พิมพ์หน้านี้ - Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: aiaea83 ที่ 21-07-2017 20:28:23

หัวข้อ: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 21-07-2017 20:28:23
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม




**เรื่องนี้เป็นคู่ของป๋ากร (กรพัฒน์) และพี่ปูนค่า และจะมีเกน ฟลอยด์ (No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ) มาร่วมด้วย**






ผลงานเรื่องที่ผ่านมา

 Just you and I เพราะนายคือของฉัน  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54801.msg3425771#msg3425771) [จบแล้ว] (โช x กลอย)
 No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55243.msg3448636#msg3448636) [จบแล้ว] (ฟลอยด์ x ต้อม)
 คำทำนาย...ทายว่าต้องรัก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55178.msg3445594#msg3445594) [จบแล้ว] (พี่ใหญ่ x น้องอัด)
 พี่ครับ...ไอเลิฟยู  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56100.msg3493194#msg3493194) [จบแล้ว] (เม่น x ม่าน)






*** หมายเหตุ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากจิตนาการ ไม่มีบุคคลในชื่อหรือสถาบันใดๆ เกี่ยวข้องทั้งสิ้น***
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [บทนำ] // [21/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 21-07-2017 20:36:20

- บทนำ -




       การจราจรที่แสนติดขัดทำเอาเจ้าของรถราคาแพงต้องอารมณ์เสีย เกือบสองชั่วโมงเห็นจะได้ที่เขายังไม่สามารถออกจากถนนเส้นนี้ได้ ทั้งที่วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดี แต่กลับต้องมาติดแหง็ก ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องที่น่าหงุดหงิดใจ

   เมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนสี รถสปอร์ตคาร์สีควันบุหรี่ก็เคลื่อนออกตัว ความเร็วที่เหยียบตอนนี้ไม่สมกับสมรรถนะสักเท่าไหร่ อีกทั้งรถราที่แน่นขนัดทำให้เร่งความเร็วได้ไม่เต็มที่ แม้หงุดหงิดแต่ก็พอเข้าใจ

   รถราคาแพงวิ่งฉิว ปลายทางคือร้านดอกไม้ของเพื่อนสนิทที่เพิ่งรู้ข่าว แม้เขาจะเป็นหนุ่มโซเชียลแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ติดตามใครเป็นพิเศษ ขืนติดตามคงมีเป็นล้านๆ แน่นอน ก็คนมันเพื่อนเยอะนี่นะ

   กรพัฒน์ ชายหนุ่มลูกครึ่งไทยจีน เขาร่วมทุนกับเพื่อนสนิทเปิดบริษัทเอเจนซี่เล็กๆ ในสมัยก่อน ผ่านมาไม่ถึงห้าปี บริษัทเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ บริษัทของเขาเทียบเท่าบริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำของประเทศ มีดารา นายแบบ นางแบบ ทั้งในและต่างประเทศรวมๆ หลายร้อยชีวิตในสังกัด ยังมีนิตยสารแฟชั่นที่ได้รับความนิยมมากและมักติดอันดับอยู่ทุกปี

   ชายหนุ่มขับรถหรูฝ่าการจราจรติดหนึบจนมาถึงหน้าร้านขายดอกไม้ขนาดกลางสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ดูเท่และแปลกกว่าร้านอื่นๆ เจ้าของรถหรูก้าวขายาวลงจากรถ ดวงตาคมมองผ่านแว่นตากันแดดสีชาเข้าไปด้านหน้าร้านที่เป็นกระจกบานใส เห็นหลังไวๆ ของใครสักคนที่คาดว่าจะเป็นคนที่เขาจะมาเจอ

   ขายาวก้าวตรงเข้าไปด้านใน ทันทีที่ดึงประตูกระจก เสียงกระดิ่ง ที่มัดติดกับที่จับก็ดังขึ้น ภายในร้านดูสวยสมกับเป็นร้านขายดอกไม้ อีกทั้งเจ้าของยังตกแต่งไว้ได้เรียบแต่หรู กรพัฒน์ยืนมองทั่วร้านแล้วก็นึกแปลกใจ เพราะเขามายืนนานขนาดนี้กลับไม่มีใครออกมาต้อนรับสักคน อีกทั้งเมื่อครู่ กระดิ่งประตูก็ดังลั่นร้านขนาดนั้น


   “มีใครอยู่ไหมครับ” สุดท้ายก็ต้องร้องถามขึ้น “ฮัลโหล มีคนอยู่ไหม...”

   “ครับๆ”

   จังหวะที่จะเรียก อยู่ๆ ก็มีศีรษะโผล่ขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ หากไม่ได้ยินเสียงตอบกลับเขาคงตกใจและอาจวิ่งหนี ชายหนุ่มเตรียมบ่นหากคนที่ขานรับไม่ยิ้มกว้างส่งมา


   เหมือนเจอลูกกวางตัวน้อยเลยให้ตาย


   เด็กหนุ่มหลังเคาน์เตอร์เอียงคอมองเขา ดวงตากลมแวววาวเหมือนลูกกวางกำลังจ้องมาที่เขาจนทำตัวไม่ถูก ในมือเด็กนั่นถือดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอกที่ดูยังไงก็ยังสวยสู้คนถือไม่ได้...


   ใช่ ผู้ชายคนนี้ สวยกว่าดอกกุหลาบซะอีก


   “คุณลูกค้าต้องการซื้อดอกไม้หรือครับ” เสียงใสยิ่งกว่าบรรดานางแบบที่เคยพูดคุย “เอ่อ คุณลูกค้าครับ”

   “ครับ? อ่อ พอดีผมมาหาโรส เจ้าของร้านครับ” กว่าจะมีสติก็ถูกเรียกอยู่หลายครั้งจนอยากตบหัวตัวเองที่เผลอหลงใหลรูปร่างและหน้าตาคนตรงหน้า

   “พี่โรสออกไปข้างนอกครับ เดี๋ยวก็คงกลับ เอ่อ...ใช่คุณกร หรือเปล่าครับ”

   “รู้จักผมด้วยเหรอ”

   รู้สึกแปลกใจจนต้องขมวดคิ้ว หรือชื่อเสียงเขาจะดังมากถึงขนาดมีคนรู้จัก แม้ไม่ใช่กลุ่มไฮโซเซเลปก็ตาม หากความมั่นใจกลับถูกขยี้ลงจนอกเกือบแฟบเมื่อได้ยินคำตอบ

   “เปล่าครับ พอดีพี่โรสบอกก่อนออกไปว่าเพื่อนที่ชื่อกรจะมาหา” แม้หน้าตาจะใสซื่อ แต่คำพูดคำจาดูไม่ใช่เด็กที่หลอกง่ายสักนิด “เชิญนั่งก่อนครับ อีกเดี๋ยวพี่โรสคงถึงแล้ว”

   “ครับ” กรพัฒน์เดินมานั่งที่เก้าอี้ที่ถูกดัดจากโครงเหล็กที่ตกแต่งด้วยไม้ดูเข้ากับร้าน ก่อนคนที่ทำให้ตะลึงจะวางแก้วน้ำเปล่าให้ “ขอบคุณครับ”

   “ไม่เป็นไรครับ” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มที่ไม่อาจละสายตาได้ ยิ่งกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ติดอยู่ปลายจมูกของเขายามที่เด็กหนุ่มมาเข้าใกล้จนไม่อยากให้เดินไปที่อื่น


   ตัวหอมกว่ากลิ่นดอกไม้ในร้านนี้ซะอีก


   ช่วงเวลาที่กรพัฒน์ต้องนั่งในร้านช่างรู้สึกอึดอัด ไม่ใช่ที่ต้องรอนาน แต่เพราะอยากคุยกับเด็กหนุ่มที่ง่วนอยู่กับดอกไม้ ใบหน้าหวานมีแก้มป่องนิดๆ ดูน่าฟัดด้วยจมูก ผมที่คิดว่าคงจะยาวประบ่าถูกรวบหางม้าโชว์ท้ายทอยขาว จมูกโด่งไม่มากเช่นลูกครึ่งแต่ก็สวย ริมฝีปากแดงโดยไม่ต้องทาลิปสติกช่างน่า...


   ...น่าหลงใหลเป็นที่สุด


   จังหวะที่ความอดทนจบลง กรพัฒน์ส่งเสียงเรียกไปพร้อมกับประตูร้านเปิดออก ใบหน้าหวานเงยขึ้น ปากแดงเผยรอยยิ้มหวานให้คนที่เพิ่งเข้ามา


   ขัดใจที่รอยยิ้มนั่นมอบให้คนอื่น ทั้งที่รู้ว่ายังไม่มีสิทธิ์


   “อ่าว กร มานานแล้วเหรอ ขอโทษที่ให้รอนะ” เจ้าของร้านคนสวยเดินเข้ามาพร้อมของพะรุงพะรัง “ปูนจ๋า พี่ฝากเอาไปเก็บหลังร้านให้หน่อยได้ไหมจ๊ะ”


   ชื่อปูนนั่นเอง


   “พี่โรสซื้อขนมมาขนาดนี้แล้วก็มาบ่นอ้วนกับปูนอีก” น้ำเสียงกึ่งเย้ากับแก้มป่องนั่น ดูน่าหยิกซะจริง

   “แหม มีของปูนด้วยต่างหาก พี่ไม่ยอมอ้วนคนเดียวหรอก” เจ้าของร้านยิ้มเอ็นดูพนักงานที่เธอรัก “ฝากทีนะ”

   “ครับ”

   กรพัฒน์มองตามร่างผอมที่เดินเข้าไปด้านหลังร้าน มองตามจนไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกของเพื่อนที่ถึงกับต้องสะกิดคนเหม่อถึงจะสนใจ

   “เป็นอะไร” โรสเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะเห็นเพื่อนสนิทมองตามพนักงานของตัวเองไม่กระพริบตา

   “เปล่า ไม่ได้เป็น” กรพัฒน์กระแอมก่อนตอบ “ว่าแต่ ที่คุยในโทรศัพท์ โรสจะว่าไง ตกลงหรือเปล่า”

   “มันจะเหมาะเหรอ เราไม่ได้เป็นนางแบบนะ”

   “เหมาะสิ”

   กรพัฒน์ยิ้มให้เพื่อน เขาโทรชวนเพื่อนให้มาถ่ายแบบลงนิตยสารให้ในธีมเจ้าหญิงดอกไม้ และที่เลือกเพื่อนคนนี้ก็เพราะตรงคอนเซ็ป ทั้งสวย มีสไตล์กับดวงตาเฉี่ยวไม่เหมือนใคร

   “งั้นเหรอ”

   “ที่สุด”

   หญิงสาวหัวเราะเพื่อนสนิทที่ขยิบตาให้ กรพัฒน์เป็นผู้ชายที่ถูกขนานนามว่า พ่อเสือร้ายหรือคาสโนว่าตัวท็อป ไม่ว่าสาวคนไหนที่ได้จ้องมองดวงตาคมก็มักจะหลงใหลแทบทุกคน

   “กรว่าไง เราก็ว่างั้น” ในที่สุด โรสก็ตอบรับ “แต่เราพาปูนไปด้วยได้หรือเปล่า ปูนจัดดอกไม้สวย เราว่าฉากคงจะสวยดีนะ”

   “ได้” รีบตกลงอย่างไม่ต้องคิด ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ทั้งที่ตอนแรกก็คิดหาวิธีที่จะให้เพื่อนพาลูกกวางไปด้วย แบบนี้ก็ไม่ต้องคิดหาเหตุผล ช่างดีจริง “เดี๋ยวจะส่งรายละเอียดมาให้อีกทีนะ”

   “อ่าห๊ะ” โรสเลิกคิ้วมองหน้าเพื่อนที่คุยกับเธอ แต่สายตากลับมองไปที่คนที่เพิ่งเดินออกมา “ปูนจ๋า มานี่หน่อย” อดไม่ได้ที่จะลอง พอคนที่เรียกเดินมาใกล้ ก็ยิ่งเห็นท่าทีของเพื่อนหนุ่ม “พอดีคุณรุฒแกอยากได้ดอกไม้ช่อหนึ่งน่ะ ปูนจัดให้พี่หน่อยนะ”

   “ได้ครับ ว่าแต่ ดอกไม้อะไรหรือครับ” หน้าใสเอียงคอถาม ยิ่งทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจชายหนุ่มเต้นแรง

   “ดอกลิลลี่”

   “อ๋อ เอาไปฝากแฟนนี่เอง ได้ครับ”

   ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็รีบเดินไปเปิดตู้ดอกไม้และง่วนอยู่กับการจัดช่อดอกลิลลี่ ความสุข รอยยิ้มและท่าทาง ดูแล้วไม่อาจละสายตาได้แม้เพียงเสี้ยววินาที

   “กรไม่มีงานต่อเหรอ” โรสถามเมื่อเห็นเพื่อนไม่ยอมขยับตัวไปไหน ทั้งที่คุยกันจบแล้ว แถมยังเอาแต่จ้องปูนจนเหมือนจะกลืนลงท้อง “กร!”

   “หา? โรสถามอะไรนะ”

   “เราถามว่ากรไม่ไปทำงานต่อเหรอ”

   “อ๋อ เออใช่ มีงานต่อ งั้นเดี๋ยวส่งรายละเอียดมาให้นะ” แม้ไม่อยากไป แต่ก็ต้องไป กรพัฒน์ลุกขึ้นยืน ขายาวก้าวไปที่ประตู คนที่จัดดอกไม้ก็ไม่คิดจะเงยหน้ามามอง ทั้งที่เขาจะกลับแล้วแท้ๆ “อะแฮ่ม กลับก่อนนะ” อดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดังก่อนลา

   “จ้าๆ” โรสขำเพื่อนหนุ่มที่บอกลาซะเสียงดัง คงอยากให้พนักงานของเธอได้ยิน “พ่อคาสโนว่า” หญิงสาวพูดกับตัวเองพร้อมรอยยิ้ม ดูแล้วเพื่อนหนุ่มคงหลงเสน่ห์พนักงานดอกไม้เธออีกคนซะแล้ว

   “พี่โรสเป็นอะไร ทำไมยิ้มคนเดียว”

   “ปูนจ๋า พี่ว่า ปูนคงปวดหัวแน่นอนต่อจากนี้”

   แม้จะไม่เข้าใจและงงมากๆ เด็กหนุ่มก็ไม่คิดจะถามต่อ เพราะตอนนี้ต้องจัดช่อดอกไม้ให้ลูกค้าเจ้าประจำซะก่อน ส่วนเรื่องอื่น หากไม่เกี่ยวกับตัวเองก็ไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว รู้ไปก็ปวดหัวเปล่าๆ...



   แต่ดวงตาคมเมื่อกี้ยามสบสายตา ดูน่ากลัวแต่ก็ดึงดูด คงเป็นคนที่น่ากลัวพอดู คนๆ นั้น



...TBC


สวัสดีค่า ไม่รู้ว่าวันนี้วันดีหรือเปล่า แต่เราจะมา ฮ่าๆๆๆ

เรื่องนี้ หากใครได้อ่านเรื่อง No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ จะรู้ว่า คู่ของเรื่องนี้เป็นตัวประกอบมาในช่วงพาร์ทของพี่เกนแล้วก็ป่านค่ะ

อาจไม่หวานเท่า? หรืออาจจะเลี่ยนมากกว่าก็ขอได้โปรดให้อภัยด้วยค่า

หรือมีตรงไหนตกหล่นหรือก๊งๆ งงๆ ก็บอกกันได้ค่า จะได้รีบแก้ไขให้ดีกว่าเดิม

ขอฝากป๋ากรกับน้องปูนไว้ในอ้อมอก อ้อมใจด้วยนะคะ  :mew1: :mew1:

ขอบคุณค่าาา
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [บทนำ] // [21/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 21-07-2017 21:19:01
 :z13:  มาแปะไว้ก่อง..เดี๋ยวมาอ่าน.. :z1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [บทนำ] // [21/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Kaemmiizz ที่ 21-07-2017 21:19:15
อีกเดี๋ยวตาพระเอกคงจะหลงหนักกว่านี้
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [บทนำ] // [21/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-07-2017 21:42:35
ติดตามๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [บทนำ] // [21/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-07-2017 23:00:28
ตาม ตาม ตาม
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [บทนำ] // [21/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 23-07-2017 00:46:03
 o13 ตามติดค่ะ...
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [บทนำ] // [21/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aom2529 ที่ 23-07-2017 11:29:35
ป๋าคงต้องแย่งชิงแล้วล่ะ..ดูแล้วพี่ปูนคงเสน่ห์แรงน่าดู.. :laugh:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 1] // [27/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 27-07-2017 22:09:14
- 1 -




        อากาศยามเช้าแสนสดชื่นด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ ปูน เด็กหนุ่มหน้าตาสวยจนใครๆ ถึงกับไม่เชื่อว่าเป็นชายหนุ่ม ด้วยสรีระบอบบาง มองยังไงก็ผู้หญิง มีแค่หน้าอกแบนๆ เท่านั้นที่คลายความสงสัยจากคนภายนอก แต่ถึงอย่างนั้น เด็กหนุ่มก็มักถูกผู้หญิงตามจีบเพราะคิดว่าเป็นทอม

   นี่มันดูยากขนาดนั้นเชียวหรือ

   มือขาวจัดดอกไม้มาใหม่ใส่ตู้ทำความเย็นเพื่อให้ดอกไม้ดูสดสวยเสมอ ก่อนเสียงกระดิ่งที่ผูกกับที่จับประตูจะดังขึ้น ริมฝีปากบางก็รีบฉีกยิ้มอย่างทุกที

   “สวัสดีครับ ร้านสวีทฟลาวเวอร์ยินดีต้อนรับครับ” เสียงใสพร้อมรอยยิ้มสวยเรียกรอยยิ้มตอบกลับจากอีกฝั่งได้เสมอ “ไม่ทราบว่าอยากได้แบบไหนหรือครับ” ปูนวางแค็ตตาล็อกรูปแบบดอกไม้ ทั้งช่อ ทั้งกระเช้า รวมไปถึงชนิดของดอกไม้ทั้งร้านให้ลูกค้ารายใหม่ได้เลือกสรร

   “อยากได้เป็นของขวัญให้ลูกสาวค่ะ ต้องใช้ดอกไม้อะไรดีคะ” ลูกค้าสาวสูงวัยเอ่ยถามในขณะที่พลิกดูรูปภาพอย่างเลือกไม่ถูก

   “ลูกสาวของคุณลูกค้าชอบดอกไม้อะไรหรือครับ” ปูนถามกลับอย่างสุภาพ คุณป้าเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมรอยยิ้ม คราแรกที่เปิดประตูเข้ามายังคิดว่าเป็นผู้หญิงอยู่เลย ไม่คิดว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย

   “อืม...น่าจะกุหลาบขาวมั้งนะ ป้าเห็นลูกสาวชอบซื้อมาใส่แจกันบ่อยๆ”

   “ถ้าแบบนั้น รับดอกกุหลาบสีขาวเป็นช่อเล็กๆ แต่เรียบหรูแบบนี้ดีไหมครับ เด็กสาวมักจะชอบแบบนี้กัน”

   “จ้ะ เอาตามนี้เลย”

   “กรุณารอสักครู่นะครับ”

   หลังจากได้ชนิดของดอกไม้และรูปแบบ ปูนก็รีบคัดเลือกดอกกุหลาบสีขาวสวยออกมาจัดช่อทรงกลมซึ่งเป็นที่นิยมและเหมาะสำหรับงานวันเกิด

   มือขาวหยิบจับทุกอย่างดูคล่องแคล่วจนคนมองอยู่ถึงกับทึ่ง ผู้ชายที่จัดดอกไม้สวยแถมยังประณีตขนาดนี้ หากมีลูกชายจะยอมยกให้โดยไม่สนเพศเลย คุณป้ายิ้มมองช่อดอกไม้ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างสวยงาม ตอนนี้ถูกผูกริบบิ้นสีชมพูหวานเป็นอย่างสุดท้าย

   “สวยจังลูก”

   ช่อดอกกุหลาบสีขาวถูกจัดเป็นช่อทรงกลม ห่อกระดาษสีขาวสะอาดผูกโบว์สีชมพูสวย แม้ช่อดอกไม้จะสมบูรณ์แบบแค่ไหนก็ยังแพ้คนถืออยู่ดี คุณป้าเม้มริมฝีปากพลางคิดว่าตั้งแต่เกิดมาจนอายุปูนนี้ เธอไม่เคยเจอผู้ชายที่สวยเกินหน้าผู้หญิงมากขนาดนี้มาก่อน ทั้งโครงหน้าได้รูป ดวงตาโต แถมปากนิดจมูกหน่อย หากใครกล้าบอกว่าไม่สวย เธอจะไปตบปากเลย

   “ขอบคุณครับ” ปูนยิ้มยินดีที่ลูกค้าชอบ “การ์ดที่เลือกไว้ จะให้ผมเขียนให้เลย หรือคุณลูกค้าจะเขียนเองครับ...คุณลูกค้าครับ”

   “จ๊ะ? เอ๋ หนูถามป้าว่าอะไรนะ” ดูเหมือนลูกค้าจะเผลอหลงใหลไปกับรอยยิ้มหวาน

   “เรื่องการ์ด จะให้ผมเขียนหรือคุณลูกค้าจะเขียนเองครับ”

   “หนูเขียนให้ป้าเลยจ้ะ เขียนว่า.....” ปูนเปิดการ์ดรูปหัวใจออกแล้วรีบบรรจงเขียนตามคำบอก “หน้าสวย ลายมือยังสวยอีกนะหนู” เป็นคำชมที่ได้ยินบ่อยตั้งแต่ทำงานที่นี่มา ปูนยกมือไหว้ขอบคุณสำหรับคำชม “ถ้าป้ามีลูกชาย ป้าจะจองให้ลูกป้า”

   “จองดอกไม้หรือครับ” คนหน้าหวานกระพริบตาปริบๆ ถามกลับอย่างสงสัย

   “จองหนูนั่นแหละ ผู้ชายอะไรสวยกว่าผู้หญิงอีก สวยกว่าลูกสาวป้าตั้งเยอะ” ว่าแล้วก็ขำออกมา แต่คนถูกชมทำเพียงแค่ยิ้มบางๆ “เท่าไหร่จ๊ะ”

   “ทั้งหมดก็หนึ่งพันห้าร้อยบาทครับ”

   ปูนเดินออกมาส่งลูกค้ารายแรกของวันที่ประตูหลังจากคิดเงินแล้วเสร็จสรรพ รู้สึกวันนี้ช่างโชคดีที่มีลูกค้าตั้งแต่ช่วงเช้า ปกติมักจะเป็นช่วงบ่ายซะมากกว่า เมื่อรถลูกค้าลับตาไป เด็กหนุ่มก็เดินกลับเข้ามาในร้าน พร้อมเก็บกวาดเศษใบไม้ที่ร่วงบนพื้นลงถังขยะ


   “ปูนจ๋า” เสียงใสทักทายจากหน้าประตู เจ้าของชื่อเงยหน้ายิ้มตอบกลับ “ว้าว วันนี้ได้ลูกค้ารายแรกแล้วเหรอ ดีจริง ตั้งแต่ปูนมาทำงาน ร้านพี่กำไรเยอะมาก”

   “พี่โรสพูดเกินไปแล้วครับ ร้านพี่ดังออกอย่างนี้ ไม่เกี่ยวกับปูนหรอก” แม้ร้านดอกไม้จะไม่ใหญ่มาก แต่เจ้าของอย่างโรสก็เป็นที่รู้จักในวงสังคม หลายครั้งที่มีกลุ่มไฮโซไฮซ้อมาซื้อ ไม่ก็สั่งให้ไปส่ง ดังนั้น ไม่ใช่เพราะเขาหรอกร้านถึงได้กำไร

   “ไม่เกินไปหรอก เพราะปูนทำให้ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วกลับมาซื้ออีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่เพราะปูน จะเพราะใครล่ะ” โรสยื่นมือดึงแก้มป่องของเด็กหนุ่ม

   “แก้มปูนยานพอดี” เด็กหนุ่มย่นหน้าน้อยๆ เมื่อแก้มเป็นอิสระ

   โรสหัวเราะร่าก่อนเดินไปเก็บของหลังร้าน เธอมาร้านสายเพราะเมื่อคืนต้องคิดงานซุ้มงานแต่งงานของเพื่อน แต่ถึงจะมาสายหรือไม่มา ปูนก็สามารถจัดการได้อยู่แล้ว

   “ปูนจ๋า เดี๋ยวไปซื้อของให้พี่หน่อยนะ เพื่อนพี่จะมาทานมื้อเที่ยงพร้อมคุยงานน่ะ” โรสเดินออกมาพร้อมใบรายการของที่ต้องใช้ “รบกวนด้วยน้า”

   “ได้อยู่แล้วครับ แล้วก็ไม่ได้รบกวนอะไรเลย” ปูนรับใบรายการมาดูแล้วยิ้มออกมา

   “น่ารักเสมอน้องพี่ นี่ถ้าปูนไม่สวยกว่าพี่นะ พี่จะจีบไปแล้ว” ไม่ชมเปล่า โรสยังดึงแก้มคนหน้างออีกรอบ ตอนขามาก็อยากจะแวะซื้อ แต่ถ้าให้ปูนไป อาจจะได้ของมากขึ้น เพราะเด็กหนุ่มเป็นขวัญใจของตลาดสด มีบางครั้งที่ไปซื้อของเอง ทั้งแม่ค้า พ่อค้าต่างก็พากันถามหา นั่นคือสาเหตุว่าทำไม โรสถึงให้ปูนไป

   ปูนเก็บกวาดร้านจนเสร็จก็หยิบกระเป๋าพร้อมหมวกกันน็อคมาสวม บอกลาเจ้าของร้านก่อนออกรถ ตลาดสดอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ถึงสามสิบนาทีก็ถึง

   ตลาดสดที่ผู้คนมาจับจ่ายซื้อของไม่ขาดสาย ปูนจอดรถไว้ที่ลานด้านหน้าแล้วเดินหาซื้อของตามใบรายการ จากการดูคร่าวๆ เจ้าของร้านคนสวยคงอยากจะทำหมูชุบแป้งทอด ปูนแวะทักทายแทบทุกร้าน และได้ของแถมทุกร้านที่ซื้อ

   “ไม่เห็นตั้งหลายวัน” คุณป้าเจ้าของแผงผักสดทักทายเป็นกันเอง ปูนยิ้มแป้นส่งคืนจนป้าหัวเราะ “อยากได้อะไรละ วันนี้ผักแพงขึ้นนิดหนึ่งนะ แต่สำหรับปูน ป้าคิดราคาคนกันเอง”

   “ขอบคุณครับ” มือสวยยกขึ้นไหว้

   “หนูไม่สนใจลูกชายป้าจริงๆ เหรอ” ระหว่างเลือกกะหล่ำปลี คำถามที่ได้ยินหลายครั้งก็ถูกถามอีกครั้ง “ป้ายกให้เลยนะถ้าเป็นหนูปูนน่ะ”

   “โธ่ คุณป้าละก็ ปูนเป็นผู้ชายนะครับ ลูกชายคุณป้าก็ผู้ชาย” หน้าหวานง้ำงออย่างน่าเอ็นดู

   “ไม่เห็นเป็นไร ป้าดูทีวี มีละครทำเยอะ ป้ารับได้” จากรอยยิ้มที่เห็นคงจะรับได้อย่างที่พูดจริงๆ “เอาๆ คิดได้เมื่อไหร่ก็บอกป้านะ ป้าไม่คิดสินสอด เอ๊ะ หรือป้าต้องให้สินสอดหนู”

   “โธ่ คุณป้า”

   จากแผงผักสดมาเขียงหมู ซึ่งก็ไม่พ้นถูกแซวเรื่องคู่ครองของลูกชายหรือหลานชาย ไม่มีหรอกที่จะขอให้ลูกสาวหรือหลานสาว กว่าจะซื้อของเสร็จก็ปาไปเกือบชั่วโมง ไม่ใช่ของเยอะ แต่เพราะแวะคุยเกือบทุกร้าน ปูนหอบหิ้วถุงของใส่ตะกร้าหน้ารถแล้วขี่กลับ




   หน้าร้านมีรถสีเทาราคาแพงจอดอยู่ ปูนย่นคิ้วมองนิดๆ ก่อนขี่มอเตอร์ไซค์เข้าที่โรงจอดด้านข้างของร้าน รถคันนั้นไม่คุ้นตาสักนิด หรือจะเป็นรถของลูกค้า พอคิดแบบนั้นขาเรียวก็รีบเร่งเข้าร้านจากด้านหลัง ข้าวของถูกวางบนโต๊ะไว้ก่อนจะรีบเดินออกมาหน้าร้าน

   “โอ๊ะ” พอออกมาด้านหน้าก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นโรสกำลังดึงแก้มของผู้ชายตรงหน้าอย่างเมามันส์ แต่พอทั้งคู่เห็นปูนก็รีบผละออกจากกัน “ขอโทษที่มาขัดจังหวะครับ งั้นปูนไปหลังร้าน...”

   “ไม่ได้ขัดจังหวะเลย” ขณะกำลังจะหันหลัง ข้อมือขาวก็ถูกดึงไว้ซะก่อน เป็นเจ้าของร้านคนสวยที่ออกแรงดึงให้ปูนไปนั่งเก้าอี้ระหว่างเธอกับผู้ชายที่เคยเจอวันก่อน “จำกรได้ใช่ไหม ที่มาวันนั้นน่ะ” ปูนกระพริบตาปริบๆ มองคนที่พี่โรสว่า ศีรษะทุยพยักหน้าช้าๆ เป็นคำตอบ

   “สวัสดีครับน้องปูน” คำทักทายกับน้ำเสียงทุ้มดูเป็นมิตร ปูนยิ้มแล้วทักทายกลับเช่นกัน “ไปไหนมาครับ พี่มาไม่เห็นเจอ”

   “ไปซื้อของครับ” ปูนตอบพลางหันไปคืนเงินถอนให้โรส แม้จะเหลือแค่บาทเดียว ปูนก็ยังคืนทุกครั้ง

   “ไม่ถามพี่หรือ ว่ามาทำไม”

        คำถามนี้สร้างความแปลกใจให้ปูนพอสมควร นี่เขาต้องถามด้วยหรือ

   “พูดมากจริง ไปเถอะปูน ไปทำกับข้าวกัน ปล่อยให้แขกนั่งรออยู่ที่นี่แหละ” โรสเห็นพนักงานตัวเองตีหน้ายุ่งก็รีบขวาง มือนุ่มดึงข้อมือขาวให้ยืน “เดี๋ยวปูนจะทำอาหารให้ชิม จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้โม้”

   “พี่จะรอนะครับ”

   ทั้งที่โรสพูดด้วย แต่สายตาของกรพัฒน์กลับมองมาที่ปูนจนหญิงสาวส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ

   ปูนเดินตามโรสเข้ามาในครัวด้านหลัง ทั้งสองช่วยกันทำอาหารมื้อเที่ยง อีกทั้งวันนี้มีเพื่อนของโรสมาด้วย อาหารเลยต้องทำเพิ่มไปอีก โชคดีมื้อนี้เป็นข้าวหน้าหมูทอด เลยไม่จำเป็นต้องทำกับข้าวอื่นๆ อีก ปูนใช้มือหยิบหมูชุบแป้ง ชุบไข่ไก่ ชุบเกร็ดขนมปังแล้วนำลงไปทอด



   “ลูกค้ามา” ปูนพูดขึ้นหลังจากได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าร้านเตือน

   “เดี๋ยวพี่ไปเอง” มือของปูนเปื้อนแบบนี้คงเสียเวลาล้าง โรสเลยออกไปรับลูกค้าเอง

   ปูนหันกลับมาทอดหมูตามเดิม มือที่เปื้อนทำให้ต้องรีบนำหมูลงกระทะเพื่อจะได้ทอดพร้อมกันทีเดียวก่อนจะต้องไปล้างมือ จังหวะหย่อนหมูชิ้นสุดท้ายลงไป น้ำมันร้อนๆ ก็กระเด็นขึ้นมาถูกแขนขาวเป็นวงกว้าง ร่างผอมสะบัดแขนไปมาด้วยความแสบร้อน
 
   “อย่าทำแบบนั้น” เสียงห้าม ดังมาพร้อมแรงดึงแขนขาวเพื่อไม่ให้เช็ดกับผ้ากันเปื้อน “ต้องล้างน้ำนะรู้ไหม ห้ามเช็ดกับผ้ากันเปื้อน มันสกปรก” คำสั่งกลายๆ ของคนที่ควรจะนั่งด้านนอก กรพัฒน์ดึงปูนไปที่อ่างล้างจาน มือใหญ่เปิดน้ำชะหยดน้ำมันที่เปื้อนเป็นดวงๆ ที่แขนขาวพร้อมลูบเบาๆ “จะพองไหมเนี่ย”

   “ไม่หรอกมั้งครับ” ปูนตอบ ดวงตากลมมองแขนตัวเองถูกมือใหญ่กว่าล้างแขนให้อย่างแปลกใจ ก็ดูตกใจมากกว่าคนโดนน้ำมันกระเด็นซะอีก

   “ทำไมไม่ระวังตัว เกิดน้ำมันกระเด็นใส่เยอะกว่านี้จะทำยังไง เป็นแผลมาไม่คุ้มนะ เพราะมันจะเป็นแผลเป็น” เสียงเข้มดุคนไม่ระวังตัว ตอนเดินมาได้ยินเสียงร้องลั่นก็ตกใจจนต้องรีบวิ่งเข้ามาหา พอเห็นคนตัวขาวสะบัดแขนไปมาก็เริ่มใจเสียกลัวจะเป็นอะไรมาก ยังดีที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่แขนไม่เยอะ 

   “ขอบคุณครับ” ปูนเอ่ยขอบคุณคนเป็นห่วง กรพัฒน์ปลายตามองปูนนิดๆ ก่อนดึงทิชชู่มาซับแขนเปียก แขนขาวที่จับอยู่นี้ ผิวเนียนละเอียดยิ่งกว่าผู้หญิง ไม่สิ อาจจะเนียนมากกว่านางแบบในสังกัดเขาซะอีก “หมู!” กลิ่นแปลกๆ ลอยมาขัดการจ้องตาของทั้งคู่ ปูนรีบวิ่งไปหน้าเตา คนถูกขัดจังหวะส่งเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆ ทั้งที่เมื่อกี้เขาสะกดดวงตากลมโตนั่นได้อยู่หมัดแล้วเชียว

   กรยืนกอดอกพิงเคาน์เตอร์ดูปูนทอดหมูอย่างตั้งใจ ใบหน้าขาวดูตราตรึงมากกว่าที่คิด จากที่เจอวันแรก ชายหนุ่มถึงกับเก็บไปเพ้อฝัน ขนาดหลับตา ใบหน้ากับกลิ่นหอมอ่อนๆ ยังตามวนเวียนรอบตัว อานุภาพความน่ารักนี้ช่างอันตรายต่อหัวใจเพลย์บอยอย่างเขาซะจริงๆ

   “ปูนเรียนจบแล้วหรือ จบอะไรมาล่ะ” เพราะห้องครัวดูเงียบจนเกินไป อีกทั้งก็อยากจะรู้ข้อมูลอีกฝ่ายบ้าง กรเลยออกปากถามก่อน คนทอดหมูหันมาสนใจนิดๆ แล้วก็หันกลับไปสนใจหมูในกระทะต่อ

   “ผมเพิ่งเรียนจบครับ” กรย่นคิ้วนิดๆ ไม่ใช่ไม่พอใจคำตอบ แต่บางอย่างมันขัดกับความต้องการ

   “แล้ว...”

   “แหม แค่ลูกค้ามาแป๊บเดียว ถึงกับหายเข้ามาอยู่ในนี้นะ” เหมือนกับว่ากรจะพูดอะไรต่อ แต่โรสดันเข้ามาขัดซะก่อน ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาและขอกลับไปรอด้านนอกตามเดิม ทั้งที่กำลังจะได้ข้อมูลมากกว่านี้อยู่แล้วเชียว

   โรสขำเพื่อนหนุ่มที่หัวเหวี่ยงออกไปด้านนอก ที่จริงอยากขัดตั้งแต่คำถามแรก แต่เห็นเพื่อนจ้องไม่วางตาขนาดนั้นเลยยอมให้ถามก่อน

   “ปูนจัดจานเลยนะครับ” เจ้าของร้านแสนสวยมองด้านหลังของเด็กหนุ่มร่างผอม เธอรักปูนเหมือนน้องชายแท้ๆ ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเดียว พอเจอคนน่ารักแบบนี้ก็อยากได้เป็นน้องชาย “พี่โรสออกไปรอด้านนอกก่อนก็ได้ เดี๋ยวปูนยกไปให้”

   “จ้า พ่อคนน่ารักของพี่” โรสดึงแก้มป่องส่งท้ายก่อนเดินออกมาจากห้องครัว ดวงตาสวยมองเพื่อนสนิทตั้งแต่มหาวิทยาลัยที่ยังนั่งรอมื้อเที่ยง “หวังว่าปูนคงไม่ถูกฉกไปหรอกนะ” หญิงสาวพึมพำเบาๆ

       โรสเดินออกมาด้านนอก แต่สายตาของกรพัฒน์กลับมองเลยเธอเข้าไปในครัว จนต้องส่งเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆ

   “แล้ว...”

   “เดี๋ยวก็ออกมา” โรสว่าอย่างรู้ทัน “เด็กคนนี้ฉันขอได้ไหม”

   “อะไรของเธอโรส ฉันยังไม่ได้อะไรเลยนะ” กรพัฒน์ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

   “ฉันคบกับนายมาตั้งกี่ปีทำไมจะไม่รู้ แค่มองแป๊บเดียวก็เห็นไปถึงไส้ติ่งแล้ว” หญิงสาวทำหน้าตาจริงจัง แต่คนตรงข้ามกลับเอาแต่ขำ “ฉันจริงจังนะกร กับปูนเนี่ย เป็นเด็กดีแล้วก็น่ารัก...”

   “ใช่ น่ารักดี”

   “ไอ้กร”

   “เอ๊า ก็พูดจริง”

   โรสกำลังจะอ้าปากต่อว่าเพื่อน แต่คนที่ตกอยู่ในประเด็นสนทนากลับเดินออกมาซะก่อน ปูนยิ้มพร้อมวางจานข้าวหน้าหมูทอดสองจานลงบนโต๊ะ

   “ขอบใจจ้ะ” โรสเอ่ย แต่อีกคนกลับย่นคิ้วไม่ยอมแตะต้องอาหารในจาน “เป็นอะไร”

   “ทำไมมีแค่สองจานล่ะ” กรพัฒน์เอ่ยถาม

   “ก็ของคุณกรกับพี่โรสไงครับ” คนยกจานออกมาถึงกับทำหน้างง

   “แล้วของปูนล่ะ” คราวนี้ดวงตาคมจับจ้องหน้าขาว

        ปูนย่นคิ้วนิดๆ หลังจากถูกถาม “ผมยังไม่หิวครับ” ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะถามกลับ ประตูหน้าร้านก็เปิดออกพร้อมลูกค้าของร้าน ปูนเลยถือโอกาสผละไป เด็กหนุ่มถอนหายใจนิดๆ ไม่คิดว่าจะถูกคาดคั้นเรื่องไม่เป็นเรื่อง




   ตลอดเวลาในการพูดคุยหรือจัดช่อดอกไม้ หางตากลมจะต้องแอบเหล่มองเพื่อนของเจ้าของร้าน กรพัฒน์ยังไม่ยอมแตะต้องอาหารจานนั้น ทั้งที่โรสละเลียดทานไปเรื่อยๆ และเมื่อลูกค้าเดินออกจากร้านปุ๊บ คนที่นั่งจ้องก็ลุกไปหาทันที มือใหญ่เคาะเคาน์เตอร์เพื่อเรียกความสนใจ

   “ครับ?” ปูนมัวแต่ทำความสะอาด พอเงยหน้ามาก็เจอคนตีหน้ายุ่งยืนจ้องเขาอยู่

   “ไปกินข้าวก่อน” เสียงทุ้มบอก นั่นไม่น่าแปลกใจเท่ากับดวงตาที่จ้องดุอย่างกับปูนกำลังทำความผิด
 
   “ผมยังไม่หิวเลยครับ” ปูนตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ แต่ไม่ทำให้คนอีกฝั่งเข้าใจ

   “ไม่หิวก็ต้องกิน นี่จะเที่ยงอยู่แล้ว” กรพัฒน์ชี้นาฬิกาข้อมือตัวเองบอก “ไปกินข้าว”

   “แต่ผมยังไม่หิวจริงๆ นะครับ” เสียงใสยืนยันหนักแน่น แต่ดูท่าจะไม่เข้าหู เพราะข้อมือขาวถูกดึงให้เดินตาม ปูนย่นคิ้วมองแผ่นหลังคนที่ฉุดตัวเองออกมาจากเคาน์เตอร์ “คุณกร”

   “นั่ง” คำสั่งกลายๆ กับดวงตาดุ ปูนได้แต่เม้มริมฝีปากก่อนนั่งลง กรพัฒน์นั่งเก้าอี้ตัวเอง มือใหญ่เลื่อนจานข้าวหน้าหมูทอดตัวเองมาด้านหน้าของปูน “กินข้าว”

   “เดี๋ยวผมไปเอา...”

   “กินกับพี่นี่แหละ”

   ไม่รอให้จบประโยค กรพัฒน์รีบพูดแทรกขึ้นมา ปูนหันหน้าไปมองโรสหวังจะให้ช่วย แต่หญิงสาวกลับยิ้มบางๆ พยักหน้า ก่อนก้มหน้ากินข้าวของตัวเองต่อ ปูนเลยได้แต่ทำหน้ามุ่ย

   “คือผม...”

   “อย่าดื้อ” เสียงเรียบๆ แต่ดวงตากำลังข่มขู่ กรพัฒน์ตักข้าวพอดีคำยื่นมาจ่อปากแดงที่เจ้าตัวขบเม้มริมฝีปากแน่น “อ้ำๆ”
 
   ปูนช้อนตามองค้อนแวบหนึ่งเมื่อถูกทำเหมือนเด็กเล็ก

   แต่เมื่อไม่มีใครช่วยได้ ปากบางเลยต้องอ้ารับข้าวจากช้อน อันที่จริงปูนเป็นคนกินข้าวตรงเวลาทุกครั้ง แต่เพราะวันนี้โรสพาเพื่อนมา ปูนเลยเผื่อเวลาของตัวเองไว้ ไม่คิดว่าจะต้องมานั่งทานข้าว แถมยังเป็นจานของคนอื่นที่ไม่สนิทด้วยการถูกป้อนอีกต่างหาก

   ปูนกินข้าวสลับกับกรพัฒน์ทีละคำ มันดูแปลกจนแทบไม่อยากเคี้ยวข้าว แต่ไม่เคี้ยวก็จะถูกดุ คนอะไรไม่รู้ ดุทั้งคำพูดและสายตา คนถูกบังคับได้แต่ค่อนขอดในใจ

   “พี่ไปล้างจานแป๊บนะ” ปูนอมข้าวทั้งสองแก้มหันไปมองตาโต โรสลุกจากโต๊ะเข้าไปด้านหลัง ปูนได้แต่มองตามเพราะไปไหนไม่ได้เมื่อถูกบังคับให้กินข้าวให้หมดจาน

   “ทำไมอมข้าวเหมือนเด็กแบบนั้นล่ะ” เสียงอีกด้านทำให้ต้องหันกลับมา กรพัฒน์ยื่นมือเช็ดมุมปากแดงที่มีเม็ดข้าวติดอยู่ นั่นไม่น่าตกใจเท่าเจ้าของมือเอาข้าวเม็ดนั้นเข้าปาก

   “ผม...อิ่มแล้ว” ตกใจจนหาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ หลายครั้งที่ถูกจีบจากเพศเดียวกัน แต่คนๆ นี้กลับจู่โจมไวซะจนตั้งตัวไม่ทัน

   “ว่าจะพูดตั้งแต่ในครัวแล้ว” กรพัฒน์วางช้อนลง ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนัก ยกแขนสองข้างกอดอก ดวงตาคมจ้องกดดันจนคนถูกมองต้องย่นคิ้ว “ทำไมปูนถึงทำตัวสองมาตรฐานแบบนี้ล่ะ”

   “ครับ?” คนถูกว่าถึงกับมึนงงกับสิ่งที่ได้ยิน “สองมาตรฐานคืออะไร?”

   “ก็ปูนแทนตัวเองกับโรสด้วยชื่อ แต่กับพี่แทนด้วยผม เนี่ย มันสองมาตรฐานเห็นๆ” ใบหน้าหล่อเข้มง้ำงอเหมือนเด็กน้อย ปูนกระพริบตาปริบๆ ไม่นานก็เผยรอยยิ้มกว้าง ก่อนจะเริ่มมีเสียงหัวเราะ “ปูน พี่ไม่ตลกนะ”

   “ก็มันขำ” พูดไปก็ขำไป คนตัวโตแถมดูดุ ไหงคิดเล็กคิดน้อย แถมทำหน้าเหมือนเด็กงอแง

   “ปูน” กรพัฒน์เรียกชื่อคนข้างๆ เสียงอ่อน “พี่จริงจังนะครับ”

   “แต่เราไม่ได้สนิท...”

   “ตอนนี้ไม่ อีกเดี๋ยวก็สนิท” คนอยากสนิทยิ้มพราย “พี่โรสของปูนต้องไปถ่ายแบบให้พี่ แล้วปูนก็ต้องไปช่วยด้วย”

   “งานถ่ายแบบเหรอครับ” เสียงใสถามย้อนกลับ

   “ใช่ครับ”

   “แล้วปูนต้องไปด้วยเหรอ” เด็กหนุ่มชี้เข้าหาตัวเองอย่างงงๆ ก็พี่โรสถ่ายแบบ มันเกี่ยวอะไรกับที่เขาต้องไปด้วย กรพัฒน์พยักหน้าช้าๆ “ไปทำไม” ว่าแล้วก็มองหาคนที่เข้าไปด้านหลังที่ยังไม่ยอมออกมาสักที

   “งานมันต้องใช้ดอกไม้ แล้วโรสขอให้ปูนไปด้วย นี่พี่ไม่ได้บอกโรสให้พาปูนไปช่วยนะ” น้ำเสียงสองเสียงช่างน่าเชื่อซะจริงๆ เด็กหนุ่มขำเบาๆ พยักหน้าพยายามเชื่อ

   “ถ้าพี่โรสว่าไง ปูนก็ว่าแบบนั้นแหละครับ”

   “ดีจริง แล้วปูน...”

   “เสียงคุยดังจนไปถึงหลังร้านเชียวนะ” เสียงแหลมแทรกมาก่อนกรพัฒน์จะพูดจบ ชายหนุ่มส่งเสียงจิ๊จ๊ะที่ถูกขัด

   “พี่โรสจะให้ปูนไปด้วยเหรอครับ” พอคนที่อยากถามออกมา เสียงใสก็เอ่ยถาม หญิงสาวพยักหน้าลงช้าๆ “เมื่อไหร่เหรอครับ”

   “วันศุกร์ต้องไปเตรียมของก่อนใช่ไหม” โรสไม่ตอบคำถาม แต่เปลี่ยนไปถามเจ้าของงานแทน พอได้คำยืนยันจากการพยักหน้า หญิงสาวก็ยักไหล่ “ตามนั้นแหละ”

   “เดี๋ยวจะบอกเวลาอีกที แต่คงเย็นๆ เพราะห้องนั้นต้องเคลียร์งานช่วงเช้า” กรพัฒน์ว่า “ปูนมีไลน์ไหม พี่จะได้บอกเวลากับรายละเอียดให้” มือใหญ่รีบหยิบโทรศัพท์เครื่องแพงออกมารอไว้ ปูนหันไปมองเจ้าของร้านคนสวย เมื่อพี่โรสของเขาพยักหน้า ปูนเลยรับมากดหาชื่อตัวเอง ก่อนส่งกลับคืน “เดี๋ยวพี่ส่งไปให้นะ”

   “ครับ”

   ผายใต้ใบหน้านิ่งเฉยแต่ภายในเหมือนอย่างลิงโลด กรพัฒน์พยายามข่มตัวเองให้ทำตัวเป็นปกติ มือตักข้าวหน้าหมูทอดมากิน ริมฝีปากพยายามจะห้ามรอยยิ้มตัวเองอยู่ตลอด ซึ่งท่าทางแบบนั้น ไม่พ้นสายตาของเพื่อนสนิทของโรส หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ อย่างรู้ทัน ก็ในเมื่อเธอเป็นนางแบบก็ต้องรู้ข้อมูลเหมือนกัน แต่เพื่อนสนิทกลับจงใจจะบอกเอง 



   นี่เธอกำลังพาลูกกวางไปให้พ่อเสือขย้ำหรือเปล่า แค่คิดไมเกรนก็พาลจะขึ้น

...TBC

พี่ปูนเวอร์ชั่นใสๆ ค่า ฮ่าๆๆ

ขอโทษที่มาช้าค่ะ ยอมรับผิดเลย พอดีต้องทำธุระเลยไม่สะดวกจริงๆ (โค้ง) ต้องขอโทษที่หายไปนานนะคะ

ตอนนี้ธุระเรียบร้อยแล้ว พร้อมแล้วค่า มาพร้อมการรุกหนักจากพ่อเสือร้าย  :hao7:

แล้วพบกันตอนหน้าค่าา  :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 1] // [27/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-07-2017 03:15:38
ถ้าจะมาเล่นๆนะ  :z6:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 1] // [27/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 28-07-2017 10:32:55
น้องปูนคนสวยยยยยยยย
มีเพื่อนดีเป็นอย่างนี้นี่เอง
พี่กรต้องขอบคุณนางเยอะๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 1] // [27/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 28-07-2017 12:43:17
ตัวพ่อมาแล้วจ้า ฮี่ๆๆ
มีคำผิดท้ายตอนค่ะ ผายใน-->ภายใน  :hao3:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 1] // [27/07/60]
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 28-07-2017 18:22:57
 :hao3: อยากอ่าจเร็ว ๆ ว่าน้องปูนจะต้านเสน่ห์พ่อเสือได้มั๊ย
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 2] // [28/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 28-08-2017 16:46:50

- 2 -




       “ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะครับ” เสียงใสพร้อมรอยยิ้มหวานส่งลูกค้าประจำอยู่หน้าร้าน เมื่อรถยนต์หรูขับออกไป มือขาวถึงล้วงโทรศัพท์ตัวเองออกมาดู เสียงข้อความดังรัวๆ มาตั้งแต่ช่วงเช้า อันที่จริงก็ดังมาตลอดแต่ปูนก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะส่วนมากเป็นคำถามธรรมดาและซ้ำๆ

   ข้อความล่าสุดคือคำถามเรื่องของวันพรุ่งนี้ ที่ปูนต้องเข้าไปดูดอกไม้ที่จะใช้ในงานถ่ายแบบในช่วงเช้าวันถัดไป ใช่ว่าปูนจะดูไม่ออกว่ากรพัฒน์คิดอะไรอยู่ นี่คงคิดว่าเขาเป็นหมูในอวย แค่หยอดคำหวานไม่กี่คำก็ลุ่มหลง


   คนแบบนั้นมีแน่นอน แต่ไม่ใช่ปูนคนนี้


   ชีวิตของปูนผ่านมายี่สิบปีนิดๆ ใช่ว่าคนที่คิดแบบกรพัฒน์จะไม่ผ่านเข้ามา แต่ทุกครั้งที่คนพวกนั้นพยายามเข้ามาใกล้ชิดและรุกล้ำจนดูน่ากลัว จนปูนต้องรีบพูดตัดขาดทันที แม้จะยอมรับกับตัวเองมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่ก็ไม่อยากจะคบกับผู้ชายคนไหน

   ไม่ปฏิเสธเลยที่ว่า กรพัฒน์คือผู้ชายที่ดีกว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามา เขามีพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าตา การงาน รวมถึงฐานะทางสังคม แต่ก็นั่นแหละ ความที่แตกต่างกันขนาดนั้น แค่คิดจะสนิทก็ไม่สมควรแล้ว

   “ปูนจ๋า เย็นนี้พี่ไปเช็คดอกไม้ด้วยไม่ได้แล้ว คุณนายแม่แกโทรมากะทันหันจะให้พาไปทำธุระ ปูนไปดูคนเดียวได้ไหม” โรสนั่งเท้าแขนสองข้างส่งสายตาอ้อนวอนเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ เพราะตอนแรกตกลงกันว่าจะไปด้วยกัน

   “ถ้าไปคนเดียว เขาจะให้ปูนเข้าไปเหรอครับ”

   “ทำไมถึงไม่ให้เข้าล่ะ มันก็เหมือนกับบริษัทอื่นๆ นั่นแหละ แลกบัตรก็เข้าได้ แต่เพื่อความชัวร์ พี่จะบอกกรให้ก่อน โอเคนะ” หญิงสาวยิ้มแป้น พร้อมยื่นมือไปบีบแก้มป่องคนน่ารักตรงหน้า “น่ารักที่สุด ขอบใจน้า”   
 
        ปูนมองตามหลังเจ้านายคนสวย เห็นโรสกดโทรศัพท์หาใครสักคนก่อนจะหายไปด้านหลังร้าน เด็กหนุ่มขบเม้มริมฝีปากแดงแน่น เมื่อรู้สึกลังเลนิดๆ ไม่ใช่ไปคนเดียวไม่ได้ แต่เพราะตึกนั้นต้องมีแต่นายแบบ นางแบบแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ กัน พอก้มมองดูสภาพตัวเองวันนี้ที่แต่งตัวปอนๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจ เข้าไปปุ๊บ คงกลายเป็นแกะดำแน่นอน วันนี้ปูนสวมเสื้อยืดลายลูกกวางสีน้ำตาลอ่อนกับกางเกงขาสามส่วนลายสก็อตอีก ไม่พร้อมเลยให้ตาย แต่รับปากไปแล้วนี่คงได้แต่ทำใจ







   ตลอดทั้งวัน มีลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนจนมือแทบไม่ได้หยุด ส่วนมากก็มักจะเป็นลูกค้าประจำที่น่าจะมาคุยกับพนักงานมากกว่าต้องการซื้อดอกไม้ ปูนต้อนรับลูกค้า ยิ้มจนเหงือกแห้ง น้ำลายแทบหมดเมื่อต้องตอบคำถามมากมายจากบรรดาลูกค้าทั้งชายและหญิง

   “พี่จองดอกกุหลาบช่อหนึ่งนะครับ พรุ่งนี้จะมารับเอง ปูนจัดให้สวยๆ เลยนะ” ลูกค้าคนสุดท้ายของวันสั่งพร้อมรอยยิ้มหวาน

   “ได้ครับ เดี๋ยวปูนจะจัดให้สวยๆ ไม่สวย ไม่ถูกใจเดี๋ยวแก้ให้จนถูกใจเลยครับ” เพราะเจอกันมานานเลยทำให้พูดคุยกันได้อย่างสนิทสนม

   “แค่ปูนเป็นคนจัด พี่ก็ถูกใจหมดนั่นแหละ”

   “นี่หยอดจนปูนจะไหม้คากระทะอยู่แล้วนะครับเนี่ย”

   “ก็จะหยอดจนกว่าปูนจะใจอ่อนนั่นแหละ”

   ปูนเลือกจะหัวเราะแทนคำตอบ ชายหนุ่มเจ้าของร้านทองในย่านคนจีนขยิบตาส่งท้ายก่อนออกจากร้าน คนถูกหยอดถึงกับถอนหายใจออกมาเสียงดัง บางทีการถูกจีบก็ไม่ได้น่าอิจฉาอย่างที่ใครหลายคนว่า กลับกัน มันน่าปวดหัวซะมากกว่าในการคิดหาวิธีเอาตัวรอด...



   “โหย นี่หกโมงครึ่งแล้วเหรอเนี่ย” ปูนเงยหน้ามองนาฬิกาติดผนังถึงรู้ว่าเย็นมากขนาดนี้ ร่างผอมรีบเก็บข้าวของปิดร้านเพื่อจะไปเช็คความเรียบร้อยของดอกไม้ที่จัดส่งไปสำหรับถ่ายแบบที่บริษัทของกรพัฒน์ นี่เลยเวลาที่โรสบอกแล้วด้วย ไม่รู้จะเข้าบริษัทได้อยู่หรือเปล่า

   ปูนรีบเดินออกมาเรียกแท็กซี่ที่หน้าหมู่บ้านตามที่โรสบอก เจ้าของร้านคนสวยให้เงินไว้สำหรับการเดินทาง คงห่วงเพราะทางมันไกล ขืนขี่มอเตอร์ไซค์ไปอาจจะเกิดอุบัติเหตุ...

   ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงตึกขนาดใหญ่ที่โรสว่า ปูนเดินไปที่หน้าป้อมยาม เจอลุงแก่ๆ นั่งสัปหงกอยู่ในป้อม

   “เอ่อ ขอโทษนะครับ” เสียงใสเอ่ยอย่างเกรงใจ “คุณลุงครับ”

   “ครับ? หือ อ่าว มาทำอะไรครับ” คนนั่งหลับสะดุ้งแล้วรีบขยี้ตาถาม

   “พอดีผมมาเช็คของที่จะใช้ถ่ายงานหนังสือพรุ่งนี้...”

   “อ๋อ คุณกรบอกลุงไว้แล้ว ลุงก็รออยู่นาน” ปูนยิ้มแหยๆ เมื่อลุงแกลากนอหนูซะยาว “ต้องแลกบัตรก่อนนะครับ”

   “อ่าครับ” ปูนรีบหยิบบัตรประชาชนให้เพื่อแลกกับบัตรเข้าตึก

   จากป้อมยามต้องเดินมาอีกหลายเมตรเพื่อจะถึงตึกใหญ่ ยิ่งเข้ามาใกล้ ยิ่งตื่นตาเมื่อตัวตึกเปิดไฟหลายสีสลับกันไปมาในยามค่ำคืนแบบนี้

   ปี๊นๆ เสียงบีบแตรดังมาจากทางด้านหลัง คนที่มัวแต่ตกตะลึงแสงไฟของตึกถึงกับสะดุ้งโหยง ปูนหรี่ตาเมื่อถูกแสงไฟหน้ารถสาดส่อง รถยนต์คันคุ้นตาเลื่อนมาจอดด้านข้างก่อนเลื่อนกระจกลงให้เห็นคนขับ

   “ทำไมเพิ่งมาถึงล่ะ ไหนโรสบอกปูนจะมาตอนเย็นไง” เสียงทุ้มถาม แต่ดวงตาคมกลับสำรวจคนที่ยืนยิ้มแหยๆ อยู่ด้านนอก วันนี้ปูนแต่งตัวเหมือนเด็ก ดูน่ารักไปอีกแบบ “ขึ้นมาสิ”

   “ไม่เป็นไรครับ เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว” ปูนรีบปฏิเสธ ก็จะให้ขึ้นรถทำไมในเมื่ออีกไม่กี่เมตรก็ถึงหน้าตึกอยู่แล้ว

   “งั้นก็ตามใจ” กรพัฒน์พยักหน้าก่อนขับรถผ่านหน้าไป ถึงจะขับเลยมา แต่ดวงตายังคงจับจ้องร่างผอมๆ ที่เดินตรงไปหน้าตึก...เป็นคนแรกที่อยากได้จริงๆ

   ชายหนุ่มเจ้าของบริษัทเอเจนซี่จอดรถในที่จอดประจำ ขายาวก้าวเดินฉับๆ อย่างเร่งรีบเพื่อให้ทันคนที่คาดว่าเข้าตึกไปแล้ว และก็จริง กรพัฒน์เห็นลูกกวางของเขายืนหันรีหันขวางอยู่ตรงกลาง มุมปากเริ่มยกยิ้มพร้อมก้าวขาเข้าไปหา หากไม่ติดว่ามีนางแบบคนสวยเดินโฉบเข้ามาทักทายซะก่อน พอหันไปมองอีกที ร่างเล็กนั่นก็หายไปซะแล้ว

   “ไว้คุยกันนะ” กรพัฒน์รีบตัดบทคำชวนดินเนอร์ด้วยการเดินหนี ชายหนุ่มเข้าไปถามประชาสัมพันธ์ถึงรู้ว่าปูนขึ้นไปที่ห้องสตูดิโอแล้ว

   ลิฟต์สำหรับผู้บริหารเลื่อนขึ้นไปชั้นบนอย่างเชื่องช้าในความรู้สึก ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก ดวงตาคมก็เห็นหลังลูกกวางเดินเอื่อยๆ มองซ้ายมองขวาอย่างสนใจ นี่ขนาดมีพนักงานของตึกเดินไปมา แต่ปูนก็ยังดูโดดเด่นออกมาอย่างน่าประหลาดใจ


   นี่แหละ คนที่กรพัฒน์ชอบ ทุกอย่างต้องดูโดดเด่นด้วยตัวเองไม่ใช่เพราะปรุงแต่ง


   “ปูน...” เสียงทุ้มร้องเรียกพร้อมกับอีกเสียงที่ดังออกมาจากประตูสตูดิโอข้างๆ และดูเหมือนลูกกวางจะสนใจเสียงนั้นมากกว่าเขาซะอีก ว่าแล้วขายาวก็รีบก้าวไปหาด้วยความอยากรู้

   “คุณกร สวัสดีค่ะ” กรพัฒน์ยกยิ้มบางๆ ให้คนที่เลิกสนใจเขาเพื่อไปสนใจลูกกวางแทน “ปูน แกมาได้ไงเนี่ย ไม่เจอกันนาน ผอมลงหรือเปล่า แต่น่ารักขึ้น โหย คิดถึง”

   “ใครกันที่หายไปนานน่ะ ไม่ใช่เราสักหน่อย” ปูนยู่ปากงอนเพื่อนสนิทที่งานยุ่งตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ รู้อยู่ว่าเพื่อนเป็นนางแบบแต่ไม่รู้ว่าอยู่ในสังกัดของกรพัฒน์ “แล้วมิ้งค์ถ่ายแบบเสร็จแล้วเหรอ” เสื้อผ้าหน้าผมของเพื่อนดูโดดเด่นและทันสมัยสุดๆ

   “เสร็จแล้ว ว่าแต่ปูนมาทำอะไรที่นี่เหรอ”

   “พอดีเจ้าของร้านที่เราทำงานจะมาถ่ายแบบ เราเลยต้องมาเช็คของก่อน”

   “งั้นเดี๋ยวเรารอ เช็คของเสร็จพวกเราไปหาอะไรกินกันต่อ...”

   “แต่ผมว่าอาจจะนานนะ พรุ่งนี้คุณมีงานต่อไม่ใช่หรือ”

   เสียงที่แทรกขึ้นมาทำให้หนุ่มสาวหันมามอง เกือบลืมไปแล้วว่าเจ้าของบริษัทยืนอยู่ด้วย มิ้งค์ นางแบบในสังกัดรีบหันไปมองเพื่อนอีกรอบแล้วสลับกับหน้าของกรพัฒน์

   “อีกนานเหรอปูน” เธอเลือกจะถามเพื่อนสนิท ซึ่งปูนก็ส่ายหน้าด้วยความไม่รู้เวลา ก็ตอนนี้ยังไม่เห็นของเลย คงไม่รู้ว่าอะไรขาดเหลือบ้าง

   “ผมว่า คุณกลับไปก่อนเถอะ ส่วนเพื่อนของคุณผมจะดูแลให้” แม้เป็นคำพูดเพื่อให้คลายความห่วง แต่นางแบบสาวกลับรู้สึกเหมือนมีดาวที่หางตา ยิ่งเห็นดวงตาคมจ้องหน้าเธอแบบกดดันแบบนั้น ทำให้เหลือเพียงแค่คำตอบเดียวที่จะมอบให้เพื่อนสนิทตัวผอม

   “งั้น เอาไว้เราค่อยนัดเจอกันก็ได้...มิ้งค์ฝากเพื่อนด้วยนะคะคุณกร”

   “ครับ”

   บอกลากันเสร็จสรรพ ปูนก็ถูกมือใหญ่ดันหลังให้เดิน แต่หากมองจากด้านหลัง ท่าทางแบบนั้นคือการโอบเอวชัดๆ กับปูนที่สนิทกันมานานและรู้อยู่แล้วถึงความชอบก็ไม่ค่อยแปลกใจอะไร แต่สำหรับกรพัฒน์ ชายหนุ่มที่ถูกสาวๆ รุมล้อมนั้นช่างน่าตกใจ
 

   หนุ่มในฝันของใครหลายคนถูกเพื่อนเธอจับจองหัวใจไปซะแล้ว




   
   “รู้จักกันนานแล้วหรือ” คำถามที่มาพร้อมน้ำเสียงนิ่ง ปูนหันไปมองหน้าคนข้างๆ เพื่อดูสีหน้าว่ามาอารมณ์ประมาณไหน “ปูน พี่ถามอยู่”

   “สนิทตั้งแต่มัธยม” ตอบพร้อมกับมองสบตาคม

   “สนิทกันมากถึงกับต้องหอมแก้มกันเชียวหรือ”

   “ครับ?” มือที่แตะเอวเปลี่ยนเป็นจับพร้อมดึงร่างผอมเข้ามาชิด ปูนเบิกตาโตตกใจร้องเสียงหลง “อะไรครับเนี่ย”

   “พี่ขอโทษ” คนหึงออกนอกหน้ารีบเอ่ยอย่างรู้สึกผิด กรพัฒน์ปล่อยมือจากเอวบางก่อนลูบหน้าลูบตาตัวเองเพื่อรวบรวมสติ นี่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นคนขี้หึง ปกติไม่เคยหวงของอะไรเลย “ไปดูของเถอะ ห้องนั้น”

   ปูนไม่ตอบรับใดๆ ขาเรียวก้าวเดินเข้าไปยังห้องที่ว่าทันที จะว่าเป็นคนหวงตัวก็ใช่ ทุกครั้งที่มีคนเข้าหาและรุกล้ำมากทีไร ปูนก็มักจะรีบถอยตัวเองออกมา ไม่ใช่เล่นตัว แต่ไม่ชอบ

   ร่างผอมเข้าห้องไปแล้ว คนลืมตัวตบกำแพงสีดำอยู่หลายรอบ กรพัฒน์รู้สึกได้ว่าปูนไม่ชอบใจที่เขาทำ และคงจะถอยห่างไปแน่ พอยิ่งคิดก็ยิ่งอยากตบหัวตัวเองแรงๆ


   มึงทำบ้าอะไรวะ






   ด้านปูนขบเม้มริมฝีปากอยู่ตลอดเวลาในการเช็คดอกไม้สดที่ต้องใช้ เมื่อกี้รู้สึกตกใจจริงๆ ไม่ใช่แค่การกระทำ ยังมีน้ำเสียง สีหน้าที่กรพัฒน์แสดงออกมา มันดูน่ากลัว และไม่น่าเข้าใกล้

   “ดอกไม้สดมากเลยนะคะ” เสียงชวนคุยจากพนักงานของที่นี่เรียกสติให้ปูนกลับมา “หอมด้วย”

   “ดอกไม้ส่งมาจากไร่ เลยดูสดน่ะครับ” คนตัวผอมฉีกยิ้มอย่างทุกที

   “มิน่า ถึงสวยขนาดนี้” พนักงานสาวมองเหม่อโดยไม่รู้ตัวว่าเผลอยิ้มตามคนตรงหน้า นี่ผู้ชายจริงๆ น่ะเหรอ “เอ่อ ขอถามแบบเสียมารยาทได้ไหมคะ”

   “ครับ?”

   “คุณเป็นผู้ชายจริงๆ หรือคะ”

   “เอ่อ...” แม้จะชินกับคำถามแบบนี้ แต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ ว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายตรงไหน “ผู้ชายจริงๆ ครับ” ปูนตอบพร้อมรอยยิ้มอย่างไม่ถือโกรธอะไร พนักงานสาวแทบปรี่เข้ามาใกล้ หน้ายาวยื่นแทบจะติดกับหน้าของปูนด้วยความอยากรู้ “เอ่อ...”

   “หน้าใสมาก ไม่มีรูขุมขน ขนตาก็งอน ตาก็สวย แล้วก็...” ยังพูดไม่ทันจบดี คนถูกประชิดก็ถูกมือใหญ่ดึงให้ออกห่าง เจ้าของมือยืนหน้าหงิกจ้องพนักงานของตัวเอง “เอ่อ คุณกร สวัสดีค่ะ”

   “ไม่รีบทำงานล่ะ เดี๋ยวเสร็จดึกนะ” ไม่ใช่คำสั่ง แต่น้ำเสียงนิ่งจนต้องรีบทำตาม พนักงานสาวโค้งศีรษะให้นิดๆ แล้วรีบเดินหนีไปทำงานทันที

   “ปล่อยก่อนก็ได้ครับ” แรงบิดเล็กๆ ทำให้กรพัฒน์หันมามอง มือใหญ่รีบปล่อยเพราะกลัวคนตัวผอมจะทำท่ากลัวอีก

   “ของครบไหม” กรพัฒน์กระแอมเล็กๆ ก่อนถามออกมา ต่อไปนี้คงต้องรักษาระยะห่าง ขืนใกล้หรือรุกคืบมากไป ลูกกวางอาจจะตื่นจนหนีหายไป แบบนั้นคงรู้สึกแย่น่าดู

   “ยังครับ แต่อีกเดี๋ยวคงครบ” เสียงใสตอบ แต่ดวงตากลับจ้องมองแต่ดอกไม้

   “เหรอ” กรพัฒน์มองคนที่เอาแต่สนใจดอกไม้ รู้หรอกว่าพยายามหลบ “แล้วนี่กินข้าวเย็นมาหรือยัง”

   “ผมหรือครับ” ปูนเผลอเงยหน้าขึ้นมอง พอสบตาคมปุ๊บก็รีบก้มหน้าตามเดิม

   “ก็ยืนอยู่สองคน จะให้พี่ถามใครล่ะ” คำตอบยอกย้อนจนคนฟังต้องขมวดคิ้ว “ตกลงว่าไง กินข้าวเย็นมาหรือยัง”

   “ยังครับ ไว้ค่อยไปกินแถวหอ” ท่าทางห่างเหินยังไม่พอ น้ำเสียงก็พาลแข็งกระด้างไปด้วย แต่คำตอบที่ได้ก็พอเป็นที่ต้องการ

   “งั้นเดี๋ยวเช็คของเสร็จแล้วพี่จะพาไปกิน...”

   “คุณกรไม่มีงานทำแล้วหรือครับ” ยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกสวนกลับมา เล่นเอาเจ้าของบริษัทเอเจนซี่หน้าชาเพราะเพิ่งเคยถูกยอกย้อนแบบนี้ และดูเหมือนคนพูดจะเริ่มรู้ตัวว่าพูดแรง เจ้าตัวรีบโค้งศีรษะขอโทษด้วยใบหน้ารู้สึกผิด “ขอโทษครับ ผมพูดแรงเกินไป”

   “ไม่เป็นไร พี่คงยุ่งเกินไปจริงๆ นั่นแหละ ตามสบายนะ” ใช่ว่าผู้ชายอย่างกรพัฒน์จะน้อยใจไม่เป็น คนตัวใหญ่กลับหลังหันเดินคอตกออกประตูไป แค่คิดจะเริ่มกับใครก็เหลวไม่เป็นท่าขนาดนี้

   กรพัฒน์เดินทอดน่องกลับไปยังห้องทำงาน ความเหม่อลอยทำให้เกือบชนกับนางแบบคนสวยที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จ ชายหนุ่มยิ้มบางๆ ให้แล้วจะเดินหนี แต่นางแบบสาวกลับรั้งไว้

   “ครับ?”

   “คุณกรรู้จักกับปูนมานานแล้วหรือคะ”

   กรพัฒน์เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าเธอต้องการจะถามอะไรกันแน่

   “ทำไมหรือ มีอะไรหรือเปล่า”

   “มิ้งค์ไม่ได้อะไรนะคะ แค่เห็นว่า คุณกรดูสนิทกับปูนก็แค่นั้น” นางแบบสาวยิ้มแย้มดวงตาคู่สวยเป็นประกายยามพูดถึงลูกกวางของเขา

   “ก็ไม่ได้สนิทมากหรอก เพื่อนของคุณคงไม่ค่อยอยากสนิทกับผมเท่าไหร่” เสียงทุ้มว่าอย่างเซ็งๆ ยามนึกถึงใบหน้าเมินเฉยที่เจอเมื่อกี้

   “คือว่า...” นางแบบสาวมองซ้าย มองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครผ่านมา เธอเลยยื่นหน้าไปกระซิบกระซาบเบาๆ “อย่าถือสาปูนเลยนะคะ พอดีปูนเขาเคยมีเรื่องฝังใจมาก่อน”

   “เรื่องฝังใจ?” สิ่งที่ได้ยินทำเอาหูผึ่ง “คุณไม่มีธุระอะไรต่อใช่ไหม ผมขอคุยด้วยหน่อย”
   





   ห้องสตูดิโอที่จะใช้ในการถ่ายหนังสือวันพรุ่งนี้มีถังดอกไม้วางอยู่เต็มไปหมด ปูนเช็คดอกไม้จนครบตามจำนวนและใช้เวลาอยู่นานในการคัดแยกเพื่อตอนจัดฉากจะได้ง่ายและสะดวก

   “โอ๊ะ” มือขาวรีบชักกลับเมื่อนิ้วถูกหนามแหลมของกุหลาบตำ และก็พอดีที่คนที่หายไปนานสองนานจะเข้ามาเห็น

   “เป็นอะไร” กรพัฒน์รีบถาม แม้ในใจอยากจะดึงมือขาวนั่นมาดูซะให้รู้แล้วรู้รอด

   “หนามตำครับ” บอกไปตรงๆ ปูนมองปลายนิ้วที่มีเลือดเกาะอยู่ ตอนนี้มีผ้าเช็ดหน้าสีน้ำตาลซับไว้ เจ้าของผ้าทำหน้าจริงจังหลังจากยื่นให้เจ้าตัวเช็ดเอง “ขอบคุณครับ”

   “ต่อไปต้องระวังด้วยล่ะ” เสียงทุ้มบอกก่อนขยับถอยหลังไปสองก้าว ทำเอาปูนมองด้วยความสงสัย ก็ในเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังมีท่าทีรุกคืบเขาอย่างจริงจัง “เสร็จหรือยัง เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

   “อ่า ครับ แต่เดี๋ยวผมกลับเอง”

   “แทนตัวเองว่าผมมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ พี่บอกว่ายังไง”

   “...เดี๋ยวปูนกลับเองก็ได้ครับ”

   “พี่ไปส่งนี่แหละ เดี๋ยวโรสก็โวยวายที่พี่ปล่อยให้พนักงานเขากลับเอง”

   แม้จะอ้ำอึ้ง แต่สุดท้ายปูนก็เดินตามกรพัฒน์ไปที่รถ อย่างน้อยก็ประหยัดค่ารถไปได้ไม่น้อย

   บนรถที่แสนเงียบสงบ ปูนนั่งขยับตัวไปมาด้วยความอึดอัดจากความเงียบ คนที่เคยพูดมากตอนนี้กลับขับรถไปโดยไม่ยอมปริปากพูดสักคำ จนสุดท้าย ปูนเลยพูดออกมา

   “คือ จอดส่งปูนที่ป้ายรถเมล์ก็ได้นะครับ เดี๋ยวปูนนั่งรถต่อกลับเอง”

   “ทำไม ไม่อยากให้พี่ไปส่งเหรอ” น้ำเสียงที่ถามกลับติดงอนเล็กๆ จนปูนต้องส่ายหน้าตอบ “แล้วทำไม” คราวนี้กรพัฒน์เลี้ยวเข้าจอดเทียบข้างทาง หน้าคมหันมาจ้องคนข้างๆ ก่อนถามคำถามออกไปตรงๆ “ปูนกลัวพี่เหรอ”

   “กลัว? ปูนกลัวพี่เหรอ?” ถามกลับไปตาใสแป๋ว หากในใจของปูนกลับเริ่มสั่นนิดๆ

   “ปูน ฟังพี่นะ” กรพัฒน์จดจ้องร่างผอมที่ดูไม่กลัวเหมือนพูด แต่มือสองข้างกลับกำกางเกงขาสั้นตัวเองแน่น “ปูน พี่ไม่เคยคิดจะทำร้ายปูนเลยนะ ไม่ต้องกลัวพี่”

   “ปูนก็ไม่ได้กลัวนี่ครับ” ปากว่าแต่ท่าทางไม่ใช่

   “พี่ไม่ขอให้ปูนไว้ใจ แต่ปูนไม่ต้องกลัวพี่ เพราะพี่ไม่เคยคิดจะทำร้ายปูนเลยจริงๆ”

   “ก็ปูนบอกว่าไม่ได้กลัวไง!” เสียงใสแหวขึ้นมาจนกรพัฒน์สะดุ้ง “ปูนบอกแล้วว่าไม่ได้กลัวไง จะย้ำอะไรนักหนา!” คล้ายกับลูกโป่งที่ถูกเข็มจิ้มซ้ำๆ จนมันระเบิด ร่างผอมสั่นระริก สองมือกำแน่นบนตัก “บอกว่าไม่ได้...กลัว”

   “ปูน” เสียงทุ้มอ่อนลง ยิ่งเห็นน้ำใสๆ ไหลอาบแก้มเนียนก็ยิ่งใจอ่อนยวบ “ไม่เอา ไม่ร้องครับ” ใจอ่อนจนต้องดึงร่างที่สั่นเข้ามากอดแน่น ปูนร้องลั่นพร้อมดิ้นขัดขืนตอนแรก แต่แรงรัดก็มัดแน่นจนดิ้นไม่หลุด จนคนในอ้อมกอดหยุดดิ้นด้วยความเหนื่อย มือใหญ่ก็ยกลูบศีรษะเบาๆ เพื่อปลอบคนร้องไห้

   “ไม่ได้ ฮึก กลัว”

   “ครับๆ ไม่กลัว พี่รู้แล้วนะ ไม่ร้องนะคนดี”

   ฝ่ามือใหญ่ลูบศีรษะทุยอย่างแผ่วเบา กรพัฒน์ขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อคิดว่าแผลในใจของปูนคงจะใหญ่มากเหมือนที่ได้ยินมา


   นานกว่าร่างที่กอดจะหยุดสะอื้น กรพัฒน์ค่อยๆ ดันปูนออกจากอก ใบหน้าขาวแดงกล่ำ ดวงตากลมโตยังมีน้ำใสๆ คลออยู่ตลอด พอกระพริบตาหยดน้ำก็ร่วงอาบแก้ม


   ...อยากฟัดฉิบหาย


   “ร้องไห้ขี้มูกโป่ง จมูกแดงไปหมดดูสิ” คนเอ่ยฉีกยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู และไม่ลืมเช็ดน้ำตาให้

   “มิ้งค์บอกอะไรพี่กรใช่ไหมครับ” เสียงอู้อี้ถาม ยิ่งได้รับการพยักหน้าเป็นคำตอบ ปากแดงก็ถูกขบเม้ม

   “อย่าว่าเพื่อนเราเลย พี่ขอร้องให้บอกเอง พี่แค่อยากรู้เรื่องของปูนให้มากกว่านี้เท่านั้น” คำอธิบายง่ายๆ แต่ได้สายตาค้อนมองกลับ “พี่แค่อยากรู้ ว่าจะทำตัวยังไง ถึงจะได้โอกาสจากปูน”

   “ปูนไม่มีโอกาสให้ใคร”

   “ก็ให้พี่ไง ให้พี่ได้รู้จักปูน รู้จักตัวตนของปูน แล้วปูนก็จะได้รู้จักพี่และตัวตนของพี่”

   “ปูนไม่อยากรู้จัก”

   ช่างเป็นคำปฏิเสธที่ตัดขาดไม่เหลือเยื้อใยซะเหลือเกิน กรพัฒน์มองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความแปลกใจ จากตอนแรกที่เจอคิดว่าจะเป็นคนหัวอ่อน ที่ไหนได้ ดื้อรั้นแถมหัวแข็งชะมัด

   “แต่พี่อยากรู้จักปูนนะ”

   “ก็ปูนไม่อยากรู้จักไง ฟังไม่รู้เรื่องเหรอ”

   “เดี๋ยวๆ นั่นจะไปไหน” อยู่ๆ เด็กหนุ่มก็เปิดประตูจะลงรถ ดีที่กรพัฒน์คว้าแขนไว้ได้ทัน

   “จะกลับเอง” น้ำเสียงกระด้างดูต่างจากเดิมจนเหมือนคนละคน

   “โอเค ไม่อยากรู้จักก็ได้” สุดท้ายก็ต้องยกมือยอมแพ้ “แต่เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
 
   สรุปแล้ว กรพัฒน์ก็ขับรถไปส่งปูนที่หอพัก เด็กหนุ่มยกมือไหว้แบบแข็งๆ และไม่เหลียวมองอีกหลังจากลงรถ นี่ฝาแฝดของลูกกวางตัวน้อยของเขาหรือเปล่าเนี่ย ทำไมเหมือนคนละคนขนาดนี้ เล่นเอาเพลย์บอยอย่างกรพัฒน์ไปไม่เป็นทำตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว แถมข้าวมื้อเย็นที่วางแผนไว้ซะดิบดีพังพินาศไปหมด

   ว่าแต่...นี่ใช่ลูกกวางหรือลูกแมวดุกันแน่ แยกเขี้ยวใส่ไม่พอ ยังพร้อมจะงับอยู่ตลอดเวลา แต่พอเจอแบบนี้แล้ว ก็เหมือนกับเจอท้าทาย อย่างที่เขาว่ากัน อะไรที่ได้มาง่ายๆ ไม่นานอาจจะเบื่อ แบบนี้แหละดีที่สุด ยากๆ ยิ่งดี ยิ่งเขาเป็นพวกที่ชอบความท้าทายอยู่แล้วด้วย


   ไม่อยากรู้จักเหรอ...ได้สิ  เดี๋ยวพี่จะทำให้รู้จักมากขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า


        รออีกหน่อยนะ ลูกกวางของพี่



...TBC


หายไปนาน ยอมรับผิดมากค่าาาา ภารกิจเร่งรีบจบแล้ว จะพยายามมาบ่อยๆ กว่านี้ค่าาา
ขออภัยเป็นอย่างสูงเด้อค่าเด้อ (ตบหัวตัวเอง)


ปล. ปูนช่วงแรกๆ อาจดูอ้อยๆ ไปหน่อย กว่าจะร้อนแรงแบบที่อยู่ในพาร์ทเกนป่านคงต้องรอหน่อยค่า กว่าป๋าจะได้ปูนมามันก็ลำบากมากทีเดียว และดราม่ามีแค่ช่วงแรกค่า ช่วงหลังมันจะได้หวานต่อเนื่อง

ขอพระคุณมากค่าาา อย่าเพิ่งลืมกันเด้อจ้า   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 2 ] // [28/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 28-08-2017 18:07:15
น่ารักจังเลยค่ะ  ชอบๆ :mew1:
รออ่านต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 3 ] // [30/08/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 30-08-2017 21:42:34

-3-




         เช้าวันใหม่ ปูนออกจากห้องตั้งแต่ฟ้าสางเพื่อมาหาโรสที่ร้าน เจ้าของร้านคนสวยวันนี้ยังสวมเสื้อยืดกางเกงวอร์ม ดูไม่พร้อมที่จะถ่ายแบบเลยสักนิด

   “ง่วงจริงๆ” โรสอ้าปากหาววอดๆ พลางเอนตัวพิงเบาะรถรอปูนเก็บของใช้ใส่ท้ายรถ “ขอบใจจ้าคนสวยของพี่”

   “นี่พี่โรสขับรถไหวแน่นะครับ” ปูนถามอย่างกังวล เพราะดวงตาคนขับยังคงปิดอยู่ตลอดเวลา มีเพียงมุมปากเท่านั้นที่ติดรอยยิ้มบางๆ ส่งมาให้ “พี่โรสครับ”

   “ไหวสิ ไม่งั้นพี่จะขับมาจากบ้านได้ยังไง จริงไหมจ๊ะ”

   “ครับๆ ปูนเชื่อแล้ว”

   ปูนขำน้อยๆ ให้กับท่าทางของเจ้าของร้านคนสวย อันที่จริงก็อยากขับให้ แต่ติดที่ว่า ตัวเองขับรถไม่เป็น



   การจราจรในช่วงเช้าไม่ติดขัดมากนักทำให้ถึงปลายทางได้ไว ตึกหลังใหญ่ที่คาดว่าคนจะน้อยเพราะยังเช้า แต่กลับมีคนเดินพลุกพล่านอย่างกับไม่มีวันหยุดงาน ปูนเดินหอบข้าวของตามหลังโรสที่ดูจะรู้จักทางไปซะหมด สาวเจ้าเดินลัดเลาะมาจนถึงห้องแต่งตัว พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอบรรดาช่างแต่งหน้าทำผมที่อยู่รอกันก่อนหน้าแล้ว

        ความวุ่นวายน้อยๆ เริ่มขึ้น ปูนมองโรสที่กำลังถูกรุมแปลงโฉมด้วยความตื่นเต้น ปกติโรสก็สวยอยู่แล้ว หากแต่งหน้าทำผมเสร็จ คงจะสวยเพิ่มขึ้นไปอีกหลายสิบเท่า

   “คุณน้องเป็นผู้ช่วยของนางแบบหรือคะ” แรงสะกิดที่หัวไหล่ทำให้ปูนละสายตาจากภาพตรงหน้ามาสนใจ คนสะกิดที่เป็นสาวประเภทสองแต่งหน้าจัดยืนส่งยิ้มหวานให้อยู่

   “อ่า ครับ” ได้แต่กระพริบตาปริบๆ เมื่อถูกมือใหญ่เชยคางจับให้หันซ้ายทีขวาที “มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   “ขอโทษจ้ะ พอดีใบหน้าของคุณน้องเนี่ย ดูสวยดีพี่ชอบ” สาวประเภทสองหรี่ตามองครู่หนึ่งก่อนฉีกยิ้มกว้างให้อีกรอบ พร้อมกับมืออีกข้างยื่นบัตรแข็งเล็กๆ มาตรงหน้า “นี่นามบัตรพี่นะ ถ้าน้องสนใจอยากถ่ายแบบละก็ ติดต่อพี่มาได้เลยนะ พี่น่ะ เป็นคนดูแลนางแบบ นายแบบของที่นี่ทั้งหมด”

   “คือ...ผมคงไม่เหมาะมั้งครับ” ปูนยิ้มแหยๆ มองนามบัตรในมือคนตรงหน้า ไม่ยอมยื่นมือออกไปรับจนเจ้าของนามบัตรต้องจับยัดใส่มือซะเอง

   “สายตาของพี่ไม่เคยมองอะไรพลาดอยู่แล้ว” ความมั่นใจที่แสดงออกมาทางสายตาและน้ำเสียงทำให้ปูนได้แต่ยิ้มแห้ง เมื่อกี้รู้สึกได้ว่าถูกสายตาคู่นั้นแสกนไปทั้งร่างจนขนแขนลุกไปหมด “เอางี้ ตามพี่มาก่อน”

   “ครับ?”

   ยังไม่ทันที่จะปฏิเสธหรือตอบรับ ข้อมือขาวก็ถูกฉุดดึงให้เดินตาม ปูนรีบหันไปมองโรสเผื่อจะร้องขอให้ช่วย แต่เจ้านายคนสวยกำลังถูกช่างแต่งหน้าทำผมรุมล้อมจนมองแทบไม่เห็น

   ทางเดินปูด้วยหินอ่อนสวย ปูนถูกพามาในห้องๆ หนึ่งที่เปิดประตูเข้ามาแล้วถึงเห็นว่าเป็นสตูดิโอที่ใช้ถ่ายหนังสือของโรสวันนี้ ที่ตอนนี้ทุกคนกำลังเซ็ตพุ่มดอกไม้จากร้านอยู่เต็มฉาก สีสันของดอกไม้แต่ละชนิดตัดกันดูสวยงามจนคนเลือกชนิดถึงกับยิ้มออกมา

   “อิน แกเช็คกล้องเสร็จแล้วใช่ไหม” คนพามาเอ่ยถามผู้ชายที่นั่งอยู่หลังกล้องถ่ายรูป ซึ่งคำตอบที่ได้คือการพยักหน้า “งั้นก็ดี ช่วยถ่ายน้องคนนี้ให้หน่อย พี่จะเก็บรูปเข้าแฟ้ม” พอได้ยิน ผู้ชายนั่งหลังกล้องก็เหลือบตามามอง ปูนยืนหันรีหันขวางเพราะทำตัวไม่ถูก

   “เอ่อ คือ...” ปูนพยายามจะปฏิเสธแต่ก็ไม่มีใครฟัง

        ปูนถูกดึงให้มายืนด้านหน้าฉากที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้ แสงไฟจากสปอร์ตไลท์สาดเข้ามาหลายดวงยิ่งเพิ่มความโดดเด่น คนทำตัวไม่ถูกขยับไปมาไม่อยู่นิ่ง แต่คนที่อยู่หลังกล้องกลับพากันนั่งนิ่ง โดยเฉพาะคนที่พามา

   “ขึ้นกล้องดีจริง ตาถึงอีกแล้วนะพี่ เอ่อ น้องครับ หันมาอีกนิด ใช่ครับ สวยครับ” พอปูนขยับตามคำพูด ช่างภาพหนุ่มก็รีบกดชัตเตอร์รัวๆ จนได้ภาพที่ถูกใจมาเซ็ทใหญ่ ยิ่งบางรูปตากล้องจงใจถ่ายเน้นโครงหน้าแต่ดวงตากลมโต นัยน์ตาเหมือนกวางดูน่าหลงใหลนั่นดึงดูดให้ถ่ายมากกว่า

   “พูดได้เลยว่าสวยกว่านางแบบเราบางคนซะอีก” ตากล้องหนุ่มชมออกมาทั้งที่มือยังไม่หยุดเก็บภาพ

   “ใช่ไหมล่ะ” แอมมี่เหยียดยิ้ม เพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่เขามองใครแล้วจะพลาด ไม่อย่างนั้น นางแบบนายแบบของที่นี่ คงไม่ต้องตาถูกใจของทุกคนจนงานแทบล้นมือเช่นนี้ “เก็บภาพไว้เยอะๆ นะอิน”

   “ไม่ต้องสั่งก็จัดเต็มไปแล้วครับ”

   “ทำดี”

   ปูนยืนนิ่งอยู่นานไม่ได้ทำท่าทางอะไร แต่ทุกคนก็ดูจะพอใจ เมื่อใกล้ถึงเวลาที่นางแบบจะออกมา แอมมี่ก็พาปูนออกมายืนด้านข้างพร้อมกับพูดกล่อมให้ปูนรับงานที่เธอวางแผนในหัว ถ้าหากปกหนังสือฉบับหน้าเป็นปูนละก็ คงจะขายดีไม่น้อย

   “ทำอะไรกัน” เสียงทุ้มดังขึ้น คนพูดเดินล้วงกระเป๋ากางเกงสแลคเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ใจจริงอยากมาตั้งแต่เช้าแต่ติดเอกสารกองพะเนินที่ต้องจัดการซะก่อน “พร้อมหมดแล้วหรือ จะเริ่มถ่ายเมื่อไหร่” น้ำเสียงติดห้วนเอ่ยถาม  กรพัฒน์ไม่ได้สนใจลูกน้องที่นั่งอยู่ เพราะดวงตาคมมองเห็นแค่แขนของปูนถูกจับไว้


   ทำไมทีกับเขาถึงหวงตัวไม่ชอบให้จับนัก ทีแบบนี้ละก็...


        “เรียบร้อยแล้วค่ะ รอแค่นางแบบมาแค่นั้น” แอมมี่ยิ้มหวานให้เจ้านายสุดหล่อ คราแรกรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่เห็นกรพัฒน์มา แต่พอนึกดีๆ คงจะมาดูนางแบบคนพิเศษที่เจาะจงมาโดยเฉพาะ “คุณกรคะ แอมมี่มีอะไรให้ดูนิดหนึ่งค่ะ” แอมมี่เดินนำกรพัฒน์ไปที่โต๊ะโดยมีปูนเดินตามหลังมาด้วยความสงสัย บนโต๊ะที่มีแลบท็อปโยงสายไฟมากมาย หน้าจอมีรูปของปูนในท่าทางธรรมดาแต่ดึงดูดอย่างน่าแปลกใจ ขนาดเจ้าตัวยังต้องเลิกคิ้วมอง “คุณกรว่า ถ้าน้องคนนี้มาขึ้นปกหนังสือเล่มหน้าในคอนเซ็ป...”

   “เล่มหน้าเป็นนางแบบคนใหม่ไม่ใช่หรือ” แทบจะขัดขึ้นทันทีจนคนเสนอหน้าเสีย “เอาตามแผนเดิมนั่นแหละ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะวุ่นวาย” พูดจบ กรพัฒน์ก็เดินแยกไปดูฉากต่อ ทิ้งให้ผู้จัดการคนเก่งของบริษัทกับบรรดาทีมงานยืนมองหน้ากันเลิกลัก ส่วนเจ้าของรูปดูจะไม่ได้สนใจคนอื่นสักเท่าไหร่ เพราะยังมองแต่รูปตัวเองอย่างชอบใจ

   เพิ่งรู้ว่าตัวเองก็ถ่ายรูปแล้วดูดีเหมือนกัน

   กรพัฒน์แสร้งชี้นิ้วปรับนั่นปรับนี่ แต่หางตายังมองมาที่ลูกกวางของเขา ไม่ใช่ปูนดูไม่ดีหากได้ขึ้นปก แต่มันจะดีมากต่างหาก ที่สำคัญ เขาไม่ชอบแน่ใจๆ ถ้าหากปูนเป็นที่รู้จักและสนใจของคนอื่น

   หวงก็ยอมรับ หวงมากด้วยแม้จะยังไม่มีสิทธิ์อะไร

   “อรุณสวัสดิ์เพื่อนรัก” โรสโผเข้ามากอดเจ้าของบริษัทอย่างสนิทสนม ท่าทางเช่นนั้นทำให้มีเสียงซุบซิบถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ และปูนที่อยู่ในวงสนทนาก็อดที่จะขมวดคิ้วตามไม่ได้

   “วันนี้เหนื่อยหน่อยนะ” กรพัฒน์ยิ้มบางๆ บอก ก่อนจะเดินย้อนมานั่งเก้าอี้ผ้าใบข้างตากล้อง “เริ่มงานได้หรือยัง ทำงานสิ ทำงาน”

   ช่วงแรกทุกอย่างดูชุลมุน แต่พอผ่านไปไม่นาน การทำงานก็เริ่มลงตัวอย่างมืออาชีพ แม้แต่นางแบบที่ดูจะโพสท่าได้ตามสั่ง ปูนยืนอยู่ด้านหลังกรพัฒน์ เด็กหนุ่มยิ้มแย้มมองเจ้านายคนสวย

   “ดอกไม้ตรงนั้นดูไม่สวย จัดใหม่ด้วย” เสียงดังขัดขึ้น พวกเซ็ทฉากต่างก็รีบวิ่งเข้าไปจัดใหม่ แต่ทำยังไงก็ดูจะไม่เป็นที่ถูกใจ สุดท้ายกรพัฒน์ก็หันมาด้านหลัง “ปูนไปจัดให้พี่หน่อยครับ” ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูไม่ใช่ประโยคคำสั่ง ยิ่งคำแทนตัวเองยิ่งแล้วใหญ่ ดูเหมือนจะสนิทกันไม่มากก็น้อย

   “ครับ” คนถูกเรียกชื่อรีบวิ่งเข้าไปช่วยพนักงานคนอื่นๆ ท่าทางที่ดูคล่องแคล้วในการหยิบจับดอกไม้กับรอยยิ้มหวานที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวว่าเผลอยิ้มออกมาทำเอาคนรอบๆ ข้างถึงกับมองตาไม่กระพริบ

   “สวยจนผมจะหลงอยู่แล้วนะครับเนี่ย”

        เสียงชมของช่างภาพฝีมือดีของบริษัทลอยเข้าหู กรพัฒน์รีบหันขวับไปมองแทบจะทันที พอเห็นสายตาของช่างภาพหนุ่มที่จ้องมองลูกกวางของเขาผ่านกล้อง กรพัฒน์ก็ตัดสินใจลุกไปดึงปูนให้กลับมานั่งที่เก้าอี้ผ้าใบ ส่วนตัวเองก็ยืนคุมอยู่ข้างๆ อีกที 

   “ถ่ายต่อเลย เอาแบบนั้นนั่นแหละ” แม้ทุกคนจะดูงงๆ แต่ก็ลงมือทำงานต่อ
 
   การถ่ายปกนิยตสารของวันนี้ใช้เวลาอยู่นานหลายชั่วโมงเพื่อให้ตรงตามแบบแผน เสื้อผ้าชุดสวยถูกเปลี่ยนไปแล้วหลายต่อหลายชุด ซึ่งแต่ละชุดก็เหมือนตัดมาเพื่อนางแบบของวันนี้โดยเฉพาะ

   จากเช้าจรดเที่ยงก็ได้หยุดพัก ปูนยกจานข้าวมานั่งข้างๆ เจ้านายคนสวยที่หัวเราะเอิ้กอ้ากไปกับเรื่องตลกของทีมงาน

   “วันนี้พี่โอเคไหม” ปูนรีบพยักหน้าให้กับคำถามที่ได้ยิน “น่ารักที่สุด” โรสบีบแก้มป่องสองข้างเมื่อได้รับคำชม

   “เล่นกันน่ารักจังเลยนะครับ” เสียงตากล้องหนุ่มดังขึ้น เจ้าของเสียงนั่งลงข้างๆ ปูนที่ยิ้มบางๆ ตอบกลับ

   “อิจฉาหรือคะ” โรสขยิบตาล้อเลียนนิดๆ ทำเอาตากล้องหนุ่มหัวเราะร่า “แต่คงไม่ได้หรอก คนนี้มีคนจองแล้ว”

   “ครับ?” ปูนหลุดปากออกมาอย่างงงๆ แต่โรสกลับไม่ยอมขยายความต่อ คนสวยลงมือทานข้าวตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม “เอ่อ รูปที่ถ่ายไปวันนี้ของผม ถ้าผมจะขอ...” เมื่อเจ้านายไม่สนใจ ปูนเลยหันไปคุยกับคนอีกฝั่งแทน

   “รูป? อ๋อ ที่ถ่ายเซ็ทเมื่อเช้าหรือครับ ได้สิ” คำตอบที่ได้สร้างรอยยิ้มหวานจนคนมองเคลิ้มแทบลืมตักข้าวเข้าปาก

   “แล้วรูป...”

   “ครับ?”

   “ผมจะเซฟยังไง...”

   “อ๋อ ไม่ยากเลย เดี๋ยวผมส่งรูปให้ในไลน์” ว่าแล้วก็หยิบมือถือตัวเองยื่นให้ “ขอไลน์ก่อนเลย”

   “อ๋อ” ปูนเม้มปากยามกดหาชื่อตัวเองในโทรศัพท์เครื่องแพง อยากกลับคำไม่เอารูปแล้ว แต่อีกใจก็อยากจะเอามาเก็บไว้ เพราะไม่บ่อยที่จะได้ถ่ายรูป ยิ่งเป็นเซ็ทแบบนั้นด้วย ไปถ่ายเองคงจะแพงน่าดู “ขอบคุณล่วงหน้านะครับ”

   “ไม่ต้องเกรงใจหรอก เรื่องแค่นี้เอง”

   ภาพความสนิทสนมของตากล้องหนุ่มและปูนอยู่ในสายตาของกรพัฒน์อยู่ตลอด แม้ในใจแทบลุกเป็นเพลิงยามลูกกวางของเขายิ้มให้คนอื่น แต่หน้าที่การงานยังค้ำคอเลยได้แต่ทำนิ่งเฉย

   “คุณกรคะ นั่นเอกสารสำคัญ คุณกร” แอมมี่รีบสะกิดเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มขยำกระดาษจนแทบแหลกคามือ

   “โทษที” คล้ายกลับสติหลุด กรพัฒน์รีบปรับสีหน้าแล้วกลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อ สงสัยครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะให้ลูกกวางมาเหยียบบริษัท ขืนให้มาบ่อยๆ อย่างที่คิดไว้ตอนแรก การงานของเขาคงไม่ต้องทำกันพอดี คงได้ไปนั่งเฝ้าตลอดเวลาแน่ๆ

   พักเที่ยงจบลงก็เริ่มถ่ายงานเซ็ทสุดท้าย โรสยังคงโพสท่าเหมือนนางแบบมือถืออาชีพ ทำให้งานเสร็จไวและทุกอย่างราบรื่น

   “ปูนจ๋า พอดีแม่พี่โทรมาให้ไปรับ ทำยังไงดีล่ะ” นางแบบของวันนี้เปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินหน้ายู่เข้ามาหา

   “เดี๋ยวปูนกลับแท็กซี่เองก็ได้ฮะ พี่โรสไม่ต้องห่วง” เด็กหนุ่มยิ้มอย่างเข้าใจ

   “ไม่เอาสิ เดี๋ยวพี่ให้...กร ว่างไหม ช่วยไปส่งปูนที่หอพักให้หน่อยสิ” ราวกับนัดกันไว้ เมื่อกรพัฒน์เดินเข้ามาหาพอดี “ว่างไหม หรือต้องทำงานต่อ”

   “ว่างอยู่พอดี”

   “แต่ปูนจะกลับเอง”

   น้ำเสียงแข็งเช่นเมื่อคืนอีกแล้ว กรพัฒน์รีบส่งสายตาให้เพื่อนสนิททันที

   “ทำไมล่ะ หรือปูนไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนพี่เหรอ” แม้ไม่ชอบใจในสิ่งที่ถูกกล่าวถึง แต่กรพัฒน์ก็ได้แต่ทำนิ่ง “ถ้าปูนเกลียดขี้หน้า งั้นปูนก็...”

   “ก็ได้ฮะ” สีหน้าของโรสดูจะเป็นกังวล ปูนเลยต้องรีบตอบรับ

         กรพัฒน์ยิ้มกริ่มทันทีที่ได้ยินคำตอบ แม้ลูกกวางจะตอบรับพร้อมใบหน้าง้ำงอก็เถอะ แต่ก็ดูน่ารักอยู่ดี ยิ่งแก้มป่องนั่น ยิ่งน่าฟัด

        “ถ้าปูนรู้สึกไม่ดี ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่...”

   “ปูนไม่ได้รู้สึกไม่ดี พี่โรสไม่ต้องห่วง ปูนกลับกับ...พี่เขาก็ได้ครับ”

   “งั้น ฝากปูนด้วยนะกร เคยไปส่งที่หอแล้วนี่ คงไม่ต้องบอกทาง ส่งให้ถึงหอด้วยนะ ห้ามพาเถลไถล” โรสบอกย้ำทิ้งท้าย มือเรียวหยิบกระเป๋าถือแล้วเดินออกไปทันที เหลือก็แต่ปูนและกรพัฒน์ที่ยังคงจ้องหน้ากันอยู่

   “มองหน้าพี่ทำไม” โดนจ้องตาขวางแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถาม

   “แม้จะให้พี่โรสช่วย ปูนก็ไม่ให้โอกาสพี่หรอกนะ” น้ำเสียงคำรามเบาๆ แต่ฟังแล้วเหมือนแมวขู่ซะมากกว่า กรพัฒน์พยักหน้าช้าๆ แต่ในใจกลับยิ้มกว้าง

   “รู้แล้วครับๆ” กรพัฒน์รีบแย่งข้าวของในมือขาวมาถือเอง “แต่พี่จะบอกไว้ แม้ปูนไม่ให้โอกาส แต่พี่จะสร้างโอกาสเอง” พูดเสร็จก็เดินจ้ำอ้าวไม่รอฟังคำบ่นด้านหลัง ก็ในเมื่อชอบแล้วก็ต้องเดินหน้าเท่านั้น โอกาสมีไว้สำหรับคนพยายาม นี่คติสำหรับการจีบลูกกวาง





   บนรถสปอร์ต แอร์ยังคงทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และดูจะมากไปสักหน่อยเมื่อคนสวมเสื้อยืดเริ่มขนลุกด้วยความเย็น ปูนลูบแขนตัวเองไปมา บ่อยครั้งถึงกับต้องไขว้แขนไว้ด้านหลังบรรเทาความหนาวเย็น

   “ฮัดเช้ย” เสียงจามดังลั่น เจ้าของรถถึงกับสะดุ้งเฮือกเพราะกำลังคิดอะไรเพลินๆ

   “หนาวเหรอ” คำถามที่ทำเอาคนจามหน้างอ ก็นั่งขนลุกมาตั้งนานเพิ่งจะมารู้ นี่เหรอคนที่จะสร้างโอกาสให้ตัวเอง “เดี๋ยวพี่ลดแอร์ให้”

   “ขอบคุณครับ” ดูไม่ค่อยเต็มใจพูดสักเท่าไหร่ แต่ก็พูดตามมารยาท ปูนเบนหน้าไปมองนอกหน้าต่าง พยายามไม่สนใจคนขับรถที่เริ่มหันมาสนใจเขามากขึ้น

   “พี่ถามเรื่องเก่าๆ ของปูนได้ไหม” อยู่ๆ ก็มีคำถาม ปูนใช้หางตาเหล่มองแต่ไม่ยอมตอบ “ที่จริง เพื่อนปูนก็บอกพี่มาบ้าง แต่พี่อยากรู้จากปูนมากกว่า”

   “มันไม่เหมือนกันตรงไหน”

   “ไม่เหมือนตรงที่ปูนเป็นคนพูดไง จริงไหม”

   “แต่ปูนไม่อยากนึกถึง”

   “แล้วปูนไม่อยากแก้ไขให้มันดีขึ้นหรือ”

   “เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะแก้ไขอะไรได้ อีกอย่าง ปูนไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งเรื่องส่วนตัว” คราวนี้ปูนหันกลับมาจ้องหน้านัยน์ตาแข็งกร้าว 

   “พี่ไม่อยากเป็นคนอื่น ปูนก็รู้ดี” กรพัฒน์บอกน้ำเสียงจริงจังไม่สนใจว่าตอนนี้จะถูกมองด้วยสายตาแบบไหน พอไม่สนใจแล้ว คนจ้องตาอีกฝั่งถึงกับส่งเสียงจิ๊จ๊ะแล้วหลบสายตาไปเอง “ปูน เล่าให้พี่ฟังได้ไหม”

   “ไอ้นั่น” อยู่ๆ ปูนก็พูดออกมา ดวงตากลมโตสั่นระริกยามภาพวันเก่าๆ หวนกลับมาในความทรงจำ “ไอ้นั่น มันตามติดปูนตั้งแต่ปีหนึ่ง มันคอยตามไปทุกที่ ไม่ว่าปูนจะเรียนอยู่หรือไปเที่ยวก็จะต้องเจอมันตลอด มันตีสนิทกับเพื่อนๆ ทุกคนในกลุ่มของปูน จนทุกคนไว้ใจ รวมทั้งปูน...”

   น้ำเสียงสั่นเครือนิดๆ แต่ไม่มีหยดน้ำตา กรพัฒน์รับรู้ได้ว่าลูกกวางของเขา (?) กำลังโกรธมาก โกรธจนตัวสั่น มือสองข้างกำหมัดแน่นอยู่บนตัก

   “ถ้าวันนั้นรู้ว่า ความไว้ใจที่ปูนมีให้ จะทำให้มันคิดเหี้ยๆ แบบนั้น ปูนจะไม่มีวันให้มันได้เข้าใกล้อย่างแน่นอน”

   “มัน เอ่อ ข่มขืนปูนใช่ไหม” ตรงนี้นางแบบสาวเพื่อนสนิทของลูกกวางไม่ได้บอกเอาไว้ ถ้าให้คิดเองก็อาจจะเป็นไปได้ แต่คนนั่งข้างๆ กลับส่ายศีรษะช้าๆ “อ่าว แล้ว...”

   “วันนั้น มันบอกจะพาปูนไปส่งที่หอหลังจากกินข้าวเสร็จ แต่พอเอาเข้าจริง มันกลับขับรถพาปูนไปที่ไหนไม่รู้ พอโวยวายมันก็มัดแขน ปิดตาปูนไว้ ลืมตาอีกทีก็อยู่กลางบ้านหลังหนึ่ง ในบ้านนั้นมืดมาก น่ากลัวด้วย มันก็เห็นก็รู้ว่าปูนกลัว แต่มันก็ขังปูนไว้ มันขังปูนให้อยู่คนเดียวเกือบหนึ่งอาทิตย์...”

   “ทำไมปูนไม่โทรหาเพื่อนหรือตำรวจ” คนฟังเริ่มขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด

   “โทรศัพท์ปูนถูกมันเอาไป ปูนพยายามหนีแต่ประตูเปิดไม่ได้ ยิ่งตอนกลางคืน...ตอนกลาง...คืน”

   “ปูน” พอเห็นว่าคนเล่าเริ่มพูดติดขัด กรพัฒน์ก็รีบยื่นมือไปกุมมือขาวไว้แน่นเพื่อปลอบขวัญ “พี่อยู่ตรงนี้”

   “ปูนพยายามคิดหาวิธีที่จะหนี จนกระทั่งไอ้นั่นมันมา หน้าตามันยังยิ้มแย้ม ในขณะที่ปูนร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตา” พอถึงตรงนี้ นัยน์ตาประกายดั่งลูกกวางก็หายไป เหลือแค่สายตาที่ดูโกรธแค้น “มันบอกปูนว่าทำเรื่องลาออกจากมหาลัยให้ปูนแล้ว บอกให้ปูนอยู่ที่นั่นกับมันสองคน มันโคตรบ้าอะ”

   “สัดเอ๊ย...แล้วปูนหนีออกมาได้ยังไง” อย่างจะสบถคำด่าหยาบๆ ออกมามากกว่านี้ แต่ดูจะไม่เหมาะ 

   “ช่วงที่ปูนหาทางหนี ปูนเจอไม้ในนั้น ปูนจำไม่ได้ว่าฟาดมันไปกี่ที รู้แค่ว่า เลือดมันไหลเต็มพื้นไปหมด ปูนวิ่งหนีออกมาพร้อมโทรศัพท์ของมัน โชคดีที่มันมีเบอร์มิ้งค์ ปูนโทรหาแล้วรอให้มิ้งค์มารับ...”

   “เพราะเรื่องนี้ทำให้ปูนปิดโอกาสทุกคน รวมทั้งพี่...ใช่ไหม” ไม่มีคำพูดมีเพียงการพยักหน้าเป็นคำตอบ “ปูนใจร้าย”

   “ตรงไหน”

   “ก็ตรงที่ตัดสินว่าพี่จะเหมือนไอ้บ้านั่นไง ใจร้ายว่ะ”

   กรพัฒน์แสร้งทำหน้าง้ำงอเพื่อให้ปูนอารมณ์ดีขึ้น รู้ว่าเรื่องนั้นมันโคตรจะแย่ มันแย่มากๆ เชียวล่ะสำหรับชีวิตคนๆ หนึ่ง และถ้าหากเรื่องนั้นเพิ่งเกิดขึ้นละก็ ไอ้นั่นคงนอนตายคาเท้าเขาเป็นแน่

   “การป้องกันตัวเองจากคนนิสัยไม่ดี เป็นคนใจร้ายเหรอครับ”

   “นี่ปูนว่าพี่นิสัยไม่ดีเหรอ” พอได้คำตอบเป็นการพยักหน้า กรพัฒน์ก็ร้องเสียงหลง “โห ทำไมปูนเป็นแบบนี้ล่ะ ไปฟังใครพูดมาแล้วก็มาตัดสินพี่”

   “ปูนไม่ได้ไปฟังใคร แต่ปูนรู้สึกแบบนั้น”

   “รู้สึกยังไง ไหนบอกพี่หน่อย พี่ไม่ดีตรงไหน”

   “ไม่ใช่พี่กรไม่ดี แต่ดีมากทุกตรงต่างหาก ทั้งหล่อ รวย เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โต ปูนเองที่ไม่มีอะไรเหมาะ โอกาสของพี่ควรมีให้คนที่เพียบพร้อมมากกว่า”

   “พี่รวยนี่เป็นเรื่องผิดเหรอเนี่ย รู้งี้จนดีกว่า” หน้าตากับน้ำเสียงสร้างเสียงขำขัน “ปูน”

   “ครับ” คนถูกเรียกชื่อเอียงคอมองคนเรียก

   “พี่อาจไม่ใช่คนดี แต่พี่ก็ไม่เคยคิดจะทำร้ายปูน พี่แค่ขอให้ปูนมองพี่ มองตัวตนจริงๆ ของพี่ ถึงวันนั้นที่เรารู้จักกันมากขึ้น พี่จะยอมรับการตัดสินใจของปูน ว่าจะให้โอกาสพี่หรือเปล่า แต่ตอนนี้เวลานี้ ปูนยังไม่รู้จักพี่ดี พี่เลยไม่ยอมรับการตัดสินใจของปูน”

   “ทำไมดื้อเหมือนเด็ก”

   “หาว่าพี่แก่เหรอ”

   “ปูนไม่ได้พูดนะ พี่พูดเอง”

   กรพัฒน์หัวเราะให้กับคำพูดนั่น ถ้าเทียบกับลูกกวาง เขาก็ต้องแก่อยู่แล้วสิ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะต้องสนใจ ในเมื่อคำขอของเขาไม่ถูกปฏิเสธ ไม่มีคำคัดค้านใดๆ หลุดออกมานอกจากเสียงหัวเราะนั่น แค่นี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีและปลายทางต้องดีมากขึ้นไปอีก มันต้องเป็นแบบนั้นแน่นอนอยู่แล้ว


...TBC


หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 4 ] // [02/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 02-09-2017 21:15:16

-4-




       เช้าวันสดใส ร้านดอกไม้ก็ยังคงเปิดตามปกติ ปูนออกมารับแสงแดดยามเช้าอยู่ครู่ใหญ่ถึงเข้าไปในร้านเพื่อจัดของ เพราะวันนี้ดอกไม้ล็อตใหม่จะมาส่ง ดังนั้นต้องรีบจัดพื้นที่สำหรับของใหม่ ช่วงที่ก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าตู้ดอกไม้ เสียงกระดิ่งหน้าประตูก็ดังเตือน ปูนรีบขานต้อนรับพร้อมกับหันไปยิ้มให้

   “อ่าว” รอยยิ้มกว้างค่อยๆ หุบลงเมื่อคนเข้ามาเป็นคนรู้จัก

   “ทำหน้าแบบนั้น ผิดหวังที่เห็นหน้าพี่หรือ” กรพัฒน์รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เมื่อกี้หัวใจเต้นระรัวตอนได้เห็นรอยยิ้มหวานๆ “แล้วโรสมาหรือยัง”

   “ยังครับ พี่โรสน่าจะเข้าช่วงสายๆ พี่กรมีอะไรหรือเปล่าครับ” ปูนวางของในมือก่อนจะเดินเข้ามาหาเพื่อนสนิทของเจ้าของร้าน วันนี้กรพัฒน์แต่งตัวสบายๆ สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ทำให้ดูเหมือนวัยรุ่น

   “ทำไงดีล่ะ” คิ้วหนาขมวดมุ่นเหมือนคิดหนัก “แป๊บนะ”    

   “ครับ”

   อยู่ๆ กรพัฒน์ก็เดินออกไปนอกร้าน ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมเด็กคนหนึ่งที่ตีหน้าบึ้ง

   “ไหนป๋าบอกจะพาไปเที่ยวไง” ประโยคห้วนๆ ดังออกจากปากเด็กหนุ่มตรงหน้า ปูนมองชายหนุ่มสองวัยจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ

   “ก็ใช่”

   “แล้วไง ไหนล่ะที่เที่ยว ร้านดอกไม้เหรอ มันน่าเที่ยวตรงไหน หรือต้องมารับผู้หญิงของป๋า”

   “ไอ้เกน”

   “เอ่อ...” ดูเหมือนสองหนุ่มต่างวัยตรงหน้าจะเริ่มทะเลาะกัน ปูนเลยรีบขัด

   “แล้วนี่ใคร” น้ำเสียงห้วนไม่พอ สายตาตวัดมามองยังนิ่งได้น่ากลัว ปูนกัดริมฝีปากล่างทันทีที่ถูกเด็กอายุน้อยกว่ามากจ้อง

   “พี่ ชื่อปูน” คนถูกมองบอกชื่อพร้อมรอยยิ้มหวานประจำตัว และดูเหมือนเด็กหนุ่มจะแอบชะงักไปเหมือนกัน “แล้วนี่...ใครเหรอครับ” ปูนละสายตาจากเด็กตรงหน้า แล้วเอ่ยถามคนพามา

   “ลูกพี่เอง ชื่อเกน” คำตอบของกรพัฒน์ทำคิ้วสวยขมวดเป็นปม “พอดีจะพาไปเที่ยวแต่ที่บริษัทดันมีงานด่วนน่ะ”

   “ก็เลยเอามาปล่อยไว้ที่นี่ใช่ป่ะ”

   “ไอ้เกน”

   ทะเลาะกันอีกแล้ว ปูนมองหนุ่มสองวัยสลับกันไปมา จะว่าหน้าเหมือนกันก็ใช่ แต่เด็กคนนี้คล้ายกับลูกครึ่งฝรั่งซะมากกว่า แม้โครงหน้าจะได้กรพัฒน์มาเต็มๆ ซึ่งพูดได้เต็มปากว่าหล่อมากนั่นเอง

   “ป๋าจะไปไหนก็ไปเลย ไม่ต้องสนใจเกน”

   เด็กหนุ่มชื่อเกนสะบัดหน้าพร้อมกับเดินไปนั่งที่เก้าอี้โดยไม่ยอมหันกลับมาสนใจใครอีก ท่าทางเช่นนั้นทำเอาคนเป็นพ่อถึงกับถอนหายใจออกมา

   “ไม่รู้ดื้อเหมือนใคร...ปูนขำอะไร” บ่นเบาๆ กับตัวเอง แต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะ

   “ขำขัน” คนขำไม่ยอมบอกเหตุผล ก็ใครจะกล้าบอกว่าดื้อได้พ่อ “แล้วพี่กรจะฝากน้องเขาไว้ที่ร้านนี้เหรอครับ”

   “อ่า พี่ฝากได้ไหม ถ้างานเสร็จจะรีบมารับ” แม้จะพูดกับปูน แต่สายตาของกรพัฒน์ก็มองไปที่ลูกชายของตัวเอง “โทษทีนะ ลูกพี่นิสัยแย่ไปหน่อย”

   “อ่าครับ ปูนจะพยายามเข้าใจ” ก็ไม่อยากตัดสินใจอะไรเด็กมากเพราะยังไม่ได้ทำความรู้จัก ปูนมองตามสายตาคมไปที่คนงอน เด็กหน้าตาหล่อเหลาทำหน้าบึ้งตึงสะบัดหน้าซ้ายขวา ปากก็ยื่นดูตลก แบบนั้นคงจะงอนพ่อตัวเองหนักเอาการ “พี่ไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวปูนดูให้ อีกเดี๋ยวพี่โรสก็มา”

   “ขอบใจนะ พี่จะรีบมารับก็แล้วกัน” ตอนแรกกรพัฒน์คิดจะพากลับไปที่คอนโดแต่ระยะทางไกลเกินกว่าจะไปกลับบริษัท อีกทั้งลูกชายจะงอนหนักกว่าเดิมเพราะคิดว่าเบี้ยวนัด หากฝากไว้ที่ร้านนี้ อย่างน้อยก็ได้ออกนอกบ้าน “เกน ป๋าจะรีบมานะ อยู่กับพี่ปูนอย่าดื้อ แล้วก็ ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อย”

   “เออ” คำตอบกลับแข็งกระด้าง ดูไม่น่ารักเอาซะเลย

   “ดูมันๆ” กรพัฒน์อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่ลูกชาย “พี่ไปนะ รบกวนหน่อยนะปูน”

   “ไม่เป็นไรครับ รีบไปเถอะ เดี๋ยวจะเสร็จช้า” ปูนย่นคิ้วเมื่อเห็นสายตากรุ้มกริ่มทิ้งท้ายของกรพัฒน์ หลังจากจบประโยคของตัวเอง ไม่รู้คิดอะไรถึงทำสายตาแพรวพราวแบบนั้น หรือประโยคที่พูดไปมันมีอะไร...ก็ไม่เห็นจะมีนี่นา

   เมื่อกรพัฒน์ออกจากร้านไปแล้ว เด็กถูกฝากไว้ก็นั่งกอดอก ทำหน้าตาง้ำงอตามอารมณ์น้อยใจของเด็ก ปูนก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก คิดว่าจะได้เที่ยวแต่ก็ไม่ได้ไป

   “สวัสดีครับ” ปูนนั่งลงตรงข้ามคนหน้าบึ้ง “ชื่อน้องเกนใช่ไหม”

   “รู้แล้วถามทำไม” ประโยคแสนห้วนจนน่าจับตีก้นลาย “เจ้าของร้านนี้เป็นเด็กป๋าเหรอ”

   “หา?” คำถามที่ไม่น่าจะออกจากปากของเด็ก ทำเอาปูนกระพริบตาปริบๆ

   “ไม่เข้าใจตรงไหน ถามตรงขนาดนี้ โง่หรือเปล่า โอ๊ย”

   ทนคำหยาบเกินเด็กไม่ไหว ปูนเลยยื่นมือไปดึงปากแดงคนตรงหน้า คนถูกดึงรีบจับปากตัวเองแน่นพร้อมถลึงตาใส่

   “พูดจาไม่น่ารักเลยนะ” จะไม่ว่า ก็ทนไม่ได้

   “ก็ไม่ได้ขอให้รัก...” เกนรีบยกมือปิดปากอีกรอบ เมื่อเห็นปูนทำท่าจะยื่นมือมาดึงอีก

   “เถียงทุกคำ นิสัยไม่ดี”

   “ตัวเองดีงั้นสิ”

   “มาก”

   “หลงตัวเอง”

   ยอกย้อนทุกคำ ทุกประโยค ปูนหรี่ตามองเด็กตรงหน้าที่ทำตัวเกินอายุ

   “อายุเท่าไหร่” สุดท้ายก็ต้องถามออกมา อยากรู้เหลือเกินว่าไอ้ที่เถียงฉอดๆ นี่จะอายุมากสักแค่ไหน

   “ถามทำไม” ยังย้อนกลับไม่สนใจใดๆ

   “จะได้รู้ ว่าแก่แดดหรือเปล่า” เกนย่นคิ้วเมื่อได้ยินคำว่าแก่แดด แต่ปูนก็จ้องหน้าไม่ลดละ “ว่าไง อายุเท่าไหร่น่ะเรา ถึงสิบขวบหรือยัง” ลองแหย่ไปดู อีกฝั่งก็เริ่มมีอาการ

   “สิบเอ็ดแล้วต่างหาก” เสียงแข็งๆ มาพร้อมกับอาการฮึดฮัด

        อายุน้อยกว่าที่ตั้งไว้ตอนแรกมาก แต่ก็นะ อายุสิบเอ็ดยังขนาดนี้ โตมาไม่พูดคำ ด่าคำหรือนี่

   “แค่สิบเอ็ดปีมากกว่า” เหมือนดูเกทับ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอวดที่ว่าอายุมากกว่า

   “อิจฉาคนเด็กกว่าละสิ คนแก่ก็แบบนี้แหละ”

   “อิจฉาทำไม พี่ก็เคยอายุสิบเอ็ดมาปีหนึ่ง ไม่เห็นต้องอิจฉา เรานั่นแหละ เคยอายุยี่สิบเอ็ดหรือยัง” ปูนย้อนกลับและบังคับตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมาเมื่อเห็นท่าทางเหลอหลาของเด็กตรงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายก็ดูจะหาคำโต้ตอบไม่ได้ เลยได้แต่สะบัดหน้าสะบัดตัวไปมา ดูแล้วช่างน่าตลกเสียจริง

   “หิว” เกนเงียบไปสักพักก่อนพูดลอยๆ ออกมา

   “หา? พูดกับพี่หรือ” ที่จริงก็ได้ยินเต็มสองหู แต่ก็แกล้งไปงั้น

   “เออ”

   “พูดดีๆ เป็นไหม พูดจาไม่น่ารักอีกแล้ว”

   “พูดน่ารักยังไง ปกติก็พูดแบบนี้”

   “พูดห้วนๆ แบบนี้กับพ่อแม่เหรอ” หลังจบประโยค เกนก็ปรับสีหน้าจนปูนต้องเลิกคิ้วมองอย่างสงสัยว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า “เกน”

   “...”

   ไม่มีคำโต้ตอบใดๆ หลุดออกมาอีก มีเพียงความเงียบและสงบนิ่ง

   “พี่ขอโทษ ถ้าพูดอะไรที่เกนไม่ชอบ” ดูเหมือนคนตรงหน้าจะยอมรับคำขอโทษนิดๆ สีหน้าและท่าทางกลับมาเป็นแบบเดิม “เอางี้ ชอบกินขนมไหม”

   “ขนมอะไร...เชี่ย” เหมือนจะรู้ตัวว่าถูกหลอกล่อด้วยขนมจนพูด เกนรีบยกมือปิดปากแน่น

   “เคยกินลูกชุบไหม” ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงแค่ดวงตาที่กระพริบถี่ๆ “ถ้าเคยกิน แล้วเคยทำหรือเปล่า” คราวนี้ดวงตากระพริบถี่หนักมากกว่าเดิมจนปูนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

   “หัวเราะอะไร” เมื่อถูกหัวเราะหนัก คนไม่ยอมพูดก็ต้องพูดออกมาให้คลายความสงสัย ก็เล่นจ้องหน้าแล้วหัวเราะอ้าปากกว้างขนาดนั้น

   “ก็หัวเราะดินฟ้าอากาศ” ปูนตีรวนพร้อมรอยยิ้ม “อยากลองทำไหมล่ะ”

   “ทำไม่เป็น” ตอบได้ห้วนเหมือนเดิมจนอยากจะถามว่าคำลงท้ายเพราะๆ พูดไม่เป็นหรือไง

   “ก็ถึงให้ลองทำไง สนุกนะ สนป่ะ” ดูเป็นการหลอกล่อที่น่าจะได้ผล เพราะเกนดูสนใจไม่น้อย “ถ้าสนละก็ เดี๋ยวพี่โรสมาเราออกไปซื้อของกัน ตกลงไหม”

   “เออ”

   “พูดเพราะๆ สิ อย่างเช่น ครับ อะไรแบบนี้ มาองมาเออ ไม่น่ารักเลย” ปูนพูดน้ำเสียงเล็กๆ ดัดให้ดูตลก แต่เกนกลับกัดปากตัวเองแน่น ท่าทางดูลังเลไม่มีอารมณ์ขัน “เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

   “เปล่า...ครับ” แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แม้คำลงท้ายจะเบาแสนเบาก็เถอะ แต่ก็ทำให้ปูนยิ้มกว้างออกมา




   ระหว่างที่ทั้งคู่พากันยิ้ม เสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขัดขึ้น คราแรกคิดว่าเป็นโรส แต่กลับเป็นลูกค้าประจำที่มารับช่อดอกไม้ที่สั่งไว้ล่วงหน้า ปูนฉีกยิ้มกว้างตามแบบฉบับของตัวเอง

   “สวัสดีครับน้องปูน พี่มารับดอกไม้ครับ” เสียงทุ้มมาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจเช่นทุกครั้ง ปูนรีบเดินไปเปิดเอาช่อดอกไม้ในตู้ออกมาให้ “โห สวยเหมือนคนจัด เอ๊ย เหมือนทุกครั้งเลยนะครับเนี่ย”

   “ขอบคุณครับ” ปูนยิ้มหวานให้คำชม มือขาวกำลังหยิบปากกาเมจิกเพื่อจะเขียนการ์ดเช่นทุกครั้ง แต่เสียงพูดที่แทรกเข้ามาทำให้ต้องหันไปมอง

   “เลี่ยนว่ะ” ทั้งปูนและลูกค้าหนุ่มถึงกับมองคนพูดประโยคนี้ด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน

   “เกนว่าอะไรนะ” ปูนถามออกมา ที่จริงก็ได้ยินนั่นแหละ แต่กลัวว่าจะฟังผิด

   “จะบอกว่า น้ำที่กินมันเลี่ยน” คำอธิบายที่คลายความไม่เข้าใจของลูกค้าหนุ่ม แต่ไม่ใช่กับปูน ก็ในเมื่อน้ำที่วางตรงหน้าเป็นน้ำเปล่า มันจะเลี่ยนได้ยังไง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะสนใจ ในเมื่อลูกค้าอยู่ตรงหน้านี้

   ปูนตวัดลายมือน่ารักลงบนการ์ดอย่างทุกที ชื่อในการ์ดคือชื่อของคุณแม่ของลูกค้าหนุ่ม ช่วงจังหวะที่ก้มเขียน ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นลูกค้าทำหน้าบึ้งตึงอย่างแปลกๆ

   “เรียบร้อยแล้วครับ” ปูนยื่นการ์ดให้ไปพร้อมรับเงินสดมา ยังไม่ทันได้กล่าวคำลาใดๆ ลูกค้าประจำก็เดินลิ่วๆ ออกจากร้านไปแล้วอย่างไม่ทราบสาเหตุ “เป็นอะไรของเขา” เมื่อไม่มีลูกค้า ปูนก็เดินกลับมานั่งกับเกนที่ดูเจ้าตัวจะอารมณ์ดีผิดหูผิดตากับเมื่อกี้ นี่ก็แปลกอีกคน

   “เมื่อไหร่จะไปซื้อของ” เกนถามเสียงห้วน แต่คนที่เขาถามกลับหรี่ตามองดูเหมือนไม่ชอบใจ “ครับ” พอลงท้ายประโยคแบบนี้ หน้าขาวๆ นั่นถึงมีรอยยิ้มออกมา

   “รอพี่โรสมาก่อน ขืนไปตอนนี้จะไม่มีใครเฝ้าร้าน” ปูนว่า

   “ก็ปิดก่อนแล้วค่อยกลับมาเปิด ไม่เห็นจะยาก” คนว่าง่ายๆ ทำท่าทางสบายๆ

   “ถ้าลูกค้ามาสั่งดอกไม้จะทำยังไง พี่โรสได้ด่าพี่แน่”

   “ก็ให้ป๋าจ่ายค่าเสียหายให้ไง ป๋ารวยจะตาย” เกนว่า แถมยังเอนหลังพิงพนักอย่างไม่รู้สึกอะไร ต่างจากปูนที่ดูไม่ค่อยชอบใจในสิ่งที่ได้ยิน “ทำไมหน้าบึ้ง”

   “เงินแก้ปัญหาได้ไม่หมดทุกอย่างหรอกนะ แล้วก็ ไม่ควรพูดแบบนี้ เกนยังเด็ก เดี๋ยวเขาจะว่าไปถึงที่บ้านได้ ที่พี่เตือนเพราะหวังดีนะ” ปูนทำหน้าจริงจัง ไม่รู้ว่าเกนจะถูกเลี้ยงดูมาแบบไหนถึงได้คิดแค่ว่า เอาเงินฟาดไปก็จบเรื่อง

   เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของปูน เกนก็ขยับมานั่งตัวตรง “ขอโทษครับ” เพราะปูนเงียบ เกนเลยลองพูดออกมาดู และคงจะเป็นเรื่องที่ถูก ในเมื่ออีกฝ่ายเผยรอยยิ้มออกมา

       ความตั้งใจแรกของปูน คืออยากจะลองแกล้งทำเป็นนิ่งดูเฉยๆ อยากรู้ว่าเกนจะทำยังไง พอได้ยินคำขอโทษก็รู้สึกพอใจ อย่างน้อยก็พอคิดได้เอง

   ระหว่างที่ปูนกับเกนยังนั่งนิ่ง เสียงกระดิ่งประตูหน้าร้านก็ดังขึ้นอีกรอบ คราวนี้เป็นเจ้าของร้านคนสวยที่หอบข้าวของมาพะรุงพะรัง ปูนรีบวิ่งเข้าไปช่วยถือ พอดีกับโรสบุ้ยปากมาทางคนที่นั่งมองเฉยๆ

   “พี่กรติดงานเลยฝากลูกชายไว้ที่นี่ก่อน เดี๋ยวจะกลับมารับครับ”

   “อ๋อ เมื่อกี้กรโทรมาแต่พี่ไม่ได้รับ คงจะเรื่องนี้” โรสหรี่ตามองลูกชายของเพื่อนอย่างวิเคราะห์ โตขนาดนี้แล้วสินะ “แล้วนี่ฝากไว้นานหรือยัง”

   “ก็ตั้งแต่เช้า ไม่รู้งานจะเสร็จกี่โมง เห็นว่านัดไปเที่ยวกันด้วย” ปูนบอกรายละเอียดหลังจากทั้งคู่เดินมาเก็บของหลังร้าน “มาแรกๆ ก็เหวี่ยงน่าดู”

   “ได้พ่อมันมานั่นแหละ” โรสว่าให้

   “พี่โรสครับ คือปูนจะขอไปซื้อของที่ตลาด...”

   “ไปเลย เดี๋ยวพี่อยู่ร้านต่อเอง ถ้าจะให้ดี ซื้อมะม่วงดองเจ้าประจำมาฝากด้วยนะ บอกป้าเขาว่าขอแบบพิเศษๆ” โรสแกล้งแหย่ เพราะรู้ว่าลูกสาวเจ้าของร้านขายผลไม้ดองชอบปูน ก็ที่ตลาดไม่ได้มีแค่หนุ่มๆ ที่ชอบ ยังมีเด็กสาวที่ชอบอีกหลายคน

   ปูนหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์พร้อมกวักมือเรียกให้เกนมาด้านหลังร้าน เด็กหนุ่มทำหน้าเหลอหลาแต่ก็ยอมเดินเข้ามาหา

   “ซ้อนมอเตอร์ไซค์ได้ใช่ไหม” ถามขณะก้าวขาคร่อมเบาะรถ

   “ได้” ไม่พูดเปล่า เกนยังขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายเรียบร้อย “ที่บ้านใหญ่เกนก็แอบขี่บ่อยๆ โดนจับได้ทีถูกบ่นหูชา”

   “สมควรสิ อายุไม่ถึงนี่” ปูนหัวเราะขณะหันไปยื่นหมวกกันน็อคให้คนซ้อนท้าย

   “แล้วพี่ไม่ใส่เหรอ” เกนถามหลังจากสวมหมวกเรียบร้อย

   “พี่มีใบเดียว แต่ไม่เป็นไรหรอก ตลาดใกล้แค่นี้เอง”

   “งั้นเกนก็ไม่ใส่” ว่าแล้วก็รีบปลดล็อคหมวก ปูนพยายามห้ามแต่คนซ้อนท้ายก็ไม่ยอมฟัง สุดท้ายก็ต้องเลยตามเลย ไม่ใส่ด้วยกันทั้งคู่

   ตลาดสดในยามใกล้เที่ยง แม้แดดจะร้อน แต่เกนก็ดูไม่รำคาญอะไร แถมเจ้าตัวดูจะชอบซะด้วยซ้ำ เห็นชี้นิ้วจะเอานั่นเอานี่ ทั้งที่ไม่มีเงินติดตัวสักบาท

   “นี่ขนมอะไร” บนถาดแสตนเลสมีขนมกลมๆ สีเหลืองทองวางอยู่เต็มถาด กลิ่นหอมๆ นั่นทำให้คนหิวเดินมาหาได้ไม่ยาก

   “ขนมไข่นกกระทา เคยกินไหม” ยังถามไม่ทันจบดี คนไม่เคยกินก็ส่ายหน้าหัวแทบหลุด จนปูนกับป้าคนขายหัวเราะ

   “งั้นเอาอันนี้ด้วย” เกนชี้บอก

   “เอาถุงหนึ่งครับ” ปูนส่ายหน้าช้าๆ ให้กับคนอยากกินที่จ้องขนมตาเป็นมัน “ซื้อไปก็กินให้หมดนะ ขนมพวกนี้”

   “รู้แล้วๆ หือ อร่อย” ยังไม่ทันเดินออกจากร้าน เกนก็จิ้มขนมเข้าปาก และไม่ลืมป้อนคนออกเงินซื้อให้ด้วย “แล้วไหนของที่จะทำขนม”

   “พี่ซื้อมาหมดแล้วนี่ไง” ปูนชูถุงที่มีวัตถุดิบในการทำลูกชุบ “กลับเลยไหม ออกมานานแล้ว พี่เป็นห่วงร้าน”

   “เจ้าของเขาก็อยู่”

   “แต่พี่เป็นลูกจ้าง”

   “งั้นก็...” ท่าทางอ้ำอึ้งทำให้คนฟังอยากรู้ไปด้วย เกนฉีกยิ้มออกมาพร้อมกับประโยคที่ทำให้ปูนต้องเดินหนี “งั้นพี่ปูนก็ไปทำงานกับป๋าสิ ป๋าไม่ใช้งานพี่ปูนหนักแน่นอน เดี๋ยวเกนช่วย” แม้ประโยคนั้นคนพูดดูจะไม่มีความหมายแอบแฝง แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะเดินหนี “พี่ปูน รอเกนด้วย”




   สองหนุ่มต่างวัยกลับมาถึงร้านก็เอาแต่คลุกอยู่ด้านหลัง โรสปล่อยให้ปูนดูแลลูกชายของเพื่อน เพราะเธอไม่ค่อยถูกโฉลกกับเด็กสักเท่าไหร่ ก็ไม่ได้เกลียด แต่ทำตัวไม่ถูกมากกว่า

   ด้านปูนที่เริ่มลงมือทำลูกชุบโดยมีลูกมือ (ที่ถามตลอดเวลา) คอยช่วยอยู่ข้างๆ โชคดีที่เพิ่งซื้อถั่วเขียวเก็บไว้เลยง่ายต่อการทำ เพราะปูนแช่น้ำเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะไปตลาด

   “ถั่วเขียวนี่ที่เขาใช้ทำน้ำเต้าหู้ใช่ป่ะ” คำถามจากลูกมือที่นั่งจ้องชามถั่วเขียวมาสักพัก

   “ไม่ใช่ นั่นมันถั่วเหลืองต่างหาก มีที่ไหนใช้ถั่วเขียวทำน้ำเต้าหู้” ปูนตอบอย่างขำๆ

   “ก็เรียกถั่วเหมือนกัน ทำไมเราไม่ลองทำน้ำเต้าหู้จากถั่วเขียวล่ะ อาจจะอร่อยก็ได้” เกนออกความคิดเห็น ซึ่งปูนก็ดูจะสนใจไม่น้อย

   “ไว้พี่จะหาวิธีทำก็แล้วกัน” เหมือนจะเคยเห็นสูตรตามอินเตอร์เน็ตบ้าง “ถั่วเขียวนิ่มหรือยัง”

   “ยุ่ยแล้วด้วย” ไม่ว่าเปล่า เกนหยิบเม็ดถั่วเขียวขึ้นมาแล้วบี้ซะเละคามือ “ไม่ได้โม้ด้วย” ปูนส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะยกถั่วเขียวนิ่มไปนึ่งให้สุกโดยมีเกนนั่งเฝ้าไม่ยอมห่าง 

   เครื่องปั่นถูกเตรียมไว้แล้ว ปูนยกถั่วเขียวที่นึ่งจนสุกออกมาใส่พร้อมผสมกะทิ น้ำตาล เกลือ แล้วปั่นส่วนผสมให้ละเอียด

   “มันเละเป็นน้ำแบบนั้นจะปั้นได้เหรอ” เกนถามเมื่อปูนปั่นถั่วเขียวเสร็จ

   “เดี๋ยวต้องเอาไปเคี่ยวในกระทะให้มันเหนียวซะก่อน” ปูนอธิบายให้คนที่ดูจะสนใจมากเป็นพิเศษ ถึงขนาดใช้นิ้วจุ่มถั่วเขียวปั่นขึ้นมาชิม “เป็นไง”

   “หวานดี” คนชิมว่า เกนเดินตามปูนไปที่หน้าเตา ดวงตาที่ถอดแบบพ่อมา จ้องของในกระทะอย่างสนใจ ยิ่งถั่วเขียวเริ่มหนืดก็ยิ่งตื่นเต้น

   “ไม่ได้นะ มันร้อน” ปูนร้องเตือน ก็อยู่ๆ ลูกมือจะใช้นิ้วจิ้มถั่วเขียวในกระทะ

   “ยังไม่ได้เหรอ” เกนทำหน้าสลดเพราะคิดว่าเหนียวแล้วก็หยิบมาปั้นได้เลย ตอนนี้อยากโชว์ฝีมือเต็มแก่แล้ว

   “ยัง รอให้มันเย็นสักหน่อย” อยากจะขำออกมาแต่ก็ไม่กล้า กลัวไฟในตัวเด็กหนุ่มข้างๆ จะมอดไปซะก่อน

   ปูนเดินมาเตรียมผงวุ้นกับสีผสมอาหารที่จะใช้ระบายตอนปั้นลูกชุบเสร็จ ช่วงเตรียมของเกนก็ยังคงใช้นิ้วลองจิ้มถั่วว่าเย็นหรือยัง สงสัยอยากทำเต็มแก่

   “มันเริ่มเย็นแล้วนะ ปั้นได้หรือยัง” เกนถามอย่างเซ็งๆ รอมานานหลายนาทีถั่วบดนี่ก็ไม่ยอมจะเย็น แต่พอปูนพยักหน้าปุ๊บ สีหน้าท่าทางเบื่อๆ ก็ดูสดใสขึ้นมาทันตา

   ถั่วที่ได้ที่ถูกปั้นเป็นรูปต่างๆ หลายครั้งที่โรสเดินเข้ามาดูและมองอย่างสนใจ แต่พอจะขอลองทำก็มักถูกสายตาคู่หนึ่งจ้องจนต้องขอตัวไปรอชิมด้านนอกแทน

   ดุเหมือนพ่อไม่มีผิด

   “นี่ปั้นอะไร” ปูนหยิบผลงานชิ้นเอกของเกนขึ้นมาดู และเจ้าตัวดูจะภูมิใจกับมันมากถึงขนาดยืดอกและบอกออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง

   “ไอ้เฟือง”

   “ไอ้เฟือง? ตัวอะไร”

   “ก็หมาไง มันเป็นชื่อหมาที่บ้าน เป็นไง เกนปั้นเก่งป่ะ เหมือนมากเลยนะ” ปูนย่นคิ้วมองถั่วที่ปั้นเป็นรูปหมาในมือ นี่มันหมาหรือจิ้งจกกันแน่ แต่ก็เออออไป กลัวเด็กจะเสียเซลฟ์ “แล้วทำไมพี่ปูนปั้นแต่พวกกลมๆ ล่ะ หรือปั้นไม่เก่ง”

   “พี่ชอบปั้นอะไรง่ายๆ” พูดไปมือก็ทำไปตาม “ลงสีเลยไหม พูกันอยู่ข้างๆ นั่นน่ะ” ปูนชี้นิ้วบอก คนปั้นเก่งก็รีบละเลงทาสีลูกชุบ “ไอ้เฟืองสีอะไร” ที่ปูนถามก็เพราะเกนระบายสีดำลงไปบนตัวหมาปั้น

   “ที่จริงมันขนสีขาว แต่ชอบคลุกโคลนเลยเป็นสีดำ” เกนอธิบาย “เสร็จแล้ว โห โคตรเหมือน”

   ปูนหลุดขำออกมาจนได้เมื่อเห็นท่าทางดีใจของเกน ก่อนจะพูดอะไรต่อก็มีคนเดินผ่านประตูครัวเข้ามา

   “ทำอะไรกันอยู่ กลิ่นหอมเชียว” เสียงทุ้มดังขึ้น เกนที่นั่งหันหลังรีบหันไปมองพร้อมอวดลูกชุบของตัวเอง “ตัวอะไรน่ะสีดำๆ เกนปั้นควายเหรอ?”

   “ป๋า! นี่มันไอ้เฟืองต่างหาก” เสียงแหวขึ้นมาทันที

   “อ่าวเหรอ นี่ไอ้เฟืองเหรอ ป๋าคงสายตาไม่ดี” แม้อยากจะหัวเราะแต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ “แล้วนี่ทำลูกชุบกันหรือ น่าสนุกจริง”

   “มาก พี่ปูนทำอร่อยด้วยนะ” พอเห็นรอยยิ้มกว้างของลูกชาย ก็สร้างความประหลาดใจให้กับคนเป็นพ่อ ปกติแล้วเกนมักจะไม่สนใจใครนอกจากเพื่อนสนิท ขนาดพี่เลี้ยงที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กก็ยังดูไม่สนิทสนมเท่า “ป๋าดูสิ พี่ปูนปั้นแต่พวกผลไม้ ไม่เจ๋งเลย ป๋าลองปั้นบ้างสิ อยากรู้จะสู้เกนได้หรือเปล่า”

   “ป๋าปั้นได้เหรอ” เหมือนจะถามลูกชาย แต่สายตามองไปที่อีกคน “พี่ปั้นได้ใช่ไหม”

   “ครับ” ปูนตอบพร้อมรอยยิ้ม “แต่ต้องไปล้างมือให้สะอาดก่อน เดี๋ยวจะพากันท้องเสีย” กรพัฒน์ยิ้มแหยๆ แต่ก็ยอมลุกไปล้างมือแล้วมานั่งข้างลูกชาย

   แล้วผลงานชิ้นเอกของพ่อก็ไม่ต่างจากลูก ปูนเอียงคอมองลูกชุบฝีมือการปั้นของกรพัฒน์อย่างงงๆ

   “พี่กรปั้นเฟืองเหมือนเกนเหรอ”

   “พี่ปั้นกวางต่างหาก” กรพัฒน์รีบเถียง เขาตั้งใจปั้นแทบตาย ต้องนึกถึงหน้าตากวางอยู่ตลอด ขืนไม่ทำแบบนั้นจะเผลอปั้นรูปปูนออกมา แบบนั้นคงไม่ดีเท่าไหร่

   “กวาง?” กลายเป็นเกนที่ถามออกมาแทน พอเอาเฟืองมาเทียบแล้วก็เหมือนกันอยู่มาก “ป๋าปั้นไอ้เฟืองเถอะ ดูๆ เหมือนกับไอ้เฟืองเลย”

   “ป๋าปั้นกวาง เห็นไหม กวางมีเขาด้วย”

   “ควายก็มีเขานะ”

   ปูนดูพ่อลูกเถียงกันเรื่องรูปร่างของลูกชุบ ดูเหมือนทั้งคู่ไม่สนิท แต่ก็สนิท ก็นะ ความสัมพันธ์พ่อลูกนี่นา ก็ต้องรักกันเป็นธรรมดา

   “ปูนดูสิ พี่ตั้งใจปั้นกวางให้ปูนเลยนะ” พอเถียงลูกชายสำเร็จ กรพัฒน์เลยหันมาหาปูนแทน และมัวแต่มองรอยยิ้มของปูนเลยไม่ทันระวัง เมื่อลูกชายตัวแสบเอาพูกันสีน้ำเงินเข้มมาแต้มลงไป “ไอ้เกน ทำอะไรวะเนี่ย”

   “ก็ป๋าปั้นไอ้เฟืองไง”

   “บอกว่ากวางๆ ไม่ใช่หมา ไม่ใช่ควาย”

   “เอ้า”

   “อย่าทะเลาะกันเลย เรามารีบทำให้เสร็จดีกว่า ปูนเกรงใจพี่โรส” มัวแต่ขลุกดูแลลูกชายของกรพัฒน์จนวันนี้แทบไม่ได้ทำงาน จะถูกหักเงินเดือนหรือเปล่าก็ไม่รู้

   สุดท้ายแล้วสงครามเรื่องกวางและหมาก็จบลง เกนได้ลูกชุบฝีมือตัวเองไปพร้อมกับลูกชุบของปูนกล่องใหญ่ ดูเจ้าตัวจะชื่นชอบเอามาก หอบติดอกแทบไม่วางบนโต๊ะ

   “ขอบใจนะที่ดูแลลูกชายให้พี่ รบกวนปูนแย่เลย” เมื่อเกนออกไปรอด้านนอก กรพัฒน์ก็รีบพูด

   “ไม่เป็นไรครับ” ปูนยิ้ม มือก็เริ่มเก็บของกับเศษถั่วบดที่กระจัดกระจาย “คือ...” ความสงสัยที่เก็บไว้ตั้งแต่เช้าจนตอนนี้ชักอยากรู้เต็มแก่ “ถ้าปูนจะถามเรื่องน้องเกน...”

   “ถามมาได้ พี่ไม่มีความลับกับคนที่พี่จีบ” ไม่พูดเปล่า กรพัฒน์ยังขยิบตาส่งให้ปูนอีกที

   “เรื่องแม่ของน้องเขา คือพอดีปูนเผลอพูดถึงแม่แก เกนก็เงียบไปเลยช่วงหนึ่ง”

   “พี่เลิกกับแม่เกนตั้งแต่เกนเกิดใหม่ๆ แล้วพี่ไม่สะดวกเลี้ยงเองเลยให้เกนไปอยู่กับป๊ากับม๊าพี่ นิสัยเลยได้สองคนนั้นมาคนละครึ่ง ไม่ไหวๆ” ปูนอยากเถียงเต็มแก่ว่านิสัยได้จากกรพัฒน์ต่างหาก

   “มิน่า ตอนปูนพูดถึงแม่ เกนเลยซึมๆ”

   “จะว่าไป เกนไม่เคยเห็นหน้าแม่หรอก เห็นแค่รูปถ่ายเท่านั้นแหละ เพราะเขาคลอดปุ๊บก็เลิกกันปั๊บ แต่พี่ไม่ได้ขอเลิกนะ เขาไปเอง”

   “อ่า...”

   ไปต่อไม่เป็นเลย ปูนเม้มริมฝีปากไม่กล้าถามมากไปกว่านี้ เพราะดูจะเป็นเรื่องส่วนตัวเกินไป ช่วงที่เก็บข้าวของ เสียงโวยวายหน้าร้านก็ดังขึ้น ปูนกับกรพัฒน์รีบเดินเร็วออกมาแต่ก็ไม่เจอลูกค้าสักคน


   “มาก็ดีแล้ว ลูกชายของนายเรียกฉันว่าป้า” โรสทำหน้าง้ำงอทันทีเมื่อปูนกับกรพัฒน์ออกมา “เมื่อกี้ยังเรียกพี่อยู่เลย อยู่ๆ มาเรียกป้าได้ยังไง พี่อายุน้อยกว่าป๋าเธอซะอีก”

   “แต่ป้าก็แก่กว่าพี่ปูน เรียกป้าถูกแล้ว” ตีรวนอย่างกับปูนเจอครั้งแรกไม่มีผิด

   “กร พาลูกนายกลับไปเลย”

   “อ่าว” กรพัฒน์หัวเราะเพื่อนสนิทสาว

   “ปูน หน้าพี่ย่นเหรอ สงสัยต้องไปทำโบท็อกซะแล้ว ใช่ ต้องโทรนัดหมอเลยจะได้ทำเร็วๆ” โรสบ่นเสร็จก็ลุกไปโทรศัพท์ทันที ส่วนตัวต้นเหตุยืนกอดกล่องลูกชุบไม่สนใจอะไร

   “พี่กลับก่อนนะ รบกวนปูนมานาน” กรพัฒน์พูดอย่างเกรงใจ พร้อมยื่นมือไปดันศีรษะลูกชายให้โค้ง “ขอบคุณพี่เขาสิ”

   “เจ็บนะป๋า” เกนปัดมือใหญ่นั่นออก แล้วเดินมาหาปูน “ขอบคุณครับ ไว้คราวหน้าเกนจะมาหาใหม่” เกนเขย่งเท้านิดๆ หอมแก้มปูนไปฟอดใหญ่ ก่อนเจ้าตัวจะรีบวิ่งออกมาจากร้าน สร้างความตกตะลึงให้กับเจ้าของแก้มและคนเป็นพ่อ

   ป๋าแกจีบก่อนยังไม่ได้แตะเลยนะโว้ย

   “พี่ขอโทษแทนลูกด้วยนะ” อยากจะตบกะโหลกลูกชายหนักๆ สักที จะว่าอิจฉาก็ใช่ ปูนไม่ได้ทำท่าทางกลัวหลังจากถูกเกนหอมแก้มเลยสักนิด กลับกัน ทีเขาจับนิดจับหน่อยทำกลัว ลำเอียงชัดๆ

   “ปูนว่า เกนน่ารักดี ถ้าปูนมีน้องชายจะน่ารักแบบนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้” พอได้ยินคำว่าน้องชายก็แทบอยกถอนหายใจโล่งอกออกมาดังๆ แต่ติดที่ว่าทำไม่ได้ “รีบไปเถอะครับ มาอีกแล้ว” ปูนพยักพเยิดหน้าไปที่ประตู เกนมายืนทำหน้ายักษ์อยู่ด้านหลังแล้ว
 
   “ขอบใจอีกทีนะ ไว้พี่จะมาหาใหม่”

        กรพัฒน์บอกลาพร้อมรอยยิ้ม เมื่อประตูปิดลง โรสก็เดินออกมายืนข้างๆ ปูน

   “ปวดหัวคูณสองแน่ปูนจ๋า พี่บอกได้เท่านี้จริงๆ”

   ปูนพยักหน้าช้าๆ อย่างเห็นด้วย เริ่มรู้สึกว่า ต่อไปนี้ ชีวิตของตัวเองจะมีแต่เรื่องยุ่งๆ ให้ปวดหัวแน่นอน แต่ก็ยังหวังว่าจะไม่เป็นอย่างที่คิด...


..TBC
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 4 ] // [02/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 02-09-2017 23:03:39
โอ๊ยยย ชัดเจนไปอีก กรรุกหนักมาก เนียนมาก พูดซะปูนยอม
สงสารโรส เจอเกนไป ถึงกลับไปต่อไม่ถูก

เกน ทำไมร้ายแต่เด็กแบบนี้ล่ะ เจอพี่ปูนสอนซะหน่อยแล้ว

ปูนน่าสงสาร จะกลัวขนาดไหนนะ ถูกจับขังแบบนั้น แล้วจิตขนาดไหน เอาไปขังทิ้งเป็นอาทิตย์

รอดูผลงานกรต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 5 ] // [13/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 13-09-2017 19:39:12
-5-




       “ป๋าชอบพี่ปูนเหรอ” คำถามหมัดเด็ดออกมาจากปากลูกชายที่นั่งกอดกล่องลูกชุบอยู่ข้างๆ กรพัฒน์หันขวับมามองแทบจะทันที “ตอนแรกคิดว่าชอบป้าเจ้าของร้าน แต่ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่”

   “พูดอะไรเกินเด็ก” แสร้งทำดุเพื่อกลบเกลื่อน

   “อายุสิบเอ็ดไม่เด็กแล้ว” เกนเถียง “พี่ปูนน่ารัก เกนชอบ แต่ถ้าเป็นป้าเจ้าของร้าน ไม่โอเค”

   กรพัฒน์เหลือบตามองลูกชายเป็นระยะ เพิ่งเคยเห็น เคยได้ยินลูกชายพูดแบบนี้ แถมพูดว่าชอบอย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะปกติแล้ว นอกจากคนในครอบครัวกับเพื่อนสนิท ก็ไม่เคยปริปากว่าชอบใคร

   รถคันสวยเข้าจอดคอนโดหรูใจกลางเมือง เพียงแค่กรพัฒน์กับเกนเดินเข้าตัวตึก สายตาหลายคู่ต่างก็พากันจ้องมอง ด้วยความหล่อและดูดี อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในวงสังคม หลายครั้งที่มักจะมีสาวสวยๆ มาดักรอ แต่กรพัฒน์ก็ไม่เคยพาขึ้นห้องสักครั้ง ไม่ใช่เพราะเป็นสุภาพบุรุษ แต่เป็นเพราะลูกชายไม่ชอบ

         สองพ่อลูกเมินสายตาคนรอบตัวเดินไปเข้าลิฟต์ตัวในสุดซึ่งเป็นลิฟต์ตัวเดียวที่จะขึ้นไปถึงห้องของตัวเอง ตัวเลขหน้าปัดดิจิตอลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดที่ชั้นบนสุด ทางเดินยาวแบ่งห้องออกเป็นสองฝั่ง ห้องทั้งสองที่กินพื้นที่จนเต็มชั้น กรพัฒน์แตะคีย์การ์ดเข้าห้องตัวเอง พร้อมๆ กับลูกชายที่แยกไปอีกฝั่ง

   ตึกหรูแห่งนี้ ป๊าของกรพัฒน์เพิ่งสร้างเมื่อไม่นานมานี้ ทำเลดีบวกกับการเดินทางสะดวกทำให้มีผู้ซื้อ ผู้เช่าจนแน่นแทบไม่มีห้องว่างเหลือ อีกทั้งในตึกหลังนี้ ยังมีดารานักแสดงคนดังมากมายพักอาศัย รวมไปถึงนายแบบนางแบบของเอเจนซี่ของตัวเอง
 
   ห้องกว้างขวางแต่ช่างเงียบเหงาเสียจริง ร่างสูงสมส่วนทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม ดวงตาคมเหม่อมองเพดานอย่างใช้ความคิด นี่เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ เจ้าของบริษัทที่ไม่เคยสนใจความรัก ตอนนี้กลับต้องมาคิดหนัก สรุปแล้ว เขาชอบลูกกวางจริงๆ หรือแค่อยากได้

   คิดแค่นี้ก็ปวดหัวจนแทบระเบิด

   กรพัฒน์ลุกจากเตียง เปลี่ยนชุดเพื่อจะไปออกกำลังกายแก้เครียด โดยฟิตเนสของที่นี่จะเปิดให้คนใช้บริการเฉพาะผู้พักอาศัยเท่านั้น เพื่อความสะดวกและความปลอดภัย

   “โอ๊ะ” เสียงร้องทักตอนลิฟต์เปิดออก กรพัฒน์เลิกคิ้วมองหญิงสาวที่แต่งชุดสวยยืนอยู่ด้านหน้า “สวัสดีค่ะคุณกร บังเอิญจังเลยนะคะ”

   “ครับ” ตอบสั้นๆ เพราะไม่อยากคุยมาก แต่ดูอีกฝ่ายจะอยากคุยมากถึงขนาดเข้ามาในลิฟต์แล้วก็ยังจ้องหน้าตาไม่กระพริบ “มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”

   “อย่าหาว่ามิ้นท์ยุ่งเลยนะคะ คือคุณกรคุยกับปูนแล้วหรือยังคะ เรื่องนั้น”

   “เรื่องนั้น?” กรพัฒน์ถามกลับอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้ามีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงหรือเปล่าถึงถามเรื่องปูนกับเขา “คุณหมายถึงเรื่องที่คุณบอกผมใช่ไหม ถ้าใช่ ผมคุยกับเพื่อนคุณแล้ว” บอกแบบเรียบๆ แต่ดวงตาคมยังคอยมองจับสังเกตพฤติกรรมของนางแบบตัวเองอยู่

   “งั้นหรือคะ” สีหน้าสลดนิดๆ ของมิ้นท์ยิ่งทำให้กรพัฒน์สงสัยหนัก “ดีแล้วค่ะ คุณกรจะได้เข้าใจปูน มิ้นท์ไม่อยากให้คุณเข้าใจปูนผิด แล้วมองปูนเป็นคนแปลก”

   “ขอบคุณนะครับ ถ้าไม่ได้คุณ ผมคงไม่รู้อีกด้านของปูน”

   “ค่ะ”

   แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมลิฟต์ จนประตูเปิดอีกทีถึงชั้นที่กรพัฒน์ต้องลง ชายหนุ่มยิ้มพร้อมโค้งให้นิดๆ ก่อนเดินออกมา มือหนาสะบัดผ้าขนหนูอยู่หลายรอบ เหมือนอารมณ์หงุดหงิดที่เป็นก่อนหน้าจะยังมีอยู่

   “สวัสดีค่ะคุณกร” พนักงานต้อนรับหน้าฟิตเนสเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหุบลงเมื่อเจ้าของตึกทำหน้าบึ้งตึงไม่รับแขก ไม่แม้แต่จะปรายตามองมาด้วยซ้ำ

   กรพัฒน์เลือกเล่นอุปกรณ์ที่ต้องใช้กำลังมากๆ ทั้งวิ่ง ทั้งยกน้ำหนัก แต่กิจกรรมมากมายก็ไม่ทำให้ลืมเรื่องของลูกกวางไปได้ ยิ่งมีเรื่องของเพื่อนสนิทปูนมาเพิ่มอีก แม้ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ก็เพราะเป็นห่วง กลัวว่าปูนจะถูกเพื่อนสนิทหักหลัง ซึ่งมันคงไม่ใช่เรื่องดีที่จะให้ปูนต้องเจอเรื่องแบบนั้น

   “โอ้โห เกิดคึกอะไรของมึงวะ” แรงสัมผัสไหล่หนักๆ กับเสียงทักทายมาจากด้านหลัง กรพัฒน์ตีหน้ายุ่งหันไปมอง ก็เจอใบหน้าขาวทำหน้าทะเล้น “โห ต้องมองกูด้วยสายตาแบบนี้เหรอวะ”

   “กูกำลังหงุดหงิด” บอกเพื่อนเสียงเรียบพลางปรับสีหน้าใหม่

   “ใครหน้าไหนทำให้เพื่อนรักกูหงุดหงิดได้วะ” หนุ่มหน้าทะเล้นเดินอ้อมมานั่งที่เบาะข้างๆ “ว่าแต่ มันเรื่องงานหรือเรื่องผู้หญิง”

   “เรื่องของกู” ตอกกลับโดยทันที แต่อีกคนยังไม่ยอมหยุดก่อกวน

   “แล้วเรื่องของมึงเรื่องไหนบ้าง ที่กูไม่ยุ่ง”

   “ไอ้พอล”

   กรพัฒน์กดเสียงต่ำ ตอนนี้เขาไม่พร้อมจะเล่นลิ้นไปกับเพื่อนอย่างเช่นทุกที

   “นี่มึงเครียดจริงๆ เหรอวะ เรื่องอะไรบอกกูได้” พอเห็นเพื่อนนิ่ง พอลก็เลิกแหย่

   “จะว่าไร้สาระก็ใช่ เรื่องจริงจังมันก็ใช่อีก” เพราะความอึดอัด กรพัฒน์เลยระบายกับเพื่อนสนิท แต่ไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหนก่อน “คือมันแบบว่า”

   “แบบว่า?”

   “กู...”

   “กูจะรู้เรื่องไหมวะ เอางี้ กลับห้องมึงก่อน ที่นี่หูตาสับปะรดจะตาย”

   ก็จริงอย่างที่พอลว่า แม้ฟิตเนสนี้จะให้เฉพาะคนพักอาศัย แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยจากบรรดาพวกช่างเม้าท์ ยิ่งสมัยนี้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นอาวุธประจำตัวของทุกคน กรพัฒน์เดินนำเพื่อนสนิท โดยที่เพื่อนแสนขี้เล่นยังแวะหยอดสาวๆ หน้าเคาน์เตอร์ก่อนออกห้อง

   นี่ชีวิตมันมีเรื่องให้เครียดบ้างหรือเปล่าวะ

   ห้องสำหรับเจ้าของตึกนี้ พอลมาบ่อยพอๆ กับเจ้าของ หลายครั้งมานอนเป็นเดือนๆ ก็ยังมี จึงไม่แปลกที่จะรู้ทุกซอกทุกมุมของห้อง พอลเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์ออกมาดื่ม และไม่ลืมหยิบเผื่อคนซื้อ

   “ตกลงมึงเป็นอะไร งานหนักขนาดไหน กูก็ไม่เคยเห็นเครียดแบบนี้” ดื่มไปอึกใหญ่ก็เริ่มถาม พอลมองหน้าเพื่อนตัวเองที่คิ้วขมวดมุ่นเหมือนแบกโลกหนักๆ ไว้

   “กูไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนว่ะ” ตอบเสร็จก็เดินไปนั่งลงข้างๆ กรพัฒน์ยกเบียร์ขึ้นดื่มหลายอึก “คือตอนนี้กูกำลังคิดว่า คิดว่ากู เอ่อ มีความรัก”

   “เชี่ย” พอลแทบขยี้รูหูเมื่อได้ยินเพื่อนตอบ เบียร์เย็นในมือหมดความหมายทันทีแถมถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ “มึงพูดจริงป่ะ มึงมีความรัก? กับใคร ผู้หญิงที่ไหน แล้วไปเจอกันเมื่อไหร่ นี่กูตกข่าวเหรอ เป็นไปไม่ได้”

   “ไม่ใช่ผู้หญิง” กรพัฒน์ตอบเรียบๆ แต่เพื่อนสนิทที่โวยวายตอนแรกตอนนี้กลับนิ่งสนิท “กูก็ไม่รู้ว่าใช่รักหรือเปล่า มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยรักใคร”

   “รักไม่รักเก็บไว้ก่อน ตอนนี้กูสนใจอย่างเดียวคือ มึงบอกว่าไม่ใช่ผู้หญิง คือยังไงวะ หมายถึงมึงกำลังชอบ...ผู้ชายเหรอวะ” ช็อคจนแทบลืมหายใจ ช็อคยิ่งกว่ารู้ว่าเพื่อนกำลังอินเลิฟซะอีก “มึงแค่อยากลองหรือเปล่าวะ” คนขี้เล่นเริ่มเครียดไปกับเพื่อน

   “กูก็ไม่รู้ว่ะ แต่กูแคร์ความรู้สึกเขานะเว้ย กูไม่อยากเห็นเขาร้องไห้เลยว่ะ” ภาพที่ปูนร้องไห้จนตัวโยนยังจำฝังใจ

   “ร้องไห้? อย่าบอกว่ามึงหลอกเขามากินแล้ว ไอ้เหี้ย มึงโคตรเลว”

   “ยังเว้ย” กรพัฒน์รีบปฏิเสธ เมื่อเพื่อนโวยวาย “มึงเห็นกูเลวขนาดนั้นเหรอวะ”

   “ก็ปกติเห็นไวไฟ จุดปุ๊บติดปั๊บ” พอลแซวเพื่อนสนิท ก็ปกติ แค่กรพัฒน์ปรายตามองใคร คนๆ นั้นก็แทบเดินตามมาขึ้นเตียงด้วยทุกครั้ง “แล้วใครวะ ที่ทำให้เสืออย่างมึงคิดมาก กูรู้จักไหม”

   “ไม่” บอกพร้อมส่ายหน้า

   “แล้วนี่ ลูกมึงรู้ไหม” คราวนี้เจ้าของห้องพยักหน้าลง “เชี่ย เกนรู้แต่กูไม่รู้ มึงทำแบบนี้กับกูได้ยังไง ปกติกูต้องรู้ก่อนสิ”

   “อย่าบ้า” อดไม่ได้ที่จะด่า

   “มึงจริงจังเกินไปนะกูว่า” เมื่อเพื่อนไม่เล่นด้วย พอลเลยหยุด “พากูไปเจอสิ”

   “อยากเจอทำไม” แทบจะตวัดสายตามองทันทีที่พอลบอก

   “อ่าว ก็อยากรู้ไง ว่าคนที่ทำให้คุณกรพัฒน์สุดหล่อเครียดได้หน้าตาเป็นยังไง” 

   กรพัฒน์ส่ายหน้าให้กับเพื่อนแสนขี้เล่น ตั้งแต่คบกันมาก็มีพอลนี่แหละที่คบกันมานานสุด ทั้งคู่ผ่านเรื่องราวมากมายมาด้วยกัน ทั้งเรื่องที่แย่สุดไปจนถึงดีสุด อย่างเช่นเปิดบริษัทเอเจนซี่ด้วยกัน หากสมัยนั้นไม่ได้คนที่เก่งเรื่องการตลาดอย่างพอลมาช่วย บริษัทเล็กๆ ในวันนั้นก็อาจจะต้องล้มไปแล้ว

   “มึงรู้ข่าวคริสตี้ไหมวะ” ท่ามกลางความเงียบ พอลเอ่ยออกมา “เห็นว่าจะกลับมาเดินแฟชั่นให้ห้องเสื้อของพี่เกด” คนขี้เล่นคราวนี้ทำหน้าจริงจัง พอลมองเพื่อนรักข้างๆ ที่นั่งนิ่ง ใบหน้าไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา “ไอ้กร ฟังกูอยู่หรือเปล่า”

   “อืม กูรู้แล้ว” เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เครียด

   “มึงจะพาเกนไปเจอหรือเปล่าวะ”

   “ถ้าเขาอยากเจอก็คงติดต่อมาเอง”

   คนเป็นแม่ลูกกัน จะไม่ผูกพันก็คงไม่ใช่ กรพัฒน์มองเหม่ออย่างใช้ความคิด ตั้งแต่วันที่แม่ของเกนทิ้งไปก็ไม่เคยติดต่ออะไรมาอีก จนรู้ข่าวอีกทีก็กลายเป็นนางแบบสุดฮอต แถมตอนนี้ยังมีสามีรวยระดับหมื่นล้าน สมใจเขาล่ะ

   “ว่าแต่ มึงพากูไปรู้จักว่าที่เมียด้วยนะ กูไม่อยากตกข่าว”

   “ไอ้เชี่ยพอล” กรพัฒน์แยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่ทำเป็นเล่นซะทุกเรื่อง “มึงกลับไปได้แล้ว กูจะนอน”

   “นอนอะไร นี่พึ่งจะหัวค่ำ ไปดื่มข้างนอกกันเถอะ” ไม่อยากเห็นเพื่อนเครียด อีกอย่างก็อยากไปเที่ยวด้วย นานแล้วที่ไม่มีงานเร่งด่วนมาให้เคลียร์ “ไปเถอะน่า คลายเครียด”

   “เออๆ”








   
   ผับหรูที่มีเฉพาะสมาชิกเท่านั้น กรพัฒน์เดินตามเพื่อนสนิทด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีเหมือนหน้าตา แม้จะมีสาวน้อยสาวใหญ่ส่งสายตายั่วยวนตลอดทาง แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะปรายตามอง

   ด้านในผับคึกคักไปด้วยเสียงดนตรีดัง ดูเหมือนโต๊ะจะเต็มหากไม่ได้จองมาก่อน หรือไม่ใช่ซุปเปอร์วีไอพีแบบชายหนุ่มทั้งคู่ พอลเดินนำไปนั่งโต๊ะชั้นบนที่มีกระจกใสกั้นระหว่างชั้นล่าง แต่ก็สามารถมองเห็นได้ทั่วร้าน คนขี้เล่นสอดสายตามองหาสาวสวยที่เต้นส่ายสะโพกอยู่ชั้นล่าง หลายครั้งถึงกับสะกิดให้เพื่อนดู

   เครื่องดื่มกับกับแกล้มถูกวางเต็มโต๊ะ คนอยากเที่ยวก็ช่างคึกคักเหลือเกิน ผิดกับอีกคนที่เอาแต่หยิบถั่วทอดเข้าปาก

   “นี่มึงมากินถั่วทอดเหรอวะ” พอลอดไม่ได้ที่จะแขวะเพื่อน หลายครั้งที่หันมามองก็จะเห็นเพื่อนกินถั่วทอดตลอด หน้าตาก็ดูไม่เข้ากับสถานที่ “คึกคักหน่อยสิวะ”

   “คึกไปคนเดียวเถอะ” กรพัฒน์ตอบแบบเซ็งๆ แม้เสียงเพลงจะดังจนแสบแก้วหู จังหวะโยกมันส์ๆ ก็ไม่ทำให้สนุกแต่อย่างใด จังหวะที่กำลังจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แรงดึงข้อมือทำให้คนเบื่อหันไปเหวี่ยง แต่พอลกลับมองไปด้านล่าง ไม่ได้มองเขาเลย “อะไรวะ”

   “นั่นนางแบบในสังกัดหรือเปล่าวะ ที่นั่งมุมนั้น”

         อยากจะด่าว่าเพื่อนสายตาดี มองเห็นคนรู้จักทั้งที่ไฟมืดขนาดนี้

   “มึงสายตายาวหรือไง”

   “เชี่ย ก็ไฟมันส่อง ดูๆ”

   ทนความตื้อไม่ไหวเลยต้องมองตามนิ้วที่ชี้ กรพัฒน์พยายามเพ่งสายตามองมุมด้านล่าง อืม ดูเหมือนผู้หญิงจะเป็นนางแบบในสังกัดจริงๆ แถมเสื้อชุดนั้นเขาก็เพิ่งเห็นเมื่อตอนเย็น

   “หืม”

   เหมือนจะเห็นอะไรผิดปกติในกลุ่มนั้น

   “อะไรวะ เห็นอะไร” คนเห็นเพื่อนผิดสังเกตก็เอ่ยถามขึ้น พอลเห็นกรพัฒน์จ้องจนจะแนบหน้าไปกับกระจกอยู่แล้ว “อะไรไอ้กร เห็นอะไร”

   “กูว่า กูเห็นลูกกวางของกู” ตอบเพื่อนแต่สายตายังจับจ้องไปที่กลุ่มคนด้านล่าง

   “ลูกกวาง?” พอลย่นคิ้วมองเพื่อนอย่างงงๆ ลูกกวางมันก็ต้องอยู่สวนสัตว์สิ “เดี๋ยวๆ ไอ้กรจะไปไหน” มัวแต่งง พอเงยหน้าอีกทีกรพัฒน์ก็เดินตัวปลิวไปโดยไม่บอกไม่กล่าวอะไร เป็นอะไรของมัน

   กรพัฒน์สาวเท้าไปยังกลุ่มที่เขามองเห็นจากด้านบน แต่เพราะคนเบียดเสียดเลยไปถึงช้า ทั้งที่หัวใจพุ่งไปอยู่ตรงนั้นแล้ว และพอมาถึงจริงๆ ลูกกวางก็ไม่อยู่แล้ว

   “อ่าวคุณกร สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายอ้อแอ้เต็มแก่ คนถูกทักพยักหน้ารับแต่ดวงตาคมกำลังมองหาคนที่หายไป “มองหาใครหรือคะ”

   “พวกคุณมากันแค่นี้หรือ” อยากจะถามหา แต่ก็ดูจะไม่ค่อยดี

   “เปล่าค่ะ ยังมีมิ้นท์กับเพื่อนอีกคน” นี่แหละคำตอบที่ต้องการ แล้วตอนนี้สองคนนั้นหายไปอยู่ไหนนี่สิ “เอ...รู้สึกมิ้นท์จะไปส่งเพื่อนที่เมาขึ้นแท็กซี่นะคะ”

   “เมา?” กรพัฒน์ขมวดคิ้วหลังจากได้ยิน “เพื่อนของมิ้นท์ที่ว่า ใช่ผู้ชายหรือเปล่า”

   “ค่ะ ผู้ชายหน้าสวยกว่าพวกเราอีก นึกแล้วก็อิจฉา” นางแบบสาวร่างผอมอีกคนพูด แต่ไม่ใช่สิ่งที่กรพัฒน์จะสนใจว่าใครเป็นใคร

   “พวกเขาออกไปนานหรือยัง”

   “ก่อนหน้าคุณกรมา...เอ๊ะ คุณกร...”

   ไม่อยู่รอฟังจนจบ เพราะตอนนี้รู้สึกเป็นห่วงลูกกวางมากกว่า ไม่รู้สิ เพราะลางสังหรณ์มันบอกมาแบบนั้น กรพัฒน์กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปด้านนอก ดวงตาคมกวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาคนที่ตามหา จนมีรถแท็กซี่วิ่งผ่านหน้าไป ซึ่งเบาะหลังมีคนที่เขากำลังตามหาอยู่

   “เชี่ยเอ๊ย”

   สบถกับตัวเองก่อนจะรีบวิ่งไปปลดล็อครถที่จอดโซนวีไอพี กรพัฒน์เร่งความเร็วให้ทันแท็กซี่คันนั้น โชคดีที่เขาจดจำป้ายทะเบียนไว้ได้ และเป็นโชคดีอีกชั้นที่เจอคันนั้นตอนติดไฟแดง รถสปอร์ตหรูรีบขับไปปาดหน้าทำเอาแท็กซี่ต้องเบรคจนตัวโก่ง

   “ขับรถภาษาอะไรวะ” คนขับแท็กซี่ตะโกนด่า แต่คนปาดหน้าไม่สน ชายหนุ่มรูปร่างสูงกำยำเดินอาดๆ ลงมาจากรถ มือใหญ่เปิดประตูหลังพร้อมช้อมอุ้มคนเมาออกมา “เฮ้ย จะทำอะไรวะ”

   “จะพาเขาไปไหน” ดูเป็นคำถามเรียบๆ แต่น้ำเสียงและแววตาไม่ใช่

   “ก็พาไปส่งน่ะสิ” คนขับรถแท็กซี่ว่า

   “ที่ไหน”

   “หออะไรสักอย่าง เพื่อนเขาบอกมาเมื่อกี้” พอได้ยินเช่นนั้นกรพัฒน์ก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อย คนที่ชื่อมิ้นท์ก็ไม่คิดจะทำร้ายอะไร “แล้วนั่นจะพาเด็กนั่นไปไหน”

   “นี่เงิน ส่วนเด็กคนนี้ ผมจะพาเขากลับเอง” บอกก่อนกระชับแนบอก

   “เดี๋ยวๆ แล้วคุณเป็นใคร เป็นโจรหรือเปล่า” แม้จะกลัวเล็กน้อยเพราะท่าทางดุร้ายนั่น แต่ก็เป็นห่วงสวิสดิภาพของลูกค้า

   “ผมเป็นแฟนของเขา เราโกรธกันนิดหน่อย เรื่องของผมคงไม่ต้องบอกรายละเอียดนะ” พูดจบ ขายาวก็พาร่างที่เมาไม่ได้สติไปที่รถ มือใหญ่เปิดประตูข้างคนขับก่อนวางร่างผอมบนเบาะอย่างช้าๆ

   แท็กซี่คันนั้นวิ่งผ่านหน้าไปแล้ว กรพัฒน์เดินอ้อมมาประจำด้านคนขับ ขายาวเหยียบคันเร่งมุ่งหน้ากลับคอนโด อยากจะพากลับหอเหมือนกัน แต่สภาพแบบนี้คงลำบากแน่นอน

   “ร้อน” เสียงละเมอดังมาจากปากแดงของคนเมา แถมมือเรียวนั่นยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตจนแทบจะหมดแผง ความขาวทำเอาคนขับรถสติเกือบหลุด “ฮือ ร้อน” คนเมาเริ่มโวยวายเมื่อถูกมือปริศนามาจับไม่ให้ถอดเสื้อออก

   “เชี่ยเอ้ย” กรพัฒน์ขบฟันแน่น ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกหื่นกระหายหรืออะไร แต่คนเมาเริ่มอยู่ไม่นิ่งต่างหาก พอจับเสื้อไว้ก็พาลจะถอดกางเกง นี่มันเมาเหล้าหรือเมายากันแน่

   รถยนต์คันหรูเร่งเครื่องตามกำลังจนมาถึงคอนโดกลางเมือง กรพัฒน์หันหลังมองเพื่อถอยจอด พอหันมาอีกทีคนเมาก็ถอดเสื้อตัวเองออกเรียบร้อย แถมเสื้อเชิ้ตสีขาวก็ปลิวไปกองอยู่เบาะหลัง ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ใช่เวลาสำรวจร่างกาย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมอง

   ใบหน้าขาวมีสีแดงกล่ำจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ นัยนต์ตากวางที่เขาชอบถูกเปลือกตาปิดเอาไว้อย่างน่าเสียดาย จมูกเป็นสันน้อยๆ เข้ากับโครงหน้า ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อน่าลิ้มลองนัก พอไล่มองมาที่ซอกคอ ความขาวทำให้เห็นเส้นเลือดชัดเจน คงเพราะผอมด้วย แบบนี้ต้องขุนให้อ้วนอีกหน่อย ละสายตาจากซอกคอขาวลงมา หน้าอกแบนราบไม่มีส่วนนู้นเหมือนกับผู้หญิง แต่ก็รู้สึกอยากสัมผัส ปลายยอดอกเป็นสีชมพูสวย ชายหนุ่มรู้สึกริมฝีปากแห้งจนต้องแลบลิ้นเลีย มันเป็นความรู้สึกของตาแก่หื่นๆ แน่นอน และเขาก็ไม่ปฏิเสธ


   ตอนนี้ไอ้กรน้อยของเขาโคตรจะคึกให้ตาย


   ก่อนที่จะเกิดเรื่องเลยเถิด กรพัฒน์รีบหันไปคว้าเสื้อมาสวมใส่ให้คนเมา แม้จะยากสักหน่อยแต่ก็รับมือไหว แต่งตัวให้เสร็จก็ช้อนอุ้มขึ้นไปบนห้อง เวลานี้ลูกชายคงจะหลับไปหลายตื่น

   แล้วน้องของเขาล่ะ จะหลับได้เมื่อไหร่กัน






   เสียงดังเบาๆ คล้ายกับมีอะไรกระทบกันปลุกให้คนที่หลับใหลปรือตาขึ้นมา ทันทีที่ดวงตาเปิด อาการวิงเวียนก็ตีขึ้นมาจนต้องรีบหลับตาลงอีกรอบ สักพักเสียงที่ได้ยินก็หายไปแต่มีกลิ่นหอมลอยมาแทน ปูนขยับตัวอยู่บนเตียงพยายามนับหนึ่งถึงสิบเพื่อจะลืมตาอีกครั้ง

   ดวงตากลมโตค่อยๆ กระพริบสองสามทีจนแน่ใจว่าอาการวิงเวียนหายไปแล้วจริงๆ ภาพที่ดวงตาเห็นคือโต๊ะหนังสือที่มีแลปทอปวางไว้ จำได้ว่า เขาไม่เคยมีของพวกนี้ อีกอย่าง เตียงที่เคยนอนก็ไม่ได้นุ่มและหอมแบบนี้ พอคิดได้ร่างผอมก็รีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่ง พร้อมกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง

   ที่นี่ที่ไหนเนี่ย

   ความตื่นตระหนกกับภาพวันเก่าๆ ย้อนกลับมา ความกลัวแล่นปราดตั้งแต่หัวลงไปถึงเท้า เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นตามใบหน้าทั้งที่ห้องๆ นี้เย็นช่ำจนถึงขั้นหนาวก็ว่าได้

   หรือว่าเขาจะถูกพามาขังอีก

   ปูนรีบวิ่งลงจากเตียงเพื่อไปที่ประตู แต่พอดีประตูบานนั้นมีคนเปิดเข้ามาเสียก่อน คนอีกด้านดูตกใจไม่น้อยไปกว่ากัน ดวงตาสองคู่จ้องมองอย่างสงสัย

   “พี่ปูน?” ดวงตาคมที่ถอดแบบจากพ่อมามองอย่างสงสัย “ป๋า พี่ปูนมาเหรอ!” เกนตะโกนถามย้อนกลับไปด้านใน ชื่อคนที่ปูนก็จำไม่ได้ว่าเจอกันตอนไหนก็ทำให้มึนงง

   “อืม อ่าว ปูนจะไปไหน” ป๋าของเกนเดินออกมา วันนี้ชายหนุ่มแต่งตัวสบายๆ เสื้อยืดกับกางเกงบอล แถมมีผ้ากันเปื้อนคล้องคออยู่อีก ดูน่าแปลกใจ

   “ที่นี่...” ปูนกระพริบตาถี่ๆ เพราะจำอะไรไม่ได้ รู้แค่ว่าไปเที่ยวกับเพื่อนจากนั้นก็ถูกบังคับให้กินเหล้าแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีก
 
   “นี่ห้องพี่เอง” เจ้าของห้องตอบพร้อมรอยยิ้ม “เข้ามาก่อน พี่ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่นไว้ให้ปูนดื่มด้วยนะ แก้แฮงค์ แล้วก็เกน ข้าวเช้าอยู่บนโต๊ะ รีบไปกิน”

   “รู้แล้วๆ” เกนตอบป๋าตัวเองแต่ก็ยังยืนจ้องปูนอยู่ “พี่ปูนนอนกับป๋าเหรอเมื่อคืน” คำว่านอนทำเอาความคิดบางอย่างแล่นเข้ามา ปูนรีบตะครุบก้นตัวเองทำตาเหลือก แต่อาการเจ็บปวดก็ไม่เกินขึ้น “พี่ปูนปวดขี้เหรอ เห็นจับตูด โอ๊ย ป๋า เกนเจ็บ” ถูกป๋าเขกหัวเสียงดังจนต้องมุ่ยหน้า

   “พูดมาก ไปกินข้าว เดี๋ยวลุงอ้อมรอ” กรพัฒน์ว่า ที่จริงพอเห็นท่าทางแบบนั้นก็พอจะรู้ว่าปูนคงคิดว่าเขาอาจทำมิดีมิร้ายถึงได้ลองจับก้นตัวเองดู แถมตอนนี้ยังส่งสายตาเหมือนแมวขู่มาอีก ตลกจนต้องหัวเราะ “พี่ไม่ได้ทำอะไรปูนเลย”

   “จริงนะ” แหน่ะ มีขู่ด้วยสายตาอีก

   “ครับ” กรพัฒน์ยังยิ้มให้กับท่าทางของลูกกวางที่กลายร่างเป็นลูกแมวไล่ขู่เขา “ไปกินข้าวเถอะ”

   “ปูนมานอนที่นี่ได้ยังไง” อดไม่ได้ที่จะถาม ในเมื่อเขาไม่รู้ตัวอะไรเลย

   “กินข้าวก่อนเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” เจ้าของห้องเดินนำไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวด้านใน พอลองสังเกต ห้องนี้เป็นห้องที่กว้างมาก ด้านในตรงนี้มีห้องครัวที่เนื้อที่กว้างขวาง พอมองไปอีกด้านเห็นบันไดขึ้นอีกชั้น ส่วนเตียงนอนเมื่อกี้อยู่อีกมุมห้อง

   สมแล้วที่เป็นห้องของคนรวย

   ช่วงเวลากินข้าว เกนกินไปชวนปูนคุยไป หลายครั้งถูกป๋าตัวเองเขกหัวเพราะพูดมากแต่ก็เงียบได้ไม่นาน จนข้าวในจานหมดลงนั่นแหละถึงลุกขึ้น

   “เกนไปเรียนก่อนนะครับ พี่ปูนจะอยู่ถึงเย็นไหม” เป็นคำถามที่ตอบยากมากสำหรับปูน “ถ้าพี่ปูนอยู่ เย็นนี้เกนจะให้ป้าแก้วทำหมูกระทะ”

   “น้อยๆ หน่อย วันนี้แกต้องเรียนพิเศษ” ถูกดับฝันจากป๋าตัวเอง แต่คนมีเรียนก็ไม่ยอมแพ้

   “เลิกเร็วเถอะ นะๆ พี่ปูนอยู่ด้วยกันนะ”

   “คือพี่ต้องทำงาน” พอเจอการตื้อของเด็กแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ถูก

   “เกนบอกแล้ว ว่าให้มาทำงานกับป๋า พี่ปูนจะได้มาอยู่ด้วยกัน” ประโยคของลูก แต่พ่อกลับสำลักน้ำที่เพิ่งดื่ม รู้ว่าความหมายของเกนคืออะไร แต่รูปประโยคมันชวนให้คิด

   “ไม่ได้หรอกครับ” ปูนยิ้มแห้งๆ

   “ไม่ได้เหรอ ป๋า ไม่ได้เหรอ” คราวนี้ย้อนกลับไปถามป๋าตัวเอง

   “พี่ปูนเขาว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ พูดมาก ไปเรียนได้แล้วเดี๋ยวสายนะ” พอป๋าว่าแบบนั้น เกนก็เงียบลงทันที สีหน้าและท่าทางก็ซึมลงอย่างเห็นได้ชัด “เกน”

   “สวัสดีครับ” ลาแค่นั้นก่อนเจ้าตัวจะรีบเดินออกจากห้องไปเงียบๆ

   แม้ดูจะไม่มีอะไร แต่สำหรับปูนไม่ใช่ สีหน้าและแววตาของเกนสร้างความกังวลลึกๆ

   “ไม่อร่อยเหรอ”

   “ครับ?”

   “ก็พี่เห็นปูนเอาแต่เขี่ย ไม่เห็นกิน”

   พอถูกถาม ปูนก็รีบตักข้าวต้มหมูเข้าปาก ดีที่มันคลายร้อนแล้ว ไม่งั้นอาจถูกลวกจนปากพองได้ หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ กรพัฒน์ก็เตรียมชุดให้ปูนใส่หลังจากอาบน้ำชำระร่างกาย แม้ชุดจะตัวโคร่งแต่ก็พอใส่ได้

   “ปูนมาที่ห้องพี่ได้ยังไง” ปูนถามระหว่างติดรถไปที่ร้าน เพิ่งเคยได้ยินว่าร้านเป็นทางผ่านของบริษัท ทั้งที่อยู่ห่างกันตั้งไกล

   “เมาจนจำอะไรไม่ได้สินะ ต่อไปห้ามกินอีก รู้ไหม” ปูนย่นจมูกเมื่อกลายเป็นว่า ตัวเองถูกดุเฉย “พี่เห็นปูนนั่งกับกลุ่มเพื่อน เห็นตัวปูนเอนไปเอนมาก็เลยสงสัย พอไปหาก็หายไปแล้ว”

   “อ๋า จำได้ ปูนถูกมิ้นท์บังคับให้ดื่มเหล้าแก้วเล็กๆ รสชาติโคตรแย่เลย” พอนึกขึ้นได้ถึงกับต้องเบ้ปาก “ดื่มไปหลายแก้วจนมึนแล้วก็จำไม่ได้”

   “เพื่อนปูนพาไปขึ้นแท็กซี่ พอดีพี่ไปเจอเลยอาสาพามาส่ง แต่ปูนเมาเละแบบนั้นกลับห้องคงทำอะไรไม่สะดวก พี่เลยถือวิสาสะพากลับมาที่คอนโดแทน” แม้ความเป็นจริงจะถูกถ่ายทอดออกมาไม่หมด แต่เรื่องราวก็เป็นไปทำนองนั้น “ทีหลังอย่ากินอีกนะ คออ่อนขนาดนั้น”

   “ไม่นะ” คนตัวผอมรีบเถียงออกมาทันที “ปกติปูนไม่ได้คออ่อนแบบนั้น เคยซื้อมากินคนเดียวก็ไม่ได้เมาถึงกับจำอะไรไม่ได้”

   “เหล้าอาจจะแรงละมั้ง” กรพัฒน์ตอบพร้อมยิ้มบางๆ “เหล้านอกกับเหล้าไทยดีกรีก็ต่างกันอยู่แล้ว”

   “คงจะอย่างงั้น” คนเมาไม่รู้เรื่องทำท่าทางสลด

   บนรถที่แอร์เย็นเฉียบ มีเพียงเสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ ให้คลายความเงียบ ในเมื่อปูนไม่พูด กรพัฒน์ก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน อยากถามแต่ก็กลัวได้คำตอบแบบตอบไปที เลยเลือกจะอยู่เงียบๆ กันดีกว่า

   ผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่าจะมาถึงร้านดอกไม้ที่ยังคงปิดสนิท ปูนผลักประตูรถเบาๆ ท่าทางลังเลบางอย่างทำให้อีกคนสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามออกไป จนกระทั่งคนลังเลตัดสินใจถามขณะก้าวขาออกจากตัวรถ

   “เกนเลิกเรียนกี่โมงเหรอครับ” กรพัฒน์เลิกคิ้วนิดๆ เมื่อได้ยินคำถาม

   “ถามทำไม หรือว่าปูนยังคิดเรื่องที่เกนพูดอยู่ ถ้าเรื่องหมูกระทะอะไรนั่นอย่าคิดมากเลย ปกติมันก็กิน...”

   “เกนดูซึมมากเลยเมื่อกี้ ปูนไม่สบายใจ”

   “ไม่เป็นไรหรอก...ประมาณทุ่มหนึ่งมั้ง” ตอนแรกว่าจะไม่ว่าอะไร แต่พอเจอสายตาที่จ้องมาทำให้ต้องรีบบอก “ปูนจะไปคอนโดพี่เหรอ”

   “ถ้าปูนปิดร้านไว แต่ปูนจำทางไม่ได้” ทั้งที่พยายามจำทาง แต่ถ้าบอกแท็กซี่ไป ไม่รู้จะพาไปถูกหรือเปล่า หรือไม่ก็ต้องรอถามพี่โรสดู

   “เอางี้ ถ้าปูนจะไป เดี๋ยวพี่มารับ แล้วเราก็แวะซื้อของเข้าไปด้วย ดีไหม” กรพัฒน์ตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ แม้ในใจอยากจะกู่ร้องยินดีออกมาดังๆ ซะด้วยซ้ำ ยิ่งได้คำตอบเป็นการพยักหน้ายิ่งเพิ่มรอยยิ้มกว้างเข้าไปอีก “งั้นพี่เลิกแล้วจะรีบมารับ ปูนรอพี่นะครับ”

   “เอ่อ ครับ ขอบคุณนะครับ”

   ปูนยิ้มส่งท้าย ดวงตากลมมองรถราคาแพงวิ่งจนท้ายรถขับห่างออกไป ที่จริงก็ไม่อยากกลับไปอีก แต่สายตาของเกนนั้น ปูนดูออกว่ากำลังเสียใจ น้อยใจมากแค่ไหน แววตาเหมือนเมื่อตอนเขายังเด็ก ที่ไม่มีใครสนใจ เขาไม่อยากให้เกนรู้สึกแบบนั้น เพราะมันรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ


...TBC
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 5 ] // [13/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 14-09-2017 00:36:41
ติดตามอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 5 ] // [13/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 14-09-2017 02:42:01
มีคุณลูกเป็นกองเสริมขนาดนี้ คุณพ่อเหนื่อยน้อยลงเยอะ :hao3:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 6 ] // [25/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 25-09-2017 22:00:56

-6-




       “โทษทีนะ พอดีงานพี่ยุ่งนิดหน่อยกว่าจะเสร็จ” วันนี้ทั้งวัน กรพัฒน์เร่งเคลียร์งานจนหัวหมุน เพราะไม่อยากให้ค้างคา อีกอย่างถ้าไม่รีบทำให้เสร็จ เผลอๆ อาจได้หอบงานกลับไปนั่งทำอยู่ที่บ้าน เป็นแบบนั้นคงอดกินหมูกระทะกับทุกคน แบบนั้นคงจะไม่ยอมแน่

   “ไม่เป็นไรครับ นี่ก็เพิ่งปิดร้านเอง” ปูนรวบกระเป๋ากับเสื้อแขนยาวไว้ที่อก เมื่อตอนเที่ยงได้ขอกลับหอพักเพื่อเปลี่ยนชุดมา ขืนให้ใส่เสื้อของกรพัฒน์คงไม่สะดวกในการทำงาน รวมถึงไม่สะดวกใจที่จะสวมเสื้อคนอื่น

   “ไม่คิดจะชวนฉันด้วยหรือไง หรือเห็นเป็นก้อนกรวดข้างต้นไม้ มันน่าน้อยใจนัก” โรสเดินออกมาทีหลังก่อนจะล็อคประตูร้าน หญิงสาวเอ่ยหยอกเย้าปูนมาตั้งแต่เช้า เมื่อรู้ว่าค่ำนี้ปูนมีนัดกับใครและจะไปที่ไหน “ใช่สิ ฉันมันก็แค่เพื่อนนี่ ไม่มีความสำคัญอะไรหรอก” คำตัดพ้อที่ฟังแล้วเหมือนแกล้งพูดซะมากกว่า

   “ไปไหมล่ะ” กรพัฒน์ยิ้มอ่อนพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ ให้เพื่อนสาว ก่อนออกปากชวน แต่สาวเจ้ากลับส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

   “ไม่ล่ะ ไม่อยากไปเป็นก้าง เอ๊ย ไม่อยากอ้วน กินตอนนี้อ้วนเป็นหมูพอดี” โรสว่ายิ้มๆ “ฉันไม่ได้ไป ฝากดูแลปูนด้วย นี่น้องชายสุดที่รักของฉันเลยนะ ดูแลไม่ดีจะโดนไม่ใช่น้อย” คำพูดข่มขู่ที่ไม่ทำให้อีกฝั่งกลัวเลยสักนิด

   “รู้แล้วน่า ย้ำทุกรอบเหมือนคนแก่...ไปเลยไหมปูน” แหย่หญิงสาวก่อนกรพัฒน์จะหันมาชวนลูกกวางที่ยืนขำน้อยขำใหญ่ตอนเขากับโรสตอบโต้กันไปมา พอถูกชวน ร่างผอมก็โค้งลาเจ้านาย พร้อมกับมีมือใหญ่โฉบมาเปิดประตูรถให้ “ไปนะ” พอปูนขึ้นไปนั่ง ชายหนุ่มก็บอกลาเพื่อนสาวคนสวย

   “กินให้อร่อยๆ นะปูน” โรสขยิบตาบอกปูนที่ลดกระจกมาโบกมือลา เมื่อท้ายรถคันสวยแล่นจนหายจากสายตาหญิงสาวก็ถอดถอนหายใจออกมา สิ่งที่กังวลใจกำลังจะเกิดขึ้น “นี่ฉันต้องเตรียมประกาศหาพนักงานใหม่หรือนี่”




********

   
    กรพัฒน์พาปูนมาแวะซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต แม้คนจ่ายเงินจะบอกให้ซื้อได้ตามสบาย แต่คนเลือกก็เลือกซื้อเฉพาะของที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการกินมื้อนี้เท่านั้น

   “ปูนไม่ซื้อของอย่างอื่นเหรอ” ถามขณะคนตัวเล็กกว่าเลือกผักสด

   “นั่นสินะ แล้วเกนชอบกินขนมอะไรเหรอครับ” ปูนถามโดยไม่หันมามอง

   “มันกินได้หมดนั่นแหละ” คนเป็นพ่อตอบเสียงห้วน ทำไมรู้สึกคันในอกยิบๆ เมื่อได้ยิน 

   “แล้วพี่กรชอบกินอะไรเหรอ” คำถามเหมือนเดิม แต่ต่างที่ชื่อที่ออกจากปากแม้คนถามดูจะสนใจแต่ผักก็เถอะ แค่นั้นก็ทำให้คนฟังทำตาโต “พี่กร”

   “ครับ? อ๋อ พี่กินได้ทุกอย่างเลย” คล้ายกับเป็นโรคหัวใจที่กำลังพองโตจนแคบแน่นและเต้นแรง “แล้วปูนล่ะ” อยากลองถามดูบ้าง เผื่อจะรู้จักกันให้มากขึ้น

   “ก็กินได้หมดเหมือนกัน แต่ปูนไม่กินเนื้อ” ได้ยินปุ๊บ คนหยิบเนื้อมาหลายแพคก็รีบหอบเอากลับไปเก็บไว้ที่ชั้นตามเดิม “อ่าว” ปูนมองอย่างสงสัยที่อยู่ๆ กรก็วิ่งหายไปแล้วก็กลับมาท่าทางกระหืดกระหอบ

   “พอดีหยิบของผิดน่ะ” ปกติไม่เคยแก้ตัวเรื่องแบบนี้ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ทำไมต้องทำ อยากจะหัวเราะให้กับตัวเองดังๆ “เอาอะไรอีกไหม”

   “พอแล้วครับ” ปูนยิ้มให้คนอาสาออกเงินทุกบาท ตลอดการซื้อของ ปูนจะรู้สึกถึงการถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา เป็นสายตาที่มองมาจากทุกทาง ไม่รู้เหมือนกันว่ามองเขาหรือมองคนตัวสูงข้างๆ แต่ถ้าให้เดา คงมองกรพัฒน์มากกว่า ก็เขาทั้งหล่อและดูดีขนาดนี้ แถมตอนนี้ยังยิ้มอารมณ์ดีอยู่ตลอด ไม่ได้ปั้นหน้านิ่งเหมือนตอนอยู่ที่ตึกบริษัท

   การจราจรวันนี้ยังคงติดหนึบเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือวันนี้กรพัฒน์มีคนคุยด้วย แถมยังคุยสนุกอีกต่างหาก ทำให้ทั้งรถมีแต่เสียงหัวเราะ พอปูนไม่เกร็งก็กลายเป็นคนที่น่ารัก...โคตรจะน่ารักต้องบอกแบบนี้

   “ไม่รู้เกนจะถึงหรือยังนะครับ” ดูนาฬิกาจากหน้าคอนโซลรถแล้วก็นึกสงสัย ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้วด้วย

   “ถึงแล้ว ลุงอ้อมเพิ่งไลน์มาบอกพี่เมื่อกี้” กรพัฒน์ว่า คนขับรถที่ป๊าของเขาส่งมาให้หลานชายสุดที่รัก “ตอนนี้คงเตรียมของกันอยู่มั้ง”

   “อ๋า เราถึงสายหรือเนี่ย” ปูนมองของที่วางด้านหลัง มีทั้งผักและหมู “แล้วพวกเขาจะมีของหรือครับ”

   “มีสิ ป้าแก้วคงเตรียมไว้แล้ว” ป้าแก้วที่ว่า เป็นแม่ครัวที่จ้างมาทำอาหาร และคำพูดของกรพัฒน์นั้น ก็ทำเอาปูนต้องย่นคิ้ว ในเมื่อมีคนเตรียมของไว้แล้ว จะให้แวะซื้อมาเพิ่มอีกทำไม แต่ความสงสัยนี้ก็ไม่ได้ถูกถามออกไป

   เมื่อรถหรูฝ่าการจราจรหนาแน่นไปจนถึงจุดหมาย กรพัฒน์เป็นฝ่ายหอบหิ้วข้าวของมากมายด้วยตัวเอง แม้จะลำบากไปสักหน่อยก็เถอะ เพราะชายหนุ่มไม่ให้ปูนถืออะไรเลย นอกจากคีย์การ์ดของห้อง

   “สวัสดีค่ะคุณกร” ช่วงจังหวะลิฟต์เปิดออก สาวสวยหุ่นดีสวมชุดเดรสสีชมพูอ่อนที่อยู่ด้านในเอ่ยทัก รอยยิ้มหวานชวนหลงใหลหากได้จ้องมอง ยกเว้นเจ้าของชื่อ กรพัฒน์ยิ้มพร้อมพยักหน้าทักทาย สายตาคมคอยมองปฏิกิริยาของคนที่พามาด้วย กลัวว่าจะเข้าใจผิด แค่นี้ชื่อเสียงเรื่องความเจ้าชู้ของเขาก็แพร่สะพัดจนตามแก้ข่าวไม่ไหว “ของเยอะนะคะ มีปาร์ตี้แน่ๆ เลย ใช่ไหมคะ”

   “อ่าครับ พอดีมีปาร์ตี้ในครอบครัวนิดหน่อย” เหมือนจะตอบคำถามแบบธรรมดา แต่คนพูดเน้นหนักคำว่าครอบครัวจนคนถามต้องรีบยิ้มแล้วรีบออกจากลิฟต์ กรพัฒน์รู้ดีว่าที่หญิงสาวถามแบบนั้น กับอาการอ้อยอิ่งถ่วงเวลาชวนคุยไม่ยอมไปไหนสักที คงเพราะคิดว่าเขาอาจจะชวนร่วมปาร์ตี้ที่ห้องด้วย ซึ่งมันไม่มีวันเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว

   “สวยดีนะครับ” คำถามที่ขัดความเงียบภายในลิฟต์ กรพัฒน์รีบหันไปมองหน้าคนถาม พร้อมๆ กับปูนที่หันมามองพอดี ดวงตาสองคู่ประสานกัน ซึ่งปูนดูออกว่าคนตรงหน้าพยายามจ้องตาเพื่ออยากรู้ความรู้สึก “มองหน้าปูนทำไม”

   “เพราะปูนน่ารักถึงได้มอง”

   คราแรกอยากลองหยั่งเชิงดู แต่ถูกหยอดกลับมา ปูนเลยรีบหันหน้าหนี แต่ลิฟต์ตัวนี้ล้อมรอบไปด้วยกระจก ดังนั้น กรพัฒน์เห็นอาการแอบเขินจากคนตัวผอมกว่าได้ไม่ยาก


   เขินโคตรน่ารัก


   เมื่อคนมาช้าทั้งสองเปิดประตูเข้าไป อย่างแรกที่ได้เห็นคือห้องที่เต็มไปด้วยสายรุ้งที่ถูกติดจนทั่วห้อง ปูนเดินตามหลังเจ้าของห้องที่คิ้วเริ่มกระตุกกับสภาพที่เห็น

   ห้องของเขาทำไมมันเละแบบนี้

   ปัง ปัง ปัง เสียงพลุกระดาษถูกดึงทันทีที่ปูนเดินผ่าน คนร่างผอมตกใจสะดุ้ง พอเห็นหน้าคนทำก็รีบฉีกยิ้มออกมา เกนดูร่าเริงผิดกับเมื่อเช้าลิบลับ แววตาเป็นประกายดูมีความสุข

   “เล่นอะไรกันเนี่ย พี่ตกใจหมด” ปูนว่า มือก็หยิบเอาเศษกระดาษออกจากไหล่ตัวเอง

   “ก็ต้อนรับพี่ปูนไง” เกนว่า ก่อนจะเดินไปตบหัวเด็กรุ่นราวเดียวกันที่ยืนอีกฝั่ง “ห้ามมองเว้ย”

   “เชี่ย กูเจ็บ” เด็กหน้าตาหล่อตีหน้ายุ่ง แต่ก็รีบหันมายิ้มให้ปูน “สวัสดีฮะ พี่น่ารักกว่าที่ไอ้เกนพูดซะอีก” ว่าจบก็ถูกตบหัวอีกรอบ

   “ห้ามลามปาม นี่พี่ปูนของกู” เกนถลึงตาใส่ “พี่ปูนๆ นี่ไอ้ฟลอยด์ เป็นเพื่อนเกนเอง”

   “สวัสดีครับ ผมฟลอยด์ หน้าตาดี หล่อ เท่ คือผมเอง” เด็กฟลอยด์บรรยายสรรพคุณตัวเองจบก็ถูกเขกหัว คราวนี้ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นพ่อเพื่อน กรพัฒน์เขกหัวทั้งเกนและฟลอยด์เพราะทั้งคู่มัวแต่ชวนปูนคุย “พ่อเพื่อนมือหนักเหมือนเดิม”

   “จริงๆ”

   ปูนขำน้อยๆ เมื่อเด็กสองคนคลำศีรษะตัวเองป้อยๆ ก่อนจะพูดอะไรมากกว่านี้ ทั้งสามก็ถูกเรียกให้เข้าไปช่วยด้านใน ตอนนี้บนโต๊ะอาหารมีหม้อสุกี้ที่ตั้งน้ำรออยู่แล้ว กับกระทะสำหรับปิ้งหมู

   “ป้าแก้วล่ะ” กรพัฒน์ถามหาแม่บ้าน ตั้งแต่เข้ามายังไม่เห็น

   “เกนให้กลับไปแล้ว วันนี้ลูกป้าไม่สบาย อะพี่ปูน หมูหมักอันนี้อร่อย” เกนตอบเสร็จก็คีบหมูที่ปิ้งสุกใส่จานให้แขกของงาน

   “ขอบคุณครับ” ปูนตอบรับพร้อมรอยยิ้มหวาน

   “แกไล่ไปแล้วๆ ใครจะหมักหมูที่ป๋าซื้อมา” กรพัฒน์เหล่ตามองข้าวของที่ซื้อมาใหม่ คิดจะให้แม่บ้านทำให้แท้ๆ แต่เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้น ร่างสูงหันหน้ามามอง “ปูนจะไปไหน”

   “เดี๋ยวปูนทำเอง” ปูนว่า สามหนุ่มต่างวัยมองหน้ากันอย่างงงๆ “ปูนทำเป็น อร่อยด้วยนะ”

   “ฟลอยด์เชื่อ” เด็กหนุ่มแทรกขึ้นมาทันที เลยถูกฝ่ามือสองขนาดทำโทษที่ทำเกินหน้าเกินตา “มือหนักทั้งพ่อทั้งลูก”

   ปูนขำส่งท้ายก่อนจะเดินเข้าครัว มือขาวหยิบจับอะไรดูคล่องแคล่วจนคนด้านนอกตาโต ดูเหมือนหมูปิ้งจะไม่เป็นที่สนใจสักเท่าไหร่ หลายชิ้นที่เริ่มมีกลิ่นไหม้ คนยืนหน้าเตาก็รีบเขี่ยทิ้งลงถังขยะเพื่อกลบเกลื่อนหลักฐานว่าพวกเขาอยากกินหมูฝีมือปูนมากกว่า รอไม่นาน ชามหมูที่หมักได้ที่ก็ออกมา บรรดาคนเฝ้ารอต่างก็ปรบมือเสียงดัง

   “อะไรกันครับเนี่ย” ปูนแปลกใจที่สามหนุ่มเอาแต่จ้องหมูในชาม

   “หิวน่ะสิ” กรพัฒน์ว่า ชายหนุ่มรีบจัดแจงเอาเนื้อหมูลงกระทะทันที สร้างความแปลกใจให้คนอยู่ในครัวไม่น้อย ก็ดูจากหมูในชามเดิมก็หมดไปตั้งเยอะ เผลอๆ อาจจะอิ่มแล้วด้วยซ้ำ “ทำไมหมูสุกช้าเนี่ย”

   “มันเพิ่งลงปิ้งเอง ใจร้อนจริง” แล้วเจ้าของห้องก็ถูกหัวเราะรอบวง

   มื้อนี้ช่างมีความสุขเสียจริง มีทั้งเสียงหัวเราะ เสียงบ่น เสียงเพลงจากเด็กอยากโชว์เสียง รวมทั้งคำหยอดหวานๆ ของเจ้าของห้องที่มอบให้แขกคนน่ารัก

   เมารักยังดีกว่าเมาเหล้า เพิ่งรู้ตอนนี้นี่เอง

   “ป๋าเติมน้ำให้พี่ปูนด้วย” เกนหยุดเล่นกีต้าร์แล้วตะโกนบอก แม้จังหวะเพลงจะหาย แต่คนร้องอย่างฟลอยด์ก็ยังคงโชว์ความไพเราะได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

   “รู้ดีจริง แกเนี่ย” กรพัฒน์ใช้ตะเกียบชี้หน้าลูกชายพร้อมรอยยิ้ม แม้ลูกชายจะอยู่ห่างแต่ก็เห็นปริมาณน้ำในแก้ว อวดรู้มากที่สุด “กินเยอะๆ นะปูน”

   “แค่นี้พุงก็ยื่นแล้วครับ” ปูนหัวเราะ อาหารมื้อนี้เขากินไปมากจริงๆ ปกติแล้วมื้อเย็นแทบจะกินน้อยมาก ไม่ได้รักษารูปร่าง แต่เพราะกว่าจะถึงห้องพักก็ต้องทำความสะอาดห้องอีก เวลากินข้าวเลยน้อยตามไปด้วย “น้องเขาเสียงดีนะครับ”

   “เรียนร้องเพลงตั้งแต่เด็ก มันก็ต้องเพราะละนะ” กรพัฒน์ว่า เขาก็ส่งลูกชายไปเรียนเหมือนกัน แต่เกนกลับชอบกีต้าร์มากกว่า “อีกอย่าง ต้นทุนเสียงคงจะดีด้วย”

   “นั่นสิครับ” คำตอบเสียงใสทำให้กรพัฒน์แอบมอง นัยน์ตาสวยเป็นประกายยามมองเพื่อนลูกร้องเพลง จนอดที่จะอิจฉานิดๆ ไม่ได้

   “พี่ก็ร้องเพราะนะ” และอดไม่ได้ที่จะพรีเซ็นต์ตัวเอง
 
   “จริงเหรอครับ” ดูเหมือนจะได้ผล ปูนรีบหันมามองหน้าเขาทันที

   “จริงสิ ถ้าปูนอยากฟัง พี่ร้องให้ฟังทุกวันเลย”

   “ขี้อวดจริง”

   “เอ๊า พี่พูดจริงนะ โทรไปร้องให้ฟังทุกเช้า ทุกค่ำเลยก็ยังได้”

   “มันจะหลอนๆ นะครับนั่น”

   “โธ่ ปูนพูดซะพี่หมดความมั่นใจเลย” 

   แล้วเสียงเพลงด้านหน้าก็ไม่ได้รับความสนใจอีก กรพัฒน์แหย่ปูนบ้าง แกล้งบ้าง หลายครั้งก็หยอดคำหวานซะจนปูนต้องแกล้งโก่งคออาเจียน บรรยากาศของทั้งคู่ดูผ่อนคลายมากกว่าเดิม ปูนก็ดูไม่อึดอัดยามถูกแหย่อย่างช่วงแรกๆ ที่รู้จัก ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการสานสัมพันธ์ต่อไป


   เชื่อผู้ใหญ่หมาไม่กัด อย่างที่เขาว่าไว้ ตื้อเท่านั้นที่จะได้ใจเธอมาครอง


   “ผู้สูงวัยครับ รบกวนสนใจเด็กอย่างพวกเราด้วยครับ” เกนพูดออกไมค์

        “เดี๋ยวเถอะ” กรพัฒน์ถลึงตาใส่ลูกชาย ก่อนเสียงหัวเราะจะดังลั่นห้อง

   ภาพแห่งความสุขเช่นนี้ เป็นภาพที่หาได้ยาก แม้แต่เสียงหัวเราะ ก็แทบหาไม่ได้ในห้องๆ นี้ ห้องที่มีแค่เอาไว้นอนตอนง่วงและทิ้งไว้ให้ร้างตอนไปทำงาน จากวันนี้ไป ห้องๆ นี้จะมีควาทรงจำใหม่ที่ดีมากกว่าเดิม

   “พี่ปูนมาร้องเพลงให้พวกเราฟังหน่อยสิครับ” เสียงเรียกร้องจากเด็กๆ และคนตัวโตข้างๆ แต่ปูนก็โบกมือปฏิเสธ “มาเถอะ เสียงไม่เพราะไม่เป็นไร พวกเรา...รับได้ทุกอย่าง แคลชมา” แล้วเสียงทำนองคาราโอเกะก็ดังขึ้นพร้อมกีต้าร์ถูกวางไว้ที่เดิม ฟลอยด์กับเกนช่วยกันร้องเพลงจนจบ และต่ออีกหลายต่อหลายเพลง



   ในที่สุด งานเลี้ยงทุกงานก็ย่อมมีการเลิกรา ปูนช่วยเจ้าของห้องเก็บของไปไว้ที่อ่างล้างจาน เพื่อรอให้แม่บ้านมาทำความสะอาด หลังจากเก็บของเสร็จ ปูนก็เตรียมตัวกลับ

   “พี่ปูนมาบ่อยๆ นะ” เกนทำตาละห้อยเมื่อปูนจะออกจากห้อง

   “พี่ต้องทำงานน่ะสิ” ปูนยิ้มหวาน มือขาวยกขยี้ผมดำของเด็กหนุ่มตรงหน้า

   “แล้วเมื่อไหร่จะว่างอีกล่ะ...ป๋า” พอเห็นว่าทำอะไรไม่ได้ เกนก็หันไปหาพ่อตัวเอง

   “เอาน่า ถ้าพี่เขาว่างเราก็ค่อยจัดอีก” กรพัฒน์ว่า

   “จริงนะ” ดวงตาเป็นประกายของเกนทำให้ปูนต้องพยักหน้ารับ

        “แล้วฟลอยด์ล่ะ กลับยังไง” ปูนหันไปมองเด็กอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
 
   “วันนี้ผมนอนกับไอ้เกนครับ พี่ปูนไม่ต้องห่วง...” พูดไม่ทันจบ ฟลอยด์ก็ถูกฝ่ามือของเพื่อนตบเข้าศีรษะ แล้วเด็กทั้งสองก็วิ่งไล่เตะกันกลับห้องอีกฝั่ง ทิ้งให้ผู้ใหญ่สองคนมองตามแล้วส่ายหน้า

   เป็นเด็กมันก็ดีแบบนี้แหละ เครียดปุ๊บเดี๋ยวก็ลืม




*****


   กรพัฒน์ขับรถไปส่งปูนที่หอพัก ภายในรถมีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะดังตลอดทาง ภาพของช่วงเช้าแทบไม่ได้เห็น หลายครั้งที่เจ้าของรถหาเรื่องคุยไม่ได้ ก็จะเป็นปูนที่หาเรื่องมาชวนคุยแทน

   “ปูนคิดจะทำงานกับโรสไปอีกนานเท่าไหร่หรือ” คำถามที่ชวนให้ปูนต้องขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจ “อย่าตีความหมายคำถามพี่ผิดนะ พี่แค่อยากรู้ ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย” รีบแก้ตัวเสียงสูง

   “คงทำไปเรื่อยๆ จนกว่าพี่โรสจะไล่ออกละมั้งครับ” ปูนขำน้อยๆ ก่อนตอบ “ทำที่นี่ก็มีความสุขดี อยู่กับดอกไม้ทุกๆ วัน ก็สดชื่นดี”

   “แล้วคิดอยากหางานอื่นทำไหม” คราวนี้ปูนถึงกับหันไปมองหน้า “อย่างเช่น มาทำงานกับพี่”

   ปูนมองหน้าคนถามนิ่ง ปล่อยให้ภายในรถมีแต่ความเงียบ ทำแบบนั้นแล้ว คนถามก็เริ่มกดดันเอง แต่พอเห็นริมฝีปากแดงค่อยๆ เผยรอยยิ้ม ก็อยากถอนหายใจออกมา

   “ปูนทำอะไรไม่เป็นหรอกครับ ถ่ายรูปก็ไม่เป็น ถ้าให้จัดฉากก็คงพอไหว” จากที่เคยไปสัมผัสงานสองวันที่ผ่านมา ปูนรู้เลยว่า พนักงานที่นั่นทำงานกันหนักมากจริงๆ แต่ทุกคนก็ทำด้วยความรักเพื่อให้งานทุกงานออกมาดีที่สุด

   “พี่ไม่ให้ปูนจัดฉากหรอกน่า” เจ้าของบริษัทหนุ่มหัวเราะ “สนใจงานเลขาไหม”

   “ปูนไม่ได้เรียนมา ทำไม่เป็นหรอก”

   “ของแบบนี้มันฝึกกันได้ ถ้าปูนสนใจ พี่เต็มใจสอนให้นะ” พูดเสร็จก็ขยิบตา

   “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ กลัวเสียเวลาพี่กร” เป็นคำปฏิเสธที่ถนอมน้ำใจคนชวน “อีกอย่าง มีคนเก่งๆ คอยช่วยน่าจะดีกว่าคนไม่เป็นงานอะไร”

   “ปูนละก็ ทำให้พี่ดีใจเก้อ คิดว่าสน” กรพัฒน์แกล้งทำหน้าเง้างอด ที่จริง ก็เสียดายมากนั่นแหละ

   “ปูนพูดตอนไหน พี่กรขี้ตู่ไปเอง”

   “เอ๊า”

   ท่าทางเหมือนเด็กแต่รูปร่างไม่ให้ สร้างเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี ขนาดเจ้าตัวยังรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะ แต่ทำแบบนี้แล้วคนข้างๆ มีเสียงหัวเราะก็พอไหว



   รถหรูเคลื่อนเข้าจอดลานด้านหน้าหอพักสภาพครึ่งใหม่ครึ่งเก่า ประตูรถสองฝั่งเปิดออก เพราะข้าวของที่เตรียมมามากจนคนเดียวถือไม่หมดแน่นอน กรพัฒน์เลยอาสาช่วยถือ และเป็นข้ออ้างที่จะได้ขึ้นห้องของปูนด้วย อยากรู้ว่าอยู่นอนยังไง สะดวกสบายหรือลำบากแค่ไหน

   ปูนเดินนำกรพัฒน์มาถึงห้องตัวเอง ประตูไม้อัดสีน้ำตาลเปิดออกโดยง่าย ความมั่นคงแข็งแรงดูจะไม่ค่อยมีซะด้วยซ้ำ พอเดินเข้ามาในห้อง หากเทียบกับห้องของกรพัฒน์แล้ว ทั้งห้องนี้ขนาดเท่าห้องนอนสำหรับรับแขกเท่านั้น ร่างสูงมองไปรอบๆ ห้องอย่างพิจารณา

   “พี่ว่าห้องนี้ดูไม่ค่อยปลอดภัยนะ” คนเพิ่งเคยมาครั้งแรกเริ่มว่า “ระเบียงก็ไม่มีกรง ประตูก็ไขเข้ามาง่ายมากเกินไป แถมยามก็ไม่มี”

   “พี่กรคิดมากหรือเปล่าครับ หอราคาแค่นี้ ถือว่าดีแล้วนะ” ปูนจัดของสดเข้าตู้เย็นขนาดเล็ก ตอนแรกปฏิเสธแทบตาย สุดท้ายกรพัฒน์ก็หิ้วมาใส่รถให้จนได้

   “แต่มันไม่ปลอดภัย ทั้งทรัพย์สิน แล้วก็ตัวปูนเอง” กรพัฒน์ประเมินจากภาพรวมและหน้าตาของปูน ห้องเล็กๆ กับบานประตูไม้อัดมันขวางพวกคิดร้ายไม่ได้หรอก “พี่ว่า ปูนหาที่อยู่ใหม่เถอะ”

   “ปูนอยู่ที่นี่มาเป็นปีแล้ว ไม่เห็นมีอะไร พี่กรเคยอยู่แต่ที่หรูๆ สะดวกสบาย พอเจอห้องแคบๆ ก็คงไม่ชิน” ปูนพูดปนขำ ที่อยู่คนรวยกับคนหาเช้ากินค่ำ มันจะไปเหมือนกันได้ยังไง

   “ไม่ใช่ไม่ชิน แต่นี่มันแบบ...”

   “ปูนอยู่ได้สบาย พี่กรไม่ต้องห่วง ขอบคุณนะครับ”

   ดูเหมือนทุกอย่างจะเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งก็ดึกมาก กรพัฒน์เลยขอตัวกลับโดยปูนออกมาส่งหน้าประตูห้อง ร่างผอมยิ้มหวานอย่างเคยเป็นการบอกลา จังหวะที่ร่างสูงจะเดินไป มีชายหนุ่มสองคนเดินสวนมา ทั้งคู่ต่างก็จ้องมองปูนที่ยังยืนอยู่หน้าประตู เพียงแค่นี้ ความอดกลั้นในความเป็นห่วงของเขาก็หมดลง กรพัฒน์ยื่นมือไปจับแขนขาวไว้

   “พี่ว่า...”

   “อ่าวน้องปูน หายไปไหนมาเนี่ย ตอนเย็นพวกพี่ว่าจะชวนไปกินส้มตำ เคาะห้องไม่ตอบ”

   ยังพูดไม่จบ ชายหนุ่มสองคนที่เดินผ่านมาก็เอ่ยทัก คำพูดกับกิริยาตุ้งติ้งที่เห็น ทำเอากรพัฒน์ตาโต ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆ คลายออก

   “พอดีปูนไปธุระมา นี่ก็เพิ่งกลับมาถึงห้อง เสียดายจัง” ยิ่งร่างผอมที่ยืนอยู่ข้างโต้ตอบกลับไป ยิ่งต้องเพิ่มความแปลกใจ ทำไมดูสนิทกันขนาดนี้

   “งั้นพรุ่งนี้ไปกินกัน นัดแล้วห้ามเบี้ยวนะ ว่าแต่ นี่ใคร แฟนปูนเหรอ?” การชักชวนกินส้มตำหยุดลงเมื่อหนุ่มหล่อหน้าตาดีกลายเป็นที่สนใจแทน “ร้ายนะเนี่ยน้องปูน มีแฟนหล่อมากอะ”

   “ไม่ใช่แฟนปูนสักหน่อย”

   “ไม่ต้องเขินหรอกน่า แฟนหล่อนะเนี่ย โชคดีมากนะคะที่เป็นแฟนน้องของเรา ทั้งน่ารัก ทั้งใจดี ทำกับข้าวก็อร่อย ที่สำคัญ คุณชนะผู้ชายในตึกที่หวังจีบน้องปูนเลยนะ”

   “นั่นสิ พวกมันรู้ต้องอกแตกตายแน่”

   “เดี๋ยว ไม่ใช่ครับ เดี๋ยว”

   ไม่ทันซะแล้ว สองหนุ่มช่างเม้าท์เดินสะบัดก้นกลับห้องไปแล้ว ปูนร้องเรียกยังไงก็ไม่หันกลับมา ต่างจากกรพัฒน์ที่ตอนแรกดูตกใจและแปลกใจ แต่ตอนนี้กลับยิ้มกริ่ม ในหัวมีแต่คำพูดที่ได้ยินเมื่อสักครู่ เขาเป็นแฟนปูน แถมยังชนะผู้ชายในตึกที่จีบปูน....เดี๋ยวนะ ผู้ชายในตึกที่จีบปูน แปลว่าต้องเยอะมาก?

   เริ่มชักไม่ได้การซะแล้ว

   “พี่กลับก่อนนะ” กรพัฒน์บอกแบบเบลอๆ เพราะตอนนี้กำลังคิดเรื่องมีคู่แข่งมาก

   “ครับ” เหมือนคนลากลับจะไม่ทันเห็นการโบกมือลาซะด้วยซ้ำ เพราะดูเหม่อลอยเดินหนีไปซะก่อน หวังว่าจะไม่เดินชนอะไรเข้านะ



**

   และสิ่งที่ปูนคิดไว้มันมากกว่านั้นซะอีก กรพัฒน์แทบตกบันไดเพราะความเหม่อ ยังโชคดีที่บันไดแคบและมีราวจับ ความไวทำให้คว้าไว้ได้ทัน แต่ตอนนี้ใจหายลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขืนเขาจับราวไม่ทัน ไม่ใช่หัวใจแน่ที่ร่วง ตัวเขานี่แหละที่จะร่วงลงไป โอกาสนอนเดี้ยงเป็นผักอยู่บนเตียงมีสูงมาก

   แม้จะรอดจากการตกบันได แต่ความเหม่อก็ทำให้เปิดประตูรถไม่ได้ กรพัฒน์พยายามดึงประตูรถจนสัญญาณกันขโมยดังลั่น เสียงสัญญาณคล้ายกับเรียกสติ ชายหนุ่มตบไปทั่วตัวเพื่อหากุญแจรถ ก่อนจะมีแรงสะกิดจากด้านหลัง คนสะกิดไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคนที่ทำให้สติสตางค์ของกรพัฒน์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั่นเอง ก่อนที่จะพูดอะไร ฝ่ามือขาวก็แบออก บนนั้นมีกุญแจรถที่หาเมื่อครู่

        “ยังไม่แก่แต่ขี้ลืมแล้วนะครับเนี่ย” ปูนว่าขำๆ

   “พี่ก็ว่าทำหายไว้ไหน ขอบใจนะ” คนลืมยิ้มอาย สงสัยจะลืมวางไว้บนโต๊ะ กรพัฒน์กดปิดสัญญาณเตือนก่อนเสียงมันจะเรียกคนให้ลงมาดู “แล้วนี่พี่ต้องขึ้นไปส่งปูนอีกใช่ไหม” ไม่ว่าเปล่า กรพัฒน์ทำท่าจะหมุนตัวกลับ แต่ถูกปูนห้ามไว้

   “จะส่งปูนทำไม พี่กรนั่นแหละ รีบกลับบ้านได้แล้วๆ อย่าเหม่อจนเผลอไปชนรถท้ายใครเข้าล่ะครับ เรียกสติ ฮึบๆ” ปูนอ้าปากขยับแขนเป็นปีกแม่ไก่ให้กรพัฒน์ทำตาม ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำตามจริงๆ กว่าจะรู้ตัวว่าปล่อยไก่ก็หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “กลับบ้านดีๆ นะครับ”

   “ครับ ฝันดีนะปูน”

   “ฝันดีเช่นกันครับพี่กร”

   ปูนยืนรอจนรถหรูหายไปจากสายตาถึงเดินย้อนกลับขึ้นห้อง กรพัฒน์คงจะเป็นคนดีจริง แต่ก็ไม่ใช่คนที่ตัวเองจะยุ่งเกี่ยว...คนรวยกับคนจน เส้นแบ่งมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเป็นมากกว่าคนรู้จักไม่ได้ 



...TBC

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 7 ] // [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 26-09-2017 22:15:10

-7-





        ร้านดอกไม้ยังคงเปิดอย่างเช่นทุกวัน ดูเหมือนวันนี้ลูกค้าจะแน่นกว่าที่เคย ทำให้ปูนแทบไม่มีเวลาจับโทรศัพท์ตัวเอง แม้จะมีเสียงเตือนอยู่หลายครั้ง

   “อิจฉาเด็กๆ ที่รับปริญญาจังเลยน้า” โรสเปรยออกมาหลังจากลูกค้าออกจากร้านหมดแล้ว 

   “พี่โรสก็รับไปแล้วนี่ครับ จะอิจฉาอะไรอีก” ปูนว่า มือขาวเก็บกวาดพื้นที่เต็มไปด้วยเศษกระดาษและใบไม้

   “ก็แหม ตอนพี่รับไม่เห็นจะได้ดอกไม้สดเลยนี่นา” คนสวยทำหน้าเง้างอด

   “แล้วได้อะไรหรือครับ ลูกโป่ง?”

   “ดอกไม้นั่นแหละ” ปูนพยักหน้าเมื่อได้ยินคำตอบ ก่อนจะตาโตเมื่อได้ยินคำถัดมา “แต่เป็นดอกไม้จากเงินนะ แม่พี่จ้างให้เขาทำ”

   “โห ปูนว่าพี่โรสน่าอิจฉากว่าคนที่ได้ดอกไม้สดอีกนะครับเนี่ย” ปูนหัวเราะออกมาพร้อมๆ กับโรส “ดอกไม้สดก็สวยช่วงแรกๆ นานๆ วันเข้าก็เหี่ยว แต่ดอกไม้ที่ทำจากเงิน กระเป๋าแบนก็แกะออกมาใช้ ดีจะตาย”

   “นั่นน่ะสิ ทุกวันนี้ก็เหลือแต่ช่อเท่านั้นแหละ เพราะพี่แกะออกมาใช้หมดแล้ว” คนได้ดอกไม้ราคาแพงพูดติดตลก “ว่าแต่ ปูนก็รับนี่ ไม่ไปซ้อมเหรอ”

   “ปูนกะว่าจะไม่ไป รอให้ส่งมาที่หอดีกว่า”

   “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะปูน”

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ปูนพยายามหลบสายตา แสร้งจะเดินเข้าหลังร้านแต่ถูกเจ้าของร้านจับไว้ซะก่อน

   “บอกพี่สิ ปูนไม่มีเงินเหรอ” แม้ไม่อยากถามเรื่องนี้ แต่ก็อดไม่ได้ หากขาดเหลือตรงไหน เธอก็สามารถช่วยได้ทุกเรื่อง “พี่ช่วยปูนได้นะ”

   “ไม่ใช่หรอกครับ คือปูน...” ร่างผอมเม้มริมฝีปากแน่น อึกอักไม่อยากพูดต่อ

   “ปูนก็เป็นน้องชายที่พี่รัก มีอะไรบอกพี่ได้เสมอ ปูนก็รู้นี่” ท่าทางแบบนั้นจะไม่ให้ห่วงก็คงไม่ได้ “แต่ถ้าปูนไม่ไว้ใจพี่ก็ไม่เป็นไรนะ”

   “พ่อกับแม่ปูนอยู่ไหนก็ไม่รู้ อีกอย่างญาติปูนก็ไม่มี...” กลัวว่าโรสจะเข้าใจผิด ปูนรีบพูดออกมาหลังจากเห็นสีหน้าของนายจ้างสาว

   “โธ่ ปูน ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ พี่ก็อยู่นี่ไง เดี๋ยวให้แม่พี่ทำดอกไม้แบงค์ใหญ่ช่อโตๆ ให้”

   “พี่โรสละก็” ความอบอุ่นทั้งน้ำเสียงและฝ่ามือนุ่มที่กำลังลูบศีรษะทุย ทำเอาคนฟังยิ้มทั้งน้ำตา “ขอบคุณนะครับ”

   “ปูนก็น้องพี่นี่นา ช่างมันเถอะ ถ้าปูนไม่อยากรับก็ไม่ต้องรับ ชีวิตคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้ารับปริญญาสักหน่อย มันอยู่ที่นี่ ในหัวใจนี้ กับอีกสองมือที่ไม่ได้ใส่ครีมบำรุง” โรสพยายามปลอบใจคนเศร้าด้วยการพูดติดตลก รู้สึกสงสารปนเห็นใจ ไม่ว่าจะเรื่องไหนเธอพร้อมเสมอหากปูนมีเรื่องให้ช่วย รอแค่เจ้าตัวเอ่ยออกมาก็เท่านั้น “อยากกินหมูปิ้งจังเลยน้า”

   “หมูปิ้ง? พี่โรสลดความอ้วนไม่ใช่หรือครับ” ปูนยิ้มบางๆ รู้ว่าเจ้านายคนสวยคงอยากจะทำให้เขาหายเศร้า “ปูนไม่เป็นไร ขอบคุณนะครับ”

   “ว้า รู้ทันอีก ไปหาขนมกินดีกว่า” แค่เห็นว่าปูนดีขึ้น โรสก็เบาใจ เด็กคนนี้เข้มแข็งมากกว่ารูปร่างเสียอีก พูดแล้วก็อิจฉา คนอะไรกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เป็นโรคร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่างเธอถ้าไม่คุมอาหารดีๆ น้ำหนักขึ้นแน่นอน สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย




***



   ด้านปูนที่เก็บของเรียบร้อยก็กลับมานั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ตามเดิม ไม่นานเสียงกระดิ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ร่างผอมรีบฉีกยิ้มพูดต้อนรับอย่างเช่นทุกที ลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาสวมเดรสสีชมพูอ่อนยาวครึ่งตัวเข้ากับรูปร่างที่สูงชะลูดอย่างกับนางแบบ ทันทีที่ก้าวเข้ามาในร้าน แว่นตาสีดำก็ถูกเกี่ยวออกมาถือ ปากเคลือบลิปสติกสีแดงฉีกยิ้มบางๆ ให้กับคนเอ่ยต้อนรับ

   “เจ้าของร้านอยู่ไหมคะ”

   “อยู่ครับ เดี๋ยวผมจะไป...”

   “คริสตี้?”

   ยังไม่ทันได้พูดจบ เสียงโรสก็ดังลั่นร้าน เจ้าของเสียงรีบเดินออกมาด้วยใบหน้าที่ดูแปลกใจ ปูนได้แต่มองเมื่อโรสดึงแขนผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาไปนั่งที่โต๊ะ ท่าทางดูสนิทสนมกันมาก คงจะเป็นเพื่อนกัน พอคิดได้เช่นนั้น ปูนก็รีบเดินไปหาของว่างมาเสิร์ฟ

   ขนมคุ๊กกี้ที่ทำเองถูกวางเรียงบนจานสวยพร้อมชามะลิหอมๆ ปูนยกออกไปให้แขกของเจ้าของร้าน ยอมรับเลยว่า เมื่อกี้ตอนผู้หญิงคนนั้นเข้ามา หัวใจเขาแอบเต้นแรง เพราะความสวย สมบูรณ์แบบ

   “ขอบใจจ้ะ” โรสยิ้มให้ เหมือนกับที่แขกของเธอยิ้มบางๆ

   ปูนกลับมาประจำที่เคาน์เตอร์เพื่อรอลูกค้า เสียงพูดคุยของสองสาวดังมาเป็นระยะ จนมีชื่อคนที่ปูนรู้จักถูกหยิบยกขึ้นมา แต่เสียงคุยกลับเบาลงไปซะอย่างนั้น หลายครั้งที่ปูนรู้สึกว่า โรสกำลังมองมา พอสบตากัน ดวงตาคู่สวยนั้นก็รีบเสไปมองอีกทาง


   เหมือนมีพิรุธอย่างน่าสงสัย


   เกือบชั่วโมงที่สาวสวยทั้งสองจะลุกจากเก้าอี้ ปูนเงยหน้ายิ้มให้อย่างเป็นมิตรเมื่อแขกของโรสเดินเข้ามาหา

   “ขนมอร่อยมากค่ะ”

   “ขอบคุณครับที่ชอบ”

   ปูนยิ้มกว้างรับคำชม สาวสวยร่างสูงหันไปบอกลาโรสที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนนิ้วยาวจะสวมแว่นปกปิดดวงตาจากแสงแดดตามเดิม ท่าทางการเดินดูคล้ายกับหงส์ ช่างสง่างามจริงๆ

   “สวยจังนะครับ” อดไม่ได้ที่ชื่นชม ขนาดปูนไม่ชอบผู้หญิง ยังเหมือนตกหลุมรักซะให้ได้

   “สวยสิ นางแบบอินเตอร์นี่” โรสว่า หญิงสาวนั่งเก้าอี้สูงด้านหน้า ใช้ข้อศอกค้ำเคาน์เตอร์ไว้ “สงสัย พายุกำลังจะตั้งเค้าแน่นอน” โรสพูดจบ ปูนก็รีบวิ่งไปเกาะประตูดูท้องฟ้า จนคนพูดเปรยหัวเราะ “พี่หมายถึงพายุอารมณ์ ไม่ใช่พายุฝน ปูนละก็”

   “อ่าว ก็ปูนไม่รู้นี่นา” แอบเขินนิดๆ “เพื่อนพี่โรสหรือครับ”

   “ใช่ เพื่อนสมัยเรียนน่ะ สวยเนอะ ชีวิตน่าอิจฉาไปหมด” น้ำเสียงเนือยๆ ดูเหมือนไม่ได้อิจฉาจริง “สำหรับเมื่อก่อนนะ” ปูนยิ้มไม่ตอบกลับอะไร เพราะไม่รู้จะออกความเห็นเรื่องใดได้ในเมื่อไม่รู้จัก “เพื่อนพี่ชื่อคริสตี้นะ”

   “อ่าครับ” ไม่รู้ความหมายที่โรสบอกชื่อหรอก แต่ปูนก็ขานรับ

   “ไม่อยากรู้จักหรือ”

   “ปูนต้องรู้หรือครับ” ไม่ได้ตั้งใจตีรวน แต่เพราะสงสัยจริงๆ

   “ที่จริง ไม่ต้องรู้จักก็ได้ เพราะมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับปูน ก็แค่...เมียเก่าของกร แค่นั้น” โรสหยักไหล่พูดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่หางตาแอบมองปฏิกิริยาของปูนอยู่ และเห็นว่าน้องชายที่น่ารักของเธอชะงักไป “เฮ้อ ไปหาอะไรกินต่อดีกว่า” แกล้งทำเป็นจะลุก แต่ก็ถูกมือขาวจับแขนเอาไว้ โรสยิ้มพรายออกมาเมื่อปูนติดกับ “ปูนอยากรู้จักแล้วเหรอ”

   “ก็...นิดหนึ่ง” น้ำเสียงอ้อมแอ้ม ดวงตากลมกรอกไปมาไม่กล้าสบตาตรงๆ “แต่ถ้าพี่โรสไม่อยากเล่าก็...”

   “คันปากจะตาย ทำไมถึงไม่อยากเล่าล่ะ” โรสกระตือรือร้นขึ้นมา หญิงสาวขยับตัวมานั่งตามเดิม พร้อมหันซ้ายหันขวามองเผื่อลูกค้าจะมาขัดจังหวะ “พี่ก็ไม่ได้อยากจะเม้าท์เพื่อนหรอกนะ แต่เพราะเป็นห่วงปูนนั่นแหละ”

   “ห่วงปูน? เรื่องอะไรหรือครับ เพื่อนพี่เกี่ยวกับปูนด้วยเหรอ”

   “ก็ไม่ได้เกี่ยวโดยตรงหรอกนะ แต่ไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ใช่ เพราะกรมาตอแยปูนอยู่” ฟังกลายๆ คล้ายกับละครในทีวีสักเรื่อง “คริสตี้อาจจะไม่มายุ่งกับปูนหรอก แต่ปัญหาจากตัวเธอ จะมาทำให้ปูนวุ่นวาย”

   “ปัญหา? วุ่นวาย? ปูนไม่เข้าใจ”

   “คืองี้นะ พี่จะเล่าตั้งแต่ต้น นี่พี่ไม่ได้อยากจะเม้าท์หรอกนะ” ปูนเผลอหลุดขำออกมาก่อนปรับสีหน้าให้เป็นปกติอีกครั้ง “เมื่อสมัยพวกเรายังเรียนมหาวิทยาลัย พี่กับคริสตี้เนี่ย ก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน จะว่าสนิทไหมก็ระดับหนึ่ง คริสตี้ชวนเพื่อนในกลุ่มไปแคสงานถ่ายแบบ แล้วบังเอิญมีเขากับพี่ที่ผ่าน ครั้งนั้นเราทั้งคู่ได้ขึ้นปกนิตยสารครั้งแรก อย่างที่ปูนเห็น คริสตี้มีเสน่ห์มาก ทำให้หลายคนชอบ โดยเฉพาะตากล้อง พวกเราทั้งคู่ได้นามบัตรจากตากล้องพร้อมการชักชวนเข้าสังกัด ตอนนั้นน่าตลกมาก สังกัดที่ว่าไม่มีชื่อเสียงอะไรเลยถ้าเทียบกับที่อื่นๆ แต่เพราะความสามารถของตากล้องรวมทั้งหน้าตาของเขา ไม่สิ ความสามารถก็พอ เราเชื่อว่า สักวันรูปของเรา งานของเราต้องโด่งดังเป็นที่รู้จัก ไม่รู้ทำไมถึงเชื่อแบบนั้นนะ”

   ปูนตั้งใจฟังการเล่าเรื่องราวของโรสในอดีต ซึ่งบางอย่างก็ทำให้กระจ่างแจ้ง อย่างเช่น ตอนถ่ายหนังสือ ทำไมโรสถึงโพสท่าได้เป๊ะเหมือนนางแบบมืออาชีพ รวมทั้งชำนาญทางในตึกนั้นที่ดูซับซ้อนไปหมด เพราะเคยเป็นนางแบบของที่นั่นมาก่อนนี่เอง
 
   “พวกพี่เริ่มได้ถ่ายงานสวยๆ ปกดีๆ จากการผลักดันของสังกัดที่ไม่คิดว่าจะทำได้ จนได้ถ่ายปกหนังสือหัวนอกที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ตอนนั้นแหละ สังกัดพวกเราถึงเริ่มมีชื่อขึ้นมา มีนางแบบ นายแบบสนใจเข้ามาสมัครกันมาก มันเหมือนเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนจะค่อยๆ เติบโต ผลิใบ ออกดอกออกผลที่สวยงาม”

   ใบหน้าสวยดูมีความสุขเมื่อได้ย้อนกลับไปนึกถึงอดีต ใบหน้าแบบนั้นทำเอาคนจ้องมองต้องยิ้มตาม ก่อนสีหน้าจะค่อยปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

   “มีอะไรเกิดขึ้นหรือครับ”

   “ตอนนั้นความสำเร็จมันเกิดขึ้นไวมาก พวกเราเลยจัดงานฉลอง ทุกคนต่างก็มึนเมาไปกับแสงสีและแฮลกอฮอล์ ความสนุกนั่นทำให้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น เรื่องที่ทำให้กฎของสังกัดต้องสั่นคลอน”

   “รุนแรงขนาดนั้นเลยหรือครับ”

   “ใช่ มันมีกฎข้อหนึ่งในนั้นที่ห้ามคนในสังกัดคบกัน แต่สุดท้าย ตากล้องกับนางแบบก็ได้กันเองด้วยความเมา” โรสย่นหน้าทันที เริ่มไม่ค่อยอยากจะเล่าช่วงนี้สักเท่าไหร่ “ตอนแรกก็คิดจะปิดไว้ แต่เรื่องมันดันบานปลายใหญ่โตขึ้นมาซะก่อน”

   ปูนรู้สึกลุ้นตามในสิ่งที่กำลังจะได้ยิน หากตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ตอนนั้น คงไม่คิดจะลุ้นแบบนี้ คงจะก้มหน้าเครียดจนไมเกรนขึ้นแน่นอน

   “ปกหัวนอกที่พวกพี่ไปถ่าย เกิดสนใจนางแบบแล้วติดต่ออยากขอให้ไปเซ็นต์สัญญาด้วย”

   “พี่คริสตี้ใช่ไหมครับ”

   “ใช่ เขาเลือกคริสตี้ พี่ก็ไม่ได้เสียใจหรอกนะ แต่ก็แอบผิดหวังอยู่ลึกๆ ก็เราไม่สวยเท่าเขานี่เนอะ”

   “พี่โรสของปูนสวยออกครับ” รีบเอ่ยชมทันทีอย่างรู้งาน

   “ปากหวานจริงพ่อคนนี้” โรสยื่นมือไปบีบแก้มนุ่มของปูนจนแก้มยืด “ก็นั่นแหละ เพราะอนาคตกำลังจะไปได้ไกล แต่กลับมารู้ ว่าตัวเองกำลังท้อง ทุกอย่างเลยพังกันหมด”

   “ท้อง? กับตากล้องน่ะหรือครับ” ปูนย่นคิ้วสงสัย ก่อนหัวคิ้วจะเป็นปมหนักกว่าเดิม เมื่อบางประโยคที่ได้ยินตอนต้นแทรกเข้ามา “ตากล้องที่ว่า พี่กรหรือครับ”

   “ใช่ ตอนนั้นบริษัทแทบลุกเป็นไฟ ทุกครั้งที่พี่เข้าไปโคตรจะไม่มีความสุข กรกับคริสตี้ทะเลาะกันทุกวันเรื่องเด็ก น่าสงสารนะ ที่เด็กต้องเกิดมาจากความผิดพลาดของพ่อกับแม่ แถมแม่แท้ๆ ยังคิดจะทำแท้ง น่าหดหู่ใจจริง”

   “ทำแท้ง?” ปูนเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยิน

   “อืม ทั้งที่เด็กในท้องไม่ได้รับรู้เลยว่าเขามีความผิดอะไร แต่กรก็พาม๊ามาคุยด้วย คริสตี้เลยยอม แต่ก็นะ คนไม่ได้รักกัน อยู่ด้วยกันก็มีแต่จะทะเลาะให้ปวดหัว”

   “พวกเขา แต่งงานกันไหมครับ”

   “แค่ไปสู่ขอยังไม่ได้ทำเลย ครอบครัวคริสตี้ไปอยู่ต่างประเทศหมด แล้วคนแบบนั้นก็ไม่สนใจประเพณีอะไรด้วย แค่อยู่รอเวลาคลอดก็เท่านั้น”

   แทบไม่อยากเชื่อว่ามีแม่ที่ไม่ผูกพันกับลูกในท้องได้ขนาดนี้ อดทนอุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือนแท้ๆ

   “แล้วตอนนั้น พี่โรสทำยังไงหรือครับ”

   “พี่น่ะหรือ ไม่ค่อยสนใจหรอก คิดอยู่อย่างเดียว ว่าอยากไปให้ไกลมากที่สุด”

   “เลยไปเรียนต่อต่างประเทศสินะครับ”

   “พอคริสตี้คลอดเสร็จก็ติดต่อไปที่หนังสือปกหัวนอกนั่น พอรู้ว่าเขายังอยากได้ ก็หอบเสื้อผ้าทิ้งลูกบินไปเริ่มงานใหม่ที่นู้นทันที”

   “ไปตั้งแต่คลอดใหม่ๆ น่ะหรือครับ ทำไมถึงทำแบบนั้นได้”

   “คนบางคนก็อยากมีอนาคตที่ดี มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ โดยที่ไม่สนหรอก ว่าจะทิ้งอะไรไว้ข้างหลังบ้างน่ะ ไม่สนหรอกว่าลูกชายจะหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหน ไม่สนหรอกว่าลูกจะหิวนมไหม จะร้องไห้แล้วมีใครปลอบโยนหรือเปล่า...ปูนร้องไห้ทำไม”

   “ปูนแค่นึกถึงตัวเองนิดหน่อยครับ” คนร้องไห้ไม่รู้ตัวรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ความเหงา เดียวดายจากการไร้ครอบครัวมันทรมานจริงๆ “แล้วเด็กก็อยู่กับพี่กรหรือครับ”

   “อย่างกรน่ะเหรอจะเลี้ยงไหว ม๊าของกรรับไปเลี้ยงแทน แต่พอถึงประถมก็ขอมาอยู่กับพ่อตัวเอง นิสัยแบบนี้ก็มาจากพ่อมันนั่นแหละ รักอิสระ ใครห้ามไม่ฟังหรอก” โรสแขวะเพื่อนสนิทตัวเองจนปูนขำออกมา “แต่กรมันเป็นคนดีนะ รักลูก รักครอบครัว แต่ที่เห็นข่าวเพลย์บอย เจ้าชู้ พวกนั้นก็แค่เปลือกนอกที่ต้องเอาไว้ออกสังคมก็เท่านั้น พี่ว่า ปูนก็น่าจะสัมผัสได้ว่าเพื่อนพี่ เป็นคนดี”
 
   “ไม่ต้องมองปูนแบบนั้นเลย พี่กรกับปูนอย่างมากก็เป็นได้แค่พี่น้องนั่นแหละครับ”

   “ทำไมล่ะ หรือกรมันไม่ใช่สเป็กของปูน หรือมันทำรุ่มร่ามใส่ หนอย”

   “ไม่ใช่ครับ ก็แบบว่า พี่กรเขาดี...”

   “จะบอกว่าดีเกินไปงั้นสิ มันก็ถูกแล้วนี่ ดีเกินกว่าเราน่ะ จะให้คบกับคนที่เลวก็คงไม่ใช่ละมั้ง” โรสแกล้งแหย่เล่น ทำเอาคนโดนล้อหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา “เพื่อนพี่ไม่เคยจีบใครเลยนะ”

   “ส่วนมากเขามานอนรอหรือครับ” โดนพูดดัก โรสเลยหน้ามุ่ยไม่พูดต่อ “ปูนว่า พี่กรต้องได้คนที่ดีและเหมาะสม อย่างพี่โรสก็น่าจะเหมาะ”

   “โอ๊ย อย่าเอาพี่ไปข้องเกี่ยวด้วยเลย อย่างหมอนั่นไม่ใช่สเป็คพี่หรอก พี่ชอบแบบขาวๆ อวบๆ”

   “ผู้หญิงหรือครับ”

   “ซาลาเปาต่างหาก พูดแล้วก็หิวเลย ไปอุ่นดีกว่า ปูนสนใจไหมจ๊ะ”

   ว่าแล้วสาวเจ้าก็รีบลุกไปหลังร้านพร้อมอุ่นซาลาเปาจริงๆ นี่บอกจะลดน้ำหนักทุกวัน แต่ก็ไม่เห็นทำได้ แถมยังกินเยอะซะด้วยซ้ำ

   “พี่โรสอย่าลืมออกกำลังกายนะครับ”

   “ปูนพูดอะไรหยาบคาย ออกกำลังกายอะไร พี่แค่กินรองท้องเท่านั้นแหละ ไม่ได้กินเยอะ”

   ขนาดรองท้องซาลาเปายังตั้งห้าลูก ถ้าเกิดกินจริงๆ ขึ้นมา คงหมดเป็นสิบอย่างแน่นอน

   ปูนขำเจ้าของร้านคนสวยครู่เดียว ก่อนจะมองเหม่อเมื่อนึกถึงเรื่องอดีตที่ได้ยิน อดีตที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก ดังนั้น ปัจจุบันคือสิ่งที่สำคัญและเป็นตัวชี้อนาคตที่จะมาถึง

   หวังว่าทุกเรื่องจะออกมาในทางที่ดี




   กริ๊ง

   “สวัสดีครับ...อ่าวเกน มายังไง”

   “พี่ปูน” เด็กอายุน้อยกว่าวิ่งเข้ามารวบกอด ใบหน้าหล่อมีน้ำตาไหลอาบแก้ม “พี่ปูน” เกนเรียกชื่อคนที่กอดเขาไว้แน่นซ้ำๆ

   “เป็นอะไร ไหนบอกพี่ซิ แล้วมาได้ยังไง” เพราะชะเง้อออกไปนอกร้านก็ไม่เห็นรถที่นั่งประจำ “เกน”

   “เกนไม่ชอบเขา ไม่ชอบ”

   เรื่องอะไรกันที่เกนไม่ชอบ หรือถูกบังคับให้ทำอะไรอีก ปูนพยายามปลอบคนร้องไห้ให้หยุด ตอนนี้คำพูดที่ได้ยินฟังไม่ได้สรรพสักคำ มีแต่เสียงสะอื้นดังอยู่ตลอด แม้แต่โรสยังทำตัวไม่ถูกที่มีเด็กร้องไห้อยู่ในร้าน เธอเลือกที่จะปล่อยให้ปูนจัดการ เดี๋ยวอะไรมันก็คงจะดีขึ้นเอง


...TBC

มาแบบเรื่อยๆ เรียบๆ ค่าาา

ขอบพระคุณค่าาา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 7 ] // [26/09/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-09-2017 19:27:53
น่ารักดีค่ะ ปูนเปิดใจมากขึ้น
ชีวิตปูนน่าสงสารเนาะ ต้องเจออะไรมาบ้างน้า ถึงได้เหมือนจะกลัวบางเรื่องขนาดนี้
แล้วเพื่อนปูนคือดีไหม ทำไมกรทำเหมือนเค้ามาไม่ดี แต่ไม่น่าจะดีนะ มีที่ไหน ปล่อยคนเมาไปกับคนขับแท็กซี่เอง
ดีนะ ที่กรตาดี มองเห็น แล้วพอลตาดีกว่าไปอีก 5555

สงสารเกน พุ่งมาแบบนี้คือไปเจอมาแล้วหรอ หรือยังไง
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 8 ] // [06/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 06-10-2017 19:48:06

-8-




       “เกนเป็นอะไร ไหนบอกพี่ปูนซิ” ปูนยื่นมือเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มเกนออก เด็กหนุ่มนั่งสูดน้ำมูกฟืดใหญ่ “แล้วมาได้ยังไง เลิกเรียนแล้วเหรอ”

   “เลิกแล้ว” ตอบกลับปนสะอื้น

   “ดูซิ เป็นหนุ่มหล่อมาร้องไห้ขี้มูกโป่ง แบบนี้สาวไม่มองกันพอดี” ปูนพยายามพูดติดตลก แต่ดูเหมือนเกนจะไม่มีอารมณ์ร่วม ใบหน้าหล่อเป็นสีแดงเนื่องจากร้องไห้หนักมาก่อนหน้า “เป็นอะไรครับ”

   “เกนไม่ชอบ” เด็กหนุ่มยังคงย้ำประโยคเดิม

   “เกนไม่ชอบอะไร”

   “ไม่ชอบผู้หญิงคนนั้น”

   ปูนหันขวับมองไปโรสทันทีซึ่งหญิงสาวก็เบิกตากว้างตกใจเหมือนกัน ดูท่าทั้งสองคนจะมีความคิดที่คล้ายกันอยู่

   “ผู้หญิงที่ไหน” ช่วงรอคำตอบ ปูนรู้สึกใจเต้น กลัวว่าจะเป็นคนที่คิดไว้

   “ก็ผู้หญิงที่มาชอบไอ้ฟลอยด์เพื่อนเกนอะ”

   แทบจะถอนหายใจออกมาพร้อมกันทั้งปูนและโรส

   “เมื่อกี้เกนว่าไงนะ เกนไม่ชอบผู้หญิงที่มาชอบฟลอยด์? แล้วทำไมเกนไม่ชอบล่ะ” พอปูนถามจบ เกนก็หยุดสะอื้นแล้วปั้นหน้าบึ้ง เด็กหนุ่มเปิดเป้พร้อมหยิบซองสีขาวออกมาให้ปูน “ซองอะไร ผ้าป่าเหรอ”

   “ซองเชิญผู้ปกครองต่างหาก” เกนตอบสีหน้านิ่งเฉย ก่อนเด็กหนุ่มจะจ้องหน้าแล้วส่งสายตาอ้อนวอน “พี่ปูนไปแทนป๋าหน่อยได้ไหมครับ นะๆ” เป็นคำขอที่ทำเอาปูนตาโต

   “พี่เนี่ยนะ ไม่ได้หรอก”

   “ทำไมจะไม่ได้ ป๋าไม่ว่าอะไรแน่นอนเชื่อเกนสิ”

   “ป๋าไม่ว่า แต่ทางโรงเรียนจะว่าน่ะสิ พี่ไม่ได้เป็นผู้ปกครองเกนนะ ไม่เกี่ยวข้องกันเลยด้วย” คำพูดคล้ายจะสะกิดความรู้สึกบางอย่างของเกน ทำให้หน้าหล่อสลดลง คนพลั้งปากพูดก็รีบเม้มริมฝีปากเน้น รู้สึกเหมือนพูดอะไรที่ไม่สมควรพูด แม้จะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ “พี่ขอโทษนะ”

   “พี่ปูนไม่ได้ผิดนี่ครับ ไม่ต้องขอโทษหรอก” เกนว่า “เดี๋ยวเอาไปให้ป๋าก็ได้ ถ้าป๋าไป เกนก็อาจจะโดนเตะแล้วก็ด่าเป็นอาทิตย์ เอาแบบนั้นก็ได้”

   ปูนหันไปมองโรสเพื่อขอความเห็น แต่หญิงสาวกลับยักไหล่ไม่มีความเห็นให้ ปูนเลยได้แต่ขมวดคิ้วเพราะไม่กล้ารับคำขอ ไม่รู้ว่าเรื่องที่ทางโรงเรียนเรียกไปจะเป็นเรื่องไหน หากรุนแรงหรือมีเรื่องสำคัญแจ้งให้ทราบ มันจะไม่ได้การเอา

   “ก็ได้ๆ” สุดท้ายก็ทนเห็นสีหน้าเศร้าซึมไม่ได้ ปูนเลยรับปาก “แต่เกนก็ต้องบอกป๋าก่อน ไม่งั้นพี่ไม่ไปนะ”

   “ได้เลย สบายอยู่แล้ว” เกนยิ้มร่าทันทีราวกับไม่เคยเศร้ามาก่อน แถมยังรู้สึกชอบใจที่ได้ยินปูนเรียกป๋าของเขาว่าป๋า

   “แล้วพี่ต้องไปเมื่อไหร่” ปูนเปิดซองหยิบจดหมายออกมาอ่านรายละเอียด แต่ยังไม่ทันได้อ่านดี คนถูกเรียกก็บอกวันจนกระดาษในมือแทบร่วง

   “พรุ่งนี้”

   “พรุ่งนี้? พี่ต้องทำงานน่ะสิ” ปูนว่า การบอกวันที่กระชั้นชิดแบบนี้ก็ยากไปสักหน่อย

   “ไม่เป็นไร พี่เฝ้าร้านได้ ตามสบายๆ” เสียงบอกดังมาจากเจ้าของร้านคนสวย โรสพูดจบก็รีบเดินหนีเข้าไปหลังร้าน คล้ายกับปล่อยระเบิดแล้วเดินหนีหาย

   จะมีเจ้านายที่ไหนใจดีเท่าเธออีก

   เกนยิ้มหน้าบานเมื่อปูนรับปากแถมโรสก็ดูจะเปิดทางให้ ดวงตาคมที่ถอดแบบกรพัฒน์มาจ้องหน้าปูนอย่างคาดหวัง พรุ่งนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยป๋าก็จะไม่ด่าเขา หากมีปูนปกป้อง

         ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว 

   “หัวเราะอะไร” ปูนหันมาถามเมื่อได้ยินเสียง ทั้งที่เมื่อกี้ร้องไห้โหอยู่เลย

   “เปล่าครับ งั้นเดี๋ยวเกนกลับก่อน พรุ่งนี้เกนจะมารับ”

   “อ่าว”

   พูดไม่จบ เกนก็เดินหนีออกจากร้านไปแล้ว คนหนักใจเลยได้แต่พ่นลมหายใจออกมา นี่เขาทำถูกแล้วใช่ไหมที่รับปากไป แล้วถ้าหากครูถามว่าเป็นอะไรกัน จะตอบไปว่ายังไงดี แค่คิดไมเกรนก็จะขึ้นอยู่แล้ว



*******


   เช้าวันใหม่ ปูนขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าร้านดอกไม้เช่นทุกวัน แต่วันนี้ หน้าร้านมีรถสีดำจอดเทียบรออยู่ก่อน คนในรถพอเห็นคนที่รอมาถึงก็รีบเปิดประตูลงมา เกนโบกมือเรียกให้ปูนขึ้นไปนั่งบนรถด้วย

   “เกนบอกป๋าแล้วใช่ไหม” ปูนถามขณะจอดรถของตัวเองที่ข้างร้าน ซึ่งก็ได้คำตอบคือการพยักหน้า “แล้วป๋าไม่ว่าอะไรหรือ”

   “ไม่เลย ป๋าบอกดีแล้ว เพราะป๋าก็ยุ่งอยู่” เกนตอบพร้อมรอยยิ้ม “ป๋าฝากบอกด้วย จะเลี้ยงข้าวตอบแทนพี่ปูนวันหลัง” ปูนยิ้มบางๆ รับโดยไม่ได้ตอบอะไรไป เพราะไม่รู้จะพูดแบบไหนดี

   รถคันหรูด้านในกว้างสบายสมราคากำลังฝ่ารถติดไปยังจุดหมาย โรงเรียนเอกชนเนื้อที่กว้างขวางที่คนธรรมดาอย่างปูนคงไม่มีโอกาสได้เรียน ตึกสีขาวหลายตึกมีทางเชื่อมสำหรับเดินไปมาหากันได้อย่างสบายโดยไม่ต้องตากแดด ช่างเป็นโรงเรียนที่อำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนได้อย่างดี รถที่นั่งมาวนไปจอดที่หน้าตึกอิฐสีแดงสด เกนลงจากรถมาก่อน โดยมีปูนขยับตามหลังมา

   “โรงเรียนสวยดีนะ” ปูนว่า ดวงตากลมยังคงมองไปรอบๆ บริเวณอย่างสนใจ เพิ่งเคยมาโรงเรียนที่ร่มรื่นและสวยหรูขนาดนี้ ปูนรู้สึกประหม่านิดๆ เมื่อมีเด็กนักเรียนมองมา เลยพยายามเมินไม่มองสายตาที่พุ่งมาที่ตัวเอง

   “ก็งั้นๆ แหละครับ” เกนตอบอย่างไม่ยี่หระ เพราะอยู่มาตั้งแต่อนุบาล เห็นตึก ต้นไม้พวกนี้จนชินตา “ไปเถอะครับ”

   “อืม” ปูนรู้สึกขาสั่นเมื่อต้องเดินเข้าไปด้านใน ตอนนี้ในอกเต้นระรัวราวกับได้ย้อนวัยไปในสมัยมัธยมเมื่อต้องเข้าห้องฝ่ายปกครอง

   “มือพี่ปูนโคตรเย็น” เกนว่าขำๆ มือของเด็กหนุ่มจับมือของปูนแน่น “ไม่ต้องกลัวหรอกครับ ที่นี่ป๋ามีเส้น”

   “ดูพูดเข้า” ปูนแสร้งทำดุ แต่เด็กหนุ่มข้างๆ กลับหัวเราะเอิ้กอ้าก

   สองหนุ่มต่างวัยเดินมาจนถึงหน้าห้องฝ่ายปกครอง ประตูบานเลื่อนอัตโนมัติก็เลื่อนเปิดออกเผยให้เห็นคนด้านในที่กำลังยืนหันหลังอยู่

   “มาพอดี” เสียงทักของหัวหน้าฝ่ายปกครอง ทำให้คนที่ยืนหันหลังขยับแหวกทาง จนได้เห็นใบหน้าดุดัน ที่คนเพิ่งเคยมาแอบหวั่นใจ “แล้วนั่นผู้ปกครองเธอหรือเด็กชายกนต์นธี” แว่นไร้กรอบถูกเลื่อนลงมาที่ปลายจมูก ปูนรู้สึกเกร็งเมื่อถูกจ้อง

   “ครับ” เกนตอบนิ่งๆ ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแต่อย่างใด “พี่ปูนเป็นตัวแทนของป๋า นี่ครับจดหมาย” ว่าแล้วเกนก็เดินเข้าไปหาพร้อมจดหมายของกรพัฒน์ที่อนุญาตให้ปูนมาแทน

   ปูนกระพริบตาปริบๆ มอง ไม่รู้เนื้อความในจดหมายเขียนว่าอะไร แต่ที่แน่ๆ ครูฝ่ายปกครองก็พยักหน้ารับ ก่อนจะลุกออกมาจากโต๊ะ

   “คุณผู้ปกครองคงทราบเรื่องแล้วว่าทำไมผมถึงเชิญมา” คำเกริ่นที่ทำเอาปูนขมวดคิ้ว “เด็กชายกนต์นธีได้ทำกิริยาไม่เหมาะสม ทั้งการกระทำและคำพูด”

   “ครับ?” ปูนรู้สึกมึนงงในสิ่งที่ได้ยิน “กิริยาไม่เหมาะสมหรือครับ”

   “ครับ กับเด็กผู้หญิงคนนี้” ว่าแล้วครูก็ชี้ไปทางนักเรียนหญิงที่ยืนอยู่ข้างห้องที่มีสีหน้าและท่าทางไม่พอใจ “เด็กชายกนต์นธีได้ใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ...”

   “ผมไม่ได้พูดคำหยาบเลยนะครับ” เกนรีบแทรกขึ้นมาเมื่อถูกกล่าวหาในสิ่งที่ไม่ได้ทำ

   “อย่าพูดแทรกในขณะที่ครูพูด” น้ำเสียงดุปราม พร้อมปรายตามอง

   “ก็มันจริง”

   “เกน” ปูนรีบจับแขนไม่ให้เกนพูดแทรก เพราะกลัวว่าเกนอาจจะถูกทำโทษจากไม้เรียวที่วางบนโต๊ะ “คือผมอยากทราบว่า เกน เอ่อ เด็กทางผมทำอะไรให้บ้างหรือครับ” เมื่อเกนเงียบ ปูนเลยพูดออกมาบ้าง ครูฝ่ายปกครองกวักมือเรียกนักเรียนหญิงคู่กรณีให้เข้ามาใกล้ พร้อมอนุญาตให้พูด

   “เขาว่าหนูไม่สวย” แค่ประโยคแรกที่ได้ยิน คิ้วปูนก็แอบกระตุกนิดๆ “เขาว่าหนูหน้าบานเหมือนกระด้ง ตัวดำ แขนใหญ่ ขาลาย แล้วก็ไม่เหมาะกับฟลอยด์” คำกล่าวหาที่ถูกบรรยายออกมา ดูเหมือนไม่น่าจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตจนบานปลายขนาดนี้ “เขาว่าหนู ทั้งๆ ที่หนูก็ไม่ได้ชอบเขา สาระแน” คำหลังเด็กสาวหันไปพูดกับคู่กรณี

   “แต่ไอ้ฟลอยด์เป็นเพื่อนฉัน” เกนแทรกขึ้นมา เด็กหนุ่มเดินมายืนประชันหน้าคู่กรณีสาว “แล้วที่พูดไป มันไม่เป็นความจริงตรงไหน” ว่าแล้วก็ปรายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า “มันคือความจริงทั้งนั้น”

   “แก ไอ้เลว” เด็กสาวยกฝ่ามือขึ้นแล้วฟาดลงมา แต่เพราะปูนดึงเกนหลบได้ทัน ฝ่ามือนั้นเลยตบกับลมจนเจ้าของมือเซ ดูจากความแรงหากโดนแก้มคงเจ็บไม่น้อย “ครูขา” พอไม่ได้ดั่งใจ เด็กสาวก็หันไปฟ้องครูที่ยืนดูเงียบๆ

   และท่าทางแบบนั้นทำให้ปูนไม่ชอบใจเลยสักนิด

   “ครูไม่ห้ามหน่อยหรือครับ” ถามเสียงเครียด ช่วงจังหวะนั้นประตูห้องก็เปิดออก คนกลางของเรื่องรีบวิ่งเข้ามายืนอยู่ข้างเกน “ผมว่า ครูทำไม่ถูกต้องนะครับ เรื่องนี้ควรเรียกผู้ปกครองของอีกฝ่ายมาด้วย” ปูนว่า

   “แต่ฝ่ายคุณทำผิด ใช้ได้ที่ไหนด่าผู้หญิงแบบนั้น”

   “แล้วที่น้องเขาทำร้ายร่างกายของเกน มันไม่ผิดหรอกหรือครับ” ปูนทำหน้าจริงจัง ดวงตากลมโตมองครูฝ่ายปกครองอย่างวาวโรจน์ แม้วันนี้รอยช้ำที่โหนกแก้มของเกนจะจางลงกว่าเมื่อวาน แต่ก็ยังเห็นร่องรอยอยู่ “สมัยนี้ไม่ว่าจะเพศไหนก็ควรได้รับความยุติกรรมทั้งสองฝ่าย แต่การที่ครูเข้าข้างคนใดคนหนึ่งมากไป ผมว่ามันไม่สมควรเท่าไหร่”

   “แต่เด็กของคุณด่าลูกผมก่อน”

   ประโยคที่ได้ยินทำเอาความข้องใจทุกอย่างกระจ่างแจ้ง มิน่าถึงได้เข้าข้างกันขนาดนี้

   “ครูกำลังทำตัวเป็นพ่อแม่รังแกฉันอยู่นะครับ” แทบหมดคำพูดใดๆ เพราะไม่ว่าจะเอ่ยอะไรไปก็จะถูกมองว่าผิดอยู่ดี “เกน ขอโทษเขาซะ”

   “แต่พี่ปูน...” เกนหันขวับมองปูนอย่างไม่เข้าใจ

   “เกนก็ผิด รู้ตัวใช่ไหม” ปูนยิ้มบางๆ ให้ ก่อนคนผิดจะพยักหน้าช้าๆ อย่างจำนน “ผมขอโทษแทนเกนด้วยนะครับที่ทำร้ายจิตใจน้องเขาด้วยคำพูดที่ไม่ดี”

   “อะ อืม” เมื่อเห็นคนอ่อนกว่ายกมือไหว้ขอโทษ ครูฝ่ายปกครองก็รีบยกมือรับอย่างวางหน้าไม่ถูก “ต่อไปก็อบรมเขาเยอะๆ หน่อยก็แล้วกันนะ อย่าเกเรให้มันมากกว่านี้”

   “ครับ ไว้ผมจะอบรมสั่งสอนแกให้ดีกว่านี้” ปูนเหยียดยิ้มส่งท้าย รอเกนยกมือขอโทษครูและเอ่ยขอโทษคู่กรณี ซึ่งดูเด็กสาวคงจะยังไม่พอใจสำหรับการขอโทษ เมื่อเกนไม่ได้ถูกลงโทษด้วยการตีอย่างที่เตรียมไม้ไว้รอ “หมดเรื่องแล้วใช่ไหมครับ งั้นผมขอตัว เด็กๆ จะได้เข้าเรียนด้วย”

   “ครับ เชิญ”

   ได้รับคำตอบปุ๊บ ปูนก็จูงมือเกนออกมา โดยมีฟลอยด์เดินตามมาด้วย ตลอดทางเดินไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ ทุกคนกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนมาถึงลานกว้างที่มีม้าหินอ่อนวางเรียงรายให้ทุกคนได้พักผ่อน ปูนทิ้งตัวนั่งลงมีเกนกับฟลอยด์ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้า

   “เกนไม่มีสิทธิ์ไปว่าให้เขา รู้ตัวไหม” ปูนพูดหลังจากเงียบมานาน พอเด็กหนุ่มเงยหน้าจะเถียงก็เจอดวงตาดุจ้อง เลยก้มหน้าฟังเงียบๆ “เรื่องบางเรื่อง เราควรปล่อยให้เจ้าตัวเขาตัดสินใจเอง ใช่ไหมฟลอยด์”

   “ครับ” คนถูกเรียกชื่อรีบขานรับ พอพี่ปูนจริงจังแบบนี้ก็แอบสยองไม่ใช่น้อย

   “แต่เกนไม่อยากให้เพื่อนคบกับคนแบบนั้น” เกนโพล่งขึ้นมา “พี่ปูนก็เห็น ว่าผู้หญิงนั่นไม่สวย ไม่เหมาะกับไอ้ฟลอยด์เลยสักนิด”

   “นั่นก็เป็นสิทธิ์ของฟลอยด์ เกนยุ่งไม่ได้”

   “แต่ไอ้ฟลอยด์เป็นเพื่อนของเกนนะ”

   “แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาชอบฟลอยด์ ไม่ใช่เกน” ปูนพยายามอธิบายเหตุผลให้ฟังอย่างใจเย็น “พี่รู้ว่าเกนรักเพื่อนมาก แต่เกนก็ต้องปล่อยให้ฟลอยด์เป็นคนเลือกเอง ว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะในอนาคต ไม่ว่าจะเกนหรือฟลอยด์ต่างก็ต้องเจอคนที่ตัวเองรัก”

   แม้รู้ว่าการพูดเรื่องความรักกับเด็กหนุ่มสองคนจะเร็วเกินไป แต่บางอย่างก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้อาจยังไม่เข้าใจ แต่อีกไม่นาน สองคนนี้คงจะต้องเข้าใจ

   ดูเหมือนคำสอนของปูนจะทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองประทับใจ เกนเลยรีบตบหลังเพื่อนสนิททันทีพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม ปูนฉีกยิ้มตามก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อได้ยินประโยคของเกน

   “มึงดูไว้ไอ้ฟลอยด์ จะหาแฟนต้องให้ได้อย่างพี่ปูนนี่ ทั้งน่ารัก ใจดี รักเด็ก มีเหตุ มีผล อย่าไปคว้าเอาพวกคนนิสัยไม่ดีมานะ” เกนสั่งเพื่อนสนิทเสียงแข็ง

   “ไอ้ห่า แล้วกูจะไปเจอที่ไหน” ฟลอยด์ตบหัวเกนไปหนึ่งที เพราะสั่งอะไรที่ยาก ยิ่งกว่างมก้อนขี้มูกในมหาสมุทร

   “ไม่รู้ล่ะ ถ้ามึงกับกูไม่เจอแบบนี้ ก็ไม่ต้องมี ดีล” คนถูกจับมือทำหน้าเบื่อหน่าย ฟลอยด์ส่ายหน้าให้กับเพื่อนที่วางแผนอะไรได้สุดเพี้ยน ก็คนอย่างพี่ปูนเนี่ย มันก็มีคนเดียวในโลก จะไปหาได้จากไหนอีก

   “เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งตกลงกัน” ปูนรีบจับมือเด็กหนุ่มสองคนแยกออกจากกันด้วยความมึน “จะมาตกลงอะไรกันแบบนี้ได้ยังไง พี่เป็นผู้ชายนะ จะมาหาแบบพี่ไม่ได้ พวกเธอต้องหาสเปคสาวเองสิ” แทบอยากตบหน้าผากตัวเองแรงๆ หลังจากได้ยิน

   “ผู้ชายแล้วไง ไม่เห็นเป็นไร” เกนว่าอย่างไม่สนใจเลยถูกตีเข้าที่หัวไหล่ไปที คนโดนตีหน้ามุ่ยทันที “พี่ปูนอะ”

   “ไม่พูดแบบนี้นะเกน เอาล่ะ พี่กลับก่อน ส่วนเรื่องวันนี้พี่ต้องบอกป๋าของเกนนะ”

   “ครับ” เกนรับคำ ก่อนที่ปูนจะเดินไป มือเด็กหนุ่มก็รีบคว้าข้อแขนไว้ก่อน “เกนลืมบอก ว่าป๋าให้ลุงอ้อมรอไปส่งพี่ปูนด้วย ลุงแกรออยู่หน้าโรงเรียนนะครับ แล้วก็ คืนนี้เกนขอไปนอนด้วยนะ”

   “หา? ไปนอนกับพี่” เรื่องแรกก็พอเข้าใจที่ให้คนขับรถไปส่ง แต่เรื่องหลังนี่ไม่เข้าใจสักนิด

   “ครับ คืองี้นะ ถ้าป๋ารู้เรื่องเกนวันนี้ เกนต้องถูกทำโทษแน่ๆ ดังนั้น เกนก็เลย...”

   “อยากหนีความผิดตัวเองว่างั้น” ปูนพูดจบก็หัวเราะออกมา มือขาวยกขยี้ผมสีดำของเด็กหนุ่มตรงหน้า “เกนนี่นะ”

   “พี่ปูนอนุญาตใช่ไหม ดีเลย เกนเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าใส่รถลุงอ้อมไว้แล้ว”

        คนเจ้าแผนการเตรียมพร้อมมาก่อนล่วงหน้าซะด้วยซ้ำ ช่างแสนเจ้าเล่ห์นัก

   “ต้องบอกป๋าก่อน เกิดป๋ามาด่าพี่จะว่าไง”

   “โธ่ อย่างป๋าไม่กล้าว่าพี่ปูนหรอก เชื่อเกนสิ ตกลงตามนี้นะครับ ตอนเย็นเจอกัน เกนไปเรียนก่อน” พอตัวเองพูดจบก็รีบดึงแขนเพื่อนสนิทให้วิ่ง จนปูนไม่ทันได้พูดหรือตอบอะไรไป

   ลูกไม้หล่นใต้ต้นมันเป็นแบบนี้นี่เอง พ่อเป็นแบบไหน ลูกก็ไม่ต่าง เกนหนอเกน โตมาไม่รู้จะเป็นแบบไหน เดายากจริงๆ

   ปูนเดินออกมาหน้าโรงเรียนอย่างที่เกนบอก แต่รถคันที่นั่งมากลับไม่อยู่ หรือว่าจะกลับไปแล้ว ปูนตัดสินใจเดินบนฟุตบาทเพื่อจะไปที่ป้ายรถเมล์ พอดีกับมีรถสปอร์ตคาร์สีควันบุหรี่โฉบเข้ามาจอดเทียบ ก่อนกระจกด้านข้างจะลดลงเผยให้เห็นเจ้าของรถที่ยิ้มรออยู่ก่อน

   “ขึ้นมาสิปูน เดี๋ยวพี่ไปส่ง” กรพัฒน์ตะโกนเรียกพร้อมกับเอื้อมตัวข้ามเบาะรถมาเปิดประตูให้ “ขึ้นมาเร็วๆ ตรงนี้มันจอดไม่ได้”

   คล้ายกับเร่งนิดๆ ทำให้ปูนไม่มีเวลาตัดสินใจมากนัก คนตัวผอมรีบสอดเข้าไปนั่งด้านข้างทันทีพร้อมปิดประตู เมื่อรถวิ่งเข้าเส้นทางปกติ คนขับรถก็ถูกจ้องหน้าอยู่ตลอด

   “มีอะไรติดหน้าพี่หรือเปล่า” กรพัฒน์ถามปนขำ

   “พี่กรไม่ได้ประชุมอยู่หรือครับ” เพราะเกนเป็นคนบอกเอง ว่าป๋าของเขาติดประชุมทำให้มาที่โรงเรียนไม่ได้ แล้วทำไมถึงได้ขับรถผ่านมาทางนี้

   “พอดีพี่ออกมาประชุมกับลูกค้าแล้วผ่านมาทางนี้พอดี เห็นด้านหลังปูนก็คิดว่าต้องใช่ เลยจอดนี่ไง” เป็นคำอธิบายที่ดูมีเหตุมีผล “แล้วครูเขาว่ายังไงบ้าง”

   “ก็แค่เรื่อง...” ปูนเม้มริมฝีปากอ้ำอึ้งไม่กล้าบอก จะให้บอกไปได้ยังไงว่าลูกชายของกรพัฒน์ทะเลาะกับผู้หญิงเพราะหวงเพื่อน มันคงดูทะแม่งๆ “เรื่องทั่วไปครับ”

   “เรื่องทั่วไปนี่ถึงกับต้องเชิญผู้ปกครองน่ะหรือ ปูนอย่าเข้าข้างมันให้มากนัก” ดูจากท่าทางของปูน กรพัฒน์ก็พอจะรู้ว่ากำลังช่วยปกปิดความผิด “ควรปล่อยให้โดนทำโทษซะบ้าง ถูกเลี้ยงมาเสียนิสัยขนาดนั้น”

   “แต่นิสัยเหมือนพี่กรเลยนะครับ” ปูนรีบตะครุบปากตัวเองเมื่อหลุดประโยคตามที่คิด หน้าขาวค่อยๆ หันไปมองคนที่ตัวเองว่าที่กำลังเลิกคิ้วมองมา “ขอโทษครับ ปากไวไปหน่อย”

   “ไม่หน่อยแล้วแบบนี้” กรพัฒน์ว่า ก่อนริมฝีปากจะค่อยๆ ฉีกยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ

   กรพัฒน์ขับรถมาส่งปูนที่ร้านดอกไม้และเข้าไปทักทายเพื่อนสาวคนสวยครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวกลับไปทำงาน ทั้งที่จริงแล้ว เขาโดดงานออกมาตั้งแต่เช้าเพื่อจะไปรอรับปูนที่หน้าโรงเรียน โดยโทรสั่งให้ลุงอ้อมคนขับรถกลับไปทันทีที่ส่งถึงโรงเรียน

   แบบนี้ถึงไม่ปฏิเสธที่ว่าลูกชายตัวดีจะมีนิสัยเจ้าเล่ห์เหมือนตัวเองราวกับก็อปปี้ออกมา แต่ถึงเกนจะเจ้าแผนการยังไง ก็ยังคงสู้ตัวพ่อไม่ได้อยู่ดี เรื่องเชิญผู้ปกครองวันนี้ กลับถึงห้องคงต้องมีทำโทษกันบ้าง ไม่งั้นคงเตลิดจนห้ามไม่อยู่ ไอ้นิสัยขี้หวงขึ้นสมอง ไม่รู้ไปได้นิสัยนี้จากใครมา...

   ติ๊ง เสียงข้อความมือถือดังขณะจอดรอสัญญาณไฟแดง กรพัฒน์หยิบมือถือเครื่องแพงมาเปิดดูเพราะคิดว่าอาจจะเป็นลูกกวางของเขา แต่ชื่อที่ปรากฏกลับเป็นลูกชายตัวดีกับข้อความที่ชวนหงุดหงิดหัวใจ

   ‘ป๋า คืนนี้เกนไปนอนกับพี่ปูนนะ เตรียมของไว้หมดแล้วด้วย พี่ปูนก็อนุญาตแล้วด้วย เจอกันวันพรุ่งนี้ มารับด้วย’

   แทบอยากจะปามือถือทิ้ง หนอย ไอ้เกน แกกล้าทำเกินหน้าป๋าแกได้ยังไง ถ้าเจอหน้าต้องทำโทษให้หลาบจำซะแล้ว ที่บังอาจกระตุกหนวดเสือของอย่างกรพัฒน์คนนี้ ถึงจะเป็นลูกก็เถอะ ไม่ไว้หน้าแน่



...TBC

พ่อลูกนิสัยไม่หนีกันแน่ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ

ปล. ฟลอยด์เคยเจอคนแบบพี่ปูนด้วยนะคะ แต่เจอช้าไปเพราะกลายเป็นของคนอื่นไปซะแล้ว แม้จะตามตอแยแต่ก็ได้แค่มอง -.,-
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 8 ] // [06/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 06-10-2017 21:41:46
 :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 8 ] // [06/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-10-2017 19:26:45
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 9 ] // [07/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 07-10-2017 21:22:06

-9-




        พระอาทิตย์ใกล้ตกเต็มที ร้านดอกไม้ยังคงวุ่นวาย ไม่ใช่เพราะมีลูกค้าเยอะ แต่เพราะมีผู้ช่วยที่คาดว่าจะเป็นคนทำให้ยุ่งเสียมากกว่า เกนเดินร่อนไปทั่วร้าน หยิบจับอะไรไปเรื่อย แม้จะถูกโรสบ่นแต่เด็กหนุ่มก็ไม่สน ในเมื่อไม่มีอะไรทำก็จะรู้สึกเบื่อ นั่งเฉยๆ ก็ง่วง

   กริ๊ง

   “ยินดีต้อนรับครับ อ่าว”

   ปูนฉีกยิ้มต้อนรับก่อนจะอ้าปากหวอเมื่อคนเข้ามาไม่ใช่ลูกค้า แต่เป็นกรพัฒน์ที่เดินยิ้มเข้ามา

   “ไหนบอกเลิกดึกไงป๋า” เกนร้องทักพ่อตัวเองอย่างสงสัย อุตส่าห์หาที่หลบการโดนทำโทษได้อยู่แล้วเชียว

   “ใครบอกแก” กรพัฒน์ถามกลับลูกชาย ทั้งที่เขานั่นแหละเป็นคนพูดเองเมื่อค่ำวานนี้ “อย่าคิดว่าไม่นอนห้องแล้วฉันจะลืมทำโทษนะ” พูดพร้อมชี้นิ้วไปทางลูกชายตัวดี เกนทำปากขมุบขมิบก่อนก้มหน้าอ่านหนังสือดอกไม้ต่อ “พอดีงานพี่เสร็จเร็วน่ะ”

   “เหรอครับ” ปูนยิ้มบางๆ ส่งให้เมื่อกรพัฒน์หันมาบอกทั้งที่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร “แล้วพี่กรมารับเกนหรือครับ”

   “ก็...”

   “เกนไม่กลับนะ วันนี้จะนอนกับพี่ปูน” คนมีชื่อรีบแย้งทันที เกนปรี่เข้ามาหาปูนทันทีพร้อมส่งสายตาอ้อนวอน “พี่ปูนอนุญาตแล้วเมื่อเช้านี่นา”

   “ดูมัน” กรพัฒน์จ้องลูกชายเขม่ง รู้สึกหมั่นไส้จนอยากเขกหัวสักที ถ้าไม่ติดว่าไอ้ตัวดีหลบอยู่หลังปูนละก็นะ

   “รู้แล้วๆ พี่แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง”
 
   “ไม่ตลกสักนิดพี่ปูนอะ”

   เกนหน้างอเดินกลับไปนั่งที่เดิมโดยที่มีกรพัฒน์เดินตามไปด้วย ปูนมองสองพ่อลูกที่เริ่มคุยกันเงียบๆ ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน เพราะจากตรงนี้ก็ไกลพอสมควร

   “อยากรู้จังน้า ว่าคุยอะไรกัน” เสียงดังใกล้ๆ ทำให้ต้องรีบหันไปมอง โรสยืนค้ำข้อศอกกับเคาน์เตอร์มองไปยังสองพ่อลูกเช่นกัน “ไปแอบฟังดีกว่า”

   “พี่โรส” เรียกไม่ทันซะแล้ว เพราะหญิงสาวแอบเดินไปอยู่หน้าตู้หนังสือใกล้ๆ และแสร้งทำเป็นสนใจหนังสือ ทั้งที่หูกำลังผึ่งเต็มที่

   การอยากรู้มันช่างน่ากลัวซะจริงๆ

   ปูนเลิกสนใจทุกคนเมื่อมีคนเข้าร้าน ลูกค้าขาประจำเดินยิ้มเข้ามาอย่างทุกที

   “วันนี้กลับเย็นจังนะครับ” คำทักทายของปูนเรียกความสนใจจากสองพ่อลูกให้หันมามอง

   “ครับ ประชุมเลิกช้า วันนี้เหมือนเดิมนะครับ” ลูกค้าหนุ่มฉีกยิ้มพร้อมกับเดินตามปูนไปที่ตู้ดอกไม้ แถมยังช่วยเลือกดอกไม้ที่ชอบอีก

        ความสนิทสนมนั่นทำเอาคิ้วกรพัฒน์กระตุกถี่ยิบ

   กรพัฒน์กระดิกนิ้วเรียกเพื่อนสาว โรสเห็นก็เดินยิ้มเข้าไปหาและรู้ว่าเพื่อนจะถามอะไร

   “ก็สนิทพอดูนะ มาทุกวัน”

   “ยังไม่ได้ถาม” กรพัฒน์กระแอมเล็กๆ เมื่อเพื่อนรู้ทัน “มีครอบครัวหรือยัง”

   “ฉันเหรอ”

   “ไอ้นั่น”

   โรสหัวเราะพร้อมส่ายหน้า แค่อยากแหย่เพื่อนแค่นั้น เห็นจ้องจนตาแทบถลน ซึ่งพอกรพัฒน์รู้ว่าลูกค้าขาประจำยังโสดสนิทเลยปรายตามองลูกชาย ซึ่งเกนรู้หน้าที่ ก็รีบเดินเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างปูนกับลูกค้า
 

   ช่างรู้ใจป๋ามันซะจริงๆ


   “เกนช่วย” เด็กหนุ่มยิ้มร่า ปากบอกจะช่วย แต่เหมือนมาทำให้วุ่นวายมากกว่า ไม่ว่าลูกค้าหนุ่มคนนั้นจะหยิบจับอะไร เกนก็จะรีบแย่งถือตลอด รวมทั้งการยื่นของให้ปูนด้วย “ลุงชอบดอกไม้เหรอ”

   “ลุง?” ลูกค้าหนุ่มหน้าเสียนิดๆ เขายังไม่ได้แก่ขนาดนั้น อายุก็เพิ่งจะสามสิบนิดๆ เอง

   “ครับ” เกนตอบพร้อมฉีกยิ้ม สำหรับคนอื่นดูคงจะเป็นมิตรแน่ แต่คนที่กำลังจ้องตากันอยู่ รู้ทันทีว่ากำลังถูกเด็กตีรวนอย่างแน่นอน


       เด็กตรงหน้ามาอย่างไม่เป็นมิตร 


   “พอดีพี่ซื้อไปให้แม่น่ะ”

   “อ๋อ ครับ” เกนรับคำสั้นๆ และพยายามแทรกตัวไม่ให้ลูกค้าเข้าใกล้ปูนเกินความจำเป็น “แม่ลุงชอบกุหลาบเหรอ เหมือนผมเลย ชอบลิลลี่”

   “กุหลาบเหมือนลิลลี่ยังไง”

   “ก็เป็นดอกไม้เหมือนกันไง ลุงนี่ก็ถามแปลก”

   “เกน” ปูนเรียกชื่อเสียงต่ำเพื่อปรามเด็กหนุ่ม เมื่อเห็นว่าทำตัวไม่เหมาะสม “ไปอยู่กับป๋าก่อน เสร็จช้าก็กลับช้านะ”

   “ก็ได้ครับ” สุดท้ายก็ต้องเดินคอตกกลับไป โดยกรพัฒน์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะที่ลูกชายขวางไม่สำเร็จ ตอนนี้ลูกค้าคนนั้นเลยใกล้ชิดปูนอีกรอบ “ป๋าก็ไปบ้างสิ”

   “ถ้าไปได้ ก็ไปนานแล้วไหมล่ะ” กรพัฒน์ตอบ ชายหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้วมอง จะเข้าไปก็อาจถูกมองไม่ดี เผลอๆ ปูนจะโกรธเอา ซึ่งไม่คุ้มแน่นอน

   นานกว่าลูกค้าคนนั้นจะได้ช่อดอกไม้ที่ถูกใจ ดูเหมือนจะแกล้งถ่วงเวลาซะด้วยซ้ำ บ่อยครั้งที่ปรายตามองมาแล้วยักคิ้วอย่างผู้มีชัย จนสองพ่อลูกกัดฟันแน่น ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ออกไปหาเรื่องก็ไม่ได้อีก คงได้แต่ปล่อยไปก่อน รอวันที่เป็นของเขาบ้าง จะไม่มีใครหน้าไหนมาทำแบบนั้นได้อีก

   “ทำไมต้องยิ้มกว้างขนาดนั้น” ไม่รอช้าที่กรพัฒน์จะเดินเข้าไปถามหลังจากคนเขม่นออกไปแล้ว ชายหนุ่มขมวดคิ้วนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์มองคนที่ชอบเก็บของอยู่ ปูนเงยหน้าขึ้นมามองแปบหนึ่งก่อนก้มลงไปเก็บของต่อ “ปูน พี่ถามปูนอยู่นะ”

   “ก็เขาเป็นลูกค้านี่ครับ จะให้ตีหน้ายักษ์แบบพี่กรตอนนี้หรือไง เขาหนีพอดีแบบนั้น” ปูนหน้ามุ่ยใส่ คนถูกว่าหน้ายักษ์ก็รีบชะเง้อไปมองกระจกที่ติดไว้ผนังร้าน พอเห็นหน้าตัวเองแล้วก็แอบตกใจจนต้องปรับสีหน้าใหม่

   “ถึงอย่างนั้น ปูนก็ยิ้มให้เขามากเกินไป” กรพัฒน์ยังไม่ยอม เขาหวงรอยยิ้มของปูนมาก ยิ่งดวงตากลมโตนั่นเป็นประกายด้วยยิ่งหวง ปูนส่ายหน้าให้กับความคิดไม่เข้าท่าของกรพัฒน์ ขาเรียวก้าวเอาของไปเก็บหลังร้าน แต่ถูกอีกคนแย่งไปถือ “พี่ช่วย”

   “ขอบคุณครับ” ตอนแรกคิดจะว่าให้ แต่ใบหน้าหล่อนั่นยิ้มมาเลยได้แต่ยิ้มกลับ ทำไมรู้สึกว่า คนที่เดินตามหลังเริ่มเข้ามาในชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่พยายามถอยห่างให้มากที่สุดแล้วแท้ๆ

   ปูนมองกรพัฒน์ที่แย่งทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะกวาดพื้น เช็ดโต๊ะ หรือแม้แต่ปิดไฟ ปิดพัดลม ขนาดเจ้าของร้านอย่างโรสยังเอ่ยปากเรื่องค่าแรง ว่าไม่มีให้คนของผู้ช่วย ทุกคนหัวเราะหมดยกเว้นปูนที่ทำหน้าบึ้งตึงเมื่อถูกล้อ พอโรสแย่งตัวกลับไปแล้ว ก็เหลือสองพ่อลูกและปูนที่ยังยืนอยู่หน้าร้าน

   “พี่กรพาเกนไปที่หอปูนก่อนเลย เดี๋ยวปูนขี่มอเตอร์ไซค์ตามไป”

   “ทิ้งไว้ที่นี่แหละ แล้วปูนก็ไปกับพี่” กรพัฒน์ไม่เห็นด้วย เหมือนกับเกนที่เดินไปจูงมือปูนไปที่รถของพ่อตัวเอง “ประตูรั้วล็อคอย่างดี คงไม่มีใครขึ้นรั้วไปขโมยหรอก”

   “ปูนก็ไม่ได้กลัวขโมย แค่ไม่อยากทิ้งไว้ที่นี่” ปูนมองรถตัวเองที่จอดในรั้วของร้าน ที่กังวลอีกอย่างคือพรุ่งนี้เขาจะมาทำงานยังไงนี่สิ หากไม่เอารถกลับ

   ถึงแม้จะคิดแบบนั้น แต่ตอนนี้ตัวเขาได้เข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับเรียบร้อย มีเกนไปนั่งยิ้มอยู่ด้านหลัง ข้างๆ คนยิ้มมีกระเป๋าเสื้อผ้าที่เตรียมมาจากบ้านเมื่อเช้า

   “ดูมัน” กรพัฒน์ขยับกระจกมองหลังแล้วจ้องหน้าลูกชายตัวเอง อดไม่ได้ที่จะว่าให้เมื่อเห็นท่าทางดีใจซะเหลือเกินที่จะได้นอนกับปูน เห็นแล้วหมั่นไส้จนอยากตบกะโหลกสักที

   รถหรูเคลื่อนออกจากร้าน มุ่งหน้าไปหอพักของปูน ระหว่างทางปูนขอให้กรพัฒน์แวะซื้อของเพื่อนำกลับไปทำเป็นมื้อค่ำด้วย สองพ่อลูกยิ้มกริ่มเมื่อจะได้ชิมฝีมือของปูนอีก

   หอพักครึ่งเก่าครึ่งใหม่ที่กรพัฒน์เคยมาแล้วครั้งหนึ่งยังคงน่ากลัวเหมือนเดิม คำว่าน่ากลัวคือมันไม่ปลอดภัยนั่นเอง คนพักอย่างปูนเดินนำไปที่ห้อง เกนเพิ่งเคยมาเลยมองซ้ายมองขวาอย่างสนใจ ปกตินอนแต่ที่หรูๆ วันนี้ได้ลองมานอนที่ใหม่รู้สึกตื่นเต้นนิดๆ

   “นี่ห้องพี่ปูนเหรอ” เกนถามหลังจากเข้ามาในห้อง พอมีผู้ชายสามคนอยู่ด้วยกันแล้ว ห้องนี้ก็รู้ดูแคบลงถนัดตา

   “ใช่” กรพัฒน์เป็นคนตอบลูกชายตัวเองแทน คล้ายกับจะอวดว่าเคยมา “ปูนจะทำกับข้าวเลยไหม แล้วไหนครัว” เพราะตั้งแต่เข้ามา ยังไม่เห็นห้องครัวเลย

   “ไม่มีห้องครัวหรอกครับ ทำในหม้อไฟฟ้าเอา” มื้อนี้ปูนทำของง่ายๆ อย่างสุกี้ที่ทำไม่ยากแถมสะดวก แค่รอให้ทุกอย่างสุกแค่นั้น

   แล้วสามหนุ่มก็ล้อมหม้อไฟฟ้าที่กำลังเดือดปุดๆ แม้กับข้าวมื้อนี้จะดูง่าย ไม่ได้หรูเลิศ แต่กลับอร่อยกว่ามื้อไหนๆ กรพัฒน์กับเกนต่างก็คอยแย่งกันตักของใส่ถ้วยของปูน จนเจ้าของถ้วยบ่นว่ากินไม่หมดแล้วกระจายของคืน สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน
 
   “อยากให้พี่ปูนไปกินข้าวด้วยกันทุกมื้อจัง” เกนว่าออกมาหลังจากอิ่มจนพุงกาง รู้สึกพอมีปูนมานั่งด้วย เขาเจริญอาหารสุดๆ ความคิดนี้ไม่ต่างจากกรพัฒน์ที่พยักหน้าเห็นด้วย

   “ไม่ได้หรอก พี่ต้องทำงาน” ว่าอย่างกลางๆ ก่อนจะขำออกมาเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำหน้าบึ้ง “เกนก็กินกับป๋าอยู่แล้วนี่...ครับ?” ไม่รู้เพราะอะไรปูนถึงได้หันไปมองกรพัฒน์ที่เขาหันขวับมามองอยู่ก่อนแล้ว

   “ปูนเรียกพี่ว่าอะไรนะ เมื่อกี้”

   “หืม...ป๋าน่ะหรือครับ ก็เรียกตามเกน”

   “แต่พี่ชอบนะ”

   มือขาวที่กำลังเก็บของชะงัก ปูนเงยหน้าขึ้นมองกรพัฒน์ที่จ้องมาเหมือนกัน ดวงตาคมฉายแววจริงจังสะกดให้อีกคนหยุดนิ่ง เนิ่นนานกว่าดวงตากลมโตจะกระพริบเมื่อเกนหาวเสียงดัง

   “เอ่อ ปูนเก็บของก่อนนะครับ”

   “พี่จริงจังปูนก็รู้”

   มือที่ยกหม้อต้องชะงักอีกรอบเมื่อถูกมือใหญ่กว่าจับไว้ ไม่รู้ตอนนี้มือเขาร้อนเพราะหม้อหรือเพราะฝ่ามือของกรพัฒน์

   “คือปูนยังไม่พร้อมจริงๆ” ริมฝีปากแดงขบเม้มกันแน่นยามถูกสะกดด้วยสายตา ทั้งที่หลบมาได้แล้วเมื่อกี้ “พี่กรคงจะเจอคนที่ดีกว่าปูน...”

   “พี่เลือกเองได้ ว่าจะเจอคนดีหรือไม่ดียังไง อย่างตอนนี้ พี่เลือกปูน” น้ำเสียงจริงจังจนปูนต้องก้มหน้า “หนึ่งอาทิตย์ตกลงไหม”

   “ครับ?” พอเจอคำถามแบบนี้ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย “อะไรหนึ่งอาทิตย์หรือครับ”

   “พี่ให้เวลาปูนตัดสินใจไง อาทิตย์หน้าพี่จะไปดูงานหนังสือเมืองนอก ก่อนหน้าที่จะไป พี่หวังจะได้คำตอบจากปูนนะ”

   “พี่กรกำลังกดดันปูน”

   “พี่ไม่ได้จะกดดัน แต่พี่ไม่อยากจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปเฉยๆ อีก ชีวิตพี่ผ่านอะไรมาก็มาก พี่ก็หวังว่าชีวิตที่เหลือจะได้อยู่กับคนที่พี่รัก”

   เจอคำว่ารักเข้าไป ปูนถึงกับหน้าร้อนขึ้นมาทันที เมื่อมือใหญ่ผละออกไป ปูนก็รีบยกหม้อไปเก็บและเผลอชนกับขอบโต๊ะเข้าไปอีกด้วยความประหม่า

   ถูกบอกรักมาก็มาก แต่ทำไมตอนนี้รู้สึกใจเต้นกว่าทุกครั้ง

   กรพัฒน์มองตามคนที่ผ่านหน้าไปอย่างสังเกต ที่จริงก็ไม่ได้อยากเร่ง แต่หากไม่พูด เรื่องก็จะยืดเยื้อไปเรื่อยๆ จนเขาอาจจะท้อและถอย ดังนั้นให้พูดออกมาตรงๆ ว่าจะใช่หรือไม่ หากใช่จะได้เดินหน้าเต็มกำลัง แต่หากไม่ใช่ละก็ เขาก็จะยอมถอย มาถึงขั้นนี้แล้ว สู้เต็มที่ขนาดนี้ ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น


   ปูนกับเกนลงมาส่งคนตาละห้อยกลับบ้าน กรพัฒน์อยากขอนอนด้วยใจจะขาดแต่ก็ต้องทนไว้ เพราะห้องนั้นแคบเกินไป เตียงก็เล็ก หากนอนกันหมดคงยาก เอาไว้วันอื่นก็คงไม่สายหากวางเรื่องดีๆ สักหน่อย

   “ขับรถกลับดีๆ นะครับ” ปูนยิ้มหวานเป็นการทิ้งท้าย จนรถหายจากสายตาไป สองหนุ่มต่างวัยถึงเดินกลับขึ้นห้อง “เตียงพี่แคบ เกนอาจจะนอนไม่ค่อยสบายตัวนะ”

   “เกนเป็นคนอยู่ง่าย นอนพื้นก็ได้ สบายอยู่แล้ว” เด็กหนุ่มยิ้มร่า เขาไม่ใช่เด็กติดหรูอยู่แล้ว

   “ได้ยังไง เกนนอนเตียงนั่นแหละ เดี๋ยวพี่นอนพื้นเอง” ปูนส่ายหน้ารัวๆ ใครจะกล้าให้แขกนอนพื้น

   “งั้นก็ปูผ้านอนที่พื้นด้วยกันซะเลยดีไหมครับ”

   “เอางั้นก็ได้ แต่ห้ามมาบ่นทีหลังว่าปวดหลังนะ”

   “ไม่แน่นอน เกนนอนได้” แล้วอยู่ๆ เกนก็หัวเราะขึ้นมา พอถูกถามก็ส่ายหน้าทำเหมือนไม่มีอะไร แต่ความจริงแล้ว เขากำลังนึกขำพ่อตัวเอง สายตาที่มองอย่างละห้อยตอนจะขึ้นรถเมื่อกี้ยังจำติดตา สงสัยอยากนอนด้วยแต่ไม่กล้า งี้แหละนะ คนไม่กล้าก็อด ส่วนคนหน้าด้านก็ได้ อย่างเขานี่ไง




*****


   
   เช้าวันใหม่ เสียงนาฬิกาปลุกปูนให้ตื่นขึ้นมาก่อน ความหนักที่เอวทำให้ต้องผงกศีรษะขึ้นดู และเห็นท่อนขาขาววางพาดขึ้นมา ส่วนเจ้าของขานอนเอียง หัวพาดออกนอกผ้าห่มที่ใช้ปู พอเห็นแบบนี้ก็อดจะขำคนนอนดิ้นไม่ได้ ปูนยกขาให้พ้นออกจากตัวก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย

   “พี่ปูน” เกนงัวเงียมาเคาะประตูห้องน้ำ ปูนที่เพิ่งเริ่มถอดเสื้อเปิดประตูออกไปดู เพราะคิดว่าเกนอาจปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ

   “ปวดท้องเหรอ” ถามไป คนตายังปิดก็ส่ายหน้า “อ่าว แล้วทำไมตื่นเช้าล่ะ วันนี้วันหยุดไม่ใช่หรือ”

   “ฮะ แต่เกนมีเรียนพิเศษเช้า” พอได้คำอธิบาย ปูนก็พยักหน้าลง “พี่ปูนอาบก่อนก็ได้” พูดเสร็จก็เดินกลับไปทิ้งตัวนอนบนเตียง แม้ไม่นุ่มเท่าที่คอนโด แต่ก็ดีกว่าผ้าห่มปูบนพื้นแข็งๆ ปูนยิ้มนิดๆ แล้วปิดประตูตามเดิม คงต้องเร่งเวลาอาบน้ำของตัวเองเพื่อให้เกนไปเรียนได้ทันเวลา

   สองหนุ่มเร่งการแต่งตัวให้ทัน เกนบอกลุงอ้อมจะมารับไปส่งโรงเรียนก่อนแล้วจะวนกลับไปส่งปูน แต่ปูนบอกจะไปเอง ทั้งสองคนเถียงกันไปมาอย่างจริงจัง พอทั้งคู่ลงจากตึกมาก็เจอกับรถที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว คนขับรถยืนกอดอกพิงกับรถหรูตัวเองรอ
 
   “ป๋ามานานแล้วเหรอ แล้วลุงอ้อมล่ะ” เกนมองหาคนขับรถแต่กรพัฒน์กลับเปิดประตูด้านหลังให้คล้ายกับเร่งให้รีบเข้าไปนั่ง
 
   “พอดีพี่ให้แกพักน่ะ พี่เลยมารับแทน” กรพัฒน์รู้ ว่าปูนก็จะถามเช่นกัน เลยรีบตอบก่อน พอได้คำตอบ ร่างผอมก็พยักหน้ารับ แล้วสอดตัวลงไปนั่งเมื่อประตูถูกเปิดให้

   บนรถที่แอร์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ เกนยังพูดจ้อไม่หยุด คงเพราะน้ำเย็นที่อาบไปทำให้ตื่นเต็มตา

   “คืนนี้เกนนอนด้วยอีกได้หรือเปล่า” เป็นหนึ่งในคำถามของคนปากมาก

   “พอเลยแก รบกวนพี่เขา” กรพัฒน์ปรามลูกชาย แต่ก็ดูจะไม่มีท่าทีสลดแม้แต่น้อย เพราะเกนยังขยับตัวยื่นหน้ามาหาปูนอีก “ไอ้เกน”

   “ก็อยากให้พี่ปูนถูหลังให้อีก” ประโยคที่ผ่านหูกับน้ำเสียงร่าเริง ทำให้รถคันหรูเกือบชนท้ายคันด้านหน้า เมื่อต้องจอดตามสัญญาณไฟ “เกลือแบบนั้นหอมมากเลย เกนชอบ” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนยังพูดไม่หยุด แถมยังลูบแขนตัวเองไปมาอีก

   “ถูหลัง คืออะไรเหรอ” สุดท้ายก็ถามออกมา กรพัฒน์มองหน้าลูกชายสลับกับปูนที่ยิ้มตาหยี “คืออะไรไอ้เกน”

   “ก็เมื่อคืนเกนอาบน้ำกับพี่ปูน แล้วพี่ปูนใช้เกลือหอมขัดหลังให้ ตอนนี้ขี้ไคลหลุดหมดเลย” พูดได้หน้าบานสุดๆ ต่างจากกรพัฒน์ที่หน้าตูมยิ่งกว่าดอกบัวออกใหม่

   “อาบน้ำด้วยกัน? ปูนอาบน้ำกับไอ้เกนหรือ” ตอนนี้หูอื้อตามัวไปหมด ภาพในจินตนาการของชายหนุ่มผุดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ปูนของเขากำลังขัดหลังให้ลูกชาย โดยที่ทั้งคู่เปลือยตัว “ไม่แฟร์อะ”

   “ครับ?”

   กรพัฒน์เลิกคิ้วเมื่อรู้ตัวว่าหลุดพูดในสิ่งที่คิด ปูนเอียงคอมองอย่างสงสัย จะมีก็แต่เกนที่พอรู้ความหมายก่อนหัวเราะออกมา
 
   “มือพี่ปูนเบามาก ถูหลังไม่เจ็บเลยนะป๋า” เกนเพิ่มน้ำมันในตะเกียงเพื่อเติมความอิจฉาให้ลุกโชน เด็กหนุ่มรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งพ่อตัวเอง “เมื่อเช้าถ้าไม่ง่วงก็จะเข้าไปอาบด้วยแล้ว...โอ๊ย”  พูดจบก็ถูกฝ่ามือของพ่อผลักจนหงายหลัง “เจ็บนะป๋า”

   “สม” กรพัฒน์ปรายตามองลูกชายผ่านกระจกมองหลังอย่างหมั่นไส้ แค่ได้นอนด้วยก็อิจฉาจนนอนไม่หลับ นี่มารู้อีกว่าได้อาบน้ำด้วย จะให้เขาอิจฉาลูกชายไปถึงไหน

   “อิจฉาล่ะสิ” เกนยักคิ้วให้พ่อตัวเองอย่างผู้ชนะ มีปูนที่นั่งหัวเราะอยู่คนเดียวเพราะคิดว่าพ่อลูกแกล้งหยอกกันเฉยๆ โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ

   กรพัฒน์ขับรถมาส่งลูกชายที่โรงเรียน ก่อนจะย้อนกลับไปส่งปูนที่ร้าน แม้เจ้าตัวจะขอลงระหว่างทางเพราะเกรงใจ แต่เจ้าของรถกลับไม่ยอมทำตาม รถหรูมุ่งหน้าไปยังร้านดอกไม้ที่ตอนนี้เขามาบ่อยกว่าออฟฟิศซะอีก บนรถมีการพูดคุยบ้างเป็นบางครั้ง เพราะกรพัฒน์ต้องคอยรับสายจากที่ทำงานมาตลอดทาง ไม่รู้ทำไมถึงยุ่งกะทันหันแบบนี้

   เมื่อมาถึงร้าน ปูนลงจากรถปุ๊บ กรพัฒน์ก็ขอตัวกลับไปทำงานต่อ เมื่อเอเจนซี่อยากให้นางแบบของเขาถ่ายลงหนังสือที่บริษัทดูแลในเล่มที่จะถึง ดังนั้นต้องรีบไปคุยรายละเอียดอย่างเร่งด่วนเพราะหนังสือมีกำหนดออกอีกสองอาทิตย์ ซึ่งคอนเซ็ปกับเสื้อผ้าหน้าผมต้องออกแบบใหม่หมด เพื่อให้เข้ากับนางแบบที่จะถ่ายขึ้นปก

   ส่วนปูนเดินเข้าร้านมาก็เจอกับโรสที่ตีหน้าเครียด หญิงสาวกวักมือเรียกปูนให้เข้าไปหา ใบหน้าสวยไม่ฉายแววขี้เล่นอย่างทุกทีจนน่าใจหาย

   “พี่โรสไม่สบายหรือเปล่าครับ” ปูนถามอย่างเป็นห่วง

   “พี่สบายดี” โรสว่า แต่หน้าก็ยังเคร่งเครียดอยู่

   “แล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”

   “ปูน” โรสมองหน้าน้องคนสนิทอย่างหนักใจ หญิงสาวถอนหายใจออกมาอีกหลายรอบก่อนจะอธิบาย “คืองี้นะ พี่ชายของพี่จะพาพ่อกับแม่ไปอยู่เมืองนอก แล้วแม่ก็ไม่อยากให้พี่อยู่ที่นี่คนเดียว ก็เลย...”

   “พี่โรสจะไปอยู่เมืองนอกหรือครับ” ปูนทำตาโตพอเดาสิ่งที่จะได้ยินออก ยิ่งได้รับการพยักหน้ายืนยันยิ่งตกใจ “แล้วร้านนี้ล่ะครับ”

   “พี่คงต้องปิด พี่ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยนะ ปูนเข้าใจพี่ใช่ไหม” โรสทำหน้าเครียดมองปูน อยากจะยกร้านให้ปูนดูแล แต่กลัวปูนจะแบกรับไม่ไหว หากหญิงสาววางมือไปแล้ว แม้ร้านจะมีกำไรมาก แต่ก็อาจไม่เสมอไป กลัวว่าวันหนึ่งลูกค้าลดลงแล้วมีภาระเพิ่ม ปูนจะลำบากเอา

   “ปูนเข้าใจครับ พี่โรสไม่ต้องเครียดนะ ปูนไปหางานอื่นทำได้” ก็พอรู้ว่าที่โรสเครียดก็เพราะห่วงเรื่องงานของเขา ยังไงซะ งานก็ไม่ได้หายากหากไม่เลือกมาก เพราะก่อนมาทำที่ร้านนี้ ปูนก็ผ่านงานมามาก ทั้งพาร์ทไทม์ หรือฟลูไทม์

   “พี่ขอโทษนะ มันกะทันหันจริงๆ พี่จะจ่ายเงินชดเชยให้ปูนแล้วกันนะ”

   “ครับ ยังไงก็ได้”

   ปูนรู้สึกใจหายที่ร้านดอกไม้จะถูกปิดตัวลง เขาทำงานที่นี่ตั้งแต่ร้านเปิดใหม่ๆ มีความผูกพันกับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะลูกค้าหรือดอกไม้ที่ต้องเจอในทุกๆ วัน จากนี้ไปคงจะคิดถึงมากทีเดียว

   หน้าร้านดอกไม้ขึ้นกระดานว่าอีกสองวัน ร้านนี้จะปิดตัวลง ทั้งปูนและโรสต่างยืนมองร้านที่สร้างขึ้นมาอย่างรักใคร่ หญิงสาวโผเข้ากอดปูนพร้อมเอ่ยขอโทษออกมาอีกหลายรอบ ทั้งที่เธอก็ไม่อยากไป แต่ก็ปฏิเสธครอบครัวไม่ได้เหมือนกัน อีกอย่างแม่ก็เป็นโรคหัวใจ ไม่อยากให้ท่านต้องมาคิดมาก

   “ปูนคงจะคิดถึงทุกอย่างที่นี่ คิดถึงพี่โรส คิดถึงดอกไม้”

   “พูดแล้วน้ำตาพี่จะไหลเนี่ย” ไม่ใช่แค่พูด แต่น้ำใสๆ ไหลอาบแก้มเนียนไปแล้ว “พี่คงคิดถึงปูนมากแน่ๆ”

   “ปูนก็คิดถึงพี่โรสมากแน่ๆ เหมือนกัน ไม่ได้ยินเสียงคนบ่นอ้วนอีกแล้วล่ะสิ” พยายามสร้างเสียงหัวเราะให้กับเจ้านายสาว ซึ่งเธอก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ถึงจะรู้จักกันไม่นานมาก แต่ก็รักเหมือนคนในครอบครัว

   “พูดซะพี่รู้สึกผิดเลยที่กินเยอะ” โรสหัวเราะทั้งน้ำตา “อยากพาปูนไปด้วยจัง” คงไม่ยากหากจะรับปูนเป็นน้องจริงๆ และพาไปด้วย แต่เพราะมีคนจับจองไว้แล้วเลยได้แต่คอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ

   “อยู่ที่นั่นก็โทรหากันได้ ปูนจะเติมเงินไว้เยอะๆ”

   “ปูนละก็ ใช้ไลน์โทรหากันก็ได้ ประหยัดเงิน”

   “นั่นสินะครับ”

   “มาทำให้อีกสองวันเป็นวันที่ดีกันเถอะ”

   “ครับ”

   การจากลาแม้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ความคิดถึงก็จะยังคงอยู่ ปูนมองภายในร้านเพื่อบันทึกความทรงจำดีๆ และหวังว่าถ้ามีโอกาส เขาจะได้กลับมาที่นี่อีก เมื่อโรสคิดจะกลับมาเปิดร้าน ซึ่งไม่ว่าตอนนั้นเขาจะทำงานอะไรอยู่ ก็จะรีบกลับมาทำที่นี่อีกครั้ง

   กริ๊ง

   “ร้านสวีทฟลาวเวอร์ยินดีต้อนรับครับ”



...TBC

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 9 ] UP!! // [07/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-10-2017 07:34:03
ไปทำงานกับป๋ากรสิน้องปูน :mew1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 9 ] UP!! // [07/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ΩPRESTOΩ ที่ 08-10-2017 08:11:46
หมั่นไส้สองพ่อลูกแรงมาก 555

 :hao3:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 9 ] UP!! // [07/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-10-2017 08:57:11
 ปูนไปทำงานให้ป๋าไม่งั้นก็ป๋าซื้อร้านของโรสแล้วให้ปูนดูแลร้านดิ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 10 ] UP!! // [08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 08-10-2017 22:14:32

-10-




         “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวดูแลให้” กรพัฒน์บอกพร้อมตบบ่าเพื่อนสาวเบาๆ ขณะมาส่งที่สนามบิน ชายหนุ่มยิ้มให้เพื่อนก่อนหันไปมองปูน ที่กำลังกอดกับแม่ของโรส ดูท่าจะสนิทกันพอดู นี่ถ้าหากเขาไม่ชอบปูนละก็ มีหวังโรสได้พาปูนไปด้วยจริงๆ แน่ ยิ่งรู้มาว่าคนในครอบครัวโรสชอบปูนกันทุกคนอีก ไม่รั้งไว้คงไม่มีหวังแน่

   “ถ้าดูแลไม่ดี ฉันจะบินกลับมาเอาคืนนะ” โรสว่ายิ้มๆ ที่เธอยอมปล่อยปูนไว้ที่นี่ เพราะรู้ว่ากรพัฒน์เป็นคนดีมากคนหนึ่ง แม้ดูเจ้าชู้แต่ก็แค่เปลือกนอก เนื้อแท้รักเดียวใจเดียวไม่เหลียวมองใคร “ฝากปูนด้วยนะ”

   “จะดูแลอย่างดีที่สุด”

   หลังจากฝากฝังปูนเสร็จ โรสก็เดินไปกอดน้องสุดที่รักบ้าง และอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา ความผูกพันมันมากซะจนรู้สึกใจหายที่ต้องจากลากันเช่นนี้

   “เดินทางปลอดภัยนะครับพี่โรส” ปูนบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน

   “ขอบใจจ้ะ ปูนก็ดูแลตัวเองด้วยนะ ไว้พี่จะกลับมาเที่ยวหาบ่อยๆ พอดีรวย” พูดติดตลกไปเรื่อยแต่ก็พากันหัวเราะ “พี่ไปนะ แล้วเจอกัน”

   ปูนพยายามกลั้นน้ำตา แสร้งหัวเราะโบกมือลาคนที่เปรียบเสมือนพี่สาวที่กำลังเดินเข้าประตูไป ไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้พบกันอีก

   “กลับเลยไหม เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เมื่อคนถูกถามพยักหน้า กรพัฒน์ก็ยื่นมือไปโอบเอวบางไว้พร้อมพาเดินไปที่รถ ชายหนุ่มรู้ดีว่าคนข้างเขากำลังพยายามกลั้นน้ำตา เขาเลยไม่พูดอะไรออกมาอีก กลัวว่าพูดไปน้ำใสๆ ที่คลอหน่วยตาจะไหลอาบแก้ม

   บนรถที่ไม่มีเสียงพูดคุย มีแค่คนขับที่หันไปมองคนเงียบอยู่บ่อยครั้ง ปูนซึมลงถนัดตาอย่างน่ากังวล คงเพราะคิดถึงโรสนั่นแหละ

   “ปูนคิดจะทำอะไรต่อล่ะ” เพราะไม่อยากให้เศร้ามากไปกว่านี้ กรพัฒน์เลยชวนคุยซะเลย ซึ่งปูนก็หันมายิ้มบางๆ ให้แล้วตอบ

   “จะหางานทำครับ” คิดไว้ตั้งแต่รู้ว่าร้านจะปิด ปูนวางแผนจะไปยื่นสมัครงานหลายที่ๆ มีตำแหน่งว่าง

   “งานอะไรหรือ” กรพัฒน์ขมวดคิ้วทันทีที่ปูนว่า

   “ก็งานทั่วๆ ไปนั่นแหละครับ งานที่ปูนทำได้” คนว่าขำแห้ง “พี่กรส่งปูนแถวนี้ก็ได้ ไม่ต้องไปส่งที่หอหรอก มันไกล” ขืนไปส่งที่หอ กรพัฒน์จะเสียเวลาย้อนกลับไปทำงานอีก

   “ปูนมาทำงานกับพี่ไหม” นอกจากไม่ทำตามแล้ว ยังมีคำถามออกมาอีกด้วย ปูนเลิกคิ้วเอียงคอมองอย่างสงสัย “มาเป็นเลขาอย่างที่พี่เคยชวน”

   “แต่ปูนทำไม่เป็น” ไม่เคยเรียนด้านนั้นมา แม้รู้ว่าเรียนรู้ได้ แต่มันก็ต้องใช้เวลามากกว่าคนอื่นที่จบมาโดยตรง

   “งั้นปูนก็นั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรก็ได้” เป็นตำแหน่งที่น่าสนสำหรับคนอื่นที่ไม่ใช่ปูน

   “แบบนั้นก็ไม่เรียกว่าทำงานน่ะสิครับ” ร่างผอมยู่ปากเมื่อได้ยินตำแหน่งที่เสนอมา

   “ไม่อย่างนั้นก็ทำคอสตูมไหม ดูพวกเสื้อผ้ากับพวกของประกอบฉากอะไรแบบนี้” ตำแหน่งนี้ค่อยน่าสนหน่อย “แต่งานมันค่อนข้างหนัก พี่ว่าไม่เหมาะ” ที่ไม่เหมาะอีกอย่างคือปูนจะไม่มีเวลาให้เขาต่างหาก

   “น่าสนนะครับ แล้วมันต้องทำอะไรบ้าง” กรพัฒน์หันมามองพร้อมรอยยิ้ม “เรื่องเสื้อผ้าปูนก็พอทำเป็นนะ แต่ก็ไม่เก่งมาก”

   “ถ้าปูนสนใจละก็ เดี๋ยวพี่พาไปสมัคร”

   “ไม่ได้นะ ถ้าพี่กรพาไปสมัคร เขาก็จะหาว่าปูนใช้เส้นน่ะสิ เดี๋ยวปูนไปสมัครเอง”

   “ปูนไปวันไหนล่ะ พรุ่งนี้เลยไหม” ที่ถามเพราะจะได้บอกฝ่ายบุคคลให้รับเลย แต่จะไม่บอกหรอกว่าเขาสั่ง พออีกคนพยักหน้า กรพัฒน์ก็ยิ้มกริ่ม เอาละวะ อย่างน้อยก็มาใกล้อีกหน่อย “พี่จะรอนะ”



****


   เช้าวันที่ท้องฟ้าสดใส ปูนแต่งตัวเรียบร้อยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ในอ้อมกอดมีซองเอกสารที่จะใช้สำหรับสมัครงาน ดวงตากลมโตทอดมองไปยังตึกสูงที่ออกแบบทรงโมเดิร์น กระจกสีทึบกำลังสะท้อนแสงแดดอ่อนจนต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย ยังไงซะ ที่นี่ก็มีคนรู้จัก ได้ไม่ได้ค่อยว่ากันอีกที

   ปูนเดินเข้าตึกไปอย่างกังวลเล็กๆ ขาเรียวเดินมาหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ซึ่งพอบอกชื่อตัวเองปุ๊บ สาวสวยตรงหน้าก็รีบบอกให้ขึ้นไปห้องฝ่ายบุคคลทันที ความตื่นเต้นมันมากซะจนฝ่ามือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยเหงื่อ ยิ่งตัวเลขดิจิตอลบอกชั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งตื่นเต้น

   ทันทีที่ลิฟต์เปิดประตูออก ปูนก้าวขาออกมาด้วยความประหม่า ด้านหน้ามีคนเดินไปเดินมาให้วุ่น แต่ละคนสวมเสื้อยืดสีดำที่สกรีนชื่อบริษัท ใบหน้าบางคนอิดโรยราวกับคนอดนอนเป็นเดือนๆ ปูนรีบเบี่ยงตัวเดินมาอีกฝั่งตามคำบอกของประชาสัมพันธ์สาว ทางเดินทอดยาวมาจนถึงหน้าห้องที่ติดชื่อฝ่ายบุคคล ร่างผอมสูดเอาความกล้าเอาปอดแล้วยื่นมือผลักบานประตูเข้าไป

   ความเย็นของห้องปะทะเข้ากับหน้าขาว ภายในห้องมีโต๊ะตั้งเรียงกันอยู่ประมาณห้าโต๊ะแต่กลับไม่มีคนนั่ง พอมองเลยไปด้านในสุดยังมีประตูกระจกกั้นห้องเล็กๆ ที่มีป้ายติดว่าเป็นหัวหน้า ปูนก้าวขาเข้าไปด้วยความสั่น ก่อนจะยกมือเคาะประตูกระจกเบาๆ พร้อมกับมีเสียงอนุญาตให้เข้าไป

   “มาแล้วหรือคะ” เสียงนุ่มของหญิงวัยกลางคนทักขึ้น ดูจากภายนอกแล้วน่าจะอายุไม่เกินห้าสิบอย่างแน่นอน “นั่งสิ”

   “สวัสดีครับ” ปูนยกมือไหว้ก่อนจะนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะ ความกดดันถาโถมเกือบต้องกลั้นหายใจ ช่างเป็นห้องที่น่ากลัวซะจริงๆ

   “เอาเอกสารมาหรือเปล่าคะ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลเงยขึ้นมองผ่านแว่นตากรอบดำ ปูนรีบเปิดซองสีน้ำตาลแล้ววางเอกสารของตัวเอง “เรียบร้อยค่ะ”

   “ครับ?” ทั้งที่หัวหน้าบุคคลไม่ได้อ่านดูประวัติด้วยซ้ำ กลับบอกว่าเรียบร้อย แบบนี้จะไม่ให้ปูนเผลอหลุดคำอุทานออกมาได้ยังไง

   “สงสัยอะไรหรือคะ” คำถามแม้มาพร้อมรอยยิ้ม แต่ก็ดูเยือกเย็นจนปูนต้องรีบส่ายหน้า “งั้น รอแป๊บนะ” ว่าแล้วหัวหน้าฝ่ายบุคคลก็กดโทรศัพท์พร้อมเรียกชื่อใครสักคนให้มาหา รอไม่นานก็มีหญิงสาวร่างท้วมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “พาไปที่ห้องคอสตูม ดูแลดีๆ แล้วก็สอนงานด้วยนะ”

   “ค่ะพี่หญิง” สาวร่างท้วมรับคำก่อนจะเรียกปูนให้เดินตาม ปูนยกมือลาแล้วหันหลังเดินตามออกห้อง โดยมีเสียงพึมพำที่ไม่มีใครได้ยิน

   “นี่น่ะหรือเด็กคุณกร ไม่อยากจะเชื่อ”




***



   “ชื่ออะไรเหรอ หน้าตาน่ารักจัง” สาวร่างท้วมชวนคุยขณะพาปูนเดินไปยังห้องที่เธอทำงานอยู่

   “ชื่อปูนครับ” ชายหนุ่มว่าอย่างอายๆ แม้จะชินกับคำชมแบบนั้นแต่ก็อดจะเขินไม่ได้ “พี่ชื่ออะไรหรือครับ”

   “พี่น่ะเหรอ เรียกว่าแอ้นก็ได้” ท่าทางกับรอยยิ้มช่างดูเป็นมิตรเสียจริง ปูนยิ้มจนตาหยีทำเอาแอ้นหัวเราะให้กับคนน่ารัก

   “ปูนต้องเป็นคนฮอตในแผนกแน่นอน เชื่อพี่สิ” ดูจากหน้าตาและการพูดคุยแล้ว อีกไม่นานคงจะเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน แต่ก็อาจเจอส่วนน้อยที่ไม่ชอบ มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่จะมีทั้งคนรักกับคนเกลียด อยู่ที่ว่า เราจะเลือกรับอะไรมาใส่ชีวิตตัวเอง

   “พี่แอ้นก็พูดเกินไป แล้วปูนต้องทำอะไรบ้างหรือครับ”

   “ก็ดูเสื้อผ้าให้กับนางแบบนายแบบ ซ่อมชุดบ้าง ดูแลของที่ใช้กับฉาก ประมาณนี้แหละ ส่วนจะมีอีกทีมจะเป็นคนดูแลตอนนางแบบใช้ถ่ายงาน อันนั้นก็จะสบายหน่อย”

   แอ้นอธิบายงานที่ต้องทำมาตลอดทาง จนมาถึงห้องสตูดิโอขนาดใหญ่ของแผนกดูแลคอสตูม เมื่อประตูเปิดเข้าไป ห้องๆ นี้กว้างขวางถูกจัดเป็นสัดส่วน ที่แน่ๆ เสื้อผ้าเยอะมาก

   “ชุดเยอะมากเลยนะครับเนี่ย” แทบตกตะลึงในสิ่งที่เห็น

   “ใช่แล้ว บางชุดก็สั่งตัดจากโรงงานผลิตของเรา แต่ฝั่งนั่นเป็นของสปอนเซอร์ ไม่ก็ชุดที่ยืมมา ซึ่งเราต้องตรวจให้ดีก่อนจะส่งคืน เพราะบางชุดอาจชำรุดหรือไม่ก็ขาด”

   “ครับ”

   ปูนเดินเข้ามาด้านใน คนเพิ่งเคยมามองนั่นมองนี่อย่างสนใจ แม้คนในนี้จะเยอะไปสักหน่อย แถมดูวุ่นวาย บ่อยครั้งที่ต้องเอี้ยวตัวหลบคนอื่นๆ ที่หอบชุดเดินไปเดินมา

   “พี่เหมียวคะ แอ้นพาเด็กใหม่มาค่ะ” คำบอกของแอ้นทำให้ปูนรีบหันกลับมา คนที่ยืนตรงหน้าเป็นหญิงสาวรูปร่างสูงผอมแต่งตัวต่างจากคนอื่น “พี่หญิงให้มาลงแผนกเรา”

   “อ๋อ คนนี้นี่เอง” ปูนยืนเกร็งยามถูกคนชื่อเหมียวเดินวนรอบตัว สายตาที่จ้องมาคล้ายกับประเมินอะไรบางอย่าง จนมาหยุดยืนตรงหน้า “ชื่ออะไร”

   “ปูนครับ” ตอบพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งอีกฝั่งไม่ได้ยิ้มตามเพราะกำลังมองหน้าปูนคล้ายกับจะหาอะไรบางอย่าง จนแอ้นต้องรีบแนะนำแทน

   “นี่พี่เหมียวนะปูน เป็นหัวหน้าของแผนก” พอสิ้นคำแนะนำ ปูนก็รีบยกมือไหว้ ซึ่งคนจ้องหน้าก็ยิ้มบางๆ ให้ “เดี๋ยวแอ้นจะพาปูนไป...”

   “ให้เข้าไปช่วยในสตูถ่ายงาน” คำสั่งที่ดูไม่ค่อยจะเข้าใจของคนพามา “ไม่เข้าใจที่พี่บอกหรือ”

   “เปล่าค่ะ แต่ว่างานในนั้น...”

   “ตามนี้แหละ”

   “เดี๋ยวครับ” เหมือนจะรู้สึกอะไรบางอย่างปูนเลยรีบรั้งคนที่จะเดินหนีไป เหมียวมองปูนอีกครั้งเมื่อถูกเรียกตัวไว้ “คือผมทำอะไรยังไม่เป็น ถ้าเข้าไปแล้วอาจจะทำให้งานช้านะครับ” ข้ามขั้น ใช่ ปูนรู้สึกแบบนั้น ว่าตัวเองเหมือนได้อภิสิทธิ์ที่มองไม่เห็นบางอย่าง

   “งั้น” เหมียวเลิกคิ้วมองประเมินอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้ายอมให้ปูนอยู่ในห้องนี้ “เรียนรู้งานจากแอ้นแล้วก็คนอื่นๆ ไปก่อนก็ได้ ดูแลดีๆ นะ” ก่อนไปมิวายกำชับแอ้นเสียงเข้ม ดวงตากรีดอายไลน์เนอร์หันมามองปูนอีกหลายรอบก่อนเจ้าตัวจะหายไปหลังประตูสตูอีกฝั่ง ที่ใช้สำหรับถ่ายแบบ

   “อะไรหรือครับ” รู้สึกเหมือนถูกมองซึ่งก็จริง แอ้นกำลังเลิกคิ้วมองปูนอย่างสงสัย ก็จะมีสักกี่คนที่เข้ามาใหม่แล้วได้เข้าไปในสตูเลย ขนาดมีคนเก่งตั้งหลายคนยังได้อยู่แค่ในนี้ แถมหัวหน้าสองแผนกยังกำชับให้ดูแลดีๆ อีก “พี่แอ้นครับ”
 
   “เปล่าจ้ะ ไปดูงานกันเถอะ” แอ้นเก็บเอาความสงสัยไว้ในใจก่อนจะพาเด็กใหม่ไปเรียนรู้งานจากแรกเริ่ม “ที่นี่เมื่อก่อนก็เป็นแค่บริษัทเอเจนซี่ดูแลนายแบบนางแบบ แต่ปัจจุบันมีหัวหนังสือหลายปกที่อยู่ในเครือด้วย เลยทำให้งานของแผนกเราจึงหนักเป็นพิเศษ ปูนไหวใช่ไหม”

   “ครับ”

   “แม้งานจะหนัก แต่เงินดีมากนะ ค่าโอทีก็เยอะ สวัสดิการอีก บลาๆๆ”

   ปูนมองการทำงานด้วยความทึ่ง ทุกคนดูเป็นมืออาชีพจริงๆ จะหยิบจับอะไรก็ดูเชี่ยวชาญไปเสียหมด ไม่ว่าจะเย็บ จะตัดแต่งก็ดูชำนาญ แอ้นพาเด็กใหม่ไปแนะนำตัวกับคนในแผนกซึ่งก็เป็นอย่างที่แอ้นเคยพูดทิ้งไว้ ว่าปูนจะเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน

   การเริ่มงานดูติดขัดบ้างในช่วงแรก แต่ปูนก็สามารถปรับตัวได้ไว แถมตอนนี้เสื้อเชิ้ตที่ใส่มาก็ถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดของบริษัท ร่างผอมถูกใช้ให้หยิบนั่น หยิบนี่ หลายครั้งถูกสั่งให้วิ่งไปหาของจนหัวหมุน จากการคิดไว้ตอนแรกว่างานคงไม่หนักมากนั้น เขาช่างคิดผิดซะจริง เพราะงานพวกนี้เป็นงานละเอียดอ่อนที่หนักมากและเหนื่อยมากเช่นกัน

   กว่าจะได้พักมือก็เกือบบ่ายสาม ปูนมองนาฬิกาที่ติดเสาอย่างเหนื่อยอ่อน คงเพราะไม่ได้กินข้าวกลางวันด้วย เรี่ยวแรงเลยน้อยลง ว่าแล้วมือขาวก็ลูบท้องตัวเองไปมา

   “ปูนเอาเสื้อไปส่งในสตูทีนะ” แอ้นส่งชุดเดรสลายดอกไม้มาให้แล้วรีบเดินกลับเข้าไปทำงาน ปูนมองชุดนั้นแล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ

   เอาวะ หนักกว่านี้ก็เคยมาแล้ว

   ร่างผอมลุกขึ้นจากพื้นแล้วเดินเข้าห้องสตูอีกด้านที่กำลังถ่ายแบบอยู่ ปูนก้าวขายาวๆ มาหาทีมชุดที่กำลังจัดแจงเดรสบนตัวนางแบบอยู่ เมื่อส่งตามคำบอกเสร็จก็เตรียมหมุนตัวกลับ บังเอิญไปชนกันคนอื่นเข้า ปากแดงก็รีบเอ่ยขอโทษทันที

   “ขอโทษครับ”

   “ไม่เป็นไร อ่าว น้องนั่นเอง”

   ปูนเงยหน้ามองเมื่อถูกทัก คนชนเป็นตากล้องที่เคยเจอคราวที่แล้วนั่นเอง อีกฝ่ายก็ดูตกใจไม่แพ้กัน

   “มาทำอะไรที่นี่น่ะ”

   “พอดีผมเพิ่งเริ่มงานวันแรกครับ ขอโทษที่ชนเมื่อกี้นะครับ”

   “เดี๋ยวๆ” มือใหญ่ยื่นมาคว้าแขนปูนที่กำลังจะเดินหนี เจ้าของแขนมองอย่างงงๆ “น้องชื่ออะไรนะ”

   “ปูนครับ”

   “พี่ชื่ออินนะ” ตากล้องหนุ่มเหยียดยิ้มก่อนจะนึกอะไรออก “เจอหน้าก็เพิ่งนึกออก พี่ลืมส่งรูปให้ใช่ไหม เผลอทำงานจนลืมเลย”

   “ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องก็ได้” ไม่แน่ว่ารูปอาจจะถูกลบไปแล้ว

   “ได้สิ พี่เก็บไว้ในคอม อย่าลืมเตือนพี่นะ” อินตบบ่าปูนเบาๆ “แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจ เพราะเรายังต้องเจอกันอีกนาน”

   “ครับ”

   จังหวะก้าวขาพอดีกับเสียงท้องของปูนร้องพอดี มือขาวเลยยกลูบเบาๆ ขนาดดื่มน้ำเป็นขวดไปแล้วก็ยังไม่หายหิว

   “หิวข้าวหรือ” ก็ไม่แปลกที่อินจะได้ยิน ในเมื่อยืนห่างกันไม่มาก ชายหนุ่มหน้าเข้มขำเบาๆ ยามใบหน้าขาวมีสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย “ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงใช่ไหม”

   “ครับ” ปูนยอมรับพร้อมยิ้มแห้ง ก็เวลาว่างแทบไม่มี แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปกินข้าว

   “งั้นไปกินข้าวก่อนไป แล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่ ไม่งั้นจะเป็นลมนะ” อินเข้าใจดีว่าเด็กใหม่เกือบทุกคนมักจะเป็นแบบปูน คือปลีกตัวไปกินข้าวไม่ได้ เพราะไม่ว่างานไหนก็ดูยุ่งไปซะหมดจนไม่กล้าทิ้งไป

   “แต่...” ใจหนึ่งก็อยากไป แต่อีกใจก็ทิ้งงานอีกฝั่งไม่ได้ เกิดหายไปแล้วพวกเขาหาไม่เจอ ก็ถูกไล่ออกตั้งแต่วันแรกพอดี “ไม่เป็นไรครับ ผมทนได้”

   “ทนได้หรือต้องทน” คราวนี้ตากล้องหนุ่มไม่ว่าเปล่า มือใหญ่ดึงแขนให้คนตัวผอมกว่าเดินตาม ก่อนออกไปยังตะโกนบอกคนอื่นๆ ที่วิ่งวุ่นว่าจะไปหาอะไรกิน ซึ่งทุกคนก็ไม่ตอบอะไรและไม่ได้สนใจ

   “แบบนี้เขาจะว่าเอานะครับ” รู้สึกไม่ดีที่ต้องทิ้งงานออกมา ป่านนี้ปูนอาจกำลังถูกมองหาอยู่ก็ได้

   “ไม่มีใครว่าหรอก ฝั่งนั่นเขาไม่บอกเหรอ ว่าถ้าไม่มีอะไรทำก็ให้ออกมาหาอะไรกินได้เลยน่ะ” อินหันไปคุย มือก็ยังคงจูงอีกคนอยู่ พอปูนส่ายหน้าเขาก็ขำออกมาเบาๆ “งั้นก็รู้ไว้ ถ้าไม่มีงานอะไรที่เราต้องทำ ก็ออกมาหาอะไรรองท้อง เขาไม่ว่ากันหรอก ที่นี่อยู่กันแบบนี้แหละ ไม่ได้เข้าออกตามเวลาแบบบริษัทอื่นๆ”

   พอได้ยิน ปูนก็เหมือนจะนึกออก ช่วงเวลาที่วิ่งวุ่นในนั้น หลายคนมักจะออกไปข้างนอกนานๆ และกลับเข้ามาพร้อมของกินในมือ และก็มีคนสับเปลี่ยนออกไปตลอด แต่ปูนดันไปช่วยทำงานทุกอย่างเอง เวลาว่างส่วนนั้นเลยหายไป เพราะการอยากเรียนรู้เร็วทำให้ต้องอดมื้อเที่ยงนี่เอง

   ความผิดตัวเองล้วนๆ เลยแบบนี้

   ตากล้องหนุ่มพาเด็กใหม่มานั่งที่โรงอาหารของบริษัท พนักงานหลากหลายแผนกยังคงนั่งกิน นั่งคุยกันอย่างสบาย ไม่มีใครรีบร้อนอย่างที่เห็นในการทำงานสักคน

   “ปูนอยากกินอะไร แต่พี่แนะนำข้าวมันไก่ ขอบอกว่าน้ำจิ้มเด็ดมาก” ใบหน้าแสดงความมั่นใจซะจนปูนขำออกมา “พี่พูดจริงๆ ไม่ได้โกหก ถ้าปูนได้ลองแล้วจะติดใจ”

   “ร้านไหนหรือครับ” ปูนเอียงคอมองหา ตอนนี้อินพามานั่งที่โต๊ะ แทนที่จะพาไปยืนต่อคิวซื้อข้าวอย่างคนอื่นๆ “ร้านนั้นใช่ไหม” ว่าแล้วก็จะลุก แต่มีมือใหญ่มารั้งไว้ซะก่อน

   “เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้ พอดีซี้กัน” พูดเสร็จก็เดินมุ่งหน้าไปที่ร้าน ปูนได้แต่มองตามอย่างงงๆ ก็คงจะซี้กันจริงๆ อย่างที่ว่า เพราะเห็นยืนสั่งเสร็จก็คุยกันจ้อเชียว

   ปูนลอบสังเกตรอบๆ บริเวณ โรงอาหารที่นี่ใหญ่โตและดูสะอาดมาก แม้แต่พื้นก็สะอาดไม่มีคราบสกปรกสักนิด ดูเป็นบริษัทที่รักษาความสะอาดได้ยอดเยี่ยม แถมร้านอาหารก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งไทย อีสาน หรือแม้แต่อาหารฝรั่งก็ยังมี ช่างเอาใจใส่พนักงานเสียจริง

   “มาแล้วๆ ได้เยอะด้วยนะ พิเศษสุดๆ” อินวางจานข้าวมันไก่ไว้บนโต๊ะสองจาน ปูนมองสองจานสลับกันไปมา “นี่ของพี่เอง เริ่มหิวเหมือนกันนะเนี่ย”

   “ที่ออกมาเพราะหิวเหมือนกันนี่เอง” ว่าแล้วก็ขำออกมา พอปูนลองคำแรกก็ทำตาโตให้กับคนนั่งลุ้น “อร่อยครับ”

   “เห็นไหม พี่ไม่ได้โกหก มันอร่อยจริงๆ” อินพูดจบก็ตักข้าวใส่ปากคำโตจนไก่ร่วงลงมาใส่จาน ทั้งคู่พากันหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเสียงดัง ไม่ได้สนใจคนรอบข้าง ก็คนที่นี่ไม่ได้สนใจกันอยู่แล้ว

   แต่ท่ามกลางคนที่ไม่สนใจกันนั้น กลับมีบุคคลที่ไม่น่าจะลงมาอยู่โรงอาหารในเวลานี้ กรพัฒน์หยุดเดิน ดวงตาคมจ้องมองไปยังโต๊ะตรงกลางที่มีชายหนุ่มสองคนหัวเราะกันอยู่ ยิ่งเห็นสายตาของอินที่มองปูนแล้วนั้น คิ้วก็กระตุกอย่างถี่ยิบ

   “มึงจะกินข้าวที่นี่หรือ” พอลเอ่ยถามเพื่อนอย่างงงๆ ตอนนั่งคุยงานกันในห้อง อยู่ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามาหา พอวางปุ๊บกรพัฒน์ก็รีบเดินออกมา ด้วยความอยากรู้จึงเดินตามออกมาด้วย แต่ไม่คิดว่าเพื่อนจะมาโรงอาหารทั้งที่เพิ่งกินข้าวไป “ไอ้กร มองอะไรวะ”

   ไม่มีเสียงตอบใดๆ หลุดออกมา นอกจากการเดินตรงเข้าไปหาสองหนุ่มที่โต๊ะนั้น กรพัฒน์ตีหน้านิ่งพยายามสะกดกลั้นอารมณ์หึงหวงที่พลุ่งพล่านในอกด้วยความยากยิ่ง

   “คุยอะไรกันอยู่ หัวเราะเสียงดังขนาดนี้” ไม่ใช่แค่สะกดกลั้นอารมณ์ แต่น้ำเสียงก็ต้องพยายามปรับอยู่ในโหมดปกติ “นั่งด้วยคนได้ไหม”

   “ครับ” อินตอบรับพร้อมรอยยิ้ม น้อยครั้งที่จะเห็นเจ้าของบริษัทสองคนลงมานั่งที่โรงอาหารกลาง ส่วนมากจะสั่งขึ้นไปบนห้อง “คุณกรกับคุณพอลอยากได้อะไรไหมครับ เดี๋ยวผมไปซื้อให้” จะทำดูดายก็ไม่ได้ในเมื่ออีกฝั่งเป็นเจ้านาย อินทำท่าจะลุกแต่กรพัฒน์โบกมือปฏิเสธ

   “แล้วนี่ทำไมลงมากินข้าวกันเวลานี้ล่ะ” กรพัฒน์ถามปูนโดยตรง แต่คนถูกถามกลับก้มหน้ากินข้าวมันไก่อย่างไม่สนใจ ไม่ใช่ปูนจะไม่สน แต่ตอนนี้สายตาทุกโต๊ะกำลังมองมาด้วยความอยากรู้ “ปูน พี่ถามอยู่”

   “พอดีน้องปูนไม่ได้กินข้าวเที่ยง ผมเลยพามา” เสียงที่ตอบมาแทนไม่ได้ทำให้กรพัฒน์สนใจ ชายหนุ่มยังคงนั่งจ้องคนก้มหน้าที่ไม่ยอมสนใจเขา

   “ปูน พี่ถาม” เสียงเข้มขึ้นทำให้พอลตบบ่าเพื่อนตัวเอง “เดี๋ยวกินเสร็จแล้วไปหาพี่ที่ห้องด้วย ถ้าไปไม่ถูกก็ให้อินพาไป” พูดจบกรพัฒน์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากโรงอาหารไปทันที แต่เพื่อนสนิทยังคงยืนงงอยู่กับที่

   “คุณกรเป็นอะไรไปหรือครับ” อินเอ่ยถามเจ้านายอีกคนที่ส่ายหน้ารัวๆ

   “ไม่รู้ว่ะ สงสัยวัยทองมาเร็วกว่ากำหนด” พอลเอ่ยตลก ก่อนจะเดินตามหลังเพื่อนที่เดินหายไปแล้วพร้อมบ่น “ไม่รู้โดนหมาบ้ากัดหรือเปล่า บ้าเลยขึ้น”

     ส่วนปูนยังคงแสร้งทำเป็นกินข้าวมันไก่ต่อ โดยมีอินนั่งจ้องด้วยความอยากรู้ เป็นพนักงานธรรมดาแถมเพิ่งเข้ามาใหม่แท้ๆ กลับดูสนิทสนมกับเจ้าของ ขนาดกรพัฒน์เรียกแทนตัวเองว่าพี่ได้ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แต่ถึงจะรู้จักกันก็ใช่เรื่องที่อินจะสนใจ เรื่องส่วนตัวของใครก็ของมันอยู่แล้ว

   “ปูนต้องไปทางไหนหรือครับ” เสียงถามที่เอาคนเผลอจ้องสะดุ้ง “ห้องของพี่ เอ่อ คุณกร”

   “เดี๋ยวพี่พาไปเอง ไม่งั้นปูนอาจหลง” คนตั้งใจดียิ้มให้อย่างจริงใจ ก่อนจะก้มหน้าจัดการข้าวตรงหน้าต่อ

   “ขอบคุณครับ” แม้จะพูดเบาแต่คนนั่งตรงข้ามได้ยินชัด ปูนยิ้มบางๆ แม้ในใจกำลังวิตก ไม่รู้กรพัฒน์คิดจะทำอะไรอีก แค่การมานั่งด้วย ปูนก็กลายเป็นเป้าสายตา โดยเฉพาะอินที่คงกำลังสงสัยแน่นอน ว่าแล้วดวงตากลมโตก็คอยลอบสังเกตคนตรงหน้า แต่ก็ดูเป็นปกติดี คงจะไม่มีอะไรให้กังวล ไม่แน่ ปูนอาจคิดกลัวไปก่อนก็ได้ ทั้งที่อาจไม่มีอะไรเกิดขึ้น คงได้แต่ภาวนาให้เป็นแบบนั้น



***



   ด้านกรพัฒน์ที่ก้าวเท้ายาวกลับมาที่ห้อง มีพอลซอยเท้ายิกๆ เร่งตามมาด้วยความเหนื่อยหอบ พอเข้ามาถึงห้องก็ทิ้งตัวนั่งบนโซฟาอย่างคนหมดเรี่ยวแรง

   “จะรีบไปตามควายหรือไง” อดที่จะด่าไม่ได้ “แล้วนี่มึงเป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับเมียมีชู้”

   “ไอ้พอล!” กรพัฒน์ตวาดเสียงดังจนพอลตกใจ นั่นเพราะเพื่อนกำลังจี้ถูกจุดอยู่ ใช่ เขาหึงและหวงมาก ตอนเห็นปูนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ตากล้องนั่น ยิ่งเห็นอินทำตาเล็กตาน้อยใส่อีก เขารู้สึกอยากฆ่าคนขึ้นมาทันที ก็ผู้ชายด้วยกันทำไมจะดูไม่ออกว่ามันก็ถูกใจปูนเหมือนกัน “เชี่ยเอ๊ย” พอคิดก็ยิ่งหงุดหงิด กรพัฒน์กระแทกตัวนั่งที่เก้าอี้ทำงานแล้วหมุนตัวหันหลังให้เพื่อนที่กำลังทำหน้าอยากรู้เต็มแก่

   “เป็นอะไรวะ อยู่ๆ ก็หงุดหงิด” พอลอดไม่ได้ที่จะลุกมานั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเพื่อน “ไอ้กร มึงเป็นอะไร”

   “เรื่องของกู” บอกปัดๆ ไป ไม่อยากต่อความยาว

   “นี่เพื่อนนะเว้ย กูอยากรู้” พอลไม่ยอม คราวนี้ลุกไปยืนหน้าเพื่อนแล้วจ้อง “บอกกูมา อย่าให้กูเดาเอง”

   “ก็บอกว่าไม่มีอะไร” กำลังจะหมุนเก้าอี้หนี แต่ถูกมือของพอลจับไว้ซะก่อน “ปล่อย ไอ้พอล”

   “เด็กตัวขาวเมื่อกี้” พูดปุ๊บ เพื่อนก็มีอาการทันที พอลลอบสังเกตอาการของกรพัฒน์ที่เริ่มขมวดคิ้ว บอกแล้วว่าอย่าให้เขาเดา ขนาดพูดถึงแค่นี้อาการยังออกชัดเจน จนอยากจะลองอีกสักหน่อย “เด็กเมื่อกี้โคตรน่ารัด เอ๊ย น่ารัก”

   “มึงออกห้องกูไปเลย” ไม่ว่าเปล่า กรพัฒน์ยังยกขาทำท่าจะเตะ พอลหัวเราะลั่นห้องก่อนวิ่งออกไป แต่ก็มิวายโผล่หน้าพ้นประตูมามอง “อะไร!”

   “น่ารัดจริงๆ นะเว้ยเด็กคนเมื่อกี้” พูดเสร็จก็ต้องรีบหนี ก่อนที่แฟ้มหนาจะปลิวมาใส่หน้า เสียงคนหัวเราะด้านนอกยังดังเล็ดลอดเข้ามาอยู่ตลอด

   กรพัฒน์สบถคำหยาบออกมาเป็นชุด ก่อนจะกระแทกแฟ้มที่ถือลงบนโต๊ะ หงุดหงิดเรื่องตากล้องนั่นยังไม่พอ ยังต้องมาอารมณ์เสียจากคำพูดทีเล่นทีจริงของเพื่อนอีก เหอะ น่ารัดเหรอ ไม่มีทางได้รัดหรอก เพราะปูนน่ะเป็นของเขา และเขาคนเดียวเท่านั้นที่รัดได้ คนอื่นไม่มีสิทธิ์โว้ย



...TBC

ขอบคุณมากค่าาาาา  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 10 ] [P.2] UP!! // [08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: jaokhwan ที่ 08-10-2017 22:28:16
 :laugh: :laugh:
แต่แอบสงสารปูน สู้ๆน้า :mew1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 10 ] [P.2] UP!! // [08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-10-2017 00:14:47
พี่กรต้องรีบรวบหัวรวบหางน้องปูนแล้ว เดี๋ยวอด :laugh:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 10 ] [P.2] UP!! // [08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-10-2017 09:37:36
พวกที่ทำงานด้วยก็ไม่มีใครถามไม่มีใครชวนปูนไปกินข้าวด้วยเหรอ
งานหนักกว่าอยู่ร้านดอกไม้อีกมั้งเนี่ย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 10 ] [P.2] UP!! // [08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-10-2017 10:09:08
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 10 ] [P.2] UP!! // [08/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-10-2017 19:48:06
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 11 ] [P.2] UP!! // [11/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 11-10-2017 20:38:36

-11-




        เสียงเคาะห้องดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ คนนั่งในห้องกำลังพยายามคุมสติตัวเอง เพื่อจะได้ไม่โมโหหากต้องเจอหน้ากับคนที่ตัวเรียก กรพัฒน์กระแอมเบาๆ พร้อมตะโกนอนุญาต พอประตูเปิดออก ใบหน้าขาวของปูนก็ยื่นเข้ามาก่อน พอเห็นว่าเจ้าของห้องนั่งนิ่งไม่ยอมพูดก็เลยเดินตัวลีบเข้ามา

   ปูนไม่ได้กลัวว่าจะถูกด่า แต่กลัวว่าจะถูกไล่ออกมากกว่า ก็นั่นมันเวลางานอย่างที่กรพัฒน์ถาม ว่าทำไมถึงลงมากินเวลานี้ จะโทษคนอื่นก็ไม่ได้ ในเมื่อตัวเองผิดจริง

   “ขอโทษที่ลงมากินข้าวตอนเวลางานครับ” ทันทีที่มายืนหน้าโต๊ะ ปูนก็รีบยกมือขอโทษทันที จนคนเรียกทำหน้างง “ต่อไปผมจะ...”

   “เดี๋ยวๆ” กรพัฒน์รีบยกมือห้ามคนที่เหมือนจะพูดคนละเรื่องกับเขา “พี่ไม่ได้เรียกปูนมาเพื่อด่าเรื่องกินข้าว”

   “อ่าว” ปูนกระพริบตาปริบๆ ตอนอินเดินมาส่ง ก็ได้บอกแล้วว่าบริษัทนี้ไม่ได้เคร่งเวลาเรื่องกินข้าว จะลงมากินตอนไหนก็ได้ที่จะไม่กระทบกับงานที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ แต่งานของปูนกระทบแน่นอนเมื่อไม่ได้บอกใครก่อน “ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ แล้วเรียกผมมาทำไมหรือครับ”

   “เรื่องแรกคือแทนตัวเองว่าผมนี่แหละ” กรพัฒน์ลุกออกจากเก้าอี้มาหาปูน มือใหญ่จูงอีกคนมานั่งที่โซฟาตัวยาว “ทำตัวเหมือนเดิม พี่ก็คือพี่”

   “ไม่ได้หรอกครับ อยู่ที่นี่คุณเป็นเจ้านาย” พูดยังไม่จบดี ปากแดงก็ถูกนิ้วชี้คนตรงหน้ายกขึ้นแตะห้าม

   “ไม่มีคำว่าเจ้านายกับลูกน้องสำหรับปูน” เจ้าของห้องยิ้มอย่างอบอุ่น “ใจจริงอยากให้ปูนมานั่งในห้องนี้ด้วยซ้ำ” ว่าแล้วก็มองไปรอบๆ ห้องทำงานตัวเอง “เอาโต๊ะมาวางข้างๆ พี่ดีไหม ปูนจะได้ไม่ต้องไปทำงานที่นั่น ดูสิ ไม่มีเวลากินข้าวอีก”

   “ไม่เอาหรอก ขืนเข้ามานั่งในห้องนี้ พนักงานคนอื่นได้นินทาตายเลย สำหรับปูนไม่เป็นไร แต่พี่กรนี่สิ”

   “พี่ดีใจที่ปูนเป็นห่วงพี่” กรพัฒน์รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ตอนอยู่โรงอาหารนั่น ปูนทำท่าเหมือนไม่อยากจะยุ่งกับเขา ตอนนั้นโคตรใจแป้วอย่างหนักหน่วง “แต่พี่มีเรื่องไม่สบายใจอยู่”

   “เรื่องไม่สบายใจ?” ปูนเลิกคิ้วมองหน้าคนตีหน้านิ่ง “เรื่องอะไรหรือครับ”

   “ก็ที่ปูนไปทำตัวสนิทสนมกับอิน เอ่อ ตากล้องของบริษัท” บอกไปตามตรงจนถูกขำ “พี่ไม่ตลกนะ พี่รู้ว่าปูนอัธยาศัยดี แต่บางทีก็ควรมีขอบเขตบ้าง” ซึ่งขอบเขตที่ว่านั้น เป็นเรื่องที่ปูนก็พอรู้ว่าอะไร

   “ปูนไม่ได้สนิทมากสักหน่อย พี่เขาคุยสนุกดี” รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบใจและค่อนไปทางหวง แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อยังต้องทำงานที่นี่ การผูกมิตรกับทุกคนมันต้องดีกว่าตีหน้าบึ้งไม่ยอมเข้าหาใคร แบบนั้นคงโดนเกลียดแน่ “อีกอย่าง พี่กรก็แสดงออกมากเกินไป แค่นี้เขาก็เอาไปพูดกันแล้วเรื่องของเรา”

   “พี่อยากบอกเลยมากกว่า แต่ติดที่ปูนยังไม่ยอมรับพี่แค่นั้น พี่ยังรออยู่นะ” ความต้องการรอฟังคำตอบถ่ายทอดออกมาทางสายตาที่แน่วแน่ ปูนทำได้แค่ก้มหน้างุดด้วยความเขิน เวลาถูกสายตาจริงจังนั่นมองมา รู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้ง

   “ก็ไหนบอกจะให้เวลา” พูดทั้งที่ยังก้มหน้า

   “เหลืออีกไม่กี่วันแล้ว อาทิตย์หน้าพี่จะไปดูงานเมืองนอก” คำบอกของกรพัฒน์ทำให้ปูนเงยหน้าขึ้นมอง “พี่อยากได้ยินก่อนไป...ได้ไหมครับ”

   “...มั้ง” ริมฝีปากบางเม้มแน่น ทั้งที่ในใจก็มีคำตอบอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่กล้าพูดออกไปก็เท่านั้น

   "ถ้าปูนปฏิเสธนะ พี่จะร้องไห้ให้ดู” แกล้งทำเป็นพูดเล่น แต่ก็หวังอย่างจริงจังว่าจะได้รับคำตอบที่ตรงใจ ปูนหัวเราะออกทันทีที่ได้ยิน “พูดจริงนะ เดี๋ยวให้ไอ้เกนมาร้องไห้เป็นเพื่อนอีกคน”

   “สรุปพี่กรจะร้องหรือเกนร้อง”

   “ทั้งคู่นั้นแหละ”




   ระหว่างที่ทั้งคู่หัวเราะชอบใจอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออก คนมาใหม่แอบผงะตกใจเล็กน้อยที่เห็นอารมณ์คนบูดหายไป กลายเป็นคนอารมณ์ดีหัวเราะอย่างสดใส พอลยกมือเกาท้ายทอยนิดๆ ด้วยความมึน

   “ทำไมไม่เคาะประตู” กรพัฒน์รีบปรับสีหน้าทันที ปูนก็รีบผุดลุกขึ้นยืน

   “อ่าวเหรอ” เหมือนจะทำประชด พอลถอยไปเคาะประตูห้องพร้อมทำใบหน้าอยากรู้เต็มแก่ ดวงตาซุกซนกำลังลอบสังเกตคนแปลกหน้าที่ยังยืนอยู่ “พอใจไหมไอ้คุณกร แล้วนี่...”

   “สวัสดีครับ ผมขอตัวก่อน” ปูนทำท่าจะเดินหนี แต่พอลไวกว่าคว้าแขนขาวได้ทัน พอมองในระยะประชิดแบบนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นผู้ชายที่สวย ผิวพรรณก็ละเอียดเนียนนุ่มเหมือนผู้หญิง

   “ปล่อย” ไม่พูดเปล่า คนสั่งลุกขึ้นมาดึงมือที่จับแขนขาวออก

   “แหม มีหวงนะมึง” อดไม่ได้ที่จะล้อเพื่อน เริ่มเข้าใจบางเรื่องแล้วล่ะ คนที่ทำให้เพื่อนสนิทมีอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่เพราะวัยทอง แต่เพราะฮอร์โมนความรักกำลังพลุ่งพล่านอยู่นี่เอง ก็กรพัฒน์ดูง่ายจะตายไป “สวัสดีครับ เมื่อกี้เราเจอกันแล้ว จำได้ไหม”
 
   “ครับ” ปูนพยักหน้าก่อนจะช้อนตาขึ้นมอง ดวงตากลมโตนัยน์ตาเหมือนกวางกำลังจ้องคนทะเล้นตรงหน้า คนๆ นี้ดูเป็นเพลย์บอยตัวจริง รอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั่นไม่เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ใจไม่แข็ง

   “โอ้” ทันทีที่ได้สบตา คล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นเข้าสู่ร่างกาย พอลรู้สึกชาไปทั้งร่าง มันเหมือนถูกไฟช็อตทั้งที่ไม่ได้สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้าสักชิ้น ตอนจับแขนเมื่อกี้เห็นไม่เต็มตาเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ เต็มๆ “น่ารักเหี้ย” เผลอมองนานเข้า พอลก็หลุดคำอุทานออกมาตรงๆ และคงจะจ้องนานกว่านี้หากไม่มีคนตัวใหญ่มาขวาง แถมบังซะมิดอีก

   “มีอะไร” กรพัฒน์ยกแขนขึ้นกอดอก แม้พอลจะเป็นเพื่อน แต่จ้องนานๆ แบบนี้เขาก็ไม่โอเค “ถ้าไม่มีก็ออกไป”

   “มึงนี่นะ ขัดกูจริงๆ” พอลตีหน้ายุ่งใส่เพื่อน หลายครั้งที่ยืดคอมองคนด้านหลัง แต่กรพัฒน์ก็โยกตามตลอดจนสุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ “เขาสรุปมาแล้วว่านางแบบที่จะถ่ายคือใคร”

   “ใคร”

   “คริสตี้” แค่ชื่อนี้หลุดออกจากปากพอล กรพัฒน์ก็เบือนหน้าหนี ต่างจากปูนที่ทำตาโตเพราะรู้เรื่องราวดีจากคำบอกเล่าของโรส “ถ่ายให้ห้องเสื้อเสร็จก็จะมาถ่ายปกให้เรา แล้วก็กลับ”

   “อืม” ตอบรับสั้นๆ ไม่ทำให้คนมาบอกข่าวเข้าใจ “อะไรอีก”

   “มึงจะไม่แสดงอาการหน่อยเหรอวะ อย่างเช่นตกใจ ดีใจ อะไรแบบนี้”

   “กูต้องทำด้วยเหรอ” บอกอย่างไม่ยี่หระ กรพัฒน์ถอยมานั่งที่โซฟา และก็ไม่ลืมดึงมือปูนมานั่งข้างๆ ด้วย “มึงก็เลือกคนเสริมทีมเข้าไปอีก งานจะได้เสร็จไวๆ”

   “ดูมัน...แล้ว เอ่อ” พอลอ้ำอึ้งเมื่อจะพูดถึงเรื่องส่วนตัว กลัวว่าคนนอกอย่างปูนจะเอาไปเล่า

   “อะไร” เห็นเพื่อนไม่ยอมพูดสักทีก็อดที่จะถามไม่ได้ แต่พอเห็นพอลมองมาที่ปูนก็เริ่มเข้าใจ “พูดเถอะ” แม้จะได้รับอนุญาต แต่พอลก็ยังไม่ยอมพูดอีก “กับปูนกูไม่เคยมีความลับ”

   “นั่นไง กูว่าแล้ว” พอลตบมือฉาดใหญ่เมื่อเพื่อนยอมรับออกมาตรงๆ ไม่อยากจะเชื่อ เสือผู้หญิงอย่างกรพัฒน์ จะตกหลุมรักผู้ชายหน้าหวานได้ แถมยังดูหลงมากซะด้วย “คบกันหรือครับ” ว่าแล้วก็หันไปถามปูนบ้าง คนถูกถามได้แต่กระพริบตาปริบๆ ไม่กล้าตอบ

   “พูดมาก จะพูดอะไรก็รีบๆ พูด” รำคาญทั้งสายตาและท่าทางของเพื่อนจนต้องแสร้งทำหงุดหงิดใส่

   “ก็เกนไง มึงไม่อยากให้แม่ลูกเขาเจอกันเหรอวะ” จบประโยคกรพัฒน์ก็นิ่งทันที “นานๆ จะกลับมาทีนะเว้ย”

   “อยากเจอก็ให้มาหาเอง กูก็เคยบอกไว้แล้วนี่”

   “แต่ถ้ามึงไม่อนุญาต ใครจะกล้าวะ”

   สมควรล่ะ ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก จะกล้ามาเรียกร้องก็คงไม่ได้ กรพัฒน์ขมวดคิ้วคิดหนัก ถ้าเกิดให้เจอก็ไม่รู้ลูกชายจะเป็นยังไง เพราะสิ่งที่ต้องรักษามากที่สุด คือความรู้สึกของลูกชาย

   “ไว้บอกอีกที” กรพัฒน์บอกปัดๆ ในตอนนี้ยังคิดไม่ออกจริงๆ ถ้าเกิดเกนได้เจอแม่ที่ทิ้งไปตั้งแต่เกิด ความเสียใจมันจะมากแค่ไหน “ไม่มีอะไรแล้วก็เชิญ” ออกปากไล่แบบสุภาพเมื่อยังเห็นเพื่อนทำท่ากระลิ้มกระเหลี่ยคนข้างกายเขา

   “ไว้เจอกันนะครับ” โบกมือลาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนเดินพ้นประตู ยังยื่นหน้ามาขยิบตาให้ปูนอีกรอบแล้วรีบวิ่งหนีไป ไม่งั้นหนังสือที่วางบนโต๊ะได้ปลิวมาติดหัวเขาแน่นอน

   หลังจากพอลไปแล้ว ปูนก็สังเกตเห็นกรพัฒน์เงียบไป คงเพราะกำลังคิดเรื่องของลูกชายและอดีตภรรยาอยู่แน่ ด้วยความที่ไม่อยากกวน อีกอย่างก็ออกมานานแล้ว ตอนนี้คนที่แผนกคงกำลังตามหาอยู่ ปูนเลยถือโอกาสค่อยๆ ลุกขึ้น

   “จะไปไหน” ลุกยังไม่ทันเต็มความสูงก็มีมือคว้าหมับไว้จนต้องนั่งลงอีกรอบ สายตาคมหันมามองต้องการคำตอบ

   “ปูนออกมานานแล้ว เดี๋ยวเขาจะว่า”

   “ใครมันจะกล้า ลองใครว่าปูนดู พี่จะตัดเงินเดือนให้หมด” ดูจากน้ำเสียงและสีหน้าไม่ใช่การล้อเล่นอย่างแน่นอน ปูนส่ายหน้าให้กับความคิดนี้อย่างไม่เห็นด้วย

   “เจ้านายถ้าทำตัวไม่มีเหตุผล ระวังถูกนินทานะครับ”

   “ใครว่าไม่มีเหตุผล”

   “ก็ได้ครับ ก็ได้ งั้นปูนไปนะ พี่กรจะได้ทำงานต่อ” บอกเสร็จก็จะเดินออกจากห้อง พอดีกับประตูถูกผลักเข้ามา  ต่างฝ่ายต่างตกใจ “ขอโทษครับ”

   “ขอโทษเหมือนกันนะคะ เอ๋” เสียงดัดให้แหลมอย่างผู้หญิงร้องเสียงหลง “น้องคนนั้นนี่ ใช่ไหม” ปูนเงยหน้าเมื่อถูกทัก คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือคนที่เคยชวนปูนมาถ่ายแบบนั่นเอง “ใช่จริงด้วย”

   “สวัสดีครับ” ปูนยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้ม พยายามไม่สนใจสายตาที่มองประเมินเขาทั้งตัว

   “ทำไมใส่ชุดของบริษัทล่ะ หรือว่าทำงานที่นี่”

   “ครับ เพิ่งเริ่มงานวันแรก”

   “ก็ว่า ถึงไม่เคยเห็น อยู่แผนกไหนล่ะ”

   “คอสตูม” เสียงทุ้มตอบแทน กรพัฒน์เดินมาหาสองคนที่ยืนหน้าประตู “มีอะไรแอมมี่”

   “พอดีแอมมี่จะเอาคอลเลคชั่นใหม่มาให้” แม้จะตอบเจ้านายตัวเอง แต่สายตาเคลือบสีสันยังคงมองคนตัวขาวอยู่ “แล้วก็แบบชุดที่ทางผู้จัดการคุณคริสตี้ต้องการค่ะ เขาอยากได้คอนเซ็ปวินเทจนิดๆ”

   ปูนพอเห็นทุกคนทำงานก็ค่อยๆ ถอยออกมาเพราะประตูเปิดไว้อยู่แล้ว ร่างผอมถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง กว่าจะออกมาได้ก็แทบตาย ขาเรียวกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไปยังห้องสตูดิโอที่ใช้ทำงาน เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปก็เหมือนเข้าไปยังอีกโลก ซึ่งเป็นโลกที่มีแต่ความวุ่นวายและเสียงโหวกเหวกสะท้อนไปทั่วบริเวณ

   “น้องปูน ไปไหนมา” แอ้นรีบปรี่เข้ามาหาพร้อมดึงให้ปูนเข้าไปด้านในทันที โดยที่ปูนโค้งศีรษะขอโทษทุกคนที่มาช้า

   งานเสื้อผ้าเป็นงานที่หนักและละเอียดมาก ปูนคอยสังเกตการณ์ทำงานของทุกคนอย่างตั้งใจ มีหลายครั้งที่คนสอนจะให้ลองทำ แม้จะช้าแต่ก็พอใช้ได้ จนถูกชมอยู่บ่อยครั้งว่าเรียนรู้เก่ง ปูนมองทุกคนที่รายล้อมอย่างใจชื้น เพราะที่นี่ต่างจากที่คิดไว้ตอนแรก ที่จะมีแต่การแย่งชิงความเด่นดัง กลายเป็นว่าตอนนี้ชักอยากทำงานที่นี่ไปนานๆ ซะแล้ว



***


   ในขณะที่ปูนมีความสุขในการทำงาน กรพัฒน์ก็กำลังเคร่งเครียด เขาต้องเคลียร์งานทุกอย่างก่อนจะบินไปเมืองนอก อีกอย่างที่ทำให้วิตกคือคนที่เพิ่งมาทำงานวันนี้อย่างปูน ไม่ใช่กลัวว่าจะทำไม่ได้ แต่เพราะกลัวจะถูกใครเข้าหามากเกินไป พอนึกแล้วก็แปลกใจนิดๆ ที่ตัวเองกลายเป็นคนขี้หึงหนักตั้งแต่เมื่อไหร่ แบบนี้แหละนะ ที่ไอ้พอลชอบว่า รักมาก ก็หึงแรงเป็นธรรมดา

   “...คุณกรคิดว่าไงคะ” คำถามที่ไม่ได้ผ่านเข้าหูเรียกสติให้กรพัฒน์สะดุ้ง “ที่แอมมี่ว่าน่ะค่ะ คุณกรว่ายังไง เห็นดีด้วยไหมคะ”

   “โทษทีนะแอมมี่ เมื่อกี้คุณถามอะไรผมนะ พอดีผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย” รู้สึกผิดนิดๆ เหมือนกันที่ไม่ได้สนใจงานตรงหน้า ผู้จัดการมือเอกของบริษัททำหน้าสงสัยเล็กน้อยเพราะปกติเจ้านายไม่เคยเหม่อลอย แต่ก็ย้อนกลับไปอธิบายใหม่อีกรอบ

   “แอมมี่กำลังคิดคอนเซ็ปปกของเดือนหน้าน่ะค่ะ ว่าอยากได้คอนเซ็ป Androgynous คุณกรคิดว่ายังไงหรือคะ”

   “เอานายแบบผู้ชายมาแต่งชุดผู้หญิงน่ะเหรอ ก็น่าสนนะ แล้วจะเลือกคนไหนล่ะ” กรพัฒน์ยกขาขึ้นไขว่ห้างมองลูกน้องคนเก่งยิ้มพราย ดวงตาพราวระยับดูเหมือนจะมีอะไรในใจ “นายแบบหน้าสวยเราก็พอมีใช่ไหม”

   “แต่แอมมี่อยากได้นายแบบหน้าใหม่ ตอนนี้มองไว้แล้วค่ะ”

        เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของลูกน้อง กรพัฒน์ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใครที่ถูกเลือกไว้ในใจ ซึ่งเขาไม่มีทางยอมแน่ๆ

   “ผมไม่อนุญาต” ประกาศคำสั่งออกไปจนคนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หันมามองด้วยความสงสัย

   “คุณกรหมายความว่ายังไงหรือคะ”
 
   “ก็คนที่คุณคิดไว้ คือเด็กคนเมื่อกี้ใช่ไหม” พอได้รับการพยักหน้าตอบ กรพัฒน์ก็ยกขาที่ไขว่ห้างกลับมานั่งท่าปกติพร้อมทำหน้านิ่ง “คนนั้นผมไม่อนุญาต”

   “ทำไมล่ะคะ น้องเขาใช่เลยนะคะ รับรองถ้าขึ้นปกพร้อมคอนเซ็ปนี้ น้องเขาจะต้องดังแน่นอน” แอมมี่พูดอย่างมั่นใจ เพราะเขาไม่เคยมองใครพลาดแม้แต่คนเดียว

   “นั่นก็ยิ่งไม่อนุญาต” ไม่มีเหตุผลต่อท้ายอะไรจนแอมมี่แทบอยากทึ้งผมหัวเอง

   “คุณกรขา ตอนนี้น้องเขามาทำงานกับเราแล้วนะคะ เป็นโอกาสที่ดีมาก” แอมมี่ยังไม่ยอมแพ้ ก็ในเมื่อเห็นปุ๊บก็รีบผุดแนวคิดนี้เลย รับรองเลิศ

   “เอาตามที่ผมบอก ถ้าจะถ่ายอย่างที่คุณคิด ก็เอานายแบบคนอื่น อ้อ อย่าแอบไปเกลี่ยกล่อมเขาด้วย ถ้าผมรู้ คุณจะถูกหักโบนัส” กรพัฒน์ชี้นิ้วสั่ง ก่อนจะลุกไปนั่งที่เก้าอี้ทำงาน เพราะบนโต๊ะยังมีแฟ้มที่ต้องอ่านอีกมาก

   ส่วนคนถูกสั่งห้ามค่อยๆ ลุกออกจากห้องไปด้วยความไม่เข้าใจ แอมมี่เดินออกห้องมาเจอหน้ากับเจ้านายอีกคน พอลทักทายตามสไตล์ด้วยการขยิบตา แต่เห็นอีกคนไม่ขยิบตอบกลับอย่างเช่นทุกทีก็สงสัย

   “เป็นอะไรจ๊ะคนสวย ทำหน้าบึ้งระวังต้องไปฉีดโบท็อกซ์ใหม่นะ” เป็นคำทักทายที่ฟังแล้วควรจะได้คำตอบกลับ แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่ง “เป็นอะไรเนี่ย วันนี้ทำไมมาแปลก”

   “แอมมี่กำลังคิดว่าคุณกรแปลกๆ”

   “แปลกยังไง ไหนเล่าซิ”

   “ก็แบบว่า ออกคำสั่งไม่ให้เอาเด็กที่เพิ่งมาทำงานมาถ่ายแบบ คุณพอลว่าแปลกไหมล่ะคะ ทั้งที่ควรจะเห็นดีด้วยแท้ๆ”

   พอลหัวเราะทันทีที่ได้ยิน แต่อีกคนกลับยังตีหน้าบึ้งอยู่อย่างนั้น

   “เอาน่า ทำตามที่มันบอก เรื่องบางเรื่องมันก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะรู้” พอลตบบ่าผู้จัดการคนเก่งเบาๆ “แต่คนนี้มันหวงจริง อย่ายุ่งเลย” เป็นคำแนะนำที่เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจถ่องแท้ แอมมี่ตีหน้ายุ่งทึ้งผมตัวเองซะฟูเดินกลับไปที่ห้อง โดยมีพอลมองอย่างขำๆ

   ก็นะ เรื่องส่วนตัวของเพื่อน รอให้มันจัดการเองดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าเพื่อนคนนี้ยุ่งมากเกินไป ว่าแล้วก็ไปหาเด็กใหม่ดีกว่า อยากทำความรู้จักมากกว่านี้ ขืนรอให้ไอ้คนขี้หวงพาไปละก็ จะถูกกันท่าเปล่าๆ แบบนี้ต้องบุกเอง อย่างที่เขาว่า อยากได้ลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือในช่วงที่พ่อเสือมันยุ่ง ไม่อย่างนั้นอาจถูกตะปบและขบกัดจนบาดเจ็บล้มตาย แค่คิดก็สยองแล้ว


   ผูกมิตรสักนิดกับว่าที่คนรักของเพื่อน แค่คิดก็สนุกแล้ว


...TBC

เรื่องมันค่อนข้างเดินแบบเรียบๆ เรื่อยๆ ไปบ้าง ต้องอภัยจริงๆ ค่า แต่เพราะอดีตปูนมันทำให้มีบางอย่างปิดกั้น เลยรีบไม่ได้ ต้องขอภัยล่วงหน้าหากอ่านแล้วเกิดอาการอ้าปากกว้างเพื่อหาว (ก้มกราบ)

แต่ถ้าพ้นช่วงนี้ไปแล้ว ความปรู๊ดปร๊าดก็จะตามมา (หมายถึงความรักนะคะ เรื่องบนเตียงเป็นเรื่องของอนาคต)  :mew1: :mew1:

ขอบคุณมากๆ ค่า  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 11 ] [P.2] UP!! // [11/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-10-2017 09:35:42
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 11 ] [P.2] UP!! // [11/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-10-2017 11:47:04
โอ๊ยๆๆๆ สงสารคนขี้หวง ยังไม่เป็นแฟน อาการยังหนักขนาดนี้ ถ้าเป็นแล้ว สงสัยคงต้องพกไว้เอง
ปูนน่ารักนะ ทำเอาคนพ่อออกตัวแรง แต่ยังเอาอยู่ แถมทำมึนไม่รับรู้ 5555
เกนหลงพี่ปูนแย่แล้ว แต่อาการหวงเพื่อน นี่หนักไป

ตลกพอล ต้องแกล้งเพื่อนเบอร์นั้น

ปูนจะตอบตกลงยังไงน้า ลุ้นมาก
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 11 ] [P.2] UP!! // [11/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 14-10-2017 11:41:15
 :pig4: :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 12 ] [P.2] UP!! // [15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 15-10-2017 20:20:08

-12-




        สตูดิโอขนาดใหญ่ บรรจุทั้งเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นสำหรับการถ่ายแบบ ในนี้คนเยอะและวุ่นวายพอดูแต่พอพอลเดินเข้ามา ทุกคนต่างก็ยกมือไหว้กันเป็นแถวๆ เสียงก็เงียบลงมาก

   “อ่าว คุณพอล มาถึงที่นี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ” หัวหน้าแผนกรีบเข้ามาทักทายหลังจากอีกฝั่งถ่ายแบบเสร็จสิ้นแล้ว แม้พอลจะดูยิ้มแย้มเป็นมิตร แต่เวลาทำงานก็โหดเอาเรื่อง บางครั้งโหดกว่ากรพัฒน์เสียอีก

   “ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ทำงานกันต่อไปเถอะ” พอลบอกยิ้มๆ ก่อนจะเดินทำเป็นมองนั่นมองนี่ แท้ที่จริงกำลังมองหาคนตัวขาวต่างหาก ไม่รู้ไปอยู่ตรงไหน

   “มองหาใครหรือครับ” คำถามดังมาจากด้านหลัง พอลส่ายหน้าเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไร เพราะกำลังยุ่งอยู่กับการหาคน

   เมื่อคนเข้ามาไม่มีคำตอบ คนช่างสังเกตก็ยักไหล่พร้อมเดินหันหลังกลับ แต่ดันมีเสียงเรียกไว้ซะก่อน

   “ปูน” แอ้นอยู่ด้านในตะโกนเรียก เธอโบกมือไปมา ก่อนจะเห็นว่าตรงนั้นมีเจ้านายอย่างพอลยืนอยู่ด้วย หญิงสาวก็รีบยกมือขอโทษที่ส่งเสียงดัง

   พอลไม่มีเวลาสนใจคนขอโทษ เพราะชื่อคนคุ้นหูเหมือนจะเคยได้ยินน่าสนใจกว่า พอลค่อยๆ หันกลับไปมอง และก็เจอจริงๆ คนที่กำลังตามหา ปูนโค้งศีรษะให้พอลนิดๆ ก่อนจะเดินผ่านหน้าไปหาคนที่กวักมือเรียก โดยที่พอลก็เผลอเดินตามไปด้วย

   “คุณพอลมีอะไรหรือเปล่าคะ” แอ้นถามอย่างเกร็งๆ ปกติเจ้านายจะไม่ค่อยเข้ามาในนี้ เพราะมันวุ่นวาย

   “เปล่า” พอลตอบพร้อมส่ายหน้า มือใหญ่ล้วงกระเป๋ากางเกงสแลคสีดำพลางเสหน้ามองนั่นมองนี่ แต่หนุ่มสาวที่ยืนตรงหน้ากลับไม่ยอมไปไหน “ทำงานเถอะ ผมไม่ได้ต้องการอะไร แค่มาดูอะไรไปเรื่อย”

   “ค่ะ” แม้จะบอกแบบนั้นมันก็เกร็งอยู่ดี

   การทำงานเกือบกลับสู่ภาวะปกติหากไม่มีเจ้านายสุดหล่อเดินตามเด็กใหม่และคนสอนต้อยๆ แถมเวลาแอ้นสอนอะไรปูน พอลก็จะรีบถามย้อนกลับไปทันทีว่าทำไม จากเจ้านายกลายเป็นเจ้าหนูจำไมไปซะแล้ว

   “คุณมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” เมื่อเห็นทุกคนทำงานไม่เต็มที่ ปูนเลยหันไปถามตรงๆ คราวนี้พอลทำตาใสมองแล้วยิ้มออกมา “ถ้าไม่มี ผมรบกวนให้คุณออกไปข้างนอกหน่อยได้ไหมครับ ทุกคนทำงานกันไม่ได้” ประโยคของปูน ทำให้พนักงานทั้งหมดในห้องตาโต เพราะไม่คิดว่าจะมีใครกล้าพูดแบบนี้ แถมคนตรงหน้ายังเป็นเจ้านายอีก

   “นี่ไล่กันเลยหรือ” พอลถามออกมา ใบหน้าขาวดูนิ่งเฉยซะคนอื่นๆ พากันเหงื่อตก ไม่รู้ตอนนี้อารมณ์ของเจ้านายเป็นยังไง ไม่แน่ พนักงานใหม่คนนี้อาจทำงานได้แค่วันเดียวแล้วถูกไล่ออก

   “ผมไม่ได้ไล่นะครับ แค่ขอความเห็นใจ” ปูนเห็นช่างเย็บใส่ด้ายในรูเข็มไม่ได้สักที ทั้งที่ปกติทำความเร็วซะจนต้องอึ้ง หรือช่างตัดที่เผลอตัดชายกระโปรงซะเบี้ยวเพราะเกร็งมือมากเกินไป

   “งั้นก็ได้” พอลมองใบหน้าสวยของปูนที่ดูจริงจังก็ต้องยอมแพ้ ชายหนุ่มโปรยยิ้มให้พนักงานก่อนจะเดินออกมานอกห้อง ทันทีที่ชายหนุ่มปิดประตู ริมฝีปากก็ค่อยๆ เหยียดยิ้มจนกลายเป็นหัวเราะ “มิน่าไอ้กรถึงชอบ ดีๆ” พอลเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีกลับห้อง และไม่ลืมหยอดคำหวานใส่บรรดานางแบบที่เดินผ่านอย่างเช่นทุกครั้ง ก็นะ ไม่ว่าเพื่อนจะชอบแบบไหน ก็ต้องยินดีที่เห็นเพื่อนจะมีความสุข ยิ่งเพื่อนได้คนที่ดีก็ยิ่งดีใหญ่ วันนี้ช่างมีความสุขซะจริง สงสัยต้องไปฉลองซะหน่อยแล้ว


****


   ด้านปูน พอเจ้านายออกจากห้องไปแล้ว ร่างผอมก็ถูกรุมล้อมจากพนักงานด้วยกัน ทุกคนลงความเห็นว่าปูนควรจะไปขอโทษพอล เกิดเขาโมโหแล้วไล่ออกจะทำยังไง ที่ทุกคนเตือนก็เพราะอยากให้ปูนทำงานที่นี่ไปนานๆ

   “ก็ปูนพูดเรื่องจริง ทุกคนทำงานไม่ได้นี่นา”

   “โธ่ ปูน พวกพี่รู้ว่าปูนพูดเรื่องจริง แต่แบบ นั่นเจ้านายไง”

   “ปูนพูดไปแล้วนี่ แล้วเขาก็ออกไปแล้วด้วย ช่างเถอะครับ ไม่เป็นไรหรอก...มั้ง”

   เมื่อทุกอย่างเข้าที่จริงๆ การทำงานแบบเร่งรีบก็กลับมาอีกครั้ง ปูนยังคงเรียนรู้งานจากแอ้นอย่างสนใจ โดยมีสายตาคู่หนึ่งมองมาเนิ่นนานแล้ว

   “เด็กคุณกรนี่จริงๆ เลยนะ” หัวหน้าแผนกอย่างเหมียวเห็นทุกอย่างแต่ก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่ง เพราะพอลก็คงอยากรู้จักเลยตามมา เหตุการณ์เมื่อกี้เลยดูไม่มีอะไร และไม่ใช่เรื่องน่าห่วงสักนิด


   เวลาผ่านไปไวราวกับติดปีก นาฬิกาบนผนังบอกเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่ม ปูนถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงตอนไม่มีใคร วันนี้แค่วันเดียวเหมือนใช้พลังชีวิตไปเยอะมาก เขาปวดเมื่อยไปหมด ระหว่างที่นั่งบีบนวดแข้งขาตัวเองอยู่ด้านหน้า ประตูห้องก็ถูกแง้มช้าๆ ก่อนจะมีศีรษะใครบางคนชะโงกเข้ามา

   “พี่ปูน” เสียงใสร้องทักทันทีที่เห็น เด็กหนุ่มรูปร่างสูงผลักบานประตูแล้วเดินเข้ามาหาทันที “คิดว่าจะไม่เจอซะแล้ว”

   “เกนมาได้ยังไง” ปูนตกใจนิดๆ ที่ได้เจอเด็กหนุ่มที่นี่ แถมยังสวมชุดนักเรียนอยู่ด้วย

   “ก็ป๋าบอกว่า พี่ปูนมาทำงานด้วย เกนเลยให้ลุงอ้อมพามา” ว่าแล้วดวงตาที่ถอดแบบพ่อก็มองไปทั่วบริเวณ “งานหนักมากไหมฮะ” เกนสังเกตจากคนด้านในที่ยังเดินกับขวักไขว่

   “ก็นิดๆ น่ะ คงจะเพิ่งมาวันแรกด้วยแหละ พี่ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ” ปูนบอกพร้อมรอยยิ้ม “แล้วเกนไปหาป๋ามาหรือยัง”

   “ยังเลย ลุงอ้อมจอดรถปุ๊บ เกนก็มาหาพี่ปูนก่อน” ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ยื่นถุงขนมมาให้ “ซื้อมาฝาก คิดว่าพี่ปูนต้องหิวแน่นอน”

   ปูนรับถุงนั่นมาเปิดดู เป็นแซนวิสร้านดัง กลิ่นหอมเรียกเสียงท้องให้ร้องได้ทันที และเสียงนั่นก็ดังจนทั้งเจ้าตัวและคนได้ยินต้องหัวเราะออกมา

   “ขอบใจนะ พี่หิวมากเลยตอนนี้” แม้จะบอกแบบนั้น แต่ปูนก็ยังคงเก็บถุงวางไว้ข้างกายจนคนซื้อมาทำหน้าสงสัย

   “แล้วทำไมไม่กินล่ะฮะ” หิวก็ต้องรีบกิน แต่ทำไมถึงยังเก็บเอาไว้

   “พี่ยังไม่เลิกงานน่ะสิ อีกตั้งหลายนาที” งานที่นี่มีเป็นสองเวลา หากเข้าเช้าก็จะเลิกเย็น แต่ถ้าเข้าสายหน่อยก็จะเลิกดึก

   “โหย นี่จะทุ่มแล้วนะ เลิกแล้วมั้ง” เกนมองเวลาแล้วทำหน้างอ “งั้นเดี๋ยวเกนไปบอกป๋าให้”

   “ไม่ต้องๆ พี่ไม่เป็นไร”

   ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกันอยู่ ประตูห้องก็ถูกเปิดอีกครั้ง คราวนี้เป็นหัวหน้าแผนกอย่างเหมียวที่เรียกให้ปูนไปหยิบแบบชุดจากด้านใน แล้วตามไปเข้าห้องประชุมที่อยู่อีกฟาก โดยที่หัวหน้าสาวรับไหว้จากลูกชายเจ้านายที่นานๆ จะมาที

   “เดี๋ยวพี่ทำงานก่อนนะ”

   เกนพยักหน้ารับ แต่สุดท้ายก็เดินตามปูนไปห้องประชุมอีกฝั่งด้วย คนด้านในนั้นไม่มีใครกล้าว่าอะไร ขืนว่าอาจถูกหักโบนัสได้

   “ปูนอยู่นี่แหละ ช่วยพี่ฟังด้วยนะ แล้วก็จดที่เขาบอก” คำสั่งที่เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ ก็ในเมื่อเขายังใหม่ กลัวจดไปแล้วไม่มีใครรู้เรื่อง

   ปูนไม่ได้พูดอะไรต่อ คิ้วสวยขมวดลงนิดๆ เมื่อได้สมุดเล่มเล็กมาพร้อมปากกา ไม่นานประตูห้องประชุมก็เปิดออก คนเข้ามาเกือบหกคน ท่าทางแต่ละคนดูนิ่งโดยเฉพาะผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามาคนสุดท้าย

   “นั่นมัน...” ปูนพึมพำกับตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นคนสุดท้าย

   เมื่อทุกคนเดินเข้ามา ต่างก็มานั่งตรงเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ หญิงสาวคนสุดท้ายปรายตามองคนที่นั่งอีกฝั่ง เธอจำได้ว่าเคยเห็นผู้ชายผอมคนนี้ที่ร้านของเพื่อน แต่ทำไมถึงมานั่งอยู่ในนี้ด้วย ก่อนดวงตาเรียวจะค่อยๆ เบนมามองเด็กข้างๆ ที่นั่งมองหน้าเธอเช่นกัน

   ทันทีที่ดวงตาสองคู่สบกัน ความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้น หญิงสาวค่อยๆ เม้มริมฝีปาก เธอรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง เหงื่อซึมตามบริเวณใบหน้าทั้งที่อุณหภูมิห้องก็ปกติ

   “เป็นอะไรคริสตี้” หญิงท้วมเอ่ยถามทันทีที่เห็นคนข้างกายกระสับกระส่าย แถมมือสองข้างก็บีบกระเป๋าหรูซะแน่นไปหมด “ไม่สบายหรือเปล่า”

   คำถามทำเอาทุกคนในห้องต่างให้ความสนใจ นางแบบตัวท็อปหากป่วย งานก็คงถูกยกเลิก เพราะสุขภาพสำคัญกว่า อีกอย่าง โมเดลลิ่งที่หญิงสาวอยู่นั้น ก็เป็นของสามีซึ่งรวยและดังมาก ดังนั้นทุกเรื่องของเธอสำคัญหมด

   “ปะ เปล่า” คำปฏิเสธที่แสนจะติดขัด ใบหน้าของคริสตี้เซียวลงอย่างเห็นได้ชัด อาการเช่นนี้คงไม่มีใครรู้ดีเท่าเจ้าตัวและคนนอกอย่างปูนกับเหมียวที่ทำงานที่นี่มาตั้งแต่แรกเริ่ม ปูนเห็นคริสตี้มองมาที่เกนแล้วก็เกิดอาการ ดังนั้นไม่ต้องเดาเลยว่า เธอรู้ว่าเด็กหนุ่มข้างๆ นี้คือลูกชายของเธอ

   “พี่ปูนหิวข้าวหรือเปล่า” ท่ามกลางความเป็นห่วงนางแบบดัง เกนเลือกจะกระซิบถามปูนอย่างเป็นห่วง เมื่อกี้ท้องของปูนร้องแถมเจ้าตัวยังบอกว่าหิวด้วย มีงานแบบนี้คงกินข้าวไม่ได้

   “พี่ไม่เป็นไร” ปูนกระซิบตอบกลับ ช่วงที่เขาตอบนั้น เห็นสายตาของนางแบบสาวมองมาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองทางอื่น “เกนไปห้องป๋าก่อนไหม”

   “ไม่เอา เกนจะรอพี่ปูน”

   “เอาเป็นว่า” เสียงดังจากอีกฝั่งทำให้ปูนต้องละสายตาจากเกนขึ้นไปมอง “ขอเลื่อนไปคุยงานวันอื่นแล้วกันนะคะ ดูเหมือนคริสตี้ไม่สบาย”

   “ได้ค่ะ ถ้าคุณสะดวกวันไหนก็นัดวันเรามาได้เลยค่ะ” เหมียวตอบพร้อมรอยยิ้ม รายละเอียดกับแบบของชุดถูกรวบเก็บ “คงจะทำงานหนักนะคะ”

   “ค่ะ ตั้งแต่กลับมาก็ไม่ค่อยได้พัก” คริสตี้ตอบ ดวงตาเรียวยังคงมองมาทางเกนอยู่เรื่อยๆ “ขอโทษด้วยนะคะ”

   “ไม่เป็นไรเลยค่ะ สุขภาพคุณคริสตี้สำคัญที่สุด” เหมียวตอบออกไป

   เมื่อไม่มีการคุยงานอีก ทุกคนต่างก็พากันลุกออกจากห้อง ปูนกับเกนเดินรั้งท้าย โดยที่คนหลังสุดไม่รู้เลยว่ากำลังถูกจ้องมองตลอด เพราะมัวแต่สนใจปูน

   ประตูห้องประชุมเปิดห้อง พอดีกับชายหนุ่มเจ้าของบริษัทเดินมา พอลกอดคอกรพัฒน์แถมยังคุยจ้อเรื่องคนรักของเพื่อน แต่ความรื่นเริงนั้นค่อยๆ หายไปเมื่อต้องปะทะกับกลุ่มคนที่เพิ่งออกจากห้อง พอลรีบหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่ตีหน้านิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ออกมาหลังสุดคือเกน คำว่างานเข้ายังน้อยไปด้วยซ้ำ แล้วทีนี้จะทำอย่างไร

   กรพัฒน์มองหน้ากลุ่มที่เดินออกมา ก่อนจะค่อยๆ ยกยิ้มให้บรรดาทีมงานของนางแบบที่จะมาขึ้นปก พอยิ้มมาจนถึงอดีตภรรยา รอยยิ้มบางๆ นั่นก็หายไป

   “ไม่เจอกันนานนะกร” คำทักทายดูเป็นกันเองของนางแบบที่มีให้กับอดีตสามี คริสตี้หันไปบอกทีมงานว่าให้ไปรอที่รถ พอๆ กับเหมียวสั่งพนักงานให้ไปทำงาน และกำลังจะสะกิดเรียกปูนให้กลับห้องด้วย หากไม่มีคำถามของเกนที่ดังขึ้น เรียกสายตาทุกคู่ให้มอง

   “พี่ปูนจะไปไหน” เกนเดินตามติดปูนตลอด แม้จะเจอหน้าพ่อตัวเองแต่กลับไม่สนใจมากนัก

   “คือพี่จะกลับไปทำงาน” ปูนละล้าละลังเมื่อถูกจ้องมอง “เกนอยู่กับป๋า เอ่อ คุณกรที่นี่แหละนะ” หลุดคำเรียกที่ใช้กับเกนบ่อยจนเปลี่ยนแทบไม่ทัน

   “ได้ไง แซนวิสของเกนก็อยู่ในถุงที่ให้พี่ปูน เกนเอามากินกับพี่ปูน” เด็กหนุ่มที่ไม่รู้เรื่องราวยังคงไม่ยอมออกห่าง จนกรพัฒน์ต้องบอกให้ตามปูนไป

   “เกน” เสียงเรียกเบาๆ ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังจะเดินไป พอได้ยินคนเรียก เกนก็หันกลับไปมอง “โตขึ้นแล้วหล่อจัง” คำชมของคริสตี้ไม่ทำให้เกนยิ้มหรือมีท่าทีตอบโต้อะไร

   “ขอบคุณครับ” ตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะหันไปเร่งเร้าให้ปูนกลับห้อง

   “เดี๋ยวสิ” แค่ก้าวขาไม่กี่ก้าวก็ถูกเรียกอีก “คุยกันก่อนสิ”

   “เรารู้จักกันด้วยเหรอครับ ผมว่า ผมไม่รู้จักคุณป้านะครับ” เกนมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเฉยชา ก็ในเมื่อไม่รู้จัก ไม่สนิท แล้วทำไมต้องอยู่คุย “ป๋า เกนไปกินแซนวิสกับพี่ปูนนะ”

   “เกน” คราวนี้ไม่ได้มาแค่เสียง แต่แขนถูกคว้าไว้ด้วยมือที่เคลือบเล็บสีแดงสด สายตาของคนจับดูเว้าวอน ต่างจากคนถูกจับที่ตีหน้ายุ่ง “ไม่อยากคุยกับ...แม่หรือ”

   สุดท้ายก็พูดออกมา คำที่ไม่เคยได้พูดกับลูกชายคนแรก

   “แม่?” เกนตีหน้ายุ่งกว่าเดิม ก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อตัวเอง สลับกับผู้หญิงที่แทนตัวเองว่าแม่กับเขา “ป้าเป็นแม่ใครหรือครับ”

   “เกน นี่แม่เองนะ แม่ของเกน” คริสตี้พยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นไหว ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอหน้าในห้องประชุม มือไม้ของเธอก็อ่อนแรง หัวใจเต้นรัวราวกับถูกตีซ้ำๆ ดั่งกลองรบ ความรู้สึกผิดตีรวนวนไปมาจนอยากจะร้องไห้อยู่หลายรอบ แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้

   “แม่...แม่ของผมเหรอ ป๋า นี่แม่เหรอ” คล้ายกับถูกไฟช็อตจนสมองเบลอ เกนหันไปถามพ่อตัวเองเสียงเรียบ ตอนนี้การรับรู้ของเกนแทบจะเท่ากับศูนย์ ผู้หญิงตรงหน้ากำลังร้องไห้ เธอบอกว่าเธอคือแม่...พอกรพัฒน์พยักหน้าลง เกนก็รีบหันมามองหน้าคริสตี้อีกครั้ง “เป็นแม่ของผม แล้วทิ้งผมไปทำไม”

   “เกน...” ประโยคและคำพูดมากมายเลือนหายไปหมด คิดไว้อยู่แล้วว่าจะต้องพบเจอคำถามเช่นนี้ แต่พอเอาเข้าจริง คริสตี้กลับตอบอะไรไม่ได้ มือที่จับแขนลูกชายไว้ค่อยๆ คลายออก ดวงตาเรียวมีน้ำใสเอ่อคลอพร้อมไหลอยู่ตลอด “คือแม่”

   “ที่จริง ผมก็ไม่ได้โกรธหรอกที่แม่ทิ้งไป เพราะป๋า อากง อาม่าก็ดูแลผมอย่างดี ดีมาก ดีสุดๆ ดีซะจนคิดว่าไม่ต้องมีแม่แล้วก็ได้” เกนตอบพร้อมจ้องหน้าคริสตี้ “อาม่าเคยบอก แม่ต้องไปทำงานเพื่ออนาคตของแม่ ตอนนั้นผมไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ผมโตแล้วเลยเข้าใจ ว่าอนาคตของแม่ สำคัญกว่าลูกอย่างผม”

   คล้ายกับถูกท่อนเหล็กกล้าตีย้ำๆ ซ้ำๆ หลายรอบ คริสตี้ปล่อยโฮออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้ โชคดีที่ตอนนี้เหลือแค่เธอ กรพัฒน์ พอล เกน แล้วก็ปูนเท่านั้น

   “แม่ขอโทษ” บอกทั้งน้ำตา เสียงสะอื้นเหมือนจะขาดใจไม่ทำให้เด็กหนุ่มสงสารมากนัก คงเพราะไม่คุ้นเคยและไม่เคยรู้จัก “แม่ขอโทษนะเกน”

   “ไม่ต้องขอโทษผมหรอก ก็ผมบอกแล้วว่าไม่ได้โกรธ แม่ก็ทำงานที่แม่รักไป ผมก็อยู่กับคนที่รักผม แค่นี้ก็ไม่เห็นมีอะไร เราต่างคนต่างอยู่ ทำเหมือนเดิมก็ได้ ผมไม่เป็นไร” คำตอบฉะฉาน แต่ลึกๆ แล้ว เกนรู้สึกเสียใจและไม่โอเคกับความรู้สึก เด็กหนุ่มซ่อนความน้อยใจไว้ด้านใน และเลือกจะยิ้มออกมา “ขอบคุณที่ทำให้ผมเกิดมานะครับ หวังว่าต่อจากนี้ไป แม่จะมีความสุขกับอนาคตที่แม่เลือก และมันต้องดีมากแน่นอน” พูดจบเกรก็ดึงมือปูนเดินหนีไปทันที

   “เกน เดี๋ยว เกน” ไม่มีคำเรียกใดหยุดได้อีกแล้ว อีกฝ่ายจ้ำพรวดไปข้างหน้าไม่คิดจะสนใจอีก มีเพียงแค่ปูนที่ทำหน้าเสียหันกลับมามองเป็นระยะจนพ้นสายตา “เกน แม่ขอโทษ” ปากบางยังพร่ำขอโทษอยู่ตลอด น้ำตาไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย

   “ร้องออกมาให้หมด พอหมดก็หยุด” กรพัฒน์บอกเสียงนิ่ง แต่ก็ส่งผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้ แม้ไม่เคยรัก แต่ก็ผูกพัน

   “ฉันจะทำยังไงดี กร ฉันควรทำยังไง” คริสตี้เงยหน้าถามอดีตสามีด้วยน้ำตานองหน้า “ฉันจะทำยังไงให้เกนหายโกรธ”

   “ก็ตามที่เกนว่า มันไม่ได้โกรธจริงๆ” คนที่เลี้ยงมาตั้งแต่เด็กบอก ฝ่ามือใหญ่ยื่นไปบีบบ่าเล็กเบาๆ “เกนมันไม่เคยโกรธ ไม่ต้องคิดมาก”

   “ไม่โกรธแต่คงน้อยใจ” เหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น หากไม่มีเสียงแทรกเข้ามา “อุ้ย เผลอคิดมีเสียง” พอลแสร้งทำตลก ตอนนี้ความเลวร้ายของการเจอหน้ากันระหว่างแม่ลูกดูน้อยกว่าที่คาดไว้มาก อันที่จริง ที่คาดไว้รู้สึกจะรุนแรงจนอาจเป็นซีนเรียกน้ำตาทั้งสองฝั่ง “ตามสบายนะ” ว่าแล้วพอลก็เดินหนีออกมา ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง แม้จะเป็นอดีตก็เถอะ



***


   ด้านเกนที่ดึงปูนออกมาจากตรงนั้นก็ค่อยๆ หยุดเดิน คนตามหลังอย่างปูนสังเกตเห็นไหล่กว้างสั่นไหวเบาๆ เกนกำลังร้องไห้อยู่สินะ ว่าแล้วมือขาวก็ค่อยๆ ยื่นไปแตะบ่าเพื่อปลอบ

   “พี่ปูน” เกนหันกลับมาพร้อมโผเข้ากอดแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มจนเสื้อตรงบ่าของปูนเปียกชุ่ม “พี่ปูน” เรียกชื่อซ้ำๆ เพราะคนร้องไห้กำลังสับสน

   “ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่ตรงนี้” ปูนลูบหลังเพื่อปลอบใจคนร้องไห้ จากการคาดเดา นี่คงเป็นน้ำตาของความน้อยใจ เพราะประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ อนาคตของแม่สำคัญกว่าลูกนั้น ขนาดปูนที่เป็นคนนอกฟังแล้วยังรู้สึกสะอึกในใจ จนเหมือนมีก้อนแข็งบางอย่างจุกอยู่ในอก “ไม่เป็นไรนะ”

   “พี่ปูนไปนอนกับเกนนะ” คำขอปนสะอื้นช่างน่าสงสาร

   “ครับ พี่จะไปนอนกับเกนนะ ไม่เป็นไรนะ” ปูนตอบรับ มือขาวยังคงลูบหลังกว้างไปมา พาลคิดว่าคริสตี้ก็คงจะร้องไห้หนักไม่แพ้กัน แต่อย่างน้อยตรงนั้นก็ยังมีกรพัฒน์อยู่...

   เนิ่นนานกว่าเกนจะหยุดสะอื้น ใบหน้าหล่อขึ้นสีแดงจัดเพราะร้องไห้อย่างหนัก มีปูนคอยซับน้ำตาให้อยู่ตลอดพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนเสียงฝีเท้าจะดังใกล้ๆ ทำให้ต้องหันไปมอง กรพัฒน์เดินหน้านิ่งเข้ามา ดวงตาคมมองลูกชายเพียงคนเดียวด้วยความห่วงใย นี่แหละที่ทำให้เขาคิดหนักกับการจะให้แม่ลูกเจอกัน เพราะความรู้สึกของเกนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

   “กลับหรือยังเกน” กรพัฒน์เอ่ยถามลูกชาย

   “อื่อ” เด็กหนุ่มตอบรับพร้อมดึงมือของปูนให้ลุกจากพื้นด้วย “พี่ปูนจะไปนอนกับเกน”

   “ปูนจะไปนอนกับเกน?” ทวนประโยคจนได้รับการพยักหน้ายืนยัน “ที่ไหน ห้องปูนหรือห้องเกน”

   “ห้องของเกน” เจ้าของห้องว่า “ป๋าไปส่งพี่ปูนเก็บของที่หอแป๊บหนึ่งได้ไหม”
 
   “อืม” แม้จะงงๆ แต่ก็รับปาก “ไปเลยไหม”

   ปูนขอตัวไปเก็บของด้านในก่อน ปล่อยให้เกนอยู่กับพ่อตัวเอง เด็กหนุ่มไม่แม้แต่จะชะเง้อมองหาหรือไถ่ถามความต่อ ความเงียบปกคลุมทั้งพ่อและลูก จนปูนเดินออกมาเกนถึงยอมพูด

   “พี่ปูนกินแซนวิสรองท้องไว้ก่อน เดี๋ยวเราค่อยหาอะไรกินก่อนกลับ ได้ไหมป๋า”

   “ได้อยู่แล้ว ว่าแต่ปูนยังไม่ได้กินข้าวหรือ” ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีที่พาปูนมาลำบาก ที่จริงเด็กใหม่หลายคนก็ต้องค่อยๆ ปรับตัวอยู่แล้ว แต่นี่เป็นคนพิเศษ อะไรนิดหน่อยก็เป็นเดือดเป็นร้อน “งั้นแวะกินก่อนไปเอาของที่หอก็แล้วกัน อยากกินอะไรกันล่ะ”

   “อาหารญี่ปุ่น” กลายเป็นเกนตอบพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งกรพัฒน์ก็ตกลงทันที อย่างน้อยเกนก็ทำตัวตามปกติ “พี่ปูนจะต้องชอบ ร้านนี้ร้านโปรดของเกนเลยนะ”

   “พี่กินอะไรก็ได้” ปูนตอบอย่างเกรงใจ ถ้าเป็นร้านโปรดละก็ ราคาคงจะแพงน่าดู

   “อยู่กับป๋า รับรอง อะไรก็ได้กินแถมมีแต่ของอร่อย เนอะ” มีการชงให้พ่อตัวเองได้อย่างเปิดเผย เล่นเอากรพัฒน์หัวเราะออกมาก่อนจะยื่นมือไปผลักหัวลูกชายเบาๆ

   “แกนี่นะ...ทำดี” คิดว่าจะบ่น แต่กลายเป็นคำชม เกนหัวเราะร่า ต่างจากปูนที่หน้าบูดนิดๆ

   ภาพความสุขของสามหนุ่มอยู่ในสายตาของคริสตี้อยู่ตลอด เธอสะท้อนในใจเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ รอยยิ้มของลูกชายที่เฝ้านึกถึงมาตลอด กลับกลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว แม้เธอจะมีลูกกับสามีคนปัจจุบัน แต่สายสัมพันธ์ความรักความผูกพันของแม่ลูกระหว่างเธอกับเกนก็ยังคงอยู่ ซึ่งเป็นสายสัมพันธ์ที่ทำให้เธอฝันร้ายมาค่อนชีวิต

   “เกน แม่ขอโทษนะ”



..TBC

เกนของเราช่างน่าสงสารเสียจริง (ดึงมาจูบย้ำๆ) แถมไม่รู้ว่า ป้าเขาจะมาดี มาร้ายนะคะเนี่ย >w<++

หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 12 ] [P.2] UP!! // [15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-10-2017 22:18:21
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 12 ] [P.2] UP!! // [15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 15-10-2017 22:30:24
ถ้าป้ามาดีจะให้chocolate แต่ถ้าร้ายนะ...  :m16: จะเอาน้ำมนต์สาด
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 12 ] [P.2] UP!! // [15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 15-10-2017 22:33:24
ขอให้ป้ามาดีเถ๊อะะะะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 12 ] [P.2] UP!! // [15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 16-10-2017 03:24:24
ประหลาดอ่ะ ฟังจากเรื่องเล่าของแม่เกนที่ว่าพอคลอดแล้วก็ออกไปทำงานต่อ การมาร้องห่มร้องไห้นี่แปลกสำหรับเราเลย แต่เราก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางของตัวละครนี้มาก
เกนจ๊ะ ฟ้าส่งแม่ใหม่มาให้หนูแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 12 ] [P.2] UP!! // [15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-10-2017 07:25:48
สงสารเกน ทุกอย่างเหมาะเจาะไปหมด แต่โชคดีที่มีปูน และเกนติดปูนมาก
ถึงตอนมี ไม่อยากมี ตอนทิ้งก็ไม่ทันคิด พอมาเจอกัน ก็ห่วงหา มันเป็นสายสัมพันธ์ แต่ไม่ผูกพันนะ

ตลกพอล ทำไมพยายาม 5555 สามารถจริงๆ
เป็นกันไปหมด พ่อ หลาน เพื่อนพ่อ ตามปูนยิ่งกว่าเงา

ชอบตอนเกนดื้อน่ะ ทำมึนแล้วก็เดินตามไปแบบชิลๆ ก็ทำไมล่ะ 55555
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 12 ] [P.2] UP!! // [15/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-10-2017 09:11:58
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 13 ] [P.2] UP!! // [16/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 16-10-2017 23:10:29

-13-




           ห้องนอนของเกนกว้างขวางไม่ต่างจากห้องพ่อตัวเอง แต่ตอนนี้เจ้าของห้องเริ่มรู้สึกได้ว่ามันคับแคบลง ปูนยืนสวมชุดนอนมองดูคนที่นั่งบนเตียงทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ตั้งแต่กรพัฒน์หอบหมอนข้ามฝั่งมาที่ห้องและบอกจะขอนอนด้วย เจ้าของห้องก็รีบปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมทั้งผลัก ทั้งดันให้พ่อออกไป แต่เรี่ยวแรงที่เหลื่อมกันอยู่ เกนเลยพ่ายแพ้ เพราะแบบนี้เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ทั้งคู่เถียงกันไม่รู้จักจบจักสิ้นเสียที

   “ป๋าก็ไปนอนห้องป๋าสิ เกนไม่ให้นอน ลงเตียงไปเลย” เกนพยายามใช้ตัวเบียดร่างของกรพัฒน์ให้ร่วงลงเตียง แต่คนถูกเบียดเอี้ยวตัวกลับเข้าไปอยู่ตรงกลางได้ใหม่ “ป๋า ออกไปเลย เกนจะนอนกับพี่ปูน”

   “แกก็นอนไปสิ ฉันก็จะนอนด้วย แล้วก็ ห้องนี้ป๊าฉันเป็นคนสร้าง ดังนั้นฉันก็มีสิทธิ์” กรพัฒน์เถียง

   “ป๊าของป๋าก็อากงเกน ดังนั้นนี่ก็เป็นของเกนด้วย ไม่ต้องมาอ้างสิทธิ์” เกนก็ยังนั่งตอบโต้ไม่ยอม แถมตอนนี้เริ่มโยนหมอนพ่อตัวเองลงเตียงไปแล้ว “แล้วดู เตียงแคบขนาดนี้ ป๋าจะนอนด้วยได้ยังไง ออกไปนอนห้องตัวเองเลยไป”

   “ไอ้เกน มากไปโว้ย นี่ป๋าแกนะ กล้าไล่เลยเรอะ” 

   “เอ่อ ปูนนอนโซฟาก็ได้นะครับ” เมื่อเถียงเรื่องความกว้างของที่นอน ปูนเลยออกตัวชี้ไปที่โซฟาตัวยาวที่ท่าทางจะนุ่มและนอนสบายเหมือนกัน

   “ไม่ได้/ไม่เอา” สองพ่อลูกตะโกนออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย “นอนบนนี้แหละ/นอนด้วยกันนั่นแหละ” ทั้งคู่ก็ยังพูดพร้อมกันอีก จนต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่กันเหมือนเด็กๆ 

   “ก็เป็นซะแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จะได้นอนล่ะครับเนี่ย” ปูนถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับตัวเอง แค่มานอนด้วยทำไมถึงเกิดเรื่องเยอะขนาดนี้ ตอนอาบน้ำก็ทีหนึ่งแล้ว เกนจะขออาบด้วย พอเดินตามก็ถูกกรพัฒน์ลากคอออกไปนอกห้อง แล้วก็โวยวายกันใหญ่ “ปูนคิดผิดใช่ไหมที่มานอนที่นี่”

   “ไม่เลย ไม่ผิด” เกนรีบขยับไปดึงมือปูนมาใกล้เตียง แต่ก็มิวายส่งสายตาค้อนให้พ่อ “พี่ปูนนอนริมนี้นะ เดี๋ยวเกนนอนตรงกลางเอง”

   “ได้ไง แกนอนดิ้นจะตาย เดี๋ยวปูนก็ตกเตียงพอดี ปูนมานอนฝั่งพี่นี่” คนนอนไม่ดิ้นกักมือเรียก

   “เกนนอนดิ้นที่ไหน ป๋าอย่ามามั่ว”

   “มั่วที่ไหนล่ะ ไม่เชื่อไปถามเพื่อนแกสิ”

   “ก็นั่น...”

   “พอแล้วครับ ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว เดี๋ยวปูนนอนตรงกลางเอง”

   สุดท้ายปูนก็ยุติสงครามน้ำลายของพ่อลูกด้วยการปีนขึ้นเตียงแล้วไปแทรกนอนตรงกลาง กรพัฒน์กับเกนมองตากันปริบๆ ก่อนจะก้มมองคนที่นอนหลับตาตรงกลางระหว่างพวกเขา

   “นอนก็นอน” คนลูกยอมก่อน เกนล้มตัวนอนพร้อมวาดแขนมาโอบรอบเอวปูนไว้ “ป๋าปิดไฟด้วย” และพอเห็นพ่อตัวเองจะล้มตัวลงนอนบ้าง ก็ไม่ลืมสั่ง จนมีเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจดังเบาๆ

   เมื่อไฟในห้องดับหมดแล้ว กรพัฒน์ก็ล้มตัวลงนอน ใช้เวลาครู่หนึ่งในการปรับสายตาให้ชิน จนสามารถมองเห็นร่างคนข้างกาย ปูนยังคงหลับตานอนนิ่ง แต่ดูก็รู้ว่ายังไม่หลับ ที่สำคัญ ไอ้ลูกชายตัวดีคล้ายกับจะดึงปูนให้ขยับไปชิดด้วย มันน่าโดนเตะสักที
 
   เสียงนาฬิกาบนโต๊ะยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ไม่นานเสียงนั้นก็ถูกตัดออกจากการรับรู้ พร้อมกับแอร์เย็นยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดี เวลาผ่านไปเท่าไรไม่รู้ แต่ปูนรู้สึกได้ว่าคนข้างๆ ขยับตัวไปมาพร้อมเสียงพูดเบาๆ ดวงตากลมโตเลยค่อยๆ ปรือขึ้น

   “...ทิ้งทำไม” เสียงเบาหวิวหลุดออกมาจากปากเด็กหนุ่มข้างกาย ปูนขมวดคิ้วจ้องมอง เห็นใบหน้าของเกนมีหยาดน้ำตาไหลออกทางหางตาอย่างต่อเนื่อง “ทิ้งเกนทำไม”

   “โธ่ เกน” ปูนเม้มริมฝีปากรู้สึกสงสาร แม้เกนจะดูไม่คิดมากเรื่องแม่ แต่พอเอาเข้าจริงก็ต้องรู้สึกเสียใจมากแน่อยู่แล้ว

   “แม่ไม่รักเกนใช่ไหมเลยทิ้งไป” เกนยังคงละเมอเพ้อถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น มือสองข้างก็กวัดแกว่งไปในอากาศคล้ายกับจะไขว่คว้าหาอ้อมกอด “ไม่รักเกน”

   “อ่าว ปูนเป็นอะไร นอนไม่หลับหรือ” เสียงคนอีกฝั่งเรียกให้ปูนหันไปมอง กรพัฒน์ยกมือขยี้ตาหลังจากพลิกตัวแล้วเห็นปูนนั่งอยู่ “หืม” แต่พอปูนส่ายหน้าแล้วหันกลับไปมองเกน คนเพิ่งตื่นก็ค่อยๆ ลุกมานั่งตาม

   “เกนคงจะเสียใจมากแน่ๆ”

   “นี่ละ ที่พี่คิดหนักเรื่องที่จะให้แม่ลูกเจอกัน”

   กรพัฒน์มองลูกชายนิ่ง เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจไม่แพ้กัน ที่เห็นคนที่รักต้องเสียใจ แต่เรื่องแบบนี้จะหนีก็คงไม่พ้น สักวันเกนก็ต้องรับรู้และเจ็บปวด

   “แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะพี่กร” ยิ่งได้ยินเสียงสะอื้นทั้งที่หลับแบบนี้ ยิ่งน่าสงสารไปใหญ่ “พี่กร” ปูนหันไปมองหน้าคนเป็นพ่อเพื่อถามความเห็น

   “เกนมันพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ทั้งที่จริงแล้วมันก็ยังเด็กอยู่ ปัญหานี้เดี๋ยวก็คงดีขึ้นเอง ให้เวลาทั้งเกนแล้วก็...แม่ของเขา” แม้จะอยากช่วยแค่ไหน แต่เรื่องแบบนี้เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก จะสั่งให้ลูกหยุดเสียใจก็คงเป็นไปไม่ได้ “ปลุกมันดีไหม”

   “ไม่ดีหรอก” ปูนไม่เห็นด้วย ก่อนจะนอนลงแล้วดึงตัวเกนให้ขยับเข้ามาในอ้อมกอด คนละเมอรีบรัดเอวคนกอดแน่นพร้อมซุกหน้าบนอกอุ่น “นิ่งซะนะ พี่อยู่ตรงนี้ พี่ปูนจะอยู่ข้างเกนนะ” ปูนลูบศีรษะคนร้องไห้เบาๆ เพื่อปลอบ และเกนก็เริ่มกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ไม่นานเสียงสะอื้นเบาๆ ก็หยุดลงและมีเสียงหายใจดังขึ้นมาแทน “หลับแล้ว...พี่กรทำอะไร”

   ช่วงที่ปลอบจนเกนหยุดร้องไห้ ปูนก็เอี้ยวคอไปบอก แต่กลายเป็นว่า คนด้านหลังกลับล้มตัวลงนอนแล้ววาดแขนโอบตัวปูนเอาไว้

   “พี่ก็อยากปลอบไอ้เกนบ้าง” กรพัฒน์ว่า ใบหน้าคมซุกตรงต้นคอหอมพอดี “หอม”

   “ไหนบอกจะปลอบเกนไง แต่นี่พี่กอดปูนอยู่” คนถูกกอดไม่กล้าเอี้ยวคออีก เพราะทันทีที่ขยับ จะรู้สึกได้ว่า ริมฝีปากของคนด้านหลังแตะที่ต้นคอ

   “นี่พี่กอดเกนนะ แต่ปูนนอนคั้นกลางแถมยังกอดลูกพี่พอดี” คนแก้ตัวยังแถไปเรื่อย ตอนนี้เขามีคนตัวหอมอยู่ในอ้อมกอด “นอนเถอะ เดี๋ยวไอ้เกนมันตื่น” ว่าแล้วก็แกล้งหลับตาแล้วส่งเสียงกรน

   “คนเรานี่นะ” ปูนว่าอย่างงอนๆ แต่ก็ยอมหลับตาในอ้อมแขนของกรพัฒน์ และมีลูกชายของเขาที่หลับในอ้อมกอดของปูนเช่นกัน



***


   แสงแดดอ่อนๆ เริ่มลอดผ่านผ้าม่านพาดมาที่ดวงตากลมจนต้องค่อยๆ ปรือขึ้น ปูนกระพริบอยู่หลายครั้งว่าจะลืมตาเต็มที่ แสงสว่างด้านนอกทำให้รู้ว่าตอนนี้เช้าแล้ว คนร่างผอมยกแขนจะบิดขี้เกียจเช่นทุกครั้ง แต่กลับรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆ พาดบริเวณช่วงเอว มือขาวเลยรีบเปิดผ้าห่มดู

   “แขน?” พอเห็นว่าเป็นแขน ปูนก็ค่อยๆ ขยับตัวตะแคงมาอีกด้าน ซึ่งทำแบบนั้นแล้ว หน้าขาวปะทะกับหน้าอีกคนพอดี ปูนกระพริบตาปริบๆ นี่เขานอนหมอนเดียวกับกรพัฒน์ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่าตั้งแต่เมื่อคืนนี้...แล้วเกนล่ะ ไปไหน และพอจะขยับตัวมองหาคนที่ปลอบเมื่อคืน คนที่นอนหลับอยู่ก็ขยับตัวจนปูนต้องรีบหลับตาลงเพื่อแกล้งทำเป็นหลับ

   “น่ารักจริง” เสียงชมเบาๆ ยามที่ลืมตาตื่นมาเห็นคนน่ารักอยู่ตรงหน้า แบบนี้แหละที่กรพัฒน์ต้องการเห็นทุกวัน ว่าแล้วนิ้วยาวก็ค่อยๆ ไล้บริเวณใบหน้าขาว ทั้งคิ้วดำที่เรียงสวย เปลือกตาที่ซ่อนนัยน์ตาดั่งลูกกวาง ขนตาแพสวย จมูกโด่งนิดๆ และปากแดงที่น่า...จูบ

   “...”

   ปูนรีบลืมตา มือสองข้างยกขึ้นปิดปากเมื่อถูกจู่โจมด้วยการจูบ คนจูบก็ดูตกใจไม่แพ้กัน

   “ปูนไม่ได้หลับอยู่หรือ” กรพัฒน์รีบผุดลุกขึ้น ชายหนุ่มเอนหลังพิงหัวเตียง มือก็ยกเกาท้ายทอยตัวเองอย่างเขินๆ ไม่เคยแอบจูบใครตอนหลับแบบนี้เลยให้ตาย

   “ลักหลับปูนหรือ” ปูนยกมือออกแล้วพูด ก่อนจะยกมือขึ้นปิดใหม่ ทำแบบนี้แล้วเลยถูกหัวเราะใส่ “ไม่ตลกนะ”

   “งั้นจะให้พี่ทำยังไง ไปขอปูนเลยดีไหม” กรพัฒน์ว่า เลยได้ค้อนมาวงใหญ่ “เอางี้ก็ได้ พี่จะรับผิดชอบปูนเอง ไปย้ายของมาอยู่ห้องพี่เลย”

   “ชอบทำเป็นเล่นอยู่เรื่อย” ว่าพร้อมใบหน้าง้ำงอ

   “ไม่เล่นก็ได้ แต่ทำจริงเลย” คราวนี้กรพัฒน์ทำหน้านิ่งจริง กลายเป็นปูนที่ทำตัวไม่ถูก “อ่าว หนีเลยพอพูดจริง”

   ปูนรีบลงมาจากเตียงจะไปห้องน้ำ แต่ประตูกลับเปิดออกมา เกนยืนยิ้มสดใสให้ บนตัวมีผ้าขนหนูพันรอบเอวไว้เพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จ

   “เกนตื่นนานแล้วหรือ ทำไมไม่ปลุกพี่ล่ะ” ปูนถาม แต่เกนกลับยิ้มๆ ไม่ตอบ แต่ส่งสายตาพราวระยับไปที่ปูนกับพ่อตัวเอง “พี่เข้าห้องน้ำดีกว่า”

   ประตูห้องน้ำปิดพร้อมเสียงหัวเราะของเจ้าของห้อง ตอนเช้ามืด เกนตื่นมาเพราะปวดท้อง ทันทีที่ลืมตาตื่น ก็เห็นว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดปูน แค่นั้นก็รู้สึกอุ่นไปทั้งหัวใจ ยิ่งไปกว่านั้น ด้านหลังของปูนยังมีพ่อของเขาที่โอบปูนไว้แน่น ตอนเกนตื่นนั้น พ่อของตัวเองก็ตื่นเหมือนกัน แถมยังส่งซิกไม่ให้ปลุกปูนอีก แล้วแบบนี้จะมาโทษว่าไม่ปลุกไม่ได้ ต้องโทษคนสั่งนู้น

   “ยิ้มเชียวนะป๋า” อดที่จะล้อพ่อตัวเองไม่ได้ กรพัฒน์พิงหัวเตียงยิ้มอย่างมีความสุข

   “แกล่ะ ดีขึ้นไหม” พอถูกถามกลับ รอยยิ้มสดใสก็ค่อยๆ เลือนหาย “เมื่อคืนละเมอร้องไห้หนัก ตาบวมเลยนะ”

   “มันจะดีขึ้นใช่ไหม” เกนมองหน้าพ่อตัวเองแล้วถามออกมา

   “ก็อยู่ที่แกนั่นแหละที่กล้าเผชิญไหม แต่ลูกของไอ้กรซะอย่าง ไม่กล้าก็กลับไปอยู่กับอากงแกได้เลย” แม้จะไม่มีคำพูดปลอบใจที่สวยหรู แต่แค่นี้เกนก็รู้สึกดีใจที่พ่อเป็นห่วง “แม่ของแกน่ะ ไม่ได้อยากทิ้งไปหรอก แต่สิ่งที่รออยู่ของเขา มันดีจริงๆ เข้าใจเขาด้วยล่ะ”

   “เกนรู้”

   “ถึงแม้ว่าฉันกับแม่แกไม่ได้รักกัน แต่แกก็เกิดมาพร้อมกับความรักนะ แกยังมีฉัน มีอากง อาม่า”

   “มีแม่ แล้วก็พี่ปูนด้วย”

   “พอมีแม่ละพูดถึงใหญ่เลยนะ ไง แม่แกสวยใช่ไหมล่ะ”

   “สวย...แต่ป๋าไม่ชอบไง”

   “ดูปากมัน” ว่าแล้วก็ยกขาให้ จนลูกชายหัวเราะออกมา “ฉันไม่ได้ชอบคนเพราะสวยเว้ย”

   “แล้วป๋าชอบพี่ปูนเพราะอะไร”

   “เพราะเขาทำให้ฉันรู้สึกอยากยิ้มทุกครั้งที่ได้เจอหน้า” พอนึกถึงการเจอกันครั้งแรก รอยยิ้มที่ปูนมอบให้ มันทำให้หัวใจที่ไม่เคยเปิดรับใครเต้นแรง จนอยากเก็บรอยยิ้มนั่นไว้คนเดียว “จนฉันอยากจะยิ้มทุกวัน ทุกเวลา”

   “ป๋าอยากเป็นบ้าเหรอ”

   “ไอ้เกน”

   คนลูกขัดความเพ้อของพ่อเลยถูกวิ่งไล่เตะรอบห้อง เกนหัวเราะพ่อตัวเองเป็นบ้าเป็นหลัง ความเศร้าที่มีมาค่อยๆ ลดหายลงไปเรื่อยๆ ใช่ เขาไม่ควรโทษว่าแม่ผิด หรือโทษว่าตัวเองผิด คนเราต่างก็ต้องเลือกทางชีวิตของตัวเอง จนบางทีอาจจะต้องทิ้งบางอย่างไว้ด้านหลัง ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ

   กว่าปูนจะออกจากห้องน้ำ สองพ่อลูกก็หมดเรี่ยวหมดแรงนอนแผ่หลาบนเตียง เกนถูกไล่ให้ไปแต่งตัวเพื่อไปเรียน  กรพัฒน์ก็ถูกสั่งให้ไปอาบน้ำเพื่อไปทำงาน ส่วนคนอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ออกจากห้องเพื่อไปยังห้องอีกฝั่ง เพราะเครื่องครัวห้องกรพัฒน์นั้นมีครบ

   “ปูนชอบที่นอนแข็งหรือนุ่ม” กรพัฒน์ยังไม่ยอมเข้าห้องน้ำ ชายหนุ่มพาดผ้าขนหนูไว้บนบ่าแล้วเดินตามคนทำกับข้าวต้อยๆ “แล้วเครื่องครัวอยากได้อะไรเพิ่มไหม”

   “พี่กรถามปูนทำไมเนี่ย” คนยุ่งอยู่กับการทำอาหารตวัดสายตาขึ้นไปมอง

   “คืองี้นะ” คล้ายกับคิดอะไรออก “ช่วงที่พี่ไปทำงานเมืองนอก เกนมันอยู่คนเดียวไง แล้วพี่อยากจะขอร้องให้ปูนมาอยู่เป็นเพื่อนมัน ได้ไหม ถือว่าพี่ขอร้อง ปูนก็เห็นเมื่อคืนว่ามันร้องไห้เสียใจ พี่ไม่อยากให้ลูกพี่อยู่คนเดียว”

   “ทำไมพี่กรไม่ให้เกนกลับไปอยู่บ้านล่ะครับ”

   “มันไม่ไปหรอก ไปถามได้เลย” โชคดีที่ลูกชายก็หัวดื้อไม่แพ้เขา เรื่องของการกลับไปอยู่บ้าน “ถือว่าพี่ขอร้องนะ”
 
   “แต่ปูน...” แม้คอนโดนี้จะใกล้ที่ทำงาน แต่มันก็ดูแปลกๆ

   “ไม่ต้องมีแต่หรอก ปูนก็นอนห้องพี่นี่แหละ ไม่ต้องไปนอนห้องเกนหรอก ตื่นมาก็จะได้ทำกับข้าวเลยไง” กรพัฒน์พูดไปก็ลุ้นไป ในใจภาวนาให้คนร่างผอมรับคำ “ตกลงไหม”

   “ก็ได้ แต่แค่ช่วงพี่กรไปทำงานที่นู้นนะ” แม้จะตกลงแต่ก็มีเวลากำหนดแน่ชัด

   “แบบนั้นก็ได้” คนขอร้องยิ้มร่า แต่ในใจกลับคิดว่า อย่างน้อยก็ได้อยู่ห้องนี้ ไม่นานก็คงชินและพร้อมย้ายเข้าอยู่เลย คนอะไรหล่อแถมความคิดดีอีก “ไปอาบน้ำสิครับ”

   “ได้ครับ” ก่อนไปมิวายยื่นหน้ามาโฉบแก้มขาวฟอดใหญ่ “แก้มนุ๊มนุ่ม”

   ปูนมองค้อนตามหลัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยมาลงที่หมู มีดด้ามหนาสับหมูตรงหน้าซะละเอียด

   กรพัฒน์ออกมาจากห้องน้ำก็ได้กลิ่นหอมของข้าวต้ม และลูกชายตัวดีก็นั่งจัดการไปเกือบหมดชามแล้วด้วย พอเจ้าของห้องนั่งปุ๊บ ชามข้าวต้มหมูก็ถูกนำมาวาง

   “ต้องอร่อยแน่เลย” กรพัฒน์พูดพร้อมรอยยิ้มหวานให้คนทำ

   “มากด้วย” เกนแทรกขึ้นมาเลยถูกเตะขาใต้โต๊ะที่ทำลายบรรยากาศ “เป็นเอามาก”

   “พูดมาก กินเสร็จก็รีบๆ ไปเรียน”

   “รู้แล้วน่า ยิ่งแก่ยิ่งบ่น พี่ปูนต้องระวังไว้นะครับ”

   “ไอ้เกนเดี๋ยวเถอะ” ไม่ทันได้ทำโทษเพราะคนพูดวิ่งออกจากห้องไปแล้ว กรพัฒน์หน้าหงิกแต่ปูนกลับหัวเราะออกมา “ของปูนล่ะ มานั่งกินด้วยกัน”

   “ครับ”

   บนโต๊ะอาหารที่ปกติจะมีแค่เขาคนเดียว ไม่ก็ลูกชายที่นานๆ จะมาที ตอนนี้มีปูนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม กรพัฒน์กินข้าวไป ยิ้มไปดูมีความสุขจนไม่อยากให้เวลาเดิน

   “คำตอบของพี่ ปูนจะให้พี่ได้เมื่อไหร่หรือ” ไม่อยากให้บรรยากาศของห้องเงียบเกินไป กรพัฒน์จึงใช้จังหวะนี้ถามออกมาอีกรอบ ปูนดูลังเลนิดๆ ก่อนจะอ้าปากตอบ หากไม่มีคนเปิดประตูเข้ามา

   “เอ่อใช่ป๋า” เกนโผล่หน้ามาขัดจังหวะการลุ้นพอดี “ป๋านัดแม่ให้หน่อย เกนอยากเจอ เอาตอนค่ำนะ”

   “นี่แกขัดฉัน แล้วยังกล้ามาสั่งฉันอีกหรือ ไอ้ลูกคนนี้”

   “ขัดอะไร ก็แค่ลืมบอก คราวนี้ไปจริงๆ ละ” ว่าเสร็จก็ปิดประตูลง

   รู้แบบนี้ไปล็อคห้องซะตั้งแต่แรกก็ดี

   “ปูนจะพูดอะไรนะ” กรพัฒน์หันกลับมาสนใจปูนอีกรอบ

   “เอาไว้ให้เกนตกลงกับคุณคริสตี้ได้ก่อน แล้วปูนจะบอก” พอคำตอบเป็นแบบนี้ กรพัฒน์ก็ตีหน้ายุ่ง เมื่อกี้ถ้าลูกชายตัวดีไม่บอกแบบนั้น ปูนก็อาจจะให้คำตอบมาแล้ว คิดๆ แล้วก็อยากตบกะโหลกไอ้ตัวดีสักที



********



   ปูนนั่งรถมากับกรพัฒน์ แต่กลับขอลงก่อนถึงเพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มถูกพนักงานนินทา ไม่ใช่อาย แต่ภาพลักษณ์ของกรพัฒน์นั้นจะเสียหายเนื่องจากปูนก็เป็นผู้ชาย หากมีข่าวกับเพศเดียวกันคงไม่ดี

   “คราวหลังพี่ไม่ยอมแล้วนะ” กรพัฒน์กำชับก่อนปูนจะลงรถ แม้อีกคนไม่รับปากแต่กรพัฒน์ถือว่าได้บอกแล้ว เมื่อรถเลื่อนเข้าบริษัทไป ปูนก็ค่อยๆ เดินตามเข้าไป

   วันนี้ปูนมาสายกว่าเมื่อวาน ทำให้วันนี้คงต้องเลิกดึก แต่การเรียนรู้ทำให้ปูนไม่ต้องอดข้าวอีก ช่วงพักเที่ยงที่ไม่มีงานเร่งรีบ ปูนก็ออกมาโรงอาหารกับแอ้น ซึ่งหญิงสาวขอโทษขอโพยใหญ่เรื่องไม่ชวนปูนเมื่อวาน

   “ไม่เป็นไรครับ ปูนก็ผิดเองที่ไม่ถาม”

   “พี่ก็ผิดที่ไม่บอกนั่นแหละ”

   แอ้นยิ้มอ่อน เมื่อวานตอนจะกลับ อยู่ๆ ก็ถูกหัวหน้าอย่างเหมียวเรียกไปคุย เธอกำชับให้ดูแลปูนให้ดี และเรื่องกินข้าวก็ให้เตือน หรือไม่ก็พาไปด้วย เพราะเด็กใหม่มักจะไม่รู้ แม้แอ้นจะสงสัยอยู่บ้างว่าทำไมถึงห่วงเด็กใหม่คนนี้มากนัก ปกติเด็กที่มาใหม่ๆ ก็ต้องเรียนรู้เองทั้งนั้น

   หลังจากกินข้าวเสร็จ ปูนเดินตามแอ้นขึ้นตึก พอดีกับประตูห้องสตูดิโอเปิดออก คนเดินออกมาทำตาโตแล้วปรี่เข้ามาหา

   “ปูนหรือนี่ ใส่ชุดนี้ แสดงว่าทำงานที่นี่หรือ” มิ้นท์มองเสื้อที่ปูนใส่แล้วก็งงๆ แต่พอปูนพยักหน้าก็ยิ้มพรายออกมา “ดีจัง ได้อยู่ใกล้ปูนแบบนี้ เราจะได้มีเพื่อน”

   “น้องมิ้นท์มาคุยกับพี่เหมียวหรือคะ” แอ้นเอ่ยถามออกมา

   “ค่ะ เรื่องงานเดินแบบอาทิตย์นี้ พอดีทางลูกค้าเขาเจาะจงมิ้นท์มา พี่แอมมี่เลยให้มาคุยกับพี่เหมียว” มิ้นท์ตอบพร้อมรอยยิ้ม “นี่พี่แอ้นสอนงานให้ปูนหรือคะ ปูนเนี่ย เป็นเพื่อนสนิทมิ้นท์เลยนะ ฝากดูแลด้วยนะคะ” มือเรียวของนางแบบสาวตบเบาๆ ที่อกของปูน

   “น้องมิ้นท์ไม่บอก พี่ก็ดูแลดีอยู่แล้วค่ะ น้องปูนแกน่ารักมาก” ว่าแล้วก็หันไปยิ้มให้ “งั้นพี่ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

   “ได้ค่ะ” มิ้นท์ฉีกยิ้มให้ผู้ช่วยคนสนิทของหัวหน้าแผนกคอสตูม ก่อนจะหันมาหาเพื่อนสนิท “ปูนสู้ๆ นะ งานที่นี่หนักมาก ถ้าไม่ไหวบอกเราได้ เราจะบอกให้พี่เหมียวให้งานปูนน้อยๆ”

   “ขอบใจนะ แต่เราไหว” ปูนยิ้มบางส่งให้เพื่อน “มิ้นท์จะกลับแล้วหรือ”

   “ใช่ พอดีงานเราสบายๆ นะ” รอยยิ้มกับคำพูดของหญิงสาว หากไม่สนิทคงจะคิดว่าข่มอยู่ แต่รู้จักกันมานาน มิ้นท์เป็นคนแบบนี้มาตลอด ทำให้ปูนไม่ได้คิดมากเรื่องคำพูดสักเท่าไหร่ “ปูนไปทำงานเถอะ เราว่าจะไปนวดสักหน่อย ไว้เจอกันนะ”

   ปูนยืนมองเพื่อนเดินเข้าลิฟต์ไปก่อนจะกลับเข้าห้องและใช้เวลาทั้งหมดในการเรียนรู้งานจากแอ้น พอปรับตัวได้ก็เริ่มคล่องขึ้น แม้งานจะหนักเหมือนเดิมก็ตาม

   เวลาผ่านไปจนมืดค่ำ อยู่ๆ ประตูห้องก็มีพนักงานส่งอาหารเข้ามาพร้อมถาดพิซซ่ามากมาย ความหอมที่ส่งกลิ่นไปทั่วห้องเรียกให้บรรดาพนักงานที่เหลือทยอยออกมา รวมทั้งปูนและแอ้นที่เสียงท้องพากันแข่งร้อง

   “ใครโทรสั่งเนี่ย” ขนาดหัวหน้าแผนกอย่างเหมียวยังออกจากห้องมาเพราะความหิว

   ก่อนพนักงานส่งอาหารจะตอบ ประตูด้านหลังก็เปิดออกอีกรอบ คราวนี้เป็นเจ้านายสุดหล่อเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเท่ กรพัฒน์มองถาดพิซซ่าหลายสิบถาดที่กำลังวางอยู่บนโต๊ะ

   “ตามสบาย ผมเลี้ยงเอง” แล้วเสียงฮือฮาจากพนักงานก็ดังมาทั่วสารทิศ “ขอบใจมาก” และไม่ลืมเอ่ยกับพนักงานส่งอาหารทั้งสองคน

   แม้กลิ่นของพิซซ่าจะหอมเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครกล้าเปิด ยิ่งคนสั่งเป็นกรพัฒน์ด้วยแล้วก็ยิ่งไม่กล้า จนคนสั่งต้องมาเปิดพร้อมหยิบจากถาดไปกินชิ้นหนึ่งก่อน ทุกคนถึงยอมหยิบตาม จากนั้นต่างก็ลิ้มรสความอร่อยอย่างมีความสุข

   “เดี๋ยวแผนกอื่นเขาจะเขม่นเอานะคะ” เหมียวแอบไปกระซิบบอก พร้อมกัดพิซซ่าคำใหญ่

   “ช่างมัน” แต่กรพัฒน์กลับไม่แคร์คนอื่น “เต็มที่นะ ถ้าไม่อิ่มก็สั่งอย่างอื่นได้เลย ให้หัวหน้าเขาออกก่อน แล้วค่อยมาเบิกทีหลัง”

   “คุณกรละก็” เหมียวโวยวาย แต่พนักงานคนอื่นๆ กลับหัวเราะอย่างสนุกสนาน บางคนถึงกับเอ่ยปากว่าไม่เคยได้มื้อค่ำจากเจ้านายแบบนี้มาก่อน

   พอทุกคนสนใจอาหารตรงหน้า กรพัฒน์ก็ทำเป็นเดินมายืนข้างพนักงานคนใหม่ ที่มีแอ้นคอยส่งชิ้นต่อไปมาให้ แม้ในมือจะยังเหลืออยู่ก็ตาม

   “อร่อยไหม พี่ไม่รู้ปูนชอบกินหน้าอะไร เลยสั่งมาหมดเลย” คนใจดีเอนตัวมากระซิบ

   “ปูนกินได้หมด ขอบคุณครับ” พอปูนขอบคุณ คนนั่งใกล้อย่างแอ้นก็รีบขอบคุณด้วย เลยทำให้กรพัฒน์ไม่กล้าพูดอะไรต่อ “คุณกรเอาอีกไหมครับ” พูดจบก็ส่งชิ้นในมือให้ คนรับยิ้มนิดๆ แม้ในใจอยากจะให้ป้อนก็ตาม

   พิซซ่าเกือบสามสิบถาดหมดลงในเวลาอันรวดเร็ว ทุกคนช่วยกันเก็บกวาดแล้วก็แยกย้ายกลับไปทำงานต่อ พออิ่มท้องแบบนี้ก็มีแรงขึ้นเยอะ และพอปูนจะเดินไปบ้าง ข้อศอกก็ถูกดึงเอาไว้

   “พี่นัดคริสตี้ให้เกนแล้วนะ”

   “เมื่อไหร่หรือครับ”

   “วันนี้ อีกเดี๋ยวก็คงมา ตอนนี้เกนก็ใกล้ถึงแล้ว”

   “มันไม่เร็วไปหรือ ทั้งที่เมื่อวาน...”

   เพราะเมื่อวานยังคุยกันไม่ค่อยจะไหว น่าจะเว้นไปสักระยะถึงค่อยให้คุยกัน

   “ยิ่งเร็วยิ่งดี เรื่องจะได้จบไว” กรพัฒน์ว่า ก่อนดวงตาคมจะค่อยๆ เป็นประกาย “อย่างเรื่องของเรา ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้จบไวๆ เหมือนกัน และขอจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งนะ เพราะพี่ไม่ชอบแซดเอ็นดิ้ง”

   ปูนไม่ตอบ เพียงแต่ส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อได้ยินคนพูดเป็นเล่น สถานการณ์แบบนี้ยังกล้าจะพูดแบบนี้อีก ทั้งที่ควรห่วงเกนมากกว่า ที่จะต้องเจอหน้าแม่ตัวเองอีกรอบ หวังว่าเรื่องจะจบไวอย่างที่กรพัฒน์บอกจริงๆ

   และสุดท้ายปูนก็เดินตามกรพัฒน์ออกมาเมื่อถูกขอร้อง เผื่อเกนอยากได้คนปลอบใจ ซึ่งเขาทำไม่ค่อยเป็น ยิ่งทำหวานกับลูกชายด้วยแล้วยิ่งไม่เป็นใหญ่

   เกนไปนั่งรอทุกคนในห้องประชุมอยู่ก่อน ห้องนี้เป็นห้องที่เก็บเสียงเหมาะแก่การพูดคุยกันที่สุด จะให้ออกไปคุยด้านนอกก็กลัวคริสตี้เป็นข่าวฉาว ปูนกับกรพัฒน์เข้าห้องมาก่อน ไม่นานคนที่นัดไว้ก็มา คริสตี้สวมแว่นสีดำปิดบังดวงตาคู่สวยที่บวมแดงจากการร้องไห้หนักทั้งคืน

   “เกนอยากเจอแม่หรือ” ทันทีที่เจอหน้า คริสตี้ก็รีบถามทันที เธอนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวท้าย ไม่กล้าเข้าใกล้ลูกชายมากนัก เพราะเมื่อวานเกนดูเหมือนไม่อยากให้ถูกตัว และนั่นก็ทำให้เธอร้องไห้โทษตัวเองมาทั้งคืน แต่เช้ามากรพัฒน์กลับโทรเรียก บอกว่าเกนอยากพบ เธอจึงรีบรับปากทันที แม้ต้องยกเลิกงานของค่ำนี้ก็ตาม “แม่ดีใจ ที่เกนอยากเจอ”

   “ผมแค่ไม่อยากมีอะไรติดค้าง” เด็กหนุ่มพูดเสียงเรียบ ก่อนจะลุกขึ้นยืน “ผมไม่ได้โกรธแม่จริงๆ” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปหา เกนค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงที่พื้นตรงหน้าของคริสตี้ ซึ่งเธอดูตกใจ มือรีบเกี่ยวแว่นตาออกทันที

   “เกน...ทำอะไรลูก” คริสตี้รีบยื่นมือลงไปรับมือของลูกชายที่ก้มกราบเท้าไว้

   “ผมอยากจะขอโทษที่พูดไม่ดีกับแม่เมื่อวาน” เกนเงยหน้ามองผู้ให้กำเนิด ดวงตามีน้ำใสๆ เอ่อคลอหน่วยตา “ผมขอโทษที่ทำให้แม่ร้องไห้”

   “แม่ไม่เป็นไรลูก แม่ไม่เป็นไร” คริสตี้เริ่มร้องไห้โฮออกมาอีกครั้ง ก่อนจะรีบดึงลูกชายเข้ามาในอ้อมกอด “แม่ต่างหากที่ต้องขอโทษ แม่ขอโทษนะเกน แม่ขอโทษที่ทิ้งเกนไป ยกโทษให้แม่นะ”

   คราวนี้เสียงสะอื้นดังไปทั่วห้อง รวมทั้งคนยืนดูอย่างปูนก็อดที่จะน้ำตาซึมออกมาไม่ได้ พลางติดว่าอยากมีโอกาสกอดแม่แบบนี้สักครั้ง

   “ผมไม่เคยโกรธแม่เลย อากง อาม่า หรือป๋าก็บอกเสมอว่าอย่าโกรธแม่ ผมก็เลยไม่โกรธ เพราะผมเป็นเด็กดี” แม้จะซึ้ง แต่ก็อยากพูดติดตลกให้แม่ขำ เกนรีบปาดน้ำตาให้ตัวเอง ก่อนจะเช็ดน้ำตาที่แก้มให้กับแม่บ้าง “แม่อย่าร้องไห้เลยนะ เดี๋ยวไม่สวยเลย”

   “เกนก็อย่าร้องสิ เดี๋ยวไม่หล่อเหมือนกัน”

   แล้วทั้งคู่ก็กอดกันหัวเราะ แต่มีคนหนึ่งที่ยังคงน้ำตาไหลอยู่ จนคนข้างๆ ต้องดึงเข้ามากอดปลอบบ้าง

   อดีตเป็นเรื่องที่ไม่มีใครย้อนกลับไปแก้ไขได้ มีแต่ปัจจุบันเท่านั้นที่สามารถแก้ไขได้ เกนยิ้มให้กับอ้อมกอดของแม่ที่เพิ่งเคยได้รับ มองไปที่พ่อ ที่เลี้ยงมาแบบให้คิดเอง ตัดสินใจเองทุกอย่าง แม้ไม่เคยพูดหวานแต่ก็ห่วงมาก และคนในอ้อมกอดของพ่อ ที่คอยปลอบและเป็นกำลังใจให้เสมอ รวมทั้งอากง อาม่าที่สั่งสอนมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน

   “ป๋า อย่ากอดพี่ปูนนาน เกนหวง”

   “ไอ้นี่”


...TBC

คุณป้ามาแววดีนะคะเนี่ย ฮ่าๆๆๆ ส่วนอดีตของป้าแกจะมาในตอนถัดไปค่ะ ความหลังเมื่อครั้งยังมีเกนอยู่ในท้อง

ขอบคุณค่าาาา

ปล. มาไม่ดึกมากไปใช่ไหมคะ ฮ่าๆๆๆ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 13 ] [P.2] UP!! // [16/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-10-2017 23:28:19
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 13 ] [P.2] UP!! // [16/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sweetyswtcou ที่ 17-10-2017 00:17:35
ก็ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดีล่ะเนอะ ดีใจที่เกนเปิดใจได้เร็ว จะได้ไม่ค้างคาอะไรกันอีก
รอก็แต่ป๋ากับปูนนี่แหละ  :hao7:
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 13 ] [P.2] UP!! // [16/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 17-10-2017 00:39:09
น้องปูนใจอ่อนหรือยังนะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 14 ] [P.2] UP!! // [17/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 17-10-2017 19:11:01

-14-




         ความผ่อนคลายภายในห้องประชุมมีมากกว่าครั้งแรก เกนนั่งข้างแม่ตัวเอง มีกรพัฒน์นั่งอีกฝั่ง โดยที่ปูนขอตัวออกไป เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องของคนในครอบครัวหากปูนอยู่ก็ดูจะไม่เหมาะ ตอนแรกเกนไม่อยากให้ไป แต่กรพัฒน์ก็เห็นชอบกับปูนด้วย ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้ปูนรู้ แต่เรื่องนี้ อยากให้แม่กับลูกสะดวกที่จะเปิดใจมากกว่า

   “เมื่อตอนเด็กๆ แม่ใฝ่ฝันว่าอยากเป็นนางแบบมาตลอด แม่พยายามอย่างมากในการฝึกตัวเองจนมีโอกาสที่ดีเข้ามา” คริสตี้เริ่มเล่าความหลังให้กับลูกชายฟัง เธอทำหน้าเหม่อลอยเมื่อย้อนนึกถึงอดีต ครั้งเธอยังเป็นวัยรุ่น “พอได้ทำก็รู้เลยว่า งานพวกนี้ทำให้แม่มีเงินทองใช้ มีกระเป๋าหรูถืออวดใครๆ ยิ่งพ่อของเกนชวนแม่มาทำงานด้วย ชีวิตก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ จากนางแบบธรรมดาๆ คนหนึ่ง มีโอกาสได้ขึ้นปกหนังสือดังๆ ของเมืองนอก มันเป็นอะไรที่แสนวิเศษมาก ชื่อเสียง เงินทองมันมากกว่าเดิมจนแม่อยากทิ้งการเรียนซะด้วยซ้ำ...แต่แล้ววันนึง ก็เกิดเรื่องบ้างอย่างขึ้นมา”

   “เพราะมีเกนหรือครับ”

   คริสตี้ยิ้มบางส่งให้ลูกชาย “ตอนแม่รู้ตัวเองว่ากำลังตั้งท้อง เหมือนโลกทุกอย่างของแม่มันพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา อนาคต ชื่อเสียง เงินทอง อีกทั้งตอนนั้น โอกาสที่ไม่เคยคิดว่าจะมี ก็เข้ามาพอดี โมเดลลิ่งต่างประเทศเขาอยากให้แม่ไปทำงานที่นู้น แม่คิดหนักมาก มันมากซะจน...คิดจะทำแท้ง” พอถึงตรงนี้ คริสตี้รู้สึกมีก้อนแข็งขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ น้ำเสียงเริ่มสั่นครือ “หากตอนนั้น ไม่ได้ม๊าของพ่อเกนมาขอร้องอ้อนวอนให้เก็บเด็กไว้ แม่ก็อาจจะฆ่าเกนไปแล้ว ด้วยความคิดชั่ววูบเลวๆ ของตัวเอง”
 
   กรพัฒน์ยิ้มบางๆ ส่งให้อดีตภรรยา เรื่องพวกนี้ชายหนุ่มรู้เป็นอย่างดี เพราะเขาก็ผิดด้วยส่วนหนึ่งที่ทำลายอนาคตของหญิงสาวด้วยความเมา

   “แม่ย้ายเข้าบ้านของพ่อเกน ซึ่งทุกคนดูแลแม่เป็นอย่างดี แม่แทบไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนั้นแม่ก็ยังเด็ก อายุเพิ่งยี่สิบ แม่ยังอยากใช้ชีวิตหรูหรา อยากมีหน้ามีตาทางสังคม อยากเป็นนางแบบแถวหน้าที่โดดเด่นกว่าใครๆ ความอยากพวกนั้นทำให้แม่โกรธเด็กในท้องมาก จนละเลยที่จะดูแล ของบำรุงก็ไม่เคยแตะต้องสักอย่าง ได้แต่รอเวลาให้เด็กเกิดมาไวๆ แล้วแม่จะได้เป็นอิสระ...แม่ช่างเป็นแม่ที่เลวมากจริง”

   เด็กหนุ่มตั้งใจฟังอดีตของแม่ด้วยความสะเทือนในใจ แต่ทุกอย่างมันผ่านมาแล้ว มันคืออดีต... “แม่เคยอุ้มเกนไหมครับ”

   “เคยสิ ทำไมจะไม่เคย”

   “ดีจัง” 

   “พอคลอดได้ไม่นาน ทางเมืองนอกก็ติดต่อเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้แม่รีบตกลงรับปากจะไปทันที เพราะอนาคตที่เคยฝันไว้มันกลับมาอยู่ตรงหน้าแม่อีกครั้ง แม่เลือกจะทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่โดยไม่ลังเลใจสักนิด...และแม่ก็เลือกที่จะทิ้งเกนด้วย แม่ขอโทษนะเกน” คริสตี้เริ่มร้องไห้อีกรอบ พอมองย้อนกลับไป เธอช่างเป็นคนเลวที่ไม่สมควรเป็นแม่คนด้วยซ้ำ 

   “แม่ไม่รัก ไม่สงสารเกนบ้างหรือครับ ตอนที่ทิ้งเกนไป”

   “เพราะความอยากได้ อยากมีแบบคนอื่นมันทำให้แม่ยอมทิ้งทุกอย่าง” หญิงสาวพยายามกลั้นเสียงสะอื้นตัวเองอย่างหนัก “ยิ่งพอได้ทำงานที่นั่น ความสุขสบายก็ทำให้ลืมทุกอย่าง แม่มีเงิน มีหน้าตาทางสังคม มีอนาคตที่ดีเลิศเลอจนใครๆ ก็ต้องอิจฉา แต่แล้ววันหนึ่ง มีคนส่งรูปเด็กผู้ชายยืนยิ้มรับรางวัลมาให้ดู แม่ถึงคิดได้ว่า แม่ได้ลืมบางอย่างไป แม่ลืมไปว่า ยังมีลูกที่แม่ทิ้งไว้ข้างหลังเพื่ออนาคตของตัวเอง แม่ขอโทษจริงๆ นะเกน แม่มันเลวเอง เกนจะไม่ให้อภัยแม่ก็ได้ เพราะแม่ผิด”

   คริสตี้ปล่อยโฮออกมาอีกระลอก คราวนี้หญิงสาวไม่กลั้นเสียงใดๆ อีก คล้ายกับจะปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นภายในใจให้ออกมาจนหมด

   “ตั้งแต่ได้เห็นรูปเกน แม่ด่าตัวเองมาตลอด เคยทำร้ายตัวเอง เคยอยากฆ่าตัวตาย หากไม่ได้คุณไมเคิลเตือนสติว่าหากแม่ตายก็กลับมาหาเกนไม่ได้ แม่จะกลับมาแก้ไขเรื่องในอดีตไม่ได้ แม่เลยพยายามใช้ชีวิตอยู่อีกครั้ง แม้ความผิดมันจะคอยตามหลอกหลอนจนต้องใช้ยานอนหลับทุกคืนก็ตาม” ไมเคิลคือสามีคนปัจจุบันของคริสตี้ และเขายังเป็นเจ้าของโมเดลลิ่งที่หญิงสาวทำงานอยู่ด้วย “ถ้าเกนฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว จะไม่ให้อภัยแม่ แม่ก็ยอมรับ เพราะแม่เลวเกินไปจริงๆ”

   “เกนไม่โกรธหรอก ไม่เคยโกรธมานานแล้วอย่างที่บอกแม่ไป” เด็กหนุ่มค่อยๆ ฉีกยิ้ม “เกนสงสารแม่ด้วยซ้ำ ที่อนาคตของแม่ถูกทำลายเพราะเกน ดังนั้นเกนไม่โกรธแม่หรอก”

   “โธ่เกน อย่าพูดแบบนี้สิลูก” คริสตี้ดึงลูกชายเข้ามากอด เธอปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มเนียนอย่างไม่คิดจะใส่ใจ
 
   “เกนดีใจที่แม่มีชีวิตที่ดี ส่วนเกนถึงแม่จะทิ้งไป เกนก็ได้มีชีวิตที่ดีเหมือนกัน” ว่าแล้วก็ค่อยๆ มองพ่อตัวเอง “เกนมีป๋า ที่ขี้บ่นไปหน่อย แต่ก็ใจดี มีอากง อาม่าที่ตามใจเกนทุกอย่างตอนที่ป๋าเผลอ มีลุงอ้อมที่คอยขับรถไปส่งเกน และแอบพาเกนไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ ยังมีอีกหลายๆ คนด้วย ทั้งเกนและแม่ ต่างก็มีชีวิตที่ดีในแบบของตัวเอง”

   “เกนอยากไปอยู่กับแม่ไหม อยู่ที่นู้นเกนจะได้เรียนโรงเรียนดีๆ มีชีวิตที่ดีนะลูก แม่คุยกับลุงไมเคิลแล้วเรื่องของเกน...”

   “ไม่เอาหรอก” ทันทีที่ได้ยินคำชวน เกนก็รีบปฏิเสธแทบจะทันที “ถ้าเกนไป แล้วป๋าจะอยู่กับใคร อีกอย่าง สมบัติอากงก็เยอะ”

   “ไอ้เกน” กรพัฒน์ถลึงตาใส่ลูกชายที่หัวเราะทั้งน้ำตา

   “เกนชอบอยู่ที่นี่ครับ แค่เกนรู้ว่าแม่อยู่ที่นู้นแล้วมีความสุข เกนก็ดีใจ” เกนมองหน้าแม่ตัวเองพร้อมรอยยิ้ม “เกนมีน้องด้วยใช่ไหมครับ” เมื่อตอนเช้า เกนค้นหาชื่อของคริสตี้ ถึงได้รู้เรื่องราวครอบครัวของแม่ที่ต่างประเทศ ว่าชีวิตนั้นสุขสบายและน่าอิจฉาเพียงใด แถมยังมีลูกชายลูกสาวอย่างละคน พอแม่พยักหน้าลงเกนก็รีบบอก “พามาให้เกนรู้จักบ้าง เกนอยากมีน้อง”

   “แล้วแม่จะพาน้องเขามาเที่ยวนะ” คล้ายกับยกภูเขาหลายๆ ลูกออกจากอก คริสตี้ลูบใบหน้าของลูกชายด้วยความรัก

   “แม่กอดเกนหน่อยได้ไหมครับ” ว่าแล้วก็อ้าแขนรออ้อมแขนจากแม่ที่รีบโผเข้ามารวบกอด

   “ขี้อ้อนจริง นิสัยไม่เห็นเหมือนพ่อเลย” แอบแขวะอดีตสามีที่นั่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งไม่พูดไม่จา

   “ใครๆ ก็ว่าแบบนั้นแหละ ป๋าขี้เก๊กจะตาย” แล้วสองแม่ลูกก็พากันหัวเราะเสียงดัง จนกรพัฒน์ส่งเสียงฮึดฮัดที่ถูกรุม

   “ว่าแต่” คริสตี้เอ่ยออกมาพร้อมหันไปมองกรพัฒน์ “เด็กหน้าสวยที่ออกไปเมื่อกี้ คนรักของกรหรือ” ไม่ใช่จะไม่สังเกต แค่ไม่ถึงเวลาพูดออกมาก็เท่านั้น

   กรพัฒน์ไม่ตอบ แต่มุมปากกลับยกยิ้มขึ้นมา แค่นั้นก็เป็นคำตอบแล้ว ว่าใช่

   “พี่ปูนดีกับเกนมากเลยครับ น่ารักมากด้วย ทำกับข้าวก็อร่อย” เกนรีบอวดสรรพคุณของปูนทันทีจนคริสตี้หัวเราะออกมา

   “ตรงกันข้ามกับแม่ทุกอย่าง” เพราะคริสตี้ทำกับข้าวไม่เป็น ไม่มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนสักนิด “ถ้าเขาดีกับเกนแม่ก็เบาใจ แต่กร...ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณชอบผู้ชาย”

   “แค่เขาคนเดียว” ตอบทันทีที่ได้ยินประโยคจากหญิงสาวตรงหน้า กรพัฒน์เสหน้ามองไปทางประตูแล้วยิ้มออกมา ไม่รู้ตอนนี้คนน่ารักของเขากำลังทำอะไรอยู่ ไม่แน่อาจกำลังกระสับกระส่ายอยากรู้เรื่องก็เป็นได้

   “ดูพ่อของเกนสิ ยิ้มคนเดียวอย่างกับคนบ้า”

   “พ่อเขาอยากเป็นบ้าครับ”

   แล้วสองแม่ลูกก็หัวเราะออกมาอีกรอบ และดังมากกว่าเดิม

        จบแล้วสินะ ปัญหาที่แสนหนัก พอเอาเข้าจริงก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ คงต้องยกความชอบทั้งหมดให้กับเกนที่มีสติที่ดี มีความคิดที่โตกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ก็ไม่ได้อยากชมตัวเองว่าสอนลูกมาดี แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ 

   ค่ำนี้สองพ่อลูกไปส่งปูนที่หอพัก ตอนแรกเกนโวยวายอยากให้ปูนนอนด้วยอีกคืน แต่พอรู้ว่าช่วงที่พ่อไม่อยู่ ปูนจะไปนอนที่นั่นด้วย เด็กหนุ่มเลยต้องข่มใจไว้

   “แกชักจะติดปูนมากเกินไปแล้วนะ” อดที่จะว่าลูกไม่ได้

   “ป๋าอิจฉาล่ะสิ” เกนถามกลับอย่างรู้ทันเลยถูกพ่อถลึงตาใส่

   “เออ”



****



   เกนมาที่บริษัทบ่อยขึ้นเพราะปูนทำงานที่นี่ อีกทั้งแม่ยังต้องมาคุยงาน ทำให้คริสตี้ได้พูดคุยกับปูน รวมทั้งไปนั่งโรงอาหารกลางที่ใครหลายคนแทบนึกไม่ออกว่า นางแบบดังจะมานั่งกินข้าวธรรมดาๆ ยิ่งไปกว่านั้น นางแบบคนดังและลูกชายเจ้าของบริษัททำตัวสนิทสนมกับพนักงานใหม่อีก มันเลยเป็นประเด็นให้คนพูดคุยกันอย่างกว้างขวาง

   ยิ่งกรพัฒน์บินไปต่างประเทศด้วยแล้ว พนักงานหลายคนเลยพากันถกเถียงเรื่องของพนักงานใหม่กันอย่างเปิดเผย ด้วยความสนิทของเกนที่ตามติดปูนไปทุกที่ราวกับเป็นปาท่องโก๋

   “พรุ่งนี้เครื่องคุณคริสตี้ออกกี่โมงหรือครับ” ปูนเอ่ยถาม เพราะจะได้พาเกนไปถูกเวลา

   “น่าจะดึกมากค่ะ ไม่ต้องพาเกนไปส่งก็ได้” คริสตี้เข้าใจว่าปูนอยากพาเกนมาส่ง

   “แต่เกนคงอยากไปส่งแม่นะครับ” ว่าแล้วก็เหม่อมองไปที่เกนที่นอนเหยียดยาวเล่นเกมส์ในมือถืออยู่ ก่อนจะหันกลับมาเมื่อถูกมือเรียวยื่นมากุมมือ

   “ขอบคุณคุณปูนมากเลยนะคะที่ดูแลเกนเป็นอย่างดี คริสตี้เป็นแม่ที่แย่มาก ไม่เคยดูแลลูกเลย แถมยังทิ้งลูกอีก” หญิงสาวทำหน้าสลดเมื่อมองไปที่ลูกชาย “คริสตี้ฝากเกนด้วยนะคะ”

   “ครับ” ปูนรับคำ แม้ไม่รู้ว่าจะรับฝากได้อีกนานเท่าไหร่

   “ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง” คราวนี้ใบหน้าเศร้าค่อยๆ ผุดรอยยิ้มหวานออกมา “คริสตี้เพิ่งเคยเห็นกรมีความรัก ก็น่ารักดีนะคะ” หญิงสาวเอ่ยแซว

   “อ่าครับ” ปูนไม่รู้จะตอบหรือพูดแบบไหนต่อ เลยได้แต่ยิ้มๆ

   “แม้คนทั่วไปจะมองว่าเขาเป็นเพลย์บอย เจ้าชู้ แต่จริงๆ แล้ว เขารักครอบครัวมาก” ช่วงที่อาศัยอยู่ชายคาเดียวกัน คริสตี้ถึงได้สัมผัสสิ่งนี้ “คริสตี้ดูออกตั้งแต่ครั้งแรกว่าเขาชอบคุณปูนมาก ทั้งที่เขาไม่เคยชอบใคร แปลว่าคุณปูนต้องเป็นคนที่ดีมากถึงทำให้เขาชอบได้”

   “คุณคริสตี้พูดเกินไป ผมไม่ได้ดีเด่อะไรเลย เป็นคนธรรมดาทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ” ปูนไม่ปฏิเสธเรื่องกรพัฒน์ชอบ เพียงแต่ขัดเรื่องที่ถูกชมว่าเป็นคนที่ดีมาก

   “การที่กรหลงรักคุณ แปลว่าคุณก็ไม่ว่าธรรมดาแล้วนะคะ” หญิงสาวหัวเราะออกเสียง ก่อนจะขอโทษเบาๆ “คริสตี้หมายถึง ต้องมีอะไรดึงดูดประมาณนี้น่ะค่ะ แล้วก็ คุณปูนก็ชอบกรเขานี่คะ คริสตี้ดูออกน้า”

   “...” ไม่มีเสียงตอบรับหรือปฏิเสธ ปูนเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าซ่อนความเขินอาย ก่อนจะเงยหน้าเมื่อได้ยินคำอวยพรอย่างจริงใจ

   “รักกันนานๆ นะคะ ดูแลกันให้ดี คริสตี้คงบอกได้แค่นี้”

   “ขอบคุณครับ”   

   และหลังจากคริสตี้ทำงานเสร็จก็บินกลับเมืองนอกทันที ส่วนเกนยังคงเกาะติดปูนเหมือนเด็กน้อย ตั้งแต่ปูนย้ายมาพักที่ห้องของกรพัฒน์ แม้จะแค่ชั่วคราวแต่เกนก็ย้ายที่นอนมานอนด้วย หากพ่อตัวเองกลับมาเห็น คงโดนอาละวาดห้องเละเป็นแน่แท้




****



   “แน่ใจเหรอว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริงน่ะ” เสียงพูดคุยเบาๆ ดังอยู่หน้าห้องน้ำ ระหว่างที่ปูนกำลังล้างมือจากการทำธุระส่วนตัว

   “จริงพันเปอร์เซ็น” อีกคนยืนยันเสียงหนักแน่น และปูนคงจะก้าวออกไปหากไม่มีชื่อตัวเองในประโยคถัดมา “มิน่า คุณกรถึงชอบไปแผนกคอสตูม ที่แท้ก็ซ่อนเด็กที่ชื่อปูนไว้ที่นั่นนี่เอง”

   “แต่เด็กนั่นก็น่ารักจริงนะ ฉันเห็นยังอิจฉาเลย ผู้ชายอะไรสวยกว่าพวกเราอีก”

   “คงอยากลองของแปลก คุณกรเจ้าชู้จะตาย เปลี่ยนผู้หญิงราวกับถุงยาง”

   ว่าแล้วสองเสียงนั้นก็หัวเราะคิกคักชอบใจ แต่คนที่บังเอิญได้ยินอย่างปูนไม่ขำเลยสักนิด

   “เห็นว่าตอนนี้เข้าไปยึดคอนโดคุณกรแล้วนะ คงจะสบายไปทั้งชาติแน่”

   “แหม คุณกรรวยออกแบบนี้ ไม่เกาะก็โง่แล้ว เป็นฉันนะ จะสูบเงินไปช็อปปิ้งให้สบายใจเลย”

   ปูนยืนฟังนิ่ง แต่สองมือกำแน่นข่มความโกรธ ใครกันที่กล้าเอาเรื่องพวกนี้มาตีไข่ใส่สีได้ขนาดนี้ เมื่อคนหน้าห้องน้ำเดินไปแล้ว ปูนก็รีบจ้ำอ้าวกลับแผนก และทันทีที่เจอหน้าคนสอนงานอย่างแอ้น ปูนก็แทบเป็นใบ้เมื่อเจอคำถามที่เพิ่งได้ยินคนนินทามา

   “ปูนคบคุณกรหรือ” คนที่ได้ยินข่าวลือมาก็อยากถามให้กระจ่าง “ที่จริงพี่ได้ยินมาสักพักแล้วนะ แต่ตอนนี้มันมีคนยืนยันจริงๆ พี่เลยอยากถามปูน”

   “ข่าวลืออะไรหรือครับ” ปูนพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด

   “ก็ข่าวลือเรื่องปูนกับคุณกร แล้วก็ที่ปูนมาทำงานเพราะเป็นเด็กเส้น” คำตอบของแอ้นทำเอาปูนพูดไม่ออก ทั้งที่พยายามไม่ทำตัวเป็นที่สนใจจากใครๆ แล้วแท้ๆ “พี่น่ะ ก็พอสังเกตเห็นหลายครั้ง แต่ก็ไม่อยากยุ่ง เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ที่พี่มาถามเนี่ย เพราะพวกนั้นลือว่าปูนจับคุณกรเพราะอยากได้เงิน”

   “ปูนไม่ได้คิด ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลยนะครับ” ช่างเป็นข่าวลือที่ผิดเพี้ยนซะจริงๆ

   “นั่นน่ะสิ พี่ก็เถียงไปแล้ว แต่พวกนั้นบอกว่า คนให้ข้อมูล เขาเห็นว่าปูนอยู่คอนโดคุณกร ทั้งที่ตอนนี้คุณกรก็ไม่อยู่ เลยสนุกปากคนช่างนินทาเขาล่ะ” จากปากหนึ่งบอกต่อๆ กันไป เพิ่มสี เพิ่มไข่คนละนิด จนกลายเป็นเรื่องราวที่ไม่มีความจริงหลงเหลือ “ปูนอย่าโกรธพี่เลยนะ พี่แค่อยากมาถามปูนตรงๆ แค่นั้น”

   “ครับ”     
         
   ปูนพยายามไม่สนใจและเริ่มทำงานต่อ แต่สุดท้ายก็ทนสายตาและเสียงซุบซิบไม่ได้เลยต้องเดินออกจากห้อง ชายหนุ่มสูดเอาอากาศเข้าปอดก่อนจะปล่อยออกมายาวๆ เพื่อระงับความโมโหลง ใครกันนะ ที่ปล่อยข่าวแบบนี้ พอขายาวทำท่าจะก้าวเดิน ประตูด้านหลังก็เปิดออก คนเดินออกมาเป็นหัวหน้าแผนกที่ดูจะตกใจที่เห็นปูนยืนกำหมัดแน่น

   “มาทำอะไรตรงนี้” เหมียวถามออกมา สายตามองไปยังมือและตัวของปูนที่สั่นเทา

   “พอดีผมจะไปเข้าห้องน้ำครับ” ทั้งที่เพิ่งออกมา แต่จำเป็นต้องโกหก

   “เหรอ ก็ไปสิ” หญิงสาวว่า แต่ก่อนที่ปูนจะเดินไป เหมียวก็รีบพูดออกมาจนปูนต้องหยุดฟัง “ไม่ต้องไปฟังเสียงนกเสียงกาที่มารบกวน เพราะเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แล้วไม่นานคนพวกนี้ก็จะแพ้ภัยตัวเอง”

   “พี่เหมียวก็รู้เรื่องหรือครับ”

   “เรื่องพวกนี้ดังไวจะตาย” ทันทีที่ได้ยิน ปูนก็ทำหน้าสลดลงทันที “พี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะ ก็คุณกรบอกเองว่าจะฝากปูนไว้กับพี่”

   “ครับ?”

   “พี่ไม่อยากยุ่งเรื่องของเจ้านายหรอกนะ แค่ทำงานทุกวันก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ปูนก็ด้วย เรื่องพวกนี้ปล่อยๆ ไปเถอะ คิดซะว่าเป็นสีสันของชีวิต”

   ปูนมองตามหลังหัวหน้าแผนก ในสมองคิดประโยคที่ได้ยินจนสับสนไปหมด แล้วชายหนุ่มก็ต้องรีบก้มหน้าเมื่อมีพนักงานแผนกอื่นเดินผ่านแล้วมองมาพร้อมเสียงหัวเราะ

 
   ไม่ชอบแบบนี้


   ทันทีที่พนักงานกลุ่มนั้นเดินผ่านไปแล้ว ปูนก็จ้ำอ้าวไปยังห้องเจ้านายที่ยังอยู่ ปูนผลักบานประตูเข้าไป เจอพอลนั่งคิ้วขมวดอยู่หลังโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีแฟ้มวางอยู่หลายอัน

   “อ่าว” คนยุ่งกับงานสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนพรวดเข้ามา

   “ขอโทษครับที่ไม่ได้เคาะประตูก่อน” ตอนนี้ปูนอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด คิดได้แค่นั้นจนลืมเคาะประตูห้อง “คือผมขอลาออก”

   “ลาออก?” พอลทำหน้าสงสัย “หมายความว่ายังไงลาออก”

   “ผมไม่ทำงานที่นี่แล้วครับ ขอบคุณที่รับผมเข้าทำงาน ส่วนเงินเดือน ผมเพิ่งทำงานได้ไม่กี่วัน ดังนั้นไม่ต้องให้ก็ได้ ขอบคุณครับ” พูดออกมารัวๆ ก่อนจะยกมือไหว้แล้วเดินออกไปทันที ทิ้งให้เจ้าของห้องนั่งนิ่งด้วยความงงงวย

   พอลกระพริบตาปริบๆ พยายามประมวลประโยคในสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อรู้ความ

   “ฉิบหายแล้ว” ว่าแล้วก็ผุดลุกไปที่ประตู แต่ไม่เห็นใครเลย “ไอ้พอล มึงฉิบหายแน่นอน โดนแน่กู”



   ด้านปูนพอไปลาออกเสร็จก็รีบกลับมาเก็บข้าวของพร้อมบอกลาเหมียวและขอบคุณแอ้นที่ดูแลมาตลอด หญิงสาวสองคนทำตาโตเมื่อรู้ว่าปูนลาออก แต่ก็ห้ามไม่ได้เมื่อเป็นความสมัครใจของเจ้าตัว เหมียวเลยได้แต่ฝากคำพูดเตือนสติว่า

   “คำนินทาก็เหมือนก้อนหิน ยิ่งเราสนใจก็เหมือนยิ่งบีบ พอบีบแน่นขึ้นเท่าไหร่ ก็มีแต่เราเท่านั้นที่เจ็บ ปูนเก็บคำของพี่ไว้คิดนะ โชคดี”

   “ขอบคุณครับพี่เหมียว”

   “พี่ขอโทษ เพราะพี่ใช่ไหม ปูนถึงลาออก”

   “ไม่ใช่เพราะพี่แอ้นหรอกครับ ปูนไม่สะดวกใจที่จะอยู่เอง ขอบคุณที่ดูแลปูนตั้งแต่วันแรกนะครับ”

   “โชคดีนะ ไว้ค่อยนัดเจอกัน”

   บางทีคำพูดใส่ร้ายก็อาจทำลายคนที่ไม่รู้เรื่องราว จากน้ำลายบูดๆ กลายเป็นน้ำกรดที่คอยสาดใส่คนอื่นให้เจ็บแสบ ซึ่งตอนนี้ปูนก็กำลังประสบปัญหานี้อยู่ แล้วทางที่เขาเลือกคือเดินหนีออกมาเพื่อรักษาตัวเอง และไม่ทำให้กรพัฒน์เดือดร้อน ตัวเขาเองคงไม่เป็นไรมาก แต่สำหรับกรพัฒน์นั้นคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน ดังนั้นต้องมีใครคนหนึ่งที่เดินถอยออกมาเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น คนที่ถอยนั้น...

   นั่นคือตัวปูนเอง


...TBC

อาจจะงงๆ เพี้ยนๆ เบลอๆ ไปบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะคะ หากตรงไหนอ่านแล้วงงๆ ก๊งๆ บอกมาได้เลยค่า จะได้ปรับปรุงอย่างเร่งด่วน

ขอบคุณมากๆ ค่า

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 14 ] [P.2] UP!! // [17/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 17-10-2017 19:48:25
คุณกรกลับมารู้เข้าคงอาละวาดน่าดู

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 14 ] [P.2] UP!! // [17/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: benzdekba ที่ 17-10-2017 22:25:47
ค้างอะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 14 ] [P.2] UP!! // [17/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 17-10-2017 23:32:08
เห้อ คนบอกเนี่ยใช่มิ้นท์หรือเปล่า
สงสารปูนจังเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 14 ] [P.2] UP!! // [17/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-10-2017 01:22:07
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 15 ] [P.2] UP!! // [18/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 18-10-2017 18:42:32

-15-




        จากวันที่ลาออกมา วันนี้ก็เข้าสู่วันที่สามแล้ว ปูนไม่ยอมรับการติดต่อจากเกน หรือแม้แต่สายตรงมาจากเมืองนอกอย่างกรพัฒน์ ชายหนุ่มหมกตัวอยู่แต่ในห้อง พลางก้มหน้าหางานใหม่ในหน้าหนังสือพิมพ์ มือก็คีบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าปาก

   เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขัดจังหวะการเคี้ยวบะหมี่ที่เต็มแก้ม แต่ก็ต้องลุกไปทั้งอย่างนั้น ปูนเคี้ยวเส้นบะหมี่ตุ้ยๆ พร้อมเปิดประตูออก จังหวะที่เห็นใบหน้าครึ่งเสี้ยวของคนด้านนอก ปูนก็แทบจะผลักประตูปิด หากคนอีกฝั่งกลับมีแรงมากกว่า คนด้านในเลยแทบกระเด็นถอยหลัง

   “พี่โทรหาทำไมไม่รับ!” กรพัฒน์ตะคอกเสียงดังจนปูนตกใจรีบเดินถอยหลังหนี “พี่เป็นห่วงมากรู้ไหม ให้ใครติดต่อมา ปูนก็ไม่คิดจะรับ” พอเห็นร่างผอมตรงหน้าตกใจกลัว กรพัฒน์ก็ปรับอารมณ์ตัวเองให้นิ่งขึ้น
 
   “ปูนแค่...”

   “ทำไมถึงลาออก” ยังไม่ได้ฟังคำอธิบาย กรพัฒน์ก็ตั้งคำถามต่อ “ไอ้พอลโทรบอกพี่ว่าปูนลาออก แถมยังติดต่อไม่ได้ รู้ไหมว่าพี่แทบทิ้งงานที่นั่น อยากกลับมาให้เร็วที่สุด”

   “ขอโทษ ปูนแค่ยังไม่อยากคุยกับใคร”

   “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ” กรพัฒน์มองคนที่ทำตัวราวกับเด็กที่ชอบหนีปัญหาแล้วก็ไม่อยากพบเจอใคร “ไปกับพี่”

   “ไปไหน...เดี๋ยวพี่กร”

       ปูนตีหน้างงเมื่อถูกดึงข้อมือให้เดินตาม ทั้งที่กระเป๋าหรือข้าวของทุกอย่างยังอยู่ในห้อง อีกทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ตอนนี้ เป็นเสื้อยืดตัวเก่าเนื้อนุ่มกับกางเกงขาสั้น ต่างจากกรพัฒน์ที่แต่งสูทคล้ายกับจะไปออกงาน

   “เดี๋ยวก็รู้”

   รถคันสวยแล่นตามทางมาเรื่อยๆ ก่อนจะเข้าจอดที่ร้านสูทชื่อดัง กรพัฒน์ดึงปูนให้เดินเข้าไป ทันทีที่เปิดประตู เสียงต้อนรับก็ดังขึ้น

   “หาชุดที่เข้ากับเขาให้หน่อยครับ” กรพัฒน์ว่า ชายหนุ่มเดินย้อนกลับไปนั่งรอที่โซฟา ปล่อยให้พนักงานสาวสวยวัดตัวหาชุดสูทให้กับปูนไป

   “ให้ปูนใส่สูททำไม เดี๋ยวครับ” ไม่รอฟังอะไรทั้งนั้น พนักงานสาวผายมือพร้อมออกแรงดึงให้ปูนเข้าห้องลองเสื้อหลังจากได้ชุดที่เข้ากับรูปร่างและสีผิว

   ใช้เวลาไม่นานปูนก็ออกมา เสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยชุดสูทสีฟ้าอ่อนทั้งชุดดูเข้ากัน แถมทรงผมก็ถูกจัดทรงสวย ไม่เป็นทรงรังนกอย่างตอนขามา

   “ทางร้านเราลงรองพื้นอ่อนๆ แบบนี้โอเคใช่ไหมคะ” พนักงานสาวยิ้มถามกรพัฒน์ที่ยังนั่งมองอย่างตกตะลึง แม้คนออกมาไม่ได้สวมชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่อง แต่กลับสวยและดูดีไม่ต่างกัน ยิ่งสีแก้มแดงระเรื่อนั่นยิ่งทำให้น่าฟัดกว่าเดิม “คุณกรคะ”

   “ดีมากครับ ขอบคุณนะครับ” ร้านนี้เป็นร้านประจำของชายหนุ่มนั่นเอง “ชุดนี้เหมาะกับปูนดีนะ”

   “ให้ปูนแต่งแบบนี้ทำไมครับ” ปูนตีหน้ายุ่ง ก้มมองตัวเองที่สวมสูทราคาแพงระยับอย่างไม่ค่อยสบายใจ

   “เดี๋ยวปูนก็รู้เองน่า” ยังย้ำคำเดิมพร้อมรอยยิ้ม

   กรพัฒน์ขับรถโดยไม่ยอมบอกสถานที่ที่จะพาปูนไป ชายหนุ่มไม่แม้จะตอบคำถามใดๆ มีเพียงรอยยิ้มส่งมาให้ก็เท่านั้น จนปูนต้องยอมเงียบไปเอง การจราจรที่ติดหนึบแต่ไม่ทำให้อารมณ์คนขับรถบูดเบี้ยวแต่อย่างใด ไม่นานรถคันสวยก็เข้าจอดเทียบหน้าประตูโรงแรมระดับห้าดาว

   “โรงแรม” ปูนเผลอครางออกมาเบาๆ ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ บริเวณ พอกรพัฒน์ลงรถก็ต้องรีบลงตาม ก่อนที่คนขับรถของโรงแรมจะเข้าไปนั่งแทนและออกรถไป “พี่กรพาปูนมาโรงแรมทำไม” ความสงสัยมากมายยังไม่ได้คำตอบ

   ตอนนี้รอบๆ ตัวปูนมีแต่คนแต่งกายหรูหรา บ้างก็สวมชุดเดรสฟูฟ่อง ประดับด้วยเครื่องเพชร เครื่องพลอยที่แข่งกันสะท้อนกับแสงไฟแวววับจนแสบตา หากเป็นผู้ชายก็สวมสูทดูมีราคาแพงทุกคน แถมเมื่อกี้ปูนยังแอบเห็นนักแสดงจากในทีวีด้วย

   กรพัฒน์กุมมือปูนไว้ตลอดทาง ชายหนุ่มพาคนมองนั่นมองนี่เดินขึ้นบันไดปูพรมสีแดงไปจนถึงลานกว้างชั้นบน ทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเท้าขึ้นไปเหยียบ ก็มีกลุ่มคนวิ่งกรูเข้ามาหา พร้อมสาดแสงแฟลชจนปูนต้องหลับตา

   “ไม่ทราบมาก่อนว่าคุณกรจะมาด้วย ได้ข่าวว่าคุณกรต้องดูแลงานนางแบบที่เมืองนอกไม่ใช่หรือคะ”

   “งานนี้ไม่มีนางแบบในสังกัดมาเดินใช่ไหมคะ”

   “เพราะเจ้าของงานไม่สู้ราคานางแบบของคุณกรใช่ไหมคะ”

   และคำถามอีกสารพัดที่ปูนฟังไม่ทัน ตอนนี้ร่างผอมถูกเบียดจนแทบถูกกลืนไปกับคนรุม หากไม่มีกรพัฒน์ที่กระชับมือพร้อมขยับให้ปูนมาชิดติด ปูนก็อาจถูกเบียดออกจากวงไปแล้ว

   “พอดีผมฟังคำถามไม่ทันเลย ขอทีละคำถามได้ไหมครับ” กรพัฒน์ยิ้มตามแบบฉบับของตัวเอง และทันทีที่ถูกถามคำถามแรก เรื่องอัพค่าตัวนางแบบในสังกัด ชายหนุ่มก็หัวเราะออกมา “บริษัทของผมไม่มีนโยบายเพิ่มค่าตัวใดๆ เลยครับ นายแบบ นางแบบของผม เรทปกติทุกคน”

   “แล้วที่ว่า นางแบบของคุณกรเลือกงาน แล้วเหวี่ยงทีมงานเป็นมายังไงหรือคะ เรื่องจริงใช่ไหมคะ”

   “นางแบบผมคนไหนหรือครับ บอกผมมาได้เลยนะ ที่บริษัทเราจะมีฝ่ายเทรนอยู่แล้ว หากใครทำตัวไม่ดี ไม่เหมาะสม ก็จะส่งเข้าไปเทรนใหม่ในเรื่องของมารยาท ถ้าคุณมีข้อมูลส่งมาให้ผมได้ครับ”

   “ขอถามเรื่องส่วนตัวได้ไหมคะ” อยู่ๆ ก็มีนักข่าวจากสำนักแห่งหนึ่งแทรกขึ้นมา ทำเอาทุกคนสนใจเพราะอยากถามเช่นกัน เมื่อได้การพยักหน้าตกลง นักข่าวคนนั้นก็รีบถามทันที “มีแหล่งข่าวระบุมาว่า คุณกรกำลังคบหาดูใจอยู่กับผู้ชายจริงไหมคะ”

   คำถามตรงๆ ที่ทำเอาปูนเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าถามเช่นนี้ทั้งที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ปูนพยายามจะสะบัดมือออก แต่คนจับกลับกระชับแน่นกว่าเดิม ปูนช้อนตามองคนถูกถามอย่างตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าคำตอบที่จะออกจากปากกรพัฒน์จะไปในทางไหน 


   “ครับ”

   แล้วคำตอบสั้นๆ ก็สร้างเสียงฮือฮาได้รอบวง ตอนนี้ไม่ว่านักร้อง นักแสดง หรือคนดังคนไหนเดินเข้ามาในงาน ก็อาจไม่ได้รับความสนใจเท่า ยิ่งกรพัฒน์ดึงปูนมาแนบชิดพร้อมยกมือขึ้นโอบไหล่ ยิ่งมีคนสนใจมากขึ้น

   “คนนี้หรือคะ ที่คุณกรกำลังคบด้วย”

   เพราะทั้งไมค์ ทั้งเครื่องอัดบดบังหน้าตาของปูนไปหมดในคราแรก แต่พอมีคนทัก สิ่งที่ปิดหน้าปิดตาทุกอย่างก็ถูกลดลงมาให้ได้เห็นใบหน้าที่หวานราวกับผู้หญิง

   “ใช่ไหมคะคุณกร”

        คำถามรอการยืนยันยังดังอย่างต่อเนื่อง คนถูกถามหันมายิ้มให้คนข้างกาย ก่อนจะพยักหน้าลง

   “ครับ คนนี้ที่ผมกำลังคบอยู่” แล้วปูนก็เป็นที่สนใจจากบรรดานักข่าวทุกสำนัก “แต่ผมขออนุญาตไม่ให้เขาให้คำสัมภาษณ์นะครับ” เพราะรู้ว่าปูนจะตื่นกลัวและทำตัวไม่ถูก แค่ตอนนี้ใบหน้าหวานก็ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด

   “คุณกรยอมรับแบบนี้แล้ว ไม่กลัวว่าจะมีคนไม่ชอบแล้วยกเลิกงานกับนางแบบ นายแบบในสังกัดหรือคะ” ประเด็นที่น่าสนใจถูกหยิบยกมาอีกครั้ง และก็ได้รอยยิ้มพร้อมคำตอบแบบนุ่มๆ ตอบกลับไปเช่นเดิม

   “ผมว่า คนคิดแบบนั้นก็ใจแคบเกินไป ชีวิตส่วนตัวของผม คงไม่ทำให้งานหรือผลิตภัณฑ์ของเขาเสียภาพลักษณ์ถึงขั้นเลิกจ้างงานเด็กในสังกัด เพราะมันคนละส่วนกัน คนที่ทำงานมืออาชีพ เขาจะไม่นำเรื่องพวกนี้มาปะปนกันอยู่แล้ว ที่สำคัญ นี่มันยุคเสรีที่เปิดกว้างเรื่องความรัก ไม่ว่าจะเพศไหนก็มีความรักที่ดีได้ทั้งนั้น จริงไหมครับ” แม้จะเป็นคำพูดนุ่มๆ หากฟังแล้วก็คล้ายกับจิกกัดเบาๆ จนนักข่าวพากันเม้มริมฝีปาก 

   “งานแฟชั่นของหนังสือคุณกรฉบับหน้ามีอะไรพิเศษไหมคะ”

   เมื่อคำถามเรื่องส่วนตัวถูกตอบกลับมาเช่นนั้น เลยไม่กล้ามีใครถามออกไปอีก กรพัฒน์เป็นคนพูดตรงแต่ก็ไม่แรงจนทำให้รู้สึกไม่ดี ชายหนุ่มตอบคำถามเรื่องต่างๆ อย่างฉะฉาน ก่อนนักข่าวจะจากไป เขาก็ยังไม่ลืมแนะนำว่าคนรักของเขาชื่อปูน พร้อมขอรูปถ่ายคู่สวยๆ ลงหน้าหนังสือพิมพ์ หน้าลอยไม่เอา หน้ามันก็ไม่ไหว คำพูดติดตลกเช่นนี้เลยพลอยทำให้บรรยากาศกลับมาดีอีกครั้ง

   “มันจะดีหรือครับ” ทันทีที่นักข่าวไปรุมล้อมหาข่าวจากคนอื่น ปูนก็รีบถามทันที เมื่อกี้รู้สึกหายใจไม่ออกสักนิด

   “อะไรหรือ” กรพัฒน์ละสายตาจากกลุ่มคนตรงหน้าหันมามอง

   “ก็ที่พี่กรตอบเรื่องปูนไปแบบนั้น พี่กรจะดูไม่ดีเอานะครับ” ปูนรับรู้ได้ว่า เขากำลังถูกหลายคนจ้องมอง เพราะมือที่ถูกจับเอาไว้ไม่ยอมปล่อยตลอดงานนี่แหละ “คนอื่นเขา...”

   “พี่ไม่แคร์หรอกนะ ว่าใครจะคิดยังไง เพราะพวกนั้น คือคนอื่นสำหรับพี่ และพี่แคร์แค่ปูนคนเดียว” คำพูดที่หนักแน่นทำให้ปูนนิ่งไปทันที รู้อยู่หรอกว่าคนตัวสูงกว่าชอบเขา แต่ไม่คิดว่าจะจริงจังและจริงใจได้ขนาดนี้ “ดังนั้นปูนก็ไม่ต้องไปแคร์คนอื่น ว่าเขาจะมอง จะคิดยังไง แคร์แค่พี่คนเดียวพอ”

   “ครับ” ปูนยิ้มหวานออกมาทันที

   งานที่กรพัฒน์พามานี้ เป็นงานเดินแบบการกุศลของคนมีหน้ามีตาทางสังคม และคนที่เดินแบบนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นลูก เป็นหลานคนจัดงานทั้งนั้น เพราะแบบนี้นางแบบของกรพัฒน์ถึงไม่ได้มาเดิน

   “เหนื่อยชะมัด” เสียงบ่นดังจากด้านหลัง ปูนหันกลับไปดู คนพูดเป็นคนที่ปูนเพิ่งไปขอลาออก พอลขยับคอเสื้อเชิ๊ตไปมาให้คลายร้อน

   “มาช้านะ” กรพัฒน์ทักเพื่อนสนิท แม้สายตาจะจับจ้องไปยังนางแบบที่เดินเรียงรายกันออกมา

   “นี่ก็รีบสุดๆ แล้ว วิ่งขึ้นมาด้วย เหนื่อยมาก” พอลตอบเพื่อนก่อนจะหันมายิ้มให้กับปูน “พี่ติดต่อปูนไม่ได้เลยตั้งแต่วันนั้น แถมยังจะถูกไอ้กรฆ่าด้วย” คนจะถูกฆ่ารีบฟ้อง

   “ก็บอกให้ดูแลดีๆ ยังปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ สมควรโดน” สายตาคมตวัดมามองเพื่อนแวบหนึ่ง แล้วหันกลับไปสนใจงานต่อ

   “ปากคนเป็นร้อยเป็นพัน จะสั่งหุบได้ยังไงหมด...เนอะปูนเนอะ” พูดจบก็ต้องรีบหลบฝ่ามือของเพื่อน พอลขอแยกตัวไปหาเครื่องดื่มคลายร้อน แต่กลับกลายเป็นว่า ไปยืนจีบสาวสวยอยู่ข้างโต๊ะเครื่องดื่มแทน

        คนเจ้าชู้ต้องไม่ทิ้งลายเสือตัวเอง ประโยคประจำตัวของพอล

   “เรื่องข่าวลือนั่น พี่จัดการต้นตอแล้วนะ” คำบอกเล่าของกรพัฒน์เรียกความสนใจจากปูนได้เป็นอย่างดี “ไม่ต้องห่วงอะไร”

   “ใครเป็นคนปล่อยข่าวหรือครับ” อยากรู้มากที่สุด ว่าใครกันที่มาใส่ร้ายกันได้ขนาดนี้

   กรพัฒน์ใช้หางตามองปูนนิดๆ พลางตอบ “เพื่อนสนิทปูนไง นางแบบที่ชื่อมิ้นท์”

   “มิ้นท์?” แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ปูนตีหน้ายุ่งไม่สนใจงานอีก “เป็นไปได้ยังไง มิ้นท์เป็นเพื่อนของปูนนะครับ”

   “ไม่เคยได้ยินหรือ เพื่อนสนิทเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด พี่เคยเตือนปูนเรื่องเพื่อนคนนี้แล้วนะ แต่ปูนไม่เชื่อฟังพี่เลย สุดท้าย ก็ทำร้ายปูนจนได้”

   ก็จริงอย่างที่กรพัฒน์ว่า ชายหนุ่มเคยเตือนแล้วเรื่องเพื่อนสาวคนนี้ แต่เพราะคบกันมานานปูนเลยไว้ใจ ไม่คิดเลยว่า เพื่อนที่สนิท จะมาทำร้ายกันได้ลงคอ

   “พี่กรทำอะไรมิ้นท์หรือครับ” คำถามดูเลื่อนลอยเพราะยังรู้สึกผิดหวังกับเพื่อนสนิท

   “ทำตามกฎของบริษัทน่ะ ไม่ถึงขั้นไล่ออกหรอก”

   ปูนไม่ได้ถามซักไซ้ต่อ เพราะงานดำเนินมาจนถึงชุดสุดท้ายแล้ว แต่คนข้างกายกลับไม่อยู่ดูต่อ แถมยังจับมือปูนให้ออกจากงานอีกด้วย

   “พี่กรจะพาปูนไปไหนเนี่ย งานยังไม่จบเลยนะ” ดูๆ ไปก็สนุกดีเหมือนกัน ชุดแต่ละชุดก็สวย นางแบบบางคนก็งามซะจริง

   “ไปบ้านพี่” ตอบแบบสั้นๆ ที่กลับทำให้คนฟังสั่นไปทั้งร่าง ปูนขืนตัวเองไม่ให้เดินอีก จนคนจูงต้องมองอย่างสงสัย “ทำไม”

   “ไม่ไปไม่ได้หรือ” แค่พามาเปิดตัวกับนักข่าว ปูนก็แทบหายใจไม่ออก แข้งขา มือไม้สั่นไปหมด นี่ยังจะพาเข้าบ้านอีก มีหวังได้กัดลิ้นขาดพอดี

   “ไม่ต้องกลัวหรอก ป๊ากับม๊าพี่ไม่ได้ดุขนาดนั้น” คนเป็นลูกก็พูดได้ แต่คนนอกอย่างปูนก็ต้องกลัวอยู่ดี “ไปเถอะ พี่ยืนยันว่าครอบครัวพี่ไม่มีใครน่ากลัวสักคน”

   แม้จะยืนยันแบบนั้น ปูนก็กลัวอยู่ดี ครอบครัวคนจีน แม้จะเป็นลูกครึ่งอย่างที่กรพัฒน์บอก ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี และคนกลัวก็นั่งเกร็งไปตลอดทาง พอใกล้ถึงก็รีบบ่นออกมาว่าขาเป็นตะคริว จนคนพามาหัวเราะงอหงาย

   บ้านทรงสไตล์ยุโรปผสมจีนดูแปลกๆ แต่ก็เข้ากันดี อย่างโคมไฟสีแดงข้างหน้าดูสวยเด่นมากเมื่อมองมาที่หน้าบ้าน ยังมีรูปปั้นสิงตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่สองฟากของประตูทางเข้าบ้าน ด้านข้างมีสวนดอกไม้ที่ลูกชายเจ้าของบ้านบอกว่าชื่อดอกโบตั๋นสีชมพูบานสะพรั่งอยู่เต็มสวน

   “เชิญค่ะคุณกร” หญิงสูงวัยมวยผมไว้ที่ท้ายทอย สวมชุดธรรมดาออกมาต้อนรับ ปูนขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อแม่บ้านของที่นี่ไม่ได้แต่งกายเหมือนกับแม่บ้านชาวจีนในละครที่เคยดู

   เมื่อปูนได้ก้าวเข้ามาในบ้าน ความเกร็งก็ทำให้ก้าวขาแทบไม่ออก มือสองข้างเกาะแขนชุดสูทสีดำไว้แน่น พอยิ่งเดินเข้ามา ความกลัวก็มีความแปลกใจค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา

   “รูปพวกนี้มัน...” ปูนกระพริบตาปริบๆ มองไปบนผนังที่ติดรูปนักแสดงหนุ่มจากเกาหลีอยู่เต็มไปหมด มีทั้งแบบโปสเตอร์ผนัง กรอบรูปบนโต๊ะ หรือแม้แต่นาฬิกาตั้งโต๊ะก็ยังเป็นรูปของนักแสดงคนนั้น “ของใครหรือครับนี่”

   “ม๊าพี่เอง” แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน กรพัฒน์ขำออกมาเมื่อปูนทำตาโตตกใจ “พี่พูดจริงๆ ม๊าพี่เป็นแฟนคลับนักแสดงคนนี้ เก็บซีรี่ย์แทบทุกเรื่อง งานที่เรียกว่าแฟนมีตอะไรนั่นก็ไปนะ นั่งแถวหน้าสุดด้วย แต่ที่คลั่งแบบสุดๆ ก็เห็นจะเป็นการซื้อตั๋วตามไอ้นักแสดงคนนี้ไปทุกที่ ทั้งจีน เกาหลี ญี่ปุ่น”

   “พี่กรแกล้งอำปูนอยู่ใช่ไหมเนี่ย” หากเดาจากอายุของกรพัฒน์แล้ว ม๊าของเขาก็ต้องอายุไม่ต่ำกว่าห้าสิบ แล้วจะมาชื่นชอบถึงขนาดคลั่งไคล้แบบนี้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้

   “พี่ไม่เคยโกหกปูนนี่ จริงไหม” พอเจอประโยคนี้ ปูนก็เลยเม้มริมฝีปาก “แล้วถ้าปูนเดินไปอีกห้อง จะมีรูปนักร้องเกาหลีวงวันเดอร์อะไรสักอย่างนี่แหละ นั่นของพ่อพี่ ขานี้ก็คลั่งเหมือนกัน”

   “แน่ใจนะครับ ว่าพี่กรไม่ได้อำ”

   “ไม่เชื่อ ถ้าปูนเจอป๊ากับม๊าพี่ ลองถามได้เลยว่ารู้จักเพลงวงนั้นไหม ไม่ก็ถามเรื่องซีรี่ย์ของนักแสดงคนนี้”

   ปูนกระพริบตาปริบๆ มองรูปภาพของนักแสดงหนุ่มจากเกาหลีที่กำลังโด่งดังและมีเสน่ห์ในมือ นี่ใช่เรื่องจริงหรือนี่

   และปูนก็ได้คำตอบว่ามันคือเรื่องจริง เมื่อได้เจอป๊ากับม๊าที่ไม่ได้ดูแก่แม้อายุจะขึ้นเลขหกปลายๆ ทั้งคู่ยังดูเป็นหนุ่มเป็นสาว อย่างม๊าที่ย้อมผมเป็นสีแดงแบบเปรี๊ยวจี๊ด กับป๊าที่พอถามเรื่องเพลงก็รู้จักหมดจริงๆ จากความกลัวและเกร็งหายไป มีแต่เสียงหัวเราะแทรกเข้ามาแทน



*****



   “วันหลังป๊าจะสอนอาปูนเต้นนะ ไม่ยากๆ” พอพูดคุยได้สักพัก ก็ถึงเวลากลับ แต่ก่อนกลับ ป๊าก็ยังคงไม่ลืมย้ำเรื่องการสอนเต้นจนลูกชายเพียงคนเดียวส่ายศีรษะรัวๆ

   “ขอบคุณครับป๊า ขอบคุณครับม๊า” ปูนยกมือไหว้สำหรับมื้อเย็นที่แสนอร่อย

   “ไม่ต้องกลัวว่าม๊าหรือป๊าจะไม่ชอบหรอกนะ เพราะอากรเนี่ย เป็นพวกหัวดื้อ ยิ่งห้ามไปก็เท่านั้น แต่ดีที่มันเลือกเก่ง และสิ่งที่เลือก ก็เป็นสิ่งดีๆ ทั้งนั้น ม๊าเลยมั่นใจว่าอาปูนต้องเป็นคนดี จริงไหมอากร”

   “แน่ที่สุดครับม๊า”

   แล้วปูนก็ได้รู้ว่า เกนมีนิสัยขี้อ้อนเหมือนกรพัฒน์นี่เอง แม้คนลูกจะอ้อนหนักกว่าก็ตาม

   เมื่อออกจากบ้าน จุดหมายที่จะไปก็ยังไม่ใช่หอพักอยู่ดี เพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ปูนคุ้นเคยจนต้องมองอย่างตื่นๆ

   “นี่มันทางไปร้านพี่โรสนี่ครับ หรือพี่โรสกลับมาแล้ว” พอคิดแบบนี้ปูนก็ใจเต้นแรงคิดว่าพี่สาวที่รักจะกลับมา แต่กลับถูกดับฝันจนต้องยู่หน้าลง

   “ไม่ได้มาหรอก ตอนนี้ใช้ชีวิตสบายอยู่ที่นู้น พี่ไปงานก็เพิ่งเจอมา” กรพัฒน์พูดยิ้มๆ มีสิ่งที่เขาตั้งใจจะมอบให้ปูน แม้จะยังไม่เรียบร้อยดี แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้มันถึงกำหนดไวกว่าที่คาดการณ์ไว้ “ปูนจะต้องชอบแน่”

   ท่าทางและรอยยิ้มดูมีเลศนัยจนไม่น่าไว้ใจ ปูนนั่งกระสับกระส่ายอยากรู้ว่าอีกคนจะทำอะไร

   “ถ้าคิดทำเรื่องไม่ดี ปูนก็สู้นะครับ” ข่มขู่ทั้งคำพูดและสายตา

   “แรงน้อยอย่างปูน แค่พี่เป่าก็ปลิวแล้ว” ว่าเสร็จก็หัวเราะออกมา คนตัวผอมเลยยากที่จะปฏิเสธความจริง “ไปถึงก็รู้เอง”

   “ชอบพูดแบบนี้ตลอด”

   “ก็มันตื่นเต้นดีออก พี่ชอบ”

   “แต่ปูนไม่ชอบ”

   “เดี๋ยวปูนก็ต้องชอบ”

   ไม่อยากต่อปากต่อคำอีก คนตัวผอมเลยได้แต่นั่งนิ่ง รอให้ถึงที่ๆ คนพามาบอก แล้วจะได้รู้ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบอะไรในสิ่งที่กำลังรออยู่...แต่ที่แน่ๆ สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ดีมากแน่ๆ ปูนเชื่อแบบนั้น เพราะของทุกอย่างที่ได้จากกรพัฒน์คือสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ



...TBC


ขอบคุณค่าาาาาา  :pig4: :pig4:

ปล.ปูนก็สู้คนนะคะ (หัวเราะทั้งน้ำตา)
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 15 ] [P.2] UP!! // [18/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-10-2017 22:10:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 15 ] [P.2] UP!! // [18/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 18-10-2017 22:46:50
ขอบคุณค่าา ปูนน่าร๊ากกก พี่กรก็หนักแน่น มิน่าถึงอยู่กันนาน อิอิ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 16 ] [P.3] UP!! // [19/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 19-10-2017 00:17:53

-16-



       
        หน้าร้านดอกไม้ที่ปูนเคยทำงานมาเป็นปีตอนนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม จะมีสีของตัวร้านที่ถูกเปลี่ยนใหม่ให้เป็นสีเหลืองอ่อน ซึ่งเป็นสีที่ปูนชอบ โดยรอบๆ ของร้านปลูกดอกกุหลาบที่กำลังจะออกดอกและเบ่งบานในไม่ช้า

   “ทั้งที่อยากให้ปูนได้เห็นตอนเสร็จแท้ๆ” กรพัฒน์ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เข้าไปดูด้านในกันเถอะ”

   ปูนเดินตามหลังกรพัฒน์เข้าไป ภายในร้านเปิดโล่ง ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ หรือฟอร์นิเจอร์สักชิ้น นั่นเพราะบางส่วนของตัวร้านยังอยู่ในระหว่างปรับปรุงใหม่

   “รูปบนผนังนี่มัน...” ผนังที่เคยแขวนกรอบรูป ตอนนี้ถูกทาสีขาวจนทั่ว บนนั้นยังมีรูปดอกไม้หลากหลายพันธุ์ที่ถูกวาดซะสวย ที่สำคัญ มีรูปของปูนที่ถูกวาดเป็นตัวการ์ตูนน่ารักอยู่ด้วย

   “น่ารักใช่ไหม พี่ให้รุ่นน้องมาวาดให้ เอารูปปูนให้ดู มันก็ออกแบบแล้วมาวาดให้” กรพัฒน์เดินมาใกล้ผนัง แล้วส่งยิ้มหวานให้ “ปูนชอบไหม”

   “อื่อๆ” รีบพยักหน้าลงแรงๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหา มือขาวยื่นไปแตะรูปตัวเองเบาๆ “ชอบมากที่สุด”

   “ถ้ามาตอนร้านเสร็จคงจะสวยกว่านี้ ดูสิ ยังมี...”

   เสียงทุ้มพูดยังไม่จบดีก็ถูกรัดรอบเอว ปูนกอดกรพัฒน์แน่น หน้าสวยซบกับอกกว้าง ตอนนี้รู้สึกดีใจ ตื้นตันและอีกนานาความรู้สึกที่มันเกินคำว่าขอบคุณ

   “กอดแบบนี้พี่ก็เขินน่ะสิ” พูดไปอย่างนั้น แต่มือใหญ่ก็กอดกลับเช่นกัน กว่าจะทำให้ปูนเปิดใจ กรพัฒน์ต้องใช้ทั้งพลังสมองและพลังกายอย่างมากที่จะทลายกำแพงของคนในอ้อมกอด ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ มันคุ้มค่ามากจริงๆ

   “ปูนขอบคุณทุกอย่างที่พี่กรทำให้ ขอบคุณนะครับ” ตอนนี้ลูกกวางของกรพัฒน์ปล่อยโฮออกมาซะแล้ว “ขอบคุณจริงๆ”

   “เปลี่ยนคำขอบคุณ เป็นคำว่ารักได้หรือเปล่า” แกล้งหยอกเพื่อให้หยุดร้องไห้ไปงั้น กรพัฒน์ค่อยๆ ดันร่างปูนออกเพื่อสบตาคู่สวย “ที่พี่ทำทั้งหมด เพราะพี่อยากทำให้ปูนจริงๆ ไม่ได้หวังว่าจะทำให้ปูนรับรัก ไม่สิ ก็ต้องหวังบ้าง แต่พี่อยากทำให้ปูนจริงๆ”

   “รักก็ได้”

   “หา?”

   “ก็บอกว่ารัก”

   ราวกับหูฝาด กรพัฒน์ยกมือขยี้รูหูตัวเองซ้ำๆ แต่คำว่ารักที่ได้ยินยังคงดังก้องไม่จางหาย

   “ปูนพูดว่า...รัก...เหรอ”

   “ปูนรักพี่กรนะ”

   ดวงตากลมโตนัยน์ตาสวยที่มองมาไม่มีสั่นไหว คำว่ารักของปูนพูดออกมาจากใจจริงๆ แก้มแดงระเรื่อบ่งบอกว่าคนพูดเขินอายพอสมควรแต่ก็ไม่ยอมหลบตา คล้ายกับจะเล่นเกมส์จ้องตาหากใครหลบก่อนจะแพ้ ซึ่งคนนั้นไม่ใช่กรพัฒน์แน่นอน

   พอเอาเข้าจริง ปูนต้องหลุบสายตาลงเมื่อเจอดวงตาคมจ้องมอง คำตอบนี้ปรากฏเด่นชัดมานานแล้ว แค่ไม่ได้พูดออกไป เพราะสิ่งที่กรพัฒน์ทำให้ทุกอย่างมันแสดงให้เห็นถึงความจริงใจและจริงจัง การเอาใจใส่เรื่องเล็กน้อยที่บางครั้งปูนยังมองข้ามแต่กรพัฒน์ไม่ใช่ ความห่วงใยทั้งความรู้สึกและร่างกายที่ได้เห็น มันทำลายกำแพงของปูนลงจนแทบไม่เหลือสักเศษเสี้ยว

   “ขอบคุณที่รักพี่นะครับ”

   มือใหญ่ค่อยๆ เชยคางคนหลบตาขึ้นมา ดวงตาคู่สวยสั่นไหวระริกด้วยความเขินอาย กรพัฒน์ยกยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปใกล้ ริมฝีปากของชายหนุ่มค่อยๆ แตะกับริมฝีปากนุ่ม และปูนก็หลับตาเพื่อรับความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดจากคนที่เขารักและรักเขา

   เนิ่นนานกว่าคนจูบจะผละออก แต่ก็ไม่ยอมขยับห่างไปไหน กรพัฒน์ยังคงใช้จมูกโด่งตัวเองคลอเคลียจมูกขาว หากสามารถหยุดเวลาตรงนี้ได้ด้วยเงิน ชายหนุ่มก็จะยอมทุ่มจนหมดตัว

   “โทรศัพท์” เสียงพูดดังชิดจนรู้สึกถึงลมหายใจกลิ่นมิ้นท์อ่อนๆ ที่ออกมาจากปากบาง

   “ช่างมัน” แต่อีกคนกลับไม่สนใจ ตอนนี้สิ่งที่น่าสนคือริมฝีปากตรงหน้านี้ต่างหาก
 
   “แต่มันดังหลายรอบแล้วนะครับ” ปูนยังคงไม่หยุดพูด จนถูกจูบย้ำๆ ซ้ำๆ อยู่หลายรอบ คนจูบถึงยอมถอย กรพัฒน์สบถอย่างหัวเสีย มือก็ล้วงมือถือออกจากกางเกง “เกนหรือครับ”

   “คนเดียวนี่แหละ” คนเป็นพ่อว่าอย่างเซ็งๆ พร้อมกดรับ “เออ” ตอบไปคำเดียวแล้วก็วาง

   “ทำไมคุยน้อยจัง เกนมีอะไรหรือครับ” ปูนมองอย่างสงสัย

   “มันบอกให้รีบกลับ หิวข้าว” พูดแล้วก็น่าโมโหลูกชายที่ชอบขัดอยู่เรื่อย ส่วนปูนพอได้ยินก็หัวเราะออกมา “กลับเถอะ ส่วนร้านก็ให้ปูนมาดูแลเอง เพราะพี่จะยกให้”

   “ยกให้ปูน? ไม่ใช่จะจ้างให้ปูนทำงานที่นี่หรือครับ”

   “คนรักของเจ้าของ จะให้จ้างทำไม ปูนก็แปลกจริง”

   ที่จริงก็รู้ แค่อยากแกล้งคนหัวเสียก็เท่านั้น ปูนเดินหัวเราะอารมณ์ดีตามหลังคนหน้าบูด มีหวังกลับถึงคอนโด เกนอาจจะถูกคาดโทษก็เป็นได้

   “พี่กรซื้อร้านต่อจากพี่โรสหรือครับ” ปูนถามระหว่างทางกลับ และแน่นอนว่าปูนก็ต้องกลับไปคอนโดกรพัฒน์ด้วย

   “อืม พี่ซื้อต่อตั้งแต่รู้ว่าจะเขาย้ายไปเมืองนอกนั่นแหละ” ตอบเสร็จก็หันมายิ้ม “โรสลดราคาให้ด้วย แต่แลกกับการที่พี่ห้ามทำปูนเสียใจ”

   “ซื้อเพราะลดราคานี่เอง”

   “ซื้อเพราะพี่จะไม่ทำให้ปูนเสียใจต่างหาก”




*********


   กว่าจะถึงคอนโด เกนก็นอนหลับไปแล้วหลายตื่น พอปูนไปเรียกให้มาทานข้าว เกนก็รีบตักข้าวเข้าปากคำใหญ่จนสำลักอยู่หลายรอบ

   “รสชาตินี้มัน...ป๋าเอากับข้าวมาจากบ้านอาม่ามาใช่ไหม” เกนจำรสชาติอาหารแต่ละอย่างได้ดี เด็กหนุ่มติดรสมือของอาม่ามากที่สุด

   “รู้ดี...” กรพัฒน์ยังเขม่นลูกชายตัวดี เลยไปนั่งซะไกล “พาปูนไปเปิดตัวมา”

   “จริงดิ่” คราวนี้เกนเบิกตาโต มือรีบทิ้งช้อนไว้บนโต๊ะแล้วก็วิ่งมานั่งข้างพ่อตัวเอง “แล้วอากง อาม่าว่ายังไงบ้าง”

   “ป๋าแกซะอย่าง” คนเป็นพ่อพูดพลางดันหน้าของลูกชายให้ออกห่างหน้าตัวเอง

   “ขี้อวดตลอด” เกนส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปกินข้าวต่อ ไม่สนหมอนที่ปลิวตามหลังมา โดยมีปูนเดินมาเก็บไปคืน “คืนนี้พี่ปูนจะนอนกับเกนใช่ไหม”

   “คือพี่...”

   “นอนกับฉันเว้ย เตียงแกแคบจะตาย ปวดหลังด้วย” กรพัฒน์รีบขัด

   “แคบที่ไหน เพราะป๋าไปนอนด้วยต่างหากเลยแคบ ถ้าเกนนอนกับพี่ปูนสองคนก็พอดี” ลูกชายยังไม่ยอม “อีกอย่าง เตียงป๋านอนก็ปวดหลังเหมือนกันนั่นแหละ”

   “หมายความว่ายังไง”

   “ก็ตอนที่ป๋าไปเมืองนอก เกนมานอนกับพี่ปูนที่นี่ทุกวัน เนอะ”

   “ไอ้เกน”

   ปูนได้แต่ถอนหายใจเมื่อต้องนั่งฟังพ่อลูกเถียงกันไปมาอย่างกับเด็กไม่รู้จักโต และสุดท้าย ค่ำคืนนี้ที่ห้องของกรพัฒน์ ก็มีเกนที่หอบหมอนข้ามห้องมานอนคั้นกลาง ทำเอาเจ้าของห้องหัวเสียนอนกอดหมอนข้างจนหลับสนิท




****



   “ห้องฟิตเนสปูนก็ใช้ได้นะ อยู่ชั้นล่างนี่เอง ห้องอาหารก็มี กับข้าวอร่อยทุกอย่าง แล้วนี่การ์ดห้องพี่ นี่ก็บัตรเครดิต พี่ทำเรื่องให้ใช้ลายเซ็นปูนแล้วนะ เผื่อปูนอยากได้ของใช้อะไรจะได้สะดวก” กรพัฒน์จูบยาวก่อนจะแจกแจงรายละเอียด แต่คนได้กลับไม่ค่อยจะเห็นด้วย

   “เงินปูนก็ยังมีอยู่ พี่กรเก็บบัตรเครดิตไว้เถอะครับ” มือขาวเลื่อนบัตรคืน แต่เจ้าของไม่ยอมหยิบ แถมยังออกไปทำงานเฉย ปูนเลยได้แต่ถอนหายใจยามมองบัตรสีดำเคลือบทองตรงหน้า ก่อนจะเอาใส่กระเป๋าเก็บไว้กันหาย

   เมื่อเก็บกวาดห้องทั้งสองฝั่งจนเสร็จ ปูนก็อาบน้ำเพื่อจะลงไปหาร้านข้าวราดแกงอร่อยๆ ซึ่งร้านขายก็ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับคอนโด จะเดินไปก็ยังได้ ลิฟต์ตัวที่ปูนใช้ลงไปชั้นล่างเปิดออกขณะลงมาได้ไม่กี่ชั้น และคนที่เข้ามา ก็เป็นคนที่ปูนรู้จัก แถมรู้จักดีมากซะด้วย

   หญิงสาวรูปร่างผอมสูงสวมชุดเดรสสีหวาน สะพายกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อดัง เธอสวมแว่นตาสีดำปกปิดดวงตาไว้

   “หลับสบายดีหรือเปล่า” ปูนเริ่มทักหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้าชิดประตู พอได้ยินคำทักทาย เธอก็ค่อยๆ หันมาพร้อมกับยกมือลดแว่นตาลงมาค้างไว้ที่ปลายจมูก ดวงตาที่เคลือบอายแชร์โดวเลื่อนมองปูนตั้งแต่หัวจรดเท้า

   “อ่าว ปูนหรอกหรือ คิดว่าคนบ้านๆ ที่ไหน” รอยยิ้มที่ส่งกลับมา หากพิจารณาดีๆ แล้ว ช่างเป็นรอยยิ้มที่ไม่มีความจริงใจเอาซะเลย “ดีใจด้วยนะ ที่คุณกรเปิดตัวปูนในงานเดินแบบเมื่อวาน เซอร์ไพรส์มาก”

   “ขอบใจนะ” ปูนยิ้มตอบกลับ “แล้วมิ้นท์ล่ะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า”

   “แน่นอนสิ ช่วงนี้งานฉันยุ่งมากเลย แทบไม่มีเวลาพัก อีกเดี๋ยวก็จะมีโฆษณาด้วยนะ เหนื่อยมากเลย” หญิงสาวกรอกดวงตาขึ้นบนพร้อมเบะปากนิดๆ คล้ายกับจะบอกว่าเหนื่อยมากอย่างที่พูด แต่ปูนกลับมองนิ่ง “ว่าแต่ ปูนไม่ทำงานที่บริษัทแล้วเหรอ ไม่เห็นเลย”

   ชายหนุ่มหรี่ตาลงนิดๆ เมื่อคนตรงหน้าทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร “อืม พอดีได้งานใหม่น่ะ”

   “เหรอ งานที่ไหนล่ะ”

   “ร้านดอกไม้เหมือนเดิมนั่นแหละ”

   “ได้เงินน้อยน่ะสิ ไม่ไหวหรอก เป็นฉันละก็ ทนไม่ไหวหรอก” มิ้นท์เบะปากอีกครั้งยามพูดถึงค่าจ้างแสนถูก “เสียดายนะ ถ้าปูนทำงานที่บริษัทคุณกร ไม่แน่ ฉันอาจจะขอร้องพวกเขาให้ปูนมาเป็นผู้ดูแลก็ได้นะ ช่วงงานฉันยุ่งน่ะ”

   “แต่เราว่า มิ้นท์ไม่น่างานยุ่งนะช่วงนี้” พอปูนพูดปุ๊บ คิ้วของหญิงสาวก็กระตุกนิดๆ “ไม่ใช่แค่ช่วงนี้สิ สามเดือนใช่ไหม ที่ถูกพักงานน่ะ เหนื่อยหน่อยนะที่งานไม่มีน่ะ” แม้จะพูดเสียงเรียบๆ แต่กลับทำให้มิ้นท์แทบกรี๊ดออกมา ดวงตาที่จ้องมองก็ดูเกรี้ยวกราด

   “ทำไมต้องเหนื่อย อีกอย่าง คุณกรไม่มีเหตุผลเอาซะเลย อยู่ๆ ก็มาพักงานกันแบบนี้...”

   “เหตุผลที่มิ้นท์ก็น่าจะรู้ดีไม่ใช่หรือ เราไม่คิดเลยนะ ว่ามิ้นท์จะทำร้ายเราได้” ปูนมองหน้าหญิงสาวด้วยความผิดหวัง “เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ”

   คราวนี้หญิงสาวอึกอักพร้อมดันแว่นขึ้นปิดบังดวงตาตามเดิม

   “ถ้าคำว่าเพื่อนที่เราให้ไป มันไม่มีค่า งั้นเราก็เป็นคนแปลกหน้าก็แล้วกัน” ปูนพูดอย่างเหลืออด ไม่คิดว่ามิ้นท์จะไม่มีความรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ ดูได้จากหญิงสาวยังยืดคอทำตัวเป็นหงส์

   “ก็เอาที่ปูนสบายใจแล้วกัน” ลิฟต์ตัวนี้ช่างเชื่องช้าซะจริงในความคิดของมิ้นท์ เธอรู้สึกถึงสายตาผิดหวังที่จ้องด้านหลังอยู่ตลอด จนอดไม่ได้ที่หันไปเผชิญหน้าตรงๆ โดยไร้แว่นตากันแดด “มันก็ใช่ ที่เราเป็นคนบอกทุกคนว่าเจอปูนที่นี่ แต่เราถามหน่อย เราโกหกหรือ เราพูดความจริงทั้งนั้น แล้วแบบนี้เราผิดอะไร”

   “ผิดตั้งแต่ที่มิ้นท์เอาเราไปพูดลับหลัง” ปูนยังคงนิ่งสงบ

   “แต่เราก็พูดความจริง”

   “ความจริงที่บอกว่าเราเกาะคุณกรเพื่อหวังเงินนะหรือ เกาะคุณกรเพื่อหวังจะมีหน้ามีตาทางสังคมเพื่ออวดใครๆ และเพราะเราอิจฉาที่มิ้นท์ทำงานที่นั้นก็เลยอยากเข้าไปทำบ้าง เพื่อที่จะอวดใครๆ ว่าเป็นเด็กคุณกร พวกนี้น่ะหรือคือความจริงที่มิ้นท์ว่า”

   “ใช่ มันเป็นความจริง ถ้าคุณกรไม่รวย ปูนจะมาคบหรือ คนเราก็อยากได้คนรวยทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครอยากลำบาก”

   “เพราะมิ้นท์เป็นแบบนี้สินะ ถึงไม่มีเพื่อนที่คบกันนานๆ แม้แต่ในบริษัทก็ไม่มีเพื่อนสักคน” ปูนมองอดีตเพื่อนสนิทด้วยแววตาสมเพช “แม้มิ้นท์จะทำตัวเองให้ดูน่าอิจฉาเพียงใด แต่ในสายตาของคนอื่น กลับมองว่ามันน่าสมเพช รู้อะไรไหม เราไม่เคยอิจฉามิ้นท์เลยสักเรื่อง แต่มิ้นท์ต่างหาก ที่ตอนนี้กำลังอิจฉาเราอยู่ มิ้นท์อิจฉาที่เราคบกับคุณกร อิจฉาที่เรามีเพื่อนที่บริษัทมากกว่า อิจฉาที่ใครๆ ก็รักเรา อิจฉาที่...”

   “หุบปากไปเลยนะ!” หญิงสาวตวาดพร้อมเสียงกรี๊ดดังลั่นห้องแคบๆ จนปูนต้องยกมือขึ้นปิดหู “ชีวิตที่แทบไม่มีอะไรเลยอย่างแกมีอะไรให้ฉันต้องอิจฉา ได้คุณกรแล้วฉันอิจฉา อย่ามาบ้าหน่อยเลย อย่างคุณกรเนี่ย ไม่ได้แอ้มฉันหรอก คนอย่างฉัน ต้องระดับไฮโซพันล้านเท่านั้น คอยดูเถอะ”

          คำพูดสุดท้าย พอดีกับประตูลิฟต์เปิดออกพอดี ด้านนอกมีคนยืนรอเข้าลิฟต์อยู่ประปราย มิ้นท์รีบปรับสีหน้าพร้อมสวมแว่นตามเดิม ริมฝีปากเคลือบสีชมพูอ่อนฉีกยิ้มหวานให้กับทุกคนก่อนเดินออกจากลิฟต์ไป ทิ้งให้ปูนมองตามหลังด้วยความระอา 


   ความทะเยอทะยานของมิ้นท์มันช่างน่ากลัวซะจริงๆ


   จากตอนแรกจะหาอะไรกินแถวๆ นั้น ปูนเลือกที่จะรับคำชวนของแอ้นที่ส่งข้อความมาหา และใช้เวลาไม่นานในการเดินทางมาที่บริษัท ปูนสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกความกล้า อีกทั้งเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้ผิดอะไร ไม่มีประโยชน์ที่จะหนีอีก

   โรงอาหารกลางเวลาบ่ายพนักงานยังคงนั่งอยู่เต็ม ปูนเดินเข้าไปโดยมีสายตาหลายสิบคู่มองตาม พอถึงโต๊ะที่มีคนรออยู่ ชายหนุ่มก็ฉีกยิ้มหวานส่งให้พร้อมยกมือไหว้

   “ไม่เจอกันแค่สองสามวัน ปูนกลายเป็นคนดังไปซะแล้ว” แอ้นรีบล้อทันทีหลังจากเห็นข่าวเจ้านายกับปูน นี่ก็เป็นเหตุผลที่เรียกปูนออกมาด้วยความอยากรู้ “สบายดีใช่ไหม ปูนผอมไปนะ”

   “คำถามเยอะจนผมไม่รู้จะตอบอันไหนก่อนดี” ปูนขำออกมาพร้อมหัวหน้าแผนกอย่างเหมียว “พี่ๆ สบายดีนะครับ”

   “ก็ตามสภาพนั่นแหละ งานเยอะจนจะเครียดตายอยู่แล้ว” เหมียวบ่น มือก็จิ้มผักสลัดเข้าปาก “ปูนนั่นแหละ เป็นยังไงบ้าง ตั้งแต่คุณกรเปิดตัวเนี่ย”

   “พี่เหมียวก็” ชายหนุ่มขัดเขินนิดๆ “ก็เหมือนเดิมแหละครับ ไม่มีอะไร”

   “แต่หวานออกสื่อซะขนาดนั้น” แอ้นยิ้มกว้าง ทำตาลอย “จะว่าไป คุณกรก็กล้าเหมือนกันนะ งานระดับนั้นยังพาปูนไปเปิดตัวได้ เรียกได้ว่า เป็นข่าวดังกลบข่าวคนอื่นหมดเลย”

   “เขาเรียกคนจริงต่างหาก” เหมียวว่า “พี่ก็รู้ตั้งแต่คุณกรมาบอกเรื่องจะเอาปูนมาทำงานแล้ว ปกติเจ้านายเขาไม่ชอบเด็กเส้น”

   “แต่นี่ไม่น่าจะใช่เด็กเส้นนะคะพี่เหมียว น่าจะเด็กป๋ามากกว่า” พูดจบสองสาวก็พากันหัวเราะคิกคัก มีปูนคนเดียวที่นั่งหน้าบูดเมื่อถูกล้อ “แล้วรู้เรื่องที่คนปล่อยข่าวถูกพักงานหรือยังล่ะ”

   “ครับ คุณกรบอกแล้ว”

   “ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวนะ ขนาดเพื่อนกันแท้ๆ ยังทำกันได้ลงคอ” แอ้นเบะปากเมื่อนึกถึงหน้าของมิ้นท์

   “เป็นคนที่เห็นคนอื่นได้ดีกว่าตัวไม่ได้ เห็นแล้วจะชักดิ้นชักงอ นี่พี่ก็ไม่อยากจะเม้าท์นะ ตอนนางพีคๆ มีนางแบบมาใหม่ นางข่มรัวๆ แต่พอดีหนังสือออกมา คนใหม่เด่นกว่า นางเลยแขวะตากล้องว่าฝีมือห่วย”

   “พี่เหมียวรู้ได้ยังไงคะ ว่านางด่าน้องอิน”

   “คุณพอลเล่าให้ฟัง บังเอิญไปได้ยินตอนแม่นางแบบนั่งดูรูปที่คอฟฟี่ช็อป”

   “สมน้ำหน้า ถูกคนอื่นแบนยังไม่รู้ตัว ยังกล้าเชิดหน้าชูคอเป็นนางพญาอยู่ได้ ตลกชะมัด”

   ปูนนั่งฟังสองสาวคุยกันอย่างออกรสโดยไม่เอ่ยคำใดๆ ออกมา พอยิ่งฟัง ก็ยิ่งรู้สึกสงสารที่อดีตเพื่อนสนิททำ ระหว่างที่นั่งคิดเรื่องของเพื่อน ตรงบ่าก็รู้สึกถึงแรงกดเบาๆ พอเงยหน้าขึ้นไปดูก็เจอกับคนที่เพิ่งจูบลากันตอนเช้า

   “จะมาทำไมไม่บอก” กรพัฒน์เอ่ยถาม ดวงตาคมไม่ได้หันไปสนใจใคร เขามองแค่ปูนคนเดียว

   “พอดีมาแบบกะทันหัน พี่แอ้นชวนมา ปูนก็เลยมา” คนมีชื่อในประโยคยิ้มแห้งๆ “พี่กรกินข้าวหรือยัง”

   “กินแล้ว ถ้ารู้ว่าปูนจะมา พี่ไม่ออกไปกินกับไอ้พอลหรอก” ประโยคนี้ทำให้สองสาวที่นั่งร่วมโต๊ะกับปูนถึงกับกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม “แล้วปูนกินหรือยัง”

   “ครับ” คงเพราะตรงหน้าไม่มีจานของปูนวางอยู่เลยถูกถาม

   “แล้วปูนจะกลับยังไง”

   “ก็กลับแท็กซี่เหมือนตอนขามานั่นแหละครับ”

   “งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง จะออกไปทำธุระพอดี”

   “เหมียวได้ยินว่า คุณกรต้องคุยเรื่องชุดกับเลือกนางแบบให้แอมมี่ไม่ใช่หรือคะ...อุ่ย” ดูเหมือนเหมียวจะพูดในสิ่งที่กรพัฒน์ไม่ชอบใจ เพราะใบหน้าหล่อทำบึ้งตึงทันที “ถึงเวลางานแล้วนะ รีบไปทำงานได้แล้วแอ้น”

   “นั่นสิคะ แอ้นไปทำงานก่อนนะคะคุณกร พี่ไปก่อนนะปูน ไว้เจอกันใหม่”

   แล้วสองสาวก็รีบลุกจากโต๊ะไป เหลือแค่ปูนที่ยังนั่งอยู่ กับกรพัฒน์ที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังเก้าอี้

   “กลับเลยไหม”

   “แต่เมื่อกี้พี่เหมียวบอกพี่กรมีงาน...”

   “ให้ไอ้พอลจัดการก็เหมือนกัน” ว่าแล้วก็ต่อสายถึงเพื่อน ไม่สนว่าจะถูกด่ากลับมายังไง แค่วางสายก็ไม่ได้ยินแล้ว “ไปกัน”
 
   “ครับ”

   กรพัฒน์ยื่นมือไปตรงหน้ารอให้ปูนยื่นมาจับ ชายหนุ่มนึกลุ้นกลัวจะแห้ว แต่พอมีมือขาววางบนมือ รอยยิ้มกว้างก็ผุดขึ้นมา คราวนี้ปูนไม่ได้หนีอีก ในเมื่อจะรักกันแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอายใครอีก

   “มือนุ่มนะเนี่ย” เสียงทุ้มเอ่ยชม “หอมด้วย” ก่อนยกขึ้นจูบเบาๆ โดยไม่แคร์สายตาพนักงานที่นั่งมองพร้อมรอยยิ้ม

   “มือพี่กรก็หยาบมาก” คราวนี้เป็นปูนที่ชม ไม่สิ ต้องเรียกว่าด่าหรือเปล่า “แต่ก็อุ่นมาก” เป็นประโยคปิดท้ายที่ทำให้เจ้าของมือหยาบยิ้มกว้างกว่าเดิม

   “ตัวพี่อุ่นกว่านี้นะ ถ้าปูนอยากกอด” เสียงกระซิบชิดใบหูขาว ปูนเลยต้องเอี้ยวตัวหนีก่อนถลึงตาใส่

   “ห่มผ้าก็อุ่นเหมือนกันนั่นแหละ”

   “อุ่นเหมือนกันซะที่ไหน ตัวพี่อุ่นกว่า แถมร้อนมากด้วย”

   “ปูนไม่ชอบของร้อน”

   “แต่พี่ชอบปูนนะ”

   ไม่มีการตอบกลับ มีเพียงรอยยิ้มสวยที่ส่งมาให้แทน

   ความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อม อยู่ที่เราจะคว้าได้ไหมก็เท่านั้นเอง



...TBC

ตอนนี้มดจะขึ้นอยู่หน่อยๆ นะคะ ฮ่าๆๆๆ

ขอบคุณมากๆ ค่าาาา
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 15+16 ] [P.2,P.3] UP!!//[18-19/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zorHa ที่ 19-10-2017 01:05:40

 :-[ โอย!!หวานเว่อร์ เบาหวานจะขึ้นตาค่ะคุณ ว่าแต่ว่ามาสองตอน!!หมายความว่ายังไงคนเขียน อย่าบอกว่าจะลายาวๆนะ ม่ายยย  :serius2:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 15+16 ] [P.2,P.3] UP!!//[18-19/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-10-2017 04:58:13
เลืี่ยนอ่า คุณกร
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 15+16 ] [P.2,P.3] UP!!//[18-19/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-10-2017 06:35:40
มินท์ สมกับเป็นนางร้าย
ทั้งอิจฉา ทั้งร้ายกาจ แม้กับเพื่อน นางถึงไม่มีเพื่อนสินะ
ใครก็รู้ความร้ายของนางหมด
ให้สงสัยอาชีพนาง จะยั่งยืนต่อไปได้ยังไง
เล่นร้ายกับทุกคนอย่างนี้ 

คุณกร หวานกับปูนสุดๆ
พ่อลูก หลงปูน แย่งปูนกัน  :laugh:
คุณกร ปูน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 15+16 ] [P.2,P.3] UP!!//[18-19/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-10-2017 09:10:10
หวานเว่อร์ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

ว่าแต่มิ้นท์นิสัยดีขนาดนี้อยากรู้บทสรุปนางจังเลยว่าจะได้ไหมผัวที่รวยเป็นพันล้านน่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 15+16 ] [P.2,P.3] UP!!//[18-19/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-10-2017 03:49:26
เปิดตัวแล้ว ให้สมกับที่ไปพาปูนคืนมา
หวานนะพ่อ ทำไรไม่เกรงใจกันเลย ฟินมาก บอกเลย ไม่หวือหวา แต่อบอุ่น

ตลกกร เกน จะทะเลาะกันให้ได้อะไร
เกนคะ แล้วจะปล่อยพี่ปูนตอนไหนน่ะ

ป๊าม๊ากรใจดีเนาะ น่ารักด้วย คนตะกริวกินขาก็สบายไป

มินท์แย่มากเลย ทำตัวเอง
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 15+16 ] [P.2,P.3] UP!!//[18-19/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 20-10-2017 10:26:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 17] [P.3] UP!!//[21/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 21-10-2017 16:33:14

-17-





        ร้านดอกไม้ถูกตกแต่งตามที่เจ้าของร้านคนใหม่ชอบ ปูนเริ่มเข้ามาดูแลงานร้าน โดยมีรุ่นน้องของกรพัฒน์เข้ามาช่วยในเรื่องของการตกแต่ง ไม่นานร้านดอกไม้ก็พร้อมเปิดบริการ

   “ร้านสวีทฟาวเวอร์ยินดีต้องรับครับ”

   ชื่อร้านยังคงเป็นชื่อเดิม เพราะปูนรู้สึกรักและผูกพันกับชื่อนี้ แถมลูกค้ารายแรก ก็ยังเป็นลูกค้าคนเดิมที่มาอุดหนุนในทุกๆ วันตอนที่ร้านเก่ายังเปิดอยู่ ลูกค้าหนุ่มยิ้มแย้มทันทีที่ได้เจอหน้าพนักงานสุดน่ารักของร้าน

   “ดีใจมากเลยนะครับ ที่คุณปูนกลับมาเปิดอีก นี่ถ้าเป็นคนอื่นละก็ ผมไม่มาแน่” สีหน้าและท่าทางเป็นไปตามคำพูดอย่างนั้น ปูนก็ยิ้มรับพร้อมกับเอ่ยขอบคุณเบาๆ “วันนี้ฉลองเปิดร้านใหม่ ผมขอสั่งช่อใหญ่พิเศษเลยนะครับ ขอดอกกุหลาบสีขาว แล้วก็ บลาๆ”

   คำบอกของลูกค้าคนแรกถูกจดลงรายการอย่างช้าๆ ปูนทำเมินสายตาแวววาวจ้องมาที่เขาตลอดเวลา กว่ารายละเอียดจะเสร็จ ก็กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกับการขอเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ตลอด

   “คุณปูนเปิดร้านเองแบบนี้ ทำคนเดียวหรือครับ ผมไม่เห็นมีผู้ช่วยเลย แบบนี้คงเหนื่อยแย่” ลูกค้าหนุ่มถามคำถามมากมาย ดวงตาก็กวาดดูรอบๆ ตัวร้านที่เปลี่ยนไปมาก แต่ก็สวยไม่ต่างกัน “นั่นรูปคุณปูนหรือครับ น่ารักเหมือนตัวจริงเลย”

   “ไม่หรอกครับ คุณก็พูดเกินไป” ปูนหันมาตอบกลับพร้อมยิ้มหวานอย่างทุกที มือก็ยังคงจัดช่อดอกกุหลาบให้เป็นไปตามที่ลูกค้าเลือก

   “ไม่เกินไปสักนิดเลยครับ” ลูกค้ารายแรกของร้าน ลุกจากเก้าอี้ทรงสูงไปที่กำแพงที่มีรูปการ์ตูนวาดอยู่ มือหยาบค่อยๆ ยกลูบเบาๆ ก่อนจะหยิบมือถือมาเก็บภาพตัวเองกับตัวการ์ตูนของเจ้าของร้าน เมื่อถ่ายเสร็จก็ย้อนกลับไปนั่งหน้าเคาน์เตอร์ตามเดิม และมองคนน่ารักอย่างไม่รู้จักเบื่อ

   “เรียบร้อยแล้วครับ” ด้วยความชำนาญ ปูนจัดดอกกุหลาบช่อโตเร็วจนคนแอบมองถึงกับเสียดาย เพราะอยากอยู่ที่นี่ไปนานๆ “แล้วการ์ดให้เขียนเหมือนเดิมหรือเปล่าครับ” การ์ดของร้านตอนนี้ก็ถูกปรับเปลี่ยนใหม่ โดยที่ปูนให้เกนเป็นคนออกแบบ ซึ่งก็เป็นลวดลายแบบแปลกๆ แต่ก็สวยไม่เหมือนใคร แม้กรพัฒน์จะเปรยว่าเด็กอนุบาลวาดสวยกว่าก็ตาม

   “ไม่ต้องเขียนหรอกครับ”

   “อ่าว”

   ปูนเอียงคอมองอย่างสงสัย ดอกไม้ช่อโตขนาดนี้ก็น่าจะแนบการ์ดความหมายดีๆ ไว้สักหน่อย แม้จะเอาไปให้แม่ แต่ก็ควรมีประโยคหรือคำพูดซึ้งๆ แนบไปอย่างทุกที

   “เพราะช่อนี้ ผมให้คุณปูนครับ เป็นของขวัญสำหรับเปิดร้านใหม่” ลูกค้าหนุ่มรับช่อดอกไม้มาถือ ก่อนจะยื่นคืนให้กับปูน “ยินดีด้วยสำหรับร้านใหม่นะครับ”

   “ขอบคุณครับ แต่มัน...”

   “ไม่มีแต่สิครับ ผมตั้งใจไว้จริงๆ”

   “ขอบคุณครับ”

   เมื่อปฏิเสธไม่ได้ ปูนเลยยื่นมือไปรับดอกไม้ช่อนั้น และจังหวะนั้นเอง ประตูร้านก็ถูกเปิดออก กรพัฒน์แทบปรี่เข้าไปขยำคอเสื้อคนที่กล้ามองตาหวานใส่ปูน หากต้องข่มใจไว้กลัวว่าปูนจะเดือดร้อน ต่างจากลูกชายที่รีบเดินเข้าไปขวางพร้อมแย่งช่อดอกไม้ไปถือ

   “อ่าวลุงนั่นเอง จำกันได้ไหม หวังว่ายังไม่แก่จนเป็นอัลไซเมอร์นะครับ” เกนวางช่อดอกไม้นั้นบนเคาน์เตอร์ แล้วเอาตัวเองยืนแทรกกลาง คิ้วเข้มขยับขึ้นลงคล้ายกับจะหาเรื่อง

   “เป็นเด็กไม่มีมารยาทนะครับ” ลูกค้าหนุ่มคิ้วขมวดเอนตัวไปบอกปูน แต่เกนก็ขยับตามเพื่อที่จะบังคนด้านหลังตัวเอง

   “ขอโทษนะครับ” ปูนอยู่ด้านหลังพยายามจะปรามด้วยการแตะแขนคนขวาง แต่เกนก็ไม่ยอม เด็กหนุ่มหันไปส่ายหน้าเบาๆ คล้ายกับว่าไม่ยอมหลบ

   การกระทำของเกนแม้จะดูไม่ค่อยดี แต่สำหรับคนเป็นพ่อแล้ว มันช่างแสนวิเศษ เกนสามารถจัดการในสิ่งที่พ่อทำไม่ได้ ช่างดีเสียจริง ไม่ต้องออกแรง อีกทั้งไม่ถูกด่าด้วย มีลูกรู้ใจแบบนี้งานพ่อก็เบาขึ้นเยอะ

   “งั้นผมกลับก่อนดีกว่า แล้วจะมาใหม่นะครับคุณปูน” ลูกค้าหนุ่มยังคงพยายามจะโยกตัวเพื่อส่งยิ้มให้เจ้าของร้านสุดน่ารัก แต่ก็ถูกร่างของเด็กหนุ่มขวางทุกครั้งจนต้องถอดใจลา “ให้ผู้ปกครองสอนบ้างนะ เรื่องมารยาทน่ะ”

   เกนมองตามหลังคนที่ออกไปแล้วตาปริบๆ กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าถูกว่าก็ช้าไปซะแล้ว

   “ป๋า เมื่อกี้มันด่าเกนอะ” เมื่อทำอะไรไม่ได้ เด็กหนุ่มก็รีบไปฟ้องพ่อตัวเอง

   “มันด่าฉันต่างหาก กล้าว่าฉันไม่สั่งสอนลูก ถ้าเจออีก มีตายไปข้างหนึ่งแน่” กรพัฒน์ว่าอย่างฉุนเฉียว ก่อนที่พ่อลูกจะถูกไม้ขนไก่เคาะหัวเบาๆ คนละทีจนหน้ามุ่ย “พี่เจ็บนะปูน”

   “อย่ามาเว่อร์ ปูนตีไม่แรงสักหน่อย อีกอย่าง เขาว่าให้ก็ถูกแล้ว พี่กรต้องบอกเกนสิว่าไม่ควรทำแบบนี้” ปูนบ่นยาวออกมา โดยมีเกนรีบย้ายข้างมายืนด้านหลังพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย

   “ใช่ๆ ป๋าอะ ไม่บอก”

   “อ่าวไอ้นี่ ทิ้งป๋าแกเฉย” กรพัฒน์ถึงกับโวยวายลูกชายตัวดี แต่สุดท้าย เกนก็ถูกเคาะหัวอีกรอบ “สม”

   “ป๋า นี่ลูก”

   “เออ รู้ แกเกิดมาจากเชื้อฉัน”

   “ดูพูดเข้า พี่ปูน”

   ปูนส่ายหน้าเมื่อพ่อลูกยังคงเถียงกันไม่หยุด นับวัน กรพัฒน์จะทำตัวเป็นเกนอีกคน พอไม่ได้ดั่งใจอะไรก็จะทำหน้างอแล้วฟ้อง

   “พี่หาพนักงานให้ปูนได้แล้วนะ” พอหยุดเถียงกัน กรพัฒน์ก็ว่าออกมา มือใหญ่ยื่นไปดึงคนตัวผอมให้มานั่งตัก “คนของม๊าพี่เอง ไว้ใจได้” ปูนมองคนยิ้มกริ่มอย่างสงสัย กรพัฒน์ต้องมีอะไรแอบแฝงแน่นอน คนๆ นี้คิดจะทำอะไรต้องวางแผนล่วงหน้าและมีประโยชน์ด้วยเสมอ

   “ใครอะป๋า เกนรู้จักป่ะ” เกนเอ่ยถามออกมา ปากก็เคี้ยวองุ่นไร้เมล็ดตุ้ยๆ

   “ฟองจันทร์” ตอบเรียบๆ แต่คนถามกลับเบิกตากว้าง

   “พูดจริงป่ะเนี่ย ป้าฟองเนี่ยนะ”

   “อืม กว่าจะขอมาได้”

   ปูนไม่รู้หรอกว่าฟองจันทร์คือใคร แล้วทำไมสองพ่อลูกต้องมีท่าทางแบบนั้น เพราะปูนขอแค่พนักงานที่ไว้ใจได้เป็นพอ เรื่องจัดดอกไม้นั้นฝึกกันได้ เหมือนที่ปูนมาฝึกกับโรสอยู่นานกว่าจะจัดได้สวยและไวขนาดนี้

   เมื่อมีลูกค้าเข้าร้าน ปูนก็รีบลุกไปต้อนรับ โดยไม่เห็นสายตาและท่าทีที่ยิ้มย่องของกรพัฒน์สักนิด คนที่ขอจากม๊าตัวเองมา ระดับความเข้มอยู่ที่หลักร้อย หน้าตาใจดี แต่โหดเป็นที่หนึ่ง กรพัฒน์สามารถไว้วางใจให้มาดูแลปูน และกันหนุ่มๆ ที่จะมาข้องแวะได้ล้านเปอร์เซ็น

   “ป๋าคิดอะไรเกนดูออกนะ จะให้ป้าฟองมากันคนเข้าหาพี่ปูนล่ะสิ ร้ายนะ”

   กรพัฒน์ไม่ตอบลูกชาย เพียงแต่ขำในลำคอเท่านั้น ชายหนุ่มคิดมาล่วงหน้าแล้ว ว่าหากปูนมาเปิดร้านก็ต้องมีเหตุการณ์แบบเดิม ซึ่งเขาไม่ยอมให้ชายคนใดได้เข้าใกล้แน่นอน ที่สำคัญ ได้กำชับอย่างหนักแน่นไว้แล้ว หากมีผู้ชายเข้าร้าน ก็ให้ฟองจันทร์เป็นคนรับแทน แค่นี้ก็เบาใจไปอีกหน่อย

   “ปิดเทอมเกนมาเฝ้าให้ด้วย เอาป่ะ”

   “ก็ดี”

   “เดือนละห้าหมื่น”

   “งั้นก็ไปเรียนเหมือนเดิม”

   “โธ่ ป๋าอะ”



****



   กรพัฒน์อยู่ที่ร้านกับปูนจนร้านปิด ชายหนุ่มรีบเคลียร์งานเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ช่วงเช้าก็แค่เอาไปเช็คของพร้อมหอบหิ้วเกนไปด้วย งานเสร็จหมดเลยสามารถมาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน ส่วนลูกชายตัวดีต้องกลับไปเรียนพิเศษช่วงเย็น ตอนปิดร้านก็เลยเหลือแค่ปูนแล้วก็กรพัฒน์แค่สองคน

   “เหนื่อยไหมครับ” ปูนยกน้ำเย็นมาให้คนที่อยู่ช่วยจนร้านปิด

   “อยู่กับปูน พี่ไม่เคยเหนื่อยสักนิด” หยอดซะจนน้ำเปล่าในแก้วอาจหวาน กรพัฒน์ซ้อนจับมือปูนที่ยังถือแก้วน้ำ ก่อนจะค่อยๆ ยกดื่มช้าๆ ดวงตาคมจ้องมองคนหน้าหวานอยู่ตลอด “อร่อย”

   “น้ำเปล่าจะอร่อยได้ยังไง”

   “น้ำไม่อร่อย แต่คนป้อนต้องอร่อยแน่”

   ว่าแล้วก็ใช้ปากที่ยังชุ่มน้ำจูบมือขาวเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาฉกแก้มนุ่มฟอดใหญ่

   “พี่กร เดี๋ยวมีคนมาเห็น” ปูนทำตาโตเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกดึงให้นั่งคร่อมบนตัก จมูกโด่งซุกไซ้ตามซอกคอหอมโดยไม่สนเสียงห้ามปราม “พี่กร อื้อ นี่มันในร้านนะ”

   “งั้น ขึ้นข้างบนกัน”

   ว่าแล้วก็อุ้มคนบนตักขึ้นไปห้องด้านบน ซึ่งเมื่อก่อนเป็นห้องเก็บของ แต่ตอนนี้ถูกทำใหม่กลายเป็นห้องนอนที่กว้างขวาง คนทำห้องให้เหตุผลว่า เผื่อเหนื่อยจะได้ขึ้นมาพัก แต่ดูเหมือนว่า เหตุผลที่แท้จริงจะไม่ใช่แบบนั้นซะแล้ว

   ความเร้าร้อนเริ่มตั้งแต่การขึ้นบันได กรพัฒน์ไม่ยอมละจูบจากปากนุ่มเลยแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งปูนยังคิดว่าชายหนุ่มช่างจูบเก่งซะจริงที่ทำให้เขาเคลิ้มได้ขนาดนี้

   ทันทีที่หลังบางแตะเตียงนุ่ม คนด้านบนก็ไม่รอช้าที่จะตามลงมาทาบทับพร้อมมอบจูบอันเร้าร้อนมากกว่าเดิม มือหยาบแสนร้อนสอดเข้าไปในเสื้อเชิ้ตสีขาวอย่างรวดเร็ว ทุกสัดส่วนที่ได้สัมผัสใต้ร่มผ้าช่างเนียนละเอียดยิ่งกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยผ่านมา
 
   “ปูนสวยมากเลยรู้ไหม” กรพัฒน์ผละจูบออกมาเพื่อจะถอดชุดของตัวเอง โดยไม่สนว่าเสื้อตัวแพงจะปลิวไปตกส่วนไหนของห้อง ดวงตามคมมองปากแดงที่บวมนิดๆ จากการที่เขาจูบไปเมื่อครู่ แถมดวงตากลมโตกำลังมองมาที่เขา ก็ดูยั่วยวนจนเผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก

   ไม่ปฏิเสธเลยว่าตอนนี้ เขาอยากครอบครองคนตรงหน้าใจจะขาด

   “พี่รักปูนนะครับ”

   “ปูนก็รักพี่กรเหมือนกัน”

   คล้ายกับเป็นคำขอและมีคำตอบย้อนกลับมา กรพัฒน์รีบจัดการคนที่ยั่วยวนสายตาและอารมณ์ทั้งที่ไม่ตั้งใจ  ความรุกเร้าแสนเร่าร้อนของทั้งคู่ ทำลายประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศที่แทบไม่รู้สึกถึงความช่ำเย็น

   เสียงหอบดังออกจากปากแดง ยิ่งถูกลิ้นร้อนตวัดลงบนยอดอกสีสวย เสียงนั้นก็ยิ่งแหบพร่าปลุกความตื่นตัวจนปวดหนึบ ปูนช่างหวานไปทุกส่วน กรพัฒน์ไล่ลิ้นสากลงมาตามหน้าท้อง ตวัดดูดเม้มรอบสะดือเรียกเสียงทรมานจากคนตัวผอมได้อีกระลอก

   “พะ พี่กร อ๊า” 

   ปูนเบิกตาโตผงกหัวขึ้นดู คิดไม่ถึงว่ากรพัฒน์จะใช้ลิ้นกับของๆ ตัวเอง ทันทีที่ถูกตวัดไล่เล็ม ความรู้สึกมากมายก็ประดังประเดเข้ามา ในหัวสมองตอนนี้แทบไม่มีอะไรเหลืออยู่ ยิ่งปากร้อนดูดกลืนเข้าไป  ปูนยิ่งดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน 

   พอเห็นว่าร่างผอมมีอารมณ์มากขึ้น คนที่เตรียมพร้อมอย่างกรพัฒน์ ก็รีบลุกไปเปิดลิ้นชักในตู้เสื้อผ้าและกลับมาอย่างไว ในมือมีหลอดเจลใสที่ไม่รู้ว่าไปเก็บซ่อนไว้ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ช่วงเวลาต่อจากนี้ ชายหนุ่มจะต้องใจเย็นให้มาก ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะอดครอบครองลูกกวางน้อยตัวนี้ ทั้งที่ของๆ เขาพร้อมซะยิ่งกว่าพร้อม 

   “ปูนไม่ต้องเกร็งนะ สูดหายใจเข้าลึกๆ”
 
   “อืม อะ”

   ความเย็นของเจลที่สัมผัสช่องทางด้านหลังทำเอาขนลุกซู่ ปูนเม้มริมฝีปากไว้แน่นเมื่อนิ้วของกรพัฒน์ค่อยๆ กดเบาๆ และดันเข้าไป มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมผ่านเข้าไป

   “เจ็บไหม” กรพัฒน์พยายามขยับนิ้วช้าๆ เพื่อให้ปูนไม่กลัว คนที่เม้มปากส่ายหน้าเป็นคำตอบ เขาเลยลองเพิ่มนิ้วเข้าไปอีก แม้ต้องใช้เวลามากสักหน่อยก็ตาม

   กรพัฒน์สังเกตคนรักที่นอนเม้มริมฝีปาก มือขาวกำผ้าปูเตียงแน่น คงกำลังอดทนเพื่อเขาแน่ พอคิดแบบนี้รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมา นี่ปูนจะทำให้เขารักเพิ่มไปอีกสักแค่ไหนกัน แค่นี้ก็ล้นออกมานอกอกอยู่แล้ว

   มือที่หมุนอยู่ในช่องทางเริ่มขยับสะดวกขึ้น และหลายครั้งที่จะได้ยินเสียงหวานดังออกมาจนรู้ว่า ตรงไหนที่จะทำให้คนรักของเขามีความสุข แค่คิดก็แทบอยากเข้าไปครอบครอง แต่ก็ต้องอดใจไว้อีกสักหน่อย เขาอยากให้ปูนจำครั้งแรกว่าเป็นครั้งที่ดีที่สุด

   เสียงหวานครางถี่ขึ้นเมื่อนิ้วสัมผัสถูกบางจุดที่เสียวปราบ ยิ่งด้านหน้าถูกลิ้นร้อนตวัดดูดกลืน ปูนก็ยิ่งดิ้นพล่านด้วยอารมณ์ที่ปะทุ ไม่นานก็ถึงฝั่งฝันที่มีทั้งความทรมานและเสียวซ่านปะปนกัน และตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาที่กรน้อยของเขาแล้วจะออกศึกแล้ว กรพัฒน์เลื่อนขึ้นไปจูบรุกเร้าเช่นเดิมเพื่อจุดอารมณ์ในตัวปูนอีกครั้ง

   “ปูนครับ มองมาที่พี่” เสียงทุ้มเรียกชื่อพร้อมเรียกให้จ้องมองมาที่ตัวเขา

   “พี่กร อื่อ” ปูนยื่นมือไปแตะแก้มคนด้านบนเบาๆ ก่อนจะย่นคิ้วเมื่อท่อนเนื้อร้อนค่อยๆ แทรกผ่านเข้ามา มือขาวเลื่อนลงมาบีบแขนแกร่งไว้แน่น “เจ็บ พี่กร เจ็บ”

   แม้ช่องทางจะถูกขยายมาก่อนหน้า แต่ขนาดที่ต่างกันก็ทำให้คนใต้ร่างส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ใบหน้าขาวบิดเบี้ยวยามถูกแทรกเข้ามา 

   “พี่เอาออกก่อนไหม ปูนจะได้...”

   แม้จะเสียดายอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นห่วง กรพัฒน์กำลังจะถอนท่อนเนื้อร้อนออกมา แต่ปูนกลับจับหน้าคมมาบดจูบ ความต้องการลุกโชนจนทนแทบไม่ไหว แม้รู้ว่าคนรักจะเจ็บอยู่มากแต่เพราะความต้องการของเขามันยากยิ่งเหลือเกินที่จะหักห้ามใจได้ มือหยาบจับขาขาวให้อ้ากว้างกว่าเดิมก่อนจะตัดสินใจดันสิ่งที่ค้างคาให้เข้าไปจนสุด

   ตอนนี้ปูนเป็นของเขาโดยสมบูรณ์แบบแล้ว

   กรพัฒน์หยุดค้างไว้เพื่อให้คนใต้ร่างปรับตัว เขาถอนจูบออกมาแต่ปากก็ยังวนเวียน ซุกไซ้ตามพวงแก้มหอมและซอกคอขาว โดยไม่ลืมฝากรอยรักเพื่อเป็นสัญลักษณ์ไว้

   “พี่ขยับนะ”

   “ครับ อ๊ะ ช้าๆ”

   พอได้ครอบครองก็ชักจะเอาแต่ใจใหญ่ กรพัฒน์ขยับช้าสลับเร็วทำเอาปูนปรับอารมณ์แทบไม่ถูก คล้ายกับว่า จะแกล้งให้โหยหายามนุ่มนวลและทำให้ขาดใจตายยามหนักหน่วง เพลิงที่ถูกจุดจนติด ยากที่จะมอดดับลง ความเร้าร้อนค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ผิวขาวของปูนแทบไม่มีตรงไหนเลยที่ไม่มีรอยจ้ำสีกุหลาบ หากปกติแล้ว กรพัฒน์ไม่เคยฝากรอยไว้กับใคร และส่วนใหญ่ก็ได้กันตั้งแต่วันแรก จะมีแค่ปูนเท่านั้นที่ทำให้เสืออย่างเขากลายเป็นลูกหมาที่รอคอยความรักความเมตตาอย่างน่าสงสาร

   จากหนึ่ง ค่อยๆ เพิ่มไปเรื่อยๆ ตามความกระหายอยากที่ต้องทนมากนาน ยิ่งคนใต้ร่างส่งเสียงครางหวานเพียงใด ความหน้ามืดตามัวก็เข้าครอบงำเสียซะทุกครั้ง แม้ปูนจะอ่อนหวาน แต่ก็เร้าร้อนจนกรพัฒน์เองยังนึกแปลกใจ นี่เขาเจอเพชรสินะ

   ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศค่อยๆ ทำให้อุณหภูมิในร่างกายทั้งสองคนค่อยๆ ลดลง หลังจากหยุดพักเพราะความเหนื่อยล้า กรพัฒน์สอดแขนโอบตัวปูนไว้จากด้านหลัง หัวไหล่มนมีรอยของเขาอยู่หลายจุด และอดไม่ได้ที่จะทำเพิ่มอีก

   “ทำไมชอบกัด” ปูนหันมาแหวเมื่อเจ็บจี๊ดตรงที่ถูกทำรอย

   “ก็พี่เป็นหมา” พูดแล้วก็หัวเราะออกมา ไม่เคยยอมรับกับใครว่าตัวเองเป็นหมามาก่อน “พันธุ์พิทบลูด้วยนะ กัดไม่เลือกหน้าแน่ ถ้ามีหมาตัวไหนมายุ่งกับปูน” ว่าแล้วก็แยกเขี้ยวทำขู่

   “แต่ปูนไม่เป็นหมานะ” แล้วก็หัวเราะตาม

   “ปูนเป็นเมียพี่ต่างหาก” พูดจบก็ดูดปากแดงตรงหน้าแรงๆ เพราะยั่วสายตาเขาดีนัก

   “ปากปูนช้ำหมดแล้วเนี่ย” แม้จะบ่นแต่ปูนก็ยิ้มหวานให้ “แล้วเราไม่ต้องรีบกลับหรือครับ” พายุความเร้าร้อนที่เพิ่งผ่านไปหลายยกทำให้ลืมใครบางคนที่คงกำลังรอกินข้าวอยู่ “เกนรอกินข้าวอยู่แน่ พี่กร อื้อ” พอพูดอีกก็ถูกดูดปากอีก

   “ต่อไปให้เรียกป๋าเหมือนที่เกนเรียก” นี่กรพัฒน์เริ่มคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคจิต ที่เสพติดปากแดงจนอยากจะจูบย้ำๆ ซ้ำๆ ไม่อยากห่างไปไหน

   “แต่...”

   “เรียกป๋านั่นแหละ น่ารักดี”

   “แต่เหมือนปูนเป็นเด็กป๋าเลยนะ” หน้าหวานง้ำงอนิดๆ

   “ไม่ใช่เด็กป๋า แต่เมียป๋าต่างหาก ดูสิ เมียป๋าโคตรน่าเอา เอ๊ย น่ารัก” ว่าแล้วมือหยาบก็เริ่มลูบไล้ท้องแบนด้านหน้า ไม่สนว่าคนในอ้อมกอดจะดิ้นขืน

   “แต่เกนรออยู่นะ ป๋า ไม่เอาแล้ว”

   “เรียกป๋าแล้วมันกร๊าวใจซะจริง มาฉลองร้านใหม่อีกสักรอบเถอะนะ เมียป๋า”

         ศัพท์วัยรุ่นที่ได้ยินทำเอาปูนหัวเราะลั่น ก่อนเสียงหัวเราะจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานๆ ที่กรพัฒน์ชอบ ความเร้าร้อนที่ทำให้ทั้งห้องมีแต่เสียงแห่งความสุข และทั้งคู่ก็ลืมไปเลยว่า เกนหิ้วท้องรอข้าวมื้อค่ำจนผล็อยหลับบนเตียงไปถึงเช้าอีกวัน ตื่นมาห้องก็ยังคงว่างเปล่า เพราะป๋ากับพี่ปูนของเขาไม่ได้กลับห้อง


   “ไปไหนกันวะเนี่ย หิวข้าว!!!” 




...TBC

ถึงกับปากเหงื่อจริงๆ ค่ะ แต่ได้เท่านี้จริงๆ มันยากมากที่จะบรรยายออกมา (- / / -)

อีกไม่กี่ตอนจะจบแล้วนะคะ ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจผ่านตัวอักษร ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

ตอนที่เหลือเน้นความหวานชดเชยความขมช่วงต้นเรื่อง แล้วพบกันค่ะ จุ๊บๆ เซฮัลโหลหน่อย จุ๊บๆ (นั่นมันเนโกะจั้มฟ์ แฮ่)
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 17 ] [P.3] UP!!// [21/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 21-10-2017 18:39:13
โธ่ หนูเกน สงสารจัง ต้องอดข้าวเพราะเวลาสวีทของพ่อ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 17 ] [P.3] UP!!// [21/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-10-2017 18:40:14
 :L2: :L1: :pig4:

น้องเกนโดนเท
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 17 ] [P.3] UP!!// [21/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 21-10-2017 19:05:18
เกนเอ๊ยยยย  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 17 ] [P.3] UP!!// [21/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-10-2017 19:43:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 17 ] [P.3] UP!!// [21/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-10-2017 20:59:21
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 17 ] [P.3] UP!!// [21/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 22-10-2017 00:13:36
ป๋ากรทำสำเร็จจนได้
เอาขนะใจร้องปูนได้อย่างสวยงาม

น้องเกนตัวแสบโดนเท สงสาร 555
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 17 ] [P.3] UP!!// [21/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-10-2017 03:26:51
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 18 ] [P.3] UP!!// [22/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 22-10-2017 11:02:36
-18-



        (ร้านขายดีแบบนี้ ต้องมีทิปให้คนช่วยนะเนี่ย) เสียงหัวเราะดังผ่านจากสมาร์ทโฟนตรงหน้า ปูนยิ้มจนตาแทบปิดที่อยู่ๆ กรพัฒน์ก็เดินมาหาพร้อมบอกว่ามีคนอยากคุยด้วย ทันทีที่เห็นว่าคนอยากคุยเป็นใคร ปูนก็แทบลืมคนรัก (แล้วนี่ปูนสบายดีไหม)

   “สบายดีครับ พี่โรสสบายดีนะ ดูอ้วนขึ้นนะครับเนี่ย” ปูนยิ้มทั้งน้ำตา รู้สึกดีใจที่โรสไม่ลืมเขา

   (เป็นคำที่ร้ายกาจมากคำนี้) โรสทำหน้าง้ำงอก่อนจะฉีกยิ้มกว้างออกมา (พี่สบายดี สบายมาก และกำลังจะสบายกว่านี้) ว่าแล้วก็โชว์การ์ดสีขาวขึ้นมา (พี่จะแต่งงานแล้วนะ)

   “แต่งงาน? กับใครครับ ทำไมปูนไม่เห็นรู้เรื่อง”

   (กับฝรั่งน่ะสิ สเปคพี่เลยนะ หล่อ รวย ครบอะ) ปูนหัวเราะเมื่อเห็นพี่สาวที่รักกำลังจะมีความสุข (ปูนเถอะ คิดไว้หรือยังว่าจะคบกรไปถึงเมื่อไหร่)

   “อ่าวๆ ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ” กรพัฒน์รีบแย่งมือถือไปแล้วถลึงตาใส่เพื่อนสาว

   (ก็ฉันพูดจริง อย่าคิดเล่นๆ กับปูนนะ ไม่งั้นจะบินไปรับแล้วหาหนุ่มหล่อๆ ให้ปูนใหม่)

   “ไม่มีวันนั้นหรอก” เจ้าของเครื่องแทบกดปิดหลังจากได้ยิน แต่เพราะเห็นแก่ปูนที่ดูจะคิดถึงโรสอยู่มาก เลยต้องทนให้คุยกันต่อ

   (ร้านเป็นไงบ้างปูน เหนื่อยไหม แรกๆ ก็หนักหน่อยน่ะ แต่พี่เชื่อว่าปูนทำไหวอยู่แล้ว)

   “ขอบคุณครับ ก็ไม่ค่อยหนักเท่าไหร่ พอดีป๋ามาช่วย” ว่าแล้วก็หันไปยิ้มหวานให้กับกรพัฒน์ “ป๋ามาช่วยเก็บร้านทุกวัน ปูนก็เลยสบายไปครับ”

   (ดีจริงๆ งานตัวเองมีไม่ทำ ต่อไปนี้ ปูนมีอะไรก็ใช้เข้า ชี้นิ้วสั่งไปเลยไม่ต้องเกรงใจ) ประโยคของโรสก็ยังเรียกวงค้อนจากกรพัฒน์ได้อีกหลายรอบ ตั้งแต่กล่าวหาว่าโดดงาน แม้จะเป็นเรื่องจริงก็เถอะ (งานแต่งพี่ ปูนคงไม่ได้มา แต่ถ้างานแต่งปูนละก็ พี่ไปแน่)

   “งานแต่งปูน? ไม่มีหรอกครับ” ใบหน้าขาวทำงง ก่อนจะหันไปมองคนข้างกายที่รีบเสหน้าไปมองทางอื่นอย่างมีพิรุธ “ป๋าคุยอะไรกับพี่โรสไว้หรือครับ”

   (ไม่มี๊) ปลายสายปฏิเสธเสียงสูง ก่อนจะขอวางเพราะต้องไปเตรียมงาน ก่อนจาก โรสโชว์รูปเจ้าบ่าวให้ดู ซึ่งเป็นฝรั่งที่หล่อมาก หน้าตาดีซะจนกรพัฒน์แขวะออกมาว่างั้นๆ

   พอวางสายปุ๊บ ปูนก็ยังคงยิ้มให้กับหน้าจอมือถือที่ดับไปแล้ว ปกติจะเจอกันตลอด ห่างกันแบบนี้ก็คิดถึง ยิ่งได้เห็นหน้าแบบนี้ยิ่งคิดถึงหนักเข้าไปอีก

   “ปูนอยากไปงานของโรสไหม” กรพัฒน์เอ่ยถามออกมา แต่คนถูกถามกลับส่ายหน้าเบา “ทำไมล่ะ พี่พาไปได้นะ ถ้าปูนอยากไป”

   “แค่รู้ว่าพี่โรสมีความสุข ปูนก็ดีใจแล้วครับ” ปูนตอบพร้อมรอยยิ้ม “พี่กรไม่ต้องไปทำงานหรือ จะบ่ายแล้วนะ” มัวแต่คุยเพลินจนลืมดูเวลา

   “ช่างมัน ให้ไอ้พอลดูไป” แล้วคนขี้เกียจก็โยนงานให้เพื่อนเฉย กรพัฒน์รีบทำตัวให้เหมือนยุ่งด้วยการปัดฝุ่นตามโต๊ะ เก้าอี้ทั้งที่มันสะอาดอยู่แล้ว

   “ขี้เกียจตลอด” ปูนว่าเบาๆ ก่อนเดินไปจัดการดอกไม้สดที่เพิ่งมาใหม่

   ระหว่างที่ต่างคนต่างทำงานอยู่นั้น เสียงทีวีที่ติดผนังก็ดังเรียกความสนใจ เมื่อตัวอักษรย่อจากชื่อเล่นและชื่อจริงของนางแบบสังกัดดังถูกเอ่ยออกอากาศ ปูนละมือในการทำทุกอย่างเพื่อยืนดู รายการที่กำลังออกอากาศตอนนี้ เป็นรายการบันเทิง มีพิธีกรสองคนนั่งพูดถึงข่าวเม้าท์สนั่นที่กำลังดังอยู่ในวงการรันเวย์ ว่านางแบบชื่อเล่น ม.สังกัดดัง ใช้เด็กในท้องจับผู้ชายแต่กลับถูกฝ่ายชายปฏิเสธแบบไม่เหลือเยื้อใย หากปูนจะไม่สนใจข่าวนี้เลย ถ้าพิธีกรอีกคนไม่พูดว่า นางแบบคนที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ กำลังถูกต้นสังกัดพักงานอยู่

   “ป๋ารู้เรื่องไหม” ข่าวที่ได้ยินทำให้ปูนขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด และเมื่อกรพัฒน์พยักหน้า หน้าขาวก็ตียุ่งหนักเข้าไปอีก “แล้วจะทำยังไงล่ะครับ”

   “เรื่องนี้ก็ต้องเข้าที่ประชุมก่อนว่าจะจัดการยังไง” กรพัฒน์ตอบเสียงเรียบ “ปกติทางบริษัทจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว หากไม่กระทบถึงงาน” แม้จะเป็นคำตอบที่ไม่ดีไม่ร้าย แต่ปูนก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี

   ข่าวนี้ไม่ได้มีแค่ในทีวี ตอนนี้กำลังแพร่สะพัดไปทุกช่องทาง ปูนเม้มปากเมื่อได้เห็นผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอย่างสนุกปากโดยที่บางคนก็ยังไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงเลยด้วยซ้ำ ว่าแล้วปูนก็รีบต่อสายไปหาเพื่อนที่เคยสนิท แต่ปลายสายติดต่อไม่ได้

   “ไม่ต้องโทรหรอก เขาไม่รับอยู่แล้ว” เพราะเห็นคนรักดูวุ่นวายเลยพูดออกมา

   “แต่ปูนเป็นห่วงมิ้นท์นี่ครับ ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ท้องอยู่ด้วย” ก็ว่าทำไมช่วงที่เจอถึงรู้สึกว่ามิ้นท์ดูอวบขึ้น
 
   “มันเป็นเรื่องที่เขาต้องแก้ด้วยตัวเอง ปูนช่วยอะไรไม่ได้หรอก”

   “อย่างน้อยก็ช่วยเป็นกำลังใจ...”

   “เขาจะหาว่าซ้ำเติมน่ะสิ”

   “คิดแง่ร้ายตลอดอะป๋าเนี่ย”

   “เพราะบางคน เราคิดดีด้วยไม่ได้ยังไงล่ะ”

   แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่ปูนก็ยังอดห่วงอดีตเพื่อนไม่ได้อยู่ดี แม้จะถูกหักหลังมา แต่ยังไงก็เคยเป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน

   “ไม่น่าเลือกทำแบบนี้เลย” ปูนพึมพำเบาๆ ก่อนก้มหน้าทำงานต่อ โดยปล่อยให้ข่าวที่ได้ยินเป็นไปตามเรื่องราวของมัน ใครก่ออะไรไว้ก็ควรตามแก้กันเอาเอง ซึ่งปูนได้แต่หวังว่าลูกเศรษฐีที่มิ้นท์เลือกนั้น จะยอมรับผิดชอบเด็กในท้อง แต่หากเป็นแบบที่ข่าวว่า ผู้ชายคนนั้นเลือกที่จะปฏิเสธอย่างเดียว มิ้นท์ก็อาจจะลำบากหน่อยที่ต้องรอตรวจยืนยันความจริง





*****


   
   “ให้เกนไปนอนกับเพื่อนมันก็ดีเหมือนกันนะ” กรพัฒน์ใช้มือค้ำคางระหว่างมองคนรักทำกับข้าวในห้องครัว วันนี้ร้านปิดเร็วกว่าทุกวันเพราะลูกค้าน้อย อาจเพราะเปิดใหม่ ลูกค้าเก่าๆ ก็หายไปมาก จะเหลือแค่เสี้ยนหนามที่ยังวนเวียนมาอยู่รอบตัวปูน ที่จัดการยังไงก็ไม่ตายลงสักที

   “ไปนอนกับเพื่อนดียังไง นอนห้องตัวเองดีกว่าตั้งเยอะ” แม้ปากจะพูด แต่ดวงตาและมือยังคงสนใจอยู่ที่ของในกระทะ “ป๋าหยิบจานให้ปูนหน่อย”

   สั่งปุ๊บได้ปั๊บ เรียกได้ว่าแบบนั้น และไม่ได้มาแค่จาน ยังได้อ้อมกอดอุ่นของคนหยิบจานแถมอีกด้วย

   “หอมทั้งกับข้าว ทั้งคนทำ”

   “เดี๋ยวเถอะ ปูนตัวเหม็นเหงื่อจะตาย”

   หากไม่ติดว่ากลัวกรพัฒน์เจ็บละก็ ปูนก็อาจใช้ตะหลิวในมือเคาะคนชอบฉวยโอกาสไปแล้ว

   ไม่ต้องออกไปกินร้านหรูราคาแพง แค่กับข้าวง่ายๆ สองสามอย่างก็สร้างความสุขได้แล้ว ยิ่งคนที่อยู่ด้วยเป็นคนรัก ก็ยิ่งมีความสุขเข้าไปใหญ่ แถมเจริญอาหารอีก หากมีปูนกินข้าวด้วยกันแบบนี้ไปตลอด สงสัยอีกไม่นานกรพัฒน์ต้องกลายเป็นหมู ไม่ก็ลงพุงแน่

   มื้ออร่อยค่อยๆ หมดทีละช้าๆ กรพัฒน์เล่าเรื่องราวของบริษัทให้ฟังบ้าง คุยเรื่องพอลบ้าง โดยมีปูนที่อารมณ์ดีหัวเราะตลอดเวลาตอนที่ฟัง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนรัก ก็ทำให้คนเล่ามีความสุขและต้องหัวเราะตาม นี่แหละ คือความสุขที่กรพัฒน์ตามหามานาน

   “ป๋าไปอาบน้ำเถอะครับ  เดี๋ยวปูนล้างจานเอง อยู่ช่วยปูนที่ร้านมาทั้งวันแล้ว” ปูนบอกหลังจากทั้งคู่ช่วยกันเก็บจานที่กินเสร็จแล้วมาวางตรงอ่าง

   “ไม่เป็นไร ช่วยกันจะได้เสร็จไวๆ” ดูเหมือนเป็นคำพูดธรรมดา แต่พอออกจากปากของกรพัฒน์ที่จ้องด้วยสายตาวิบวับแบบนี้แล้ว มันต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

   ปูนเบ้ปากนิดๆ เมื่อรู้ทันความคิดของคนหื่น ร่างผอมขยับห่างออกมานิดหน่อย แต่ก็ถูกขยับมาชิดติด จนต้องหันไปดุทางสายตา

   “ที่มีตั้งเยอะนะป๋า”

   “แต่ที่ตรงนั้นไม่มีปูนนี่นา” ประโยคช่างชวนเลี่ยนเสียจริง ยิ่งประโยคหลังทำเอาปูนต้องปล่อยให้คนว่า ล้างจานเองซะเลย “ผ้ากันเปื้อนเหมาะกับปูนดีนะ”

   ปูนหนีมานั่งอยู่ที่โซฟาพลางเปิดทีวีดู และข่าวที่เห็นก็เป็นการตั้งโต๊ะแถลงข่าวของมิ้นท์ ที่ข้างๆ เป็นเจ้าของหนึ่งในสองของบริษัทเอเจนซี่ที่เธอสังกัดอยู่ และอีกฝั่งเป็นลุงแก่ๆ ที่สวมชุดสูท

   บรรดานักข่าวต่างก็ถามคำถามกันอย่างมากมาย ปูนไม่เห็นว่าเพื่อนมีสีหน้าและแววตายังไงเพราะเธอสวมแว่นกันแดดสีดำปิดบังอยู่

   “ป๋าไม่ไปหรือครับ” ปูนเงยหน้าถามคนที่เพิ่งล้างจานเสร็จแล้วเดินมานั่งข้างๆ

   “ไอ้พอลมันจัดการได้” กรพัฒน์ว่าอย่างไม่ค่อยเดือดเนื้อร้อนใจสักเท่าไหร่ มือใหญ่ดึงคนสนใจข่าวมาชิดพร้อมโอบรอบเอวไว้หลวมๆ คางแหลมวางเกยไหล่มนเพื่อดูข่าวตรงหน้า

   การจากแถลงข่าวนั้น มีข้อสรุปได้ว่า ทางมิ้นท์ยืนยันว่าไม่ได้คิดจะใช้เด็กจับใคร และเธอยืนยันว่าลูกเศรษฐีคนนั้นคือพ่อของลูกเธอจริงๆ แม้นักข่าวจะสาดแสงแฟลชหรือสาดคำถามมากแค่ไหน มิ้นท์ก็ตอบมาแค่สองประโยคนี้ จนนักข่าวเปลี่ยนไปถามกับพอลบ้าง ซึ่งต้นสังกัดก็พูดแค่ว่า ต้องรอผลจากที่ประชุมก่อน เนื่องจากนางแบบยังอยู่ในช่วงพักงาน ส่วนจะมีการฟ้องร้องกันไหม บริษัทก็คงไม่เข้าไปยุ่ง เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของนางแบบ

   ฟังแล้วเหมือนบริษัทคล้ายจะผลักภาระ แต่ความจริงก็เป็นแบบนั้น บริษัทไม่ได้รู้เห็นเป็นใจหรือสนับสนุนให้นายแบบ นางแบบรักกับใครอยู่แล้ว หากเกิดปัญหาก็ควรจัดการเอง แต่ถ้าเกิดจัดการไม่ได้แล้วกระทบต่อบริษัท กฎก็ต้องเป็นกฎ นั่งคือพักงาน ไม่ก็ยกเลิกสัญญา

   “ป๋ารู้จักแฟนมิ้นท์ไหม”

   “รู้จักแบบผ่านๆ นั่นแหละ ไม่ได้สนิท” คนตอบเหมือนจะฉุกคิดอะไรได้ กรพัฒน์รีบบิดคางให้ปูนหันมามอง “อย่าคิดที่จะเข้าไปยุ่งนะ เรื่องนี้ปูนห้ามยุ่งเด็ดขาด แม้เขาจะเป็นเพื่อนปูนก็เถอะ ถือว่าพี่ขอ”

   “ครับ” รับคำแม้จะไม่ค่อยเต็มเสียง ในเมื่อถูกดักทางเอาไว้แบบนี้ก็ต้องปล่อยไปจริงๆ

   “อาบน้ำกันเถอะ พี่เหนียวตัวจะแย่” กรพัฒน์ทำเป็นเนียนจับจูงมือปูนไปที่ห้องน้ำ โดยที่คนเดินตามเผลอหัวเราะออกมา “พี่ชอบให้ปูนถูหลังให้นี่นา”

   “ฟังไม่ขึ้นเลยนะครับป๋า”

   “เมียป๋ารู้ทันตลอด ป่ะ อาบน้ำกัน”

   ยังไม่สิ้นคำชวนดี ปูนก็ถูกอุ้มจนตัวลอยเข้าห้องน้ำ และดูเหมือนว่า สิ่งที่กรพัฒน์ชอบ จะไม่ใช่การถูหลังจากปูน แต่เป็นการที่ได้ครอบครองปูนต่างหาก

   สายน้ำที่ช่ำเย็นไหลจากฝักบัวกระทบร่างกายไม่ขาดสาย แต่ก็ไม่อาจทำให้อุณหภูมิในกายของทั้งสองคนลดต่ำลงได้ เพราะยิ่งความต้องการมากขึ้น ความร้อนในตัวก็เพิ่มตาม เอวสอบขยับถี่เหมือนทางขึ้นฝั่งอยู่ไม่ไกล แขนแกร่งข้างหนึ่งโอบรอบเอวปูนไว้ให้แนบชิดมากกว่าเดิม ส่วนอีกข้างก็ปลุกเร้าปูนไปด้วย จนในที่สุดทั้งคู่ก็ปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน ปูนแทบทรุดดีที่มีแขนโอบไว้

   “เมียป๋านี่สุดยอดจริงๆ” เสียงชื่นชมดังชิดใบหู ก่อนคนชมจะส่งลิ้นร้อนแหย่เข้ามาจนปูนต้องย่นคอหลบด้วยความเสียวซ่าน

   “พอแล้ว ปูนเหนื่อย” คนเหนื่อยจะขยับตัวออกห่างเพื่ออาบน้ำ แต่เพิ่งรู้สึกว่า สิ่งๆ นั้นยังคงค้างคาอยู่ในตัว ปูนหันไปย่นคิ้วใส่ แต่กรพัฒน์กลับลอยหน้าลอยตา แถมยังออกแรงขยับซะอย่างนั้น “อ๊ะ ป๋า”

   “ปูนเหนื่อย แต่พี่ไม่เหนื่อย เป็นเมียป๋าแล้วต้องอดทนนะรู้ไหม เพราะป๋าคนนี้อึดมาก”

   “นี่ปูนคิดผิดใช่ไหมเนี่ย ป๋า...”

   หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงพูดคุยกันอีกเลย มีแต่เพียงเสียงของความสุขของทั้งคู่ที่ดังไปทั่วห้องน้ำและห้องนอน...






******




   เสียงกดกริ่งพร้อมกับการเคาะประตูเรียกดังจนคนที่นอนหลับต้องสะดุ้งตื่น ปูนขยี้ตาพลางดูตัวเลขนาฬิกาดิจิตอล การเพิ่งตื่นนอนทำให้สมองช้ากว่าทุกที กว่าจะรู้เรื่องราวก็ตอนได้ยินคนเคาะห้องส่งเสียงโวยวายว่าสายแล้วและหิวข้าว

   ปูนรีบผุดลุกจากเตียงนอน ทันทีที่ขาแตะพื้น ร่างทั้งร่างก็ทรุดลงไปนั่งกองที่พื้น ตอนนี้ขาแทบไร้เรี่ยวแรง แถมเอวก็ยังปวดหนึบ นี่แหละคือผลของการตามใจป๋า ปูนค่อนขอดคนนอนหลับสบายอยู่บนเตียง ก่อนจะรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อไปทำกับข้าวมื้อเช้าให้เกน

   ด้วยความรีบร้อนทำให้หาเสื้อผ้ามาสวมไม่ทัน ปูนเลยคว้าผ้ากันเปื้อนมาสวมปิดบังร่างกายด้านหน้าเอาไว้ก่อน แล้วเร่งมือทำอาหาร เสียงตะโกนดังอย่างหนวกหูปลุกคนหลับสนิทให้ตื่น กรพัฒน์ตีหน้ายุ่ง มือก็ขยี้ผมตัวเองแรงๆ ที่ถูกกวน ทั้งที่เพิ่งได้นอนไม่กี่ชั่วโมงนี้เอง

   “โอย ใครวะ” เมื่อสุดทน ร่างสมส่วนก็ลุกไปเปิดประตู โชคดีที่มือใหญ่คว้ากางเกงบ็อกเซอร์มาสวมก่อนเดินไปเปิด “มาทำไมแต่เช้าวะ” ทันทีที่เห็นหน้าเกน กรพัฒน์ก็โวยวายใส่

   “เช้าที่ไหน สายแล้วเนี่ย” เกนแทรกตัวเข้ามาด้านในเมื่อได้กลิ่นหอมของมื้อเช้า “เกนหิวแล้วครับ” พอนั่งที่ เกนก็ตะโกนบอกคนที่ทำกับข้าวในครัว

   กรพัฒน์หน้ามุ่ยมานั่งตรงข้ามกับลูกชาย ซิกแพกสวยๆ ไร้ไขมันนั่นทำให้เกนอดที่จะอิจฉาไม่ได้ ช่วงนี้เกนก็เริ่มคิดจะหันมาดูแลหุ่น เพราะอยากดูดีเหมือนพ่อตัวเอง แต่ติดตรงกับข้าวทุกมื้อมีแต่ของอร่อยๆ ทั้งนั้น

   “มาแล้วๆ โทษทีนะ วันนี้พี่ตื่นสายไปหน่อย” ปูนรีบเดินเข้ามาพร้อมจานข้าวสวยร้อนๆ สองจานพร้อมไข่เจียวหมูสับสีเหลืองสวยวางโป๊ะอยู่ด้านบน

   “ไม่เป็นไรฮะ เกนกินอะไรก็ได้” ว่าแล้วก็ตักข้าวไข่เจียวใส่จนเต็มปาก กรพัฒน์ยังนั่งสัปหงกด้วยความที่ยังตื่นไม่เต็มตา “ว่าแต่ พี่ปูนกำลังจะอาบน้ำเหรอ”

   “หา?” ปูนเลิกคิ้วอย่างงงๆ ก่อนจะเห็นสายตาเกนมองมาที่ร่างกายตัว “อ๋อ ก็ประมาณนั้นแหละ” ตอบไปอย่างนั้นเอง

   “งั้นไปอาบน้ำสิฮะ” เกนเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ บอก

   พอดีกับที่กรพัฒน์ปรือตาขึ้นมาเจอกับปูนที่ยืนหันข้างมาให้ จากที่ง่วงอยู่ก็ตื่นเต็มทั้งสองตา คนรักของเขาไม่ได้สวมอะไรเลย มีเพียงผ้ากันเปื้อนสีแดงที่ปกปิดเอาไว้ ที่สำคัญตอนนี้ ร่างขาวๆ นี้กำลังถูกเกนมองอยู่

   “ไอ้เกน รีบๆ กินแล้วก็รีบๆ ออกไป” คนรู้ตัวช้ารีบดึงปูนให้ไปยืนด้านหลัง เกนกับปูนได้แต่ทำหน้าสงสัย ที่อยู่ๆ กรพัฒน์ก็เกิดหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมา “มองอะไร รีบๆ กินไปสิ”

   “ป๋าเป็นอะไรเนี่ย มาไล่เกนทำไม” คนถูกไล่ตีหน้ายุ่ง

   “นั่นสิ ป๋าไล่เกนทำไมครับ” ปูนก็ยังสงสัยตามพร้อมจะขยับ แต่ก็ถูกแขนสองข้างวาดมาด้านหลังแล้วดันให้ยืนชิดหลังกว้างเอาไว้ “ป๋า”

   “ยืนอยู่เฉยๆ ห้ามหันหลัง” คำสั่งลอยๆ ที่คนถูกสั่งไม่ค่อยเข้าใจ แต่เกนกลับผุดรอยยิ้มออกมา “ยิ้มอะไรไอ้เกน รีบๆ กิน”
 
   “หวงพี่ปูนเหรอ โด่ว เกนเห็นก่อนป๋าอีก อาบน้ำกับพี่ปูนมาตั้งกี่รอบ” คนเห็นก่อนยืดตัวอวด แต่กลายเป็นว่า ถูกคนเห็นทีหลังหิ้วคอเสื้อแล้วลากออกจากห้อง “ป๋า นี่เกนนะเว้ย กินข้าวไม่อิ่มเลยเนี่ย”

   “ไม่อิ่มก็ไม่ต้องกิน อยากกินก็ไปกินที่อื่น” กรพัฒน์โวยวาย ไม่ลืมหรอกที่ลูกชายได้อาบน้ำกับปูน แต่ก็อดที่จะโมโหไม่ได้ เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นรอง จากนี้เขาจะต้องที่หนึ่งเพียงคนเดียวเท่านั้น

   “ทำไมป๋าต้องใจร้ายกับเกน”

   “เพราะแกมันขี้อวด”

   “อวดตรงไหน มันเรื่องจริงทั้งนั้น”

   “ไม่สนโว้ย”

   ประตูไม้อย่างดีถูกปิดใส่หน้า เกนถึงกับเหวอ ส่วนปูนได้แต่ตะลึง ไม่คิดว่ากรพัฒน์จะหิ้วลูกชายออกไป ทั้งที่เรื่องอาบน้ำนั้น มันก่อนที่ปูนจะตกลงคบกับกรพัฒน์ซะอีก

   “ป๋าเป็นอะไร ทำไมถึงทำแบบนั้น”

   “หึงย้อนหลัง”

   “แบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ”

   “ได้ มันต้องได้” ปูนหัวเราะออกมาเมื่อคนหึงตีหน้ายักษ์ “แล้วพี่ขอสั่ง ไม่ให้ปูนอาบน้ำกับไอ้เกนอีก แล้วแต่งแบบนี้ก็ไม่ได้ ห้ามโชว์ให้ไอ้เกนเห็น ถ้าอยากโชว์ละก็ ให้พี่เห็นคนเดียวพอ”

   “ไม่ได้อยากโชว์สักหน่อย เพราะป๋านั่นแหละทำให้ปูนตื่นสาย แต่งตัวไม่ทันด้วย” ดีแค่ไหนแล้วที่หาผ้ากันเปื้อนมาคลุมได้ทัน “พูดแล้วก็โมโห ไปอาบน้ำดีกว่า”

   “อาบน้ำ?”

   พอได้ยินคำว่าอาบน้ำ กรพัฒน์ก็ปรับอารมณ์ทันที ดวงตาคมลุกวาววับ ยิ่งปูนเดินไปที่ห้องน้ำยิ่งคึก ด้านหลังคนงอนโชว์ก้นงอนขาวๆ น่ากัดให้จมเขี้ยว ว่าแล้วคนคึกก็รีบตามไป แต่หากถูกปิดประตูใส่หน้าอย่างกับที่ทำกับลูกชายเมื่อครู่นี้

   “ปูน เปิดประตูให้พี่ด้วย ปูนจ๋า”

   “ปูนจะอาบก่อน เดี๋ยวป๋าค่อยอาบ”

   “โธ่ปูน นี่ป๋าเอง เปิดประตูให้ป๋าอาบด้วย ปูน”

   ไม่มีเสียงตอบกลับ มีเพียงแต่เสียงฮัมเพลงดังออกมาให้ได้ยิน นี่เป็นครั้งแรกที่กรพัฒน์คิดจะเอาประตูห้องน้ำออก หรือไม่ก็เอาที่ล็อคกลอนออก นั่นสิ สงสัยวันนี้ต้องให้ช่างของคอนโดมางัดกลอนออกซะแล้ว แค่นี้ก็จบกับปัญหาล็อคห้องน้ำ

   ว่าแต่ ล็อคได้ ก็ต้องไขได้สิ ทำไมโง่เช่นนี้ แล้วรอยยิ้มกรุ้มกริ่มก็ปรากฏบนใบหน้าหล่อ พร้อมมือที่ถือลูกกุญแจสีเหลืองทอง



   ไม่รอดป๋าอีกตามเคย เพราะป๋าคนนี้ แรงดีไม่มีตก


...TBC

ตอนหน้าตอนสุดท้ายแล้วค่าาา ขอบคุณทุกคนมากๆ เจอกันตอนหน้าค่ะ ^^~
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 18 ] [P.3] UP!!// [22/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-10-2017 12:12:48
ป๋าหื่นมาก
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 18 ] [P.3] UP!!// [22/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-10-2017 15:36:41
อาจจะต้องย้ายร้านมาอยู่ใต้คอนโดแทนไหม ขยันเหลือเกินนะพ่อ
ปูนก็โดนยำตลอด และก็ยอมตลอด 55555

กรก็อาการหนักนะ และไม่มีลดด้วย

เกนน่าสงสาร 5555
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 18 ] [P.3] UP!!// [22/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-10-2017 17:01:50
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 18 ] [P.3] UP!!// [22/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 22-10-2017 19:55:02
ขอบคุณค่ะ  สนุกมากกกค่ะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 23-10-2017 21:31:11
-19-




       “วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยได้ไหม” คำขอร้องดังออกมาจากคนที่โดดงานมานั่งอยู่ที่ร้านดอกไม้ กรพัฒน์เท้าคางจ้องหน้าคนรักที่เอาแต่สนใจจัดช่อดอกไม้ในมือ “นะครับปูน”

   “ทำไมล่ะครับ” แล้วปูนก็ต้องเงยหน้ามาสนใจ “ป๋ามีอะไรหรือเปล่า”

   “ไม่มี๊” ช่างเป็นคำปฏิเสธที่เสียงสูงเสียจริง กรพัฒน์เบือนหน้าหนีสายตาจับผิด

   “ต้องมีอะไรแน่ๆ ทำแบบนี้”

   ช่วงที่ปูนไล่ต้อนจับผิดด้วยสายตา เสียงโทรศัพท์ของกรพัฒน์ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรีบอ้างแล้วเดินออกจากร้านไป อยากจะหนีล่ะสิ

   กรพัฒน์คุยกับเพื่อนสนิทพร้อมมือไม้ออกอาการซะจนคนในร้านอย่างปูนสนใจ แถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บ้างก็ทำเหวี่ยงคล้ายกับไม่พอใจ แบบนี้แล้วปูนก็ชักอยากรู้ว่าคุยกับใคร หรืออาจจะเป็นพอลที่โทรมาเรื่องงาน คิดได้เช่นนี้ ร่างขาวก็จัดช่อดอกไม้เช่นเดิมเพื่อให้ทันส่งเจ้าของที่โทรมาสั่ง

   หลังจากคุยอย่างออกรส กรพัฒน์ก็เดินยิ้มเข้ามาแล้วทำเป็นเก็บกวาดข้าวของ และยังแอบเนียนดึงสายโทรศัพท์ออกเพื่อที่จะไม่ให้ลูกค้าโทรมาอีก แม้เรื่องนี้อาจถูกด่าได้ แต่ก็ต้องยอม เพื่อที่จะได้ปิดร้านแต่หัววัน

   จากตอนเช้าที่มีออเดอร์เข้ามาหลายเจ้า แต่พอบ่ายมากลับเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงโทรศัพท์ ปูนนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดที่ไม่มีลูกค้า

   “ปูนจ๋า พี่ซื้อขนมมาฝาก” คนที่ออกไปซื้อกาแฟข้างนอกเดินเข้ามาพร้อมถุงขนม กรพัฒน์ถอดแว่นกันแดดสีดำออกแล้วเดินมาวางถุงขนมไว้ตรงหน้า “ขนมเขาอร่อยมาก พี่เลือกแบบที่ปูนชอบทั้งนั้นเลยนะ...ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”

   “ก็บ่ายนี้ไม่มีลูกค้าเลย” ปูนหน้าบูดเล็กๆ แต่ก็ยอมกินขนมที่ยื่นมาที่ปาก “หรือเขาไม่ชอบดอกไม้ที่ปูนจัด”

   “ไม่จริงสักนิด ดอกไม้ฝีมือปูนสวยจะตาย ขนาดลูกค้าพี่ยังชอบ” ธุรกิจดอกไม้ของปูน ยังถูกต่อยอดไปใช้ในการถ่ายแบบและดูจะผูกขาดเจ้าเดียวด้วย “พี่ว่า คงใกล้สิ้นเดือน เงินก็คงหมด เดี๋ยวพรุ่งนี้ ไม่ก็ต้นเดือนลูกค้าก็มาเอง เชื่อพี่สิ”

   “ไม่ดีเลยแบบนั้น”

   แม้จะสงสารคนรัก แต่มันจำใจต้องทำเช่นนี้จริงๆ กรพัฒน์รีบหาเรื่องสนุกมาชวนคุย บ้างก็เล่าเรื่องของเพื่อนรักอย่างพอลให้ฟัง จนนาฬิกาบอกเวลาบ่ายแก่ คนมีแผนก็รีบคะยั้นคะยอให้ปิดร้าน

   “ป๋าจะรีบไปไหนครับเนี่ย” ตอนนี้ปูนได้แต่ยืนดูคนอยากปิดร้าน ที่รีบเก็บกวาดแล้วกลับป้ายว่าปิดแล้วที่หน้าประตู “ถามจริง ป๋ามีแผนอะไรที่ไม่ได้บอกปูนหรือเปล่า” ปูนพยายามจ้องหน้าแต่กรพัฒน์เลือกที่จะไม่สบตา “แน่ๆ เลย”

   “นิดนึง” ยอมบอกมานิดๆ แล้วก็รีบเปิดประตูให้คนรัก พอปูนเข้าไปนั่งแล้ว กรพัฒน์ก็รีบอ้อมไปอีกฝั่งแล้วออกตัวทันทีเพื่อจะได้ไม่เสียเวลา

   “จะไปไหนเนี่ย” ดูจากเส้นทางแล้ว ไม่น่าจะใช่ทางกลับอย่างทุกที “ป๋า ถ้าไม่บอกจะงอนแล้วนะ”

   “ขอวันนึงนะ พี่บอกไม่ได้จริงๆ” ไม่อยากเห็นหน้าหวานหงิกงอแต่ก็ต้องทน

   ปูนมองสองข้างทางเมื่อรถหรูวิ่งบนถนนที่ทอดยาวโดยไม่รู้ปลายทางที่แน่ชัด จนป้ายบอกทางระบุว่าทางข้างหน้าคือทะเลฝั่งตะวันออก

   “ทะเล? ป๋าพาปูนมาทะเลเหรอ”

   “พี่ก็อยากให้ปูนพักบ้างไง”

   กรพัฒน์ไม่ได้สังเกตเลยว่า คนข้างกายของเขาไม่ได้ยิ้มหรือแสดงท่าทางดีใจเลยแม้แต่น้อย ปูนนั่งนิ่งเม้มริมฝีปาก หัวใจกำลังบีบรัดแน่นจนต้องยกมือขึ้นมากุมเอาไว้



   ตลอดทางปูนพยายามทำตัวให้ไม่เป็นที่สนใจมากนัก ทั้งๆ ที่อยากตะโกนบอกไปว่าไม่ชอบทะเล แต่ก็กลัวคนตั้งใจพามาพักจะรู้สึกไม่ดี

   พระอาทิตย์เริ่มทอประกายเป็นสีส้มเมื่อใกล้จะตกเต็มแก่ คนขับรถก็รีบเหยียบเพื่อจะได้ทันดูตอนดวงสีส้มค่อยๆ จมลงทะเล เขาอยากให้ปูนประทับใจ

   “พี่เตรียมเสื้อผ้ามาแล้วนะ เรานอนพักที่นี่สักคืนสองคืน” กรพัฒน์ผู้ที่เตรียมพร้อมทุกอย่างยิ้มแย้มเมื่อนึกถึงแผนการของตัวเอง

   “นอน...ที่นี่” เสียงแผ่วเบาแทบจะไม่ได้ยินเสียงตัวเอง ตอนนี้เม็ดเหงื่อเริ่มผุดจากไรผม ทั้งที่ไม่ได้ร้อนเลยสักนิด “มะ ไม่นอนไม่ได้หรือ”

   “ทำไมล่ะ พี่จองห้องไว้แล้วนะ เป็นบ้านพักติดชายหาด ปูนจะต้องชอบแน่ๆ”

   ปูนส่ายหน้ารัวๆ มือสองข้างเต็มไปด้วยเหงื่อจนชื้นแฉะ ใจตอนนี้เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา แล้วจู่ๆ น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้ม เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้กรพัฒน์หันมามอง ชายหนุ่มเหยียบเบรกหัวทิ่ม ดีที่ไม่มีรถด้านหลังที่วิ่งตามมา ไม่อย่างนั้น อาจเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว

   “ปูนเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” กรพัฒน์ตกใจที่เห็นปูนร้องไห้ แต่ก็ยังประคองสติพารถเข้าไปจอดข้างทางก่อนจะสอบถาม แต่คนตัวผอมกลับเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น “ปูน เป็นอะไร”

   “ไม่เอา” คำพูดปนเสียงสะอื้นฟังแทบไม่ออก ปูนพยายามเค้นเสียงออกมาให้อีกคนได้รู้ “ไม่ไป ปูนไม่อยากไป”

   “ไม่อยากไปไหน ทะเลหรือ” พอได้ยินก็ต้องแปลกใจ แต่อาการของปูนมันบ่งบอกได้ดีว่าไม่ได้พูดเล่น “ทำไมล่ะ ปูนไม่ชอบทะเลหรือ พี่ว่ามัน...”

   “ไม่ชอบ ปูนไม่ชอบ ไม่เอา ปูนไม่ไป ป๋า ปูนไม่ไป” คนไม่อยากไปร้องไห้จนตัวโยน กรพัฒน์รีบดึงปูนเข้ามากอดปลอบ “ทะเลน่ากลัว มันมืด อึดอัด หายใจไม่ออก ปูนไม่ชอบ” เสียงกระท่อนกระแท่นแต่ก็พอจับใจความได้ ปูนขยำเสื้อเชิ๊ตคนตรงหน้าไว้แน่น ความกลัวในอดีต ค่อยๆ ผุดขึ้นมา ภาพเดิมๆ กับวันเก่าๆ มันช่างน่ากลัว

   คนในอ้อมกอดร้องไห้อย่างน่าสงสาร กรพัฒน์เริ่มคิดหนักเพราะว่าแผนการต่างๆ ที่เตรียมไว้นั้นถูกซักซ้อมจนเรียบร้อยหมดแล้ว ถ้าเกิดเขาไม่ไปละก็ จบเห่กันพอดี

   “ปูนไม่ต้องกลัวนะ มีพี่อยู่ด้วยทั้งคน พี่ไม่ปล่อยให้ปูนเป็นอะไรอยู่แล้ว”

   “ไม่เอา ไม่ไป ปูนไม่ไป” ปูนร้องไห้ส่ายหน้าอยู่กับบ่าคนปลอบ “ปูนไม่ชอบทะเล ไม่ชอบ”

   “ทำไม...” เหมือนจะมีอะไรผุดเข้ามาในความทรงจำ คำพูดของอดีตเพื่อนของปูนค่อยๆ เคลื่อนไหว ก่อนจะต่อด้วยเสียงและภาพของปูน “ที่ๆ ปูนถูกจับไป คือทะเลหรือ” คราวนี้ได้รับการพยักหน้าจนคนวางแผนอย่างดีคิดหนัก “ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันนะ ตอนนี้ปูนมีพี่ ปูนไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แล้วที่นั่นก็ไม่มืดเลย ขอแค่ปูนเชื่อใจพี่ ได้ไหมครับ”
 
   คราวแรกคนร้องไห้ก็ส่ายหน้าปฏิเสธลูกเดียว จนกรพัฒน์ทั้งกล่อมและปลอบอยู่นานกว่าปูนจะยอมตกลง แต่ก็ยอมไปกลับเพื่อความสบายใจของปูน

   และตลอดการเดินทาง มือของปูนก็กำแน่นอยู่ตลอด แม้จะถูกมือใหญ่กุมไว้ แต่ก็ยังเกร็งอยู่ดี ยิ่งพอเห็นทะเลอยู่ไกลๆ ปูนก็ลุกลี้ลุกลนจนดูน่าสงสาร กรพัฒน์อยากจะต่อยหน้าตัวเองแรงๆ ที่ลืมคิดไป แต่ก็เพราะไม่รู้นั่นแหละที่ทำให้เกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าความประทับใจที่อยากให้ปูนได้เจอ จะแปรเปลี่ยนเป็นความเลวร้ายหรือเปล่าก็ไม่รู้


   เมื่อรถหรูจอดหน้ารีสอร์ทสวยที่แสนร่มรื่น กรพัฒน์ก็รีบวิ่งอ้อมไปหาปูนแล้วประคองให้ลงจากรถ ดูท่าแล้วคงจะกลัวจริงๆ ดวงตากลมสอดส่ายไปมาอย่างระแวง

   “มันมืดแล้ว” ปูนว่าออกมาเสียงสั่น มือก็จับอีกคนไว้แน่น

   “พี่อยู่ตรงนี้ไง มองพี่สิ อย่ามองทางอื่น” เพราะมัวแต่ปลอบกันนานเลยมาถึงช้ากว่าที่คิด ตอนแรกอยากให้ปูนได้เห็นพระอาทิตย์ตกด้วย แต่ก็เหลวไม่เป็นท่า “เดี๋ยวเราไปเช็คอินก่อนนะ” พอบอกปุ๊บ คนในอ้อมแขนก็ขืนตัวเองไว้ทันที

   “ไหนบอกไปกลับ แล้วทำไมต้องเช็คอิน” คิ้วสวยขมวดเป็นปมแถมไม่ยอมเดินอีก

   “เพราะพี่จองไว้แล้ว เช็คอินเสร็จเราค่อยเช็คเอ้าท์ทีหลัง” เป็นคำอธิบายที่ปูนไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ยอมเดินเข้าไป พอเช็คอินเสร็จสรรพ พนักงานสาวสวยก็รีบออกมาต้อนรับแล้วพาไปที่บ้านพักที่จองไว้ “ไปนั่งพักที่ห้องก่อน ค่ำๆ เราค่อยกลับนะ พี่มีอะไรให้ปูนด้วย”

   ไม่มีเสียงตอบรับ แต่ปูนก็ยอมเดินตาม มือขาวยึดชายเสื้อคนเดินนำไว้แน่น นั่นเพราะไม่อยากให้กรพัฒน์ประคองโอบกอดตลอด กลัวว่าชายหนุ่มจะดูไม่ดี



   บ้านพักที่จองไว้นั้น อีกด้านนั้นติดทะเล แถมยังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอีกต่างหาก และหากตัดความกลัวออกไป ปูนก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้สวยมาก ยิ่งตอนทะเลหอบลมพัดขึ้นมาทำให้ผ้าม่านสีขาวปลิวสะบัดก็ยิ่งสวย แม้ทะเลในตอนนี้จะดูน่ากลัวไปสักหน่อยก็ตาม แต่พระจันทร์กับแสงดาวก็ส่องประกายจนปูนต้องเดินไปดู

   “สวยไหม” กรพัฒน์ลุ้นอยู่นานตอนพาปูนเข้าห้อง ชายหนุ่มปล่อยให้ปูนได้ปรับตัวกับห้องและสิ่งรอบตัว ตอนนี้ไฟในบ้านเปิดแทบทุกดวงเพื่อลดอาการกลัวของปูน ซึ่งดูได้ผล

   “อื่อ” แม้ตอบไม่เต็มเสียงนัก แต่คนพามาก็ใจชื้นขึ้นบ้าง

   “ทะเลตอนกลางคืนน่ากลัวไปหน่อย พี่อยากให้ปูนเห็นตอนพระอาทิตย์ตกมากกว่า” คราวนี้กรพัฒน์เดินมาซ้อนหลัง แขนแกร่งยื่นไปโอบเอวคนรัก “แต่ถ้ารู้ว่าปูนกลัวมากขนาดนี้ พี่ไม่พามาหรอก”

   “ปูนขอโทษ” หน้าขาวสลดลงอย่างรู้สึกผิด

   “ขอโทษทำไม ปูนไม่ได้ทำผิดสักหน่อย” ชายหนุ่มก้มลงไปหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ “แต่พอมาคิดดีๆ แล้ว มาที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อปูนจะเลิกกลัว”

   “ปูนก็ไม่ได้อยากกลัว”

   “พี่จะทำให้ปูนเลิกกลัวเอง ฝันร้ายๆ นั่น พี่จะทำให้กลายเป็นฝันดีเอง”
 
   คนเคยฝันร้ายที่ว่าแอบขำให้กับท่าทางและน้ำเสียงจริงจัง แต่แล้วก็ถูกฉกแก้มนุ่มอีกจนได้ และก่อนที่จะถูกฉกมากกว่าแก้ม เสียงโทรศัพท์ที่วางอยู่บนเตียงก็ดังเรียก กรพัฒน์แอบเสียดายปากแดงที่ยั่วสายตาแต่ก็ต้องไปรับ เพราะภารกิจสำคัญในการมาที่นี่รออยู่

   ปูนมองตามหลังกว้างที่ออกจากประตูไป ตอนนี้เลยเหลือแค่เขาเพียงคนเดียว กับห้องที่ทั้งกว้างและเงียบ ถึงจะมีแสงสว่างจากหลอดนีออน แต่ก็อดที่จะกลัวไม่ได้ ยิ่งเสียงคลื่นที่กระทบฝั่งนั่น คล้ายกับเสียงของปีศาจคำราม ปูนค่อยๆ ถอยจากระเบียงไปที่มุมห้องแล้วย่อตัวนั่งกอดเข่าตัวเองไว้

   เหมือน...มันเหมือนคราวนั้นที่ปูนถูกพามาขัง เสียงคลื่น เสียงลม และความเงียบของห้องยามต้องอยู่คนเดียว แล้วเหงื่อเม็ดโตก็ผุดขึ้นมา ดวงตาเหลือบไปมาอย่างหวาดหวั่น เล็บมือกดลงในบนหัวเข่าจนมีเลือดออกซิบๆ




   “ปูน พี่...” เสียงเปิดประตูพร้อมกับพรวดเข้ามา กรพัฒน์กวาดสายตามองหาคนรัก ก่อนจะหันไปเจอปูนนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง นี่เขาทิ้งให้ปูนต้องกลัวอีกแล้วใช่ไหม ทั้งที่สัญญาแล้วแท้ๆ กรพัฒน์เดินไปหา พอยื่นมือไปแตะ ปูนก็สะดุ้งทันที “พี่เอง พี่ขอโทษนะ”

   พอเห็นปูนเบ้ปากทำท่าจะร้องไห้ มือใหญ่ก็รีบดึงร่างผอมเข้ามาในอ้อมกอด ปากก็พร่ำขอโทษอยู่ตลอด จนปูนเริ่มดีขึ้น กรพัฒน์ก็ชวนออกไปรับลมข้างนอก ซึ่งปูนก็รีบตกลงทันที อย่างน้อยด้านนอกก็ไม่น่ากลัวเท่าในนี้

   กรพัฒน์ประคองปูนออกจากห้อง คราแรกเตรียมผ้ามาผูกตา แต่พอเห็นปูนกลัวเมื่อสักครู่ ผ้าก็ถูกเก็บใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิม จนเมื่อใกล้ถึงลานที่เตรียมไว้ ร่างสูงก็หยุดเดินทำเอาคนเดินมาด้วยสงสัย

   “ปูนเชื่อใจพี่ไหม” คำถามที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นทำให้ปูนพยักหน้าลง “ที่ๆ พี่จะพาปูนไป เป็นที่ๆ พี่ตั้งใจมอบให้กับปูน แต่ถ้าพี่จะขอปิดตาปูนไว้ก่อนจะได้ไหม” ปกติหากเป็นคนอื่น อาจใช้ผ้าคาดหรือปิดตาได้เลย แต่สำหรับปูนคงต้องขอก่อน สิ่งที่เจอมันสอนให้ต้องทำแบบนี้

   “ต้องปิดตาด้วยหรือ” ปูนย่นคิ้วนิดๆ แต่พอมองหน้าของคนรัก ก็ยอมตกลง

   ทันทีที่ถูกมือใหญ่ปิดตา ปูนก็แอบหวั่นใจ แต่เพราะคนที่อยู่ข้างๆ คือคนรักที่จะไม่มีวันทอดทิ้งหรือทำร้าย ปูนเลยผ่อนคลายลงบ้าง ทางเดินที่ไม่รู้ไปหยุดอยู่ตรงไหน ปูนทำได้แค่เดินอย่างช้าๆ และทำตามที่คนเห็นทางบอก จนเท้าสัมผัสกับผืนทราย

   “ปูนหลับตาไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งลืมขึ้นมา ขอเวลาหนึ่งนาที ไม่สิ สามสิบวินาที”

   ทันทีที่คนข้างกายหายไป ลมเย็นของทะเลก็ทำให้ปูนห่อตัวนิดๆ ร่างผอมพยายามข่มตัวเองให้คิดว่าที่นี่มีกรพัฒน์อยู่ ปากแดงเลยเริ่มนับเลขเบาๆ คลายความฟุ้งซ่าน

   แสงเล็กๆ ที่กระทบกับเปลือกตาทำให้ปูนค่อยๆ ปรือตาขึ้นดู จากผืนทรายและท้องทะเลที่มืดมิด ตอนนี้กลับสว่างไสวไปด้วยแสงไฟดวงเล็กๆ ที่ต่อกันเป็นสาย เรียงร้อยเป็นตัวหนังสือที่ทำเอาปูนน้ำตาคลอ คนที่หายไปเดินมาจากด้านข้างพร้อมช่อกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ ที่ปูนจำได้ว่า มีลูกค้าผู้หญิงโทรมาสั่ง บอกจะนำไปให้เพื่อนขอแฟนแต่งงาน โดยให้ปูนจัดแบบที่ปูนชอบ
 
   “นี่มัน...” แทบพูดไม่ออก น้ำตาที่เคยมีตอนหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นตื้นตัน



   “Will you marry me?”



   กรพัฒน์คุกเข่าลงด้านหน้าพร้อมยื่นช่อดอกกุหลาบมาให้ ปูนเพิ่งสังเกตว่าตัวเองและกรพัฒน์อยู่ในวงล้อมของไฟดวงเล็กที่ทำเป็นรูปหัวใจดวงโต


   “Please”


   คำขอปนอ้อนวอนสร้างรอยยิ้มหวานจากปูน ก่อนศีรษะทุยจะพยักหน้าลง แค่นั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับผู้ร่วมขบวนการวิ่งมาดึงพลุกระดาษจนปลิวว่อนไปทั่ว

   “เย้ๆ ดีใจด้วยนะเพื่อน” พอลรีบตบบ่าเพื่อนสนิทก่อนจะหันมาแตะปูนบ้าง ก็ถูกกรพัฒน์ดึงหลบ “หวงตลอด ดีใจด้วยนะปูน ฝากเพื่อนผมด้วย”

   “ขอบคุณครับ” ปูนตอบรับพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเซเกือบล้มเมื่อถูกเด็กหนุ่มที่เริ่มจะสูงกว่าพุ่งเข้ากอด “เกน”

   “ดีใจด้วยนะพี่ปูน มาอยู่ด้วยกัน เกนจะไปนอนด้วยทุกวันเลย” แรกๆ ก็ดูดี แต่พอหลังๆ หน้าของเกนก็ถูกมือใหญ่ของพ่อดันให้ออกห่างทันที “ป๋า ทำไรเนี่ย” สุดท้ายก็ถูกดันจนหลุด

   แต่ที่ทำให้ปูนดีใจที่สุดคือ หญิงสาวที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง ในมือมีมงกุฎดอกไม้ เธอเดินเข้ามาหาก่อนสวมให้กับปูน
 
   “ยินดีด้วยนะปูน พี่ดีใจที่เห็นปูนมีความสุข”

   “ขอบคุณครับพี่โรส” ปูนปล่อยน้ำตาไหลเป็นสาย แขนเรียวโอบกอดร่างบางที่เปรียบเสมือนพี่สาวที่รักมาก “ทำไมมาไม่เห็นบอกปูนเลย”

   “บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ ไม่เอาๆ ไม่ร้อง วันนี้วันดีที่พี่ได้เห็นปูนมีความสุข” ว่าแล้วโรสก็จับมือปูนขึ้นมา ก่อนจับมือเพื่อนสนิทมาวางด้านบนมือของปูน “กร ฉันฝากน้องชายฉันด้วย อย่าทำให้ปูนเสียใจ”

   “รู้แล้วน่า” กรพัฒน์ยิ้มกว้างให้เพื่อน

   “อย่ามัวแต่คุยเลย มาฉลองกันดีกว่า ดูสิ กุ้ง หอย ปู ปลาเต็มไปหมด ว่าแต่ ไหนแอลกอฮอล์ชั้นเลิศวะ” พอลยืดคอมองหาน้ำอำพันชั้นดี เท่าที่เห็นมีแค่น้ำอัดลมกับน้ำเปล่าเท่านั้น

   “งานวันนี้โนแอลนะครับคุณลุง เพราะพวกผมอยู่ด้วยเห็นป่ะ อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีหรือไง” เกนร่ายยาวจนถูกเขกศีรษะโดยมีเพื่อนอย่างฟลอยด์เอาแต่ขำ

   ถึงแม้จะเป็นงานเล็กๆ แต่ปูนก็สุขใจจนอยากเก็บภาพความทรงจำนี้ไว้ด้วยหัวใจ ร่างผอมยืนมองตัวหนังสือที่ถูกพันด้วยสายไฟแล้วก็ยิ้มออกมา

   “ชอบไหม” เสียงคุยเบาๆ ดังอยู่ข้างกาย ปูนพยักหน้าลงทันที “พี่ก็ชอบนะ” คราวนี้ปูนหันมามองคนที่บอกว่าชอบอย่างสงสัย “ชอบที่มีปูนอยู่ข้างๆ แบบนี้ และชอบที่ปูนรักพี่ ขอบคุณที่ยอมแต่งงานกับพี่นะ”

   “ปูนต่างหากที่ควรพูดแบบนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ หากป๋าพาปูนกลับ งานนี้ก็คงไม่มี แล้วปูนก็คงเสียดายไปตลอดชีวิต”

   “ไม่หรอก ถ้างานนี้ล่ม พี่ก็ไปจัดที่อื่นอีกก็ได้ เงินป๋าเยอะ” กรพัฒน์พูดแล้วขยิบตาให้ ก่อนนิ่วหน้าเมื่อถูกหยิกที่เอว “เจ็บนะเนี่ย”

   “เจ้าแผนการดีนักนะ” ปูนยิ้มกว้าง ยื่นแขนโอบรอบแขนแกร่งไว้พลางเอนซบไหล่ “ขอบคุณที่รักปูนและอดทนเพื่อปูน”

   “นี่ถ้าพี่ไม่ทนละก็ คงไม่รู้ว่าเมียพี่เด็ด โอ๊ย” อีกคนกะจะซึ้ง แต่อีกกลับพูดติดตลกจนถูกหยิกที่เอวอีกรอบ “พี่อดทนเพื่อคนที่พี่รักได้เสมอจ้า” ว่าแล้วก็หอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่และอีกหลายๆ ฟอดตามมา ปูนเอียงหน้าหลบแต่ก็ไม่พ้นอยู่ดี ความสุขกับภาพความรักทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นกลายเป็นอากาศไปในพริบตา

   “แหม หวานซะน้ำทะเลจืดแล้วเนี่ย” โรสแกล้งหยอก “แล้วคุณพอลคะ คุณจะไม่วางแก้วเลยใช่ไหมคะ”

   “ทำไมกลายเป็นขี้ประชดฮะ ตอนเป็นนางแบบใหม่ๆ ออกจะน่ารัก พูดอะไรก็เชื่อฟัง เนอะไอ้กร” พูดจบก็ต้องวิ่งหนีฝ่ามือที่เตรียมฟาด ความวุ่นวายนั่นเรียกเสียงหัวเราะได้รอบวง “ช่วยด้วยๆ แม่มดจะฆ่าแล้ว”

   “หนอย”

   แล้วสองหนุ่มสาวก็ไปวิ่งไล่กันรอบแท่งตัวหนังสือที่ประดับหลอดไฟ ก่อนจะกอดคอพากันกลับมาด้วยความเหนื่อยอ่อน

   “เล่นกันเป็นเด็กๆ” ทุกสายตาหันไปมองคนพูด จนฟลอยด์เงยหน้ามามอง ปากยังคาบก้ามปูเอาไว้ “ผมคิดออกเสียงหรือ” แล้วทั้งหมดต่างก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นหาด





***


   กว่างานเล็กๆ จะจบลง ทุกคนก็ดูจะอิ่มท้องด้วยอาหารทะเลเผา รวมไปถึงท้องอืดจากน้ำอัดลม เด็กหนุ่มสองคนขอแยกกลับไปห้องพัก เพราะอิ่มกว่าจะกระดิก จริงๆ ดูจากท่าเดินที่ค่อยๆ ก้าว คงเป็นแบบที่พูด ส่วนผู้หญิงหนึ่งเดียวก็มีชายหนุ่มที่วิ่งไล่กันจนเหนื่อยเดินไปส่งที่ห้องเพื่อความปลอดภัย และไม่อยากอยู่เป็นก้างของคู่รักที่กำลังจะแต่งงานกัน

   กรพัฒน์จับมือปูนแล้วพาออกเดินลัดเลาะชายหาด ทะเลยามค่ำคืนหอบลมขึ้นมาทำให้รู้สึกเย็นสบาย ตอนนี้ปูนลดความกลัวลงได้มาก คงเพราะมีคนข้างกายที่รักและพร้อมดูแล

   “แสงที่ทะเลนั่นคืออะไรหรือครับ” ปูนชี้นิ้วไปที่แสงเล็กๆ กลางทะเล

   “คงจะเรือไดหมึกมั้ง” กรพัฒน์ว่า เมื่อตอนยังหนุ่มๆ เขาเคยออกทะเลไปกับเรือไดหมึกเพื่อจะถ่ายภาพ จำได้ว่าครั้งแรกเมาเรือแบบหมดสภาพ เข็ดไปนานกว่าจะทำใจไปอีกรอบและได้ภาพสวยๆ ถูกใจ

   “น่าสนุก”

   “ไม่เลย”

   คนเคยมีประสบการณ์ไม่ดีในครั้งแรกรีบส่ายหน้า ปูนขำออกมาทันทีที่เห็น

   ลมทะเลยิ่งดึกก็ยิ่งแรง กรพัฒน์เลยพาปูนกลับขึ้นบ้าน ตอนแรกคิดจะไปเช็คเอ้าท์ตามที่คุยกันไว้ตอนแรก แต่ปูนก็รีบห้าม และอยากให้กรพัฒน์ทำให้เขาหายกลัวอย่างที่เคยบอก

   “แค่อยู่ข้างปูนห้ามไปไหนก็พอ” คนกลัวดึงมือใหญ่มาที่ระเบียง ดาวบนท้องฟ้าส่องประกายสวยในยามมืดมิด “ปูนก็เหมือนท้องฟ้าตอนนี้” อยู่ๆ ปูนก็พูดออกมา ร่างผอมอยู่ในอ้อมกอดอุ่น “ป๋าก็เหมือนกลุ่มดาวพวกนั้น”

   “เดี๋ยวนะ ปูนต้องเป็นดาว พี่เป็นท้องฟ้าหรือเปล่า” คนสงสัยเอียงหน้ามอง ซึ่งปูนก็ส่ายหน้าตอบเบาๆ

   “ปูนเป็นท้องฟ้าตอนกลางคืน มันดูมืดมน เงียบเหงา โดดเดี่ยว อ้างว้าง แต่พอมีดวงดาวส่องแสงเป็นประกาย ท้องฟ้านั่นก็ดูมีชีวิตขึ้นมา” รอยยิ้มของปูนดูเศร้าในตอนแรก ก่อนจะยิ้มหวานเมื่อถูกหอมแก้มเบาๆ “ขอบคุณนะครับ”

   “พูดแบบนี้พี่ก็เขินน่ะสิ”

   “เนี่ย ชอบทำเป็นตลกอยู่เรื่อย”

   “ป๊าพี่เคยบอก” ปูนขยับเอียงหน้าไปรอฟัง “ป๊าบอกว่า ถ้าชีวิตมันเครียดนัก ก็หาเมียเป็นตลก แต่ถ้าไม่อยากตกนรก เราก็ควรเป็นตลกซะเอง”

   “มันคล้องจองกันด้วยหรือ” คนอุตส่าห์ตั้งใจฟังขำแห้งๆ ให้กับสิ่งที่ได้ยิน แต่คนพูดกลับทำหน้านิ่ง “จริงจังด้วย”

   “ปูนอ่ะ” คนตั้งใจพูดทำหน้าง้ำงอให้คนในอ้อมกอดที่หัวเราะเยาะ

   “ถึงป๋าไม่เป็นตลก ปูนก็ไม่ทำให้ป๋าตกนรกหรอก”

   ร่างผอมในอ้อมกอดหันกลับมา มือนุ่มทั้งสองข้างยกขึ้นกอบกุมแก้มตอบแล้วเขย่งตัวขึ้นจูบ ริมฝีปากนุ่มค่อยๆ ขบเม้มอย่างช้าๆ แม้จะดูชักช้าแต่กรพัฒน์ก็รอรับความรักจากปูน จนปากเป็นอิสระก็ได้เห็นรอยยิ้มหวานส่งมาให้ แถมส่งสายตายั่วยวน กระดิกนิ้วชี้เรียกให้ไปที่เตียงอีกต่างหาก

   พอเห็นแบบนี้กรพัฒน์ก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาทันตา ชายหนุ่มกัดริมฝีปาก ยกมือทำท่าขยุ้มเป็นเสือร้าย วันนี้เขาจะตะปบลูกกวางเอาให้หนำใจเลย แต่พอกระโดดขึ้นไปหา คนที่นอนรอกลับกลิ้งตัวหลบซะงั้น ปูนหัวเราะเยาะที่เห็นคนรักทำหน้าเหวอที่คว้าแต่อากาศ

   “คิดจะแกล้งกันเหรอ ได้ครับได้ เดี๋ยวเจอป๋า”

   “ไม่ได้แกล้ง เฮ้ย ป๋าจะทำอะไร”

   ปูนตาเหลือกที่อยู่ดีๆ กรพัฒน์ก็ถอดเสื้อ ถอดกางเกงเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง ตอนนี้ร่างกายกำยำเหลือแต่กางเกงชั้นในสีขาวราคาแพง

   “มาให้ขย้ำซะดีๆ”

   “ผ้าม่านก็ไม่ได้ปิด เดี๋ยวคนเห็นนะ ป๋า”

   ปูนวิ่งหลบแขนยาวไปรอบห้อง กรพัฒน์ที่เห็นผ้าม่านปลิวก็ถอยหลังไปปิด เพราะสายตาคมจดจ้องร่างคนตัวหอมข้างหน้า
 
   “ปิดแล้ว มาให้ป๋าขย้ำมะ”

   “น้ำก็ยังไม่ได้อาบเลยนะ”

   ข้ออ้างอีกหลายข้อถูกยกมาอ้าง พร้อมกับคนอ้างที่วิ่งวนไปทั่ว ปูนหัวเราะไปหอบไปด้วยความเหนื่อย สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้คนแข็งแรง ร่างผอมตกอยู่ในอ้อมกอดอุ่นอยู่บนเตียง กรพัฒน์หอมแก้มนุ่มซ้ายขวาอย่างหมั่นเขี้ยว

   “ไปอาบน้ำกัน” สายตาและน้ำเสียงยังไม่บ่งบอกถึงความต้องการเท่าท่อนล่างที่กำลังดันต้นขาปูนอยู่ “อาบน้ำไปด้วย ถูหลังไปด้วย ป๋าชอบ” แล้วคนชอบก็รีบช้อนอุ้มร่างผอมแล้วเดินเข้าห้องน้ำทันที


         ...แบบนี้ป๋าก็ชอบ

.
.
.
(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 23-10-2017 21:32:36
.
.
.
.
   
   แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาพร้อมกับลมที่หอบกลิ่นทะเลขึ้นมาเตะจมูก ปูนขยับพลิกตัวช้าๆ เพราะไม่อยากให้คนข้างกายตื่น ดวงตากลมโตมองหน้าคนหลับด้วยความรัก หัวใจของปูนตอนนี้มีแค่กรพัฒน์คนเดียวเท่านั้น เพราะเขาทำให้ปูนผ่านพ้นค่ำคืนที่แสนเลวร้ายมาได้ และทำให้มีวันใหม่ที่สวยงาม

   “ขอบคุณนะครับ” นิ้วเรียวค่อยๆ ไล้ใบหน้าหล่ออย่างเบามือ ไม่เคยคิดว่าผู้ชายคนนี้จะยอมอดทนรอและพิสูจน์ตัวเองจนทำให้ปูนรักได้มากขนาดนี้ มันมากซะจนขอบคุณยังไงก็ไม่มีทางหมด

   “ปลุกแบบนี้อยากต่อตอนเช้าหรือจ๊ะ” กรพัฒน์พูดแม้จะหลับตา แต่พอมือขาวชักกลับก็รีบคว้าเอาไว้ “ป๋ากำลังสบายเลย” ว่าแล้วก็เอาฝ่ามือนุ่มวางไว้ที่แก้มและไม่ลืมจูบย้ำๆ หลายครั้ง

   “รีบตื่นเถอะครับ เดี๋ยวเช็คเอ้าท์ช้านะ แล้วไม่รู้คนอื่น...” คำพูดหายไปกับการจูบที่เนิ่นนาน

   “Morning Kiss ครับเมียป๋า”

   “ป๋าอะ” ปูนจับปากตัวเองไว้ เมื่อคืนก็ถูกจูบจนปากแทบจะเปื่อยอยู่แล้ว

   “ใช่ ป๋ามีอะไรจะให้ด้วยนะ” คนที่ตาปรือเหมือนจะคิดอะไรออก กรพัฒน์ลุกจากเตียงแล้วเดินโทงๆ ไปที่กระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนเดินกลับมานั่งบนเตียง “ขอมือหน่อยครับ”

   “ว่าปูนเป็นหมาหรือ” ดูแล้วไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่ ปูนขยับตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมรีบซ่อนมือตัวเองไว้ด้านหลัง

   “ป๋าต่างหากที่เป็นหมาน่ะ จำไม่ได้เหรอ” ว่าแล้วก็ทำลิ้นห้อยให้ดูจนปูนขำออกมา “นะครับ ขอมือให้ป๋าหน่อย ด้านซ้ายนะ” พอเห็นปูนจะยื่นด้านขวา ก็รีบให้เปลี่ยนข้าง พอมือวางปุ๊บ ปูนก็ต้องทำตาโตเมื่อมีแหวนทองคำขาวมีเพชรเล็กๆ อยู่ตรงกลางเลื่อนเข้าสวมที่นิ้วนางด้านซ้าย “พอดีเป๊ะเลย ที่จริงป๋าอยากให้เพชรเม็ดโตๆ แต่กลัวปูนไม่ชอบ หรืออันนี้ก็ไม่ชอบ?”

   กรพัฒน์เห็นปูนนั่งนิ่งก็คิดว่าไม่ชอบทำท่าจะถอดขืน แต่ปูนรีบชักหลบแล้วซ่อนไว้ด้านหลัง

   “ให้แล้วห้ามเอาคืน” ปูนพูดออกมาพร้อมน้ำตาที่เอ่อคลอ

   “ไม่มีทางเอาคืน และไม่มีวันที่ปูนจะได้ถอดออกด้วย” นิ้วยาวค่อยๆ เกี่ยวปอยผมคนรักขึ้นทัดใบหูขาว “แต่ถึงแม้ไม่มีแหวน คนๆ นี้ก็เป็นที่รักของป๋าอยู่ดี เป็นเมียป๋าด้วย นี่ถ้าได้รางวัลแบบเมื่อคืนอีกสักยกสองยก ป๋าก็คงปลื้มมาก”

   พูดไม่ทันจบดี ปูนก็กระโดดทับคนตัวใหญ่แล้วนั่งทับ มือที่วางในบนอกค่อยๆ ไล้ตามร่องช้าๆ และสะกิดเม็ดตุ่มไตสีน้ำตาลเข้มคล้ายกับจะแกล้ง และคงจะแกล้งจริงๆ ทันทีที่เห็นกรพัฒน์ทำหน้าเคลิ้ม ปูนก็วิ่งหนีเข้าห้องน้ำทันที ก่อนมาเห็นอาวุธร้ายคึกแล้วด้วย แบบนี้แหละ เหมาะสำหรับคนเจ้าแผนการแล้ว

   อารมณ์ที่ค่อยๆ เตลิดถูกดับไปซะอย่างนั้น กรพัฒน์ลืมตามองเพดานปริบๆ เขาถูกคนรักแกล้งให้อยากแล้วจากไปอีกแล้ว ทำไมปูนถึงใจร้าย ทำแบบนี้กับป๋าได้ ร่างกำยำค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ดวงตามองไปที่ประตูห้องน้ำที่กั้นเขาเอาไว้ ก่อนรอยยิ้มร้ายจะปรากฏ

   มีสิ่งหนึ่งที่ปูนยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกรีสอร์ทนี้ นั่นเพราะอากาศที่ดีก็ใช่ วิวยามเช้าสบายตาก็ใช่ ห้องสะอาดนั่นก็ใช่อีก แต่ที่ชอบมากที่สุดคือ



   แกร๊ก



   “ป๋า!”

   “ประตูห้องน้ำที่นี่ ไม่มีกลอนนะครับ เมียป๋า”

   เสียงหัวเราะร้ายกาจดังไปทั่วห้องน้ำ คราวนี้ละ ประตูไร้กลอนแบบนี้ก็กำลังจะเกิดขึ้นที่คอนโดของเขา มันใช่ ที่ตอนนี้สั่งให้ช่างเปลี่ยนประตูห้องน้ำที่ไร้กลอน แถมเลื่อนเปิดโดยง่ายอีก เบาแรงไปอีกเยอะ

   ความร้อนแรงในห้องน้ำกลบเสียงเคาะประตูจากด้านนอก สามหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวยืนทำหน้าง่วงอยู่หน้าประตู แต่เคาะห้องเท่าไรคนในห้องก็ไม่ยอมเปิด จนทุกคนลงความเห็นว่าจะกลับก่อน โดยที่พอลยังทำหน้าที่รับส่งทุกคนเหมือนตอนขามา




****

   “ไม่รู้สองคนนั้นเขาทำอะไรกัน” โรสบ่นเบาๆ

   “ไม่รู้จริงอะ ไม่เชื่อ” แล้วคนย้อนก็ถูกฝ่ามือตีเข้าที่หลังจนเสียงดัง

   “ลุงกับป้านี่ชอบกันป่ะเนี่ย” เกนขัดขึ้น

   “นั่นดิ่ เขาว่ากัดกันบ่อยๆ มักจะได้กันนะ” ฟลอยด์เดินทำตาปรือเสริมขึ้นมา

   “แต่ป้ากำลังจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ ลุงก็อดดิ่” เกนออกความเห็นอีก

   “ทั้งที่เจอก่อน แต่ก็ทำหลุดมือ ช่วยไม่ได้” ฟลอยด์ยังพูดต่อ

   “นั่นสิ” และเกนปิดท้าย

   ก่อนเด็กหนุ่มสองคนจะโดนตบหัวคนละทีโทษฐานที่พูดมาก แล้วทั้งสี่ก็เช็คเอ้าท์กลับ เหลือก็แต่สองคนที่ยังไม่ยอมออกจากห้องไปไหน โดยที่ทั้งสี่ไม่รู้เลยว่า คนที่เงียบหายนั้นโทรมาแจ้งขออยู่ต่ออีกเป็นอาทิตย์





   ...ก็เพราะป๋าชอบแบบนี้ไง



{THE END}



จบแล้วค่าาาาาาา กว่าจะจบได้ เอ็นซีที่ว่ายาก ยังต้องแพ้ให้กับตอนจบ
ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่สนใจเข้ามาอ่านและฝากกำลังใจไว้ให้ ขอบคุณมากค่ะ
หากเรื่องนี้มีข้อบกพร่อง หรือข้อติติงอะไร ขออภัยด้วยจากใจเลยค่ะ เราจะยังไม่หยุดพัฒนาตัวเองเพราะไม่มีอะไรดีที่สุด

แล้วพบกันเรื่องต่อไปค่าาาา จุ๊บๆ

ปล. ตอนพิเศษแซ่บๆ ก็ยังมีนะคะ แต่เอาไว้ก่อน ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: graciej ที่ 23-10-2017 22:14:25
สนุกค่า  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-10-2017 22:28:50
 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-10-2017 12:38:42
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 24-10-2017 21:10:10
 :-[
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: pamhicc ที่ 25-10-2017 23:02:20
ป๋าหื่นมากกก ขอบคุณมากนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-10-2017 11:27:16
จบแล้ว ไปไวมาไว เคลมไวมากค่ะ แต่ครบเครื่องค่ะ

น่ารักมากเลย กรทำดี ทำปูนลืมความกลัวไปได้โข แถมไม่ทันคิดด้วยซ้ำว่ามีทะเล
จัดหนักจัดโตกันไปอีก 5555

เกนตลก น่าสงสาร โดนพ่อกีดกันเฉย

ปูนน่ารักค่ะ มีรักแท้ มีคนจริงรออยู่แล้วนะ ไม่ต้องกลัวอดีตที่ผ่านมาแล้ว
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 26-10-2017 17:38:42
สนุกมาก ๆ ครับ ปูนน่ารัก ป๋าโคตรหื่น เกนกวนตีนแต่เด็ก



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-10-2017 06:26:38
เพิ่งเห็นว่าแต่งเรื่องของป๋ากับพี่ปูน
ตอนแรกเห็นชื่อคนแต่งก็ว่าคุ้นๆเปิดมาไม่ผิดหวัง
ฟินกันไปยาววววๆๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 28-10-2017 04:29:07
อ่านรวดเดียวเลยย
สนุกมากกก
ปูนน่ารักมากกอะ
แต่ที่น่ารักและดูมีมิติกว่าคือป๋าของเราา
น้องเก็นก้น่ารักกก
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 28-10-2017 17:15:16
 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-10-2017 20:05:35
มันฟินขนาด
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 29-10-2017 15:29:43
น้องปูนน่ารักมากกกกกกก :impress2:
อิจฉาป๋า :z3:
สนุกมากจ้าาาา อยากอ่านเรื่องของน้องเกน นะๆๆๆๆๆๆๆๆ :mew2:
ขอบคุณมากๆค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 29-10-2017 17:57:16
น้องปูนน่ารักมากกกกกกก :impress2:
อิจฉาป๋า :z3:
สนุกมากจ้าาาา อยากอ่านเรื่องของน้องเกน นะๆๆๆๆๆๆๆๆ :mew2:
ขอบคุณมากๆค่ะ :กอด1:


เรื่องของน้องเกนเป็นตอนสั้นๆ 8 ตอนจบค่า อยู่ในเรื่อง No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะ ค่าา เป็นคู่รองของเรื่องนั้นค่ะ
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 29-10-2017 23:17:48
อ้ายยยย สนุกอีกล่ะ คนเขียนไม่ทำให้ผิดหวังเลยจิงๆ

 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 30-10-2017 18:01:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 31-10-2017 01:45:07
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 31-10-2017 23:09:25
น่ารัก ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: plearnly ที่ 09-11-2017 21:38:39
อ่านรวดเดียวเลยสนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-11-2017 22:51:05
จบอย่างมีความสุข  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ชอบ เกน ฟลอยด์ ตอนเด็ก
กวนตีน ปากเก่ง แต่เล็กเลย

ป๋า ปูน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 17-11-2017 00:06:11
ปริศ~~~รอตอนพิเศษนะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 03-12-2017 20:56:56
ขอบคุณมากนะคนเขียน เป็นเรื่องที่รักมั่งคงและน่ารักอบอุ่นมาก
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 09-12-2017 10:11:33
สนุกมากค่ะ
ชอบป๊าม๊ามากกกกก
วัยรุ่นสุดๆ
อยากอ่านเรื่องของคนอื่นแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: noy ที่ 10-12-2017 15:04:57
สนุกมาก หวานมาก ขอบคุณมากค่ะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-12-2017 16:37:59
สนุกมากๆเลยค่ะ ป๋ารักและดูแลน้องปูนมากๆนะ หวานเวอร์ :กอด1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 27-12-2017 00:14:00
อิป๋ามันร้ายจับน้องกินตับตลอด  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 07-01-2018 21:11:05
 o13
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 18-02-2018 18:39:35
โง้ยยยยยชอบมากค่า ทำไมถึงเพิ่งได้มาอ่านเนี่ย ชอบป๋ามากกก ป๋าคนดี ที่แพ้ลูกชายตลอด555555

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: punpunn ที่ 18-02-2018 21:48:07
สนุกมากๆเลยยยยมาอ่านครั้งเดียวจบเลยชอบมากๆน่ารักดี ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆแบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 20-02-2018 14:32:02


มีความอิจฉามากกกกกกก

น้ำตาลขึ้นกันเลยทีเดียว

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 20-02-2018 21:27:25
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: JanJanIsHappy ที่ 22-02-2018 18:30:40
โอ้ยยยยยยยยป๋าหื่นมากกกกก
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: Legpptk ที่ 23-02-2018 07:16:21
เป็นเรื่องที่น่ารักมากกกกกก

ขอบคุณคนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: mu_mam555 ที่ 24-02-2018 15:05:36
สนุกมากเลยค่า
อ่านรวดเดียวจบเลย  o13 o13
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 24-02-2018 18:12:43
ป๋ามันหื่นมากกกก 5555+
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-02-2018 14:27:49
น่ารักมากลูกกวางน้อย  o13
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนที่ 19] [END] [P.3] UP!!// [23/10/60]
เริ่มหัวข้อโดย: SoSweetCB ที่ 27-02-2018 23:12:51
ได้มาอ่านรวดเดียว สนุกมากเลยค่าาา
น้องปูนร้อนแรงมาก 55555
อยากอ่านตอนพิเศษ ><
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่ฯ][P.4] UP!// [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 14-09-2018 18:51:11

ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น




               วันนี้ร้านดอกไม้แสนสวยถูกยกมาจัดในงานอีเว้นท์แห่งหนึ่งในห้าง เพราะเจ้าของร้านถูกร่อนจดหมายเชิญมาจากเจ้าของห้างโดยตรง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมปูนถึงถูกเชิญ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักเจ้าของห้างอะไรนี่เลย พอลองถามคนรักอย่างกรพัฒน์ดู เจ้าตัวก็ส่ายหน้าปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น

                ปูนตั้งหน้าตั้งตาจัดบูทของตัวเอง โดยมีพนักงานในร้านที่กรพัฒน์ขอมาจากแม่ตัวเอง ถึงเกนจะเรียกว่าป้า แต่อายุอานามก็ไม่ถึงหลักสี่ด้วยซ้ำ ใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลาคล้ายกับหลอกให้ลูกค้าตายใจ หากแท้จริงแล้ว เป็นคนเข้มงวดสุดๆ จากที่เกนชอบนั่งเล่นเกมส์ในร้าน กลายเป็นเด็กที่ต้องคอยมองหาไม้กวาดเพื่อทำความสะอาดร้านอยู่บ่อยๆ เพราะแบบนี้ เกนเลยคอยกระซิบบอกให้ปูนหาพนักงานใหม่แทบทุกวัน

                “คุณปูนไปทานข้าวก่อนก็ได้นะคะ เดี๋ยวพี่ฟองจัดที่เหลือเอง” ฟองจันทร์เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ตอนแรกที่ถูกขอตัวมา เธอไม่ได้รู้สึกดีใจสักเท่าไหร่ เพราะไม่อยากยุ่งเรื่องความรักของลูกชายเจ้านายที่รัก อีกทั้งกลัวว่าจะไปจุ้นจ้านจนถูกตำหนิเพราะเธอเป็นคนเข้มงวด แต่พอได้ลองมารู้จักและทำความคุ้ยเคย ปูนที่ลูกชายของคุณหญิงชอบ เป็นคนดีและน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก มิน่ากรพัฒน์ถึงคอยกำชับเธออยู่ตลอดว่าไม่ให้ใครเกาะแกะ

                “ปูนว่า เราช่วยๆ กันมันจะเสร็จไวกว่า อีกอย่าง พี่ฟองก็ยังไม่ได้ทานข้าวเหมือนกัน” ไม่แค่น่ารักเท่านั้น ปูนยังเป็นคนมีน้ำใจ หากไม่ใช่เด็กคนนี้แล้ว ฟองจันทร์ก็คงไม่ยอมให้รักกับกรพัฒน์อย่างแน่นอน ยิ่งเป็นผู้ชายอีก

                “งั้นเรามารีบจัดกันดีกว่าค่ะ พี่เห็นร้านส้มตำตรงมุมนั้นด้วย น่าจะแซ่บ” คนพูดดูจะหิวจริง ปูนขำออกมาอย่างอดไม่ได้

                “เดี๋ยวปูนเลี้ยงเอง แล้วค่อยไปเบิกเงินที่ป๋า”

                “ตามนั้นค่ะ”

                สองเจ้านายลูกน้องหัวเราะคิกคักที่มื้อนี้สบายเงินในกระเป๋า ปูนที่มัวแต่หัวเราะจนลืมมองมือขาวของตัวเองที่ตอนนี้ถูกกรรไกรตัดก้านบาดเข้าให้ เลือดสีแดงสดไหลออกมาอย่างน่ากลัว

                “ตายแล้ว ไปหาหมอค่ะ” ฟองจันทร์กระวีกระวาดหาผ้ามาซับเลือดให้ ก่อนจะหันซ้ายหันขวาหากระเป๋าตัวเองแต่มองไปทางไหนก็เห็นแต่กองดอกไม้สด “กระเป๋าอยู่ไหนเนี่ย”

                แต่ดูเหมือนคนรีบร้อนจะไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้เหตุการณ์ตรงหน้ามีอะไรเกิดขึ้น ปูนที่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บกำลังถูกมือใครบางคนประคองอยู่

                “ไปห้องพยาบาลกันครับ” เสียงทุ้มฟังแล้วดูน่าฟัง ปูนทำหน้าเจื่อน อยากปฏิเสธแต่ก็ทำไม่ได้ ในเมื่อเอาผ้าออกทีไร เลือดก็ยังไม่ยอมหยุดไหล “ไปครับ เดี๋ยวผมพาไป ที่ห้างนี่แหละ”

                “แต่ว่า...”

                “ไม่ต้องแต่หรอกครับ เดี๋ยวเลือดออกหมดตัวจะแย่เอานะ”

                เมื่อปฏิเสธไม่ได้ ปูนเลยหันไปหาฟองจันทร์ ที่ยืนตีหน้านิ่งอยู่ ก็ใครใช้ให้คนอื่นมายืนจับมือคนรักของเจ้านายเธอแบบนั้น เห็นแล้วอยากเข้าไปกระชากออกเสียจริง ถ้าไม่ติดว่าปูนเจ็บอยู่ละก็นะ

                “ปูนฝากร้านด้วยนะครับพี่ฟอง”

                “ได้ค่ะ ฟองจะดูให้ คุณรีบไปทำแผลเถอะ” ฟองจันทร์ยิ้มให้ก่อนจะตีหน้าบึ้งใส่คนที่ชักจะลามปามถึงขึ้นโอบร่างผอม “ฝากคุณปูนด้วยนะคะ เสร็จแล้วรีบเอามาคืนด้วย”

                “พี่ฟอง” ปูนตาโตเมื่อได้ยิน ต่างจากคนโดนฝากขำในลำคอไม่มีการตอบโต้ “ขอโทษแทนพี่ฟองด้วยนะครับ” ทันทีที่เดินออกมา ปูนก็รีบเอ่ย

                “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ยังสบาย” ปูนยิ้มแทบไม่ออก ก็คงจะเป็นแบบนั้น เพราะเคยโดยเกนขวางให้เจ็บแสบกว่านี้เยอะ “ดีใจนะครับ ที่คุณปูนมาจัดงานที่นี่”

                “ปูนก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงส่งจดหมายเชิญ ร้านปูนก็แค่ร้านเล็กๆ”

                “ร้านเล็กแต่มีคุณภาพ ใครก็อยากใช้บริการครับ”

                คำชมที่มาพร้อมแววตาอ่อนโยนจนปูนต้องรีบเสหน้าไปมองทางอื่น ตลอดทางการไปห้องพยาบาลของห้าง ปูนถูกประคองไป โดยที่มืออีกข้างของคนประคองก็คอยจับมือของปูนด้วย เลยกลายเป็นว่า ร่างผอมของปูนถูกโอบกอดทั้งตัว หลายครั้งที่ทั้งคู่มักจะถูกมองตามด้วยเสียงกระซิบ แต่ปูนก็เลือกที่จะไม่สนใจ เฉกเช่นคนข้างๆ ก็ดูไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย

                จนมาถึงห้องพยาบาล ปูนถูกดันให้นั่งลงบนเตียงสีขาว โดยที่คนพามาหน้ามุ่ยเมื่อไม่มีคนอยู่ห้อง มือใหญ่ล้วงโทรศัพท์ออกมากดหาใครสักคน ก่อนเหลือบมองมาเห็นปูนจ้องเลยเดินออกไปคุยด้านนอก ไม่นานก็เข้ามาพร้อมหน่วยปฐมพยาบาลของห้าง

                โชคดีที่แผลไม่ลึกอย่างที่คิด แต่ก็ถูกฉีดยากันบาดทะยักไป ความเจ็บปวดแล่นร้าวมาที่แขนแทบยกไม่ขึ้น เจ็บกว่าตอนถูกกรรไกรบาดนิ้วซะอีก

                “ไม่ต้องเย็บเหรอ” คนพามายืนเท้าเอวจ้องมองนิ้วมือที่กำลังถูกล้างแผล “ลึกขนาดนี้นะ”

                “ครับ ไม่ต้องเย็บ แต่ระวังอย่าให้ถูกน้ำสักสองสามวัน ไม่งั้นแผลจะอักเสบเอาได้” คนทำแผลไม่ได้หันไปมอง เพราะมัวแต่พันผ้าก๊อซอยู่ “แล้วผมก็ฉีดยาให้แล้ว ปลอดภัยครับ”

                “ดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าอยู่ห้องตลอด” เสียงขุ่นมัวไม่พอใจถูกส่งไป ทำเอาคนเจ็บอย่างปูนรู้สึกไม่ดีที่ทำให้คนอื่นถูกตำหนิ “แบบนี้ไม่ต้องมีห้องก็ได้มั้ง”

                “เอ่อ ปูนว่า อยู่ห้องเฉยๆ ก็อาจเบื่อนะครับ นั่งนานๆ ปวดตัวด้วย ได้เดินยืดเส้นสักหน่อยน่าจะดีกว่า” ปูนขัดขึ้น พลางส่งยิ้มหวานตามสไตล์ตัวเอง ทำเอาคนฉุนเฉียวอึกอักพลางหันหน้าหนี

                “ขอบคุณครับ แต่ผมก็ผิดจริง ไม่งั้นคุณเจ้าของห้างคงไม่ตำหนิแบบนี้”

                “เจ้าของห้าง?” ปูนเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของห้างที่ว่า ใบหน้าเข้มดูประดักประเดิดไม่กล้ามองสบตากลับ คล้ายว่าทำผิดอยู่ “คุณเป็นเจ้าของห้างหรือครับ ก็ไหนเคยบอกว่าเป็นแค่พนักงาน...งั้นแปลว่า คุณเป็นคนส่งจดหมายไปที่ร้านใช่ไหมครับ” ปูนเริ่มประติดประต่อเรื่องราวได้ก็พอจะเข้าใจ

                “อย่าโกรธผมเลยนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจโกหก” เจ้าของห้างรีบอธิบาย “คือผม...”

                “ปูนไม่มีสิทธิ์โกรธอยู่แล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอกครับ” พอเห็นคนทำหน้าเจื่อน ปูนก็พูดแทรกตามความเป็นจริง เล่นเอาเจ้าของห้างหน้าเสีย “เพราะยังไงแล้ว คุณก็เป็นลูกค้าของร้านอยู่ดี”

                “ครับ” เหมือนจะดี แต่พอฟังแล้วเหมือนปูนย้ำชัดเจนว่าเขาเป็นแค่ลูกค้า ทั้งที่เทียวไล้เทียวขื่อร้านดอกไม้ตั้งแต่สมัยก่อน “เดี๋ยวผมพาคุณกลับบูทดีกว่านะครับ”

                “ผมกลับเองก็ได้...”

                “ให้ผมช่วยเถอะ”

                อีกฝ่ายอึกอักไม่ได้ตอบกลับมา หนุ่มเจ้าของห้างเลยถือวิสาสะเข้าไปประคองคนเจ็บให้ลุกจากเตียง ปูนมองหน้าคนข้างๆ อย่างรู้สึกเหนื่อยใจ ที่จริงเมื่อกี้ก็จงใจพูดให้รู้ลิมิตในความชิดใกล้ แต่อีกฝ่ายกลับทำเฉยเมย ปูนเลยได้แต่ถอนหายใจออกมา

                “ขอบคุณนะครับที่ช่วย”



*****
 
                แม้ที่ห้างจะดูวุ่นวาย แต่กลับมีอีกที่ๆ ดูจะวุ่นวายกว่า กรพัฒน์ไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่กำลังคุยรายละเอียดงานถ่ายแบบหนังสือเล่มใหม่ เพราะตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากฟองจันทร์ว่าปูนถูกกรรไกรบาดจนเลือดไหล เขาก็แทบอยากทิ้งงานทุกอย่าง แต่ที่มากไปกว่านั้นคือการที่ปูนถูกผู้ชายจับมือจับไม้ ประคองไปห้องพยาบาลยิ่งทำให้กรพัฒน์อยากพุ่งออกไปหาซะเดี๋ยวนี้

                ทำไมเขาต้องติดงานวันนี้ด้วย คิดแล้วก็อยากด่าคนจัดตาราง แต่ก็ด่าไม่ได้ ในเมื่อเขาเป็นคนสั่งเองว่าให้เลือกวันนี้

                “มึงว่ารูปแบบมันน่าสนใจไหมวะ” พอลถามเพื่อนสนิทขณะมองภาพบนหน้าจอด้านหน้า แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับจนต้องหันไปมองถึงเห็นว่าสายตาของเพื่อนมองลอยไปที่ไหนสักที่ “ไอ้กร กูถามมึงอยู่”

                “ถามอะไร” กรพัฒน์ทำหน้าเหลอหลาตกใจที่ถูกพอลเรียกเสียงดัง “ถามว่าอะไรนะ”

                “ใจลอยไปถึงไหนวะ กูถามว่า รูปแบบคอนเซ็ปกับชุดมันน่าสนใจไหม” พอลไม่ถามเปล่า ยังชี้นิ้วไปด้านหน้า ที่คนพรีเซ็นต์ยังยืนยิ้มอยู่ “กูว่าน่าสนใจดี”

                “มึงว่าน่าสนใจก็น่าสนใจ เอาตามที่มึงว่านั่นแหละ” กรพัฒน์บอกปัดๆ ตอนนี้สมองเขาแทบไม่มีงานอยู่ในนั้น สิ่งที่มีกลับกลายเป็นเรื่องของคนที่อยู่อีกที่ “ประชุมเสร็จหรือยัง กูจะได้ออกไป”

                “เสร็จอะไร เพิ่งผ่านมาแค่สามสิบนาทีเองนะ” พอลมองนาฬิกาแล้วตีหน้าย่น แต่ก็พอจะรู้ว่าเพื่อนใจลอยทำไม “มึงควรไว้ใจปูนให้มาก”

                “ปูนน่ะกูไว้ใจ แต่คนอื่นไม่” ที่สำคัญคือกล้าจับมือปูนด้วย กล้าโอบคนที่เขารักด้วย แบบนี้มันไว้ใจได้ที่ไหน ไอ้พวกมือไวพวกนี้

                “มึงก็นะ ลดซะบ้างไอ้ความขี้หวงเนี่ย อายุไม่ใช่น้อยๆ ยังทำตัวเหมือนเด็กเพิ่งหัดมีความรัก” พอลร่ายยาว ก่อนจะรีบพูดต่อเมื่อเพื่อนอ้าปากเตรียมเถียง “อ้อ ลืมไป มึงเพิ่งเคยมีความรักจริงๆ นี่หว่า ไอ้อ่อนหัดเอ๊ย”

                “เออไอ้เก่งๆ มันซะทุกอย่าง แต่ก็ไม่เคยได้เรื่องสักอย่าง” กรพัฒน์ประชดเพื่อนตัวเอง แต่พอลกลับหัวเราะออกมาชุดใหญ่ ก่อนจะยกมือให้คนที่ยืนทำตัวไม่ถูกหน้าห้องรีบพูดต่อ

                “รีบๆ พรีเซ็นต์ คนแถวนี้อยากเลิกใจจะขาด” คราวนี้เป็นพอลบ้างที่แขวะ กรพัฒน์ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอเพราะเถียงไม่ได้ มันคือเรื่องจริง

                ดวงตาคมมองนาฬิกาติดผนัง เวลาก็ช่างเดินช้าเสียจริง ถ้าเกิดเข้าช่วงบ่ายกว่าเมื่อไหร่ อย่างน้อยเขาก็จะมีทัพหน้าไปช่วยฟองจันทร์ ที่คงรับมือคนเดียวไม่ไหว หากเป็นที่ร้านก็พอได้ แต่นี่ออกไปข้างนอก คงจะเอาไม่อยู่จริงๆ ถึงได้รีบโทรหามา


                เกนคือความหวังที่มีในตอนนี้ ช่วยป๋าแกหน่อยนะ



****
 
                “ปูนว่า คุณพาพนักงานคุณกลับไปดีกว่านะครับ” ปูนพูดอย่างเหลืออด กลับมาถึงร้านไม่นาน เจ้าของห้างก็พาพนักงานสวมชุดยูนิฟอร์มเข้ามาช่วยจัดร้าน จนถูกร้านอื่นๆ มองด้วยความสงสัย “นะครับ ขอร้อง”

                “แต่คุณปูนมือเจ็บ ต้องมีคนช่วย”

                “พี่ฟองก็อยู่ อีกอย่าง แผลแค่นี้ปูนไม่ได้...”

                “แผลอักเสบขึ้นมาจะทำยังไงครับ ให้คนของผมช่วยน่ะดีแล้ว”

                “อยากจะช่วยก็ดีอยู่หรอก แต่พนักงานคุณกำลังจุ้นจ้านร้านของคุณปูนอยู่นะ อีกอย่าง ไม่ได้รู้เรื่องดอกไม้เดี๋ยวก็ทำพังกันพอดี” ฟองจันทร์ทนไม่ไหวรีบพูดขึ้นมา ตอนโทรไปหากรพัฒน์ก็หวังว่าชายหนุ่มจะรีบมา แต่ที่ไหนได้ อีกฝ่ายติดงานสำคัญทำให้เธอต้องรับหน้าอยู่คนเดียว ซึ่งก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว

                “พี่ฟอง” ปูนปรามคนของตัวเองเบาๆ เมื่อรู้สึกเป็นคำพูดที่แรงเกินไป “ปูนรู้ว่าคุณหวังดี แต่แบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับร้านอื่นนะครับ ดูสิ ร้านอื่นมองมากันหมดแล้ว”

                “ไม่เห็นเป็นไร”

                “คุณไม่เป็นไร แต่ร้านของเราเป็นนะครับ ผมขอร้อง นะครับ”

                พอเจอเสียงอ้อนพร้อมกับสายตาเว้าวอนของปูน ทำเอาเจ้าของห้างถึงกับอึกอักก่อนจะเรียกให้พนักงานตัวเองกลับไปทำงานตามเดิม ปูนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจเมื่อประโยคเมื่อกี้ถูกรับฟัง

                “แล้วถ้าตอนเปิดงาน ผมจะให้คุณปูนไปด้วย?”

                “ปูนอยากจัดร้านให้เสร็จมากกว่า”

                อีกฝ่ายดูเหมือนจะพูดอะไรอีก พอดีกับมีพนักงานสวมสูทดูดีเดินมาเรียก เจ้าของห้างเลยได้แต่มองคนหน้าหวานตาละห้อย ต่างจากปูนที่รู้สึกโล่งอก

                “ค่อยหายใจสะดวกหน่อย” เสียงจากด้านหลังทำเอาปูนหันขวับไปมอง “ก็จริงนี่คะ คนอะไรตื้อไม่เลิก เขาปฏิเสธก็ยังตาม”

                “อย่าพูดถึงเขาเลยครับ มาจัดร้านเราดีกว่า”

                “คุณปูนเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย หัดใจร้ายซะบ้าง”

                “ปูนผิดหรือครับนี่”

                แล้วคนหน้าสวยก็หัวเราะออกมาหลังจากฟองจันทร์สะบัดค้อนใส่ จากเดิมที่เจอหน้าครั้งแรก ปูนรู้สึกประหม่า คงเพราะได้ยินเกนพูดถึงมามาก อีกทั้งยังเป็นคนสนิทของแม่กรพัฒน์ ก็น่าจะไม่ธรรมดา แต่พอสนิทจริงๆ ฟองจันทร์เป็นคนใจดี แต่จะเป็นคนเถรตรง อันไหนผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ซึ่งคนแบบนี้ก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป

                ร้านสวีทฟลาวเวอร์ถูกจัดจนสวย เจ้าของร้านนั่งยิ้มให้กับดอกไม้แสนสวยอยู่ด้านใน ก่อนจะถูกฟองจันทร์เรียกให้ออกไปเมื่อมีพนักงานของห้างเรียก พอปูนออกมาก็ถูกสั่งให้ยืนรออยู่หน้าร้าน ด้วยความสงสัยเลยคิดจะถาม หากแต่ช้าไปเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนมากมายเดินเข้ามาหา แถมยังมีกล้องถ่ายรูปกำลังรัวชัตเตอร์จนแสบตาไปหมด

                “ร้านสวีทฟลาวเวอร์ เป็นร้านที่คัดดอกไม้สดและสวย ที่สำคัญ ไร่ที่ส่งมานั้นปลอดสารพิษ ทำให้ผมมั่นใจว่า ร้านในบริเวณงานนี้ ลูกค้าจะได้รับแต่สิ่งที่ดีและแสนพิเศษกลับไปเท่านั้น” คำอวดอ้างร้านยาวเหยียดจนเจ้าของร้านอย่างปูนยืนทำตัวไม่ถูก ยิ่งถูกช่างภาพสั่งให้ยิ้มก็ต้องยิ้มตาม

                “คงไม่ใช่แค่ดอกไม้ที่สวยหรอกมั้งคะ เจ้าของร้านก็สวยเหมือนกัน” เสียงนักข่าวเอ่ยแทรกเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งปูนก็ยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน

                “ส่วนร้านอื่นนั้น มีทั้งผักปลอดสาร บลาๆ”

                ปูนถอนหายใจเมื่อกองทัพคนเมื่อกี้ย้ายไปที่ร้านอื่น ไม่รู้ว่าเขาคิดถูกหรือผิดกันแน่ ที่ตอบตกลงมาเปิดบูทที่ห้าง ไม่ใช่เพราะไม่อยากได้ลูกค้าใหม่ๆ แต่ไม่อยากปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง นี่ยังดีที่กรพัฒน์ไม่รู้ ถ้ารู้ ป่านนี้คงโมโห ดีไม่ดีตอนนี้อาจกำลังมาก็ได้ อย่างน้อยก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง

                ด้วยความที่ภาพจากกล้องวีดีโอเมื่อสักครู่ ถูกถ่ายทอดสดไปทั่วบริเวณของห้าง ทำให้หลายคนที่สะดุดกับใบหน้าหวานของเจ้าของร้านเลยพากันมามุงดูจนแน่นหน้าร้าน และพอเจอรอยยิ้มแอคแทคเข้าไปแต่ละคนก็ควักเงินจากกระเป๋าแทบไม่ทัน แม้จะซื้อคนละนิดละหน่อยก็ตาม

                “เปิดวันแรกก็ขายดีแล้วนะคะนี่” ฟองจันทร์ยิ้มร่าหลังจากเก็บเงินเข้าลิ้นชัก เมื่อครูรู้สึกเหมือนกุ้งในร้านบุฟเฟ่ที่คนพากันรุมจนหัวหมุน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ช่างน่าดีใจ

                “ขอบคุณพี่ฟองมากนะครับ ถ้าไม่มีพี่ฟอง ปูนคงแย่” คนร่างผอมชูมือที่มีผ้าพันขึ้นมาพลางตีหน้าเศร้า

                “อุ๊ย ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก มันเป็นหน้าที่ของพี่อยู่แล้ว ลองไม่ชวนคงถูกคุณกรไล่ออกน่ะสิคะ” ว่าแล้วก็ขำเสียงแหลม ทำเอาปูนหัวเราะตาม ก่อนจะย่นหน้าเมื่อคนไม่พึงประสงค์ย้อนกลับมายืนหน้าร้านอีก “ต้องการดอกไม้แบบไหนดีคะ” ถามไปตามมารยาท แม้ใบหน้าจะติดบึ้งตึงเล็กน้อย

                “ผมขอช่อใหญ่ๆ เลยนะครับ เขียนการ์ดด้วยว่า แสดงความยินดีกับคุณปูน” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจฟองจันทร์สักนิด ดวงตาคมจ้องแต่คนหน้าสวยเท่านั้น “เหนื่อยไหมครับ เมื่อกี้คนเยอะเลย”

                “นิดหน่อย แต่ก็ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่....”

                “พี่ปูน เกนมาแล้ว”

                ปูนพูดไม่ทันจบ เสียงทุ้มของเด็กแตกหนุ่มดังมาแต่ไกล ทำเอาทุกคนหันไปมองด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย อย่างฟองจันทร์ดูจะดีใจมากที่มีคนมาช่วยรับมือ ส่วนปูนดูแปลกใจเล็กน้อย เพราะตอนนี้เกนไม่น่าจะเลิกเรียน และสุดท้าย เจ้าของห้างสุดหล่อดูจะอารมณ์บูดสุด เด็กคนนี้เคยเขียนคำว่า อย่ายุ่งกับแฟนพ่อผม ส่งมาให้เขาตอนเขาไปซื้อดอกไม้ที่ร้าน

                “ทำไมเลิกไวล่ะ” ปูนถามขณะรับแรงกอดจากเกนที่โผเข้ามา “แล้วนี่มากับใคร ป๋ามาไหม”

                “เกนมากับลุงอ้อม” เด็กหนุ่มตอบ หางตาเหล่มองคนที่กล้าเข้ามายุ่งกับพี่ปูนของเขา “ส่วนป๋า เดี๋ยวจะตามมา”

                “หิวไหม”

                “หิวมาก พี่ปูนพาเกนไปซื้อขนมกินหน่อย”

                “แต่ว่า...”

                “เอ่อ” ระหว่างที่เกนกับปูนคุยกัน คนที่ดูเหมือนจะเป็นคนนอกก็รีบเอ่ย “ให้ผมพาทัวร์ดีไหมครับ ร้านไหนอร่อยผมรู้ดี”

                “ก็...”

                “ไม่ดีหรอก” ปูนกำลังจะเอ่ย แต่เกนขัดออกมาเสียก่อน “ลุงไม่มีการมีงานทำเหรอ คนสนิทเขาจะคุยกัน”

                “เกน ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้” แม้จะหน้าเบี้ยวเมื่อถูกบิดแขน แต่เกนก็ไม่ยอม ใบหน้าขาวดูรั้น “ผมขอโทษแทนเกนด้วยนะครับ”

                “ผมไม่ถือหรอก แกยังเด็ก”

                “เด็กอะไร อายุขึ้นเลขสิบแล้ว ไม่เด็กแล้ว”

                “เกน” พอถูกปูนกดเสียงต่ำใส่ เด็กหนุ่มก็รีบขยับไปกอดฟองจันทร์ทำท่าทางงอแงจนปูนได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ “จะไปหาซื้ออะไรไหม ถ้าไม่ พี่ก็จะ...”

                “ไปๆ ป้าฟอง เดี๋ยวเกนมานะ” ก่อนไปมีขยิบตาส่งไปด้วย คงรู้ว่าใครเป็นคนส่งหลานชายเจ้านายมาให้

                เกนเดินควงแขนปูนอยู่ตลอด แถมยังเดินคั่นกลางระหว่างเจ้าของห้างเสียด้วย และแทบไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายคุยอะไร

                “ขนมบัวลอยที่นี่อร่อยมากนะครับ ไม่หวานมาก...”

                “พี่ปูนไม่ชอบกินหรอกกลัวอ้วน เราไปร้านอื่นดีกว่า”

                เกนไม่รอให้คนแนะนำร้านพูดจบ เด็กหนุ่มลากแขนคนรักของพ่อเดินต่อไปข้างหน้า ทำเอาปูนหน้าเสีย

                “หรือจะไอศกรีมดีครับ มีรสชาติใหม่ด้วย”

                “ฟันผุนะลุง กินมากไม่ดี เปลืองเงินหาหมอฟันอีก”

                “งั้นบิงซู”

                “มันต่างจากไอศกรีมตรงไหน น้ำแข็งไสเนี่ย”

                “ขนมไทยดีไหมครับ ข้าวต้มมัด สูตรเด็ดมาก”

                “ข้าวเหนียวมันก็ทำมาจากแป้งเหมือนบัวลอย อ้วนตายเลย”

                “นี่!”

                “ปูนว่า เดี๋ยวปูนเลือกเองดีกว่านะครับ”

                ว่าแล้วปูนก็เดินตรงดิ่งไปที่ร้านขนมตาล สีเหลืองผิวเนียนดูสวย กลิ่นหอมอ่อนของผลตาลกับใบตองที่ห่อช่างเข้ากันจนน่าลิ้มลอง

                “ขนมอะไรเหรอพี่ปูน” เกนถามด้วยความแปลกใจ ปกติขนมไทยก็จะรู้สึกไม่กี่อย่าง ส่วนมากเกนจะโตมากับขนมกรุบกรอบเสียมากกว่า “หอมดีเนอะ”

                “ขนมตาล นานแล้วที่ไม่ได้กิน” ปูนพูดรอยยิ้มหวาน ทำเอาแม่ค้ามองแล้วอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ พลางลดราคาพิเศษให้ด้วย ไม่ใช่เพราะมากับเจ้าของห้าง แต่เพราะแม่ค้าชอบรอยยิ้มสวยๆ นั่นมากกว่า “ขอขนมใส่ไส้ด้วยนะครับ”

                “น่าอร่อย” เกนดูตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ คงต่างจากคนที่เคยโดนขัด เพราะขนมใส่ไส้ก็ทำมาจากแป้งเหมือนที่เขาแนะนำร้านอื่นๆ “เอาอันนี้เยอะๆ ไปฝากป้าฟอง”

                ระหว่างที่กำลังจะจ่ายเงินค่ากระเพาะปลา อยู่ๆ ก็มีแขนยาวๆ ที่โฉบตัดหน้าจ่ายเงินซะก่อน ปูนหน้างอนิดๆ ก่อนจะแปลกใจเมื่อคนที่ทำงานมายืนอยู่ด้านหลัง

                “ป๋า” เกนตาโตดีใจที่ได้เห็นพ่อตัวเอง เพราะถูกปูนดักคอไว้หมด ทำอะไรก็เริ่มยากทุกที “มาช้า”

                “รีบสุดชีวิตแล้ว” กรพัฒน์ว่า พลางมองหน้าคนแปลกหน้าไปตรงๆ “แล้วนี่ใคร”

                “คุณ....”

                “ลุงเจ้าของห้าง เขารู้เยอะเลยพามา” ประโยคกำกวมเล่นเอาคนมีชื่ออยู่ในนั้นขมวดคิ้ว และหน้าตึงเมื่อเห็นพ่อลูกแตะมือกัน “ป๋ามาก็ดีแล้ว พี่ปูนอยากกินไอศกรีม”

                “ป่ะ เดี๋ยวป๋าเลี้ยง สั่งแบบชุดใหญ่เลยดีไหม”

                “ดีๆ เกนชอบ แล้วก็สั่งบิงซูด้วยนะ ตอนเที่ยงข้าวไม่อร่อย เกนกินไปนิดเดียวเอง”

                “เบิ้ลสองไปเลย”

                “บัวลอยด้วย พี่ปูนชอบกิน”

                “จัดไปลูกชาย”

                แล้วสองพ่อลูกก็ควงแขนปูนคนละข้างเดินย้อนกลับไปทางเดิมที่เดินมา ปล่อยให้เจ้าของห้างยืนทำหน้าเหวอ ก็ไหนบอกไม่ชอบสักร้าน ตั้งแต่บัวลอยบอกปูนไม่ชอบเพราะกลัวอ้วนแล้วไหงมาพูดทีหลังว่าชอบ แล้วไหนจะไอศกรีมกับบิงซูอีก กลัวฟันจะผุ เปลืองเงินไปหาหมอ นี่มันอะไรกัน อย่าบอกว่านี่คือการส่งลูกชายมาขัดขวางเขา ก่อนที่ตัวพ่อจะตามมาอย่างงั้นเหรอ


                ทำเป็นขบวนการมันเป็นแบบนี้นี่เอง


                ด้านเกนกับกรพัฒน์หัวเราะคิกคักชอบใจ ตั้งแต่นึกแผนนี้ออกด้วยการโทรไปหาลูกชายเพื่อถามตารางเรียน พอไม่มีก็รีบให้ออกมาโดยบอกที่บ้านมีธุระด่วน แต่จริงๆ แล้วจะให้มากันคนที่คิดจะเข้ามาปูน นี่ดีแค่ไหนแล้วที่เจอเกนก่อน ถ้าเจอตัวพ่ออย่างกรพัฒน์เลย อาจมีห้างระเบิดก็เป็นได้

                “เจ๋งมาก”

กรพัฒน์ขยับปากชมลูกชายลับหลังปูน

                “ก็ลูกป๋านี่”

ด้านเกนก็ขยับตอบกลับมา

                “อย่าคิดว่าปูนรู้ไม่ทันนะ ทั้งป๋า ทั้งเกนเลย เขาเป็นเจ้าของที่นี่ เกิดไล่ร้านเราจะทำยังไง” ปูนหน้างอจนพ่อลูกหงอ “คืนนี้คัดความผิดตัวเองมาส่งด้วย ใครเขียนไม่ดีจะถูกสั่งให้ไปเขียนใหม่ โอเค?”

                “แต่เกนทำตามที่ป๋าบอก”

                “อ่าวไอ้นี่ ย้อนป๋าแกแล้วไง”

                “ทั้งคู่ คัดทั้งคู่ จบ”

                “เพราะป๋าคนเดียวเลย ขี้หึงไม่เข้าเรื่อง”

                “ฉันป๋าแกนะ”

                “จะกินไหมครับไอศกรีม ไม่กินปูนจะกลับร้านแล้ว”

                “กินๆ”

                “ครับๆ”

                แม้จะไม่มีเสียงตอบโต้กันอีก แต่ก็ยังมีสายตาที่ฟาดฟันกันระหว่างพ่อกับลูก ขนมที่วางบนโต๊ะเริ่มไม่ค่อยอยากกินซะแล้ว ตอนนี้ต้องการยาแก้ปวดหัวมากกว่า บวกยาแก้เครียดด้วยก็ยิ่งดี

                “ไอศกรีมจะละลายแล้วนะ ถลึงตาใส่กันอยู่ได้ พ่อลูกคู่นี้”

                “ป๋าเริ่มก่อน”

                “เดี๋ยวแกจะโดนมิใช่น้อย”

                “คัดความผิดเพิ่มอย่างน้อยสิบหน้ากระดาษเอสี่”

                “โหย พี่ปูน”

                “ปูนจ๋า”

                “เพิ่มอีก...”

                “พอแล้วจ้ะ พอแล้ว ป๋ายอมปูนแล้วจ้ะ”

                ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการรับมือสองพ่อลูกคู่นี้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับปูนอยู่ดี

                “ทานไอศกรีมให้อร่อยนะครับ”

                “ครับพี่ปูน”

                “จ้ะ ปูนของป๋า”

                ปูนมองกรพัฒน์กับเกนตักไอศกรีมเข้าปากอย่างกล้ำกลืนด้วยความขำ ก็ใครใช้ให้สั่งไอศกรีมถ้วยใหญ่สุดของร้าน กับบิงซูเซ็ทพิเศษสองเซ็ทมาพร้อมกันแบบนี้ ใครสั่งก็กินไป ใครทำอะไรก็รับกรรมกันไป ตามนั้น...


 

....END



เรื่องนี้ กว่าจะมีตอนพิเศษได้... โอ้โหวววว เลยค่ะ
ไม่รู้ว่าลืมไปแล้วหรือยัง หากลืมอ่านใหม่ได้ค่ะ ฮ่าๆ (ฮาร์ดเซลไปอีก)
ใครที่อ่านเรื่อง No Sugar ไม่หวานก็รักว่ะมา อาจติดภาพพี่เกนนิ่งๆ ดุๆ ให้ลบทิ้งไปก่อนนะคะ
เพราะนี่คือภาคตอนสิบกว่าขวบ ยังไม่ได้ฝึกวิชาความนิ่งเท่าไหร่
ยังไงแล้ว ขอฝากป๋ากับพี่ปูน แล้วก็น้องเกนใหม่ด้วยนะคะ อย่าเพิ่งลืมกันเด้อจ้าพี่จ๋าาาาา (ก้มกราบ)
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น][P.4] UP!/ [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: SweetyPhawin ที่ 14-09-2018 19:48:07
นานๆเจอกันก็ยังคิดถึงนะคะ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น][P.4] UP!/ [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-09-2018 21:55:18
น่ารักเหมือนเดิม..ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษจ้า  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น][P.4] UP!/ [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 16-09-2018 08:21:41
ป่ากับปูนก็ยังน่ารักเหมือนเดิม



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น][P.4] UP!/ [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 16-09-2018 22:41:58
เอาอยู่ทั้งพ่อทั้งลูกเลย ปูนเก่งจริง o13
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น][P.4] UP!/ [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 17-09-2018 01:27:32
เกนตอนเด็กแสบจริงๆ  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น][P.4] UP!/ [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-09-2018 10:49:32
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น][P.4] UP!/ [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 29-09-2018 20:03:20
 :L1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น][P.4] UP!/ [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 03-10-2018 00:19:47
พี่ปูนน่ารัก ป๋ากันเกนก็แสบใช่ย่อย แต่ทำดีแล้ว  :laugh:
อย่าให้ใครมาใกล้พี่ปูนได้  :hao7: 
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น][P.4] UP!/ [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-10-2018 07:13:05
สองพ่อลูก แสบยังไงก็อย่างนั้น เหมือนเดิม 555
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ วันที่แสนวุ่น][P.4] UP!/ [14/09/61]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-11-2018 11:49:48
เอ็นดูคุณป๋าน้องเกน
พี่เกนตอนเด็กน่ารัก
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aiaea83 ที่ 01-12-2018 01:08:36

ตอนพิเศษ : คิดถึง





        ช่วงนี้งานที่บริษัทค่อนข้างเยอะแถมวุ่นวาย ทำเอากรพัฒน์ไม่ค่อยชอบใจ เพราะมันทำให้เขาไม่ได้อยู่กับคนรักเลย เวลาส่วนใหญ่ต้องอยู่ในออฟฟิศ ในสตูดิโอ หรือไม่ก็หน้างาน ช่างไม่มีความสุขเอาเสียเลย แถมกลับห้องไปทีไร ปูนก็หลับไปก่อนทุกที จะปลุกขึ้นมาเพื่อฟัดก็คงไม่ได้ เลยได้แต่นอนมองตาละห้อย จนผล็อยหลับไปในทุกคืน

   “หนังสือเล่มนี้ต้องขายดีแน่เลยว่ะ” เสียงของเพื่อนสนิทที่เป็นหุ้นส่วนดังเรียกสติ กรพัฒน์มองการถ่ายแฟชั่นตรงหน้าด้วยแววตาเฉยเมย
 
   “งั้นๆ”

   “อ่าว ไอ้นี่ ลูกค้าได้ยินเดี๋ยวก็ซวยหรอก”

   “ก็ดี งานจะได้น้อยลงบ้าง”

   พอลถลึงตาใส่เพื่อนสนิท ชายหนุ่มรู้ถึงสาเหตุที่เพื่อนหงุดหงิดแบบนี้ดี แต่ก็ช่วยไม่ได้ ในเมื่อโอกาสดีเข้ามาก็ต้องรีบคว้าไว้ทุกทาง ก่อนกรพัฒน์จะเดินไปคุยกับตากล้องเมื่อมุมที่ถ่ายยังไม่ค่อยสวย ซึ่งลูกค้าเจ้าของแบรนด์ก็ดูจะเห็นด้วย พอลมองเพื่อนแล้วส่ายหน้าช้าๆ ถึงแม้ปากจะบอกว่าอยากหยุด แต่ก็ยังคงจริงจังกับงานตรงหน้าอยู่ดี

   กว่างานถ่ายแบบหนังสือจะจบก็ค่อนดึก พอลเอ่ยชวนทุกคนรอข้าวต้มที่เขาโทรสั่งไป และไม่ใช่เฉพาะทีมงานในสตูดิโอเท่านั้น ยังมีมากพอสำหรับทุกแผนกที่ยังทำงานในช่วงเวลานี้อีกด้วย

   “แหม ที่นี่เขาดูแลพนักงานดีแบบนี้นี่เอง งานถึงออกมาดีแบบนี้” เจ้าของแบรนด์เสื้อสวยเอ่ยปากชม จนพอลยิ้มรับ แต่ก็โดนคนหน้านิ่งขัด ทำเอาสะบัดหน้าไปมองแทบไม่ทัน

   “อย่าไปหลงความดีไม่จริงของพอลมันจะดีกว่านะครับ” พอถูกเตือน สาวเจ้าก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

   “คุณกรก็ ทำคุณพอลหน้าเสียเลยนะคะ”

   “มันเป็นพวกปากเสียแบบนี้แหละครับ” พอลแขวะเพื่อน โดยไม่สนใจสายตาดุที่ตวัดมอง “ว่าแต่ ชุดคอลเลคชั่นนี้ คุณสาออกแบบได้เร้าร้อนดีนะครับ”

   “สาว่า นางแบบเผ็ดด้วยมากกว่าค่ะ นมเป็นนม ก้นเป็นก้นเลย” พูดไม่พอ ยังทำมือ ทำไม้ สร้างเสียงหัวเราะได้อย่างดี
แคตตาล็อกนางแบบในสังกัดจะถูกส่งไปให้ลูกค้าเสมอเมื่อต้องการถ่ายแบบปกของบริษัท ซึ่งแน่นอนว่า มีทุกสไตล์ ทุกแบบที่ลูกค้าต้องการ

   “ก็ต้องให้เครดิตชุดมากกว่านางแบบสิครับ” กรพัฒน์เอ่ยออกมา คนออกแบบถึงกลับโค้งศีรษะเล็กๆ เป็นการขอบคุณ “คราวหน้าอย่าลืมใช้บริการของเราอีกนะครับ”

   “คุณกรละก็ สาไม่เคยไปใช้บริการที่อื่นอยู่แล้ว ติดใจที่นี่ค่ะ” แล้วเสียงหัวเราะแหลมก็ดังขึ้น ก่อนจะเบาลงเมื่อมีเรื่องเล่าอีก “ที่จริง สาก็มีอีกคอลเลคชั่นนะคะ แต่เป็นชุดสำหรับผู้ชาย”

   “ชุดผู้ชาย?”

   “ค่ะ คล้ายๆ ที่ถ่ายไปเมื่อกี้ แต่เป็นสำหรับผู้ชาย”

   “ชักอยากเห็นแล้วสิครับ”

   “ไว้สาจะส่งรูปไปให้ดูนะคะ เผื่อคุณกรกับคุณพอลจะมีไอเดียว่า ถ้าสาอยากโปรโมทต้องทำยังไงบ้าง”

   “จัดไปครับ” มีแค่พอลที่ตอบรับ ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มกระวนกระวายอยากกลับเต็มแก่ อุตส่าห์ไปกำกับงานเองทุกส่วนเพื่อจะได้กลับเร็วสักวัน “มึงกลับก่อนก็ได้”

   “เออ”

   ไม่พูดพร่ำทำเพลง กรพัฒน์รีบยิ้มส่งให้กับลูกค้าสาว ก่อนเดินปรี่ไปเก็บของที่ห้อง วันนี้จะขอกลับไปกอด รัด ฟัดคนน่ารักให้หายคิดถึงสักหน่อย คิดแล้วก็รู้สึกคึกคักขึ้นมา

   “คุณกรคะ” กำลังจะก้าวขาออกจากห้อง เสียงเรียกก็ดังขึ้น ชายหนุ่มกดคิ้วลงต่ำพลางสบถคำหยาบมากมายในใจ

   “มีอะไร”

   “เอกสารค่าใช้จ่ายที่ต้องส่งให้คุณอมรในวันพรุ่งนี้ คุณกรยังไม่ได้เอาให้นิดเลยนะคะ” สาวแผนกบัญชีดันแว่นขึ้นพลางยิ้มแห้งๆ เพราะเกรงใบหน้าดุของเจ้านายตอนนี้จะทำให้เธอถูกด่า

   “โทษทีนะ ผมลืมไป” ชายหนุ่มแทบอยากตบหัวตัวเอง มัวแต่ไปดูแลงานถ่ายหนังสือวันนี้ จนลืมดูเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ “ต้องใช้กี่โมงล่ะ”

   “สิบโมงค่ะ”

   อยากบอกปัดเพื่อขอเวลา แต่เอกสารสำคัญบางทีต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ

   “เดี๋ยวผมเอาให้วันพรุ่งนี้ คืนนี้ผมจะตรวจดูก่อน”

   “ได้ค่ะ”

   ว่าแล้วชายหนุ่มก็ต้องกลับเข้าห้องทำงานเพื่อหยิบแฟ้มเอกสารติดมือกลับไปด้วย ยังดีที่ไม่ใช่เอกสารด่วนอะไรมาก ไม่อย่างนั้นคงต้องกลับดึกอีก


   ระหว่างทางกลับบ้าน มีเสียงฮัมเพลงคลอตลอด รู้สึกสุขใจในการกลับเร็ว ถึงแม้สามทุ่มจะดึกสำหรับคนอื่น แต่สำหรับกรพัฒน์ถือว่าเร็วที่สุดในรอบสองเดือนมานี้ และในคราแรกคิดจะโทรบอกคนรักอย่างปูน แต่อีกใจก็นึกครึ้มอยากเซอร์ไพรส์สักหน่อย

   “ฮัลโหล” เสียงริงโทนดังขึ้น ทำให้ต้องกดรับ ปลายสายคือเพื่อนสนิทอย่างพอล “มีอะไรวะ”

   (คุณสาเขาให้คนส่งชุดไปให้มึงที่คอนโดนะ เขาอยากรู้คอนเซ็ปงานไวๆ)

   “คอนเซ็ปงานอะไร?” ด้วยความที่ไม่ได้สนใจฟัง เลยพลาดบางอย่างไป

   (อ่าว ก็ชุดของคุณสาไง สำหรับผู้ชาย)

   “ไปคุยกันตอนไหนวะ”

   (ก็เมื่อกี้ มึงยังพยักหน้าอยู่เลย)

   กรพัฒน์ขมวดคิ้วเป็นปม ไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่าเขาไปเห็นด้วยตอนไหน แล้วเสื้ออะไรนั่นก็ไม่เห็นจะรู้

   “แล้วทำไมมึงไม่เป็นคนคิดวะ”

   (มึงคิดดีที่สุด เชื่อกู ชุดคุณสานี้ มึงเห็นจะต้องว๊าว แค่นี้นะ จะไปกินข้าวต้มต่อ Good Luck เพื่อน)

   พอปลายสายตัดไป กรพัฒน์แทบโยนมือถือทิ้ง แค่งานตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่หอบมาด้วยก็ว่ามากแล้ว นี่ยังส่งชุดมาให้คิดงานอีก เขาแค่อยากมีเวลาอยู่กับคนรัก ทำไมงานไม่เคยเข้าใจกันบ้าง! เห็นคนรักนอนอยู่ข้างๆ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ คล้ายกับอยากกินไอศกรีมแต่ดันถอนฟันมา ได้เห็น ได้กลิ่น ได้สัมผัส แต่ลิ้มรสไม่ได้ มันช่างทรมานจิตใจและร่างกายสิ้นดี!



   กรพัฒน์กลับห้องพักด้วยอารมณ์เศร้าซึม แฟ้มที่ถืออยู่กับงานที่กำลังตามมา บั่นถอนความรู้สึกจนแทบอยากถอนหายใจพันรอบ มือหนากดออดหน้าห้องเพื่อรอให้คนด้านในเปิดรับ รออยู่นานกว่าคนรักจะเปิดให้

   “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” ปูนรีบช่วยคนรักถือของ กรพัฒน์ยื่นหน้ามาจูบหน้าผากมนเบาๆ ด้วยความคิดถึง “กินข้าวหรือยัง”

   “ยังเลย ป๋ารอมากินพร้อมปูน” เริ่มแทนตัวเองว่าป๋า จากความเคยชินเวลาคุยกับลูกชาย และปูนก็เริ่มเรียกเขาว่าป๋าตามเกนเช่นกัน สรุปคือ ต้องยกความดีให้ลูกชายตัวแสบสินะ

   “ป๋าไม่โทรบอกก่อน ปูนเพิ่งกินกับเกนไปเมื่อครู่” คิ้วเรียวขมวดมุ่น “แต่เดี๋ยวปูนทำหมูกระเทียมให้”

   “ขอบคุณครับ” ไม่ว่าเปล่า กรพัฒน์ยังมอบจูบหวานๆ เป็นรางวัลให้กับคนน่ารักของเขา

   ก่อนชายหนุ่มปลีกตัวไปอาบน้ำ รู้สึกเหนื่อย เมื่อยตัวไปหมด พอได้แช่น้ำอุ่นสักหน่อย ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้น อ่างอาบน้ำสีขาวมีน้ำอุ่นอยู่จนเต็ม ปูนมักจะทำให้เขาแบบนี้เสมอ จนคิดไม่ออกเลยว่า ถ้าไม่มีปูน กรพัฒน์จะอยู่ยังไง ขอกัดลิ้นตัวเองตายแบบในหนังจีนยังจะดีซะกว่า

   พอสบายตัว ชายหนุ่มก็เดินเช็ดผมออกจากห้องน้ำ กลิ่นหมูทอดกระเทียมหอมฟุ้งจนท้องร้องเสียงดัง ก่อนดวงตาคมจะชะเง้อมองหาคนรัก แต่กลับไม่เห็นอยู่ที่หน้าเตา

   “ปูน อยู่ไหนน่ะ” ตะโกนถามหา สายตาเหลือบไปเห็นกล่องสีเหลี่ยมวางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟา ขายาวก้าวเข้าไปดู ด้านในกล่องว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่ “กล่องเปล่าอะไร”

   “ป๋า” เสียงหวานที่ได้ยินอยู่ทุกวันเอ่ยเรียก กรพัฒน์ละสายตาจากฝากล่องในมือ เหลือบขึ้นมองคนเรียก เพียงเสี้ยววินาที ของในมือร่วงหล่นราวกับมือไร้เรี่ยวแรง ไม่ใช่แค่มือ แม้แต่ขาก็ยังอ่อนแรงจนแทบล้ม “ชุดมันคับไปหน่อย”

   “ปะ ปูน” กว่าจะหาเสียงเจอช่างยากลำบาก กรพัฒน์มองคนรักที่ยืนบิดม้วนตัวไปมาอย่างขวยเขิน “ชุดนี่ ปูนซื้อมาเหรอ” อยากจะตบปากตัวเองที่ติดอ่างเหลือเกิน

   “อ่าว ป๋าไม่ได้ซื้อมาให้ปูนเหรอ” จากอาการเขินอายเริ่มเปลี่ยน ปูนขมวดคิ้วเดินมาที่กล่องตรงหน้ากรพัฒน์ “เนี่ย ชุดนี้มันอยู่ในกล่องนี้”

   “ชุด อยู่ในกล่องนี้?” ดวงตาคมมองคนรักสลับกับกล่อง พลางนึกถึงคำพูดของพอลได้ก็ต้องร้องอ๋อออกมา “ชุดลูกค้า”

   “จริงเหรอ เดี๋ยวปูนไปถอดออก” พอได้ยิน ปูนก็รีบจะเดินหนี แต่ข้อศอกกลับถูกยึดเอาไว้

   “ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก ป๋าว่า เหมาะกับปูนดี” ทั้งรอยยิ้มและสายตาช่างกะลิ้มกะเหลี่ยเสียจริง

   “แต่มันเป็นชุดของลูกค้านะ ขาดขึ้นมาจะทำยังไง” ปูนเถียง รู้สึกไม่สบายใจที่เอาชุดมาใส่โดยไม่รับอนุญาตจากเจ้าของ เกิดเสียหายขึ้นมาอาจซ่อมลำบาก แม้ปูนจะตัดเย็บเป็น แต่ด้วยความบางของชุด น่าจะซ่อมยากเลยทีเดียว

   “ถ้าขาด พี่ก็ซื้อ ไม่เห็นยาก” กรพัฒน์ไล่สายตามองรูปร่างของคนรัก ชุดนี้ช่างเหมาะกับปูนซะไม่มี มองเผินๆ อาจคล้ายชุดเมดในร้านอาหารของญี่ปุ่น แต่กลับใช้ผ้าซีทรูลายลูกไม้ ทำให้มองเห็นผิวเนื้อด้านใน แม้จะเห็นลางๆ แต่กลับเพิ่มอารมณ์ได้มากกว่าเดิมเสียอีก

   “ได้ยังไง” คนตัวเล็กกว่าจะเถียง แต่กลับถูกมือใหญ่ปิดปากไว้ซะก่อน

   กรพัฒน์ยิ้มส่งให้ ก่อนมือใหญ่ที่ว่างจะหยิบโทรศัพท์ต่อสายไปหาเจ้าของชุด จนได้ความว่า ชุดเมดซีทรูนี้ เป็นชุดที่ตัดจากจินตนาการ ไม่ใช่ชุดสำหรับถ่ายงาน อีกอย่าง เจ้าของชุดก็ไม่ได้ใช้ เลยยกให้ฟรี กรพัฒน์ยิ้มกริ่มแต่ก็ตอบรับแบบนอบน้อม จนปูนต้องเบ้ปากใส่

   “ป๋าตอแหลเก่งนะเนี่ย”

   “ด่าผัวไม่ดีนะครับ”

   ปูนหันหน้าหนีเมื่อจะถูกขโมยหอมแก้ม คนตัวผอมทิ้งตัวนั่งโซฟาด้วยความขุ่นเคือง โดยที่คนข้างๆ ตักข้าวหมูทอดกระเทียมเข้าปาก แต่สายตาก็ยังไม่ยอมห่างจากกายขาว ปีหลังๆ มานี้ ปูนเริ่มหาชุดแปลกๆ มาสวมใส่อยู่เสมอ และกรพัฒน์ก็ชอบเสียด้วย แน่นอน ชายหนุ่มต้องยกความดี ความชอบให้กับเพื่อนสาวคนสวยอย่างโรส ที่ไม่รู้พูดอะไรให้ปูนฟัง ปูนถึงคิดทำแบบนี้

   ยังไงซะ เขาก็ได้ทั้งขึ้น ทั้งล่อง นึกแล้วก็อดยิ้มไม่ได้

 
   ก่อนเสียงออดหน้าประตูห้องดังขึ้น ปูนตีหน้ายุ่งลุกขึ้นไปเปิดช่องตาแมวดู เห็นคนด้านนอกคือเกนก็เลยเปิดประตู เด็กหนุ่มผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นปูนอยู่ในชุดเมดบางเบา ยังดีที่ด้านล่างมีกางเกงชั้นในปกปิดเอาไว้อยู่

   “พี่ปูนกับป๋าเล่นอะไรกันอีกเนี่ย” เกนเดินเข้าห้องมาพลางนั่งลงข้างพ่อตัวเอง

   “แกเข้ามาทำไม” กรพัฒน์รีบถาม รู้สึกถึงลางสังหรณ์อะไรบางอย่าง

   “ก็เกนจะมานอนเป็นเพื่อนพี่ปูน”

   “กลับห้องแกไปเลยไอ้เกน”

   “ป๋าไล่เกนทำไม เกนลูกป๋านะ”

   “รู้ว่าแกเป็นลูก แต่นี่เวลาส่วนตัวของป๋าเว๊ย”

   “โธ่ รู้หรอกน่า ว่าอยากสวีทกับพี่ปูน” ลูกชายตัวแสบยู่หน้า มองพ่อตัวเองอย่างเคืองๆ “ถ้าพี่ปูนเบื่อป๋า ไปหาเกนที่ห้องได้นะ”

   “ไอ้เกน อยากโดนป๋าแกถีบหน้าไหม” กรพัฒน์ขู่ แต่ลูกชายกลับไม่มีท่าทีจะกลัวเลยสักนิด “กลับห้องแกไปเลย”

   “ไล่อยู่ได้”

        เกนสะบัดหน้าค้อนพ่อตัวเอง และไม่ลืมหอมแก้มปูนก่อนออกห้อง เพียงเท่านั้น หมอนอิงสีหวานก็ปลิวตามหลังไปติดๆ ยังดีที่ปิดประตูทันก่อนโดนตัว พอหมดคนขวาง กรพัฒน์ก็ขยับไปดึงคนรักให้มานั่งตามเดิม ใบหน้าง้ำงอคล้ายกับเด็กเล็กจนปูนขำออกมา

   “ป๋าอายุเท่าเกนหรือ”

   “เท่าไม่เท่า ปูนน่าจะรู้ดี”

       จากหน้าง้ำงอ เริ่มแพรวพราวขึ้นมา จนคนถูกโลมเลียด้วยสายตาต้องลุกหนี โดยแกล้งทำเป็นเก็บจานเปล่าไปล้าง แต่ก็ดูจะเข้าทางคนกระหาย ยิ่งเห็นก้นงอนก็ยิ่งมีอารมณ์ กรพัฒน์สวมกอดคนรักจากด้านหลัง ปากบางไล่จูบตามซอกคอหอม มือที่โอบกอดลูบไล้ผ่านผ้าเนื้อบาง

   “ป๋า เดี๋ยวเปียกน้ำนะ” เพราะมือเปื้อนฟองน้ำยาล้างจาน เลยห้ามลำบาก แถมคนด้านหลังรุกหนักจนปูนแทบขาอ่อน “ป๋า”

   “ถึงป๋าจะชอบตอนปูนใส่ผ้ากันเปื้อนมากกว่า แต่ชุดนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน” คนหื่นกระหายพูดเสร็จก็เป่าลมร้อนใส่รูหู จนเจ้าของร่างผอมต้องย่นคอหลบ “เร้าอารมณ์ดี”

   “คนหื่น ใส่คอเต่าก็หื่นอยู่ดี” ปูนประชด หลังจากรู้สึกถึงความร้อนบางอย่างที่สัมผัสบริเวณบั้นท้าย

   กรพัฒน์ขำประโยคนั้นของคนรัก ก่อนจะช้อนอุ้มคนยั่วขึ้น แล้วตรงดิ่งไปยังเตียงนอน โดยไม่สนว่ามือเล็กจะยังมีฟองสีขาวติดอยู่ เพราะนั่นมันเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่คือของๆ เขากำลังทนไม่ไหว มันเรียกร้องอยากจะแผงฤทธิ์เดชแล้ว เกือบๆ สองเดือนที่มันหลับใหล วันนี้จะพาออกศึกให้สมกับการรอคอย

   ปากสีแดงพรมจูบตามใบหน้าขาว ไล้ลงมาตามซอกคอหอม ยิ่งมีเสียงครางเบาๆ จากคนใต้ร่าง ยิ่งรู้สึกฮึกเหิม กรพัฒน์แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะสัมผัสกับยอดอกที่ตัดกับสีชุดดูโดดเด่น ของร้อนเต้นตุบตับจนแทบอยากระเบิดเมื่อถูกมือเล็กสัมผัสปลุกเร้า กว่าปูนจะเร้าร้อนขนาดนี้ได้ กรพัฒน์ต้องใช้เวลาอยู่นาน ในการทำให้คนน่ารักเลิกเคอะเขินเวลาร่วมรัก แต่พอผ่านพ้นมา ก็รู้สึกคุ้มค่าอย่างมากในการรอคอย

   “ป๋า ชุดจะขาด” เสียงแหบขัดออกมา ยามที่กรพัฒน์พยายามจะถอดชุด

   “ขาดช่างมัน” บอกอย่างไม่ใยดี ด้วยความที่ใส่พอดีตัวของปูน เวลาถอดอาจจะลำบาก จนสุดท้ายกรพัฒน์ก็ตัดปัญหาด้วยการดึงให้ขาดแทน ยังดีที่เจ้าของชุดยกให้แล้ว เลยไม่ต้องกังวลอะไร ต่างจากปูนที่ดูจะตกใจ

   “ขาดหมดแล้ว”

   “ก็บอกว่าช่างมัน ตอนนี้ป๋าไม่ไหวแล้ว” น้ำเสียงช่างดูทรมาน ปูนรู้ดี ในเมื่อสิ่งที่อยู่ในมือพร้อมรบเต็มแก่

        คืนนี้จะฟัดให้ขาดใจตายไปข้างหนึ่ง ชดเชยสองเดือนที่เขาอดอยาก

   “ป๋ายังไม่ได้ใส่ถุงยาง” ปูนว่า พลางพลิกตัวเอื้อมไปเปิดลิ้นชักตู้ข้างหัวเตียง

   แต่ดูจะไม่ทันใจ เมื่อกรพัฒน์ไม่สนใจถุงยาง มือใหญ่คว้าเจลหล่อลื่นได้ ก็รีบชโลมลงท่อนเนื้อตัวเองแล้วรีบจัดการคนตัวขาว ที่หันก้นยั่วเขาตอนนี้ มือหนารวบเอวคอดขึ้นแล้วนำของตัวเองแทรกเข้าไป ปูนตีต้นขาคนรีบร้อนอย่างตกใจ ปกติแล้ว เวลาร่วมรักจะต้องใส่ถุงยาง แม้รู้ดีว่าตัวเองและคนรักไม่มีโรคร้ายหรือไปมั่วสุมกับใคร แต่อย่างน้อยก็ได้ป้องกันโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น

   ความรุ่มร้อนแทรกเข้ามาจนปูนต้องกัดริมฝีปากตัวเอง เกือบสองเดือนที่ไม่ได้มีอะไรกัน ทำให้รู้สึกตึงแน่น แม้พยายามผ่อนคลายแล้วก็ตาม กรพัฒน์พยายามข่มความต้องการตัวเองไว้ เพราะรู้ว่าคนที่เขาครอบครองกำลังปรับตัว ขืนรีบร้อน มีหวังอดไปอีกนาน

   “ปูน” เสียงเรียกชื่อดังชิดใบหู กรพัฒน์โน้มตัวมาด้านหน้า ปากไล่เล็มตามหลังและซอกคอเพื่อช่วยให้คนตัวเล็กกว่าผ่อนคลาย มือใหญ่พยายามขยับชักนำให้คนรักมีอารมณ์ร่วม “ป๋ารักปูนนะ”

   “รู้” ตอบได้เท่านั้น เมื่อปากแดงถูกประกบจูบแน่น พร้อมๆ กับสิ่งที่เชื่อมอยู่เริ่มขยับเข้าออก

   ความต้องการของกรพัฒน์คล้ายๆ กับน้ำในเขื่อนที่ถูกกักเอาไว้ พอถึงจุดที่มีปริมาณมาก มวลน้ำมหาศาลก็ทะลักพังทลายทุกอย่าง เป็นสายน้ำเชี่ยวกราก ที่ไม่รู้ว่าจะหาอะไรมาขวางได้

   เสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงบ่งบอกถึงความเร้าร้อนคนใช้งาน แม้เครื่องปรับอากาศจะอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าปกติ แต่ก็มิอาจดับความรุ่มร้อนได้เลย กว่าพายุความต้องการจะสงบลง เสียงหอบเหนื่อยก็ดังคลอ พร้อมๆ กับคนตัวใหญ่ล้มตัวลงนอนข้างๆ แต่ถึงอย่างนั้น กรพัฒน์ก็ยังไม่ยอมหยุดหอม หยุดจูบคนตัวขาว

   “ป๋าทำเหมือนปูนเป็นตุ๊กตายาง ใส่ได้ก็ใส่ไม่ยั้ง” ปูนบ่นพลางยกมือดันหน้าคนรักให้ออกห่าง

   “ก็ป๋าไม่ได้กอดปูนมาตั้งสองเดือนเลยนะ ทรมานจะตายชัก” คนอดอยากว่า “นี่ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของความทรมานที่ป๋าเป็นนะ”

   “แบบนั้น เอวปูนหักพอดี” พูดไปก็เปล่าประโยชน์ เมื่อคนพักเริ่มแทะเล็มร่างกายขาวอีกรอบ ทั้งมือที่ลูบไล้ตามอก ตามท้อง กับเท้าที่เขี่ยตามปลีน่อง “ขอพักสิบนาที”

   “โหย นาน ป๋าให้สองนาทีพอ”

   แต่สองนาทีไม่มีอยู่จริง เพียงปูนขยับหันข้างให้ คนด้านหลังก็รีบจัดการครอบครองคนรักอีกรอบ แต่ดูเหมือนโทรศัพท์จะไม่เป็นใจ เมื่อมันดังขัดจังหวะ กรพัฒน์กดรับ ทำเอาปูนตีหน้ายุ่งไม่พอใจ พยายามจะขยับหนี แต่เอวสอบกลับขยับจนหลุดเสียงครางออกมา ดีที่ปิดปากตัวเองไว้ได้ทัน

   “เอกสารเหรอ” กรพัฒน์ถามกลับปลายสาย “ผมยังไม่ได้ดูเลย” ปากว่า เอวก็ขยับ ทำเอาคนใต้ร่างทรมานเพราะไม่กล้าส่งเสียงใดๆ ออกมา

   (พอดีคุณอมรอยากได้ก่อนแปดโมงครึ่ง รบกวนคุณกรส่งให้นิดก่อนแปดโมงเช้าได้ไหมคะ)

   “หา? แต่ผมยังไม่ได้ดู...” กรพัฒน์พูดติดขัด เมื่อถูกมือเล็กตีเข้าที่หน้าขาของเขา ปูนหน้าแดงกล่ำ ดวงตากลมมีน้ำใสๆ คลอ ดูแล้วโคตรน่ารักจนอยากจะแกล้ง “แล้วผมจะรีบตรวจดูให้...อืม ก่อนแปดโมงใช่ไหม”

   “ป๋า” ปูนตีเข้าที่หน้าขากรพัฒน์อีกรอบ เมื่อถูกเอวสอบขยับเข้าออกหนักหน่วง แถมติดกันเป็นชุดจนหายใจแทบไม่ทัน “ปูนจะโกรธป๋าแล้วนะ” ขยับปากโดยไร้เสียง กรพัฒน์ขยิบตาส่งให้ ก่อนจะรีบวางสาย เพียงเท่านั้น เขาก็รีบจัดการคนรักให้หายอดอยาก

   ส่วนงาน เอาไว้ค่อยดูก็ได้ อีกนานกว่าจะแปดโมงเช้า ซึ่งใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีงานก็เสร็จ แต่กับปูน เป็นชั่วโมงก็คงไม่เสร็จง่ายๆ ดังนั้น ควรจัดการงานยากเสียก่อน







*****

   หน้าห้องทำงานประธานกรรมการบริษัทยังคงปิดเงียบ และดูเหมือนเจ้าของห้องยังไม่มา คนยืนรอกระสับกระส่ายหันรีหันขวาง จะโทรหาก็เกรงว่าเจ้านายจะยุ่ง หรือไม่ก็ขับรถอยู่

   “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณนิด”

   “สวัสดีค่ะคุณพอล พอดีนิดรอเอกสารที่คุณกร ตอนนี้ยังไม่มาเลย”

   พอลมองหน้าสาวนักบัญชี ก่อนลองผลักบานประตูห้องเพื่อน แต่ด้านในกลับว่างเปล่า ไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ

   “ปกติไอ้กรมาเช้าจะตาย แต่ทำไมวันนี้ถึงมาสาย” คนรู้จักเพื่อนดีพูดกับตัวเอง ก่อนจะมีคนวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหา พลางส่งแฟ้มสีดำมาให้ “จากคุณกรเหรอ” พอลถาม พนักงานส่งเอกสารของบริษัทรีบพยักหน้า

   “คุณกรโทรให้ผมไปรับที่คอนโดครับ”

   “แล้วมันบอกหรือเปล่า ว่าจะมากี่โมง”

   “คุณกรฝากบอกคุณพอลว่า ขอลาเพราะป่วยครับ”

   “ป่วย?” พอลแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนยื่นแฟ้มให้คนรอไป พออยู่คนเดียวก็คิดจะโทรหาเพื่อนสนิท แต่ลูกค้าสาวดันเดินเข้ามาทักทายเสียก่อน “คุณสามาเช้าจังนะครับ”

   “พอดีสาเอาชุดมาให้แทนชุดที่ส่งไปผิดน่ะค่ะ”

   “ชุดส่งผิด?” พอลเอียงหน้ามองอย่างสงสัย สาวเจ้าขำน้อยๆ พลางอธิบาย

   “คนที่บ้านสาหยิบชุดที่สาลองตัดเล่นๆ ไปให้คุณกรแทน สาเลยต้องเอาชุดจริงมาให้ใหม่ กลัวว่าถ้าใช้ชุดนั้น ที่นี่อาจแบนสาก็ได้”

   “ชุดอะไรหรือครับ” ไม่มีคำตอบนอกจากรูปภาพในโทรศัพท์ส่วนตัว ที่คนออกแบบตัดเย็บเสร็จก็ลองสวมบนตัวหุ่น “อ่อ ผมเริ่มเข้าใจอะไรแล้วล่ะ”

   “คะ?”

   “ไม่มีอะไรครับ เราไปคุยงานกันที่ห้องผมดีกว่า วันนี้ไอ้กรไม่มา มันป่วย...” อยากบอกว่าป่วยการเมือง แต่ก็คงไม่เหมาะ พอลนึกค่อนแคะเพื่อนในใจ สงสัยจะเพราะชุดนี้ทำให้ไม่อยากมาทำงาน เผลอๆ ลองตั้งแต่เมื่อคืนแล้วก็เป็นได้ แต่ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก ทำงานทั้งวัน ทั้งคืนมาเป็นเดือน คงอยากพักผ่อน

   ว่าแต่ เขาก็อยากพักเหมือนกัน เพียงแต่ถ้าพักแล้วก็ไม่มีคนคอยดูแลเหมือนเพื่อน นึกแล้วก็อดอิจฉาไม่ได้ จะหาคนน่ารัก คนที่ดีแบบปูนก็คงยาก ยิ่งสังคมที่เขาต้องอยู่ทุกวันนี้ เจอแต่คนที่รักตัวเองทั้งนั้น ช่างน่าเข็ดขยาดนัก สู้ทำงานเก็บเงินเที่ยวสบายใจกว่าเยอะ





*****

   “ป๋าไม่ไปทำงานเหรอ” เกนจ้องหน้าพ่อตัวเองขณะกัดขนมปังทาแยมส้มที่ปูนเตรียมไว้

   “เออสิ ป๋าแกทำงานเหนื่อย อยากพักบ้าง” กรพัฒน์ตอบลูกชายอย่างหงุดหงิด เพราะนอนน้อยแถมใช้แรงไปกับความคิดถึงปูนมากไปหน่อย ตอนเอาของลงไปให้พนักงานส่งเอกสาร ขาอ่อนแทบล้ม

   “พี่ปูนล่ะ ไปเปิดร้านไหม” ที่ถาม เพราะเห็นปูนอ้าปากหาวอยู่ตลอด คล้ายกับอดนอนมาอย่างนั้น

   “ไปสิ แต่น่าจะสายๆ หน่อย เกนมีอะไรหรือเปล่า”

   “ก็แค่ถามดูเฉยๆ” เด็กหนุ่มว่า ก่อนมองพ่อสลับกับปูนไปมา

   “รีบๆ ยัดเข้าปากแล้วลงไปได้แล้ว ง่วง อยากจะนอนเต็มแก่” คนหงุดหงิดทนไม่ไหว กาแฟเข้มยังไงก็รั้งหนังตาไว้ไม่อยู่ เกนทำไม่สนใจ ปากแดงค่อยๆ ไล่กัดขอบขนมปังอย่างอ้อยอิ่ง จนคนง่วงต้องหิ้วคอเสื้อลูกชายพร้อมกระเป๋าออกนอกห้อง “ไปเรียนได้แล้ว”

   “ป๋าทำพี่ปูนอดนอนใช่ไหม นิสัยไม่ดี”

   “ปากมาก รีบๆ ลงไปเลย ลุงอ้อมรออยู่”

   “เกนรู้หรอกน่า”

   พูดไม่ทันจบก็ต้องวิ่งหลบขายาวของพ่อ เกนแลบลิ้นใส่ก่อนลงลิฟต์ไป กรพัฒน์ตบท้ายทอยตัวเองเบาๆ เพื่อคลายความง่วง แต่พอเข้ามา คนที่ทำอาหารเช้ากำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ปูนใช้เวลาไม่กี่นาทีในการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนผืนใหม่ ส่วนผืนที่ผ่านสงครามความคิดถึง ถูกยัดใส่เครื่องเครื่องผ้าไปแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องงานบ้าน งานครัว หรือเรื่องบนเตียง ปูนก็ไม่มีขาดตกบกพร่อง แล้วแบบนี้ จะไม่ให้หลงได้ยังไง

   หากเปรียบปูนเป็นสารเสพติด เขาก็จะขอเสพไปจนชีวิตจะสิ้นลมหายใจ


   ...น้ำเน่าไปนิด แต่มันมาจากใจของนายกรพัฒน์จริงๆ


...

สวัสดีวันที่ 1 สุดท้ายของปี 2018 ค่าาา มาด้วยความคิดถึงของป๋ากับพี่ปูน เป็นอะไรที่ แต่งได้ยากจริงๆ ค่ะ

แต่งไป เคล้าเสียงหมาที่บ้านหอนไป ได้อารมณ์ (หลอน) ดีจริงๆ

ขอบคุณสำหรับความรักที่มอบให้ป๋าแล้วก็พี่ปูนนะคะ อ่อ เกนด้วย ตอนเด็กน่ารัก แสบ ซน แต่โตมาก็แบบ..ได้ป๋ามาเต็มๆ 55

รักและคิดถึงค่าาา จ๊วฟฟฟ

ปล. หากผิดพลาดตรงไหน ขออภัยด้วยค่า จะพยายามแก้ไขให้ดีขึ้นกว่าเดิม (ก้มกราบ)
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 01-12-2018 07:53:30
 o13 ป๋ายังหื่นเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 01-12-2018 11:24:41
ไอ้เราก็อ่านไปพยายามนึกภาพปูนไป  :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: HappyYaoi ที่ 01-12-2018 11:27:41
ป๋านี่คงเส้นคงวาในความหื่น
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-12-2018 16:18:06
คิดถึงน้องปูนนนนน
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 02-12-2018 17:41:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
สนุกมากเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-12-2018 18:41:40
จัดหนักจัดเต็มเลยนะป๋า
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 08-12-2018 21:35:21
นี่มันอะไร. ทำไมเราพลาด

 :-[
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Nobodylove ที่ 14-02-2019 06:30:38
 :hao6: :hao6: :hao6: งานดี งานมีคุณภาพตลาอดเยี่ยม!!!!
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 14-02-2019 09:46:48
จบไวมาก อยากให้มีตอนเพิ่มอีก
ขอบคุณสำหรับนิยาย  o13
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 14-02-2019 21:43:02
คุณป๋าเบามือกับน้องปูนหน่อย ^^
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 16-02-2019 15:04:20
ขอบคุณ  ขอบคุณ มากๆๆๆๆเรืองราวน่ารัก
น่าประทับใจของ  ป๋าและปูน น้องเกน  ชอบสไตร์ป๋า
ติดตาม ภาคต่อไป
 o13 o13 o13   :katai2-1: :katai2-1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 17-02-2019 10:55:58
 o13
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 22-03-2019 20:09:58
อ่านเพลินๆจนคิดว่าจบเร็วไป อยากอ่านอีก 555555 สนุกมากๆค่า
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 07-04-2019 23:59:23
 :pighaun: ป๋าสายอ่อน สายหื่น ได้หนูปูนเป็นเมียนี่สบาย ชุ่มฉ่ำเลยนะ :hao6:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 10-07-2019 23:37:42
ป๋าหื่น
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 14-07-2019 18:04:46
 :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: Hello Darling คนนั้น...ที่รักของผม [ตอนพิเศษ คิดถึง][P.5] UP!/ [01/12/61]
เริ่มหัวข้อโดย: MezoSone9 ที่ 16-07-2019 13:04:38
 :L2: :pig4: