ตอนที่5
[/b]
เจ็บกว่านี้ก็ไม่มีอีกแล้ว
[/b]
หลังจากที่ผมเสร็จกิจกรรมอันร้อนแรงแล้ว ผมก็นอนเจ็บตูดไปคนเดียวสิครับ ไอ้ท่อนซุงทั้งชื่อทั้งขนาดแม่งหายหัวไปไหนวะ ผมหงุดหงิดมาก โกธรตัวเองที่ยอมให้กับผู้ชาย ผมรับไม่ได้ รับไม่ได้ที่ตัวเองเสียให้กับผู้ชาย ผมมีหน้าจะไปมองใครที่ไหนวะ ผมคงแสดงสีหน้าชัดเจนไปใช่มั้ยวะ
“เครียดขนาดนั้นเลยเหรอ” มันถามพร้อมยื่นถ้วยข้าวต้มให้ผม
“เออ!!” ผมไม่รับถ้วยข้าวต้มมัน เอาสิเวลานี้กูกินอะไรไม่ลงแล้ว แล้วจะไม่กินข้าวต้มที่มึงเอามาด้วย
“กินสะ กูอุตส่าห์ทำมาให้” มึงทำเองเหรอวะ
“กินแล้วตายกูไม่กิน” ผมประชดมัน สายตาผมมองไปที่ข้าวต้มน่าอร่อยนั้น ผมขอถอนคำพูดที่จะไม่กินได้มั้ยครับ
“งั้นกูเอาไปเก็บนะ” มันกำลังเดินออกไปแต่พระเจ้าช่วย ท้องไม่รักดีของผมดันร้องออกมาดังขนาดทำให้มันหยุดแล้วหันมาต่อว่าผมว่าหิวก็กิน อย่าฟอร์ม
“เอามาจะกิน” ผมลุกนั่งบนเตียงแต่อู๊ยย เจ็บครับ เจ็บจนอยากจะร้องไห้
“เจ็บเหรอ กูว่ากูเอายามาให้กินแล้วกัน กินให้หมดห้ามเหลือ” มันสั่งผมแล้วเดินไปหายามาให้ผมกิน ผมกินข้าวต้มขอมันจนหมดก็ถือว่าอร่อยใช้ได้นะครับ น่าจะไปเปิดร้านได้เลย
“มึงซิงใช่มั้ย” ไอ้ท่อนซุงถามผม ผมแทบจะสำลักข้าวต้มที่กำลังกินคำสุดท้าย
“คนที่ทำให้กูไม่ซิงก็มึงนี้แหละ” ผมตอบมันแค่นั้นแล้วคว้ายาที่มันเอามาวางให้ แล้วกินยานั้นโดยที่ไม่ลืมอ่านฉลากยา ยาแก้อักเสบยังไม่หมดอายุ ขนาดกำลังพอดีไม่แรงเกิน ผมกินน้ำตาแล้วมันหกลดตัวผม น้ำไหลจากปากของผมลงไปเป็นสายเล็กๆ ผมรีบเช็ดน้ำที่หกนั้น แต่สายตาก็ไปปะทะกับไอ้คนที่นั่งอยู่ปลายเตียง
“มึงแม่ง ทำกูอารมณ์ขึ้นอีกแล้ววะ” มันพูดแล้วเลียปากตัวเอง
“พ่อง กูไม่เอาแล้วแค่นี้ก็เจ็บจะตายแล้วไอ้สัด” ผมด่ามันแล้วปาหมอนใส่หน้ามัน
“จะอยู่นี้หรือกลับห้องมึง” ผมกำลังลังเล เอาเป็นว่าผมกลับห้องของผมดีกว่า แต่ว่ามันไม่ยอมให้ผมกลับเพราะผมอยู่คนเดียว
“แล้วถ้ามึงจะไม่ให้กูไปแล้วจะถามกุหาพ่อมึงเหรอ” ผมกลับมาหงุดหงิดอีกครั้ง
“หงุดหงิดไรนักหนา กูทำไปแล้วเมนยังจะมาอีกเหรอ” ขอโทษครับกูเป็นผู้ชาย
“พ่อง”
“ที่กูไม่ให้มึงกลับเพราะว่าสภาพแบบนี้มึงจะทำอะไรได้ เกิดไข้ขึ้นอีกจะทำยังไง อยู่นี้แหละอย่างน้อยก็มีกูดูแล” มันพูดแล้วขยับมานั่งข้างผม
“กูเป็นแบบนี้เพราะใครละ” ผมเหน็บมันเบาๆ แล้วมันก็เอามือมาโอบไหล่ของผมพร้อมเอามืออีกข้างจับใบหน้าของผมให้หันไปหามันช้าๆ
“เพราะตัวมึงเองนั้นแหละที่ทำให้กูสนใจ” ผมแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง หน้าตาอย่างผมจะมีผู้ชายมาสนใจด้วยเหรอ
“เหี้ยขนลุก ออกไปดิกูไม่ชิน” ผมจับมือมันออก คนหรือหนวดปลาหมึกวะเนี้ยเหวี่ยงกลับมาพาดไหล่ผมได้ไวเกิน
“แค่นี้ไม่ได้เหรอ ทีเมื่อคืนละร้องให้กูกอดตลอด” มันพูดเรื่องตอนทำกิจกรรมนั้นผมแทบจะมุดหน้าหนี ผมเรียกร้องเกินไปเหรอ หรือว่าผมเคลิ้มไปกับมันมากเกินไป
“เงียบไปกูจะนอน” ผมล้มตัวลงนอน หลับตาแกล้งทำว่าเป็นหลับเพื่อไม่ให้มันมายุ่งกับผมแต่ผิดคาดครับ มันล้มตัวลงนอนข้างผมแล้วจับผมหันไปหามัน
“นอนกอดผัวสิจะได้หลับสบาย” มันพูดและมือของผมก็ตีแก้มมันไปทีนึ่ง แรงใช้ได้จนมันทำหน้าเหมือนจะฆ่าผม เห้ยกูขอโทษมือกูไวไปหน่อย
“ขอโทษ กูเป็นพวกมือไว” มันยังทำหน้าเหมือนโกธรผมทำไงดีวะ เกิดมันสั่งรุ่นน้องมาดักตื๊บผมแล้วจะทำไงวะเนี้ย
“ขยับมานี้” น้ำเสียงมันเปลี่ยนไป มันโกธรผมจริงๆเหรอวะ ผมหรือเปล่าที่ต้องโกธรมัน
“จะทำอะไรกู” ผมถามเมื่อมันขยับเข้าใกล้กว่าเดิน แล้วมันก็เอาปากกระจับของมันแตะที่ปากของผมเบาๆ และขยับออก
“กูก็อยากโกธรมึงนะแต่โกธรไม่ลงวะ นอนไปเถอะเดี๋ยวกูออกไปทำงาน” มันพูดจบก็เดินออกไปนอกห้อง ผมมองห้องมันดีๆ แค่ห้องนอนก็ใหญ่กว่าห้องที่ผมอยู่แล้ว สงสัยมันจะหอพักที่แพงมากแน่ๆ หรือว่ามันอยู่คอนโดวะ
ผมนอนพลิกซ้ายขวาเปลี่ยนท่าแล้วก็นอนไม่หลับ อยากจะนอนเอาแรงแล้วตื่นแต่ผมทำไม่ได้ พอหลับตาลงผมก็คิดถึงแต่เรื่องเมื่อคืน
“ไอ้เหี้ยซุงออกไปจากหัวกู” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ว่าแต่มันทำงานอะไรวะ นั้นไงต่อมเสือกของผมมันผุดมาอีกแล้วครับผม ผมค่อยๆประครองตัวไปที่ประตูช้าๆ ด้วยความทุลักทุเลทำเอาผมเกือบล้มหลายครั้งเหมือนกัน ผมเดินช้าๆจนถึงประตูแล้วเปิดออกช้าๆ ห้องของมันโทนสีขาว เฟอร์นิเจอร์สีครีมๆทำให้ดูว่าห้องนี้แพงเวอร์ สายตาของผมกำลังกวาดหาร่างของยักษ์ว่าทำงานอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่พบ ผมเดินไปที่ห้องครัวก็เจอไอ้ท่อนซุงที่ยืดชิดผนังแล้วมีผู้หญิงที่ผมคุ้นเคยกำลังจูบกันต่อหน้าผม น้ำตาผมไหลลงมาช้าๆ ภาพด้านหน้ามันบาดใจผมขนาดไหนก็คิดกันเอาเองครับ ในหัวผมคิดอะไรไม่ออกมันขาวโพลนไปหมด แต่ความขาวโพลนนั้นมีกำแพงใสๆขัดไว้ทั้งแปดด้าน คนที่ผมพึ่งจะมีอะไรไปด้วยกับผู้หญิงที่ผมน่าจะใช้คำว่ารักได้กำลังจูบกันตรงหน้าผม ผมควรจะทำยังไงผมควรจะเดินเข้าไปหรือกลับออกมา หรือว่าผมควรที่จะปล่อยผ่านแล้วกลับไปอยู่คนเดียวอีกครั้ง
“ท่อนซุง” ผมเลือกที่จะเรียกชื่อมันมากกว่าชื่อบิว มันมองหน้าผมอย่างอึ้งๆ และผมก็หันหลังให้มันไม่สนใจว่ามันจะทำหน้ายังไง ผมเดินไปที่ประตูห้องที่ผมอยู่เพื่อไปเอาของๆผมที่ถือติดมาด้วย ผมหยิบโทรศัพท์และกระเป๋าได้ปุ๊บ ผมก็รีบเดินไปที่ประตูห้องทันทีแต่ทว่า มันขวางทางผมอยู่
“แม้ว” มันเรียกผมแต่ผมไม่ได้สนใจมัน
“มีอะไรจะพูดมั้ยวะ” ผมหันไปสบตามันอย่างเอาจริง ความรู้สึกทั้งหมดทำให้ผมน้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าควรจะทำอะไร ผมรู้แค่มันเจ็บที่หน้าอกแปลกๆ
“กูเลิกกับบิวแล้ว” ผมไม่เข้าใจว่ามันจะบอกผมทำไม แต่มันบอกว่าเลิกกันแล้วแต่ทำไมยังจูบกันละ มึงแน่ใจนะว่าเลิกกันแล้ว
“มึงบอกกูทำไมวะ!!” ขึ้นเสียงใส่มันและเดินหนีไปที่ประตู โดนไม่สนใจเสียงของมันที่เรียกผมอยู่ด้านหลัง ผมเดินลงไปข้างล่าง เช็ดน้ำตาอย่างร้อนรนและเดินตามถนนไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าที่นี้อยู่ที่ไหน ถึงแม้ว่าผมจะเรียนที่กรุงเทพก็จริง แต่ผมไม่ได้รู้จักทุกซอกทุกมุม ผมมองกลับไปที่ห้องพักของท่อนซุง หรือจะเรียกว่าคอนโดดีละ มันก็ทำให้ผมนึกถึงหน้าของมันตอนจูบกับบิว
“โถ่เว้ย!!” ผมสบทลั่นทำให้ผู้คนหันมามองผม แล้วไงผมไม่ได้สนใจ ผมหยุดลงใต้ร่มไม้ใกล้ๆ และผมก็หยิบโทรศัพท์กดเบอร์หาว่าน
“มึง อยู่ไหนวะ” ผมทำให้เสียงตัวเองปกติที่สุด
“ห้องวะมีอะไร” มันถาม
“มาหากูหน่อยกูอยู่ที่ไหนไม่รู้” ผมพูดตามความจริง ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“เอ้าไอ้นี้ มึงโง่เปล่าวะส่งโลเคชั่นมาดิ”
“เค รีบมานะมึง” ผมส่งโลเคชั่นที่ผมอยู่ให้กับว่าน ผมนั่งรอสักพักรถของมันก็ว่าจอดด้านหน้าของผม ผมเดินขึ้นรถไปด้านสีหน้าตายด้านไม่รับรู้อะไรอีกแล้วผมไม่ตอบคำถามอะไรมันแม้แต่คำเดียว ผมนั่งร้องไห้ตลอดทางจนถึงห้องของผม ผมบอกลามัน
“ถ้าอยากจะบอกกูเมื่อไหร่ก็บอก” มันพูดแล้วผมก็พยักหน้าให้มันพร้อมปิดประตูเดินขึ้นห้องอย่างไร้ชีวิตจนทำให้ยามหน้าหอพักผมทัก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ตอนนี้รู้แค่ว่าความเป็นที่ส่วนก้นของผมไม่เจ็บเท่าที่ใจของผม คิดดูดิคนที่ผมพึ่งจะมีอะไรด้วยไปจูบกับผู้หญิงที่ผมชอบ เป็นคุณจะรู้สึกยังไง ผมทิ้งตัวลงบนเตียงและปล่อยโฮอีกรอบ
“ไอ้เหี้ยท่อนซุงเอากูแล้วมึงยังจะจูบกับผู้หญิงที่กูชอบอีกเหรอวะ มึงแม่งเลวจริงๆ อย่าให้กูได้เจอมึงเลย” ผมทุบเตียงเป็นสิบๆรอบจนเจ้าของตึกจะจ้างผมไปทุบตึกแล้วครับ ผมพยายามไม่นึกถึงมันแต่ก็ทำไม่ได้ ผมกลิ้งไปมาบนเตียง ผมอยากเอาหัวของผมที่คิดถึงแต่เรื่องของมัน ภาพ เสียง ความทรงจำบนเตียงไล่มาถึงตอนที่ผมเห็นมันจูบกับบิวไปโยนทิ้งที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้
“แม้ว” ผมได้ยินเสียงเรียกใกล้ๆใบหูของผม
“ขออีกได้ป่าว” เสียงของคนเดิมที่ถามผม ผมยังไม่อยากลืมตาดูเลยว่าใครถามผม
“ลืมตามามองซุงหน่อย” ซุง ซัมซุง หรือว่าจงซุงกิเหรอ ผมยิ้มให้กับตัวเองที่เดาไม่ออกว่าเป็นใคร
“ท่อนซุงเองนะ” เหี้ยยย
“มึงเข้ามาในห้องกุได้ยังไง ออกไป!!” ผมรีบลุกขึ้นมาไล่มัน แต่เอ้าไม่มีใครเหรอวะ ผมมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นใคร ผมคิดเรื่องมันจนเก็บเอาไปฝันเลยเหรอวะ ผมมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าเย็นมากแล้วผมลุกไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุดที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อคืน ท้องผมร้องจ๊อกๆ เพราะความหิวที่ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่...
“แล้วกูจะคิดถึงมึงอีกทำไมวะ” ผมบ่นกับตัวเอง ทำไมผมยังไม่เลิกคิดถึงมันสักที ถ้าผมเจอมันอีกละผมจะทำยังไงดี แต่คงไม่มีโอกาสได้เจอกันละมั้ง