พิมพ์หน้านี้ - เรื่องสยองของสองเรา The series : รถเมล์เที่ยวสุดท้าย END (02/10/17)
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: azure ที่ 19-09-2017 21:13:31
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับเรา
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
..........................................................
สวัสดีค่า
คุยกันหน่อย เรื่องสยองของสองเรา The series นี้จะเป็นเรื่องสั้นหลายๆเรื่อง
บางเรื่องอาจจะแค่ตอนเดียวจบ บางเรื่องอาจมี2-3จบ เนื้อก็จะหลากหลายแนว
ทั้งตลก สายดาร์ก หรือแม้แต่ผู้ชายท้องได้ และแต่ละตอนก็จะไม่เกี่ยวข้องกัน
ทั้งสถานที่และตัวละคร สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ จะมีเรื่องราวของสิ่งลี้ลับเข้ามาเกี่ยวข้องทุกตอน อิอิ
หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ <3
ฝากเรื่องสั้นอีกเรื่อง
[Mpreg] ตัวเมีย ★☆ Mating Season (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=50031.0) จบแล้ว
-
เรื่องสยองของสองเรา The series
ตอน รถเมล์เที่ยวสุดท้าย 1.1
คืนหนึ่งที่เกาะโอกินาว่า เด็กนักเรียนชายคนหนึ่งมัวแต่ทำกิจกรรมกีฬาที่โรงเรียนเพลินจนลืมเวลา แต่ยังโชคดีที่ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้ายของเกาะที่จะกลับบ้าน รถเมล์นั้นแล่นไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่คุ้นเคย
จนเมื่อรถเคลื่อนตัวมาถึงแถบชานเมืองที่ไม่ค่อยมีบ้านเรือนสักเท่าไร ผู้โดยสารบนรถเมล์ก็เหลือเพียงไม่กี่คน กระทั้งรถได้จอดส่งผู้โดยสารคนหนึ่งที่ป้ายและก็ได้มีผู้โดยสารใหม่หนึ่งคนขึ้นมาเช่นมากัน เป็นชายแก่ผมขาวบาง ร่างกายซูบผอมเสื้อผ้าก็ดูมอมแมม เมื่อรถเริ่มออกตัว ชายแกคนนั้นก็ค่อยๆเดินไปก้มจ้องตาผู้โดยสารที่เหลืออยู่บนรถทีละคน ทีละคน
เด็กชายที่นั่งอยู่ท้ายรถเห็นท่าทางแปลกๆของชายชราก็ได้แต่จ้องมองด้วยความสงสัยว่าทำไมไม่มีใครต่อว่าพฤติกรรมเสียมารยาทของคนๆนี้เลย พากันนั่งเฉยหมด
สุดท้ายชายชราร่างซีดเซียวคนนั้นก็หยุดนิ่ง ก้มหน้าและไม่เคลื่อนไหวใดๆอยู่ตรงกลางทางเดินของรถ และจู่ๆก็หันขวับขึ้นมามองเด็กหนุ่มด้วยดวงตากลวงโบ๋ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าประชิดเด็กชายอย่างรวดเร็วและตะโกนจากปากที่เหม็นสาบมีแต่น้ำเหลืองไหลออกมาว่า
‘แกมองเห็นฉันใช่ไหม?!’
“อ๊ากกกกกกกกกก!!!”
“ฮะๆๆๆๆ มะเฟืองแกแหกปากร้องซะดังทำไม ดูซิคนอื่นเขาตกใจกันหมดแล้ว ” เก่งหรือนายเก่งกาจผู้เล่าเรื่องสยองขวัญหัวเราะชอบใจกับปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมงานที่แหกปากดังลั่นโรงอาหารจนเป็นจุดสนใจขึ้นมาทันที คิดไม่ผิดที่เล่าเรื่องผีที่เพิ่งได้ฟังจากเพื่อนคนญี่ปุ่นที่มาจากโอกินาว่า
“โหยยย ไอ้เก่ง แล้วมึงจะยื่นหน้ามาเข้าใกล้กูเหมือนผีในเรื่องทำไมห๊ะ?!” มะเฟือง หรือสายชล ต่อว่าอย่างโมโห กลัวก็กลัว อายก็อายพนักงานคนอื่นเขาแต่ก็ทำอะไรไอ้เพื่อนตัวแสบนี้ไม่ได้ จึงได้แต่นั่งฮึดฮัด
คิคิ น้องมะเฟืองน่ารักเลย
ขนาดตกใจยังทำหน้าตาน่ารัก ฮะๆ
เสียงซุบซิบจากเหล่าคนของโรงงานที่มานั่งทานอาหารกลางวันในบริเวณนั้นทำเอามะเฟืองหน้าแดงเถือก เขาไม่อยากดูน่ารักในสายตาบรรดาสาวๆ แต่เพราะต้องอยู่ใกล้เก่งที่หน้าคมเข้มและตัวเขามักจะถูกใครๆแกล้งด้วยความรักตลอดเวลา ภาพพจน์จึงเป็นเด็กน้อยที่น่าเอ็นดูเสมอมา ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ใช่เด็กจบใหม่ เริ่มทำงานที่โรงงานซอฟแวร์แบรนด์ญี่ปุ่นแห่งนี้มาได้หลายปีแล้ว
“นี่ทำปากพะงาบๆอยู่ได้ รีบเอาจานไปเก็บเร็ว จะได้ไปเคียร์งานต่อ วันนี้ศุกร์เราจะได้กลับบ้านกันอย่างสบายใจไง” พูดจบเก่งกาจก็ยีหัวมะเฟืองเล่นและลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ ทิ้งให้นายเอกของเรายังนั่งอ้าปากพะงาบๆอยู่ เพราะนึกคำด่าเพื่อนตัวแสบไม่ทัน....
ใช่แล้วท่านผู้อ่านทุกอ่าน โรงงานของพวกเรานั้นตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชานเมืองแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ แต่ครั้นจะให้ขับรถไปกลับทุกวันก็ไม่ไหว เพราะก็ไกลเอาการอยู่ ทางโรงงานจึงมีสวัสดิ์การหอพักให้สำหรับคนงาน และบ้านพักหลังเล็กๆสำหรับพนักงานออฟฟิศในเช่าอยู่ในราคาแสนถูก ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงนิยมพักอยู่กับบริษัทในวันธรรมดา แล้วค่อยกลับบ้านในเมืองหรือนอกพื้นที่ในช่วงวันหยุดโดยอาศัยรถสวัสดิ์การของบริษัทอีกเช่นกัน
เนื่องจากสายชลทำงานอยู่แผนกบัญชี เขาจึงต้องใจทำงานเป็นพิเศษเพราะไม่อยากมีปัญหาเรื่องเงินทองตกหล่น ต่างจากเก่งกาจที่เป็นวิศวกรด้านคอมพิวเตอร์ เมื่อหมดชั่วโมงทำงานก็ถือว่าจบงาน ยกเว้นว่าถ้าได้อยู่เวรที่โรงงาน หากโปรแกรมของเครื่องจักรหรือส่วนอื่นๆของโรงงานมีปัญหาจะได้เข้าแก้ไขได้ทันที
“นี่มะเฟือง กะจะเป็นพนังงานดีเด่นปีนี้หรือไงห๊ะ?” เมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลขแปด เก่งกาจก็อดไม่ได้ที่จะต้องแขวะเพื่อนตัวเองอีกครั้ง เพราะไม่งั้นมะเฟืองอาจจะต้องตกรถบัสเข้าเมืองรอบสุดท้ายก็ได้
“แหะๆ ขอโทษทีเก่ง ฉันทำงานเพลินอีกแล้ว เดียวจะรีบเก็บของเดียวนี้แหละ” ว่าแล้วสายชลก็รีบกุลีกุจอกวาดของใช้ที่จำเป็นลงกระเป๋าเป้ของตัวด้วยความเร็ว เพราะเกรงใจที่อีกฝ่ายต้องคอยมารอเขาอยู่เสมอ
คืนวันศุกร์เช่นนี้บริเวณโรงงานและเขตบ้านพักนั้นเงียบวังเวงมาก เพราะคนส่วนใหญ่มักเดินทางกลับบ้านตัวเองกันเกือบหมด กว่าจะเดินมาถึงจุดขึ้นรถหน้าโรงงานนั้น สายชลที่ค่อนข้างขวัญอ่อนจับแขนข้างหนึ่งของเก่งกาจแน่นจนแทบเป็นเหน็บ ทั้งคู่เลือกนั่งท้ายคันรถเพราะว่างทั้งแถว เพราะกว่าจะถึงปลายทางก็เกือบๆสองชั่วโมงถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากไปนั่งเบียดกับใคร
“นี่ นายคิดถึงเรื่องที่ฉันเล่าเมื่อเช้าเหรอ?” เก่งกาจเอ่ยแซวเพื่อนตัวเล็กที่มีท่าทีวิตกกังวลเล็กน้อย ทำไมเขาจะไม่รู้ ก็เพราะไอ้รถบัสสวัสดิ์การเนี่ย จริงๆมันคือรถเมล์ญี่ปุ่นเก่า ที่ทางท่านประธานชาวญี่ปุ่นทำเรื่องซื้อมาใช้งานที่ไทย เพียงแต่ทำเรื่องเอกสารทางราชการนิดหน่อย ก็ได้ของราคาไม่แพงและสภาพยังดีอยู่มาใช้ให้เป็นประโยชน์กับทางบริษัท
“มันก็จะแอบหลอนๆหน่อยอ่ะนะเก่ง” สายชลลูบแขนตัวเองเล็กน้อยเพราะรู้สึกขนลุกอย่างหาสาเหตุไม่ได้ แต่ก็พยายามไม่คิดมาก อย่างน้อยเก่งกาจก็นั่งข้างเขาจนไปถึงออฟฟิศใหญ่ในเมืองที่พวกเขาจอดรถไว้เป็นจุดหมายปลายทางนั้นแหละ
ไม่นานนักเมื่อถึงเวลา รถก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ ก่อนจะวิ่งไปตามเส้นทางเรียบชายเมืองไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบเร่ง จนกระทั่งมาถึงจุดแวะพักกลางทางที่มีบรรดาร้านขายของเรียงรายอยู่หลายร้าน คนขับก็จอดรถข้างทางและดับเครื่อง ก่อนจะบอกบรรดาพนักงานว่ารถจะจอดสิบนาทีใครอยากจะลงไปทำธุระส่วนตัวหรือหาอะไรทานก็ให้รีบไปรีบมา สายชลที่แอบหิวนิดๆจึงลงไปซื้อลูกชิ้นทอดมาถุงเบ้อเร่อกินกับเก่งกาจหมดภายในพริบตา ก่อนจะรีบกลับขึ้นบนรถ เมื่อเหลือเวลาอีกไม่กี่นาทีก่อนรถจะออกคนขับก็สตาร์ทรถและเปิดประตูรอผู้โดยสารที่เหลือ ทันใดนั้นเองสายชลก็สังเหตุเห็นชายชราแปลกหน้าเดินขึ้นมาทางประตูด้านหน้ารถ
เมื่อเพ่งมองดูดีๆสายชลถึงตาโตและขนลุกเกรียว เพราะชายชราคนนั้นมีผมขาว รูปร่างผอมเกรงและแต่งตัวมอซอ... แต่ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ ชายชราผู้นั้นค่อยๆเดินไปหาผู้โดยสารบนรถและก้มลงมองหน้าทีละคน ทีละคน เหมือนสิ่งที่เก่งกาจเล่าให้เขาฟังไม่มีผิด!
“กะ..เก่ง..” สายชลพยายามกระซิบเรียกเพื่อนตนให้เบาที่สุดพร้อมกระตุกแขนเสื้อ เมื่อเก่งกาจหันมา สายชลรีบทำท่าจุ๊ปากเพื่อนไม่ให้อีกฝ่ายส่งเสียงก่อนจะชี้นิ้วไปทางบุคคลปริศนา
“เฮือก...” สายชลได้ยินเสียงคนข้างๆกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมกลับเหงื่อที่เริ่มแตกพลักๆ
เก่งกาจรีบก้มหน้าลงพร้อมบีบมือสายชลแน่นและกระซิบรอดไรฟันออกมาให้เพียงแค่สายชลและตนเท่านั้นได้ยิน
“อย่าสบตามัน ทำเป็นไม่เห็นนะ”
ชายชราเดินไปหาผู้โดยสารทีละคนๆ โดยที่ไม่มีใครมีปฏิกิริยาหรือพูดอะไร ราวกับว่าไม่มีใครมองเห็น
ตุบ ตุบ ตุบ
ยิ่งเสียงฝีเท้านั้นเข้าใกล้พวกเขาเข้ามาเรื่อยๆตัวสายชลก็สั่นระริกมากยิ่งขึ้น จนเก่งกาจเป็นกังวลว่าถ้าวิญญาณตัวนั้นรู้ละว่าพวกเขามองเห็นมันล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น?!
ในช่วงเสี้ยววินาทีก่อนที่เสียงฝีเท่าคู่นั้นจะมาหยุดอยู่ข้างๆพวกเขา เก่งกาจตัดสินใจในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด นั้นคือเงยหน้าขึ้นแล้วใช้มือข้างหนึ่งเชยค้างมนของสายชลให้หันมาทางเขาก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ไม่เอาน่าที่รัก อย่าโกรธกันเลยนะ ฉันสำนึกผิดแล้ว” โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยอะไร เก่งกาจกดจูบลงไปที่ปากบางของอีกฝ่าย และใช้แขนอีกข้างที่ยังว่างอยู่รั้งตัวบางของสายชลให้หันมาทางเขา สายชลจะได้มองวิญญาณตัวนั้นไม่เห็น
สายชลที่ทั้งกลัวและตกใจกับสิ่งที่ไม่คาดว่าเพื่อนตัวเองจะทำ จนทำอะไรไม่ถูกก็ปล่อยให้เก่งกาจทั้งจูบทั้งกอดโดยไม่ทักท้วงใดๆ ไม่นานทั้งสองก็ได้ยินเสียงวิญญาณของชายชราตนนั้นพึมพัมอะไรสักอย่างก็จะค่อยถอยออกและหายไปในที่สุด
“ออกรถละน้า!” จนกระทั่งได้ยินเสียงคนขับตะโกนบอกผู้โดยสาร ทั้งสายชลและเก่งกาจก็รีบพละออกจากกันเหมือนโดนของร้อน ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าสู้หน้ากันเพราะเขินอายในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ ได้แต่นั่งเงียบจนถึงปลายไปทาง
แต่ทั้งคู่ก็หารู้ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งบางอย่างที่พวกเขาคาดไม่ถึง....
TBC…….
คุยกันท้ายเรื่อง ก่อนอื่นเลย เนื้อหาในตอนนี้ได้ไอเดียวมาจากเพื่อนญี่ปุ่นที่มาจากโอกินาว่าเป็นคนเล่าให้ฟัง พอเราเอาไปเสิร์ชหาในเนตดันไม่เจอ ดันเจอเรื่องผีอันอื่นแทนซะงั้น ฮะๆๆๆ
เรื่องนี้สองตอนจบ พิมพ์เสร็จแล้ว เหลือแต่เกลาสำนวนอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง แล้วจะรีบเอามาลงต่อ อย่าลืมติดตามกันนะคะ
-
ตามค่า อิอิ
-
ผีจริงอ่อ??? รอจ้า :ling3: :ling3: :ling3:
-
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ตามอ่านจ้า
-
รถเมล์เที่ยวสุดท้าย 1.2 END
และแล้วเช้าวันจันทร์ของสัปดาห์ใหม่ก็มาถึง เก่งกาจขับรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อคันโตมาโฉบรับสายชลถึงหน้าบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ วันนี้พวกเขาสองคนจะขับรถไปโรงงานกันเองแทนที่จะโดยสารรถสวัสดิ์การของบริษัทเหมือนทุกครั้ง เพราะเรื่องราวในคืนนั้นยังติดอยู่ในหัว ลำพังตัวเก่งกาจเองนั้นไม่เท่าไร แต่สายชลนี่ซิเครียดถึงขนาดนี่ว่าไม่อยากไปทำงานกลัวว่าจะได้เจอวิญญาณตัวนั้นอีกระหว่างทาง ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน เก่งกาจจึงเสนอตัวเป็นสารถีมารับ
เมื่อสายชลเปิดประตูขึ้นนั่งฝั่งข้างคนขับก็กล่าวทักทายกันเล็กน้อย เก่งกาจสังเกตได้ว่าคนตัวเล็กยังมีอาการอายๆอยู่บ้าง ก็แน่ล่ะ อยู่ดีๆโดนผู้ชายด้วยกันจูบมันก็ต้องมีตะคิดตะควงในกันบ้างไม่มากก็น้อย แต่คนตัวเล็กกว่าก็พยายามทำตัวให้เป็นปรกติมากที่สุด เพราะรู้ว่าเก่งกาจจูบตัวเองนั้นเพราะต้องการจะช่วยตนไม่ให้เห็นวิญญาณ
รถคันโตเล่นฉิวออกมาจากตัวเมืองเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อถึงสี่แยกใกล้จุดพักกลางทางที่เกิดเหตุสยองคราวที่แล้ว สายชลก็เกิดอาการกระสักกระส่ายจนเห็นได้ชัด เพราะเอาเข้าจริงๆพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่า วิญญาณตนนั้นติดอยู่กับรถบริษัทหรือสถานที่แห่งนั้นกันแน่ เก่งกาจจึงตัดสินใจเลี้ยงซ้ายเข้าไปใช้ทางของหมู่บ้านแทนที่จะวิ่งบนถนนหลวงอย่างปรกติ ถึงแม้จะมันช้าและอ้อมไกลกว่า แต่อย่างน้อยก็เพื่อความสบายใจของสายชล
เมื่อถึงออฟฟิศในตัวโรงงาน ทั้งสองหนุ่มก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่แปลกไป เพื่อนพนักงานหลายคนก้มหน้าหลบตา ไม่ยอมมองมาที่พวกเขา บางคนก็แอบหัวเราะคิกคัก และบางคนก็ทำตาหน้าเหมือนพวกเขาเป็นสิ่งแปลกประหลาด....
มันเกิดอะไรขึ้น?!
หมับ!
“เก่ง นายว่ามันแปลกๆไหม? “ แม้แต่สายชลเองก็รู้สึกถึงสิงผิดปรกตินี้ได้จนเดินเข้ามาจับแขนเก่งกาจจนแน่น
ทั้งสองเดินมาเรื่อยๆจนใกล้ถึงลิฟต์ที่ชั้นล็อบบี้ ก็สังเกตเห็นผู้คนรุ่มล้อมกันอยู่ที่บอร์ดประกาศของบริษัทจึงเดินเข้าไปดูด้วย ภาพที่เห็นทำให้ทั้งเก่งกาจและสายชลถึงกับอึ้งและตกใจมาก เพราะนั้นคือรูปของเขาสองคนที่จูบกันบนรถบัสของบริษัทเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา พร้อมคำบรรยายใต้ภาพเขียนว่า “คู่รักหวานชื่น ไม่แค่ร์สายตาใคร”
คุณพระช่วย! มนุษย์กล้องที่ไหนแอบถ่ายแล้วปริ้นใส่กระดาษเอสี่แล้วมาแปะประจานพวกเขากันเนี่ย?!
“สายชล เก่งกาจจ๊ะ ... หัวหน้าเรียกพบ เดียวนี้เลย....”และแล้วเสียงของพี่ขวัญรุ่นพี่ในแผนกบุคคลก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ เรียกสติทั้งสองคนกลับเข้าร่าง
จอมขวัญเดินนำเด็กหนุ่มรุ่นน้องทั้งสองไปยังห้องประชุมที่จะใช้เป็นสถานที่สอบสวนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตึกเธอเองนั้นก็มีสีหน้าลำบากใจ เพราะเธอรู้ว่าเด็กทั้งสองนั้นเป็นพนักงานที่ดี แต่อย่างไรซะ กฎก็ต้องเป็นกฎ
กฎที่ว่านั้นก็คือ บริษัทแห่งนี้พนักงานห้ามมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว หากอยากที่จะคบหรือแต่งงานกัน คนใดคนหนึ่งต้องลาออก เพื่อป้องกันปัญหาภายในต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในภายภาคหน้า บริษัทญี่ปุ่นหลายๆแห่งก็ใช่กฎเกณฑ์เดียวกัน
“อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรหรอกน่า” เก่งกาจพูดปลอบใจเพื่อนตัวน้อยพร้อมกับยีหัวเล่นเพื่อนเรียกขวัญกำลังใจให้อีกฝ่ายที่ตอนนี้ทำหน้าเหย๋เกเหมือนจะร้องไห้ ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปให้ห้องที่มีหัวหน้าและคนของบริษัทอีกสองสามคนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว
แรกๆการสอบสวนก็เป็นไปอย่างเคร่งเครียด แต่ก็เริ่มผ่อนคลายลงได้เพราะเก่งกาจ ทำหน้าซื่อตาใสอธิบายให้คณะสอบสวนฟังว่า วันนั้นเขากับชายชลกำลังคุยกันเรื่องฉากนางเอกง้องอนกับพระเอกในซีรี่ย์เกาหลีเรื่องหนึ่ง แล้วเขาอินจัดไปหน่อยเลยแสดงให้สายชลดูแบบสมจริงสมจัง แล้วที่ดูเหมือนพวกเขาจูบกันแล้วจริงๆนั้นเป็นเพราะมุมกล้อง ไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้นนนนน
หลังจากโดยหัวหน้าแผนกของทั้งสองบ่นและอบรมอีกพักใหญ่ ทั้งสองก็ถูกปล่อยตัวออกมาจากห้อง
“โหยยย มีเรื่องไม่หยุดไม่หย่อนจริงๆ.... ดีนะที่หัวหน้าเชื่อนาย” สายชลบ่นอุบ หลังจากที่โดนสอบสวนอยู่เกือบๆสองชั่วโมง ทั้งสองก็แอบมานั่งกินกาแฟเย็นที่โต๊ะม้านั่งหินอ่อนหลังออฟฟิศปลอบขวัญตัวเอง
“นี่คิดอยู่ว่าถ้าเขาไม่เชื่อ สงสัยฉันต้องขอย้ายกลับไปทำที่ออฟฟิศใหญ่ในตัวเมืองแทน”
“หือ? ทำไมล่ะ? “ สายชลที่ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด ถามขึ้นมางงๆ
“อ้าว ถ้าเขาไม่เชื่อแปลว่าต้องมีคนใดคนหนึ่งลาออกใช่ไหม? ฉันก็ต้องรับผิดชอบนายเพราะฉันเป็นคนสร้างเรื่อง ฉันก็จะให้นายลากออกแล้วไปอยู่บ้านฉันไป ถ้านายเบื่อๆก็รับทำบัญชีเป็นพาร์ทไทม์ก็ได้ ส่วนฉันก็ย้ายมาอยู่ที่ออฟฟิศใหญ่จะได้กลับบ้านไปหานายทุกวัน ไม่ดีเหรอมะเฟือง?” เก่งกาจพูดถึงแผนสำรองที่ตนคิดไว้ยาวเหยียด แต่สายชลก็ยังทำหน้างงๆไม่เข้าใจอยู่ดี
“ทำไมฟังดูแล้วเหมือนฉันจะไปเป็นเมียนายยังไงไม่รู้ว่ะ?”
“อ้าว เป็นเมียดีจะตายนะมะเฟือง ฉันจะดูแลนายอย่างดีเลยนะ “
“ง่ะ ไม่เอา หล่อๆแมนๆอย่างฉันต้องมีเมียซิ ไม่ใช่ไปเป็นเมียใคร!” สายชลที่ยังไม่เข้าใจคำพูดแผงในนัยยะของเพื่อนตัวเอง แบะปากอย่างไม่พอใจแถมดูดลาเต้เย็นในมือเสียงดัง
“ฮะๆ โอเค โอเค ไว้เราคุยกันเรื่องนี้วันหลัง ตอนนี้เรากลับไปทำงานกันก่อนเถอะ” เก่งกาจหัวเราะร่าเมื่อเห็นสายชลยังแบะปากไม่เลิก แต่ดันดูน่ารัก จนอดยีหัวเล่นอีกรอบไม่ได้ ก่อนที่จะกอดคอลากอีกฝ่ายเดินไปส่งที่แผนก
…….
….
..
.
ณ. จุดพักรถกลางทาง
“ไงอาแป๊ะ เจอเจ้าของบัตรพนักงานที่เขาทำตกไว้ยัง?” เด็กหนุ่มคนข้างร้านขายเครื่องดื่มของอาแป๊ะ เดินมากล่าวคำทักทายยามเช้าตามประสาคนรู้จัก เพราะเมื่อหลายวันก่อนเขาเก็บบัตรพนักงานคนหนึ่งได้ คาดว่าเจ้าตัวคงทำตกตอนรีบลงมาซื้อน้ำที่ร้านของอาแป๊ะ อาแป๊ะเจ้าของร้านในชุดกางเกงขาก้วยย้วนๆยานๆที่แกชอบใส่ประจำนั่งอยู่หน้าร้านยกชาร้อนขึ้นมาจิบอย่างช้าๆไม่รีบร้อน
“ยังเลยอาตี๋ ลื้อรู้ไหมว่าคนสมัยนี้นะ มันไม่สนใจอะไรรอบตัวเลย วันๆเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือใส่หูฟังอย่างเดียว ถามใครก็ไม่สนใจ อั๊วะลงทุนขึ้นไปหาบนรถบัสบริษัทแถมมองหน้าหาที่ละคนๆบนรถเลยนะ แต่ก็ไม่เจอ”
“โหย อาแป๊ะลงทุนมาก เป็นอั๊วนะ จะโยนฝากให้คนขับรถไปคืน ขี้เกียจหา ฮะๆ”
“เอ่อ! ยิ่งกว่านั้นนะ” อาแป๊ะ พูดเสียงดังอย่างลืมตัวเมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ เด็กหนุ่มตาโตตั้งใจฟังต่อ
“มีผู้ชายสองคนอยู่ดีๆก็มาจูบปากกันต่อหน้าอั๊วะ โอ๊ยยยย คนแก่หัวใจจะวาย ไม่อายฟ้าดินกันเลยเด็กสมัยนี้ ...”
อาตี๋ได้ยินดังนั้นก็หัวเราะงอหาย เพราะอาแป๊ะแกเป็นหัวโบราณ แถมบ้านนอกอย่างนี้ก็ไม่ค่อยได้เห็นชายรักชายเท่าไร ไม่แปลกใจที่แกค่อนข้างตกอกตกใจกันเมื่อเห็นอะไรอย่างนี้ เด็กหนุ่มเดิมชาให้คนมีอายุ ก่อนจะชวนคุยเรื่องสัพเพเหระไปเรื่อยๆอย่างสนุกสนาน ก่อนจะแยกย้ายกันไปเมื่อถึงเวลาที่ลูกค้าเริ่มเข้าร้าน
......................
.............
......
...
“เอ...จะว่าไปวิญญาณตาแก่นั้นหน้าตาคุ้นๆอยู่นะ เหมือนเคยเห็น” อยู่ดีๆเก่งกาจก็พูดขึ้นมาตอนจกำลังเตรียมตัวเข้านอนในห้องพักของตนที่โรงงาน
“หยุดดดด หยุดเลยนะเก่ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นแล้ว นายก็รู้อยู่ว่าฉันกลัว” สายชลที่เพิ่งไดร์ผมที่สระเสร็จหันมาโวยวายทันที พร้อมกลับรีบปีนขึ้นไปนอนบนเตียงของเก่งกาจแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปง
นับตั้งแต่เจอดีวันนั้น สายชลก็อัปเปหิตัวเองมานอนกับเก่งกาจตลอด ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังลงทุนซื้อเตียงนอนมาใหม่จากเตียงเดียว เป็นเตียงขนาดใหญ่ขึ้น นอนสองคนได้อย่างสบาย
เก่งกาจได้แต่หัวเราะในท่ามีลนลานของสายชลจึงปิดโคมไฟข้างเตียงและดึงคนตัวเองเล็กกว่ามากอดให้ความอบอุ่น ก่อนที่จะพากันเข้าสู่ห่วงนิทราทั้งคู่
รถเมล์เที่ยวสุดท้าย จบ....
เอ๋... สรุปว่าเพื่อนรักคิดไม่ซื่อเหรอ?! ฮะๆๆ คุณผู้อ่านคิดว่าอย่างไรค่ะ?
ส่วนเรื่องที่ห้ามคนในบริษัทคบกันนั้น เราก็ได้ข้อมูลมากจากคนรู้จักที่ทำงานโรงงานญี่ปุ่นในไทย และทั้งจากเพื่อนคนญี่ปุ่นเอง อาจจะไม่ใช่ทุกบริษัทที่เป็น แต่ก็มีเยอะพอสมควร
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกกำลังใจจากคนอ่านทุกท่านอีกครั้งนะคะ :mew1:
มารอลุ้นเรื่องหน้าว่าจะเจอผีจริงหรือผีหลอก อิอิ
-
เงิบ...บบบบบบบบบ :t2: :t2: :t2:
-
:a5: :a5: :a5: :a5:
อ้าววววววววว เข้าใจผิดกันซะงั้น ฝ่ายหนึ่งเข้าใจว่าผี อีกฝ่ายก็หาคนเป็นเจ้าของบัตร
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
555. เก่งได้กำไรไปสิงานนี้