พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] APPLE PIE & SUCCUBUS [ตอนเดียวจบ]
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: Foggy Time ที่ 23-07-2017 23:13:18
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง 7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด 7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ 7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ... (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง) - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส - ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ) เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com....................................... วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม Share This Topic To FaceBook Share This Topic To FaceBook Share This Topic To FaceBook Share This Topic To FaceBook แก้ไขข้อความ
เรื่องสั้น : APPLE ครืนนนน ก้อนเมฆสีดำขู่คำรามดังลั่นก่อนที่เม็ดฝนจะค่อยๆ ปรอยลงมา ท้องฟ้าที่สดใสในวันนี้จึงเปลี่ยนเป็นวันที่มีเมฆฝนครึ้มไปอีกวัน "อ่า..ฝน" ร่างโปร่งซึ่งนอนกระดิกเท้าอยู่บนต้นไม้ใหญ่ของโบถส์เก่ารำพึงออกมาเบาๆ ด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี ถึงแม้ว่าฝนจะเป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายๆ คนหงุดหงิดไปบ้างแต่สำหรับ 'สิ่งมีชีวิต' บางจำพวกแล้ว ฝนคือสิ่งที่พวกมันชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจนอกจากฝนจะทำให้มนุษย์อ่อนแอลงแล้วยังทำให้อะไรๆ ที่พวกมันทำอยู่ง่ายขึ้นเยอะ "อ้าาา ฝนนนน เย็นๆๆ" เสียงเด็กร้องหวีดแหลมดังลั่นเล่นเอานกที่กำลังไซร้ปีกเพราะขนที่เปียกตกใจตีปีกพึบพั่บบินออกไป เจ้าของเสียงร้องไห้จ้าวิ่งเข้าโบถส์ซึ่งมีคุณบาทหลวงที่หล่อและใจดีมากอาศัยอยู่ "หืม.. หิวอีกแล้วเหรอ?" "ฮึก อยากกินแอปเปิ้ลพาย อยากกิน" เสียงบทสนทนาที่ไม่เบานักจากในโบถส์ เรียกความสนใจจากมันได้ไม่น้อย มันหาวหวอดเบื่อๆ ปรือตาสีเทามองลอดผ่านกระจกสีสันสดใสจากกระจกโมเสกซึ่งก็เห็นเป็นเพียงเงาคนรางๆ เท่านั้น "แอปเปิ้ลพาย.." มันรำพึงเบาๆ และเผลอเลียฝีปาก นัยน์ตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยความเฉื่อยชาวาววับไม่ต่างจากเด็กชายที่อยู่ในโบถส์ที่ตอนนี้แทบจะเท้าไม่ติดพื้นพยายามออดอ้อนคุณบาทหลวงสุดหล่อสุดฤทธิ์ รสชาติของแอปเปิ้ลพายของคุณบาทหลวงนี่ทำเอาเด็กชายเพ้อในความอร่อยไปหลายวัน "เอาไปสิ วันนี้เพิ่งอบใหม่เลยล่ะ" “!!!” มันลุกพรวดอย่างสนใจ โครม! “บัดซบ..!!” ร่างที่ตกลงไปในพุ่มหญ้าโผล่หัวออกมาและลุกขึ้นปัดใบไม้ออกด้วยสีหน้าบูดบึ้ง นึกรำคาญในความตะกละของตัวเอง ทั้งๆ ที่ตามความเป็นจริงแล้วมันไม่มีความจำเป็นต้องกินอาหารมนุษย์สักนิด จนอดสงสัยไม่ได้ว่าไอ้บาทหลวงงี่เง่านั่นมันต้องใส่ยาอะไรไว้แน่ๆ มันถึงได้ชอบมากขนาดนี้ “มันจะเป็นครั้งสุดท้าย โคลว์ ครั้งสุดท้ายไม่มีครั้งหน้าแน่ๆ " มันพึมพำกับตัวเองและหวังจะทำตามได้อย่างที่ตัวเองพูดสักที "อร่อย!!!!!" "อะไรนะ!" โคลว์ตาลุกวาวรีบร่ายมนตร์เร็วๆ ให้มีรูปลักษณ์แบบมนุษย์แล้วรีบสาวเท้าไวๆ ของไปในโบถส์ อะไรที่เกี่ยวกับแอปเปิ้ลพายที่บาทหลวงงี่เง่านี่ทำมันไม่เคยพลาดอยู่แล้ว หากแต่แค่ก้าวเท้าเข้าไปในโบถส์ กลิ่นหอมของพายอุ่นๆ ที่เพิ่งนำออกจากเตาก็ลอยปะทะหน้าโคลว์ โคลวด์เลียริมฝีปากซ้ำแล้ววิ่งเข้าไปโดยไม่เหลือมาดอะไรทั้งนั้น ไม่สิ อย่างมันไม่จำเป็นต้องสนใจอะไรอยู่แล้ว เพราะมนุษย์ในสายตามันนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเหยื่อสักตัว "อย่าวิ่งสิ" บาทหลวงหนุ่มผู้อาศัยเพียงหนึ่งเดียวในโบถส์พูดเสียงทุ้มนุ่มด้วยรอยยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาสีฟ้าที่ซ่อนไว้หลังผมสีทองฉายแววเอ็นดู "วิ่งเวิ่งอะไร ข้า แค่ก ผมไม่ได้วิ่ง" โคลว์แก้ตัวทันควันและหยิบพายแอปเปิ้ลที่วางไว้บนถาดขึ้นมากินหน้าตาเฉยโดยไม่รอคำอนุญาต "แง้" เด็กชายที่ดั้นด้นมาจากบ้านเพื่อมากินแอปเปิ้ลพายเบะปากทั้งๆ ที่ในปากยังเคี้ยวพายแอปเปิ้ลตุ่ยๆ "พี่ชาย แย่ง แย่งงง" โคลว์หน้าหงิก "อย่ามางกนักเลยน่า กินก็กินฟรี อบก็ไม่ได้อบเอง" เด็กชายยังหน้ายู่ชี้หน้าโคลว์แล้วสะอึกสะอื้น "แง้ แย่ง!" "เฮ้ อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดนักสิ" โคลวด์พูดไปเคี้ยวไป เชื่อสิถ้าไม่มีแอปเปิ้ลพายในปาก มันคงจะจำกลิ่นวิญญาณไอ้เด็กเวรนี่แล้วไปคิดบัญชีตอนโตแล้วแต่มันก็ไม่ทำเพราะรสชาติแอปเปิ้ลพายนี่ดีเป็นบ้า "แกล้งเด็ก" บาทหลวงหนุ่มเจ้าของแอปเปิ้ลพายหัวเราะเบาๆ "ถ้าอยากกินก็บอกผมสิ เดี๋ยวผมอบให้คุณเอง" นัยน์ตาสีฟ้ากวาดสำรวจร่างของโคลว์ "คุณผอมเกินไปแล้ว" มันหัวเราะเหอะ ให้เหยื่อมาทำอาหารให้มันกินงั้นเหรอ ตลกแล้ว "ไม่ล่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะกิน" โคลว์ว่าทั้งๆ ที่มือเอื้อมหยิบอีกชิ้นมากิน "ครับ" คนถามอมยิ้ม คราวที่แล้วเขาก็พูดแบบนี้ "วันนี้คุณดูแปลกๆ นะ ไปทำอะไรมารึเปล่า" "ยุ่ง" โคลว์ไหวไหล่ไม่สนใจ มันหยิบกินอีกชิ้นแล้วเหลือให้เด็กเวรอันนึงเพราะไอ้เด็กนี่จ้องมันเขม็ง หึ ถ้าไอ้เด็กนี้รู้ว่ามันเป็นตัวอะไร เชื่อสิ แค่สบตาก็กลัวจนตัวสั่นแล้ว "ผมไม่ชอบคำนี้เลยแฮะ" บาทหลวงหนุ่มถอนหายใจอย่างระอาแต่ก็ยังยิ้มน้อยๆ อยู่ดี "เอาเถอะ วันนี้คุณว่างรึเปล่า? ผมจะสวดมนต์ คุณจะสวดมนต์ด้วยไหม" โคลว์แทบจะหัวเราะดังลั่นใส่แต่ก็เห็นแก่แอปเปิ้ลพายอร่อยๆ ก็เลยไม่ทำอะไรนอกจากไหวไหล่ "ไม่ล่ะ ผมยุ่งทุกวัน ไปละ" มันหยิบแอปเปิ้ลพายที่เหลือชิ้นสุดท้ายแล้ววิ่งจากไปทันที "อ้ะ แอปเปิ้ลพาย!!" เด็กชายที่ดื่มด่ำกับชิ้นที่ตัวเองกินเพิ่งได้สติแล้วร้องลั่นมองพี่ชายใจร้ายที่วิ่งหนีไปแล้วพร้อมกับแอปเปิ้ลพายอร่อยมากๆๆ ไป "แง้ พี่ฮาโรลด์ พี่ชายเอาไปแล้ว อ้าาา" ฮาโรลด์ระบายยิ้มยื่นมือไปลูบหัวเด็กชายเบาๆ "ช่างเขาเถอะ" เอาเข้าจริงเขาก็ใช่จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบรับว่าอะไร ก็เล่นตอบเหมือนกันทุกครั้งที่เจอกัน "แต่พี่ชายชอบแอปเปิ้ลพายเหมือนกันเลย" เด็กชายหน้ามุ่ยแล้วยิ้มกว้างเมื่อพี่ฮาโรลด์ยื่นแอปเปิ้ลพายที่ซ่อนไว้ข้างหลังชิ้นนึงให้ "อืม" ฮาโรลด์ยิ้มมองตามหลังร่างที่ตอนนี้หายไปแล้ว เขาจะปรากฎตัวทุกครั้งที่มีแอปเปิ้ลพายซึ่งถ้าเขาไม่ทำก็อย่าหวังเลยว่าจะเห็นเขาโผล่หน้ามาให้เห็น และพอถามถึงการทำพิธีกรรมทางศาสนาเขาก็ชวนทำสีหน้าเหม็นเบื่อแล้วก็หนีหายไปทุกครั้ง บาทหลวงหนุ่มถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปยืนตรงหน้ารูปปั้น ทำความเคารพตามรูปแบบก่อนที่จะเริ่มต้นสวดมนต์เหมือนทุกวันในเวลาช่วงสายๆ บทสวดของบาทหลวงหนุ่มนั้นฟังนุ่มหูชวนให้ผู้คนศรัทธาหากแต่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะในตอนนี้นั้น ศาสนาที่บาทหลวงหนุ่มนับถือนั้นแทบจะถูกกลืนไปกับกาลเวลา โบถส์ที่ฮาร์โรลด์อาศัยอยู่นั้นรกครึ้มไปด้วยเถาวัลย์และมอส มันอาจจะดูสวยงามก็จริงแต่ในความเป็นจริงคือมันถูกละเลยเอาไว้เป็นเวลานาน ซึ่งฮาร์โรลด์ก็ไม่มีเงินและความสามารถพอที่ทำความสะอาดพวกมันทั้งหมดจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ทุกวันนี้ที่ฮาร์โลวด์สามารถดำรงอยู่ได้ก็เพราะเงินจำนวนนึงที่รัฐบาลสนับสนุนในแต่ละเดือนซึ่งมันก็ไม่มากพอใช้ทำอะไรได้มากมาย แค่ค่ากินค่าอยู่ก็หมดไปมากแล้ว และแอปเปิ้ลพายก็ไม่ใช่ของที่จะทำได้บ่อยๆ ซะด้วย "ถ้าทำได้ทุกวันก็คงจะดี" บาทหลวงหนุ่มหลุดพึมพำเมื่อสวดมนต์จบไปหลายบท เอาเข้าจริง เหตุผลที่เขาทำแอปเปิ้ลพายมันไม่ใช่เพราะเด็กที่หลับสนิทบนเก้าอี้ยาวนั่นหรอก ใบหน้าหล่อเหลาได้รูปคลี่ยิ้มจาง เป็นเพราะเขาต่างหาก พอได้สิ่งที่ตัวเองต้องการโคลวด์ก็ปีนกลับขึ้นต้นไม้ต้นโปรดของตัวเองและทิ้งตัวนอนบนกิ่งใหญ่อย่างสบายใจ ไอ้ที่มันกินๆ ไปมันไม่อิ่มหรอกแต่มันอร่อยเป็นบ้า โคลว์ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี นัยน์ตาสีเทามองท้องฟ้าที่ตอนนี้มีเมฆก้อนมะมึนก้อนใหญ่กว่าเดิมแทนที่อันเก่าและแน่นอนว่าฝนที่ตกลงมาหนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แต่มันก็ไม่คิดจะสนใจอะไรอยู่แล้ว กับแค่ตัวเปียกไม่ทำให้มันตายหรอกอย่างมากก็แค่หนาว โคลว์หลุดหาวหวอดครั้งนึงแล้วคู้ตัวนอน สำหรับสิ่งมีชีวิตอย่างพวกมันคือตอนกลางวัน ใช้เวลาไม่นอนโคลว์ก็หลับสนิทหายใจสม่ำเสมอ "!!" กลิ่นเหม็นสาปอันเป็นเอกลักษณ์ลอยฟุ้งในอากาศจางๆ ถึงแม้จะถูกกลบด้วยกลิ่นฝนแต่ก็สามารถปลุกโคลว์ผู้มีประสาทสัมผัสอันดีเลิศได้ โคลว์สะดุ้งตื่นแยกเขี้ยวดุร้าย มันกวาดสายตามองบริเวณหน้าโบถส์ ตรงนั้นมีผู้หญิงสวยสองคนในชุดวาบหวิวถือร่มสีดำยืนคุยกันอยู่และมองเข้าไปในโบถส์เก่าซึ่งมีบาทหลวงงี่เง่าที่ทั้งโง่ทั้งเซ่ออาศัยอยู่ ตอนนี้ถ้าให้มันเดาก็คงจะถูพื้นที่เปียกน้ำ่และพอเห็นคนมาก็ทำหน้าดีใจแล้วส่งยิ้มโง่ๆ ให้ "เวรเอ๊ย!" มันสบถอย่างหงุดหงิด นัยน์ตาสีเทาหมุนริ้วจนกลายเป็นสีดำเข้ม ถ้าในสายตามนุษย์น่ะไอ้ผู้หญิงสองคนน่ะเป็นสาวสวยสองคนผู้ศรัทธาในศาสนา แต่ในสายตาปีศาจอย่างพวกมัน ดูก็รู้ว่าเป็นแวมไพร์สาวที่จ้องจะงาบเหยื่อที่เป็นถึงบาทหลวง! "ดีชะมัดเลยเนอะที่วันนี้ฝนตก" หญิงสาวชุดแดงกระซิบกับเพื่อนข้างๆ และส่งยิ้มให้บาทหลวงหนุ่มที่กำลังเดินมา เพื่อนสาวข้างๆ ฉีกยิ้มไม่ต่างกัน หล่อนจ้องบาทหลวงหนุ่มหล่อแทบจะกลืนกิน "ใช่ เรากินมันตอนนี้เลยดีไหม" โคลว์คิ้วกระตุกตัดสินใจกระโดดลงจากต้นไม้และก้าวฉับๆ เข้าไปกลางวงโดยไม่ลืมเปลี่ยนตัวเองให้อยู่ในรูปลักษณ์ที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้แต่มันก็ก้าวช้าไปเพราะไอ้บาทหลวงหน้าโง่เริ่มชวนคุยแล้ว "มาสวดมนต์เหรอครับ?" ฮาโรลว์ยิ้มนุ่มนวลแฝงความดีใจในน้ำเสียง แวมไพร์สาวชุดแดงแทบเก็บเขี้ยวไม่อยู่ กลิ่นอายของบาทหลวงนี่บริสุทธิ์มากหากหล่อนได้กินคงจะทำให้หล่อนสามารถเพิ่มระดับของตัวเองได้ "ค่ะ ช่วงนี้รู้สึกกลัวๆ นิดหน่อยเลยอยากหาที่พึ่งทางจิตใจ" "งั้นเหรอครับ" คนเป็นบาทหลวงแทบเก็บอาการดีใจตัวเองไม่อยู่ "คุณก็เหมือนกันเหรอครับ" "ใช่ค่ะ" หล่อนตอบด้วยรอยยิ้มหวานและสบตากับเพื่อนตัวเองเป็นอันรู้กันว่าบาทหลวงนี่น่ากินมาก ทั้งหน้าตาและพลังบริสุทธิ์ที่แผ่ออกมาจางๆ จนสัมผัสได้ อย่าเข้าใจผิดว่าแวมไพร์อย่างพวกหล่อนจะเข้าใกล้พวกบาทหลวงที่มีพลังบริสุทธิ์ไม่ได้ พลังบริสุทธิ์ในดวงวิญญาณพวกบาทหลวงก็เปรียบเสมือนยาบำรุงชั้นดีของพวกปีศาจ ยิ่งกินเข้าไปก็สามารถเพิ่มระดับความสามารถของตัวเองแต่ถ้าหากพวกบาทหลวงที่ว่าใช้พลังในร่างเป็นก็อีกเรื่อง พลังนี้ถือว่าร้ายกาจทีเดียวถ้าใช้เป็นแต่ในศตวรรษนี้ค่อนข้างหายาก พวกปีศาจที่เหลือรอดจากการกวาดล้างครั้งใหญ่จึงพากันใช้ชีวิตกันอย่างเหิมเกริมไล่กินพวกบาทหลวงที่มีพลังแต่ใช้ไม่เป็นให้หมด ฮาร์โรลว์ยิ้มจนตาหยี "งั้นก็เข้ามาเลยครับ โบถส์ไมครอฟยินดีต้อนรับผู้ศรัทธาทุกคน" "ค่ะ/ค่ะ" แวมไพร์สาวสองคนตอบโดยไม่ต้องคิดสักนิด เหยื่อชั้นดีกำลังเรียกให้ผู้ล่าเข้าไปกินตัวเอง พวกหล่อนไม่มีวันปฏิเสธแน่ๆ "โถ่เว้ย!" โคลว์ที่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมดคำรามแล้วพุ่งกราดเข้าไปขวางทางแวมไพร์สาวสองคน เป็นหลายๆ ครั้งที่โคลว์อยากงับหัวไอ้บาทหลวงเวรนี่ให้ตายๆ ไปซะ จะได้เลิกโง่สักที "ไสหัวไปซะ!!" โคลว์คำรามใส่เสียงดังราวกับสัตว์ป่า นัยน์ตาสีดำหมุนริ้วอย่างเกรี้ยวกราด "อะไรของนาย" หญิงสาวขมวดคิ้วมองโคลว์แต่หล่อนรู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตัวเองไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจสักอย่างที่เธอไม่รู้จัก กลิ่นอายน่าขนลุกที่แผ่ออกมาทำเอาหล่อนเผลอถอยลงไปก้าวนึงหวาดๆ "ไส-หัว-ไป" โคลว์พูดช้าๆ ชัดๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เผลอกลับคืนร่างปกติของตัวเอง "ทำไมฉันต้องไปล่ะ" แวมไพร์สาวอีกคนถามยียวน หล่อนรู้สึกถึงพลังก็จริงแต่มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลัวปีศาจตัวโปร่งๆ ผอมๆ นี่ เชื่อสิแค่โดนตบครั้งเดียวมันก็คงร้องไห้หนีกลับบ้านแล้ว "...ถือว่าข้าเตือนแล้วนะ" โคลว์พูดเสียงต่ำนัยน์ตากำลังจะกลายเป็นสีแดงก็ถือมืออุ่นคว้าหมับเข้าที่ไหล่และกระชากเข้าร่มของร่างใหญ่ แววตาสีแดงจึงกลับคืนสู่สีเทาอีกครั้งและหันไปถลึงตามองเจ้าของมือที่ทำหน้าดุๆ "อย่าตากฝนสิ" ฮาร์โรลว์เอ็ดเสียงดุดึงร่่างผอมที่ตัวเปียกโชกชิดกับร่างตัวเองโดยพยายามให้ร่างโปร่งเปียกฝนน้อยที่สุดก่อนที่จะมองอย่างคาดคั้น "แล้วทำไมไปไล่เขาอย่างนั้น หืม? คุณก็น่าจะรู้ว่าโบถส์ผมร้างขนาดไหน" ปีศาจที่อยู่ในอ้อมกอดนักบวชแทบจะอกแตกตายเพราะความหงุดหงิด ทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังจะถูกกินในคำเดียวแต่ไอ้โง่กลับไม่รู้สึกอะไรแม้แต่นิดเดียว!!!! และมันก็อุตส่าห์จะปกป้องไม่ให้โดนปีศาจชั้นต่ำงาบมันก็ยังมีหน้ามาขัดขวางอีก "ยุ่ง!!!" โคลว์คำรามใส่แล้วหันไปถลึงแต่ใส่แวมไพร์สาวสองคน "ไป!!! แล้วอย่าหาว่าไม่เตือน!" หญิงสาวสองคนกำลังจะอ้าปากเถียงแต่พอเห็นนัยน์ตาสีแดงก่ำซึ่งมีดาวแปดแฉกข้างในก็สะดุ้งเฮือกรีบสาวเท้าหนีไปทันทีไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก "หึ ไม่แน่นี่หว่า" โคลว์หัวเราะไล่หลังอย่างสะใจโดยไม่ดูสีหน้าคนที่กอดตัวเองสักนิดว่าเป็นอย่างไร "...เฮ้อ" เสียงถอนหายใจเหนื่อยๆ ทำให้มันหันไปมองแล้วกลอกตาเพราะไอ้นักบวชหน้าโง่ที่เพิ่งรอดชีวิตจากแวมไพร์กำลังทำหน้าเศร้าจัด "ไร้สาระ" มันพูดพร้อมเชิดหน้าใส่ "ปล่อยสักที จะกลับบ้าน" ไหล่ของฮาโรลว์ตอนนี้ลู่ลงอย่างผิดหวัง "คุณไล่ผู้ศรัทธาของผมไปแล้ว นี่คุณจะไปจากผมอีกเหรอ ผมเสียใจที่ไม่มีใครสนใจในศาสนาสักที ทั้งๆ ที่ความชั่วร้ายมันอยู่ใกล้ตัวเรามากแท้ๆ " โคลว์แทบหลุดขำ บาทหลวงนี่เดาถูกเผง ความชั่วร้ายอยู่ใกล้ตัวมากแต่เขาไม่รู้สักนิดว่าเขากำลังกอดความชั่วร้ายที่ว่าอยู่ "ก็จริง ความชั่วร้ายมันใกล้ตัวแต่จะให้ผมไปสวดมนต์ง่วงๆ กับคุณทุกวันก็ไม่ไหว"
ความอารมณ์ดีที่เกิดจากความโง่ของบาทหลวง ทำให้โคลว์พูดหยอกล้อด้วยอย่างผิดวิสัย ฮาโรลว์ยิ้มมุมปาก ตอบได้สมกับเป็นเจ้าตัวจริงๆ "มันง่วงก็จริงแต่มันทำให้คุณบริสุทธิ์ พระองค์เจ้าโฟเทียสจะอวยพรคุณให้รอดพ้นจากพวกปีศาจชั่วร้าย" "ฟังดูน่ากลัวจัง" มันพูดขำๆ ให้กลัวตัวเองก็ยังไงอยู่นะ "ถ้าคุณกลัวก็มาสวดมนต์กับผม ไม่นานนักหรอก" ไม่รอคำตอบนักบวชหนุ่มล็อกเอวร่างผอมไว้แน่นหนาลากเข้าโบถส์เพื่อไปสวดมนต์กับตัวเองโดยไม่ฟังความเห็นอะไรทั้งนั้น "ไม่โว้ย ไม่!!!" โคลว์แทบกรีดร้องพยายามตะเกียกตะกายออก ถึงการสวดมนต์จะไม่สามารถทำอะไรมันได้มากมายแต่ก็สร้างความแสบๆ คันๆ ให้มันไม่น้อย ถามว่ารู้ได้ไงก็มันเคยลองสวดเล่นๆ ดูแล้วน่ะสิ แค่ขึ้นคำแรกก็ร้อนผ่าวไปทั้งตัวจนตาพร่ารู้สึกอยู่กลายๆ เหมือนถูกพ่อตะคอกด่าข้างหูในความโง่งมของมันที่เล่นอะไรไม่เข้าเรื่อง "ไม่ต้องห่วง คุณจะต้องชอบมันแน่ๆ " ฮาโรลด์พูดเกลี้ยกล่อมกลั้วหัวเราะรู้สึกสนุกกับการกลั่นแกล้ง เอาเข้าจริงเขาก็ไม่หวังหรอกว่าเขาคนนี้จะยอมมานั่งสวดมนต์ด้วย ในมุมของฮาโรลด์นั้นร่างโปร่งนี่ก็เปรียบเสมือนแมวป่าซนๆ สักตัวที่เวลาท้องหิวก็มาร้องแง้วๆ ขออาหารพอท้องอิ่มก็ไปซุกซ่อนตัวในที่สักที่ที่เขาไม่รู้ นัยน์ตาสีฟ้าที่เกือบจะเป็นสีน้ำเงินหรี่ลงราวกับสัตว์นักล่าเมื่อจับจ้องร่างที่ร้องแง้วๆ เรียกร้องหาอิสระภาพไม่หยุด ใจจริงเขาอยากจับแมวป่าในนี่ใจจะขาดแล้ว อยากจับมากอดไว้แน่นๆ ให้เชื่องแล้วติดเขาแจ จะได้ไม่ต้องหนีหายไปไหนอีก "ชอบก็บ้าแล้ว! ปล่อยสิวะ!! อย่าทำให้ผมโมโหนะ ผมฆ่าคุณแน่!!" ร่างโปร่งโวยวายและโวยวาย มันง่วงเต็มแก่แล้วแต่ยังต้องมาปวดหัวกับมนุษย์หน้าโง่ที่ชักจะล้ำเส้นมันมากเกินไป เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่บาทหลวงหนุ่มยิ้มจนปวดแก้ม "ใจเย็นน่า แค่นั่งเฉยๆ ก็ได้" และค่อยๆ บรรจงวางเขาลงบนโซฟาเบาะนุ่มที่เจียดเงินซื้อมาด้วยความคิดที่ว่าเขาต้องชอบมัน มันกำลังจะโวยวายต่อแต่พอเจอความนุ่มของเบาะไปก็.. "หือ?" โคลว์หลุดเสียงร้องในลำคอก็มองสิ่งที่ตัวเองนั่งอย่างสนใจ ดวงตาลุกวาว นุ่มกว่าต้นไม้ที่มันนอนทุกวันตั้งเยอะ!!! ฮาโรลด์พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลุดหัวเราะ แมวป่าที่เขาพยายามล่อเข้ามาติดกับแล้ว แมวดุลงไปเกลือกกลิ้งไปมาไม่หยุดเหมือนไม่เคยนอนมาก่อนอีกทั้งยังยืดแขนยืดขาออกมาประกาศความเป็นเจ้าของเบาะอย่างเต็มที่ ดูเหมือนว่าจะลืมเรื่องสวดมนต์ไปแล้วสินะ บาทหลวงหลุดขำขึ้นจมูกจนได้ แมวป่านี่น่าเอ็นดูจนตบะเขาแทบตายหลายรอบแล้ว ฮาโรลด์ส่ายหัวให้กับตัวเอง เขาเริ่มจะออกไปไกลจากศีลธรรมขึ้นทุกทีเพราะแมวป่านี่ "ถอดเสื้อสิ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกคุณ" ฮาโรลด์ถอดเสื้อคลุมนักบวชสีขาวสว่างที่เริ่มจะหมองพราะขาดแคลนผงซักฟอกไปคลุมตัวแมวที่ดูจะเห่อเตียงนอนใหม่ซะเหลือเกิน เสียงทุ้มหนักๆ คล้ายกับระฆังเตือนเรียกสติโคลว์ มันสะดุ้งเฮือกเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองเพิ่งทำอะไรบ้าๆ ลงไป! โคลว์รีบลุกขึ้นมานั่งดีๆ สีหน้าติดจะแดงด้วยความอับอาย ดวงตามาดร้ายมองบาทหลวงโง่เง่าอย่างเอาเรื่อง "ผมจะกลับแล้ว! คุณจะสวดมนต์ก็สวดไป ผมไม่สวด!!" ไม่รอคำตอบอะไรมันรีบลุกขึ้นโยนเสื้อคลุมออกแล้วสาวเท้าหนีออกไปข้างนอก อย่าลืมว่านี่เป็นเวลานอนสำหรับพวกมัน ถึงแม้วันนี้มันจะมืดจนมองไม่เห็นอะไรแต่เวลาข้างนอกก็ยังเหมือนเดิมก็คือตอนกลางวัน "ไม่เอาน่า แค่นั่งเฉยๆ ผมก็ไม่ว่าหรอก" ฮาโรลด์ขยับตัวไปขวางทาง "โอยยย" โคลว์กลอกตาใส่ตรงๆ และมองตาขวาง "ผมจะนอนจบนะครับ คุณบาทหลวง" "ถ้าผมบอกว่าไม่ล่ะ" เส้นเลือดตรงขมับโคลว์ปูดขึ้นมาทันควัน "ก็เรื่องของคุณ!!" มันผลักคนขวางทางออกแล้วสาวเท้าไวๆ ออกมาครั้งนี้บาทหลวงหน้าโง่ไม่ได้รั้งมันไว้อย่างที่มันคิด แต่ใครสนล่ะ ดีซะอีกมันคิดถึงที่นอนประจำมันจะแย่แล้ว! ร่างโปร่งเดินงุ่นง่านออกไปอย่างเดือดดาลทิ้งร่างสูงไว้อย่างน่าสงสาร "แย่จังนะ" ฮาโรลด์หัวเราะในลำคอ นัยน์ตาสีน้ำเงินฉายชัดทั้งความเอ็นดูและความอยากได้ "ถ้าได้จริงๆ ก็คงจะดี" บาทหลวงหนุ่มพึมพำกับตัวเองแล้วเดินไปหยิบไม้ถูพื้นมาจัดการกับพื้นที่เปียกเป็นทางยาว เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ฝนที่ตกหนักราวกับฟ้ารั่วกลายเป็นฝนปรอยๆ ก่อนที่จะหยุดในที่สุด แต่เวลาที่มันหยุดนั้นก็ล่วงเลยไปทุ่มสองทุ่มแล้ว มีเพียงดวงจันทร์ที่สว่างเต็มดวง เป็นเวลาเดียวกับที่โคลว์ตื่นพอดี ร่างโปร่งหาวหวอดง่วงๆ บิดขี้เกียจแต่ก็ยังนอนเลื้อยอยู่ที่เดิมไม่ขยับตัว มันกำลังคิดอยู่ว่าคืนนี้มันจะออกไปหา ‘อาหาร’ ดีไหมเพราะล่าสุดที่มันกินอย่างตะกละตะกลามก็เดือนที่แล้ว จะไปดีไหมนะ? โคลว์หันไปมองฝั่งเมืองที่มีบ้านและอาคารทันสมัยตั้งอยู่มากมาย ด้วยความสูงของต้นไม้ทำให้มันเห็นภาพวิวต่างๆ ได้ชัดเจน มันเห็นบ้าน มันเห็นรถ มันเห็นทุกอย่างที่ตอนที่มันยังเด็กไม่มี พวกมนุษย์นั้นถึงจะอ่อนแอแต่ก็ฉลาดจนน่ากลัว สามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่ปีศาจอย่างพวกมันไม่เข้าใจ น่าแปลกที่พวกแวมไพร์สามารถปรับตัวเข้ากับพวกมันได้อย่างกลมกลืน ต่างจากมันที่นอกจากจะปรับตัวไม่ได้แล้วยังปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นอีก.. สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมานั้นเข้าใจยากเกินไปสำหรับมัน มันเคยเข้าไปอยู่กับพวกมนุษย์อยู่ช่วงนึงและผลที่ได้คือมันกลายเป็นตัวตลก มันไม่รู้จักอะไรสักอย่าง มันไม่เข้าใจว่าไอ้สิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์ทำงานยังไงกันแน่ มันไม่เข้าใจว่าทำไมมนุษย์ถึงเสพติดการใช้สิ่งที่ตัวเองสร้างขึ้นมาขนาดนั้น มันพยายามทำเข้าใจแต่มันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี สุดท้ายมันก็เลือกที่จะมาจมปลักอยู่กับโบถส์เก่าที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยมันยังเด็ก เมื่อก่อนมันไม่เคยคิดจะเฉียดกลายมาที่แถวนี้ด้วยซ้ำแต่มันเหนื่อยแล้วกับการปรับตัวเข้าหามนุษย์ที่เป็นแค่เหยื่อโง่ๆ หรืออาหารอันโอชะของมัน สิ่งที่มันยอมรับเพียงอย่างเดียวตอนนี้ก็คือแอปเปิ้ลพาย มันชอบมากและเคยกินครั้งแรกก็กับบาทหลวงหน้าโง่นี่แหละ บาทหลวงนี่ลืมจานที่มีแอปเปิ้ลพายไว้สองชิ้นไว้ใต้ต้นไม้ที่มันนอนพอดี กลิ่นหอมของแอปเปิ้ลพายทำเอามันห้ามตัวเองไม่อยู่ รีบขโมยมากินชิ้นนึงและพบว่าอร่อยมาก พอมันจะขโมยอีกชิ้นเจ้าของจานก็มาพอดีเป็นอันอดไป โคลว์หลุดยิ้มนิดๆ อย่างน้อยการเห็นบาทหลวงงี่เง่านี่ก็ทำให้มันอารมณ์ดีนิดหน่อยเพราะบาทหลวงในสมัยนี้นั้นหายาก พวกมนุษย์นับถือตัวเองมากขึ้นจนเลือกจะทิ้งความเชื่อตัวเองไว้เบื้องหลัง นั่นเท่ากับว่าการมีอยู่ของบาทหลวงนี่นั้นเป็นเครื่องยืนยันถึงอดีตที่สาวมาถึงปัจจุบัน พวกมันยังไม่ถูกลืมเลือนไปจนหมด ถึงแม้จะมีตัวตนแต่ก็เลือนรางเหลือเกินในสายตาพวกมนุษย์ มันไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเจ็บปวดรึเปล่าเพราะตอนนี้ก็น่าจะเหลือแค่มันแล้วสำหรับปีศาจเผ่าพันธุ์ของมัน การกวาดล้างของพวกบาทหลวงตอนนั้นน่ากลัวและรุนแรงเกินไป มันเสียพ่อแม่เพื่อนไปมากมายกับเหตุการณ์ครั้งนั้น ที่มันยังไม่ถูกกำจัดนั้นก็เพราะถูกบังคับให้จำศีลร้อยปีและฝังไว้ใต้โบถส์นี้ก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น ซ่า.. นัยน์ตาเทาฉายแววอมทุกข์ก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็ว เหตุกาณ์ครั้งนั้นผ่านไปนานมากแล้วเหมือนกับฝนที่ตกหนักห่าใหญ่และค่อยๆ หายไปในที่สุด ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้นอกจากความทรงจำของผู้ที่ยังคงอยู่ มันเจ็บปวดก็จริงแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ ความชินชามากกว่าที่เป็นสิ่งที่มันกลัว กลัวว่าสักวันจะเผลอปลิดชีพตัวเองเพราะเบื่อหน่ายกับชีวิตมากเกินไป "...ฟู่่ว" โคลว์สะดุ้งเฮือกรีบผลุดลุกขึ้นนั่งมองหาต้นกำเนิดเสียงอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่ายัยแวมไพร์สองสาวนั่นจะกลับมาแก้แค้นรึเปล่า มันในตอนที่เริ่มจะหิวนี่คงไม่มีแรงสู้กับใครสักเท่าไหร่ ซึ่งพอเห็นว่าเป็นใครมันก็ถอนหายใจเซ็งๆ ยกมือนวดขมับตัวเอง ไอ้บาทหลวงหน้าโง่... ไม่รู้ว่าบังเอิญรึเปล่าที่บาทหลวงนั่นเดินมาอยู่ใต้ต้นไม้ที่มันนอนอยู่พอดี มันเท้าคางมองอย่างสนใจเพราะนี่ไม่ใช่เวลาที่บาทหลวงจะออกมาเดินเพ่นพ่าน ปกติเห็นสองทุ่มบาทหลวงนี่ก็หลับตายแล้ว ถามว่ารู้ได้ไงมันก็เคยไปอีกนั่นแหละ ตอนนั้นมันหิวๆ แล้วขี้เกียจไปไกลก็เลยไปลองส่องฝันของบาทหลวงนี่เล่นๆ ดู รู้อะไรไหม? ในฝันของผู้ชายวัยประมาณสามสิบคือการไล่ต้อนแกะพร้อมกับหมาคอร์กี้!! ตอนนั้นมันใช้ร่างเป็นอีกาไปเกาะบนต้นไม้ มองผู้ชายที่ยิ้มโง่ๆ ไล่ต้อนแกะให้เข้ารั้ว คือมันไม่เข้าใจว่าไอ้บาทหลวงงี่เง่านี่มันฝันอะไรของมัน ไร้สาระจนมันทนไม่ไหวยอมออกจากฝันไปเข้าเมือง ไปหาเหยื่อตัวอื่นที่ดูจะมีสติสตังมากกว่านี้ "..ฟู่่ว" ควันสีเทาลอยฟุ้งพร้อมๆ กับกลิ่นฉุนในอากาศ โคลว์ขมวดคิ้ว เพิ่งสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังสูบบุหรี่ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า? มันอยากจะเอ่ยปากถามแต่ปากก็หนักเกินกว่าที่จะทำ มันนั่งมองนิ่งๆ เห็นร่างสูงที่ตอนนี้ไม่อยู่ในชุดบาทหลวงสีขาวแล้วแต่อยู่ในชุดลำลองชายสบายๆ สีหน้าเคร่งขรึมเหมือนมีเรื่องหนักอกหนักใจ "..หือ?" มันสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกคนข้างล่างเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาของโคลว์เบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก อย่ามองเห็นเถอะ.. แปลกที่อยู่ๆ ในหัวของมันก็คิดคำนี้ขึ้นมา มันไม่รู้ทำไมตัวเองถึงต้องตกใจด้วยซ้ำเพราะมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นปีศาจที่อยู่ในร่างปกติได้ อย่างตอนที่มันไปขอกินแอปเปิ้ลพายก็อยู่ในร่างมนุษย์ที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ หากแต่มันยังไม่หายตกใจดี คนที่ทำมันตกใจก็ดึงสายตาตัวเองกลับไปมองทางอื่นแล้วสูบหนักๆ ครั้งหนึ่งก่อนที่จะพ่นควันออกมา ร่างปีศาจที่แข็งเกร็งขึ้นมาจึงค่อยผ่อนคลายลง โคลว์ลูบอกตัวเองที่หัวใจเต้นแรงไม่หาย ต้องยอมรับว่าลึกๆ แล้วมันกลัวที่จะถูกบาทหลวงนี่จับได้ นัยน์ตาสีเทาของมันเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีดำจากความเครียดที่ก่อตัวขึ้น มันหลับตาลงเบี่ยงสายตามองไปฝั่งตรงข้ามกับร่างที่อยู่เบื้องล่าง ปีศาจกับบาทหลวง... แม้แต่คำว่าคนรู้จักยังเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ มันรู้ว่าถ้าบาทหลวงงี่เง่ารู้ว่ามันเป็นปีศาจคงไม่วายรังเกียจมันและหาทางกำจัดมันอย่างเลือดเย็น กับคนที่ใช้เวลาทุกวันในการ สวดมนต์ขับไล่สาปแช่งปีศาจ มันไม่คาดหวังหรอกว่าตัวเองจะรอดจากฝีมือบาทหลวงนี่ แต่มันก็ยังคาดหวังเล็กๆ ว่ามันจะมีชีวิตที่สงบสุขแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันมีความสุขกับการเข้าไปในเมืองหนึ่งครั้งต่อเดือนและกลับนอนอุดอู้บนต้นไม้รอกินแอปเปิ้ลเวลาที่บาทหลวงนี่ทำ แค่นี้มันก็รู้สึกว่าชีวิตของมันมีความสุขเป็นบ้า ถึงแม้ว่ามันจะพยายามเลิกกินแอปเปิ้ลพายก็เถอะ ช่วยไม่ได้ มันไม่อยากยึดติดกับมนุษย์มากเกินไป ไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าพวกมนุษย์มันทั้งอ่อนแอและอายุสั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมามีแต่ปีศาจอย่างมันที่ต้องเจ็บปวดฝ่ายเดียวและมันไม่ก็ไม่คุ้มค่าสักนิดที่มันจะต้องยอมกลายเป็นแบบนั้น กว่ามันจะกลับมาใช้ชีวิตปกติจากเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ก็ใช้เวลาหลายปี โครก... โคลว์กลอกตาแล้วกระโดดลงจากต้นไม้อย่างไม่ยากเย็น ท้องของมันคร่ำครวญหาอาหารอีกแล้ว มันเหลือบมองบาทหลวงหนุ่มนิดหน่อยขณะที่เดิน เอาเข้าจริงมันก็สามารถกินบาทหลวงนี่ได้นะ แต่มันเลือกที่จะไม่ทำ ไม่รู้สิมันโง่เกินล่ะมั้ง มันถึงกินไม่ลงสักทีหรือไม่ก็ถ้ากินเข้าไปก็อาจจะโง่ตาย ฉะนั้นไม่กินคงจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด เพราะความคิดที่ว่าอีกฝ่ายคงไม่เห็นตัวเอง โคลว์จึงเดินผ่านในระยะที่ค่อนข้างใกล้เอามากๆ บาทหลวงงี่เง่านี่เลือกที่สูบบุหรี่ได้ขวางทางเดินมันพอดี ไหล่ของมันแทบจะชนกับบาทหลวงหน้าโง่ด้วยซ้ำแต่อีกฝ่ายไม่แม้กระทั่งจะรู้ตัว โคลว์ส่ายหัวให้กับความคิดตัวเองไม่รู้ว่ามันคาดหวังหรือไม่คาดหวังกันแน่ สิ่งที่เข้าใจยากกว่ามนุษย์ก็คงเป็นตัวมันเอง กลิ่นบุหรี่ที่อบอวลทำให้มันรู้สึกเป็นห่วง มันหยุดฝีเท้าหันไปมองคนที่ปกติจะยิ้มอยู่เสมอตอนนี้ทำหน้าอมทุกข์เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ พอเถอะน่า.. โคลว์ คำเตือนหนึ่งดังก้องในหัว "...อืม" โคลว์ดึงสายตากลับมาแล้วเดินต่อแม้ว่าในใจจะดื้อดึงอยากหันกลับไปมอง หมับ "ไม่เอาน่า ถ้าหิวคุณจะกินผมก็ได้ผมไม่ว่า" ปีศาจหนุ่มยืนตัวแข็งค้างอยู่ท่าเดิมด้วยความตื่นตระหนกถึงขีดสุด มันเห็น!!! โคลว์ยืนตัวสั่นเทา สิ่งที่ตัวเองหวาดกลัวว่าจะเกิดขึ้นตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้ว ความกังวลต่างๆ พากันถาโถมกระโจนเข้ามากัดกิน ปีศาจหนุ่มจนยืนแทบไม่อยู่ "ชู่ว.. ไม่ต้องกลัว" ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นอ้อมกอดเดียวกับเมื่อตอนบ่าย โคลว์พยายามมองบาทหลวงหนุ่มซึ่งอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มใจดีให้พร้อมกับลูบหัวเบาๆ ตัวที่สั่นเทาของปีศาจหนุ่มถึงค่อยทุเลาลง "เจ้าเห็น.. เห็นข้า มาตลอด?" สติที่ตอนนี้แตกกระจายทำเอาโคลว์พูดไม่เป็นภาษา ฮาโรลด์ยิ้มแทบคำตอบ "อืม เห็นคุณชอบนอนบนต้นไม้" "...แล้วเจ้าจะฆ่าข้าไหม" โคลว์ถามตรงๆ เข้าประเด็นหลักเมื่อสติเริ่มกลับมา มันเรียกพลังความมืดออกมาจนอากาศรอบกายหายใจลำบากสำหรับมนุษย์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับบาทหลวงงี่เง่านี่ที่มันคิดเองเออเองมาตลอดว่ามีพลังแต่ใช้ไม่เป็น "ไม่" บาทหลวงหนุ่มหลุดขำเบาๆ รู้สึกเอ็นดูร่างโปร่งที่ตอนนี้นอกจากจะมีผมสีเทาแล้วยังมีเขาเล็กๆ คล้ายแพะสีขาวอมม่วงบนหัวและยังมีหางเล็กๆ สีดำยื่นออกมาจากสะโพก ซึ่งดูรวมๆ แล้วน่าขย้ำเป็นบ้า.. ฮาโรลด์แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาชอบปีศาจสักตนมากขนาดนี้ ปกติจะออกแนวเกลียดด้วยซ้ำเพราะปีศาจส่วนใหญ่มักจะทำร้ายมนุษย์ให้เดือดร้อนอยู่เสมอๆ แต่ปีศาจที่อยู่ในอ้อมกอดเขานี่กลับไม่ทำอะไรแบบนั้น ทั้งๆ ที่เป็นถึง 'ซัคคิวบัส' หรือเรียกอีกอย่างว่าปีศาจกินฝัน ปีศาจจำพวกนี้จะดำรงอยู่ด้วยการเข้าไปในฝันของเหยื่อและเสพสังวาสเพื่อกินดวงวิญญาณของมนุษย์หลังจากนั้นเหยื่อคนที่ว่าก็จะตายเพราะไร้ดวงวิญาณ ซึ่งร่างโปร่งตรงหน้าเขานี่ก็ทำแบบนั้นเหมือนกันแต่กลับกินแค่ไอวิญญาณ ไม่ได้กินดวงวิญญาณจนมนุษย์ตายสักคน มันทำเขาให้แปลกใจและเฝ้าสังเกตปีศาจตรงหน้ามาตลอด แต่ยิ่งเฝ้าติดตามเขาก็ยิ่งดำดิ่งจนไม่สามารถปีนออกมาได้ ต้องยอมรับว่าซัคคิวบัสมีรูปลักษณ์เหลือร้ายจริงๆ ตามที่ตำราว่า "กินผมสิ" บาทหลวงหนุ่มที่ตอนนี้แทบลืมเลือนหลักธรรมไปหมดสิ้นก้มลงไปกระซิบเสียงนุ่มข้างหูโคลว์ "ผมเต็มใจให้คุณกินจนกว่าจะพอใจเลยล่ะ" ซัคคิวบัสหนุ่มกระพริบตาปริบรู้สึกงุนงงมากกว่าหิว "เจ้าว่าอะไรนะ?" โคลว์งงเป็นไก่ตาแตก นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอยู่กันแน่ แต่ก็ยังไม่คลายความระมัดระวังตัวลง กลุ่มหมอกสีดำที่แฝงไปด้วยพลังหมุนริ้วอยู่รอบกายปีศาจหนุ่มเฝ้ารอคำสั่งโจมตีถ้าหากบาทหลวงงี่เง่านี่คิดจะเล่นตุกติก ฮาโรลด์หัวเราะแล้วก้มลงไปจูบเบาๆ ที่หลังใบหูปีศาจ "หิวอยู่ไม่ใช่เหรอ? กินผมสิ" นัยน์ตาของบาทหลวงหนุ่มที่มักจะดูอ่อนโยนอยู่เป็นนิจในเวลานี้กลับพราวระยับและแฝงไปด้วยความต้องการ โคลว์กลืนน้ำลายเอือก ต้องยอมรับว่ามันหิวจริงๆ ยิ่งกลิ่นกายของบาทหลวงนี่เล่นเอามันคิดอะไรแทบไม่ออก "แต่ แต่เจ้าเป็นบาทหลวงนะ ข้าไม่กิน" มีหลายเหตุผลที่โคลว์ใช้ในการละเว้นชีวิตของอีกฝ่ายทั้งๆ ที่มีโอกาสฆ่าอีกฝ่ายหลายต่อหลายครั้ง แต่มันก็ทำไม่ลงสักที ตอนนี้ก็เช่นกัน มันกินคนที่ดีกับมันไม่ลงหรอก โคลว์สบตากับฮาโรลด์นิ่งไม่พูดอะไร พยายามดันตัวอีกฝ่ายออกก และจู่ๆ ฮาโรลด์ก็ยิ้มออกมา "คุณไม่ต้องกลัวผมตายหรอก ผมจะยังคงแข็งแรงดีต่อให้คุณกินด้วยความตะกละทั้งหมดก็ตาม" เหมือนนั่นเป็นคำอนุญาต เส้นสติของโคลว์ขาดผึงเพราะความหิวโหยที่อยู่ๆ ก็ปะทุขึ้นมาจนตกอยู่ในสภาพหิวจัด ซัคคิวบัสนั้นสามารถอดอาหารได้อย่างมากที่สุดก็แค่หนึ่งเดือนถ้ามากกว่านั้นก็จะตกอยู่ในสภาวะที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ หมอกควันที่ถูกเรียกออกมาสลายไปจนหมด สองแขนของซัคคัวบัสหนุ่มจึงรั้งคออีกฝ่ายลงมาจูบอย่างตะกละจนเกิดเสียงลามก นัยน์ตาของโคลว์ยังคงเป็นสีเทากระจ่างใสแจ่มชัดมีสติครบถ้วนแต่กลับเลือกที่จะปล่อยให้ร่างกายเป็นไปตามสัญชาตญาณ โคลว์ปรือตามองเหยื่อตัวเองที่กำลังใช้มือใหญ่ๆ นั้นเฟ้นสะโพกเขาอย่างลามกนอกจากนั้นยังแกล้งกระตุกหางมันจงต้องเผลอสะดุ้งเฮือกอีก "เล่นบ้าอะไร.." มันสบถเมื่อหางของมันถูกกระตุกเล่นอีกครั้งแล้วร้องครางออกมา อึดอัด.. "..ไม่ได้เล่นครับ" บาทหลวงหนุ่มยิ้มนุ่มแม้ว่าการกระทำของตัวเองจะลามกมากๆ ก็ตาม ความคิดในหัวที่คิดอยากทำกับร่างตรงหน้ามาตลอดถูกนำออกมาใช้จนหมด "โอ๊ย!" โคลว์ถลึงตามองหงุดหงิดหนักกว่าเดิม "อย่ากัด!" มองบริเวณหน้าท้องตัวเองที่ถูกหมาตัวใหญ่ไล่ขบกัดไปทั่วจนเป็นรอยแดงและหลุดเสียงร้องดังลั่นเมื่อถูกอุ้มขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว มันแยกเขี้ยวขู่ใส่ฮาโรลด์ที่ยังทำหน้ายิ้มอ่อนโยนขัดกับสิ่งที่ทิ่มแทงที่สะโพกเขาซะเหลือเกิน "เจ้าเป็นบาทหลวงนะ" โคลว์พยายามย้ำความจริงข้อนี้ขณะที่ถูกฮาโรลด์พาเข้าห้องนอนหลังโบถส์ มันมองเตียงสลับกับฮาโรลด์ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันที่มันถูกเหยื่ออ้อนวอนขอให้กินตัวเอง "ผมไม่ได้เป็นแล้ว" ฮาโรลด์ค่อยๆ วางร่างโปร่งบนเตียงแล้วนั่งถอดรองเท้าตัวเองออกอย่างใจเย็น "อะไรนะ?" โคลว์ลุกขึ้นมานั่งมองอีกฝ่ายอึ้งๆ "..เจ้าจะเลิกเป็นบาทหลวง?" "อืม วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะเป็นบาทหลวง ..แต่ยังไงพรุ่งนี้ก็มีคนมาแทนผมอยู่ดี" เพราะนั่งหันหลังอยู่ฮาโรล์จึงไม่เห็นสีหน้าของโคลว์ มือยังคงวุ่นกับรองเท้า แปลกที่อยู่ๆ ใจของมันก็เบาโหวงขึ้นมา ความรู้สึกที่มันเกลียดที่สุดถาโถมเข้ามาจนทำมันรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้ ถ้าบาทหลวงนี่มันไม่อยู่นั่นก็หมายถึงมันต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว บัดซบชะมัด... เจ้าพลาดอีกแล้ว โคลว์ มันตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ มันหวาดกลัวการอยู่คนเดียว ครั้งนี้ที่มันตื่นขึ้นจากการจำศีลได้ก็เพราะบาทหลวงนี่ไปขุดสวนดอกไม้หลังโบถส์และเผลอทำลายมนตราที่ผนึกมันไว้ด้วย ครั้งแรกที่มันลืมตาขึ้นมาอีกครั้งมันดีใจและนึกว่าจะเจอทุกๆ คนเหมือนเดิมแต่แล้วความจริงก็เป็นสิ่งน่ากลัว มันไม่เหลือใครทั้งนั้นนอกจากตัวมันเอง สมาพันธ์ปีศาจที่เคยรุ่งเรืองตอนนี้เหลือเพียงชื่อไม่เหลืออะไรทั้งนั้น มันกำลังจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกครั้ง! ถึงจะมีคนอื่นมาแทนแต่มันก็ไม่เหมือนบาทหลวงโง่นี่! ความหิวโหยที่กัดกินสติของมันกลับไม่ได้ทำให้มันกระโจนใส่เหยื่อ โคลว์ยกมือข้างนวดหว่างคิ้วตัวเองพยายามจะควบคุมตัวเองไม่ให้อ่อนแอ โคลว์เจ้าเป็นถึงซัคคิวบัสนะ.. กับแค่เหยื่อตัวเดียวจะใส่ใจมันทำไมนัก "เอาล่ะ ถึงเวลาอาหารคุณแล้ว" ฮาโรลด์พูดกลั้วหัวเราะแต่พอเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าของอีกฝ่ายก็สะดุ้ง "เดี๋ยวคุณเป็นอะไร" โคลว์ส่ายหัวด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ "เปล่า" ก่อนที่จะผลักอีกฝ่ายให้นอนลงบนเตียงแล้วตัวเองก็ไปนั่งคร่อม มันก้มลงจูบพร้อมๆ กับปลดเข็มขัดอีกฝ่ายออก "เฮ้ เดี๋ยวๆ" เหยื่อร่างใหญ่ดึงมือไว้ "คุณโอเคไหม? ผมว่าคุณไม่โอเคเลยนะ" ฮาโรลด์พูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง "เปล่า" โคลว์ย้ำคำเดิมเสียงนิ่งไม่สบตา "ขอบคุณสำหรับอาหาร" เพราะมือถูกรั้งไว้เพียงข้างเดียว โคลว์จึงสามารถปลดทั้งเข็มขัดและกางเกงของฮาโรลว์ได้สำเร็จ ซัคคิวบัสหนุ่มจึงกดร่างของตัวเองกับสิ่งนั้นทันทีโดยไม่มีการเตรียมอะไรทั้งนั้น ความจุกที่มาพร้อมกับความเต็มตื้นทำเอาโคลว์เปลี่ยนสีหน้า มันเจ็บก็จริงแต่มันก็อยากจะทำให้มันจบๆ ไป บาทหลวงนี่จะได้ไปสักที โคลว์หลุบตาลงต่ำมองมือตัวเองที่กำแน่น "เป็นอะไรของคุณ" ฮาโรลด์ถามเสียงเครียดรั้งเอวอีกฝ่ายเอาไว้แน่นและลุกขึ้นนั่งโดยที่ตัวยังเชื่อมติดกันอยู่ ซัคคิวบัสหนุ่มกลอกตาใส่ตรงๆ "เปล่า คุณใจบุญให้ผมกิน ผมก็กินคุณอยู่นี่ไง" ฟังก็รู้ว่าโกหก.. ฮาโรลด์ขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม "ผมรู้คุณกำลังกินผมอยู่แต่ที่ผมอยากรู้คือคุณร้องไห้ทำไม" น้ำตาเม็ดเล็กที่ยังคงคั่งค้างที่เบ้านั่นเป็นหลักฐานชั้นดีว่าซัคคิวบัสนี่อยู่ในอารมณ์ที่ไม่ปกติแน่ๆ "..." โคลว์ไม่ตอบทำหูทวนลมพยายามแกะมือที่ขัดขวางการกินของตัวเองออก "ถ้าให้เดาคุณคงจะโกรธเรื่องที่ผมย้ายออก" คนเป็นเหยื่อพยายามคาดเดาโดยสังเกตปฏิกิริยาของซัคคิวบัสไปด้วยและก็ได้ผล อีกฝ่ายเบือนหน้าหนีทางอื่นราวกับไม่อยากจะฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ฮาโรลด์หลุดยิ้มนิดๆ "ผมว่าจะชวนคุณไปอยู่ด้วยแต่ปีศาจผู้สูงส่งอย่างคุณไม่น่าตอบตกลงกับเหยื่ออย่างผม" โคลว์หันขวับแทบจะทันทีเมื่อได้ยินคำว่าชวน "เจ้าว่าอะไรนะ?" ฮาโรลด์เลิกคิ้วยิ้มๆ "ผมว่าจะชวนคุณไปอยู่ที่บ้านผม" "..!!" มันเบิกตากว้าง หัวใจเต้นรัวเมื่อฟังจบ บ้าน.. บ้าน..?! บาทหลวงหนุ่มไม่ปล่อยให้โอกาสตัวเองหลุดลอยไปรีบตะล่อมแมวป่าให้เข้ามาอยู่ในกรงทองที่มีเหยื่อยินยอมพร้อมใจให้กินเช้ากินเย็น "ผมจะไปเปิดเบเกอร์รี่ที่บ้านเก่า อบพวกขนมปังแล้วก็พวกพาย" ฮาโรลด์พยายามไม่ยิ้มขณะที่พูด ดวงตาสีเทาของแมวป่าตอนนี้เป็นประกายระยับน่าเอ็นดู "คุณจะได้กินพายแอปเปิ้ลทุกวัน ถ้าคุณมาอยู่กับผม" "บ้าน.. แอปเปิ้ลพาย.." โคลว์ตอนนี้สภาพคล้ายถูกมอมยาจิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความเศร้าที่กัดกินมันเมื่อกี้หายไปทันควันและแทนที่ด้วยความฝันอันสวยงามที่มันฝันที่จะมีมาตลอด อย่างที่รู้ว่าสงครามพรัดพรากสิ่งสำคัญของโคลว์ไปหลายสิ่ง หนึ่งในนั้นก็คือคฤหาสน์ที่เคยเป็นที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่อย่างอบอุ่นหากแต่ตอนนี้นั้นเหลือเพียงเถ้าถ่าน "ใช่ แค่คุณมาอยู่กับผม" ฮาโรลด์ลูบหัวโคลว์เบาๆ "ผมจะดูแลคุณอย่างดี" "...อืม" น้ำตาที่กลั้นไว้นานไหลทะลักเหมือนเขื่อนแตก โคลว์ปล่อยโฮเสียงดังราวกับเด็กๆ โถมตัวเข้ากอดฮาโรลด์สะอื้นฮัก ลืมไปหมดสิ้นว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งก็เล่นเอาฮาโรลด์เหงื่อตกอยู่เหมือนกัน.. "นี่เป็นกุญแจสำหรับห้องนอนแล้วนี่ก็ประตูโบถส์ครับ" บาทหลวงหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงที่มารับช่วงต่อจากฮาโรลด์พยักหน้าหงึกๆ ในขณะเดียวกับก็ลอบมองร่างโปร่งที่กำลังหาวหวอดในมือกอดหมอนข้างกับกระเป๋าเดินทางใบเล็ก ฮาโรลด์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรแต่ก็ไม่ได้ตำหนิอะไร "แต่มาอยู่ที่นี่คุณก็ทำใจหน่อยนะ แถวนี้ไม่ค่อยมีใครศรัทธาสักเท่าไหร่ ถ้าคุณใช้เงินฟุ่มเฟือย ผมไม่แน่ใจเลยว่าคุณจะรอดถึงสิ้นเดือน" ถึงจะพูดติดตลกแต่เรื่องจริงมันไม่ได้ขำสักนิด นี่เป็นอีกเหตุผลใหญ่ๆ ที่ฮาโรลด์เลือกที่จะเลิกเป็นบาทหลวงส่วนเหตุผลใหญ่กว่านั้นก็อย่างที่รู้ "ฮาโรลด์.. ง่วง" ฮาโรลด์ยิ้มดึงร่างที่ยืนโงนเงนมานอนพิงไหล่ตัวเอง "ขอบคุณครับ" บาทหลวงหนุ่มรีบกุญแจมาถือแล้วมองโคลว์ตรงๆ อย่างสงสัย ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลบางอย่างกระตุ้นให้เลือดที่ศรัทธาในแสงสว่างร้อนผ่าวๆ "ผมว่ามีอะไรแปลกๆ นะครับ" คนโดนทักลืมตาขึ้นมามองข้างนึงแล้วแค่นเสียงเหอะใส่หลับตาต่อ "คิดมากไปเองรึเปล่าครับ" ฮาโรลด์กล่าวเสียงแข็งโอบไหล่โคลว์อย่างหวงแหน "เสียเวลามามากแล้วผมคงต้องขอตัว คุณมีปัญหาอะไรก็ติดต่อทางส่วนกลางไปแล้วกัน" พูดจบก็หมุนตัวพาแมวขี้เซาขึ้นรถเพื่อไปยังบ้านใหม่ เพราะโดนตอกหน้าเข้าตรงๆ บาทหลวงหนุ่มก็ยืนนิ่งอึนหน้าชาอยู่ที่เดิม มองตามหลังร่างของคนสองคนที่เดินอาดๆ ที่รถเก๋งคนเก่า "..!" บาทหลวงหนุ่มขยี้ตาตัวเองแรงๆ เมื่อคล้ายกับเห็นเขาและหางของชายร่างโปร่งซึ่งมันก็ปรากฏเพียงเสี้ยววิก่อนที่จะหายไป "สงสัยจะนอนน้อยเกินไปล่ะมั้ง" บ่นพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะเข้าในโบถส์เพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง กี้! กี้! "หือ..?" ฮาโรลด์เหลือบมองกระจกข้างรถเมื่อเห็นค้างคาวสองตัวบินตามมาทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางวันแสกๆ อย่างผิดวิสัย ร่างสูงแค่นเสียงหัวเราะท่องบทสวดบางอย่างซึ่งเมื่อท่องจบ ค้างคาวสองตัวก็ถูกแสงสว่างจัดเผาผลาญกลายเป็นจุลในพริบตา "ก็แค่แวมไพร์โง่ๆ..." ฮาโรลด์ฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดี ภารกิจจับแมวป่าของเขาสำเร็จแล้ว END ------------------ ยาวมากกกก :katai4: เรื่องนี้แต่งตามรีเควสต์ค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับไอเดียแก้ตัน :hao5: ติดตามเพิ่มเติมได้ที่เพจ : https://www.facebook.com/FoggyTime/
หืออ น่ารักมากก
แผนสูงนะเนี่ย คุณบาทหลวง 555
อื้อหือ ไม่ธรรมดา ที่แท้ก็เป็นพวกใช้พลังเป็นสินะ
ปิศาจขี้เหงากะนักบวชจอมเจ้าเล่ห์ซินะ..อยากอ่านต่อ :z2:
สนุกมากค่ะ สรุปบาทหลวงเจ้าเล่ห์สุดสินะ
อยากอ่านต่อจัง...
คุณบาทหลวงงงงงงงงง ที่แท้ก็ร้ายนักนะ
อื้อหื้อออออออ คุณบาทหลวงร้ายกาจจจจจจจจจจ ปีศาจน้อยของเราก็ตกหลุมพลางไปตามระเบียบ :hao4:
คุณบาทหลวงร้ายกาจมากกกอะ เจ้าเล่ห์มาก555 ส่วนปีศาจน้อยของเราก้น่ารักมากก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
จบแล้วหรอคะคนเขียน ยังสนุกอยู่เลย แล้วยังไม่รู้เหตุผลด้วยว่าทำไมฮาโรลด์ถึงมองเห็นปิศาจน้อยในร่างซัคคิวบัส มาต่ออีกซักหน่อยเถอะน้าา :hao5:
ฮาโรลด์ร้ายกาจ
ซัคคิวบัสน้อยน่ารักจัง โดนต้มเปื่อยเลย โดนหลอกไปอยู่ด้วยอีก :hao7:
ร้ายกาจ 5555