พิมพ์หน้านี้ - {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: sakutaka ที่ 16-07-2017 20:30:05

หัวข้อ: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 16-07-2017 20:30:05
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

“เพราะมึงไม่เคยมองใคร มีคนนี้แหละคนแรกที่มึงมองแล้วก็ติดใจมานานกว่าที่เคยติดหญิง”

คำพูดไอ้เดย์เหมือนอย่างกับคำทำนายชี้ชะตาอนาคตอันสดใสของผม
ที่ต้องไปหวนเจอกับ "ไอ้แทนสุรบถ" อีกครั้งแบบไม่ตั้งใจ

หนี้ครั้งที่หนึ่งยางลบ ครั้งที่สองให้ยืมตังค์ ครั้งที่สามพาเพื่อนมาส่งหอ
เช้ดดดด ชาตินี้ผมก็ใช้ไม่หมดแล้วมั้ง
ให้ยืมยางลบซื้อยางลบใช้คืน
ให้ยืมเงินหาเงินมาใช้คืน
ให้ขับรถพาเพื่อนมาส่งหอต้องเอาเพื่อนมาใช้คืนมั้ยวะ

“ผมไม่เอาเพื่อนพี่...แต่ขอเป็นตัวพี่แทนละกัน”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนพิเศษ

{Shall I be your husband?} พี่ครับผมขอเป็นสามีพี่ได้มั้ย? Special (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67554.msg3848004#msg3848004)


+++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทนำ [16/07/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 16-07-2017 20:39:41
บทนำ

บทนำ

“แม่งตื่นเต้นชิบหาย” พอมองเห็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันที่ใส่ชุดเหมือนๆกันมารวมตัวอยู่ในที่เดียวกันมันทำให้อาการตื่นสนามสอบของผมกำเริบจนต้องบ่นออกมา ไม่รู้คนโผล่มาจากไหนเยอะแยะ ที่นี่ก็ไม่ใช่สนามสอบที่เดียวในกรุงเทพซะหน่อย แต่ทำไมดูอย่างนี้แล้วเหมือนจะมาตัดคะแนนผมเลยวะ

“ไอ้ไทม์คนได้เกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์ๆสามปีซ้อนอย่างมึงยังมีน่ามาบ่น ดูกูนี่ เครียดจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” ไอ้ข้างๆมันเหน็บผมพร้อมกับเกาหัวยิกจ้องหนังสือรวมข้อสอบที่มันถืออยู่กับมือหน้าเครียด มันชื่อเดย์ครับ ไอ้นี่มันอยู่เป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่ม.ต้น เป็นเด็กกิจกรรมชอบนั่งหลังห้องต่างกับผมสุดขั้วที่เป็นคนไม่โดดเด่นอะไร(ผมคิดว่างั้นนะ) ชอบนั่งเงียบๆอยู่หลังห้องเรียนทั้งที่ไม่ได้เป็นเด็กกิจกรรมเหมือนกับมัน แต่ดันไปสนิทกับมันเข้าให้

“ใครใช้ให้มึงไปตีดอทก่อนวันสอบล่ะวะ”

“ก็กูเครียด”

“อ่านจบสองหน้าแม่งเล่นสี่ชั่วโมงเนี่ยนะที่บอกเครียด”

“เครียดมากไงมึงเลยเล่นนานไปหน่อย เล่นน้อยๆก็แปลว่าไม่ค่อยเครียดดิวะ”

“โหยไอ้ฟาย นี่มึงจะเข้าคณะเดียวกับกูจริงเปล่าเนี่ย”

“เฮ้ย เข้าดิ คนอย่างไอ้เดย์ซะอย่างไม่มีทิ้งมึงหรอกไอ้ไทม์ ถ้ากูสัญญาแล้วว่าจะอยู่คู่กับมึงไปจนวันตาย กูก็ต้องทำให้ได้” มันหยอดผม เออ...ไอ้เดย์มันอย่างนี้แหละครับ อย่างที่ผมบอกไปเมื่อตอนแรก ถ้าลืมก็ไม่ต้องย้อนกลับไปอ่านนะ เดี๋ยวผมเขียนซ้ำให้ ว่ามันอยู่กับผมมาตั้งแต่ม.ต้น มันเลยสนิทกับผมมากจนเรียกได้ว่าตัวแทบติดกัน ไปไหนไปกันแม้แต่ไปห้องน้ำยังฉี่โถข้างกัน ขนาดจะมีแฟนแต่ละทีมันยังต้องขออนุญาตผม....กูเป็นแม่มึงหรือไงวะ ถามจริง
แล้วไหนมันจะมาสัญญิงสัญญาผมอีกว่าจะเข้าคณะเดียวกับผมให้ได้ ความจริงก็แค่ข้ออ้างของคนที่ไม่รู้จะเรียนอะไรอย่างมัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เหอะบ้านมันรวยครับ ถึงจะเรียนไม่จบไปไม่รอดแค่ป๊ามันดีดนิ้วดังเป๊าะแค่นั้นมันก็คงถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศให้เอาวุฒิปริญญากลับมาแล้ว หลังจากนั้นงานเงินก็ไม่ต้องหาแค่มาสานต่อกิจการบ้านธุรกิจพันล้านของป๊ามันเป็นพอ

“เออ...ขอให้โชคเข้าข้างมึง ถ้ามึงเข้าคณะเดียวกับกูได้ก็ยอมแต่งกับมึงเลย” ผมแซวมัน

“มึงสัญญาแล้วนะ”

“ไอ้เชี่ยกูล้อเล่น น้องจิงมึงล่ะ น้องจิงมึง” คิดจริงเหรอวะไอ้เชี่ยนี่

“ก็นั่นแฟน”

“มึงก็ต้องแต่งกับแฟนดิวะ” มันคงคิดเข้าข้างตัวเองว่าผมงอนเลยเลิกสนใจหนังสือรวมข้อสอบในมือแล้วหันมาล็อคคอผมเข้าไปใกล้ๆแทน

“ก็นั่นน่ะแฟน...ส่วนนี่เมีย” แทบจะสะบัดหัวออกทันที

“เมียพ่องดิ”  ไอ้นี่แม่ง ถ้าน้องจิงมันมาได้ยินเข้ามีหวังได้เลิกกัน

“อ้าวไรวะไอ้ไทม์ ได้กูไม่พอนี่มึงแม่งจะเอาพ่อกูด้วยเหรอวะ”

“ถ้าจะเอา กูเอาพ่อมึงคนเดียวดีกว่ามั้ย รวยก็รวย อายุยังน้อย แถมหน้าตาดี อย่างนี้กูจะเอามึงไปทำเพื่อ” เถียงกับมันหามีสาระอันใดไม่ผมเลยเลิกสนใจหันมาเช็คของที่ต้องเตรียมเอาเข้าห้องสอบแทน จนกระทั่งผมได้ยินเสียงหึ่มแปลกๆดังมาจากรอบทิศนั่นแหละ

“ที่นี่มีคอนเสิร์ตเหรอวะ” ไอ้เดย์มันว่า มึงคิดได้นะว่ามีคอนเสิร์ตตอนวันสอบเนี่ย...เสียงที่ได้ยินมันไม่เหมือนเสียงของพวกนักเรียนที่กำลังคุยกันเรื่องสอบ เพราะวิถีเสียงมันแปลกไปดูคล้ายเสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆจากพวกเด็กผู้หญิงเสียมากกว่า ทันทีที่นึกสงสัยว่าเสียงมาจากไหน ไม่ทันไรผมก็หาต้นเสียงความฮือฮานั้นเจอ

“แม่เจ้าโว้ย” แม้แต่ไอ้เดย์มันยังอุทาน กับไอ้ตัวสูงชะลูดที่พึ่งเดินฝ่ามากลางวงดงคนสอบแอดมิชชั่น เพราะมันหน้าตาหล่อสัดๆถึงแม้ผมจะเกรียนตามแบบเด็กมัธยมทั่วไปแต่โครงหน้า ตา จมูก ปาก คิ้ว อย่างกับพระเจ้ารังสรรค์ปั้นแต่งขึ้นมาให้เป็นงานประติมากรรมชั้นเลิศเทหมดโปรโมชั่นไม่เหลือไว้ปั้นมนุษยชาติคนไหนอีก แต่มันดันใส่ชุดไปรเวทเสียบหูฟังเดินกดโทรศัพท์เข้ามาแบบไม่สนใจมองทาง จนกระทั่งเสียงฮือฮาของผู้หญิงที่มาสอบเหมือนกันกับผมดังเข้าหูมันแหละครับถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองว่าเกิดอะไรขึ้น ท่าทีที่ดูตกใจเล็กน้อยทำเอาผมขำเล็กๆ เสือกเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาได้ มันโงหัวแบบเคอะเขินเป็นเชิงขอโทษว่าเดินมาผิดรังแล้วพยายามเดินทะลุออกมาให้สุดทางซึ่งเป็นทางเดียวกับที่ผมยืนอยู่ ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งทำให้รู้ว่ามันไม่ได้ดูดีแค่ระยะร้อยเมตร มันดูดีราศีจับตั้งแต่สองเมตร เมตรครึ่ง เมตรนึง จนกระทั่งระยะราวๆห้าสิบเซนนั่นแหละที่สายตามันขยับขึ้นมาประสานกับผมที่ยังคงยิ้มค้างมองมันพอดี จ้องมาจ้องตอบไม่โกง ใช่เปล่าแว้ ไอ้หล่อมันยกมือขึ้นมาถอดหูฟังข้างหนึ่งออกก่อนเดินผ่านผมไปแบบภาพสโลว์โมชั่น ซึ่งผม...รู้สึกถึงสายตาของมันตลอดเวลาที่เดินผ่านผมไป...จนกระทั่งเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา

“นักเรียนทุกคนเตรียมเข้าไปนั่งประจำที่ในห้องสอบได้เลยนะคะ” สติครับ!! ถึงเวลาที่ต้องเข้าสังเวียนการแข่งขันกับเพื่อนร่วมรุ่นทั้งต่างโรงเรียนและร่วมสถาบัน ไม่มีเวลามานั่งอึ้งกับความหล่อมันแล้ว ผมรีบหุบยิ้มเปิดซิปเป้เอากล่องดินสอออกมาคว้าอุปกรณ์ทั้งดินสอ ปากกา ยาง...เอ๋....ยางลบ...อยู่ไหนวะ...เฮ้ย...ไม่มี!!

“เชี่ยแล้ว”

“เป็นไรมึง”

“ยางลบ...กูหายางลบไม่เจอ” หลังจากที่ผมหาในกล่องดินสอยังไงก็ไม่เจอ ผมเลยหันมาคุ้ยหาในกระเป๋าเป้ใหม่ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจออยู่ดีไอ้ยางลบก้อนโตยี่ห้อโมโนที่ผมใช้ทำรวมข้อสอบเมื่อวันก่อนมันหายไป!!

“หาไม่เจอหรือวะ หาดีดีก่อนดิ๊ กูดันเอามาก้อนเดียวด้วยดิ” ให้ตายเหอะผมเนี่ยมันบ้าของแท้เลยมีอย่างที่ไหนมาลืมยางลบตอนวันสอบ ทั้งที่เมื่อวานก็แน่ใจแล้วนะว่าเตรียมพร้อม แต่เพราะวิตกจริตมากไปหน่อยเลยย้ายที่อยู่ของมันจนหาไม่เจอซะอย่างนั้น แล้วผมจะใช้อะไรทำข้อสอบเนี่ยหาาาา

“หายางลบอยู่หรือครับ เอาของผมไปใช้ก่อนมั้ย” ตอนนี้เหมือนคำว่ายางลบมันใหญ่โตตัวเท่าบ้านมากสำหรับผม แค่พูดคีย์เวิร์ดนี้ออกมาเรดาห์ผมก็แทบพุ่งไปตามทิศทางนั้นแบบไม่รีรอ แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องประหลาดใจรอบสองรองจากยางลบก็คือคนที่ทักผม เพราะมันเป็นคนๆเดียวกับที่พึ่งแหวกฝูงชนเด็กนักเรียนม.หกไป ยิ่งพอได้เห็นหน้ามันใกล้ๆแม่งทำไมเท่ไม่เกรงใจพ่อแม่แบบนี้วะ ไม่รู้ว่ามันแอบได้ยินผมกับไอ้เดย์คุยกันตั้งแต่เมื่อไร แต่ก็คงพอที่จะทำให้รู้ว่าผมต้องการยางลบ!!

“แล้วน้องไม่ใช้เหรอ” เพราะมันไม่ได้ใส่ชุดนักเรียนมาสอบแล้วผมมันก็เกรียน โอเค ผมเรียกมันน้อง

“ขายต่อหกสิบ” แม่งอึ้งครับ...ไอ้เชี่ยยยย....ถ้าจะรีดไถขนาดนี้มึงมาตั้งโต๊ะขายอุปกรณ์สอบตรงนี้เลยมั้ยกูจะได้ซื้อกับมึงไปเลย

“น้องเก็บไปเหอะ พี่เกรงใจ” ผมชักมือกลับขณะที่ยื่นไปได้ครึ่งทางแล้ว มันหัวเราะน้อยๆกับท่าทีของผม รอยยิ้มแม่งหล่อสัด ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง

“บ้าน่ะ..ล้อเล่น เอาไปเหอะผมให้” มันยื่นให้อีกครั้ง

“ไม่เป็นไร” ล้อเล่นกับคนกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้มึงยังมีจิตใจเป็นคนอยู่เปล่าวะ...ขืนยื่นมือไปรับถ้ามันชักกลับก็หน้าแตกรอบสองดิ

“เหอะน่า”

“ไม่เอา”

“ผมไม่คิดเงินหรอก”

“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา”

“งั้นเอางี้” มันเปิดกระเป๋าเป้ที่มันสะพายอยู่ เอามือเข้าไปคุ้ยๆหาอะไรบางอย่าง ทันทีที่มันชักมือออกมาผมก็เห็นของมีคมที่คุ้นตา เฮ้ยเชี่ยแม่งคัตเตอร์!!

แค่ไม่รับก็ไม่เห็นถึงขั้นต้องทำร้ายกันนี่หว่า เวรละผมกำลังจะโดยยัดยารึเปล่าวะ ยังไม่ทันที่ผมจะมโนไปถึงฉากในหนังสายลับอย่างเจมส์ บอนด์ ศูนย์ศูนย์เจ็ด มันก็ดึงปลอกกระดาษที่ห่อยางลบออกแล้วเอาคัตเตอร์จิกลงไปเบาๆก่อนหักเป็นสองท่อน

“อ่ะ...เอานี่ไป” มันยื่นส่วนหนึ่งให้ผม “เร็วๆดิ เดี๋ยวก็เข้าห้องสอบไม่ทันกันพอดี” มันเร่งผมยิก จะด้วยความลังเลหรือทิฐิอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมก็ยังไม่ยอมยื่นมือออกไปรับอยู่ดี

“ไอ้เชี่ยไทม์ มึงจะยึกยักอยู่ทำไมวะ รับๆน้องเขาไปเถอะ มันจะเริ่มสอบแล้วนะเว้ย หรือมึงจะรอสอบปีหน้าฮะ” ไอ้เดย์แม่งตัวดี เร่งกูจัง...กูไม่อยากมีบุญคุณกับคนกวนตีนแบบนี้เว้ย จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่ยื่นมือออกไปรับ

“ก่อนที่พี่จะต้องมาเรียนรุ่นเดียวกับผม” มันก้มลงมาคว้าแขนข้างที่กำดินสอปากกาของผมแล้วยัดยางลบครึ่งก้อนนั้นลงไป “เอาไปใช้เถอะนะครับ พี่ไทม์” รอยยิ้มสุดบาดใจและดูกวนตีนสุดๆ ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นอนาคตของผม ผมคงเอายัดรูจมูกมันไปแล้ว

“ใช้เสร็จเดี๋ยวกูใช้คืน...มึงชื่ออะไรบอกมา” ในเมื่อแน่ใจว่ามันเป็นรุ่นน้องที่กวนตีนผมสุดๆ ผมเลยไม่เกรงใจมันและความจริงคือผมไม่คิดที่ตอบแทนบุญคุณมันอย่างที่พูด เพราะมันคงไม่บังเอิญขนาดที่จะทำให้ผมมาพบกับมันอีกครั้งหรอก...มั้งนะ

“งั้นเอาคืนมาก่อน” เฮ้ยยางลบผม มึงจะเอากลับทำไม อย่าบอกว่ามึงรู้ว่ากูจะไม่คืน โอเค ถอนคำพูด ขอเถอะนะนะ ให้แล้วเอาคืนมะรืนนี้ตายนะเว้ย ผมไม่น่าไปกวนตีนมันเลย ผมกำยางลบในมือแน่นหวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่

“มึงจะเอาคืนไปทำไม”

“จะเขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์ติดต่อ ไอดีไลน์ เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม เผื่อวันไหนที่พี่มีอารมณ์อยากจะคืน พี่จะได้หาทางติดต่อผมได้”

“ให้อย่างนี้บอกมาเลยว่าจีบดีกว่าน้อง” ไอ้เดย์แม่งทำเป็นรู้ดี ไอ้เด็กนี่มันก็แค่กวนบาทาผมเท่านั้นแหละ

“กูสัญญาจะกูเอาเบอร์มึงไปแจกพวกปล่อยเงินกู้”

“ฮ่าฮ่า พวกพี่แม่งตลกกว่าที่ผมคิด” มันขำแบบไม่เกรงใจผม ซักพักก็โดนขัดจังหวะด้วยเสียงโทรเรียกเข้าที่ดังขึ้น

“เวรละ” มันมองหน้าจอแปบนึงแล้วหันหน้าไปอีกฟาก ผมมองตามสายตามันไปยังกลุ่มเด็กผู้ชายตัวโตใส่ชุดไปรเวทอีกแก๊งหนึ่งที่ยืนอยู่

“ไอ้เชี่ยแทน ทางนี้โว้ย ไอ้เสาร์มันรออยู่ที่สนามแล้ว” เพื่อนมันคงมีแต่เปรตละครับ ที่เห็นยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแต่ละคนพกพาความสูงมาคนละร้อยแปดสิบขึ้น ตะโกนเรียกคนนอกคอกให้กลับเข้าไปรวมฝูง พอไอ้หล่อเห็นเท่านั้นแหละมันก็มองผมทีหันไปมองทางนั้นทีแต่ก็ไม่ยอมไปซักทีจนต้องให้เพื่อนมันตะโกนรียกซ้ำอีกรอบ

“เออๆกูไปแล้ว” ไปห่าอะไรล่ะขาไม่ขยับซักนิด ซักพักนึงเลยที่มันจ้องหน้าผมแล้วถึงพูดออกมา “ไปก่อนนะ”

“...” ผมอึ้งครับ ต้องตอบไงล่ะทีนี้ ไปดีมาดี หรือ บุยบุย หรือ ไว้เจอกันนะตะเองเ เฮ้ยจริงเปล่าวะ

“เออมึงไปเถอะ...ขอบใจเรื่องยางลบนะ ถ้าสอบติดกูจะตอบแทน”

“สัญญานะ” ทำไมบรรยากาศมันหวานแปลกๆวะ

“ไอ้เชี่ยแทน แม่งจะให้รออีกนานมั้ยวะ มึงรีบมาเลย” คำบอกลาบุยๆไม่ต้องเลยครับ ไอ้ ‘แทน’ มันรีบวิ่งหน้าตั้งไปทางคนเรียกทันที ผมก็พึ่งมาฉุกใจคิดได้เอาตอนนี้ว่าต้องรีบขอบคุณมันอย่างเป็นกิจลักษณะให้ได้ก่อนที่มันจะไป

“เฮ้ยไอ้น้องแทน!! ขอบใจนะ ถ้ากูสอบติดจะมารำแก้บนเลย” ผมตะโกนออกไปตอนที่มันโดนเพื่อนของมันลากไปไกลแล้ว ไอ้ ‘แทน’ ที่ผมเรียกตามเพื่อนมันเลยได้แต่ยกมือยืดสุดแขนแล้วโบกไปมาอย่างร่าเริงพร้อมส่งยิ้มรับมุกโคตรสดใสให้แบบกว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้


“หึ...ไอ้บ้านี่” ก้อนความเครียดที่สะสมมาจนถึงเมื่อครู่นี้หายไปทันทีราวกับเรื่องโกหก ผมห้ามรอยยิ้มไม่ได้จริงๆ ท่าทีของเด็กนั่น มันดูแบบ...น่ารักพิลึกแล้วไหนจะยางลบครึ่งก้อนนี่อีก ขอใช้มันแทนของนำโชคในการสอบของผมคราวนี้ละกัน

“มันชอบมึงแหงๆเลยวะ เสน่ห์แรงกับผู้อีกแล้วนะเพื่อนกู แต่ก่อนที่จะฟินมึงรีบเข้าห้องสอบก่อนเถอะครับ แม่งจะสอบอยู่แล้ว”

“ไอ้ห่า กูฟินที่ไหนล่ะ เสน่ห์แรงกับผู้อะไรของมึง ปากแม่ง”

“เออมึงหยุด มึงไม่ต้องเถียงแล้วก็เข้าห้องสอบโว้ย” ไอ้เดย์มันดันหลังผมเข้า

เอาเป็นว่า กูจะสอบให้ผ่าน เพื่อไปรำแก้บนให้มึงละกัน “ไอ้แทน”

TBC

กราบไว้ในอ้อมใจด้วยค่ะ น้อมรับคำติชมเพื่อการพัฒนาตนเองค่ะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทนำ [16/07/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 16-07-2017 20:57:11
รุ่นน้องสินะ ใช่ม่ะ แล้วรุ่นน้องมาทำอะไรวันสอบ? 5555

จริงๆไม่ต้องสอบติดก็ตอบแทนได้ หลังออกจากห้องสอบอะไรแบบนี้
มาสัญยงสัญญา แหม่ๆๆ รอดูไทม์รำแก้บนเลยนะ 55555555
ติดตามน้าาาาา
 :mc4:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทนำ [16/07/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 19-07-2017 23:12:28
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}
ตอนที่1 ทฤษฎีโลกกลม

“จบซักทีโว้ยยยยยยย เชี่ยเดย์ เชี่ยแม็ค ไปแดกเหล้ากัน” คนที่ชวนเพื่อนสองตัวไปหาน้ำเมากระแทกปากจะเป็นใครไปไม่ได้ครับ นอกจากผม ชลธี เวชสกุล หนึ่งเดียวคนนี้ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เครียดแทบเป็นแทบตายว่าจะได้เข้าคณะที่ตัวเองใฝ่ฝันหรือไม่ในตอนสอบแอดมิดชั่น เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งเกือบปีกว่าจะไปเอาอะไรกับเจ้าไทม์ในอดีตกันล่ะครับ ตอนนี้ผมว่าเรียนๆเล่นๆลัลลัลลาไปวันๆชีวิตมันน่าสนุกกว่ากันเยอะ

“วันนี้กูขอตัวว่ะ”

“เชี่ยแม็ค แม่งติดแฟน กูขอสาปแช่งมึงให้น้องฟ้าไปมีคนอื่น” ไอ้เดย์มันโวยทันทีที่หนึ่งในสามสหายปฏิเสธคำชวน เป็นที่รู้กันว่าถ้าไอ้แม็คมันขอตัวสองตัวแสดงว่ามีนัดกับแฟนรุ่นน้องเด็กสาธิตที่มันคบกันมาตั้งแต่ม.ปลาย เธอชื่อฟ้าครับ เป็นคนสวยน่ารัก ขึ้นชื่อว่าเด็กนักเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยนี้แล้วต้องคัดเกรดมาเป็นอย่างดี เรียนเด่นกิจกรรมเป็นเลิศแถมกระเป๋ายังต้องหนักไม่งั้นไม่มีทางเข้าเรียนได้ ไอ้แม็คเพื่อนผมก็จบมาจากที่นั่นเลยย่อมรู้กันว่ามันก็รวยไม่ใช่น้อย

“พี่แม็ค” พูดยังไม่ทันขาดคำคนสวยหน้าใสกิ๊งในชุดนักเรียนของโรงเรียนเครือมหาวิทยาลัยก็เดินเข้ามาหา

“พี่ไทม์ พี่เดย์ สวัสดีค่ะ” มารยาทงามจนผมอยากจะหากิ๊กเป็นเด็กสาธิตเอาไว้ซักคนสองคน น้องฟ้าจัดว่าเป็นคนสวยระดับต้นๆ เป็นดาวเด่นในเด็กสาธิต ด้วยความที่ตาโตผิวขาวผมยาวตัวสูงกำลังพอดี แถมมีดีกรีเป็นดรัมเมเยอร์ประจำโรงเรียน ไม่รู้ไอ้เชี่ยแม็คมันทำบุญวัดไหนถึงไปจีบน้องเขามาได้

“อ้าว...ฟ้าทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ แม็คบอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าเสร็จแล้วจะไปรับน่ะ” ไอ้แม็คสลับเข้าโหมดมุ้งมิ้งทันที

“บังเอิญเค้าเลิกเร็วน่ะ เลยคิดว่ามาหาเตงเลยน่าจะดีกว่า จะได้เจอหน้าไวไว”

“เค้าก็อยากเจอหน้าเตงใจจะขาดอยู่แล้วววว” มันยกมือขึ้นมาทึ้งแก้มขาวนวลน่าหยิกของน้องเขา จนคนรอบข้างเริ่มอิจฉา “งั้นฟ้ารอเดี๋ยวนะ...เฮ้ยพวกมึงกูไปก่อนนะ” น้องฟ้ายกมือไหว้พวกผมอย่างรู้งาน ส่วนไอ้แม็คน่ะเหรอ ไม่รอให้อนุญาตก่อนหรอกครับ พอแฟนมันอำลาพวกผมเสร็จมันก็จับมือเดินตัวปลิวกะหนุงกะหนิงกันไปสองคน

“โอ๊ยกูหมั่นไส้ไอ้แม็คจริง ทีหลังกูไปสมัครเรียนระนาดเอกดูบ้างดีกว่ามั้ยวะ จะได้มีเตงๆอะไรกับเขาบ้าง” ไอ้เดย์มันบ่นอุบ

“อย่างมึงเรียนให้หมดวงมโหรีก็ไม่มีทางหาได้หรอก” ผมไม่ได้ว่าเกินความเป็นจริงเลยครับ เพราะด้วยความที่อยู่คู่กับมันมาตั้งเจ็ดปี ทำให้ผมรู้ดีว่ามันเป็นคนนึงที่น่าสงสารมากถึงมากที่สุด ตั้งแต่ถูกแฟนคนแรกทิ้งไปอย่างไม่มีเยื่อใยมาจนถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนยังไม่ทีท่าว่าจะลืมน้องเขาได้ ถึงปากจะประกาศป่าวๆว่าจะหาแฟนใหม่อยู่เรื่อยก็เถอะ

“สัดไทม์มึงดูถูกกู คอยดูเดี๋ยวกูจะควงเด็กอักษรมาอวดมึง”

“ให้มันได้อย่างนั้นเหอะ ตั้งแต่มึงเลิกกับน้องจิงมากูยังไม่เห็นว่ามึงจะเริ่มเดินหน้าจีบใครซักคน”

“เชี่ยไทม์ มึงอย่าพูดชื่อนี้ได้มั้ย” ไอ้เดย์มันเอามือปิดหูตัวเองแล้วทำท่าอยากจะวิ่งเข้าป่าหาที่สงบ เห็นแล้วก็อดสงสารมันไม่ได้

“เอาน่าไอ้เดย์อย่างน้อยมึงก็มีกู ในวงเหล้ามีกูก็ต้องมีมึง” ไหล่นี้มันช่างเปล่าเปลี่ยวเอกาเสียนี่กระไร มามากูโอบกอดความเหงามึงไว้ให้

“มึงล่ะตัวดีเลยไอ้ไทม์ ผู้หญิงมาทีไรเชี่ยแม่งเอาไปแดกหมดทุกที” มันหันมาไล่เบี้ยกับผมแทน แต่ฟังแล้วกลับเหมือนคำชมจนอดที่จะยิ้มอวดอย่างภูมิใจไม่ได้

“โทษทีวะ บังเอิญกูเสือกเกิดมาหล่อ” มีความหล่อก็ต้องอวดกันหน่อย ไม่อวดชาตินี้ไม่รู้เกิดอีกทีชาติหน้าจะกลับมาหล่อแบบนี้อีกรึเปล่า เพราะผมยังไม่ได้ถามชื่อวัดที่ไอ้เชี่ยแม็คมันไปทำบุญเลย

“หล่อ”​ ไอ้เดย์ช้อนสายตามองผม กลอกตาขึ้นลงราวกับประเมิน “แต่แม่งเสือกไม่เลือกซักคน” เหมือนกำลังโดนมันหลอกด่าว่าหล่อแต่ไร้น้ำยาเลยครับ แต่ที่มันพูดมาก็ไม่ผิด ถึงตอนนี้มีคนมากมายเดินผ่านเข้ามาในชีวิตแต่ผมก็ไม่เคยคิดมองใครแบบจริงจังซักคน แล้วกับคนที่เป็นเพื่อนผมมาเจ็ดปีคิดดูสิครับเจ็ดปีอย่างไอ้เดย์มีหรือที่จะไม่รู้ลึกไปถึง ปอด กระเพาะ ม้าม ไต รวมถึงลำไส้กี่ขดกี่ขดมันรู้หมดแหละครับ

“กูขอหล่อไปวันๆให้ผู้หญิงเสียดายเล่นก็พอแล้วว่ะ”

“ถุย!!” ซักตีนหลบน้ำลายพิษสุนัขบ้าของไอ้หมาเดย์แทบไม่ทัน ไม่บ้วนใส่หน้ากูเลยล่ะไอ้เชี่ยนี่ “พูดมาได้นะมึงว่าขอหล่อไปวันๆ มึงบอกกูมาเลยเหอะว่ามึงยังลืมคนที่ให้มึงยืมยางลบไม่ลงน่ะ”

“ยะ...ยางลบเชี่ยไรมึง” ไอ้เดย์มึงทำกูติดอ่าง

“อย่าให้กูต้องรื้อกระเป๋ามึง” มันเอาจริง ผมชักเป้หลบมือมัน

“มึงจะหลอกเอาเป๋าตังค์กูไปจ่ายค่าเหล้าใช่มั้ย”

“ถ้ามึงบอกไม่คิดอะไรกูจะเอายางลบมึงไปปาทิ้ง มึงเอาเป้มึงมา” มันแบมือกระดิกนิ้วท้า ทำอย่างกับผมไม่กล้าส่งยางลบให้มัน

“เออๆก็ได้” อย่านึกว่ากูไม่กล้านะไอ้สัดเดย์ ผมเปิดเป้แล้วล้วงสิ่งที่หาออกมายื่นให้ พอไอ้เดย์เห็นมันก็ขมวดคิ้วทันที

“อะไรของมึง ให้กระเป๋าตังค์มาเพื่อ”

“มึงจะกินอะไรมึงสั่ง มื้อนี้กูเลี้ยงเอง”

“เช้ดดดดดด” ไอ้เดย์มันอุทานแล้วทำหน้าราวกับว่าถูกหวย เอาวะยอมก็ได้ ของรักของหวงผมนี่ครับ ยางลบก้อนนี้มันอยู่เป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากผมตั้งแต่โอเน็ตยันแกทแพท มันทำให้ผมได้เรียนมหา’ลัย ถึงจะโดนไอ้เดย์ด่าว่างมงาย ด่าว่าเชี่ยเกรดอย่างมึงมันนอนมาอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังเชื่ออย่างนั้นแถมตอนสอบมิดเทอมผมยังวางมันไว้บนโต๊ะต่างเครื่องราง ส่วนไอ้ที่ใช้จริงก็เป็นอีกก้อนที่ผมซื้อมาใช้เอง เพราะกลัวหมด ผมไม่เคยใช้มันลบอะไรอีกเลยเพราะฉะนั้นมันก็ยังคงอยู่สภาพเดิมเหมือนครั้งที่สอบผ่านอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

“ยอมรับตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ไอ้ไทม์ถ้ามึงจะชอบน้องเขากูก็ไม่ว่าหรอก เพราะมันจะยิ่งทำให้กูเรตติ้งเพิ่ม”

“แต่เรตติ้งกูจะตกนะสิไอ้สัด ทำไมมึงถึงยอมให้เพื่อนมึงเข้าเส้นทางนั้นง่ายๆวะ”

“เพราะมึงไม่เคยมองใคร มีคนนี้แหละคนแรกที่มึงมองแล้วก็ติดใจมานานกว่าที่เคยติดหญิง แล้วแถมหน้ามึงมันให้...”

“ให้อะไรมึงพูดดีๆ”

“ให้ไปทางนั้นว่ะ”

“เชี่ยเดย์ไหนมึงบอกกูหล่อ”

“มึงหล่อแบบหน้าหวานไง ไม่งั้นมึงคงไม่ตกมาเป็นคู่จิ้นคู่ฟินกับกูหรอกไอ้ไทม์” เถียงไม่ออกครับ ผมกับไอ้เดย์์เมื่อก่อนเรียนอยู่โรงเรียนสหฯ ตอนนั้นผมยอมรับว่าผมดังพอสมควรจนตกเป็นข่าวได้ไม่ซ้ำวันในโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เหล่ากรรมการนักเรียนและพวกสันทนาการรวมหัวกันตั้งขึ้นมาสร้างกระแสหนุ่มหล่อสาวสวยในโรงเรียน แต่ข่าวไหนก็ไม่ดังเท่าข่าวคู่จิ้นระหว่างผมกับไอ้เดย์ที่ชอบมีภาพเก็บตกหลุดๆของผมกับมันมาโพสต์ขึ้นฟีดอยู่เรื่อยแถมยอดไลค์พุ่งจนเฟสบุ๊คแทบระเบิด เพราะดันไปชวนฝันสายวายที่แอบแฝงตัวอยู่ในนั้นและนั่นก็เป็นพันหมื่นเหตุผลที่น้องจิงแฟนไอ้เดย์หยิบยกขึ้นมาอ้างเพื่อเลิกกับมัน

“ไอ้เชี่ยนี่ชอบชงกูให้เข้าสายเหลืองอยู่เรื่อย”

“ถ้ามึงมั่นใจมึงก็ไม่ต้องไหลไปตามกู เท่านั้นจบป่ะ” ไอ้เดย์มันท้า

“เออๆจบๆ” พูดไปก็กลัวใจตัวเอง อย่างที่บอกแหละครับว่าคงไม่บังเอิญขนาดที่ผมจะเจอกับ “แทน” เด็กหน้ามนคนที่ให้ผมยืมยางลบง่ายๆหรอก ประเทศไทยออกจะกว้าง ทฤษฎีโลกกลมไม่น่าจะใช้ได้กับผม แต่ทำไมผมถึงคาดหวังอยู่ลึกๆว่าจะได้เจอ ได้ตอบแทนบุญคุณยางลบครึ่งก้อนมันซักที แม่งสงสัยผมจะดูหนังจีนมากไป ทีหลังต้องหาหนังคลาสิคอีโรติกอะไรมานั่งดูแทนซะแล้ว



ร้านเหล้าที่พวกผมมากันเป็นร้านที่เคยฝากอ๊วกไว้ตั้งแต่ครั้นปีหนึ่งจนมาถึงปีสองก็ไม่เคยเปลี่ยนร้าน ด้วยบรรยากาศไฟสลัวๆสบายๆทำให้ผ่อนคลายนั่งชิลดื่มไปได้เรื่อยๆ ราคาเหล้าก็ถูก อาหารก็อร่อย แถมพี่ดวกเจ้าของร้านยังเป็นกันเองอีก พอมีใครหน้าไหนเมาไม่ยอมกลับบ้านพี่แกก็จะถีบส่งออกจากร้านก่อนเป็นอันดับแรก เพราะกลัวเด็กมันจะเสียคน(แล้วพี่มาขายน้ำเมาทำไมคร้าบบ)

ตอนนี้ผมดื่มผสมร่่วมกับไอ้เดย์ที่กระดกเพียวๆจนหมดไปครึ่งค่อนขวด

“ไอ้เดย์มึงพอได้แล้ว วันนี้มาอารมณ์ไหนวะแม่งดราม่าชิบ” ได้ทีกรึ๊บ ได้ทีกรึ๊บมึงทำข้อสอบไม่ได้หรือไง เทพไทม์อุตส่าห์ติวให้นะเว้ย

“อ้ายทาม เมิงเคยเหนคนมาวล้าวยอมรับว่ามาวม้ายวะ”

“ไม่เคย”

“กูม่ายด้ายมาว กูยางดื่มหวายยยย”

“เออมึงเมา พิสูจน์ให้กูทำเพื่อ”

“เมิงอย่ามาอวดชาหลาด หน้าตาดีม่ายพอเมิงยังจะมาหัวดีอีก แม่งเผื่อแผ่ให้กูม้างงงงงงง” อ๋อที่แท้มันก็ดราม่าเรื่องนี้ ด่าไปไม่กี่ทีทำเอาซึมเข้าเส้นเลยเหรอวะ

“กูไม่ได้ตั้งใจจะสะกิดแผลเป็นมึงหรอกนะ แต่ความทรงจำอะไรที่ไม่ดีลืมได้มึงก็ลืมไปเถอะ ในฐานะเพื่อนคนนึงกูอยากให้มึงได้เจอกับคนใหม่ที่ดีกว่านี้” ถ้าแบ่งสมองกับหน้าตาให้มันได้ผมคงทำไปนานแล้ว ให้มันฉลาดพอที่จะตัดใจจากใครบางคนที่ไม่เคยแคร์มันเลยและให้หน้าตาดีมากพอที่จะมีผู้หญิงเข้าหามันก่อนในฐานะของคนที่จีบใครไม่เป็น ส่วนผมน่ะเหรอถึงหน้าตาดีไปแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำไม ว่าแต่ทำไมผมถึงไม่คิดจะหาแฟนเหมือนมันบ้างวะ สับสนตัวเองชะมัด หรือจะเป็นอย่างที่ไอ้เดย์มันว่า เรื่องที่ผมยังคาใจกับคนที่เจอเมื่อวันสอบอยู่ แต่เฮ้ยผมชอบผู้หญิงนะ เรียนก็เรียนโรงเรียนสหฯ แฟนผู้หญิงก็เคยมีแต่เลิกไปแล้ว กะอีแค่ความประทับใจเรื่องที่ให้ยืมยางลบเนี่ยนะ มันจะทำให้ผมผันตัวเองไปเป็นฝั่งนั้นเลยได้หรือ

จู่ๆผมก็นึกถึงยางลบก้อนนั้นขึ้นมา นึกถึงเจ้าของตัวจริงของมันว่าป่านนี้จะไปอยู่ที่ไหน ตอนที่เจอกับมันตอนนั้นผมอยู่ม.หก อย่างมันก็น่าจะอยู่ม.ห้าเพราะมันหาว่าผมกำลังจะต้องซ้ำชั้นไปสอบพร้อมมัน อย่างนั้นตอนนี้มันก็น่าจะเป็นเฟรชชี่อยู่มหา’ลัยไหนซักที่ ทำกิจกรรมรับน้องจนหัวหมุนอยู่มั้ง อ่าวผมคิดถึงมันทำไมวะ เพลินเลย ผมกระดกเหล้าต่อแก้เก้อ ถ้าผมได้เจอมันอีกครั้งจริงๆผมจะทำยังไง บอกว่าขอบคุณที่ช่วยผมตอนวันสอบอย่างนั้นหรือ ความจริงมันอาจจะจำผมไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ ถ้าผมทักไปมันจะหักหน้าผมโดยการถามกลับว่าผมเป็นใครมั้ย ถ้าอย่างนั้นสู้ไม่ทักดีกว่าหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ทักแล้วมันเสือกจำผมได้ล่ะอย่างนี้ผมไม่ถูกประนามว่าเป็นพวกได้หน้าลืมหลังแย่เลยเหรอ แต่ถ้าผมทักมันไปแล้วมันเสือกจำผมได้อย่างนี้ผมไม่กลายเป็นพวกได้ข้างหลังแล้วลืมข้างหน้าแทนหรอวะ อ้าวเชี่ย ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย คิดถึงแต่เรื่องมันสาดเอ๊ยยยย

“นะนะแทนนะ สุดสัปดาห์นี้ให้จิงไปติวที่ห้องแทนด้วยนะ”

ต้องขอบคุณเสียงนี้ที่ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิดถึงคนที่ผมเจอแค่ครั้งเดียวแต่ยังฝังอยู่ในสมองผมมาจนถึงตอนนี้ แต่ไอ้คนที่โพล่งประโยคนี้ออกมาจะรู้มั้ยว่า “จิง” มันเป็นชื่อต้องห้ามของไอ้เดย์น่ะ!! ไม่ดูกาลเทศะมาพูดชื่อผู้หญิงที่ทิ้งเพื่อนผมไปแบบไม่ใยดีตรงนี้ได้ไงครับเนี่ย ไหนขอดูหน้าหน่อยดิ๊

ผมหันหลังไปตามเสียงหวานๆที่ดังมา ผมชอบบรรยากาศร้านพี่ดวกนะแต่ครั้งนี้คิดว่าไม่ เพราะมันทำให้ผมต้องจ้องหน้าเธอเจ้าของเสียงสวยซึ่งกำลังออดอ้อนผู้ชายคนที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่ ตาผมไม่ได้บอดกลางคืนเลยยังเพียงพอให้ระบุตัวบุคคลที่ผมจ้องได้และก่อนเธอจะไหวตัวทันผมก็รีบหันกลับมาเสียก่อน

“เช้ด บังเอิญโคตร” แทบกลั้นหายใจอุทาน ผมพยายามนั่งตัวตรงใช้เงาหลังของฝ่ายชายมาช่วยบังไม่ให้มีพิรุธ เพราะเธอคนที่ผมเพิ่งหันไปจ้องหน้านั้น....พูดมาถึงขั้นนี้แล้วเรียกชื่อเลยดีกว่าครับ เธอคือน้องจิงแฟนเก่าของไอ้เดย์!!

“โทษทีนะจิง คราวนี้เราขอนะ วิชานี้เราก็กากเหมือนกันถึงต้องให้ไอ้เสาร์มันมาติวให้ไง” ใครกันวะสุดยอดจริง แค่ประโยคเดียวก็เล่นเบนความสนใจของน้องจิงได้จากทุกสิ่ง เค้าแววของเจ้าหล่อนซึ่งมีท่าทีว่าจะมองมาทางนี้หายไปในพริบตา แต่นี่ไม่ใช่เวลามาห่วงความปลอดภัยของตัวเองครับ ผมเหลือบไปมองไอ้เดย์แบบหวั่นๆ สภาพมันที่นั่งโยกเยกไปตามเสียงเพลงคลอช้าๆทำให้ผมรู้ว่าสติมันมีไม่ครบร้อยเลยพลอยทำให้ผมหายใจได้อย่างโล่งอก

“ใจร้าย คนหวงวิชา คนเข้ามาคะแนนท็อปอย่างแทนเนี่ยนะจะติวให้จิงไม่ไหว จิงไม่เชื่อหรอก” จริตมาเต็มสตรีมครับ ร้อยเล่มเกวียนที่ว่าแน่ยังต้องแพ้ให้น้องจิง มาถึงตอนนี้ผมไม่นึกกังขาเลยสักนิดเกี่ยวกับข่าวลือของเธอที่ได้ยินมาจากใครหลายคน ซึ่งตอนแรกผมกับเพื่อนไม่เชื่อ แต่เพราะคำว่าไม่เชื่อเนี่ยแหละเลยให้ไอ้เดย์มันเจ็บช้ำซ้ำหนักมากมายแบบทนรับไม่ได้เมื่อเห็นความจริงด้วยตาตนเอง ก่อนที่ประวัติศาสตร์มันจะซ้ำ ก่อนที่มันจะย้ำรอยแผลเป็นของเพื่อนผมให้กลับมามีเลือดซึมกลัดหนองหมองเหมือนดั่งคลองแสนแสบผมจะต้องทำอะไรซักอย่างที่นี่ตอนนี้และเดี๋ยวนี้

“น้องๆเก็บตังค์หน่อย” จังหวะนี้ต้องไวเข้าสู้ครับ ก่อนที่คำต้องห้ามจะไปสะกิดสติสัมปัญชัญญะของไอ้เดย์ ผมต้องพามันออกไปจากตรงนี้เสียก่อน ผมเตรียมตัวควานหากระเป๋าตังค์ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่บริกรคนนั้นเดินเข้าชาร์ตตัวผมพอดี

“หนึ่งพันสี่ร้อยเก้าสิบบาทครับ” ร้านพี่ดวกรับแต่เงินสด ตัดปัญหาเรื่องการชาร์ตบัตรเครดิต แล้วพี่มันก็เล่นง่ายว่าหาตังค์ยังไม่ได้ก็ห้ามมาแดก บัตรเครดิตที่ได้รับจากพ่อแม่ตามประสาคนมีกะตังค์จึงไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย

“แปบนะน้อง” อยู่ไหนวะ ผมเริ่มใจเสียเพราะคลำหาเท่าไรก็ไม่เจอจนสุดท้ายต้องรูดชิบเป้เปิดแบบเต็มอัตราศึกจนให้ได้พบว่า

“ชิบหายแล้ว” ถึงอุทานว่างั้น แต่ไอ้ที่หายไม่ใช่ชิบนะครับ กระเป๋าตังค์ผมต่างหากเล่า!! อยู่ไหนวะนั่น ผมจำได้ว่าเมื่อตอนกลางวันยังหยิบจ่ายตังค์ค่าข้าวอยู่เลย แล้วมันหายไปไหนวะ!!

“ไอ้เดย์ มึงตื่น มึงเลิกเมาเลย มาช่วยกูก่อน” ผมกระซิบ จากที่โยกเยกยักแย่ยักยันอยู่ดีๆไอ้เดย์มันก็เปลี่ยนมาเป็นสลีปโหมดฟุบลงไปตอนไหนก็ไม่รู้ เล่นหลับสนิทแบบสติหลุดขนาดนี้ต่อให้ลากมันไปถ่วงน้ำก็ยังไม่ตื่นมั้งวะครับนั่น ปล้นแม่งเลยดีมั้ย ว่าแล้วผมก็คว้ากระเป๋าสะพายข้างดามิเย่ของมันมารื้อๆค้นๆดู

เช้ดดดด ทำไมมึงไม่หัดพกเงินสดบ้างวะ บัตรเครดิตทุกธนาคารแม่งมีหมด แต่กะอีแค่เศษสตางค์ซักบาทมันยังไม่มี อย่างนี้ถ้ามึงไปถูกปล่อยเกาะที่ไหนคงไม่ต้องกลับบ้านเลยมั้ง แต่ตอนนี้ปัญหาไม่ใช่เรื่องนั้นแล้วอย่างนี้กูจะเอาที่ไหนจ่าย ไอ้พี่ดวกกูไม่สนิทจะให้กูติดมีหวังพี่มันลากไปเป็นลูกจ้างล้างจานใช้หนี้มันแน่

ผมลุกลี้ลุกลนอยู่พอสมควรจนพนักงานมันคงเริ่มคิดว่าผมกำลังจะตุกติกชักดาบมันแล้วแน่ๆ

“เป็นไรรึเปล่าพี่” มันถามขึ้นมา ไม่เป็นไรแต่กูแค่ไม่มีตังค์ จะให้ผมบอกไปอย่างนั้นได้ไงวะ โดนลากเข้าคุกแน่

“น้องคือ...แบบว่าพี่ขอจ่ายเป็นบัตรเคร....” ไม่ทันจะพูดจบไอ้น้องบ๋อยตัวดีมันก็กวาดดัชนีชี้ไปที่หน้าร้าน
มาทางไหนไปทางนั้น....เอ้ย...ไม่ใช่ มันชี้ให้ดูป้ายขนาดใหญ่หน้าร้านที่เขียนบัญญัติสิบประการให้ทำความเข้าใจก่อนจะมาฝากท้องตับไตที่ร้านนี้ “ข้อสี่” มันไกด์ให้ ผมเลยอ่านตามเหมือนอาจารย์สั่ง “หาตังค์ยังไม่ได้อยากคิดควายๆมาแดกที่นี่” เช้ดดดดกูไม่ได้จะเชิดเงินไม่เห็นต้องด่าจนเสียผู้เสียคนขนาดนี้เลย

“เฮ้ยน้องพี่มีเงินสดจริงๆ แค่ลืมไว้ที่รถเอง ขอพี่ไปเอาแปบเดียว ถ้าไม่เชื่อใจน้องเอาบัตรนิสิตพี่ไปก็ได้” หลักฐานแสดงความเป็นนิสิตนักศึกษาที่มีรูปถ่ายใบหน้าจืดๆเห่ยๆของผมตอนปีหนึ่งปรากฏอยู่ถูกยื่นไปตรงหน้าบริกรน้องน้อย

“โทษทีนะพี่ แต่พี่ดวกเขาคงไม่สะดวกที่จะต้องไปทวงพี่ถึงมหา’ลัยหรอก” แล้วพี่มึงจะเสือกเกิดมาชื่อดวกทำหอกหักทำไมวะ ชื่อดวกแต่แม่งไม่ดวกซักเรื่องพ่อแม่ตั้งมาแก้เคล็ดหรือไงกัน “แต่ถ้าพี่ไม่ได้จริงๆก็ต้องข้อสุดท้าย” เป็นอีกครั้งที่เหลือบไปดูป้ายขนาดยักษ์ซึ่งปักอยู่หน้าทางเข้า เหมือนมีมนต์สะกดให้ต้องอ่านตามเพราะสันดานอดีตเด็กเรียนของผมมันฝังอยู่ในใจ

“แดกฟรีมีได้แค่ครัั้งเดียวแล้วมึงจะเสียวทุกครั้งที่ผ่านร้านกู” แค่นี้กูก็เสียวพอแล้วอีพี่ดวก แล้วร้านเสือกอยู่ใกล้หอผมจะเดินกลับแต่ละทีต้องผ่าน อย่างนี้กูไม่เสียวไปทั้งชาติหรอวะ

เชี่ยแล้วทำไงดีล่ะทีนี้ ผมนึกถึงไอ้แม็คขึ้นมา โทรหามันให้มันมารับ แต่ตอนนี้แม่งอยู่กับแฟนแน่ๆมันจะรับโทรศัพท์มั้ยผมไม่รู้ แต่คนกำลังจะตกหน้าผาฟางเส้นสุดท้ายยังไงก็ต้องคว้าไว้อยู่แล้ว ผมผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหมายมั่นจะหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาเดฟของผมขึ้นมา

แต่ทว่าไอ้บริกรมันดันเสือกโวยวายขึ้นมาก่อนว่า “เชี่ยพี่!!” สิ้นเสียงตะโกนมันคว้าแขนผมข้างที่ล้วงกระเป๋าอยู่อย่างแรงจนทำเอาเสียการทรงตัวเซไปด้านหลัง เช้ดดดดอย่าบอกนะว่ามันคิดว่าผมจะหนีน่ะ!!!


บึ่ก!!

“ว๊าย แทน!!” เป็นเสียงน้องจิงที่อุทานออกมา ซวยแล้วผมเสือกไปกระแทกโดนผู้ชายที่น้องจิงคั่วอยู่ซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังเต็มๆ มือถงมือถือเลยร่วงหลุดมือไปแบบไม่ตั้งใจ ไอโฟนโผมมมมมม จะเป็นไรมั้ยวะ เอาหน้าจอจูบพื้นซะด้วย ผมไม่สนอะไรแล้วรีบก้มลงไปเก็บลูกรักขึ้นมาดูอาการ

เช้ดดดดดดดดด...ขึ้นรอยเป็นริ้วๆเลยครับ น้ำตาจะไหล ทำไมผมซวยอย่างนี้วะ พึ่งถอยมาแท้ๆ แล้วอย่างนี้จะเอาเงินที่ไหนไปถอยเครื่องเกมอันใหม่เนี่ย ระหว่างที่ผมไว้อาลัยให้กับหน้าจอแตกลายงาของลูกรักจู่ๆก็มีเสียงขัดขึ้นมา

“เฮ้ยชนคนแล้วไม่ขอโทษเลยเหรอวะ” เริ่มเข้าใจความหมายของคำว่าดวงขาลงแล้วครับ ช่วงนี้งดซื้อหวย ทายผลบอล ค้าทองเก็งกำไร เล่นไฮโล ถ้าได้อ่านคอลัมภ์ดวงประจำสัปดาห์คงเจอประโยคทำนองว่าคุณจะประสบปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับคนรอบข้างอะไรแบบนั้นอยู่แน่ๆ

“ขอโทษ” ไร้วิญญาณครับ อยากจะหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด นี่กูสร้างศัตรูได้สองทางในเวลาเดียวกันเลยเหรอเนี่ย ไหนจะบ๋อย ไหนจะไอ้คนที่นั่งข้างหลัง ความสามารถพิเศษสัดๆ ตอนนี้ปลงจนแทบไม่อยากเงยหน้าขึ้นมามองไอ้คู่กรณีอีกคนที่โวยวาย แต่ทำไงได้...ผมมีมารยาทครับ ผมเลยเงยขึ้นไปมองหน้าเจ้าของเสียง มันเป็นคนที่นั่งอยู่ขวามือคนที่โดนผมชน ส่วนน้องจิงนั่งอยู่ทางซ้ายมือดูเธอจะพยายามก้มๆเงยๆเอาผ้าเช็ดหน้าตนเองซับเสื้อที่เปียกเหล้าให้อีกฝ่ายอยู่โดยไม่ทันสังเกตเห็นผม

“ขอโทษแบบขอไปทีอย่างนี้จะดีเหรอพี่ เพื่อนผมมันเปียกไปหมดแล้วนะ ตัวแม่งเหม็นเหล้าหึ่งเลย อยู่ต่อก็ไม่สนุกแล้ว” มึงไปโทษไอ้เชี่ยบ๋อยที่มันดึงมือกูดิวะ กูไม่ผิด ชักจะเริ่มพาล แม่งหงุดหงิด ให้กูไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมามึงเลยมั้ย

“เอาน่าไอ้เสาร์ กูไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวกูก็กลับแล้ว ต้องรีบไปอ่านหนังสือต่อด้วย” และแล้วก็เป็นคนซวยอีกคน(นอกเหนือจากผม)ที่พูดขึ้นมาแก้ต่างให้ มันยังคงนั่งหันหลังให้ผม ก้มลงมองเสื้อตัวเองอยู่พักหนึ่งมันจึงเอี้ยวตัวมาให้ผมได้เห็นหน้าตามันชัดๆเต็มสองลูกกะตา

เชี่ยแทน!!

TBC


ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีดีจากหนึ่งคอมเมนต์ >_<
พระเอกเราเป็นรุ่นน้องค่ะ มาทำอะไรวันสอบต้องมาดูกับต่อไป...ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

ขอบคุณสำหรับคนอ่านคนอื่นๆด้วยนะคะ
รักน้า

ยินดีรับฟังทั้งคำแนะนำติชมเพื่อเอาไปพัฒนาต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} ตอนที่1:ทฤษฎีโลกกลม [19/07/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 19-07-2017 23:26:29
ความโลกกลม ความบังเอิญ ~
คิดซะว่าวันนี้เป็นวันแย่ๆที่ยังมีเรื่องดีๆ
อย่างน้อยก็เจอน้องแทนนะพี่ไทม์!!! 55555

สู้ๆน้าาา เป็นกำลังใจให้!
 :mc4:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} ตอนที่1:ทฤษฎีโลกกลม [19/07/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 28-07-2017 18:01:16
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

ตอนที่2 ชลธี เวชสกุล เศรษฐศาสตร์ปีสองครับ


   คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ผมขอกราบอภัยครับที่ดูถูกทฤษฎีโลกกลม วันไหนซักวันนึงผมคงต้องไปขอยืมเรือยอร์ชของไอ้เดย์ที่จอดอยู่รอยัลภูเก็ตอารีน่ามาขับเป็นเส้นตรงไปเรื่อยๆเพื่อพิสูจน์ดูบ้างแล้ว คนอย่างผมที่ไม่เคยคิดดูถูกความทรงจำของตนเองและในเมื่อผมเจอกับตัวตรงหน้า ผมเลยปักใจเชื่อได้ทันทีว่าไอ้คนที่มันพึ่งหันหน้ามา ไอ้คนที่ผมพึ่งทำร้ายมันไปให้เป็นลูกหมาเปียกเหล้า ไอ้คนที่ผมขอโทษมันไปส่งๆเพราะสติไปอยู่กับน้องไอโฟนนั้น มันเป็นคนเดียวกับเด็กม.ห้าที่ให้ยืมยางลบวันสอบแอดมิดชั่น!!

   ดีที่ไม่ใช่พวกปากไปไวกว่าความคิด ผมไม่ได้เผลออุทานชื่อมันออกไปใช่มั้ย ผ่านไปหนึ่งปีแต่ผมยังจำหน้าตาแพ็คเกจรวมพร้อมชื่อมันได้เป็นอย่างดี มันหล่อขึ้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกขอย้ำว่ามาก จากที่เคยหัวเกรียนๆ ตอนนี้ผมมันยาวขึ้นตัดเข้าทรงรับกับใบหน้าเท่โคตรของมัน ในความทรงจำที่มันใส่ชุดไปรเวทเสื้อยืดคอกลมกางเกงขาสั้นวัยใสเปลี่ยนลุคมาดูเป็นผู้ใหญ่ที่ดูโตขึ้นเข้มขึ้นเถื่อนขึ้นเป็นกอง อาจเพราะมันใส่ชุดนักศึกษาแบบไม่ได้ถูกระเบียบอะไรด้วยมั้งเลยเพิ่มดีกรีความดุเข้าไปอีกหลายสเต็ป ผมสังเกตเห็นมันทำตาโตใส่ผมวูบหนึ่ง ก่อนริมผีปากนั้นจะขยับเปล่งเสียงเบาๆ “พี่...”

   เฮ้ย...มันเรียกผมรึเปล่าวะ

   “ตกลงพี่จะเอายังไงครับ” อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ไม่ใช่เสียงมันครับ เป็นไอ้คนที่มันยังยืนทวงค่าเหล้ากับผมอยู่ ชักอยากจะรู้ชื่อจริงไอ้พนักงานร้านพี่ดวกซะแล้ว บทเยอะสัดกูเรียกลำบาก

   “ก็พี่จะไปเอาเงินน้องก็ไม่ให้ไป พอพี่จะใช้บัตรเครดิตน้องก็บอกไม่รับ แล้วพอจะให้บัตรนิสิตเป็นตัวประกันไว้น้องก็ไม่เอา อย่างนี้จะให้พี่ทำยังไงล่ะ” ตกลงกูต้องขายตัวใช้หนี้มึงใช่มั้ยไอ้ห่านี่

   “พี่ก็ไปเรียกให้เพื่อนพี่มาจ่ายให้ดิ” นี่เป็นท่าทีที่พนักงานแสดงต่อลูกค้าหรือวะครับนั่น พอเห็นว่ากูไม่มีตังค์แม่งก็เปลี่ยนท่าทีเลยนะ ผมขึ้นครับ ผมขึ้น

   “ก็พี่กำลังจะโทรแล้วน้องก็มาดึงมือพี่เนี่ย ดูดิ๊มือถือพี่พังหมดแล้วเห็นมั้ย น้องว่ามันคุ้มกันหรือกับการที่พี่จะเชิดเงินแค่พันกว่าบาทเพื่อมาแลกกับค่าซ่อมมือถือเนี่ย อีกอย่างพี่ไม่ได้รวยขนาดคิดจะถอยใหม่วันนี้วันพรุ่งก็ถอยได้หรอกนะ พี่ก็คนๆหนึ่งที่ยังไม่มีงานทำไม่มีรายได้ พี่รู้จักคุณค่าของเงินพอพอกับน้องเนี่ยแหละ แล้วอย่าถามว่าทำไมรู้แล้วถึงยังเอาตังค์มาเสียกับค่าเหล้า บางทีคนเรามันก็เหนื่อยเป็นเปล่าวะ เพิ่งสอบมิดเทอมเสร็จอยากคลายเครียดบ้างไม่ได้หรือไง แล้วถ้าพี่ไม่ได้มาเป็นลูกค้าประจำร้านน้องเงินมันจะหมุนไปทางไหน ถึงตอนนั้นน้องก็จะขาดรายได้เงินเดือนลด ร้านเจ๊ง อย่างนี้มันโอเคแล้วหรือวะ” เล่นแช่งไปถึงร้านพังร้านล้มละลายเลยครับ ถ้าไอ้พี่ดวกมันมาได้ยิน คงไม่ได้จบแค่โดนลากไปหลังร้านเพื่อล้างจาน แต่มันคงทั้งเตะทั้งถีบส่งผมออกนอกร้าน แถมยังน่าจะโดนขึ้นแบล็คลิสต์แบนไม่ให้เข้าร้านนี้อีกแน่ๆ ผมก็ไม่รู้นะว่าผมจะพูดไปให้มันได้อะไร ในเมื่อผมก็ไม่มีตังค์จ่ายอยู่ดี ผมเข้าใจน้องมันนะ มันเป็นแค่พนักงานร้านจะไปตัดสินอะไรได้ ในเมื่อลูกพี่มันสั่งมันก็ต้องทำตาม กฎเป็นกฎ ร้านก็เป็นร้านของไอ้พี่ดวกมัน

   “พูดได้ดีนี่ แต่เล่นแช่งถึงให้ร้านกูพังก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ” เช้ดดดดดดด วงแตกครับ คนที่ผมพาดพิงถึงโผล่มาแบบไม่ได้จุดธูปอัญเชิญ ไอ้พี่ดวกครับ มันเดินมาตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ถ้าให้เดาก็คงเป็นตอนที่เริ่มมีเรื่องเอะอะโวยวายจนถึงตอนที่ผมเริ่มด่าร้านมันตั้งแต่ต้นจนจบประโยคเนี่ยแหละ

   “พี่ดวก” เด็กมันเรียกชื่อลูกพี่มันราวกับขอความช่วยเหลือ

   “มึงไม่ต้องยุ่งตรงนี้แล้วไปทำงานต่อไป เดี๋ยวกูจัดการเอง ไอ้นี่มันมากินบ่อยกูเห็นประจำ” พูดเสร็จไอ้บ๋อยมันก็รีบเดินจากไปทันที โอยยยประทับใจโว้ยย ไอ้พี่ดวกมันจำหน้าลูกค้าร้านมันได้ด้วย แต่ลูกค้าแม่งมีเป็นสิบเป็นร้อยมึงจำกูได้ไงวะ สงสัยกูหล่อ

   “ชลธี เวชสกุล คณะเศรษฐศาสตร์ ปีสอง” บัตรนิสิตผมตกไปอยู่ในมือมันตอนไหน

   “มิน่าล่ะถึงมีเงินหมงเงินหมุน มึงก็คิดได้นะว่าร้านกูจะเจ๊งกะอีแค่มึงไม่จ่ายตังแค่คนเดียวน่ะ ทีหลังจ้างให้มึงมาบริหารร้านแทนกูดีกว่ามะ” เฮ้ยพี่แม่งนิสัยโคตรนักเลง ตอบไงดีวะทีนี้

   “พี่ให้ค่าจ้างเท่าไร ถ้ามากพอผมก็จะพิจารณา” เช้ดผมเล่นกับพี่มันทำเพื่อ เหมือนขายตัวใช้หนี้ของแท้เลยครับคราวนี้

   “พันสี่เก้าสิบขาดตัว” ค่าตัวกูถูกเท่าค่าเหล้ากับค่ากับแกล้มเลยเหรอวะ

   “ให้มึงมายืนเรียกลูกค้าหน้าร้านก็น่าจะเรียกลูกค้าหนุ่มๆสาวๆได้ตรึม”

   “สรุปจะให้มาบริหารหรือให้มาเรียกแขกกันแน่” เรียกสาวพอเข้าใจ แต่ให้เรียกหนุ่มเนี่ยกูงง

   “เคยได้ยินชื่อมึงจากพวกเด็กแถวนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนเดียวกับที่มาร้านกูบ่อยๆ มึงชื่อเล่นอะไรนะ” คิดว่าความดังของผมจะจบลงนับตั้งแต่ม.ปลายซะอีก ไม่คิดว่าตัวเองจะดังมาจนถึงปีสอง แถมดังลามมาถึงร้านเหล้าแถวหอ ยิ่งกว่านั้นคือพี่ดวกมันรู้จักชื่อจริงผมแต่ไม่เคยจับคู่กับหน้าตาได้

   “บอกไปแล้วพี่จะปล่อยให้ผมกลับไปเอาตังค์มาจ่ายรึเปล่า”

   “ถ้ามึงแถมเบอร์ให้กูโทรตาม กูให้มึงติดได้หนึ่งอาทิตย์เลย” นี่มันเจรจาต่อรองหนี้กันหรือไงวะ ขอผ่อนจ่ายวันเดียวแต่พี่มันให้ผมยาวไปถึงอาทิตย์หน้า โคตรสิทธิพิเศษเลยว่ะ

   “ผมชื่อไทม์...ส่วนนี่เบอร์โทร” ช่วงจังหวะที่ผมเอามือถือขึ้นมากดเพื่อดูเบอร์โทรใหม่ที่ยังจำไม่ได้ซักเท่าไร ไหล่ข้างซ้ายก็โดนมือผีดึงไปด้านหลัง ถามว่าตกใจมั้ยตกใจดิครับ ก็จู่ๆไอ้คนที่มาดึงความสนใจผมไปตอนนี้ดันเป็นคนเดียวกับที่เงียบไปนานเพราะโดนฉากทวงตังค์ผมมาขัด


   “ยืมเงินผมก่อนมั้ย” เสียงหล่อๆของไอ้แทนดังข้างหูผม ผมเอี้ยวหัวกลอกตาไปดูหน้ามัน นี่มันถามผมหรือถามพี่ดวกวะ ก็ดูมันดิจ้องหน้าพี่ดวกเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ความหมายของข้อความในประโยคกลับกำลังเหมือนถามผมที่เดือดร้อนเรื่องเงินสดอยู่

   “ไอ้สัดแทน เอ็งไปเสือกเรื่องคนอื่นทำไมวะ” ไอ้เสาร์เอาหลังมือตีเพื่อนมันผัวะ แปลกใจกับพฤติกรรมของเพื่อนมันสุดตีน อย่าว่าแต่มันเลยผมก็โคตรงง ไม่รู้จักมักจี่กันแต่เสือกมาให้ยืมตังค์ง่ายๆ รอให้ผมรวยเท่าไอ้เดย์ก่อนผมถึงจะทำ

   “ผมเรียนอยู่ที่เดียวกับพี่ ถ้าจะเอาคืนผมไปหาพี่ที่คณะเมื่อไรก็ได้ ผมสะดวก” ชื่อเล่นชื่อแทน ชื่อจริงชื่อสะดวกใช่เหรอวะ โดยไม่รอคำตอบมันควักแบงค์พันกับแบงค์ห้าร้อยขึ้นมาอย่างละใบส่งให้พี่ดวก

   “สิบบาทไม่ต้องทอนก็ได้ครับ”

   พี่ดวกมันยกยิ้มที่มุมปากข้างหนึ่ง “แฟนคลับเยอะนะมึง” ไม่ทันคิดว่าพี่มันแซว ผมสลับมองหน้าพี่ดวกที ไอ้แทนที ทั้งๆที่ผมยังไม่ทันตอบตกลงมันก็ชิงจ่ายไปซะก่อน ไอ้พี่ดวกเลยสลับเอาบัตรนิสิตของผมไปเสียบอยู่ระหว่างนิ้วกลางกับนางด้วยมือเดียวอย่างกับเล่นกลไพ่ แม่งเท่สัด แล้วยื่นมือข้างนั้นไปรับเงิน แต่มันไม่จบแค่ตรงนั้นเนี่ยดิ จังหวะที่จ่ายตังค์ไอ้แทนเสี่ยหนุ่มป๋าเลี้ยงของผมกลับหนีบบัตรหน้าเห่ยกลับคืนมาด้วย เหมือนมันต้องใช้แรงดึงพอสมควรกว่าจะได้กลับมาไม่งั้นมือไอ้เชี่ยแทนมันไม่ตวัดขนาดนั้นหรอก

   “อ่ะ” มันกลายเป็นฮีโร่มัยซินของผมไปแล้วครับ ผมรับบัตรประจำตัวนิสิตมาจากแทนแล้วรีบยัดใส่กระเป๋าเสื้อ ตลอดเวลาก็รู้สึกถึงพี่ดวกที่หรี่ตามองมาอย่างมีเลศนัย พี่แกเอาเงินที่ได้จากไอ้แทนโบกไปมานิดก่อนพูดออกมา

   “โอเคจบ กูไปแล้ว คราวหน้าอย่าลืมแวะมาอุดหนุนอีก” แล้วไอ้พี่ดวกก็จากไปจัดการร้านตามเรื่องตามราวตามประสาเจ้าของร้านต่อแต่ยังไม่วายตะโกนเรียกพนักงานเสิร์ฟแถวนั้นให้เอาเหรียญสิบมาทอนไอ้แทน

   “มึง กูขอบใจนะที่ช่วย” ซึ้งวะ อย่างนี้ล่ะนะเขาถึงบอกว่า เพื่อนแท้มักจะปรากฏตัวในยามที่เราลำบากไม่เหมือนไอ้เพื่อนเดย์ ไว้รอมึงฟื้นกูจะเอาคืนให้มึงพูดไม่ออกเลย “แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำตัวมึงเปียก” ผมเพิ่งเห็นสภาพมันชัดๆก็ตอนนี้ เพราะมันยืนเต็มความสูงหันมาที่ผม เสื้อนักศึกษาเป็นคราบเหล้าเห็นได้ชัดโชคยังดีที่เป็นกางเกงสแล็คสีดำไม่งั้นคงมีคนคิดว่ามันไปฉี่ราดที่ไหน

   “ไม่เป็นไรหรอกพี่ เดี๋ยวผมกลับแล้ว พี่ก็กลับดีดีล่ะอย่าปล่อยให้พี่ดวกมันมาขอเบอร์ขอตังค์อีก” พี่ดวกหรือสัมภเวสีวะนั่น เตือนกูให้ระวังซะจนกูเกือบไม่กล้าเข้าร้านนี้รอบสอง

   “เออจริงดิ งั้นกูให้เบอร์มึงแทน” ไอ้แทนหน้าเหวอเลยครับ อ้าวนี่ผมพูดอะไรผิดเหรอ

   “ให้ผมเพื่อ” ให้มึงไปแทงหวยมั้ง ถามมาได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไปเพื่อ

   “แม่งอ่อยเบอร์แรง” ไอ้เสาร์มันอยากมีบท มันเลยยื่นปากเข้ามาแทรก แต่ละคำที่มันพูดไม่เข้าหูผมซะเลย นี่เกลียดกันมาแต่ชาติปางไหนรึเปล่าวะ

   “กูจะคืนเงินไอ้แทน คิดได้ว่านะกูอ่อย กูไม่ใช่เกย์เว้ย”

   “แล้วไอ้ที่นอนตายอยู่ข้างๆไม่ใช่คู่หูพี่เหรอ” มาซะตรงประเด็น ไอ้เดย์กับผมที่มีข่าวคลุกวงในกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่ไอ้เสาร์เพื่อนไอ้แทนมันรู้ได้ไงวะ แสดงว่าพวกผมแม่งโคตรดังมากเลยอ่ะดิ

   “ไอ้เดย์มันเพื่อนกู” ถึงแม้ตอนนี้กำลังจะไม่นับมันว่าเป็นเพื่อนแล้วก็ตาม

   “กลับกันได้หรือยังอ่ะแทน” เสียงที่แทรกขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหนครับ แต่เป็นน้องจิงที่ยืนฟังอยู่นานแบบไม่มีบทให้เธอแทรกเข้ามาและเธอก็คงจะรำคาญพอสมควรที่ทำให้การดื่มครั้งนี้มีอันต้องสะดุดเพราะเรื่องของผม ไม่งั้นคงไม่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขนานนั้น แต่พอเธอเริ่มตวัดสายตามามองหน้าผมเท่านั้นแหละตะลีตะลานก้มหน้าขยับตัวไปซ่อนหลังไอ้แทนแทบไม่ทันทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่า...เออแฮะคนที่ควรจะหลบหน้าต้องเป็นฝ่ายน้องเขามากกว่าไม่ใช่พวกผม

   “ไปกันเหอะ ไอ้แทน กูหมดสนุกแล้วกลับไปอ่านหนังสือหอมึงต่อก็ได้” ขอโทษว่ะที่ทำให้พวกมึงหมดสนุก ใช่สิกูผิดเอ๊งงงงง ที่ทำกระเป๋าตังค์หาย เฮ้ย!!จริงด้วยสิกระเป๋าตังค์ ผมรีบก้มลงไปมองหาที่พื้นอย่างไวเผื่อบางทีอาจเผลอนั่งแล้วทำตกอยู่แถวนี้ แต่กวาดสายตามองกี่ทีก็ยังไม่เห็นมีวี่แววของมัน ผมเลยตัดใจแล้วรีบลุกขึ้นจนแอบหน้ามืดเซไปนิดนึงโชคยังดีที่ยันแขนไว้กับเก้าอี้ทัน

   “แล้วพี่จะกลับยังไง บ้านพี่อยู่แถวไหน” ผมหันหัวไปมองคนที่ถาม อ้าวไอ้แทนยังอยู่อีกเหรอ ผมคิดว่าพวกมันจะทิ้งผมแล้วกลับกันไปแล้วเสียอีก

   “กูอยู่หอ ไอ้เดย์มันขับรถมา” ผมพยักเพยิดไปทางศพไร้ญาติที่หลับเป็นตายคาโต๊ะอยู่ ไอ้แทนมันมองตามอย่างประเมินกระพริบตาปริบๆได้ซักพักก็เริ่มหันมาซักผมต่อ

   “พี่ดื่มไปกี่แก้ว” ผมเลิกคิ้วสงสัย มันอยากรู้ไปทำไม

   “ดื่มแบบผสมไม่เท่าไรเอง” แค่ครึ่งค่อนขวดครับ ความจริงผมกับไอ้เดย์ดื่มพอๆกัน แต่ผมมันคอแข็งมาแต่ไหนแต่ไร เหล้าเลยไม่เคยล้มผมได้เสียที

   “เอากุญแจรถมา” มันว่าพร้อมแบมือยื่นใส่ผม

   “หา?”

   “ผมบอกว่าให้เอากุญแจรถมา บ้านพี่ไม่เคยสอนหรือไงว่าเมาไม่ให้ขับ”

   “แล้วทำอย่างกับมึงไม่เมา”

   “แก้วแรกของผม เป็นแก้วเดียวกับที่มันเปื้อนเสื้อผมอยู่ตอนนี้แหละ” โอ๊ยโดนกัดเจ็บจี๊ดๆ “เพราะฉะนั้นต่อให้โดนตำรวจจับไปเป่าแอลกอฮอล์” ฟิ้ว สายลมผ่านหน้าผมไปเบาๆ “ศูนย์มิลลิกรัมเปอร์เซนต์” แทนยกยิ้มขณะที่ให้ผมพิสูจน์กลิ่นของลมหายใจ ปากมันหอมได้อีกแบบที่หาเศษหมาเน่าตายซักตัวยังไม่เจอเลยมั้ง

   “กูพี่มึงนะ มาป่งมาเป่าลมอะไรใส่หน้ากู เดี๋ยวก็เป่าคืนซะนี่”

   “ฮ่าฮ่า หน้าพี่เหมือนจะเป่ากระสุนใส่ผมซะมากกว่า” ถ้ามึงตายอันดับผู้ชายหน้าตาดีบนโลกนี้คงขยับขึ้นอีกหลายคน   “มา เดี๋ยวผมขับไปส่ง หอพี่อยู่ไหนล่ะ”

   “อยู่ประตูเอก แต่ไอ้เดย์หอมันอยู่ฝั่งประตูโท” ไอ้แทนมันทำท่าครุ่นคิดแล้วหันไปมองหน้าเพื่อนมัน ทันทีที่สบตา ไอ้เสาร์มันก็ยกมือขึ้นมาชี้หน้าไอ้หล่อสัดรัสเซียอย่างรู้ทัน

   “ไอ้เชี่ยแทนมึงอย่าบอกนะ”

   “ไอ้เสาร์ กูฝากเพื่อนพี่มันได้ป่ะ”

   “เฮ้ยแล้วทำไมกูต้อง...” ไอ้โย่งมันโวยวายทันที

   “มึงอยู่หอเดียวกับมัน”  ผมสะดุดเล็กๆกับการที่แทนเรียกไอ้เดย์ว่ามัน “แล้วดูท่าว่าคนที่จะแบกมันขึ้นห้องได้ก็มีแค่มึง”

   “มันใช่เหตุผลป่ะ”

   “พี่เดือดร้อนน้องต้องช่วย” โหยพูดแบบนี้มึงเอาเกียร์กูไปเลย กูรับมึงเป็นน้องนับตั้งแต่วันนี้...อ้าวไม่ใช่เหรอ เออลืมไปผมอยู่เศรษฐศาสตร์ แต่ให้พูดก็พูดเถอะผมเกรงใจมันนะ ถ้าเป็นไอ้แทนคนเดียวผมพอยอมรับความหวังดีจากมันได้เพราะดูมันเต็มใจจะช่วย แต่กับเพื่อนมันดูจะไม่ใช่

   “เฮ้ย ไม่เป็นไรจริงๆกูกลับเองได้ พวกมึงกลับไปเถอะ” ก่อนอื่นต้องแบกไอ้หมานี่ขึ้นมาก่อนสินะ “ไอ้เดย์มึงลุก” ผมเอาตีนเขี่ยมันเบาๆก่อนเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเมื่อเห็นมันไม่ขยับ “ไอ้เชี่ยนี่” เวรมหาตะไล กูต้องแบกมึงกลับหอจริงๆใช่มั้ย

   ไม่ทันไรดูเหมือนแทนมันจะไม่ทนอีกต่อไป มันเลยฉุดแขนไอ้เดย์ขึ้นมาพาดคอมัน เพื่อนผมแม่งตัวเตี้ยกว่ามันท่าทางเลยดูเหมือนคนช่วยเหลือจะต้องรับน้ำหนักไปเต็มๆ

   “กุญแจ”

   “...”

   “ผม บอก ว่า กุญแจ” ดูมันเน้นแต่ละคำ เผด็จการ ฮิตเลอร์ นาซีกลับมาเกิด เฮ้ยผมไม่ได้กลัวนะแต่...

   “เอ้านี่ กุญแจ” ล้วงจากกางเกงเป้าตุงดุ่งดุ๊งของไอ้เดย์อย่างไว พอได้ของเสร็จมันก็ลากไอ้เดย์เดินนำลิ่วออกไป แต่เหมือนแผ่นสะดุดเมื่อมันเดินมาจนถึงทางเข้าหน้าร้าน ไอ้แทนยืนค้างอยู่ตรงนั้น

   อ้าว...อย่าบอกนะมึงเปลี่ยนใจไม่อยากไปส่งกูแล้ว

   “รถเพื่อนพี่คันไหน” เออ...ลืมบอกมัน แล้วดันเสือกเดินนำมาเลยนะมึง ทำอย่างกับรู้ ผมก็ว่าใครมันจะไปตรัสรู้ว่าเป็นคันไหนกับการแค่ได้กุญแจรถวะ

   “ซีอาร์วีสีดำ โน่นคันโน้น” ผมชี้ไปที่รถของไอ้ลูกเศรษฐี ความจริงป๊ามันเสนอว่าจะถอยคันที่แพงกว่าให้เนื่องในโอกาสที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่ไอ้เดย์มันกลับไม่เอาด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากเด่น ถ้ามันเชื่อป๊าป่านนี้หรือขี้คร้านเด็กอักษรจะวิ่งตามเด็กสาธิตจะคลานเข่าเข้ามาขอสมัครเป็นตุ๊กตาหน้ารถแทนล่ะสิไม่ว่า พอรู้พิกัดไอ้แทนมันก็เดินนำดุ่มๆมาจนถึงรถ

   “ผมขออนุญาตให้เพื่อนผมขึ้นรถนะ”

   “นิมนต์คร้าบบบบ” กุญแจอยู่ที่ใครสิทธิ์ขาดก็เป็นของคนนั้นอยู่แล้วครับ

   “หึ...กวน” เฮ้ยมันด่าผมเหรอ นี่ผมเป็นรุ่นพี่มันนะ เอาวะเห็นแก่บุญคุณไม่ถือสาก็ได้ ว่าแล้วผมก็เดินมาเปิดประตูเบาะหลังแล้วกำลังจะก้าวขึ้นรถ “เฮ้ยพี่ทำอะไรอ่ะ”

   “รีดผ้ามั้ง ถามมาได้ ก็กำลังจะขึ้นรถอ่ะดิ หรือมึงจะไม่ส่งกูแล้ว”

   “เปล่า มานั่งหน้าดิ ผมจะไปส่งที่หอประตูโทก่อน ประตูเอกมันก็หอผม พี่จะได้ไม่กังวลว่าผมจะส่งเพื่อนพี่ถึงที่มั้ย แล้วก็จะได้ไม่ต้องห่วงว่ารถจะหายด้วยไง ผมมันเป็นพวกรู้จักจัดลำดับความสำคัญอยู่แล้ว” น้องจิงที่กำลังเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับถึงกับสะดุ้ง เธอหันมามองหน้าผมอย่างแค้นเคืองแต่ก็พูดอะไรไม่ออกต้องยอมสลับที่กับผมเพราะคนสั่งดันเป็นไอ้แทน

   พอมันจัดแจงให้น้องจิงนั่งริมแล้วดันคนเมาเข้าไปนั่งกลางตามด้วยไอ้โย่งเสาร์เสร็จ มันก็ออกรถโดยมีผมนั่งข้างคนขับ ระหว่างทางในรถเงียบมากเงียบจนผมทนไม่ไหวต้องเอื้อมมือไปเปิดวิทยุฟัง แล้วเหลือบตามองไปเบาะหลังเป็นระยะเพื่อดูอาการเพื่อน ถนนทางไปหอไอ้เดย์ก็เรียบดีขาดแต่มีลูกระนาดเยอะไปหน่อยทำคนเมาโยกไปซ้ายทีขวาทีจนน้องจิงต้องขยับตัวหลบแทบชิดกระจกแบบรังเกียจ เฮ้ยนั่นแฟนเก่านะเว้ยแฟนเก่า อย่าบอกว่าจำผมได้แต่เสือกจำแฟนเก่าตัวเองไม่ได้น่ะ สุดท้ายไอ้โย่งมันก็ทนดูผู้หญิงทรมานไม่ได้เลยต้องดันหัวทุยๆของไอ้เดย์มาอิงไหล่มันด้วยท่าทีไม่ค่อยเต็มใจซักเท่าไร จนในที่สุดช่วงเวลาแห่งความอึดอัดใจก็จบลงรถขับมาถึงหอประตูโทได้อย่างสวัสดิภาพ พอจอดปุ๊บน้องจิงก็ลงจากรถปั๊บแถมเดินกระแทกส้นเท้าขึ้นตึกไปแบบไม่เอ่ยคำอำลา ส่วนไอ้เสาร์มันยังคงนั่งนิ่งอยู่บนรถ

   “นี่ตกลงมึงจะให้กูไปส่งไอ้นี่จริงๆเหรอ” ไอ้คนเมาไม่รู้เรื่องอะไรยังคงนอนซบไหล่ไอ้เสาร์อยู่

   “จริงดิ กูจะโกหกมึงทำเพื่อ คนนอกหอเข้าได้ซะที่ไหน หอนี้แม่งเขี้ยวจะตาย” เขี้ยวแต่ถ้าคนในหอพามาจนเข้าๆออกๆบ่อยชนิดที่เรียกว่าป้าคุมหอจำได้ก็อีกเรื่อง “ห้องเพื่อนพี่เบอร์อะไร” ไอ้แทนมันหันมาถามผม

   “สองสองสี่”

   “ท่องสูตรคูณทำเพื่อ”

   “เชี่ยนี่ กูบอกเบอร์ห้อง ห้องไอ้เดย์มันห้องสองสองสี่”

   “ผมล้อเล่นน่ะ” มันยิ้มทั้งตา กวนตีนสัด แต่บวกกับหน้าตามันแล้วผู้หญิงคงให้คำจำกัดความว่าหล่อตี๋ขี้เล่นสินะ    “มึงไม่ต้องไปส่งเพื่อนกูหรอก เดี๋ยวกูแบกมันขึ้นไปเอง”

   “แบกไหว?”

   “ไหว”

   “ไม่กลัวรถหาย”

   “มึงก็ส่งพวกกูแค่นี้แหละ เดี๋ยวกูค้างห้องไอ้เดย์” ไอ้แทนมันหุบยิ้มทันที หน้ามันดูเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

   “เงินพันห้าพี่ยังไม่คืนผมเลยนะ” ผมลืมไปเสียสนิท อ้อมิน่าล่ะไอ้แทนมันคงคิดว่าผมจะไม่คืนมันแหง มันถึงได้ทำคิ้วผูกโบว์ขนาดนั้น แล้วกระเป๋าตังค์ผมก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนยังไงก็ต้องกลับไปเอาเงินที่หอมาคืนมันก่อนอยู่ดี

   “เออเออก็ได้กูฝากเพื่อมึงด้วยละกัน นี่กระเป๋าไอ้เดย์ กุญแจห้องมันอยู่ช่องหน้า” ผมยื่นดามิเย่ให้ไอ้เสาร์ที่อยู่เบาะหลัง ส่วนมันก็รับไว้แบบไม่ค่อยจะเต็มใจซักเท่าไร พอปล่อยสองคนลงไปเสร็จ ไอ้แทนมันไม่รอช้าขับรถมุ่งหน้าไปยังหอประตูเอกทันที แต่คราวนี้บรรยากาศในรถเปลี่ยนไปเพราะมันเริ่มชวนผมคุยตลอดทาง

มีต่อ...

หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่2:ชลธี เศรษฐศาสตร์ปี2[28/07/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 28-07-2017 18:06:36

   “ห้องพี่อยู่ตึกไหน”

   “ตึกแปด”

   “ทำไมไม่ยักจะเคยเห็นหน้า ผมอยู่ตึกสองน่ะ แต่ชอบไปเล่นบาสบ่อยๆที่สนามกลาง ใครผ่านไปผ่านมารู้จักหมด”

   “มึงก็เว่อร์ เด็กหอนี้มีตั้งเป็นร้อย จำหน้าได้หมดกูก็ยกให้เป็นไอนสไตน์แล้ว แต่ไม่ยักรู้นะว่าอยู่หอเดียวกัน”

   “จริงเหรอ ผมออกจะดัง” จากการพูดคุยกันเป็นครั้งแรกที่ทำให้ได้รู้ว่าไอ้แทนมันหลงตัวเองชิบ คนหน้าตาดีในหอนี้มีเยอะแยะครับ แต่เหมือนจะพอได้ยินข่าวลือหนาหูตอนช่วงเปิดเทอมใหม่ว่ามีเด็กหน้าตาดีถึงขั้นพอที่จะเป็นตัวเก็งเดือนมหา’ลัยเข้ามาอยู่ที่หอ ดูจากหน้าตามันก็มีส่วนเข้าเค้าเหมือนกัน

   “แทนสุรบถ”

   “หา” ผมอ้าปากหวอ จู่ๆมันก็พูดวลีอะไรขึ้นมาไม่รู้

   “ไม่ต้องทำหน้าเอ๋อขนาดนั้นก็ได้พี่ สุรบถน่ะชื่อจริงผม ผมเรียนอยู่วิศวะอุตสาหการปีหนึ่ง คนชอบเรียกว่าแทนสุรบถน่ะเอาไว้ระบุตัวบุคคล เพราะชื่อแทนมันแอบโหล” หน้าตากูเหมือนหม่ำ จ๊กมก หรือเท่ง เถิดเทิง หรือไงวะ เอะอะเห็นหน้าก็หัวเราะ มองหน้าก็ยิ้ม หรือมันกำลังดูถูกคนที่หล่อน้อยกว่าที่ชอบหลุดหน้าตาไม่ดีออกมาให้เห็นเป็นประจำหรือเปล่าวะ

   “พี่เรียนอยู่เศรษฐศาสตร์ใช่มั้ย”

   “ก็เห็นบัตรนิสิตไปแล้วไม่ใช่เหรอ” อย่ามาเนียน ผมรู้ว่ามันแอบดูบัตรนิสิตผมแวบหนึ่งก่อนที่จะส่งคืนให้ผม ถ้ามันเป็นพวกจำแม่นจริง ตอนนี้มันคงรู้รหัสนิสิต ชื่อนามสกุล คณะที่เรียนรายละเอียดทุกอย่างของผมจนครบไปแล้วล่ะ

   “ก็ถามดูเพื่อความแน่ใจน่ะ” เพื่อความแน่ใจอะไรวะ เฮ้ยอย่าบอกนะว่า...

   “นี่มึงไม่เชื่อใจกูใช่มั้ย” คราวนี้ผมดึงความสนใจมันได้เต็มๆ จากที่มองมาทางผมด้วยหางตาเป็นระยะแต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าต้องหันหัวมาทางผมทุกหนึ่งวินาที

   “นี่พี่พูดเรื่องอะไรน่ะ”

   “ไม่ต้องมาทำไก๋ ถ้าจะไม่เชื่อใจกันขนาดนี้ก็บอกมาตรงๆดิวะ ไม่เห็นต้องมาหลอกถามเลย”

   “เฮ้ย นี่ผมเริ่มงงแล้วนะ ผมไปทำอะไร ไปหลอกถามอะไรพี่”

   “ก็มึงเน้นถามคณะกูซะ”

   “แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ”

   “เกี่ยวอะไรด้วยนี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ โธ่เว้ย...ไม่รู้แล้ว เมื่อไรจะถึงหอวะ นี่มึงรีบๆเหยียบเลยนะ กูจะได้รีบๆเคลียร์ให้มันจบๆไปเสียที”

   “เคลียร์อะไรของพี่ แล้วจะให้ผมรีบได้ไง พี่ไม่เห็นเหรอทางข้างหน้ามันมืดจะตาย ขับเร็วๆอันตรายนะ”

   “มึงเหยียบไปเหอะน่ะ พอถึงหอแล้วมึงก็ขึ้นห้องไปกับกู ไปเอากันให้จบ”

   เอี๊ยดดดดดด!!

   แทบทิ่มไปคอนโซลรถด้านหน้าเลยครับ จู่ๆไอ้แทนมันนึกครึ้มอะไรไม่รู้เสือกเหยียบเบรคกะทันหัน ด้านหน้าก็ไม่มีรถจอดซักคัน แถมเงาหมาแมววิ่งตัดหน้ารถก็ยังไม่มีซักตัว

   “เชี่ยแทน!! กูบอกให้มึงเหยียบคันเร่งไม่ใช่เบรค” ผมร้องลั่น ดีที่เข็มขัดนิรภัยช่วยชีวิตไว้ได้ทัน ไม่งั้นดั้งผมได้ยู่แน่

   “ก็พี่แม่ง พูดอะไรแปลกๆ”

   “กูพูดอะไรแปลก”

   “ก็พี่บอกว่าให้ขึ้นห้องไปเอากันให้จบๆไงเล่า!!”

   “...” แมลงวันบินเข้าปากตายไปสามตัว

   เช้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มันคิดอะไรอยู่ฟระเนี่ย คิดแบบว่าทำเอาผมหน้าขึ้นสีจินตนาการตามไปถึงไหนต่อไหน

   “กะ กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นี่มึงคิดอะไรของมึงเนี่ย ทะลึ่งชิบ” พลังมโนแม่งมีอนุภาคทำลายล้าง ดีที่ผมไม่เป็นโรคโลหิตจาง ไม่งั้นมีได้มีเข้าสภากาชาดขอรับบริจาคเลือดกรุ๊ปเอวี...เอ๊ยเอบีไปแล้วครับ

   “อ้าว...ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนนะ” ไอ้แทนมันท้วง

   “เอ็งแหละที่เริ่ม ตอนกูพูดกูยังไม่ทันคิดเลย เสือกทำให้กูคิด”

   “...” ไอ้แทนมันทำตาโตมองผม

   “ไม่ต้องมาเงียบเลย มึงก็รู้นิสัยผู้ชาย”

   “ผมรู้...แต่พี่จินตนาการกับผมเนี่ยนะ”

   “...” สตั้นสิบวิ...เช้ดดดดดดดดดดด “กูเปล่า!!”

   “ก็พี่พึ่งพูดอ่ะ”

   “มึงหยุดพูดเลย” ผมทำกระฟัดกระเฟียดเอื้อมมือไปจับที่เปิดประตูรถกะจะหนีออกมาเดินเล่นข้างนอก แต่ประตูดันเสือกเปิดไม่ออก กระชากแล้วดันอยู่สองสามทีด้วยความหงุดหงิด

   “เดี๋ยวรถเพื่อนพี่ก็พังหมดหรอก มันออโต้ล็อคอยู่นะ” อยากรีบหนีแต่เสือกโง่อีก ผมดันปลดล็อคได้ก็เปิดประตูพุ่งตัวออกไปทันที

   อึดอัด ตัวร้อน ข้างในโคตรอบ เหมือนไอ้แทนมันแย่งอากาศหายใจในรถไปจนหมด พอออกมาข้างนอกค่อยสดชื่นหน่อย ผมสูดหายใจเต็มที่ พยายามทำให้หัวกับหน้าเย็นลง แต่ช่วงเวลาที่ทำให้ใจสงบมันช่างสั้นยิ่งนัก เสียงเปิดประตูรถทำให้ผมรู้ทันทีว่าไอ้หล่อมันตามลงมา มันเดินอ้อมหน้ารถเดินมาหาผม

   “พี่ไหวมั้ยเนี่ย”

   “จะไม่ไหวก็เพราะมึงนั่นแหละ”

   “เช้ดด หน้าแดงโคตร” เชี่ย จริงป่ะเนี่ย

   ผมรีบยกมือขึ้นมาจับหน้าอย่างกับว่ามันเป็นตัวทดสอบความเป็นกรดด่างค่าพีเอชต่ำกว่าเจ็ดจะกลายเป็นสีแดง

   “หึ...ผมล้อเล่น” มันยิ้มอีกแล้ว สาดนี่

   “แกล้งกูหนุกหรือไง”

   “ปฏิกิริยาพี่มันน่ารักดี”

   “...” ก็มึงใส่สารเร่งให้กู ปฏิกิริยากูเลยมาไวเลยเห็นมั้ยยยย

   “กูจะให้มึงขึ้นไปที่ห้องไปเอาเงินคืน แต่แม่งก็...” หมดคำพูดครับ ไปต่อไม่ไหวแล้วอ่ะ

   “ไว้วันหลังก็ได้นี่ ไม่เห็นเป็นไร”

   “ทีเมื่อกี้ยังถามย้ำเรื่องคณะกูอยู่ได้ ถ้ามึงกลัวกูโกงขนาดนั้นทำไมไม่รีบเอาคืนไป”

   “ผมเปล่าซะหน่อย”

   “แล้วมึงถามหลายๆรอบทำไม”

   “ผมแค่อยากรู้ว่าพี่อยู่คณะอะไรแค่นั้นเอง”

   “เพื่อ?”

   “ก็แค่อยากรู้”

   “...” ปริศนาเพียบ ผมแทบจะคืนสี่จุดศูนย์ๆให้คุณครูมัธยมแล้วส่งดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมาสามจุดแปดห้าให้อาจารย์ตอนปีหนึ่งเลย ขอโทษที่กูโง่ครับกูไม่เข้าใจวัตถุประสงค์มึง

   “เอาเถอะ เอาเป็นว่าพี่ไม่ต้องคิดมากเรื่องนั้นเลยละกัน ผมไม่เคยคิดว่าพี่จะโกง ถ้าผมคิดป่านนี้ผมไม่ให้พี่ยืมตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนเรื่องคืนจะคืนเมื่อไรก็ได้” ไอ้แทนมันยักไหล่ไม่ยี่หระกับเงินพันห้าอย่างกับว่าเป็นเศษสตางค์

   “ทำอย่างกับกูจะเจอมึงอีก”

   “ต้องเจอดิ ผมรู้จักคณะพี่แล้วนะ ไว้ผมไปกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารนั้นบ่อยๆละกัน”

   “ก็ไม่ถึงกับต้องมานั่งเฝ้าทุกวันรึเปล่าวะ โทรมาบอกเดี๋ยวกูไปหาเอง หรือไม่ก็อย่างที่บอกไง แค่ขึ้นไปเอา...” มันทำผมซีเรียสกับการใช้คำพูดไปเลย “แค่ไปให้ถึงหอแล้วรออยู่ด้านล่าง เดี๋ยวขึ้นไปเอาลงมาให้แปบเดียว ตกลงตามนี้นะ ถ้างั้นก็ไปกันได้แล้ว” วันนี้ผมจะถึงหอกี่โมงเนี่ย แค่เถียงแค่เคลียร์กับไอ้แทนก็ใช้เวลาไปนานโข

   “พี่จะไปไหนอีก”

   “ถามได้ก็กลับหอดิ” มันยิ้มอีกแล้ว คราวนี้ไม่ยิ้มอย่างเดียวมีแอบกลั้นหัวเราะด้วย

   “ห้องพี่...ขับรถขึ้นไปได้มั้ย” รู้สึกแหม่งๆกับคำถามนี้ นี่มึงจะบ้าเหรอหอนะเว้ย ไม่ได้อาคารจอดรถ นึกท้วงในใจแต่ก็กวาดสายตาไปมองรอบๆ อ้าวเฮ้ยถึงหอแล้วนี่หว่า ผมหลบสายตามันกลบอาการเก้อเขินจากการหน้าแตก

   “ถะ...ถ้างั้นมึงรออยู่ตรงนี้...ถ้ามึงไม่เชื่อใจกูก็เอามือถือกูไปเป็นตัวประกัน” ผมยื่นมือถือให้มัน ทำท่าจะวิ่งโร่เข้าตึก แต่ทำอย่างไรไอ้แทนมันไม่ยอมยื่นมือออกมารับ แถมยังบอกว่า

   “ปลดล็อคก่อน”

   “อะไรของมึงเนี่ย จะให้กูปลดเพื่อ” มันนิ่งไม่ยอมขยับราวกับว่าถ้าผมไม่ทำตามคำสั่งมันก็จะไม่ได้ไปต่อ

   “ปลดล็อค”

   “เออๆก็ได้วะ” ผมรีบจนขี้เกียจถามเหตุผล ยังไงก็เพิ่งถอยมาใหม่ไม่มีทางเจอรูปหลุดหรืออะไรที่เป็นความลับในนั้นอยู่แล้ว พอเอานิ้วทาบปุ่มโฮมเสร็จก็ส่งให้มันก่อนรีบวิ่งขึ้นตึกอย่างกระตือรือร้น

   ผมว่าผมไวพอตัวแล้วนะเพราะไม่ถึงสิบห้านาทีผมก็เดินลงมาพร้อมกับเงินพันห้าในมือ แต่ทว่ากลับไร้ร่างของคนที่ควรจะรอผมและรถซีอาร์วีคู่ใจไอ้เดย์ที่ควรจะอยู่ตรงหน้าทางเข้าหอ ยืนหอบหายใจให้คลายความเหนื่อยได้ซักพักก่อนเริ่มกวาดตามองไปรอบๆเพื่อหา

   “พ่อหนุ่ม” เสียงป้าประจำหอเรียกมาแต่ไกลพลางกวักมือเรียก

   “ป้าเพ็ญ มีอะไรหรือครับ” เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่ง จนมาถึงตัวผมก็เอามือกำอกแน่น

   “วิ่งมาซะไวเชียว ป้าเรียกแทบไม่ทัน เอ้านี่” พวงกุญแจยี่ห้อโค้จรูปร่างคุ้นตาห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้า ผมรับมันไว้อย่างงงๆ แล้วป้าก็ยื่นอีกอย่างมาให้มันคือมือถือที่ผมฝากไอ้แทนไว้เป็นตัวประกัน

   “ทำไมถึง...” มาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ

   “คนที่มากับเธอเขาฝากไว้น่ะ บอกว่าถ้าเธอลงมาแล้วให้เอามาให้ กับฝากบอกว่ารถจอดอยู่ข้างหอแล้วไม่ต้องเป็นห่วง ล็อคอย่างดี แล้วก็ให้รีบกลับขึ้นไปนอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเรียนสาย” ถ้าจะฝากขนาดนี้มึงจ่ายตังค์ค่าส่งข้อความให้ป้าเขาด้วยเลยดีกว่ามั้ย ผมพยักหน้าน้อยแล้วกล่าวคำขอบคุณอย่างโคตรงง จนกระทั่งป้าเดินกลับเข้าตึกไป

   “อะไรของมันวะ” ได้แต่ทิ้งความสงสัยให้คาใจอยู่อย่างนั้น...

TBC


ขอบคุณคุณ FeaRes นะคะ ปลื้มปริ่มกับคอมเมนต์

แทนเป็นพวกคิดลึกเนอะ 5555

ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีดี ตอนนี้ปั่นเรื่อยๆเลยค่ะ จินตการจ๋า

ขอบคุณนักอ่านท่านอื่นๆที่หลงเข้ามาด้วยค่ะ
จะพยายามไปเรื่อยๆค่า
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่2:ชลธี เศรษฐศาสตร์ปี2[28/07/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 28-07-2017 21:05:36
ถ้าเห็นเป็นลูกค้าประจำก็ไม่น่าทำงี้นะ ดูไม่ไว้ใจไปรึเปล่า
ไทม์ไม่ได้บอกจะไม่จ่ายเลยสักหน่อย พี่แม่งก็จะให้จ่ายเลยท่าเดียว
แต่พอเห็นพี่มันขอเบอร์เท่านั้นแหละ ถ้าแถมเบอร์จะให้ติดได้หนึ่งอาทิตย์เลย...
เนียนอ่อยหนักนะเนี่ย รุกแรง 55555555

น้องแทนคนหวงพี่ไทม์ ~
เบอร์พี่ต้องพิทักษ์ นอนห้องเพื่อนน้องก็ไม่ให้ หึง(?) 5555555
แทนสองมาตราฐาน กับไทม์เรียกพี่แต่เดย์เรียกมัน คนพิเศษก็งี้สินะ----
หาเรื่องให้เจอพี่เขาจนได้แหละ อ้างนั้นอ้างนี่ บอกอยากเจอตรงๆก็จบ
แถไปแถมา สุดท้ายพี่ไทม์ก็ไม่ทันน้องงงง
 :hao3:

เดย์กับเสาร์ดูเคมีไปด้วยกันได้นะ(?) 55555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่2:ชลธี เศรษฐศาสตร์ปี2[28/07/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-07-2017 22:27:25
ลองตามดู
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่3:หนี้เหล้า[05/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 05-08-2017 21:39:52
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

ตอนที่3 หนี้เหล้า


   เสียงอะไรวะ น่ารำคาญชิบ

   ง่วงนอนหนังตาหนักจนไม่อยากเปิดมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น หยุดทีเถ้อะขอนอนต่อเถอะนะนะนะนะ



   “โว้ย!!” ผมผุดลุกขึ้นมานั่งอย่างไวทนทู่ซี้นอนต่อไม่ไหวเพราะเสียงเพลงดังบวกกับอะไรซักอย่างที่สั่นครืดคราดอยู่ใกล้ๆหัวผม แอบหน้ามืดไปวืบหนึ่งเพราะเลือดไหลลงจากสมองไวเกินไป จนกระทั่งปรับสภาพตัวเองได้ถึงพยายามมองหาต้นตอของเสียง


   อ้าวที่แท้ก็โทรศัพท์เข้า ใครมันโทรมาเช้าขนาดนี้ ผมมองหน้าจอที่แสดงชื่อสายเรียกเข้า ‘หล่อสุดในสามโลก’

   เช้ดดดดผมเคยเมมชื่อใครเชยขนาดนี้ด้วยเหรอวะ

   ขมวดคิ้วลังเลอยู่ซักพักหนึ่งก่อนตัดสินใจกดรับ

   “สวัสดีครับ”

   ‘ฮัลโหลพี่ ตื่นยัง’

   “ใครวะ” มันเรียกผมพี่ หรือว่าเป็นรุ่นน้องที่คณะ?

   ‘ผมไง...แทนสรุบถ’ หา...แทนสรุบถ สรุบถ สรุบถไหนวะ

   “...”

   “...”

   เยดเข้ไอ้เชี่ยแทนนนนนนนนนนนนนนนน

   มันทำผมตื่นเต็มตา มันโทรมาทำไมแต่เช้า แล้วมันมีเบอร์ผมได้ยังไง


   เมื่อวานจู่ๆไอ้แทนมันก็หายไป แบบไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือทรัพย์สินสูญหาย ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นประเด็นชู้สาว อ่อมมม มันทิ้งผมไว้แบบนั้นได้ไงวะ!!

   ในหัวตอนนั้นผมมัวแต่คิดว่าวิ่งไปหาที่ตึกสองเลยดีมั้ย คิดไปคิดมาผมเองก็ไม่รู้จักห้องมันนี่หว่า แถมพอกดมือถือขึ้นมาดูหน้าจอก็บอกเวลาห้าทุ่มสี่สิบแล้ว เลยตัดสินใจเดินกลับขึ้นห้องตัวเอง ไปนอนพักเชื่อฟังคำสั่งเสียของไอ้แทนซะอย่างนั้น


   ‘ผมถามว่าตื่นยัง’ เสียงมันฟังดูติดจะหงุดหงิดที่ผมเงียบไป

   “กูละเมอคุยกับมึงอยู่มั้ง โทรมาทำไมแต่เช้า ง่วงนะเว้ย”

   ‘เช้าตรงไหน นี่มันจะแปดโมงแล้วนะ วันนี้ไม่มีเรียนเหรอ’ ผมเหลือบไปมองนาฬิกาแล้วลากสายตาไปจบที่ปฏิทิน เออจริงของมัน วันนี้วันพฤหัสมีเรียนคาบแรกตอนเก้าโมง มันรู้ได้ไงวะหรือแค่เดา

   “มีเรียนตอนเก้าโมง เดี๋ยวไปอาบน้ำแล้ว ต้องขับรถไปรับไอ้เดย์ด้วยดิ งั้นกูวางล่ะ”

   ‘เฮ้ยเดี๋ยวดิพี่’ มันตะโกนเสียงดังทะลุออกมานอกโทรศัพท์ทันก่อนผมกดตัดสาย

   “อะไรอีก”

   ‘จะโทรมาบอกว่าเมื่อวานผมเจอกระเป๋าตังค์พี่แล้ว มันอยู่บนเบาะหลังของรถเพื่อนพี่น่ะ ผมเลยเอามาเก็บไว้ในลิ้นชักด้านหน้ารถ’ พอได้ยินอย่างนี้ผมโคตรโล่งใจ จะได้ไม่ต้องไปแจ้งความให้ยุ่งยากเสียเวลา

   “ว่าแต่...เอาตังค์พันห้าออกจากกระเป๋ากูไปด้วยรึเปล่า”

   ‘เปล่า’ ฉลาดสัด

   “ทำไมมึงไม่เอาไปเลยว้า เชี่ยนี่ต้องให้กูไปให้อีกนะ”

   ‘เดี๋ยวผมไปเอาเองก็ได้’

   “มันใช่ปัญหามั้ย แทนที่มึงเอาไปจะได้จบๆ”

   ‘ผมไม่เปิดกระเป๋าคนอื่นโดยพลการหรอกนะ นั่นมันนิสัยโจร’

   “โหยพ่อคนคุณธรรมสูง แล้วที่มึงเอามือถือกูไปเพื่อขโมยเบอร์โทรเนี่ยไม่โจรเลยนะ” ไม่ต้องเดาก็หลับตากาข้อสอบได้เลยครับ ไอ้แทนมันให้ผมปลดล็อคมือถือเมื่อวานเพื่อจะได้โทรเข้ามือถือมันแล้วบันทึกเบอร์ไว้จะได้โทรมาก่อกวนผมเหมือนอย่างตอนนี้

   ’นั่นพี่ตั้งใจจะให้ผมตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่เหรอ’

   “เงินก็ใช่!!”

   ‘อันนั้นผมไม่รู้’ ไม่รู้เตี่ยมึงดิ ทีอย่างนี้มาทำฉลาดน้อย

   “เออๆช่างมันเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้วทำอะไรได้ล่ะ แล้วสรุปคือมึงจะมาเอาเมื่อไรหรือจะให้กูเอาไป...”

   ‘เดี๋ยวผมไปเอากับพี่เอง พี่ไม่ต้องมาเอากับผมหรอก ผมชอบเป็นฝ่ายรุกน่ะ’

   “...”

   “...”

   “รุกบ้านพ่องดิ!!!” ต้องเข้าใจนะครับมาเล่นกันแต่เช้าอย่างนี้สมงสมองผมก็ประมวลผลตามไม่ทัน พอรู้ว่ามันล้อคำพูดเมื่อวานผมก็สรรหาคำด่าไม่ออก

   ‘หึ อยากเห็นหน้าพี่ตอนนี้จัง’

   “ไปส่องกระจกดิ หน้ากูตอนนี้ก็มีสองคิ้วสองตาหนึ่งจมูกหนึ่งปากเหมือนกับมึงนั่นแหละ”

   ‘ไม่สมจริงอ่ะ เพราะผมหล่อกว่า’

   “มึงอย่าคิดว่าทั้งโลกนี้มึงหล่อคนเดียวนะ กูก็หล่อเหมือนมึงสาวติดตรึมนะเว้ย” เห็นเงียบๆฟาดเรียบนะคร้าบ ผมไม่เคยปล่อยคำพูดหลงตัวเองออกมาจากปากได้ขนาดนี้เลย เป็นเพราะมัน เพราะมันคนเดียวแท้ๆเลยไอ้แทน

   ‘พี่แม่งน่ารักเหอะ’

   “ด่ากูอีกแล้ว”

   ‘ผมชมชัดๆ มีใครสอนว่าน่ารักเป็นคำด่าเหรอ’

   “กูตกภาษาไทย ชัดเจนมะ แค่นี้ล่ะ” คราวนี้ของจริงครับ ผมกดตัดสายทันทีไม่เปิดโอกาสให้แทนมันตะโกนรั้งไว้เหมือนก่อนหน้า “ตื่นเลยแม่ง” หงุดหงิด อย่างนี้ต้องรีบไปรับไอ้เดย์เพื่อระบายเท่านั้น!!


   หน้าหอประตูโท ผมเหยียบเจ้าเห็ดหูหนูดำของไอ้เดย์มาอย่างไว เพราะจากที่คุยกับไอ้แทนก็ปาไปหลายนาทีทำเอาเกือบสาย ดีที่ผมอาบน้ำแต่งตัวไว แล้วดีที่หออยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเลยทำให้ไม่ต้องซีเรียสเรื่องรถติดหรือเวลามาก

   “เชี่ยไทม์ กูรอตั้งนาน” คำทักทายแรกของไอ้เดย์ทันทีที่เจอหน้าผม

   “โทษทีว่ะ มีเรื่องให้วุ่นแต่เช้า”

   “กูตื่นมาตกใจหมดรถกูหาย ดีนะที่มึงไลน์มาไม่งั้นกูได้วิ่งโร่เข้าแจ้งความว่าโดนปลดทรัพย์แน่ๆ”

   “มึงก็เว่อร์ ก่อนทำอะไรก็ตั้งสติก่อนดิครับเพื่อน แจ้งไปแล้วเรื่องถึงตำรวจมึงจะลำบากต้องไปถอนฟ้องแจ้งความอีกยุ่งยากตาย”

   “ก็กูตื่นมาในสภาพอย่างนั้นไม่ให้กูคิดได้ไงวะ”

   “...” คราวนี้เป็นผมที่งงกับคำพูดของเพื่อนซี้ ยังไม่ทันออกรถผมก็กลับมาใส่เกียร์ว่างแล้วมองหน้ามัน

   “สภาพไหนวะ” เมื่อวานจำได้ว่าให้ไอ้โย่งมันไปส่งแล้วหลังจากนั้นเป็นยังไงต่อผมไม่รู้ ไอ้เดย์มันมีทีท่ากระอักกระอ่วนใจก่อนตอบ

   “ตื่นขึ้นมาก็เจอตัวเองแก้ผ้าแล้วเหลือบ๊อกเซอร์ตัวเดียว” เช้ดดดดดดด

   “มึงถอดเองรึเปล่า กินเหล้าร้อนไรเงี้ยะ” แม่งละเมอแล้วทำเป็นเรื่องใหญ่โตรึเปล่าวะ อย่างมากไอ้เสาร์ไปส่งมันก็น่าจะแค่เขวี้ยงมันลงเตียงแล้วจากไป ท่าทีมันขี้เกียจรำคาญออกซะขนาดนั้น

   “ตอนแรกกูก็คิดว่างั้น แต่ไปๆมากูดันไปเจออะไรแปลกๆเข้า”

   “แปลกๆ แปลกอะไรของมึง” ผมลุ้น

   “เสื้อผ้าที่กูใส่เมื่อวานหายไปหมดเลย ตอนแรกกูก็คิดอย่างมึงเนี่ยแหละว่ากูถอดเองแต่มองไปก็ไม่เห็นมันกองอยู่ที่พื้นซักตัว พอลองหาแม่งกลับไปแขวนอยู่ตรงราวตากผ้าแถมซักซะสะอาดเชียว มึงคิดดูคนอย่างกูเนี่ยนะจะขยันขนาดเอาไปซักแล้วตากไว้ที่ราวตากผ้าตรงระเบียงทั้งที่เมาไม่ได้สติน่ะ”

   “ก็จริงของมึง แต่มันอาจจะเป็นการค้นพบนิสัยใหม่ตอนเมาของมึงก็ได้นะเว้ย” หรือไม่ก็ไอ้เสาร์เป็นคนทำ...เหรอวะ โกหกป่ะเนี่ย แต่ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร

   “ไม่ใช่แน่อ่ะ กูไม่แม่บ้านแม่เรือนขนาดนั้นมึงก็รู้ว่ากูซักเสื้ออาทิตย์ละครั้ง”

   “หรือจะเป็นแม่ซื้อ”

   “กูอายุยี่สิบแล้วนะเว้ย แม่ซ้งแม่ซื้อป่านนี้ไม่มีแล้วมึงอย่าพูดให้กูสยอง แล้วแม่ซื้อที่ไหนวะจะใส่เสื้อผู้ชาย”

   “หา?” อุทานแทบลั่นห้องโดยสาร

   “ใช่มันมีเสื้อเชิ้ตของผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้หลงมาอยู่ที่ราวตากผ้ากู ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของกูเพราะตัวแม่งใหญ่โคตร แล้วมึงไม่ต้องสงสัยเลยนะว่ามันอาจจะติดมาตอนกูซักผ้าหยอดเหรียญ มึงก็รู้ว่าห้องกูมีเครื่องซักผ้า”

   “....” ผมขุดความทรงจำนึกไปถึงชุดที่ไอ้เสาร์ใส่เมื่อวาน เสื้อเชิ้ตนิสิตสีขาวแขนยาวธรรมดา ตรงเป๊ะอ่ะ

   “ไอ้ไทม์มึงอย่ามาเงียบ เมื่อวานมึงเป็นคนพากูมาส่งถึงห้องใช่มั้ย มึงช่วยบอกกูให้สบายใจที” กูบอกให้มึงสบายใจไม่ได้วะ เพราะคนที่แบกมึงขึ้นไปส่งถึงห้องคือไอ้เสาร์เพื่อนไอ้แทน ส่วนเหตุการณ์หลังจากนั้นกูไม่รู้ต้องไปถามมันเอง “เชี่ยไทม์มึงเงียบทำไมวะ กูชักกลัวๆแล้วนะเว้ย กลัวว่ากูจะไปซื้อกินแล้วโดนมอมเหล้าถ่ายแบล็คเมล์ข่มขู่เอาตังค์ ปลดทรัพย์ ฆ่าข่มขืน...”

   “มึงหยุด” ผมยกมือขึ้นมาห้ามปล่อยให้มันพล่ามมีหวังลามไปถึงคดีระดับชาติ “มึงสบายใจได้ว่าเมื่อวานนี้ไม่มีอะไร กูมาส่งมึงแล้วมองมึงจนถึงขึ้นหอ โอเคเปล่า เรื่องรายละเอียดเดี๋ยวค่อยว่ากัน ไปเรียนก่อน” สุดท้ายผมก็รีบเหยียบคันเร่งบึ่งไปคณะอย่างไวโดยไม่ยอมปล่อยให้มันได้ซักต่อ



   “ไหนมึงบอกรายละเอียดมึงมา” ก้นยังไม่ทันสัมผัสม้านั่งไอ้เดย์มันก็สั่งให้ผมเล่าถึงเรื่องเมื่อคืน ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงคนเริ่มทยอยมาที่โรงอาหารประจำคณะแล้ว ส่วนผมกับไอ้เพื่อนตัวดีน่ะเหรอพอสัญญาณกริ่งเลิกเรียนดังปุ๊บมันก็ลากผมมาที่นี่ทันทีทันใด ไม่ใช่มันหิวหรอกครับแต่มันโหยอยากจะรู้เรื่องราวเมื่อวานตอนที่มันเมาแบบไร้สติเสียมากกว่า

   “เรื่องมันมีอยู่ว่า...เชี่ยกูเจ็บ” อะไรแข็งๆลงมากระทบที่ศีรษะผมดัง ผัวะ รู้สึกว่าเป็นมือของใครบางคน ผมหันหัวไปมองเตรียมด่ากลับเจอไอ้แม็คที่หน้าบูดเป็นตูดหมึกยืนง้างมือเตรียมตบหัวไอ้เดย์อีกคนอยู่

   “พวกมึงแม่งไม่รอกูเลยนะ” มันเดินไปฝั่งตรงข้ามนั่งลงข้างๆไอ้เดย์พร้อมกับวางจานข้าว

   “ก็ไอ้เชี่ยเดย์เนี่ยดิ กูไม่ทันจะเรียกมึงมันก็ลากกูมาแล้ว มึงตีมันด้วยดิทำไมกูต้องโดนคนเดียวด้วยวะ” ลูบหัวป้อยๆโนมั้ยวะ ไอ้เชี่ยแม็คแม่งไม่ยั้งแรงเลย

   “มึงก็อีกตัวจะรีบไปหม้อสาวที่ไหน” แม็คมันเปลี่ยนจากตีมาเป็นด่าไอ้เดย์แทน สองมาตรฐานชิบ

   “กูไม่ได้จะไปหม้อสาว แต่กูกำลังกลัวว่าจะโดนสาวยัดลงหม้อแทนน่ะดิ” ไอ้แม็คมันเลิกคิ้วมองหน้าผมอย่างสงสัยก่อนสลับไปมองหน้าไอ้เดย์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกันที่เป็นคนเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา

   “ไปซิวสาวใหญ่แล้วถูกเขาเปย์เลยต้องคืนด้วยร่างกายมาเหรอวะ”

   “เชี่ยแม็ค มึงก็คิดได้ อย่างไอ้เดย์มันยังต้องไปเอาเงินใครเขาอีก เมื่อวานมันแค่เมาเหมือนหมาแล้วไม่รู้ตัวว่าโดนใครพากลับห้องเท่านั้นเอง” ผมเฉลยก่อนที่เพื่อนอีกคนของผมจะเตลิดใช้จินตนาการในทางที่ไม่ถูกไม่ควรไปอีกคน ผมอยากเปลี่ยนนามสกุลไอ้พวกนี้ให้เป็น นพดล กับ พลเทพ มโนแจ่ม จริงๆ

   “แค่เท่านั้นแต่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับกู มึงรีบเล่ามาเลยไอ้เชี่ยไทม์ กูลุ้นจนปวดขี้แล้ว”

   “งั้นมึงไปขี้ก่อน”

   “ไอ้สัดไทม์” ขอบพระคุณครับที่เติมยศให้กูกลัวมึงท้องผูกหรอกถึงเสนอ

   “เชี่ยเดย์กูถามจริง มึงไม่รู้ตัวแม้กระทั่งมีคนแบกมึงขึ้นรถจนโดนมาส่งถึงหอเลยเหรอวะ” ก่อนที่ผมจะโดนมันซักผมขอซักมันสองสามประโยคก่อนนะ

   “ไอ้นี่มันฉายาครึ่งกลมสติหลุดมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่หว่า” ไอ้แม็คมันหาหลักฐานมาสนับสนุนคำกล่าวอ้างนิสัยของไอ้เดย์ ส่วนเจ้าทุกข์ก็ทำท่านึกพยายามขุดความทรงจำในอดีตของตนเองขึ้นมา

   “กูจำได้แค่ว่ามีคนตัวสูงๆอยู่ข้างๆกู มาคอยพยุงกู จากนั้นกูก็รู้สึกไม่ค่อยสบายเวียนหัวแล้วหลังจากนั้นกูก็จำอะไรไม่ได้แล้ว กูรู้แค่นี้อ่ะไอ้เชี่ยไทม์มึงบอก...”

   “เธอๆๆนั่นมันน้องแทนกับน้องเสาร์ที่อยู่คณะวิศวะนี่” ไอ้เดย์มันถูกขัดด้วยเสียงของสาวโต๊ะข้างๆ พวกผมหันไปมองเห็นท่าทีกรี๊ดกร๊าดบวกกับการชะเง้อคอยาวจนจะกลายเป็นยีราฟของเจ้าหล่อนก็ให้ได้สงสัย แต่ชื่อที่นางๆพูดขึ้นมามันคุ้นๆแฮะผมรู้สึกเอะใจแปลกๆ

   “โหยมีสุดหล่อต่างคณะมากินโรงอาหารเราด้วยว่ะ มาจีบสาวแถวนี้เหรอวะ” เป็นไอ้เดย์ที่พูดออกมาบ้าง ผมเลยหันไปมองตามไอ้เพื่อนสองตัวของผมที่แปลงร่างเป็นยีราฟไปกับเขาด้วย

   เช้ดดดด เชี่ยแทนมันมาได้ไง!!

   มันเดินมากับเพื่อนโย่งมัน เพิ่งเข้าโรงอาหารมาได้ ผมรีบหันหัวกลับมาคว้าโทรศัพท์เปิดดูหน้าจอ ไม่มีมิสคอลนี่หว่า ทำไมมันไม่โทรมาก่อนวะ พอหันกลับไปมองมันอีกรอบนึงก็เห็นมันกำลังชี้โบ๊ชี้เบ๊บุ๊ยใบ้ให้ไอ้เสาร์ไปนั่งตรงโต๊ะที่ยังว่างอยู่   อ้าวมันไม่ได้มาหาผมเหรอ ผมควรจะโทรศัพท์ไปหาไอ้หล่อสุดในสามโลกดีมั้ย นั่งลังเลอยู่พักใหญ่ไอ้แม็คก็ขัดขึ้นมา

   “พวกมึงกูไปก่อนนะ”

   “อ้าวเฮ้ยไอ้แม็คมึงยังไม่ได้แตะข้าวเลยนี่ จะไปไหนวะ” เป็นไอ้เดย์ที่ขัดขามันไว้ น้องฟ้าโทรมาให้รีบไปหาด่วนหรือไงวะ

   “กูปวดขี้ พวกมึงกินกันไปนะ กูไปแล้วบาย” พูดจบมันก็เดินหลังโค้งๆหายไปตรงประตูหลังโรงอาหาร ท่าทีมันแปลกๆสายตาล่อกแล่กเหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่าง แต่ผมก็ขี้เกียจจะใส่ใจเพราะไอ้คนมาใหม่สองตัวมันดึงความสนใจของผมได้มากกว่า เอาไงดีล่ะทีนี้ ผมว่าผมควรที่จะไปหาพวกมัน

   “ไอ้เดย์กู..”

   “มึงอย่าบอกว่ามึงก็ปวดขี้” มันชี้หน้าผม ถ้าบนโต๊ะมีโคมไฟมันคงเอามาส่องหน้าผมแทน

   “เปล๊า กูแค่จะไปซื้อน้ำ เมื่อเช้ากูขี้มาแล้ว” เสียงสูงไปมั้ยวะ ไม่พิรุธเนาะ กูไม่อยากให้มึงไปเผชิญหน้ากับไอ้เสาร์เดี๋ยวความทรงจำอันเลวร้ายของมึงจะกลับมา ให้กูไปสอบสวนมันก่อนนะเดี๋ยวกูมาว่าให้ฟัง “มึงกินไปก่อนเลยนะ” ผมรีบลุกขึ้นพลางเหลือบมองไปทางโต๊ะที่พวกไอ้แทนมันนั่งพร้อมกับหันไปมองไอ้เดย์ที่มันจ้องหลังผมจนแทบทะลุอยู่ตอนนี้ ต้องหาจังหวะดีดีเอาตอนที่ไอ้เดย์มันเริ่มลงมือกินข้าวเนี่ยแหละ ผมรีบเดินไปทางร้านน้ำจงใจเดินไปร้านที่อยู่ในสุด พอหลบพ้นสายตาไอ้เดย์ได้ก็แอบหันกลับไปมอง ไอ้เดย์มันตัดใจเริ่มลงมือกินข้าวแล้ว ส่วนไอ้แทนยังอยู่กับไอ้เสาร์ตรงนั้น

   “โอเลี้ยงหวานน้อยแก้วครับ” ผมยังคงชะโงกดูอย่างระแวดระวังต่อไปทั้งสองด้าน พอได้โอเลี้ยงมาก็ตั้งหน้าเดินไปทางไอ้หล่อสองตัวที่หลงฝูงจากคณะวิศวะฯมาคณะเศรษฐศาสตร์ โดยไม่ลืมมองไปทางไอ้เดย์เผื่อจะได้ไหวตัวทัน

   “พี่ไทม์!!” ชะอุ๊ยตกใจว่ะ อีกแค่ก้าวเดียวเองครับก้าวเดียวเท่านั้นเกือบจะถึงโต๊ะไอ้แทนอยู่แล้วเชียว เสียงทักชื่อผมดังจนคนรอบข้างหันมามองรวมถึงไอ้แทนกับไอ้เสาร์เพื่อนมันด้วย

   “นะ...น้องมิน” อุทานชื่อคนที่กระโดดมาขวางหน้าผมพอดี

   “อุ๊ย โทษทีค่ะ ตกใจหรอ ไม่คิดว่าพี่ไทม์จะขวัญอ่อนนะเนี่ย หรือว่าเพิ่งนึกออกว่าลืมให้อะไรน้องกันแน่ค้า หะหะหะ” ขวัญไม่อ่อนหรอกแค่โอเลี้ยงพี่แทบหกน่ะ โผล่มาอย่างนี้ในขณะที่ผมกำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับไอ้สุดหล่อเนี่ยไม่ต้องผีหรอกครับแค่คนผมก็เตลิดได้ มินเธอเป็นน้องรหัสผมครับเป็นน้องสายเป ไม่ใช่เปย์ที่แปลว่ายอมเทหมดตัวนะครับ แต่หมายถึงสเปเชียลที่โดนรวมสายมาเนื่องจากไม่มีพี่รหัสเพราะเป็นภาคใหม่ที่เพิ่งเปิดปีนี้

   “อะ อ๋อ...หนังสือเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานสามใช่มั้ย เรื่องที่มินขอพี่ไม่ลืมหรอก อย่างเดียวที่พี่จะลืมก็คือลืมเอามานั่นแหละ”

   “โหยพี่ไทม์อ่ะลืมได้ไงเนี่ย นี่มินจะเริ่มเรียนเล่มสามอยู่แล้วนะ” น้องมินยู่ปากทำท่าเง้างอน ผมลืมเอามาให้เธอตั้งแต่เธอขอเมื่อสองสัปดาห์ก่อนแล้วครับ ไม่คิดว่าตัวเองจะขี้ลืมขนาดนี้

   “โอเคพี่สัญญา เดี๋ยวพี่เอามาให้พรุ่งนี้เลย แล้วเราก็อย่าลืมไลน์มาเตือนพี่ด้วยล่ะ” กันเหนียวไว้ก่อนลืมอีกมีหวังได้สอบตกความเป็นพี่รหัสกันคราวนี้

   “ค่ะ จะทั้งโทร ทั้งไลน์ ทั้งตามจิกกับพี่เดย์ให้พี่เดย์ช่วยตามให้เลย”

   “หะ...แล้วไอ้เดย์มันเกี่ยวอะไรด้วยอ่ะมิน  โทรหาพี่เนี่ยดิ โทรจิกเอารับรองไม่มีทางลื...” อุก...คอผม วันนี้ดวงเจ็บตัวหรือไงวะ ใครก็ไม่รู้เอาแขนยาวๆมาล็อคคอผมไว้จนกระทั่งมันเอ่ยเสียงตอบรับมาเท่านั้นแหละ

   “ได้คร้าบ น้องมินคนสวย เดี๋ยวพี่จะตามตูดไอ้ไทม์มันไปถึงห้องนั่งจ้องมันจนกว่าจะเอาหนังสือภาษาอังกฤษพื้นฐานสามยัดใส่กระเป๋าให้เลย”

   ไอ้เชี่ยเดย์!!! มันมาได้งายยยยยย

   “มึง...”

   “ไง มาซื้อน้ำไกลจังเลยนะมึง” ซวยแล้ว มันจับได้

   “กะ...กูหลงทาง” แก้ตัวหน้าด้านๆเอาควายๆมันตรงนี้เลยครับ

   “โหย หลงทางไอ้เชี่ยนี่” มันขยับมือข้างที่ล็อคคอผมอยู่จะมาหยิกแก้มผมข้างที่ใกล้มือมัน แต่แล้ว...

   “หลงมาหาผมหรือครับพี่ไทม์” เสียงหล่อๆแทรกขึ้นมาพร้อมกับเจ้าตัวที่ลุกขึ้นจากม้านั่งเดินมาถึงตัวผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ส่วนน้องมินเธอทำหน้าเหวอตกใจกับความหล่อของไอ้แทนไปเรียบร้อยแล้วครับ เพื่อนผมได้แต่มองคนมาใหม่อย่างอึ้งๆ มันกระซิบข้างหูผม แต่ก็ดังพอที่คนอื่นจะได้ยิน

   “ใครอ่ะ มึงรู้จักด้วยเหรอ แม่งหน้าคุ้นๆ” มันจ้องอีกฝ่ายแบบไม่เกรงใจจนกระทั่ง “อ๋อกูนึกออกแล้ว ไอ้หล่อที่เมื่อกี้พวกผู้หญิงโต๊ะข้างๆเข้าพูดถึงกันนี่หว่า” มันปล่อยตัวผมแล้วหันไปชี้หน้าไอ้แทนอย่างกับนึกคำตอบของข้อสอบข้อหนึ่งออก ไอ้เชี่ยนี่มึงอย่าชี้หน้าเขาเสียมารยาท แต่แทนที่ไอ้หล่อมันจะโกรธกลับยกยิ้มที่มุมปากราวกับว่าภาคภูมิใจที่โดนชมว่าหล่อเสร็จแล้วมันก็เมินไอ้เดย์แล้วพุ่งความสนใจมาที่ผมเต็มๆ

   “มีอะไรรึเปล่าครับ ถึงกับเดินมาหาผมถึงที่นี่” รอยยิ้มโปรยเสน่ห์ยังคงเกลื่อนใบหน้ามัน พอโดนมันถามอย่างนั้นผมถึงกับเม้มปากแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา

   “มึงอย่าบอกนะว่ามึงลืม” เรื่องระหว่างผมกับมันจะมีอะไรนอกจากเรื่องค่าเหล้า

   “ลืมเรื่อง?” ไอ้นี่แม่งกวนแล้ว มันเล่นขมวดคิ้วเป็นโบว์ให้ผมแบบไม่ปิดบัง

   “ก็เรื่องเมื่อคืนไงเล่า”

   “เรื่องเมื่อคืน?”

   “โอ๊ยมึงความทรงจำสั้นหรือยังไงวะ ก็เรื่องที่...”

   “อ๋อ...เรื่องที่พี่ให้ไปเอากันให้จบๆที่ห้องพี่ใช่ป่ะ ว่าแต่ตอนนี้พี่เอาเงินมาจ่ายผมแล้วใช่มั้ย” มันยิ่งกว่าตะโกนอีกครับ เหมือนเสียงเซงแซ่รอบตัวในโรงอาหารกลายเป็นเดดแอร์ไป ผมได้แต่ยืนอึ้งที่ไอ้แทนมันพูดจาสองแง่สองง่ามออกมาแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง นี่มันจงใจใช่มั้ยวะเนี่ย!!

   “เช้ดดดดดดดดดดดด” ไอ้เดย์มันร้อง มันมองหน้าผมแบบว่าถ้าลูกตาหลุดออกมาจากเบ้าได้คงกลิ้งหายไปถึงไหนต่อไหน

   “ไอ้เชี่ยเดย์มึงหยุด!! ห้ามคิดเลยนะ!! กูแค่ยืมตังค์ค่าเหล้ามันมาแล้วยังไม่ได้จ่ายคืนเท่านั้นเอง”

   “กูคิดแบบนั้นไม่ได้”​ มันส่ายหัวตาลอยเหมือนอาการคนที่เริ่มจินตนาการไปถึงฉากสามสี่ห้า จนผมเห็นท่าว่าปล่อยอย่างนี้ต่อไปมีหวังทำให้เกียรติยศชื่อเสียงวงศ์ตระกูลผมเสื่อมเสีย ผมเลยรีบวางโอเลี้ยงล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมาตามจำนวนที่ยืมไปแล้วยื่นส่งให้ไอ้แทน

   “พันห้า ไม่ติดค้างอะไรอีก” พอเห็นอย่างนั้นไอ้สุดหล่อวิศวะมันยักไหล่แล้วแทนที่มันจะหยิบแบงค์เทากับม่วงไปมันขยับมากุมมือผมไว้ก่อนก้มลงมากระซิบเบาๆ

   “ค่าตัวผมไม่ถูกขนาดนั้นหรอกนะ” รอยยิ้มพิฆาตสาวยิงตรงมาไม่หยุดหย่อนแต่มันใช้ไม่ได้กับผม นี่มึงจะคิดดอกกับกูด้วยเหรอ ยืมแค่วันเดียวเองนะเว้ย ว่าแล้วผมก็กระชากมือกลับมาแล้วหยิบแบงค์แดงๆเพิ่มเติมให้มันไปอีกสองใบ

   “อ่ะเท่านี้พอมั้ย มึงบอกมาเลยดีกว่าว่าจะเอาเพิ่มเท่าไร ค่าดอกเบี้ย” จบประโยคมันหุบรอยยิ้มฉับ เงียบไปซักพักไม่นานนักก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่ ท่าจะขำมากขำจนต้องยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ปลายหางตาออก

   “เชี่ยแทน มึงขำอะไรของมึง”

   “ฮะฮะ...ก็ขำพี่เนี่ยแหละ ผมก็แค่ล้อเล่นทำเป็นจริงเป็นจังไปได้ เอาไปเถอะ ค่าดอกเบี้ยน่ะ” มันดันมือผมกลับ

   “ไม่เป็นไร กูมีตังค์จ่าย” ถ้าอยากได้ก็เอาไปเลยแล้วเลิกกวนกูซักที

   “เหอะน่า ผมไม่เอาจริงๆอย่างอนดิ”

   “ไม่เอาเว้ย ใครว่ากูงอน”

   “ผมไม่คิดดอกจริงๆ”

   “ก็บอกแล้วไงว่าไม่เอา” ดันกันไปดันกันมาจนพึ่งนึกออกมานี่มันกลางโรงอาหารนี่หว่า พอหันหัวไปมองรอบข้างเท่านั้นแหละ เออะ...ทุกสายตามันมองมาที่พวกผมหมดเลยครับ กูจะเด่นกูจะดังก็ครั้งนี้แหละวะ น้องรหัสผมเอาแต่อมยิ้มแห้งๆ ส่วนไอ้เดย์ก็

   “กูนึกออกแล้ว!!” จู่ๆมันโพล่งออกมาประโยคเดียวกับที่มันทักไอ้แทนครั้งแรก แต่คราวนี้หน้ามันดูดีใจระคนแปลกใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ “กูก็ว่าสถานการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ อย่างกับเคยเจอมาก่อน ที่แท้ไอ้หล่อนี่ก็คนๆเดียวกับที่เคยให้มึงยืมยางลบตอนวันสอบใช่ป่ะ”

   สัดเดย์มึงพึ่งนึกออกเหรอวะ ตั้งแต่ผมเจอมันครั้งแรกผมก็จำมันได้ทันที เพราะมันเป็นความทรงจำดีดีของผมในช่วงชีวิตหนึ่งที่นานทีปีหนจะผ่านมาเหมือนดาวหางฮัลเลย์ มันหล่อขึ้นมากและกวนบาทาขึ้นมาก(หรือเท่าเดิมวะ?)จนผมตกใจ ส่วนความมีนำ้ใจของมันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเหมือนตอนที่ให้ผมยืมยางลบในครั้งนั้นและคราวนี้มันก็มาช่วยให้ผมหลุดรอดจากการเป็นพนักงานต้องรับหน้าร้านไอ้พี่ดวกอีก

   “ยางลบ?” ไอ้แทนทวนคำไอ้เดย์ น้ำเสียงมันแปลกๆว่ะ ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอแล้วมองหน้าคมๆนั้นลุ้นว่ามันจะพูดอะไรออกมา


   “ยางลบไหนพี่ พี่จำคนที่ผิดแล้วล่ะ”

TBC

เพิ่มมาอีกหนึ่งคอมเมนต์!!! กรี๊ดลั่นบ้าน 5555
ขอบคุณคุณFeaRes(ที่ตามมาเนิ่นนาน) และคุณ •♀NoM!_KunG♀•(ที่หลงเข้ามา)
นะคะ

พี่ดวกแกอินดี้มีหน้าที่เป็นแค่ตัวประกอบบบ

ขอสามคำ "โปรดติดตาม"

ตอนนี้อาจจะเรียบๆเรื่อยๆ อย่าหลับคาคอม(หรือมือถือ)นะคะ ^^;
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่3:หนี้เหล้า[05/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 07-08-2017 11:47:54
ก็ชอบพี่ดวกนะ ตรงที่มาจีบไทม์เนี่ยแหละ 55555

สภาพเดย์น่าคิดมาก แต่อย่าไปคิดมากเลย
แต่สงสาร พอไทม์จะเล่าก้มีอะไรมาขัดความอยากรู้เดย์ตลอดเลย 55555

'หล่อสุดในสามโลก'
เจอคนมั่นหน้ามั่นโหนกมั่นเบ้าหลงตัวเองเพิ่ม 1 ea
แทนช่างกล้า เมมแบบไม่กลัวพี่เขาลบเลยเนอะ 55555
 :m20:

ทำไมน้องแทนจำยางลบไม่ได้?!!
ความจำสั้น? ความจำเสื่อม? แกล้งลืม? สงสัยข--
 :katai4:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่4:ให้ฟ้าผ่าตายดิ[11/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 11-08-2017 20:46:32
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}
บทที่4 ให้ฟ้าผ่าตายดิ!!


   เชี่ยยยยยมันลืมโผ้มมมม

   ไม่ต้องอ๊งไม่ต้องแอ๊บมันแล้วครับ ผมช็อคบอกตามตรงว่าผมช็อค คนที่มีอยู่ในความทรงจำผมกว่าห้าร้อยสี่สิบหกวันสิบสองชั่วโมงสิบเก้านาทีสามสิบหกวินาที...เอิ่มตอนนี้สามสิบเจ็ด แปด เก้า ฮึ่ย!จะกี่นาทีก็ช่างมันเถอะ กลับลืมผมไปแล้วนับตั้งแต่วันที่เจอกัน แล้วคำกล่าวแสดงความขอบคุณที่ผมร่างไว้ยาวเป็นอาขยานในหัวผมตั้งแต่วินาทีที่ผมรู้ตัววว่าสอบติดล่ะจะทำกับมันยังไงวะ

   เจ็บว่ะแม่ง

   “เฮ้ยน้องนึกให้ดี...ไม่เคยเห็นหน้าคนแบบนี้จริงๆเหรอ” เออวะกูยอมหน้าแปลกสามหูสี่จมูกหนึ่งตาเลย มึงจำกูได้ทีเถอะ กูไม่อยากเป็นหมัน ไอ้แทนมันจ้องหน้าผมจ้องๆๆโต๊ดหรือเต็งล่ะมึงงวดนี้ แต่เห็นทีว่าจะโดนแดกว่ะก็มันเล่นจ้องไปแล้วทำหน้าอย่างกับปวดขี้อ่ะ กูยอมรับก็ได้ว่ากูหน้าโหล

   “มึงนึกไม่ออกก็ไม่ต้องพยายาม กูรู้กูไม่สำคัญ กูรู้โว้ย แต่มึงสำคัญสำหรับกูมาก เพราะมึงเป็นตัวแทนกำลังใจกูทำให้กูสอบติด กูอยากบอกแค่นี้แหละ” กูไปแล้ว กูจะไม่มาให้มึงเห็นหน้าอีกแล้ว ผมเดินกึ่งวิ่งออกมาจากโต๊ะมันมานั่งประทับที่เก่า ข้าวเข้ิวไม่กงไม่กินมันแล้ว เก็บของไปเรียน เรียนให้ลืม!!

   หนีมาบอกตัวเองเรียนให้ลืมแล้วก็ลืม(จดเลคเชอร์)ของแท้ อารมณ์เหม่อที่เข้ามาเป็นห้วงๆเหมือนคลื่นในทะเลอันดามันทำให้ผมไม่มีสมาธิจดจ่อกับตัวหนังสือที่ฉายขึ้นสไลด์ จนผมต้องมานั่งลอกหนังสือเพื่อนชดใช้กรรมอยู่ตอนนี้ไง

   “มึงเนี่ยนะจริงๆเลยรู้ทั้งรู้ว่าถ้าเป็นเรื่องไอ้แทนมึงจะปล่อยวางไม่ได้ ก็ยังจะหนีมาแบบโง่ๆอีก ทำไมไม่พูดให้เคลียร์กันไปวะ”

   “มึงไม่เห็นเหรอว่ามันปฏิเสธกูอ่ะ” มึงอยู่กับกูเปล่าเนี่ย มึงไม่เห็นฉากที่มันไล่ให้กูไปกินน้ำมันปลาไปแดกโอเมก้าสามหรอกเหรอ ตอนนั้นกูแทบจะวิ่งไปกินอาหารปลาซากุระแทนข้าวเลยมึง

   “กูว่ามันไม่ใช่ว่ะ”

   “ถ้าใช่มันจะบอกปัดกูมั้ยล่ะ”

   “เปล่า กูหมายถึง กูว่ามันไม่ใช่อย่างที่มันพูดว่ะ ตอนม.หกกูก็อยู่กับมึง กูเป็นพยานให้มึงได้ บรรยากาศไอ้แทนมันใช่จะตาย”

   “แล้วมันจะปฏิเสธกูทำไม”

   “อาจจะแค่ลืมหรือไม่ก็...”

   “หรือไม่ก็อะไร” ไอ้เดย์ยิ้มกรุ้มกริ่ม ชักหวาดๆกับคำตอบมันซะแล้ว ความคิดมันยิ่งพิเรนทร์อยู่

   “โกหกเพราะเขินที่มีโมเมนต์ฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งกับผู้ชายหน้าหวานสาดอย่างมึงไงไอ้ไทม์” ไอ้เชี่ยเดย์มึงเอายางลบกูไปกินเลยมึง “เชี่ยมึงปามาทำไมวะ”

   “สัดเดย์ กูบอกแล้วไงว่าอย่าล้อหน้าตากู หน้าหวานอะไรมึง ชิมแล้วเหรอถึงบอกว่าหวาน เชี่ยนี่” หวานบ้าหวานบอหน้าตาตอนนั้นตักน้ำปลาพริกน้ำส้มใส่ยังจืดได้ใจสายรสจัด แถมหัวเนี่ยไถหลังหวีไม่มีความน่าประทับใจอะไรซักนิด หรือเป็นเพราะอย่างนั้นมันถึงจำกูไม่ได้วะ T^T

   “หวานแต่ถ่อยแบบมึงกูก็ไม่เอาหรอกว่ะ อย่างกูต้องแบ๊วๆใสๆ” หน้าตาดูจินตนาการไปถึงนางในผับของมัน แบ๊วใสไร้สติแบบน้องจิงยังทำมึงไปหาหมอศัลยกรรมทรวงอกไม่พออีกเหรอ ต้องให้มันหักกี่รอบถึงจะเข็ดฮะ มัวแต่คุยกับมันการบ้านผมเดินมั้ยล่ะนั่น อาถรรพ์ไอ้เชี่ยแทนแท้ๆพอพอสติกลับมาดิครับพี่น้อง

   “เชี่ยไทม์ มือถือมึงสั่น” จรดดินสอสัมผัสกระดาษถนอมสายตาไปได้แค่เสี้ยววิมารก็มาผจญอีกแล้วครับ หน้าจอโชว์หราว่าไอ้เชี่ยแทนมันโทรมา กดเบอร์ผิดหรืออะไรวะนั่น กูไม่มีธุระอะไรจะคุยกับมึงแล้วววว “ทำไมมึงไม่รับวะกูรำคาญ” แล้วเดย์มันก็คว้าไปดู “หล่อสัดสามโลก...ใครวะ” สัตว์โลกน่ารัก สัตว์โลกพิศวง หรือสัตว์โลกอะไรอีกดี มึงตกภาษาไทยหรือไงวะถึงผิดจากฟ้าลงเหวขนาดนี้ ผมคิดผิดรึเปล่าเนี่ยที่ยืมเล็คเชอร์มันมาลอก อ๋อลืมไปนี่มันภาษาอังกฤษ

   “มึงรับให้กูทีดิ๊ กูขี้เกียจคุย” ผมหันไปทำการบ้านต่อไม่สนใจ

   “อะไรของมึง...อะแฮ่ม...สวัสดีครับเสี่ยอู๊ดขายแก๊ส สั่งสองถังวันนี้ส่งฟรีถึงบ้าน ร้านเรารับประกันถังไม่รั่วซึมไม่เป็นสนิมตลอดชีวิตคุณลูกค้า ถ้าเจอของหลุดคิวซียินดีให้ใช้ฟรีตลอดชีพ อ่ะ...อ้าวเฮ้ย...อย่าพึ่งวางดิ” ถ้ามันไม่บอกว่าพ่อมันเล่นหุ้นแล้วรวยมา ผมคงว่ามันเป็นคุณหนูลูกเจ้าของร้านแก๊สประจำจังหวัดเคยรับจ๊อบเป็นพีอาร์บริษัทตัวเองมาแล้ว ป่านนี้ไอ้แทนมันคงคิดว่าผมลงทุนเปลี่ยนเบอร์หนีมันแล้วลบทิ้งออกจากโทรศัพท์แล้วมั้ง เออก็ดีมันจะได้ไม่ต้องมาตามตื้อผมอีก แต่เอ๊ะมีอะไรที่ต้องให้มันคุยกับผมอีกวะ นอกเสียแต่ว่า...

   “เชี่ยแล้ว!!” ผมลุกพรวดพราดจนไอ้เดย์ยังตกใจ

   “อะไรของมึงอีก”

   “กูลืมคืนตังค์ไอ้แทน” สมควรโดนมันด่าว่าโคตรเหง้าศักราชปลาทอง ตัดขาดกับมันยังไงถึงลืมเยื่อใยสุดท้ายได้วะ เงินตั้งพันห้าถ้าไม่รวยแบบไอ้เดย์คงต้องมีเคืองว่าโดนเบี้ยวแล้วโทรตามจิกยิกๆเหมือนอย่างเมื่อกี้แน่ๆ ผมตาลีตาเหลือกเดินอย่างไวออกไปทางถนนโดยไม่ลืมที่จะคว้ากระเป๋าสตางค์กับมือถือไปด้วย ประจวบเหมาะกับที่มีคนเดินสวนมาตรงมุมโค้งพอดีเลยเกิดการประสานงากัน

   แปร๋น!! โอ๊ะ ผิดเสียง บึก!!

   เหมือนเอาเนื้อนุ่มๆไปชนกับกระดูกเน้นๆ กรอบนอกนุ่มในเป็นไก่เนื้อช้ำ

   “ขอโทษครับ เป็นอะไรมั้ย” คนอะไรวะไหล่โคตรแน่น ผมเกาะคนโชคร้ายที่โดนผมชนแต่เสือกต้องมาขอโทษผมไว้เป็นหลัก เสียการทรงตัวครับเหมือนเอาไม้จิ้มฟันไปยันกับไม้ซุง

   “พี่ไทม์” พอรู้ว่าเป็นใครปล่อยมือจากไหล่แทบไม่ทัน กรรมมันติดจรวดเจ้าหนี้มาทวงถึงที่

   “ไอ้แทน กูไม่ได้จะเบี้ยวนะ” ร้อนตัวกลัวโดนกล่าวหาว่าฉ้อโกง ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล

   “เบี้ยวอะไรของพี่ ตัวออกจะตรงซะขนาดนี้” กูเกร็งโว้ย อยู่ใกล้ขนาดนี้ถึงขั้นได้กลิ่นโคโลญเฉพาะตัวของมัน ไอ้ที่ตะโกนใส่หน้าไปเมื่อตอนกลางวันเนี่ยกะจะทิ้งทวนแท้ๆแต่มันกลับโผล่หน้ามาอีก ตูจะเอาหน้าไปมุดท่อที่ไหนดีวะ

   “มาหากูทำไม” อ้าวๆๆคิดเข้าข้างตัวเองอีก แทนมันอาจจะมาหาสาวเศรษฐศาสตร์แถวนี้ที่เป็นแฟนมันก็ได้ใครจะไปรู้ เออ...มันมีแฟนหรือยังวะ ผมลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย เฮ้ยผมเกือบลืมเรื่องที่มันจะมาทวงตังค์ผมด้วย

   “ไปกินข้าวกัน” เมื่อสองวันก่อนผมแคะขี้หูมาแล้วนะ สิ่งที่มันพูดกับผมแทนที่จะเป็นคำว่า ‘พันห้าผมล่ะ’ ‘คืนเงินผมมา’ ‘มึงติดตังค์กู’ อะไรเทือกนั้นกลับเป็นคำชวนเดต เฮ้ยเดี๋ยวๆๆ ใช้คำผิดชวนแดกข้าวต่างหาก หรือมันมองสาวเศรษฐศาสตร์ที่โต๊ะข้างหลังอยู่วะ สายตามาเต็มเลยครับ ไล่ลำดับตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่รวมไปถึงพี่บัณฑิต ไม่เว้นแม้แต่ไอ้เดย์ มันมองมาทางนี้กันทุกคน แล้วใครวะที่ไอ้แทนมันคุยด้วย แล้วทำไมจู่ๆผมสองคนถึงตกเป็นเป้าสายตาจากทุกคนตรงใต้ถุนคณะได้เนี่ย

   “ผมชวนพี่นั่นแหละ”

   “ชวนกู ชวนกูเพื่อ” น้องในคณะก็ไม่ใช่จะชวนผมไปทำไม

   “ก็ตอนเที่ยงพี่ไม่ได้ทานข้าว” มันมองผมอยู่ตลอดเหรอวะ กูเกร็งหนักกว่าเก่าเลย

   “เรื่องของกูป่ะ ท้องกูกูหากินเองได้” ท้องอืดกินยาธาตุน้ำขาว ปวดท้องดื่มยาธาตุน้ำแดง ท้องเสียดื่มน้ำเกลือแร่ กูดูแลตัวเองได้ “กูจะทำการบ้าน” ขยันขึ้นมาทันที ไอ้เดย์มันยังนั่งอยู่ที่เก่าทำหน้าตาเหลอหลาสนอกสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมกลับไปนั่งข้างๆ มันโดยมีไอ้แทนเดินตามมาติดๆ

   “สวัสดีครับพี่” มันไหว้เพื่อนผม มารยาทโคตรงาม

   “มาดึงเรตติ้งคณะนี้เหรอวะ สาวๆเนี่ยมองตาเป็นมัน” อ๋อที่แท้ก็มองไอ้หล่อนี่ เด่นชิบหาย อย่ามาเข้าใกล้กู

   “เปล่าครับ ผมมาซื้อแก๊สร้านเสี่ยอู๊ด” มุกไอ้เดย์ตกเหว ไอ้พีอาร์จอมปลอม ขนาดซื่อๆอย่างไอ้แทนมึงยังหลอกไม่ได้

   “ไอ้นี่ รู้แล้ววางทำไมวะ ทำอย่างกับกลัวคิดว่ากูเป็นเซลล์ขายตรง กูชื่อเดย์เว้ยอู๊ดน่ะพ่อกู” มึงโกรธมันเลยมันล้อชื่อพ่อมึงนะเว้ย

   “ขอโทษครับ” หงอเลยดิ เพื่อนกูดุหวงกูยิ่งกว่าหมาหวงเจ้าของ ไม่งั้นผมไม่รอดเงื้อมมือไอ้รุ่นพี่ต่างเอกที่มันมาไล่จีบผมตอนปีหนึ่งได้หรอก

   “แล้วมีธุระอะไรที่นี่วะ หลงทางเหรอ วิศวะอยู่ทางนั้น” ผมแม่งโคตรรักเพื่อนผมคนนี้เลย ถ้าผมไม่ชอบอะไรนะมันจะคอยเป็นไม้กันหมา กันปลวก กันพยาธิให้ผมตลอด ถึงแม้มันจะปากหมาไปหน่อยก็เหอะ

   “เปล่าหลง แค่มาหาเพื่อนพี่น่ะ จะมาพาไปทานข้าว” ไอ้เดย์มันสะดุ้งแล้วหันมามองผม

   “กูลืมไปเลยว่ะว่ามึงยังไม่ได้แดกข้าวมาตั้งแต่เที่ยง แม่งกระเพาะแดกหมด เชี่ยไทม์ทำไมมึงไม่เตือนกูวะ เอาแต่ทำการบ้านอยู่ได้” มันเป็นแม่ผมครับ ไอ้เดย์น่ะเห็นมันนิสัยกากๆ ขี้โวยวาย เมาง่ายเป็นที่หนึ่ง แต่มันก็ไม่รู้เป็นอะไรกับผมมากรึเปล่าถึงได้ห่วงตั้งแต่เรื่องขี้ประติ๋วอย่างโดนมดกัดยันไปจนถึงเรื่องอุจจาระไม่ออกมันก็ยังจะห่วงผม

   “กูจะทำการบ้าน ทำไม่เสร็จศราวุธฆ่ากูพอดี” หอเสือกเนตค้างตอนลงทะเบียน แย่งชิงที่นั่งในเซคอาจารย์ปล่อยเกรดไม่ได้กรรมเลยตกมาอยู่ที่เซคอาจารย์ภาษาอังกฤษสุดหินแทน

   “ไม่ต้องทงไม่ต้องทำมันแล้วมึง ปิดๆไปกินข้าว”

   “เชี่ยเดย์ ทำเสร็จแล้วค่อยไปได้มั้ยวะ” ไปตอนนี้ไอ้หล่อข้างหลังมันต้องตามไปด้วยแน่นอน ลางสังเห่าสังหรณ์มันบอก แต่ผมจะกลัวมันทำไมเนี่ยยยย

   “ให้ผมช่วยมั้ย” เสียงหล่อตามหน้าตาเสนอตัวมาทำการบ้านให้ผม มึงเด็กจบนอกเหรอจะมาทำการบ้านภาษาอังกฤษปีสองให้กูเนี่ย อย่ามาอวดฉลาด โดยไม่รอคำตอบรับแทนมันแทรกตัวมานั่งจุ้มปุ๊กตรงกลางระหว่างผมกับไอ้เดย์ลากเท็กซ์ไปมองผ่านสองสามทีแล้วยกขึ้นชี้ให้ผมดู

   “ตรงนี้ผมว่าใช้คำว่า miscommunication แทนดีกว่านะ เป็น I apologize in advance if the miscommunication...” ขอตัวไปแดกวุ้นแปลภาษาแปบ จอร์จพูดอะไรซาร่าตามไม่ทันนนนน “ให้ผมจดให้เอามั้ย” ไม่สอนเปล่าเสนอตัวจะเขียนให้ด้วย ถ้าศราวุธเดินผ่านมาเห็นแอบเปิดตู้เย็นกินน้ำเก็กฮวย ผมได้ชักแหงกๆๆๆ แน่ โทษฐานให้ปีหนึ่งทำการบ้านแทน พอเห็นเงียบอึ้งแดกเข้าหน่อยไอ้หล่อเลยกวาดสายตามองหาซัมธิงบนโต๊ะ แค่คิ้วมันกระตุกเท่านั้นแหละผมรู้ตัวเลยว่ามันหาอะไร เช้ดดดดดมึงอย่าาาาาาา ตะปบได้เป็นตะปบครับวินาทีนี้

   “พี่ไทม์?” ผมแต๊ะอั๋งมือมันจับแน่นด้วย กับแฟนคนก่อนกูยังไม่แนบแน่นขนาดนี้เลยกูพนันได้

   “มึง อย่า ขยับเชียวนะ” จะให้มันเห็นไม่ได้เด็ดขาดดดด

   “มีอะไรกันแน่ครับ” สายตาสั้นหรือไงมึงถึงต้องเอาหน้ามาใกล้กูขนาดนี้ จะเค้นคอกูก็ขอแบบละมุนละม่อมไม่เอาแบบตกใจจนกูต้องปล่อยมือมึงได้มั้ยวะ ไม่นะยางลบกู๊ๆๆๆๆ ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ตอนที่มันมองของในมืออย่างพินิจพิเคราะห์ ความจำเสื่อม ความจำสั้น หรืออะไรก็ได้กูยอม แต่อย่าพึ่งมาจำยางลบก้อนนี้ ณ ตอนนี้ได้ได้มั้ยวะ กูหยิบสคริปอาขยานไม่ทัน

   “หึ บ๊อง” จบด้วยคำด่าสั้นๆแต่โคตรเชือดเฉือนเนื้อสมองส่วนซีรีเบลลัมของผมชิบหาย ไม่มีท่าทีติดใจแถมยังเอาไปใช้ลบจดการบ้านผมต่อยิกๆ “เอ้า เสร็จแล้ว” เฮ้ยยย การบ้านที่ผมใช้เวลาทำหนึ่งชั่วโมง แต่มันเสือกทำเสร็จภายในสามนาทีเนี่ยนะ ขอผมเขียนจดหมายธุรกิจไปคอมเพลนพระเจ้าอีกฉบับได้มั้ยว่าท่านสร้างคนมายังไงให้ไม่เท่าเทียมกันชิบหายเนี่ย

   “เท่านี้ก็ไปกินข้าวกับผมได้แล้วสิ”

   “ใครตอบตกลงมึง”

   “ก็เห็นบอกทำเสร็จแล้วจะไป”

   “เชี่ยมึงกินอะไรเป็นอาหารเนี่ย”

   “อยากรู้ก็ไปกินด้วยกันดิ”

   “มึงแดกเท็กซ์เข้าไปใช่มั้ย ถึงทำการบ้านกูได้เนี่ย”

   “ถ้าอย่างนั้นผมคงโง่โคตรๆ เลย เพราะตอนนี้ผมไม่มีเท็กซ์ภาษาอังกฤษพื้นฐานสามไว้ให้เรียนอยู่”

   “...” มึงต้องการอะไรจากสังคม ไม่ดิสงสัยมันต้องการอะไรจากผมมากกว่า เท็กซ์ภาษาอังกฤษพื้นฐานสามกูมี แต่กูต้องให้น้องมิน น้องกูมันทวงยิกๆอยู่เนี่ยมึงก็เห็น

   “ออกจากคณะพวกพี่แล้วเดินตรงไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา พอใกล้ถึงประตูเอกมึงก็หยุด ศูนย์หนังสืออยู่ทางซ้ายมือ” เห็นเป็นน้องรหัสผมไม่ได้ไอ้เดย์ถึงกับออกตัวปกป้องมรดกทางปัญญาของสายรหัสผม กำจัดไอ้แทนได้กูเป็นพ่อสื่อให้มึงกับน้องมินเลย จัดไปไอ้เดย์

   ท่าว่าจะได้ผล ไอ้แทนมันลุกเลยครับ พอนั่งอยู่เลยยิ่งรู้สึกมันสูงชิบ มันยกยิ้มให้เพื่อนผมอย่างหล่อ

   “ผมไปไม่ถูก ให้พี่ไทม์พาไปละกันนะครับ” แรงไก่ไม่มีกระดูกอย่างผมจะไปสู้อะไรกับน่องไก่กระดูกโตอย่างมันล่ะครับ ฉวยข้อมือผมได้มันก็ลากสิจะเหลือเหรอ เฮ้ยมึงปล่อยกู๊ๆๆๆๆๆๆๆๆ



   “ทานอะไรดีครับ” อย่างนี้แจ้งตำรวจข้อหาลักพาตัวได้มั้ยวะ แต่มันไม่ได้มัดผมกับเก้าอี้ เอาผ้าขาวอุดปากแล้วสั่งให้ผมโทรไปบอกเตี่ยว่าให้โอนเงินเข้าบัญชีมันพันห้านี่หว่า ข้อกล่าวหานี้เป็นอันตกไป ร้านที่มันพามาก็บ้านๆ แต่บรรยากาศดีโคตรๆ บวกกันฝนที่เริ่มพล่ำๆลงมาเลยทำให้คนมาหลบฝนกินข้าวกันเยอะ แต่รอไม่นานพวกเราก็ได้ที่นั่ง ทำไมผมยอมมันง่ายขนาดนี้วะแทนที่จะรีบวิ่งหนีกลับบ้าน เห็นว่านั่งรถมันมาแล้วแถมฝนยังเทลงมาหรอกนะ ไม่งั้น...ฮึ่ยหอมว่ะ กูหิวววววว

   “ผมเห็นพี่ไม่ได้กินอะไรเลยโทรมาสั่งไว้ก่อนอย่างสองอย่างน่ะ อยากกินอะไรสั่งเพิ่มได้นะ” น้ำลายกูสอแล้ว อาหารเล่นยกมาเสิร์ฟแบบรวดเดียวสามจานจบ กลิ่นแม่งก็เย้ายวนน้ำย่อยในกระเพาะกูซะขนาดนี้ จะให้กลับตัวยังไงวะ

   “กินเผ็ดได้มั้ย”

   “สายกูเลยล่ะ”

   “หน้าหวานๆไม่คิดว่าจะจัดจ้าน” ไอ้นี่เดี๋ยวเอาพริกยัดตูด ทุกคนต้องกินอาหารตามใบหน้าเหรอ หน้าคมๆอย่างมึงไม่กินใบมีดโกนเป็นอาหารเลยล่ะ ผมไม่ตอบโต้ตั้งหน้าตั้งตาตักอาหารเข้าปาก เยดเข้ อร่อยสาดดดดร้านนี้ วงนอกเรคคอมเมนด์

   “อร่อยมั้ย” ชูชกวางช้อนส้อมทันทีเลยครับ มึงจ้องกูทำไม แดกเข้าไปดิข้าวน่ะ

   “ก็...อร่อยดี” วางฟอร์มโคตร ถึงจะกู้กลับคืนมาไม่ได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่จ้วงทอดมันกุ้งเข้าปากแล้วล่ะนะ

   “ดีแล้ว” เออกินๆๆๆ อย่ามาจ้องกูกินไม่สะดวก ยิ่งอดอาหารเที่ยงมาดผู้ดงผู้ดีผมหายหมด น้ำย่อยมันทำงาน

   “ต้มยำร้านนี้อร่อยนะ” เออแซ่บ มะนาวสดโคตร กุ้งตัวเขื่อง ร้านนี้มันหลบอยู่ตรงซอกไหนผมถึงไม่เคยเห็นไม่เคยมากินเลยวะ แรร์เพลสชัดๆ “ผมชอบพาน้องมากินร้านนี้น่ะ”

   “มึงมีน้องด้วยเหรอ”

   “น้องสาวน่ะ เมื่อก่อนไม่ค่อยได้เจอ พักหลังพอมาอยู่ใกล้กันเลยพามาบ่อย” พี่ชายหล่อขนาดนี้ น้องสาวจะสวยขนาดไหนวะ ชักอยากเห็นหน้าแล้ว แต่ดูท่าไอ้แทนมันคงติดน้องสาวมันน่าดู มีพี่เขยอย่างนี้กูขอผ่าน

   “สั่งอะไรเพิ่มอีกมั้ย” คนนะไม่ใช่ฮิปโป เลี้ยงอย่างนี้กะเอาให้อ้วนตายเลยมั้ยครับ แอบหนีบเนื้อที่พุงแล้วสะท้อนใจกับฉากชนประสานงาตรงหน้าคณะ

   “มึงเหอะ จะกินไรก็สั่ง เดี๋ยวมื้อนี้กูเลี้ยงเอง” คิดแผนใหม่ ขุนไอ้แทนให้มันอ้วนนนน

   “เฮ้ย คนพามาก็ต้องเลี้ยงดิ อีกอย่างผมทำพี่อดข้าวนะ”

   “แล้วกูติดตังค์มึงอยู่มั้ยล่ะ เชี่ยนี่” กูยังไม่อยากไปเจอไปชดใช้มึงชาติหน้านะ

   “บอกแล้วคืนเมื่อไรก็ได้” กูไม่อยากเจอมึงอีกแล้ว เข้าใจกูเปล่าาาา   “หรือพี่กลัวที่จะเจอผม”

   “มีอะไรให้กูต้องกลัวมึง” มึงเป็นผีเหรอ หรือเป็นยากูซ่า หรือเป็นเจ้าหน้าที่เทศบาลมากำจัดหมาหิวอย่างกูฮะ

   “เรื่องยางลบไง” สำลักดิครับ วินาทีที่น้ำต้มยำไหลเข้าคอด้วย เชี่ยนี่เล่นยิงตรงไม่รู้จักเวล่ำเวลา กูแสบคอออออ “น้ำมั้ยครับ” เหมือนกำลังถูกมันจับกดน้ำ ‘มึงจะพูดไม่พูดฮะไอ้พี่ไทม์มึงคายความลับออกมา’ เดี๋ยวช่วยกูเดี๋ยวทำร้ายกู จะเอายังไงกันแน่ครับไอ้คุณน้องแทน

   “ไม่เกี่ยวกับมึง” มึงบอกกูเลอะเลือนจำคนผิดอย่างนี้ ให้ทู่ซี้ซักต่อไปหาพระแสงของ้าวทำไม

   “ผมจำไม่ได้จริงๆนะ”

   “...” เจ็บอีกแล้ว จะย้ำให้ได้อะไรวะ

   “ผมไม่อยากให้พี่เสียใจ” ไม่ใช่ความผิดมึง จะผิดมันก็ผิดที่กูหวังว่ามึงจะเป็นเด็กม.ห้าที่มาให้ยางลบกู ผมทำร้ายตัวเองด้วยความหวังของผมเองแหละ

   “กูอิ่มแล้ว” แดกต่อไม่ลงเลย อาหารเหลือตรึม ผมควักแบงค์พันห้าวางบนโต๊ะพลางหันไปเรียกพนักงานมาเก็บเงินโดยไม่ลืมบุญคุณพระแม่โพสพให้ห่อกลับบ้าน บรรยากาศชวนอึดอัดโคตรๆ ผมสร้างขึ้นมาเองแล้วทำไมผมกลับกำลังจะทนเองไม่ได้วะ พออาหารใส่ห่อมาส่งถึงโต๊ะเท่านั้นแหละคว้ากระเป๋าได้ก็เดินดุ่มๆ ออกจากร้านทันที


   ‘เพราะมึงไม่เคยมองใคร มีคนนี้แหละคนแรกที่มึงมองแล้วก็ติดใจมานานกว่าที่เคยติดหญิง’ คำพูดของไอ้เพื่อนตัวดีวนเวียนอยู่ในหัว เชี่ยเพราะมึงนั่นแหละไอ้เดย์ มึงทำให้กูคิดว่ากูตกหลุมรักมันตั้งแต่แรกพบ ไอ้เจ้าของยางลบนั่น แล้วอย่างนี้กูต้องจัดการกับความรู้สึกกูยังไงวะ ส่งยางลบให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจรอยนิ้วมือตามหาตัวเจ้าของเลยดีมั้ย กูเคลียร์ความรู้สึกตัวเองไม่ด้ายยยยย

   “ต่อจากโรคกระเพาะก็จะเอาหวัดเหรอ” ใต้ร่มคันเดียวกันโรแมนติกสัด แต่ตอนนี้กูไม่ต้องการโมเมนต์นี้ ผู้กำกับขอเปลี่ยนไปเล่นฉากอื่นได้มั้ยครับ ฝนพร้อมฉากพร้อมขนาดนี้โดนผู้กำกับไล่ไปขี้แน่ อย่างน้อยผมขอเปลี่ยนตัวพระเอก หรือปิดกองไปเลยได้มั้ย อ้าวทำไมกูต้องเป็นนางเอกด้วยวะ

   “เอากับข้าวที่เหลือไปด้วยนะ”

   “มึงเอาไปเถอะ” มันไม่ได้ยินเหรอว่าผมบอกอิ่ม แดกอะไรไม่ลงแม้กระทั่งเม็ดก๋วยจี๊เม็ดนึงน่ะ

   “ไม่เอาเดี๋ยวอ้วน”

   “กล้ามกระดูกขนาดนี้มึงยังกลัวอีกนะเชี่ยนี่” พิสูจน์มากับมือนี้แล้วมึงอย่าหลอกกู

   “หึ รู้ด้วย เอาไปให้พี่เดย์ก็ได้นะ ถ้าพี่กินไม่ลง” เออเอาไปให้หมาผู้ซื่อสัตย์ของผมก็ได้วะ ผมกำลังอยากจะไปโวยวายใส่มันพอดี

   “งั้นเอามา” ผมฉวยมาจากมือมัน เผื่อไอ้เดย์มันกินแล้วชอบจะได้มากินกับมันบ่อยๆ นานๆจะหาร้านอร่อยได้ซักที

   “พี่จะกลับหอเลยมั้ย”

   “ไปหอไอ้เดย์ดิ กูจะเอากับข้าวไปให้มัน” สภาพนี้หันหน้าเข้าหาไอ้แทนทีมีแต่ลมหายใจจะรดใส่กัน แล้วมันก็ไม่รู้จะกลัวผมตัวเปียกอะไรนักหนานะถึงได้เบียดมาซะ ไม่ต้องถนอมกูเทียมผู้หญิงก็ได้ กูมีด้านล่างเหมือนมึง

   “เดี๋ยวผมไปส่งแล้วก็จะได้กลับหอด้วยกัน” จะทำอะไรก็ตามใจมึงเลย ตอนนี้กูยอมแพ้ หมดอารมณ์ต่อต้าน


หอประตูโท

   บทจะเบียดก็ต้องเบียดมาจนถึงหน้าหอ เพราะฝนตกลานจอดรถในร่มเลยเต็มไอ้แทนมันเลยต้องขับซีวิคมันมาจอดกลางแจ้งแล้วเดินแนบตัวร่มคันเดียวกันมาจนถึงตัวตึก ทั้งที่ผมท้วงแล้วท้วงอีกว่ามาคนเดียวได้ให้รอแป๊บ ท่าจะใจร้อนสัดรอไม่กี่สิบนาทีทำจะเป็นจะตายต้องตามมาให้ได้ สองสองสี่ภารกิจนี้ผมต้องไปให้ถึง จะได้สะบัดไอ้แทนหลุดไปซักที ผมอยากอยู่คนเดียวววว

   “ไอ้เดย์” ผมเคาะประตู ห้องเงียบสัด อย่างกับยกป่าช้าวัดดอนมา เสียงฟ้าผ่ากับแสงฟ้าแล่บมาเป็นระยะระยะจนผมต้องท่องนโมตัสสะในใจ หอร้างป่าววะแม่งพวกเด็กหอมันหายไปไหนกันหมด ฝนตกอย่างนี้สาบานได้ว่าไม่ออกไปเตะบอลแน่ หรือมันแอบมั่วสุมรวมตัวดูหนังเอวีกันเสียงฟ้าฝนยิ่งเป็นใจอยู่ ไอ้เดย์อย่าบอกนะมึงเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอิคึอิคึด้วยน่ะ ออกมาเปิดประตูซะทีดิวะ

   “ไอ้เดย์ ไม่เปิดกูพังนะเว้ย”

   “ไม่อยู่รึเปล่าพี่” ฝนตกอย่างนี้ยังจะไปเที่ยวเล่นหม้อสาวที่ไหนวะ โอเคกูกลับก็ได้แล้วอาหารกองนี้กูต้องแดกให้หมดใช่มั้ย ฮิปโปบังเกิด

   โครม!!

   หันหลังเตรียมถอยทัพอยู่ดีดีเสียงบางอย่างดังทะลุกำแพงออกมา เล่นเอาผมสะดุ้ง เกิดอะไรขึ้นวะ เสียงเมื่อกี้อย่างกับดังมาจาก...ห้องเพื่อนผมนี่หว่า

   “ไอ้เชี่ยเดย์มึงอยู่เปล่าวะ ทำไมไม่ตอบกู” ร้อนรนชิบ ผมบิดลูกบิดประตูรัวๆ อ้าวแม่งไม่ล็อค อย่าบอกนะมึงว่าโจรขึ้นห้องน่ะ เชี่ยแล้วผมต้องไปช่วยเพื่อน โอเค..ถุงต้มยำยังร้อนอยู่เอาสาดหน้าเข้าลูกกะตาคงจะแสบพิลึก ได้อาวุธแล้วกูลุยยยย วิ่งห้อเข้าห้องแบบไม่กลัวป้าประจำหอจะด่าพ่อล่อแม่ว่าใครเสือกมาย่ำเท้าตึงตังกลางดึก พอถึงโซนห้องนอนผมคว้าถุงต้มยำขึ้นกูเตรียมฉีกกก ฉีกกก

   “บอกแล้วว่าอย่ามาเล่นกับกู” เสียงหนึ่งดังมาผมจำได้ว่าเสียงเพื่อนผม แต่พอภาพตรงหน้าปรากฏสู่สายตาเท่านั้นแหละ

   “...” อารมณ์อยากฉีกถุงแกงผมหดลงไปในบัดดล เอิ่ม...จะให้ผมอธิบายยังไงดีอ่ะ ในห้องมีคนอยู่สองคนครับ คนนึงคือไอ้เดย์เพื่อนผม ผมจำหน้ามันได้ ส่วนอีกคนคือไอ้โย่ง...มันชื่ออะไรนะ เออชื่อไอ้เสาร์เพื่อนไอ้แทน แล้วมันทำไมมาอยู่ห้องนี้ได้ โอเคผมไม่รู้ ตอนนี้ผมรู้แต่ว่าเพื่อนผมแม่งคร่อมไอ้เสาร์อยู่บนเตียงงงงงงงงงงงงง สภาพแม่งยิ่งกว่าผ่านสงครามตะวันออกกลางมา เสื้อผ้าติดกระดุมไม่ถึงห้าเม็ด แถมกางเกงไอ้เสาร์เสือกไม่อยู่กับเจ้าตัว แต่มากองอยู่ตรงพื้นหน้าผมเนี่ยแหละ

   “เช้ดดดด” ดูเหมือนมันกำลังสนุกกันอยู่จนลืมสังเกตเห็นผม เสียงฟ้าฝนก็ดังกลบตัวตนผมเสียมิด นี่กูตีตั๋วที่นั่งพรีเมี่ยมมานั่งดูหนังห่าอะไรอยู่วะเนี่ย สูดหายใจหมุนตัวกลับ มาทางไหนไปทางนั้น ดีที่ไอ้แทนมันช้ากว่าผมไปหลายช่วงตัว ผมเลยคว้าข้อมือมันแล้วใส่เกียร์หมาโกยอ้าวออกมา

   ลงมาถึงชั้นล่าง ผมหอบ หอบยิ่งกว่าหนังอิคึอิคึที่ไอ้เดย์มันเคยเอามาให้ยืมอีก เมื่อกี้กูตาฝาดหรือผีอำ หรือบักหำน้อยมันเข้าสิงถึงได้เจออะไรทำร้ายสายตาได้เยี่ยงนั้นวะ

   “เป็นเหี้ยอะไรอ่ะพี่” ตัวเงินตัวทองเดินออกมาดิ้นกระแด๋วๆเป็นตัวแรกของวัน ไอ้แทนมันสบถใส่ผม มันกล้าได้ไงวะ เออกูรู้แล้ว เห็นสภาพมันก็พอเดาได้เท้าเปล่าเหยียบย่ำพื้นดิน สองนิ้วเกี่ยวรองเท้าคอนเวิร์สห้อยต่องแต่ง กูขอโทษ

   “ลากผมมาอย่างกับเห็นผี” เห็นดิ เห็นผีผ้าห่มไอ้เดย์กับเพื่อนมึงมันเล่นกัน โอ๊ยกูจะบ้าาา “ทึ้งหัวตัวเองอีก ไม่บอกผมนี่ผมคิดนะ”

   “กูพุทธ ถ้ามึงจะเอาไม้กางเขนกับกระเทียมมาไล่กู กูก็ไม่ไปเว้ย”

   “ข้าวสารเสกพอมะ” กูจะเอาไปหุงกินเผื่อเป็นสิริมงคล ล้างซวยทางสายตา “หรือจะต้องให้เอายันต์มาแปะหน้าผากด้วยพี่ถึงจะยอมพูดเนี่ยว่าเกิดอะไรขึ้น” รวมพลคนกลัวผี นี่มึงเอากูเหมามันทุกชนชาติ ฝรั่ง ไทย จีน เลยเหรอวะ ตอนนี้ที่ตีโจทย์ไม่ออกใช่เรื่องผีซะที่ไหน เรื่องคนสองตัวที่อยู่ในห้องเพื่อนผมต่างหาก ไอ้เดย์กับไอ้เสาร์มันไปสนิทเสน่หาถึงขั้นชวนกันขึ้น...บรึ๋ย...ตั้งแต่เมื่อไรวะ

   “เงียบอีก...เดี๋ยวก็จูบซะนี่” เฮ้ยมันว่าไงนะ

   เปรี้ยง!!!

   พระพิรุณครับผมรู้ว่าผมไม่สมหวัง แต่ก็อย่าตอกย้ำว่าถ้าผมรักมันจะทำให้ฟ้าผ่าตายได้มั้ยครับ ผมหลับตาปี๋กว่าจะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงหายใจและแรงกระเพื่อมๆทางผิวสัมผัส

   เช้ดดดดนี้กูกลัวอัสนีวสันต์ผ่าตายจนกระโดดเข้าอกมันเลยเหรอวะ คอนเวิร์สไอ้แทนแม่งร่วงลงพื้นเลยครับ มันมองหน้าผมจากมุมสูงหน้าตื่นๆแม่งโคตรตลก กูเซอร์ไพรสมึงมากใช่มั้ย สมน้ำหน้า ดีแต่ด่ากูว่าเหี้ยบ้างล่ะ ผีเข้าบ้างล่ะ สะใจโว้ย

   “ขึ้นเลย” โมโหกูเหรอ เชี่ยนี่มึงมีสิทธิ์เหรอ ไอ้คนที่ปฏิเสธเรื่องยางลบกู อู อื้อออออออออออออ

   
   เปรี้ยง!!!

   ฟ้าผ่าลงกลางกบาลผม

TBC

แฮ่ ตอนนี้โคตรรีไรท์ แต่แต่งเพลิน ฟินเลย

ม๊วพๆคุณ FeaRes ถ้ามีโอกาสจะจับพี่ดวกมาแต่งตัวผัดแป้งเข้าฉากบ้างนะคะ
แทนบุคคลหลงเบ้าหน้าแห่งปี อุอุ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่4:ให้ฟ้าผ่าตายดิ[11/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 11-08-2017 21:23:14
ทำไมแทนลืมอะ วายยยยยย
มันจะลืมง่ายขนาดนั้นเหรอ เราไม่เชื่อ?!!
โดนใครตีหัวความจำเสื่อมไหม หรือมันไม่น่าจำเลยลืม ...
 :katai1:

ดาวเสาร์กับเดย์! ดูมีซัมติงตั้งนานละ แล้วมันก็มี?!!
อะไรยังไงถึงมาจบที่ห้องเดย์ได้อะคู่นี้ 55555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่5:พัฒนาเกินของความรัก[20/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 20-08-2017 20:48:26
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}
บทที่5: พัฒนาเกินของความรัก


   เชี่ยแม่งมุงเอามือที่คีบคอนเวิร์สเมื่อกี้มาหนีบปากกูทำเพื่อ!!

   “กระโดดกอดผู้ชายแบบนี้ พ่อแม่ไม่สอนพี่ให้รักนวลสงวนตัวบ้างเหรอ”​ เออกูร่าน ใช่ที่ไหนเล่ากูตกใจเสียงฟ้าผ่าต่างหากไอ้ห่ารากนี่

   “อู้อายอำไออ้องอาอะอ๋วนอัวอับอู้อายอ้วยอ๊ะ อามอิ๊ดโอ้ดอิ๊อึ๊ก(ผู้ชายทำไมต้องมาสงวนตัวกับผู้ชายด้วยวะ ความคิดโคตรพิลึก)” อู้อี้แต่ก็มีปัญญาเถียง

   “ก็หน้าพี่เป็นซะอย่างนี้ ทำตัวง่ายๆให้ใครเข้าถึงได้ ถูกทำอะไรไม่ดีไปจะทำยังไง” โหยเทศน์กูเป็นบุพการีเลย ถอดกางเกงให้มึงดูท่อนล่างเลยดีมั้ย ผู้หญิงก็ไม่ใช่ทำไมต้องเครียดขนาดนี้วะ

   “ไทม์” ใครเรียกผม ไม่ใช่ไอ้แทนแน่เพราะมันสวดผมอยู่ เสียงมาจากที่ไกลๆ “ไทม์ใช่มั้ย” ผมกำลังนิมิตถึงใครอยู่รึเปล่า ประโยคเรียกชื่อดูออกหลอนๆ ผมชักกลัวแล้วนะเนี่ย

   “มึงทำอะไรไทม์น่ะ” เหี้ยยยยกูตกใจ โผล่มาถึงมันก็คว้าเข้ามือไอ้แทนเลยครับ ผีเปล่าวะ ผีเปล่าวะ ผีเปล่าว้าาาาาาา

   “นายเป็นใคร” คิ้วคมๆขมวดอย่างมีอารมณ์ ไอ้แทนเห็นเหมือนกันแสดงว่ามันไม่ใช่ผี เอาวะกูไม่กลัวหันหัวขวับไปดูหน้าคนจู่โจมกะทันหันแบบหน่วยรบคอมมานโดมันทันที


   เชี่ยยยยยยยยยย อุทานแม่งได้คำเดียวครับ พระศุกร์เข้าพระเสาร์อยู่กับไอ้เดย์ มาได้ไงวะ ใครจุดธูปเชิญมันมาบอกผมที

   “กูต้องถามมึงต่างหากว่ามึงเป็นใคร” เปิดตัวอย่างเท่มาช่วยนางเอกของเรื่องหรือครับ ถุย!!กูขอถอนตัวจากการแสดง จ้างญาญ่าหรือใหม่ดาวิกามาแทนได้มะ พระเอกอย่างพี่โชกูไม่ขอเอา จำเรื่องเล่าไม้กันหมาของไอ้เดย์ได้มั้ยครับ รุ่นพี่คณะเดียวกันแต่ต่างเอกที่ไล่จีบผมตอนปีหนึ่ง ก็ไอ้เชี่ยพี่โชนี่แหละ

   ผู้ชายตัวสูงสองคนยืนประจันหน้ากัน โอ้โรมิโอทำไมต้องเป็นโรมิโอ ผมขอเป็นมาริโอ้เดินกระโดดเก็บเห็ดบึ๋งๆแล้วออกไปจากตรงนี้ได้มั้ยวะ พวกมึงใจเย็นก่อนนะอย่าพึ่งทะเลาะกัน ผมก็พูดไป ทำอย่างกับไอ้แทนมันจะแย่งผมจากพี่โชอย่างนั้นอ่ะ

   “ต้องตอบด้วยเหรอ” เปรี๊ยะๆ เสียงอะไร สายฟ้าฟาด ไฟฟ้าสถิตย์ ไฟฟ้าแรงสูง กูยังไม่พร้อมจะโดนฟ้าผ่าตายยย

   “กูพี่มึงป่ะ” พี่โชอยู่เศรษฐศาสตร์คงคิดอัตราส่วนทันว่าอย่างน้อยก็ร้อยละยี่สิบห้าที่ไอ้แทนมันจะเป็นพี่บัณฑิตหรือนิสิตปีสี่ ยิ่งเห็นสภาพเรียบร้อยเกินกว่าจะเป็นพวกกร้านโลกปีโตๆได้ยิ่งฟันธงฟันทิ้งเลยครับว่าไอ้แทนเป็นรุ่นน้องมันชัวร์

   “บ้านผมมีน้องสาวคนเดียวจำไม่ได้ว่าเคยมีพี่” กวนชิบหาย มึงเอาหน้าเตรียมรับหมัดพี่มันได้เลย เรื่องนี้ชลธีจะไม่ยุ่ง เห็นทีพี่โชจะต่อปากต่อคำไม่ได้เลยหันมาหาเรื่องเอาความกับผมแทน เฮ้ยอะไรว้า

   “ไอ้เดย์มันไปไหนปล่อยให้ไทม์มายืนมืดๆคนเดียวกับใครก็ไม่รู้เนี่ย” มันกำลังเล่นผีผ้าห่มกับเพื่อนของใครก็ไม่รู้ของพี่อยู่นั่นแหละครับ ขืนบอกไปพี่โชแม่งหันมาวิ่งไล่จีบผมอีกแน่ บอกให้โง่ “ไป เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เหยยยยยยไหงมามุกนี้วะ แขนกู๊ มือที่ถืออาวุธดันเป็นข้างเดียวกับที่ไอ้พี่โชจับลากผมออกห่างจะไอ้แทนด้วยดิ ฉีกถุงต้มยำทำลายร้างไม่ได้ด้วยแล้วเว้ยเหอเหอ

   “พามาถึงที่ได้ผมก็มีปัญญาส่ง ไม่ต้องรบกวน” ใช่ ไอ้แทนมึงจับแขนกูเอาไว้ให้มั่นเลยนะ ที่พึ่งสุดท้ายของกู คนตัวสูงอีกคนแม่งพลิกตัวขมวดคิ้วเครียดจ้องหน้าคนพูดอย่างกับใครไปด่าพ่อมันเสีย หน้าแบบนี้ผมเคยเห็นครั้งนึงตอนไอ้เดย์มันประกาศตัวใส่พี่โชว่าห้ามยุ่งกับผมต่อหน้าธารกำนัลทั้งคณะเศรษฐศาสตร์

   “มึงเป็นใครมาห้ามกู” มึงจะตอบยังไงล่ะทีนี้ หาเรื่องใส่ตัวแล้วมั้ย เพื่อนก็ไม่ใช่ รุ่นน้องก็ไม่เชิง ญาติสนิทยิ่งห่างไกลเกินความสัมพันธ์ หรือมึงจะยอมเป็นแฟนกูหนึ่งวันดีมะ ข้อเสนอเชี่ยๆแบบนี้ผมคงปรับตกไป พี่โชมันไม่เชื่ิออะไรปลวกๆอย่างนั้นหรอก

   “เจ้าหนี้โดยพฤตินัย” ค่าตัวพันห้า ราคาโคตรดิสเคาท์ อย่างนี้กูให้มึงฟรีดีกว่า “แล้วจากนี้ไปก็จะกลายเป็นเจ้านายทางพฤติกรรมด้วย” พูดจบมันกระชากตัวผมจนหลุดจากมือพี่โช ดึงเข้าไปกระซิบเบาๆที่ข้างหู “ผมว่าผมกะจะไม่ทำแล้วนะ” ไม่ทำอะไร มึงบอกกูดิ ก่อนที่มึงจะทามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

   ริมฝีปากบางเฉียบของแทนทิ่มลงหน้าผม เมิงงงงงงงงงงงงมุมกล้อง มุมนี้ไม่ได้ กระบอกสายตาพี่โชมันพุ่งดิ่งเข้ามาแบบเก้าสิบองศา จูบจริงเลยเหรอเชี่ยยยยยยยยยยยย ยอยักษ์ใช้สิ้นเปลืองมาก แต่กูต้องใช้เพราะกูตกใจโว้ยยยยยยยยยยยยยยย

   แข็งและอ่อนในเวลาเดียวกัน นั่นแน่อย่าพึ่งคิดอกุศลนะครับ นั่นไม่ใช่ท่อนล่างผม แต่เป็นตัวผมที่ทั้งแข็งและเกร็งแทบขาดใจ ส่วนไอ้ที่อ่อนก็คือมือไม้มันอ่อนจนแทบจะปล่อยถุงกับข้าวให้ดับแดดิ้นตายกลางพื้น ปากไอ้แทนมันประกบอยู่กับปากผมโคตรไม่โรแมนติกเหมือนในหนังรักเลย เพราะผมได้แต่เบิกตาโพลงมองหน้ามันที่ประชิดเข้ามาแบบโคตรไฮเดฟ ออกซิเจน กูจะตาย พอที

   “หายใจทางจมูก” มีหน้ามาสอนกูอีก เออแฮะมันดีขึ้นทำให้ผมเลิกหายอึดอัดแล้วเอาสมาธิมาเพ่งกับความนุ่มนิ่มของริมฝีปากไอ้แทน เช้ดดดดดดดดดดด ตกใจต่อได้อีกแค่นั้นแหละครับเพราะมันกำลังตัดเข้าฉากบู๊ ไอ้แทนมันโดนกระชากไหล่จับแยกกับผมแล้วโดนหมัดลุ่นๆเสยเข้าข้างแก้ม ซี้ดดดดกูเจ็บแทน

   “มึงทำเชี่ยอะไรเนี่ย!!” พี่โชแม่งโมโหถึงขีดสุด ถ้าไม่รีบห้ามไอ้แทนตายแน่ ผมถลาเข้าไปขวางไอ้คนที่โดนโทสะเข้าครอบงำ

   “พี่ต่างหากทำไรวะแม่ง ต่อยคนได้ไงเนี่ยนี่มันในมอนะ!!”

   “ก็มันจูบไทม์อ่ะ!!” ปากกูมั้ยล่ะนั่น ทำอย่างกับไอ้แทนมันทำไปถึงขั้นปล้ำกูแล้วอย่างนั้นอ่ะ

   “แฟนกันจูบกันไม่ได้เหรอครับ” ไม่ใช่เสียงโผ้มมม ผมสาบานได้ ไอ้แทนมันลุกขึ้นมาตอนไหน แถมยังเอาแขนมาพาดไหล่ผมจากข้างหลัง รั้งคอไปหอมแก้มเบาๆสร้างความประทับใจให้ไอ้เชี่ยพี่โชอีก มึงเอาน้ำมันมาราดบนกองไฟทำไมว้าาาาาา

   “มึง!!”

   “เกิดอะไรขึ้นน่ะ พวกเธอทำอะไรกัน!!” กรรมการห้ามมวยระหว่างโชแปง ศิษย์พ่อตายแม่ยายมึงสิ้น กับแทนสุรบถสุดยอดคนพูดปดแห่งปีมาทันก่อนที่พี่โชมันจะขึ้นยกสอง ป้าประจำหอคงได้ยินเสียงดังโหวกเหวกโวยวายหลังฝนซาเลยวิ่งมาดูว่าเกิดอะไร เรื่องใหญ่โดนตักเตือนขายขี้หน้าหรือแม้กระทั่งว่าอาจโดนไล่ออกจากหอคิดบวกลบคูณหารแล้วไม่คุ้มผมเลยกึ่งอุ้มประคองไอ้แทนขึ้นมา ส่วนพี่โชมันจิ๊ปากรำคาญใจก่อนหันไปทางป้า

   “ไม่มีอะไรครับ แค่พื้นลื่นน้องเขาเลย...หกล้มนิดหน่อย” พี่โชแม่งสุดๆ แถได้เสลดปลิง พื้นแห้งยิ่งกว่าใส่มามี่โป๊ะโกะแล้วใครมันจะไปโก๊ะหกล้มเอาปากวัดพื้นได้ล่ะครับ

   “โถพ่อหนุ่มเป็นไรมั้ยเนี่ย ไหนๆมาให้ป้าดู” เห็นหน้าไอ้แทนเข้าหน่อยป้าเนี่ยวิ่งรี่ไปประคมประหงม ถ้าผมล้มจะทำแบบเดียวกันมั้ย มีหวังได้โดนโยนทิงเจอร์ไอโอดีนใส่แล้วบอกให้ไปทำแผลเอง “เอาหน้าลงพื้นเหรอเนี่ย ทีหลังอย่าเอาหน้าลงนะ หน้าตายิ่งดีๆอยู่” ไม่ให้เอาหน้าลงแล้วให้เอาส่วนไหนลงครับป้า มันหล่อขนาดนี้ให้มีบุบสลายซะบ้างคงไม่ถึงขั้นสร้างมลพิษให้โลกหรอก

   “ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมพาไปทำแผลเอง มึงมานี่” อย่างน้อยกูก็ขอออกไปจากบรรยากาศขมุกขมัวนี่ก่อนได้มั้ยวะ ผมจูงไอ้หล่อปากแตกเดินเกร็งผ่านพี่โชไป แต่ยังไม่วายไอ้แทนมันมีส่งท้ายให้ผมใจหายเล่นอีก

   “อย่าคิดว่าผมยอมพี่ ปากแตกแค่นี้ผมให้อภัย” หมัดครับ พี่โชมันกำหมัดแน่นเลย พอทีไอ้แทนมึงหยุด หุบปาก แล้วมากับกูนี่



หอประตูเอก


   พาแทนมันกลับหออย่างไวโดยไม่ลืมขอยืมกล่องปฐมพยาบาลอเนกประสงค์ของลุงคมน้องป้าเพ็ญแล้วรีบเผ่นขึ้นห้องมายืนจ้องแผ่นป้ายหมายเลขหน้าประตู สภาพผมมันคงดูละล้าละลังจนถึงขั้นไอ้แทนต้องเอ่ยปากถาม

   “ลืมกุญแจเหรอ”

   “เปล่า”

   “แล้วเป็นอะไร” กลัวมึงหาว่ากูร่านลากผู้ชายขึ้นห้องอีกอ่ะดิ พูดไม่ได้และดูเหมือนไอ้แทนมันจะไม่คิดอะไรแบบนั้น ฮ่วย!!ช่างมันวะ จะด่าก็ด่าไปแต่ขออย่าให้มึงทนพิษบาดแผลไม่ไหวมาตายที่หน้าห้องกูเป็นพอ ไขกุญแจได้ก็รีบไล่มันไปนั่งที่เตียง คุ้ยกล่องปฐมพยาบาลลุงคมน้องป้าเพ็ญที่มีครบทุกอย่าง ตั้งแต่ลูกอมโบตัน ยาสีฟันคอลเกต สบู่มะขามเปียกอิงแอบ ยาริดสีดวงตาปลามังกือ อ้าวเฮ้ย น้ำเกลือล่ะ สำลีล่ะ อยู่ไหนวะ อ่ะเจอแล้ว เปิดขวดน้ำเกลือจุ่มสำลีจิ้มไปที่แผลมุมปากอย่างไวว่อง

   “ทำไรคิดบ้างมั้ยวะ มึงเนี่ย”

   “ทำหน้าเป็นลูกหมาหลบหลังเจ้าของอย่างนั้น ยังมีหน้ามาพูดอีกนะ” ใคร ใครวะลูกหมาหลบหลังเจ้าของ ผมเหรอ มันหมายถึงผมใช่มั้ย “ซี้ด” แหนะมีจิกตาใส่ผมอีก บ้านมึงเป็นบรรพบุรุษไก่หรือไงถึงได้ขยันจิกๆๆใส่กูจังตั้งแต่กลับมาที่หอแล้วเนี่ย เจ็บปากนักใช่มั้ย ได้กูเช็ดให้ ท่าทางแทนมันจะไม่ทนกับการทรมานจากผมหลังโดนหมัดมาใหม่ๆมันเลยยึดมือที่ถือสำลีจุ่มน้ำเกลือไว้แล้วจัดชิคเก้นวิงส์ชุดใหญ่มาให้ผม

   “เช็ดเบาๆหน่อย” ถ้าเช็ดเบาแล้วมึงจะเจ็บมั้ยล่ะ วัตถุประสงค์กูคือการทำให้มึงเจ็บที่กล้ามาว่ากูเป็นลูกหมา ด่าว่าเป็นตัวเหี้ยตัวห่าอะไรก็ได้ แต่อย่ามาด่ากูเป็นลูกหมาาาา “โมโหไรเนี่ย เมื่อกี้ยังนิ่งๆอยู่เลย”

   “กูไม่ได้โมโห”

   “โมโหอยู่ชัดๆ”

   “ก็บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้โมโห มึงฟังภาษาคน...”

   “หรือโมโหที่ผมจูบพี่” เสลดติดคอ ค่อกแค่ก ตรงไปมั้ยเมิงงงงงง จากไม่คิดกูคิดเลย น้ำเกลือๆ แค่เช็ดยังไม่พอวันนี้กูอาบเลยละกันน้ำเกลือลุงคมน้องป้าเพ็ญน้ำเกลือบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์จากสมุทรสาคร เดี๋ยวผมไปซื้อมาใช้คืนให้ละกันนะผมขอเอาล้างซวยก่อนวันนี้

   “เดี๋ยวเชื้อโรคก็เข้าปากหรอก เอาของผมไปเช็ดต่อเนี่ย” ถุยยยยลืมไปว่าที่อยู่ในมือมันเป็นอันเดียวกับที่ซับเลือดปากไอ้หล่อนี่มา

   “จูบแรกป่ะ” แม่งปล้นปืนกลจากหน่วยรบคอมมานโดเชี่ยพี่โชมารึไงวะ รัวคำถามเหยียบย่ำศักดิ์ศรีลูกผู้ชายผมซะเละเป็นโจ๊ก ต้องทำไงกับมันดีวะเนี่ย

   “มึงกลับห้องมึงไปเลย” รากมึงงอกลงเตียงกูหรือไงวะ ดันเท่าไรก็ไม่ขยับ

   “เขินเลยดิ” เช้ดดดดดด กูจะเขินห่าเหวอะไรก็เรื่องของกู๊ มึงไม่ต้องมาแซว

   “กูจะถือว่าหมามันกัดปาก” เซนต์เบอร์นาร์ด ยอร์คเชียร์ พิทบูล กูจินตนาการได้หมดยกเว้นหน้ามึงกูต้องลืมให้ได้ หน้าไฮเดฟที่มึงทิ้งไว้ในความทรงจำกู สาดดดดด

   “หึ รู้งี้ปล่อยให้อยู่กับไอ้พี่คนนั้นซะก็สิ้นเรื่อง ไม่น่าช่วยเลย”

   “ใครขอร้องมึงวะ” ผมแม่งโคตรเนรคุณ

   “กลับไปหอประตูโทกัน” เยดเข้ ไม่ว่าเปล่ามันจับข้อมือผมจะลากออกไปให้ได้

   “เชี่ยแทน กูล้อเล่น กูขอโทษษษษ” อีกก้าวเดียวจะถึงประตู ผมใจหาย สุรบถ เกียรติไพศาล สโลแกน พูดจริง ทำจริง เล่นจริง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ไม่งั้นมันคงไม่ประกบปากจูบดูดดื่มกับผมจริงจังขนาดนั้นหรอก แล้วตอนนี้มันก็กำลังจะทำจริงโดยเอาผมกลับไปส่งเข้าปากเสืออย่างพี่โช

   “ทำไมพี่ต้องกลัวไอ้หน้าแหลมนั่นขนาดนั้นด้วย” มันขมวดคิ้วสงสัย มึงไม่มาเป็นกูหนิ ช่วงเวลาเฟรชชี่หนึ่งปีที่ผ่านมากูต้องผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง มึงไม่รู้หรอก ก็แน่สิผมยังไม่ได้เล่าให้มันฟัง

   “...”

   “จะบอกไม่บอก” เค้นคอกูอีก

   “...”

   “งั้น กลับไปหาพี่เดย์” ไม่จริงงงงงง หอกูอยู่นี่มึงจะพากูไปไหนนน

   “พี่โชมันจีบกูอยู่!!” ทั้งห้องเงียบกริบ เหมือนใครไปกดปุ่มพอสเอาไว้ อึ้งเลยเด้ กูหล่อขนาดเชี่ยพี่โชมันหลงมาจีบได้ แต่ในสถานะรับนะครับ น่าอวดสัด

   “จีบ?”

   “เออดิ ถึงหน้าตากูมันจะไม่ให้ไปทางนั้นก็เหอะ แต่แม่งไม่รู้นึกครึ้มอะไรมาชอบ...”

   “หน้าพี่แม่งโคตรให้อ่ะ”

   “หา?”  ให้อะไรมึงพูดดีๆ คำถามนี้ผมมีโดดเสยตูดไอ้เดย์มาแล้วนะเว้ย

   “ผมบอกว่าหน้าพี่แม่งโคตรให้อ่ะ วันๆหัดส่องกระจกบ้างมั้ย รู้ตัวรึเปล่าว่าเดินไปไหนมาไหนใครก็มอง” ทำไมวะหรือว่ากูลืมรูดซิปกางเกง ผมรีบก้มลงมองด้านล่าง อ้าวก็มิดชิดปิดสนิทดีนี่หว่า หรือเป็นเพราะ...

   “ก็เพราะว่ากูหล่อไงสัด แล้วห้องกูก็มีกระจกเฟ้ย”

   “มั่นหน้านะ อยากจะคิดอะไรก็ตามใจ แล้วจะกลัวทำไมกับแค่โดนผู้ชายจีบ”

   “...” ผมอึ้ง มึงไม่มาเป็นกูมึงไม่รู้หรอก ผมมีเหตุผลของผมที่ไม่อยากให้ใครรู้ เหตุผลซึ่งมีไอ้เดย์เพื่อนซี้ผมคนเดียวเท่านั้นที่รู้ เพราะฉะนั้น...

   “มึง-ไม่-จำ-เป็น-ต้อง-รู้” ใช้แรงฮิปโปน้อยเฮือกสุดท้าย ผลักอกพลิกตัวดันหลังมันออกมานอกห้องได้ ผมเตะคอนเวิร์สส่งอย่างไวแบบไม่ไว้หน้าผู้มีพระคุณ แถมด้วยประโยคส่งท้ายว่า “พรุ่งนี้มึงไม่ต้องมาที่คณะกูอีกนะ นี่-เป็น-คำ-สั่ง!!”

   ปัง!!

   ไปตายซ้าาาาาาาาา เชี่ยเอ๊ยวันนี้มันวันอะไรของผมวะ

   “แล้วอย่างนี้กูจะทำไงต่อไปดีวะเนี่ย” โดนไอ้แทนประกาศตัวว่าเป็นแฟน แผนเผินอะไรที่เคยวางไว้กับไอ้เดย์ก็พังไม่เป็นท่า อย่างนี้จะให้ผมแบกหน้าไปหาพ่อตาเสี่ยอู๊ดยังไงไหว “กูตายแน่เล้ยยย” ทึ้งหัวตัวเองเป็นรอบที่สองของวัน



   “ไอ้ไทม์!!!!”

   “เชี่ยแม่งเชดโด้กูต่อยหน้าหัก!!”

   “เฮ้ยมึงขวัญอ่อนไปมั้ย...ยิ่งกว่าเดิมป่ะเนี่ย”

   “เชี่ยเดย์ มึงเล่นอะไรของมึงวะ” ตอนนี้ขวัญกูอ่อนยิ่งกว่าปัญญาอีก มันเหลวปวกเปียกไม่มีแม้กระทั่งเชื้อความแข็งปึ๋งปั๋งให้มันตั้งเด่ได้อีกแล้ว

   “ก็เห็นมึงนั่งเงียบอยู่กูเลยอยากแกล้ง แล้ววันนี้เป็นไร ทำไมไม่โผล่หัวไปที่ใต้ถุนคณะ ตื่นสายเหรอมึง”

   “เปล่า กูก็แค่...อยากเปลี่ยนบรรยากาศ”

   “โหยเปลี่ยนบรรยากาศ ผีอดัม สมิธเข้าสิงหรือไงมึง” ไอ้แม็คที่เดินมากับไอ้เดย์มันทัก อย่างงไปครับ อดัม สมิธ เป็นบิดาแห่งเศรษฐศาสตร์ อย่างกูผีวิชาการขนาดนั้นไม่เข้าสิงหรอกเว้ย กูอาบน้ำมนต์(น้ำเกลือ)มาครึ่งค่อนคืน จะมีก็แต่ผีขนุนที่เข้าสิงกูให้มีหนุ่มๆมาติดพันจนขมิบตูดไม่ทันอย่างตอนนี้ไง

   จู่ๆ เพื่อนสองตัวมันเปลี่ยนท่าทีจากแซวผมอยู่ดีๆ กลับหันมองหน้ากันแล้วย้ายก้นมานั่งขนาบผมอย่างไว

   “เชี่ยพวกมึงทำอะไร” เบียดมาทำซาก อาคารเรียนรวมห้องมันใหญ่จนให้ควายวิ่งเล่นได้ พวกมึงขาดความอบอุ่นหรือยังไงวะ แค่ไอ้เดย์กูยังพอเข้าใจแต่ไอ้แม็คเนี่ยมึงจะเอาแขนมาไซร้กูเพื่อ น้องฟ้ามาเอาสามีน้องกลับไปที

   “เชี่ยไทม์ เมื่อเช้าพวกกูเห็นอะไรรู้มั้ย” ไอ้เดย์มันเกริ่นอย่างกับกำลังจะเล่าเรื่องผี

   “เห็นอะไร เห็นน้องฟรังดาวทันตะเดินมาแอ่วแถวคณะ หรือเห็นน้องยะดาวศิลปศาสตร์มาปั่นจักรยานแถวนี้เหรอ”

   “เปล่าเว้ย กูเห็นไอ้สิ่งที่มันไม่ควรจะเห็นมาเกือบหนึ่งปี แต่วันนี้มันเสือกโผล่มาให้พวกกูได้เห็น”

   “ตัวเหี้ย” ยิ่งฤดูน้ำหลากด้วยมันยิ่งชอบโผล่กันมาผสมพันธุ์กันให้พรึ่บพรั่บ

   “มึงอ่ะดิไอ้สัดไทม์” อ้าวไหงมาด่ากูวะ ก็มึงให้กูตอบ

   “ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงวะ กูกับไอ้เดย์เห็นพี่โชมันมาด้อมๆมองๆแถวซุ้มคณะ” เช้ดดดดดดด กูว่าแล้ว เซ้นส์กูไม่ผิดเลย พอเกิดเรื่องเมื่อวานขึ้นมันต้องเข้าอีหรอบนี้

   “เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมจู่ๆ มันก็โผล่หัวมา ตั้งแต่กูใช้อำนาจมืดพ่อกูไปตอนนั้นมันก็ไม่กล้ามาแหยมแถวนี้แล้วนี่หว่า แม่งมันต้องกินยาอะไรผิดแน่ๆ เลย” ยาดีอย่างคิสซีนที่ไอ้เชี่ยแทนมันแสดงให้พี่โชเห็นไงล่ะ

   “มึงต้องรู้อะไรแน่ๆ ใช่มั้ย ไอ้ไทม์” สี่ตาสองหน้าแม่งส่งเผือกมาพร้อมกัน อับดุล โอ๋ย นี่ กูซวยหรือกูโคตรซวย ตอบได้คำเดียวว่าโคตรโคตรโคตรโคตรซวยยยย!!

   “เมื่อวานหลังจากที่ไอ้แทนมันลากมึงไปศูนย์หนังสือแล้วมึงไปไหนต่อ” ถึงเสี่ยอู๊ดจะเป็นมาเฟียอิตาลีแต่มึงอย่ามาหรี่ตามองกูแบบนี้ กูไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน กูไปไม่ถูก

   “กูไม่ได้ไปศูนย์หนังสือ”

   “แล้วมึงไปไหนกันมาพูด!!” ตะคอกกูทำไมนั่งใกล้กันขนาดนี้ มึงเป็นพันธมิตรตูหรือเป็นศัตรูกันแน่เนี่ย

   “กะ ก็ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแถวสัตวแพทย์”

   “หลังจากกินอาหารสัตว์แล้วมึงไปไหนต่อ” ต่อมเผือกมึงทำงานหนักหรือยังไง ย่อซะอย่างกับกูแดกข้าวหมาเป็นอาหาร

   “ก็ไปหอมึงไงไอ้สัดเดย์” เอาวะจะคาดคั้นกูอะไรก็ทำไปเพราะใกล้จะถึงไคลแมกซ์แล้ว จากนี้ไปจะไม่ใช่มึงที่สอบสวนกู แต่จะเป็นกูที่ไต่สวนมึง!!

   “มึงมาทำอะไรที่หอกู” เอาอาหารหมาไปให้มึงแดกไงแล้วดันเสือกไปเห็นฉากเข้าด้ายสวนเข็มของมึงกับไอ้เสาร์ก็เลย...

   “ไอ้แทนนี่ใครวะ” ตะลึงตึงโป๊ะ!! ผ่ามากลางดงอนาคอนด้า ไอ้แม็คแม่งแหวกหญ้าให้งูตื่น ศาลไคฟงกูเลยต้องเหว่หวู่เลิกศาลไปแบบท่านราชครูยังไม่โดนประหาร ไอ้สันหอกดอกเห็ดเอ๊ยโอกาสแก้เผ็ดไอ้เดย์ที่มีอยู่น้อยนิด ต้องแพ้ให้กับอิทธิฤทธิ์เจ้าหนูจำไมของไอ้แม็ค ใจหนึ่งก็แอบสงสารมันที่วันๆไม่ได้ตามข่าวดารามัวแต่ไปจมปลักน้องฟ้าแก้วตาดวงใจของมัน

   “อ้าว ไอ้แม็คมึงไปหลงอยู่หญ้าแพรกไหนวะ ถึงไม่รู้ไอ้แทนมันเป็นใคร”

   “กูจะไปรู้มั้ยล่ะก็พวกมึงไม่เคยเล่าให้กูฟัง” แต่พวกกูชวนมึงไปแดกเหล้าทุกวัน อันนี้สาบานได้

   “แหม ทำอย่างกับมึงอยู่ให้พวกกูเล่าให้ฟังอย่างงั้นน่ะ เอะอะก็น้องฟ้า น้องฟ้า ใจมึงจะเอาแต่น้องฟ้าคนเดียวใช่มั้ย” ไอ้เดย์มันตัดพ้อเหมือนเมียงอลผัว เอาเถอะอย่างมึงยังไงก็เป็นได้แค่เมียน้อย ถ้าไอ้แม็คหย่ากับหลวงเมื่อไรมึงค่อยเข้าไป...

   “ถ้าพวกมึงชวนตอนนี้กูก็พร้อมไป” กระโดดตบปากตัวเองร้อยทีปฏิบัติ ผมโคตรเลวแช่งเพื่อนให้เลิกกับแฟน ดูแม่งทำหน้าดิ เศร้าอย่างกับไปกินตีนไก่เน่าที่ไหน

   “เกิดอะไรขึ้นวะเชี่ยแม็ค อย่าบอกนะว่ามึงกับน้องฟ้า...” ไอ้เดย์มันทำหน้าเหมือนเสี่ยตามาเปิดรายการแฟนฟันแล้วทิ้ง อมคำว่า ‘เลิกกัน’ ค้างไว้ในลำคอแต่ฝ่ายที่รอและลุ้นจนตัวโก่งเสือกเป็นควายเผือกสองตัวอย่างพวกผม

   “เปล่า ช่วงนี้ฟ้าเขาแค่...ไม่ค่อยสะดวกน่ะ”

   “แต่อาการอย่างมึงต้องไปร้านพี่ดวก” ผมตบไหล่มันปุๆปลอบใจหาได้มีจุดประสงค์อื่นใดไม่

   “จริงของไอ้ไทม์ อาการอย่างนี้มึงต้องไปดื่มเหล้าย้อมตับเข้าผับย้อมใจ”

   ตกลงเสร็จสรรพหลังจากนั้นอาจารย์ก็มาเข้าคลาสสอน สภาพพวกผมสามตัวยิ่งเรียนยิ่งสมองไหลความรู้ห่าเหวอะไรไม่เข้าหัวเลยซักนิดเพราะใจมันไปถึงร้านพี่ดวกแล้ว หรือวันนี้จะคิดผิดที่มาเรียนสู้เอาเวลาไปเกรียนแถวร้านเหล้าน่าจะได้ลอรีอัลคุณค่าที่คุณคู่ควรกว่ากันเยอะ


   ตอนรอคอยอะไรเวลามันผ่านไปโคตรช้า นี่ก็พึ่งมาถึงตอนเที่ยงแดดเปรี้ยงกินข้าวกลางวัน ส่วนตัวผมก็ร้อนๆหนาวๆทุกครั้งที่มีโอกาสมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกห้องเรียน ตามประสาคนกลัวสโตกเกอร์อย่างพี่โชจะโผล่หัวมาตั้งเกมบุกเปิดเกมรุกมันถึงกลางโรงอาหารเลยต้องมานั่งมองซ้ายแลขวาระแวงชาวบ้านเขาไปทั่ว กว่าจะปรับท่าทีได้ก็เป็นตอนที่รู้สึกถึงพลังงานแห่งการกราดสายตามาอย่างคลางแคลงใจของไอ้เดย์ที่นั่งจกข้าวไปหลายคำโดยปล่อยให้ผมนั่งอยู่เฉยๆแบบลืมหิว มองมาอย่างนี้หมายความว่าไงวะ หรือมันจะรู้ว่ากูกลัวอะไร แหนะมีหัวเราะขึ้นจมูกอีกมึงหาว่ากูใจเสาะกลัวไอ้พี่โชเหรอ

   “นั่งเป็นวัวสันหลังหวะเลยนะมึง ไม่ต้องห่วงหรอกมึงได้โดนน้องกินหัวแน่” ไม่ใช่แค่หัวนะ มันคงพร้อมจะกินหัวกินหางกินกลางตลอดตัวยาวไปถึงตับตับตับตับตับผมเลยล่ะ แต่เดี๋ยวนะทำไมเพื่อนผมปีสองถึงใช้คำว่าน้องกับรุ่นพี่ปีสามล่ะ “แหนะ ยังจะมาทำหน้างงอีก หนังสือมึงอ่ะ เอามาให้น้องมินยัง”

   “ซวยแล้ว กูลืม” หน้าที่ของสมองคนมีไว้จดจำแต่สงสัยของผมคงมีไว้คั่นหู น้องมันจะไม่นับญาติก็คราวนี้เตือนเป็นสิบๆทีทุกช่องทางแต่เสือกลืมวางไว้ข้างเตียง ทำไงดีกูแย่แน่ แต่จู่ๆผมก็ฉุกคิดปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นมาได้กะทันหัน “ไอ้เดย์กูขอกุญแจห้องมึง”

   “เอาไปทำไรวะ ผึ้งต่อยเหรอ” กูยอมรับมึงเกรดสี่สุขศึกษา แต่นี่มันใช่เวลามาปฐมพยาบาลเอาเหล็กในออกมั้ย

   “กูลืมหนังสือไว้ที่ห้องมึง”

   “มึงลืมไว้ตอนไหน”

   “ก็ตอนนั้นไงตอนก่อนหน้าโน้นนนนที่มึงเมาๆแล้วกูไปส่ง กูหิ้วหนังสือไปด้วยแต่มันหนักเลยวางไว้ที่ห้องมึงแล้วก็ลืมมาจนถึงตอนนี้ไง” ตอแหลชนะเลิศ กับแผนตื้นๆอย่างนี้มีหรือที่เพื่อนผมอย่างไอ้เดย์จะ.....

   “อ้าวเหรอ แล้วทำไมมึงไม่บอกให้กูเอามาให้วะ อ่ะเอาไปแล้วก็รีบไปรีบมาล่ะเดี๋ยวก็หมดเวลาแดกข้าวพอดี กูขี้เกียจไล่บี้ให้มึงไปกินข้าวอีก” มีหรือที่ซื่อบื้ออย่างไอ้เดย์จะไม่เชื่อ...ว่ะฮะฮะ ไอ้นี่มันเลือกที่จะซื่อกับบางเรื่องที่ไม่สมควรจะซื่อครับ ไม่งั้นผมไม่ผิดศีลห้าวันละสามเวลาได้ขนาดนี้หรอก

   “เออกูไปก่อน”

   “เอารถกูไปด้วยมั้ย”

   “ไม่ล่ะกูโบกมอไซต์ไปง่ายกว่า ถ้าแดกกับไอ้แม็คเสร็จเมื่อไรมึงก็ไปเลย ไม่ต้องรอกู” พูดจบผมรีบวิ่งตะบึงออกมาเพื่อไม่ให้เจอน้องรหัสก่อนเวลาอันควร วืบหนึ่งรู้สึกเหมือนวิ่งสวนกับร่างชะลูดตูดปอดดูคุ้นตา แต่มาถึงจุดนี้แล้วขี้เกียจหันกลับไปมอง ขอแกร็บไบค์ไปทำภารกิจก่อน จังหวะเหมาะพอดีกับที่พี่วินมาส่งคนเลยโบกมือหยอยๆ ทางนี้ครับพี่ ทางนี้ๆ

   “ไปไหนครับ” เดี๋ยวนี้โลกมันล้ำขนาดมอเตอร์ไซค์รับจ้างส่งสัญญาณเสียงตามสายมาถามปลายทางทั้งที่ห่างไปตั้งเกือบห้าเมตรได้เลยเหรอวะ เออผมประชด เพราะรู้ว่าคนถามมันก็ไอ้คนที่ตามผมมาข้างหลังเนี่ยแหละ

   “หอประตูโท”

   “ผมไปส่งมั้ย” ไอ้แทนมันเสนอตัวพลางควงกุญแจซีวิคของมันโชว์เล่น

   “ถ้าว่างขนาดนั้นก็เอาเวลาไปแดกข้าวซะ” วินาทีนี้อย่ารั้งกูเลย น้องรหัสจะแช่งชักหักกระดูกกูอยู่แล้ว พี่วินซิ่งมาจอดเทียบหน้าผมฉับพลันกับที่หมวกกันน็อคซึ่งถูกหยิบยื่นให้นั้นโดนดันกลับในทันที

   “โทษครับพี่ เพื่อนผมลืมไปว่าต้องแวะที่อื่นก่อน” พยักหน้างกๆ เสร็จพี่วินมันก็ดริฟรถซิ่งยิ่งกว่าแมงกะไซต์ไอ้มดแดงแหกทางโค้งกระโจนไกลราวกับรีบไปส่งอู่ไม่แม้แต่จะฟังเสียงกู่ร้องทักท้วงจากผม

   “ทำอะไรของมึงวะ นี่กูจะรีบไปเอาของนะเนี่ย แล้วใครเพื่อนมึง ปีนเกลียวเหรอ เมื่อวานกูบอกว่าอะไร สมองมึงเสื่อมไปทุกเรื่องหรือไงถึงจำไม่ได้ว่ากูบอกไม่ให้มาที่นี่อีกฮะ”

   “โหย มาเป็นชุดเลย”

   “ถ้ากูมีเวลาจะยิ่งกว่าชุดอีก กูจะใส่สูทผูกไทด์เขียนคำด่ามึงเป็นวิทยานิพนธ์แล้วส่งให้ดูเลย” ว่าจบยังไม่ละความพยายามชะโงกหน้าหาจักรยานยนต์รับจ้างจนคอยืดคอยาวต่อ

   “ไปรถผมแหละ มา” ทำไมมึงชอบบังคับกูจังวะ ปล่อยมือกู!!



   ผมไม่ปล่อยให้ไอ้แทนอยู่กับผมนานหรอกครับ ห้องไอ้เดย์สองสองสี่วิ่งแป้บๆ แค่นี้ก็ถึง พอบึ่งเข้ามาสายตาแสกนหาเป้าหมายเป็นกรุหนังสือตั้งแต่สมัยเจ้าคุณปู่ทวดรหัสซึ่งมันไม่สนใจแม้แต่จะจัดให้เข้าที่ เพราะอย่างนี้ผมถึงรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อะไรวางอยู่ไหนทั้งๆที่ไม่ใช่ห้องของผม หลังจากคุ้ยหาเป็นเวลาสิริรวมเจ็ดนาทีผมก็เจอสิ่งที่ต้องการ หึ!!เสร็จกู แผนสยบข่าวเตียงหักรักร้าวคู่ขาเดย์ไทม์จะเปิดฉากนับตั้งแต่บัดนี้

   “หนังสือภาษาอังกฤษ? เอาไปให้น้องรหัสพี่เหรอ” โอ้มายก้อดมันขึ้นมาได้ไง ทั้งที่สั่งให้ ‘แทน เสตย์ แทน ซิท’ แต่มันเสือกชิทตามกูมาได้ กูจะบ้าตายว็อดเดอะเฮล ออน เอิร์ธ!! ไม่ต้องเอารางวัลจากกูเลยไอ้โกลเด้นรีทรีฟเวอร์สรุบถ

   “ไม่รู้ซักเรื่อง ก็ไม่มีใครว่ามึงโง่หรอกนะไอ้เด็กจบนอก”

   “พี่นี่พูดจาไม่เข้ากับหน้าตาเลยนะ”

   “ตั้งแต่เมื่อวานแล้ววิจารณ์อาหารลามมาถึงภาษาพูด หน้าหวานๆ อย่างกูชอบกินรสจัดชอบพูดจาสลัดผักแล้วมันหนักส่วนให้ของเมิงฮะ” มองนาฬิกาปั๊บตกใจรีบเดินผ่านตัวมันไปอย่างไวว่อง แต่ไม่วายช่วงเสี้ยววิที่เฉียดเข้าไปใกล้ไอ้แทนมันกลับหน้าโน้มมากระซิบข้างหู

   “ก็ไม่หรอก ดูจริงใจดีผมชอบคนปากหมา” หันไปจ้องหน้าถลึงตาใส่ ไอ้เชี่ยนี่ มึงด่ากูเหรอ

   “วันนี้มึงจะเอากูให้ได้ใช่มั้ย”

   “ถ้าพี่ให้ผมก็เอา” ยกมือขึ้นปิดปากฉับ นี่กูพูดอะไรออกไปวะ แล้วมันจะเอาอะไร กูไม่ได้หมายถึงเอาอย่างนั้น ฉับพลันกับที่สมองนึกไปถึงฉากในหนังรักโรแมนติกสัดเมื่อวานนี้ โอ๊ยกูสะเทือนจิตใจ “หนังสือภาษาอังกฤษของพี่ ไหนๆ ก็ไม่มีเจ้าของแล้วขอผมได้มั้ย”

   “...” เชี่ยนี่กูนึกว่าอะไรที่แแท้...

   “ขอนะ”

   “กู-ไม่-ให้-โว้ย!!”

 TBC

ตอนนี้คาดว่าคนที่อยากเอากระบองมาตีหัวแทนมากที่สุดน่าจะเป็นไทม์5555

เดย์ยังคงมีแรงแซวเพื่อนอยู่ค่าคุณ FeaRes

ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่าน ที่ทนอ่านมาจนถึงตอนนี้ 555 (ตากลมแอร์มากไป ไข่ขึ้นสลบแป้บ)
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่5:พัฒนาเกินของความรัก[20/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 20-08-2017 21:54:38
เจ้าหนี้โดยพฤตินัย เจ้านายทางพฤติกรรม
เข้ากันได้อยู่นะ คล้องดี 555555
แต่เจ้านายนี่อะไรรร หนูอย่ามั่วสิ มโนอะไรอยู่ หาาาาา

โมเมเหลือเกินนะพ่อคุณ ตีเนียนบอกว่าเป็นแฟนเขา แหม่
จีบแล้วเหรอ ติดแล้วเหรอไปพูดแบบนั้นอะ
แถมยังดึงพี่เขามาจูบโชว์หนุ่มอีก! จะหึงจะหวงก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง!
อ่านละหมั่นไส้น้อง น่าตีจริงๆ 555555

ำไมรู้สึกชอบพี่โช(?) ชอบชื่อ 55555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่6:ข้าวผัดจีบ[27/08/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 27-08-2017 19:46:31
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}
บทที่ 6 ข้าวผัดจีบ



   แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก

   “พี่ไทม์ เอาถังออกซิเจนมั้ยคะ”

   “ขอสองถัง” ผมชูขึ้นสองนิ้ว

   “อยู่โรงอาหารเอาถังแก๊สไปก่อนละกันนะ มินไปหามาให้ไม่ได้อ่ะ” แล้วจะเสนอขายพี่ทำไมเนี่ย “เหนื่อยขนาดนี้แล้วยังทำท่าลิโพวิตันดีอีก ถ้าไม่บอกมินคงคิดว่าพี่ไทม์ไปวิ่งรอบสนามแก้บนมา” น้องรหัสผมหัวเราะนิดๆ ขบขันกับท่าทางเหมือนหมาหอบแดดจากการรีบร้อนวิ่งกลับมาให้ทันเวลาก่อนหมดเบรคเที่ยง สิบนาทีนะครับ เพียงแค่สิบนาทีอย่างนี้มันแทบทำลายสถิติกินเนสบุ๊คผู้ทำเวลาได้สั้นที่สุดในการไปกลับระหว่างหอพักนักศึกษาฝั่งประตูโทกับคณะเศรษฐศาสตร์ได้เลย หลังจากฉะฝีปากปล่อยหมาออกมาเห่าฮ่งๆใส่ไอ้แทนผมก็ตบกุญแจรถยนต์ของมันแล้วรีบบึ่งมาหาน้องรหัสสุดที่รัก คิดดูดิผมทุ่มเทให้กับแผนนี้ เอ้ย ให้กับน้องรหัสผมเท่าไรคิดดู

   “ไม่ต้องพูดมาก เอาไปได้แล้วเรา” ผมเอาหนังสือตีหัวน้องน้อยเบาๆอย่างเอ็นดูก่อนส่งให้

   “กรี๊ดดดดหนังสือพี่บั๊คคค” วอท เดอะ ฟัค!!นี่เธอหวังสมบัติของลุงรหัสเธอเหรอเนี่ยยยย เสียใจด้วยเพราะเล่มนั้นมัน “อ้าว นี่ไม่ใช่หนังสือพี่บั๊คนี่ ไม่ใช่ของพี่ไทม์ด้วย พี่ไทม์เอาหนังสือของใครมาให้มินอ่ะ...ใครอ่ะ นพดล ดี เอ วาย...”

   “...”

   “เดย์” เธอจ้องหน้าผมสลับกับมองหน้าแรกของหนังสือที่เขียนชื่อเจ้าของ

   “...”

   “พี่เดย์” ตามที่สะกดแหละครับน้อง เธอนิ่งไปซักพักก่อนที่จะเรียกชื่อผมด้วยเสียงอันแผ่นเบา

   “พี่ไทม์”

   “ว่าไงครับ” มินก้มหน้าลงตัวสั่นเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าเสียใจที่ไม่ได้หนังสือลุงบั๊คจนร้องไห้น่ะ แย่แล้วผมทำไรไปวะเนี่ย

   “มินฟินอ่ะ”

   “ฮะ? มัฟฟิน? หิว? อยากให้พี่เลี้ยง?”

   “พี่ไทม์อ่ะไม่ใช่ซะหน่อย มินฟินต่างหาก มินฟินจะตายอยู่แล้ว พี่ไทม์อย่าทำกับมินอย่างนี้ได้มั้ย หัวใจมินอ่อนแอออออออ” มินซอยเท้าบิดไปมาจนผมต้องมองลงไปว่ามีปีเตอร์ไต่ขาน้องรึเปล่า เธอตะโกนงุ้งงิ้งง้องแง้งดึงดูดความสนใจให้เพื่อนๆชะแง้แลมองกันเป็นทิวแถว

   “แหมพี่ไทม์ ของๆพี่เดย์ก็เหมือนของๆพี่ไทม์ใช่มั้ยล่ะค้าาา” หนึ่งในก๊วนน้องมินแซวขึ้นมา ไอ้พวกที่เหลือก็ตามน้ำเลยครับร้องฮ่งร้องฮิ้วเป็นลูกคู่กันยกแผง

   “หิวก็กินกันไปสิครับน้อง”

   “หูย มีเขินกลบเกลื่อน” เอ๊า...เอากันเข้าไปพวกเอ็งยังเห็นกูเป็นพี่อยู่มั้ยแซวซะไม่เกรงใจระบบอาวุโสเลย แต่จะว่าไป...อย่างนี้ก็ดีเฮะ จะได้มีสักขีพยานรักปลุกกระแสคู่จิ้นเดย์ไทม์กระจายข่าวลือให้ไปถึงหูพี่โชได้ไวขึ้น เป็นไงล่ะแผนผมแยบยลสุดๆ

   “ว่าแต่คนที่อยู่ข้างหลังนี่มันยังไงกันคะ” จากหน้าฟินน้องมินเปลี่ยนเป็นหรี่ตาเหมือนจ้องจับผิดอะไรบางอย่างเมื่อแก๊งเพื่อนตัวดีของเธอทักขึ้นมาให้คิด ผมรีบผินหน้าไปข้างหลังโฟกัสเข้าอย่างจังกับไอ้แทน มันยืนเล่นโทรศัพท์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พอรู้ตัวว่ามีคนมองมันก็เงยหน้าขึ้นมาสบตายกยิ้มชักมือกระพืบนิ้วทั้งสี่ให้ผมราวกับทักทาย

   “กรี๊ดดดดดดดดดด” เช้ดดดดดดอีห่าใครเหยียบตีนครับ เปล่งเสียงดังอย่างกับตาปลาแตก กะอีแค่ไอ้แทนมันกรีดนิ้วให้เนี่ยนะ อีโด่ผมก็ทำได้

   “ใครเหรอ พี่ไม่เห็นรู้จักเลยนี่” ไม่อยากรู้จัก ไม่อยากนับญาติ โอเคจบป่ะ!!

   “แทนสุรบถ เดือนคณะวิศวะ ภาคอุตสาการปีหนึ่ง น้ำมันพรายมรกตส่งเข้าประกวดอวดอวดอวด” เสียงประกอบผสมเอคโค่นี้ใช่เลยไอ้พวกตัวกวนข้างหลังน้องมิน อุตส่าห์แกล้งทำเป็นไม่รู้จักกันแต่นี่กลับมาเล่าประวัติให้ฟังเฉย ผมก็เพิ่งรู้นะว่าไอ้แทนมันเป็นเดือนวิศวะ มิน่าล่ะเดินไปไหนมาไหนถึงได้มีแต่คนทักขานชื่อมันให้เพียบ แล้วไหนยังมีเล่นคุณสงคุณไสยดีดน้ำมันพรายใส่ชาวบ้านให้ร้องโหยหวนชวนสยองทุกครั้งมันเดินผ่านอีก ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่ผมดันโดนยางลบดีดใส่แทน กูเพลีย

   “ตั้งโต๊ะแถลงข่าวด่วนค่ะ!!” เย้ยตกใจเว้ย จู่ๆก็ตะโกนขึ้นมา ตั้งโต๊ะเล่นไพ่พี่ถนัดกว่านะยัยมิน

   “กับแทน เดือนวิศวะเป็นอะไรกันคะ” ยัยมินดูท่าวิญญาณฐปนีย์ เอียดศรีวิชัยเข้าสิง ชีหยิบส้อมที่เคยเสียบอยู่คาข้าวคลุกกะปิขึ้นมาต่างไมค์ทิ่มเข้าให้ตรงหน้า ผมจะตายก่อนให้สัมภาษณ์รึเปล่าวะ เริ่มไม่แน่ใจ คนที่น่าจะตอบคำถามนี้ได้อีกคนกลับยืนยิ้มเงียบๆอยู่ข้างหลังแผ่พลังมโนจงสถิตย์กับท่านให้เหล่าน้องนางเริ่มมีอาการเพ้อความหล่อ

   “โธ่มิน พี่กับมันจะเป็นอะไรไปได้ล่ะนอกจาก...”

   “โนโนโน แค่เพื่อนกัน รุ่นน้องที่สนิท ตอนนี้ขอโฟกัสที่เรื่องเรียน คำตอบพวกนี้มินปฏิเสธค่ะ” ดักทางไทม์ คูกิมิยะ อย่างนี้แล้วพี่จะตอบยังไงเนี่ย!!

   “เออคือ...” กูจับได้คำถามยากใช่มั้ย เข้าใจความรู้สึกนางงามรอบคัดเลือกสิบคนสุดท้ายเลย อ้อมแอ้มไม่รู้จะตอบยังไง บอกฉันที แบบพี่ป๊อบ ปองกูล กูไม่รู้กูรักเด็กตอบแบบนี้ได้เปล่าว้า ตีลังกาคิดสิบตลบผมก็พบคำตอบเดียวว่า...

   “พี่ไม่รู้!! พี่ไม่ใช่พ่อมัน!!” ควาย...พรุ่งนี้ต้องเอาเบตาดีนมาราดสีข้าง กูแถทีเลือดสาดอาบท่วมกรุงศรีอยุธยา เมื่อข้าศึกมาเราจะสู้ เมื่อโดนทำร้ายเป็นหมู่กูจะหนี กูไม่พร้อมพลีชีพทุบหม้อข้าว เพราะตอนนี้กูอยากแดกข้าวโว้ยยยยยย ผมเดินหนีห่างจากกลุ่มน้องนางมาแบบติดไฮสปีดอินเตอร์เน็ต ปล่อยเสียงประท้วงให้ดังแหวไล่ตามมาด้านหลัง แต่กูไม่สนใจครับเพราะตอนนี้ไส้แทบจะบิดเป็นกรอบเกลียวเคี้ยวโปเต้อยู่รอมร่อ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับไอ้แทนจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ขอสั่งอาหารก่อน

   “ข้าวผัดแหนมจานครับ” หิวข้าวไม่พอคอแห้งชิบเป๋ง ผมเหลือบไปมองร้านน้ำแว่บหนึ่งก่อนหันกลับมากะว่าจะสั่งเสียป้าแม่ครัวแล้วเดินไปซื้อประจวบเหมาะกับที่มีมือดีหยิบยื่นแก้วใส่น้ำสีคุ้นตาส่งมาใกล้ๆ

   “โอเลี้ยงหวานน้อย เมื่อวานพี่ลืมทิ้งไว้ที่โต๊ะผมน่ะ” เซอร์ไพรส!! ช่วงนี้ทำไมมีเรื่องให้กูตกใจเยอะจัง ไอ้สุดหล่อประจำหอประตูเอกตึกสองที่ติดตามผมเป็นสัมภเวสีตอนนี้มันยังมีชีวิตอยู่ครับ เล่นโผล่มาจากข้างหลังทำเอาผมถึงกับสะดุ้ง

   “ตามมาอีกทำไมวะ”

   “เปล่านะแค่มาสั่งอาหาร ป้าผมเอาคะน้าหมูกรอบราดข้าวจานนึง” ทั้งโรงอาหารมีร้านเดียวหรือไงทำไมถึงต้องกินร้านนี้ด้วย ฟวยนี่ “อ่ะนี่ พี่รับไปดิน้ำแข็งละลายหมดแล้ว”

   ผมจ้องแก้วใส่น้ำสีดำๆ ในมือมัน โอ้พระเจ้า นี่มันโอเลี้ยงในตำนานประวัติศาสตร์บ้างเชียงซึ่งขุดค้นพบเป็นซากดึกดำบรรพ์บนโต๊ะกินข้าวมันเมื่อวานนี้หรือเปล่าวะ อย่าเรียกว่าขุดค้นพบดีกว่าครับเรียกว่าผมทิ้งไว้เพราะช็อคที่โดนทำร้ายจิตใจดีกว่า

   “กูไม่เอา”

   “เห็นแก่ความพยายามผมหน่อย เมื่อวานพอกินข้าวเสร็จผมก็รีบเอาไปฝากตู้เย็นร้านน้ำแล้วขากลับผมก็แวะมารับไปแช่ตู้เย็นที่หอผมเลยนะ”

   “เฮ้ย จริงดิ!!”

   “ก็โกหกอ่ะดิ แก้วนี้แก้วใหม่ส่วนของเมื่อวานดื่มหมดแล้ว ไม่งั้นผมจะรู้ได้ไงว่าเป็นโอเลี้ยงหวานน้อย พี่นี่ก็เชื่อคนง่ายเนอะ ฮ่าฮ่า” สัดแทนมึงกวนสองทีนกูมากเลยรู้มั้ย แต่กูยังไม่อยากทำอะไรเพราะเสียงหัวเราะกับรอยยิ้มมึงทำให้บรรยากาศรอบข้างดูสดใส สาวๆที่ยืนสั่งกับข้าวอยู่ถึงกับจ้องมาตาเป็นประกาย ถ้ากูทำร้ายมึงมีหวังกูได้ไปนั่งกุมไข่เพราะโดนเหล่าแฟนคลับมึงเตะผ่าหมากเข้าให้ซักวัน เอาเถอะครับไหนๆมันก็มีใจซื้อให้แล้วขอรับไว้ละกัน ผมดึงโอเลี้ยงมาจากมือไอ้แทนจากนั้นก็ดูดไปหลายอึกแบบโคตรกระหาย ทิฐิไม่ช่วยให้มีชีวิตอยู่ได้แต่ขาดน้ำคือตาย โอเคจบนะ

   “แก้วนี้หวานกำลังดีผมชิมแล้ว” โอเลี้ยงแทบพุ่งใส่หน้าร้านป้า เชี่ยน้ำลายหมา!! ผมหันไปมองหน้าไอ้แทนแบบเหวอๆ “ผมล้อเล่น” มันยิ้ม

   “เชี่ยกวนตีนอีกแล้วนะมึง” ถ้ากูเป็นไวรัสตับอักเสบเอบีซีดีมึงต้องรับผิดชอบ กูไม่กล้าดื่มต่อเลยไอ้เฟี่ยนี่ ไอ้แทนมันยืนลอยหน้าลอยตามองป้าแม่ครัวผัดอาหารไปเรื่อยส่วนผมก็จ้องหน้าด้านข้างของมันไปแบบเพลินๆ คนอะไรวะกวนตีนได้ไม่บันยะบันยัง แปรผกผันกับใบหน้าที่หล่อสามร้อยหกสิบองศา หล่อไม่อายใคร หล่อลืมตีน หล่อจนเสิร์ชหาคำว่าน่าเกลียดไม่เจอ หล่อ...

   “จ้องผมทำไม” เหยยยยมันมองกลับมา

   “เปล๊า....ไม่ได้จ้อง” กูมองป้ายชื่อร้านป้าคนึงนิดเว้ย

   “เสียงสูงระดับสิบ โกหกเก่งนะเรา” มันเอามิเตอร์วัดระดับเสียงมาด้วยเหรอวะ ถึงบอกเป็นค่าตัวเลขได้ อย่างมากกูก็แค่ระดับเก้าเว้ย ระดับเก้า ผมซูดน้ำโอเลี้ยงเข้าไปเต็มๆอีกหนึ่งอึก อ้าวกูเผลอดื่มอีกแล้ว

   บอกตามตรงนะผมเป็นคนโกหกไม่เก่ง...หราาาาา...หลายคนคงคิดว่าตอแหล โกหกไม่เก่งอะไรกูเห็นมึงโกหกอยู่ทุกวัน วันละสามเวลา เช้า กลางวัน เย็น ก่อนและหลังอาหาร แต่ผมเป็นคนโกหกไม่เก่งจริงๆครับ โกหกบ่อย โกหกง่าย โกหกชิบหาย โกหกควายๆ แต่ถ้าเป็นการโกหกที่ต้องอ้างเหตุผลอะไรยาวเป็นวรรคเป็นเวรอย่างมีตรรกะ วอท วาย ฮู แวร์ เวนแล้วล่ะก็ ผมแม่งโคตรง่อย อย่างเรื่องคนตรงหน้าก็เหมือนกัน เห็นผมด่ามันกัดมันรำคาญมันเสียขนาดนั้นนะ แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมสนใจและติดใจที่จะมองมันด้วยสายตาคู่นี้ตลอดเวลา

   อีกเรื่องหนึ่งเหตุผลที่ผมเอาหนังสือไอ้เดย์ไปให้น้องมินไม่ได้เพื่อปลุกกระแสคู่จิ้นให้ขจรขจายไปไกลหรือให้แฟนคลับไถลลงเรือหลักสร้างความเชื่อมั่นว่าคู่เดย์ไทม์รักกันไม่มีวันตายเท่านั้นหรอก แต่ใจจริงผมแค่อยากเก็บหนังสือเรียนไว้ตอบแทนไอ้ตัวน่ารำคาญที่ยืนอยู่ข้างๆตอนนี้ต่างหาก แต่จากนี้ไม่นานกูอาจจะเปลี่ยนใจถ้ามึงยังไม่หยุดยิ้มกวนใส่กูซะที

   “มะ...มึงยังอยากได้หนังสือกูอยู่มั้ย” เสียงเบาเท่ามดตด เพราะกลัวน้องมินจะหูทิพย์มาตามติดชีวิตดาราจนความแตกว่าไม่ได้หนังสือสายรหัสเพราะอะไร

   “ผมไม่ชอบบังคับใคร ถ้าพี่ไม่อยากให้ก็ไม่เอา” ถุย อย่างมึงเรียกไม่ชอบแต่แถวบ้านกูเรียกเสพติดการบังคับเลยล่ะ พูดออกมาได้ว่าไม่บังคับแล้วที่ลากกูไปโน้นมานี่ แถมยังอุปโลกน์ว่าเป็นเมียกู?แล้วลากกูไปประกบปากนุ่มนิ่มชวนจึ๊กกะดึ๋ยของมึงอีก อย่างนี้ไม่เรียกบังคับก็คงสมยอมแล้วครับสัดแทน

   “เล่นตัวชิบ จะเอาไม่เอา นี่กูเห็นแก่ค่าน้ำมันพรายของมึงหรอกนะกูถึงยอมให้”

   “น้ำมันพราย?” อ้าวเชี่ยกูพูดผิด ชีวิตนี้ไม่ต้องคิดไปต่อป.โทต่างประเทศแล้วเอาภาษาไทยให้รอดก่อนเถอะกู

   “เปล่ากูหมายถึงน้ำมันมรกตที่มึงเสนอหน้ามาขับรถไปส่งกูต่างหาก” ไทม์ชลธีชีวิตนี้ไม่ได้ดีแค่หน้าตาแต่คารมคมคายพลิกลิ้นได้เหมือนจับวาง

   “ที่ผมดีดใส่พี่ไปเมื่อวานนี้รึเปล่า ดีดจนปากมันเลย”

   “ใช่เล่นเอากูร้อนเป็นไฟเลย...ใช่ที่ไหนเล่าเชี่ย!! น้ำลายมึงทั้งนั้นแหละเมื่อวานนี้น่ะ ถ้ากูกลั้วคอด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผลได้ป่านนี้กูกลั้วลงไปถึงลำไส้ใหญ่ให้มันไหลไปฆ่าเชื้อโรคจากพิษน้ำลายมึงแล้ว” กูอยากจะตัดปากทิ้ง ก็แม่งเล่นตอกย้ำซ้ำๆถึงฉากที่ผมไม่อยากจะจำ แต่ทำไมไอ้ปลาทองสายพันธุ์ตังเมมันถึงเสือกจำได้ ไหนว่าสมองส่วนฮิปโปโปเตมัสมันชำรุดเลยไม่ฉุดเหตุการณ์ยางลบวัยใสอันน่าประทับใจเข้าไปในเมมโมรี่ระยะยาวของมันไง ว่าจบไอ้แทนมันหัวเราะแบบเอาสต๊อกของชาติหน้ามาใช้แล้วดึงแขนผมไปหาตัวมันเฉย

   “โดนพิษแต่ก็ไม่เห็นจะตาย” จับชีพจรตุบๆ เต้นดุบๆ หัวใจสั่นไหว วิศวะอุตสาหการแต่เสือกอุปมานว่าจบแพทย์แผนจีน ชี้กลางนางมาแมะเต็มข้อแขนยึดไว้ให้กูดีดดิ้นเป็นนางเอกละครดาวพระศุกร์ อย่าค่ะคุณภาคย์ อย่า ปล่อยดาวซินโดรมเถอะค่ะ เช้ดดด

   “...”

   “อย่างนี้แสดงว่ามีภูมิคุ้มกันผมแล้ว” กูไปฉีดเซรุ่มคุ้มกันมึงตอนไหนฟระเนี่ย!! สรุปกูเป็นคนโลเล กูเปลี่ยนใจ กูไม่ทรยศสายกูแล้ว

   “หนังสือกูมึงไม่ต้อง...”

   “เอาครับ”

   “...!!!”

   “บอกแล้วผมไม่ชอบบังคับแต่ถ้าพี่เต็มใจผมก็พร้อมรับเสมอ” ได้กูจะรุกมึงให้ดู!! เอาให้เดินไม่ได้ไปเจ็ดวันเจ็ดคืนเลย เอิ่ม มันใช่เหรอ ผิดประเด็นไปไกลแล้ว กลับมากลับมา

   “มึงเรียนเมื่อไรล่ะ” ยอมง่ายอย่างกับโดนผู้ชายข่มขืนแล้วตื่นมาบีบน้ำตาสามหยดจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง

   “เริ่มเรียนจันทร์หน้า”

   “งั้นเดี๋ยวกูให้ที่หอละกัน”

   “ว่าแต่...” ไอ้หล่อมันมองหน้าผมกลอกตามองบนเหมือนลังเลที่จะถาม

   “อ้ำอึ้งเหี้ยอะไรกูไม่ได้มีเวลาคุยกับมึงทั้งวันหรอกนะ”

   “เอป่ะ”

   “ฮะ?”

   “เกรดน่ะ เอป่ะ” เช้ดดดดดให้แล้วยังมีเสือกถาม หนังสือภาษาอังกฤษพื้นฐานสามที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นพี่อิ้นย่ารหัสซึ่งได้ทุนรัฐไปเรียนต่อแคนาดา รุ่นต่อมาคือพี่บั๊คที่สมัครได้ทุนกพ. ส่วนรุ่นท.ชลธีถึงแม้จะยังไม่มีเกียรติประวัติใดใดแต่คะแนนภาษาอังกฤษอันนี้ก็ไฉไลนะเว้ย เพราะมันเป็นแค่พื้นฐานครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

   “อย่างกูน่ะเอบวกบวกบวกว่ะ...อย่างมึงเอาไปใช้คงได้เอพอดี”

   “เกรดบ้าอะไรของพี่ อย่างกับครีมกันแดด” มันคงหมายถึงพีเอบวกบวกบวก คิดได้เนอะมุก

   “อย่างน้อยก็กันยูวีบี แล้วกำลังจะโกยยูวีเอให้มึงแน่ๆ” ตบมุกกลับชนะเลิศ ผมยิ้มมั่นมากกกกกก มากแบบแค่มึงเอาหนังสือกูไปกอดวันนึงรับรองมึงฟันเอทุกวิชา เพราะสิ่งที่ผมอวดได้ในตอนปีหนึ่งก็มีแค่การเรียนนี่แหละ

   “งั้นผมขอเอาไปกันแดด...เออ...ขอเอาไปเรียนเผื่อจะได้เอบวกบวกบวกเหมือนพี่ละกัน” เชี่ย...รอยยิ้มโลกสดใส รู้สึกถึงสายตาคนรอบข้าง ฟินกันไปดิครับสาวๆ ผมแม่งทำบุญทำกุศลให้กับเพศแม่จริงๆ

   “ข้าวผัดแหนมจ้า” เสียงสาวใหญ่ดังขึ้นมาขัด อาหารผัดใหม่ควันฉุยถูกส่งมาวางตรงหน้าทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ถึงคิวหาอะไรร้อนๆยัดเข้าท้องบ้างแล้ว ผมหยิบแบงค์ร้อยยื่นออกไปให้ป้านิด

   “นี่ครับ ข้าวผัดแหนมแล้วก็รวมกับค่าคะน้าหมูกรอบราดข้าวไปเลยนะครับ” มื้อนี้กูเลี้ยงเอง เปล่าหรอกผมเพิ่งมานึกรู้เอาเมื่อคืนวานว่าตังค์ทอนค่าต้มยำไอ้แทนมันเสือกยัดใส่ถุงก๊อปแก๊ปกลับมาให้ผม ไม่รู้มันจะแบ๊วบรมไปถึงไหน ตังค์ทอนก็ไม่ใช่ของกู อย่างนั้นก็หมายถึงผมยังติดหนี้มันอยู่ดิครับ!!

   “ไม่ต้องก็ได้พี่ แค่นี้เอง”

   “ได้ที่ไหนกูติดหนี้ใครก็ต้องใช้คืน ไม่งั้นกูนอนไม่หลับ”

   “หึ....เว่อร์ซะ...ให้ผมร้องเพลงกล่อมให้เอามั้ย”

   “ไม่ต้อง กูไม่ใช่เด็ก” แต่ชักอยากรู้แฮะว่ามึงจะร้องเพลงเพราะเหมือนหน้าตามั้ย

   “ถ้าไม่ได้ติดหนี้ผม ผมคงคิดว่าแหนม รณเดช มาเองนะเนี่ย” มันชี้มาที่ข้าวผัดแหนมของผม จนผมต้องเอียงคอถามด้วยความสงสัย

   “เกี่ยวอะไรด้วยวะ ข้าวผัดแหนมกูกับพี่แหนม รณเดช”

   “ก็คิดว่าพี่...จีบ...ผมน่ะสิ” ไม่พูดชื่อเพลงเปล่าๆ แต่ดันเสือกร้องใส่หน้าผมอีก


   ...อยากขอเป็นคนของเธอ ที่เธอหันมาเมื่อไรก็เจอ
   เป็นส่วนหนึ่งในทุกนาที ต่อจากนี้ จะอยู่ตรงนี้
   ดวงใจดวงนี้จะใช้รักเธอคนนี้ คนเดียว...



   ไอ้ที่ผมอธิษฐานบนบานศาลกล่าวไปเมื่อครู่ท่านเทพยดาฟ้าดินได้ยินหรือครับถึงเห็นผลโคตรทันตา เสียงไอ้แทนแม่งเดอะวอยซ์มาเอง พอผมไม่ห้ามยิ่งเหลิงร้องใหญ่ นี่มึงกะจีบ...เอ้ยกะร้องให้กูฟังจนจบเพลงเลยใช่มั้ย ดีที่ป้านิดตะเบ็งเสียงขึ้นมาขัดเสียก่อน

   “พ่อหนุ่ม...คะน้าหมูกรอบใส่น้ำตาลมั้ยจ๊ะ” ไอ้แทนเอ๋อแดกปิดสปีกเกอร์ในคอมันแทบไม่ทัน มันทำตาโตมองผมก่อนหันไปมองป้านิด

   “ปกติต้องสั่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ” นั่นดิ ผมมาทีไรก็สั่งแต่ชื่ออาหารไม่เคยเห็นป้าจะถามซักครั้งว่าเอาซอสหอยนางรมกี่ช้อนโต๊ะ น้ำปลากี่หยด ทำไมคราวนี้มาถามไอ้แทนที่เป็นลูกค้าโคตรหน้าใหม่ล่ะ น้อยใจนะเฟร้ย

   “ก็เห็นว่าหวานนนนนซ้าขนาดนี้ เลยคิดว่าไม่ต้องการน้ำตาลป้าแล้วมั้ง” เช้ดดดดดดด โรคนี้กำลังลุกลามมาถึงร้านป้าคนึงนิดแล้วครับ โรคชอบแซวของไอ้เดย์ ผมแม่งแทบอยากจะมุดท่อน้ำหนีแล้วผมจะอายทำเพื่อในเมื่อไอ้แทนมันก็แค่ร้องเพลง!!

   “ป้าผัดตามปกติเถอะครับ อ้าวพี่ไทม์จะไปไหนอ่ะ”

   “ไปแดกข้าวดิวะ!!” ถามมาได้

   กูงอนป้านิด กูจะเป็นเบาหวานตาย แล้วกูก็ไม่ได้อยากโดนมึง(ร้องเพลง)จีบแล้ววววว



   ผมถือจานข้าวผัดแหนมพร้อมกับแก้วโอเลี้ยงก้าวออกมาจากร้านอาหารตามสั่งป้าคนึงนิดได้ซักพักก็ต้องสะดุดเท้าให้กับร่างยักษ์ที่ยืนหันหลังให้ผมตรงหน้าร้านน้ำ รู้สึกสะกิดใจแปลกๆเหมือนลางร้ายกำลังจะมาเยือน ผมเลยกะกลั้นหายใจแล้วรีบเดินผ่านไปอย่างไวว่อง แต่ทว่า...

   “ไทม์” เชี่ยกูทำเป็นหูดับ หูน้ำหนวก ขี้หูตันได้มั้ยวะ คิดอย่างนั้นแต่ตอนนี้ถึงจะพยายามไปก็หลบไม่พ้นกับไอ้มือยาวๆ ของเชี่ยพี่โชที่ยืดมายึดไหล่ผมไว้แบบถึงเนื้อถึงตัว

   “พะ...พี่โช” ทำไมพี่ไม่เป็นผีจีนครับจะได้มองไม่เห็นผม แค่สบตาแล้วเรียกชื่อเท่านั้นแหละตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีเหมือนมีใครไปเติมปุ๋ยให้ต้นไม้

   “เพิ่งกินข้าวเหรอ พอดีเลย อ่ะพี่ให้” พี่โชยื่นแก้วน้ำหวานให้ผม เหมือนจงใจมาดักรอแต่แรก “โกโก้หวานน้อยที่เราชอบ” ใครบอกพี่ครับว่าผมชอบ ผมดื่มตั้งแต่น้ำปะปายันออร่าและเอเวียงไม่เลือกมันทุกน้ำมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว ชอบเป็นพักๆเบื่อก็เปลี่ยนเป็นวัฎจักรไป สงสัยช่วงที่พี่โชตามมาไล่คงเป็นช่วงที่คนไทยฟีเวอร์ฮิตผงโกโก้ตราทิวลิปล่ะมั้งครับ มันถึงตีตราว่าผมชอบน้ำหวานชนิดนี้ได้น่ะ

   “ขอบคุณนะครับ แต่ผมมีน้ำแล้ว” ผมยกแก้วโอเลี้ยงในมือให้พี่โชดู

   “แต่พี่ว่าเราน่าจะชอบอันนี้มากกว่านะ สลับกับพี่ละกัน” พี่โชเอื้อมมือจะมาฉวยแก้วโอ้เลี้ยงไอ้แทนไปจากหน้า เชี่ยมึงจะเก็บน้ำลายกูไปเป็นคอลเลคชั่นด้วยเหรอวะ กูขนลุกสัด ชักมือกลับในทันที

   “ผมบอกแล้วไงว่า...”

   “ไอ้ไทม์มันไดเอทอยู่ช่วงนี้ ผมว่ามันไม่ดื่มโกโก้พี่หรอก แต่มันกำลังอยากสูงมันน่าจะดื่มนมผมมากกว่า” สาดดดดดมึงหาว่ากูเตี้ยเหรอทั้งที่กูสูงน้อยกว่ามึงแค่สามเซ็นต์เองนะ การปรากฏตัวของคู่จิ้นผมที่เดินเข้ามาพร้อมแก้วนมสดทำเอาพี่โชถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่มีทีท่าว่าจะหนีแต่อย่างใด พอไอ้เดย์มันเดินเข้ามาใกล้ก็ลอบกระซิบแอบสะกิดบอกว่ามันเห็นเชี่ยพี่โชตามมาวนเวียนอยู่แถวนี้ ดูท่าทีไม่น่าไว้วางใจเลยต้องตามมาคุมเกม “อ่ะ แดกซะนมกูพร่องมันเนย มึงกินแล้วไม่อ้วนหรอก” อย่างมึงอ่ะคงขาดมันเนยเลยล่ะ แบนซะ จะโปรโมทแต่ละทีมึงอย่าใส่คำขยายผิดได้มั้ยกูรับน้ำใจมึงไม่ลง “อ้าว แล้วนั่นน้ำใคร...” มันเพิ่งสังเกตเห็นว่าผมถือน้ำอยู่

   “น้ำ...” บอกไอ้เดย์คงโดนซัก บอกพี่โชเท่ากับเข้าใจผิดคิดว่าคบกับไอ้แทน ทางไหนกูก็ไม่อยากเลือกว่ะ ผมลังเลอยู่พักใหญ่จนไอ้เดย์คงเริ่มรำคาญ

   “ดื่มนมกูดิ/ดื่มโกโก้พี่สิ” ประสานเสียงกันมายิ่งกว่าอะแคปเปลลาเซเว่น แถมยังยื่นแก้วในมือมาให้ทั้งคู่อีก ไม่เคยคิดเลยว่ากูจะมีช่วงฟีเวอร์ฮิตในหมู่ ‘ผู้ชาย’ ได้ขนาดนี้ ผมมองซ้ายทีขวาที ขาวทีดำที นมทีโกโก้ที ไอ้เดย์ทีพี่โชที โอเคกูตัดสินใจแล้ว

   “ไม่เอาเว้ย!! กูจะดื่มโอเลี้ยง!!” พูดจบผมก็เดินหลบทั้งสองคนไปแบบไม่แยแส

   มอคค่ากูไม่สนใจ แต่กูจะเอาโอเลี้ยงงงงงง


   “อ้าวไอ้ไทม์ เจอไอ้เดย์ป่ะ” ไอ้แม็คที่กินข้าวเสร็จแต่ยังปรากฏสารร่างอยู่คงเพราะรู้ว่าไอ้เดย์มีภารกิจพิชิตพี่โชเอ่ยถามขึ้นมา

   “เจอ เดี๋ยวก็ตามมา”

   “อือฮึ แล้วมึงเป็นอะไรทำหน้าหงุดหงิดเชี่ยๆ ไปเจออะไรมาวะ”

   “เจอดิ เจอเยอะด้วย กองทัพน้ำหวานนานาชนิด กูบอกแล้วให้มึงเลือกนมกู นมกูหวานธรรมชาติปราศจากน้ำตาล แถมพร่องมันเนย” ไอ้เดย์ที่เดินตามมาติดๆตอบไอ้แม็คแทนแถมโฆษณานมมันไม่เลิก

   “นมมึงเล็กกูไม่ดื่มให้เสียเวลาหรอก”

   “แล้วทำอย่างกับนมไอ้แทนมันใหญ่”

   “ไอ้แทนมันโอเลี้ยงเว้ย” ผมหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วด่ามันโดยตรง

   “เหยดดดดด” เชี่ยไก่กู!! ปล่อยไปตัวเบ้อเริ่มไล่ตามเก็บไม่ทันด้วย “ยอมรับแล้วเหรอว่าโอเลี้ยงไอ้แทน มึงนี่แอ๊บใสใสแต่ไวไฟใช่เล่น มีหนุ่มมาตามจีบอย่างนี้มึงจะเลือกใครวะ ไอ้แทนมันก็เหมาะดีเนอะ โอเลี้ยงเข้มๆขรึมๆ ดื่มแล้วไม่ง่วง สดชื้นสดชื่น”

   “สัดเดย์มึงเลิกล้อกูทีเถอะ” มึงจะไปเป็นไฟท้าย เบาะหลัง กระจังหน้ารถอะไรก็ได้แต่มึงเลิกล้อกูซะที

   “ก็เดี๋ยวนี้มึงมีลับลมคมในกับเพื่อน เมื่อกี้กูเห็นไอ้แทนมันยืนคุมเชิงมึงอยู่ข้างหลังตอนคุยกับน้องมิน อย่าคิดว่ากูไม่รู้ ที่สำคัญกูเห็นไอ้เสาร์มันนั่งเหงาคนเดียวเหมือนรอเพื่อนมันอยู่ตรงนั้นด้วย” มันพยักเพยิดไปทางไอ้หล่อที่เดินถือจานข้าวคะน้าหมูกรอบไปนั่งตรงโต๊ะเพื่อนมันซึ่งอยู่ห่างออกหลายร้อยเมตร ไกลสาดดดด

   “พวกมึงแม่งพูดเรื่องเชี่ยอะไรกันวะ กูเข้าไม่ถึงว่ะ” ไอ้แม็คที่นั่งเงียบอยู่นานท้วงขึ้นมา

   “เรื่องไร้สาระพวกนี้มึงไม่ต้องเข้าถึงหรอก” ผมกีดกันเพื่อนอีกตัวไปทางอื่นเพราะกลัวแม่งจะมาสร้างความสัมพันธ์ออกอัลบั้มคู่ดูโอ้ร่วมกันทำร้ายผม “ว่าแต่มึงเหอะขยันแต่แซวกู ไอ้เสาร์มาคณะทีตานี่ไวเชียว เมื่อวานโดนมันแทงไปกี่แผลล่ะสัดเดย์" อย่านึกนะว่ากูไม่รู้ กูดูอยู่ที่นั่งพรีเมี่ยม ถึงแม้กูจะไม่เห็นไปถึงฉากจู้ฮุกกรูของมึงก็เถอะ แต่โดนกระทำฝ่ายเดียวมันไม่ใช่วิถีผม ต้องโต้กลับซะบ้าง ทันทีที่ไอ้เดย์มันตีความได้แทนที่มันจะตกใจเหมือนโดนจับได้ว่าขโมยกางเกงในผู้หญิงมันเสือกตอบกลับมาแบบนิ่งๆว่า

   “กูชนะไอ้โย่งนั่น”

   "..." อย่ามาตลก!!กูไม่เชื่อ!!เมื่อวานนี้กูก็เห็นไอ้เสาร์มัน...ไอ้เสาร์มัน อยู่ล่าง เชี่ย!!!

   “แม่งทำเอากูเหนื่อยเลย ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน ดีนะที่กูยื้อเก่งเลยถอดของมันได้ก่อน สู้กับใครไม่สู้มาสู้กับกู จะชนะกูได้ชาติหน้าตอนบ่ายๆเหอะ”

   เคร้ง!! เสมือนช้อนส้อมร่วงหล่นกระแทกจานทันใด อังกอร์!! เปรี้ยงปร้างสว่างไสวขนลุกจนปวดขี้ อังกอร์!! ข้าวผัดแหนมเต็มจานกูสำรอกทันที อังกอร์!! ไอ้สัดเดย์เสียบเสาร์เด้ากันจนตาย

   “มึงกดไอ้...” ตอนแรกไอ้เดย์งงกับปฏิกิริยาผม แต่มันฉลาดพอที่จะเข้าใจเพราะขนาดยังไม่ทันอธิบายขยายความมาจะกล่าวบทไปมันก็ง้างมือมาตีเข้าให้ดังเพียะ

   “อย่าแม้แต่จะคิด กูไม่มีทางไปนึกครึ้มจับกดผู้ชายอยู่แล้ว ยิ่งตัวสูงอย่างกับเปรตแบบไอ้เสาร์ไม่หน้าตาหน้ารักแบบมึงกูยิ่งคิดไม่ลง เมื่อวานกูก็แค่...แกล้งไอ้เสาร์มันนิดหน่อยเท่านั้นเอง” ไอ้เดย์ยักไหล่แบบโชว์เหนือราวกับว่ามันสู้ขีปนาวุธยุคกลางได้แค่ฝ่ามือเดียว

   “แทนนี่ใคร แล้วเสาร์นี่ใครวะ ใช่คนเดียวกับที่มาโรงอาหารคราวที่แล้วป่ะ” แม็คมันถาม

   “ก็วันเดียวกับที่มึงปวดขี้แล้วหนีไปนั่นแหละ” ไอ้เดย์เป็นคนเฉลย

   ...อีกแล้ว...

   ผมรู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์อะไรบางอย่างฝุดขึ้นมา บางอย่างที่ผมยังบอกไม่ได้ว่าคืออะไร แต่มันเป็นอะไรที่เกี่ยวกับตัวไอ้แม็ค ท่าทางมันดู...แปลกๆ...

   “มึงเป็นอะไรรึเปล่าวะไอ้แม็ค นั่นแน่ อย่าบอกนะว่ามึงหึงไอ้ไทม์”

   “เชี่ยเดย์คิดอะไรบ้าๆวะ”

   “อ้าวใครมันจะไปรู้ ไทม์มันยิ่งมีเสน่ห์อยู่”

   “ของกูแค่น้องฟ้าคนเดียวก็พอแล้ว” เสียงมันเศร้าลงไปหนึ่งเสต็ปทันทีที่พูดถึงน้องฟ้าเนื้อคู่ตูนาหงันของมัน

   “แล้วมึงเป็นอะไรไอ้ไทม์ จ้องหน้าไอ้แม็คซะ” ไอ้เดย์มันดึงสติผมกลับมา “อย่าบอกนะว่ามึงกำลังกลัวจะโดนมันจีบ ไม่เอาน่าเดี๋ยวนี้คิดเยอะนะเรา กูแหย่เล่นนิดเดียวเอง” เออจริง อย่าคิดมาก ช่วงนี้มีเรื่องใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายจนผมอาจจะแค่ปรับตัวไม่ทัน ไอ้แม็คที่ใช้ชีวิตจืดชืดอยู่กับพวกผมมานานพอมีอะไรมาให้ตื่นเต้นบ้างมันก็คงจะสนใจเป็นพิเศษ แล้วยิ่งช่วงนี้ที่มันดูจะห่างๆจากน้องฟ้ามาด้วย...ยิ่งแล้วใหญ่


TBC

เกิดทันอังกอร์มั้ย...มุกดักแก่ แสดงอายุคนเขียน

คุณ FeaRes โอเอซิสน้อยๆของคนเขียนขอบคุณจริงๆฮ้าบบบ :hao5:
เดี๋ยวจับแทนไปมัดฟาดด้วยแซ่แล้วเอาน้ำตาเทียนลนให้5555
 :z10: :z10: :z10:

พี่(ชอบ)โช มาอีกแล้วค่า
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่7:กิ๊กแฟนเพื่อน[03/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 03-09-2017 21:56:41
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่7 กิ๊กแฟนเพื่อน


   เอ้า!!!ชนนนนนนนน!!!


   เอี๊ยดดดดดดดดด!!


   “เชี่ยยยยยยยยย!!” ยังไม่ทันถึงร้านพี่ดวกแม่งก็เสือกจะให้กูชนแล้ว ชนแมวข้างทางที่มันวิ่งตัดหน้ารถดิครับ ผมที่เป็นคนขับเล่นเหยียบเบรคจนหน้าทิ่ม

   “สัด!!”

   “ก็สัตว์ดิวะ มึงเห็นแมวเป็นอะไรก้อนฟอสซิลหรือไง”

   “เปล่า!!กูด่ามึง”

   “อ้าว” ไหงมาด่ากูอ่ะ ก็มึงบอกปวดกล้ามเนื้อเมื่อวานออกแรงหนักขี้เกียจขับรถ กูก็สู้อุตส่าห์เสนอตัวขับให้แล้วมึงเสือกรวมกูไปอยู่พวกเดียวกับไอ้เหมียวที่กูเกือบทับมันไส้แตกอ่ะนะ สัดเดย์ไอ้คนไม่รู้บุญคุณคน

   “เอามาด้วยรึเปล่าครับเนี่ยคุณไทม์” รถยังจอดนิ่งอยู่เพราะผมดูแล้วว่าไม่มีใครตามมา อีกอย่างเล่นเกือบคร่าชีวิตแมวไปตัวทำผมกลัวจนใจสั่นต้องนั่งควบคุมสติอารมณ์ซักพักนึง การทิ้งให้รถแช่อยู่อย่างนั้นทำให้ผมหันไปมองหน้าคนตั้งคำถามได้เต็มที่แบบไม่ต้องกังวลอะไร

   “อะไร?เงินสดเหรอ?”

   “สติมึงดิ” เออกูลืมไว้ที่ไอ้แทน แค่นึกถึงหน้าร้านพี่ดวกความทรงจำหมาดๆก็ฝุดขึ้นมาในหัว ผมมันคนมีคดีติดตัวเพราะเคยก่อเรื่องไว้ที่ร้านไอ้คุณพี่อินดี้ขี้ไม่ให้หมาแหลก พอคิดว่าต้องเยี่ยมหน้าไปหามันก็เลยจะหลอนหน่อยๆ ถ้าตอนนั้นไอ้แทนไม่อยู่ผมก็ไม่รู้จะมีชีวิตรอดกลับออกมามั้ย พอคิดๆไปไอ้แทนมันเคยด่าผมว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนให้เมาอย่าขับ มาถึงตอนนี้สะท้อนใจเลยกู แถมไอ้แมวที่วิ่งตัดหน้าดันเสือกเป็นแมวดำอีกจะเหลือมั้ยวะวันนี้ เดี๋ยวชนคนตายชีวิตบั้นปลายไปลงที่คุกจะเอายังไง

   “กูว่าขับไปจอดรถที่หอแล้วเดินไปดีกว่ามั้ยมึง”

   “มึงจะขับไปแล้วเดินกลับมาให้เมื่อยทำไมวะ” ไอ้แม็คมันท้วง ร้านพี่ดวกมันทางผ่านระหว่างหอ

   “ไอ้ไทม์กูปวดขาาาา” ไอ้เดย์มันโวยวาย เชี่ยมึงป่วยขนาดนี้แล้วทำไมไม่กลับไปนอนหอวะเสือกมาแดกเหล้าเพื่อ

   “งั้นกูขับไปจอดหน้าร้านปล่อยพวกมึงลงไปก่อน”

   “ทำถูกแล้ว ที่เธอเลือกเขา แล้วทิ้งฉันไว้ตรงกลางทาง” กูทิ้งพวกมึงไว้ตรงนี้เลยดีมั้ย เดินนิดเดินหน่อยทำเป็นบ่น มิน่าล่ะพักนี่กูชักจะเห็นว่ามึงเริ่มอวบๆเหมือนคนบวมเบียร์ ส่วนกูก็...ไปแดกกับมึงทุกครั้ง กูเพลีย


   กว่าจะเดินมาถึงร้านได้ก็เล่นเอาเหนียวตัวไปหมด อากาศอบๆด้านนอกพร้อมสีท้องฟ้าที่ไม่น่าไว้วางใจทำให้ต้องเร่งฝีเท้าเดินให้ไวกว่าเก่า ป่านนี้เพื่อนสองตัวของผมมันคงสำราญแอลกอฮอล์ลิซึ่มไปล่วงหน้าแล้วมั้ง เอาเถอะวันนี้ผมต่อให้พวกมันก่อน ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล

   “เอาเว้ยนานๆกว่าจะครบคนที มาชนแก้วกันก่อน” ไอ้เดย์มันยกแก้วขึ้นมาสร้างบรรยากาศก่อนพากันเมาหัวทิ่ม พอคร้งเคร้งกันได้รอบวงเสร็จ มันก็อ้อมแขนมาโอบไหล่ดึงตัวผมเข้าไปพร้อมส่งยิ้มหวานให้หนึ่งก๊อก

   “เชี่ยทำอะไรมึง กูขนลุก”  ผีบ้าเข้าสิงหรือไงวะ ไม่ฟังยังพอว่าเสือกดัดเสียงดึงแทร็กที่สี่สิบห้ามาเปล่งใส่ไอ้แม็คที่นั่งเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเบียร์เล่นอีก

   “เชี่ยแม็คกูมีเรื่องจะสารภาพ” เพื่อนผมอีกตัวมันเหลือบตาขึ้นมา ใบหน้าแม่งโคตรตายด้าน ใครขโมยต่อมรับอารมณ์ไอ้แม็คไปวะ กูตั้งรางวัลนำจับสิบบาท เพราะกูรู้ว่าใคร ตั้งไว้สูงๆเดี๋ยวหมดตัว

   “กูกับไอ้ไทม์ได้กันแล้วว่ะ”

   “เชี่ยเดย์ เพ้อเจ้ออะไรวะ” ผมดันหน้ามันจนหัน ร้างลาไปกว่าสามเดือนที่ไม่ได้โดนมันเต๊าะเพราะพี่โชมันห่างออกไป พอมากะทันหันขนาดนี้บอกตามตรงอุจจาระหดกลับเข้าลำไส้ใหญ่เลยครับ

   “มึงก็รู้ว่าไอ้ไทม์มันเป็นพวกปากหมากับคนที่ชอบ”

   “สัด”

   “กำลังถึงฤดูเลยมึง รู้ได้ไง”

   “เวร”

   “ไหนมาหอมหน่อยดิ๊” ฟอดดดดด ไอ้เชี่ยเดดดดดดดดด ไอ้ควายยยย แค่ไม่ได้กับเด็กอักษรก็ไม่ต้องเก็บกดจนมาเปลี่ยวกับกูได้เปล่าวะ หน้ากูขึ้นเลขเด็ดยัง ถูฆ่าเชื้อโรคจนจะแหกไปข้างอยู่แล้ว

   “ทำห่าไร ของพวกมึงวะ” ในที่สุดไอ้แม็คก็ยอมเปิดปากพูด น่าจะเพราะทนดูภาพอุจาดสุดทานทนไม่ไหว

   “ถ้ามึงท้วงช้าอีกนิดกูจับไอ้ไทม์ปล้ำโชว์ต่อหน้ามึงแล้วนะเนี่ย”

   “เหตุผล”

   “เผื่อมึงหึงไอ้ไทม์”

   “ตรรกะ”

   “เพราะมึงสนใจเรื่องไอ้แทน”

   “แต่ความจริงกูชอบมึงว่ะ ไอ้เดย์” เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าทำเอาผมสะท้านไปถึงลำไส้ ไอ้เดย์ก็เช่นกันมันถึงกับอึ้งแดกมองหน้าไอ้ว่าที่คนโสดซึ่งดูเหมือนจะอกเดาะมาหมาดๆ แบบตาโตเท่าไข่ห่านเป็ด “บอกแม่มึงด้วยว่าอย่าเอาสมองมึงไปซักรวมกับไฟน์ไลน์”

   “เปล่า แม่กูฉีดโบท็อกซ์ตอนท้องกูว่ะ” จบแค่นั้นเสียงหัวเราะระงมของไอ้เพื่อนสองตัวของผมก็ดังไปทั่วบริเวณ ทำให้ผมรู้ว่ามันกลับมาแล้วไอ้แท็กทีมคู่ตลก เมื่อกี้มันเป็นแค่การแสดง!!

   “โอเค พอแล้ว หัวเราะได้แต่มึงห้ามลากกูหลุดประเด็น ไอ้แม็คสรุปมึงเป็นเชี่ยไร เล่ามา” ไอ้เดย์เข้าโหมดสาระมาเน้นๆ สาระแน...

   “มีแต่เบียร์ว่ะ เหล้าไม่ได้สั่งดื่มแก้ขัดไปก่อนละกัน” ว่าจบไอ้พ่อบ้านใจกล้าก็คว้าขวดเย็นฉ่ำพึ่งเสิร์ฟที่วางอยู่ข้างๆมารินใส่แก้วตัวเองแล้วกรอกเข้าคออย่างกับกลัวแอลกอฮอล์มันระเหย หมดไปหนึ่งจัดสองต่อเนื่องไม่มีสะดุดด้วยมาตรฐานโครงข่ายพนักงานเสิร์ฟร้านพี่ดวก ยกมือปุ๊บเดินมาส่งปั๊บไม่เคยขาดระยะเหมือนรถเมล์ ส่วนไอ้เดย์เอาแต่หัวเราะร่ารับมุกเพื่อนกระดกน้ำข้าวบาร์เล่ย์สปีดตามกะเอาให้ทันอีกฝ่าย

   “มึงจะให้กูแก้แล้วขัดตรงนี้เลยเหรอวะถามจริง” มาแล้ว ไอ้เดย์โหมดเมาแล้วหลับแต่ถ้าขยับจะหื่นสัดรัสเซีย

   “โสดอย่างมึงก็ต้องพึ่งสองมือไปก่อนเว้ย” ไม่พูดเปล่าทำท่าเชคเขย่ากู้โลกประกอบ เสื่อมสัดได้ใจ ก่อนหันมาตบบ่าเพื่อนราวกับเห็นใจในสภาพที่เริ่มกรึ่มๆด้วยกันทั้งคู่
   “งั้นมึงก็เตรียมความพร้อมของข้อมือมึงให้ดีเลยนะ ไอ้ว่าที่คนโสด”

   “ใครบอกมึงว่ากูโสด”

   “ก็มึงเลิกกับน้องฟ้าแล้วไม่ใช่เหรอ ไอ้เพื่อนแม็ค” จบประโยคไอ้แม็คแม่งมองตาขวางเลยครับ คราวนี้ท่าจะไม่ขำ เชี่ยกูเสียววืบเลย ตั้งแต่คบกับมันมาตอนปีหนึ่งผมไม่เคยเห็นไอ้แม็คโกรธ คงเพราะมันไม่ค่อยได้อยู่คลุกคลีตีโมงกับพวกผมมากไปกว่าน้องฟ้า แล้วคิดดูดิคนที่นิ่งที่สุดในกลุ่มอย่างมันเวลาโกรธจะน่ากลัวชาติชั่วขนาดไหน

   “กูไม่รู้ แต่กูรู้ว่ามึงกับน้องจิงเลิกกันแล้ว” เหยดดดเคาน์เตอร์แอทแทค

   “เลิกกันนานแล้ว รอคู่มึงตามมาอ่ะไอ้สัด”

   “กูเลือกจะเป็นผู้นำไม่ตามใครเว้ย ไอ้เห็บหมา”

   “กูเห็นมึงตามตูดเมียมึงทุกวันมีมาบอกว่าไม่ตาม รอให้ไอ้ไทม์มันมีผัวก่อนกูถึงจะเชื่อ”

   “เชี่ย มึงก็อย่ากันท่าดิวะไอ้พี่โชพร้อมเอาไอ้ไทม์ทำเมียตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว ยกตัวอย่างที่มันเป็นไปไม่ได้มากกว่านี้ได้มั้ย” อ้าวไหงมาโยนขี้ให้กูวะ กูนั่งอยู่เฉยๆ

   “งั้นรอให้ไอ้ไทม์มันมีเมียก่อน”

   “อ้าวเชี่ยพวกมึงมาแช่งกูไม่ให้มีแฟนเหรอวะ”

   “เปล่า มึงมีแน่”

   “แต่ผัวไม่ใช่เมีย” เชี่ยแพ็คคู่ เห็นมันทะเลาะกันแต่ที่แท้หาจังหวะเล่นงานกูสาดดดดด

   “สัดเดย์วันนี้มึงล้ม กูไม่กู้ศพมึงกลับ แต่กูจะข้ามซ้ำด้วย” สุภาษิตว่าคนล้มอย่าข้าม แต่ควายล้มกูจะเหยียบให้จมดิน

   “ตามใจมึงเลย” อ้าวมาแปลกวันนี้มันไม่ง้อ หันไปนั่งกดมือถือแชทคุยกับสาวต่อไม่สนใจ แถมทำท่าพร้อมเทผมเต็มที่

   “กูต้องทำไงวะ” เสียงพ่อบ้านแห่งชาติทำให้ผมต้องหันไปให้ความสนใจมันอีกรอบ เฮ้ยใครตั้งน้ำร้อน เสียงสับหมูดังมาแต่ไกล ให้กูฟังอินโทรอยู่นานจู่ๆไอ้แม็คก็ทำหน้าจริงจังหวังจะขึ้นท่อนฮุคเลย

   “มึงก็แค่เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยให้คำปรึกษาไม่ได้ก็ถือว่าระบายละกัน” จะคอตโต้ โคลเลอร์ หรือคอห่าน กูจะเป็นทุกอย่างให้มึง

   “กู...”

   “จัดมา”

   “กู...”

   “กลั่นมาจากใจมึงเลย”

   “กู...”

   “ไม่ต้องแอ๊บหรือแต๊บอะไรทั้งนั้น”

   “ฮึ่ย...ไม่เล่าแล้วโว้ย”

   “อ้าวไอ้เชี่ยให้กูลุ้นเพื่อ” ปวดเบาเลยมึง

   “ให้เล่าเท่ากับแช่งเปล่าวะ ตอนนี้ใจกูเปราะบางอ่อนแอ ถ้าต่อมน้ำตากูแตกจะทำไง”

   “วันนี้แรมสองค่ำเดือนสิบเอ็ดเลยพรรษามาแล้วมึงเล่าได้ แต่ถ้ามึงไม่เล่ากูเนี่ยแหละจะแช่งมึงเอง” เงียบไปนานเปิดปากมาก็แผลงฤทธิ์เลยนะไอ้เดย์ ส่วนไอ้แม็คก็ลังเลจนถึงวินาทีสุดท้ายแล้วก็ยอมเอ่ยปากพูดออกมาจนได้

   “กูแค่กำลังสงสัย”

   “เรื่องอะไร กูไม่เอาปัญหาเชาวน์นะ”

   “ว่าฟ้ากำลังแอบคบใครลับหลังกู” เหยดดดดดดดด

   “เป็นไปได้ไงวะ ช่วงนี้ก็เห็นพวกมึงออกจะรักกันดี” ไม่ใช่แค่ช่วงนี้หรอก ไม่ว่าช่วงนี้หรือช่วงไหนๆ ไอ้แม็คมันก็ดูรักกับน้องฟ้าดี ดูรักกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งที่พวกผมเพิ่งรู้จักมัน รักกันแบบคงความเลี่ยนได้เสมอต้นเสมอปลายจนน่าหมั่นไส้

   “ก็...รักกันดี แต่พักนี้เหมือนจะปฏิเสธนัดกูบ่อย บ่อยเกินจนกูเริ่มสงสัย”

   “เฮ้ย เด็กเตรียมสอบนะเว้ย มันก็ต้องมีบ้างที่จะต้องเอาเวลาไปอ่านหนังสือสอบ จะให้มาขลุกอยู่กับมึงทั้งวันเนี่ยนะ ต่อให้มึงรักเขาขนาดไหนก็ต้องมีเหตุผลเปล่าวะ” จำได้ตอนม.หกผมกับไอ้เดย์เอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อย ขี้เกียจอ่านหนังสือเลยทำตัวไร้สาระไปวันๆกว่าจะมานั่งเครียดเรื่องสอบได้ก็ปาไปโค้งสุดท้ายสามเดือนให้หลัง แล้วอย่างน้องฟ้าเด็กท็อปขนานนั้นมีหรือจะไม่เอาเวลาไปมุ่งมั่นกับการเรียน

   “ถ้าบอกกูว่าอ่านหนังสือเตรียมสอบกูก็เข้าใจ กูยอมไปนั่งว่างๆในห้องเขาเฉยๆก็ได้ กูจะไม่กวนเขาเลย แต่นี่กลับบอกว่าญาติมาหาบ้างล่ะ ต้องกลับไปบ้านบ้างล่ะ ถี่ซะจนกูสงสัยเลยว่าทำไมถึงพึ่งมาหาเอาป่านนี้ แล้วทำไมพึ่งมากลับบ้านเอาช่วงนี้ด้วย ทั้งที่ตั้งแต่คบกันมาฟ้าเขาไม่เคยพูดถึงเรื่องครอบครัวซักครั้งเลยนะเว้ย ไม่เคยเลยจริงๆ แม้แต่กลับบ้านเสาร์อาทิตย์ก็ไม่เคย” ชิบหายแล้วนี่มันเหมือนกรณีศึกษาของไอ้เดย์กับน้องจิงเลยนี่หว่า ผมเหลือบไปมองหน้าเพื่อนซี้ที่ผ่านประสบการณ์อกหักมาได้อย่างชอกช้ำ ไอ้เดย์มันยังคงนิ่งเม้มปากแล้วกลืนน้ำลายลงคอเหมือนนึกถึงตัวเองอยู่

   “เชี่ยไทม์ อย่ามองกูเดี๋ยวปั๊ดก็จับทำเมียซะ” โหยกลัวตายห่า สู้กับไอ้เดย์ตอนเมาก็เหมือนสู้กับเห็บเหาไรอ่อน ปวกเปียกอย่างกับหลนเต้าเจี้ยวปูเค็ม เพื่อนผมมันยกน้ำเมาซดย้อมใจก่อนพูดอย่างลื่นไหลอีกครั้ง “กูว่าเรื่องอย่างนี้มันต้องพิสูจน์ เก็บมาคิดฟุ้งซ่านก็มีแต่รำคาญใจเปล่าๆ มึงบอกมามึงสงสัยใคร” จบประโยคปุ๊บไอ้แม็คกระแทกแก้วเบียร์เข้ากับโต๊ะดังปั้กแล้วเชิดหน้ายักคางเป็นเชิงให้หันไปตรงทางเข้า

   “ไอ้หล่อนั่น” เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งห้อยประตูร้านเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงคนมาใหม่ เชี่ยพี่ดวกมันคิดยังไงถึงเอากระดิ่งใสผูกโบว์สีชมพูใหญ่พรุ้งพริ้งแบบที่เหมาะจะไปอยู่คาเฟ่มุ้งมิ้งอย่างเฮลโหลคิตตี้มาแขวนหน้าร้านเหล้าพี่ได้วะ เห็นแล้วโคตรขัดลูกตา สารร่างสูงใหญ่ของใครบางคนเดินแทรกฝ่าฝูงชนที่อัดแน่นจนเต็มร้านเข้ามาอย่างผึ่งผาย นี่มันโมเสสแหวกทะเลแดงชัดๆ เปิดตัวทีอย่างกับพระเอกเกาหลี แต่ก็ยังมีบางด่านที่ไอ้คนนั้นมันผ่านมาไม่ได้ ด่านผู้หญิงที่รุมแจกเหล้าและขอเบอร์มัน ถึงแม้จะถูกสาวๆบังแต่เพราะคนมันตัวสูงเลยทำให้ผมได้รู้ว่าใครที่กำลังเดินมุ่งหน้ามาทางนี้

   “นั่นไงคนที่กูสงสัยว่ามันเป็นกิ๊กกับฟ้า ไอ้แทนสุรบถเดือนวิศวะ ปีหนึ่ง ”



   ผมเห็นมันนั่งจ้องหน้ากันมานานหลายนาทีแล้ว

   ไอ้หนุ่มหน้าใสหัวใจต๊ะติ๊งโหน่งกับเพื่อนผมไอ้แม็คแฟนเด็กสาธิต ไอ้แทนอารมณ์นิ่งจนติดไปทางจะสงสัยด้วยซ้ำว่าเพื่อนผมมันจ้องอะไรนักหนา ส่วนไอ้แม็คมันก็หรี่ตามองอย่างกับจะแสกนเข้าไปในสมองของไอ้แทน

   ไอ้แทนเนี่ยนะจะเป็นกิ๊กน้องฟ้า ไอ้แม็คมันเอาอะไรมาพูดวะ หรือตั้งข้อสันนิษฐานมั่วๆ เมาเลยเดาสั่วๆไปงั้น  เหมือนเกมที่เพื่อนผู้หญิงสมัยมัธยมของผมมันเล่นกัน แบบคนที่เข้าห้องเรียนคนถัดไปเป็นเนื้อคู่ ส่วนคนที่เข้าประตูคือคนที่เป็นชู้กับน้องฟ้าอะไรทำนองนั้น ติงต๊องไปเปล่าวะ

   “ไอ้แทนมึงมาทำไมวะ” ผมเอ่ยทำลายความเงียบชวนอึดอัดที่ก่อตัวขึ้นมาระหว่างคนทั้งคู่ ไอ้แทนมันเดินเข้ามาในร้านคนเดียวไม่มีเพื่อนตามมาซักคนแม้แต่ไอ้เสาร์ ต่อให้เปลี่ยวขนาดไหนก็คงไม่มีใครมานั่งกระดกเหล้าลำพังหรอกมั้ง ยกเว้นแม่งอกหักอยากดราม่าแต่ไอ้หล่อมันก็ไม่มีทีท่าจะหน้าบวมตาแดงเหมือนไอ้เดย์ตอนโดนน้องจิงเทซักเท่าไร

   “พี่เดย์ไลน์บอกให้มารับ” ผมหันไปมองไอ้ตัวแสบอีกคนทันที แม่งโดนเหล้าทำหมอบแดกไปเรียบร้อยแล้วครับ ไอ้เดย์ไอ้เพื่อนเวรที่มึงกดมือถือยิกๆทำเหมือนแชทกับหญิงแท้ที่จริงกดเรียกไอ้แทนเหรอวะ แล้วมึงไปสนิทกับมันถึงขั้นมีไลน์กันเมื่อไร รู้มั้ยกูอิจ...เอิ่ม...กูสงสัย

   “กูกลับล่ะ” ไอ้แม็คลุกพรวดพราดจากโต๊ะ

   “อ้าว เชี่ยแม็คกูกลับด้วยดิ”

   “มึงอยู่กับมันไปแหละ กูอยากกลับคนเดียวไม่ต้องพึ่งพาใคร แล้วก็นี่ค่าเหล้า ขาดเกินยังไงไปเคลียร์เอาพรุ่งนี้ กูไปล่ะ” หงุดหงิดสุดกำลังอ่ะมึง ถ้าไม่บอกผู้ชายกูคงคิดว่าประจำเดือนมันมา ผมปล่อยให้ไอ้แม็คมันเดินลับสายตาไปโดยที่กล่าวทักท้วงอะไรไม่ได้อีก

   “กลับยังครับ”

   “อยากกลับก็กลับไปก่อนดิ”

   “พี่ใช้ไรคิด มารับให้กลับก่อนได้ไง” กูใช้เล็บขบคิดมั้ง เกลียดคำพูดมัน

   “นั่นไง ลากมันกลับไปดิ” ผมพยักพเยิดไปยังไอ้คนที่เมาหน้าทิ่มหลับไปเฝ้าพระอินทร์ถึงชั้นดาวดึงส์ มึงมารับไอ้เดย์ไม่ใช่กู เพราะกูไม่ได้ขอ

   “แล้วพี่อ่ะ”

   “กูอยากดื่มต่อ”

   “งั้นผมดื่มด้วย”

   “กวนละมึง มารับเสือกดื่มได้ไง”

   “ก็อยาก”

   “กลับหอไป”

   “พี่เป็นอะไรกับผม”

   “มึงต้องการอะไรจากสังคม” คำถามแบบนี้ถามมาเพื่อ

   “ก็ไม่ต้องการอะไรหรอก เพราะชีวิตนี้ตั้งใจว่าจะเชื่อฟังแค่ พ่อ แม่ กับเมีย เท่านั้น” เช้ดดดดดด ถ้าเกิดเป็นแม่มึงกูคงดิ้น มีลูกดื้ออย่างนี้ขอผูกคอตายใต้ต้นผักชียังดีกว่า

   “งั้นก็ดื่มแป็บซี่ไป”

   “ไม่เอาน้ำอัดลม”

   “โกโก้ล่ะ โกโก้ปั่นดาร์กมันถึงใจ”

   “ไม่เอาน้ำหวาน”

   “สมูตตี้กีวีแพชชั่นฟรุตมั้ย ที่นี่หวานธรรมชาติใสใสไม่ใส่ขัณฑสกร”

   “ผลไม้อะไรเม็ดดำๆเห็นแล้วหยึย”

   “งั้นเอาเป็นชาชักป่ะ ชาชักว่าว ตราพี่ดวก ดื่มแล้วตื่นสดชื่นเหมือนได้ปลดปล่อย” ชื่อแม่งเสื่อมได้อีก พี่ดวกมันขโมยชาตอนไปแบ็คแพ็คที่ศรีลังกาแล้วเอามาตัดแต่งพันธุกรรมจนได้สูตรคาเฟอีนสูงลิบลิ่ว สูดกลิ่นแล้วตื่น ดูดดื่มแล้วค้าง ที่ค้างเนี่ยไม่ใช่ชักจนอารมณ์ค้างนะครับแต่เป็นหนังตาต่างหาก เล่นค้างไปหกวันเจ็ดคืนเข้ากั๊นเข้ากันกับนักเรียนเตรียมสอบฝุดๆ

   “ดื่มวันนี้หลับอีกทีชาติหน้าป่ะ”

   “ถ้างั้นก็ไม่เหลือแล้ว มึงเอาคาราเมลแม็คคิอาโต้ไปเลย”

   “ผมเกลียดชื่อนี้”

   “...” โว้ยยยยยยมึงจะเอาอะไรกับกูนักหนา

   “จะดื่มเหล้า”

   “เรื่องอะไรจะให้ดื่มวะ”

   “กวนตีนละ เงินก็เงินผม” ปีนเกลียวขึ้นทุกวัน สาด

   “ดื่มแล้วเมามึงจะเอาพวกกูกลับยังไงฮะ ถามจริง”

   “ไม่เมาง่ายๆหรอกน่า”

   “กูไม่ให้มึงดื่ม”

   “วันนี้พวกพี่ไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอะ”

   “เออใช่ นั่นยิ่งแล้วใหญ่ มึงเอารถมามึงก็ยิ่งไม่ควรดื่ม”

   “จะดื่ม”

   “เอ๊ะไอ้นี่ มึงเพิ่งสอนกูไปว่าเมาไม่ให้ขับ กูก็อุตส่าห์เชื่อฟังไหงมาทำเองวะ”

   “...” มันนิ่งไปเลยครับ ไม่ใช่สำนึกนะ หน้าแบบตกใจอ่ะ

   “กูพูดไรผิด”

   “พี่นี่น่ารักเนอะ”

   “...!!!”

   “สอนอะไรก็เชื่อฟัง โคตรเด็ก”

   “เหี้ยมึงด่ากู!!”

   “ด่าที่ไหน ชม”

   “แม่งด่ากูว่าโง่ชัดๆ” ไม่น่าเชื่อแม่งเลย

   “ชมต่างหาก เมาไม่ขับ คนดี นิสัยดี แถมหน้าตาดีอย่างพี่ไม่มีอีกแล้ว”

   “...” อวยกูไส้แตกอุจจาระร่วงไม่ทันถึงห้องน้ำเลยสาด(กราบขออภัยคนที่รับประทานข้าวอยู่มา ณ ที่นี้) ถูกคนกระทำการอุกอาจชมซึ่งหน้าอย่างนี้ก็ตัวลอยดิครับ แต่ปัญหามันอยู่ที่คนชมเสือกเป็นมันนี่แหละ ความรู้สึกมันเลยดาวน์ไปกว่าครึ่ง ถ้าเป็นแม่สาวคนนั้นที่กำลังมองมาทางนี้ก็ว่าไปอย่าง

   “อ้อ ไม่ใช่สิ ยังมีอีกคน”

   “อะไรของมึง” กำลังมองวิวสวยๆเพลินๆแท้ๆขัดจริง

   “คนดี นิสัยดี แถมหน้าตาดี”

   “ใคร”

   “ผมไง”

   “กูชักไม่มั่นใจมาตรฐานมึงแล้ว” อย่าเอากูไปจัดแร้งกลิ้งโค่โร่อะไรของมึงอีกเลย

   “สรุปคือให้ผมดื่ม”

   “ตั้งแต่พูดมามีตรงไหนที่กูบอกว่ามึงอย่างงั้นวะ มึงกดรีเวิร์สกลับไปดูเลย”

   “ไม่มีหรอก...แต่ผมไม่ได้เอารถมา”

   วอท เดอะ ฟัค!!

   จบบทสนทนานี้กูรู้แล้วว่ากูควรไปสมัครเป็นพนักงานร้านพี่ดวก กูจำเครื่องดื่มแม่งได้ทุกเมนูแล้ว



   ใครว่าดื่มเบียร์แล้วสดชื่นวะ ผมว่ามันไม่จริง ตอนนี้ผมโคตรอึดอัดเลยเฟ้ยยยย

   “เมื่อไรมึงจะกลับ”

   “จนกว่าพี่จะลุก” มึงไม่รู้เหรอว่ากูตั้งเป้าเอาไว้ยังไงวันนี้ก็ไม่กลับกับมึงอ่ะ ช่วยมีสัมผัสที่หกทางด้านนี้ด้วย ผมเหลือบไปมองขวดเบียร์เปล่าที่วางกระจัดกระจายบนโต๊ะแทบยกลัง นี่กูกับมันมาจนถึงจุดนี้ได้ยังไงวะเนี่ย

   “กว่ากูจะลุกมึงก็หมอบก่อนแหละ ไอ้หมาน้อย”

   “มั่นใจอะไรเบอร์นั้น”

   “ก็กูคอแข็ง”

   “ขนาดไหน”

   “กลมนึงเพียวๆคนเดียวแค่เดินเซ”

   “แค่พูดใครจะไปเชื่อ ของอย่างนี้มันต้องพิสูจน์” เอามาเลยมึงจะทาวเวอร์กลมแบนแสงโสมแม่โขงยาดองเอามาให้หมด เพียวๆแล้วกระดกไม่ต้องน้ำแข็งโซดามึงก็มาเลย ผมสบตากับพนักงานเตรียมโบกมือให้มารับออเดอร์ แต่ที่ไหนได้มันเสือกปัดมือผมลงแล้วขยับอีกมือนึงมาลูบที่คอผม

   “...!!!”

   “นุ่มดีออก แต่ถึงจะแข็งยังไงก็ขอให้เป็นที่แค่คอ อย่าลามไปถึงปากกับใจเลยนะครับ” ขนกูลุกซู่!!! กระถดตัวหวงแหนคอตัวเองฉิบหายก็วันนี้ เข้าใจความรู้สึกตัวละครในหนังสยองขวัญที่หัวยังไม่หลุดจากบ่า ถ้าจ้างให้ผมเล่นผมขอเป็นตัวประกอบไอ้ที่มันตายคนแรกเลยนะ ยอมตายแบบโง่ๆเลย โง่แบบไม่ยอมให้ไอ้แทนมันมากระซิบเสียงกระเส่าจนขี้หูสะเทือนรอบสองได้แบบนี้อ่ะ “แต่มีอีกอย่างนะที่ยอมให้แข็งได้”

   “อะไรของมึง!!” หัวเหรอ หัวกูไม่ยอมอ่อนให้มึงอยู่แล้ว

   “ไทม์น้อยของพี่ไง”

   “เอาตีนกูไปกินเหอะมึงงงงง” ผมยกขากะฟาดตีนเข้าหน้ามันจริงๆ แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะศีรษะเหมือนโดนดันไว้จนต้องหันไปมอง

   “ถีบกูด้วยเลยมั้ยไอ้นี่” เหยดดดด ไอ้พี่ดวกครับมันชักจานหลบตัวผมที่เกือบจะชนมันไว้ซะสูง “คราวที่แล้วจะชักดาบ ส่วนคราวนี้จะพังร้านกูเหรอไง เอ้านี่กับแกล้ม”

   “ขะ...ขอโทษครับ” เล่นเอากูเลือกไม่ถูกเลยว่าจะขอโทษหรือขอบคุณพี่ดวกมันดี ว่าแต่เมื่อกี้ผมมีสั่งกับแกล้มไปด้วยเหรอ

   “ของใครอ่ะ ผมไม่ได้สั่ง”

   “ได้กินฟรีก็ดีเท่าไหนแล้ว นู้นของแฟนคลับมึงที่นั่งอยู่โต๊ะโน้น” พี่ดวกบุ้ยใบ้ไปทางโต๊ะที่อยู่มุมมืดไกลๆออกไป ผมพยายามเพ่งมองผ่านแสงสลัวภายในร้านจนสายตาไปปะทะกับดวงตาวาวโรจน์คู่หนึ่ง

   กรรมแล้วกู...

   “พี่เอาคืนไปได้ป่ะ”

   “ไรวะ เขาสั่งมาจ่ายตังค์แล้วให้กูไปคืนได้ไง อย่าเรื่องมากแล้วก็แดกๆไปเถอะน่ะ” พี่มึงทำกับลูกค้าอย่างนี้เหรอวะ มันเอาเซอร์วิสมายด์ไปไว้ไหน กูไม่นับถือมันเลยซักนิด แล้วที่แน่ๆกูไม่อยากแดก เพราะมันเป็นของไอ้เชี่ยพี่โชอ่ะ!!

   “มานี่ ผมกินเอง” มานิ่งๆแต่คว้าจานถั่วไปกินจนเกลี้ยง ไอ้แทนเคี้ยวถั่วด้วยสีหน้าเอร็ด...ไม่ดิ...สีหน้าราวกับเคียดแค้นโคตรเหง้าตระกูลถั่วแบบอยากฟันหัวโก๋แก่แบะ มันมองตรงไปทางที่ผมเคยมองส่งสายตาโต้ตอบกับอีกฝ่ายราวกับกระหายเลือดกันมานาน

   “ขอแบล็คกลม โซดาสอง น้ำแข็งหนึ่ง เสิร์ฟเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก วันนี้ไม่เมาไม่กลับนะครับพี่ไทม์”


TBC
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)} บทที่7:กิ๊กแฟนเพื่อน[03/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 04-09-2017 06:53:37
เราพลาดตอนที่แล้วไป...
ก็ว่าทำไมหายไปนาน ไม่เห็นนี่เอง ; w ; //กอดนะคะ แอมซอรี่ งือออ

อะโห เล่นอะไรแบบนี้ไม่ดีนะคะ! อย่าล้อเล่น!
เผลอตกใจแม็คเดย์เลยนะ นึกว่ามีซัมติง 55555
แม็คอย่าล้อเล่นงี้ เดะเสาร์หึงเดย์ //ผิด(?)

กิ๊กอะไรยังไงงงง ฟ้ากับแทนคืออะไรคะ?!!
แค่เพื่อน ญาติ หรืออะไร แทนมาเคลียร์ๆ //ดึงคอเสื้อ(?)

ไทม์อิจฉาเดย์ทำไมมม ไม่ต้องอิจ ทักไลน์ไปคุยกับแทนบ้างเลย จบ 5555
ยกระดับความหมั่นไส้แทนในทุกตอน(?) 55555

พี่โชยังคงวอแว 555555
 :m20:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่8:หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้[14/09/20
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 14-09-2017 23:18:23
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}
บทที่ 8 หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้


Sad Day
ไอ้แทน มึงอยู่ไหน

Tan Surabot
มีไรรึเปล่าพี่

Sad Day
มึงมาร้านพี่ดวกด่วนเลย

Tan Surabot
เกิดไรขึ้น?

Sad Day
กูเมา

Tan Surabot
ฮะ??
แล้วเกี่ยวอะไรกับผมอ่ะ


Sad Day
มึงต้องมารับกู

Tan Surabot
เพื่อ?

Sad Day
ถ้ามึงไม่มาไอ้ไทม์มันโดนเชี่ยพี่โชจับไปแดกแน่!!


   ผมละจากมือถือโดยไม่รอดูคำตอบจากอีกฝ่าย ยังไงไอ้แทนก็ต้องมาไม่งั้นงานนี้มีวิกฤติ สายตาเหลือบไปมองโต๊ะที่อยู่มุมร้าน มันกับพวกยังนั่งอยู่ตรงนั้น นับตั้งแต่ก้าวเข้าร้านไม่เคยมีครั้งไหนที่มันจะละสายตาไปจากทางนี้ ผมรู้ดีเพราะผมนั่งอยู่ฝั่งที่หันหน้าเข้าหามัน เหตุผลน่ะเหรอจะมีอะไรก็เพราะไอ้ไทม์มันนั่งอยู่ตรงนี้ไง ไอ้เพื่อนตัวขาวจั๊วหน้าหวานจนน้ำตาลเรียกพี่ ขนาดน้องมะหมี่ลีดเศรษฐศาสตร์ยังต้องถอย ส่วนน้องตะนอยดาวคณะยังต้องสยบให้กับมัน บุรุษที่มีนามว่าไทม์หล่อหวานสังหารใจชาย

   ผมไม่รู้ว่าไอ้แทนมันจะรู้จักพี่โชจากข่าวที่พี่มันวิ่งไล่ตามจีบหนุ่มหน้าหวานประจำคณะเศรษฐศาสตร์ซึ่งดังลือกระฉ่อนไปทั่วมหา’ลัยหรือเปล่า แต่ผมพอจะเดาออกว่ามันแคร์ไอ้ไทม์ ไม่งั้นมันไม่แบกหน้ามาหาเพื่อนผมถึงใต้ถุนคณะโดยให้เหตุผลแค่ว่าจะพาไปทานข้าวเพราะเพื่อนผมมันห้าวไม่ยอมแดกข้าวกลางวันหรอกครับ ตอนแรกก็กะจะกันท่ามันหน่อยโทษฐานที่ลืมเรื่องยางลบจนทำให้ไอ้ไทม์ต้องทำหน้าอมตดนั่งกดเครื่องคิดเลขยิกๆแบบไร้สติอยู่ครึ่งค่อนวัน แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วผมก็อยากให้เพื่อนมันสมหวังในความรักบ้าง ไม่อยากให้มันมาเดินตามเส้นทางผม เส้นทางคนอินดี้ที่ไม่มีเด็กอักษรทรงโตที่ไหนเหลียวแล แม่งทำไมจู่ๆกูก็ดราม่าวะ แล้วมือนี่อีกกระดกเอากระดกเอา ถ้ากูเมาแล้วไอ้ไทม์มันจะพึ่งใคร อย่างไอ้แม็คแป๊บๆมันคงเปิดตูดไปหาน้องฟ้าถ้าแค่ชีกริ๊งมาง้อ เพราะฉะนั้นกูจะเมา(มากกว่านี้)ไม่ได้!!

   “กูต้องทำไงวะ” เสียงไอ้แม็คมันแทรกขึ้นมาทำให้รู้ว่ามีคนอยากแดกมาม่ามากกว่ากู

   “มึงก็แค่เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างน้อยให้คำปรึกษาไม่ได้ก็ถือว่าระบายละกัน” ไอ้ไทม์เพื่อนสุดประเสริฐ ตั้งแต่คบกับมันมาผมว่ามันเนี่ยแหละเพื่อนตาย ต่อให้ผมทำตัวเหลวแหลกชั่วร้ายยังไงมันก็ไม่เคยทิ้งผม ดูอย่างตอนที่ผมโดนน้องจิงทำนกใส่แบบไม่มีเยื่อใยดิ ไอ้ไทม์เป็นคนเดียวที่คอยเทียวไปเทียวมาระหว่างคฤหาสน์พินิจกิจกานดากับโรงเรียนตอนผมที่ขาดเรียนมันทุกวัน คอยมาป้อนข้าวป้อนน้ำ ถีบผมลงจากเตียงพาไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกไม่ให้จมปลักเป็นควายเขาหนักอยู่กับความเศร้า คอยเอาแบบเรียนมาให้ลอก คอยเอาการบ้านมาให้จด เข็นจนผมผ่านม.ปลายมาได้ แค่นั้นก็ทำให้ผมสำนึกแล้วว่าทำไมผมต้องมาทำให้เพื่อนผมลำบากไปด้วยวะ กับแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของเราเลยสักนิด ผมเลยยืนหยัดลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้งและทำตัวเองให้ดูดีดูเท่มีคุณค่ามากกว่าแต่ก่อน เป็นเพราะไอ้ไทม์คนเดียว เพราะงั้นผมเลยสาบานกับตัวเองว่าต่อให้ตายผมก็จะเป็นเพื่อนมัน คอยช่วยเหลือมัน ทำทุกอย่างเพื่อมัน ให้มันมีความสุข

   “กูแค่กำลังสงสัย...ว่าฟ้ากำลังแอบคบใครลับหลังกู”

   ไอ้แม็คแม่งก็ลีลาเหลือเกิน กว่าจะพูดออกมาได้กูลุ้นจนปวดเยี่ยวตามไอ้ไทม์ไปด้วย ผู้หญิงมันก็แบบนี้เห็นผู้ชายดีหน่อยก็เข้าหาเทคนตรงหน้าได้ง่ายๆ หรือกูจะคบผู้ชายให้มันรู้แล้วรู้รอดดีวะ กูอยากก๊อปปี้ตัวกูออกมาแล้วก็คบหาให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไป ผู้ชายดีดีรักเดียวใจเดียวอย่างกูไม่มีที่ไหนในโลกนี้อีกแล้วกูสาบานได้ ถึงแม้จะแอบชายตามองร่องเว้าเนินนูนของสาวๆที่นั่งอยู่ถัดไปอีกสองช่วงโต๊ะก็เถอะ หุ่นเซี๊ยะสัดด จนกูอยากเปิดห้องนอนรอป้อบนเตียงเลย...คร่อกกก


[ไทม์ ชลธี]


   เช้ดดดดดด ผมกำลังจะโดนมอมเหล้า


   “ห้ามทำหก!!” มือใหญ่ตบโต๊ะจนผมสะดุ้งเฮือก มึงนั่นแหละที่จะทำแบล็คกูกระฉอกอ่ะ ตีมาแต่ละครั้งสั่งมาแต่ละทีทำเอาไทม์ชลธีขี้หดตดหาย หก เจ็ด แปด เก้า ท่าพิสดารอะไรกูไม่ทำหรอก จะมีก็แต่มึงเนี่ยแหละฟวยแทน ที่เอาแต่ข่มขู่กูทุกครั้งที่จับแก้วมือสั่น อย่างกับถ้ากูทำไอ้คุณจอห์นนี่หยดจะทำให้ผดมึงขึ้นน่ะ ผมจ้องเดอะ ลาส มิกเซอร์ในมืออย่างใจไม่สู้ดี ตั้งแต่ดวดเหล้ากันมาจนถึงตอนนี้ไอ้คนตรงหน้ายังไม่แสดงท่าทีว่ากวนมึนกันหรือเซเมายังให้ผมเห็นเลย ปล่อยให้ผมนั่งกระดกโชจูดูดต็อกบกกีเป็นนางเอกเกาหลีนอมึนช่างมันแล้วเสือกดันพึ่งมารู้ความจริงว่าเจอกระดูกหมาคนละเบอร์เข้าให้แล้วไง “ตอนแรกร่ำๆขยันให้ผมดื่ม แล้วทำไมตอนนี้กลับมาอิดๆออดๆซะแล้วล่ะ”

   “กูเปล่าอิดออดซะหน่อย”

   “งั้นก็ดื่มสิ”

   “เข้าห้องน้ำก่อนได้มั้ยอ่ะ”

   “จะหนีเหรอ” เชี่ยมันรู้

   “เปล๊า ใครหนี คนอย่างไทม์ชลธี คอเพชรเรียกพี่ไม่มีหนีอยู่แล้วเว้ย”

   “งั้นดื่ม” ฮ่วยยยย

   “แต่กูปวดฉี่”

   “ดื่มให้หมดแก้วนี้ก่อน”

   “ถ้ากูฉี่ราดทำไง”

   “กลั้นไว้”

   “ฉี่นะครับไม่ใช่ตดแบบถ้าลมหมดก็ถือว่าหายกันน่ะ”

   “งั้นไปด้วยกัน” พูดจบมันก็กระชากผมลุกแล้วเดินพุ่งไปทางห้องน้ำด้วยความไวแสง คนเฟ้ยไม่ใช่นักโทษษษษษษษ


   มาถึงห้องน้ำในสภาพที่โดนจับกระชากลากถูอย่างกับเป็นโศรยาในเรื่องจำเลยรัก ไม่เอาโซ่ล่ามกูไว้เลยล่ะจะได้ครบสูตรตบจูบแบบละครพิศาลแล้วสุดท้ายมึงต้องคลานเข่าเข้ามาง้อกูเพราะ...

   ...อึก...ซี้ดด....พอเห็นโถเท่านั้นแหละมาเลยครับปริ่มสันเขื่อน ผมขอทำธุระก่อนละกันแล้วค่อยมาบ่นทีหลังนะ


   ซู่...เสียงน้ำตกไนแองการ่า ฮู่โล่งสบายตัว ไม่รู้ว่าถ้าทนอีกนิดผมจะปวดบิดจนตายหรือเปล่า คิดแล้วก็ให้ได้เจ็บเหลือบไปเหน็บไอ้คนข้างโถ ไอ้คนที่ผมตั้งใจจะมอมเหล้าล้วงลับตับแตกสืบเอาเรื่องของน้องฟ้าครามเด็กสาธิตแฟนสาวของมิตรแม็คให้มันเคลียร์ๆกันไป แต่พอเห็นตาคมๆกราดเข้าใส่เลื่อนไปมองเบื้องล่างแบบมีเป้าประสงค์เท่านั้นแหละ เช้ดดดดดดกูหดเลย

   “มองไรวะ”

   “เปล่า”

   “เปล่าเหี้ยอะไร ก็เห็นมองอยู่ชัดๆ”

   “แค่อยากทำความรู้จักน่ะ” อะแฮ่ม...สวัสดีครับ ผมชื่อบักหำน้อยเป็นน้องชายของพี่ไทม์คร้าบบถึงผมตัวเล็กแต่ก็เผ็ดพริกขี้หนูนะ แซ่บเว่อร์...กูจะแนะนำตัวเพื่อ!!!

   “ของมึงก็มี ไปทำความรู้จักตัวเองไป”

   “มันอยากมีเพื่อนอ่ะ”

   “ของกูมันสันโดษเว้ย”

   “ส่วนของผมสันทัด ตอนนี้เริ่มอึดอัดละ”

   “เชี่ย” รีบตัดจบภารกิจให้เสร็จเลยครับ กลัวมันกระสันแล้วเอาความจังไรมาใส่ผม พอเดินสะโหลสะเหลกลับโต๊ะเท่านั้นแหละความบรรลัยมันบังเกิด ของชอบไอ้ฤทธิ์ฉลากดำที่ผมกับไอ้แทนซัดมาจนถึงเมื่อครู่มันแตกตัวแยกเซลล์ออกมาได้ครับ!! วู้ฮู มหัศจรรย์ ข้างๆมีโพสต์อิทแปะอยู่เขียนข้อความด้วยลายมือหวัดๆว่า

   ‘กูเซอร์วิสให้ลดสิบห้าเปอร์เซ็นต์(ราคานี้ไม่รวมภาษีและค่าบริการ)’ เชี่ยพี่ดวกมึงเคยเซอร์วิสให้กูรู้สึกดีมั้ย ยังมีหน้ามาเก็บตังค์กูเพิ่มอีก แค่ภาษีกับค่าบริการก็ปาไปสิบเจ็ดเปอร์เซ็นต์แล้วรึเปล่าวะ อย่างนี้มึงต้องคิดเซอร์วิสแบบติดลบเฟ้ย เพราะร้านมึงไม่เคยมี ฟวยยย

   “ใครสั่ง” ไอ้แทนที่เดินตามหลังมันขมวดคิ้วสงสัยจ้องหน้าผมสลับกับมองคุณจอห์นนี่เป็นการใหญ่ ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับสุรายี่ห้อนี้ไม่ต้องมาจี้ถามโผ้มมม ชั่วเสี้ยวนาทีที่มันเห็นข้อความส่งเสริมการขายของไอ้พี่ดวกเท่านั้นแหละมุมปากได้รูปยกยิ้มขึ้นมาให้ได้ขนพองสยองเกล้าทันที

   “ในเมื่อพี่ดวกมันให้ ก็อย่าขัดศรัทธามันเลยเนอะ”

   “กูไม่ได้นับถือศาสนาเดียวกับพี่มัน!!” กูพุทธเข้าใจมั้ย ถึงจะไม่ค่อยถือศีลห้าก็เถอะ อิทังเมญาตีนังโหตุสุขิตาโหนตุญาตะโย ขอกรวดน้ำไปให้พี่ดวกแป๊บ มันจะได้เลิกมาจองเวรจองกรรมกันซักที

   “หรือพี่ไม่ไหวแล้ว” อยากจะจ้างกันต์ กันตถาวรมาเป็นพิธีกรตะโกนบอกให้ถอดหน้ากากจัง มีใครบอกรึยังครับว่าไอ้แทนมันร้าย แต่ร้าย...ภายใต้หน้ากากผู้ชายสุภาพ ก็ดูท่าโอบอุ้มคุณฉลากดำขึ้นมาในอุ้งมือแล้วเหลือบตามองผมอย่างกับส่งสาส์นท้ารบให้ดิ หูยอย่างนี้ก็มีขึ้นดิครับ

   “มึงนั่งเลย!!” ได้  ถ้ามึงอยากเล่น เอาดิ๊ กูจะล้มมึงให้ได้ด้วยกลมนี้

   จบประโยคไอ้หล่อมันขยับตัวตามผมสั่ง แต่แทนที่จะเดินอ้อมกลับไปนั่งที่เก่ามันดันกลับเอาร่างสร่างเมามานั่งข้างๆเบียดจนช่วงล่างกูเกือบตกเก้าอี้ ผมชักสีหน้ารำคาญใจใส่อย่างเปิดเผย มันก็เสือกยิ้มรับจนตาหยิบหยีแล้วหันไปหยิบแก้วเป๊กสุดท้ายที่มันควรจะเป็นของผมมาจัดการแบบหนังม้วนเดียวจบ

   เช้ดดดดดด สังกะสีเรียกพ่อ ตั๊กม๊อเรียกปรมาจารย์ ธาตุที่แข็งกว่าทองแดงก็คือไอ้แทนนี่เอง พอเสร็จไม่อยู่นิ่งเปิดขวดถัดไปจับรินใส่แก้วไซส์ปกติแล้วยื่นให้ผมอย่างโคตรกระตือรือร้น

   “ตาพี่แล้ว” เหยดเข้ กูบอกมึงกลมเดียวเพียวๆแค่เดินเซ แต่นี่แม่งมาให้กูสองกลมแถมก่อนหน้านั้นยังมีบทเกริ่นนำด้วยเบียร์ไปแล้วอีกหลายขวด ขอเอาตับไปแช่ดาวน์นี่แป๊บ อย่างนึงที่มึงให้แข็งบ่ไจ้ไทม์น้อยกลอยใจแต่เป็นตับกูใช่มั้ยมึงสารภาพมา!!

   แต่จะขัดก็ไม่ได้ไงอวดเขาไปว่าคอแข็งนักหนา ขืนขัดศรัทธาก็เสียหน้าดิครับ แก้วบรรจุเมรัยไฟแรงเฟ่อจากประเทศสก็อตติสชีวิตแดนสยามเปลี่ยนมาอยู่บนมือผม ตั้งแต่เกิดมาศึกหนักครั้งแรกที่จำได้คือการท้าดวลระหว่างศิษย์เอกไอ้หนุ่มหมัดเมา ว.ชลาศัย แชมป์เปี้ยนชิบสิบสมัยจากเวทีราชตีนเดินปะทะกับศิษย์เศียรราลำธาร ว.ชลธี จากเวทีสี่สิบดีกรีสมุทรสาคร เปิดเกมมาก็ซัดกระดกกันไม่ยั้งทำเอาอ้วกแตกอ้วกแตนไปสามสี่วันแถมปวดกระโหลกกันยันฟ้าสาง

   ศึกต่อมาเป็นตอนฉลองสอบติดมหา’ลัย โดนลากเข้าไปห้องมืดเล่นเกมปิดประตูตีหมาจ้องหน้าไฟกระพริบ คนโดนต้องดื่มคนตื่นต้องตายเพราะฤทธิ์สุราเรื้อรัง ผมพูดได้คำเดียวว่าโตมาด้วยเหล้าและลำแข้งของคุณชลาศัยกับนายหญิงศศิประภานี่เองครับ เด็กๆไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะครับ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกเตรียมรับหายนะที่กำลังจะบังเกิด เอาวะอีกแค่แก้วเดียวน่าจะยังพอคลานในท่ากราบเบญจางคประดิษฐ์กลับหอไหว กลืนน้ำลายหนึ่งอึกใหญ่ยัดกับแกล้มหนึ่งกำมือเข้าท้องแล้วจัดเลยครับ หมดแก้ว หมดแก้ว อุบ...ผมมึน

   ตุบ

   รู้สึกไหล่หนักๆ หรือผมจะเริ่มไม่ไหวแล้ววะ อ้าว...อ๋อ คนข้างๆมันซบลงมา ฮะ!??

   “พี่ทาม อึก...” เสียงยานคางเรียกชื่อผมเบาๆ ผมเห็นหน้ามันไม่เต็มร้อยเจอแต่ขวัญน้อยๆกลางกบาล ศีรษะที่โยกคลอนไปมาทำให้ผมรู้สึกได้ถึงสัญญาณบางอย่าง

   “ไอ้แทนมึง...” จริงป่ะเนี่ย

   “พี่ทามมม”

   “ไอ้แทน” มึงอย่าหลอกกูนะ

   “พี่ทามมมมม”

   “ไอ้แทนนนนน” เช้ดดดดดดดดด

   “พี่ทามมมมม” แม้แต่เรื่องนี้มึงก็ไม่ยอมแพ้กูเหรอเนี่ย โอเคกูเลิกเล่น ตะล่อมมาแทบตายมาเมามายตอนนี้อ่ะนะ บ้าบอ

   “มึงเมาแล้วใช่ป่ะ” ถามเบาเบายิ่งกว่าร้องเพลงซิงกูล่าร์ เพราะกลัวว่าถ้าเดซิเบลเยอะเกินไปจะทำให้สติไอ้แทนถูกกู่กลับมา

   “เมาพ่องเดะ” อ้าวถามแค่นี้ต้องเล่นถึงบุพการีเลยเหรอวะ แต่เถียงกลับให้โง่ดิ ผมต้องเซ่นตับไปเท่าไรอุตส่าห์ทำให้วิงเวียนศีรษะหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมได้ขนาดนี้ ไม่ยอมทำให้เสียแผนหรอก

   “ไอ้แทนถ้ามึงเมาแล้ว กูถามไรมึงอย่างนึงได้ป่ะ”

   “ไม่ด้าย” แต่กูจะถาม

   “มึงต้องตอบกูตามความจริงนะ”

   “ไม่ตอบ” ก็เห็นขานตอบกูทุกทีี

   “กูจะถามมึงว่า...”

   “...”

   “มึงรู้จัก....ฟ้าป่ะ”

   “...” จู่ๆความเงียบเข้าคลอบคลุมพื้นที่บริเวณนี้ คลับคล้ายว่าเสียงดนตรีหยุดรอจังหวะให้ผมได้ฟังคำเฉลยจากคนตรงหน้า...อย่างใจจดใจจ่อ

   “ฟ้า” ความเงียบถูกทำลายเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยชื่อของสาวน้อยน่ารักในความทรงจำผมขึ้นมาเบาๆอย่างครุ่นคิด

   “...” ใช่มึงนึก

   “ฟ้า”

   “...” จิตใต้สำนึกมึงต้องบอกได้

   “รู้จักดิ...ฟ้าาาา...ถ้าไม่ส่งมาให้เธอมีใจบอกกันสักคำเป็นไร” เชี่ยยยยยย อินโทรมาเลยครับ กูอยากด่าวงดนตรีที่มันขึ้นมาร้องเพลงตอนนี้แม่งจัง เลือกเพลงไม่รู้จักเวล่ำเวลา อย่างนี้กูจะดึงกลับเข้าประเด็นยังไงว้า ใจผมโคตรหงุดหงิดจนทนไม่ไหวเลยคว้าหน้าไอ้หล่อมันด้วยมือทั้งสองข้างล็อคให้มันหันมามองหน้าผมนิ่งๆ

   “กูหมายถึงคนไม่ใช่เพลงเว้ย!!” ตาปรือๆของมันทำให้ผมไม่ค่อยกล้ารับประกันว่าจะได้คำตอบ มันขมวดคิ้วอยู่พักใหญ่ก่อนจะส่งยิ้มเชื่อมใสละลายใจสาวมาให้กะทันหัน

   “หึ...น่ารัก”

   “...!!” เชี่ยนั่นเมียเพื่อนกู

   “ขาวชะมัด”

   “...” ใช่น้องมันขาวมาก ขาวใสอมชมพูกูยอมรับ

   “ปากโคตรนุ่มนิ่ม”

   “...” เช้ดดดอย่าบอกนะว่ามีจูบกันแล้วน่ะ!!

   “รอยยิ้มโคตรกินใจ”

   “...” ชักจะมากไปแล้วนะเว้ย

   “นิสัยโคตรกวนตีน”

   “...” เอ๋? น้องฟ้ามีมุมแบบนั้นด้วยเหรอ?

   “ชอบด่าผมปีนเกลียว”

   “...” เอิ่ม...มันชักจะยังไงๆแล้วนะ

   “ปากหมาเป็นที่หนึ่ง”

   “...” ที่มึงว่ามาเนี่ย...

   “ทะลึ่งเป็นอันดับสอง”

   “...” มันใช่น้องฟ้าเปล่าวะ

   “แต่ยิ่งมองยิ่งโคตรน่ารัก...”

   “...” สายตามึงดูแปลกๆแล้วนะ

   “อยากจะฟัด”

   “...” กูชักเริ่ม...

   “มันตรงนี้เลย”

   กลัวแล้วเฟ้ยยยยยยยยยยยยย ไอ้เสลดเป็ดมึงอย่าทำอะไรกูน้าาาาา ผมถอยตัวหลบหลับตาปี๋หนีความจริง หากแต่เสียงแปลกๆกลับดังขึ้นมาก่อนที่ผมจะแต๋วแตกแหกปากร้องไปมากกว่านี้ ผมเปิดเปลือกตามองไปข้างหน้าอ้าวไอ้แทนแม่งหาย...หายไปอยู่ตรงหว่างขาผมดิครับ!!!

   “ไอ้เชี่ยแทน มึง!!!” อยากจะร้องเป็นเพลงดังๆว่า อะ ตู โกราซอน อยากจะไปสู่กลางใจกู!!! เอาหน้าทิ่มลงมาได้ไง ต่อให้มึงอยากรู้จักมากแค่ไหนแต่ก็ไม่จำเป็นต้องเนื้อแนบเนื้อผ้าขากางเกงกูแบบนี้ก็ได้

   “มึงตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้ฟวยแทนนนนนน” ตบหัวก็แล้ว ดันก็แล้ว ยังไม่มีทีท่าจะขยับลุก แล้วขืนขยับอีกนิดได้มีทิ่มลึกลงไปกว่าเก่าผมได้ครางกระเส่าแน่ๆ แต่แล้วไอ้หมามันก็ทำให้ผมแปลกใจด้วยการลุกขึ้นมาอย่างไวจนหัวแทบเสยคาง เหมือนเจอแมลงสาบแกล้งตายแบบพอเอาไม้เขี่ยแล้ววิ่งเร่าทำเอาคนเขี่ยมันตกใจกรี๊ดสาวแตกเข้าให้ไปสามบ้านแปดบ้าน มันยังมีชีวิตอยู่!!! มันยิ้มน้อยๆ สภาพเหมือนคนเมายากันยุง

   “หอมจัง”

   “...” จังไรดิ เวรรรรรร มึงคิดว่าไอ้ที่ก้มไปดมเมื่อกี้มันก้านน้ำหอมหรืองายยยยย

   “พี่อาบน้ำด้วยสบู่อะไรอ่ะ ตัวห๊อมหอม”

   “เชนการ์ด”

   “เดี๋ยวผมไปหาซื้อใช้บ้าง” นั่นมันสบู่หมา!! ท่าว่าสติไม่มาปัญญาไม่เกิดแล้วของแท้ ถามเรื่องน้องฟ้าไปตอนนี้คงไม่ได้ความอะไร ผมล้มเลิกความตั้งใจดีกว่า ถามคนเมาเหมือนถามคนบ้าสู้ค่อยๆตะล่อมสืบไปมาก็ยังไม่สาย ตราบใดที่มันยังไปมาหาสู่ผมอยู่อ่ะนะ...เอ๊ะ...ไปมาหาสู่... พึ่งนึกออกว่าสิ่งที่เชื่อมโยงผมกับไอ้แทนมีแค่หนี้เหล้านี่หน่า งั้นทางเดียวที่จะยื้อไว้คือไม่คืนเงินเก่าที่ยืมมันมาหรือไม่ก็...

   สร้าง-หนี้-เพิ่ม

   “ไอ้แทนกูลืมเอาเงินสดมาว่ะ”

   “งั้นไปตลาด”

   “เงินสด ไม่ใช่ผักสด”

   “งั้นเอาไปแช่ตู้เย็น

   “กูบอกว่าเงินสด ไม่ใช่ปลาสด”

   “งั้นเอาไป...”

   “กูหมายถึงเงินสดดดดด เข้าใจมั้ยว่าเงินสด อ่านปากของชลธีนะครับว่าเงินนนนนสดดดดน่ะ”

   “ผมยังไม่แต่งงาน”

   “...”

   “...”

   “สดเว้ย!!ไม่ใช่โสด” มุกนี้กูไม่ให้ผ่านนนนนนนน โอ้ย...กูเพลีย

   “แต่-ผม-โสด-ครับ”

   “O_O”

   “...”


   หัวใจกู...เหมือนโดนทำร้ายด้วยมุกควายๆของไอ้แทน ร้องไห้แป๊บ



   “มึงเมาหนักแล้ว กลับหอเหอะ”

   “ครายบอก”

   “กูเนี่ยแหละบอก”

   “พี่เอาอะไรมาตัดสิน ผมมารับพี่นะ”

   “สภาพมึงอย่างนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าจะแบกพวกกูกลับอีก ลำพังแค่เดินกลับหอยังไม่ไหวเลยมั้ง” รูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นเหมือนคนปกติร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ผมว่าข้างในไอ้แทนมันคงเละไม่มีชิ้นดีแล้วล่ะโดยเฉพาะสมอง ไม่ต้องเบญจางคประดิษฐ์ก็ได้ กูยอมให้มึงเดินท่าสล็อตกลับหอเลย...ขอให้ไปถึงเป็นพอ

   “งั้นแป๊บ” ไอ้แทนที่ดูเหมือนจะล้มแล้วก็ลุกจะคลุกแล้วก็คลานเอ่ยขัดขึ้นมา ผมเห็นมันหยิบมือถือมากดยิกๆๆพิมพ์โต้ตอบอยู่กับใครนานสองนานแล้วเงยขึ้นมาส่งยิ้ม “เรียบร้อย”

   “ทำไรวะ”

   “เรียกผู้ช่วย”

   “ผู้ช่วย?”

   “คนที่สะดวกมารับพี่เดย์ที่สุด”

   “ทำไมต้องเป็นไอ้เดย์คนเดียวด้วยวะ มึงอย่าลืมนะ ว่ายังเหลือกูกับมึง” กูน่ะไม่เท่าไรหรอก พอเดินตุปัดตุเป๋กระท่อนกระแท่นกลับหอได้ แต่ดูสภาพมึงเนี่ยดิ มีหวังโดนผู้หญิงฉุดไปทำผัวกลางทางอย่างไม่ต้องสงสัย

   “อย่างผมน่ะ มีแค่พี่คนเดียวก็พอแล้ว”

   “...!!” มึงหมายถึงแบกกลับหอใช่มั้ย ไม่ใช่อย่างอื่นใช่มั้ยมึงบอกกูที

   “มันอยู่แถวนี้พอดี...เดี๋ยวก็มา” ท่าว่าผมจะคิดมากไปเองหลังจากโดนมันแอทแทคไม่เท่าไรก็ดูเหมือนจะหวั่นไหวกับคำพูดภาษาไทยของมัน แทนมันไม่ปล่อยให้ผมลุ้นนาน เพราะพูดไม่ทันขาดคำไอ้คนที่พ่อแม่มันทำบุญด้วยเสาไฟฟ้าก็เดินเฉิดฉายเข้ามาในร้าน ด้วยความสูงเกินร้อยเก้าสิบบวกกับบุคลิกภาพที่โดดเด่นทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่เก้งกวางบ่างชะนีที่เริ่มกรึ่มๆ หันหัวมองจนคอหัก แต่ผมนี่แหละแทบสะบัดบ็อบใส่ทันทีที่เป็นมันเดินย่างสามขุมนรกภูมิมาทางนี้

   ...ไอ้เสาร์...เพื่อนไอ้แทน


   ร่างสูงเสียดฟ้าหยุดยืนค้ำหัวเมื่อเดินมาประชิดโต๊ะ มันตวัดสายตามองผมอยู่แว่บนึง สาบานได้ว่าแว่บนึงจริงๆครับแล้วกลับไปมองร่างเพื่อนของมัน อ้าว...เฮ้ย ไอ้แทนมันสลบไปตอนไหนวะเนี่ย

   “หาเรื่องให้กูทุกที” เสียงทุ้มด่าเพื่อนมันเสร็จก็หันมาเรื่องเอาความกับผมต่อ “ยังไหวมั้ย”

   “ไหว” ใช่โลกมันดูวืบๆไหวๆยังไงพิกล อ้าวคนละไหวเหรอ

   “งั้นก็เดินกลับไปกับไอ้เชี่ยนี่” ไอ้เชี่ยของมันก็คือเพื่อนผมที่นอนสลบไปถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั่นแหละครับ ผมล่ะแปลกใจกับความสัมพันธ์ของพวกมันจริงๆ เมื่อวานยังเห็นมันสนิทสนมกลมเกลียวกันบนเตียงอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้แม้แต่ชื่อไอ้เดย์มันยังไม่ยอมเรียก ขนาดแค่กราดสายตาไปมองซากเพื่อนผมที่นอนตายอยู่ตรงโต๊ะมันยังกระมิดกระเมียนที่จะทำเลย

   “โอเค” กูยอม ขี้เกียจเถียงตามเสต็ปคนขรึมๆมาดเข้มๆ ฉะฝีปากกับพวกนี้ทีไรมีแต่จะทำให้เสียเวลาแล้วดูท่าว่ามันก็ไม่อยากจะเสวนากับผมซักเท่าไร ผมลุกขึ้นขยับตัวไปจับแขนเพื่อนทำใจพร้อมแบกมันต่างกระสอบทราย หากแต่ช่วงเสียววินาทีนั้นมือผีคนของข้างๆกลับทำงานอย่างไวโดยการยืดมาจับผมไว้แน่น

   “พี่ทาม” ถ้ามาแบบรุนแรงผมคงตี๊ต่างว่าตัวเองเป็นจิล วาเลนไทน์ เจอซอมบี้ที่นอนตายลุกขึ้นมากัดอีกรอบ

   “ไอ้เสาร์มันมารับมึงแล้ว”

   “กลับกับผม”

   “เพื่อนมึงมารับมึงก็กลับกับเพื่อนมึงดิวะ”

   “ไม่อยากกลับกับเพื่อน”

   “ไม่กลับกับเพื่อนแล้วมึงจะกลับกับใคร”

   “อยากกลับกับพี่”

   “...”

   “มึงอย่ามามุกนี้” เป็นเสียงไอ้โย่งครับ หน้าแม่งโหดสลัดอย่างกับใครไปขโมยกล้วยน้ำว้าที่สวนบ้านมัน ส่วนไอ้แทนก็....

   เหี้ยยยยยยยยยยยย

   ไอ้เสาร์ที่ว่าแน่ยังแพ้ให้ไอ้แทนอ่ะ สายตามันขวางโคตรโหดเหี้ยได้ใจใครไปด่าหมาบ้านมันว้าาาาาา หน้าตาขี้อ้อนเมื่อกี้มันหายไปไหนหรือว่าผมตาฝาดไปอย่างงั้นเหรอ

   “เอาเถอะ” สุดท้ายไอ้เสาร์ก็พูดออกพร้อมกับถอนหายใจอย่างปลงๆ “อยากจะทำอะไรก็เรื่องของมึง” ว่าจบเสาไฟฟ้าเดินไปพยุงร่างอ่อนปวกเปียกเป็นผักลวกของไอ้เดย์ขึ้นมาอย่างง่ายดาย พาลากมันต่างกระสอบทรายเดินออกไป ทิ้งไว้ให้ผมนั่งหง่าวอยู่ที่เก่าได้แต่งงว่าจะเอายังไงกับชีวิต


   “กลับกันเถอะครับพี่ไทม์”


   สรุปแล้วมึงหรือกูที่เมา?


TBC


อันนี้หายนานของจริง ตอนนี้เรื่อยๆนะคะ

คุณ FeaRes
กอดกลับ หมับ* ไทม์เป็นเด็กขี้อายค่า...หราาาาา
อย่าหมั่นไส้แทนไปมากกว่านี้เลยน้า เค้าขอ 555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่8:หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้[14/09/20
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 15-09-2017 21:24:47
เมาทั้งคู่อะ เมาเหล้ากับเมารัก--- แค่ก
 :m20:

เชนการ์ด...ไปซื้อมาใช้นะแทน รับลองต้องชอบ 5555555555
แทนเมาแล้วเป็นหนักมาก ใจพี่ไทม์รับไม่ไหว ใช่ไหม?!!
สงสารอิพี่ ทนรับแรงดาเมจได้ป่าว 5555
 :hao3:

หมั่นไส้ด้วยความเอ็นดูเบาๆแล้วกันนะคะ 555555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่9:เสียวขาอ่อน[23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 23-09-2017 15:01:31
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 9 เสียวขาอ่อน




   วิถีคนมันจะดราม่า...ก็ถึงคราวขำไม่ออกแหละครับ...


   ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!


   เชี่ยยยย รำคาญโว้ยยยยยย ผมทนมาสิริรวมสิบห้านาทีกับอีกยี่สิบสอง ยี่สิบสาม ยี่สิบสี่วินาที ทนมาตั้งแต่วินาทีที่ลากควายเข้าห้อง และคนอ่านก็คงคิดว่ากะอีแค่ทนต่อไปอีกซักครึ่งชั่วโมง หนึ่งวันจะเป็นไรไป แต่ผมทนไม่ไหวแล้วครับ คนบ้าอะไรมีไลน์อย่างกับเป็นสัญญาณเตือนภัยพายุใต้ฝุ่นถล่มกรุงเทพฯ ดังต่อเนื่องเป็นเสียงรถหวอป่อเต็กตึ๊ง ดังจนผมแม่งอยากให้คนมาห่อมันแล้วเอากลับไปชันสูตรพลิกศพที่นิติเวชเลย ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมลำบากแค่ไหนกว่าจะลากมันกลับมาถึงหอประตูเอกได้ คนอะไรตัวหนักฉิบหาย นี่ไม่รวมกับที่ผมต้องห้อยเป้มันขึ้นหลังแล้วประคองมันเดินผ่านสี่แยกทางเปลี่ยวเลี้ยวอ้อมมาจนถึงประตูเอกหรอกนะ รู้งี้กูปล่อยให้มึงโดนผู้หญิงหิ้วไปกลางทางซะก็ดี ไหนบอกว่ามารับกูวะ ไหนมึงยังจะเป็นคนชวนกูกลับ ไหนมึงบอกว่าอยากกลับกับกูแล้วทำไมจะต้องให้กูมาเป็นภาระทั้งหนัก ทั้งหนวกหูด้วยเนี่ย


   “หลับสบายเลยนะมึง” แอบถ่ายภาพกีฬามันส์ๆ ช็อตเด็ดคนดังไปประจานดีมั้ย แม่งนอนซะกางอล่างฉ่างหมดมาดความเป็นเดือนวิศวะ ผมอยากจะรู้จริงๆว่าถ้าโพสต์สภาพนี้ของมันลงเฟซบุ๊คแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คิดแล้วผมก็หยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาถ่ายแชะ สิบหกแอ็คไม่บันยะบันยัง พอกำลังจะแต่งภาพอัพโหลดเท่านั้นแหละ


   ตึง!


   เสลดหอยมดตะนอยกัดตูด ดังมาขัดแม้แต่จังหวะจะแกล้งคน ผมเขวี้ยงมือถือตัวเองไปบนเบาะข้างเตียง(หน้าจอมันแตกแล้วนี่ครับผมจะถนอมมันไปเพื่อ) กระโดดคลานเข่าเข้าไปหาไอ้หล่อที่หลับเป็นตายตรงหน้า นอนอย่างนี้กะไม่เหลือพื้นที่ไว้เผื่อเจ้าของห้องมันเลยใช่มั้ย ร่างสูงโปร่งกำยำหายใจอย่างสม่ำเสมออยู่ใต้ร่างผม มันไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ผมเลยได้จ้องใบหน้าคมๆที่บาดใจใครหลายคนมานักต่อนัก

   “หน้าตาอย่างนี้ คงเจ้าชู้ไม่ใช่เล่น” ถ้ามึงบอกว่ามีกิ๊กเป็นสิบเป็นร้อยเป็นพันกูคงจะเชื่อ ก็เล่นอ่อยซะไม่เลือกขนาดนี้ อ่อยแม้กระทั่งกูตอนเป็นเด็กกางเกงน้ำเงิน...ผมคิดไปถึงยางลบในกล่องดินสอที่ต่อให้ผมทำยังไงก็ตัดใจทิ้งไม่ลงเสียที “มึงไม่ใช่คนนั้นจริงๆเหรอวะ” คิดๆแล้วท้อพอเหลือบไปเห็นหน้าตัวเองที่สลดเป็นปลาสลิดบางบ่อแล้วให้ได้เจ็บใจ นี่กูเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย ที่ปีนขึ้นเตียงก็เพื่อมากำจัดเสียงน่ารำคาญในกระเป๋ากางเกงมันต่างหาก ว่าแล้วผมก็ล้วงเข้าไปในกางเกงสแล็กคลำหาอยู่พักใหญ่เพราะมันใส่เอาไว้ลึก ใจผมก็เสียวว่าจะไปเจอความสัดทันของมันเข้า...ชะอุ๊ย...ฮู่ ในที่สุดก็เจอ

   ถึงตอนนี้หน้าจอจะดับไปไม่มีสัญญาณเตือนอะไรอีก แต่กันไว้ก่อนดีกว่าแก้เผื่อมันเด้งขึ้นมาอีกตอนกลางคืนดึกๆดื่นๆผมคงไม่เป็นอันนอนกันพอดี


   ตึง!

   จู่ๆ ในความดำมืดนั้นก็ปรากฏข้อความขึ้นมาอีกครั้ง


   นี่มัน...


LINE ตอนนี้
In a blue sky : อยู่ดีดีก็หนีกันไปเลย ป่านนี้อยู่หอรึยังคะ ยังไงก็ฝันดีนะ
In a blue sky sent you a sticker.



   ให้ผมตีลังกาอ่านได้มั้ย ผู้หญิงแม่งไลน์หามัน แถมผู้หญิงคนนั้นยังชื่อ อิน อะ บลู ตะกาย...เอามือก่ายหน้าผากแป๊บ อย่าแปลนะ กูไม่อยากเครียด ตั้งแต่เกิดมาอยากตกภาษาอังกฤษก็วันนี้ ทำไมชื่อต้องไปคล้องกับแฟนเพื่อนผมด้วยวะ คนบนโลกนี้มีชื่อฟ้ากี่คน หรือมันอาจจะเป็นเพราะความบังเอิญ แต่มันก็บังเอิญเกินไป...

   แล้วทำไมความบังเอิญต้องมาเลือกมันด้วยวะ...



 
   ปวดหัวสัด หนาวก็หนาวทำไมมันหนาวได้ขนาดนี้ รู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะเปิดตามาดูโลกกว้างได้ ผมเลยได้แต่ป่ายปัดมือไปทั่วควานหาสิ่งที่นึกถึงอยู่ตอนนี้ อ๊ะ..เจอแล้ว...ผ้านวมผืนโตของผม ทำไมมันหลุดออกจากตัวไปไกลขนาดนั้นวะ เมื่อคืนอุตส่าห์ห่มอย่างดีเพื่อไม่ให้ต้องมานอนสะท้านความหนาวจากแอร์ที่เปิดกระหน่ำซ้ำเติมขนาดนี้แท้ๆ ช่วงที่กรอกสุราลงคอมันก็ยังจะอุ่นๆจนถึงขั้นติดไปทางร้อนเสียด้วยซ้ำผมเลยต้องเปิดแอร์ให้มันชุ่มฉ่ำไม่งั้นคงได้ร้อนจนนอนไม่หลับทั้งคืน แต่มาตอนนี้ดิหนาวแทบเป็นแทบตายแล้วทำไมผ้าห่มผมมันดึงไม่มาวะ เริ่มจะหมดแรงกระชากแล้วนะเนี่ย

   “นี่ผมกับพี่มาเอากันแล้วจริงๆใช่มั้ย”

   พรึ่บ ตาสว่างเลยครับ ผมหันหัวไปทางต้นเสียงไวจนแทบคอหัก

   “ไอ้เชี่ยแทนนนนนนนนนนน มึง”

   “ผมควรจะร้องไห้มะ” มันกำผ้านวมที่คลุมอยู่ทั้งตัวขึ้นมากัด ทำหน้าดัดจริตปล่อยเสียงกระซิกสามสี่รอบเล่นละครให้ผมดู แม่งเอ๊ย...ที่แท้มันนี่เองที่เป็นคนยึดผ้านวมผมไป เอาความอบอุ่นของกูคืนมาาาาา

   “เชี่ยแทนมึงเอาผ้านวมกูมาเลยนะ” ตอนนี้ยิ่งกว่าอยู่ในสมรภูมิรบแย่งเนื้อปลาวาฬที่อลาสก้าซะอีก ผมหนาวไม่อยากลุกออกจากจุดเดิมที่ผมอุตส่าห์เฝ้ากกความอบอุ่นมาหลายชั่วโมงเลยได้แต่ยื่นมือออกไปดึงยื้อกลับมาสุดกำลัง

   “แทนที่จะห่วงเรื่องผมเสียพรหมจรรย์แต่พี่ดันมาห่วงกลัวหนาวเนี่ยนะ”

   “เชี่ยมึง พรหมจรรย์ห่าเหวอะไร ไร้สาระ กูหนาว จะทนไม่ไหวแล้วเนี่ย สัดแทน มึงเอาความอบอุ่นกูคืนมาาา” เมื่อวานกูแค่เพลียแล้วมึงก็ผู้ชายกูก็ผู้ชายทำไมกูจะต้องยุ่งยากย้ายไปนอนโซฟาด้วยวะ กูก็ล้มตัวลงนอนมันแม่งตรงนี้เลย

   “ได้ เอาคืนไปเลย” ผมมันเป็นคนยื้อเก่งมาแต่ไหนแต่ไร ดื้อสุดใจจนกว่าจะได้ของที่ต้องการ จนถึงขนาดคุณชลาศัยกุมขมับไล่ไปอุจจาระหลายรอบ ซึ่งนี่ก็เป็นข้อดีของผมใช่มั้ยที่จะทำให้ไอ้แทนมันยอมปล่อยมือจากผ้านวมซะที

   หมับ!!

   เออะ...มันปล่อยจริงๆครับ แต่ไม่ใช่แค่ผ้านวมเพราะมันโถมมาหาผมทั้งตัว

   “มึงงง ทำอะไรกู๊!!”

   “ก็ขอความอบอุ่นไม่ใช่เหรอ”

   “แต่ก็ไม่ใช่อย่างนี้รึเปล่าวะ มึงปล่อย ทำเหี้ยไรเนี่ย จับตรงไหนของมึงงงง โอ๊ยยยยยเอวกู มึงอย่าจับตรงนั้น กูจั๊กจี้ เชี่ยอย่าทับ ไส้จะทะลักแล้ว แฮ่กๆ” จากหนาวๆ เหงื่อออก กูร้อนเลย ผมสะบัดปลิงควายตัวเขื่องดิ้นจนหมดแรงแล้วนิ่งไป นิ่งขนาดไอ้คนที่กอด...เออ ขอเปลี่ยนคำพูดแป๊บ คนที่ล็อคผมไว้คงสงสัยว่าผมไปเกิดใหม่แล้วรึเปล่า

   “พี่ไทม์?”

   พลั่ก!!
   ไม่ได้ลูกล่อก็ต้องเอาด้วยลูกชน ไม่ได้ด้วยภาษาคนกูก็ถีบเลยครับ สุดกำลังตีนที่จะมีอยู่ จากปลายสายตาเห็นไอ้แทนมันกลิ้งหลุนๆแล้วตกเตียงไป ผมรีบสปริงตัวปึ๊งออกจากเตียงลุกขึ้นมายืนโงนเงน

   “สมน้ำหน้า เจ็บมั้ยล่ะมาเล่นกับกู” รู้สึกเหมือนโลกมันโอนเอนเบนไหว นี่ผมไปเล่นปั่นจิ้งหรีดที่ไหนมารึเปล่าเนี่ย โคตรมึน สุดท้ายก็ต้องกลับมาทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น

   “พี่ไทม์!!” ไม่รู้ไอ้คนที่โดนลูกถีบผมมันฟื้นตัวมาได้เมื่อไร แทนมันวิ่งเข้ามาประคองผมไว้ได้ทันก่อนจะร่วงลงไป

   “อูยยย”

   “เป็นไรมั้ยเนี่ย”

   “กูปวดหัว”

   “แฮงค์แหงเลย เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้ ขึ้นไปนอนเตียงก่อนไป” ผมรีบคลานขึ้นเตียง ไม่มีแรงจริงๆครับ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนักขนาดนี้ เมื่อวานเล่นดวดเพียวๆแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน กลับแกล้มก็ไม่ได้สั่งเพราะยังสยองกับเสี่ยบุญทุ่มพี่โชไม่หาย ส่วนข้าวเขิ้วก็ไม่ได้ลงท้องมันถึงได้ทั้งโหวงแล้วก็อึนได้ขนาดนี้

   “ดื่มน้ำก่อน” แทนมันวิ่งกลับมาพร้อมแก้วน้ำในมือ ผมดื่มอึกใหญ่จนหมดแก้วแล้วก็นอนแผ่สองสลึงบนเตียงอย่างเก่า เหลือบไปมองปลายเท้าก็เห็นคนที่กำลังขยันขันแข็งจับผ้านวมมาห่มให้ผม แหม ทีอย่างนี่นะแม่งให้เชียว

   “ทำไมมึงไม่เป็นไรเลยวะ” มันเอามือมาอังหน้าผากผมทำท่าเหมือนกำลังวัดไข้

   “ผมเจ็บตูด”

   “ไอ้เชี่ย เมื่อคืนกูไม่ได้ทำไรมึงเลยนะ”

   “เมื่อกี้พี่ถีบผมตกเตียง” อ้าวกูคิดลึกไปเอง ก็มันเปิดเรื่องมาก็หาว่าตัวเองเสียพรหมจรรย์จะไม่ไห้ผมคิดไปทางนั้นได้ไง

   “กูขอโทษ แต่มึงกวนกูก่อนนี่”

   “ก็พี่บ่นหนาว ผมก็เป็นห่วง”

   “แล้วที่มึงไม่ให้ผ้าห่มตั้งแต่แรกคืออะไรวะ”

   “ผ้าห่มมันหายอุ่นแล้ว”

   “มันจะหายอุ่นได้ไง”

   “ก็มันหลุดออกจากตัวพี่ตั้งแต่ผมตื่นแล้วไง” คำตอบมันทำเอาผมสั่นสะท้านไปถึงรูตรู๊สสเลยครับ ไอ้เชี่ยผมก็ว่าแปลก ปกติผมนอนไม่ดิ้น ขนาดเพื่อนอย่างไอ้เดย์ตอนมาค้างห้องผมมันยังเคยตกใจนึกว่าผมหมดลมไประหว่างนอน เพราะผมนิ่งมากและแน่นอนว่าตื่นมาทุกเช้าผ้านวมจะต้องอยู่ติดตัวผมเสมอ ผมถึงกล้าที่จะเปิดแอร์มันอย่างบ้าระห่ำไง แล้วที่มันหลุดออกไปก็แสดงว่า

   “ไอ้แทนมึง.....”

   “...”

   “หรือว่ามึง...”

   “...”

   “แอบดูขาอ่อนกูใช่ม้ายยยยยย” ไม่รู้ทำไมผมเป็นพวกไวต่อขาอ่อน อย่าได้มาจับลูบหรือมองอะไรเลยนะกูมีถีบ ผมแม่งไม่เคยมีกางเกงขาสั้นอยู่ในตู้เสื้อผ้าเลยซักตัวเดียว เพราะมีเสียวทุกครั้งที่ใส่เดินขึ้นรถเมล์หรือนั่งในร้านคอฟฟี่ช้อปถ่างขาชิลเอ้าท์มาตั้งแต่ม.ห้าแล้ว มันเหมือนถูกสายตาใครต่อใครมาเพ่งเล็งมองอยู่ได้ ขาผู้ชายนะครับสัด

   “ยังไม่ทันได้เห็นอะไรเลย โวยวายไปได้”

   “แล้วมึงหน้าแดงทำไมไอ้ห่ารากนี่”

   “พี่ต่างหากจะโวยวายทำไม กับแค่ขาผู้ชายด้วยกัน”

   พรึ่บ!!

   กูเชื่อเมื่อกี้มึงยังไม่เห็นอะไร แต่ตอนนี้มึงจะกระชากผ้านวมออกไปพิสูจน์ทำเพื่อ!!

   “ขาวสัด” ตาไอ้แทนโตเท่าไข่ห่าน แต่ไข่ผมกำลังจะหดเพราะหนาวสะท้านไปทั่วสรรพางค์ด้วยสภาพบ๊อกเซอร์ตัวเดียว

   “มองเหี้ยไร” สภาพแม่งหมิ่นแหม่ฉิบหายต่อให้เป็นผู้ชายทั้งคู่ก็เถอะ กูกลัวเว้ยยตั้งแต่มึงบอกจะฟัดกูตั้งแต่อยู่ร้านเหล้าพี่ดวกเมื่อวานนี้แล้ว ฮือออ

   “ขึ้นเลย” หา? มันโยนผ้านวมกลับเข้าที่เก่าแล้วห่อผมเทียมปอเปี๊ยะกุ้ง เสร็จแล้วก็ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำเฉย เฉยจริงๆเฉยสนิท หายอย่างกับไปหลับตายในห้องน้ำ อย่างกับไปเจอประตูวิเศษโดราเอมอนวาปกลับบ้านไปแล้ว ส่วนผมที่เพลียๆก็ผล็อยหลับไปในที่สุด

   จนกระทั่งเสียงๆหนึ่งดังมาเรียกชื่อผมอีกครั้ง

   “พี่ไทม์”

   “อืออออ” เรียกทำไมวะ ยิ่งเคลิ้มๆอยู่

   “ผมกลับแล้วนะ วันนี้มีธุระ”

   “อือออ”

   “ความจริงถ้าวันนี้ไม่ติดอะไรก็กะจะเฝ้าพี่ถึงเย็นซะหน่อย อาการพี่ดูไม่ดีเลย” ส่วนมึงก็ดูดีเกินไปด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ดวดเหล้ากันมากับกู

   “จะไปไหนก็ไปเถอะ กูดูแลตัวเองได้” เมาค้างไม่ทำให้ตาย ผมผ่านศึกนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

   “มีน้ำส้มอยู่ในตู้เย็น แล้วก็โจ๊กผมวางไว้บนโต๊ะ ถ้าลุกไหวแล้วก็เอาไปอุ่นในไมโครเวฟแล้วกินซะนะ”

   “ดูแลดีชะมัด”

   “...” มันเงียบไปครับ แล้วทำท่าเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

   “เป็นไร ปวดขี้เหรอมึง ทำหน้าซะ”

   “เปล่าแค่คิดว่า...กับคนอื่นผมก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้นะ แต่ทำไมกับพี่ผมอยากดูแล”







   เพื่อนผมมัน...ดูแปลกๆ

   ในกลุ่มผมคนที่เรียนเก่งที่สุดคือไอ้แม็ค รองลงมาคือผม ส่วนไอ้คนที่ไม่ทำอะไรเอาแต่ลอกเลคเชอร์เพื่อนไปวันๆก็คือไอ้เดย์ แต่วันนี้คนที่หัวดีที่สุดกลับกำลังมานั่งสติหลุดอยู่ข้างห้องน้ำ

   “เฮ้ยโทษที ไปกัน”

   “เชี่ยเอามือจับกู ล้างมือรึยังวะไอ้เดย์”

   “คบมาตั้งกี่ปีมึงเคยเห็นกูล้างมั้ย วันนี้เสือกมาทำกระแดะรักสะอาดนะ จริงมั้ยไอ้แม็ค” ลูกคุณหนูบ้านไหนเป็นอย่างมันบ้าง เพื่อนผมคนนี้มันชอบลืมล้างมือหลังเข้าห้องน้ำครับ  จากที่แกล้งผมอยู่ดีๆไอ้เดย์มันก็เอามือไปตบไหล่ไอ้แม็คต่อ ปกติต้องมีฟันศอกไม่ก็ถีบอัดตูดแต่คราวนี้พ่อบ้านใจกล้ามันนิ่ง “ไม่พูดเขาก็ไม่หาว่ามึงเป็นใบ้ แต่นี่มึงไม่ไฝว้กูจะหาว่ามึงเป็นบ้านะ”

   “กูไม่มีอารมณ์” ไอ้แม็คมันตอบหน้านิ่ง

   “กูปลุกให้เอามะ ตายด้านขนาดไหนกูก็เคยทำให้ตื่นจากหลับใหลมาแล้ว มามาห้องน้ำยังว่างอยู่หลายที่”

   “ไปทำกับน้องจิงมึงไป”

   “เชี่ย น้องจิงมันไม่มีอยู่จริงแล้วเฟ้ย!!” กูล่ะเอือม รู้ทั้งรู้ว่าแหย่ไอ้แม็คทีไรจะโดนชงเข้าประเด็นนี้มันก็ยังจะทำ เพื่อนเดย์สายเอ็มรึเปล่าวะ ถ้ามันรู้ว่าน้องจิงยังร่อนเร่หาผัวอยู่แถวนี้มึงจะทำหน้ายังไงกูอยากรู้ ไอ้เดย์มันลงไปดิ้นร้องเพลงไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจของสามีตีตราเรียบร้อยแล้วครับ

   “ไอ้แม็คมึงอย่าทำให้ภาระกูเพิ่ม แค่มึงกูก็...” ผมงับปากแทบจะทันทีที่เห็นหน้ามัน เกือบหลุดคำทำร้ายจิตใจเพื่อนออกไปซะแล้ว สภาพแม็คมันไม่ไหวจริงๆ มันนั่งเหม่ออยู่อย่างนี้มาเกือบสองวันเต็ม ขนาดไอ้เดย์แหย่อะไรก็ดูไม่มีอารมณ์ร่วม ไม่ตบมุกเหมือนคู่ตลกรั่วๆอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ไม่ฟังแนวข้อสอบที่อาจารย์บอก ไม่ดูโทรศัพท์ตอนมีเสียงเรียกเข้า พอจบคาบสุดท้ายก็ไม่แจ้นออกไปหาน้องฟ้าอย่างทุกวัน ไม่หือไม่อืออะไรซักอย่าง จะดีก็แค่มีกัดไอ้เดย์บ้างบางเวลาที่มันเข้าไปยุ่งไปกวนประสาทไอ้แม็คมากจนเกินไป อย่างนี้มันไม่ใช่ธรรมดาแล้วนะเว้ย ผมเป็นห่วงเพื่อนว่ะ “ไอ้แม็คมึง...”

   “พี่แม็ค!!” เสียงใสๆตะโกนมาทำเอาผมสะดุ้ง เออะ น้องฟ้าไม่ใช่ผีฟ้า แต่อย่าโผล่มาอย่างนี้ได้มั้ยครับ ผมขวัญอ่อน แล้วตอนนี้ปัญญาก็จะอ่อนตามไปด้วยเพราะท่าทางของน้องฟ้าที่รีบวิ่งมาหาไอ้แม็คมันไม่ปกติเอาซะเลย

   อะเฮ้ยยย ที่ไม่ปกติยิ่งกว่าคือไอ้พ่อบ้านใจกล้าครับ มันหมุนตัวไปอีกด้านราวกับจะหนี เหี้ยมึงมีโมเมนต์นี้ด้วย

   “เฮ้ยไอ้แม็ค เมียมึงมา” ไอ้เดย์รั้งไหล่เพื่อนไว้ อย่างน้อยมันก็ฉลาดพอที่จะช่วยเพื่อนแค่ดูก็รู้แล้วว่ามันกำลังหนีปัญหา การปล่อยให้น้องฟ้าต้องวิ่งไล่ตามไม่ทำให้ทุกอย่างมันจบ แล้วยิ่งปล่อยเวลาผ่านนานไปมันจะยิ่งต่อกันไม่ติด

   “กูไม่มีอะไรจะคุย” เหยดดดด เสียงมันเบาซะจนเหมือนคนกำลังจะขาดใจตาย

   “พี่แม็ค” ในที่สุดน้องฟ้าก็ใช้ขาเล็กๆของเธอวิ่งเข้ามาจนถึงตัวพวกผม เธอหอบหายใจอยู่พักหนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนหันหลังให้เธอ พวกกูไม่ควรอยู่ตรงนี้ใช่มั้ย ผมกับไอ้เดย์มองหน้ากันเหมือนรู้ กะอาศัยช่วงจังหวะที่ต่างฝ่ายต่างเงียบคู่ค่อยๆเดินปลีกตัวออกไป แต่ที่ไหนได้ฝ่ายหญิงกลับเอ่ยขึ้นมาขัดความเงียบตรงหน้าเสียก่อน

   “พี่แม็คหลบหน้าฟ้าทำไม” อ้าวเฮ้ยยยยยคดีพลิก ไม่ใช่ไอ้แม็คที่เป็นฝ่ายโดนน้องฟ้าเขี่ยทิ้งจนไม่มีปัญญาไปหาผู้สาว แต่กลับเป็นมันซะเองที่หนีหน้าน้องมา

   “พี่เปล่าหลบ” แผ่นหลังบ้านมึงเรียกว่าหน้าสินะ ไอ้ที่ยืนหันตูดให้ไม่ได้เรียกว่าหลบแล้วเรียกว่าอะไรวะ แล้วบทสนทนาตอนนี้ฟังดูห่างเหินชอบกล ดนตรีไทยระนาดเอกอะไรไม่มีหลุดปากออกมาจากคู่ผัวตัวเมียตรงหน้าเลยซักคำ

   “แล้วที่ฟ้าไลน์ไปหาทำไมไม่ตอบ”

   “ไลน์พี่เจ๊ง”

   “ส่งแมสเสซไปทำไมไม่อ่าน”

   “พี่ลืมตั้งเตือน”

   “แท็กในอินสตาแกรมทำไมไม่กดไลค์”

   “พี่เผลอลบแอพไป”

   “รีทวิตในทวิตเตอร์ไปทำไมรีพลาย”

   “พี่สลับแอคเคาน์ผิด”

   “ถามในอาร์คเอฟเอ็มทำไมไม่ตอบ”

   “พี่ไม่รู้ว่าใครถาม”

   ฮ่วยจะเอาแม่งทุกแอพแล้วนะ ไอ้แม็คก็หน้าด้านตอบไปได้ควายที่ไหนจะเชื่อ มึงยืดอกพกถุงยอมรับน้องเขาไปตรงๆเถอะว่าหนี

   “ฟ้าโทรศัพท์ไปทำไมไม่ยอมรับ”

   “พี่เรียนอยู่”

   “ฟ้าโทรไปตอนสองทุ่ม”

   “แบตหมด”

   “มันขึ้นว่าเลขหมายที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้”

   “พี่ปิดเครื่อง”

   “ถ้าจะทำกันขนาดนี้แล้ว พี่แม็คบอกมาเลยดีกว่าค่ะ ว่าเลิกกันน่ะ”

   “...”

   “...”

   เชี่ยยยยยย ผมจุก...ขนาดไอ้เดย์ที่เคยแช่งให้คู่รักหวานจ๋อยคู่นี้เลิกกันอยู่ทุกวันยังอ้าปากค้าง มันร้ายแรงถึงขั้นนี้เลยเหรอวะ แต่คงไม่มีไอ้บ้าตัวไหนมันจับไม่ได้หรอกครับว่าน้องฟ้าเขากำลังประชดอยู่

   “แม็คกูว่ามึงสองคนใจเย็นๆแล้วค่อยคุย...”

   “อยากมานานแล้วสินะ เห็นกูเป็นตัวอะไรวะ!! ได้พี่เลิก!!”

   เหี้ยยยยยยยยยยยยย มีอยู่หนึ่งตัวถ้วนครับ แถมกูยังห้ามไม่ทันด้วย พ่อหม้ายใจกล้าหมาดๆทิ้งท้ายไว้อย่างนั้นแล้วเดินอาดๆจากไป ผมรีบสะกิดบอกให้ไอ้เดย์วิ่งไล่ตาม ส่วนผมก็รีบหันมาจัดการกับคนที่น่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน น้องฟ้าเธอยังคงยืนค้างอยู่ตรงนั้นเหมือนสติหลุดลอยไปไกลไม่นานไหล่สองข้างก็สั่นทะท้านให้ผมเห็น จนกระทั่งน้ำตาไหลรินลงมาอาบพวงแก้มทั้งสองข้าง...

   นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ ไอ้แม็คมันไปกินอะไรผิดสำแดงมา หรือเป็นเพราะไอ้เดย์มันเอาเชื้อโรคในมือมันปาดไหล่เลยทำให้เป็นพิษสุนัขบ้า

   “ฮึก....ฮึก” ร่างเล็กๆตรงหน้ากลั้นสะอื้นสุดชีวิตถึงแม้หยาดน้ำเออรื้นดวงตาจะไม่ปรานีเธอแล้วก็ตาม ผมเห็นแล้วโคตรสงสารจนอดที่จะเรียกชื่อเธอไม่ได้

   “น้องฟ้า”

   “พี่ไทม์ ฮืออออออ” อุก...วิ่งพุ่งเข้ามาเลยครับ ไม่นึกว่าชีวิตจะมีวันนี้ วันที่ผู้หญิงวิ่งพุ่งเข้ากอด แต่ผมไม่ได้นึกสเน่หาอะไรเธอนะ เธอเหมือนน้องสาวมากกว่า น้องสาวตัวน้อยๆที่กำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่งเพราะมีคนทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ หากแต่เรื่องนี้ผมจะดูสถานการณ์จากฟากเดียวไม่ได้ ก็ในเมื่อผมยังไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรเลยนี่ ที่ไอ้แม็คมันบอกเลิกน้องฟ้าเป็นเพราะคนที่อยู่ในอ้อมกอดผมไปมีคนใหม่อย่างงั้นเหรอ แล้วคนใหม่ที่ว่าเนี่ยอย่าให้ผมเดาได้มั้ยว่าเป็นใคร ผมทำใจไม่ได้ว่ะ จริงๆนะ เพราะผมกลัวว่าคนที่จะต้องมานั่งช็อคเหมือนน้องเขาลำดับถัดไปจะเป็น...ผม...


   ผมไม่กล้าพอที่จะถามเรื่องราวในทันที เลยพาเธอมานั่งตรงม้าหินในมุมเงียบๆแล้วได้แต่รอ รอให้เธอร้องไห้ให้สุด ให้เธอพร้อมที่จะระบายกับผมว่าเกิดอะไรขึ้น

   “ฟ้าขอโทษนะคะ” เธอพูดขึ้นมาเป็นประโยคแรก ดูเหมือนเธอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว น้องฟ้ากล่าวขอโทษไปทั้งๆที่ยังมีก้อนสะอึกเล็กๆอยู่ในลำคอ

   “เฮ้ย ขอโทษพี่ทำไม ไม่ต้องขอโทษ”

   “ฟ้าพลอยทำให้พี่ไทม์ลำบากไปด้วยเลย”

   “ไม่หรอกน่า” ผมส่ายหน้า แค่เสื้อนักศึกษาพี่เปียกไปถึงราวนมเท่านั้นเอง คิดแล้วก็ยกมือขึ้นคีบนิ้วเข้ากับเสื้อแล้วสะบัดไหวๆอยู่พักใหญ่ “ช่วงนี้อากาศร้อนเนอะ” ก็คนมันไม่รู้จะเข้าเรื่องยังไงหนิครับ จะให้ชวนคุยสัพเพเหระอย่างไอ้ด่างข้างคณะมันคลอดลูก หรือเมื่อวานไปเห็นคุณเงินคุณทองมันกระโดดราวดอฟตีลังกาลงสระแก้วก็ว่ายังไงอยู่ ผมเลยชวนคุยเรื่องฝนฟ้าอากาศซะอย่างงั้น

   “หึ...ร้อนจนทำให้พี่แม็คเป็นบ้าไปเลย”

   เอ๋? เมื่อกี้ผมหูฝาดรึเปล่า คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็มีแค่น้องฟ้ากับผมนี่หน่า เมื่อกี้เสียงใครอ่ะ แค่จะหันหัวจะไปพิสูจน์ให้แน่ใจเท่านั้นแหละครับก๊อกสองแม่งมาเลย เชี่ยน้ำตาผู้หญิงผมทนเห็นไม่ได้ว่ะ แต่จะให้กระชากหัวน้องฟ้าลงมาซับน้ำตากับไหล่ก็ไม่ใช่หน้าที่ ทิชชู่กูก็ไม่มี ผ้าเช็ดหน้ากูก็ไม่เอามา สุดท้ายกรรมมันเลยมาลงกับแขนเสื้อผมนี่แหละครับจัดมันไป

   “ฮืออออออออออ” ขาดแค่กะละมังกับผงซักผ้าไม่งั้นน้องฟ้าคงทำให้ผมได้ชุดใหม่แบบไม่ต้องส่งซักรีด อ่อยยยกูชุ่มไปทั้งตัว น้ำมูกน้ำตามาเต็ม นี่ผมจะรู้ได้ยังว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

   “ฮึก..ฟ้าไม่เข้าใจอ่ะพี่ไทม์” เออะ...พี่ก็ยังไม่เข้าใจน้องเลยครับว่าจะร้องไห้อะไรกันนักกันหนา เสื้อตูนี่แทบจะเอาไปเป็นผ้าขี้ริ้วได้อยู่แล้ว “พี่แม็คเป็นอะไรไป ทำไมจะต้องทำเหมือนหลบหน้าฟ้าด้วย”

   “มันหลบหน้าฟ้าอยู่เหรอ” ไม่ได้แกล้งโง่ครับ แต่โง่จริงผมนึกว่ามันแค่ไม่ได้ไปหาไม่รู้เลยว่าสองวันมานี้มันหลบหน้าแถมปิดช่องทางการติดต่อทุกเส้นทางกันแฟนมัน

   “ตั้งแต่วันอาทิตย์แล้วค่ะ โทรไปก็ไม่รับ ไม่ยอมโทรกลับ ไม่ยอมมาหา เหมือนกำลังจะทิ้ง...กัน...ฮึก” เหยดดดอย่าบอกนะว่าก๊อกสามน่ะ

   “ไม่ๆ ไม่เอาคนดี ไม่ร้องนะ ตาบวมหมดแล้ว มันไม่ทำอย่างนั้นหรอกเชื่อพี่ มันรักฟ้าออกจะตาย”

   “แต่พี่ไทม์ก็เห็นแล้วนี่คะ ว่าพี่แม็คบอกเลิกกับฟ้าน่ะ!!” เชี่ย ผมสะดุ้งเลยครับ ที่จับมือถือจะโทรบอกการปะปาว่าท่อน้ำรั่วนี่เป็นอันพับเก็บไปเลย “ฟ้าทำอะไรผิดเหรอ ที่ผ่านมาฟ้าก็เป็นห่วงเขาทุกอย่าง ยิ่งช่วงนี้เห็นพี่แม็คกำลังเครียดๆเรื่องเตรียมซิ่วไปสอบหมอ ฟ้าก็พยายามไม่เอาแต่ใจ ไม่เอาความเหงามาเป็นใหญ่ทำให้อนาคตเสีย แล้วดูสิ่งที่เขาทำกับฟ้าสิ ดูเหมือนฟ้าไม่มีค่าอะไรเลยอ่ะ...ฮึก” มาอีกก๊อกนึงคราวนี้กูถอดเลยครับ ซับมันให้เต็มที่เลยน้อง คาร์ดิแกนในเป้ผมเอง ผมหยิบมันออกมาแล้วยื่นให้น้องฟ้าอย่างไว

   “พี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันโกรธอะไร”

   “...”

   “แต่ถ้าให้พี่เดา...ตัวน้องฟ้าเองน่าจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุด” ชื่อไลน์ที่ปรากฏในมือถือของไอ้แทนผมไม่รู้ว่าเป็นของคนตรงหน้ารึเปล่า แต่กับการที่ไอ้แม็คมันแสดงอาการขนาดนี้ก็แสดงว่าเพื่อนผมมันจะต้องไปรู้ไปเห็นอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ทำให้ถึงกับต้องหลบคนตรงหน้าไม่ยอมแม้แต่จะฟังคำอธิบายหรือเหตุผลใดใด

   “พี่ไทม์หมายความว่าไงคะ” เธอหันมามองหน้าผมด้วยความคลางแคลงสงสัย ผมได้แต่จ้องตอบกลับไปแบบนิ่งๆอย่างวิเคราะห์

   “เปล่าหรอก พี่ก็แค่พูดไปงั้นนะ” หัวเราะแห้งๆ ตัดบทความเงียบที่คลุมเครือ เสมองไปทางอื่นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ผัวเมียทะเลาะกันซักวันเราจะกลายเป็นหมา ปล่อยให้เขาเคลียร์กันเองดีกว่า แต่ทว่า...

   “เข้าใจแล้วค่ะ”

   หืม?

   “ในเมื่อทำตัวเป็นแฟนที่ดีขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจ...ก็ได้ค่ะ”

   เดี๋ยวก่อนนะ อะไร ยังไง ก็ได้นี่คืออะไร พี่ไม่เก็ท

   “ฟ้าจะนอกใจพี่แม็คให้ดู”

   เหยดดดดดดดดดดดดด กูเก็ทแล้ววววววว


TBC


มีตัวละครมาเพิ่มเยอะขึ้น เริ่มจะปั่นป่วนแล้ววว(หมายถึงคนเขียน)
คุณ FeaRes โอ้ยยยเมารัก ชอบๆ
แทนเวอร์ชั่นเมามาย(แค่ตอนเมาเหรอ555)...รักคนหมั่นไส้แทนค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่9:เสียวขาอ่อน[23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 26-09-2017 19:01:36
ตัวละครเยอะก็ต้องตั้งสตินะคะ 55555

จะนอกใจพี่แม็คให้ดู? จะนอกใจหรือนอกใจไปแล้ว พูดให้ถูกๆ--- แค่ก
ไลน์ไปหาแทนนี่คืออะไรรรร //มองแรงใส่ฟ้า---

แทนจะมาเนียนดูความขาวพี่ไทม์ตรงๆแบบนี้ไม่ได้นะ!!! 555555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่9:เสียวขาอ่อน[23/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-09-2017 15:27:45
เรืรองมันยุ่งก็เพราะคุยกันไม่จบประโยคสักทีนั้นแหละ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่10:โชแปง[30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 30-09-2017 21:43:07
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่10 โชแปง



   น้องฟ้าอยู่หนายยยยยยยยยย


   เสียงนี้ไม่ใช่เสียงไอ้แม็คที่ร่ำร้องหาเมียมัน แต่เป็นผมเนี่ยแหละที่ตะโกนหวีดสยองอยู่ในใจ

   หลังจากประกาศก้องว่าจะมีชู้ น้องฟ้าเธอก็วิ่งแจ้นหายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ผมไม่ทันจะรั้งเธอไว้ด้วยซ้ำ นั่นพูดจริงหรือแค่อำ ถ้าเป็นอย่างหลังผมขอมอบโล่ตุ๊กตายางให้เธอหนึ่งอันเลยเอา เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ซะเหมือนจริงจนกูขี้หดตดหายขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าถึงขั้นไปเตรียมการฟิตซ้อมร่างกายหานักแสดงนำร่วมไปล่วงหน้าแล้วน่ะ

   “โอ๊ย ถ้ามันเลิกกันจริงๆกูไม่ซวยเลยเหรอวะ” ผมยังคงเดินหาเผื่อจะเจอสารร่างของน้องฟ้า เผื่อเธอจะโปรยเศษขนมปังทำสัญลักษณ์เอาไว้ และหวังว่าจะไม่มีตัวอะไรไปกิน...

   “!!!”

   ...เชี่ยมาลี!!! จำไอ้ด่างที่มันคลอดลูกได้มั้ยครับ ไอ้เนี่ยนี่แหละ ผมวิ่งรี่เข้าหาจนแม่ลูกอ่อนนมยานระพื้นมันผงะวิ่งกรูดไปข้างๆ ผมทำเหี้ยอะไรอยู่เนี่ย นั่นมันซากเงาะกระป๋องไส้สับปะรดไม่ใช่ขนมปัง แล้วนี่มันก็เรื่องของพลเทพกับฟ้าคราม ไม่ใช่ฮันเซลกับเกรเทลเว้ย

   ผมควรทำไง ปล่อยไว้เฉยๆไม่ต้องทำอะไรหรือตามหาน้องฟ้าต่อไปดี ไอ้เดย์แม่งก็ไม่รู้ไปปลอบไอ้แม็คถึงไหนไม่ยอมกลับมาซักที


   ครืดดด

   โทรศัพท์ใต้กระเป๋าสั่นเป็นเจ้าเข้า ผมตกใจลนลานรีบหยิบขึ้นมาจนเกือบทำร่วงอีกรอบ ตกคราวนี้คงไม่ต้องไปหาหมอแล้วล่ะครับ ซื้อเครื่องใหม่ง่ายกว่า ว่าแต่ใครโทรมาวะ ผมจ้องหน้าจอมือถือที่ปรากฏเป็นชื่อ...


   หล่อสุดในสามโลก

   ไอ้เชี่ยแทน ไอ้กิ๊กนัมเบอร์วันของน้องฟ้า ไอ้สัดหมาโทรมาทำไม ก็แม่งเล่นหายตัวไปสามวันไม่โผล่หัวมาแล้วจู่ๆก็เล่นโทรหาในตอนที่กูอารมณ์เหมือนเมนส์มาเนี่ยนะ

   แหนะแหนะยังไม่หยุดอีกเสียงตู๊ดเกินห้าครั้งแล้วไม่รับก็ควรตระหนักได้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่อยากคุยน่ะ ทำไมความรู้สึกช้าอย่างนี้วะไอ้นี่ สุดท้ายผมก็กดรับ วุ้ยกูรำคาญญญ

   “มีไรวะ โทรมาทำเผือกอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญมึงตาย”

   [เมนส์มาเหรอ]

   “เออกูเมนส์มา ขอด่ามึงให้สบายใจทีเหอะ”

   [แสดงว่าคืนนั้นไม่ได้ท้อง]

   “ท้องบ้านมึงดิ”

   [ตอนนี้พี่ว่างป่ะ]

   “ไม่ว่าง”

   [แล้วหลังจากนี้อ่ะ]

   “อาจจะไม่ว่าง”

   [ถ้างั้นดึกๆหน่อย]

   “ไม่รู้โว้ย ตอนไหนกูก็ไม่ว่างทั้งนั้นแหละ อย่ามาเซ้าซี้”

   [งั้นบอกทีเมื่อไรจะว่าง]

   “ไอ้แทน มึงจะอะไรกับกูนักหนา”

   [ลืมไปแล้วอ่ะดิ]

   “ลืม? ลืมอะไรของมึง”

   [เดี๋ยววันนี้ไปหาที่ห้อง]

   “ห้องใคร”

   [ห้องพี่]

   “จะมาทำไมวะ”

   [ไปเอาคืน...ที่ลืมกัน]

   “เฮ้ย เดี๋ยว”

   แกร่ก ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด

   มันวางไปแล้ว เดดแอร์เฟี่ยๆเหมือนยืนเพลียกลั้นลมตด ไม่เข้าใจพฤติกรรมไอ้แทนสุดๆ มึงจะเอาอะไรกับกรู ทำไมไม่ไปเอากับน้องฟ้ากิ๊กมุ้งมิ้งกระดิ่งแก้วของมึงล่ะ เขาเต็มใจจะให้มึงเป็นตัวละครนำเรื่องเธอกับฉันในวันมามากอยู่แล้ว อยากจะจ้างเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกให้ไปสำรวจชีวิตสัตว์โลกอย่างมึงจริงๆ กูจะได้รู้ว่าตอนนี้มึงอยู่ในอารมณ์ไหน หาอาหาร เข้าฝูง ล่าเหยื่อ หรือช่วงผสมพันธุ์

   ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ จุดธูปเรียกสติกรรมฐานสี่ ตัดทางแทนเข้าทางธรรมแล้วตั้งใจจะหันไปจัดการเรื่องวุ่นวายที่ต้องคลี่คลายตรงหน้าก่อน หากแรงสั่นตามง่ามนิ้วที่หนีบมือถือมันกลับมาอีกครั้งทำให้ต้องหยุดเดินหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ไอ้ตัวกวนใจ มึงจะโทรมาทำไมอีกวะ ไอ้ฟายแทน

   “ตุ่ง ดุง ดุ๊ง เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...ซอรี่ เดอะ นัมเบอร์ ยู ดีล..”

   [ไทม์?]

   “...!!”

   เสียงทุ้มๆทำให้ผมตกใจค้าง เชี่ย...นี่ไม่ใช่เสียงไอ้แทน

   รีบจัดจนกดรับแบบไม่สนใจหน้าจอ เบอร์แปลกๆที่โชว์หราอยู่ข้างหน้าทำให้ผมรู้ว่าไม่ใช่ไอ้แทน เป็นเบอร์ที่ผมไม่เคยเมมไว้ สินมั่นคงประกันภัยรึเปล่าวะ

   “โทษทีครับ ผมไม่มีรถ ยังไม่มีรายได้ ไว้รอผมทำงานเมื่อไรค่อยโทรมาใหม่นะ” ทำท่าจะกดวางสายแต่เสียงในโทรศัพท์ก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

   [จำเสียงพี่ไม่ได้เหรอ]

   “หา?” เสียงใครวะ นึกว่ากูอยู่รายการ ไอ แคน ซี ยู วอยซ์ หรือไงถึงจะมาจำได้ว่าใครเสียงดีเสียงเพี้ยนเนี่ย “จำไม่ได้อ่ะครับ พี่ไหน ผมมีพี่ตั้งหลายคน” พี่คณะ พี่ภาค พี่มากขา เยอะแยะเต็มไปหมด

   [เลิกบล็อคไลน์พี่ซะที] ฮะ? คราวนี้มาอะไรอีก ยังไม่รู้จักชื่อก็มาบอกให้เลิกบล็อคไลน์ทำนู้นทำนี้ซะแล้ว ผมถอยมือถือออกมากดแอพไลน์เข้าหน้ารายชื่อที่ถูกบล็อคเลื่อนดูตั้งแต่บนยันล่าง เช้ดดดดหลักร้อยไถจนนิ้วกุดกูก็ไม่รู้หรอกว่ามึงเป็นใคร นี่ผมบล็อคเพื่อนไปเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ อ๋อลืมไปเมื่อตอนปีหนึ่งถูกคนรุมโทรมแอดกันมาถล่มถลายแบบไม่เกรงใจชีวิตกูเลยซักนิด คนมันฮอตแอนด์สไปซี่น่องไก่สี่ปีกไก่สองก็อย่างนี้แหละครับเลยช่วยไม่ได้ที่จะต้องมานั่งปวดหัวบล็อคไลน์เพื่อตัดรำคาญ

   “โทษทีพี่ ผมไม่รู้ว่าพี่เป็นใคร แล้วทำไมผมจะต้องอันบล็อคไลน์พี่ด้วย”

   [...] อ้าวเงียบอีก

   “ถ้าไม่มีธุระอะไรผมวางนะ”

   [เด็กสาธิต]

   “ฮะ?”

   [ไทม์รู้จัก....เด็กสาธิตที่ชื่อฟ้ามั้ย] อ้าวไอ้นี่ ทำไมจู่ๆพูดถึงน้องฟ้า ว่าแต่ใช่น้องฟ้าคนเดียวกันรึเปล่าเนี่ย

   “ถ้ารู้จักแล้วจะทำไม มันเกี่ยวอะไรกับพี่ด้วย”

   [เกี่ยวสิ]

   “...”

   [ถ้าอยากรู้ก็เลิกบล็อคไลน์พี่ แล้วพี่มีของดีดีจะให้เราดู]



   ผมยื่นจ้องหน้าจอรายชื่อคนที่ถูกบล็อคอยู่นานหลายนาที ใจยังลังเลแบบสุดขั้วที่จะกดอันบล็อคเจ้าของเสียงเมื่อครู่นี้ ก่อนมันวางแม่งทิ้งปริศนาให้กูเพียบถ้าไม่ติดว่าเป็นตัวเอกเรื่องนี้ผมคงย้ายไปเล่นเรื่องยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ด๋อย แล้วไปสอยมันให้ร่วงแล้ว ชื่อที่ผมขยาดและขลาดกลัวมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ผมค่อยๆบรรจงจิ้มนิ้วลงไปปลดบล็อคตามที่มันสั่งก่อนจะมีข้อความของใครบางคนเด้งขึ้นมา


Chopin
Chopin sent you a photo


   ไอ้เชี่ยพี่โช

   ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตไม่เคยละเมียดละไมกับการใช้นิ้วกดลงไปเพื่อตอบแชทใครได้มากมายเท่านี้เลย ผมเข้าไปที่หน้าแชทของมันที่พึ่งมีการส่งรูปบางอย่างมา ทันทีที่แตะเข้าไปเพื่อให้รูปมันขยาย ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ผมถึงกับผงะ

   มันเป็นรูปลายปักอักษรย่อโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยผม!!...บนเสื้อของใครบางคน ที่ผม...ไม่อยากเดา... พอควบคุมสติได้ผมก็รีบพิมพ์ตอบกลับไปทันที


Sea Saw Scene
พี่ต้องการอะไร

Chopin
มาดื่มเหล้ากับพี่


   ผมขมวดคิ้ว เฮ้ยมันเกี่ยวกันป่ะเรื่องกินเหล้ากับเรื่องน้องฟ้าเนี่ย


Sea Saw Scene
ทำไมผมต้องไปด้วย

Chopin
น้องฟ้ารอไทม์มารับอยู่

Sea Saw Scene
เดี๋ยวพี่ น้องฟ้ามาเกี่ยวอะไรด้วย

Chopin
น้องอยู่กับพี่


   “...”

   ผมนิ่งไป ทำไมน้องฟ้าไปอยู่กับมันได้วะ ไม่เข้าใจว่ะ งงเว้ย แต่แล้วเหมือนจะอ่านใจผมได้พี่โชมันเลยตอบกลับมาโดยไม่รอให้ผมพิมพ์


Chopin
มาเดี๋ยวก็รู้เอง


   แล้วทำไมกูจะต้องไปด้วยว้าาาาาา แต่ถ้าผมไม่ไปมันจะเกิดอะไรขึ้น เชี่ยไม่อยากคิด


Sea Saw Scene
ตอนนี้พี่อยู่ไหน


   ถามพิกัดไปก่อนส่วนจะยกก๊วนแก๊งไปเปิดศึกปะทะยังไงค่อยว่ากัน คนอย่างผมกับพี่โชไม่ลุยเดียวอยู่แล้วยังไงก็ต้องหมาหมู่ เป็นไงแมนมั้ยล่ะครับ อีกฝ่ายอ่านแต่ไม่ตอบจนผมร้อนใจต้องพิมพ์ซ้ำไปใหม่อีกรอบ


Sea Saw Scene
อยู่ไหนพี่บอกมาดิ เดี๋ยวผมไปหา

Chopin
ไม่ต้องหรอก

Sea Saw Scene
เฮ้ย จะเอายังไงกับผมกันแน่เนี่ย

Chopin
พี่มารับแล้ว


   เส้นกระตุกดังตึก รีบเงยหน้าขึ้นมากวาดสายตาไปรอบตัว จนร่างสูงโปร่งของคนๆหนึ่งปรากฏขึ้นในครรลองสายตา เชี่ยกูยังไม่ทันชวนไอ้เดย์เลยยยยย กว่าจะคิดจบมันก็เดินมาถึงตัวผมแล้ว

   “ไปกัน” มันจับมือผมเตรียมลากออกไป จนผมต้องรั้งตัวไว้เป็นพัลวัน

   “เดี๋ยวพี่ ไหนบอกว่าอยู่ร้านเหล้า”

   “คนที่อยู่น่ะน้องฟ้า”

   “แล้วพี่ไม่พาน้องมาด้วย”

   “ตอนนี้น้องเขาอยู่กับเพื่อนพี่” ไอ้เชี่ยยยยยยเพื่อนมึงเนี่ยนะ ผมไม่อยากจะคิด เพื่อนพี่โชเท่าที่เห็นแต่ละตัวดีดีทั้งนั้น ดีพอพอกับหัวโจกมันที่ดูเหมือนฟันผู้หญิงไม่เลือกหน้า ท่าทางก็ไม่น่าไว้วางใจ เหมือนพวกนักเลงหัวไม้จะเอาเรื่องกับใครได้ทุกเมื่อ “ถ้าไม่รีบไปตอนนี้พี่ก็ไม่รับประกันนะว่าพวกมันจะทำอะไร”

   มึงงง อย่าขู่กู ผมต้องทำไงวะ ต้องทำไงวะ ต้องทำไงว้าาาา

   “ไปเถอะ” พี่โชใช้แรงที่มากกว่าดึงตัวผมให้ก้าวเดินตามไป เหี้ยกูคิดไม่ออกในสถานการณ์แบบนี้ ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจต้องการ


-------มีต่อค่า-------
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่10:โชแปง[30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 30-09-2017 21:45:40


   ระหว่างนั่งรถผมสังเกตได้ว่าสายตาพี่โชมันมองมาอยู่หลายครั้ง โคตรอึดอัด อึดอัดยิ่งกว่าการนั่งเงียบๆข้างๆมันบนรถที่ไม่ได้เปิดเพลงฟังเสียอีก ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้ไม่เกิดเรื่องเสียๆหายๆอะไรขึ้นกับฟ้า ไอ้เชี่ยแม็คเวลาอย่างนี้ทำไมมึงต้องมาทะเลาะกับเมียด้วยวะ ทำไมมึงไม่ดูแลเมียมึง ผมนึกอยากจะพาลทุกอย่างบนโลกนี้ พาลที่มันทำให้ผมต้องมาเข้าใกล้ไอ้พี่โชอีกครั้ง ผมเข็ดและขยาดกับมันมามาก มากมายเกินพอที่จะทำให้ผมตัวสั่นทุกครั้งที่เข้าใกล้มัน ทุกวันนี้ที่ผมยังอยู่ที่นี่ได้โดยไม่ต้องย้ายไปมหา’ลัยอื่นก็เพราะมีอิทธิผลพ่อไอ้เดย์คุ้มกะลาหัวไว้ อย่างน้อยไอ้เชี่ยพี่โชที่เป็นลูกคนโตของบริษัทในเครือยักษ์ใหญ่ที่เสี่ยอู๊ดถือหุ้นอยู่เกินกึ่งหนึ่งก็ยังมีความเกรงใจทางบ้านไอ้เดย์อยู่บ้าง

   “ถึงแล้ว” ผมหลุดจากภวังค์ที่คิดถึงเรื่องราวในอดีต กวาดตาผ่านกระจกไปรอบลานจอดรถข้างหน้า ที่นี่เป็นผับที่เปิดแยกออกมาไกลจากสถาบันการศึกษา พี่โชมันพาผมมาไกลขนาดนี้เลยเหรอวะ

   ผมรีบเปิดประตูลงจากรถก้าวอย่างไวเดินผ่านเข้าไปข้างใน ที่นี่ไม่มีแม้แต่การ์ดที่คอยมาตรวจบัตรประชาชนของลูกค้า เหมือนออกแนวเปิดขึ้นมาแบบฝ่าฝืนกฎหมาย แต่เพราะอยู่แหล่งห่างไกลชุมชนแถมไกลปืนเที่ยงเลยอาจจะหลุดพ้นจากสายตาตำรวจไปได้ พอก้าวเข้าไปแค่นั้นแหละกลิ่นคละคลุ้งของควันบุหรี่ก็ลอยตลบอบอวลไปทั่ว ผมแทบสำลักควันอยู่ตรงนั้น แต่ก็ยังอดทนกวาดตามองอยู่ตรงหน้าทางเข้าเผื่อจะเจอสาวน้อยที่ร้องไห้ฟูมฟายเมื่อหลายชั่วโมงก่อนอยู่ใกล้ๆ ผมจะได้พากลับทันที

   “เข้าไปก่อนสิ” ไหล่ผมถูกมือพี่โชจับไว้จากด้านหลังแล้วดันไปข้างหน้า

   “ผมแค่มารับฟ้า”

   “แต่พี่บอกให้เรามาดื่ม”

   “...” มึงมีตัวประกันแล้วนี่ ส่วนกูเนี่ยดิไม่มีใคร มีแค่ตัวคนเดียวกับสองตีนน้อยที่ต้องคอยก้าวตามมึง กับสองหมัดที่กำไว้จนตึงแขน และคอทองแดงที่ฝึกมาโดยคุณชลาศัย

   ผมเชื่อว่าผมฉลาดพอ และผมต้องเอาตัวรอดออกไปให้ได้


   พี่โชพาผมเดินมาจนถึงโซนๆหนึ่งเหมือนโซนวีไอพีที่มีการจัดห้องเป็นสัดส่วน ดูจากสภาพแล้วค่าเช่าห้องน่าจะแพงระยับ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปผมเห็นผู้ชายสองคนนั่งอยู่ในนั้นก่อนแล้ว ต่างคนต่างสรวลเสเฮฮาและกำลังเชื้อเชิญใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงกลางให้ดื่ม เหยดดดดดดดน้องฟ้าตัวจริงเสียงจริงเว้ยเฮ้ย

   “พวกพี่ทำเชี่ยอะไรวะ” ให้เด็กมันดื่มได้ไง ไอ้พวกเฟี่ยนี่ ผมรีบก้าวไปข้างหน้าไปแทรกกลางระหว่างพวกมันกับผู้หญิงแล้วใช้มือดันแก้วเหล้าที่พวกมันคะยั้นคะยอให้น้องเขาดื่มออกไปจากตัวน้องฟ้า

   “อ้าวๆๆทำอย่างนี้ก็เสียอารมณ์ที่บิลด์กันมาหมดสิครับน้อง” หนึ่งในสองที่ผมเข้าไปขวางเอ่ยขึ้นมา

   “โหยดุขนาดนี้ ท่าจะเข็ดฟันน่าดู ให้พี่ชิมทีได้มะ” อีกคนหนึ่งพูดเสร็จมันเอื้อมมือมากระชากผมให้ลงไปนั่งกับมันด้วย

   “สัดเอ๊ย” ผมยื้อไว้ไม่ไปตามแรง แม่งจะทำเหี้ยอะไรกูวะ เห็นอย่างนี้ตูก็ออกกำลังกายเป็นประจำนะเว้ย

   “น้อยๆหน่อยนี่ของกู” เสียงจากด้านหลังทำเอาสองตัวที่พยายามจะดึงผมลงไปให้ได้ถึงกับชะงักแล้วปล่อยมือ ไอ้พี่โชมันเอ่ยแสดงความเป็นเจ้าของในตัวผมกับเพื่อนมันเต็มที่

   ใครของมึงวะ ไอ้สาดดด ได้แต่คิดเพราะพูดออกไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรผมไม่พูด อย่างน้อยไอ้สองตัวนี้ก็ดูจะเกรงๆกับพี่โชพอสมควร มันเลยไม่กล้ายื้อยุดฉุดกระชากผมอีก

   “หวงสัดเลยนะไอ้โช”

   “ในที่สุดก็พามาได้นะ แม่งเหมือนเดิมเป๊ะ ยังขาวเซี๊ยะน่าเจี๊ยะไม่เปลี่ยน” โคตรเกลียดสายตาพวกแม่งที่มองผมเลย กะอีแค่ตัวขาวมึงก็ฟันได้ไม่เลือกเลยเหรอวะ ถ้างั้นมึงไปวู้ฮู้กับมาสคอตมิชลินไป ผมผู้ชายนะเว้ยตัวก็สูงพอพอกับพวกมัน รูปร่างก็ไม่ได้ไร้กล้ามเนื้อปวกเปียกอ่อนแรงอะไรขนาดนั้น อาจจะผอมกว่าพวกมันเล็กน้อยเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยเจริญอาหาร ยิ่งมาเจอกับหัวโจกพวกมึงกูยิ่งแดกข้าวไม่ลงเข้าไปใหญ่

   “พวกพี่จะไปบิลด์ที่ไหนก็ไปเลยไป แต่ต้องไม่ใช่กับฟ้า” ผมจับสองไหล่ของน้องขึ้นมาใช้แรงทำให้เธอลุกขึ้นยืน แต่ดูท่าสติของเธอคงเหลือไม่ถึงครึ่ง ร่างที่โอนเอนส่ายไหวไปมาทำให้ผมเดาได้ว่าโดนไปหลายแก้ว

   “พี่ไทม์” เสียงหวานๆของน้องฟ้าเรียกชื่อผม สายตาปรือๆทำเอาผมถึงกับใจเสีย เยาวชนนะครับเนี่ยพวกคุณมึงทำอะไรลงไปวะ

   “กลับกับพี่นะ กลับบ้านกัน” ผมดันหลังให้เธอก้าวไปข้างหน้า แต่ทว่า...

   “ยังกลับไม่ได้” ไอ้เชี่ยพี่โชมันมายืนขวางแถมกระชากน้องฟ้าไปไว้กับตัว “นั่งลงก่อนแล้วดื่มกัน” มึงเห็นกูมีอารมณ์ดื่มม้ายยยยยฮ้าาาาา ถึงจะคิดแบบนั้นแต่พี่โชมันคงไม่สนอารมณ์ผมเท่าไร มันจับน้องฟ้าให้นั่งลงที่ริมโซฟาปล่อยให้เพื่อนคนนึงมันเฝ้าไม่ห่าง ส่วนผมก็โดนมันโอบหลังดันไหล่ให้หย่อนก้นลงกลางโซฟาไปพร้อมกัน โดยมีเพื่อนมันอีกคนที่พร้อมเต็มใจย้ายตูดไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแทน

   “ไทม์จะดื่มอะไร”

   “น้ำเปล่า”

   “เฮ้ย นี่มาร้านเหล้านะมาดื่มน้ำเปล่าเฉยๆได้ไง”

   “งั้นผมขอโค้ก”

   “ผสมแจ็ค” กูขอแค่โค้กเฟ้ยยยย มึงแถมแจ็คโรสมาให้กูมายฮาร์ตวิลโกออนทำเพื่อ!!

   ตัดสินใจให้เสร็จสรรพพี่โชมันก็เรียกบริกรเข้ามาสั่ง ตอนนี้ผมขัดอะไรมันไม่ได้ซักอย่าง เอาวะอย่างน้อยก็แค่จิบๆจนกว่ามันจะพอใจแล้วค่อยจากไปก็ได้ คิดไปพลางผมก็เหลือบมองน้องฟ้าไปพลาง

   “ทำไมน้องมาอยู่กับพี่ได้” ผมสงสัยจริงๆก็พอประกาศว่าจะนอกใจ แล้วไหงมาโผล่ที่นี่ซึ่งเป็นที่อโคจรได้ฟระ แถมมาอยู่กับตัวอันตรายอันดับหนึ่งอย่างพี่โชด้วย

   “พี่แค่บังเอิญเจอ แล้วน้องเขาบ่นเหงาๆ”

   “พี่ไม่ได้รู้จักกับน้องเขาซะหน่อย” ไม่มีอะไรจะเชื่อมโยงกันได้ ถ้าพี่โชมันเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักหรือเป็นญาติฝ่ายไหนกับน้องเขาอย่างน้อยผมก็ต้องเห็นมันเข้ามาทักทายยามที่น้องมันมาหาไอ้แม็คที่คณะบ้างแหละเพราะน้องเขามาบ่อยจะตาย แต่นี่ไม่มี

   “แต่ไทม์รู้จักกับน้องเขา” แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยวะ กูผูกเรื่องนี้กับเรื่องนั้นเข้าหากันไม่ได้มึงเข้าใจมั้ย “ดูท่าสนิทกันมากด้วยสินะ”

   “ฮะ?” ก็แค่แฟนเพื่อน ผมแม่งแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับน้องฟ้าเลย มันเอาอะไรมาคิด

   “เหล้ามาแล้ว ดื่มเถอะ” แค่หัวโจกยื่นมือออกไปเพื่อนมันก็ชงแจ็คโค้กมาเสิร์ฟให้ในฉับพลัน “อ่ะ...ของไทม์” เหยดดดดด นี่ชงกะให้ดื่มหรือให้อาบกันแน่ เล่นเทมันซะปาไปสามส่วนสี่แก้ว ผมรับมาถือไว้พร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างแหยงๆ เจตนาส่อขนาดนี้อย่าคิดว่ากูไม่รู้ เชี่ยพี่โช...มันจะมอมเหล้าผม “เอ้า...ชนแก้ว!”

   เคร้ง

   มวยยกแรกได้เริ่มขึ้นแล้วครับ และผมจะไม่ยอมเมาโดยเด็ดขาด!!!


   ไอโฟนร้าวๆแตกลายงาคว่ำหน้าซุกอยู่ระหว่างโซฟากับต้นขาผม...นิ้วโป้งสัมผัสกับปุ่มโฮมเบาๆแล้วย้ายหน้าจอไปยังสายโทรเข้าลำดับที่สอง

   “พี่รู้จักที่นี่ได้ยังไง”

   “บรรยากาศดีใช่มั้ยล่ะ ไทม์ชอบมั้ย” โหยป้อกูซะ เสียงออดเสียงอ้อนหวานจ๋อยมดตะนอยไต่น้ำปลา

   “อือ...ก็ดูหรูหราดี เหมาะกับพวกคนมีอันจะกิน แต่อย่างผมแค่ร้านพี่ดวกก็พอแล้ว สมฐานะ”

   “ถ้าไทม์อยากมาอีกบอกพี่ได้นะ พี่พร้อมจะพามาทุกวันเลย” สุรานะครับไม่ใช่ข้าว ไม่ต้องแดกมันทุกวันสามเวลาต่างมื้ออาหารก็ได้ มะเร็งตับถามหากันพอดี

   “ว่าแต่ร้านชื่ออะไรนะครับ”

   “เลอ ปาราดิ”

   “เรอ ปลาร้าดิ?” ชื่ออย่างกันร้านขายส้มตำ ถ้ามีลาบ น้ำตก คอหมูย่างผมเนี่ยนั่งจกไปแล้ว เล่นเอานึกถึงชีวิตการกินอาหารเย็นอย่างสุขสบายหลังจากที่ผมไม่ได้ซัดมื้อเย็นมาหลายวันเลย

   “หึ...ไทม์นี่ตลกเนอะ ทำให้พี่หัวเราะได้ตลอดเลย” แต่กูไม่ขำโว้ยยย

   “หัวเราะบ่อยๆระวังคนเขาหาว่าเป็นบ้านะครับ”

   “บ้าเพราะไทม์พี่ยอม” เชี่ย ขนลุกสัด ด่าตรงขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวอีก กูเกลียดดดดด ผมต้องทนอย่างนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน หวังว่าคนที่อยู่ในสายจะรู้ตัวซักทีนะว่าควรจะทำยังไง หรือว่าจะไม่วะ ก็ประเด็นที่ผมพูดกับพี่โชมีแต่เรื่องที่อยู่ผับ ไม่มีประเด็นตรงไหนที่เกี่ยวกับคนที่ผมคิดว่าเป็นกิ๊กมันเลยซักนิด อย่างนี้มันจะมาช่วยผมเหรอวะ บางทีมันอาจจะกดวางสายไปตั้งแต่วินาทีแรกที่ไม่มีการพูดคุยกันแล้วก็ได้ โอ๊ยยยผมลืมนึกข้อนี้ไปได้ยังไงเนี่ย

   “เหม่ออะไรล่ะเรา ดื่มสิ” พี่โชดึงสติโดยการดันแก้วในมือผมซึ่งพร่องไปได้ไม่ถึงเศษหนึ่งส่วนสี่ให้มาใกล้ริมฝีปาก กะจิบเข้าไปเบาเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกคะยั้นคะยอ แต่ก้นแก้วกลับถูกมือใหญ่จากคนเดียวกันกระดกจนน้ำเมาไหลเข้าคอเกินขนาด พอผมจะผลักมือออกก็กลายเป็นว่าทำให้เหล้ากระฉอกเสียอย่างนั้น

   “แค่กๆ” เชี่ยเลอะหมด “ผมดื่มเองได้เปล่าวะ มีมือพี่ ไม่ได้พิการ” เริ่มหงุดหงิดแล้ว บอกตามตรงไม่ได้เป็นคนใจเย็นขนาดนั้น ไทม์ชลธีก็มีช่วงอารมณ์ร้อนได้เหมือนกันนะเว้ย

   “ก็เห็นมือเราไม่ค่อยขยับ”

   “พี่ก็รู้ว่าผมมาเอาฟ้ากลับ ผมจะดื่มให้เมาเละไปเพื่ออะไร” ถ้าไม่ติดว่ามีเพื่อนมันอีกสองตัวป่านนี้ผมรีบชิ่งลากร่างไร้สติตรงมุมนั้นกลับหอแล้ว พอจบประโยคสีหน้าของคนข้างๆเปลี่ยนไปจนผมจับสังเกตได้จากที่เคยมีรอยยิ้มน้อยๆกลับกลายเป็นสีหน้าเคร่งเครียดทันที

   “แฟนไทม์เหรอ?”

   “หา?”

   “น้องฟ้าเนี่ย แฟนไทม์เหรอ?” แดกจุดแป๊บ เฮ้ยยยยยยยยยยพี่โชมันเอาไรคิดวะเนี่ย

   “พี่พูดบ้าอะไร” เมียไอ้เชี่ยแม็คมันเว้ย

   “พี่เห็นเรากอดน้องเขา”

   “...!!” ตอนไหน!! สามัญสำนึกผมไม่เคยมีความทรงจำว่ากอดผู้หญิงมาก่อนเลย ขุดขุดขุด ขุดเอาให้ลึกไปถึงแกนสมอง ผมเคยกอดน้องฟ้าด้วยเหรอวะ เฮ้ยหรือว่า!! “พี่อยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร”

   “ทันตอนที่เรากอดน้องเขา” หัวผมมึนตึบ อย่างนี้ก็หมายความว่ามันอยู่ตรงนั้นมาตั้งนานแล้ว พอคิดกลับไปถึงฉากสำคัญในตอนนั้นที่มีแค่ผมยืนกอดน้องฟ้าซึ่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่กลางตึกเรียนที่มีผู้คนประปราย ส่วนไอ้เดย์โดนผมไล่ให้ไปตามไอ้แม็ค ผมก็หาวขึ้นมาทันที

   ฮะ? หาวเนี่ยนะ

   “พี่แม่ง วางแผนมาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ย” สัด มึงจ้องจะเข้าหาน้องฟ้าทันทีหลังที่ผละจากกูเนี่ยนะ เอาคนอื่นมาล้อเล่นลากมาดื่มเหล้าทั้งที่อายุยังไม่ถึง เอาแฟนไอ้แม็คมาข่มขู่เพราะคิดว่าเป็นคนที่ผมชอบพอ มึงเอาอะไรคิด

   “ถ้าไม่ทำอย่างนี้ไทม์ก็ไม่ยอมเข้าใกล้พี่”

   “ปกติกูก็ไม่คิดจะเข้าใกล้มึงอยู่แล้วเว้ย” ผมลุกพรวดพราดไม่เอาแล้วงานนี้ต่อให้ต้องฝ่าดงตีนของเพื่อนมันออกไปผมก็ยอม พอขยับตัวไปใกล้น้องฟ้าเพื่อนพี่มันคนนึงที่นั่งเฝ้าอยู่ก็ลุกขึ้นมาขวาง

   “หลบไป”

   “ถ้าไม่หลบแล้วจะทำไม” ยิ้มกวนที่ส่งมามีแต่จะยิ่งทำให้ไฟโทสะคุกรุ่น กว่าสมองจะตัดสินใจได้ร่างกายก็ไปไวกว่าความคิด ผมง้างหมัดเข้าหน้ามันจังเบอร์ จนไอ้ยิ้มกวนมันล้มลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง

   “เชี่ยนี่ มึงต่อยเพื่อนกู!!” ไอ้ที่นั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมันตะโกน ทำให้รู้ทิศทางที่มันจะเงื้อมกำปั้นเข้าหาจากด้านหลัง ผมย่อตัวหลบแล้วพลิกตัวสวนหมัดจนมันล้มลงพื้นไปอีกราย เชี่ย ท่าเมื่อกี้โลกหมุนชิบ ร่างกายผมมันไวต่อแอลกอฮอล์ปริมาณที่จิบไปไม่ถึงครึ่งแก้วเลยเหรอวะ ก่อนประเมินความอึดของคอทองแดงว่าเปลี่ยนไปผมก็คว้าแขนน้องฟ้าขึ้นมาพาดไหล่เตรียมเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ หากจู่ๆไม่โดนคนจากข้างหลังกระชากไหล่ไปอย่างแรงจนทำน้องฟ้าร่วงกลับไปที่โซฟาอีกรอบ ป่านนี้ผมคงได้ออกจากห้องนี้ไปแล้ว



   ตุบ!!

   ร่างของผมร่วงลงอย่างแรง แต่ดีที่ข้างหลังเป็นโซฟาเลยทำให้ไม่รู้สึกเจ็บอะไร เชี่ยยยยยขอถอนคำพูดครับ ข้างหลังเป็นโซฟาแต่ข้างหน้าเป็นไอ้พี่โชที่กระโดดขึ้นมาคร่อมผมไว้ทั้งตัว

   “ไทม์!!หยุดดิ้น!!” เสียงตะโกนสั่ง ถึงอย่างนั้นผมก็ใช้แรงมันไปสุดกำลังแล้ว ไม่แน่ว่านี่อาจจะเป็นแรงดิ้นเฮือกสุดท้ายของผมก็ได้ ทำไมร่างกายผมมันอ่อนเพลียโคตรอย่างนี้วะ!!

   “มึงก็ปล่อยกูดิวะ!!” หนังตาหนักซะจนมีแรงแค่หรี่เปลือกตามองภาพเบื้องหน้าในมุมแคบๆ ผมเห็นพี่โชมันพยักหน้าให้เพื่อนมันสองคน เสียงปิดประตูดังขึ้นทำให้รู้ว่าห้องนี้เหลือเพียงผม ไอ้เลวข้างหน้า และน้องฟ้า

   “ทำไมชอบทำร้ายใจพี่อย่างนี้วะ” มึงนั่นแหละทำไมตื้อไม่เลิกอย่างนี้ ทำไมต้องทำร้ายกูอย่างนี้อยู่เรื่อยเลยวะ ตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้ว ตอนที่ไปเที่ยวรับน้องคณะที่ต่างจังหวัดมึงก็ทำทีเป็นป่วยเอาความเชื่อใจและความซื่อสัตย์ในฐานะรุ่นน้องของกูไปโยนทิ้งในทะเล หักหาญน้ำใจกูโคตรๆ ถ้าไอ้เดย์มันไม่สงสัยจนโผล่มาช่วยป่านนี้กูก็ไม่รู้จะโดนยำเละไปถึงไหน อาจจะโดนมันต่อยจนซี่โครงหักทิ่มปอดหืดหาดเพราะไปขัดขืนมันจนขาดอากาศหายใจตายไปแล้วก็ได้ ไอ้เวรเอ้ย ไอ้สารเลว ไอ้เฟี่ยยยยยย

   โคตรอยากแปลงสิ่งที่คิดในหัวให้ออกมาเป็นคำพูด แต่ปากผมหนักจนขยับไม่ได้ แถมร่างกายยังหน่วงเหมือนโดนตะกั่วมาถ่วงไว้ เชี่ยเอ๊ยยยผมจะเสร็จมันวันนี้เหรอวะ ตูไม่อยากคิด หมดแรงแล้วผมเลิกดิ้นเพราะทำไปมีแต่เสียพลังงานเพิ่มขึ้น ไม่ดีซักอย่าง ได้แต่ปล่อยให้พี่โชมันเริ่มเกะกระดุมเสื้อเชิ้ตผมทีละเม็ด ขอเถอะขอพลังเฮือกสุดท้ายให้ผมได้ออกไปจากตรงนี้ทีเถอะ

   “ขาวเชี่ย” มึงไม่ต้องบรรยายได้มั้ย แค่ให้สายตามึงลามเลียผิวก็รู้สึกทุเรศตัวเองเกินทนแล้ว “อึก...”

   มือเย็นๆของพี่โชมากระทบผิวกายจนผมสะดุ้ง รู้สึกได้ถึงแนวมือลากจากข้างบนลงไปถึงขอบกางเกง เช้ดดดดดดดของสงวนกู

   “ของกูก็เหมือนกับของมึง!! มึงจะดูไปทำไมวะ!!” จะต่างก็คงแค่ไซส์กูรู้แค่นี้ ไม่มีแยกพันธุ์เล็กฮอร์นขาวหรือโร๊ดไอส์แลนด์แดงหรอกเฟ้ยยย

   พยายามบิดข้อมืออีกครั้งแต่แรงล็อคแขนผมกลับหนักหน่วงขึ้นจนรู้สึกได้ เหี้ยกูเจ็บ ผมทนไม่ไหวแล้วแรงแม่งเยอะสัด ป่านนี้ข้อมือผมคงเป็นรอยช้ำไปหมดแล้วมั้ง

   “ปล่อยกู ไอ้เหี้ยโช มึงจะอะไรกับกูนักหนา”

   “กูชอบมึง แต่มึงก็เสือกไปสนิทกับไอ้เชี่ยเด็กวิศวะนั่น แล้วไหนจะยังน้องฟ้าอะไรนี่อีก” แล้วมันใช่เรื่องของมึงมั้ยฮะ กูถาม

   ทันทีที่กระดุมกางเกงยีนส์ถูกปลด ซิบถูกร่น มันเหมือนเป็นการสับสวิตซ์สัญญาณเตือนภัยครั้งสุดท้ายของผม ไอ้ที่ปิดวาล์วกักแรงสะสมพลังวิญญาณไว้ถึงทีต้องใช้ก็คราวนี้ ผมสูดหายใจเข้าลึกแล้วแอ่นตัวไปด้านหลังก่อนที่จะกระทำการอุกอาจกับคนเบื้องหน้าแบบกะฆ่าให้ตาย


   บึ่ก!!

   เต็มๆกระโหลกครับ จากนี้ถ้าผมเกรดผมตก จะโทษไอ้เชี่ยนี่คนเดียว สมงสมองกูไหลไปหมดแล้ว ผมใช้แรงสุดท้ายหยัดกายขึ้นมามองคนเจ็บที่กุมหน้าผากตัวเองซึ่งล้มลงไปกองพื้น จังหวะนี้กูต้องหนี แต่กูไม่มีแรง เชี่ยเอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ดวงจะถึงฆาตก็คราวนี้ พี่โชมันลุกขึ้นมาแล้ว แถมยังเอานิ้วเตะหน้าผากที่มีสีแดงจางๆซึมออกมาจนสีหน้ามันตกใจเล็กน้อย

   “ทำไมดื้อกับพี่อย่างนี้” ไม่ได้ดื้อโว้ยยยย เป็นเด็กดีมาตั้งแต่อนุบาลยันม.สี่ไม่เคยโดดเรียน ค้านในใจไม่ทันจบมันพุ่งเข้าใส่เลยครับ กางเกงจากที่ถูกปลดอย่างหมิ่นเหม่คราวนี้โดนกระชากหลุดออกจากตัว แขนสองข้างถูกมือเดียวล็อคไว้เหนือหัวก่อนผมจะโดนล็อคคางบีบแก้มแล้วเชี่ยพี่โชมันก็บรรจงจูบลงมาเต็มๆ

   “อือออออ” เช้ดดดดกูอยากตาย เหี้ยเอ๊ย เหี้ยๆๆๆ แม่งไม่เคยรู้สึกเหมือนถูกหยามศักดิ์ศรีได้ขนาดนี้เลย ถ้าผมรอดออกไปผมจะอยู่ต่อได้มั้ย แค่คิดน้ำตามันก็ไหลออกมาแล้ว ทันทีที่ผมจะเริ่มตัดใจจากทุกสิ่ง จู่ๆร่างพี่โชก็ลอยหวือไปด้านหลัง เสียงตะโกนดังๆที่คุ้นเคยดังเข้าโสตประสาทผมเต็มๆ


   “ไอ้สัดมึงทำอะไรวะ!!”


   พลั่ก!!

   คนมาใหม่ไม่รอช้ากับการซ้ำเติมคนข้างหน้า มันทั้งต่อย กระทืบ ศอก หมัด อัปเปอร์คัต ทัดมาลา จระเข้ฟาดหาง หนุมานถวายแหวน แบบไม่ปรานีกะให้ฟื้นมาอีกทีไปอยู่ห้องดับจิต ผมที่ยังหน้ามึนอยู่โงนเงนขึ้นมาไม่กะห้ามอะไรแต่พอเหลือบไปเห็นหน้าพี่โชกูตกใจสัด เหยดดดดดดประจำเดือนมาหรือไงวะอาบเต็มหน้าเลยครับเลือด

   “เชี่ยแทน!! มึงงงงงอย่าฆ่าคนนน!!” ไอ้สัดกูยังไม่อยากให้มึงเป็นฆาตกร ไม่อยากชี้หน้ามึงแล้วบอกว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ผมตะโกนลั่นสุดเสียงเท่าที่เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่จะพอกู้ได้ สุดท้ายผมก็ต้องกลับมานอนตายกะปลกะเปลี้ยบนโซฟาอีกรอบ อ่อยกูเกือบเห็นยมบาล ใครก็ได้พากูไปหาหมอที

   “เฮ้ย พี่ไทม์!!” มึงรับรู้ถึงตัวตนของกูแล้วเหรอ หรือกูกำลังประสาทหลอนอยู่วะ เสียงเท้าตึงตังดังเข้ามาใกล้ตัว ไหล่ของผมถูกมือใครบางคนบีบไว้แน่นเหมือนพยายามตรึงวิญญาณกูให้อยู่กับร่าง ผมฝืนเปิดเปลือกตามาเห็นหน้าหล่อๆที่มันจ้องผม หน้าหล่อๆที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล

   “สวรรค์ กูตายแล้วเหรอ บอกกูที” เทวดาหน้าสมาร์ทบาดใจสาวกูไม่เอา แต่กูขอเด้ากับนางฟ้าหน้าสวยๆแทนได้ป่ะ

   “ยังไม่ตาย แล้วผมแม่งก็ไม่ให้พี่ตายด้วย เชี่ยเอ๊ยมันทำอะไรพี่วะ” ผมสะดุ้งทันทีที่มันเอ่ยทัก กูลืมไปเลยครับว่ากูโป๊อยู่!! โอ้ยยยมึงอย่ามอง

   “งื้อออ...กางเกงงงงงง” ไม่คิดว่าคำสั่งเสียสุดท้ายจะกลายมาเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่เป็นปัจจัยสี่ ถ้าผมไปเกิดใหม่จริงอย่างนี้มันไม่มาเผาผีทำพิธีกงเต็กจัดกางเกงกระดาษให้กูโหลนึงเลยเหรอ

   “เดี๋ยวนะ” เสียงทุ้มตอบกลับเบาๆแล้วจัดการเอากางเกงยีนส์ที่กองอยู่ปลายโซฟาขึ้นมาสวมให้ การกระทำมันโคตรอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำอย่างกับผมเป็นแก้วบางๆที่พร้อมจะเปราะหักแตกร้าวได้ตลอดเวลา มันดึงกางเกงขึ้นมาแล้วประคองสะโพกผมขึ้นช้าๆก่อนจะกลัดกระดุมรูปซิปให้ แค่สวมกางเกงให้...ทำไมกูใจสั่น...

   “...”

   “ไหวมั้ย ทำไมหน้าแดงๆ” ครั้งที่สอง...ตั้งแต่เจอมันนี่เป็นครั้งที่สองที่มันวัดไข้ผม...

   “...กะ...กูไม่ได้เป็นไร” ถ้ามึงจะจับแค่หน้าผากมึงลากมาปิดทั้งหน้ากูเลยดีกว่า ตอนนี้กูใจไม่ดีไม่อยากให้มีใครมาจ้องหน้า ผมปัดมือมันออกแต่ไอ้แทนมันกลับย้ายมาไล่กลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้ทีละเม็ดอย่างไม่ถือโทษโกรธอะไร

   “ทำไมไม่โทรมาบอกให้เร็วกว่านี้” เสียงมันออกแนวตัดพ้อจนผมรู้สึกผิด

   “ก็กูไม่มีเวลา”

   “แล้วก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอ่ะนะ” มันตวาดผมเบาๆ แต่ไม่โหดร้ายใจหมาจนเกินไปทำให้สติง่วงๆของผมยังพอรับได้อยู่

   “กูขอโทษ” ทำไมกูต้องรู้สึกผิดด้วยวะ

   “...” ไอ้แทนมันเงียบ เหยยยยยอย่าบอกนะว่ามันงอน

   “เชี่ยแทน มึงจะโกรธกูทำไมวะ กูก็ขอโทษแล้วไง”

   “...” ขายเสียงให้ปลาหมึกยักษ์ไปแล้วครับ มันกะจะใบ้ใส่ผมจนหมดเบรคเลยใช่มั้ย

   “อย่าเงียบดิวะ”

   “...” ถ้าจะเงียบอย่างนี้มึงตัดกล่องเสียงไปบริจาคเลยดีกว่า กูชักจะมีน้ำโหแล้วนะ ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์ง้อคน

   “อย่างน้อยมึงต้องขอบคุณกูนะ!!”

   “เรื่องอะไรผมจะต้องขอบคุณพี่ด้วยวะ ก็พี่ทำให้ผมเป็นห่วงอ่ะ!!!”

   “ก็เพราะว่าถ้ากูไม่มา ป่านนี้น้องฟ้ามึงคงโดนปู้ยี่ปู้ยำไปถึงไหนต่อไหนแล้วไง!!” อย่ามาขึ้นเสียงกับกู ผมโพล่งออกไปอย่างลืมตัวจนเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าของไอ้แทนที่ดูตื่นตกใจเป็นพิเศษ เชี่ยยยยยยนี่กูพูดอะไรออกไปเนี่ย มันยังไม่รู้เลยว่ากูเป็นเพื่อนแฟนกิ๊กมันนนน

   “ฟ้า?” สายตาผมเริ่มหลุกหลิกล่อกแล่กมองไปข้างหลังทำให้มันรีบหันขวับไปดูตาม “ฟ้า!!”

   กูควรช็อคกับภาพไอ้หล่อตรงหน้าที่รีบวิ่งถลาปรี่เข้าไปหาสาวน้อยหน้าใสที่นอนสลบสไลไม่รู้เรื่องราวรึเปล่าวะ แต่มันก็ทำให้ผมรู้ซึ้งว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงน้องฟ้าขนาดไหน เชี่ย เรื่องจริงเหรอ ไหนมึงบอกรู้จักแค่เพลงฟ้าของแทตทูคัลเลอร์ไงแล้วทำไมต้องเป็นห่วงเป็นใยขนาดนั้น


   เจ็บกายไม่เท่าไรแต่เจ็บใจมันมากกว่า


TBC



ตอนนี้ยาวหน่อยนะคะ อย่าหลับคาคอมล่ะ 5555
ขอบคุณที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ค่ะ ในที่สุดจำนวนตอนก็ขึ้นสองหลักแล้ว พอพอกับอายุคนเขียนที่เพิ่มมากขึ้น ฮ่าฮ่า

คุณ FeaRes
ตอนนี้คนเขียนตั้งสติกรรมฐานสี่ตามไทม์เลยค่ะ555
น้องฟ้าเป็นสำคัญของเรื่องเลยน้า คิคิ ฝากเอ็นดูนางด้วยนะคะ
ความขาวของไทม์โดนอีกคนเนียนดูไปซะแล้วค่ะ :z3:

คุณ B52
ตัวละครทุกตัวในเรื่องเป็นพวกอ้ำอึ้ง พูดไม่ค่อยออกแต่รักหมดใจ
รักในคอนเมนต์ด้วยค่า ขอบคุณนะคะที่หลงเข้ามา >_< :3123:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่10:โชแปง[30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 30-09-2017 22:22:18
โอ้โห พี่โชอย่าหึงแรงงงง รุนแรงแบบนี้ไม่ดีนะ!

...อะไรรร คืออะไรรร ห่วงใยออกนอกหน้านี้คืออะไรแทน?!!
ทิ้งพี่ไทม์ไปหาฟ้าเลยอะ โห สงสารใจไทม์หน่อยยย
ฟ้านี่เป็นอะไรกับแทนกันแน่อะ รักเก่า? หรือญาติ
โอ๋ๆนะไทม์ ไม่ร้องนะ---
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่10:โชแปง[30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-09-2017 23:29:01
น้องสาวหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่10:โชแปง[30/09/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 01-10-2017 11:12:07
น้องสาว ม้างงงงงง  :katai1: :katai1: :serius2:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่11:คำขอร้องจากพี่ชาย[15/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 15-10-2017 11:14:45
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่11 คำขอร้องจากพี่ชาย



   ‘ฟ้า’


   เสียงเบาๆนั้นยังคงสะท้อนก้องอยู่หู ผมฝันร้าย ร้ายจนพอให้สะดุ้งตื่นขึ้นมาลืมตาดูโลก

   แฮ่กแฮ่กแฮ่ก

   โอเค พอเลย หอบอย่างกับหมาเป็นรอบที่สองตั้งแต่ดำเนินเรื่องมา เพราะตอนนี้ผมกำลังจะกลายเป็นหมาหัวเน่าต้องมานั่งเฝ้าดูไอ้รักล่าสุดของผมตระกองกอดน้องฟ้าแม้กระทั่งในฝัน ทำไมจู่ๆมันก็ทำใจไม่ได้วะ กะอีแค่คนที่ทำให้ประทับใจยามส่งรอยยิ้มมาให้ แล้วเข้าหาผมแทบเป็นแทบตายโดยไม่มีความหมายแฝงอะไรเลยเนี่ยนะ

   พันห้ามึงไงมึงลืมไปแล้วเหรอ มารในหัวผมมันกระซิบบอกตอบจนทำให้ระลอกความหดหู่ถูกฉุดขึ้นมาอีกครั้ง ถ้ากูถล่ำไปถึงขั้นชอบพอไม่ต้องมานั่งหน้างอน้ำตาตกในไปถึงสุไหงโกลกเลยเหรอวะ แต่ก่อนไปถึงภาคใต้มึงทำตัวเองให้รู้ได้ก่อนว่าตอนนี้มึงอยู่ไหน ไอ้สัดไทม์!!

   ที่นี่ที่ไหน แหะ ขอกระเดะแบบนางเอกละครทีวีที่โดนรถชนแล้วตื่นมาอีกทีในโรงพยาบาลได้ป่ะ แต่แทนที่จะเห็นสายน้ำเกลือระโยงระยางพร้อมถังออกซิเจนกับเสียงตี๊ดๆบอกสัญญาณชีพว่าใกล้ตาย ผมกลับเห็นโปสเตอร์นักกีฬาบาสเก็ตบอลชายระดับโลก เห็นภาพถ่ายกระเทยหัวโปกใส่กรอบรูปประดับอยู่ที่โต๊ะ เชี่ยโว้ยยยนี่มัน!!

   แทบกระเด้งสุดตัวไปคว้าภาพแห่งความทรงจำที่ทำเอาหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง

   หน้าหล่อๆอย่างนี้มีเพียงคนเดียวในโลก ไอ้แทนในสภาพกะเทยหมาเมินจัดชุดเต็มยืนเต้นกับเพื่อนฝูงมันทั้งๆที่ยังใส่กางเกงน้ำเงินดูทุเรศทุรังจนผมต้องเหยียดยิ้มขำลึกๆ สมัยมัธยมชีวิตมันคงจะผาดโผนพอสมควรถึงได้เฟียวจัดเอาภาพแบบนี้มาประดับห้อง

        ในที่สุดผมก็ให้คำตอบกับตัวเองได้แล้วว่าอยู่ที่ไหน ก็ห้องไอ้แทนไงจะใครซะอีก เมื่อวานมันคงช่วยแบกผมกลับมาแล้วไม่มีปัญญาไปส่งห้องเลยต้องฝืนสังขารขนผมกลับมายังเคหะสถานของมัน แล้วอย่างนี้ต้องทำไงต่อไปวะ กุญแจห้องก็ไม่มีแถมตอนนี้ก็ปาไปเที่ยงจะแบกหน้าไปเรียนก็ดูจะพากเพียรเกินไป ผมเลยหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้แกว่งเท้าดิ๊กๆพลางหยิบนู่นนั่นนี่มาสำรวจเล่นอย่างเพลินใจ จนกระทั่งสายตาไปปะทะกับอะไรบางอย่างซึ่งทำให้ผมถึงกับขาดสติ

   เช้ดโด้ อย่าให้กูโม้ว่าความจำดี ก็ในเมื่อมันมียางลบที่หน้าตาเหมือนของผมอย่างกับแกะนอนแหมะอยู่ในกล่องเครื่องเขียน ผมไม่อยากนั่งเทียนนึกเอาเองว่าใช่เลยรีบกวาดตามองหากระเป๋าเป้คู่ใจแล้วล้วงลงไปหยิบกล่องดินสอเอายางลบขึ้นมาเทียบ ประกบกันพอดีเป๊ะอย่างนี้แล้วไอ้ผีที่ไหนมันบอกว่าจำไม่ได้กันวะ

   หรือไม่ก็แค่ไม่อยากจะจำ...

   เออกูมันคนคิดบวก ลบบวกลบเลยกลายเป็นลบทวีคูณ ถ้ามึงไม่อยากจะจำขนาดนั้นมึงก็ไม่ต้องเอามันมาวางตรงนี้ สู้ทิ้งๆไปหรือไม่ก็บริจาคให้เด็กผู้ยากไร้ก็ได้ หรือมึงเสียดายเพราะมันหลายตังค์วะ

   ผมกำยางลบแล้วซุกหน้าลงกับโต๊ะ

   “กูลืมมึงได้มั้ยว้า กูอยากลืมมึง”

   “มีใครไม่น่าจดจำขนาดนั้นเลยเหรอพี่”

   ฮะ?? รีบชักหน้าหันควับไปตามเสียง ระยะห่างเพียงหนึ่งไม้บรรทัดทำให้ผมชะงักวิญญาณออกจากร่าง ไอ้แทนสุรบถมันก้มหน้าจนแทบจรดแก้มผม มึงจูบกูเลยดีมั้ยถ้าจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้!!

   “อะ...ไอ้แทน”

   “น้อยใจนะ” ทำปากเป็นรูปสระอิ บิดไปมาโคตรน่าหมั่นไส้ มึงอย่าให้กูนึกถึงภาพตุ๊ดหัวโปกของมึงได้มั้ยไอ้สัด “จะลืมผมเหรอ”

   “ใครบอกว่าจะลืมมึง”

   “ก็พี่เรียกชื่อผม” แล้วจะให้กูไปเรียกควายที่ไหน ก็ในเมื่อคนที่ยืนจ้องหน้าแล้วมองตากูอยู่คือมึงน่ะ!!

   “น้อยๆหน่อยคุณเพื่อนแทน มากินข้าวนะครับสัด ไม่ได้มากินของดีประจำคณะเศรษฐศาสตร์” เรียกกูเป็นของโอท็อปหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์เลยเว้ย ผมหันไปตามเสียงแปลกใหม่ที่เข้ามาในโสตประสาท ผู้ชายในชุดนักศึกษาสามตัวที่ยืนสลอนเรียงแถวหน้ากระดานกันมาทำให้ผมชะงักค้างอีกรอบ หนึ่งในนั้นเป็นไอ้เสาร์แต่เบ้าหน้าอีกสองตัวกูไม่คุ้น

   “เชี่ยแม่เจ้าโว้ย น่ารักสมคำล่ำลือ”

   “โอ้ยใจกูละลาย พร้อมเสียความเป็นชายให้”

   “ประสาทป่ะพวกมึง” ไอ้เสาร์มันดักอารมณ์คนฟังได้อยู่หมัดแล้วผลักสองตัวที่ขวางทางให้หลีกไปพร้อมยื่นถุงก๊อปแก๊ปมาใส่หน้าไอ้แทน “ข้าวพี่มัน”

   “ขอบใจมึง” ไอ้แทนมันยิ้มรับถุงมาแล้วหันมาหาผม “กินข้าวกันพี่ไทม์”

   โครกกกก... ปริศนาค่อยว่ากันทีหลังแต่ท้องกูนั้นสำคัญกว่า ผมเดินตามตูดไอ้แทนไปต้อยๆเหมือนหมากำลังรอคนให้อาหาร ส่วนไอ้อีกสามตัวก็แสตนบายด์พร้อมนั่งล้อมวงโต๊ะญี่ปุ่น ทันทีที่ข้าวเข้าปากบทสนทนาก็ขาดหายแต่ไม่วายมีแค่ไอ้สองตัวนั้นที่มันจ้องหน้าผมไม่วางตา

   “มองอะไรไอ้เป้ง ไอ้แตม มึงกินๆไปเลย” เออช่วยกูที เริ่มจะกลืนไม่ลงเพราะมีแต่คนจ้องเนี่ยแหละ หรือความหล่อมันติดหน้ากูเกินไปเลยทำให้พวกมึงอึ้งขนาดนี้

   “มองนิดมองหน่อยไม่สึกหรอหรอกมึง นานๆจะเจอคนดังเศรษฐศาสตร์ทั้งที มีดีกูก็ต้องจ้องดิวะ”

   “ใช่ๆ” ไอ้สองตัวมันรับส่งกันเป็นลูกคู่ ส่วนไอ้โย่งก็เอาแต่ยัดข้าวเข้าปากไม่สนใจชาวบ้านชาวช่อง คนที่ช่วยกันผมจากสายตาห่ามหื่น?ตรงหน้าก็เห็นจะมีแต่ไม้กันหมาอย่างไอ้แทน

   “จ้องจนพี่เขาจะแดกข้าวไม่ลงอยู่แล้ว”

   “กินข้าวไม่ลง กินผมแทนได้นะ”

   “เชี่ยเป้ง”

   “ถึงผมไม่อร่อยแต่ก็อ่อยไม่ใช่เล่น”

   “สัดแตม”

   “โปรดอย่าสงสัยนั่นคือความจริงใจจากผม จากคนคนเดิมคนที่คุณก็รู้ว่าใคร...” สงสารพี่แสตมป์ มึงเลิกร้องเหอะ แล้วที่สำคัญกูไม่รู้จักมึง

   “ย้ายที่กินมั้ย” ไอ้แทนมันถามด้วยความเป็นห่วง แต่ช่วยดูห้องมึงตอนนี้ด้วยจะให้กูย้ายไปไหนนอกจากห้องส้วม

   “กูกินได้” ถึงเจอแต่คนกวนประสาทแต่มันก็ทำให้เลิกคิดฟุ้งซ่านเรื่องคนข้างๆได้ ข้าวในมือพร่องไปไม่ถึงครึ่งผมก็เริ่มอิ่ม นี่กูเป็นโรคเบื่ออาหารไปแล้วเหรอวะ โนเนกาทีฟ ติ๊งโพตสิทีฟดิ ชลธี

   “ไม่สบายรึเปล่า” มือใหญ่กำลังจะเอื้อมแตะหน้าผากผมเลยรีบคว้าเอาไว้ทันที

   “กูปกติดี” ถ้าชีวิตต่อไปนี้จะไม่มีมึงมายุ่งวุ่นวาย เลิกมาเป็นห่วงเป็นใยกูซักที

   “พี่ไทม์งอนอะไรมึงวะ” โดนทักแบบนี้คิ้วแม่งกระตุกทันทีเลยครับ ผมตวัดสายตาไปมองหน้าไอ้คนที่กล่าวหาผม ไอ้เด็กเป้ง

   “งอนอย่างนี้มึงต้องง้อนะ” พี่แตมกลับไปทัวร์คอนเสิร์ตพี่เถอะครับผมขอ

   สุดหล่อมันกลอกตาไปมาก่อนจะหยิบหัวใจไก่ย่างเสียบไม้มาวางบนกล่องข้าวผม

   “มึงทำอะไร” เห็นมั้ยว่ากูอิ่มแล้ว

   “ผมให้ใจพี่ เลิกงอนซะทีได้มั้ย”

   “ฮิ้ววววววววววววววววว” เสี่ยวสัด!! ก็ได้ มึงค่อยดู กูจะขยี้หัวใจมึงให้แหลกลาน ผมยกไม้ที่วางไว้ขึ้นมากัดแบบใส่อารมณ์ลงไปสุดๆ

   “พี่ไทม์กินใจไอ้แทนอ่ะ ฮ่อลลลลลล” เหี้ยยยยยเพื่อนมึง

   ไอ้หล่อมันหัวเราะรับมุกเพื่อนอย่างอารมณ์ดีแล้วหันมามองหน้าผมพลางยิ้มอ่อน

   “หายโกรธยัง”

   “กูไม่ได้โกรธมึง” เข้าใจกูด้วย

   “งั้นก็ขอบคุณนะ”

   “ขอบคุณเรื่อง?”

   “ที่ช่วยน้องสาวผม”

   “...” ฮะ?

   “ขอบคุณที่ช่วยฟ้า”

   “...” เอ๊ะ?

   “ฮ่า....ได้ใจมันไปเต็มๆเลยนะพี่ น้องคนนี้น่ะสุดรักสุดหวงของไอ้เชี่ยแทนมันเลย”

   “พวกมึงกินเสร็จกันยัง คาบต่อไปอีกสิบห้านาที” เคยเห็นหนังที่ฉายอยู่ดีๆแล้วตัดเข้าโฆษณามั้ยครับ ตอนนี้แหละให้อารมณ์นั้นเลย ไอ้เสาร์ที่นั่งเป็นตัวประกอบอยู่นานโพล่งขึ้นมา ถึงเป็นประโยคสั้นๆแต่ก็ทำเอาสั่นสะเทือนวงการข้าวเหนียวไก่ย่างของพวกมันได้

   “เวรแล้ว คาบต่อไปเอกบดินทร์” ไอ้เด็กเป้งมันโวยวายขึ้นมาเป็นคนแรก

   “เชี่ยมึงยัดเลย” มูมมามยิ่งกว่าหมาก็คงเป็นไอ้แตมตรงหน้าเนี่ยแหละครับ อย่าถามต่อว่าเป็นยังไงพวกมันโคตรไวอย่างกับฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส ยัดข้าวเที่ยงลงท้องได้เสร็จก็รีบระเห็ดออกจากห้อง

   “พี่ไทม์ผมไปนะ” ไอ้เป้งลาทั้งที่มีปีกไก่คาปาก

   “ไว้เจอกันนะคร้าบ” แตมเคาะรองเท้าตัวเซเดินเป๋ออกจากห้อง

   “...” ส่วนไอ้โย่งจากไปด้วยเสียงเงียบ

   จะขาดก็แต่คุณแทนสุรบถที่โคตรชิลเอาท์ขยับตัวทีอย่างกับสล็อตเข้าสิง ไม่รู้มันจะคีบลุคคูลๆขรึมๆไปถึงไหนถึงได้ทำอะไรช้าสัด

   “ไม่รีบไปอ่ะ เดี๋ยวก็สายหรอก” ผมผลักตัวให้มันลุกขึ้น อย่าบอกว่ามึงไม่ชอบทำอะไรตามกระแส ช่วยดูเพื่อนมึงด้วย

   “อย่าลืมกินข้าวให้หมดนะ”

   “เออ มึงไปเหอะ” ห่วงตัวเองก่อนดีมั้ย

   “ตอนเย็นอยากกินอะไรโทรบอกผม”

   “รู้แล้ว”

   “นอนพักผ่อนด้วยล่ะ”

   “เออกูเข้าใจ” แต่มึงรีบไปเหอะกูขอ

   “ผมไปก่อนนะ” มือใหญ่เอื้อมมาโยกหัวผม ประโยคคำคมที่มันเคยมอบไว้ให้เล่นเอาความทรงจำเก่าๆไหลกลับมา ความทรงจำเมื่อครั้งม.หกตอนที่ตกหลุมรักรอยยิ้มมัน...ไอ้แทนสุรบถเจ้าของยางลบโมโน มันเดินออกไปปล่อยผมทิ้งไว้ให้อยู่ในห้วงคำนึงถึงคำขอบคุณก่อนหน้าและการบอกว่าตัวเองเป็นพี่ชายน้องฟ้า

   ไอ้แทนมันเป็นพี่ชายน้องฟ้า!!

   “เชี่ย...กูทำอะไรไม่ถูกเลย” รำพึงกับตัวเองลำพัง ทั้งที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่แต่ทำไมผมกลับหุบยิ้มไม่ได้ ผมเป็นบ้าอะไรไปแล้วเนี่ย...

   แต่ก่อนมึงจะบ้ามึงช่วยเปิดหาเบอร์เพื่อนแม็คแล้วแจ้งข่าวดีมันก่อนเถอะครับ...ผมเตือนสติตัวเองหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาเพื่อน

   [หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้...] อ้าว มันปิดมือถือ เอาวะไว้เจอหน้าแล้วค่อยเซอร์ไพรสมันทีเดียวเลยก็ได้ ผมคิดอย่างนั้นโดยหารู้ไม่ว่าจากนี้ไปจะมีเรื่องราวให้ผมเซอร์ไพรสยิ่งกว่า...เท่าที่ผมเคยเจอมาในชีวิต...


   กุกกัก กุกกัก

   แว่วเสียงประหลาดดังมากระทบประสาทหู ทำเอาคนอย่างผมที่พักผ่อนตามคำสั่งของไอ้หล่อต้องย่นหัวคิ้วขัดใจกับเสียงไม่ชอบมาพากล เหมือนมีลมบางอย่างมาปะทะหน้าจนต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาดู

   ตาคม จมูกโด่ง คิ้วเข้ม แค่มองเห็นก็นึกว่ายอดชาย นี่มันภาพขยายกว่าไซส์ปกติที่มีมิติโฟร์ดี ขนาดหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้ายังทำให้รู้สึกว่าชุ่มฉ่ำมาถึงผม

   แหมะ!!

   “อือออออ”

   “ตื่นรึยังครับ”

   “...” หือ?

   “พี่ไทม์” หา?

   “หะเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย” มึงช่วยปลุกกูแบบที่ชาวบ้านชาวช่องเขาทำกันปกติจะได้ม้ายยยยยยยยย ผมแม่งถอยกรูดจนตัวไปติดกับหัวเตียง อกข้างซ้ายเต้นตุบๆอย่างกับจะหลุดออกมาข้างนอก เมียงมองสีหน้าไอ้หล่อสัดรัฐยะไข่ที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมเมื่อครู่

   “เหี้ยมาเต็มๆหน้าเลย”

   “แล้วมึงยื่นหน้าเข้ามาทำเหี้ยอะไร” ตกใจยิ่งกว่าวิ่งเข้าบ้านผีสิงก็หน้าไอ้เชี่ยแทนนี่แหละครับ มันดันสะเออะมาจ้องหน้าผมที่กำลังหลับตาพริ้มคาเตียง สติกูกระเจิดกระเจิงเตลิดเตลิงไปถึงแกนโลกแล้ว

   “พูดสุภาพกับผมหน่อย อย่างน้อยเมื่อวานนี้ผมก็มีบุญคุณที่ช่วยพี่ไว้นะ”

   “ขออภัยครับ ไม่ทราบว่าคุณสุรบถจะยื่นหน้ามาทำตัวเงินตัวทองอะไรไม่ทราบ!!” ได้ อยากให้สุภาพผมจัดให้

   “ไม่กล้าปลุกเห็นหลับสบาย”

   “แต่ก็เอาลมจมูกมึงมารดหน้ากูเนี่ยนะ!!”

   “สุภาพ”

   “แต่ก็เอาลมจมูกคุณมาเป่าเย็นสบายระใบหน้ากระผมเนี่ยนะ”

   “พี่หิวยัง”

   “มึงฟังกูด้วย”

   “สุภาพ”

   “กรุณาฟังผมด้วยครับคุณสุรบถ”

   “เดี๋ยวออกไปข้างนอก ไปหาไรกินกัน”

   “นี่มึงจะไม่ฟังกูเลยใช่มั้ย”

   “สุภาพ”

   “นี่คุณสุรบถจะไม่ฟังผม...ไม่เอาแล้วโว้ย กูจะบ้าจี้เล่นกับมึงไม่เพื่ออะไรเนี่ยยยยย”

   “ผมชอบมองตอนพี่หลับ”

   “...”

   “มันดูน่าอร่อยดี”

   “โรคจิต!!”

   “ยอมโดนว่า ถ้าให้จ้อง” ดูสภาพมึงด้วย ถ้าจ้องเวลาอื่นกูจะไม่ว่า แต่ไอ้ผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันเอวอยู่หมิ่นเหม่เหมือนพึ่งอาบน้ำเสร็จเนี่ย กูเสียว

   “คนหล่อไม่ใช่ลูกหมูสามขา จะได้มาจ้องหน้าแล้วเลขขึ้น”

   “ถูกหวยก็ดี แต่ถูกใจพี่ผมก็เอา”

   “จีบกูป่ะเนี่ย”

   “...” อ้าวมันค้างครับ เหมือนเครื่องยนต์หยุดทำงานไปเฉยเลย

   “จริงเหรอวะ?”

   “ลุกแล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

   “มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง บอกมาว่ายางลบที่อยู่บนโต๊ะมึงคืออะไร”

   “...” ถ้าเป็นอินเตอร์เนตกูคงคิดว่าสัญญาณเครือข่ายสี่จีไม่ดี ก็มันเล่นสะดุดทุกทีที่ผมยิงคำถามใส่ มึงไปเปิดเบอร์ใหม่เปลี่ยนค่ายเหอะ

   “ทำไมมึงต้องโกหกกูด้วย”

   “โกหกเรื่องอะไร” มันหลบตาผม

   “เรื่องยางลบไงเนี่ย” ผมลุกเดินปึงปังไปที่โต๊ะกะจะหยิบหลักฐาน แต่ทว่า...กล่องใส่ยางลบมันหายไปไหนวะ!!

   “พี่เพ้อแล้ว” มันเอาไปซ่อน!!

   “มึงเอาไปไว้ไหน”

   “ยังเมาค้างอยู่รึเปล่า”

   “ทำไมมึงแถได้ขนาดนี้วะฮะ ความจริงมันอยู่ตรงหน้าแล้วมึงยังจะ...”

   “ผมเปล่าแถ”

   “มึงแถ”

   “ผมเปล่าแถ”

   “มึงแถถถถถ” แถไม่พอมันยังทำท่าจะเดินหนีผมอีก

   “เฮ้ยพี่ทำอะไรน่ะ!!” สิ่งเดียวที่ผมคว้าได้จากตัวมันตอนนี้จะมีอะไรซะอีกนอกจากผ้าขนหนูผืนเดียวที่ติดอยู่กับตัวมันนี่แหละ

   “มึงจะไปไหน”

   “ไปกินข้าวเย็น” ไอ้แทนมันกำปมตรงเอวยึดอาภรณ์ติดกายชิ้นสุดท้ายไว้แน่นๆ ส่วนผมก็ยื้อมันอย่างกับเล่นชักเย่อ

   “ทีหลังได้มั้ยวะ”

   “ผมหิวแล้ว”

   “งั้นมึงก็ตอบกูมาดิ”

   “โอเค ถ้าอยากดูเปิดให้ดูก็ได้”

   พรึ่บ!!

   เกร๊ซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ อ่อก!! ไปสู่สุขคติยังภพภูมิที่ดี





   “กินดิพี่” เชี่ย กูกินไม่ลง ดูก็รู้แล้วว่ามันเจตนาจงใจทำร้ายผมชัดๆ

   ก็ของตรงหน้ามันมีแต่เมนูไข่ลูกเขยเงี้ย ไข่น้ำเงี้ย ไหนจะไส้กรอกเยอรมันย่างดุ้นใหญ่ๆอีกสองชิ้นอีก

   “กูแดกไม่ลง” ภาพมันติดตา ฮืออออออ เอาสายยางมาฉีดล้างสมองกูที

   “อย่าเอาไปเทียบกันดิ ของผมใหญ่กว่าเยอะ” มันอวด นั่นแหละของมึงใหญ่กว่าแต่มันคล้ายกูเลยแดกไม่ได้ไง!!เข้าใจกูบ้าง

   “มึงกินไส้กรอกไป กูเอาไข่...” โว้ยยยยยย พูดไม่ออก

   “ได้เดี๋ยวผมกินไส้กรอกพี่...”

   เคร้ง!!

   “มึงตกคำว่า ‘ส่วนของ’ ไป” เขวี้ยงส้อมได้กูเขวี้ยงใส่มันแล้ว

   “โอเคครับ เดี๋ยวผมกินไส้กรอก ‘ส่วนของ’ พี่เอง ส่วนพี่ก็กินไข่ผม”

   “สัดแทนอย่าให้กูพูดซ้ำ”

   “ครับๆ” ว่าเสร็จมันก็ตักไข่ให้ผม

   ผมกับมันลงมากินข้าวที่ร้านอาหารไม่ห่างไกลจากหอไปซักเท่าไร เด็กมหา’ลัยยังคงเดินพลุกพล่านอยู่แถวนั้นเพราะยังไม่ดึกเต็มที่ จนทำให้บางทีเหมือนผมกับมันตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายๆคน อึดอัดว่ะ แต่มากับคนของประชาชนต้องทำใจ

   “เรื่องเมื่อวานกูขอบใจมึงนะ” เวร...ไม่น่าเงยขึ้นไปมองมันเลย อมเข้าไปได้ไส้กรอกทั้งดุ้น -_-

   “อึก...ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่” สงสารผู้หญิงหลายคนที่มองมาทางนี้จริง ยกมือถือขึ้นมาถ่ายได้ภาพไปเยอะมั้ยครับ อย่าลืมติดแฮชแท็ก #แทนสุรบถอมโชว์ #เดือนวิศวะจัดหนักทั้งดุ้น ด้วยนะ ผมจะตามไปดู

   “เรื่องอะไรวะ”

   “เรื่องที่ช่วยฟ้า” มันวางช้อนส้อมแล้วหันมาจ้องผมแทน

   “เรื่องแค่นั้นเอง ไม่คิดเป็นบุญคุณหรอก” ลืมไปว่าฟ้าน่ะน้องมัน ส่วนผมก็ยังไม่ทันได้บอกว่ากูเนี่ยแหละเพื่อนผัวน้องมึง

   “ว่าแต่พี่รู้จักฟ้าได้ยังไง”

   “โอ๊ย ทำไมจะไม่รู้จัก ก็น้องฟ้า...” ผมชะงักไป เฮ้ยเดี๋ยวก่อนนะ หน้าตาไอ้แทนมันดูแปลกๆแบบสงสัยผมเสียเต็มประดาว่าผมไปทำอะไรกับน้องมันมา หนำซ้ำไอ้แม็คมันยังไม่รู้จักไอ้แทนแถมเข้าใจผิดว่าเป็นกิ๊กด้วยซ้ำ มันซักจะยังไงยังไงแล้วนะเว้ย “กะ...ก็น้องฟ้าดรัมเมเยอร์สาธิตทั้งคนนะเว้ยใครจะไม่รู้จัก” ผมพลิกลิ้นทันที ส่วนไอ้คนหล่อน้องสาวสวยมันสั่นหัวขึ้นลงน้อยๆเหมือนเป็นการยอมรับ โอ๊ยไอ้ตระกูลหน้าตาดี

   “ว่าแต่มีแฟนรึยังวะ กูจีบได้ป่ะ” จบประโยคนี้เสร็จแม่งมองกูตาขวางเลยครับ หวงน้องสาดดดดดด ผมเลยหันกลับมานั่งนิ่งๆจิ้มไข่กินต่อ แต่ไม่นานเสียงทุ้มๆมันก็ยอมเปิดปากพูดอีกครั้ง

   “ไม่มีหรอก จีบได้” เหยดดดดดดดดด อย่างนี้ก็แสดงว่าไอ้แทนมันยังไม่รู้ว่าน้องฟ้ามีซ้ะหมี่แหล่วสิวะฮะ

   “หมายถึงคนพี่”

   “...” ฮะ??

   “น้องแทนคะ” ระหว่างที่ยังอึ้งกับการตีความประโยคมัน จู่ๆสาวสวยในชุดนักศึกษานางนึงเดินเข้ามา เล่นเอาผมกับไอ้แทนสองหัวสี่ตาหันไปมองตามเสียงฉับพลัน แม่เจ้าโว้ย สวยหยดย้อยอย่างกับนางงามเทพีสงกรานต์ งานดี งานคิวท์ๆ น่าอนุรักษ์สานสัมพันธ์วัฒนธรรมไทยกันถึงในห้องนอน แต่เสือกไม่เรียกชื่อผมเนี่ยดิ เจ็บปวดดดด

   “ครับ”

   “พี่ขอถ่ายเซลฟี่กับน้องได้มั้ยคะ” ดูแล้วน่าจะเป็นพี่ปีโตกว่าผม ทำไมไม่มาขอเมื่อห้านาทีก่อนล่ะครับ จะได้เซลฟี่กับสุดหล่อพร้อมไส้กรอกเยอรมันเฟรงค์เฟิร์ตคำโตโตในปากมันไปด้วยเลย อุบาทว์สัด

   “ไม่ดีมั้งครับ เดี๋ยวแฟนผมหึง” พูดเสร็จมันก็มองหน้าผม แล้วมึงมาบอกกูทำไม ไปบอกผู้หญิงนู้นไป ไม่ทันแล้วครับเทพีสงกรานต์หน้าตึงเดินจากไปแบบไม่ใยดีปล่อยให้ผมต้องมานั่งแหวหาเรื่องเอาความกับมันแทน

   “เฮ้ย ไหนมึงบอกไม่มีแฟน”

   “คนเรามันก็ต้องรู้จักแยกแยะป่ะ”

   “แยกแยะห่าอะไร สวยวัวตายความล้มขนาดนั้นยังต้องแยกแยะอะไรอีก” เป็นกูพุ่งใส่ยิ่งกว่าใช้ไอพ่นแล้ว

   “แยกแยะว่าคนไหนให้จีบ คนไหนไม่ให้จีบ”

   “ไอ้มาตรฐานสูง”

   “เปล่านะ แค่จะให้จีบเฉพาะคนที่ผมอยากกากด้วย”

   “อย่างกูใช่มั้ย กากได้กากดีกากมันทุกวันที่เจอหน้า”

   “ใช่อยากกากแล้วจูบปอดชะมัด”

   “O_O” กูไม่เก็ททททท

   “หรือต้องสาธิตให้ดู” มันทำปากจู๋ม๊วฟๆแล้วทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ผม

   “เชี่ย!!” กูเก็ทแล้ววววววววว อย่าผวนนะครับขอร้อง T^T

   “สุภาพ”

   สุภาพของเชี่ย มันคืออะไรวะ กูขอไปเปิดพจนานุกรมแป๊บ กูอยากตายยยย

   แต่ก่อนตายกูขอกินไข่ลูกเขยมึงก่อนนะ เริ่มหิวละ

   “พี่ไทม์” สงบได้ไม่ทันไร ไอ้แทนมันก็เริ่มเปิดบทสนทนาใหม่ขึ้นมาอีกรอบ

   “หืม”

   “ผมสงสัย”

   “สงสัยอะไร”

   “เมื่อวานน้องผมไปอยู่ที่นั่นได้ไง” อุก!! จู่ๆจะถามอะไรสนใจสุขภาพกูบ้าง ตอนนี้แทบอยากจะคายไข่ลูกเขยออกจากปาก แต่คนกากๆอยากคีบลุคนิ่งๆเพราะผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเสือกยกมือถือขึ้นกดชัตเตอร์รัวๆกับช็อตนี้ ช็อตที่ไอ้แทนมันทำสีหน้าจริงจัง!! จะทำไงดีวะถ้าบอกไปตามตรงก็คงเป็นเหตุผลที่ว่าน้องฟ้างอนไอ้แม็คมาเลยวิ่งหาสามีสำรอง แต่ขืนบอกไปอย่างนั้นกูคงตายก่อนไอ้แม็คมันแน่ๆ

   “ทำไมมึงไม่ไปถามน้องเองเล่า” ถามกูเพื่อ สีข้างกูถลอกปอกเปิกจนเซียงกงอะไล่ยนต์ก็ไม่มีขายให้กูแล้วนะเว้ย

   “ถามแล้ว แต่ฟ้าไม่ยอมบอก”

   “...”

   “วันนี้ตื่นมาก็เอาแต่ร้องไห้ จนผมเริ่มสงสัยว่ามันมีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากล” น้องมึงทะเลากับผัวไงอย่าให้กูเซด

   “มึงคิดมากไปเองรึเปล่า น้องมึงอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ใช่ไม่มีอารั้ยยย อะไรเลย แค่เข้าใจผิดกันว่ามีพี่ชายอย่างมึงเป็นกิ๊ก เดี๋ยวพอรู้ก็คืนดีหายกันแล้ว ไม่ต้องคิดมาก

   “ผมว่าไม่ ผมสังหรณ์ใจแปลกๆ” ลางสังหรณ์มึงดีชะมัด ดีซะจนกูสะท้านไปถึงรูตรู๊สสสเลยครับ

   “...”

   “พี่ไทม์”

   “อะไร”

   “พี่ช่วยผมอย่างได้มั้ย” กูก็ชักสังหรณ์ใจแปลกๆบ้างแล้ว

   “...”

   “ช่วยสืบให้ทีว่าตอนนี้ฟ้ากำลังคบกับใครอยู่” ว่าความซวยกำลังจะมาตกที่กูนี่แหละคร้าบบบบบบบ


TBC
_________________________________________________________

หายไปฟุ้งซ่านมาสองสัปดาห์เต็ม 5555
ยังรอเค้าอยู่มั้ย รอนะ รอนะนะนะ

คุณ FeaRes รูเยิฟฟฟฟฟ เฉลยตึ่งโป๊ะ!! อ่านบทนี้จบเคลียร์ทุกอย่าง ไทม์ไม่ร้องแล้วน้า ห่วงใดไม่สู้เท่าห่วงไทม์(แทนไม่ได้กล่าวไว้) รอเค้าอยู่มั้ยยยยย

คุณ B52 เดาง่ายจัด555 เป็นนิยายง่ายๆเบาๆคลายสมอง(เหรอ)ค่ะ คอมเมนต์ที่สองต่อเนื่อง น้ำตาจิไหลลล ขอบคุณนะค้าาา

คุณเพียงเพื่อน แหะแหะ รู้ไต๋คนเขียนหมดเลย หลงมาอ่านนิยายเค้าด้วย ขอบคุณมากเลยนะคะสำหรับคอมเมนต์ รักน้าา

รักทุกคนเลยยยย
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่11:คำขอร้องจากพี่ชาย[15/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-10-2017 11:43:59
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}บทที่11:คำขอร้องจากพี่ชาย[15/10/2017]
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 15-10-2017 12:27:03
 :m20:
ของดีประจำคณะเศรษฐศาสตร์ พี่ไทม์ไงจะใครละ แทนถึงชอบมากินประจำ อ้าว ไม่ใช่เหรอ 55555

น้องแทนนน ร้ายกาจจจ แกล้งพี่เขาทำไมมม //ตีๆ
สู้ๆนะไทม์ งานเข้าก็ต้องทำใจ--- 55555555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่12:ความจริงเริ่มปรากฏ[23/10/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 23-10-2017 18:03:42
Will you be my family?{(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 12 ความจริงเริ่มปรากฏ




   “ไม่”

   “...” มึงไม่ต้องมาทำหน้าสงสัย

   “ธุระกงการก็ไม่ใช่ทำไมกูต้องทำด้วย”

   “ก็แค่คอยสังเกตเวลาน้องสาวผมมาเอง”

   “แล้วทำไมต้องเป็นกู”

   “พี่สะดวกที่สุดแล้ว”

   “ตรงไหนวะ”

   “พี่เป็นคนที่ผมรู้จัก”

   “มึงรู้จักกับกูคนเดียวเหรอทั้งชีวิตนี้”

   “พี่อยู่คณะเศรษฐศาสตร์”

   “...”

   “คณะที่น้องผมชอบมาบ่อยที่สุด”

   เถียงกับมันมาได้ครึ่งทางจนทำให้ผมได้รู้กับความจริงบางอย่าง

   ไม่อยากอวดว่าสมองดี แต่กับเรื่องแทนสุรบถผมจำได้หมดทุกรายละเอียดตั้งแต่มันก้าวเข้ามาในชีวิตด้วยยางลบก้อนกระจิ๊ดริดที่หยิบยื่นให้

   ไหนจะวันหลังสอบมิดเทอมที่ทำให้กลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้งด้วยค่าเหล้าพันห้ากับบทเรียนราคาแสนแพงว่าอย่าชวนใครไปเอา(ตังค์)บนห้องง่ายๆ

   รวมถึงการถูกเจ้าหนี้ตามมาทวงถึงที่โรงอาหารและการถูกลืมว่าเคยเป็นใครในความทรงจำ

   การได้รับประทานอาหารร่วมกันเป็นมื้อแรกแต่ผมเสือกแดกข้าวไม่ลงเพราะโดนคนทำร้ายจิตใจ

   กับฉากจูบใสใสที่แสดงให้พี่โชเห็นแต่เล่นทำผมไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

   ไหนจะหนังสืออิ๊งที่มันตื้อผมแทบเป็นแทบตายจนสุดท้ายก็ใจอ่อนยอมยกให้

   กับการช่วยเหลือคนเมาในร้านเหล้าพี่ดวกแล้วเสือกตื่นขึ้นมาทำหน้าเหมือนปลวกเสียพรหมจรรย์เล่นเอากูหวาดหวั่นไปถึงขาอ่อน

   ไหนจะเรื่องการช่วยเหลือครั้งล่าสุดของมันที่มีผลกระทบต่อจิตใจผมมากที่สุด

   แล้วกับเรื่องแค่นี้ทำไมไทม์ชลธีจะไม่เข้าใจล่ะ แต่แทนสุรบถมึงรู้มั้ยว่ากำลังทำให้ใครคนหนึ่งที่คิดเข้าข้างตัวเองอยู่ผิดหวัง เพราะคิดว่าการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นการเข้าหาอย่างบริสุทธิ์ใจ เจ็บสัดรัสเซียเลยว่ะ

   “ที่แท้ ที่มึงมาเข้าหากู ถามกูบ่อยๆว่าอยู่คณะไหนก็เพราะอย่างนี้เนี่ยนะ” ผมชี้หน้าแบบเสียมารยาทใส่มัน กะจะฟาดฟันกันให้ตายไปข้าง แต่ไม่ทันไรก็มีสัญญาณเหมือนบอกเวลาหมดยกแรกดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

   “ขอโทษนะคะ” เอาอีกแล้วแม่ง “คือ...ขอถ่ายรูปหน่อยได้มั้ยคะ” คิดว่าจะไม่มีอีกแล้วนะ ผมหัวเสียจนเกือบจะหันไปเหวี่ยงใส่แต่ทันทีที่ผมเห็นหน้าเธอ โอ้แม่เจ้าโว้ยยย

   หลังจากสงกรานต์ผ่านไปคราวนี้ก็ลอยกระทงเหรอ ชีวิตมันช่างเฟ็ดเฟ่อะไรอย่างนี้วะ หัวกระดงหัวกระไดไม่เคยแห้ง กูยกมามี่โป๊ะโกะให้มึงหนึ่งโหลไปเช็ดเลยเอา ผมมองเหยื่อรายล่าสุดที่กำลังจะโดนไอ้แทนสุดหล่อมันหักหน้าเป็นรายถัดไปอย่างนึกสงสาร สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักในชุดไปรเวทเธอจับโทรศัพท์ด้วยมือทั้งสองข้างท่าทางเกรงใจสุดชีวิต ละล้าละลังที่จะยกกล้องขึ้นมาเชะภาพคนหล่อในประวัติศาสตร์แต่ก็ยังใจกล้าที่จะเดินเข้ามาขอ

   น้องเข้ามาผิดจังหวะแล้วล่ะ ไอ้นี่มันไม่ยอมเซลฟี่กับใครง่ายๆ ดูอย่างคนสวยจะตายรายก่อนหน้านี้มันยังปฏิเสธอย่างไม่ใยดีเอาซะเลย แล้วกับแค่หน้าตาเหมือนเน็ตไอดอลครีมผิวขาวซิตร้าอย่างน้องมีหรือที่มันจะยอมให้ ผมเสมองไปเห็นริมฝีปากบางเฉียบที่เม้มเข้าหากันอย่างลำบากใจก่อนจะขยับปล่อยคำพูดทีน่าจะฆ่าแฟนคลับนางฟ้าของมันให้ตายคาที่ได้ออกมา

   “เออ...ขอโทษครับคือผมไม่...”

   “ปะ...เปล่าค่ะ” เธอขัดขึ้นมาได้ทันก่อนที่มันจะปฏิเสธ เล่นเอาผมกับไอ้แทนหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย

   “คือ...หมายถึงขอถ่ายพี่ไทม์กับแทนจะได้มั้ยคะ”

   เพล้ง!!

   รู้สึกเหมือนมีอะไรแตกดังเพล้ง!!

   อุ๊บ....ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า กูขำไปถึงชาติหน้าได้มั้ย อย่านึกว่ามึงหล่อคนเดียวแล้วคิดจะทำร้ายจิตใจสาวน้อยสาวใหญ่ใครต่อใครได้นะเว้ย กูไทม์ชลธีมีดีกรีเป็นถึงคนเกือบเดือนนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน หล่อสูสีคู่คี่กับมึงขนาดนี้มีเหรอคนไม่ขอถ่ายรูปได้ ฝันกลางวันว่ะ

   “ขำอะไร..พี่ไทม์” ปิดบังความรู้สึกอยากหัวเราะเยาะเสียเต็มประดาได้ไม่มิด ผมเลยนั่งกลั้นขำเหมือนปวดบิดอยู่นาน

   “เปล๊า ไม่ได้ขำ” โกหกเสร็จก็หันไปมองทางเด็กที่คาดว่าเป็นปีหนึ่งแล้วยื่นมือออกไปรับโทรศัพท์เธอมา “มา เดี๋ยวพี่ขอเซลฟี่กับมันหน่อย เก็บไว้เป็นที่ระทึก” ผมรีบย้ายก้นมานั่งข้างไอ้แทนอย่างไวว่องเบียดจนมันกระถดตัวหนีเบี่ยงตัวออกห่างหันหัวมามองทางผมอย่างหวาดๆ

   “ที่ระทึก?เนื่องในโอกาสอะไร?”

   “ก็เนื่องในโอกาสที่เขาไม่ได้ขอถ่ายมึงคนเดียวไง” ผมยิ้มกวนๆแล้วอ้อมมือไปข้างหลังคว้าไหล่มันที่ขืนตัวไว้ดึงให้กลับมาชิดตัวผม เสร็จแล้วก็บรรจงยกกล้องขึ้นมาหามุมดีดีมุมหล่อของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย

   “เอ้า ยิ้มสิครับ กลัวถ่ายออกมาแล้วผมราศีจับกว่าอย่างงั้นเหรอ” ฮ่าฮ่าฮ่าสะใจฉิบหาย ดูหน้ามันดิโคตรเหม็นเบื่อ ขนาดผมฉีกยิ้มจนแทบจะถึงรูหูแล้วมันยังไม่ยิ้มตอบกลับมาซักนิด เลยกระดกคิ้วยั่วโทสะไปอีกหนึ่งยกทำมันตาขวางใส่ผมสุดขั้ว “เอาน่าหยวนๆให้น้องเขาหน่อยเหอะมึง เอานะ หนึ่ง สอง...”

   ไม่ทันจะซั่มกันให้มันส์ถึงใจ มือใหญ่ๆก็เล่นไพล่มาจับท้ายทอยฉุดด้านข้างเข้าหาจนผมเสียสมดุลเซไปสัมผัสกับของนุ่มหยุ่นข้างแก้ม...

   เชะ!!

   เชี่ยกูมือลั่น!!

   ที่สำคัญคือภาพนั้นดันเป็นช็อตที่ทำให้ผมแทบล้มทั้งยืน...เออ ตูนั่งอยู่...ล้มทั้งนั่งก็ได้วะ เหยดเข้มึงทำไรกู๊!! ถามไปเหมือนคนโง่รู้อยู่ทนโท่ว่ามันหอมแก้มผม หนึ่งฟอดเต็มๆแถมน้ำลายหมายังเปื้อนข้างแก้ม

   “ทำห่าอะไรของมึงวะ!!”  ผมรีบหันหัวไปกะด่ามันให้เป็นหมันกันไปข้างแต่แล้ว...

   กูยอมเป็นหมันแทนก็ด้ายยยยยย มันยังไม่หันหน้ากลับไปครับ สาดดดดดดดดดด

   เชะเชะเชะเชะ!!

   เฮ้ยเสียงไรวะ กูไม่ได้กด!! พวกมึงมาถ่ายฟุตบอลพรีเมียร์ลีกข้างสนามหรือไงถึงต้องใช้สปีดซัตเตอร์ขนาดนั้น รัวยิ่งกว่าตอนที่ไอ้แทนโดนถ่ายเดี่ยวอีกครับคุณผู้โช้มมมม ดาราก็ไม่ใช่ถ่ายเอาไปทำซากอ้อยอะไรไม่ทราบ

   สติสตังตกอยู่ในภวังค์เพราะกูทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่มาคว้าเอาของที่อยู่ในมือผมไป

   น้องซิตร้าครับเธอเอามือถือกลับไปร่วมสมทบกับกองกำลังชุดใหญ่แชะใส่แบบก๊อกรั่ว กดแบบไม่กลัวไอโฟนจะเมมเต็มกันเลยทีเดียว กะเอาไปทำแกลลอรี่งานแสดงภาพถ่ายไทม์แทนคนแมนๆเตะบอลกันหรือเปล่าวะ เฮ้ยกูยังไม่อนุญาต เมิงหยุดดดดด

   “น้องพอแล้ว ถ่ายเอาไปทำไรเยอะแยะ”

   “เอาไปลงเพจค่ะ” เพจเหี้ยอะไร มึงดูหน้ากูก่อนว่าอนุญาตรึเปล่า แม่งวิ่งหนีไปเลยครับ อึ้งดิครับ อย่าคิดว่าผมจะกระโดดพรวดพราดวิ่งไปลากน้องซิตร้ามาตบหนึ่งฉาดแล้วเอามือถือกลับมา ผมไม่ทำครับ ไม่ใช่ว่าแมนหรืออะไร กูแค่อึ้งเลยยังลุกไม่ขึ้นทำอะไรไม่ถูก

   “หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ” เสียงข้างๆมันปรามาสผม

   “มึงนั่นแหละเล่นเหี้ยอะไรวะ” หอมแก้มกูเพื่อ!! กลืนท้ายประโยคลงคอไม่อยากตะโกนใส่เพราะอายชาวบ้านอีกหลายสิบชีวิตที่ยังนั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้น

   “ก็เขาอยากได้รูปคู่ผมกับพี่ เลยเซอร์วิสมุมดีๆให้”

   “ใจดีกับแฟนคลับจังนะมึง”

   “แล้วทำไมพี่ต้องโวยวายด้วย กลัวเสียคะแนนนิยมเหรอ”

   “กูไม่แคร์เว้ย” มึงนั่นแหละที่จะโดนดีเพราะแฟนคลับมึงมีเยอะกว่ากูไม่ต้องเดาก็รู้ แต่เสียใจว่ะฐานด้อมผมจะยังเหลือมั้ย ตอบให้กูสบายใจที

   “สรุปพี่จะช่วยผมมั้ย” เก่งฉกาจยิ่งกว่าใครก็คือไอ้แทนที่ยังวกกลับมาเรื่องเก่าได้ ทั้งที่จะเอาให้มันลืมๆไปไม่ต้องสนใจแล้วเชียว อารมณ์ที่อยากจะหาเรื่องมันต่อเล่นหดกลับเข้ากระดองเลยครับ

   “ไส้กรอกมึงเหี่ยวหมดแล้ว รีบๆกินดิ เดี๋ยวก็ไม่อร่อยกันพอดี” หน้าด้านไปเรื่องอื่นได้แบบไม่อายสายตาใคร กูไม่ฟัง ไม่แคร์ ไม่สน มึงอย่ามาบังคับกู

   “อย่าลืมบุญคุณที่ผมทำกับพี่ไว้นะ”

   “มีเรื่องอะไรบ้างมึงว่ามาดิ เรื่องยางลบเหรอ โอเคเดี๋ยวกูวิ่งไปซื้อมาใช้คืนให้ บอกมาว่ายี่ห้ออะไรรุ่นไหนราคาเท่าไร หรือเรื่องตังค์พันห้าเดี๋ยวกูขอเวลาไปถอนจากตู้แป๊บแล้วจะเอามาคืนกูสัญญา”

   “ผมช่วยไปส่งพี่เดย์ตั้งหลายครั้ง”

   “เรื่องนั้นเดี๋ยวกูให้เพื่อนมาชดใช้คืนมึงเอง”

   “ผมไม่เอาเพื่อนพี่ ผมจะเอาพี่”

   “...” บางตำรากล่าวกันว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลกแต่ตอนนี้ตื้อของมึงช่างโคตรกวนประสาทกูสิ้นดี

   “พี่ต้องสืบเรื่องฟ้าให้ผม” เข้าใจว่าอยากรู้เรื่องน้องฟ้า แต่กูไม่ต้องเสียเวลาไปสืบให้มึงด้วยซ้ำก็ในเมื่อกระดาษคำตอบมันอยู่ในมือมาตั้งนานแล้ว ถุยยย กูอยากได้เป็นข้อสอบในชีวิตจริงมากกว่าที่จะต้องมาเป็นข้อสอบเรื่องพลเทพอย่างนี้น่ะ

   “ถ้ามึงรู้ว่าใครเป็นแฟนน้องฟ้าแล้วมึงจะทำยังไง”

   “ผมจะให้มันเลิกยุ่งกับฟ้า”

   “หา?”

   “เพราะมันเป็นคนที่ทำให้ฟ้าร้องไห้” ใครสอนทฤษฎีนี้ให้มึง ทำให้ร้องไห้แล้วต้องเลิกกันอย่างนี้สำนักงานเขตไม่ต้องหัวปั่นทำใบสำคัญเรื่องการหย่าวันละหมื่นแสนล้านฉบับเลยเหรอวะ ขึ้นชื่อว่าคนรู้ใจมันไม่ใช่เอาแต่มานั่งหัวเราะยิ้มให้กันมีอารมณ์สุขไปวันๆเพียงอย่างเดียว มันต้องมีสุขมีทุกข์ฝ่าฟันกันไปอย่างนี้ถึงจะเรียกได้ว่าคู่ชีวิตที่แท้จริงเว้ย

   “เรื่องของคนสองคนมึงจะเข้าไปยุ่งทำไมวะ”

   “น้องผมยังไม่สมควรมีแฟน”

   “มึงเอาอะไรมาตัดสิน”

   “ความคิดฟ้ายังเด็กเกินไปที่จะมีความรัก”

   “มึงรู้ได้ไง”

   “ที่ฟ้าร้องไห้ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดผมเดาได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องเรียน เรื่องครอบครัว หรือเรื่องเพื่อน ผลการเรียนแกดีมาตลอด ไม่มีปัญหาเรื่องครอบครัว หรือเรื่องโดนเพื่อนแกล้ง”

   “โหยนี่มึงตามสืบเรื่องน้องมึงได้ขนาดนี้ทำไมไม่ทำเองล่ะวะ”

   “ก็มีเรื่องเดียวที่ผมยังสืบไม่ได้ เหมือนฟ้าพยายามปิดผมอยู่ ขนาดเพื่อนสนิทยังไม่รู้เรื่องนี้เลย”

   “...”

   “พี่ไม่ต้องคิดอะไรมากแค่ทำตามที่ผมบอก ถ้าพี่สืบให้ ผมจะยอมเป็นไม้กันหมา กันพี่โชออกไปจากชีวิตพี่” เงื่อนไขมันดีเหมือนยิงหนังสติ๊กทีได้นกสามตัว ตัวหนึ่งคือไล่สิ่งน่ารำคาญออกจากชีวิต ตัวที่สองคือได้ใกล้ชิดไอ้แทน ตัวที่สามคือกูกำลังจะเป็นตัวจุดชนวนให้เพื่อนเลิกกับแฟน มันดีตรงไหนวะ!! ผมลุกขึ้นพรวดมองมันด้วยสายตาจริงจังอย่างไม่เคยทำมาก่อน

   “ไอ้แทนกูไม่อยากจะทำแบบนี้หรอกนะ” มึงเป็นคนบีบบังคับให้กูต้องทำ ผมกำมือถือกับสายเป้ไว้มั่นกัดฟันพูด ส่วนไอ้แทนมันก็ขมวดคิ้วมุ่นใส่ผมงุนงงกับประโยคที่กล่าวขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย

   “จงจำไว้ว่ามึงเป็นคนบังคัญกูเอง!!” ตะโกนใส่แสกหน้าแล้วก็เผ่นเกียร์หมาดิครับ!! ผมโกยอ้าวแบบไม่คิดชีวิตออกจากร้านมายังริมถนนกระโดดขึ้นบนทางเดินผันตัวเองเป็นนักกีฬาลมกรดวิ่งฉิวไปตามฟุตบาท เออ ยอมรับก็ได้ว่ากูหนี!! กูไม่อยากทำตัวแบบนี้แต่มึงอ่ะตัวดีที่บังคับกู พอพอ ผมจะหนีหน้าจากไอ้แทนให้มันตามตัวไม่เจอเพราะกูไม่ได้ทิ้งรองเท้าซินเดอเรลล่าไว้ ไม่ได้ปล่อยฟีโรโมนให้หมามันตามกลิ่นได้ ไม่ได้ไอฟิลเดอะซันชายวิ่งในหลั่นล้าในทุ่งดอกลาเวนเดอร์จนมันตามมาทัน ผมโคตรมั่นใจในฝีเท้าตัวเอง วันนี้คือฝันร้าย พรุ่งนี้พอตื่นขึ้นมาก็จะเจอกับสภาพที่ว่าน้องฟ้าไม่ได้ทะเลาะกับไอ้แม็ค ไอ้แทนยังไม่รู้ว่าน้องสาวมีแฟน และผมที่ไม่รับรู้ว่าไอ้แทนคือเจ้าของยางลบก้อนนั้น กู๊ดไนท์เอเวอรี่บอดี้ สวีทดรีม




   นอนอืดคาห้องมาเกือบครึ่งค่อนวัน ความรู้สึกโคตรเหมือนสายลับที่กำลังโดนตามล่ากรอกยาเพื่อล้างสมอง จนต้องระหกระเหเร่ร่อนมาแอบซ่อนในห้องประจำหอประตูเอกตึกแปด มีอะไรที่ทำได้นอกเหนือจากหายใจให้หมดไปวันๆอีกมั้ยครับเนี่ย เบื่อโคตร มือถือก็เปิดไม่ได้เพราะไอ้แทนมันรู้เบอร์ จะออกไปข้างนอกก็กลัวจะไปเจอใครดักตีหัวข้างทาง จากนี้ไปผมต้องใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อนไปวันๆเหรอเนี่ย ตราบใดที่ไอ้แทนมันยังเรียนอยู่มหาลัยนี้ และตราบใดที่น้องฟ้ายังเป็นแฟนไอ้แม็ค

   เห็นทีนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้ต่อไปคงไม่ได้ ผมรีบลุกพรวดไปตรงหน้ากระดานไวท์บอร์ดเล็กๆที่ติดเมมโมกันลืมไว้เต็มเอี้ยด กวาดแม็กเนทออกไปให้พ้นทางแล้วเริ่มสร้างยุทธศาสตร์ในการรบ

   ทางเลี่ยงที่หนึ่ง....เลิกคบกับไอ้แม็ค ในเมื่อมันเป็นแฟนน้องฟ้า ตัดมันที่ต้นเหตุรับรองได้ผล แต่แม่งเพื่อนผมทั้งคนให้กูเลิกคบด้วยเหตุผลอะไรวะ ไม่ๆข้อนี้ตกไป

   ทางเลี่ยงที่สอง...ย้ายมหาลัยเรียนแม่งเลย แต่ให้ซิ่วกับเรื่องขี้ปะติ๋วที่ไม่เกี่ยวกับกูเลยเนี่ยนะ อนาคตทั้งชีวิต แถมคณะนี้กว่าจะแอดมิชชั่นมาได้กูไม่ซิ่วไปตายให้โง่หรอก

   ทางเลี่ยงที่สาม...ซุนวูปราชญ์แห่งพิชัยยุทธ์ได้กล่าวไว้ รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ตามสืบเรื่องไอ้แทนให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยว่าเรียนที่ไหนเวลาอะไรแล้วเลี่ยงซะก็สิ้นเรื่อง เออข้อนี้เจ๋งแฮะ แต่ผมจะไปหาตารางเรียนมันจากไหนวะ

   ว่าแล้วผมก็ตัดใจเปิดมือถือ แค่นั้นแหละเสียงแจ้งเตือนแม่งเด้งเข้ามาราวกับห่าพายุ ทั้งไลน์ อินสตาแกรม เฟสบุ๊ค แมสเสจ มิสคอลรวมแล้วกว่าร้อยรายการ นี่มันบ้าบออะไรวะ ปกติผมไม่ค่อยเล่นโซเซียลแต่ไหงทำไมปิดมือถือแค่วันเดียวเสือกมีอะไรต่อมิอะไรเข้ามาเยอะแยะขนาดนี้ ในนั้นสิ่งที่ผมเดาได้คือมิสคอลจากไอ้แทนที่กำลังตามล่าผม กับไอ้เดย์ที่คงงงว่าผมโดดเรียนไปไหนตั้งสองวันเต็ม แต่ไอ้อินสตาแกรมเนี่ยดิมันอะไร ว่าแล้วก็จิ้มเข้าไปดูให้หายสงสัย โดยหารู้ไม่ว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิด เพราะทันทีที่ภาพของใครบางคนปรากฏสู่สายตาก็เล่นเอาผมสมองชาไปครึ่งซีก

   เชี่ย!! โดนเล่นเข้าให้แล้วไง มุมกล้องโคตรทำเข้าใจผิดสัดๆ มันเป็นภาพเมื่อวานตอนที่ผมหันหน้าเข้าหาไอ้แทนแต่เป็นการถ่ายจากมุมที่ดูยังไงปากผมกับมันก็กำลังประกบกันอยู่!!

   ใต้ข้อความเป็นคำสั้นๆง่ายๆที่เล่นเอากูตายไปถึงชาติหน้า

   ‘ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนน’ ฟินหอยหลอดดิ!! อย่าถามหาคอมเมนต์นะครับไม่ขออ่าน แต่ต่อให้อยากมองผ่านขนาดไหนสายตาก็ต้องไปสะดุดกับคอมเมนต์ที่ยอดไลค์เยอะกว่าชาวบ้านที่มันไม่โดนซ่อนอยู่ใน วิวออลร้อยกว่าคอมเมนต์

   Sky of Tan เอาภาพมาลงแบบนี้ อีกคนโกรธจนหนีหน้าผมไปแล้ว ใครก็ได้ตามตัวให้ทีครับ

   เหยดเข้ กูยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าชาวบ้านเขาเอารูปนี้มาลง อย่ามาเหมาว่ากูหนีเพราะโกรธ แต่กูหนีก็เพราะไม่อยากไปยุ่งเรื่องน้องสาวมึงให้มันวุ่นวายหัวใจต่างหาก อยากพิมพ์โต้กลับไปโคตรๆแต่กลัวไอ้แทนมันไหวตัวทันรู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ งานนี้ผมเลยลงทุนสร้างแอคเคาท์อินสตาแกรมขึ้นมาใหม่แล้วกดหัวใจให้ภาพนั้นก่อนรัวนิ้วพิมพ์คอมเมนต์ตามลงไปทันทีโดยไม่ลืมที่จะแท็คไอ้เชี่ยแทน

   Sea of sky @Sky of Tan ขอตารางเรียนหน่อยค่ะ จะได้พาคนไปส่งถูก

   ตอแหลสุดในพ.ศ.นี้ก็กูเนี่ยแหละครับ ปลอมตัวเป็นแฟนคลับหลอกขอตารางเรียน ถ้ามันเชื่อก็ดีไปแต่ถ้าไม่ก็ค่อยหาวิธีใหม่เอา ผมนั่งจ้องหน้าจออยู่นานสองนานหวังว่าจะมีไอ้ตัวดีมาตอบแต่จนแล้วจนรอดกลับมีแค่ความเคลื่อนไหวของคนกดไลค์กับคอมเมนต์ที่เพิ่มเติมเลยตัดใจโยนมือถือลงเตียงแล้วนอนคว่ำหน้าเกลือกกลิ้งอย่างเก่า

   ไหนจะกระแสโซเซียล ไหนจะสิ่งที่ไอ้แทนมันทำเพื่อกระพื่อข่าวให้แฟนคลับมันคลั่งตายอีก อย่างนี้ต่อให้ไปไหนก็ไม่รอดต้องโดนจับตามองอย่างแน่นอน

   “ดรอปเรียนแม่งเลยดีมั้ยวะ” หาข้ออ้างเพราะความขี้เกียจเป็นหลัก แต่ไม่นานนักเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้นอีกรอบให้ผมต้องกระเด้งตัวหยิบมือถือขึ้นมาดูแทบจะในทันที

   Sky of Tan @Sea and Sky #ตารางเรียนแทนสุรบถวิศวะอุตฯ

   เหยดครกมันให้จริงๆ!! เปิดเผยราวกับคนของประชาชน อย่างนี้ไม่มีคนไปดักรอมันนรกแตกเหรอครับ ชักเป็นห่วง พอจิ้มเข้าไปก็เจอกับภาพอาร์ตๆที่ใช้ปากกาสีขาววาดลงบนกระดาษสีดำเป็นตัวการ์ตูนหัวโตๆที่หน้าตาเหมือนมันโคตรๆพร้อมกับประโยคในกล่องคำพูดรูปก้อนเมฆเป็นข้อความตัวใหญ่ๆว่า

   ‘ผมไม่มีหนังสือเรียนอิ๊งมาหนึ่งคาบแล้วนะ โปรดขอฉันขอฉันเถอะนะ พี่ไทม์’

   เฟี่ยยยยยยยยยยยยยยยยย เป็นห่วงเก้อ ไม่ใช่ตารางเรียนแต่เป็นคำทวงหนังสือเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐานสามที่ผมยังไม่ได้ให้มัน!! สัดดดดด

   Sea and Sky @Sky of Tan มึงก็ไปซื้อมาเรียนเองดิวะ อย่ามาพึ่งพากู
   Sky of Tan @Sea and Sky พี่สัญญาแล้วว่าจะให้ผม
   Sea and Sky @Sky of Tan กูเปลี่ยนใจไม่ให้แล้วโว้ยยย
   Sky of Tan @Sea and Sky เป็นรุ่นพี่พูดโกหก เป็นตัวอย่างไม่ดีให้แก่รุ่นน้องนะครับ
   Sea and Sky @Sky of Tan อย่างมึงกูไม่นับว่าเป็นรุ่นน้อง
   Bell Meaw Meaw อร๊ายยยยที่แท้ก็พี่ไทม์ปลอมตัวมาาาา
   Y w Y เถียงกันงุ้งงิ้งกระดิ่งแมว น่ารักอะไรขนาดนี้ หนูฟินนนนนนนนนนนนนนน


   ฉิบหาย กูลืมตัววววว


   เหี้ย ห่า เหว แล้วกูจะสร้างแอคเคาท์ใหม่มาทำเพื่อ!! ออกจากอินสตาแกรมที่กำลังจะกลายเป็นอินสตากรรมด่วน!! ผมถอยออกจากแอพนี้ไปจิ้มแอพอื่นที่มีแจ้งเตือนเพียงเพื่ออยากหลุดพ้นจากความเป็นจริง อยากทิ้งเรื่องตรงหน้าไว้ก่อน แอพเครื่องหมายคำพูดฟ้าผ่าติดแจ้งเตือนขึ้นมาหนึ่งรายการให้ผมต้องจรดนิ้วจิ้มเข้าไปดู ข้อความในนั้นทำเอาฉงนไปหลายตลบ


   ‘ไทม์กูฝากฟ้าด้วย’
   ข้อความจากไอ้แม็ค....
   

   มันฝากเมียไว้กับกูอย่างกับฝากบ้านไว้กับตำรวจ หยุดยาวสงกรานต์ไปเที่ยวไหนหรือครับไอ้คุณชายแม็ค ถึงได้ส่งข้อความชวนสะท้านตับให้ใจหวั่นๆได้ขนาดนี้ ความคิดผมเร็วรี่รีบพิมพ์ตอบกลับมันไปทันที

   ‘ไม่รับฝากเว้ย เมียใครก็ดูแลเองดิวะ’

   กดปิดมือถือแล้วหงายตัวมองเพดานต่อ อยากให้โลกนี้กลับไปช่วงที่ไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์คให้คนติดต่อกันได้แค่โทรศัพท์สาธารณะ กับเบอร์บ้าน ผมจะได้ไม่ต้องมาคิดฟุ้งซ่านยามที่มีสิ่งต่างๆรอบกายมากระทบได้ง่ายขนาดนี้






   Rrrrrrrrr

   เสียงเรียกเข้าเล่นเอาสะดุ้งตื่นจากฝันหวาน ที่ผมกำลังเห็นภาพตัวเองเรียนจบรับปริญญาแล้วลงเอยกับแฟนที่คบกันมากว่าสี่ปี พอตื่นมาพบความจริงว่าตัวเองลืมปิดมือถือก็ทำให้ผมถึงกับปวดขมับกลัวว่าไอ้คนที่โทรเข้ามาจะเป็นเจ้าตัวปัญหาในใจผม แต่ผิดคาดหน้าจอกลับดันโชว์ชื่อไอ้เดย์อยู่

   “ไงมึง”

   [ไอ้สัดไทม์ ในที่สุดก็รับซะทีนะเว้ย มึงแม่งหายหัวไปไหนมาวะ กูตามหาให้วุ่น]

   “ก็นอนโดดเรียนอยู่ห้องกูตามปกติแหละวะ วันนี้มึงมีปัญหาอะไรถึงต้องตามหาตัวกูให้วุ่น ปกติกูโดดเรียนวันสองวันมึงยังไม่เห็นเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้เลย”

   [ก็มึงแม่งเล่นไม่ติดต่อมาเลย] เออจริงของมัน อย่างน้อยต่อให้ผมโดดเรียนแบบเหมือนหายไปตายที่ไหนยังไงก็จะต้องมีไลน์หรือส่งข้อความไว้ให้มันรู้

   “โทษที กูลืม”

   [พอพอกับไอ้เชี่ยแม็คเลย]

   “ฮะ? มึงว่าไงนะ อย่าบอกนะว่าไอ้แม็คมันก็โดดเรียนเหมือนกู”

   [เออดิวะ กูแม่งนั่งเรียนคนเดียวในห้องติดกันมาสองวันแล้ว พวกมึงแม่งโดดก็ไม่ชวน] รักเรียนสัดเลยเพื่อนกู

   “มันไม่ได้ส่งข้อความไปบอกมึงเหรอ”

   [เปล่า ก็เหมือนมึงแหละ ตอนแรกนึกว่าพวกมึงรวมหัวกันไปเที่ยวต่างจังหวัด ตั้งทริปคนอกหักกันเงียบๆสองคนแบบไม่ชวนกูด้วยซ้ำ โคตรน้อยใจ]

   “มึงว่าใครอกหักวะ”

   [อ้าวก็มึงกับไอ้แม็คไง]

   “ถ้าไอ้แม็คกูพอเข้าใจ เพราะมันพึ่งทะเลาะกับน้องฟ้ามา แต่ถ้าเป็นกู กูไม่เก็ทเว้ย”

   [มึงก็อกหักจากไอ้แทนไงเล่า ภาพมันคาตาขนาดนั้นแล้วทำไมมึงยังไม่เชื่ออีก]

   “ภาพอะไรของมึง”

   [อ้าวสรุปแล้วมึงไม่ได้หยุดไปเพราะอกหักช้ำรักจนมาเรียนไม่ได้เหรอวะ]

   “กูเปล่า กูแค่ไม่สบายแล้วลาเฉยๆ”

   [เชี่ยแล้ว อย่างนี้มึงก็ยังไม่รู้ดิวะ สัดกูพูดไปทำไมวะเนี่ย]

   “เรื่องอะไรมึงเล่ามาเลยนะ”

   [เปล่าๆ]

   “เล่ามาดิวะ ไอ้เดย์”

   [มึงไม่ต้องรู้หรอก]

   “มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่าวะ”

   [...]

   “ถ้าใช่มึงเล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้เลย”

   [เออก็ได้ แต่มึงต้องทำใจนะ]

   “เรื่องอะไรร้ายแรงขนาดต้องให้กูทำใจเลยเหรอวะ”

   [ก็ใช่ดิ ก็เรื่องไอ้แทนคนที่มึงแอบปลื้มไง] กูไม่ได้ปลื้มมันเว้ย ขอแก้ข่าว

   “แล้วเกี่ยวอะไรกับไอ้แทนวะ”

   [ก็มันน่ะดิที่เล่นชู้กับน้องฟ้า] อ้าวข่าวเก่า มึงยังเอามาเล่าอีกเหรอ

   “เรื่องนี้มันเข้าใจผิดกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”

   [ตอนแรกกูก็คิดว่าเข้าใจผิด ที่ไหนได้วันก่อนที่มึงนั่งปลอบน้องฟ้าแล้วให้กูไปตามหาไอ้แม็ค แม่งเสือกเจอดีเข้าให้]

   “เจออะไรของมึง” วันนั้นกูก็เกือบเจอดี เจอไอ้พี่โชมันจะจับทำเมียเล่นเอาเกือบตายถ้าไม่มีไอ้แทนมาช่วยป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง แต่ไม่บอกไอ้เดย์ไว้เป็นดีเดี๋ยวจะเป็นห่วงซะเปล่าๆแล้วจะมาต่อความยาวสาวความยืดกับผมว่าทำไมพี่โชมันถึงกล้ารีเทิร์นมาแหยมอิทธพลของเสี่ยอู๊ดได้อีก

   [เจอไอ้แทนมันมาส่งน้องฟ้าที่คอนโดน้องเขาแล้วเข้าไปในห้องไม่ออกมาตลอดทั้งคืน] จากคำบอกเล่าของไอ้เดย์ผมไล่ไปถึงเหตุการณ์ตอนคืนนั้น ถ้าให้เดาไอ้แทนคงมาหย่อนผมที่ห้องมันก่อนหันไปส่งน้องฟ้าที่เมามายจนเกือบไม่ได้สติ แต่ไอ้แทนมันก็พี่ชายไม่เห็นจะน่าตกใจตรงไหน เออผมลืมไปว่าไอ้เดย์กับไอ้แม็คมันยังไม่รู้

   “มึงอย่าบอกนะว่าตอนนั้นไอ้แม็คก็อยู่ด้วย”

   [ก็ใช่อ่ะดิ ตอนนั้นที่กูวิ่งไปตามหามัน พอเจอมันก็เอาแต่บ่นสำนึกผิดว่าไม่น่าตวาดใส่น้องฟ้าอย่างนั้น หัวเสียใส่ตัวเองจนกูต้องปลอบมันว่ายังไม่สายถ้ารีบไปขอโทษ พอเป็นอย่างนั้นมันก็รีบบึ่งไปหาน้องฟ้าถึงคอนโดลากกูไปช่วยเป็นกำลังใจให้ แต่ที่ไหนได้ตอนกำลังจะลงจากรถขึ้นตึกเสือกเห็นไอ้แทนประคองน้องฟ้าเดินกันมา กูกับไอ้แม็คหลบแทบไม่ทัน พอมันขึ้นตึกไปแค่นั้นแหละไอ้แม็คถึงขั้นพูดไม่ออก กูก็ได้แต่มองโลกในแง่ดีว่าอาจจะเป็นแค่คนรู้จักมาส่งเพราะมันมืดแล้ว แต่รอแล้วรอเล่าแม่งก็ไม่เสือกลงมา ทิ้งรถตากน้ำค้างไว้ถึงเช้า ทำเอากูตาโหลนอนรอในรถจนสว่าง เชี่ยสัดเลย] นี่มึงโมโหเพราะนอนไม่พอใช่มั้ยไอ้เดย์

   “แล้วไอ้แม็คมันว่าไงบ้าง”

   [มันนิ่ง เหมือนคนไม่มีความรู้สึก กูโคตรห่วงมัน เลยนั่งอยู่เป็นเพื่อนพักใหญ่จนแยกย้ายกลับหออาบน้ำไปเรียน แล้วสุดท้ายมันก็ไม่มา] สมควรแล้วถ้าแม็คมันไม่รู้ว่าแทนเป็นพี่น้องฟ้าก็ต้องช็อคเป็นธรรมดาแหละวะ

   “เดี๋ยวกูโทรหามัน”

   [นี่มึงไม่ช็อคเลยเหรอวะ อกหักไรเงี่ย อีกฝ่ายที่กำลังคั่วกับน้องฟ้าคือไอ้แทนที่มึงปลื้มเลยนะ]

   “สัดกูไม่ได้ปลื้มมันเลิกพูดได้แล้ว แล้วกูจะช็อคไปเพื่ออะไร”

   [อ้าวที่เพ้อมาปีกว่า แถมเก็บซากยางลบไว้นี่หมายความว่ามึงไม่ได้คิดอะไรเหรอวะ]

   “คิดดิ” คิดอยากตอบแทนบุญคุณเท่านั้นเอง

   [คิดแล้วทำไมตอบอะไรโคตรย้อนแยง นี่มึงปกติดีรึเปล่าเนี่ย]

   “ปกติสมบูรณ์ดีทุกอย่างเว้ย”

   [ถ้าปกติมึงก็ต้องชอบไอ้แทนดิวะ]

   “เออกูชอ...” สะกิดใจแป๊บ เหยยยยยยยยยยยยยยยยยนี่กูกำลังจะพูดอะไรออกไปวะ เรื่องนี้ต้องปฏิเสธกูไปตอบเยสมันทำไม “สัด!!ชอบที่ไหนล่ะมึง กูแค่จะบอกว่าที่กูไม่ช็อคเพราะกูรู้ว่าอะไรเป็นอะไร”

   [อะไรเป็นอะไร  เชี่ยอะไรของมึงวะ มึงก็รู้ว่าสมองกูมีน้อยช่วยพูดง่ายๆให้เข้าใจทีได้มั้ยไอ้ไทม์] เออ...เดี๋ยวกูจัดให้เนื้อๆเน้นๆไม่เอาน้ำ

   “กูรู้ว่าไอ้แทนมันเป็นพี่ชายน้องฟ้าไง”

   [...]

   “...”

   [ไอ้แทน? พี่ชายน้องฟ้า?]

   “เออดิ คลานตามกันมา เพื่อนไอ้แทนเป็นพยานได้”

   [เหยดดดดดดดดด ไอ้แม็คแม่งซึมเก้อแล้ว]

   “เออดิ กูถึงต้องรีบโทรไปหามัน เอายาแนวไปให้ไง”

   [ยาแนว? เอาไปให้มันทำไม]

   “แก้ซึม”

   [สัด]


   มาถึงจุดนี้ผมยังมีอารมณ์ขัน แต่ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าชีวิตมันไม่ง่ายเลย

TBC
+++++++++++++++++++++++++++

ช่วงนี้เหมือนใช้ภาษาฟุ่มเฟือย
ให้คนอ่านช่วยติชมหน่อยนะคะ
อ่านตรงไหนสะดุดใจ ไม่ว่าเรื่องเล็กกระจ้อยร่อยยังไง คอมเมนต์กันมาได้นะ
คนเขียนไม่กัดแน่นอน
หรืออ่านแล้วฟิน(แบบคนเขียน) อ่านแล้วชอบใครเกลียดใครในเรื่องก็ว่ากันมาได้
แค่คอมเมนต์มาน้ำตาก็ไหลแล้ว 555
ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึง ตอน12 ค่ะ
รักนะ จุ๊บๆ

คุณmild-dy ให้มาหนึ่งคืนไปสิบ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

คุณFeaRes ของดีขาวเนียนน่าหอมม๊วฟๆ แทนถือคติแกล้งไทม์วันละนิดจิตแจ่มใสค่ะ พระเอกเราเป็นคนเปิดเผย?แต่ปิดบังกับบ้างเรื่อง 555 คนที่ความลับช่างดูมีสเน่ห์ (เหรออออออ) ขอบคุณที่อยู่กันมาตั้งแต่ตอนแรกนะคะ เป็นกำลังใจสำคัญที่ดีเยี่ยม ขอบคุณจริงๆค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่12:ความจริงเริ่มปรากฏ[23/10/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 23-10-2017 19:53:51
เกิดเป็นไทม์ คนนึงก็คนที่ชอ--- แค่ก อีกคนก็เพื่อน อืมมมม
แทนไม่บังคับพี่เขาดิ พี่เขาลำบากใจอยู่นะเห็นม่ะ //ตี
ไทม์ล่องหนเลย แทนจะได้หาไม่เจอ 5555555555

รีบๆบอกแม็คนะ จะได้ไม่ซึม โอ๋ๆเพื่อนเร็วววว
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่13:ความรักทำให้คนตาบอด[5/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 05-11-2017 22:44:57
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่13 ความรักทำให้คนตาบอด



   [หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...]


   ไอ้สัดเปิดเครื่องซักทีดิวะ

   เชื่อเปล่าว่าผมกดโทรหามันเป็นครั้งที่สี่สิบสี่ ถ้าคิดหารเฉลี่ยสองวันหรรษาก็ปาไปวันละยี่สิบสองครั้ง สองวันมีสี่สิบแปดชั่วโมง หากนับจากตอนที่วางสายไอ้เดย์มาจนถึงตอนนี้สี่โมงเย็นของวันใหม่ ตกเหนาะๆปาไปชั่วโมงละสี่ครั้ง กับแฟนคนแรกกูทุ่มเททำให้ขนาดนี้มั้ย...ตอบเลยว่าไม่

   ที่ทำไปทั้งหมดบอกตามตรงว่ารู้สึกผิด ผิดที่ตนเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้องฟ้ากับไอ้แม็คระหองระแหงกัน แค่กูบอกว่าน้องฟ้าน่าจะรู้อยู่แก่ใจก็ไม่ได้หมายความให้ไปมีกิ๊ก ส่วนที่กูลากไอ้แทนเข้ามาสนิทก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้ชีวิตรักมึงล่มจม

   บอกทีนี่ท่านเทพยดาบนฟ้ากำลังแกล้งผมอยู่ใช่มั้ย ที่ทำให้ความบังเอิญต่างๆมันประดังประเดเข้ามา จนดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลง ใครมันสั่งให้พี่โชโผล่มาเอาน้องไปตอนนั้น ใครมันสั่งให้ไอ้แม็คดันไปเห็นภาพชวนเข้าใจผิด แล้วใครมันเป็นคนคิดให้ไอ้แทนมาช่วยน้องฟ้า...ตอบได้คำเดียวว่า...กูเอง

   ปีนี้ปีชงของผมสินะ...ร้องไห้แป๊บ

   แต่ก่อนร้องไห้ผมควรหาอะไรมาทำลายความทรมานและวูบโหวงในท้องนี้ก่อนมั้ย

   “หิว” ถึงขั้นต้องเอาน้ำลูบท้อง แต่ออกไปไหนไม่ได้ไง ชะตากรรมตอนนี้เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย อ่านใจไอ้แทนสุดหล่อพี่น้องฟ้าไม่ออกว่ามันจะรวมพลคนไอจีแฟนคลับเส็งเคร็ง เบลเหมียวเหมียว วายวิววาย ของมันมาดักตีหัวผมถึงหน้าห้อง แล้วลากไปบูชายัญที่หอตึกสองเลยรึเปล่า จินตการสำคัญกว่าความรู้ เพราะความคิดกูตอนนี้เท่าหางอึ่ง ผมเลยได้แต่นอนนิ่งๆซึ้งๆ เล่นมิวสิกวีดิโอปล่อยให้ฉันตายลงอยู่ตรงนี้ โดยไม่มีข้าวตกถึงท้องไปเรื่อยๆ แต่...

   “ฮ่วย!!! ปากท้องสำคัญกว่าจินตการเว้ย!!” จะเอาอะไรกับคนอย่างผมวะ ถ้าไอ้แทนมันฉลาดพอป่านนี้มันคงไปหาคนใหม่เพื่อจะไต่สู่ฝันที่มันต้องการแล้ว กับคนที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร มีหน้าที่แค่ใช้กรุยทางไปสู่ความจริงมันคงไม่ยอมนิ่งทนรอให้ผมออกมาจากถ้ำหรอก...

   ในที่สุดผมก็ตัดสินใจขยับตัว หยิบกระเป๋าตังค์และออกไปหาของกินตามเรื่องตามราว

   เสาร์อาทิตย์ชีวิตโคตรเฟ็ดเฟ่...









   เด็กดีในวันนี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันหน้า คติพจน์ประจำใจตั้งแต่สมัยอยู่ในท้องแม่ แล้วที่แน่ๆกูคงเผลอลืมทิ้งไว้ตรงนั้น เพราะวันๆได้แต่ติดเหล้าเคล้านารีชอบดูหนังเอวีทุกๆสุดสัปดาห์ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่กล้าพอที่จะโดดเรียนต่อเนื่องมันถึงสามวันได้หรอก เพราะจุดประสงค์อย่างแรกคือไปหาไอ้เชี่ยแม็ค อย่างที่สองคือเอาเปอร์เซ็นต์เข้าเรียนเพียรให้ผ่านไปถึงเทอมสอง...เห็นมั้ยล่ะ ผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคตฝุดๆ...

   พอเข้ามาถึงโซนคณะ ผมก็ก้าวขาฉับเข้าตึกแล้วมานั่งหมกตัวอยู่ในห้องเรียนคาบแรกทันที นับจากวันที่พี่โชเข้ามาวนเวียนในชีวิตอีกครั้ง ผมก็ไม่เคยเดินเข้าใต้ถุนคณะอีกเลย ห่างไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่มีเรื่องมีราวผมเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องเลยถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ป่านนี้พี่โชจะเป็นยังไง จะไปหาเรื่องเอาความกับใครที่ไหน ผมไม่รู้เรื่องเลยซักนิด หากทุกอย่างมันผ่านไปโดยไม่มีอะไร ก็นับเป็นโชคดี ผมจะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ทำความตั้งใจจากนี้ให้เป็นจริง ความตั้งใจที่ว่าจะตัดขาดจากพี่โช น้องฟ้า รวมถึงพี่ชายเธอ...ไอ้แทน

   “เชี่ย!!” นั่งคิดอะไรเพลินจนลืมสังเกตว่าใครแอบย่องมาข้างหลัง ทันทีที่อีกร่างหนึ่งวิ่งพุ่งเข้ามาโอบรัดตัวเสียแน่น ใจแม่งแทบร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เสียงอุทานไร้ความสุภาพทำเอาเด็กนักเรียนในห้องที่นั่งอยู่ก่อนหันมามองทางนี้เป็นตาเดียว พอเสร็จก็ทำท่าซุบซิบนินทาราวกับเห็นตัวประหลาด ทั้งที่ผมตกใจยังไม่กล้าหันไปมองว่าผู้ได๋มันทำกู ความระอุข้างแก้มกลับทำให้รับรู้ถึงเค้าแววของใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้ ลมหายใจเบาๆถูกเป่าใส่ใบหูจนผมขนลุกซู่อีกครั้ง

   “เสียวเหรอมึง เดี๋ยวนี้อ่อนไหวโคตรนะ” ทันทีที่ได้ยินเสียง แทบไม่ต้องคิด ผมใช้แรงสองมือผลักมันแล้วเขกกำปั้นเข้าไปที่กบาลแบบไม่ออมแรง “โอ๊ยยย”

   “เล่นบ้าอะไรของมึงวะ ไอ้เดย์”

   “โธ่...ก็กูคิดถึงมึงอ่ะ ช่วยไม่ได้นี่” มันช้อนตา ทำปากงอนเป็นเป็ด ลูบหัวที่โนป้อยๆ

   “ไปกอดคู่ขามึงไป ไม่ต้องมายุ่งกับกู”

   “คู่ขา?” มันทำท่าคิด “อ้อ...รายนั้นกูวิ่งไล่กอดมันประจำอยู่แล้วไม่ต้องห่วง” เสียงหัวเราะห้าวหาญราวกับสร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ได้

   “สัด มีที่สนองตัณหาแล้วก็อย่ามาระรานกู” คู่ขามึงใช่คนเดียวกับที่กูคิดรึเปล่าวะ ชักไม่แน่ใจ

   “ใช่ซี่ กูมันก็แค่อดีต พอมีไอ้แทนแล้วมึงก็เฉดหัวกูทิ้ง”

   “กูไม่ได้เป็นอะไรกับมัน อย่ามาสร้างกระแส” แค่นั้นแหละมันหรี่ตามองมาทันที

   “ไอ้ไทม์มึงอย่าคิดว่ากูโง่...กูรู้ กูเห็น แต่กูเลือกที่จะเงียบ ไม่กดไลค์ กดแชร์ กดสับตะไคร้ แต่ถ้ามึงยังไม่บอกกูตรงๆ กูจะแฉมันตรงนี้แหละว่ากูเห็นภาพในไอจีที่เขาแท็กมึงหมดแล้ว”

   “เชี่ยเดย์!!” มึงเสียงดังไปแล้วไอ้สิบแปดหลอดดดดด

   “จูบกันนัวเนียขนาดนั้นบอกไม่เป็นอะไร ควายถึงจะเชื่อ” มึงแหละไอ้ควายยยยยย มองไปได้ว่ากูมีอะไรกับมัน มุมกล้องเปล่าวะสัด “พวกมึงพัฒนาไปถึงขั้นนั้นตั้งแต่เมื่อไรวะ อ๋อมิน่าล่ะ มึงถึงรู้ว่าไอ้แทนมันเป็นพี่ชายน้องฟ้า เพราะความสัมพันธ์ไปถึงสามสี่ห้าแล้วชะ” ไอ้เดย์มันเอาศอกสะกิดยิกๆใส่ แม่งขืนมึงพูดอีกเดี๋ยวกูสอยให้ร่วงเลย สามสี่ห้าอะไรล่ะ ถอยลงเหว มุดเข้าคู แล่นลงอ่าวไทย ไปอ่าวเบงกอล เลาะชะง่อนหินผา แล้วไหลกลับมาบรรจบที่สามเหลี่ยมทองคำต่างหาก

   สัดเอ๊ยทำไมชีวิตรักกูรันทดอย่างนี้วะ ตอนแรกรักนัวเนียกิ๊วก๊าวราวกับปั๊บปี้เลิฟ ใครจะรู้ว่ากูหยิบหนังมาผิดแผ่นดันเสือกเป็นปกิณกะประวัติชีวิตฟ้าครามตามติดบุคคลที่สามภรรยาแห่งชาติของไอ้แม็คซะงั้น มึงดับฝันกูไอ้เชี่ยแทน

   “...”

   “ไอ้ไทม์”

   “อะไร”

   “เอายาแนวป่ะ”

   “เพื่อ”

   “มึงซึม”

   “กูขอโซฟี”

   “เพราะเรารักผู้หญิง...มึงใช้ไม่ได้เพราะมึงชอบผู้ชาย”

   “งั้นกูขอลอรีเอะ”

   “นุ่มสบาย แห้งสนิท...รอมึงร้องไห้ก่อนแล้วค่อยเอามาซับน้ำตาน่าจะคุ้มกว่า”

   “โมเดส”

   “ปกป้องมั่นใจไม่มีเปื้อน...แต่มึงยังมีเพื่อนอย่างกูอยู่ตรงนี้”

   “หาไม่ได้ก็เอาแบบสอดมันเลยละกัน”

   “สอดที่ประตูหลังน่าจะง่ายกว่า”

   “สัด กูเล่นเชี่ยอะไรกับมึงอยู่เนี่ย”

   “เอ๊า มึงไม่รู้เหรอว่ากูสายคอมเมดี้” มึงคอมเมดี้ให้ถูกที่ถูกเวลาด้วย ความไร้สาระไม่มีวันสิ้นสุดถ้าจะหยุดก็ต้องที่กูสินะ ตบมุกมันจนลาออกจากมหาลัยไปอยู่คณะตลกหรือเข้าไปสมบทฝ่ายการตลาดของบริษัทวันนั้นของเดือนได้เลย แต่นี่คนเกือบเดือนคณะเศรษฐศาสตร์นะครับ ทำไมจะต้องลดตัวไปเล่นมุกชั่วช้าเป็นคู่หูคู่ฮาไอ้เดย์แทนไอ้แม็คคนเมียสวยด้วยเนี่ย คิดได้ดังนั้นไม่รอช้าผมรีบหันไปหาคนที่มันกำลังหย่อนก้นลงข้างตัวผมทันที

   “ไอ้แม็คล่ะ” หัวเล็กๆของเพื่อนผมหันมาอย่างไวแล้วถลึงตาใส่

   “มึงยังไม่เจอมันใช่ป่ะ” ส่ายหัวจนสมองแทบไหลออกมาพิสูจน์ว่ากูไม่ได้โกหก ไม่ได้พบกับเพื่อนตัวดีมาเกือบครบสัปดาห์ได้แล้ว “เชี่ยแล้ว กูนึกว่ามันขึ้นมาแล้วซะอีก” ขึ้นมาอะไรล่ะ กูนั่งเป็นหมาเฝ้าสโลปโดดเดี่ยวหัวเดียวกระเทียมลีบมาครึ่งค่อนชั่วโมงแล้ว ยังไม่เห็นวิญญาณพ่อบ้านใจกล้าโผล่มาตรงนี้ซักตน “มึงยังติดต่อมันไม่ได้เหรอ”

   “มันปิดเครื่องไม่รับสาย ข้อความก็ไม่ยอมอ่าน ปิดทุกช่องทางที่กูจะติดต่อมันได้” เสือกเอาวิธีหนีเมียมาใช้กับกูซะได้ “วันนี้ถ้ามันไม่มากูว่าจะไปหามันที่คอนโดหน่อยว่ะ” เพื่อนทั้งคนนี่ครับ ยังไงก็เป็นห่วง ต่อให้คบกับมันมาชั่วโมงบินต่ำกว่าไอ้เดย์ แต่ไอ้แม็คมันก็เพื่อนในกลุ่มที่สรวจเสเฮฮามาด้วยกัน จู่ๆวันนึงมันมานั่งทุกข์จะไม่ให้ไปกู้สุขมันคืนมาได้ไง

   “กูไปด้วย เลิกเรียนแล้วไปกัน”








   เป็นไปตามคาดไอ้แม็คไม่มาเรียน พลอยทำให้หลังเลิกเรียนพวกเราต้องกระวีกระวาดถ่อสังขารมาถึงคอนโดที่มันอยู่ โชคดีที่วันนี้ไม่มีสารร่างของไอ้แทนโผล่มาแถวคณะผม กลับกันกับตลอดทั้งวันที่ผมรู้สึกได้ถึงสายตาของใครหลายคนที่จับจ้องซุบซิบนินทาจนเริ่มอึดอัด ได้แต่หวังว่าคงไม่ใช่กระแสภาพถ่ายในไอจี ที่ทำให้ผมตกเป็นขี้ปากสังคมได้ในช่วงข้ามคืนหรอกนะ

   ผมยังไม่ได้เข้าไปพิมพ์แก้ต่างในนั้นเลยนี่หว่า ว่าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดแอพตัวปัญหาระหว่างรอให้ไอ้เดย์จอดรถ จำนวนข้อความตอบกลับทำให้ผมถึงกับผงะ เชี่ยสามร้อย เยอะกว่าคอมเมนต์ใต้ภาพตอนเห่อประกวดเดือนคณะอีกสัด หนึ่งในนั้นมีข้อความของไอจีตัวดี ที่เป็นตัวตั้งตัวตีเอาภาพผมมาอัพปรากฏอยู่...ยัยเบลเหมียวเหมียวหง่าว...อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร พ่อจะด่าสั่งสอนให้ใช้มือถือไม่เป็นเลยทีเดียว


   Bell Meaw Meaw @Sky of Tan วันนี้พี่ไทม์ไม่ได้ลงมากินข้าวที่โรงอาหารคณะนะคะ
   Bell Meaw Meaw @Sky of Tan ตอนนี้เป้าหมายไม่ได้อยู่คณะแล้วค่ะ ออกไปกับพี่เดย์อย่างไว
   Sky of Tan @Bell Meaw Meaw ขอบคุณครับ


   เชี่ย!!มึงเป็นปาปารัสซี่ตามติดชีวิตดาราหรือไงวะ รู้ความเคลื่อนไหวกูอย่างกับติดจีพีเอส ออนไลน์เรียลไทม์ซะจนกูขนลุก แล้วไอ้แทนมึงก็ตัวดีเลยนะ เสือกขอบคุณเขาด้วย ไอ้เห็บหมา

   ผมคุ้ยเป้พลิกหน้าหลัง ขยับหมุนหัวมองไปรอบตัว หงายปลายฝ่าตีนดู จนไอ้เดย์มันขมวดคิ้วมองอย่างสงสัย

   “ทำอะไรของมึงวะ”

   “กูสงสัยว่ามีคนติดเครื่องติดตามตัวที่กู”

   “เช้ดดดดด ติดไปเพื่อ”

   “กูเหมือนโดนล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวอยู่”

   “เชี่ยไทม์ อย่างมึงอ่ะนะ ใครเขาอยากล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวกัน ล่วงละเมิดทางเพศก็ว่าไปอย่าง”

   “สัด”

   “พอได้แล้ว ลงไปกับกู ไปหาไอ้เชี่ยแม็คกัน”

   ดีแล้วล่ะ ที่มีข้ออ้างมาหาไอ้แม็ค ไม่งั้นผมคงได้เปลี้ยตายเพราะโดนปาปารัซซี่ทำร้ายอยู่ในมอแน่ๆ

   หลังจากโดนไอ้เดย์ดันหัวให้หลุดออกมาจากรถ เราสองคนก็เดินก้าวเข้าไปในตัวคอนโดจนถึงโถงกว้างซึ่งตรงกลางลานเป็นส่วนรับรองแขก เคาน์เตอร์พนักงานตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางโซฟาที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ บนพื้นหินอ่อนซึ่งปูลาดออกไปสุดลูกหูลูกตา ส่วนปลายทางเดินที่ผมเห็นเป็นโถงลิฟต์ซึ่งมีการแบ่งเป็นโซนชั้นบนและชั้นล่าง แจกันขนาดยักษ์และของประดับตกแต่งแต่ละส่วนแสดงให้เห็นความหรูหราสมฐานะของผู้อยู่อาศัยอย่างแท้ทรู ไอ้แม็คคนรวยคนจริงปีสองพันสิบเจ็ด

   “สวัสดีค่ะ ติดต่ออะไรดีคะ”

   “เออ...พวกเรามาขอพบคุณพลเทพที่อยู่ห้อง 8012 ครับ”

   “สักครู่นะคะ” เธอจิ้มโน้ตบุ๊คมองหน้าจออยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นแทนที่จะยกโทรศัพท์ต่อสายแจ้งเจ้าของห้อง กลับเงยขึ้นมาทำสีหน้าแปลกๆใส่พวกเรา

   “ห้อง 8012 คุณพลเทพเหรอคะ”

   “ใช่ครับ ห้อง8012 พลเทพที่หน้าตาดีดี แบบดูแบดบอยหน่อยๆ พวกเราก็มาออกจะบ่อย จำไม่ได้เหรอครับ” มึงไม่จำเป็นต้องอธิบายขนาดนั้นก็ได้ไอ้เดย์ อย่างนี้ไม่ไปติดประกาศตามหาคนหายเลยล่ะ หญิงสาวที่เป็นพนักงานต้อนรับยิ้มใส่พวกเรา ก่อนพูดบางอย่างออกมาที่ให้ผมกับไอ้เดย์ถึงกับอึ้ง

   “ห้อง 8012 เมื่อวันก่อนคุณพลเทพเพิ่งมาทำสัญญาปล่อยเช่าให้คนอื่นไปแล้วน่ะค่ะ”











   “ช็อกครับ”

   “ช็อคโกแลตปั่นสองนะคะ”

   “อะ...ปะเปล่าครับ ผมขอมอคค่าเย็นแก้ว”

   “ช็อคโกแลตปั่นหนึ่ง มอคค่าเย็นหนึ่งนะคะ” พนักงานจดออเดอร์เสร็จเก็บเมนูแล้วเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ ถึงจะดื่มมอคค่าเย็น แต่ใจผมกับไอ้เดย์ตอนนี้บอกตามตรงเลยว่าโคตรร้อน แถมยังช็อกตามชื่อเครื่องดื่มที่ไอ้เดย์มันสั่งอีก

   หลังจากที่ไปหาไอ้แม็คถึงที่ซุกหัวนอนในคอนโดสุดหรูของมัน ก็ทำให้พบกับความจริงบางอย่าง จนทำให้ผมกับไอ้เดย์ต้องย้ายตัวกลับมานั่งกลุ้มกันต่อที่ร้านกาแฟสุดฮิตแถวมอ ผู้คนเริ่มหลั่งไหลเข้ามาใช้ชีวิตหลังเวลาเลิกเรียน ต่างก็จับกลุ่มทำการบ้านบ้าง เม้ามอยบ้าง และมองมาทางพวกผมเป็นระยะบ้าง มองอะไรกันนักหนาวะ ความหล่อมันติดหน้ากูหรือไงถึงได้สนใจกันขนาดนั้น เอาเถอะอยากจ้องๆไป เพราะผมยังไม่มีกะจิตกะใจแยกย้ายกลับหอไปคลายอารมณ์หรอก ขืนนั่งคิดหัวเดียวตัวเดียวมีหวังได้ระเบิดตายคาห้อง

   “ไอ้แม็คมันคิดอะไรของมันวะ อยู่ๆก็ขายคอนโดซะงั้น” ไอ้เดย์มันเปรยขึ้นมาทั้งๆที่ยังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือ ส่วนผมก็ได้นั่งจ้องหน้าจอแมสเซนเจอร์ที่ปราศจากการตอบรับจากเพื่อนอีกคน

   “ไอ้เดย์...กูชักรู้สึก...ไม่ค่อยดีแล้วว่ะ”

   “ไม่สบายเหรอ จะอ้วกป่ะ หรือว่ามึงท้อง เมื่อวันก่อนไม่กลับหอมึงไปนอนไหนมาวะ”

   “ใช่เวลาป่ะ ไอ้เชี่ยเดย์”

   “เออกูเลิกเล่นก็ได้ เห็นมึงเครียดๆกูก็ไม่อยากให้บรรยากาศมันเครียดเกินไป พวกเราอาจจะคิดมากไปเอง ความจริงแล้วไอ้แม็คมันอาจจะย้ายไปอยู่คอนโดสร้างใหม่ ที่ใกล้กับมอมากกว่าเดิมก็ได้ ใครจะไปรู้” ขอให้จริงอย่างมึงว่าเถอะ ถ้ามันย้ายออกไปในตอนที่ปัญหาไม่คาราคาซังแบบนี้มันคงจะดีเสียกว่า

   “มึงรู้จักบ้านมันมั้ย”

   “กูก็รู้เรื่องมันพอพอกับมึง” จริงของมัน บอกแล้วชั่วโมงบินในการคบกันของผมกับไอ้แม็คหรือไอ้เดย์กับไอ้แม็ค มันต่ำกว่าที่ผมคบกับไอ้เดย์อยู่มากโข ทำให้เรื่องราวส่วนตัวที่ควรจะรู้ยังไม่อาจลงลึกไปถึงขั้นนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นไอ้แม็คมันใช้เวลาส่วนใหญ่กับแฟน เลยทำให้ห่างเหินเกินกว่าเพื่อนสนิทที่ความโสดมันซึมเข้ากระแสเลือดอย่างพวกผมจะรู้ได้

   หวังว่ามันจะแค่งอนน้องฟ้า แล้วหนีปัญหาโดยการหลบหน้าชั่วคราวหรอกนะ


มีต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่13:ความรักทำให้คนตาบอด[5/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 05-11-2017 22:50:48


   “จารย์ ผมมาขอเกรดเอ”

   “ถ้ายกมือไหว้แล้วได้เอ พวกเอ็งก็ไปเรียนกับศาลพระภูมิหน้าตึกไป”

   “ท่านเทพารักษ์รับแอดเมื่อไร ผมจะดรอปของจารย์ไปเรียนละกัน”

   “นพดล คาบหน้าไม่ต้องเข้าแล้วนะ”

   “อ้าวทำไมอ่ะจารย์”

   “เอฟนอนมา”

   “หูยยย แค่ล้อเล่นเองจารย์ ผมกับเพื่อนมาหาจารย์เพราะธุระอื่นต่างหาก” ไอ้เดย์มันกวนประสาทอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกผมสามตัวได้เสร็จก็หันไปมองตามสายตาของอาจารย์ที่เริ่มดูนาฬิกาข้อมือ

   “มีเวลาอีกสิบห้านาที มีอะไรก็รีบว่ามา” ผมกับไอ้เดย์หันมามองหน้ากันทันที ต่างคนต่างเงียบไม่ยอมเอ่ยปากอะไรขึ้นมาก่อน แต่แล้วมันก็เอาศอกมากระทุ้งผม

   “มึงพูดดิ” อ้าวเชี่ยนี่...ไร้สาระกับอาจารย์มาครึ่งบทเสือกมาโยนภาระให้กูต่อเนี่ยนะ เรื่องไรวะแม่ง

   “มึงนั่นแหละพูด”

   “กูไม่รู้จะพูดยังไงว่ะ”

   “ก็ถามไปตรงๆดิวะ”

   “สัด กูยังไม่ได้ตั้งคำถามเลย”

   “ตกลงไม่พูดใช่มั้ย งั้นก็ไม่ต้องพูดมันต่อไป” คนผู้ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาจารย์ฟาดหน้าด้วยคำพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงตั้งท่าจะเดินจากไป

   “เฮ้ยยยยยเดี๋ยวครับอาจารย์” ไอ้เดย์ฉุดแขน ส่วนผมขวางหน้า สภาพกระวนกระวายทุเรศสุดตีน ไร้เยื่อใยขนานแท้ก็อาจารย์ที่ปรึกษากูนี่แหละครับ เอฟเป็นเอฟ อยากดรอปเซ็นให้ได้ทันทีไม่มีถาม แต่ถ้าอยากแอดมึงต้องตามมากราบตีนแถมดอกไม้ธูปเทียนเครื่องบูชายกเซต เพราะวิชานี้มันเป็นวิชาบังคับถ้าอาจารย์ไม่รับแอดก็อย่าหวังว่าจะฝันไปถึงเทอมสอง พวกผมถึงต้องมาตามง้ออาจารย์อยู่นี่ไงครับ

   “อาจารย์ครับ พวกผมอยากรู้ ว่าพลเทพมันขาดเรียนไปถึงขั้นหมดสิทธิ์สอบแล้วหรือยัง เท่านั้นเองครับ” เอาวะ เอามันตรงๆอย่างนี้แหละ เหตุผลที่มาหาอาจารย์ไม่ใช่อะไรแค่ตั้งใจว่าจะมาเช็คความเคลื่อนไหวของไอ้แม็ค อยากรู้ว่ามันมีส่งใบลามาให้อาจารย์รึเปล่า ทางนี้จะได้วางใจว่าอย่างน้อยต่อให้โง่เรื่องความรักขนาดไหนก็ไม่ทำให้ผลการเรียนไอ้แม็คมันตก

   แต่คำถามนี้เล่นเอาอาจารย์ที่แสนเคารพรักและเทิดทูนของพวกผมชะงัก มองหน้าผมสลับกับหันไปมองไอ้เดย์ด้วยความสงสัยเต็มที่

   “พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทพลเทพไม่ใช่เหรอ” อ้าวถามเรื่องเปอร์เซนต์เข้าเรียนไหงมาจบที่ความสัมพันธ์ของพวกผมสามคนได้ล่ะครับ ต่อให้สนิทแค่ไหนก็ไม่มีใครว่างมานั่งจำเก็บยันสถิติเวลาเข้าเรียนของอีกคนหรอกนะ

   “ก็ใช่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ล่ะครับ” ไอ้เดย์มันตอบ

   “เป็นเพื่อนสนิทภาษาอะไร....ถึงไม่รู้ว่ารายนั้นเขาลาออกไปแล้วน่ะ”

   “...!!!”








   กูไปไม่ถูกเลย บ้าไปเปล่าวะกับเรื่องพวกนี้ ใครก็ได้ช่วยบอกกูทีว่าไอ้แม็คมันบ้า บ้าที่หนีปัญหาความรักด้วยการไม่เรียนต่อ บ้าที่ย้ายคอนโดหนีไปโดยไม่บอกเพื่อนซักคำ บ้าที่ไม่รอฟังความจริงให้เข้าใจ บ้าที่ฝากน้องฟ้าไว้กับผม เรื่องบ้าบออย่างนี้มันเกิดขึ้นได้ไงวะ

   หรือเป็นแค่พวกผมที่ไม่รู้ว่าไอ้แม็คมันออกไปไหน ความจริงน้องฟ้าอาจจะรู้เรื่องราวทุกอย่าง ที่เห็นว่ามันกำลังตั้งใจอ่านหนังสือ เพื่อซิ่วไปเรียนต่อหมออาชีพที่มันใฝ่ฝัน ความจริงแล้วมันอาจจะสอบติดที่ไหนซักแห่ง แล้วทำเรื่องลาออกโดยไม่บอกพวกผม

   แต่พวกผมเป็นเป็นเพื่อนมันนะ อย่างน้อยถ้าคิดว่าไม่สนิท ก็น่าจะบอกว่าลาออกไปต่อที่อื่นแค่นั้นก็ยังดี แต่นี่ไม่เลย ตัดขาดทุกการติดต่อ หายไปแบบแปลกๆจนผมต้องนึกร้อนใจว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล สามสี่วันที่ผ่านมาไม่เห็นมีวี่แววของน้องฟ้ามาที่นี่ ความจริงแฟนมันอาจจะรู้เรื่องนี้ดี พวกผมอาจจะเป็นแค่เพื่อนโง่ๆที่มันไม่เคยเห็นว่าเป็นเพื่อนเลยก็ได้

   ผมนั่งเอ๋ออยู่ใต้ถุนคณะ พอพอกับไอ้เดย์ที่เหม่อลอยทิ้งสติไปไกล ก่อนจะกลับมาเริ่มต้นบทสนทนาใหม่กับผม

   “กูไม่เข้าใจพฤติกรรมมันว่ะ ก่อนจะหายตัวไปมันมีบอกอะไรมึงไว้ป่ะ”

   “มึงอยู่กับมันล่าสุด มึงน่าจะรู้ดีกว่ากูนะ มาถามกูทำไม”

   “ตอนนั้นมันไม่ได้พูดอะไรกับกูซักคำ หน้ามันแม่งอึนสัดแบบจะตายให้ได้อ่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องน้องฟ้า เชี่ยเอ้ย คิดบ้าอะไรของมันวะ” เดย์ทุบโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ มันเป็นคนใจใจกับเพื่อนพอพอกับผม แค่เห็นว่าไอ้แม็คมันเอาอนาคตทั้งชีวิตมาทิ้งให้กับความรักมันก็ดูไร้สาระเต็มทนแล้ว ชีวิตยังมีอะไรอีกมากมายแค่อกหักช้ำรักไม่ถึงกับต้องประชดชีวิตขนาดนี้ก็ได้

   ...ผมก็พูดไป ทั้งๆที่ผมยังเคยไม่มีความรัก ใครมันจะไปรู้ล่ะ ว่าถ้าผมรู้จักกับสิ่งนั้นขึ้นมาแล้ว ความคิดมันจะผันเปลี่ยนไปเช่นไร ผมอาจจะกลายเป็นเหมือนไอ้แม็ค ที่ต้องการจะหนีปัญหาแล้วหายหน้าไปจากโลกนี้...โลกใบที่มีคนนั้นอยู่...

   “เชี่ยแล้วมึง”

   จู่ๆ ผมฉุกใจคิดถึงประโยคสุดท้ายของไอ้แม็คขึ้นมา

   “อะไรของมึง”

   “ก่อนหายตัวไปมันทิ้งข้อความไว้ให้กู”

   “จริงป่ะ มันว่าไงบ้าง”

   “มันบอกว่าฝากฟ้าด้วย”

   “...” ไอ้เดย์มันค้างไปชั่วขณะ....ผมก็เช่นกัน

   “พี่ไทม์!!” เสียงหวานๆทำเอาผมสะดุ้งโหยง อย่างน้อยก็ทำให้ผมได้รู้ว่ายังมีคนตายยากอย่างน้องฟ้าอีกคน

   “ฟ้า” ร่างของหญิงสาววิ่งกระหืดกระหอบมาดูท่าทางไม่สู้ดี มันทำให้ข้อสันนิษฐานของผมที่ใช้มุมมองของคนโลกสวยเริ่มสั่นคลอน ข้อสันนิษฐานที่ว่าน้องฟ้าอาจจะรู้เรื่องราวทุกอย่างที่ไอ้แม็คมันทำ

   “พี่แม็คไม่อยู่เหรอคะ” เธอมองไปรอบๆเหมือนกับหาใครอีกคนในก๊วนแก๊งของผมที่ควรจะนั่งอยู่ตรงนี้ ท่าทีแบบนั้นมันทำให้ผมได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ

   “อะเออ มันไปเข้าห้องน้ำน่ะ” ผมโกหกออกไป แต่ผมจะทำไปเพื่ออะไรวะ เธอก็แค่มาตามหาแฟนที่ไม่ได้มาเรียนแล้วเกือบสัปดาห์ แถมยังยื่นใบลาออกจากมหาลัยที่มีการเซ็นอนุมัติไปแล้วด้วย แค่บอกอย่างนั้นไปก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ

   น้องฟ้าพยักหน้าน้อยๆเมื่อฟังผมพูดจบแล้วขยับตัวลงนั่งเก้าอี้ม้าหินใกล้ๆ พลางผินมองไปในตัวอาคาร

   “ไปนานรึยังคะ”

   “ฮะ?”

   “พี่แม็คไปเข้าห้องน้ำนานรึยังคะ”

   “อะเออ ก็ซักพักแล้วน่ะ ฟ้าถามทำไมเหรอ”

   “อ๋อ เปล่าค่ะ ฟ้าก็แค่...อยากจะเจอหน้าพี่แม็คไวไว” เฮ้ย อย่าบอกนะว่าจะปักหลักนั่งรออยู่ตรงนี้น่ะ โอ๊ยไอ้ไทม์นะไอ้ไทม์จะโกหกแต่ละทีทำไมไม่โกหกให้มีศิลปะกว่านี้วะ ผมเหลือบมองใบหน้าด้านข้างของน้องฟ้า ใบหน้าที่ดูอิดโรย ใต้ตาบวมช้ำ แทบไม่ต้องเดาเลยว่าเธอผ่านการร้องไห้มาขนาดไหน ผมจะทำยังไงดีวะเนี่ย

   “พี่ว่า...ฟ้ากลับไปรอไอ้แม็คที่คอนโดก่อนจะดีกว่านะ พี่เห็นมันบ่นร่ำๆว่าปวดหนัก เห็นบอกไม่ได้ปล่อยมาเกือบสองอาทิตย์แล้วอะไรเนี่ยแหละ ป่านนี้ขี้น่าจะแข็งพอสมควร กว่าจะเบ่งออกมาได้แต่ละก้อนคงใช้เวลานาน ให้มันเบ่งพรวดพราดออกมามีหวังริดซี่แตกกันพอดี ฟ้ากลับไปรอที่คอนโดฟ้าก่อนเถอะ ถ้ามันกลับมาเดี๋ยวพี่จะบอกให้ว่าฟ้ามาหา” ไอ้เดย์งัดสกิลแหลแถดิบๆ ทำให้คิดถึงภาพริดซี่แตกจนแอบสยองตาม แต่มีบางคนที่ไม่ยี่หระกับคำพูดนี้

   “ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้ารอได้ ต่อให้พี่แม็คไปขี้แตกที่ไหนฟ้าก็จะรอ” รักแท้ไม่แพ้ท้องผูก น้องฟ้าพูดด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ จนผมกับไอ้เดย์ถึงกับยอมใจ แต่รอให้ตายยังไงไอ้แม็คก็ไม่มาหรอก เพราะมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

   ผมจะเอายังไงต่อไปดีวะเนี่ย คิดดิคิด ไอ้ไทม์คิด ระหว่างที่พยายามหาวิธีการแทบเป็นแทบตายให้น้องฟ้ากลับไป ร่างเล็กก็หันมามองทางผมแล้วกล่าวลอยๆขึ้นมา

   “วันนั้นที่ฟ้าร้องไห้ พี่ไทม์พูดเหมือนพี่แม็คไม่พอใจอะไรฟ้าซักอย่างใช่มั้ยคะ”

   “...”

   “บอกตามตรงตอนนั้นฟ้ารู้สึกน้อยใจมากเลย ทั้งที่ตั้งแต่คบกันมาฟ้าก็ไม่เคยทำอะไรเป็นการนอกใจพี่แม็ค ผิดถูกอะไรก็คอยขอโทษและให้อภัยกัน แต่ฟ้าพึ่งมารู้เนี่ยแหละว่าเขาไม่พอใจฟ้า รู้สึกเสียใจจริงๆที่อีกฝ่ายไม่เคยบอก จนกระทั่งอยากจะทำตัวเหลวแหลกประชดพี่แม็คให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ไปจบร้านเหล้ากับพี่ปีสามคนนึงที่บอกว่ารู้จักพี่ไทม์” โหยไอ้พี่โช...มันใช่ชื่อกูหลอกน้องไปได้ ใจมึงมันทำด้วยอะไรกูอยากรู้จริงๆ

   “ฟ้า พี่ขอโทษนะ...”

   “พี่ไทม์ไม่ผิดหรอก ตอนนี้ฟ้ารู้ตัวแล้วแหละว่าฟ้างี่เง่าเอง ฟ้าแค่อยากอยู่กับพี่แม็คมากเกินไป พอขาดพี่แม็คแล้วมันทรมาน...ทรมานมาก” เสียงหวานเริ่มเจืออาการสั่นเครือ แต่เธอยังคงเก็บกักอารมณ์ไว้ได้โดยไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

   “...”

   “ตอนนี้แค่อยากเจอหน้า อยากขอคืนดี อยากขอให้พี่แม็คให้อภัยฟ้า แล้วฟ้าสัญญาว่าปรับปรุงตัวใหม่ให้สมกับเป็นคนรักที่ดี”

   วันนั้น...ผมพูดบ้าอะไรออกไปวะ...

   แค่อารมณ์ฉุนแทนเพื่อนที่คิดว่ามันกำลังจะโดนสวมเขาเลยปากพล่อยพูดจาโง่ๆออกไป ทำให้คนสองคนเข้าใจผิดกัน ทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอย่างการที่น้องโดนพี่โชพาไปร้านเหล้า ทำให้เธอเมาจนไม่ได้สติ ทำให้ไอ้แทนที่ไอ้แม็คเชื่อว่าเป็นกิ๊กน้องฟ้าต้องมาวุ่นวายกับเรื่องไม่เข้าท่าทั้งหมด

   ไอ้แม็คมึงช่วยอ่านข้อความกูที กูรู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว

   “เชี่ยแล้ว” จู่ๆ ไอ้เดย์ก็อุทานขึ้นมาจนทำให้ผมต้องหันไปมอง

   “อะไรของมึงไอ้เดย์”

   “เฟสบุ๊ค”

   “นี่มันใช่เวลามาเล่นโซเซียลมั้ยวะมึง ดูสถานการณ์ด้วยดิ”

   “มึงเข้าไปดูก่อนเถอะ” หรือว่าไอ้แม็คมันตอบกลับมา ผมรีบกดเข้าไปดูตามที่ไอ้เดย์บอก แต่ตรงแมสเซนเจอร์ก็ยังไม่มีการแจ้งเตือนอะไร

   “ไม่เห็นมีอะไรเลยมึง”

   “มึงเข้าไปดูที่หน้าเฟรนด์ก่อนดิ” เข้าไปดูหน้าเพื่อนไล่ดูรายชื่อคนที่เป็นประเด็นอยู่ ณ ตอนนี้...พลเทพ หากแต่ภาพที่ควรจะเป็นใบหน้าสุดหล่อของเพื่อนแม็คกลับกลายเป็นรูปโปรไฟล์ที่ว่างเปล่า ความวิตกกังวลเกิดขึ้นมาในจิตใจ


   Pollathep....บัญชีผู้ใช้ไม่ได้ใช้งานแล้ว


   “มีอะไรรึเปล่าคะ” เค้าแววที่ฉายชัดมาจากใบหน้าพวกผมคงเรียกความสนใจจากน้องฟ้าได้ไม่น้อย เธอทำหน้าฉงนเพราะยังเดาอะไรไม่ได้ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่มีอะไรดีขึ้น ผมเลยตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับน้อง

   “ฟ้า”

   “คะ?”

   “ฟ้าฟังพี่ดีดีนะ”

   “เฮ้ย ไอ้ไทม์” ไอ้เดย์มันร้องห้ามพลางดึงแขนเสื้อผมไว้ แต่ผมยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจ ขืนยังติดต่อไอ้แม็คไม่ได้ยังไงไม่ช้าก็เร็วน้องฟ้าก็ต้องรู้เรื่องเข้าสักวัน

   “มะ...มีอะไรเหรอคะ”

   “พี่ไม่รู้หรอกนะว่าไอ้แม็คมันคิดอะไรอยู่ แต่พี่เชื่อว่ามันยังรักฟ้า ทุกอย่างที่มันทำไปอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ”

   “พี่ไทม์พูดอะไร ฟ้าไม่เข้าใจ”

   “ไอ้แม็ค....มันลาออกจากมหา’ลัยไปแล้ว”

   ทุกอย่างรอบข้างเหมือนหยุดนิ่ง แม้แต่ลมที่พัดโชยอ่อนจนถึงเมื่อครู่ยังจางหายสลายไปเสียดื้อๆ ดวงตากลมโตไหวระริกจ้องหน้าผมราวกับจับต้นชนปลายไม่ถูก

   “พะ...พี่ไทม์พูดล้อเล่นอะไรน่ะ”

   “พี่ไม่ได้ล้อเล่น”

   “นี่พวกพี่อำฟ้าเล่นใช่มั้ย ฟ้าทำอะไรผิดทำไมต้องแกล้งกันขนาดนี้ด้วย”

   “พี่เปล่าอำนะ”

   “พี่แม็คเกลียดฟ้าแล้วเหรอ ถึงต้องให้พวกพี่ๆมาเล่นละครว่าพี่แม็คไม่อยู่แล้วน่ะ”

   “ไอ้แม็คมันไม่ได้ให้พวกพี่มาเล่นละครอะไรให้มัน”

   “แล้วพวกพี่จะทำไปเพื่ออะไร ไม่อยากให้ฟ้าคบกับพี่แม็คมากใช่มั้ย หรือพี่แม็คกำลังคบใครคนอื่นอยู่ พี่แม็คออกมาคุยกับฟ้าเดี๋ยวนี้เลยนะ” เธอตะโกนอย่างไร้สติพยายามจะลุกเดินไปทางตัวตึกที่เป็นทางเดินไปยังห้องน้ำ ผมได้แต่รีบรั้งไว้เพราะถึงไปก็ไม่เจอ เพราะมันไม่ได้อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว

   “ฟ้า...ฟังพี่ก่อน ไอ้แม็คมันไม่ได้ไปห้องน้ำ มันไม่ได้อยู่ตรงนี้ มันขาดเรียนมาตั้่งเกือบอาทิตย์แล้ว พวกพี่ก็ไม่ได้เจอมัน จนกระทั่งไปรู้จากปากอาจารย์เนี่ยแหละว่ามันลาออกจากมหา’ลัยแล้ว”

   ร่างเล็กตรงหน้าชะงักค้างเหมือนโดนไฟช็อตแล้วนิ่งไป เธอค่อยๆหันดวงหน้ามาทางผมช้าๆ

   “โกหก”

   “พี่พูดจริง”

   “พี่ไทม์โกหก ถ้าพี่แม็คลาออกทำไมไม่บอกฟ้าซักคำ ฟ้าไปที่คอนโดก็ไปเจอคนแปลกหน้ามาอยู่ในห้องพี่แม็ค พอถามว่าเป็นใครเขาก็บอกไม่รู้จัก ฟ้าไม่รู้จะหาพี่แม็คจากไหนฟ้าเลยมาหาพวกพี่ แล้วนี่มันอะไรคะ ทำไมพี่ต้องมาล้อเล่นกันแรงๆอย่างนี้ด้วย!!” เสียงตะโกนทำเอานักศึกษาที่นั่งอยู่ประปรายบริเวณนั้นเริ่มหันมาสนใจ

   “พี่ก็อยากให้มันเป็นเรื่องล้อเล่น แต่มันเป็นจริงไปแล้ว พี่ยังไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำ”

   “ไม่จริง ฟ้าจะไปหาพี่แม็คที่คอนโดอีกครั้ง พี่แม็คต้องไปซ่อนที่นั่นแน่ๆเลย พี่แม็คแค่งอนฟ้า ฟ้าไม่เชื่อหรอก” เธอสะบัดมือผมแล้ววิ่งพรวดพราดออกไปอย่างคนไร้สติ เสี้ยวอึดใจที่ผมรั้งตัวเธอไว้ไม่ทัน ร่างเล็กๆนั้นก็ได้ก้าวออกไปยังถนนข้างหน้าเตรียมพร้อมที่จะกระโจนไปยังฟุตบาทฝั่งตรงข้าม หากจู่ๆกลับมีบางสิ่งบางอย่างพุ่งหักเลี้ยวเข้ามาแบบไม่ทันคาดคิด

   เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดด

   เสียงลั่นของยางที่เสียดสีไปกับพื้นถนนทำเอาผมแทบช็อก เบื้องหน้าปรากฏเพียงภาพของเด็กสาวในชุดนักเรียนมัธยมโดนแรงของรถยนต์ที่พุ่งเข้ามาปะทะร่างนั้นจนเสียการทรงตัวเซล้มลงกับพื้น

   “ฟ้า!!!”

   ผมตะโกนอย่างคนสติหลุด หากสมองยังคงสามารถสั่งการให้เท้าทั้งสองข้างรุดไปข้างหน้าอย่างไม่รอช้า วิ่งไปหาร่างบอบบางที่นอนนิ่งอยู่

   “ฟ้า!!” มือทั้งสองของผมรีบประคองเธอขึ้นมาสำรวจอาการ ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าผมกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่แต่ผมตกใจมาก ไม่เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้ต่อหน้า มันทำให้หน้าซีดตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกเหมือนคนไร้ปัญญาได้แต่จับตัวคนตรงหน้าไปมาด้วยความตื่นตระหนก

   “พะ...พี่ไทม์” ฟ้าไม่ได้สลบไปทำให้ผมใจชื้นขึ้นเป็นเท่าตัว

   “เฮ้ย!!เป็นไงบ้างวะ” ไอ้เดย์ที่วิ่งตามหลังผมมาคุกเข่าช่วยประคองร่างตรงหน้าพลางถาม สีหน้ามันเหมือนตอนที่รู้ว่าตัวเองได้เอฟวิชาศิลปะการใช้ชีวิตที่เรียนตอนปีหนึ่งไม่ผิดเพี้ยน รอบกายของร่างบอบบางไม่มีร่องรอยบาดเจ็บเลือดไหลเป็นทางอย่างที่ผมจินตนาการไว้ ขาดแต่ตามตัวของเธอนั้นมีร่องรอยหนังเปิดแผลถลอกจนทำให้เห็นเนื้อในที่เริ่มมีเลือดซึมออกมา แค่มองก็รู้สึกเสียวไส้และเจ็บแทนแล้ว

   คู่กรณีก้าวลงจากรถมาถึงตัวพวกเราอย่างรวดเร็วแล้วถามไถ่ด้วยอาการเป็นห่วง โชคยังดีที่ถนนในมหา’ลัยจำกัดความเร็วไม่อย่างนั้นผมไม่อยากคิดเลยว่าเรื่องราวมันจะเลวร้ายขนาดไหน แต่ดูท่าว่าเจ้าของรถคงฝ่าฝืนกฎเล็กน้อยน้องฟ้าถึงได้สะบักสะบอมบอบช้ำขนาดนี้

   คนขับเสนอตัวที่จะพาไปโรงพยาบาล ซึ่งผมก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่ทันทีที่เริ่มประคองร่างเล็กๆตรงหน้า น้องฟ้าเธอกลับสั่นหัวอย่างแรง

   “ฟ้าไม่ไป”

   “นี่เราบาดเจ็บอยู่นะฟ้า พี่ต้องพาเราไปทำแผล”

   “ฟ้าไม่ไป ฟ้าจะไปหาพี่แม็ค”

   “ไปทำแผลก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยไปหาไอ้แม็คกัน” ผมพูดโดยไม่รู้ว่าจะไปหาไอ้แม็คที่ไหนด้วยซ้ำ แต่ดูจากสภาพตอนนี้แล้วยังไงผมก็ต้องเอาเธอไปทำแผลก่อน

   “ฟ้าจะไปหาพี่แม็คก่อน”

   “ฟ้าอย่าดื้อกับพี่สิ”

   “ฟ้าไม่ไป ถ้าฟ้าไม่เจอพี่แม็ค!!”

   “ระหว่างชีวิตเรากับไอ้แม็คฟ้าจะเลือกใคร!!เลิกคร่ำครวญแล้วไปโรงพยาบาลกับพี่ได้แล้ว!!” ความอดทนผมมีจำกัด ผมตะโกนใส่น้องฟ้าแบบไม่สนใจอีกแล้วว่าใครหน้าไหนมันจะหาว่าผมใจร้ายกับผู้หญิง เลยส่งผลให้ร่างเล็กตรงหน้าร้องไห้ฟูมฟายออกมาหนักกว่าเก่า “ไปเถอะฟ้า” ผมพยายามเอื้อมมือไปจับแขนเธออีกครั้ง คราวนี้คนตรงหน้าไม่ได้หลบ แต่กลับยกมือเล็กๆขึ้นมากำแขนเสื้อผมไว้แน่น

   “พี่ไทม์...ฟ้าอยู่ไม่ได้นะ ถ้าไม่มีพี่แม็ค” น้องฟ้ากล่าวประโยคนี้ไปพร้อมก้มมองพื้นนิ่งก่อนช้อนดวงแก้วที่รื้นไปด้วยน้ำตาขึ้นมาสบ “พี่ไทม์....ฟ้ากับลูกอยู่ไม่ได้นะ...ถ้าไม่มีพี่แม็ค”

   ฮะ? เมื่อกี้ฟ้าว่ายังไงนะ?

   “ฟ้าท้อง..พี่ไทม์ฟ้าท้อง”

   ยิ่งกว่าแรงปะทะของรถเมื่อครู่คงเป็นคำพูดนี้แหละที่กระแทกเข้าสมองผมอย่างจัง

   นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันวะ ช่วยบอกผมที...



TBC

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ความดราม่านี้คืออะไร
แต่งเองปวดตับเอง ไม่ใช่ตัวแสดงแทน(เพราะตอนนี้พระเอกโผล่มาแต่สารแห่งอินสตาแกรม!!)
ลืมจ่ายค่าตัวพระเอก


คุณ FeaRes
หายไปสองอาทิตย์ไม่รู้ยังรอกันอยู่รึเปล่า ขอโทษนะค้า
ยาแนวใช้ไม่ได้ผมแล้วอ่ะ ซึมมมม
ตอนนี้ไม่มีแทนมาให้ชุ่มชื่นหัวใจ //ร้องไห้
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่13:ความรักทำให้คนตาบอด[5/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-11-2017 02:45:31
วุ่นวายดีเนอะ หลายๆคำถามที่เกิดสงสัยแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ปล่อยไปก่อนแล้วกันนะ มึนอึนงงกับความวุ่นวายตรงนี้ก่อน
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่13:ความรักทำให้คนตาบอด[5/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 06-11-2017 06:53:35
วุ่นวายแท้หน่อย...
แม็ค แวร์อาร์ยู?!! หายไปไหนของนายยยย
ไปไม่บอกอะไรเพื่อนเลยยย คนเขาเป็นห่วงงง และตามตัววุ่นวายมาก...
ตอนท้ายนี้พีคเลย โว๊ะ!...
แทนรู้จะเป็นไงเนี่ยย สงสารคนกลางอย่างพี่ไทม์
 :hao5:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่13:ความรักทำให้คนตาบอด[5/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: fsbeentaken ที่ 06-11-2017 22:28:19
ดราม่าเบอร์แรงงงง

แล้วงี้น้องแทนไม่ต้องลาออกมาทำงานหาเงินเลี้ยงหลานเลยเหรอ

 :o12:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่14:จำเลยสังคม[25/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 25-11-2017 13:09:23
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่14 จำเลยสังคม

บทที่ 14



   “เข้าห้องน้ำมั้ย?”

   “...” แดกจุดกันถ้วนหน้ายกเว้นผม เล่นอะไรไม่ดูสถานการณ์เล้ยยยย ไอ้เชี่ยไทม์เอ้ยยยยยย แต่น้องฟ้าช่วยบอกพี่ที ว่าน้องแค่ปวดขี้ ท้องเสีย ท้องผูก หรือห่าเหวอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ท้องที่แปลว่า...การตั้งครรภ์!!

   ยิงมุกไปแค่นั้นแหละครับ น้ำตามาเป็นกะตั้กเหมือนสันเขื่อนแตก โง้ยยยยไทม์ชลธีทำผู้หญิงร้องไห้ มึงแมนสุดๆอ่ะ!!

   เพื่อนผมอีกคนแม่งก็ไม่ยอมช่วยอะไรเลย ได้แต่อ้าปากค้างปล่อยให้แมลงหวี่แมลงเม่าบินเข้าไปผสมพันธ์กับแมงกินฟัน ผมเลยต้องจำใจดำเนินเรื่องต่อแบบไม่รู้จะไปฟ้องอิพ่ออิแม่ที่ไหน

   “เอาอย่างงี้ ไปเข้าห้องน้ำที่โรงพยาบาลละกัน” ผมจำใจใช้แรงฮึดมาดแมนแฮนด์ซั่มอุ้มน้องขึ้นมาทั้งตัว อย่างนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่านางจะอิดออดดีดดิ้นไม่ยอมไปอีกแล้ว เพราะขืนทำอีกทีกูมีปล่อยตกเอาให้ก้นกบเบี้ยวแน่ ส่วนคู่กรณีน่ะเหรอ โอเคมึงไม่ผิด จะผิดก็ผิดตรงที่คนในอ้อมแขนผมวิ่งทะเล่อทะล่าไม่ดูตาม้าตาเรือออกไปเอง ผมเลยบอกปฏิเสธความหวังดีแล้วเอารถเพื่อนซี้ขับคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล









   ผมควรบอกให้หมอเจาะเลือดตรวจการตั้งครรภ์ไปเลยดีมั้ย

   ระหว่างที่ชะโงกมองเจ้าของใบหน้าซึมๆซึ่งนั่งทำแผลอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว แต่ไม่นานก็แตกดังโป๊ะเมื่อคนข้างๆมันเอาศอกมาสะกิด

   “มึงว่าน้องฟ้าพูดจริงป่ะ” ไอ้เดย์เพื่อนตัวดีที่เจอสถานการณ์ยุ่งยากแต่ละทีเป็นอันไร้บทบาท มันกระซิบถาม

   “กูไม่รู้” แต่ใจลึกๆกูไม่อยากให้มันเป็นจริง เพราะมันดูไม่สู้ดีเลยกับการที่อีกฝ่ายซึ่งเข้าข่ายพ่อคนมากที่สุดมันเสือกมามุดหัวทำตัวเป็นขอมดำดิน หลีกลี้หนีหน้าอพยพหายตัวไปทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง...หรือไอ้แม็คมันรู้วะมันเลยหนี...เชี่ย กูไม่อยากคิด

   “ถ้าจริงขึ้นมาจะเอาไงดีวะคราวนี้”

   “กูไปรับยาก่อนนะ มึงอยู่เป็นเพื่อนน้องฟ้าไปละกัน”

   “อ้าวเฮ้ย..” ผมลุกขึ้นเดินออกมาโดยไม่สนใจที่จะฟังต่อ จะให้ทำอะไรได้อีกล่ะก็ต้องตามหาตัวไอ้แม็คให้เจอดิวะ คำตอบมันมีอยู่เพียงอย่างเดียว แต่ผมจะไปตามตัวมันมาจากไหน แล้วระหว่างนั้นผมจะปิดอุปสรรคก้อนโตได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เรื่องมันวุ่นวายไปกว่านี้ อุปสรรคที่มีชื่อว่า...แทน...

   พี่ชายที่หวงน้องสาด ถึงขนาดแค่น้องร้องไห้ยังจะไปสั่งให้เขาเลิกกัน แล้วยิ่งถ้าทำน้องมันท้องอย่างนี้ไม่เอามีดไปไล่ฆ่าเลยเหรอช่วยบอกกูที กว่าจะเดินมาถึงช่องรับยาถอนหายใจตามทางจนหมดไปครึ่งชีวิต  แล้วความคิดก็มาสะดุดตอนที่เภสัชสุดสวยอธิบายวิธีการใช้ยามาจนถึงตอนสุดท้าย

   “อะ...เออ...”

   “คะ” คุณเภสัชเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร  ผมชะงักความคิดไปชั่วครู่ แต่ถามดูก็ไม่เสียหายอะไรไม่ใช่เหรอ “มีอะไรสงสัยถามได้นะคะ หรือตรงไหนที่ฟังไม่ทัน...”

   “อ๋อเปล่าครับ คือ...ผมมีเรื่องสงสัยนิดหน่อย”

   “สงสัยอะไรคะ ถามมาได้เลยนะ”

   “อา...คือ” อ้ำอึ้งแดก แปลกมั้ยวะที่ถาม แต่เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว เป็นไงเป็นกัน “อะ...ไอ้ยาสองตัวนี้..มีอันไหนที่คนท้องกินไม่ได้รึเปล่าครับ”

   “ใครท้องเหรอพี่”

   “...” หืม...เมื่อกี้เสียงอะไรวะ

   เสียงคนสวยข้างหน้าก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเสียงมันทุ้มต่ำเกินไป แล้วอีกอย่างสิ่งที่ทำให้ผมแน่ใจว่าไม่ใช่อีกฝ่ายแน่ๆเป็นเพราะปากเธอไม่ได้ขยับไงครับ สัด!!!

   หมุนตัวลิ่วพลิ้วโคตรๆไปด้านหลังสภาพยิ่งกว่าใบพัดไล่แมลงวันที่เขียงหมู สุดท้ายก็ทำได้แต่เบิกตาโพลงแล้วตะโกนออกมาดังๆว่า

   “เชี่ย!!!” ลั่นทุ่งทั่วชั้น คนแม่งหันมามองเป็นตาเดียวกันเลยครับ อายสัด แต่ทำไงได้กูตกใจในเมื่อคนมาใหม่ดันเสือกเป็นใครที่ผมไม่อยากเจอตอนนี้ที่สุด!!

   “ตัวที่สองของเดือนแล้ว” สะสมแต้มตัวเชี่ยครบสิบตัวแถมโคตรเหง้าศักราชเชี่ยของแท้จากญี่ปุ่น โปรดีดีคุ้มค่าแบบนี้ต้องรีบคว้าไว้นะครับไอ้เชี่ยแทน!!

   ได้แต่ขายโปรสิบแถมหนึ่งอยู่ในหัว เพราะตอนนี้โคตรกลัวและตกใจสรรหาคำพูดอะไรไม่ได้อีก มึงมาที่นี่ได้ไงวะ!!!

   “อ้อลืมไป” ไอ้แทนมันพึมพำออกมาเบาๆ

   “หา?”

   “เซอร์ไพรส!!” สัด!!ช้าไปมั้ยมึง กูอึ้งตั้งแต่มึงถามว่าใครท้องแล้ววววววว

   จะบอกว่าบังเอิญก็ว่าไม่น่าใช่ เพราะมันบอกว่าเซอร์ไพรสกูเลยต้องใช้สมองคิด และแล้วผมก็หยิบเทเลโฟนขึ้นมาดู...

   ...เหยดแหม่...ชัดเลย...

   ภาพที่ขึ้นฟีดใหม่ในไอจีเป็นภาพตอนที่ผมกำลังอุ้มน้องฟ้า แต่โชคดีว่าผมหันหลังให้ หน้าเล็กที่ซบไหล่เลยโดนบังซะมิด


   Bell Meaw Meaw @Sea of Tan พี่ไทม์อุ้มคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ดูห้าวหาญชาญชัยโดนใจน้อง แต่น้องไม่ยอมให้สลับบทเด็ดขาดค่ะ หนูไม่ยอมมมมม



   แต่กูยอมโว้ยยยยย!! น่ากลัวกว่าเครื่องติดตามตัวก็มียัยน้องเบลพรุ้งพริ้งกระดิ่งแมวนี่แหละครับ อนาคตมึงไปสมัครเป็นเอฟบีไอเลยนะท่าจะรุ่ง

   “อย่าไปโกรธน้องเบลเลยนะ ซี ออฟ สกาย” แอนด์สมายบนใบหน้ามัน แต่กูไม่ขำเพราะกูกำลังโมโห!!

   “กูเป็นไอดอลมึงหรือไง ถึงต้องตามติดชีวิตกูขนาดนี้ เวลามีไม่รู้จักเอาไปร่ำไปเรียน”

   “นี่มันหกโมงเย็นแล้วนะพี่ ไอ้บ้าปีหนึ่งที่ไหนจะมีคาบเรียน นอกจากกิจกรรมรับน้อง”

   “งั้นมึงก็ไปรับน้องดิวะ”

   “ไปมาแล้ว แต่วันนี้เลิกเร็วเลยรีบมาหาพี่ไง” เกลียดคำหยอดนี้ว่ะ เกลียดๆๆๆเพราะเหมือนโดนให้ความสำคัญแต่ที่แท้มันต้องการแค่ข่าวน้องสาว...เออจริงด้วยสิ...น้องสาว

   “เออ..ขอโทษนะคะเรื่องที่ถามเมื่อกี้...” ตูลืมไปเลยว่าเคยมีเภสัช...แล้วเมื่อกี้ผมถามอะไรไปวะความจำสั้น “ถ้าให้เดานี่คงเป็นพ่อเด็กใช่มั้ยคะ ยาที่จ่ายให้ คนท้องทานได้ค่ะ หายห่วง” โง้ยยยยยเดาทั้งที เดาซะจนกูเข่าทรุด รู้แล้วว่าปริญญาเภสัชที่ได้มาคงเป็นเพราะความสามารถล้วนๆ เพราะให้เดาข้อสอบแม่งคงมั่วฉิบหาย ไม่ต้องทวนคำตอบ...ไม่ต้องบอกคำถามสุขภาพซ้ากกกกคำ แต่คนที่ยืนฟังอยู่ได้ยินเต็มสองรูหูเลยครับ!!! เมื่อกี้ถามเสียดิบดีเป็นห่วงเป็นใยว่ากูจะฟังไม่ทัน แต่ไหงมาบอกตอนกูหันหลังวะเนี่ย!!

   ขอเบิกอัศเจรีย์เพิ่ม หมดสต๊อกแล้ว

   “เออ...ไอ้แทน” เรื่องนี้กูอธิบายได้ แต่นึกคำโกหกก่อนแป๊บ เอออา...อันหยังดีวะอันยอง

   “ใครท้อง...” ก่อนที่มันจะถามอะไรไปมากกว่านี้ผมรีบคว้าถุงยาแล้วลากตัวคนสูงออกมาหลบที่เสา เพราะพวกเราเริ่มจะกลายเป็นตัวเกะกะขวางทางเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลไปซะแล้ว ผมลอบถอนหายใจเบาๆหนึ่งทีก่อนหันมาจัดการคนที่ทำท่าจะกัดไม่ปล่อย

   “มะ...ไม่มีใครท้องทั้งนั้นแหละ”

   “พี่ปิดบังอะไรผมอยู่” อย่าจ้องดิวะ ตาคมๆของมันทำผมกลัว “หรือพี่มีเมียเก็บ?”

   “มีที่ไหนเล่า” ทุกวันนี้กูต้องนอนเด้ากับหมอนเพราะยังหาเมียไม่ได้เนี่ยแหละ

   “งั้นก็ดีแล้ว อย่าทำให้ผมตก...”

   “ไอ้ไทม์!!” ฮะ? ใครเรียกกู ทันทีที่เบี่ยงหน้าออกซ้ายหลบร่างสูงชะโงกดู โหยกูรู้เลยครับ ร่างทั้งสองของไอ้เดย์และน้องฟ้าเดิมตามกันมาเล่นเอาตาผมเบิกโพลง

   เพื่อนเดย์มึงมาทำอะไรตอนนี้วะเนี่ยยยยยยย แล้วมันเสือกจำแผ่นหลังของไอ้แทนไม่ได้ เลยพล่ามต่อว่า “ทำไมมานานจังวะ มารับยาหรือหนีมาจีบพยาบาล”

   “เสียงพี่เดย์นี่ เฮ้ย!!”

   เวลานี้ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมตรงไหนแล้วครับ สองมือขยับไปจับหน้าหล่อๆของมันแล้วยึดไว้ให้มั่นอย่าให้มันหันไปปปป

   “ทำอะไรของพี่น่ะ”

   ผมชักกระตุกส่งซิกแนลให้ไอ้เดย์มันยิกๆ

   “แล้วเป็นบ้าอะไรขยิบตาอยู่ได้”

   รีบไปดิวะ รู้ตัวซักที

   “ข้างหลังมีใครอยู่...” โอ๊ยแล้วมึงจะบิดหน้าทำไมเนี่ย แรงต้านกูกำลังจะไม่เหลือแล้วนะเว้ย

   “มองหน้ากู!!” บังคับโว้ย ถึงรู้ว่าคงไม่ได้น่าพิสมัยเท่าไรให้มามองหน้าผู้ชายด้วยกัน แต่ตอนนี้มึงต้องมองหน้ากูเท่านั้นโอเคมั้ย แล้วไอ้เดย์ เออใช่ มึงรีบลากน้องฟ้าออกไปเลย เดี๋ยวตรงนี้กูจัดการเอง

   “ทำไมต้อง...มอง” สายตาคมดูอ่อนลงไม่คิดต่อต้านอีก ความสนใจพุ่งตรงมาทางผมแทนที่จะเป็นคนข้างหลัง ท่าทีนั้นมันดูแปลกๆชอบกล แถมเสียงที่พ่นประโยคหลังมายังพากระเส่า “ทนไม่ไหวแล้ว”

   “ฮะ?” เหี้ยทนไม่ไหวอะไรวะกูงง

   ตุบ!!

   เคยมีใครบอกมั้ยครับว่าทำอะไรต้องมีสติ นับจากวินาทีที่ไอ้เดย์ดึงน้องฟ้าที่กระปลกกระเปลี้ยเพลียแรงออกไป ทุกอย่างรอบตัวผมก็เหมือนหยุดนิ่ง เสียงตุบเมื่อกี้เป็นเพราะมีมือใหญ่ๆพาดกำแพงคล่อมตัวผมไว้ แล้วถุงยาก็ตกลงพื้นในบัดดล พร้อมกับคนตัวสูงที่เลื่อนหน้าเข้าใกล้....ใกล้เสียจนริมฝีปากสัมผัสกันอย่างแผ่วเบา...

   จูบสั้นๆครั้งที่สอง กลางโรงพยาบาล พร้อมสักขีพยานอีกบานตะไท

   ...ประทับใจสัด...

   ใบหน้าคมคายถอนห่างออกช้าๆ ไอ้แทนทำหน้าเหมือนไปไม่ถูก หลังจากประกบจูบกับผม

   ส่วนผมน่ะเหรอ ไม่เหลือ...สองมือตกไปอยู่ข้างตัว สมองโคตรเบลอ และใจโคตรพ่อโคตรแม่เต้นแรง ได้แต่ยืนค้างกลืนน้ำลายลงคอแบบงงๆ มองหน้าหล่อที่ขยับปากเหมือนจะพูดอะไรออกมา

   “อย่ายั่วผมได้มั้ย” โหยยยยยยยบันดาลโทสะระดับสิบ กูไปยั่วโมโหมึงตรงไหนไม่ทราบ “หรือว่าเมื่อกี้ส่งสัญญาณให้ใคร”

   “เฮ้ยยยเปล่า” ไม่รอให้ผมปฏิเสธจนจบ ร่างสูงย่อตัวก้มต่ำลงไปหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาจากพื้น เหี้ยแล้วถุงยา!!

   “ฟ้าคราม เกียรติไพศาล” กรรมของเวร

   “เฮ้ย ไอ้แทน!!” จบแค่นั้นมันวิ่งออกไปโดยไม่ปล่อยให้ผมรั้งไว้อีก...ซวยแล้ว ซวยแล้ว ซวยแล้วกู









   “ฟ้า!!” ถ้าเติมคำว่า ‘เหิน’ ขึ้นหน้าแล้วฟากตรงข้ามเป็นภูเขากูจะเหมาว่ามึงเป็นพี่ศรราม แล้วกูล่ะ กบสุวนันท์ ฮ่าๆๆ ขำดิครับ ใครเกิดไม่ทันขออภัยด้วยละกันกับมุกนี้ โอ๊ยแต่ผมขำไม่ออกอ่ะ...กูจิร้อง

   ผมเห็นร่างสูงกวาดตามองไปทั่วลานจอดรถ ตาไอ้แทนยิ่งกว่าสแกนกรรมพอมันเห็นรถซีอาร์วีสีดำเท่านั้น มันก็พุ่งปราดเข้าไปทันที ยิ่งกว่าหนังซอมบี้ล้างโลกอีกครับ ร่างสูงเดินตรงดิ่งไปขวางหน้าคนทั้งสองที่รีบร้อนเดินไปทางรถ ก่อนคว้าคอเสื้อเพื่อนผมอย่างจาบจ้วง พร้อมมองด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม

   “พี่จะพาฟ้าของผมไปไหน” เหยดดดด ฟ้าของผม ฟ้าของผม ฟ้าของผม มิน่าคนมันถึงเข้าใจผิดว่าสองคนมันกิ๊กกัน เล่นใช้คำพูดชวนให้เข้าใจผิดเสียขนาดนั้น

   “เฮ้ย ไอ้แทน ใจเย็นดิวะ นี่มึงคว้าคอเสื้อรุ่นพี่อยู่นะ” ผมรีบเดินไปจับมือมันปรามไว้ ครั้งแรกที่เห็นอารมณ์ร้อนสัดรัสเซียของเชี่ยแทน โคตรต่างกับแทนสุรบถคนกวนๆขี้เล่นที่มีรอยยิ้มส่งตรงมาให้ตลอดอย่างสุดขั้ว

   “รุ่นพี่แล้วไง มันเป็นอะไรกับฟ้า ทำไมต้องพากันหนีออกมา...” เสียงทุ้มหยุดชะงักเมื่อสายตาไปปะทะกับสภาพคนตัวเล็ก “ฟ้าไปโดนอะไรมาเนี่ย” มันปล่อยคอเสื้อไอ้เดย์ทันทีแล้วปรี่เข้าหาน้อง

   “อะ..เออ” แม้แต่เสียงยังตะกุกตะกัก เฮ้ยนี่พี่ชายน้องนะครับ จะกลัวทำไม พอเห็นอย่างนี้แล้วแอบสงสาร ผมเลยตอบแทนคนข้างหน้าออกไป

   “น้องมึงโดนรถเฉี่ยวที่หน้าคณะกู”

   “แล้วพี่ก็พาน้องมาส่งโรงพยาบาล”

   “ใช่”

   “แล้วฟ้าไปทำอะไรที่นั่น”

   “ก็ไป...” ไอ้ห่า...งับปากแทบไม่ทัน แค่จะพูดออกไปคำเดียวเท่านั้นแหละ เหยดดด มาเลยครับสายตาของน้องฟ้าที่ส่งตรงแบบหมายมาดอาฆาตแรงมาทางผม ก็พี่ไม่อยากโกหกแล้วอ่ะ พี่ขอเถอะ “ปะ...ไปขี้มั้ง” มุสาวาทาเวรละ มานี ชูใจ และมานะ ชาตินี้ตายไปตกนรกแน่นอนไม่ต้องจองหรือวางเงินดาวน์

   “ทำไมต้องไปถึงที่นั่นด้วย” โอ๊ยนี่กูยังต้องโกหกต่ออีกเหรอวะ ฮ่วย เอาก็เอา ขี่หลังเสือให้โดดลงมาก็ตายห่ากันพอดี

   “ไอ้แทน คนเราปวดขี้มันบังคับสถานที่กันได้ด้วยเหรอวะ กูถาม” ซักซะละเอียดยิบอย่างกับกูเป็นแบคทีเรียในลำไส้น้องมันอย่างนั้นน่ะ ยังไงก็เรื่องครอบครัวไอ้แทน คนนอกอย่างผมจะเอาตัวเข้าไปเกี่ยวให้มันยุ่งยากทำไม ปล่อยมันไปเถอะ

   “แล้วคนเรากะแค่โดนรถเฉี่ยว มันจำเป็นต้องขอยาให้คนท้องด้วยเหรอครับ ผมถาม”

   “...” ตะลึงกันทั้งไตรภาคี ฮืออออ มันไม่ปล่อยกูอ่ะ มองไปทางไอ้เดย์คิดจะให้ช่วย แต่มันเสือกทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ด่ากราดผมเบาๆในเสียงเงียบว่าไอ้เชี่ยแทนมันรู้ได้ไง...กูขอโทษ...

   “บอกมาได้รึยังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ร่างสูงเลิกสนใจน้องสาวแล้วหันมาเผชิญหน้ากับผมตรงๆ ความคิดสับสนในหัวตีกันให้วุ่นวาย ทำไมผมต้องพูดโกหกออกไปด้วยวะ ถ้าไอ้แทนมันรู้ว่าฟ้าท้องแล้วจะทำไม อย่างมากมันก็คงตกใจแล้วหลังจากนั้นก็แค่ปล่อยให้ครอบครัวมันไปเคลียร์กันเอาเอง ส่วนไอ้แม็ค...ป่านนี้แล้วไม่รู้หายหัวไปไหนไอ้แทนมันคงตามไปไล่ฆ่าไม่ทันแล้วล่ะ บอกไปทุกอย่างก็จบ ไม่ต้องมาเดือดร้อนถึงผมที่เป็นคนนอกด้วย พอตัดสินใจได้ ผมก็สูดหายใจเข้าลึก

   “ถ้าอยากรู้นัก มึงก็ตั้งใจฟังให้ดีละกัน”

   “เฮ้ย ไอ้ไทม์...มึงเอาจริงน่ะ” ไอ้เดย์ปล่อยเสียงแผ่วกึ่งห้าม แต่ขืนหันไปมองหน้าเพื่อนตอนนี้มีหวังคงทำให้ไขว้เขว ผมเลยจ้องตาคมๆของไอ้แทนอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดที่จะฟังใครอีก

   “ฟ้า...น้องมึงอ่ะ”

   “น้องผมทำไม”

   “เธอท้อง”

   “...”

   “...”

   “...”

   ใครกดปุ่ม mute เปล่าวะ...โคตรเงียบ... อีกสองคนที่อยู่ด้านข้างและด้านหลังผมไม่รู้ว่าหงายตึงท้องตั้งไปถึงชาติไหน ตอนนี้ผมสนใจได้แต่คนข้างหน้าซึ่งหน้านิ่งเกินกว่าจะบรรยายอารมณ์ มึงตกใจใช่ป่ะไอ้แทน มึงอย่าเงียบดิ กูกลัว ลุ้นจนตัวหงิกตัวงอ สุดท้ายเสียงทุ้มก็เปล่งคำพูดแรกออกมา

   “พี่...”

   “...”

   “ใช่เวลาเล่นป่ะ ผมซีเรียสนะ”

   “!!!” กูก็ซีเรียสเหมือนกันโว้ยยยยยย ถลกขนหัวให้มึงดูเลยมั้ยว่าเรื่องนี้ทำกูหงอกไปกี่เส้นแล้ว ยังมาหาว่าผมล้อเล่นอีก

   “เอาเถอะ พี่จะขอยาไปให้คนท้องที่ไหนก็ช่าง” พูดเสร็จไอ้แทนมันผินหน้าไปทางเพื่อนผม แววตามุ่งร้ายฉายชัดขึ้นใบหน้า ยังไม่ทันได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมมันก็พุ่งเข้าใส่ไปขยำคอเสื้อไอ้เดย์อีกรอบแล้ว “แต่พี่ต้องบอกมาว่าพี่เป็นอะไรกับน้องผม!!”

   “เชี่ยแทนมึง!!” มือซ้ายแม่งกำเป็นก้อนกลมๆ มึงอย่าแปลงร่างเป็นโดราเอม่อนเลยนะกูขอ ไอ้เดย์มันนิ่งหลับตาปี๋ไปแล้วครับ เพื่อนผมมันจะหน้าแหกด้วยความผิดที่ไม่ได้ก่อไว้ก็คราวนี้ ผมเลยรีบเข้าไปห้าม “ทำอะไรมีสติบ้างดิวะ”

   “พี่จะให้ผมมีสติยังไง สภาพน้องผมเป็นถึงขนาดนี้ แต่ไม่มีใครบอกผมซักคำว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

   “ก็กูบอกมึงไปแล้วไง แล้วมึงก็ไม่ฟัง กูชักจะเหลืออดแล้วนะเว้ย”

   “ก็บอกมาให้หมดดิวะ” ณ จุดนี้ คงไม่มีพี่มีน้องแล้วล่ะครับ ถ้ามึงอยากจะรู้นัก ก็ได้ กูจัดให้

   “มึงไม่ต้องไปสงสัยหมาตัวไหนทั้งนั้นแหละ น้องมึงกำลังท้อง แล้วก็ท้องกับไอ้เชี่ย...อุ๊บ!!!” จู่ๆก็เหมือนมีอะไรมาตะปบปากผมไว้ ผมเหลือบตามองลงไปยังฝ่ามือนิ่มๆเล็กๆขาวๆตรงหน้า หรือว่า...

   “กับพี่ไทม์ค่ะ!! ฟ้าท้องกับพี่ไทม์”


   หา?


   ว้อท เดอะ ฟัคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!!











   มอ แอะ คอ อ่านว่าอะไรครับ คำง่ายๆเขียนด้วยพยัญชนะสระตัวสะกดสามตัว ถ้าไม่โง่กว่าผมที่ตกภาษาไทยตอนปอสอง ก็คงไม่มีใครอ่านว่า ‘ไทม์’ ได้หรอก ยกเว้นคนตัวเล็กข้างหลังผมเนี่ยแหละ

   “อ๊า...” อย่าคิดว่าคราง ไม่มีอารมณ์มาวาบหวามอะไรตอนนี้ แต่ผมกำลังเรียกชื่อคนที่กำลังอุดปากผมไว้ด้วยแรงน้อยนิดแต่มันเหนียวติดปากหนึบหนับ นี่น้องพูดอะไรออกไปรู้ตัวรึเปล่า ฮะ!!!

   “ฟ้าว่าไงนะ” เจ้าของเสียงทุ้มแสดงสีหน้าหลากหลายเสียจนจับความรู้สึกไม่ได้ ไอ้แทนมึงอย่าโง่เชื่อเด็ดขาดเลยนะ

   “ฟ้าท้องกับพี่ไทม์ค่ะ”

   โง้ยยยยยย จะพูดผิดอีกกี่รอบวะเนี่ย ไทม์มันยืนอยู่ตรงนี้ กูเนี่ยแหละไทม์ แฟนน้องชื่อแม็คไงครับจำไม่ได้หรือไง แล้วผมก็ไม่เคยไปเสียบใครจนทำให้ถึงท้องด้วย กูยังบริสุทธิ์เฟ้ยยยยย ไอ้เดย์มึงช่วยกูที

   เหลือบตาไปมองเพื่อน...อืม...มึงเป็นเพื่อนตายกูจริงๆ มันยืนนิ่งสติหลุดไปแล้วครับ ใครสอนให้มึงเกิดมารวยแต่โง่ได้ขนาดนี้วะ ไอ้เชี่ยเดย์!!

   “ฟ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย” ใช่ไอ้แทนมึงอย่าเชื่อน้องนะ

   “พี่ไทม์เป็นแฟนฟ้า ฟ้าท้องกับพี่ไทม์ได้สามสัปดาห์แล้วค่ะ” ฟ้าคคคคคคคคคคคคค หยุดที ต่อไปนี้กูจะไม่ทน ผมรีบแกะมือเล็กออกจากปาก หันไปเผชิญหน้ากับคนที่ปล่อยโกหกคำโตออกมามากกกว่าผมเป็นร้อยเท่าพันเท่า

   “นี่ฟ้าพูดบะ...”

   “ฮึก...” น้ำตาที่พรั่งพรูออกมา เล่นเอาคำว่าบ้าไหลลงคอ ร่างเล็กพุ่งเข้ากอดผมแบบไม่สนอะไรอีก เธอเอาแต่ร้องไห้เหมือนวันนั้นที่ทะเลาะกับไอ้แม็ค ร้องจนน้ำตาซึมผ่านอกเสื้อผมเปียกไปหมด

   “พี่ไทม์...ฮึก...ต้องรับผิดชอบ...ฮึก”

   คำของน้องฟ้ามันสะท้อนก้องอยู่ในหัว รับผิดชอบอะไร...รับผิดชอบลูกในท้องเหรอ...หรือรับผิดชอบที่ทำให้คนสองคนนั้นเลิกกัน...

   “ลูกฟ้า...ฮึก...กำลัง...จะไม่มี...พ่อ ถ้าพี่ไทม์ทิ้งฟ้าไป” ร่างที่ชิดกับผมตัวสั่นเทาอย่างหนัก แล้วทำไมต้องเป็นผมด้วยวะ ผมนึกอย่างเห็นแก่ตัว ไอ้แม็คมันก็แค่มาถูกที่ถูกเวลามากไปจนทำให้เข้าใจผิดไปเอง เรียนตั้งสูงแต่เสือกขาดภูมิคุ้มกันเรื่องความรัก ผมอยากจะชกมันให้หน้าหักไปเลยจริงๆ แต่เรื่องนี้ถ้าไม่มีผมหรือพี่โชเข้าไปยุ่ง มันคงจะไม่บานปลายขนาดนี้ นึกแล้วก็ให้ได้โทษตัวเองขึ้นมา

   “เชี่ยเอ๊ย​!!” แรงหนักๆดึงผมให้แยกกับน้องฟ้า ร่างสูงถลามาคว้าคอเสื้อ งานนี้ไม่มีปากแตกก็คงตาช้ำล่ะวะ แต่ทำไมผมไม่รู้สึกกลัวเลยซักนิด ไม่มีการหลับตาแถมยังจ้องหน้าคนเป็นพี่อยู่นิ่งงัน ไอ้แทนมันถึงกับชะงักกำปั้นค้างไว้ สีหน้ามันดูเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก “พี่มีอะไรจะพูดกับผมรึเปล่า” มันถามราวกับสั่งลาครั้งสุดท้าย ตอนที่ผมตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง


   “มึงชกกูมาเหอะ”

   “...”

   “กูนี่แหละแฟนน้องฟ้า”


   พลั่ก!!!



TBC
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++


หลังจากปล่อยลอยระทวย กับตอนที่13 ไปก็พักกองเรื่องนี้ไว้เสียนาน
ไม่รู้ยังมีคนตามอยู่รึเปล่า กรี๊ซซซซซซซซซซซ
ตอนนี้ให้ค่าตัวแทนเยอะหน่อย นางเลยแสดงตั้งแต่ฉากโรแมนซ์ยันแอ็คชั่น555


คุณ FeaRes ขอยกเพลง เคยรักเธอหรือเปล่า ของ ลำดวน ให้แก่น้องฟ้าาาาา สงสารไทม์ให้มากๆนะคะ... จากนี้ไทม์จะน่าสงสารยิ่งๆขึ้นไป(หราาาา) วิ่งหนี...

คุณ B52 อยากให้ถามมากๆๆๆๆๆๆเลยค่ะ ถามมาได้เลยนะ เผื่อจะได้เห็นรอยรั่วแตกร้าวตรงไหน คนแต่งจะอุดไว้ให้มั่น(ตอนนี้หัวผุเล็กๆ) ขอบคุณสำหรับเมนต์ที่สองนะคะ จุ๊บๆ

คุณ fsbeentaken กรี๊ดดดตะโกนใส่หน้า!! ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่า แทนจะได้เป็นลุงแล้ววววว(หราาาา) เรื่องหาตังค์บ้านแทนน่าจะพอไปไหวอยู่ค่ะ น้องเรียนสาธิตที่นี่แถมมาอยู่คอนโดก็แอบรวยพอสมควร หรือให้เสี่ยเดย์ช่วยสมทบทุนดี



ขอบคุณที่อยู่มาด้วยกันจนถึงตอน14นะคะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่14:จำเลยสังคม[25/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-11-2017 16:12:14
 :z6:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่14:จำเลยสังคม[25/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 25-11-2017 16:50:35
...พี่ไทม์ผิดอะไรรรรร ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์บ้างนะพี่
ทั้งเพื่อน แฟนเพื่อน หาเรื่องมาให้ไม่หยุดเลยยยยย
ส่วนแทนก็ใช่ย่อย... ห้ามชกพี่ไทม์!!!

ไทม์เปลืองตัวมากอะจริงๆ เอาใจช่วย ; __ ; / 55555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่14:จำเลยสังคม[25/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 01-12-2017 22:47:48
สงสารพี่ไทม์   :o12:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่14:จำเลยสังคม[25/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 06-12-2017 22:31:23
แรกๆก็สนุกขำๆกันอยู่ดีๆ หลังๆนี่อีรุงตังนัง
แทนเอ้ยมีเรื่องเข้ามาได้ตลอด เรื่องยางลบยังเคลียร์ไม่ได้ อยู่ๆมีลูกซะอีก
อิแมครีบกลับมาเดี๋ยวนี้ :m31:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่14:จำเลยสังคม[25/11/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: PNatsita ที่ 10-12-2017 23:31:21
ค้างงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่15:ความรู้สึกที่นิยามไม่ได้[11/12/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 11-12-2017 23:15:21
Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)

ตอนที่15 ความรู้สึกที่นิยามไม่ได้



   พลั่ก!!



   ทุกอย่างไปไวมาก ภาพที่ผมเห็นคือมือใหญ่ดึงคอเสื้อแล้วยกหมัดหมายจะทิ่มลงตรงกลางหน้า หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงกระทบกันอย่างรุนแรงของผิวเนื้อ...โชคยังดีที่ผิวเนื้อนั้นยังไม่ใช่ใบหน้าของผม

   “สัดแทน!! มึงจะทำอะไรวะ” คนที่เคยตกเป็นกรณีพิพาทก่อนหน้าอย่างไอ้เดย์ยื่นมือเข้ามาขวางกำปั้นที่เกือบเฉียดเข้ามาปะทะข้างแก้ม ในขณะที่ผมได้แต่ยืนนิ่ง ไม่ทันแม้แต่ถอยหลังป้องกันตัว เพราะยังตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมไปมาก คือการที่ไอ้แทน...มันตั้งใจจะชกหน้าผมจริงๆ

   เป็นคนท้ามันเองแท้ๆ แต่กลับหวังให้เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาและคิดว่าคนตัวสูงจะไม่กล้าลงมือ

   ความสัมพันธ์ที่คงตัวด้วยคำว่า...คนรู้จัก...

   ...นี่ผมหวังอะไรอยู่วะ...

   แม้กระทั่งเรื่องยางลบมันยังไม่อยากจะจำ แล้วนับประสาอะไรกับรุ่นพี่ต่างคณะที่มันตีสนิทเพราะอยากทราบความเป็นไปของน้องสาว

   ความรู้สึกเสียดแทงในอกนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่รู้ความจริงข้อนี้คืออะไร ผมให้คำนิยามมันไม่ได้ ทำไมต้องอ่อนไหวกับการกระทำของคนตรงหน้า มันสำคัญสำหรับผมมากขนาดนั้นเลยเหรอ ผมได้แต่ย้อนถามตัวเองไปมา

   ...ถ้าจบที่คนรู้จัก ผมคงไม่เจ็บที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะโดนชกขนาดนี้...

   “พี่คิดว่าผมโง่เหรอ” คำถามนี้เรียกสติที่จดจ่อกับการค้นหาคำตอบในตัวเองให้กลับมาเผชิญหน้า จ้องสบดวงตาคมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์หลากหลาย

   “...” โง่...ในที่นี้หมายถึงอะไร หมายถึงเรื่องที่มันพลาดมาขอให้ผมสืบเรื่องน้องสาว   หรือโง่ที่คิดว่าจะเชื่อเรื่องที่ผมโกหกว่าเป็นแฟนน้องฟ้า หากไม่ทันจะทำความเข้าใจถึงคำถามนั้นให้ลึกซึ้ง เดือนวิศวะกลับก้าวเข้ามาใกล้ สายตามันบ่งบอกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ความโกรธ แต่เป็นความผิดหวังและไม่พอใจอยู่ลึกๆ

   “อย่ารับผิดแทนคนอื่น”

   ฮะ? ประโยคที่ได้ยินนั้นเบาราวกับเสียงกระซิบ ถึงขั้นแยกไม่ออกระหว่างหูแว่วกับเรื่องจริง ไอ้แทนมองมาทางนี้เพียงแค่แวบเดียวก่อนหลบสายตาอย่างจงใจไปทางผู้เป็นน้อง

   “ฟ้า กลับบ้าน” ร่างสูงฉวยข้อมือเล็กแล้วลากไปอีกทาง หากแต่คนถูกจับจูงกลับสะบัดมือทิ้งแล้ววิ่งมาหลบหลังผม

   อ้าวเฮ้ยยยยย

   “ฟ้าไม่ไป” เสียงหวานดังแว่วมา น้องฟ้าใช้ผมเป็นปราการด่านสุดท้ายป้องกันท่านชาย ผมได้แต่ยืนร้อนๆหนาวๆราวกับกำแพงบ้านที่ตั้งขวางกำแพงเบอร์ลิน ไส้กรอกเยอรมันซักชิ้นมั้ยน้อง คิดว่าผมมีปัญญาปล่อยมุกนี้มั้ย เหอะ ไม่อ่ะ ผมกลัวมันหันมาต่อยผมอีกรอบเลยยืนกลั้นหายใจเผื่อมันจะมองผ่านตัวตนผมไป แต่เปล่าเลยไอ้แทนมันมองหน้าผม

   “ผมไม่อยากให้พี่มายุ่งกับเรื่องนี้อีก” กูก็ไม่ได้ยุ่งแล้ว แต่ดูน้องมึงดิ น้องมึงอ่ะ “ผมจะถือว่าไม่ได้ยินเรื่องที่น้องผมพูดละกัน แล้วพี่....ก็อย่ามาเจอกับฟ้าอีก” ไอ้แทนมันเดินเบี่ยงตัวหลบผม ตั้งหน้าจะไปคว้าคนที่อยู่ด้านหลัง ฉับพลันกับที่ไม่รู้ว่ามีอะไรมาดลใจให้ผมคว้าแขนเสื้อมันไว้จนร่างสูงต้องหยุดชะงัก

   ...ที่ไม่ให้มาเจอเนี่ย...หมายรวมถึงมึงด้วยรึเปล่าวะ...ไอ้แทน...

   ใจหายแบบแปลกๆ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันมีแค่น้องฟ้าเป็นสายใยบางๆกั้นตรงกลาง แล้วถ้ามันถูกตัดขาดออกไปอย่างนี้ นี่ไม่เท่ากับว่าผมจะไม่ได้เจอหน้ามันอีกเลยเหรอ

   “พี่ไทม์”

   ...กูจะไม่ได้ยินเสียงนี้ที่เรียกชื่อกูอีกแล้วใช่มั้ย...

   มือใหญ่เลื่อนมาจับมือผมแล้วค่อยๆปลดออกจากปลายเสื้อเชิ้ตเบาๆ

   ...สัมผัสนี้...กูก็จะไม่ได้จากมึงอีกแล้วใช่มั้ย...

   ความรู้สึกผูกติดกับใครซักคน มันทำให้ผมเป็นคนสิ้นคิด จนเผลอพลั้งปากพูดออกไป

   “ทำไมกูจะมาเจอน้องฟ้าไม่ได้อีกวะ”

   “...”

   “ก็ในเมื่อ กูกำลังจะเป็นพ่อของเด็กในท้อง”

   “..!!!” ตกตะลึงกันทั่วสารทิศรวมถึงตัวของผมเอง เชี่ยไทม์เอ๊ยยยยย แค่ปล่อยไอ้แทนไปเรื่องมันก็น่าจะจบแล้วไม่ใช่เหรอ ดูท่าไอ้แทนมันก็จะไม่หาเรื่องเอาความอะไรอีกแล้ว แต่ทำไมผมถึง...ผมถึง...

   “พี่พูดอะไรออกมา รู้ตัวรึเปล่า” การเรียกร้องความสนใจได้ผล ไอ้แทนเปลี่ยนเป้าหมายสืบเท้ามาประชิดตัวพร้อมยื่นหน้าเข้าใกล้ผมจนเรียกว่าถ้าโดนผีผลักป่านนี้หน้าคงจิ้มหน้ากันไปนานแล้ว

   “รู้ดิ...ลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ” จบประโยคร่างสูงพรูลมหายใจใส่หน้าผมแรงๆ โหยถ้ามึงจะทำขนาดนี้ไม่ตดใส่หน้ากูไปเลยล่ะ

   “ผมให้โอกาสพี่แล้วนะ ในเมื่อไม่อยากได้ขนาดนั้น ผมจะให้พี่รับผิดชอบให้หนำใจเลย”







[แทน สุรบถ]


   คนที่ทำไม่เป็นแม้กระทั่งจูบ จะมีปัญญาทำคนอื่นท้องด้วยเหรอครับ

   “กับพี่ไทม์ค่ะ!! ฟ้าท้องกับพี่ไทม์”

   แวบแรกที่ได้ยินประโยคนั้น ผมตัดสินได้ทันทีเลยว่าฟ้าโกหก ไม่ใช่ว่ามีเครื่องจับเท็จขนาดพกพาอยู่กับตัว แต่กับคนที่เคยพิสูจน์ริมฝีปากบางเล็กคู่นั้นมาแล้วอย่างผม บอกได้คำเดียวว่า พี่ไทม์โสดมาตลอดชีวิตไม่เคยต้องมือหญิงหรือชายที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน เพราะอย่างงั้นผมเลยสงสัยว่าฟ้าคิดอะไรถึงอ้างชื่อร่างโปร่งตรงหน้าขึ้นมาได้ หรือเป็นเพราะยัยตัวเล็กล่วงรู้ความลับของผม รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคน...ที่ผมแอบเพ้อมานาน...

   เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อช่วงปิดเทอมสองปีก่อน ตอนผมโดนก๊วนแก๊งชวนมาเตะบอลที่โรงเรียน ด้วยความที่เป็นสายบาสมากกว่าสายบอลเลยทำให้ผมเดินชิลฟังเพลงไปเรื่อย ไม่เร่งร้อนแม้ว่าจะมาสายกว่าเวลานัดไปมากก็ตาม จนกระทั่งเผลอตัวเดินทะลุเข้าไปอยู่ท่ามกลางผู้คนมหาศาลเท่านั้นแหละ จากที่เดินเป็นสล็อตอยู่กูใส่เกียร์หมาเลยครับ คนมาจากไหนกันเยอะแยะวะ แถมตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้กูไม่ชิน หากมีบางสิ่งที่ทำให้ผมอยากกลับเป็นสล็อตอีกครั้ง...

   รอยยิ้มที่มีแรงดึงดูดมากมายมหาศาลนั้น รอยยิ้มที่สายตาผมเผลอไปปะทะเข้าอย่างจัง

   และราวกับเรื่องบังเอิญที่เมโลดี้เพลงเนื้อหาเกี่ยวกับรอยยิ้มของนักร้องกลุ่มหนึ่งถูกสุ่มขึ้นมา ณ วินาทีที่ผมสบตาอีกฝ่าย

   รักแรกพบ ตอนแรกผมเอาแต่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ หากพอมาเกิดขึ้นกับตัวเท่านั้นแหละ จุกจนพูดไม่ออกเลย แค่เห็นรอยยิ้มขี้เล่นของคนตรงหน้าก็ทำให้ผมมองแทบไม่ละสายตา คนบ้าอะไรวะ พอยิ้มแล้วน่ารักฉิบหาย ถ้าบอกว่าผมโดนยาสเน่ห์คงบอกได้คำเดียวว่ามันออกฤทธิ์แรงมาก มากเสียจนผมลืมไม่ลง และมันก็กลับมาตอกย้ำผมอีกครั้งในคืนวันสอบมิดเทอมหลังจากเริ่มต้นชีวิตมหาวิทยาลัยในปีหนึ่ง



   อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้วะ

   ผมจ้องคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ ใครมันจะไปคิดว่าการที่โดนลากมาดื่มเหล้าย้อมใจก่อนเจอศึกหนักในวันใหม่อย่างข้อสอบแคลคูลัส จะทำให้ผมได้มาเจอกับคนที่เฝ้าเพ้อมานานแสนนานตั้งแต่ที่พบหน้ากันในวันนั้น ทั้งที่เก็บงำความรู้สึกอยากจะออกตามหานับแต่วินาทีที่ก้าวเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัยไว้จนเกือบขาดใจ

   ดวงตากลมโตใสมองตอบกลับมา ท่าทีของคนตรงหน้าไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันตกใจ แต่เชื่อเถอะความตกใจของผมชนะขาด

   “พี่...” ...ไทม์...โหยหาจะเรียกชื่อร่างโปร่งตรงหน้า หากแต่กลับโดนเสียงของบุคคลที่สามอย่างไอ้พนักงานเสิร์ฟร้านพี่ดวกมันฉุดรั้งความสนใจของอีกฝ่ายไปแบบไม่ใยดี

   เสียใจในความโล่งอก สิ่งที่อธิบายความรู้สึกได้คงมีแค่วลีนี้ ผมไม่รู้ว่ามันนำจะพาสถานการณ์ไปแบบไหน

   หากพี่มันรู้ว่า...มีใครบางคนไม่เคยลืมพี่มันได้เลยนับจากวันนั้น วันที่คนๆนั้นตัดสินใจส่งยางลบก้อนน้อยไปให้อีกฝ่ายยืม...

   ในวันนั้นความรู้สึกกระตือรือร้นอยากจะรู้ว่าเจ้าตัวคือใคร มันทำให้ผมต้องสืบเท้าถอยหลังไปทำทีเป็นยื่นยางลบให้ แต่ในใจกลับคิดว่าถ้าได้ผูกสัมพันธ์อีกสักนิดก็คงดี หากความเร่งร้อนสำหรับคนเข้าห้องสอบทำให้ผมได้เพียงแค่ลอบมองตัวอักษรย่อของโรงเรียนบนอกข้างขวา ซึ่งเป็นตัวบอกใบ้ให้ผมได้มีโอกาสเข้าไปในเพจสันทนาการโรงเรียนมัธยมของเจ้าของรอยยิ้มหวานนั้น และจากเพจสันทนาการก็เริ่มลามจนกลายเป็นกลุ่มปิดซึ่งเป็นที่รวมภาพของสาวฮอตหนุ่มฮิตประจำรั้วเขียวขาว

   ในนั้นมีภาพของเด็กมัธยมทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องและรุ่นเดียวกับผมมากหน้าหลายตา แต่ที่อึ้งสุดเห็นจะเป็นรูปแอบถ่ายของพี่มันที่กินพื้นที่เพจไปกว่าครึ่ง แบบเรียกได้ว่าไถจนนิ้วกุดสุดท้ายก็ไปหยุดที่คนตัวขาว

   ...ไทม์ ชลธี...

   ไม่รู้ตากล้องฝีมือดีหรือรัศมีของนายแบบมันเปล่งปลั่ง ถึงถูกถ่ายออกมาได้ช่าง...

   ...น่ารักเชี่ย...

   ภาพถ่ายเต็มตัวใส่ชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินหนีบกระเป๋านักเรียนสีดำแบนแต๊ดอยู่ข้างกาย โดยเท้าข้างซ้ายเหยียบอยู่บนลูกฟุตบอลกลมๆ ดวงหน้าขาวหันข้างเข้าหากล้องยิ้มยีฟันจนตาหยิบหยี สภาพแม่งดูไม่พร้อมจะเล่นกีฬาแต่ทำท่าจะเขี่ยฟุตบอลตรงหน้าให้กลิ้ง

   ผมเผลอมองหน้าจอมือถืออยู่นานแล้วเหลือบไปเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก

   ...เชี่ย...นี่กูยิ้มอะไรวะ...

   ผมรีบเตะโด่งความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นแล้วนั่งเลื่อนดูภาพต่อ

   โหย...ภาพนี้สงสารพี่มันสุดๆ

   แอบหลับหลังห้องเรียนยังไม่เท่าไรแต่ไอ้น้ำลายที่ยืดคามุมปากเนี่ยดิ ถ้าไม่คิดว่ารักหรือคลั่งไคล้ ตากล้องมันคงผูกใจเจ็บกับคนๆนี้เอามากๆ ถึงกระทั่งเลือกสภาพอุบาทว์สัดมาลงในกลุ่มปิดที่มีสมาชิกร่วมกว่าสามหมื่นชีวิตได้ คนกดไลค์หลักพันคนคอมเมนต์หลักร้อย ทำให้รู้ว่าพี่มันป๊อบไม่น้อย...แต่ป๊อบเชี่ยๆ

   ถัดมาเป็นภาพตอนวันงานกีฬาสี วันรับน้องม.หนึ่ง และอีกหลากหลายวัน จนกระทั่งวันปัจฉิมนิเทศ

   ไล่ดูหมดจนแทบจะรู้ทุกช่วงชีวิตของคนดังประจำโรงเรียน แต่สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้จากหลายๆภาพ ทุกภาพที่มีพี่ไทม์ย่อมมีอีกคนยืนอยู่ด้วยเสมอ

   ...คนที่ยืนอยู่ข้างพี่มันในวันนั้น...คนที่ชื่อเดย์

   XXXXX จ้องจนพี่ไทม์จะละลายอยู่แล้ว
   XXXXXXXX ดวงตานี้ของพี่เดย์มีตายยยยยยยย

   ใจมันวูบโหวงอย่างประหลาดเมื่อได้อ่านคอมเมนต์สครีมกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง และคำรำพันแปลกๆของทุกคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น

   ...แฟน?...


   ‘แล้วไอ้ที่นอนตายอยู่ข้างๆไม่ใช่คู่หูพี่เหรอ’

   ความสงสัยไขกระจ่างด้วยคำถามของไอ้เสาร์ เพื่อนรักที่ตามตูดกันมาเข้ามหาวิทยาลัยในคณะเดียวกัน ทุกครั้งที่เผลอเปิดภาพพี่ไทม์ให้มันเห็นเป็นอันต้องถูกทำหน้าเหม็นเบื่อใส่ เพื่อนคนนี้มันไม่ชอบเพศที่สามเข้าขั้นโคม่า แต่เหมือนโชคชะตาจะกลั่นแกล้งให้มันเสือกเป็นเสป็คของเก้งกวางบ่างชะนีไปได้ เจอแบบนี้ทีมันเลยพาล ขนาดคนหน้าหวานยังตั้งแง่รังเกียจ พลอยทำให้พี่ไทม์ที่ไม่เคยเจอมันแม้แต่ครั้งเดียวกลับเสือกขึ้นแท่นเป็นคนถูกเกลียดขี้หน้าอันดับหนึ่งในชั่วเสี้ยววินาที งานนี้บอกได้เลยคำเดียวครับว่าอคติล้วนๆ

   ‘ไอ้เดย์มันเพื่อนกู’

   เออ...เขาก็แค่เพื่อนกัน...มึงได้ยินยังไอ้เสาร์...แล้วไง...ทำไมกูต้องยิ้มด้วยวะ!!

   แทบจะยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองให้กล้ามเนื้อที่มุมปากมันเลิกทำงาน นี่ผมเป็นบ้าอะไรวะ ตั้งแต่เรื่องที่ส่องอินสตาแกรมพี่มันทุกวันอย่างกับคนโรคจิตแล้ว กับแค่รู้ว่าสองคนตรงหน้าไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างที่เขาว่ากัน ทำไมใจผมมันกลับตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง แถมยังให้คำจำกัดความมันไม่ได้อีก...

   ความสัมพันธ์ระลอกสองของคนตัวขาวกับผมที่ยังบ่งไม่ได้ว่าคืออะไรเริ่มต้นใหม่นับจากวันนั้น นับจากวันที่พี่มันเดือดร้อนเรื่องไม่มีตังค์จ่ายค่าเหล้า...

   ทุกครั้งที่เข้าหาผมพยายามบอกกับตัวเองเสมอว่าเพื่อน้อง น้องสาวของผมที่มีข่าวว่าชอบไปเดินป้วนเปี้ยนแถวคณะเศรษฐศาสตร์

   ...ผลพลอยได้จากการเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ ก็เพื่อที่จะมีเวลาอยู่ดูแลน้องสาวเพียงคนเดียวที่ผมเป็นห่วง...

   ...และที่ผมเฉียดมาเข้ามาคณะเศรษฐศาสตร์ก็เพื่อมาตามสืบว่าน้องผมกำลังมีลับลมคมในกับใครอยู่...

   ...สาบานได้เลยครับว่าไม่ได้คิดอะไรกับพี่ไทม์จริงๆ...

   ...ให้ฟ้าผ่าตายเลยเอา...





   เปรี้ยง!!!

   คนตัวเล็กกว่ากระโดดเข้าหาอกผมจนรองเท้าคอนเวิร์สร่วงลงพื้น

   ใช่..ผมตกใจกับเสียงฟ้าผ่าไม่ใช่เพราะใบหน้าขาวหวานที่เข้ามาประชิดติดขอบสนามอย่างนี้ซะหน่อย

   ไม่ใช่โว้ยยยยยยยย!!

   สับสน สับสนสุดๆ แต่ทุกการกระทำที่ผมทำให้พี่มันแทบไม่แสดงออกถึงความสับสนนั้นเลยซักนิด เวลาเข้าใกล้พี่ไทม์ ผมจะมีความสุข สนุกกับการได้แหย่ใครคนหนึ่งให้ทำตัวหงุดหงิดงุ่นง่านใส่ เพราะท่าทีแบบนั้นมันโคตรน่ารัก น่ารักชะมัด จนอยากจะฟัด...อยากจะจูบ...

   ‘ขึ้นเลย’

   เชี่ยขึ้นจริง อย่าถามผมนะว่าอะไรขึ้น ชีวิตของเด็กหนุ่มวัยกำหนัดและกลัดมัน พอมีคนหน้าตาน่ารักผิวพรรณดีมาอยู่ในอ้อมกอดขนาดนี้มีหรือที่แทนน้อยของพี่จะไม่คึกคักขึ้นมา

   ผมสะกดกั้นอารมณ์ตนเองโดยเฉไฉไปเรื่องอื่น จะให้จับพี่มันปล้ำตรงนี้ผมทำไมได้ ยอมรับว่าตัวเองหื่นนิดๆแต่ไม่คิดว่าจะหื่นขนาดแค่ยืนกูก็มีอารมณ์ สัดหนังหมาเอ๊ย...หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ...โธ่เว้ยยยยยยยยย สงบซะไอ้ลูกพ่อ!!

   จนกระทั่งมีคนมาตัดอารมณ์ผมสัดๆ อย่างพี่ต่างคณะที่ผมไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้า แต่ดูท่าว่ามันจะคลั่งพี่ไทม์อยู่พอสมควรและร่างในอ้อมกอดผมก็ดูจะกลัวมันเอามากๆ ท่าทีดังกล่าวส่งผลให้จากที่เขินเรื่องการเป็นเจ้าของยางลบกลายเป็นไปจบที่ความกลัวว่าจะโดนพี่ไทม์รังเกียจเหมือนอย่างพี่โชมัน

   และวันนั้นเดียวกันนั้นเองที่ทำให้รู้ว่าผมอยากดีปคิสกับคนตรงหน้าขนาดไหน ผมเริ่มไม่ไว้ใจตัวเอง ผมกลัวว่าจะไม่สามารถหยุดให้พี่ไทม์เป็นได้แค่คนที่จะพาผมไปสู่ความจริงเรื่องน้องสาว เพราะผมเริ่มมีใจคิดอยากจะตามติดพี่ไทม์ อยากเดินตามทุกฝีก้าว โดยใช้เรื่องน้องสาวมาเป็นข้ออ้าง

   “ผมให้โอกาสพี่แล้วนะ ในเมื่อไม่อยากได้ขนาดนั้น ผมจะให้พี่รับผิดชอบให้หนำใจเลย”

   ในเมื่อพี่มันตัดสินใจที่จะกระโดดเข้ามาหาผมเอง...จากนี้ไป....ผมก็จะไม่เกรงใจล่ะนะ




[ไทม์ ชลธี]



   รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

   สภาพแวดล้อมที่แปลกตาของห้อง สีผนัง ผ้าม่าน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ของประดับตกแต่งต่างๆ และตุ๊กตาเจ้าหมีน้อยที่วางอยู่บนโซฟา มันบ่งบอกได้ว่าผมกำลังนั่งอยู่ในห้องผู้หญิง

   โอ้-แม่-เจ้า-โว้ย

   ผมอยู่ในห้องผู้หญิงว่ะ ถ้าไม่นับรวมการเดินเข้าห้องแม่ นี่ก็ครั้งแรกในชีวิตเลยนะ ผมควรจะดีใจดิวะ แล้วทำไมกูถึงเหี่ยวได้ขนาดนี้ สาเหตุคงมีแค่สายตาคมที่จ้องผมไม่หยุดนับตั้งแต่พากันนั่งรถซีวิคสีเทาเมทัลลิคกลับมาที่ห้องน้องฟ้าแม่นางน้อยยอดขมองอิ่มของคนตรงหน้าล่ะมั้ง

   แทนที่จะแยกย้ายกันกลับห้องแต่เหตุที่ผมต้องมานั่งแช่อยู่ตรงนี้ เพราะมือเล็กๆของน้องฟ้าที่กำเสื้อเชิ้ตผมแน่นไม่ยอมปล่อยโอกาสให้ผมได้วิ่งหนี ราวกับว่าจะให้กูเป็นแฝดอินจันกับเธอไปตลอดนับจากนี้น่ะ

   “ฟ้า”

   “!!!” แรงสะดุ้งส่งผ่านมาถึงตัวผม จนต้องหันไปมองร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆบนโซฟาตัวเดียวกันและยังขยำเสื้อเชิ้ตผมแน่น เอิ่ม...เป็นอะไรกับเสื้อเชิ้ตกูมากรึเปล่าวะ ตั้งแต่คราวก่อนที่ร้องไห้จนชุ่มโชกแทบไม่ต้องส่งซักรีดแล้วมาคราวนี้มึงจะให้กูฉีดน้ำยาอัดกลีบให้ได้ใช่มั้ย เธอก้มหน้าตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด อะไรมันจะกลัวพี่ชายขนาดนั้นวะ ไอ้แทนแม่งไม่เห็นจะมีอะไรน่า...อึก...กูขอถอนคำพูด ใบหน้าคมคายเรียบเฉยไม่เหลือความขี้เล่นอย่างเคยเลยสักนิด จริงสิ เรื่องนี้มันควรจะจริงจังน้องสาวมันท้องทั้งคนนี่หว่า

   “เราเข้าไปในห้องก่อนได้มั้ย พี่มีเรื่องจะคุยกับพี่ไทม์แค่สองคน”

   “ฟ้าไม่ไป”

   วันนี้ทำให้ผมรู้อะไรหลายๆอย่าง อย่างหนึ่งคือน้องฟ้าไม่ได้นิสัยเหมือนนางฟ้าตามชื่อ อย่างสองเธอก็เป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไปที่มีความดื้อด้านเอาแต่ใจอยู่นิดๆ

   “ถ้าฟ้าปล่อยให้พี่คุยกับพี่ไทม์ พี่สัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อแม่” เธอเงยหน้าขึ้นราวกับเจอข้อเสนอโดนใจผ่อนศูนย์เปอร์เซ็นต์สิบเดือน ลุ้นรถไปขับเลยด้วยมั้ยน้องจะได้ไม่ต้องไปท้องกับไอ้ตัวเหี้ยที่ไหนที่ทิ้งน้องไปอีกน่ะ มาถึงจุดนี้ผมถึงกับสะดุ้ง...เออจริงด้วยดิก่อนที่จะไปคิดถึงตรงนั้นกูควรคิดถึงเรื่องอนาคตที่กูต้องฟันฝ่าก่อนจริงมั้ย อย่างแรกเลยคือการตามหาตัวไอ้แม็คให้เจอ จนกว่าจะถึงเวลานั้นผมคงต้องทำตามสัญญาดูแลน้องฟ้าไปก่อน อย่าให้เรื่องราวมันเดือดร้อนใหญ่โต แรงกระตุกเสื้อทำให้สมองที่จะคิดแแผนหยุดชะงักหันกลับไปมองตามคนกระทำ

   “พี่ไทม์...อย่าทิ้งฟ้านะ” อ้อนกูสุดฤทธิ์ นี่ถ้าไม่ติดว่ารู้สึกผิดคงไม่มีวันสิ้นคิดรับเป็นพ่อของเด็กแน่ๆ ผมหยักหน้าแล้วตบมือเธอเบาๆ ให้วางใจ ร่างเล็กเลยยอมถอยไปเข้าห้องที่อยู่ด้านหลัง ทันทีที่เสียงประตูปิดฉับลงไปนั้น...

   “เย้ยยยยย จะทำไรของมึงวะ!!” ไอ้แทนมันเข้ามาไม่ทันให้รู้ตัวแถมยังคว้าข้อมือกูไปกำเสียแน่น

   “บอกผมมาตามตรงเถอะ ว่าใครกำลังคบกับฟ้าอยู่”

   “ก็กูไงไอ้สัด ถามอยู่ได้” ตอนนี้สกิลไลเออร์สิงห์โกหกกูคงอัพเกรดเข้าขั้นแม็กซ์สุดแล้วมั้ง

   “ทำไมปากแข็ง”

   “ปากกูไม่เคยแข็ง”

   “ถ้าปากตรงนั้นน่ะรู้...เพราะเคยจูบ”

   “เชี่ย!!”

   “รู้พอที่ทำให้เข้าใจด้วยว่าพี่ไม่เคยมีอะไรกับใคร”

   “คะ...ใครบอก กูไม่เคยมีอะไรกับใคร” อึ้งเลยสัด มันรู้ได้ไง กูเคยหลุดปากบอกออกไปเหรอ แค่ทำท่าทางพิรุจตอนถูกเค้นถามว่าเป็นเฟิร์สคิสรึเปล่าแค่นั้น มันคงไม่ทำให้ถึงกับตรัสรู้ได้ว่ากูยังบริสุทธิ์หรอกนะเฟ้ย วู่ฮู้กับคนอื่นได้โดยไม่จูบ มันต้องมีดิวะคนประเภทนั้น มันต้องมี...ที่ไหนกันว้าาาาาา

   “งั้น...พิสูจน์ให้ผมดูหน่อย”

   “ฮะ?”

   ไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือรอให้ผมเข้าใจ ไอ้แทนฉุดตัวผมให้ยืนขึ้นแล้วใช้แรงดึงพุ่งไปยังห้องอีกฟากหนึ่ง เฮ้ย..เดี๋ยวเว้ยพิสูจน์ว่าเคยมีอะไรกับใครมันต้องพิสูจน์ยังไงวะ โอ๊ยยยยยยยยมึงจะทำอะไรกูเนี่ยยยยยยยย ผมพยายามขืนตัวซึ่งดูเหมือนมันจะได้ผลเพราะคนร่างสูงถึงกับต้องหยุดเดินแล้วหันกลับมา หึ อย่าดูถูกผมนะ บอกแล้วว่าผมเป็นสายกีฬา ออกกำลังในร่มผ้าเป็นประจำ แล้วมีหรือที่จะแพ้มัน เฮ้ย!!เดี๋ยวก่อนกูขอถอนคำพูด!!

   ชะล่าใจ ไม่นึกว่ามันจะปล่อยมือแล้วหันมาอุ้มผมขึ้นทั้งตัว

   “หนักชะมัด”

   “หนักก็ปล่อยกูลงดิวะ!!”

   “ก็พี่ดื้อ”

   “แล้วกูควรดื้อมั้ยเนี่ย”

   “แค่ให้ผมพิสูจน์นิดหน่อยเอง หรือพี่กลัว”

   “แล้วทำไมกูจะต้องพิสูจน์กับผู้ชายอย่างมึงด้วยวะ”

   “...!!”

   ตุบ!!

   “โอ๊ย เชี่ยแทนมึงปล่อยกูลงมาเพื่อ!!” เชี่ยแม่งเมื่อกี้อย่างกับฟรีฟอล ก้นกบกูแทบร้าว พื้นคอนโดแม่งไม่รู้สะเทือนไปทั่วชั่นรึเปล่า แต่ที่รู้กูเจ็บสัด  ถึงมึงจะบอกว่าตัวกูหนักมึงก็ไม่ต้องปล่อยกูทิ้งดิ่งถึงขั้นนี้ก็ได้เปล่าวะ!!

   แต่ดูเหมือนคำด่าจะไม่เข้าหูร่างสูง ก็มันเล่นนิ่ง นิ่งเหมือนหุ่นยนต์ที่แผงวงจรชำรุดกะทันหัน จนผมยังสงสัยเลยลุกขึ้นขยับตัวเข้าไปใกล้ หรือกูเผลอไปกดสวิซต์เปิดปิดตรงไหนเข้าให้วะ ผมจิ้มตามต้นแขนแกร่งไปเรื่อยแล้วย่อตัว เงยมองหน้าที่ก้มลงต่ำของมันแบบสังเกตสังกา

   “มาถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวอะไรอีกวะ”

   ฮะ? เสียงทุ้มเอ่ยทิ้งข้อความกำกวมไว้แล้วสวนกลับแบบฉับไวด้วยการจับมือผมข้างที่จิ้มมันอยู่นั่นแหละ

   “เย้ย...โดนสวิซต์แล้วเหรอวะ!!”

   “ไม่ต้องไปถึงสวิตซ์หรอก อยู่เมืองไทยนี่แหละ ผมจะทำให้พี่รู้สึกดีเหมือนอยู่สวิตเซอร์แลนด์เอง”

   “!!!” จากท่าอุ้มเจ้าหญิงมันเปลี่ยนเป็นแบบกระสอบข้าวได้ยังไงวะ “เชี่ย ปล่อยกู กูรักเมืองไทย ไม่อยากไปเที่ยวไหนทั้งนั้นแหละ มันขาดดุลการค้าเว้ย ปล่อยยยยยยยย”

   ช่วยผมด้วย นี่ผมกำลังจะโดนมันทำอะไรวะ ช่วยบอกกูที!!



TBC

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รู้สึกตัวเองดราม่าไม่ได้นาน 555
ขอโทษที่สั้นไปนิดนะคะ
ขอบคุณที่อ่านเหมือนเคยค่ะ
ตอนนี้มาแบบป่วยๆ55

คุณ B52 กระต่ายตัวนั้นคือคนแต่งรึเปล่านะ555

คุณ FeaRes ปีนี้ปีชงของไทม์รึเปล่าน้า55 แต่คนแต่งจะชงให้คู่กับแทน(ชงคนละความหมาย!!) ดูเหมือนจะเปลืองเนื้อเปลืองตัวมากกว่านี้ยังไงก็ไม่รู้อ่ะ >_<

คุณ StarPasO กอดไทม์ให้เค้าหน่อย ขอบคุณสำหรับการหลงผิดเข้ามาอ่านนะคะ รักน้า

คุณ songte ตอนนี้เละเป็นโจ๊ก555 ล้อเล่นค่า พล็อตยังมี คงต้องดำเนินต่อไป ว่าแต่ตอนนี้เคลียร์รึยังนะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

คุณ PNatsita ไปเช้าเย็นกลับดีกว่านะ55 ขอบคุณที่อ่านจนถึงตอนปัจจุบันนะคะ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่15:ความรู้สึกที่นิยามไม่ได้[11/12/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 12-12-2017 19:46:30
ไทม์มันร้ายยยย พบคนปากแข็ง 1 ea
จำเขาได้ก็ทำเมิน ปล่อยให้พี่เขาน้อยใจจจ
รู้เรื่องนั้นเรื่องก็พูดสิ ปากหนักทำไมมม //ตั

แล้วเนี่ยๆๆๆ พิสูจน์อะไร อย่าฉวยโอกาส!!!
55555555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่15:ความรู้สึกที่นิยามไม่ได้[11/12/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: PNatsita ที่ 17-12-2017 21:54:09
รอตอนต่อไปปปป :katai2-1:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่15:ความรู้สึกที่นิยามไม่ได้[11/12/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 17-12-2017 22:52:59
กอดพี่ไทม์นะ สู้ๆ

ปล.แทนอย่าทำพี่ไทม์แรงมากนะ  :hao6:  :hao6:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่15:ความรู้สึกที่นิยามไม่ได้[11/12/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Kmiew ที่ 18-12-2017 02:13:32
อยากขอติงนิดนึงนะคะไม่รู้คนอื่นเป็นมั้ยแต่ความรู้สึกเราคือ อ่านแรกๆก็สนุกอยู่แต่พออ่านๆไปมันเริ่มเยอะแปลกๆจนทำให้น่ารำคาญนิดนึงอยู่ๆปัญหาก็โยนๆมาใส่ไทม์ ถ้าปัญหาต่างๆตรงนี้เคลียไวจะดีมมากเลยค่ะละอีกอย่างนึงคือเวลาตัวละครพูดคุยกันคือทำไมไม่พูดให้เคลียๆไปเลยยิ่งคู่หลักนะแทนแบบเป็นไรชอบแต่ทำเป็นจำไทม์ไม่ได้ เพื่อ? ถ้าเป็นเค้าโครงเรื่องที่คนแต่งวางไว้ให้เป็นแบบนี้อยู่แล้วเราก็ขอโทษน้าา :monkeysad: อันนี้แค่ความเห็นเราคนเดียวนะคะ :mew2:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่16:กฎเหล็กของว่าที่น้องเขย[24/12/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 24-12-2017 22:26:11
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 16 กฎเหล็กของว่าที่น้องเขย





   “น้องผมไม่อยู่แล้ว ไม่ต้องแกล้งโกหกอีกแล้วก็ได้”

   “...”

   “ทำไมต้องทำท่ากลัวผมขนาดนั้น”

   “...”

   “ผมไม่ต่อยพี่อีกรอบหรอกน่า”

   “กุ...กูไม่ได้กลัวเรื่องนั้น”

   “แล้วพี่กลัวอะไร”


   กูกลัวใจมึงเนี่ยแหละ!! ท่านี้มันหมิ่นเหม่เกินไปแล้ว!!

   แผ่นหลังผมเป็นเตียง ผ้าปูที่นอนลื่นและนิ่มโคตร แถมหยุ่นนุ่มน่านอน แต่ผมกลับหลับไม่ได้เพราะไอ้เจ้าของห้องมันคร่อมผมแล้วล็อคไว้ทั้งตัวอยู่

   “ปะ...ปล่อยกูลุกขึ้น แล้วนั่งคุยกันดีดีได้มั้ยวะ”

   “พี่มันกะล่อน”

   “อ้าวเฮ้ย ไรวะอยู่ดีดีมาด่า”

   “ถ้าปล่อยให้ลุกขึ้นจะวิ่งหนีใช่มั้ย”

   “...” มะ...มันรู้ได้ไง!!

   “เงียบเลย แทงใจดำอ่ะดิ”

   “ชะ...ใช่ที่ไหนเล่า นอนคุยท่านี้กูไม่สะดวก”

   “สะดวกท่าไหน”

   “ท่าไหนอะไรของมึง”

   “อยากอยู่บน?”

   “สัดแทน มึงพูดเรื่องอะไร...เฮ้ย!!” อีกฝ่ายเล่นทิ้งตัวลงทับแล้วสอดมือเข้าเอวผมอย่างรวดเร็ว เสี้ยววินาทีที่โดนแรงเหวี่ยงพลิกกลับ ร่างทั้งร่างของผมก็ขึ้นมาทาบทับร่างสูงใหญ่อย่างง่ายดาย

   “สะดวกยัง”

   เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สภาพนี้มึงอย่าบอกนะว่ากูออนท็อป!! ลมหายใจติดขัดเพราะหน้าท้องแบนราบแม่งเสือกทาบทับกันแนบสนิท ไอ้แทนมันโคตรรั้งตัวผมเข้าไปใกล้ ส่วนตรงนั้นก็...กูไม่อยากจะคิด มึงอย่ายกขาขึ้นเชียวนะ กูกลั๊วววว

   “กูหมายถึงนั่งคุยกันดีดีเว้ย!!”

   “คุยกันดีดีไม่เคยได้ความ พี่มันพวกชอบให้ผมบังคับ”

   “ใครบอกว่ากูชอบให้มึงบังคับวะ!!”

   “ก็ปากหนักไม่ยอมพูดความจริงซักที”

   “ความจริงที่มีกูก็พูดไปหมดแล้วนี่หว่า มึงจะเอาอะไรกับกูนักหนา จะถามกูอีกกี่ครั้ง!!”

   “ถามจนกว่าพี่จะยอมพูดออกจากปากว่าพี่ไม่ได้มีอะไรกับน้องผมไงเล่า!!”

   “ให้ได้อะไรวะ ผลลัพธ์แม่งก็ไม่เห็นจะต่างกันเลย สุดท้ายยังไงน้องมึงก็ท้องหลานมึงอยู่ดี จะบังคับกูทำเพื่อ!!”

   “ก็เพื่อให้ได้สิทธิในการจีบพี่ไงล่ะวะ!! สัดเอ๊ย!!”

   “... !!”

   บอกตามตรงว่าผมสตั๊น...โคตรพ่อโคตรแม่สตั๊น...แต่ไม่ใช่เพราะคำหยาบที่มันพ่นใส่ผม

   ระหว่างที่ผมจ้องหน้าคมๆด้วยตาโตเท่าไข่ห่าน อีกฝ่ายก็ได้แต่หอบหายใจเหมือนใช้พลังชีวิตทั้งหมดไปกับการเค้นประโยคเมื่อซักครู่นี้ออกมา มึง...อย่ามาเป็นลมเอาตอนนี้นะ กูไม่หามไปส่งโรงพยาบาลจริงๆด้วย

   “อะ...ไอ้แทน เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะ” สายตาที่เสหลบไปเลื่อนกลับมาสบอีกครั้งอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนไอ้แทนจะยกมือขึ้นมาทึ้งหัวด้วยอารมณ์กระฟัดกระเฟียดคูณสิบ แต่อีกมือกลับเสือกไม่ยอมปล่อยเอวผม ร่างทั้งร่างของผมยังคงไม่เป็นอิสระ มึง...ใจเย็นๆ อย่าเอาอารมณ์มาลงที่กูนะ กูขอ ในที่สุดมันหยุดทำร้ายตัวเองแล้วมองลอดผ่านแขนมาด้วยสายตาคมๆเพียงข้างเดียว

   “ผมอยากจีบพี่ แล้วใครมันจะอยากให้คนที่จีบไปได้กับน้องสาวกันล่ะวะ ถามจริง” คนที่จีบ...เดี๋ยวๆๆๆ

   “จีบ...ใครอยากจีบใคร ใครได้กับใคร มึงพูดให้ชัดๆดิ๊” ทำไมเป็นผมที่หายใจติดขัดบ้างแล้ววะ นี่มันโรคติดต่อทางการสัมผัสชัดๆ!! แล้วยิ่งไอ้แทนมันเสือกเอามือที่ทึ้งหัวมาประคองแก้มผมแล้วส่งสายตาจริงจังมาไม่ขาดระยะนั่นยิ่งแล้วใหญ่

   “ผม...แทนสุรบถ เกียรติไพศาล อยากจีบไทม์ชลธี เวชสกุล ชัดเจนพอรึยัง”

   ชัด ชัดเจนมาก ไอ้ชัด!! กู...ไม่เคยเจอบทรุกหนักขนาดนี้มาก่อนเลย...RIP ไปจูนสติแป๊บ

   “อย่าเงียบสิ” ร่างสูงเริ่มขมวดคิ้ว ส่งเสียงเหมือนเด็กกำลังงองแง โมเมนต์นี้กูไม่เคยเห็น มึงบอกกูทีว่าฝันไป!!

   “ดะ...เดี๋ยวนะ...ขอเวลากู...” ผมหลบตามันบ้าง หากมือใหญ่กลับรั้งคางให้กลับไปมองหน้าหล่อๆของมันอย่างเก่า

   “อย่าทำผมเสียเซลฟ์”

   ใจกู...โว้ยยยย เซลฟ์กูเนี่ยแหละจะย่อยยับพังไม่เป็นท่าอยู่แล้ว

   “ไหนๆก็พูดแล้ว เอามันตรงๆเลยละกัน ผมจำพี่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว ไอ้ยางลบครึ่งก้อนที่พี่ชอบถามผมนักหนานั่นก็ของผม เจอกันร้านเหล้าน่ะเรื่องบังเอิญ ส่วนที่ให้ยืมตังค์น่ะจงใจ ขโมยเบอร์โทรศัพท์ไปก็เพราะอยากคุย ที่จูบก็เพราะแอบชอบ ที่อ้างเรื่องน้องสาวก็เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ อยากจีบ อยากเป็นแฟน จบป่ะ”

   “...” ตี๊ด-ตี๊ด-ตี๊ด...ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไปเกิดใหม่ยังปรโลก

   ไอ้แทนมันโกหก ใช่!!มันโกหกแน่ๆ มันแสดงละคอ...ละครเชี่ยบ้าอะไรวะหน้าแดงขนาดนี้!!!

   “จะ...จริงเหรอ” มือใหญ่ที่อยู่ตรงเอวผมกระตุก ถ้าให้เปรียบผมคงเปรียบไอ้แทนได้กับกิ้งก่าเปลี่ยนสี อารมณ์เขินของมันดูปะปนความกลัวเหมือนเด็กที่แอบไปทำความผิดไว้แล้วผู้ใหญ่จับได้

   “อย่าเกลียดผมเลยนะ”

   “...”

   “ผมไม่อยากเป็นเหมือนพี่โช ถ้าโดนคนที่ผมรักหลบหน้า ผมคงทำใจไม่ได้”

   “...”

   “ขอโทษที่คิดจะต่อยพี่ด้วย”

   “...”

   “ก็ผมไม่คิดว่าพี่จะโง่ขนาดนี้ ขนาดกระโดดเข้าไปทำตามแผนของยัยฟ้า เลยอยากขู่ให้กลัวซะหน่อย”

   “แผนน้องมึง?” เฮ้ย เดี๋ยว...ก่อนที่กูจะสนใจเรื่องนี้ กูควรสนใจที่โดนมึงด่าโง่ก่อนดีมั้ย

   “ผมอยู่กับยัยฟ้ามาตั้งแต่เด็กๆทำไมจะไม่รู้ น้องคิดอะไรผมรู้หมดแหละ ฟ้าคิดว่าผมไม่กล้าทำอะไรพี่ เธอรู้ดีถ้าเอาพี่มาเป็นข้ออ้างผมจะไม่กล้าบอกพ่อแม่เพราะกลัวว่าพี่จะต้องแต่งงานกับน้องสาวผม แล้วก็ต้องยอมเลิกล้มที่จะตามหาตัวไอ้เลวนั่นทันที ยัยตัวเล็กน่ะรู้ว่าผมชอบพี่มาตั้งนานแล้ว แต่เธอก็พลาดอะไรไปอย่างนึง...”

   “พะ...พลาด...เรื่องอะไรวะ?”

   “พลาดที่ไม่รู้ว่าผมกับพี่รู้จักกันมาก่อนไง พลาดที่ไม่รู้ว่าผมเคยจูบพี่ พลาดที่ไม่รู้ว่าจูบมันมีประโยชน์ยังไง มันทำให้ผมเข้าใจว่าคนที่ไม่เคยจูบใครอย่างพี่มันโคตรบริสุทธิ์ บริสุทธิ์จนไม่มีหน้าไปทำให้ใครเขาท้องได้ไงล่ะ จริงมั้ย” เหยดดดดดดดด ไอ้เชี่ยแทน!! ไอ้สลัด!!

   “กูบริสุทธิ์แล้วมันหนักหัวส่วนไหนของมึงไม่ทราบวะ!! มึงจำเป็นต้องประกาศให้โลกรู้มั้ยว่ากูยังซิงอยู่น่ะ!!”

   “...”

   “...!!!”

   และแล้ว...กูก็รู้ว่ากูพลาด...พลาดตกหลุมไอ้แทนเข้าไปจังเบอร์

   “ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าไม่ใช่คนทำน้องสาวผมท้อง”

   “...” ตอนนี้กูควรจะอายที่มันรู้ว่ากูซิง หรือกูควรจะตกใจที่เผลอสารภาพออกไปว่าไม่ใช่คนทำน้องมันท้อง หรือกูควรจะโกรธที่โดนประจานด้วยคำพูดดีวะ...ฮือ

   “งั้นก็บอกมาซะทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ตอนนี้มันไปมุดหัวอยู่ไหน ผมจะได้เคลียร์ปัญหาให้มันจบๆไปซะที”

   “กูบอกไม่ได้” เพราะขนาดกูยังไม่รู้ว่ามันหายหัวไปไหนเลย

   “ทำไม?”

   “มึงอย่าถามมากได้มั้ย ให้มันหยุดอยู่ที่กูไว้ก่อน ยังไงกูก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะกูเป็นคนที่ทำให้น้องมึงกับมันเลิกกันน่ะ”

   “มันเลิกกับน้องผมแล้ว?”

   “เออดิวะ”

   “เชี่ยอย่าบอกนะว่าพอมันรู้ว่าน้องผมท้องมันก็เลิกเลยน่ะ สัดเอ๊ย มันเป็นใคร พี่บอกผมมา!!” ไอ้แทนเกรี้ยวกราดทำท่าจะลุกพรวดพราดออกไป แต่ทว่า...

   “อื้อ!!” แสรดดดดดดดดดด เข่ามึง เข่ามึง เข่ามึง โดนน้องชายกู!!

   “...!!!” ชะงักกันทั้งสารบบ เหมือนประสบความขัดข้องทางเทคนิค ไอ้แทนมองหน้าผมแบบตกใจ ส่วนผมนั้นไซร้ไม่รู้จะเอาหัวไปมุดที่ไหนอยู่ตอนนี้ มึงอย่าทักเชียวนะ พลีสสสสสสส

   “ขะ...ขอโทษครับ” สายตาคมหลุกหลิกไปมาเหมือนไม่รู้ว่าจะไปหาจุดตกที่ไหน แต่แล้วมันกลับหันมาจ้องอีกรอบ จนผมแทบจะกลั้นหายใจ

   “อะ...อะไร”

   “รู้สึกเหรอ”

   “กูเปล่าเว้ย ขามึงมาโดนของกูแรงๆ กูก็เจ็บดิวะ”

   “แต่เสียงพี่โคตร...มีอารมณ์” อ้ายยยยยยยยยเชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

   “อารมณ์บ้านพ่องดิ!!” จังหวะที่มันเผลอหันมาแหย่ผมเต็มอัตราศึก ผมใช้ฝ่ามือยันตัวออกเต็มกำลังหมายมั่นจะลุกลงจากเตียงให้ได้ แต่สุดท้ายเข่าแข็งๆที่ชันอยู่ก็กระแทกข้างกลางสะโพกทำร้ายผมให้ร่วงลงมาทับอกมันอีกรอบเต็มแรง คราวนี้อย่าว่าแต่เอวเลยครับ แม่งทั้งมือทั้งขาก่ายกันมาเต็มที่ แทบจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกัน

   “ไอ้แทน ไอ้เหี้ย มึงจะทำอะไรวะ!!”

   “สอบปากคำ”

   “มึงต่อยกู ซ้อมกู ทิ่มแทงกู ซะยังจะดีกว่า ถ้ามึงจะมาเค้นกูด้วยวิธีการนี้น่ะ!!”

   “อยากให้ทิ่ม ผมก็ทิ่มให้ได้นะ” ตื่นตะลึงกับคำพูดมัน นี่แม่งสารภาพรักกับกูเสร็จก็เลิกเก๊กเลยใช่มั้ย ไอ้หื่มกามมมม

   “เลิกทะลึ่งกับกูซักที นี่กูพี่มึงนะ”

   “หรือพี่จะเป็นคนนำ”

   “...!!” ฮือออออ กูยอมมมม ตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยเป็นหัวหน้าห้องแล้วกูจะไปเป็นผู้นำให้มึงได้ยังงายยยย

   “ถ้ายังไม่ยอมบอก ถ้ายังอยากโกหกว่าเป็นแฟนน้องผมอีก ก็ได้ผมยอมให้ แต่ยังไงพี่ก็ต้องทำตามกฎน้องเขยของบ้านเกียรติไพศาลซะก่อน!!”

   “!!!” กฎ? กฎบ้าบออะไรวะ กูไม่อาววววววววววววววววว












   ทำไมเหมือนถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลาเลยวะ


   “หยุดมือทำไมอ่ะพี่ รีบทำไปดิ จะได้กลับหอกัน”

   “เออๆ กูรู้แล้ว” มัน...แบบไม่ใช่แค่สายตาของไอ้คนข้างหน้าอ่ะ แต่เหมือนสายตาจากคนทั้งใต้ถุนคณะแม่งพร้อมใจมารวมกันตรงนี้หมดเลยเนี่ยดิ!!

   หันหลังขวับ นั่นแน่หกนาฬิกามึงหลบสายตากู หันซ้ายพรึ่บ อื้อหือแปดนาฬิกามึงคิดว่ากูบ้าไม่เห็นเรอะ หันขวา โอ้โหแฮะสามนาฬิกามึงยกกล้องมือถือขึ้นมาฟาดหน้ากูเลยมั้ยยยย

   “ทำไมพี่ดูไม่มีสมาธิเลย”

   ส่วนไอ้นี่ก็...สิบสองนาฬิกา มึงช่วยเลิกจ้องหน้ากูซักที

   “กูจะไม่มีสมาธิมากกว่านี้ ถ้ามึงยังเสือกจ้องหน้ากูอย่างเดียวไม่ยอมทำห่าอะไรเนี่ย”

   “แล้วจะให้ผมทำอะไร”

   “เล่นมือถือ หรือหยิบหนังสือขึ้นมาดู รอกูไปพลางๆก็ได้หนิวะ ทำไมต้องให้กูแนะมึงหมดทุกเรื่องเลยเนี่ย หรือถ้ามึงรำคาญนักที่จะต้องมานั่งรอกู มึงก็เลิกสัญญาหรือกฎบ้าๆอะไรนี่ไปเหอะ”

   “ใครบอกว่าผมรำคาญ รอมาตั้งปีกว่าให้รอต่อไปอีกทั้งชาติผมก็รอได้”

   “!!!” ตั้งแต่มันสารภาพความจริงทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องยางลบ มันก็เล่นรุกซะจนกู่ไม่กลับ รุกหนัก รุกเป็นบ้าเป็นหลัง รุกถึงแม้กระทั่งการตั้งกฎบ้าๆขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการควบคุมความประพฤติว่าที่น้องเขยอย่างผม





   กฎข้อที่ 1 ต้องกลับหอพร้อมพี่เมียเสมอ



   “ทำไปเถอะ ไม่ต้องสนใจผม”

   “ได้ไงวะ ก็มึงจ้องซะ”

   “ทำไม เขินเหรอ”

   “เขินพ่องแดะ”

   “อ้าว นี่มัน ยางลบผมหนิ”

   “เฮ้ยมึง ปล่อยนะ ทำอะไรวะ”

   “พี่ต่างหากทำอะไรผมน่ะ”

   “หา?”

   “แอบจับมือกันไม่อายสื่อ แฮชแท็กเป็นเบาหวานตายที่ใต้ถุนคณะ กรี๊ดดดดด”

   เสียงแอ๊บกระเทยจ๋ามาเต็มสตรีม ผมหันไปมองคนมาใหม่ที่ทันได้จังหวะเห็นผมยื้อยุดฉุดกระชากซากยางลบสุดรักสุดหวงกับอดีตเจ้าของอย่างมึนๆ หลังจากที่ไอ้แทนมันเอาแต่จ้องผมแล้วหันไปเล่นงานกับยางลบในถุงดินสอแบบไม่ขออนุญาตผมซักคำ ทำให้ผมต้องคว้ามือฉุดรั้งเครื่องรางของต่างหน้ากลับ แล้วให้ได้มาเจอกับเสียงจีบปากจีบคอของกระเทยชั่วคราวอย่างไอ้เดย์เข้าให้

   “สัดเดย์ มึงพูดเชี่ยอะไรวะ” ไอ้ตี๋จอมซกมกมันหย่อนก้นลงม้านั่งแบบไม่ทันได้ตอบ ประจวบเหมาะกับที่มือใหญ่ปล่อยจากยางลบแล้วยกมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายแทน

   “สวัสดีครับพี่เดย์”

   “ไหว้พระเหอะมึง ให้มันได้อย่างนี้ดิ ท่าทีเนี่ยต่างจากเมื่อวานหน้ามือเป็นฝ่าเท้าเลยนะ เมื่อวานคอเสื้อกูอ่ะ มีแต่จะคว้าเอา คว้าเอา”

   “เมื่อวานอารมณ์มันพาไปจริงๆ ขอโทษทีครับ” ร่างสูงหัวเราะแห้งๆ ทำเอาไอ้เดย์ถึงกับเลิกคิ้วสงสัยหันมามองทางผม

   “นี่มึงเคลียร์กันแล้วเหรอวะ เป็นไปได้...”

   “ก่อนที่มึงจะมาสงสัย เมื่อกี้มึงพูดอะไรวะไอ้สัดเดย์”

   “เปล๊า...กูแค่อ่านแคปชั่นตามภาพในไอจี” แม่งผมฉุกใจได้คว้าไอโฟนไวเท่าแสง จิ้มเข้าไปดูหน้าประจำที่ตอนนี้ผมแทบจะกดฟอลโล่ติดตามมันทุกวันเป็นแฟนพันธุ์แท้อยู่แล้ว

   เชี่ย...กูนึกไว้ไม่มีผิด ภาพชวนให้คิดไปถึงไหนต่อไหนของไอ้แทนกันผม ที่นั่งจับมือกันกลมอยู่บนม้าหินขึ้นฟีดอล่างฉ่างมาให้เห็นเต็มสองลูกกะตา แถมคนกดไลค์แม่งปาเข้าไปเกือบพัน เพียงช่วงเวลาสั้นๆแบบแทบกลั้นลมหายใจ

   “ใครวะแม่ง!!” กูลุกขึ้นพั่บหันหัวสามร้อยหกสิบองศาแบบเอาให้ชาติหน้าเป็นสมศรีสี่สองสองอาร์ แต่คนอีกสิบกว่าชีวิตที่ตรงใต้ถุนมันเสือกหลบสายตากูให้วุ่นกันเป็นทิวแถว เชี่ยยยยยน่าสงสัยหมดทุกคน เวรกรรม

   ไอ้แทนมันสะดุ้งหลังผมผุดลุกจนผิดสังเกต ผมแทบมองไล่ไปตามสายตามันแต่เสือกสะดุดกับมือที่ยื่นมาจับแขนผมเสียก่อน

   “พี่ไทม์ ใจเย็นๆ แล้วนั่งลงก่อนเถอะ” แรงแขนฉุดผมเบาๆ ให้นั่งลง ผมยอมหย่อนก้นแต่ไม่วายคว้าแขนไอ้แทนกลับ

   “มึงรู้ใช่มั้ย ว่าใครเป็นไส้ศึก”

   “รอผมบวชก่อนนะ”

   “หา?”

   “แล้วจะสึกออกมาเบียดให้พี่”

   “คนละศึกกันแล้วเว้ย!!”

   จุ๊บ!! สัมผัสจากริมฝีปากเบาๆแล่นเข้าที่หน้าผาก

   “เมนส์ไม่มาอย่าอารมณ์เสียสิ”

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”

   เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เอาดอเด็กสู้เสียงยัยผู้หญิง กระเทย ตุ๊ดตะนอยและบรรดาเด็กน้อยที่ใต้ถุนคณะเลยกรู อกข้างซ้ายทำงานหนักให้กูพักบ้างได้มั้ยยย

   “เรื่องมันไปถึงไหนแล้ววะ” เพื่อนผมมันพูดขึ้นมาแบบหาทางไปไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ากูบอกมึงว่าตอนสิบหกกูจะโดนมึงชกมั้ยวะไอ้เดย์

   “ทำไม่เสร็จก็ช่างมันเถอะ” ส่วนไอ้แทนก็ไม่สนใจมันกวาดสมุดหนังสือ เคาะโต๊ะตุบๆเสร็จก็คว้ากระเป๋าผมขึ้นมาสะพายก่อนฉวยข้อมือผมขึ้นมายิ้มหน้าชื่นตาบาน “ชื่อว่าการบ้านก็ต้องเอากลับไปทำที่บ้านสิครับถึงจะถูก เดี๋ยวผมช่วยทำให้พี่จนเสร็จเอง ไม่ต้องห่วง”

   “ดะ...เดี๋ยว!! เฮ้ย ไอ้เดย์มึง!!” ช่วยกูที๊!!! ไวเท่าความคิดผมคว้าต้นแขนเพื่อนไว้ได้ จนทำแรงฉุดที่ดึงให้ผมเดินตามไปนั้นสะดุดลงกลางคัน

   แชะแชะแชะ...แชะแชะแชะ..แชะแชะ

   ฉิบหายแล้ว...โหยกูรู้เลยใครแม่งถ่าย...หนึ่ง สอง สาม สี่ เชี่ยนับสิบ!!

   “เด่นเลยว่ะมึง” ไอ้เดย์ยิ้มแหยเลิกคิ้วมองดูคนนับสิบแบบเฉยๆ ส่วนไอ้แทนนะเหรอ...กลายเป็นไอ้หล่อหน้าบึ้งแบบไม่สบอารมณ์โคตรๆไปแล้วครับ “มึงไปกับมันก่อนเถอะ ก่อนที่มันจะฆ่ากูทิ้งกลางใต้ถุน”

   “แต่กูมีเรื่องต้องคุยกับมึง” ผมบีบต้นแขนไอ้เดย์มันอย่างแรง ทำปากขมุบขมิบส่งซิกชื่อคนที่คุณก็รู้ว่าใครไปให้มันแบบใช้พลังวัตรไปกว่าครึ่ง

   “หา?” โอ๊ยยยยยมึงอย่ามาเสือกโง่ตอนกูกำลังหน้าสิ่วหน้าขวานได้มั้ยวะ

   “พี่เดย์อย่าปล่อยพี่ไทม์ไปง่ายๆแบบนี้สิคะ!!” จู่ๆเสียงไม่ได้รับเชิญก็โพล่งดังมาจากที่ใกล้ๆพวกผมสามตัวหันขวับไปตามต้นเสียงโดยไม่ได้นัดหมาย โง้ยยยยยยให้ตายเถอะ แฟนคลับผมเองครับ หัวหน้าประธานชมรมคู่จิ้นเดย์ไทม์ แถมยังควบตำแหน่งน้องรหัสสุดน่ารักประจำสายอีก น้องมินคนเดียวคนเดิมที่เพิ่มเติมคือความกล้า!!

   “น้องมินว่ะ งานเข้าแล้วไง บอกไปเลยมั้ยว่ากูกับมึงเลิกกันแล้ว ส่วนมึงตอนนี้ก็กำลังคบกับไอ้แทนน่ะ” ทำร้ายจิตใจน้องกูฉิบหาย ชีจิ้นมาได้เกือบครึ่งค่อนเทอม แต่กูกลับมาวางระเบิดเรือแตกกลางคันเนี่ยนะ แล้วหนังสือภาษาอังกฤษไอ้เดย์ที่ผมแอบพยายามไปตอดมาถึงห้อง นี่ไม่เรียกว่าเปลืองน้ำพักน้ำแรงเลยเหรอวะ

   “มิน น้องรหัสพี่ไทม์ใช่มั้ยครับ” จู่ๆเสียงทุ้มนุ่มละมุนก็ดังข้างตัวผม ไอ้สัดแทน มึงพูดกับน้องกูทำมายยย

   พอรู้ว่าโดนคนหน้าตาดีแห่งวิศวะร้องทัก น้องรหัสผมก็ยืดอกสู้ เดินเข้ามาใกล้แบบไม่กลัว ให้มันได้อย่างนี้ดิ สายรหัสผมเลือดมันข้นยิ่งกว่าน้ำ ใครหยามศักดิ์ศรีมาขอให้บอกพวกเราสู้ไม่ถอยอยู่แล้วครับ

   “ถ้าใช่แล้วจะทำไมคะ” ภูมิคุ้มกันคนหล่อของน้องมินคงเข้าขั้นแม็กซ์สุด เสียงเธอไม่สะดุดให้ไอ้แทนเลยซักนิด หรือน้องสายผมแม่งเกิดมาเพื่ออุทิศตนเป็นสาววายเชียร์ให้ชายได้ชายเท่านั้นกันวะ

   “ก็ไม่อะไรหรอกครับ แค่อยากจะขอบคุณ” ยิ้มบาดใจถูกโปรยใส่ให้น้องน้อย เชื่อเหอะว่าร้อยทั้งร้อยของผู้หญิงที่เจอรอยยิ้มแบบนี้มันต้องมีใจละลายพร้อมทอดกายถวายชีวี แต่พลาดตรงที่ไอ้แทนมันดันมาทำกับน้องรหัสผม เหอะ...ไม่ได้กินน้องมินร็อก!!

   “ขะ...ขอบคุณ เรื่องอะไรคะ” อ้าวเฮ้ยไหนว่าไม่หวั่นไหวทำไมเสียงมีสั่น

   “ขอบคุณที่เอารูปพวกเราไปลงไอจี”

   “!!!”

   “ขอบคุณที่คอยเชียร์อยู่ห่างๆ นะครับ คุณเบลเหมียวเหมียว”

   ว้อท เดอะ ฟ้าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค!!

   กูถูกหักหลังแม่กระทั่งน้องรหัสเหรอเนี่ย!! ฆ่ากูให้ตายเถอะ คิวกู แอนด์ พลีส เทค มาย โซล โก ทู เดอะ เฮลลลลลลลล

   สาบานว่าต่อไปนี้มีอะไรกูจะไม่ให้หนังสืออะไรนางอีกเลย ฮืออออออออออ

   “ไอ้เดย์” หน้าผมตอนนี้คงโคตรปลงตก เหลือบไปเห็นอะไรพอเป็นไดอิ้งเมสเสจได้ก็คว้ามาแบบไม่ขออนุญาตเจ้าของ ก่อนเขวี้ยงใส่หน้าไอ้เดย์

   “เชี่ยไทม์!! ทำบ้าอะไรวะ”

   “มึง!! หามันให้เจอนะ!!” นิ้วชี้กราดหน้าสั่งไม่สนใจคำค้านใดใดของเพื่อนทั้งสิ้น แล้วเดินสะบัดตูดออกไปเพราะกูไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ความจริงมันโหดร้ายเกินไปสำหรับกู


   “เชี่ย...ปามาได้ แม็ค...เย็บกระดาษ”



TBC

+++++++++++++++++++++++++++++++

ลืมเรื่องสั้นประจำเทศกาลตามคอนเซปต์ตัวเองเลย ปีนี้เลยไม่มีคริสต์มาสอีฟ ฮืออออ
ตามเคยค่ะ ติ และ ชม มาได้เลย คนแต่งรับได้หมด เพื่อการพัฒนา!!


คุณ FeaRes มาคราวนี้จากแข็งเป็นอ่อนปวกเปียกเลยทีเดียว ไม่น้อยใจอีกต่อไปแล้วนะ ทำร้ายนายเอกเราไม่ได้จริมๆ ให้น้องแทนได้ตอดเล็กๆน้อยๆต่อไปถือว่าทำบุญ55

คุณ PNatsita มาแล้วค่ะ!! สองสัปดาห์เร็วกว่าที่คิด

คุณ StarPasO น้ำลายที่ไหลนั้นคืออารั้ยยย5555 ไม่แรงเลยแค่ออนท็อป!!

คุณ Kmiew ขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับคอมเมนต์ เราดีใจเสียอีกที่มีคนให้ความคิดเห็นเราขนาดนี้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกจริงๆสำหรับเราค่ะ รู้ดีเลยว่ามีบางครั้งก็แอบขัดใจว่าทำไมแต่งไม่ได้ตามที่คิดนะ พล็อตเรื่องนี้อาจจะวางไว้หลวมมากแบบแทบจะดิ้นได้ เพราะเอาอารมณ์คนเขียนเป็นหลัก แต่จุดหมายปลายทางมีแล้วแน่นอนค่ะ ขอบคุณมากๆจริงๆนะคะ เราจะรอความคิดเห็นเพื่อจะได้ปรับปรุงในตอนต่อๆไป และในเรื่องหน้า(เอ๋ๆๆๆๆจะมีเหรอออ)ต่อไปค่ะ รักนะคะ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่16:กฎเหล็กของว่าที่น้องเขย[24/12/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 25-12-2017 01:08:02
ว๊า เสียดายจัง อุ๊บ  :-[ สาบานว่าตอนที่แล้วไม่ได้คิดไปไกลเลย 

แมคไปไหนละเนี่ย ขอให้หาเจอแล้วเคลียปัญหาให้จบนะ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่16:กฎเหล็กของว่าที่น้องเขย[24/12/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 25-12-2017 15:18:21
แถเหลือเกินนนน หมั่นไส้ 5555
กฎน้องเขยหรือสะใภ้ของบ้านเกียรติไพศาล พูดตรงๆได้ ไม่ต้องแถ--- 5555
เอาใจช่วยทั้งคนรุกและคนถูกรุกนะ แต่เอาใจช่วยคนหลังมากกว่า---(?)
รีบๆหาแมคให้เจอน้อ จะได้มาเจอลูก(?) และพี่ไทม์จะได้เป็นสุข?!!
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่16:กฎเหล็กของว่าที่น้องเขย[24/12/2017] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: PNatsita ที่ 17-02-2018 16:35:15
ไรท์หายไปไหนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่17:กฎมีไว้แหก รักแรกมีไว้ชื่นชม[25/02/2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 25-02-2018 01:28:07
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 17 กฎมีไว้แหก รักแรกมีไว้ชื่นชม




   บอกตามตรงผมรู้สึกดีใจนะที่ได้ใช้เวลากับอีกฝ่ายมากขึ้น แต่มันไม่ต้องนานขนาดนี้ก็ได้เปล่าวะ

   สายตาเหลือบไปมองคนที่ขับรถแบบอีเรื่อยเฉื่อยแฉะทั้งที่หออยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยแค่ไม่เท่าไรแท้ๆ แต่มันก็ยัง...ขับไปไม่ถึงสักที

   “ไอ้แทน กูกลับหอชาตินี้นะ”

   “ผมกำลังใช้ความคิดอยู่ อย่าพึ่งขัด” มันพูดจบแล้วหันไปเคาะนิ้วเบาๆตามจังหวะเพลงที่ดังในวิทยุ ความคิดมึงสุนทรีย์มากเลยนะ

   “ให้กูขับแทนมั้ย มึงจะได้ใช้ความคิดได้เต็มที่” ผมเสนอ

   “รถผม ผมขับเองได้” แต่มันไม่สนอง

   “ถ้ามึงหวงขนาดนี้ก็อย่าให้กูขึ้นมานั่งดิวะ”

   “กฎข้อที่หนึ่งว่าไง พี่ลืมแล้วเหรอ”

   กูไม่ลืม แต่กูไม่อยากจำเฟ้ย ผมจิ๊ปากไม่พอใจแล้วหันมานั่งบ่นพึมพำกับตัวเองแบบขัดอะไรไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับไปหาเรื่องคุยกับมันต่อเพราะผมนั่งจ้องข้างทางมานานเกินจนเอียนแล้วนี่หว่า

   “มึงรู้ตั้งแต่เมื่อไรว่าน้องรหัสกูเป็นคนเดียวกับที่โพสต์รูปพวกเราลงไอจี”

   “แค่เดาเอาน่ะ”

   “ถ้าจะเดาแม่นขนาดนี้ ลาออกไปเป็นหมอดูดีกว่ามั้ย”

   “ให้ผมดูดวงให้พี่มั้ยล่ะ” พูดเสร็จก็เหลือบมามองหน้าผมชั่วครู่ก่อนเอ่ยต่อโดยไม่แม้แต่จะฟังคำตอบ “ดวงความรักกำลังสดใส คนโสดกำลังจะมีคู่”

   “มึงเรียนวิศวะต่อไปเถอะ ท่าจะไม่รุ่ง ทำนายมั่วโคตร”

   “เดี๋ยวดิพี่ ผมยังพูดไม่จบเลย”

   “กูขี้เกียจฟังแล้ว”

   “ก้มมองฝ่าเท้าตัวเองดิ” ผมยกฝ่าตีนที่ใส่เกือกขึ้นดู อ้าวบ้าจี้ตามมันอีก “มีหมากฝรั่งติด” สัดเหยียบเข้าไปตอนไหนวะเนี่ย ทิชชู่ ทิชชู่ แต่...เฮ้ยนี่มันใช่เวลามาดูตีนตัวเองเปล่าวะ

   “ไอ้แทน” ผมหันไปมองหน้ามัน กูด่าไม่ถูกแล้ว

   “ถึงฝ่าเท้าไม่มีไฝ แต่ดวงมีเกณฑ์ย้ายที่อยู่”

   “ย้ายบ้านพ่องดิวะ”

   “บ้านพ่อผมน่ะไม่ย้าย แต่บ้านพี่น่ะกำลังจะย้าย พรุ่งนี้ย้ายมาอยู่ห้องผมนะ ผมเริ่มทำเรื่องไปแล้ว”

   “หา?”

   “วันนี้ก็กลับไปเก็บข้าวของเตรียมย้ายชั่วคราวไว้ ไม่ต้องแบกอะไรมามาก ของๆผมก็เหมือนกับของๆพี่ หยิบใช้ได้ตามสะดวก เสื้อผ้าชุดนอนเอาของผมไปใช้ก่อนก็ได้ ส่วนกางเกงในถ้าไม่รังเกียจอะไรใส่ของผมไป ผมไม่ถือ”

   “แต่กูถือ!!” นี่มันพล่ามเหี้ยอะไรออกไปนอกอวกาศวะ “ไอ้แทน เวลาจะทำอะไรมึงหัดบอกเหตุผลกูก่อนได้มั้ยวะ”

   “เอาเหตุผลจริงหรือเหตุผลที่ผมกุขึ้นมาล่ะ”

   “เหตุผลจริงดิ ใครมันจะบ้าถามเรื่องโกหกกันวะ”

   “ทีผมถามเรื่องน้อง พี่ยังไม่ยอมบอกผมเลย แล้วทำไมผมจะโกหกพี่บ้างไม่ได้ล่ะ”

   ฉึก!! แทงใจดำกูเต็มๆ นี่มึงหาจังหวะกูล้มแล้วกะเหยียบซ้ำกระทืบลงหลุมดำแบบไม่ให้ไปผุดไปเกิดเลยใช่มั้ย

   “ทีนี้ก็รู้รึยัง ว่าการถูกคนปิดบังความจริงมันเป็นยังไง”

   “กูไม่รู้” ผมกัดปากตัวเองเบาๆอย่างทู่ซี้หน้าด้านตอบไปจนได้ยินเสียงถอนหายใจของอีกฝ่าย

   “ทำไมพี่ดื้ออย่างนี้นะ”

   “กูก็มีเหตุผลของกูรึเปล่าวะ”

   “เหตุผลอะไร” โว้ยยังจะถามอีก ก็เหตุผลที่แฟนน้องมึงไม่ได้แค่เลิกกับน้องมึง แต่เล่นหายหัวไปเลยยังไงล่ะวะ    “ยังเงียบอีก”

   “กูขออยู่อย่างสงบๆบ้างไม่ได้หรือไงวะ”

   “ตราบใดที่พี่ยังไม่พูดว่าไอ้บ้านั่นมันเป็นใคร พี่ก็ไม่มีทางสงบหรอก”

   “แล้วถ้ากูบอกไปว่ามันเป็นใครแล้วมึงจะทำยังไง”

   “ถามได้ ก็จะตามไปกระทืบมันอ่ะดิ!!”

   “เชี่ย!!”

   ใครบอกให้มึงกระทืบคันเร่งประกอบฉากฟระเนี่ย!! ทดสอบอัตราเร่งก็ไม่ใช่แต่แผ่นหลังกูนี่เรียบไปกับเบาะเลยครับ จากเต่าเดินดินแม่งวิ่งเป็นรถไฟหัวกระสุนส่วนใจกูก็รุมๆกลัวไอ้แทนมันฆ่าตายกลางทาง

   “พะ...เพราะอย่างนี้ไงกูถึงไม่อยากบอกอ่ะ!!”

   เอี๊ยดดดดดดด

   โง้ยยยคราวนี้เบรคกระชากหน้าแหก อดีตมึงเป็นพนักงานขับรถแฮปปี้แลนด์-สะพานพุทธหรือไงวะ ออกตัวแต่ครั้งหยุดรถแต่ละทีเล่นลากเอาวิญญาณพี่ไปด้วย พอไอ้แทนมันตบไฟข้างเข้าซ้ายจอดรถปลดเข็มขัดนิรภัยได้เท่านั้นแม่งหมุนตัวพุ่งใส่ผมทันทีเลยครับ

   ตุบ!!

   เสียงหนักๆเน้นๆนั้นไม่ใช่อะไรก็กำปั้นแข็งๆนั่นไงที่ทุบเข้ากับคอนโซล โอ้ยยังดีนะที่ไม่ใช่หน้าผมไม่งั้นแหกจากเบรคแฮปปี้แลนด์กูต้องมาแหกแฮปปี้ดีพร้อมท์เพราะหมัดจากคุณชายสุรบถอีก อย่างนี้เกิดใหม่อีกทีกูจะยังหน้าตาดีครบสามสิบสองประการรึเปล่ายังไม่รู้เลย

   “แล้วอย่างกับว่าถ้าอีกฝ่ายเป็นพี่ ผมจะไม่กล้าทำอะไรอย่างงั้นน่ะ” ตัวกูนี่ลู่เป็นทิชชู่เปียกเรียบไปกับประตูเลยครับ รู้แล้วครับว่ามึงกล้ากูไม่ได้ท้ามึงซะหน่อย

   “มะ...มึงจะทำอะไร จะต่อยกูเหรอ” อย่างน้อยกูขอเบาๆเอาแบบมดกัดได้มั้ย แต่แทนที่จะเป็นหมัดลอยหวือมาใส่กลับเป็นการถอนหายใจของใครบางคน

   “เห็นผมเป็นคนยังไงฮะ”

   “...” อึ่ก...อย่าถาม กูไม่กล้าตอบ

   “ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”

   สัด กูเผลอพยักหน้า ก็มึงบอกว่าจะตามไปกระทืบไอ้แม็คหนิ

   “นี่แรมพี่ต่ำหรือความจำสั้นกันแน่เนี่ย ที่ผมพูดไปเนี่ยมันไม่ซึมลงไปประสาทส่วนไหนเลยเหรอ”

   ด่ากูโง่ไปเถอะ ณ จุดๆนี้ผมยอมอ่ะ เจ็บใจดีกว่าเจ็บตัวว่ะ

   “ผมจะใช้ความรุนแรงไปเพื่ออะไร อย่างนี้น่ะ...ให้จูบดีกว่าเป็นไหนไหน” เสียงท้ายประโยคฟังดูกระเส่าแบบแปลกๆ ผมกระชากสติที่มีหันไปมองหน้าหล่อที่อยู่ใกล้พลางทำตาโตใส่ เช้ดดดดอย่าบอกนะว่า...

   “มึง...”

   “...”

   “มึงจะตามไปจูบแฟนน้องฟ้าเนี่ยนะ!!” จูบไอ้เชี่ยแม็คเหรอวะ!! สัดเอ๊ยยยยยย

   “โธ่เว้ย จะซื่อบื้อไปถึงไหนวะเนี่ย!! ไม่จูบใครที่ไหนทั้งนั้นแหละ จูบคนตรงหน้าผมเนี่ย​!!”

   “!!!” เกรี้ยวกราด ชาติชั่ว แต่ไม่มั่วผู้หญิง คือคุณสุรบถ แห่งบ้านเกียรติไพศาลนี่แหละครับ ริมฝีปากแห้งๆที่ไม่ได้ดื่มน้ำมาตลอดระยะทางที่คุณชายมันขับรถเกียร์เต่าคลานเชื่องช้านำพาไปถึงหอ โดนหล่อเลี้ยงด้วยลิปกลอสที่อีกฝ่ายทาทิ้งไว้ให้ริมฝีปากบางเฉียบฉ่ำน้ำดูน่าจูบ จมูกโด่งสันปัดผ่านจมูกผมเอียงองศาแม่นเหมาะฝังลงโหนกแก้มใส ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่สูดเข้าราวกับกำลังดอมดมกลิ่นหอม จากที่ตกใจ...ทำไมจู่ๆผมถึงรู้สึกเคลิ้มวะ เฮ้ยไม่ใช่ดิ ผมต้องหยุดเรื่องนี้

   เพราะที่มันแคบมากเลยทำได้แค่หันหัวไปอีกทางหลบเลี่ยงจุมพิตที่อีกฝ่ายมอบมาให้ หลังจากนั้นจะอะไรซะอีกล่ะครับ ซอกคอผมสิที่โดนมันสูดแทน!! เสียวจนขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง เสียงจุ๊บๆปนความเปียกชื้นกับแรงดูดผิวเนื้อสร้างความรู้สึกจั๊กจี้ ผมกำลังจะประสาทเสียเพราะรับมือกับสติของตนเองไม่ได้ มือซ้ายยกไปผลักไหล่อีกฝ่ายเบาๆ ส่วนมือขวาก็ไล้ลงบังเป้าตัวเอง

   “ปะ...ปล่อยกูไอ้แทน...”

   “ก็ได้”

   พรึ่บ

   หา? เมื่อกี้กูฝันไปเปล่าวะ ปล่อยกูง่ายๆอย่างนี้เลย มันหันไปใส่เกียร์เหยียบคันเร่งเคลื่อนรถไปข้างหน้าสบายใจเฉิบ ปล่อยให้ผมใจเต้นโครมคราม หายใจหอบถี่ นั่งตัวลีบติดประตูอย่างกับอยู่ในรถไฟชั่วโมงเร่งด่วนคนเดียว พอจิตเริ่มนิ่งผมจึงลุกขึ้นมาจัดเสื้อแสงมองอย่างระแวดระวังแล้วยกหลังมือขึ้นถูริมฝีปากแรงๆอยู่หลายที...เชี่ย...

   ...ใจเต้นแรงฉิบหาย...

   “ใจเต้นแรงชะมัด” หันไปตามเสียงจนคอแทบหลุด ไอ้แทนมันพูดสิ่งที่ผมคิดออกมา ใบหน้าด้านข้างเผยให้เห็นความขัดเขินเล็กๆที่เจ้าตัวต้องยกหลังมือขึ้นเกลี่ยนิ้วชี้เบาๆเข้ากับกลีบปากได้รูป ถ้ากูเป็นแฟนคลับมึงกูจะถ่ายมุมนี้เก็บไปทำคอลเลคชั่นแล้วโพสต์ลงโซเชียลใส่แฮชแท็กเล็กๆว่า #เขินวันละนิดจิตสั่นไหว โง้ยยย กูจะบ้า คิดไรวะเนี่ย

   “พี่ไทม์”

   “!!!” ผมสะดุ้ง รีบจ้องเสี้ยวหน้าของคนด้านข้างอย่างหวาดๆทันที

   “ผมจีบพี่อยู่”

   “...”

   “หัดรับรู้ข้อนี้ไว้ด้วย”

   “...”

   “แล้วใครหน้าไหนมันจะไปบ้าต่อยคนที่ชอบได้บ้างล่ะพี่”

   “คนอย่่างมึงไง” ปากไว นี่แหนะ ตีปากแป๊บ ปากไม่รักดีวอนตีนไอ้แทนเข้าให้แล้วไง

   “ผมไม่ต่อยพี่หรอก มีแต่จะหงุดหงิดมากกว่า ไม่รู้ว่าคิดบ้าอะไร มัวแต่ปิดบังเรื่องคนรักของยัยฟ้าอยู่ได้ แต่ถึงยังไงคนเป็นพี่ชายอย่างผมก็ต้องตามหาตัวไอ้บ้านั่นให้ได้อยู่แล้วล่ะ พี่คงรู้นะว่าผม...ปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้จริงๆ” สองมือแกร่งกระชับพวงมาลัยมากขึ้นตอนพูดมาถึงท้ายประโยค

   “...”

   “ผมยอมรับว่าเรื่องนี้ฟ้าก็มีส่วนผิด ตบมือข้างเดียวไม่ดัง ใครมันก็รู้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ผมจะไม่โทษใครและผมจะให้ความสำคัญกับเรื่องที่อยู่ตรงหน้า ต่อให้พ่อของเด็กมันไม่ยอมรับฟ้ากับลูกก็ตาม”

   จบประโยคความรู้สึกผิดมันจุกขึ้นในอก มึงอย่าพึ่งสันนิษฐานไปมั่วๆอย่างนั้นดิวะไอ้หมอดูไม่แม่น ไอ้แม็คมันก็แค่เข้าใจผิดเรื่องมึงกับน้องฟ้าเท่านั้นแหละ ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าไม่ยอมรับลูกตัวเอง ผมไม่ได้ยินอะไรจากเพื่อนผมมาหรอก แต่ผมยังอยากจะเชื่อว่าอย่างนั้น เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างถ้าเป็นตามที่ไอ้เดย์บอกแม็คมันก็แค่เข้าใจผิดว่ารักร้าวจนประกาศเลิกกับน้องฟ้าก็แค่นั้น ตอนนี้มันอาจจะกำลังไปทะเลหาที่พักใจสไตล์คนอกหัก หรือเข้าป่าเพราะเหนื่อยล้าไม่อยากเจอคนใจร้ายอย่างน้องฟ้าก็เป็นได้

   ...แล้วทำไมมันต้องลาออกด้วยวะ...

   ผมสะบัดหัวไล่ความคิดแง่ลบออกไป ไอ้แทนยังคงขับรถเรียบเรื่อยของมันแต่เบื้องหลังคงจมจ่ออยู่ในห้วงความคิดเช่นเดียวกับผม

   “ไอ้แทน” ผมเรียกชื่อมันเบาๆ พี่ชายตัวดีของน้องฟ้าผินหน้ามาทางผมพลางขมวดคิ้วก่อนหันกลับไปมองถนนต่อ

   “ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นก็ได้พี่”

   “...”

   “คนที่ใกล้ชิดฟ้ามากที่สุดในบ้านก็คือผม ผมผิดเองแหละที่ไม่สอนน้องให้ดี ท้องไม่พร้อมมันไม่ได้มีผลแค่ตัวคนเป็นแม่ แต่มันจะมีผลไปถึงอนาคตของเด็กคนนึงด้วย ผมเลยแค่...อยากทำหน้าที่ของพี่ชายให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”

   “...”

   “แต่ตอนนี้...”

   “...”

   “ผมขอกำลังใจเป็นพี่จะได้มั้ย” มือข้างซ้ายของมันเอื้อมคว้ามือของผมเข้าไปกุมแน่น ส่วนผมก็เผลอกระชับตอบกลับตามสัญชาตญาณ แม่งมือนี้แหละที่ผมโคตรอยากจะจับ อยากจะให้มันโยกหัวผมเหมือนอย่างที่เคยทำ ไม่ใช่แค่ให้มึงมากุมกอบปลอบตอนเศร้าอย่างนี้ ทางที่ดีผมควรจะรีบหาตัวไอ้แม็คให้เจอ และต่อให้ไม่เจอ


   ...ผมก็พร้อมที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่ผมกระทำ...







   ในที่สุดไอ้หัวกระสุนก็นำพาผมมาถึงหอได้สำเร็จ ไอ้แทนมันสามารถขับรถโดยกุมมือผมไว้ตลอดทาง แถมใช้ต่างอาวุธในการฉุดเกียร์เข้าโหมดจอดแล้วพลิกนิ้วมากอบกุมไว้อย่างเต็มมือเสียอีก

   ทำไมผมถึงรู้สึกร้อนๆตรงหลังมือที่มันลูบเล่นอยู่นั่นล่ะวะ กูสงสัย

   “สากพอมะ” ขอโทษครับที่ไปกระชากสติซึ่งดูเหมือนอยู่ในภวังค์ให้คุณมึงถึงกับต้องหันมามอง สายตาคมแฝงแววแปลกจนผมเอะใจ

   “ไม่รู้ดิ เหงื่อพี่แตกจนเหนียวมือไปหมด ตื่นเต้นเหรอ” คุณชายสุรบถยกยิ้มขี้เล่นใส่ แต่ใจกูกลับเหลวเป็นขี้เลยครับงานนี้ เชี่ยโว้ยยยยยยเป็นอะไรวะฮะชลธี หน้ากูจะร้อนแทนมือแล้ว สติ สติ

   “เออกูตื่นเต้น ในที่สุดก็กลับถึงหอแล้ว เย่” ยกมือยกไม้ข้างที่เหลือประกอบฉากแต่น้ำเสียงกูขึ้นมาแบบโทนเดียวโหลดเตี้ยเรี่ยไปกับพื้นเลยครับ

   “ดีใจเป็นเด็กๆไปได้”

   “สัด มึงเข้าใจมั้ยว่ากูประชด มีอย่างที่ไหนออกมาตอนหกโมงถึงหอตอนทุ่มครึ่ง มหาลัยกูอยู่ในประเทศไทยนะ ไม่ได้ไปเช้าเย็นกลับอ๊อกฟอร์ด เคมบริดจ์ บริติสคัลซิล อย่างนี้สู้กูเปลี่ยนเป็นไปกลับบ้านไม่ต้องค้างหอจะดีกว่ามั้ย”

   “ก็ถึงได้บอกไงว่าให้ย้ายมาอยู่ห้องผม” โง้ยยยยยไอ้นี่ จะโฆษณาแต่ละทีทำอย่างกับหอมึงติดสถานีบีทีเอสทางสะดวกใกล้ห้างราคาเริ่มต้นที่หนึ่งล้านเศษๆ ได้ข่าวว่าหอมึงแม่งก็หอเดียวกับกูเถอะ ต่างกันแค่มันอยู่คนละตึกเท่านั้นแหละเฟ้ย

   “ย้ายไปห้องมึงแล้วมันเร็วขึ้นตรงไหน” กูไม่เข้าใจ กูควายล้วนไม่มีวัวผสม ถ้าจะเอาให้ดีมึงเอาพิมพ์เขียวมายันเลยนะว่าระยะทางจากห้องมึงยาวไปจนถึงวงกบอาคารเรียนรวมทั้งสี่มันห่างไกลสิริรวมทั้งหมดกี่กิโลเมตร กูจะได้เชื่อทฤษฎีมึง

   “เร็วกว่าอยู่แล้ว เพราะมีผมอยู่”

   “...” อึ้งไปดิครับ แบบเหมือนเจอคนรู้จักเดินสวนมา พอถามว่าจะไปไหน แต่แม่งเสือกตอบกลับอย่างไว ว่าไม่เป็นไรกูสบายดี!! แถมคราวนี้เดือนวิศวะมันไม่ขยายความให้กูประเทืองปัญญาเลยสักนิด ถามเสร็จมันปิดประเด็นด้วยการเงียบปล่อยให้กูนั่งเทียนเหตุผลมันต่อ “ถ้ากูตื่นสายมึงจะมาคอยบอกว่า เอ๋วิ่งดิเอ๋เหรอวะ” ดีน่ากาบามีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง แต่ถามกูก่อนว่าตอนนี้กูมีสมองให้ใช้รึเปล่า

   “พูดอะไรของพี่น่ะ ผมหมายถึง...พี่กำลังจะได้อยู่กับคนหล่อต่างหาก”

   “...” วันนี้กูมาเพื่อทำแฮตทริกแดกจุด!!

   “เมื่อเช้าผมฟังวิทยุ ดีเจเขาเอาผลการวิจัยนึงมาเล่าให้ฟังว่าถ้าสาวๆได้ทำอะไรร่วมกันกับคนหล่อประสิทธิภาพในการทำงานจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า”

   ผมอยากเปิดกระโหลกนักวิทยาศาสตร์พวกนั้นมาดูจัง ว่ามันใช้อะไรมาคิดค้นงานวิจัยพวกนี้วะ

   “อ้าวหรือว่าผมไม่หล่อ”

   จ๊ะ มึงหล่อกูยอมรับ ถ้าบอกมึงไม่หล่อจะเป็นการหักหลังคนหน้าตาธรรมดาอีกหลายพันล้านคนให้เกณฑ์ดิ่งตกเหวเข้าไปอีก และที่น่าเศร้าก็คือ...กูก็เป็นหนึ่งในนั้น

   “อีกอย่างถ้าอยู่กับผม ตื่นสายผมก็คอยปลุก ไม่มีรถผมก็คอยไปส่ง หิวข้าวก็มีคนกินเป็นเพื่อน ไม่สบายป่วยไข้ก็มีคนคอยเฝ้าให้ ทำการบ้านไม่ไหวผมก็ช่วยสอน พี่มีแต่ได้กับได้” งานเสนอขายต้องมา ไอ้แทนฟูลออฟชั่นหากโทรมาภายในห้านาทีนี้คุณจะได้รับหุ่นเซี๊ยะๆของมันไปนอนกอดตลอดคืน

   “เรื่องพวกนั้นกูทำเองได้เปล่าวะ”

   “แต่มันจะดีขึ้นถ้ามีผม”

   “...”

   “แล้วพี่ก็คงไม่มีสิทธิ์คัดค้าน เพราะพี่ต้องทำตามกฎที่ข้อสอง”


[มีต่อด้านล่างค่ะ]
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่17:กฎมีไว้แหก รักแรกมีไว้ชื่นชม[25/02/2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 25-02-2018 01:35:15

   “แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว...”

   เฮ้ยเดี๋ยวก่อน...นี่กูทำอะไรอยู่วะเนี่ย...

   กระเป๋าสะพายข้างถูกเทพลิกคว่ำเป็นครั้งที่สิบ

   ตั้งแต่ผมกลับเข้ามาในห้องได้ร่างกายมันก็เหมือนถูกสั่งการอัตโนมัติให้คว้าจับหยิบของนู่นนั่นนี่มาไว้กลางเตียงไล่เรียงจากเช็คลิสต์สิ่งที่จำเป็นในการชีวิตประจำวัน แต่เมื่อกี้ผมไม่ได้รับปากไอ้เดือนวิศวะนั่นว่าจะย้ายไปอยู่หอมันซะหน่อย คิดได้สองตีนก็ยันลุกขึ้นจากที่นอนเดินลิ่วหมายมั่นจะไปหาของกินลงท้องที่เริ่มร้องประท้วง แต่แล้วสายตากลับสะดุดไปเห็นกองผ้ายืดชิ้นน้อยที่ใส่จนพูนตะกร้าโผล่ออกมาให้เห็น

   “จริงด้วยดิ กางเกงใน” ขาก้าวเปลี่ยนทิศแทบจะในทันที จนกระทั่งหยิบไอ้ผ้ายืดสีเทาขึ้นมาไว้กับมือเนี่ยแหละ ถึงได้รู้ตัวว่า...

   “โว้ยยยยยยยเอาอีกแล้วกู” ใจจดจ่อจะไปหาไอ้แทนอยู่ได้ ทำไมมึงยอมมันง่ายอย่างนี้วะ สองมือกำขยำกางเกงลิงชิมแปนซีไปมาอย่างเหลืออดพลางย่อเข่าคู้ลงต่ำอย่างหมดเรี่ยวแรง ผ้ายืดสีเทาสามตัวร้อยที่ซื้อเหมาโหลมาจากห้างแถวมหาวิทยาลัยถูกยกขึ้นปิดครึ่งหน้าราวกับพยายามหนีจากความอาย กลิ่นกำจายของน้ำยาปรับผ้านุ่มซึมเข้าลมหายใจทุกอณู ผมไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะเป็นยังไง ถ้าผมเคลียร์เรื่องไอ้แม็คได้แล้วไอ้แทนจะไปกับผมต่อแบบไหน ไม่มีใครรู้เลย แต่ก่อนที่จะคิดไปถึงเรื่องอนาคตผมควรจัดการกับเรื่องตรงหน้าเสียก่อน

   จัดการคืนชิมแปนซีสู่ป่าลุกขึ้นยืนล้วงมือถือออกมากะจะพิมพ์ข้อความหาเพื่อน แต่ทว่าผมกลับเจอข้อความแจ้งเตือนขึ้นมานับสิบจากแอพที่คุณก็รู้ว่าใคร

   เวรแล้ว...ผมสังหรณ์ใจแปลกๆว่ะ

   จิ้มไอคอนรูปกล้องเข้าไปดูอย่างหวาดหวั่น

   เช้ดดดดด กูว่าแล้วไงนั่น ทำไมกูไม่ฝันเห็นญาณทิพย์ตอนทำข้อสอบวิชาสถิติปีหนึ่งวะ จะช่วยกูได้มากเลย

   ภาพผมกับไอ้สุดหล่อประจำลานเกียร์และเพื่อนสนิทอย่างไอ้เดย์ สามคนอยู่เฟรมเดียวกันในสภาพที่ไอ้แทนจับข้อมือผมส่วนผมก็จับต้นแขนไอ้เดย์ เท่สัดอย่างกับเล่นชักเย่อ!! ส่วนแคปชั่นใต้ภาพก็


   Bell meaw meaw รักสามเส้า เราสามคน ฮืองานนี้อยากเชียร์พี่เดย์ แต่ใจกลับเทให้แทนไทม์


   แค่คิดว่าคนโพสต์จุดใต้ตำตอเป็นยัยมินน้องสายสุดเลิฟ ผมแทบจะอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง

   ติ๊ง!!

   ยัง ยังไม่หยุด คอมเมนต์ตามมาเป็นพรวนจนมือถือกูรวนเลยครับ ว่าแล้วก็...

   กระทืบไลค์ประชดแม่งเลย
   ♡

   เสร็จก็ปิดแอพฉับมาส่งข้อความหาเพื่อนตามที่ตั้งใจไว้

Time Chonlatee
เชี่ยเดย์
ได้ความว่าไงบ้าง มึงสืบไปถึงไหนแล้ว


   เคยมีมั้ยตอนที่อยากให้ใครรีบอ่านแต่รอแล้วรอเล่ามันก็ไม่ยอมReadทั้งที่ผ่านมาไม่กี่วินาทีแท้ ตอนนี้ผมใจร้อนบอกได้เลยคำเดียวว่าอยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบไวไว ไม่อยากให้พี่ชายของน้องฟ้าต้องมาทำหน้าเครียดแบบนั้นอีกแล้ว

   คิดไปคิดมาผมไม่อยากกินแรงเพื่อนเลยกดออกหาเบอร์ประจำ เบอร์ที่ผมไล่เฝ้าโทรหามันทุกวันยิ่งกว่าตอนทวงตังค์เพื่อนเสียอีก

   [หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้]

   หมดหวังแล้วล่ะมั้ง กับการภาวนาให้ไอ้แม็คมันเปิดมือถือขึ้นมาเพื่อรับสาย หรือผมควรจะไปประกาศตามหาในพันธ์ทิพย์ดีวะ แต่ถ้ามันลาออกไปจริงอย่างที่อาจารย์ว่า อย่างน้อยมันก็น่าจะมาทำธุระแถวมหาวิทยาลัย...

   จริงด้วย!!อย่างน้อยมันก็น่ามาทำธุระแถวสำนักทะเบียนดิวะ!!






   “แต่มึงจะโดดเรียนไปดักเฝ้ามันทุกวันไม่ได้”

   สายตาเหลือบมองคนที่อยู่ๆก็เหมือนผีเรียนเข้าสิงอย่างกังขาว่าวันนี้มันมาไม้ไหน หลังจากที่ผมเล่าความเป็นไปทั้งหมดให้เพื่อนซี้ของผมฟัง

   “ปกติมึงไม่เคยค้านแบบนี้นี่หว่า มีแต่จะยกมือว่าเห็นด้วย อย่างตอนวันนั้นแค่กูหยุดไปหนึ่งวันมึงยังงอนที่ไม่ยอมชวนโดดด้วยเลย” ไอ้เดย์มันหยิบหนังสือจากกระเป๋าวางลงโต๊ะสโลปแบบลวกๆ ดูรักอุปกรณ์การเรียนมากจนผมแม่งแทบไม่อยากเชื่อถือคำพูดมันที่บอกว่าต้องเข้าเรียนทุกวันห้ามโดดเลย มันพาดแขนลงกับโต๊ะใช้นิ้วกรีดมุมหนังสือไปมาก่อนหันมาทำสีหน้าจริงจังใส่ผม

   “กูบอกไม่ได้ก็ไม่ได้”

   “เอ๊ะ มึงนี่ยังไง ห้ามกูอยู่ได้”

   “มึงรู้เหรอว่ามันจะมาเมื่อไร” ผมส่ายหัว

   “กูไม่รู้ แต่ไม่ลองทำดูจะรู้ได้ไง ไม่แน่กูอาจจะดวงดีบังเอิญไปเจอมันเข้าก็ได้”

   “มึงไม่ดวงดีหรอกกูบอกได้เลย”

   “ทำไมช่วงนี้ชอบมีคนทำนายชะตาให้กูจังวะ มาจากแม่หมอสำนักไหน อย่าสักแต่บอกว่าทำอย่างงั้นอย่างนี้มันไม่เหมาะมึงช่วยบอกวิธีสะเดาะเคราะห์ให้กูด้วย”

   “เปล่า คนที่มีเคราะห์น่ะไม่ใช่มึงหรอก” น้ำเสียงมาอย่างสะพรึงอื้ออึงราวกับหนังสยองขวัญ กะอีแค่กูจะไปดักไอ้แม็คที่สำนักทะเบียนเท่านั่นอ่ะนะ จะไปทำใครถึงตายได้วะ

   “มึงทำอย่างกับถ้าไปแล้วดวงใครจะถึงฆาตอย่างนั้นแหละ”

   “ก็เออดิวะ ดวงกูเนี่ยแหละจะถึงฆาตเพราะเวลาเข้าเรียนกูจะไม่พออยู่แล้วเนี่ย!!”

   ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

   กะโหลกกะลาแม่งหนายิ่งกว่าหน้ามันอีก เข้าเรียนแต่ละทีไม่เคยปรึกษาแต่พอทีกูจะโดดมีหน้ามาขวาง ผมแทบจะปายางลบใส่มันเป็นรอบที่ห้าของวัน สมองมีก็หัดใช้ซะมั่งว่ากูไม่ได้กำลังชวนมึงอยู่

   “กูไปคนเดียวได้เว้ย มึงไม่ต้องไป”

   “เฮ้ยได้ไง กูทิ้งให้มึงลำบากคนเดียวไม่ได้หรอก” โอ๊ยกูซึ้งหม้อนึ่งกะละมังไห บอกมาตามตรงเลยดีกว่าว่ามึงก็อยากโดดวิชาศราวุธหน่ะ!!

   “กะอีแค่ไปสำนักทะเบียนมันลำบากตรงไหนวะ”

   “ถ้าไม่อยากไปขนาดนั้น ผมไปเป็นเพื่อนพี่ไทม์ให้ก็ได้นะ”

   “!!!”

   ผีหลอกกลางวันสตั๊นไปสามวิฯ

   “อะ...ไอ้เดย์” เมื่อกี้มึงได้ยินเสียงไรป่ะ ประโยคท้ายลอยหายไปเลยหายไปในอากาศลอยไปกับสายลมไปสู่...ความสิ้นหวัง ก็ดูหน้าเพื่อนผมดิครับ บ่งอาการแปลกที่ผมแทบไม่อยากจะจินตนาการตาม แผ่นหลังกูมีอะไร เดอะริง จูออน ผีหลอกวิญญาณหลอน หรือลัดดาแลนด์ ที่รู้แน่คือพลังงานบางอย่างแผ่กระจายเข้ามาจนทุกคนมองกูเป็นตาเดียว

   เสียงซุบซิบปนวี้ดว้ายคล้ายโดนของจากสาวๆเพื่อนร่วมเซคเรียน เร่งให้ผมรีบคว้าเป้ที่พาดข้างกระเด้งตัวลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ ตราบใดที่ซินเดอรล่าไม่ได้เก็บรองเท้าแก้วแล้วไซร้ มึงก็อย่าหันหลังกลับไปเด็ดขาดนะไอ้ไทม์!!

   ที่เหลือก็วิ่งดิครับจะรออะไร!! เอ๋วิ่งดิเอ๋วิ่ง มันเป็นจริงก็คราวนี้!!

   “เฮ้ยพี่ไทม์ หนังสือ” เสียงหล่อดังแว่วมาด้านหลัง มีเหรอที่ผมจะรอหยุดฟังมันฝันไปเหอะ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์มันอยู่ตรงหน้าผมรีบคว้าประตูกระชากเปิดออก ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้าออกไปนั้นจู่ๆก็...

   “จะไปไหนนักศึกษา ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว”

   เหยดครก ศราวุธ!!

   เป็นการเลือกที่ยากที่สุดตั้งแต่เกิดมาในชีวิต ระหว่างเอฟวิชาอังกฤษกับไปนั่งปวดบิดข้างไอ้แทน...





   “พี่ไทม์”

   “...”

   “พี่ไทม์”

   “...”

   แปะ

   “เชี่ยแทนทำไรกู!!”

   “นักศึกษาตรงนั้นเงียบหน่อย”

   อุ่ก...อุตส่าห์แกล้งทำหูทวนลมไม่สนใจ เพราะไม่รู้ว่าจะแถไปทางไหนหากอีกฝ่ายถามขึ้นมาว่าผมจะไปทำห่าอะไรที่สำนักทะเบียน แต่สุดท้ายไอ้แทนมันก็เรียกร้องความสนใจด้วยการเอาอะไรมาติดที่คอผม มือข้างขวาสัมผัสได้ถึงความหยาบของแผ่นสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กซึ่งใช้นิ้วเขี่ยจับแตะอย่างไรก็ไม่ออก พลาสเตอร์? ไม่ใช่หรอกมันต้องเป็นเครื่องส่งสัญญาณติดตามตัวแน่ๆ ผมรู้...ผมดูโคนันมา

   “มึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย” พยายามใช้เล็บนิ้วชี้กลางล้วงแคะแกะเกาสุดท้ายก็โดนตีที่มือเบาๆเข้าให้

   “อย่าแกะ”

   “แล้วมึงเอามาแปะกูทำไม”

   “มันเป็นรอย”

   “รอยอะไร”

   “เห็นชัดเกินไป” แม่งไม่ยอมตอบผม

   “ปูเป้ ขอยืมกระจกหน่อย” ผมเอิี้ยวตัวไปคว้ากระจกขนาดพอดีหน้าของเพื่อนรวมเซคที่ต่างคนต่างรู้ว่ามันพกตั้งโต๊ะไว้เป็นประจำเพื่อเติมเครื่องสำอางค์ ไม่ต่างอะไรกับกระจกหกเหลี่ยมที่แขวนหน้าบ้านซักเท่าไร พอได้มาไว้ในมือก็จับยกขึ้นเสมอคอชำเลืองมองลงต่ำ พลาสเตอร์ยาแบบผ้าถูกแปะไว้อย่างเหมาะเหม็งตรงจุดที่ผมพึ่งสัมผัสไป

   แล้วจะรออะไรล่ะครับ กระชากมันออกดิถามได้

   “เฮ้ยพี่” ไอ้แทนมันลุกลี้ลุกลนประท้วงจนผมสงสัย กูเป็นขี้กากหรือไงถึงได้กลัวขนาดนี้ หากสิ่งที่ปรากฏสะท้อนเงากระจกกลับเป็นรอยจ้ำสีม่วงปื้นหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ที่มาที่ไป

   ...รอยช้ำนี้ท่านได้แต่ใดมา แทนสุรบถถึงให้พลาสเตอร์ยาท่านได้ กระแทกสิ่งใดมาวานบอก เราซุ่มซ่ามขนาดนั้นหรือไซร้ ถึงได้เจ็บตัว...

   งานนี้ศรีปราชญ์ก็มา ผมเสียเวลานั่งคิดกลอนอยู่นาน เฮ้ยไม่ใช่ดิ เสียเวลานั่งคิดสิ่งที่ผมทำไปอยู่นาน เมื่อวานก็ไม่ได้ทำอะไรมัวแต่จัดกระเป๋าชักเข้าชักออกจนนอนดึก พอตื่นมาอีกทีนาฬิกาก็ปลุกเข้าเป็นรอบที่สิบห้า ต้องรีบกุลีกุจอออกมาจากหอ ระหว่างทางก็ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุกระแทกกระทั้นอะไร แล้วมันมีรอยช้ำตรงนี้ได้ไงวะ

   “หรือกูแพ้อะไร”

   “ติดกลับไปอย่างเดิมเนี่ยแหละ” เศษพลาสเตอร์ยาเน่าๆที่ผมกำไว้ ถูกฉวยไปจากมือแล้วคลี่ออก ความพยายามรอบที่สองในการบังคับติดพลาสเตอร์หลังคอปิดทองหลังพระจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง ผมพยายามหลบมือมันแต่พื้นที่ดันไม่อำนวย แผ่นหลังที่ถอยเกินความจำเป็นจึงไปกระแทกกับไอ้เดย์เข้าอย่างจังจนของที่อยู่ในมือเพื่อนผมมันตกพื้น

   “เชี่ยพวกมึงเล่นอะไรกันวะ” ไอ้เดย์หันมาเอ็ดผม

   “ก็ไอ้เชี่ยแทนนี่ดิ จะเอาพลาสเตอร์ยามาแปะคอกูอยู่ได้ กูถามว่ากูแพ้อะไรก็ไม่ยอมตอบ”

   “มึงแพ้เองทำไมไม่ถามตัวมึงเองวะ ไอ้แทนมันจะรู้ได้ไง...”

   เออแฮะ...วันนี้เพื่อนผมมันฉลาด ถ้าแพ้จริงไอ้แทนมันจะรู้ได้ไง ผมนี่โง่ถามอะไรไปเนี่ย

   “แพ้น้ำลายผมเอง” ไอ้หล่อหลุดโพล่งขึ้นมาท่ามกลางบทสนทนาของผมกับเพื่อน ไอ้เดย์ที่ได้ยินถึงกับขั้นต้องเอียงถามด้วยความสงสัย

   “น้ำลายมึง”

   “เมื่อวานผมเผลอดูดแรงไปหน่อย ไม่คิดว่าจะขึ้นเป็นรอยค้างนานขนาดนี้”

   “...!!!”

   “เอาพลาสเตอร์ยาติดไปก่อนเถอะนะผมขอ ไม่อยากให้คนมองไปมากกว่านี้แล้ว”

   “!!!”

   แกร่ก!!

   เสียงปากกากับดินสอของคนรอบข้างพร้อมใจกันร่วงตกโต๊ะไปตามๆกัน

   อุต๊ะ...ตกใจว่ะ

   ณ จุดๆนี้อยากใส่ซับนรกใต้ใบหน้าผู้หญิงที่นั่งถัดไปทางขวาไอ้แทนเสียจริง ยัยนี่มันแอบฟังมาตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ยยยยยยย!! มีตีเนียนหยิบปากกาขึ้นมาทำท่าเขียนแต่มือขวานี่กดมือถือยิกยิกเลยครับ พอเห็นสายตาผมเท่านั้นแหละถึงกับพูดว่า...

   “ระ...เราลืมเอาเครื่องคิดเลขมาน่ะ”

   กูเชื่อก็บ้าแล้วไอ้สัด นี่มันวิชาภาษาอังกฤษ!! เมิงจะเอาเครื่องคิดเลขมาผันเวิร์บหรือไง ฟายที่ไหนมันจะเชื่อ แต่แทนที่จะลุกขึ้นไปกระชากมือถือของหล่อนแล้วหักมันสองท่อนคามือ ผมควรจะเคลียร์กับคนที่อยู่ตรงหน้าเสียก่อน

   “เฮ้ ดู๊ด นายพูดเรื่องอะไรเพื่อนไม่เข้าใจ” แกล้งทำเป็นฮาพูดภาษาไทยสำเนียงต่างด้าวไปก่อน เผื่อจะได้กลับลำเนียนๆไปว่าเพื่อนผมมันล้อเล่นได้

   “คิสมาร์กที่คอพี่ฝีมือผมเอง”

   “ไอ้สัด มึงจะพูดออกมาทำไมวะ” ผมกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้พลางกระซิบด่าทั้งที่อยากโวยวายแทบตาย

   “ก็พี่ถามผม”

   “อย่ามาโทษกู เพราะมึงนั่นแหละเสือกทำทำไม มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย” งานนี้ถ้าศราวุธออกไมค์มีหวังเป็นเรื่องผมเลยต้องพูดเสียงเบาเท่าเข็มตกพื้นต่อไป

   “กลับแน่ แต่ผมแค่จะมาถามพี่ว่าพี่กำลังจะไปไหน”

   “จะไปไหนมันก็เรื่องของกู”

   “ไปสำนักทะเบียนใช่มั้ย”

   “...” ปากเนี่ยยิ่งกว่าน้ำท่วมครั้งใหญ่อุทกภัยปีสองห้าห้าสี่อีก ผมหุบปากฉับทำตาโตสู้ใบหน้าหล่อๆไม่ตอบโต้อะไร

   “ให้ผมไปส่งนะ แล้วกลับหอพร้อมกัน”

   “ไอ้ไทม์มันจะไปกับกู” จู่ๆเสียงหล่อรองจากไอ้แทนก็ดังแว่วมาจากทางซ้าย ผมรีบหันควับไปมองหน้าผู้ช่วยชีวิตใกล้ตัวผมอย่างไอ้เดย์ มึงมาได้ถูกจังหวะถูกเวลามาก โอ๊ยยยยยยยกูรักมึง

   “พี่เดย์ไม่สะดวกไม่ใช่เหรอครับ” ไอ้แทนมันกระดกคิ้วถามอย่างสงสัย

   “กูสะดวกเสมอสำหรับไอ้ไทม์” โดยไม่รอช้าเพื่อนผมมันแสดงภาพประกอบคำอธิบายด้วยการผายมือมาจับไหล่ดึงผมเข้าไปในอ้อมกอด และมือเดียวกันนั้นก็ขยับมาจับพลาสเตอร์ที่คอผมดึงออกอย่างแรง

   เชี่ยเจ็บสัด!! จะทำอะไรมึงบอกกูก่อนดิวะ

   “อย่าคิดจะแตะต้องของๆใครง่ายๆ ที่กูยอมมาขนาดนี้ก็ถือว่ามากพอแล้ว”


   เพื่อนผมแม่ง...เล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ครับ

TBC
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


สองเดือนกับการไปค้นหาตัวเอง
และวันป่วยๆท้องเสียถึงสองระลอกที่คงไม่ถึงกับโรต้าไม่งั้นคงได้นอนรพ.
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ที่ผ่านมา แม้แค่เป็นหนึ่งคอมก็มีค่าเสมอสำหรับไรท์
และกำลังใจที่ขาดไม่ได้จากยอดรี้ดและยอมเฟ้บ
และเพื่อนๆที่ทนฟังการบ่นว่า อยากรีไรท์เหลือเกิน555 แต่ก็ดันจนเข็นตอนนี้ออกมาได้
ด้วยความติสต์ของคนแต่ง
ขอบคุณที่ยังติดตามกัน
รักเสมอ...

คุณFeaRes หลังจากหายไปไม่รู้ว่าจะยังตามกันอยู่มั้ย อาจจะลืมเรื่องตอนเก่าไปแล้ว แต่ก็ยังรักเสมอนะคะ เปิดคอมเมนต์มาอ่านแล้วกำลังใจมา

คุณStarPaso เราขอโทษจริงๆที่หายไป ยังไงถ้ามีโอกาสเปิดมาอ่านก็ต้องขอขอบพระคุณนะคะ คอมเมนต์ที่เยียวยาจิตใจ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่17:กฎมีไว้แหก รักแรกมีไว้ชื่นชม[25/02/2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 25-02-2018 07:56:47
รักสามเส้าก็มา(?) เป็นศึกเล็กชิงพี่ไทม์---
พี่เดย์เล่นใหญ่ไปอีกกกก หวงจริงหวงปลอมไหนบอกเร็ววว แต่ชอบนะ 55555
แล้วก็ยังติดต่อแม็คไม่ได้ หายแบบหายเลยยยยย
พี่ไทม์บอกแทนเรื่องแม็คไปเลยก็ได้ แทนก็ดูมีเหตุผลนะ
พอรู้สาเหตุแล้วคงไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก มั้ง(?)

รักษาสุขภาพด้วยน้าาาา
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่17:กฎมีไว้แหก รักแรกมีไว้ชื่นชม[25/02/2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-02-2018 13:19:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่17:กฎมีไว้แหก รักแรกมีไว้ชื่นชม[25/02/2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-02-2018 20:44:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่17:กฎมีไว้แหก รักแรกมีไว้ชื่นชม[25/02/2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 05-03-2018 00:38:09
พึ่งได้มาอ่าน พอดีคนเขียนอัพช่วงที่ไปไล่อ่านนิยายที่จบแล้วเลยไม่ได้มาอ่าน ตอนนี้ได้มาอ่านแล้ว! กลับมาอ่านปุ๊ป ไทม์โดนดูดคอเลย แถมเดย์นี่ก็เนียนเนอะ  :hao7:

ยังคงรอคอยให้แม็คกลับมา เพื่อนๆเป็นห่วง ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่18:แพ้ท้อง กับ คืนแรก[18/03/2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 18-03-2018 22:34:32
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 18 แพ้ท้อง กับ คืนแรก




     อึ้งเลยดิ ถึงคราวเพื่อนรักผมมันออกตัวปกป้อง อย่าคิดว่าจะธรรมดา ขนาดพี่โชยังโดนไล่ตะเพิดไปขนาดนั้นแล้ว อย่างมึงคงไม่เหลือล่ะไอ้แทน

     ผมมองหน้านิ่งๆไม่แสดงอาการ ใบหน้าที่โคตรเดาอารมณ์ไม่ถูก จะบอกว่าช็อกไปแล้วก็ไม่เชิงหรือบอกว่ามีแผนอะไรอีกก็ไม่ใช่ ไม่นานไอ้หล่อมันก็ยกยิ้มขึ้นมาเบาๆราวกับทุกอย่างเป็นไปตามที่มันคาด

     "พี่เดย์กับพี่ไทม์หรือครับ" มันมองหน้าเพื่อนผมแล้วเลื่อนสายตามาทางนี้แบบหยามๆ ทำเอาไอ้เดย์มันเริ่มหงุดหงิดนิดๆ ที่การแสดงของมันดูไม่ได้ผลดังตั้งใจไว้

     "กูกับไอ้ไทม์สนิทกันมาก มากกว่าที่มึงคิด"

     "หืมมมม" ไม่ใช่แค่น้ำเสียงนะ ปากเป็ดกับหัวที่โยกขึ้นลงซ้ำๆของไอ้แทนแม่งกวนตีนได้โล่

     "ถ้าไม่เชื่อกูจูบไอ้ไทม์ให้มึงดูตอนนี้เลยก็ได้" เฮ้ย จะทำอะไรปรึกษากูก่อนดิวะ

     ผมหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างหวาดๆ ในใจรู้ว่ามันไม่กล้า เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เป็นชายชาตรีแท้ทั้งแท่ง ประวัติการมีแฟนอาจดูแร้นแค้นไปสักนิด แต่ทั้งชีวิตไอ้เดย์มันคบแต่กับผู้หญิงนะครับ....เว้ยยยย แค่สบกับตาเยิ้มๆ ที่เริ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้ผมก็เริ่มไม่แน่ใจในพลังความแมนของมัน แต่ช่วงจังหวะเดียวกันนั้นกลับมีพลังงานบางอย่างเข้ามาเสียบแทรกกลางระหว่างเราทั้งคู่

     ...หือ? หนังสือพี่บั๊ค...เล่มที่กูลืมไว้ตอนหนีไอ้แทนนี่หว่า...

     ไม่ทันไรไอ้เล่มเดียวกันนั่นแหละที่กระแทกเข้าไปที่ปากเพื่อนผม

     บึก!!

     "เชี่ยแทน!" ถ้าเปรียบกับหมัดก็คงแค่ระดับสะกิด แต่ในความคิดของไอ้เดย์มันคงเสียหมาน่าดู ถึงได้ปล่อยตัวผมแล้วตวาดออกมาแบบหงุดหงิดหัวเสียขนาดนั้น

     "ถ้าแค่เพื่อนก็อย่าให้มันมากไปกว่านี้เลยครับ" ไอ้แทนตอบรับเสียงนิ่งท่าทีไม่สะทกสะท้านกับกิริยาปีนเกลียวที่พึ่งกระทำไปหมาดๆ กับรุ่นพี่ แถมดูติดจะโมโหด้วยซ้ำ หรือผมคิดไปเองวะ

     "ใครบอกว่ากูแค่เพื่อนวะ ไม่รู้แล้วอย่าเจ๋อ แน่จริงมึงถามไอ้ไทม์ได้เลยว่าความสัมพันธ์พวกกูมันระดับไหน" อ้าว ทำไมมาโยนขี้ให้กูวะ ผมมองหน้าไอ้แทนแล้วกลืนน้ำลายหนึ่งอึก บอกแล้วกูโกหกไม่เก่งเล่นละครไม่เป็นอย่ามาถามกู สุดท้ายเดือนวิศวะฯเหมือนจะใช้พลังเทเลทับบี้หยั่งรู้ฟ้าดินมันเลยหันไปไล่จี้กับไอ้เดย์ต่อ

     "พี่เดย์ไม่ได้ชอบผู้หญิงเหรอครับ"

     "จะหญิงหรือชายก็ได้เว้ย กูมันสายวาไรตี้ ถ้าขึ้นชื่อว่าชอบก็คือชอบ กูไม่เกี่ยงหรอกว่าเป็นเพศไหน"

     "แล้วเรื่องของจิง ถ้าเธออยากกลับมาขอคืนดี พี่จะว่าไงครับ"

     "..."

     โหลดดิ้งนาว เดี๋ยวนะ จิง จิง จิง ว้อท เดอะ ฟ้าคคคคคคคคคคค ชื่อต้องห้าม มึงพูดออกมาได้งั้ยยยยยย ไอ้เฟี่ยยยยย ยังไม่ลืมกันใช่มั้ยแฟนเก่าไอ้เดย์ ที่ชื่อเล่นว่าจิง สรุปมันคือชื่อจริงหรือชื่อเล่นกันวะ ผมแม่งงง

     "จิงไหนวะ"

     "จิงคนที่เป็นแฟนเก่าพี่ ตอนนี้เรียนอยู่ภาคเดียวกับผม บังเอิญมีโอกาสได้คุยกัน เธอชอบเล่าเรื่องพี่ให้ผมฟังบ่อยๆ" งานนี้อย่าว่าแต่ซากขี้เถ้าเลย ถ่านไฟเก่ายังร้อนรอวันรื้อฟื้น

     "เล่าว่าไงบ้าง" ไอ้เดย์มันถาม

     "เธอบอกว่าพี่เป็นคนดี"

     "ดีแล้วได้เหี้ยอะไร"

     "บอกว่าเสียใจจริงๆที่ทิ้งพี่ไป"

     "เสียใจแล้วทำไมไม่เห็นมาตามขอโทษกู"

     "ยังอยากกลับมาคืนดีกับพี่"

     "งั้นฝากบอกมึงตรงนี้เลยว่ากูมีไอ้ไทม์เป็นเมียแล้ว"

     "!!!"

     "แล้วกูก็รักมันมาก"

     "..."

     "ไม่ต้องมาลำบากสร้างความร้าวฉานให้เปลืองแรงหรอก"

     จบคำประกาศก้องไร้ความเกรงกลัวฟ้าดิน หลังผมถูกดึงไปพิงกับอกเพื่อนสนิท มือของมันลูบเข้าหัวทุยๆก่อนแนบจมูกเข้าข้างศีรษะ สูดกลิ่นเหม็นอับอย่างเต็มที่

     ฟอดดดดดดดดดด

     "หัวมึงแม่ง...หอมไม่เคยเปลี่ยน"

     เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไอ้เชี่ยมึงดมหัวกูทำไม

     เดาว่าโดนคุณไสยหรือไม่ก็เล่นของ เที่ยวมาทำตัวสตรองต่อหน้าผม ทั้งที่ใจมึงไม่มีวันทิ้งน้องจิงได้ลงหรอกกูเชื่อ ทุกวันนี้มีแต่จะงองแงทำตัวเป็นเด็กอมตีนลืมคนเก่าโกเอาท์ไปหาคนใหม่ไม่ได้ แล้วไหนเลยเพื่อนกูมันอีโวพัฒนาการเปลี่ยนจากควายเป็นคนเอาตอนนี้ ตั้งแต่สองปีที่ผ่านมาหลังเลิกรากับน้องเขา กูไม่เคยเห็นวันไหนเลยที่มันจะไม่ซึมทุกครั้งนึกถึงเมียเก่า จนต้องเฝ้าระวังไม่ให้ย้ำถึงชื่อน้องจิง

     ตัดกลับมาที่คู่กรณีอีกคน ไอ้แทนมันนั่งหน้านิ่งดูละครโลกเล็กรูดม่านปิดฉากไปไม่นานซักพักจึงเอาหนังสือมาวางตรงหน้าโต๊ะผม

     "พี่ลืมไว้เมื่อกี้" เจ้าตัวลุกเต็มความสูงตั้งท่าจะเดินออกไป แต่ผมคว้าข้อมือไว้ได้ทัน

     “มึงจะไปไหน”

     “กลับหอ”

     “ไหนว่ามึงมารับกูกลับ”

     “ไปกับพี่เดย์เถอะครับ”

     “...”

     “ผมขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ จากนี้ไปเรื่องของฟ้าให้ถือซะว่าไม่เคยได้ยินละกัน” มือผมถูกสะบัดหลุด ก่อนไอ้แทนจะเดินจากไปแบบไม่สนใจจะหันกลับมา

     จากที่อยากทำให้อีกฝ่ายอึ้ง...ทำไมกลายเป็นกูที่อึ้งเองวะ...

     ผมนิ่งค้างท่าเดิมอยู่นาน จนกระทั่งวินาทีที่มีสัมผัสนุ่มๆ เบาๆ เข้าข้างกกหูมาแทรกเนี่ยแหละ

     "กรี๊ดดดดดดดดดด"

     "อร๊ายยยยยยยยยยยย"

     "แม่ตายแป๊บบบบบบบ"

     "ทิ้งไม้พายเลยจ้าเรือหลักแล่นเองแล้ววววววว"

     "นักศึกษาทุกคนเงียบ!!"

     เพราะเสียงปรามของศราวุธดังสะท้อนไปทั่วห้อง ทำให้สติผมกลับมาสมบูรณ์ครบร้อยเลยหมุนตัวหันไปเผชิญหน้ากับไอ้เดย์ที่กำลังเล่นบ้าด้วยการดมหัวจูบขมับกูอยู่นั่นแหละ

     "ไอ้แทนมันไปแล้ว เลิกดมหัวกูทีเหอะ"

     "ทำไม เดือดร้อนเหรอวะ ทีตอนพี่โชมึงยังยอมเล่นไปกับกูด้วยเลย"

     "ก็ตอนนั้นมันเป็นพี่โชนี่หว่า แต่ตอนนี้มันเป็น..."

     "ไอ้แทน"

     "..."

     "คนที่มึงชอบ"

     "..."

     "เฮ้อ ชอบก็บอกว่าชอบดิวะ จะมาทำตัวเป็นผู้ชายสายซึนทำเชี่ยทำไม”

     “กูไม่ได้...”

     “เดี๋ยวกูตีปากแตก” เชี่ยยยมันเอาจริง ง้างมือเหนือหน้ากูไม่ถึงคืบ “แล้วจะเอาไงต่อไป” ไอ้เดย์ถามให้ผมได้คิดต่อ

     "กูเป็นห่วงมันว่ะ อาการมันดูแปลกๆ ปกติต่อให้กูต่อต้านมันขนาดไหนมันก็จะตื้อไม่เลิก แต่วันนี้มันกลับ..."

     "จะตามมันไปมั้ยล่ะ"

     "..."

     "กูยอมไม่มีเพื่อนเรียนก็ได้วะ"

     "..."

     "ส่วนเรื่องไอ้แม็ค เดี๋ยวกูจัดการเอง"




     ผมวิ่งกระหืดกระหอบออกมา มองหารถซีวิคสีเทาเมทัลลิคอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายกลับไม่เห็นคันที่ดูคลับคล้ายว่าจะเป็นของคุณชายสุรบถเลยสักนิด ด้วยความที่วิ่งมาแบบคว้าอะไรได้ก็โกยมาหมดไม่ทันจัดใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย สองมือจึงโอบอุ้มกองหนังสือไว้เต็มมือ ดูทุลักทุเลต่อการหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาบุคคลที่วนเวียนอยู่ในหัวตอนนี้เป็นอย่างมาก

     "ไอ้แทน...เบอร์ไอ้แทน...ชื่ออะไรวะ" นึกไม่ออกทันที ปกติมีแต่มันโทรหาผม แล้วดูตอนนี้ดิทำไมผมต้องวิ่งวุ่นโทรหามันด้วยเนี่ย "จริงด้วย...หล่อสุดในสามโลก" ผมรีบจิ้มเบอร์ตรงรายชื่อสายที่รับแล้วคู้ตัวยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ไม่นานเสียงโทรออกตู๊ดยาวก็ดังขึ้นประสานกับเสียงเมโลดี้ที่ผมคุ้นเคย เสียงนั้นมันดังแว่วมาจากข้างหลัง...เสียงริงโทนของไอ้แทน

     รีบหมุนตัวไปแบบกลัวจะเสียโอกาส จนกระทั่งเจอคนตัวสูงเดินอย่างเชื่องช้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกด...

     ตัดสาย!! เชี่ยแทน!! มึงกล้ามากนะที่กดตัดสายกู ผมลุกพรวดพราดอย่างลืมตัว

     "ไอ้แทน!!"

     ตุบ!!

     ระเนระนาดครับท่าน ไอ้ที่มันอยู่ในมือผมจนถึงเมื่อครู่ทุกอย่างห่าเหวแม่งไปกองอยู่ที่พื้นหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ...เชี่ยลูกพ่อ มึงจะอยู่รอดถึงจบเรื่องมั้ยวะ แต่มันกลับเป็นผลดีที่ช่วยดึงดูดความสนใจของไอ้แทนให้รีบรุดมา คนตัวสูงย่อตัวลงช่วยเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาดกระจัดกระจายอยู่ตามพื้น

     "เป็นไรมากมั้ย" น้ำเสียงมันฟังดูเป็นห่วงผมพิลึก สองมือแกร่งฉวยเก็บหนังสือ ถุงดินสอ รวมไปถึงมือถือก่อนผมจะคว้าได้ทันจากนั้นจึงยื่นส่งให้ ณ ตอนนี้ผมได้แต่ยืนนิ่งไม่ยอมยื่นมือไปรับจนร่างสูงแปลกใจ "เป็นอะไรพี่ รับไปดิ"

     "ของมึงน่ะ"

     "หา?"

     "หนังสือเล่มนี้ของมึง" สายตาคมก้มลงไปมองหนังสือเล่มบางที่อยู่ในมือ ก่อนเงยขึ้นสบตาผมอีกครั้ง

     "หนังสือภาษาอังกฤษพื้นฐานสาม"

     "ที่กูสัญญาว่าจะให้มึง"

     "..."

     "กูขอโทษที่ให้ช้า แต่คนอย่างกูถ้าสัญญากับใครแล้วกูจะไม่ผิดสัญญา"

     "..."

     "รวมถึงเรื่องน้องฟ้าด้วย"

     "..."

     "กูสัญญาว่าจะดูแลอย่างดี ถึงแม้เพื่อนกู...ไอ้แม็ค มันจะไม่อยู่ที่นี่แล้วก็ตาม"

     ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามีใครบางคนตกใจไปถึงชาติหน้า ผมสาบานเลยว่าไอ้แทนมันต้องกลุ้มเรื่องน้องมันถึงได้ทำตัวสติฟั่นเฟือนยอมแพ้กับเรื่องง่ายๆ แค่นี้ แล้วผมก็ไม่มีทางปล่อยให้มันเครียดกับเรื่องที่ผมเป็นตัวต้นเหตุคนเดียวได้หรอก

     ดวงตาคมเบิกโตทันที ไม่บอกก็รู้ว่ามันแปลกใจแค่ไหนที่ผมสารภาพออกมาโดยตรง ผมอาจจะเดาผิดที่คิดว่าท่าทีของเจ้าตัวตอนเดินออกมาจากศูนย์เรียนรวมต่อหน้าต่อตาผม มันเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม แผ่นหลังที่เหมือนจะแบกรับเรื่องราวอมทุกข์ไว้ทุกอย่างมันดูอ้างว้างจนทำให้ผมต้องรีบตามออกมา อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้ว่าผมอยากจะช่วยแบ่งเบาความทุกข์ของคนตรงหน้าไว้มากเพียงใด

     "แม็ค..." ไอ้แทนอุทานออกมา

     "คนที่เป็นแฟนกับน้องมึงก็คือไอ้แม็คเพื่อนกู คนที่มึงเคยเจอที่ร้านเหล้า"

     "..." เจ้าตัวทำท่าราวกับไปไม่ถูก ดวงตาคมสั่นไหวเหมือนกำลังย้อนอดีตหวนถึงความหลังวันวานที่เคยเจอหน้าคู่กรณีของน้องฟ้า

     "ตอนนั้นกูยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแฟนมันคือน้องมึง มันเลยได้แต่สงสัยว่ามึงเป็นอะไรกับน้องฟ้า คิดว่าน้องฟ้ามีคนใหม่ สองคนนั้นเลยเลิกกัน"

     "แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน" ไอ้แทนโพล่งขึ้นมาขัดประโยคที่ผมกำลังจะเล่าต่อ

     ทั้งที่ตัดสินใจว่าจะพูดออกไปให้หมดแล้วแท้ๆ แต่พอต้องมาตอบคำถามแบบนี้ ผมถึงกับสะดุด

     "ที่พี่บอกว่าไม่อยู่แล้ว มันหมายความว่ายังไง"

     "..."

     "บอกผมมาสิ" ผมสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนมองหน้าไอ้แทนอีกครั้ง

     "มึงฟังแล้วอย่าพึ่งขึ้นนะ"

     "..." มันไม่ให้สัญญา แต่ก้าวขามาถึงขนาดนี้แล้วยังไงผมก็ต้องไปต่อ

     "มันลาออกไปแล้ว"

     "พี่ว่าอะไรนะ"

     "กูบอกว่ามันลาออกไปแล้ว" ร่างสูงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนส่งเสียงหัวเราะขึ้นจมูกออกมาราวกับจะประชด สายตาคมปราดมองมาทางผมก่อนสาดน้ำเสียงเย็นเยือบลงมาเต็มใบหน้า

     "นี่พี่กำลังจะบอกว่ามันหนีไปเพราะรู้ว่าฟ้าท้องอย่างนั้นเหรอ"

     "เฮ้ย เปล่าซะหน่อย กูไม่ได้บอกว่ามัน...."

     "นี่พี่กำลังตามมาแก้ต่างให้เพื่อนพี่ใช่มั้ย" เดี๋ยวๆๆ ทำไมกลายเป็นประเด็นนั้นได้วะ

     "..." กำลังจะอ้าปากเถียง แต่ไอ้แทนกลับต่อความขึ้นมาเสียก่อน

     "อย่าคิดว่าผมไม่รู้ ไม่งั้นพี่จะปิดบังเรื่องหมอนั่นมาตั้งแต่แรกทำไม"

     "..."

     "ขนาดยอมเอาตัวรับผิดแทนมันได้"

     "..."

     "แล้วไหนจะตอนนี้อยู่ดีดีก็มาบอกทุกอย่าง"

     "..."

     "ถ้าไม่ใช่ว่าปกป้องเพื่อนแล้วมันจะเรียกว่าอะไรกันวะ!!" หนังสือในมือมันถูกผลักเข้ามาในอกผมเต็มๆ เจ็บจุกในความรู้สึก แต่ไม่ได้มาจากแรงกระทำของอีกฝ่าย น้ำเสียงกับสีหน้าที่โกรธขึ้งราวกับเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนทำเอากระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมา ผมปล่อยให้ทุกอย่างร่วงตกลงพื้นไปอีกครั้งโดยไม่คว้าไว้ ก่อนขยับริมฝีปากที่สั่นไหวอย่างเชื่องช้า

     "จะเรียกว่าอะไรได้อีกวะ"

     "..."

     "ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะกูเป็นห่วงมึงน่ะ!" ทันทีที่เปล่งวาจานี้ออกไปเหมือนลมหายใจจะหมดลง ผมหอบแฮ่กถี่รัวเรียกอากาศเข้าปอดอย่างหนักหน่วง ก้มหน้าเสตามองพื้นกระเบื้องที่อยู่แทบเท้า ไม่อยากมองหน้ามันอีกแล้ว ผมกลัวตัวเองจะร้องไห้

     "พี่ไทม์"

     "แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอวะ เห็นมึงทำหน้าเครียดแล้วเดินออกไป กูก็ห่วงจะตายอยู่แล้ว กูกลัวว่ามึงจะคิดมากเรื่องน้อง กลัวว่ามึงจะเกลียดกู กลัวไปหมดทุกอย่าง ทั้งที่กูตัดสินใจว่าจะพูดทุกอย่างแต่มึงกลับมาตวาดกู หาว่ากูเข้าข้างเพื่อน กูก็แค่ไม่อยากเห็นมึงเครียดอีกแล้ว เห็นมึงไม่ยิ้มแย้มเหมือนเดิมกูจะเป็นบ้ารู้มั้ย"

     แถมยังจะเครียดตามมึงไปด้วย คิดแล้วก็ปวดมวนท้องขึ้นมาจนรู้สึกเหมือนจะคลื่นไส้ กว่าจะมารู้ตัวอีกทีผมก็คู้ตัวนั่งคุกเข้าลงที่เก่า พาดแขนเข้ากับท้องอย่างทรมาน ข่มอาการลำไส้บิดตัวจนปวดแปลบ รู้สึกปากคอแห้ง มือเย็น แต่ไม่วายต้องยกขึ้นป้องปากตัวเอง เพราะผมกำลังจะ...

     อุบ...โอ้กกกกกกกกก

     "อุแหวะ แค่กๆ" ฉิบหาย...กูอ้วก ออกมาเต็มๆ พื้นข้างหน้า อ้วกจริงจังถึงขั้นว่าไอ้หน้าหล่อยังตกตะลึง

     "เฮ้ย พี่ไทม์" มือใหญ่รีบตะโบมลูบหลังเป็นระวิง ผมทำลานหน้าตึกอาบไปด้วยกลิ่นอ้วกซะแล้ว ฮือออตูจิบ้า สิ่งที่ผมทำเป็นอย่างแรกคือการประคองตัวไว้กับร่างสูง มือชื้นเหงื่อกำเสื้อเชิ้ตสีขาวของไอ้แทนไว้แน่น กูจะล้ม ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกแบบนี้วะ น้ำย่อยย้อนขึ้นคอทำให้รู้สึกแสบแย่ไปหมด พอทุกอย่างถูกดันออกมาก็เหมือนว่าจะดีขึ้น แต่ทว่า...

     "ไอ้แทนมึง เอาออกไป" ผมรีบปัดมืออีกฝ่ายออก ของที่อยู่ในมือของคนตรงหน้าเป็นผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กที่ไอ้แทนกำไว้ คงตั้งใจจะเอามาเช้ดปากผม

     "ใช้นี่เช็ดไปก่อนเถอะพี่ แล้วเดี๋ยวผมพาไปห้องน้ำ"

     "กูไม่เอา" ผมผลักมือมันออกไปอีกครั้ง

     "ผมไม่ถือหรอกน่า ผ้าเช็ดหน้าเลอะยังไงก็ซักได้" ยังดึงดันที่จะให้ผมใช้อีก คราวนี้ไม่ใช่แค่ผลักแต่เป็นใช้มือจับทั้งแขนอีกฝ่ายดันให้ออกห่างจากตัวที่สุดเท่าที่จะทำได้

     "แต่กูเหม็น!!" ผมตวาด กูทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ผ้าเช็ดหน้าแม่งเอาไปจุ่มขี้ความมาหรือไงวะถึงได้เหม็นขนาดนี้ โอ๊ยยยยยยยจะออกอีกรอบแล้ว ข้าวเที่ยงกูเสียดายฉิบ

     "พี่ว่าอะไรนะ"

     "กูบอกว่าเหม็นไง เอาผ้าเช็ดหน้ามึงไปไกลๆ เลยนะ"

     "เหม็นอะไรของพี่น่ะ ผมยังแทบไม่ได้ใช้เลยด้วยซ้ำ" มันยกขึ้นสูดหนึ่งรอบให้ผมดู...อิ๊ เห็นเแล้วกูจะเป็นลม

     "มึงดมทำไมเหม็นจะตาย"

     "พี่บ้ารึเปล่า ผ้าเช็ดหน้าผมมีแต่กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม"

     "มึงจะบ้าเหรอเหม็นขนาดนี้ จะเป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มไปได้ไง" ผมยกมือปัดๆ ไล่ไอ้แทนไม่ต่างอะไรกับแมลงวัน ร่างสูงถึงกับต้องผละกายไปด้านหลังพลางส่งสายตามองมาอย่างข้องใจ

     "ผมว่าพี่อาการแปลกๆแล้วล่ะ"

     "แปลกยังไงวะ" ยังไม่ทันจะตอบคำถามไอ้แทนมันก็หันมาคว้าข้อมือผมไปเสียดื้อๆ

     "ไปกับผมก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากัน"


[มีต่อนะคะ]
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่18:แพ้ท้อง กับ คืนแรก[18/03/2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 18-03-2018 23:16:37
 


    กว่าจะตามไอ้แทนมาถึงห้องในคอนโดน้องฟ้าได้ผมต้องทนกลั้นอ้วกของตัวเองอยู่นานสองนานทรมานสุดๆ พอถูกพามาถึงห้องจึงรีบพุ่งตัวเข้าห้องน้ำเอาทุกอย่างที่กินไปเมื่อตอนกลางวันออกมาจนกระเพาะโล่ง

     "กูเหม็นว่ะไอ้แทน ทำไมตัวมึงเหม็นขนาดนี้วะ" ผมเอาน้ำยาบ้วนปากกรอกล้างความรู้สึกขยะแขยงแสบคอของน้ำย่อยออก แล้วซับน้ำที่เกาะพราวไปทั่วหน้าครึ่งซีกด้วยกระดาษทิชชู่ ระหว่างที่ในใจกำลังสรรหาคำด่าร่างสูงที่ไม่รู้จักอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้ดี มือใหญ่ของอีกฝ่ายก็เอื้อมมาคว้าศีรษะผมเข้าอย่างจัง ก่อนลากเข้าไปซุกกับอกแกร่งของอีกฝ่ายที่ไร้เสื้อผ้า

     "!!!"

     "รู้สึกยังไงบ้าง"

     "รู้สึกยังไงอะไรของมึงฮะ แล้วทำบ้าอะไรเนี่ย" ผมพยายามปัดมือออก แต่ไม่เป็นผลร่างสูงยังคงช้อนท้ายทอยจับล็อคไว้มั่น

     "ไม่รู้สึกอยากอ้วกแล้วใช่มั้ย"

     "ถามอะไร...อุ๊บ" เอ๊าดันมันเข้าไปดิ ให้กูจูบหัวนมมึงเลยมั้ย

     "หายเหม็นรึยัง"

     "...!!" ไอ้แทนมันทัก จนผมพึ่งสังเกตเห็น จริงด้วย...ไม่เหม็นแล้ว เพื่อเป็นการพิสูจน์ผมเลยไล่ดมไปตามตัวและหัวไหล่ กลืนน้ำลายหนึ่งอึกก่อนเงยขึ้นมองใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายอย่างงงๆ "ไอ้แทน มึงทำได้ไงวะ" มึงเสกเวทมนตร์อะไรถึงทำให้กูหายจากอาการอ้วกนี้

     มันมองหน้าผมนิ่ง ก่อนกรีดปากเป็นเส้นตรง

     "ถ้าผมถามอะไรแปลกๆ พี่ก็อย่าว่ากันนะ"

     "..."

     "พี่มีความรู้สึกอยากกินอะไรที่มันเปรี้ยวๆ มั้ย"

     "หา?"

     "อย่างเช่น มะม่วงแรด มะขามเปียก หรือของอย่างอื่นก็ได้ที่รู้สึกเปรี้ยวปากเป็นพิเศษน่ะ"

     "เดี๋ยวก่อนมึง"

     "ถ้าใช่ก็เป๊ะเลย"

     "เป๊ะเป๊อะห่าอะไรของมึง ก่อนจะข้ามไปบทถัดไปมึงช่วยอธิบายให้กูเข้าใจทีได้มั้ย"

     "เท่านี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ"

     "..."

     "อาการพี่เหมือนคนแพ้ท้อง"

     "!!!"

     "พี่ไทม์อาจจะแพ้ท้องแทนฟ้า"

     "ใช่ที่ไหนเล่า มึงเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ดูละครมากไปเปล่าวะ เอาทฤษฎีไหนมาพูด"

     "จู่ๆ พี่ก็อ้วก แถมยังบอกเหม็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอีก อย่างนี้ถ้าไม่ใช่ว่าแพ้ท้องแล้วจะเป็นอะไร"

     "กูอาจจะแค่เครียดก็ได้"

     "งั้นพิสูจน์อีกรอบมั้ยล่ะ"

     "เฮ้ย มึงหยุด!!" หัวผมจะโดนฉุดเข้าไปหาผ้าเช็ดหน้ามันอีกรอบ เห็นท่าว่าไม่ดีผมเลยหนีโดยการเอาหน้าไปซุกกับแผ่นอกมันอีกครั้ง พอได้ทีไอ้แทนมันเลยหันมาคว้าเอวผมไว้ กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเป็นการใหญ่

     ฮือ...มึงอย่าทำกู กูยอมแล้ว

     "พวกพี่ทำอะไรกันอยู่คะ"

     หืม?เสียงใครน่ะ ผมหันไปมองต้นทาง

     "!!!"

     ว้อท!! น้องฟ้ายืนตาแป๋วมาเลยครับงานนี้ ว่าแต่เธอเข้ามาได้ไงวะครับเนี่ย เออ ผมลืมไปว่านี้คอนโดเธอ

     "ฟ้า...กลับมาแล้วเหรอ" ร่างสูงปล่อยตัวผมแล้วรีบวิ่งพุ่งไปหาน้องสาวทันที สมแล้วที่มีดีกรีเป็นพี่ชายหวงน้องสาดระดับโลก แต่ทำไมกูเหงาอ้อมกอดมึงขึ้นมาเสียดื้อๆวะ ไอ้แทนรับกระเป๋าเป้ใหญ่จากมือน้องสาวมาวางไว้บนโซฟา เจ้ากี้เจ้าการลากร่างเล็กให้นั่งเก้าอี้พลางจัดแจงเทน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องให้ดื่ม "เป็นไงวันนี้เหนื่อยมั้ย" มือใหญ่ลูบหัวที่มัดหางม้าเบาๆ อย่างอ่อนโยน

     "ไม่ค่อยเหนื่อยค่ะ แค่รู้สึกมันหัวนิดหน่อย ไม่รู้สึกอยากอาเจียนเหมือนเมื่อวานแล้ว"

     อุบ...ทำไมได้ยินแค่นี้ก็ก็จะออกอีกรอบแล้ววะ พอเห็นสายตาไอ้แทนมันเหลือบมองมาทางนี้ก็กลั้นอ้วกไว้แทบขาดใจ

     ไม่ใช่ ไม่มีทาง กูไม่ได้แพ้ท้องแทนน้องมึง มึงหยุด อย่ามองกู

     "ถ้างั้นไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวก่อน แล้วค่อยมากินข้าวเย็น เดี๋ยวพี่ทำรอไว้" ทันทีที่นึกถึงอันตรายตรงหน้าผมแม่งแทบจะแปลงร่างเป็นจรวดหัวฟวยแห่งองค์การนาซ่าวิ่งเข้าชาร์ต สองมือกางอย่างไวขวางคนตรงหน้าไม่ให้ไปไหน

     "กูไม่ให้น้องฟ้าเข้าห้องน้ำตอนนี้แน่"

     "หา พี่บ้ารึเปล่า น้องผมจะอาบน้ำพี่จะมาขวางทำไม"

     "บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ไง"

     "ทำไมถึงไม่ได้"

     "ก็กูต้องไปอ้วกก่อนไงเล่า!"

     โอ้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เดี๋ยวกูจ่ายค่าลัดคิวให้มึงเอง




     หลังจากขย้อนทุกสาขาออกมายังสายหลัก กูก็ไม่เหลืออะไรให้จับไปทำพลังงานแก่ร่างกายแล้ว พอได้กลิ่นหอมๆ เย้ายวนของโจ๊กปลาแซลมอนร้อนๆ เลยได้แต่ซัดโฮกไม่แคร์สายตาผู้ใด

     ว่าแต่...นี่กูนั่งอยู่ในห้องสอบหรือโต๊ะอาหารวะ เงียบซะจนได้ยินแต่เสียงซูดซาดสูดโจ๊กเข้าปากของผมคนเดียว พอช้อนตาขึ้นมาแค่นั้นแหละครับ กูรู้เลยว่าสองตัวสี่ตามันกำลังมองมาที่ใคร

     "อะเออ...ไม่กินกันเหรอ" มองกูทำไม

     "ท่าทางโจ๊กแซลมอนของผมคงจะถูกปากพี่มาก อร่อยใช่มั้ยล่ะ"

     "ก็งั้นๆ กินกันตาย" ชดเชยกับอ้วกที่เสียไป

     "อร่อยก็บอกมาเถอะ ไม่ต้องอาย"

     "กูเปล่าอายซะหน่อย" ผมคว้าชามเปล่าที่ผมพึ่งเลียคำสุดท้ายเข้าปากขึ้นมาส่งพุ่งพรวดเข้าหน้าพ่อครัว "แต่กูกลัวของมันเหลือต่างหาก"

     ไอ้แทนยื่นมือมารับชามเปล่าผมไปพลางส่ายหัว แหนะๆ อะไร ต่อให้อมมันไว้กูก็เห็นนะ ยิ้มของมึง จ้างให้กูก็ไม่มีทางบอกเด็ดขาดว่าโจ๊กของมึงมันอร่อยมากกกกกกกกกถึงมากที่สุดน่ะ ฝัน ไป เหอะ

     ไม่นานโจ๊กร้อนๆ ที่เต็มไปด้วยเนื้อปลาชิ้นโตๆ ก็มาเสิร์ฟตรงหน้า

     "ทานเยอะๆ นะ ลูกเราจะได้แข็งแรง"

     "สัด" ถึงกูไม่ท้องแต่กูก็จะสนองให้ อย่างต่ำวันนี้ขอซักสี่ชาม กินปลาไม่อ้วนเว้ย ผมคว้าช้อนเดิมตั้งใจจะตักโจ๊กเข้าปาก แต่ความสนใจทุกอย่างกลับถูกกระชากไปอยู่ที่เสียงริงโทนซึ่งดังสนั่นหวั่นไหวตัดอารมณ์คนกำลังแดกได้อยู่หมัด หน้าจอโทรศัพท์ของพี่ชายตัวดีโชว์ขึ้นมาให้เห็นและเป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่ร่างสูงคว้าหมับผุดลุกจากเก้าอี้ตะลีตะลานหายลับไปที่ระเบียง

     เป็นอะไรของมันวะ ใครโทรมาถึงลุกลี้ลุกลนขนาดนี้ ลุกลี้ลุกลนในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มือผมหยุดนิ่งจากการตักข้าวเข้าปาก หันไปมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างแปลกใจ อาหารรสมือพี่ชายคนโตของบ้านเกียรติไพศาลอร่อยนะ แต่ทำไมผมชักรู้สึกกร่อยๆ ขึ้นมาแล้ว

     "พี่ไทม์เป็นอะไรไปคะ อิ่มแล้วเหรอ" น้องฟ้าที่นั่งเงียบอยู่นานร้องทักจนผมสะดุ้งหันไปมองแล้วแสร้งทำตัวตามปกติหันมาตักข้าวเข้าปากต่อ

     "เปล่านี่พี่ก็แค่ โอ๊ย...ร้อนๆ" ลิ้นพองกันล่ะงานนี้ สนใจคนอื่นจนลืมดูตัวเองแล้วเป็นไงล่ะ

     "ดื่มน้ำก่อนค่ะ" น้ำเย็นถูกส่งมาให้ ผมรีบคว้าไว้แล้วกรอกเข้าปากอย่างด่วน

     อึกอึกอึก รีบดื่มฮีลลิ้นตัวเอง เดี๋ยวลิ้นพิการไปจะไม่มีปัญญาไปเลียไอติมแท่งที่ไหน

     "สนใจพี่แทนขนาดนั้นเลยเหรอคะ"

     พรวด!!

     น้ำพุหน้าคอนโดที่ว่าแน่ยังแพ้ให้เม้าท์สปริงเกอร์จากปากกู ดีนะที่ผมยังไวหันหลบเปลี่ยนองศาได้ทันก่อนที่น้ำลายและหมู่มวลแบคทีเรียในปากจะลงไปเดินเล่นในชามคนอื่น

     "ฟะ.." ฟวยยย เอ้ย ไม่ใช่ดิ "ฟ้าพูดอะไรน่ะ"

     "จริงเหรอเนี่ย"

     "จะ...จริงอะไรของฟ้าน่ะ"

     "ปะ...เปล่าค่ะ" อย่ามาทำให้กูสงสัยแล้วก็จากไปแบบนี้!! แต่ช่างเถอะ ยิ่งผมถามกลับมากเท่าไรก็อาจจะยิ่งตอกย้ำว่าผมสนใจไอ้แทนมากเท่านั้น

     "..."

     "น่าจะเป็นพ่อกับแม่โทรมาน่ะค่ะ"

     "..."

     "ฟ้ากลัวพี่ไทม์จะเมื่อยคอ"

     "!!!" ไอ้คอทรยศ ใจมึงคิดจะไม่สนใจทำไมมึงไม่หันหัวกลับไปกินข้าวตามเดิมฟระ!!

     "พะ...พี่ก็แค่อยากจะเอ็กซ์เซอร์ไซส์เท่านั้น" ผมเอี้ยวตัวหมุนหัวไปมาแสร้งเป็นว่าออกกำลังกาย

     "ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็จะมีพี่มายด์อีกคน คนที่จะทำให้พี่แทนรีบร้อนรับมือถือขนาดนี้"

     หืม?

     "มายด์?"

     "แฟนพี่แทนค่ะ"

     "..."

     "คุยอะไรกันอยู่ครับ"

     "!!!" ไอ้แทนมันเดินกลับมาตั้งแต่เมื่อไร ระหว่างที่ผมยังคงประมวลผลความคิดตัวเองไม่ได้ คนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาเมื่อครู่ก็เดินกลับมาหย่อนก้นลงที่นั่งข้างผมตามเดิม สีหน้ามันยังคงปกติ ส่วนผมน่ะเหรอ...ไม่เหลือ ไม่เหลือความเป็นคนอยู่เลย เหมือนกำลังแปลงร่างเป็นควายตัวเขื่องนั่งโง่ให้คนข้างๆ มันหลอกอยู่ได้ ว่าชอบผมมาตั้งแต่ตอน ม.ห้า บ้าดีเนอะ

     ความอยากอาหารแทบจะติดลบเป็นศูนย์ ผมนั่งเขี่ยข้าวไปมา คิดทบทวนถึงเรื่องราวในอดีตนับตั้งแต่เจอมัน ทุกครั้งอีกฝ่ายมักจะทำเหมือนทีเล่นทีจริงมาโดยตลอด ตอนที่บอกว่าอยากได้สิทธิ์ในการจีบผมสุดท้ายก็โดนหลอกถามจนหลุดปากออกไปว่าเป็นหนุ่มพรหมจรรย์ไม่เคยซั่มหญิงที่ไหน ทำให้มันรู้คำตอบว่าผมไม่ใช่คนรักของน้องฟ้า

     ...แล้วจูบที่ผ่านๆ มาล่ะ...

     ความจริงไอ้แทนมันอาจจะแค่อารมณ์เปลี่ยวนึกเปรี้ยวปากอยากลองของแปลกแบบผมก็ได้

     "เอาเนื้อปลาเพิ่มมั้ย" เสียงทุ้มเอ่ยถาม

     "..."

     "เห็นพี่เขี่ยข้าวมาตั้งนานแล้ว กินปลาหมดแล้วใช่มั้ยเดี๋ยวผมแบ่งให้"

     คนขี้โกหกอย่างผม ก็สมควรที่จะโดนมันโกหกกลับสินะ

     'ทีผมถามเรื่องน้อง พี่ยังไม่ยอมบอกผมเลย แล้วทำไมผมจะโกหกพี่บ้างไม่ได้ล่ะ'

     น่าขำ ที่ผมลืมสนใจคำนั้นของไอ้แทนไป

     "กูอิ่มแล้ว กูขอตัวกลับก่อน" กระเป๋าเป้ผมอยู่ตรงนั้น ผลควรจะเดินไปหยิบมันแล้วโบกแท็กซี่กลับหอ หากข้อมือกลับถูกคว้าไว้เสียก่อน

     "วันนี้ผมไม่ได้บอกพี่เหรอว่าให้ค้างคอนโดฟ้า"







     อึดอัดขั้นสุด ถ้าไม่รู้ความจริงว่าไอ้แทนมันมีแฟนอยู่แล้ว ผมคงไม่ต้องมารู้สึกแย่กับการใส่เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นนอนในห้องเดียวกันได้หรอก ด้วยเหตุผลที่ว่าคอนโดนี้มันมีแค่ห้องไอ้แทนกับน้องฟ้าแล้วใครมันจะบ้าไปบอกว่าขอนอนกับผู้หญิงได้ล่ะจริงมั้ย ผมเลยต้องจำใจอาบน้ำแล้วรีบคลานขึ้นเตียง นอนตะแคงตัวกันหลังไม่สนใจมันอยู่นี่ไง

     "โทษทีนะพี่ แต่คอนโดนี้ผมมาค้างไม่บ่อย เลยมีแค่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นให้ยืม ทนๆ ไปก่อนละกันนะ"

     "..." ไม่เป็นไรมึงจะให้กูใส่อะไรก็ได้ กูแค่อยากให้คืนนี้มันผ่านไปไวไว แค่นั้นก็พอแล้ว

     "พี่ไทม์"

     "..."

     "หลับแล้วเหรอ" เตียงด้านหลังยุบตามน้ำหนักตัวของอีกฝ่าย ผมต้องแกล้งหลับตาเพื่อไม่ให้ไอ้แทนรู้ว่าผมยังไม่นอน

     "..."

     "หนาวมั้ย" มืออุ่นแตะโดนต้นแขนจนผมต้องสะดุ้งลุกขึ้น

     "ทะ...ทำอะไร"

     "พี่นอนไม่ห่มผ้า"

     "ก็เรื่องของกูเปล่าวะ"

     "พี่ขี้หนาวจะตาย"

     "อย่ามาทำเป็นรู้ใจกูดีนักเลย" ผมเอนตัวลงไปนอนอย่างเก่า ยอมรับว่าหนาวกับลมเครื่องปรับอากาศที่พัดมาโดนผิวเป็นระยะ ผมต้องไม่แสดงอาการออกไป เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายสนใจใส่ใจมากไปกว่านี้ หากทุกอย่างกลับได้ผลตรงกันข้ามเมื่อร่างหนาๆ ของไอ้แทนแทรกตัวเข้ามาจากข้างหลังแล้วดึงผมเข้าไปกอดไว้แนบแน่นทุกอณู

     "เชี่ยแทน!!"

     "จุ๊ๆๆ" มันทำเสียจุ๊กจิ๊กข้างหูผม

     "น้องผมนอนอยู่"

     "..." ไอ้แทนมันห่วงน้องฟ้าเสมอแม้กระทั่งตอนนี้ แล้วพื้นที่ในใจมันจะเหลือที่ว่างให้ผมนั่งได้ไง

     "งอนอะไรผมรึเปล่า"

     "เปล่า" กูไม่มีสิทธิ์จะงอนมึง

     "แล้วพี่ไทม์ของผมเป็นอะไร"

     "...!" ถูกแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทางคำพูด ใจผมเป๋ไปเลย แรงสั่นไหวที่อกข้างซ้ายมันแรงขึ้นเรื่อยๆจนทรมาน

     "บอกผมหน่อยได้มั้ย" แรงสูดลมหายใจลึกๆ ข้างลำคอ ทำให้ผมต้องจิกเล็บเข้าไปที่อุ้งมือเพื่อหักห้ามความรู้สึก

     "กู...ไม่ได้...เป็นอะไรจริงๆ"

     "งั้นหันหน้ามาทางนี้หน่อย"

     "..."

     "เร็วสิ...นะ" แรงมือดันตัวผมให้หงาย อ้อมกอดของมันประคองผมไว้ตลอดเวลา จนกระทั่งหันเจอใบหน้าหล่อๆ ของมัน สายตาคมดวงนั้นเบิกกว้างจนผิดสังเกต

     "..."

     "พี่ไทม์..."

     "..."

     "พี่ร้องไห้ทำไม" ใช่...กระบอกตาผมมันร้อนผ่าวทั้งที่ตัวโคตรรู้สึกหนาว กูคงมีค่าสำหรับมึงแค่นี้ใช่มั้ย ถ้ามันใช่ กูก็จะทำให้มันจบๆ แล้วจะได้ไม่ต้องมาพบกันอีก

     "..."

     "ไม่ชอบให้ผมกอดเหรอ"

     "กูหนาว"

     "หึ...ก็บอกแล้วไงว่าให้ห่มผ้า"

     "มึงช่วยกอดกูทีได้มั้ย"

     "..."

     "กอดกูให้แน่นกว่านี้" ร่างสูงกลืนน้ำลายลงคอ สายตาสั่นไหวมองสบลงมาไม่ปกปิด

     "พี่พูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า"

     "กูอยากหายหนาว" ผมกำชับกอดตอบร่างสูงตรงหน้าสอดขาเข้าเกี่ยวผิวเนื้ออบอุ่นของอีกฝ่ายอย่างลืมตัว ผมชอบมัน ผมชอบไอ้แทน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร หากทุกครั้งที่มันเข้ามาในชีวิต ผมจะรู้สึกเหมือนต้องสนใจมันอย่างช่วยไม่ได้และเป็นห่วงมันอย่างไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน คนๆ นี้ขอให้เป็นของผมแค่ตอนนี้ได้มั้ย แล้วจากนี้จะเป็นของมายด์หรือใครก็ตาม...ผมยอม

     สัมผัสจากลมหายใจที่เข้ามาใกล้ทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่รับรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปร่างกายก็เริ่มสั่น อกข้างซ้ายมันกระแทกกระทั้นราวกับจะหลุดกระเด็นกระดอนออกมา ในหัวนึกลังเลอยากจะย้อนไปยังตอนก่อนหน้า แต่ทว่ากลับตัวไม่ทันเสียแล้วในเมื่อไอ้แทนเริ่มประกบแนบจุมพิตลงมา

     "อื้ออออ" นุ่มนวลรุ่มร้อนผะผ่าวไปทั่วใบหน้าเมื่อลิ้นร้อนๆสอดเข้ามาในโพรงปาก จูบสามครั้งที่เคยซักซ้อมเมื่อคราก่อนกลายเป็นจูบอนุบาลหมีน้อยไปเลย ผมไม่เคยจูบกับใคร ไม่เคยมีประสบการณ์ลึกซึ้งอย่างนี้มาก่อน ความที่บอกว่าเคยมีแฟน อย่างมากก็เป็นได้แค่ความสัมพันธ์ที่เลื่อนระดับขั้นมาเป็นเพื่อนสนิท แล้วก็จบที่ต่างคนต่างรู้ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดก่อนเลิกรากันไปอย่างทุกครั้ง แต่คราวนี้ระหว่างผมกับไอ้แทนมันกลับซึมลึกเสียจน...ยากจะถอนตัว

     ด้านบนอบอุ่นแต่เบื้องล่างยังคงหนาวเหน็บ ผมเลยขยับตัวเข้าหาอีกฝ่ายที่กำลังแลกเลียลัดเลาะดูดซับความอ่อนนุ่มเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นของกันและกันจนแทบลืมหายใจ ทำให้สัมผัสได้ถึงสิ่งที่กำลังก่อตัวด้วยมวลอารมณ์และแข็งขืนอยู่ใต้ผืนผ้า

     "ฮะ" ร่างสูงถอนหน้าออกไปทันทีแล้วมองผมด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้มโหยหา "อย่าโดนตรงนั้น...พี่กำลังจะทำให้ผมเป็นบ้า" ไม่นานคนตรงหน้าก็ถอยห่างออกไป "วันนี้พอเท่านี้เถอะ" ไอ้แทนตั้งท่าจะลุกจากไปทางห้องน้ำแต่ทว่ามือผมรั้งชายเสื้อกล้ามของอีกฝ่ายไว้

     "..."

     "พี่ไทม์"

     "..."

     "โธ่เว้ย"

     "อื้ออออ" ผมคงเป็นบ้ามากกว่าที่ดึงดูดไอ้แทนให้กลับมาป้อนจุมพิตกดไหล่ลงบนเตียงอีกครั้ง เจ้าตัวบดจูบลงมาซ้ำๆ จนริมฝีปากเริ่มชา ขบกัดเบาๆ ที่กลีบปากไปมาพลางเลียจนชุ่มชื้น หน้าผาก ขมับ กกหู ซอกคอถูกประพรมจนทั่ว ลามไปถึงแอ่งชีพจร แขนแกร่งสอดเข้าใต้เอวยกตัวผมสูงขึ้นแล้วกระชากเสื้อกล้ามสีขาวออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็กลับมาไล้เลียไปตามแผ่นอกเปลือยเปล่า ซึ่งตอนนี้ผมโคตรกลัวว่าแรงกระทุ้งในอกข้างซ้ายจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึก

     "ฮะ เดี๋ยว...อ๊ะ" ร่างสูงปรนเปรอความวาบหวามให้ยอดอกด้วยแนวลิ้นไม่พอ ยังเลื่อนมือลงมาลูบไล้กลางหว่างขาเหนือผืนผ้าของผม ส่วนกลางลำตัวถูกเสียดสีไปมาจนเริ่มขยายตัว และมันเห็นได้ชัดในสภาพที่ผมใส่บ๊อกเซอร์ของไอ้แทนแค่ตัวเดียว

     "พี่ไทม์" เสียงหอบหายใจด้วยแรงอารมณ์ดังมาเป็นระลอกสลับกับการเรียกชื่อผม ไอ้แทนขยับตัวขึ้นมาประกบริมฝีปากก่อนลากแนวลิ้นสลับกับกัดทำรอยจากสันกราม แผ่นอก ลามไปถึงหน้าท้องแบนราบและส่วนท้องน้อยเหนือกลางลำตัว ความรู้สึกเสียววาบแล่นปลาบขึ้นมา ส่วนที่อารมณ์คุกรุ่นอยู่แล้วยิ่งเผยให้เห็นรูปร่างชัดเจนกว่าเก่า วินาทีที่นิ้วแกร่งเกี่ยวกางเกงยางยืดเพียงชิ้นเดียวของผมลง ในใจนั้นแทบอยากมุดแผ่นดินหนี สิ่งนั้นของผมมันแข็งขืนต่อต้านแม้กระทั่งมือของคนตรงหน้า

     "ฮือออ" ไอ้แทนกอบกุมมันไว้ทั้งหมดพลางขยับแนวมือเชื่องช้าไม่เร่งร้อน ปล่อยให้หยาดน้ำขุ่นข้นค่อยซึมออกจากส่วนปลายจนเริ่มเปียกชื้น ผมหลับตาเพราะเขินอายเกินกว่าจะมองแต่พอความอบอุ่นขาดช่วงไปทำให้ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมาใหม่จนได้เห็นร่างสูงที่ลุกขึ้นมาถอดเสื้อผ้าจนร่างเปลือยเปล่า

     "!!" คุณพระ...บังเอิญไปมองตรงนั้นของมันพอดี สิ่งที่มันมีผมแทบจะเทียบไม่ได้ ช่วงเสี้ยวอึดใจที่ตกตะลึงกับความใหญ่ของร่างกาย ผมกลับได้สัมผัสเนื้อแท้ของมันโดยตรงแบบไม่ทันร้องขอ สัดส่วนร้อนรุ่มบดเบียดเข้าหากันอย่างโหยหา ไอ้แทนขยับตัวเสียดสีไปมาจนผมห้ามเสียงครางไว้ไม่อยู่

     "อ๊ะ ฮะ อือออ" มือใหญ่กอบกุมส่วนสำคัญของเราไว้ทั้งคู่ ขยับไปมาอย่างรวดเร็วตามจังหวะอารมณ์

     "กะ...กูไม่ไหวแล้ว" ผมอายที่จะต้องปลดปล่อยตรงนี้เลยขยำมือจิกผ้าปูเตียงอย่างแรง

     "ไม่ต้องทน...ปล่อยออกมา" น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูทำเอาขนลุกเกรียว เสียดเสียวไปทั่วมวนท้อง ฝ่ายกระทำซึ่งหอบแรงไม่แพ้กันสอดมือเข้าช้อนหลังไว้ โน้มน้าวให้ตะแคงไปตามร่างกายอีกฝ่ายซึ่งทิ้งตัวลงด้านข้างโดยส่วนนั้นของพวกเรายังติดตามกันไปไม่ห่าง มือแกร่งยังคงขยันทำงานรูดรั้งขึ้นลง ผมมองใบหน้าที่รื้นแดงไปด้วยอารมณ์ของอีกฝ่ายแล้วให้ได้รู้สึก...

     "จูบกูหน่อยได้มั้ย" ริมฝีปากชาๆคู่นี้อยากรับรู้การมีตัวตนอยู่ของมึง

     ขออะไรอีกฝ่ายก็ทำให้หมด ผมได้รับรู้รสสัมผัสนุ่มนิ่มชวนหลงใหลจากไอ้แทนอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นแบบเบาๆสั้นๆก่อนผละออกไป

     "ปากพี่...บวมไปหมดเลย" สายตาคมจับจ้องมาที่ปากแดงเจ่อเป่ารดลมหายใจถี่หนักให้พัดผ่านเข้าใบหน้า "เจ็บมั้ย"

     "กูชอบจูบของมึง"

     "..."

     "ชอบ"

     "อย่ายั่วผม"

     "ฮะ...อ๊ะอื้อออออ" เพราะจังหวะและแรงมือที่อีกฝ่ายเร่งรัดมาหลังประโยคสั่นพร่าของผม หยาดอารมณ์จึงหลั่งออกมาไม่ขาดสาย ท้ายที่สุดร่างกายของพวกเราก็กระตุกเกร็งและปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน

     ฮั่ก ฮั่ก หายใจแทบไม่ทัน ระหว่างที่ตกในภวังค์ผมก็เพิ่งมานึกรู้ว่าการกระทำของไอ้แทนยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้ นิ้วแกร่งขยับเข้ามาสัมผัสช่องทางด้านหลังทันทีที่ยกข้อพับขึ้นรั้งกับแขน

     "อะ...ไอ้แทน ทำอะไร" ผมในท่าตะแคงแต่ถูกยกขาข้างหนึ่งขึ้นถึงกับไปไม่เป็น ส่วนนั้นกำลังถูกเผยให้อีกฝ่ายที่ลดตัวลงต่ำได้เห็น การรุนรานเปิดฉากอีกครั้งเมื่อเจ้าของริมฝีีปากบางเฉียบครอบครองส่วนที่เพิ่งอ่อนตัวลงไปป้อล้อให้แข็งขืนขึ้นอีก ความหยุ่นนุ่มในโพรงปากกอปรกับปลายนิ้วซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบของเหลวขยับวนไล้ไปมาในช่องทางคับแคบด้านหลังจนผมสั่นสะท้าน และสิ่งเดียวกันนั้นก็แทรกซึมเข้ามาในร่างเรื่อยๆ

     "อะ...ไอ้แทนมึง" สิ่งที่มองไม่เห็นคุกคามเข้ามาจากด้านหลังทีละน้อย ความรู้สึกแปลกปลอมทำให้ผมกลัวจนตัวสั่นและการกระทำก็หนีไม่พ้นสายตาคมคู่นั้น

     "พี่ไทม์" ร่างสูงถอนริมฝีปากออกขยับตัวขึ้นมาเสมอ แต่มือยังคลึงวนเสียบลึกเข้ามา ผมก้มหัวหลับตาย่นคิ้วให้กับความรู้สึกประหลาดที่ปะทุขึ้น ก่อนหรี่มองร่างกายกำยำของอีกฝ่ายซึ่งไม่ได้อ่อนลงไปหลังจากการปลดปล่อยครั้งแรกเลย ตรงนั้นของไอ้แทนยังคงแข็งขืนและเครียดเกร็ง

     "ผมอยากกอดพี่" แค่กระซิบขอร้องร่างกายผมก็อ่อนปวกเปียกแล้วนับประสาอะไรกับการที่ยอมให้อีกฝ่ายเสริมนิ้วที่สองและสามเข้ามา

     "ฮะ...เดี๋ยว กู...รู้สึกแปลกๆ" มันเริ่มจะเสียดเกร็ง ร่างกายผมกำลังต่อต้านสิ่งแปลกปลอมข้างในซึ่งขยับเข้าออกไปมาตามจังหวะของคนข้างหน้า

     "เจ็บมั้ย" ได้แต่ส่ายหัว บรรยายไม่ถูกถึงความรู้สึก มันไม่เจ็บแต่เสียดแปลกๆ "ผมไม่ได้เตรียมอุปกรณ์เอาไว้ พี่ต้องเจ็บแน่ๆเลย" ร่างสูงเปรยก่อนถอนมืออกไปทั้งหมดราวกับยอมแพ้ "ครั้งแรก ผมไม่อยากให้เป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายสำหรับพี่" พูดจบก็รวบตัวผมเข้าไปตระกองกอด

     "ตะ...แต่"

     "ไม่มีแต่..." ไอ้แทนปรามคำแย้งของผม แผ่นอกที่ประสานกันแนบสนิททำให้ผมรับรู้ถึงหัวใจที่เต้นแรงของอีกฝ่าย

     "แต่ด้านล่างมึง" ใช่...มันยังแข็งตั้งแนบต้นขาผมอยู่เลย "มึงจะปล่อยไว้อย่างนี้เหรอ" ไอ้แทนมันกระตุกดันไหล่ออกห่างพลางสบจ้องดวงตาผม

     "หรือพี่จะช่วย" แปลกแทนที่ผมจะตีมันแล้วด่าว่าทะลึ่งเหมือนทุกครั้ง ผมกลับเอื้อมมือไปจับแทนน้อยเบาๆอย่างกล้าๆกลัวๆ ด้วยความที่ว่าจะสัมผัสก็ไม่ใช่จะลูบไล้ก็ดูขาดๆ ร่างสูงจึงครางฮึ่มในลำคออย่างหงุดหงิด "นี่พี่แกล้งผมเหรอ"

     "กูเปล่า ฮะ!!" อีกฝ่ายพลิกตัวขึ้นคร่อมกะทันหัน ช้อนบั้นท้ายจับขาสองข้างของผมพาดไปบนไหล่ของมันจนตัวลอย สัดส่วนร้อนรุ่มเหยียดตรงจดจ่ออยู่ที่ปากทางพลางดันเข้ามาเบาๆ "ฮื้ออ ไอ้แทน!!"

     ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นี่มึงจะเสียบเข้ามาแบบนี้เลยเนี่ยนะ จะบ้าไปแล้วเหรอกูยังไม่พร้อมเลย

     "หึ...ผมล้อเล่น" มันยกยิ้มหล่อๆ ใส่ทำใจที่ผมกลัวให้กลับมาหน้าแดงอีกครั้ง เพราะตรงนั้นของผมโชว์อยู่ตรงหน้ามันนี่ครับ "ฝืนเข้าไปยังไงก็ไม่ได้หรอก ร่างกายพี่เกร็งอย่างกับอะไรดี"

     ในที่สุดมันก็ปล่อยผมลง ขยับต้นขาแกร่งเข้ามาแนบชิดเนินเนื้อให้ส่วนกลางของเราใกล้กันมากขึ้น ก่อนเริ่มเสียดสีด้วยมืออีกครั้ง

     "ฮะ...อ๊ะ"

     "ทนอย่างนี้ไปก่อนนะ" ประโยคนี้มึงพูดกับตัวเองใช่มั้ย แต่ผมก็รู้สึกเสียวและสุขกับสิ่งที่มันมอบให้อย่างบอกไม่ถูก และแล้วผมกับมันถึงฝั่งฝันกันหลายต่อหลายครั้งก่อนจะเพลียแล้วผล็อยหลับไปในที่สุด


TBC
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ฉากครั้งแรกในชีวิต(x_x) ที่ยังไม่ถึงขั้นสุดท้าย...พัฒนากันต่อไป


คุณ FeaRes : เยิฟฟฟฟฟฟฟฟ รักษาสุขภาพเช่นกันค่ะ ขอบคุณที่รอกันมาเสมอนะคะ ตอนนี้น้องฟ้าก็ยังเป็นตัวป่วน(ที่ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ให้มันไวว่องไม่เต่าคลานได้)อีกตามเคย ฮา แอบกระซิบว่าเฮียเดย์แกก็น่ารักนะคะ(คนแต่งยังหลงเลย) ออกปากว่าจะลงมือตามหาเองแล้วรับรองได้(มี)เรื่องแน่ค่ะ

คุณ B52 :  :pig4: ค่า >_<

คุณ mild-dy :  :pig4: เช่นกันค่า

คุณ StarPasO : มาอ่านตอนนี้คงตกใจกว่าเก่า เพราะไม่ใช่แค่ดูดคอแล้ว!!! 555 ความจริงเดย์แค่รักเพื่อนค่ะ แต่ติดว่าแสดงละครเก่งเกินไปแค่นั้นเอง อิอิ แม็คจะกลับมามั้ยน้าารอดูต่อไป
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่18:แพ้ท้อง กับ คืนแรก[18/03/2018] P.2
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-03-2018 01:10:11
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่19:พ่อตาแม่ยาย[11/04/2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 11-04-2018 23:37:08
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 19 พ่อตาแม่ยาย


            “เซอร์ไพรส!!”

 

            โอเค ผมพร้อมร้องเพลงแล้ว ว่าแต่ใครเป็นเจ้าของวันเกิดนี้ล่ะ สองคนที่ยืนอยู่ตรงประตูด้านหน้า? หรือน้องฟ้าที่ยืนซุกอกกอดตัวผมในสภาพที่แทบเรียกได้ว่าถอดอีกสองชิ้นแม่งก็ชุดวันเกิดแล้วดี

 

            “มันเป็นใคร” มันเป็นพืชหัวชนิดหนึ่งไม่ใช่คนครับคุณ...เออ เรียกว่าอะไรดีล่ะ แต่หน้าตาชายวัยกลางคนค่อนไปทางมีอายุดูไม่ค่อยรับมุกอะไรแบบนี้ เห็นทีผมควรจะสงบปากสงบคำไว้จะดีกว่า ขืนพูดออกไปมีหวังโดนต่อยเลือดกลบปาก

            “ฟ้า” ขมวดคิ้วจนจะกลายเป็นทางรถไฟเหาะโรลเลอร์โคสเตอร์อยู่รอมร่อแล้วครับคุณน้า แต่เธอเรียกชื่อน้องฟ้าครามของไอ้แทนแสดงว่าสองคนนี้ต้องรู้จักกัน ผมหันไปมองคนในอ้อมกอด สีหน้าตื่นตกใจเล่นเอาผมหลอนไปชั่วขณะ

            “ใครน่ะฟ้า” อยากจะปล่อยมือ แต่ตัวมันแข็งค้างไปแล้ว นับตั้งแต่วินาทีที่สติไปกองรวมอยู่กับสองคนตรงหน้าประตู

 

            “พ่อ กับ แม่...ฟ้าเองค่ะ”

 

            เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

            ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้เหมือนตอนที่ผมจะเล่าเรื่องราวต่อจากนี้มันก็คงจะดี ผมสาบานเลยว่าจะไม่กอดน้องฟ้าในสภาพที่ล่อแหลมขนาดนี้หรอก...ไม่มีทาง...

 

 



            ...หนาว...

 
            พรึ่บ!!

            ตาผมสว่างโร่กลอกมองไปรอบทิศทางเท่าที่สามารถจะทำได้ ก่อนหยัดกายลุกจากที่นอนด้วยอาการตื่นตกใจ

            ...ที่นี่มัน...จริงด้วยเมื่อวานผมมาค้างที่คอนโดน้องฟ้านี่หว่า แล้วหลังจากนั้นผมก็โดนไอ้แทนลากมา ลากมา...กระทำชำเรา!!

            “เวรแล้ว” มือป่ายปัดสัมผัสทั่วตัว แสนประหลาดใจกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ เสื้อกล้ามกางเกงบ๊อกเซอร์...ที่ผมโดนถอดกระจัดกระจายตั้งแต่เมื่อวานกลับมาสวมใส่อยู่ติดตัวอีกครั้ง

            ...เออเฮ้ย...หรือเมื่อคืนนี้ฝันวะ...

            ใช่ต้องฝันแน่ๆ...นั่นดิ ใครมันจะแรดขนาดอ้างว่าพี่ชายฉันหนาว แล้วเข้าไปสวมกอดไอ้แทนอย่างน่ามืดตามัวราวกับจะเอามันทำผัวให้ได้ในคืนนั้นวะ คิดถึงความน่าจะเป็น บวกลบคูณหารกันแล้วผมก็ยิ้มอย่างสบายใจ ลุกจากเตียงเดินมาตามทางผ่านตู้เสื้อผ้าที่ติดกระจกบานใหญ่ แต่แล้วภาพสะท้อนข้างในก็ทำให้ผมแทบจะหยุดหายใจทันที

            ไอ้เหี้ยยยยยยยยย

            ภาพตัวเองฉายชัดในกระจกบานยาวทำเอาเข่าแม่งแทบทรุดไปกองกับพื้น จนต้องร้องอุทานออกมาดังๆว่า

            “ทำไมกูหล่อขนาดนี้วะเนี่ย” ตะปบกระจกเอียงซ้ายเอียงขวาเก็กหน้าหล่อแมนแฮนด์ซั่ม งุ้ยดูดี...เอาล่ะพอแค่นี้ ชมให้พอเป็นพิธีเดี๋ยวเหลิง จริงๆผมแม่งก็หน้าขาวอมชมพูปากแดงแซงไอ้พวกนักร้องเกาหลีได้เหมือนกันนะ ฮ่าฮ่าฮ่า แต่เอ๊ะ...ดูแป๊บ...ทำไมไอ้สีขาวอมชมพูมันดูประหลาดจังวะ

            มันเป็นสีขาวอมชมพูที่ดูค่อนไปทางแดงช้ำกระจายเป็นจ้ำทั่วตัว ที่เน้นๆเห็นจะเป็นตรงชอกคอ สันกราม และขาหนีบกูเนี่ยแหละที่เด่นชัดกว่าตรงไหน ไม่ต้องคิดนานผมรีบดึงเสื้อกล้ามกับกางเกงตัวสั้นให้หลุดออกจากร่าง และแล้วความจริงก็ปรากฏตรงหน้า

            นี่กูเป็นอิสุกอิใสหรือไงวะ!!

            หนึ่ง สอง สาม โอ๊ยแม่ง รอยกระจายนับไม่ถ้วน ถ้าใต้ร่มผ้าน่ะรอบสะดือเยอะสุด รองลงก็หัวนมอมชมพูกูเนี่ยแหละ ส่วนง่ามขาไม่ต้องพูดถึงทุกอณูราวกับฝรั่งเศสล่าอาณานิคมอินโดจีน ถามว่าคันมั้ยตอบเลยว่าไม่ เป็นอิสุกอิใสประสาอะไรกูไม่คัน

            สภาพอย่างนี้คงไม่มีปัญญาเดินโทงๆออกไปข้างนอกห้องเป็นแน่ แต่เสื้อผ้ากูตากอยู่ระเบียงด้านนอกไง เสื้อผ้าที่ใส่เมื่อวานอ่ะ

            ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะออกไปเผชิญโลกกว้าง

            เสื้อกล้ามกับบ๊อกเซอร์ถูกดึงขึ้นมาสวมกลับแบบลวกๆ ก่อนเดินไปหน้าประตูไวเท่าแสง

 

            แกร๊ก...แอ๊ด...

            ถ้าเล่นเกมส์ทริลเลอร์อยู่กูจะกลัว แต่นี่มันชีวิตจริง อย่างมากก็แค่น้องฟ้าหรือมีพี่ชายชีอยู่เท่านั้น ถูกเห็นก็เนียนๆไปว่าโดนยุงตัวเมียกัดเลยเดินมาหายาหม่อง สายตาสอดส่ายซ้ายขวาทางโล่ง เล็งเป้าหมายไว้แล้วก็วิ่งหน้าตั้งสิครับจะรออะไร แม่งทำไมอารมณ์กูเหมือนตอนลืมเอาผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ แล้วต้องวิ่งตัวปลิวหวิวไข่ออกมาคว้าผ้าหลังอาบเสร็จเลยวะ

            อีกสามก้าวเท่านั้น ไม่ว่าอะไรก็มาขวางกูไม่ได้

            “พี่ไทม์”

            เอี๊ยดดดดดดดดดดด

            ขอถอนคำพูดให้กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าฟ้า ผมหมุนตัวปลิวไปเผชิญหน้ากับเจ้าของห้อง ยกมือสองข้างขึ้นเหนือศีรษะแทบจะในทันที

            “เปล่านะ พี่ไม่ได้จะขโมยอะไร!!” กางเกงในไอ้แทนไม่ได้แขวนอยู่ตรงนั้น แก้ตัวเสร็จก็กลัวว่าตัวเองจะอยู่ในสภาพที่เกือบแก้ผ้าเลยลดมือลงปิดด้านล่างกันน้องฟ้าเสียสายตา

            “ฟ้ายังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

            “อ้าว...เหรอ” แหะพี่ร้อนตัวไปเอง ว่าแล้วก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเกาหัวแก้เก้อ

            “พี่ไทม์จะทำอะไรคะ”

            “เออ...พี่ก็แค่...” เย็นไข่ครับ น้องฟ้าคงยังไม่อยากกินไอติมไข่แข็งตอนนี้ใช่มั้ย ผมพูดออกไปแบบนั้นไม่ได้ เพราะอายเป้ากับหว่างขาตัวเองเกรงว่าเธอจะมองลงมาจนทำให้ผมเสียความมั่นใจ เพราะของพี่ไม่ใหญ่เพียงพอ

            “ถ้าหาพี่แทน...พี่แทนไม่ได้อยู่ที่ระเบียงหรอกค่ะ”

            “อ้าว...แล้วมันไปไหน” ถึงจะไม่ได้กำลังตามหาแต่ความสนใจผมโดนดึงไปเต็มๆ มิน่าล่ะทำไมห้องถึงเงียบแบบเข็มตกเล่มเดียวยังรู้สึก ทั้งที่หวังว่าจะตื่นมาในอ้อมกอดมันซะหน่อย โฮฮฮฮฮ

            “ออกไปซื้อข้าวเช้าค่ะ” โหย โคตรพ่อบ้านพ่อเรือน มีแฟนเป็นไอ้แทนรับรองไม่อดตาย

            “อ๋อ งั้นเหรอ” ผมพยักหน้า “งั้นพี่ไป...” การกระทำผมไปไวกว่าความคิดได้เพียงก้าวเดียว เพราะผมดันสังเกตเห็นถึงความผิดปกติจากคนด้านหน้าเลยทำให้ขาผมหยุดชะงัก

            ...น้องฟ้าเธอดูเปลี่ยนไปมาก เปลี่ยนไปโดยไม่ใช่แค่ลักษณะภายนอก แต่ความสดใสที่เคยมีในวันวานมันหายไป... สีหน้าซีดเซียวบ่งบอกอาการของคนนอนไม่หลับ ดวงตาหมองคล้ำบวมแดงราวกับนอนจมกองน้ำตามาตลอดทั้งคืน ร่างกายดูผ่ายผอมกระท่อนกระแท่นเสียจน...น่ากลัวว่าถ้าขยับตัวเพียงนิดเดียวเธออาจจะล้มลงได้

            “นี่ฟ้าไม่สบายรึเปล่า”

            ร่างเล็กสะดุ้งเงยขึ้นมองผม ก่อนก้มหน้าลงส่ายหัวปฏิเสธช้าๆ

            “แล้วได้นอนบ้างมั้ย” ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้ตัวเธอพลางมองอย่างพินิจพิเคราะห์ มีเพียงเสียงเงียบตอบกลับมาระหว่างบทสนทนาของเราทั้งคู่ “เจ็บป่วยตรงไหนรึเปล่า บอกพี่ได้นะ” พี่ชายไม่อยู่ผมดูแลให้ได้ ผมขยับเข้าไปใกล้เธออีกนิดแล้วยกฝ่ามือสัมผัสเข้ากับหน้าผากอีกฝ่าย อืม...ตัวอุ่นๆแฮะ หรือว่าจะเป็นไข้

            “พะ..พี่ไทม์คะ”

            “ครับ”

            “ใกล้...ไปแล้วค่ะ”

            “เฮ้ย พี่ขอโทษ” เวรละ กว่าจะมารู้ตัวอีกทีหน้าผมแม่งแทบทิ่มเข้าหน้าน้องฟ้า ผมรีบถอยออกมาอย่างตื่นตระหนก “โทษที พี่ไม่ได้ตั้งใจ”

            “ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบอ้อมแอ้มยกมือขึ้นถูต้นแขนตนเองแบบเก้ๆกังๆ ระหว่างนั้นผมสังเกตเห็นรอยแผลถลอกจางๆที่เริ่มตกสะเก็ดกระจายอยู่ประปรายตามข้อแขนเล็กของเธอ

            “เรายังเจ็บอยู่มั้ย”

            “คะ”

            “แผลที่โดนรถชนเมื่อวันก่อนเริ่มดีขึ้นรึยัง”

            “...”

            “...”

            ผมถามอะไรผิดไปเหรอ น้องฟ้ายืนเงียบมองผมหน้านิ่ง ถ้าเธอไม่ตอบอีกห้านาทีผมกะว่าจะถอยออกไปหยิบเสื้อผ้าที่ริมระเบียงมาใส่ทำธุระตนเองให้เสร็จไปตามเรื่องตามราว หากร่างเล็กกลับยกยิ้มขึ้นเบาๆให้ผม

            “ทำไมคนที่ฟ้าตกหลุมรักไม่เป็นพี่ไทม์นะ”

            “...!”

            “ไม่งั้นฟ้าคงมีความสุขมากกว่านี้ พี่ไทม์ใจดีแม้กระทั่งกับคนที่หาเรื่องมาให้ ใจดีแม้กับคนที่ไม่มีใครเอาอย่างฟ้า”

            “...”

            “คนเห็นแก่ตัว นิสัยน่ารังเกียจอย่างฟ้า ก็สมควรแล้วล่ะ...ที่จะถูกทิ้ง”

            “เฮ้ย” ผมร้องอุทานเพราะจู่ๆน้องฟ้าก็ร้องไห้ออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ถึงแม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอร้องไห้ต่อหน้าผม แต่มันกลับรู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรกที่ความทรมานอัดอั้นตันใจทุกอย่างปะทุถึงขีดสุดแล้วท่วมท้นออกมาคราเดียว ผมทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ดึงตัวเธอเข้ามาด้วยความสงสารพลางกดหัวเล็กลงกับแผ่นอกซับน้ำตาที่รินไหลออกมาผ่านเสื้อกล้ามตัวโคร่ง

            “นี่ฟ้าร้องไห้ทำไมเนี่ย ไม่มีใครสมควรถูกทิ้งหรอกนะฟ้า ใครบอกฟ้าว่าอย่างนั้น” มือผมไหวไปตามศีรษะของร่างเล็กที่ส่ายไปมา น้องฟ้ากำเสื้อกล้ามผมแน่นทั้งๆที่ยังก้มซุกอกผมอยู่

            “ถ้าไม่มีใครบอกฟ้า แล้วฟ้าคิดอย่างนั้นได้ยังไง”

            “ฟ้าไม่ได้คิด...”

            “...” อ้าวแล้วที่พูดออกมานี่มันอะไรวะ

            “แต่พี่แม็คทำให้ฟ้าคิด”

            “...!”

            ไอ้แม็คนะ ไอ้แม็ค ถ้ามึงกลับมาคืนดีกับน้องฟ้าเมื่อไร กูจะให้มึงชดใช้เป็นสิบเท่าเลยคอยดู

            ผมกลอกตาไปมา พลางคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เพื่อไม่ให้คนในอ้อมกอดจิตตกไปมากกว่านี้ จนกระทั่งผมไล่ไปนึกถึงคำๆนึงของบุพการี คำที่พวกท่านมักบอกปลอบผมเสมอยามนึกท้อแท้ใจ

            “อย่าให้ความคิดของเรามาทำร้ายตัวเราเองสิ”

            “...”

            “ที่ไอ้แม็คมันหายไปเรื่องมันเป็นมายังไงพวกเรายังไม่รู้เลย แล้วฟ้าจะคิดไปก่อนให้ได้อะไร แล้วอีกอย่างมันจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันดิ แต่ตอนนี้พี่อยากให้ฟ้ารักตัวเอง อยากให้ฟ้าเข้มแข็ง อย่าคิดว่าตัวเองยืนอยู่ไม่ได้เพราะไม่มีใคร เพราะถึงยังไงฟ้าก็ยังมีพ่อแม่มีพี่แทนอยู่เคียงข้าง” แรงดึงเสื้อหนักขึ้นจนผมนึกกลัว แต่เอาเถอะ ถึงเธอจะฆ่าผมตรงนี้เพราะไปกล่าวพาดพิงถึงคนรักของเธอแบบไม่ใยดีก็ช่าง ผมแค่อยากเทศนาสั่งสอนให้รู้ว่าความรักไม่ใช่ทุกอย่างต่อให้คนมากมายบอกว่าความรักคือหัวใจ แต่หากไม่ใช้สมองมันก็เหมือนกับร่างกายที่ยังหายใจแต่ไร้ซึ่งสตินั่นแหละ

            ร่างเล็กกดหน้าเข้าแผ่นอกแล้วร้องไห้อย่างหนักแบบไม่อาจทนอดกลั้นได้อีกต่อไป ผมได้แต่ยืนรอให้เธอสงบลง ยืนรอให้อะไรต่างๆมันดีขึ้น วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรผมไม่รู้แต่ตอนนี้ผมอยากให้เธอยอมรับความจริงและพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้า

            “สัญญากับพี่สิ” ไหล่บอบบางถูกจับกุมแล้วดันกายเล็กออกจากตัวช้าๆ ใบหน้าขาวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาสบมองกลับมาอย่างหวั่นไหว “ว่าต่อจากนี้ไปฟ้าจะไม่โทษตัวเอง อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันเป็นบทเรียนสอนใจ แล้วพยายามก้าวต่อไปข้างหน้า”

            “ฮึก...ฟ้า ไม่แน่ใจว่า จะเดินต่อไหวรึเปล่า”

            “พี่เชื่อว่าเราทำได้”

            “ฟ้ากลัวล้มลงกลางทาง”

            “ถ้าล้มก็ลุกขึ้นมาใหม่”

            “แล้วถ้าฟ้าลุกไม่ไหว”

            “พี่จะเป็นคนประคับประคองเราเอง”

            “...”

            “ถ้าเราเซหรือหกล้ม พี่จะเป็นคนพยุงเราขึ้นมา เพราะฉะนั้นสัญญากับพี่ได้มั้ย ว่าจะไม่หมดกำลังใจหรือท้อไปเสียก่อน” ผมเข้าใจดีว่าตอนที่กำลังท้อแท้หรือสิ้นหวังกำลังใจจากคนรอบข้างนับเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันจะหมดความหมายไปเลยทันที หากเจ้าตัวหมดกำลังใจที่จะสู้กับมัน

            หลังจากพูดจบดวงตากลมโตของอีกฝ่ายก็ไหวระริกแล้วเสมองไปทางอื่นอย่างลังเลใจ

            “ฟ้าไม่สัญญาได้มั้ย”

            “ทำไมล่ะ”

            “ฟ้ากลัว”

            “กลัวอะไร”

            “ฟ้ากลัวว่าจะรับไม่ไหวจริงๆถ้ารู้ว่าพี่แม็คจะไม่กลับมา”

            “มันจะกลับมา”

            “...!”

            “ไอ้แม็คมันต้องกลับมา”

            ผมไม่ได้กล่าวลอยๆไปก่อนเพื่อปลอบใจอีกฝ่าย ไอ้แม็คมันเป็นคนฉลาดมีความรับผิดชอบ ต่อให้นิสัยด้านเสียๆของมันคือการบูชาความรักยิ่งกว่าสิ่งใดจนทำให้โง่ไปชั่วขณะก็เถอะ แต่ถ้ามันรู้ว่าฟ้าท้องมันจะต้องกลับมา ผมยกมือขึ้นมาตีที่หัวน้องฟ้าเบาๆ “เชื่อใจพี่สิ...แล้วอย่าเสียใจกับเรื่องที่ยังมาไม่ถึง”

            ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกสื่อว่าทำนบน้ำตาใกล้จะพังลงมาอีกระลอก แล้วก็เป็นอย่างที่คิดน้องฟ้าปล่อยโฮออกมาก่อนซุกลงอ้อมอกผมอีกครั้ง เสียงสะอึกสะอื้นราวกับจะขาดใจดังก้องไปทั่วห้อง จนผมต้องอ้อมมือไปลูบหลังปลอบประโลมเธออย่างสุดกำลัง

            “พี่ไทม์...ฮึก...” น้องสาวตัวเล็กจอมขี้แยของผมกำลังร้องไห้ น้องสาวที่อ่อนต่อโลกจนเผลอทำอะไรพลาดพลั้งไปหลายๆอย่าง ความผิดที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตหนึ่งของทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่น่าจดจำ หากไม่ได้จดจำเพื่อไปซ้ำเติมชีวิต แต่จดจำเพื่อเรียนรู้เป็นบทเรียนในการพัฒนาไปข้างหน้าโดยพยายามไม่ก้าวพลาดอีกซ้ำสอง ต่อให้น้องฟ้าบอกว่าเธอทำเรื่องไม่ดีกับผมยังไง ผมก็พร้อมที่จะให้อภัย เพราะเรื่องนี้มันเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องที่น้องฟ้ากำลังเผชิญอยู่เลยสักนิด

            “นิ่งซะนะ นิ่งซะ” แขนเล็กโอบกอดรอบตัวผมราวกับหาที่พึ่งสุดท้าย ผมเลยกระชับตอบกลับเพื่อให้เธอรู้สึกปลอดภัยไว้วางใจมากยิ่งขึ้น ทันทีที่มือผมสัมผัสถูกแผ่นหลังของเธอ เสียงลูกบิดประตูทางเข้าซึ่งอยู่ใกล้ตัวพวกเราก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏกายของคนแปลกหน้าสองคน

            “เซอร์ไพรส!!”

            ...เออะ...เข้าห้องผิด?...

            ไม่ไม่ไม่ ผมว่าไม่น่าใช่ ที่นี่ระบบความปลอดภัยแน่นหนาจะตายจะเข้าห้องได้ก็ต่อเมื่อมีคีย์การ์ด แล้วคนที่จะมีคีย์การ์ดที่ห้องนี้ได้ก็มีแต่...

            โจทย์นี้ตีไม่ยาก ผมแค่ขาดเวลาให้คิด แล้วกว่าผมจะได้คำตอบก็โดนแทรกขัดขึ้นมาเสียก่อน

            “มันเป็นใคร” ผู้ชายวัยกลางคนหน้าตาดูคุ้นเคยอย่างประหลาดเอ่ยขึ้น

            “ฟ้า” สาบานได้เลยว่าคุณน้าคนนี้รู้จักน้องสาวไอ้แทน เพราะเธอกำลังเอ่ยชื่อคนในอ้อมกอดผม อ้าวเฮ้ยคนในอ้อมกอดผม!!

            “ใครน่ะฟ้า” ตัวผมชา กาแฟ โกโก้ โอ๊ยมันใช่เวลามาเล่นมุกมั้ย แต่ผมทำอะไรไม่ถูกแล้วนี่หว่า ได้แต่รอ รอให้คำตอบน้องฟ้ามากระแทกหน้าผม

            “พ่อกับแม่...ฟ้าเองค่ะ”

            “ฮ่ะ ฮ่ะ” ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆเหมือนคนที่กำลังตีความไม่ถูก ระหว่างนั้นร่างสูงใหญ่ของคุณลุงที่พึ่งเข้าใจว่าเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของน้องฟ้าก็ย่างสามขุมเข้ามา

            “มึงทำอะไรลูกกู!”

            พลั่ก!!

            ภาพตัด...ตายครับ...ไม่เหลือ


[มีต่อด้านล่างค่า]
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่19:พ่อตาแม่ยาย[11/04/2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 12-04-2018 00:42:38
            “อุ..อู๊ย คุณน้าเบาๆหน่อยครับ ผมเจ็บ” บอกตรงตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยถูกใครต่อยหน้ามาก่อน ทั้งที่ผมเฝ้าถนอมฟูมฟักข้อดีเพียงข้อเดียวของตัวเองเอาไว้แท้ๆ แต่ไหงกลับพังทลายด้วยหมัดของหัวโจกใหญ่แห่งตระกูลเกียรติไพศาลได้วะ

            “แล้วไม่บอกแม่ก่อนว่าเราเป็นเพื่อนเจ้าแทน” น้ำเสียงราบเรียบรื่นหู เจ้าของมือที่กำลังจับสำลีจุ่มน้ำยาฆ่าเชื้อโรคจิ้มมาที่ปากผมกล่าวเป็นเชิงต่อว่า ก็ใครมันจะไปคิดล่ะครับว่าแฟนคุณน้าจะเล่นพุ่งพรวดเข้ามาอย่างกับขีปนาวุธ นี่ถ้ามีปืนคงยกขึ้นเป่ากบาล เตรียมเอาศพผมไปลอยอังคารที่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เลยมั้ง อยากบอกไปอย่างที่คิดแต่กลัวชีวิตจะสั้นเลยได้แต่นั่งตัวหงอแล้วกล่าวน้ำตาคลอว่า

            “ขะ...ขอโทษครับ” ปาดปลายหางตาแป๊บ เรียกคะแนนสงสารหน่อย

            “อย่ามาทำสำออย ลูกผู้ชายรึเปล่า โดนต่อยแค่นี้ทำร้องไห้” โง้ย มันจะไม่ได้แต้มก็เพราะคนนี้แหละครับ คนที่มีฐานะเป็นถึงพ่อบังเกิดเกล้าของน้องฟ้า ซึ่งก็หมายความว่าเป็นบิดาของไอ้แทนด้วย ไม่ต้องบอกเลยว่าไอ้หล่อมันหน้าเหมือนใคร เคาะออกมาพิมพ์เดียวกันเป๊ะ ตาหูจมูกปากลามไปถึงสันกราม ต่างกันแค่ผู้เป็นบิดาดูภูมิฐานกว่า บวกกับริ้วรอยบนใบหน้าที่มาตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป ถ้าอีกยี่สิบปีให้หลัง ลูกชายคุณพ่อยังหล่อประมาณนี้ รับรองคงไม่มีที่ให้ผมแทรกเข้าไป เพราะหัวกระไดคงไม่แห้ง เนื่องจากสาวน้อยสาวใหญ่จะพากันหลงใหลมันไปตามกันเนี่ยแหละครับ

            “แหมคุณก็ หมัดนะคะไม่ใช่หมอนยัดนุ่น โดนเข้าไปปากแตกขนาดนี้มีที่ไหนจะไม่เจ็บกัน เราก็อย่าถือสาเอาความเลยนะพ่อหนุ่ม พ่อเขาแก่แล้วติดคุกติดตารางไปจะได้ไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่นั่นเสียเปล่าๆ” ต้นประโยคเธอหันไปเอ็ดผู้เป็นสามี ส่วนท้ายก็หันมาบอกผมโดยที่มือยังคงเช็ดแผลให้ ใบหน้าที่ยังดูอ่อนวัยทำให้ผมได้แต่อุทานในใจว่าแม่ไอ้แทนแม่งหน้าเด็กฉิบหาย ดูห่างจากสามีอยู่หลายโขแต่ยังไม่พ้นความเป็นดีเอ็นเอของบ้านนี้ซึ่งเป็นแบบงานดีไร้ที่ติ

            “ใครใช้ให้มันมากอดลูกสาวพวกเราก่อนทำไมล่ะ!” คุณพ่อขึ้นเสียงจนสำลีของคุณนายเกียรติไพศาลร่วงหลุดจากมือ เริ่มเห็นชะตากรรมย่อมๆที่รอคอยผมอยู่ข้างหน้า ใบหน้าบล็อกเดียวกับลูกสาวหันมาสบตาผมนิ่ง

            “แม่ลืมประเด็นนี้ไปเลย ไหนเราบอกว่าเป็นเพื่อนเจ้าแทนแล้วทำไมถึงมายืนกอดลูกฟ้าตัวกลมตรงหน้าห้องได้ล่ะ”

            ฉิบหายแล้ว

            “เออ...คุณน้าครับเรื่องนี้ผมอธิบายได้”

            “จะแก้ตัวอะไรอีก นอกจากมันกำลังจะล่วงเกินลูกสาวพวกเราน่ะ!” ฮ่วย! ทุบโต๊ะจนผมสะดุ้งเยี่ยวแทบเล็ด คนเป็นพ่ออารมณ์มาเต็มเหมือนเตรียมจะเข่นฆ่า จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมาขัดจังหวะ ผมรีบตวัดสายตาไปยังฝ่ายที่ถูกพาดพิงถึง ซึ่งถูกจับแยกไปนั่งจนสุดปลายทาง โดยมีผู้ใหญ่สองคนนั่งกั้นกลางระหว่างเราทั้งคู่ น้องฟ้าสบตาผมแวบหนึ่งก่อนก้มหน้างุดไม่ยอมพูดจาอะไร เฮ้ยไหงผลักภาระมาให้พี่ได้อ่ะ

            “ว่ามาสิเรา อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง” แม่น้องฟ้าเป็นฝ่ายถามขึ้นมาอีกครั้ง

            “อะ...เออ คือ”

            “จะอะไรก็ว่ามา มัวแต่เออคือเออคืออยู่นั่นแหละ” ผมไม่อิคึอิคึก็บุญโขแล้วครับ

            “พะ...พวกผม...”

            “พวกผมอะไร ถ้ายังไม่บอกมา อย่าหาว่าแม่ใจร้ายไม่ห้ามพ่อละกันนะ!”

            “พวกผมกำลังซ้อมบทละครอยู่ครับ!”

            “...”

            “...”

            ผมโพล่งแบบขายผ้าเอาหน้ารอดออกไป บอกได้คำเดียวว่าเลือดอาบครับ อาบแบบสละชีพแถหมดตัวไม่กลัวกินแกลบ ก็ใครจะไปบอกได้ล่ะว่าผมกำลังกอดปลอบใจน้องฟ้าที่เสียน้ำตาให้ผู้ชายที่ทิ้งเธอไปทั้งที่ในท้องมีลูกอ่อนอยู่น่ะ!

            “แม่เริ่มงงแล้ว” แม่น้องฟ้าเอามือแตะหน้าผากตัวเองอย่างสับสน

            “ไม่ต้องงงไปหรอกครับ คือว่าเดี๋ยวอีกสองเดือนข้างหน้าจะมีละครเวทีประจำคณะ ผมเลยมาขอให้น้องฟ้าช่วยซ้อมบทละครให้”

            “เดี๋ยว หยุดก่อน” เธอยกมือขึ้นมาห้ามผมไว้ไม่ให้อธิบายต่อ “แม่ว่าเราเริ่มผิดประเด็นแล้วล่ะ ก่อนอื่นบอกแม่มาก่อนว่าเราชื่ออะไร”

            “เอ๋?” ผมเอียงคอสงสัย ทำไมมาวกเข้าประเด็นนี้ล่ะ

            “แม่ถามว่า เราน่ะ ชื่ออะไร” เธอเน้นคำหนักแน่นเสียจนผมนึกกลัว

            “ไทม์...ไทม์ชลธี เวชสกุลครับ”

            “เรียนอยู่คณะไหน ปีอะไร”

            “เศรษฐศาสตร์ ปีสองครับ”

            “แล้วเรารู้จักกับฟ้าได้ยังไง”

            “ผมเป็นเพื่อนกับไอ้แทนมัน”

            “เลยรู้จักกับฟ้า”

            “ครับ”

            “เลยให้น้องมาช่วยซ้อมละครเวทีให้”

            “ครับ”

            “แม่จำได้ว่าแทนอยู่วิศวะปีหนึ่งแล้วทำไมไปรู้จักกับเราที่เป็นเศรษฐศาสตร์ปีสองได้ล่ะ”

            “ก็ไอ้แทนมัน...” มัน...อะไรดีวะกูคิดเหตุผลไม่ทัน มันมาเจอผมที่ร้านเหล้าแล้วบังเอิญกระเป๋าผมไม่มีเงินสดงั้นเหรอ หรือมันเคยให้ยืมยางลบก่อนที่ผมจะจบม.ปลาย หรือ...หรือมันตามมาสืบเรื่องน้องสาวเพราะมีข่าวคราวว่าเป็นแฟนเด็กเศรษฐศาสตร์ โอ๊ยจะเรื่องไหนก็บอกความจริงออกไปไม่ได้ทั้งนั้น จู่ๆคลื่นเหียนจากอาการเครียดก็โจมตีผมอีกรอบ รู้สึกเหมือนอยากจะเอาข้าวต้มแซลมอนเมื่อวานออกกะทันหัน ผมกุมท้องป้องปากแล้วลุกพรวดพราดออกไปยังห้องน้ำแบบไม่ฟังอีร้าค้าอีรมอีก

            “อ้าวแล้วนั้นจะไปไหนล่ะ กลับมาคุยกันก่อนสิ!”



            “อุบ...โอ๊กกกกกกกกกก แค่กๆๆ”

            “พะ...พี่ไทม์” ไม่มีปัญญาแม้แต่จะมองผ่านกระจกว่าใครตามผมมาลูบหลังอย่างเอาเป็นเอาตายให้ ผมก้มจนหัวแทบทิ่มอ่างล้างหน้า ขย้อนของเหลวออกมาจากลำคอ ทรมานเหมือนโดนจับบิดลำไส้ งอตัวอยู่สักพักหนึ่งพอเริ่มรู้สึกอาการดีขึ้นจึงเปิดก๊อกน้ำล้างเอาความรู้สึกน่าขยะแขยงจากช่องปากและลำคอไปให้หมด

            “ขอบคุณนะฟ้า” ผมเห็นร่างเล็กแสดงความเดือดเนื้อร้อนใจผ่านกระจกสะท้อนตรงหน้า ที่แท้ก็ฟ้าที่วิ่งตามผมมากับ...คนติดสอยห้อยตามอีกเป็นขบวนสิวะครับ!

            “เป็นอะไรน่ะเราไม่สบายเหรอ”

            “หาเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถามมากกว่า”

            “พ่อนี่ เด็กมันอ้วกก็เห็นๆอยู่ใครจะไปโกหกถึงขั้นอมอ้วกมาแสดงละครได้ล่ะ ให้ตายสิ”

            คำก็อ้วก สองคำก็อ้วก คำที่สามกูคงพรวดใส่หน้าพ่อแม่บังเกิดเกล้าของไอ้แทนเป็นแน่แท้ หยุดทีเถอะครับ แค่ผมจะอ้วกต้องมีพยานรู้เห็นกันทั้งบ้านขนาดนี้เลยเหรอ ความเป็นส่วนตัวกูอยู่หนายยยยย กูจิร้อง

            “แล้วดูสารรูปเข้า แต่งตัวอย่างนี้อยู่ในห้องกับผู้หญิงสองต่อสองมึงคิดอะไรกับลูกกูเปล่าวะฮะ” พ่อไอ้แทนแม่งสายโหด ไม่สนว่ากลิ่นอ้วกผมจะเหม็นบรมหรือติดมืออะไร เดินเข้ามาคว้าคอเสื้อได้ก็ดันติดขอบอ่าง ผมได้ยินเสียงร้องท้วงจากอีกสองคนที่เหลือว่าอย่าใช้ความรุนแรง แต่ผมไม่ยอมเป็นหมาจนตรอกหรอกเว้ย สืบเท้าถอยได้ก็เบี่ยงซ้ายหลบขวาจนหลุดออกจากห้องน้ำมาถึงโถงกลาง แต่อีกฝ่ายก็ยังตามมาติดๆ อะไรจะหวงลูกสาวขนาดนี้วะ ไอ้แทนทำไมเวลาสำคัญขนาดนี้มึงเสือกไม่อยู่ หายหัวไปปลูกข้าวหรือไง มาช่วยกูสักทีเซ่

            “มึงบอกกูมาตามตรง มึงเป็นอะไรกับฟ้าลูกกู”

            “คะ...คนรู้จักครับ”

            “คนรู้จักบ้าอะไรไม่ให้เกียรติลูกสาวชาวบ้าน มาใส่ชุดบางๆเดินโทงๆอย่างนี้ได้ไงกัน” โอ๊ย ก็ลูกพ่อให้ผมใส่ ใช่ว่าผมเต็มใจสักหน่อยนี่หน่า “แล้วนี่อะไร”

            “ครับ?” สายตาพ่อไอ้แทนแปลกไป อาการตื่นตกใจแฝงมาทางสีหน้าจนผมเริ่มรู้สึกไม่สู้ดี

            “รอยแดงๆบนคอแกนี่มันอะไรกันฮะ! มึงบอกมาเลยนะว่ามึงเป็นแฟนลูกกูใช่มั้ย!!”

            เชี่ย! กำปั้นนั่นคือพ่อจะลงหมัดกับผมอีกรอบใช่มั้ย งานนี้ได้มีหน้าแหกแน่ๆ เพราะผมห้ามไว้ไม่ทันแล้ว!!

            “ดะเดี๋ยว!!หยุดก่อนครับคุณพ่อ ใช่ก็ใช่ครับ!ผมยอมแล้ว” อย่าต่อยโผ้มมมมมม




            ตุบ!!

            เสียงหนักๆเหมือนมีอะไรตกลงพื้นอย่างจัง

            ยัง ยัง อย่าพึ่งเข้าใจผิด ไม่ใช่ตัวผมที่โดนคุณพ่อไอ้แทนมันยำเละ เพราะผมไม่รู้สึกเจ็บอะไรสักนิด หรือว่านี่ผมจะตายด้วยจุดสามห้าเจ็ด สิบเอ็ดมม. แล้วมาเกิดใหม่ยังปรโลกแล้ววะ ผมค่อยๆเปิดเปลือกตาที่หลับลงด้วยความกลัว ได้แต่ภาวนาไม่ให้ภาพตรงหน้าเป็นยมฑูตที่กำลังจะมาลากวิญญาณผมไป จนในที่สุดผมก็ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า

            “โคตรหล่อเลยว่ะ” สาบานเลยว่าถ้าเป็นยมทูตเวอร์ชั่นนี้ผมยอมเป็นผีไม่ไปผุดไปเกิดที่ไหนเลย

            “พ่อจะทำอะไรน่ะ” เสียงทุ้มดังกำราบแต่ไม่คล้ายวาจายังพอมีการนอบน้อมอยู่บ้าง ผู้เป็นบิดาถึงกับอึ้งอยู่เพียงครู่จากการกระทำของบุตรที่ยกตัวเข้ามาขวางเป้าหมายหลักไว้แทบมิดร่าง

            “จะทำอะไรก็ต่อยมันดิวะ”

            “ต่อยทำไมครับ”

            “มันกำลังจะคิดไม่ดีไม่ร้ายกับน้องแกนะไอ้แทน”

            “น้องว่าอย่างนั้นเหรอครับ” สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปที่น้องฟ้า เธอส่ายหัวไปมาแล้วกล่าวเบาๆ

            “เปล่าค่ะ” คำเดียวเล่นเอาผู้เป็นบิดาหน้าเจื่อนลงถนัดตา ไอ้แทนเลยถือโอกาสเอื้อมมาปลดมืออีกฝ่ายให้คลายจากเสื้อกล้ามผม

            “ปล่อยเถอะครับพ่อ ใจเย็นๆก่อน”

            “แกไม่เห็นรอยแดงประหลาดๆตามตัวมันเหรอไอ้แทน”

            “รอยนั่นผมเป็นคนทำเองครับ”

            “!!!”

            ขอโลงจำปาไม้สัก ฝังมุก ขนาดห้าฟุตคุณภาพดีบริจาคให้ผมฟรีๆทีครับ ผมไม่มีที่ไปแล้ว ตายอย่างสงบศพมีรอยคิสมาร์ก ฮือออ

            “แกพูดบ้าอะไรฮะ ไอ้แทน นั่นมันรอยจ..”

            “ผมก็หวงฟ้าพอพอกับพ่อนั่นแหละ ผมเลยให้พี่ไทม์แสดงความบริสุทธิ์ใจ เจ้าตัวเลยยอมไปนอนนอกระเบียงทั้งคืนโดนยุงหามจนพรุนไปหมด”

            เออใช่ดิ ยุงตัวเท่าควายด้วย มันตามตอดถึงร่องก้น ต้นขาด้านในไม่เหลือที่ไว้ให้ผมเป็นเอกราชเลยล่ะ โอ้ยแถไปได้ แต่มันก็ช่วยต่อชีวิตที่เริ่มริบหรี่ของผมให้พอมีหวังล่ะนะ

            “แล้วสรุปมันเป็นแฟนฟ้าใช่มั้ย”

            “...”

            ไอ้แทนเงียบใส่ผู้เป็นพ่อแล้วเหลือบตามองมาทางผม ก่อนเอ่ยประโยคให้ได้ยินกันแค่สองคน “พูดอะไรไม่รู้จักคิด”

            ฮะ? มันหมายความอะไร

            “ว่ายังไง” ผู้เป็นบิดายังคงเค้นความต่อไป ทำให้ร่างสูงต้องหันไปเผชิญหน้าแล้วเปล่งประโยคหนึ่งออกมา ที่ทำให้ผมนั้นแทบช็อกทั้งยืน

            “ใช่ พี่ไทม์เป็นแฟนลูกพ่อ แต่ไม่ใช่ฟ้า เป็นคนที่ตรงหน้าพ่อไง”


TBC

+++++++++++++++++++++++++

 :katai4: :katai4: :katai4:

คุณ mild-dy :   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่20:วันพระ[16/04/2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 16-04-2018 00:34:39
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 20 วันพระ

 

            ใครกันแน่ที่พูดอะไรไม่รู้จักคิดวะ!!

 

            ผมยกมือจับแขนเสื้อของร่างสูง กระตุกเรียกร้องความสนใจสุดชีวิต ภาพตรงหน้าตอนนี้ผมเห็นเพียงแผ่นหลัง ลำคอและหัวทุยๆของไอ้แทน บดบังทัศนียภาพชะมัด!พยายามขยับศีรษะออกไปให้พ้นจากกำแพงยักษ์ที่กั้นร่างเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมามุดหัวหลบแผ่นหลังกว้างอย่างเก่า อย่าให้ผมเล่าเลยว่าผมไปเห็นอะไรมา

            “นี่แกพูดจริงใช่มั้ย” นั่นไง กูว่าแล้ว จากจะช่วยให้กูรอดกลับจะเร่งให้กูตายไวกว่าเก่าเนี่ยดิ จากสีหน้าท่าทางที่เห็นเพียงแวบเดียวของพ่อไอ้แทน โคตรไม่รับประกันความปลอดภัยเลยสักนิด

            “วันนี้วันพระ” เสียงทุ้มนุ่มต่ำแจงประโยคชวนอุปทานหมู่ให้ทั้งผม น้องฟ้า และปะป๊ามะม้าของไอ้แทนหันไปดูปฏิทินข้างฝามองหารูปองค์พระ เพื่อยืนยันคำบอกเล่าของไอ้หล่อพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

            ...ขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด...

            “จงเซื่อในสิ่งที่เฮ็ด เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ”

            “ไม่ใช่แล้วพี่” ไอ้แทนหันมาดีดกะโหลกผมดังป๊อก

            “โอ๊ย เจ็บนะมึงทำอะไรน่ะ”

            “เจ็บน้อยกว่าโดนพ่อผมต่อยเยอะ”

            “ก็จู่ๆมึงก็พูดถึงวันพระ” ผมยกมือขึ้นลูบหน้าผากป้อยๆ

            “แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนล่ะ”

            “วันนี้วันออกพรรษา”

            “จะชวนผมไปตักบาตรเทโว”

            “จะบ้าเหรอ ก็มึงพูดขึ้นมาเองว่าวันนี้วันพระ”

            “หึ ถ้าไม่พูดอะไรให้มันเชื่อมโยงกว่านี้ ผมจะเปลี่ยนที่พี่พูดจาก ฮอ นกฮูก เป็น ยอยักษ์ แล้วก็ฟัดมันตรงนี้เลยดีมั้ย”

            “เชี่ยแทน!” มันรวบเอวผมเข้าไปกอดกะทันหัน ผมเลยต่อยต้นแขนมันไปหนึ่งหมัดเป็นการลงโทษ พูดจาสัปดนฉิบหายไม่อาย...อาย...

            โว้ยยยยยยย หกตาสามคนตรงนี้เลยนะคร้าบบบบ

            “พะพะพะ...” ผมติดอ่างรัชดาเลี้ยวขวาเข้าพัฒน์พงษ์ ในหัวก็คิดว่าระหว่างแกะมือของไอ้แทนออกจากเอว กับตีปากตัวเองที่มันสะดุดเป็นแผ่นหนังกระตุกผมควรจะทำอะไรก่อนดีวะ โอ๊ยเครียด สับสน ฮือ

            “นี่พวกเราสองคนพึ่งคบกันใช่มั้ยเนี่ย” คุณนายเกียรติไพศาลถามขึ้นมาจนผมสะดุ้ง

            “ใช่ครับ/เปล่าครับ!” หันหน้าไปทางเจ้าของคำถามพร้อมกัน คนหนึ่งพยักหน้าอีกคนนึงส่ายหัวหวือจนแทบหลุด ก่อนถูกมือใหญ่ล็อคคางบีบแก้มจนแทบปลิ้น

            “เดี๋ยวก็ปวดคอหรอก”

            “จะคอใคร มันก็คอกู”

            “แต่ผมเป็นห่วง”

            “ใครใช้ให้มึงเป็นห่วง”

            “ผมสั่งใจใช้สมองให้เป็นห่วงพี่”

            ฮิ้วววววว ผมหน้าแดง แต่มันใช่เวลาป่ะ!!

            ในเมื่อจัดการกับคนลูกไม่ได้ก็ต้องมาเอากับคนแม่ในสภาพที่หน้าแดงๆอย่างนี้แหละครับ

            “คุณน้าครับ อย่าไปเชื่อไอ้แทนมันนะ”

            “แต่แม่เชื่อลูกแม่นะ”

            “...!”

            “วันนี้ลูกแทนของแม่ไม่พูดโกหก”

            “คุณน้ารู้ได้ไงครับว่าไอ้แทนมันไม่พูดโกหก”

            “ก็วันนี้วันพระ”

            หา?

            “ทุกวันพระลูกแทนจะถือศีลห้าอย่างเคร่งครัด ไม่เคยนอกลู่นอกทาง”

            ถุยยยยยย อย่างนี้นี่เองปล่อยกูงงตั้งนาน เกือบชวนกันไปตักบาตรนอกสถานที่แล้วไง

            “ตะ...แต่คุณน้าครับ ผมก็ไม่ได้โกหกคุณน้านะ” ผมกัดลิ้นตัวเองเถียง จะตกนรกสมรภูมิมอดไหม้มันก็วันนี้แหละ

            “หนูแค่ลืมรึเปล่าว่าคบกับลูกแทนแล้ว”

            โอ้ย เป็นงั้นไปได้ ฮือออออ ฟังผมบ้างดิคุณน้า

            “ถ้ามึงไม่โกหก งั้นที่บอกว่าเป็นอะไรกับลูกฟ้าก็เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นเหรอ!”

            “!!!” หัวโจกแก๊งบ้านเกียรติไพศาลโพล่งออกมาทะลุกลางปล้อง เหมือนพยายามจ้องหาจังหวะอยู่นาน ยามศัตรูเปิดช่องว่างค่อยยิงจุดตายให้วายชีวา

            ผมตัดสินใจพลาดที่เหลือบไปมองรอบสอง สายตาบิดาไอ้แทนมันไม่ปกติ เล่นเอาเสียวสันหลังวาบลามไปถึงง่ามขา ทั้งที่เมือกี้พอเล่าถึงวันพระ เอาธรรมะเข้าช่วย ก็ดูเหมือนคลายความเครียดขึงลงได้แล้วแท้ๆ แต่พอวกกลับมาเรื่องลูกสาวอย่างเก่าทำเอากูพูดไม่ออกเลย ทำไมดูน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมวะ

            “สรุปเป็นยังไง กูจะได้จัดการกับความรู้สึกถูก” จัดการกับความรู้สึกหรือจัดการกับผมครับคุณอา!!ผมล่อกแล่กพยายามหาทางรอดสลับกลับมามองไอ้แทน

            เอิ่ม...หน้ามันเหมือนกำลังดูหนังนอกกระแส แปลไม่รู้ภาษา เลยปลงว่าเลิกดูดีกว่า แล้วหลับในน่ะ!!

            “อะ...ไอ้แทน” ผมเสียงอ่อย เหมือนคนหมดหนทางรอด สักพักก็เหมือนเห็นภาพหลอนริมฝีปากบางเฉียบตรงหน้าขยับขมุบขมิบไปมาให้เห็น

            “พ่อเขาหวงฟ้ามากกว่าผม” ไอ้หล่อมันกระซิบปล่อยคำสำคัญให้ผมฉุกใจคิดขึ้นมา

            หวงน้องฟ้ามากกว่ามัน...

            หวงน้องฟ้า...หวงมากกว่า...

            “ไอ้แทน”

            ผมขยับสายตาที่หลุบต่ำเงยสบตาคมของมัน ทำไมกูรู้สึกปลื้มปริ่มในใจราวกับมีคนโยนเชือกมาให้ยามเกาะอยู่ปากเหวอย่างนี้วะ ปลื้มมากถึงกระทั่งน้ำซึมรื้นขึ้นสองตา ยื่นมือไปประคองใบหน้าหล่อเหลาให้หันมาสบนิ่ง สีหน้าตื่นตกใจเหมือนพึ่งตื่นจากหลับในยามผมแตะเนื้อต้องตัวทำเอาถึงกับนึกขัน

            “ขอบใจมึงนะ” แล้วก็ขอโทษมึงด้วยที่กูเอาตัวรอดด้วยวิธีการนี้ จบประโยคผมทิ่มหน้าเข้าหามันแบบไม่สนใจสิ่งใดอีก ทำเอาคนตัวสูงเบิกตาโต ตัวแข็งค้างปล่อยให้ผมกระทำการสัมผัสปาก...เออคือ ใช่ ผมจูบมัน เม้าทูเม้าเนี่ยแหละ ต่อหน้าสักขีพยานอีกสามฝ่าย จบละกัน ผมขี้เกียจบรรยาย แต่โอ๊ย เจ็บปากว่ะ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรั้นที่จะทำต่อ

            “อืม” เสียงกลั้วคอ เปลือกตาที่หลับพริ้ม กับรอยยิ้มพึงพอใจ ทำให้ผมรู้ว่าไอ้แทนมันสมยอมตั้งแต่ตอนแรกด้วยซ้ำ ผมถอนหน้าออกจากมันแต่ยังประคองแก้มที่มีไรหนวดอ่อนๆไว้

            “ขอบใจมึงวะ ขอบใจจริงๆ” ผมอยากจูบไอ้แทน แค่นั่นเองไม่มีอย่างอื่น ในเมื่อโอกาสมันหยิบยื่นมาให้ผมก็ขอรับไว้ด้วยการลวนลามมันนิดมันหน่อย แล้วอาศัยโอกาสนั้นเป็นข้ออ้าง อย่างนี้เขาเรียกว่าฉวยโอกาสรึเปล่าวะ

            “ผมได้กำไรมากกว่า พี่ไม่ต้องขอบใจผมหรอก” สุดหล่อยกยิ้มที่มุมปากเล่นเอาใจผมละลาย เฮ้ย ใจเย็นพวก นี่มันแค่การแสดง!

            “ถ้าเป็นแฟนกับเจ้าแทนก็แล้วไป” ร่างภูมิฐานพูดพร้อมกับถอนหายใจ

            “นั่นสิคะ ทำให้ตกใจแทบแย่” ส่วนคุณนายหน้าใสก็ได้แต่ยกมือทาบอกราวกับยกภูเขาออกได้

            เฮ้ย ทำไมมันง่ายอย่างนี้วะ!!แถมไม่มีท่าทีกังขากับการที่ผมมาจูบโชว์ต่อหน้าทุกคนด้วย

            ร่างสูงปรายตาไปทางผู้เป็นบิดามารดาโดยไม่ให้ทั้งคู่รู้ตัว เก็บอาการทางสีหน้าไว้ชั่วครู่ ก่อนยกแขนมาเกี่ยวคอผมเข้าไปใช้หน้าสัมผัสข้างแก้ม แล้วเปล่งเสียงทุ้มเบากระซิบข้างหู “เป็นไงล่ะ เหมือนอย่างที่ผมบอกมั้ย”

            “หวงน้องมึงจนไม่สนใจว่าลูกชายจะคบกับผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ” ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยถามกลับไปตามที่สงสัย

            “อิสระที่แลกมากับความดื้อรั้น”

            “..."

            “ผมเป็นเด็กดื้อ พ่อกับแม่เลยไม่ค่อยเอ็นดูเท่าไร ความซวยเลยไปตกกับน้องฟ้า พอฟ้าเกิดมาพวกท่านเลยเคร่งครัดเป็นพิเศษ ส่วนผมก็ตามมีตามเกิด แต่พวกท่านก็ยังกลัวว่าจะไปก่อเรื่องให้ใครเขาวุ่นวาย เลยให้ปฏิญาณตนว่าจะถือศีลห้าทุกวันพระแลกกับอิสะที่ได้มา ถ้าผิดสัญญาให้ตกนรกไม่ได้ไปผุดไปเกิด”

            “ถ้างั้นมึงคงไม่ได้ไปผุดไปเกิดแล้วล่ะ”

            “ทำไมล่ะ”

            “มึงเคยโกหกกู”

            “นั่นไม่ใช่วันพระ”

            โว้ย กูอยากให้วันพระมีสามร้อยหกสิบห้าวันก็วันนี้

            “แต่วันนี้ผมจะตกนรกหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพี่แล้วนะ”

            “ฮะ?”

            “ก็ผมบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าเราคบกัน”

            “เรื่องอะไรวะ”

            “โทษทีผมยังไม่ได้ตั้งชื่อเรื่องเลยน่ะ เอาเป็นเรื่องมายแซสซี่บอย พี่ไทม์ตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี้ยมดีมั้ย”

            “สัดละ อย่านอกเรื่องดิ”

            “กำลังเหมาะเลยช่วงนี้พี่กำลังอ้วกๆอยู่ด้วย เหมือนตอนนางเอกเจอพระเอกเป๊ะ”

            “ไม่เหมือนเว้ย...เพราะกูไม่ได้เมา อื้ออ” จู่ๆก็โดนจู่โจมกะทันหัน ปากโดนประกบโดยฉับพลันทำเอาผมสติกระเจิง ร่างสูงก้มหน้าและกดลงมานิ่งๆ ผมพยายามจะหนีแต่ก็หนีไม่พ้น จนในที่สุดเจ้าตัวก็ยอมถอนออกไปเอง

            “เอาคืน ที่ฉวยโอกาสกับผม”

            “คะ...คะ”

            “หืม?”

            “ใครฉวยโอกาสกันวะ!!” จากที่จะให้เจ๊ากับครั้งจุมพิตจิตอาสาไล่พี่โชให้โกอเวย์ กลายเป็นว่าผมต้องแก้แค้นมันคืนอีกหนึ่งจูบเหรอเนี่ย

            โอ้ย ผมจะบ้า ตอนนี้ผมจินตนาการหน้าตัวเองไม่ถูกเลย ป่านนี้คงเก็บอาการไม่อยู่จนกลายเป็นปูสุกหรือกุ้งต้มแดงเถือกไปหมดแล้วมั้ง

            “นี่ สองคนนั้นน่ะ จะนัวเนียกันอีกนานมั้ย”

            “...!!” คำท้วงดังมาแต่ไกลทำใจหล่นลงไปที่ตาตุ่ม ผมรีบตวัดสายตามองไปทางต้นเสียงก็ให้ได้แปลกใจ อ้าว นั่นคุณนายกับน้องฟ้าและบิดาของไอ้แทนไปนั่งแสตนด์บายที่โต๊ะอาหารตั้งแต่เมื่อไรวะ ปล่อยให้ผมกับไอ้แทนเล่นละครโรงเล็กกันสองคนตรงนี้อยู่ได้

            “ไหนยัยฟ้าบอกว่ายังไม่มีใครกินข้าวเช้ากันเลยสักคน พ่อกับแม่ขนมาเพียบเลย รีบมากินเร็ว” นายแม่...ผมขอเรียกว่าอย่างนี้นะ เพราะแม่ไอ้แทนแม่งโคตรเหมือนคุณนายสั่งได้เป็นสั่ง เธอกวักมือเรียกพวกผมให้รีบเข้าไปนั่งเพื่อรับประทานอาหารเช้า

 

            ทำไมเหมือนจากฝันร้ายดันกลายเป็นครอบครัวสุขสันต์ได้ล่ะเนี่ย...ผมล่ะเพลีย...

 

 

 

 

            “โถ...คงกลัวมากสินะ...ขวัญเอ๊ยขวัญมา เอานี่กินเยอะๆนะจ๊ะ”

 

            นี่ผมหลุดเข้ามาอีกมิตินึงเปล่าวะ หลังจากที่โดนหลายฝ่ายกดดันให้ไปนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน ผมก็รีบเผ่นไปเอาเสื้อผ้าชุดนักศึกษาที่ซักตากแห้งไว้เมื่อวานมาใส่ กันใครต่อใครโดนทำร้ายทางสายตา แล้วเดินกลับมาหย่อนก้นลงข้างตัวไอ้แทน

            อาหารจำนวนมากมายมหาศาลวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ครบเครื่องทั้งคาวหวานผลไม้ล้างคอ ผมกวาดตามองไล่เรียงไปทีละอัน เริ่มต้นด้วยน้ำพริกกะปิ ปลาทูทอดหน้างอคอหัก แกงเขียวหวานไก่ชวนน้ำลายสอ หมูฝอยทอดหน้าตาหน้าทาน ตามด้วยส้มตำและก็ เอ่อ...

            “ข้าวมันส้มตำจ๊ะ” คุณน้าจับทัพพีตักข้าวสีสวยม่วงอ่อนดอกอัญชันมาใส่จานผม กลิ่นหอมมันของกะทิลอยมาเตะจมูก ส่งผลให้ท้องไส้ผมเริ่มปั่นป่วนร้องประท้วงอยู่กลายๆ

            “น่าทานจังเลยครับ” กับคำชมที่ผมหลุดออกไปตามสัญชาตญาณคนหิว ทำให้เธอยิ้มทั้งตามาทางผม ราวกับยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ผมสนอกสนใจเมนูอาหารของเธอ ถึงปากจะเจ็บแต่ก็ทนเก็บอาการโหยไม่ไหว ก็แหงสิ ผมพึ่งเอาข้าวต้มแซลมอนออกไปนะอย่าลืม

            “ปลาทูอันนี้แม่ไปซื้อมาจากแม่กลองเลยนะ” ปลาทูขนาดกลางถูกทอดจนเหลืองกรอบน่าทาน คุณน้าหยิบขึ้นมาบรรจงแกะก้างแล้วนำเนื้อมาใส่จานผม

            “ขอบคุณครับ”

            “ข้าวมันส้มตำก็ตามชื่อ ต้องกินคู่กับส้มตำหมูฝอย” ผมตักทุกอย่างมารวมกันในจานตามคำบอกเล่า กะขนาดพอดีคำแล้วนำเข้าปาก ทันทีที่ข้าวมันสีดอกอัญชันสัมผัสลิ้นเท่านั้น

            อือหือ นี่มัน...

            “สุดยอด อร่อยชะมัด” ผมตาโตมองไปยังคนที่หอบหิ้วอาหารทั้งหลายแหล่เหล่านี้เข้ามาอย่างทึ่งๆ ทั้งที่ในปากยังเคี้ยวตุ้ยๆไม่หมดคำ แต่ความอร่อยล้ำแม่งชำแรกแทรกเข้าไปในลิ้นแล้ว อร่อยฉิบหายวายป่วง ตอนแรกได้ยินชื่อว่าข้าวมันก็คิดว่าจะเหมือนข้าวมันไก่ แต่ที่ไหนได้รสชาติกลับแปลกออกไปมีความหวานมันเค็มผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัว ให้กินเปล่าแบบไม่ต้องผสมหมูฝอยยังอร่อยเลย

            “ทั้งหมดบนโต๊ะน่ะ ฝีมือแม่เขา” คุณอาพ่อไอ้แทนบอกกล่าวพลางจุดยิ้มที่มุมปากราวกับภูมิใจที่ได้เมียดี แล้วบุ้ยใบ้ไปทางคุณแม่หน้าสวยที่ตอนนี้ยิ้มจนแก้มแทบปริไม่ต่างกันเมื่อได้รับคำชม เอาล่ะผมเจอคนอวดเมียหนึ่งหน่วยแล้ว

            “เผอิญอยู่บ้านว่างๆเลยนั่งวิจัยอาหาร ฝึกทำทานเอง ถ้าลูกไทม์ไม่บอกแม่ก็ไม่คิดหรอกนะว่ามันจะอร่อยขนาดนี้ คนที่บ้านแม่แต่ละคนเหมือนคนปกติซะทีไหน ปากแข็งกันทั้งนั้น วันๆเอาแต่นั่งกินไม่มีเอ่ยปากชมซักคำ”

            “จริงเหรอครับ แต่ผมว่ามันอร่อยออกนะ ถ้าผมนั่งกินอยู่คนเดียวต้องบ้าตายแน่ๆเลย มันอร่อยมาก อร่อยจนต้องระบายให้คนอื่นฟัง เพราะทนเก็บความรู้สึกอร่อยนั้นไว้ในใจไม่ไหว”

            “โอ๊ย ปากหวาน ชมกันขนาดนี้ แม่ปลื้มจนตัวลอยแล้วนะ” คุณแม่ตีแขนผมดังป้าบแก้ขัดเขิน แล้วตักกับข้าวใส่จานผมเป็นการใหญ่

            “แม่นี่โชคดีจังเลยนะครับ ผมล่ะอยากให้พี่ไทม์บอกกับผมอย่างนี้บ้างจัง แบบชอบผมมาก ชอบจนต้องระบายให้คนอื่นฟัง เพราะทนเก็บความรู้สึกชอบนั้นไว้ในใจไม่ไหว”

            เคร้ง!!ผมเผลอปล่อยช้อนส้อมหลุดจากมือ

            ทำลายบรรยากาศฉิบหายเลยแม่งไอ้เชี่ยแทนนนนน

            “จากปากหรือจะสู้ดูที่การกระทำ ไม่ต้องห่วงไปหรอกจ่ะ แค่แม่มองตาลูกไทม์ก็พอจะเห็นแววความรักที่มันเอ่อล้นออกมาให้ลูกแทนแล้ว” ใครว่าอย่างนั้นครับคุณน้า ดูผิดเปล่า นี่มันขี้ตา!!ผมยังไม่ได้ล้างหน้ามา!!

            “หึ ดูรักผมมากซะด้วย จ้องซะ” อยากชูนิ้วกลางให้ แต่ผมต้องไว้หน้าพ่อแม่มัน เลยนั่งเคี้ยวมะเขือเปราะในแกงขียนหวานต่อไป พยายามท่องไว้ว่ายุบหนอพองหนอ แล้วดูเหมือนว่าร่างสูงจะรู้ตัวว่าผมอารมณ์ชักกรุ่นเลยเริ่มเปลี่ยนเรื่องพูดคุย “ว่าแต่ทำไมวันนี้พ่อกับแม่ถึงมาที่นี่ได้ล่ะครับ ทั้งที่เมื่อวานนี้...”

            “จะอะไรซะอีกล่ะ ก็เมื่อวานนี้พอหลังจากวางโทรศัพท์ แม่แกก็นึกขึ้นมาได้ว่าระหว่างรอให้ลูกมาหาก็สู้ไปให้เห็นหน้าเลยดีกว่า เลยตื่นมาแต่เช้าทำกับข้าวเสียเยอะแยะ แล้วขนมาที่นี่อย่างที่แกเห็นไง” พ่อของไอ้แทนเฉลยคำถามที่จบลงแบบค้างๆคาๆให้อีกฝ่ายฟัง หรือว่าเมื่อวานตอนทานข้าวต้มปลาพ่อแม่ของไอ้แทนมันจะโทรมาจริง ผู้เป็นบิดามารดาคงจะถามตามประสาคนคิดถึงลูกว่าจะกลับบ้านมาช่วงสุดสัปดาห์รึเปล่า แต่ไอ้แทนคงปฏิเสธไปด้วยเหตุผลบางอย่าง

            “ก็เห็นว่าติดสอบกัน แม่ก็กลัวว่าจะมัวแต่อ่านหนังสือจนลืมหาข้าวหาปลากินน่ะสิ ดูยัยฟ้าสิตั้งแต่ย้ายมาอยู่คอนโดก็มีแต่จะผอมลงเรื่อยๆ ตาก็โหล หน้าก็ซีด นี่คงไม่ใช่มัวแต่อ่านหนังสือจนไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนหรอกนะ” คราวนี้คุณน้าไปให้ความสนใจกับน้องฟ้าที่นั่งเขี่ยอาหารไปมาบนจานข้าวอย่างนึกห่วง คนเป็นแม่เริ่มประเคนอาหารที่เธอพอจะสามารถตักให้ลูกทานได้ลงบนจานอีกฝ่าย

            ลูกคุณแม่ไม่ได้อ่านหนังสือจนไม่ได้หลับได้นอนหรอกครับ แค่คิดถึงแฟนที่หายหัวไปต่างหาก เมื่ออาทิตย์ก่อนเธอยังหน้าใสสวยสะพรั่งตามประสาดรัมเมเยอร์ประจำโรงเรียนอยู่เลย แต่ที่เปลี่ยนไปขนาดนี้ก็เพราะไอ้แม็คคนเดียวนี่แหละ ความรักหนอช่างทำร้าย

            “คราวนี้แม่ไม่ยอมให้ลูกแม่หิวจนโทรมแน่ๆ กินให้อิ่มนะลูกฟ้า วันนี้แม่ทำของหวานมาด้วย” น้องฟ้าได้แต่พยักหน้ารับเงียบๆ อย่างน่าเป็นห่วง

 

            ปลาแห้งแตงโม ของหวานล้างปากที่แสนจะดีงาม แปลกดีที่ผมไม่เคยเห็นใครเอาผลไม้มากินกับของคาวแบบนี้มาก่อน แตงโมแต่ละชิ้นถูกตัดเป็นสีเหลี่ยมลูกเต๋าบรรจงเอาเมล็ดออกจนเกลี้ยงแล้วโรยด้วยปลาแห้งเคล้าน้ำตาลกับหอมเจียว ผมตักขึ้นมาหนึ่งคำอย่างระมัดระวังก่อนยัดเข้าปากในคำเดียว

            เชี่ย...เอาอีกแล้ว...

            “อร่อยจัง” ผมเคี้ยวตุ้ย อดยิ้มแบบโคตรฟินไม่ได้ รู้สึกตัวเองโคตรโชคดีที่ได้มากินของอะไรอร่อยขนาดนี้

            “แทน แฟนแกนี่น่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง”

            หา?

            เพลินกับอาหารจนลืมสนใจอาการของคนรอบข้าง เมื่อกี้แม่ไอ้แทนว่าอะไรนะ

            “หึ...น่าเอ็นดูขนาดนี้ แม่ต้องรักให้มากๆนะครับ” ร่างสูงยิ้มๆ มองมาทางผม ส่วนผมก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เอาเถอะจะสนใจไปทำไม มาให้ความสำคัญกับของกินตรงหน้าดีกว่าครับ

 
[มีต่อด้านล่างค่ะ]
 
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่20:วันพระ[16/04/2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 16-04-2018 00:35:33

            หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็อาสาเป็นมือเก็บกวาด ยกจานชามทั้งหมดมาตรงอ่างล้าง แล้วเริ่มเขี่ยเศษอาหารลงถุงขยะ ตอนแรกคุณน้าไม่ยอมเสียด้วยซ้ำแถมบ่นร่ำๆว่า เราเป็นแขกจะให้มาทำแบบนี้ได้ไง แต่สุดท้ายก็ทนความดื้อแพ่งของผมไม่ไหวเลยสั่งให้ไอ้แทนมาเป็นลูกมือเพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย

            “พี่ไม่เห็นจำเป็นต้องยุ่งยากเลย” ไอ้แทนที่ยืนเยื้องออกไปทางซ้ายมือ กอดอกพิงเคาน์เตอร์ครัวมองมาพลางกล่าวท้วง พอจัดการกับเศษอาหารเสร็จผมก็รวบจานลงอ่าง เปิดน้ำให้ไหลผ่านแล้วเริ่มหยิบมาล้างที่ละใบ

            “แม่กูสอนมาว่าอยู่บ้านท่านอย่างนิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น ทานข้าวบ้านเขาแล้วต้องรู้จักสำนึกบุญคุณช่วยเขาเก็บล้างด้วย”

            “แต่บ้านท่านก็บ้านแม่ผม ส่วนลูกท่านก็ผมไง พี่จะปั้นโคยให้ผมเล่นเหรอ”

            แก๊ง!!

            เชี่ย!!ชามหลุดจากมือจนเกือบไปจูบก้นซิงค์ ดีนะที่คว้าไว้ได้ทันเลยประคองไว้ได้ในช่วงโค้งสุดท้าย

            “ไอ้แทนมึงพูดดีๆ ปั้นควายเว้ย ควายอ่ะ ไม่ใช่โคย มึงอย่ามาทำตัวตกภาษาไทยเอาตอนนี้ ไอ้เด็กจบนอก”

            “หึ...ก็เมื่อวานผมมัวแต่ปั้นคนเดียว พี่ยังไม่ทันช่วยผมปั้นก็สลบไปซะแล้ว ผมเนี่ยโคตรเสียดาย แต่เอาเหอะไว้คราวหน้าค่อยมาร่วมสร้างปั้นละกันนะ”

            “คะ...คราวไหนกูก็ไม่เอาทั้งนั้นแหละ!” พูดซะภาพบนเตียงเมื่อวานหลุดมาเป็นฉากๆ เมื่อวานกูไม่น่าทำลงไปเลย พลาดของแท้ ฮือ

            “พี่นี่ได้ใจพ่อแม่ผมไปเต็มๆเลยนะ” จู่ๆไอ้แทนก็เปลี่ยนเรื่องมาพูดในสิ่งที่ผมสงสัย ผมเลยหยุดมือ ปิดก๊อกน้ำแล้วหันมามองหน้าร่างสูงตรงๆ

            “เนี่ยแหละที่กูประหลาดใจ ตอนแรกทำอย่างกับจะฆ่ากูให้ตาย ที่ไหนได้ตอนนี้กลับใจดีซะ ถ้าปากกูไม่เจ็บอยู่กูคงนึกว่าเมื่อกี้กูฝันไป”

            “ไม่แปลกหรอกแม่ผมชอบเด็กขี้อ้อน เพราะผมดื้อมาตลอดไง พอเจอพี่อ้อนเข้าหน่อยเลยโอ๋เอาง่ายๆ แล้วพ่อผมก็เป็นคนโอนอ่อนผ่อนตามแม่ เมียว่าดีพ่อผมก็ว่าดี เรื่องมันเลยเป็นอะไรที่ง่ายขึ้น ผมว่าดีเอ็นเอนี้มันถ่ายทอดมาถึงผมด้วยนะ ทำไมไม่อ้อนผมบ้างล่ะ ผมก็ชอบคนขี้อ้อน ใจผมมันอ่อนลงได้ง่ายๆเลย” ไอ้หล่อยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนจะให้ผมเลียอย่างหมา ผมเลยมองขวับตาขวางใส่อย่างไม่ปรานี

            “ปัญญาป่ะที่อ่อน” อย่ายิ้ม มึงอย่ายิ้ม โดนด่าแล้วยิ้มกูจะหาว่ามึงเป็นบ้านะ

            “ความจริงก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอก แม่ผมแพ้ผู้ชายหน้าหวาน ช่วงนี้เห็นเริ่มกำลังเป็นติ่งเกาหลีอยู่ด้วย”

            หวาน? หน้าใครหวานวะ

            “หน้าพี่นั่นแหละ ไม่ต้องทำหน้าแปลกใจไป ที่บ้านมีกระจกรึเปล่า หัดส่องบ้าง”

            “กูส่องทุกวันเว้ย แล้วอย่างกูเขาเรียกว่าหล่อไม่ได้เรียกว่าหวาน”

            “ถ้าพี่หล่อแล้วอย่างผมเรียกว่าอะไร” อึ้งไปเลยครับ ตอบไงดีวะ ถ้าเอาตามที่ผุดในหัวขึ้นมาแวบแรกคือ หล่อ มึงอ่ะหล่อมาก หล่อวัวตายโคยล้ม...ไม่ล้มดิ ตั้ง แต่ให้ผมชมมัน...ฝันไปเหอะ

            “เถื่อน สถุล จังไร ไร้ความเมตตา ขี้บังคับ...”

            “อยากให้ผมเป็นแบบนั้น?” ไอ้หล่อเลิกคิ้วหรี่ตามองผม

            “ที่ว่ามาตรงข้ามกับตัวมึงหมดเลย พอใจยัง” กันไว้ดีกว่าแก้ เดี๋ยวจะแพ้พลาดท่าเสียทีแล้วไม่มีปัญญาไปซบหน้ากับไหล่เช็ดน้ำตาที่ไหนอีก

 

 

 

 

 

            ตั้งแต่วันนั้นตลอดสองอาทิตย์กว่า ด้วยความเป็นห่วงน้องฟ้าผมเลยมัวแต่เทียวไปเทียวมาระหว่างคอนโดน้องฟ้ากับบ้านไอ้แทน ช่วงนั้นไอ้เดย์ก็คอยตามสืบว่าไอ้แม็คอยู่ไหน จนพอจะได้ข่าวคราวมาบ้างว่าครอบครัวไอ้แม็คย้ายไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศ ด้วยเหตุผลส่วนตัวว่าบิดาโดนย้ายไปประจำการที่บริษัทสาขาอเมริกา ทั้งบ้านมันเลยตัดสินใจย้ายไป แต่ไอ้เดย์มันยังหาทางติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้ แล้วข้อมูลที่มันได้ยินมาก็ได้มาจากการไปขอให้เลขานุการคนสนิทของเสี่ยอู๊ดช่วยตามสืบให้แบบนอกราชการ ความคืบหน้าเลยมาอย่างเชื่องช้าแต่รับประกันว่าได้ผลออกมาอย่างถูกต้องและแน่นอน ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการฝากฝังเรื่องไว้กับคนสนิทพ่อไอ้เดย์ คือการที่ว่าต่อให้เป็นเรื่องลับลมคมในขนาดไหนลูกน้องเสี่ยอู๊ดก็สามารถตามสืบไปได้หมด

 

            “แล้วอย่างนี้จะทำยังไงต่อไป”

 

            เสียงหนึ่งดังขึ้นมากลางวงที่จับกลุ่มพูดคุยในคาเฟ่ประจำมอ มันเป็นเสียงของไอ้เป้งเพื่อนตัวดีของคุณสุรบถ อย่าพึ่งสงสัยครับว่ามันมาร่วมวงได้ยังไง ก็ในเมื่อไอ้แทนมันรู้เรื่องแม็คกับน้องฟ้า แล้วมีหรือที่จะไม่มานั่งรวมกลุ่มปรึกษากับคนสนิทเพื่อร่วมมือกันตามหาคนหายที่บินไกลไปถึงครึ่งค่อนโลกได้ ไอ้แทนเคยบอกผมว่าไม่มีความลับในหมู่เพื่อนมัน มีแต่เรื่องที่ไม่บอกเท่านั้นเพื่อนมันถึงไม่รู้ มันเลยลากเพื่อนมารวมหัวช่วยกันคิดหาทางว่าจะเอายังไงต่อไปดี เพราะอย่างน้อยเพื่อนมันก็มีเส้นสายในหลากหลายวงการอยู่บ้าง

            “ไอ้แม็คมันย้ายไปอยู่เมกา” ไอ้เดย์บอกข้อมูล

            “งั้นพวกเราก็ต้องไปบางนา” ไอ้แตมเสริม

            “ขึ้นบีทีเอสลงสถานีอุดมสุข แล้วจะมีรถชัตเตอร์บัสมารับไปส่งถึงที่ ปรู๊ดดดเดียวถึงบางนา” ไอ้เป้งสมทบพร้อมทำท่าคว่ำมือไถลบินขึ้นไปถึงท้องฟ้า

            สัด!นั่นมันเมกะบางนา แล้วเขามีแต่ชัทเทิลบัสไม่ใช่ชัตเตอร์ มึงจะไปกดติดวิญญาณที่ไหน กูก็เสือกตั้งใจฟังตั้งนาน โคตรเพลีย

            “พวกมึง จริงจังหน่อย” มาแล้วครับเสียงนิ่งๆแต่น่ากลัวอย่างลุ่มลึก ไอ้เสาไฟฟ้ายักษ์ที่มันเกลียดขี้หน้าผมมาโดยกำเนิด แค่มันพูดคำเดียวเท่านั้นแหละขนาดเพื่อนมันยังเงียบกริบ แทบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ

            “เครียดๆ คิดไปมีแต่หัวจะไม่แล่น มึงก็อย่าเครียดให้มันมากนักเลย เดี๋ยวหน้าจะแก่ก่อนวัยอันควร เอานี่ดื่มโกโก้กูมั้ยเพิ่มน้ำตาลในเลือดจะได้สดใสมีชีวิตชีวา” ไอ้เดย์เอื้อมมือไปโอบไหล่ไอ้โย่ง แถมหยิบโกโก้ปั่นราดช็อคโกแลตไซรัปเอ็กซ์ตร้าช็อกชิพที่มันสั่งยื่นหลอดเข้าไปใกล้ปากมันแบบไม่กลัวตาย ไอ้เสาร์ย่นคอจนคางเกือบหายไปกับหน้าทำตาขวางอย่างกับพร้อมจะฆ่าใครบางคน แต่แล้วมันกลับทำเรื่องที่ผมไม่คาดฝันด้วยการงับหลอดเข้าไปในปากมันอยู่นาน แต่น้ำในแก้วเสือกไม่มีการขยับใดใด

            “เฮ้ย..เฮ้ยๆๆๆ” ไอ้เดย์ร้องโวยวายเมื่อมันเห็นความผิดปกติ สุดท้ายไอ้เสาร์ก็ปล่อยปากออกจากหลอดก่อนยกมุมปากให้ไอ้เดย์อย่างกวนๆ

            “กูเพิ่มเอนไซม์ให้มึงด้วยเผื่อมึงจะได้สดใสน้ำย่อยไหลดี”

            “เชี่ยเสาร์!โกโก้กู” โอเค ร้องไห้กันไปหนึ่งรายเพราะเสียดายน้ำ แต่ผมว่ามันสองคนแม่งโคตรสนิทกัน ไม่อย่างนั้นคำสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองของไอ้เสาร์มันคงไม่ดูปีนเกลียวราวกับไม่เกรงกลัวไอ้เดย์ถึงขนาดหรอก

            “ผมว่านะ ยังไงก่อนอื่นก็ต้องหาทางติดต่อเพื่อนพี่ให้ได้” คราวนี้ไอ้แตมมันดูเป็นการเป็นงานขึ้นมาหลังจากที่ล้อเล่นกันไป

            “แต่ช่องทางสำหรับติดต่อมันตอนนี้ถูกปิดหมด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ไลน์ เฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์” กูพยายามมาแล้ว แต่มันเล่นปิดโซเชียลเน็ตเวิร์คทั้งหมดราวกับตั้งใจจะเริ่มจากศูนย์ใหม่ตอนไปอเมริกา

            “พ่อผมพอจะมีคนรู้จักอยู่ที่ฟากนู้นบ้าง ขอแค่รู้ชื่อบริษัทของพ่อคนชื่อแม็คบางทีอาจจะพอทำอะไรได้”

            “แต่เรื่องนี้รู้ถึงหูคุณอาไม่ได้นะไอ้แทน” ผมปราม เพราะดูเหมือนเจ้าหล่อจะลืมไปว่าพ่อแม่ตนเองยังไม่รับรู้เรื่องที่น้องฟ้าท้อง

            “เรื่องนี้ให้ลูกเสี่ยอู๊ดอย่างกูจัดการเถอะ อย่างน้อยพี่เยนก็ต้องจัดการอะไรให้กูได้บ้างล่ะวะ” ไอ้เดย์พูดชื่อเลขาพ่อมันขึ้นมา พี่เยนเป็นคนที่มันสนิทมาก ถึงแม้รายนั้นจะถูกเสี่ยอู๊ดสั่งงานให้ยุ่งตลอดเวลาไม่สามารถปลีกตัวไปไหนได้ก็ตามที

            “ตอนนี้ก็คงต้องพึ่งพาไอ้เดย์มันไปก่อนล่ะนะ” มีอยู่คนแหละครับ ที่ไม่พอใจที่ผมสรุปแบบนี้ซักเท่าไร ไอ้หล่อหน้าใสที่นั่งอยู่ข้างผมไง ไม่รู้ว่าทำไมตั้งแต่วันที่มันมาตามผมตอนคลาสศราวุธก็ตกอยู่ในสภาพนี้ตลอด

            “ทางกูจะลองถามอาจารย์ตอนที่ไปเรียนแลกเปลี่ยนให้ดูละกัน เผื่อจะมีใครไปสมัครเข้ากลางเทอมที่มหาวิทยาลัยในสังกัดโรงเรียน” ผมหันขวับไปมองร่างสูงใหญ่ของไอ้เสาร์ตาเป็นประกายจนมันต้องร้องถาม “มองอะไรของพี่”

            “เด็กจบนอกที่แท้ทรู” ผมอุทาน จนมือใหญ่ของไอ้แทนแล่นมาเขกหัวผมเนี่ยแหละ “โอ๊ย เคาะหัวกูทำไมวะไอ้เชี่ยแทน”

            “เลิกเห่อคนจบนอกได้แล้ว”

            “โอ๊ย มีคนหึงเมียอยู่หนึ่งหน่วยตรงนี้เว้ย” เป็นเสียงไอ้เป้งที่ตะโกนขึ้นมา อะไร ใครหึงใคร แล้วใครเป็นเมียใครวะ กูงง

            “ไปเรียนต่อเมกามั่งดีกว่าว่ะ เผื่อจะเนื้อหอมขึ้นมาบ้าง” พอไอ้แตมมันพูดจบก็ลุกพรวดพราดทำท่าจะพุ่งออกไปจากร้าน แต่ไอ้เป้งเพื่อนมันเสือกจับมือไว้ได้ทัน

            “มึงจะไปไหนวะ”

            “จะไปไหน ก็ไปซื้อบัตรแรบบิทน่ะดิ”

            “ถุยยยย นั่นมันเมกะบางนา!!”

            ...เชี่ย...พวกเวร เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ...



TBC

+++++++++++++++++

สุขสันต์วันสุดท้ายของสงกรานต์ค่า...
ตอนนี้มาไวเพราะ คนเขียนไร้งานเนื่องจากหยุดยาว 555
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่20:วันพระ[16/04/2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 16-04-2018 01:44:23
 o13
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่21:จอลลี่โคล่า[30/04/2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 30-04-2018 20:12:53
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่21 จอลลี่โคล่า

บทที่ 21 จอลลี่โคล่า



    “ไม่ต้องจ้องตากู”

    “ผมเปล่า”

    “ถึงจ้องไปมึงก็อ่านใจกูไม่ได้หรอก”

    เออ ผมไม่รู้จริงๆนั่นแหละ ช่างแม่งลงตรงนี้มันละกัน

    แก่ก!!

    “เสร็จกู รุกฆาตโว้ยยยยยย” ฮ่วยยยยยยยย เอาอีกแล้ว กูทุ่มกระดานเลยดีมั้ย ทุ่มเลยมั้ย มือคว้าขอบกระดานได้ไม่ทันไร มือใหญ่ๆของคุณมาณพก็เข้าตะปบ “ไอ้ไทม์มึงอย่าคิดแม้แต่จะทุ่มกระดาน” หน้าตาก็ว่าเหมือนแล้วยังเสือกทำคิ้วคมข้างหนึ่งกระตุกกวนประสาทอีก เริ่มฉุนขาดแล้วนะโว้ย ได้...ไม่ให้ทุ่มกระดาน กูจัดให้

    ดวงจิตคิดแก้แค้นมันมาไวเหมือนสั่งได้ ร่างกายชักกระตุกเสียหลักมือป่ายปัดถูกหัวขุนหัวม้า เสียดายแต่เรือมันเตี้ยไปหน่อยกูเลยได้แต่ตีลมผ่านไปแล้วตะโกนทำท่าตกใจประกอบรีแอคชั่นว่า

    “ชะอุ๊ย สันนิบาตกำเริบ”

    “มึงเอาตีนกูไปกินแก้โรคสันนิบาตก่อนมั้ย”

    “โอ๊ย คุณอาอย่าถีบโผ้มมมม”

 

    ถามจริงเถอะ กูมาถึงจุดๆนี้ได้ยังไงวะ

    ...มาถึงจุดๆที่สนิทกับคุณอาพ่อไอ้แทนถึงขั้นกวนตีนใส่กันและเล่นยันบาทาได้...

 

    แต่ก่อนจะคิดคำตอบนั้นออก มึงช่วยหาทางหลบตีนทั้งสองของพ่อสามี?ที่อุปโลกน์ขึ้นมาก่อนเถอะ!

    โดยไม่รอช้าผมใช้สมองอันชาญฉลาดของตนเองกระโดดเหยงๆ พุ่งไปยังจุดหมายที่คิดว่าคุณมาณพไม่มีวันใช้ตีนถีบลงได้ “คุณน้า!”

    แฮ่!ผมมันฉลาดหลบหลังเมีย มีรึผัวจะกล้า อย่าว่าผมแต๊ะอั๋งเลยนะคุณน้าขอจับต้นแขนหน่อย

    “มึงออกมาจากหลังเมียกูเลยนะไอ้ไทม์”

    “ออกให้โง่ดิครับ คุณอาจะเตะผม”

    “กูไม่ได้จะเตะ”

    “จริงอ่ะ”

    “แต่กูจะถีบ!”

    “เย้ยย”

    “นี่เราสองคนเล่นอะไรกันคะ ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้” เสียงคุณน้าดังขึ้นมาห้ามทัพ

    “คุณน้า ดูคุณอาดิ ผมแค่พลาดเผลอไปปัดโดนหมากในกระดานเข้าหน่อย ทำมาเป็นโวยวายโมโหใส่ผมใหญ่ จะตีผมให้ได้อ่ะ” เปล่าฟ้อง แค่บอกความจริง ฮ่าฮ่าฮ่า

    “แม่อย่าไปฟังมัน นี่มันครั้งที่เท่าไรแล้วที่มันแกล้งล้มกระดาน”

    “แต่ทุกครั้งก็เห็นพ่อสนุกที่ได้เล่นหมากรุกกับลูกไทม์หนิคะ”

    “...” คุณอาทำหน้าแดกจุด แทงใจดำอ่ะดิ เห็นผมมาบ้านไอ้แทนทีไรต้องลากผมไปเล่นหมากรุกด้วยทุกครั้ง ไม่งั้นผมไม่มานั่งปีนเกลียวแบบนี้ได้หรอก ว่าไงคุณมาณพ มามา แมนๆเล่นหมากรุกกัน

    “อูย คุณอาเขิน” ผมผุดยิ้มเจ้าเล่ห์ทำหน้ากิ๊วก่าว ถนัดยิ่งนักเรื่องแซวชาวบ้านน่ะ แต่ถ้าเป็นเรื่องของตัวเองพอโดนคนอื่นสวนกลับทีไรไปไม่รอดทุกที

    “ใครบอกมึงว่ากูเขินวะ”

    “ไม่เขินแล้วหน้าแดงทำไมครับ เป็นลมแดดเหรอ” โอ๊ย สนุกว่ะ แซวพ่อไอ้แทน คนหน้าคล้าย ถ้าเป็นไอ้หล่อนั่นทั้งชาติคงไม่มีวันทำแบบนี้ได้เพราะมันดักผมได้ทุกทาง

    “วันนี้ขอถีบทีเถอะ!” ขอกี่รอบแล้ววะ แล้วกูเคยให้มั้ย ตอบเลยว่า ไม่!!

    “เอ้ย คุณอา อย่าๆๆ” สวมวิญญาณสาวกแร๊พเตอร์ ยกมือขึ้นทำท่าโหนรถเมล์ โยกหลบพลิ้วโคตร ไม่เอานะเกรงใจ ไม่ดีหรอกเกรงตีน แล้ววิ่งวนไปรอบบ้านแบบลืมอายุว่าเรียนมาจนจะปีสามแล้ว ส่วนคุณอาเหรอยิ่งกว่าผมอีก อายุจะห้าสิบอยู่แล้วกระโดดเหยงๆตามอย่างกับเล่นวิ่งเปี้ยว

 

    ปิ๊งป่อง! ไม่ช้าไม่นานนัก ระฆังช่วยชีวิตก็ดังขึ้น

    “หืม...ใครมา...”

    “เดี๋ยวผมไปดูให้เองครับ!” ใครมาใครไปผมไม่รู้ แต่ขอวิ่งออกไปกู้ชีพตัวเองก่อนครับ อาสาทันทีไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง แล้ววิ่งปรู๊ดเปิดประตูออกไป ปล่อยให้คุณมาณพด่าตามไล่หลังมา

 

    อย่าถาม ว่าผมมาเสนอหน้าอะไรที่บ้านพ่อแม่ไอ้แทน ถ้าไอ้หล่อมันไม่ขอไว้ผมคงไม่หน้าด้านบากหน้ามาหาคนที่ผมรู้สึกผิดกับท่านถึงสองครั้งสองครา อย่างกรณีที่ว่าเป็นเพื่อนคนที่ทำลูกสาวเขาท้อง และกำลังทำให้ลูกชายคนโตไม่มีทายาทสืบสกุลหรอกครับ

    วันนี้โคตรเฉพาะกิจ ผมพึ่งรู้ว่าคนบ้านนี้แม่งขี้เหงากันทั้งบ้าน ลูกหลานไม่มาหาก็จะทู่ซี้ตามมาถึงคอนโดให้น้องฟ้าวุ่นวายใจกลัวแสดงอาการมีพิรุจออกไปว่าตั้งครรภ์ ผมเลยต้องบากบั่นมาเป็นคู่เล่นหมากรุกคุณมาณพทุกอาทิตย์ แต่มันจะดีก็ตรงที่ได้กินของฟรีแถมอร่อยฝีมือคุณนายเกียรไพศาล หรือคุณน้านภาลัยใจงามของไอ้หล่อมันเนี่ยแหละ

    ผมวิ่งลงจากบ้านกำลังจะสวมรองเท้าเตะหูหนีบ แต่ก็ต้องชะงัก...

    ...เวรเอ๊ย...

    เห็นรองเท้าทีไรใจมันสยอง คำว่า ‘สะใภ้’ตัวใหญ่เท่าบ้านเขียนพาดตั้งแต่หัวนิ้วโป้งยันปลายส้นตีน รองเท้าแตะหูหนีบสีขาวน้ำเงินประจำตำแหน่งที่ไอ้หล่อมันซื้อให้เป็นของรับขวัญ มันบอกว่าเป็นประเพณีบ้านมันพลางชี้ให้ดูไอ้ที่วางอยู่ในชั้นซึ่งเขียนคำว่า ‘บิดา’ ‘มารดา’ประกอบคำพูด

    ‘มึงซ่อนอะไรไว้’

    ‘เปล่า’

    ‘โกหก มึงเอาออกมาเลย ไอ้ที่ซ่อนไว้ข้างหลังน่ะ’

    ‘เฮ้ยพี่อย่าดิ’

    ‘เขียนบ้าอะไรวะเนี่ย’

    ‘นั่นน่ะ รองเท้าพี่’

    ‘ฮะ?’

    ‘กะจะเซอร์ไพรสซักหน่อย’

    ‘เชี่ยนี่มัน ‘สะใภ้’ไม่ใช่ ‘เซอร์ไพรส’อย่ามาทำตัวตกภาษาไทยแถวนี้’

    ตอนนั้นเกือบปาลงถังขยะ แต่ไอ้หล่อมันท้วง ‘คู่ละสามสิบบาทเลยนะพี่’ ‘ผมอุตส่าห์เดินตากแดดไปซื้อถึงปากซอย’‘พี่มีนิสัยไม่เห็นคุณค่าของเงินขนาดนี้เลยเหรอ’‘ลองนึกถึงคนที่ไม่มีรองเท้าจะใส่ดิ’ โอ้ย ไม่ทิ้งก็ได้วะ แล้วจุดจบของมันก็มาอยู่ที่ปลายตีนผมไง วันนั้นแม่งเสือกเผลอใส่ทั้งที่หมึกยังไม่แห้ง ตีนกูเลยมีคำว่าสะใภ้ติดยาวตะแคงตีนเดินไม่ได้ไปเกือบหนึ่งอาทิตย์ คิดแล้วอยากจะร้อง

    ผมลากแตะเดินแปะแปะมาถึงหน้าบ้าน แอบไกล บ้านมันใหญ่ บ้านเดี่ยวแบบมีสวนรอบๆ ร่มรื่นดี มาที่นี่เหมือนได้มาเยียวยาจิตใจให้ห่างไกลจากมลภาวะข้างนอก พอถึงประตูรั้วก็ชะโงกหน้ามองคนอีกฟาก บอกได้คำเดียวว่าแผ่นหลังแม่งโคตรคุ้น เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขน กางเกงขายาวสีเทาเข้มเรียบกริบ แต่งตัวเนียบฉิบ แต่อีกฝ่ายดันหันหลังเหมือนกำลังคุยกับใครอีกคนเลยไม่กล้าเดาไปสุ่มสี่สุ่มห้า แล้วนี่มันก็บ้านไอ้แทน ยกเว้นคนสวนที่บ้านมันจ้างมาตัดหญ้าอาทิตย์ละครั้งแล้วผมก็ไม่รู้จักใครหน้าไหนอีก

    “เออ...มาหาใครครับ” แน่ใจอ่ะว่ากูไม่รู้จัก จนกระทั่งอีกฝ่ายผินหน้ามาให้เห็นเท่านั้นแหละ

    เชี่ยโว้ย!!

    กู-รู้-จัก

    “ไอ้เผือก” ถ้าไม่รู้ว่าใคร กูต่อยหน้าปากแตกไปแล้ว จู่ๆ ก็โดนด่าเผือกใครมันจะไปยอมวะ

    “น้องไทม์จริงๆด้วย” เสียงหวานดังขึ้น ก่อนร่างระหงส์คนที่เจ้าของเชิ้ตดำหันหลังคุยอยู่เมื่อซักครู่จะวิ่งพุ่งมาเกาะชิดขอบรั้ว

    สัด!นี่กูอุตส่าห์หลอกตัวเองว่าตาฝาดแล้วนะ แต่กับอีกคนที่วิ่งมายิ่งกว่าโดนการันตีผ่านกล้องซีซีทีวีว่ากูขี่มอเตอร์ไซต์ไวกว่ากฎหมายกำหนดอีก

    “มะ...มาได้ไงเนี่ย” อันนี้กระซิบกับตัวเอง

    “มาไม่ได้เหรอวะ” แต่คนตรงหน้าเสือกได้ยิน เสียงทุ้มทำหน้าไม่พอใจ หาเรื่องสุดๆ

    “ปะ...เปล่าครับ”

    “น้องไทม์มาอยู่ที่นี่ได้ไง” คราวนี้เป็นเสียงหวานๆที่ถามผมขึ้นมาบ้าง

    “คือผม..”

    “มีอะไรรึเปล่า ลูกไทม์”

    นรกจะกินหัวก็คราวนี้ เมื่อมีเสียงดังออกมาจากข้างหลัง ไม่ต้องหันไปมองครับ กูรู้ว่าเป็นใคร จะออกมาทำไมครับคุณน้า ผมบอกว่าจะมาดูให้ก็มาให้แล้วไงไม่เชื่อใจกันหงออออ

    ผมเหลียวไปมองเจ้าบ้านหน้าตาตื่น เรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้น ไม่ดิ มันไม่มีทางจะเกิดขึ้นจากหนึ่งในล้านเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ นอกจากคนมันจะซวยจริงๆ

    ในที่สุดคุณน้าก็เดินมาประชิดตัว สลับสายตามองหน้าผมกับคนแปลกหน้าไปพร้อมกัน

    “ใครน่ะ” แค่นี้ก็สะดุ้งแล้วอ่ะ โอ้ย ความใจกล้าหน้าด้านชอบแถสีข้างจนแสบของกูหายไปไหนหมดวะ

    “อะ เออ คือ” อ้ำอึ้ง อั้ม พัชราภาพ อ้าม อ้าม โอ้ยยยย คุณน้านภาลัยขมวดคิ้วแล้ว เอาไงดีวะ เอาไงดี

    “ใครน่ะลูกไทม์ แล้วนี่เราเป็นอะไร สันนิบาตขึ้นปากเหรอ” ถ้ามันจะทำให้กูเลี่ยงคำถามนี้ได้ จะสันนิบาต สันนิสองบาท กูยอมให้ไต่ปาก ไต่ลิ้นปี่กูเลยเอ้า! หรือจะแกล้งชักกะตุกลงไปดิ้นกับพื้นน้ำลายฟูมปากเลยดีมั้ย แต่ แต่ แต่กูจะทำน้ำลายยังไงกูไม่มีอีโน!!

    “ขะ...ขะ...” สกิลการติดอ่างช่วยต่อชีวิตไปได้อีกแค่พันมิลลิเซค ถามทีเหอะ เวลาเท่านั้นกูจะไปทำอะไร สันนิบาตยังคงกำเริบต่อไป เหตุผลอะไรยังไง คิดดิคิด!

    พออิดออดเข้าหน่อยทำคุณน้ารอนานเลยดูเริ่มมีน้ำโห เสียงที่ถามตามมาอีกประโยคเลยดูเหมือนเริ่มตวาดใส่หน้า

    “ท่าจะอาการหนักนะเรา บอกแม่มาได้รึยังว่าเขาเป็นใครฮะ!”

    “คะ...คนขายเครื่องกรองน้ำครับ!!”

    โป๊ก!!

    เชี่ย!!เต็มกบาลกูเล้ยยยยย ทำไมผมเสือกนึกรู้ว่าผลมันจะเป็นแบบนี้วะ จากไม่โดนตีนพ่อไอ้แทนแต่กลับมาโดนมะเหงกของชายชุดดำด้านหลังเนี่ยนะ สึด ช่วงนี้กูต้องแกล้งตายใช่มั้ย ใช่ดิต้องรีบ...

    แต่มือใหญ่กลับยื่นผ่านกรงรั้วมาคว้าคอเสื้อผมยื้อไว้ สภาพตอนนี้แม่งเยี่ยงลูกหมา

    “มึงอย่ามาแกล้งตายตรงนี้ไอ้เผือก”

    ไม่เอาผมจะตายยยยยยยยยย ปล่อยโผ้มมมมมมมม

    “หยุดดิ้น มึงหาว่าพ่อมึงเป็นคนขายเครื่องกรองน้ำแล้วจะมาดื้อแกล้งตายอีกเหรอวะ กูไม่ให้เว้ย”

    ฮึก....ใช่ถ้าผมเป็นลูกหมา...คุณชลาศัยก็เป็นพ่อหมาแหละวะ!!

 

 

 

 

    “ได้ข่าวว่าลูกชายผมแวะมารบกวนบ่อยๆ ต้องขออภัยด้วยนะครับ” สุภาพชน คนกันเอง

    หลังจากผ่านความโกลาหลงงเป็นไก่ตาแตกกันหน้ารั้วบ้าน สี่ชีวิตก็ถ่อสังขารเดินเข้าร่มมานั่งตากแอร์เย็นๆ ในห้องรับแขกประจำบ้านเกียรติไพศาล คุณน้านภาลัยต้อนรับขับสู้คุณชลาศัยกับคุณหญิงศศิประภาเป็นอย่างดี เอาน้ำลอยดอกไม้เย็นชื่นใจมาเสิร์ฟถึงที่ ส่วนผมน่ะเหรอนั่งลูบหัวเลียแผลไปดิครับใครจะสนใจ ตอนนี้ทั้งสองสามีภรรยาคงมัวแต่ตั้งอกตั้งใจรับแขกผู้มาใหม่ ว่าแต่พ่อกูได้ข่าวมาจากไหนวะ ถึงได้เป็นนกรู้ตามมาถึงที่นี่ได้

    “ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกค่ะ แค่ลูกไทม์ยอมมาที่นี่ทุกอาทิตย์ ก็สร้างสีสันให้บ้านสุดๆแล้วจริงมั้ยเนอะพ่อเนอะ” คุณน้ากระทุ้งสีข้างพ่อไอ้แทนไปหนึ่งศอก ทำเอาร่างสันทัดสะดุ้งก่อนหันมาพยักหน้าตอบแบบขัดๆเขินๆ

    “อะ อืม”

    “มาทุกอาทิตย์เลยเหรอครับ” ฉิบหายแล้วไง

    คุณนายศศิประภาหันมาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่หน้าผมที่นั่งอยู่ข้างๆ คนมีความผิดติดตัวอย่างการไม่ยอมกลับบ้านไปให้พ่อแม่เห็นหน้านานนับปี พอโดนล่วงรู้ความจริงหัวก็แทบหดเข้ากระดอง ผมได้แต่ขยับมือไปจับต้นขาแม่ส่งสายตาออดอ้อนวอนขอให้อภัย

    “ค่ะ แกมาช่วยเป็นเพื่อนเล่นโขกหมากรุกกับพ่อบ้าง บางครั้งก็มาช่วยทำอาหารช่วยชิมช่วยทาน มีลูกอย่างนี้คนเป็นพ่อเป็นแม่คงยิ้มแก้มปริ”

    ปริ ปริ ปริ แผลที่หัวกูจะปริสิไม่ว่า ดูสายตาพ่อกูดิ ถ้าสั่งให้ไปยืนสำนึกผิดกลางแดดร้อนๆตอนนี้ได้อีกฝ่ายคงทำไปแล้ว

    “ว่าแต่คุณพ่อเนี่ยหน้าอ่อนจังเลยนะคะ เห็นตอนแรกนึกว่าเป็นพี่ชายซะอีก ถ้าลูกไทม์ไม่หลุดปากออกมาซะก่อน”

    “ไม่หรอกครับ ก็เป็นไปตามอายุ” รอยยิ้มมาดแมนแฮนด์ซั่มทำเอาคนรักคนหลงมานักต่อนักมันโผล่มาให้เห็นแล้วครับ คุณชลาศัยเจ้าของฉายาหล่อกระชากใจแม่หม้าย ทำเอาพ่อไอ้แทนเริ่มคิ้วกระตุกฉุดมือภรรยาไปกุมแบบหวงๆ

    “แม่ๆ” ผมสะกิดแขนคุณนายศศิประภาผู้ชนะสิบทิศแห่งคอนเวนต์เพราะชนะใจหนุ่มอัสสัมฯคนที่โด่งดังที่สุดแห่งโรงเรียนชายล้วนมาได้ คุณแม่ผินหน้ามาทางผมน้อยๆเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย “แม่กับป๊ารู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่” กระซิบเบาแบบลมเป่าขนนกไม่กระเด็น

    “แม่รู้จากน้าลำไย”

    “หา?” ยายกินลำไยน้ำลายยายไหลย้อย ว่าแต่น้ำลาย เอ้ย น้าลำไยคือใครกันวะ

    “น้าลำไยเพื่อนแม่ แกก็อยู่หมู่บ้านนี้” อ๋อๆๆ ผมจำได้แล้ว น้าลำไยที่แม่ต้องไปหาเรื่องเม้ามอยที่บ้านเธอทุกอาทิตย์ “แกบอกว่าเห็นคนหน้าตาเหมือนลูกชายตัวดีของแม่มาแวะบ้านนี้บ่อยๆ แม่ก็เลยต้องมาพิสูจน์”

    โว้ะ กูเกลียดคำว่าพิสูจน์ของแม่กูจัง ตั้งแต่อนุบาลยังมัธยมปลาย ถ้าลูกชายมีข่าวกับสาวที่ไหน อย่าให้เรื่องนี้ถึงคุณศศิประภา เพราะแม่ตูจะตามไปทุกหนทุกแห่งไม่เว้นแม้แต่การแอบฟังเด็กนักเรียนหญิงเขาซุบซิบกันในห้องน้ำโรงเรียน นี่ยังดีที่พอเข้ามหา’ลัยมาอยู่หอ มารดาผมก็เริ่มปล่อยวางจะให้ตามไปถึงห้องน้ำมหา’ลัยก็ใช่ที่ แต่ก็ยังมีตามสืบเรื่องราวอื่นๆจากคุณน้าลำไยเพื่อนตั้งแต่สมัยไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนอยู่

    “แต่ไม่ยักรู้นะครับว่าไทม์มีเพื่อนอยู่แถวนี้ด้วย”

    “เพื่อน?”

    สั้นๆ แค่คำเดียวแต่กูสะดุ้งไปถึงโลกหน้า พ่อไอ้แทนมันมาแบบเงียบๆแต่สะเทือนไปถึงวงการตับม้ามไต ให้ผมหายใจหายคอไม่ทั่วถึง

    ...ชักรู้สึกถึงสัญญาณไม่ดีแล้วซี...

    หางเสียงสูงเกินจนคล้ายกับเป็นประโยคคำถามทำเอาคุณชลาศัยยกคิ้วสูงเหล่ตามาทางผม มันเป็นอาการประจำของพ่อผมเวลาได้กลิ่นอะไรไม่ชอบมาพากล โอ้ไม่ อย่าทำร้ายกันแบบนี้ ผมขอ

    ระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งนิ่งเหมือนเล่นไพ่โป๊กเกอร์จับผิดสีหน้าชาวบ้าน ผมก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเคลื่อนไหวยุกยิกอยู่หน้าประตู เสียงขยับลูกบิดพร้อมการก้าวเดินเข้ามาคนตัวสูงซึ่งหอบข้าวของพะรุงพะรังทำเอาผมใจชื้นขึ้นมาอีกเท่าตัว เอาวะอย่างน้อยกูก็ไม่ยอมตายคนเดียวล่ะเว้ย

    “ไอ้แทน!” ทุกคนสะดุ้ง ตื่นจากภวังค์ สมควรตกใจเพราะจู่ๆผมก็จะตะโกนโวยวายพลางโบกไม้โบกมือไปมาเหมือนคนบ้า ขนาดร่างสูงเดินผ่านประตูเข้ามายังหยุดเท้า ดีที่วัตถุดิบทำกับข้าวที่ร่างสูงอุตส่าห์ออกไปซื้อมาตามคำสั่งแม่ไม่ถูกปล่อยร่วงตกลงพื้นด้วย ไม่งั้นผมคงโดนคุณน้าด่าเสียงขรมอีกกระทงนึงจนหาทางกลับบ้านไม่ถูกแน่

    “อย่าเสียงดังสิน้องไทม์” เป็นแม่ที่เอ็ดผม ตีต้นขาดังเพียะ พลางรวบมือที่โบกไปมาอย่างกับไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวกลง

    “เกิดอะไรขึ้นครับ เสียงตะโกนดังไปถึงหน้าบ้าน” ไอ้แทนกล่าวถามพลางเดินเข้ามาอย่างงงๆ สายตาคมกวาดมองไปทั่วห้องแล้วมาจบตรงการจ้องหน้าผม อ่ะงงเด้ งงเด้ อย่าถามกูเลยตอนนี้ กูไม่มีปัญญาตอบ

    “อุต๊ะ!ลูกชายใครกันหน้าตาหล่อเหลา” คุณนายศศิประภายกมือขึ้นมาปิดปาก โหยปล่อยแขนไส้เดือนผมเลยนะ แต่ใจเย็นนะครับ นั่นลูกชายของคนที่คุณกำลังคุยด้วย แม่ผมก็เป็นซะอย่างนี้ เห็นคนหนุ่มคนหล่อหน่อยไม่ได้มักจะบ่นว่าเสียดายทำไมไม่ได้ลูกหญิงจะได้มีลูกเขยขวัญเป็นหนุ่มวัยกลัดมันแต่งเข้าบ้าน แล้วลูกแม่ล่ะครับ แม่มองข้ามไปได้ไง ผมก็ผู้ชายนะ กูอยากจิครายออกมาเป็นสายเลือด

    “แทนมานี่เร็ว” คุณน้านภาลัยกวักมือเรียกลูกชายตนเองยิกๆ “มาไหว้คุณพ่อคุณแม่ของลูกไทม์ก่อนเร็ว”

แมลงวันแม่งตายเข้าปากไอ้แทนไปสามตัว มันตัวแข็งค้างนับจากวินาทีที่แม่มันบอกว่าสองคนข้างๆผมเป็นใคร ได้ยินเสียงมันอุทานเบาๆ ทำเอาผมหลอนไปถึงไส้ติ่ง

    “คุณพ่อ...คุณแม่...ของพี่ไทม์” เออพ่อแม่กูเอง มึงอย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะ มึงต้องมาช่วยกูก่อน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันจะรู้สึกยังไง แต่คงให้อารมณ์เดียวกับผมตอนที่เจอพ่อแม่มันเนี่ยแหละ กะทันหันซะจนหลอน

    กว่าสติจะมาแล้วพาตัวเองไปวางข้าวของก็เล่นกินเวลาไปหลายนาที ผมมองหน้าคมคายแล้วโคตรไม่ไว้วางใจกลัวมันจะเป็นลมเป็นแล้งไปตอนนี้ แต่ทุกอย่างกลับเกินคาดเมื่อไอ้หล่อมันขยับตัวเข้ามาอย่างสุภาพพลางยิ้มอย่างนอบน้อม ก่อนจะถึงตัวคุณชลาศัยและคุณนายศศิประภาไอ้แทนก็คลานเข่าเข้ามาใกล้แล้วพุ่งตัวเข้าไปกราบที่...

    ...ตักพ่อแม่ผม...

    ฮะ?อะไรนะ ตัก...ตัก!!

    เชี่ย!!มึงทำอะรั้ยยยย

    ผมผุดตัวจากโซฟาคว้าไหล่ของมันไว้แทบไม่ทัน ร่างสูงที่เซไปข้างหลังกล่าวคำสวัสดีได้เพียงครี่งก็หยุดชะงัก

    “ทำเหี้ยอะไรของมึงวะ” ผมกระซิบจมูกแทบติดหน้ามัน

    “อ้าว ก็กล่าวสวัสดีคุณพ่อคุณแม่พี่”

    “แล้วมันจะต้องทำถึงกราบตักมั้ย!”

    “ไม่รู้สิ ผมแค่เบลอๆ”

    “เบลอหรือบ้าวะเนี่ย”

    “ก็ไม่คิดมาก่อน ว่าจะต้องเจอกับพ่อตาแม่ยายก่อนกำหนด”

    “!!!”

    โวะโว้ยยยยยย อย่าอิน กูบอกว่าอย่าอินนนนน!!

    “มารยาทงามจริง” เสียงเอ่ยชมเล่นเอาผมหันไปมองหน้าแม่แทบคอหัก ฮะ?

    คุณนายศศิประภาโดนความหล่อบังตาไม่เอะใจใดใดทั้งสิ้น ที่น่ากลัวก็คนข้างๆเนี่ยแหละย่นคิ้วเหล่ตามาทางนี้จนผมอยากตะโกนว่าปวดขี้แล้ววิ่งหนีไปให้ได้

    “เรียกพี่ เป็นรุ่นน้องเจ้าเผือกเหรอ” พ่อผมถาม

    “เผือก?” หันมาแล้วจ้องหน้าถามแบบนี้ ด่ากูเสือกยังดีกว่า

    “ฉายากู พ่อแม่ตั้งให้ เกิดมาตัวขาวเหมือนลิงเผือก”

    คุณมึงครับ ไหนว่ามึงเบลอ กูเห็นนะว่ามึงกลั้นขำ เชี่ยแทน

    “ครับ ผมชื่อแทนเป็นรุ่นน้องพี่ไทม์ปีนึง เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน”

    “อะแฮ่ม!” ชายในเชิ้ตดำกำมือยกขึ้นมาอังปากกระแอมไอ

    “เป็นไรน่ะป๊า อะไรติดคอ”

    “มึงน่ะ”

    “ผม?” อะไรวะ อย่าเล่นมุกกระดูกหมาติดคอนะ กูไม่ขำ

    “จะขี่ไอ้หนุ่มรุ่นน้องมึงไปถึงฟ้ามืดเลยมั้ย” เหยดครก! ผมนี่พรวดพราดลุกขึ้นมาจากตัวมันแทบไม่ทันเลยครัช!ดีนะไม่บอกกูฟ้าเหลือง!

    “ปะเปล๊า ก็ไม่ได้กะขี่ บิ๊กไบค์ก็ไม่ใช่ผมจะขี่ไปเพื่ออะไร” แล้วนี่กูแก้ตัวเพื่อ!!

    เห็นหน้าไอ้หล่อมันกลั้นยิ้มจนแก้มแทบปริ ก่อนลุกขึ้นมาปัดฝุ่นที่ก้นจัดเสื้อแสงย้ายที่นั่งทำเอากูหมั่นไส้ ยิ้มไปเหอะนรกกำลังจะกินหัวมึงก็คราวนี้ล่ะ

    “อยู่คณะเศรษฐศาสตร์เหมือนพี่เขาหรือเรา” คราวนี้เป็นคุณนายศศิประภาที่ถามขึ้นมาบ้าง ดูสนอกสนใจในคนหนุ่มที่มาใหม่เสียเหลือเกิน

    “วิศวะครับ”

    “หืม?” ฮึมฮัมในลำคอจนเกือบเป็นบทประสานเสียงวงดนตรีเปิดหมวกข้างทาง กูว่าแล้ว อีกไม่นานหรอก อีกไม่นาน

    “แล้วทำไมมารู้จักกันได้ล่ะ” นั่นไง พ่อแม่กูต้องสงสัย แต่ผมเตรียมข้ออ้างไว้แล้วครับ สบายใจได้ หายห่วง

    “เออคือว่า...”

    “พวกเขาสองคนเป็นแฟนกันค่ะ”

    “ใช่ครับพวกเราเป็นแฟน...”

    หา?

    เอ๊ะ?

    เมื่อกี้ว่าไงนะ?

    แฟน?

    อะ...ไอ้เหี้ยยยยยยยย ให้กูแก้ตัวก่อนได้ม้ายยยยยยยยยยยยยย


[มีต่อด้านล่างนะคะ]

หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่21:จอลลี่โคล่า[30/04/2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 30-04-2018 20:24:13
 

    หันหัวขวับไปกะเอาคนพูดให้ถึงตาย แต่ที่ไหนได้ไอ้คนที่พูดน่ะ มันแม่ไอ้แทน!!

    เหยดดดดดดดดดดดดดด

    ตายแหล่วๆๆๆๆๆๆๆๆ

    “คะ...คุณน้า” พูดอะไรออกไปรู้ตัวบ้างมั้ยครับ!!อยากตะโกนโวยวายลงไปดิ้นกับพื้นชักแหง่กๆ แต่ทำไม่ได้ กูยังตายไม่ได้ เพราะกูยังไม่มี...

    อีโน!!

    “ไอ้แทน มึงซื้ออีโนมามั้ย” พุ่งตัวเข้าไปหาไอ้หล่อ จับไหล่แล้วเขย่าอย่าง...บ้าคลั่ง...มันได้แต่ทำสายตางงๆส่งมาทางผม

    “ทะ...ท้องอืดเหรอพี่”

    “หน้าตากูดูเหมือนคนปวดตดมั้ยวะ”

    “ไม่รู้ดิ”

    “...”

    “รู้แต่ว่าน่ารัก”

    “!!!”

    สัด!ชมกูไม่ดูสถานการณ์ แต่ทำไมกูหน้าร้อน ตัวร้อน ตูดร้อน หัวร้อน ไปหมดเลยวะ โอเคกูโกรธ กูลงความเห็นเลยว่ากูกำลังโกรธมันที่ไม่รู้จักกาลเทศะ

    “น่ารักบ้านพ่องดิ”

    “อ้าว พูดให้มันดีดี บ้านพ่อพี่ก็พ่อผมนะ”

    “ใครว่ากูพ่อมึง”

    อึก...

    ฉิบหายแล้ว

    เสียงพ่อกูเองครับ อยากบอกกูไม่ชอบหนังสยองขวัญ แต่พ่อกูที่อยู่ข้างหลังมันยิ่งกว่าเจสันหลุดจากจออีกอ่ะ

    “ใจเย็นสิคะคุณ อย่าพึ่งขึ้นเสียงสิ” คุณนายศศิประภารีบเอาน้ำเย็นเข้าลูบร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างกาย พลางชายตามองมาทางคนบ้านเกียรติไพศาล ก่อนกล่าวถาม “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ ดิฉันงงไปหมดแล้ว”

    “มาถึงขั้นนี้แล้ว พูดมันให้เคลียร์ไปเลยดีกว่าค่ะ” คนที่ดูใจเย็นที่สุดเห็นจะเป็นน้านภาลัยคนที่กล่าวปราศัยเปิดเผยความจริงกับทุกคน เธอปิดเปลือกตารอบนึง ก่อนจ้องตรงมาทางคนบ้านเวชสกุล แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “ลูกคุณกับลูกดิฉัน ทั้งสองคนกำลังคบกันอยู่ค่ะ”

    เชร้ดดดดดดดด

    “แม่เห็นท่าทีมานานแล้ว เหมือนพ่อกับแม่ของเราจะยังไม่รู้ อย่างนี้แสดงว่าแอบคบกันโดยไม่บอกผู้ใหญ่สินะ ได้ยังไง ขนาดแม่ยังรับรู้การมีตัวตนของเราเลย แม่ไม่ยอมให้มาคบกับลูกแทนแบบหลบๆซ่อนๆหรอก มันเหมือนไม่ให้เกียรติกัน” ผมเหมือนโดนรัวปืนกลซ้ำๆย้ำตรงที่เดิม ถ้าจะทำกันขนาดนี้แล้วเอามีดมาแทงผมเลยดีกว่าครับคุณน้า

    ผมเลิกสนใจคุณน้านภาลัยแล้วหันไปลอบมองปฏิกิริยาของแม่ผม...ซึ่งเล่นเอาใจหล่น...ไปถึงตาตุ่ม

    แม่ส่ายหัวเบาๆ ก่อนผินหน้าไปทางคุณชลาศัย ยกมือที่ไร้เรี่ยวแรงแตะไปยังต้นแขนพ่อผมแบบเบาหวิวในความรู้สึก

    “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ” เสียงผะแผ่วของผู้เป็นแม่กำลังเค้นหาความจริงจากผู้เป็นพ่อ

    “จะอะไรซะอีกล่ะ ไอ้เผือกลูกเรา มันมีลับลมคมในกับไอ้เด็กนั่น” คุณชลาศัยให้คำตอบพร้อมบุ้ยปากมาทางไอ้แทน

    “ไม่จริง” ใช่ไม่จริงครับ แม่อย่าไปฟังป๊านะ ป๊าเขาแค่อยากจะลงโทษผมที่ห่างจากบ้านมานานเท่านั้นเอง

    “ผมเห็นตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้านแล้ว รองเท้าที่ไอ้เผือกใส่มันเขียนคำว่า ‘สะใภ้’ ตัวเบ้อเริ่ม”

    อึก...ทำไมกูไม่เข้าบ้านคนสุดท้ายเมื่อกี้นี้วะ ทำไมต้องให้คุณชลาศัยมาเห็นอะไรที่อัปยศอดสูขนาดนี้ได้ ฮือ กูอยากตาย

    “ถึงยังไง พวกเราอยากให้พวกคุณรับรู้ไว้ถึงความสัมพันธ์ของลูกชายพวกเรา” แม่ไอ้แทนซ้ำอีกครั้งเหมือนเอาเกลือมาย้ำตรงแผลสด

    “จริงเหรอเนี่ย...”

    “...”

    “นี่แม่กำลัง...”  คุณนายศศิประภาย่นคิ้ว อ้าปากค้าง ใบหน้าเหมือนพร้อมจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ จนผมแม่งอยากไถลตัวไปกอดแม่ใจแทบขาด ไม่เอานะ แม่อย่าร้อง ผมจะร้องตาม อย่า

    “...”

    “จะได้ลูกเขยเหรอเนี่ย”

    สึด!!!กูน้ำตาไหลพรากเลย สงสารตัวเอง

    “ถึงคุณจะดีใจแค่ไหน แต่ผมยังไม่ยอมรับหรอกนะ” จู่ๆกูก็รักพ่อขึ้นมาในบัดดล ไม่มีใครเข้าใจผมได้เท่าคุณชลาศัยแล้ว ผมสาบานได้ “ลูกใคร ใครก็หวง ไอ้เผือกผมเลี้ยงมากับมือ เติบโตมาด้วยลำแข้ง กว่าจะออกมาเป็นหนุ่มรูปงามผิวพรรณดี ตัวขาวขนาดนี้รู้มั้ยว่าหมดต้นทุนเป็นเหล้าขาวสมุทรสาครไปกี่ลัง”

    หักเหลี่ยมสุดๆ นี่พ่อกูมามุกไหน แล้วนี่มันอะไร กูโตมาด้วยข้าวไทยว่ะ ภูมิใจฉิบหาย เรื่องราวเปลี่ยนกลายเป็นหนังคนละม้วน ขนาดไอ้แทนที่นั่งตัวเกร็งอยู่ข้างๆ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเบาๆจนผมรู้สึก

    “สัด มึงหัวเราะทำไมวะ”

    “พ่อพี่นี่น่ารักดีเนอะ”

    “น่ารักบ้าบออะไร เงียบแล้วก็หุบปากเดี๋ยวนี้เลย”

    “หึงเหรอ ที่ผมชมคนอื่น”

    “หึงบ้านมึงดิ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอก สำหรับผม ยังไงพี่ก็น่ารักที่สุด”

    ...ตึก...

    เอาอีกแล้วโว้ย ใจสั่นไม่ดูสถานการณ์ ใจสั่นไม่ดูตาม้าตาเรือ ใจสั่นเชี่ยๆแบบไม่ปรึกษาสัญญาณชีพกูใดใด ผมยกมือขึ้นมากำอกข้างซ้ายซึ่งตรงกับหัวใจแล้วสั่งให้มันหยุด

    “ผมชอบพี่นะ”

    “...” หยุดดิ

    “ชอบ ชอบมาก”

    “...” หยุดซะทีเหอะ

    “ชอบแบบไม่รู้จะรักใครได้อีกแล้ว”

    “มึงหยุดทีเถอะไอ้แทน”

    “ทำไมล่ะ”

    “ใจกูจะไม่ไหวแล้ว”

    “กูก็จะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน” ประโยคสุดท้ายมันไม่ใช่เสียงผม ผมหันหัวขวับไปมองตามทิศทางการมาของเสียง เชี่ยเอ๊ย นั่งหน้าขมึงตึงอยู่นั่น พ่อกูไงล่ะจะใครซะอีก “ไอ้เผือก มึงมานี่” เสียงสั่งไม่ถึงขั้นตวาด แต่ผมรู้ตัวดีเลยว่าถ้าไม่ทำตามดวงถึงฆาตแน่ๆ เลยต้องขยับตูดใส่เกียร์ถอยหลังไปนั่งคั่นกลางระหว่างคู่สามีภรรยาเวชสกุล

    “...” แทบกลั้นหายใจ ไม่รู้ว่าถ้าปล่อยเสียงตดหรือเรอไปจะทำให้ถึงตายรึเปล่า

    “บอกตามตรง ผมไม่ได้กีดกันเรื่องที่ลูกชายของพวกเราจะคบกัน”

    “...”

    “ไม่เคยคิดจะเหยียดเพศ”

    “...”

    “ถ้าลูกต้องการอะไร แล้วเป็นสิ่งที่ดีไม่ก่อโทษให้กับคนอื่น ผมก็พร้อมจะตามใจแกทุกอย่าง”

    “...”

    “แต่ที่ผมติดใจอยู่ตอนนี้ คือผมยังไม่รู้จักลูกชายของพวกคุณดีพอ และที่สำคัญ ผมอยากได้ยินจากปากลูกชายผมโดยตรงว่า...”

    ผมเห็นสายตาของพ่อมองมาทางผม เลยได้แต่เอียงคอส่งสายตาตอบกลับไปอย่างงงๆ

    “มึงรักผู้ชายคนนี้จริงรึเปล่า”

    ไอ้เหี้ย งานเข้า

    คุณชลาศัยเล่นกูแล้วไง รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่มีทางพูดเรื่องน่าอายอย่างนั้นต่อหน้าชาวบ้านแท้ๆแต่ก็ยังคาดคั้นให้พูดออกมา จุดอ่อนหนึ่งเดียวที่มีตลอดมาของผมคือคุณชลาศัย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เหมือนจะโดนเดาใจถูกไปเสียหมด พ่อคงรู้ตามเซ้นส์ เพราะถ้าเป็นตามปกติ ผมคงดับเครื่องชนไปแล้ว แต่ความไม่มั่นใจในตัวอีกฝ่ายมันมากเกินกว่าที่ผมจะหน้าด้านพูดออกไป ใช่...ผมไม่มั่นใจกับตลอดช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ผมได้ยิน ได้เผชิญ ได้เห็น และรับรู้

    ว่าอีกฝ่ายยังคงให้ความสำคัญกับโทรศัพท์สายเดิม กับคนเดิมๆเสมอ...คนที่ชื่อว่ามายด์

    ตั้งแต่ตอนนั้นที่ผมบังเอิญเหลือบไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของอีกฝ่าย ผมก็ได้แต่ย้ำกับตัวเองว่าอย่าได้ใจไป ทุกอย่างที่ไอ้แทนทำมันก็แค่หยอกผมเล่น ไม่มีความคิดลึกซึ้งใดใด พอเจอตัวแม็ค ทุกอย่างก็คงกลับมาเหมือนเดิม กลับไปเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องต่างคณะ หรืออาจจะถึงขั้นกลายเป็นคนไม่รู้จักกันไปเลยก็ได้

    ผมนิ่งไปนาน ไม่รับรู้เลยว่าเวลาผ่านไปกี่นาที จนกระทั่งเสียงของพ่อฉุดให้ผมหลุดจากภวังค์

    “กลับบ้านกันเถอะ”

    “หา?” ผมหน้าตาตื่น หัวหมุนงุนงงสับสนกับหลายๆเรื่องที่ไปไวจนตามไม่ทัน

    “ผมขอตัวก่อนนะครับ” คุณชลาศัยกล่าวลาพ่อแม่ของอีกฝ่าย พลางจับแขนผมให้ลุกขึ้นแล้วเดินตามไปจนถึงทางออกจากบ้านหลังนี้

    เหมือนราวกับว่าจะไม่มีวันได้กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก...

 

 

 

 

 

    เป็นอย่างที่คิดไว้ ผมโดนคุณชลาศัยกักบริเวณ ไม่ให้มาที่บ้านไอ้แทนอีกเป็นครั้งที่สอง ชีวิตจากที่เคยอยู่หอกลับต้องย้ายมาอยู่บ้าน

    ‘จนกว่าจะคิดตก ห้ามออกจากบ้านไปไหนยกเว้นมหาวิทยาลัย’

    พ่อผมประกาศกร้าวไว้เช่นนั้น พร้อมเตรียมทุกอย่างไว้ครบครัน ตั้งแต่รถยนต์รับส่ง ยันคนขับที่ควบหน้าที่สังเกตการณ์ผม และมือถือใหม่แทนน้องไอโฟนที่แตกร้าว...ซัมซุงฮีโร่...โก้เก๋เอ่าะ!

    ชีวิตที่ไร้ไลน์ อินสตาแกรม เฟสบุค โซเซียลเน็ตเวิร์ค มันก็ดีระดับหนึ่ง ไม่ถูกสภาพแวดล้อมมาทำให้อารมณ์แปรปรวนเสียเท่าไร แต่มันก็เหงายังไงพิกล

    “พ่อมึงเนี่ยเจ๋งว่ะ” ไอ้เดย์ที่นั่งอยู่ข้างๆผมมันโพล่งขึ้นมา ผมลืมไปว่าป๊าผมแม่งเป็นไอดอลนัมเบอร์วันของมัน

    “ชอบนักกูยกให้”

    “ไม่เป็นไร เสี่ยอู๊ดยังเลี้ยงกูไหว” มันยกมือขึ้นปัดๆปฏิเสธเสร็จก็หันกลับไปจ้วงขนมจอลลี่โคล่าที่ซื้อมากินแก้ง่วงระหว่างเรียนต่อ

    “มึงนี่ ยังชอบกินของหวานๆไม่เปลี่ยนเลยนะ” มันหยุดไอ้ขนมจิ๋วที่รูปร่างคล้ายขวดโซดาคาไว้ที่ปากแล้วหันมามองหน้า

    “มันติดเป็นนิสัยแล้วว่ะ มึงเอาป่ะ” คิดไงเอาไอ้อันเดียวกับที่มึงเกือบจิ้มเข้าปากมายื่นให้กูวะ

    “ไม่เอา” ผมสะบัดหน้าหนี แต่แม่งเสือกล็อคท้ายทอยแล้วฝืนยัดเข้ามาในปากผม “ไอ้เชี่ยเดย์ โอ้ยแม่งเปรี้ยวฉิบ!” จะถุยออกตรงนี้แม่งก็ไม่รู้จะเอาไปปาหัวหมาที่ไหน เลยจำใจฝืนอมต่อไป ขนมบ้าอะไรวะโคตรเปรี้ยว

    “ชีวิตรัก มันก็เหมือนขนมจอลลี่โคล่านี่แหละ มีหวานก็ต้องมีเปรี้ยวมันถึงจะสมดุลกลมกลืน”

    แต่ตอนนี้กูกลืนไม่ลงเฟ้ย!

    “ถ้ามึงทนกับความเปรี้ยวนี้ได้ สุดท้ายมึงก็จะได้เจอกับความหวานที่มึงพึงใจ”

    “...”

    “ตอนนี้มึงก็แค่ต้องมาเจอกับอะไรที่เปรี้ยวเข็ดฟัน ถึงกับขั้นทำให้มึงอยากบ้วนทิ้ง”

    “...”

    “แต่ถ้ามึงอดทน กูเชื่อว่ามึงต้องได้ลิ้มรสความอร่อยของจอลลี่โคล่าที่มึงต้องการ” เออจริงของมัน ตอนนี้ขนมในปากผมมันเริ่มมีรสหวานกลิ่นโคล่าแทรกซึมชึ้นมาแล้ว

    “ไอ้เดย์”

    “ว่า”

    “แต่ถ้ากูอมไปจนสุดทางแล้วกูยังไม่เจอความหวานของมันล่ะวะ กูต้องทำยังไง”

    “มึงอย่าแค่อมดิ มึงเลียด้วย เลียให้มากๆเข้าไว เลียไปจนกว่าน้ำจะแตก”

    “สัด” กูอุตส่าห์จริงจัง แม่งเสือกวนกลับเข้าเรื่องใต้สะดือซะงั้น

    “แหม คุณไทม์อย่าโมโหไปดิครับ กูก็แค่ล้อเล่น ถ้าอมๆไปแล้วไม่หวาน ถึงเวลานั้นมึงบ้วนทิ้งก็สิ้นเรื่อง ถึงจะเสียดายตังค์ที่ซื้อมาก็เหอะ แต่ดีกว่าทรมานอมมันต่อไปเปล่าวะ”

    “จริงของมึง” ถ้ารู้ว่าไม่มีทางไปต่อผมก็ควรจะยอมถอยออกมาสินะ

    “เชี่ยไทม์ มีอะไรอยากเล่าให้กูฟังป่ะ” เพื่อนสนิทมันจ้องผมเหมือนอ่านอะไรบางอย่างออกทางสีหน้า

    “ไม่มีอ่ะ”

    “ไม่มีเหี้ยอะไร ดูหน้ามึงสลดยิ่งกว่ากบโดนเหยียบตีน อย่าให้กูต้องถึงขั้นยืมคันฉ่องปูเป้มาเลยนะ”

    “กูแค่คิด”

    “คิดอะไรของมึง”

    “คิดว่าถ้าจบเรื่องน้องฟ้า กูจะถอนตัวออกมา” ไอ้เดย์มันมองผมอย่างงงๆ แล้วถามต่อ

    “ทำไมวะ”

    “กูกำลังจะคายจอลลี่โคล่าที่มันไม่หวานทิ้งไง”

 

 

    ผมมีเวลาคุยกับไอ้เดย์เรื่องไอ้แม็คหลังจากนั้นไม่กี่นาทีก่อนออดเลิกจะดังขึ้น ทำให้รู้ว่าพี่เยนเลขาพ่อมันแม่งสุดยอด สืบไปจนได้ความว่าบ้านใหม่ไอ้แม็คตั้งอยู่ไหนในอเมริกา บ้านไอ้แม็คมันยังไม่ติดตั้งโทรศัพท์บ้าน เลยต้องลำบากขวนขวายส่งจดหมายไปแทน เนื้อความในจดหมายไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่น้องฟ้าท้อง มีแต่บอกให้ติดต่อกลับมาด่วน เพราะกลัวพ่อแม่มันตกใจหากเปิดจดหมายลูกเข้าให้โดยบังเอิญ

    ผมโทรไปเปิดโรมมิ่งนับตั้งแต่วันนั้น เฝ้ารอคอยสายของไอ้แม็คที่ไอ้เดย์มันบอกว่าเขียนเบอร์ติดต่อของผมไปแทบทุกวัน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีวี่แววใครโทรมา

    นี่มันจะผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้วนะ ไอ้ที่พี่เยนส่งแม่งอีเอ็มเอสหรือพิราบสื่อสารวะ

    “อะ” ซัมซุงฮีโร่ถูกยื่นส่งมาจากมือใหญ่ๆของคุณชลาศัย เรื่องนี้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันหลังกลับมาบ้านของผมไปซะแล้ว ที่ว่าจะต้องเอามือถือผมมาล้างบางข้อมูลการโทรเข้าออกรวมถึงข้อความห่าเหวทั้งหมดในแต่ละวัน คุณชลาศัยไม่อนุญาตให้ผมบันทึกเบอร์แปลกหน้าใดใดลงไปทั้งสิ้น ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าพ่อทำไปเพื่ออะไร “ช่วงนี้ทำไมติดมือถือ”

    “เปล่าหนิครับ”

    “เปล่าอะไร ปกติมึงไม่มายืนรอกูกดล้างมือถืออย่างนี้หรอก มีแต่จะกลับไปนอนเล่นที่ห้องให้กูเอาไปให้”

    “ผมอยากเล่นเกม” ศิษย์เก่าสุดหล่อแห่งอัสสัมฯเลิกคิ้ว

    “พีเอสโฟร์ในห้องก็มี”

    “บางครั้งคนเราก็อยากเล่นอะไรที่มันคลาสสิคบ้างเปล่าวะป๊า”

    “ไอ้เกมขนเพชรติงต๊องเนี่ยนะ”

    “ยิงเพชรโว้ย ยิงเพชร” กูต้องเผชิญกับหฤหรรษ์คำหรรษาอย่างนี้ต่อไปอีกนานเท่าไรวะเนี่ย มีพ่อเป็นคนเกรียนแถมมีเพื่อนเป็นไอ้เดย์ สงสัยได้เจอกันไปจนวันตาย

    “มึงโกรธกูมั้ยที่ทำแบบนี้” จู่ๆ พ่อกูก็เหมือนอยากเข้าโหมดดราม่า ผมมองตาคุณชลาศัยแล้วกล่าวตอบออกไปแบบไม่ต้องคิด

    “ไม่อ่ะ ผมเข้าใจ”

    “เข้าใจ? จริง?”

    “อืม” มองออกใช่มั้ยล่ะ ว่าผมกำลังลังเล ถึงได้ลากผมให้ออกห่างจากสิ่งเร้า ปล่อยให้ความคิดตกตะกอนตามกาลเวลา

    “กูมีมึงเป็นลูกคนเดียว”

    “...”

    “ถ้ามึงอยากได้อะไรกูให้ได้หมด ถ้าเป็นสิ่งที่มึงต้องการ”

    “...”

    “ขออย่างเดียวต้องไม่ใช่สิ่งที่ทำให้มึงเสียใจ” ถึงปากจะร้าย แต่พ่อกูโคตรใจดี เห็นอย่างนี้อาจมีคนคิดว่าผมถูกสปอยล์มาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เลย คุณชลาศัยแม่งโคตรเขี้ยว แม้กระทั่งตอนอายุต้นๆที่พอแดกเหล้าได้ ก็พาไปเข้าห้องดับจิตกรอกเหล้าจนรู้ลิมิตตัวเอง หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยดื่มเหล้าจนไปทำตัวเมาเละเทะที่ไหน

    ไหนจะตอนที่ดื้อลงไปดิ้นกับพื้นทุรนทุรายเพราะอยากได้เครื่องเกมพีเอสวิต้า คุณชลาศัยก็บอกให้แลกมากับเกรดสี่จุดศูนย์ศูนย์ตอนม.หนึ่ง ด้วยกุศโลบายอันแยบยลทำเอาเด็กโง่ๆอย่างผมเรียนจบออกมาด้วยเกรดสวยๆได้ ผมโคตรนับถือใจพ่อเลย

    “แล้วถ้าสิ่งที่ผมกำลังทำ มันทำให้ป๊าเสียใจล่ะ เป็นป๊า...ป๊าจะโกรธผมมั้ย” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดแบบนั้น แต่ผมรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ผมไม่อาจ...ตัดมันไปออกจากสมองได้

    คนเป็นพ่อนั่งนิ่งสบตาลูกชาย ระหว่างเราเหมือนกลายเป็นเดดแอร์ไปชั่วครู่ ผมไม่รู้ว่าพ่อคิดอะไรอยู่จึงได้แต่รอคอยคำตอบที่จะหลุดออกมาจากริมฝีปากคู่นั้น

    “ไม่โกรธ”

    “เฮ้ยจริงอ่ะ”

    “ไม่โกรธก็บ้าแล้ว มึงคิดว่ากูบ้าขนาดไม่โกรธมึงเลยเหรอวะ ไอ้เด็กเวร” สึด!! จากดราม่าพ่อกูขยี้จนเหลือแต่หนังนักเลงใต้ดินเลยว่ะ

    “โอ้ยป๊า ใจเย็นก่อนดิ”

    “มึงไปทำอะไรเชี่ยๆไว้มึงบอกกูมา” หันมาเค้นคอกูอีก

    “ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ยังไม่ได้ทำเลยผมสาบานได้” ยกมือสองข้างทำปรางค์ห้ามสมุทร ถอยหลังอุตลุดไปตั้งท่า โฮ้ย หอบแฮ่กเป็นหมาเลยกู กลัวพ่อจะชูตีนขึ้นลูบหน้า คุณชลาศัยยังไม่วางใจ ขมวดคิ้วเป็นปมอยู่พักให้เล่นเอาผมหายใจไม่ทั่วท้อง จนกระทั่งร่างสูงตรงหน้าผ่อนลมหายใจออกมา

    “ช่างเถอะ แต่มึงจำไว้นะว่าสิ่งที่ทำให้กูเสียใจมากที่สุด คือการที่มึงเสียใจ แต่ไม่ว่ายังไงกูก็จะอยู่ข้างมึงเสมอ”

    ผมเชื่อครับ...ว่าพ่อจะอยู่ข้างผมเสมอ...

 

    Rrrrrrrrrrrr

 

    ความซึ้งมาแบบระยะสั้น เพราะจู่ๆ ฮีโร่ในมือกูก็แผดเสียงออกมา ผมขมวดคิ้วมองเบอร์ประหลาดตรงหน้าแล้วกำลังจะกดรับ

    “เอามานี่” เออ กูลืมไปว่าพ่อกูคุมประพฤติอยู่ เลยต้องยอมจำนนยื่นให้อีกฝ่ายรับไป

    “สวัสดีครับ” สุภาพต่อคนนอกคือวิถีของคุณชลาศัยครับ ทีกับลูกต่างกันหน้ามือเป็นฝ่าตีน ผมยืนมองพ่อคุณพยักหน้ากับฮีโร่ซัมซุงของผมสองสามที ก่อนยื่นโทรศัพท์มาให้ “เพื่อนโทรมา”

    “ใครอ่ะ ไอ้เดย์เหรอ”

    “เปล่า มันบอกว่าชื่อแม็ค”



TBC

+++++++++++++++++++++++++++++++++++


คุณ B52 ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ค่า  :pig4: :mew1:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่21:จอลลี่โคล่า[30/04/2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-05-2018 23:25:37
เหมือยจะฮา แต่ำไมรุ้สึกถึงความมาม่า
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่22: ตัดใจซ้ำซาก[13/05/2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 13-05-2018 20:39:43
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 22 ตัดใจซ้ำซาก



[แทน สุรบถ]

 

            ...ก่อนที่ผมจะมาถึงจุดๆนี้ ผมผ่านการทดสอบหัวใจของตัวเองมานักต่อนัก...

            กับเด็กวัยรุ่นซึ่งอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ เอาแต่บ้าบาส ติดเพื่อน ขยันเรียนเพื่อให้เกรดดีไปวันๆ แต่นับจากที่ผมสบตากับอีกคนหนึ่งในวันนั้น โลกทั้งใบของผมมันก็เปลี่ยนไป

            ยอมรับว่าเคยเป็นแค่คนปกติที่เอาแต่เดินออกสื่อให้สาวทั้งในและนอกโรงเรียนได้ยืนกรี๊ดเล่นทุกครั้งที่เดินผ่าน แต่ก็ไม่เคยนึกจะใส่ใจพวกเธอเหล่านั้นจนถึงกับ...ใจสั่นได้ขนาดนี้ บอกแบบหน้าซื่อๆเลยว่าผมไม่เคยรู้จักความรักจนกระทั่งโตมาถึงขั้นเป็นเด็กม.ห้า

            มารู้ตัวอีกทียามช่วงเวลาเพียงแค่ห้าวินาทีที่สบตาอีกฝ่าย มันก็เหมือนกับมีสารเคมีบางอย่างในร่างกายผมเปลี่ยนไป หัวใจเต้นแบบแปลกๆขึ้นมาอย่างกะทันหัน ปลายนิ้วชื้นเหงื่อจนแทบทำของสำคัญหลุดจากมือ ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้แค่ว่าต้องการให้อีกฝ่ายสนใจ เลยร้องเรียกออกไปอย่างนั้น

            แปลกกับการที่เริ่มยึดติดกับอะไรบางอย่างของคนอีกคนนึง เรื่องราวในชีวิตเขาซึ่งไม่ค่อยเกี่ยวกับเราสักเท่าไร จะรู้สึกร่วมกันอย่างมากก็แค่วันที่พี่มันอัพบ่นเรื่องผลการเรียน แรงดึงดูดที่อีกฝ่ายมีคือสิ่งที่ผมหาคำตอบไม่ได้ รู้เพียงแต่นิ้วโป้งผมมันเกือบลั่นไปกดไลค์ทุกครั้งยามที่เห็นรอยยิ้มอันสดใสของพี่มันเด้งขึ้นมา

 

            ...ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเอง...

            อาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นหลังจากพบภาพของใครบางคนที่อีกฝ่ายนั้นสนิทสนม และทุกคนต่างชงให้เขาสองคน ‘ได้กัน’

            เขาเป็นคนทำให้ผมค้นพบความสุขและความทุกข์ใจไปพร้อมกัน

            ...เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้ แต่กลับยินดีที่ได้เจอ...

            และความย้อนแยงนั้นก็ส่งผลกระทบมายังเพื่อนผม ในวันที่ผมมัวแต่เดินวนอยู่หลังห้อง

 

            ‘มึงเอามา’

            เดินกลับมายังไม่ทันถึงโต๊ะประจำตัว เพื่อนสนิทที่นั่งข้างกันมาตั้งแต่ม.ต้นยันมัธยมหกก็ยืนมือมาอย่างกับกำลังขอส่วนบุญ ผมถึงกับกำสิ่งที่อยู่ในมือไว้แน่นตามสัญชาตญาณพลางซ่อนไว้เบื้องหลัง

            ‘มึงพูดเรื่องอะไรวะ’

            ‘กูรำคาญ’ มันยังไม่ยอมลดมือลง หน้านิ่งของมันไม่บ่งอารมณ์ตามที่พูดแต่เหมือนกำลังลองใจผมอยู่ กับเพื่อนเรื่องความลับไม่เคยมี แต่ก็ไม่เคยบอก แล้วยิ่งเป็นไอ้เสาร์ถึงไม่บอกมันก็มองออกอยู่ดี

            ‘มึงให้กูได้แค่สองทางจริงๆเหรอวะ’

            ‘กูก็ยกทางที่สามให้มึงแล้วไง’

            ‘...’ คือการที่มึงจะจัดการให้เนี่ยนะ

            ‘เออ กูไม่เดินไปหลังห้องแล้วก็ได้’ ปากแข็งไปมีแต่จะทำให้ใจอ่อนแอเปล่าๆ ผมหย่อนตัวลงนั่ง วางเจ้าก้อนสี่เหลี่ยมบูดเบี้ยวสีขาวลงบนโต๊ะอีกครั้งแล้วกลิ้งมันไปมา

            ‘มึงก็แค่หลง’ ไอ้เสาร์มันไม่สนับสนุนแต่ก็ไม่เคยคิดขัดอย่างเอาเป็นเอาตาย มันพยายามหยอดคำพูดวันละคำสองคำใส่เผื่อพอให้ใจผมนั้นกร่อนลงได้‘ลองเปิดตามองคนรอบข้างดูบ้าง’ เพื่อนคนนี้มันแอนตี้กับคำว่าเพศที่สาม ไม่รู้ไปโดนใครปลูกฝังให้จำฝังใจว่าเกิดมาเป็นชายไทยแท้ต้องคู่กับแม่หญิง

            จากวันนั้นผมเลยคิดจะลองเชื่อคำพูดเพื่อนสักครั้งโดยการ ‘มองคนรอบข้าง’ บ้าง และสุดท้าย ‘มายด์’ ก็ได้เข้ามาในชีวิตผม

            การตัดใจมันดูเหมือนไม่ยิ่งใหญ่ แต่ผมกำลังตัดใจจากอะไรล่ะ ทั้งที่ให้คำตอบไม่ได้แท้ๆ แต่กลับ...ทรมาน

            กว่าจะใจกล้านึกฮึดกดอันฟอลอีกคนเพื่อตามไปรับไปส่งอีกคนได้ มันลำบากยากเย็นขนาดไหน ผมยังจำวันนั้นได้ดี

 

            ผมเริ่มต้นคบกับมายด์ตั้งแต่ช่วงต้นของม.หก มายด์เป็นฝ่ายเข้ามาหาผมก่อน เธอเป็นผู้หญิงเรียบร้อยน่ารักตรงตามสเป็คผู้ชายทุกประการ เพื่อนๆมีแต่บ่นอิจฉาผมว่าได้นางในฝันของใครหลายๆคนมาครอง การคบกันของพวกเรานั้นราบรื่น ไม่ได้หวือหวาอะไร จะมีก็แต่เพื่อนมาแซวบ้างเป็นบางระยะ มายด์ไม่เคยทำให้ผมขัดใจ เธอวางตัวดีทุกอย่าง ราวกับคุณหนูผู้มาจากตระกูลอันสูงศักดิ์ ส่วนผมก็สนองกลับด้วยการเป็นแบบอย่างแฟนที่ดี ไม่เจ้าชู้ ไม่รุ่มร่าม ไม่เคยทำให้มายด์เสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยการล่วงเกินใดใด ผมพยายามรักษาระยะห่างของเราเอาไว้

            แต่เพื่ออะไรล่ะ?

            ‘มายด์รู้สึกเหมือนแทนมีใครอยู่ในใจ’

            คำพูดนั้นกระแทกความรู้สึกผมอย่างจัง ทั้งที่เธอควรเป็นคนที่ผมรัก แต่ในใจผมกลับเรียกร้องบางอย่างที่ขาดหาย บางอย่างซึ่งเป็นภาพลางๆ คลุมเครือ ไม่ชัดเจน และยังคงขมุกขมัวในความรู้สึก ความเฉยชาทำให้เราสองคนไปกันไม่รอด

            ‘เราเลิกกันเถอะ’ ผมไม่ใจกล้าพอที่จะบอกเลิกกับเธอก่อน แต่เธอก็เลือกที่จะเป็นคนเดินจากผมไป ผมคงดูใจร้ายมากในสายตาของเธอ กับคนที่ไม่เคยทำตัวเลวร้าย แต่ก็ไม่เคยทำตัวให้สมกับเป็นคนรัก

            เราจบกันอย่างเข้าใจกัน และเธอก็ยังติดต่อมาหาผมอยู่เรื่อยๆ แต่เป็นในฐานะเพื่อนที่ดีที่คอยให้คำปรึกษากันและกัน หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยคบใครอีก จนเพื่อนๆหลายคนเข้าใจผิดคิดไปเองว่าผมยังตัดใจจากมายด์ไม่ได้ ทั้งที่จริงๆแล้วในหัวผมยังหลงเหลือความทรงจำของใครอีกคน ที่ต่อให้ใช้เจ้ายางลบก้อนสี่เหลี่ยมบูดเบี้ยวอันนั้นลบ ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางออก...

            ความคิดมักมีแรงดึงดูดเสมอ ใครสอนไว้อย่างนี้วะ เออช่างมันเถอะ แต่ที่แน่ๆไอ้ความรู้สึกที่เฝ้าคิดถึงพี่ไทม์ทุกวันมันสำแดงฤทธิ์ตั้งแต่วันที่อยากจะเมากรึ่มๆ ดื่มเหล้าอ่านหนังสือช่วงกลางสอบมิดเทอม ใช่...ในที่สุดผมก็ได้เจอพี่ไทม์

            พี่ไทม์ตัวจริงเป็นคนตลก มักจะโวยวายเป็นเด็กๆทุกครั้งที่ผมทำอะไรขัดใจ แต่ไม่ใช่ความงี่เง่า เพราะงั้นมันถึงทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ แต่จะแปลกมั้ยถ้าผมจะบอกพี่เขาไปว่ายังจำเรื่องยางลบของเราได้อยู่

            ทันทีที่บอกปัดผมรู้ตัวเลยว่าคิดผิด ความผิดหวังในแววตากลมใสและการโดนตะโกนตัดพ้อใส่กลางแสกหน้า ทำให้ผมต้องใจกล้าขับรถมาคว้าตัวรุ่นพี่คนดังแห่งเศรษฐศาสตร์จากใต้ถุนคณะไปทานข้าว หากแต่ความป๊อดที่ไม่มีวันสิ้นสุดของผมกลับทำให้ปากพล่อยตัดสินใจบอกพี่ไทม์ออกไปว่าไม่ใช่คนนั้น เพียงแค่หวังจะรีเซ็ตความทรงจำเกี่ยวกับตัวผมเสียใหม่ แล้วสุดท้ายพอคู่แข่งอย่างพี่โชปรากฏตัว...

            ...ทุกอย่างก็...พังไม่เป็นท่า...

            กะจะตะล่อมจีบเบาๆ ไม่ให้ไก่ตื่น เพราะกลัวพี่ไทม์ตั้งแง่รังเกียจถ้าอีกฝ่ายไม่เคยคิดคบกับผู้ชาย ที่ไหนได้ผมกลับทิ้งระเบิดลูกแรกโดยการจูบแสดงความเป็นเจ้าของเย้ยคู่แข่งซะงั้น

            ในหัวตอนนั้นผมเอาแต่คิดว่ามันเป็นใครกันวะถึงมาทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของพี่เขาได้ หรือว่าเป็นแฟน แต่ไอ้ท่าทีที่กลัวอย่างกับลูกหมาหางหดเนี่ยมันยังไง โอ๊ยช่างแม่ง ไม่สนใจแล้ว ในเมื่ออยากเป็นเจ้าของนัก ผมก็จะทำให้รู้ว่าผมแม่งเหนือกว่าไอ้บ้านี่เป็นสิบเป็นล้านเท่า แต่ต้องทำยังไงล่ะ...

            ผมจ้องหน้าพี่ไทม์เงียบๆ สายตานั้นเอาแต่มองไอ้เชี่ยนั่นไม่วางตา สนใจผมหน่อยสิ มองมาทางนี้ ถ้าอยากให้ผมช่วยก็มองมา...จนแล้วจนรอดพี่มันก็ไม่ยอมมองมา หงุดหงิดฉิบหาย ผมเลยเรียกร้องความสนใจด้วยการ...จูบพี่มันซะเลย...

            ปากพี่ไทม์เห็นหมาๆ อย่างนั้นแต่นุ่มนิ่มเกินคำบรรยาย ผมฉวยโอกาสชิมรสอยู่นานสองนาน อยากจะชำแรกแทรกลิ้นเข้าไปให้จูบนี้มันลึกซึ้งกว่าเดิม แต่ท่าทางอึดอัดเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจของอีกฝ่ายมันทำให้ผมได้สติ เลยกระซิบต่อชีวิตให้พี่มัน

            ‘หายใจทางจมูก’

            ดีมาก...ใช่...อย่างนั้นแหละ

            ผมจะได้ทำต่อ...ผมลืมไอ้เชี่ยนั่นไปเลยจนกระทั่งแรงหมัดลุ่นๆแล่นเข้ามากระแทกใบหน้า โดนต่อยแต่ก็คุ้มค่า แถมร่างบางๆอย่างพี่ไทม์ยังเอาตัวมาปกป้องผมเสียอีก อย่างนี้ไม่ต้องบอกแล้วล่ะว่าเจ้าตัวอยู่ฝ่ายไหน

            อยากจะดึงตัวคนข้างหน้าลงมากอด แล้วหอมแก้มสักทีสองทีเป็นรางวัลที่ทำให้ผมประทับใจ

            ...อ้าว ไม่ทันซะแล้ว...

            ท่าทางร่างกายผมมันจะฟังหัวใจที่ร่ำร้องมากกว่าการสั่งจากสมอง ถึงได้ขยับไปกอดคอหอมแก้มนิ่มๆนั่นทันที ทั้งที่ตัวเล็กกว่าไอ้คนหาเรื่อง แต่พี่ไทม์ยังใจกล้ามายืนขวาง หนำซ้ำยังลากผมให้เดินตามไปอีก บอกเลยถ้าปล่อยให้ยืนต่อตรงนั้นไม่เหลือ ได้มีบวกกันซักตั้งจนกว่าจะล้มไปข้างนึงแน่

            หลังจากนั้นผมก็โดนไล่ออกจากห้องในข้อหาแหย่พี่ไทม์มากเกินไป หรืออาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเริ่มกลัวผมเหมือนกับพี่โชที่รุกหนักตั้งท่าจีบพี่มันซะแล้ววะ เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับชาติของผม ไม่อยากให้จบลงแบบที่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ ผมรีบสานสัมพันธ์ต่อด้วยการขอหนังสือเรียน เพียรบอกตัวเองว่าใจเย็นๆอย่าเพิ่งรีบร้อน ตอนนี้ทุกอย่างจงทำเพื่อน้อง...น้องชายที่ติดอยู่กับตัวผมเนี่ยแหละครับ...

            เอาล่ะก่อนที่เรื่องจะตัดไปสิบแปดบวก ผมก็ได้มีโอกาสเลี้ยงน้ำ ส่วนพี่ไทม์ก็เลี้ยงข้าวผม วันนั้นคะน้าหมูกรอบหวานมาก หวานจนผมเผลอยิ้มออกมา ไอ้เสาร์มันคิดว่าผมบ้า แต่ผมไม่ได้บ้าหรอก ผมรู้สึกได้เลยว่าผมเริ่มจะจริงจังกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดอย่างในวันนั้นตอนที่ผมยอมสละนัดกับยัยฟ้าเพื่อจะมาหาพี่มันเพียงเพราะข้อความสั้นๆของพี่เดย์

            คนที่หวงน้องเข้าขั้นโคม่าอย่างผมกลับยอมผละออกไป แถมยังขัดใจกับการถูกพี่ไทม์มองเหมือนเป็นเด็ก ห้ามกินเหล้ากินเบียร์ทุกสิ่งอัน เลยแสดงความดื้อรั้นบอกสั่งแอลกอฮอล์ออกไปทั้งๆที่คอไม่แข็ง ทิฐิมันแย้งกับความรู้สึกอยากปกป้องคนข้างกายให้พ้นจากสายตาลามเลียของไอ้เชี่ยพี่โช ความลำบากเลยไปตกกับเพื่อนผมที่ต้องแบกรับภาระชิ้นโตอย่างพี่เดย์กลับหอ โทษทีว่ะไอ้เสาร์แต่เพื่อนมึงคนนี้รู้ใจตัวเองดีแล้ว และไม่พร้อมจะปล่อยมือคนตรงหน้าให้ใครหน้าไหนอีก

            โทรศัพท์ประหลาดดังขึ้นมาตอนผมตั้งใจว่าจะโทรไปหาอีกฝ่าย หนังสือพี่บั๊คถ้าไม่อยากให้ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าให้ผมมายืนรอหน้าหอคอยเก้อแบบนี้จะได้มั้ย หน้าจอปรากฏชื่อพี่ไทม์ทำให้ผมคลายความหงุดหงิดลงได้บ้าง แต่พอรับสายอีกฝ่ายกลับเหมือนกำลังสนทนากับใครอีกคนซึ่งผมจำเสียงได้...ไอ้เชี่ยพี่โช ทำไมมันถึงอยู่กับพี่ไทม์ได้วะ ได้ยินชื่อร้านจากปากพี่ไทม์ผมไม่รอช้ารีบเสิร์ชหาแล้วบึ่งรถไปจุดหมายปลายทางทันที

            ถึงไม่รู้สายสนกลในว่าฟ้ามาอยู่กับพี่โชได้ยังไง แต่พี่ไทม์ที่พยายามมาช่วยน้องผมจนเกือบโดนไอ้เชี่ยนั่นทำมิดีมิร้ายเล่นเอาผมปรอทแตก อยากจะทำให้ไอ้บ้านั่นมันหายไปจากโลกนี้ มึงมีสิทธิ์อะไรมาทำพี่ไทม์ของกูวะ เชี่ยเอ้ย...เออ ผมเด็ก ผมขาดสติ ยอมรับ แต่มันสมควรแล้วที่จะโดนอย่างนี้รวมถึงสิ่งที่มันทำกับน้องผมด้วย

            ความสงสัยของผมเริ่มทวีคูณเป็นสิบเท่า จนต้องเอ่ยปากบอกพี่ไทม์ให้ช่วยตามสืบเรื่องฟ้า แต่จุดจบคือการที่โดนพี่ไทม์หลบหน้าไปหลายวัน โซ่ทองคล้องใจพวกเราหลังจากนั้นคือน้องมินสายรหัสพี่ไทม์ ผมเดินเกมส์ไปตามคำบอกเล่าทางไอจี จนเรื่องราวทวีความวุ่นวายมากขึ้นเมื่อผมรู้ว่า...น้องสาวผมท้อง

            แน่ล่ะอย่างแรกคืองงที่พี่ไทม์โดนจับมาเป็นพ่อเด็กแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย อย่างที่สองคือไม่เชื่อและอยากจะรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงกันแน่ ผมเลยพยายามแยกพี่ไทม์ให้ออกห่างจากน้องเพื่อจะได้สะดวกเวลาถาม แต่ทว่า...เจ้าตัวไม่ยอมไป แถมยังยอมรับอีกว่าเป็นคนที่ทำให้ฟ้าท้อง...

            ความจริงปรากฏตอนที่ผมไปหาพี่ไทม์ถึงคลาสเรียน เหตุเพราะผมร้อนใจหลังจากที่ได้รู้ผลตรวจของฟ้าจากญาติสนิทที่เป็นหมอสูตินารีแพทย์ว่า ยัยตัวเล็กท้องได้สองเดือนกว่าแล้ว ซึ่งมันเกินกว่าที่เจ้าตัวบอกผมไปมาก คุณอาบอกว่าจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับตามที่สัญญากันไว้ แต่มันไม่ใช่ประเด็น เพราะเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือถ้าอาการของคนท้องเริ่มชัดเจนมากขึ้นเมื่อไรมันจะกลายเป็นอุปสรรคต่อการเรียน และสิ่งที่ใกล้เข้ามาคือผมต้องตามหาตัวคู่กรณีเพื่อมาเคลียร์ทุกอย่างให้เร็วขึ้น โดยที่ผมยังไม่สามารถง้างปากพี่ไทม์ให้คายความลับออกมาได้

            ทั้งที่กังวลเรื่องฟ้า แต่พอมาเจอเรื่องพี่ไทม์กับพี่เดย์ สมองผมเลยหยุดทำงาน ผมผละตัวให้ออกห่างจากพี่ไทม์มาเพื่อเตือนสติตัวเองว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาหงุดหงิด กะอีแค่การลุกขึ้นมายืนยันความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างคู่จิ้นเดย์ไทม์ตามคำเล่าขานของเด็กทั่วมหา’ลัย ผมจะหงุดหงิดไปเพื่ออะไร มันเป็นแค่ข่าวลือไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมพี่เดย์แม่งจะต้องทำท่าจริงจังขนาดนั้นด้วยวะ แถมยังดึงพี่ไทม์ไปหอมอีก โอ๊ย แม่งเว้ย อยากจะพังประตูคลาสเรียนให้รู้แล้วรู้รอด ผมไม่เคยงอนใคร จะมีก็แต่พี่ไทม์เนี่ยแหละที่ทำให้ผมงอนได้งอนดีแถมไม่เคยมีมาง้อ...อ้าวโทรศัพท์ดัง พี่ไทม์นี่หว่า ผมเพิ่งบ่นไปว่าไม่ง้อแล้วทำไมถึงโทรมาล่ะว่ะ คนอะไรโลเลฉิบหาย กดตัดสายแม่งเลย

            คิดว่าจะหนีพ้นไปทำให้หัวหายร้อนได้ แต่เสียงตะโกนของพี่มันกับข้าวของที่ตกกระจายลงพื้นเสียงดัง  ทำให้ผมต้องเร่งรุดไปหาเจ้าตัวด้วยความเป็นห่วง พี่เดย์แม่งหายหัวไปไหนซะล่ะทำไมไม่มาช่วย ผมหงุดหงิดและประชดอยู่ในใจ จนพออีกฝ่ายสารภาพเรื่องพี่แม็คแฟนยัยตัวเล็กออกมาทั้งหมดผมเลยใส่อารมณ์ไปไม่ยั้ง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เล่นเอาคนตรงหน้าถึงกับน้ำตารื้น โอ๊ยผมทำอะไรลงไปวะเนี่ย เด็กชะมัดเลยกู หงุดหงิดพี่เดย์แต่อย่ามาลงกับพี่ไทม์ดิวะ ผมควรจะรู้ว่าคนตรงหน้าห่วงผมแค่ไหนถึงขนาดวิ่งไล่ตามออกมาทั้งที่อยู่ในคลาสเรียนอาจารย์ศราวุธ

            สีหน้าคนตรงหน้าไม่สู้ดีเอามากๆหลังจากผ่านการอ้วกมาถึงสองครั้ง ผมเหมาว่าพี่ไทม์แพ้ท้องแทนน้องผม อาการแพ้ท้องแทนกันเขาว่ากันว่ามาจากความเครียดที่อีกฝ่ายกำลังจะได้เป็นพ่อเด็ก แต่ในตอนนี้พี่ไทม์อาจจะกำลังเครียดเรื่องที่เพื่อนตัวเองหายไปเสียมากกว่า เพราะหลังจากกินข้าวต้มปลาฝีมือผมเสร็จเจ้าตัวก็เข้าสู้โหมดเงียบไม่พูดไม่จา ทำเอาผมกระวนกระวายใจ

            ผมพึ่งรู้ว่าพี่ไทม์แปลกไปอย่างชัดเจนก็ตอนที่อีกฝ่ายเอาแต่อ้อนกอดผม คนนะครับไม่ใช่พระอิฐพระปูน มีคนที่ชอบมาอ้อนกอดขนาดนี้แถมเสื้อผ้าที่มีติดตัวยังน้อยชิ้นจะไม่ให้ผมอารมณ์เตลิดไปได้ยังไง ผมพยายามหักห้ามใจอยู่หลายครั้งแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ร่างกายของคนตรงหน้า ร่างกายที่ผมโหยหาในห้วงคนึงทุกครั้งและเผลอใช้จินตนาการนั้นปลดปล่อยตัวเองอยู่ร่ำไป ในที่สุดผมก็ได้ลูบไล้สัมผัสเนื้อแท้ของอีกฝ่าย ความรู้สึกอยากได้มันมีอยู่เต็มเปี่ยม อยากทำให้อีกฝ่ายรัก อยากสัมผัสลึกซึ้งมากกว่านี้ ดูเหมือนผมจะล้อเล่นแต่ถ้าตอนนั้นผมไม่กัดฟันห้ามตัวเองเอาไว้ ผมคงชำแรกแทรกกายเข้าไปแล้วทำให้พี่ไทม์เป็นของผมไปตั้งแต่คืนนั้น

            เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการนึกเป็นห่วงภรรยา เอ๊ย เป็นห่วงพี่ไทม์ที่ดูเหมือนอาการจะไม่ดีมาตั้งแต่เมื่อวาน เลยจัดการเอาเสื้อผ้ามาสวมให้แล้วออกไปซื้อข้าวให้อีกฝ่ายทาน ผมลังเลอยู่นานว่าจะซื้ออะไร ที่เจ้าตัวกินแล้วสบายท้อง ทานง่าย และมีประโยชน์กับลูกของเรา...ผมตบหน้าตัวเองกลางตลาด จนแม่ค้าทุกร้านหันมามอง จะบ้าเหรอคนที่ท้องนั่นมันน้องมึงต่างหาก หลังจากเถียงกับตัวเองอยู่นานผมก็ตัดสินใจได้ เมื่อซื้อข้าวของเสร็จจึงย้ายตัวเองกลับมาที่คอนโด แต่ใครจะรู้ว่าหายนะมันกำลังจะเกิดขึ้นจากนี้ไปต่างหาก...

            พ่อแม่ผมมาหาแบบไม่แจ้งล่วงหน้า แล้วสภาพที่ผมเห็นก็ไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเป็นการพบกันที่ดีระหว่างสองฝ่าย ในเมื่อพ่อผมกำลังจะง้างหมัดต่อยพี่ไทม์ เชี่ยแล้ว ผมปราดเข้าไปขวางกลางวงจนคนเป็นพ่อสงสัย จนในที่สุดผมก็ต้องปล่อยไม้ตายออกไปว่าคนนี้ไงที่เป็น(ว่าที่)แฟนผม

            ผมคิดแล้ว ผมถึงพูด คิดตั้งแต่วินาทีที่รู้สึกดีๆกับพี่ไทม์ ผมวางแผนล่วงหน้ามาตั้งปีกว่าโดยการแอบถามพ่อแม่ทุกครั้งที่มีข่าวคู่รักชายชายแต่งงานกันตามสื่อ ว่าถ้าป๊ากับม้าเป็นพ่อแม่เขาจะรู้สึกอย่างไร คำตอบของท่านทั้งสองทำให้ผมซึ้งใจกับความเป็นพ่อเป็นแม่ เพราะทำให้เรารู้ว่าต่อให้เกิดมาเป็นอะไรพ่อแม่ก็จะไม่มีวันทิ้งเราเด็ดขาด ความรู้สึกรักและกตัญญูของผมมากขึ้นเป็นเท่าทวี ผมไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลให้มากความอีก ผมรู้แค่ว่าอยากบอกกับพ่อแม่ว่า คนตรงหน้าคือคนที่ผมรัก

            พี่ไทม์ยอมตกหลุมที่ผมขุด ยอมกระโจนลงมาแถมทำให้ผมอึ้งสุดๆด้วยการแนบริมฝีปากของเราทั้งคู่เข้าหากัน บ้าแท้ๆทำอะไรไม่คิด ถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าทุกคนผมคงมิดีมิร้ายอีกฝ่ายไปจนถึงขึ้นสามสี่ห้าแล้ว สถานการณ์นี้จบลงง่ายๆด้วยการที่พวกเราห้าคนกินกับข้าวฝีมือแม่ผมฉันท์ครอบครัวอย่างสงบสุข

            ทะเลที่คลื่นลมสงบมักมีพายุตามมาในภายหลัง พี่ตูนสอนให้เรือเล็กควรออกจากฝั่ง แต่ไม่ได้สอนให้ผมนั้นว่ายทวนกระแสน้ำ กระแสน้ำจากความลังเลของพี่ไทม์ที่ไม่ยอมตอบคำถามของผู้เป็นพ่อว่า...รักผมจริงมั้ย

            ...ไม่ได้หวังจะให้รักตอบในทันทีหรอก แต่ความลังเลที่ปรากฏในแววตา มันเหมือนที่ผมทำไปทั้งหมด ไม่เคยมีความหมายอะไรเลย...

            พอมาลองคิดทบทวนดูอีกที ทุกวันนี้มีแต่ผมที่เป็นคนพยายามยัดเยียดความรู้สึกให้อีกฝ่าย โดยที่พี่ไทม์ไม่ได้เรียกร้องอะไร

            ผมห่างออกมาเพียงเพื่อต้องการปล่อยเวลาพาความคิดของอีกฝ่ายให้ตกตะกอน จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จนเวลาล่วงเลยผ่านมาครบอาทิตย์

 

            แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าชะตาของผมมันจะมาถึงขั้นที่เรียกได้ว่าจะต้องตัดใจจาก...รักครั้งแรกของผม...

 

            “ผมขอโทษแทนลูกชายของผมด้วย”

            เสียงทุ้มของคนที่เคยใส่ชุดสูทสีดำท่าทางองอาจในวันวาน หากตอนนี้กลับต้องมานั่งคุกเข่าต่อหน้าบุพการีทั้งสองของผม ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ดูเหนื่อยล้าและโทรมลงไปมาก จากคนที่เคยข่มขู่ให้ผมกลัวเพราะหวงลูกชายเพียงคนเดียวตอนนี้เหลือเพียงแต่ใบหน้าสำนึกผิดและต้องการการให้อภัย

            เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นในวันเดียว วันเสาร์เดียวกับที่ผมติดทำเอกสารรายงานกลุ่มก่อนสอบปลายภาค ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่ามีมิสคอลกับข้อความทางไลน์จากฟ้าหลังจากที่ออกมาหาข้าวเที่ยงกิน และข้อความนั้นก็ทำให้ผมถึงกับต้องเหยียบคันเร่งแบบไม่กลัวใบสั่งเพื่อกลับไปหาน้อง

            ...พี่แทน พ่อกับแม่รู้แล้ว...

 

            ผมพยายามโทรกลับไป แต่ฟ้าไม่รับสาย จนสุดท้ายผมก็กลับมาถึงหน้าคอนโด ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปภาพที่ผมเห็นกลับเป็นชายวัยกลางคนที่ผมรู้จัก คนๆเดียวกับที่ยังไม่ยอมรับว่าผมเป็นลูกเขย...พ่อของพี่ไทม์

            ลูกชายเพียงคนเดียวของเขายืนก้มหน้าอยู่ข้างหลัง สายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ริมฝีปากแดงๆโดนฟันบนกัดจนสีซีดจาง ความเครียดเกร็งส่งผลมาถึงข้อมือเล็กที่โดนเล็บจากอีกนิ้วมือหนึ่งจิกฝังเข้าไปในเนื้อจนแทบห้อเลือด จมูกแดงๆนั้นมันเหมือนกำลังจะสั่งให้ดวงแก้วรื้นใสหลั่งรินน้ำตาให้ไหลลงมา

            ...นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย...

            ผมขยับตัวเข้าไป ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้คนที่รู้ตัวหันมามอง

            “ไอ้แทน” เสียงพ่อผมเรียก

            “พ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ”

            “...” คนเป็นพ่อเหมือนกล้ำกลืนฝืนทนไม่ยอมบอกเล่าเหตุการณ์ที่น่าอับอายขึ้นมา ผมหันไปมองพี่ไทม์แต่อีกฝ่ายไม่ยอมสบตาผม ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองว่าเกิดอะไร จนสุดท้ายก็เป็นฝ่ายพ่อผมที่เอ่ยขึ้นมาตัดความเงียบ

            “แกน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่อย่างนั้นแกคงไม่โกหกพ่อแกหรอกว่าไอ้บ้านี่มันเป็นแฟนแกทั้งๆที่มันทำน้องสาวแกท้องน่ะ!”

            “...!”

            บะ...บ้าน่า ทำไมพี่ไทม์ถึงยอมรับไปว่าแบบนั้น แล้วไหนจะยังคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงนี้อีก

            “พอเถอะครับคุณอา เรื่องนี้ไอ้แทนมันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ เป็นผมเองที่ขอให้มันทำอย่างนั้น” เสียงของคนที่ผมไม่ได้เห็นหน้ามาตลอดหนึ่งสัปดาห์ดังขึ้น ผมเห็นร่างโปร่งขยับปากขมุบขมิบไปมา เสียงที่เล็ดลอดออกมาเจือจางราวกับจะขาดใจ แต่มันกลับดังก้องอยู่ในสมองผมว่า ‘ไอ้แทนกูขอโทษ’

            พี่ไทม์จะขอโทษผมเรื่องอะไร ขอโทษทำไม ผมไม่เข้าใจ

            “แล้วตกลงเรื่องนี้จะเอายังไง ลูกสาวผมเสียหาย คุณจะรับผิดชอบยังไง” อารมณ์เดือดดาลของคนเป็นพ่อยังคุกรุ่น ผมเห็นแม่เดินออกมาจากห้องนอนน้องฟ้า ทันทีที่เห็นผม แม่ส่ายศีรษะไปมาพลางหลับตาราวกับว่าช่วยอะไรไม่ได้อีก ใบหน้าของแม่ไม่ต่างอะไรกับคนที่พึ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ มันดูทรมานเกินจะขาดใจ

            “ผมจะขอนัดวันมาสู่ขอลูกสาวของคุณให้กับลูกชายของผม” เสียงพ่อพี่ไทม์ประกาศกร้าว

            “...!”

            มาถึงจุดนี้ผมพูดไม่ออก มันจุกอยู่ในอก ผมไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะบานปลายมาจนถึงขั้นนี้ จะบ้าเหรอ สู่ขอบ้าบออะไร พี่ไทม์ไม่ได้เป็นคนทำฟ้าท้องแล้วทำไมจะต้องรับผิดชอบแต่งงานด้วย ผมขยับตัวเข้าไปใกล้คนทั้งสี่ ตัดสินใจว่าจะบอกมันทุกอย่างที่ผมรู้ ผมจะไม่ยอมให้เรื่องมันบิดเบี้ยวจนเสียรูปไปมากกว่านี้ แต่งไปแล้วใช่ว่าจะมีความสุข ทั้งฟ้าทั้งพี่ไทม์ กับความรักปลอมๆเนี่ยนะ ผมไม่เชื่อว่ามันจะยั่งยืนอยู่ได้หรอก

            “พ่อกับแม่เข้าใจผิดไปใหญ่แล้วครับ พี่ไทม์เขาไม่...” ชั่วพริบตาที่ร่างโปร่งขยับตัวมายืนข้างหน้าพลางยกมือขึ้นปิดปากผม

            “อย่าทำแบบนี้”

            ...เพื่ออะไร...

            “กูเชื่อว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุด”

            “ดีบ้าบออะไรของพี่น่ะ!ผมไม่เห็นว่ามันจะดีซักอย่าง!” มันเกินความอดทนของผมแล้ว ผมปัดมืออีกฝ่ายทิ้ง หมุนตัวคว้ากุญแจรถแล้วเดินกลับไปยังทางเก่า ออกมาจากคอนโด ขับรถพุ่งออกไปราวกับจะหนีความจริง

            มันดีสำหรับพี่แล้วใช่มั้ยกับการที่ต้องให้ผมเก็บกักความรู้สึกเอาไว้โดยไม่สามารถบอกอะไรพี่ได้อีก ความจริงแล้วพี่ไทม์ไม่เคยรักผมเลยใช่มั้ย ถึงได้ไม่เดือดเนื้อร้อนใจกับการที่จะมาเป็น...น้องเขยของผม

 
[มีต่อด้านล่างนะคะ]
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่22: ตัดใจซ้ำซาก[13/05/2018] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 13-05-2018 20:47:51
[ไทม์ ชลธี]

 

            แทนยังไม่กลับทั้งหอและคอนโด


            อารมณ์ตอนนั้นของอีกฝ่ายคุกรุ่นมากจนเกินกว่าที่ผมจะบอกเล่ารายละเอียดต่างๆออกไปได้

            ตอนครบสัปดาห์ผมได้มือถือกลับคืนมาหลังจากที่คุณชลาศัยเลิกกักบริเวณผม แต่สิ่งที่ตามมากลับเป็นมิสคอลของน้องฟ้าที่ทำให้ผมแทบหยุดหายใจยามเมื่อผมโทรกลับไป

            ‘พี่ไทม์...ฮึก...’ เสียงสะอื้นดังขึ้นจากอีกฝั่ง น้องฟ้ากำลังร้องไห้

            ‘ฟ้า นี่ฟ้าใช่มั้ย’ ผมร้อนใจทันที ‘ฟ้าร้องให้ทำไม เกิดอะไรขึ้น’

            ‘แม่ฟ้า...แม่ฟ้าเจอที่ตรวจครรภ์ในห้อง’

            ‘...!’

            ผมที่เพิ่งปรับความเข้าใจกับคุณชลาศัยได้หมาดๆมีอันต้องขับรถมาถามเหตุการณ์ถึงที่ แล้วทุกอย่างก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นไอ้แทนเตลิดออกไปจากคอนโดแล้วไม่กลับมาอีกเลย

Time Chonlatee
ฟ้า พี่แทนกลับมารึยัง

            ผมส่งกลับไปถามย้ำกับน้องฟ้าทั้งที่ผ่านมายังไม่ถึงสิบนาที

In a blue sky
ยังเลยค่ะ พี่ไทม์


            ขอสักนิดให้ผมสบายใจอย่างคำว่ากลับมาแล้วไม่ต้องเป็นห่วงจะได้มั้ย

            ผมนั่งถอนหายใจใส่โทรศัพท์ กดเข้าหน้าจอไลน์ของอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วทุกครั้งมันก็จบลงที่ประโยคคำถามของผมที่ปราศจากการอ่านของมันโดยสิ้นเชิง

            ไอ้ไทม์...มึงก็โง่จริง โทรศัพท์มือถือมันไม่เปิดแล้วมันจะเอาปัญญาที่ไหนมาอ่านข้อความของมึงได้ ผมสูดหายใจเข้าลึกแล้วถอนออกมาเป็นรอบที่ร้อยของวันก่อนวางโทรศัพท์ลงข้างกายเพื่อขจัดความฟุ้งซ่านในจิตใจ แต่แล้วใจผมก็ต้องลิงโลดขึ้นมาใหม่เมื่อโทรศัพท์สั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง มือผมคว้าหมับจับจ้องไปที่หน้าจอถึงได้รู้ว่าที่แท้ก็เป็นข้อความจากน้องฟ้า

In a blue sky
รู้ที่อยู่พี่แทนแล้วค่ะ พี่ไทม์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ


Time Chonlatee
มันอยู่ไหน

            ไม่ได้เป็นคนเร้าหรือ แต่พอยิงไปประโยคแรกรออยู่นานกว่าสิบห้านาทีก็ยังไม่มีประโยคตอบกลับ ผมร้อนใจเลยถามไปใหม่อีกรอบ

Time Chonlatee
ฟ้า มันอยู่ไหน

In a blue sky
อยู่ที่ร้านเหล้าค่ะ


Time Chonlatee
อยู่กับใคร

            ทำไมไปอยู่ร้านเหล้า ถ้าเมาหนักๆแล้วใครจะดูแล ไอ้แทนมันยิ่งคออ่อนอยู่ด้วย

In a blue sky
ฟ้าไม่บอกพี่ไทม์ได้มั้ย


            ผมสังหรณ์ใจแปลกๆ แล้วมันก็ดูท่าจะไม่ดีต่อจิตใจผมเป็นอย่างมากด้วย แต่ผมก็ยังจะถามออกไป

Time Chonlatee
ทำไมล่ะ

In a blue sky
ฟ้ากลัวพี่ไทม์ไม่สบายใจ


Time Chonlatee
...
ไม่เป็นไร บอกพี่มาเถอะ

In a blue sky
พี่มายด์ค่ะ
พี่แทนอยู่กับพี่มายด์



            โดนหมัดต่อยหน้าผมคิดว่ายังไม่เจ็บเท่านี้เลย นี่คือคำตอบของทุกอย่างสินะ คำตอบตั้งแต่ผมตัดสินใจว่าจะให้ทุกอย่างมันดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น...



 


[แทน สุรบถ]

 
            ผมกำลังเมาต่อหน้าอดีตคนรักเก่าของผม มายด์ยื่นมือขาวๆมาด้านหน้าพลางปัดไปมาเหมือนทดลองสติที่มีอยู่เลือนลาง

            “แทนเมามากแล้วนะ”

            “เราไม่เป็นไร”

            “ไม่เป็นไรได้ไง โยกเยกอย่างกับตุ๊กตาล้มลุกขนาดนี้ แล้วอย่างนี้ใครจะพามายด์ไปส่งที่คอนโดได้ล่ะ มันดึกแล้วนะ”

            “เดี๋ยวให้ไอ้เสาร์มันไปส่ง” ผมยกมือถือขึ้นมากดหาเบอร์ฉุกเฉิน ไอ้เสาร์เพื่อนร่วมอุดมการณ์มาตั้งแต่ม.ปลาย แต่วันนี้ที่ผมมาดื่มกับมายด์ได้ เพราะบังเอิญมายด์โทรมาหาผม เธอมาทำธุระแถวมหาวิทยาลัยผมพอดี ไม่งั้นคนที่จะต้องมานั่งกรอกเหล้ากับผมคงหนีไม่พ้นไอ้เพื่อนซี้คนนี้เป็นแน่

            “แล้วนี่ไปโดนอะไรมาล่ะ ถึงได้ยอมเมาหัวราน้ำขนาดนี้ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ดื่มแท้ๆ”

            “หึ” ผมได้แต่หัวเราะขึ้นจมูก รู้สึกดูแคลนชีวิตตัวเองเหลือเกินที่บังเอิญไปรักคนเขาที่ไม่ได้รักเรา

            “เอ๊า ถามดีดียังมีมาพ่นลมจมูกใส่อีก” มายด์เธอเป็นคนแบบนี้แหละครับ ผมเพิ่งรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายหลังจากที่เราเปลี่ยนสถานะมาคบกันในฐานะเพื่อน รู้สึกเธอเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นหลังจากที่เราเลิกกัน ดูมีความสุขแบบไม่ต้องฝืนสร้างภาพการเป็นคู่รักสมบูรณ์แบบอย่างที่ใครเข้าใจ

            “อกหักน่ะ”

            “หา?”

            “หมาหัวเน่าเลยล่ะคราวนี้ ยิ่งกว่าตอนที่มายด์บอกเลิกกับแทนซะอีก”

            “อาภัพชีวิตรักจังนะคุณสุรนก”

            “จะว่าอะไรก็ว่าเถอะ” ผมฟุบลงกับโต๊ะ ตอนนี้มันยิ่งกว่านกซะอีก เงาหัวเราเขายังไม่สนเลยมั้ง

            “อย่าบอกนะว่ากับคนที่เป็นรักแรก”

            “ยิ่งกว่ารักแรกอีก” เพราะพี่ไทม์เป็นรักเดียว ไม่เคยมีรักที่สองครั้งไหน ไม่เคยมีใครแทนคนนี้ได้ และผมก็คิดว่ามันคงเป็นรักครั้งสุดท้ายของผม

            “อาการหนักนะเรา” เหมือนมายด์จะยื่นมือลูบหัวผมราวกับปลอบใจลูกหมา

            “...”

            “กลับมาคบกับมายด์มั้ยล่ะแทน”

            ผมชักหน้ากลับขึ้นมาแทบไม่ทัน ร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าสวยงามนั้นผมรู้จักมันดี

            “จะลองใจแทนเหรอ”

            “แล้วได้มั้ยล่ะ” เธอเท้าคางพลางส่งสายตามาให้ ผมรู้ตอนนี้มายด์ก็ยังไม่มีใคร เพราะดูเหมือนเธอยังรักในชีวิตโสดสวยของเธออยู่

            “ไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็จบลงแบบเดิมอีก”

            “ไอ้จบที่ว่า...หมายถึง...จบแบบที่ยังไงแทนก็ไม่สามารถลบเขาออกไปจากใจได้เสียทีสินะ” เธอยิ้ม เธอรู้ดีทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งว่าผมยังคงตามหาใครอีกคนที่อยู่ในใจระหว่างที่เราสองคนคบกัน

            “แทนว่าพวกเรากลับกันดีกว่า” ผมขี้เกียจฟังสิ่งที่ทำให้ผมเฮิร์ทแล้ว ผมโทรหาไอ้เสาร์ให้มันมารับมายด์ไปส่ง ส่วนผมก็ขอกลับไปค้างหอมัน เพราะผมยังไม่พร้อมที่จะกลับหอตัวเอง

 

            ตั้งแต่นั้นผมก็ไม่กลับบ้าน ไม่อยากรับรู้ความจริงว่าอีกฝ่ายกำลังดำเนินการเตรียมงานไปถึงขั้นไหน ไม่อยากรับรู้ว่าของชำร่วยเป็นอะไร ไม่อยากรับรู้ว่าเชิญใครมาบ้าง

            ‘อย่างน้อยนี่ก็งานแต่งน้องเรานะ’ ผมโดนแม่ต่อว่าที่หายหัวไปไม่โผล่มาช่วยงาน หลังจากนั้นผมก็พาลปิดมือถือ ตัดทุกสิ่งทุกอย่าง ตัดตัวเองออกจากโลกนี้

            ผมเพิ่งรู้ว่าการอกหักก็ทำให้คนเราขยันขึ้นมาได้ ขยันเพื่อเลิกฟุ้งซ่านถึงอีกฝ่าย เพื่อให้ความทรงจำนั้นหายไปตามกาลเวลา วันๆผมเอาแต่นั่งอ่านหนังสือในห้องสมุด ไม่ก็ไปนั่งแช่อยู่ที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ห่างไกลจากผู้คน แต่บางห้วงอารมณ์ที่สติหยุดนิ่งผมกลับนึกถึงอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มันทรมานที่หัววนเวียนอยู่ซ้ำๆกับเรื่องเก่าๆ เรื่องที่เราได้ใช้ความทรงจำร่วมกันมา

            เมื่อไรผมจะลืมพี่ไทม์ได้สักที ผมไม่จำเป็นต้องมีความทรงจำอะไรของอีกฝ่ายแล้วไม่ใช่เหรอ บางคราวผมก็ปาดน้ำตาที่ไม่ได้แสดงออกมาต่อหน้าใคร หรือผมควรจะไปแสดงความยินดีเป็นครั้งสุดท้าย ผมอาจจะตัดใจได้จากสิ่งนั้น ซึ่งมันคือความเป็นจริงที่ผมควรจะยอมรับ...

 

            และแล้วก็มาถึงวันฤกษ์มงคลตามที่แม่ผมได้บอกไว้ ผมลุกขึ้นมาแต่เช้าหาชุดงานแต่งที่เข้ากับทีมสีฟ้าตามชื่อฟ้าครามน้องสาวของผม สูทสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงเข้าทรงตัวเดียวกับที่พี่ไทม์เคยชมตอนที่ละลาบละล้วงเปิดตู้เสื้อผ้าผมถูกหยิบขึ้นมาใส่ ผมอยากดูดีในสายตาของเขา ต่อให้ดวงตาคู่นั้นจากนี้ไปจะกลายเป็นของคนอื่น รถยนต์ฮอนด้าซีวิคที่จอดไว้ที่เดิมใต้หอไอ้เสาร์ถูกขับรถไปยังโรงแรมที่จัดงาน

            ดูเหมือนจะใจกล้ากับการที่ต้องไปงานแต่งคนที่ผมรักที่สุดทั้งสองคน แต่ผมก็ยังอ่อนแออยู่ดี ผมทิ้งเวลาไว้ ให้งานเริ่มไปก่อน พอมาถึงที่หมาย ใจที่เคยสงบนิ่งกลับสั่นระรัวขึ้นมามากกว่าเก่า จนผมแทบจะหักพวงมาลัยขับย้อนกลับไปยังหอเหมือนเดิม แต่ทว่าถ้าผมยังหนีต่อไป ผมก็จะต้องหนีไปทั้งชีวิต ผมส่ายหัวไล่ความคิดอันเลวร้าย จอดรถแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังห้องจัดงาน

            ตามทางมีทั้งหน้าจอแอลอีดี ป้ายนำทางไปยังห้องจัดงานแต่งอีกหลายคู่ วันนี้คงเป็นวันที่ฤกษ์ดีอีกหนึ่งวัน ผมควรจะทำให้มันดี ควรจะอวยพรงานแต่งในฐานะพี่ชายและรุ่นน้องที่เคยเป็นแค่คนรู้จักของอีกฝ่าย ผมมองป้ายหน้าจอที่ปรากฏเป็นสไลด์ภาพถ่ายของน้องสาวผม...กับใครอีกคน...ซึ่งมันทำให้ผม...

            ตกตะลึงอยู่นาน...

            “บ้า...น่า...” สติผมกำลังโดนปั่นป่วนกับความจริงที่ปรากฏตรงหน้า เท้าทั้งสองรีบก้าวเดินไปยังห้องจัดเลี้ยงไม่รอช้า และทันทีที่ผมเปิดประตูก้าวเข้าไป ป้ายชื่อขนาดใหญ่ก็ตอกย้ำความจริงตรงหน้าผมอีกครั้ง

            “ฟ้าคราม...พลเทพ”

            “ไอ้แทน!” เสียงเพื่อนผม ไอ้เสาร์มันร้องเรียก มันยืนอยู่ไกลออกมาจากเวทีที่กำลังมีการจัดพิธีการ ร่างสูงๆกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาพลางทำหน้าเดือดเนื้อร้อนใจ

            “นี่มันเรื่องอะไรวะ”

            “กูก็ตั้งใจจะโทรหามึงตั้งแต่แรกแล้ว แต่ลืมไปว่ามึงแม่งเสือกปิดโทรศัพท์ไปเป็นที่ทับกระดาษตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน”

            “เรื่องอื่นค่อยว่ากันได้มั้ย นี่มันเรื่องอะไรกูถาม” ผมจะบ้าตาย ไอ้คนที่มันนั่งอยู่กลางพิธีไม่ใช่พี่ไทม์ แต่เป็นพี่แม็คเพื่อนพี่มันชัดๆ แล้วไหนจะแบล็คดรอปที่อยู่หน้างานซึ่งเต็มไปด้วยภาพพรีเว้ดดิ้งที่ผมเพิ่งวิ่งผ่านมาของคนทั้งคู่อีก

            “จะอะไรซะอีกล่ะ ทุกคนโดนพี่ไทม์กับเพื่อนมันตลบหลังเข้าเต็มๆ งานนี้มีได้สวดยาวๆจากพ่อแม่มึงอีกแน่ๆ ดีที่พวกท่านยังมีสติไม่ตกใจหงายหลังตึงลงไปซะก่อนตอนที่มาถึงหน้างาน”

            “ยังไงวะ กู...ไม่เข้าใจ”

            “กูได้ยินว่าไอ้พี่แม็คมันกลับมาจากอเมริกาก่อนงานแต่งสองสามวัน มาเตรียมงานเงียบๆ บังคับเปลี่ยนทั้งการ์ดและป้ายงานรวมถึงยอมเสียตังค์ค่าปิดปากหลักล้านให้บริษัทจัดงานแต่ง แลกกับการยอมเสียชื่อเสียงว่าพิมพ์การ์ดผิดพลาดเพราะลืมลบชื่อเจ้าบ่าวคนเก่าทิ้ง ดีที่เป็นแค่งานเล็กๆเชิญกันแต่คนในครอบครัวกับพวกญาติๆทางนั้นเลยยอมทิ้งศักดิ์ศรีแลกกับเงินก้อนโต ก่อนหน้าที่งานจะเริ่มไอ้พี่แม็คมันยังเอาพวงมาลัยมาคุกเข่าขอขมาพ่อแม่มึงบอกว่ารักน้องมึงมากจริงๆ ไม่เคยคิดทิ้งและจะรับผิดชอบดูแลเขาทุกอย่าง”

            “ละ...แล้วพี่ไทม์ล่ะ” คนของผม...เขาไปไหน ผมกวาดตามองแต่ไม่เห็นวี่แววของเจ้าบ่าวคนก่อนหน้าเลยสักนิด

            “กูก็ไม่รู้ ไม่เจอตั้งแต่ตอนมางานแล้ว”

            “กูต้องไปหาเขา” ผมตั้งท่าจะวิ่งออกไป แต่กลับโดนเพื่อนรั้งเอาไว้

            “เฮ้ย อยู่ให้จบงานก่อนดิวะ งานน้องสาวมึงเลยนะ”

            “แต่...”

            “มึงโตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว มึงต้องหัดคิดนะว่าตอนนี้พ่อแม่ต้องการมึงแค่ไหน” สายตาผมเหลือบไปมองพ่อแม่ ท่านทั้งสองยังคงดูอ่อนไหวกับเรื่องที่อยู่ตรงหน้า แต่ก็ทำใจยิ้มสู้ ไอ้เสาร์มันพูดถูกผมควรจะอยู่ตรงนี้ อยู่จนกว่างานจะจบ

 

 

            งานจบไปโดยทิ้งคราบความอ่อนล้าไว้บนใบหน้าของเจ้าภาพ น้องสาวผมยืนกอดพ่อแม่อยู่นานรับคำอวยพรก่อนจะเข้าห้องหอ

            “ดูแลน้องให้ดีนะ”

            “ครับ”

            “อย่าทำให้น้องเสียใจอีก ถ้าทำอีกกูจะฆ่...”

            “ไม่เอาน่ะพ่อ วันนี้วันมงคลนะ ต้องพูดแต่เรื่องมงคลสิ” แม่ผมตีปากพ่อไปหนึ่งยก ก่อนหันมาทางคู่บ่าวสาวอีกครั้ง

            “ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสผม” พี่แม็คยกมือไหว้ด้วยใบหน้ารื้นน้ำตา “ผมสัญญาว่าจะหนักแน่นให้มากกว่านี้ จะไม่ทำให้ฟ้าต้องเสียใจอีก”

            “ฝากดูแลพี่เขาด้วยนะลูก แล้วก็ขอโทษจริงที่พี่เขาทำให้ผิดหวังเสียใจ จากนี้ขอให้เรามาเริ่มต้นกันใหม่อย่างเข้าใจกันนะ” พ่อแม่ฝ่ายชายบอกขอขมาพลางกล่าวอวยพร ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าห้องหอพี่แม็คเหลือบมองมาทางผมวืบหนึ่ง

            “แทน” คนหนุ่มในชุดขาวเรียกผมให้เดินเข้าไปใกล้ ผมขยับเข้าไปจนยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน รอให้อีกฝ่ายเป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน

            “ที่แล้วๆมากูขอโทษด้วยนะ ไอ้ไทม์มันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง มันหวังดีกับทั้งกูทั้งน้องมึงทุกอย่าง”

            “...” ผมรู้ดี ตอนนี้ผมรู้ดีมากกว่าใคร

            “มันตั้งใจจะบอกมึงแล้ว แต่มันติดต่อมึงไม่ได้”

            “ตอนนี้พี่รู้มั้ยว่าพี่ไทม์อยู่ไหน” ใครก็ได้ช่วยบอกผมที ผมอยากจะเจอ อยากจะเจอใจจะขาดอยู่แล้ว อยากเข้าไปกอดแล้วขอโทษที่ต้องให้เผชิญกับเรื่องยุ่งยากคนเดียว อยากขอโทษที่ทิ้งไปในช่วงที่สภาพจิตใจเลวร้ายที่สุด

            เจ้าบ่าวส่ายหัวอย่างแรงแบบคนจนหนทาง “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ไหน พอสอบปลายภาคเสร็จ มันก็บอกกับกูว่าจะขอไปทำใจซักระยะ ทั้งที่บอกว่าให้มางานแต่งกูก่อนแท้ๆ”

            ทำไมผมใจไม่ดีกับคำว่า ‘ทำใจ’ของพี่ไทม์เลยสักนิด ผมกลัวว่าพี่ไทม์จะทำเหมือนกัน เหมือนตอนที่ผมพยายามจะลบความทรงจำของอีกฝ่ายไปจากใจ...



TBC
++++++++++++++++++++++++++++++++


ใกล้จบแล้วคะ...นานจนจะครบรอบหนึ่งปี เข็นๆๆ :hao5:

คุณ songte ตอนนี้ไร้มุกแอนด์ดราม่าตามที่คาดการณ์ไว้ ให้กำลังใจแทนไทม์กันต่อไปนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 29-05-2018 20:51:11
{Will you be my family?(น้องครับพี่ขอนับญาติได้มั้ย?)}

บทที่ 23 แล้วเราจะได้เจอกันอีก [END]


ทำใจ...ทำใจ...ทำใจ

งี่เง่าว่ะ งี่เง่าฉิบเป๋ง ผมแม่งงี่เง่าสุดขั้วโลกเลย ตอนนั้นน่าจะใจเย็นฟังคนที่ยื่นมือมาปิดปากผมให้ดีซะก่อนที่จะหุนหันพลันเล่นวิ่งออกไป คิดๆดูแล้วถ้าพี่ไทม์บอกพ่อแม่ผมออกไปว่ายัยฟ้าท้องกับเพื่อนตัวเอง ทั้งๆที่ยังตามหาอีกฝ่ายไม่ได้พ่อผมจะอารมณ์ขึ้นขนาดไหนลองถามใจตัวเองดู ตอนนั้นคอนโดคงถล่มฟ้าดินคงทะลายแล้วได้มีคนตายกลางสถานที่เกิดเหตุแน่ๆ

‘กูเชื่อว่ามันเป็นทางที่ดีที่สุด’

ผมยังจำสีหน้าวันนั้นของพี่ไทม์ได้ เจ้าตัวดูเหมือนจะกังวลแต่ก็มั่นใจกับบางอย่างที่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร

คิดๆแล้ว ความจริงยังมีอีกคนนึงที่ผมควรนึกถึง ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไลน์ไปหาอีกฝ่ายทันที




“ก๊อก ก๊อก”

ยืนอยู่ซักพัก เสียงกุกกักที่ดังอยู่อีกฟากประตูก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ ไม่นานบานประตูก็เปิดออกเผยให้เห็นคนหนุ่มตัวสูงในชุดลำลองขาสั้นบางๆยืนค้อมตัวเอาแขนพาดกับวงกบประตูยื่นหน้าออกมา เชี่ยนี่แม่งทำตัวสบายเกินไปเปล่าวะ นี่มึงอยู่ในห้องคนอื่นนะ เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด แต่ก่อนที่ผมจะแสดงพฤติกรรมไม่สมกับเป็นรุ่นน้องออกไป พี่มันก็ทักขึ้นมาให้เสียก่อน

“ไง นี่มึงวาปมารึเปล่าวะเนี่ย เร็วสัด” อีกฝ่ายพูดพร้อมทำตาโต สาบานว่าผมไม่เคยชอบใบหน้านี้ เพราะมันเป็นใบหน้าที่ผมนึกหมั่นไส้ปนอิจฉา อิจฉาที่อีกฝ่ายได้อภิสิทธิ์ในการอยู่ข้างพี่ไทม์ตลอดเวลา กะอีแค่ฐานะเพื่อนสนิทมันค้ำคอ

“พี่ไทม์ อยู่ไหนครับ” ไม่แม้แต่จะทักทาย ผมอยากเจออีกฝ่ายใจจะขาดอยู่แล้ว พอได้ยินอย่างนั้นไอ้พี่เดย์มันก็ชักสีหน้า ก่อนขยับตัวเข้ามาขวางเต็มประตูพลางกอดอกราวกับจะหาเรื่อง ถ้าจะจัดกันซักยกตรงนี้ผมไม่อิดออดหรอกบอกเลย หวงกันออกนอกหน้าขนาดนี้มันเกินกว่าเพื่อนแล้ว ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าผมกับพี่มันวัดกันซักตั้งแต่ใครจะแพ้จะชนะ

“หยุดเลย มึงไม่ต้องคิดจะวางมวยตอนนี้” เหมือนพี่มันอ่านใจผมออก “ไอ้แทน กูถามจริงๆเถอะ นี่มึงเกลียดอะไรกูมากรึเปล่าวะ”

“...” ถามอย่างนี้ พี่มันยังไม่รู้อีกเหรอวะ

“หรือหึงกูกับไอ้ไทม์”

“...”

“โอเค อาการชัดเจน มึงไม่ต้องบอกกูแล้ว ถามจริงเหอะ ถ้ากูเป็นอะไรกับไอ้ไทม์แล้วกูจะช่วยมึงเพื่ออะไรวะ ให้ได้โล่รางวัลเพราะรองดีเด่นหรือไง”

“ผมไม่อยากระแวง แต่การกระทำของพี่ทำให้ผมระแวง”

“อ๋อ...อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องตอนคาบศราวุธน่ะ มึงแม่งหัดดูให้ออกด้วยดิว่ามันเป็นแค่การแสดง”

“แล้วพี่จะแสดงไปเพื่ออะไร”

“ตอนนั้นมึงยังไม่รู้เรื่องของไอ้แม็ค แล้วไอ้ไทม์มันกำลังวางแผนจะไปดักไอ้แม็คที่สำนักทะเบียนพอดี กูก็ต้องช่วยไม่ให้มึงตามมันไปดิวะ เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วใครจะมาช่วย”

“มันไม่ใช่แค่นั้นดิ ที่พี่ทำตัวเป็นคู่จิ้น ประกาศตัวเป็นแฟนกันตั้งแต่ปีหนึ่ง แถมหอมพี่ไทม์ออกสื่อ พี่ทำไปเพื่ออะไรวะ”

“...” พี่เดย์มันนิ่งไป ซักพักก็เดาะลิ้นส่ายหัวราวกับระอาอะไรอยู่นักหนา

“เป็นเชี่ยอะไรพี่” ชักฉุนเล็กๆแล้วว่ะ

“ที่แท้มึงแม่งก็ส่องไอ้ไทม์มาตั้งแต่ม.หก”

“...” ผมหน้าตึง พูดไม่ออก ว่าตัวเองแอบส่องเฟซบุ๊กเพจโรงเรียนพี่มันมานานขนาดไหน

“กูจะบอกให้ ที่กูทำไปทั้งหมดเพื่ออะไรรู้เปล่า”

“...”

“ก็เพื่อไล่ไอ้พี่โชไปจากไอ้ไทม์มันไง”

“กะแค่ไล่จำเป็นต้องทำขนาดนี้รึปล่าวะ”

“กับคนที่เกือบจะปล้ำเพื่อนตัวเองน่ะนะ ถ้ากูยอมใช้ชื่อตัวเองเป็นโล่ได้ กูก็ยอมทำเว่ย!”

“...!”

ปะ..ปล้ำ?

ผมจำได้ว่าพี่โชมันเคยเกือบจะปล้ำพี่ไทม์ครั้งนึง ตอนที่อีกฝ่ายไปช่วยฟ้า แต่เหตุการณ์มันเพิ่งเกิดมาไม่นานนี้นี่หว่า แล้วทำไม...

“ตอนปีหนึ่ง ตอนไปเที่ยวรับน้องที่ต่างจังหวัด ไอ้เชี่ยพี่โชมันแกล้งป่วยขอให้ไอ้ไทม์มันช่วยเฝ้าไข้ ตอนนั้นไอ้ไทม์มันก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ แต่กูเห็นสายตากะลิ้มกะเหลี่ยที่มันมองไอ้ไทม์มาตั้งแต่ตอนวันแรกพบแล้ว สายตาดูเหมือนจะกลืนไอ้ไทม์ไปทั้งตัวอยู่รอมร่อ กูเอะใจเลยแอบหนีกิจกรรมตอนดึกมาดูมัน ที่ไหนได้ไอ้เชี่ยนั่นแม่งต่อยเพื่อนกูซะจุก ถ้ากูไปไม่ทันป่านนี้มันคง...”

ตุบ!!

พี่เดย์เบิกตาโตมองผมที่ทุบกำปั้นลงวงกบประตูอย่างลืมตัว เชี่ยเอ๊ย สัดโช อย่าให้กูเห็นหน้ามึงนะ กูจะเอาคืนแทนพี่ไทม์เป็นสิบเท่า จะกระทืบมันให้เข้าโรงพยาบาลไม่ต้องกลับออกมาเรียนอีกหนึ่งปีเต็มเลย

“ไอ้แทนมึงใจเย็นนะ” คนตรงหน้ายกสองมือขึ้นทำท่าเหมือนห้าม พร้อมกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึก ราวกับว่ากลัวจะโดนลูกหลงไปอีกคน

“ผมมาบอกพี่”

“บอกอะไร”

“ว่าผมมาทำหน้าที่แทนแล้ว ต่อจากนี้ผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมันมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีพี่ไทม์ได้อีกเป็นครั้งที่สอง” พอพูดจบ คิ้วได้รูปของพี่เดย์ยกขึ้นสีหน้าประหลาดใจแสดงให้เห็นแค่แว็บเดียว ก่อนเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับของพี่มันออกมา

“มึงแม่งโคตรหลงไอ้ไทม์เลยเนอะ”

“ไม่ได้หลงครับ”

“...”

“แต่รัก”



ในที่สุดผมก็โดนปล่อยให้มาเจอกับพี่ไทม์ ด่านพี่เดย์แม่งยิ่งกว่าผ่านประตูเงินประตูทองตอนงานแต่งยัยฟ้าที่ผมได้ดูจากวิดีโอที่ไอ้เสาร์เปิดให้ดูเสียอีก เพื่อนตัวดีของพี่ไทม์บอกว่าเจ้าตัวเพลียจัดจนเผลอหลับไปในห้องเพราะเมื่อวานมัวแต่ช่วยงานแต่งเพื่อนแม็คที่มาแบบเซอร์ไพรสชาวบ้านชาวช่องจนหัวหมุน อดตาหลับขับตานอนมาตลอดทั้งคืน สภาพตอนนี้คงยิ่งกว่าผักลวกจิ้มน้ำพริกอีกมั้ง

ผมเดินมาถึงหน้าประตูห้องนอนที่เปิดแง้มไว้ มือค่อยๆดันมันเปิดออกอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวคนในห้องจะตกใจตื่นแล้วเพลียหนักกว่าเก่า ภาพที่ปรากฏตรงหน้าเป็นก้อนผ้ากลมๆที่ขดอยู่บนเตียง มีเพียงจังหวะกระเพื่อมขึ้นลงที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต ผมค่อยๆย่องเข้าไปใกล้จนถึงข้างเตียง ร่างของคนที่ผมคิดถึงนอนหันข้างขดตัวหลับตาพริ้มมาทางผม ใบหน้ายังคงความอ่อนล้าที่ปิดไม่มิด แต่ก็ยังน่ามองสำหรับผมเสมอ ผมตกหลุมรักรอยยิ้มของคนตรงหน้ามาตั้งแต่แรกพบแล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมหลง...และรักอีกฝ่ายมากขึ้นหลังจากที่ได้รู้จักนิสัยได้ยังไง ผมค่อยๆนั่งลงข้างเตียงจ้องใบหน้าอีกฝ่ายอยู่พักใหญ่ก่อนขยับมือไปปัดผ้าห่มออกจากแก้มใส

“งื้อ...ไม่เอา...ผ้าห่ม” ร่างในผ้าห่มขยับตัวยุกยิกอย่างรำคาญ สะบัดมือสะบัดแขนจนหลุดออกมาจากผ้าห่ม

ฉิบ...กะจะไม่ทำให้ตื่นแท้ๆ

แต่สักพักเจ้าตัวกลับสงบนิ่งลงอย่างเก่า ลมหายใจสม่ำเสมอทำให้ผมรู้ว่าพี่ไทม์ได้กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

ฮู่...

ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอก กลืนน้ำลายพลางขยับสายตาไปมองร่างตรงหน้าอย่างเก่า แต่บางสิ่งบางอย่างที่หลุดออกมาจากผ้าห่มพร้อมกับแขนขาวๆนั้นกลับทำให้ผมสะดุดใจ มันเป็นแผ่นกระดาษแข็งขนาดเท่ากับโปสการ์ดพื้นสีฟ้าเข้มเต็มผืน ปรากฏลวดลายก้อนเมฆมากมายอยู่ในนั้น

นี่มัน...การ์ดแต่งงานของยัยฟ้าไม่ใช่เหรอ

ผมขยับมือไปจับขอบกระดาษแล้วกระตุกออกจากมือร่างบางเบาๆ ก่อนหยิบขึ้นมาพินิจพิจารณา ทำไมพี่ไทม์จะต้องเอาการ์ดแต่งงานยัยฟ้ามานอนกอดด้วยเนี่ย แต่แล้วบางสิ่งบางอย่างที่ปรากฏอยู่บนตัวอักษรด้านหน้าก็เล่นเอาผมถึงกับใจสั่นเต้นรัวแล้วเปลี่ยนมาเป็นยิ้มจนแก้มปริ

ฟ้าคราม(ถูกขีดฆ่า) สุรบถ♡ชลธี

ที่แท้ก็เป็นการ์ดชุดแรกที่พี่แม็คไปบอกกับใครต่อใครว่าบริษัทรับจัดงานแต่งทำผิดพลาด แต่พี่ไทม์คงคิดว่ามันผิดพลาดตั้งแต่ที่ชื่ออีกฝ่ายเป็นฟ้าครามอยู่แล้วล่ะมั้ง
แต่...มีใครเคยสอนบ้างมั้ยว่าต้องใช้ชื่อเจ้าสาวมาก่อนชื่อเจ้าบ่าว
ผมเหลือบสายตาไปเห็นปากกาเมจิกที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง จึงเอื้อมมือไปหยิบมันมาขีดๆเขียนๆลงไปใหม่

ฟ้าครามสุรบถ(ถูกขีดฆ่า) ชลธี♡ชลธี(ถูกขีดฆ่า)สุรบถ

แต่งงานกับผมนะครับพี่ไทม์

จูบลงไปเบาๆที่ชื่อของอีกฝ่าย เอาการ์ดวางลงบนโต๊ะหัวเตียงอย่างทะนุถนอม แล้วหันกลับมามองคนที่หลับเป็นตายไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรอีก เพราะพี่มันน่ารักอย่างนี้แหละมั้งไอ้เชี่ยพี่โชมันถึงอยากจะได้พี่ไทม์อยู่นั่นแหละ คราวนี้ผมสาบานเลยว่าต่อให้ใครหน้าไหนเข้ามา ผมก็จะขู่เป็นหมาบางแก้วเอาให้กลัวขี้หดไปข้างนึงเลย

เห็นคนข้างใต้หลับตาสบายก็อดที่จะหาวตามไม่ได้ ช่วงนี้ผมนอนไม่ค่อยหลับเพราะมัวแต่นึกถึงพี่ไทม์ ผมค่อยๆขยับจนขึ้นมาบนเตียงได้ทั้งตัว ใช้มือยันหัวส่วนอีกข้างก็ฟาดเอวอีกฝ่ายไว้ ตะแคงมองคนที่กึ่งๆจะอยู่ในอ้อมกอดของผม ก่อนขยับเข้าไปประทับริมฝีปากที่หน้าผากพี่ไทม์เบาๆ เหมือนเจ้าตัวจะมีเรดาห์จับความอุ่นได้เลยขยับตัวเข้ามาหาผมใหญ่พลางซุกหน้าเข้ากับอก

“รักจัง” ผมอุทานเบาๆ พลางหอมขวัญบนหัวทุยๆของอีกฝ่าย

เฮ้อ...นี่ผมจะตายเพราะความรักมั้ยนะ


รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ความมืดเริ่มโรยตัวจนมองไม่เห็นอะไรในห้อง ผมรู้สึกแค่ว่าความอบอุ่นในอ้อมกอดนั้นหายไปเลยทำให้ตกใจผุดลุกขึ้นจากเตียง

“พี่ไทม์” ผมเผลอหลับไป แล้วตอนนี้คนที่ควรจะอยู่ข้างๆผมก็หายไปแล้วด้วย ไม่มีไออุ่นหลงเหลือที่เตียงแม้แต่นิด เดาได้เลยว่าอีกฝ่ายต้องออกไปนานแล้ว “โธ่เว้ย!” ผมพรวดพราดจากเตียงเดินออกไปนอกห้องก็ไม่พบแม้แต่เงาของใครบางคนในห้อง

ป่านนี้แล้วจะไปไหนได้ ผมรีบล้วงมือถือขึ้นมากดโทรหาแล้วก็เป็นไปตามคาดว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง ผมเลยตัดสินใจโทรหาพี่เดย์อีกครั้ง

[อ้าว กูก็ปล่อยให้มึงอยู่กับมันสองต่อสองแล้วทำไมมาถามกู]

...โกหกน่า...

“พี่ไทม์ไม่ได้ไปหาพี่เดย์เหรอ”

[เปล่า ตั้งแต่แยกกับมึงกูก็ขลุกเล่นเกมส์อยู่ที่หอตลอด เกิดอะไรขึ้นวะ]

“เปล่าครับ ถ้าพี่ไทม์ติดต่อไป พี่เดย์บอกผมด้วยนะ”

[เออ ถ้ามันติดต่อมากูจะโทรไปหามึง]

ผมวางหูโทรศัพท์จากพี่เดย์ ในหัวได้แต่คิดหาจุดที่พี่ไทม์จะสามารถไปได้





“ลมอะไรหอบมาได้ล่ะ”

ผมยกมือขึ้นไหว้คนที่หน้าตามีส่วนละม้ายคล้ายพี่ไทม์ จะต่างก็ตรงที่ส่วนสูงและความขรึมที่เป็นไปตามแบบฉบับของความเป็นผู้ใหญ่ คุณชลาศัยพ่อของพี่ไทม์

“สวัสดีครับคุณพ่อ” คิ้วคุณชลาศัยกระตุกทันทีที่ผมเรียกคำแทนตัวท่าน แต่กลับไม่ทักท้วงอะไรแล้วปล่อยผ่านไปเฉยๆ

“ถ้าจะถามถึงไอ้เผือกมันไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกนะ”

“ทำไมถึง...”

“แค่เห็นหน้าก็เดาได้แล้วว่ามาเรื่องอะไร”

“น้ำกับขนมจ่ะ” คุณแม่ของพี่ไทม์เดินเข้ามาในจังหวะที่ผมกำลังจะต่อบทสนทนาพอดี เธอวางแก้วน้ำเปล่ากับขนมคุกกี้จานน้อยลงบนโต๊ะตรงหน้าเพื่อต้อนรับแขก ก่อนขยับตัวไปนั่งข้างคุณชลาศัยพลางถือถาดเอาไว้

“ขอบคุณครับ”

“หนูแทน ไม่ลองไปหาพี่เขาที่หอดูก่อนเหรอ ตั้งแต่ก่อเรื่องไปคราวนั้นก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะกลับบ้านเลย” แม่พี่ไทม์ยกมือขึ้นจับแก้มตนเอง ถอนหายใจพลางส่ายหัวไปมา ราวกับระอากับพฤติกรรมลูกคนเดียวของเธอ เรื่องที่ได้ยินจากปากคุณแม่ทำให้ผมประหลาดใจไม่น้อย

“พี่ไทม์ไม่ได้กลับบ้านเลยเหรอครับ”

“คงสำนึกผิดล่ะมั้งที่ทำให้พ่อตัวเองต้องไปคุกเข่าต่อหน้าคนอื่น ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นความผิดของฝั่งนี้ด้วยซ้ำ” เอ๊ะ อย่าบอกนะว่า เรื่องนี้ ตอนนั้น ที่คอนโดของฟ้า คุณพ่อของพี่ไทม์ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ...

“เป็นใครก็ตกใจกันทั้งนั้น จู่ๆเดินมาบอกว่าทำผู้หญิงท้อง คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา แถมอีกฝ่ายยังเรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ แล้วยิ่งพอถามว่าท้องได้นานเท่าไรแล้ว บอกว่าสามเดือน แม่จะเป็นลมให้ได้ พ่อเขาเลยต้องรีบไปแสดงความรับผิดชอบกับอีกฝ่าย ในฐานะลูกผู้ชายต้องให้เกียรติผู้หญิง”

“พอกลับมากะว่าจะสั่งสอนมันเสียหน่อย ว่าทำอะไรไม่คิดถึงสถานะฝ่ายหญิงบ้าง อนาคตคนทั้งคน เด็กกำลังเรียนหนังสือแต่กลับต้องมานั่งเลี้ยงลูกแทนมันใช่ที่ไหน แต่พอกลับมามันกลับร้องไห้ซะยกใหญ่ เห็นแล้วก็ทรมานใจ พอยิ่งบอกว่าไม่เป็นไรก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเก่า ให้มันได้อย่างนี้สิ”

“ใจเย็นๆสิคะคุณ” พ่อพี่ไทม์กำหมัดแน่น ส่วนคนเป็นแม่ก็ได้แต่เอาน้ำเย็นเข้าลูบ

“อาขอโทษกับเรื่องทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นด้วยนะ” คราวนี้อีกฝ่ายหันมามองหน้าผมพร้อมกับพูด

“ทางผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายขนาดนี้ ขอโทษจริงๆครับ” มันไม่เกี่ยวกับศักดิ์ศรีเลย ถ้าทำผิดก็ยอมรับผิด พ่อพี่ไทม์โคตรจะลูกผู้ชายตัวจริง ท่านกำลังจะกลายเป็นไอดอลผมไปแล้ว

“ถ้าเจอพี่เขา แม่ฝากดูแลเขาด้วยนะจ๊ะ”

“ไปฝากมัน ดูแลทำไม” คุณชลาศัยกัดฟันหันไปแหวใส่แม่พี่ไทม์เบาๆ “แล้วทำไมไม่เรียกแทนตัวเองว่าน้า”

เออ...แฮะ แค่ขอโทษไม่ได้หมายความว่ายกลูกชายให้สินะ ผมพึ่งตระหนักได้

“คุณพ่อคุณแม่ครับ” สะดุ้งยกแผง เรียกมันโต้งๆแบบนี้แหละงานถนัดของผม “ทุกอย่างที่ผ่านมาอาจจะมีเรื่องโกหก หรือไม่เป็นความจริงอยู่บ้าง แต่จากนี้ไปสิ่งที่ผมพูดจะเป็นความจริงทั้งหมดครับ”

“...”

“ผมรักลูกชายของพวกคุณ”

“...”

“แต่ผมไม่ให้สัญญาหรือสาบานหรอกนะ ว่าต่อจากนี้ไปอีกห้าปีหรือสิบปีข้างหน้าผมจะยังอยู่ข้างพี่ไทม์และรักเขาตลอดไป”

“อ้าวไอ้นี่!” เหมือนพ่อพี่ไทม์จะขึ้น ผมเลยต้องรีบพูดต่อให้สุด

“เพราะผมจะสนใจแต่วันนี้ และผมจะทำปัจจุบันของเราให้ดีที่สุดครับ”

“...”

“ได้โปรดให้โอกาสผมเถอะครับ” ผมหลับตาก้มหัวลงอย่างขออนุญาต รอฟังคำตอบรับด้วยใจที่เต้นระรัว นี่ผมกล้าพูดออกไปได้ไงเนี่ย นั่นมันหมายความว่าต้องให้ลูกชายคนเดียวของพวกเขาคบกับผู้ชาย ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูกหลานให้ปู่กับย่าได้อุ้มเล่นอีกแล้วนะ ให้ตายเถอะ

...แต่ใจของผม ติดอยู่ที่พี่ไทม์ จนเกินเยียวยาแล้วครับ...

ผมรู้สึกได้ถึงอาการถอนหายใจเบาๆ ก่อนเสียงของผู้เป็นพ่อจะดังเข้าหูผม

“มึงจะทำอะไรก็ทำเถอะ อย่างน้อยนั่นก็ลูกชายกู ถ้ามันเจ็บอย่างมากมันก็กลับมารักษาตัวที่รังของมัน”

“ส่วนผมถ้าทำให้พี่ไทม์เจ็บ ผมก็จะพยายามปรับปรุงตัว รักษาไม่ให้ลูกชายของคุณพ่อต้องกลับมาเลียแผลที่รังของตัวเองครับ”


สุดท้ายก็ไม่ได้เจอ ทั้งพี่เดย์ พ่อแม่พี่ไทม์ ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวไปไหน ผมต้องไปพึ่งใบบุญใครกันล่ะทีนี้ ระหว่างที่อุทรณ์ร้องขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็นใจ แรงสั่นสะเทือนก็ฉุดรั้งความสนใจทั้งหมดของผมไปที่กระเป๋ากางเกง มือถือผมสั่น หรือว่าจะเป็นพี่เดย์ ผมลนลานรีบล้วงมันออกมา แต่ทว่ามันกลับกลายเป็นแจ้งเตือนจากไอจีที่มีคนแท็กถึงผม ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะดูรูปตัวเองที่โดนใครต่อในแท็กมาหาหรอกนะ หากชื่อคนที่กดส่งมากลับทำให้ผมคิดเอะใจอะไรบางอย่างจึงกดเข้าไปดู

Bell Meaw Meaw นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันค้า OMG!!! แทนเธออยู่ไหน เธอต้องมาตอบคำถามนี้ให้ชั้นนะ @Sky of Tan

สาบานเลยว่าถ้าไม่กลัวตาหลุดกูก็อยากขยี้ตาแม่งสิบสามล้านรอบ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นภาพแอบถ่าย เพราะเป็นภาพขยายที่ดูเหมือนมีสิ่งรบกวนเป็นแสงสลัวยามค่ำคืน ออกจะดูเบลอๆอยู่หน่อยๆหากแต่ยังมองออกว่าใครเป็นใครได้อยู่
สภาพแวดล้อมโดยรอบให้ผมเดาทั้งสองคนในภาพคงอยู่ที่ร้านอาหารตามสั่งริมทาง อีกฝ่ายใส่ชุดเหมือนเพิ่งกลับมาจากเดินทางไปเที่ยวห้างที่ไหนส่วนอีกคนกลับใส่ชุดชิลๆเสื้อยืดกางเกงขาสั้นตัวเดียวกับที่ผมเห็นในห้อง ระหว่างที่ผมกำลังจัดระเบียบความคิดในสมอง จู่ๆกองทัพข้อความก็เด้งขึ้นมา

Y w Y พี่เขาจะไปกินข้าวกับใครมันก็เรื่องของเขารึเปล่าวะแกรรร

Kaijig Hanjig @Y w Y มันจะเป็นเรื่องธรรมดานะ ถ้าเขาไปกินกับคนอื่น

Bell Meaw Meaw @Y w Y @Kaijik Hanjik ถูกกกกก

Love cute boy ใคร เค้าเป็นใครเหรอ คนที่หล่อๆตัวสูงๆดูแบดบอยคนนั้น แถลงการณ์ให้ชั้นฟังด้วยค่ะ ชั้นมาเป็นติ่งช้าไปหน่อยยยย

Bell Meaw Meaw พี่โชแปง เสดสาดปีสาม

Kaijig Hanjig พี่โช เสดสาดจ้า



ยิ่งกว่าได้ข่าวว่าดาวอังคารเป็นบริวารโลกอีก...ไหนว่ากลัวมันนักหนาแล้วทำไมไปกินข้าวกับมันได้วะ ไอ้พี่ไทม์เอ๊ยยยยย


Y w Y พี่เขาเป็นใครเหรอ พี่รหัสหรืออะไร แปลกตรงไหนบอกด้วยยยยย

Love cute boy ชื่อนี้คุ้นๆ อดีตแบดบอยประจำเสดสาดนิ

Bell Meaw Meaw แล้วก็เป็นอดีตคนที่เคยตามจีบพี่ไทม์ตอนปีหนึ่งด้วยไงล่ะจ๊ะ โอ้ยยยยถ่านไฟเก่ายังร้อนรอวันรื้อฟื้น #เพลงพี่เบิร์ดก็มา



เห็นแบบนี้ผมก็ไม่อยากให้พลังมโนของพวกเธอพาให้คิดจนไกลเกินไปเลย จิ้มกดมือถือยิกๆพิมพ์ส่งไป


Sky of Tan ไฟไหม้ที่ไหนเหรอครับ เดี๋ยวผมจะไปดับให้

Y w Y กรี๊ดดดดด นักดับเพลิงแบบนี้หาได้ที่ไหนคะ ขอสองที่ค่ะ!!

Kaijig Hanjig แทนๆๆๆๆๆมาแล้วววววว

Love cute boy โอ๊ยยมอดไหม้มอดไหม้ ขอเบอร์ติดต่อหน่อยค่ะ จะโทรไปเรียกมาดับเพลิงในใจ

Bell Meaw Meaw @Sky of Tan แก้ไขพิกัดให้แล้วนะคะ เชิญตามไปจิกเมียกลับมาได้เลยค่ะ



ส่งเสริมกันจัง แต่ผมก็ชอบนะที่เรียกแทนพี่ไทม์ว่าเมียผม ถึงแม้จะยังไม่ได้เป็นก็เถอะ เมื่อได้ที่อยู่มาแล้วจะรออะไรล่ะครับ ก็ตามไปสิ แต่ก่อนไปขอผมอ่านคอนเมนต์สุดท้ายจากผู้ชายคนนี้ก่อนนะครับ...อดีตบอดี้การ์ดพี่ไทม์


Sad day special @Sky of Tan หน้าที่มึงแล้วนะ ฝากจัดการด้วย


Sky of Tan @Sad day special จากนี้และตลอดไป วางใจได้เลยครับ



มีต่อด้านล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sakutaka ที่ 29-05-2018 21:07:43

ณ ร้านก๋วยเตี๋ยวเปรต เออผมจงใจเรียกมันผิดๆเองแหละ อารมณ์กำลังไม่ดี ภาพที่มินน้องรหัสพี่ไทม์โพสต์ไว้ราวกับถูกก๊อปปี้แล้วเอามาวางมันตรงนี้ ตรงหน้าผมเนี่ยแหละ ไอ้เชี่ยพี่โชมันกำลังสูดก๋วยเตี๋ยวกินข้าวกับพี่ไทม์อยู่จริงๆ ริมทางซะด้วย คนแม่งแอบถ่ายรูปกันยกใหญ่ในฐานะที่เป็นคนดังของเศรษศาสตร์ด้วยกันทั้งคู่ โดยเฉพาะคนของผมพี่ไทม์ตัวขาวจั๊วที่ตอนแรกมันแอบบ่นว่ากลัวคนดูขามันนักหนา แล้วไหงมาใส่กางเกงขาสั้นนั่งเปิดหวอให้คนอื่นดูได้วะเนี่ย ยิ่งคนที่มันนั่งอยู่ตรงข้ามด้วยแล้ว แม่งยิ่งน้ำลายสอจนล้นชามก๋วยเตี๋ยวแล้วมั้งนั่น

ท่าทีเขี่ยเส้นก๋วยเตี๋ยวดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร ผมพอจะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ย ว่าพี่มันกำลังกลุ้มเรื่องผมอยู่ ปกติถ้าอีกฝ่ายยิ้มร่านั่งราดพริกน้ำส้มลงชามเป็นวรรคเป็นเวรอยู่ล่ะก็ ผมคงไม่หน้าด้านเดินเข้ามาประชิดจนติดขอบสนามได้หรอก

“อร่อยป่ะ” ประโยคแรกทักไปแม่งเล่นตะเกียบตก ผมถึงกับเปิดที่เก็บ หยิบตะเกียบขึ้นมาแต่ไม่ยื่นให้ ก่อนถือวิสาสะนั่งลงเก้าอี้ตัวที่สามที่อยู่ระหว่างกลางของคนทั้งคู่ เจ้าตัวดูไม่ง้อแถมยังทำท่าจะเปิดฝาพลาสติกหยิบอันใหม่ แต่ผมก็ไวกว่าเอามือวางทับได้เสียก่อน

“ไอ้แทน” พี่ไทม์มันประท้วงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว หูย แม่งโคตรคิดถึงเสียงนี้ที่เรียกชื่อผมเลย ไม่ได้ยินมานานกี่วันแล้ววะ

“ครับ” ขานนิ่งๆ ไม่ทุกข์ร้อน โหมไฟที่กรุ่นในใจพี่มันต่อไป อย่างน้อยก็รู้แหละวะ ว่าพี่มันยังเหลียวแลผมอยู่บ้าง ไม่ได้เมินเฉยแล้วลุกหนีจากโต๊ะไปดื้อๆ จนพี่มันทนไม่ไหวคว้าไอ้ช้อนสั้นจ้วงเนื้อเป็ดติดหนังที่นั่งจิ้มอยู่จนถึงเมื่อครู่นั้นขึ้นมา เมื่อกี้ยังนั่งเขี่ยอย่างกับกั๊ตจังจิ้มขี้แล้วมาหิวอะไรตอนนี้ล่ะวะ แต่แล้วพฤติกรรมของพี่มันก็ทำให้ผมสะดุด

ตัก หล่น ตัก หล่น เนื้อเป็ดแม่งยาวกว่าช้อน เซอร์ไอแซค นิวตันไม่ได้บอกว่าแอปเปิ้ลเท่านั้นที่แพ้แรงโน้มถ่วงโลก ผมเลยนั่งดูคนน่ารักพยายามมันต่อไป

“ฮ่วยแม่ง มึงเป็นเป็ดหรือเกรดกูวะ ร่วงอยู่ได้” ฉุนเฉียว สอบไฟนอลกูทำพี่มันเกรดร่วงไปกี่ตัววะ ไม่น่าก่อเรื่องช่วงนั้นเลย เป็นห่วงเกรดอนาคตเมีย บ่นกับเป็ดเสร็จแม่งเหมือนหมดหนทางไปเลยหันมายกช้อนจับชามเล็งศูนย์กลางขยี้ลงไปบนเนื้อเป็ดเป็นการใหญ่

“โว้ย หั่นก็ไม่ขาดด้วยเนี่ย”

“เหมือนความสัมพันธ์พี่กับผมไง”

“...”

“ต่อให้พี่พยายามตัดยังไงก็ไม่ขาด”

“...” มุกเสี่ยวๆอย่างนี้นานปีจะมีหนเดียว แล้วผมก็จะเล่นกับคนๆเดียวด้วย พี่มันอ้าปากพะงาบพะงาบเหมือนอยากกินหอยมุกบ้านผม จนกระทั่งมีอีกเสียงดังขึ้นมาขัด

“ใครให้มึงนั่งตรงนี้วะ” โชแปงที่ใครๆก็เรียกกันว่าแบดบอยแห่งเสดสาด หรือแปลเป็นไทยว่าเด็กชายชั่ว...อ้าวแรงไปเหรอ โอเคผมเรียนวิศวะฯยังไม่อยากโยกสายไปแปลภาษา มันนั่งจ้องหน้าผมโดยใช้มือค้ำตะเกียบอยู่ ในที่สุดก็เงยมามองหน้ากูซะทีนะ ไอ้สัดตาส่อนชอบมองของขาวเอ๊ย

“ที่สาธารณะไม่ใช่เหรอครับ”

“แต่กูนั่งอยู่”

“เฮียเม้ง ผมนั่งตรงนี้ได้ป่ะ” ยืดตัวตะโกนไปถามคนที่ยืนเต้นฉกเส้นมีเหงื่อเกาะพราวใบหน้าอยู่ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเงยหน้ามามองผมรอบนึงก่อนตอบ

“เอาตีน เนื้อ เส้น หรือเกาเหลา” เชร้ดดดด เกือบคิดว่าจะโดนตีนเจ้าของร้านมันซะแล้ว ไม่เสียทีที่ฝากท้องที่นี่เป็นประจำนับตั้งแต่เข้ามาปีหนึ่งได้ครึ่งเทอม

“ขอเกาเหลาใส่ทุกอย่างเอาน้ำเข้มๆครับ เพราะผมเริ่มไม่กินเส้นกับคนข้างๆแล้ว” เหลือบไปมองคู่อริหยั่งเชิง ผมได้สิทธิ์ในการนั่งจากการสั่งเกาเหลาเฮียเม้งแล้ว ไม่นานเกินรอเกาเหลาก็มาจ่ออยู่ตรงหน้าไวเสียยิ่งกว่ากูกลั้นหายใจอีก ผมหยิบช้อนขึ้นมาหั่นเป็ด ชั่วพริบตากับที่เห็นพี่ไทม์เอื้อมมือจะไปคว้าตะเกียบอีกรอบ แต่บอกแล้วผมไวกว่าเลยตะครุบมือเนียนๆของเจ้าตัวไว้ คนอดอยากอาหารเย็นเลยจ้องตากับผมเป็นการใหญ่พลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ไอ้แทน มึงจะไฝว้กับกูใช่ป่ะ” โหยดุว่ะ พี่ไทม์ดุ ดุได้น่ารักอย่างนี้มีที่ไหนวะ

“เปล่า แค่อยากให้ลองชิมเป็ด” ใช้มือเดียวจับช้อนตักเนื้อเป็ดขึ้นมาจ่อปากได้รูปของพี่มัน ทำเอาตากลมๆเบิกโพลงแบบเดาใจผมไม่ได้

“เป็ดกูก็มี”

“แต่เป็ดผมอร่อยกว่า” ต้องพูดเบาหน่อย เพราะของเฮียเม้งแม่งเน้นคุณภาพที่เท่าเทียมกัน เป็ดโป๊ยฉ่ายเจ้าดังขนาดนี้ถ้าผมไปดิสเครดิตคงเสียทีเจ้าของร้านน่าดู

“อร่อยกว่าบ้านมึ...อื้อ” จับเอาเอ๊ยจับยัดครับ ไม่เต็มใจผมก็ไม่แคร์ หั่นให้แล้วต้องกิน พี่ไทม์เคี้ยวหน้าเป็นตูดแบบจำยอมแต่เพราะคงอร่อยมั้งไม่งั้นคงได้มีด่าอีกยกนึง

“ไทม์” กำลังสวีทหวานแหววไม่ทันไรก็โดนเสียงสัมภเวสีเข้ามาขัด มึงนั่งดูเป็นผู้ชมที่ดีอยู่เฉยๆไม่ได้หรือไงวะพี่โช ไอ้แบดบอยเสดสาดปีสามมันกำลังยื่นตะเกียบตัวเองมาให้พี่ไทม์ “เอาของพี่ไปใช้”

“แล้วทำไมพี่ไทม์จะต้องไปดูดน้ำลายอันเดียวกับพี่ด้วยวะ”

“เพราะไทม์เป็นแฟนกู”

หา?


เมื่อกี้พี่มันพูดว่าไงนะ


“มึงได้ยินมั้ย ว่าไทม์เป็นแฟนกู” ผมตบตัวเองในสมองที่มันวิ้งๆอยู่ตรงนั้น หันไปมองหน้าพี่ไทม์ที่โคตรนิ่งแบบไม่คิดจะทักท้วงอะไรแล้วใจมันแป้ว แต่อย่าคิดว่ากูจะหลงผิดเป็นครั้งสอง สัด เป็นแฟนแล้วไงวะ กูจะแย่งซะอย่างมีปัญหาเหรอ คว้าแบงค์ม่วงได้หนึ่งใบไม่รอช้าตีป้าบลงโต๊ะสแตนเลสจนน้ำข้นแม่งกระเพื่อม เสร็จก็หันไปสั่งลาเฮียเม้ง

“เฮียผมห่อกลับบ้าน!”

“เกาเหลาบ้านมึงห่อได้เหรอวะ สัดแทน” อ้าวรู้ชื่อกูไปอีก เฮียเม้งหนอ

“ใส่ถุงก็ได้!” เพื่อความปลอดภัยกูยอมใส่ถุง ลูกน้องเฮียเม้งแม่งก็ไวป่านจรวดคว้าชามเกาเหลากับข้าวเปล่าผมได้เสร็จ เรียกคิวเอสามสามห้ารับยาที่ช่องสองแล้วเขวี้ยงถุงน้ำแกงให้ ผมพลิกตัวรีบจ้ำเท้าออกมาคว้าแขนขาวได้ก็...

...ฉุดแล้วฉิวดิครับจะรออะไร...

“เฮ้ยตังค์ทอนมึง!” เสียงตะโกนไล่หลังของเฮียเม้งนั้น ไม่ทำให้กูสะทกสะท้าน ผมได้แต่วิ่งหมุนหัวกลับมาตะโกนโหวกเหวกตอบรับจากที่ไกลๆสวนกลับไปให้เป็นการหยามหน้าไอ้พี่โชมันว่า

“ผมเลี้ยงไอ้พี่บ้านั่น ไม่ต้องทอน”

จบเทคหนึ่งของผม...ได้ตัวพี่ไทม์มาแล้ว ที่เหลือก็คือใจสินะ






เคยได้ยินคำว่าแพ้มั้ยครับ แพ้แบบขาดลอยเพราะการเงียบของคนๆนึง คนที่ผมไม่เคยคิดว่าเจ้าตัวจะไม่ทักท้วงหากโดนคนที่เกลียดและกลัวซึ่งหน้ายัดเยียดสถานะว่าแฟนให้แบบจังเบ้อเร่อ

นั่นมัน...พี่โชเลยนะ พี่ไทม์แม่งคิดอะไรอยู่วะ...

ผมมาถึงหอแล้ว จับแขนพี่ไทม์ไม่ปล่อย กลัวพี่มันหนี หายไปทีให้ตามซะเหนื่อย แล้วแถมยังไปโผล่กับใครไม่ว่า ไปอยู่กับคนที่ไม่ชอบขี้หน้าเสียอีก

“...”

“...”

เออเงียบ สงสัยตอนวิ่งผมทำปากพี่ไทม์หล่นแล้วลืมเก็บกลับมาด้วย

“มีอะไรจะอธิบายผมมั้ย” ผมมันคนทนความเงียบไม่ไหว ชีวิตต้องการอะไรครื้นเครง บรรยากาศซึมเศร้าตอนนี้อย่าหวัง ผมจะทำลายให้หมด มานี่ มามองหน้ากูนี่ พี่ไทม์ อย่าหลบสายตาผม

ผมขยับมือสองข้างไปประคองแก้มนุ่มยกขึ้นแล้วบีบจนปากยู่

“อื้อออ ไอ้แทนมึงจะทำอะไรวะ” อ่าวก็เอาปากมานี่หว่า มือของอีกฝ่ายยกมาพยายามจับข้อแขนสองข้างของผมง้างออก แต่ก็ไม่เป็นผล

“ความหล่อตกพื้นเหรอ”

“หา?”

“ก้มหน้าอยู่ได้”

“เปล่า ใช่ที่ไหนล่ะวะ”

“ปากแข็งอีก เดี๋ยวก็จูบให้หายแข็งเลย” ลนลาน ขยับตัวยุกยิกใหญ่เลยครับ แต่ถ้าใช้แรงเต็มที่ผมคงจะกระเด็นมากกว่านี้ เพราะยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชาย แต่นี่ดูเหมือนจะยังไม่เปิดระบบต่อต้านสักเท่าไร

“ไอ้แทน มึงแม่งทำไมชอบอ้อยคนไปทั่วอย่างนี้วะ” ฮะ? อ้อย ผมอ้อยใครวะ พี่มันเอาอะไรมาพูด

“ผมก็อ้อยแค่พี่เนี่ยแหละ ผมจะไปอ้อยใครได้อีก”

“เออ ช่างมันเถอะ” อ้าวไม่ตอบคำถาม แถมยังปัดมือผมทิ้งได้สำเร็จอีก “กลับไปได้รึยังกูจะนอน”

“ผมกลับไม่ได้”

“เชี่ยแทน มึงอย่าดื้อด้านนักได้มั้ยวะ”

“ผมดื้อด้านอะไร ก็นี่มันห้องผม” แตกสนิทหมอไม่รับเย็บ พี่ไทม์คงสมองตื้อๆหน้ามืดตามัวระหว่างที่ผมลากจูงกลับมาทางหอของพวกเรา เลยไม่ดูตาม้าตาเรือว่าผมลากเข้ามาในห้องใคร โปสเตอร์โคบี้ ไบรอันท์ ไมเคิล จอร์แดน แปะอยู่ตรงนั้นดูด้วยครับ

“งั้นกูกลับ” นึกแล้วว่าจะมามุกนี้ ผมเลยรีบอ้าปากยั้งตีนพี่ไทม์ไว้

“ถ้าก้าวออกมาเกินพรมนี้อีกก้าวเดียว พี่ต้องเป็นเมียผม” เหยียบเบรกกันตัวโก่งล่ะครับงานนี้ หน้าเกือบทิ่มพื้นแหนะ

“ไอ้แทน ไอ้เลวเอ๊ย” พี่มันสบถ

“สุภาพกับผมหน่อย”

“กับมึง กูไม่อยากจะสุภาพแล้ว”

“ผมจะถือว่าผมพิเศษกว่าชาวบ้านนะ ถ้าพี่ไทม์หยาบคายกับผมแค่คนเดียว”

“เชี่ยเอ๊ย!” อ้าวแม่งเตะขาโต๊ะกูเฉย “แม่งสัดหอยหลอด ไปตายซะ วอทเดอะฟัค โว้ยๆๆ” สิทธิพิเศษกูเพียบ...บอกเลย

หลังจากปล่อยให้คนน่ารักสบถคำขัดกับหน้าตากระฟัดกระเฟียดเหวี่ยงหัวไปมาแล้ว เจ้าตัวก็หันมาเผชิญหน้ากับผมต่อด้วยท่าทีจริงจัง

“ไอ้แทนกูขอได้มั้ยวะ”

“ขออะไร ถ้าผมทำให้พี่ได้ ผมทำให้หมดแหละ”

“กูขอ...”

“ยกเว้นอย่างเดียว ถ้าขอให้ผมไปจากชีวิตพี่อย่าหวังว่าชีวิตนี้จะได้มีวันนั้นเลย” ผมดักทางถูก สิ่งเดียวที่เจ้าตัวน่าจะขอผมตอนนี้คงมีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว เจ็บว่ะ แต่หน้าด้าน จะทำไม

“ถ้ากูมีแฟนแล้วมึงก็จะยังอยู่อีกเหรอวะ”

“...” นั่นไง หลุดมาอีกแล้ว เรื่องนี้แหละที่ผมอยากรู้ที่สุด ขอให้เป็นแค่เรื่องสมมุติอย่าเอาไปเชื่อมโยงกับที่พี่โชมันพูดเลยนะผมขอ “พี่ยังไม่มีแฟนหรอก”

“กูกำลังจะมี”

“กับใคร”

“กับพี่โช” แต้มบุญผมมันน้อยมากเลยใช่มั้ย ถึงขอไปแล้วไม่ได้ผลน่ะ

“คบกันแล้ว”

“ยัง แต่กูกำลังจะตอบ” พี่โชมันสายคณิต แต่สงสัยแม่งเกรดหมาภาษาไทยมันเลยตกคำว่า ‘กำลัง’ ไปตอนที่พูดกับผม บอกออกมาได้ไงวะว่าพี่ไทม์เป็นแฟนมัน คนตัวขาวตรงหน้ายังไม่ตอบรับมันด้วยซ้ำ

“ตอบอะไร ตอบปฏิเสธมันเหรอ”

“ตอบปฏิเสธแล้วกูจะได้แฟนเปล่าวะ ประสาท”

“ถ้าอยากได้แฟน ก็เนี่ย ยืนอยู่นี่ทั้งคน ขอผมมาผมก็ยอมเป็นแฟนพี่ไปถึงชาติหน้าแล้ว” ถึงยังไม่รู้ว่าเกิดมาชาติหน้าผมจะเป็นหมารึเปล่า แต่ตอนนี้แม่งโคตรหมาหัวเน่าเลยว่ะ น้อยใจ

“กับคนมีเจ้าของแล้วกูไม่เอามาทำแฟนหรอกเว่ย”

“แล้วกับไอ้แบดบอยที่แม่งไม่มีแฟนแต่ร่านไปทั่วพี่จะเอามาทำผัวเหรอวะ”

“เชี่ยแทน ทำไมมึงพูดจาไม่น่ารักอย่างนี้วะ”

“แล้วพี่แต่งตัวน่ารักให้ผมได้ตอบกลับพี่ดีดีมั้ยล่ะ!” สายตากูลงไปง่ามขาพี่ไทม์ทันที โว้ย หงุดหงิด เสียขาให้หมาดูไปกี่รอบแล้วล่ะ ของสงวนของผมแท้ๆ ใครให้พี่มันยืมกางเกงขาสั้นใส่วะ ไหนบอกว่าไม่มีในตู้ไง

“กูร้อนเถอะ ถึงใส่”

“ตอนนอนอยู่บนเตียงยังบ่นงื้อๆหาผ้าห่มอยู่เลย แล้วมาร้อนอะไรตอนนี้วะเนี่ย” สัด กูทำพี่ไทม์หน้าแดง พี่มันน่าจะรู้ดีนะว่าผมนอนอยู่ข้างๆ ก็ตอนตื่นมาผมไม่เห็นหน้ามันแล้วหนิ ไหงมาแดงย้อนหลังตอนนี้ได้วะ

“ตะ...ตอนนั้นกูก็ใส่กางเกงตัวนี้นอน”

“ทีหลังไม่ต้องใส่แล้ว ถอด!” อยากดูนะ แต่ของสงวนแบบนี้นานๆดูทีมันถึงจะเร้าใจ ผมหยิบกางเกงลำลองขายาวผ้ายืดที่ชอบใส่อยู่กับหอมาโยนให้พี่มัน ก่อนย่างสามขุมเดินเข้าหากระชากกางเกงขาสั้นยางยืดของอีกฝ่ายลงอย่างแรง

“เชี่ย!” คนโดนจู่โจมกะทันหันได้แต่สบถ ทำอะไรไม่ถูก จะขยับเท้าถอยหนีก็สะดุดอยู่ในวงขากางเกงที่กรอมอยู่ตรงข้อจนหงายหลังตึง โชคดีที่ข้างหลังเป็นเตียงเลยไม่มีการบาดเจ็บใดใด ส่วนผมน่ะเหรอก็ตามไปติดๆดิครับ “เชี่ยแทน ทำเหี้ยอะไรวะ!”

“เปลี่ยนกางเกงให้พี่ดิ ถามได้” ผมนั่งทับตัวพี่ไทม์ไว้ ส่วนตีนก็ยื่นไปเขี่ยกางเกงขาสั้นที่ทำผมหงุดหงิดให้หลุดจากข้อเท้าร่วงแหมะลงพื้น คว้ากางเกงขายาวจากมือพี่มัน พลิกตัวหันหลังทับท้องพี่มันราวกับนั่งบานาน่าโบ๊ต ได้ยินเสียงจุกเล็กๆจากร่างข้างใต้ ไส้จะแตกมั้ยวะแอบกลัว

“อุก...ไอ้ห่าน มึง...ทับมาได้น้ำหนักตัวมึงแม่งแบกควายได้ทั้งตัวเลยนะ สัด” ด่าไปก็เอามือดึงขอบกางเกงผมที่กำลังหันไปเผชิญอยู่ต่อหน้าพี่มันไปด้วยเหมือนอยากเอาคืน แต่ผมจะรู้สึกเสียวแทนน่ะดิไม่ว่า

“ทนอีกนิด เปลี่ยนเสร็จก็เลิกจุกแล้ว”

“เปลี่ยนอะไรกันอยู่ครับพี่น้อง~”

“มีจุกๆๆด้วย”

“ก็เปลี่ยนกางเกงอ่ะดิ” ผมตอบไปแบบไม่คิด แต่เอ๊ะ เสียงที่สามที่สี่นี่มันมาจากไหนวะ จนกระทั่งเงยหน้าขึ้นไปมองต้นทางของเสียงนั่นแหละ

เชี่ยเอ๊ย ยืนกันให้สลอนเลย

“อูยย ซี้สสส เชี่ยแตมกูไม่ต้องเช่าหนังเรทอาร์มาดูแล้ววะ” ไอ้เป้งจับแขนเสื้อเพื่อนมันเขย่า

“สัดเป้ง กูจะออก” ส่วนเชี่ยแตมก็เอามือกุมเป้า เขย่าไข่ ก่อนมองซ้ายมองขวาเหมือนหาทางไปห้องน้ำ

“พวกมึงสองคนไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ กลับห้องพวกมึงไป” ส่วนไอ้เสาร์มันจับไหล่เพื่อนอีกสองตัวทำท่าเหมือนจะลากออกไป

“เชี่ยกูยังดูไม่จบเลย”

“ขาพี่ไทม์แม่งโคตรขาว” สัดเอ๊ย คว้ามือถือขึ้นมาปาหัวแม่ง ไอ้คนปากดีหลบไม่ทัน โดนกบาลเข้าไปอย่างจังก่อนมือถือจะร่วงลงโซฟา “โอ๊ยยย เชี่ยหัวกู เลือด เลือดออกด้วย ไอ้สัดแทน ไอ้คนหวงเมีย เวรเอ๊ย กูเสียโฉมไปทำไงเนี่ย”

“ดีเท่าไรแล้วที่กูไม่ควักลูกตาพวกมึงออกมาด้วย ไอ้เสาร์มึงพาพวกมันกลับไปเลยนะ”

“เออ มึงก็อย่ารุนแรงละกัน ทีหลังก็หัดล็อคประตูด้วย” ไอ้ตัวสูงลากอีกสองตัวถูกลู่ถูกังออกไป ก่อนห้องจะกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง

ปัง!

ฮู่...แม่งยิ่งกว่าฝ่าสมรภูมิรบอีก

ส่วนลูกนกที่อยู่ใต้ตัวกูน่ะเหรอ ช็อคไปแล้วครับ

“ฮือ เชี่ยแทนกูจะฆ่ามึง”

“ถึงได้บอกไงว่าอย่าใส่กางเกงสั้นๆ”

“คราวนี้มันไม่สั้นแล้ว มึงเล่นถอดของกูหมดเลย ไอ้เชี่ยนี่” ก่อนคนที่ผมอุตส่าห์ตั้งใจตามมาง้อจะน้ำตาไหลพรากหนักไปกว่านี้ ผมจัดการยัดขาสองข้างของอีกฝ่ายเข้าไปในกางเกงแล้วดึงขึ้นมาถึงเอวอีกฝ่าย ก่อนพลิกตัวอีกครั้งมานั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้างโดยไม่ลืมที่จะดึงพี่ไทม์ให้ลุกขึ้นมานั่งตามไปด้วย

“จะคุยกันดีดีได้รึยัง”

“มึงนั่นแหละ ไม่ยอมคุยกับกูดีดีตั้งแต่แรก” นี่กัดยาวไปถึงตอนที่ผมหนีหน้าพี่มันมาใช่มั้ยเนี่ย

“ผมยอมแล้ว ตอนนั้นผมผลุนผลันเกินไปจริงๆ” เจ้าตัวเหมือนจะสงบลงไปเยอะและยอมฟังผมมากขึ้น

“แต่เรื่องมันก็จบดีแล้วหนิ น้องสาวมึงก็ได้แต่งงานกับคนที่ควรจะแต่งด้วยแล้ว ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน เรื่องนั้นก็ช่างมันเถอะ”

“เหมือนตรงไหน พี่ยังหลบหน้าผมอยู่เลย”

“ไม่มีธุระต้องยุ่งเกี่ยวกันแล้วนี่หว่า”

“ตรงไหนที่บอกว่าไม่มี”

“ถ้าเป็นเรื่องที่กูต้องไปขอขมาพ่อแม่มึงที่หลอกพวกท่าน เดี๋ยวกูจะไปขอพบวันหลัง”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นดิ”

“มึงอย่ายุ่งกับกูอีกเลยได้มั้ยวะ ไอ้แทน” เสียงพี่ไทม์เหมือนร้องอุทรณ์ ดวงสุกใสรื้นน้ำตาขึ้นมากะทันหันทำให้ผมถึงกับสะดุ้ง “กูขอร้อง” กระแสเสียงสั่นเครือจนใจผมสั่น นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ มันร้ายแรงถึงกับขั้นให้ผมยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้เลยเหรอ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” มันไม่ธรรมดาแล้ว ในหัวผมคิดแต่เรื่องง่ายๆอย่างที่มันควรจะเป็น คือการที่ฟ้าได้แต่งงานกับพี่แม็ค พี่ไทม์เลิกเป็นตัวตายตัวแทนของอีกฝ่าย ส่วนผมก็ได้คบกับคนที่ผมตกหลุมรักมาตลอดนับตั้งแต่ม.ห้า หรือผมคิดง่ายไปวะ...หรือว่าที่ผ่านมา พี่ไทม์ไม่เคย...รักผมเลย...

“กูจะคบกับพี่โช”

“...”

“พี่โชเขาบอกว่ารักกูจริงๆ”

“ผมก็รักพี่เหมือนกัน”

“แต่มึงไม่ได้รักกูจริงๆ” น้ำหยดแรกร่วงหลุดออกจากตา เปื้อนสันจมูกของคนตรงหน้าก่อนหยดลงเตียง “มึงยังมีใครอีกคนอยู่ในใจ”

ภาพของพี่ไทม์ที่สตัฟฟ์ไว้ตั้งแต่ม.ห้า ยังเป็นภาพงดงามในความทรงจำของผมเสมอ เข้ามหา’ลัยก็ได้แต่หวังว่าจะเจอแต่คนๆนี้ แล้วกูจะมีเชี่ยคนไหนอยู่ในใจอีกวะ ผมพยายามครุ่นคิดแต่แม่งในหัวผมก็เอาแต่ตีความแง่ร้าย เลยลุกขึ้นยืน หันมามองหน้าคนที่ยังเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ก่อนกล่าวอำลาเป็นครั้งสุดท้าย

“ผมไปก่อนนะ” ให้มันจบแบบนี้คงดีแล้วใช่มั้ย ขอบคุณสำหรับความทรงจำดีดีกับความรักวัยใสที่มอบให้ผมนะ ผมเดินก้าวไปจนถึงประตูได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังไล่หลังมาไม่ขาดระยะ ก่อนจับลูกบิดขยับเปิดออก เชี่ยแม่งบ้าบอไปแล้วใครจะให้จบง่ายๆแบบนี้วะ ปิดประตูฉับล็อคกุญแจแล้วเดินตึงตังกลับไปทางเก่า ทันได้เห็นคนมีน้ำตาร้องไห้โฮยกมือปาดหน้าเป็นการใหญ่

“ไล่ผมไปแต่กลับมาร้องไห้อย่างนี้เนี่ยนะ จะให้ผมคิดยังไงวะ” อยากกอดเด็กดื้อใจจะขาด ผมปราดขึ้นเตียงดึงพี่ไทม์เข้ามาสวมกอดเสียแน่น

“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ฮึก...ไม่ต้องสนใจกู ฮึก...ปล่อยผ่าน เข้าใจป่ะ” มาเป็นจังหวะแร๊พโย่เลยมึง

“โอ๊ย ผมจะบ้าตาย พี่พูดมาเหอะ ว่าพี่หมายถึงใคร ผมมันโง่เดาใจพี่ไม่ถูกหรอก ตอนนี้ผมแม่งรู้อย่างเดียวอ่ะว่าในหัวผมมีแต่เรื่องพี่ ผมเลยตอบไม่ได้ไงว่าใจผมมีใครอีกคน” แค่นั้นแหละครับแม่งสั่งน้ำมูกใส่อกผมเต็มๆ เออะ...ได้ข่าวว่าตั้งแต่กลับมาจากงานแต่งผมยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อเลย เสื้อกั๊กกูได้ส่งซักตามระเบียบ

พี่ไทม์สะอึกสะอื้นฮึกๆฮักๆอยู่พักใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นมา หัวเหอตาเตอแม่งแดงอย่างกับเด็กพึ่งคลอดเห็นแล้วโคตรเอ็นดู ผมยกนิ้วโป้งขึ้นปาดใต้ตาทั้งสองข้างก่อนยิ้ม

“หน้าตลกฉิบหายเลย” เอ้าโดนทุบอีก เห็นกูเป็นอะไรผ้าเช็ดหน้าหรือกระสอบทรายกันแน่วะ

“ไม่ตลกนะมึง” มีงอนอีกเว้ย

“ผมก็ไม่ตลกเหมือนกัน นี่ผมจริงจังนะ”

“จริงจังกะผีน่ะดิ หน้ามึงยังเหมือนล้อเล่นกับกูอยู่เลย”

“ก็ผมอยู่กับพี่แล้วมีความสุข”

“...”

“ผมอยู่กับคนที่ผมรักแล้วมีความสุข หน้าตาผมก็ต้องเป็นแบบนี้สิ”

“...”

“บอกมาได้รึยังว่าใคร ผมรอจนหมดแรงแล้วนะ จะให้รอไปจนแก่เลยมั้ย”

“ถ้ามึงรอได้”

“จะแก่จนตายผมก็ยอม ผมรอได้อยู่แล้ว เพื่อพี่”

“กูขอไปล้วงคออ้วกแป๊บ”

“ก่อนไปบอกมาก่อนว่าใคร”

“...”

“ใครกันครับพี่ไทม์”

“...”

“บอกผมมาเถอะนะคนดี” ผมจับแก้มนุ่มๆนั่น ขยับหน้าผากไปแนบสัมผัสกับเหม่งอีกฝ่าย ได้ยินกระแสเสียงเบามาพร้อมกับริมฝีปากได้รูปที่ขมุบขมิบอยู่คู่นั้น

“ก็มายด์ไงล่ะ”

“มายด์”

“มายด์แฟนมึงไง”

“อดีตเหอะ”

“อดีตแล้วทำไมยังโทรคุยกันทุกวันวะ อย่าคิดว่ากูไม่รู้ไม่เห็น” ถอยออกมามองหน้าคนที่ดูเหมือนจะมีอารมณ์ฉุนนิดๆแล้วก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้

“หึงเหรอ”

“หึงหมายังดีกว่าหึงมึง”

“แต่ก็หึง” ต้อนมันเข้าไปให้จนมุม ร่างตรงหน้ากัดริมฝีปากกลอกตาไปมาเหมือนมะเขือเทศที่กำลังโดนสูบลมเตรียมระเบิดอยู่รอมร่อ

“เออเว้ย กูหึง บอกตรงๆก็ได้ว่ากูหึง มีอย่างที่ไหนมีตัวจริงเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วยังมาล้อเล่นกับใจกู มึงมันเลวมากเลยรู้มั้ย ถ้าไม่มาทำให้กูคิดมากตั้งแต่วันสอบแอด ไหนจะมาตามตูดกูต้อยๆอย่างที่ผ่านๆมา กูก็คงไม่คิดมาก ไม่ตกหลุมรักมึงอย่างนี้หรอกโว้ย”

...ทำไม ผมเหมือนโดนพี่ไทม์มันปล่อยหมัด ไซด์เฮดล็อคทำคริติคอลตายตอนจบเลยวะ ใจมันพองโตฟูฟ่องละอองฟิ้วแบบห้ามไม่อยู่ นี่อีกฝ่ายกำลังบอกว่าใจตรงกับผมใช่มั้ย ใช่มั้ย ใช่มั้ย...โว้ย อยากเอาหัวโขกกำแพงซักสามสิบทีพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป...

“มายด์ก็แค่แฟนเก่า ตอนนี้เป็นแค่เพื่อน ที่โทรมาหาทุกวันช่วงนี้เพราะเจ้าตัวกำลังจะทำเรื่องซิ่วมาเรียนต่อที่นี่ เลยโทรมาถามที่ทางว่าจะไปตึกนี้ต้องไปยังไง จะทำธุระแบบนี้ต้องติดต่อที่ไหน ก็แค่นั้นเอง”

“แล้วทำไมตอนมึงหายไป มึงต้องไปดื่มกับเขาด้วยวะ เพื่อนก็มีตั้งเยอะแยะ จำเป็นจะต้องไปดื่มกับแฟนเก่าด้วยเหรอ” พี่ไทม์แม่งหึงผมมากกว่าที่คิด ผมจะหน้าแดงแข่งสู้กับมันแล้ว ไม่อยากนึกสงสัยอีกต่อไปว่าครั้งนั้นที่คุณชลาศัยถาม ทำไมเจ้าตัวถึงไม่ยอมบอกว่ารักผมทันที เพราะยังมีปมเรื่องนี้สินะ

“มายด์เขาโทรมาพอดี ความจริงถ้าไม่มีเหตุการณ์นั้นผมอาจจะกำลังนั่งดื่มกับไอ้เสาร์ก็ได้”

“มึงแม่งคออ่อนเหอะ เมาจนไปมีอะไรกับใครยังไม่รู้ตัวเลยมั้ง”

“ใครบอกว่าผมคออ่อนล่ะ”

“อย่ามาโกหก ดื่มคราวที่แล้วยังเมาเป๋จนต้องมาค้างหอกูเลย”

“เป๋ยังไงผมก็ไม่ร้องเพลงแทตทูคัลเลอร์ได้ครบจบทั้งประโยคหรอก”

“...”

“ผมยังสดอยู่นะ”

“...”

“ยังใช้เชนการ์ดอยู่มั้ยครับมาให้ผมดมที” ผมจับหัวอีกฝ่ายเข้ามาดม หอมลงไปฟอดใหญ่ นิ่งไปแล้วครับอนาคตแฟนกู แต่สักพักเหมือนคลื่นลูกใหญ่แม่งกำลังมา

“อ้าย เชี่ย แทนนนนนน!” เอาล่ะครับ บรรดาตีน มือ หมัด แม่งมาหมด ผมแปลงร่างเป็นกระสอบทรายแทบไม่ทัน พอโดนตุ๊ยหนักๆซ้ำๆเข้าจุดเดิมก็เริ่มทนไม่ไหวเลยคว้าข้อมือคอดๆของอีกฝ่ายกดลงไปที่เตียงทั้งตัว

แฮ่ก เหนื่อยว่ะ พี่ไทม์แรงเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ กว่าจะปราบพยศได้ แหนะยังดิ้นอีก อย่าให้ผมได้ขึ้นเมื่อไรนะพ่อจะใช้การปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราช กูเป็นคิงและมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการบริหารชลธีเว้ย

“พี่ไทม์” ร่างข้างใต้ดูตื่นๆมองผมที่เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงแผ่วเบา หลังจากที่ผมกดแนบทั้งตัวลงไปทาบทับกันคนดื้อดิ้นหนี

“...”

“ผมมองพี่มาตั้งแต่ม.ห้าแล้วนะ”

“...”

“ไม่เคยลบออกไปจากสมองได้เลย แม้แต่ตอนที่คบกับมายด์เพื่อให้ลืมพี่ ผมรู้ใจตัวเองเลยว่ามันทรมาน เพราะพี่เป็นที่สุด คนเดียว และคนสุดท้ายของผมแล้ว”

ผมตะแคงหน้าให้พบกับสายตากลมโตที่จ้องมองมา มันบ่งอารมณ์ทั้งดีใจ แปลกใจ หลากหลายปะปนกันไป

“ผมจูบพี่ได้มั้ย” โดยไม่รอคำตอบ ผมรู้ว่าคนข้างหน้าพร้อมแล้วที่จะรับจุมพิตจากผม ผมก้มลงไปจูบร่างข้างใต้ พี่ไทม์นอนตัวแข็งค้างอยู่เพียงครู่ก็เริ่มผ่อนคลายความตึงเครียดลง ริมฝีปากของเราสัมผัสกันแนบสนิทและเนิ่นนาน เราเคยจุมพิตกันอย่างนี้อยู่หลายครั้ง แต่ตอนนี้เหมือนผมพึ่งกำลังเริ่มต้นเรื่องราวชีวิตใหม่ เรื่องราวที่เราสองคนใจตรงกัน ถึงแม้คราวนี้จะเป็นการสัมผัสที่ไม่ลึกซึ้งแต่มันจะยังตราตรึงอยู่กับใจไปอีกนาน ผมถอนใบหน้าออกในใจยังโหยหากลีบปากบางนั้น แต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้

“วันจันทร์ไปบอกพี่โชด้วยนะ ว่าพี่มีผัวแล้ว”

“ผัวที่ไหน มึงยังไม่ได้...”

“หรืออยากให้ผมเอาพี่ตอนนี้” โหย ความเงียบสั่งได้ เดี๋ยวพอถึงเวลาพี่มันก็จะต้องเผชิญกับความหื่นในตัวผมเข้าซักวัน

“มะ...” ติดอ่างเลย แม่งโคตรน่ารัก

“มะ...มะอะไรครับ”

“ไม่ต้องบอกกูก็รู้รึเปล่าวะ ของมึงตั้งอยู่ทนโท่กูเห็นนะโว้ย!” ตะโกนใส่หน้าแต่ไม่ยักจะโดนถีบ สงสัยพี่มันยังคงเห็นใจน้องน้อยที่เริ่มมีอารมณ์จนโป่งนูนขึ้นมาของผม นี่แหละครับ ผู้ชายย่อมเข้าใจผู้ชายด้วยกัน ไม่มีใครกล้าถีบหรือทำร้ายของสงวนอีกฝ่ายให้ตายตรงหน้าหรอก

“กับแค่พี่เนี่ยแหละ ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ พี่ต้องภูมิใจนะ”

“ไม่เห็นจะภูมิใจเลย มึงปล่อยกูนะเว้ย กูจะกลับห้อง ฮือออ”



ติ๊ง!!
ภาพแทนใส่ชุดทักซิโด้สีน้ำเงินลากไทม์ออกจากร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด

Bell Meaw Meaw โอ้ย รันอเวย์ไบรด์ เหมือนพี่ไทม์โดยฉุดเข้าพิธีวิวาห์ #ชลธี เกียรติไพศาล ลูกสะใภ้คนแรกของตระกูลเกียรติไพศาลค่า

Y w Y ตายอย่างสงบศพสีฟ้าน้ำทะเล(สรุบถชลธี)

Love cute boy ท้องฟ้ากับทะเลที่ดูเหมือนไม่น่ามาบรรจบกัน แต่แทนไทม์กำลังทำให้ชั้นสั่นไปถึงหัวใจ #ชลธี เกียรติไพศาล

Kaijig Hanjig งานแต่งจัดที่ไหนบอกด้วยนะคะ อยากไปร่วมพิธี กรี๊ดๆๆๆ #ชลธี♡สุรบถ



END
+++++++++++++++++++++++++++++++++++

เกือบครบรอบหนึ่งปีแหนะ 55
ขอบคุณคนอ่านที่ตามมาถึงตอนจบนะคะ
ที่มีกำลังใจเขียนจนถึงตอนนี้ได้เพราะคุณๆทั้งหลายแหละค่ะ
เรื่องราวของเขาสองคนแทนไทม์ ต้องจบแต่เพียงเท่านี้ แต่จะมีตอนพิเศษหรือเปล่านั้นขออุบไว้ก่อน

มีคำติชมแวะเข้ามาให้คำแนะนำได้เลยนะคะ
อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ทุกกำลังใจที่ผ่านมาค่า
บ๊ายบาย ไว้เจอกันใหม่เรื่องหน้า
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 29-05-2018 22:52:25
 :mew1:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: เปลว แว๊บแว๊บ ที่ 31-05-2018 17:28:46
ไปอยู่ไหนมาพลาดนิยายดีๆแบบนี้ได้ไง ฮืออออ อ่านรวดเดียวจนจบเลย สนุกมากๆเลนค่ะคนแต่ง สู้ๆน้าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-06-2018 03:03:53
 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: meyj4ever ที่ 05-06-2018 11:33:31
สนุกมากกกก...อ่านรวดเดียวจบ
กว่าจะลงเอยกันได้เนาะ
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 05-06-2018 13:41:48
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-09-2018 14:24:52
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 30-09-2018 06:14:50
 :pig4:
หัวข้อ: Re: {Will you be my family?(น้องครับฯ?)}บทที่23:แล้วเราจะได้พบกันอีก(END)[29/05/18] P.3
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 14:44:34
 :pig4: