พิมพ์หน้านี้ - เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: nuichanel ที่ 20-09-2008 18:12:18

หัวข้อ: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 20-09-2008 18:12:18
ตอนที่ 1


The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว

     อยากดูแลเมื่อยามเธอหมองเศร้า อยากเป็นเงาเมื่อเธอเหงาใจ อยากเดินเคียงเมื่อเธอต้องการผู้ใด ข้างกายสักคน
     หากว่าเธอท้อแท้วันใด ถูกสิ่งใดทำใจร้อนรน หากต้องการมีใครสักคนที่พร้อมให้ความอุ่นใจ
ขอเป็นคนหนึ่ง ซึ่งคอยห่วงใยแต่เธอเรื่อยไป แม้จะเป็นคนสุดท้าย ที่เธอจะมอง...แม้จะเป็นคนสุดท้ายที่เธอจะมอง...

     ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นมันจะผ่านมาเป็นเวลาสิบกว่าปีแล้วก็ตาม แต่เมื่อใดที่ได้ยินเพลงๆ นี้ น้ำตาแห่งความเหงาก็จะถูกกลั่นออกมาจากดวงตาคู่เศร้าคู่นี้ทุกทีสิน่า...คลอบ้าง ไหลบ้าง ก็แล้วแต่ว่าสภาวะอารมณ์ตอนนั้นมันเป็นยังไง แค่ซึ้งไปกับเพลงเฉยๆ หรือว่าภาพในอดีตมันได้กลับมากระแทกหัวใจเข้าดังโครมอีกครั้ง

10.45 น.
     ผมถอดหูฟังที่เสียบจากโทรศัพท์มือถือออก แล้วลุกขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำ แต่งตัว พร้อมเปิดช่อง 3 ดูรายการเรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ รายการโปรดอีกรายการ ผมชอบดูข่าวนะ และไม่ว่าจะดึกแค่ไหนผมก็จะต้องรอดูข่าวรอบดึกหรือข่าวเช้าวันใหม่ก่อนนอนทุกครั้ง ก็แปลกเนอะ ตอนเด็กๆ เกลียดข่าวมากถึงมากที่สุด เพราะมันอาจดูเป็นสาระเกินกว่าคนไร้สาระอย่างผมจะรับได้ (ในตอนนั้นนะ) แต่ทุกวันนี้ผมว่าผมดูข่าวมากกว่าดูละครซะอีก
     วันนี้เป็นวันเสาร์ผมควรพักผ่อนนอนอยู่กับบ้าน หรือไม่ก็ไปเดินช้อปปิ้งตากแอร์ตามห้างฯ อย่างที่ใครๆ เค้าก็ต่างหนีร้อนมาพึ่งเย็นกัน แต่ทว่าผมกลับปฏิเสธทั้งสองช้อยส์นี้ แล้วมุ่งไปยังออฟฟิศแถวลาดพร้าวที่ที่ผมทำงานมากว่า 8 ปีแล้ว ผมใช้เวลานั่งอยู่หน้าคอมฯ ทั้งวันโดยไม่มีความรู้สึกเบื่อแม้แต่นิดเลย จะว่าไปมันก็เหมือนเพื่อนอีกคนในชีวิตของผมที่ช่วยคลายเหงาได้เป็นอย่างดี และไม่ว่าผมจะด่าจะว่ามันยังไง (เมื่อมันแฮงค์หรือเข้าไม่ได้ให้เซ็งจิตอยู่บ่อยๆ) มันก็ไม่มีปากเสียงหรือเถียงกลับเลยสักครั้ง (บ้าปะยะ คอมฯ นะไม่ใช่คน) ที่สำคัญมันยังช่วยเบิกเนตรนำผมไปสู่หนทางแห่งความฉลาดเพิ่มขึ้น เพราะไม่มีอะไรหรอกที่มันไม่รู้ อู๊ย! มันรู้ลึกรู้ดียิ่งกว่าทีวีพูลซะอีกน่ะ (ฮา)
     เพลง...ขาดไม่ได้เลยสักครั้ง เมื่อเปิดคอมฯ ผมก็ต้องเปิดเพลง และเพลงในเครื่องของผมแต่ละเพลงนั้นน่ะ คนอายุ 30 อัพจะต้องชอบ (ผมเชื่ออย่างนั้นนะ) แหม ก็เพลงยุคนั้นน่ะ เบิร์ด มาลีวัลย์ นันทิดา เจ แหวน ใหม่ มาช่า ติ๊นา อัสนี-วสันต์ นูโว ฯลฯ (โอ้โห! เพลงหรือพงศาวดารกันยะ เพื่อนๆ น้องๆ มักจะเม้าธ์ผมทุกที...แต่มันก็ฟังกันนะ เชอะ!) ขอบอกว่าดังสุดๆ แบบฉุดไม่อยู่จริงๆ แล้วเพลงของพี่ๆ ป้าๆ น้าๆ อาๆ เหล่านี้ก็ดังลากยาวมาจน ณ บัดนาวเลยทีเดียว อ๊ะ! หรือว่าจะเถียง (คงเถียงไม่ออกหรอก เพราะปากกำลังฮัมเพลง สบาย สบาย ถูกใจก็คบกันปายยยย อยู่ล่ะสิ...ใช่ม้า?)
     ผมนั่งเช็กเมล์ ดูเว็บ เล่นเอ็ม สลับกับการกินพอคเวียนเนอร์ไส้กรอกสุดโปรดจาก 7-11ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผมต้องตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง เมื่อเพลงที่ผมเซ็ตเอาไว้รันมาถึงเพลงนี้...
อยากดูแลเมื่อยามเธอหมองเศร้า อยากเป็นเงาเมื่อเธอเหงาใจ อยากเดินเคียงเมื่อเธอต้องการผู้ใด ข้างกายสักคน...
     พลันภาพในอดีตเมื่อ 17 ปีที่แล้วก็แว้บเข้ามาให้สมองทั้งสามส่วนอย่างรวดเร็ว

                            ………………………………………………………………….

     “ตั้ม...ตั้มจะไปแล้วจริงๆ เหรอ” ผมเอ่ยเสียงอ่อยๆ พร้อมกับน้ำตารื้นๆ
      “ครับ” ตั้ม แฟนรุ่นน้องที่กำลังจะกลายเป็นอดีตในชีวิตของผมตอบกลับมาแค่นี้
      “แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย”
     “ไม่รู้เหมือนกันครับ”
     ตั้มหันมามองหน้าผม ซึ่งผมก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่า ณ ตอนนี้ตั้มรู้สึกกับผมยังไง เหมือนเดิมอย่างที่เราเคยเป็น หรือว่ามันกำลังจะจบพร้อมๆ กับที่เค้ากำลังจะจาก
     “ตั้ม...พี่ขอหอมแก้มตั้มเป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ย”
     ผมเริ่มเสียงสั่น เอ่ยขอร้อง ทั้งๆ ที่ผมกับตั้มเราก็เป็นแฟนกันนะ แล้วผมจะขอร้องเค้าทำไมล่ะ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเอง ในขณะเดียวกันผมก็ไม่เข้าใจในตัวตั้มเหมือนกัน
     “เอ่อ...อย่าดีกว่าพี่ อายเค้าน่ะ”
     มันก็สมควรอายอยู่หรอก เพราะเราทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในที่รโหฐานแต่อย่างใด เรานั่งคุยกันที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึกโรงเรียน ซึ่งตั้มกำลังรอพ่อกับแม่มารับกลับให้ไปเรียนต่อที่เชียงใหม่...แล้วเค้าจะไม่กลับมาที่นี่อีก!
     “ขออีกครั้งเดียว ครั้งสุดท้ายไม่ได้เหรอ” ผมยังคงดื้อดึงแกมอ้อนวอน เพราะผมรักเค้า มันทรมานมากๆ เมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ คนที่ผมรักเค้ากำลังจะไปแล้ว
     “…………”
     ไม่มีคำตอบใดๆ ออกมาจากปากของตั้ม ผมเริ่มถอนหายใจแบบห่อเหี่ยวออกมาเบาๆ แล้วรู้ตัวเลยว่าตอนนี้หน้าของผมมันร้อนและชาไปพร้อมๆ กัน อืม...ไม่ก็ไม่ ผมบอกกับตัวเองในใจ แล้วถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า...มันจะจบแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย ต่ออีกหน่อยได้มั้ย ที ‘คู่กรรม’ กว่าโกโบริจะตายได้ โห...โฆษณาเป็นสามสี่เบรกยังนอนครวญครางอยู่ในอ้อมกอดแม่อังจนเหน็บกินขาเล่นเอาชาแทบลุกไม่ขึ้น เผลอๆ นานอีกนิดแม่อังอาจจะกลายเป็นแม่อัม (พาต) ก็ได้...ยืดแบบนี้บ้างไม่ได้เหรอ...ผมพยายามเล่นมุกกับตัวเองเพื่อกลบความเคว้งในสมองตอนนี้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรนักหรอก มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาเลย...
     ทุกอย่างเงียบ...เงียบจริงๆ
     และ...ในที่สุด ช่วงเวลาที่ผมไม่อยากให้มาถึง...มันก็มาแล้ว
     “พี่เนล...พ่อกับแม่ตั้มมารับแล้วนะ” ผมหลุดจากอาการเหม่อลอยทันทีที่ได้ยินเสียงตั้ม
     “ตั้มไปนะ”
     “โชคดีนะ” นี่เป็นคำพูดสุดท้ายที่ผมได้อวยพรให้กับตั้ม ขอให้ตั้มโชคดี ผมพูดได้แค่นี้จริงๆ มันเหมือนมีอะไรจุกอยู่ตรงคอ หัวใจผมเต้นแรง หายใจไม่ทั่วท้อง น้ำตาเริ่มคลอเบ้าอีกครั้ง
     ตั้มคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งไปที่รถของพ่อและแม่ที่จอดรออยู่ ประตูรถเปิดออก ผมมองไม่ละสายตา มองทุกภาพ มองทุกวินาทีที่ตั้มไปที่รถ กำลังจะก้าวขาขึ้นรถ แล้วเข้าไปนั่งที่รถ ปิดประตูรถ แล้วรถคันนั้น คันที่พรากเราสองคนก็เคลื่อนตัวออกไป ผมยังคงมองอย่างไม่ละสายตา มองตามไปจนกระทั่งรถออกจากประตูโรงเรียนไปจนลับตา ขาผมเริ่มไม่มีแรง ยืนแทบไม่ไหว แต่จะให้ผมนั่งจมอยู่คนเดียวอย่างนี้ และตรงนี้ ผมคงบ้าตายแน่ๆ ผมตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์ไปหา ‘ตู่’  เพื่อนสนิทต่างโรงเรียนอีกคน บ้านตู่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่ ไม่เกิน 5 นาทีผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์มาถึง
     “ตู่...ตั้มมันไปแล้วอะ”
     เสียงสะอึกสะอื้นพร้อมน้ำตาที่ตอนนี้ไหลประดุจดังท่อน้ำแตก ตู่ไม่พูดอะไรมาก เพราะรับรู้เรื่องราวของผมกับตั้มมาโดยตลอด คำปลอบโยนของตู่ยิ่งทำให้ผมร้องหนักเป็นทวีเท่า จนมันรำคาญหรือว่ามันอยากให้ผมรู้สึกดีขึ้นก็ไม่รู้ มันเลยบอกว่าจะออกไปหาซื้ออะไรมาให้กิน คิดดูสิ สภาพผมตอนนี้มันคงกินอะไรได้หรอก แต่ก็เอาเหอะ เพื่อนหวังดี ผมก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ หลังจากตู่ออกไปแล้ว ผมเริ่มทำตัวเป็นนางเอกมิวสิกทันที พี่ตู่ นันทิดาคือตัวช่วยในวินาทีนั้น กับเพลงดังของอัลบั้มชุดนี้
     ...อยากดูแลเมื่อยามเธอหมองเศร้า อยากเป็นเงาเมื่อเธอเหงาใจ อยากเดินเคียงเมื่อเธอต้องการผู้ใด ข้างกายสักคน...
     ขอเป็นคนหนึ่ง ซึ่งคอยห่วงใยแต่เธอเรื่อยไป แม้จะเป็นคนสุดท้าย ที่เธอจะมอง...แม้จะเป็นคนสุดท้ายที่เธอจะมอง...
     รอบแรกผ่านไป
      อยากดูแลเมื่อยามเธอหมองเศร้า อยากเป็นเงาเมื่อเธอเหงาใจ อยากเดินเคียงเมื่อเธอต้องการผู้ใด ข้างกายสักคน...
     รอบที่สองผ่านไป
      ขอเป็นคนหนึ่ง ซึ่งคอยห่วงใยแต่เธอเรื่อยไป แม้จะเป็นคนสุดท้าย ที่เธอจะมอง...แม้จะเป็นคนสุดท้ายที่เธอจะมอง...
     รอบที่ 3, 4, 5, 6.....และรอบที่เท่าไหร่ผมก็ไม่ได้นับอีก
     ผมนึกขำกับตัวเองเหมือนกัน ร้องไห้ไป พอจบก็ต้องกดกรอเทปใหม่ (อ้อ...สมัยยุคหินเก่ายังไม่มีเครื่องเล่นซีดีอะนะ) มันจะเศร้าหรือจะตลกดีเนี่ย?

                            ………………………………………………………………….

     เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ทำให้ผมคิดถึงตั้มขึ้นมาทันที เราไม่ได้เจอกันนานเท่าไหร่แล้วนี่ แล้วตอนนี้ตั้มจะเป็นยังไงบ้าง มีแฟนหรือยัง ทำงานอะไร และอยู่ที่ไหน หลายคำถามที่ผมถามตัวเอง แต่ก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้...Google ผมนึกถึง Google ขึ้นมาทันที เว็บที่เวิลด์ไวด์สุดๆ ผมไม่รอช้ารีบพิมพ์ชื่อ-นามสกุลของตั้ม แล้วกดเซิร์ชรออย่างใจจอใจจ่อ ไวกว่าความคิด ชื่อของตั้มก็ขึ้นที่หน้าจอ ผมดีใจมาก หัวใจบีบตัวแรงเพราะความตื่นเต้น ผมจะสามารถติดต่อตั้มได้อีกครั้งแล้วใช่มั้ย
     ข้อมูลของตั้มถูกจัดเก็บอยู่ในรูปของใบสมัครงานออนไลน์ ถึงจะไม่ละเอียดมากนัก แต่มันก็มีทั้งที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ (ที่บ้าน) อี-เมล์ จะให้เขียนจดหมายไปหาเหรอ แล้วผมจะเขียนอะไรล่ะ จะขึ้นหัวเริ่มต้นว่ายังไง ไม่...ไม่ดีกว่า หรือว่าโทรไปคุยเลยดี ไม่อะ ผมไม่กล้าที่จะโทรหาเค้าแน่นอน ผมกลัว ผมไม่รู้ว่าความที่เราห่างกันกว่า 17 ปี เค้ายังจะเก็บผมไว้ในซอกหลืบรอยหยักแห่งความทรงจำบ้างหรือเปล่า แต่ผมมั่นใจว่าเค้าไม่มีทางลืมผมแน่นอน!
และช้อยส์สุดท้ายที่เหลืออยู่ที่จะสามารถติดต่อกับตั้มได้ ผมเลือกแอดเมล์ตั้มไว้ในเอ็มของผม เผื่อถ้าตั้มออนเมื่อไหร่ เรา (คง) จะได้คุยกัน ผมคิดอย่างนั้น

                                ....................................................................

     เช้าวันจันทร์...ผมรีบมาทำงานเร็วกว่าปกติ จนน้องๆ ที่ออฟฟิศอดแซวไม่ได้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น เพราะปกติกว่าจะเห็นผมเข้ามาทำงานก็สายๆ โน่นแน่ะ ผมก็ได้แต่ยิ้มแล้วตอ (แหล) กลับไปว่าเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ เลยตื่นเช้าอะ แต่ไม่ใช่หรอก ผมอยากจะเจอตั้มต่างหาก หวังในใจลึกๆ ว่า ตั้มคงจะออนเอ็มแน่ๆ เซ้นส์มันบอกน่ะ แต่...แต่ผมก็ต้องผิดหวัง เพราะมันยังออฟไลน์อยู่ เอ๊ะ! หรือว่าเมล์นี้ตั้มจะไม่ใช้แล้ว เฮ้อ...รู้งี้ตื่นสายเหมือนเดิมก็ดีอะ อุตส่าห์แหกขี้ตามา แต่ก็ช่างเหอะ จะไปอะไรมาก ผมปลอบใจตัวเองอยู่ลึกๆ คิดได้อย่างนั้นก็นั่งทำงาน เขียนสคริปต์ ตรวจสคริปต์น้องๆ คุมลงเสียง เช็กงานในห้องตัดต่อ ง่วนกับงานไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง....
     ตั้มออนแล้ว...ตั้มออนแล้วจริงๆ ด้วย แต่...ผมตื่นเต้นได้ยังไม่เท่าไหร่ ก็ต้องรู้สึกเฟลนิดๆ เมื่อเห็นหัวเอ็มของตั้มเขียนว่า TUM LOVE NOI และรูปที่ดิสฯ ก็เป็นรูปตั้ม (แหมไว้ผมยาวซะด้วย เซอร์เชียว) ผู้หญิงคนหนึ่ง (คาดว่าน่าจะเป็นคนที่ตั้มบอกว่า LOVE นั่นล่ะ) และเด็กอีกสองคน หรือว่า...อืม...น่าจะใช่ ผมคิดว่าน่าจะใช่...
     เอาน่า...ลองคลิกเข้าไปคุยหน่อยละกัน...ไม่เป็นไรหรอก ก็แค่คิดเสียว่าคนเคยรู้จักกัน เป็นพี่เป็นน้องกัน คุยกันไม่เสียหายอะไรหรอก อันนี้ผมคิดแค่คนเดียวนะ ผมไม่รู้ว่าตั้มจะคิดแบบผมหรือเปล่า

     NEL says :  สวัสดีตั้ม

      ………………….
     ………………….
     ………………….
     ………………….
     และ .....................

     ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนที่ท่าน (อยากจะ) คุยด้วย เอ...หรือว่าตั้มไม่อยู่แต่ออนทิ้งไว้ หรือว่าตั้มไม่คุ้นกับเมล์ที่แอดเข้ามาหาเลยไม่คุยด้วย หรือว่าตั้มทำงานยุ่งอยู่เลยไม่สนใจตอบกลับ หรือว่า...หรือว่า...และอีกหลายหรือว่าเหตุผลที่ผมอยากรู้เหลือเกิน
     TUM says : หวัดดี ใครอะ
     เย้!!! ตั้มตอบกลับแล้ว ผมตื่นเต้นบอกไม่ถูกจริงๆ หัวใจของผมตอนนี้มันเต้นไม่เป็นจังหวะแล้ว ผมจะตอบกลับว่าไงดีเนี่ย อืม...
     NEL says : “เอ่อ...พี่เนลไง จำพี่เนลได้ปะ”
     TUM says : “เนลไหนอะ”
      NEL says : “ก็พี่เนลที่เคยอยู่หอเดียวกับตั้มตอนเรียนที่ลำปางไง หอของมาสเตอร์บุญทวีไงล่ะ”
     TUM says : “จำไม่ได้อะ”
     ไม่จริง! ผมไม่เชื่อเด็ดขาดว่าตั้มจะจำไม่ได้ นอกเสียจากตั้มจะรถพลิกคว่ำหรือหัวคะมำฟาดพื้น จนสติไม่สมประดี ตั้มกำลังจะปฏิเสธว่าเราเคยรู้จักกันใช่มั้ย?
     NEL says : “พี่ยังจำไอ้ดิวน้องตั้มได้เลย และก็พวกไอ้ก้อ ไอ้หนุ่ม ไอ้ต่อง เพื่อนๆ ของตั้มที่หอไง”
     …………………….
     …………………….
     ……………………..
     ตั้มเงียบไปนาน ผมรู้ว่าตั้มจำทุกอย่างได้ดี และผมก็รู้ว่าตั้มคงไม่อยากคุยกับผมเท่าไหร่หรอก
TUM says : “อ๋อ จำได้ละ”
     เชอะ! อย่ามาทำฟอร์มเลยคนเรา
      NEL says : “เป็นไง สบายดีมั้ย มีแฟนหรือยังอะ”
     TUM says : “ลูกสองแล้ว”
     ใช่จริงๆ ด้วย เด็กสองคนที่ดิสฯ นั้น ใช่ลูกของตั้มอย่างที่ผมคิดจริงๆ และนั่นก็คงเป็นเมียของตั้ม ผมนึกถามตัวเองอีกครั้งว่าผมต้องการคุยกับตั้มเพื่ออะไรอีก ถ้าเพื่อต้องการให้ความรู้สึกดีๆ เมื่อ 17 ปีกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง บอกได้เลยว่าความเป็นไปได้เท่ากับ ศูนย์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และก็ศูนย์
     NEL says : “ตั้มรู้ปะ พี่เคยเขียนเรื่องตั้มลงในนิตยสารด้วยนะ”  
     คือก่อนหน้านี้ผมเคยเขียนเรื่องของผมกับตั้มลงในคอลัมน์นิตยสารผู้หญิงที่เผ็ดแซบฉบับหนึ่ง เป็นเรื่องสั้นๆ ที่พูดถึงความรักในช่วงหนึ่งของชีวิต
     TUM says : “จริงดิ เขียนไรอะ เอ็กซ์ปะ”
     NEL says : “เต็มเหนี่ยว อิๆๆๆ”
     ผมดีใจนะที่ตั้มยังตอบกลับผมมาด้วยภาษาที่ขี้เล่นเหมือนแต่ก่อน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ตัวหนังสือก็ตามที แต่มันก็ทำให้ความรู้สึกชุ่มชื่นในหัวใจเกิดขึ้นได้
     ..................................
    ..................................
    ...................................
    ...................................
     ตั้มเงียบอีกแล้ว ครั้งนี้ตั้มเงียบไปนานมากๆ และ...ในที่สุดตั้มก็ออฟไลน์ เฮ้อ…ผมพร่ำบอกกับตัวเองว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ ทุกอย่างมันต้องเดินไปตามวิถีของมัน ต้องอยู่กับความจริง และปัจจุบันนี่แหละคือความเป็นจริงที่สุด!!!

                          .....................................................................

    
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 20-09-2008 18:14:48
ตอนที่ 2

 
17 ปีที่แล้ว

     ผมเรียนอยู่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่จังหวัดลำปาง เป็นโรงเรียนคริสต์ที่มีชื่อเสียง (ซึ่งบางคนมันทะลึ่งแปลชื่อย่อโรงเรียนผมซะเสียเลยว่า ไอ้ เสือ ชุ่ย ฮึ่ม! มันน่านัก) ผมเรียนที่นี่มาตั้งแต่ ป.1 จนตอนนี้ผมอยู่ ม.5 แล้ว หลังจากที่ปิดเทอมไปอยู่ที่บ้านนานพอควร ก็ถึงเวลาที่นักเรียนสุดซ่าขาสั้นต้องกลับมาอยู่หอรอรักอีกครั้ง บ้านผมอยู่ต่างอำเภอน่ะ ส่วนโรงเรียนอยู่ในตัวเมือง เพื่อความสะดวกพ่อกับแม่ก็เลยให้ผมมาอยู่ที่หอใกล้ๆ โรงเรียน ซึ่งหอที่ผมอยู่นี้เป็นหอของมาสเตอร์บุญทวี (มาสเตอร์ก็คือครูนั่นแหละครับ โรงเรียนคริสต์เค้าจะเรียกอย่างนี้กัน) ซึ่งท่านก็สอนอยู่ที่โรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ด้วย ท่านสอนวิชาคณิตศาสตร์น่ะครับ บ้านของท่านเปิดเป็นหอพัก แล้วมีร้านขายของอยู่หน้าบ้าน เด็กที่อยู่ที่นี่ก็เป็นเด็กโรงเรียนเดียวกับผมซะส่วนใหญ่ จะมีต่างโรงเรียนบ้างก็คนสองคน
     ผมมาถึงก่อนวันเปิดเรียนวันนึง หอยังเงียบอยู่มาก อาจจะเป็นเพราะยังไม่มีใครกลับมา ผมหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรังเดินเข้าหอ สวัสดีทักทายมาสเตอร์และภรรยาของท่านซึ่งเป็นครูเหมือนกัน แต่สอนคนละโรงเรียน ก็คุยกันนิดๆ หน่อยๆ ผมก็ขอตัวท่านไปเก็บของเพราะมันหนักและก็เยอะเหลือเกิน ก่อนที่ผมจะเดินไปถึงตู้เสื้อผ้าของผมนั้น ผมได้เดินผ่านเด็กผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนม้านั่งยาวคนเดียว นึกในใจ...ใครวะ? หน้าตาน้องเค้าก็น่ารักใช้ได้ทีเดียวเชียวแหละ แต่ผมก็ได้แค่เหลือบมองนิดๆ เท่านั้น ก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ ขอไปจัดการกับของในมือก่อน โอ๊ยยยย! หนัก...
     ตกเย็นบรรดาเด็กหอทั้งหลายก็ทยอยกลับมาจนครบทุกคน โหวกเหวก เจี๊ยวจ๊าว มึงมาพาโวยกันสนุกตามสไตล์เด็กโจ๋ที่ไม่ได้เจอกันนาน ผมก็ด้วยแหละ นั่งเม้าธ์เรื่องตลกๆ กับ ‘โอ’ และ ‘ใหญ่’ สองน้องเตยหัวใจแหววที่สนิทกับผมอย่างออกรสออกชาติเหมือนกัน
     “เออ พี่เนล เห็นเด็กใหม่หรือยังอะ น่ารักเนอะ” นังใหญ่ แต๋วแหววรุ่นน้อง ม.2 ต่างโรงเรียน เริ่มเอ่ยถึงเด็กผู้ชายคนที่ผมเจอตอนกลางวัน
     “อ๋อๆ อืม...ชื่ออะไรน่ะ อยู่ชั้นไหน” ผมเริ่มสนใจขึ้นมาทันที
     “ชื่อตั้ม มาจากเชียงใหม่ ย้ายโรงเรียนจากที่นู่นมาเข้า ม.1 ที่นี่ มากับน้องอีกคนชื่อดิว”
     โห เชื่อเลย ขนาดผมกลับมาถึงก่อนมัน เห็นน้องคนนี้ก่อนมัน ผมยังไม่รู้ลึกรู้ดีเท่ามันเลย
     “คนชื่อดิวดูเหมือนจะเป็นนะ น้องว่า ” โอ เตยหวานหน้าตาน่ารัก รุ่นน้อง ม.2 โรงเรียนเดียวกับผมที่มักจะแทนตัวเองว่าน้อง เริ่มออกความเห็นถึงน้องของตั้ม
     “เหรอ...เออ เข้าไปเม้าธ์ในห้องดีกว่า จะได้แต่งหน้าเล่นกันด้วย”
     แต่งหน้า เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ผมมักจะแต่งเล่นให้โอกับใหญ่เป็นประจำ สวยบ้าง เละบ้าง แล้วแต่อารมณ์ แต่เด็กมันก็สมยอม เพราะกะเทยน้อยหอยเสียบพวกนี้อยากสวยกันอยู่แล้ว ขอให้ได้มีสีสันบนใบหน้าเหอะ แต่งเสร็จก็ตามสเต็ป เดินประกวดเล่นกันสองคนในห้องนอน อ้อ! ห้องนอนของผมเป็นห้องนอนรวม ที่นี่จะมีอยู่ 3 ห้องใหญ่ ห้องนึงก็จะมีประมาณ 6-7 คน ซึ่งตั้มก็นอนอยู่ในห้องเดียวกับผมด้วย!

                                    ……………………………………………………………..

     ชีวิตในช่วงนักเรียน ม.ปลายของผมก็ยังคงสนุกสนานกับกิจกรรมมากมายเช่นเคย อาจจะมีลดน้อยลงไปบ้าง เพราะอยู่ในช่วงที่ต้องเตรียมตัวในการสอบเอ็นทรานซ์ แต่ไม่ว่าเวลาที่โรงเรียนมีงานเล็กใหญ่ยังไง ก็ต้องมีผมและเพื่อนๆ สนิทในกลุ่มจัดการแสดงร่วมตลอด ซึ่งตอนอยู่ ม.ต้นกลุ่มผมจะมีกันหลายคน แต่พอขึ้นม.ปลายก็กระจัดกระจายแยกย้ายกันไปเรียนต่อที่อื่น ที่หลงเหลืออยู่เป็นปูชนียสถานประจำโรงเรียนก็มีผม เออุ่ม และเอจักรี ทีมสตรีทีสเกิร์ตที่ยังคงกอดคอกันแหววสร้างความครื้นเครงและป่วนชาวบ้านได้ไม่หยุด
     หลังเลิกเรียนอีกหนึ่งกิจกรรมที่พวกเราไม่เคยพลาดเลย (เพราะถ้าพลาดอาจจะถูกมาสเตอร์ชาติ โค้ชหน้าเข้มด่าเอาได้) นั่นก็คือต้องซ้อมวอลเลย์บอล เพราะพวกเราเป็นนักกีฬาของโรงเรียน และเคยสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนด้วยการคว้าเหรียญทองมาแล้ว เออ...พูดถึงวอลเลย์บอลทีไร ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมใครๆ ก็ต้องบอกว่าวอลเลย์บอลเป็นกีฬาของกะเทย ทั้งๆ ที่ผู้หญิงก็เล่น ผู้ชายก็เล่น (ถึงแม้เปอร์เซ็นต์น้อยก็ตาม) อืม...ผมคิดเอาเองนะ หรือจะเป็นเพราะมันมีต้นกำเนิดมาจากซีรี่ส์ญี่ปุ่นเรื่อง ‘ยอดหญิงสิงห์วอลเลย์บอล’ หรือ ‘ยอดหญิงชิงโอลิมปิก’ อะไรนี่แหละ ที่มีตัวเอกชื่อ จุง โคชิกะ (จำได้บ่? ถ้าจำบ่ได้ผมว่าคงต้องนั่งทางในหรือไม่ก็ต้องระลึกชาติเอากันแล้วล่ะ) ซึ่งแต่ละนางก็จะมีท่าไม้ตายทั้งลูกตบจานบิน ลูกเสิร์ฟม้วนถล่ม ลูกเตะฟรีคิก เอ๊ย! อันหลังนี้ไม่ใช่นะ แหะๆๆ  เหล่านี้กระมังน้องนุชตุ๊ดแต๋วเลยอยากตั้งแถวหน้ากระดานให้โค้ชขานชื่อ ฮิตาชิ มาค่ะ...ซันโย มาค่ะ...มิตซูบิชิ มาค่ะ แล้วรวมตัวกันโชเด๊ะ! วาดลวดลายอรชรทั้งตีทั้งตบลูกยางกันอย่างเมามัน ซึ่งครั้นจะให้ไปเตะฟุตบอลก็คงกลัวสีข้างจะหัก เพราะพวกผู้ชายอาจแกล้งเตะพลาดแล้วมาฟาดใส่เอา หรือจะให้ไปเล่นบาสฯ อะโห ชอบอะชอบอยูร้อก ปะทะเนื้อๆ เน้นๆ  แต่ถ้าถูกทั้งศอก ทั้งไหล่ ทั้งตัวกระแทกเอา ผมว่าอีกไม่ช้าคงได้นั่งวีลแชร์ไปแข่งพาราลิมปิกเกมส์เป็นแน่...สรุป! วอลเลย์บอลน่ะเจ๋งสุดแล้ว มันคงเป็นกีฬาที่ปลดปล่อยสุดๆ สำหรับคนพันธุ์ G (ay) น่ะ ก็แหม...เสิร์ฟได้ก็กรี๊ด ตบได้ก็กรี๊ด รับได้ก็กรี๊ด แถมถูกตบใส่หน้าก็ยังกรี๊ดอีก (อ๊ากกก เจ็บนะยะ ดั้งกู!!!) 555+ เอวังก็ด้วยประการฉะนี้แหละน้อ

                                          .......................................................

     เกือบสองอาทิตย์ได้แล้วมั้ง ผมยังไม่เคยได้คุยกับตั้มจริงๆ จังๆ สักทีเลย หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีเรื่องอะไรจะคุย อืม...คงใช่ คงไม่มีเรื่องอะไรจะคุยจริงๆ นั่นแหละ
     “พี่เนลกินหนมปะ” ผมหันไปตามเสียงนั้น ขณะที่กำลังอ่านเขียนไดอารี่อยู่บนเตียง
     “ไม่อะ แต๊งค์กิ้ว แปรงฟันแล้ว” ผมยิ้มปฏิเสธให้ตั้ม
     “วันก่อนพี่เต้นเก่งเนอะ เพื่อนผมเฮแซวกันใหญ่เลย”
ตั้มคงหมายถึงงานวันสัปดาห์ห้องสมุดที่ผมได้แสดงโชว์เพลงแมงมุมของแสงระวีน่ะ โห ขอบอกว่าแมงมุมทั้งสามตัว (ผม เออุ่ม และเอจักรี) เต้นชนิดที่ว่าถ้าเกาะฝาบ้านอยู่ล่ะก็มีหวังพังทั้งแถบแน่ๆ เพราะแต่ละคนส่ายกันซะจนลืมไปว่ายังมีกระดูกกันอยู่ (ฮา)
     “แล้วตั้มชอบปะล่ะ”
     “ชอบดิ มันส์ดีพี่ งานหน้าเอางี้อีกนะ แมงมุม แมงมุม ขยุ้มหัวนม ฮ่าๆๆ”
ผมยิ้มรับคำชมแล้วก้มหน้าเขียนไดอารี่ต่อด้วยความอายนิดๆ แต่ตั้มก็ยังคงไม่ไปไหน นั่งอยู่เตียงข้างๆ เหมือนจะพยายามชวนผมคุยต่อ 
     “เออ พี่เนล อาทิตย์นี้พี่กลับบ้านปะ”
     “ไม่อะ มีเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ ตั้มกลับเหรอ”
     “ไม่กลับอะพี่”
     ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ บรรดาตัวซ่าทั้งไอ้ก้อ ไอ้หนุ่ม ไอ้ต่อง ไอ้ดิว นังโอ และนังใหญ่ ก็พาเหรดเข้ามาในห้องกัน มันไม่ได้เพิ่งเสร็จกิจจากการรุมลงแขกนังน้องสองสาวนั่นหรอกนะ อย่าเข้าใจผิด คงโดนมาสเตอร์บุญทวีไล่ให้มานอนกันนั่นล่ะ เพราะก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว คือที่หอจะดูทีวีเกินกว่านี้ไม่ได้น่ะ เพราะถ้าตื่นสายไปโรงเรียนไม่ทันล่ะก็จะต้องเจอแจ๊กพ็อตชุดใหญ่เลยล่ะ

                                        ............................................................

     ทุกวันศุกร์เด็กที่หอส่วนใหญ่ก็จะลากลับบ้านกันเป็นปกติ ศุกร์นี้ก็เช่นกัน จะมีเหลืออยู่ก็ไม่กี่คน จะว่าเงียบก็เงียบดีอยู่หรอก แต่จะว่าเหงามันก็เหงาเอาการอยู่นะ เพราะทั้งนังโอกะนังใหญ่ไม่อยู่ไม่รู้จะเม้าธ์เรื่องตลกๆ ให้ใครฟัง...เซ็ง
คืนนี้หนีเที่ยวดีกว่า! จู่ๆ ไอเดียสุดเจ๋งก็เด้งเข้ามาในสมองของผมอย่างรวดเร็ว ใช่แล้ว ไปเต้นระบำฉ่ำโบ๊ะดีกว่า เธคสุดฮิต The Bees คือช้อยเดียวที่ผมคิด เพราะเป็นที่ประจำ พวกวัยรุ่นวัยโจ๋ส่วนใหญ่ก็มาที่นี่กันทั้งนั้น และไปแต่ละที โอ้โห นึกว่าจะไปเดินแฟชั่นวีค ก็กลุ่มผมน่ะดิ แต่งตัวกันซะชนิดที่ว่าจอห์น กัลเลียโนยังต้องยอมแพ้เลยขอบอก อ๊ะ! แต่ผมไม่ได้แต่งตัวจากหอไปนะ และก็ไม่ใช่ว่าจะขออนุญาตเที่ยวกลางคืนได้ด้วย อย่าลืมนะว่าที่นี่ไม่ใช่เป็นหอพักอิสระ แต่เป็นหอที่มีครูเป็นเจ้าของ เพราะฉะนั้นปฏิบัติการล่าฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผมต้องแอบปีนประตูหลังหอหนีเที่ยวซึ่งเป็นสังกะสีแถมสูงกว่า 2 เมตรอีก (เอากะมันดิ) นี่ไม่ใช่ครั้งแรกและก็คิดว่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายด้วย ประมาณว่า The Bees อยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่นั่นว่างั้นเหอะ!
     ตีสามผมปีนกลับด้วยความระมัดระวัง (ลองไม่ระวังสิ สังกะสีจะได้บาดตาย) และไม่ลืมที่จะหยิบยืมวิชาตัวเบามาจากนินจาฮาโตริ ค่อยๆ ย่อง ค่อยๆ ย่อง จนไปถึงห้องนอนที่ตอนนี้ปิดไฟมืด แต่ยังพอเห็นแสงสลัวๆ อยู่บ้าง ผมนั่งลงที่เตียงพร้อมกับถอนหายใจยาวๆ อย่างโล่งอก...เฮ้อ คืนนี้ก็รอดอีกตามเคย
     “พี่เนลไปไหนมาอะ” เฮ้ย! ผมสะดุ้งกับเสียงนั้น ใจนึกว่าโดนผีหลอกซะแล้ว
     “อ้าว ตั้ม...ยังไม่หลับอีกเหรอ โห เล่นเอาตกใจเลย พอดีไปข้างนอกมา หลับเหอะ ”
ที่แท้ก็ตั้มน่ะเอง คงได้ยินเสียงผมตอนเปิดประตูมั้งเลยตื่น แต่ผมว่าผมก็เบามือสุดๆ แล้วนะ ไม่ใช่เพราะกลัวคนในห้องตื่นหรอก แต่กลัวมาสเตอร์บุญทวีตื่นต่างหากล่ะ
     “ไปเที่ยวมาเหรอ”
     “อืม โทษทีนะที่ทำให้ตื่น”
     “ไม่หรอก พอดีจะลุกไปฉี่อยู่แล้ว”
     “ช่วยถือเอาปะ” โห กล้าพูดไปได้ไงอะ คงเป็นเพราะฤทธิ์สิงคโปร์สลิงกับบลูฮาวายที่ซัดไปหลายแก้วแน่ๆ
     “อย่างตั้มต้องยก ไม่เรียกถือหรอกพี่ อิๆๆ” ดูความทะลึ่งของตั้มมันสิ เอ...จะว่าตั้มก็ไม่ถูก ผมดันทะลึ่งก่อนทำไมล่ะ น้องมันก็เลยสวนกลับบ้าง เออ..ดี อย่างนี้สิมันส์ดี หึๆๆ
     “เออๆ ไปยกตามสบายเหอะ พี่นอนละ กู๊ดไนท์” คืนนี้ผมคงไม่มีฤทธิ์ต่อกรกับใครแล้วล่ะ ความง่วงเข้าครอบงำเต็มพิกัด หาวววว...ว

                                    .........................................................

     “พี่เนลๆ ตื่นๆ วันนี้เรียนพิเศษไม่ใช่เหรอ มาสเตอร์เลิศให้มาตามอะ”
     “ตาย! ลืมไปเลย”
     ผมสะดุ้งตื่นทันทีโดยไม่มีอาการงัวเงีย วันนี้ต้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ แต่โชคดีตรงที่ไม่ต้องไปเรียนไหนไกล ก็เรียนที่หอที่ผมอยู่นี่ล่ะ มาสเตอร์เลิศท่านสอนวิชาภาษาอังกฤษที่โรงเรียน ท่านก็มาสอนเสริมให้ ผมค่อนข้างที่จะสนิทกับมาสเตอร์ท่านนี้เป็นพิเศษ เพราะท่านเป็นกันเองกับนักเรียน สอนสนุก ไม่ถือตัว และเป็นที่ปรึกษาที่ดีในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหัวใจ...ว้าว!!!
     “ขอบใจตั้มที่ปลุก”
     “เอ้า! เร็วๆๆๆ” ตั้มยืนหัวเราะผมที่กำลังลุกลี้ลุกลนคว้าอุปกรณ์อาบน้ำวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างเร็ว
     หลังเรียนพิเศษเสร็จ สองเพื่อนซี้เออุ่มกับเอจักรีก็ชวนผมไปเที่ยวที่อพาร์ตเมนต์ของทั้งคู่ซึ่งอยู่ไม่ห่างหอผมเท่าไหร่หรอก แต่นังสองคนนี้ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันหรอกนะ อยู่กันคนละห้อง คนละชั้น นังเออุ่มอยู่กับแม่ ส่วนนังเอจักรีอยู่กับน้องชาย ผมมักจะไปขลุกอยู่ที่ห้องของนังสองคนนี้เป็นประจำ บางครั้งก็แอบมานอนค้างบ้าง และห้องของนังเออุ่มนี่แหละก็คือห้องปฏิบัติการเมคโอเวอร์ของเหล่าบรรดาเทเลทับบี้ตุ๊ดซี่หัวเกรียนก่อนที่จะไปเที่ยว The Bees ไงล่ะ ฮิๆ
     “คืนนี้ไม่ไปเที่ยวอีกเหรอยะ”
     นังเออุ่ม ตุ๊ดเหนือแท้และดั้งเดิมเอ่ยชวนด้วยสำเนียงกึ่งเหนือกึ่งกลาง She คนนี้เพิ่งจะเข้ามาเรียนโรงเรียนเดียวกับผมเมื่อตอน ม.4 มาจากกรุงเทพฯ โห เดิร์นมาเชียว ไอ้เราก็เด็กต่างจังหวัดอะเนอะ เห็นคนแต่งตัวแปลกตาก็นึกว่าเก๋แล้ว ทั้งเสื้อผ้า หน้า พร็อบ หล่อนนอนสต็อปมากๆ หืม เด็กกรุงเทพฯ เริ่ดอะ พอนานๆ ไป ได้รู้จักมันมากขึ้น ได้เห็นอะไรมากขึ้น ก็เลยรู้ว่า เออ อีนี่มันย้อมแมว แท้ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่สาวลาดพร้าว แต่เป็นคนบ้านน้อกบ้านนอกเหมือนกันนี่แหละ (ฮา)
     เออ...คงสงสัยใช่มั้ยล่ะ ว่าทำไมนังคนนี้มันชื่อแปลกๆ จริงๆ แล้วมันชื่อเอเฉยๆ นี่แหละ แต่คำว่า ‘อุ่ม’ น่ะเป็นภาษาเหนือ หมายถึง ‘กุม’ มันมีที่มาอย่างนี้...คือทุกทีเวลานังนี่จะอาบน้ำมันจะไม่นุ่งผ้าเช็ดตัวแบบพวกผมคือนุ่งแค่เอวอะ แต่มันเล่นกระโจมอกแบบว่าอึ๋มตู้มซะเต็มประดา เท่านั้นล่ะความหมั่นไส้เลยเข้าตาเพื่อนอีกคนมันเลยจัดการกระตุกผ้าเช็ดตัวนังเอหลุดจนเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ใคร่อยากจะเห็นนัก นังเอผงะไปชั่วขณะ แล้วรีบประสานมือทั้งสองกุมหนอนข้าวโพดเอาไว้ แหม...เรียกเสียงฮาจากเพื่อนๆ ได้ดีจริงๆ “อีอุ่มๆๆๆ ” นี่ล่ะคือที่มาของฉายามันล่ะ
     “ไปอีกเหรอ ไม่ไปแล้วนะ”
     นี่ก็นังเอจักรี ชื่อเล่นเอ ชื่อจริง จักรี คนนี้เรียนกับผมมาตั้งแต่ป.1 รหัสที่หน้าอกเสื้อนักเรียนข้างขวาต่อกันเลยนะจะบอกให้ She เป็นคนที่นิสัยดีคนนึงเลยล่ะ She คนนี้เรื่องผู้ชายจะไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเท่าไหร่ แต่พอมีเข้ามาทีนี่เล่นเอาเพื่อนๆ อิจฉาเหมือนกันเลยล่ะ (ปัจจุบันนี้ She เป็นวิศวเกย์ เอ๊ย! วิศวกร หน้าที่การงานก้าวไกล เพราะคุณเธอเรียนเก่งมาก เอ็นฯ ติด 3 ปีซ้อน เหมือนรับตำแหน่ง 3 ปีซ้อนยังไงไม่รู้เนอะ ทั้งนิติฯ มช. วิทยาศาสตร์ มช. สุดท้ายก็สมหวัง She ซะที เพราะ She ได้เอ็น เอ๊ย! เอ็นฯ ได้วิศวะ ม.เกษตร สมใจ) ผมประทับใจเพื่อนคนนี้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว
     “เธอ...เธอเป็นกะเทยเหรอ”
     ดูมันทัก เอออี่นี่ รัศมีกูแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอย่างนี้ แต่ตอนนี้ผมคิดถึงตอนนั้นนะ ฮิๆๆ สรุปว่าวันนี้เราไม่ไปเที่ยวกัน เพราะผมก็ไม่อยากไปเหมือนกัน หนีเที่ยวบ่อยๆ ถูกจับได้เดี๋ยวซวย
หลังจากที่เรา 3 คนกินข้าวเย็นร้านประจำกันเรียบร้อยแล้ว นังเอจักรีก็ขี่มอเตอร์ไซค์ (แต่ไม่ได้นุ่งสั้น) มาส่งผมที่หอ ผมเห็นตั้มกับดิวกำลังนั่งกินข้าวอยู่เลยยิ้มทัก พร้อมยื่นถุงบัวลอยไข่หวานให้
     “อะนี่ ซื้อมาฝาก”
     “แล้วของผมอะ” ดิวน้องตั้มเอ่ยขอบัวลอยขึ้นมาบ้าง ทั้งๆ ข้าวยังเต็มปากมันอยู่เลย
     “ก็นี่ไงคนละถุง รู้น่าว่าเหลืออยู่ในหอกันแค่สองคนพี่น้อง”
     ตั้มยิ้มให้ผมบางๆ รอยยิ้มนี้มันช่างดูอบอุ่นในใจยังไงบอกไม่ถูก ผมไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้นานแล้ว หลังจากที่ต้องเสียน้ำตาให้กับคนๆ นึงไป ตั้มกำลังจะมาแทนที่คนๆ นั้นเหรอ? สำหรับผม ผมไม่เคยที่จะปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองอยู่แล้ว ชอบก็คือชอบ รักก็คือรัก หรือแม้กระทั่งเกลียดผมก็แสดงออกมาให้ได้รู้กันเลย แต่สำหรับตั้มผมไม่สามารถไปคิดแทนเค้าได้ หรือเดาใจเค้าออกว่า ณ ตอนนี้เค้าคิดอะไรอยู่บ้าง!

                                   ........................................................

     
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 20-09-2008 18:20:39
ตอนที่ 3

     คืนนี้ก็เหมือนกับทุกๆ คืนที่ก่อนนอนผมต้องเขียนบันทึกชีวิตในแต่ละวันลงไดอารี่สีชมพู (ซึ่งต่างจากของพี่แหวน ฐิติมา เพราะของเค้าน่ะเป็นไดอารี่สีแดง) ไดอารี่เล่มนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่ถูกเขียนระบายทั้งรัก สุข ทุกข์ เศร้า เหงา บางหน้ายังคงมีร่องรอยของคราบน้ำตาที่หยดลงบนหน้ากระดาษให้เห็นอยู่ รวมถึงเรื่องราวของคนที่ผมรู้สึกดีด้วย และอีกหนึ่งคนที่ผมรู้สึกดีด้วยนั้นที่ผมกำลังจะเขียนลงในหน้าถัดไปนั้นก็คือ...ตั้ม ผมยอมรับว่าผมเป็นคนที่ชอบคนง่าย และก็รักคนง่ายด้วย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมไม่ชอบนิสัยข้อนี้ของผมเลย
     “เขียนอะไรอะพี่เนล” ผมแทบจะพลิกหน้ากระดาษกลับแทบไม่ทัน เมื่อตั้มเดินมานั่งข้างๆ เตียงผมพร้อมเอ่ยทักจนผมไม่ทันตั้งตัว
     “เอ่อ ก็เขียนไดอารี่เรื่อยเปื่อย”
     “พี่เนลเค้าเขียนจดหมายถึงแฟนเค้าตะหากล่ะ ฮ่าๆ” ไอ้ดิวตะโกนแซวมาจากเตียงตรงข้าม ฮึ่ม...เจือก  กูยังไม่มีแฟนโว้ยยยย!!!
     “ไรอะ โห มีแฟนละ อกหักๆ” ตั้มแกล้งทำทีท่าทะลึ่งใส่ผม จนผมอดที่จะเขินในความขี้เล่นไม่ได้
     “ไปเลย กลับไปนอนกันได้ละทั้งพี่ทั้งน้อง เดี๋ยวเหอะ” ผมพูดไล่ตั้มไปแต่ไม่ได้จริงจังหรอก เพราะตั้มคงเห็นสีหน้าที่ยังยิ้มของผมอยู่
     “ไม่อะ ตั้มจะนอนเตียงนี้” เตียงนี้ที่ตั้มหมายถึง ก็คือเตียงของผมเอง!
     ผมไม่พูดอะไรต่อ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่สนใจคำพูดของตั้มหรอกนะ เพียงแต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกของเด็กขี้เล่นอย่างตั้มมากกว่า ถ้าคิดมากไป แล้วมันไม่เป็นอย่างที่คิดล่ะ เราจะเสียความรู้สึกไปเปล่าๆ
     ...แต่ผมว่า ผมไม่ได้คิดมากไปแล้วล่ะ ตั้มมานอนกับผมจริงๆ ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าในใจของตั้มกำลังคิดอะไรอยู่ ตั้มชอบผมเหรอ? ผมไม่กล้าคิดหรอก ตั้มจะมาชอบผู้ชายแบบผมได้ยังไง ทั้งๆ ที่ตั้มก็รู้ว่าผมกับเค้ามันคนละขั้วกัน
     “นี่ จะนอนจริงๆ เหรอ”
     ตั้มไม่พูดอะไร ได้แต่นอนหลับตาอมยิ้มห่มผ้าสบายใจอยู่ข้างๆ ผม โดยที่ไม่ต้องรอให้ผมตอบรับหรือปฏิเสธว่าจะให้หรือไม่ให้นอนด้วย
     “พี่เนลเสร็จพี่ตั้มแน่ๆ ฮ่าๆ” ไอ้ดิวเด็กซ่ายังคงแซวไม่เลิก จนผมแสร้งหันหน้าไปทำตาเขียวใส่ ...ได้ผล! ไอ้ดิวหุบปากแล้วทำทีเอาผ้าห่มคลุมโปงหัวเราะคิกๆ ด้วยความทะเล้น
     คืนนี้ผมรู้สึกแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก นอนไม่หลับ สับสนในใจไปหมด ถามว่าผมชอบตั้มมั้ย ผมตอบได้เลยว่าผมชอบ ชอบตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว แต่ผมไม่นึกว่ามันจะเร็วแบบนี้ ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่ได้แสดงอาการท่าทีว่าชอบตั้มให้ตั้มได้รู้เลย...ผมแอบคิดเล่นๆ ว่ามันคงตลกน่าดูเลยนะ ถ้าผมจะเป็นแฟนกับเด็กรุ่นน้อง ม.1 ซึ่งห่างกับผมตั้ง 4 ปี!
     “ทำไมยังไม่หลับอะ นอนไม่หลับเหรอ”
     “อ้าว! นึกว่าหลับไปแล้ว เห็นหลับตาสนิทเลย” ผมหันหน้าไปถามตั้ม ซึ่งหน้าเราสองคนแทบจะชนกันแล้วตอนนี้
     “ก็หลับไปแป๊บนึงแล้ว”
     “ถามจริงๆ เหอะ ไม่กลัวพี่ปล้ำเหรอมานอนด้วยอย่างนี้น่ะ” ผมเริ่มคุยแหย่แบบทีเล่นทีจริง
     “บ้า ปล้ำอะไร ผู้ชายกับผู้ชายปล้ำกัน บ้าแล้ว” นี่ตั้มมันไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่กันเนี่ย เด็กหนอ...ผู้ชายกับผู้ชายเค้าก็รักกันได้ เค้าก็มีอะไรกันได้ ฮ่วย! ผมงงไปหมดแล้ว มันยังไงกันเนี่ย หรือว่ามันจะเป็นอย่างที่ผมคิดมาตั้งแต่แรก คือตั้มเค้าไม่ได้คิดอะไรกับผมเลย...แต่
     “พี่เนล...กอดได้ปะ”
     ผมมองหน้าตั้มแบบตกใจนิดๆ แสงสว่างที่ลอดเข้ามากระทบพอที่จะทำให้ผมเห็นสีหน้าที่ดูนิ่งๆ และจริงจังของตั้มได้ ผมบอกตามตรงว่าเล่นเอาผมอึ้งไปเหมือนกันที่ตั้มพูดแบบนี้
     “แบรรรรรรรรรร่…ฮิๆๆๆ พูดเล่น นึกว่าเอาจริงอะดิ” ตั้มแลบลิ้นทำท่าทางลิงหลอกเจ้าใส่ผม...ผมอึ้งรอบสอง นี่โดนเด็กหลอกเหรอเนี่ย ฮึ่ม! 
     “ตั้ม!” ผมพูดแบบขบฟันเบาๆ ด้วยความอาย แต่พยายามเก็กหน้าไว้ไม่ให้ตั้มจับพิรุธได้ว่าผมหน้าแตกที่เริ่มจะคิดอะไรไปไกลแล้ว
     “โอ๋ๆๆ แหย่เล่นเฉยๆ นะ หลับซะๆ ตั้มไม่แกล้งแล้ว” แน่ะ ดูสิ ยังจะมาทำท่าทียียวนใส่อีก อย่างนี้เค้าเรียกว่าตบหัวแล้วลูบหลังนะ มีรึผมจะยอม หึๆๆ
     “ไม่หลับแล้ว” ผมได้ทีแกล้งตั้มกลับบ้าง โผเข้าไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงแบบทีเล่นทีจริง (แต่ออกไปทางจริงเสียมากกว่า อิๆๆๆ) ให้มันรู้ซะบ้างว่าฆ่าได้หยามไม่ได้...เสร็จ!
     “ขอโทษคร้าบบบ...บ ตั้มยอมแล้ว จะไม่แกล้งแล้วคร้าบบบ” ดูเหมือนว่าตั้มกำลังอ้อนวอนขอร้องผมไม่ให้แกล้ง แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ลูกเล่นของตั้มเท่านั้น เพราะดูตั้มไม่ได้กลัวหรือมีทีท่าว่ารังเกียจที่ผมเล่นกับตั้มแบบนี้เลย หนำซ้ำยังหัวเราะคิกๆ ชอบใจอีกต่างหาก
     “จะเอาจริงใช่ปะ” ผมหยุดแกล้งตั้มทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้จากปากของตั้ม
     แล้วต่อจากนั้น...ความรู้สึกที่แสนจะอบอุ่นที่หัวใจของผมมันเรียกร้องก็ได้เกิดขึ้น มันไม่ได้มีอะไรมากหรอก เพียงสัมผัสทางกายแค่ภายนอกมันก็สามารถบอกอะไรได้เยอะแล้วล่ะ...ผมมีความสุขนะ และผมก็เชื่อว่าตั้มก็มีความสุขเหมือนกัน ผมมองตั้มเหมือนเด็กคนหนึ่งที่ต้องการให้ใครคอยดูแล ให้ความอบอุ่น ถ้าตั้มต้องการให้ผมดูแล ผมก็จะทำ แต่จะได้นานแค่ไหนผมไม่สามารถบอกตัวเองได้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมบอกได้แค่เพียงว่าผมรู้สึกดีกับน้องคนนี้มาก!
 
                           ....................................................................

     หลังจากคืนนั้นดูเหมือนว่าเราทั้งสองคนจะสนิทกันขึ้นกว่าแต่ก่อน นอนก็นอนด้วยกัน แต่ก็ไม่มีใครแซวอะไร มีแค่คำถามจากนังใหญ่และนังโอที่ถามว่า ‘เมื่อไหร่กันเหรอ?’ แค่นั้น แล้วทุกอย่างก็ให้มันสองคนเข้าใจกันเอาเอง ส่วนก้อ หนุ่ม ต่อง ก็เป็นอันรู้กัน พวกนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะแอนตี้อะไรตั้ม จะไปกล้าแอนตี้อะไรล่ะ เด็กหอชายล้วนเรื่องแบบนี้มันก็ต้องเคยมีกันเป็นธรรมดา รวมทั้งพวกมันด้วยแหละ!
     มีคนเคยถามผมเหมือนกันว่า ทำไมผู้ชายกับผู้ชายถึงมีอะไรกันได้ แล้วพวกนี้เค้าเป็นเกย์กันเหรอ ผมอยากจะบอกว่าผู้ชายบางคนที่มีอะไรกับกะเทยนั้น ไม่จำเป็นว่าเค้าจะต้องเป็นเกย์ เป็นตุ๊ด เป็นแต๋ว อะไรตามหรอก พวกเค้าก็เป็นผู้ชายแท้ๆ นี่แหละ เพียงแค่เค้าอาจจะมองเห็นว่าคนพวกนี้ไม่เหมือนกับพวกเค้า อะไรที่ต่างจากพวกเค้าก็ย่อมไม่ใช่ผู้ชาย ฉะนั้นความรู้สึกทางใจอาจจะไม่ใช่ แต่ว่าทางกายเค้าสามารถระบายได้อย่างที่เค้าต้องการ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่เต็มร้อยเหมือนกับผู้หญิงก็ตาม แต่ก็มีไม่น้อยเหมือนกันนะที่ผู้ชาย (แท้ๆ) เหล่านั้นกลับมีใจที่นึกรักเกย์หรือว่ากะเทยได้อย่างง่ายดาย!
     อย่างที่โรงเรียนของผมซึ่งตอนแรกที่บอกว่าเป็นโรงเรียนชายล้วนนั้น จริงๆ แล้วก็ไม่เชิงเป็นโรงเรียนชายล้วนซะทีเดียวหรอก เพราะมีผู้หญิงอยู่บ้าง แต่ว่าน้อยมาก She เหล่านั้นจะสิงอยู่แค่ชั้นม.ปลายเท่านั้น ห้องนึงก็มี 2-3 คน (แต่ว่าปัจจุบันทราบมาว่าโรงเรียนของผมกลายเป็นโรงเรียนสหอย่างเต็มที่ไปแล้ว งานนี้กะเทยมีหนาว ฮิๆๆ) ตั้งแต่ผมเรียนที่นี่มาจนถึงปัจจุบันนี้ ม.5  ผมมองเห็นว่าการที่เด็กผู้ชายจะชอบกับกะเทยมันเป็นเรื่องปกติมาก บางทีเห็นควงคู่เป็นแฟนกันเลยก็มี ซึ่งก็ไม่มีการแอนตี้กันเกิดขึ้นจากเพื่อนฝูง จะมีแซวกันบ้าง พูดหยอกกันบ้าง ‘เฮ้ย! เมียมึงๆ’ หรือไม่ก็ ‘เมียกูห้ามยุ่งนะเว้ย’ อะไรประมาณนี้ ยิ่งตอนเข้าค่ายลูกเสือไม่ต้องพูดถึง เต็นท์ไหนเต็นท์นั้นถ้ามีกะเทยอยู่รับรองโชคทองจากซองมาม่าแจกกันให้รึ่มโดยไม่ต้องรอให้โหน่งหรือเท่งมาแจกหรอก หรือบางเต็นท์ก็ไม่เน้นคอมโบเซ็ต อาจจะมีแค่ชุดแฮปปี้มีลพอกล้อมแกล้มๆ ให้ได้ตื่นเต้นกันเท่านั้นเอง ซึ่งก็ไม่มีใครอายใคร เพราะเด็กผู้ชายซ่าๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะเล่นพิเรนทร์กันอย่างนี้อยู่แล้ว (แต่บางรายก็ไม่ซ่านะ เด็กเรียนด้วยซ้ำ ว้าว!)
     “ฉันว่ากะเทยก็ไม่ต่างอะไรกับที่ฉุกเฉินทางเพศนะ” เออ...ผมก็ปฏิเสธไม่ออกซะด้วยสิ เมื่อเพื่อนในกลุ่มเปรียบเทียบให้ฟัง แถมยังอดขำไม่ได้ อืม ช่างคิดนะมึง!!!
     หลังจบกิจกรรมเข้าค่าย หลายคู่ก็เข้าสู่ประตูวิวาห์กันเป็นแถว คบกันนานบ้าง ไม่นานบ้างก็ว่ากันไป แต่สำหรับผมกับตั้มตอนนี้เราก็โอเคกันดีนะ จะกุ๊กกิ๊กๆ กันสองคน จนนังใหญ่กะนังโอสองน้องสุดที่ร้ากกก...ก ชักจะเริ่มงอนๆ บ้างละ เพราะไม่ค่อยจะมีเวลาเม้าธ์เรื่องตลกๆ ให้มันฟังกัน แต่มันก็เข้าใจว่าข้าวใหม่ปลามันอะเนอะ (โห...ก็ว่าไปนั่น)

                          ....................................................................

14 กุมภาพันธ์
 
     วันนี้หลายๆ คนแฮปปี้กันมาก เสื้อนักเรียนเต็มไปด้วยสติกเกอร์รูปหัวใจหลากหลายสี ใครมีมากก็เท่ากับคนนั้นฮอต แต่บางคนนี่ลักไก่ไปซื้อมาติดกันเองก็เยอะ ก็ฮาๆ กันไปไม่ว่ากัน (บางคนก็มีเต็มเสื้อเหมือนกัน เอ่อ...ไม่ใช่สติกเกอร์หรอกนะ แต่เป็นรอยตรีนน่ะ นัยว่าคงมีคนรักเยอะน่ะ) ส่วนผมน่ะเหรอ อืม..เท่าที่ดูก็เยอะใช่ย่อยนะ ไม่ใช่จะฮอตอะไรมากมายหรอก ก็มีของเพื่อนๆ ด้วยล่ะ คละเคล้าไปกับของเด็กรุ่นน้องหลายๆ คนที่รู้จักกันดี และก็มีทั้งที่ไม่รู้จักกันก็อุตส่าห์เอามาติดให้ (น้องๆ มันคงเห็นผมเหมือนพระพุทธรูปกระมัง เลยนึกจะเอาทองมาปิดกัน)
หลังเลิกเรียนวันนี้ผมกลับหอเร็วกว่าปกติเพราะไม่มีซ้อมวอลเลย์บอล เข้าห้องนอนพร้อมหนังสือการ์ตูนขวัญผวากว่า 10 เล่มที่ตั้งใจว่าจะอ่านให้หนำไปเลย ขณะที่ผมนอนอ่านการ์ตูนไปได้สักพัก ประตูห้องก็เปิดออก...ตั้มนั่นเอง!
     “กลับมาแล้วเหรอ”
     ตั้มไม่ตอบแต่กลับยิ้มแบบมีเลศนัย
     “ยิ้มอะไร เดี๋ยวเหอะ”
     “แฮปปี้ วาเลนไทน์” ตั้มยื่นกล่องช็อกโกแลตให้ผม เล่นเอาผมยิ้มไม่หุบเลยแบบว่าปลื้มสุดๆ ไม่คิดว่าเด็กรุ่นน้องคนนี้จะคิดอะไรจริงจังและจริงใจกับผมขนาดนี้ แต่ผมสิ กลับไม่ทันคิดที่จะเตรียมอะไรไว้เซอร์ไพรส์ตั้มบ้างเลย
     “แต๊งค์กิ้วหลายๆ” ผมเอ่ยขอบใจตั้ม พร้อมกับหันไปหยิบดอกกุหลาบที่อยู่บนเตียงให้ ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ดอกไม้ที่ผมเตรียมไว้ให้ตั้มหรอก แต่เป็นดอกที่เพื่อนๆ ให้ผมมาน่ะ เฮ้อ...แย่จริงๆ
     “แฮปปี้ วาเลนไทน์เช่นกัน แกะกินเลยได้ปะเนี่ย”
     ตั้มไม่ตอบแต่เดินเข้ามานั่งข้างๆ ผมบนเตียง หอมแก้มผม แล้วบอกให้ผมหอมแก้มเค้ากลับบ้าง ผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย ก็แหม...คนเรารักกันแล้วนิ เรื่องแบบนี้มันก็นอมอลๆ อยู่แล้ว นิสัยขี้เล่นของตั้มอีกอย่างที่เค้าชอบแกล้งผมก็คือ เวลาที่เราจะคิสกันนี่แหละ ได้ขำตลอด ก็พอปากประกบกันเค้าดันเป่าลมแรงๆ แกล้งผมให้ผมสำลักซะนี่ ดูเค้าจะมีความสุขที่ได้ทำอะไรแบบนี้กับผม ผมก็มีความสุขไม่น้อยไปกว่าเค้าหรอก
     ตั้มเป็นเด็กที่น่ารัก แต่บางครั้งก็ออกจะขี้น้อยใจไปซะหน่อย เวลาที่เห็นก้อหรือว่าต่องมาเล่นกับผม เล่นในที่นี้ไม่ได้หมายความว่ามามีอะไรกันหรอกนะ แค่หยอกล้อกันแบบสนุกๆ เท่านั้นเอง แต่ด้วยความที่ตั้มยังเป็นเด็กกระมังเลยรู้สึกน้อยใจว่าคนที่เค้ารู้สึกดีด้วยไปยุ่งกับคนอื่นทำไม...ทำไมไม่เล่นไม่ยุ่งกับเค้าคนเดียว คือออกอาการหวงน่ะ เฮ้อ...มองดูเหมือนผมเป็นหม่าม้าตั้มยังไงก็ไม่รู้เนอะ ที่ประมาณว่าไปอุ้มลูกคนอื่นมาเล่นไม่ได้ เพราะลูกตัวเองจะงอนเอา (ฮา)
     “พี่เนล ตั้มมันนั่งร้องไห้ที่ห้องเรียนพิเศษอะ” ไอ้เจ้าดิวเดินมาบอกผม
      “อีกแล้วเหรอ”
     บ่อยครั้งที่ตั้มเป็นแบบนี้ ก็เพราะว่าตั้มเค้าน้อยใจน่ะ แต่ดีอย่างที่ตั้มไม่งอนจนงี่เง่า แค่อธิบายให้ฟังว่าอะไรเป็นอะไร ก็ยิ้มได้แล้ว
     ก่อนที่ผมจะมาลงเอยกับตั้มได้อย่างทุกวันนี้ ผมต้องผ่านเรื่องราวของการเสียน้ำตามานักต่อนักแล้ว ก็อย่างที่บอกในตอนต้นว่าผมนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างรักคนง่าย ชอบคนง่าย บางทีใครเผลอมาพูดดี ทำดีเข้าหน่อย ก็หลงเค้าแล้ว ทั้งๆ ที่บางทีเค้าอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับเราเกินเลยกว่าคำว่าเพื่อน บ่อยครั้งที่ผมร้องไห้ฟูมฟายจนแน่นหน้าอกไปหมด ทำเอาผมขยาดกับการอกหักไปเลย เพราะเมื่อไหร่ที่อกหักอาการสุดแสนจะทรมานนี้ก็จะเกิดขึ้นกับตัวผมอีก แต่ผมก็หนีมันไม่พ้นซะที...กับตั้มนี้น่ะเหรอ ผมยังไม่คิดถึงเรื่องนี้หรอก เพราะตลอด 2-3 เดือนที่เราคบกันมาจนถึง ณ วันนี้ ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าเราต่างก็มีความสุขกันดี 
      แต่...
     แต่...ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าความสุขของผมนั้นมันจะจบลงเร็วอย่างนี้! 
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 20-09-2008 18:58:30
มาตามเรื่องใหม่ คนแถวนี้นี่เอง อิอิ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 23-09-2008 00:17:16
มาให้กำลังใจก่อน เดี๋ยวตามมาอ่านนะครับ  :m1:
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เคยเรียนรร.เครือนี้ด้วยครับ แต่ไม่ใช่ลำปาง สมัยนั้นเด็กมันเรียก "อ้วกใส่ชาม" และจะมีรร.เอกชนที่เป็นพันธมิตรอีกสองโรงเรียนคือ "เด็กเสือก" กับ "ซาละเปา"
ผมเรียนที่นั่นตั้งแต่ อ.2-ม.3 ครับ แต่เป็นนร.ไป-กลับ เลยไม่มีประสบการณ์แบบนร.ประจำ ตอนนั้นผมอ่อนต่อโลกมาก ใสซื่อ อินโนเซ็นต์ เรียบร้อย เป็นที่รักของมิส มาสเตอร์หลายๆคน แต่ทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง กว่าจะขึ้นรถเมล์ สองแถวเป็นก็ม.3แน่ะ (อาย) เรื่องความรักก็ไม่มีอยู่ในสมองเลย เอาแต่เรียน - กลับบ้าน จนกระทั่งมาปีสุดท้าย แต่ก็ได้แค่แอบชอบครับ ทุกวันนี้ก็ยังเห็นคนที่เคยชอบอยู่ เค้ามีร้านอยู่ใน MBK ครับ ซักวันจะหาเวลาไปบอกเค้าอีกที(หวังว่าคงจำหน้าเราได้)  :m20:

ทุกวันนี้ผมยังไม่เคยสัมผัสกับความรักเลยครับ ได้แต่อ่านจากเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ แล้วคิดว่าซักวันคงมีกะเค้าบ้างน้อ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 23-09-2008 08:30:29
อ่านไปก็แอบเศร้าไป

จิตตกเลยทีเดียว

แต่ในเรื่องร้ายๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆ

อย่างน้อย  สักครั้งที่ได้เจอคนที่ใช่

เป็นกำลังใจให้นะคร้าบบบ   :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 23-09-2008 13:13:38
ป้าก็เคยเรียนสถาบันเดียวกับคนเขียน
แต่น่าจะรุ่นบรรพบุรุษไปอีกหลายปี
เพราะสมัยป้าเป็นโรงเรียนชายล้วนจริงๆ
ยังไม่มีชั้นม.ปลาย เพราะสมัยนั้นยังเป็น มัธยมศึกษา(มศ.)
บราเธอร์(อธิการ)ไม่ใช่คนไทย เป็นแขกอินเดีย
ปกครองด้วยระบบไม้เรียว เฮี้ยบสุดๆ

ยุคนั้นโรงเรียนของเราดังมาก เรื่องภาษาอังกฤษและเรื่องวงโยธวาทิต

นานๆทีได้อ่านเรื่องของสถาบันเดิมก็สุขใจจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 23-09-2008 22:40:06
เข้ามาดันก่อนครับ ตกไปเยอะแล้ว  :m23:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 24-09-2008 10:52:02
สวัสดีครับ ดีใจจังเลยที่มีรุ่นพี่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 24-09-2008 11:01:21

มาอ่านตอนที่ 4 กันต่อครับ


     วันนี้ชีวิตของผมควรจะยังคงมีความสุขอยู่ ความสุขที่ถูกตั้มแกล้ง ได้คุยกับตั้ม ได้เล่นกับตั้ม ได้หอมแก้มตั้ม แต่ทว่า...มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมซะแล้ว ทำไมล่ะ?
     “โอ...ตั้มอยู่ไหนอะ” ผมเอ่ยถามถึงตั้มทันทีที่กลับมาถึงหอ
      “เห็นอยู่ตรงหลังหออะพี่”
     ผมรีบเก็บกระเป๋านักเรียน แล้วทำทีย่องเบาๆ ไปที่หลังหอเพื่อจะทำเซอร์ไพรส์ตั้ม แต่สิ่งที่ผมได้รับตอบจากตั้มนั้นกลับทำให้ผมต้องเซอร์ไพรส์ซะเอง!
     “จ๊ะเอ๋ !!!”
     “………..”
     “ทำไรอยู่ คิดถึงปะ”
      “………..”
      “หอมแก้มทีดิ หรือว่าตั้มจะหอมพี่”
      “………..”
      “ตั้มเป็นอะไรอะ”
      “…………”
     “ตั้ม...มีอะไรรึเปล่า ตั้มโกรธอะไรพี่รึเปล่า”
     “เปล่า”
     “ตั้ม...ต้องมีสิ ตั้มไม่เหมือนเดิม”
     “ไม่มีอะไรหรอกพี่”
     ไม่จริง! ตั้มไม่ใช่ตั้มคนเดิม สีหน้า แววตา ดูไม่ขี้เล่นและสนุกสนานเหมือนเก่า แต่กลับดูเฉยเมยอย่างน่าใจหาย มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
      “ตั้มบอกพี่สิว่าพี่ทำอะไรผิด โกรธอะไรพี่”
     “ไม่มีอะไรหรอก”
     ไม่ว่าผมจะอ้อนวอนถามตั้มกี่ครั้ง คำตอบที่ได้มามันก็ไม่เคลียร์สำหรับผมเลย ความรู้สึกของผมตอนนี้น่ะเหรอ...มันแย่มาก เสียงสั่น หน้าชา หัวใจเต้นระรัว เหมือนคนกำลังจะหมดแรง ตั้มที่น่ารักขี้เล่นของผมไปไหน แล้วคนที่ผมยืนคุยอยู่ด้วยนี่ใครกัน!
     ตั้มปล่อยให้ผมนั่งงงอยู่คนเดียวที่หลังหอ สมองตอนนี้คิดไปเรื่อยเปื่อย สับสนไปหมด จับต้นชนปลายไม่ถูก ได้แต่นั่งถามตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมตั้มไม่เหมือนเดิม...ทำไมตั้มไม่เหมือนเดิม...ทำไมตั้มไม่เหมือนเดิม!!!
     เมื่อถามตั้มแล้วไม่รู้เรื่อง โออาจจะรู้อะไรบ้างก็ได้ ผมปาดน้ำตาแล้วตัดสินใจเดินไปถามโอซึ่งมีสีหน้าที่ดูเหมือนว่ากำลังจะมีอะไรบอกกับผมเหมือนกัน
      “โอ ตั้มมันเป็นอะไร ทำไมมันมึนตึงกับพี่อย่างนี้อะ”
     “พี่เนล”
     “…………” ผมไม่พูดอะไรต่อ รอฟังแต่คำตอบที่ผมมั่นใจว่าโอต้องรู้อะไรแน่นอน
     “ก็ตอนที่พี่เนลไม่ค่อยนอนหออะ ตั้มกับอีใหญ่มัน...”
     “………..”
     ผมไม่ต้องรอให้โอพูดประโยคต่อไป เท่านี้ผมก็พอจะเดาอะไรออกแล้วล่ะ ผมร้องไห้ออกมาแบบไม่อายโอเลย อาการแน่นหน้าอกสุดแสนทรมานมันกลับมาอีกแล้ว ตั้ม...ทำไมตั้มถึงทำแบบนี้...ผมได้แต่ร่ำร้องกับตัวเองว่าผมผิดใช่มั้ยเนี่ยที่ทำให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา ผมคิดถึงตัวเองมากเกินไปเหรอ ผมติดเพื่อนมากเกินไปใช่มั้ย ไม่เอาใจใส่ตั้มเท่าที่ควร แต่มันก็เพียงแค่วันสองวันเท่านั้นเองนะ ตั้มเหงามากถึงขนาดต้องหาคนอื่นมาเป็นที่พึ่งแทนผมเลยเหรอ?
     ตอนนี้ผมก็ไม่ต่างอะไรกับอากาศที่ลอยไปลอยมา ซึ่งมันไม่ได้อยู่ในสายตาของตั้มแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่คำทักทายสักคำเลย แค่รอยยิ้มสักนิดเมื่อเจอกันก็ไม่มีให้ ทำไมตั้มถึงทำร้ายจิตใจกันได้ลงคอขนาดนี้ รวมถึงใหญ่ด้วย ทั้งๆ ที่มันก็รู้ว่าผมกับตั้มเราเป็นอะไรกัน และผมก็เป็นพี่ที่คอยให้ความสนุกสนานกับมันตลอด แล้วทำไมมันถึงทำกับผมได้ แต่นี่มันยังไม่เจ็บเท่าที่เค้าทั้งสองคนต้องนอนด้วยกันทุกคืน หัวเราะคิกคักกันใต้ผ้าห่มอย่างมีความสุข ซึ่งผมต้องนอนอมทุกข์อยู่เตียงตรงข้าม ได้ยินได้เห็นในสิ่งที่ผมไม่อยากจะรับรู้ ลองคิดดูสิว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหน ผมต้องนอนร้องไห้แทบทุกคืนโดยมีโอคอยปลอบใจ ผมไม่รู้ว่าตั้มจะรู้สึกอะไรมั้ยที่ทำให้ผมเสียใจ แล้วใหญ่ล่ะรู้สึกอะไรบ้างมั้ย หรือเพียงแค่ต้องการสนองความรู้สึกตัวเองที่แอบชอบตั้มมาตลอด
     ถามผมว่าทำไมไม่แย่งกลับคืนมาล่ะ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าใจของตั้มไม่มีให้ผมแล้ว นาทีนี้คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าคำปลอบใจจากเพื่อนอีกแล้วล่ะ การได้อยู่กับเพื่อนมันคงช่วยทำให้สภาพจิตใจผมดีขึ้น...รึเปล่าก็ไม่รู้นะ แต่อย่างน้อยมันก็คงดีกว่าที่ผมจะมานั่งอัดอั้นอยู่คนเดียว

                     ..................................................................................

     ผมพยายามตัดใจจากตั้มถึงแม้ว่ามันจะทำได้ยากอยู่สักหน่อยก็ตาม ผมเจ็บนะ และผมก็โกรธตั้มมากด้วยที่ทำกับผมแบบนี้ ความรู้สึกของผมไม่ใช่เรื่องที่จะมาเล่นๆ กัน คุณคบใครคุณก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของคนที่คุณคบด้วยสิ ผมเพิ่งรู้ซึ้งถึงคำว่ารักมากก็เกลียดมากก็วันนี้แหละ ใหญ่เองก็ไม่กล้าสู้หน้าผมหรอก (ถ้ากล้าสู้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วแหละ) เพราะคงกลัวผมจะบ็อกซ์ละมั้ง หึ! แต่ผมไม่ทำหรอก...ไร้สาระ!
     ผมกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง ใช้ชีวิตสนุกกับเพื่อนเต็มที่โดยไม่ต้องมาคิดหน้าคิดหลังว่าจะมีใครแคร์ หรือว่าต้องแคร์ใคร ตอนนี้ผมจะไปชอบใครผมก็สามารถทำได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าตั้มจะน้อยใจร้องไห้อีกต่อไป ถ้าถามผมว่าในใจผมไม่เหลือความรู้สึกดีๆ กับตั้มไว้สักนิดเลยเหรอ มันตอบยากนะ เอาเป็นว่า ณ วินาทีนี้มันเฟลมาก ส่วนอนาคตก็ยากเกินคาดเดา
     “นี่เป็นไง อาการปกติยัง” นังเออุ่มเอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง (หรือกระแหนะกระแหนก็สุดจะคาดเดา)
     “ก็โอเค”
     “เนลมันใจแข็งจะตาย”
     “แข็งมาก แข็งจนเกือบจะตายเลยน่ะสิไม่ว่า” นังเออุ่มยังไม่เลิกประชดประชัน
     “เดี๋ยวกูถีบเลยนี่ เม้าธ์อยู่ได้”
     “สมน้ำหน้า ก็รู้อยู่ว่าช่วงนี้น้ำในหอยมันไม่เท่ากัน ฮอร์โมนมันก็เลยขาดการทรงตัว อารมณ์ไม่ปกติ ระวังมึงจะโดนมันฆ่าเอาได้นะ ฮ่าๆๆ” นี่นังเอจักรีมันจะเข้าข้างผมหรือว่าจะล้มทับผมกันแน่เนี่ย
     “เออ...พวกมึงนะ อย่างงี้ทุกทีเลย”
     “ล้อเล่นน่า ทำซีเรียสไปได้” นังเอจักรีได้ทีตบหัวแล้วลูบหลัง เชอะ!
     “กูถามจริงๆ นะ แล้วมึงต้องตอบจริงๆ ด้วย ถ้าวันนึงตั้มกลับมาขอคืนดี มึงจะใจอ่อนยอมดีด้วยปะ”
     “...........................”
     “ตอบ” นังเออุ่มพยายามคาดคั้นจะเอาคำตอบจากผมให้ได้
     “ไม่รู้...ให้ถึงวันนั้นก่อนละกัน แต่กูก็ไม่รู้นะว่าจะมีวันนั้นหรือเปล่า”
     “พนันกันมั้ยว่าไม่นานหรอก ตั้มมันต้องกลับมาหามึง” ทำตัวเป็นเทพธิดาพญายม เอ๊ย! พยากรณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่กันยะนังเอจักรีผีก่อนบ่าย!
     “เหรอ....อ” ผมพูดจาลอยหน้ากวนส้นทีนใส่มันทั้งสอง จนมันอดไม่ได้ที่จะรุมเอาส้นทีนใส่หน้าผมเหมือนกัน (ฮา)
     นี่ล่ะเพื่อน ที่ให้ความสุข ความสนุกที่แท้จริง กัดกันบ้าง เม้าธ์กันบ้าง ก็ฮาๆ กันไป เพราะอย่างน้อยๆ เพื่อนก็ยังเป็นห่วงเรา จริงใจกับเรา ซึ่งใครบางคนอาจจะมีให้เราได้ไม่เท่ากับเพื่อน...จริงมั้ย!

                                 …………………………………………………………

     “พี่เนล ไอ้ตั้มร้องไห้” นังน้องโอสวมวิญญาณกระจอกข่าวรายงานข่าวด่วนรายวันอย่างต่อเนื่อง
     “มาบอกทำไม” ผมตอบกลับอย่างเสียไม่ได้ แต่ในใจก็นึกใคร่รู้ว่าตั้มร้องทำไม
     “ตั้มกับใหญ่มันเลิกกันแล้วนะ”
     “ทำไมล่ะ”
     “ใหญ่มันบอกน้องว่ามันเบื่อ”
     คำสาปแช่งของนังเอจักรีสำแดงฤทธิ์แล้วหรือนี่ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ บรื๋อออ...ไม่หรอก มันแค่บังเอิญมากกว่าน่ะ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรหรอกนะที่เค้าเลิกกันเร็ว เพราะผมรู้สึกเฉยๆ กับตั้มไปแล้ว และก็ไม่ได้ถามอะไรจากโอต่ออีก แต่ก็นึกโมโหเหมือนกันทีหักอกเราไม่ยักกะเสียใจ แต่พอโดนนังใหญ่ทิ้งกลับร้องไห้ฟูมฟาย หึ คนเรา!

     “เห็นมะ กูบอกแล้ว ผิดคำพูดซะที่ไหน”
     ผมพุ่งตรงไปที่อพาร์ตเมนต์ของนังสองเอทันที แล้วตั้งวงสนทนาปัญหามึงกะกูกันสุดพลัง
     “มันให้เหตุผลว่าเบื่อแค่นั้นเหรอ...เออ ง่ายดีเนอะ พอจะเอาของเค้าก็ขโมยไปกินหน้าด้านๆ พออิ่มแล้วก็โยนทิ้ง อีใหญ่นี่มันสัน...จริงๆ เลย” นังเออุ่มออกอาการหัวเสียแทนผม ทำอย่างกะเรื่องนี้เกิดขึ้นกับมันน่ะ
     “จำวันที่ถามวันนั้นได้ปะ แล้วมึงบอกว่าให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วจะบอกว่าจะคืนดีหรือไม่คืนดี นี่ไง วันนี้มันก็มาถึงแล้ว มึงจะตอบได้ยัง”
     “………………”
     “เอางี้ มึงไม่ต้องตอบกูสองคนก็ได้ แต่มึงต้องตอบใจของมึงเอง แต่กูรู้นะว่ามึงอะยังรักตั้มอยู่ ”
     “มึงรู้ได้ไง” 
     “อย่าลืมนะว่ากูเป็นแม่หมอ หึๆๆๆ” เออ...ผมก็ลืมไป นังเอจักรีมันท่าจะเป็นแม่หมอจริงๆ ล่ะมั้ง มันถึงได้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า แม้กระทั่งการอ่านใจคนออก ใช่ ลึกๆ ผมยังรักตั้มอยู่น่ะแหละ แต่ผมก็ยังต้องทำใจแข็ง ไม่ยอมกลับไปง้อขอคืนดีง่ายๆ หรอก เพราะผมไม่ใช่เป็นคนที่ก่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น ตั้มต่างหาก ตั้มเป็นคนทำ ตั้มต้องชดใช้กรรม! (โห ถ้าจะดูละครเยอะไปมั้งเนี่ยผม อิๆๆ)

     คืนนี้ตั้มกับใหญ่แยกกันนอนเตียงใครเตียงมัน อืม คงจะเลิกกันจริงๆ น่ะ ผมรู้สึกสงสารตั้มขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่อีกความรู้สึกนึงก็แอบสะใจนิดๆ เหมือนกัน...ทิ้งเรา แล้วโดนเค้าทิ้งบ้าง เป็นไง รู้สึกแล้วใช่มั้ย และคืนนี้แหละผมจะทำให้ตั้มรู้สึกเสียดายผมบ้าง ผมชวนก้อมานอนกับผม ซึ่งก้อก็ไม่ปฏิเสธแต่อย่างใดมานอนด้วยโดยดี ประหนึ่งโดนมนต์ดำจากครูพนอ ณ ลองของสะกดเข้าให้ (คิดได้เนอะ) ได้ผล ตั้มนอนไม่เป็นสุขลุกนอนลุกนั่งขึ้นมาดูอยู่หลายรอบ จนในที่สุดคงทนไม่ได้คลุมโปงไปเลย (คิดไปเองเปล่าวะ)
     หมายเหตุ...ใครที่คิดไปไกลว่าผมกับก้อมีอะไรกัน คิดใหม่ด้วย เราแค่นอนคุยเล่นกันเฉยๆ เพราะผมเพียงที่จะคิดใช้ก้อเป็นแค่เครื่องมือทำลาย (ความรู้สึก) ตั้มเท่านั้น หึๆๆๆ (โอ๊ย! อาการหนักแล้วกู)

     ผมไม่ได้พูดกับตั้มนานเท่าไหร่แล้วนี่...อืม ถ้านับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบๆ เดือนแล้วสินะ เสียดายเวลาเหลือเกิน หนึ่งเดือนที่ผ่านมามันควรจะเป็นเวลาของเรา เฮ้อ...แต่ก็ช่างเหอะ อย่าไปรื้อฟื้นมันอีกเลย เดินหน้าต่อไปดีกว่า ว่าแล้วผมก็หยิบไดอารี่สีชมพูมาเปิดหน้าที่เขียนคำกลอนเตือนใจเอาไว้ ผมจำไม่ได้หรอกว่าเปิดอ่านหน้านี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้อ่าน มันมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยล่ะ...
     อนาคตเป็นอย่างไร เราไม่รู้
     วันนี้อยู่ พรุ่งนี้ตาย คล้ายความฝัน
     อดีตผ่านมาแล้ว ก็แล้วกัน
     ปัจจุบันยังคงอยู่...สู้ต่อไป

                           ..........................................................................
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 24-09-2008 12:46:09
จิ้มๆๆๆๆๆ  คนแต่ง   

เนอะคนมันรัก  ให้ตายยังไงก้ให้อภัยเค้าได้เสมอ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 24-09-2008 12:52:00
ป้าเห็นด้วยกับรีบน
คนเราถ้ายังรักกันอยู่ ก็ต้องให้อภัยได้
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 24-09-2008 14:17:15
ง่า เผลอแอบมาอัพตอนประชุม  :laugh:

กลับมาดีกันไวๆนะครับ  :o8:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 24-09-2008 15:00:01
ชอบครับนายเอกเข้มแข็งดีอ่ะชอบๆ :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 25-09-2008 02:34:26
คนเราถ้ารักกันอยู่ ก็ต้องให้อภัยกันได้ แต่..............ขอเล่นนังใหญ่ก่อนได้ป่ะ แบบว่าเคืองอ่ะ
ส่วนคนของเราเนี๊ยถ้าอยากมาคืนดี ก็ขอแสบ ๆ หน่อยล่ะกัน ไม่งั้นมันจะได้ใจ
แรงไปป่าวเนี๊ย :m29:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 25-09-2008 08:41:15

     อนาคตเป็นอย่างไร เราไม่รู้
     วันนี้อยู่ พรุ่งนี้ตาย คล้ายความฝัน
     อดีตผ่านมาแล้ว ก็แล้วกัน
     ปัจจุบันยังคงอยู่...สู้ต่อไป


ชอบกลอนนี้จังอะ

ไม่ซับซ้อน  ง่ายๆ  แต่เตือนใจได้ดี

แต่ว่านะ  จะปล่อยให้มันผ่านเลยไปจริงๆ อะเหรอ  คนที่เรารักทั้งคนอะ

เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 26-09-2008 00:54:40

........ชีวิตไม่สิ้นก็คงต้องดิ้นกันต่อไป...... :a2: :a2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 26-09-2008 03:19:42
ชื่อเรื่องเศร้าได้ใจ

ผิดแต่

ข้าพเจ้ายังไม่มีผัว (รอมานานแระ)

 :oni1:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 26-09-2008 10:53:40
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: three ที่ 26-09-2008 13:33:45
รออยู่นะครับผม :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 27-09-2008 15:58:04

ตอนที่ 5

     เวลาและวารีไม่มีวันที่จะถอยหลังหรือว่าไหลย้อนกลับ แต่สำหรับเรื่องของความรักมันอาจจะพลิกผันได้ตลอดเวลา หลายคู่เลิกกัน แล้วก็กลับมารักกัน เกลียดกัน ก็กลับมาดีกัน เดินหน้า ถอยหลัง เดินหน้า แล้วก็ถอยหลัง เป็นจังหวะชะชะช่า มันช่างน่าขันดีจังเนาะ ผมอยากจะบอกว่าชีวิตของผมตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากที่กล่าวมาเลย มันมีเค้ารางๆ ว่าความทรงจำเมื่อวันวานกำลังจะคืบคลานมาให้ผมได้ตื่นเต้นอีกครั้ง
     ผมรู้สึกว่าตั้มกำลังจะกลับมาเป็นตั้มคนเดิมแล้ว ผมไม่ได้หลอกความรู้สึกของตัวเองหรอกนะ แต่มันสัมผัสถึงได้จริงๆ ตั้มมักจะแอบมองผมอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าผมจะทำอะไร เค้าคงอยากจะเข้ามาคุยกับผมมั้ง แต่คงไม่กล้าเพราะชนักติดหลังอยู่นี่ แต่ถึงกระนั้นก็เหอะ ตอนนี้ผมก็เริ่มใจอ่อนกับตั้มลงมากแล้วล่ะ แค่เพียงรอจังหวะเท่านั้น
     ...และในที่สุดผมก็ทนเสียงเรียกร้องหัวใจของตัวเองไม่ได้ ผมเห็นตั้มกำลังวาดรูปอยู่ที่ห้องเรียนพิเศษ ลบวาดๆ อยู่นั่นแหละ คงวาดไม่ได้น่ะซี่ อิๆๆๆ สม! เอ้า...ลองดูอีกสักตั้งน่า ผมสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อเรียกความกล้าให้กับตัวเอง แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปหาตั้ม
     “วาดให้เอาปะ”
     ตั้มเงยหน้าขึ้นมามองผมเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเองอะไรสักอย่าง 
     “……………”
     “ว่าไงล่ะ ตกใจอะไร หน้าเหมือนผีหรือไง”
     “อืม เหมือน เอ๊ย! ไม่ใช่...เอาดิ วาดให้หน่อย วาดไม่ได้สักที ยากเป็นบ้าเลยอะ” ตั้มเริ่มจูนสติกลับมาเป็นปกติ และเป็นอีกครั้งที่ผมได้เห็นรอยยิ้มที่สดใสของตั้ม แววตาขี้เล่นเหมือนเช่นวันวาน ตั้มดูจะดีใจจนออกนอกหน้าสุดๆ ที่ผมพูดด้วย ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับผมหรอก ผมก็ดีใจที่เรากำลังจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมกัน
     “มาสเตอร์เค้าให้วาดรูปมืออะ แล้วต้องให้มีแสงแรเงาอะไรอย่างเนี้ย ยากบรม ตั้มลบวาดจนกระดาษเยินหมดแล้วเนี่ย”
     “กระจอกจะตาย แค่นี้ก็วาดไม่ได้”
     ผมใช้เวลาวาดให้ตั้มไม่นานก็เสร็จ เพราะผมก็มีฝีมือในการวาดรูปอยู่บ้าง รูปมือที่ผมวาดให้ตั้มนั้นน่ะ มันเป็นสัญลักษณ์ไอ เลิฟ ยู คงนึกกันออกนะว่าเป็นยังไง
     “โห เจ๋งอะพี่ สวยดี เอแน่นอน”
     “เอบวก ไม่ใช่เอเฉยๆ ไอ้น้อง” ผมได้ทีคุยทับตั้ม เราสองคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศเก่าๆ กลับมาอีกครั้ง
     คืนนี้ผมเข้านอนอย่างมีความสุข...แต่ก่อนนอนก็ไม่ลืมที่จะหยิบไดอารี่สีชมพูขึ้นมาเขียนความรู้สึกที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมเขียนไปยิ้มไป นึกย้อนไปถึงวันแรกที่เจอตั้ม ได้คุยกับตั้ม แล้วตอนที่เราสองคนรักกัน ส่วนเรื่องที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้นผมกลับคิดข้ามไปเพราะไม่อยากให้มารกในสมองอีก
     “เขียนไดอารี่อีกละ เขียนเรื่องตั้มหรือเปล่าเนี่ย เอามาอ่านหน่อยสิ” ตั้มเดินตรงมาที่เตียงผม ทำท่าจะแย่งไดอารี่มาอ่าน
     “ไม่เอา ไม่ให้อ่าน ยังเขียนไม่เสร็จเลย”
     “ตั้มรู้นะ เขียนด่าตั้มใช่ปะ”
     “ก็รู้แล้วนี่ จะเอาไปอ่านทำไมล่ะ”
     “เขียนด่าเหรอ...เสร็จแน่” 
     ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ ตั้มก็เข้ามาประกบปากผม รสจูบของตั้มไม่เปลี่ยนแปลงเลย ยังคงอบอุ่นนุ่มนวล ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มไปกับสิ่งเร้าของตั้มนั้นเอง ตั้มมันดันแกล้งผมอีกแล้ว ก็เล่นเป่าลมเข้าปากผมซะจนสำลัก ฮึ่ม! มันน่านักดูสิ นิสัยไม่เปลี่ยน แต่ก็น่ารักดี
     “ตั้มไม่ได้ทำแบบนี้นานแล้วนะ”
     “เหรอ ก็มัวไปทำกับใครอยู่ล่ะ” ผมไม่วายได้ทีแขวะตั้ม
     “ตั้มขอโทษนะ ตั้มจะไม่ทำอีกแล้ว สัญญา ดีกันนะ”
     ผมยิ้มให้แทนคำตอบ
     “เออ...ถามหน่อยดิ อยากรู้ ตอบจริงๆ นะ”
     “ว่ามาสิ”
     “คืนนั้นที่พี่นอนกุ๊กกิ๊กกับก้ออะ ตั้มรู้สึกยังไงบ้าง”
     “อยากเข้าไปร่วมด้วย ฮ่าๆๆ” เอากะเค้าสิ ตอบไม่คิดเลย จะพูดให้เราซึ้งหน่อยไม่มีอะ แต่ก็ช่างเหอะ อย่างน้อยๆ คืนนี้ความรู้สึกที่แสนจะอบอุ่นมันก็ทำให้ผมนอนหลับอย่างมีความสุขแล้วล่ะ เอ๊ะ! หรือว่าจะไม่ได้หลับกันนะ (ฮา)

                            ...............................................................

     เช้านี้ผมมาโรงเรียนอย่างสุขสุดๆ จนสองซี้เอจักรีและเออุ่มอดไม่ได้ที่จะออกอาการหมั่นไส้ แต่ผมรู้นะว่ามันสองคนก็ดีใจกับผมด้วยเหมือนกัน ใครบ้างล่ะอยากจะเห็นเพื่อนอมทุกข์ จริงมั้ย?
     ช่วงกลางวัน ผมนั่งทานข้าวกับเพื่อนๆ ที่โรงอาหาร ต้องบอกนิดนึงก่อนว่า เค้าจะมีการแบ่งโซน โซนมัธยมต้น มัธยมปลาย ประถม โซนใครโซนมัน สักพักตั้มก็เดินเข้าประตูฝั่งมัธยมปลายผ่านโต๊ะที่ผมนั่งทานข้าว ตั้มยิ้มให้ พร้อมยกมือทำสัญลักษณ์ ไอ เลิฟ ยู แบบเดียวกับที่ผมวาดให้ตั้มไปเมื่อคืน...โรแมนติกมากๆ เลยอะ
     “อ้วกกกก!!!” นังสองเอพร้อมใจประสานเสียง แล้วทำหน้าตายก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ ส่วนผมน่ะเหรออยากจะกระโดดถีบมันเหลือเกิน แต่ติดที่ตรงลุกไม่ไหวเพราะโดนไอเลิฟยูทับอยู่ อ้วกกก!!! (อันนี้ของผมเอง)

     “ไง ได้เท่าไหร่ เอบวกหรือเปล่า” ผมถามถึงคะแนนรูปที่วาดทันทีที่ตั้มกลับมาถึงหอ
     “เอมากเลยพี่ ซีคร้าบบบ”
     แป่ว...ผมยิ้มเจื่อนๆ แสร้งทำหน้าเศร้า เฮ้อ...ฝีมือตกไปเยอะเลยเหรอเนี่ย ผมก็ว่าผมวาดสวยแล้วนะ หรือว่าคิดไปคนเดียวเนี่ย?
     “ไม่เป็นไรหรอกพี่ แค่ซีตั้มก็ปลื้มแล้วนะ ในใจคิดว่าได้แค่ดีอะ”
     “พูดงี้ใช่ปะ คืนนี้ไม่ให้นอนด้วยนะ”
     ตั้มทำท่าลิงหลอกเจ้าใส่ผม ด้วยอารมณ์ของเด็กขี้เล่น นี่กระมังคงเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของตั้มที่ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะรักเค้า

     ช่วงนี้ก็ใกล้สอบไฟนอลแล้ว ผมกำลังจะขึ้น ม.6 ส่วนตั้มก็จะขึ้น ม.2 ผมไม่อยากให้ถึงวันที่ผมต้องจบ ม.6 เลย เพราะผมคงไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับตั้มอีกแน่นอน ผมต้องเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย มีชีวิตที่ต้องโตขึ้น ผมกลัวว่าถ้าเราต้องห่างกันแบบนี้ ไม่ใครก็ใครต้องเป็นฝ่ายเซย์กู๊ดบายแน่ แต่ผมคงไม่เอ่ยก่อนหรอก ตั้มน่ะสิ บอกตรงๆ ว่าผมกลัวใจตั้มนะ เค้าเป็นคนน่ารักที่ค่อนข้างหล่อ ขี้เล่น ใครอยู่ใกล้ก็ต้องชอบ ผมรู้มาว่าพวกแต๋วแหววรุ่นเดียวกับตั้มก็ทำทีมาฉอเลาะเอานู่นเอานี่มาให้อยู่บ่อยๆ ทำเอาผมตาเขียวไปหลายทีเหมือนกัน

     “มาสเตอร์ครับ ความสุขจะอยู่กับเราได้ไม่นานจริงเหรอครับ” ผมนั่งคุยกับมาสเตอร์เลิศต่อหลังจบคลาสภาษาอังกฤษ
     “นึกไงถึงถามล่ะ มีอะไรกับตั้มอีกหรือเปล่าเนี่ย”
     “อ๋อ ปะ เปล่าครับ แค่บางทีเนลรู้สึกว่ามันเป็นอย่างนั้น ก็เลยถามมาสเตอร์ดูว่าคิดไปเองหรือเปล่า”
     “ฟังนะ จริงๆ แล้วน่ะ ความสุขมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่คนรอบข้างหรือว่าสิ่งแวดล้อมใดๆ ก็ตาม แต่ความสุขที่แท้จริงนั้นน่ะ อยู่ที่ตัวของเราเอง ถ้าเราทำตัวเราให้เป็นสุข ยิ้มรับได้กับความจริงที่เกิดขึ้นทุกอย่าง เราก็จะเป็นสุข และความสุขนี้แหละจะอยู่กับเราไปนานแสนนานเลยล่ะ”
     “แล้วถ้าเรารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นล่ะครับ”
     “หมายถึง...ความผิดหวังน่ะเหรอ”
     “………….”
     “คนเราจะสมหวังทุกเรื่องมันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ มีผู้ชนะ ก็ต้องมีผู้แพ้ ถ้าทุกคนชนะหมด ก็จะไม่มีใครได้เรียนรู้ถึงความผิดพลาดหรือข้อบกพร่องของตัวเองเลย สมมุตินะว่าถ้าในชีวิตเราเพอร์เฟ็กต์ไปซะทุกอย่าง สมหวังไปซะทุกเรื่อง แล้ววันนึงเกิดแอ๊คซิเดนท์ขึ้นมา อะไรก็ช่างที่ทำให้เราต้องผิดหวัง เมื่อนั้นแหละ เนลคงรู้คำตอบดีนะ ว่าชีวิตเราจะเฟลขนาดไหน”
     “ครับ”
     “จำคำมาสเตอร์ไว้นะว่าคนเราต้องเข้มแข็ง ต้องยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ ไม่ว่าความจริงนั้นมันจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม”
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำตามที่มาสเตอร์เลิศสอนได้หรือเปล่าถ้ามันถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ ผมนิ่งไปสักพักนึกถามตัวเองขึ้นมาว่า...เราจะทำใจได้มั้ยเนี่ยถ้าเราต้องเสียตั้มไปอีก...แล้วทำไมผมต้องคิดอย่างนี้นะ มันเหมือนเป็นลางสังหรณ์ชัดๆ! 

                         ............................................................................

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 28-09-2008 14:30:09
มาให้กำลังใจนะครับ

 :m13:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 30-09-2008 10:16:18
มาช่วยดันกันหน่อยนะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: iamhappywood ที่ 01-10-2008 00:00:06
ดันด้วยคน อยากมาอ่านตอนต่อไปเร็วๆ
มาอัพเดทไวๆ นะครับ  :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 01-10-2008 14:08:42
นั่นดิ  เกริ่นนำมาซะขนาดนี้

จะมีไรเกิดขึ้นอีกมั้ยเนี่ย

 :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 01-10-2008 14:40:36
ดันด้วยครับ ฮึดๆๆ  :m13:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Givesza ที่ 01-10-2008 22:14:48
เข้ามาเป็นกำลังใจให้ครับป๋ม

 :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 02-10-2008 11:37:44

ตอนที่ 6

     เย้!!! และแล้วก็สอบเสร็จซะที มันโล่งมากๆ เลยอ่ะ เหมือนยกภูเขาออกจากอก เหมือนเอานรกออกจากใจ (โห...ก็ว่าไปนั่น) พวกเราชาวเด็กหอก็เตรียมตัวกลับบ้านใครบ้านมัน ต่างทยอยกลับทีละคน...ทีละคน...ทีละคน...และเหมือนจะเป็นใจให้ผมกับตั้ม คืนนี้เหลือเราเพียงสองคน ดิวน้องของตั้มอาเค้ารับกลับไปก่อนแล้ว ส่วนตั้มเห็นว่าพ่อกับแม่จะมารับในวันพรุ่งนี้ ผมน่ะเหรออีกวันสองวันน่ะถึงจะกลับได้ เพราะต้องอยู่เคลียร์งานส่งมาสเตอร์อีกชิ้น
     “พี่เนล...”
     “ว่าไง ไอตั้มผีบ้า”
     “ถ้าตั้มไม่อยู่พี่เนลจะเหงาปะ”
     “ไม่เป็นไร อีกวันสองวันพี่ก็กลับบ้านแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”
     “………….”
     “มีอะไรหรือเปล่าตั้ม”
     “ปะ เปล่าพี่”
     “พรุ่งนี้พ่อกับแม่ตั้มจะไปรับที่โรงเรียนใช่ปะ”
     “ใช่พี่ ไปกันนอนเหอะ”
     “นอนอย่างเดียว ไม่มีเสียวนะน้อง ฮ่าๆๆๆ”
     เราสองคนหัวเราะแหย่กันอย่างสนุกสนานก่อนที่จะพากันเข้าห้องนอน ตลอดทั้งคืนเราสองคนไม่มีทีท่าว่าจะง่วงแต่อย่างใด ไม่รู้ว่าขุดเรื่องอะไรมาเม้าธ์กันบ้าง รู้แต่ว่าเรื่องแต่ละเรื่องที่เราคุยกันนั้น ผมมีความสุขมากๆ จนไม่ทันได้คิดเลยว่า...มันจะเป็นคืนสุดท้ายของเราสองคน!!!

     เช้าวันที่แสนจะสดใส แต่ใครจะคิดล่ะว่าเมฆครึ้มมันกำลังจะเคลื่อนตัวมาบดบังในไม่ช้านี้
     “เป็นไงตั้ม พบมาสเตอร์เรียบร้อยแล้วเหรอ”
     “…………..” ตั้มยิ้มบางๆ ให้ผม แต่ทว่าสายตาดูไม่ร่าเริงเอาซะเลย
     “แล้วพ่อกับแม่ล่ะจะมารับตอนกี่โมง”
     “บ่าย 3 น่ะพี่ แล้วพี่เนลเคลียร์งานส่งมาสเตอร์เรียบร้อยยังอะ”
     ผมก้มมองดูนาฬิกา นี่ก็บ่าย 2 ครึ่งแล้วนะเนี่ย อีกสักพักพ่อกับแม่ของตั้มก็คงมา
     “เรียบร้อย อืม...พรุ่งนี้พี่ก็กลับบ้านละ ตามไปติดๆ ตั้มไม่ต้องกลัวว่าพี่จะเหงาหรอกนะ บ่เป็นหยัง” ผมยังคงพูดหยอกเล่นกับตั้ม โดยที่ไม่เอ๊ะใจอะไรเลย
     “พี่เนล...”
     “ว่าไง”
     “……………...” ตั้มเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่จะถอนหายใจแล้วพูดออกมาทำเอาผมถึงกับงง
     “ตั้มต้องไปแล้วนะ”
     “ไปไหน กลับบ้านน่ะเหรอ อืม รู้แล้ว”
     “ไม่ใช่ คือตั้มจะไปแล้ว เอ่อ...ไปเรียนต่อที่เชียงใหม่น่ะครับ ตั้มไม่ได้เรียนที่นี่อีกแล้วนะ”
     “ล้อเล่นน่า”
     “ตั้มพูดจริง พ่อแม่ตั้มเค้าให้ตั้มย้ายไปเรียนที่โน่น” ตั้มพูดกับผมโดยไม่ยอมสบตาผมเลย
     “ทำไมตั้มไม่บอกเรื่องนี้กับพี่ก่อนล่ะ”
     “มันกะทันหันน่ะพี่” ผมว่าจริงๆ แล้วตั้มคงไม่อยากบอกผมต่างหาก
     “ต่อไปเราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่มั้ยตั้ม” ผมพูดด้วยความน้อยใจแกมประชดนิดๆ ส่วนในใจตอนนี้มันเริ่มปั่นป่วนบอกไม่ถูก
     “………………”
     “นี่พี่ต้องผิดหวังจากตั้มอีกแล้วเหรอเนี่ย”
     “………………” ไม่มีคำตอบใดๆ จากตั้ม ตั้มไม่พูดมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัดมากๆ
     “ตั้ม...ตั้มจะไปแล้วจริงๆ เหรอ” 
     “ครับ” 
     “แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย”
     “ไม่รู้เหมือนกันครับ”
     “ตั้ม...พี่ขอหอมแก้มตั้มเป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ย”
     “………………”
     “ตั้ม”
     “เอ่อ...อย่าดีกว่าเนอะ อายเค้าอ่ะ”
     “ขออีกครั้งเดียว ครั้งสุดท้ายไม่ได้เหรอ” 
     “…………”
     ตั้มปฏิเสธผม...ทำไม ปฏิเสธผมทำไม หรือตั้มเพิ่งจะรู้สึกว่าตัวเองหน้าบาง อายใครต่อใครว่าเป็นแฟนกะเทย!
เราสองคนต่างนั่งกันนิ่งโดยไม่มีใครพูดอะไรกันอีกเลย ตั้มก้มหน้าตลอด ส่วนผมก็ได้แต่มองตั้ม เพื่อที่จะจดจำใบหน้าของเด็กผู้ชายคนนี้ไว้ให้ได้นานที่สุด ช่วงเวลานี้มันรู้สึกอึดอัด สับสน หมองหม่น ระคนกันไป ผมอยากจะร้องไห้แต่มันก็ร้องไม่ออก น้ำตาตกในมันเป็นยังไง ผมเพิ่งได้รู้แจ้งก็วันนี้แหละ
     “พี่เนล...พ่อกับแม่ตั้มมารับแล้ว” 
     “……………” ผมพยักหน้าให้ตั้ม พร้อมรอยยิ้มที่กลบเกลื่อนความสะเทือนใจ ผมคงได้แต่ยิ้ม เพราะผมไม่รู้จะพูดอะไรอีก หรือเป็นเพราะผมพูดไม่ออกก็ไม่รู้นะ
     “ตั้มไปนะ”
     “โชคดีนะตั้ม” นี่คงเป็นคำพูดสุดท้ายที่ผมจะเอ่ยกับตั้มได้
     นี่มันอะไรกันเนี่ย สมองตอนนี้ผมตื้อไปหมดแล้ว ถ้านี่เป็นบทละคร คนเขียนบทกำลังแกล้งผมอยู่หรือเปล่าเนี่ย ตอนแรกเขียนให้ผมมีความรัก...เขียนให้ผมอกหัก...เขียนให้ผมได้รับความรักอีกครั้ง...แล้วสุดท้ายเขียนให้ผมต้องผิดหวังอย่างกะทันหันแบบผมไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลย...ผมอยากรู้จริงๆ ต่อไปจะเขียนให้ผมต้องเจอกับอะไรอีกเนี่ย?
     “จำคำมาสเตอร์ไว้นะว่าคนเราต้องเข้มแข็ง ต้องยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ ไม่ว่าความจริงนั้นมันจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม”
     คำพูดที่มาสเตอร์เลิศสอนผมแว้บเข้ามาในสมองทันที มันเหมือนจะช่วยให้ผมคิดได้ แต่ ณ ตอนนี้ผมยังไม่สามารถรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้...ขอโทษนะครับมาสเตอร์
     ลาก่อนนะตั้ม...ลาก่อน ผมจะไม่ลืมคนๆ นี้แน่นอน คนที่สอนให้ผมรู้จักคำว่า ‘รัก’ และคำว่า ‘เห็นแก่ตัว’

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 02-10-2008 13:03:07
งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา การจากลาเป็นสัจจะธรรมของชีวิตนะจ๊ะ
ช่วงแรกเราอาจจะเสียใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง
แล้วเราก็แอบสะสมคนนั้นไว้ในกรุของคนที่เคยผ่านมา  ใช่ป่าว
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 02-10-2008 15:48:51
 :เฮ้อ: เป็นกำลังใจสู้ต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 02-10-2008 16:24:59
ช่างมาไว ไปไว เตรียมใจไม่ทันจริงๆ
สู้ ๆ คับ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 03-10-2008 11:09:15
โดนไปอีกดอก

เฮ้อออ  เศร้าอีกจนได้สิน่า

 :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: hunkung11 ที่ 03-10-2008 12:07:52
เส้าเกิ้นอ่าคับ T^T

 :a6: :a6: :a6: :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 03-10-2008 16:42:01
เป็นอย่างงี้แหละมีเจอก็ต้องมีจาก  เพียงแต่รูปแบบกาจากนั้นจะแตกต่างออกไปจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง 

ก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้แล้วเราจะเป็นผู้ที่เข้มแข็งที่สุด
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 03-10-2008 17:37:28
ตอนที่ 7

     จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ 3 ปีแล้วที่ผมไม่เคยได้เจอตั้ม ไม่ได้ติดต่อตั้ม อาจจะเป็นเพราะผมต้องเจอสังคมใหม่ เพื่อนใหม่ ในมหาวิทยาลัย ซึ่งการเรียนและกิจกรรมหนักกว่าสมัยมัธยมเยอะ เลยทำให้ลืมที่จะคิดถึงอดีตไปบ้าง แต่มันก็มีเหมือนกันที่แว้บๆ เข้ามา แล้วก็หายไป เพราะมีเรื่องอื่นให้คิดอีกเยอะ...และผมคิดว่า ผมกับตั้มตอนนี้เราต่างก็เดินเป็นเส้นขนานคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกต่อไป แต่...ผมคิดผิด ผมเชื่อแล้วแหละว่าโลกมันกลมจริงๆ
     ช่วงหยุดเสาร์-อาทิตย์ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเพื่อนที่เชียงใหม่ ลืมบอกไปว่าผมก็อยู่ที่ลำปางเหมือนเดิมนั่นแหละ หลังจากเอ็นฯ ไม่ติด ผมก็สมัครสอบเข้าที่มหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง พักหอเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่หอพักมาสเตอร์บุญทวีแล้วนะ ผมอยู่หอพักของทางมหาวิทยาลัยน่ะ เพื่อนบางคนก็ถามว่าทำไมไม่เป็นเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ล่ะ โลกทัศน์จะได้กว้างกว่านี้ มีอะไรให้สัมผัสเยอะแยะ ผมก็ตอบไปว่า…
     “ขอบคุณสำหรับคำถาม...เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ น้องเนลไม่อยากจะอยู่ไกลบ้านมาก อยู่ใกล้พ่อแม่มีความสุขที่สุดแล้วค่ะ ว่างเราก็กลับบ้านไปหาท่าน หรือไม่ท่านก็มาหาเรา เรียนที่ไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ อยู่ที่สมองและสองมือ ไม่ว่าจะเป็นชายจริงหรือหญิงแท้ขอให้เราทำตัวดี ไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน (เอ้า! ว่าไปนู่น) ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ถึงแม้เราจะบวชให้ท่านไม่ได้ (เสียงสะอื้น) แต่เราก็สามารถตอบแทนท่านด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี มีอริยสัจ 4 พรหมวิหาร 4 อิทธิบาท 4 แล้วถ้าคุณแน่ก็อย่าแพ้ ป.4 ขอบคุณค่าาาาาาา!!!!!!!
     “ตกรอบ!!!”
     เพื่อนๆ พร้อมใจกันประสานเสียงซะดัง เรียกเสียงฮากันสนุกสนาน นี่ก็เป็นมุกที่พวกเราชอบเล่นกันในกลุ่มแล้วก็จะขำกันทุกที ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเวลาสาวประเภทสองประกวดกัน ทำไมจะต้องตอบคำถามเป็นแพทเทิร์นเดียวกันหมด …“ขอบคุณสำหรับคำถาม” อันนี้แทบจะ 99% จะต้องพูด (เพื่อ?) “ไม่ว่าจะเป็นชายจริงหรือหญิงแท้ เราก็สามารถเป็นคนดีของสังคมได้” อันนี้ 98% จะต้องพูด (เพื่อ?) บางครั้งคำถามไม่ได้ชี้นำให้ตอบแบบนี้ แต่คุณ She ประมาณว่าเตรียมมาแล้ว ยังไงกูก็จะตอบอะ มีไรปะยะ!
     มีเรื่องขำๆ จะเล่าให้ฟัง ผมเคยดูการประกวดสาวประเภทสองเวทีใหญ่เวทีหนึ่ง รอบ 10 คนสุดท้าย กติกาคือ ให้บอกความหมายของภาพที่ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าผู้เข้าประกวด คือใช้ระบบสัมผัสน่ะ ประมาณว่าจิ้มหน้าจอแล้วภาพต่อไปจะโชว์ แล้วทีนี้มีผู้เข้าประกวดนางหนึ่ง ถึงคิว She คุณเธอก็จิ้มหน้าจอ  ภาพก็ขึ้น แทนที่จะโชว์ศักยภาพทางสติปัญญาบอกความหมายของภาพนั้นเลย แต่ไม่! She พูดว่าอะไรก่อนรู้มั้ย
     “ขอบคุณสำหรับคำถาม!!!”
     เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย...ผมแทบจะสำลักเย็นตาโฟเพราะทั้งเลือด ปลาหมึก ลูกชิ้นปลา และผักบุ้งต่างก็แย่งกันขำ เท่าที่ดูไม่ได้มีใครถามอะไรหล่อนเลยนะ  (คอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้พูดกับหล่อนเหมือนกัน) เป็นเอามาก นี่เข้าขั้น ‘ขอบคุณสำหรับคำถามเข้าเส้นเลือด’ ซะแล้ว 555+
     อุ๊ย! แถออกนอกรันเวย์ไปซะไกลเลย...เมื่อกี้เม้าธ์ค้างถึงเรื่องไปเที่ยวเชียงใหม่ต่อเลยละกัน ผมกับเพื่อนๆ ไปถึงก็ค่ำแล้ว กินข้าวกินปลาเรียบร้อยก็ถึงเวลาดึ้งดึ่งๆ เต้นระบำร่ำสุรากันเต็มที่หวังคืนนี้จะต้องแฮปปี้ๆ แน่ๆ มันก็แฮปปี้จริงๆ น่ะแหละ เพราะกลุ่มพวกผมมันขาแดนซ์ขาเมากันอยู่แล้ว อ้อ! กลุ่มผมที่ว่านี้ไม่มีเออุ่มกะเอจักรีอยู่ด้วยหรอกนะ เพราะสองสาวนั่นเอ็นฯ ติดต่างแยกย้ายกันไปเรียนคนละทิศละทางแล้ว เพื่อนกลุ่มใหม่นี้เป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัย ทั้งแสบและแซบกว่าหลายเท่าตัวเลยล่ะ แต่ผมบันเทิงเริงใจกับแสงสีและเสียงเพลงได้ยังไม่เท่าไหร่ ก็ต้องรู้สึกเบลอๆ เอ๋อๆ เหมือนคนจิตหลุด เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็ตอนที่ผมกำลังโยกกายย้ายสะเอวอย่างสนุกสนานกับเพื่อนอยู่นั้น จู่ๆ ผมก็เห็นผู้ชายคนนึงกำลังเดินใกล้เข้ามา (จริงๆ แล้วเค้าไม่ได้เดินมาหาผมหรอก คงจะไปห้องน้ำอะ แล้วตรงผมมันเป็นทางผ่านพอดี) มันก็เหมือนมีมนต์สะกดหรือยังไงไม่ทราบทำให้ผมเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ ในใจพร่ำคิดว่า...ขออย่าให้ใช่...ขอย่าให้ใช่...แต่ใจอีกซีกดันค้านขึ้นมาว่า...ขอให้ใช่...ขอให้ใช่...เฮ้อ! ทำไมมันสับสนอะไรอย่างนี้นะ
     “ตั้ม...” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ เพราะเริ่มจะมั่นใจขึ้นมาแล้วว่าผู้ชายคนที่เค้าเดินเข้ามาใกล้ผม และผมกำลังเดินเข้าไปหาเค้า...นั้นคือ ตั้ม!
     ผู้ชายคนนั้นยืนประจันหน้ากับผม มองผมเหมือนกำลังพินิจพิเคราะห์อะไรสักอย่าง เค้าคงนึกอยู่ว่าเคยเห็นผมที่ไหน แต่ว่า 2-3 ปีผมคงไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปมากหรอก แต่เค้าคนนี้น่ะสิ ดูเปลี่ยนไปเยอะ ทั้งหล่อขึ้นมาก สูงขึ้น และดูเท่ตามสไตล์วัยรุ่น แถมยังแอบเก๋เอาปลาสเตอร์ลายเสือสีดำมาปิดบริเวณจมูกอีก
     “พี่...”
     “ตั้ม...ตั้มใช่มั้ย”
     “อืม ตั้มเอง เป็นไงบ้างอะ”
     “ก็สบายดี ตั้มล่ะ”
     “สบายดีพี่ มาเที่ยวกับเพื่อนเหรอ”
     “อืม หล่อขึ้นนะเรา”
     “อยู่แล้ว” ความขี้เล่นและอารมณ์กวนๆ ของตั้มยังเหมือนเดิมเลย
     “มีแฟนหรือยังอะ” ผมถามตั้มออกไป แต่ในใจก็ยังนึกหวงอยู่นิดๆ ไม่อยากให้ตั้มมีแฟนใหม่เลย ตั้มไม่ตอบผมเป็นคำพูด เพียงแค่รอยยิ้มและยักคิ้วผมก็รู้แล้วล่ะ
     “ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”
     “ผู้หญิงดิพี่ โห...”
     ดูสิ ผมถามอะไรอย่างนั้น ตั้มเค้าเป็นผู้ชายนะ เค้าก็ต้องมีแฟนเป็นผู้หญิงสิ ตอนนี้กับตอนนั้นมันไม่เหมือนกันแล้ว ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติของมัน ตั้มก็ต้องเดินตามเส้นทางที่ธรรมชาติและความจริงขีดไว้ ส่วนผมน่ะเหรอ ผมก็ยังคงอยู่ในสิ่งที่ธรรมชาติกำหนดให้เป็นเช่นเดิม เราสองคนห่างกันมาก ความรู้สึกผูกพันอย่างเช่นวันวานมันไม่มีแล้ว สำหรับผมมันอาจจะยังคงหลงเหลือมีเชื้ออยู่บ้าง ถ้าหากตั้มพร้อมจุดมันขึ้นมาอีกครั้ง ผมก็พร้อมที่จะสนองตอบอยู่แล้ว แต่นั่นมันก็เป็นเพียงแค่ความคิด ความจริงต่างหากล่ะที่ผมต้องเผชิญ
     “พี่ เดี๋ยวตั้มไปเข้าห้องน้ำก่อน”
     “อืม ตามสบายเลยไอ้น้อง” ผมตบแก้มตั้มเบาๆ ด้วยความเอ็นดู ผมก็ไม่รู้ว่าจากคืนนี้ไปแล้ว ผมจะได้เจอกับตั้มอีกหรือเปล่า แต่ถ้าเราไม่ต้องเจอกันอีกเลยมันก็จะเป็นการดี เพราะผมไม่อยากเห็นตั้มคนใหม่ คนที่เปลี่ยนไป ผมอยากเห็นตั้มคนเก่า คนที่ชอบแกล้งผม กอดผม หอมผม หรืองอนผมเวลามีใครมายุ่งกับผม
     ผมที่ดูเหมือนว่ากำลังสนุกสนานกับเสียงเพลงที่บรรเลงให้ผมโยกซ้ายโยกขวา แต่จริงๆ แล้วในใจผมเศร้านะ เศร้ามากๆ เลย พร่ำบ่นกับโชคชะตาว่าทำไมต้องให้มาเจอกับตั้มอีก มันแปลกนะ แทนที่ผมจะดีใจ แต่ทำไมมันรู้สึกเจ็บปวดอย่างนี้ก็ไม่รู้ ตั้มนั่งอยู่ที่โต๊ะตรงข้ามกับผมไม่ไกลกันมากนัก มากับเพื่อน 5-6 คน ดูท่าว่าตั้มคงจะเริ่มมึนๆ กับฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้วกระมัง เพราะเดี๋ยวฟุบหน้า เดี๋ยวเงยหน้าขึ้นมามองผม สลับกันแบบนี้หลายครั้ง ผมก็มองตั้มแล้วยิ้มให้ตลอด แต่ผมก็ทำได้แค่นี้แหละ
     คืนนี้เราจากกันโดยไม่ได้ร่ำลาอะไรกันเลย ตั้มกลับไปก่อนเพราะคงเมามาก กลับไปโดยที่ทิ้งให้ผมนั่งจมอยู่กับอดีต (อีกแล้ว) คืนนี้มันช่างไม่สนุกอย่างที่คิดเลยจริงๆ พับผ่าสิ หลังจากที่ผับเลิกเพื่อนๆ ในกลุ่มก็ชวนกันไปต่อที่ร้านแห่งหนึ่งที่นี่บรรยากาศดูไฮสไตล์เดิร์นทีเดียวเชียวล่ะ ร้านนี้เปิดถึงเช้า ประมาณว่าผับ-เธคเลิกแล้วก็มานั่งต่อที่ร้านนี้ได้ ใจผมก็ไม่อยากไปเท่าไหร่หรอก แต่ไม่อยากให้เพื่อนเรียกว่าอีตุ้มถ่วง
     “สั่งกันก่อนเลยนะ เดี๋ยวไปห้องน้ำก่อน”
     “เออ...เดี๋ยวขอไปโทรศัพท์บอกซะมีก่อนนะจ๊ะ แป๊บเดียวเดี๋ยวมา”
     “เนลเดี๋ยวเค้ามานะ ไปทักเพื่อนโต๊ะนู้นก่อน”
     เออ ดี ไปกันหมด ทิ้งกูอยู่ที่โต๊ะคนเดียว เฮ้อ…
     ...สุดท้ายเรื่องเราจบลงทุกอย่าง ไม่ขัดไม่ขวางในเมื่อเธอจะไป มีแค่เพียงสิ่งเดียวยังติดค้างในใจ อยากรู้ เรื่องใครอีกคน...
     โห...พี่มิ้นท์ มาลีวัลย์ มาได้จังหวะดีจริงๆ เล่นเอาผมน้ำตาซึมแทบร่วงไปกับเสียงเพลงของพี่เค้า ใครหนอช่างเปิด ไม่ต้องเอาใจผมขนาดนั้นก็ได้ เห็นผมเศร้าไม่ต้องเอาเพลงนี้มาช่วยบิ้วท์ก็ได้ เล่นอย่างนี้ ฆ่ากันซะดีกว่า
     ...หากว่าใครคนนั้นเป็นคนดีและรักเธอ อยู่กับเธอ ทำเพื่อเธอได้ทุกอย่าง และถ้าใครคนนั้นทำได้อย่างที่ฉันทำ ฉันก็คงอุ่นใจ ไม่ห่วงอีกแล้ว และพร้อมจะลาไปอย่าง...เต็มใจ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 03-10-2008 17:50:39
อ้างถึง
“ขอบคุณสำหรับคำถาม...เอ่อ ไม่ดีกว่าค่ะ น้องเนลไม่อยากจะอยู่ไกลบ้านมาก อยู่ใกล้พ่อแม่มีความสุขที่สุดแล้วค่ะ ว่างเราก็กลับบ้านไปหาท่าน หรือไม่ท่านก็มาหาเรา เรียนที่ไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ อยู่ที่สมองและสองมือ ไม่ว่าจะเป็นชายจริงหรือหญิงแท้ขอให้เราทำตัวดี ไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน (เอ้า! ว่าไปนู่น) ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ ถึงแม้เราจะบวชให้ท่านไม่ได้ (เสียงสะอื้น) แต่เราก็สามารถตอบแทนท่านด้วยการเป็นคนดี คิดดี พูดดี มีอริยสัจ 4 พรหมวิหาร 4 อิทธิบาท 4 แล้วถ้าคุณแน่ก็อย่าแพ้ ป.4 ขอบคุณค่าาาาาาา!!!!!!!

นี่ก็ให้ตกรอบ...ไปไกลเกินไปป่าว...ดีน่ะกลับมาทันไม่งั้นมีเฮ :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 03-10-2008 18:48:55
อืมคนมันจะจเออยู่ไหนยังไงมันก็เจอ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 03-10-2008 23:53:24
เพลง โดนอย่างแรงครับ  :jul1:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 06-10-2008 10:32:46
จิ้มๆ ดันๆ กันหน่อยนะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 08-10-2008 09:29:15
เศร้าได้อีก

เวลาเปลี่ยน  คนเปลี่ยน

แต่ใจเราไม่เปลี่ยน

ความรักเป็นของเรา  ไม่มีใครเอาไปได้หรอก  จริงมั๊ยครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 08-10-2008 14:45:31
ช่วยดันกันหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจลงตอนต่อๆ ไป
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 08-10-2008 19:40:13
มาต่อนะครับ  :m1:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 09-10-2008 11:38:03
ตอนที่ 8

     และความรักของผมกับผู้ชายคนที่ชื่อ ‘ตั้ม’ ก็ปิดฉากลงโดยที่ไม่มีภาคสองหรือภาคสามให้ติดตามต่ออีกแล้ว ผมไม่รู้หรอกนะว่าบทสรุปแบบนี้มันจะเรียกว่าจบแบบไหน sad ending, happy ending หรือว่า surprise ending อืม...อาจจะทั้งสามแบบรวมกันก็เป็นได้นะ
     หลังจากนั้นมาผมก็ยังไม่เคยมีใครมาเติมเต็มความรู้สึกดีๆ แบบที่ตั้มทำให้ผมอีก จะมีก็แต่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หรือไม่ก็แอบไปชอบเค้าก็เท่านั้นเอง หลายๆ คนมักจะถามผมว่ายังไม่มีแฟนเหรอ? ทำไมไม่หาแฟนสักคนล่ะ? โธ่ ถ้ามันหาได้ง่ายๆ เหมือนซื้อคะน้าหรือปลาทูเค็มก็ว่าไปอย่าง และผมก็ไม่ใช่บุคคลผู้ซึ่งปกติธรรมดาที่ไหน เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ The X-Men ครั้นผู้ชายแท้ๆ จะแห่มาขากถุยให้หัวกระไดไม่แห้งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ผมถึงไม่ไขว่คว้าไง ก็มักจะตอบกลับไปกับคนที่ชอบถามเสมอๆ ว่า...ขอบคุณสำหรับคำถาม ถึงเวลามันก็มาเองนั่นแหละ (อิๆๆ)
     จนกระทั่งผมได้มารู้จักกับรูมเมทรุ่นน้องปี 1 คนนึงชื่อว่า ‘ต้อม’ (ไม่พ้นตัว ต. เลยเนอะ) ต้อมเป็นคนภูเก็ต หน้าเข้มผิวคล้ำตามสไตล์เด็กใต้ ตอนแรกที่ต้อมเข้ามาอยู่ที่หอใน (เราจะเรียกหอของมหาวิทยาลัยว่าหอใน) เราก็ไม่ได้สนิทกัน ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่หรอก เจอกันก็ทักทายพอเป็นพิธีแบบรุ่นพี่รุ่นน้องเท่านั้น เพราะดูว่าเค้าเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงพอสมควร เรียนเสร็จกลับมาก็ฟังเพลงหรือไม่ก็อ่านหนังสือ และอีกอย่างผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับต้อมเป็นพิเศษมากกว่าน้องร่วมหอคนนึงเท่านั้น 
     ผมรู้มาว่าต้อมแอบชอบเพื่อนต่างคณะของผมคนนึงที่ชื่อ ‘จิ๋ว’ ยัยจิ๋วคนนี้ She จิ๋วสมชื่อ เป็นสาวร่างเล็ก ค่อนข้างห้าว กระโดกกระเดก แต่ว่า She ก็ไม่ได้สนิทอะไรกับผมนักหรอก ก็รู้จักกันผ่านๆ น่ะ แต่เห็นว่านางมีแฟนอยู่แล้วด้วยนะ แต่ไม่รู้ว่าต้อมรู้หรือเปล่า เพราะเดี๋ยวก็ซื้อขนมให้นางบ้าง ส่งจดหมายให้นางบ้าง ซื้อผ้าปาเต๊ะจากใต้มาฝากให้ด้วยนะ  แต่ยัยจิ๋วรับหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่ทราบนะ แหม...พ่อคู้ณ ช่างมีความสุขซะจริงนะเปิดเพลงหนุ่มเปเล่ซะลั่นห้อง
     ...ได้แค่นี้ก็พอ แค่เพียงมีเธอ ได้แค่นี้ก็พอ ต้องการแค่นี้ ได้แค่นี้ก็พอ แค่เพียงวันนี้ยังมีเธอ อื่นใด...ก็ไม่ต้องการ...
     บอกตามตรงกับผู้ชายที่ชื่อ ‘ต้อม’ นี้ ผมไม่เคยรู้สึกมีจิตพิศวาสเชิงชู้หนุ่มอะไรเลยแม้แต่น้อย และผมก็ไม่เคยคิดเลยว่าอนาคตข้างหน้าผมต้องมาลงเอยกับคนๆ นี้ จนวันหนึ่งไม่รู้ว่าวิญญาณอีคุณสน ณ อาญารักเข้าสิงหรืออย่างไร ถึงทำให้ผมคิดที่จะแย่งชิงต้อมมา ไม่ได้แย่งมาจากยัยจิ๋วหรอกนะ เพราะนางไม่ได้คิดอะไรกับต้อมเลย คงเซย์โนมา ต้อมมันก็เลยชีช้ำน้ำตาซึมอยู่พักนึง แต่ที่ผมว่าจะแย่งมานั้นน่ะ จะแย่งมาจาก ‘นังติ๊ก’ เพื่อนสาวกิ่งกระเด้งเก้งผสมกวางสุดซี้ที่ตอนนี้โกรธกันอยู่ โกรธกันด้วยเรื่องที่แบบว่า เฮ้อ...เอ่อนะ...แป้ง! เราโกรธกันด้วยเรื่องแป้ง เราเอาแป้งแกล้งมาปาใส่หน้ากัน ก็เลยโกรธกัน ตลกมะ ต่างคนต่างอีโก้ เชิดใส่ ไม่ง้อ ยอมรับว่าโกรธมันมาก เจอหน้าเป็นเขม่น พอเห็นมันสนิทกับต้อม เดินไปเรียนด้วยกัน ตกเย็นก็ไปเล่นกีฬาด้วยกัน ผมก็...ฮึ่ม คอยดู กูจะแย่งมาให้ได้ (นี่ล่ะ ผลของการบ้าละคร อาการจะหนักอย่างนี้ล่ะ 555+)
     พูดถึงบ้าหนังบ้าละคร ผมว่าทุกคนต้องเป็นกันทั้งนั้นล่ะน่า ยิ่งตอนเด็กๆ ไม่ต้องพูดถึง ใครเป็นฮีโร่โชว์อะไรเจ๋งๆ เราก็ต้องการเป็นแบบเค้า อยากเริ่ด อยากเก่ง อยากมีพลัง อยากสารพัด ทั้งเป็นเซียวเหล่งนึ่ง (มังกรหยก) ผีสาวซิงซิง (โปเยโปโลเย) ตงฟางปุ๊ป้าย (เดชคัมภีร์เทวดา) อู๊ย...ปล่อยผ้า ซัดเข็ม ดีดพิณกันสุดพลัง กลุ่มผมก็สรรหามาสิ ทั้งผ้าแพร เข็มเย็บผ้า ลูกกระพรวน อาศัยช่วงพักเที่ยงเล่นกัน ใครแข็งแรงหน่อยก็ต้องมาทำหน้าที่เป็นสลิงช่วยอุ้มประมาณว่าเหาะได้อะ พอปล่อยผ้ากันจนเบื่อแล้วก็กลายร่างมาเป็นซือเจ๊เตะต่อยกันมันไปเลย และเด็ดสุดก็ต้องสิงห์สาวนักสืบ ซากิ อาซามิยา ที่มีอาวุธเป็นลูกดิ่งสังหาร ช่วงนั้นโยโย่กำลังมาแรง พวกเราก็จัดการดัดแปลงลูกดิ่งพลาสติกให้เป็นลูกดิ่งเหล็กขึ้นมา โดยการไปซื้อลูกเหล็กมาติดประกบทั้งสองข้าง ดูไปดูมามันช่างละม้ายคล้ายดัมเบลเหมือนกันนะ  นอกจากลูกดิ่งเรายังมีอาวุธเสริมอีกเพียบ ทั้งโครเชท์ ลูกแก้ว กระเรียนเหล็ก เรียกว่าบ้าครบสูตร อิๆๆ ยัง...ยังไม่หมด ความบ้าของผมยังมีอีก แต่ครั้งนี้บ้าจนผมเข็ดไปเลย ผมบ้าอยากเป็นมาม่าซัง ใช่...ฟังไม่ผิดหรอก ผมอยากเป็นมาม่าซัง เลียนแบบเรื่อง ‘กลกามแห่งความรัก’ หนังไทยสุดอื้อฉาวและดังสุดๆ มาม่าซังในเรื่องต้องพกมีดโกนไว้ในกระเป๋าตลอดเพื่อจัดการกับพวกลูกน้องทรยศ อีนี่ก็เอาบ้าง พกมีดโกนบ้าง พกตลอด แถมไม่พกเปล่า หยิบมาเล่น วางมาดเป็นมาม่าซังสุดฤทธิ์ ผลสุดท้ายบาดนิ้วจนเนื้อหลุดติดใบมีด ร้องไห้ไปแปดบ้านไม่เหลือคราบของเจ้าแม่แห่งถนนชินจูกุเลย 555+
     มาเม้าธ์เรื่องนังติ๊กกันต่อ ผมไม่รู้หรอกนะจริงๆ ติ๊กมันคิดอะไรกับต้อมหรือเปล่า รู้เพียงแต่ว่าติ๊กมันเป็นแม่สื่อให้ต้อมกับจิ๋ว เพราะติ๊กกับจิ๋วมันเรียนคณะเดียวกัน ผมคงคิดอกุศลไปคนเดียวอะ เพราะความโกรธแกมหมั่นไส้ติ๊กอยู่เป็นทุนเดิม (จากเรื่องแป้ง) เลยคิดว่าติ๊กมันต้องปิ๊งต้อมแน่ๆ ก็เลยคิดเล่นๆ สาบานว่าคิดเล่นๆ จริงๆ ว่ากูจะแย่งมึงให้ด้ายยยยยยยย!!!! (แมะ...ตามสูตรนางร้ายละครไทยเป๊ะ)
   
         .......................................................................

     จำคำพูดที่ผมเคยพูดกับเพื่อนๆ ได้หรือเปล่าว่าเรื่องแฟนเรื่องความรักน่ะ ถึงเวลามันก็มาเองแหละ ไม่ต้องไปไขว่คว้ามันหรอก...ผมกำลังจะบอกว่า มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะมันเกิดขึ้นกับผมอีกแล้ว...ก็ต้อมนี่แหละ อ๊ะ! อย่าเพิ่งคิดว่าผมใช้วิชามารอย่างที่บอกเล่นๆ ไปนะ เปล่าเลย ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ผมอยู่เฉยๆ แทบจะไม่ได้สนใจอะไรต้อมเลยด้วยซ้ำ วันๆ ก็เอาแต่เรียน เล่น หรือไม่ถ้ามีกิจกรรมก็จะซ้อมเต้น โดยที่เรื่องความรักไม่ได้อยู่ในหัวสมองเลย
     ต้อมมักจะมานอนเล่นที่เตียงผมเป็นประจำ (เข้าอีหรอบเดียวกับตั้มเลย ดูดิ) ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าในใจเค้าคิดอะไรอยู่ แต่ถามผม สาบานเลยว่าผมยังไม่ได้คิดอะไรกับต้อม นอนก็นอนไป แต่ถึงเวลาถ้าผมจะเข้านอน คุณต้องกลับไปนอนเตียงของคุณ คือบอกไว้นิดว่าเตียงที่หอพักของผมน่ะมีสองชั้น ที่นอนอยู่ชั้นบนส่วนชั้นล่างเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ คงนึกภาพออกนะครับ
     เท่าที่ผมมองต้อมเค้าก็เป็นผู้ชายแท้ๆ ที่ชอบผู้หญิงนะ ไม่มีวี่แววหรือเค้ารางใดๆ ที่บ่งว่าต้อมจะเป็นเสือ (ไบ) แม้แต่นิดเดียว จะว่าเพราะอกหักจากยัยจิ๋วเลยเปลี่ยนฟีลมาชอบผู้ชาย น้ำหนักมันก็ดูไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลเท่าไหร่ในการที่จะไปแก้อีมี่ แล้วถ้าสมมุติว่าต้อมจะชอบผู้ชายจริงๆ ก็น่าจะเป็นพวกกะเทยแต่งหญิง มีนม มีโจ๊ะ ให้ดูเป็นน้องนีไปเลยดิ เพราะผู้ชายแท้ๆ มักจะชอบแบบนั้น แต่ลุคส์ผมมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ยังคงแต่งเกย์ดูเท่ๆ สไตล์ทอมบอย ไม่มีจุดไหนหรือส่วนใดที่บ่งบอกถึงกลิ่นอายของสตรีเพศแม้แต่น้อย!

     “มานอนอีกละ ลุกไปเลย แล้วไม่ไปเชียร์กีฬาเหรอเนี่ย” ผมไล่ต้อมให้ลงไปร่วมกิจกรรมกีฬาคณะที่วันนี้ทางมหาวิทยาลัยได้จัดขึ้น ส่วนผมน่ะเหนื่อยมากเลยขอชะแว้บแอบขึ้นมาอู้สักแป๊บ
     “เชียร์ตั้งแต่เช้าแล้วพี่ ของีบก่อน ง่วงอะ”
     เป็นเด็กหอในก็ดีอย่างนี้แหละ เรียนเสร็จ หรือว่าเหนื่อยจากกิจกรรมใดๆ ในมหาวิทยาลัย ถ้าต้องการพักผ่อนก็มานอนเล่นที่หอได้อย่างสบายๆ
     “แล้วพี่เนลล่ะ เชียร์เสร็จแล้วเหรอ”
     “ร้อน และก็เหนื่อยด้วย อยากนอนเหมือนกัน”
     “ก็ขึ้นมานอนดิพี่ อะ ผมเขยิบให้ละ”
     “ไรวะ” ผมบ่นพึมพำ ซึ่งก็ไม่เข้าใจเจตนาจริงๆ ของต้อมว่าเค้ามีจุดประสงค์อะไร คิดอะไรอยู่ (แหม...ไร้เดียงสาจริงนะเรา)
     ไม่ใช่ว่าผมไม่กล้าขึ้นไปนอนนะ เตียงของผมนี่ผมก็ขึ้นไปนอนดิ นอนเบียดกันอย่างนั้นนั่นล่ะ ต้อมนอนหลับตาตัวแข็งทื่อ (ย้ำ! ตัว) ไม่สนใจอะไร ผมก็นอนไปฟังวิทยุที่อยู่บนเตียงไป สักพักผมนึกครึ้มอยากจะลองใจต้อมดูก็เลยพลิกตัวกอด ต้อมก็ยังเฉย ไม่ได้ว่าอะไร ผมย่ามใจรุกหนักขึ้น ทีนี้ลองเอาขาไปว่างก่ายบริเวณเป้าต้อม ผมรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของรูปทรงภายในกางเกงขาสั้นที่ต้อมใส่ได้ชัด ต้อมตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่ผู้ชายกระทำให้ แต่ผมก็ยังมั่นใจว่าต้อมไม่ใช่เกย์อย่างแน่นอน คนไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่เนอะ โดนสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง มันก็ต้องมีเอนเอียงบ้างล่ะน้า อ๊ะ! แต่ว่าอย่าเพิ่งคิดเกินเลยอะไรไปไกลนะครับ ผมหยุดอยู่แค่นั้น ไม่มีอะไรต่อ ถ้าเป็นคนที่ผมชอบล่ะก็ไม่แน่ แต่ต้อมไม่ใช่สเป็คผมเลย!
     คืนนั้นเองต้อมก็ยังคงมานอนเล่นที่เตียงผม ผมปล่อยทุกอย่างให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ หรือผิดธรรมชาติก็สุดแล้วแต่ ผมแอบตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้อมถึงมาพิศวาสอะไรผมนักหนาเนี่ย แทนที่จะเป็นนังติ๊กกระติกแตก เพราะเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่บ่อยๆ ผมไม่กล้าถามต้อมตรงๆ หรอกครับ กลัวหน้าแตกถ้าเค้าไม่ได้คิดอะไรกับผม เราสองคนนอนด้วยกันโดยไม่สนใจเตียงรอบข้าง ผมรู้ว่าอาจจะมีเม้าธ์กัน แต่มันก็เท่านั้น ผมไม่ซีเรียสอะไรหรอก คนที่ซีเรียสควรจะเป็นต้อมต่างหาก แต่ตรงกันข้ามต้อมกลับไม่แคร์ใครเลย
     เราทั้งคู่เริ่มสนิทกันมากขึ้น พูดคุยกันมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เปิดใจว่าเป็นแฟนกันได้อย่างเต็มที่ ก็ไม่รู้สิ เค้า อาจจะกำลังตื่นเต้นกับของเล่นใหม่ก็ได้ หรือว่าเป็นพวกชอบก็เดินเข้ามาแล้วถ้าเบื่อก็เดินออกไปเหมือนกับที่ผมเคยเจอๆ มาก็ได้ ผมถึงไม่ถามต้อมไงล่ะว่าคิดยังไงกับผม ชอบผมเหรอ รักผมเหรอ ถึงมานอนกับผมทุกวันๆ แต่ยังไงก็ช่างตอนนี้ทุกคนที่รู้ที่เห็นก็สรุปกันเอาเองและเข้าใจกันไปหมดแล้วล่ะว่าผมกับต้อมเราเป็นแฟนกัน ทั้งๆ ที่ผมก็ไม่รู้ว่าต้อมคิดแบบนั้นหรือเปล่า แต่สำหรับผมไม่รู้สิ ไม่กล้าคิด
     ผมกับต้อมในตอนนี้เราก็ยังดำเนินกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้หวานจี๋จ๋าอะไรหรอกนะ บุคลิกของต้อมเค้าเป็นคนขรึมๆ นิ่งๆ ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ส่วนผมน่ะซ่า ห้าว ตลาดแตก ซึ่งคนละขั้วเลยล่ะ ความสัมพันธ์ทางกายเราลึกซึ้งกันพอสมควร ที่บอกว่าพอสมควรเพราะว่าต้อมยังไม่ได้ล่วงล้ำก้ำเกินอะไรผมมาก ส่วนความสัมพันธ์ทางใจผมว่ามันก็เริ่มมีบ้างแล้วล่ะ ผมเลยกล้าถามต้อมว่าทำไมถึงมาชอบผม แล้วเปลี่ยนรสนิยมมากินถั่วดำน้ำกะทิได้ยังไง อยากรู้จริงๆ
     “ไม่รู้สิ!”
     นี่คือคำตอบที่ผมจะได้ยินเป็นประจำเมื่อถามต้อมกี่ครั้งก็ตาม ถึงผมจะเซ้าซี้อยากรู้แค่ไหน ก็ได้คำตอบว่า ‘ไม่รู้สิ’ แล้วต้อมก็หอมแก้มผมกอดผมเป็นการกลบเกลื่อน ก็เป็นอันว่ามันคงเป็นปริศนาคาใจผมอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ …
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 09-10-2008 12:10:52
มาได้แบบเดิมทุกที เนอะเวลาคนเราจะเจออะไรก็เจอแต่แบบเดิมๆๆๆ อยู่เรื่อยเนอะว่ามะ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 09-10-2008 12:27:08
ความรักมันก็แบบนี้แหละน้อง ถึงเวลามันก็วิ่งมาหาเราเอง
แล้วพอถึงเวลามันก็วิ่งหนีเรา แบบว่าหมดอายุการใช้งานทันทีตามป้ายฉลาก
ป้าขวัญขอให้น้องมีความสุขกับชีวิตที่กำลังเป็นอยู่ในเวลานี้จ๊ะ  :t2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 09-10-2008 19:12:07
 :m13:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 12-10-2008 03:59:54
รออ่านต่อจ้า  :m23:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 12-10-2008 13:01:37

........รักคลุมครือ.....แล้วที่เหลือคือน้ำตา....... :n1: :n1:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-10-2008 21:55:08

ฉันนึกว่าเรื่องนี้ไม่ up เสียแล้ว

อ๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงค์

ดีใจสุดๆ ที่ได้อ่านต่อ

ชอบมากๆ เพื่อนสาว

อิเจ้  กะเทยแดนสะตอ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 13-10-2008 11:05:47
เข้ามาดันๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 13-10-2008 13:30:07
 :L2: มาเป็นกำลังใจให้คุณเนลค่ะ
 :a5: แล้ว  รู้สึกวัยใกล้เคียงกันเลย
ป้าเบิร์ดเอย มาลีวัลย์เอย  แถมด้วยทีสเกิร์ตอีก  เหอๆๆ วัยรุ่น(เหลือน้อย)เจงๆ
ชอบตอนที่เม้าท์กะบรรดาผองเพื่อนสาวทั้งหลายมากเลย
อ่านแล้ว  :laugh: อารมณ์ดีสุดๆ
รออ่านเรื่องแซบๆของคุณเนลอยู่นะ  สู้ๆค่า  :a2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 13-10-2008 19:17:26
ตอนที่ 9

     หลังจากที่ผมสอบปลายภาคเสร็จก็ต้องเตรียมตัวกลับบ้าน เช่นเดียวกับนักศึกษาหอพักทุกคน รวมทั้งต้อมด้วย จะกลับมาเจอกันอีกทีก็อีกประมาณสองสัปดาห์เพราะต้องมาลงเรียนซัมเมอร์กัน ช่วงที่ผมอยู่บ้านนั้นผมฝันถึงต้อมบ่อยมาก อาจด้วยเพราะความผูกพัน ความสนิทกันนั่นล่ะ ถามว่าคิดถึงมั้ย ก็คิดถึงนะ แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เพราะผมก็ไม่แน่ใจว่ากลับมาเจอกันอีกทีทุกอย่างยังจะคงเดิมหรือว่าเปลี่ยนแปลงไป ผมเลยไม่อยากจะทุ่มใจอะไรให้มากกลัวจะเสียใจเหมือนครั้งที่คบกับตั้ม
     วันที่กลับมาลงซัมเมอร์ ผมได้มาเจอต้อมอีกครั้ง เรายิ้มให้กัน แล้วก็ผ่านเลยกันไป มันทำให้ผมนึกในใจว่าต้อมยังจะเหมือนเดิมกับผมหรือเปล่าเนี่ย หรือว่าช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมาต้อมเรียกสติกลับคืนได้แล้ว แต่ถึงยังไงก็ช่างเหอะ  เหมือนเดิมหรือไม่เหมือนเดิมมันก็ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตผมมากมาย ผมคงไม่ฟูมฟายหรอก เรื่องแค่นี้นอมอลๆ เพราะมากกว่านี้ผมก็ผ่านมาแล้ว

     “เดี๋ยวนอนด้วยนะ” 
     “อะไร นอนอะไร ตอนกลางวันทำเป็นไม่ทัก” 
     “ก็ยิ้มทักแล้วไง”
     “เหรอ เห็นนิ่งๆ ก็นึกว่าลืมกันซะแล้ว” ผมรู้สึกดีนะที่ต้อมยังไม่ลืมเรื่องของเรา แต่ถึงกระนั้นก็เหอะ ผมยังไม่วายที่จะทำท่าประชดประชันเพราะหมั่นไส้ทำหยิ่งใส่เราเมื่อตอนกลางวัน แต่นั่นล่ะนะ มันเป็นบุคลิกของต้อมเค้าล่ะ ไม่ใช่ตั้มนี่ที่จะได้ขี้เล่นเป็นเด็กๆ ชอบหยอกล้อผม
     คืนนี้ห้องทั้งห้องเป็นของผมกับต้อมเท่านั้น ไม่มีใครมานอนเป็นก้างขวางคอขัดความสุข เพราะนักศึกษาที่เรียนซัมเมอร์แล้วพักที่หอในจะกระจายนอนตามห้องต่างๆ ตามชอบใจ แล้วห้องจะว่างเยอะมาก ไม่เหมือนกับตอนที่เรียนภาคปกติ ซึ่งนักศึกษาจะอยู่กันเต็ม
     “ถามจริงๆ คิดถึงบ้างปะเนี่ย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน”
     “ก็คิดถึง” ต้อมยังคงตอบตามสไตล์ที่สั้นและห้วน
     “ต้อมรู้ปะ เนลฝันถึงต้อมด้วยล่ะ”
     “เหรอ”
     “ก็เออสิวะ ตอบยาวๆ หน่อยดิ บ้าปะเนี่ย” ผมแกล้งทำเสียงดุขึ้นมา ทำเอาต้อมหัวเราะ เค้าก็คงนึกขำผมและก็ขำตัวเองเหมือนกันน่ะ
     “นอนๆๆ” ต้อมตัดบทแบบยิ้มๆ แล้วกอดผมสลับกับหอมแก้มผม ซึ่งผมก็ทำตอบกลับด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจ
     “เหมือนตั้มเลยอะ”
     “ใครเหรอตั้ม”
     “แฟนเก่าน่ะ ตอนเรียนมัธยม เค้าก็ชอบทำแบบนี้เหมือนกัน แล้วต้อมล่ะ เคยมีแฟนปะตอนอยู่ภูเก็ตอะ”
     “ก็เคย”
     “ผู้หญิง?”
     “อืม ผู้หญิง”
     “แล้วเคยมีอะไรกันปะ”
     “ไม่เคย อย่างมากก็แค่จับมือ”
     “จริงดิ” ผมทำเสียงและชักสีหน้าเหมือนไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่
     “ก็จริงสิ ทำไม ไม่เชื่อเหรอ”
     “เวอร์จิ้นเนอะ”
     “อืม เวอร์จิ้น นอนได้แล้ว ไม่คุยแล้ว”
     คิดเหรอว่าคืนนี้เราจะได้นอนกันง่ายๆ ไม่มีทางหรอก กว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบตีสี่ เพราะอะไรน่ะเหรอ อุ๊ย! กองเซ็นเซอร์เตรียมไกรกรรไว้แล้วอะ งั้นคิดเอาเองละกันนะ 555+
     มาครั้งนี้ความสัมพันธ์ของผมกับต้อมก่อตัวขึ้นไปเยอะ ต่างก็มีใจให้กันมากขึ้น รู้สึกถึงความเป็นเจ้าของของกันและกัน มีหวง มีห่วง และมีหึง โดยเฉพาะต้อม ไม่รู้ว่าจะหึงอะไรนักหนา บางครั้งเรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือเรื่องที่ไม่มีมูลก็เหมาเอาซะหมด เห็นผมคุยกับเพื่อนของเค้าที่เป็นผู้ชาย เค้าก็งอนไม่พูดกับผม ถามจึงรู้ว่าไม่พอใจที่ไปคุยกับคนอื่น เฮ้อ เป็นเอามาก นี่ยังไม่พอ ขนาดผมเล่นกับเพื่อนผู้หญิง หรือแม้แต่เพื่อนที่เป็นเกย์ หรือกะเทย ต้อมก็ไม่พอใจ ผมไม่รู้ว่าเค้าหวงหรือว่าหึง หรืออาจจะทั้งสองอย่างเลยก็ได้ เราทะเลาะเรื่องนี้กันบ่อยนะ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรนักหนา ต้อมเป็นคนเข้าใจง่าย งอนแป๊บๆ ก็หาย ไอ้ลักษณะอาการแบบนี้พานให้ผมนึกถึงตั้มขึ้นมาทันที

     “อิจฉาพี่เนลเนอะ  ทำบุญด้วยอะไรอะ มีพ่งมีผัว ผัวรักผัวหลง”
     “เดี๋ยวกูถีบเลย”
     “เล่นของหรือเปล่ายะ ฉันว่าพี่เนลต้องเอาตูดไปอังหม้อข้าวให้ไอต้อมกินแน่ๆ หงส์ร่อนมังกรรำ 555+”
     “เออช่างคิดนะมึง แล้วมึงอยากจะลองของปะ เดี๋ยวกูจัดให้”
     บรรดาลูกสมุนเก้ง กวาง บ่าง ชะนี มักจะแซวผมอยู่บ่อยๆ ด้วยความหมั่นไส้หรืออิจฉาก็ไม่รู้นะ เพราะต้อมก็เปิดเผยขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ ไม่แคร์ใครจะมองว่ายังไง พวกเพื่อนผู้หญิงและเพื่อนผู้ชายของต้อมเค้าก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาแอนตี้ใดๆ ก็อย่างว่าแหละชีวิตใครก็ชีวิตมันอะเนอะ เรื่องของผมกับต้อมดังไปทั่วมหาวิทยาลัย ใครๆ ก็พูดถึงกัน ผมไม่ได้รู้สึกลำพองหรือหยิ่งผยองหรอกนะว่ามีผู้ชายมาหลงรัก ผมก็คงทำตัวตามปกติ แต่อาจจะมีเวลาให้เพื่อนให้น้องน้อยกว่าเดิมก็เท่านั้น
     ที่ผ่านๆ มาผมเคยได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัสว่าคนที่เป็นเกย์ กะเทย สาวประเภทสอง มักจะเป็นผู้ให้อยู่เสมอ ประมาณว่า...พี่คนนี้นั้นมีแต่ให้ เจ้าใช่ไหมไม่เคยให้พี่ หรือว่า ถึงเค้าหลอกแต่เต็มใจให้หลอก ...แต่สำหรับผมแล้วมันกลับตรงกันข้าม ถือว่าเป็นความโชคดีมากๆ เพราะคนที่มีแต่ให้นั้นคือต้อม ไม่ใช่ผม ต้อมให้ทุกอย่างที่ผมอยากได้ ตามใจทุกเรื่องที่ผมเอ่ยปากขอ ผมเข้าใจว่าต้อมเป็นผู้ชายประมาณว่าชอบใครชอบจริง รักใครรักจริง ให้ได้ทุกสิ่งเพื่อคนที่ตนรัก ทั้งเสื้อผ้า น้ำหอม เงิน และทอง จนบางครั้งผมเลยกลายดูเป็นคนที่เห็นแก่ตัว แต่ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ให้อะไรต้อมเลยนะ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ผมให้มันไม่ใช่วัตถุสิ่งของที่มีราคาค่างวด แต่ทุกอย่างที่ต้อมได้รับจากผม ผมมั่นใจว่าต้อมมีความสุขและรู้สึกดีอย่างแน่นอน 
     ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ผมจะพาต้อมกลับไปเที่ยวที่บ้านผมเสมอๆ ต้อมเข้ากับพ่อแม่ผมได้ดี ในฐานะเพื่อนของลูกไม่ใช่ผัวของลูกนะ อย่าเข้าใจผิด ต้อมจะคุยกับพ่อผมได้อย่างถูกคอ อะไรที่เกี่ยวกับข่าวสารบ้านเมือง หรือในเชิงวิชาการคุยได้ไม่หยุด แต่พอคุยอะไรที่ไม่มีสาระกับผมน่ะ ไม่ค่อยคุยหรอก ฮึ…ตอนแรกพ่อกับแม่ผมท่านคงไม่สงสัยอะไรหรอก หรือถ้าจะสงสัยท่านก็ไม่ถามอะไร เพราะพ่อกับแม่ผมท่านรักผมมาก ไม่เคยดุด่าว่าอะไรที่ผมเป็นเกย์ ผมเคยได้ยินพ่อคุยกับเพื่อนของท่านบอกว่าลูกจะเป็นอะไรก็ช่าง ขอให้เรียนจบ มีหน้าที่การงานทำ แล้วเป็นคนดีก็พอ นี่แหละพ่อผม เค้าบอกว่าตำรวจจะแอนตี้ลูกที่เป็นเกย์ กะเทย ให้ตายยังไงก็รับไม่ได้เด็ดขาด ผมคงเป็นเกย์ที่โชคดีที่สุดคนหนึ่งล่ะมั้ง เพราะเกิดมาในครอบครัวที่เข้าใจ พ่อกับแม่ไม่เคยพูดอะไรให้ผมได้เสียใจเลย...ผมรักพ่อกับแม่มากที่สุดเลยครับ

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: crazykung ที่ 13-10-2008 20:13:35
ว้าววๆๆ ชอบพี่ต้อมมมม จังเยยงับ



รู้สึก "ได้ใจ" ดีงับ สู้ๆงับพี่เนลล มาต่อร่วยน้า :t2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 14-10-2008 10:16:16
เคยเป็นแต่ผู้ให้มาตลอด เหนื่อย สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย  :m25:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 15-10-2008 14:09:12
มาว่าคุณเนลใช้วิชาหงส์ร่อนมังกรรำได้ไง   :m25:
เพราะจริงๆแล้วใช้น้ำมันพรายดีดใส่ต้อมใช่ป่าวว   :jul3:
ต้อมดี๊ดีอ่ะ   เจอแบบนี้รักตายเลย    :o8:
แต่ต้อมตามใจมากๆแบบนี้  เหมือนสปอยล์แฟนเลยอ่ะ  จริงป่าวคุณเนล อิๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 16-10-2008 11:52:12
 :mc4: มาช่วยดันกันหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจลงตอนต่อๆ ไป  :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 16-10-2008 12:05:36
มาว่าคุณเนลใช้วิชาหงส์ร่อนมังกรรำได้ไง   :m25:
เพราะจริงๆแล้วใช้น้ำมันพรายดีดใส่ต้อมใช่ป่าวว   :jul3:
ต้อมดี๊ดีอ่ะ   เจอแบบนี้รักตายเลย    :o8:
แต่ต้อมตามใจมากๆแบบนี้  เหมือนสปอยล์แฟนเลยอ่ะ  จริงป่าวคุณเนล อิๆๆ


คำตอบคือ.....
อ้างถึง
“เล่นของหรือเปล่ายะ ฉันว่าพี่เนลต้องเอาตูดไปอังหม้อข้าวให้ไอต้อมกินแน่ๆ หงส์ร่อนมังกรรำ 555+”

 :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 16-10-2008 12:41:49
แป่ววววววว  .......
นึกว่ามาต่อซะอีก    :o12:
รอต่อไป    :a1:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 16-10-2008 13:27:26
นู๋เนลแอบใช้ว่านรากราคะหรือเปล่า
 :t2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 17-10-2008 13:51:16
ตอนที่ 10

     เวลาผ่านไปเร็วมากนี่ผมคบกับต้อมสองปีแล้วเหรอเนี่ย ทุกอย่างยังราบรื่น แฮปปี้ สุโขสโมศรี สุขีสโมสร ถึงแม้ว่าผมจะเรียนจบออกมาหางานทำแล้วก็ตาม แต่เราก็ยังติดต่อกันตลอด เพราะช่วงแรกผมก็ยังทำงานที่ลำปางอยู่ และต้อมก็ยังไปมาหาสู่ผมที่บ้านเสมอ หรือไม่บางครั้งผมก็ไปนอนกับต้อมที่หอใน แต่ส่วนใหญ่ต้อมจะมาหาผมที่บ้านซะมากกว่า ต้อมยังคงเป็นต้อมที่น่ารัก เสมอต้นเสมอปลาย ดีกับผมไม่เปลี่ยน เวลาผมไม่สบายเค้าก็จะคอยดูแลป้อนข้าวป้อนยา ผมไม่รู้ว่าจะมีเกย์กะเทยสักกี่คนที่จะโชคดีเหมือนกับผมที่มีผู้ชายแท้ๆ จริงใจขนาดนี้ ตอนวันวาเลนไทน์ต้อมก็ทำเซอร์ไพรส์ผมด้วยการเอารูปของเราสองคนที่ถ่ายด้วยกันชนิดกอดกันกลมไปเข้ากรอบทำเป็นปฏิทิน คิดดูดิต้อมเค้าไม่อายเลยนะที่เอาไปให้ร้านถ่ายรูปทำ คนที่ร้านเค้าจะคิดยังไงเนี่ย เฮ้อ...ช่างกล้าเนอะ
     เราสองคนเคยไปไหว้พระแล้วสัญญาต่อหน้าท่านกันว่าเราสองคนจะรักกันและอยู่ด้วยกันไปตลอด (แหม ดูประหนึ่งไอ้ขวัญกับอีเรียมแห่งทุ่งบางกะปิก็ไม่ปานเลยอะ) ไม่มีใครบังคับใครให้พูด แต่เราสองคนต่างก็มีใจกับเรื่องนี้กันจริงๆ เพราะ ณ นาทีนี้เราต่างมั่นใจซึ่งกันและกันมาก มันอาจจะเป็นความมั่นใจที่ดูเกินตัวผมไปสักนิด แต่ผมก็ยังคิดอยู่เสมอแหละว่า ความรักแบบนี้ไม่มีจริงในโลกหรอก เราอาจจะอยู่กันได้นาน แต่คงไม่ตลอดชีวิต
     เรื่องความหึงความหวง ตอนนี้น่ะเหรอ ผมว่าผมกลับเป็นหนักกว่าต้อมซะอีกนะ หึงขนาดไม่อยากให้ต้อมดูหนังโป๊อะ ไม่รู้ดิทำไม ประสาทแดกเอาเรื่องนะผมเนี่ย มีอยู่ครั้งนึง เค้าเล่น Pirch แชทคุยกับใครบ้างก็ไม่รู้  แล้วทีนี้คงไปปิ๊งปั๊งกับน้องนีนางหนึ่ง แหม...อีนีนี่ก็คันถึงขั้นส่งจดม่งจดหมายพร้อมแนบรูปถ่ายมาให้ต้อมดู อีเปรต! ทำอย่างกะจะส่งมาชิงโชคไปเที่ยวญี่ปุ่นฟรีอย่างนั้นแหละ และบังเอิญที่ผมไปเที่ยวหาต้อมที่หอใน แล้วไปเปิดลิ้นชักเจอ บรรยากาศมาคุก็เริ่มบังเกิด
     “ใครอะต้อม”
     “เพื่อนทางเน็ตอะ เค้าส่งรูปมาให้ดู”
     “แค่นั้นเหรอ”
     “อืม ไม่มีอะไรหรอก”
     “ต้อมไม่ได้ชอบเค้าใช่มั้ย”
     “คิดมากน่า”
     ก็จะไม่ให้ผมคิดมากได้ไงล่ะ แฟนเราทั้งคนนะ บอกตามตรงว่าผมโกรธมาก ผมคิดว่าต้อมกำลังนอกใจผมแน่ๆ เลย ผู้ชายยังไงก็เป็นผู้ชายอยู่วันยันค่ำ ผมไม่ฟังคำอธิบายอะไรจากต้อมอีก วิ่งกระฟัดกระเฟียดลงไปข้างล่างหอ นั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงม้าหินอ่อนรอให้ต้อมลงมาง้อ...ห้านาที...สิบนาที...สิบห้านาที ไอ้บ้า! ทำไมไม่ลงมาง้อซะทีวะ ฮึ่ม! อ๊ะ มาแล้ว สงสัยผมคงคิดดังไปหน่อย ต้อมเลยเดินหน้าจ๋อยๆ ลงมาหา
     “มันไม่มีอะไรจริงๆ นะ ต้อมแค่คุยเล่นๆ กับเค้าเท่านั้นเอง แล้วเค้าก็ส่งรูปมาให้ดู”
     “นี่ขนาดเล่นๆ นะ ยังบอกที่อยู่เค้า ต้อมไม่รักเนลแล้วใช่มั้ย”
     “ไม่ใช่ ต้อมยังรักเนลอยู่เหมือนเดิมจริงๆ ถ้าต้อมไม่รักต้อมจะไปสัญญาต่อหน้าพระกับเนลทำไมล่ะ”
     ด้วยอารมณ์ที่ยังโมโหอย่างต่อเนื่อง ผมถอดแหวนทองที่ต้อมซื้อให้ปาทิ้งเข้าไปในพงหญ้า แล้วเดินออกจากหอในไปโดยไม่หันกลับมามองต้อมอีกเลย ผมยอมรับว่าฟิวส์ขาดจริงๆ คิดมาก หึงมาก กลัวต้อมไปมีใครอื่น แต่ไม่ถึง 20 นาทีดีมั้ง ผมเริ่มใจเย็นลง มีสติขึ้น รู้สึกผิด กลับไปที่หออีกครั้ง ขึ้นไปหาต้อมเพื่ออยากจะขอโทษ ผมเห็นต้อมนั่งมองแหวนวงนั้นอยู่ บอกตรงๆ รู้สึกใจหายมาก
     “ต้อม...”
     ผมยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นน้ำตาลูกผู้ชายของต้อมเอ่อล้นออกมา ต้อมมองหน้าผมแล้วยิ้มให้ ผมไม่รอช้าโผเข้ากอดต้อมพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษทันที
     “ต้อม เนลขอโทษนะ”
     “ไม่เป็นไร ต้อมไม่โกรธหรอก ต้อมไม่มีอะไรกับคนนั้นจริงๆ นะ ต้อมแค่อยากรู้จักเฉยๆ เหมือนเพื่อนคนนึงเท่านั้น”
     “ต้อมยังรักเนลอยู่ใช่ปะ”
     “รักสิ รักมากด้วย”
     เฮ้อ! แล้วเราก็เข้าใจกัน...เรื่องงอนง้อของผมกับต้อมมีกันอยู่บ่อยๆ ไม่ต้อมงอนผม ผมก็งอนต้อม แต่ถ้าใครงอนอีกฝ่ายก็ต้องง้อ มันเลยดูเหมือนเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับเราสองคน
     ผมทำงานอยู่ที่ลำปางได้ประมาณปีนึง ผมก็ได้งานทำที่กรุงเทพฯ งานด้านสื่อน่ะ เป็นนิตยสารบันเทิงที่มีชื่อเสียงมาก ผมมาพักกับพี่สาวแท้ๆ ที่นี่ ผมสนุกกับงานมาก แต่ในใจก็ยังคงคิดถึงต้อมอยู่ตลอด ยิ่งห่างกันไกลอย่างนี้ผมก็ยิ่งห่วงต้อมเป็นเท่าตัว กลัวนะ ไม่ใช่ไม่กลัว ผมกลัวต้อมมีคนอื่น กลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวอะไรต่อมิอะไรไปหมด ผมยอมรับว่าเป็นคนคิดมาก คิดไปก่อนล่วงหน้า คิดว่าเค้าต้องทำอย่างโน้นทำอย่างนี้ ทั้งๆ ที่เค้าอาจจะไม่ได้คิดหรือไม่ได้ทำอย่างที่เราคิดก็ได้ แต่ผมก็ยังสบายใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยเพจเจอร์ที่ต้อมซื้อให้ก็มีข้อความของต้อมส่งมาหาทุกวันตามสัญญา มันทำให้ผมยิ้มได้ มีกำลังใจทำงาน และอีกไม่นานเราก็จะได้มาอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกันหลังจากที่ต้อมเรียนจบในปีหน้านี้
     แต่เอาเข้าจริงพอต้อมเรียนจบต้อมกลับได้งานทำที่ภูเก็ตบ้านของต้อมเอง ผมก็เห็นดีด้วยนะ ถึงแม้ในใจอาจจะแอบผิดหวังเล็กๆ ก็ตาม อย่างน้อยการที่ต้อมได้ทำงานอยู่ใกล้บ้าน ใกล้ครอบครัว มันก็อบอุ่นดี และอีกอย่างได้งานอะไรก็ทำไปก่อน ผมไม่อยากให้ต้อมอยู่ว่างๆ แต่อย่างต้อมหางานได้ไม่ยากหรอก เรียนเก่ง จบด้านคอมฯ มา ใครก็ต้องการ เราโทรคุยกันตลอด เพจเจอร์ก็ไม่มีวันที่หน้าจอจะว่าง ข้อความหวานๆ เลี่ยนๆ ชนิด Call Center แอบอ้วกก็ยังส่งมาให้ผมได้ยิ้มทุกวัน และจดหมายที่ต้อมบรรจงพับเป็นรูปหัวใจผมก็หยิบมาอ่านตลอด อ่านกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ
     “ต้อมอยากเจอเนลเร็วๆ จังเลย คิดถึงมาก อยากกินชะอมไข่ทอดน้ำพริกกะปิฝีมือเนลด้วย…”
     โดยเฉพาะย่อหน้าสุดท้ายมันทำให้ผมยิ่งรักผู้ชายคนนี้มากขึ้น
     “ต้อมสัญญาจะไม่ทำให้เนลผิดหวังนะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ต้อมรักเนลคนเดียว รักที่สุดเลย อย่าทิ้งต้อมไปไหนนะ...รักเสมอ ต้อมครับ”
     เนลไม่ทิ้งต้อมไปไหนหรอก เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป!

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 17-10-2008 16:30:46
 :m1: หวานจัง
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: IZE ที่ 17-10-2008 18:18:52
เฮ้ออออออออออออ  รักกันดีจริงๆๆๆ   

แต่ไม่อยากคิดเลยว่าความห่างไกล  จะเล่นตลกอะไรอีกเนอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 17-10-2008 19:04:38

อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงค์

แค่นี้  หัวใจกะเทยน้อยๆ อย่างเจ้ ก็พร้อมจะละลายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

me// นอนจมกองเลือดตัวเอง :jul1:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 18-10-2008 14:52:17
มาดันให้กำลังใจกันหน่อยนะครับ :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 18-10-2008 15:38:48
รอ  :a5: ต่ออยู่นะคะ
ว่าแต่ ดูๆก็รักกันดีเนาะ
แล้วไมกลายเป็นไดอารี่แอบเศร้าได้หล่ะ 
เป็นกำลังใจให้คุณเนลน้า    :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 19-10-2008 15:22:08

........หวานซะขนาดนี้......กระเทยน้อยอย่างอิเจ้ก็เลยอดอิจฉาไม่ได้........ :oni2: :oni2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 20-10-2008 10:35:41
ดีจัง

ไม่ง่ายเลยอ่า  ที่จะเจอคนที่รักเราขนาดนี้  อิอิ

อิจฉา
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 20-10-2008 12:34:30
คุณเนลมารึยางงงงงงง    :m13:
เอาดอกไม้มาฝากเป็นกำลังใจค่า    :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 20-10-2008 13:14:44
นู๋เนลโชคดีมาก ที่มีช่วงเวลาดีๆด้วยกันนานพอดู
เก็บความจำที่ดีไว้นะ :t2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: WEERACHOT ที่ 20-10-2008 13:27:48
 :m1:>>>สู้น่ะครับบบผม มาลงเรื่องได้สะจ้ายยยยมาก

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-10-2008 15:33:02

ยังไม่มาต่อหรอ?

 :m13:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 20-10-2008 18:53:20
ตอนที่ 11  :mc4:

      ผมหาเวลาว่างช่วงวันหยุดลองวีคเอ็นลงไปหาต้อมที่ภูเก็ต ผมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เพราะเราก็ไม่ได้เจอกันเกือบเดือนแน่ะ ต้อมมารอรับผมที่สถานีขนส่ง เราดีใจกันมากแต่แสดงอาการเยอะไม่ได้เพราะเราไม่ได้อยู่กันสองคน ต้อมไม่ได้พาผมไปพักที่บ้านของเค้าหรอก แต่เปิดห้องที่โรงแรมให้ผมแทน ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดมากหรอกว่าต้อมจะกลัวที่บ้านรู้มั้งถึงไม่พาผมไปรู้จักกับพ่อเค้า ซึ่งดีซะอีกเราจะได้อยู่ด้วยกันสองคนได้อย่างสนิทใจ
     ช่วงเวลาสองสามวันที่อยู่ภูเก็ตผมมีความสุขมาก ต้อมขี่มอเตอร์ไซค์แล้วผมซ้อนท้าย โห...เหมือนผู้หญิงข้าใครอย่าเตะ เอ๊ย! อย่าแตะเลยอะ นั่งกินลมชมเมืองไปเรื่อยๆ ต้อมทำหน้าที่เป็นไกด์ชั้นเยี่ยมพาผมตะลอนเที่ยวได้ไม่มีหยุด
      “เนล ต้อมจะไปหางานทำที่กรุงเทพฯ แล้วนะ”
     “เฮ้ย! จริงดิ อย่าหลอกกันนะเว้ย”
     “ที่ที่ต้อมสมัครงานทางเน็ต เค้าเรียกตัวแล้ว เป็นโปรแกรมเมอร์น่ะ”
     “ไม่เห็นบอกกันเลย”
     “ก็อยากเซอร์ไพรส์ไง มาถึงภูเก็ตต้อมก็จะบอก”
     “แล้วงานทางนี้ล่ะ พ่อต้อมว่ายังไง แล้วต้อมจะไปเมื่อไหร่”
     “โห มาเป็นชุดเลยแม่คุณ ช้าๆ”
     “พ่อต้อมไม่ว่าไง เห็นดีด้วย ส่วนงานทางนี้ต้อมก็คุยกับหัวหน้าแล้วล่ะ ไม่มีปัญหา แล้วอาทิตย์หน้าต้อมจะไปกรุงเทพฯ...เราไปอยู่ด้วยกันนะ”
     “โอเค เดี๋ยวกลับไปเนลจะไปดูห้องนะ”
     ในที่สุดเราก็จะได้อยู่ด้วยกันจริงๆ แล้วเหรอเนี่ย ผมดีใจจนบอกไม่ถูก ใครไม่มาเป็นอย่างผมไม่มีทางรู้หรอกว่า การที่มีผู้ชายแท้ๆ มาคอยเทคแคร์ คอยห่วงใย และรักเราจริงมันเป็นเรื่องที่อะเมซิ่งมากๆ แต่ใช่ว่าผมจะหน้ามืดตามัวละเมอเพ้อพกจนไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรนะครับ ผมคิด คิดตลอดแหละ บอกแล้วไงว่าผมเป็นคนคิดมาก คิดไปไกล คิดไปก่อนล่วงหน้า แต่อย่างว่าแหละอะไรที่มันยังมาไม่ถึง ก็อย่าเพิ่งไปกลัวมัน ขอให้รู้แค่เพียงว่าวันนี้เรามีความสุข พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ถ้ามัวแต่มานั่งตั้งหน้าตั้งตาลุ้นหรือว่าเตรียมใจว่าเมื่อไหร่จะเลิกกัน รับรองได้ว่าประสาทกินกบาลตายชัวร์!
     หลังจากที่ผมกลับมากรุงเทพฯได้เพียงอาทิตย์เดียวต้อมก็ตามมา ผมได้ย้ายออกจากบ้านของพี่สาวเข้าไปอยู่ที่แมนชั่นกับต้อม ชีวิตคู่เราดูดีมากประหนึ่งคู่ผัวตัวเมียสุดชีวิต ต้อมก็ยังเป็นต้อมคนเดิมที่คงไม่แคร์สายตาใครๆ ก็เพราะอย่างนี้นี่ไง ผมถึงมั่นใจในตัวเค้ามาก โห คุณครับใครจะคิดล่ะว่าเราจะคบกันมายาวถึง 5 ปี นี่ก็จะเข้าปีที่ 6 แล้ว ผมแอบหวังเหมือนกันนะว่าเราจะอยู่ด้วยกันถึง 10 ปี มันก็แปลกเนอะ จากคนที่ไม่ได้รู้สึกว่าชอบมาก่อน ไม่ใช่สเป็คเลย แต่กลับมารักกันได้และคบกันได้อย่างยาวนาน
     จนกระทั่งวันหนึ่งผมได้พาต้อมมารู้จักกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ทำงานของผม ซึ่งหารู้ไม่ว่าหายนะกำลังจะมาเยือนชีวิตคู่ของผมแล้ว! 
     “ต้อม นี่แนน”
   
      ‘แนน’ เพื่อนผู้หญิงรุ่นน้องที่ออฟฟิศที่ถือว่าสนิทกับผมที่สุดคนหนึ่ง ไปไหนก็ไปด้วยกัน ไปเที่ยว ไปกินข้าว ไปดูหนังฟังเพลง เต้นระบำร่ำสุราถึงไหนถึงกัน เรียกว่าซี้เป็นเงาตามตัวกันเลยล่ะ และบ่อยครั้งที่เรามักจะไปเที่ยวด้วยกันเป็นกลุ่มมีผม ต้อม แนน และก็โจ้ อ้อ...‘โจ้’ นี่ก็เป็นเพื่อนผู้หญิงรุ่นน้องที่สนิทอีกคน แต่ถ้าเทียบกับแนนผมจะสนิทกับแนนมากกว่า
     “หน้าบึ้งเชียว เป็นไรยะ”
     “ทะเลากะพี่วีอะ” แนนมักจะมีปัญหากับพี่วีแฟนมันบ่อยๆ มีเรื่องทีไรก็จะมานั่งหน้าเม้งบ่นให้ฟัง
     “ประจำเลยอะแก ฉันเบื่อแทนว่ะ”
     “อืม แนนก็เบื่อ เออ วันนี้ต้อมมารับปะ แล้วจะไปไหนกันหรือเปล่า”
     “ไป วันนี้ต้อมมันจะพาไปกินสุกี้อะ เงินเดือนมันออกละ”
     “ไปด้วยดิ”
     “สาระแนเชียวนังแนน เค้าจะไปจู๋จี๋กินกันสองคนสามีภรรยา ชอบเป็นก้างจริงๆ นะแก กลับไปเคลียร์กับพี่วีก่อนเหอะ” โจ้แตะเบรกนังแนนดังเอี้ยดเข้าให้ เล่นเอานังแนนค้อนขวับคอแทบหักเลยทีเดียว
     “ก็ฉันเบื่อนี่ยะ อยากไปเดินเล่นกับพี่เนลด้วย”
     “ไม่ต้องเลย”
     รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ เค้าบอกว่ามันมักจะมาคู่กับคราบน้ำตาเสมอ จริงไม่จริงผมก็ไม่รู้อะนะ แต่สำหรับผมถ้ามีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั่นแสดงว่าผมกำลังมีความสุข ไม่ว่าผมรักต้อม ต้อมรักผม ผมรักเพื่อน หรือว่าเพื่อนรักผม ใบหน้าผมจะบ่งบอกออกมาทันทีว่าผมมีความสุขมากแค่ไหน และเวลาผมคบกับใครไม่ใช่แต่ว่าคบเป็นแฟนเท่านั้นที่จะให้ทั้งใจ คบเพื่อนผมก็จะเอาใจคบด้วยเหมือนกัน คือไว้ใจ ไม่เคยมีระแวงหน้าพะวงหลัง และเพราะคำว่า ‘ไว้ใจ’ นี่ล่ะที่ทำให้ผมต้อง…เสียใจ!
   
         ..............................................................
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: gobgab ที่ 21-10-2008 00:01:10

.......และแล้วผัวเราก็มีเมียใหม่...... :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 21-10-2008 16:55:34
กรี๊ดดด มีค้าง  :m30:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 22-10-2008 11:44:48
ค...คะ..ค้าง.....งงงงหง่ะ   :serius2:
 :sad2:  จะเศร้าแล้วใช่ป่าวคุณเนล
โอเคร.... เตรียมซื้อยาทัมใจมารอแระ...   :a6:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: animob ที่ 22-10-2008 13:25:46
อ่าเรื่องนี้สนุกจัง

อ่านแล้วโดน

ป.ล. เคยทะเลาะกะเพื่อนเรื่องแป้งเหมือนกัน ปาใส่กันแล้วก็โกรธกัน
ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ 10 ปีผ่านไปก็ไม่คุยกันทั้งๆที่เมื่อก่อนสนิทกันมากกกกก
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 22-10-2008 13:36:20
แล้วก็มาเจอกันง่าย ๆ และไปด้วยกันง่าย ๆ ยังงี้เลยเหรอ เค้าความสะเทือนใจมารำไรแล้วน่ะเนี๊ย
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 23-10-2008 16:10:21
มารอจ้า    :L1:
คุณเนลมาต่อโลด  เค้าเตรียมใจมาพร้อมละ   :a2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 24-10-2008 17:19:40
ตอนที่ 12 :m15:


     เย็นวันนี้ผมยังคงนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศเกินเวลาเหมือนเช่นทุกวัน ส่วนแนนกลับไปตั้งแต่ 6 โมงแล้วเห็นบอกว่าจะไปซื้อของที่เดอะมอลล์บางกะปิ ผมกดโทรศัพท์หาต้อมจะถามว่าถึงห้องหรือยัง ซื้ออะไรมากินบ้าง แต่ คำตอบที่ผมได้รับมันกลับทำเอาผมหน้าร้อน ใจสั่น นั่งไม่ติดเก้าอี้เลย!
     “ต้อมเหรอ อยู่ไหนอะ”
     “อยู่เดอะมอลล์”
     ”ไปทำอะไรอะ”
     “มาซื้ออุปกรณ์คอมฯ”
     “แล้วกินข้าวยังอะ”
     “อ๋อ กินพิซซ่าอยู่”
     “กินคนเดียวเหรอ”
     “กินกับ...แนนอะ พอดีบังเอิญมาเจอกันน่ะ”
     ทำไมต้องไปกินกับแนน?...เท่านั้นแหละ  ความหึงขึ้นหน้าผมปาโทรศัพท์มือถือทิ้งลงพื้นทันที ผมอาจจะดูเป็นคนไม่มีเหตุผล อารมณ์ร้อน ไม่ยอมฟังอะไรก่อน เค้าอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิดก็ได้
     ต้อมกับแนนกลับมาหาผมที่ออฟฟิศอีกครั้ง เหมือนจะมาอธิบายว่าอะไรเป็นอะไร แต่ลมพายุมันยังไม่สงบง่ายๆ ถึงแม้ว่ามันจะเบาลงแล้วก็ตามแต่ความขุ่นข้องหมองในใจมันก็ยังไม่จางหาย แนนถูกโจ้แยกไปคุยไม่ให้เข้าใกล้ผม เพราะคงรู้ว่าผมโกรธอยู่ ส่วนต้อมเข้ามาง้อตามระเบียบ ผมก็มึนตึงใส่ ประชดประชัน ไม่ยอมคุยด้วย แถมกลับบ้านก็กลับใครกลับมัน
     เช้าวันรุ่งขึ้นผมมาทำงาน แนนทักทายผม แต่ผมก็ไม่ใส่ใจ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผมยอมรับนะว่ายังโกรธอยู่บ้าง ถึงจะไม่มากเหมือนเมื่อคืน แต่มันก็ยังเป็นตะกอนกร่อนอยู่ในใจ...ความหึงนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
     “พี่เนล แนนมันร้องไห้อยู่ในห้องน้ำน่ะ” โจ้เดินลุกลี้ลุกลนเข้ามาจนทำเอาคนในห้องต้องหันไปมอง
     “ร้องทำไม” 
     “มันบอกว่าพี่ไม่ยอมคุยกับมัน มันเสียใจ”
     “แล้วทีมันไปกินข้าวกับผัวคนอื่นล่ะ”
     ยังไม่ทันที่โจ้จะพูดอะไรต่อ พนักงานผู้หญิงห้องข้างๆ คนนึงก็วิ่งมาบอกอย่างหน้าตาตื่นว่าแนนชักตัวเกร็งหมดสติ พวกผู้ชายกำลังช่วยแบกไปส่งโรงพยาบาลกัน!
     “มารยา!!!”
     “เนลไม่ไปดูมันหน่อยเหรอ ถ้ามันไม่แคร์เนล มันไม่เป็นขนาดนี้หรอกนะ” พี่ๆ ที่แผนกออกอาการเป็นห่วงแนนมาก และดูเหมือนกำลังรุมตำหนิผมกลายๆ ยังไงไม่รู้
     “พี่ แอ๊คติ้งแบบนี้ทำไมเนลจะไม่รู้ เนลเคยทำมาก่อน”
     ใช่ ผมเคยทำมาก่อน สมัยตอนผมเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งที่ต้องเข้าห้องประชุมเชียร์ แล้วถูกบรรดาพวกพี่ว้ากเกอร์ ตะคอก ตะเบง จนตบะแตก ผมแกล้งบีบน้ำตาทำสีหน้าบ่งบอกถึงความปวดร้าวที่โดนกระทำเยี่ยงนี้ แต่เท่านั้นยังไม่พอ มือไม้ผมออกอาการเริ่มเกร็ง หายใจติดขัด ร้องไห้ไม่หยุดเหมือนคนสติมันอยู่กับตัว...มารยาชัดๆ แน่นอน นี่ล่ะมารยาที่ใครก็สามารถทำได้ทั้งนั้น จากที่แกล้งๆ แต่ด้วยความอินมันเลยทำให้อะไรดูสมจริงไปเสียหมด…ไม่เชื่อก็ลองทำดูสิ!
     หลังเลิกงานโจ้และเพื่อนอีกสองสามคนไปเยี่ยมแนนที่โรงพยาบาล เห็นว่าต้องนอนพักคืนนึง ผมเลยกลายดูเหมือนเป็นคนใจร้าย ไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่แนนก็เป็นคนที่สนิทกันแท้ๆ แต่ทำไมผมถึงมีความหึงอย่างไร้สติเช่นนี้ก็ไม่รู้ หรือเพราะอาการเก่ากำเริบที่นังเอจักรีเพื่อนซี้ขาสั้นเคยวิเคราะห์ว่าผมเป็นโรคน้ำในหอยไม่เท่ากัน ฮอร์โมนเลยขาดการทรงตัว ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวได้ง่ายๆ อืม อาจจะเป็นไปได้เนอะ หึ!
     “ฮัลโหล พี่เนลเหรอ เออ แนนมันไม่ได้เป็นไรมากหรอก หมอบอกว่ามันหายใจไม่ทันเลยเกร็งก็เท่านั้นน่ะ พรุ่งนี้ก็กลับได้ละ”
     “อืม...”
     “มันฝากขอโทษด้วยนะ มันบอกเสียใจ ทีหลังจะไม่ไปเจอต้อมอีกแล้ว”
     “เออๆ ช่างเหอะ ตอนนี้ก็อารมณ์เย็นขึ้นบ้างแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะโจ้”
     “แล้วพี่เนลคุยกับต้อมหรือยังอะ”
     “ยัง ก็ว่าจะคุยวันนี้ล่ะ รอต้อมกลับมาก่อน”
     “………………”
     “ฟังอยู่ปะเนี่ย โจ้”
     “ฟะ ฟังอยู่พี่ เอ่อ...พรุ่งนี้คุยกันนะ”
     ผมนั่งทบทวนกับตัวเองอยู่หลายรอบ คิดแล้ว คิดอีก ว่าผมคงคิดมากไปจริงๆ นั่นแหละ ต้อมก็เป็นแฟนผม ส่วนแนนก็เป็นเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกันซึ่งผมก็ดีกับเค้ามาก ไม่ได้ต่างอะไรกับที่ผมดีกับต้อมเลย แล้วอีกอย่างแนนก็มีแฟนแล้วนี่นา เรื่องแบบนั้นมันคงไม่เกิดขึ้นหรอก เอาล่ะ วันพรุ่งนี้ผมจะกลับมาเป็นคนเดิม เราจะสนุกสนานเฮฮากันอย่างเก่า...
                                  ...................................................................

     แนนกลับมาทำงานตามปกติ บรรยากาศที่ร้อนระอุเมื่อสองสามวันก่อนกลับมาเย็นสบายเหมือนเดิม ท่ามกลางความโล่งอกโล่งใจของเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ทำงาน แนนเข้ามาขอโทษผมอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่สำนึกผิด ผมก็อดอมยิ้มไม่ได้พร้อมให้อภัยเพราะไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว สำหรับต้อมเราสองคนได้เคลียร์กันไปเมื่อคืนเรียบร้อย ทุกอย่างแฮปปี้ดีพร้อมท์
     “คืนนี้ไปเที่ยวกันนะ อยากไปนั่งฟังเพลง ต้อมเป็นเจ้ามือ” ผมเอ่ยปากชวนแนนกับโจ้ เพราะเห็นว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ แล้วอีกอย่างก็อยากให้สัมพันธภาพกลับมาต่อติดเหมือนเดิม
     “ต้อมไปแนนไม่ไปอะ เดี๋ยวพี่ก็หึงอีกหรอก” นังแนนทำทีแขวะผมทีเล่นทีจริง
     “ไปเหอะ ไม่มีอะไรแล้วน่า ไม่หึงแล้ว โจ้ไปด้วยนะ อย่าปฏิเสธ”
     “จะดีเหรอพี่ โจ้ว่าพี่ไปกับต้อม 2 คนเหอะ”
     “ทำไมเหรอ มีอะไรรึเปล่า”
     “………….”
     “ว่าไงโจ้ ”
     “เอ่อ...ไปก็ไปพี่ ร้านเดิมใช่ปะ”
     “ใช่แล้ว”
     แล้วเย็นวันนี้เราสี่คนก็มานั่งฟังเพลงกันที่ร้านประจำแถวโชคชัย 4 ความสนุกและมิตรภาพกลบความรู้สึกหึงหวงไปแล้วหมดสิ้น ผมน่ะคิดมากไปจริงๆ นั่นแหละ การที่ต้อมกับแนนไปเจอกันวันนั้นมันก็แค่บังเอิญ เพื่อนเจอกันก็ต้องทักทายกัน หรือจะกินข้าวด้วยกันมันก็ไม่มีอะไรนี่ ถ้าผมคิดได้แบบนี้ตั้งแต่วันนั้นมันก็คงดีเนอะ แต่ก็ช่างเถอะ ผ่านแล้วก็ผ่านเลย จริงๆ ผมก็ไม่อยากขี้หึง จู้จี้ ขี้บ่น หรือว่างอนใส่ต้อมมากนักหรอก กลัวเค้าเบื่อเหมือนกัน ทุกวันนี้ผมก็พยายามทำดีกับต้อมมาก ดูแลห่วงใยตลอด ผมไม่อยากเสียต้อมไป เพราะเราคบกันมานาน  นานซะจนที่ทำให้ใครหลายๆ คนอิจฉาความรักของเรา เพราะฉะนั้นผมก็ต้องคอยประคับประคองให้ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองไปตลอดรอดฝั่งให้ได้
     “เนล พรุ่งนี้ต้อมว่าจะไปเที่ยวกับพวกไอ้ตุ๊น ไอ้จบนะ มันชวนไปบ้านมันที่ต่างจังหวัด”
    “เหรอ...ไปสิ ฝากความคิดถึงถึงตุ๊นกับจบด้วยนะ” ตุ๊นกับจบเค้าเป็นเพื่อนสนิทของต้อมที่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน และก็ค่อนข้างรู้จักผมเป็นอย่างดีเพราะอยู่หอเดียวกันหมด
     “ทิ้งพี่เนลไปเที่ยวกับเพื่อน ระวังพี่เนลจะแอบไปหาผู้ชายนะจ๊ะ เดี๋ยวจะหาว่าแนนไม่เตือน”
     “พี่เนลเค้าไม่ชั่วเหมือนแกหรอก นังแนน” โจ้กับแนนเปิดฉากฉะกันขำๆ ทำเอาผมอดหัวเราะไม่ได้
     ...เหตุอันใดพอความรักเธอเริ่มต้น ชายทุกคนหลีกไกล เหตุอันใดเธอเคยคิดดูหรือไม่ใครล้อมกรอบตัวเอง ตั้งข้อแม้รักเสียมากมาย จะมีชายใดเป็นได้ดัง เช่นกฎเกณฑ์เธอวางไว้ใครบ้าง จะมีทางเป็นชายของเธอ
เธอเห็นใคร ไยถึงต้องหลอกตัวเอง …

     มาที่นี่ไม่ผิดหวังจริงๆ ขอเพลงนี้ทีไร นักดนตรีก็เล่นให้ทุกที เพลงโปรดของผมอีกเพลงนึงเลยนะเนี่ย ‘เจ้าสาวที่กลัวฝน’ สงสัยใช่มั้ยล่ะครับว่า เอ๊ะ! เนื้อหาเพลงนี้มันตรงกับชีวิตผมยังไงเหรอถึงชอบ เปล่าครับ ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย เหตุผลเดียวที่ชอบคือ มันเพราะดีอะ
    หากเธอคิดพบรักที่ชื่นฉ่ำ อย่ามัวทำตัวเองมืดมนอย่ากลัวฝน เพราะฝนนั้นเย็นฉ่ำ อย่ามัวทำตามความคิดเดิม ลองคิดดู ลองหาทางสู้กับฝน…


      
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 24-10-2008 18:06:26
ลางร้ายกำลังจะมาชิมิ  แอร๊ยยยยย

ลุ้นนนนนนนนนนนนน

รีบมาต่อเน้ออออออ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 26-10-2008 07:59:32
สองตัวนี่แอบไปพบกันที่อื่นป่าวอ่ะ ต้อมนี่ชักทะแม่ง ๆ แล้วน่ะ รึกว่าตรูคิดมาก :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 28-10-2008 01:58:01

ขอบคุณนะคะ คุณ nuichanel

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 28-10-2008 09:49:26
บทเศร้าเคล้าน้ำตามาอีกแล้ว

แอบไปเตรียมผ้าเช็ดหน้ารอเลยดีมะ

 :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 28-10-2008 15:25:59
โจ้มีไรปิดบังป่าวอ่ะ  ดูอ้ำๆอึ้งๆชอบกล
คนอ่านลุ้นเข้าปายยยย   :m29:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 31-10-2008 13:26:50
ช่วยดันให้กำลังใจกันหน่อยนะครับ :m13:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 31-10-2008 14:29:18
หง่ะ   :o นึกว่าคุณเนลมาต่อซะอีก


หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kit ที่ 01-11-2008 00:28:48


วั้ย กิต.ว่าแนนแอบนัดกับต้อมละค่ะ

ขอบคุณนะคะ คุณ nuichanel

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 03-11-2008 01:53:59
อย่าหายไปนานนะครับ  :m13:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 03-11-2008 09:59:29
ตอนที่ 13 :m15:

     “ฮัลโหล โจ้เหรอ...ไปเดินเล่นกัน อยู่แต่ในห้องเบื่ออะ”
     “ไปดิพี่ ขอเวลาแต่งตัวชั่วโมงนะ”
     “ตามสบายเลย เดี๋ยวพี่ว่าจะโทรชวนนังแนนมันด้วย”
     “มันไม่อยู่หรอกพี่ เมื่อเช้าหนูก็โทรหามัน มันบอกว่าไปประจวบฯ กับพี่วี”
     “คงจะไปเปลี่ยนบรรยากาศกันนะสิ ช่างมันเหอะ เราไปกันสองคนก็ได้”
     ผมนัดเจอกับโจ้ที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง หลังจากซื้อของกันเสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว เราก็มาหย่อนก้นนั่งเม้าธ์กันต่อที่ร้านอาหารญี่ปุ่น แหม ก็มันเสียพลังงานจากการเดินไปเยอะนี่ครับ ก็ต้องขอเวลาชาร์จแบตสักหน่อย เพราะเรายังมีแพลนในการช้อปอีกเยอะ
     “พี่เนล หลังจากเรื่องวันนั้นพี่กับต้อมเป็นยังไงกันบ้างอะ”
     “ก็ไม่มีอะไรนี่ ปกติเหมือนเดิม”
     “เหมือนเดิม?”
     “อืม เหมือนเดิม ทำไมเหรอ”
     “ปะ เปล่าพี่ ก็ดีแล้วล่ะ เหมือนเดิม พี่ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากนะ อะไรที่ผ่านแล้วก็ปล่อยมันผ่านไปเหอะ แต่ถ้ามีอะไรขึ้นมา ขอให้พี่รู้ไว้เถอะว่าหนูจะอยู่ข้างพี่นะ”
     “อู๊ย ขอบใจมาก เล่นเอาซะซึ้งเชียว แดกไม่ลงแล้วอ่ะ เลี่ยน 555+”  ผมไม่รู้หรอกนะว่าที่โจ้พูดนั้นมันมีเหตุผลอะไร  แต่อย่างน้อยมันก็ทำเอาผมซึ้งได้เหมือนกันนะเนี่ย   
     ต้อมกลับมาถึงเย็นวันอาทิตย์ในสภาพที่ดูเพลียๆ เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เพราะดูท่าว่าต้อมคงอยากจะพักผ่อน ผมนั่งมองดูหน้าต้อมตอนนอนแล้วพลันนึกย้อนไปถึงตอนที่เราคบกันใหม่ๆ มันขำดีจัง คนอะไรก็ไม่รู้หึงบ้าหึงบอหึงจนผมไม่เป็นอันทำอะไร...ทำไมต้อมถึงรักผมมากขนาดนี้นะ ให้ได้ทุกอย่างที่ผมอยากได้ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากได้อะไรแล้วล่ะ ขอเพียงต้อมอยู่กับผมและรักผมคนเดียวอย่างนี้ตลอดไปก็พอ...
     แต่ตะแด๊ดแต๊ดแต่ ตะแด๊ดแต๊ดแต่ แต๊ดแต่แต๊ดแต่...แต่ตะแด๊ดแต๊ดแต่ ตะแด๊ดแต๊ดแต่ แต๊ดแต่แต๊ดแต่...แต่ตะแด๊ดแต๊ดแต่ ตะแด๊ดแต๊ดแต่ แต๊ดแต่แต๊ดแต่...
     “ฮัลโหล...แนนเหรอ ว่าไง กลับจากประจวบยัง”
     “ยังเลยพี่ คงกลับพรุ่งนี้เช้าน่ะ”
     “แหม ไปสวีทกับพี่วีไกลนะจ๊ะหล่อน เปลี่ยนบรรยากาศหรือไง”
     “นิดนึงพี่ กรุงเทพฯ เบื่อล่ะ อะไรก็เดิมๆ เออ...แล้วพี่อยู่คนเดียวเหรอ”
     “ฉันก็อยู่กับผัวฉันสิยะ ถามได้ แต่ว่าหลับไปแล้วล่ะ กลับมาจากต่างจังหวัดคงเพลียมากอะ”
     “เหรอพี่ อืมๆๆ แค่นี้ละกันนะพี่ พรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิศ...บ๊ายบ่าย”
     นังแนนคนนี้ She คบกับพี่วีมาก็หลายปีอยู่ เห็นว่าอย่างนั้นนะ แต่ที่บ้านหล่อนไม่มีใครชอบว่าที่ลูกเขยคนนี้เอาซะเลย นังแนนเล่าว่าแม่กับยายไม่ปลื้มที่พี่วีดูเป็นคนหลักลอยไม่มีงานเป็นชิ้นเป็นอันทำ ที่สำคัญด้วยบุคลิกที่เซอร์สไตล์หนุ่มใต้ผมยาวไว้หนวดไว้เคราเลยยิ่งไม่เข้าสเป็คว่าที่แม่ยายสุดๆ เฮ้อ...กรรมของมัน แต่มันก็ยังแอบคบกันอยู่ตลอด ที่เซี้ยวสุดๆ สำหรับนังคนนี้เวลา She มีกิจกรรมเข้าจังหวะโป้งโป้งชึ่งเด้งดึ๋งๆ กับผัวรัก หล่อนก็มักจะต้องเอามาเล่าเป็นฉากๆ ให้ฟังอย่างไม่รู้สึกอะไร
     “พี่เนล หนูว่าที่มันเล่าน่ะ มันไม่ได้ไร้เดียงสาหรอก แต่มันไร้ยางอายต่างหากล่ะ” สาวโจ้เคยแขวะนังแนนไว้ได้อย่างถึงใจจริงๆ
     ก่อนนอนคืนนี้นึกยังไงก็ไม่รู้นะ ผมได้หยิบไดอารี่สีชมพูขึ้นมาอ่านเรื่องราวเก่าๆ อ่านไปก็อดยิ้มไปไม่ได้ ผมพลิกอ่านตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย ซึ่งเป็นหน้าที่ผมได้เขียนถึงผู้ชายที่ชื่อ ‘ตั้ม’ แล้วหลังจากนั้นมาผมก็ไม่เคยได้เขียนไดอารี่ถึงใครอีกเลย แม้แต่ต้อม!

                                ………………………………………………………………………

   2 กันยายน 2545
     หลายๆ วันที่ผ่านมานี้ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงรู้สึกเหงาแปลกๆ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวสักหน่อย มีทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งน้องที่ทำงานมากมาย และที่สำคัญผมก็ยังมีต้อมอยู่ข้างๆ...ดูๆ ไป มันก็คุ้นๆ เหลือเกินความรู้สึกแบบนี้มันช่างเหมือนกับตอนที่ผมกำลังเสียตั้มไป!!!
     เค้าว่ากันว่าคนเราถ้าเป็นแฟนแล้วอยู่ด้วยกันไปนานๆ ความสัมพันธ์ที่เคยหวานซึ้งตรึงใจจะกลับกลายเป็นความรู้สึกผูกพันเพียงฉันเพื่อน ผมก็ว่าจริงนะ ไม่ต้องดูไหนไกลเลย ก็คู่ผมนี่ล่ะ ทุกวันนี้เราเหมือนเพื่อนกันมากกว่าคู่รักเสียอีก ความหวานแหววกุ๊กกิ๊กเมื่อครั้งเก่าแทบจะไม่มีให้เห็นกันเลย เพราะเหตุนี้ด้วยมั้งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตอนนี้ต้อมแปลกไปไม่เหมือนเดิม หลังๆ มานี้ต้อมมักจะปฏิเสธที่จะมีอะไรกับผม อ้างว่าง่วงบ้าง เพลียบ้าง แล้วเราก็ทะเลาะกันบ่อยด้วย ซึ่งบางครั้งเรื่องที่ทะเลาะกันก็เป็นเรื่องหยุมหยิมแต่ไม่รู้ว่าโยงกันไปอีท่าไหนก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทุกที แต่การที่จะมีอะไรกันหรือไม่มีอะไรกันนั้นมันก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรหรอกครับ แต่ความรู้สึกทางด้านจิตใจผมสัมผัสถึงมันได้ว่ามันดูขุ่นมัวพิกล
     ผมอยากจะถามต้อมเหมือนกันว่า ต้อมเบื่อชีวิตแบบนี้แล้วใช่มั้ย ต้อมเบื่อผมแล้วใช่มั้ย หรือว่าต้อมกำลังมีคนอื่นอยู่ใช่มั้ย แต่ผมไม่กล้าถาม เพราะว่าผมกลัวคำตอบที่จะออกมาจากปากของต้อม มันคงทำให้ผมรับไม่ได้แน่ๆ และมันก็คงไม่เหมาะที่เราจะมีเรื่องมึนตึงในวันสำคัญของผมวันนี้ ใช่ครับ 2 กันยา เป็นวันเกิดของผม ทุกๆ ปีต้อมจะมีเซอร์ไพรส์ให้กับผม มันก็เป็นของขวัญอะไรเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละครับ แต่มันก็ถูกใจผมทุกครั้ง เพราะมันเป็นสิ่งที่ต้อมให้ผมด้วยใจ และปีนี้ผมก็กำลังรอเซอร์ไพรส์จากต้อมอยู่...และมันก็คงจะทำให้ความรู้สึกหม่นๆ ในใจของผมดีขึ้นบ้าง
     วันนี้ตลอดทั้งวันยังไม่มีโทรศัพท์จากต้อม ต้อมลืมเหรอ ไม่หรอก คงจะเป็นเย็นๆ มั้ง ผมคิดอย่างนั้นนะ ต้อมคงอยากเซอร์ไพรส์ผมมากกว่า...แต่ผมก็ได้แต่รอ รอ รอ และก็รอ ไม่มีแม้กระทั่งข้อความใดๆ ส่งมา หรือว่าต้อมลืมวันเกิดผมจริงๆ
     “ฮัลโหล ต้อม อยู่ไหนอะ”
     “มาเดินซื้อของกับเพื่อนอะ”
     “ต้อมจะกลับกี่โมง รอกินข้าวนะ”
     “ไม่ต้องรอต้อมหรอก วันนี้ต้อมคงกลับค่ำๆ อะ”
     คำตอบของต้อมทำเอาผมอึ้งไปนิด แต่ก็คิดว่าอาจจะเป็นมุกของเค้าเพื่อที่จะทำเซอร์ไพรส์ผมในคืนนี้ก็ได้ แต่ถ้ามันไม่ใช่มุก ต้อมลืมวันเกิดผมจริงๆ ล่ะ
     “ต้อม ต้อมจะกลับกี่โมงล่ะ”
    “เนลจะเซ้าซี้ไมเนี่ย เดี๋ยวต้อมก็กลับเองแหละ”
     “ต้อมมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย ต้อมแปลกไปนะ ต้อมมีอะไรก็บอกเนลซิ” ผมเริ่มชักหวั่นใจอะไรบางอย่าง ผมต้องรู้ให้ได้ว่าต้อมเป็นอะไร และเค้ากำลังจะทำอะไร
     “ไม่ได้มีอะไร เนลเป็นไรเนี่ย อย่ามาจับผิดกันเลย”
     “เนลไม่ได้จับผิดนะต้อม แค่อยากจะรู้ว่าต้อมอยู่ที่ไหนกันแน่ อยู่กับใคร แล้วทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน”
     “……………………”
     “ต้อมอย่าเงียบสิ ต้อมมีอะไรก็บอกกับเนลตรงๆ สิ”
     “…………………….” ต้อมยิ่งเงียบยิ่งทำให้ผมกระสับกระส่าย ร้อนใจ ว้าวุ่น ยังไงผมก็ต้องเอาคำตอบจากต้อม ให้ได้ ไม่ว่าสิ่งที่ผมจะได้รู้นั้นมันจะดีหรือไม่ดี
     “ต้อม! ต้อมบอกมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าต้อมไม่เหมือนเดิมแล้วใช่มั้ย”
     “…………………….”
     “ต้อม! ต้อมมีคนอื่นใช่มั้ย...ใช่มั้ย”
     “อืม...”
     ผมสะอึกกับคำตอบสั้นๆ เพียงแค่คำว่า “อืม” เล่นเอาผมขาอ่อนแทบยืนไม่ติดพื้น หัวใจเต้นแรง หน้าชาเหมือนถูกตบอย่างแรง ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าคำๆ นี้จะหลุดออกมาจากปากคนที่ดีกับผมมาตลอดกว่า 6 ปี ผมพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว มันจุกมันเจ็บเกินจะบรรยาย ผมอยากร้องไห้ออกมาแต่มันก็ร้องไม่ออก
     “ตะ...ต้อมมีคนอื่นจริงๆ เหรอ”
     “อืม...จริง”
     “ต้อม เนลว่าเดี๋ยวเราคุยเรื่องนี้กันที่ห้องก็แล้วกันนะ ” ผมทำใจดีสู้เสือพูดออกไป แล้วกดวางโทรศัพท์ทันที บอกกับตัวเองว่าต้องใจเย็นๆๆ มันไม่มีอะไรหรอกน่า ที่ต้อมพูดมาเราอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ผมพยายามหลอกตัวเองอยู่ใช่มั้ยเนี่ย?
     ผมนั่งรถกลับห้องด้วยใจไม่เป็นสุข สับสน คิดนู่นนี่นั่นพัลวันไปหมด พอมาถึงห้อง ผมปล่อยตัวนั่งลงบนเตียงเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก มองดูรอบห้อง หยิบรูปถ่ายของผมกับต้อมมาดู มันคงถึงเวลาแล้วสินะที่ต้อมจะไปจากผม...เข้มแข็ง ผมบอกกับตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ที่ไหนล่ะ และผมก็รู้อยู่แล้วว่าวันนี้มันต้องมาถึง
     “ขอบคุณจริงๆ สำหรับเซอร์ไพรส์ในวันเกิด...เซอร์ไพรส์จริงๆ”
     ประมาณสองทุ่มกว่าๆ ต้อมก็กลับมาถึงห้อง ดูท่าเหมือนต้อมไม่กล้าที่จะสู้หน้าผมเท่าไหร่ ผมยิ้มให้อย่างใจเย็น เพราะมันคงดีกว่าการโวยวายใช้อารมณ์เป็นแน่ เพราะผมเชื่อว่าต้อมอาจจะสับสนอะไรอยู่
     “ต้อม ที่ต้อมพูดกับเนล...”
     “ต้อมอยากมีแฟนเป็นผู้หญิง แต่ไม่ได้หมายความว่าต้อมรังเกียจเนลนะ ต้อมก็ยังจะดีกับเนลเหมือนเดิม”
     “คนนั้นเป็นใครเหรอต้อม”
     “เพื่อนที่ทำงาน”
     “คบกันนานเท่าไหร่แล้ว”
     “เดือนนึง”
     “เหรอ...”
     “เนล ต้อมขอโทษนะ”
     “ไม่เป็นไรต้อม แหม...เนลทำใจได้ อย่างว่าแหละเราก็คบกันมานานแล้ว มันก็ถึงเวลาแล้วล่ะ”
     ที่ผมพูดออกไป ผมยอมรับว่าผมกำลังหลอกตัวเองอยู่ ผมเจ็บมากนะ แต่จะให้ผมทำยังไงล่ะ ในเมื่อเรื่องทุกอย่างมันเป็นแบบนี้แล้ว ผมเดินออกมาที่นอกระเบียงมองท้องฟ้า มองดาว มองทุกอย่างที่สายตาของผมจะสามารถกวาดมองได้ ส่วนต้อมก็นั่งซึมอยู่ในห้อง ต้อมก็คงเครียดไม่แพ้ผมหรอกครับที่เค้าตัดสินใจแบบนี้
     “ฮัลโหล...โจ้” ผมโทรหาโจ้ เพื่อต้องการใครสักคนไว้ให้ผมได้หย่อนใจในตอนนี้
     “ว่าไงพี่”
     “พี่เลิกกับต้อมแล้วนะ” ผมพูดไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้มีอาการซีเรียสใดๆ เลย มันเหมือนกับผมทำใจได้ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย
     “จริงเหรอพี่”
     “อืม ต้อมเค้าบอกว่าเค้ามีคนใหม่ เป็นเพื่อนที่ทำงานของเค้า เห็นบอกว่าคบกันมาได้เดือนนึงแล้ว”
     “พี่เนล แต่หนูว่าไม่ใช่อะ หนูว่าเป็นนังแนนมากกว่า”
     “ไม่ใช่หรอกโจ้ ต้อมเค้าบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานเค้า ไม่ใช่แนนหรอก”
     “พี่เนล จะยังไงก็ช่าง แต่หนูคิดว่าเป็นแนน” น้ำเสียงของโจ้ดูจริงจัง เหมือนกับมั่นใจมากๆ ว่าผู้หญิงคนที่ต้อม คบนั้นคือแนน ไม่ใช่เพื่อนที่ทำงานอย่างที่ต้อมบอกแต่อย่างใด
     “ทำไมโจ้คิดอย่างนั้นล่ะ แนนมันไม่กล้าทำแบบนี้กับพี่หรอก มันก็มีแฟนแล้วนะ แล้วมันก็สัญญากับพี่แล้วด้วย” ผมยังยืนกรานปักใจไม่เชื่อว่าแนนจะทำอย่างนี้ได้
     “หนูเคยแอบได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับต้อมหลายครั้งแล้วนะพี่”
     “แต่ต้อมเค้าบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานนะ”
     “ไม่รู้ล่ะ หนูเชื่อของหนูอย่างนี้แหละ แต่ว่าตอนนี้พี่เป็นไงบ้างอะ”
     “ไม่เป็นไรหรอก สบายมาก พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ” ผมวางสายโจ้ไป พร้อมกับคำถามมากมายในใจ แต่ใครล่ะจะช่วยผมตอบคำถามเหล่านั้น ผมเดินกลับเข้ามาในห้องด้วยอาการของคนที่สับสนในชีวิตอย่างมาก ต้อมละสายตาจากโทรทัศน์แล้วหันมามองผม
     “เนล โอเคนะ”
     “อืม ก็ไม่เป็นไรหรอก ทำใจได้ เออ...ถามอะไรหน่อยดิ คนที่ต้อมคบอยู่ไม่ใช่แนนใช่มั้ย”
     “ไม่ใช่ ก็บอกแล้วไงว่าเป็นเพื่อนที่ออฟฟิศ ทำไมถามงี้ล่ะ มีอะไรรึเปล่า”
     “เปล่าๆ ช่างเหอะ”
     คืนนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ หึ! ถ้านอนหลับลงก็คงเป็นเรื่องแปลกแล้วล่ะ เพิ่งจะโดนบอกเลิกมาสดๆ ร้อนๆ ใครจะทำใจได้เร็วขนาดนั้น ต่อหน้าต้อมปากก็บอกว่าทำใจได้ แต่ในใจมันร้าวระบมสุดๆ ทำไมมันต้องเป็นอย่างนี้ก็ไม่รู้ นับจากคืนนี้เป็นต้นไป ทุกๆ อย่างมันกำลังจะกลายเป็นอดีต จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วเหรอเนี่ย ภาพในวันวานมันเริ่มย้อนเข้ามาในสมองของผมอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ได้คบกัน ได้รักกัน จนมาในวันนี้ความรักที่ต้อมเคยมีให้ผม เค้ากำลังจะเอาไปให้คนอื่นแทนแล้ว

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 03-11-2008 12:37:48
แอร๊ยยยยยยยย

ค้างเคอะๆๆ

รีบมาต่อนะ

ต้องใช่แนนแน่ๆๆๆๆ :angry2: :เตะ1:แนน
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 04-11-2008 09:15:07
เลวว!!

เจ็บดีพิลึก  คนที่เราไว้ใจกลับมาดัดหลังเราซะเอง
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dorgchant ที่ 04-11-2008 10:54:45
 :o ค้าง...
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-11-2008 16:11:15
 :o

ไหงงั้นคะ

อ๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: tagloveX-Mark ที่ 05-11-2008 16:51:00
โห ค้างได้อีกอ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อยากรู้ตอนต่อไปไว ๆ จังเลยอ่าาาาาาาาาา
ร้อนใจ ๆๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 06-11-2008 15:08:13
มันเป็นเรื่องปกติจริงๆใช่มั๊ย 
ที่พออยู่กันไปนานๆ  ความรักมันจืดจางแปรผันตามวันเวลาที่อยู่ด้วยกัน   :sad2:
แล้วความผูกพัน  ความเข้าใจกันหล่ะ
มันก็จืดจางลงไปไม่แพ้กันใช่ป่าว    :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 09-11-2008 10:22:30
 :m23: ดันรอคุณเนลจ้า

รีบๆมาต่อเน้อ  เป็นกำลังใจให้ซาเหมอ  :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Glucose ที่ 09-11-2008 19:50:42
 o7  อ่านแร้วเศร้าจัง เจอแบบนี้ บางทีทำใจลำบากนะ

พูดกันบอกกันตรงๆชัดๆดีก่า ปิดบังเอาไว้ให้ระแวงสงสัยทำไม   จิตตกอย่างแรงเลยค้าบบบบ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 12-11-2008 10:56:57
ตอนที่ 14  o2 :m15:

     เช้าวันนี้ผมมาทำงานด้วยคำถามที่ติดค้างในใจมากมาย ผมเล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ๆ ที่แผนกฟัง ทุกคนให้กำลังใจผม ถึงแม้ใบหน้าผมจะดูยิ้มแย้มเหมือนคนทำใจได้ แต่ลึกๆ ข้างในมันยับเยินสุดๆ สิ่งที่โจ้พูดกับผมเมื่อคืนไม่ใช่ผมไม่คิดนะ ผมคิดตลอด ผมเข้าไปคุยกับแนนทันทีที่มันมาถึงที่ทำงาน
     “แนน พี่เลิกกับต้อมแล้วนะ”
     “อ้าว! ทำไมล่ะพี่”
     “ต้อมเค้ามีแฟนใหม่แล้ว”
     “ใครอะพี่”
     “เค้าบอกว่าเป็นเพื่อนที่ทำงานเค้า แนน...ถามจริงๆ นะ ไม่ใช่แนนใช่มั้ย”
     “จะบ้าเหรอพี่ ตั้งแต่ที่พี่หึงครั้งก่อน แนนก็ไม่กล้ายุ่งกับต้อมแล้วล่ะ”
     “แนนพูดจริงๆ เหรอ”
     “จะให้ไปสาบานที่วัดพระแก้วมั้ยล่ะพี่” แนนเริ่มขึ้นเสียงนิดหน่อย
     “อืม ก็ดีแล้วล่ะที่ไม่ใช่”
     “ทำไมพี่ถึงคิดว่าเป็นแนนล่ะ นังโจ้ใช่มั้ย”
     “……………..” ผมเลือกที่จะเดินออกไปนอกห้องโดยไม่ตอบอะไร แต่ก็ยังรู้สึกคาใจยังไงไม่รู้ ผมกดโทรศัพท์มือถือหาต้อมทันทีเพราะไม่อยากให้อะไรมันค้างคาใจอีกต่อไป
     “ต้อม เนลนะ”
     “ว่าไง”
     “ต้อม เนลถามจริงๆ นะ ตอบมาตรงๆ นะ เนลทำใจได้แล้วไม่ต้องห่วงหรอก ผู้หญิงคนที่ต้อมคบอยู่แนนใช่มั้ย”
     “ทำไมเนลถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”
     “ตอบมาเหอะต้อม”
     “ใช่!”
     ผมเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่เป็นครั้งที่สอง คำตอบของต้อมทำเอาผมแทบทรุดลงไปกับพื้น อะไรกันนี่ คนที่ผมดีด้วยทั้งสองคนกลับร่วมมือกันทรยศหักหลังผมได้ ผมไม่มีคำพูดใดๆ ที่จะพูดต่อกับต้อมอีกแล้ว ผมเดินกลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง แต่ไม่เห็นแนนแล้ว
     “พี่ แนนไปไหนแล้วล่ะ”
     “เดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกอะ”
     “พี่ แนนกับต้อมมันคบกันจริงๆ เนลเพิ่งโทรไปหาต้อมมา”
     “เวรกรรม”
     “ต้อมคงโทรมาหามันบอกว่าเนลรู้ความจริงแล้ว แล้วจะทำยังไงต่อล่ะเนล อย่าวู่วามนะ”
     พี่ๆ ที่ทำงานทั้งพี่ดา พี่อ๋อย และโจ้ต่างก็ช่วยกันปลอบใจผม เพราะคงกลัวผมขาดสติแล้วไปทำร้ายนังแนนเข้า ถามว่าผมโกรธมากมั้ย มากสิ มากซะจนผมทำอะไรไม่ถูก สักพักชะนีใจหมาก็เดินเข้ามาในห้อง มันไม่กล้าแม้แต่จะสบตาสู้หน้าเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะผมคนที่มันกล้าทำร้ายได้ลงคอ มันนิ่ง เงียบ ไม่พูดกับใคร เก็บกระเป๋า ปิดเครื่องคอมฯ แล้วเดินออกไปจากห้องทันที
     “พี่เนล ไม่เป็นไรหรอก ช่างมันเหอะ เรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว” โจ้พูดปลอบและให้กำลังใจผม
     “อืม ช่างมัน!”
     “มันจริงอย่างที่คิดไว้จริงๆ หนูเคยแอบได้ยินนังแนนคุยโทรศัพท์กับต้อมอยู่บ่อยๆ และมันก็ยังออนเอ็มคุยกันด้วย หนูก็บอกว่าอย่าไปยุ่งกับแฟนคนอื่น มันก็ปฏิเสธบอกไม่มีอะไร หนูก็พยายามเชื่อนะ แต่มันบ่อยจนหนูไม่เชื่อมันอีกแล้ว หนูไม่กล้าบอกพี่กลัวพี่ไม่เชื่อ”
     “ใช่ แล้วพี่ก็ไม่เชื่อโจ้จริงๆ น่ะแหละ ขอโทษด้วยละกัน พี่ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ คนที่พี่ไว้ใจทั้งสองคน ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้นะ”
     “ตอนที่นังแนนมันเข้าโรงพยาบาลเรื่องที่มันชักน่ะ ต้อมมันก็ไปเยี่ยมด้วยนะ แต่มันบอกหนูว่าไม่ให้บอกพี่”
     ผมอยากจะร้องไห้จริงๆ แล้วอยู่ๆ เรื่องราวก็เริ่มปะติดปะต่อเข้ามาในสมองผมอย่างรวดเร็ว เรื่องที่ต้อมไปต่างจังหวัดมันช่างประจวบเหมาะกับวันที่นังแนนไปต่างจังหวัดด้วยเหมือนกัน ต้อมทำได้ยังไงเนี่ย ตลอดเวลาที่อยู่กับผม เค้าก็แอบไปมีอะไรกับนังแนน ทั้งสองคนทำผมได้เจ็บแสบจริงๆ
     เย็นวันนี้ผมตัดสินใจเดินทางกลับบ้านที่ลำปางโดยที่ไม่บอกกับต้อมหรือกับใคร  ผมอยากกลับไปหาพ่อกับแม่ เพราะเวลาที่ผมไม่สบายใจหรือมีทุกข์เรื่องใดก็จะได้พ่อกับแม่นี่แหละที่คอยอยู่เคียงข้างและปลอบใจเสมอ...ผมคิดถึงพ่อกับแม่มาก
     ผมมาถึงที่บ้านเช้าวันรุ่งขึ้น เล่นเอาพ่อกับแม่เซอร์ไพรส์ไปตามๆ กัน ก็แน่ล่ะเล่นมากะทันหันอย่างนี้ใครบ้างล่ะจะไม่แปลกใจ ผมทักทายท่านแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว ไม่อยากให้ท่านรู้เรื่องอะไรตอนนี้ เลยขอตัวเข้าห้องก่อน ทันทีที่ปิดประตูห้องน้ำตามันก็ไหลทะลักเหมือนกับเขื่อนกักเก็บน้ำพังทลายก็ไม่ปาน เสียงสะอื้นของผมมันดังพอที่จะทำให้พ่อกับแม่วิ่งมาเคาะประตูเรียก ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านฟังทั้งน้ำตา ผมเหมือนคนสติเลื่อนลอย พูดจาวกไปวนมา ท่านทั้งสองก็ได้แต่ปลอบและกอดผมไว้ ผมไม่ได้ตั้งใจอยากจะเอาเรื่องไม่สบายใจมาระบายให้พ่อกับแม่ฟังหรอกนะครับ แต่ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว สิ่งเดียวที่คิดได้ก็คือกลับบ้านมาหาพ่อกับแม่เท่านั้น แต่ทว่าการกลับมาบ้านครั้งนี้มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่นัก หนำซ้ำยิ่งทำให้ผมเสียใจหนักเข้าไปอีกเมื่อได้รู้ว่าพ่อไม่สบายเป็นมะเร็งตับ พ่อต้องกุมท้องตัวเองไว้ตลอดเวลาจะลุกจะนั่งจะเดินเพราะความเจ็บปวด ผมไม่น่าเอาเรื่องไม่สบายใจมาให้ท่านรับรู้เลยจริงๆ ตอนนี้เท่ากับว่าผมมีเรื่องที่ต้องเสียใจถึงสองเรื่องซ้อนเลยทีเดียว!
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: animob ที่ 12-11-2008 12:42:26
 o7 คุณเนลเจอแต่ปัญหาหนักๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: imon ที่ 12-11-2008 13:01:23
ผมพลาดเรื่องนี้ไปด้ายงัย :m23:



หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: moonoi_sert ที่ 13-11-2008 09:52:24
 :m15:อ่านเรื่องนี้แล้วเศร้า แต่นึกถึงอดีต ตอนเดอะบีเปิดใหม่ คนเยอะมาก ๆ แหล่งรวมวัยรุ่นเมืองลำปางเลย แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วปิดไปแล้ว พี่เนลเข้มแข็งจังเลยนะโดนคนที่ไว้ใจหักหลัง :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 13-11-2008 10:46:33
เศร้าหงะ

 :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 14-11-2008 07:57:01
เชื่อป่ะ ปรกติอ่านเรื่่องของคนอื่นน่ะ เร่งยิก ๆ อยากอ่าน และพอได้อ่านต้องอ่านให้จบ
แต่มาเรื่องนี้ไม่กล้า ค่อย ๆอ่านไป บางทีอ่านไปได้นิดต้องปิดหนี ยอมรับ เจ็บแทนฉิบหาย

ยิ่งมาตอนล่าสุด แมร่งทำกันได้ ในความคิด ไม่อยากให้แนลเป็นแค่คนที่ต้องเสียสละ
อย่างน้อยเสียค่าปรับแค่ 500 มันก็คุ้มกับการได้ระบายซักนิด คิดไปนั้น กรรม

อ่านแล้วเหนื่อย แต่ก็อยากอ่าน โรคจิตพิลึก รู้ทั้งรู้ว่าจะต้องเศร้าตาม ไม่เข้าใจ



ว่าแต่ว่า ขอตืบมันทั้งคู่ก่อนได้ป่าว วุ๊ยจิตตก
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 14-11-2008 14:12:29
 :เฮ้อ: เจอเรื่องแบบนี้ไม่รู้จะว่ายังไง
ไม่แปลกใจเลย  ที่เค้าฆ่ากันตายด้วยเรื่องรักๆเนี่ย
ถ้าโดนหักหลังแบบนี้  อารมณ์อยากฆ่าแม่มให้ตายทั้งคู่นี่พุ่งปรี๊ดดดดดด   :เตะ1:
แต่ถ้าทำไปแล้ว  เราก็หมดอนาคตไปด้วยอ่ะ
ให้ชายโฉดหญิงชั่วได้อยู่ด้วยกันก็น่าจะดี   :call: ขอให้อยู่กันให้ยืดๆละกัน เชอะ

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 14-11-2008 19:34:54
ตอนที่ 15 :เศร้า1: :เศร้า1: :เศร้า1:

     หลังจากที่ผมเริ่มผ่อนคลายได้บ้างแล้ว ผมตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาต้อมเพื่อที่จะบอกว่ากลับมาลำปาง แล้วพยายามอ้อนวอนขอให้ต้อมกลับมารักผมเหมือนเดิม แต่มันก็เปล่าประโยชน์ เพราะต้อมบอกว่าเค้าได้ตัดสินใจแล้ว ผมคุยไปร้องไห้ไปไม่เป็นภาษาจนพ่อต้องเดินมาปลอบอีกครั้งแล้วคว้าโทรศัพท์ไปคุยกับต้อม
     “ต้อม มันอะไรกันน่ะ”
     “…………………...”
     “กลับมาเป็นเหมือนอย่างเก่ากันไม่ได้เหรอ”
     “……………………”
     พ่อคุยกับต้อมได้ไม่นานก็ยื่นโทรศัพท์ให้ผมคุยต่อ แต่คุยไปคงไม่มีอะไรดีขึ้นแล้วล่ะ ผมหันไปกอดพ่อ มันนานมากแล้วที่ผมไม่เคยได้ทำแบบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่แบบบอกไม่ถูกจริง
     ผมพักอยู่ที่บ้านได้เพียงสองวันก็ต้องกลับมาทำงานต่อ ก่อนกลับผมอดเป็นห่วงพ่อไม่ได้ ผมร้องไห้ไม่อยากให้พ่อเป็นอะไร ผมแอบเห็นน้ำตาของพ่อคลอเอ่อเหมือนกัน แต่พ่อพยายามกลั้นเอาไว้ไม่อยากให้ลูกเห็น พ่อเป็นตำรวจ พ่อเป็นคนที่อดทน แต่ผมสิอ่อนแอ ไม่ได้ครึ่งของพ่อเลย
     “จำเอาไว้ เราก็เป็นหนึ่งได้เหมือนกัน”
     “ครับพ่อ แม่ดูพ่อด้วยนะ เนลไม่เป็นอะไรแล้ว เนลจะโทรมาหาทุกวันนะ”
     ตอนนี้ความเสียใจจากเรื่องของต้อมถูกเรื่องของพ่อเข้ามาแทนที่แล้ว ทำไมชีวิตของผมมันต้องเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอย่างนี้นะ
     ทันทีที่ผมมาถึงกรุงเทพฯ ผมไปหาพี่สาวและเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ทั้งพี่สาวและพี่เขยบอกให้ผมย้ายมาอยู่กับเค้า ผมตอบตกลงเพราะในเมื่อต้อมเลือกทางเดินแบบนี้แล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะอยู่ด้วยกันอีก แต่ก่อนที่ผมจะกลับไปที่แมนชั่นเพื่อไปเก็บข้าวเก็บของ ผมแวะมาไหว้ศาลพระพรหมเพื่อความสบายใจ ขอพรท่าน แอบขอให้ต้อมเปลี่ยนใจกลับมารักผมเหมือนเดิม และขออย่าให้ได้เจออะไรอย่างที่ผมคิดเมื่อไปถึงที่ห้องเลย
     ผมมาถึงแมนชั่นประมาณ 9.30 น. อากาศวันนี้มันร้อนอบอ้าวผิดปกติ จากที่ใจผมร้อนรุ่มอยู่แล้วมันยิ่งทำให้ร้อนหนักขึ้นไปอีก เมื่อผมมาถึงที่หน้าห้อง ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ใจมันร้อนวูบวาบไปหมด ผมรวบรวมสติเคาะประตูห้อง  2-3 ครั้ง ต้อมเปิดประตูมาถึงกับผงะใบหน้าซีดเผือด ผมรับรู้ถึงความผิดปกติได้ทันที ผมผลักประตูห้องอย่างแรงทำให้ต้อมถึงกับเซกระเด็น สิ่งที่ผมเห็นนั้นคือนังแนนยืนตัวสั่นอยู่หลังประตู ต้อมโดดเข้ามากันผม เพราะกลัวผมจะเข้าไปทำร้ายนังแนน ผมกลั้นอารมณ์ไม่อยู่ตบหน้าต้อมอย่างแรงจนแหวนแตก แต่แปลกที่น้ำตาผมกลับไม่ไหลสักหยด ทุกอย่างมันแปรเปลี่ยนเป็นความโล่งใจ ไม่นานพี่สาวกับพี่เขยผมก็ตามมาช่วยเก็บของ เป็นอันว่าความรักของผมกับผู้ชายที่ชื่อต้อมก็มีอันต้องปิดฉากลง...อย่างไม่สวยงาม!
     ไยพระพรหมนำฉันให้มาได้เจอ พานพบเธอ แต่ให้เธอมีเค้าผูกพัน....

     1 เดือนต่อมาผมต้องเสียน้ำตาครั้งยิ่งใหญ่ให้กับผู้ชายคนที่ผมรักมากที่สุดในโลก พ่อจากผมไปโดยที่ผมไม่ทันแม้แต่จะมาเห็นวินาทีสุดท้ายของพ่อ ร่างของพ่อนอนอยู่บนเตียงไม้สวมชุดตำรวจสีขาวที่แม่ได้บรรจงเปลี่ยนให้ ผมก้มลงกราบพ่อ หอมแก้มพ่อ กอดพ่อ นอนซบตรงอกพ่อ...ผมรักพ่อมากนะครับ

                      ……………………………………………………………………….

     จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เกือบ 6 ปีแล้ว ผมยังไม่เคยมีแฟนอีกเลย ไม่ใช่ว่าผมเข็ดหรอกนะ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าต่อมอยากของผมมันคงตายด้านแล้วล่ะมั้ง (อ๊ะ! ล้อเล่นน่ะ) อืม...ไม่รู้สิ มันพูดยาก สมัยนี้หาคนจริงใจยากเหลือเกิน (อู๊ย! พูดอย่างกับว่าสมัยโน้นคนจริงใจหาง่ายงั้นแหละ) แต่ผมก็ขอบใจตั้มกับต้อมนะที่ทำให้ผมรู้จักคำว่ารัก มาเติมเต็มในสิ่งที่เกย์บางคนอาจจะไม่เคยเจอ (แต่ถ้าเจอแล้วไม่ดีก็อย่าเจอดีกว่าเนอะ)
     ถามว่าตอนนี้เหงามั้ย...บางครั้งก็เหงานะ แต่มันก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นแหละ แว้บๆ แล้วมันก็หายไป จริงๆ มันไม่ตื่นเต้นแล้วด้วยแหละ มันไม่เหมือนสมัยเรียนประถม มัธยม ที่มีความรักที หรือไปแอบชอบใครที โหย...แฮปปี้สุดพลัง อยากไปเรียน อยากแต่งตัว เวลามีกิจกรรมก็อยากแสดงให้เค้าดู ไปไหนมาไหนกันก็กุ๊กกิ๊กวัยหวานซ้ำยังอะโนเนะ ดูเซะ ดูเซะ แหม น่าเตะจะตาย เอ๊ย! น่ารักจะตาย พอมาตอนนี้ฟีลแบบนั้นมันหมดไปเหมือนวัยหมดประจำเดือนยังไงก็ไม่รู้ 555+
     “นี่อะไรกันอายุปูนนี้ยังไม่มีผัวอีกเหรอยะ อย่ามาเม้าท์ฉันไม่เชื่อหล่อนหรอกย่ะ ขอเหตุผลด่วนนนน”
“น้องเนลคิดว่าการที่เรายังไม่มีผัว ก็ไม่ใช่ว่าเราจะเป็นคนไม่ดี อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตเราก็เคยผ่านการมีผัวมาแล้ว ถึงทุกวันนี้จะไม่มีเราก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็สามารถเป็นคนดีของสังคมได้...ขอบคุณค่าาาาา”
     “ตกรอบ!!!!”

     ทำไมเมื่อมีความสุข ถึงต้องมีความทุกข์...แล้วทำไมเมื่อมีรัก ต้องมีคำว่าอกหักตามมา เหล่านี้คือคำถามที่ได้ยินบ่อยเหลือเกิน ซึ่งอยากจะบอกว่ามันก็เป็นสัจธรรมของชีวิตนั่นแหละ ก็เหมือนกับว่าเมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับ เมื่อมีมืดก็ต้องมีสว่าง สิ่งต่างทุกอย่างมันถูกสร้างให้มาคู่กัน เพราะฉะนั้นหากเราได้หรือว่ามีสิ่งใดๆ มาแล้ว ก็ขอให้เผื่อใจไว้บ้างว่า สักวันมันก็อาจจะไปจากเรา!

 
   .      .................................................................


 (ไว้เจอกันใหม่นะครับ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ช่วยคอมเม้นท์)
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: animob ที่ 14-11-2008 20:17:30
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่เขียนให้อ่านด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: andy_kwan ที่ 14-11-2008 23:55:24
อย่างน้อยก็เคยมีแล้วชิมิ นู๋เนลอย่าคิดมากเลย
ว่าไปแล้วเรื่องเก่าๆของป้าขวัญก็เจ็บแสบไม่แพ้กันหรอกนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: kongkilmania ที่ 18-11-2008 11:33:41
 :pig4: สำหรับประสบการณ์ที่คุณเนลนำมาเล่าสู่กันฟัง
เป็นสีสันของชีวิตที่ถึงแม้จะเริ่มจากชมพูหวานแหวว
แล้วกลับกลายเป็นช้ำเลือดช้ำหนองก็เหอะ
จะว่าไป  มันดีหรือแย่กว่าการไม่มีประสบการณ์ใดๆเลยแบบเราน้อ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: marchmenlo ที่ 18-11-2008 16:18:36
ขอบคุณพี่สำหรับประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมามาเล่าให้สู่กันฟัง ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าประทับใจก็เห่อะน่ะ

แต่ก็อย่างว่า ขาดเขาเราไม่ตาย ทุกวันนี้ก็ยังอยู่ได้ จิงม่ะ

ถ้ามีเรื่องเล่าประสบการณ์ดี ๆ ก็มาต่อเติมเล่าสู่กันฟังอีกน่ะพี่ จุ๊ฟ ๆ  :-[
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Just let it be ที่ 19-11-2008 10:33:27
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องนี้นะครับ

เป็นกำลังใจให้

 :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 19-11-2008 10:54:51
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์

อ่านแล้วรู้ซึ้งเลย   :เฮ้อ:

เป็นกำลังใจให้นะ

สู้ๆๆๆ

 :กอด1:

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 08-01-2009 11:03:35
 :z2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: RN ที่ 08-01-2009 14:28:20
จิ้มๆๆ มีอะไรมาต่อมั้ยยย

อยากอ่านๆๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: ninaprake ที่ 10-01-2009 04:32:01
อ่านแล้วเศร้าโคตร T_T

เป็นกำลังใจให้นะครับ .... อย่างน้อยการได้มีความรัก ได้รู้จักความรัก มันก็ยังดีนะครับ ชีวิตครบรสไปเลย  ...

เห้ออ ... ว่าแล้วก็รอกันต่อปายยย
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: dokjarn ที่ 10-01-2009 13:16:57
:sad11:

แอบเศร้า...รับขวัญวันเด็กจริงเลย

กะไว้ไม่ได้คลาดเคลื่อนแม้แต่น้อย อิ อิ

ชีวิต..ก็เป็นเงี้ย  เห็นใจเจ้าของเรื่องมากมาย

เผอิญ   ชอบลำปาง เลยอินเข้าไปใหญ่

ไม่รู้คนแต่งไปใหนแล้วจะเข้ามาเขียนเรื่องใหม่ป่าว

กด +ให้ด้วยความขอบคุณน้า...

 :z10: :pig4: :pig4: :z10:
 :z2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: GajonG ที่ 10-01-2009 15:25:11
เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :a2:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: faareeyong ที่ 11-01-2009 08:44:21
เศร้ามากมาย  :m15: :monkeysad: :sad11:

เนล ชีวิต รันทดยิ่งนัก  :sad4: :sad4:

ขอบคุณเรื่องดีอน่างนี้ :pig4:  o13

 :call: :call: :call:

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: ppangg ที่ 11-01-2009 19:59:33
ไม่รู้จะเม้นไร
รู้แต่ว่า อ่านแล้วเศร้าง่ะ
แค่เนี้ย....จบ.
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: fayossy ที่ 12-01-2009 16:27:32
ขอบคุณสำหรับประสบการ์ณหรือเรื่องเล่านะ

อ่านแล้วเศร้าจัง แต่ถ้าอยุ่คนเดียวแล้วมีความสุขก็ไ่ม่เห็นต้องง้อใครเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 13-01-2009 23:57:03
ขอบคุณเนลนะจ๊ะที่มาแบ่งปัน

เศร้านิดนึง  :monkeysad:

 :beat:เกลียดนังแนนจริงๆ


เข้าใจอ้ะ คนเราเวลาจะไป คือจะไป เค้าไม่ได้มาสนใจคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นหรอก

สู้กันต่อไปนะเนล  สู้ๆๆนะ :L2:

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Miocron ที่ 19-01-2009 03:44:07
ขอบคุณนะคะ สำหรับเรื่อง ดีๆ ที่ให้อ่าน อิอิ แอบตอบ เหมือนนางงามนิดส์นึง   
อ่านแล้วรู้สึกถึงโศกนาฏกรรม ความ รัก จริงๆ  เศร้ามาก มายย พี่เนล ก้อสู้ๆ นะคะ
อ่านแล้ว รู้สึกว่า คนที่รักเรามากๆๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน มีแต่ พ่อ แม่ และ พี่น้องเรา จริงๆ

เป็นกำลังใจให้ ค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 09-03-2009 19:08:07
ขอบคุณที่ยังมีคนเข้ามาอ่าน มาเม้นท์ ดีใจจังเลยอะ :sad4:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: namtaan ที่ 12-03-2009 04:08:08
^
^
 :z13:
อ้ะ คนแต่งเข้ามาดูด้วย ขอจิ้มหน่อยนะ
งั้นขอบอกเลยนะจ๊ะว่า ส่งลิงค์เรื่องนี้ให้เพื่อนอ่านด้วยนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 13-03-2009 16:45:40
 :beat: :z6: นังแนน กับไอ้ต้อม เลวสิ้นดี  :angry2:

 :กอด1: พี่เนล ขอบคุณที่เล่าเรื่องราวดีๆ ให้ได้อ่านกันนะ



สุดท้ายมันจะจบ สุดท้ายมันจะผ่านไป แต่ชีวิตยังต้องเดินต่อไป  :o12:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: imageriz ที่ 19-03-2009 16:33:06
 :pig4:ขอบคุณที่นำเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาแบ่งปันมาเล่าสู่กันฟัง

ถึงแม้เรื่องราวจะจบแบบ ไม่แฮปปี้เอนด์ดิ้ง  :pig4:

ขอให้เนลเจอคนที่ดี และเจอรักที่แท้จริงนะ   :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: nuichanel ที่ 03-04-2009 12:20:40
อยากให้เพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้อ่าน ลองมาอ่านกันดูนะครับ :L1:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: patz ที่ 04-04-2009 18:34:55
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ที่มีให้อ่านครับ


เป็นกำลังใจให้คุณเนลด้วยอีกแรงครับ สู้ๆ  :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: mk_restaurant ที่ 23-05-2009 04:01:48
ขอบคุณคร๊าบบบบบบบ
เกลียดคนโหกจิงจิ๊งงงงงงงงงง
 :m31:
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: ltahset ที่ 18-10-2009 14:35:13
เฮ้อออ

คนเราทำกันได้

เรื่องร้ายๆที่ผ่านเข้ามาก็ขอให้ผ่านไป
ต่อไปนี้ขอให้เจอแต่เรื่องดีๆนะคะ

^^
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: rainy_naja ที่ 25-12-2010 09:28:10
merry★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
•。★Christmas★ 。* 。
° 。 ° ˚* _Π_____*。*˚
˚ ˛ •˛•*/______/~\。˚ ˚ ˛
˚ ˛ •˛• | 田田|門| ˚★ 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •
Jaaaaaaaa \\(^^)//
หัวข้อ: Re: หนอนใบตอง by RakorN ตอนที่27: เปลี่ยนใจ หน้าที่ 68 [16.12.10]
เริ่มหัวข้อโดย: TanyaPuech ที่ 27-12-2010 22:07:08
อ่นรื่องของพี่นลบอกตรงๆว่ทห้กลัวที่จมีควมรักลย กลัวจิงๆ
ต่ขอบคุณสหรับรื่องนี้คับ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 20-05-2011 17:42:36
“น้องเนลคิดว่าการที่เรายังไม่มีผัว ก็ไม่ใช่ว่าเราจะเป็นคนไม่ดี อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตเราก็เคยผ่านการมีผัวมาแล้ว ถึงทุกวันนี้จะไม่มีเราก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็สามารถเป็นคนดีของสังคมได้...ขอบคุณค่าาาาา”
     “ตกรอบ!!!!”

โดนคะ


ไม่เป็นไรหรอกคะ อย่างน้อยเราก็ได้รัก

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 24-08-2012 20:51:26
เด็กเมืองรถม้า ^^

ความรักจากคนอื่นมักอยู่กับเราได้ไม่นาน

ผมพยายามเตือนตัวเองตลอด แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ง่าย

หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-09-2012 02:13:19
เรื่องเศร้ามาก แสบทรวง
ต้อมไม่น่าเลย ทรยศหักหลังอย่างเลือดเย็น
คนเขียนท่าทางเป็นคนสนุกสนานเฮฮาไม่เครียด
แต่ชีวิตรัก ฮาไม่ออกเลย
สำนวนภาษาดีมาก น่าจะเขียนเรื่องอื่น ๆ อีกนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 09-01-2016 20:51:22
เพิ่งมาอ่านน สนุกดีอะ น้ำตาคลอเลยยย
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 14-01-2016 01:13:10
ขอบคุณคับที่มาเขียนเล่าให้ฟัง เรื่องดีๆแบบนี้ เพิ่งมาอ่าน อ่านแล้วชอบมากๆคับ อ่านแล้วเห็นสัจธรรมเลย ที่ใดมีรัก ที่นั้นมีทุกข์ จริงๆ ก็มันเป็นความจริงนี่เนาะ   
     คนลำปางเหมือนกัน สู้ๆ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องแซบๆ แต่แอบเศร้าของผู้ชายคนหนึ่งใน The Diary ครั้งหนึ่งผมก็เคยมีผัว
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 25-06-2017 12:40:42
 :mew1: