อยากเล่นกับไฟ 2
Puk part
“เห้ย” ผมกำลังหลับฝันดีก็ต้องตื่นจากเสียงที่ปลุกผมตอนเช้า ใครวะแม่ง พุกง่วง อย่ามากวน ผมใช้มือปัดมือที่เขย่าร่างผมอยู่ และจากนั้นไม่นาน ก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นในคอนโดชั้น 16
ตุบ
“โอ๊ย ผลักพุกทำไมเนี้ย” ฟังจากเสียงแล้วเจ้าตัวคงเจ็บไม่น้อยกับการถูกผลักด้วยเท้าของคนตัวโตกว่า แต่เอยก็หาสนใจไม่ พุกน่ะไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันก็ขี้เซาและกินเก่ง ไม่เคยเปลี่ยน
“ไม่ได้ผลัก ถีบ” เสียงพี่เอยนี่หว่า แล้วเรามาอยู่ห้องพี่เอยได้ไงวะ อ่อ โดนลากมาเมื่อคืน หลังจากระลึกความหลังได้ พุกก็รีบลุกขึ้นและรีบหันมาหาเอย แต่ก็ต้องตาลุกวาว เมื่อเอยนุ่งผ้าขนหนูพื้นเดียว
“ตกใจไร ของเคยๆ” ไอ้พี่เอย พูดอะไรออกมาเนี้ย มาคงมาเคยไร อดีตกับปัจจุบันมันเหมือนกันที่ไหนเล่า โถ่ !! อุ๊บ !! พุกรีบเอามือปิดปากเมื่อความคิดภายในใจจิตใจโต้แย้งและพูดในสิ่งที่สื่อไปทำนองนั้น
พุกรีบก้มหน้าหงุดๆเดินหลบไปห้องน้ำ เพื่อไม่ให้เอยเห็นใบหน้าที่ร้อนผ่าวที่ดันไปเผลอคิดอะไรแบบนั้นออกมา แต่มีหรือที่จะพลาดสายตาของเอยไปได้ เอยเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนตัวเล็ก(?) เขิน แต่ก็เพียงชั่ววูปเท่านั้นใบหน้าก็กลับมาเรียบนิ่งดังเคย
นานหลายนาทีกว่าคนที่เขินเดินหนีเข้าห้องน้ำจะกลับออกมา พุกออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นเอยอยู่ในห้องแล้ว พุกคิดว่าเอยไปเรียน ในเมื่อเจ้าของห้องไม่อยู่จะอยู่ทำไม พุกคิดได้ดังนั้นก็คว้าของตัวเองเตรียมไปหาไรกิน แต่พอเปิดประตูออกมาก็ต้องตาลุกวาวอีกครั้ง ก็เพราะว่าคนตัวสูงไม่ยอมใส่เสื้อ ยืนดื่มน้ำโชว์พุงอยู่ได้
“มองไร เตี้ย” จ้ะ พ่อสูง สูงมาก แต่เอ๊ะ พี่เอยสูงกว่าพุกตั้งเยอะนี่หว่า สรุปพี่สูง พุกส่ายหน้าเป็นคำตอบ เตรียมจะเดินออกไปที่ประตู แต่ก็ถูกทักไว้ก่อน
“จะไปไหน” เอยถามขึ้นเมื่อเห็นพุกเดินไปที่ประตู แต่นานกว่าที่พุกจะตอบออกมา
“ไปกินข้าว พุกหิว พี่ได้ยินไหม พุกหิว” พุกโวยวายออกมาหลังจากเงียบหายไปนาน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ หัวสั่น ก็คนตัวสูงเดินมาตอนไหนไม่รู้ แต่หยุดยืนที่เดียวกับพุก พร้อมง้างมือตบหัวพุกซะแรงเลย
“มึงเดินไปดูในครัวก่อนพุก สัส ทำเหมือนกูไม่รู้เนอะว่ามึงกินเก่ง” คนตัวสูงบ่นออกมายาวเหยียดแล้วเดินหนีไป ส่วนพุกก็ได้แต่ทำหน้าเอ๋อ เขาจำได้ด้วยหรอ คนอย่างพี่เอยไม่น่าใส่ใจพุกขนาดนั้น แต่ก็ต้องหยุดความคิดอีกครั้งเมื่อน้ำย่อยในกะเพาะมันร่ำร้องหาอาหาร
“พี่เอยไม่กินหรอ” พุกกำลังจะกินข้าวที่วางอยู่แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าเจ้าของห้องก็น่าจะยังไม่กินอะไร เลยถามออกไปตามมารยาท
“กูไม่ได้กินเก่งแบบมึง” หลังจากได้ยินคำตอบ พุกก็เป็นอันเข้าใจว่าพี่มันไม่กิน พุกเลยเลิกสนใจและกินต่อจนหมดแต่ก็ยังไม่พอกะเพาะอยู่ดี เดินไปหยิบขนมในตู้เย็นออกมา และออกไปนั่งกินที่ห้องนั่งเล่น
เอยแค่หันมามองเฉยๆไม่พูดอะไร ภาพตรงหน้าคือหนังที่สร้างจากเหตุการณ์จริงในวันชาติของอังกฤษ ทั้งสองนั่งเงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมา พุกลุกขึ้นไปในครัวพร้อมกับขนขนม น้ำมาวางไว้เยอะ เอยเปรยตามองนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“กินม่ะ” พุกยื่นขนมไปให้คนที่นั่งข้างๆแต่สิ่งที่ได้รับมาคือความเงียบและความไม่สนใจ พุกรีบชักมือกลับเพราะกลัวกลายเป็นความเซ้าซี้
“2ปีที่ผ่านมาเป็นไงบ้างหรอ” พุกพูดขึ้นมาอีกครั้ง พุกตั้งคำถามมาตลอดว่าระยะเวลาสองปีที่จากกัน เอยเป็นยังไง มีคนใหม่หรือยัง แต่ดูเหมือนมันเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ เพราะไม่ว่าจะตั้งคำถามอยู่คนเดียวหรือถามคนที่นั่งข้างๆก็ดูเหมือนจะไม่มีคำตอบให้
“ก็ดี” อยู่ๆ คนที่นั่งข้างๆก็พูดขึ้นมา มันเป็นน้ำเสียงที่พุกไม่เข้าใจ และคำว่าก็ดี พุกก็ไม่เข้าใจ พุกไม่ได้ฉลาดพอที่จะมาตีความหมายของคำพูดนั้น ขนาดคำพูดเมื่อสองปีก่อนพุกยังตีความหมายไม่ได้เลย
“อืม” พุกเลือกที่จะตอบสั้นๆ หลังจากคำตอบรับนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีคำถามอะไรอีก เพราะทั้งคู่ก็ดูเหมือนจมอยู่กับโลกของตัวเอง
“แล้วมึงเป็นไง” จากที่เงียบไปนาน เอยก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ดี” พุกตอบออกไปตามความคิด ใช่ หลังจากที่เอยเลือกที่จะเดินออกไป ชีวิตพุกมันไม่ได้แย่ลง แต่มันก็ไม่ได้ดีขึ้นมา พุกจมอยู่กับข้อความเก่าๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยคุยกัน พุกจมอยู่กับไดอารี่ที่เขียนให้กันในครบรอบ 6 เดือน พุกจมอยู่กับอดีตที่มีแต่เอย
“คงเป็นแบบนั้น เพราะกูสินะ” เอยรู้คำตอบของการตั้งคำถามนั้นดี ถ้าจะให้คนที่ผิดก็คงเป็นเอยเขาผิดที่ทำร้ายใจคนตรงหน้าในวันที่จากลาเขาไม่มีแม้แต่คำบอกลา เขาแค่ก้าวออกมามองในที่ที่อยู่ไกลจากเดิม แต่ถึงจะไกลยังไงเขาก็รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้า
“ใช่ เพราะพี่เอย พี่ก็รู้ว่าพุกกินเก่งทำไมไม่ซื้อมาเยอะกว่านี้อะ” เอยหันมามองพุก พุกยิ้มโชว์ฟันสามสิบสองซี่ให้เอยดู จริงๆแล้วพุกไม่ได้จะเปลี่ยนเรื่อง แต่จะคุยไปทำไมละในเมื่อความสัมพันธ์นั้นเอยไม่ผิด พุกไม่ผิด ถ้าจะผิดก็คงมีแต่พุกที่ยังเดินหน้าต่อไม่ได้แค่นั้น
“ก็ไม่แปลกใจที่อ้วนกว่าเดิม” เอยพูดออกมายิ้มๆ มันเป็นรอยยิ้มที่พุกไม่ได้เห็นมาจะสองปีได้แล้ว รอยยิ้มที่ไม่ใช่มีแค่ปาก แต่ตาของเอยก็ยิ้มไปด้วย
“พี่เอย” เจ้าของชื่อเลิกคิ้วขึ้นเชิงเป็นคำถามว่าเรียกทำไม
“ไปซื้อขนมกันนะ” หลังจากที่เอยได้ยินคำตอบนั้น เขาก็ต้องขำตัวโยน เหมือนเอยกำลังคาดหวังว่าความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่จะกลับมาอีกครั้ง แต่พุกก็ดูเหมือนจะไม่ได้คาดหวังเด็กนี่หิวก็แค่นั้น
“อืม” ถึงเราสองคนจะไม่ได้พูดว่ากลับมาเหมือนเดิมไหมแต่ลึกๆภายในใจทั้งคู่ก็ไม่เคยลืมความรักของกันและกัน เวลาสองปีไม่มีความหมายเมื่อทั้งคู่เลือกที่จะจำอีกฝ่ายไว้ในใจมากกว่าสมอง และไม่ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเดินไปทางไหน สุดท้ายทั้งคู่ก็เลือกที่จะเก็บความทรงจำดีๆไว้ด้วยกัน
.
.
.
1 ปีต่อมา
Puk Rattanapassakorn in relationship with Aoey Akkanee
The end
อยากเล่นกับไฟ last chapter
หลังจากหมูพุกโดนไอ้พี่เอยลากออกไป พี่ไฟที่เคยเกาะผมเป็นปลิงก็ปล่อยมือที่กอดผมออก โห้ย กำลังฟิน แต่ว่านะกลิ่นน้ำหอมพี่ไฟก็หอมดีนะแม้จะมีกลิ่นของหมูทะผสมเหล้ามาด้วยก็เถอะ
“เพราะพี่เลยที่ทำให้เพื่อนผมโดนลากไป” ผมหยุดฟินแล้วหันมาทำเสียงจริงจังใส่พี่ไฟแต่มีเหลือที่แกจะกลัว ใช่ครับพี่แกเล่นนั่งจิบเหล้าชิลๆ ไม่ห่วงพุกกี้ของพี่เลยหรอครับ
“มึงจะโวยวายทำไมมิกกี้ สองคนนั้นมันเป็นแฟนกัน” หลังจากที่แกพูดว่าเป็นแฟนกันออกไปทั้งโต๊ะก็หยุดชะงัก คือพวกมึงจะหยุดทำไมวะ
“เอ่อ พี่ไฟครับสองคนนั้น ผมหมายถึง…” ไม่ทันที่ไอ้นิวจะพูดจบพี่ไฟแกก็พ้นเรื่องราวของเพื่อนผมออกมา
“หึ รู้ๆไม่ต้องพูด คือมันงอนกันนิดๆหน่อยๆ เดี๋ยวพอง้อกันคืนนี้เสร็จก็คงคืนดีกัน” งอนบ้านมึงสิไอ้พี่ไฟ มันเลิกกันเว้ย ไม่ได้เลิกสิวะ ไอ้พี่เอยมันทิ้งเพื่อนผมไปแบบไม่ร่ำไม่ลา ปล่อยเพื่อนผมรอ แล้วมันก็ไปควงผู้หญิง โถ่! ผมเถียงคอเป็นเอ็นอยู่ในใจ เพราะถ้าอธิบายไป เรื่องมันจะใหญ่ ทุกคนก็ต้องอยากรู้มากกว่านี้ ผมไม่อยากให้หมูพุกถูกมองด้วยสายตาของความสงสารมันถูกมองมามากพอแล้ว
“ผมว่าพี่เมาแล้ว กลับบ้านเถอะ เช็คบิลเลยพี่” สองประโยคแรกผมบอกพี่ไฟที่เมาจริงแล้ว ส่วนประโยคที่สามผมบอกเพื่อนพี่ไฟ และทุกคนก็เห็นตามกับผมเพราะว่ามันดึกมากแล้ว
หลังจากเช็คบิลเสร็จผมก็หิ้วปีกพี่ไฟมาขึ้นรถของพี่ไฟ เพราะแกเล่นเมามายไม่ได้สติเลย ผมขับรถมาเรื่อยๆ จนถึงเขตมหาลัยแต่ผมลืมไปว่าผมไม่รู้จักหอพี่ไฟ ดูจากสภาพก็ไม่น่าจะช่วยได้เลยพาไปหอผมดีกว่า
ผมแบกพี่ไฟขึ้นมาที่ห้อง ปล่อยแกลงที่เตียง หาน้ำหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้พี่แก พี่ไฟมีขี้แมลงวันที่ไหปลาร้าด้วยแหละ ผมรีบเช็ดตัวให้พี่แกก่อนที่อะไรในร่มผ้าจะแตกตัว ผมจัดการพี่ไฟเสร็จผมก็ไปจัดการตัวเองบ้าง
.
.
แสงแดดส่องเข้ามากระทบหน้าของไฟ เขาจำได้ว่าห้องเขาแดดไม่ส่อง เพราะเขาไม่ชอบเปิดม่านแต่ใครเปิดม่านห้องเขาละ หรือว่าขโมย คิดได้ดังนั้นไฟก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเตียง
“ปวดหัวชิบหาย แต่นี่ห้องใครวะ” ไฟมองสำรวจไปทั่วห้อง ห้องเขาไม่มีขนม เพราะเขาไม่ชอบ ห้องเขาไม่มีการ์ตูนโคนัน เพราะเขาชอบดูนารูโตะ เขานั่งกุมขมับตัวเองและก็ต้องเงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงประตู
“เอ้าตื่นแล้วพี่ ผมซื้อข้าวกับน้ำมะนาวมาให้กินแก้แฮงค์” ร่างสูงของคนตรงหน้าพร้อมน้ำเสียงบวกรอยยิ้มที่เขาหมั่นไส้ตั้งแต่แรกพบก็โผล่หัวเข้ามาในห้องที่เขาพึ่งตื่น
“กูอยู่ที่ไหน” ไฟตัดสินใจถามออกไป ก็เขาไม่รู้นี่ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“สวรรค์พี่ เพราะมีเทพบุตรหล่อๆแบบผม” เขาพยักหน้าเป็นอันเข้าใจว่าอยู่หอมัน และมันก็กวนเขาแต่เช้า ไฟไม่สนใจมิก ลุกได้ก็รีบเดินไปห้องน้ำ
“กินข้าวก่อนดิพี่ผมอุตส่าห์ซื้อมาเผื่อ” โผล่ออกมาจากห้องน้ำก็เห็นรุ่นน้องนั่งเทข้าวดูการ์ตูนอยู่ ก่อนที่มันจะหันมายิ้มแล้วเรียกเขาไปกินข้าว ไฟไม่ตอบแค่เดินไปเอาจานช้อนมานั่งกินข้าว
“เมื่อคืนกูไม่ได้ทำอะไรไว้ใช่ไหม” หลังจากที่ไฟถามออกไปดูเหมือนมิกจะนิ่งไปสักพักก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ ไฟก็แค่พยักหน้าตอบ ทั้งคู่ไม่มีใครพูดอะไรระหว่างกินเพราะสนใจแต่การ์ตูนตรงหน้า
“ผมถามไรพี่อย่างดิ” ไฟไม่ได้ขานรับหลังจากได้ยินเสียงคนข้างๆเพียงแค่หันหน้ามาเพื่อรอฟังเท่านั้น
“ผมจีบพี่ได้ไหม” หลังจากที่มิกถามออกไป มิกไม่รู้ว่าไฟคิดยังไง จะตอบแบบไหน แต่ไฟทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก
“อย่ามายุ่งกับกูเลย อยู่ในส่วนของมึงไปเถอะ” ไฟตอบแค่นั้น มิกถอนหายใจ ที่ถอนใจก็เพราะรู้คำตอบอยู่แล้วว่ายังไงเขาก็ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือก
“พี่ไม่คิดให้โอกาสผมหรอ” แม้รู้ว่าไม่มีหวังแต่ขอให้เขาได้หวังสักนิด มิกไม่รู้ไฟคิดอะไร แต่ไฟหายใจเข้าลึกก่อนจะหันมาตวาดใส่มิก
“กูเกลียดความรัก มึงเข้าใจไหมกูเกลียดมัน เกลียดความเจ็บปวดของความรักที่มันสร้างแผลให้กู” ไฟร้องไห้ น้ำตาของไฟไหลออกมา ไฟไม่รู้ว่าจะตวาดน้องทำไม ทั้งๆที่น้องไม่ผิด มิกแค่ไม่รู้ ไฟควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
“ฮึก กูขอโทษ กูควบคุมตัวเองไม่ได้” ไฟตัวสั่น มิกไม่ตอบอะไรแค่ดึงไฟมากอด มิกไม่รู้ว่าไฟต้องเจอกับความรักมาในรูปแบบไหน ทำไมไฟถึงเกลียดมันขนาดนี้แต่มิกจะเป็นคนที่ทำให้ไฟรู้จักนิยามของคำว่ารักใหม่อีกครั้ง
“ไม่เป็นไรพี่ พี่ยังไม่ต้องให้คำตอบผมวันนี้ก็ได้ ผมจะรอในวันที่พี่พร้อม แต่ผมจะจีบพี่ไปเรื่อยๆ จีบจนกว่าจะได้โอกาส ไม่ร้องนะครับ” ไฟไม่ตอบ มันเป็นความเจ็บปวดที่ไฟจำไม่เคยลืม พ่อทิ้งแม่ไฟไปมีคนใหม่ แม่ทำใจไม่ได้ แม่ร้องไห้ แม่ไปอ้อนวอนพ่อจนแม่ตรอมใจ ความรักรูปแบบที่ 1 ที่ไฟเจอ ไฟและพี่สาวต้องย้ายมาอยู่บ้านลุง แต่ดูเหมือนมันยังไม่จบเมื่อพี่สาวเขาตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะถูกทิ้งจากคนที่รัก และคนนั้นไม่ได้พรากพี่สาวเขาไปแต่พรากหลานที่อยู่ในท้องพี่สาวไปด้วย ความรักรูปแบบที่ 2 ที่ไฟเริ่มขยาดมัน และสุดท้ายมันก็คือเรื่องราวของไฟ ผู้ชายคนนั้นทำให้ไฟกลับมาศรัทธาในความรักอีกครั้ง เขาดีกับไฟ ดีจนเกินไป เขาคือคนที่ไฟมอบครั้งแรกให้ เพราะเขาอ้างคำว่ารัก แต่แล้วสิ่งที่น่าเจ็บปวดคือเขามองความรักของไฟเป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลา ไฟร้องไห้และจากความรักคร้้งสุดท้าย ไฟก็ไม่เคยเชื่อในความรักอีกเลย
ผ่านไปนานกว่าไฟจะสงบใจลง มิกคลายอ้อมกอดแล้วเช็ดน้ำตาให้คนตรงหน้า ไฟไม่ได้ขัดขืน เขาเช็ดน้ำตาโดยแผ่วเบาก่อนจะจุมพิตลงไปที่ปลายเปลือกตา เขาหวังแค่จูบนี้จะช่วยไฟให้ดีขึ้นบ้าง
“พี่ไฟ ผม…” มิกพูดได้แค่นั้นเมื่ออยู่ๆคนตรงหน้าก็จูบลงมาที่ริมฝีปาก มิกอึ้งในคราแรกแต่พอมิกได้สติก็กลับมาเป็นฝ่ายไล่ต้อนนานหลายนาทีกว่าจูบนี้จะสิ้นสุด
“มึงช่วยทำให้กูกลับมาศรัทธาในความรักใหม่ด้วยละ” ไฟพูดแค่นั้น ก็ลุกเอาจานไปเก็บ มิกที่นั่งประมวลผลอยู่ก็เริ่มนึกขึ้นได้ มิกยิ้มแก้มปริ เขาไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาก่อน และเขาก็เห็นไฟกำลังใส่รองเท้า
“พี่ไฟ ผมจะทำให้พี่ศรัทธาในตัวมันจนลืมไม่ลงเลย” มิกพูดออกไป ไฟแค่พยักหน้ารับ และกำลังจะบิดลูกบิด แต่ไฟก็หยุดนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนตัดสินใจพูดออกมา
“เจอกันพรุ่งนี้” ไฟเดินออกไปแล้ว แต่มิกรู้สึกว่าเขายังจำรสจูบนั้นได้ดี รสจูบที่เขาโหยหามานาน ไม่ร้อนแรงเหมือนชื่อคนจูบแต่มันละมุนและหวาน
.
.
.
1 ปีต่อมา
Fai passakorn in relationship with mixer mixxx
The end