะต้องคาดคั้นกันให้ได้เลยใช่มั้ย หน้าผมร้อนจนแทบจะทอดไข่สุก ตอบแม่งกำกวมไปก่อน

จอมทำเสียงอืมในคอ สายตาคมคู่นั้นยังไม่ละไป ผมพยายามหลุบตาหนีแต่นิ้วที่คางบีบแน่นขึ้นอย่างไม่ยินยอม

ก่อนมาผมเคยคาดเดาจุดจบของการสารภาพรักครั้งนี้ไว้สารพัด ตั้งแต่โดนหาว่าล้อเล่น ตอบปฏิเสธอ้อมๆ ตรงๆ ฮาร์ดคอร์ ไปจนถึงออกแม่ไม้มวยไทย แต่ให้ตายยังไงผมก็นึกไปไม่ถึงคำตอบจริงจากปากจอมตอนนี้แน่ๆ

“ถ้าชอบกู มึงก็จีบกูสิ”

…!


***

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight [005] 21/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 21-11-2017 17:31:05
มีบอกให้จีบ  แบบนี้มีใจด้วยแน่เลย
หัวข้อ: Re: Love after first sight [005] 21/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 21-11-2017 18:17:05
จีบเลยๆๆๆๆๆ
จีบแล้วถ้าจอมไม่รับเป็นแฟนจะขโมยธีไปซ่อนนะเออ
หัวข้อ: Re: Love after first sight [Special J] 22/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 22-11-2017 18:14:40
Special J



Jom's

ผมจอมเดช กอบเกียรติชัย ชีวิตของผมเรียกได้ว่าสมบูรณ์พร้อม ผมมีครอบครัวที่ดี มีฐานะร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาดี และรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น ตั้งแต่เล็กจนโต แทบไม่เคยมีคำว่า ‘ไม่ได้’

ผมรู้ดีว่ามีคนอยากคบหากับผมมากมาย ตั้งแต่เด็กผมก็กลายเป็นศูนย์รวมของเพื่อน หรือที่เรียกว่าหัวโจกนั่นแหละ แต่คุณรู้มั้ยว่า คนที่ผมสนใจอยากคบหาด้วยก่อน มีน้อยยิ่งกว่าน้อย และในจำนวนอันน้อยนิดนั้น มีคนเพียงคนเดียว…ที่ปฏิเสธผม

ธีรภัทร หรือที่คุณรู้จักในนาม ธี ถ้าให้ผมจัดประเภท มันต้องอยู่ในกลุ่ม ‘เด็กดี’ เพราะมันมักจะเป็นหนึ่งในผู้ถูกคัดเลือกเสมอ ตั้งแต่หัวหน้าห้อง ถือพาน นำสวด เป็นตัวแทนกล่าว เชิญธง ยันขึ้นเวทีในวันสำคัญต่างๆ ทั้งโขน ร้องเพลง เล่นดนตรี แสดงละคร จนถึงเป็นผู้มีชื่อขึ้นรับรางวัลน้อยใหญ่มากมายตลอดระยะเวลาหลายปีที่เรียนด้วยกันมา เพราะฉะนั้นต่อให้ไม่สนใจยังไงแต่ถ้าใครจำมันไม่ได้ก็แปลก

มันไม่ใช่คนที่เรียนเก่งที่สุด แต่ก็อยู่ระดับทอปๆ เสมอ ไม่ใช่คนเล่นกีฬาเก่งที่สุด แต่ได้เป็นตัวแทนแข่งทีมหลายประเภท ไม่ใช่หัวโจก แต่ไม่เคยขาดเพื่อน ไม่ใช่คนหล่อจัด (เหมือนผม) แต่รูปลักษณ์หมดจด มีเสน่ห์ชวนมอง เป็นตัวแสดงนำทั้งละครทั้งโขนบ่อยๆ

ผมไม่สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไรนัก เบื่อด้วยซ้ำไป แต่กลับมองออกทุกครั้งว่าธีอยู่ตำแหน่งไหนทั้งที่ยังสวมหัวโขน มือของมันสวยมาก นิ้วยาวเรียวไม่ปูดโปนเป็นข้อ เวลามันร่ายรำด้วยแขนขาเรียวเล็ก แผ่นหลังตั้งตรง ผมรู้สึกว่าสวยงามอย่างบอกไม่ถูก

ผมไม่เคยเรียนห้องเดียวกับธี และไม่เคยทำกิจกรรมอะไรนอกจากเตะบอลฆ่าเวลากับไปเล่นเกมที่ห้าง วงจรชีวิตของมันและผมจึงแทบไม่เคยโคจรมาเจอกันเลย ถ้าถามความรู้สึกที่ผมมีต่อมัน คงเป็นคำว่า ‘สนใจ’ เหมือนกับที่คนอื่นก็สนใจ ผมว่ามันเป็นคนที่มีความมั่นใจ เป็นตัวของตัวเอง ผิดกับเพื่อนส่วนใหญ่ในวัยเดียวกัน แต่ก็ไม่ใช่ไม่แคร์โลก มันถ่อมตัว มีน้ำใจให้กับทุกคน ชอบทำกิจกรรมกลุ่ม แต่หลายครั้งก็ทำอะไรคนเดียว ธีมีเพื่อนเยอะ แต่ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่ามันสนิทกับใคร อาจจะเพราะแบบนั้น ทำให้ลึกๆ แล้วใครต่อใครก็อยากจะลองสนิทกับมันให้มากขึ้น

คงรวมถึงผมด้วย...

จนกระทั่งวันหนึ่งตอนขึ้นม.2 ใหม่ๆ ไอ้อาร์ตเพื่อนสนิทของผมอยู่ห้องเดียวกับมัน พวกมันสองคนสนิทกันอย่างรวดเร็วจนอาร์ตเริ่มหายไปจากกลุ่มผม ทั้งเวลาพักและหลังเลิกเรียน มันเอาแต่ขลุกอยู่กับธี เว้นแต่อีกฝ่ายจะไปทำกิจกรรมตามประสาเด็กดีของมันโน่น ถึงได้โผล่หัวมาเจอกันบ้าง

หงุดหงิด

ไม่รู้สิ คงเพราะเหมือนถูกแย่งเพื่อนมั้ง

เลิกเรียนวันหนึ่ง ผมหมายมั่นว่าจะต้องลากไอ้อาร์ตเพื่อนเลวไปด้วยกันให้ได้ จัดการพาพวกไปดักล็อคคอใต้ตึก จับแยกจากซี้ใหม่มัน ไอ้ธีหันมามองแบบอึ้งๆ ก่อนจะโบกมือเป็นเชิงว่าให้อาร์ตไปกับพวกผม

จะง่ายขนาดนั้นได้ไง ผมเรียกมันมาทันที กึ่งบังคับให้มันไปด้วย โดยมีไอ้อาร์ตออกแอคติ้งโวยวายว่าไม่มีธีมันไม่ไป แม่ง... ตัวจะติดกันอะไรนักหนา

มันอิดออดอยู่สองสามคำ ก่อนจะยอมมาด้วย ไม่รู้มันกลัวโดนต่อยรึเปล่า พวกผมก็เพื่อนร่วมชั้นนะเว้ย ใครจะไปทำ แกล้งขู่มันไปงั้นแหละ

ดูก็รู้ว่าธีไม่คุ้นกับเกมเซ็นเตอร์ แต่มันก็เดินไปแลกเหรียญนั่งเล่นด้วยแต่โดยดี พอเห็นมันนั่งข้างๆ อารมณ์ขุ่นมัวเหมือนจะจางหายไป แต่ได้ไม่นานเท่าไรเพราะไอ้บ้านี่เอาแต่ดูนาฬิกาแล้วบอกจะกลับแล้วท่าเดียว ผมยื้อเตะถ่วงมันไปสามสี่รอบ จนจะค่ำแล้วนั่นแหละถึงปล่อยให้มันกลับ ไอ้เด็กดีเอ้ย

หลังจากวันนั้นผมก็ลากธีมาอีก ยกโขยงพาไปเตะบอลบ้าง เล่นเกมที่บ้านบ้าง เดินห้างบ้าง นึกว่าชวนมันเข้ากลุ่มได้แล้ว ต่อจากนี้มันคงตามผมไปเฮไหนเฮนั่นเหมือนเพื่อนที่เหลือ ที่ไหนได้พอเริ่มตายใจแม่งก็เฟดตัวหายไป อยู่กับเพื่อนกลุ่มอื่น ทำกิจกรรมอีกตามเคย ประมาทความอินดี้ของมันเกินไปจริงๆ

บอกตรงๆ โคตรเสียเซลฟ์ ไม่เคยมีใครปฏิเสธจะอยู่กลุ่มผมมาก่อนเลยนะเว้ย เพราะรวมแต่ตัวทอปหล่อร้าย ไม่เจ๋งจริงอยู่ไม่ได้ มีแต่คนอยากเข้าไม่ได้เข้า ไอ้ธีโดนชวนเข้าเสือกอยากออก ไอ้เหี้ยอาร์ตก็ตามมันต้อยๆ ผมก็มีศักดิ์ศรีนะ เรื่องอะไรจะไปตื้อแม่งอีก เออ ไม่อยากคบก็ไม่ต้องคบ

ช่วงนั้นเลยพาลเมินไอ้อาร์ตไปด้วย รู้อยู่หรอกว่าช่วงม. 3 ที่มันเริ่มกลับเข้ากลุ่มบ้างแล้วมันดูเงียบไป แต่ผมก็เด็กไง เรื่องของตัวเองมีอยู่เต็มหัว เรื่องของคนอื่น ถึงจะเป็นเพื่อนก็ไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น จนกระทั่งใกล้ปิดเทอมแหละ มันถึงมาหาผมที่บ้าน มาบอกว่าจะตามแม่ที่เปิดร้านอาหารไปเรียนต่อที่อเมริกา

ผมไม่รู้จะมีปฏิกิริยายังไง ใจหายก็มีบ้างแต่ไปเรียนต่างประเทศมันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายนี่นา แล้วเดี๋ยวนี้วิธีติดต่อกันก็แสนจะง่าย ผมหยอกให้มันหายเครียด ซึ่งก็พอจะได้ผลอยู่บ้าง นึกถึงเพื่อนสนิทของมันอีกคนเลยลองเลียบเคียงว่าบอกใครบ้างหรือยัง มันเงียบไปพักใหญ่ บอกว่ามันไม่อยากจากลาให้เอิกเกริก ไม่ชอบให้ใครต่อใครมาอำลาอาลัยมัน เลยจะไม่บอกใคร บอกแต่ผมกับเพื่อนอีกสองสามคน ซึ่งธีไม่ใช่หนึ่งในนั้น ทำให้ผมแปลกใจมาก แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร

เปิดเทอมใหม่ ข่าวอาร์ตไปเรียนนอกก็ถูกบอกต่อกันให้แซ่ด ผมเห็นธีมันซึมๆ ไปพักนึงเหมือนกัน แต่หลังจากนั้นเรื่องเรียนและกิจกรรมอันมากมายของมันก็กลับมาทำให้ชีวิตมันเดินต่อไปเหมือนเดิม จับกลุ่มกับเพื่อนตามสายเรียน มีแฟน ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง

เรียนจบ จากกันไปสามปี ได้เจอมันอีกครั้ง ผมจำได้แต่ไกล สูงขึ้น ขาวขึ้น ผมหน้ายาวนิดหน่อย หน้าเรียวคม เครื่องหน้าชัดกว่าเดิม ดูหล่อขึ้นอีกโข

มันสิดันทำท่าไม่แน่ใจเหมือนจำผมไม่ได้ น่าเตะฉิบหาย

ผมทักมัน คุยกันแค่สั้นๆ มันก็ขอตัว ผมนัดเพื่อนดูหนัง ทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วเลยต้องไปตามนัด

แต่พอออกจากโรงได้ไม่ทันไร เกิดอยากขอตัวแยกจากกลุ่มออกมาเดินเตร็ดเตร่เสียเฉยๆ ทำเป็นเรื่อยเปื่อยแต่ความจริงในใจก็สอดส่ายสายตามองหาใครอยู่ รู้แค่เมื่อสองชั่วโมงกว่าที่แล้วมันว่าจะไปแมค ป่านนี้คงไม่อยู่แล้ว ใจคิดแต่ขามันก้าวไปไม่ฟังเสียง แต่ก็เห็นคนที่กำลังเล่นมือถือไปกินเฟรนช์ฟรายไปแทบจะในทันที

ผมมองมันอยู่พักนึง คิดถึงความทรงจำเก่าๆ ที่ก่อนหน้านี้ลืมเลือนไปบ้างแล้วขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนตัดสินใจก้าวไปหา ‘เพื่อน’ คนเดียวที่เคยปฏิเสธผม

ครั้งนี้… ผมอยากรู้จักมันให้มากกว่าเดิมจริงๆ


***
หัวข้อ: Re: Love after first sight [Special J] 22/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 22-11-2017 20:02:22
เชรดโต้ววววว
จอมคิดกับธีแค่เพื่อน แถมอยากเอาชนะนิดๆ ด้วย
งามงดแล้วงานนี้
หัวข้อ: Re: Love after first sight [006] 23/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 23-11-2017 21:37:07
006


จี่เบค่อนหั่นชิ้นบนกระทะเทฟล่อนจนเริ่มมีน้ำมันออกมา เมื่อกรอบดีตักพักไว้ เทน้ำมันส่วนเกินทิ้ง ใช้ที่เหลือเจียวกระเทียมซอย ทุบพริกแห้งลงไปเจียวด้วยกัน นำเส้นสปาเก็ตตี้ที่ต้มสุกแล้วสะเด็ดน้ำลงไปผัดเคล้า ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยป่น จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยเบค่อนกรอบและผงพาร์มีซานชีส เท่านี้โอลิโอเบค่อนพาสต้าก็เป็นอันเสร็จ

ไม่ได้เปลี่ยนเรื่องเป็นรายการครัวคุณตxxแต่อย่างใด ที่มายืนทำครัวมือเป็นระวิงอยู่นี่คือ…

คือการ ‘จีบ’ ล่ะมั้ง?

หลังการสารภาพรักครั้งแรกในชีวิตของผม ตามมาด้วยคำอนุญาตจีบของจอม เจ้าตัวก็บ่นว่าหิว วันนี้บ้านใหญ่ออกต่างจังหวัด ไม่มีใครอยู่ ใช้ให้ผมไปซื้ออะไรให้กินหน่อย ผมจึงเดินลงมาเจอตู้เย็นก็เปิดดู พบว่ามีพวกของทำกินง่ายๆ อย่างขนมปัง ชีส ไข่ เบค่อน แฮม ไส้กรอก รวมถึงนม น้ำผลไม้ และผลไม้สดอยู่พอสมควร เลยถือวิสาสะทำเอง ไหนๆ ก็ไหนๆ ถือเสียว่าประเดิมจีบละกัน

ไอ้จีบนี่บอกตรงๆ ชีวิตลูกผู้ชายมีแฟนหนึ่งคนถ้วนอย่างผมประสบการณ์เท่ากับศูนย์ แฟนที่ได้มาคือเขามาจีบมาบอกชอบผมก่อน สรุปว่าผมมันก็ไอ้อ่อนดีๆ นี่เอง คงต้องเรียนรู้อีกมาก

จอมมองหน้าผมสลับกับพาสต้าบนโต๊ะไปมา เมื่อถามว่าไปซื้อมาจากไหนแล้วผมตอบว่าทำเอง มันนิ่งอยู่อึดใจก่อนจะหยิบส้อมม้วนเส้นเข้าปากด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว

สังเกตเห็นว่าตาของมันเบิกกว้างขึ้น มือที่ขยับช้อนส้อมเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ สาวเส้นเขมือบด้วยความเร็วสูงจนเมื่อผมกินไปได้ครึ่งจานของอีกฝ่ายก็หมดเกลี้ยงแล้ว ขนาดว่าผมแบ่งให้จอมมากกว่าเพราะรู้ว่ามันกินจุนะ

“เอาอีกป่ะ” ผมเลื่อนจานของตัวเองให้

“มึงอิ่มแล้วเหรอ”

“อือ”

จอมไม่พูดมาก คว้าอีกไม่ถึงครึ่งจานของผมไปสำเร็จโทษ ผมเลยเดินไปหยิบน้ำเย็นในตู้มารินเพิ่มให้

“ไม่บอกว่ามึงทำอร่อย รู้งี้ไม่ต้องไปซื้อข้างนอกให้เสียเวลา”

แค่คำว่าอร่อย กับรอยยิ้มบนหน้าหล่อๆ นี่ก็ฟินละ อยากกินอะไรบอกมาเหอะ ไอ้ธีจะเปลี่ยนร่างเป็นเชฟกระทะเหล็กให้

“วันหลังกูจะซื้อหมูซื้อไก่มาให้มึงทำ” คำว่าวันหลังของจอมนี่แปลว่าผมยังมาจีบมันถึงบ้านได้เรื่อยๆ ใช่มั้ย

“อยากกินอะไรเดี๋ยวกูซื้อเองดีกว่า ที่จริงวันนั้นที่มึงไปบ้านก็กินหมูทอดที่กูทำไปแล้วนี่”

“ไม่ใช่ป้าพิศทำเหรอ”

“ป้าพิศทอดแต่กูหมักเอง”

“งั้นอยากกินไอ้นั่นอีก อร่อยดี”

“โอเค” ผมยิ้มตอบ รู้สึกผ่อนคลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมา

ไม่ว่าจอมจะพูดจริง หรือถ่วงเวลาปฏิเสธไม่ให้ผมเสียใจ แต่เท่านี้ผมก็ดีใจมากแล้ว ว่าหลังจากนี้แม้เราสองคนจะเป็นยังไง ความรักของผมครั้งนี้จะมีบทสรุปแบบไหน ก็คงจะไม่เสียความรู้สึกขนาดมองหน้ากันไม่ติด ยังคงเหลือมิตรภาพต่อกันได้ ที่นึกถึงกันขนาดนี้ทำให้ผมรู้สึกขอบคุณจากใจ

…และช่วยไม่ได้ ที่ผมจะยิ่งนึกรักมันมากขึ้นไปอีก

“ทำหน้ายังงั้นทำไม หลงรักกูล่ะสิ”

“…มึงนี่” หน้ายังงั้นคือยังไงวะ ผมรีบแอบกัดลิ้นตัวเอง “ถามจริง มึงไม่ว่าอะไรเหรอ”

“ว่าอะไรคือ?”

“ก็กูเป็นผู้ชาย แต่มาชอบมึง” เอาเถอะวันนี้ผมใช้ยางอายเต็มโควต้าแล้ว สบโอกาสก็ขอบอกรักให้สะใจไปเลย

จอมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองพิจารณาผมหัวจรดเท้า

“มึงเป็นเกย์?”

“ไม่รู้สิ มึงเป็นผู้ชายคนแรกที่กูชอบ” ผมก้มหน้าเก็บกวาดจานชามบนโต๊ะ

“เมื่อก่อน กูเคยเห็นมึงเป็นแฟนกับอ้อม”

“ก็ใช่…ถึงได้บอก” ผมแปลกใจนิดหน่อยที่มันรู้เรื่องของผมด้วย “เคยมีผู้ชายมาจีบมึงป่ะ?”

“เคย” จอมตอบ

“แล้ว?”

“ถ้ามาเล่นๆ กูก็ขำๆ ถ้าถึงเนื้อถึงตัวก็แดกตีน”

ผมหลุบตาดูตีนเบอร์ 46 ของอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ น้ำลายฝืดคอขึ้นมา

“มึงเหอะ มีผู้ชายมาจีบมั่งรึเปล่า นอกจากไอ้อาร์ตอ่ะนะ”

“ไม่…” กะจะปฏิเสธแต่หางเสียงแผ่วปลาย จะว่าไปก็…เคยมีนี่หว่า

“กี่คน ตอบ”

“…สองสาม…สี่คน…มั้ง” ทำไมมันต้องเสียงแข็งด้วยวะ

“เอาแน่ๆ”

“ก็สี่แหละ” เท่าที่รู้ตัวนะ

“…”

“แต่กูไม่รู้นะว่ามาจริงหรือเล่น”

“บื้อ!”

เหี้ย! ทีมึงยังไม่รู้ตัวสักนิดว่ากูชอบ เห็นเขารักเขาหลงเข้าหน่อยทำเป็นได้ใจ ปัดโถ่!

ได้แต่สรรเสริญในใจครับ ภายนอกนี่เงียบกริบไม่ต่อล้อต่อเถียงสักคำ โกยจานไปไว้ที่ซิงค์เตรียมล้าง แต่มีมือขยันมาแย่งฟองน้ำไปก่อน

“มึงทำแล้ว เดี๋ยวกูล้างเอง”

ผมถอยออกมาให้เจ้าของบ้านล้างจาน จีบเขาเราก็ไม่ควรขัดใจเขาใช่มั้ย

ย้ายตัวเองมานั่งเล่นกับไอ้แจ๊คบนโซฟา เปิดทีวีดูเพื่อไม่ให้เงียบจนเกินไป

…เริ่มง่วง

ตั้งแต่ตัดสินใจจะสารภาพ ผมก็นอนหลับไม่เต็มตามาหลายคืน เมื่อคืนกว่าจะได้นอนเกือบสว่าง อะดรีนาลีนพลุ่งพล่านนอนไม่หลับ ตอนนี้พอผ่อนคลายแล้วตาแทบจะปิด ดูทัวร์ซอมบี้งาบบุฟเฟ่ต์มนุษย์ไปสัปหงกไป

“กาแฟมั้ยมึง”

ผมสะดุ้งนิดๆ ส่ายหน้าว่าไม่เอา

“ง่วงอ่ะ เดี๋ยวกลับไปนอนบ้านดีกว่า”

“ถ้ามึงกล้าขับรถตอนนี้กูจะเตะให้”

จอม…ตั้งแต่กูบอกว่ารักนี่ดูมึงโหดขึ้นนะ นี่ผมไปปลดปล่อยความ S อะไรของมันเข้ารึเปล่าวะ

“ขึ้นไปนอนข้างบนเลย ไปเปิดแอร์ ไป” มันฉุดผมให้ลุกขึ้น เดินต้อนขึ้นบันได นี่จู่ๆ จะให้หลับนอนเลยเหรอ ขอเล่นตัวอีกนิด…ถุย

จำใจเดินไปถึงห้องนอน ดันตื่นเต้นอีกรอบ คือ…เข้าใจมั้ย เพิ่งสารภาพรักกับเจ้าของห้องไป ให้กูมานอนมันจะหลับลงได้มั้ย เข้าใจกูบ้างงงงงงง



ประเมินความเซนสิทีฟของตัวเองสูงเกินไปมาก หัวถึงหมอนปุ๊บสลบปั๊บ หลับยาวจนเลยทุ่ม เซนสิทีฟมากเลยมึง ไอ้ธี

มองขวาผ่านเข้าไปในความมืดก็ต้องผวาอีกรอบ เมื่อเห็นผู้ชายตัวโตนอนหลับอยู่ข้างๆ ผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ
แสงไฟจากนอกบ้านอาบไล้ใบหน้าซีกหนึ่ง เน้นโหนกแก้มและสันจมูกโด่งให้ยิ่งคมชัด ผมนั่งนิ่งเหม่อมองจอมอย่างลืมตัวอยู่เป็นครู่ ความรู้สึกยังคงกึ่งจริงกึ่งฝัน…

“ถ้าจะลักหลับ กูว่ามันเร็วไปนิด”

ปากมันนี่นะ... ผมปั้นหน้าแทบไม่ทันเมื่อเห็นอีกฝ่ายลืมตา ดวงตาที่ระยับเป็นพิเศษเวลาได้แกล้งคนของมันนี่วอนโดนปล้ำมาก…

“เกรงใจ ยังไม่อยากแดกตีน”

“เล้าโลมหน่อยกูอาจจะยอม”

อ่อยยยยยยยย อ่อยกูเข้าไปปปปป สาสสสส นึกว่ากูไม่กล้าใช่ม้ายยยยยย!!

ผมลุกขึ้นมา ใช้มาตรการรับมือขั้นเด็ดขาด!

…เดินหนีไปฉี่แม่ง…

ครับ…ผมอ่อนครับ ไม่กล้าหาญชาญชัยขนาดนั้นครับ ยอม

เข้าห้องน้ำเสร็จ วักน้ำลูบหน้าลูบตา ลูบผมที่กระดกให้กลับลงมาอีกหน่อย บอกตัวเองว่าเลิกหน้าแดงได้แล้ว นี่มึงไม่ใช่สาวน้อยนะ

ยังดีที่ออกมาแล้วไม่เจอล้ออะไรอีก จอมไม่ยอมกินข้างนอกแต่ชวนไปซื้อของมาทำกินมื้อค่ำกันอีกรอบ สงสัยที่มันว่าอร่อยคงจะพูดจริง คราวนี้ยังไม่มีเวลาหมักเลยทำของง่ายๆ อย่างหมึกผัดไข่เค็ม ผัดบล็อคโครี่ใส่กุ้ง แล้วก็ยำวุ้นเส้นทะเลให้มันกิน ส่วนแกงจืดไชเท้าซื้อมาเพราะไม่มีเวลาต้มให้เปื่อยเอง แต่ก็อร่อยใช้ได้อยู่

ดึกพอสมควร ได้เวลากลับบ้าน จอมเดินออกมาส่ง ก่อนไปยังออกคำสั่งอีกเป็นชุด

“กูเรียนถึงพฤหัสเช้า เที่ยงมารับกูด้วย”

“ก่อนถึงให้บอก จะลงไปรอ ที่จอดตรงนั้นมันหายาก ห้ามช้า กูหิว”

“กับไอ้อาร์ต มึงรีบไปเคลียร์ซะให้เรียบร้อย”

“ขับรถระวังๆ”

ได้แต่รับคำทุกสิ่ง ตลอดทางกลับบ้านปากยังฉีกยิ้มแก้มแทบแตกเหมือนคนไม่เต็มเต็ง อนุญาตให้ใจคิดเข้าข้างตัวเองบ้างสักนิด ว่าอย่างน้อยจอมก็ไม่รังเกียจจริงๆ ตั้งใจกับตัวเองว่า จะไม่เอาแต่กลัวจนปล่อยให้โอกาสผ่านไปเหมือนก่อนอีกแล้ว ครั้งนี้ผมจะขอทุ่มหัวใจให้สุด อย่างที่จะไม่ต้องเสียใจและเสียดายภายหลัง


***


“มึงชอบจอม?” เสียงทุ้มติดแหบนิดๆ ที่ปลายสายถามย้ำ

“อือ”

“เหรอ…” อาร์ตเงียบไปครู่หนึ่ง “ก็คิดอยู่เหมือนกัน”

ถึงคราวผมอึ้งบ้าง เข้าใจว่าตัวเองเก็บซ่อนได้มิดแล้วเชียวนะ

“มึงรู้ด้วย? ได้ไงอ่ะ?”

“อืม…คงเพราะกูมองมึงมาตลอดมั้ง ก็ไม่ถึงกับรู้หรอก แต่พอจะดูออกว่ามึงดูสนใจเรื่องของจอม”

“…จริงดิ” ไม่รู้จะตอบยังไงให้ดีกว่านี้ สรุปคือแอ๊บแตกมาชาติกว่าแล้ว แถมคนจับได้คือเพื่อนสนิทที่แอบรักตัวเองอีก รู้สึกทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกันยังไงชอบกล

“แล้วจอมตอบมึงว่าไง”

“ไม่ได้ตอบไร แต่บอกว่าถ้าชอบก็ให้จีบมัน”

“จอมว่างั้นเหรอ?”

“อืม”

ปลายสายนิ่งไปนานกว่าเดิม จนผมนึกว่ามันวางไปแล้วเสียอีก จนกระทั่งมันพูดต่อ

“กูดีใจกับมึงด้วย”

“ดีใจอะไร ที่กูไม่โดนจอมกระทืบอ่ะเหรอ” ผมจงใจพูดติดตลก ลดบรรยากาศตึงเครียด ปฏิเสธแบบถนอมน้ำใจโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ากำลังถูกถนอมน้ำใจ… โจทย์นี้ยากเกินไปแล้วครับ

“ที่มันให้โอกาสมึง” อาร์ตหัวเราะแผ่วๆ

“…ขอโทษ”

“ขอโทษกูทำไม”

“ที่กูให้โอกาสมึงไม่ได้” จนปัญญาจะอ้อมค้อม ทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ผิดแต่ก็รู้สึกผิดเหลือเกิน

“มึงจีบจอม แล้วกูจีบมึงบ้างไม่ได้เหรอ”

ผมเม้มปาก ต่อให้ผมอ่อนเรื่องความรักยังไง แต่แค่คิดก็รู้แล้วว่าแบบนั้นมีแต่จะหนักใจทุกฝ่าย

“กูล้อเล่น” ปลายสายเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นหยอกเย้า “กูรู้ว่ามึงจริงจังกับเรื่องแบบนี้”

“ขอโทษจริงๆ นะ” ผมย้ำ “ทีแรกกูคิดแค่อยากจะให้คำตอบมึง แล้วก็เคลียร์ความรู้สึกตัวเอง ไม่คิดว่า…”

“ถ้า…” อาร์ตเกริ่นแล้วก็เงียบไปอีก

“ถ้า?” ผมกระตุ้นให้มันพูดต่อ

“ถ้าสุดท้ายแล้ว…จอมคบกับมึงไม่ได้… ถึงตอนนั้นมึงให้โอกาสกูบ้างได้มั้ย”

ผมนิ่งคิด ใคร่ครวญอย่างจริงจัง ก่อนจะตอบ…

“ได้ แต่อย่ารอกูนะ ถ้าระหว่างนี้มึงเจอใคร ก็ลองเปิดใจให้เขาดู”

“โอเค” น้ำเสียงนั้นราวกับโล่งใจ ผมทำเป็นไม่รู้ ทั้งที่จริงทั้งผมทั้งอาร์ตต่างก็รู้ดีว่า มันจะรอผมอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม



ปิดจ๊อบไปอีกหนึ่งเรื่อง ผมวางสาย ทิ้งตัวลงนอน ไม่ได้ออกกำลังแต่รู้สึกเหนื่อยชอบกล หยิบมือถือที่คุยจนแบตลดขึ้นมา พิมพ์ข้อความหาจอม บอกสั้นๆ แค่ว่าเคลียร์กับอาร์ตรู้เรื่องแล้ว

ครู่เดียว ก็มีข้อความตอบกลับสั้นยิ่งกว่าว่า [ดี]

…บางครั้งผมก็หมั่นไส้แม่งจริงๆ พับผ่า!


***

TBC

เนื่องจากทันที่บอร์ดอื่นแล้ว เราจะไม่ได้ลงทุกวันแล้วนะคะ แต่จะพยายามไม่ให้ร้างนานเกินไป ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และทุกคนที่เข้ามาอ่าน แค่ชอบบ้างก็เป็นกำลังใจแล้วค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [006] 23/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 27-11-2017 13:44:57
แอบสงสารอาร์ต สนุกมากค่ะ รอๆ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 28-11-2017 12:20:27
007



จากบ้านของผมไปมหา’ลัยของจอม ระยะทางไม่ได้ใกล้กันเลย ยังดีที่มีทางด่วนไปลงได้ไม่ยากนัก ทำให้ใช้เวลาเดินทางไปถึงประมาณชั่วโมงเศษเท่านั้นในวันที่รถไม่ติด จอมอยู่หอพักเวลาเปิดเทอม ศุกร์-อาทิตย์ถึงจะอยู่บ้าน วันนี้เป็นวันพฤหัสฯ ผมจึงมารับมันตามสัญญา รู้สึกเขินปนอารมณ์ดีตั้งแต่เช้าแล้ว โชคดีที่ตารางเรียนว่างวันนี้พอดี ซ้ำเป็นเดือนที่ค่อนข้างชิล... ก่อนจะเจอนรกเดือนหน้าอะนะ

วิทยาเขตที่นี่กว้างมาก ผมเคยมาแค่ไม่กี่ครั้ง มาหาเพื่อน หารุ่นพี่บางครั้งตอนเข้ามหา’ลัยใหม่ๆ เพราะเคยหวังจะเจอจอมบ้าง แต่ก็ไม่พบสักครั้ง ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะได้มาตามจีบมันถึงที่

ผมขับไปจนถึงอาคารเรียนที่จอมส่งพิกัดมาให้ล่วงหน้า แล้วข้อความไปบอกมันว่ามาถึงแล้ว

ไม่นานนักก็เห็นร่างสูงใหญ่ขวัญใจสาวๆ เดินฝ่าแดดเปรี้ยงมาแต่ไกล ข้างกายมีเอกกับเพื่อนอีกคนที่ผมไม่รู้จักมาด้วย จอมหันมองปราดเดียวก็เห็นเจ้าลูกรักสีส้มดำสะดุดตาของผม มันโบกมือลาเพื่อนแล้วตรงมาเปิดประตูรถสอดตัวนั่งทันที มือนึงขยับคอเสื้อพัดใหญ่

“ร้อนฉิบหาย นี่หน้าหนาวจริงดิ”

ผมออกรถพลางปัดแอร์ไปทางคนบ่น กลิ่นเหงื่อผสมน้ำหอมจางๆ ทำให้ใจเต้นเล็กน้อยแต่ต้องตีหน้าเฉยไว้ก่อน

“มึงก็รู้ที่นี่บราซิล”

“ตลกละ”

“ผมมึงยาวไปป่ะ ตัดมั้ยจะได้ไม่ร้อน” ผมเห็นมันสวมที่คาดผมอันบางพร้อมรวบจุกเล็กๆ ที่ท้ายทอย ดูน่ารักพิลึก

“กูไม่ชอบตอนมันเริ่มยาวครึ่งๆ กลางๆ หรือจะไถดีวะ”

“แล้วแต่ หนังหน้าดีตัดทรงอะไรก็ได้หมดมั้ง” ผมขับตามทางที่มันชี้ มองซ้ายขวาก่อนออกถนนใหญ่

จอมหยุดกึก หันมามองผมพร้อมยกยิ้มมุมปาก เอ๊ะ เมื่อกี้ผมตอบอะไรมันไปวะ…

คุณพระ! นี่ผมเผลอชมว่ามันหล่อนี่หว่า!

“…ไปทางไหนต่อ บอกทางด้วย” ผมถามแก้เขิน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“วนไปฝั่งตรงข้าม เดี๋ยวกูไปเอาของที่หอก่อน” จอมไม่เซ้าซี้ มันชี้ไปทางหมู่ตึกหอพักนอก ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ขับแป๊บเดียวก็มาถึงแล้ว

จอดรถได้ จอมก็นำทางผมขึ้นไปบนห้อง หอพักมันน่าอยู่ไม่เลว ดูใหม่และน่าจะปลอดภัย ห้องของจอมอยู่ชั้น 3 หัวมุม มันไขกุญแจแบบกันขโมยเข้าไป

ห้องนั้นสำหรับอยู่ 2 คน มีโต๊ะ ตู้ เตียง หน้าตาเหมือนกันอย่างละ 2 ชุด มีห้องอาบน้ำ เครื่องปรับอากาศ สิ่งอำนวยความสะดวกก็ดูจะพร้อม ทั้งกาน้ำร้อน ไมโครเวฟ ตู้เย็นเล็ก พัดลม อย่างว่า บ้านจอมคงไม่ปล่อยให้ลำบากหรอก

“นั่งก่อน มีน้ำมีขนมในตู้ อยากกินอะไรก็กินเลย” จอมหันไปจัดการกับถุงเสื้อผ้าใช้แล้วขนาดใหญ่ โกยผ้าห่มยัดลงไปด้วย คงเอากลับไปให้ที่บ้านซัก

ผมนั่งบนเตียง มองสำรวจโน่นนี่ไปเรื่อย ห้องมันรกพอตัวเลย กองชีทอะไรก็เต็ม พอไม่มีแม่บ้านนี่ดูไม่จืด อดนึกถึงช่องใต้โต๊ะรกๆ ของมันสมัยมัธยมขึ้นมาไม่ได้

“ขำไร” แน่ะ เห็นอีก

“ห้องรก” ผมยิ้มตอบ

มันยกมือเสยผมเก้อๆ แก้ตัวอุบอิบ

“ก็ของเยอะ แต่ไม่มีขยะสดนะ กูไม่ชอบให้มดขึ้น”

“อือ”

“ว่างก็มาช่วยจัดสิ” จู่ๆ จอมก็หันกลับมามองผม “เคยช่วยจัดโต๊ะไม่ใช่เหรอ”

เข้าตัว! ไม่นึกว่ามันจะจำได้

“เคยเหรอ” ผมเฉไฉ “ เออ แล้วรูมเมทมึงอ่ะ ให้ช่วยสิ”

“เฮอะ ไอ้โจ้เนี่ยนะ พึ่งพาไรได้” มันหันกลับไปยัดของลงกระเป๋ากีฬาใบใหญ่ “ที่ไม่อยู่ทำรกก็ถือว่าช่วยละ ช่วงนี้มันไปอยู่กับน้ำไม่ค่อยกลับห้อง”

อ้อ สรุปว่ารูมเมทจอมคือโจ้นี่เอง

“เออ พวกไอ้ธันย์ ไอ้ต้นมันก็อยู่หอนี้นะ แต่ชั้น 5 แล้วก็พวกผู้หญิงอ่ะ ตาล มีน อะไรก็อยู่ อาคารไหนจำไม่ได้ว่ะ”

จอมพูดถึงเพื่อนที่โรงเรียนเก่า ธันย์กับต้นนี่ซี้เก่ามันเลย

“ไม่เจอนานเลย แล้วทำไมวันก่อนไม่เห็นมาด้วย”

“กูเรียนไม่เหมือนพวกมันอ่ะ เลยไม่ค่อยเจอใครอยู่คนเดียว คนอื่นเขาเจอกันหมดแหละ”

มิน่า เวลารวมตัวเจอเพื่อนเก่าผมถึงไม่เคยเจอจอมเลย ในเมื่อคลาสเรียนมันไม่เหมือนภาคปกติ ไม่แปลกใจแล้วทำไมถึงลากผมไปไหนมาไหนด้วยบ่อยๆ ช่วงหลังนี้

“เหงาอ่ะดิ” มีมุมน่ารักเหมือนกันนะผู้ชายตัวเท่าควายเนี่ย

จอมกลอกตาพ่นลมออกจมูกไม่ตอบคำ เดินมาเตะขาผมไม่แรงนัก

“เสร็จแล้ว ไป หิว”

จะบ่ายโมงแล้ว คุณชายออกอาการงอแง ผมเลยต้องรีบช่วยขนของตามลงมา พอดีเดินสวนกับสาวสวยหน้าคุ้นๆ

“กลับแล้วเหรอจอม” ไม่ใช่ใครที่ไหน พราวเจ้าเก่านี่เอง

“อือ ไปนะ”

“เราติดรถไปลงห้างได้เปล่า พอดีจะไปซื้อสายชาร์จใหม่ อันเก่าเปื่อยเรากลัวไหม้”

“เราไปรถธี”

ผมขยับจะบอกว่าไปส่งได้ แต่รู้สึกถึงศอกที่ถองมาในมุมอับสายตาเสียก่อน จึงต้องเงียบแล้วทำตัวแล้งน้ำใจ

“เหรอ…” พราวมองมาที่ผมซึ่งเลี่ยงไม่สบตาด้วย แล้วพยายามปั้นหน้ายิ้ม “งั้นไม่เป็นไร ไว้เจอกันนะ”

จอมพยักหน้าส่งๆ แล้วรีบเดินไปขึ้นรถผม เอาของกองเบาะหลังเสียเต็ม ราวกับจะแสดงให้เห็นว่าไม่มีที่จริงๆ ผมส่งยิ้มเจื่อนให้พราวที่มองมาไม่เลิกแล้วรีบออกรถ กดดันโคตร

“จริงๆ ให้เขาติดรถมาก็ได้นะ” ออกมาได้สักพักแต่ยังรู้สึกผิดเล็กๆ แฮะ

“ไม่ต้องเลยนะ” คนนั่งข้างหันมาเขม่น “มึงไม่เข้าใจหรอกว่าเขาเป็นไง”

“ขนาดนั้น”

จอมหันมามองผมแบบเอือมๆ เหมือนจะบอกว่าโดนรูปลักษณ์หลอกเข้าให้แล้ว

“มึงรู้ป่ะ พราวไม่ได้อยู่หอนี้ แต่ไม่กี่วันก่อนตั้งแต่เปิดเทอมใหม่มาเขาก็ไปขอแลกหรือไปขออยู่กับใครเนี่ยแหละ แล้วหาเรื่องมาเคาะห้องกู ไม่ก็ทำเป็นบังเอิญเจอกูเกือบทุกวัน”

เหยด สตอลเกอร์ตัวแม่ ผมทำตาโตมองมัน

“ไม่ต้องพูดถึงไลน์กับเฟซเลย คือรำคาญมากอ่ะ ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงกูคงหักหน้าแรงๆ ไปแล้ว ตอนนี้คืออดทนสุดๆ”

โอเค กระจ่าง ถ้าแบบนี้ต่อให้สวยเท่านางฟ้านางสวรรค์ก็คงไม่ไหวจริงๆ

“ใจเย็นนะ เสน่ห์แรงต้องทำใจว่ะมึง” ผมตบไหล่หยอกให้มันหายเครียด

เห็นจากหางตาว่าคิ้วเข้มเลิกขึ้น หันหน้ามาจ้องผมอยู่เป็นครู่

“อะไร” ผมหักเลี้ยวเข้าห้าง วนขึ้นอาคารจอดรถ

“วันนี้มึงชมกูหล่อสองรอบละนะ”

“หะ” ผมงงกับความไม่มีปี่มีขลุ่ยของมัน ความมืดที่สายตายังปรับไม่ทันทำให้ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าแบบไหนอยู่ “เมื่อกี้กูบอกแค่เสน่ห์แรงไม่ใช่เหรอ”

“ก็ความหมายเดียวกัน”

“…ไม่เหมือนชัดๆ คนละคำพูดกันเลย” ผมหน้าร้อนขึ้นมา พยายามหาที่จอดรถก่อนที่จะมือไม้สั่นขับไปเสยใครเข้า

“หรือว่าไม่หล่อ”

“มึงเชื่อมโยงอะไรของมึงเนี่ย แล้วมาคาดคั้นกูเพื่อ!” เห็นที่ว่างแล้วว้อย ผมรีบเต๊าะไฟโชว์พริ้วถอยหลังเข้าซองอย่างไว

“ตกลงไม่ได้ชมกูหรือไง”

ยัง…ยังไม่จบ โอ๊ย ช่างแม่งละยางอาย ผมดับเครื่อง หันไปสบตาคนข้างๆ แต่เจอเข้ากับประกายวิบวับสนุกสนานที่ได้แกล้งคนของมันเข้าเต็มๆ จนต้องเสมองปลายคางได้รูปแทน

“กูจีบมึง ก็ต้องชมมึง จบมั้ย”

พูดจบไม่รอให้มันตอบ รีบปลดเข็มขัดนิรภัยหนีลงจากรถ นี่จอมเดชหรืออาลีวะ วนๆ ไปวนๆ มา ต่อยเข้ากูตลอด

พ่อหนุ่มรูปหล่อเนื้อหอมเสด็จลงมาจากรถอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้เพราะมีคนชมหรือแค่สนุกที่ได้แกล้ง แต่ก็เอาเหอะ จีบเขาก็ต้องยอมให้เขาไว้ก่อน ผมกดล็อครีโมทแล้วเดินชะลอ รอตามก้นคนนำ อยากกินอะไรให้เลือกเองก็แล้วกัน



จอมเลือกร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่ผมไม่เคยมากิน เลยยกหน้าที่สั่งให้มันโดยปริยาย สาวเสิร์ฟทีแรกเดินลากขาท่าทางซังกะตาย แต่พอเห็นหน้าจอมชัดๆ ก็มีความกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ทั้งเตา น้ำ อาหาร ถูกส่งขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็วจนโต๊ะข้างเคียงที่มาก่อนค้อนควัก

ของมา ต่างคนต่างเริ่มลงมือย่าง ไปๆ มาๆ เป็นผมย่างคนเดียว ส่วนจอมรับหน้าที่กินกองเนื้อหมูไก่ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ใช่ว่ามันกินแรง แต่ผมทำเองไวกว่า ปกติน้องๆ ที่บ้านกินดุจะตาย เพื่อไม่ให้มันทะเลาะกันเลยต้องฝึกวิชาปิ้งย่างขั้นสูง บนเตาแทบไม่มีพื้นที่เสียเปล่า ยกชิ้นสุกออกคีบวางชิ้นใหม่ต่อเนื่องไม่หลุดจังหวะ ปิ้งพลิกส่งขึ้นจานสุกพอดีทุกชิ้น

เมื่อพอใจกับกองเนื้อที่พูนสูง ก็ได้เวลาปิ้งเบค่อนที่ต้องใช้เวลากว่าจะเกรียม ผมแผ่เบค่อนจนเต็มเตา ก่อนคีบอาหารเข้าปากตัวเองบ้าง ส่วนจอมท่าทางยังกินได้เรื่อยๆ มันยกมือสั่งของเพิ่มอีกนิดหน่อย ส่งยิ้มตบท้าย สาวเสิร์ฟก็แย่งกันมารับออร์เดอร์ เก็บจาน เติมน้ำ เติมน้ำจิ้ม ขาแทบขวิด

เมื่อพยาธิในท้องได้รับการปรนเปรอ ก็เริ่มสนทนาสัพเพเหระกันบ้าง จอมบอกว่าร้านอาหารในห้างนี้มันกินเกือบทุกร้านแล้ว มีพวกบุฟเฟ่ต์ที่มากินกับเพื่อนบ่อยหน่อยเพราะกินได้เยอะแต่ไม่แพง

“กูไม่ค่อยได้กินพวกปิ้งย่างหรือสุกี้กับเพื่อนหรอก ไปกินกับน้องมากกว่า”

“ทำไมอ่ะ”

“กูทนไม่ได้เวลาเห็นคนปิ้งดิบไป สุกไป หรือสุกี้งี้เททุกอย่างลงหม้อพรวดเดียว เนื้อมันก็สุกเกินดิวะ ยังมีหมู ไก่ ปลา กุ้ง ปลาหมึก มันใช้เวลาสุกพร้อมกันที่ไหน ดูละเครียด”

“ที่มึงนั่งปิ้งรัวๆ นี่คือกลัวกูทำไม่อร่อยว่างั้น” จอมว่าขำๆ

“ประมาณนั้น ถ้ามากับที่บ้านกูก็เป็นคนทำเหมือนกัน” ผมรับพลางพลิกเบค่อน จัดสรรเนื้อที่ให้เนื้อชุดใหม่ลงเตาบ้าง

“เออ ดี งั้นต่อไปยกหน้าที่นี้ให้มึงเลย กูไม่แย่ง”

ให้ตลอดไปเลยหรือเปล่า… ประโยคนี้คิดแค่ในใจครับ มือยังคงพลิกเนื้อต่อไป

“กินเสร็จแล้วดูหนังมะ”

จอมชอบดูหนัง คงเพราะที่มันเรียนด้านนี้และอยากสร้างหนัง ว่างเมื่อไหร่จะต้องหาหนังดู ทั้งโรง แผ่น ซีรี่ยส์ก็ชอบดูขนาดสมัครสมาชิกรายปีทางเนตไว้เลย แต่มันชอบฝรั่งมากกว่าเอเชีย ผมเลยชวนมันดูแนวญี่ปุ่นบ้าง ก็เห็นชอบอยู่หลายเรื่องนะ

“เอาสิ ยังมีเรื่องไหนไม่ได้ดูเหรอ”

อีกฝ่ายบอกชื่ออนิเมชั่นญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง ผมแปลกใจนิดๆ ที่มันสนใจเรื่องนี้

“ไม่น่าใช่แนวมึงเลยอ่ะ”

“มึงชอบไม่ใช่เหรอ”

“…”

“…”

“อือ ชอบ”

โดยไม่รอให้อีกฝ่ายถามว่าชอบอะไร ตะเกียบในมือก็ขยับคีบส่งเบค่อนไปกองตรงจานกลาง แม้ภายนอกจะไม่ได้แสดงออก แต่ภายในผมกรี๊ดจนแต๋วแตก

จอมแม่ง…เล่นขี้โกง ผมจีบมันแท้ๆ แต่โดนหยอดครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างกับมันเป็นฝ่ายจีบผมแน่ะ ไม่รู้บ้างเลยว่าคำพูดของมันแค่นี้ก็ทำให้ผมคิดเตลิดเปิดเปิงไปไกลได้แล้ว

มึงมีอิทธิพลกับกูขนาดไหนรู้มั้ยจอม…


***

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 28-11-2017 19:34:36
สำหรับธีคือหวานขึ้นเรื่อยๆ
แต่จอมเหมือนจะยังกั๊กๆ เห็นธีเป็นของตายอยู่ ไว้เรียกใช้เวลาตัวเองอยากให้มาเฉยๆ
ยังไม่รักแต่กั๊กอยากเอาชนะว่างั้น

หวานนี่ขอโหวตเป็นนางร้ายล่วงหน้าได้มั้ย
ท่าทางจะโรคจิตแหง
ไม่แน่ว่าอาจจะคิดหาวิธีทำร้ายธีแล้วด้วยซ้ำ
ถึงตอนนั้นธีนอนเป็นผัก จอมได้น้ำตาตกแน่
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 28-11-2017 22:57:51
 :กอด1:
 :L2:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 28-11-2017 23:25:50
ตามมาจนทัน...ค้างเลย  :ling1: :ling1: 

:hao5: :hao5:  :serius2: :a5:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 28-11-2017 23:53:44
ชอบอ่ะ
รีบมากๆๆต่อนะะะะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 29-11-2017 20:34:26
เรื่องนี้คงไม่มีชิงรักหักสวาท หรือมีตัวร้ายกรี๊ดๆ แบบละครนะคะ 555 เราเชื่อว่าทุกคนคือตัวเอกในเรื่องราวของตัวเอง  สำหรับเรื่องนี้จะค่อนข้างเรียบๆ ออกตลกนิดหน่อย ดราม่าถ้ามีก็คงไม่หนักค่ะ พูดถึงความละเอียดอ่อนของความรักแบบวัยรุ่นตอนปลาย เรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่น และประคับประคองความสัมพันธ์ให้ตลอดรอดฝั่ง สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง หากผู้อ่านติดตามไปพร้อมๆ กันก็จะดีใจมากค่ะ

ตอนหน้าลงวันศุกร์นะคะ  ขอบคุณค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 29-11-2017 22:38:16
ชอบมากเลยอ่า ทั้งสำนวน ภาษา นิสัยธีเวลาเล่าเรื่อง แบบโอ้ยหลงธีมาก นี่มันนายเอกในฝันชัดๆ
นิ่งๆคอยสังเกตอารมณ์คนอื่น ใจเย็นใช้ชีวิตแบบมีสติ แต่ถ้าถึงเวลาก็พร้อมจะดับเครื่องชน
มีสกิลพ่อศรีเรือน โอ้ย อิจจอมมากๆ คือจอมนี่ก็ดูชอบธีอยู่นะ แต่เก๊กน่าดูตามประสาคนถือไพ่เหนือกว่า
แต่ว่าคนนิสัยแบบจอม ถ้าได้เป็นแฟนจริงต้องตามติดธีแบบเช้าถึงเย็นถึงแน่ๆเลย หึงทุกสิ่งรอบตัว 555  :hao7:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: panitanun ที่ 29-11-2017 23:30:49
ฮือออชอบบบ ชอบการดำเนินเรื่องชอบตัวละครชอบภาษาฮืออชอบหมดเลยย เป็นกำลังให้คนเขียนเด้อ :katai5:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [007] 28/11/60
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 01-12-2017 13:06:23
ชอบมากเลยอ่า ทั้งสำนวน ภาษา นิสัยธีเวลาเล่าเรื่อง แบบโอ้ยหลงธีมาก นี่มันนายเอกในฝันชัดๆ
นิ่งๆคอยสังเกตอารมณ์คนอื่น ใจเย็นใช้ชีวิตแบบมีสติ แต่ถ้าถึงเวลาก็พร้อมจะดับเครื่องชน
มีสกิลพ่อศรีเรือน โอ้ย อิจจอมมากๆ คือจอมนี่ก็ดูชอบธีอยู่นะ แต่เก๊กน่าดูตามประสาคนถือไพ่เหนือกว่า
แต่ว่าคนนิสัยแบบจอม ถ้าได้เป็นแฟนจริงต้องตามติดธีแบบเช้าถึงเย็นถึงแน่ๆเลย หึงทุกสิ่งรอบตัว 555  :hao7:

คุณ FiZZ อ่านขาดมากค่ะ 555 จอมนี่เหมือนกับ...ก่อนหน้านี้มีเค้กวางอยู่แต่ไม่ใช่ของตัวเองเลยไม่คิดจะทำอะไร วันหนึ่งมีคนบอกว่า อันนี้กินได้นะ ก็เริ่มจะอยากกินขึ้นมา 555555



008


ประมาณเดือนหนึ่งแล้วที่ผมเทียวรับเทียวส่งจอมทุกปลายสัปดาห์ แน่นอนว่าออกนอกหน้าขนาดนี้ย่อมเป็นที่สังเกต โดยเฉพาะเพื่อนๆ กลุ่มที่สนิทกับจอม ผมคิดว่าพวกนั้นน่าจะพอรู้ว่าทำไมผมถึงมาหาจอมบ่อยขนาดนี้ แต่ไม่มีใครถามตรงๆ หรือแสดงอาการอะไรนอกจากความเป็นมิตร ผมจึงพอจะเลี้ยงผิวหน้าให้หนาได้อยู่

เรื่องเขินอายไม่ใช่เรื่องใหญ่ เมื่อเทียบกับความจริงที่ว่าอาร์ตก็เรียนที่นี่ คณะนี้ แถมยังคงสนิทอยู่ในกลุ่มจอมด้วย

รู้สึกผิดโดยที่ไม่ได้ทำอะไรผิดอีกแล้ว…

ผมเคยเลียบเคียงกับทั้งสองฝ่าย ว่าต้องการให้ผมหลบเลี่ยงมั้ย แต่ต่างคนต่างตอบว่าไม่ต้อง ผมก็เลยได้แต่แข็งใจ

ทว่าอาร์ตก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีเหมือนเดิม มันยังเข้ามาพูดคุย ทักทาย โดยรักษาระยะอย่างพอเหมาะพอควร  ไม่ทำให้ผมต้องลำบากใจเลยสักนิด ไม่ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของมันจะเป็นอย่างไร ผมก็รู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ผมรู้ว่าการที่ต้องทำตัวปกติทั้งที่ความจริงตรงกันข้ามมันยากเย็นแค่ไหน

“ไงมึง รอจอมเหรอ” คิดถึงก็มาพอดี อาร์ต เอก และโจ้เดินมาด้วยกันเป็นกลุ่ม โดดเด่นอย่างกับบอยแบนด์

“อือ พวกมึงควิซเสร็จแล้วเหรอ”

“ทำไม่ได้เลยออกเร็ว” อาร์ตว่าติดตลก นั่งลงบนม้านั่งฝั่งเดียวกัน

“เดี๋ยวซื้อน้ำหน่อย เอาไรป่ะ” เอกถามเพื่อนอย่างมีน้ำใจ

“ไม่เอาอ่ะ มีกาแฟแล้ว” ผมตอบพลางชูแก้วให้ดู

“กูเอาชานมไข่มุก”

“ตังด้วยสัสโจ้ อย่าเนียน”

“เออๆ อาร์ตเอาไร”

“กูเอากาแฟเย็นหวานน้อย ขอบใจว่ะ” อาร์ตตบแบงค์ร้อยใส่มือเอก

“เดี๋ยวกูไปด้วยดีกว่า จะเอาผลไม้”

โจ้ลุกขึ้นคล้องคอเอกเดินไปซื้อของ ที่โต๊ะเลยเหลือแค่ผมกับอาร์ต

“ขับรถมาตั้งไกล ไม่เหนื่อยเหรอวะ” คนตัวสูงชวนคุย

“เหนื่อยนิดหน่อย แต่ก็ชินละ รถไม่ติดก็ไม่น่าเบื่อเท่าไหร่”

“ทำไมมึงดูว่างจัง” อีกฝ่ายหัวเราะแซว

“อัดตอนเทอมหนึ่งไปเยอะอ่ะ ฮ่าๆ ตารางเรียนกูมันเดี๋ยวว่างเดี๋ยวเรียนหนัก สลับกัน” ที่จริงไม่ใช่หรอก เดือนนี้ผมไม่ว่างเท่าไหร่ แต่วันนี้ยังไงก็อยากมาให้ได้…

“เรียนนิติฯ มันไม่ใช่ว่าต้องท่องเยอะๆ เหรอวะ”

“กูเรียนด้วยความเข้าใจไง ไม่ใช่ท่องจำ” ผมแกล้งยืดอกโอ่ และได้รับเสียงโห่ตามคาด

”คร้าบๆ รู้แล้วว่าเก่ง”

“ฮ่าๆ ล้อเล่น ก็ต้องท่องด้วยแหละ แต่มันสำคัญที่ความเข้าใจในหลักการ เอาว่าถ้ามึงเข้าใจองค์ประกอบและจุดประสงค์ของข้อกฎหมายนั้นๆ ก็ไม่ยาก…มาก…มั้ง”

“แค่ฟังก็ปวดหัวละ” อาร์ตยกศอกเท้าแขน เอียงตัวมาทางผม อีกมือเสยจัดทรงผมตามความเคยชิน เพราะผมมันหยักศกก็เลยติดนิสัยชอบจัดทรง ตอนเด็กๆ คนอื่นชอบหาว่ามันขี้เก๊ก แต่ตอนนี้ทุกมุมของโรงอาหารมีแต่สายตาระทดระทวยมองมา บ่งบอกรุนแรงว่าอยากได้คนนี้เป็นพ่อของลูก

และนั่น…มีสาวสวยสองคนเดินมาทางนี้พร้อมกับห่อของขวัญสีแดงๆ ในมือ

“ขอโทษนะคะ พี่อาร์ตใช่มั้ย” หนึ่งในนั้นยิ้มขวยเขิน ใบหน้าขาวเนียนจิ้มลิ้ม ผมเป็นลอนอ่อนสีน้ำตาล ชุดลำลองที่ดูสุภาพแต่เข้ารูปอวดสัดส่วนโค้งเว้า กลิ่นน้ำหอมรวยรินจนผมยังเผลอมองแวบสองแวบ

“ครับ”

“หนูชื่อนีน่าเรียนสินสาดนะคะ” เธอหมายถึงศิลปศาสตร์ “เห็นพี่อาร์ตมานานแล้วแต่ไม่กล้าทักอ่ะค่ะ แต่วันนี้อยากให้ของขวัญ รับหน่อยได้มั้ยคะ”

ของขวัญที่ห่อมาเสียสวยงามกับกุหลาบแดงหนึ่งดอก ครับ วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ บรรยากาศโดยรอบมีสีแดง สีชมพู ดอกไม้ ลูกโป่ง และหัวใจฟรุ้งฟริ้งเพิ่มขึ้นมาสามร้อยเปอร์เซนต์ผิดกับทุกที  และเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงทิ้งเพื่อนและตำราไว้ที่ห้องสมุดเพื่อดิ้นรนมาหาจอมให้ได้

อาร์ตยังไม่รับของขวัญ แต่ยิ้มหวานแล้วบอกออกไปว่า…

“ขอบคุณน้องมากครับ แต่พี่ไม่ได้ชอบผู้หญิง”

เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด…อังกอร์!

ขอโทษครับ ผมเกิดอิมเมจแบบนั้นขึ้นมากะทันหัน ตอนแรกสาวๆ ทั้งสองยังคิดตามไม่ทัน แต่พอตั้งตัวติดรอยยิ้มก็แข็งค้าง หน้าจากขาวๆ เทาเหมือนปลาตาย

ของขวัญที่ยกอยู่กลางอากาศเกิดเคว้งคว้างไม่มีที่ไปขึ้นมา กระอักกระอ่วนไม่รู้จะเดินหน้าหรือกลับหลัง จนในที่สุดอาร์ตเลยยกมือแตะกล่องแล้วดันกลับคืนเจ้าของอย่างสุภาพ

“ยังไงก็ขอบคุณมากครับ”

เพราะการปฏิบัติที่ดูนุ่มนวลและคุ้นชินชนิดบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ทำให้บรรยากาศอึดอัดจางหายไปอย่างรวดเร็ว น้องนีน่ามองของขวัญสลับกับหน้าอาร์ตด้วยความรู้สึกเสียดาย ก่อนจะยื่นกุหลาบแดงให้

“งั้นพี่อาร์ตช่วยรับดอกไม้หน่อยนะคะ”

คราวนี้อาร์ตไม่ปฏิเสธ ค้อมหัวยิ้มรับมาด้วยท่าทีเต็มใจ

มองดูสองคนนั้นหันหลังจากไป ผมอดทึ่งไม่ได้

“นับถือมึงว่ะ”

“ก็แค่ไม่อยากให้เสียเวลา” อาร์ตตอบง่ายๆ แต่ความจริงแล้ว กว่าจะยอมรับในรสนิยมของตัวเองจนเปิดเผยได้มันคงไม่มีอะไรง่ายเลย

“ฮั่นแน่! เห็นนะจ๊ะ คนบาปหักอกสาว” โจ้ถือน้ำและผลไม้กลับมายิ้มล้อเลียนอย่างเริงร่า

“ไม่รู้จักบอกให้น้องเขาเปลี่ยนใจหันมามองเพื่อนฝูงบ้างว้า เบอร์โทรไอดีไลน์รู้จักขอเผื่อเพื่อนบ้างมั้ย เพื่อนไม่มีสาวตกถึงท้องเลยนะเฮีย” เอกแกล้งว่า เข้ามาตบหลังบีบไหล่ด้วยท่าทางโอเวอร์

“ง่อยเอง อดแดกเว้ย” อาร์ตดึงแก้วกาแฟมาดูดพลางทำท่าไล่แมลงวัน

“เออ จำไว้ หนุ่มที่ไหนน่ารักขอเบอร์มึงอีกกูจะแจกเบอร์ปีเตอร์แทน” ปีเตอร์คืออาจารย์ภาคอินเตอร์สุดโหดเจ้าของคลาสที่ควิซรับวาเลนไทน์นั่นเอง

อาร์ตเหลือบมองผมด้วยท่าทีลุกลน เหมือนจะแก้ตัวนิดๆ

“กูไม่ได้สนใจเหอะ”

“หราาาาาา” โจ้กระดกลิ้นเสียเศษฝรั่งกระเด็น “เฮ้ยจอม ทางนี้ๆ”

ผมหันไปมองคนมาใหม่ที่วันนี้แต่งกายด้วยชุดนิสิตเรียบร้อยผิดหูผิดตา ผมที่เคยยาวของมันตัดสั้นตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว หลังไถสูง ด้านหน้ายาวกลางๆ ปัดเสยข้าง หล่อเหลายิ่งกว่าดารา แต่สารร่างตอนนี้พะรุงพะรังด้วยทั้งถุง กล่อง ช่อดอกไม้ เต็มมือเต็มไม้ไปหมด

“ตัวจริงเรื่องปิ้งย่างมาแล้ว นึกว่าจะนั่งทำควิซจนหมดเวลา ที่แท้คือโดนทึ้งอยู่นะครัช” โจ้แซวทั้งที่ยังเคี้ยวเต็มปาก

“ก็พวกเหี้ยมันไม่รอกู โดนดัก ชิ่งโคตรลำบากเลย” จอมโยนของในมือลงบนโต๊ะ ส่งสายตาให้ผมขยับ พอได้ช่องว่างมันก็กระแทกตัวนั่งแทรกระหว่างผมกับอาร์ต

“หล่ออย่า’รมณ์เสียดิ ปีนึงมีหนเดียวก็ต้องคืนกำไรสู่สังคมบ้าง”

“ปล่อยมึงคืนสู่ป่าแทนได้มั้ย” จอมหรี่ตา แกะถุงข้าวของที่ได้มาสำรวจคร่าวๆ แยกของที่กินได้ออกมา “ที่แดกได้ก็เอาไป แบ่งๆ กันแดก”

“มียาเสน่ห์ยัดไส้มาป่าววะ” เอกยื่นมือมาหยิบถุงคุกกี้ไปดม

“แดกอยู่ทุกปีอย่าเรื่องมาก พวกมึงไม่ตายหรอกกูรู้”

เอกยักไหล่ ตีมือโจ้ที่เข้ามาแย่ง

“มึงรอของน้ำไป เห็นใจคนโสดด้วย”

“ของแฟนกินเมื่อไหร่ก็ได้ ของคนอื่นสิเร้าใจ” โจ้ไม่ฟังเสียง โยนฝรั่งที่กินค้างไว้ลงถุง แล้วแย่งช็อคโกแล็ตแท่งยี่ห้อดังไปแกะกิน “อีกอย่างน้ำไม่ทำอะไรให้กูแดกร้อก เพราะรู้ว่ากูจะแดกอย่างอื่น”

“หมั่นไส้ โคตรเหี้ย อันเฟรนด์แม่ง” คู่หูบ่นเสียงอู้เพราะปากชักไม่ว่าง เนื่องจากยัดทั้งคัพเค้กและคุกกี้กินสลับคำ “อันอี้ไอ้อะอ่อย”

“ไม่อร่อยแม่งยังแดกเบอร์นี้” อาร์ตส่ายหัว เลือกป๊อกกี้ญี่ปุ่นรสช็อคโกแลตอัลมอนด์ออกมากล่องนึง ยื่นมาให้ผม เมื่อก่อนนี้ตอนเด็กๆ เคยบอกมันว่าชอบ ไม่นึกว่าจะยังจำได้

จอมหลุบตามองมือที่ยื่นผ่านหน้านิ่งๆ ก่อนหยิบกล่องทาร์ตช็อคโกแล็ตเซมิสวีตแบรนด์นอกยี่ห้อหนึ่งจากถุงที่เมื่อครู่ไม่ได้เปิดมาให้ผมเช่นกัน เป็นของอร่อยที่ผมติดใจอยู่ในช่วงนี้ แวะซุปเปอร์ทีไรเป็นต้องหยิบเพราะรสไม่หวานมากและชอบขอบทาร์ตที่เป็นดาร์คช็อคโกแล็ตคุกกี้ด้วย

ยังไม่ทันได้รับของใคร มือที่ยื่นป็อกกี้มาก็หดกลับแล้วแกะกินเอง ผมจึงรับทาร์ตช็อคโกแล็ตมากล่องเดียว

ก็เหมือนกับที่ผมเลือกแคร์ได้แค่คนเดียว…

“ไปเหอะ เดี๋ยวรถติด” จอมลุกขึ้น หยิบเฉพาะของขวัญที่เป็นกล่องกับดอกไม้ไป

ผมพยักหน้ารับ พลางบอกลาทุกคน มองอาร์ตที่ยังส่งยิ้มโบกมือด้วยท่าทางเป็นปกติแวบหนึ่ง แล้วรีบเดินตามคนที่นำลิ่วไปติดๆ

จอมเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ โยนของทั้งหมดไว้ด้านหลัง ก่อนจะเห็นถุงกระดาษสีขาวผูกริบบิ้นแดงตรงเบาะ

“นี่อะไร”

“แกะดูสิ” ผมสตาร์ทรถ ไม่ตอบคำถามตรงๆ

คนตัวใหญ่แทรกตัวลงนั่ง หยิบถุงมาแก้ริบบิ้นออกแล้วเปิดดู สีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์มาตลอดเริ่มผ่อนคลาย ยิ้มบางที่มุมปาก เลิกคิ้วน้อยๆ

“ของกู?”

ในถุงไม่มีการ์ดอะไร แต่มีบราวนี่อยู่หนึ่งกล่อง สูตรดาร์คช็อคโกแล็ตที่ใช้น้ำตาลทรายแดงแทนน้ำตาลทรายขาว เพิ่มกาแฟผงกับวานิลลาเล็กน้อยเป็นรสแฝง และใส่ช็อคโกแล็ตอย่างดีเต็มพิกัดจนเนื้อฉ่ำหนึบ ผิวหน้ากรอบแตกเป็นรอยยับน่าชม พิเศษไม่มีขายที่ไหนในโลก เพราะ…ผมทำเอง

“อือ ให้” นอนตีสองเพราะสิ่งนี้ แอบอบดึกๆ ดื่นๆ อยู่คนเดียว นอกจากใส่ช็อคโกแล็ตเต็มพิกัดแล้ว ความรักก็จัดเต็มด้วย อ๋อยยย…เขินอ่ะ

เมื่อครู่ของที่คนอื่นให้มาจอมไม่แม้แต่จะแล แต่ตอนนี้กลับแกะบราวนี่ในมือกินคำโตทันที
 
“อร่อย”

ผมออกรถด้วยด้วยความรู้สึกหวานในอกยิ่งกว่ารสช็อคโกแล็ต ห้ามรอยยิ้มตัวเองไม่ได้เลย

“ที่จริงฝีมือแบบมึง เปิดร้านได้สบายเลยนะ”

“พูดเหมือนแม่กูเลย แต่ไม่เอาหรอก”

“…”

“ไม่ได้อยากทำให้คนอื่นทุกคน ให้แค่เฉพาะบางคน”

ถึงเสียงจะงึมงำไปนิด แต่เชื่อว่าจอมได้ยินชัดเจน ก็ฟังเสียงหัวเราะหึๆ นี่สิ

“ทาร์ตที่ให้เมื่อกี้ กูก็ไม่ได้รับมาจากคนอื่นนะ”

คำพูดถัดมาทำให้นอกจากหุบยิ้มไม่ลงแล้ว หัวใจก็แทบจะโลดออกมานอกอกด้วย ถ้าหากผมเผลอหักรถแฉลบลงข้างทาง พวกคุณคงรู้ใช่ไหมครับ ว่าเป็นความผิดของใคร

“ของกู ให้”


***

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [008] 01/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 01-12-2017 16:11:24
นายจอมมมม
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [008] 01/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 01-12-2017 19:04:43
โอ้ยยย อ่อยกันไปอ่อยกันมาไม่มีโกง จอมคนขี้หวง ธีดีขนาดนี่รีบๆรับเป็นแฟนเร็วเข้าาา  :katai2-1:
แล้วก็สลับกัน จากธีตามจอมไปเป็นจอมคอยตามตูดธีแทน 555
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [008] 01/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-12-2017 08:38:02
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [008] 01/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 04-12-2017 08:40:12
เขินๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [008] 01/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 04-12-2017 09:14:04
จอมคนกั๊ก นี้ขนาดยังแค่ให้ธีจีบนะ หวงๆๆ
 อย่าให้ธีจีบติด เราว่ามีหวงธีสุดๆ
ธีแบบครบมาก ทำอาหารได้ ดูแลเป็นอีก
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 06-12-2017 18:11:18
009


Jom's

ก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเรามันซับซ้อนสับสนพิกล

อาร์ตเคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในวัยเด็กของผม แม้ตอนนี้จะไม่ได้ตัวติดกันเหมือนเดิม แต่เราก็ยังสนิทสนมกันอยู่ เพราะทั้งเรียนด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน วันดีคืนดีมันก็มาบอกว่าชอบธี เพื่อนที่ผมเพิ่งมาสนิทด้วยไม่นานนัก แต่เป็นคนที่ผมคิดอยากรู้จักอยู่ในใจมาตลอด

เรื่องนี้เล่นเอาผมเป๋ไปพักนึงเลย

ไม่ใช่เพราะอาร์ตเป็นเกย์หรอกนะ อันนั้นรู้มาพักใหญ่แล้วเพราะตั้งแต่เข้ามหา’ลัยมามันก็ไม่ได้ปิดบัง ยังเคยควงผู้ชายน่ารักให้เห็นบ่อยๆ

ที่สับสนคือความรู้สึกของผมเองนี่แหละ ตั้งแต่ตอนที่พาพวกมันมาเจอกันตามคำขอของอาร์ตแล้ว

ผมค้นพบว่าตัวเองไม่ชอบใจเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน

เวลาเห็นพวกมันคุยเรื่องที่รู้กันเองหงุงหงิง บอกตรงๆ ว่าหมั่นไส้ว่ะ โดยที่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม หรือเรามันเป็นคนหวงเพื่อนขนาดนั้นเลย?

แต่ผมก็ไม่เคยเป็นแบบนี้กับคนอื่น มีแต่ธีที่ผมกระตือรือร้นจะเข้าหา และมีแต่กับธีที่ผมเหมือนจะหงุดหงิดในใจเสมอ เวลาเห็นมันโดนสาวๆ หรือแม้แต่หนุ่มๆ แอบส่องแล้วดันไม่รู้เรื่องเลยสักนิด แต่กลับมาทักว่าผมโดนสาวส่งสายตาให้เยอะมาก จนผมต้องพยายามไม่กลอกตาหรือถอนหายใจแรงๆ ใส่ พวกมีเสน่ห์แต่ไม่รู้ตัวนี่มันน่าเหนื่อยใจเสียจริง บางทีสบตาคนแปลกหน้าก็เที่ยวยิ้มให้เขาแบบไม่คิดอะไร แต่อีกฝ่ายแทบจะพุ่งมาขอเบอร์ ถ้าผมไม่ทำตาขวางใส่เสียก่อนน่ะนะ

คิดไม่ทันตกดีอาร์ตก็มาบอกผมว่ามันชอบธีมาตั้งนานแล้ว และที่มันตัดใจจากไปก็เพราะเรื่องนี้

ทำให้ผมต้องถอยกลับมาคิดให้ดีว่าไอ้ความไม่พอใจนี้คือยังไงกันแน่ ความสับสนทำให้ผมพลอยวางระยะห่างกับธีไปด้วย จังหวะพอดีกับกำลังจะเปิดเทอมใหม่ ย้ายกลับไปอยู่หอ ยุ่งๆ หลายสิ่ง ผมเลยใช้เป็นข้ออ้างให้ตัวเองหลบมาคิดอะไรเงียบๆ คนเดียวสักพัก มีแค่ส่งข้อความอวยพรตอนปีใหม่ และได้รับกลับมาในวินาทีเดียวกัน ทำให้ผมแทบอดใจแชตไปคุยกับมันไม่ได้

ผมรู้ว่าอาร์ตคงจะบอกความในใจกับธี ถ้าสองคนนี้ตกลงคบกันจริงๆ ผมควรจะต้องรู้สึกยังไง ควรจะยินดีมั้ย แต่การที่ผมมาครุ่นคิดเรื่องแบบนี้แสดงว่าใจจริงผมไม่รู้สึกว่ามันคือเรื่องน่ายินดี?

ยังไงก็ตาม ผมยังคิดว่าธีไม่มีท่าทางจะสนใจผู้ชายแถมอดีตแฟนก็เป็นสาวน้อยเต็มขั้น อาร์ตคงอกหักแหละน่า

ปรากฏว่าอาร์ตโดนหักอกจริงๆ นั่นแหละ แต่นั่นเพราะธีชอบผม

ธีชอบผม!

มองธีที่ประหม่าจนแก้มแดงจัด สารภาพรักเสียงสั่น ไม่กล้าสบตา เหงื่อซึมไรผมนิดๆ อารมณ์ที่หม่นมาหลายวันแจ่มใสขึ้นทันตา ภายนอกผมทำเป็นนิ่งเฉย แต่ในอกมันฟูๆ ตื่นเต้น ทั้งอยากปลอบทั้งอยากแกล้ง บ้าเอ๊ย…รู้เลยว่าตัวเองชักจะแย่แล้ว

ปกติของผู้ชายที่ไม่ได้เป็นเกย์ มีผู้ชายด้วยกันมาบอกชอบมันควรต้องรู้สึกอึดอัดหรือรังเกียจบ้างสิ แต่พอคนบอกเป็นธี ผมไม่เพียงแค่รู้สึกดี กลับคิดว่ามันน่ารักเสียอีก!

เมื่อเราเริ่มมองใครสักคนเกินเพื่อน ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผมไม่รู้ว่าผมชอบธีแบบไหน จะเป็นคนรักกันได้มั้ย แล้วอาร์ตจะรู้สึกยังไง แต่ผมไม่อยากปล่อยมือ ไม่อยากปล่อยจริงๆ

ผมรั้งธีไว้ด้วยการตกลงว่าจะให้โอกาสมัน แต่ที่จริงคือให้โอกาสเราทั้งคู่

และธีที่เอาจริงเกินคาดก็ทำให้ผมได้ใจไม่น้อยเลย

ผมรู้ตัวนะว่าเป็นคนขี้รำคาญ เอาแต่ใจ ใจร้อน เอาอกเอาใจใครไม่ค่อยเป็น เห็นว่าผมหล่อแบบนี้จริงๆ ไม่ค่อยมีแฟนกับเขาหรอก ดูอย่างเกลเป็นไร ผู้หญิงที่เป็นรักแรกของผม ก็เธอสวยน่ารักขนาดนั้น ผมแอบมองเธอมาตั้งแต่ชั้นประถมแล้วมั้ง ตอนที่ได้เป็นแฟนกันก็นึกว่าต้องเวิร์คแน่ แต่ที่ไหนได้

แรกๆ ก็ดีอยู่หรอก ความดีใจทำให้ทุกอย่างดูดี รักแล้วโลกเป็นสีชมพู แต่นานวันเข้าผมพบว่าตัวเองเหนื่อยที่ต้องเอาใจเธอฝ่ายเดียว ต้องอยู่กับเธอและเพื่อนในเวลาที่ผมอยากเฮฮากับเพื่อนตัวเองบ้าง กลุ่มเพื่อนเธอก็เป็นสาวสวยเชียร์ลีดเดอร์ทั้งก๊วน คุยคิกคักจีบปากจีบคอดูมีจริตชอบกล บางคนก็ถึงขั้นทิ้งสายตาให้ผมด้วยซ้ำ

ส่วนรสนิยมความชอบของเราแทบไม่ตรงกันเลย เวลาคุยกันก็รู้สึกกร่อยลงทุกที ผมรู้สึกนะว่าเกลคงไม่ได้ชอบผมหรอก แค่เห็นว่าผมเหมาะสมกับเธอเท่านั้น เพราะอย่างนั้นตอนปิดเทอมม.5 เราถึงได้เลิกกัน แต่ไม่ค่อยมีใครรู้เพราะเกลบอกว่าอายเพื่อน ขอให้ผมเดินกับเธอเหมือนเดิม ผมก็เลยตามเลย ถือว่าทำเพื่อรักแรกของผมเป็นครั้งสุดท้าย

ที่จริงก็แอบหวังให้ระหว่างนั้นเราเห็นข้อดีของกันและกัน กลับมาคืนดีกันได้ แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น

ต่อมา ก็เหมือนเดิม อาจเพราะเคยได้เป็นเดือนมหา’ลัยด้วยส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงที่เข้ามามักจะติดภาพว่าผมต้องเป็นแฟนที่หล่อ รวย นิสัยดี เพอร์เฟ็คต์ ช่างเอาใจ หรือต่อให้พอรู้นิสัยก็หวังจะเปลี่ยนผมให้เป็นแบบที่พวกเธอต้องการ แต่ความจริงก็คือ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเบื่อหน่าย แทนที่คบกันแล้วชีวิตจะดี แต่สุดท้ายกลับเพิ่มภาระให้ต้องหนักใจกว่าเก่า ผมมีเรื่องที่อยากทำมากมาย ฝืนใจตัวเองไม่ค่อยไหว ไม่ว่าจะคบกับใครยังไงผมก็คงเป็นคนที่เห็นแฟนมาก่อนไม่ได้อยู่ดี

กับธี มันไม่เหมือนกัน ผมอยู่กับธีแล้วสบายใจ ไม่ต้องเก็บนิสัยที่แท้จริง มันไม่คาดหวังอะไรผิดๆ เพราะมันรู้จักผม อยากทำอะไรก็ไม่ต้องพะวง เพราะรู้ว่ามันจะรอผม หรือแม้แต่เข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไม่ขัดเขิน เรามีความชอบความสนใจบางอย่างคล้ายกัน ธีเป็นคนที่มีความรู้กว้างมาก ผมไม่รู้ว่ามันไปรู้มาจากไหน พอถามก็บอกว่าเคยอ่านเจอ แต่เวลาไม่รู้มันก็เป็นผู้ฟังที่ดี เพราะอย่างนั้นเวลาคุยกับมันถึงสนุก คุยได้ตั้งแต่เรื่องรถ บอล หนัง เกม การ์ตูน ของกิน ที่เที่ยว ยันเรื่องหมาเรื่องแมว

อีกอย่างคือ มันเป็นฝ่ายเอาใจผม แบ่งเบาภาระให้ผม เช่นว่า ช่วงไหนที่มันเรียนไม่หนักนักก็จะถ่อมารับผมกลับบ้านตอนปลายสัปดาห์ ระยะทางไกลก็ไม่ทำหน้าบูดบึ้ง ช่วยผมขนของ ส่งถึงบ้าน ทำกับข้าวให้ ดูแลหมาให้ เล่นเกมเป็นเพื่อน คืนวันอาทิตย์ก็ส่งถึงหออีก

บางสัปดาห์โปรเจคต์ไม่เสร็จ ไม่ได้กลับบ้าน มันก็ปลีกเวลามาหา เอาข้าวเอาน้ำมาส่ง ขนเสื้อผ้าสะอาดมาจากบ้านผม มาช่วยทำงานส่วนที่ช่วยได้ ช่วยทำความสะอาดห้อง เอาเสื้อผ้าซักกลับไปให้ ทุกครั้งที่โผล่ไปยังหมั่นเอาขนมนมเนยไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ผม ตอนนี้พวกท่านเอ็นดูมันมากกว่าผมแล้วมั้ง

อย่าว่ากันเลยนะ ปีนี้ผมเรียนหนักจริงๆ โปรเจคต์เยอะมาก หลายครั้งไม่มีเวลาคุย แม้แต่แชตบางทีก็ทิ้งไว้นานกว่าจะอ่านกว่าจะตอบ แต่เรื่องนี้ไม่เคยเป็นปัญหาเลย ไม่มีโกรธมีงอนเหมือนคนอื่น จนผมจากที่ได้ใจกลับชักรู้สึกผิด กลายเป็นว่ามีโอกาสก็อยากเอาใจมันบ้างโดยอัตโนมัติ

ผมไม่รู้ว่าตัวเองชัดเจนกับธีมากพอหรือยัง แต่ที่บอกได้เต็มปากคือผมชอบและดีใจที่มีมันอยู่ข้างๆ

“มองกูไม” ธีทำหน้าเขินปนระแวงแปลกๆ เมื่อเห็นผมจ้องหน้ามันอยู่นาน

“เหนื่อยป่ะ”

“เรื่อง?”

“อยู่กับกู”

ธีหันมามองผมเต็มตา มือยังค้างอยู่ที่พวงมาลัย อาศัยจังหวะรถติดคุยกัน มีเสียงเพลงจากวิทยุคลอเบาๆ
แสงสุดท้ายของวันอาบไล้โครงหน้าเรียว ดวงตาสุกใสใต้กรอบแว่นบางมองมาที่ผม ริมฝีปากรูปกระจับเม้มสนิท ผู้ชายอย่างธี รูปร่าง หน้าตา ฐานะ สติปัญญา ไม่มีที่ติ ยิ่งกว่านั้นยังนิสัยดีน่าคบ ทั้งไม่เรื่องมากแถมละเอียดอ่อน ถ้าจัดเป็นรถก็ถือว่าตัวทอป จะเลือกรักใครก็ได้ แต่คนคนนี้กลับมาชอบผม

ผมที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีดีอะไรให้มันชอบ ผมที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ ส่วนมันคิดทำอะไรเพื่อผมตั้งมากมาย

“คิดไงถามแบบนี้”

“ก็ไม่รู้สิ เห็นมึงทำโน่นทำนี่ให้กูเยอะแยะ แต่กูแทบไม่มีเวลาให้มึงเลย” ถึงจะบอกให้จีบแต่ไม่ได้หมายความว่าเห็นมันเป็นเบ๊ สะดวกสบายใช้งานง่ายหรอกนะ ที่ผมกังวลคือกลัวมันจะเข้าใจไปแบบนั้นน่ะสิ

“แล้วมึงเรียกกูเพราะคิดว่าจะเก็บไว้ใช้งานเหรอ”

“เดี๋ยวเหอะ! ทุกอย่างกูก็ทำเองได้ป่ะ” ถามเองแท้ๆ แต่พอมันพูดก็รู้สึกอารมณ์ขึ้นเสียอย่างนั้น

“อืม ก็นั่นไง ก่อนหน้านี้มึงก็ทำเองหมด แต่มึงเรียกกูเพราะอยากมาเจอกันไม่ใช่เหรอ” ธีไม่มีวี่แววขุ่นเคือง มีแต่รอยยิ้มบางๆ “ที่ทำไม่ใช่ไม่เหนื่อย แต่กูเต็มใจ เพราะอยากเจอมึง แป๊บเดียวก็ยังดี”

ไม่ต้องถามไถ่ให้มากมายอะไรอีก บางทีผมก็รู้สึกว่ายิ่งนานวันมันยิ่งเข้าใจผมมากขึ้น

“มึงเรียนหนัก แต่มีเวลานึกถึงกู แค่นี้กูก็ดีใจแล้ว อีกอย่างกูจีบมึงอยู่ ถ้ามึงไม่เรียกหากูเลยนี่สิ จะหนักใจยิ่งกว่า” ธีหันกลับไปมองถนน เลี้ยวเข้าหมู่บ้านจัดสรรอย่างคุ้นเคย ตอนนี้มันมีสติกเกอร์เข้าออกที่ผมขอมาให้แล้ว ไม่ต้องแลกบัตร “ยังไงถ้ากูไม่ว่าง ไม่สะดวก ก็จะพูดเองแหละ มึงก็รู้”

ก็จริง ถีงธีจะใจดีมีน้ำใจ แต่ไม่ใช่ปฏิเสธใครไม่เป็น ตรงข้าม ถ้าถึงเวลาที่ต้องพูดมันก็กล้าพูด กล้าแสดงความเห็นและเหตุผลออกมาตรงๆ ผมรู้ดีว่าธีอยู่ของมันเองได้อย่างสบาย มันมีสังคม มีเพื่อนฝูง มีโลกส่วนตัว แต่มันกลับเลือกใช้เวลามาดูแลผม...รักผม

ก็นี่แหละ ยิ่งผมรู้จักมัน ใกล้ชิดมัน ผมยิ่งรู้สึกว่ามันน่ารักมากขึ้นทุกที

…และผมชอบที่เราเป็นแบบนี้… ชอบมากๆ...


***

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 06-12-2017 18:15:57
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 06-12-2017 22:52:48
 :o8:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 07-12-2017 08:51:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 07-12-2017 13:48:43
ละมุนดีจัง ชอบๆๆ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 07-12-2017 15:29:17
เรื่องนี้ดีจังเลยยยย ภาษาก็สวย น้องธีน่ารัป
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-12-2017 18:27:12
 :L2: :pig4: :L1:

สนุกนะ
เราติดตาม
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 08-12-2017 11:45:05
แล้วจอมก็จะหลงธีมากขึ้น และมากขึ้น หุหุ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 08-12-2017 18:20:32
ชอบความเรื่อยๆของเรื่องนี้ดี  :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 08-12-2017 19:34:44
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆ เขียนได้น่าติดตาม
สงสารอาร์ตเหมือนกันนะ แต่ก็นะ
อย่างน้อยความเป็นเพื่อนก็ยังอยู่
ตอนแรกๆก็นึกว่าจะแอบดราม่า (จริงๆอยากอ่านดราม่าอยู่แล้ว)

รอตอนต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 09-12-2017 11:14:50
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะคะ ดีใจที่แวะมาอ่านกันค่ะ เรื่องนี้อาจจะไม่หวือหวาเร้าใจ พล็อตแปลกใหม่เหมือนเรื่องอื่น เพราะความตั้งใจคืออยากให้เป็นเรื่องที่มีความสมจริง ทั้งเหตุการณ์และความรู้สึก ความสุข ทุกข์ ว้าวุ่นใจในความรัก ที่คนเคยมีความรักอาจเคยผ่านประสบการณ์ด้านอารมณ์คล้ายๆ กันมาก่อน ก็จะพยายามเล่าไม่ให้น่าเบื่อ เรื่องอาจจะเรียบๆ แต่มีความเปลี่ยนแปลง เติบโต ของตัวละครไปเรื่อยๆ ค่ะ ส่วนดราม่ามีแน่นอนแต่คงไม่ถึงขั้นฟูมฟาย แต่ความปวดใจก็เป็นส่วนหนึ่งของความรักที่อยากเขียนถึงค่ะ

อีกเรื่องที่ไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือเปล่า คือ บางส่วนในเรื่องนี้เคยเกิดขึ้นจริง รวมถึงตัวละครเด่นก็มีต้นแบบจริง (ขออนุญาตแล้ว) ไม่ได้จะอ้างว่ามีเค้าเรื่องจริงเลยสมจริงนะคะ เพราะที่ถูกคือแต่งเสริมเยอะมาก รวมถึงมีการบิดเงื่อนเวลา สถานที่ต่างๆ เพียงแต่จะบอกว่ามันเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ใส่ความเร้าใจหรือดราม่ามากกว่านี้ ทำไมไม่ให้ตัวละครเรียนที่เดียวกัน มีโมเม้นต์กันง่ายๆ กว่านี้ เพราะต้นแบบเป็นแบบนั้นค่ะ 555

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จะพยายามลงไม่ให้ขาดตอนนานนัก เป็นคนเขียนช้ามากค่ะ  :mew2:


ป.ล. ขออธิบายนิดนึงว่าธีไม่ได้เอาแต่รับใช้จอมนะคะ ธีเป็น OCD อ่อนๆ เลยทนไม่ได้ ชอบจัดการข้าวของให้จอมค่ะ 5555
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [009] 06/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 09-12-2017 13:16:16
อื้อหือ อ่านพาร์ทนี้แล้วจอมเป็นคนอย่างที่คิดเด๊ะเลย นี่นอกจากหน้าตาแล้วจะไม่มีอะไรดีแล้วใช่มั้ยคะ 555
คือธีเข้าใจจอมมากเพราะแอบมองมาหลายปี โถ พ่อจอมคนหล่อแต่ไม่มีอะไรดี เค้าจีบมาก็จีบกลับบ้างสิ อย่าโกง  :hao7:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [010] 13/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 13-12-2017 12:26:11
010



เสียงน้ำมันในกระทะดังฉี่ฉ่าเมื่อผมเทไก่หมักน้ำปลาลงทอด ระหว่างรอสุกก็อดคิดไปถึงสิ่งที่จอมถามผมในรถไม่ได้

เดิมผมเคยคิดนะว่าที่เราเป็นแบบนี้ มันอาจจะเป็นความคุ้นชินไปในสักวันหนึ่ง ให้เวลาผ่านไป สิ่งที่เราเหลืออยู่อาจจะกลายเป็นแค่มิตรภาพที่ปรารถนาดีให้กัน เพราะใจจริงผมไม่กล้าคิดว่าจอมจะอยากพัฒนาความรู้สึกกับผมมากไปกว่าเพื่อน

แต่ผมคิดผิด จอมไม่เคยทำตัวขอไปทีกับผม มันพูดว่าให้ผมจีบ มันก็มองดูผมจริงๆ คบกับผม ให้โอกาสผมคนเดียว ไม่เคยจับปลาสองมือ ทั้งที่มีผู้หญิงหรือผู้ชายอีกนับไม่ถ้วนที่พร้อมจะเข้าหาขอแค่มันกระดิกนิ้วเรียก

ใครอาจคิดว่าผมทำอะไรเพื่อจอมมากมาย แต่ผมกลับมองว่านี่คือการทำเพื่อตัวผมเอง ผมทำเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดจอมให้มากขึ้น และทำไปเพื่อให้มันรู้ว่าผมแคร์ เพราะว่าชอบ ถึงอยากให้มันมีความรู้สึกดีๆ กับผมบ้างเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฝืน ทุกสิ่งที่ทำไปผมมีความสุขมากกว่าเหนื่อยเป็นไหนๆ และผมยังรู้สึกว่าจอมก็ให้ผมกลับมาไม่น้อยไปกว่ากัน มันอาจไม่ได้ทำอะไรเพื่อผมอย่างเป็นรูปธรรม แต่แค่มันรับไว้อย่างเห็นคุณค่าก็เกินพอที่ใจผมต้องการแล้ว

ผมยิ้มพลางคลุกน้ำยำเข้ากับถั่วพู แล้วตักใส่กลางจานที่เรียงกุ้งลวกกับไข่ต้มไว้ โรยถั่วลิสงคั่วบด หอมเจียว กระเทียมเจียว เป็นอันพร้อมขึ้นโต๊ะ เคียงกับกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา และแกงจืดสาหร่ายเต้าหู้ไข่ที่แบ่งใส่สองถ้วยเล็กไว้แล้ว ก่อนใช้กระชอนตักปีกไก่ที่สุกดีแล้วขึ้นจากกระทะ สะเด็ดน้ำมันบนทิชชู่ทำครัวที่รองถาดอยู่สักพัก แล้วจัดใส่จานเป็นอย่างสุดท้าย

บอกตามตรงตอนนี้ผมทำตัวอย่างกับเมียจอม ไม่ใช่แค่ช่วยงานบ้านหรือทำกับข้าวนะ แม้แต่บัตรเอทีเอ็มและเครดิตของมันยังมาอยู่ที่ผมอย่างละใบ เพราะมันจะหงุดหงิดมากถึงขั้นโต้เถียงกันทุกทีถ้าผมมาทำกับข้าวหรือช่วยทำโน่นนี่ให้แล้วยังต้องออกเงินอีก ดังนั้นนอกจากถือเงินแล้วยังต้องรวมสลิปมาให้ดูเป็นระยะว่าใช้เงินมันจ่ายจริงๆ นะ มันถึงจะพอใจ

แต่ขาดเรื่องสกินชิปนะ ยังครับ...ยัง

"หอมว่ะ ตักข้าวเลยนะ หิวแล้ว" จอมวิ่งไปล้างมือ เพิ่งพาหมาบ้าแจ๊คไปวิ่งกลับมาจนผมเสียทรง มันเป็นหมาที่ไม่ดุไม่กัดเลยแต่วิ่งได้บ้าพลังมากจนผมต้องปั่นจักรยานตามมันตอนพาไปวิ่งเล่น แต่เจ้านายตัวจริงท่าทางจะวิ่งเอง

"พาไปวิ่งกี่รอบเนี่ย เหงื่อซ่กมาเลย" ผมรินน้ำใส่แก้วแล้ววางเหยือกทิ้งไว้เลยเพราะจอมดื่มน้ำเยอะมาก

"รอบหมู่บ้านรอบใหญ่ แต่แม่งวิ่งเร็วชิบ แจ๊ค หยุดเลยมึง น้ำลายหนืดพื้นหมดแล้ว" เพราะหอมกลิ่นไก่ทอด เจ้าแจ็คเลยนั่งน้ำลายหยดแหมะมองอาหารตาละห้อยเหมือนอดอยากดั่งหมาข้างถนน

ที่จริงแจ็คกินข้าวแล้ว แต่ผมรู้ว่ามันต้องอยากกิน เลยเตรียมไก่ต้มใส่ชามให้มันนิดหน่อย ไว้กินเสร็จค่อยให้

"อ่ะกิน กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา ไก่ทอดน้ำปลาที่มึงอยากกินนักหนา ทำให้แล้ว"

"ขอบคุณคร้าบ" จอมขอบคุณอย่างว่าง่ายแล้วลงมือกินด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย

ผมเก็บรอยยิ้มเอาไว้ในใจ แล้วให้คำตอบตัวเองอีกครั้ง ว่าเวลาแบบนี้ไงล่ะ ตอนที่ดูมันกินอาหารที่ผมทำ หรือใช้ของที่ผมเลือก เวลาแบบนี้ที่หัวใจของผมเหมือนได้รับสิ่งตอบแทนกลับมาแล้ว นั่นก็คือความรู้สึกที่ว่า ความใส่ใจและความปรารถนาดีของผมส่งไปถึง และมันมีความสุขกับสิ่งที่ผมให้

บางครั้งสิ่งที่เติมเต็มหัวใจของเราได้ มันก็เรียบง่ายแค่นี้เอง...

...

"พรุ่งนี้ไปเลือกรองเท้าด้วยกันหน่อยสิ คู่เก่ามันขาดแล้วว่ะ" จอมเดินเช็ดหัวเช็ดหูออกมาจากห้องน้ำ ส่วนผมอาบน้ำเสร็จก่อนแล้ว กำลังนั่งข้างเตียงดูซีรี่ยส์สยองขวัญออนไลน์บนแมคบุ๊คอยู่

"เอาดิ ไปร้านไหนอ่ะ"

"แถวในเมืองเลยละกัน ของเยอะดี" อีกฝ่ายนั่งลงเบียดผม ส่งสัญญาณให้ผมเขยิบไปอีกหน่อยเพราะมันจะดูด้วย

"ได้ กินอะไรคิดด้วย" ผมหยิบแก้วน้ำออกแบ่งที่ให้มัน แล้วเร่งเสียงให้ดังอีกนิด

"หมูทอด"

"...ใจคอมึงจะกินแต่ของทอดเลยเหรอ"

"เทมปุระ"

"พ้นจากของทอดมากเลย"

"ปลาดิบ"

"ดีล"

เจรจาเป็นอันลงตัว ผมจึงหันมาใส่ใจกับความเคลื่อนไหวในจอต่อ โอ๊ย คุณผู้หญิงงง ข้างหลังงงงง

กำลังลุ้นระทึก ในจังหวะตุ้งแช่ผมเผลอสะดุ้งเฮือกจนคนที่เบียดไหล่กันอยู่หันมาแซว

"อะไร กลัวเหรอมึง"

"ป๊าววว กูอิน" ไม่ได้กลัวจริงๆ นะครับ แค่ตกใจจังหวะตุ้งแช่เอง จริงๆ นะ

"โอ๋ น้องธี มามะ" จอมวาดแขนมาโอบล็อคไหล่ เดี๋ยวนี้โดนตัวกันบ่อยแล้วผมเลิกเขินแล้วเว้ย หรือถึงเขินก็ไม่แสดงออก เด่อ

"ลามปาม กูแก่เดือนกว่ามึง ได้ข่าว"

"ได้ๆ พี่ธีครับ เดี๋ยวน้องจอมปลอบใจพี่ธีเองนะครับ ขวัญเอ๊ยขวัญมา"

เส้นผมที่ยังชื้นของมันระมาโดนแก้มและหลังคอผม ทั้งจั๊กจี้และเสียวซ่านแปลกๆ ชวนให้ขนลุกเบาๆ แล้วยังน้ำเสียง...ถึงมันจะแกล้งดัดแต่มาพูดเสียงทุ้มใกล้หูแบบนี้มัน...ชักจะแย่

"หละ...หลีกไปไป๊ กูจะดูหนัง" ผมยกมือกันหูและคอไว้โดยอัตโนมัติ ห่อไหล่โยกตัวหลบ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจับได้ว่าผมกำลังขนลุก มือแข็งแรงอีกข้างยกขึ้นมายื้อข้อมือไว้ หัวเราะพลางไถหัวชื้นๆ ของมันเข้ากับซอกคอของผม

"จอม...พอ!" ผมห้ามเสียงหนัก คนแกล้งเลยค่อยชะงักเงยหน้าขึ้นมองผม
 
แต่...ไม่รู้ว่ามันเห็นสีหน้าผมเป็นแบบไหน เพราะแทนที่มันจะผละออก กลับโน้มตัวเข้ามาคร่อมผมไว้ แววตาที่มีรอยยิ้มแปรเปลี่ยนเป็นวาววาม มือที่ล็อคไหล่ขยับมาล็อคท้ายทอย บังคับให้ผมหันไปหา ใบหน้าหล่อเหลามีปอยผมตกลงมาระบังทำให้ผมเห็นสีหน้ามันไม่ชัด แค่รู้สึกว่าเราเคลื่อนใกล้กันมากจนเกินไป ตามด้วยสัมผัสเย็นชื้นและนุ่มคล้ายเยลลี่ที่ริมฝีปาก...

กว่าความคิดผมจะตามทันว่าเรากำลังจูบกันจุมพิตนั้นก็ผละออกไปแล้ว ทว่ายังไม่ทันได้ขยับหรือพูดอะไรปากของเราก็สัมผัสกันอีกครั้ง คราวนี้หนักแน่นและแนบชิดกว่าเดิม เรียวปากนั้นบดเม้ม ดูดดึงที่กลีบปากล่างของผมอย่างยั่วเย้า หลอกล่อให้ผมเผยอริมฝีปากออกจนสบช่องให้อีกฝ่ายแทรกลิ้นเข้ามาพัวพัน

จอมรุกไล่ผมอย่างไม่มีลังเล ทั้งลูบไล้ บดคลึง และดูดกลืนจนผมคิดอะไรไม่ออก ได้แค่หลับตาลง จูบตอบไปตามที่อีกคนชักนำ มือที่กดอยู่ตรงท้ายทอยคลายน้ำหนัก เปลี่ยนเป็นกดบีบเบาๆ ราวกับนวดเฟ้น มือร้อนอีกข้างวางอยู่ที่หน้าขาของผม ส่งผ่านอุณหภูมิที่ทำให้หัวใจเต้นถี่ผ่านเนื้อผ้าบางๆ

นิ่งอยู่แบบนั้น ทว่าไม่ยอมรามือ...

...


เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ผมจูบธีไปแล้ว

ไม่รู้ทำไม แต่พอผมสบสายตาที่ทั้งขวยเขิน ทั้งหวาดหวั่น เจือความขุ่นเคืองนิดๆ ที่เจ้าตัวสร้างขึ้นเป็นเกราะกำบังคู่นั้นแล้ว เหมือนไฟในใจของผมถูกจุดติดขึ้นมาปุบปับ

แรกเริ่มเพียงแตะสัมผัสผิวเผิน แต่เมื่อผละออกเสียงในหัวของผมประท้วงทันทีว่า ไม่พอ

จูบกับธี ผมไม่รู้สึกต่อต้านเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งลังเลใจสักนิดก็ไม่มี ยิ่งไปกว่านั้นยังรู้สึกตื่นเต้น อยากค้นหา อยากสัมผัสให้ดูดดื่มลึกซึ้งกว่านี้ ผมกดจมูกลงที่แก้มเนียนนุ่ม สูดลมหายใจพร้อมกลืนกินอีกฝ่ายอย่างหนักหน่วงกว่าเก่า กลิ่นสบู่อ่อนๆ กลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ผสมแป้งเด็ก กับกลิ่นมินท์ของยาสีฟันกระตุ้นอารมณ์ของผมมากกว่าจูบไหนๆ ที่ผมเคยจำได้

มือข้างหนึ่งกดลงบนหน้าขาของอีกฝ่ายผ่านกางเกงนอนตัวบาง รู้สึกได้ว่าผิวเนื้อข้างใต้นั้นสะท้านน้อยๆ ธีขยับริมฝีปากจูบโต้ตอบมากกว่าเดิม ปลายลิ้นและริมฝีปากของผมถูกคนตัวเล็กกว่าจูบไล้ ดูดดึง ตามด้วยใช้ฟันขบครูดผ่านเบาๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีจูบที่เซ็กซี่มาก

อาจไม่เคยบอกมาก่อน แต่ผมแอบหลงใหลปากรูปกระจับของคนตรงหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นตอนขยับพูด แย้มยิ้ม หรือกินข้าวก็ยังน่าดู เวลาที่ผมชอบแอบมองที่สุดก็คือตอนมันเผยอปากใช้ลิ้นแตะตามด้วยเม้มเบาๆ บนหลอดดูด แต่…ไม่แล้วล่ะ ตอนที่ถูกจูบจนแดงเรื่อและเจ่อบวมนิดๆ นี่ต่างหากล่ะ ที่สุดของที่สุด

เหมือนกับทนสายตาลวนลามของผมไม่ได้อีกต่อไป ธีคว้าหมอนที่ตัวเองหนุนอยู่มาปิดหน้าพร้อมตะแคงข้างหันหลังให้

เมื่อครู่พอจูบจนพอใจแล้ว ผมนึกว่าอาจมีบรรยากาศกระอักกระอ่วน หรือเสียใจภายหลังระหว่างเรา แต่กลับไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ผมรู้สึกว่าเราทั้งคู่ต่างพึงพอใจที่ได้สัมผัสกัน เหมือนกับเป็นเรื่องสมควรแล้วที่ลงเอยแบบนี้ในที่สุด คล้ายว่าที่ผ่านมาเราเพียงแต่รอคอยเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

ธีตัวแข็งเล็กน้อยเมื่อผมปิดโคมหัวเตียง แล้วดึงเอวบางเข้ามากอดหลวมๆ

“เดี๋ยวก็หายใจไม่ออก” ผมว่า พลางแย่งหมอนมาจัดท่าให้มันนอนสบายขึ้น แม้จะปิดไฟห้องแล้วแต่ไม่ต้องเห็นชัดก็รู้ว่าป่านนี้หน้ามันคงแดงไปถึงจนถึงหู

ธีงึมงำอะไรสองสามคำก่อนยอมพลิกตัวนอนหงาย ผมคลายแขนออก แล้วเขยิบเข้าไปนอนใกล้กันกว่าทุกครั้ง หลังมือเราแตะกันเบาๆ โดยไม่มีใครคิดจะดึงหลบ

ไม่รีบร้อน…ผมบอกตัวเอง

ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อน


****

TBC




กรี๊ดด อย่างน้อยธีก็เห็นข้อดีของจอมน้าาาา 5555
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [010] 13/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-12-2017 12:34:55
 :L2: :pig4:

ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อน :hao3: จุ๊บบบบ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [010] 13/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 13-12-2017 13:18:59
งื้ออออออออ เรื่อยๆ แต่ฟินมากกกก
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [010] 13/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 13-12-2017 13:43:51
กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา ไก่ทอดน้ำปลา อยากกินๆๆๆๆ
ธีมาทำให้กินโหน่ยยยยยยย
จะรักจะหลงแรงก็เพราะทำครัวนี่แหละ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [010] 13/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-12-2017 21:08:44
ชอบบบบบบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไม่หวือหวา แต่ไปเรื่อยๆ
ชอบ แนวดำเนินเรื่องแบบนี้เหมือนเรื่องเล่า
ยิ่งไรท์บอกว่ามีต้นแบบมาจากเรื่องจริง ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่

ตอนที่ธี พบจอม หลังจากแยกย้ายมาเรียน
ก็แอบคิดหน่อยๆ เพราะจอมเนียนมาชวนไปกินไรกัน ดูหนัง พาไปบ้าน
แล้วที่พาไปเจออาร์ต จอมนิ่ง เงียบไปเลย
ก็ชวนสงสัยว่าจอม หึงธีอยู่นะ

การที่อาร์ตบอกชอบจอม ทำให้จอมกล้าบอกชอบจอม
จะได้รู้หมู่รู้จ่าซักที จอมที่สนใจธี มีกั๊กให้โอกาสธีจีบตัวเอง
แล้วต่างคนก็มีความสุข แม้ความสัมพันธ์ค่อยเป็นค่อยไป  :mew1:

พราวนี่รุกผู้ชายน่ากลัว ตามติดแบบน่ารำคาญ เรื่องแบบนี้ใครก็อ่านออก
ที่จริงถ้าเขาชอบนาง เขาต้องมีทีท่าตอบสนอง
นี่จอมเฉยมาก นางยังไม่รู้ หรือรู้แต่จะทำ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [010] 13/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 13-12-2017 22:21:02
 :-[
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [010] 13/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 19-12-2017 12:53:32
ฮืออออ อ่านแล้วเขินอ่าาา

ชอบมากๆ ชอบความบังเอิญ ความเรื่อยๆ โน่นนี่

แต่ที่สำคัญ ชอบตัวตนธีมากกกกก
เราขอได้ไหมอ่ะจอม
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [011] 20/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 20-12-2017 16:30:33
011



ถึงจะเคยพูดไว้ว่าไม่รีบร้อน แต่ตอนนี้ผมหัวร้อน ใจร้อน ร้อนรุ่ม ร้อนใจ ร้อนแม่งทุกอย่างไปหมดละ

ในเมื่อกำลังมองดูคนคู่หนึ่ง เดินเคียงกัน เลือกเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย คนหนึ่งในนั้นคือธีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไอ้คนที่หน้าหล่อตัวสูงใหญ่ผิวแทนผมสกินเฮดท่าทางแบดบอยข้างๆ นี่สิ ใครกันวะ!

ก็ไหนบอกว่าเดือนนี้ใกล้สอบเรียนหนัก มาหาไม่ได้บ่อย แต่ที่มีเวลามาเดินเที่ยวกับคนอื่นนี่คืออะไร

ที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดระแวงธีเลยแม้แต่น้อย ทั้งคำพูด การกระทำ นิสัย มันไม่น่าใช่คนโลเล แต่หลักฐานตำตาตรงหน้าทำให้ผมหวั่นวิตกขึ้นมาบ้างแล้ว

อาจเพราะมองมากไป ไอ้หมีตัวสูงเลยหันมาสบสายตากับผม แววตาคมเข้มหรี่อย่างไม่เป็นมิตร ส่วนคนตัวเล็กกว่ามัวแต่ง่วนอยู่กับการเลือกกางเกงยีนส์ที่ดูยังไงไซส์นั้นก็ไม่ได้ใส่เองแน่ๆ

อย่างจะประกาศตัวเป็นศัตรู ไอ้แบดบอยยกมือขึ้นโอบไหล่บางดึงเข้าหาแสดงความเป็นเจ้าของ โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ขัดขืน แถมยังเอาร่างควายๆ ของมันมาบังแนวสายตาไม่ให้ธีมองเห็นผมด้วย

ไอ้เหี้ย ได้เสีย!

ผมแสร้งหันมาอีกทางแล้วหยิบมือถือขึ้นมา เด้งข้อความไปหาธี

[อยู่ไหน]

จากหางตาเห็นธีก้มลงหยิบมือถือออกมาดูแล้วพิมพ์ตอบ

[อยู่ห้าง C]

[เหรอ ไปทำไร กับใครอ่ะ]

[มาซื้อของกับที่บ้าน]

…เฮ้ย นี่ผมอ่านไม่ผิดใช่มั้ย กล้าโกหกกันยังงี้เลยเหรอ

[โทรหาได้มั้ย]

มือไม้เริ่มสั่นนิดๆ อย่านะธี อย่าทำให้กูผิดหวัง

เห็นธีเหลือบตามองคนข้างๆ แล้วเบี่ยงตัวหลบสายตาที่พยายามแอบอ่านหน้าจอ

[ยังไม่สะดวก เดี๋ยวถึงบ้านโทรหานะ]

มันพิมพ์เสร็จก็รีบเก็บมือถือ ป่ายปัดมือที่เข้ามายื้อแย่งอย่างถึงเนื้อถึงตัวแบบไม่จริงจังนัก ไอ้แบดบอยหิ้วถุงเสื้อผ้าของมันโอบไหล่ธีเดินออกจากร้าน ก่อนไปยังไม่ลืมที่จะหันกลับมามองผม ซ้ำยังยกมุมปากยิ้มเยาะเย้ยอีก

เขร้ นี่มึงสับรางเหรอธี เพราะอะไรวะ นึกว่ากูเป็นของตายแล้วใช่มั้ย

ผมสูดหายใจลึกระงับอารมณ์พลุ่งพล่าน หักห้ามใจสุดชีวิตไม่ให้วิ่งไปกระชากคนคู่นั้นออกจากกัน เดินคล้อยหลังอยู่ห่างๆ ตามดูพฤติกรรมอีกสักพัก ไหนๆ แล้วเอาให้สุดทาง อยากรู้ว่าพอผมแสดงตัวแล้วคำแก้ตัวจากปากสวยๆ คู่นั้นจะว่ายังไง

ทั้งคู่ลงไปเลือกของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต เห็นได้ชัดว่าจะทำอาหารกินด้วยกัน ใจผมยิ่งหน่วงกว่าเดิม ผมพยายามมองโลกในแง่ดีแล้ว แต่บอกตรงๆ ว่าหึงจนหน้ามืด ยิ่งเห็นว่าธีทำอะไรให้มันเหมือนที่เคยทำให้ผมยิ่งรู้สึกกรุ่นโกรธ

ถึงจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่เราก็คบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ มันบอกว่าชอบผม แล้วผมก็ชอบมัน เรียนรู้กัน ดูใจกัน จูบกันก็แล้ว ถึงจะยังไม่ได้ประกาศว่านี่แฟน แต่การกระทำมันปฏิเสธได้เหรอวะว่าไม่ใช่ หรือมันจะยังมีคบเผื่อเลือกคนที่สองที่สามอีก

ผมขับรถออกจากห้างตามคันข้างหน้า เว้นระยะห่างพอสมควร ดูจากทางที่ไปจุดหมายน่าจะเป็นบ้านธี เออ ดี ชวนมากินข้าวถึงบ้าน แม่งเอ๊ย

จริงดังคาด รถที่ผมไม่คุ้นขับเข้าไปจอดในบ้านทรงอพาร์ตเม้นต์ เพราะประตูและรั้วทึบเลยไม่เห็นอะไรต่อจากนั้น ผมตามมาจอดริมรั้ว ทุบพวงมาลัยด้วยความหงุดหงิด ไม่รู้ว่าโกรธ หรือเสียใจ หรือหึงหวง หรือทั้งหมด แต่ที่แน่ๆ วันนี้ถ้าไม่มีข้ออ้างที่ฟังขึ้นอย่าหวังว่าผมจะยอมจบด้วยง่ายๆ

[“ฮัลโหล”] เสียงธีรับสายทำให้ผมอยากเค้นคอถามเหลือเกินว่าทำกันลงได้ยังไง [“รอแป๊บนะ เดี๋ยวคุยบนห้อง”]

“กูอยู่หน้าบ้าน”

[“หะ? หน้าบ้านไหน”]

“หน้าบ้านมึงเนี่ย จะเปิดประตูมั้ยล่ะ” ผมอดใส่หางเสียงประชดไม่ได้ กล้าเปิดรึเปล่าล่ะ

[“จริงอ่ะ รอแป๊บนึงนะ”] เสียงธีดูแปลกใจ แต่ก็…ดีใจนิดๆ?

ครู่เดียวประตูรีโมทก็เปิดออก ธีสาวเท้าเร็วๆ เข้ามาหาพลางส่งยิ้มให้ผม

“มาได้ไง”

“…” ชักลังเลแล้วว่ะ ผมพยายามมองตามันแล้วแต่ก็จับพิรุธไม่ได้สักนิด ไม่มีความกลัว กังวล มีแต่แสดงออกว่าดีใจที่เห็นผม หรือว่าเรื่องราวจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด

“เป็นไรหน้าตาดูเครียดๆ” มันคงสังเกตเห็นแล้วว่าผมอยู่ในภาวะไม่ปกติ มือเรียวยกนิ้วจิ้มหว่างคิ้วที่ขมวดเป็นปมของผมเบาๆ

“กู…”

“เฮ้ย! แม่งตามถึงบ้านเลยเหรอวะ!”

เสียงกวนตีนดังขัดจังหวะ ตามมาด้วยเจ้าของเสียงที่ก้าวฉับๆ มายืนขวางระหว่างผมกับธีด้วยท่าทางปกป้อง ผมที่เกือบจะเย็นลงได้แล้วฉุนขาดขึ้นมาอีกครั้ง กำหมัดเตรียมง้างฟาดปากกับไอ้เวรตะไลนี่

“อะไรทศ มาโวยวายใส่เพื่อนกูทำไม” ธีฉุดคนตัวใหญ่กว่าไว้ นั่นเหมือนสาดน้ำเย็นใส่ทั้งผมและแบดบอยร่างหมี

ธีมีพี่น้องอีก 3 คน…พี่ทัต ทศ ธาม…

เชี่ย! กระจ่าง

“อ้าว เพื่อนเหรอ ก็…” ทศอึกอักเหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ยังระแวงผมอยู่บ้าง แต่สายตาท้าทายวอนโดนต่อยหายไปไม่มีเหลือแล้ว

“ไปช่วยแม่โขลกน้ำพริกเลยไป งานใช้แรง หน้าที่มึงอ่ะ” ธีไล่ พลางดึงผมให้เข้าไปในบ้านพร้อมกัน “กำลังเตรียมอาหารเย็น วุ่นวายหน่อยนะ”

“...อืม ไม่เป็นไร” หายบ้าเลยครับ หัวร้อนกะตามมาอาละวาดถึงบ้าน ปรากฏว่าผมเข้าใจผิดไปเอง ดีที่ยังไม่ได้ว้ากใส่ธีไป ไม่งั้นไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ผมสวัสดีคุณแม่ของธีที่เคยเจอหลายครั้งแล้ว

“จอมมาเหรอลูก รอเดี๋ยวนะ อยู่กินข้าวเย็นกัน แม่เพิ่งให้ธีซื้อเครื่องทำขนมจีนแกงเขียวหวานกลับมาเมื่อกี้เลยเนี่ย”

“ครับแม่” ทราบแล้วครับ คือผมตามสตอลเกอร์ลูกชายคุณแม่มาครับ เกือบต่อยลูกคุณแม่อีกคนแล้วด้วยครับ โอย เห็นการต้อนรับขับสู้แล้วรู้สึกผิดฉิบหาย

“ธีไปนั่งเล่นกับเพื่อนก่อนไป ไม่ต้องช่วยหรอก ให้ทศทำ ชอบหายหน้าไม่กลับบ้านช่องดีนัก” คุณแม่ปุ้ยว่าพลางหยิกแขนลูกชายตัวโตที่ยิ้มประจบหน้าเจื่อน

“ครับ เสร็จแล้วเรียกธีนะ” ธีหันมาสะกิดผมให้ขึ้นไปข้างบนด้วยกัน

“ว่าไงมึง เป็นไร กูนึกว่าไม่รีบอ่ะเลยไม่ได้คุย ทศแม่งชอบแอบดูแชต” เจ้าของห้องถามไถ่ทันทีที่ปิดประตู

“ก็…เปล่า” ผมอ้ำอึ้ง เดินไปนั่งบนเตียง ไม่รู้จะพูดยังไงว่าเกิดดราม่าในหัวผมมากมายจนกะจะมาจับชู้ให้ได้คาหนังคาเขาถึงบ้าน แต่สุดท้ายคือเข้าใจผิดไปเอง

ธีนั่งลงข้างๆ มองหน้าผมแบบแคลงใจสุดขีด ใช้ความเงียบเป็นการคาดคั้น

ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว เลยอ้อมแอ้มสารภาพไปว่าตัวเองเกิดเห็นอะไร มโนแจ่มไปแค่ไหน กะจะมาทำอะไร ระหว่างเล่าก็เหลือบมองคนข้างกายเป็นพักๆ รอยยิ้มของธีกดลึกขึ้น แต่คิ้วกลับขมวดน้อยๆ เลยไม่แน่ใจว่ามันขำหรือโกรธกันแน่

“สรุปคือมึงหึง?”

ผมพยักหน้าเบาๆ อายเป็นบ้า

“ไอ้บ้า” ฟังเหมือนคำด่า หากปนความเขินอายและความขบขันไว้ในนั้น “ประสาท”

โดนด่าไปสองดอกแต่เรียวแขนของอีกฝ่ายกลับเลื่อนมากอดเอวผมพลางซบหน้าเข้ากับบ่า กลั้นหัวเราะจนตัวสั่นนิดๆ

น่ารักสัส

ผมอดใจไม่ไหว วาดแขนกอดมันบ้างแล้วฉกจูบไปสามทีซ้อน

“ขอโทษ ก็น้องมึงแม่ง…หน้าตาไม่เหมือนกันเลย ตัวก็ใหญ่” จริงนะครับ คือธีหน้าคล้ายคุณแม่ แต่ทศนี่คล้ายคุณพ่อ ตัวใหญ่ล่ำผิวแทน ดูแก่กว่าพี่มันอีก ใครจะนึกว่านี่น้องฟะ

“อืม ทศกับธามเรียนคนละที่ มีแต่กูกับพี่ทัตอ่ะที่เรียนที่เดียวกันยันมหา’ลัย มึงไม่รู้จักมันก็ไม่แปลก แถมตอนนี้ก็ไม่ค่อยอยู่บ้านอีก”

ธีขยับออกนั่งพิงไหล่ผมตามสบาย ตั้งแต่จูบแรกของเราวันนั้นเวลาไม่มีคนอื่นเราก็มักจะสัมผัสกันแบบนี้ ใกล้ชิด โอบ กอด หรือจูบบ้าง แต่ยังไม่มีอะไรเกินเลย

เมื่อจิตใจผ่อนคลายแล้วผมเลยเพิ่งเห็นว่าตอนนี้ทั้งบนโต๊ะและบนเตียงของธีมีแต่ตำรา ประมวลกฎหมาย ชีทมากมายก่ายกอง เห็นได้ชัดว่ามันกำลังคร่ำเคร่งหัวฟูจริงๆ

“กูคงยุ่งไปจนกว่าจะปิดเทอมเลยอ่ะ ไว้วันไหนมึงกลับบ้านกูอาจจะพอแวะไปหาได้บ้าง แต่คงไปถึงมอไม่ได้พักนึง” ธีอธิบาย

ผมหยิบประมวลฯ หนักอึ้งข้างเตียงมาเปิดเล่น พบว่าโดนแปะกระดาษเสริมเพื่อเขียนสรุปมาตรา หมายเหตุเพิ่มเติม หรือตัวอย่างฎีกาสอดแทรกไว้แต่ละหน้าจนหนาเสียปิดแทบไม่ลง ตัวหนังสือติดหวัดแต่อ่านง่ายเขียนเรียบเรียงความคิดอย่างเป็นระบบ สมกับที่เรียนเก่งมาแต่ไหนแต่ไร

“ไม่ต้องห่วงกูหรอก ตั้งใจสอบเถอะ เดี๋ยวมึงปิดเทอมแล้วค่อยมา” คณะผมโปรเจคต์เยอะ งานยุ่งก็จริง แต่คณะธีนี่สิ เรียนยากของแท้

“อือ” ธีรับคำสั้นๆ

ผมมองดูธีแชตตอบเพื่อนว่าจะไปห้องสมุดกันกี่โมงพรุ่งนี้ แล้วก็กลับมานั่งอิงไหล่กันเงียบๆ ไม่ต้องพูดคุยหรือทำอะไร แค่อยู่ใกล้กันแบบนี้ก็รู้สึกเป็นสุข ผมเพิ่งรู้ตัวว่า หลายวันที่ไม่ได้เห็นหน้า ที่แท้ผมก็คิดถึงมันมากอยู่เหมือนกัน และคิดว่าธีก็คงไม่ต่าง

มือผมขยับไปกุมมือของอีกฝ่าย คลึงฝ่ามือและเรียวนิ้วที่ขาวและเนียนสวยกว่ามือผู้ชายทั่วไปคู่นั้นเล่น ผิวเนื้อที่เย็นนิดๆ ทำให้ผมรู้สึกดี

ไม่รู้ว่าใครเริ่มก่อน แต่ริมฝีปากของเราแนบชิดกันอีกครั้ง สัมผัสนุ่มและชุ่มชื้นในปาก เสียงลมหายใจเล็ดลอดแผ่วๆ กับปลายลิ้นที่โลมไล้ดูดดื่มชวนให้เคลิบเคลิ้ม แม้ว่าสีหน้าเจ้าตัวจะดูขัดเขินอยู่บ้าง แต่ลีลาการจูบของธีช่างยั่วเย้า ไม่เร่งร้อน ไม่อ่อนหัด กระตุ้นอารมณ์ให้พุ่งสูง ผมบดเบียดดูดเม้มริมฝีปากแนบแน่นด้วยความหมั่นเขี้ยว ขยับมือข้างว่างลูบไล้สีข้างที่ติดจะผอมบาง สอดมือเข้าใต้ชายเสื้อ…

“พี่ธี ข้าวเสร็จแล้ว”

เสียงทศแทรกเข้ามาพร้อมยกมือเคาะประตูเสียดัง เราต่างสะดุ้งผละออกจากกันทันที

“รู้แล้ว” ธีขานตอบ รีบจะลุกไปเปิดประตูแต่ผมรั้งแขนไว้ก่อน ทำท่าบอกใบ้ว่าตอนนี้ปากมันเจ่อแดงดูมีพิรุธมาก
เจ้าของห้องเลยรีบหลบหลังประตูห้องน้ำ ส่วนผมเป็นคนเดินไปเปิด

“ลงไปกันก่อนนะ พี่เข้าห้องน้ำหน่อย” ธีส่งเสียงบอกก่อนปิดประตู

ทศมองหน้าผมด้วยสายตาจับผิด ไอ้นี่เซนส์ดีฉิบหาย

“เป็นไรเปล่า” มันถามพี่มันแต่ตานี่ยังจ้องเขม็งมาที่ผม กลัวผมจะปล้ำธีหรือไงวะ ถ้าปล้ำจริงก็ต้องเพราะธีสมยอมแหละว้า

“ไม่เป็นไร ลงไปก่อนเลย”

ได้รับคำยืนยันแบบนั้นมันเลยเดินนำลงลิฟต์ด้วยท่าทางเสียไม่ได้

“จีบพี่ผมเหรอ” ไอ้น้องนี่สบช่องปลอดคนอื่นปุ๊บก็ถามตรงๆ ทันที

“กลับกันว่ะ”

อีกฝ่ายทำตาโต

“จีบติดแล้วด้วย” ผมยิ้มมุมปากให้มัน แก้แค้นคืนเล็กน้อย

คราวนี้สายตาเปลี่ยนเป็นอึ้งปนทึ่ง มองผมขึ้นๆ ลงๆ ก่อนหน้าตาที่เคยบึ้งตึงจะเผยรอยยิ้มในที่สุด

“แบบนี้รุ่นพี่ผมคงกินแห้วแล้วสิ”

“รุ่นพี่ไหน” ผมหูผึ่ง

“ตอนปีใหม่ ไปกินเหล้าด้วยกัน…” ทศก้าวออกจากลิฟต์ที่ชั้นหนึ่งแต่ยังชะลอฝีเท้า เล่าคร่าวๆ ว่าตอนไปกินเลี้ยงด้วยกันมีรุ่นพี่มันสนใจอยากจีบธี ให้มันมาหาโอกาสเลียบๆ เคียงๆ อยู่

“บอกมันเลยว่ามีแฟนแล้ว” ปล่อยให้ห่างสายตาแป๊บนึงก็ได้เรื่อง ยังมีหน้าคิดว่าตัวเองเป็นคนจืดๆ อีก

“จริงจัง?”

“เออ ดิ”

“พี่ธีชอบใคร ผมก็เชียร์คนนั้น”

“งั้นมึงก็แทงข้างกูได้เลย”

ทศหลุดหัวเราะ เอื้อมมือมาตบไหล่ผมไม่เบานัก

“มั่นหน้า ผมชอบว่ะ”

เสียงติ๊งดังจากด้านหลัง ธีที่ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยออกจากลิฟต์ตามมา มองเราที่ดูเข้ากันได้ผิดหูผิดตาด้วยความแปลกใจ
ผมส่ายหน้าให้ธีที่ถามว่าคุยอะไรกัน แต่แอบสะกิดทศให้มันแอดเฟสกับไลน์มา มีน้องหูตาไวช่วยคอยกันแมลงไต่ตอมแบบนี้มันต้องรีบดึงเป็นพวกสิ จริงไหมครับ



***

TBC


ขอบคุณที่เอ็นดูสองคนนี้นะคะ ธีก็เป็นผู้ชายที่เราชอบมากค่ะ แต่จอมคงไม่ให้แย่ง 555
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [011] 20/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-12-2017 17:45:34
 :hao3: โหววพระเอกเราฉลาดล้ำ ตั้งแต่รู้ตัวนี่นะ

 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [011] 20/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 20-12-2017 20:21:55
โอ้ย ตบเข่าดังฉาด จอมมันหึงทุกอย่างบนโลกจริงๆด้วย อะไรอยู่รอบธีจะหึงกราดไปหมด  ได้เวลามาตามหึงธีบ้างแล้ว :m20:
แต่แบบ แอร้ย เค้าจูบกันๆ ฮืออออ ปลื้มปริ่ม ธีโคดน่ารักน่ากอด ใจอ่อนกะจอมไปหมดอ่ะ
แต่บ้านนี้ลูกชายล้วน ทำกับข้าวเป็นกันหมดเลยป่ะเนี่ย พี่น้องธีต้องแซ่บทุกคนแน่เลย  :impress2:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [011] 20/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 20-12-2017 20:36:46
หึงได้น่าเอ็นดูจริงๆ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [011] 20/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 20-12-2017 20:55:25
โอ้โหวววว ความหึงแบบพยายามมีเหตุผลนี้

อีกหน่อยต้องยิ่งกว่านี้แน่ๆ เราเชื่อ...ฮาาาา
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [011] 20/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 20-12-2017 21:44:25
 :-[
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [011] 20/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 20-12-2017 22:42:58
น่ารักดี 
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [011] 20/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 20-12-2017 22:52:45
ว่าที่พี่เขยจอมมมมม
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [011] 20/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 21-12-2017 16:42:02
โอย อยากพูดถึงพี่น้องบ้านนี้มากแต่ยังไม่มีบทให้ออก 4 หนุ่ม ทัตเทพ ธีรภัทร ทศวิน ธาม ต้องรอท้ายๆ เลยแหละพี่ทัตถึงจะโผล่มา  :hao7:

ที่จริงนอกจากธีที่เหลือทำอาหารได้ระดับลูกมือค่ะ ถ้าให้ฉายเดี่ยวก็แบบกินได้ไม่เลิศแต่ไม่ตาย ส่วนธีนี่ทำเก่งเพราะชอบอ่านการ์ตูนทำอาหาร 5555 รู้สูตร ทำเป็น พลิกแพลงได้ เลือกของสด ได้หมด คุณแม่ปุ้ยเลี้ยงลูกทุกคนให้รู้จักช่วยงานบ้าน ไม่ใช่เป็นคุณชายคอยแต่ให้คนมารับใช้ หนุ่มๆ บ้านนี้เลยเกรงใจให้เกียรติผู้หญิงทุกคนค่ะ

ส่วนจอมคือฮีขี้หึงแต่ไม่ไร้สตินะ ถ้ามาสไตล์หน้ามืดหึงโหดอาละวาดปล้ำก่อนฟังทีหลังคงไม่อยู่ในสเปคธี   :z6:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [012] 25/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 25-12-2017 11:58:41
ลงคริสต์มาส ว่าจะลง 24 แต่ลืม  :o8: พบกันอีกทีหลังปีใหม่นะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่า


012


“กูอยากซิ่ว” เสียงต่อคร่ำครวญเป็นรอบที่เจ็ดของวัน

“มึงก็พูดงี้ตั้งแต่ปี 1 นี่จะขึ้นปี 4 ละ ซิ่วเหี้ยไร” หวานขัด

“ทำไมกูต้องเรียนคนละสายกับพวกมึงด้วยวะ” เมฟุบหน้าลงกับโต๊ะ กองหนังสือรวมฎีกาสูงท่วมหัว

ผมกวาดสายตามองเหล่านิสิตกฎหมายที่หมดสภาพจากการคร่ำเคร่งมาทั้งวัน ก่อนก้มหน้าแปะโพสต์อิตบนหน้าหนังสือที่ต้องการถ่ายเอกสารต่อไป หมดนี่กี่ร้อยวะ

มือถือผมสั่นครืดคราดเป็นระยะ เพราะไม่กี่นาทีก่อนโพสต์สเตตัสบนเฟซบุ๊กเลยมีคนกระหน่ำกดไลค์

“ดูช่วงหลังมึงสนิทกับจอมเนอะ” หวานสไลด์หน้าจอมือถือแล้วเปรยขึ้น ทำให้ผมเงยหน้ามอง “ก็เห็นมาไลค์มาเม้นต์มึงแทบทุกอันเลย”

ถึงกับต้องยกมือถือขึ้นมาดูบ้าง สเตตัสล่าสุดที่ผมโพสต์รูปเพื่อนทั้งสามคุกเข่าอ้อนวอนขอชีทสรุปในมือผม แล้วแคปชั่นว่า ‘โหยหาความรักความเมตตา’ มีเพื่อนไลค์เพียบ หนึ่งในนั้นคือจอม แถมคอมเม้นต์อีกว่า [กูก็ด้วย]

ผมหน้าร้อนนิดๆ แต่ดีที่คอมเมนต์กลมกลืนไปกับคนที่บอกว่าอยากได้ชีทด้วยอีกหลายคน เลยไม่เป็นที่สะดุดตานัก
 
“ก็สนิทอยู่ บ้านกูกับบ้านจอมใกล้กันด้วยแหละ” ผมตอบเกลื่อนๆ ไป

“ไอ้นี่แม่งน่าหมั่นไส้ รูปโปรไฟล์เล็กนิดเดียวยังดูรู้ว่าหล่อ” ต่อก้มดูมือถือบ้างแล้วว่าขำๆ “วันก่อนในไลน์รุ่นสาธิตยังมีใครไม่รู้โผล่มาถามหามัน แต่ปอยมันเห็นว่าไม่ใช่เพื่อนเลยเด้งออกกรุ๊ปไปแล้วมั้ง”

อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ แฮะ ไม่ค่อยอ่านไลน์กลุ่มเพื่อนจากโรงเรียนเท่าไหร่ ข้อความมันเยอะเกิน แถมเป็นคุยเล่น 90%
 
“ก็เฟซมันตั้งไพรเวทไว้นี่ เห็นรูปมันลงเพจคิวต์บอยโคตรบ่อย บ่อยกว่าไอ้ธีอีก”

“หะ กู?”

หวานทำหน้าเหม็นเบื่อ

“มึงเคยรู้อะไรกับเขาบ้าง”

อ้าว โดนด่าอีก ก็พอรู้นะว่าโดนถ่ายไปลง แค่ไม่รู้ว่าบ่อยแค่ไหน ผมประกาศไว้นานแล้วว่าถ้าไม่ใช่เพื่อนโรงเรียนหรือมหา’ลัย ผมขอไม่รับเฟรนด์เพราะมันเยอะเกิน แต่แก้ปัญหาด้วยการเปิดปุ่มติดตามไว้ หลังจากนั้น…ก็ไม่ได้สังเกตแฮะว่าใครตามเท่าไหร่

ว่าแต่ทำไมถึงคิดไม่ได้ก่อนหน้านี้นะว่าอย่างจอมต้องมีคนแอบถ่ายรูปไปลงเพจจำพวกคิวต์บอย หรือหนุ่มหล่อบอกต่อด้วย บ่อยแน่ๆ รู้งี้น่าจะเนียนๆ เข้าไปเซฟไว้ก็ดี

คิดไปคิดมา ลังเลอีกนิดหน่อย ตัดสินใจทำการอุกอาจด้วยการแชตไปขอมัน

[อยากได้รูปมึงอ่ะ]

[เพื่อ?] คนออนอยู่ตอบกลับทันที

[ก็แค่อยากได้]

[เอาแบบปกติหรือนุ่งน้อยห่มน้อย] แก้ผ้ามาเลยถ้าแน่จริง ปัดโถ่

[เอาที่ไม่กวนตีน]

[แลกกัน]

ไอ้เหี้ย เขิน

“ยิ้มปากจะถึงหูละ เขาให้มาอ่านหนังสือไม่ใช่มาแชตจีบสาว” นิคเงยหน้ามาแขวะ จีบหนุ่มว่ะ ไม่ใช่สาว

“จะเอามั้ยสรุปข้อสอบกูเนี่ย” ผมพยายามหุบยิ้ม แต่มันยาก เลยขู่มันแก้กระดาก

อีกฝ่ายไม่พูดอะไร ได้แต่กระพุ่มมือไหว้แล้วก้มหน้าก้มตาอ่านต่อ

ลองเลื่อนดูรูปตัวเองในแกลเลอรี่ว่ามีรูปไหนพอใช้ได้ ผมแทบไม่ได้เซลฟี่แต่มีรูปที่คนอื่นถ่ายแล้วส่งมาให้อยู่บ้าง เลยเลือกรูปที่คิดว่าดีส่งไปให้มันรูปนึง

[นี่ใครถ่ายให้]

[พี่ที่รู้จัก ทำไมเหรอ] หรือว่ามันไม่ชอบ

[ก็น่ารักดี แต่อยากได้รูปเซลฟี่]

กวาดสายตามองผองเพื่อนและบรรยากาศในห้องสมุดที่ไม่เหมาะสมแก่การลั้นลาออกนอกหน้าด้วยประการทั้งปวง

[ไว้ถึงบ้านก่อน]

[ไลฟ์มั้ย ครางชื่อจอมหน่อยครัช]

[ชั่วมาก]

[555555] จอมพิมพ์เสียงหัวเราะ ก่อนจะส่งรูปมาให้รูปนึง

เป็นรูปมันในชุดลำลอง ถ่ายเซลฟี่หน้าลานบ่อน้ำธรรมชาติที่มีควันขาวลอยเลียด เบื้องหลังมีแสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้อยส่องทะลุม่านหมอกหนาทึบจนเป็นสีทองเรืองรอง เงาจากต้นไม้และโขดหินเตี้ยทั้งใกล้ไกลเข้มชัด เกิดเป็นเส้นสีแสงเงาที่งดงามเหมือนฝัน แต่นั่นก็ไม่เจิดจ้าเท่ารอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาที่ปกติคมเฉียงโค้งลงเล็กน้อย แววตาพราวระยับ ส่งผ่านความรู้สึกดีๆ มากมาย มาถึงคนรับ

[มาดูสถานที่ถ่ายทำโปรเจคต์] มันว่า

ผมเหม่อมองรูปนั้นอยู่นาน พอจะเข้าใจแล้วว่ารูปที่ถ่ายตัวเองความรู้สึกมันคนละแบบกับรูปที่มีคนอื่นตั้งใจถ่ายให้เลย ราวกับว่าคนในรูปอยู่ใกล้ชิดเราแค่เพียงข้างกาย มองตรงมาที่เรา เปิดเผยแง่มุมหนึ่งที่เป็นส่วนตัวให้เราได้รับรู้

[น่าจะถ่ายจริงตอนมึงสอบเสร็จพอดี]

ผมอดใจยิ้มหวานไม่ได้อีกครั้งเมื่อเห็นอีกประโยคถัดมา

[ไว้มาด้วยกัน]
 

***

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [012] 25/12/60 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-12-2017 12:54:58
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 01-01-2018 18:18:05
HNY ค่า ขอให้ทุกท่านมีความสุขทั้งกายใจตลอดปีใหม่นี้นะคะ


013

แอร์เย็นและรถตู้ที่วิ่งฉิวบนถนนรวมกับเสียงเพลงเบาๆ ทำให้ผมเคลิ้มหลับไปพักใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนใกล้ถึงจังหวัดตากแล้ว ผมผงกหัวดูเพื่อนร่วมทางที่เงียบสนิทเข้าเฝ้าพระอินทร์ไม่ต่างกันเพราะออกจากกรุงเทพกันตั้งแต่ตี 5 เพื่อเลี่ยงการจราจรติดขัด

“น้ากิตยังไหวมั้ยครับ ง่วงมั้ย” ผมชะโงกหน้าถามคนขับรถเบาๆ

“สบายครับคุณธี นอนต่ออีกนิดก็ได้นะครับ เดี๋ยวแวะกินของอร่อยที่ตากกัน”

ผมพยักหน้ารับ มองไปยังคนตัวสูงข้างที่นั่งคนขับซึ่งหันมาสบตา

“ไม่ง่วงเหรอ” ผมถาม อาร์ตอาสานั่งหน้าเผื่อเปลี่ยนขับกับน้ากิต

“งีบแล้ว ตื่นก่อนแป๊บนึง” มันว่าพลางบิดขี้เกียจ ก่อนหันกลับไปมองถนน

ตอนนี้ผมกับจอม อาร์ต เอก โจ้ และเพื่อนที่ผมเพิ่งรู้จักอีก 2 คนกำลังมุ่งหน้าไปยังจังหวัดลำปาง เพื่อถ่ายทำสารคดีโปรเจคต์ในวิชาหนึ่งของคณะวารสารฯ ภาคอินเตอร์ พอแม่ทราบว่าผมจะไปลำปางเลยบอกให้เอารถตู้และน้ากิตคนขับรถมา ไม่ต้องเดินทางเองให้เสียเวลา บ้านพักก็มีอยู่แล้วด้วย งานนี้ผมเลยติดสอยห้อยตามกลุ่มของจอมมาได้แบบไม่ต้องเกรงใจนัก กลับได้รับคำขอบคุณจากทุกคนเสียอีกที่ผมช่วยประหยัดค่าเดินทางและที่พักให้ได้เยอะเลย

ผมมองคนที่ยังหลับอยู่ข้างกาย จอมกอดอกเอียงศีรษะมาใกล้ ดวงตายังหลับพริ้มราวกับเด็กว่าง่าย ผิวคล้ำขึ้นเล็กน้อย ดูท่าช่วงที่ผ่านมาจะโปรเจคต์เยอะเช่นเคย ไม่เจอตัวเป็นๆ ตั้งเดือน คิดถึงจัง

กำลังมองเพลินๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อคนตัวใหญ่โงกซบลงมาที่ไหล่ผมจริงๆ คล้ายสัปหงก แต่มือที่เลื่อนมาประสานนิ้วแล้วคลึงเบาๆ บ่งบอกเป็นอย่างดีว่าแกล้งหลับอีกแล้ว อยากรู้จริงๆ ว่ามีตามองทะลุหรือไง แอบมองตอนหลับทีไรเป็นต้องรู้ตัวทุกที

ดวงตาแพรวพราวที่ช้อนมองในระยะประชิดทำผมใจเต้นผิดจังหวะ จอมบีบมือเบาๆ อีกครั้งหนึ่งก่อนขยับนั่งตรงตามปกติ แต่ยังหันมาสบตาพร้อมรอยยิ้มบนริมฝีปาก โอ๊ย หัวใจเต้นแรงจนเจ็บแล้วเนี่ย ถ้าไม่มีใครอยู่จะจับจูบแม่งให้เข็ด

ห้าวหาญในความคิดอีกแล้วผม ความจริงทำได้แค่ยิ้มเขินจนคล้ายปัญญาอ่อน อะแฮ่ม ก็คนมันกำลังอินเลิฟ ไม่ว่ากันเนอะ

“ถึงไหนแล้ววะ” โจ้ขยี้ตางึมงำ

“ใกล้ถึงตากแล้ว เดี๋ยวแวะกินข้าวกัน” ผมตอบ

“โห หลับยาวเลยกู ที่นั่งรถมึงสบายดีอ่ะ”

รถตู้ที่บ้านผมใส่เบาะใหม่ให้นั่งสบายทุกที่นั่ง โดยเฉพาะคู่หน้าที่ผมกับจอมนั่งอยู่ เพราะสมาชิกครอบครัวค่อนข้างเยอะเลยแต่งรถตู้ไว้สำหรับเดินทาง นอกจากนั่งสบายยังมีทีวี เครื่องเล่นแผ่น เครื่องเสียงครบครัน

“ได้ยินเสียงมึงกรนตั้งแต่ยังไม่พ้นนครสวรรค์ละ ไม่สบายได้ไง” เอกแซะตามประสา ทั้งที่ตัวเองพกทั้งหมอนรองคอและผ้าห่ม หลับสบายกว่าเขาเพื่อน

“มึงไม่กรนเลยเนอะ ทำตัวสบายยิ่งกว่าอยู่บ้าน” เพื่อนซี้เบะปากใส่

“เขาเรียกเตรียมพร้อม”

ต่อปากต่อคำกันไป อีกสองคนที่เหลือเลยตื่นตาม เป็นเพื่อนทำโปรเจคต์กลุ่มเดียวกันกับพวกจอมที่ผมไม่เคยเจอ คนหนึ่งคือเคนนี่ ลูกครึ่งอเมริกันร่างใหญ่ผมสีน้ำตาลทองเปลือกตาหนาดูง่วงงุนตลอดเวลา อีกคนเป็นผู้หญิงหนึ่งเดียวในทริปชื่อลิน ฟังว่าที่มารวมกลุ่มด้วยเพราะเป็นเพื่อนเคนนี่ตั้งแต่เด็ก กับอีกเหตุผลคือเรียนเก่งเป็นอันดับหนึ่งของรุ่น เลยเป็นที่แย่งตัวของทุกกลุ่ม

“Where are we now?” ลินถามเป็นภาษาอังกฤษ จอมบอกว่าเธอเป็นคนไทยก็จริงแต่เรียนอินเตอร์มาตลอดเลยมีความเป็นฝรั่งสูง ทำงานด้วยแล้วสบายใจเพราะไม่ค่อยถือสาเรื่องหญิงชายให้ยุ่งยากในยามต้องออกภาคสนามแบบนี้

“ถึงตากแล้ว” เอกตอบด้วยภาษาเดียวกัน เวลาพูดกับเคนนี่หรือลินเพื่อนๆ มักใช้ภาษาอังกฤษ ถึงจะฟังไทยออกแต่แบบนี้สะดวกกว่า

“อีกนานมั้ยกว่าจะถึงลำปาง”

“สักสองชั่วโมงได้ แต่เดี๋ยวเราแวะกินกลางวันก่อน”

“โอเค ดีเลย”

ลินยิ้มตอบ แม้จะไม่ได้สวยเด่นแต่มีบุคลิกของผู้หญิงเก่ง ท่าทางกระฉับกระเฉง แต่งตัวสบายๆ ด้วยเสื้อยืด กางเกงยีนส์ และรองเท้ากีฬา พร้อมทำงาน ผมเห็นเธอเป็นฝ่ายดูแลเคนนี่ที่เหมือนหมีจำศีลราวกับพี่สาวดูแลน้องชาย ท่าทางคงสนิทกันมาก

ไม่นานรถก็เลี้ยวเข้าร้านอาหารบรรยากาศดีริมน้ำปิง ทุกคนจึงลงไปยืดเส้นยืดสาย บ้างก็ควักมือถือออกมาถ่ายรูปลงโซเชียลไปตามเรื่องตามราว ผมแจ้งจำนวนที่นั่ง ก่อนเด็กในร้านจะเชิญไปที่โต๊ะ

เพราะเคยมากินทุกครั้งที่เดินทางไปลำปางด้วยรถยนต์ ผมจึงสั่งอาหารขึ้นชื่อของที่นี่สองสามอย่างไปก่อน ที่เหลือพอทุกคนทยอยเดินเข้ามาครบก็สั่งเพิ่มกันอีกจนน่ากลัวจะเหลือ

“น้องธีใช่มั้ยลูก” เพิ่งสั่งเสร็จก็มีเสียงทัก พบว่าเป็นคุณน้านวลจันทร์ ข้าราชการในพื้นที่ เคยเป็นลูกน้องของพ่อผมและรู้จักพวกเราสี่พี่น้องมาตั้งแต่เด็ก

“สวัสดีครับ” ผมลุกขึ้นไหว้

“สวัสดีค่ะ คุณแม่ไม่มาด้วยเหรอ”

“ธีมากับเพื่อนครับ” ว่าแล้วจึงหันไปแนะนำสมาชิกคร่าวๆ

“สวัสดีค่า ไม่ต้องลุกลูก ตามสบาย” น้านวลจันทร์ยิ้มแย้มรับไหว้ “แล้วคุณพ่อคุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ สบายดี?”

“สบายดีครับ คุณน้าล่ะครับ”

“น้าก็เรื่อยๆ จ้ะ จะไปลำปางเหรอลูก”

“ครับ พาเพื่อนไปเที่ยว” ที่จริงไปทำงาน แต่ขี้เกียจลงรายละเอียด

น้านวลจันทร์ชวนคุยอีกสักพักก็ขอตัว ผมจึงไหว้ส่ง แล้วนั่งลงอีกครั้ง แต่คราวนี้เพื่อนร่วมทางบางคนหันมามองด้วยสายตาทึ่งแปลกๆ

“โห เพิ่งรู้ว่าบ้านมึงไม่ธรรมดา งี้จอมไม่…โอ๊ย! เหี้ย!” โจ้กุมหัวที่โดนคนข้างๆ ตบเข้าอย่างจัง

เอกตีหน้ายักษ์ถลึงตาบุ้ยใบ้ไปทางน้ากิตที่นั่งท้ายโต๊ะ โจ้ที่คิดจะด่าเลยหุบปากลงอย่างเรียบร้อย ผมที่ตื่นตระหนกไปแวบหนึ่งก็ค่อยสงบตาม โชคดีที่เอกรอบคอบซ้ำมือไว ผมไม่ปิดเรื่องจอมกับเพื่อนก็จริงแต่ให้คนที่บ้านรู้มันเป็นอีกเรื่อง

“มึงชอบพล่ามตอนหิว อดทนหน่อยเดี๋ยวอาหารก็มา ดื่มน้ำไปไป๊” เอกเปิดขวดน้ำให้

“เออ…คอแห้งว่ะ” โจ้ยิ้มแหย ยกมือขอโทษขอโพย ผมเลยส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไรให้ ส่วนจอมก็หรี่ตาคาดโทษคนปากไวไว้

ดีที่ครู่เดียวอาหารก็ทยอยเสิร์ฟ มีทั้งขาหมูเยอรมัน สเต็กจิ้มแจ่ว แกงคั่วหอยขม ปลาทับทิมทอด สลัดผลไม้กุ้งทอด และอีกเยอะแยะ แต่ละคนเริ่มจ้วงกันอย่างกับไม่เคยแวะกินอาหารเช้าที่นครสวรรค์มาก่อนเลย รวมมิตรสายแข็งสินะ

“อร่อยทุกอย่างเลย ขาหมูนี่ก็สุดยอด” โจ้กลับมาเริงร่า แนะนำเพื่อนๆ ให้ลอง

ผมตักเนื้อปลาทับทิมทอดแยกก้างใส่จานให้จอมด้วยความเคยชิน มันชอบกินปลาแต่ไม่ชอบคัดก้างเอง และได้รับของตอบแทนเป็นสเต็กหมูราดน้ำจิ้มแจ่วมานอนในจานเสร็จสรรพ

“เออ ตกลงได้พักบ้านมึงใช่มั้ย” อาร์ตถาม มือเลื่อนต้มยำแบ่งใส่ถ้วยเล็กมาให้

“ให้พวกมึงไปดูกันเองละกันว่าพักได้มั้ย ค่อยตัดสินใจ”

เพราะทีแรกตั้งใจไว้ว่าจะไปพักบ้านญาติผมที่เพิ่งสร้างใหม่ไม่นานและหลังใหญ่เพียงพอรับแขกหลายคน แต่พอทุกคนรู้ว่าบ้านแม่ผมเป็นเรือนเก่าคลาสสิคที่สร้างตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทำท่าอยากลองพักกัน ที่จริงผมก็ไม่ติดขัดอะไรหรอกเพราะบ้านก็ได้รับการรีโนเวทแล้ว อาศัยอยู่ได้ไม่ผุพัง แต่จะอย่างไรก็คงของเดิมไว้มาก ซ้ำไม่มีคนอยู่อีก

เรื่องความสะอาดไม่มีปัญหาเพราะมีญาติมาช่วยทำความสะอาดอาทิตย์ละหน ที่ขาดคือสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลาย เนตก็ไม่มี จานดาวเทียมก็ไม่มี ไม่รู้พวกมันจะอยู่กันได้หรือเปล่า เลยกะให้ไปดูสถานที่จริงก่อนค่อยว่ากัน

“เสียดายว่ะอยู่ได้ถึงแค่วันอาทิตย์เอง อยากเที่ยว อยากอยู่ยาวถึงสงกรานต์” โจ้เบะปากทำหน้าท้อ

“คิดเรื่องงานก่อนครับเพื่อน ค่อยเที่ยว ตากล้องอย่างมึงห้ามอู้ที่สุด” คนนั่งติดกันรีบดับฝัน

“รู้วววววววว ขอกูมโนแป๊บนึงไม่ได้ง่ะ”

“มึงดูหน้าลินด้วย”

สาวหนึ่งเดียวในกลุ่มแสร้งตีหน้าแยกเขี้ยวขู่ คนที่งอแงเมื่อครู่จึงค่อยสงบลงได้

กินเสร็จก็ได้เวลาเดินทางต่อ โดยใช้เวลาอีกราว 2 ชั่วโมงเพื่อไปยังจุดหมาย แม่ผมเป็นคนลำปาง ญาติฝ่ายแม่ส่วนใหญ่ยังคงอาศัยอยู่ที่นั่น อีกทั้งแม่ผมก็กลับมาเยี่ยมบ้านทุกปี ผมจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่เพราะต้องมาเป็นเพื่อนแม่เกือบทุกครั้ง

ถึงตัวเมืองไม่นานก็เลี้ยวเข้าบ้านที่อยู่แถวนาก่วม รถตู้คันใหญ่ผ่านประตูรั้วเหล็กดัดเข้าไปตีวงโค้งตามวงเวียนที่ใจกลางเป็นสระน้ำพุล้อมด้วยพุ่มกุหลาบ ก่อนจะจอดหน้าบ้านทรงไทยประยุกต์สองชั้น ด้านนอกทาสีเขียวไข่กาอ่อนๆ ทำให้ดูไม่ทึบทึมจนเกินไป

“ถึงละ ยังไม่ต้องเอาของลงก็ได้นะไปสำรวจบ้านก่อน เผื่อเปลี่ยนใจ” ผมเปิดประตูลงรถเดินนำ เห็นว่ากลอนบ้านไม่ได้ลงไว้ คงมีญาติที่ดูแลมาเปิดให้

เมื่อเปิดประตูบานพับเก่าเข้าไป ภายในบ้านยังคงสีไม้เดิมซึ่งค่อนข้างเข้ม มองไปด้านในมีโต๊ะกินข้าวเล็กๆ ขนาด 6 ที่นั่ง ติดผนังคือตู้กับข้าวรุ่นโบราณ กับตู้เย็นรุ่นบรรพบุรุษที่ใช้งานไม่ได้แล้วกลายเป็นแค่ของตกแต่ง โป๊ะไฟเป็นโคมแก้วดั้งเดิม และมีพัดลมเพดานซึ่งจริงๆ เป็นของใหม่ที่ทำเลียนของเก่า ตรงกลางบ้านติดผนังฝั่งในมียกพื้นสูงประมาณเข่ากว้างพอให้นอนเล่นได้เป็นสิบคน ใช้เป็นทั้งที่กินข้าวหรือพักผ่อนตามอัธยาศัย
 
“โห วินเทจสัด น่าถ่ายรูป” วิญญาณตากล้องของโจ้ทำงาน ควักกล้องใหญ่ขึ้นมาถ่ายมุมนั้นมุมนี่

“ออกไปตรงด้านนี้เป็นห้องครัว เชื่อมต่อไปลานด้านหลัง ไม่มีอะไร ไปดูห้องนอนก่อนละกัน” ผมเดินนำขึ้นบันไดไปชั้นสอง

เพราะเป็นห้องนอนจึงปรับปรุงมากหน่อย มีทั้งหมด 3 ห้อง เตียงเป็นโครงเดิมแต่ฟูกรุ่นใหม่ มีแอร์ มีการเดินสายไฟต่อปลั๊กใหม่ ทั้งหมดยังไม่ทิ้งกลิ่นอายเก่าก่อนแต่ใช้งานสะดวกสบายขึ้น

“ติดแอร์แล้วแต่ผนังกับพื้นยังเดิมๆ เรือนไม้มันมีช่องอะไรบ้างแมลงเลยเข้ามาได้ ต้องใช้ไอ้นี่”

ไอ้นี่ที่ว่าคือมุ้งสีขาวที่ตลบอยู่เหนือเตียง ยามกางลงจะล้อมเตียงแต่ละหลังรอบทุกด้าน เป็นที่สนอกสนใจมาก โดยเฉพาะเด็กอินเตอร์แท้ทั้งสอง

“จะลำบากนิดนึงที่ห้องน้ำ มันอยู่ข้างนอกอ่ะ”

ผมเปิดประตูบานหนึ่งออกไป ด้านนอกคือระเบียงกว้างยื่นออกไปเป็นรูปตัว U มีรั้วเหล็กดัดลายเถาอ่อนช้อยกั้นล้อม ตกแต่งด้วยไม้กระถางและโอ่งดินเผาสวยงาม มองลงไปเห็นซุ้มพวงแสดที่ชั้นล่าง ซ้ายมือคือน้ำพุและกอกุหลาบที่อยู่ปากทางเข้า บนระเบียงฝั่งขวาเป็นห้องน้ำใหญ่ที่มีทั้งสุขา อ่างอาบน้ำทรงถังไม้ และฝักบัว พิเศษหน่อยคือ ห้องน้ำนี้ไม่มีหลังคา

“ชอบอ่ะ อยู่หลังนี้เหอะ” ลินดูจะชอบอกชอบใจ ถึงไม่มีหลังคาแต่ล้อมผนังไม้ มิดชิดดีอยู่

“นั่นสิ น่าอยู่ดี” เอกพยักหน้า

“ถามอีกคำเดียว” โจ้ยกมือขึ้นหวาดๆ “ไม่มีผีใช่ป่ะ”

“มีชัวร์” อาร์ตแกล้งตอบก่อน

“ไม่อาว ไม่เล่น บ้านเก่างี้ก็ต้องกลัวบ้างอ่ะ”

“ไหนบอกว่าชอบของเก่า อยากถ่ายรูป”

“ถ่ายภาพกลางวันกับนอนค้างกลางคืนไม่เหมือนกันป่าววะ”

“ไม่ต้องเถียงกัน” ผมตัดบท “ไม่รู้ว่ามีมั้ย แต่กูไม่เคยเจอ”

“คนอื่นเคยเจอ?” โจ้ยังดูหวาดระแวง

“ไม่เคยถามสักที อยากรู้มั้ยจะถามแม่กับญาติๆ ให้”

“ไม่ต้องๆ ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ”

“สรุปจะพักที่นี่มั้ย มีสองห้องเล็ก หนึ่งห้องใหญ่ คงแบ่งกันอยู่ได้ แต่จะไปดูบ้านน้ากูก่อนก็ได้ ทางนั้นเป็นบ้านใหญ่สร้างใหม่ 3 ชั้น 7 ห้องนอน” ผมชี้ไปทางด้านหลัง มองลอดหน้าต่างอีกฝั่งไปจะเห็นบ้านที่ว่าอยู่แค่ระยะเดินถึง บ้านที่นี่ญาติๆ ทุกคนอยู่รั้วเดียวกัน ปันสรรที่ดินตามส่วน สร้างบ้านตามชอบใจ แต่ยังช่วยดูแลกันใกล้ชิดอยู่

“ไม่ต้องหรอกกูว่า พักกันเองไม่ต้องเกรงใจผู้ใหญ่ด้วย พวกกูมีเวลาไม่กี่วันอาจจะต้องนอนดึกตื่นเช้า คุยงานกันอีก เดี๋ยวรบกวนเขาเปล่าๆ”

จอมออกความเห็น ทุกคนจึงเห็นดีตามนั้น ต่างพากันลงไปเอาสัมภาระขึ้นมาเก็บ ผมเดินไปขอรหัสไวไฟกับน้าชายที่อยู่บ้านใกล้กันที่สุดมาให้พวกจอมใช้ทำงาน พอกลับมาก็พบว่าแบ่งห้องกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยลินนอนกับเคนนี่ เอก โจ้ อาร์ต นอนห้องใหญ่ ผมกับจอมนอนอีกห้องที่เหลือ ส่วนน้ากิตนอนห้องเล็กชั้นล่างที่ปกติเคยใช้อยู่แล้ว

จอมนั่งปลายเตียง รื้อค้นเสื้อผ้าจากเป้ออกมากอง รวมถึงดึงแมคบุ๊คออกมาวางบนโต๊ะข้างหัวเตียง เสียบปลั๊กชาร์จไฟ ผมเดินเข้าไปหยิบเสื้อกองนั้นมาใส่ไม้แขวนเข้าตู้ให้ แต่แล้วก็ต้องสะดุดเมื่อคนตัวสูงสอดมือเข้ามากอดเอวจากด้านหลัง ดึงตัวผมไปแนบชิด

“คิดถึงว่ะ” คำง่ายๆ แต่สะท้านหัวใจกระซิบแผ่วริมหู ตามมาด้วยจูบร้อนๆ ที่ท้ายทอย ไล่ระเรื่อยมาข้างแก้ม ก่อนจบลงที่ริมฝีปาก

ผมหันเงยใบหน้าให้รับการรุกรานได้ถนัดขึ้น หลับตารับรสจูบที่เชื่องช้า ลิ้นร้อนและเล็มแค่เพียงปลายลิ้นราวกับชิมของหวาน ก่อนจะแทรกเปิดปากของผมให้เผยอกว้าง เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อ ตวัดเลียไปถึงเนื้ออ่อนบนเพดานปากที่ไวสัมผัส พัวพันจนลมหายใจเริ่มติดขัดถึงได้ยอมปล่อยด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง

“อยากฟัดมึง”

ไม่ใช่ไม่อยากนะ แต่ว่า…

“นี่ห้องนอนพ่อแม่กู”

จอมทำท่าคอตกทันทีที่ได้ยิน

“แลกห้องกับลินทันป่ะ”

ผมอดหัวเราะไม่ได้ หมุนตัวกลับ เอื้อมมือไปขยี้หัวมัน

“อย่าทะลึ่ง มาทำงาน จำได้มั้ย”

“แต่มึงว่างนี่”

สีหน้าออดอ้อนที่ไม่แสดงให้เห็นบ่อยนักทำให้ผมต้องเอียงคอยิ้ม

“ทำตัวดีๆ เดี๋ยวให้รางวัล”

หมาป่าหูตั้งทันทีที่ได้ยิน ทำท่าจะกดจูบเข้ามาอีกครั้ง เลยต้องรีบปราม

“พอก่อน ยังสว่างอยู่เลย เดี๋ยวปากบวม” ตั้งแต่คบกับจอมผมถึงเพิ่งรู้ว่าปากตัวเองเจ่อบวมง่าย ถูกจูบหนักหน่อยทีไรขึ้นสีจัดทุกที มีพิรุธโคตร ดีที่อาการนั้นหายเร็ว จวนตัวจริงๆ อมน้ำแข็งหน่อยก็หาย

“โอเค” หมาใหญ่คลายมืออย่างว่าง่าย “กลางคืนค่อยจัดเต็ม”

“…”


TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-01-2018 18:57:51
 :L2: :L1: :pig4:

รู้สึกเหมือนเห็นหางโผล่ :laugh:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-01-2018 20:50:58
เหมือนเห็นหู้ตั้งๆ กับหางเป็นพวงส่ายไหวๆ รอรางวัลตอนกลางคืนยังไงก็ไม่รู้ ฮาาาา
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 02-01-2018 10:25:16
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 02-01-2018 13:58:23
ขอบคุณค่ะ  ธีร์สายเปย์  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 02-01-2018 14:08:59
HNY 2018 นะคะ รอจอมจัดเต็มค่ะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: SOMCHAREE ที่ 03-01-2018 17:56:49
เรื่องนี้น่ารักอ่าาาา
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [013] 01/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-01-2018 08:06:11
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑

โอย..........อยากอ่านต่อแล้ว  :ling1: :ling1: :ling1:
เรื่องน่ารักมากกกกกก  :mew1: :mew1:

จอม ธี  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ธี น่ารักมากกกกกกกกกก
จอม ไม่น่าอดใจไหวนะ  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 07-01-2018 15:38:34

014



เก็บของแล้วทุกคนก็เริ่มคุยงานทันที โดยใช้ห้องโถงใหญ่สุดปีกชั้นบนของบ้านเป็นห้องประชุม ภายในห้องมีหิ้งพระขนาดกลางชิดผนังมุมหนึ่ง โทรทัศน์และเครื่องเล่นบลูเรย์อีกมุมหนึ่ง นอกนั้นเป็นพื้นไม้สักเก่าขัดมันโล่งกว้าง ใช้เพียงเบาะนวมเตี้ยและบีนแบ็กหลายใบสำหรับนั่งพักผ่อน ห้องนี้เป็นห้องที่ผมชอบที่สุดเพราะแสงเข้าถึงสามด้าน หน้าต่างแคบยาวที่กรุโดยรอบเป็นกระจกสีที่ใช้มาแต่เดิม วินเทจของแท้ ทั้งสวยและคลาสสิค

จอมและเพื่อนทุกคนดูจริงจังมาก ฟังว่าโปรเจคต์ของคณะนี้จะเสมือนการทำงานจริง บ้างก็เป็นถ่ายทำสารคดี สัมภาษณ์นิตยสาร ทำรายการ หรือโฆษณาอะไรเทือกนั้น แล้วแต่อาจารย์จะสั่ง ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ได้แต่ช่วยเป็นกำลังใจ

รู้ตัวว่าเป็นคนเดียวที่ว่าง เลยอาศัยช่วงที่ยังไม่เย็นมากเดินไปที่บ้านน้าชายอีกรอบ ขอยืมมอเตอร์ไซค์เวสป้าคันเก่ามา ขับออกไปซื้อน้ำซื้อขนมของกินเล่น แวะซื้อน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แคบหมู ไส้อั่ว และข้าวซอยเจ้าประจำกลับมา โดยใช้เงินกองกลางที่ทุกคนให้ไว้ ผมจัดแจงหิ้วของทั้งหมดเข้าบ้าน เรียงอาหารเครื่องดื่มเข้าตู้เย็นในครัว ครัวที่นี่เป็นเรือนแยก และเป็นส่วนเดียวของบ้านที่รีโนเวทจนไม่เหลือเค้าเดิม เครื่องครัวทุกอย่างจึงเป็นของใหม่ทันสมัยทั้งหมด 

“พี่ธี มาแอ่วแล้วกา” เสียงใสทักทายผ่านช่องหน้าต่าง เห็นสาวน้อยผมเปียร่างบางในชุดลำลองขาสั้นส่งยิ้มให้แต่ไกล

“หวัดดีจ้ะฝ้าย” ผมทักญาติผู้น้อง ฝ้ายเป็นลูกสาวน้าปานที่ผมตั้งใจไปพักด้วยตอนแรก

“ไหนแม่ว่าพี่ธีจะค้างบ้านฝ้าย” เธอถอดรองเท้าเดินเข้ามาช่วยจัดของในครัว

“มากันเยอะ กวนเปล่าๆ บ้านนี้ก็อยู่ได้ เพื่อนพี่ชอบ”

“รอเก้อเลยเหอะ นี่แม่ให้มาเรียก บอกว่ายังไงเย็นนี้ให้ชวนเพื่อนพี่มากินข้าวด้วยกัน ทำกับข้าวเยอะมาก”

“เอาสิ ดีเลย เก็บข้าวซอยไว้กินตอนเช้า” ผมรับด้วยความยินดี คิดถึงฝีมือทำอาหารของน้าปาน

“มีตำขนุน แกงหยวก ยำไก่ใส่หัวปลี ของที่พี่ธีชอบทั้งนั้นเลย แอ็บอ่องออก็มี”

อดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินรายการสุดท้าย ไม่รู้คณะนี้จะทำหน้ายังไงเมื่อเจอของจริง

“ขอบคุณน้าปานมาก สักทุ่มนึงพี่เดินไปหานะ”

“จ้ะพี่ พาเพื่อนหล่อๆ มาด้วยนะ”

“ทะลึ่งนะเรา เดี๋ยวพ่อเราตีตาย” ผมหยอกขำๆ

ฝ้ายยู่ปาก โบกไม้โบกมือ ก่อนเดินกึ่งวิ่งกลับบ้าน

ผมเดินกลับขึ้นไปชั้นสอง เอากระติกใส่น้ำแข็งเกล็ด น้ำหวานสองสามอย่างและขนมติดมือไปให้พวกน้้นที่ยังคุยกันไม่จบ

“กราบคุณธี ได้พึ่งใบบุญแท้ๆ” โจ้พนมมือกราบแบบแอคติ้งตามประสา

“ผีเรือนไทยเข้าสิงมึงเหรอ” เอกกระเถิบก้นออกห่าง

“ปากอัปมงคล ห้ามทักเรื่องผีเว้ย” คนกลัวผีรีบเคาะพื้นไม้แก้เคล็ดแบบฝรั่ง

“เย็นนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องกินละนะ” ผมเปลี่ยนเรื่องห้ามทัพ “น้ากูทำเลี้ยง รับรองรสชาติ แต่เป็นอาหารเหนือเลยนะ ไหวเปล่า”

ทุกคนเฮรับว่าไหว อยากกินอาหารพื้นเมืองอยู่แล้ว ก่อนคุยงานกันต่อ ผมเห็นลินทำสตอรี่บอร์ดออกมาแบบจริงจังดูมืออาชีพมาก จับใจความได้ว่าพวกนี้คิดจะทำสารคดีเกี่ยวกับของดีจังหวัดลำปาง โดยคราวก่อนจอมกับโจ้และอาร์ตขึ้นมาดูมาติดต่อสถานที่จริงและถ่ายภาพฟุตเทจบางส่วนไว้แล้ว ภาพที่จอมส่งมาให้ผมก็ถ่ายตรงบ่อน้ำร้อนอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนนั่นเอง

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวยังจะไปถ่ายที่โรงงานเซรามิกกับร้านของช่างฝีมือที่ทำรถม้าจิ๋วด้วย เพราะฉะนั้นภายในเวลาสามวันต้องได้ครบเรื่องและห้ามพลาด ไม่งั้นมาถ่ายซ่อมอีกคงไม่ขำ

“ให้น้ากิตพาไปตามนี้ มีติดขัดอะไรมั้ย” เมื่อสรุปงานกันได้แล้ว จอมก็หันมาถามผม

“ตามสบาย เที่ยวนี้มาเพื่อช่วยงานพวกมึงเลย จะไปไหนเวลาไหนได้หมด”

“โอเค ขอบใจว่ะ งั้นเดี๋ยวเราไปกินข้าวเหอะ ค่อยมาเตรียมอุปกรณ์”

พรรคพวกทุกคนพยักหน้ารับ ลุกยืดแข้งยืดขา พากันเดินออกทางหลังบ้าน

เพราะทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนชินทาง ทางเดินกรวดแคบๆ จึงค่อนข้างมืด ผมเดินช้าหน่อย ใช้มือถือส่องแทนไฟฉาย  ได้ยินเสียงโจ้อืออาในลำคอเมื่อผ่านดงกล้วยหรือต้นมะขามสูงใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านครึ้ม ท่าทางจะกลัวผีมากจริงๆ

เดินแค่สองสามนาทีก็ถึงบ้านน้าปาน ได้ยินเสียงเจ้านิลเห่าเสียงขรม นำฝูงสุนัขตัวไม่เบาวิ่งมาทางนี้ถึง 4-5 ตัว ลินชะงักฝีเท้าก่อนเพื่อน

“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวกันให้” ผมหันไปปลอบให้เธอสบายใจ หมาที่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้านบริเวณใหญ่แบบนี้ค่อนข้างดุ แต่ผมคุ้นเคยกับพวกมันดีอยู่

“นิล หยุด!” ผมดุจ่าฝูงที่ชื่อนิล เป็นสปิตซ์พันธุ์ผสมตัวใหญ่สีดำเมี่ยมสมชื่อ เสียงเห่าในฝูงยังดังแต่หางกระดิกและไม่แยกเขี้ยวขู่แล้ว นิลเข้ามากระโดดเกาะผมด้วยความดีใจ

“เดินตามมาเลย ไม่กัดแล้ว” ผมบอกเพื่อนๆ แล้วเดินต้อนหมาให้นำอยู่ห่างหน่อย จนเดินขึ้นบ้านน้าปานได้ในที่สุด

“น้าปาน สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ น้าปานเป็นน้องสาวของแม่ผม นับเป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุด

“ไหว้พระเถอะลูก เข้ามาๆ ปิดมุ้งลวดด้วยนะ เดี๋ยวยุงกัด” น้าปานรับไหว้ผมและเพื่อนทุกคน ก่อนเดินเข้ามากอดและหอมแก้มผม “น้าชัยทำลาบให้ธีด้วยนะ ไปล้างมือแล้วนั่งรอเลยลูก เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

“ขอบคุณครับ แต่ไม่เห็นต้องลำบากเลย”

“ลำบากที่ไหนกัน ฝ้ายเอ๊ย ยกน้ำให้พี่ๆ เขาหน่อย” เธอหันไปเรียกลูกสาว

“จ้าแม่” ฝ้ายยกแก้วน้ำใส่ถาดออกมาหลายใบ วางใกล้กระติกน้ำแข็ง

“ตั้งที่โต๊ะข้างเถอะฝ้าย เดี๋ยวพวกพี่ทำเอง พวกมึงนี่ฝ้าย น้องกู” ผมขานชื่อแนะนำให้ทั้งฝ้ายและน้าปานรู้จัก

ญาติผู้น้องผมถึงกับตาโตเมื่อเห็นหนุ่มหล่อพร้อมกันหลายชีวิต โดยเฉพาะสายตาหยุดที่จอมกับอาร์ตนานเป็นพิเศษจนน้าปานต้องแอบหยิกแขนลูกสาว

เพิ่งนั่งลงที่โต๊ะอาหาร น้าชัยสามีน้าปานก็ยกจานลาบมาวางบนโต๊ะ พวกเราสวัสดีและแนะนำตัวกันอีกรอบก่อนลงมือกิน ผมกวาดตามองบนโต๊ะที่จัดเต็ม มีไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู น้ำพริกอ่องกับผักสด ตำขนุน แกงหยวกใส่วุ้นเส้น ยำไก่ใส่หัวปลี ไข่เจียวไข่มดแดง ปลาดุกย่างหลายตัว แกงฮังเล และของที่แอดวานซ์จนผมไม่แน่ใจว่าเพื่อนจะกินได้อย่างลาบดิบและแอ็บอ่องออ

“ไม่รู้กินได้มั้ย วันนี้ทำไม่เผ็ดมาก ลองดูนะลูก” น้าปานว่าพลางส่งกระติ๊บข้าวเหนียวเล็กแจกจ่ายให้ทุกคน

“ถ้าไม่ถนัดใช้ช้อนส้อมก็ได้นะ” ผมบอกลินกับเคนนี่ คนอื่นไม่เป็นห่วงเท่าไหร่ กลัวแค่สองคนนี้จะคัลเจอร์ช็อค

“โอเค กินได้” ลินยิ้มตอบ ตักหมูในแกงฮังเลกับปลาดุกย่างให้เคนนี่ก่อน นัยว่ากินง่ายสุดแล้วในบรรดาของทั้งหมด

คนอื่นๆ ชอบลองของแปลกกันอยู่แล้ว กินกันไปชมคนทำไปจนตัวแทบลอย ผมเลยวางใจ กินตามสบายบ้าง

“ธี อันห่อๆ คืออะไรอ่ะ กินมั่งดิ” โจ้ชี้ของในจานผมซึ่งเป็นใบตองห่อสิ่งที่ดูนิ่มๆ สีเหลืองอ่อน หอมน่ากิน คนเหนือในโต๊ะฮาครืนขึ้นมาทันที

“เอาแต๊กา นี่แอ๊บอ่องออ ลำหนา” น้าชัยหัวเราะเสียงดัง หยิบห่อใบตองส่งให้โจ้อย่างใจดี

โจ้คลี่ออกดูเห็นของที่หน้าตาคล้ายห่อหมก ส่งกลิ่นหอมเครื่องเทศ เนื้อดูมีส่วนนิ่มๆ คล้ายไขมัน นึกไม่ออกว่าคืออะไรจึงส่งให้เอกกับอาร์ตที่นั่งขนาบข้างช่วยดู

“อย่าแกล้งหลานสิ” น้าปานปรามไม่จริงจังนัก “อ่องออคือสมองหมูลูก ปรุงรสรวมกับหมูสับห่อใบตองย่างไฟ ลองกินดูก็ได้ อร่อยนะ ธีชอบมากเลย”

ผมอดขำไม่ได้เมื่อเห็นแก๊งค์เด็กอินเตอร์ทำหน้าเหวอ

“แกะแล้วต้องกิน” ผมแกล้งว่า “เอานี่ด้วยมะ ลาบหมูดิบ”

โจ้มองเนื้อดิบเคล้าเลือดสีแดงก่ำดูน่ากลัวกับห่อสมองหมูในมือแล้วทำหน้าจะร้องไห้ เอกทนดูไม่ไหวเลยแย่งไปถือเอง ลังเลพักหนึ่ง ก่อนลองชิมเข้าไปจริงๆ

“เป็นไงวะ” อาร์ตทำท่าอยากรู้

“…อร่อยว่ะ ผิดคาด” เอกตักกินอีกคำ ดูเหมือนจะติดใจ “หอมมาก เนื้อมันครีมๆ แบบครีมชีส แต่ไม่เปรี้ยวนะ เค็มๆ”

“จริงอ่ะ”

“จริง ลองดิ”

คณะผู้มาเยือนกล้าๆ กลัวๆ สุดท้ายก็ลองชิมกันทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งเคนนี่ ยังลองลาบดิบกันคนละหน่อยด้วย ปรากฏว่าคนกินได้มากคือเอก โจ้ และลิน ส่วนจอมกับอาร์ตบอกว่าอร่อยดี แต่ลาบค่อนข้างเผ็ดเลยกินมากไม่ได้

“ยอดๆ จะอี้เป็นคนเมียงได้ละ อยู่ลำปางสบายละ” น้าชัยชอบใจ เปิดเบียร์ชงเหล้าให้เพิ่ม วงเลยครึกครื้นขึ้นไปอีก

ผมเริ่มอิ่มเลยไม่เติมข้าว เปลี่ยนไปกินแคบหมูกับน้ำพริกหนุ่มแกล้มเบียร์ มีความสุขชะมัด

“ธีชอบแคบหมูโขบแบบนี้นี่ เดี๋ยวก่อนกลับน้าปานซื้อให้อีก เอาไปกินที่บ้านนะ”

“ขอบคุณครับ ธีหาซื้อแบบนี้เองไม่ได้เลย เมื่อเย็นแวะไปก็หมด”

“เจ้านี้เขามีน้อย ขายดี เดี๋ยวนี้ต้องโทรสั่ง” น้าปานอธิบาย

“คืออะไรเหรอ ทำไมต่างจากแคบหมูทั่วไปอ่ะ” จอมถาม ดูจะชอบเหมือนกัน

“เขาทำแคบหมูชิ้นใหญ่แบบโบราณใช้หนังอ่อนทอดไม่พองมาก เนื้อละเอียดไม่แข็ง ไม่พองจนไม่ได้รสชาติแถมหืนเร็วเหมือนที่เขาทำขายทั่วไป กินแล้วติดฟันนิดหน่อยแบบนี้แหละ” ผมว่า

“อร่อยกว่าแคบหมูกระด้างจืดๆ ในกรุงเยอะจ้ะพี่ ไว้ให้แม่โทรสัง ฝ้ายจะขี่รถไปเอาให้จ้ะ” ฝ้ายเสนอตัว ท่าทางปลื้มคนหล่ออย่างจอมและอาร์ตอยู่ไม่น้อย เดาว่าแอบแชตกรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนมาพักใหญ่แล้วเพราะพิมพ์มือถือไม่หยุดเลย

“ทีงี้ขยันเชียวนะ” น้าปานมองค้อนไม่จริงจังนัก

“ก็ปิดเทอม ว่างๆ อ่ะ” เสียงใสอุบอิบแก้ตัว

“ว่างอะไร ปีหน้าก็จะเอนท์แล้ว บอกให้ขยันเรียนพิเศษ ดูพี่ๆ ทุกคนสิ เก่งๆ เรียนที่ดีๆ กันทั้งนั้น”

“ค่าาาาาา” ฝ้ายลากเสียงอ่อนยอมแพ้ น้าปานจึงค่อยเพลาเสียงบ่น

 


 
ไม่ได้อยู่ดึกนักเพราะต้องออกทริปแต่เช้า พวกเราไหว้ขอบคุณครอบครัวน้าปานอีกครั้ง ผมแวะบอกนัดหมายเวลากับน้ากิตที่ตั้งวงดื่มกินกับคนงานอยู่แถวนั้น ก่อนจะเดินกลับบ้านพัก ลินกับเอกขอแยกตัวไปอาบน้ำก่อน โดยเอกใช้ห้องน้ำเล็กชั้นล่าง สมาชิกที่เหลือเลยช่วยกันตระเตรียมของที่จะต้องนำไปพรุ่งนี้ทั้งหมด เอามากองรวมไว้ที่ห้องโถงเพื่อเช็คให้รอบคอบว่าไม่ลืมอะไรจริงๆ

“จอม เล่นมือถือนะ” ผมผลัดใช้ห้องน้ำอาบน้ำแปรงฟันเรียบร้อย เลยมาเรียกให้จอมไปอาบบ้าง

“เอาดิ” มันยื่นให้ก่อนคว้าเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวเดินออกไป

ผมกดเลขปลดล็อคหน้าจอและเข้าเกมที่ผมนึกสนุกชวนมันเล่น แต่เพราะจอมไม่ค่อยมีเวลาเอาเข้าจริงก็แทบไม่ได้เข้าเกมเลย ครั้นจะทิ้งก็เสียดายเพราะไอดีจอมดวงดี ชอบเปิดได้ไอเท็มหายากอยู่เรื่อย สุดท้ายเลยกลายเป็นผมเล่นทั้งสองไอดี ลองอาชีพใหม่ก็ไม่เลวเหมือนกัน

เปิดมือถือตัวเองขึ้นมาอีกจอ นอนเล่นทั้งสองเครื่องควบกันไป ทำเควสต์อยู่เพลินๆ ก็รู้สึกได้ว่าม่านมุ้งด้านบนถูกตลบลงมา ตามด้วยน้ำหนักที่โถมทับจนผมที่กินมาอิ่มๆ แทบจุกแอ้ก

“นี่มึงนึกว่าตัวเองเบามากช่ะ?” นิสัยแบบนี้มีแต่มันนี่แหละ

จอมหัวเราะสะใจ ก่อนยอมเท้าแขนช่วยพยุงน้ำหนักแต่ยังไม่ลุกออกไปจากหลังผม

“สนใจกูด้วยดิ”

“ก็สนใจอยู่ตลอด”

“เล่นเกมอยู่เห็นๆ” ไม่พูดเปล่ามันก้มลงใช้ฟันคมๆ งับบ่าผมเหมือนหมาแทะ

โดนกวนแบบนี้เลยต้องรีบปิดเกม กะจะเก็บเวลให้เสียหน่อย

“อ่ะ พอใจยัง ลุกหน่อย หนัก”

“แป๊บ ยังไม่เสร็จ”

“ทำไรอยู่?” ผมงง หันไปมองคนบนหลัง

“รอลวนลามมึง”

ว่าแล้วมือทั้งสองข้างก็จับหนุบหนับนัวเนียผสมขยำขยี้ไปตามเนื้อตัวผม ทั้งจั๊กจี๋ทั้งเสียววูบจนอดร้องออกมาเบาๆ ไม่ได้ นี่คือหื่นเล่นหรือเอาจริงฟะ จอมนี่บทจะรุกมันก็รุกเสียจนผมตั้งตัวไม่ติด

“ทะลึ่งละ” ผมไม่กล้าเสียงดังเพราะผนังไม้เก่าเก็บเสียงไม่ดีเท่าไร ได้แต่ดีดดิ้นพลางไล่คว้าจับมือปลาหมึกของอีกฝ่ายไว้

ดิ้นไปดิ้นมาสุดท้ายกลายเป็นผมนอนหงายโดยมีจอมนอนก่ายทับแทบทั้งตัว มันแทรกตัวเข้ามาอยู่กลางหว่างขา ทำให้หน้าท้องและสะโพกของเราแนบชิดกัน กลายเป็นท่วงท่าน่าหวาดเสียวไปเสียแล้ว

ผมอดเกร็งไม่ได้เมื่ออะไรต่อมิอะไรมันสนิทสนมเสียจนความร้อนเริ่มจะก่อตัว ยิ่งขยับก็ยิ่งเสียดสี ครั้นจะอยู่เฉยก็อึดอัดจนปากคอเริ่มแห้ง

ลิ้นที่แลบเลียริมฝีปากเพื่อคลายอาการแห้งผากกลับคล้ายเป็นสัญญาณให้คนที่ทาบทับฉวยโอกาสฉกจุมพิต เรียวลิ้นที่ทั้งนุ่มและร้อนตวัดแทรกให้ผมต้องเปิดปากรับ ซอนเข้ารัดรึงกึ่งหยอกเย้ากึ่งรุกไล่ สัมผัสฉ่ำชื้นคลุกเคล้าราวกับจะช่วยคลายความกระหาย แต่กลับได้ผลเป็นตรงกันข้าม เหมือนต่างกำลังลิ้มรสผลไม้ที่หอมหวาน ยิ่งได้รับยิ่งปรารถนา

มือที่ผ่าวร้อนและสากนิดๆ แทรกชายเสื้อยืดตัวหลวมเข้ามาลูบไล้ผิวเนื้อผ่านสีข้างอย่างไม่เร็วไม่ช้า ส่งความรู้สึกชนิดหนึ่งที่ทำให้ขนลุกเกรียว ผมเผลอแอ่นหลังสะดุ้งเหมือนถูกกระแสไฟฟ้าช็อตเพราะปลายนิ้วโป้งที่คลึงหยอกยอดอกอย่างย่ามใจ พานให้ท่อนล่างบดเบียดกันจนความเสียวซ่านแล่นปราดจากท้องน้อย เสียงที่หลุดจากลำคอถูกอีกฝ่ายกลืนกินจนกลายเป็นเสียงครางอู้ที่ชวนสะท้านอารมณ์

ม่านมุ้งล้อมรอบเตียงดูคล้ายหมอกควัน กั้นแสงในห้องให้สลัวลง สติเริ่มพร่ามัวคล้ายมึนเมา ยิ่งกว่าฤทธิ์เบียร์สองขวดที่ดื่มไปเมื่อค่ำเสียอีก

ผมยกแขนทั้งสองข้างก่ายกอดแผ่นหลังกว้าง ชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งจงใจขยับเบียดกลางลำตัวเบาๆ ทำให้จุมพิตยิ่งรุกเร้าดุดัน กลีบปากล่างของผมถูกดูดและขบจนรู้สึกเจ็บนิดๆ ก่อนที่จอมจะยอมผละออก เอ่ยเสียงพร่า

“แม่ง…ลูกชายกูตั้งหมดแล้ว”

“มึงเริ่ม” ผมหอบหายใจ

“ไม่หยุดยั่วกูปล้ำ”

ใครยั่วใครนะ ขออีกที

“ไม่ใช่ว่า…คิดจะทำก็ทำได้เลยซะหน่อย” ผมกลืนน้ำลาย บอกเสียงอ่อน เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ ถ้าจะทำจริงๆ มันก็ต้องเตรียมอะไรตั้งหลายอย่าง

“อืม… มึงอย่าพูดเสียงกระเส่าได้ป่ะ นี่แข็งกว่าเดิมละนะ”

ไอ้เลว เสียงมันระทวยเองเฟ้ย ก็ลองโดนปล้ำจูบเสียขนาดนี้

“กูก็ด้วยเหอะ” ใช่มันมีอารมณ์คนเดียวเสียเมื่อไร

จอมยกตัวขึ้นเล็กน้อย ก้มมองส่วนที่กำลังแสดงความคึกคัก

“มือได้มะ”

“หะ?”

ไม่พูดพร่ำ มือใหญ่คว้าหมับเข้าตรงจุด เล่นเอาผมเกือบร้อง ส่วนที่แข็งไม่เต็มที่เมื่อครู่ตั้งสู้มือขึ้นมาทันทีเมื่อโดนคลึงปลุกเร้าผ่านเนื้อผ้า และต้องยกมือขึ้นจิกไหล่คนตรงหน้าเมื่อถูกสอดเข้าสัมผัสเนื้อแท้โดยตรง

กางเกงนอนที่ผมสวมถูกดึงลงจนหมิ่นสะโพก อากาศเย็นตัดกับฝ่ามือร้อนที่เข้ากอบกุมทำให้ต้องครางเสียงหนึ่ง ผมกัดริมฝีปากเมื่อจอมขยับนั่ง ตามมาด้วยสิ่งที่แข็งและร้อนยิ่งกว่านาบเข้ารวม รวบเราทั้งคู่ไว้ในอุ้งมือ ขยับรูดเนิบช้า

“อา…” ผมหอบอย่างกลั้นเสียงครางไว้ไม่อยู่ เมื่ออีกฝ่ายดึงมือหนึ่งของผมลงไปร่วมเกาะกุมและขยับเป็นจังหวะ

เสียงคุย เสียงคนขยับในห้องด้านข้างดังแว่วผ่านผนังชวนให้สะดุ้งเกรง ผมจึงยันกายขึ้นเล็กน้อย ใช้มือข้างว่างดึงลำคอหนาให้โน้มลงมาช่วยจูบปิดกั้นเสียงที่อาจเล็ดรอดให้ใครได้ยิน

ลิ้นอ่อนนุ่มพัวพัน แรงดูดเม้ม ฟันขบครูดเนื้ออ่อน ทั้งหมดเร่งร้อนหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามจังหวะขยับมือเบื้องล่าง ผมแทรกนิ้วเข้าระหว่างกลุ่มผมดำสนิท เส้นผมที่ค่อนข้างหนาตัดกับความคันยุบยิบที่ฝ่ามือเพราะตอผมที่ไถสั้นตรงท้ายทอย เกิดเป็นความสยิวอีกอย่างที่ยิ่งเพิ่มทบให้รู้สึกร้อนรุ่ม

จอมเลื่อนริมฝีปากไปที่ข้างแก้มของผม ระเรื่อยไปขบที่ติ่งหู ระรานไม่เว้นแม้แต่ช่องหู ทั้งจั๊กจี๋และเสียวซ่านจนต้องหดคอหลบ ทว่ากลับยิ่งทำให้คนนิสัยไม่ดีกลั่นแกล้งมากขึ้น

ลมหายใจที่แยกแยะไม่ออกว่าของใครหอบถี่เมื่อจุดสูงสุดงวดกระชั้นเข้ามา สะโพกที่ทาบทับโยกเป็นจังหวะเข้ากับการขยับของมือ ทำให้ยิ่งเพริดไปกับความสุขสม มือทั้งสองชื้นแฉะไปด้วยหยาดน้ำจากส่วนปลาย ความลื่นและเสียงที่ชวนให้หน้าแดงย้ำรอยรสสัมผัสให้ยิ่งชัดเจน

“อ๊ะ…อือ!” ผมแหงนเงยหน้า เสียวเกร็งจนต้องจิกนิ้วเท้า ก่อนจะปลดปล่อยออกมาเมื่ออดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป

ฟันคมขบกัดเข้าที่ลำคอของผม ตามด้วยการดูดเม้มจนน่าจะเป็นรอย จอมครางเสียงต่ำเมื่อถึงจุดสูงสุดบ้าง ในขณะที่ผมยังชาและพร่าเบลอด้วยความซ่านเสียว ได้แต่นอนหอบหนัก ในหูยังก้องเสียงหัวใจที่เต้นระรัว

เรากอดกันนิ่งอยู่แบบนั้นพักหนึ่งเพราะอ่อนระทวยเกินกว่าจะขยับตัว ชั่วครู่จอมจึงลุกออก คว้าเสื้อตัวเก่าที่เคยสวมก่อนผลัดเป็นชุดนอนขึ้นมาเช็ดคราบที่เปรอะเปื้อนให้ทั้งผมทั้งมัน

“เลอะเตียงนิดนึงอ่ะ”

เตียง… ห้องนอนแม่… โอ๊ยยยย นี่ทำอะไรลงไปวะกู ผมยกมือปิดหน้า

“...มึงก็หื่นกามไม่ปรึกษากูเลย”

“ให้อดกว่านี้ก็ฤๅษีแล้ว” จอมดึงมือผมออกแล้วก้มลงมาเลียปากที่เจ่อช้ำเบาๆ “มึงก็อยากกูรู้”

มองรอยยิ้มสมใจแล้วหมั่นไส้มากกกกก เออ ก็อยาก แต่ช่วยบอกให้กูเตรียมพร้อมมากกว่านี้ได้มั้ยยยย

ผมเท้าศอกยันตัวลุก มองสภาพตัวเองแล้วกระดากระคนปลงสังเวช เสื้อยืดถูกเลิกขึ้นมาถึงอกตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ กางเกงก็จะหลุดมิหลุดแหล่ แถมคนทำยังมีหน้ามาจ้องด้วยสายตาลวนลามอย่างไม่คิดปิดบัง จนผมต้องเป็นฝ่ายหลบเอง

สุดท้ายคืนนี้ เราสองคนก็ต้องย่องลับๆ ล่อๆ ออกไปล้างตัวเปลี่ยนเสื้อกันอีกรอบถึงจะกลับมานอนได้ แต่โชคดีที่ตอนน้้นนอนเล่นเกมยังไม่ทันดึงผ้าคลุมเตียงออก ผ้าผืนที่เลอะคราบขุ่นจึงดึงออกไปรอซักได้ง่ายดาย มีเตียงสะอาดให้นอน และรู้สึกผิดกับบุพการีน้อยลงนิดนึง

เมื่อปิดไฟนอนอย่างสงบได้ก็แทบจะหลับลึกด้วยความเพลียในทันที ก่อนสติสัมปชัญญะจะดับลงผมจบความคิดลงที่ว่า การที่จอมจะเกิดอารมณ์กับผู้ชายอย่างผมได้หรือไม่นั้น คงไม่ต้องไปสงสัยอะไรอีกแล้ว เอาเวลาไปห่วงตัวเองว่าจะโดนกินรวบหัวจรดหางภายในวันสองวันนี้หรือเปล่าเสียก่อนเถอะ!
 


***
 
TBC


ตรงอู้คำเมืองต้องการซับกันมั้ยอ่ะ 555 ใส่แค่นิดเดียว
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 07-01-2018 16:14:59
ฉากนี้มันเซ็กซี่ขยี้ใจมากกกกกกกกกก  เลือดพุงจ้า
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-01-2018 18:27:39
คำเมือง ไม่ได้ยากเกินเข้าใจนะ  :mew1:
ลำปางน่าอยู่ เงียบๆ อาหารอร่อย
ไส้อั่ว ที่ตลาดเย็นใกล้วงเวียนไก่ อร่อยมากๆ  :katai2-1:

อุทธยานแจ้ซ้อน มีทั้งน้ำแร่ร้อนและน้ำตก แช่ได้ในบรเวณใกล้ๆกัน
จอม ธี  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม  :-[
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 07-01-2018 21:40:24
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 07-01-2018 21:50:23
ไปเที่ยวมาแปปเดียว ธีเกือบเสียตัวคืออะไรรรร 555 จอมมาเร็วเคลมเร็วมากๆ พอรุกทีเหมือนติดเทอร์โบเลยอ่ะ
คำเมืองเราก็แปลไม่ออกค่ะ เดาเอาตามบริบท แต่ไม่ต้องมีซับก็ได้นะ พอแปลมั่วๆได้อยู่
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-01-2018 23:49:05
 :L2: :L1: :pig4:

ชอบความเข้ากันได้ดี
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 08-01-2018 08:42:08
ชอบมากตรงที่เวลามีอะไรก็พูดกันตรงๆ เข้าหาถามกันตรงๆ อยากก็ว่ากันตรงๆไม่มีอ้อมค้อม 5555555555555
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-01-2018 16:00:02
ชอบๆๆ มาต่ออีกนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 08-01-2018 21:39:54
ขอบคุณค่ะ  ร้อนแรงมากกกก  อิอิ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 08-01-2018 22:17:17
 :L2:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 10-01-2018 17:26:16
ติดตามจ้า  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [014] 07/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-01-2018 03:03:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 15-01-2018 15:35:02
Jom's


ยามเช้าเรามายืนอยู่ที่วัดพระธาตุดอยพระฌาณ เพื่อเริ่มถ่ายทำสารคดี แดดยังไม่จัด คนไม่เยอะ เหมาะแก่การเก็บภาพมาก โจ้ใช้กล้อง DSLR ในโหมดบันทึกภาพเคลื่อนไหวไล่ถ่ายตามจุดต่างๆ เรื่องอื่นมันอาจเพี้ยนๆ แต่เรื่องถ่ายภาพนี่ต้องยกให้ นอกจากสวยยังมีมุมมองที่แปลกตาอีกด้วย

ผมคอยกำกับให้มันเก็บภาพตามสตอรี่บอร์ดของลิน ต่อจากนั้นจึงจะเป็นคิวอาร์ตซึ่งรับหน้าที่เป็นพิธีกรแนะนำจุดเที่ยวชมที่น่าสนใจ เอกจะตัดต่อภาพและใส่เอฟเฟ็คต์ต่างๆ ส่วนเคนนี่ทำเรื่องซาวน์

เหลือบมองคนทำหน้าที่ฝ่ายเสบียงและสนับสนุนที่กำลังปิดปากหาวแล้วก็รู้สึกคึกคักนิดหน่อยอย่างกับคนเพิ่งเคยมีแฟน ยิ่งเห็นริมฝีปากแดงเรื่อที่ยังเจ่อนิดๆ ใจผมก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิงไปไกล คิดถึงผิวเนื้อขาวเนียนมือ ลำตัวที่เพรียวบางแต่มีกล้ามเนื้อ ไม่ผอมอย่างที่คิด เอวสอบกับยอดอกเล็กๆ ที่น่าดูดให้ล้ม ยามปกติธีดูสุภาพเรียบร้อยแต่สีหน้าตอนมีอารมณ์นี่เซ็กซี่อย่าบอกใคร ดวงตาฉ่ำเยิ้ม รสจูบเร่าร้อน เสียงหอบกระเส่า แค่คิดก็...

ผมกลืนน้ำลาย หันหน้าไปมององค์พระอารามเพื่อสงบจิตใจ ห้ามตั้งตอนนี้เด็ดขาดนะลูกรัก

“จอมๆ”

ผมหันไปมองคนเรียกที่ยืนประชิด เอกหนีบแผ่นรีเฟล็คและถือไมค์ลอยเตรียมพร้อมอยู่

“มีไร”

“เรามาทำงาน”

“บอกกูเพื่อ?”

“เตือนไว้ เผื่อมึงนึกว่ามาฮันนีมูน” เอกทำท่าป้องปาก ลดเสียงลงให้ได้ยินกันแค่สองคน แต่สีหน้าล้อเลียนวอนโดนตีนมาก

“ควาย เดี๋ยวโดนเตะ” ผมเก้อเขินนิดหน่อย แสดงออกมากไปมั้ยวะ

“แหม รอยไซ้นี่ถึงกกหู ยุงดุเฉพาะห้องมึงหรา”

“…” เถียงไม่ออก ขนาดธีเลือกใส่เสื้อคอปกปิดแล้วก็ยังเห็นนิดหน่อยอยู่ดีถ้าตั้งใจมอง ต้องจำไว้ว่าคราวหน้าควรทำรอยให้ต่ำกว่านี้

“ตลกมึงว่ะ ปกติเห็นคบกับใครได้พักเดียวก็เริ่มรำคาญ ทีกับธีนี่แทบจะสิงเขาอยู่ละ”

“มึงสังเกตเยอะไปป่ะ” นี่มันมองผมหรือมองธีวะ

เอกหัวเราะออกเสียง

“เออ เว้ย กลายเป็นผัวขี้หึงซะงั้น กูล่ะเชื่อ”

ยังไม่ได้เป็นผัวเว้ย อยากอยู่เหมือนกัน

“มึงไปช่วยเมียมึงไป” ผมชี้ไปทางโจ้ที่ตอนนี้สุมหัวกับเคนนี่และอาร์ต ดูท่าทางจะทำอะไรบางอย่าง

“ถุยๆ เสนียดจังไรมาก ให้กูเอาไอ้โจ้เป็นเมียกูยอมแบให้ไอ้อาร์ตยังดีซะกว่า” เอกเบะปากรังเกียจแรง ก่อนหันไปมองตาม “มันเอาบันไดมาทำอะไรวะ”

ดูท่าโจ้จะอยากได้ภาพมุมสูงตรงบันไดพญานาคที่เป็นจุดเด่นของวัดแห่งนี้ ไม่รู้มันไปเอาบันไดลิงที่ทำจากไม้ไผ่มาจากไหน เก่าจนไม่น่าวางใจ เห็นอาร์ตกับเคนนี่ช่วยกันจับบันใดตั้งฉาก ส่วนโจ้ค่อยๆ คืบปีนขึ้นไป เราจึงรีบวิ่งไปดู

“ทำเหี้ยไรเนี่ย มึงกลัวความสูงไม่ใช่เรอะ เดี๋ยวก็ตกมาหัวร้างข้างแตกพอดี” เอกบ่นลูกน้อยของมันตามเคย

“อย่าทักดิวะ! กูสั่น” โจ้ขาสั่นพั่บ แต่ฝืนปีนขึ้นไปจนได้ มันเกาะนิ่งแบบทำใจครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ จัดท่าหยิบกล้องออกมาถ่ายอย่างทุลักทุเล ยื่นออกไป กวาดแพนแบบพาโนราม่าช้าๆ

ผมกับเอกเข้าไปช่วยจับอีกแรง เงียบรอมันถ่ายให้เสร็จจะได้ไม่เสียสมาธิ

โจ้ถ่ายแล้วเช็คภาพ ถ่ายอีก เช็คอีก หลายรอบก็ยังส่ายหัว

“มือกูสั่นอ่ะ”

“เปลี่ยนมั้ย เดี๋ยวกูทำแทน” ผมบอก

โจ้เซ็งที่โรคกลัวความสูงทำให้ถ่ายคลิปไม่ได้ดังใจ ยอมลงมาเปลี่ยนในที่สุด

ทว่าปัญหาเกิดเมื่อผมก้าวขึ้นไปได้ไม่กี่ก้าว บันไดไม้ไผ่เก่าคร่ำคร่าก็ลั่นเปรี๊ยะเหมือนจะแตก จนต้องรีบกระโดดลงมาทันที

“เวร ตัวหนักอ่ะมึง คนอื่นดิ๊” โจ้มองเอกที่ผอมสูงใกล้เคียงกับมัน

“มึงก็รู้กูมือไม่นิ่ง ยืนถ่ายรูปบนพื้นมือก็สั่นละ ขึ้นไปจะช่วยไรได้มั้ย”

ลองหันไปมองอาร์ต ก็หนักพอกับผม หุ่นหมีอย่างเคนนี่ยิ่งไม่ได้ใหญ่

ทุกคนเริ่มมองหาตัวช่วยอื่น ลิน? ไม่ไหว จะให้ผู้หญิงมาเสี่ยงปีนแบบนี้ได้ไง สุดท้ายเหมือนสายตาทุกคู่จะไปจบที่ธีโดยไม่ได้นัดหมาย

ธีเห็นทุกคนมอง มันเลยลุกออกจากศาลารับลมแล้วเดินมาหา

“มีไรเหรอ”

เอกเล่าปัญหาให้ฟังอย่างกระชับ

“พอไหวมั้ย ที่เบาพอจะขึ้นไปได้ก็เหลือมึงนี่แหละ”

“ได้ ลองดู” มันรับคำง่ายๆ เปิดดูคลิปที่โจ้ถ่ายไว้พร้อมฟังคำอธิบายเรื่องมุมที่อยากให้ถ่ายแค่รอบเดียวก็เข้าใจ จากนั้นจึงจัดแจงปีนขึ้นบันไดไปอย่างคล่องแคล่ว พวกผมรีบช่วยกับจับยึดฐาน เสียงไผ่เก่าดังเอี๊ยดอ๊าด แต่ไม่ลั่นจนน่ากลัวเหมือนก่อนหน้า ออกจะเบาแรงกว่าตอนโจ้ขึ้นไปด้วย

ธีปีนขึ้นไปถึงยอดอย่างสบายๆ สอดขาข้างหนึ่งเกี่ยวขั้นบันได เหยียดหลังตรง ปรับท่าให้มั่น แล้วยกมือกวาดถ่ายด้วยความใจเย็นและสงบนิ่ง ท่วงท่าสง่างามผิดกับท่าเป็ดปีกหักของไอ้โจ้ลิบลับ มันดูคลิปรอบหนึ่ง ก่อนยื่นกลับให้เจ้าของกล้องเช็ค

“แขนคนหรือโรบอทวะ” โจ้ดูแล้วต้องทึ่งกับสกิลมือนิ่งของอีกฝ่าย เงยหน้ายิ้มร่า “โอเคแล้ว ลงมาได้เลย”

คนข้างบนไต่ข้ามขั้นลงมา ผมค่อยหายใจทั่วท้อง ถึงจะรู้ว่าธีร่างกายแข็งแรง มีทักษะด้านกีฬาเยี่ยม แต่ก็อดห่วงมันไม่ได้ ในจังหวะเดียวกันสีหน้าโล่งอกของอาร์ตที่จับอยู่อีกฝั่งก็เข้าตาผมพอดี พอมันเห็นว่าผมมองอยู่ก็เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปทางอื่น

ความรู้สึกผิดระคนอึดอัดที่กดไว้ถูกกวนตะกอนให้ฟุ้งขึ้นมาจนได้ แม้ผมจะทำเป็นไม่แคร์ แต่ความจริงไม่มีทางที่ผมจะไม่รู้สึกอะไร ในเมื่ออาร์ตก็เป็นเพื่อนสนิทของผมเหมือนกัน

ผมรู้ว่าอาร์ตยังรักธีอยู่แถมรักมาก่อนตั้งนาน จึงไม่คิดและไม่มีสิทธิ์จะบอกให้มันเลิก เพราะเรื่องของความรู้สึกบังคับกันไม่ได้  ส่วนตัวผมเอง แม้จะเห็นใจมัน แต่ความรักไม่มีคำว่าก่อนหรือหลัง ดังนั้นตราบใดที่ธีรักผม เลือกผม ผมก็จะไม่ถอยให้ใครทั้งนั้น 

อีกอย่าง ด้วยความเข้าใจที่ผมมีต่ออาร์ต มันก็คงอยากให้ทั้งธีและผมซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง มากกว่าจะมานั่งเกรงใจหรือสงสารมันเช่นกัน

ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป เข้าโหมดทำงาน เมื่อครู่เสียเวลามากไปหน่อย พระอาทิตย์ขึ้นสูงทุกทีแล้ว ต้องรีบถ่ายให้เสร็จตอนที่แสงยังสวย

เพื่อนทุกคนแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ผมเห็นธีส่งทิชชู่เปียกให้อาร์ตเช็ดมือ เพราะต้องรับบทเป็นพิธีกร วันนี้อาร์ตจึงเซ็ตผมอย่างดี ได้ลินแต่งหน้าให้บางๆ แม้จะสวมแค่เชิ้ตกับยีนส์ง่ายๆ แต่ก็ดูหล่อเป็นพิเศษ

 ความเห็นอกเห็นใจเมื่อครู่กระเด็นเข้าซอกหลืบไปจนเกลี้ยง คิดแค่อยากจับให้สองคนนี้แยกกันยืนคนละซีกโลก

อาจจะแสดงออกทางแววตามากไปหน่อย ธีเลยเดินมาทางผม ดึงทิชชู่เปียกให้บ้าง

“ตั้งใจทำงาน” มันยิ้มว่า ถอดหมวกที่ตัวเองสวมอยู่มาสวมให้ผม ก่อนกลับไปนั่งรอตรงศาลาในร่มที่เดิม

ครับ กำลังใจมาเต็ม ผมเรียกวิญญาณผู้กำกับเข้าร่าง สั่งงานและให้อาร์ตกับโจ้ซักซ้อมรอบหนึ่งก่อนถ่ายจริง ปรึกษาลินเพื่อช่วยกันแก้ไขบทพูดที่แปร่งบางจุด กับปรับเปลี่ยนมุมอีกเล็กน้อยให้เหมาะสมกับสภาพแสงและหลีกเลี่ยงคนที่ไม่เกี่ยวข้อง การถ่ายทำในช่วงเช้าก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่มีติดขัด



“คัท” ผมร้องบอกเมื่อซีนสุดท้ายที่นี่จบลง “เก็บของเลย ไปต่อกัน”

สิ้นเสียง ทุกคนก็รีบเก็บของคนละมือละไม้ เพื่อไปยังสถานที่ต่อไปซึ่งอยู่ในอำเภอแม่ทะเหมือนกัน วันนี้ต้องถ่ายทำศูนย์หัตถกรรมทอผ้าอีกสองที่ แกะสลักอีกหนึ่งที่ ตอนเย็นไปถ่ายช็อตในเมือง ต้องรักษาเวลาให้ดี

พวกผมวางแพลนไว้ว่าจะใช้เวลาช่วงเช้าในแต่ละวันถ่ายทำสถานที่กลางแจ้ง หรือที่ที่ต้องการหลีกเลี่ยงคนพลุกพล่านวุ่นว่ายอย่างเช่นตลาดสด ส่วนช่วงสายถึงเย็นจะไปถ่ายทำโรงงาน ร้านแกะสลัก ศูนย์หัตถกรรมทอผ้า สถานที่ในร่มทั้งหลาย กับถ่ายช็อตกลางคืนและร้านอาหารบ้างเล็กน้อยซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะได้ใช้ เพราะต้องตัดต่อคลิปให้พอดีเวลาที่มีจำกัด แต่ก็จะถ่ายเผื่อเอาไว้ก่อน แม้หัวข้อจะเป็นสารคดีแต่พวกเราตั้งใจทำเป็นคลิปสไตล์ยูทูบเบอร์ที่ได้ความรู้แบบไม่น่าเบื่อและมีอารมณ์ขันสอดแทรก เข้ากับยุคสมัย จึงต้องการตัดต่อภาพที่น่าสนใจเข้าไปเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นวันทั้งวันก็เป็นแบบนี้ ขนของขึ้นลงรถตู้ ตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งพวกเราได้นัดหมายและขออนุญาตถ่ายทำไว้ล่วงหน้าแล้ว ถ่ายทำที่หนึ่งเสร็จก็ไปอีกที่ แม้กระทั่งข้าวกลางวันยังไม่มีเวลาแวะกินให้ดีๆ แต่ก็ได้ธีช่วยเตรียมข้าวเหนียวกับหมูทอดไว้ให้ เป็นหมูทอดที่ผมไม่เคยเห็นที่กรุงเทพ สีออกแดง รสชาติเหมือนลูกครึ่งหมูสามชั้นกับกากหมูหอมๆ กรอบๆ อร่อยมาก แล้วยังมีผัดขนมจีนในห่อใบตองที่ธีบอกว่าคนที่นี่เรียกผัดหมี่ขนมเส้น ใช้ซีอิ๊วดำกับน้ำอ้อยปรุงรสอย่างง่ายๆ โรยหอมเจียว กระเทียมเจียว และผักชี กินแกล้มแคบหมู เป็นอันว่าเปรมไปอีกมื้อ

“น้ำป่ะ”

ได้น้ำเย็นๆ จากขวดที่เก็บไว้ในกระติกน้ำแข็งใบใหญ่มาเปิดดื่มเหมือนต่อชีวิต อากาศเดือนเมษายนร้อนจนตับจะแตกตาย ขนาดขึ้นมาเมืองเหนือยังไม่ช่วย ซ้ำยังรู้สึกว่าแดดเผาผิวยิ่งกว่าตอนอยู่กรุงเทพอีกต่างหาก

“มีมึงมาด้วยนี่ดีโคตร” ผมมองธีด้วยความซาบซึ้ง

“ให้ช่วยไรอีกมั้ยอ่ะ” ธีนั่งลงตรงท้ายพื้นรถตู้ที่เปิดประตูไว้ ดึงทิชชู่เปียกมาเช็ดมือ ตอนนี้พวกเราพักเบรคหลังกินข้าว ให้ได้แยกย้ายไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ดื่มน้ำ กินขนมอะไรบ้าง

“ช่วยเป็นเมียกูที”

“…มึงต้องหยุดหื่นกามบ้าง” มันทำสายตาว่างเปล่า

“จีบกูแล้วต้องรับผิดชอบ คืนนี้จัดอีกมะ”

“กูไปนอนห้องอื่นนะ”

“พูดเล่น”

“หราาาา”

โธ่ แหงอยู่แล้วว่าพูดจริง อย่าให้มีโอกาส จับทำเมียแน่นอน ถ้าไม่ใช่ว่ากะมาทำงานเลยไม่ทันได้เตรียมอะไรให้พร้อมคงปล้ำจริงไม่ใช้สแตนด์อินตั้งแต่เมื่อคืนละ ทำไมผมต้องเป็นคนขยันเรียนขนาดนี้ด้วยวะ

“เกลียดรอยยิ้มมึงมาก” ออร่าผมคงชั่วร้ายมากไปหน่อยธีเลยทำหน้าไม่เชื่อถือ ยกมือกระดิกนิ้วเรียก “ยื่นหน้ามาหน่อยซิ”

อะไรวะ คุณว่าที่เมีย นี่จะต่อยกันเลยเหรอ แต่ถามว่าทำตามสั่งมั้ย…ก็ทำ

มือเรียวขาวไม่ได้ต่อยลงมาแต่ดึงทิชชู่เปียกมาเช็ดหน้าเช็ดคอให้ผม ตามด้วยละเลงป้ายครีมกันแดดเสียทั่ว

“ยื่นแขนมาด้วย” ตรงแขนมันใช้แบบสเปรย์พ่น เย็นๆ ดีแฮะ ไม่เหนียวด้วย

“มึงก็ใช้ด้วยดิ กูชอบขาวๆ”

ดวงตาคล้ายแมวหรี่มองผมแบบระอา แต่ก็ยอมพ่นสเปรย์กันแดดใส่ตัวเองแต่โดยดี น้อยครั้งที่มันจะขัดใจผมแม้กระทั่งเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ แขนเสื้อถูกถลกขึ้นจนเห็นต้นแขนขาวจั๊วะ น่ารักน่าแดกชะมัด

“เค้าก็อยากขาวอ่ะตัววววว ทาครีมกันแดดให้เค้าบ้างจิ อั๊ยยยย” หมาในปากโจ้ส่งเสียงแซว ไม่พอยังสไลด์ตัวเข้ามานั่งเกาะแกะเบียดธีเสียแนบชิด

“ไสตูดออกไปเลย” ผมเอาตีนเขี่ยมันออก

“หวงเหรอ ชิ ไอ้คนได้ใหม่ลืมเก่า กูนอนกะมึงมาตั้ง 3 ปี ตอนนี้ทำมาเฉดหัวกู” โจ้ยกมือปาดน้ำตาตอแหลป้อยๆ

ห่าราก เป็นแค่รูมเมทว้อย ไม่ต้องพูดจาชวนอ้วกได้มั้ย ไอ้ฉิบหาย

“กูจะจับมึงมัดตากแดดบนหลังคารถ”

มีเหรอที่มันจะกลัว ลอยหน้าลอยตาหัวเราะกวนส้นเท้า เอาลูกชิ้นปิ้งจากไหนไม่รู้มานั่งกินเป็นก้างขวางคอ

“มันอิจฉา โทรคุยกะเมียเมียก็ไม่คุยด้วย บอกไม่ว่าง ติดสอบ” เอกกับอาร์ตเดินตามมาแฉ

“จอมไม่ยุติธรรมกะกู”

“ทำยังกะน้ำจะมาได้ อย่าเพ้อเจ้อครับมึง แดกให้เสร็จแล้วทำงานเข้า”

โจ้เบะปาก แต่ก็หยุดกวนตีน เพราะหน้าที่ตากล้องคืองานที่หนักสุดสำหรับโปรเจคต์นี้จริงๆ มันยัดลูกชิ้นเข้าปากแล้วลากอีกสองคนไปถ่ายทำช่วงที่มีบทพิธีกรพูดกับสัมภาษณ์ต่อ

เคนนี่หยิบกล้องสำรองไปช่วยเก็บภาพสถานที่และชิ้นงานหัตถกรรมต่างๆ แบ่งเบาภาระให้โจ้ ผมเลยเอาเมมโมรี่การ์ดที่ใช้ในครึ่งวันเช้ามาดูดไฟล์ลงเครื่องรอในระหว่างนั้น ทำแบ็คอัพและช่วยกันเช็คภาพคร่าวๆ รอบหนึ่งกับลิน เผื่อมีปัญหาจะได้แก้ทัน

“ภาพสวยดีนี่” ธีให้น้ากิตล็อครถ แล้วตามมานั่งลงข้างๆ ตรงโต๊ะม้าหินใต้ร่มไม้

“ช็อตที่วัดดีมากเลย ค่อยคุ้มที่ลงแรง” ผมยิ้มให้มัน “บวกกับภาพที่มาถ่ายทำคราวก่อนก็ไม่น่าขาดอะไรแล้ว เหลือแค่คิดว่าจะยัดลงไปให้สวยๆ ยังไงดี”

“นี่งานคณะมึงต้องลงทุนขนาดนี้ตลอดเลยเหรอ”

“ไม่หรอก งานเล็กบ้างใหญ่บ้าง โปรเจคต์นี้น่าจะเป็นทริปที่เดินทางไกลสุดแล้ว ที่เหลือคงทำในกรุงเทพนั่นแหละ ส่วนปีหน้าก็ต้องทำธีสิสแล้วไง”

“อ๋อ ยังงี้กลุ่มอื่นเขาก็ไปถ่ายทำที่จังหวัดอื่นใช่มะ”

“ใช่ รอบนี้แล้วแต่เลือก จริงๆ เอาจังหวัดใกล้ๆ ก็ได้ แต่ถ้าลงทุนเดินทางไกลหน่อยงานก็มีแววว่าจะได้งานน่าสนใจ คะแนนก็จะสูงตามไปด้วย โปรเจคต์นี้กลุ่มกูมั่นใจเลยว่าคะแนนนำ เพราะได้มึงช่วยด้วยเลยได้ถ่ายทำในที่ๆ มายากถ้าไม่มีรถ แค่จำนวนภาพก็กินขาดละ”

ลินชูนิ้วโป้งสนับสนุนคำพูดผม ถ้าไม่ใช่มีแววทอปลินไม่มีทางรวมกลุ่มด้วยแน่เพราะเธอหวังเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง

ธียิ้มรับเป็นเชิงเข้าใจ แล้วนั่งดูไปเงียบๆ บางทีว่างนักก็หยิบมือถือมาเล่นเกมไปตามเรื่องราว ตั้งแต่คบกันมามันเคยเป็นอย่างไรก็อย่างนั้น ต้องรอผมตั้งกี่ครั้งกี่หนก็ไม่เคยทำท่าเบื่อหน่ายให้เห็น

ไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างที่พวกเราลุยงานภาคสนามต่อ ธียังคอยช่วยทำนั่นนี่โดยที่ไม่ต้องร้องขอ แจกน้ำบ้าง ขนมบ้าง ถือรีเฟล็ค กางร่ม หยิบอุปกรณ์ เก็บเศษขยะ จิปาถะสารพัด กระตือรือร้นแต่ไม่ยุ่มย่ามจนเกินพอดี ทำให้ผมทั้งสบายใจและมีกำลังใจ ให้พูดแบบไม่ต้องอวย การถ่ายทำโปรเจคต์ครั้งนี้ถือว่าสุขสบายสะดวกโยธินที่สุดเท่าที่จะเป็นได้แล้ว

ไม่รู้เพราะใจผมลำเอียงหรือเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ทุกครั้ง แค่มีมันอยู่ผมก็รู้สึกว่าทุกอย่างต้องเป็นไปได้ด้วยดี คงเพราะธีเป็นคนมีความสามารถ พึ่งพาได้ และที่สำคัญคือใจเย็นเป็นน้ำ เหมือนอย่างเมื่อเช้าตอนที่พวกผมเจออุปสรรค มันก็เข้ามาช่วยแก้ไขอย่างง่ายดาย เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งเดียว หลายต่อหลายครั้งที่ผมหงุดหงิด ใจร้อน มีปัญหา อารมณ์เสีย แค่ได้เล่าให้มันฟัง ปรึกษาสักสองสามคำ แค่นั้นก็จะรู้สึกว่าปัญหาของเรามันไม่ได้แก้ยากอย่างที่คิด

คนที่ทำให้ใจของผมรู้สึกสงบ และมีความสุขทุกครั้งที่ใกล้ชิดกันแบบนี้ได้ ก็มีแต่ธีเท่านั้น…

บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงรักมัน หวงมัน มากกว่าคนอื่นๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต กลายเป็นคนขี้หึงทั้งที่ไม่เคยเป็นเหมือนที่เอกว่านั่นแหละ  จนบางครั้งราวกับไม่ใช่ตัวเอง แต่กลับไม่รู้สึกเกลียดความเปลี่ยนแปลงนี้

…เพราะผมชอบชีวิตที่มีธีอยู่ด้วยมากกว่าแบบเดิมตั้งไม่รู้เท่าไร…
 

***
TBC


ลงช้าไปนิด ช่วงนี้งานยุ่งค่า แงงงง  :sad4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 15-01-2018 18:12:09
ชอบจ้า ธีน่ารักเนอะ  อเนกประสงค์มาก  อิอิ กำลังใจที่ดีของจอม  จอมหื่นไปนะ  อิอิ  ถนอมธีด้วยจ้า
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-01-2018 02:26:40
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-01-2018 09:44:40
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 16-01-2018 10:40:31
จ้าาา ไม่ได้อวยจ้าาาา แต่ยังไงเราก็หมั่นไส้จอมอ่ะนะ ฮาาาา

เพราะเราก็ว่าธีดีมากจริงๆนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-01-2018 11:02:18
…เพราะผมชอบชีวิตที่มีธีอยู่ด้วยมากกว่าแบบเดิมตั้งไม่รู้เท่าไร…

ชอบความรู้สึกนี้

 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [015] 15/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 16-01-2018 19:04:29
ยื่นบัตรเชิญเข้าสมาคมพ่อบ้านใจกล้าให้จอมค่ะ ดูทรงแล้วหนีไม่พ้น 555
ธีก็สารพัดประโยชน์ไปอีก นี่แฟนรึโดเรมอน ชอบเวลาหมั่นไส้จอมแต่ก็ทำตามใจจอม น่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 19-01-2018 22:56:34
ธีความสามารถเยอะมากค่ะ เหมือนที่เคยกล่าวถึงในพาร์ทของจอมว่าเป็นนักเรียนดีเด่น ทำกิจกรรมสารพัดอย่าง แต่คนรอบตัวอาจจะสุดกว่านิด เช่นพี่ทัตเรียนเก่งกว่าหน่อย ทศหล่อกว่าหน่อย อะไรแบบนี้ เลยชอบนึกว่าตัวเองธรรมดา ทั้งที่รวมข้อดีไว้เยอะมากแล้ว 5555 ส่วนจอมไม่กลัวธีเลยยยยยย แค่เกรงใจ จริงๆ นะ  :hao3:



016


เกือบ 5 โมงเย็น เมื่อกลับมาถึงบ้านผมค่อยโล่ง ขนาดแค่ช่วยทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง ไม่ต้องพูดถึงคณะทำงานที่งอมกลับมาทุกคน พวกจอมตกลงกันว่าจะกลับเข้าที่พักมาจัดการอุปกรณ์และพักผ่อนสักหน่อย ค่อยออกไปหาอะไรกินตอนหัวค่ำพร้อมเก็บภาพบรรยากาศในตัวเมืองตอนกลางคืนไปด้วย

จอมที่ทนร้อนมาทั้งวันรีบพุ่งไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว ออกมานอนแผ่หลาตากแอร์บนเตียงอย่างหมดท่า ทำเอาผมรู้สึกขำ

“หมดแรงแล้วเหรอ เพิ่งวันแรกเองนะ”

“ขอกูพักแป๊บ ต่อได้อีกหลายยกแน่นอน” มันพูดจาสองแง่สองง่ามใส่

“วนเข้าใต้สะดือตลอดอ่ะ”

ผมกลอกตามองบน กระเถิบตัวขึ้นเตียงอีกฝั่ง จัดหมอนหนุนหลังนั่งเอนกายเหยียดพักขาบ้าง แต่สักพักก็รู้สึกหนักเพราะมีใครบ้างคนไถตัวมานอนหนุนตัก
 
ดูจอมที่หลับตา ทำท่าหมดแรง ผมเลยยื่นมือไปนวดคลึงที่ขมับให้ เห็นหัวคิ้วเข้มผ่อนคลายออกคล้ายว่าสบาย จึงขยับมือนวดไปยังบริเวณต้นคอและบ่าที่แข็งตึง หวังช่วยคลายความเมื่อยล้า บีบไล่ขึ้นลงช้าๆ ซ้ำไปมา

มือข้างหนึ่งคว้ากุมมือผมเอาไว้หลวมๆ ดึงไปจรดจูบด้วยท่าทีรักใคร่จนผมทั้งใจเต้นทั้งเขินอาย รู้สึกหวานล้ำในอกอย่างบอกไม่ถูก ความชิดใกล้ระหว่างเราเพิ่มขึ้นจนสนิทใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ หากเมื่อสามสี่เดือนก่อนมีใครมาบอกผมว่าจะได้ลงเอยแบบนี้กับจอม ไม่ว่าจะพูดอย่างไรผมคงไม่มีทางเชื่อแน่ๆ

“จะหลับเหรอ นอนดีๆ ก่อนสิ” ผมช้อนคออีกฝ่ายให้หนุนหมอน กลัวถ้าต้องเปลี่ยนท่ามันจะสะดุ้งตื่นทีหลัง

“นอนด้วยกัน” จอมปรือตามอง

“เดี๋ยวมา นอนก่อนเถอะ”

“ไปไหน” มันยังไม่ยอมง่ายๆ

“น้าปานเรียกไปเอากับข้าว จะทำไว้ให้กินกลางวันพรุ่งนี้ไง”

อีกฝ่ายทำปากยื่นไม่พอใจ แต่ก็ยอมปล่อยมือ ผมลุกออกจากห้อง ปิดประตูอย่างเบาเสียง ลงไปสวมรองเท้าแตะที่ชั้นล่าง เมื่อบ่ายน้าปานส่งไลน์มาบอกว่าทอดปลาทูไว้หลายตัว ถึงบ้านแล้วให้แวะเอาด้วย ผมจึงตั้งใจจะเดินไปหา

ทว่าเพิ่งออกประตูหลังบ้านก็เจอฝ้ายที่ยกจานปลาทูใบใหญ่มาให้พอดี มีฝูงเจ้านิลเดินตามส่งเสียงงี้ดง้าดกระโดดเกาะแกะอยากกินจนเจ้าของต้องส่งเสียงปรามพลางชูจานขึ้นสูงอย่างทุลักทุเล ผมเลยรีบไปรับมาถือไว้

“ขอบคุณมากเลยฝ้าย อุตส่าห์เอามาส่ง” ผมวางจานใบใหญ่บนเคาท์เตอร์ครัว เห็นปลาทูทอดตัวอ้วนเนื้อละเอียดเงาเป็นมันขนาดกำลังกินตั้งสิบกว่าตัว แค่ดูก็รู้ว่าต้องอร่อยแน่นอน

“ไม่เป็นไรจ้ะ ฝ้ายเห็นรถตู้มาจอดพอดีเลยบอกแม่ว่าจะมาส่งให้ นี่แม่ว่าคืนนี้มีน้ำเงี้ยวนะ พาเพื่อนมากินอีกก็ได้”

“คืนนี้พวกเพื่อนพี่จะต้องออกไปเก็บภาพในเมืองอ่ะสิ เดี๋ยวแวะกินกันเอง ไม่ต้องห่วงหรอก”

ผมล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดแล้วเริ่มแกะเนื้อปลา คัดก้างออกอย่างละเอียด เตรียมทำเสบียงสำหรับกลางวันพรุ่งนี้

“งั้นเก็บไว้กินตอนเช้ามั้ยจ๊ะ เดี๋ยวให้น้ากิตยกมาไว้หม้อนึง พี่ธีก็รู้ว่าแม่เขาทำเยอะ ไว้เลี้ยงคนงานด้วย”

ฝ้ายล้างมือแล้วมาช่วยผมอีกแรง น้าชัยพ่อของฝ้ายเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่แกทำบ้านเสียใหญ่โตก็เพราะเผื่อรับแขกและให้ลูกน้องมาพัก น้าปานจึงมักทำกับข้าวมื้อใหญ่เลี้ยงคนอยู่บ่อยครั้ง

“งั้นก็ขอบคุณมาก ไม่ได้น้าปานนี่แย่เลย”

“ชมฝ้ายด้วยสิ โธ่” เธอหัวเราะกระเซ้า “แล้วนี่พี่ธีแกะเนื้อปลาจะทำอะไรเหรอ”

“พรุ่งนี้ว่าจะทำข้าวบ่ายให้พวกนี้กินกัน เห็นเขาทำงานง่วนทั้งวันไม่มีเวลาแวะกินที่ไหน ดีที่ตอนเช้าพี่เกิดอยากกินหมูทอดยายคำ เลยให้น้ากิตซื้อมาสำรองไว้ กลายเป็นช่วยชีวิตเลย”

“ข้าวบ่ายเหรอ ฝ้ายก็อยากกิน ขอกินก่อนได้มั้ยอ่ะ” ฝ้ายทำตาโต

ผมหัวเราะ แต่ก็หยิบข้าวเหนียวที่เหลือจากมื้อกลางวันออกมาห่อหนึ่ง ข้าวยังนิ่มดี อุ่นร้อนด้วยไมโครเวฟแค่แป๊บเดียวก็ใช้ได้ จากนั้นจัดแจงทาน้ำมันหมูที่มือ บีบนวดข้าวแผ่เป็นแผ่น ทาน้ำมันหมูและเกลือสมุทรป่นหยาบบางๆ บี้เนื้อปลาทูทอดที่แกะแล้วลงไปเป็นไส้ ห่อข้าวเหนียวหุ้มแค่พอแน่น แบ่งให้ทั้งญาติผู้น้องและตัวเองคนละปั้น

“อื้อหือ ลำขนาดดดด อิๆ” ฝ้ายถือกินอย่างอร่อย “เฮ้อ กึ๊ดเติงแม่อุ้ยเนอะอ้ายเนอะ”

ผมกินข้าวบ่ายในมือ ลูกหลานที่นี่เคยคุ้นกับรสชาตินี้ดีเพราะคุณยายของผมเคยทำให้กินมาแล้วทุกคน ผมก็คิดถึงท่านแต่ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้ว

“ไม่เอา ไม่พูดละ แกะปลาต่อดีกว่า” ฝ้ายกินเสร็จแล้วรีบล้างมือ ปลุกปลอบตัวเองให้สดชื่น

“แกะดีๆ ระวังก้างเล็กนะ กินข้าวบ่ายถ้ามีก้างนี่ติดคอแย่เลย” ผมก็เปลี่ยนเรื่องเช่นกัน ไม่อยากเศร้าตอนนี้

“จ้ะ จัดให้” สองมือเล็กแกะคัดก้างออกอย่างชำนาญ ถึงอย่างไรก็ต้องช่วยน้าปานทำกับข้าวบ่อยๆ เหมือนกัน

ร่วมแรงกันไม่นานนักปลาทูทอดสดใหม่ทั้งหมดก็ถูกแกะแยกเนื้อเอาลงกล่องเสร็จเรียบร้อย ผมเก็บหัวปลาที่แกะเนื้อออกแล้วแยกไว้ต่างหาก จะไปทอดซ้ำให้กรอบ กินเล่นหรือเป็นกับแกล้มอร่อยนักแล

“มีแค่นี้น้อยไปมั้ยจ๊ะ เอาผักสดด้วยมั้ยพี่ธี”

“จริงๆ กะทอดชะอมไข่กับทำน้ำพริกกะปิแล้วก็น้ำพริกหนุ่มไปแกล้มด้วย ผักสดอีกสักหน่อย แต่บางคนลิ้นฝรั่ง ไม่รู้กินชะอมได้มั้ย สงสัยพี่ต้องทอดมะเขือชุบไข่แทน”

“ก็ดีนะพี่ น่าอร่อย” ฝ้ายเว้นจังหวะพักหนึ่ง “เออ พี่ธี เพื่อนพี่เขาจะไปถ่ายอะไรเหรอคืนนี้”

“เห็นว่าจะถ่ายร้านรวงบรรยากาศในเมืองทั่วไป ร้านอาหารอะไรพวกนี้ พี่ก็ไม่ค่อยรู้อ่ะ ทำไมเหรอ” เก็บปลาเข้าตู้เย็นแล้ว ผมเลยหันไปกวาดเศษก้างทิ้งลงถัง ก่อนล้างมือสองรอบเพื่อให้กลิ่นคาวปลาที่ติดแน่นจางลง

“ฝ้ายกวนอะไรหน่อยสิ” ดวงตากลมโตหลุกหลิกอย่างมีความในใจ “ขอฝ้ายตามพวกพี่ไปด้วยได้มั้ยอ่ะ”

“หา?” ผมประหลาดใจ “ไปทำไม คนเขาไปทำงาน”

“รู้ ไม่กวนหรอกจ้ะ แค่ตามไปด้วยเอง ให้นำทางอะไรก็ได้นะ”

ผมมองท่าออเซาะแล้วชักสงสัย ท่าทางจะมีอะไรที่น้องสาวคนนี้งุบงิบปิดบังไว้แน่ๆ

“บอกมาก่อนว่าทำไมไม่งั้นไม่ให้ไป”

“พี่ธีอ่า…” ฝ้ายละล้าละลัง

“อย่าบอกนะว่าแอบชอบใครเลยจะตามไป” ในกลุ่มก็ไม่ค่อยจะโสดกันเสียด้วย

“โห ม่ายช่ายยยย ก็เมื่อคืนอ่ะ ฝ้ายไปโม้ให้เพื่อนฟังไง ว่าเพื่อนพี่ธีหล่อมากกกก หล่อกว่าดาราเกาหลีที่พวกมันชอบอีก เถียงกันไปเถียงกันมามันเลยท้าจะให้ฝ้ายพาไปดักแอบดูอ่ะ ถ้าบอกว่าไม่ได้มันต้องหาว่าฝ้ายขี้จุ๊แน่เลย”

ใบหน้าจิ้มลิ้มช้อนมองตาละห้อย ทั้งรู้สึกผิดทั้งขอร้อง

ผมพอจะเข้าใจ เด็กวัยรุ่นอย่างฝ้ายบางทีก็ต้องการรักษาหน้าในเรื่องไร้สาระเหล่านี้ เชื่อว่าหลายคนก็คงเคยเป็น

“พี่โกรธนะเนี่ย” ผมขมวดคิ้วว่า แสร้งทำฉุนเฉียว “ทีพี่ชายหล่อๆ อย่างพี่ไม่เห็นจะพาเพื่อนมาดูหน้าบ้างเลย ปัดโถ้ะ”

ฝ้ายค่อยยิ้มออก หัวเราะเกาะแขนประจบ

“ทำไมจะไม่เคย แต่รูปพี่ธีหาง่ายนี่ แค่เข้าไลน์ครอบครัวก็แชร์ไปอวดได้ละ นี่ฝ้ายอวดหมดแหละ พี่ทัต พี่ทศ พี่ธาม อย่าให้นับเลยว่าสาวๆ อยากมาเป็นพี่สะใภ้ฝ้ายกี่คน”

“หึๆ เอาเถอะ เดี๋ยวคืนนี้พี่จะไปกันเองก่อนเพราะพี่ไม่รู้ว่าเขาจะยุ่งกันแค่ไหน ถ้าเห็นว่าพอมีจังหวะให้เจอได้พรุ่งนี้พี่จะขอพาฝ้ายไปด้วย แต่ไม่รับปากนะ”

“เย้ พี่ธีน่ารักที่สุดเลยยย เดี๋ยวฝ้ายไปเอามะเขือกับผักสดมาให้นะจ๊ะ” ว่าแล้วก็วิ่งปรู๊ดกลับบ้านไปเตรียมของติดสินบนเสร็จสรรพ

ผมส่ายหน้าเอ็นดู คำขอร้องไม่ได้มากมายอะไร คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง…

 
***
TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 19-01-2018 23:03:27
ขอบคุณค่ะ  ติดตามจ้า
ธีเก่งจังนะ  ทำได้หลายอย่างมาก
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-01-2018 23:38:35
มาแล้วๆ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ouizzz ที่ 20-01-2018 07:01:04
ธีน่ารักมากเลย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 20-01-2018 08:33:33
 :mc4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 20-01-2018 08:49:09
จอมนี่โชคดีเลยอ่ะ ธีช่วยงานก็ได้ งานครัวก็ทำเป็นอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 20-01-2018 14:57:42
ธีน่ารักมาก ช่วยอะไรได้เยอะ
อยากกินข้าวบ่ายไรเนี่ย ชอบปลาทู
อ่านแล้วยังได้ความรู้เรื่องอาหารพื้นเมืองด้วยอะ ชอบมากครับ

รอตอนหน้าไม่ไหวแล้ว อยากอ่าน

ปล. ชอบเอกกับโจ้ เหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ฮ่าๆๆ
กัดกันตลอดสองคนนี้ 5555+
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-01-2018 21:45:35
ขอให้น่ารักเรื่อยๆ อย่างนี้นะ ไม่เอามาม่าาาา
 :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 21-01-2018 09:37:11
ธีน่ารักมาก ชักอิจฉาจอมแล้วสิ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: anntonies ที่ 21-01-2018 10:55:52
สนุกมากกกก อยากได้ธีเป็นแฟน
จะบอกว่าตอนเรามาอยู่เหนือก็ช็อกกับแอ่บอ่องออเหมือนกัน
แทบเป็นลม 5555555555
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 21-01-2018 11:58:55
แต่งดีมากเลย ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 21-01-2018 13:46:24
เห็นแก๊งบ้านธีร์โผล่มาแต่ชื่อแล้วอยากเจอครอบครัวนี้เร็วๆ มันต้องบันเทิงแน่ๆถ้าจอมเจอ4พี่น้อง 555
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [016] 19/01/61 P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 21-01-2018 21:51:54
อาหารเหนือในเรื่องนี่คือสูตรที่บ้านเรานะคะ 555 มันอาจจะไม่เหมือนที่เคยกินบ้าง เช่นแอ็บอ่องออบางเจ้าก็เป็นสมองหมูทั้งก้อนเลย บางเจ้าก็ผสมหมูบด ส่วนตัวเราชอบแบบผสมเพราะกำลังดีไม่เลี่ยนเท่า

ข้าวบ่ายปลาทูทำง่ายมากๆ ถ้าแบบตามเนทเขาจะใช้ใบตองม้วนแบบมากิซูชิในอาหารญี่ปุ่นเลย แต่บ้านเราแค่แผ่ๆ ข้าวในมือแบบนี้ล่ะค่ะ สำคัญคือน้ำมันหมูกับเกลือป่นหยาบ ไม่มีไม่ได้เลยมันต่างกันจริงๆ ถ้ามีโอกาสลองทำดูนะคะ อร่อยจนลืมนับปั้น อิๆ

พี่น้องธีคงได้ออกหลังๆ ค่ะ กระซิบว่าคนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่พี่ทัตนี่จอมงานเข้าแน่ 5555555  o22

มีเรื่องเกร็ดๆ อยากเม้าท์มอย เช่นแบบ เราก็แอบคิดว่าพระเอกนิยายไม่จำเป็นต้องหล่อขนาดนั้นก็ได้ อยากเขียนให้ธรรมดา อาจจะแค่ดูดี แต่คือต้นแบบของจอมหล่อจริงๆ เป็นเดือนจริงๆ ธีก็เหมือนในเรื่อง เราเอาตัวจริงมาขยายอ่ะ เลยเหมือนตามกระแสเลยว่าใครสักคนต้องหล่อระดับเดือน จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจนะคะ แต่หล่อก็ดีแล้วล่ะมั้ง XD
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [017] 26/01/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 26-01-2018 14:22:52


017


เมื่อคืนนี้หลังจากเทียวออกไปตระเวนในเมืองรอบหนึ่งทีมงานก็ดูพออกพอใจกับภาพบรรยากาศยามค่ำคืนของลำปางที่ได้ เห็นทำงานจัดการไฟล์กันจนดึกดื่น ผมเลยขอตัวนอนก่อนเพราะจะตื่นแต่เช้าตรู่มาเตรียมของกินให้ ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกจอมกลับเข้ามานอนตอนไหน แต่พบว่าขนมจีนน้ำเงี้ยวที่กะเก็บไว้กินมื้อเช้าโดนโซ้ยไปเสียครึ่งหม้อแล้ว เลยต้องไหว้วานน้ากิตไปซื้อก๋วยจั๊บหน้าสถานีรถไฟมาเพิ่มให้ระหว่างที่คนอื่นๆ ยังไม่ตื่น

ผมจัดการนึ่งข้าวเหนียวที่แช่น้ำไว้แล้วคืนหนึ่ง ก่อนน้ำมะเขือยาวออกมา ส่วนหนึ่งหั่นแว่นแช่น้ำเกลือไว้เตรียมชุบไข่ทอด อีกส่วนนำไปเผาเพื่อลอกเปลือกตำผสมกับน้ำพริกหนุ่มที่น้าปานทำไว้ให้ วิธีนี้จะช่วยลดความเผ็ดลงโดยไม่ทำให้เสียรสชาติ แล้วจึงตั้งน้ำต้มไข่ไว้หลายใบ ระหว่างรอก็ใช้สูตรตำกุ้งแห้งผสมแคบหมูของที่บ้าน ทำน้ำพริกกะปิแบบเผ็ดน้อยไว้อีกอย่าง จากนั้นนำมะเขือยาวที่ดูดน้ำเกลือดีแล้วมาชุบไข่ผสมแป้งทอดกรอบและน้ำเย็นเล็กน้อยค่อยนำลงลงทอด มะเขือที่ได้จะไม่ดำ ผิวนอกกรอบดีไม่อมน้ำมัน

แผ่ข้าวเหนียวนึ่งที่สุกดีแล้วให้คลายความร้อนลงหน่อย ค่อยทำข้าวบ่ายปลาทูแบบเมื่อวานหลายสิบปั้น แบ่งใส่ถุงแกงห่อละสามสี่ปั้น เก็บใส่กระเป๋าเก็บความร้อน เช่นเดียวกับมะเขือชุบไข่ทอดและไข่ต้ม น้ำพริกสองชนิดผมแบ่งใส่ทับเปอร์แวร์เล็กแยกหลายกล่อง จะได้เปิดจิ้มกินได้เลย ส่วนผักสดที่ฝ้ายแบ่งมาให้ก็จัดการล้างสะอาด จัดแบ่งใส่ถุงไว้หลายๆ ถุง เก็บไว้ในกระติกน้ำแข็ง สะดวกกินทั้งบนรถและนอกสถานที่

ฟ้าเริ่มสว่าง ได้ยินเสียงคนอื่นตื่นกันแล้ว ผมจึงอุ่นน้ำเงี้ยวกับขนมจีนที่เหลือรอท่า

“โห นี่ลุกมาทำคนเดียวเลยเหรอ เกรงใจโคตร” เอกเดินมากับอาร์ต ช่วยกันหยิบจานชามออกมาเตรียม

“ก็ไม่ยากอะไร ยังไงก็ตั้งใจมาช่วยอยู่แล้ว”

“ถามจริง จอมทำบุญด้วยอะไรวะ กูอยากได้อย่างนี้อีกสักคน ต้องไปขอที่ไหนอ่ะ”

“กูอยากได้ยังไม่ได้เลย มึงต้องรอไปว่ะ” อาร์ตตอบแทน ยิ้มๆ มองผม

“น้องฝ้ายยังโสดป่ะ” เอกยังไม่ละความพยายาม

“กูรู้แค่น้าชัยยิงปืนแม่นมาก”

เอกยกขาถอนเท้าที่ก้าวเข้าคุกไปข้างหนึ่งออกเงียบๆ หยิบช้อนส้อมจานชามออกไปด้วยท่าทีสำรวมจนผมนึกขำ

“เมื่อก่อนมึงยังทำออกมากินได้บ้างไม่ได้บ้างอยู่เลย ตอนนี้กลายเป็นเชฟละเหรอ” คนตัวสูงแซว

“ได้มึงเป็นหนูทดลองไง” สมัยนั้นผมก็ทำได้แค่ข้าวผัด ไข่เจียว ผัดผัก มาม่าอะไรไปตามเรื่องแหละ ไม่ถึงกับไหม้แต่อ่อนไปมั่ง เค็มไปมั่ง ยังไงอาร์ตก็กระเดือกลงไปอยู่ดี

อาร์ตหัวเราะ ช่วยยกหม้อน้ำเงี้ยวออกไป ผมก็ยกขนมจีนที่อุ่นร้อนแล้วเดินตามหลังมันมา

สมาชิกอยู่กันเกือบพร้อมหน้าแล้ว บ้างนั่งตรงยกพื้นแกะก๋วยจั๊บกิน บ้างก็รอขนมจีน จอมเหลือบมองอาร์ตกับผมแล้วทำหน้านิ่งแต่เม้มปากนิดๆ คนอื่นอาจไม่รู้แต่นี่คือสัญญาณความไม่พอใจของจอม ผมเลยเดินไปหา ส่งยิ้มให้

“เอาขนมจีนหรือก๋วยจั๊บ”

“…ก๋วยจั๊บละกัน”

จอมคลายสีหน้าลง รับถุงก๋วยจั๊บไปแกะใส่ชาม ผมเลยเลือกกินอย่างเดียวกัน แป๊บเดียวตับลวกก็มานอนในชามจริงดังคาด จึงตักเครื่องอย่างอื่นแลกให้แทน เด็กน้อยของผมเกลียดตับมาก

เพราะรู้ว่าต้องทำงานทั้งวันทุกคนเลยใช้เวลากินอาหารเช้าให้อิ่ม ผมที่ยังอยู่ในชุดนอนรีบกินส่วนของตัวเองแล้ววิ่งขึ้นไปอาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้า พอกลับเข้ามาในห้องนอนก็เจอจอมนั่งรออยู่

“ไม่เป่าผมก่อนเหรอ” มันถาม

“แค่เช็ดก็พอเดี๋ยวมันก็แห้ง”

จอมเดินเข้ามาดึงผ้าขนหนูที่ผมหนีบไว้ไปถือเอง แล้วสะบัดคลุมลงมา ขยี้เช็ดผมให้

ผมยืนนิ่งๆ ให้มันช่วยเช็ดพักหนึ่ง ก่อนจะได้ยินถ้อยคำที่ทั้งน่าหมั่นไส้ทั้งน่าเอ็นดู

“กูขี้หึง มึงต้องอดทน”

ผมยิ้ม มองสบตาคู่นั้นตรงๆ อย่างจะบอกว่าผมเข้าใจ เอียงหน้าตอบรับจุมพิตอ่อนหวานที่แนบลงมา

เมื่อก่อนผมเคยรำคาญใจที่ถูกแฟนหึงหวงโดยไม่มีเหตุผล แต่กับการหึงหวงของจอม ผมไม่เคยรำคาญหรืออึดอัดสักนิด กลับคิดว่าน่ารักดีด้วยซ้ำ เพราะจอมไม่ได้ไม่เชื่อใจผม มันรู้ดีว่าไม่มีอะไรในกอไผ่แค่อดไม่พอใจไม่ได้เท่านั้น จึงไม่เคยพาลพาโลหรืออาละวาด แค่ฮึดฮัดไปเองตามประสา แล้วผมจะต้องโกรธมันทำไม อยากปลอบใจล่ะมากกว่า

“เดี๋ยวคนอื่นรอ” ผมกอดตอบแล้วปล่อยมือ ไม่อยากโดนแซวไปมากกว่านี้

“หลอกให้อยากแล้วจากไปชัดๆ” จอมทำปากคว่ำ

“คนที่งานยุ่งอ่ะมึง ไม่ใช่กู”

“ทำอย่างกับว่างแล้วมึงจะยอม”

ผมกดรอยยิ้มลึกขึ้น จงใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันแล้วพูดเสียงต่ำริมหู

“กูเคยปฏิเสธมึงด้วยเหรอ”

ไม่รอให้คนหน้าเหวอตั้งตัวทัน ผมรีบแจ้นออกนอกห้องก่อนที่จะโดนลากไปฟัด ได้ยินเสียงจอมโวยวายตามหลังจนต้องหลุดหัวเราะ

“เฮ้ย! พูดจริงเปล่าวะ ธี! กลับมาก่อน เมื่อกี้พูดจริงใช่เปล่า!”

 
***

 
ที่แรกของวันผมพาคณะมาที่ตลาดทุ่งเกวียน หรือที่บ้านผมเรียกว่ากาดทุ่งเกวี๋ยน สมัยผมเด็กๆ เคยจำได้ว่ามีของป่าของแปลกขาย ทั้งแย้ ตัวเงินตัวทอง ตัวนิ่ม หมูป่า เก้ง กวาง เต่า และอีกสารพัด แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นตลาดขายของฝากสำหรับนักท่องเที่ยวไปเสียแล้ว อย่างไรก็ตามผมถามน้าปานแล้วแกบอกว่ายังพอมีของป่าขายอยู่บ้าง จึงแนะนำให้พวกนี้มาลองเสี่ยงโชคดูถ้าอยากได้ภาพแปลกตากลับไป

เข้ามาด้านในผมเริ่มใจแป้ว มีแต่ร้านขายผลไม้ แคปหมู หมูยอ แหนม น้ำพริกหนุ่ม อะไรเทือกนั้น นึกในใจว่าเห็นทีจะเสียเที่ยวแล้ว แต่จอมบอกว่าไม่เป็นไร เป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมือนกัน ให้ทุกคนแยกย้ายกันไปสำรวจตลาดคร่าวๆ แบบเร่งด่วนรอบหนึ่ง ถ้าเจอจุดน่าสนใจก็ให้จำไว้ ตอนถ่ายทำจริงจะได้ไม่พลาด

ตลาดยังเช้าอยู่ หลายร้านกำลังจัดของ คนไม่พลุกพล่านนัก แต่วันนี้เป็นวันเสาร์ อีกเดี๋ยวนักท่องเที่ยวคงมากันเพียบ จึงต้องทำเวลา ผมเดินไปกับจอม ระหว่างทางก็ถูกเพื่อนวิ่งมาถามเป็นพักๆ

“ธี แกงกระด้างคือไรอ่ะ”

“อะไรคือจิ้นเกื๋อ”

“ข้าวกั้นจิ้นเป็นยังไง”

“ซาวคือเท่าไหร่”

ฯลฯ

ผมช่วยตอบคำถามไปทีละข้อ สักพักก็เจอโจ้หน้ามุ่ยเดินเกาหัวกลับมากับเอก

“ของบางอย่างเขาไม่ขายให้คนต่างที่เหรอวะ”

“ยังไงนะ?” ผมงง

“ก็กูอยากกินผลไม้เลยแวะซื้อ ทีแรกถามอะไรก็ขายปกติ พอดีกูเห็นลูกอะไรไม่รู้ห่อหนังสือพิมพ์ไว้คุณป้าแม่ค้าเขาตอบว่า อันนี้ไม่ต้องลูก ก็เออ สงสัยเขาไม่ขายมั้ง แต่พอมีพี่คนเหนืออีกคนมาถามๆ เขาก็ซื้อได้อ่ะ ยังไงวะ ทำไมเขาไม่ขายกู”

“…เขาพูดว่าหมะต้องรึเปล่า”

“ต่างกันเหรอวะ”

“หมะต้องแปลว่ากระท้อน”

“…”

เกิดเดดแอร์ประมาณ 3 วินาที ตามมาด้วยเสียงระเบิดหัวเราะของเอกจนคนรอบข้างหันมามอง

“ขะ…ขอโทษ ฮ่าๆ ฮี่ๆ…เหี้ย ปวดท้อง” เอกตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า พยายามกลั้นเสียง

“เออ ไอ้สัส ขำให้ตายไปเลย” โจ้งอนจนหน้าเบี้ยว ขำตัวเองก็ขำ เขินก็เขิน

“เดินต่อๆ ขำได้อย่าหยุดเดิน” จอมก็อดหัวเราะไม่ได้เหมือนกัน

พวกเราเดินทะลุตลาดมาทางด้านหลัง ในที่สุดก็เจอร้านขายของป่าเข้าจนได้ แม้จะไม่มากแต่ก็เพียงพอจะเพิ่มสิ่งน่าสนใจให้การถ่ายทำครั้งนี้แล้ว เห็นมีเก้ง กวาง หมูป่า แย้ กบ เครื่องในสัตว์ใหญ่ ไปจนถึงหนอนแมลงต่างๆ ทั้งรถด่วน ตัวอ่อนของต่อ รังผึ้ง ไข่มดแดง และอื่นๆ

จอมบอกให้โจ้ยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพรอบหนึ่งก่อน ส่วนเอกวิ่งไปตามอาร์ต ตั้งใจจะเริ่มถ่ายตรงโซนนี้ค่อยกลับออกไปเก็บภาพด้านนอกแล้วตัดต่อสลับเอาอีกที

ในตลาดต้องการความคล่องตัว ไม่เกะกะทั้งร้านค้าและคนที่มาเดินซื้อของ จึงไม่สามารถยกไฟหรือรีเฟล็คขึ้นมาได้ ไมค์ก็เปลี่ยนเป็นแบบเหน็บที่คอเสื้อ คนทำงานหลักจึงมีแค่อาร์ตกับโจ้ ส่วนคนอื่นคอยดูคอยช่วยเหลือรอบนอก พร้อมทั้งเดินไปขออนุญาตร้านรวงที่จะได้เข้ากล้องล่วงหน้า เพื่อแสดงมารยาทและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดภายหลัง

อาจเพราะอาร์ตหล่อเหลาสูงใหญ่ แถมพูดภาษาอังกฤษเป็นไฟ คนเลยนึกไปว่าเป็นดาราต่างชาติมาถ่ายทำรายการ จึงได้รับความร่วมมืออย่างดีจากร้านค้าส่วนใหญ่ การถ่ายทำช่วงเช้าก็สำเร็จลุล่วงไปได้โดยประการฉะนี้

เรารีบเดินทางต่อ กำหนดการวันนี้มีถ่ายทำโรงงานเซรามิก ร้านช่างทำรถม้าจำลอง เก็บภาพรถม้าจริง และเนื่องจากวันนี้เป็นวันเสาร์ ตอนเย็นจึงจะไปตลาดนัดคนเดินที่กาดกองต้า และอาจจะไปตลาดอัศวินด้วย เรียกว่าตารางอัดแน่นยิ่งกว่าเมื่อวานเสียอีก

กลางวันทุกคนฝากท้องไว้กับข้าวบ่ายปลาทูที่ผมทำมา แย่งกันคนละปั้นสองปั้นจนผมนึกว่าจะไม่พอ ดีที่นอกจากของกินที่เตรียมไว้ยังมีของที่ซื้อติดไม้ติดมือมาจากกาดทุ่งเกวียน ทั้งไส้อั่ว หมูยอ จิ้นเกื๋อ หรือก็คือหมูหมักเกลือแดดเดียวทอดแห้ง ดูท่าทางพวกนี้จะติดใจอาหารเหนือเข้าเสียแล้ว กินทุกมื้อยังไม่มีบ่น ซ้ำเรียกร้องจะกินนั่นนี่อีก แคบหมูเจ้าอร่อยที่ผมหยิบติดมาด้วยถูกกินแทนขนมไปแล้ว คงต้องบอกน้าปานให้สั่งซื้อเพิ่มอีกหลายถุง

ระหว่างพัก ผมลองเกริ่นเรื่องฝ้ายขึ้นมา บอกเพียงว่าฝ้ายอยากขอไปตลาดนัดกลางคืนด้วย ส่วนเหตุผลจริงๆ ยังไม่ได้บอก ไม่ได้คิดปิดบังอะไรแค่พูดไปกลัวน้องผมจะดูไม่ดี อีกอย่างฝ้ายรับปากมั่นเหมาะว่าเพื่อนจะแค่แอบดูเท่านั้น ไม่เข้ามารบกวนการทำงานเด็ดขาด เลยคิดว่าสบโอกาสค่อยอธิบายให้จอมกับอาร์ตฟัง เชื่อว่าทั้งสองคนไม่น่าถือสากับเรื่องแค่นี้

...

ตกเย็น พวกเราเริ่มจากกาดกองต้าหรือตลาดจีนก่อน อาศัยช่วงที่แสงยังไม่หมดเก็บภาพอาคารโบราณรุ่นราวร้อยปีก่อน มีเรือนสวยๆ ผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมทั้งไทย จีน ล้านนา ฝรั่ง พม่า น่าดูน่าชมเต็มไปหมด จนผมยังหยุดแชะภาพไปลงเฟซบุ๊คและอินสตาแกรมบ้าง

“พี่ธี ฝ้ายแวะดูเสื้อแป๊บนึงนะ เดี๋ยวตามไป” ฝ้ายขออนุญาตเสียงเบา ทีแรกยังตื่นเต้นกับการทำงานของพวกจอมอยู่เลย แป๊บเดียวก็เริ่มวอกแวกแล้ว เด็กหนอเด็ก

“อย่านานนะ เดี๋ยวหลง”

“จ้ะพี่”

อย่างไรเดินไปถ่ายคลิปไปก็ค่อนข้างช้าอยู่แล้วเลยไม่เป็นห่วงเท่าไร เดี๋ยวก็ตามมาทัน เคนนี่ ลิน และเอกแยกไปอีกกลุ่ม ไปถ่ายคลิปสินค้าร้านรวงข้างทาง ส่วนพวกจอมใช้เวลาถ่ายทำตรงหอศิลป์ลำปางครู่หนึ่ง ผมเลยขอเดินเตร่รอฝ้ายอยู่ด้านนอก

“พี่ธี” ฝ้ายเดินเข้ามาหาเหนียมๆ ด้านหลังมีเพื่อนผู้หญิงมาด้วยสองคน “นี่ก้อยกับหมวย เพื่อนฝ้ายเองจ้ะ”

ผมรับไหว้เด็กทั้งสอง พอจะรู้แล้วว่าคงเป็นเพื่อนที่อยากมาแอบดูจอมกับอาร์ตนั่นเอง

“ฝ้ายบอกแล้วว่าให้ตามห่างๆ จะไม่กวนเลยจ้ะพี่ แต่พามาให้พี่ธีดูหน้าก่อนจะได้ไม่เข้าใจผิดว่าเป็นแก๊งค์ล้วงกระเป๋าที่ไหน โอ๊ย” ฝ้ายลูบแขนที่โดนก้อยตีป้อยๆ

ยังไม่ได้พูดอะไร พวกจอมก็เดินออกมาเสียก่อน เห็นเพื่อนฝ้ายทั้งสองทำตาโตมองค้างอุดปากกั้นเสียงกรี๊ด อย่างกับติ่งดารานักร้อง ทำให้ผมอดมองจอมอีกครั้งไม่ได้ หน้าตาหลอกล่อแมลงขนาดนี้ ดีนะที่มันไม่ใช่คนเจ้าชู้ แถมติดจะรำคาญผู้หญิงหน่อยๆ ด้วย ไม่อย่างนั้นผมอาจต้องปวดหัวมากกว่านี้หลายเท่า

จอมเลิกคิ้วสงสัยที่เห็นผมจ้องหน้า เดินมาเอาแขนพาดไหล่พาเดินต่อแบบไม่คิดมาก ผมเลยแนะนำก้อยกับหมวยแค่ผ่านๆ บอกว่าเป็นเพื่อนฝ้ายบังเอิญมาเจอ เพื่อนๆ ก็เพียงผงกหัวรับ ไม่สนใจเท่าไรนัก

พวกเราเดินไปถ่ายไปเรื่อยๆ แม้กล้องที่ตามถ่ายกับกลุ่มผู้ชายหน้าตาดีจะทำให้คนสนใจหันมามองไม่น้อย แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคอะไร ผมช่วยจอมทำงานเหมือนที่ทำเมื่อเช้า นั่นคือเล็งร้านที่คิดว่าสวยน่าถ่ายแล้วมาร์คตำแหน่งไว้รวมถึงไปขออนุญาตล่วงหน้าไว้ก่อน โดยปกติพ่อค้าแม่ค้าชื่นชอบให้มีคนสนใจร้านรวงของตัวเองจึงไม่ค่อยปฏิเสธกัน

ฝ้ายกับเพื่อนยังเดินตามมาโดยไม่รบกวนจริงอย่างที่รับปาก แถมบางครั้งยังช่วยชี้ชวนดูร้านที่น่าสนใจในสายตาของผู้หญิงอีกด้วย ไม่มีสร้างปัญหาหรือต้องให้ดูแลเป็นพิเศษ แค่คอยดูเป็นระยะไม่ให้หลงกัน ทำให้ผมเบาใจขึ้นเยอะ

กว่าจะสุดทางก็เกือบทุ่ม พวกเราตัดสินใจไปตลาดอัศวินต่อ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องออกมาถ่ายทำกลางคืนแล้ว ฝ้ายยังคงมากับพวกผมส่วนเพื่อนทั้งสองขอลากลับก่อน ผมก็คิดว่าคงไม่น่ามีอะไรแล้ว เห็นแค่ฝ้ายกดแชตรัวอีกตามเคย คงเม้าท์มอยกับเพื่อนได้อีกยาว



มาถึงตลาดอัศวิน อาร์ตถูกลินจับเช็ดหน้าเติมแป้งเซ็ตผมจนหล่อเหมือนเดิม ก่อนจะแบ่งกันเป็นสองกลุ่มอีกครั้ง คราวนี้แยกกันไปเลยคนละโซนเพราะตลาดนี้พื้นที่กว้าง ตกลงกันว่ามีโอกาสก็แวะกินร้านข้างทางหรือซื้อกลับไปเลย ไม่ต้องรอ เพราะตอนนี้เริ่มหิวกันแล้ว

ผมแวะซื้อของกินที่ถือเดินกินได้ง่ายตามหลังพวกจอมไป ส่วนฝ้ายก็จัดการตัวเองได้ บอกให้ผมไม่ต้องห่วง เลยใช้โอกาสช่วงคัท พักคลิป ส่งของกินให้แต่ละคนประทังชีวิต อาร์ตดีหน่อย กินโชว์ในคลิปได้เลย เห็นบอกว่าเป็นธรรมชาติดี จอมก็หาโอกาสกินได้เยอะ มีโจ้ที่ต้องใช้ท่ายากกว่าเขาเพื่อน แต่สปิริตยังเต็มเปี่ยม

ตลาดอัศวินใหญ่นั้นใหญ่ การเล็งร้านค้าที่น่าสนใจคราวนี้จึงเหนื่อยหน่อย ทั้งจอม ทั้งผม กระทั่งฝ้าย ต้องวิ่งไปวิ่งมาหลายครั้ง จอมบอกว่าเอาเท่าที่ได้ เพราะแค่นี้คลิปก็เยอะเกินความต้องการแล้ว แต่พอเห็นร้านค้าแนวๆ ก็อดไม่ได้ต้องเรียกมาถ่ายไว้ ไหนๆ ทำแล้วก็อยากให้ออกมาดีที่สุด

พวกเราวิ่งวุ่นทั้งคืนจนกระทั่งเลยสามทุ่ม ต่างคนต่างเหน็ดเหนื่อย จึงแวะพักกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นกันคนละหลายชาม จนอิ่มหนำดีแล้วค่อยมีแรงเดินคุย

“ทางเอกเป็นไงบ้าง” อาร์ตถาม

“เสร็จก่อนเราอีก ทางนั้นถ่ายแต่ของอย่างเดียว เห็นว่าถือโอกาสชอปปิ้งสบายไปละ”

“อ้าว ฉิบหายละ กูไม่ได้ซื้ออะไรฝากน้ำเลยอ่ะ เมียไม่ให้เข้าห้องแหง” โจ้เพิ่งนึกได้ รีบหันไปหาตัวช่วย “ฝ้าย เมื่อกี้เลือกตุ้มหูร้านแฮนด์เมดมาไม่ใช่เหรอ ที่บอกน่ารักมากอ่ะ ไปกับพี่อีกรอบได้ป่ะ นะๆ พลีส”

“ได้เลยจ้ะพี่ ไปเร็ว เดี๋ยวเขาเก็บร้าน” ฝ้ายกระตือรือร้น ทั้งสองรีบวิ่งไปทางร้านเดิมที่เคยแวะถ่ายเมื่อครู่

“ไอ้คนกลัวเมีย” เราว่ากันขำๆ แล้วเดินทอดน่องตามไป ทำงานเสร็จเกินเป้าแล้ว ความตึงเครียดก็จางหาย ได้มองนั้นดูนี่ซื้อของตามใจชอบบ้าง

แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ด้านหน้าผมก็ต้องตื่นตัว เพราะตรงที่โจ้กับฝ้ายนั่งยองเลือกต่างหูกันอยู่มีชายคู่หนึ่งท่าทางหลุกหลิกเหลือบมองคนทั้งสองบ่อยครั้งคล้ายว่ากำลังจับตาดู ผมอาจไม่คิดเอะใจอะไรถ้าไม่เพราะชายสองคนนั้นสวมหน้ากากผ้าสีดำปิดครึ่งจมูกถึงคอเหมือนที่คนขับมอเตอร์ไซค์ชอบใช้ คนหนึ่งยังสวมหมวกกันน็อคด้วย

อาร์ตผละออกไปซื้อน้ำจึงไม่ทันรู้ แต่จอมท่าทางจะสังเกตเห็นแล้วเช่นเดียวกับผม เลยรีบวิ่งตามกันมา

แต่ก่อนที่จะถึงตัว โจ้ที่เพิ่งลุกขึ้นก็โดนเข้าประชิดเสียแล้ว เป้าหมายของพวกมันคือกล้องที่โจ้สะพายไว้ มือหนึ่งจับสายกระชาก ทว่าโจ้ก็ไวทายาด คว้าสายกล้องที่หลุดจากไหล่ไว้ได้อย่างฉิวเฉียด ยื้อยุดอย่างไม่ยอมให้ผลงานที่ถ่ายทำมาทั้งวันเสียเปล่าได้เป็นอันขาด

ผมวิ่งแทรกฝูงชนไปจนถึงตัวฝ้ายที่กำลังตื่นตระหนก ดันเธอไว้ด้านหลัง จอมพุ่งไปช่วยโจ้จนดึงกล้องกลับมาได้ หันกลับไปจับแขนชายคนหนึ่งและใช้อีกมือขยุ้มดึงหลังคอเสื้อไว้ ชายสวมหมวกกันน็อคเห็นจอมที่สูงใหญ่กว่าจับกุมเพื่อนตน แทนที่จะหนีไปกลับดึงท่อนเหล็กที่เหน็บไว้ด้านหลังขึ้นเงื้อง้า

ชั่วขณะนั้นผมรู้สึกราวกับเวลาเดินช้าลง

…เห็นตัวเองถลันเข้าไปขวางหน้าจอม

…เห็นท่อนเหล็กที่ฟาดลงมา

…ได้ยินเสียงจอมตะโกนเรียกชื่อผม

…ได้ยินเสียงกรีดร้องที่แยกแยะไม่ออกดังระงม

…รู้สึกถึงความเจ็บแปลบที่ท่อนแขน

…และเสียงระคายหูของกระดูกที่แตกลั่น…

 
***
TBC


ทิ้งระเบิดใน 3...2...1...
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [017] 26/01/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 26-01-2018 14:58:02
 :a5:
อย่าเป็นอะไรมากเลยนะ โป้งคนเขียนเลย
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [017] 26/01/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 26-01-2018 16:13:43
 :katai1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [017] 26/01/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 26-01-2018 21:58:48
โอ้ยยยย ตายแล้ว อย่าเป็นอะไรมากนะธี
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [017] 26/01/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-01-2018 00:54:07
อาหารเหนือในเรื่องนี่คือสูตรที่บ้านเรานะคะ 555 มันอาจจะไม่เหมือนที่เคยกินบ้าง เช่นแอ็บอ่องออบางเจ้าก็เป็นสมองหมูทั้งก้อนเลย บางเจ้าก็ผสมหมูบด ส่วนตัวเราชอบแบบผสมเพราะกำลังดีไม่เลี่ยนเท่า

ข้าวบ่ายปลาทูทำง่ายมากๆ ถ้าแบบตามเนทเขาจะใช้ใบตองม้วนแบบมากิซูชิในอาหารญี่ปุ่นเลย แต่บ้านเราแค่แผ่ๆ ข้าวในมือแบบนี้ล่ะค่ะ สำคัญคือน้ำมันหมูกับเกลือป่นหยาบ ไม่มีไม่ได้เลยมันต่างกันจริงๆ ถ้ามีโอกาสลองทำดูนะคะ อร่อยจนลืมนับปั้น อิๆ

พี่น้องธีคงได้ออกหลังๆ ค่ะ กระซิบว่าคนอื่นไม่เท่าไหร่ แต่พี่ทัตนี่จอมงานเข้าแน่ 5555555  o22

มีเรื่องเกร็ดๆ อยากเม้าท์มอย เช่นแบบ เราก็แอบคิดว่าพระเอกนิยายไม่จำเป็นต้องหล่อขนาดนั้นก็ได้ อยากเขียนให้ธรรมดา อาจจะแค่ดูดี แต่คือต้นแบบของจอมหล่อจริงๆ เป็นเดือนจริงๆ ธีก็เหมือนในเรื่อง เราเอาตัวจริงมาขยายอ่ะ เลยเหมือนตามกระแสเลยว่าใครสักคนต้องหล่อระดับเดือน จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจนะคะ แต่หล่อก็ดีแล้วล่ะมั้ง XD




ร้ายมากก มาอ่านเจอเวลานี้ หิวเลย แย่ๆๆๆ อยากกินเลยอะ ไม่รู้จัก 55555
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [017] 26/01/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 27-01-2018 05:37:39
ธีอย่าเป็นอะไรมากนะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [017] 26/01/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: FiZZ ที่ 28-01-2018 17:31:18
โอย ไม่นะๆ ธีอย่าเป็นไรนะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [017] 26/01/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 28-01-2018 18:52:22
โอ้ย นึกว่าจะชิลๆแล้วตอนนี้
ตอนท้ายเกิดเรื่องอีก อย่าเป็นไรมากนะ

คนเขียนมาต่อด่วนๆๆ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 02-02-2018 18:33:18



018


หลังจากนั้นคือความวุ่นวายโกลาหล ฝูงคนที่แตกตื่น เสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด เสียงมากมายปนเปฟังไม่ได้ศัพท์ ไซเรนดังก้อง ตามมาด้วยตำรวจ รถพยาบาล...

รู้ตัวอีกทีผมก็มานั่งเหม่ออยู่ที่โรงพยาบาลจนเลยห้าทุ่มแล้ว ทั้งเพลียทั้งอ่อนล้าแต่กลับยังไม่อาจผ่อนคลาย มองธีที่ยืนพิงกำแพงอยู่มุมหนึ่ง กำลังโทรคุยกับพ่อ

ผมควรจะบอกให้ทุกคนสบายใจก่อนว่า ธีไม่ได้เป็นอะไร มีเพียงแผลถลอกจากการปะทะเล็กน้อย คนที่กระดูกหักคือไอ้คนสวมหมวกกันน็อคนั่นต่างหาก

ถ้าจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น… คือทุกอย่างในขณะนั้นมันรวดเร็วมาก ผมฉุดกระชากหนึ่งในสองคนนั้นไว้ พอเห็นอีกคนดึงท่อเหล็กขึ้นมาก็คิดในใจว่าฉิบหายแน่

แต่ใครจะคาด ธีที่เดิมอยู่ด้านหลังกลับก้าวขึ้นมาขวางรับ

ไม่อยากทบทวนความรู้สึกในตอนนั้นเลย มันทั้งร้อนรน ทั้งเดือดดาล ทั้งแค้นใจที่ไม่อาจขยับได้เร็วกว่านี้ ที่ยิ่งกว่าคือความหวาดผวาจนขนหัวตั้งชัน สมองว่างเปล่า ใจหายวาบเมื่อเห็นเหล็กท่อนนั้นฟาดลงมาใส่คนที่อยู่ตรงหน้า

แต่สิ่งที่ผมกลัวที่สุดไม่ได้เกิดขึ้น...

ความเป็นจริงก็คือ ธีที่แสนน่ารักและไร้พิษสงในใจผมยกแขนขวาขึ้นตวัดรัดท่อเหล็กนั้นไว้ด้วยความไวแสง มือเลื้อยราวกับงูฉกคว้าข้อมือข้างที่ถืออาวุธนั้นดึงจนเซ เหมือนจะเห็นธีขยับขาเตะต่ำด้วย แต่ไม่แน่ใจนักเพราะลายตาเกินไป จบด้วยท่าตั้งศอกซ้ายหมุนตัวฟันแขนสับฉับลงไปที่ตำแหน่งข้อศอกของไอ้คนเคราะห์ร้ายจนหักกลับในท่าฝืนธรรมชาติ เสียงกระดูกลั่นกร๊อบตามมาด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดภายใต้หมวกกันน็อค

นึกถึงเสียงนั้นแล้ว…กระดูกในกายมันเสียวแปลบขึ้นมาโดยอัตโนมัติ

ตอนที่นั่งจ๋องตบยุงกันอยู่ อาร์ตงึมงำบอกผมว่าธีเรียนเทควันโดตั้งแต่เด็ก แถมเป็นโรงเรียนสุดเข้มที่ปั้นทีมชาติมานักต่อนัก ตอนม.ต้นมันก็สายน้ำตาลแล้ว ตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็น่าจะสายดำหนึ่งดั้ง

ผมได้ฟังแล้วตั้งใจกับตัวเองเอาไว้ว่า หากในอนาคตมีวันใดที่เราต้องทะเลาะกัน ผมจะขอต่อต้านการใช้กำลัง งดใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาด

ด้วยกระบวนการการรักษาพยาบาลและขั้นตอนอะไรของตำรวจที่ผมไม่ทราบ รู้แค่เราต้องรอนานมาก โจ้ถือโอกาสเหยียดยาวยึดเก้าอี้ว่างหลายที่ นอนอ้าปากหวอ ธีบอกให้ผมกับคนอื่นๆ กลับไปก่อนตั้งแต่ทีแรก แต่จะให้ทำได้ยังไง เพียงให้กลุ่มเอกพาฝ้ายกลับไป ส่วนพวกผมอยู่เป็นเพื่อน เผื่อเป็นพยานอะไรก็ยังดี

สองคนที่เข้ามาชิงกล้องเปิดหน้ามายังเด็กอยู่เลย เห็นว่าเพิ่งม. 6 ไอ้คนที่โดนผมจับไว้ไม่เป็นอะไรมาก แค่พอเห็นเพื่อนตัวเองเจ็บก็ยอมแพ้ ไม่คิดหนี ตอนนี้เดินโทรศัพท์วุ่นวายโดยมีเจ้าหน้าที่นายหนึ่งตามคุม ส่วนนายตำรวจเจ้าของคดีสอบปากคำคนเจ็บอยู่ในแผนกฉุกเฉิน มีเดินเข้ามาคุยกับธีเป็นระยะ ผมอยากช่วยพูดแต่ธีห้ามไว้ บอกว่าถ้าจะต้องทำประวัติให้คนมาเกี่ยวน้อยที่สุดดีกว่า มันเองก็เป็นว่าที่นักกฎหมายคนหนึ่ง รับมือได้ ไม่เป็นอะไร

หงุดหงิดที่ตัวเองไร้พลัง แต่ก็ต้องยอมรับว่าธีมีเหตุผล

ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมดทั้งมวล ยังคงเป็นธีที่สุขุมเยือกเย็นที่สุด คนอื่นคิดรับมือเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่มันคิดไปถึงสเตปสอง สาม สี่ แล้ว แม้จะร้อนรน แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมทำได้ดีที่สุดคือเชื่อใจมัน

เกือบเที่ยงคืน ผมเห็นชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งพร้อมผู้ติดตามอีกสองคนเดินเข้ามา ธีรีบลุกขึ้นเดินไปหาพร้อมยกมือไหว้ ได้ยินเสียงตำรวจนายหนึ่งแว่วๆ เรียกชายคนนั้นว่า ‘ท่านผู้ว่าฯ’

ธีเรียกให้พวกผมสวัสดีผู้ใหญ่ท่านนั้น ก่อนที่มันจะนั่งลงพูดคุย เล่าเหตุการณ์ให้ผู้มาใหม่ฟังอีกรอบ โดยลำดับเรื่องอย่างชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอน อธิบายตามความเป็นจริง ไม่ได้ใส่ไข่หรือเอาดีเข้าตัวเลยสักนิด

“แล้วคือคนตีกระดูกหัก ถูกมั้ย” ท่านผู้ว่าฯ ที่ธีเรียกว่าคุณลุงตั้มถาม

“ครับ ธีเรียนเทควันโดมาครับ เลยใช้ท่าล็อคจับไว้ข้างนึง อีกข้างฟันที่ข้อศอกเขา กะให้อาวุธหลุด แต่อาจจะเพราะผมกะแรงพลาด หรือเพราะที่จริงอีกฝ่ายยังเป็นวัยรุ่นก็ได้ครับที่ทำให้กระดูกคนนั้นหัก”

“ทางเรามือเปล่าหมด ไม่มีอาวุธเลย?”

“ครับ คนลงมือมีผมคนเดียว เพื่อนแค่ยื้อยุดกันเฉยๆ ไม่ได้ต่อยอะไรเลยด้วยครับ”

ดูเหมือนธีและคุณลุงตั้มจะรู้จักสนิทสนมกันไม่น้อย สังเกตจากท่าทางผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กและการแสดงออกอย่างชัดแจ้งว่าจะออกหน้าเคลียร์ปัญหาให้ ผมเห็นท่านพูดคุยปรึกษาทนายที่พามาด้วย ก่อนที่จะพาธีเดินไปคุยกับเจ้าของคดีที่มุมหนึ่ง

ใช้เวลาไม่กี่สิบนาที ธีก็เดินออกมาเรียกพวกผมให้กลับบ้าน

“หมดเรื่องแล้วเหรอวะ?” นั่งอยู่สองชั่วโมง ผู้ใหญ่มาไม่ถึง 30 นาที ปิดจ๊อบเลย?

“อือ ฝ่ายนั้นเขายอมความ แลกกับที่เราไม่เอาเรื่องเขาเหมือนกัน”

“ต้องไปสถานีตำรวจอีกมั้ย” อาร์ตถามพลางปลุกโจ้ให้ลุกขึ้น

“ไม่ต้อง ไม่มีประวัติ ทุกอย่างเคลียร์” ธียิ้มบางๆ

พวกเราพากันขึ้นรถกลับบ้าน น้ากิตหลังจากส่งคนรอบหนึ่งก็กลับมารอแต่แรกแล้ว ผมคิดในใจว่าวันนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน แต่ก็โล่งที่ทุกอย่างจบลงได้ในที่สุด



ระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลเราอัพเดทสถานการณ์ในไลน์กลุ่มเป็นพักๆ ทำให้พวกเอกคลายใจลง ต่างหลับเอาแรงไปแล้วเพื่อเตรียมทำงานวันสุดท้าย โจ้ง่วงมากเลยรีบขึ้นไปอาบน้ำนอน ส่วนผมกับอาร์ตรู้สึกหิวนิดหน่อย ธีเลยเอาข้าวซอยที่เหลือในตู้เย็นออกมาอุ่นให้ พวกเรานั่งกินกันที่โต๊ะกินข้าวชั้นล่าง

“ที่จริง เรื่องมันก็ลงตัวแต่แรกแล้วล่ะ เพราะไอ้สองคนนั้นก็ไม่อยากโดนแจ้งข้อหา แต่ติดที่ผู้หมวดจะให้ไปทำประวัติที่โรงพักท่าเดียว กูเลยต้องใช้เส้นพ่อพาผู้ใหญ่มาช่วย วุ่นวายเสียเวลาหน่อย” ธีว่า

“อือ ดีแล้วล่ะ ถ้ามึงต้องมีประวัติกูว่าไม่คุ้มเลย ไอ้พวกเวรก็ไม่รู้เป็นเหี้ยไร คนมีทรัพย์สินก็เยอะแยะ เสือกอยากมาวิ่งราวกล้องไอ้โจ้” อาร์ตส่ายหัว

“เรื่องนี้…กูต้องขอสารภาพบาปว่ะ” ธียกมือเป็นเชิงขออภัย “คงเป็นกูเองที่ชักศึกเข้าบ้าน”

“ยังไงวะ” ผมงง

“ก็ที่วันนี้กูขอพาฝ้ายไปด้วย…ที่จริงมันมีสาเหตุ”

ธีเล่าให้พวกผมฟังทั้งหมด เรื่องที่ฝ้ายขอพาเพื่อนมาแอบดู ซึ่ง…ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าถูกรบกวนอะไรด้วย อาร์ตก็เช่นกัน ทว่าเรื่องเล็กที่พวกเราต่างมองข้ามกลับพัวพันมาถึงเรื่องในคืนนี้

กลายเป็นว่าหมวยกับก้อยแอบถ่ายรูปพวกผมไปลงไลน์กลุ่ม กรี๊ดกร๊าดในหมู่เพื่อนผู้หญิงตามประสา แต่มันไม่จบแค่นั้นเมื่อเริ่มมีคนนำออกไป ส่งต่อกันจากคนนั้นคนนี้ ภายในไม่กี่นาทีข่าวสารก็ถูกบิดเบือนไป กลายเป็นลือว่าฝ้ายเป็นแฟนใครสักคนในกลุ่มนี้ และเข้าหูรุ่นพี่ม. 6 ที่โรงเรียนฝ้ายคนหนึ่งที่ชื่อดิว…

ทายสิครับ…ก็ไอ้คนที่นอนแขนหักอยู่โรงพยาบาลคืนนี้นั่นแหละ

“สรุปว่าดิวแอบชอบฝ้าย เลยรู้สึกไม่พอใจ พาเพื่อนมากะชิงกล้องเพื่อป่วนงานพวกเรา?” อาร์ตขมวดคิ้ว

“ใช่ อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่ดิวกับแมนอ้าง กูดูไลน์พวกมันแล้ว มีรูปแล้วก็มีแชตจริงๆ เพราะรุ่นน้องมันรู้ว่าดิวชอบฝ้ายเลยคาบข่าวไปบอก”

“นั่นก็เรื่องนึงนะ แต่ที่พกท่อเหล็กมาด้วยมันไม่เกินไปเหรอวะ” ผมอารมณ์เสีย แค่คิดถึงว่าคนที่ต้องบาดเจ็บถึงขั้นกระดูกหักอาจเป็นธีผมก็ไม่สนแล้วว่ามันจะมีเหตุผลห่าอะไร

“มันว่าตอนมึงจับแมนไว้กลัวฝ้ายรู้ว่าเป็นพวกมันเลยร้อนใจจนขาดสติ แต่กูก็ไม่ได้เชื่อมันทั้งหมดหรอก” ธีรินน้ำให้ผมดื่ม “เอาเป็นว่ามันก็มีเหตุผลให้อยากจบเรื่อง กูก็เห็นดีตามนั้น แต่ยังไงกูก็ต้องขอโทษพวกมึงด้วย ที่ยอมให้เพื่อนฝ้ายมา”

“จะโทษมึงได้ไงวะ ถ้าคนมันไม่คิดชั่วก็ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก” อาร์ตค้าน

“อือ จริง ถ้าตอนนั้นมึงมาขอ กูก็คงอนุญาตอยู่ดี” เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก ใครจะคาดคิดว่าเรื่องจิ๊บจ๊อยเท่าขี้ผงกลับนำภัยมาถึงตัว ต่อให้ธีฉลาดกว่านี้ รอบคอบกว่านี้เป็นร้อยเท่าก็ไม่มีทางคาดเดาหรือป้องกันได้แน่

ธีพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ ตัวมันเองก็ย่อมรู้ว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิด จะโทษใครก็ไม่ได้เต็มปาก นอกจากผู้กระทำอย่างดิวและแมน

“คิดเสียว่าฟาดเคราะห์ละกัน ยังไงสุดท้ายมึงก็โอเค ทุกคนก็โอเค” อาร์ตลุกขึ้นเก็บจาน ก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน



ผมกับธีรอผลัดใช้ห้องน้ำ เสร็จเรียบร้อยก็มานั่งมองหน้ากัน สำรวจดูรอยถลอกและบวมแดงที่แขนขวาของมันแล้วรู้สึกสงสาร คาดว่าคงต้องเป็นรอยช้ำแน่ ถึงเก่งอย่างไรแต่ก็ใช้เนื้อรับเหล็กทั้งท่อน

“พรุ่งนี้กูไม่ไปกับมึงนะ จะไปเคลียร์เรื่องที่โรงพยาบาลให้จบ แล้วก็ไปขอบคุณคุณลุงตั้มอีกครั้ง คงรบกวนน้าปานไปด้วยกัน” มันว่า

“ทางกูสบาย วันสุดท้ายงานเบา ไม่ต้องห่วงหรอก” พูดไป มือก็บีบยานวดออกมาแตะทาให้มันเบาๆ โดยเลี่ยงแผลถลอกไม่ให้ต้องแสบ

ในห้องอวลไปด้วยกลิ่นเมนทอล…

“ทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะ” ผมบอกมัน “รู้ว่ามึงเก่ง แต่กูใจหายจนมือเท้าเย็นไปหมดเลย ความรู้สึกแม่งโคตรแย่อ่ะ”

คิดถึงภาพตอนนั้นขึ้นมาทีไร ผมยังเครียดจนหายใจไม่ทั่วท้องทุกที

“อือ ขอโทษ”

“ขอโทษแต่ก็คิดจะทำอีกใช่มะ”

ธีเงยหน้ามองผมด้วยความแปลกใจ

“นึกว่ากูไม่รู้เหรอ มึงคงคิดว่ามึงทำถูกแล้ว ต่อให้มีครั้งหน้ามึงก็คงจะทำเหมือนเดิมอยู่ดี” ไม่ใช่มันรู้จักผมฝ่ายเดียวเสียหน่อย คบกันมาถึงตอนนี้ผมก็รู้จักมันขึ้นตั้งเยอะแล้วล่ะน่า เห็นมันเงียบๆ แต่ใจเด็ดเกินตัว บทจะลุยขึ้นมาก็เหมือนไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวอันตราย บ้าบิ่นกว่าที่คิดมาก

“ก็มึงอ่อน” ธียิ้มบาง เอ่ยหยอกล้อ แต่ผมดูออกว่ามันยังไม่ค่อยสบายใจนัก คิดๆ ดูแล้วจึงพูดปลอบ

“เรื่องเด็กนั่นมึงไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก มันเป็นอุบัติเหตุ มึงไม่ได้ตั้งใจ แค่ป้องกันตัว ใครๆ ก็เห็น แม้แต่ไอ้คนเจ็บมันยังยอมรับเลย”

“…ถ้ากูไม่รู้สึกผิดล่ะ”

“หะ?”

ธีช้อนตามองผม สีหน้าขรึมลง

“กูโกหก ที่จริงกูตั้งใจ มันมีอาวุธ และจะทำร้ายมึง ไม่มีเหตุผลที่กูต้องออมมือให้”

เหยดดด นี่ธีดาร์คไซด์เหรอวะ ผมอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง

“กูโกหกก็ได้ ทำร้ายคนอื่นก็ได้ ใช้อำนาจเส้นสายในทางมิชอบก็ได้…” ธีหลุบตาลง ยักไหล่นิดๆ “อาจจะไม่ใช่คนดีอย่างที่ใครคิด …ไม่ได้ดีอย่างที่มึงคิด”

…นี่เหรอเรื่องที่มันกังวล ผมอธิบายไม่ถูก แต่ความรู้สึกทั้งรักทั้งเอ็นดูสงสารแล่นปราดขึ้นมาเต็มอกจนปวดหัวใจนิดๆ

“มึงรู้เหรอว่ากูคิดอะไร” ผมจับมือมันไว้ สอดประสานนิ้วทั้งสิบเข้าด้วยกัน “กูคิดว่า…มึงเวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดดูเซ็กซี่มาก”

คนที่ขรึมเมื่อครู่ถึงกับหลุดขำพรืด เผยรอยยิ้มกว้างอย่างอดไม่ได้

“ไอ้คนหื่น”

“พูดเรื่องจริงอ่ะ เห็นแล้วซื้ดส์”

“ยังอีก” ธีหัวเราะ ผมก็ผ่อนคลายตาม ชอบให้มันยิ้มแย้มแบบนี้มากกว่า

“ถ้าจะบอกว่าอย่างมึงยังไม่เรียกว่าดี กูไม่ยิ่งกว่าอีกเหรอ แต่ก็นั่นแหละ ไม่ต้องให้กูสาธยายข้อเสียเองมึงก็คงรู้อยู่”

“มึงเหรอ…” มันเอียงคอมองผมเหมือนกำลังพิจารณา “มึงเอาแต่ใจ…”

ใช่ซี้~ กูมันไม่ดี ผมกลอกตามองบน

“…แต่ไม่เคยเห็นแก่ตัว”

แววตาที่มองสบไหวระริกอย่างมีความนัยลึกซึ้ง

“มึงขี้รำคาญ…แต่พยายามอดทน” ธีกล่าวเสียงเบาแต่หนักแน่น ทีละข้อ “มึงใจร้อน…แต่ไม่เคยขาดสติ”

มือข้างหนึ่งลูบข้างแก้มผมเบาๆ สัมผัสได้ถึงความรักที่ส่งผ่านมา

“มึงเป็นคนมีเหตุผล เวลาตั้งใจก็ทุ่มเทจริงจัง ไม่ชอบใช้กำลัง ไม่เคยระราน ไม่ดูถูกคน ไม่ว่าร้ายใคร” มันพูดข้อดีที่ผมไม่เคยคิดถึงด้วยซ้ำออกมาตั้งมากมาย “ที่สำคัญ มึงหล่อมาก”

เกือบซึ้งแล้ว! ผมถลึงตาใส่จนมันหัวเราะเสียงดัง

“มึงหล่อมาก... แต่ไม่เคยใช้รูปร่างหน้าตาของมึงไปทำตัวเสเพล เอาเปรียบผู้หญิงคนไหน” ธีต่อคำพูดจนจบ “ในสายตากู มึงดีมาก”

ฟังคำพูดจากใจเหล่านั้น จู่ๆ กระบอกตาก็เกิดร้อนผ่าวขึ้นมาจนผมต้องรวบตัวมันมากอดแก้เขิน

“มึงรักกูมานานแค่ไหนกันแน่”

สองแขนเรียวกอดตอบผมแน่น ธีซุกหน้าเข้าที่บ่า น้ำเสียงคล้ายสะกดกลั้น

“นานมาก”

“กี่ปี”

“ไม่บอก”

“ไหงงั้น”

“สักวันจะบอก” รู้สึกถึงความชื้นนิดๆ ที่ไหล่ “ติดไว้ก่อน”

คำว่าติดไว้ก่อนสักวัน สะท้อนถึงคำสัญญา...ถึงอนาคต

ไม่รู้หรอกว่าตัวเองดีอย่างที่ธีว่าหรือเปล่า แต่ถ้ามันคิดว่าผมดี ผมก็อยากเป็นคนดีเพื่อมัน

ส่วนธี ต่อให้มันมีข้อเสียมากกว่านี้ ผมก็ยังคงชอบมันอยู่ดี

บางที ถ้าเราต่างคิดว่ากระทั่งข้อเสียของอีกฝ่ายก็ยังน่ารัก

เช่นนั้นระหว่างเรา คงไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว...

 
***
TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 02-02-2018 19:32:29
 :mew1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 02-02-2018 19:46:42
ทำไมยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกธีแมนขึ้นเรื่อยๆ 5555555
จอมเอ๋ย ต่อไปเข้าชมรมกลัวเมียแน่  :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 02-02-2018 19:52:08
 :เฮ้อ:
โล่ง ตกอกตกใจไปตั้งหลายวัน
ต่อไปคงเป็นแนวหวานแหววแล้วดิ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-02-2018 20:38:10
ซุปเปอร์ธี
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-02-2018 20:49:27
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-02-2018 21:10:03
 :-[ :L2: :L1: :pig4:

โรแมนติก แอ็คชั่น ไปอี๊ก
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 02-02-2018 21:32:25
โถถถถ ไม่ว่าธีจะแมนแค่ไหน แต่ก็ยังให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูอยู่ดี
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-02-2018 22:05:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 02-02-2018 22:33:57
น่องธีคนแมน2018

หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 02-02-2018 22:37:42
น่องธีคนแมน2018
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 02-02-2018 22:43:12
ธีสายบู๊ งี้แหละดีแล้ว ได้ปกป้องตัวเองและคนที่รักได้เนอะ ฮ่าๆๆ
น้องเก่งทุกอย่างเลยอ่ะ ตั้งแต่ทำอาหารจนเรื่องเตะต่อย
จอมดูแลดีๆ นะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 03-02-2018 06:24:58
ตอนนี้จอมกลายเป็นคนน่ารักไปเลย ธีแมนขึ้นอีกเยอะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 03-02-2018 16:13:41
คนแมนนนนน 55555
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 03-02-2018 17:28:55
ฮี่โร่ธี 
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-02-2018 21:41:56
#คนหลงเมีย2018
#รักชีวิตอย่าคิดสู้เมีย
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 04-02-2018 10:13:09
ตกลงธีร์คือพระเอก แมนมากๆ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 04-02-2018 21:02:04
อย่าหือกับธี
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [018] 02/02/61 P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 04-02-2018 23:16:46
นึกว่าธีจะเจ็บตัวซะแล้ว แต่พลิกล็อค ธีเก่งเทควันโดอ่ะ

อ่านไปอ่านมา ธีนี่เหมาะกับการเป็นพระเอกนะเนี่ย

ฉลาด สุขุม เสียสละ  เป็นที่พึ่งได้  กว้างขวาง

เนี่ย ตาจอมต้องพิจารณาตัวเองหนักๆนะ

อย่าขัดใจธี อย่าทำดีเสียใจ อย่าให้หลุดมือไป

ว่าแล้ว ก้อรวบหัวรวบหางทำเมียเสียเลยละกัน 55555


 :hao6:  :hao6:  :hao6:  :hao6:  :hao6:  :hao6:


 :impress2:

 
...

.
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [019] 13/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 13-02-2018 18:42:07
019


เช้ามา ผมเตรียมของกินและน้ำดื่มให้จำนวนหนึ่ง ไม่มากเท่าวันก่อน เพราะพวกจอมว่าวันนี้ถ่ายทำสถานที่ในเมือง จะแวะหาข้าวกลางวันกันเอาเอง เมื่อสะสางอะไรส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว จึงส่งข้อความบอกให้น้าปานช่วยเดินมาหา

เมื่อคืนผมวานเอกส่งฝ้ายกลับบ้าน พร้อมทั้งเล่าเรื่องให้น้าปานฟังทางโทรศัพท์ไปแล้วส่วนหนึ่ง เพียงแต่เว้นเรื่องของพวกดิวไว้ ผมตั้งใจจะเล่าให้ทั้งน้าทั้งสองฟังทุกอย่าง แค่ยังไม่อยากให้ฝ้ายรู้ จึงไหว้วานให้ผู้ใหญ่มาพูดคุยเช้านี้

คนที่มาเยือนไม่ได้มีแค่น้าปาน น้าชัยก็มาด้วย ผมเชิญทั้งสองเข้าบ้าน รินน้ำท่าให้ดื่ม ก่อนเข้าเรื่องโดยไม่ให้เสียเวลา เล่าความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดอีกครั้ง คราวนี้รวมถึงต้นสายปลายเหตุที่เกี่ยวพันกับฝ้ายด้วย

“เดี๋ยวน้าไปโรงพยาบาลเอง แล้วเรื่องนี้ไม่ต้องบอกฝ้าย” น้าชัยฟังเรื่องราวแล้วเคร่งสีหน้า “ช่วงนี่แม่ก็อย่าให้ฝ้ายขี่รถเครื่องไปไหนมาไหนเอง บอกว่าให้คนงานยืมไปก็ได้ ถ้าจะไปไหนให้แตงขับรถเล็กไปรับไปส่ง”

น้าปานเห็นดีด้วย

ดังนั้นผมจึงขับรถโฟร์วีลของน้าชัย พากันไปยังโรงพยาบาล พอไปถึงก็พบว่าดิวย้ายไปอยู่ห้องธรรมดาแล้ว เตียงอยู่มุมในสุด รวมห้องกับผู้ป่วยคนอื่นซึ่งมีอยู่ไม่มากนัก แขนขวาที่หักถูกเข้าเฝือกไว้ มีสายน้ำเกลือเสียบติดหลังมือ ท่าทางอิดโรยเหมือนไม่ได้นอน แมนสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นพวกเรา รีบยกมือไหว้

น้าชัยมองดิวแล้วแค่นเสียงหนึ่ง ถามห้วนๆ

“พ่อแม่ไปไหน ไปเรียกมาคุยซิ”

ดิวพยายามใช้มือเดียวตั้งไหว้

“ผมขอโทษครับ มีอะไรก็ต่อว่าผมคนเดียวเถอะครับ แมนก็ไม่เกี่ยว ผมลากมันมาเอง”

“กูไม่อยากพูดกับเด็ก โทรเรียกพ่อมึงมา” น้ำเสียงดุดันเค้นลอดไรฟัน แม้เตียงข้างๆ จะว่างแต่ผู้ป่วยอื่นในห้องยังมีอยู่ จึงต้องระมัดระวังเรื่องระดับเสียง

“น้าครับ” แมนยกมือไหว้ท่วมหัว “พ่อดิวไม่มาหรอกครับ ผมโทรหาทั้งคืนเพิ่งเจอตัวตอนเช้า เขาบอกว่าไม่มาครับ แม่มันก็หย่ากับพ่อนานแล้วครับ”

ผมเห็นดิวหน้าซีดเผือด ไม่แก้ตัวอะไรอีก

“เออ ถ้างั้นมึงฟัง ต่อแต่นี้มึงสองตัวอย่าเข้าใกล้ฝ้ายอีก ถ้ากูเห็น มึงโดนหนักกว่านี้แน่” น้าชัยผิวคล้ำรูปร่างล่ำสัน หน้าตาขึงขังน่ายำเกรง เด็กสองคนเหมือนจะหงอจนฝ่อไปหมดแล้ว

“พวกผมไม่กล้าแล้วครับ ไม่ได้คิดร้ายกับน้องครับ ผิดไปแล้วจริงๆ จะไม่เข้าใกล้ฝ้ายอีกครับ” แมนช่วยพูดให้ดิว ยังมีการสะกิดให้อีกฝ่ายพูดตาม

“ครับ ผมไม่ยุ่งกับน้องฝ้ายอีกแล้วครับ”

น้าชัยจ้องหน้าเด็กทั้งสองเขม็ง ก่อนหมุนตัวออกไปเลย ผมหยุดพิจารณาดูสภาพคนเจ็บบนเตียงและข้าวของเครื่องใช้ที่ดูออกว่าเพิ่งไปซื้อมาลวกๆ แถวนี้แล้ว คิดว่าอีกฝ่ายคงพูดจริง ทั้งเรื่องที่ไม่มีผู้ปกครองมารับผิดชอบ และเรื่องที่จะไม่มาวุ่นวายอะไรอีก

ผมเดินขึ้นหน้าไปหยุดอยู่ที่ข้างเตียงดิว ลดเสียงลง

“มึงแค้นกูมั้ย ที่กูหักแขนมึง”

ทั้งดิวทั้งแมนนิ่งงัน มองผมด้วยสายตาทั้งกลัวทั้งระแวง

“ผมไม่โกรธครับพี่” ดิวก้มหน้าลง “ถ้าพี่ไม่ทำผมคงถูกส่งไปดัดสันดานแล้ว”

ถ้าดิวทำร้ายผมหรือจอมได้จริง คนที่ถูกพ่อแม่เพิกเฉยอย่างมันคงต้องเข้าสถานพินิจ ถูกไล่ออกจากโรงเรียน สุดท้ายคงไม่พ้นต้องกลายเป็นอันธพาลปลายแถว มีแต่จะตกต่ำไม่รู้จบ

เมื่อพอใจในคำตอบที่ได้รับ ผมจึงถอยออกมาเล็กน้อย แล้วถามเรื่องค่ารักษาพยาบาล เพราะกรณีนี้จะเรียกประกันหรือใช้สิทธิ์รักษาอื่นคงอธิบายเหตุผลที่แขนหักได้ยาก

แมนลังเล แต่ก็ตอบตามจริง

“ดิวมีบัตรที่พ่อมันให้ไว้กดเงินครับ” มันอึกอักครู่หนึ่งก่อนพูดเสริม “พ่อมันไม่มา แต่เรื่องเงินก็…พอมีครับ”

ผมพยักหน้าเนือยๆ คิดจะเดินจากไป ทว่าคนเจ็บกลับพยายามลุก เอ่ยตะกุกตะกัก ขอร้องผมด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“พี่ครับ ผม…ผมรู้ว่าผมผิดเอง แต่ขอร้องได้มั้ยครับ อย่าบอกฝ้าย…ได้มั้ยครับพี่”

ผมเงียบอยู่ครู่หนึ่ง มองแขนเก้งก้างอย่างเด็กวัยรุ่นของอีกฝ่ายที่เหลือดีข้างเดียว แล้วถอนใจเบาๆ

“ไม่บอกก็ได้ ถ้าพวกมึงจะไม่ยุ่งกับฝ้ายอีกจริงๆ”

“ครับๆ ขอบคุณครับพี่” ดิวรีบรับปาก ผมจึงวางเงินไว้จำนวนหนึ่ง แล้วเดินกลับออกมาโดยไม่ให้มันปฏิเสธ

ไม่ใช่เพราะผมใจอ่อนหรือมีเมตตา แต่เพราะเข้าใจในหลักการ ‘ไล่หมา อย่าไล่ให้จนตรอก’ ผมยังมีญาติอยู่ที่นี่ ฝ้ายก็ยังต้องเรียนอยู่ที่เดียวกัน ผมไม่อยากบ่มเพาะความแค้นให้คนอื่นต้องมาพลอยเดือดร้อนไม่จบไม่สิ้น

และถึงดิวไม่ขอร้อง ผมก็ไม่มีทางบอกฝ้าย แม้ว่าเนื้อแท้ของมันอาจไม่ใช่คนที่เลวร้ายจนเกินเยียวยานัก หรืออาจชอบฝ้ายด้วยใจจริง แต่สิ่งที่มันทำไว้ ไม่มีทางที่ผมหรือญาติผู้ใหญ่จะยอมรับ คนที่ชื่อดิวจะไม่ได้เฉียดกรายเข้ามาเป็นแม้ส่วนเสี้ยวในชีวิตของน้องผมตลอดไป

การถูกมองข้ามเหมือนไร้ตัวตน เลวร้ายยิ่งกว่าถูกเกลียด

ดีแล้วที่เด็กนั่นยังไม่โตพอจะเข้าใจเรื่องนี้...



ผมใช้เวลาช่วงสายพาผู้ใหญ่ไปมอบของขวัญและกล่าวคำขอบคุณคุณลุงตั้มกับทนายของท่านอีกครั้ง ค่อยรู้สึกโล่งอกได้เต็มที่เสียที เมื่อกลับถึงบ้านผมไม่ลืมที่จะโทรไปรายงานให้พ่อกับแม่ฟัง ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

ตอนกลางวัน ผมแวะไปกินข้าวที่บ้านน้าปานเพื่อถือโอกาสดูฝ้าย ปรากฎว่านอกจากจะไม่ขวัญเสียยังปลื้มในวีรกรรมของผมเสียยกใหญ่ จึงได้แต่ปรามว่าอย่าไปบอกใครเพราะอาจเสียถึงผู้ใหญ่ที่ออกหน้าช่วย กับสำทับว่ารอบตัวทุกวันนี้อันตราย อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว ให้ใช้พี่คนงานขับรถให้ ดูน้องผมก็รับปากเชื่อฟังโดยดี

ส่วนความจริงบางเรื่อง เก็บเอาไว้ก็ดีแล้ว...

บ้านที่จอแจตลอดสองวันที่ผ่านมา พออยู่คนเดียวก็รู้สึกเงียบเหงาไปสักหน่อย ผมเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ แล้วเริ่มเก็บของบางส่วน เพราะคืนนี้ต้องเดินทางกลับกันแล้ว จึงใช้โอกาสปลอดคนอันดีงามนี้ ดึงผ้าปูเตียงกับเสื้อที่ถูกขยุ้มไว้มุมหนึ่งออกไปซักตรงรอยเปื้อนด้วยมือในห้องน้ำ ตัวเสื้อซักตากรับแดดไว้ ส่วนผ้าปูเตียงถูกโยนเข้าเครื่องซักผ้าต่อ

ของใช้ส่วนตัวถูกทยอยเก็บลงกระเป๋า ผมช่วยจัดของกองไว้ให้จอม แต่รอมันมาแพ็คเอง มาไม่กี่วันข้าวของมีไม่มาก เก็บแป๊บเดียวก็เสร็จ รู้สึกเบื่อๆ ประกอบกับเริ่มระบมที่แขน เลยเอนหลังนอนพัก ก่ายมือซ้ายสะเปะสะปะควานหาหลอดยามาทาบรรเทาปวด รอยแดงเมื่อคืนเริ่มคล้ำม่วงดูน่ากลัวกว่าเก่าแม้ความจริงจะไม่รู้สึกเจ็บขนาดนั้น อาจเพราะผมผิวขาวด้วยมั้ง

เมื่อคืน…ผมไม่ได้คิดจะสารภาพเลยแท้ๆ

อันที่จริงผมจะโกหกจอม เหมือนที่โกหกทุกคนก็ได้ แต่พอถูกมันพูดแทงใจดำแบบนั้น มันทำให้ผมรู้สึก...ประหลาดใจ

เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะอ่านใจผมออก

ผมอาจชอบความเรียบง่าย โดยปกติจึงแสดงออกอย่างนั้น ทว่าในใจผมรู้ดีถึงความซับซ้อนของตัวเอง ผมเกลียดความวุ่นวาย ไม่ชอบแหวกกฎเกณฑ์ หรือปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำ ดังนั้นผมจึงเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเองมาตั้งแต่เด็ก น้อยครั้งมากที่ผมจะโกรธ หรือแสดงอารมณ์รุนแรง

แต่นั่นก็หมายความว่า น้อยครั้งมากที่ใจผมจะหวั่นไหว

ในแง่หนึ่งที่ทุกคนอาจเห็นว่าผมสุภาพ ใจเย็น มีสติ มักเอาน้ำขุ่นไว้ในน้ำใสไว้นอก ทำในสิ่งที่ถูกที่ควรเสมอ ยังมีอีกแง่ที่เก็บงำความคิดความรู้สึก ไม่ค่อยยินดียินร้าย ไม่ยึดติดผูกพันกับใครหรืออะไรมากนัก ไม่มีความฝัน ขาดความเร่าร้อนในจิตใจ

อาจเพราะผมมักได้อะไรมาโดยไม่ยากเย็น ทั้งเรื่องเรียน เล่น กีฬา ขอแค่ตั้งใจสักเล็กน้อยก็ประสบความสำเร็จ ไม่เคยต้องขวนขวายถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย ครอบครัวหรือก็สมบูรณ์ ไม่เคยขาดความรัก มีทั้งพ่อที่น่านับถือ แม่ที่ใจดี พี่น้องที่ต่างเก่งต่างดีไปคนละด้าน ตัวผมเองก็พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่มาก

แต่ชีวิตที่ราบรื่นและง่ายดายเช่นนี้ บางครั้งจึงกลับรู้สึก…ชืดชา ไร้รสชาติ

ตัวตนของจอม จึงเป็นข้อยกเว้นเดียวสำหรับทุกสิ่งในโลกอันไร้คลื่นลมของผม

หากจะให้อธิบาย คงบอกได้เพียงว่า จอมคือแสงสว่างในใจผม คือดวงอาทิตย์อันเจิดจ้า ส่วนผมพอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นหนึ่งในดาวมากมายที่โคจรรอบตัวมันแล้ว ไม่ว่ามันจะทำอะไร อยู่ตรงไหน ท่ามกลางผู้คนอีกสักกี่คน ความสนใจของผมก็คอยแต่จะถูกดึงให้ผูกติดอยู่กับมันเพียงผู้เดียว

คนที่มีพร้อมทุกอย่างแต่ยังคงใช้ชีวิตอย่างซื่อตรง และมุ่งไปยังความฝันของตัวเองโดยไม่มีลังเลอย่างนั้น ช่างสดใสจนผมตาพร่า ทั้งน่าอิจฉาและน่าชื่นชม

เมื่อได้พบกับจอม ความว้าวุ่น ไม่อาจควบคุม ไม่อาจหักห้าม หลงใหลใฝ่ฝัน หัวใจเต้นแรง ทุกความรู้สึกที่ผมไม่อยากให้เกิด กลับรุมเร้าอยู่ในใจอย่างไม่อาจปฏิเสธ เป็นจุดอ่อนพราวสีสันในโลกสมบูรณ์แบบสีจืดจางของผม ที่ผมยินดีรับไว้ด้วยความเต็มใจ

และไม่รู้ว่าผมโชคดีถึงเพียงไหน ถึงได้แสงสว่างที่เคยหวังแค่อยากเฝ้ามองไม่แตะต้องดวงนั้นมาครอบครอง

ผมจึงชอบตามอกตามใจ โอนอ่อนให้มันเสมอ อยากให้แต่สิ่งที่คิดว่าดีที่สุด อยากทำให้มันมีความสุข จนบางครั้งแม้ต้องเสียสละบ้าง หรือปิดบังความจริงบ้าง ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นอะไร

แต่จอมไม่เคยละเลยความรู้สึกของผม มันไม่ได้เข้ามาใกล้ชิดแค่เพียงกาย หากยังใช้หัวใจเรียนรู้กันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ความคิดบางอย่างที่ตั้งใจเก็บงำซ่อนไว้ กลับถูกอ่านออกเข้าจนได้

ไม่รู้เหมือนกันว่านี่เป็นเรื่องดีหรือร้าย ใช่ว่าผมอยากมีความลับกับจอม แต่เมื่อเกราะกำบังที่เคยอยู่ติดตัวเสมอถูกทลายลงทีละน้อย ผมก็ไม่แน่ใจว่า…เมื่อเปิดใจจนหมดสิ้นแล้ว จอมจะผิดหวังหรือไม่ ยังจะชอบ จะยอมรับกับทั้งด้านบวกและลบในตัวผมอยู่หรือเปล่า

และหากไม่ยอมรับ หัวใจที่ไร้การป้องกัน จะอยู่ต่อไปในสภาพไหน

ยิ่งจอมสำคัญกับผมมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นมากเท่านั้น แต่แรงผลักดันบางอย่าง ทำให้ผมพูดออกไปในที่สุด ใจหนึ่งก็ใคร่รู้ แต่อีกใจ ถ้าบอกว่าไม่กลัว ไม่กังวล ก็โกหกแล้ว

ทว่าจอมมักทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงเสมอ มันไม่ได้แค่ยอมรับ แต่กลับบอกว่าชอบที่ผมเป็นแบบนี้ แววตามองตรง รอยยิ้มเปิดเผย มือที่อบอุ่นและอ่อนโยน แม้จะพูดจากระเซ้าหยอกล้อ ไม่อ่อนหวาน แต่ผมกลับรู้สึกตื้นตันยิ่งกว่าถูกบอกรักด้วยถ้อยคำหวานซึ้งเสียอีก

จอมคงยังไม่รู้หรอกว่า ผมรักมันมากกว่าที่แสดงออกตั้งไม่รู้กี่เท่า ความรู้สึกที่เก็บมาเนิ่นนานในใจนี้ ถือเสียว่าเป็นอีกหนึ่งปราการสุดท้าย ที่สักวันหนึ่ง หากเราจับมือกันไว้เนิ่นนานเพียงพอ ผมอาจจะยอมบอกให้มันฟัง

ส่วนตอนนี้ หรือต่อไปในวันข้างหน้า ผมอาจยังมีเรื่องที่เก็บไว้ มีความในใจที่ไม่ได้เปิดเผย มีเรื่องที่อาจต้องปิดบัง หรือไม่บอกให้มันรับรู้

แต่ขอแค่มันเชื่อใจ เข้าใจ รักและยอมรับ ผมก็จะมอบให้ทั้งหมดที่มี ทำทุกสิ่งที่ดีเพื่อมัน



Jom's

บ้านไม้เรือนเก่าท่ามกลางแสงยามเย็นดูเงียบสงบชวนให้รำลึกถึงอดีต ผมแปลกใจที่ตัวบ้านมืดครึ้มไร้แสงไฟ ธีอาจจะยังไม่เสร็จธุระล่ะมั้ง

คิดแบบนั้นแต่พอไล่เปิดไฟไปจนถึงห้องนอนก็เจอร่างโปร่งนอนห่มผ้าถึงแค่ช่วงอกอย่างลวกๆ เผยท่อนขาเนียนขาวที่ชวนน้ำลายหก ธีไม่ค่อยมีขนเลยแฮะ…อืม…

สลัดความคิดอกุศลออกไปก่อน ผมแตะหลังมือตรงหน้าผากมันเบาๆ เทียบกับตัวเองเพื่อวัดไข้ อุณหภูมิที่ได้ดูเหมือนจะปกติดี

“กลับมาแล้วเหรอ” ธีรู้สึกตัวทันทีที่ถูกสัมผัส มันปรือตาขึ้นมอง “งานเป็นไงบ้าง”

“ไม่มีปัญหา นี่กลับช้าเพราะมัวแต่แวะซื้อของกิน จะเอากลับกรุงเทพกัน ของเยอะจนต้องหาลังมาใส่แล้วมั้ง แล้วนี่แขนเป็นไง” ว่าแล้วก็ค่อยจับแขนข้างที่เจ็บมาดูอย่างระมัดระวัง รอยม่วงๆ แดงๆ ดูแย่กว่าเมื่อวานเสียอีก

“ไม่เจ็บเท่าไหร่ มันช้ำก็เป็นแบบนี้แหละ”

ผมหรี่ตาไม่ค่อยวางใจ มนุษย์ความอดทนสูงอย่างธีจะอะไรก็คงว่าเบาไว้ก่อน

“พูดจริง” อีกฝ่ายคลี่ยิ้ม “นี่เก็บของไว้ให้หน่อยแล้ว มึงมาเช็คเองอีกทีละกัน แล้วก็…เอ่อ…มีเสื้อตากอยู่หน้าห้องน้ำตัวนึง ไม่รู้แห้งยัง”

ประโยคหลังมาพร้อมเสียงกระแอมเก้อเขิน ผมถึงค่อยนึกออกว่าเป็นเสื้อตัวไหน เลยยิ้มร้ายใส่มัน เท้าแขนคร่อมกักตัวคนที่กำลังขยับลุกให้เอนหลังกลับลงไปเหมือนเดิม

“คิดทะลึ่งอะไรอีกละ” ธีทำหน้าดุ แต่ขอโทษที โคตรยั่วว่ะ

“อยู่กับมึง กูคิดดีไม่ได้เลยอ่ะ”

“ไม่กลัวกูหักแขนมึงเนอะ”

“เชี่ย! อย่าขู่ดิวะ หดหมด”

คนข้างล่างหัวเราะเสียงใส ขยุ้มคอเสื้อผมดึงไปจูบเบาๆ

“กลับกรุงเทพค่อยต่อ”

ข้อเสนอใช้ได้ เลยขอจูบมัดจำอีกครั้ง เรื่องหักกระดูกคนไม่สู้ แต่ดูดปากให้เจ่อนี่อย่าท้า

“พอ ไปเก็บของไป เดี๋ยวจะลงไปดูในครัวหน่อย” ริมฝีปากแดงฉ่ำเผยอหอบหายใจน้อยๆ ดันอกผมเป็นเชิงบอกให้ลุก

เพราะด้านนอกยังได้ยินเสียงคุยเสียงคนเก็บของเดินไปเดินมา ผมก็ไม่มีปัญญาทำอะไรมากไปกว่านี้เหมือนกัน จำยอมให้มันผละออกไป ผมหยิบกองเสื้อผ้าที่พับเรียบร้อยแล้วมาวางบนเตียง เทของในเป้ออกจัดใหม่ โทรศัพท์มือถือเลยกลิ้งไหลออกมาพร้อมของอย่างอื่น

ช่วงพักกลางวันผมพิมพ์เล่าเหตุการณ์เรื่องที่เกิดให้ทศอ่าน เป็นข้อตกลงระหว่างเรา ถ้าผมต้องการให้มันรายงานเรื่องธี เวลาพี่มันมีเรื่องอะไรสำคัญก็ต้องเล่าให้มันฟังด้วย ยื่นหมูยื่นแมว เท่าที่ผ่านมาผมว่าเด็กนี่เชื่อใจได้และห่วงพี่มันมาก เลยบอกเป็นนัยๆ ไปด้วยว่าธีคงตั้งใจหักแขนดิว

จะว่าไปก็เพราะทศนี่แหละ ก็มันดูใส่ใจคอยปกป้องพี่มันอย่างกับบอดี้การ์ด ผมเลยพลอยติดอิมเมจว่าธีไร้พิษสง ต้องการให้ดูแล ซึ่งความจริงตรงกันข้ามเลย ไม่รู้ทศมันกลัวอะไรกันแน่

ตอนนั้นมันไม่ได้อ่าน คงยุ่งอยู่ ผมก็พิมพ์ทิ้งไว้แล้วทำงานตลอดวัน ไม่ได้สนใจอะไรอีก คิดแล้วจึงหยิบมาเปิดดูไลน์เสียหน่อย เห็นมันตอบกลับมาประโยคหนึ่ง

[อีกแล้วเหรอ]

“…”

อีกแล้วคืออะไร ทศ มึงช่วยอธิบายมากกว่านี้หน่อย มึงอยากได้พี่เขยพิการเหรอ ทศ!


***
TBC
 

ขออภัยที่ช้า ช่วงนี้งานยุ่งยาวๆ น่าจะอีกสัก 2 เดือนเลยมั้งคะ อาจจะหายไปบ้าง คงไม่ถึงขั้นหายเป็นเดือนนะคะ แต่เผื่อไว้ว่าช้า ยังไงถ้าหาเวลาแต่งได้ก็จะมาต่อแน่นอนค่า :hao5:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [019] 13/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-02-2018 19:01:21
 :L2: :L1: :pig4:

มูดของตอนนี้คืแเครียด


[อีกแล้วเหรอ]

“…”

อีกแล้วคืออะไร ทศ มึงช่วยอธิบายมากกว่านี้หน่อย มึงอยากได้พี่เขยพิการเหรอ ทศ!


,,แต่ก็ปิดท้ายด้วยความฮา
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [019] 13/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-02-2018 19:52:52
ทศอย่าทำให้ค้างงงงงงง :katai4: :katai4: :katai5:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [019] 13/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-02-2018 20:30:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [019] 13/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 13-02-2018 20:42:49
ฮาาาา แอบขำจอมได้ไหมอ่ะ

ปล. ชอบน้องทศนะคะเนี่ย...ฮาาา
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [019] 13/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-02-2018 21:02:26
โห ไม่อยากนึกว่าทศมีพี่เขยพิการ
พิการตรงไหนดีนะ
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [019] 13/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 13-02-2018 22:55:53
ขอบคุณค่ะ  ธีจอมโหดรึเนี่ย
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [019] 13/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-02-2018 23:47:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [Special Toss] 18/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 18-02-2018 12:35:31
Special Toss
 
เมื่อพูดถึงเดือนเมษาบ้านเรา คงหนีไม่พ้นต้องกล่าวถึงเทศกาลหรรษาสุดเร้าใจแห่งปี นั่นก็คือสงกรานต์ วันหยุดยาวที่เรารักนั่นเอง

แน่นอนว่ากระผม นายทศวิน น้องสามสุดหล่อแห่งบ้านโรจนกิต จะต้องออกไปมีส่วนร่วมกับเทศกาลสาดน้ำใส่คนแปลกหน้าแสนบันเทิงแน่นอน ปีนี้ผมไม่สนใจเล่นกลางวันเท่าไร เพราะกลางคืนเพื่อนชาวแก๊งค์วิศวะจองตัวไปปาร์ตี้คอนเสิร์ตเรียบร้อยแล้ว โดยมีเป้าหมายเหี้ยๆ อย่างการได้ฉวยโอกาสเบียดเสียดแนบชิดเนื้อตัวเปียกปอนของสาวๆ

เลวทรามมาก แต่แบบ…ได้ก็เอาวะ

ผมเลยนอนเก็บแรงไว้ ตื่นมากินข้าวเอาเสียเลยเที่ยง ยัดข้าวเหนียวไก่ย่างที่แม่ซื้อไว้ให้เข้าไปเต็มๆ หนึ่งตัว กึ๋นกับตับอีกอย่างละไม้ สบายพุง ทิ้งตัวนอนเรออยู่บนโซฟาห้องรับแขก ไล่เปิดทีวีดูไปพลาง พอบ่ายก็เห็นพี่ธีเดินลงมาในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงผ้าขาสั้น ที่คอคล้องกระเป๋าพลาสติกกันน้ำใส่มือถือกับกระเป๋าสตางค์ แถมยังหนีบปืนฉีดน้ำสีสันสดใสขนาดกำลังเหมาะไว้ด้วย ดูก็รู้ว่ากำลังจะไปเล่นน้ำ

ผมอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกคุณต้องรู้ไว้นะครับว่าพี่ชายของผมคนนี้ที่จริงเป็นคนเก็บตัว ทุกปีถ้าไม่ใช่พวกผมร่ำร้องจะไปพี่ธีไม่มีทางเอาตัวไปแออัดคลุกคลีกับคนหมู่มากที่สาดน้ำใส่กันระดับสงครามเป็นอันขาด

“พี่ธี ไปเล่นน้ำเหรอ”

“อือ ไปมั้ยอ่ะ”

“ไปที่ไหน”

“สยาม”

เอาจริงว่ะเฮ้ย เดี๋ยวนะ หรือว่า…

“ไปกับแฟนเหรอ”

พี่ธีเลิกคิ้วมองผม

“มึงรู้เหรอว่าใคร”

“รู้ตั้งแต่พามาแล้ว” อย่าหาว่าชมตัวเอง ผมอาจไม่ฉลาดเท่าพี่ๆ ทั้งสอง แต่เรื่องสัญชาติญาณนี่อันดับหนึ่ง

“...อย่าเพิ่งบอกแม่ละกัน”

“เหอะ ทศไม่ใช่ไอ้ธาม จะได้เก็บความลับไม่อยู่”

“ว่าน้อง แล้วจะไปมั้ย ไปก็เตรียมตัว เดี๋ยวจอมมารับ”

ตอนแรกจะตอบว่าไม่ แต่พอเห็นเสื้อยืดสีขาวและนึกถึงสิ่งที่มักเกิดขึ้นกับพี่ธีในเทศกาลนี้แล้ว…

“รอแป๊บ”



ไม่นานเราก็มาอยู่ที่สยาม แค่เท้าแตะพื้นก็เปียกจนหาที่แห้งไม่เจอแล้วครับ ปีนี้ส่วนสูงของผมเพิ่มเป็น 185 บวกกับความหนาที่ตั้งใจฟิตล่ำ ทำให้กลายเป็นเป้าหมีตกน้ำชั้นดี ยิ่งมายืนกับมนุษย์หน้าหล่อที่สูงใหญ่พอกันอย่างพี่จอมและเพื่อนที่ชื่ออาร์ต ยิ่งเหมือนเรียกน้ำทุกสายมาลงประทับองค์ ประมาณว่าเห็นหัวโด่มาเด่นๆ ก็ยิงก็สาดไว้ก่อน

ที่มาผจญวารีด้วยกันยังมีเพื่อนพี่จอมอีกสองที่ต่างหนีบหญิงมาด้วย เอ๊ะ หรือไม่ใช่วะ พี่หมวยๆ ตัวเล็กคงเป็นแฟนคนชื่อโจ้แน่ละ แต่คนสวยอีกคนไม่น่าใช่ของพี่เอกว่ะ เพราะพี่เขาแม่งเนียนใกล้ชิดไอ้พี่เขยยันเต โดนฉีดน้ำหน่อยก็หันมาเกาะ จะโดนเบียดหน่อยก็มาแอบหลัง ส่วนไอ้พี่หล่อหน้าตูมตั้งแต่มาเจอคณะนี้ตรงล่างสถานีแล้ว มีหันไปถลึงตาใส่เพื่อนเป็นระยะด้วย

ผมเหล่พี่ธีที่เปลี่ยนใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินมา หลังจากแฟนไม่อนุมัติเสื้อขาว ท่าทางยังปกติไม่ทุกข์ร้อน ยิงฉีดน้ำโต้ตอบคนที่ฉีดมาเป็นระยะ ไม่หึงจริงหรือว่าแอบโกรธก็ไม่รู้ได้ ยิ่งเก็บอารมณ์เก่งๆ อยู่

เราเดินเกาะกลุ่มกันไปช้าๆ มีช่วงต้องแยกกันบ้างตอนผ่านดงผู้คนแออัดบางช่วง กับตอนหยุดแวะเติมน้ำ ผมเหลียวดูพี่ธีที่แยกออกไปโหลดอาวุธ ทันเห็นมือปริศนายื่นมาแตะไหล่ปัดผ่านไปถึงเอว เล่นเอาผมตาเหลือก รีบฝ่าคนเข้าไปเกาะแนบชิดดั่งปลาซัคเกอร์ดูดตู้ กันระยะคนอื่นให้ห่างอีกนิด
 
นี่แหละที่ต้องเจอตลอดถ้าออกมาเล่นน้ำ อาจเพราะพี่ธีเวอร์ชั่นเปียกน้ำและเสยผมขึ้นดูฮอตกว่าปกติ หรืออาจเพราะท่าทางไร้การระแวดระวังและผิวขาวล่อใจ เอาเป็นว่าพี่ธีมักตกเป็นเป้าการลวนลามเยอะกว่าคนอื่น ที่น่าปวดหัวที่สุดคือพี่แม่งไม่รู้ตัวเลย ยังมีการหาว่าพวกผมคิดมากไม่ก็หลอกอำ ก็โดนเบียดเหมือนกันหมด

คือก็ใช่ที่ผมหรือพี่น้องคนอื่นโดนจับโดนลวนลามบ้าง แต่พอมองกลับหรือตั้งท่าระวังมันก็ไม่หนักหนาอะไรพอหยวนๆ ไง แต่พี่ธีเขาจะไม่มีตรงนี้เลย ถ้าไม่ใช่มาขยำขยี้จะๆ จริงๆ เขาจะไม่ทันฉุกใจคิดไปทางนั้น บางทียังยิ้มเรี่ยราดเรียกแขกอีก ไม่รู้บ้างว่าหน้าตาที่ดูเรียบร้อยขรึมๆ แต่เปิดยิ้มทีหวานจ๋อยแบบนั้นมันคอนทราสต์ชวนขยี้ใจขนาดไหน

“มึงสลับที่กะกู” พี่จอมตาตั้งตามมาสะกิด ขอเปลี่ยนมาดึงพี่ธีไปโอบ ส่วนผมขยับเอาหุ่นหมีไปกันท่าสาวแทนมัน

“เห็นยัง ที่บอกอ่ะ”

“ชัดเจนเลยว่ะ”

ผมเคยบอกพี่มัน ว่าพี่ธีอ่ะ เขาละเอียดอ่อนเฉพาะกับคนที่ชอบ คนที่แคร์ ส่วนคนอื่นให้แค่มารยาท แต่เพราะอย่างนั้นเลยทำให้เขาไม่ค่อยรู้หรอก ว่าใครคิดอะไรกับตัวเอง จะบอกว่าไม่ได้ใส่ใจก็คงใช่ ไม่งั้นคุณสมบัติแบบนี้จะเคยมีแฟนมาแค่คนเดียวได้ไง คือใครมาแอบชอบพี่ผมมันไม่รู้ตัวเว้ย ทอดสะพานจนกรอบจนไหม้ก็ไม่รู้ ต้องบากหน้ามาบอกตรงๆ อ่ะถึงเก็ต

“ขอเดินข้างในนะ โดนเบียด”

ไม่ทันให้ผมตอบอะไร พี่คนสวยที่ชื่อพราวก็ไม่ยอมถูกกันท่านาน แทรกมายืนระหว่างผมกับพี่จอมจนได้ เมื่อกี้ผมว่ายังไม่มีใครเข้ามาใกล้เลยนะพี่ เจอผีกลางวันแสกๆ เหรอครับ ปัดโธ่

ไอ้ผมก็ไม่ถนัดใช้ไม้แข็งกับผู้หญิงว่ะ อีกอย่างพี่จอมก็ดูไม่หือไม่อือกับการเสียดสีของอกอวบเลย เวลาโดนเกาะแขนก็คอยดึงออกแบบไม่ถนอมน้ำใจอะไรทั้งสิ้น เดี๋ยวพี่เขาคงตัดใจไปเองแหละ

พอดีกับพี่ๆ ที่เหลือแทรกตัวมาสมทบ เลยถือโอกาสจัดผู้หญิงทั้งสองไว้ตรงกลาง ส่วนหนุ่มๆ อย่างเราก็เดินล้อมดาวไป อยากเอาพี่ธีมาอยู่ด้วยแต่กลัวโดนก้านคอทีหลัง ให้แฟนทำหน้าที่ไปก็แล้วกัน เห็นบ่นอะไรหงุงหงิง พี่ธีก็เลยยอมให้โอบเอวเดินแต่โดยดี คงไม่มีมือมารมาเกาะแกะแล้วล่ะ

ถ้าไม่นับเรื่องอลวนตรงนี้ ก็ต้องถือว่าสนุกสนานกันดี ย่านนี้เล่นไม่แรง แทบไม่ถึงเนื้อตัว ค่อนข้างสุภาพและไม่มีแป้ง ก็ดูจะคิดกันมาแล้วว่าเหมาะ ผมค่อยหันมาส่องภาพเจริญหูเจริญตา แจ่มๆ ขาวๆ กันทั้งนั้นเลยวุ้ย ยิงแม่ม อี้แน่ะๆ

“มือเล็งหน้านะมึง ตาค่อยเล็งนม” พี่เอกกระทุ้งศอกมาอย่างรู้ใจประสาคนโสด

“พี่ก็อย่าเผลอนะ พลาดมาดูกามเลยขอบอก”

“ปืนฉีดน้ำมันอ่อนไปเอง”

“เหรอ แต่ของผมแรงปึ๋งปั๋งว่ะ”

“เหี้ยละ” รุ่นพี่หัวเราะถูกใจ “ทศนี่น้องธีแท้ๆ เหรอ ไม่เหมือนกันเลย”

“พี่อย่าพูดดิ พี่ทัตยิ่งเคยอำว่าผมเป็นเด็กเก็บมาเลี้ยงอยู่” ว่าไปนั่น ผมแค่หน้าเหมือนพ่อ แหกคอกจากพี่ชายทั้งสองที่เหมือนแม่ ส่วนธามนี่หน้าคล้ายคุณปู่ไปโน่น

“โตขึ้นเยอะจำไม่ได้แล้ว”

คนพูดประโยคนี้คือพี่อาร์ต ผมงงไปแป๊บก่อนจะมองหน้าดีๆ แล้วนึกได้ นี่ซี้พี่ธีสมัยโน้นเลยนี่หว่า

“โห พี่อาร์ตเองเรอะ อันนี้จำไม่ได้ของแท้ว่ะ ตอนผมเจอพี่ครั้งหลังสุดนี่เพิ่งม.1 เองมั้ง” สมัยนั้นพี่เขามาที่บ้านหลายครั้ง มาติวหนังสือไม่ก็เล่นเกมกับพวกผมพี่น้องบ้าง ประสาเด็ก

“เออ ตอนนั้นมึงยังผอมๆ เก้งก้างอยู่เลย โตมาเป็นหมีควาย”

“พี่ก็เตี้ยตะแมะแคะเลยเหอะ ตอนนี้เป็นเหยาหมิง”

“เกินไป”

พี่อาร์ตหัวเราะแล้วสำลักเมื่อโดนฉีดน้ำเข้าหน้าเต็มๆ หันกลับไปรัวแก้แค้นหมดแม็กจนต้องวิ่งไปเติมน้ำ ผมเองก็ไม่เว้นว่าง เดินร่อนระรานเขาไปทั่วโดยเฉพาะคนน่ารัก เสียดายอย่างเดียว เปียกปอนอย่างนี้ขอแอดเฟรนด์ขอไลน์ลำบากฉิบหาย ได้แต่มองให้น้ำลายหกเล่น คืนนี้ค่อยว่ากันวะ

เดินตัวเปียกกันอยู่ชั่วโมงเศษ แวะเล่นซุ้มกิจกรรมอะไรกันบ้าง ก็มายืนพิงรั้วพักขาอยู่มุมหนึ่ง ไม่ไกลเวทีที่กำลังมีนักร้องขึ้นแสดง สาวๆ แดนเซอร์เอวเอสเต้นโยกย้ายไปมา น่าดูน่าชม แต่ไม่ทันไรข้างๆ ก็มีอีกโชว์มาแย่งซีนเสียแล้ว

“พราว เราบอกแล้วว่าอย่าเกาะไง”

พี่จอมบ่นด้วยท่าทางเหลืออด ตั้งแต่มานี่ก็พูดหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่เคยขึ้นเสียงเหมือนครั้งนี้ ผมนี่เงี่ยหูรอเสือกเลย

“ทำไมอ่ะ เมื่อก่อนจอมไม่เคยเป็นแบบนี้” พี่พราวก็ไม่ยอมแพ้ เสียงแข็งสู้

“เมื่อก่อนคืออะไรวะ เราไม่เคยเป็นอะไรกันเลยนะ”

“ก็เมื่อก่อนจอมไม่เคยสนใจผู้ชายไง” คิ้วสวยขมวดมุ่น สีหน้าเหมือนจะร้องไห้ หันขวับไปหาพี่ธี “เป็นเกย์ก็คบเกย์ด้วยกันสิ มายุ่งกับจอมทำไม!”

อ่าว เจ๊ มาพูดใส่พี่ผมงี้มีขึ้นเว้ย ไม่แค่ผม ทั้งพี่จอมพี่อาร์ตก็หน้าทะมึนขึ้นทันควัน ต่างก้าวขึ้นหน้าเตรียมจะโต้ตอบ แต่คนที่ถูกชี้ว่ากลับเบิกตาโต เอียงคอมองด้วยสีหน้าที่ดูงุนงงอย่างบริสุทธิ์ใจ ถามกลับนิ่มๆ

“อ้าว พราวก็รู้เหรอครับว่าจอมเป็นแฟนผม”

‘รู้แล้วทำไมยังมาเกาะแกะแฟนชาวบ้านอีกล่ะครับ’ อันนี้ผมขออนุญาตทรานสเลตให้

โอ้โห ยิ่งกว่าจิกไปตบที่กลางสี่แยก อุปาทานว่ารอบข้างพลอยเงียบสงัดไปด้วย พี่พราวที่ตั้งท่าจะร้องไห้โวยวายติดสตันไปอึดใจใหญ่ๆ ยืนอึกอัก มองซ้ายขวาก็ไม่มีใครคิดยื่นมือเข้าช่วย สุดท้ายเลยกระทืบเท้าหันหลังเดินเร็วๆ หนีกลับไปทั้งอย่างนั้น

“พราว!” พี่น้ำรีบตามไป พี่โจ้ก็พลอยต้องวิ่งตามแฟนไปด้วย

“ยังมีคนนึกว่าธีกินพืชอยู่อีกเนอะ” ไม่ใช่ใคร คุณพี่เอกที่ดูท่าทางจะสนุกสนานกับละครเย็นมาก ถ้ามีป๊อปคอร์นพี่แกคงจกแกล้มอย่างเมามันแล้ว

“พวกมึงเสือกพามาไมวะ” พี่จอมทำตาขวางใส่เพื่อน

“กูที่ไหน กูก็รู้ก่อนมึงมาถึง 5 วิได้มั้ง ต้องโทษไอ้คนกลัวเมียโน่น”

“หาเมียใหม่ให้ไอ้โจ้ที” ที่จริงพี่น้ำไม่ได้ทำอะไรเลยครับ เห็นแกแอบสะกิดปรามเพื่อนเป็นระยะแล้ว ซวยซะงั้น

สักพักคนที่ถูกพูดถึงเดินหน้ามุ่ยกลับมา บอกว่าพี่พราวกลับไปแล้ว คงไม่เป็นไรเพราะบ้านอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า นอกจากนั้นยังมาขอโทษพี่ธีและพี่จอมแทนเพื่อนด้วย

“พราวเขาดื้อ แต่อย่างอื่นก็โอเคนะ เราว่าเขาคงรู้ตัวแล้วแหละ”

“อย่าว่างั้นงี้เลยนะ น้ำก็รู้ว่าพราวคิดยังไงกับไอ้จอม ยิ่งมันมากับแฟนพราวเขาคงทนได้หรอก”

พี่อาร์ตออกโรงพูดให้ ดูพี่แกขัดเคืองไม่แพ้พี่จอมเลย แม่งคิดอะไรกับพี่ผมเปล่าวะ

“ก็รู้ พราวเขาบอกอยากมาดูให้เห็นกับตา เขาจะได้ตัดใจ น้ำก็ผิดเองแหละ ขอโทษ ยอมรับ” สาวหมวยพนมมือขอโทษขอโพย

“กูด้วย กูก็ผิดที่มองโลกในแง่ดีไปหน่อย เขาบอกอยากมาเล่นน้ำจริงๆ เห็นเขาไม่ค่อยมีเพื่อน กูก็ใจอ่อนอ่ะ” พี่โจ้ช่วยแฟน “ขอโทษธีด้วยนะ อย่าคิดมากนะเว้ย”

“ไม่เป็นไร ไม่โกรธ” แค่เชือดไปทีเดียวเอง พี่ใครวะน่ากลัวจัง

“เออ น่า อย่าให้งานกร่อยเลย ไหนๆ เขาก็ไปแล้วเราก็เที่ยวของเราเหอะ ดีเหมือนกันจะได้เลิกมาคุซะที” พี่เอกนำเดินต่อ

ก็จริงอย่างที่ว่า พอพี่พราวไปก็ไม่ต้องมาวอแวให้เสียอารมณ์กันอีก พี่จอมก็ดูโล่งอกขึ้นมาก หน้าระรื่นเหมือนได้ปลดปล่อยจากการจองเวร

...

หลังจากแวะนั่งกินอะไรนิดหน่อยพอหายเมื่อยก็ออกมาลุยอีกยก แดดอ่อนแล้วคนยิ่งเยอะ เสียงจากเวทีก็ยิ่งคึกคักสนุกสนาน พวกเราเดินยาวไปจนถึงแยกเอราวัณ ข้ามไปเล่นน้ำตรงหน้าห้างใหญ่ที่ก็คนเล่นเยอะไม่แพ้กันจนเริ่มเย็น

“เอาไง แยกกลับเลยมะ” พี่เอกถาม เล่นน้ำมาสี่ชั่วโมงจนตัวเปื่อยซีดกันหมดแล้ว คงต้องกลับก่อนจะป่วย

“เออ กูจอดรถที่นี่พอดี มึงกลับไง” พี่จอมว่า

“กูจอดรถที่คอนโดอาร์ตแถวราชดำริอ่ะ เดี๋ยวค่อยๆ เดินไป”

“กูกับน้ำมาบีทีเอส เดี๋ยวติดรถไอ้เอกกลับนี่แหละ”

“เค แล้วเจอกันว่ะ”

ต่างคนต่างโบกไม้โบกมือลา เราสามคนเดินเข้าห้างเพื่อไปยังชั้นที่จอดรถ หยิบเอาเสื้อผ้าแห้งที่เตรียมไว้แต่แรกมาผลัด ค่อยหายหนาวหน่อย เปิดแอร์ได้ไม่ต้องทนปอดบวม

ขับออกจากโซนนั้นมาได้ถนนก็โล่งมาก เป็นอีกจุดที่ผมโคตรชอบเทศกาลนี้ นั่งตูดไม่ทันร้อนรถพี่จอมก็มาจอดถึงบ้านแล้ว ผมแปลกใจที่เห็นพี่ธีขึ้นไปเอาของแล้วลงมาอีก หรือสองคนนี้จะไปต่อกะเขาด้วย

“ไม่กลับนะ”

“หะ” หูฝาดเปล่าวะ “ไปเที่ยวต่อ?”

“ไปค้างบ้านจอม”

อกอีแป้นแล่นเข้าตึกแขก มนุษย์ต่างดาวลักพาพี่ธีตัวจริงไปแล้วใช่มั้ย

“ทำตาถลนทำไม”

ช็อคที่พี่ตูจะเสียซิง อยากพูดแบบนั้นแต่ผมยังเด็กเกินกว่าจะตาย เลยได้แต่ส่ายหน้ายิก

“ของกินแม่ซื้อไว้ให้ก่อนไปญี่ปุ่นแล้วนะ หาไม่เจอก็ถามป้าพิศ ไม่พอก็ทำเอง วันหยุดอย่าไปกวนเขาให้มาก”

“…ครับ”

ได้แต่ยืนมองพี่ชายขึ้นรถไปกับชายอีกคนตาปริบๆ ความรู้สึกผสมปนเปจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไอ้พี่จอมมันจะได้เป็นพี่เขยผมโดยพฤตินัยจริงๆ มั้ยวะ แล้วนี่เหมือนผมลืมอะไรที่สำคัญมากๆ ไปสักอย่าง

มือถือในมือสั่นครืด ผมเปิดหน้าจอ พบว่าเป็นเสียงตั้งเตือนรูปหนึ่งในไอจีที่เพิ่งลงวันนี้ เป็นภาพที่พี่น้ำอุตส่าห์ท้าทายประสิทธิภาพการกันน้ำของมือถือ ถ่ายรวมกลุ่มชายล้วนแล้วส่งแจกจ่ายมาให้ ผมเห็นว่าดูดีเลยเอาลงโดยไม่ได้เช็คละเอียด ลืมสังเกตว่าพี่ธีในรูปยืนแนบชิดพี่จอม เอวยังถูกโอบไว้ด้วยท่าทางสนิทสนมเกินเพื่อน

คอมเม้นต์อื่นแล้วไปเถอะ แต่หนึ่งคำถามใต้ภาพทำเอาผมขนลุกชันยันท้ายทอย กลืนน้ำลายเอื้อก

GodTut : [คนข้างๆ ธีคือใคร]

ไอดีพี่ทัต…
 

***
TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [Special Toss] 18/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-02-2018 14:05:04
ล่วงหน้าไปก่อนเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [Special Toss] 18/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 18-02-2018 14:14:17
อุ้ยยยย งานเข้าแน่แล้วจอม
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [Special Toss] 18/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 18-02-2018 15:54:15
พี่ทัตรู้แล้วจะเป็นไงต่อน้า
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [Special Toss] 18/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 18-02-2018 17:20:17
 :L2: :L1: :pig4:

งานเข้า :a5:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [Special Toss] 18/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-02-2018 18:07:22
พี่ทัตทำอะไรไม่ได้แล้วละ ผ่านคืนนี้ไป
พี่ก็มีน้องเขยที่ถูกต้องแล้วละ ทำใจเถอะ
 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [Special Toss] 18/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-02-2018 20:15:18
มีงานเข้า มีงานเข้า คุณว่าที่น้องเขยจะเจอว่าที่พี่เขยทำอะไรไหมหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [Special Toss] 18/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-02-2018 16:56:20
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [Special Toss] 18/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-04-2018 14:39:57
 :call: :call: :call:

ดันหน่อย ฮึบ ๆ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [Special Toss] 18/02/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-04-2018 11:00:23
สงกรานต์มาล่วงหน้า
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [020] 06/04/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 06-04-2018 21:31:22
020

Jom’s

เรื่องของเรื่องก็คือ สงกรานต์นี้คุณพ่อคุณแม่ผมพาบอร์ดบริหารไปทัวร์ยุโรป แม่บ้านหลายคนลาหยุดกลับต่างจังหวัด เหลือแค่คนสวนอยู่เฝ้าบ้าน ผมเลยเอาแจ๊คมาอยู่ด้วยที่บ้านเล็ก กำลังคิดว่าสงสัยต้องต้มมาม่ายังชีพ ไม่ก็ซื้อของกินมาตุนดีมั้ยเพราะออกไปทีลำบาก ต้องผ่านซุ้มน้ำของแก๊งค์เด็กๆ ในหมู่บ้าน ร้านตามสั่งก็คงปิดหมด

พอลองอ้อนธี มันเลยรับปากว่าจะมาอยู่ด้วย เพราะถึงทศจะอยู่คนเดียวเหมือนกันแต่ตู้เย็นเสบียงแน่นด้วยฝีมือคุณแม่ปุ้ยผู้กลัวลูกชายอด แถมทศก็มีทักษะทำอาหารดีกว่าผมมาก เลยไม่รู้สึกผิดสักนิดที่แย่งตัวพี่ชายมันมาได้

“ทำไมแจ็คมันขนสั้นงี้อ่ะ ดูผอมเลย” ธีทักเมื่อขึ้นบ้านมา

“ร้อนไง ก่อนหน้านี้ผลัดขนด้วย ตัดงี้แหละ สบายทั้งคนทั้งหมา”

แจ๊คนอนหงายท้องให้ใช้เท้าเขี่ยพุงพิสูจน์ เล็กลงแค่ขนไขมันยังอยู่ครบ หยอกกันเล่นพักหนึ่งธีก็เงยหน้าบอก

“เดี๋ยวกูอาบน้ำก่อนนะ”

เมื่อขากลับเราแค่เปลี่ยนชุดแต่ตัวยังไม่ได้ล้าง ผมก็ชื้นเชียว

“อาบด้วยได้ป่ะ”

“ตลอดอ่ะมึง” ก็เผื่อฟลุคเนอะ

ธีหันไปคว้ากระเป๋าที่โซฟา แต่ชะงักไปเล็กน้อย ผมมองตามสายตามันแล้วก็ต้องเหงื่อตก เชี่ยเอ๊ย! ลืมเก็บ รีบตั้งท่าจะคว้ากล่องพัสดุที่เปิดแง้มนั้นไว้ แต่ธีหยิบไวกว่า หรี่ตามองผมอย่างจะขู่ไม่ให้แย่ง แล้วเปิดดูของข้างใน

ตายๆๆๆ กู พัสดุชิ้นนี้ผมเพิ่งได้รับก่อนไปรษณีย์จะหยุดทำการ เปิดเช็คแล้วก็ทิ้งไว้ ย่ามใจว่าไม่มีคนอยู่ไม่มีใครเห็น เสร็จแล้วก็ลืมสนิท ผมยืนเหงื่อแตกซิก ก้มหน้ารอรับชะตากรรม

อีกฝ่ายจ้องของข้างในอยู่ครู่หนึ่ง หันมาเหล่ผมที่ยืนเจี๋ยมเจี้ยมอีกอึดใจใหญ่ ก่อนจะหลุดหัวเราะลั่นจนต้องทิ้งตัวลงบนโซฟา นั่งขำกิ๊กอยู่เป็นนาที

ท่าทางจะรอดว่ะ ค่อยใจชื้นขึ้นหน่อย

“โอ้โห ไหนดูซิ” มันยกมือปาดน้ำตาด้วยความขำ มือก็หยิบของออกมาตีแผ่ทีละชิ้น

“อาฮะ” ถุงยาง 6 กล่องถูกรื้อออกมา

“อืม” ตามด้วยหลอดเจลหล่อลื่น 2 หลอดที่มีแต่ภาษาญี่ปุ่น เห็นมันพลิกอ่านด้านหลัง นึกว่าแค่ดูไปงั้นๆ แต่กลับฮาอีกยกใหญ่

“อะไรเนี่ย ทำจากสาหร่าย ฮ่าๆ ออร์แกนิคมากอ่ะ”

ดั๊นนนอ่านออก ผมนี่เขินเลย เจอจับได้ว่าซื้อของมาเตรียมไว้แบบนี้

“เดี๋ยวนะ นี่คือมึงกะจะอยู่ข้างบนเหรอ” ธีชะงัก เลิกคิ้วถามผม

ชิท…

ยังไม่ทันที่ผมจะมีปฏิกิริยาอย่างไรนอกจากหน้าซีด คนบนโซฟาก็ระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้ง ฟุบหน้าขำกับเท้าแขนจนตัวสั่นเทิ้ม ผมรู้ตัวว่าโดนแหย่เข้าให้แล้ว เลยโถมตัวลงไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงมันให้สาสม

“ปล้ำแม่ง” ผมกอดเอวบางไว้แล้วปล้ำจูบกึ่งหยอกกึ่งเอาจริง ไล่งับริมฝีปากและเรียวลิ้น ขบดึงชุลมุนกันจนอีกคนเริ่มตัวอ่อนแล้วนั่นแหละถึงได้ผ่อนแรงลง

“บอกก่อน กูไม่ได้บังคับนะเว้ย ก็แค่เผื่อไว้” ผมบอกให้มันสบายใจ ใช้ปลายนิ้วคลึงริมฝีปากที่เริ่มขึ้นสีจัดไปมา

“พูดจริง?”

“จริง ก็มึงบอกเองว่าผู้ชายด้วยกันมันลำบากกว่า ถ้าเกิดได้ทำแล้วไม่มีมึงแหละจะเจ็บ แต่ถ้าไม่ทำกูก็จะอดทน”

เรียวปากได้รูปยิ้มหวาน หยิกแก้มผมเบาๆ คิดไปเองหรือเปล่า ตั้งแต่ยอมเผยความคิดด้านมืดกับผมนี่ดูมันเซ็กซี่ขึ้นนะ

“ว่าแต่...” ดวงตาคล้ายแมวหลุบลงอ่านอักษรบอกขนาดตรงมุมกล่องถุงยางอนามัยอิมพอร์ตจากญี่ปุ่นชนิดบางเฉียบ แล้วมองสลับกับส่วนที่อยู่ต่ำกว่าเอวผมลงไป “ไซส์นี้จริงอ่ะ”

จริงสิก็ใช้มาหลายกล่องแล้ว โธ่! คิดว่าผมโง่เหรอครับ ขืนพูดออกไปไม่ต้องหวังได้แอ้ม คร้านจะได้หยอดน้ำข้าวต้มแทน

“เดี๋ยวก็รู้”

ธีเม้มปากนิดๆ เสหลบตาเหมือนกำลังเขินปนลังเล แก้มขาวเรื่อแดงขึ้นจนผมที่อยู่ใกล้ชิดสังเกตได้ มันสูดหายใจเฮือกหนึ่งก่อนเอ่ยอ้อมแอ้มเสียงเบา

“ยังอยาก…อาบน้ำด้วยกันอยู่รึเปล่า”



T's

ภายในห้องน้ำใหญ่ ก่อนนี้ผมเพิ่งใช้เวลาอยู่พักหนึ่งเพื่อตระเตรียมตัวเอง แม้จะไม่เคยปฏิบัติแต่ก็พอจะรู้ทฤษฎีอยู่บ้าง ในเมื่อตั้งแต่เริ่มสัมผัสกันผมก็เกิดความหวั่นใจระคนอยากรู้อยากเห็น หาความรู้เพิ่มเติมมาก่อนแล้ว เพียงแค่ไม่คิดว่าจะได้มาใช้เอาวันนี้
 
อดกลืนน้ำลายไม่ได้เมื่อคนที่เปลือยท่อนบนก้าวเข้ามายืนซ้อนหลัง เลิกถอดเสื้อยืดที่ผมสวมอยู่ออกไป มองเห็นผิวเนื้อของตัวเองที่มีรอยเกรียมแดดจากเหนือข้อศอกลงมาสะท้อนเงาอยู่ในกระจก ไม่ต่างจากอีกคนเท่าใดนัก

สองแขนแข็งแรงเลื่อนสอดสวมกอด ป่ายมือปัดไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้อง ในขณะที่เบียดเนื้อตัวด้านหน้าเข้ากับแผ่นหลังของผมไปพร้อมกัน แววตาคู่นั้นคมกล้าเสียจนเผลอหลบ ทว่ามือของคนช่างแกล้งยื้อจับคางบังคับให้สบตาเช่นเคย ริมฝีปากบางยกยิ้มก่อนจะก้มประทับจูบที่ซอกคอ แรงดูดเม้มระเรื่อยและสายตาที่ยังไม่ละจากภาพสะท้อนไปไหนทำให้ผมใจเต้นแรง ผิวแก้มร้อนผ่าว

ใจเร็วไปหริอเปล่านะ ผมหวั่นเล็กน้อย เป็นธรรมดาที่คนไร้ประสบการณ์ทางกายแม้แต่กับเพศตรงข้ามอย่างผมจะตื่นกลัวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า…อยากจะหยุด

และในเมื่ออีกฝ่ายมีประสบการณ์มากกว่า เช่นนั้นก็ตามใจเขาเถอะ

ผมตัดสินใจโอนอ่อน เงยหน้ารับรสจูบที่ทั้งหวานฉ่ำและร้อนแรง สอดนิ้วเข้าขยุ้มเรือนผมดกหนาเบาๆ และต้องสะดุ้งเมื่อยอดอกทั้งสองถูกหนีบดึงหยอกยั่ว ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะเลื้อยลงไปจนถึงขอบกางเกง

เพราะตั้งใจหยิบชุดสวมใส่สบายมาเพื่อเล่นน้ำ ขอบยางยืดจึงถูกดึงลงไปอย่างง่ายดายพร้อมกับชั้นใน ผมแทบสำลักอากาศเมื่อส่วนอ่อนไหวถูกกอบกุมปลุกเร้า จึงพยายามหันกลับมาเผชิญหน้า และกระตุกดึงกางเกงของคนตัวสูงกว่าบ้างเป็นการประท้วง

ดีที่ผมเสียเปรียบอยู่ไม่นาน เรือนร่างแข็งแรงก็เปลือยเปล่าไม่ต่างก้น ริมฝีปากของเรายังคงรบราไม่เลิก ผิวเนื้อที่เสียดสีปลุกเร้าความปรารถนาให้คุโชน ผมรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่ดุนดันท่อนล่าง จึงเลื่อนมือไปคลึงเคล้า ปล่อยใจไปกับความต้องการ อยากทำในสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีด้วยกันทั้งคู่

จอมครางฮึ่มในลำคอ ก่อนจะดึงผมให้ไปอยู่ตรงใต้ฝักบัว น้ำที่ค่อนข้างเย็นในทีแรกทำให้ยอดอกที่ถูกหยอกเย้ามาแล้วตั้งชันจนรู้สึกเจ็บ แต่ก็ได้รับการปลอบประโลมแทบจะในทันที ด้วยลิ้น ด้วยฟัน และปลายนิ้ว ผมรู้สึกซ่านเสียวจนต้องครางออกมาเบาๆ อุณหภูมิของน้ำสูงขึ้นแล้ว แต่กลับเทียบไม่ได้เลยกับสัมผัสรุมร้อนจากคนตรงหน้า

แผ่นหลังสะดุ้งกับความเยียบเย็นของกระเบื้องเล็กน้อยเมื่อโดนดันให้ยืนชิดกำแพงด้านหนึ่ง ร่างกายถูกคลึงเค้นไปทั่วราวกับจะไม่ให้มีที่ใดว่างเว้น เพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาจอมได้ออมมือให้ผมมากแล้ว นี่ต่างหากถึงจะเป็นการรุกที่แท้จริงของมัน และเมื่อถูกจูบเลียผ่านหน้าท้อง สะดือ…ลงต่ำไปจนถึงสิ่งที่ตื่นตัวอยู่ ผมก็ไร้หนทางต่อสู้ใดๆ ได้แต่ยืนตัวสั่นหอบสะท้าน ปล่อยให้โพรงปากร้อนผ่าวเข้าครอบครอง ปลุกปั่นโลมไล้ระคนยั่วเย้า

ผมรู้ว่าจอมไม่เคยกอดกับผู้ชายคนไหนมาก่อน การได้เห็นผู้ชายคนนี้ยอมคุกเข่าใช้ปากทำรักให้กับผม นอกจากร่างกายแล้วหัวใจก็พลอยถูกประโลมไปด้วย ลิ้นร้อนที่พันเกี่ยวพร้อมแรงดูดเม้มแทบทำให้ผมไปถึงจุด พยายามอดกลั้นจนหูอื้อตาลายไปหมด หลายวันมานี้ผมไม่ได้ทำเองเลย แล้วยังมาเจอความตื่นเต้นระดับนี้อีก จุดสูงสุดจึงคล้ายจะมาถึงเร็วกว่าทุกครั้ง ผมใช้มืออ่อนแรงยันบ่ากว้างเป็นสัญญาณให้ผละออกไปได้แล้ว ทั้งผลักทั้งดันอยู่หลายทีจนกระทั่งอีกฝ่ายยอมคายออกจากปาก น้ำสีขุ่นจึงฉีดพุ่งออกมาแทบจะทันทีอย่างสิ้นความอดทน

ผมหน้าร้อนแทบไหม้เมื่อของเหลวนั้นถูกปาดชิม จอมยิ้มร้ายก่อนจะส่งลิ้นเข้ามาคลุกเคล้าในปากผม รสชาติแปลกปร่าและคาวนิดๆ ส่งผ่านมา ไม่แย่อย่างที่คิดแถมยังปลุกเร้าอารมณ์ที่เพิ่งเบาลงให้ลุกโหมขึ้นมาใหม่ ผมขบงับกลีบปากล่างนั้นเบาๆ เมื่อเนื้อที่บั้นท้ายถูกมือใหญ่ขยำคลึง ปลายนิ้วนวดกดอยู่ที่ปากทางเข้าคับแคบ เป็นการส่งสัญญาณว่า ของจริงเพิ่งกำลังจะเริ่ม

เสียงน้ำเงียบลงและผ้าเช็ดตัวถูกดึงมาซับน้ำให้กันอย่างลวกๆ เดินออกจากห้องน้ำไปที่เตียงก็ไม่ได้ห่างเท่าไรนักแต่กลับค่อนข้างทุลักทุเลเพราะมัวแต่พัวพันกันไม่เลิก ความเร่งร้อนของวัยหนุ่มทำให้ผมเผลอขำออกมานิดหน่อยจนโดนลงโทษด้วยการถูกกดลงกับเตียงทั้งที่ร่างกายยังเปียกชื้น ฟันคมงับสะเปะสะปะไปทั่ว เจ็บและจั๊กจี๋ปนสยิวอย่างบอกไม่ถูก

ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้ผมขนลุกเล็กๆ ทว่าต้องแอ่นสะดุ้งกับความเย็นยิ่งกว่าของบางสิ่งที่ลื่นเป็นเมือก เจลหล่อลื่นที่ว่าถูกบีบป้ายเป็นปริมาณไม่น้อย ตามมาด้วยหนึ่งนิ้วที่กดเข้ามาคล้ายหยั่งเชิง

“เจ็บรึเปล่า” เสียงทุ้มพร่ากว่าทุกครั้งเอ่ยถาม

“ยังไม่เจ็บ” ผมบอก ถึงอย่างไรช่องทางนั้นก็มีความยืดหยุ่น ทั้งยังได้เตรียมไว้บ้างตั้งแต่ก่อนเริ่มแล้ว

นิ้วนั้นค่อยกล้าสอดเข้ามาลึกขึ้นจนสุดโคนนิ้ว ผมไม่ได้อึดอัดแค่รู้สึกแปลกๆ และชื้นลื่นไปหมด จากนั้นนิ้วที่สองก็ตามเข้ามา

“แคบจัง” อีกฝ่ายงึมงำ แต่คล้ายจะชอบใจมากกว่าบ่น เพราะสีหน้าของมันตอนนี้ดูตื่นเต้นและลามกมาก

สองนิ้วควานขยับภายใน ผมบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง ไม่เจ็บเท่าที่คิดแต่ก็เริ่มอึดอัดนิดหน่อย พยายามผ่อนคลายร่างกาย และขยับนอนในท่าที่สบาย จนกระทั่งสองนิ้วนั้นงอขึ้นในมุมหนึ่ง…

“อื๊อ”

ผมเสียวแปลบขึ้นมา คงเป็นจุดด้านหลังต่อมลูกหมากที่เขาว่ากัน จึงพยักหน้ารับตามจริงเมื่อถูกถามว่าตรงนี้รู้สึกดีใช่มั้ย แต่ก็เริ่มเสียใจภายหลังเมื่อโดนรังแกตรงจุดเดิมถี่ๆ ทั้งกดคลึง ขยับขยาย แทรกนิ้วที่สามเข้ามานวดเฟ้นทางเข้าจนอ่อนนุ่มกว่าเดิม ดวงตาคู่นั้นจับจ้องทุกปฏิกิริยาของผมพลางใช้อีกมือรูดรั้งตัวเองจนแข็งเต็มที่ ก่อนจะสวมถุงยางอนามันบางเฉียบยี่ห้อนั้น

อา…ไซส์นี้จริงๆ ด้วย

มัวแต่คิดอะไรบ้าๆ จนเพิ่งดึงสติกลับมาได้เมื่อโดนความจุกเล่นงานจากการสอดใส่ แม้จะเป็นแค่ส่วนหัวแต่ก็ทำให้ปวดตึงอย่างมาก ร่างกายตื่นเกร็งโดยอัตโนมัติ

“โอย…อย่าเกร็งนักสิ รัดจนกูปวดไปหมดแล้ว” จอมหยุดรุกคืบ เลื่อนมือทั้งสองมาขยำคลึงแก้มก้น ช่วยแหวกขยายเปิดทางอีกแรง

ผมหอบหายใจ พยายามผ่อนคลายอีกครั้งแต่ก็เป็นไปด้วยความลำบาก เจลสาหร่ายนั่นทำหน้าที่ได้ดีเกินไป ไม่ทันไรท่อนเนื้อนั่นก็แทรกเข้ามาได้อีกหน่อยทั้งที่ยังไม่พร้อม ผมรู้สึกเหมือนคนเป็นตะคริว เจ็บเสียดและจุกเกร็งคล้ายร่างกายจะปริ แข้งขาอ่อนแรงเอาดื้อๆ แต่กลับกลายเป็นว่าช่วยลดอาการแข็งเกร็งลงไปได้

“เข้าอีกหน่อยไหวมั้ย” คงเพราะรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่คลายลงเช่นกันมันจึงถามออกมา น้ำเสียงเจือความกังวล

“อือ เข้ามาเถอะ” มาถึงขนาดนี้แล้วยังไงผมก็ไม่ยอมเจ็บตัวฟรีแน่ๆ

จอมบีบเจลเพิ่มอีกหน่อย มือใหญ่ช้อนสะโพกของผมขึ้นวางบนหน้าตักเปิดทางให้สะดวกขึ้น ก่อนจะดุนดันเข้ามาช้าๆ แต่ต่อเนื่องรวดเดียวจนสุด

ผมจิกทึ้งผ้าปูที่นอน ครางออกมาด้วยทั้งเจ็บทั้งคับแน่น แต่ก็มีความโล่งใจผสมอยู่ด้วย อีกฝ่ายแช่ตัวไว้อย่างนั้นพักหนึ่ง สองมือนวดเฟ้นผิวกายผมหนักๆ คล้ายจะดึงความสนใจ มือหนึ่งเลื่อนไปรูดรั้งส่วนที่อ่อนตัวลงไปอย่างต้องการปลุกเร้า อีกมือนวดไล้ไปตามโคนขาและบั้นเอว โน้มตัวประกบจูบล้ำลึก

ความรู้สึกที่โดนของใหญ่ชำแรกเข้ามานั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ แม้ความเจ็บร้าวจะลดลงไปแล้วแต่ก็ยังอึดอัดอยู่มาก จอมไม่ได้รีบร้อนไปต่อแต่กลับใช้เวลาเล้าโลมผมอย่างตั้งใจ สะโพกหนาขยับเบาๆ ตามร่างกายที่เคลื่อนไหว ทำให้เกิดการสอดแทรกตื้นๆ จนเมื่อกลางลำตัวผมเริ่มแข็งขันขึ้นมาอีกครั้งจังหวะสอดแทรกนั้นจึงลึกขึ้น และถีขึ้นตามลำดับ

ตัวผมโยกคลอนไปตามการเคลื่อนไหว สักพักพอปรับตัวได้จึงเริ่มขยับสะโพกเพื่อให้มันเข้ามาได้ราบรื่นยิ่งกว่าเดิม และพบว่าการทำแบบนี้ช่วยให้อึดอัดน้อยลง จึงให้ความร่วมมือในการขยับเข้าจังหวะให้มากขึ้นไปอีก มือที่ว่างอยู่คลายจากการจิกผ้ามารูดรั้งตัวเอง เปิดรับสัมผัสทุกอย่างที่รู้สึกดี

“แม่ง ยั่วชิบ” จอมดูผมขยับสะโพกแล้วเลียปาก ดันบั้นท้ายให้สูงขึ้นแล้วกดตัวลงมาเร็วๆ

เพราะสะโพกที่ยกสูงทำให้ผมเห็นช่องทางที่เดิมไม่น่าจะทำอะไรแบบนี้ได้กลืนกินท่อนเนื้อร้อนผ่าวของใครอีกคนจนมิดลำ เสียงลื่นเฉอะแฉะดังตามจังหวะเข้าออก ทั้งหยาบโลนและยั่วเย้า พลันความร้อนค่อยก่อตัวจนเสียดเสียวที่ท้องน้อย จึงขมิบเกร็งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เรียกเสียงครางต่ำให้ทักท้วงทันที

“เชี่ย...จะให้กูตายเลยใช่มั้ย”

“ก็มัน…”

“ทำไม ดีแล้ว?” ดวงตาคมลุกวาว หูผึ่ง คล้ายว่ารอมานาน พอรู้แบบนั้นเลยย่ามใจ แขนข้างหนึ่งลดลงสอดเข้าใต้พับเข่าผม แล้วรั้งสูงขึ้นจนขาทั้งสองแยกออกกว้างอย่างน่าอาย

ไม่มีเวลาให้เขินนานเมื่อจอมเปลี่ยนมุมเข้าประกบ ยัดเยียดตัวตนร้อนจัดเข้ามาอีกครั้ง ขยับสะโพกวนบดเบียดรุกเร้า ทิ่มแทงจุดอ่อนที่มันเคยค้นพบก่อนหน้านี้แล้วอย่างถนัดถนี่ ผมเสียวเกร็งจนกลายเป็นอ่อนระทวย ซ่านสะท้านตั้งแต่แผ่นหลังไปจนถึงปลายนิ้ว กลั้นเสียงครางไม่ไหว

เมื่ออะไรเข้าที่เข้าทางเราต่างก็รู้สึกดีขึ้น จอมดูจะปลดปล่อยความต้องการออกมาได้เต็มที่ สองมือเกาะกุมเคล้าคลึงจุดอ่อนไหวไปทั่ว เล่นงานทั้งยอดอกที่บวมแดงและแก่นกายแข็งขันที่เปียกลื่น ปากและลิ้นวนเวียนอยู่กับช่องหูซึ่งเป็นอีกจุดอ่อนของผม จึงได้แต่ขยับเอวและสะโพก รวมถึงบีบรัดมันเป็นการตอบโต้ แต่ตัวเองก็ได้รับความหวามหวิวนั้นกลับมาด้วย สะท้อนวนไปไม่รู้จบ
 
ไม่ใช่การอดทนรองรับ หรือการอดกลั้นรั้งรอ แต่เป็นทั้งการให้และรับประโลมปรนเปรอซึ่งกันและกัน คือการร่วมรักที่ผมเพิ่งเคยได้เรียนรู้จากจอมเป็นครั้งแรก ทั้งหัวใจและร่างกาย ต่างก็มีมันเป็นคนแรกเสมอมา ราวกับชีวิตของผมได้ถูกลิขิตไว้แล้ว

เราสองกระหวัดรัดโรมรันกันจนร้อนฉ่า ริมฝีปากและปลายลิ้นดูดดื่มคลอเคล้า เบื้องล่างยังคงชำแรกลึกล้ำ หนัก เบา ช้า เร็ว เคี่ยวกรำอารมณ์ให้งวดข้น ร่างกายทั้งร้อนทั้งชาและซ่านเสียวเสียแทบขาดใจ ผมตวัดขาเกี่ยวบั้นเอวอีกฝ่ายเมื่อใกล้หมดความอดทน ขยับตอดรัดชักพาให้ไปถึงฝั่งด้วยกัน

จอมตอบสนองด้วยจังหวะกระทั้นถี่ ทรมานผมจนเสียวเกร็งเนื้อตัวสั่น รู้สึกเหมือนเห็นแสงระยิบระยับหลังเปลือกตาในขณะปลดปล่อยออกมาเต็มที่ มือใหญ่ยังช่วยขยับรูดเสียจนหมดทุกหยด ในขณะที่กดท่อนเนื้อเข้ามาหนักๆ ก่อนจะเกร็งกระตุกนิดๆ ฉีดพ่นความร้อนออกมาจนรู้สึกได้แม้จะมียางบางๆ ขวางกั้น

คนข้างบนถอยร่างออกไปเพื่อถอดถุงยางออก มัดปากโยนทิ้งไปมั่วๆ แล้วเข้ามากอดผมไว้ทั้งตัว ผิวกายของเราต่างก็ยังผ่าวร้อนและชื้นเหงื่อ ทว่าเมื่อแนบชิดกันแบบนี้กลับให้ความรู้สึกอุ่นใจมากกว่าจะรำคาญ

ใบหน้าหล่อเหลาดูอิ่มเอมอย่างร้ายกาจ ลิ้นร้อนยังและเล็มใบหน้าลำคอของผมไปเรื่อย บ่งบอกว่าพึงพอใจถึงที่สุดจนน่าหมั่นไส้ ผมได้แต่นอนอ่อนแรง ไม่เคยคิดว่าตัวเองอ่อนแอแต่กิจกรรมนี้ทำให้ผมเหนื่อยจริงๆ ท่อนล่างยังคงลื่นเฉอะแฉะไม่ใคร่จะสบายตัวนัก แต่ยังไม่มีปัญญาไปจัดการอะไรกับมัน

ไม่นาน มือไม้ที่อยู่ไม่สุขก็เลื่อนลงต่ำ ท่อนขาแข็งแรงแทรกเข้ามาเสียดสีที่กลางหว่าง ผมอ้าปากจะประท้วงแต่กลับถูกประกบปิดทันที ลิ้นลื่นชื้นคลุกเคล้าดูดเม้มหลอกล่อ สองมือขยำคลึงเค้นจุดไฟรอบใหม่ให้คุโชน แล้วคนที่ไม่เคยใจแข็งกับมันได้เลยอย่างผมจะทำอะไรได้ นอกจากครางทดท้อในใจ และเตรียมตัวรับความสุขแทบตายอีกครั้ง


***
TBC

ขออภัยจริงๆ ที่หายไปนานมาก งานยุ่งแล้วก็ต้องเดินทางด้วย ก็เลยแต่งต่อไม่ออกเลยค่ะ แถมยังเป็น nc เสียอีก เนื่องจากเราไม่มี stock แล้วก็แอบลำบากนิดนึงค่ะ แต่ยังไงก็จะพยายามไม่ให้ขาดหายไปนานนะคะ ขอบคุณที่ยังติดตามค่า :o8:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [020] 06/04/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-04-2018 22:04:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [020] 06/04/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-04-2018 22:15:29
เขาได้กันแล้ววววววววววววววว
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [020] 06/04/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-04-2018 03:26:04
เล่นน้ำที่ห้องเนี่ยมันดีกว่าจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [020] 06/04/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 07-04-2018 04:57:32
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [020] 06/04/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-04-2018 08:50:13
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [020] 06/04/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 07-04-2018 12:59:26
feel good จริงจังเลย

สำนวนรื่นมาก ไม่สะดุดกับตัวสะกดผิดเลยด้วย
(แต่ก็มีผิดบ้างนะคะ เป็นแบบตกหล่น มากกว่าสะกดคำผิด)

ชอบทั้งธี จอม อาร์ต ทศ และเพื่อนทุกคนเลยค่ะ
(ยกเว้นเธอคนนั้น)

น่ารักมาก จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [020] 06/04/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 07-04-2018 13:59:11
 :z1: ร้อนแรง
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [020] 06/04/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 07-04-2018 18:39:21
feel good จริงจังเลย

สำนวนรื่นมาก ไม่สะดุดกับตัวสะกดผิดเลยด้วย
(แต่ก็มีผิดบ้างนะคะ เป็นแบบตกหล่น มากกว่าสะกดคำผิด)

ชอบทั้งธี จอม อาร์ต ทศ และเพื่อนทุกคนเลยค่ะ
(ยกเว้นเธอคนนั้น)

น่ารักมาก จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ ถ้าเจอที่ผิดหรือตกหล่นชี้แนะได้เลยนะคะ จะพยายามแก้ไขให้ถูก เพราะเรื่องนี้พิมพ์ในมือถือเลยมีจิ้มพลาดบ้างค่ะ เวลาย้อนมาเจอก็หงุดหงิดเองเช่นกัน ดีใจที่ชอบค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [020] 06/04/61 P.5
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-04-2018 19:27:09
ทศได้พี่เขยตามพฤตินัย(สมใจ?)แล้วจริงๆด้วย ฮาาาา
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [021] 17/04/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 17-04-2018 11:15:35
021

Jom's


“ยังอีกเหรอ”

“ยัง”

“มันจะไหม้นะ”

“บอกให้ทำอะไรก็ทำเถอะน่า”

“ครับ”

ผมยืนกดตะหลิวลงบนเนื้อตามที่อีกคนบอก เชื่อฟังเป็นอย่างยิ่ง ก็ใครใช้ให้ไม่ควบคุมตัวเองลงมือฟัดมันเต็มที่ไปสองยกติดล่ะ ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้วยังไม่ได้กินอะไร ต้องมายืนทำกับข้าวอยู่เนี่ย ดีที่ก่อนขึ้นไปเทอาหารเม็ดให้แจ็คแล้ว ไม่งั้นมันต้องมาพังประตูแน่ ยิ่งงอนที่ช่วงหลังไม่ยอมให้นอนเตียงอยู่ด้วย

“ได้แล้ว ใช้ที่คีบพลิกอีกด้านเร็ว”

ผมทำตาม เห็นเนื้อเป็นสีน้ำตาลน่ากินจริงๆ ค่อยวางใจ ยืนกดเนื้อสเต็กบนกระทะต่อ

หันมองคนข้างๆ ที่นั่งกำกับแล้วรู้สึกผิดนิดหน่อย ธีดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรงอย่างเห็นได้ชัด เนื้อตัวใต้เสื้อนอนตัวโคร่งมีแต่รอยแดงเต็มไปหมด เช้ามาคงขึ้นสีชัดยิ่งกว่านี้อีก แต่อีกใจก็มีความสุขโคตร พูดตามตรงเลยว่าฟินสัสๆ ชนิดที่แฮปปี้ดี๊ด๊าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“ดูกระทะไป” ธีเบะปาก เพราะความระบมทำให้ออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างที่แทบไม่เคยเป็น จึงได้แต่เอาอกเอาใจมันทุกอย่าง

เมื่อใกล้ได้ที่ก็ใส่เนยกับโรสแมรี่ เอียงกระทะใช้ช้อนราดน้ำมันลงบนชิ้นเนื้อประหนึ่งพ่อครัวมือฉมัง ที่จริงก็คือแค่ทำตามสั่งไม่ให้พลาด ได้สเต็กออกมาสองชิ้นดูดีมีชาติตระกูลผิดกับเวลาทำเองมาก ตักพักใส่จานไว้บนโต๊ะ คลุกผักเข้ากับน้ำสลัดอีกอย่าง เป็นอันได้กิน

“ไม่เลว” ผู้กำกับพยักหน้าพอใจเมื่อหั่นเนื้อออกมาเป็นมีเดียมแรร์กำลังดี ค่อยๆ เคี้ยวอย่างละเอียดกว่าทุกที สีหน้าดูสดชื่นขึ้นบ้างเมื่อได้อาหารและน้ำมาชดเชยพลังงานที่ขาดหาย

ผมเองก็หิวมากจึงไม่รีรอ ขอเติมกระเพาะให้เต็มก่อน เนื้อที่ซื้อมาคุณภาพดี แค่ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย กับสมุนไพรง่ายๆ ก็อร่อยแล้ว กินผักสลัดแกล้มจนหมดก็ยังรู้สึกไม่อิ่มอยู่บ้าง จึงทำแซนวิชตับบดกับชีสแผ่นง่ายๆ กินไปอีกคู่ รอจนธีกินเสร็จแล้วก็รวบจานชามไปล้างอย่างรู้หน้าที่

“ดูมึงล่ำขึ้นรึเปล่านะ คิดมาตั้งแต่เมื่อกี้ละ” ธีเท้าคางมองผมที่สวมแต่กางเกงนอน สำรวจขึ้นลงแถวกล้ามอกและบ่า

“ก็นิดนึง ช่วงนี้ออกกำลังน่ะ”

“เหรอ” เรียวขาขาวแกว่งเขี่ยหมาอ้วนเล่นใต้โต๊ะ ไม่ได้สนใจคำตอบจริงจังนัก

ไม่กล้าบอกความจริงหรอกว่า ตั้งแต่เห็นมันหักแขนคนด้วยมือเปล่าผมก็ขยันไปเล่นฟิตเนสล่างหอขึ้นมาทันที เปล่าคิดหือนะ แค่อยากอุ่นใจขึ้นอีกนิด...แค่นั้นจริงๆ

“อยากกินไอติม” ผมยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงแหบกว่าปกติเรียกร้อง ตอนมันเอาแต่ใจนี่น่ารักเป็นบ้า

“เอาอันไหน”

“กาแฟ”

“กินตอนนี้เนี่ยนะ”

“มันไม่มีผลกะกู มึงก็รู้”

อันนี้เรื่องจริง คาเฟอีนไม่มีผลอะไรกับธีเลย ดื่มกาแฟก่อนนอนยังหลับได้สบาย มันแค่ชอบรสชาติเฉยๆ

ผมล้างและเช็ดมือให้สะอาด เดินมาช้อนใต้แขนมัน อุ้มหนีบไปวางที่โซฟา ไม่ใช่ว่าธีถึงกับเดินไม่ไหวหรอก แค่หยอกล้อกันเล่น มันก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร เพียงขยับนั่งบนเบาะนุ่มอย่างระมัดระวัง รับไอศกรีมที่ผมยื่นให้มาและเล็ม เห็นแบบนั้นผมเลยบอกให้มันนอนคว่ำหน้า แล้วบีบนวดให้เบาๆ ตั้งแต่บั้นเอวไปถึงปลีน่อง บริการด้วยใจอยากแต๊ะอั๋ง

“มีวันหยุดตรงกันวีคนึง ไปเที่ยวไหนมั้ย” ผมถามมัน

“ไปไหนดีอ่ะ”

“ต่างประเทศก็ยังไหวนะ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี”

“ถึงตอนนั้นก็เริ่มร้อนแล้วมั้ง อาจจะไม่สนุกเท่าไหร่” อีกฝ่ายเอียงหน้าคิด “แต่ถ้าอยากไปก็ได้อยู่”

“จริงๆ ก็แค่อยากอยู่กับมึงสองคนอ่ะ” ผมอ้อนมัน ก้มจูบที่หัวไหล่มน พอได้ผูกพันกันแล้วความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคล้ายจะรุนแรงกว่าเก่า ทั้งรักทั้งหวงจนบอกไม่ถูก

มือได้รูปยกขึ้นมาเกาะประสานนิ้วมือกับผมเป็นการตอบรับเงียบๆ ริมฝีปากที่ถูกผมดูดจนเจ่อช้ำดูยั่วยวน ยิ่งเห็นเผยอกัด ดูดเลียแท่งไอศกรีมเข้าออกยิ่งทำให้ผมฟุ้งซ่าน แต่ไม่อยากทำให้มันเจ็บอีกเลยต้องยั้งตัวเองไว้บ้าง

“หมู่นี้กูเริ่มคิดแล้วนะ” ผมบอก

“เรื่อง?”

“เรื่องอนาคต…ที่มีมึง”

ธีสบตาผมอยู่หลายอึดใจก่อนพลิกตัวขึ้นนั่ง โยนไม้ไอศกรีมที่กินหมดแล้วลงถัง แล้วให้รางวัลด้วยการโน้มคอผมลงมาจูบ รสชาติหวานหอมของกาแฟและเคลือบช็อคโกแล็ตซาบซ่านอยู่บนปลายลิ้น กระหวัดเย้าคลอเคลียอย่างเนิบช้าทว่าแจ่มชัดทุกสัมผัส เนิ่นนานกว่าเราจะยอมผละจากกัน

“เรียนจบแล้วมึงจะต่อมั้ย” ปลายจมูกโด่งถูไถข้างแก้มผมเบาๆ ทำให้นึกถึงการออดอ้อนของแมว

“อือ คิดว่าจะไปเมกาว่ะ แล้วมึงอ่ะ”

“อาจจะไปเรียนภาษาด้านกฎหมายเพิ่มที่ญี่ปุ่นสักปีสองปี” ผมเพิ่งรู้ว่าที่จริงธีเก่งภาษาญี่ปุ่นมากเพราะเรียนเสริมนอกโรงเรียนตั้งแต่ประถมปลาย แถมวัดระดับได้ถึง N2 แล้ว

“ต้องมาหากูด้วย และห้ามนอกใจ”

“บอกตัวเองเหอะ” ธีหัวเราะนิดๆ “กูไม่เปลี่ยนใจมาตั้งเป็นชาติแล้ว”

เมื่อไรมันจะยอมบอกเสียทีว่ารักผมตั้งแต่ตอนไหน แต่ก็ช่างเถอะ ผมยังมีเวลาคาดคั้นมันอีกนานนัก

“ทีแรกอุตส่าห์ฝันว่าจะเอามึงไปอยู่ด้วย”

“ให้กูอยู่กับคนหื่นอย่างมึงเหรอ ขอคิดก่อน นานๆ” มันผละออก ขยับเอนหลังพิงเท้าแขน ยกขาพาดตักผม

“คิดไปหื่นไปได้มะ” ว่าแล้วก็ใช้สายตาโลมเลียผิวเนื้อตรงขาอ่อนที่โผล่พ้นขอบขากว้างของบ็อกเซอร์ตัวสั้น รอยจูบรอยกัดที่ทำไว้ยังอยู่เต็ม น่าซ้ำฉิบหาย

“ถ้าวันนี้ยังขืนทำอีกมึงมาโดนบ้างเลย”

ธีแยกเขี้ยวเขม่นเหมือนแมวพองขนเมื่อเห็นสีหน้าลามก ดุปนน่ารัก แต่พอคิดว่ามันมีปัญญากดผมได้แน่ๆ ถ้าอยากเอาจริงขึ้นมาก็ต้องหยุดการยั่วยุไว้แต่เพียงเท่านี้

ผมพยุงอีกฝ่ายให้ลุก โอบเดินขึ้นห้องนอนไปพักผ่อนดีๆ ทว่าเตียงที่ยับเยินหมดแล้วกับกลิ่นอายเจือจางในอากาศชวนให้ประหวัดนึกถึงกิจกรรมเร่าร้อนที่เพิ่งผ่านไป เลยรื้อผ้าปูโกยลงตะกร้ารอซักแล้วย้ายไปห้องนอนแขกข้างๆ เป็นการชั่วคราว

ในความมืด เราต่างโอบกอดกระซิบกระซาบพูดคุย ถึงความฝัน ความหวัง อนาคต เรื่องตลกและเรื่องไร้สาระ เมื่อตอนที่เสียงธีเงียบลงแล้วเปลี่ยนเป็นลมหายใจสม่ำเสมอ ความรู้สึกหนึ่งก็ท่วมท้นเข้ามาจนเต็มหัวใจ

คือความปรารถนาที่ว่า…อยากจะอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปจนชั่วชีวิต

 
***
TBC

มาต่อสั้นหน่อยนะคะ กำลังจะเข้าเฟสหลัง
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [021] 17/04/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-04-2018 12:33:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [021] 17/04/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-04-2018 13:14:53
 :man1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [021] 17/04/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-04-2018 13:16:30
 :L1: :L2: :pig4:

ชอบความคิด
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [021] 17/04/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-04-2018 16:02:17
ตอนนี้อยากบอกว่าอะไรจะมุ้งมิ้งปานนั้น อิจมากกกก ขอบอก
 :a14:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [021] 17/04/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ANIKI. ที่ 17-04-2018 17:21:29
พอได้นี่ตวงเต็มที่จนธีเดี้ยงเลยนะ 5555
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 12-05-2018 13:13:11
022

Jom's

วันหยุดผ่านพ้นไป ผมยังต้องกลับมานั่งเรียนเหมือนเดิม ขยันเพื่อเตรียมสอบกลางภาคที่กระชั้นเข้ามาแล้ว ในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากจอมอนิเตอร์ใหญ่ที่กำลังฉายภาพ เป็นสารคดีสั้นของดีประจำจังหวัดนครราชสีมา ตรงปราสาทหินที่พิมายบทพูดดีแต่ภาพบางมุมย้อนแสงจนมืดไปนิด แอนดี้ อาจารย์ประจำวิชาติออกไมค์จี้เป็นช็อตๆ เรียกเสียงคร่ำครวญจากกลุ่มนั้นทันที

โปรเจคต์นี้เกรดออกเรียบร้อย แน่นอนว่ากลุ่มผมได้คะแนนสูงสุด คาบนี้เลยเป็นการฉายผลงานสามลำดับแรกให้ดูกัน รวมถึงผลงานที่น่าสนใจในบางแง่มุมด้วย

ผลงานจังหวัดลำปางของเราขึ้นจอเป็นลำดับสุดท้าย เมื่อตัดต่อ แต่งแสง ใส่เพลงประกอบ บรรยากาศของงานก็ดูโปร ต่างจากตอนยังเป็นไฟล์ดิบลิบลับ เปิดตัวด้วยภาพมุมสูงที่ใครบางคนอุตส่าห์เสี่ยงปีนขึ้นไปถ่ายให้พร้อมได้รับเสียงฮือฮา สงสัยกันใหญ่ว่าทำยังไง ถึงขนาดคิดไปว่าเช่าโดรนเช่าเครนมาใช้ เสียงแอนดี้เริ่มวิจารณ์ควบไปด้วย มีติบ้างเช่นตัดต่อภาพบางช่วงเร็วไปนิด รายละเอียดบางเรื่องน่าจะต่อยอดเพิ่มกว่านี้ แต่ส่วนใหญ่ได้รับคำชม ทำให้พวกผมหน้าบานกันทั้งกลุ่ม ค่อยคุ้มกับที่ลงทุนหน่อย

ผมวาดแขนโอบไหล่บางข้างตัว ทริปนี้ถ้าไม่มีมันอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเท่านี้ก็ได้

ธีเอนตัวพิงไหล่ผมตามแรงดึง มองภาพบนจอแล้วหันมายิ้มให้ คงรู้สึกดีใจไปกับพวกเราด้วยเช่นกัน

“ให้มันน้อยหน่อย เหม็นความรักว่ะ” เอกกระซิบแขวะ

“เออ แม่งมีอย่างที่ไหนพกแฟนมานั่งเรียน ไม่เป็นปัญญาชน บัดสี” โจ้รับลูก

ผมบรรจงดีดนิ้วก้อยขวาออกมาทำท่าแคะขี้หูแล้วเป่าทิ้งแบบสโลว์โมชั่น กวนตีนพวกมันเล่น บ้านพวกมึงไม่มีธีอ่ะเด้ ได้ยินเสียงเพื่อนรักทั้งหลายกัดฟันกรอดๆ แล้วสะใจว่ะ

เมื่อคลิปจบเอนด์เครดิตก็ขึ้นพร้อมภาพแคนดิดทีมงานและอักษรบรรยายชื่อและตำแหน่ง เป็นลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ เรียกเสียงหัวเราะ คนข้างผมทำหน้าเหวอนิดหน่อยเมื่อเห็นภาพตัวเองพร้อมชื่อและตำแหน่งผู้สนับสนุนเสร็จสรรพ ไม่รู้ตัวสักนิดว่าถูกถ่าย แอนดี้ถึงกับงง ถามว่าใคร ไอ้โจ้รีบแฉ

“แฟนจอมครับ!”

เพื่อนในคลาสฮือฮากันใหญ่ ชะเง้มองมาทางผม ซึ่งแน่นอนว่าต้องเห็นแล้วว่าผมนั่งโอบใครอยู่

“จอมเอาแฟนมานั่งเรียนด้วยครับ!” ใครสักคนชี้มาทางนี้ ทำให้พวกผมตกเป็นเป้าสายตาทันที

ธีเกร็งไหล่ขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ลนลานอะไร เพียงผงกหัวยกมือต่ำๆ เป็นเชิงยอมรับ

แอนดี้ร่วมประสานเสียงโห่ให้กับพวกผมนิดหน่อย ก่อนจะดึงให้นักศึกษาหันกลับไปสนใจโปรเจคต์ที่จะต้องทำต่อไป การแซวจึงหยุดลงเพียงแค่นั้น ไฟในห้องสว่างขึ้น บางคนที่ยังอยากรู้อยากเห็นเหลียวมองมาทางนี้เป็นพักๆ ในจำนวนนี้ก็มีเพื่อนผู้หญิงบางคนที่แอบสนใจผมอยู่ด้วย ผมไม่เคยมีแฟนร่วมคณะรุ่นเดียวกัน กลัวเลิกแล้ววางตัวลำบาก แต่เรื่องมีคนมาชอบมันก็ห้ามไม่ได้

“โอเคเปล่า?” ผมกระซิบถาม ที่จริงไม่ได้ตั้งใจเปิดตัวอลังการแบบนี้ กลัวมันจะไม่พอใจเหมือนกัน

“ตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นไร”

“ไม่โกรธนะ?”

“ไม่” ธีหันมาหยิกแก้มผมเบาๆ “ก็ดี จะได้รู้ว่านี่มีเจ้าของ”

ผมยิ้มกว้าง อยากหอมแก้มมันตอนนี้เลยแต่แอนดี้เริ่มเพ่งเล็ง เลยได้แต่กุมมือคนข้างกายไว้ด้วยความอบอุ่นใจ

เมื่อคลาสเลิกหลายคนได้จังหวะหันมองธีเต็มๆ ตา ซึ่งเจ้าตัวก็ส่งยิ้มน้อยๆ ปล่อยให้มองโดยไม่หลบเลี่ยง มือของเรายังเกาะกุมอยู่อย่างนั้นแม้เมื่อเดินออกนอกห้องมาแล้ว เพื่อนที่สนิทหน่อยบ้างเดินมาทัก มาถามไถ่ ผมก็แนะนำธีให้รู้จัก บางคนทีแรกยังนึกว่าพวกผมอำ แต่พอเห็นตอบจริงจังก็อ้าปากค้างกันไป แม้คณะผมจะมีเพศที่ 3 ไม่น้อยแต่พวกมันคงนึกไม่ถึงว่าผมก็เอากะเขาด้วย

ไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นจะคิดหรือไปพูดต่อว่าไง แต่ผมไม่คิดปิดบัง แฟนของผมทั้งหล่อทั้งเก่งทั้งแสนดี อยากบอกให้คนทั้งโลกรู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนี้เป็นของผม

“กินไรมึง” อาร์ตเอ่ยแทรกเพื่อนปากเปราะบางคนที่เริ่มแซวแรง จ้องหน้าปรามจนพวกมันหุบปาก

“ว่าจะไปกินข้าวมันไก่ อยากกินไก่ย่างเนื้อน่องว่ะ”

“ไม่แดกซุปมะระไม่ใช่เหรอ”

“มีคนช่วยกินแล้วนี่” ผมยิ้มให้ธี

“หมั่น!” โจ้รุนหลังอาร์ต ยกแขนพาดบ่าเอกพากันเดินนำไปก่อนอย่างหมั่นไส้

ผมเอารถออกเพราะวันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวันนี่แหละ แวะกินข้าวมันไก่ราคาถูกปริมาณคุ้มจนอิ่มแปล้แล้วพาแฟนกลับหอ เพราะธียังปิดเทอมผมเลยลักพาตัวมาอยู่ด้วยกัน กำชับไอ้โจ้ว่าไม่ต้องเสือกกระโหลกกลับห้องช่วงนี้ถ้ายังไม่อยากตาย มันทำแก้มพองลมที่ดูอุบาทว์มากกว่าน่ารักแล้วบอกว่าไม่อยากดูหนังสดให้เสียลูกตาหรอก แหม ทำเป็นรู้ดี

ภายในห้องที่เดิมก็ไม่ได้เป็นระเบียบอะไรอยู่แล้วยิ่งรกกว่าทุกทีเพราะข้าวของถูกรื้อมาจัดไว้ครึ่งๆ กลางๆ ตั้งแต่เมื่อวาน ยังไม่เข้าที่ดี เช้านี้ผมลากธีไปนั่งเรียนเป็นเพื่อนมันเลยต้องละมือไว้ก่อน เพิ่งกลับมาไม่ทันไรก็ไปเปลี่ยนขาสั้น ล้างมือ บิดผ้าขี้ริ้วหมาดมานั่งแยกของทำความสะอาดต่อ โรค OCD กำเริบอีกแล้วแฟนผม

วันนี้เรียกแฟนบ่อยจัง คนแม่งเห่ออ่ะ อยากเรียกว่าเมียด้วยเหอะแต่มันจะดูขี้อวดเกินไป อิๆ

“ให้ช่วยไรเปล่า” ผมเปลี่ยนกางเกงยีนส์ออกเป็นขาสั้นบ้าง

“ดูหนังสือไปก็ได้ จะสอบแล้วนี่”

“วันเดียวไม่เป็นไร แฟนมึงฉลาด”

“จ้า” ธีหัวเราะ กางถุงขยะสีดำมาไว้ตรงหน้าสองสามใบ “งั้นดูของที่กองไว้ตรงนั้น อะไรไม่ใช้แล้วทิ้งนี่ แยกขยะด้วย”

ผมนั่งลงกับพื้นโละของทิ้งทีละชิ้น ส่วนใหญ่เป็นชีทเก่า สมุดเก่า กล่องกับลังกระดาษที่ควรทิ้งตั้งนานแล้ว มีปากกาที่เขียนไม่ออกแล้วหลายด้าม ขยะสารพัน หูฟังพังบ้าง SD การ์ดที่มักอ่านข้อมูลไม่ได้บ้าง เสื้อผ้าที่สีตกหรือเป็นรู ขวดน้ำหอมเก่า ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด ยาหมดอายุ ฯลฯ

ตู้เสื้อผ้าถูกธีรื้อของออกมาจนหมดแล้วเช็ดถูรอบหนึ่ง ก่อนจัดของเข้าไป แยกเป็นชุดนักศึกษาและชุดธรรมดา ผ้าห่มผ้าปูเตียงพับไว้ช่องบนสุด เสื้อยืด ช้้นใน ผ้าขนหนู แยกตามสีจัดแบ่งใส่ลิ้นชักแนวตะแคงมองดูเป็นระเบียบแต่หยิบใช้สะดวก

ถัดมาคือโต๊ะหนังสือ ตำราและชีทเรียนเก่าที่ยังไม่ทิ้งถูกแยกตามชั้นปีเก็บลงกล่องมีฝาเพื่อกันฝุ่น ส่วนของปีนี้ที่ยังต้องใช้ก็แยกตามวิชาใส่กล่องเอกสารแบบเสียบแนวตั้งที่ธีไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ เรียงเป็นพรืดเต็มความยาวของโต๊ะแบ่งช่องชัดเจนง่ายทั้งใช้และเก็บ อุปกรณ์อิเลคทรอนิคต่างๆ ถูกจัดเรียงใหม่ใส่กล่องบ้าง ลิ้นชักบ้างแยกตามประเภทและความถี่ในการใช้งาน

ธีจัดใหม่แม้กระทั่งปลั๊ก มันบอกว่าปลั๊กพ่วงที่คุณภาพไม่ดีพอนี่แหละ สาเหตุอันดับหนึ่งของไฟไหม้ ว่าแล้วก็ซื้อปลั๊กพ่วงคุณภาพดีอันใหม่ที่มีสวิตซ์แยกและช่อง USB มา อันหนึ่งใช้ที่โต๊ะทำงาน อีกอันใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง พวกเตาไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ

ผมโดนไล่ไปขัดห้องน้ำระหว่างที่ธีเอาขยะไปทิ้งแล้วกลับมาปัดกวาดเช็ดถูห้อง รู้สึกเข้าใกล้ความเป็นพ่อบ้านใจกล้าเข้าไปทุกที ดีที่ปกติแม่ผมส่งคนมาทำให้บ้างเดือนละ 1-2 หน แถมโล่งไปเยอะเพราะเพิ่งโละขยะกับของไม่จำเป็นทิ้ง ออกแรงขัดถูไม่นานก็เรียบร้อย

กว่าสามชั่วโมงผ่านไปในที่สุดก็ได้เจอกับห้องที่สะอาดเอี่ยมทุกซอกมุมไปจนถึงหลังตู้ ทุกอย่างถูกรื้อเช็ดทำความสะอาดแล้วค่อยเรียงของกลับเข้าไปใหม่ไม่ใช่แค่เช็ดไปตามมีตามเกิด เป็นหอที่สะอาดที่สุดอย่างกับเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่แน่ะ

“สุดยอด” ผมเคยบอกให้ธีช่วยจัดห้องก็จริงแต่ไม่นึกว่ามันจะจริงจังขนาดนี้

“อย่าทำรกอีกล่ะ”

ธีเก็บไม้กวาดหยิบผ้าขี้ริ้วไปแช่ในถัง ก่อนถอดเสื้อออกอย่างทนสกปรกไม่ไหว ทำท่าจะหันไปอาบน้ำ

ผมยื้อประตูไว้แล้วทำตาวาวใส่

“อาบด้วย”

“…”

ไม่รอให้คิดนานผมรีบถอดผ้าผ่อน ดันตัวเข้าห้องน้ำไปพร้อมกันด้วยอาการระริกระรี้

“แคบนะ อย่าทำอะไรแผลงๆ” ธีหันมาหรี่ตา แต่ก็ถอดทุกชิ้นแล้วเดินไปเปิดน้ำอาบโดยไม่ได้อิดออดอะไร

ผมกวาดตาสำรวตจนถ้วนทั่ว ส่วนสูงของธีได้มาตรฐาน น่าจะเกิน 175 รูปร่างเพรียว หลังไหล่ตรง ขายาว สะโพกเล็ก กล้ามเนื้อกระชับสวยงาม ซ่อนรูปกว่าที่เห็น ผิวขาวเนียนออกชมพูมากกว่าเหลือง มีไฝเม็ดเล็กที่ซอกคอด้านขวา เห็นแล้วอดเลียไม่ได้ทุกที

“อย่าซนสิ” เสียงห้ามแตกพร่านิดๆ เมื่อถูกดูดคอจากด้านหลัง

ผมยิ้ม ห้องน้ำนี้แคบเกินไปจริงๆ นั่นแหละ คิดแล้วจึงหันไปบีบแชมพู สระผมให้อีกฝ่าย ในขณะที่มือเรียวหันมาลูบไล้สบู่ลงบนตัวผมบ้าง ต่างช่วยอาบน้ำให้กัน เสียงลมหายใจในห้องน้ำดังก้องกว่าความเป็นจริง ฟังแล้วเย้าอารมณ์

หมู่นี้พวกเราไฟติดง่ายเหลือเกิน แค่ได้มอง ได้สัมผัสสักเล็กน้อย ก็อยากกกกอดกันขึ้นมาราวกับถึงฤดูหาคู่ ช่วยไม่ได้ ก็คนรักของผมน่าดึงดูดใจถึงขนาดนี้ อยากสำรวจมันทุกตารางนิ้ว ค้นหาจุดอ่อนไหวและปลุกเร้าจนต้องร้องอ้อนวอน ครอบครองกอดรัดให้แทบหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน

“...ทำหน้าลามกอีกแล้ว” ลำคอที่ผมจับจ้องขยับขึ้นลง

“อยากทำ”

“…”

“ไม่อยากเหรอ?” ผมใช้ท้องนิ้วคลึงริมฝีปากรูปกระจับฉ่ำชื้น อยากบดขยี้มันเต็มแก่แล้ว

ธีขยับเบียดลำตัวเข้ามาชิด ลูบล้างฟองออกจากเรือนผมและผิวกายเราทั้งคู่ ก่อนเผยอปากขบงับที่ลูกกระเดือกของผมเป็นคำตอบ



ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำแล้วแต่แสงในห้องยังคงสว่างพอจะเห็นอะไรได้ชัดเจน ผมเหยียดขานั่งพิงพนักเตียง ตื่นตัวเต็มที่เมื่อเห็นเรียวปากที่ผมหลงใหลจรดจูบบนส่วนปลาย ลิ้นอ่อนนุ่มตวัดรัดละเลียดรอยหยักคอดอย่างเชื่องช้า เลื้อยไล่ไปถึงรูเล็กๆ ซึ่งอ่อนไหวที่สุด มือเรียวกดส่วนโคนและคลึงหยอก ก่อนที่จะครอบปากลงไปดูดดึง ความอ่อนนุ่มที่ชื้นลื่นของโพรงปาก ลิ้น เพดานเหงือก กระพุ้งแก้ม โจมตีผมไม่หยุดหย่อนจนต้องกัดฟันเกร็งหน้าท้อง หักห้ามไม่ให้ตัวเองปลดปล่อยเร็วนัก

“ร้ายกาจเกินไปนะ” ผมสูดปากเบาๆ ขยุ้มเส้นผมอ่อนนุ่มไว้

“ดีมั้ย?”

“แทบตายแล้ว”

ธีเผยยิ้มร้าย แลบลิ้นเลียตามความยาว ใช้ปลายฟันครูดผิวแค่เพียงแผ่วเบาแต่ส่งความเสียวเสียจนต้องยกสะโพก โอย นี่ไม่เคยทำจริงเหรอ

“ทำไมเก่งนัก”

“ก็ดูมึงชอบ” ธีก้มลงไปดูดเลียจนเกิดเสียง “แล้วมันก็สนุกดี”

เวลาอย่างนี้ทำไมมันเซ็กซี่นักวะ ผมโคตรชอบที่มันไม่ได้ช่ำชองแต่ก็ไม่มัวเหนียมอาย กลับเต็มอกเต็มใจลิ้มลองรสชาติของการมีสัมพันธ์และยังทะลึ่งกว่าปกติ ทำให้ผมโคตรคึก

“แล้วมึงอยากทำอะไรอีก”

“อืม…ลองท่าใหม่?”

รอให้พูดอยู่แล้ว ผมโอบดึงมันขึ้นมา จัดให้อยู่ในท่ากางขาคร่อมทับตัก คว้าถุงยางมาสวมให้ตัวเอง ก่อนส่งนิ้วเข้าไปเบิกทางเล็กแคบที่ชื้นเจลหล่อลื่น มันนุ่มลงมากแล้วเพราะการเล้าโลมก่อนหน้านี้ ผมป้ายเจลเพิ่มแล้วใช้นิ้วทั้งสองควานขยายให้มั่นใจว่ายืดหยุ่นเพียงพอที่อีกฝ่ายจะไม่เจ็บตัว

ธีเลื่อนมือมาเกาะบ่าไว้แล้วใช้อีกข้างประคองแก่นกายของผมไปจรดที่ปากทาง ก่อนกดตัวลงมาช้าๆ ช่องทางอุ่นร้อนที่บีบรัดแน่นทำเอาผมแทบบ้า เสียววาบทุกครั้งที่ขยับ ได้แต่อดทนรอและช่วยยึดสะโพกไว้ให้การสอดแทรกราบรื่นไม่ติดขัด

กว่าจะสุดทางเหงื่อก็เริ่มผุดพราย สังเกตเห็นคิ้วได้รูปของอีกคนขมวดมุ่น ปลายฟันขบริมฝีปากล่าง หลับตาหอบหายใจเบาๆ

“โอเคมั้ย”

“มันแน่น…” ดวงตาคมตวัดมองผมกึ่งค้อนกึ่งขำ “ใหญ่ไป”

“พูดแบบนี้กูยิ่งของขึ้นเหอะ” ผมกลืนน้ำลาย ฉกเลียที่ยอดอกตั้งชันล่อตาตรงหน้า ขบดูดจนขึ้นสีเข้ม มือขยำบั้นท้ายเนียน เด้งตัวขึ้นให้พอสะดุ้ง

ธีหลุดเสียงคราง ก่อนจะตั้งท่าเอาคืน ด้วยการ…ขยับ

ความรุมร้อนที่โอบกระชับเคลื่อนขยับอย่างเชื่องช้าในทีแรก เงอะงะอยู่บ้างแต่ให้ความรู้สึกยอดเยี่ยม น่ารักจนอดแกล้งนิดหน่อยไม่ได้ ผมใช้สองมือที่เกาะกุมเนินเนื้อนิ่มนำทางร่วมกับการขยับสวนขึ้นเป็นระยะ ไม่ช้านักเรียนดีเด่นก็จับจังหวะได้ สะโพกเล็กกดลงมาลึกและถี่ ทั้งยังหาญกล้าลองโยกคลึง บดวน ร้อนเร่าจนแทบลุกเป็นไฟ

ผมฝากฝังร่องรอยไว้บนผิวเนื้อเนียนด้วยความมันเขี้ยว สวนกายรุกเร้าตอบสนองจนได้ยินเสียงพร่าครางกระเส่า ภายในที่อ่อนนุ่มบีบรัด ยิ่งส่งความเสียวซ่านให้กันและกัน จวบจนเอวและสะโพกที่โยกไหวขยับช้าลงอย่างอ่อนแรงเพราะเริ่มพ่ายแพ้ต่อคลื่นอารมณ์ ผมเงยหน้าขึ้นมองดวงตาฉ่ำน้ำและสีหน้าอดกลั้นที่ดูยั่วยวน ก่อนจะดันให้คนบนตักนอนกลับลงไปบ้าง

เรายังคงเชื่อมติดกันอย่างแนบแน่น ผมสอดแขนกอดรัดร่างกายที่ร้อนผ่าวไว้แล้วก้มลงทาบทับทั้งตัว ประกบจูบพัวพันลึกล้ำ ก่อนจะเริ่มกระทั้นด้วยจังหวะหนักแน่น ทำอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก…บดขยี้มันให้ละลาย

“…จอม อืออ” เสียงขาดหายไปแค่นั้นเพราะผมปิดกั้นด้วยปากและลิ้น เบื้องล่างยังคงชำแรกลึก รู้สึกร้อนไปหมดทั้งตัว คล้ายจะเสียการควบคุมตนเอง นึกอยากกอดฟัดมันให้ยับ สปริงเตียงของหอพักที่ไม่ได้แข็งแรงอะไรนักลั่นเอี๊ยดตามการโยกขยับ ฟังแล้วลามกอย่างประหลาด

ผิวเนื้อที่เคยขาวเนียนยามนี้เรื่อแดงไปทั้งตัว ประเดี๋ยวกัดปากข่มกลั้น ประเดี๋ยวหอบครางไม่ได้ศัพท์ ปั่นป่วนจนเกร็งสะท้านเป็นพักๆ ด้านหลังตอดตุบไม่หยุด แต่ยังไม่อาจเป็นอิสระได้เพราะผมกอบกุมส่วนนั้นไว้แน่น ธีทำสีหน้าอ้อนวอน แต่กลับทำให้ผมยิ่งคลั่ง กดกายกระแทกเร่งเร้าเต็มที่เมื่อปีนป่ายมาถึงที่สุดของอารมณ์

ผมเจ็บแปลบที่บ่าเมื่อคนที่เพิ่งปลดปล่อยอย่างรุนแรงอ้าปากขบกัด ระงับเสียงร้องให้เหลือเพียงอู้อี้ในลำคอ ร่างอ่อนเปียกในอ้อมแขนทอดลงกับเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน แววตาเคลิบเคลิ้มระคนเหม่อลอย ผมเองก็สุขสมถึงขีดสุดจนตัวสั่นนิดๆ ไม่ต่างกัน จำไม่ได้ว่าเคยรู้สึกอย่างนี้กับใคร ไม่เคยมีใครที่ผมอยากเรียกร้องเอาแต่ใจ และไม่เคยมีใครยินดีตามใจผมจนถึงที่สุดเท่านี้อีกแล้ว

ภายในห้องเหลือเพียงเสียงหอบหายใจ ผมถอนกายออกแล้วโอบกอดคนรักไว้ในท่าตะแคงเพื่อไม่ให้อึดอัด ครู่หนึ่งถึงเริ่มมีแรงขยับตัว

“…คิดว่าข้างห้องจะได้ยินเสียงเรามั้ย” คำถามนี้ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้

“ผนังไม่บางเท่าไหร่ แต่ข้างล่างอาจจะได้ยินเสียงเตียงลั่น”

“บอกเขาว่า...เราจัดห้องใหม่ละกัน”

ผมหัวเราะ เพิ่งจัดใหม่จริงเสียด้วย

ใช้เวลานอนกลิ้งอีกสักพัก เราถึงพากันไปอาบน้ำอีกรอบได้ ผ้าปูเตียงได้ฤกษ์เปลี่ยนยกเซ็ต ผมปล่อยให้ธีนอนพัก ส่วนตัวเองบากหน้าไปเผชิญเพื่อนข้างห้องที่ออกมาเจอะกันพอดีตอนจะลงไปซื้อข้าวแกงล่างหอ คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้แต่เหมือนรุ่นน้องต่างคณะจะส่งยิ้มรู้ทันมาให้ เลยได้แต่ยักคิ้วกลับไปอย่างอารมณ์ดี

หลังกินข้าวเสร็จ ผมนอนไถมือถือเล่นบนเตียง นอกจากรูปวิวที่ชอบถ่ายเล่นยังมีรูปธีเพิ่มขึ้นมาเยอะจนแยกได้เป็นอัลบั้ม มีทั้งแอบถ่าย ตั้งใจถ่าย และรูปคู่ บางทีผมแต่งสีภาพเสร็จก็ส่งเข้ามือถือเจ้าตัวบ้างแต่แอคเคาท์มันยังคงมีแต่รูปของกินกับของเล่นเป็นส่วนใหญ่

“นี่”

“หือ?”

“เปลี่ยนรูปโปรไฟล์กันนะ”

ธีเงยหน้าจากการ์ตูน พลิกตัวมาคุย

“จะให้เปลี่ยนเป็นอะไร”

“เป็นรูปคู่”

“…เอาจริง?”

ผมไม่ได้ตอบ แต่เริ่มก่อนด้วยการเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูปเซลฟี่ของเราสองคน คนในภาพยิ้มแย้มเอียงหน้าชิดใกล้อย่างสนิทสนม จะดูว่าเป็นเพื่อนก็ได้ แต่ถ้าเซนส์ดีหน่อยน่าจะรู้ว่ามีอะไรมากกว่านั้น

“ที่เหลือแล้วแต่มึง”

ถ้าเพียงเท่านี้ คนอื่นอาจจะแค่สงสัยบ้าง แต่ไม่ได้ส่ออะไรให้ถึงกับตั้งคำถาม ถ้าธียังไม่พร้อมผมก็ไม่บังคับ

ธียกมือถือมาอ่านฟีดที่แสดงบนเฟซบุ๊ค แล้วเหลือบตาขึ้นมองผม เรียวปากหยักยักยิ้มบางๆ

ไม่นานที่หน้าฟีดของผมก็แสดงว่าธีเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ รูปนั้นเป็นรูปเดียวกัน ต่างแค่ปรับสีด้วยฟิลเตอร์คนละแบบ

…ความคลุมเครือแปรเปลี่ยนเป็นชัดเจน…

เพื่อนร่วมของเรามีไม่น้อย ไม่นานพวกนั้นก็คงจะรู้ นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญอีกก้าวหนึ่งที่ไม่แน่ว่าอาจเสี่ยงเกินไป แต่ผมมั่นใจว่าเราจะผ่านมันไปได้

ขอแค่เรามีกัน…


***

TBC
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 12-05-2018 13:47:36
ขอบคุณค่ะ  หวานละมุนเชียว
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 12-05-2018 13:56:40
น่ารักดีค่ะ
มั่นคง ชัดเจน และหื่นมากพอกัน
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-05-2018 14:32:34
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 12-05-2018 17:01:20
 :pig4: :pig4: :pig4:

เกือบลืมไปแล้วว่ามีเรื่องนี้อยู่
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 22-06-2018 23:55:42
ยังรออยู่นะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Z4 ที่ 16-07-2018 13:19:36
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ ยังแต่งอยู่น้า 555 คือเป็นความซวยของเราเอง ว่านิยายเรื่องนี้ปกติพิมพ์บนมือถือ ด้วยความที่มันยาวพอสมควรแล้วบางทีเปิดมามันมีอักษรแปลกหรือไฟล์เริ่มมีความอืดเราก็เลยย้ายไปพิมพ์บนคอมพ์แทน ปรากฏว่า...เครื่องดับ TwT ที่จริงตัว HD ไม่ได้เสียค่ะเสียที่พาวเวอร์ซัพพลาย เพียงแต่เราเลยอัพเกรดเครื่องใหม่...แล้วก็ ค่ะ ที่พิมพ์ไว้ล่าสุดหายไปหมดเลย เฟว้งฟว้างอยู่ชั่วระยะ TwT

กับอีกเรื่องก็คือ ทีแรกเราลงเรื่องนี้เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองแต่งต่อจนจบ ไม่ได้คิดเรื่องทำเล่ม แต่พอเริ่มมีคนมาติดต่อก็เลยต้องคิดเยอะเพราะอย่างที่เคยเอ่ยถึงว่าเรื่องนี้มีต้นแบบมาจากเรื่องจริง ก็เลยกลัวว่าถ้าตีพิมพ์มันจะกระทบถึงตัวจริงมั้ย แม้ว่าเราจะบิดเบือนไว้หลายชั้นแล้ว ก็เลยไปปรึกษาเจ้าตัวมา ก็...สรุปว่าเขียนต่อได้นะคะ ส่วนเรื่องพิมพ์ถ้าลงตัวเหมาะสมก็จะพิมพ์ค่ะ

สุดท้ายเราจะกลับมาพิมพ์บนมือถือเหมือนเดิมค่ะเพราะเอาเข้าจริงด้วยลักษณะงานของเราทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเปิดคอมพ์เท่าไหร่ ช้าไปโดยเปล่าประโยชน์แท้ๆ ขอบคุณถ้าใครยังติดตามนะคะ  :heaven

ป.ล. นิยายเรื่องนี้นอกจากที่นี่ก็ลงไว้อีกสองที่คือ dekdee กับ readawrite เท่านั้นค่ะ
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-07-2018 15:37:58
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Love after first sight พบ...สบรัก [022] 12/05/61 P.6
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaWikit ที่ 27-02-2019 15:43:19
อ่านรวดเดียวจบ น่ารักมากมากค่ะ ไรท์ Z4 
มารอนะคะ