พิมพ์หน้านี้ - { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: lostboy ที่ 22-06-2017 13:56:28

หัวข้อ: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 22-06-2017 13:56:28
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
















สวัสดีครับ
เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของผม
อาจจะมีสะดุดบ้าง อ่านแล้วรู้สึกติดขัดไปบ้าง
ภาษาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก
สัญญาว่าต่อไปจะพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆครับ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ  :L2:





หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 1 [ 22/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 22-06-2017 21:55:20
Chapter 1

ผมชื่อบีมครับ เป็นนักศึกษาแพทย์ปี 3 จะเรียกผมว่าหมอบีมเหมือนที่เพื่อนๆเรียกก็ได้นะครับ ที่จริงผมเป็นเด็กที่เรียนไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แต่ผมอยากเป็นหมอเหมือนพ่อ ทำให้ผมต้องขยันอ่านหนังสือจนสอบติดแพทย์ และผมก็เอาแต่อ่านหนังสือไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่ ไปไหนผมก็ไปคนเดียวตลอด

วันนี้ผมก็มากินข้าวที่โรงอาหารคณะแพทย์คนเดียวเช่นเคย ไม่ใช่ว่าเพื่อนไม่คบนะครับ เพื่อนชวนผมไปนั่งด้วย แต่ผมอยากอ่านหนังสือมากกว่า กินข้าวไปอ่านหนังสือไปนี่แหละครับ จะทำไงได้ล่ะ ผมหัวไม่ดีเหมือนคนอื่นก็ต้องขยันสิครับ

ระหว่างที่ผมกำลังกินข้าวอยู่ ผมก็ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆทั้งโรงอาหาร ดารามาเปิดคอนเสิร์ตรึไงวะ?

“ อร๊ายยย พี่แวม ”

“ กรี๊ดดด แกดูสิ พี่แวมมา ”

“ กรี๊ดดดหล่อมาก ”

ผมต้องเอามืออุดหูปิดเสียงกรี๊ดไว้แทบไม่ทัน อะไรจะกรี๊ดขนาดนั้น?

โอ้ววว หล่อจริงๆด้วยว่ะ

ผมมองออกไปหน้าโรงอาหารก็เห็นหนุ่มหล่อ สูง ขาว ตาคม หุ่นนายแบบ หน้าตายังกับพระเอกหนังฮ่องกง ใส่ช็อปวิศวะโคตรเท่ห์ แม่ง ขับรถสป็อตราคาแพงซะด้วย ท่าทางคงจะรวยน่าดู แต่เสียอย่างเดียว ขี้เก๊กชะมัด

“ นั่นพี่แวม อยู่คณะวิศวะปี 3 อดีตเดือนมหาลัยค่ะ ”
ข้าวฟ่าง น้องรหัสจอมจุ้นของผมรีบพุ่งตัวมานั่งข้างๆผม พร้อมเม้าส์เรื่องไอ้ขี้เก๊กนั่นทันที อืม ระดับเดือนมหาลัยเลยเหรอ? แต่จะว่าไปผมก็พอจะคุ้นหน้าคุ้นตามันอยู่บ้างนะ

“ เหรอ? ”
ผมตอบอย่างไม่สนใจอะไรนัก

“ เห็นว่ากำลังกิ๊กกั๊กอยู่กับพี่เฟย์นะคะ ”
แฮ่กๆๆ ผมแทบสำลักข้าวที่กินเข้าไปเมื่อกี๊ทันที ก็เฟย์คือผู้หญิงที่ผมตามจีบมาตั้งแต่ปี 1 นี่ครับ ผมชอบเธอมาก เธอเป็นอดีตดาวคณะแพทย์ ทั้งสวยทั้งน่ารัก ใครๆก็ชอบ

แต่ไอ้ขี้เก๊กนี่มันเป็นใคร? อยู่ดีๆมาแย่งเฟย์ไปจากผมง่ายๆเฉยเลย

ว่าแล้วผมก็เห็นนางฟ้าของผมกำลังเดินไปหาไอ้ขี้เก๊กนั่น เฟย์ควงแขนไอ้แวมขึ้นรถสปอร์ตสุดหรูออกไปแล้ว

แต่ถ้าผมไม่คิดไปเอง ผมเห็นไอ้ขี้เก๊กนั่นมองมาที่ผมด้วยนะ แบบนี้มันหยามกันชัดๆ

“ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ”
เฟย์เอ่ยขอบคุณไอ้แวมที่ขับรถมาส่งเธอหน้าคณะเพื่อเรียนรอบบ่าย ก่อนที่เธอจะเอี้ยวไปหอมแก้มมันต่อหน้าต่อตาผม ให้ตายเถอะ เจ็บชะมัด

“ เฟย์ ”
ผมเอ่ยเรียกเธอก่อนที่เธอจะเข้าห้องเรียน

“ เอ้า หมอบีม มีอะไรเหรอ? ”
เธอยังคงทำท่าทีร่าเริงสดใสเช่นเคย และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผมชอบเธอ

“ คนเมื่อกี้แฟนเฟย์เหรอ? ”
ผมถาม

“ ใช่ ทำไมเหรอ? ”
เธอตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม

“ เปล่า ”
ผมได้แต่สะกดกั้นความเสียใจเอาไว้ จะทำไงได้ล่ะ ผมหล่อสู้ไอ้ขี้เก๊กนั่นไม่ได้อยู่แล้วนี่

“ ไอ้หมอบีม หน้าตามึงเศร้าๆนะเว้ย ”
หลังเลิกเรียน ไอ้หมอก่อเพื่อนของผมมันก็เดินมาเกาะไหล่ผมทันที

“ หมอบีมอกหักเหรอครับ? ”
ไอ้นี่คือคุณหมอเกื้อ แฝดน้องของไอ้ก่อ มันเป็นคนสุภาพมากๆครับ

สองคนนี้หน้าตาเหมือนกัน แต่นิสัยและไลฟ์สไตล์ต่างกันสุดขั้ว ไอ้ก่อแม่งเป็นหมอสายเถื่อน ชอบทำตัวเซอร์ๆ ส่วนไอ้เกื้อสุภาพเรียบร้อยโคตร จุดสังเกตคือไอ้เกื้อจะย้อมผมสีน้ำตาลอ่อนเซ็ตผมเรียบร้อยทุกวัน ส่วนไอ้ก่อผมดำธรรมชาติแต่ยุ่งไม่ค่อยเป็นทรง มันบอกว่าแนวดี เออ เอาเถอะ พวกมึงหน้าตาดีทำอะไรก็ดูดีไปหมดแหละ

“ เย็นนี้ไปแดกเหล้าย้อมใจกับกูมั๊ยมึง? ”
ไอ้ก่อเอ่ยปากชวน

“ ไม่ได้นะก่อ เดี๋ยวแม่ก็บ่นอีกหรอก ”
ไอ้เกื้อทำหน้าดุใส่ไอ้ก่อ

“ มึงก็อย่าบอกแม่ดิ บอกว่าไปติวหนังสือกับเพื่อนไง ”

“ โกหกแม่มันไม่ดีนะก่อ ”

“ พอๆๆ พวกมึงเลิกเถียงกันได้แล้ว ”
ผมรีบห้ามไอ้สองพี่น้องก่อนที่มันจะเถียงกันไปมากกว่านี้

“ แล้วสรุปมึงจะไปไม่ไป? ”
ไอ้ก่อหันมาถามผม

“ เออ วันนี้กูไป ”
ปกติไอ้ก่อชวนไปกินเหล้าทุกวัน ผมก็ไม่ค่อยไปกับมันหรอกครับ แต่วันนี้ผมอยากจะย้อมใจจากการอกหักซะหน่อย

“ ถ้าหมอบีมอยากไป เกื้อคงต้องยอมโกหกแม่แล้วล่ะครับ ”
ไอ้หมอเกื้อทำหน้ารู้สึกผิด

“ ดีมากน้องรัก มันต้องอย่างงี้ ”
ไอ้ก่อเดินไปกอดคอไอ้เกื้อ ก่อนจะกอดคอผมให้เดินไปด้วยกัน

ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็เป็นลูกคนรวย กินเที่ยวใช้เงินตามใจชอบ แต่ดีหน่อยที่ตั้งใจเรียน วันนี้มันก็พาผมมาเที่ยวผับใหญ่ในย่านใจกลางเมืองที่มีแต่พวกลูกไฮโซเขาเที่ยวกัน

“ ไปร้านเหล้าหลังมอไม่ง่ายกว่าเหรอวะ? ”
ผมบอกมัน เพราะที่นี่ก็ไกลจากมหาลัยพอสมควร เดี๋ยวพวกมันก็ต้องขับรถกลับไปส่งผมอีก

“ ที่นี่แหละเด็ด เอาน่า กูเลี้ยงเต็มที่เว้ย ”
ไอ้ก่อพูด

พอรถมันจอดหน้าผับก็มีพนักงานมารับรถไปจอดทันที ไม่ต้องหาที่จอดรถให้ยาก เพราะไอ้ก่อมาที่นี่บ่อยจนกลายเป็นลูกค้าวีไอพีไปแล้ว

ตอนพวกผมเปลี่ยนจากชุดนักศึกษาเป็นชุดลำลองสำหรับเที่ยวกลางคืนโดยเฉพาะ ไอ้ก่อแม่งก็แต่งซะเซอร์ แต่มันก็เซอร์แบบดูดีมีระดับนะ ส่วนไอ้เกื้อแม่งก็ดูเท่ห์ชะมัด เห็นเรียบร้อยๆที่จริงมันแต่งตัวเก่งมาก เรื่องแฟชั่นนี่ขอให้บอก สไตล์ไหนฮ็อตฮิตมันตามทันหมด

พูดแล้วก็สงสารตัวเอง ใครจะแต่งตัวเฉิ่มได้เท่าผมเนี่ย เสื้อเชิ้ตสีดำคู่กับกางเกงยีนธรรมดาๆ แถมยังใส่แว่นสายตาอีก แล้วสาวๆที่ไหนจะมองผมล่ะเนี่ย

พูดถึงสาวก็ทำให้ชวนนึกถึงเฟย์ นางฟ้าของผม อุตส่าห์ตามจีบมาตั้งนานไม่เคยจะสนใจ ไอ้ขี้เก๊กนั่นมาจากไหนไม่รู้ จีบแป๊ปเดียวก็คาบเธอไปกินซะได้

“ เอ้าชนนน!! ”

“ ชน!! ”

“ ชนเว้ย!! ”

“ แดกๆๆ ”

มากันแค่สามคนแต่แม่งเฮฮาชิบหาย เสียงดังกว่าโต๊ะอื่นอีก จังหวะเพลงEDMนี่ก็มันส์เหลือเกิน ว่าแล้วไอ้ก่อก็ลุกขึ้นไปเต้นในฟลอร์คลอเคลียกับสาวสวยเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ไอ้เกื้อที่ยังไม่เมา มันบอกว่าจะคอยดูแลเก็บซากพวกผมตอนเมาเอง ช่างเป็นคนดีจริงๆพ่อคุณ

ผมลุกขึ้นไปเต้นกับไอ้ก่ออย่างสนุกสนาน ก็มีสาวๆเข้ามาเต้นด้วยบ้างเป็นธรรมดา ผมปลดปล่อยอารมณ์ไปตามจังหวะเสียงเพลงได้สักพัก สายตาก็เหลือบไปเห็นโจทย์ตัวดีเข้าให้แล้ว ไอ้แวมแฟนเฟย์กำลังนัวเนียกับสาวที่ไหนก็ไม่รู้อยู่อีกมุม นี่มึงนอกใจนางฟ้าของกูเหรอวะ? แย่งของกูไปแล้วยังดูแลไม่ดีอีก อย่างนี้ต้องสั่งสอน

ผมรีบพุ่งเข้าไปกระชากไอ้แวมออกมาจากสาวสวยคนนั้น ก่อนจะใส่หมัดเข้าปากมันไปแรงๆจนเลือดมันไหลมาที่มุมปาก มันยังคงสีหน้านิ่งเช่นเดิม มันใช้หลังมือปาดเลือดที่มุมปากออกช้าๆ ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ เฮ้ย มีเรื่องอะไรกันวะ? ”
ไอ้เกื้อวิ่งมาดึงผมไว้ไม่ให้คลุ้มคลั่งมากไปกว่านี้

“ ก็ไอ้เชี่ยนี่ดิ มันนอกใจเฟย์ ”

ไอ้แวมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแบบงงๆ นี่มึงจะไม่รู้สึกผิดจริงๆใช่มั๊ย? ผมกำลังจะซัดมันต่อแต่การ์ดของผับสองคนก็มาจับผมไว้ซะก่อน

“ อย่าทำร้ายเขา ”
ไอ้แวมพูดประโยคนั้นกับการ์ดก่อนจะพยักพเยิดหน้าให้การ์ดลากผมออกไป

ฟึ่บ

ผมถูกผลักออกจากประตูอย่างไม่ใยดี ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็วิ่งตามมาทันที

“ มีเรื่องอะไรวะ? ”
ไอ้ก่อยังคงเมาอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีสติพอจะถามถึงเรื่องของผม

“ ก็หมอบีมไปต่อยหน้าลูกชายเจ้าของผับน่ะสิ ”
ไอ้เกื้อตอบ

“ ฮะ? คุณแวมอ่ะนะ? เชี่ย กูจะโดนตัดออกจากลูกค้าวีไอพีป่ะเนี่ย? โถ่ว ทำไรไม่ปรึกษากันเลยวะไอ้หมอบีม ”

“ กูคงเมาไปหน่อยว่ะ ”
ผมตอบอย่างรู้สึกผิด

“ เออๆๆ ช่างเหอะ กลับกันดีกว่า ”
ไอ้ก่อรีบชวนพวกผมกลับเพราะกลัวจะโดนตัดสิทธิ์ลูกค้าวีไอพี แล้ววันนี้ก็หมดสนุกแล้วด้วย

ขากลับไอ้เกื้อเป็นคนขับรถแทนไอ้ก่อ ระหว่างทางไปมหาลัยต้องผ่านถนนที่ค่อนข้างเปลี่ยว ผมรู้สึกว่าอากาศมันเริ่มจะเย็นๆยังไงก็ไม่รู้ เย็นกว่าปกติมากจนเริ่มจะขนลุก ไม่รู้ว่าผมอุปทานขึ้นมาเองรึเปล่า แต่ผมขอภาวนาให้รถไม่เสียกลางทางก็พอ

แก๊ก เอี๊ยด
นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ อยู่ดีๆรถก็จอดเฉยเลย

“ รถดับว่ะ ”
ไอ้เกื้อหันมาพูดกับผม ไอ้ก่อก็หลับเป็นตายตั้งแต่ขึ้นรถไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย

“ เอาไงดีวะ? ”

“ เดี๋ยวผมโทรเรียกช่างมาซ่อมแล้วกัน ”

“ ดึกป่านนี้เนี่ยนะ? ”

“ เออ ผมมีช่างที่รู้จักอยู่ ”
แล้วไอ้เกื้อก็กดโทรศัพท์โทรหาช่างทันที

ตอนนี้เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ผมมองออกไปด้านนอก สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าทึบ บรรยากาศวังเวงชวนขนลุกชะมัด ให้ตายเถอะ ผมรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองผมอยู่ ไม่นะ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยด้วย

“ หมอบีมเป็นไรครับ? ดูหน้าซีดๆ ”

“ ปะ...เปล่าๆ ”

รอประมาณครึ่งชั่วโมงช่างก็มาถึงและใช้เวลาซ่อมไปชั่วโมงกว่า ตอนนี้เวลาก็ปาเข้าไปตีสองกว่าแล้ว ผมเริ่มจะสร่างเมาเต็มที่แล้วล่ะครับ ผมกลับมาเอารถที่จอดไว้ในมหาลัย ผมกำลังจะขับรถกลับหอ แต่อยู่ดีๆไม่รู้อะไรมาดลใจให้ผมขับรถไปหาพ่อที่โรงพยาบาลซะงั้น และก็บังเอิญมากที่ตอนนี้คุณพ่ออยู่ที่โรงพยาบาลพอดี

“ เอ้า หมอบีม มาทำไมดึกดื่นล่ะลูก ”
คุณพ่อเอ่ยถามผม

“ ก็มาดูคุณพ่อทำงานไงครับ? ศึกษาชีวิตศัลยแพทย์ไง ”

“ วันนี้พ่อมีเคสผ่าตัดใหญ่นะ คนนอกคงจะเข้าไปดูไม่ได้ ”

“ ไม่เป็นไรครับ ผมดูอยู่ข้างนอกก็ได้ ”

“ นั่นไงมาพอดีเลย ”
รถไซเลนของโรงพยาบาลเคลื่อนมาจอดอย่างรอดเร็ว พร้อมกับร่างของคนที่ผมคุ้นเคย ผมเพ่งดูไอ้คนที่นอนอยู่บนเตียง ทั้งพยาบาลและญาติต่างวิ่งวุ่นวายไปหมด เพราะมันบาดเจ็บสาหัสจริงๆ ถ้าไม่รีบคงไม่รอด

ผมมองชัดๆจนแน่ใจว่าร่างที่อาบไปด้วยเลือดนั้นคือคนเดียวกับคนที่ผมเพิ่งไปต่อยหน้ามันมาไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้เอง ตอนนี้มันถูกกระสุนเจาะเข้ากลางศีรษะเต็มๆ ไม่รู้บาปกรรมอะไรของมันนะ มันคงจะไม่รอดแน่ๆ ผมขออโหสิกรรมให้มันเลยแล้วกัน

“ คุณหมอต้องช่วยลูกผมนะครับ เท่าไหร่ผมก็ยอมจ่าย ถ้าลูกผมรอด ผมจะสนับสนุนเงินให้โรงบาลนี้เต็มที่เลยครับ ”
นักการเมืองชื่อดังที่ผมมักจะคุ้นหน้าคุ้นตาในทีวีหรือในหน้าหนังสือพิมพ์ก็คือพ่อของไอ้แวม ตอนนี้ท่านดูกระวนกระวายมาก ใบหน้าท่านอาบไปด้วยน้ำตา ความรู้สึกของพ่อที่ไม่อยากเสียลูกไปสินะ

“ ใจเย็นๆนะครับ ทางเราจะช่วยเต็มที่ ”
พ่อของผมหันไปพูดกับท่านนักการเมืองก่อนจะวิ่งเข้าห้องผ่าตัดไปอย่างรวดเร็ว

ผมในฐานะอนาคตแพทย์ก็ต้องทำใจยอมรับกับเหตุการณ์แบบนี้ให้ได้เป็นเรื่องธรรมดา

เช้าวันถัดมา วันนี้ผมไม่มีเรียน เมื่อคืนก็เพลียมาก เจอแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ ทำให้ผมหลับยาวจนตื่นสายขนาดนี้ ผมหยิบหนังสือพิมพ์บนโต๊ะกินข้าวขึ้นมาอ่าน

พาดหัวข่าว : ไม่น่าเชื่อ! ลูกชายนักการเมืองชื่อดัง โดนยิงกลางศีรษะรอดปาฏิหารย์

นี่มันข่าวไอ้แวมนี่นา รอดงั้นเหรอ? พ่อเรานี่เก่งจริงๆเลย

" อืม น่าสนๆ คุณพ่อเป็นคนดูแลคนไข้เคสนี้ใช่มั๊ยครับ? "
ผมหันไปถามคุณพ่อที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอย่างเอร็ดอร่อยอยู่

" ใช่ "

" ให้ผมช่วยดูแลด้วยนะครับ นะครับๆๆ "
ผมขยับเข้าไปอ้อนคุณพ่อเหมือนเด็กๆ

" นี่หมอบีม แกเพิ่งเรียนแพทย์ปี 3 เองนะ สอบทฤษฎีให้มันรอดก่อนเถอะ "
พ่อจัดการเขกหัวผมเบาๆทีนึง

" ก็ผมอยากเป็นศัลยแพทย์สมองแบบพ่อนี่นา นะครับๆ "

" แกไม่ต้องเดินตามรอยฉันทุกอย่างก็ได้ เจ้าลูกชายตัวแสบ "

" น่าาา นะครับๆๆๆๆ "
ผมอ้อนตาแป๋วใส่คุณพ่อ แน่นอนว่าคุณพ่อต้องแพ้ลูกอ้อนแบบนี้ของผมอยู่เสมอ

" ก็ได้ๆ "

" เย้ คุณพ่อน่ารักที่สุดเลย "






----------------------------------------

ฝากติชมด้วยนะครับ สนุกไม่สนุกยังไงบอกกันได้  :mew1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 1 [ 22/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 23-06-2017 22:18:44
เรื่องนี้จะมีผีรึเปล่า? :katai5:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 1 [ 22/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-06-2017 22:41:03
^
^
นั่นสิคะ มันมีอะไรตงิด ๆ อยู่นะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 1 [ 22/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 23-06-2017 22:52:43
 :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 1 [ 22/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 23-06-2017 22:59:47
รอๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 1 [ 22/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 23-06-2017 23:37:15
รอดได้ไง
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 1 [ 22/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-06-2017 23:38:16
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: รอๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 2 [ 27/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 27-06-2017 14:58:46
Chapter 2



“ ทีมแพทย์ยังบอกไม่ได้ว่าคนไข้จะฟื้นเมื่อไหร่นะครับ และทางเราก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าถ้าคนไข้ฟื้นแล้ว จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมรึเปล่า ”
คุณพ่อชี้แจงผลการรักษาให้ญาติคนไข้ฟัง

“ ไม่เป็นไรครับ แค่ลูกชายผมปลอดภัย ผมก็ดีใจมากแล้ว ขอบคุณนะครับคุณหมอ ”
ท่านนักการเมืองใหญ่กล่าวขอบคุณศัลยแพทย์เจ้าของไข้ ตอนนี้หน้าตาท่านดูเศร้าอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาสูญเสียลูกชายไป เพราะถึงเขาจะรอด แต่เคสแบบนี้ผมว่าโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาเป็นปกติแทบไม่มีเลย

ท่านมาวิน ศิริบูรณ์ไพศาล คือนักการเมืองชื่อดังที่น่าจับตาที่สุดในตอนนี้ คงไม่แปลกถ้าจะมีศัตรูอยู่บ้าง และก็เป็นไปได้ที่ลูกชายของเขาอาจจะโดนหารเลขไปด้วย เลยต้องมาถูกยิงแบบนี้

ท่านนักการเมืองใหญ่ก็ให้เงินมากมายเพื่ออุดหนุนงบโรงพยาบาลแห่งนี้ตามที่เคยบอกไว้ เขางานยุ่งจนไม่มีเวลามาเยี่ยมลูกชาย แต่ก็จ้างพยาบาลส่วนตัวไว้คอยดูแลแล้ว

ผมจะเข้ามาดูด้วยทุกครั้งที่พ่อมาตรวจคนไข้เคสนี้ เพราะมันเป็นเคสที่ยากและน่าสนใจมากสำหรับนักศึกษาแพทย์ไฟแรงอย่างผมที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นศัลยแพทย์เก่งๆเหมือนคุณพ่อ

“ คุณพ่อครับ วันนี้มีตรวจคนไข้ห้อง 502 รึเปล่าครับ? ”
ผมถามคำถามนี้กับคุณพ่อทุกครั้งที่มาโรงพยาบาล

“ หืม? ทำไมสนใจเคสนี้นักล่ะ? ”

“ ไม่รู้สิครับ ”
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงสนใจเคสนี้นักหนา ทุกวันผมจะคอยถามคุณพ่อตลอดว่าเขาเป็นไงบ้าง

แต่ช่วงนี้ผมมีเรียนภาคค่ำและสอบย่อยติดกันหลายบ็อก เพราะปี3ค่อนข้างเรียนหนักพอสมควร เพื่อเตรียมเริ่มเข้าชั้นคลินิก ทำให้หลายวันมานี้ผมไม่ได้ไปดูอาการไอ้แวมเลย

อยากเจอ...
 เหมือนมีอะไรสะกิดใจทำให้ผมอยากเจอไอ้คนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนั้นตลอดเวลา ทั้งๆที่มันก็นอนอยู่ที่เดิมทุกวันไม่ไปไหน

แต่ผมนี่สิ ยิ่งไม่เจอมันนานๆก็ยิ่งรู้สึกกังวล อยากเจอมันอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“ โอเค วันนี้เลิกคลาสได้ อย่าลืมไปทบทวนชีทที่อาจารย์ให้ไปล่ะ ”
พออาจารย์บอกเลิกคลาส ผมก็เก็บของออกจากห้องเรียนอย่างเร่งรีบ ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อถามผมว่าจะรีบไปไหนผมก็ไม่ตอบ

ผมขับรถมาโรงพยาบาลเพื่อที่จะเจอหน้าไอ้ขี้เก๊กที่ผมเคยเกลียดขี้หน้ามัน แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงรู้สึกอยากเจอหน้ามันขนาดนี้นะ

วันนี้ค่อนข้างดึกมากแล้ว ทั้งโรงพยาบาลก็เหลือแค่แพทย์เวรกับพยาบาลอยู่ไม่กี่คน

ผมเดินเข้าไปในตึกผู้ป่วย พยาบาลที่คุ้นหน้าคุ้นตาก็เอ่ยทักทายผมเช่นเคย เพราะผมมาหาคุณพ่อที่นี่บ่อยจนเธอจำได้ แต่วันนี้สีหน้าเธอดูแปลกๆ

“ หมอบีมมาทำอะไรเหรอคะ? ”
เธอเอ่ยถามผมด้วยสีหน้าหวาดระแวง

“ มาเยี่ยมคนไข้ของคุณพ่อครับ ”

“ อะ...เอ่อ ห้อง 502 เหรอคะ? ”
สีหน้าเธอดูหวั่นๆเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง
 
ผมพยักหน้ายิ้มรับก่อนจะรีบตรงไปที่ลิฟท์ โดยไม่ได้สนใจเสียงเรียกของพยาบาลคนนั้นเลย

พอกดปุ่มประตูก็เปิดออกอย่างรวดเร็วเพราะไม่ต้องรอลิฟท์ ดึกขนาดนี้คงไม่ใครใช้ลิฟท์แล้วล่ะ

ตอนนี้ในลิฟท์มีผมคนเดียว บรรยากาศเงียบสงัด วังเวงมาก ผมเป็นนักศึกษาแพทย์คงต้องทำใจให้ชินกับเรื่องน่าขนลุกพวกนี้ แต่ในใจก็แอบกลัวอยู่นิดๆเหมือนกัน ผมรีบเอื้อมมือไปกดปุ่มชั้น 5 อย่างรวดเร็ว ลิฟท์ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นไปอย่างเชื่องช้าจนน่าอึดอัด พอประตูเปิดผมก็พุ่งตัวออกมาทันที

ให้ตายเถอะ อยู่ในลิฟท์อึดอัดชะมัด แต่พอออกมาข้างนอกแล้ว... เอ่อ ทำไมบรรยากาศชั้น 5 ถึงวังเวงขนาดนี้ ดูแล้วเหมือนไม่มีใครอยู่เลยสักคน

ผมค่อยๆเดินผ่านทางเดินที่ค่อนข้างมืด หลอดไฟบางดวงติดๆดับๆราวกับในหนังสยองขวัญ แต่มันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว เรียกช่างมาเปลี่ยนก็ไม่มาสักที

มันเงียบมาก จนได้ยินแค่เพียงเสียงฝีเท้ากระทบพื้นเท่านั้น

ตึก ตึก ตึก

ใจผมเริ่มสั่น แต่ก็ต้องปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีอะไร ไม่มีอะไรหรอกน่า ผมค่อยๆก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ผมชะเง้อคอมองผ่านช่องกระจกที่ติดอยู่ประตูห้อง 501 เอ่า ทั้งห้องว่างเปล่าไม่มีคน ห้องอื่นๆก็เช่นกัน คนไข้ชั้นนี้ไปไหนหมด?

แต่ช่างเถอะ ผมมาหาคนไข้ห้อง 502 ซึ่งก็บังเอิญเป็นห้องเดียวที่ยังมีคนไข้นอนอยู่

ผมเปิดประตูเข้าไปก็พบร่างของไอ้ขี้เก๊กนอนหลับตาพริ้มอยู่เช่นเคย ตอนนี้มันมีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด แต่ก็บดบังความหล่อของร่างตรงหน้าได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันยังคงดูดีราวกับเทพบุตรเช่นเดิม คนอะไรขนาดหลับยังเก๊กหน้าหล่อ

“ ไง ไม่ได้เจอกันนาน ดูดีขึ้นนะเนี่ย ”
ผมพูดกับคนที่หลับอยู่เช่นทุกครั้ง ถึงรู้ว่าจะไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาก็ตาม

“ พยาบาลส่วนตัวนายไปไหนแล้วล่ะ? อยู่คนเดียวคงเหงาสินะ ”
ผมลากเก้าอี้มานั่งลงข้างๆเตียงคนไข้

“ ตอนตื่นก็ชอบทำหน้าขี้เก๊ก ตอนหลับยังจะเก๊กหล่ออีกเหรอ? ”

“ เฮ้อ ”
นี่กูพูดกับก้อนหินเหรอวะเนี่ย?

แล้วพยาบาลทำไมปล่อยมันไว้แบบนี้ ถ้ามันเกิดเป็นอะไรขึ้นมาใครจะช่วยได้ทัน

ไม่ไหว แย่จริงๆเลย

“ คุณพยาบาลที่ดูแลห้อง 502 ไปไหนครับ? ”
ผมกดโทรศัพท์ไปที่แผนกพยาบาลที่อยู่ชั้นล่าง

“ คุณหมอบีมเข้าไปในห้องนั้นเหรอคะ? ”
พยาบาลสาวถามผมด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ

“ ครับ ”

“ เอ่อ...คือว่า...พยาบาลรับดูแลคนไข้ห้องนั้นแค่ตอนกลางวันเท่านั้นค่ะ ”
ปลายสายพูดเสียงสั่น

“ เอ่า แล้วตอนกลางคืนล่ะครับ? ถ้าเกิดคนไข้เป็นอะไรขึ้นมากลางดึกจะทำยังไง? ”

“ ตอนกลางคืนไม่มีใครกล้าขึ้นไปชั้นนั้นเลยค่ะ คนไข้ห้องอื่นที่อยู่ชั้นนั้นก็ย้ายไปชั้นอื่นหมดแล้วค่ะ ”

“ ชั้นนี้มีอะไรงั้นเหรอ? ”
ผมเริ่มใจสั่นอีกครั้ง อุตส่าห์พยายามไม่คิดแล้วนะ ขอภาวนาอย่าให้เป็นอย่างที่ผมคิดเลย

“ มะ...มี... ”
เธอยังอั้มอึ้งไม่กล้าพูด

“ มีอะไร? ”

ตื้ดดด
เอ่า สายหลุดอะไรตอนนี้วะ?

ผมมองไปรอบๆห้องอย่างหวั่นๆ ผมกลัวมากขึ้นหลังจากที่ได้ยินเรื่องที่พยาบาลบอก นี่ผมพยายามทำใจดีสู้เสือไม่คิดเรื่องผีแล้ว แต่ตอนนี้บอกเลยว่าผมเริ่มจะกลัวมากขึ้นทุกทีๆ

เย็น ทำไมรู้สึกว่าแอร์ห้องนี้มันเย็นแปลกๆนะ

ฟิ้ววว
ผ้าม่านที่ปกคลุมประตูระเบียงปลิวไสวเบาๆ

ทั้งๆที่ประตูปิดอยู่เนี่ยนะ!

ผมเพ่งสายตามองไปที่ผ้าม่านบางๆผืนนั้น และหัวใจของผมก็แทบหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อผมเห็นเงาใครบางคนอยู่ที่ระเบียงด้านนอกนั่น

ตอนนี้สมองผมรวนไปหมด ความคิดนึงสั่งให้เดินเข้าไปดูใกล้ๆว่าเงานั้นคือใครหรืออะไรกันแน่ แต่อีกความคิดก็สั่งให้รีบหนีออกไปจากที่นี่เถอะ การเดินเข้าไปดูตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

แต่ใจเจ้ากรรมดันออกคำสั่งให้ร่างกายของผมเลือกช้อยส์ข้อแรก เอาวะ! ไม่เสี่ยงไม่รู้นะเว้ย ผมค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเท้าเดินตรงไปที่ระเบียงอย่างเงียบๆ

ผมเดินมาหยุดอยู่หน้าผ้าม่านที่ปกคลุมประตูระเบียงเรียบร้อยแล้ว เงานั่นยังอยู่ที่เดิมไม่หายไปไหน เหงื่อผมเริ่มซึมออกจากใบหน้าด้วยความตื่นเต้นปนหวาดระแวง ผมหลับตาเลื่อนผ้าม่านออกช้า

มือผมคลำไปปลดกลอนประตูกระจกอย่างยากลำบากเพราะผมไม่กล้าที่จะลืมตาขึ้น

แก็ก

ครืดดด
เสียงประตูเลื่อนยิ่งทำให้ผมใจสั่นระรัวมากขึ้นทุกที

ใจเย็นๆนะหมอบีม มึงทำได้ ผมปลอบใจตัวเองพร้อมสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อกำจัดความกลัว

พร้อมนะ 3 2 1...

ผมนับถอยหลังเรียกความกล้าให้ตัวเอง ก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาออกช้าๆ

และภาพที่ผมเห็นตรงหน้าก็ทำให้ผมแทบช็อค อยากจะเป็นลมล้มลงไปกองกับพื้นจริงๆ ก็คนที่นั่งชันเข่าอยู่บนรั้วกั้นระเบียง คือคนเดียวกันกับไอ้หน้าหล่อขี้เก็กที่นอนอยู่บนเตียงข้างหลังผมไงล่ะ

“ ผะ...ผะ...ผี... ”
ผมเข่าอ่อนลงไปนั่งกับพื้น อยากจะวิ่งหนีไปให้เร็ว แต่ก็ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ

น่าแปลกที่ไอ้ผีหน้าหล่อใส่ชุดนักศึกษาเรียบร้อย แถมใส่ช็อปวิศวะอีกต่างห่าง คงจะเหมือนที่ผมเคยอ่านเรื่องผีว่าคนตายไปแล้วก็จะอยู่กับอะไรที่ชอบๆ มันคงจะชอบชุดนี้สินะ

ตอนนี้มันนั่งชันเข่าข้างเดียวบนรั้วระเบียง ขาอีกข้างหย่อนลงมาข้างล่าง หันหน้ามองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย ด้วยความที่มันรูปร่างหน้าตาดีเลยทำให้ภาพตรงหน้าดูเหมือนมันกำลังเก๊กท่าถ่ายแบบอยู่

กลัวก็กลัวยังจะมานั่งวิจารณ์อะไรมันอีก ท่าทางมันคงยังไม่เห็นผม รีบรวบรวมแรงลุกขึ้นหนีดีกว่าว่ะ

“ จะไปไหน? ”

“ เฮ้ย! ”
ผมตกใจกับเสียงทุ้มนั่น จนทำให้ผมเข่าอ่อนล้มลงอีกครั้ง

“ กลัวเหรอ? ”
เสียงมันดูปกติไม่หลอนเหมือนผีที่เคยเห็นในทีวี หน้าตามันก็ไม่น่ากลัว ถึงจะดูซีดๆหน่อยแต่ก็ยังดูดี หน้าใสกริ๊งไม่มีแผลเหวอหวะใดๆทั้งสิ้น แถมท่าทางมันก็ดูขี้เก๊กเหมือนตอนเป็นคนไม่มีผิด

“ ไม่กลัวเว้ย! ”
ผมพยายามเค้นเสียงให้หนักแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้ในใจจะยังกลัวอยู่ก็เถอะ ผมคนนะครับ ผมก็กลัวผีเหมือนกัน

“ ผมนึกว่าหมอจะวิ่งหนีผมเหมือนคนอื่นซะอีก ”

“ หมอ? นายรู้จักฉันด้วยเหรอ? ”

“ อืม ”
มันตอบคำเดียว เสียงเรียบมาก ให้ตายเถอะ เป็นผีแล้วยังคีพคูลอีก

“ แล้วนายไปหลอกคนอื่นทำไม? เขากลัวจนไม่มีใครกล้าอยู่ชั้นนี้แล้ว เดือดร้อนกันหมด ”
ผมบ่นจนลืมไปเลยว่าคุยกับผีอยู่ ความกลัวเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ

“ ผมไม่ได้ตั้งใจ ”
มันทำหน้าเศร้าๆแล้วเหม่อลอยมองออกไปข้างนอกอีกครั้ง จะว่าไปมันก็น่าสงสารนะ

“ เออๆๆ อย่าทำอีกแล้วกัน คนเขากลัว ”

“ ผมไม่ใช่ผีนะ ”

“ จะไม่ใช่ได้ไงล่ะ ดูนั่น ร่างนายอยู่ตรงนั้น ”
ผมชี้ไปที่ร่างของมันที่แยกออกจากวิญญาณเรียบร้อยแล้ว

“ ผมยังไม่ตายนะครับหมอ ”
มันเดินไปที่เตียงช้าๆ ผมมองลงไปที่พื้น เห้อ ยังดีที่ขาไม่ลอยเหนือพื้นแบบผีในหนัง ผมลุกขึ้นเดินตามมันไป

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
มันชี้ไปที่เครื่องวัดชีพจรที่แสดงการเต้นของหัวใจเป็นจังหวะปกติ

อืม มันยังไม่ตายจริงๆด้วย

แต่ผมกำลังคุยกับวิญญาณเนี่ยนะ!
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 2 [ 27/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 27-06-2017 17:56:51
 :mew2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 2 [ 27/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 27-06-2017 20:32:03
สนุก
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 2 [ 27/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-06-2017 20:57:03
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 2 [ 27/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-06-2017 21:22:04
น่าเห็นใจอยู่นะ
ว่าแต่เห็นกันทุกคนเลยเหรอ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 3 [ 28/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 28-06-2017 14:09:44
Chapter 3



( Line group : The Doc )

Beam : ตื่นกันยังวะ?
- 4.45น.

เกื้อกูล : ผมตื่นมาอ่านหนังสือครับ ก่อหลับอยู่ ให้ปลุกมั๊ย?
- 4.46น.

Beam : เออๆ
- 4.46น.

KK0101 : มีไรแต่เช้าวะ?
- 4.59น.

Beam : ไปเที่ยวกัน
- 5.00น.

KK0101 : ไรของมึงวะหมอบีม? ร้อยวันพันปีไม่เคยชวนพวกกูไปเที่ยว ไปไหนมึงก็ชอบไปคนเดียวตลอด
- 5.02น.

เกื้อกูล : ไปไหนครับ?
- 5.02น.

Beam : ไปวัด
- 5.03น.

KK0101 : สัส กูนอนต่อละ
- 5.03น.

เกื้อกูล : เราไม่ได้เข้าวัดนานแล้วนะ ไปกันๆๆ
- 5.04น.

Beam : เออ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย ช่วงนี้กูไม่อยากไปไหนมาไหนคนเดียว
- 5.05น.

KK0101 : ไรของมึงวะ? เออๆๆ ก็ได้ เดี๋ยวไปรถกูละกัน
- 5.06น.

Beam : เคๆ ออกมาเลย ให้ไว
- 5.06น.

KK0101 : เออ
- 5.06น.


“ มาทำบุญก็ดีเหมือนกันนะครับ จะได้อุทิศส่วนกุศลให้เหล่าอาจารย์ใหญ่ด้วย ”
ไอ้เกื้อถือเครื่องสังคทานมาพร้อม ดูมันจะดีใจมากที่ผมชวนเข้าวัด

“ ไอ้หมอบีม วันไม่มีเรียนทั้งที ทำไมไม่หาอะไรสนุกๆทำวะ? ”
ไอ้ก่อบ่นแบบนี้ตั้งแต่ออกจากบ้าน จนตอนนี้ก็ยังบ่นไม่เลิก

“ เออ นี่แหละสนุก มาๆๆ ”
ผมลากแขนไอ้ก่อกับไอ้เกื้อให้ตามเข้ามาในวัด

หน้าตาไอ้เกื้อดูมีความสุขสุดๆ ส่วนไอ้ก่อตอนแรกทำหน้าบึ้งยังกะตูดเป็ด แต่พอพระท่านเริ่มบรรยายธรรม มันก็ดูสนอกสนใจ ตั้งใจฟังมาก แถมมันยังบอกอีกว่าได้ข้อคิดเยอะเลย

“ ชาติก่อนคงทำบุญร่วมกันมาเยอะ ชาตินี้จึงยังไม่ถึงคราวต้องพลัดพรากจากกันน่ะโยม ”
พอพระท่านเทศน์เสร็จ ก่อนจะไป ท่านก็พูดประโยคนี้กับผม และอยู่ดีๆภาพของไอ้ผีขี้เก๊กก็แว๊บเข้ามาในหัวซะอย่างนั้น

ทำบุญร่วมกันมาเยอะงั้นเหรอ?

“ พระท่านหมายถึงกูกับมึงป่ะวะ? ”

“ ไม่รู้สิครับ ”
ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อต่างมองหน้ากันอย่างงงๆ

พอไหว้พระ ฟังเทศน์ฟังธรรมเสร็จ พวกผมก็กรวดน้ำ แล้วก็ปล่อยนกปล่อยปลาไปหลายตัว

“ ในวัดสงบมาก รู้สึกสบายใจจริงๆนะครับ ”
ไอ้เกื้อดูอารมณ์ดีมาก ท่าทางมันจะชอบวัดจริงๆ

“ อือ ก็ดี ”
ไอ้ก่อตอนนี้สีหน้ามันสดใสกว่าเมื่อเช้าเยอะ

“ เออ พวกมึงไปเยี่ยมคนไข้ที่โรงบาลเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ ”
ตั้งแต่ที่เจอผีครั้งนั้นผมก็ไม่กล้าไปที่นั่นคนเดียวอีก แต่ผมยังรู้สึกอยากเจอหน้ามันอยู่ตลอด งงตัวเองเหมือนกัน กลัวก็กลัว อยากเจอก็อยากเจอ อะไรของกูวะเนี่ย?

“ ไปเยี่ยมใครวะ? ”
ไอ้ก่อถาม

“ เออน่า ไปเถอะ ”

แล้วไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็พาผมมาโรงพยาบาลจนได้ วันนี้มีพยาบาลมาเช็ดตัวและทำกายภาพให้ไอ้แวมตั้งห้าหกคน เธอบอกว่ามากันเยอะๆจะได้อุ่นใจ ไอ้เกื้อได้ฟังเรื่องที่พยาบาลเล่าแล้วก็ออกอาการหวาดกลัวทันที

“ ผีเผออะไร ไม่มีจริงหรอกน่า ”
ไอ้ก่อตบไหล่น้องมันเบาๆ ไอ้นี่มันไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเท่าไหร่ครับ

เฮ้ย!

ผมเบิกตาโพลงเมื่อเห็นไอ้ผีขี้เก๊กกำลังนั่งทำหน้าหล่ออยู่ตรงโซฟา มันขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองหน้าผม

“ ตอนกลางวันหมอก็เห็นผมเหรอ? ”
มันถามผมด้วยสีหน้าตื่นเต้น ผมก็พยักหน้าเบาๆ เพราะถ้าผมตอบมันเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าผมเป็นบ้าพูดคนเดียวน่ะสิ

พอมันรู้ว่าผมเห็นมัน มันก็ดูดีใจเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่มุมปากให้ผมเห็นแว๊บนึง แค่แว๊บเดียวจริงๆ แล้วมันก็เก๊กขรึมต่อ

“ พวกเธอ ฉันว่าเรารีบไปกันเถอะ ”

“ ใช่ๆ เริ่มจะขนลุกแล้วอ่ะ ”

“ ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ ”
พอเช็ดตัวและทำกายภาพให้คนไข้เสร็จ เหล่าพยาบาลต่างชวนกันรีบออกจากห้อง และหันมากล่าวลาพวกผมอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้ทั้งห้องก็เหลือแค่พวกผม 3 คน เอ่อ...  4 คนก็ได้

“ ผีคุณแวมมีจริงเหรอครับ? ”
ไอ้เกื้อเดินมาเกาะหลังผม มันยังคงมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง

“ ไร้สาระน่าเกื้อ ”
ไอ้ก่อเขกหัวน้องมันเบาๆหนึ่งที

“ เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ ”
ผมบอก

แก๊ก
เสียงใครบางคนเปิดประตูเข้ามา

สองคนนี้ใครวะ? หน้าคุ้นๆ

หนุ่มสองคนในชุดนักศึกษา คนนึงน่าจะเรียนคณะเกษตรเพราะมันใส่ช็อปคณะมาด้วย ส่วนอีกคนดูเนี๊ยบมาก ดูจากบลุคลิกและนาฬิกาเรือนละหลายแสนที่มันใส่อยู่ บ่งบอกถึงความรวยสุดๆ แต่จะว่าไปสองคนนี้หล่อมาก หล่อพอๆกับไอ้ที่นอนอยู่บนเตียงนั่นเลย พวกนี้มันไม่ใช่คนแล้ว มันคือเทพบุตรชัดๆ

“ ผมขอตัวก่อนนะ ”
ไอ้เกื้อทำหน้าอึ้งตั้งแต่สองคนนั้นเข้ามา แล้วมันก็รีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วจนผมงง ไอ้ก่อกระซิบบอกผมว่าปล่อยมันไปเถอะ

“ พวกนายเป็นใคร? กิ๊กไอ้แวมเหรอ? ”
คนที่ใส่ช็อปคณะเกษตรพูดขึ้น

“ กิ๊กพ่องดิ ”
ไอ้ก่อสวนกลับทันควัน

“ เอ่าไอ้เปี๊ยก ตัวแค่นี้ทำเป็นปากดี ”

“ หรือจะเอาวะ! ”
ไอ้ก่อยกหมัดขึ้นจนผมต้องดึงมันไว้แทบไม่ทัน หนุ่มคณะเกษตรคนนั้นยังคงสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม สามคนนี้มันทำไมนิสัยเหมือนกันจังวะ? นิ่งๆ เก๊กหล่อพอๆกันเลย

“ ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ ”
ผมกล่าวขอโทษแทนเพื่อน ไอ้ก่อถอนหายใจอย่างหงุดหงิดแล้วเดินออกจากห้องไป แต่ก่อนไปมันก็ไม่วายเอาไหล่ไปกระแทกคู่กรณีอย่างแรงจนเขาต้องกัดฟันเก็บอาการโมโห

ปัง!
ไอ้ก่อปิดประตูเสียงดังใส่อีกหนึ่งที

“ ผมก็ขอโทษแทนเพื่อนผมเหมือนกัน แต่คุณก็ควรอมรมณ์มารยาทเพื่อนคุณด้วยนะครับ ”
ไอ้คุณชายสุดเนี๊ยบกล่าวตักเตือนผมด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งจนผมพูดไม่ออก

ผมหันไปมองไอ้ผีขี้เก๊กด้วยสายตาบ่งบอกถึงคำถามประมาณว่าเพื่อนนายเป็นคนแบบนี้เหรอ? และมันก็เหมือนจะรู้ใจผม มันพยักหน้าขึ้นหนึ่งทีแบบหล่อๆ พร้อมคำว่า “ เออ ”

ครับ...

“ แล้วตกลงคุณเป็นใคร? ”
ไอ้คุณชายถามผม

“ อ่อ หมอบีม ”
ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไร ไอ้คณะเกษตรก็ทำหน้านึกขึ้นได้ก่อนจะพูดชื่อผม

“ รู้จักผมด้วยเหรอครับ? ”

“ เห็นในเพจ Cute Boy ของมหาลัย อืม หมอก็น่ารักดีนะ ไอ้แวมสอยมาได้ไงวะ? ”

“ สัส ”
ไอ้คุณชายตบหัวไอ้คณะเกษตรไปทีนึง
“ ขอโทษนะ เพื่อนผมมันปากไวแบบนี้แหละ คิดอะไรก็พูดทันทีเลย ”
ยังดีที่มันขอโทษแทนเพื่อนนะ ว่าแต่ ทำไมคนผิดถึงไม่มีใครเอ่ยขอโทษเลยวะ? ต้องให้เพื่อนรับผิดแทนทั้งคู่ เฮ้อ

“ ผมไม่ได้เป็นกิ๊กแวมหรอกครับ ผมเป็นเพื่อนเค้า ”
ผมแถตอบไป สองคนนั้นก็มองหน้ากันอย่างงงๆ

“ นอกจากเราแล้วไอ้แวมมีเพื่อนด้วยเหรอวะ? ”

“ นั่นดิ ”

“ ช่างเถอะ กูชื่อใต้เมฆนะ เรียกเมฆเฉยๆก็ได้ กูอยู่คณะเกษตรฯ ”
เออ รู้ชื่อซะที เรียกไอ้คณะเกษตรมาตั้งนาน

“ ส่วนผมชื่อนาคิม เรียกคิมแล้วกัน เรียนคณะบริหารฯ ”
ไอ้คุณชายสุดเนี๊ยบก็เอ่ยแนะนำตัวเช่นกัน

“ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ”
ผมยิ้มตอบทั้งสองคน

“ ยิ้มน่ารักว่ะ ขอไลน์หน่อยดิ ”
ใต้เมฆยื่นมือถือมาให้ผม

“ เชี่ยเมฆ! ”
ทันใดนั้นเสียงไอ้ผีหน้าหล่อก็ดังเข้ามาในโสตประสาททันที ท่าทางมันดูโมโหมาก

“ เกินไปละมึงอ่ะ ”
นาคิมรีบคว้ามือถือจากมือใต้เมฆเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเอง

“ สัสคิม มึงแม่งขัดกูตลอด หวงกูก็บอก ”
ใต้เมฆแกล้งทำท่าจะเข้าไปหอมแก้มนาคิม แต่ก็โดนฝ่ายนั้นผลักหัวออกมาซะก่อน

“ พอเลย นู้น คนป่วยนอนอยู่นู้น ”
นาคิมเดินไปนั่งเก้าอี้ข้างเตียงไอ้แวม ส่วนใต้เมฆก็วิ่งไปกอดไอ้แวมราวกับเพื่อนรักที่พลัดพรากจากกันมานาน

“ คิดถึงพวกกูอ่ะดิมึง ”

“ กูไปช่วยงานธุรกิจพ่อที่ต่างประเทศตั้งหลายวัน ”

“ ส่วนกูก็ไปดูแลน้องๆค่ายอาสามา พอพวกกูกลับมาก็รีบรวมตัวมาหามึงเลยนะเว้ย ”

“ พวกกูคิดถึงมึงมาก รีบๆตื่นดิวะ ”

“ เออ กูมีเรื่องจะเล่าให้มึงฟังเยอะเลย นี่ๆ หนังที่มึงบอกว่าอยากดูกูไปซื้อแผ่นมาละ เดี๋ยวกูเปิดให้ดู ”
ไอ้เมฆใส่แผ่นเข้าไปในเครื่องเล่นดีวีดี หน้าจอก็ปรากฏหนังแบดแมนภาคพิเศษขึ้น

ไอ้แวมยิ้มและหัวเราะกับการกระทำของเพื่อนที่ทำเหมือนมันไม่ใช่คนที่กำลังหลับใหลอยู่ แต่กลับทำราวกับว่ามันสามารถรับรู้ทุกอย่างได้ พูดคุยเล่นกันปกติทุกอย่าง ผมมองรอยยิ้มของไอ้แวมแล้วเหมือนโลกทั้งใบแทบจะหยุดหมุนอยู่ตรงนี้เลย ผมไม่เคยเห็นมันยิ้มมาก่อน รอยยิ้มนั้นดูสดใสมาก ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันผมยังแทบจะละลาย ผู้หญิงที่ไหนมาเห็นคงต้องเป็นลมล้มพับกันไปข้างแน่ๆ

ผมอยากให้ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อมาเห็นสามหนุ่มพวกนี้เวลาอยู่ด้วยกันจริงๆ พวกมันเปลี่ยนโหมดนิ่งขรึมกลายเป็นโหมดสดใสเฮฮาได้อย่างเหลือเชื่อ

มองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกมีความสุขจนต้องยิ้มตามเลยทีเดียว พวกเขาคงลืมไปแล้วว่ามีผมอยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้น ส่วนเกินอย่างผมจึงค่อยๆถอยหลังย่องออกจากห้องช้าๆเพื่อไม่ให้รบกวนเหล่าเทพบุตรแก๊งค์นี้

“ คุณหมอครับ ”
ผมชะงักหยุดอยู่กับที่ทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากไอ้แวม

“ ... ”
ผมยืนฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ มันก็อ้ำอึ้งอยู่นานไม่ยอมพูดสักที

“ คุณหมอมาเยี่ยมผมบ่อยๆนะ ผมคิดถึง ”
ผมชะงักกับคำพูดนั้นจนพูดอะไรไม่ออก ใครก็ได้บอกทีว่าผมไม่ได้หูฝาด ผมรู้สึกได้ถึงการสูบฉีดเลือดในตัวที่แรงมากขึ้นเพราะจังหวะหัวใจเต้นเร็วขึ้น

ทันใดนั้นเสียงเครื่องวัดชีพจรของไอ้แวมก็ดังถี่รัว พร้อมแสดงบนหน้าจอบ่งบอกว่าระยะห่างของเส้นกราฟแคบลงกว่าเดิม ไอ้เมฆกับไอ้คิมต่างตกใจหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

“ เป็นอะไรวะ? ”
ผมขมวดคิ้วมองวิญญาณไอ้แวมที่ดูเหมือนมันกำลังพยายามหลบตาผม สักพักมันก็หันมาทำหน้าเก๊กขรึมอีกครั้ง และเครื่องวัดชีพจรจึงดังปกติเช่นเดิม

ผมไม่อยากจะคิดอะไรไปไกลว่ามันหัวใจเต้นแรงเพราะผม เหมือนที่ผมใจสั่นเพราะคำว่าคิดถึงของมัน

ผมกับมันต่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไร คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่ร่างกายของมันตอบสนองผิดปกติ อาจจะไม่เกี่ยวอะไรกับผมก็ได้ ผมส่ายหัวปัดความคิด ก่อนที่จะรีบเดินออกจากห้องทันที

“ ทำไมมึงหน้าแดง? ”
เสียงไอ้ก่อ

“ เฮ้ย ยังไม่กลับอีกเหรอ? ”
ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อนั่งเรียงตัวกันอยู่หน้าห้องผู้ป่วย พวกมันต่างหน้าบึ้งทั้งคู่ ไอ้ก่อคงยังหงุดหงิดกับไอ้เมฆ ส่วนไอ้เกื้อผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไร

“ พวกผมรอหมอบีมตั้งนาน ”
ไอ้เกื้อลุกขึ้นเดินนำไปที่ลิฟท์เป็นคนแรก ไอ้ก่อก็เดินตาม รอกู รอทำไมวะ?

“ เออกูไม่ได้เอารถมานี่หว่า รอด้วยดิวะ ”
พอคิดได้แล้วผมก็วิ่งตามพวกมันไปแทบไม่ทัน

“ ไอ้หมอเกื้อ มึงรู้จักสองคนนั้นด้วยเหรอวะ? ทำไมมึงเจอมันแล้วต้องหนีออกมาด้วย? ”
ผมชะเง้อคอไปถามไอ้เกื้อที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ส่วนผมนั่งอยู่เบาะหลังเช่นเคย

“ รู้จักครับ ”
ไอ้เกื้อตอบแค่นั้น

“ กูรู้จักทุกคน ไอ้ใต้เมฆเดือนคณะเกษตร นาคิมเดือนบริหาร คุณแวมเดือนวิศวะและเป็นเดือนมหาลัยด้วย ตอนประกวดก็ติดท็อปทรีทั้งสามคน ความหล่อกินกันไม่ลง แต่คุณแวมตอบคำถามโดนใจกรรมการมากกว่า ”
ไอ้คนที่กำลังจับพวงมาลัยขับรถอยู่ก็ร่ายประวัติสามคนนั้นซะยาวจนผมได้แต่พยักหน้ารับรู้ แหม ทีคนอื่นเรียกไอ้ แต่พอไอ้แวมเรียกคุณเชียวนะ ก็เป็นลูกเจ้าของผับที่มันขึ้นชื่อว่าเป็นลูกค้าวีไอพีไง

“ หมอก่อครับ กูอยากรู้ว่าไอ้เกื้อมันหลบหน้าพวกนั้นทำไมครับ มึงจะบอกประวัติความหล่อมันทำเพื่อ? ”

“ อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ ก็ไอ้คิมเป็นแฟนเก่าไอ้เกื้อตอนสมัยมัธยม ”

“ ฮะ? จริงดิ? ”
ผมหันไปหาไอ้เกื้อทันที

“ หมอบีมอย่าไปฟังนะครับ ก่อ ผมบอกว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีกไง ”
ไอ้เกื้อพูดกับผมแล้วหันไปทำหน้าดุใส่ไอ้ก่อ

“ ตอนเลิกกันแม่งร้องไห้ให้กูโอ๋อยู่ตั้งหลายเดือน ทั้งๆที่ตัวเองทิ้งเขาแท้ๆ ”
ไอ้ก่อส่ายหัวอย่างเอือมๆ

“ แต่ผมมีแฟนใหม่แล้วนี่ครับ ”

“ น้องทับทิมกรอบอะไรของมึงน่ะเหรอ? ”

“ น้องเขาชื่อทับทิมเฉยๆ ”
ไอ้เกื้อเถียง

น้องทับทิมแฟนไอ้เกื้อก็สวยใช่เล่นนะครับ เห็นคบกับมาตั้งแต่อยู่ปี 1 แต่ก็เห็นเหมือนเดิมทุกอย่าง เท่าที่ผมดูนะ มีแต่น้องทับทิมที่คอยตามไอ้เกื้อ ไม่เห็นไอ้เกื้อจะสนใจน้องเขาสักนิด แฟนกันประสาอะไรวะ?

“ คบกันไปถึงไหนแล้วล่ะ? ”

“ ก็เรื่อยๆครับ ”

“ เมื่อไหร่จะเลิกวะ น้องทับทิมกรอบของมึงแม่งทำตัวแรดจะตาย กูยังเห็นควงหนุ่มคนอื่นอยู่เลย ”

“ ว่าผู้หญิงแบบนั้นไม่ดีเลยนะก่อ ”

“ ก็มันจริงมั๊ยล่ะ ”

“ พอ! พวกมึงไม่เถียงกันซักวันจะตายมั๊ยวะ? หยุดเลยๆ ”
ผมรีบห้ามทัพสองพี่น้องคู่นี้ ก่อนที่มันจะทะเลาะกันจนรถคว่ำตายไปข้าง ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อนะ

ทั้งไอ้ก่อและไอ้เกื้อต่างหน้าบึ้งทั้งคู่ ไอ้เกื้อหันหน้าหนีไปอีกทางบ่งบอกว่ามันงอน ผมส่ายหัวอย่างปลงๆกับพี่น้องคู่นี้ แต่ผมก็เห็นภาพแบบนี้จนชินตาแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 3 [ 28/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-06-2017 16:04:41
ซะอย่างนั้น
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 3 [ 28/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 28-06-2017 18:26:51
ความสัมพันธ์ของเพื่อนๆก็น่าสนใจนะ  :-[
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 3 [ 28/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Poy07 ที่ 28-06-2017 23:21:49
 :ruready :ruready เรื่องน่าติดตามมากเลย ว่าแต่จะมีncมั้ยคะเนี่ย  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 3 [ 28/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 29-06-2017 11:27:26
ความสัมพันธ์ของเพื่อนๆก็น่าสนใจนะ  :-[

เห็นด้วยครับ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 3 [ 28/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-06-2017 16:26:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 3 [ 28/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 29-06-2017 17:29:05
สนุกทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 3 [ 28/06/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-06-2017 22:10:24
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 4 [ 03/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 03-07-2017 22:39:49
Chapter 4



การสอบบทใหญ่ใกล้เข้ามา ทำให้ช่วงนี้ผมต้องอ่านหนังสือค่อนข้างหนัก เลยไม่ค่อยได้ไปไหน และไม่ได้ไปเยี่ยมไอ้แวมที่โรงพยาบาลด้วย เรียนเสร็จก็กลับไปอ่านหนังสือต่อที่หอ เพราะจะให้ขับรถไปโรงพยาบาลก็ไกล ป่านนี้ไอ้ผีขี้เก็กคงกำลังนั่งหน้าหล่ออยู่ในห้องคนเดียว เหงาแย่แล้วล่ะมั้ง ไม่รู้ไปหลอกใครเขาอีกรึเปล่า?

“ เอ่าเฟย์ ได้ข่าวว่าแฟนแกโดนยิงเข้าโรงบาลเหรอ? ”
ผมที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างตึกบังเอิญได้ยินเฟย์กับแพรวเพื่อนสนิทต่างคณะคุยกันอยู่ใกล้ๆพอดี แต่ด้วยความที่มีต้นมะขามต้นใหญ่บดบังตัวผมอยู่ ทำให้พวกเธอไม่สังเกตุเห็นว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้

“ เออ เซ็งว่ะ ”

“ แล้วไม่คิดที่จะไปเยี่ยมเขาบ้างรึไง? ”

“ ไปทำไม? เขาจะฟื้นรึเปล่าก็ยังไม่รู้ ”

“ เออ งั้นก็ช่างเขาเถอะ ไม่เป็นหรอก แกก็ยังมีอีกหลายคนนี่ ”

“ แต่คนนี้ฉันจริงจังสุด ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้นไม่ได้หาง่ายๆนะ ”

“ ได้ข่าวว่ารวยขนาดซื้อกระเป๋าใบละเป็นล้านให้แกเลยนี่นา ”

“ ใช่ แต่ฉันอยากได้ใบใหม่แล้วเนี่ย ผู้ชายในสต็อกฉันก็ไม่มีใครรวยขนาดนี้เลย ”

“ เสียดายเนาะ ไม่น่าเลย เอาไว้แกค่อยหาคนใหม่แล้วกัน สวยๆอย่างแกยังมีให้เลือกอีกเพียบ ช่วงนี้ก็ใช้เงินผู้ชายในสต็อกไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะ ไปล่ะ พอดีนัดกับกิ๊กไว้ ”

“ บายจ๊ะ ”

ผมได้ฟังบทสนทนาที่สองสาวคุยกันแล้วถึงกับต้องอ้าปากค้าง ไม่คิดเลยว่านางฟ้าของผมจะเป็นคนแบบนี้

ทันใดนั้นผมก็เห็นหนุ่มหล่อที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาขับรถมารับเฟย์ ดูจากยูนิฟอร์มแล้วน่าจะเรียนมหาลัยอื่น ท่าทางดูสนิทสนมกับเฟย์มากจนผมอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปถามเฟย์ตรงๆ
   
“ เฟย์ ”

“ หมอบีม มีอะไรเหรอ? ”
สีหน้าเธอดูเกร็งๆเล็กน้อยแต่ก็ยังพยายามยิ้มร่าเริงเช่นเคย หนุ่มหล่อต่างมหาลัยเปิดประตูจากรถลงมาดูประมาณว่าผมเป็นใคร? ผมมองหน้าไอ้หนุ่มคนนั้นก่อนจะถามต่อ

“ ผู้ชายคนนี้ใครเหรอ? ”

“ ฟะ...แฟนเฟย์เองอ่ะ ”
เธอดูอ้ำอึ้งที่จะตอบ

“ ไหนบอกคบกับไอ้แวมไง? ”

“ บอกตอนไหน? บ้าเปล่า ”
เธอหัวเราะกลบเกลื่อนแต่สีหน้าบ่งบอกว่ากังวลอยู่ไม่น้อย

“ แวมคือใครอ่ะเฟย์? ”
ผู้ชายคนนั้นถามเฟย์อย่างจับผิด

“ แวมไหน? เราไม่รู้จักอ่ะ? ”
ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอากับคำตอบที่ได้ยิน เธอโกหกหน้าตาเฉยจนผมต้องมองเธอใหม่ เฟย์ที่ผมคิดว่าเป็นคนดี เป็นคนน่ารัก เป็นคนที่ผมชอบ แต่ตอนนี้ไม่ใช่

“ คบกับเฟย์นานยัง? ”
ผมหันไปถามผู้ชายคนนั้นแทน

“ ปีกว่า ”

อืม...

ผมไม่นึกเลยว่าเฟย์จะเป็นคนแบบนี้ มีแฟนอยู่แล้วยังจะมาหลอกไอ้แวมอีก ผมมองหน้าเฟย์แล้วส่ายหัวแบบขอไปที นี่ผมหลงคิดว่าเธอเป็นนางฟ้าแสนดีมาตั้งนาน ไม่น่าเลย

“  นาวา เรารีบกลับกันเถอะค่ะ? ”
ผู้ชายคนนั้นชื่อนาวา ดูเหมือนว่าเฟย์จะอยากให้ผู้ชายคนนั้นออกไปจากการสนทนานี้โดยเร็ว เธอคงกลัวว่าผมจะพูดเรื่องของเธอกับไอ้แวมให้เขาฟัง แต่ผมไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก

ผมมองเฟย์อย่างเอือมๆก่อนจะเดินออกมาโดยไม่สนใจเธอ และเธอก็คงจะไม่อยู่ในสายตาผมอีกต่อไป นี่กูหลงผิดไปชอบผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงวะเนี่ย?

ว่าแล้วก็สงสารไอ้แวมจริงๆ มันต้องนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่โรงบาลก็น่าสงสารมากแล้ว ยังจะมาโดนแฟนสวมเขาอีก



ผมกลับบ้านวันแรกในรอบสองสัปดาห์ หลังจากที่ต้องเรียนภาคค่ำและติวกับรุ่นพี่จนดึกดื่นเกือบทุกวัน ผมเลยพักที่หอ ไม่ได้กลับบ้าน

บ้านผมอยู่ติดกับโรงพยาบาล แต่ก็ไกลจากมหาลัยพอสมควร วันไหนเลิกดึกก็นอนหอ แล้วช่วงก่อนหน้านี้ก็เลิกดึกทุกวันจริงๆ แพทย์ปี 3 สอบต้องผ่าน ทฤษฎีต้องแม่นยำ อดทนเหนื่อยหน่อย จะได้ไม่ไปลำบากในชั้นคลีนิก

“ คุณแวมอาการเป็นไงบ้างครับคุณพ่อ? ”
ผมเข้าบ้านมาก็วางกระเป๋าแล้วทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างอิดโรยด้วยความเหน็ดเหนื่อย

“ หมอบีม สอบเหนื่อยมั๊ยน่ะ กลับบ้านมาก็ถามถึงคุณแวมเลยนะ นึกว่าไม่สนใจเคสนี้แล้วซะอีก แต่ก่อนเห็นมาดูพ่อตรวจคนไข้แทบทุกวัน เลิกเรียนดึกก็ยังมา ห้ามไม่ฟัง แต่เดี๋ยวนี้ไม่มาเลยนะ ”
คุณพ่อทำอาหารเสร็จก็ยกจานมาไว้บนโต๊ะข้างๆผม พร้อมเข้ามาขยี้หัวผมอย่างที่ท่านชอบทำเป็นประจำ

คุณพ่อเลี้ยงผมด้วยตัวคนเดียว เพราะแม่เสียชีวิตตั้งแต่ผมเกิด ผมรักและเชื่อฟังท่านมาก ท่านเป็นไอดอลของผมในทุกๆเรื่อง โตขึ้นผมอย่างเก่งเหมือนคุณพ่อ

“ คุณพ่อก็รู้ว่าผมสนใจเคสนี้มาก แต่ว่าผมไม่ค่อยมีเวลา แล้วผมก็... ”

“ กลัวผี? ”

“ กลัวสิครับ คุณพ่อไม่กลัวเลยเหรอ? ”

“ พ่อก็ไม่เคยเห็นนะ ได้ยินแต่พวกพยาบาลเล่าให้ฟัง คนไข้ห้องข้างเคียงก็กลัวกันไปหมด ”

“ แล้วคุณพ่อเชื่อเรื่องผีมั๊ยครับ? ”

“ ของแบบนี้ก็ลบหลู่ไม่ได้หรอกนะ แต่ถ้าผีมีจริง เขาไม่ทำร้ายเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใช่มั๊ยล่ะ มาๆ ลุกมากินข้าวได้แล้ว ”
พ่อจัดอาหารหลายจานวางลงบนโต๊ะเรียบร้อยก็ดึงผมให้ลุกขึ้นมากินข้าว ผมก็ยอมลุกเดินตามพ่อมานั่งแหมะลงบนโต๊ะอาหารแต่โดยดี

“ คุณพ่อครับ ผมเจอผีคุณแวม ”
ผมเปิดประเด็นบอกความจริงให้คุณพ่อฟัง

“ ลูกพูดจริงเหรอ? ”

“ จริงครับ คุณพ่อไม่เชื่อผมเหรอ? ”
ผมพูดจริงจังแต่ท่านกลับหัวเราะ

“ เชื่อสิ ตอนเรียนแพทย์พ่อก็ฟังเรื่องผีจากเพื่อนที่เรียนด้วยกันบ่อยๆ แต่พ่อไม่เคยเจอกับตัวซะที อยากเจอเหมือนกัน แล้วผีที่ลูกเจอเป็นยังไงล่ะ? ”
คุณพ่อถามอย่างสนอกสนใจ

“ ก็เหมือนคนนะครับ แต่ทำตัวแปลกๆ ”

“ ฮึ? แปลกยังไง? ”

“ ไม่รู้สิครับ เขาพูดจาแปลกๆ ”
ก็แปลกที่มันพูดจาหวานๆบอกว่าคิดถึงผมน่ะสิ ปกติเห็นเย็นชาจะตาย ทำหน้าหยิ่งยังกะไม่อยากสนทนากับผม แต่อยู่ดีๆมาบอกว่าคิดถึงเนี่ยนะ? หรือว่ามันจะเหงา มันเลยหลอกล่อผมเพราะอยากมีคนไปอยู่ด้วยเหมือนในหนังผี ต้องใช่แน่ๆ ว่าแล้วก็ขนลุก

“ ฮะ? เมื่อกี้ลูกบอกว่าได้ยินที่เขาพูดด้วยเหรอ? เหลือเชื่อมาก พ่อเคยอ่านเจอมาว่าวิญญาณจะปรากฏตัวให้เราเห็นได้ในช่วงที่จิตเราอ่อนและเขาอยากให้เราเห็นในช่วงนั้นพอดี แต่ถ้าเขาสื่อสารกับเราได้แสดงว่าช่วงนั้นจิตเราอ่อนมาก ตอนนั้นลูกคงรู้สึกกลัวเขามากใช่ไหมล่ะ? ”

“ ไม่นะครับ ตอนแรกก็กลัว แต่ถ้าเป็นตอนกลางวันแล้วมีเพื่อนอยู่ด้วย ผมก็ไม่กลัวเท่าไหร่ ผมยังคุยกับเขาอยู่เลย ”

“ เป็นไปได้ไง ถ้าแบบนั้นแสดงว่าจิตของเขาคงผูกกับลูกด้วยเหตุผลบางอย่าง ”

“ ไม่ใช่แล้วล่ะครับ คุณพ่อไปเอามาจากไหน? อย่างคุณแวมเนี่ยนะ ผมเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นานนี้เอง ”

“ นั่นสิ พ่อคงอ่านหนังสือแนวนี้หลายเล่มนะ ”
คุณพ่อหัวเราะขำกับความคิดตัวเองเบาๆ

“ ทำวิจัยเรื่องนี้เลยมั๊ยครับด็อกเตอร์? ”

“ อืม ก็ดีนะ ”

“ ผมประชดครับ กินข้าวได้แล้ว มัวแต่คุยเรื่องไร้สาระเดี๋ยวอาหารก็เย็นหมดหรอกครับ ผมไม่อยู่หลายวันไม่เห็นบอกคิดถึงผมเลยนะครับคุณพ่อ ”
ผมปิดประเด็นด้วยการตักอาหารคำแรกเข้าปาก แล้วก็ชวนคุณพ่อคุยเรื่องอื่นต่อ

หลังจากกินอาหารแสนอร่อยฝีมือคุณพ่อจนอิ่ม ผมก็เข้ามาในห้องนอนของผมที่ท่านทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแม้ผมจะไม่อยู่บ้าน ผมทิ้งตัวลงไปบนที่นอน เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ฟังเพลงสบายๆ พอคิดว่าพรุ่งนี้ไม่มีเรียนตัวผมก็แทบปลิว อดหลับอดนอนอ่านหนังสือสอบตั้งสองสัปดาห์ หยุดแค่วันเดียว เฮ้อ แต่ก็เป็นวันเดียวที่มีค่ามหาศาลจริงๆ
 
ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกถึงแรงสั่นของมือถือในกระเป๋ากางเกง

ครืดดด ครืดดด ครืดดด
ใครโทรมาวะ?

‘ เบอร์โรงพยาบาล ’
ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ จะรับดีมั๊ย?

“ สวัสดีครับ ”
ผมกรอกเสียงงัวเงียไปตามสาย

“ หมอบีมคะ กะ..เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ ”
เสียงพยาบาลที่ผมคุ้นเคยพูดด้วยน้ำสียงสั่นเทา

“ มีเรื่องอะไรครับ? ”

“ ผะ...ผีห้อง 502 ค่ะ ”
ผมรีบดันตัวเองลุกจากเตียงทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ไอ้ผีหน้าหล่อสร้างเรื่องอีกจนได้

“ เกิดอะไรขึ้นครับ? ”

“ มีเสียงดังมาจากห้อง 502 ไม่มีใครกล้าขึ้นไปดูเลยค่ะ ดิฉันก็เห็นมีแต่หมอบีมที่น่าจะพอช่วยได้ คุณหมอช่วยมาดูหน่อยนะคะ ”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

“ ก็ได้ครับ ”
ผมรีบล้างหน้าล้างตาให้ตื่นจากความง่วง แล้ววิ่งไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลห่างจากบ้านของผมแค่ 300 เมตรเท่านั้น

ผมรีบขึ้นลิฟท์วิ่งมาถึงห้อง 402 อย่างเหน็ดเหนื่อย ผมมาดูห้องนี้เพราะมันเป็นห้องที่ได้ยินเสียงดังชัดสุด แต่ขอบอกก่อนว่าผมไม่ใช่หมอผีนะ ที่จะได้เรียกมาปราบผีเนี่ย ถึงผมจะคุ้นกับไอ้แวมบ้างแล้ว แต่เรื่องแบบนี้จะทำใจให้ชินง่ายๆได้ยังไง

ผมเข้ามาดูคนไข้ห้อง 402 เป็นคุณตาอายุมากที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งกระดูก คุณตาไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น กลัวจนน้ำตาไหล ตัวสั่นเทาไปหมด หลานชายของคุณตาก็กอดคุณตาไว้แน่นทั้งๆที่ตัวเองก็กลัว เหล่าพยาบาลต่างพยายามทำหน้าที่ปลอบคนไข้ทั้งๆที่พวกเธอหวาดกลัวพอๆกัน

เสียงดังตุ้บๆเหมือนใครโยนอะไรบางอย่างให้หล่นกระทบพื้น สลับกับเสียงลากจูงสิ่งของครืดๆตลอดเวลา เสียงมันดังไม่หยุด และยังคงดังขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง ฟังแล้วน่าขนลุกมาก

ถ้าผมเจอแบบนี้คนเดียวคงอาจจะกลัวจนหัวหดวิ่งหนีไปแล้ว แต่ตอนนี้คนที่เดือดร้อนคือคนไข้ที่อยู่ตรงหน้าผม แค่ต้องมาล้มป่วยก็แย่พออยู่แล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องบ้าๆแบบนี้อีก

ผมตัดสินใจรวบรวมความกล้าเดินขึ้นบันไดทางหนีไฟจากชั้น4ไปที่ชั้น5 เพียงไม่นานผมก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง502 ผมมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยใจมุ่งมั่นอยากจะช่วยเหลือคน แต่ร่างกายเจ้ากรรมกลับแสดงอาการตรงกันข้าม มือไม้ผมสั่นเทาไปหมดเพราะแค่คิดจะเอื้อมไปหมุนลูกบิดกลอนประตูตรงหน้า กลัวอะไร? เคยเจอแล้วนี่ ผีไอ้แวมก็ไม่ได้น่ากลัวซะหน่อย ผมปลอบใจตัวเอง

เอาว่ะ มาถึงขั้นนี้แล้ว กลัวอะไรกับแค่วิญญาณบ้าๆนั่น ชอบสร้างปัญหานักใช่มั๊ย? ได้ วัดกันให้รู้ไปเลยว่าคนกับผีใครจะแน่กว่ากัน!

แก๊ก
ผมบิดกลอนประตูผลักเข้าไปภายในห้อง ก็เจอเพียงแต่ความมืดมิด กับสิ่งของอะไรเต็มพื้นจนผมเผลอเดินไปสะดุดตั้งแต่ก้าวเข้ามา ผมพยายามก้าวไปเปิดสวิชไฟอย่างยากลำบาก

พอไฟติดผมก็เห็นสิ่งของมากมายเต็มห้องไปหมด เป็นกล่องของขวัญ ตุ๊กตา ขนม ดอกไม้ และอะไรต่างๆอีกมากมาย

“ อะไรวะเนี่ย? ”

“ แฟนคลับผมฝากไอ้คิมกับไอ้เมฆมาให้น่ะ ”

“ เฮ้ย! อย่ามาเงียบๆดิวะ ”
ผมหันไปตามเสียงก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อพบว่าอยู่ดีๆไอ้แวมก็แว๊บโผล่มายืนกอดอกพิงประตูอยู่ด้านหลังผม

“ หมอหายไปไหนมาตั้งหลายวัน? ”
มันถามเสียงเรียบ สีหน้าโมโหนิดๆ ยืนกอดอกอย่างกดดันเหมือนตำรวจกำลังสอบสวนผู้ร้าย

“ มันเรื่องของฉัน ว่าแต่นายเถอะ สร้างปัญหาอีกแล้วนะ ทำไมต้องทำให้ชั้นอื่นเขากลัวด้วย อยู่เฉยๆไม่เป็นไรไง? ”
ผมพูดอย่างโมโห

“ เพราะหมอนั่นแหละครับ ”

“ เกี่ยวอะไร? ”

“ ก็หมอไม่ยอมมาหาผมตั้งนาน บอกให้มาบ่อยๆไงครับ ผมเหงา ”

“ เหงาอะไร? เพื่อนนายก็มาเยี่ยมทุกวันไม่ใช่เหรอ? ”

“ แต่ผมอยากให้หมอมาหา ก็ผมคิดถึงหมอนี่ครับ ”
มันทำหน้าหงอยเล็กน้อย ดูน่ารักเหมือนเด็กงอแงจนผมอยากจะเดินเข้าไปกอด เฮ้ย บ้าไปแล้ว ผมกำลังโดนผีหลอกอยู่รึเปล่าเนี่ย?

“ นายเลยหลอกคนอื่นเพื่อเรียกร้องความสนใจว่างั้น? ”
ผมทำเสียงดุใส่มัน

“ ครับ ”
มันตอบหน้าตาเฉย ทำสีหน้าเก็กหล่อจนน่าหมั่นไส้เช่นเดิม

“ ไอ้ผีนิสัยไม่ดี ไอ้ผีชอบสร้างปัญหา ไอ้ผีกวนตีน ไอ้ขี้เก๊ก ไอ้หน้าหล่อ ไอ้... ”
หมดคำจะด่ามันแล้วจริงๆ แล้วดูมันทำหน้าตาเฉยเหมือนไม่สะทกสะท้านกับคำพูดใดๆของผมเลย ตรงกันข้าม มันกับมองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปากอีกต่างหาก

“ ยิ้มอะไรของนาย? ฉันด่านายอยู่นะ ”

“ เวลาหมอบ่นแล้วปากขยับไปมาน่ารักดีนะครับ เสียดายจัง ถ้าผมเป็นคนผมคงจะสามารถดึงหมอเข้ามาจูบได้ ”
??? ไม่พูดเปล่า มันยังเดินเข้ามาหาผมแล้วเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ไม่ใช่เพราะผมกลัวหรือโดนผีอำอะไร แต่เป็นเพราะหน้ามันอยู่ใกล้ผมห่างไม่ถึงเซนจนผมรู้สึกเขิน ใจสั่นที่ได้มองแววตาคมนั่นใกล้ๆ แววตาที่สามารถสะกดทุกคนให้หลงใหลได้อย่างง่ายดาย แม้ไม่รู้สึกถึงลมหายใจที่เป่ารดเข้ามา แต่ก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นบางๆที่แผ่ซ่านอบอวลอยู่ใกล้ๆอย่างไม่น่าเชื่อ

“ ผมอยากจูบคุณหมอจังครับ ”

ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ

ผมสะดุ้งถอยออกห่างจากไอ้แวมทันทีเมื่อได้ยินเสียงดังถี่รัวจากเครื่องวัดชีพจรที่ตั้งอยู่ข้างเตียง

“ เป็นอะไรเนี่ย? ”
ผมวิ่งเข้าไปดูร่างของมันอย่างเป็นห่วงเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย

“ เดี๋ยวก็หายครับ ”

“ ชีพจรนายเต้นผิดปกติแบบนี้บ่อยรึเปล่า? แล้วพยาบาลสังเกตเห็นบ้างไหม? เดี๋ยวฉันไปบอกหมอให้ ”

“ นี่หมอบีมไม่รู้จริงๆเหรอว่าหัวใจของผมเต้นแรงเพราะอะไร? ”
มันเริ่มเข้ามาใกล้ผมแบบเมื่อกี้อีกแล้วครับ ผมเริ่มหวั่นๆจึงลองแอบเอามือไปแตะแขนมันนิดหน่อย โล่งอกที่สัมผัสมันไม่ได้ เพราะถ้าเป็นคนผมคงกลัวกว่านี้แน่ๆ แต่นี่เป็นผีมันคงทำอะไรไม่ได้ ขนาดจะแตะตัวยังไม่ได้เลย

“ ... ”

“ เพราะผมชอบหมอครับ ”
มันกระซิบข้างหูแผ่วเบาจนผมขนลุกซู่ไปหมด

“ พอเลย ไอ้ผีโรคจิต เลิกทำตัวน่าขนลุกได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะ... ”
ผมถอยห่างออกมาด่ามันเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน อยู่ดีๆเดือนมหาลัยที่หล่อราวกับเทพบุตรมาบอกว่าชอบผมเนี่ยนะ หลอกกันชัดๆ

“ หมอบีมจะทำอะไรผมครับ? แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วย? ”
มันเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ เป็นผีแล้วคิดจะทำอะไรก็ได้รึไง? คงสนุกที่ได้หลอกคนสินะ

“ ฉันจะไม่คุยกับนายแล้ว ”
ผมตั้งใจเดินทะลุผ่านตัวมันไปอย่างรวดเร็ว เพราะรู้สึกอายที่ดันเผลอไปหน้าแดงให้มันเห็น

แก็ก แก็กๆๆ
ลูกปิดประตูเสียซะอย่างงั้น

เอ๊ะ หรือว่า?

“ นายทำเหรอ! ”
ผมเดินกลับเข้าไปถามไอ้ผีตัวปัญหาอย่างหงุดหงิด

“ ครับ ”
มันตอบหน้าตาเฉย นอนเอนกายเหยียดขาอยู่บนโซฟา แถมยังชันเข่าขึ้นหนึ่งข้างให้ดูเท่ห์ ก็เข้าใจนะว่าตอนเป็นคนมันชอบถ่ายแบบเป็นงานอดิเรก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องโพสต์ท่าได้ทุกสถานการณ์แบบนี้นะ มันอาจจะติดเป็นนิสัย แต่สำหรับผู้ชายที่หล่อสู้มันไม่ได้อย่างผมเห็นแล้วก็หมั่นไส้มาก น่าโมโหชะมัด

ทำไมผมต้องโชคร้ายมาเจอกับไอ้ผีนี่ด้วย?

“ คืนนี้หมออยู่เป็นเพื่อนผมนะครับ หรือจะพังประตูออกไปก็ได้ เพราะคงไม่มีใครกล้ามาช่วยหมอหรอก ”

“ เออ ฉันมีทางเลือกอื่นมั๊ยล่ะ? ”

ผมเดินไปนั่งทิ้งตัวลงบนโซฟา ตั้งใจจะแกล้งทับขามันแรงๆแต่ก็ไม่เป็นผล ตัวผมทะลุผ่านขามันลงไปนั่งซ้อนบนผิวโซฟาเหมือนภาพวาดคนละใบซะอย่างนั้น

นี่ผมจะทำอะไรมันไม่ได้เลยใช่มั๊ยเนี่ย?

“ แต๊ะอั๋งผมเหรอครับ? ”

“ จะบ้าเหรอ? ”
ผมรีบดีดตัวเองลุกออกจากโซฟาอย่างรวดเร็ว

“ ผมล้อเล่นครับ หมอมานอนโซฟาสิ เดี๋ยวผมลุกให้ ”
พอมันลุกขึ้นผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหน็ดเหนื่อย ก่อนมายังนอนไม่เต็มอิ่มเลย เรียนหนักมาหลายวันนึกว่าจะได้หลับยาวๆซักคืน หมดกันเวลาพักผ่อนของผม ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ถ้ามันไม่ปล่อยผมไป ผมก็นอนตรงนี้เลยแล้วกัน ตอนนี้ง่วงและเหนื่อยมาก

ไอ้แวมทิ้งตัวลงนั่งพื้นข้างๆผม จ้องผมยังกับกลัวว่าผมจะหายไปไหน ตอนนี้ผมไม่รู้สึกกลัวมันแล้ว ยังไงมันก็ทำอะไรผมไม่ได้อยู่ดี มีแค่คำพูดกับสายตาของมันเท่านั้นแหละที่รบกวนผมได้ แต่แค่นี้ก็เกินพอแล้ว อย่าให้มันได้ลุกขึ้นมาทำอะไรผมมากกว่านี้เลย ว่าแล้วก็ต้องพลิกตัวหนีไปอีกทางเพื่อหลบสายตามัน ก่อนที่ผมจะหลับใหลลงสู่ห้วงนิทรา
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 4 [ 03/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-07-2017 23:52:42
มารอ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 4 [ 03/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-07-2017 02:20:56
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 4 [ 03/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-07-2017 13:33:14
 :katai2-1: :katai2-1:  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 4 [ 03/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 04-07-2017 20:11:06
เฟย์เธอหมดสิทธิ์แล้วล่ะ  ไว้เอาลัยชะนีเฟย์ 0.3 วินาที :call:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 4 [ 03/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-07-2017 01:23:40
 :hao7:
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 4 [ 03/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-07-2017 10:05:43
แล้วเมื่อไหร่แวมจะกลับเข้าร่างได้ล่ะเนี่ย

เฟย์ ดาวแพทย์ ที่บีมเฝ้าจีบเฝ้าชอบแต่ปีหนึ่ง
ไม่เคยเห็นมุมที่ชีคบคนหลายคน แปลกมาก
แสดงว่าบีม ซื่อ หรือไม่ชีก็เขี้ยวลากดิน

แล้วแวมชอบบีมได้ยังไงแต่เมื่อไหร่
แวมคบเฟย์ ซื้อกระเป๋าใบเป็นล้านให้
omg แวมป๋ามาก ใช้เงินไม่เป็นสินะ หรือไม่ทันเกมนาง น่าสงสัย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 5 [ 05/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 05-07-2017 21:25:07
Chapter 5



ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนโซฟาในห้องผู้ป่วย แต่ที่แปลกคือมีผ้าห่มของผู้ป่วยคลุมตัวอยู่นี่สิ คงจะเป็นใครไปไม่ได้ที่ทำ ว่าแต่ผีหยิบจับสิ่งของได้ด้วยเหรอ? คงไม่แปลกหรอกมั๊ง ขนาดทำเสียงหลอนๆหลอกคนอื่นยังได้เลย อืม จะว่าไปไอ้ผีหน้าหล่อมันก็มีมุมคนดีเหมือนกันนะเนี่ย ว่าแต่ผ้าห่มผู้ป่วยนี่มันไปเอามาจากไหน?

ผมกวาดสายตาไปรอบห้องก็เห็นวิญญาณไอ้แวมนั่งกอดอกตัวสั่นอยู่บนเตียงคนไข้ที่มีร่างของมันนอนไร้ผ้าห่มอยู่

“ นี่นายทำอะไรของนายฮะ! ถ้าเป็นไรขึ้นมาจะทำยังไง? ”
ผมรีบวิ่งไปที่เตียง เอามือไปแตะหน้าผากของร่างที่นอนอยู่ก็โล่งอกที่ไม่มีไข้ ผมจึงเอาผ้าห่มมาห่มคืนให้มัน

“ ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ”

“ นายเอาผ้าห่มของนายมาห่มให้ฉันแล้วก็ปล่อยให้ร่างของตัวเองต้องนอนหนาวอยู่แบบนี้เนี่ยนะ? ทำอะไรไม่คิด ถ้าเกิดหนาวตายหรือมีไข้ขึ้นมาจะทำยังไง? ”

“ ผมขอโทษครับ ก็ผมกลัวว่าหมอจะหนาว ”
มันทำหน้ารู้สึกผิดจนผมใจอ่อนยอมเลิกด่ามัน จากไอ้ขี้เก๊กที่ทำตัวหยิ่งจนหน้าหมั่นไส้ ตอนนี้มันดูเป็นคนดี แถมว่านอนสอนง่ายอีกต่างหาก ทำตัวแปลกราวกับเป็นคนละคนเลย

“ อือ ขอบใจนะ แต่คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีก ”
มันพยักหน้ารับรู้ อย่างน้อยที่มันทำไปก็เพื่อผมล้วนๆ มันสละผ้าห่มเพื่อให้ผมหลับสบายโดยไม่ห่วงตัวเองเลย ผมก็ดันลืมผ่อนแอร์ลงอีก ดีนะที่มันไม่ช็อคตายซะก่อน

“ หมอบีมจะไปไหนครับ? ”
มันเอ่ยถามผมทันทีที่ผมจะก้าวเท้าไปที่ประตูห้อง

“ ก็กลับบ้านน่ะสิ ”

“ ผมไม่ให้กลับ หมอต้องอยู่เป็นเพื่อนผม ไม่งั้นผมจะหลอกคนทั้งตึกจริงๆด้วย ”
มันทำตัวเอาแต่ใจเหมือนสัตว์เลี้ยงที่ติดเจ้าของ และผมว่ามันเริ่มจะติดผมมากขึ้นทุกทีแล้วนะ

“ กลับไปอาบน้ำ ไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเนี่ย แล้วก็จะไปเอาหนังสือมาอ่านด้วย อยู่เฉยๆมันน่าเบื่อ ”

“ ก็ได้ครับ อย่าไปนานนะ ”

“ อือๆ ”



“ เอ่า หมอบีม ได้ข่าวว่าเมื่อคืนไปปราบผีมา เป็นยังไงบ้างล่ะ? ”
คุณพ่อถามผมทันทีที่ผมก้าวเข้ามาในบ้าน สีหน้าท่านดูไม่แปลกใจกับการที่ลูกตัวเองไปปราบผีเลยซักนิด

“ ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ หนังสือไสยศาสตร์ที่พ่อชอบอ่านอยู่ไหนครับ? ผมอยากอ่านบ้าง ”

“ อยู่ในห้องพ่อมีอีกหลายเล่ม อยากอ่านก็เข้าไปหยิบได้ตามสบายเลยนะ ”

“ ขอบคุณครับ ”



“ การที่วิญญาณออกจากร่างล้วนมีเหตุผล เหตุผลหลักๆคือการถึงจุดสิ้นสุดของชีวิต แต่บางกรณีก็ไม่เป็นเช่นนั้น วิญญาณที่ออกจากร่างแต่ยังไม่ถึงแก่กรรมสามราถกลับเข้าร่างได้ ยกเว้นว่ายังมีจุดประสงค์อื่นอยู่ และถ้ายังไม่บรรลุความต้องการนั้นก็จะไม่สามารถกลับเข้าร่างของตัวเองได้ เช่น ยังอยากจะทำอะไร ยังอยากรู้บางสิ่ง หรือยังค้างคาบางอย่างอยู่  ”

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็กลับมานั่งอ่านหนังสือไสยศาสตร์อยู่ข้างเตียงไอ้แวมทั้งวัน เมื่อเช้ากลับบ้านไปยืมหนังสือพวกนี้จากพ่อมาอ่านด้วย เผื่ออ่านแล้วจะช่วยอะไรไอ้ผีเอาแต่ใจนี่ได้บ้าง จะได้เข้าร่างไปซะที สร้างปัญหาให้ผมเหลือเกิน

“ หมอครับ ”
ผีตัวปัญหากำลังนั่งหย่อนขาไปมามองผมอยู่บนเตียงคนไข้

“ ว่า? ”

“ อ่านอะไร? ผมเหงานะ สนใจผมบ้างสิ ”
มันทำหน้าหงุดหงิด คงอยากจะเรียกร้องความสนใจ เพราะผมมัวแต่อ่านหนังสือจนไม่สนใจมัน ดูมันจะติดผมมากจริงๆด้วย

“ นี่ไง ”
ผมชูหนังสือในมือให้มันดู

“ หนังสือเกี่ยวกับวิญญาณ? ”

“ ใช่ ในหนังสือบอกว่า ที่นายยังไม่เข้าล่างเพราะนายยังไม่บรรลุจุดประสงค์อะไรสักอย่าง คิดสิว่านายต้องการอะไร? ”

มันนั่งนึกอยู่นาน ผมก็รอมันนึกอย่างใจจดใจจ่อ แต่คำตอบที่ได้คือ...
“ ไม่รู้สิครับ ”

“ หรือว่านายยังไม่รู้ว่าใครฆ่านาย ต้องใช่แน่ๆ ฉันดูมาจากหนังผีหลายเรื่อง ”

“ อืม ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนฆ่าผม ”

“ นั่นไง ฉันว่าแล้ว คงเพราะนายยังไม่รู้ นายเลยไม่ยอมเข้าร่างไง ”

“ อาจจะใช่มั้งครับ ”
ถึงหน้าตามันจะดูไม่เชื่อกับตรรกะนี้เท่าไหร่ แต่ก็ดูจะเป็นความหวังเดียวที่พอจะทำให้มันเข้าร่างได้ ลองดูก็ไม่เสียหายนิ

“ นายมีศัตรูที่ไหนรึเปล่า? ”

“ ไม่มีรู้สิครับ คงจะเยอะมั้ง ใครๆก็ไม่ชอบนิสัยผมทั้งนั้นแหละ ”
มันตอบหน้าตาเฉย

“ นายนี่มันขยันสร้างศัตรูจริงๆเลย ดูจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยคดีนี้ก็รู้ มีฉันอยู่ด้วยอีกต่างหาก เพราะวันนั้นฉันดันไปต่อยปากนายพอดีนี่สิ ถ้าไม่มีพยานว่าฉันอยู่ไหนคงซวยแน่ๆ ”

“ ผมผิดใช่มั๊ยครับ? ”

“ นายไม่ผิดหรอก นายจะทำอะไรมันก็เป็นสิทธิของนาย ฉันผิดเองแหละที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันเลย เดี๋ยวฉันจะช่วยนายหาคนร้ายเอง จะได้พ้นมลทินจากการเป็นผู้ต้องสงสัยซะที เผลอๆนายรู้ตัวคนร้ายแล้วนายอาจจะกลับเข้าร่างก็ได้ ”

“ หมออยากให้ผมกลับเข้าร่างมากเลยเหรอครับ? แล้วถ้าผมกลับเข้าร่างได้จริงๆ หมอจะทำยังไงครับ? ”
มันถามเสียงเครียด สีหน้าที่ดูกวนตีนเมื่อกี้เปลี่ยนมาเป็นโหมดจริงจังทันที

“ ฉันก็ดีใจกับนายน่ะสิ ”

“ แล้วผมจะจำช่วงที่ผมเป็นวิญญาณได้มั๊ย? ผมจะจำหมอได้รึเปล่าครับ? ”
มันทำหน้าเศร้าๆ

“ อันนี้ฉันก็บอกไม่ได้หรอกนะ แต่ช่างมันเถอะ นายจำฉันไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก เออ ช่วยเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟังหน่อยสิ ”
ผมไม่อยากจะเข้าโหมดดราม่า จึงชวนให้มันเปลี่ยนเรื่องมาช่วยเล่าเหตุการณ์วันที่มันโดนยิงให้ผมฟังแทน เผื่อว่าจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง

“ ก็ได้ครับ แต่ว่าวันนั้นหมอต่อยผมเพราะคิดว่าผมกับผู้หญิงคนนั้นมีอะไรกันใช่มั๊ย? หมอเข้าใจผมผิดนะ ผู้หญิงคนนั้นเขาเข้ามาหาผมเอง ”

“ ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนี้ซะหน่อย ”
พอมันพูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วผมก็อารมณ์เสียอย่างไม่ทราบสาเหตุ เป็นอะไรอีกวะเนี่ย?

“ หมอหายโกรธผมรึยัง? ”

“ โกรธ? โกรธอะไร? ”

“ ก็โกรธเรื่องที่ทำให้หมอต่อยผมนี่ไงครับ ”

“ ฉันไม่ได้โกรธ เล่าต่อได้แล้ว ”
ทำไมมันต้องมาใส่ใจด้วยว่าผมจะโกรธอยู่รึเปล่า? ตอนนั้นผมแค่ไม่พอใจที่คิดว่ามันนอกใจเฟย์ แต่ตอนนี้มันกลับเป็นฝ่ายถูกนอกใจซะเอง ผมสงสารมัน ไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับมันจริงๆ

“ วันนั้นหลังจากที่หมอกลับไป ผมก็ดื่มต่อกับผู้หญิงคนนั้นจนเกือบๆตีสาม ผมรู้สึกเมาจนขับรถไม่ไหว แต่ก็ยังพอมีสติอยู่ ผู้หญิงคนนั้นอาสาจะไปส่งผมที่บ้าน ผมก็ให้กุญแจรถเธอไป และผมก็บอกเส้นทางให้เธอจนมาถึงหน้าบ้าน เธอบอกว่าจะเรียกแท็กซี่กลับเอง พอผมยืนส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่เสร็จ อยู่ดีๆก็เหมือนทุกอย่างดับวูบไป ภาพตัดมืดสนิท ผมมาอยู่ที่โรงพยาบาลพร้อมกับเห็นร่างของตัวเองในห้องผ่าตัด แล้ว... ”

“ เดี๋ยวนะ นายรู้จักผู้หญิงคนนั้นรึเปล่า? ”

“ เปล่าครับ ”

ผู้หญิงคนนั้นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยแน่ๆ ผมมั่นใจ

“ ถ้านายไม่ลงจากรถ นายอาจจะไม่โดนยิงก็ได้ ฉันว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีเอี่ยวด้วยแน่ๆ ถ้าเราจับผู้หญิงคนนี้ได้ เราอาจจะรู้ว่าใครอยู่เบื่องหลังเรื่องนี้ แต่โชคร้ายที่วันนั้นกล้องวงจรปิดบ้านนายดันมาเสียพอดีนี่สิ อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น แต่ช่างเถอะ ฉันว่าฉันจำหน้าผู้หญิงคนนั้นได้ ฉันจะลองคุยกับตำรวจที่ทำคดีนี้ดู ”

“ ฉลาดสมกับที่เรียนหมอจริงๆเลยนะครับ ”
ประโยคนั้นไอ้แวมไม่ได้พูดครับ แต่เป็นคำพูดของคนที่เพิ่งเข้ามาในห้องนี้ต่างหาก มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ไม่เคาะประตูเลย

พวกเขาเดินเข้ามารัศมีความหล่อก็เตะตาผมทันที ทั้งสองคนยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เพราะเพิ่งจะเลิกเรียน พวกเขามักจะแวะมาที่นี่ทุกวันเป็นปกติ

“ เมฆ คิม หวัดดีครับ ”
ผมหันไปเอ่ยทักทายทั้งสองคน

“ หวัดดีหมอบีม ได้ข่าวว่าเมื่อคืนมาช่วยปราบผีไอ้แวมงั้นเหรอ? ”
ใต้เมฆถามผมเสียงเรียบ ทั้งสองคนนั่งลงบนโซฟาพร้อมกัน หน้าตายังเก๊กหล่อเหมือนกันทั้งแก๊งค์เช่นเดิม จะลองนึกภาพพวกนายแบบกำลังคีพลุคถ่ายภาพนิ่งก็ได้นะครับ ประมาณนั้นแหละ บอกเลยว่าถ้าไม่หล่อจริงทำไม่ได้ ทั้งสองจ้องมาที่ผมซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงคนไข้เหมือนจะคาดคั้นอะไร
 
“ แล้วเมื่อกี้หมอกำลังคุยกับไอ้แวมใช่มั๊ยครับ? ”
นาคิมถามอย่างสงสัย

“ ถ้าบอกว่าจริง คุณสองคนจะเชื่อเหรอครับ? ”
ผมตอบแบบปัดๆด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง เพราะถ้าจะให้บอกใครว่าผมคุยกับผีได้ ใครเขาจะเชื่อกันล่ะครับ เขาคงหาว่าผมโกหกเปล่าๆ

“ เชื่อดิ / เชื่อครับ ”
พวกเขาต่างพูดพร้อมกันจนผมอึ้ง ผมมองสองคนนั้นงงๆอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“ ... ”

“ ตอนแรกพวกผมฟังที่เขาเล่ากันเรื่องผีไอ้แวม ก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นะครับ แต่วันก่อนไอ้แวมมันมาเข้าฝันพวกผมทั้งสองคน ”
นาคิมเล่า

“ ใช่ ในฝันมันบอกว่าให้เชื่อหมอบีม บอกอยู่ประโยคเดียวนี่แหละ จะว่าบังเอิญฝันก็ไม่ใช่ เพราะพวกกูฝันแบบนี้ติดต่อกันมา 3 วันแล้ว แถมยังฝันเหมือนกันทั้งสองคนอีกต่างหาก ”
ใต้เมฆเสริม

“ เหลือเชื่อ นายเข้าฝันคนได้ด้วยเหรอ? ”
ผมหันไปถามไอ้แวม มันก็พยักหน้า

“ ผมเข้าฝันได้แค่สองคนนี้แหละครับ แค่นึกถึงพวกมันก็เข้าไปอยู่ในฝันมันได้ซะงั้น ”

“ เมื่อกี้หมอพูดกับไอ้แวมเหรอครับ? มันอยู่ตรงนี้รึเปล่า? ”
นาคิมเดินไปตามสายตาของผม แล้วก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าไอ้แวมที่นั่งอยู่ขอบเตียงพอดี
“ คิดถึงกูมั๊ยเพื่อน? รีบๆฟื้นดิวะ พวกกูรออยู่ ”

“ มึงคุยกับอากาศก็เป็นเหรอวะไอ้คิม ”
ใต้เมฆก็ลุกจากโซฟาเดินมาหาไอ้แวมเช่นกัน
“ มึงอยู่ตรงนี้สินะ แต่มองไม่เห็นแล้วเหมือนกูคุยกับอากาศยังไงก็ไม่รู้ว่ะ ฮ่าๆ”

ไอ้แวมเผยรอยยิ้มให้กับการกระทำของสองหนุ่มเพื่อนรักของมัน ดูทั้งสามคนจะรักกันมากจริงๆ ขนาดรู้ว่าเพื่อนเป็นวิญญาณยังไม่กลัว ไม่ทิ้งเพื่อนไปไหน แถมยังทำตัวปกติเหมือนมันเป็นคนอีกต่างหาก

“ กูก็คิดถึงพวกมึงเหมือนกัน ไอ้คิม มึงอย่าเอาแต่ทำธุรกิจช่วยพ่อมึงจนหนักเกินไปนะเว้ย ใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มบ้าง ไอ้เมฆ กูไม่อยู่ก็ชวนไอ้คิมมันออกไปเที่ยวบ้างนะ ไว้กูฟื้นเมื่อไหร่กูจะกลับไปสังสรรค์กับพวกมึงให้ครบแก๊งค์เหมือนเดิม ”
ไอ้แวมพูดกับเพื่อนทั้งสองคน แต่ดูเหมือนสองคนนั้นคงจะไม่ได้ยินที่มันพูดเลยซักนิด

“ แวมบอกว่าอย่าโหมงานหนักมากนะคิม เมฆก็ชวนคิมออกไปเที่ยวบ้างนะครับ ”

“ ไอ้แวมอยู่ตรงนี้จริงๆด้วย มันชอบบ่นว่าไอ้คิมทำงานหนักตลอด ”
ใต้เมฆหันมาคุยกับผม

แต่ระหว่างที่กลุ่มเพื่อนรักแก๊งค์นี้กำลังดีใจที่ได้พูดคุยกันอยู่นั้น เสียงเคาะประตูจากใครบางคนก็ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน
 
ก็อกๆๆ

“ หมอบีมใช่มั๊ยครับ? ”
ผมเดินไปเปิดประตูห้องก็พบหนุ่มหล่อมาดนักธุรกิจ อายุน่าจะประมาณยี่สิบปลายๆท่าทางดูเป็นมิตร

“ ใช่ครับ ”

“ สวัสดีครับ ผมชื่อวี เป็นพี่ชายของแวมครับ ”

“ สวัสดีครับคุณวี ”
ผมยิ้มทักทายพร้อมเชิญเขาเข้ามานั่งในห้อง

“ เรียกพี่วีก็ได้นะครับ ”
เขาเอ่ยอย่างเป็นมิตร

“ เอ่าพี่วี หวัดดีครับ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ? ”
ใต้เมฆกับนาคิมกล่าวทักทายพี่วี ดูแล้วพวกเขาน่าจะคุ้นเคยกันพอสมควร

“ พี่เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน พอได้ข่าวแวมพี่ก็เคลียร์ธุรกิจที่ต่างประเทศแล้วรีบบินกลับมาทันทีเลย ”

“ มาคราวนี้จะมาอยู่ซักกี่วันล่ะครับ? ”
ใต้เมฆถาม

“ คงจะอยู่ยาวเลยน่ะ กะว่าจะมาช่วยดูแลบริษัทรับเหมาก่อสร้างของคุณแม่ด้วย เห็นว่ากำลังทำกำไรไปได้สวย ”

“ หัวการค้าจังเลยนะครับ ”
นาคิมเอ่ยเช่นนั้นพี่วีก็หัวเราะยิ้มรับเบาๆ

“ เออพี่อยากคุยเรื่องธุรกิจห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่กับพ่อคิมพอดีเลย ท่านพอจะมีเวลาว่างบ้างรึเปล่า? ”

“ คุณพ่อบ่นถึงพี่วีอยู่บ่อยๆเหมือนกัน ว่างๆก็แวะมาทานอาหารเย็นที่บ้านผมบ้างสิครับ ”

“ งั้น ผมขอตัวไปธุระก่อนนะครับ ไปก่อนนะมึง ไปก่อนนะหมอ ”
อยู่ดีๆใต้เมฆก็รีบขอตัวลากลับก่อน

“ ไอ้เมฆมันไม่ค่อยถูกกับพี่วีน่ะ ”
ไอ้แวมบอก อืม ก็ว่าอยู่ น้ำเสียงเวลาใต้เมฆคุยกับพี่วีดูห้วนๆยังไงก็ไม่รู้ ที่แท้ก็ไม่ถูกกันนี่เอง

“ งั้นผมก็ขอตัวลากลับเช่นกันนะครับ หวัดดีครับพี่วี หวัดดีครับหมอบีม ไปก่อนนะมึง แต่กูไม่รับปากมึงนะว่าจะไม่โหมงานหนัก ช่วงนี้ธุรกิจพ่อกูกำลังขาขึ้น คงบริหารกันหนักหน่อยว่ะ เดี๋ยววันหลังกูมาเยี่ยมใหม่นะ ไปแล้วเว้ย ”
พี่วีเลิกคิ้วเล็กน้อยกับการที่นาคิมพูดคุยกับไอ้แวมทั้งๆที่มันหลับอยู่ ก่อนจะเอ่ยลาทั้งสองคนเช่นกัน

“ ผมได้ข่าวว่าน้องชายของผมสร้างปัญหาให้ที่นี่ ที่จริงผมก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเท่าไหร่หรอกนะครับ แต่เพื่อความสบายใจของทุกคน ถ้าเค้าถอดเครื่องช่วยหายใจได้เมื่อไหร่ ผมก็จะพาเค้าไปอยู่ที่บ้านนะครับ ”
พอทุกคนออกไปจากห้องแล้วพี่วีก็หันมาคุยกับผม

“ เอ่อ ครับ ”
ผมมองหน้าไอ้แวมมันก็นิ่งเฉย ไม่ได้อยากจะคัดค้านอะไร มันอาจจะอยากกลับบ้านก็ได้ แต่ก็เป็นผลดีกับผมแล้วนี่นา ทำไมผมไม่ดีใจเลย

“ ผมขอบคุณหมอบีมมากนะครับที่ช่วยดูแลน้องชายของผม ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะเลี้ยงข้าวขอบคุณหมอซักมื้อนะครับ ”

“ เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ”

“ นะครับ ผมอยากขอบคุณจริงๆ จะเป็นไรมั๊ยครับถ้าผมจะขอเบอร์ติดต่อหมอไว้ เผื่อว่าผมมีปัญหาอะไร เพราะหมอคงจะรู้จักวิธีจัดการกับผีน้องชายผมดี ใช่มั๊ยครับ? ”
พี่วียื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผม ผมก็ลังเลนิดๆก่อนจะรับมากดเบอร์ของผมลงไป

“ นี่ครับ ”
ผมยื่นมือถือคืนพี่วี

“ ขอบคุณครับ ”

“ ดูก็รู้ว่าพี่วีชอบหมอ ยังจะให้เบอร์ไปอีก ”
ไอ้แวมทำหน้าโมโหก่อนจะหายตัวไป เอ่า มันโกรธผมเหรอ? ผมผิดอะไรเนี่ย?   

“ เอาไว้ถ้าหมอว่างเมื่อไหร่ ให้เกียรติไปทานข้าวกับผมสักมื้อนะครับ ”

“ เอ่อ ผมเกรงใจจริงๆครับ ”

“ นะครับ ”
พี่วียังตื้อผมต่อไม่ยอมหยุด

“ ก็ได้ครับ ”
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 5 [ 05/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-07-2017 00:08:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 5 [ 05/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-07-2017 00:11:26
 :katai5:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 5 [ 05/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-07-2017 00:31:35
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 5 [ 05/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-07-2017 00:46:09
 :hao4:
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 5 [ 05/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 06-07-2017 07:03:02
ผีหึงซะแล้ว
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 5 [ 05/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-07-2017 09:49:27
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 5 [ 05/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 06-07-2017 12:24:41
ผู้หญิงหรือ? สงสัยคดีนี้ต้องมีรเบิดแปะรูชะนีแน่ๆ  :-[
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 5 [ 05/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-07-2017 18:03:43
พี่ก็ชอบ น้องก็ชอบบีม
แวม ท่าทางไม่พอใจที่บีม ให้เบอร์พี่วี

ว่าแต่ใคร อะไร ที่มายิงแวม
ผู้หญิงคนนั้น ที่กินเหล้ากับแวมเป็นนกต่อสินะ
อย่างนี้บีม ให้เมฆกับนาคิมไปดูกล้องวงจรปิดได้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 6 [ 07/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 07-07-2017 22:38:45
Chapter 6



“ เธอให้ปากคำว่าเธอขับรถไปส่งคุณแวมจริง แต่เธอปฏิเสธว่าเธอไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะครับ อีกอย่างตามที่คุณเล่ามาก็ไม่สามารถชี้ชัดเอาผิดอะไรเธอได้ แล้วเราก็ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอด้วยนะครับ ”
คุณตำรวจชี้แจงเรื่องคดีให้ผมฟัง

หลังจากที่ผมฟังที่ไอ้แวมเล่า ผมก็หาเวลาว่างมาสถานีตำรวจเพื่อคุยกับคนที่รับผิดชอบคดีนี้ทันที พร้อมกับให้การตามที่ไอ้แวมบอก แต่ผมไม่บอกหรอกนะว่าผมฟังมาจากไอ้แวมเล่า ก็ใครจะเชื่อล่ะว่าผมคุยกับผีได้

ตำรวจให้คนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ผับจึงพบว่าไอ้แวมออกมากับผู้หญิงคนนั้นจริง แต่เธอก็ให้การปฏิเสธว่ามีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้

“ เข้าใจแล้วครับ ”
ผมเอ่ยอย่างปลงๆ สุดท้ายก็ไม่ได้เรื่องอะไรอยู่ดี เพราะหลักฐานก็ไม่แน่นหนาพอ อีกอย่างถ้าคิดอีกมุมหนึ่ง เธอคนนั้นก็อาจจะไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยจริงๆก็ได้ เธออาจจะเพียงแค่มีน้ำใจมาส่งไอ้แวมเท่านั้น

“ ขอบคุณมากๆนะครับที่ให้การช่วยเหลือทางเรา ”
คุณตำรวจยศผู้กองกล่าวด้วยความยินดีพร้อมกับเดินมาส่งผมที่รถ

“ ไม่เป็นไรครับ ”



ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ผมใช้เวลาอยู่สถานีตำรวจนานพอสมควร ป่านนี้ไม่รู้ไอ้แวมจะก่อเรื่องอะไรอีกรึเปล่า มันบังคับให้ผมไปหามันทุกวันพร้อมกับขู่ว่าถ้าไม่ไปมันจะหลอกคนทั้งตึก ดึกขนาดนี้ผมจึงต้องแบกสังขารตัวเองขับรถไปที่โรงพยาบาลต่อ จากสถานีตำรวจไปโรงบาลก็ใช่ว่าจะใกล้

เอี๊ยด
เอ่า รถเสียอีก เวรเอ้ย

แก๊กๆๆ
ผมพยายามบิดกุญแจสตาร์ทใหม่อยู่หลายรอบ แต่รถเจ้ากรรมก็ไม่มีวี่แววว่าจะติดเลย รถคันนี้เก่ามากแล้ว ชอบเสียกลางทางอยู่บ่อยๆ เข้าออกอู่เป็นว่าเล่น

“ ตาแก่จ๋า ทำไมต้องมาเสียตอนนี้ด้วยนะ ติดเถอะนะขอร้อง โถ่ววว ”
ผมบ่นให้รถคันเก่าที่ผมตั้งชื่อให้มันว่าตาแก่ ตาแก่คันนี้ชอบสร้างปัญหาให้ผมบ่อยเหลือเกิน เสียตอนไหนไม่เสีย มาเสียอะไรดึกป่านนี้ แล้วถนนเส้นนี้ก็แทบจะไม่มีรถผ่านมาเลย

เอาไงดี? ผมตัดสินใจกดโทรศัพท์หาไอ้เกื้อเพื่อขอเบอร์ช่างซ่อมรถ แต่ยังไม่ทันที่ปลายสายจะรับ ก็มีรถกระบะสีดำคันหนึ่งเข้ามาจอดขนาบข้างผมพร้อมเปิดกระจกออกมาถาม

“ รถเสียเหรอ? ”

“ ใช่ครับ ”
ผมหันหน้าไปตอบเจ้าของรถกระบะ

“ เอ่า หมอบีม ”

“ เมฆ ”
ที่แท้เจ้าของรถกระบะคันนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ใต้เมฆช่วยโทรเรียกช่างมาซ่อมรถให้ผม แต่ช่างบอกว่าคงต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนอะไหล่หลายชิ้น รถเก่าก็งี้แหละครับ ช่างเลยเอารถมาลากตาแก่ของผมไปเข้าอู่ วันนี้ผมเลยต้องรบกวนติดรถใต้เมฆไปก่อน

“ จะไปไหน? เดี๋ยวกูไปส่ง ”
ดูจากรถกระบะที่ขับแล้ว ใต้เมฆน่าจะเป็นคนสไตล์ลุยๆสมกับเป็นเด็กคณะเกษตรฯจริงๆ แต่อย่าดูถูกเด็กคณะนี้นะครับ ผมได้ยินมาว่าพ่อของเขามีที่ดินทางภาคเหนือหลายพันไร่ และทำการเกษตรได้กำไรเดือนละหลายล้านบาทเลยทีเดียว

ภายนอกใต้เมฆดูท่าทางสุขุม แถมยังหน้าตาดีเกินเหตุเหมือนกับเพื่อนในแก๊งค์ของเขา ทำให้ใครๆก็คิดว่าเขาเป็นคนเข้าถึงยาก แต่ก็เข้าถึงยากจริงๆนั่นแหละ

อย่างใต้เมฆถ้าอยู่ในชุดนักศึกษาก็มีมาดคุณชายหน่อยๆเหมือนกัน เขาควรอยู่นิ่งๆดีที่สุด เพราะถ้าเขาเอ่ยปากพูดเมื่อไหร่รู้เลยว่าเขานิสัยเถื่อนพอสมควร แม้กับคนที่เพิ่งรู้จักอย่างผม เขาก็ขึ้นกูมึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ผมเนี่ยถ้าไม่สนิทด้วยผมจะพูดสุภาพสุดๆ เลยไม่กล้าใช้สรรพนามเดียวกับเขา แต่ดูแล้วเขาก็เป็นคนตรงๆดี ผมชอบคนนิสัยแบบนี้นะ

“ ไปโรงพยาบาลครับ ”

“ ดึกป่านนี้เนี่ยนะ? ”

“ ครับ ไปหาแวมนั่นแหละ ”

“ นี่หมอ ถามจริงๆนะ หมอเป็นเพื่อนไอ้แวมจริงๆเหรอ? ”

“ ที่จริงก็ไม่ใช่หรอกครับ ผมเพิ่งรู้จักแวมตอนที่เค้ามาอยู่โรงบาลนี่เอง ”

“ ว่าแล้ว อย่างไอ้แวมนี่นะ ใครจะทนเป็นเพื่อนมันได้ มันก็มีแต่พวกกูเป็นเพื่อนนี่แหละ ”

“ เอ่า แล้วทำไมแวมถึงไม่มีเพื่อนล่ะครับ? ”

“ ก็ดูนิสัยมันดิ โลกส่วนตัวสูง ไม่แคร์ใคร ถึงจะหน้าตาดีมีคนเข้าหาเยอะแต่มันก็ทำตัวหยิ่งใส่เขาตลอด แต่ถ้าใครรู้จักตัวตนของมันจริงๆก็จะเห็นมุมดีๆของมันเองแหละ ถ้ามันรู้สึกดีกับใครมันก็จะเผยนิสัยส่วนดีให้คนๆนั้นเห็น สำหรับกูมันเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลยนะ ไอ้คิมก็ด้วย ”

ผมฟังจากที่ใต้เมฆเล่ามาก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมไอ้แวมถึงไม่มีเพื่อน ก็ผมเห็นหน้ามันครั้งแรกยังรู้สึกไม่ถูกชะตาเลย คนอะไรหน้าตาดีซะเปล่า ทำหน้าหยิ่งแถมขี้เก๊กตลอดเวลา แต่พอรู้จักมันจริงๆมันก็มีมุมดีๆอยู่บ้างนะ

“ แล้วเมฆพอจะรู้มั๊ยว่าแวมมีศัตรูที่ไหนบ้าง? ”

“ อืม ศัตรูเหรอ? ก็ไม่เห็นจะมีนะ เออ กูเห็นมันไม่ค่อยถูกกันกับพี่คนนึงในคณะมันน่ะ ชื่อพี่เทียน มันบอกว่ามันไม่ค่อยชอบพี่คนนี้เท่าไหร่ ”
พอใต้เมฆพูดจบรถกระบะสีดำก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว ไม่นานก็มาหยุดจอดที่หน้าตึกคนไข้พอดี

“ ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง ถ้าไม่ได้เมฆมาช่วยนะ ผมต้องแย่แน่ๆเลย ”

“ เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นเบอร์โทรได้มั๊ยล่ะ? ”
ใต้เมฆไม่พูดเปล่า แถมยื่นมือถือมาให้ผมด้วย

“ เอ่อ ”

“ ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากให้ กูไม่เอาก็ได้ ”

“ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ”

“ ไม่ต้องกลัวกูหรอก แค่จะเอาเบอร์ไว้เผื่อจะได้ติดต่อกันไง กูน่ะจีบใครแล้วเขาไม่เล่นด้วยก็ไม่ตื้อหรอกนะ ถึงหมอจะน่ารักขนาดไหน แต่หล่อๆอย่างกูก็มีคนรอคิวอีกเพรียบเลยล่ะ ”
ผมคลี่ยิ้มให้กับคำพูดของใต้เมฆ โล่งอกที่เขาไม่ได้จะจีบผม ก็จริงอย่างที่เขาว่าแหละ หล่อระดับเดือนคณะแบบนี้ไม่ต้องจีบใครก็ได้มั๊ง คงมีคนเข้าหาเป็นว่าเล่น

ผมรับโทรศัพท์มือถือจากมือใต้เมฆมากดเบอร์ตัวเองลงไปแล้วส่งคืนให้เขา ก่อนจะเอ่ยลาเปิดประตูลงจากรถ

“ ฝันดีล่วงหน้านะหมอ ฝากบอกไอ้แวมด้วยว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้กูกับไอ้คิมจะมาเยี่ยม ”

“ ได้ครับ ฝันดีล่วงหน้าเช่นกันครับ ”



ผมหอบหมอนกับผ้าห่มที่เพิ่งไปขอจากแม่บ้านมาเพื่อที่จะมานอนเฝ้าไอ้แวม ลำบากจริงๆเลย พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้าอีก ดึกขนาดนี้แล้วก็นอนนี่เลยละกัน

พอก้าวเท้าเข้ามาในห้อง 502 ก็รู้สึกได้ถึงอากาศที่เย็นยะเยือก บรรยากาศเงียบสงัดวังเวงมาก ทั้งห้องมืดสนิทเพราะไม่ได้เปิดไฟ ผมจึงเดินหอบผ้าห่มไปควานหาสวิตช์อย่างยากลำบาก

แก๊ก
สวิตช์เปิดไม่ติดซะงั้น สงสัยไฟจะเสีย

สายลมที่พัดเข้ามาจากประตูระเบียงทำให้ผมรู้สึกเย็นยะเยือก พร้อมผ้าม่านที่ปลิวไสวไปมาชวนให้รู้สึกขนลุกชะมัด ไม่นานก็มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินใกล้เข้ามา แต่ด้วยความมืดทำให้ผมมองเห็นเพียงเงาลางๆของคนๆนั้น เงานั้นค่อยๆเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ

ไอ้ผีเจ้าปัญหามันต้องแกล้งอะไรผมอีกแน่ๆ!

“ นี่นาย เลิกเล่นได้แล้ว มันมืด มองไม่เห็น ”
ผมบ่นอย่างเหน็ดเหนื่อย ตอนนี้ง่วงมากจริงๆ เรียนหนักทั้งวันแล้วยังต้องไปคุยเรื่องคดีกับตำรวจ แถมรถยังมาเสียอีก กว่าจะมาถึงนี่ก็ดึกมากแล้ว ผมเหลือเวลาพักผ่อนอีกแค่น้อยนิดเท่านั้นเอง ไม่มีอารมณ์มากลัวผีอะไรทั้งนั้นแหละตอนนี้

พรึ่บ
พอผมพูดจบ หลอดไฟก็ถูกเปิดขึ้นแล้วทั้งห้องก็สว่างทันที ว่าแล้วว่าต้องเป็นฝีมือไอ้แวมแน่ๆ ซึ่งตอนนี้มันก็กำลังนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟา ไม่รู้ไปอารมณ์เสียมาจากไหน

“ หมอไปไหนมาครับ? ทำไมถึงกลับดึก? ”
ผีที่นั่งกอดอกอยู่บนโซฟาเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงราบเรียบปนไม่พอใจอยู่นิดๆ

“ ไปสถานีตำรวจมา ก็ไปสืบเรื่องคดีของนายนั่นแหละ ”

“ เหรอครับ? กลับดึกจังเลยนะ ”
มันพูดเหมือนประชดผมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ อือ เลิกเรียนก็ค่ำ แล้วกว่าจะมาถึงนี่อีก ”

“ แล้วเมื่อกี้ใครมาส่ง!? ”
มันเริ่มขึ้นเสียง อะไรวะ? ถามดีๆไม่เป็นรึไง?

“ ก็รถมันเสีย ”

“ ผมถามว่าใครมาส่ง! ”

“ จะขึ้นเสียงทำไมวะ! ก็ใต้เมฆเพื่อนมึงนั่นแหละมาส่ง! ”
ผมขึ้นเสียงกลับจนมันทำหน้าอึ้งไม่กล้าพูดต่อ ผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยจะอยู่ ยิ่งหงุดหงิดๆอยู่ด้วย

“ ผมขอโทษครับ ”
มันเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงจนผมตามไม่ทัน จากที่โกรธๆอยู่ก็กลายเป็นรู้สึกผิดซะงั้น

“ อือ ลุกออกจากโซฟาได้แล้ว ง่วง จะนอน ”

“ ครับ ”

“ เอ่า ลุกดิ ”
บอกจะลุกแต่มันก็นั่งอยู่ท่าเดิม แถมมองหน้าผมอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดซะที

“ มีไรก็พูดมา ง่วงนอน ”
ผมบ่นให้มันรีบๆพูด จะได้รีบลุกจากโซฟาให้ผมนอน เพราะผมง่วงมากจริงๆ

“ หมออย่าใกล้ไอ้เมฆมากได้มั๊ยครับ? ”

“ ทำไมอ่ะ? ”

“ ก็มันเป็นคนเจ้าชู้ ”

“ อ่าฮะ ”
แล้วมันมาบอกผมเพื่อ? แต่ผมก็พยักหน้ารับรู้อย่างไม่ค่อยจะใส่ใจนัก ตอนนี้ง่วงจริงๆ อยากนอน

“ ผมกลัวมันจะจีบหมอ ”

“ ไร้สาระน่า ออกไปได้แล้ว จะนอน ”
ผมปัดมือไล่มันลุกออกจากโซฟา

“ หมอออ ”
มันทำหน้าบึ้งเหมือนเด็กงอแง เอิ่ม ผมว่าการเป็นวิญญาณอาจจะทำให้เราทำนิสัยแปลกๆกว่าตอนเป็นคนมากจริงๆก็ได้นะ ดูที่มันทำตอนนี้สิ เฮ้อออ

“ จะนอน ”
ผมบ่นอีกรอบ

“ ครับ ”
แล้วมันก็ยอมแพ้ลุกจากโซฟาแต่โดยดี



หลังเลิกเรียนวันนี้ผมตั้งใจว่าจะไปหาคนชื่อพี่เทียนอะไรนั่นซะหน่อย ตอนนี้เขาเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยมากสุดเพราะเป็นคนที่ไม่ถูกกับไอ้แวม

ผมมาหยุดยืนอยู่หน้าตึกคณะวิศวะที่มีคนเดินไปมาอยู่น้อยนิด เพราะตอนนี้ก็หกโมงกว่าแล้ว ผมเลิกเรียนช้ากว่าคณะวิศวะ ไม่รู้ว่าพี่เทียนเขาจะกลับแล้วรึยัง?

“ เฮ้ย มองหาใครวะ? ”
ผู้ชายร่างท้วมใส่ช็อปวิศวะโยธาเดินเข้ามาถามผม ดูแล้วท่าทางหาเรื่องสุดๆ

“ เอ่อ มาหาพี่เทียนครับ รู้จักมั๊ย? ”

“ อ่อ ไอ้เทียน ตอนนี้นั่งทำโปรเจคกับเพื่อนอยู่ลานเกียร์นู้นน่ะ ”
พี่เขาชี้ไปทางลานเกียร์ที่อยู่ด้านซ้ายมือ ผมรู้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่เพราะเขาเรียกพี่เทียนว่าไอ้ เขาคงจะอยู่ปี 4 เหมือนกัน

“ ขอบคุณครับ ”
ผมเอ่ยขอบคุณพี่เขาก่อนจะเดินไปที่ลานเกียร์ โชคดีจริงๆที่พี่เทียนยังไม่กลับ

พอมาถึงก็เห็นนักศึกษาวิศวะกลุ่มนึงประมาณห้าหกคนกำลังนั่งวุ่นอยู่กับการช่วยกันทำโปรเจคจบอยู่ พี่เทียนต้องเป็นคนใดคนหนึ่งในกลุ่มนี้แน่ๆ

โอ้ย!
พอผมจะเดินเข้าไปในลานเกียร์ ก็เกิดสะดุดล้มลงซะงั้น รุ่นพี่กลุ่มนั้นพอได้ยินเสียงร้องก็หันมามองผมเป็นตาเดียว น่าอายชะมัด

“ เฮ้ยพวกมึง มีคนสะดุดลานเกียร์ว่ะ ”

“ นั่นมันหมอบีมนี่หว่า กูเคยเห็นน้องเขาในเพจ cute boy เว้ย ”

“ โอ้โหว น่ารักซะด้วย ”

“ อยากได้เกียร์พี่มั๊ยน้อง? ”

“ ฮิ้ววว ”

ดูเหมือนรุ่นพี่กลุ่มนั้นจะละความสนใจจากโปรเจคตรงหน้าแล้วหันมาแซวผมแทน แบบนี้มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอายเข้าไปอีก ให้ตายเถอะ

“ มาหาใครครับน้อง? ”
รุ่นพี่หน้าหล่อคนนึงเดินมาก้มหน้าถามผมที่นั่งอยู่บนพื้นเพราะสะดุดล้มเมื่อกี้ รุ่นพี่คนนี้ดูน่าเคารพสุดในกลุ่มนี้แล้ว เขาน่าเคารพตรงไหนน่ะเหรอ? ก็เขาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่เอ่ยปากแซวผมน่ะสิ

“ ผมมาหาพี่เทียนครับ ”
ผมลุกขึ้นยืนแล้วตอบพี่เขา

“ แล้วน้องมาหาเขาทำไม? ”

“ เอ่อ... ”
นั่นน่ะสิ ผมจะบอกว่ามาหาเขาทำไมดี? จะให้บอกว่ามาสืบคดีไอ้แวมเพราะผมสงสัยเขาเนี่ยนะ? มีหวังโดนกระทืบตายพอดี ผมไม่มีเหตุผลอะไรมาเป็นข้ออ้างเลย อยู่ดีๆก็พุ่งมานี่ซะงั้น ลืมคิดข้อนี้ไปได้

“ ว่าไง? ”

“ คือว่า...ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่เทียนครับ ”
ผมพูดพร้อมกวาดตามองว่าใครคือพี่เทียนกันแน่

“ มีเรื่องอะไร? ”

“ เอ่อ... ”
เชี่ยละ จะบอกว่ามีเรื่องอะไรดีวะ? ไม่ได้เตรียมสคริปท์มา คิดไม่ออกโว้ย

“ มีไรก็พูดมา พี่นี่แหละชื่อเทียน ”
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 6 [ 07/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-07-2017 23:17:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 6 [ 07/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-07-2017 01:26:28
 :hao7:
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 6 [ 07/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 08-07-2017 17:03:22
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 7 [ 09/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 09-07-2017 21:35:50
Chapter 7



พี่เทียนเป็นหนุ่มหน้าตาดี ผิวสีแทน หน้าคม ไว้หนวดดูเถื่อนนิดๆ แต่ดูรวมๆแล้วพี่เขาถือว่าหล่อเข้มไปอีกแบบ

“ ร้านนี้ไวไฟแรง คุยที่นี่แหละ ”
พี่เทียนชวนผมมาร้านกาแฟใกล้ๆตึกวิศวะ แถมให้ผมเลี้ยงกาแฟอีกต่างหาก เขาบอกว่าต้องการไวไฟแรงๆในการทำงาน พอมาถึงร้านพี่แกก็เอาแต่จ้องคอมหาข้อมูลทำโปรเจค ไม่ใส่ใจผมที่นั่งอยู่ตรงหน้าพี่เขาสักนิด
“ เออ สรุปบีมมีไรจะคุยกับพี่เหรอ? ”
เขาเอ่ยถามผมลอยๆเหมือนจะไม่ค่อยสนใจผมนัก สายตายังจ้องหน้าคอมเช่นเดิม

“ เอ่อ ที่จริงผมจะคุยเรื่องแวมน่ะครับ ”

“ ฮึ? ไอ้แวมทำไม? ”
พี่เขาละสายตาจากงานแล้วเงยหน้ามาสนใจที่ผมพูด

“ ผมได้ยิมมาว่าพี่ไม่ค่อยถูกกับแวม ”

“ อ่า ใช่ พี่ไม่ค่อยชอบหน้ามันเท่าไหร่ ”

“ ทำไมล่ะครับ? ”

“ ที่จริงก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอก แต่มันชอบทำตัวอินดี้ไม่เข้าสังคม พี่เป็นพี่สันฯตอนปีสอง สั่งให้มันทำกิจกรรมอะไรก็ไม่ทำ มันเถียงพี่จนมีเรื่องกัน จากนั้นพี่ก็ไม่ถูกกับมันจนทุกวันนี้แหละ ”

“ อ่อ ”
ที่จริงปัญหาของพี่เทียนกับไอ้แวมก็แค่เรื่องเล็กน้อย แค่กระทบกระทั่งกันเท่านั้นเอง แล้วไอ้แวมก็คงนิสัยไม่แคร์ใครอย่างที่ใต้เมฆว่าจริงๆด้วย ที่จริงแล้วพี่เทียนก็ไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับไอ้แวมหรอก

“ อย่าบอกนะว่าคิดว่าพี่ฆ่าไอ้แวม ฮ่าๆ ”
พี่เทียนพูดอย่างกับรู้ใจผมแน่ะ แต่เขาพูดติดตลกไปเท่านั้นเอง

“ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ”

“ อย่างงี้ที่เขาลือกันว่าหมอบีมเป็นหมอผีปราบผีไอ้แวมที่หลอกคนในโรงบาลก็เรื่องจริงน่ะสิ ”

“ พูดไปพี่ก็ไม่เชื่อหรอกครับ ”

“ เออ พี่ไม่เชื่อหรอก เกิดมาก็ไม่เคยเจอผีสักตัว แต่ถ้าเป็นอย่างที่พี่ได้ยินมาจริง ไอ้แวมทำไมถึงเชื่อฟังบีมจังเลยล่ะ ปกติมันไม่ยอมใครนะ หรือว่า มันจะชอบบีม ”
พี่เขาแค่พูดแซวขำๆ

“ ชาเย็นที่สั่งได้แล้วครับ ”
พนักงานหนุ่มในร้านเดินมาเสิร์ฟชาเย็นให้ผม แล้วเขาก็ยืนมองผมอยู่ตรงนี้ไม่ยอมไปไหนสักที เขาจ้องผมจนผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก

“ นี่น้อง เลิกยืนมองแฟนพี่ได้แล้ว พี่ไม่ชอบ ”
พี่เทียนพูดกับพนักงานคนนั้นด้วยสีหน้าโมโห

“ ขอโทษครับพี่ ”
พนักงานหนุ่มเอ่ยขอโทษพี่เทียนแล้วรีบเดินหนีไปอย่างไว

“ เสน่ห์แรงจริงๆนะบีม ”
พี่เทียนเอ่ยล้อเลียนผม ผมชอบนิสัยพี่เทียนจริงๆ พี่เขาเป็นคนเฮฮาอยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด นี่ขนาดเพิ่งรู้จักกันวันแรกนะเนี่ย

“ พี่ก็เนียนเลยนะครับ ”

“ แน่นอนอยู่แล้ว ถือว่าพี่ช่วยเป็นไม้กันหมาให้เป็นค่ากาแฟแก้วนี้แล้วกันนะ ”
พี่เขาหยิบแก้วลาเต้ปั่นในมือขึ้นมาโชว์ ซึ่งแก้วนั้นผมเป็นคนจ่ายนั่นแหละครับ

“ แล้วพี่จะทำงานอีกนานป่ะเนี่ย? นี่มันก็ค่ำแล้วนะ ”

“ เออ กลับก็ได้ ”

“ เฮ้ย ผมไม่ได้ไล่นะพี่ กินกาแฟให้หมดก่อนก็ได้ ”

“ ก็ถือไปกินด้วยดิวะ ยากอะไร ”
พี่เขาปิดโน๊ตบุ๊ค เก็บเอกสารลงกระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืนเตรียมที่จะกลับอย่างรวดเร็ว
“ เออ แล้วบีมกลับยังไงอ่ะ? ”

“ อ๋อ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่กลับครับ ”
รถผมเสียอยู่ที่อู่ ยังซ่อมไม่เสร็จเลย

“ งั้นกลับรถพี่ เดี๋ยวไปส่ง ”

“ ไม่เป็นไรครับ มันไกล ”

“ ไกลแค่ไหนก็ไปส่งได้ มาดิ ”
พี่เทียนพยักหน้าให้ผมเดินตาม
“ มา ”
พอเห็นว่าผมไม่ยอมตามไป พี่เขาก็เดินมากอดคอผมให้เดินไปด้วยกัน

“ ไปด้วยก็ได้ครับ ”
ผมแกะมือพี่เทียนออก แล้วก็ต้องยอมเดินตามเขาไปที่รถแต่โดยดี

“ บ้านอยู่แถวไหนอ่ะ? ”
พอขึ้นรถมาพี่เขาก็ถามว่าจะให้ไปส่งไหน

“ ผมจะแวะไปเวี่ยมแวมที่โรงบาลก่อนครับ ”

“ ไปทุกวันเลยเหรอ? ”

“ ใช่ครับ ”

“ อืม พี่ก็มัวแต่ยุ่งเรื่องโปรเจคจนไม่ได้ไปเยี่ยมมันซะที พอดีวันนี้ได้โอกาส งั้นพี่ขอไปเยี่ยมมันด้วยเลยละกัน”

“ ครับ ”

ครืดดด ครืดดด ครืดดด
พอนั่งรถมาได้สักพักมือถือในกระเป๋าผมก็สั่นขึ้น หน้าจอปรากฏเบอร์แปลกๆที่ผมไม่คุ้น

“ หวัดดีครับหมอบีม ”

“ เอ่อ นี่ใครครับ? ”

“ พี่วีไงครับ พี่อยากถามว่าวันนี้หมอบีมว่างมาทานข้าวเย็นกับพี่รึเปล่าครับ? ”

“ เอ่อ วันนี้น่าจะไม่สะดวกนะครับ ตอนนี้ก็ค่ำมากแล้วด้วย ”

“ แย่จัง พี่ก็เลิกงานค่ำแบบนี้ทุกวันด้วยสิ แล้วพี่จะมีโอกาสได้เลี้ยงขอบคุณหมอบีมรึเปล่าครับ? ”

“ ไม่เป็นไรครับพี่วี พี่วีไม่ต้องเลี้ยงขอบคุณอะไรผมก็ได้ครับ ”

“ แต่... ”

“ น้องบีมต้องทานข้าวเย็นกับผมครับ ไม่มีเวลาไปกินข้าวกับคุณหรอก ”
พี่เทียนแย่งมือถือจากมือของผมไปพูดกับปลายสายเอง แล้วเขาก็ถือวิสาสะกดตัดสายไปเลย

“ พี่เทียน ทำอะไรเนี่ย? ”

“ พี่รำคาญ อยากปฏิเสธก็ปฏิเสธไปตรงๆเลยสิ เกรงใจอะไร? ”

“ ขอบคุณนะครับ วันนี้พี่เป็นไม้กันหมาให้ผมสองรอบเลยนะ ฮ่าๆ ”

ผมรู้สึกถูกชะตากับพี่เทียนมากๆ คุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ ผมเองก็ฝันอยากมีพี่ชายสักคนเหมือนกันนะ

“ จะให้พี่กันใครให้ก็บอกได้ พี่เต็มใจช่วยเสมอ ไอ้น้องชาย ”
พี่เขาละมือข้างซ้ายจากพวกมาลัยมาผลักหัวผมพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

“ ได้เลยครับพี่เทียน ”



“ คุณพ่อ หวัดดีครับ ยังไม่เลิกงานเหรอครับเนี่ย? ”
ผมมาโรงพยาบาลก็เจอคุณพ่อยังสวมเสื้อกาวน์อยู่เลย ท่าทางท่านดูเหน็ดเหนื่อยมากจนผมเป็นห่วง กลัวว่าท่านจะทำงานหนักเกินไป

“ พ่อเพิ่งตรวจคนไข้เสร็จน่ะ จะกลับพอดีเลย แล้ววันนี้ไม่พักที่หอเหรอลูก? ”

“ ผมเยี่ยมแวมเสร็จก็ว่าจะกลับไปนอนที่บ้านล่ะครับ คุณพ่อทานข้าวรึยังครับ? ถ้ายังเดี๋ยวขากลับผมซื้อไปฝาก ”

“ พ่อทานเรียบร้อยแล้วล่ะ เอ่า แล้วนี่ใครเหรอ? ”
พ่อผมหันไปหาพี่เทียนที่ยืนเงียบอยู่ตั้งนาน

“ หวัดดีครับพ่อ ผมชื่อเทียนครับเป็นรุ่นพี่ที่คณะของแวมครับ พอดีมาส่งบีมเลยแวะมาเยี่ยมแวมด้วย ”

“ อ่อ หวัดดีลูก เยี่ยมกันเสร็จแล้วก็อย่ากลับดึกล่ะ อันตราย ”

“ โถ่วคุณพ่อครับ บ้านเราอยู่ใกล้แค่นี้เอง ”

“ พ่อบอกเทียนเค้า ”
เอ่า

“ ครับพ่อ กลับบ้านดีๆนะครับ ”
พอพ่อเดินไป พี่เทียนก็หันมาหาผมแล้วทำหน้าขำทันที หือ ไอ้พี่เทียน เห็นคนหน้าแตกแล้วขำเนี่ยนะ?



“ ยังไม่ตายอีกเหรอวะ? ”
นั่นเป็นประโยคแรกที่พี่เทียนทักทายคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง พี่เขาคงจะไม่เห็นว่าวิญญาณไอ้แวมกำลังทำหน้าอารมณ์เสียอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง

“ หมอเอาไอ้นี่มาทำไมเนี่ย? ”
ไอ้แวมหันมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ผม ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆให้มันไปทีนึง จะเอ่ยปากพูดกับมันก็กลัวพี่เทียนจะหาว่าผมคุยกับอากาศ

“ เฮ้อ ไม่มีมึงแล้วกูก็เหงาว่ะ ไม่มีใครมาให้กูหาเรื่องแล้ว รุ่นน้องคนไหนก็ไม่กล้าเถียงกูแบบมึงเลย ”
พี่เทียนบ่นลอยๆ

“ ขี้เกียจเถียงด้วยเว้ย หาเรื่องกันอยู่ได้ รีบเรียนจบซะทีเหอะ เบื่อหน้า ”
ไอ้แวมบ่นใส่พี่เทียนกลับ แต่พี่เขาก็คงไม่ได้ยินอะไรแม้แต่นิด ผมส่ายหัวให้กับการกระทำของสองคนนี้อย่างขำๆ รู้ว่าอีกคนไม่ได้ยินยังจะบ่นใส่กันอีก

“ แต่มึงนอนอยู่แบบนี้แหละดีแล้ว อย่าฟื้นขึ้นมากวนตีนกูเลย ที่จริงกูก็ไม่อยากมาเยี่ยมมึงนักหรอกนะ กลับดีกว่า เสียเวลา ”
พี่เทียนคงจะแกล้งพูดไปงั้นแหละ ที่จริงผมรู้นะว่าพี่เขาก็อยากมาเยี่ยมไอ้แวมเหมือนกัน

“ กลับไปให้ไวเลย ไม่ต้องกลับมาอีกนะ ”

“ พี่กลับก่อนนะบีม ”
พี่เทียนพูดพร้อมโน้มตัวมากระซิบข้างหูผมเบาๆว่า “ ถ้าผีไอ้แวมมีจริง พี่ก็อยากจะขอแกล้งมันซะหน่อยนะ จุ๊บ ”
พอกระซิบจบ พี่เขาก็ขยับปากมาหอมแก้มผมพร้อมทำเสียงจุ๊บดังๆอีกต่างหาก

“ พี่เทียน! ”
ผมตกใจจนสะดุ้ง

“ ไปละ บาย ”
แล้วพี่เขาก็เดินจากไปหน้าตาเฉย

“ หมายความว่าไงครับหมอบีม? ”
ไอ้แวมเดินเข้ามายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าผม แล้วมันก็ทำเสียงราบเรียบเพื่อกดดันอีกต่างหาก

“ อะไร? ”

“ หมอไปรู้จักไอ้นี่ได้ยังไง? ”

“ ก็เพิ่งรู้จักวันนี้แหละ ฉันไปสืบเรื่องของนายไง ”

“ ไปสืบทำไม? หมอเลิกสืบเรื่องของผมได้แล้ว มันไม่เกี่ยวกับหมอเลย แล้วเจอกันวันแรกก็ให้มันหอมแก้มแล้วงั้นเหรอ? ”
มันพูดด้วยน้ำสียงโมโห

“ แล้วทำไมต้องโกรธด้วยวะ? เรื่องของนายฉันไม่ยุ่งก็ได้ ”

“ ผมไม่ได้โกรธที่หมอมายุ่งเรื่องของผม ผมโกรธที่หมอให้ไอ้พี่เทียนหอมแก้มต่างหากล่ะ ”

“ พี่เขาแค่แกล้งเล่น ”

“ ไม่รู้ล่ะ หมอห้ามไปยุ่งกับมันอีก แล้วก็ไม่ต้องสืบเรื่องของผมแล้วด้วย ”

“ ฉันแค่อยากให้นายเข้าร่างได้เท่านั้นเอง ”

“ หมออยากให้ผมรีบไปจากหมอซะทีใช่มั๊ยล่ะ ”
มันดูโกรธมากแล้วมันก็หายตัวไปทันที ผมพยายามเรียกมันหลายรอบก็ไม่ยอมออกมา คงจะโกรธจริงๆนั่นแหละ หายไปซะงั้น แล้ววันนี้ผมมาหามันแค่นี้เนี่ยนะ?

เฮ้อ ทำไมผมต้องไม่สบายใจที่ทำให้มันโกรธด้วย ผมไม่ได้ผิดอะไรซะหน่อย แต่ยังไงผมก็ต้องง้อมัน ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับแน่ๆ จากที่บอกพ่อว่าจะมานอนบ้าน สุดท้ายก็ต้องกลับมาอาบน้ำที่บ้านแล้วไปนอนเฝ้าไอ้แวมเหมือนเดิม

ผมกลับบ้านมาก็เห็นคุณพ่อนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก ดึกป่านนี้ทำไมยังไม่นอนอีกนะ?

“ คุณพ่อครับ ยังไม่นอนอีกเหรอ? ”
คุณพ่อรีบปิดหนังสือทันทีที่ผมเดินเข้าไปหา ผมนั่งลงบนโซฟาข้างๆคุณพ่อ
“ อ่านอะไรครับ? ”
ผมมองหนังสือเล่มนั้นแว๊บนึงก็รู้ว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการรักษาโรค

“ พ่อก็นั่งทบทวนตำรับตำราไปเรื่อยน่ะ แล้วไปเยี่ยมคุยแวมมาเป็นไงบ้าง ผีคุณแวมยังสบายดีมั๊ย? ”
พ่อพูดเรื่องผีแบบเป็นเรื่องปกติ เพราะท่านเชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว

“ ผมเดาใจเค้าไม่ถูกหรอกครับ อารมณ์ขึ้นๆลงๆทุกวัน ”
คุณพ่อหัวเราะเบาๆกับคำพูดของผม

“ แต่ลูกของพ่อเนี่ยก็ขยันไปหาเค้าทุกวันไม่บ่นซักคำเลยนะ ตั้งแต่ยังไม่เห็นผีคุณแวมลูกก็ไปเยี่ยมเขา เดี๋ยวนี้ก็ยังไปหาเขาอยู่ แต่ก่อนกลัวผีไม่ใช่เหรอเรา? ”

“ เดี๋ยวนี้เลิกกลัวแล้วครับ ”

“ แต่อีกไม่นานคุณแวมก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว อาการเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ทางบ้านเขาก็ติดต่อให้เขาไปอยู่ที่บ้าน ”

“ ครับ ”
ผมควรจะดีใจสิที่ไอ้แวมจะได้กลับบ้าน

“ ไปอาบน้ำอ่านหนังสือได้แล้วลูก ดึกแล้ว จะได้รีบนอน ”

“ ครับคุณพ่อ วันนี้ผมว่าจะไปนอนเฝ้าคุณแวมน่ะครับ ”

คุณพ่อไม่ว่าอะไร ท่านพยักหน้ารับรู้ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา แต่ท่านก็นั่งลงที่เดิมอีกครั้ง เหมือนคุณพ่อจะรู้สึกหน้ามืด

“ คุณพ่อเป็นอะไรรึเปล่าครับ ”
ผมรีบวิ่งไปเอายาดมมาให่ทาน

“ ไม่เป็นไรหรอกลูก สงสัยพ่อจะแก่แล้ว ฮ่าๆ ”
คุณพ่อนั่งดมยาดมอยู่สักพักถึงจะลุกขึ้นได้

“ เดี๋ยวผมพาคุณพ่อไปส่งที่ห้องนะครับ ผมบอกแล้วไงว่าอย่าทำงานหนัก ”
ผมบ่นให้ท่านนิดหน่อยก่อนจะพาท่านไปนอนพักผ่อนที่ห้อง จากนั้นผมก็กลับห้องตัวเองมาอาบน้ำ แล้วก็ต้องหอบชีทและหนังสือไปอ่านที่โรงบาลด้วย

“ แวม อยู่รึเปล่า? ”
ผมเข้าไปในห้องไม่เจอไอ้แวมเหมือนเดิม ผมก็เรียกมันอยู่นาน จะโกรธอะไรนักหนาเนี่ย?

“ ฮึ มาทำไม? ”
มันโผล่มานั่งอยู่เก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ สีหน้ายังดูไม่พอใจผมอยู่เช่นเดิม

“ ก็มาง้อคนบางคน ”

“ ง้องั้นเหรอ? ”

“ เออ หายโกรธดิ ”

“ ไม่หาย ผมโกรธมาก ทำไมหมอถึงให้ไอ้พี่เทียนมันหอมแก้ม? ”

“ ก็บอกว่าพี่เขาแกล้งเล่นไง ”

“ ไม่รู้ล่ะ ผมยังไม่เคยแตะตัวหมอเลยซักนิด แล้วไอ้พี่เทียนมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ดีๆก็ได้หอมแก้มหมอ ”
มันทำหน้าโกรธกว่าเดิมแล้วหายตัวไปอีกรอบ คราวนี้เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มาแล้วครับ แต่ผมว่ามันคงอยู่แถวนี้แหละ มันออกไปไหนไม่ได้อยู่แล้วนี่

“ อ่านหนังสือก่อนนะ มีไรก็ออกมาบอกนะ วันนี้ฉันนอนนี่แหละ ”
ผมพูดดังๆเผื่อมันอยู่มุมไหนสักมุมแล้วอาจจะได้ยินเสียงผม จากนั้นผมก็นั่งอ่านหนังสือจนเวลาล่วงเลยไปไม่รู้นานเท่าไหร่ และผมก็ยังไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด มีคนบอกว่าการอ่านหนังสือให้มีสมาธิคือการอ่านไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องดูเวลา จิตใจจดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้าเท่านั้น

“ หมอบีมครับ ตีสามแล้วนะ ”
อยู่ดีๆไอ้แวมก็ปรากฏตัวมานั่งอยู่ข้างๆผม เล่นซะผมตกใจเกือบตาย เพราะเมื่อกี้อ่านหนังสือเพลินไปหน่อย มันบอกว่าอะไรนะ? ตีสามแล้วงั้นเหรอ? อืม ยังไม่ได้นอนเลย

“ ตายๆๆ พรุ่งนี้เรียนแลปกรอสแต่เช้า ”
ผมบ่นแล้วปิดหนังสือทิ้งตัวลงนอนทันที ไอ้แวมลุกขึ้นยืนมองผมอย่างงงๆ

“ หมอ หลับแล้วเหรอครับ? ”

“ อืม ”
ผมงัวเงียตอบไอ้แวมโดยที่ยังหลับตาอยู่ พอรู้เวลาปุ๊ปผมก็หลับปั๊ปทันที ผมเป็นคนหลับง่ายแบบนี้แหละครับ

หลับง่ายแต่ตื่นยาก

“ หมอบีมครับ หมอบีม เจ็ดโมงกว่าแล้ว ”
เสียงใคร? อะไรนะ? เจ็ดโมงกว่าเหรอ? อืม

“ เชี่ย เอ่าแวม ไปก่อนนะ สายแล้ว ขอบใจมากที่ปลุก ”
ผมพูดกับไอ้แวมอย่างเร็วก่อนจะวิ่งออกมาจากห้องคนไข้เพื่อกลับบ้านอาบน้ำไปเรียนให้ทัน ถ้าไม่มีไอ้แวมปลุกเนี่ยผมต้องตายแน่ๆ มันไม่ปล่อยให้ผมหลับเพลิน แถมปลุกได้ถูกเวลาจริงๆ ดีนะที่บ้านอยู่ใกล้

ตอนวิ่งออกมาพยาบาลก็มองผมแปลก แต่พวกเธอก็ยิ้มทักทายผมเช่นเคย สภาพผมตอนเพิ่งตื่นนี่คงดูไม่ได้จริงๆ หัวฟูอีกต่างหาก ช่างเถอะ ตอนนี้รีบมาก

พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ยืนรอแท็กซี่อยู่หน้าบ้าน เมื่อคืนนอนดึกทำให้วันนี้ตื่นสายกว่าปกติ มีทำ Lab ตอนแปดโมงครึ่งซะด้วย โทรเรียกแท็กซี่มารับตั้งนานแล้วก็ยังไม่มาซะที เมื่อไหร่ตาแก่ของผมจะซ่อมเสร็จนะ

ครืดดด ครืดดด ครืดดด
“ ใครครับเนี่ย? ”
ผมพูดกับปลายสายที่เป็นใครก็ไม่รู้ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเพราะรอแท็กซี่นานมากแล้ว จะเข้าเรียนสายมั๊ยเนี่ย?

“ กูใต้เมฆเอง ได้ยินว่าบ้านหมออยู่ใกล้โรงบาล แล้วรถหมอก็ยังซ่อมไม่เสร็จนี่ ติดรถไปด้วยกันก็ได้ ตอนนี้มาทำธุระแถวนี้พอดี ”

“ จริงดิ? ขอบคุณมากครับ ”
ผมไม่ปฏิเสธ ไม่มีการเกรงใจอะไรแล้วตอนนี้ แถมผมยังเอ่ยแสดงความดีใจอีกต่างหาก เพราะตอนนี้แทบจะไปเรียนสายอยู่แล้ว ถ้ารอแท็กซี่มามีหวังโดนอาจารย์ฆ่าตายแน่ๆ แถมอาจต้องโดนซ่อมแลปกรอสคนเดียวด้วย ผ่าศพคนเดียวคงจะหลอนน่าดู

ผมบอกทางมาบ้านผมให้ใต้เมฆ ไม่นานรถสปอร์ตสุดหรูคันสีดำของใครก็ไม่รู้มาหยุดจอดอยู่ตรงหน้าบ้านผม แล้วใต้เมฆก็เปิดกระจกลงมากวักมือเรียกผมให้ขึ้นรถ โดยมีนาคิมเป็นคนขับรถให้

“ ทำไมวันนี้ติดรถคิมมาได้ครับเนี่ย? ”
ผมเอ่ยถามทันทีที่ขึ้นมาบนรถ

“ ก็เมื่อคืนไอ้เมฆมันเมาสลบอยู่ในผับ เลยลำบากผมต้องไปรับมันมานอนบ้านผมน่ะครับ ”
นาคิมตอบ

“ เออหมอ วันก่อนกูฝันถึงไอ้แวมด้วย เหมือนไอ้แวมมันจะชอบหมอเลยว่ะ ”

“ ฝันว่าอะไรวะ? ”
นาคิมหันไปถามใต้เมฆอย่างสนอกสนใจ

“ มึงฟังกูดีๆนะไอ้คิม แล้วมึงช่วยกูจับประเด็นด้วย ไอ้แวมมันบอกว่า อะแฮ่มๆ ไอ้เมฆ กูขอได้มั๊ยวะ อย่าจีบหมอบีมเลย อยู่ห่างๆหมอบีมหน่อยนะ ”
ใต้เมฆแอคติ้งเป็นไอ้แวมแล้วทำน้ำเสียงอ้อนวอน

“ กูว่าไม่ใช่ละ อย่างไอ้แวมนี่นะจะทำน้ำเสียงแบบนั้นกับมึง ”

“ เออ ที่จริงมันพูดว่า เชี่ยเมฆ ถ้ามึงจีบหมอบีม กูจะมาบีบคอมึง อยู่ห่างๆหมอบีมไว้ซะ ”
ใต้เมฆทำน้ำเสียงดุๆเหมือนที่ไอ้แวมชอบทำเวลาโมโห

“ ฮ่าๆ ชัดเลย มันชอบหมอบีมแน่ๆ ”
นาคิมจากที่ทำหน้านิ่งๆก็หลุดขำทันที

“ แต่มันคิดว่าเป็นผีแล้วน่ากลัวสินะ? มีการขู่จะบีมคอกูอีก กลัวตายล่ะ ฮ่าๆ ผีเพื่อนกูหลงเสน่ห์หมอบีมเข้าแล้ว ”
ใต้เมฆหันมาพูดกับผมแบบขำๆ

พวกเขาเริ่มที่จะลดความขี้เก๊กแล้วทำตัวร่าเริงต่อหน้าผมแล้ว สามหนุ่มหล่อแก๊งค์นี้คงเป็นประเภทที่ถ้าไม่สนิทก็จะเก๊กใส่ตลอด ชอบปิดตัวเอง ทำตัวให้เข้าถึงยากสินะ แต่ผมก็ยังไม่กล้าถือตัวว่าสนิทกับพวกเขาหรอก ดูพวกเขาสิ ช่างแตกต่างกับผมจริงๆ เดินไปไหนด้วยกันสาวๆคงมองผมเป็นคนสุดท้ายแหละ

“ แวมเนี่ยนะจะชอบผม คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ ”
ผมเอ่ยค้าน

“ ใช่แน่ๆ กูเป็นเพื่อนมันทำไมจะดูไม่ออก แต่ก่อนไอ้แวมปฏิเสธตลอดว่าไม่ชอบผู้ชาย ไงล่ะทีนี้ ”
ใต้เมฆพูด

“ ใช่ สงสัยเราจะได้เพื่อนสะใภ้เป็นผู้ชายแล้วล่ะ ”
นาคิมเสริม

“ แต่แวมมีแฟนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ ใครวะ? ”
ใต้เมฆทำหน้าสงสัย

“ ก็เฟย์ไงครับ เธอเป็นเพื่อนในคณะของผม ”

“ เออว่ะ อันนี้กูก็ไม่รู้นะ กูไม่เคยเห็นมันจีบผู้หญิงคนไหนเลย มีแต่เขามาเข้าหามันเอง แต่คนนี้แหละคนแรกที่มันจีบ ”
ใต้เมฆว่า

ถ้าไอ้แวมไม่เคยจีบใครเลยจริงๆ แต่มันมาจีบเฟย์ แสดงว่ามันต้องชอบเฟย์มากสินะ พอรู้แบบนี้แล้วผมรู้สึกแย่ชะมัด เป็นอะไรวะ? เขาจะรักใครชอบใครก็เรื่องของเขาดิ แต่ถ้ามันรู้ว่าเฟย์มีคนอื่น มันก็คงจะเสียใจน่าดู

“ แต่พอผมถาม ไอ้แวมก็บอกว่าเฟย์ไม่ใช่แฟนมันนะ มันอาจจะนึกสนุกอยากจีบสาวเล่นๆก็ได้ ”
นาคิมบอก

เอ่า ตกลงมันยังไงกันแน่ ไอ้แวมจีบเฟย์เล่นๆงั้นเหรอ? อย่างนี้มันก็นิสัยไม่ดีเลยนะ แต่ถ้ามันรู้ว่าเฟย์มีคนอื่นก็คงจะไม่เสียใจมากหรอก แล้วผมจะแอบดีใจนิดๆทำไมล่ะเนี่ย ?



“ มึงไปสนิทสนมกับสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ทำไมนั่งรถมาด้วยกัน? ”
ไอ้ก่อกระซิบถามผมขณะที่เพื่อนคนอื่นกำลังตั้งอกตั้งใจกับการลงมือผ่าร่างอาจารย์ใหญ่ในการเรียน Lab gross anatomy อยู่

“ ตั้งใจเรียนดิวะ เกรงใจอาจารย์ใหญ่ซะบ้าง ”
ผมบ่นให้มัน แล้วมันก็เงียบทันที หันไปตั้งใจทำ Lab ต่อ กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเที่ยงครึ่งแล้ว มีเวลาพักครึ่งชั่วโมง ภาคบ่ายต้องไปเรียนร่วมกับรุ่นพี่ชั้นคลินิกอยู่โรงพยาบาลอีก ไม่ต้องกินกันแล้วมั๊งข้าวเนี่ย เวลาไม่พอแน่ๆ แต่ก็ถือว่าโชคดีที่วันนี้ไม่มีเรียนเสริมภาคค่ำ

“ นั่นใครมารับเฟย์วะ? ”
ไอ้ก่อหันมาถามผมระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งกินขนมปังประทังชีวิตกันอย่างเร่งรีบอยู่หน้าตึกคณะ ผมเงยหน้ามองออกไปก็เห็นผู้ชายหน้าตาคุ้นๆ นั่นนาวานี่นา เขาคงขับรถมารับเฟย์ไปทานข้าวล่ะมั้ง แล้วเฟย์จะไปเรียนทันมั๊ยเนี่ย? โรงบาลก็ใช่ว่าจะใกล้
 
“ คุณนาวา เป็นดาราครับ กำลังดังเลย ”
ไอ้เกื้อพูดขึ้น เห็นมันดูนิ่งๆเรียบร้อยแบบนี้ แต่เรื่องข่าวคราวต่างๆมันอัพเดททันตลอดนะครับ โดยเฉพาะเรื่องวงการบันเทิงกับวงการแฟชั่นมันชอบมาก

“ พอเห็นว่าเขากำลังดังเลยรีบพามาเปิดตัวออกสื่อสินะ มึงนกอีกแล้วว่ะหมอบีม เห็นมั๊ย กูเตือนมึงหลายครั้งแล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา มึงก็ไม่เชื่อกู ”
เมื่อก่อนผมชอบเฟย์มาก แต่ไอ้ก่อมันคอยแอนตี้เฟย์ บอกว่าเฟย์ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ผมก็ไม่เชื่อ จนได้มาเจอกับตัวเองจนได้ คงต้องยอมรับสกิลการดูนิสัยคนของไอ้ก่อจริงๆ มันทันคนตลอดไม่เคยพลาด

“ ว่าให้ผู้หญิงอีกแล้วนะก่อ เราเป็นผู้ชายไม่ควรพูดให้ผู้หญิงเสียหายนะ ”
ไอ้เกื้อหันไปดุ แต่ไอ้ก่อก็ทำหน้าตาเฉยไม่ยอมสำนึกอยู่ดี

“ ก็มันจริงนี่นา น้องทับทิมกรอบของมึงก็ด้วยนะไอ้เกื้อ โน้น มาโน้นแล้ว ”
น้องทับทิมสาวสวยคณะนิเทศฯกำลังเดินตรงมานั่งข้างๆไอ้เกื้อ

“ เกื้อคะ วันนี้เค้าอยากไปกินเค้กร้านที่เปิดใหม่อยู่หน้ามออ่ะ เลิกเรียนพาเค้าไปกินหน่อยนะ ”
เจ้าหล่อนเข้ามาเกาะแขนออดอ้อนไอ้เกื้อ

“ แต่วันนี้ผมมีเรียนภาคค่ำนะครับ ทับทิมรอไหวเหรอ? ”

“ อีกแล้วนะคะ เกื้อไม่มีเวลาให้เค้าเลย ตอบไลน์ก็ไม่ค่อยตอบ หึ ”
เธอค้อนวงใหญ่ใส่ไอ้เกื้อ

“ ผมขอโทษครับ ถ้าวันไหนผมเลิกเรียนเร็วเดี๋ยวผมไปรับนะครับ แล้วไว้เราไปกินเค้กกันนะ ”
ไอ้เกื้อลูบผมเธออย่างเอ็นดู

“ เกื้ออ่ะ เดี๋ยวผมเค้ายุ่งหมด ก็ได้ค่ะ วันนี้อย่าลืมตอบไลน์เค้านะ ”
เธอปัดมือไอ้เกื้อออกจากผมของเธอเพราะกลัวผมเสียทรง ก่อนจะหอมแก้มไอ้เกื้อแล้วขอตัวไปเรียนภาคบ่าย

“ แหวะ เลี่ยน ”
พอทับทิมไปแล้วไอ้ก่อก็ทำหน้าพะอืดพะอมล้อเลียนไอ้เกื้อ

“ หมอเกื้อ วันนี้ไม่มีเรียนภาคค่ำไม่ใช่เหรอครับ? หืม? ”
ผมทำเสียงกวนตีน ถามไอ้เกื้ออย่างจับผิด

“ ผมคงจำวันผิดน่ะ ช่างเถอะ รีบไปเรียนกันได้แล้วครับ ”
ไอ้เกื้อเปลี่ยนเรื่องแล้วรีบไปเอารถออกมารับพวกผมทันที

“ มึงว่าไอ้เกื้อมันรักน้องทับทิมอะไรนี่จริงเปล่าวะ? ”
ไอ้ก่อหันมาถามผม

“ ไม่รู้ว่ะ ”

หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 7 [ 09/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-07-2017 00:18:49
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 7 [ 09/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-07-2017 00:40:19
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 7 [ 09/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-07-2017 01:46:05
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 7 [ 09/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 10-07-2017 16:03:24
แวะมาเชียร์แวม รีบๆเข้าร่างมารุกหมอบีมหน่อยเร๊วววว
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 7 [ 09/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: nung ที่ 11-07-2017 20:53:34
เข้ามารอจ้า  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 8 [ 12/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 12-07-2017 09:59:19
Chapter 8



หลังเลิกเรียนผมจะแวะมาหาแวมที่โรงพยาบาลทุกวัน เป็นแบบนี้มาประมาณเดือนกว่าแล้ว แรกๆก็ไม่เต็มใจมาเท่าไหร่หรอก แต่เพราะโดนเจ้าผีตัวปัญหานี่ขู่ว่าจะหลอกคนทั้งตึก และเขาก็ทำจริงๆ วันนึงผมสอบแล้วเลิกคลาสดึกเลยนอนหอเพราะเหนื่อยมาก วันนั้นงานเข้าเลยครับ ทั้งตึกไม่สงบต้องเดือดร้อนผมมาปราบผีเช่นเคย จนผมกลายเป็นหมอผีในสายตาคนอื่นๆไปหมด

แต่ตอนนี้การมาที่นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผมไปแล้ว วันไหนไม่มาจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ผมเริ่มสนิทกับแวมมากขึ้นทุกที จากที่เคยมองเขาในแง่ลบว่าชอบทำตัวหยิ่ง ชอบสร้างปัญหา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ผมเริ่มรู้สึกดีกับแวมมากขึ้น เวลาผมมีเรื่องอะไรก็จะมาเล่าให้เขาฟังเสมอ มีปัญหาอะไรเขาก็จะคอยรับฟังและให้คำปรึกษาผมตลอด เหนื่อยกับอะไรก็มาระบายให้แวมฟัง จนบางทีผมก็แอบคิดว่าโชคดีที่มีเขาเข้ามาในชีวิตนะ

บ๊อกๆ บ๊อกๆ

“ คุณพ่อครับ หมาใครเนี่ย? น่ารักจัง ”
ผมเอ่ยถามคุณพ่อที่เพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัด สีหน้าท่านดูซีดๆเพราะคงเหนื่อยกับการรักษาคนไข้เคสเมื่อกี้

“ ไม่รู้เหมือนกัน มีคนเอามาทิ้งไว้น่ะ พ่อเลยกะว่าจะเอาไปเลี้ยงที่บ้าน ลูกว่าดีมั๊ย? ”

“ ดีครับ ผมอยากเลี้ยงหมามานานแล้ว ”
ผมเข้าไปอุ้มเจ้าโกลเด้นตัวน้อย ตอนนี้มันตัวเล็กมาก คงเพิ่งคลอดได้ไม่นาน แต่หมาพันธุ์นี้พอโตขึ้นต้องตัวโตแน่นอน

“ แล้วเราจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดี? ”

ผมนึกชื่อให้เจ้าหมาน้อยอยู่ซักพักก่อนจะได้ชื่อที่ถูกใจ
“ ชาเย็นครับ ”

“ ชาเย็น? ”

“ ใช่ ผมชอบกินชาเย็น แล้วมันก็ขนสีส้มเหมือนชาเย็นเลย คุณพ่อดูสิ ”

บ็อกๆ
เจ้าชาเย็นทำตัวซุกซนเลียมือผมจนเปียกชุ่มไปหมดแล้ว

“ ท่าทางมันจะชอบชื่อนี้นะ ”
คุณพ่อหัวเราะเบาๆ

“ งั้นผมขออุ้มมันไปให้คุณแวมดูนะครับ ”

“ ระวังด้วยล่ะ เจ้านี่มันยิ่งดื้อๆอยู่ ”

“ ครับผม ”

ผมรีบอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นลิฟฟ์มาที่ห้อง 502 ทันที ผมเป็นคนชอบหมามากๆ และตอนนี้ผมก็รู้สึกเห่อมันเหลือเกิน

“ หมอบีมไปเอาหมาใครมาอุ้มเล่นครับ? ”
แวมขมวดคิ้วงุ้นเมื่อเห็นผมอุ้มหมาเข้ามาในห้อง เขานั่งรอผมที่โซฟาเป็นประจำทุกวัน เวลาผมไม่อยู่คงจะเหงาน่าดู

“ นี่ มันชื่อชาเย็น น่ารักมั๊ย? ”
ผมอุ้มมันเข้ามาใกล้ๆแวม แต่เขาดันถอยหนีซะงั้น

“ ผมไม่ชอบหมาครับ แล้วผมก็ไม่ชอบกินชาเย็นด้วย ทำไมถึงตั้งชื่อนี้ล่ะครับ? ”
แวมมองหน้าเจ้าหมาน้อยอย่างหงุดหงิด

“ ก็ฉันชอบหมานี่นา ชาเย็นฉันก็ชอบกินมากด้วย ”

“ ถ้าคุณหมอชอบ งั้น...ผมชอบด้วยก็ได้ครับ ”
พูดจบแวมก็ยอมขยับเข้าไปใกล้ๆเจ้าชาเย็น เขายอมผมทุกอย่างอยู่แล้ว เป็นผีที่ว่านอนสอนง่ายมาก ว่าแต่ผมกลายเป็นคนเลี้ยงผีตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะเนี่ย?

ผมปล่อยชาเย็นออกจากอ้อมกอดให้มันได้เดินเล่น และสิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชาเย็นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าแวมแล้วกระดิกหางดิ๊กๆไปมา

“ ชาเย็นมันมองเห็นผมด้วยครับ ”
แวมหันมาบอกผมพร้อมคลี่ยิ้มดีใจ เขาพยายามจะอุ้มหมาน้อยตรงหน้าแต่ก็ทำไม่ได้
“ ชาเย็น มาหาพ่อมา ”
แวมดีดนิ้วเรียกเจ้าชาเย็นให้เข้ามาหา หมาน้อยตรงหน้ากระโดดโลดเต้นไปมาแล้ววิ่งเข้าไปพยายามเลียมือเขา แต่พอเลียไม่ได้ก็เห่าบ๊อกๆทันที

แวมหัวเราะอารมณ์ดีที่ได้แกล้งเจ้าโกลเด้นตัวน้อย ผมมองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนๆนี้บ่อยๆ แต่ก่อนเขาแทบจะไม่ยิ้มเลย น้อยครั้งนักที่จะเห็นมุมแบบนี้ของเขา

“ พรุ่งนี้ฉันมีสอบแต่เช้านะ ”
พอผมพูดจบ แวมก็ละความสนใจจากเจ้าชาเย็นแล้วหันมาทำหน้าบึ้งมองผม

“ หมอบีมกำลังจะบอกว่าคืนนี้จะไม่อยู่กับผมเหรอครับ? ”

“ เปล่า ไม่ได้จะบอกแบบนั้นซะหน่อย แค่จะเอาหนังสือมาอ่านที่นี่ คืนนี้นายช่วยอยู่เงียบๆไม่รบกวนฉันได้ไหม? ”

“ รับทราบครับ ”
จากสีหน้าที่บึ้งตึงดูอารมณ์ดีขึ้นทันทีเมื่อผมบอกว่าจะไม่ไปไหน

“ เดี๋ยวฉันขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ เอาเจ้าชาเย็นไปไว้ที่บ้านด้วย ”
พูดจบแวมก็พยักหน้ารับรู้

“ อย่าไปนานนะครับ ”



“ คุณหมอไม่ง่วงเหรอครับ? ”
ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาจนถึงเที่ยงคืนกว่า โดยมีแวมเป็นเพื่อนคอยนั่งเฝ้าผมอยู่ตลอด เป็นผีนี่ก็ดีนะ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องการเวลานอนพักผ่อนด้วย

“ ไม่ง่วงหรอก เรื่องนี้มันยากน่ะ ต้องอ่านหลายรอบหน่อย ”

“ แต่มันดึกแล้วนะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นขับรถไปเรียนแต่เช้าไม่ใช่เหรอ? ”

“ ไม่เป็นไรหรอกน่า ”

“ ที่จริงวันนี้หมอบีมนอนที่หอพักก็ได้นะครับ ไม่ต้องลำบากมาที่นี่ก็ได้ ”

“ ถ้าฉันไม่มานายก็ก่อเรื่องอีกน่ะสิ ”

“ ขอโทษครับ ”
วิญญาณที่นั่งอยู่บนเตียงเริ่มทำหน้ารู้สึกผิด

“ แต่ฉันก็เต็มใจมานะ ”
เขาคลี่ยิ้มทันทีที่ผมบอกแบบนั้น

ติ๊งงง ( เสียงไลน์ )

พี่วี : หมอบีมครับ พรุ่งนี้ว่างไหมครับ? พี่ว่าจะชวนไปทานข้าวเย็นน่ะ
- 00.12 น.

Beam : เอ่อ พรุงนี้ผมน่าจะเลิกเรียนดึกหน่อยครับ คงไม่สะดวก
- 00.13 น.

พี่วี : งั้นไม่เป็นไรครับ
- 00.13 น.

พี่วี : ( สติ๊กเกอร์แมวร้องไห้ )
- 00.13 น.

Beam : ไว้วันหลังนะครับพี่วี
- 00.14 น.

พี่วี : ก็ได้ครับ ถ้างั้นบีมว่างวันไหนบอกพี่นะด้วยนะครับ
- 00.14 น.

Beam : ครับ
- 00.15 น.

“ คุยกับใคร? ”
แวมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ฟังดูก็รู้ว่าคนตรงหน้าติดจะไม่พอใจนิดๆ

“ คุยกับพี่วี ”
ผมตอบไปตามความจริง

“ ช่วงนี้คุยกันบ่อยจังเลยนะครับ ไปกินข้าวด้วยกันก็บ่อย ”
เขาพูดเสียงเรียบพร้อมทำหน้านิ่งประชดอีก

“ อืม ”

“ อืม? หมอบีม ผมไม่ชอบนะ ”

“ ไม่ชอบอะไร? ”

“ ก็ไม่ชอบที่หมอทำแบบนี้ ”

“ แบบนี้? แบบไหนล่ะ? ”

“ ก็ที่หมอทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นไง ”

“ แล้วไงต่อ? ”

“ ผมหึง ”
ประโยคนี้ทำให้ผมชะงักทันที หึง? เขาหึงผมจริงๆด้วย ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่เขาเคยบอกว่าชอบผมมันจริงรึเปล่า? นึกว่าแค่พูดเล่นซะอีก

“ หึง? ”

“ อืม ผมดูออกว่าพี่วีชอบหมอ หมออย่าเปิดโอกาสให้เขามากนะครับ หมอก็รู้ว่าตอนนี้ผมสู้เขาไม่ได้ แค่จะแตะต้องตัวหมอ ผมยังทำไม่ได้เลย ”

“ ... ”

“ รับปากกับผมสิครับ ”

“ ว่า? ”

“ รับปากว่าหมอจะยังไม่เปิดใจให้ใคร รอผมก่อนนะครับ นะครับ ”

“ ... ”

“ คุณหมอ รับปากสิครับ ”
แวมทำสีหน้าอ้อนวอน นี่เขากำลังสื่อว่าเขาชอบผมจริงๆงั้นเหรอ?

“ อืม ”

“ อืม? ”

“ ก็ได้ ”
แล้วเขาก็เผยรอยยิ้มดีใจทันทีที่ผมตอบไปแบบนั้น



“ เฮ้อ วันนี้แม่งโคตรเหนื่อยเลยว่ะ ”

“ ใช่ครับ สอบย่อยแล้วยังต้องติวเสริมบล็อกใหม่อีก ”

พอเลิกเรียนไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็บ่นไม่หยุด แต่วันนี้ก็เหนื่อยอย่างที่มันว่าจริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนถูกสูบพลังงาน อยากจะนอนพักสักสิบตื่น

“ มึงไปไหนต่อวะหมอบีม? ”

“ ไปโรงบาล ”

“ หมอบีมขับรถไปโรงพยาบาลทุกวันไม่เหนื่อยเหรอครับ? ตอนนี้ก็ค่ำแล้วด้วย ”

“ นั่นสิ มึงจะไปเยี่ยมคุณแวมทุกวันทำไมวะ? ไปเยี่ยมแล้วเขาก็ไม่ตื่นขึ้นมาหรอก พ่อแม่เขายังไม่ไปเยี่ยมบ่อยเท่ามึงเลย ”

“ เรื่องของกูป่ะล่ะ ”

ผมเดินคุยกับไอ้ก่อไอ้เกื้ออยู่ดีๆรถกระบะสีดำคันคุ้นตาก็ขับมาจอดตรงหน้าพวกผม พร้อมกับเจ้าของรถที่เปิดกระจกมาทักทาย
“ หวัดดีครับหมอบีม วันนี้ผมว่าจะไปเยี่ยมไอ้แวม หมอบีมไปด้วยกันมั๊ยครับ? ”

“ วันนี้ผมเอารถมาครับ ”
ผมยิ้มตอบใต้เมฆไป

“ ไม่เป็นไรครับ ที่จริงผมก็แค่จะแวะมาทักทาย เอ่อ เจอกันที่โรงบาลนะครับหมอบีม ไปแล้วนะไอ้เปี๊ยก ”
ใต้เมฆหันไปกวนตีนไอ้ก่อโดยการเรียกมันว่าไอ้เปี๊ยก และนั่นก็ถือว่าเป็นการกวนตีนที่สำเร็จ เพราะไอ้ก่อทำหน้าโมโหมาก แต่มันไม่ทันจะได้โต้ตอบอะไร รถกระบะสีดำก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

“ กูล่ะเกลียดขี้หน้าไอ้หมอนี่จริงๆเลย มึงไปสนิทสนมกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ? ถ้ากูเจอมันอีกจะต่อยให้คว่ำเลยคอยดู ”
ไอ้ก่อหันมาหงุดหงิดใส่ผมแทนซะงั้น

“ ใจเย็นสิก่อ ”
ไอ้เกื่อพยายามปรามพี่ชายไม่ให้โมโห

“ นั่นดิ มึงไปเกลียดอะไรเขานักหนาวะ? ”

“ ก็ดูมันเรียกกูว่าไอ้เปี๊ยกดิ ”

“ ก็มึงเตี้ย ”

“ มึงสูงตายล่ะหมอบีม ”
เอ่า เข้าตัวซะงั้น

“ ก็เตี้ยกันทั้งกลุ่มนั่นแหละครับ ”

“ เออ ป่ะเกื้อกลับบ้าน อารมณ์เสีย ”
ไอ้ก่อทำหน้าหงุดหงิดแล้วเดินนำไอ้เกื้อไปที่รถทันที

“ บายพวกมึง ดูแลไอ้ก่อดีๆนะเว้ยไอ้เกื้อ อย่าให้มันไปกัดใครเข้าล่ะ ”



ผมมาเยี่ยมแวมที่โรงบาลเช่นเคย แต่พอไปถึง เขากลับไม่อยู่ในห้องแล้ว

“ วันนี้คุณหมออนุญาตให้คนไข้ถอดเครื่องช่วยหายใจได้แล้วค่ะ ญาติคนไข้ก็มารับไปอยู่ที่บ้านแล้ว ”
พยาบาลเอ่ยบอกผม ผมได้ยินดังนั้นก็เดินไปถามคุณพ่อที่กำลังคุยกับใต้เมฆอยู่พอดี

“ คุณพ่ออนุญาตให้คุณแวมออกไปแล้วเหรอครับ? ”

“ ใช่ลูก ร่างกายเขาแข็งแรงมากแล้วนะ ”

“ เฮ้อ แบบนี้ผมก็ไม่ได้เจอหน้ามันบ่อยๆแล้วสิ จะไปเยี่ยมมันที่บ้านก็ไม่อยากเจอหน้าไอ้พี่วีเท่าไหร่ ”
ใต้เมฆบ่น

“ เราน่าจะดีใจนะครับที่แวมได้กลับไปอยู่บ้าน อาการเขาก็ดีขึ้นมาก เป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่เหรอครับ ”
ถึงผมจะบอกแบบนั้นแต่ในใจกลับรู้สึกหวิวๆ พอคิดว่าจะไม่ได้เจอแวมเหมือนทุกวันก็เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ก็เขากลายเป็นส่วนนึงในชีวิตผมไปแล้วนี่ครับ ต่อไปหลังเลิกเรียนก็คงไม่ได้มาเยี่ยมเขาอีกแล้ว ผมคงไม่มีเพื่อนมานั่งเฝ้าเวลาอ่านหนังสือตอนดึกๆ ไม่มีใครมาฟังผมบ่นและรับฟังเรื่องราวที่ผมไปเจอมาในแต่ละวัน แต่เขาอาจจะมีความสุขก็ได้ที่ได้กลับไปอยู่บ้าน และผมก็ควรที่จะยินดีกับเขาไม่ใช่เหรอ



หลังเลิกเรียนวันนี้เป็นวันแรกในรอบเดือนที่ผมไม่ต้องแวะไปที่โรงพยาบาล รู้สึกยังไม่ชินเท่าไหร่ เหงาแปลกๆแฮะ แต่วันนี้เลิกเรียนเร็วผมเลยกลับบ้านมาหาคุณพ่อ

“ ไงหมอบีม? หน้าหงอยมาเชียวนะ ”
คุณพ่อเอ่ยทักทายผมก่อนจะรีบแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก

“ คุณพ่อจะแต่งตัวออกไปไหนครับเนี่ย? ”

“ มีเคสผ่าตัดด่วนน่ะ พ่อต้องรีบไป ”

“ ช่วงนี้คุณพ่อดูโทรมๆนะครับ ทำงานหนักไปรึเปล่า? ”

“ พ่อสบายมากลูก เดี๋ยวพ่อต้องรีบไปแล้วนะ วันนี้หาข้าวกินเองล่ะ ”

“ ครับ ”
พอพูดจบท่านก็รีบเดินออกไปทันที ผมเป็นห่วงคุณพ่อจริงๆ ช่วงนี้ท่านดูโทรมมาก ผมกลัวว่าท่านจะทำงานหนักจนร่างกายไม่ไหวน่ะสิ

( ไลน์ )
พี่วี : วันนี้มาทานข้าวบ้านพี่นะครับ จะได้มาเยี่ยมแวมด้วย
- 18.25น.

ผมอ่านข้อความจากพี่วีแล้วก็เกิดลังเล ผมอยากไปเจอแวม แต่ก็ไม่อยากเจอพี่เขาเท่าไหร่ พี่วีแสดงออกมากว่าชอบผม เวลาผมอยู่กับพี่เขาผมรู้สึกอึดอัดสุดๆ แต่ก็ไม่กล้าบอกพี่เขาไปตรงๆเพราะเกรงใจ แต่วันนี้พี่วีชวนผมไปทานข้าวที่บ้านก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ผมจะได้รู้ทางไปบ้านแวมแล้วจะได้ไปเยี่ยมแวมด้วย

Beam : ตกลงครับ
- 18.28น.

พี่วี : งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับนะ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันครับ
- 18.28น.

Beam : ครับ
- 18.29น.






---------------------------------------

ใจเย็นๆนะครับ แวมใกล้เข้าร่างแล้วล่ะ(มั๊ง)
ค่อยเป็นค่อยไปครับ อย่าเพิ่งรีบเข้าร่างเลย เดี๋ยวดราม่า
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 8 [ 12/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-07-2017 23:11:19
บีม ต้องน่ารักแน่ๆ
พี่วี เห็นปึ๊บชอบปั๊บเลย

จริงๆเกื้อ คบหญิงไปอย่างนั้นหรือเปล่า
ดูไม่ได้ตามใจ ไม่อยากชิดใกล้ ว่างก็บอกมีงาน ยังไง
แล้วก่อ ก็ว่านางคบคนอื่นด้วย สงสัยเหมือนเฟย์ปะ คบซ้อนสินะ

ก่อ นี่ไม่ใช่เคยชอบกับเมฆนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 8 [ 12/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-07-2017 01:10:20
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 8 [ 12/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 13-07-2017 01:41:14
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: อีพี่วีนี้ทำคะแนนจัง อิอิ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 8 [ 12/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 13-07-2017 20:05:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 8 [ 12/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-07-2017 20:31:01
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 15-07-2017 15:13:12
Chapter 9



บ้านแวมอยู่ห่างจากตัวเมืองไปไม่ไกลนัก ระหว่างนั่งรถมากับพี่วีผมก็พยายามจำเส้นทางไว้ คราวหน้าจะได้มาถูก บ้านหลังนี้ใหญ่โตโดดเด่นมาก มองดูคล้ายกับคฤหาสน์ยังไงอย่างงั้น รวยมากขนาดนี้ ท่านนักการเมืองใหญ่พ่อของแวมคงจะถูกตรวจสอบทรัพย์สินอยู่หลายรอบ

แต่ครอบครัวนี้ก็คงไม่รวยผิดปกติเพราะโกงกินอะไรหรอก แม่ของแวมเป็นลูกผู้ดีเก่า มรดกมีมากมายมหาศาลอยู่แล้ว ใช้ทั้งชาติก็คงไม่หมด แถมยังเปิดธุรกิจบริษัทก่อสร้างอีก และดูเหมือนว่าธุรกิจนี้จะเจริญมากจนตีตลาดบริษัทผู้รับเหมาอันดับหนึ่งของประเทศเสียด้วย ถ้าแวมเรียนจบคงมาทำงานเป็นวิศวะกรที่นี่สบายๆ

“ นี่ไงครับหมอบีมที่ผมเล่าให้คุณแม่ฟัง ”

ตอนนี้ผมกำลังนั่งทานอาหารร่วมกับพี่วีและหม่อมหลวงพิมพาแม่ของเขา ผมขอเรียกเธอว่าคุณหญิงแล้วกันนะครับ ส่วนท่านมาวินไปดูงานต่างประเทศอีกหลายวันถึงจะกลับ

คุณหญิงแต่งตัวหรูหราสมฐานะจริงๆ ดูจากเครื่องเพชรที่ห้อยอยู่บนคอนั่นราคาคงไม่ต่ำกว่าแปดหลักเลยทีเดียว แถมยังกินอยู่สุขสบายมาก ดูอาหารบนโต๊ะนี่สิ วางเรียงรายเป็นสิบจาน จะให้กินแค่สามคนคงไม่หมดแน่ๆ

“ อืม แม่รู้สึกคุ้นๆหน้าเขานะ ”
“ คุณแม่อาจจะเคยเจอหมอบีมตอนไปเยี่ยมแวมก็ได้นะครับ ”
“ ไม่น่าจะใช่นะ แม่ไปทีไรก็เจอแต่หมอเจ้าของไข้ ”

คุณหญิงกับพี่วีกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับผมอยู่ โดยที่ผมยังไม่ได้กล่าวทักทายหรือแนะนำตัวอะไรกับเธอเลยสักนิด เพราะผมยังรู้สึกเกร็งและวางตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่

“ ผมเองก็ยังไม่เคยเจอคุณหญิงเลยครับ ”
ผมบอกเธอ แต่ดูเธอจะไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่า เธอมองผมด้วยหางตาเหมือนจะรังเกียจนิดๆด้วยซ้ำ หรือเพราะผมเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยไฮโซอะไร?

“ สงสัยฉันจะจำผิดไปน่ะ ทานข้าวก่อนสิ ตามสบาย ”
เธอหันมาพูดกับผม ถึงประโยคที่เธอพูดจะเป็นไปในด้านดี แต่น้ำเสียงเธอก็ติดจะไม่ค่อยเป็นมิตรนัก

“ แล้วคุณแม่จะไปไหนครับ? ”
พี่วีถามเมื่อเห็นคุณหญิงลุกออกจากโต๊ะอาหาร

“ แม่อิ่มแล้วจ่ะ วันนี้อาหารไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ ”
ว่าจบเธอก็ลุกขึ้นทันที ผมรู้สึกอยากกลับบ้านตอนนี้เลย ถ้าเจ้าของบ้านแสดงออกว่าไม่ชอบเราขนาดนี้ เป็นใครก็รู้สึกแย่เหมือนกันนะ

“ บีมอย่าไปสนใจคุณแม่เลยนะ ท่านก็เป็นแบบนี้แหละ”

“ ถ้าคุณหญิงไม่ชอบผม งั้นผมกลับก็ได้นะครับ ”

“ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก คุณแม่ไม่ได้ไม่ชอบบีม ท่านแค่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่พี่ เอ่อ พี่ชอบผู้ชายน่ะ ท่านพยายามหาผู้หญิงมาจับคู่ให้พี่อยู่บ่อยๆ แต่พี่ก็ปฏิเสธทุกครั้ง ”

“ ครับ ผมเข้าใจแล้ว ครอบครัวไหนก็อยากให้ลูกชายแต่งงานมีหลานไว้สืบสกุลทั้งนั้น ”

“ แต่บีมรู้ใช่มั๊ยว่าพี่ชอบบีม  ”

“ เอ่อ ผมว่าเราทานข้าวกันดีกว่านะครับ ผมจะได้ไปเยี่ยมแวมแล้วรีบกลับ ผมกลัวมันจะดึกเอาน่ะครับ ”
ผมรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วก้มหน้าก้มตาทานอาหารบนโต๊ะต่อ



“ แวมอยู่ไหนครับ? ผมอยากไปเยี่ยมเขา ”
พอกินข้าวเสร็จผมก็ถามหาแวมทันที

“ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ แวมก็อยู่ห้องของเขา เดี๋ยวพี่พาไป ”

“ แต่พี่วียังทานข้าวไม่เสร็จเลยนี่ครับ บอกผมก็ได้ครับว่าห้องไหน เดี๋ยวผมไปเอง ”

“ พี่อิ่มแล้วล่ะ ตามพี่มาสิ ”

พี่วีลุกจากโต๊ะอาหารแล้วเดินนำผมขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้าน แล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง

“ แวมอยู่ห้องนี้เหรอครับ? ”

พี่วีไม่ตอบอะไรแต่ก็พยักพเยิดให้ผมเปิดประตู

พอผมเข้าไปก็พบว่าห้องนี้เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ ผมเดินไปที่เตียง แวมควรจะนอนอยู่บนเตียง แต่มันกลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะห้องนี้ไม่มีใครอยู่เลย

“ แวมอยู่ไหนครับ? ”
“ ก็อยู่ห้องของเขาน่ะสิ ”
“ เอ่อ แล้วนี่ห้องใครครับ? ”

พี่วีกดล็อคประตูแล้วเดินเข้ามาหาผมช้าๆ ผมว่าสถานการณ์มันชักจะไม่ดีแล้วล่ะ ผมค่อยๆถอยหลังให้ห่างจากพี่เขา แต่การถอยหลังไปมันก็ยิ่งทำให้ผมเดินเข้าไปในตัวห้องเรื่อยๆ ถ้าคิดจะหนีคงยากแน่ๆ ผมมองประตูที่อยู่ด้านหลังพี่เขา ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่โชคร้ายที่ผมโดนคว้าตัวเอาไว้ซะก่อน

“ จะวิ่งหนีพี่ไปไหนครับ? ”

“ พี่วีจะทำอะไร? ปล่อยผมนะ ”
ผมพยายามใช้แรงสะบัดตัวเองให้หลุดออกจากอ้อมแขนแกร่งนั่น แต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะขนาดตัวและแรงของพี่วีมากกว่าผม

“ อย่าดื้อกับพี่สิครับ ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ใจร้ายนะ ”
เขาพยายามโน้มใบหน้าเข้ามา แต่ผมก็เอี้ยวหลบได้ทัน

“ ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่ว... อื้อ ”
พอผมร้องพี่วีก็เอามือมาปิดปากผมไว้ ก่อนจะดันตัวผมให้ล้มลงไปบนที่นอน ตอนนี้ตัวของเขากำลังคร่อมผมอยู่ ผมยายามดิ้นแต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้

“ พี่บอกแล้วไงว่าอย่าดื้อ ทำตัวน่ารักๆสิครับ ”

“ อื้อออ ”
ผมพยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่เพราะมือที่กดปิดปากผมอยู่ทำให้แทบจะไม่มีเสียงเลย

“ พี่บอกแล้วไงว่าพี่ชอบบีม พี่จีบบีมมาสักพักแล้วนะ พี่ว่าเราควรจะ... ”
พี่วีพูดไปโดยที่มืออีกข้างลูบไล้เอวของผมไปมา ผมเริ่มกลัวจนตัวสั่นเทาไปหมด ไม่ว่าอะไรจะเป็นไปต่อจากนี้ ผมก็ไม่อยากให้มันเกิดเลย ใครก็ได้ช่วยผมด้วย

ก๊อกๆๆ

“ ใครวะ? ไม่ว่าง! ”
พี่วีตะโกนบอกคนด้านนอก แล้วหันมาสนใจร่างกายของผมต่อ เสียงเคาะประตูเงียบไปสักพักก่อนที่มันจะดังขึ้นมาอีกครั้ง

ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ

“ บอกว่าไม่ว่างไงวะ! ”

ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!
จากเสียงเคาะปกติ ตอนนี้กลายเป็นเสียงทุบประตูแรงๆ

พี่วีทำหน้าหัวเสียเดินไปเปิดประตูอย่างโมโห เสียงทุบประตูยังดังอย่างต่อเนื่องระหว่างที่พี่วีเดินไป บานประตูถูกกระชากเปิดออกโดยคนด้านในอย่างรวดเร็ว แต่กลับพบว่าด้านนอกนั่นมีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีใครเลย!

พี่วีกำลังอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมอาศัยจังหวะนี้วิ่งสวนทางเขาออกจากห้องอย่างไปรวดเร็ว แต่พี่วีก็ยังตะโกนเรียกผมพร้อมกับวิ่งตามมาได้ทัน

“ บีม พี่ขอโทษ ”
เพราะผมวิ่งช้าไปทำให้เขาคว้าแขนผมไว้จนได้
“ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ ”

“ ผมเรียกแท็กซี่กลับเองดีกว่าครับ ”
ผมแสดงออกว่าผมโกรธพี่วีมาก

“ แต่... ”

“ ปล่อยครับ ”
ผมสะบัดแขนออกจากเขาได้สำเร็จ ก่อนจะปลีกตัวออกมาแล้วโทรเรียกแท็กซี่ให้มารับ



ระหว่างทางที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ผมก็ย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เป็นไปได้ยังไงที่พี่วีเปิดประตูออกไปแล้วจะไม่เจอใคร ก็เสียงเคาะประตูมันยังดังอยู่เลย พอเปิดประตูปุ๊บคนที่อยู่หลังประตูจะหายวับไปได้ในเวลาเพียงวินาทีเดียวงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นฝีมือแวมแน่ๆ ถึงผมจะไม่เจอเขาแต่อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าเขายังอยู่ ยังไม่ได้กลับเข้าร่างไปสินะ

“ คุณหมอ ”

“ เฮ้ย!! ”

เอี๊ยดดด

“ แหกปากเฮ็ดหยัง ”
คุณลุงคนขับเหยียบเบรกอย่างกะทันหันพร้อมสบถภาษาอีสานใส่ผมทันที

ตอนนี้แวมกำลังนั่งอยู่ข้างๆผม!

‘ ออกมาได้ยังไง? ’
ผมพิมพ์ข้อความลงไปในมือถือเพื่อให้แวมอ่าน เพราะถ้าผมพูด ลุงคนขับคงหาว่าผมเป็นบ้าพูดคนเดียวแน่ๆ

“  ไม่รู้เหมือนกันครับ อยู่ดีๆผมก็มาอยู่ตรงนี้ได้ ”

‘ แล้วเมื่อกี้ฝีมือนายใช่มั๊ย? ’

“ ใช่ครับ ”

‘ ขอบใจนะ ’

“ หมออยู่ห่างๆพี่วีไว้นะครับ ผมรู้จักนิสัยพี่ผมดี ถ้าพี่วีอยากได้อะไรเขาก็จะเอาให้ได้ ”

‘ อืม แล้วนายออกมาข้างนอกทำไม? เดี๋ยวก็กลับเข้าร่างไม่ได้หรอก ทำแบบนี้มันเหมือนผีจริงๆเข้าไปทุกที ’

แวมหัวเราะทันทีที่อ่านข้อความของผม ผมขมวดคิ้วกับการกระทำนั้น เดี๋ยวนี้หัวเราะเป็นด้วยเหรอ? แล้วนี่ผมกำลังซีเรียสอยู่นะ

“ ผมยอมเป็นผีก็ได้ครับ ถ้าได้อยู่ใกล้ๆหมอ ”

“ บ้าป่ะ! ”
ผมหลุดปากพูดออกไปเสียงดังจนคนขับสะดุ้ง

“ เอ๋า ขับรถอยู่ดีๆ ด่าข่อยเฮ็ดหยัง? ”

“ เอ่อ ผมไม่ได้ด่าพี่นะครับ ”
ผมรีบยกมือขอโทษขอโพยพี่เขาแทบไม่ทัน



บ๊อกๆๆ
ทันทีที่ผมกลับมาถึงบ้านก็ได้รับการต้อนรับจากเจ้าชาเย็นโดยการวิ่งเข้ามาเลียขาผมเช่นเคย

“ คุณพ่อนอนดึกอีกแล้วนะครับ ”
ผมเดินไปหาคุณพ่อที่ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาตัวเดิม

“ ก็รอลูกนั่นแหละ ไปไหนไม่เห็นบอกพ่อเลย ”

“ ผมไปเยี่ยมคุณแวมมาครับ ”

“ แล้วเขาเป็นไงบ้างล่ะ? ”

“ นั่นไงครับ ”

คุณพ่อมองตามสายตาผมไปหยุดอยู่ที่เจ้าหมาน้อยมันกำลังกระโดดโลดเต้น แลบลิ้นเลียอากาศแล้วยังเห่าบ๊อกๆอีก

“ เจ้าชาเย็นมันเป็นอะไรน่ะ? ”
คุณพ่อทำหน้างงๆ

“ มันไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ แต่มันกำลังเล่นกับคุณแวมต่างหากล่ะ ”

“ ฮะ! จริงเหรอ? นี่ลูกหมายความว่าวิญญาณคุณแวมอยู่ตรงนั้นงั้นเหรอ? ”

“ ใช่ครับ ”

“ ไม่น่าเชื่อ เจ้าชาเย็นมันเห็นผีได้ด้วยเหรอ? ”

“ นั่นน่ะสิครับ ดูสิ ท่าทางมันจะชอบคุณแวมมากเลยนะครับพ่อ ”

ตอนนี้แวมกำลังหยอกล้อเจ้าหมาน้อยอย่างสนุกสนาน ส่วนเจ้าชาเย็นก็กระดิกหางไม่หยุด ท่าทางคงจะติดใจเจ้าของคนใหม่ซะแล้ว

“ ชาเย็น มานี่มา ”
ผมเรียกเจ้าหมาน้อยให้มาหา แต่มันก็ไม่ยอมมา เอาแต่เล่นกับแวมอยู่นั่นแหละ

“ เห็นทีมันจะชอบคุณแวมมากกว่าลูกนะเนี่ย ”
คุณพ่อหัวเราะ

“ ใช่ครับ ชาเย็นชอบผมมากกว่า ”
แวมพูดพร้อมหันมายักคิ้วอีกต่างหาก

“ เอาเข้าไป ใช่สิ จำไว้เลยนะชาเย็น จะไม่ซื้อขนมมาฝากแล้ว ไม่ต้องมาง้อด้วย ”
แล้วผมก็เดินเข้าห้องนอนไปอย่างหงุดหงิด

พอผมเข้ามาในห้องก็พบว่าเจ้าผีที่แย่งชาเย็นของผมไปกำลังนั่งอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว

“ เฮ้ย ทำไมมาเร็วงี้? ”

“ ก็ผมเป็นผีนี่ครับ ”

“ นายยังไม่ตายซะหน่อย แล้วเข้ามาทำไมเนี่ย? ทำไมไม่กลับบ้าน เดี๋ยวก็เข้าร่างไม่ได้สักทีหรอก ”

“ ผมไม่ได้อยากเข้าร่างซะหน่อย ผมอยากอยู่ใกล้ๆหมอ ”

“ อยากเป็นผีจริงๆรึไง? ถ้าตายแล้วระวังยมบาลมารับไปนรกนะ ”

“ โหว หมอพูดแบบนี้ ผมไม่อยากตายแล้วนะเนี่ย ”

“ ถ้าไม่อยากตายก็หาวิธีเข้าร่างตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่เอาแต่ตามฉันแบบนี้ ”

“ ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมอยากอยู่ใกล้ๆหมอ ”

“ เฮ้อ นายนี่มันหัวรั้นจริงๆ อยากตามก็ตามเหอะ แต่อย่าตามเข้ามาในห้องน้ำก็พอ จะอาบน้ำ ”
ว่าจบผมก็คว้าผ้าขนหนูเข้าไปในห้องน้ำทันที

แต่เขาก็ยังตามมา...
โว้ยยยย ก็บอกว่าอย่าตามเข้ามาไง! พูดภาษาคนรู้เรื่องมั๊ยเนี่ย?

“ ไอ้ผีบ้า! ออกไปจากห้องน้ำเดี๋ยวนี้นะ ”

“ ผมแกล้งเล่นครับหมอ ไปแล้วครับ ”

“ ถ้านายเข้ามาอีก ฉันจะจ้างหมอผีมาจับนายลงหม้อดินเลยคอยดู! ”
เมื่อผีเจ้าปัญหาออกไปจากห้องน้ำผมก็ตะโกนขู่ไล่หลังเขาต่อ คิดอะไรไม่ออกก็เอาหมอผีมาขู่เลยละกัน



“ คุณหมอยังจะอ่านหนังสืออีกเหรอครับ? ดึกแล้วนะ ”
“ อืม ”

ตอนนี้เวลาเกือบตีหนึ่งแต่ผมก็ยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เสียงแจ้งเตือนไลน์จากพี่วีดังไม่หยุดจนผมต้องปิดเครื่อง ตอนนี้ต้องการสมาธิในการอ่านมากกว่า

“ พี่วีแชทมาเหรอครับ? ”
“ อืม ”

ผมยังคงนั่งอ่านหนังสือโดยที่มีผีตัวนึงกำลังเดินสำรวจห้องผมทุกซอกทุกมุม เดินไปเดินมาจนผมชักเริ่มจะเวียนหัวแล้ว

“ นี่ จะเดินอีกนานมั๊ย? ไม่เคยเห็นห้องนอนคนหรือไง? ”

“ ก็ห้องนี้ไม่เหมือนห้องนอนคนนี่ครับ เหมือนห้องสมุดมากกว่า เดินไปทางไหนก็เจอแต่หนังสือ ”

“ นั่นสิ ฉันชอบอ่านแล้วก็สะสมหนังสือด้วย รู้ตัวอีกทีก็เต็มห้องแบบนี้แหละ ”

“ แต่ผมไม่ค่อยชอบอ่านนะ ชอบคิด ชอบคำนวณอะไรมากกว่า ”

แวมจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือเล่มนึงแต่ก็ชะงักเพราะมือของเขาแตะหนังสือไม่ได้

“ ทำไมตอนเคาะประตูกับโยนข้าวของถึงทำได้ล่ะ? ”

“ มันต้องใช้การเพ่งจิตนิดหน่อยนะครับ ผมก็ทำไม่ค่อยเป็นหรอก เรื่องนี้วิทยาศาสตร์อธิบายได้ไหมครับ? ”

“ แค่เรื่องนายเป็นวิญญาณตอนนี้วิทยาศาสตร์ก็อธิบายไม่ได้แล้ว ”

“ นั่นสินะ คุณหมออ่านเล่มนี้ให้ผมฟังหน่อยสิครับ ”

ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็ต้องยอมปิดตำราเรียนที่อยู่ในมือ ไม่เป็นไรหรอก หนังสือในมือนี่ผมก็อ่านไปหลายรอบแล้ว แค่ทวนซ้ำเท่านั้นเอง

ไหนดูซิว่าผีเจ้าปัญหานี่สนอกสนใจอะไรกับหนังสือเล่มนั้นนักหนา แล้วยังต้องให้ผมอ่านให้ฟังอีก เฮ้อ

‘ 134340 Pluto ’
ชื่อหนังสือเล่มนี้เป็นชื่อของดาวดวงหนึ่งที่ถูกตัดออกจากระบบสุริยะ รหัสหน้าชื่อก็เป็นวิธีเรียกวัตถุบนท้องฟ้าที่ไม่ใช่ดาวเคราะห์นั่นเอง

หนังสือที่แวมชี้ให้ผมหยิบขึ้นมานี้ถูกเขียนเป็นภาษาอังกฤษที่ไม่ได้มีการแปลไทยแต่อย่างใด ผมค่อนข้างเก่งภาษาอังกฤษพอสมควรจึงสามารถอ่านได้สบายมาก

ในหนังสือจะเล่าถึงความเป็นมาของดาวพลูโต ซึ่งคนบนโลกต่างเคยตื่นเต้นกับการค้นพบมัน

ดาวดวงนี้อยู่ในวงโคจรของดวงอาทิตย์เหมือนกับเรา แต่กลับมีวิธีการโคจรที่แปลกจากเพื่อนๆ และอยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากเกินไป

เราเริ่มค้นพบวัตถุใหม่ในวงโคจรหลายชิ้นที่ใหญ่พอจะยกฐานะมาเป็นดาวเคราะห์ได้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้พลูโตดวงเล็กๆจึงไม่ได้สลักสำคัญอะไรอีกต่อไป

ทุกคนไม่ได้ตื่นเต้นดีใจกับการมีดาวดวงนี้อีกแล้ว แถมยังเปลี่ยนนิยามของดาวเคราะห์เพื่อกรีดกันดาวดวงน้อยนี้ออกไปอีก สุดท้ายมันก็กลายเป็นเพียงดาวเคราะห์แคระดวงหนึ่งที่ถูกลืมไปเท่านั้นเอง

ผมอ่านหนังสือเล่มเล็กนี้จนจบในเวลาไม่นาน มันเป็นหนังสือสารคดีที่เน้นภาพประกอบเป็นหลัก ผมชอบอ่านมันมาก ภาพประกอบแต่ละหน้าแสดงถึงความกว้างใหญ่ของจักรวาลได้เป็นอย่างดี แต่แก่นแท้ของความกว้างใหญ่ไพศาลนั้น ที่จริงก็คือความเงียบเหงาและว่างเปล่าเท่านั้นเอง

“ น่าสงสารดาวพลูโตจังเลยนะครับ ”

“ ใช่ ที่จริงมันก็โคจรของมันอยู่ที่เดิม เราต่างหากล่ะที่ไปดึงมันเข้ามา ให้ความสำคัญเรียกมันว่า ‘ ดาวเคราะห์ ’  สุดท้ายก็เป็นเราเองที่นิยามคำๆนี้เปลี่ยนไป กำหนดความหมายให้มันใหม่ ตัดมันออกจากวงโคจรทั้งๆที่มันก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ”

“ เป็นดาวที่ถูกลืมสินะ ”

“ ช่ายยย ง่วงแล้ววว นอนก่อนนะ ”
ผมพูดเสียงยานคางด้วยความง่วง ก่อนจะเก็บหนังสือเข้าที่เดิมแล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว

“ ขอบคุณนะครับหมอบีม ”

“ หืม? ”

“ หมอบีมใจดีไม่เปลี่ยนเลย ขอบคุณที่อ่านหนังสือให้ผมฟังนะครับ ”

“ อืมมม ”
ผมงัวเงียตอบโดยที่ไม่ได้จับใจความกับคำพูดอะไรของเจ้าของเสียงนัก ความง่วงกำลังฉุดดึงให้ผมเข้าสู่ห้วงนิทรามากขึ้นทุกทีๆ

“ ฝันดีนะครับ ”
ผมได้ยินคำว่าฝันดีปลิวผ่านสายลมเหมือนมีคนมากระซิบข้างหูให้ได้ยินเพียงแผ่วเบา รู้สึกอบอุ่นกับคำๆนี้อย่างบอกไม่ถูก ผมบอกฝันดีเจ้าของเสียงกลับแบบไม่เอ่ยคำพูดใดๆ พูดเพียงในใจไปว่า ‘ ฝันดีเช่นกันนะ ’
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 8 [ 12/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 15-07-2017 16:05:18
พี่วีก็ดีนะแวมก็ดีเอา2เลย
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 15-07-2017 17:13:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-07-2017 18:20:31
พี่วีนี่ยังไง เจอหน้าบีมก็ชอบเลย
แล้วนี่พยายามปลุกปล้ำแวมที่บ้านตัวเองซะด้วย

แต่คุณหญิงแม่แวม ก็แปลกๆนะ
ที่ว่าคุ้นหน้านี่คุ้นหน้าแม่บีม หรือพ่อบีม
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-07-2017 20:02:47
อีพี่วีเลวมากๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 16-07-2017 12:07:26
:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-07-2017 12:16:20
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: paper ที่ 16-07-2017 19:58:15
ทำไมพี่วีฉวยโอกาสแบบนี้  :a5:
แวมเข้าร่างด่วนๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 16-07-2017 21:05:00
โรงพยาบาลเอาสัตว์เข้าได้ด้วยหรอคะ แล้วยิ่งเป็นห้องที่ต้องใช้เครื่องหายใจด้วยแล้วนี่ไม่น่าอนุญาติใหญ่เลยนะคะ แถมบีมเรียนหมอ เป็นลูกหมออีก น่าจะเคร่งครัดกับอะไรแบบนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 16-07-2017 22:58:59
แวมน่ารักอ่ะ  พอไม่หยิ่งแล้วมีเสน่ห์หมอบีมก็นิ่งๆ แต่ใจดี   ติดตามต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 17-07-2017 00:05:56
โรงพยาบาลเอาสัตว์เข้าได้ด้วยหรอคะ แล้วยิ่งเป็นห้องที่ต้องใช้เครื่องหายใจด้วยแล้วนี่ไม่น่าอนุญาติใหญ่เลยนะคะ แถมบีมเรียนหมอ เป็นลูกหมออีก น่าจะเคร่งครัดกับอะไรแบบนี้นะคะ
โรงพยาบาลไม่ควรเอาสัตว์เลี้ยงเข้าจริงๆครับ อันนี้ผมผิดเองที่ลืมคิดไป ขอโทษจริงๆครับ อาจจะเขียนไม่สมจริงไปบ้าง อ่านเพื่อความบันเทิง ให้อภัยคนเขียนด้วยครับ  :hao5: :hao5: :hao5: วิงวอนนนน
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 9 [ 15/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ppapple ที่ 17-07-2017 11:51:25
แวมน่ารัก รีบฟื้นเร็วๆนะ รอๆๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 10 [ 17/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 17-07-2017 20:21:23
Chapter 10



“ คุณหมอมาทำอะไรครับ? ”

“ มาร้านกาแฟจะให้ทำอะไรล่ะ นายนี่ขี้สงสัยจริงๆเลยนะ ”

ตอนเช้าผมจะแวะซื้อชาเย็นที่ร้านกาแฟเล็กๆหน้ามหาลัยเป็นประจำ ร้านนี้อร่อยครับ เจ้าของร้านก็เป็นกันเองมาก

“ เอ่าหมอบีม หวัดดีจ่ะ ”

“ เหมือนเดิมนะครับคุณน้า ”

“ ได้เลย นี่จ่ะ ชาเย็นใส่นมเยอะๆเหมือนเดิม ”

“ ขอบคุณครับ ”

“ คุณหมอชอบกินชาเย็นเหรอครับ? ”

“ ชอบมากเลยแหละ กินทุกวัน ”

“ แบบนี้ไม่เสี่ยงเป็นเบาหวานเอาเหรอครับ? ”

“ ก็ฉันชอบนี่นา”

แวมตามผมไปทุกที่จริงๆ ไม่ว่าผมจะขยับไปไหนหรือทำอะไร วันนี้เขาก็ตามมาที่คณะด้วย

นั่นนาวาขับรถมาส่งเฟย์อีกแล้ว ผมเห็นดังนั้นก็รีบไปนั่งบนโต๊ะหินอ่อนที่อยู่ข้างตึกแล้วเรียกแวมให้มาทางนี้ทันที เพื่อไม่ให้เขาเห็นเฟย์มากับผู้ชายคนนั้น กลัวเขาจะรับไม่ได้

แต่ผมกลับคิดผิด

“ ผมรู้แล้วล่ะครับ ”

แวมหันกลับไปทางเฟย์ ผมมองสีหน้าและแววตาของเขาที่ก็ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่

“ รู้แล้ว? แล้วนายไม่โกรธแฟนนายเลยเหรอ? เขานอกใจนายนะ ”

“ ครับ ”
แวมตอบหน้าตาเฉย

“ คนแบบนี้ก็มีด้วย? ”

“ หมอบีมครับ ร้านไอติมเปิดใหม่ที่แคนทีนอร่อยมาก ตกแต่งถ้วยก็สวยอย่างกับไอติมในห้างแน่ะ ”
อยู่ดีๆไอ้เกื้อก็เดินถือไอติมรสมะนาวถ้วยใหญ่มาวางข้างๆผม แถมยังตักไอติมมาป้อมผมอีกต่างหาก
“ อร่อยไหมครับ? ”

“ อืม อร่อยจริงๆด้วย วันหลังเดี๋ยวกูไปซื้อมากินบ้าง ”
ผมพูดว่าอร่อยไอ้เกื้อก็ยื่นช้อนอีกอันมาให้ผมช่วยกิน เพราะถ้วยใหญ่ขนาดนี้คงกินคนเดียวไม่หมดแน่ๆ

“ ทำไมต้องป้อนด้วย ”

“ ฮะ? ”
ผีที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมทำหน้าไม่พอใจ

“ หมอบีมว่าอะไรนะครับ? ”

“ อ๋อ เปล่าๆ กูพูดลอยๆน่ะ ”

“ ช่วงนี้อ่านหนังสือหนักไปรึเปล่าครับเนี่ย ”

“ โว้ย เจอหมาเห่าอีกแล้วว่ะ แม่ง หงุดหงิดชะมัด ”
ไอ้ก่อทำหน้าอารมณ์เสียมาแต่ไกล แถมยังเดินเข้ามานั่งอยู่ฝั่งเดียวกับผีที่ทำหน้าอารมณ์เสียพอกันอีก ผมมองภาพตรงหน้าแล้วรู้สึกเหนื่อยใจขึ้นมาทันที

ไอ้เกื้อเห็นพี่ชายตัวเองทำหน้าหงุดหงิดก็เอ่ยปากถาม
“ เป็นอะไรก่อ? อารมณ์เสียแต่เช้าเลย ”

“ ก็ไอ้เชี่ยเมฆดิ กูเจอมันอยู่ร้านกาแฟหน้ามอ แม่งกวนตีนกูอีกแล้ว กูเลยเอามอคค่าปั่นสาดหน้ามันไป โชคดีนะที่กูไม่ได้สั่งกาแฟร้อน ”

“ เฮ้ย! ”
พอได้ยินแบบนั้นแล้วพวกผมสามคนถึงกับอุทานพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แวมเปลี่ยนสีหน้าบึ้งตึงกลายเป็นเบิกตาตกใจทันที

“ แล้วไอ้เมฆไม่สวนกลับเลยเหรอ? ”

“ เอ่อ แล้วใต้เมฆไม่ทำไรมึงเลยเหรอวะ? ”
แวมถามแล้วไอ้ก่อคงไม่ได้ยิน ผมเลยถามคำถามนี้ซ้ำ

“ ก็ไม่นะ เหอะ มันก็ทำหน้าอารมณ์เสียแล้วเดินหนีไปแค่นั้น สะใจชะมัด ”

“ อย่างไอ้เมฆนี่นะจะยอมใคร ปกติถ้าใครทำแบบนี้กับมันคงไม่รอดแน่ๆ ”
แวมพูดพร้อมขมวดคิ้วทำหน้างง

หวังว่าไอ้ก่อจะไม่โดนดักตีหัวหลังเลิกเรียนแล้วมีข่าวนักศึกษาแพทย์มหาลัยดังโดนฆ่าหั่นศพหรอกนะ

“ ไอติมไรวะ? หน้าตาหน้ากินดีว่ะ ชิมหน่อย ”
ไอ้ก่อเห็นถ้วยไอติมแล้วทำตาลุกวาว

“ อ่ะ ”
ผมยื่นช้อนให้มัน

“ ป้อนๆๆ ”
มันอ้าปากรอ ยื่นหน้ามาใกล้ๆให้ผมป้อนไอติม

ถ้าเป็นเวลาอื่นผมก็คงตักไอติมเข้าปากมันแบบไม่ต้องคิดอะไร แต่ตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่จ้องมองมาด้วยสีหน้าไม่พอใจสุดๆ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ตักไอติมในถ้วยขึ้นมายัดเข้าปากไอ้ก่อไปอย่างรวดเร็ว

“ หื้อ อร่อยดี ”
มันได้ชิมแล้วก็แย่งช้อนจากมือผมไปตักกินเองอย่างเอร็ดอร่อย

“ เอ่า แล้วมึงจะให้กูป้อนเพื่ออะไรวะ? ”

“ เฉยๆ ”
ไอ้ก่อพูดกวนตีนแล้วตักไอติมเข้าปากต่อ

ผมหันไปยิ้มแหยๆให้กับคนที่ยังทำหน้าบึ้งไม่หาย แต่ก็ได้รับเพียงแววตาเย็นชาตอบกลับมาซะงั้น

“ หึงเหรอ? ”
พอไอ้ก่อกับไอ้เกื้อไปแล้วผมก็เอ่ยถามคนที่กำลังโกรธผมอยู่แบบตรงๆ

“ อืม ”
ไม่ปฏิเสธเลย

“ ง้อได้มั๊ย? ”

“ ครับ? ”
แววขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำพูดของผม

“ ง้อยังไง? ง้อไม่เป็น เอางี้ ง้อนะ ”

ผมยื่นนิ้วก้อยขึ้นมาค้างอยู่แบบนั้นพร้อมกับทำหน้าตาน่าสงสารที่สุด คนตรงหน้าเงียบไปสักพักก่อนจะหัวเราะเบาๆ

“ แน่ะ นายยิ้มแล้ว ”

“ ยอมแพ้แล้วครับ ”
แวมยกมือขึ้นเหมือนผู้ร้ายโดนตำรวจต้อนให้จนมุม แล้วเขาก็ชูนิ้วก้อยอีกข้างมาแตะกับนิ้วของผม นิ้วมือเรียวกำลังทับซ้อนกันคนละมิติ ไม่รับรู้ถึงสัมผัสทางกายใดๆ แต่ในใจกลับรู้สึกได้

รอยยิ้มของเขานั้นทำให้ผมต้องยิ้มตามอยู่เสมอ แล้วผมก็ยังคงจ้องมองเจ้าของรอยยิ้มนั้นอย่างไม่ละสายตา

“ เวลานายยิ้มมันทำให้โลกสดใสนะรู้มั๊ย? หัดยิ้มบ่อยๆซะบ้าง ”

“ หมอไม่รู้ตัวเหรอครับ ว่าหมอเองนั่นแหละที่ทำให้ผมยิ้มได้ ”



“ โหว คณะแพทย์เรียนไรเยอะแยะครับเนี่ย? ภาษาอังกฤษทั้งนั้นเลย ต้องจำศัพท์อะไรวุ่นวายไปหมด ผมไม่ค่อยเก่งภาษาเท่าไหร่ ว่างๆหมอมาสอนผมบ้าง... ”

“ พูดมากจังวะ ”

“ นักศึกษาแพทย์บริรักษ์ เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ? ”

“ เปล่าครับอาจารย์ ”

“ เดี๋ยวเถอะ ผมได้ยินที่คุณพูดไม่ค่อยถนัดหรอกนะ แต่ถ้าคราวหน้าพูดแทรกเวลาผมสอนอีก ผมจะหักคะแนนคุณ ”

“ ครับอาจารย์ ”

ผมโดนอาจารย์หมอดุเข้าให้เพราะเจ้าผีนี่แท้ๆเลย แวมตามผมไปทุกที่จริงๆ ขนาดในคลาสเรียนก็ยังเข้ามาด้วย แถมไม่อยู่เงียบๆ พูดมากจนผมเรียนไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย

“ ผมขอโทษนะครับหมอ แต่อาจารย์คนนี้ใจดีนะครับ ถ้าเป็นอาจารย์คณะผมคงขว้างยางลบมาแล้ว หรือถ้าหนักๆหน่อย อาจารย์โกรธมากก็ขว้างไม้ทีลงพื้นเสียงดัง ตอนนั้นผมแค่คุยกับเพื่อนเบาๆ อาจารย์ยัง... ”
ผมรีบยกมือห้ามไม่ให้เขาพูดมากกว่านี้ พร้อมกับขยับปากแบบไม่มีเสียงว่า ‘ เงียบก่อน ’

จากนั้นผมก็เขียนข้อความลงไปบนแผ่นกระดาษบนโต๊ะว่า ‘ เรียนไม่รู้เรื่องแล้วเนี่ย ไม่ต้องตามเข้ามาอีกนะ ไปอยู่ที่อื่นบ้างก็ได้ ’

แวมทำหน้ารู้สึกผิดแล้วหายวับไปทันตา ผมเห็นแววตาเศร้าๆนั่นแล้วก็สงสารนะ เข้าใจว่าเป็นผีที่ใครมองไม่เห็นคงจะเหงาเป็นธรรมดา ตอนนี้เขาคงมีแค่ผมคนเดียว แต่ผมก็ต้องเรียน ต้องมีเวลาส่วนตัวบ้าง

เฮ้อออ ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย ได้แต่อ่านข้อความที่ผมเขียนบนกระดาษซ้ำไปซ้ำมา คนอ่านจะคิดว่าผมไล่เขามั๊ยนะ? แล้วตอนนี้เขาจะกำลังโกรธอยู่รึเปล่า? เขาไปไหนแล้วก็ไม่รู้?

ก่อนหน้านี้แวมเป็นคนเงียบมาก แต่เดี๋ยวนี้ทำไมถึงพูดมากขนาดนี้ ไม่รู้อะไรเข้าสิง แต่มันก็ดีที่ผมเห็นเขาร่าเริงมากขึ้น ดีกว่าเงียบทำหน้าหยิ่งไม่เป็นมิตรกับผมเหมือนแต่ก่อน

แต่เขาคงคิดว่าผมรำคาญเขาไปแล้วน่ะสิ

“ หมอบีม เลิกคลาสแล้วเว้ย กินข้าวกัน ”
ไอ้ก่อเอาสันหนังสือยื่นข้ามโต๊ะมาสะกิดไหล่เรียกผม

“ พวกมึงไปกินเหอะ วันนี้กูอยากอ่านหนังสือ ”

“ อ่านหนังสือคนเดียวไม่เหงาเหรอครับ? ”
ไอ้เกื้อถาม

“ เหงาอะไรล่ะ อ่านคนเดียวจนชินแล้วเนี่ย ถ้าเอาพวกมึงมาอ่านด้วยนะ มีหวังไม่รู้เรื่องแน่ๆ ไอ้ก่อแหละตัวดี ชอบกวนเวลาเพื่อนอ่านหนังสือ ”

“ ใช่ครับ ผมต้องตื่นตีสามตีสี่มาอ่านทุกวัน เพราะต้องให้ก่อเขาหลับ ”

“ ไอ้ก่อ มึงเห็นมั๊ยว่าน้องมึงลำบากขนาดไหน ”

“ เออ กูขอโทษ กูจะไม่กวนพวกมึงแล้วคร้าบบบ กูจะรูดซิบปากในเวลาอ่านหนังสือให้พวกมึงก็ได้ ”

“ เออๆ ไปแดกข้าวได้แล้ว ”

“ ไม่ไปกับพวกกูจริงดิ ”

“ เออ ”

“ อินดี้ตลอดเลยนะมึง ทำตัวอย่างกับเพื่อนไม่คบ ”

“ สัด ”

“ หมอบีมจะฝากซื้ออะไรมั๊ยครับ? ”

“ ไม่เป็นไร ไปกินข้าวได้แล้วพวกมึง ไม่ต้องห่วงกูหรอก ”

“ เออๆ ไปละ ”
ว่าจบไอ้ก่อก็กอดคอไอ้เกื้อออกไปกินข้าว ส่วนผมก็นั่งอยู่ในห้องเรียนที่เดิม มองหาใครบางคนที่ผมอาจจะทำให้เขาโกรธอยู่

ผมเดินตามหาแวมรอบตึกคณะแพทย์แต่ก็ไม่เจอซะที ไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้ว แล้วจะกลับมารึเปล่าเนี่ย? หรือว่าโกรธจนไม่ยอมออกมาให้ผมเห็นหน้าแล้ว

ผมขับรถมาอีกตึกนึง เปลี่ยนมาเดินรอบตึกวิศวะแทน เผื่อว่าเขาอาจจะอยู่แถวนี้ บางทีอาจจะมานั่งเรียนอยู่กับเพื่อนๆก็ได้ ถึงมันจะเป็นความคิดที่มีความเป็นไปได้น้อยนิดก็เถอะ แต่ผมไม่รู้จริงๆว่าจะไปตามหาแวมที่ไหน เขาอาจจะอยู่แถวนี้ก็ได้

เจอพี่เทียนพอดีเลย แวะเข้าไปทักทายหน่อยดีกว่า อย่างน้อยก็จะได้มีเจ้าถิ่นคอยคุ้มกัน ผู้ชายคณะนี้ยิ่งชอบแซวผมอยู่ด้วย ผู้หญิงไม่มีให้แซวกันรึไงวะ?

“ เทียน ”
นั่นไม่ใช่เสียงทักทายของผมหรอกนะครับ แต่เป็นเสียงของผู้หญิงคนนึงที่ผมจำหน้าได้แม่น เธอคนนั้น!

เธอคือผู้หญิงที่ขับรถไปส่งแวมที่บ้านในคืนวันเกิดเหตุ ใช่เธอแน่ๆ ผมเอี้ยวตัวหลบหลังเสาต้นข้างๆแทบจะไม่ทัน ดีนะที่ตึกคณะนี้เสาต้นใหญ่พอที่จะบังตัวผมมิด

ว่าแต่ผมจะหลบทำไมเนี่ย? ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จักผมสักหน่อย ตำรวจก็ไม่ได้บอกว่าผมให้ข้อมูลเกี่ยวกับเธอ คงไม่แปลกอะไรถ้าผมจะเข้าไปทักทายพี่เทียนตอนนี้ จะได้รู้ด้วยว่าเธอเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับพี่เทียนกันแน่ คิดได้ดังนั้นผมก็พุ่งตัวออกมาจากหลังเสาทันที

สองคนนั้นหายไปแล้ว ผมพลาดโอกาสดีๆแบบนี้ไปได้ไงเนี่ย บ้าเอ้ย

“ หมอบีมมาทำอะไรที่นี่ครับ? ”

“ เอ่าแวม นายไปไหนมา ฉันตามหานายแทบแย่ ”

อยู่ดีๆแวมก็โผล่มาข้างหน้าผมแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง เล่นซะตกใจนิดๆเหมือนกัน

“ ผมไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ ผมก็อยู่กับหมอตลอดแหละ ”

“ แล้วทำไมปล่อยให้ฉันตามหาฮะ? น่าโมโหจริงๆเลย ”

“ ก็ผมคิดว่าหมอไม่อยากเห็นหน้าผมซะอีก ไล่ผมไปที่อื่นด้วย ”

“ ขอโทษ ฉันไม่ได้ไล่นายซะหน่อย ”

แวมยังคงทำหน้าบึ้งไม่พูดไม่จา ผมยืนจ้องหน้าเขาด้วยสายตาวิงวอนอยู่แบบนั้น มีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมาอยู่นานก่อนที่คนตรงหน้าจะเผยรอยยิ้มนิดๆ

“ เฮ้อ รู้มั๊ยครับว่าผมแพ้สายตาแบบนั้น ”

“ เย้ หายโกรธซะทีนะ ได้เวลาเรียนแล้ว ฉันต้องไปแล้วล่ะ ส่วนนายจะตามไปก็ได้ แต่ต้องอยู่เงียบๆนะ ”
ผมพูดด้วยความเร่งรีบเพราะผมมัวแต่ตามหาแวมจนใกล้เวลาเรียนแล้ว

“ ครับ ”



“ เฮ้อออ วันนี้เหนื่อยเป็นบ้าเลยว่ะ ”

“ ไม่ใช่แค่วันนี้หรอก ก่อบ่นว่าเหนื่อยทุกวันเลยนะ ”

“ มันเหนื่อยจริงๆนี่หว่า ”

สองพี่น้องยังคงบ่นถึงความเหนื่อยล้าหลังเลิกคลาสเป็นปกติ

“ ไอ้บีม วันนี้มึงกลับบ้านหรือนอนหอวะ? ”

“ กูว่าจะนอนหอว่ะ กูรู้สึกเหนื่อยแปลกๆ ”

“ ไม่แปลกหรอก ที่ยืนอยู่นี่ก็เหนื่อยกันทั้งนั้นแหละ ออกจากห้องเรียนมาไม่เคยเจอดวงอาทิตย์เลย เลิกช้ากว่าชาวบ้านตลอด ”

“ ปกติกูไม่เหนื่อยเท่าวันนี้ว่ะ มันรู้สึกแบบ... ”

ฟึ่บ
ผมเผลอทำกระเป๋าตังค์หลุดมือ พอมันตกกระทบพื้นก็มีรูปถ่ายเก่าๆใบหนึ่งหลุดออกมา มันเป็นรูปของคุณพ่อ

ผมเริ่มใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณพ่อ และสิ่งที่ผมคิดก็เป็นจริงเมื่อแวมโผล่แว๊บมาหลังจากที่หายไปสักพัก

“ คุณพ่อของหมอแย่แล้ว รีบกลับบ้านเร็วครับ ”

“ เฮ้ยพวกมึง กูกลับบ้านก่อนนะ ”
ผมหันไปบอกไอ้ก่อกับไอ้เกื้อ

“ ไหนหมอบีมบอกว่าวันนี้จะนอนหอไม่ใช่เหรอครับ? ”
ไอ้เกื้อขมวดคิ้วงุ้น

“ กูเป็นห่วงคุณพ่อว่ะ ”
ผมทำสีหน้าร้อนรนใจอย่างเห็นได้ชัดจนไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็เริ่มจะกังวลไปด้วย

“ งั้นพวกกูไปด้วย ไปรถกูน่าจะเร็วกว่า ”
ไม่รอช้าไอ้ก่อก็รีบเดินนำพวกเราไปที่รถของมันทันที

“ ขับเร็วๆหน่อยดิวะ ”

“ เออ เร็วอยู่ ”

“ เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อของหมอบีมเหรอครับ? ”
ไอ้เกื้อถามอย่างสงสัย

“ ไม่รู้ว่ะ ”

“ เอ่า แล้วมึงให้กูรีบ? ”

“ เออ มึงรีบขับเถอะ กูขอร้อง ”

“ ได้ๆๆ ใจเย็นๆ ”



พอมาถึงบ้าน ผมก็แทบล้มทั้งยืนเมื่อเห็นคุณพ่อนอนนิ่งอยู่บนพื้นห้องรับแขก ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อช่วยผมพาคุณพ่อไปส่งที่โรงบาล ผมรออาจารย์หมอตรวจอาการคุณพ่ออยู่นาน ตอนนี้ผมรู้สึกร้อนใจมากๆ กลัวว่าคุณพ่อจะเป็นอะไรไป

“ คุณพ่อเป็นไงบ้างครับอาจารย์? ”
ผมวิ่งไปถามอาจารย์หมอทันทีที่ออกมาจากห้องตรวจ

“ หมอบีม ตามผมมานี่หน่อย ”
อาจารย์หมอทำหน้าเครียดก่อนจะเดินนำผมไปที่ห้องพักแพทย์

“ นี่คุณยังไม่รู้ใช่มั๊ยว่าพ่อของคุณเป็นโรคอะไร? ”

“ ครับ ”

“ อืม ผมอยากให้คุณทำใจไว้ล่วงหน้านะ ”

ผมเริ่มที่จะใจสั่นเมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นจากปากอาจารย์หมอ
 “ อาจารย์หมายความว่าไงครับ? ”

“ หมอบดินทร์เป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย ผลกระทบต่อระบบประสาททำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตอนนี้เนื้อร้ายลุกลามไปถึงไขสันหลัง อาจารย์คิดว่าคงจะรักษาไม่ทันแล้ว เราทำได้แค่ยื้อไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ”

“ อาจารย์ ฮึก... ”
ผมน้ำตาไหลทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น รู้สึกสับสนไปหมด ผมอยากให้สิ่งที่ได้ยินมันเป็นแค่ความฝัน มันไม่ควรเกิดขึ้นจริง

“ เป็นไงบ้างครับหมอบีม? ”

“ เฮ้ย มึงเป็นอะไรวะ? ”
ผมโผลเข้ากอดไอ้ก่อกับไอ้เกื้อที่รออยู่หน้าห้อง ตอนนี้ผมพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่ทำได้อย่างเดียวคือร้องไห้ออกมาเท่านั้น

“ คุณพ่อ ”
ผมเข้าไปในห้องผู้ป่วยที่มีคุณพ่อนอนอยู่บนเตียง ท่านฟื้นแล้ว แววตาของคุณพ่อไม่ได้เศร้าโศกอะไร แวมก็กำลังยืนอยู่ข้างๆท่านด้วย

“ มานี่สิลูก ”
ท่านเรียกผมให้เข้าไปหา

“ ฮึก ทำไมคุณพ่อไม่บอกเรื่องนี้กับผมครับ?”

“ หยุดร้องไห้ได้แล้ว พ่อยังไม่ตายซะหน่อย ”
คุณพ่อยังคงส่งรอยยิ้มมาปลอบใจผม
“ พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกต้องมาคอยเป็นห่วงพ่อ ทุกวันนี้ก็เรียนหนักไม่ใช่เหรอ? เฮ้อ แล้วอีกอย่างพ่อก็รู้ตัวว่ามันรักษาไม่ทันแล้ว ”

“ คุณพ่อ ฮึก ฮือ ”

“ แน่ะ ร้องไห้ทำไม พ่อยังอยู่นี่ นี่ไง ”
ผมโผลเข้ากอดคุณพ่อด้วยน้ำตา
“ แต่ถ้าพ่อไม่อยู่แล้ว ลูกต้องดูแลตัวเองนะ ต้องเข้มแข็งเข้าใจมั๊ย? ”

“ อย่าพูดแบบนี้สิครับ ”

“ ความตายเป็นเรื่องธรรมดา พ่อเองก็แก่แล้ว จะตายช้าตายเร็วยังไงก็ต้องไปอยู่ดี ลูกเองยังต้องเติบโต ต้องอยู่ต่อด้วยตัวเองให้ได้นะลูก สัญญากับพ่อสิ ”

“ ไม่เอา ”
ผมส่ายหัวร้องไห้ไม่หยุด ยิ่งคุณพ่อพูดผมก็ยิ่งเศร้า

“ อย่าทำให้พ่อตายตาไม่หลับสิ เลิกร้องไห้ได้แล้วลูก ทำเพื่อพ่อนะ สัญญากับพ่อ ”

“ ก็ได้ครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลตัวเอง ฮือ ”

“ เอาล่ะๆ เลิกร้องไห้สิ พ่อยังไม่ตายวันนี้ซะหน่อย ”
คุณพ่อยิ้มและหัวเราะปกติ ท่านคงไม่อยากให้ผมเศร้า แต่ยังไงผมก็เศร้าอยู่ดี ทั้งชีวิตผมก็มีคุณพ่อคอยอยู่ด้วยตลอด ถ้าต้องเสียท่านไป ผมเองก็ไม่รู้จะอยู่ยังไง

คุณพ่อต้องนอนที่โรงพยาบาลให้แพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด หลังเลิกเรียนผมก็จะมานอนเฝ้าท่านที่นี่ทุกวัน ใช้เวลากับท่านให้มากที่สุด ก่อนที่อะไรๆมันจะสายเกินไป ผมทำทุกอย่างให้คุณพ่อมีความสุข พูดเรื่องอดีตที่เราเคยไปเที่ยว ชวนท่านคุยเรื่องตลก ดูหนัง ฟังเพลง ทำกิจกรรมที่เคยทำร่วมกันตอนที่ผมเด็กๆ เช่น วาดรูป ร้องเพลง ทำให้เวลาที่เหลืออยู่มีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ

ผมจะคอยอ่านหนังสือให้คุณพ่อฟังก่อนนอน เจ้าผีที่ตัวติดกับผมไปทุกที่ก็คอยมานั่งฟังด้วย แวมก็เป็นอีกคนที่คอยอยู่กับผมในทุกเวลา เขาทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเลย

และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ผมต้องเสียคนที่รักมากที่สุดไป คุณพ่อจากไปอย่างสงบ ท่านขอให้ผมอย่าร้องไห้ ขอให้ผมเข้มแข็ง เมื่อท่านหลับตา ผมรู้แล้วว่าผมจะไม่ได้เห็นคุณพ่อลืมตาขึ้นมาอีก หัวใจของผมแทบจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆแต่ก็ไม่มีน้ำตาสักหยดรินไหลออกมาให้ใครเห็น

ศพของคุณพ่อถูกนำไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดชลบุรีบ้านเกิดของท่าน เพื่อนๆผมทุกคนก็ไปร่วมแสดงความเสียใจ พี่วีก็มางานนี้ด้วย แต่ตอนนี้ผมยังไม่สนิทใจกับเขานัก เลยไม่พร้อมที่จะเข้าใกล้เขาเท่าไหร่

“ นายเห็นคุณพ่อบ้างมั๊ยแวม? ”
ผมถามแวมเมื่อทำพิธีเผาศพเรียบร้อยแล้ว

“ ไม่เห็นเลยครับ ผมว่าคุณหมอท่านไปสู่สุขติแล้วล่ะครับ ”
ได้ฟังแบบนั้นผมก็อดที่จะน้ำตาไหลไม่ได้ คุณพ่อที่คอยดูแลผมมาด้วยตัวคนเดียว วันนี้ท่านไม่อยู่กับผมแล้ว



“ ช่วงนี้คุณหมอไม่ร่าเริงเลยนะครับ ”
หลังจากเสียคุณพ่อไปผมก็รู้ตัวว่าผมยังทำใจไม่ได้ ผมรู้สึกเศร้า ยังไม่ชินที่ต้องกลับบ้านมาแล้วไม่เจอใคร  แล้วก็ไม่มีอาหารฝีมือคุณพ่อวางอยู่บนโต๊ะอีก ผมมองเจ้าหมาน้อยที่กระดิกหางไปมาอย่างไร้เดียงสา มันคงกำลังสงสัยว่าเจ้าของอีกคนของมันไปไหนสินะ

“ คุณหมอยังมีผมกับเจ้าชาเย็นอยู่นะครับ ”

“ ฉันคิดถึงคุณพ่อ ”
พอคิดถึงหน้าท่านน้ำตาผมก็ไหลออกมาอีกจนได้

“ ท่านไปดีแล้วนะครับ คุณหมอต้องเข้มแข็งอย่างที่ท่านบอกนะ คุณพ่อของคุณหมอจะได้สบายใจ ”

“ ฮึก ก็ได้ ฉันจะพยายามเข้มแข็งแล้วกันนะ ”
ผมเอามือปาดน้ำตาแล้วกลั้นความเสียใจเอาไว้

“ ผมจะคอยอยู่ข้างๆคุณหมอเองครับ ”

“ ขอบใจนะ ”

“ ผมอยากกอดปลอบใจคุณหมอนะ แต่ผมคงทำไม่ได้หรอก เอางี้ คุณหมออ่านหนังสือเล่มนี้ให้ผมฟังหน่อยสิครับ ”

“ อารมณ์ไหนเนี่ย? ”

“ ก็ผมไม่อยากให้คุณหมอเศร้าไงครับ นี่ๆๆ อ่านเล่มนี้ ผมอยากฟัง ”
แวมชี้ไปที่หนังสือเล่มนึงที่วางอยู่บนชั้นหนังสือในห้องนอนของผม

ผมเผยรอยยิ้มบางๆกับการกระทำของเขา อย่างน้อยการมีแวมอยู่ข้างๆก็ช่วยลดความเศร้าของผมลงมากเลยทีเดียว ผมเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดอ่านออกเสียง คนที่บอกอยากฟังก็นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ และกิจกรรมตรงหน้าก็สามารถทำให้ผมลืมความเศร้าไปชั่วขณะหนึ่ง
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 10 [ 17/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-07-2017 22:45:24
สงสารบีม  ที่สูญเสียคุณพ่อ  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 10 [ 17/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 17-07-2017 22:59:54
หมอบีมม แงงงง :hao5: :mew6:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 10 [ 17/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-07-2017 08:38:00
 :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 10 [ 17/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 18-07-2017 11:09:27
สงสารหมอ :mew2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 10 [ 17/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 18-07-2017 16:54:58
 :hao5: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 10 [ 17/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-07-2017 19:46:15
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 10 [ 17/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 19-07-2017 13:52:58
น่าสงสารขึ้นมาเลย
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 19-07-2017 21:14:36
Chapter 11



คุณพ่อทิ้งเงินในบัญชีก้อนใหญ่ไว้ให้ผมมากพอที่จะใช้จนเรียนจบ แต่ผมก็คงไม่สามารถใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยได้อีก ผมขายสัญญาหอพักทิ้งไปแล้วกลับมาอยู่บ้าน ญาติๆที่ชลบุรียินดีจะช่วยเหลือเรื่องเงินทองให้ผมเต็มที่ คุณลุงของผมเป็นนายตำรวจใหญ่ฐานะค่อนข้างร่ำรวย ท่านเสนอที่จะส่งผมเรียนต่อ แต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะไม่อยากรบกวนใคร

“ ถ้าผมไม่เป็นแบบนี้ ผมก็คงจะช่วยคุณหมอได้นะครับ ”

“ ช่วยเรื่องอะไร? เรื่องเงินน่ะเหรอ? ไม่จำเป็นหรอก ถึงฉันจะไม่ร่ำรวยแบบนาย แต่ฉันก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งเงินของนายหรอกนะ คนรวยคิดว่าคนอื่นต้องการเงินมากขนาดไหนกัน? สำหรับฉันแค่พออยู่พอกินก็พอแล้ว ”

“ ผมขอโทษครับที่ผมคิดแบบนั้น ผมแค่... ”

“ ขอโทษทำไม? นายคงจะชินกับการใช้เงินมากมายเท่านั้นเอง ”

“ คงงั้นมั้งครับ ”

“ เอาเถอะ มีเงินให้ใช้ก็ดีแล้ว ”

“ เอ่อ คุณหมอครับ คือผมมีเรื่องจะบอก ”

“ เรื่องอะไรเหรอ? ”
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ เรื่องที่คุณพ่อของหมอป่วย ที่จริงผมรู้นานแล้วครับ ”

“ ว่าไงนะ แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน? ”
ผมทำสีหน้าไม่พอใจใส่แวมทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

“ ท่านขอไว้ว่าอย่าบอกคุณหมอครับ ”

“ ฮะ? นายหมายความว่าคุณพ่อมองเห็นนายงั้นเหรอ? ”

“ ใช่ครับ ท่านมองเห็นผมแต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น ”

“ ทำไมคุณพ่อถึงต้องทำแบบนี้ด้วย? ”

“ คุณหมอเคยได้ยินเรื่องที่ว่าคนใกล้ตายมักจะมองเห็นผีมั๊ยครับ? อย่างที่คุณพ่อท่านบอกว่าไม่อยากให้คุณหมอเป็นห่วง ท่านเลยแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นผม ”

“ เหอะ งั้นฉันก็คงเป็นคนใกล้ตายสินะ ”

“ คุณหมอทำไมพูดแบบนี้ครับ? คุณหมอโกรธผมเหรอ? ”

“ ใช่ มีฉันคนเดียวสินะที่ไม่รู้เรื่อง ทำไมต้องปิดบังกันด้วย ถ้านายบอกฉัน ฉันจะได้มีเวลาใส่ใจคุณพ่อมากกว่านี้ ”

“ ไม่มีใครอยากให้คนที่เรารักรู้สึกไม่สบายใจหรอกครับ ”

“ ... ”

“ เอ่อ ผมหมายถึงท่านคงไม่อยากให้หมอบีมรู้สึกไม่สบายใจครับ ”

“ อืม นายไม่ผิดหรอก ”

“ แต่คุณหมอโกรธผม ”

“ เปล่า ฉันอยากอยู่คนเดียว ”

“ คุณหมอ ”
แวมทำหน้าเศร้าพยายามที่จะเดินเข้ามาหาผม

“ ฉันบอกว่าอยากอยู่คนเดียวไง ”

“ คุณหมอไล่ผมเหรอครับ? ”

“ อืม ”
ผมตอบโดยพยายามไม่มองแววตาน่าเศร้าๆของคนตรงหน้า

“ ก็ได้ครับ ผมไปก็ได้ ”
แล้วเขาก็หายวับไปทันที

ผมโกรธที่ผมเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำไมต้องปิดบังกันด้วย ผมควรรับรู้เรื่องนี้มากที่สุดไม่ใช่เหรอ?

ผมได้แต่คิดทบทวนอยู่นาน พออารมณ์โกรธเริ่มบรรเทาลง ก็เริ่มที่จะเข้าใจ คุณพ่อคงไม่อยากให้ผมเป็นกังวล แวมก็เช่นกัน ผมไม่น่าไล่เขาเลย

“ แวม อยู่รึเปล่า? ”
ผมเรียกหาแวมดังๆ คิดว่าเขาน่าจะได้ยินเพราะเขาคงอยู่กับผมตลอด ไม่น่าจะไปไหน

แต่เขาไม่ปรากฏตัวออกมาเลย
“ แวม นายหายไปไหน? ออกมาได้แล้ว ฉันขอโทษที่ไล่นายไปนะ ออกมาสิ ”

เงียบ...
ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆกลับมา เขาคงจะโกรธผมมาก ความใจร้อนทำให้ผมพลาดอีกแล้ว



การหายไปครั้งนี้ของแวมเป็นการหายไปที่ยาวนานสำหรับผมมาก เขาหายไป 2 วันแล้ว เขาเคยอยู่กับผมตลอดเวลา แต่ตอนนี้ผมต้องใช้ชีวิตแบบเหงาๆคนเดียว
“ แวม นายหายไปไหนนะ? กลับมาเถอะขอร้อง ”

เขาอาจจะโกรธผมจริงๆ หรือไม่แวมก็อาจจะกลับเข้าร่างไปแล้วก็ได้ พอคิดได้ดังนั้นผมก็เริ่มรู้สึกเศร้าขึ้นมา นี่ผมต้องใช้ชีวิตคนเดียวแล้วจริงๆใช่มั๊ย?

บ๊อกๆ บ๊อกๆ
“ ไงชาเย็น เห่าแบบนี้หิวข้าวแล้วล่ะสิ นี่ฉันซื้อข้าวผัดใส่หมูเยอะๆของโปรดแกมาด้วยนะ ”
เจ้าชาเย็นเป็นหมาที่ชอบกินเนื้อหมูมาก กินทุกอย่างที่ใส่หมู แต่ถ้าวันไหนเอาอาหารที่ไม่มีหมูให้กินมันก็จะเมินอาหารจานนั้นทันที

“ เอ่า ทำไมไม่กินล่ะ ไม่ชอบเหรอ? งั้นวางไว้นี่นะ ถ้าหิวก็มากินเองละกัน ”

บ๊อกๆ

“ ตอนนี้ก็เหลือเราสองคนแล้วนะ ไม่สิ อย่างแกต้องเรียกเป็นตัวนี่นา ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฉันรักแกมากนะเจ้าหมาน้อย อย่าจากฉันไปไหนล่ะ ฉันเหงานะรู้มั๊ย เฮ้อ ไม่รู้เจ้าของอีกคนของแกจะเป็นยังไงบ้าง ป่านนี้เขาจะอยู่ไหนกันนะ ”
ผมอุ้มชาเย็นขึ้นมากอด หนักจริงๆเลยเจ้าหมาตัวนี้ ตัวมันเริ่มโตขึ้นแล้ว อีกหน่อยก็คงอุ้มไม่ได้แล้วล่ะ

“ ให้ตายเถอะ คิดถึงว่ะ ”

คืนนี้ผมอ่านหนังสือจนดึกดื่นเช่นเคย มองนาฬิกาก็ใกล้จะเที่ยวคืนแล้ว เริ่มง่วงแล้วสิ ไม่มีคนคอยเฝ้าเวลาอ่านหนังสือแล้วรู้สึกไม่อยากอ่านต่อเอาซะเลย ผมตัดสินใจปิดหนังสือเพื่อเตรียมเข้านอน คืนนี้อากาศค่อนข้างเย็น คงหลับสบายน่าดู

พอผมปิดไฟแล้วรู้สึกวังเวงแปลกๆ คืนนี้เป็นคืนข้างขึ้น พระจันทร์ค่อนข้างสว่างทำให้มองเห็นสิ่งของต่างๆในตอนปิดไฟได้ลางๆ ผมมองเห็นผ้าม่านปลิวไสวและมีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามา แต่ทว่า ผมปิดหน้าต่างไปแล้วนะ!

ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น และเหมือนใครคนนั้นกำลังพยายามบิดลูกบิดประตูห้องอยู่ด้านนอก ดีนะที่ผมล็อคประตูแล้ว แต่ใครกันล่ะจะมาหาผมดึกขนาดนี้ แถมผมก็ล็อคประตูเข้าบ้านแล้วด้วย ขโมยงั้นเหรอ?

หรือว่าจะเป็น...ผี

พอคิดได้ดังนั้นผมก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ถึงผมจะคลุกคลีกับผีตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นผีตัวอื่นที่ไม่ใช่แวมผมก็กลัวนะ กลัวมากด้วย

“ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย จะทำบุญไปให้ ”
ผมพูดอย่างหวาดหวั่น แต่เสียงบิดลูกบิดประตูยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ ผ้าม่านก็ปลิวไสวอยู่เช่นเดิม ตอนนี้ผมกลัวมาก ขนลุกซู่ไปหมด ผมตัดสินใจสลัดความกลัวทิ้งแล้ววิ่งไปเปิดไฟอย่างรวดเร็ว

พอหลอดไฟถูกเปิด แสงสว่างทำให้ทุกอย่างเงียบลง ผ้าม่านอยู่นิ่ง ไม่มีเสียงบิดกลอนประตูแล้ว

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับคุณหมอ ”
แวมโผล่มากระซิบข้างหูผมจากด้านหลัง ผมตกใจเล็กน้อย หันหลังไปเจอเขาผมก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจทันที

“ นายหายไปไหนมา ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอนายแล้วรู้มั๊ย ”

“ ผมก็แค่แกล้งหายไปเพื่อมาเซอร์ไพซ์วันเกิดหมอนี่ไงครับ ”

“ วันเกิดฉันพรุ่งนี้ต่างหากล่ะ ”

“ คุณหมอดูนาฬิกาสิครับ ”

ผมหันไปมองนาฬิกาแขวนที่ติดอยู่ข้างผนังก็ปรากฏเวลาเที่ยงคืนหนึ่งนาที นี่เขามาตรงเวลาเป๊ะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

“ เห็นมั๊ยครับว่าวันนี้วันเกิดหมอแล้ว และผมเป็นคนแรกที่มาแฮปหมอนะครับ ถึงจะไม่มีเค้กก็เถอะ ”

“ ฮึก... ”

“ คุณหมอร้องไห้ทำไมครับ ”
แวมทำหน้าตกใจเมื่อเห็นผมร้องไห้ ผมก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่น้ำตามันไหลออกมาเอง ผมคิดถึงพ่อ

“ ทุกปีคุณพ่อจะเป็นคนมาอวยพรวันเกิดฉันเป็นคนแรก ท่านจะมาเคาะประตูห้องฉันหลังเที่ยงคืนแบบที่นายทำ พร้อมกับมีเค้กวันเกิดมาให้ฉันเป่า แต่ปีนี้ไม่มีแล้ว ฮือ ”
ผมพูดด้วยน้ำตา

“ อย่าร้องสิครับคุณหมอ ปีนี้ผมมาอวยพรคนแรกนี่ไง คุณหมอยังมีผมอยู่นะครับ ”

“ ว่าแต่นายรู้วันเกิดฉันได้ยังไง? ”

“ เอาเป็นว่าผมรู้แล้วกัน เลิกร้องไห้ได้แล้วนะครับ ”
ผมพยายามกลั้นน้ำตาแล้วส่งยิ้มบางๆให้เขา

“ อืม ช่างเถอะ ขอบใจนะที่เข้ามาในชีวิตฉัน อย่างน้อยวันเกิดปีนี้ฉันก็มีนายอยู่ด้วย ”

“ ผมต่างหากล่ะที่ต้องขอบคุณคุณหมอ ที่อนุญาตให้ผมเข้ามาในชีวิต ”

ผมโผลเข้ากอดแวมจนลืมคิดไปว่าเขาเป็นวิญญาณ ทำให้เสียหลักไปข้างหน้าเล็กน้อย แต่เจ้าตัวกับหัวเราะซะงั้น

“ จะแต๊ะอั๋งผมเหรอครับหมอ? ”

“ บ้า ”

“ ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะครับ ”

“ ใครหน้าแดง? เปล่าซะหน่อย ”
ว่าแล้วผมก็เดินหนีไปทิ้งตัวลงที่นอนทันที ผมแอบกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ไม่ให้เขาเห็น

“ คุณหมอยิ้มแล้ว อย่าร้องไห้อีกเลยนะครับ ”

“ ใครอนุญาตให้นายขึ้นมาบนเตียงฉันเนี่ย ”
เผลอแป๊ปเดียว อยู่ดีๆแวมก็โผล่มานอนข้างๆผมแล้ว

“ วันนี้ผมขอนอนบนเตียงด้วยแล้วกัน ยังไงผมก็ทำอะไรหมอไม่ได้หรอกครับ ”

“ ไม่เอา ลงไปเลย ”

“ ไม่ลง ”
เขาตอบหน้าตาเฉย ไม่มีทีท่าว่าจะยอมฟังผมเลยสักนิด

“ เฮ้อ แล้วแต่เลยละกัน ”

“ ขอบคุณครับ ”

แล้วเขาก็เอาแต่นอนจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นจนผมนอนไม่หลับ

“ นี่ จะจ้องกันอีกนานมั๊ย? ”

“ อืม ก็หมอน่ารักนี่ครับ ”
ชมกันซึ่งๆหน้าแบบนี้เลยเหรอ? ผมมองแววตาคมนั่นที่จ้องมาแล้วรู้สึกเขินจนทำอะไรไม่ถูก ผมต้องผลิกตัวหนีไปอีกทางเพื่อหลบสายตา

“ ถ้าผมมีเค้กวันเกิดให้หมอก็คงจะดีกว่านี้ ”
น้ำเสียงเศร้าๆนั่นทำให้ผมพลิกตัวกลับไปหาเขาอีกครั้ง

“ ไม่เป็นไรหรอกน่า ดีซะอีก ฉันจะได้ไม่อ้วน ”
พอได้ยินแบบนั้นแวมก็หลุดยิ้มทันที

“ คุณหมอโชคดีจริงๆนะครับที่ได้รับเค้กวันเกิดจากคุณพ่อทุกๆปี เท่าที่จำความได้ พ่อกับแม่ของผมไม่เคยอวยพรวันเกิดผมเลย พวกท่านไม่ค่อยมีเวลาให้ผมหรอกครับ ท่านจะถามว่าผมอยากได้อะไรแล้วก็โอนเงินเข้าบัญชีของผมแค่นั้น ”
เอ่า ทำไมเข้าโหมดดราม่าอีกแล้วล่ะ

“ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงเป็นเด็กมีปัญหา ”

“ เด็กมีปัญหา? ”

“ ฉันหมายถึงเมื่อก่อนน่ะ แต่ช่างมันเถอะ พ่อแม่นายรักนายมากนะ วันที่นายโดนยิงพ่อนายเขาเสียใจมากรู้มั๊ย? ”

“ ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตาน่ะสิครับ ผมโตมาเพราะได้แม่นมเลี้ยงดู พ่อแม่ของผมแทบจะไม่มีเวลามาสนใจผมเลยด้วยซ้ำ ”

“ อย่าพูดแบบนั้นสิ เอาเป็นว่าตอนนี้นายมีฉันอยู่นี่ไง อย่าเศร้าไปเลยน่า ”

“ นั่นสินะครับ ผมกะว่าจะมาทำให้คุณหมอหายเศร้า ทำไมมาเศร้าเองซะงั้น ”

“ แต่ฉันยังไม่หายโกรธนายหรอกนะที่นายหายไปตั้ง 2 วัน รู้มั๊ยว่าฉัน... ”

“ คิดถึง? ”

“ ... ”

“ คิดถึงผมก็บอกสิครับ ผมรู้นะ ผมอยู่กับหมอตลอดเวลา อยากออกมาหาใจแทบขาด แต่ต้องคอยหลบ แถมต้องไม่ให้เจ้าชาเย็นเห็นอีก ”

“ ไม่รู้แหละ ฉันโกรธนายแล้ว ”

“ ผมขอโทษนะครับ หายโกรธผมนะ ”
แวมค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆผมมากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ใบหน้าเราห่างกันไม่ถึงสองเซนอยู่แล้ว ผมมองแววตาที่จ้องมาแล้วใจสั่นจนต้องหลับตาเพื่อตั้งสติ
“ นี่ถ้าผมไม่ใช่วิญญาณ ผมคงปล้ำหมอไปแล้วนะเนี่ย ”
แวมผละตัวออกไป ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นเขายิ้มดีใจที่แกล้งผมได้

“ ถ้านายไม่ใช่วิญญาณฉันก็คงจะถีบนายตกเตียงได้น่ะสิ ”

“ คุณหมอไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ ”

“ รู้ได้ไง ”

“ ก็ดูเมื่อกี้สิ หลับตาพริ้มเชียวนะครับ เสียดายจังที่ผมทำต่อไม่ได้ ”

“ ไอ้บ้า โว้ยยย ลงไปจากเตียงเลยนะ ไอ้ผีโรคจิต ”

“ ฮ่าๆ ผมไม่แกล้งแล้วครับ ”

ผมค้อนใส่คนตรงหน้าแล้วพริกตัวหนีทันที คืนนี้กว่าจะข่มตาหลับได้ เพราะไอ้ผีโรคจิตนี่แท้ๆเลย กวนประสาทผมอยู่นั่นแหละ คราวหลังจะไม่ให้นอนบนเตียงด้วยแล้ว



วันนี้ที่โรงอาหาร ผมได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆอีกแล้ว อย่างกับตอนที่เจอแวมไม่มีผิด แต่ตอนนี้แวมนั่งอยู่ข้างๆผมโดยที่ผมมองเห็นเขาคนเดียว แล้วนี่ดาราหรือเดือนคณะไหนโผล่มาอีกล่ะเนี่ย หนวกหูจริงๆเลย

ผมรู้แล้วว่าต้นเหตุของเสียงมาจากใคร หนุ่มหล่อสองคนกำลังเดินมาพร้อมกับร้องเพลงวันเกิด ใต้เมฆถือเค้กก้อนใหญ่ที่จุดเทียนเรียบร้อยแล้วไว้ในมือ เขาเดินมาพร้อมกับนาคิมด้วย ไม่น่าล่ะทำไมสาวๆถึงกรี๊ดดังนัก

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู... ”
ทั้งสองคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมและเสียงกรี๊ดก็เริ่มเงียบลงเปลี่ยนเป็นเสียงฮือฮาแทน

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะหมอบีม ”

“ มีความสุขมากๆนะครับ ”

“ รู้ได้ไงครับว่าวันนี้วันเกิดผม? ”

ใต้เมฆเอี้ยวตัวมากระซิบข้างหูผมเพื่อตอบคำถาม
“ ไอ้แวมมันบอก ”
คนที่โรงอาหารต่างไม่ได้ยินว่าใต้เมฆพูดอะไรก็ซุ๊บซิ๊บกันใหญ่ คงจะคิดไปต่างๆนาๆ

ผมหันไปหาแวมเขาก็พยักหน้ารับ
“ นี่เค้กวันเกิดของคุณหมอครับ ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนให้ด้วยตัวเองก็เถอะ ”

“ ขอบใจนะ ”
ผมหันไปขอบใจแวม ใต้เมฆกับนาคิมมองหน้ากันแล้วก็เข้าใจทันทีว่าผมคุยกับใคร

“ เป่าเค้กสิ ”
ใต้เมฆบอกให้ผมรีบเป่าเค้กก่อนที่เทียนจะละลายจนหมด

ผมหลับตาอธิฐานบางอย่างลงไปก่อนจะเป่าจนเทียนดับรวดเดียวทุกเล่ม

“ คุณหมออธิฐานอะไรครับ? ”

“ ไม่บอกหรอก ถ้าบอกเดี๋ยวมันจะไม่เป็นจริง ”

...ความจริงแล้วผมอธิฐานขอให้แวมเข้าร่างได้แค่นั้นเอง...

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู... เอ่า ”
ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อเดินถือเค้กมาด้วยเช่นกัน แต่พอมาถึงแล้วเจอสองคนนี้ไอ้ก่อก็ชักสีหน้าอารมณ์เสียทันที ไอ้เกื้อก็ดูเกร็งๆเอาแต่ก้มหน้าก้มตา

ผมมองบรรยากาศกดดันตรงหน้าแล้วรีบเป่าเค้กในมือไอ้ก่อเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“ ขอบใจนะเว้ยพวกมึง ”

“ อะไรวะ พวกกูไปเอาเค้กแป๊ปเดียวแม่งโดนตัดหน้าซะแล้ว ”
ไอ้ก่อบ่นอย่างหงุดหงิด

“ มาช้าเองช่วยไม่ได้ ”
ใต้เมฆทำเหมือนพูดลอยๆไม่ได้หันมองไอ้ก่อ เป็นการกวนตีนที่น่าหมั่นไส้มาก

“ เอ่อ กินเค้กกันดีกว่า มาๆๆ ”
ผมรีบชวนทุกคนกินเค้ก แต่ก็ไม่มีใครกินเลยสักคน

“ มึงกินเลย กูแดกไม่ลงละ ”
ว่าจบไอ้ก่อก็เดินหนีไป

“ กูก็ด้วย ”
ใต้เมฆก็ไปอีกคน

เอาแล้วไง เหลือนาคิมกับไอ้เกื้อแล้วสิ สองคนนี้จะยังไงกันนะ

“ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะหมอบีม ผมไปก่อนนะครับ ”
ไอ้เกื้อหันมาบอกผมแล้วรีบเดินหนีไป ผมเหลือบมองนาคิมที่มองตามไอ้เกื้อจนลับสายตาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ ผมไปแล้วนะหมอ กินไม่หมดก็เอากลับไปกินที่บ้านนะครับ ”
นาคิมพูดจบก็เดินหนีไปเป็นคนสุดท้าย

ผมหันไปมองหน้าแวมแล้วส่ายหัวอย่างเอือมๆ
“ นี่ฉันต้องกินคนเดียวหมดนี่ใช่มั๊ย? ”

“ ใช่แล้วครับหมอ ฮ่าๆ ”

“ ยังจะหัวเราะอีก มาช่วยกินเลย ”

“ ผมกินได้ที่ไหนกันล่ะ ”

เฮ้อ ผมตักเค้กเข้าปากจนอิ่มก็ยังไม่ถึงครึ่งก้อนเลย สงสัยต้องเก็บกลับบ้านอย่างที่นาคิมว่าแล้วล่ะมั๊ง



“ หมอบีม ตื่นได้แล้ว สายแล้วครับ ”
แวมยังคงปลุกผมไปเรียนเช่นทุกวัน แต่วันนี้ไม่มีเรียนโว้ยยย

“ วันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาส นายจำไม่ได้รึไง? ”
ผมบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเพราะอยากนอนต่อ

“ ผมลืมไปเลย ขอโทษครับ ”

“ อืม ”
แล้วผมก็หลับตาลงอีกครั้ง

“ คุณหมอครับ ไปเที่ยวกัน ”

“ เที่ยวไหน? ”
ผมงัวเงียตอบแบบยังไม่ลืมตาลุกจากเตียง

“ แล้วแต่หมอเลยครับ ผมอยากไปเที่ยว ที่ไหนก็ได้ หมออุตส่าห์มีวันหยุดทั้งที นะครับๆๆ ”

“ เฮ้อ ”
ผมลุกจากเตียงมามองหน้าแวม เห็นแววตาอ้อนวอนนั่นแล้วก็ปฏิเสธไม่ลงจริงๆ
“ อาบน้ำแป๊ป ”



“ สวนสนุก? ”

วันนี้ผมนึกสนุกอยากพาแวมมาเที่ยวดรีมเวิลด์ มาล่าสุดก็ตอนผมอยู่ประถมนู้น ตอนนั้นผมแทบไม่ได้เล่นเครื่องเล่นอะไรเลย เพราะผมเป็นเด็กที่มีนิสัยขี้กลัวมาก ผมว่าความคิดที่จะออกมาเที่ยวก็ดีเหมือนกันนะ ปลดปล่อยความเครียดซะบ้าง พาไอ้ผีคุณชายนี่ออกมาเปิดหูเปิดตาด้วย ตอนเด็กๆพ่อแม่เขาคงไม่พามาเล่นที่แบบนี้หรอก

เป็นอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆด้วย แวมไม่เคยมาที่นี่ เขาทำหน้าตื่นเต้นมากตั้งแต่เดินเข้าประตูมาแล้ว เป็นผีก็ดีที่เข้ามาได้เลยโดยไม่ต้องซื้อบัตร

ผมเลือกขึ้นเครื่องเล่นเคเบิลคาร์เป็นอันดับแรก มันเป็นกระเช้าลอยฟ้าที่นั่งชมวิวเพื่อที่จะมองเห็นได้ว่าเครื่องเล่นอะไรอยู่ตรงไหน

“ ทำไมขึ้นมาแล้วมันน่ากลัวขนาดนี้วะ ”
ผมได้แต่หลับตาปี๋เพราะมันสูงมาก ขาสั่นไปหมดแล้ว ตอนดูอยู่ข้างล่างไม่เห็นจะน่ากลัวอะไรเลย พอขึ้นมาเล่นเองเท่านั้นแหละ แทบจะเป็นลม

“ คุณหมอกลัวความสูงเหรอครับ? ”

“ นายไม่กลัวรึไง? ดูข้างล่างนั่นสิ ดูๆๆ หวาดเสียวชะมัด ”

“ ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลย ”
แวมทำหน้าตาเฉย มองวิวทิวทัศน์อย่างชิลๆ

และเครื่องเล่นอันต่อไปที่ผมจะเล่นคือไวกิ้งนั่นเองครับ เห็นคนเล่นที่ลงไปเมื่อกี้กรี๊ดเสียงดังสนั่นเหลือเกิน ดูซิว่าจะขนาดไหนกันเชียว มีที่นั่งให้เลือกตั้งแต่ชั้นอนุบาลยันที่นั่งชั้นมหาลัย นั่งชั้นมหาลัยเลยแล้วกัน

“ อ๊ากกกกกกก ช่วยด้วย ไม่เอาแล้วๆ อ๊ากกกกก ”
ผมกรีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดเสียว เวลาไอ้เรือผีนี่มันแกว่งขึ้นสูงที่สุดผมรู้สึกเหมือนหัวใจหลุดไปอยู่ที่ตาตุ่ม เคว้งคว้างเหมือนล่องลอยบนท้องฟ้าแล้วถูกปล่อยให้ตกลงมาอย่างน่ากลัว

แวมยืนมองผมอยู่ข้างล่างแล้วยังหัวเราะอีก เหอะ ถ้าได้ขึ้นมาแล้วจะรู้สึก

“ ไหวมั๊ยครับเนี่ย? ”

“ ยังจะถามอีก ดูหน้าด้วย ”
ผมเอามือชี้หน้าตัวเอง ซึ่งสภาพตอนนี้ผมว่าดูไม่ได้แล้วล่ะ

“ ไปเล่นบ้านผีสิงกัน ผมอยากเล่น ”

“ ไม่เอา นายเข้าไปคนเดียวดิ กลัว ”

“ กลัวทำไมครับ มีผมอยู่นี่ทั้งคน ”

“ นายเป็นผีจะกลัวอะไรล่ะ ”

“ นะครับหมอ นะๆๆ ”
โอ้ย ทำตัวขี้อ้อนอีกแล้ว แววตาแบบนี้มันปฏิเสธไม่ลงจริงๆนะเนี่ย

“ ก็ได้ๆ ”

พอเข้ามาในบ้านผีสิง บรรยากาศไม่ได้เงียบวังเวงอย่างที่ผมคิด แต่มันกลับมีเสียงกรี๊ด เสียงเอฟเฟคครึกโครม กดประสาทไปอีกแบบ ทั้งเสียงซาวด์หมาหอน เสียงตุ๊กแก มีตุ๊กแกปลอมด้วย น่าขยะแขยงสุดๆ โว้ย ผีแหกปากเสียงดังชะมัด ตกใจหมด

“ หมอครับ เดินต่อดิ ”
แวมหันมาบอกผม

“ ไม่เอา กลัว ”

“ ไม่ต้องกลัวครับ เดินตามผมมา  ”
พอมาถึงจุดที่มีผีอยู่ในกรงมันจะเด้งตัวมาหลอกให้คนตกใจเมื่อเดินผ่าน ผมไม่กล้าผ่านกรงนั่นเลย ถึงผมจะรู้ว่ามันเป็นผีปลอมก็เถอะ

“ เอ่าน้อง เดินสิครับ ”
ผู้ชายข้างหลังสะกิดไหล่ผมให้เดินต่อ

“ ไปก่อนเลยครับ ”
ผมหลีกทางให้เขา

“ กลัวเหรอ? มานี่ พี่พาไป ”
ว่าแล้วเขาก็ดึงมือผมให้เดินตามไปทันที ด้วยสัญชาติญาณความกลัวผมจึงเกาะแขนพี่คนนั้นไว้แน่นจนถึงทางออก

“ ขอบคุณนะครับ ”

“ ไม่เป็นไรครับ ”
พี่เขายิ้มให้แล้วก็เดินจากไป

“ หน้าบึ้งอีกแล้วนะ ”
ผมหันไปพูดกับแวมที่หน้าบึ้งตึงตั้งแต่ออกมาจากบ้านผีสิงแล้ว

“ ก็หมอไปจับมือผู้ชายคนนั้นทำไมล่ะครับ? ”

“ ก็คนมันกลัวนี่นา ”

“ ผมก็แค่น้อยใจที่ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ”

“ ดราม่าทำไมเนี่ย มาทางนี้ๆ หาไรสนุกๆเล่นดีกว่า ”
ผมยิ้มให้เขา เขาก็พยักหน้าแล้วเดินตามมาจนได้

ผมเล่นเครื่องเล่นไปหลายอย่างจนเหนื่อยล้าสุดๆ เครื่องเล่นที่น่ากลัวที่สุดผมยกให้เฮอร์ริเคนเลย ตับไตใส้พุงนี่แทบจะพันกันหมดแล้วเนี่ย ผมแวะพักกินเคเอฟซีเพื่อตากแอร์เย็นๆ จากนั้นจึงไปเล่นเครื่องเล่นต่อ และปิดท้ายด้วยการดูหนัง4D

“ เฮ้อออ วันนี้เหนื่อยเป็นบ้าเลย นายว่ามั๊ย? ”
หลังจากกลับบ้านมาผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหน็ดเหนื่อย

“ ผมไม่รู้สึกเหนื่อยเลยนะครับ ”

“ นั่นสิ นายจะรู้สึกเหนื่อยได้ไงล่ะ ”

“ หมอบีม ชาเย็นหิวข้าวแล้วนะ ”

“ จริงด้วย ”
ผมลุกจากโซฟาแล้วเอาข้าวกล่องที่ซื้อมาเทใส่จานให้เจ้าหมาน้อยกิน

“ ชาเย็นอ้วนแล้วนะครับเนี่ย สงสัยจะกินเยอะ ”

“ นั่นสิ โตไปจะเป็นหมูรึเปล่าเนี่ย? ฮ่าๆ ”
ผมกับแวมนั่งดูเจ้าหมาน้อยเคี้ยวข้าวตุ้ยๆอยู่อย่างนั้น

“ ขอบคุณนะครับหมอ ที่พาผมไปเที่ยววันนี้ ผมไม่เคยไปสวนสนุกมาก่อนเลย ”

“ ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ฉันก็สนุกมากๆเลยล่ะ ”

วันนี้ผมมีความสุขมาก ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานแล้ว ผมมองหน้าคนที่อยู่ข้างๆแล้วนึกขอบคุณเขาในใจที่เข้ามาเติมสีสันในชีวิตผม ทำให้ผมมีความสุขและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว





---------------------------------------

ผมอยากให้แวมเข้าร่างแล้วเหมือนกัน
ใกล้แล้วล่ะครับ -_-

รักคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเมนต์ครับ  :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-07-2017 21:50:10
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 19-07-2017 22:04:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-07-2017 22:20:12
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 19-07-2017 22:37:59
รีบๆๆเข้าร่าง  :mew2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 19-07-2017 23:29:27
อยากได้แวมแบบสัมผัสลูบไล้ได้ 55
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-07-2017 23:56:30
รอแวมคืนร่าง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 20-07-2017 01:35:14
ขอบใจจ้า
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 20-07-2017 03:07:58
 :-[ :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 20-07-2017 19:04:45
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 11 [ 19/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 22-07-2017 16:54:34
ตูว่าต้องมีดร่าม่าตอนกลับเข้าร่างแน่ๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 27-07-2017 09:53:17
Chapter 12



“ ไอ้บีม มีคนปล่อยคลิปหลุดมึงลงเน็ตด้วยว่ะ ”
ไอ้ก่อยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผมดู คนโพสต์คลิปนี้ผมไม่รู้จักหรอกครับ แต่ในคลิปเป็นภาพผมกำลังยืนพูดคนเดียวในสวนสนุก
“ ตลกว่ะ ”
ไอ้ก่อดูคลิปแล้วทำหน้าขำ

“ หมอบีมไม่สบายรึเปล่าครับ? ”
ไอ้เกื้อไม่พูดเปล่า มันเอามือมาแตะหน้าผากผมด้วย เอิ่ม กูไม่ได้ป่วยนะเว้ย

“ มึงคุยกับใครวะ? สติเพื่อน สติ”

“ กูพูดคนเดียว ”
ผมตอบปัดๆไป เพราะจะให้บอกว่าคุยกับวิญญาณได้ก็คงไม่มีใครเชื่อ

“ ช่างมันเถอะ ว่าแต่คนโพสต์คลิปนี้เขาต้องการอะไรกันแน่วะ? เขากำลังแกล้งมึงชัดๆ ”

“ ผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกแฟนคลับใต้เมฆกับนาคิมนะครับ ตั้งแต่วันเกิดหมอบีมที่สองคนนั้นเอาเค้กมาให้ ก็เห็นมีกลุ่มแอนตี้หมอบีมในเฟสด้วย ”
ไอ้เกื้อเปิดเฟสบุ๊คเอาเพจกลุ่มนั้นให้ผมดู เฮ้อ ไร้สาระสิ้นดี

“ คนสมัยนี้ไปกันใหญ่แล้วว่ะ กูว่าช่างมันเถอะ พอแฟนคลับพวกนี้มันเบื่อ เดี๋ยวมันก็เงียบกันไปเองแหละ ”
ไอ้ก่อตบไหล่ผมเบาๆ

“ เออ กูไม่ใส่ใจหรอกว่ะ ”
ที่จริงผมก็ไม่ใส่ใจอะไรกับคนพวกนี้นักหรอก ถ้าเอาความจริงมาพูดก็คงไม่เป็นไร อย่าใส่ร้ายกันก็พอ อยากเกลียดอยากด่าอะไรก็ทำไปเถอะ พวกเขาไม่มีผลกับชีวิตผมอยู่แล้ว



“ หมอบีมครับ วันนี้เรียนเสร็จไปดูหนังกัน ”
แวมถามผมขณะนั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหาร ผมมองไปเห็นกลุ่มผู้หญิงโต๊ะข้างๆซึ่งมาจากคณะไหนก็ไม่รู้ พวกเธอกำลังซุ๊บซิ๊บนินทาผมอยู่แน่ๆ เฮ้อ มองขนาดนี้ไม่เข้ามาทักเลยล่ะ?

“ คิดยังไงอยากดูหนังขึ้นมาล่ะเนี่ย? ”
ผมหันไปพูดกับแวมโดยไม่สนแล้วว่าใครจะมองยังไง จะหาว่าผมบ้าพูดคนเดียวก็ช่างเถอะ

“ ผมอยากดูสไปเดอร์แมนภาคใหม่นี่ครับ ”

ผมจำได้ว่าวันที่ใต้เมฆมาเยี่ยมแวมที่โรงบาล เขาเอาแบดแมนภาคใหม่มาเปิดให้ดูด้วยนี่ เห็นบอกว่าแวมชอบ คราวนี้อยากดูสไปเดอร์แมน? คงจะชอบดูหนังแนวฮีโร่สินะ

“ นายนี่ชอบดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่อะไรพวกนี้มากเลยอ่ะดิ ”

“ ใช่ครับ ชอบสุดๆ ”
ผมหลุดขำเมื่อแวมทำท่าปล่อยใยเหมือนสไปเดอร์แมน

“ ตลกละ พอๆๆ นายนี่เริ่มบ้าเข้าไปทุกวันแล้วนะเนี่ย ”

“ ผมไม่ได้บ้านะ แต่เวลาอยู่กับหมอแล้วผมรู้สึกร่าเริงนี่ครับ ”

ชักจะเพี้ยนเข้าไปใหญ่แล้ว ผมขำกับท่าทางของเขาตอนนี้มาก ร่าเริงเกินไปแล้ว แต่แวมในมุมนี้ก็น่ารักดีนะ

“ อืม ก็ดี ”

“ หมอบีมยิ้มอะไรครับ? ”
แวมทำหน้างงเมื่อเห็นผมยิ้ม

“ กลั้นขำกับท่าเมื่อกี้อยู่ ฮ่าๆ ”

“ โถ่ว เลิกขำได้แล้วนะครับ ”

“ ก็มันหยุดไม่ได้นี่นา ”



“ ทานอาหารร้านนี้กันครับ ร้านนี้อร่อย ”
แวมแนะนำให้ผมเข้าร้านอาหารร้านนึงในห้างเล็กๆใกล้กับมหาลัยระหว่างรอเวลาดูหนัง ตอนนี้หิวมาก อีกตั้งเกือบชั่วโมงกว่าหนังจะฉาย หาอะไรกินก่อนละกัน

ร้านนี้เป็นร้านอาหารเล็กๆ เมนูก็แสนจะธรรมดาเหมือนอาหารตามร้านอาหารตามสั่งทั่วไป ไม่ได้มีเมนูหวือหวาอะไรเลย ตอนแรกคิดว่าแวมจะติดหรูกว่านี้ซะอีก

“ นายชอบมากินร้านนี้เหรอ? ”

“ อืม เคยมาไม่บ่อยนะครับ ไอ้เมฆชอบชวนมา แต่อร่อยมาก ”

“ ว่าแล้ว อย่างนายนี่นะจะเข้าร้านอาหารธรรมดาๆแบบนี้ คงกินแต่อาหารหรูๆสินะ ”

“ คงงั้นมั้งครับ นานๆผมจะได้กินอาหารแบบนี้ที ถ้าไอ้เมฆไม่ชวนก็คงไม่มา เพราะไอ้คิมก็ติดหรูเหมือนกัน ”

“ เอาเถอะ ไหนลองดูซิว่าร้านนี้อร่อยขนาดไหนถึงทำให้คุณชายแวมเอ่ยปากชมได้ ”

ผมเดินเข้าไปนั่งแล้วสั่งอาหาร
“ เอาแกงจืดเต้าหู้ แล้วก็ผัดเปรี้ยวหวานครับ ”

“ หมอบีม สั่งผัดเผ็ดปลาดุกด้วยครับ สั่งให้ผมหน่อย ”

“ นายกินไม่ได้สักหน่อย ”

“ เอ่อ ว่าไงนะคะ ”
พนักงานร้านอาหารถึงกับงงเมื่อผมพูดคนเดียว

“ เอ่อ เอาผัดเผ็ดปลาดุกด้วยครับ ”
ผมสั่งให้แวมก็ได้ ขี้เกียจเถียงด้วย คนยิ่งเยอะๆอยู่ เดี๋ยวเขาหาว่าผมเป็นบ้าพูดคนเดียวอีกล่ะ

“ ชิมดูครับ ผัดเผ็ดปลาดุกร้านนี้อร่อยสุดๆ ”
พออาหารมาเสิร์ฟ แวมก็ชี้ให้ผมชิมอาหารจานโปรดของเขาทันที

“ นี่นายให้ฉันสั่งมาเพื่อจะได้รู้ว่ามันอร่อยสินะ ”

“ ครับ ผมอยากให้หมอชิม ”

“ อื้อ อร่อยจริงๆด้วย ว่าแต่นายกินอาหารพวกนี้เป็นด้วยเหรอ? ”

“ โถ่ว กินเป็นสิครับ ”

“ หือ โคตรเผ็ดอ่ะ แต่อร่อยมาก ”
อาหารจานนี้รสชาติจัดจ้านสุดๆ ปลาดุกก็สดมาก อื้อหือ เผ็ดจนขึ้นจมูกเลยนะเนี่ย แต่มันอร่อยจนหยุดตักเข้าปากไม่ได้จริงๆ

“ ท่าทางคงจะอร่อยมากนะครับ ผมหิวเลยนะเนี่ย ”

“ เสียใจด้วยที่นายไม่ได้กิน ฮ่าๆ ”
ผมตักอาหารเข้าปากพร้อมทำหน้าฟินสุดๆ

“ อยากกินครับ อยากกินหมอ ”

“ แฮ่กๆๆ ”
ผมแทบสำลักข้าวตายเมื่อได้ยินประโยคนั้น แวมหัวเราะหน้าตาเฉย ทำไมชอบแกล้งกันนักนะ เดี๋ยวเถอะ

“ ร้านนี้มีชาเย็นด้วยนะครับ แต่ไม่รู้อร่อยเท่าร้านหน้ามอรึเปล่า ”

“ จริงดิ พี่ครับ เอาชาเย็นแก้วนึงครับ ”
ว่าแล้วผมก็เรียกพนักงานเพื่อสั่งชาเย็นมาชิมสักหน่อย
“ อืม ชาเย็นร้านนี้ก็อร่อยนะ แต่ลืมบอกว่าใส่นมเยอะๆ ”

“ ระวังอ้วนนะครับหมอ ”

“ อ้วนก็อ้วนดิ ”
ผมยกแก้วชาเย็นขึ้นมาดื่มอย่างเอร็ดอร่อย อาหารวันนี้เกลี้ยงทุกจานครับ แทบจะเดินไม่ไหวกันเลยทีเดียว

เสร็จแล้วผมก็พาแวมไปดูหนังสไปเดอร์แมนที่เขาอยากดูนักหนา พอดูจบเขาบอกว่าสนุกมาก แต่ผมเฉยๆนะ ผมว่าเวอร์ชั่นก่อนสนุกกว่านี้อีก

“ สนุกจริงๆนะครับ ตอนสไปเดอร์แมนช่วยเพื่อนที่ลิฟท์ตก ผมนี่ตื่นเต้นสุดๆ ไอรอนแมนก็เก่งนะครับ มาช่วยคนบนเรือได้ทันด้วย ”

“ อืม สนุกดีๆ ”
ผมเออออไปกับเขาด้วยก็ได้ครับ เห็นหน้าตาตื่นเต้นนั่นแล้วขัดไม่ลงจริงๆ

“ วันหลังเรามาดูหนังด้วยกันอีกนะครับ ”

“ ได้สิ ”



ระหว่างที่ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่นั้น เสียงมือถือก็ดังขึ้นมา พร้อมกับหน้าจอที่ปรากฏชื่อใต้เมฆ

“ หมอบีม เห็นเพจแอนตี้อะไรนั่นยัง? ”

“ เห็นแล้วครับ ”

“ คือกูไม่ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนี้นะ เดี๋ยวกูจัดการพวกแฟนคลับพวกนี้เอง ”

เป็นอย่างที่ไอ้เกื้อบอกจริงๆด้วย พวกเพจแอนตี้ผมเป็นแฟนคลับใต้เมฆจริงๆ

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ”

“ ถ้าทนไม่ไหวก็แจ้งความได้นะหมอ ”

“ ช่างเขาเถอะครับ ”

“ หมอนี่โคตรใจดีเลยว่ะ แต่ยังไงพวกกูก็ต้องจัดการเรื่องนี้ ขอโทษอีกครั้งนะ ไอ้คิมก็ฝากมาขอโทษด้วย ”

“ เอ่อ ครับ ”
ที่จริงปล่อยพวกเขาไปก็ได้นะ ผมไม่ได้สนใจอะไรคนพวกนี้นักหรอก กลุ่มแฟนคลับบ้าๆนี่จะคิดยังไงกับผมก็ไม่เห็นว่าจะเดือดร้อนอะไรตรงไหนเลย ปล่อยให้ฝ่ายนั้นเขาดิ้นกันไปเถอะ ผมไม่แคร์อยู่แล้ว

พอวางสายจากใต้เมฆ เสียงไลน์ไอ้ก่อก็ดังตามมาติดๆทันที

( ไลน์ )

KK0101 : ไอ้บีม กลุ่มแฟนคลับบ้าๆนั่นลงคลิปมึงพูดคนเดียวกลางห้างว่ะ แถมยังซื้อตั๋วหนังสองใบเพื่อดูคนเดียวอีก จริงป่ะวะ?
- 00.14น.

Beam : อืม
- 00.15น.

KK0101 : แล้วมึงซื้อตั๋วหนังทำไมตั้งสองใบวะ?
- 00.15น.

Beam : พอใจ
- 00.16น.

KK0101 : สัด อย่าอ่านหนังสือหนักไปนะมึง กูเป็นห่วง
- 00.17น.

Beam : อืม กูสบายดี ขอบใจมากเว้ย
- 00.17น.

เฮ้อออ ผมล่ะเบื่อคนลงคลิปนี้จริงๆ อยากลงก็ลง อยากด่าก็ด่าไปเถอะ ด่าไปผมก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก เพราะผมไม่ได้กดเข้าไปอ่านไอ้เพจบ้าบอนี่อยู่แล้ว

“ คุยกับใครครับ? ”

“ ไอ้ก่อน่ะ ”

“ เรื่องคลิปของหมอเหรอครับ? ”

“ ใช่ ”

“ ผมขอโทษนะครับหมอ ที่เป็นต้นเหตุทำให้คนอื่นเขาคิดว่าหมอเอ่อ... ”

“ คนอื่นเขาคิดว่าฉันเป็นบ้างั้นเหรอ? ช่างดิ ไม่เห็นจะแคร์เลย ”

“ คุณหมอทำไมไม่แจ้งความคนที่ลงคลิปล่ะครับ เพจนั่นด้วย ”

“ ช่างเขาเถอะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ”

“ คุณหมอนี่ใจดีไม่เปลี่ยนจริงๆนะครับ แต่อย่าใจดีจนคนอื่นทำร้ายหมอได้ล่ะ ผมกลัวว่าถ้าวันนึงผมไม่อยู่แล้ว... ”

“ อย่าพูดแบบนั้น ”

“ ถ้าผมกลับเข้าร่างไปแล้วจำหมอไม่ได้ หมอจะทำยังไงครับ? ”
แวมถามด้วยสีหน้าเครียด

“ ฉันจะทำอะไรได้ ”

“ คุณหมอทำให้ผมกลับมาจำได้อีกครั้งได้มั๊ยครับ? ”

“ ฉันก็อยากทำแบบนั้นนะ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ”

“ ผมไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลย ”

“ ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันมีนายอยู่ข้างๆก็พอแล้ว ”
ผมพูดด้วยรอยยิ้มเพื่อดึงแวมออกจากโหมดเศร้าก่อนที่ผมจะร้องไห้ซะก่อน

“ ผมจะใช้เวลาอยู่ข้างๆหมอให้คุ้มค่าที่สุดเลยครับ ”

“ ขอบใจนะ ”

“ คุณหมอพูดคำนี้หลายรอบแล้ว ”

“ ก็ขอบคุณไง ขอบคุณทุกๆเรื่องเลย ”

“ ผมก็เช่นกัน ขอบคุณนะครับ ”



วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนที่คุณพ่อจากไป โชคดีจริงๆที่ผมมีเรียนแค่รอบเช้า ผมเลยได้โอกาสขับรถไปกราบอัฐิท่านที่ชลบุรีในตอนบ่าย อัฐิของคุณพ่ออยู่ที่วัดเล็กๆแห่งหนึ่ง

“ ป่านนี้พ่อของคุณหมอคงอยู่บนสวรรค์แล้วนะครับ ”

“ ถ้างั้นคุณพ่อคงสบายน่าดูเลยล่ะ ”
ผมวางดอกมะลิซ้อนที่คุณพ่อชอบไว้ที่หน้าอัฐิของท่าน ก่อนจะเล่าสารทุกข์สุกดิบให้ท่านฟัง แล้วกล่าวลาเพื่อไปใช้ชีวิตของตัวเองต่อ

คนตายจากไปคงไม่มีอะไรต้องกังวล แต่คนเป็นนี่สิ ยังต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ

“ ผมสัญญาว่าจะดูแลหมอบีมให้ดีที่สุดครับ ”
ก่อนไปผมก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินแวมเอ่ยประโยคนั้นต่อหน้าอัฐิของคุณพ่อ

“ อะไรของนายเนี่ย? ”

“ สัญญากับพ่อตาไงครับ ”

“ ตลกแล้ว ”

“ ผมพูดจริงๆนะ ”

“ คุณพ่ออย่าไปฟังแวมเลยนะครับ ไป กลับบ้านได้แล้ว ”
ผมเขินจนทำอะไรไม่ถูกเลยเดินหนีแวมมาอย่างรวดเร็ว

“ รอด้วยครับคุณหมอ ”

“ เดี๋ยวก่อนโยม ”
พอถึงหน้าวัด พระท่านก็เรียกผมให้เข้าไปหา แต่ท่านไม่ได้หันมาพูดกับผม แต่กลับพูดกับวิญญาณข้างๆผมราวกับว่าท่านมองเห็นเขา

ใช่ ท่านมองเห็นแวมจริงๆ

“ ที่โยมพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ ก็เพราะเคราะห์กรรมของโยมเมื่อชาติปางก่อน แต่บุญที่โยมทำก็มีมากมายโยมจึงยังอยู่ตรงนี้ได้ และตอนนี้เจ้ากรรมนายเวรก็ปล่อยวางแล้ว เข้าร่างได้แล้วโยม ก่อนที่มันจะสายเกินไป ”
พระท่านพูดจบก็เดินเข้าไปในกุฏิทันที

ผมมองหน้าแวมที่เอาแต่ทำหน้าเครียดไม่พูดอะไร

“ แวม ถ้าพระท่านบอกเป็นเรื่องจริง นายก็กลับไปเข้าร่างได้แล้วนะ ”

แวมมองหน้าผมแล้วเงียบอยู่นาน ก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มฝืนๆส่งให้ผม

“ ไม่เห็นต้องรีบเลยครับหมอ ผมอยากอยู่กับหมอมากกว่า เรามาที่นี่ทั้งทีเนี่ย ไปเที่ยวทะเลกันนะครับ ”
ถึงเขาจะพยายามเปลี่ยนเรื่องแต่ผมก็เห็นความกังวลในแววตานั้นอยู่ดี

“ ก็ได้ ไปเที่ยวทะเลกัน ”

บางทีการเที่ยวครั้งนี้อาจจะเป็นการเที่ยวด้วยกันครั้งสุดท้ายของเราสองคนก็ได้ ใครจะไปรู้ล่ะ

ผมกับแวมมานั่งที่ริมหาดด้วยกัน มองพระอาทิตย์ที่ค่อยๆเคลื่อนตัวลับขอบฟ้า ฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งไปมาอย่างเศร้าๆ

แวมกำลังทอดสายตาไปที่ภาพทะเลตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ผมมองหน้าเขา พอคิดว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วความเหงาก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาในใจทันที

“ คุณหมอรู้มั๊ยครับว่าผมเพิ่งเคยนั่งดูพระอาทิตย์ตกริมทะเลครั้งแรก ”

“ อืม สวยเนาะ ”

“ ดูสิ เหมือนกับว่าพระอาทิตย์ดวงใหญ่นั่นกำลังจมลงไปในทะเลเลยนะครับ ”

“ มันก็แค่ภาพลวงตาเท่านั้นแหละ ยังไงพระอาทิตย์ก็ยังอยู่ที่เดิม เพียงแต่เราไม่ได้อยู่ในจุดที่จะมองเห็นมันเท่านั้นเอง ”

“ ผมไม่อยากกลับเข้าร่างเลย ไม่อยากไปจากคุณหมอ ”
เขาพูดขึ้นโดยที่สายตายังคงทอดยาวไปที่ทะเลเช่นเดิม

“ แต่นายต้องไปนะ ไม่งั้นนายอาจจะตายจริงๆ ”

“ ถ้าผมไปแล้วคุณหมออย่าลืมคิดถึงผมนะครับ ”

“ ฉันคงคิดถึงนายทุกวัน แต่มันไม่ยุติธรรมเลยว่ามั๊ย? ที่ฉันเป็นฝ่ายคิดถึงนายอยู่ฝ่ายเดียว ”

“ คุณหมอ ”
แวมหันมามองหน้าผมด้วยแวมตาเศร้ายิ่งกว่าเดิม อยู่ดีๆน้ำตาผมก็ไหลจนห้ามไม่ได้
“ คุณหมออย่าร้องไห้สิครับ ผมขอโทษ ”

“ ขอโทษทำไม? นายไม่ผิดซะหน่อย ”

“ ผมไม่อยากไปจากคุณหมอแล้ว ”

“ แต่ยังไงนายก็ต้องไป ”

ทั้งผมและแวมต่างรู้สึกเศร้า ถึงเวลาที่เราต้องจากกันจริงๆแล้วสินะ แวมคงจะดีใจเมื่อฟื้นขึ้นมา คนที่เขารักยังรอการกลับมาของเขา และต่อไปเขาก็จะกลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม ชีวิตที่ไม่มีผมอยู่

เราสองคนปล่อยให้ใจล่องลอยไปกับภาพท้องทะเลอยู่เนิ่นนาน ทั้งคู่ต่างเงียบไม่มีใครพูดอะไร บรรยากาศยิ่งเศร้ามากขึ้นเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดเข้าไปทุกทีๆ

“ ดูสิ คืนนี้ดาวสวยนะ ”
ผมปาดน้ำตาพยายามลืมความเสียใจแล้วเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า ผมไม่อยากให้ความเศร้ามาทำลายความสุขสุดท้ายของเรา

“ ใช่ครับ ที่นี่ไม่มีแสงไฟมากมาย ดวงดาวเลยส่องแสงสว่างขึ้น ”

“ ตอนนี้ฉันเข้าใจดาวพลูโตแล้วล่ะ อยู่ดีๆก็มีนายเดินเข้ามาในชีวิต ทิ้งความรู้สึกมากมายเอาไว้ แล้วก็เดินจากไป นายคงจะลืมทุกอย่าง แต่ฉันนี่สิ ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เหมือนกับดาวที่ถูกลืม ”

แวมหันมามองหน้าผมอีกครั้ง ผมเห็นความวูบไหวในตาคู่นั้น ความรู้สึกของเราคงไม่ต่างกัน มันเต็มไปด้วยความเศร้า

“ แต่จะว่าไป ผมก็เหมือนกับดาวพลูโตนะครับ ”

ผมขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“ หืม? ”

“ ผมก็เป็นดาวที่ถูกลืมเหมือนกับพลูโตนั่นแหละครับ ถึงมันจะไม่ได้ถูกจัดอยู่ในระบบสุริยะแล้ว แต่ก็ยังคงหมุนรอบดวงอาทิตย์ไม่ไปไหน มันแค่โคจรแตกต่างจากดาวดวงอื่นเท่านั้นเอง ”

“ นายหมายความว่าไง? ”






------------------------------------

หายไปหลายวัน ได้อัพตอนใหม่ซะที ช่วงนี้มหาลัยกิจกรรมเยอะมาก ผมนี่แทบไม่มีเวลานอนเลย
 :heaven :heaven :heaven

รักคนอ่าน ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ครับ  :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-07-2017 10:17:13
แอบสงสัยว่าทำไมหมอบีมไม่ใส่สมอล์ทอล์ค เวลาคนอื่นมองมาก็จะเหมือนคุยโทรศัพท์อยู่งี้
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 27-07-2017 10:34:55
แอบสงสัยว่าทำไมหมอบีมไม่ใส่สมอล์ทอล์ค เวลาคนอื่นมองมาก็จะเหมือนคุยโทรศัพท์อยู่งี้

นั่นสินะหมอบีม
( คนเขียนนี่โง่จริงๆ555 )
 :mew5: :sad4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: มาย ที่ 27-07-2017 11:56:09
กำลังสนุกเลย :z13:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-07-2017 13:40:16
 :katai2-1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 27-07-2017 15:05:20
รีบๆกลับเข้าร่างเถ้อะ  เดี๋ยวค่อยๆมารู้จักหมอกันใหม่ก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-07-2017 19:19:08
แวมจะจำหมอบีมไหดไหมนะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 27-07-2017 19:45:39
น้ำตาจิไหล อยากร้องไห้
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: kawoat ที่ 27-07-2017 23:52:33
ขอบใจจ้า  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 28-07-2017 01:48:16
 :o8:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-07-2017 08:57:06
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 28-07-2017 20:04:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 12 [ 27/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 29-07-2017 01:53:37
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 29-07-2017 13:57:12
Chapter 13 – ความในใจของแวม



ย้อนไปสมัยผมอยู่ม.6 แม่ของผมบังคับให้เข้าคณะวิศวะที่มหาลัยนี้ให้ได้ ผมก็ไม่เกี่ยงอะไรหรอกครับ ยังไงผมก็ชอบทางด้านนี้อยู่แล้ว

พอผมขึ้นปี 1 ตอนนั้นระบบรับน้องคณะวิศวะที่นี่ยังเป็นระบบโซตัสอยู่ ให้ทำกิจกรรมโหดๆ ปลูกฝังระเบียบวินัยอะไรต่างๆนาๆ รุ่นพี่ว๊ากรุ่นน้องจนหัวร้อนกันทั้งสองฝ่าย ผมก็เป็นคนไม่ยอมคนซะด้วยสิ เรียกได้ว่ามีเรื่องกับรุ่นพี่เป็นว่าเล่นเลย

ที่นี่ไม่แยกสายเทคกับสายรหัส เพราะรหัสนักศึกษาตัวหลังจะถูกรันตามคณะตัวเอง ทำให้รุ่นน้องได้พี่รหัสอยู่ในคณะเดียวกัน เฮดว๊ากชื่อพี่เต้เป็นทั้งพี่เทคและพี่รหัสของผมด้วย ผมเลยไม่กล้าเถียงพี่เขามาก เพราะเอกสารแนวข้อสอบและความรู้หลายอย่าง พี่สายล้วนแต่จะส่งต่อให้น้องสายตัวเองทั้งนั้น 

ผมแทบไม่มีเพื่อนคบเลย เรียกได้ว่าไม่คบเพื่อนมากกว่า ผมเป็นคนที่ไม่ชอบเข้าหาใครแล้วก็ไม่ชอบให้ใครเข้าหาด้วย จะว่าโลกส่วนตัวสูงมากเลยก็ว่าได้ ถ้าใครเข้าหา ผมก็จะแสดงออกทันทีว่าไม่อยากยุ่งด้วย จนใครๆก็บอกว่าผมหยิ่ง ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ น้อยคนนักที่จะทำลายกำแพงของผมได้

และนิสัยเข้ากับใครไม่ได้ของผมนี้ก็เป็นปัญหาที่ทำให้ต้องมีเรื่องกับพวกพี่สันทนาการอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะไอ้พี่เทียนที่ทำตัวโหดอย่างกับเป็นพี่ว๊าก

“ เอาล่ะทุกคน วันนี้พวกพี่มีเกมให้เล่น นี่ เห็นอะไรในมือนี่มั๊ย? ”
ไอ้พี่เทียนถือเชือกรองเท้าชูขึ้น กิจกรรมเชี่ยไรอีกวะ น่าเบื่อว่ะ

“ ให้น้องๆทุกคนเอาเชือกนี้ผูกไว้กับเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผูกต่อไปให้ครบ 7 คนนะ แล้วเราจะมาแข่งวิ่งกันทีละ 4 ทีม ทีมที่แพ้ในแต่ละรอบจะต้องโดนทำโทษด้วยไอ้นี่ ”
ถังสีงั้นเหรอ? แม่ง เลอะเทอะอีกแล้ว ทำไปแล้วได้อะไรวะ?

“ ไอ้แวม มึงจะลุกไปไหน? ”
พอไอ้พี่เทียนเห็นผมลุกขึ้นเดินหนีมันก็ตามเข้ามาดึงตัวผมไว้ทันที ผมทะเลาะกับมันแทบจะทุกกิจกรรมเลยก็ว่าได้ จนตอนนี้กลายเป็นคู่กัดกันไปแล้ว

“ ผมแค่ไม่อยากทำอะไรที่มัน...ไร้สาระ ”
ผมเน้นเสียงท้ายประโยคอย่างชัดเจนจนคนตรงหน้าเริ่มโมโห

“ ไร้สาระงั้นเหรอ? ถ้ากูขอสั่งให้มึงไปวิ่งรอบสนามร้อยรอบจะมีสาระพอมั๊ย? ”

“ กู ไม่ ไป ”

“ กวนตีนเหรอวะ! ”

“ เฮ้ย ใจเย็นเว้ย ใจเย็นๆๆ ”
พอไอ้พี่เทียนมันทำท่าจะพุ่งตัวเข้ามาต่อยผม พวกรุ่นพี่ก็รีบวิ่งกรูกันเข้ามาจับมันไว้ทันที

“ มึงก็ดูไอ้เด็กเหี้ยนี่ดิ แม่งพูดจาไม่เคารพรุ่นพี่เลย ขึ้นกูมึงกับกูอีก ”

“ น้องแวมทำไมทำแบบนี้คะ? ”
พี่ผู้หญิงคนนึงเหมือนพยายามจะจับแขนผมให้ไปนั่งที่ ผมสะบัดมือเธอออกแรงๆก่อนจะหันหลังเดินออกไป

แต่ดันโชคร้ายที่พวกพี่ว๊ากเดินมาขวางหน้าผมไว้ซะก่อน
“ มีปัญหาอะไรกัน? ”

ทุกคนต่างเงียบกันเป็นปิดทิ้งเมื่อพี่เต้เฮดว๊ากซึ่งเป็นพี่รหัสของผมเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นเดิม
“ อีกแล้วเหรอ? ”
พี่เต้คงรู้ว่าผมก่อเรื่องอีกแล้ว
“ แวม ปัญหาเยอะนะ ไปวิ่งรอบสนามร้อยรอบตามที่พี่เทียนสั่ง ”

“ ผมไม่ไป ”

“ นี่คือคำสั่งของพี่ ไป! ”
พี่เต้พูดเสียงแข็ง

“ เออ วิ่งก็ได้เว้ย ”
ผมพูดอย่างหงุดหงิดแล้วไปวิ่งรอบสนามกีฬาตามคำสั่ง มาวิ่งก็ยังดีกว่านั่งโดนว๊ากอยู่หน้าตึกเหมือนคนอื่นแล้วกัน ขี้เกียจจะมีเรื่องกับพวกรุ่นพี่แล้วว่ะ

ระบบโซตัสในตอนนั้นโหดมาก ทำให้มีหน่วยพยาบาลมาคอยแสตนด์บายทุกครั้งที่มีการว๊ากน้อง และตอนนี้ทั้งหน่วยก็มาเฝ้าผมที่ริมสนามกันทุกคน จะว่าไป วิ่งตั้งร้อยรอบก็คงไม่ไหวแน่ๆ ผมว่าถ้าไม่เป็นลมตายก็คงขาเสียกันไปข้าง แต่มันก็คุ้มนะ คุ้มยังไงน่ะเหรอ?

“ นี่นาย หยุดวิ่งได้แล้ว นายวิ่งไม่ไหวหรอก ”
นักศึกษาแพทย์ปี 1 ที่ตะโกนเรียกผมอยู่ริมสนามคนนี้ชื่อบีม เขามักจะโผล่มาที่นี่ในตอนเย็นเสมอ หลังเลิกเรียนผมจะเห็นหมอบีมมาช่วยรุ่นพี่หน่วยพยาบาลที่นี่เป็นประจำ ทุกครั้งที่เข้าเชียร์ เขาก็จะคอยเดินไปมา ถือยาดมกับผ้าเย็น หอบกระติกน้ำ ถือพัดพัดให้คนอื่นไม่หยุด

ผมแอบมองหมอบีมอยู่ตลอด เขาเป็นคนมีน้ำใจ ชอบเสนอตัวช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ ผมเคยเห็นเขาช่วยรุ่นพี่คณะผมยกป้ายเชียร์ด้วย ป้ายมันหนักจนเขาเผลอทำหลุดมือ โดนรุ่นพี่ดุไปหลายรอบ อยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องมาให้รุ่นพี่คณะอื่นดุอยู่ได้ แต่หมอบีมก็ทำให้ผมต้องอมยิ้มกับการกระทำของเขาอยู่บ่อยเลยทีเดียว

“ ผมไหวครับ ”
ถึงจะลงท้ายประโยคว่า ‘ครับ’ แต่น้ำเสียงผมก็ห้วนจนดูไม่เป็นมิตรตามนิสัย ผมตอบแค่นั้นแล้วก้าวขาวิ่งต่อ

ผมอยากคุยกับหมอบีม อยากทำหน้าตาให้เป็นมิตรกว่านี้ แต่ผมทำไม่ได้ ผมคงจะชินกับการทำตัวหยิ่งไปแล้ว นิสัยของผมนั้นเข้าหาคนไม่เป็นเลย รู้ตัวว่าน้ำเสียงที่พูดออกไปแต่ละคำมันไม่เป็นมิตรจริงๆ

“ นายไม่ไหวหรอก สนามนี้ระยะทาง 400 เมตรนะ ถ้านายวิ่ง 100 รอบ ก็เท่ากับนายวิ่ง 40 กิโลนั่นแหละ แฮ่กๆ ”
หมอบีมวิ่งตามผมมาพร้อมกับอธิบายระยะทางการวิ่งที่ดูจะยาวไกล เขายังคงวิ่งขนาบข้างไปกับผม ผมมองคนที่เหนื่อยหอบอยู่ข้างๆแล้วอดที่จะหันหน้าไปอีกทางเพื่อแอบซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่ได้

“ จะวิ่งตามผมมาทำไม? ”

“ เหอะ ถ้านายไม่หยุดวิ่ง ฉันก็จะวิ่งตามนายอยู่แบบนี้แหละ แฮ่กๆ ”
หมอบีมเพิ่งวิ่งตามผมได้แป๊ปเดียวแต่กลับดูเหนื่อยหอบสุดๆ เขาคงไม่ค่อยออกกำลังกายสินะ

“ เลิกวิ่งตามได้แล้ว รำคาญ ”
ผมไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนี้กับเขานะ นิสัยไม่เป็นมิตรของผมมันสั่งให้ผมพูดคำว่ารำคาญออกไปเอง

“ ไม่เลิก ฉันจะวิ่งอยู่แบบนี้ถ้านายไม่ยอมหยุดวิ่งซะที ”

“ แน่ใจว่าไหว? ”

“ อืม ”

พอผมวิ่งได้สามสิบกว่ารอบท้องฟ้าก็มืดแล้ว ส่วนหมอบีมน่ะเหรอ? เขาไม่อึดขนาดนี้หรอก นู้น นั่งทำท่าจะเป็นลมอยู่ข้างสนามนู้น

ผมวิ่งไปก็แอบเหลืบมองหน้าเขาไปด้วย หมอบีมเป็นคนน่ารัก ผิวขาวอย่างกับกระดาษแน่ะ เวลาเขาวิ่งจนเหนื่อยก็ทำให้แก้มแดงขึ้นสีชัดกว่าเดิม ไหนจะปากแดกๆที่เผยอเล็กน้อยเพราะความเหนื่อยหอบนั่นอีก น่ารักจนผมต้องรีบส่ายหัวปัดความคิดตัวเองก่อนจะคิดไปไกลแล้วตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อ

“ ไอ้แวม กูสั่งให้เลิกวิ่งได้แล้ว ”
พี่เทียนตะโกนเสียงดังมาจากอีกฟากของฝั่งสนาม ผมได้ยินดังนั้นก็หยุดวิ่งทันที รู้สึกกล้ามเนื้อขาอ่อนแรงจนแทบจะล้มลงตรงนั้นให้ได้

“ นายเป็นอะไรรึเปล่า? ”
หมอบีมกับรุ่นพี่คนนึงวิ่งเข้ามายกแขนผมไว้ทั้งสองข้างก่อนจะพยุงให้ผมมานั่งที่แสตนด์เชียร์

ทุกคนกลับกันหมดแล้ว เหลือแค่หมอบีมที่นั่งพัดและถือยาดมให้ผมอยู่ ที่จริงผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แต่สีหน้าเป็นกังวลของเขาที่ดูเป็นห่วงผมนั้น มันทำให้ผมไม่อยากไปจากตรงนี้เลย

วันนี้เป็นวันที่ผมได้ใกล้ชิดหมอบีมมากที่สุด ใกล้จนผมได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเขาชัดเจน แทบจะไม่ได้กลิ่นเหงื่อจากการวิ่งเลยด้วยซ้ำ ตัวเขาหอมมาก ผมอยากเข้าใกล้เขามากกว่านี้จริงๆ

“ ดีขึ้นยัง? ”

“ อืม ”
ทำไมผมเสียงแข็งขนาดนี้นะ เขากำลังเก็บของเตรียมจะไปแล้ว ชวนคุยดิวะ ยื้อ ยื้อยังไงดี?

ผมทำอะไรไม่ถูก ได้แต่มองคนที่ผมแอบชอบกำลังเดินจากไป โดยที่ผมยังไม่ได้ผูกมิตรอะไรเลย เขายังไม่รู้ชื่อผมด้วยซ้ำ

แต่ทว่า เขาก็ยังไม่วายเดินกลับมาถามผมด้วยความเป็นห่วงอีก
“ นายกลับไงอ่ะ? ”

“ ผมเอารถมา ”

“ รถอยู่ไหน? มา เดี๋ยวไปส่ง ”
ผมกลั้นยิ้มเมื่อเขายื่นมือมาให้ ผมจับมือเขาไว้แน่นแล้วแกล้งทำเป็นเจ็บขาจนลุกขึ้นยืนไม่ไหว แต่ที่จริงมันก็เจ็บจริงๆนะ

ระหว่างทางเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย ผมเองก็ไม่กล้าที่จะพูดกับเขา และเขาก็คงคิดว่าผมไม่เป็นมิตรอย่างที่คนอื่นๆคิดกันนั่นแหละ ไม่น่าจอดรถใกล้ๆเลยว่ะ มีเวลาเดินข้างๆหมอบีมแค่แป๊ปเดียวเอง

“ กลับก่อนนะ อ่ะนี่ ”
พอเดินมาส่งผมถึงรถ เขาก็ยื่นยานวดบรรเทาปวดให้ผม ก่อนจะขอตัวลา

“ อืม ”
ผมได้แต่ด่าตัวเองในใจ นี่กูจะพูดกับเขาแค่นี้จริงๆเหรอ? ‘ อืม ’ คำเดียวนี่นะ
“ ผมชื่อแวมนะ ”

ผมตะโกนบอกชื่อตัวเองไล่หลังหมอบีมไป และเขาก็คงจะเดินไปไกลจนไม่ได้ยินเสียงผมแล้ว

ผมก้มมองยานวดในมือแล้วอดที่จะเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้ มันเป็นสิ่งของชิ้นแรกที่หมอบีมให้ ผมจะเก็บมันไว้อย่างดีเลยล่ะ



หลังจากผ่านช่วงรับน้องไปได้ ผมก็ไม่ได้เข้าใกล้หมอบีมอีก ผมได้แต่แอบส่องเขาผ่านเฟสบุ๊คที่ไม่ค่อยจะอัพเดทอะไรมากนัก ผมสืบข้อมูลของเขาทุกทางจนรู้ว่าเขาชอบไปไหน มีเพื่อนชื่ออะไร เกิดวันที่เท่าไหร่ ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร

ผมชอบหมอบีมมากถึงขนาดจ้างคนไปแอบถ่ายรูปเขามาสะสมไว้อย่างกับโรคจิต ผมมองภาพหมอบีมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ ภาพที่เขากำลังยิ้มและหัวเราะให้กับเพื่อนของเขา และอิริยาบถอื่นๆอีกมากมาย

แต่ผมก็ยังไม่กล้าจีบหมอบีมสักที ผมไม่เคยเข้าหาใครก่อน จึงไม่รู้จะเริ่มยังไง แค่ได้ใกล้เขาผมก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว ได้แต่เฝ้ามองอยู่ห่างๆแค่นั้น...

รูปของหมอบีมถูกเก็บไว้ในกล่องใบเล็กๆใต้เตียงนอนของผม จนวันนึงแม่ก็มาเจอกล่องใบนี้เข้า ท่านโกรธมากเมื่อรู้ว่าผมชอบผู้ชาย ท่านยื่นคำขาดว่าห้ามผมไปยุ่งอะไรกับคนในรูปเด็ดขาด ไม่งั้นไม่ต้องมาเรียกแม่ว่าแม่อีกต่อไป

วันนั้นผมทะเลาะกันแม่จนเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขนาดท่านเป็นลมเข้าโรงพยาบาล ผมจึงคิดที่จะตัดใจจากหมอบีม เพราะยังไงผมกับเขาก็ไม่ได้เจอ ไม่ได้ทักทายกันอยู่แล้ว และเรื่องของเราก็คงเป็นไปไม่ได้

แต่ถึงคิดจะตัดใจยังไง ผมก็อดใจไม่ได้ที่จะคอยส่องเขาในโซเชียลอยู่ดี มองเขาอยู่ห่างๆ แอบไปคณะแพทย์บ้างแต่ก็น้อยครั้งที่จะเจอเขา

ผมเฝ้ามองเขาอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ เวลาล่วงเลยไปจนผมขึ้นปี 3

“ ไอ้แวม มึงดู cute boy คนนี้โคตรน่ารักเลยว่ะ ”
ผมฟังไอ้เมฆพูดพร่ำเรื่องการส่องเพจหนุ่มน่ารักอะไรของมัน แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจนัก
“ หมอบีม คณะแพทย์ว่ะ ”

“ ไหน ”
ผมหันไปสนใจรูปในมือถือไอ้เมฆทันทีที่ได้ยินชื่อหมอบีม

“ มึงสนใจเหรอวะไอ้แวม? ”

“ เปล่าซะหน่อย ”

“ เขาน่ารักมากเลยเว้ย แต่เสียดายที่เขามีคนที่ชอบแล้ว เห็นว่ากำลังตามจีบดาวคณะแพทย์ปี 3 อยู่ ”

“ มึงไปรู้เรื่องของเขาได้ไงวะ? ”

“ กูอ่านคอมเม้นต์ ”

“ ไหนดูหน่อย ”
ผมแย่งมือถือจากมือไอ้เมฆมากดเลื่อนดูคอมเม้นต์ทันที และจากที่อ่านดูก็น่าจะมีมูลความจริงอยู่เหมือนกัน

ตอนนั้นผมรู้สึกว่าทนไม่ได้ที่เห็นหมอบีมไปชอบคนอื่น หวง ถึงจะไม่มีสิทธิ์ก็เถอะ ผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้

ผมตัดสินใจจีบผู้หญิงคนนั้น เธอชื่อเฟย์ ผมทำทุกทางเพื่อที่จะให้แน่ใจว่าเธอจะไม่สนใจหมอบีมแน่ๆ ผมจีบใครไม่เป็นหรอกนะ แต่ผู้หญิงคนนี้เข้าหาง่ายมาก ไม่นานเธอก็ยอมตกลงเป็นแฟนกับผมแล้ว ผมดูออกว่าเธอเข้าหาผมเพื่อเงิน และผมก็เกลียดคนแบบนี้มาก นี่แหละคือหนึ่งเหตุผลที่ผมปิดกั้นใครๆ เพราะทุกคนที่เข้าหาผมล้วนเข้ามาเพราะเงินทองและหน้าตาของผมทั้งนั้น

แต่ข้อดีของการเป็นแฟนเฟย์คือผมจะได้ทำให้แม่หายห่วงเรื่องที่ผมชอบผู้ชาย และหาข้ออ้างมารับมาส่งเฟย์เพื่อที่จะได้เจอหน้าหมอบีมที่คณะแพทย์ด้วย ถึงจะไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของเขา แต่ผมก็จะไม่ยอมให้เขาตกเป็นของใครเด็ดขาด



และแล้วโชคชะตาก็ทำให้ผมได้เข้าใกล้หมอบีมอีกครั้ง คืนนั้นที่เขาต่อยผมจนเลือดไหลจากมุมปาก แต่ผมก็ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ผมได้มองหน้าเขาใกล้ๆแค่แว๊บเดียว คิดว่าจะไม่ได้มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว แต่มันกลับไม่ใช่

ในคืนเดียวกันนี้ผมได้สิ้นสติไปวูบนึง ก่อนจะพบร่างของตัวเองที่อาบไปด้วยเลือดถูกส่งเข้าไปในห้องผ่าตัด ผมคิดว่าตัวเองตายแล้ว แต่ผมกลับรอด ร่างผมยังมีลมหายใจ หัวใจยังเต้นอยู่ และที่โชคดีไปกว่านั้น ผมได้เห็นหน้าหมอบีมมาเยี่ยมผมเป็นประจำ ผมต้องอยู่กับความเงียบคนเดียว เฝ้ารอให้เขามาหาทุกวัน

พยาบาลบางคนก็มองเห็นผม พวกเธอต่างหวาดกลัวและไปเล่าให้คนอื่นฟังต่างๆนาๆ ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย ผมไม่ได้ตั้งใจให้ใครกลัวนะ

จนวันนึงปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น หมอบีมมองเห็นผมแล้ว ดีใจสุดๆ ผมได้พูดคุยกับเขาอีกครั้ง และเขาเป็นคนเดียวที่มองเห็นผมตลอดเวลา ผมรู้สึกว่าท่ามกลางความโชคร้ายก็มีโชคดีอยู่จริงๆ ผมได้ใกล้ชิดกับคนที่ผมแอบชอบมานาน ถึงตอนแรกผมจะเอาแต่ใจตัวเอง ขู่ให้เขาลำบากมาหาผมทุกวันก็เถอะ

ผมอยากอยู่ใกล้ๆเขาจนไม่อยากกลับเข้าร่างตัวเองเลย เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดหมอบีมแบบนี้อีกแล้ว จิตของผมผูกอยู่กับเขา และนี่คงเป็นเหตุผลที่ผมกลับเข้าร่างไม่ได้

ผมรู้สึกดีกับหมอบีมมากขึ้นทุกวัน และก็คิดว่าเขาคงรู้สึกแบบเดียวกัน เขาเต็มใจมาหาผม เราได้ใกล้กันมากขึ้น หมอบีมไว้ใจเล่าทุกเรื่องให้ผมฟังจนผมรู้สึกว่าผมเองก็เป็นคนสำคัญของเขา

ผมอยู่กับหมอบีมแล้วรู้สึกสบายใจมาก เขาทำลายกำแพงที่ผมปิดกั้นให้พังทลายลง ตอนนี้เขาเป็นคนแรกที่ผมยอมเปิดใจให้มากที่สุด

ผมเฝ้าตามเขาไปตลอด หมอบีมทำให้ผมมีความสุข รู้สึกดี ได้เป็นตัวของตัวเอง และผมก็ได้เห็นตัวเองอีกมุมหนึ่งในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมแน่ใจแล้วว่า...ผมรักเขา

ผมอยากเอ่ยคำว่ารักกับเขาสักครั้ง และถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากได้ยินคำนั้นจากปากเขาเหมือนกัน

“ ผมก็เป็นดาวที่ถูกลืมเหมือนกับพลูโตนั่นแหละครับ ถึงมันจะไม่ได้ถูกจัดอยู่ในระบบสุริยะแล้ว แต่ก็ยังคงหมุนรอบดวงอาทิตย์ไม่ไปไหน มันแค่โคจรแตกต่างจากดาวดวงอื่นเท่านั้นเอง ”

“ นายหมายความว่าไง? ”

ผมหันไปยิ้มบางๆให้หมอบีมก่อนจะพูดต่อ
“ ผมมีเรื่องอยากบอกคุณหมอครับ ”

“ ว่ามาสิ ”

“ ผมแอบชอบหมอบีมมาตั้งแต่ปี 1 แล้ว แต่หมอคงจะจำผมไม่ได้หรอก ผมคอยเฝ้ามองหมออยู่ตลอด เหมือนกับดาวพลูโตที่ถูกลืมแต่ก็ยังโคจรรอบดวงอาทิตย์ไม่ไปไหนนั่นแหละครับ ถึงมันจะโคจรด้วยองศาแปลกๆก็เถอะ ”

“ อะไรนะ? นายแอบชอบฉันมาตั้งแต่ปี 1 เลยเหรอ? แล้วอย่าบอกนะว่าที่นายจีบเฟย์ก็เพราะ... ”

“ ใช่ครับ เพราะผมรู้ว่าหมอชอบเฟย์ แล้วอีกอย่างผมก็จะได้หาเรื่องไปแอบมองหมอบีมที่คณะแพทย์บ่อยๆด้วย ”

“ เป็นการโคจรที่แปลกจริงๆด้วยแหะ ”

“ ใช่ครับ แล้วพอผมได้มาอยู่ใกล้หมอ ผมก็ยิ่งรู้สึกดีกับหมอมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ผมก็แน่ใจแล้วว่า... ”
หมอบีมมองหน้าผมอย่างใจจดใจจ่อ ผมจ้องตาเขาและตัดสินใจพูดสิ่งที่เก็บไว้ในใจมานาน
“ ผมรักหมอบีมนะครับ ”

หมอบีมอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มเล็กๆออกมา พร้อมกับคำตอบที่ผมฝันจะได้ยินจากปากของเขาที่สุด
“ ฉันก็รักนายนะแวม ”

พอได้ยินคำนั้นผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยในอวกาศ ทุกอย่างเบาหวิว สิ่งต่างๆเริ่มเลือนรางหายไปเรื่อยๆ เหมือนกำลังถูกดูดเข้าไปในภวังค์อะไรสักอย่าง ผมได้ยินเสียงเรียกจากใครบางคนไม่ชัดนัก และเสียงนั้นก็ค่อยๆเงียบลง ทุกสิ่งรอบตัวเริ่มเคว้งคว้างลงเรื่อยๆ เหลือแค่ความว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ไม่รับรู้ถึงอะไรทั้งนั้น เหมือนตัวผมกำลังจะจางหายไปกับสายลม
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 29-07-2017 15:30:08
แวมเป็นอะไรอ่าาาา เข้าร่างๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 29-07-2017 15:51:53
กลับเข้าร่างแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-07-2017 17:58:37
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-07-2017 18:05:11
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-07-2017 18:40:34
เอาละสิ ต้องรอลุ้นตอนฟื้นอีกทีสินะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-07-2017 19:03:00
 :hao7: :katai2-1: :hao7:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 30-07-2017 00:12:48
แวมจะเข้าร่างแล้ววววว
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 30-07-2017 12:18:17
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-07-2017 14:44:57
การที่อยากให้บีมชอบตอบหรือเปล่า
ทำให้วิญญาณแวม ออกจากร่าง
พอภาระกิจสำเร็จ รู้ว่าบีม ก็ชอบตัวเอง
วิญญาณแวมเลยกลับเข้าร่าง

แม่แวม ที่มาบังคับแวมเรื่องที่แวมชอบผู้ชาย
คงเพราะรู้ว่าในตระกูลเหลือแต่แวมคนเดียวที่จะสืบสกุลได้
ก็พี่แวมชิงชอบชายไปก่อนแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 30-07-2017 22:08:06
กลับร่างใช่ม้า ^^
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 31-07-2017 11:38:18
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: มาม่าหมูสับ ที่ 23-08-2017 02:38:29
เขินแวมเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 13 [ 29/07/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 29-09-2017 14:43:56
คิดถึงแวม...  :hao4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 27-10-2017 12:33:43
Chapter 14





ผมตื่นมาในตอนเช้าเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังจนต้องกดรับสาย ผมกรอกเสียงไปอย่างงัวเงียโดยยังไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าใครโทรมา

“ หมอบีม ไอ้แวมฟื้นแล้ว ”
เสียงใต้เมฆนี่นา

“ อือ ”

“ ... ”

“ ฮะ! อะไรนะ? ”
ผมลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที

“ ไอ้แวมฟื้นแล้ว ตอนนี้มันอยู่ที่โรงพยาบาล ให้หมอตรวจร่างกายอยู่ มันหลับไปนานคงต้องฟื้นฟูร่างกายอีกซักระยะเลยว่ะ ”

“ ครับ ผมจะไปเยี่ยมแวมเดี๋ยวนี้แหละ ”
ผมกดตัดสายแล้วลุกจากเตียงอย่างตื่นเต้น แวมฟื้นแล้วจริงๆด้วย ผมดีใจมากที่วิญญาณของเขาเข้าร่างได้อย่างปลอดภัย

ไม่นานผมก็มาถึงโรงพยาบาล พยาบาลที่นี่ยังจำผมได้เช่นเคย พอเธอเห็นผมก็เข้ามาเอ่ยทักอย่างรู้ใจทันที

“ เอ่าหมอบีม มาเยี่ยมคุณแวมแน่ๆเลย แหม ยิ้มอารมณ์ดีมาแต่ไกลเลยนะคะ ”

“ สีหน้าผมดูอารมณ์ดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ”
ว่าแล้วผมก็พยายามหุบยิ้มลงทันที จะดีใจอะไรขนาดนั้นเนี่ย

“ อืม แต่จะว่าไปก็รู้สึกแปลกๆนะคะที่เห็นคุณแวมฟื้น ”

“ ทำไมครับ? ”

“ ก็ตอนนั้นยังเห็นเป็นผีอยู่เลยนี่คะ ว่าแล้วก็ขนลุก ”
เธอว่าพร้อมแกล้งทำท่าทางหวาดกลัว

“ ฮ่าๆ เขาก็ฟื้นแล้วไงครับ ว่าแต่ตอนนี้แวมอยู่ไหนเหรอครับ? ”

“ อ่อ ไม่ได้อยู่ห้องเดิมหรอกค่ะ ย้ายมาห้องใกล้ๆนี้เอง ห้อง 108 ตรงไปเลี้ยวขวาเลยค่ะ ”

“ เขาเป็นยังไงบ้างครับ? ”

“ แขนขายังไม่ค่อยมีแรงเป็นปกติของคนที่หลับไปนาน ทำกายภาพอีกไม่กี่วันก็หายแล้วค่ะ ส่วนสติก็ถือว่าอยู่ครบอย่างเหลือเชื่อเลย ที่จริงเคสแบบนี้ตื่นมาไม่ความจำเสื่อมก็ปัญญาอ่อนนะคะ เอ่อ ขอโทษค่ะ พูดตรงไปหน่อย ”
เธอยิ้มแหยๆก่อนจะตบปากตัวเองสามทีเหมือนเด็กๆ

“ งั้นผมขอตัวไปเยี่ยมแวมก่อนนะครับ ”




ผมยืนอยู่หน้าประตูห้อง 108 อย่างตื่นเต้น จะได้เจอหน้าแวมแบบมีชีวิตจริงๆซะที ไม่ใช่วิญญาณแล้วสินะ ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เขาจะจำผมได้รึเปล่า? เขาจะยังรู้สึกเหมือนเดิมไหม? แต่ช่างเถอะ แค่เขาฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้วนี่นา   

แก๊ก
ผมแง้มเปิดประตูเข้าไปเบาๆ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ภาพตรงหน้าก็ทำให้ผมหยุดชะงักทันที

“ อร่อยมั๊ยคะ? เฟย์ทำเองกับมือเลยนะ ”

“ อร่อยมากเลยครับ ”

“ งั้นก็กินเยอะๆนะ มา เดี๋ยวเฟย์ป้อน ”

แวมกับเฟย์ดูเหมือนคู่รักที่สวีทกันอย่างมีความสุขจนผมไม่อยากที่จะเดินเข้าไปขัดจังหวะเขาสองคนเลย จริงสิ เขาสองคนก็ยังคบกันอยู่นี่นา ส่วนผมน่ะเหรอ เขาจะจำได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้

“ เธอมายืนทำอะไรตรงนี้? ”
ผมหันไปตามต้นเสียงก็พบกับผู้หญิงที่แต่งตัวหรูหราประดับเครื่องเพชรหลายชิ้นบ่งบอกฐานะ เธอคือคุณหญิงแม่ของแวมนั่นเอง

“ เอ่อ สวัสดีครับ ผมมาเยี่ยมแวมครับ ”

“ ออกมาคุยกับฉันหน่อยสิ ”
ท่าทางของคุณหญิงดูไม่เป็นมิตรกับผมเอาซะเลย ถึงอย่างนั้นผมก็ยอมเดินตามเธอมาถึงสวนหย่อมที่ห่างออกไปไม่ไกล

“ คุณหญิงมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ? ”

“ เอาตรงๆเลยนะ ฉันอยากให้เธอออกไปจากชีวิตลูกชายฉันซะ จะเอาเท่าไหร่ก็ว่ามาได้เลย ”

“ เดี๋ยวนะครับ ผมไม่ได้เห็นแก่เงินขนาดนั้น ”
ผมพูดอย่างโมโหนิดๆ

“ เอาเถอะ เธอฟังฉันนะ ฉันรับไม่ได้หรอกถ้าลูกชายของฉันจะมีแฟนเป็นผู้ชาย ฉันคงอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ”

“ แล้วคุณหญิงมาบอกผมทำไมครับ? ”

“ ฉันเพิ่งนึกได้ว่าฉันเคยเจอรูปเธอในห้องของแวม ลูกชายฉันชอบเธออยู่ แต่ฉันขอร้องล่ะ เลิกยุ่งกับเขาเถอะ เห็นแก่หัวอกคนเป็นแม่อย่างฉันบ้าง ฉันอยากจะมีลูกสะใภ้เป็นผู้หญิง มีหลานไว้สืบสกุล อีกอย่างฉันก็ไม่อยากให้วงศ์ตระกูลของฉันต้องมาเสื่อมเสียชื่อเสียงหรอกนะ ”

“ แต่ผม... ”

“ ฉันรักลูกชายของฉันมาก แล้วฉันก็ไม่อยากผิดหวังในตัวเขา เธอเข้าใจใช่ไหม? ”

“ ครับ ”

ผมเข้าใจแล้ว...

“ เรื่องที่เธอเห็นผีลูกชายฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงรึเปล่านะ แต่ฉันอยากให้เธอเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ รวมถึงเรื่องที่เธอคอยดูแลตอนเขาป่วยด้วย ตอนนี้ความสัมพันธ์ของแวมกับเฟย์กำลังไปได้ดี ฉันอยากให้แวมคิดว่าเฟย์เป็นคนดูแลเขา ฉันขอร้องล่ะ เธอช่วยฉันได้ไหม? ”

คุณหญิงพูดด้วยน้ำเสียงวิงวอน ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ความรู้สึกที่ผมให้แวมมันมากจนยากจะตัดใจแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นแวมก็ลืมผมอยู่ดี ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะยังชอบผมอยู่รึเปล่า สับสนจนไม่รู้จะเอายังไงต่อ ความรักของผมกับเขามันยากเหลือเกิน เหมือนมันเป็นเพียงแค่ความฝัน แล้วคุณหญิงก็เป็นคนปลุกให้ผมตื่นจากฝันมาอยู่กับความเป็นจริงซะที

“ ครับ ผมจะไม่บอกเรื่องของผมกับแวม และจะไม่ยุ่งกับแวมอีก พอใจแล้วใช่มั๊ยครับคุณหญิง? ”
พูดจบผมก็เดินหนีไปทันที รู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ

ทำไมนะ ทำไมแวมต้องเข้ามาทำให้ผมรัก ทำให้ผมรู้สึกดีกับเขา แล้วสุดท้ายเขาก็ทิ้งให้ผมอยู่กับความรู้สึกดีๆนั้นฝ่ายเดียว นึกแล้วน้ำตาก็ไหลมาอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้ ผมคิดถึงคนที่เคยอยู่ข้างๆผมตลอดเวลา ต่อไปไม่มีเขาแล้วชีวิตผมคงเงียบเหงามากเลยล่ะ

ผมกลับบ้านมาด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า หนังสือทุกเล่มที่เคยอ่านให้แวมฟังก็ยังวางอยู่ที่เดิม เฮ้อ ไม่มีคนคอยอ้อนให้อ่านหนังสือให้ฟัง ไม่มีคนอ้อนให้พาไปเที่ยว ไม่มีคนคอยกวนใจแล้ว ต่อไปนี้ผมคงต้องอยู่คนเดียวจริงๆสินะ

“ ไงชาเย็น หิวข้าวเหรอ? ”
ผมลูบหัวเจ้าหมาน้อยที่กำลังเลียมือผมอย่างออดอ้อน
“ อย่างน้อยฉันก็ยังมีนายอยู่กับฉันนี่นา ขอบใจนะชาเย็น ”




“ ไอ้บีม ช่วงนี้มึงทำไมดูเศร้าจังวะ? ทำตัวเหมือนคนอกหัก ”
ไอ้ก่อถามผมขณะนั่งติวหนังสือในร้านกาแฟ

“ อือ ”

“ จริงเหรอครับ? แล้วใครกันนะที่หักอกหมอบีม? อยากรู้จริงๆเลย ”

“ มึงก้มหน้าอ่านหนังสือไปเลยไอ้เกื้อ ไม่ต้องมาอยากรู้เรื่องของกูหรอก ”

“ บอกแต่ไอ้เกื้อ มึงเองก็เปิดหนังสือขึ้นมาอ่านได้แล้ว ใกล้จะสอบแล้วเนี่ย ติดเอฟมาไม่รู้ด้วยนะเว้ย ”
ไอ้ก่อหยิบหนังสือตรงหน้าผมขึ้นมากางแล้วก็ยัดใส่มือผมเรียบร้อย ให้ตายเถอะ ตอนนี้อ่านยังไงก็คงไม่เข้าหัว

ผมมัวแต่คิดถึงคนบางคน ซึ่งฟ้าก็คงเห็นใจผมมาก จึงส่งคนๆนั้นมาให้ผมเห็นหน้าอีกครั้ง แวมกำลังเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับเฟย์ที่ควงแขนเขามาด้วย เฮ้อ ว่าแล้วผมก็เบนหน้าหนีแทบไม่ทัน

 “ เฮ้ย นั่นมันเฟย์กับคุณแวมนี่ครับ ”

“ ไหนวะ? ”
ไอ้ก่อหันไปทางที่ไอ้เกื้อบอกก็เจอสองคนนั้นกำลังเลือกโต๊ะที่จะนั่งอยู่ และดูเหมือนว่าสองคนนั้นจะเดินเข้ามาใกล้กับโต๊ะพวกผมเหลือเกิน

อย่าบอกนะว่าจะนั่งตรงนี้น่ะ!

“ กูกลับก่อนนะพวกมึง ”

“ เอ่า รีบไปไหนวะไอ้บีม? ”

“ กูปวดหัวว่ะ ว่าจะกลับไปนอนพักสักหน่อย ไปละ ”
ผมรีบหาเรื่องออกจากตรงนี้ทันทีเมื่อแวมดันเลือกมานั่งโต๊ะตรงข้ามผม และตำแหน่งที่เขานั่งก็มองมาตรงผมเต็มๆ ยิ่งเห็นหน้ายิ่งคิดถึง แต่คิดถึงเท่าไหร่ก็เจ็บเท่านั้น ผมไม่อยากเจอหน้าเขาตอนนี้หรอก เห็นเขากับแฟนรักกันดีก็รู้สึกแย่สุดๆแล้ว

ผมไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้เฟย์จะรักแวมจริงหรือเปล่า เพราะเฟย์ก็คบผู้ชายหลายคน เธออาจจะมาหลอกอะไรแวมอยู่ก็ได้ แล้วจะผิดไหมถ้าผมรู้สึกว่าอยากให้เฟย์ไม่จริงจังกับแวม?

โอ้ย ผมควรเลิกคิดเรื่องนี้ซะที เครียดโว้ยยย

ครืดดด ครืดดด
ใต้เมฆโทรมาทำไม?

“ หมอบีม ว่างมั๊ย? ”



ตอนนี้ผมกำลังนั่งกินเหล้าอยู่ในผับโดยมีใต้เมฆและนาคิมเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ หนังสงหนังสือสอบไม่ต้องอ่านกันแล้วล่ะครับ พอใต้เมฆชวนกินเหล้าผมก็ตอบตกลงแบบไม่คิดเลย เผื่อดื่มแล้วจะบรรเทาความเครียดได้บ้าง

แต่ผมจะเครียดกว่าเดิมเพราะเห็นหน้าสองคนนี้นี่แหละ ทั้งใต้เมฆและนาคิมต่างทำหน้าเครียดกว่าผมซะอีก

“ เฮ้อออ ”
“ เฮ้อออ ”
“ เฮ้อออ ”

“ พวกมึงจะถอนหายใจพร้อมกันทำไมเนี่ย? ”
ใต้เมฆบ่น

“ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ”
นาคิมหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง
“ ทำไมหมอบีมถึงไม่บอกไอ้แวมว่าหมอเป็นคนดูแลมันล่ะครับ? ”

“ นั่นดิ พวกกูบอกมันเรื่องที่มันเป็นวิญญาณ มันหาว่าพวกกูโกหก ตอนนี้มันคิดว่าเฟย์คือคนที่ดูแลมัน แล้วมันก็ดูรักเฟย์มากกว่าเดิมอีก ”

“ ก็ดีแล้วนี่ครับ ”
ผมว่าพร้อมกระดกเครื่องดื่มในแก้วเข้าปากรวดเดียวหมด

“ ดีที่ไหนกันล่ะ กูรู้แล้วว่าเฟย์น่ะเป็นยังไง กูไม่อยากให้ไอ้แวมโดนหลอกว่ะ ”

“ ตอนนี้เฟย์พูดอะไรมันก็เชื่อไปซะทุกอย่าง พาลหาว่าพวกผมเป็นเพื่อนขี้โกหกไปแล้วครับ ”
นาคิมพูดด้วยสีหน้าเครียดจัด เขาดูเป็นคนคิดมากกับชีวิตสุดๆ

“ ถ้าผมตื่นมาแล้วมีคนบอกว่าเห็นวิญญาณผมตอนผมหลับ ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับ น่าตลกสุดๆ ”

“ ใช่ น่าตลกสิ้นดี ”
แวมที่มาจากไหนไม่รู้ อยู่ดีๆเขาก็เดินมานั่งร่วมโต๊ะกับผมแบบไม่ทันตั้งตัว เสียงที่ผมคุ้นเคยได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นโหมดเรียบนิ่งจนน่าหมั่นไส้

แวมคนเดิมกลับมาอีกครั้ง ผมอยากจะบอกว่าผมไม่ชอบไอ้ขี้เก๊กนี่ซะเลย น้ำเสียงก็เย็นชาเหมือนปนหาเรื่องจนน่าต่อย ทำไมกางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ้ตสีเข้มธรรมดาๆถึงทำให้เขาดูหล่อได้ขนาดนี้นะ วันนี้เซ็ตผมทรงใหม่ดูเท่ห์กว่าเดิมอีก เอ่อ มองเขานานเกินไปแล้วนะเนี่ย พอนึกได้ดังนั้นผมก็ก้มหน้าหลบทันที

“ คุณคือหมอบีมสินะ หึ เก่งจริงๆเลยที่ปั่นหัวเพื่อนผมได้ ... พวกมึงมาแดกเหล้าไม่เห็นชวนกูเลยนะ ”
แวมพูดกับผมจบก็หันไปคุยกับเพื่อนของเขาที่นั่งทำหน้าไม่รับแขกทั้งคู่

“ กูก็นึกว่ามึงจะไปแดกกับแฟนมึงไง ”
ใต้เมฆพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน

“ กลับกันเหอะ กูเหนื่อยจะพูดกับมันแล้วว่ะ ”
นาคิมพูดจบก็ลุกออกไปทันที ตามติดๆไปด้วยใต้เมฆอีกคน เอ่า งี้ก็เหลือแค่ผมคนเดียวน่ะสิ

“ จะก้มหน้าอีกนานมั๊ยครับหมอบีม? ไม่มีเรื่องอะไรมาโกหกผมอีกเหรอ ผมรอฟังอยู่ ”
แวมยื่นหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้พร้อมเหยียดยิ้มมุมปากนิดๆ ผมเงยหน้ามองแววตาคุ้นเคยอยู่เนิ่นเนินราวกับถูกมนต์สะกด แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เขาบอกว่าผมโกหกงั้นเหรอ? ผมลุกขึ้นจ้องคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างโมโหทันที ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาหาว่าคนอื่นโกหก โดนหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก

“ นายนี่หล่อซะเปล่า เสียอย่างเดียว โง่ว่ะ ”
แวมทำหน้าอึ้งทันทีเมื่อผมพูดแบบนั้นออกไป ไม่รอให้เขาด่ากลับหรอกครับ ตอนนี้ผมวิ่งสี่คูณร้อยเมตรออกมาข้างนอกเรียบร้อยแล้ว







----------------------------

ไม่ได้มาต่อซะนาน จะมีคนคิดถึงผมรึเปล่านะ? ฮ่าๆ คนอ่านหายหมดแล้วมั้งครับ  :hao5:
ทั้งงานทั้งกิจกรรมเต็มไปหมด เฮ้อออ


หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-10-2017 14:50:09
 :3125:คิดถึงสิครับ รออ่านอยู่กลับมาพร้อมมาม่าเลยนะครับ :3123:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 27-10-2017 15:29:46
ดีใจที่กลับมาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-10-2017 15:43:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 27-10-2017 21:04:08
ในที่สุดก็มา นึกว่าดองเค็มซะแร้ว
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 27-10-2017 22:28:13
โอ้พระ หยิก..ตัวเองแรงๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 27-10-2017 22:45:04
ดีใจที่กลับมาค่ะ แต่นังเฟย์คงโดนเปิดโปงเร็วๆ  :hao3:
ส่วนอิป้าคุณหญิงนี่ก็ลำไยจริงๆรับไม่ได้ที่ลูกไม่ได้ชอบชะนีโดนชะนีปลอกลอกนี่จะหัวเราะให้ฟันร่วงแถมสมน้ำหน้าซ้ำนะคะนิ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-10-2017 22:51:15
อ้าวว เฮ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-10-2017 00:13:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 28-10-2017 19:20:51
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 14 [ 27/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 29-10-2017 13:16:40
ไม่ร้องนะหมอบีม ความรักปลอมๆของชะนีตอแหลมักไม่ยั่งยืน ... แวมต้องนึกขึ้นได้แน่ๆ เชื่อเรา  :hao5:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 15 [ 30/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 30-10-2017 08:58:25
Chapter 15



วันนี้เป็นวันที่ผมเหนื่อยมาก หลังเลิกเรียนก็ไปติวกับรุ่นพี่จนถึงสองทุ่ม ทั้งปวดหัวและหิวสุดๆ ข้าวเย็นยังไม่ได้ตกถึงท้องเลย

ผมโบกมือลาไอ้ก่อกับไอ้เกื้อที่ชวนไปกินเหล้าแต่ผมไม่ไป วันนี้ไม่ไหวจริงๆครับ ไอ้ก่อนี่ก็ขยันชวนเพื่อนเที่ยวกลางคืนจริงๆ ช่วงใกล้สอบก็ไม่เว้น

ผมเดินมาลานจอดรถข้างตึกคณะตอนสองทุ่มกว่า ทางเดินทั้งเปลี่ยวและมืดพอสมควร มีเรื่องเล่าหลอนๆมากมายเกี่ยวกับลานจอดรถข้างตึกคณะแพทย์บริเวณนี้ แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหลน่า ไม่มีอะไรหรอกมั้ง

แต่พอสังเกตดีๆทำไมมันแทบไม่มีรถจอดเลยล่ะ มีแค่รถคันเก่าๆของผมกับรถหรูอีกคันซึ่งผู้ชายคนนึงยืนพิงประตูรถอยู่อีกฟาก เขายืนนิ่งเหมือนกับก้อนหิน เล่นซะไม่กล้าเข้าไปใกล้เลย ต้องมองให้แน่ใจก่อนว่าผีหรือคนกันแน่?

“ เดินดีๆก็ได้ครับ จะย่องมาเงียบๆทำไม? ”
เขาพูดก่อนจะหันหน้ามาหาผม

“ เอ่า แวม ”

คนที่ผมไม่อยากเจอกำลังยืนอยู่ตรงหน้า ตอนนี้ผมเกลียดสีหน้ากับน้ำเสียงเย็นชานั่นที่สุด มันดูห่างเหินเหลือเกิน

“ ผมมารอเฟย์ ”

“ อ่อ เดี๋ยวก็คงมาล่ะมั้ง ”

ผมกับเขาไม่มีใครต่อบทสนทนาอะไร ใบหน้าหล่อดูนิ่งเฉยเหมือนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ผมหยิบกุญแจรถออกมาเปิดประตูรถคันเก่าที่จอดใกล้ๆกับรถของแวม พอเข้าไปนั่งสตาร์ทแล้วปรากฏว่ารถไม่เคลื่อนเลย โอ้ย นี่มันวันซวยอะไรของผมเนี่ย

แวมเหลือบตามองเมื่อผมทำหน้าหงุดหงิดบ่นพึมพำเปิดประตูรถออกมาอีกครั้ง ซวยจริงๆ โดนมือดีเจาะยางรถเข้าให้ ยางแบนทั้ง 4 ล้อขนาดนี้ก่ะจะแกล้งกันชัดๆ

“ แวม นายมารอเฟย์นานรึยัง? ”

“ อืม น่าจะเกือบชั่วโมงแล้ว ทำไมครับ? ”

“ นายเห็นใครมายุ่งกับรถฉันบ้างไหม? ”

“ ไม่เห็นครับ ”

“ จะกลับยังไงวะเนี่ย? ”
ผมบ่นกับตัวเองอย่างอารมณ์เสีย ใครมันว่างมาเล่นแบบนี้วะ

“ ให้ผมไปส่งไหมครับ? ”

“ ไม่อ่ะ นายไปส่งเฟย์เหอะ ”
ผมว่าก่อนจะเดินหนีทันที

“ เดี๋ยวก่อนครับ ”
แวมรีบวิ่งตามมา เขาคว้ามือผมไว้เหมือนจะไม่ตั้งใจ แต่ผมหัวใจเต้นแรงสุดๆ มืออุ่นๆนั่นสามารถแตะตัวผมได้ เขาไม่ใช่วิญญาณเหมือนแต่ก่อนแล้ว

“ มีอะไร? ”
ผมเงยหน้าถามคนที่จับมือผมอยู่ แสงไฟสลัวตอนกลางคืนสาดส่องใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติให้ดูน่าหลงใหลยิ่งกว่าเดิม ผมเขินจนต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาคมที่มองกลับมาเช่นกัน

ไม่นานผมก็รู้สึกถึงสัมผัสจากมืออีกข้างของแวมที่เชยข้างผมขึ้นมองหน้าเขาอีกครั้ง ดวงตาสองคู่ประสานกันเหมือนต่างคนต่างพยายามอ่านใจอีกฝ่าย แวมขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ ผมเริ่มตัวสั่นและหัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมเมื่อปลายจมูกของเขาห่างจากใบหน้าผมไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร

“ ทำอะไรกันน่ะ! ”
สาวสวยที่เดินเข้ามาเห็นหน้าผมเธอก็แสดงสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก

“ เฟย์ ”
แวมเรียกชื่อเธอ เธอรีบเข้ามาควงแขนแล้วดึงเขาไปหาเธอทันที

“ รอนานไหมคะแวม? พอดีเฟย์คุยธุระกับเพื่อนนิดหน่อย เลยออกมาช้าค่ะ ”

“ ไม่เป็นครับ ”
แวมยิ้มให้เธอ

“ แล้วบีมมาอยู่นี่ได้ไงคะ? ”

“ บีมเขาจะติดรถไปกับเราด้วยนะครับ พอดีรถเขาเสียน่ะ ”

“ บอกว่าไม่ไงล่ะ ฉันกลับเองได้ ”
ผมปฏิเสธอีกครั้ง จะให้ไปกับสองคนนี้แล้วดูเขาสวีทกันน่ะเหรอ? ไม่มีทางซะหรอก

“ หมอบีมครับ ”
แวมเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็นเหมือนจะแสดงความโกรธที่โดนขัดใจ ดวงตาคมฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจนแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน บอกเลยว่ากลัวยิ่งกว่าเห็นผีซะอีก

“ ก็หมอบีมบอกว่าเขากลับเองได้ไงคะแวม เราไปกันเถอะค่ะ ”
เฟย์พยายามดึงแขนแวมไปที่รถแต่เขากลับยืนนิ่งจ้องหน้าผมราวกับจะรอคำตอบ หญิงสาวข้างๆเริ่มทำหน้างุนงงก่อนจะค่อยๆปล่อยมือออกจากแขนร่างสูง

“ อือ ผมกลับด้วยก็ได้ ”
หลังจากได้ยินผมพูดแบบนั้นใบหน้าเรียบนิ่งก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

ผมนั่งเบาะหลังมองคู่รักสองคนที่คุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่ด้านหน้า คิดถูกหรือคิดผิดที่ยอมติดรถมาด้วยเนี่ย อยากจะโดดออกนอกประตูตอนนี้เลยจริงๆ

“ แวมคะ เฟย์อยากได้รองเท้าคู่ใหม่ใส่ไปงานวันเกิดเพื่อนอ่ะค่ะ รองเท้าที่มีอยู่มันไม่เข้ากับชุดที่เฟย์เตรียมไว้เลย แวมพาเฟย์ไปซื้อหน่อยนะคะ ”
เธอทำน้ำเสียงออดอ้อน

“ ครับ งั้นเดี๋ยวแวะห้าง...ก่อนนะ ”
แวมมองผ่านกระจกหลังบอกผม ผมก็พยักหน้าไม่ว่าอะไร

พอมาถึงห้าง...เฟย์ก็เดินเข้าร้านรองเท้าแบรนด์ดังอยู่หลายร้าน ผมมองแวมช่วยเฟย์เลือกรองเท้าอยู่อย่างนั้น ไม่เข้าใจว่าจะเอาผมมาด้วยทำไม

หลังจากเลือกซื้อรองเท้าอยู่นาน สุดท้ายเธอก็ได้ส้นสูงคู่สวยมาถึงห้าคู่โดยมีแวมเป็นคนจ่าย หืม? สงสัยจะใส่ไปงานวันเกิดเพื่อนล่วงหน้าอีกห้าปีสินะ

แวมออกจากร้านมาพร้อมกับถือถุงรองเท้าแบรนด์เนมให้แฟนสาวที่เดินเชิดตัวปลิวอยู่ข้างๆ แต่ละถุงมีกล่องรองเท้าด้านในทำให้ถุงดูใหญ่พะลุงพะลังจนเต็มมือไปหมด

“ มา เดี๋ยวช่วยถือ ”
ผมเดินไปหยิบถุงมาจากมือแวมโดยไม่รอคำอนุญาตใดๆ

“ ไม่เป็นไรครับ ”
เขายื่นมือมาพยายามจะแย่งถุงพวกนี้กลับไปแต่ก็โดนเฟย์มาดึงแขนเขาไปซะก่อน เธอเหลือบตามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปปั้นรอยยิ้มพูดกับแวมด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“ แวมคะ เฟย์หิวแล้วอ่ะ แวะทานอะไรกันก่อนดีมั๊ยคะ? ”

“ เฟย์อยากกินอะไรครับ ”

“ อะไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่แวมเลย ”

“ งั้นแวะกินข้าวกันก่อนนะครับ ”
แวมหันมาพูดกับผม ผมก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว กำลังหิวอยู่พอดี

แวมพาเข้าร้านที่เคยพาผมมาทาน ตอนนั้นเขายังเป็นวิญญาณอยู่ ผมรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตแต่ต่างกันตรงที่ตอนนี้ผมเป็นส่วนเกินของเขาไปแล้ว

“ รับอะไรดีครับ? ”
พนักงานร้านเดินเข้ามารับออเดอร์

“ เอาผัดเผ็ดปลาดุกกับข้าวสวยที่นึงครับ ”
ผมหันไปสั่งกับพนักงาน แวมมองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไร คิ้วหนาขมวดเข้าหากันเล็กน้อยไม่นานนักเขาก็เลิกสนใจผมแล้วหันไปเลือกเมนูต่อ

“ เอาผัดขี้เมาทะเล ต้มยำปลากะพง แล้วก็หมึกมะนาวค่ะ ”
เฟย์สั่งเยอะขนาดนี้ท่าทางจะหิวจริงๆ

“ ผัดเปรี้ยวหวานกับแกงจืดเต้าหู้งั้นเหรอ? ”
แวมทำหน้าเหมือนครุ่นคิด

“ อะไรนะครับ? ”
พนักงานเอ่ยถามเพราะได้ยินเขาพูดไม่ชัดนัก

“ เอาแกงจืดเต้าหู้กับผัดเปรี้ยวหวานครับ ”
ผมแอบเผยรอยยิ้มออกไปเมื่อได้ยินเขาสั่งแบบนั้น ผมตั้งใจสั่งเมนูที่เขาชอบขณะที่เขาสั่งเมนูที่ผมชอบแทน แต่มันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็ได้

“ รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ? ”

“ เอาน้ำผึ้งมะนาวแก้วนึงค่ะ ”

“ ชาเย็นแก้วนึงครับ ”
“ ชาเย็นแก้วนึงครับ ”
ผมกับแวมพูดพร้อมกัน เขาหันมามองผมด้วยแววตางุนงงแต่ก็ไม่พูดอะไร

“ รอสักครู่นะครับ ”
พนักงานรับออเดอร์ ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ จากนั้นผมก็ทานไปอย่างเงียบๆขณะที่สองคนด้านหน้าคุยกันอย่างสนุกสนาน ผมมองเฟย์ตักอาหารป้อนแวมแล้วรู้สึกขัดตาชะมัด ผมไม่ควรมาอยู่ตรงนี้เลยจริงๆ

“ เฟย์ซื้อรองเท้าไปงานวันเกิดใครครับ? ไม่เห็นชวนผมบ้างเลย ”
แวมถามอย่างสงสัย

“ เอ่อ เพื่อนคนนี้แวมไม่รู้จักหรอกค่ะ ”

“ เพื่อนคนไหนเหรอ? ผมรู้จักรึเปล่า? ”
ผมถามบ้าง

“ เพื่อนต่างคณะน่ะจ่ะ หมอบีมไม่น่าจะรู้จักนะ ”
เธอตอบด้วยรอยยิ้มแต่ผมกลับรู้สึกได้ว่าแววตาเธอดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด

พอทานอาหารเสร็จแวมก็เป็นคนจ่ายเช่นเคย ผมจะจ่ายส่วนของผมเขาก็ไม่ยอม พวกคนรวยนี่ไม่เห็นค่าของเงินเล็กน้อยกันเลยจริงๆ

“ แวมไปรอที่รถก่อนเลยนะคะ พอดีเฟย์อยากจะซื้ออะไรอีกนิดหน่อย หมอบีมมาช่วยเฟย์ถือของหน่อยสิคะ ”

“ ได้ครับ ”
ผมตอบรับทันที ดูก็รู้ว่าเธอไม่อยากจะซื้ออะไรหรอก เธออยากคุยกับผมมากกว่า

“ ให้ผมไปด้วยไหมครับ? ”

“ ไม่เป็นไรค่ะ แวมไปรอที่รถเถอะ ”
หนุ่มหล่อพยักหน้ารับก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป

“ หมอบีม ทำแบบนี้ทำไม? ”
สีหน้ายิ้มแย้มสดใสของเฟย์ถูกเปลี่ยนเป็นสีหน้าหงุดหงิดมาแทนที่ เธอพูดกับผมด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ

“ ผมทำอะไร? ”

“ ก็ที่มาวันนี้ไง มีจุดประสงค์อะไรใช่มั๊ยล่ะ? คุณหญิงแม่ของแวมก็คุยกับหมอบีมแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้ยุ่งกับแวม ”

“ ใช่ครับ ”

“ แล้วทำไมยังไม่เลิกยุ่งกับแวมซะที ก็เห็นอยู่ว่าตอนนี้แวมรักเฟย์ขนาดไหน หวังว่าหมอบีมคงเข้าใจนะคะ ”

“ ครับ ”

“ งั้นก็อย่าคิดที่จะขัดขวางความรักของเราเลยค่ะ เพราะยังไงแวมก็ไม่มีวันสนใจคนที่แต่งเรื่องผีไร้สาระมาหลอกคนอื่นไปทั่วหรอกค่ะ ถามจริงๆนะคะ ที่ทำแบบนั้นต้องการเรียกร้องความสนใจจากแวมงั้นเหรอ? ”

“ เฟย์ ถ้าเฟย์จะคิดแบบนั้น ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด ”
ผมตอบเธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนจะเดินหนีไป

“ ไม่มีอะไรจะแก้ตัวน่ะสิไม่ว่า ”
เธอเดินไล่หลังผมมาเหมือนจะหาเรื่องต่อ เฮ้อ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะเถียงอะไรให้เปล่าประโยชน์ ผมเหนื่อยใจกับผู้หญิงคนนี้เต็มทีแล้ว

ผมเดินหนีในขณะที่มีเฟย์เดินตามหาเรื่องไม่หยุด เสียงแหลมๆยังคงบั่นทอนระบบประสาทของผมได้เรื่อยๆ
“ นี่ หมอบีม มาพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาเดินหนีเฟย์แบบนี้ ”

ไม่นานเฟย์ก็คงเหนื่อยที่จะพูดกับผมแล้วเหมือนกัน เราสองคนเดินมาที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินด้วยสีหน้าหงุดหงิดทั้งคู่ บริเวณนี้ดูเงียบเพราะใกล้จะถึงเวลาห้างปิดแล้ว

ผมหยุดชะงักทันทีเมื่อเห็นชายสองคนใส่หมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า พวกนั้นขับมอเตอร์ไซค์ไปจอดตรงหน้าแวม ไอ้คนที่ซ้อนท้ายหยิบปืนเล็งเข้าหาตัวเขาในระยะประชิดทันที แวมตกใจยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้าเขาขยับหนีมีหวังโดนลูกปืนแน่ๆ 

“ ปืน กรี๊ดดด! ”
เฟย์ร้องโวยวายแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว คนร้ายสองคนได้ยินก็หันมาทางผม ตอนนี้บอกเลยว่ากลัวมากครับ ในสมองพยายามคิดหาทางรอด ผมตัดสินใจตะโกนให้คนช่วยเผื่อว่าจะมีใครผ่านมาได้ยิน

“ อย่าไปสนใจ รีบจัดการแล้วรีบหนีเถอะ ถ้างานไม่สำเร็จพวกเราโดนดีแน่ ”
ไอ้คนขับมอเตอร์ไซค์บอกเพื่อนของมันที่ถือปืนอยู่

“ เออ ”
เพื่อนของมันเตรียมที่จะเหนี่ยวไกลทันที วินาทีนั้นผมตัดสินใจวิ่งไปช่วยแวมอย่างไม่คิด

ปัง!!!

ผมผลักแวมล้มลงพื้นพร้อมกับได้ยินเสียงปืนดังเข้ามาในโสตประสาทชัดเจนมาก

“ หมอบีม! ”
ผมหันไปยิ้มบางๆให้คนที่ตะโกนเรียกชื่อผม แวมปลอดภัยผมก็ดีใจแล้ว ผมมองเลือดสีแดงสดหยดลงพื้นอย่างช้าๆ ไม่เจ็บไม่ทรมานอย่างที่คิด บาดแผลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมันทำให้รู้สึกชาในช่วงแรกๆแบบนี้แหละ




--------------------------------

แวะมาอัพตอนใหม่ก่อนไปเรียน
เดี๋ยวกลับมารออ่านคอมเม้นต์นะครับ  :3123: :L2:

หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 15 [ 30/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 30-10-2017 09:36:24
โหคุณหญิงแม่อยากได้คนที่วิ่งหนีแบบนี้ไปเป็นลูกสะใภ้ งั่นชีวิตไอ้แวมมีเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 15 [ 30/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-10-2017 09:45:36
 :a5:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 15 [ 30/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 30-10-2017 11:40:21
โหหหหห หมอบีมมม
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 15 [ 30/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 30-10-2017 20:12:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 15 [ 30/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 30-10-2017 21:57:19
โหคุณหญิงแม่อยากได้คนที่วิ่งหนีแบบนี้ไปเป็นลูกสะใภ้ งั่นชีวิตไอ้แวมมีเท่าไหร่ก็ไม่พอหรอก
แถมเป็น Iran ดีด้วยนะคะ คือแบบคงอยากให้ลูกแต่งงานกับนีทั้งๆที่ไม่ถามลูกเลยแล้วคนโตทำไมไม่บังคับค่ะโคตรลำไย  :angry2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 15 [ 30/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 30-10-2017 22:47:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 15 [ 30/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-10-2017 22:52:08
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 15 [ 30/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-10-2017 23:04:46
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 15 [ 30/10/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 14-11-2017 19:34:46
หมอบีมเป็นยังไงบ้างคะ ฮืออออออ ขอให้ปลอดภัยเถอะนะ


หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 23-11-2017 00:06:58
Chapter 16




ผมนอนอยู่บนเตียงในห้องฉุกเฉินโดยมีแพทย์รุ่นพี่นั่งเย็บแผลจากการถูกยิงที่แขนให้ แผลลึกจนต้องเย็บไปหลายเข็มเลยทีเดียว

“ มึงไปมีเรื่องกับใครมาวะ? ดีนะที่กระสุนแค่เฉียดๆ นี่ถ้ารปภ.ไปช่วยไม่ทันคงโดนยิงตายไปแล้วมั้ง ”
ผมยิ้มแหยๆให้พี่หมอก่อนจะโดนเขาบ่นอีกยาวเหยียดทั้งๆที่มือก็ทำแผลไปด้วย

พี่กล้าเป็นแพทย์ฝึกประสบการณ์อยู่ที่โรงพยาบาลนี้ ผมเรียกเขาว่าพี่หมอจนติดปาก เราค่อนข้างสนิทกันพอสมควรเพราะผมต้องพึ่งบารมีให้เขาติวให้อยู่บ่อยๆ พี่หมอเรียนเก่งมาก เก็บเอได้เกือบทุกวิชา หน้าตาก็ดี เสียอย่างเดียว ชอบทำนิสัยเหมือนคนแก่ โดยเฉพาะนิสัยจู้จี้ขี้บ่นเนี่ย

ผมไม่น่าเข้าโรงบาลตอนที่พี่กล้าเป็นแพทย์เวรพอดีเลย ต้องมานั่งฟังเขาบ่นหูชาอีก

“ บ่นเป็นคนแก่เลยนะครับ โอ้ย ”
พูดจบก็โดนคนแก่เขกหัวไปเต็มๆครับ

“ เย็บแผลเสร็จแล้ว พอหมดฤทธิ์ยาชาก็จะปวดนิดหน่อยนะ เดี๋ยวกูเอายาให้กิน แล้วนี่มึงเจ็บตรงไหนอีกรึเปล่า? ”

“ ผมไม่เป็นไรแล้วครับ แค่นี้สบายมาก ”

“ เฮ้ย อย่าเพิ่งรีบลุกขึ้นดิ ”
พี่หมอประคองผมแทบไม่ทันเมื่อผมรีบลุกจากเตียงจนเกือบวูบล้มลง ลืมไปเลยว่าตัวเองเสียเลือดมาก แผลก็ลึกอยู่เหมือนกัน

“ ทำอะไรกัน? ”
ผมหันไปตามเสียงของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิด

 “ เป็นไงบ้างแวม ตำรวจจับคนร้ายได้ไหม? ”
ร่างสูงส่ายหัวช้าๆแทนคำตอบ สีหน้าไม่สบอารมณ์แบบนั้นแสดงว่าตำรวจคงจับคนพวกนั้นไม่ได้แน่ๆ

“ นี่แฟนมึงเหรอวะ? ”

“ เฮ้ย ไม่ใช่นะครับพี่หมอ ”
ผมรีบหันไปปฏิเสธทันที

แวมไม่ได้พูดอะไรแต่เดินผ่านพี่หมอเข้ามาหาผมหน้าตาเฉย
“ กลับได้รึยังครับ? ผมจะไปส่ง ”
น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นพลางดึงแขนอีกข้างของผมให้เดินตาม

“ เดี๋ยว ”
แวมหยุดเดินและหันไปตามเสียงเรียกของพี่หมอด้วยสีหน้าหงุดหงิดกว่าเดิม

“ มีอะไร? ”
น้ำเสียงเหยียบเย็นของคนที่จับแขนผมตอนนี้ทำให้บรรยากาศดูตึงเครียดกว่าเดิม พี่หมอติดสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันทีเมื่อคนที่อายุน้อยกว่าแสดงกริยาไม่เคารพเขา

“ อย่าลืมพามันไปรับยาด้วยล่ะ เค้าเตอร์อยู่ทางขวามือ ”
พี่หมอปรับสีหน้าเป็นปกติ เก็บอาการไม่พอใจและทำหน้าที่แพทย์ได้ดีเช่นเคย

“ เออ ”
พูดจบแวมก็ใช้มือหนาลากผมให้เดินออกจากประตูห้องฉุกเฉินทันที เขาปล่อยมือออกก่อนจะเดินนำไปอย่างไม่สนใจคนป่วยอย่างผมที่ก้าวเท้าเดินตามแทบไม่ทัน

แวมรับยาและจ่ายค่ารักษาให้ผมเรียบร้อย เขาเดินนำผมมาที่ลานจอดรถโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ

“ นี่ นายจะทำหน้าบึ้งแบบนี้อีกนานไหม? เป็นอะไรก็พูดมาสิ ”
ผมบ่นอุบทันทีเมื่อเดินตามเขามาถึงที่จอดรถ

“ ดูท่าทางหมอบีมจะสนิทกับไอ้หมอคนนั้นจังเลยนะครับ ”

“ นายไปเรียกพี่เขาแบบนั้นได้ยังไง? ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนิดๆ

“ หมอบีมโกรธผมเพราะมันงั้นเหรอ? ”

“ ฉันไม่ได้โกรธ แต่แค่ไม่ชอบนิสัยแบบนี้ของนาย ”

“ ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ใครจะชอบหรือไม่ชอบก็ตามใจ ”
พูดจบเขาก็ขึ้นรถทันที สีหน้าบ่งบอกว่าไม่แคร์อะไรทั้งนั้น

พวกเราต่างคนต่างเงียบมาตลอดทาง มีแค่เสียงแอร์เบาๆที่ยิ่งฟังก็ยิ่งอึดอัด
“ เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายซอยนี้ก็ถึงแล้ว ”
แวมหักพวงมาลัยไปทางซ้ายตามที่ผมบอก ไม่นานรถหรูก็มาจอดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านหลังเล็กๆห่างจากใจกลางเมืองไม่มากนัก ภายในบ้านเงียบสงบเพราะไม่มีคนอยู่ มีเพียงสุนัขหนึ่งตัวที่ส่งเสียงเห่าเบาๆก่อนจะวิ่งมาเกาะรั้วพร้อมกระดิกหางไปมา

“ ชาเย็น วิ่งมาเร็วเชียวนะ หิวข้าวแล้วล่ะสิ มา เดี๋ยวหาอะไรให้กินนะ ”
ผมลูบหัวสุนัขตัวโปรดผ่านช่องว่างระหว่างรั้วเหล็กสีขาว
“ ขอบคุณที่มาส่งนะ ”
ผมหันไปบอกคนที่นั่งอยู่ในรถ เขาพยักหน้าช้าๆก่อนจะขับรถออกไป

รถราคาแพงเคลื่อนตัวออกไปได้ไม่ไกลก็จอดลงข้างทางอีกครั้ง ผมมองร่างสูงที่ขมวดคิ้วงุ่นเปิดประตูลงจากรถอย่างหัวเสีย

“ รถเสียเหรอ? ”
ผมเดินไปถามแวม

“ ครับ อยู่ๆก็ดับไปเลย ”

นี่มันวันซวยอะไรเนี่ย? รถผมก็ยางแบน เจ็บตัวเพราะโดนยิง แถมรถแวมก็มาเสียอีก

“ ต้องมีใครแกล้งพวกเราแน่ๆ ”
ผมบอกอย่างโมโห

“ ผมคงสร้างศัตรูไว้เยอะจริงๆ ”

“ แล้วนี่นายจะเอาไงต่อ? ดึกป่านนี้อู่ซ่อมรถแถวนี้คงปิดแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันโทรเรียกช่างให้แล้วกัน ”

“ กว่าจะซ่อมเสร็จคงอีกนาน ผมต้องขอค้างที่นี่สักคืนแล้วล่ะครับ ”

“ ฮะ? ค้างที่นี่? ”

“ แต่ถ้าหมอบีมลำบากใจ งั้นผมหาทางกลับเองก็ได้ครับ ”

“ เอ่อ ตอนนี้ดึกมากแล้ว งั้นนายพักที่นี่ก่อนก็ได้ ”
ผมตอบไปอย่างลังเล

ร่างสูงเหยียดยิ้มมุมปากเล็กน้อย แม่ง ทำไมผมรู้สึกไม่ไว้ใจคนตรงหน้ายิ่งกว่าคนร้ายที่ยิงผมวันนี้ซะอีก



บ๊อก บ๊อก บ๊อก
สุนัขแสนรู้วิ่งเข้ามาหาผมทันทีที่เข้ามาในบ้าน ตัวมันก็ไม่ได้เล็กเหมือนแต่ก่อนแล้ว กระโดดมาทีนี่ผมแทบล้มลงกับพื้น

“ หิวเหรอ? รอแป๊ปนึงนะ เดี๋ยวไปหาอะไรให้กิน ”
ผมลูบหัวเจ้าชาเย็นเบาๆ มันกระดิกหางดีใจก่อนจะเดินไปหาสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามา

“ ช่วยเอามันไปไกลๆผมหน่อยได้ไหมครับ ผมไม่ชอบหมา ”
แวมถอยห่างทันทีที่ชาเย็นเดินไปใกล้

“ ชาเย็น มานี่เร็วลูก ”
ผมเรียกมันก็ไม่ยอมมา เจ้าชาเย็นยังคงเดินดิ๊กๆไปทางแวมไม่หยุด

“ มันคงอยากเล่นกับนายน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปหาข้าวให้มันกิน ส่วนนายก็เล่นกับมันไปก่อนนะ ”
ไม่ชอบหมางั้นเหรอ? แกล้งให้อยู่กับหมาไปนั่นแหละดีแล้ว

“ เฮ้ย หมอ เดี๋ยวก่อนครับ หยุดเลยนะไอ้หมาดื้อ ไม่ต้องเข้ามาใกล้ ”
อยากจะหัวเราะให้กับคนที่ทำหน้ายุ่งหลบสุนัขที่เอาแต่วิ่งตามจริงๆเลย ปล่อยไว้แบบนี้แป๊ปนึงแล้วกันนะ

วันนี้ไม่ได้ซื้อข้าวมาให้เจ้าชาเย็นกินเพราะมัวแต่ยุ่งกับเรื่องวุ่นวายอยู่ คงต้องให้มันกินอาหารสำเร็จรูปไปก่อนแล้วกัน

ผมหยิบอาหารสุนัขในครัวมาเทใส่จานเสร็จเรียบร้อย เดินออกมาจากก็เจอเจ้าชาเย็นตัวยุ่งกำลังนั่งกระดิกหางอยู่ข้างโซฟาตัวยาว โดยมีแวมนั่งลูบศีรษะมันเบาๆ โหว เป็นภาพที่โคตรน่ารักเลยว่ะ คนที่เมื่อกี้ทำหน้าบึ้งตึงได้เผยรอยยิ้มเล็กๆให้กับสุนัขตรงหน้าอย่างเอ็นดู

“ ไหนว่าไม่ชอบหมาไงล่ะ? ”
ผมนั่งลงข้างๆแวมก่อนจะวางจานอาหารลง ไม่รอช้าสุนัขตรงหน้าก็ลุกขึ้นมากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

“ เจ้าชาเย็นของหมอมันน่ารักดีครับ ดูเชื่องมากเลย ”

“ มันก็น่ารักเหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ ”
เจ้าของใบหน้าหล่อหลุดขำในลำคอเบาๆ ตาคมมองหน้าผมก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มต่ำกับประโยคที่ทำให้คนฟังถึงกับไปต่อไม่เป็น

“ ครับ น่ารักจริงๆด้วย ”

“ เออ ฉันจะไปนอนแล้ว น่ะ...นายก็นอนโซฟานี่แล้วกันนะ ”
ผมรีบพูดติดๆขัดๆหาโอกาสปลีกตัวออกจากสถานการณ์นี้ทันที

“ เดี๋ยวก่อนครับ หมอจะให้ผมนอนตรงนี้จริงๆเหรอ? ถ้ายุงกัดจนผมเป็นไข้เลือดออกขึ้นมาล่ะครับ ใจร้ายจริงๆเลย ”

“ งั้นนายก็ไปนอนห้องคุณพ่อแล้วกัน ”

“ เอ่า แล้ววันนี้คุณพ่อของหมอไม่อยู่บ้านเหรอครับ? ”

“ พ่อฉันอยู่นั่นไง ”
ผมพยักพเยิดไปที่รูปถ่ายขาวดำของคุณพ่อที่ติดอยู่อีกมุมของผนังห้องรับแขก

แวมดูตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้แบบนั้น
“ เอ่อ ผมเสียใจด้วยนะครับ ”

“ อืม ”
ผมยิ้มบางๆให้กับคำพูดที่ออกจากใจของคนพูดจริงๆ ตอนนี้ผมทำใจเรื่องพ่อได้แล้วล่ะ ต้องขอบคุณคนที่คอยอยู่ข้างๆผมในวันที่ไม่มีใคร คนๆนั้นหน้าเหมือนเจ้าของใบหน้าหล่อที่นั่งอยู่ข้างๆผมตอนนี้ ราวกับเป็นคนๆเดียวกันเลยว่าไหม?

“ แบบนี้หมอบีมก็ใช้ชีวิตคนเดียวมาตลอดเลยสิครับ? ”

“ คงงั้นมั้ง ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ ”
ตอนนี้ก็ปาเข้าไปตีสองกว่าแล้วจริงๆ ผมมีเรียนเช้าซะด้วยสิ

“ ผมขอไปนอนห้องหมอนะครับ ผมกลัวผี ”

“ ฮะ? นายนี่นะกลัวผี? ”

“ ครับ ”

“ งั้นฉันนอนห้องคุณพ่อแล้วกัน ”

“ ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยครับ นอนห้องเดียวกันก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ ”

“ ฉันไม่ชอบนอนร่วมห้องกับใคร มันอึดอัดเข้าใจไหม? ”

“ แต่ผมกลัวผีนะครับ ”

“ นั่นมันเรื่องของนาย ”

“ ผมอยากนอนกับหมอ ”

“ ... ”

“ ผมหมายความว่าถ้ามีหมอนอนข้างๆก็คงอุ่นใจกว่านอนคนเดียวน่ะครับ ไม่งั้นผมคงกลัวผีจนนอนไม่หลับแน่ๆ ”

“ เรื่องมากว่ะ ”

“ นะครับ ”
ทำหน้าวิงวอนแบบนั้นคิดว่าจะใจอ่อนงั้นเหรอ? ดูก็รู้ว่าแกล้งทำชัดๆ โว้ยยย แต่ถ้ายังมัวแต่เถียงกันแบบนี้ผมคงไม่ได้นอนแน่ๆ

“ เออ ก็ได้ ”
ผมตอบแบบขอไปทีก่อนจะเดินนำไปที่ห้อง เกลียดที่ตัวเองรู้สึกตื่นเต้นกับการพาผู้ชายเข้าห้องนี่แหละ ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ย

ผมเป็นผู้ชายธรรมดานะครับ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหน ให้มาอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ตัวเองรักแบบนี้จะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยงั้นเหรอ?

แต่นี่ไม่ใช่แวมคนเดิม เขาคนนั้น คนที่ผมรักได้ตายไปแล้วต่างหากล่ะ

“ หมอจะไปไหนครับ? ”

“ ไปอาบน้ำ ถ้านายง่วงก็นอนเลยก็ได้นะ ”
ผมบอกคนที่นั่งอยู่บนเตียงสีขาวที่ผมใช้นอนอยู่ทุกวัน

“ ผมยังไม่ง่วงครับ กะว่าจะอาบน้ำก่อน ”

“ อืม งั้นฉันอาบก่อนนะ ”
ผมถอดแว่นสายตาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัว

“ เวลาหมอบีมถอดแว่นก็น่ารักไปอีกแบบนะครับ ”

“ โว้ยยย เลิกพูดอะไรแบบนั้นซะทีเถอะ จะอ้วก ”
ผมแกล้งโวยวายกลบเกลื่อน

“ ครับ งั้นผมขอดูหนังสือพวกนี้รอหมออาบน้ำนะครับ ”
แวมเดินไปที่ชั้นหนังสือที่มีหนังสือหลายร้อยเล่มวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ก็อย่างที่เคยบอกไปว่าผมชอบสะสมหนังสือมากๆนั่นแหละครับ

“ อืม อยากอ่านเล่มไหนก็หยิบตามสบาย ”

ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวอยู่นานพอสมควร ก็แผลที่แขนข้างซ้ายโดนน้ำไม่ได้ แถมตอนนี้ยาชาหมดฤทธิ์แล้วรู้สึกปวดแผลสุดๆ

พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นแวมกำลังนั่งขมวดคิ้ว สายตาจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ

“ อ่านอะไรอยู่เหรอ? ”

“ หนังสือเกี่ยวกับดาวพลูโตน่ะครับ ผมจำได้ว่าตอนสมัยประถมเคยเรียนว่ามันอยู่ในระบบสุริยะด้วย ”
เขาเอ่ยตอบทั้งๆที่สายตายังจ้องอยู่กับการอ่านหนังสือในมือ

เหอะ ดูท่าทางคงจะสนใจหนังสือเล่มนั้นมาก

“ อ่านได้ตามสบายเลยนะ ฉันนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า ”
ผมว่าก่อนจะทิ้งตัวจนหัวติดหมอนเรียบร้อย

“ เดี๋ยวครับหมอ ”
แวมเก็บหนังสือเข้าที่เดิมของชั้นวางก่อนจะเดินมานั่งข้างๆเตียง

“ มีอะไร? ”

“ ทำไมวันนี้หมอถึงช่วยชีวิตผมไว้ ไม่กลัวตายรึไงครับ? ”

“ กลัวดิ ใครเขาจะไม่กลัวตายล่ะ ฉันแค่เห็นนายยืนซื่อบื้ออยู่ เลยวิ่งเข้าไปช่วยผลักออกเท่านั้นเอง ไม่ได้เอาตัวไปรับกระสุนแทนซะหน่อย แต่มันแค่ผิดพลาดทางเทคนิค ฉันเลยเจ็บตัวแบบนี้ไง ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง

 “ เอาเถอะ ยังไงผมก็ต้องขอบคุณหมอบีมมากนะครับ ตอนนี้ผมติดหนี้ชีวิตหมออยู่ หมออยากได้อะไร ถ้าให้ได้ผมก็จะให้ ”

“ ฉันไม่อยากได้อะไรจากนายทั้งนั้นแหละ ”

“ งั้นเหรอครับ? ผมก็นึกว่าหมออยากได้... ”
แวมโน้มตัวเข้ามาใกล้ทำให้ผมเห็นรอยยิ้มร้ายที่มุมปากนั่นชัดเจน เมื่อกี้ผมมองสีหน้าเขาไม่ชัดเพราะไม่ได้ใส่แว่น สายตาผมสั้นมากจริงๆ

เอ๊ะ อย่าบอกนะว่าทำหน้าสีหน้าแบบนี้ตลอด

“ นายคิดอะไรอยู่กันแน่? ”
ผมถามพร้อมจ้องตาคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ

“ ผมรู้นะว่าตอนที่ผมหลับเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ที่โรงพยาบาล หมอสร้างเรื่องหาว่าผมเป็นผี กุเรื่องว่าตัวเองดูแลผมทั้งๆที่เฟย์ต่างหากที่เป็นคนดูแล หึ หลักฐานมันก็บอกอยู่ว่าผมตื่นขึ้นมาเจอเฟย์เป็นคนแรก แต่หมอไม่เคยมาเยี่ยมผมเลยด้วยซ้ำ หมอเก่งมากเลยครับที่หลอกพวกเพื่อนสนิทของผมได้ แต่หมอหลอกผมไม่ได้หรอก หมอสร้างเรื่องโกหกนี่ขึ้นมาเรียกร้องความสนใจจากผม แถมยังเอาตัวเองมาบังกระสุนให้ผม น่าประทับใจจริงๆเลยนะครับ ผมก็นึกว่าหมอ...ชอบผมซะอีก ”
ทุกประโยคที่เกิดจากความเข้าใจผิดถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็น ดวงตาคมฉายแววร้ายกาจจนผมเริ่มกลัวคนตรงหน้า

แสดงว่าที่ผ่านมาเขาคิดแบบนี้มาตลอดเลยสินะ?

“ นายคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นงั้นเหรอ? เหอะ แล้วอย่าบอกนะว่าเรื่องทั้งหมดในวันนี้นายตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อแกล้งฉัน? ”

“ จะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกทั้งหมดหรอกครับ ไว้ว่างๆผมจะเล่าให้ฟังแล้วกัน แต่ตอนนี้ขอตัวไปอาบน้ำก่อน เริ่มง่วงแล้วเหมือนกันครับ ”

แวมผละตัวลุกจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเดิมที่ผมวางไว้เข้าห้องน้ำไป

“ ต้องการอะไรกันแน่วะ!? ”
ผมลุกขึ้นตะโกนไล่หลังร่างสูง แต่ก็ได้รับการตอบกลับมาเพียงความเงียบ

ตอนนี้ผมทั้งโกรธทั้งสับสนว่าเขาคิดอะไรกันแน่? แววตาแบบเมื่อกี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนนี้รู้แค่ว่าเขาคงเกลียดผมเพราะเชื่อว่าผมเป็นคนสร้างเรื่องโกหกหลอกลวง เขาไม่ใช่แวมคนเดิมที่ผมเคยรู้จักอีกต่อไป ผมไม่สามารถคาดเดาความรู้สึกของผู้ชายคนนี้ได้เลยจริงๆ






............................................................
แวะมาอัพตอนใหม่ก่อนสอบครับ หายไปนานเช่นเคย กราบขออภัยคนอ่านจริงๆ :3123:
อาจจะหายแต่แวะเข้ามาส่องคอมเม้นต์ตลอดนะครับ บ่นๆรออาจจะมาลงตอนใหม่ไวๆก็ได้555
สำหรับใครที่ไฟนอลลนตูดเหมือนกันก็ขอให้ผ่าน F ไปได้ด้วย D นะครับ
#รักคนอ่าน
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-11-2017 00:47:32
อีซันนี้อะไรยังไงนะ :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-11-2017 01:01:18
 :3125:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 23-11-2017 01:57:14
แวมอย่าเชื่อชะนีเฟย์ กล้องวงจรปิดมี นางพยาบาลที่โดนหลอกมี คนไข้ที่อยู่ห้องข้างๆที่เคยโดนนายหลอกมี ไปดูกันให้ชัดๆว่าใครกันแน่ที่ดูแลนาย  :katai1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: SM_day ที่ 23-11-2017 03:46:45
งงแวม ชอบ แต่ต้องการตะสื่ออะไร
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-11-2017 12:40:25
เฟย์ เอาตัวไปเยี่ยมตอนแวน ฟื้นพอดี
เลยโกหกสิว่ามาเฝ้าไข้ตลอด
เรื่องแบบนี้ อย่าฟังความข้างเดียวสิ
ทำไมไม่ถามคนในโรงพยาบาล จะชัดกว่าไหม
ขนาดเพื่อนตัวเองแท้ แวนยังไม่เชื่อ ตลกแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
   :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-11-2017 18:45:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 23-11-2017 20:14:29
 o13
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-11-2017 20:50:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 23-11-2017 22:02:17
อยากให้แวมจำหมอได้เร็วๆ เกลียดเฟย์มากจ้า ด้านไม่มีใครเกิน
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 24-11-2017 09:02:28
รออ่านเรื่องนี้ตั้งนาน  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 24-11-2017 13:44:41
ถ้าอวมแกล้งหมอบีมจะต่อยแวม
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 25-11-2017 19:48:24
อีกนานไหมกว่าจะมาต่อ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: PNatsita ที่ 25-11-2017 23:55:22
ค้างงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 26-11-2017 20:33:53
อีกนานไหมกว่าจะมาต่อ

โหววว ถามแบบนี้คงต้องตอบแล้วล่ะ เอาเป็นว่าค่ำวันพุธผมจะมาต่อตอนใหม่ให้นะครับ ใจเย็นๆครับบบ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 26-11-2017 20:35:48
ตามมมม
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 26-11-2017 21:05:12
อีกนานไหมกว่าจะมาต่อ

โหววว ถามแบบนี้คงต้องตอบแล้วล่ะ เอาเป็นว่าค่ำวันพุธผมจะมาต่อตอนใหม่ให้นะครับ ใจเย็นๆครับบบ

ขอบคุณนะค่ะ ปูเสื่อนอนรอ :a12:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 16 [ 23/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 29-11-2017 13:22:59
 :a1: วันพุธแล้ว

มานั่งรอ นอนรอ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 29-11-2017 20:02:21
Chapter 17
( 50% )




ผมค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก แสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านผ้าม่านสีขาวทำให้ต้องหรี่ตาลงเพื่อปรับสภาพ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งตื่นนอนในตอนเช้า พยายามลุกขึ้นแต่ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงเอาซะเลย จะยกแขนขึ้นยังลำบาก พอกวาดสายตาไปรอบๆก็พบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของผม เกิดอะไรขึ้น?

“ คุณแม่คะ แวมฟื้นแล้วค่ะ ”
น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจถูกเอ่ยจากคนที่นั่งอยู่บนโซฟาที่มุมห้อง

“ ยืนอยู่เฉยทำไมล่ะ ไปตามหมอมาดูสิ ”

“ ค่ะๆ ”
เฟย์พยักหน้ารับและรีบเดินออกไปตามคำสั่งคุณแม่ของผมทันที

“ เกิดอะไรขึ้นกับผมครับแม่ ”

“ ลูกจำไม่ได้รึไงว่าตัวเองโดนยิงจนกลายเป็นเจ้าชายนิทราอยู่นาน ดีนะที่หนูเฟย์คอยดูแลตลอด แม่นี่ปลื้มใจจริงๆที่จะได้เด็กคนนี้เป็นลูกสะใภ้ ”

“ เฟย์คอยดูแลผม? ”

อย่างเฟย์เนี่ยนะ? ตั้งแต่คบกันมาก็ไม่เคยเห็นเขาจะเป็นห่วงผมสักเท่าไหร่ หลายครั้งที่ผมป่วยแต่เธอไม่เคยสนใจ แถมยังเอาแต่ใช้เงินซื้อของแบรนด์เนมเป็นว่าเล่น

“ ใช่แล้วลูก หนูเฟย์น่ะคอยดูแลลูกทุกอย่าง ตอนอยู่โรงพยาบาลเขาก็มาเยี่ยมลูกทุกวันทั้งๆที่ตัวเองก็เรียนหนักจนแทบไม่มีเวลาอยู่แล้ว นี่ขนาดลูกกลับไปรักษาตัวที่บ้าน หนูเฟย์ยังตามไปดูแลตลอด เมื่อคืนเธอก็มาเยี่ยมลูก เธอบอกแม่ว่าแวมเริ่มรู้สึกตัวแล้ว วันนี้แม่เลยให้คนพาลูกมาโรงพยาบาล พอลูกฟื้นแม่ดีใจที่สุดเลยรู้ไหม ”

ผมได้แต่เงียบไม่พูดอะไร ในสมองนึกประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผมก็จำเรื่องอะไรไม่ได้เลย

“ คุณหมอมาแล้วค่ะ ”

“ ฝากคุณหมอดูแลลูกชายดิฉันด้วยนะคะ ดิฉันคงต้องขอตัวไปทำธุระก่อน สวัสดีค่ะ ”
คุณแม่ยังคงห่วงงานมากกว่าลูกตัวเองเช่นเคย เธอพูดกับคุณหมอจบก็หันไปกระซิบอะไรกับเฟย์เบาๆก่อนจะเดินออกไป



หลังจากที่ให้หมอตรวจร่างกายเรียบร้อย ผมต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่สักระยะ เฟย์ดูแลผมดีมาก เธอมาเยี่ยมผมทุกวัน แสดงความเป็นห่วงจนบางทีผมก็คิดว่าผมอาจจะอคติกับเธอมากเกินไป ความจริงแล้วเฟย์เป็นคนดูแลผมมาตลอดงั้นเหรอ?

แต่อีกหนึ่งเรื่องที่ผมสงสัยคือพยาบาลที่นี่มักจะทำตัวแปลกๆ หลายคนท่าทางหวาดกลัวเหมือนผมเป็นตัวประหลาด ผมเปรยถามพยาบาลคนนึง จึงได้ฟังเรื่องราวอีกเรื่องที่น่าขำสิ้นดี จะเป็นไปได้จริงเหรอที่ผมเป็นผีไปหลอกคนในโรงพยาบาล ตลกว่ะ

อีกเรื่องที่ได้ยินมาคือมีนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งที่คอยดูแลผมมาตลอด เขาคือหมอบีม มันเหมือนความฝันมากกว่าความจริงเสียอีก เรื่องราวพวกนี้มันเหลือเชื่อสำหรับผมมาก ตอนนี้สับสนไปหมด ไม่สามารถฟันธงอะไรได้เลย ถึงผมจะดีใจที่รู้ว่าหมอบีมเป็นคนดูแล แต่มันก็ยากที่จะเชื่อ มันแย่ตรงที่ผมจำอะไรไม่ได้เลยนี่แหละ



วันนี้เฟย์โทรมาบอกว่ามีสอบย่อย คงจะไม่ได้เข้ามาเยี่ยม ทำไมรู้สึกสบายใจแปลกๆวะ ผมอึดอัดทุกครั้งที่อยู่กับเฟย์ คงเป็นเพราะผมพยายามจะรู้สึกดีกับเธอแต่ทำไม่ได้ ใจผมเอาแต่ลอยไปอยู่ที่ใครอีกคนมากกว่า ผมไม่ได้เจอหน้าหมอบีมมานานเกินไปแล้ว แต่ก่อนได้แค่ส่องเขาในโซเชียลก็พอ แต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่อยากมองรูปเขาในมือถืออีกต่อไป รู้สึกอยากเจอจนแทบทนไม่ไหว

ครืดดด ครืดดด
วิดีโอคอลจากแชทกลุ่ม

“ กูนึกว่าพวกมึงลืมกูไปแล้วซะอีก ”
ผมยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาอยู่ระดับใบหน้า เพื่อนรักทั้งสองคนตอนนี้กำลังทำหน้าตาตกใจกับการที่เห็นหน้าผม มันสองคนกำลังกินข้าวอยู่ในร้านอาหารร้านประจำที่ผมคุ้นเคย ว่าแล้วก็โคตรคิดถึงพวกมันเลยว่ะ หายหน้าหายตาไม่มาเยี่ยมกูเลยนะ

“ เชี่ย ไอ้แวมฟื้นแล้วจริงๆด้วย!!! ”
เสียงของไอ้เมฆดังจนคนในร้านหันมามองเต็มไปหมด นาคิมเอามือปิดปากมันพร้อมหันไปขอโทษขอโพยคนในร้าน ผมมองผ่านมือถือแล้วอดที่จะขำไม่ได้

“ พวกมึงเพิ่งรู้รึไงวะ? แม่ง ไม่โผล่หน้ามาเยี่ยมกูเลย ”

“ เออ พวกกูเพิ่งรู้ ”

“ กูเห็นมึงออนไลน์ก็นึกว่าใครแอบแฮกรหัสมึงรึเปล่า? เลยคอลไลน์มาดูหน้าแม่ง ”

“ มึงรู้ไหมว่าแม่มึงห้ามไม่ให้พวกกูไปเยี่ยมมึงที่บ้าน กูเลยไม่รู้ว่ามึงเป็นไงบ้าง รู้อีกทีก็ตอนมึงฟื้นนี่แหละ ”

“ จริงเหรอวะไอ้คิม? ”
ทำไมคุณแม่ต้องทำแบบนั้นด้วย?

“ ไม่ต้องแดกแล้วข้าว ป่ะไอ้คิม ไปเยี่ยมไอ้แวมกัน ”
ใต้เมฆพูดจบก็ตัดสายไปทันที

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกมันสองคนก็โผล่หน้ามาให้ผมเห็นจนได้ ไอ้เมฆพุ่งตัวมากอดผมแน่นจนแกะไม่ออก กูป่วยแป๊ปเดียวมึงกลายเป็นปลาหมึกไปแล้วเหรอวะ?

“ ไอ้คิม มาเอามันออกไปดิ กูจะตายแล้ว ”

“ ฮ่าๆ พอแล้วไอ้เมฆ แกล้งมันอยู่ได้ ”

“ กูนึกว่ามึงตายห่าไปแล้วรู้ไหม นี่หาร้านตัดชุดดำเตรียมไปงานเลยนะเนี่ย ”
ใต้เมฆผละตัวออกแล้วพูดกวนตีนผมเช่นเคย รักเพื่อนได้ไม่นานจริงๆนะมึงเนี่ย

“ สัด แช่งกู ”

“ กูล้อเล่นน่า ”

“ เออ พวกมึงมาก็ดีแล้ว กูมีเรื่องอยากจะถาม ”
มันสองคนมองหน้ากันอย่างงงๆ

“ มีอะไรวะ? ”

ผมถามว่าตอนที่ผมป่วยมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? ใครเป็นคนดูแลผมกันแน่? และเรื่องราวที่ผมได้ฟังจากปากสองคนนี้ก็ทำให้ผมอึ้งอยู่นาน

“ พวกมึงพูดจริงเหรอวะ? ”

“ พวกกูเคยโกหกมึงไหมล่ะ ”

มันสองคนไม่มีทางโกหกผมแน่ๆ ในชีวิตผมไม่เคยเจอเพื่อนคนไหนจริงใจเท่ามันสองคนมาก่อน แต่เรื่องที่ผมเป็นวิญญานมาหลอกคนในโรงบาลก็เหลือเชื่อจนเกินจะเป็นไปได้

“ อ่อ ยังมีอีกเรื่องที่กูไม่รู้ว่าควรจะบอกมึงไหม เพราะบางทีมึงอาจจะรู้อยู่แล้ว ”

“ ไอ้เมฆ ถ้ามึงจะพูดขนาดนี้ก็บอกกูมาเถอะ ”

“ มึงชอบหมอบีม ใช่ไหม? ”

“ เฮ้ย มึงรู้ได้ไงวะ? กูไม่เคยบอกพวกมึงเลยนะว่ากูชอบ ”

“ นั่นไง มึงชอบเขาจริงๆด้วย แล้วอย่าบอกกูนะว่ามึงชอบมานานแล้ว ”

“ แล้วมึงรู้ได้ไง? ”

“ มึงบอกกูเอง ”

“ บอกตอนกูเป็นผีเนี่ยนะ? พวกมึงอย่ามาล้อกูเล่น ”

“ กูไม่ได้ล้อเล่น มันอาจจะเหลือเชื่อนะเว้ย เอาเป็นว่ามึงยังไม่ต้องเชื่อกูก็ได้ แต่ยังไงความจริงก็คือความจริง อ่อ อีกเรื่องที่กูจะบอกมึงก็คือ หมอบีมเขาก็ชอบมึงนะเว้ย ถึงกูจะไม่รู้เรื่องของพวกมึงสองคนมากนัก แต่กูดูออกว่ามึงชอบเขาและเขาก็ชอบมึง หรือบางทีอาจจะมากกว่าชอบ ”

เรื่องที่ไอ้เมฆพูดมันทำให้หัวใจผมสั่นด้วยความดีใจ ถึงจะยังไม่เชื่อแต่ก็แอบภาวนาให้เป็นเรื่องจริง ถ้ามันแกล้งโกหกผมไม่ปล่อยมันไว้แน่ เรื่องความรู้สึกแบบนี้ไม่ควรล้อเล่นนะเว้ย

“ มึงคิดเองเออเองป่าววะไอ้เมฆ กูจะเชื่อมึงได้ไหมเนี่ย? ”

“ มึงไม่ได้โง่นะไอ้แวม ”
นาคิมเอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนาน
“ กูรู้ว่ามึงเชื่อพวกกู พยาบาลที่นี่ก็ยืนยันได้ว่าหมอบีมเป็นคนดูแลมึง พวกกูไม่มีเหตุผลอะไรจะโกหก ส่วนเรื่องที่แม่มึงกับเฟย์โกหกมึงก็น่าจะรู้อยู่ว่าเพราะอะไร ”

“ ที่มึงพูดก็ถูก แต่เรื่องผีมันไม่น่าเชื่อจริงๆว่ะ ”

“ เรื่องผีมันไม่สำคัญหรอกเว้ย มันสำคัญตรงที่ว่ามึงจะเอาไงกับชีวิตมึงต่อ จะเลือกเชื่อเฟย์แล้วมึงมีความสุขก็แล้วแต่มึงนะเว้ย ”

“ กูอยู่กับเฟย์แล้วกุไม่มีความสุขเลยว่ะ กูไม่ได้อยากคบกับเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ”

“ กูว่าแล้ว ”
ใต้เมฆอุทานขึ้นมาทันที

“ โว้ยยย พวกมึงว่ากูควรทำไงดีวะ? ”
ผมรู้สึกสับสนจนอยากจะกลับไปหลับเป็นเจ้าชายนิทราอีกรอบ อย่างน้อยก็ไม่ต้องมารับรู้เรื่องวุ่นวายแบบนี้ ใครไม่มาเป็นผมคงไม่เข้าใจหรอกว่าชีวิตตอนนี้มันยุ่งยากขนาดไหน

“ นี่มึงยังไม่เชื่อพวกกูอีกเหรอวะ? มึงอยากให้กูพิสูจน์ยังไงก็ว่ามาเลยมา ”
นาคิมบ่น

“ ตอนนี้กูสับสนว่ะ เฟย์เขาก็ดีกับกูจริงๆ กูไม่ได้หาว่าพวกมึงโกหกนะเว้ย แต่ถ้าเขาพูดความจริงแล้วกูเชื่อพวกมึงก็ถือว่ากูแย่มาก แต่ถ้าเขาโกหกแล้วกูเลือกที่จะเชื่อเขา หมอบีมล่ะวะ? กูชอบหมอบีม กูไม่ได้ชอบเฟย์ ”

“ เอางี้ มึงก็เชื่อเฟย์ไปก่อนก็ได้ เพราะยังไงเขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนมึงอยู่ ถ้าความจริงมันจะเปิดเผย มันคงต้องมีเวลาของมันเอง กูเชื่ออย่างนั้น ”
โหว คราวนี้ไอ้เมฆพูดได้ดีว่ะ
“ ส่วนเรื่องหมอบีม กูแล้วแต่มึงจะตัดสินใจแล้วกัน ”

“ งั้นกูคงต้องขอความร่วมมือจากพวกมึงหน่อยแล้วว่ะ ”

“ ว่ามา ”
พวกมันสองคนตั้งใจฟังผมพูดอย่างใจจดใจจ่อ

“ กูจะลองเชื่อเฟย์ พวกมึงก็ช่วยคิดว่ากูไม่เชื่อพวกมึงด้วย ”

“ เสแสร้งชิบหาย ”

“ เออน่า ตามนี้ ”

“ ได้ เดี๋ยวกูไปบอกหมอบีมให้ว่ามึงไม่เชื่อพวกกู ระวังไว้นะเว้ย ชักช้ากูจะคาบหมอบีมไปแดกเองแล้วนะ ”

“ ไอ้เมฆ! ”
อย่าเล่นแบบนี้นะเว้ย

“ ไอ้คิม ว่างๆเราชวนหมอบีมออกมาแดกเหล้ากันหน่อยดีไหมวะ? ไม่เจอกันนาน คิดถึงว่ะ ”

“ กูว่าดี ”

“ พวกมึง... ”

“ ไปแล้ว กูมีเรียนบ่าย หายไวๆนะเว้ยไอ้แวม ”
ใต้เมฆตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะเดินออกไป มึงไม่เห็นรึไงว่ากูโกรธอยู่? โว้ย หายป่วยเมื่อไหร่จะกระโดดถีบมันคนแรกเลยคอยดู

“ กูต้องเข้าบริษัทแล้วว่ะ พอดีมีประชุม ฮ่าๆ ”
ไอ้คิมก็อีกคน พวกมึงจะเล่นแบบนี้กับกูไม่ได้นะ อย่ามายุ่งกับหมอบีมของกูนะเว้ย




หลังจากที่ผมหายป่วยออกจากโรงพยาบาล ผมก็ต้องมาจัดการกับเรื่องเรียนจนวุ่นวาย บางวิชาอาจารย์ใจดีก็อนุญาตให้ตามส่งงานทีหลังได้เพราะไม่เช็คชื่อเข้าเรียน บางวิชาที่เก็บคะแนนสอบย่อยไปเยอะก็คงต้องดร็อปและลงเรียนซัมเมอร์อีกที วิชาที่คะแนนยังพอไหวก็คงต้องอ่านหนังสือสอบหนักพอสมควร ไม่ได้เข้าเรียนก็คงต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ

ผมเพิ่งรู้ว่ารุ่นพี่ดีกับผมมาก หลายคนช่วยติวและช่วยผมทำงาน หนึ่งในนั้นก็มีไอ้พี่เทียนด้วย มันคอยติวเนื้อหาที่ผมไม่เข้าใจให้ เพื่อนคนอื่นๆก็ช่วยถ่ายเอกสารเลคเชอร์มาให้อ่าน ผมเพิ่งรู้ว่าการมีเพื่อนมันดีอย่างนี้นี่เอง แอบรู้สึกผิดที่แต่ก่อนทำตัวเกเรไม่เป็นมิตรกับใครอยู่เหมือนกัน

ผมยุ่งเรื่องเรียนจนไม่มีเวลาว่างไปไหน วันๆแค่ทำงานกับอ่านหนังสือ และไปรับไปส่งพาเฟย์ พาเธอไปทานข้าวทุกวัน เธออยากได้อะไรผมก็คอยจ่ายค่าบัตรเครดิตให้ทีหลัง ไม่ยุ่งยาก ผมกับเฟย์ยังเหมือนเดิม ผมยังไม่รู้สึกพิเศษอะไรกับผู้หญิงคนนี้เช่นเดิม

แต่คนที่ผมรู้สึกพิเศษด้วยกลับคอยเอาแต่หลบหน้าผม บางครั้งผมเจอหมอบีมที่คณะตอนไปรับเฟย์ เขาเห็นผมแล้วก็เดินหนีทันที เจอกันที่ไหนก็เอาแต่หลบเหมือนไม่อยากเห็นหน้า ไหนไอ้เมฆมันบอกว่าหมอบีมชอบผมไงล่ะ?

ครืดดด ครืดดด
โทรมาเหมือนรู้ว่ากูกำลังนินทาเลยนะ

“ มีไรวะ? ”
ผมกรอกเสียงหงุดหงิดลงไปในมือถือ

“ อะไรวะไอ้แวม มึงโกรธอะไรกูเนี่ย? ”

“ สรุปมึงมีไร? กูต้องไปปั่นงานต่อ ไม่มีเวลามาให้มึงกวนประสาทนะเว้ย ”

“ โหย กูแค่จะโทรมาขออนุญาตมึง กูจะชวนหมอบีมไปแดกเหล้า มึงคงไม่ว่างไปด้วยกันสินะ ”

“ มึงจะเอาไง!? ”

“ เฮ้ย ใจเย็น อย่าขึ้นเสียงดิวะ นี่เพื่อนไง ”

“ สัด ”

“ ก็กูไม่เห็นมึงจะทำอะไรกับเรื่องหมอบีมสักที เห็นหมอบีมเหงาๆกูก็อยากจะปลอบใจ เผื่อเขาจะหันมาชอบกูบ้าง ฮ่าๆ ”

“ มึงพูดงี้บอกมาเลยดีกว่าว่าจะไปร้านไหน มึงเจอกูแน่ ”




ผมติวเนื้อหาเตรียมสอบกับรุ่นพี่ที่คณะเสร็จก็รีบขับรถมาร้านเหล้าที่ไอ้เมฆบอกทันที
 
ร้านนี้เป็นร้านเหล้ากึ่งผับ ผมเดินแหวกผู้คนที่เต้นไปตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน เดินหาอยู่ไม่นานก็เจอไอ้เมฆกับไอ้คิมกำลังนั่งคุยกับหมอบีมอยู่ที่โต๊ะด้านใน ผมเดินไปถึงก็พอจับใจความได้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้าง เพื่อนรักทั้งสองของผมก็แกล้งสร้างเรื่องตามที่ผมบอก ไม่ผิดหวังที่ไว้ใจพวกมันจริงๆ

“ ตอนนี้เฟย์พูดอะไรมันก็เชื่อไปซะทุกอย่าง พาลหาว่าพวกผมเป็นเพื่อนขี้โกหกไปแล้วครับ ”
ไอ้คิมแม่งใส่ไข่จนเกินเหตุว่ะ ผมไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย

“ ถ้าผมตื่นมาแล้วมีคนบอกว่าเห็นวิญญาณผมตอนผมหลับ ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับ น่าตลกสุดๆ ”

“ ใช่ น่าตลกสิ้นดี ”
ผมรีบเดินเข้าไปขัดจังหวะการสนทนาทันที เกรงว่าถ้าปล่อยหมอบีมไว้กับสองคนนี้นานๆ มันคงใส่ร้ายป้ายสีผมมากกว่านี้แน่ๆ

หมอบีมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าผม ดวงตากลมโตมองมาเหมือนจะพิจารณาอะไรสักอย่าง หน้าตาผมมีอะไรแปลกไปงั้นเหรอ? จะมีก็แค่ทรงผม วันนี้เบื่อๆอยากเซ็ตทรงใหม่เท่านั้นเอง

เวลาหมอบีมมองมาแล้วรู้สึกใจเต้นแรงสุดๆ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงแสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรเช่นเคย ไม่นานคนที่มองมาก็ก้มหน้าหลุบลงต่ำราวกับต้องการจะหลบสายตา เจอหน้าทีไรก็เป็นแบบนี้ตลอด วันนี้ที่ร้านกาแฟก็เหมือนกัน อุตส่าห์บังเอิญได้เจอ กะว่าจะไปนั่งมองหน้าให้หายคิดถึง แต่พอเขาเห็นหน้าผมเขาก็หนีออกจากร้านทันที

“ คุณคือหมอบีมสินะ หึ เก่งจริงๆเลยที่ปั่นหัวเพื่อนผมได้ ... พวกมึงมาแดกเหล้าไม่เห็นชวนกูเลยนะ ”
ผมเอ่ยประโยคที่ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมาจ้องผมอีกครั้งด้วยท่าทางไม่พอใจ ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยเปลี่ยนเรื่องไปคุยกับพวกไอ้เมฆไอ้คิมแทน ไอ้เมฆเผลอกระตุกยิ้มก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าไม่สบอารมณ์ทันที ก็ตามบทคือพวกเราต้องอยู่ในช่วงทะเลาะกันอยู่

“ กูก็นึกว่ามึงจะไปแดกกับแฟนมึงไง ”
ใต้เมฆพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน

“ กลับกันเหอะ กูเหนื่อยจะพูดกับมันแล้วว่ะ ”
นาคิมพูดจบก็ลุกออกไปทันที ตามติดๆไปด้วยไอ้เมฆ ทำดีมากเพื่อน ทีนี้ก็เป็นโอกาสที่ผมจะได้อยู่กับหมอบีมสองคนซะที

ผมนั่งลงข้างๆหมอบีม แกล้งทำหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึกแต่ในใจนี่ปั่นป่วนไปหมด เอาไงดีวะ? จะพูดอะไร? จะทำไงต่อดี?

“ จะก้มหน้าอีกนานมั๊ยครับหมอบีม? ไม่มีเรื่องอะไรมาโกหกผมอีกเหรอ ผมรอฟังอยู่ ”
ผมแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขามากขึ้น อยากมองดวงตากลมโตนั่นชัดๆ ใบหน้าน่ารักๆนั่นเริ่มขึ้นสีเล็กน้อย นี่เขากำลังเขินผมใช่ไหม? ให้ตายเถอะ น่ารักว่ะ

“ นายนี่หล่อซะเปล่า เสียอย่างเดียว โง่ว่ะ ”

ผมอึ้งกับคำพูดนั้นไม่นานเขาก็วิ่งหนีไปทันที อยากจะบอกว่าผมขำมากกว่า ไม่ได้รู้สึกโกรธกับคำด่านั่นเลย หมอบีมไม่รู้อะไรซะแล้ว ผมไม่ได้โง่ แต่แค่แกล้งโง่เท่านั้นเอง



ยิ่งเวลาผ่านไปผมก็ยิ่งชัดเจนว่าผมไม่สามารถรู้สึกดีกับเฟย์ได้จริงๆ ผมคิดถึงหมอบีมตลอดเวลา คิดว่าเมื่อไหร่จะได้เจอ อยากเห็นหน้า อยากอยู่ใกล้ๆ

“ มึงคิดอะไรมากวะ ทำตามที่ใจมึงต้องการดิ ไม่ใช่ก็อย่าฝืน ”
คำพูดของไอ้เมฆยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ทำตามที่ใจต้องการงั้นเหรอ? แต่ตอนนี้เฟย์ดีกับผมมาก จะให้ผมทิ้งเธอไปหาหมอบีมได้ยังไง?

“ เหตุผลแค่ว่าไม่รักก็เพียงพอต่อการบอกเลิกแล้ว มึงรักหมอบีม ไม่ได้รักเฟย์ ทำไมมึงต้องทนคบกับคนที่มึงไม่ได้รักด้วยวะ? ”
อืม ที่ไอ้คิมพูดก็ถูก

แต่ผมผิดเองที่ไปคบกับเฟย์ตั้งแต่แรก ผมขอเธอเป็นแฟนทั้งๆที่ไม่ได้ชอบเธอด้วยซ้ำ ถ้าผมเป็นฝ่ายบอกเลิกตอนนี้ผมคงนิสัยแย่มาก แต่จะทำยังไงก็ไม่สามารถรักเธอได้เลยจริงๆ

“ กูตัดสินใจแล้ว กูจะบอกเลิกเฟย์ ขอเวลาให้กูหน่อย ”

“ ดี จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ อย่าปล่อยให้มันค้างคา ”




วันนี้ผมมารับเฟย์ที่คณะเช่นเคย ผมกะว่าจะหาโอกาสบอกเลิกเธอให้เรื่องมันจบๆ แต่ไอ้เพื่อนเวรก็ดันหาเรื่องยุ่งยากให้อีก ที่รถหมอบีมยางแบนก็เป็นแผนของไอ้เมฆไอ้คิม พวกมันบอกว่าอยากให้ผมไปส่งหมอบีมจะได้หายคิดถึงสักที เห็นผมเศร้ามาหลายวันเลยนึกแผนให้ผมได้ใกล้ชิดกับเขา

แต่บอกกันก่อนไม่ได้รึไงวะ? เล่นแบบนี้จะให้ตั้งตัวยังไง?

ผมยืนรอที่ลานจอดรถข้างคณะแพทย์อยู่สักพัก ไม่นานคนที่ผมอยากเจอก็เดินมาทางนี้แล้ว เขาดูกล้าๆกลัวๆ คงเป็นเพราะความมืดทำให้เจ้าของสายตาสั้นภายใต้แว่นกรอบหนามองเห็นไม่ค่อยถนัด

“ เดินดีๆก็ได้ครับ จะย่องมาเงียบๆทำไม? ”
ผมเอ่ยทักทาย พอหมอบีมรู้ว่าเป็นผม เขาก็ออกอาการตกใจเล็กน้อย

“ เอ่า แวม ”
น้ำเสียงดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะเจอผมเท่าไหร่นะครับ สายตาเขาดูสงสัยว่าผมมาทำอะไรที่นี่?

“ ผมมารอเฟย์ ”
ผมบอกไปโดยไม่รอให้เขาเอ่ยถาม

“ อ่อ เดี๋ยวก็คงมาล่ะมั้ง ”
หมอบีมตอบแค่นั้น ผมเองก็ทำตัวไม่ถูก ได้แต่ยืนเงียบไม่พูดอะไร เขาหยิบกุญแจรถคันเก่าออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วไขเปิดประตูรถ ผมมองการกระทำของเขาและเดาว่าเขาจะทำอะไรต่อ และเป็นอย่างที่คิด หมอบีมเดินลงจากรถอย่างหงุดหงิดก่อนจะพบว่ายางรถทั้ง 4 ล้อถูกเจาะให้แบนจนไม่สามารถขับต่อไปได้

ผมได้แต่ทำเฉยไม่รู้เรื่อง ต้องโทษไอ้เมฆกับไอ้คิมเลยครับ

“ แวม นายมารอเฟย์นานรึยัง? ”

“ อืม น่าจะเกือบชั่วโมงแล้ว ทำไมครับ? ”

“ นายเห็นใครมายุ่งกับรถฉันบ้างไหม? ”

“ ไม่เห็นครับ ”
ผมตอบไปอย่างแนบเนียน

“ จะกลับยังไงวะเนี่ย? ”
หมอบีมพึมพำบ่นกับตัวเองอย่างอารมณ์เสีย

“ ให้ผมไปส่งไหมครับ? ”

“ ไม่อ่ะ นายไปส่งเฟย์เหอะ ”
เขาว่าก่อนจะทำท่าเดินหนี เฮ้ย ไม่ได้นะ ผมอุตส่าห์หาเรื่องที่จะได้ใกล้ชิดเขาขนาดนี้แล้ว จะปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด

“ เดี๋ยวก่อนครับ ”
ผมรีบวิ่งตามไปคว้ามือเขาไว้ แก้มใสๆของคนตรงหน้าเริ่มขึ้นสีเล็กน้อย เวลาหมอเขินนี่น่ารักมากเลยรู้ไหม
 
“ มีอะไร? ”
คนตัวเล็กกว่าเงยหน้าขึ้นมาถาม น้ำเสียงนั่นพยายามที่จะไม่สั่นเครือ ผมแกล้งสบตากลมโตจนเขาเป็นฝ่ายก้มหน้างุดหลบสายตา ทำไมถึงทำตัวน่ารักน่าแกล้งขนาดนี้ ผมอดที่จะเชยคางคนตรงหน้าให้เงยขึ้นมาไม่ได้ อยากจะมองแววตาที่รู้สึกคุ้นเคยให้ชัดๆอีกครั้ง ผมพยายามอ่านใจอีกฝ่ายว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ จะเอาแต่หลบหน้ากันไปถึงไหน ผมมองริมฝีปากบางได้รูปที่ดึงดูดให้ผมโน้มใบหน้าเข้าหาอย่างไม่รู้ตัว สถานการณ์แบบนี้มันทำให้คนที่มีความอดทนต่ำอย่างผมห้ามใจตัวเองไม่ไหวจริงๆ

“ ทำอะไรกันน่ะ! ”
ผมต้องจำใจผละออกจากหมอบีมทันทีเมื่อได้ยินเสียงบุคคลที่เข้ามาขัดจังหวะ สีหน้าเฟย์แสดงออกว่าไม่พอใจเท่าไหร่นัก

“ เฟย์ ”
ผมเรียกชื่อเธอ เธอก็เดินเข้ามาควงแขนผมไว้ราวกับแสดงความเป็นเจ้าของ

“ รอนานไหมคะแวม? พอดีเฟย์คุยธุระกับเพื่อนนิดหน่อย เลยออกมาช้าค่ะ ”

“ ไม่เป็นครับ ”

“ แล้วบีมมาอยู่นี่ได้ไงคะ? ”

“ หมอบีมเขาจะติดรถไปกับเราด้วยนะครับ พอดีรถเขาเสียน่ะ ”

“ บอกว่าไม่ไงล่ะ ฉันกลับเองได้ ”
เขายังคงยืนยันที่จะปฏิเสธ นี่ไม่อยากเข้าใกล้ผมขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมถึงหนีหน้าผมอยู่ได้

“ หมอบีมครับ ”
ผมเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็นแสดงความโกรธที่โดนขัดใจ คราวนี้ผมไม่ได้แกล้งทำ แต่รู้สึกไม่พอใจจริงๆ ผมยังคงจ้องคนตรงหน้าด้วยความกดดันจนกว่าเขาจะยอมตอบตกลง

“ ก็หมอบีมบอกว่าเขากลับเองได้ไงคะแวม เราไปกันเถอะค่ะ ”
เฟย์พยายามดึงแขนผมไปที่รถ แต่ผมไม่ยอมไป จะเล่นสงครามประสาทจนกว่าเขาจะยอมไปกับผมให้ได้

“ อือ ผมกลับด้วยก็ได้ ”
ผมเผยรอยยิ้มทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ตอบตกลงแต่แรกก็แล้วเรื่อง ทำไมต้องทำให้หงุดหงิดด้วยนะ

ผมแอบมองคนที่นั่งเบาะหลังผ่านกระจกอยู่ตลอดทาง หมอบีมเอาแต่นั่งทำหน้าบึ้งไม่พูดไม่จา ต่างจากหญิงสาวที่นั่งข้างๆผม รายนี้ชวนคุยไม่หยุด

“ แวมคะ เฟย์อยากได้รองเท้าคู่ใหม่ใส่ไปงานวันเกิดเพื่อนอ่ะค่ะ รองเท้าที่มีอยู่มันไม่เข้ากับชุดที่เฟย์เตรียมไว้เลย แวมพาเฟย์ไปซื้อหน่อยนะคะ ”
เฟย์ทำน้ำเสียงออดอ้อนจนผมต้องจำใจตอบตกลง

“ ครับ งั้นเดี๋ยวแวะห้าง...ก่อนนะ ”
ผมบอกคนที่นั่งเบาะหลัง เขาก็พยักหน้าไม่ว่าอะไร

พอมาถึงห้าง...เฟย์เดินเข้าร้านรองเท้าแบรนด์ดังอยู่หลายร้าน ผมคอยช่วยเลือกรองเท้าอยู่อย่างนั้นจนไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดหมอบีมเลย ตอนนี้เขานั่งรออยู่คนเดียว

หลังจากเลือกซื้อรองเท้าอยู่นาน ผมก็จัดการจ่ายเงินและถือถุงสินค้าเดินตามเธอออกมา

“ มา เดี๋ยวช่วยถือ ”
หมอบีมเดินมาหยิบถุงใบใหญ่ในมือผมไปก่อนที่จะเอ่ยห้ามด้วยซ้ำ เขามีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่นตลอด

“ ไม่เป็นไรครับ ”
ผมพยายามแย่งถุงพวกนั้นกลับมาถือเอง แต่ก็โดนเฟย์ดึงแขนไว้ซะก่อน เฮ้อ ผมเริ่มเหนื่อยใจกับผู้หญิงคนนี้แล้วนะ

“ แวมคะ เฟย์หิวแล้วอ่ะ แวะทานอะไรกันก่อนดีมั๊ยคะ? ”

“ เฟย์อยากกินอะไรครับ ”

“ อะไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่แวมเลย ”

“ งั้นแวะกินข้าวกันก่อนนะครับ ”
ประโยคนั้นผมหันไปพูดกับหมอบีม เขารีบพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว คงจะหิวเหมือนกันสินะ

หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 29-11-2017 20:05:02
Chapter17
( ต่อ )


ผมพาหมอบีมเข้าร้านโปรดที่ผมชอบมากับพวกไอ้คิมไอ้เมฆ ปกติผมกับไอ้คิมเป็นคนที่ติดหรูโดยนิสัย แต่ไอ้เมฆเป็นคนกินง่ายอยู่ง่าย มันเป็นคนแนะนำร้านนี้ ร้านอาหารธรรมดาๆราคาไม่แพงแต่อร่อยกว่าร้านอาหารหรูๆหลายร้านที่ผมทานอยู่เป็นประจำซะอีก

“ รับอะไรดีครับ? ”
พนักงานร้านเดินเข้ามารับออเดอร์ทันทีที่พวกเรานั่งลงที่โต๊ะ

“ เอาผัดเผ็ดปลาดุกกับข้าวสวยที่นึงครับ ”
หมอบีมสั่งเมนูที่ผมกำลังจะสั่งอยู่พอดี ตอนแรกกะว่าจะให้เขาลองชิมดูว่าเมนูนี้อร่อยจริงๆ แต่เขาดันสั่งตัดหน้าผมไปซะก่อน ใจตรงกันจริงๆเลย

“ เอาผัดขี้เมาทะเล ต้มยำปลากะพง แล้วก็หมึกมะนาวค่ะ ”
เฟย์สั่งอาหารเป็นคนถัดไป
 
แล้วผมจะกินอะไรดีล่ะเนี่ย?
“ ผัดเปรี้ยวหวานกับแกงจืดเต้าหู้งั้นเหรอ? ”
ผมมองเมนูอาหารในมือ อยู่ๆก็อยากลองชิมเมนูนี้ขึ้นมา

“ อะไรนะครับ? ”
พนักงานเอ่ยถามผมอย่างรอคำตอบ

“ เอาแกงจืดเต้าหู้กับผัดเปรี้ยวหวานครับ ”

“ รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ? ”
พนักงานคนเดิมยังคงถามต่อ

“ เอาน้ำผึ้งมะนาวแก้วนึงค่ะ ”

“ ชาเย็นแก้วนึงครับ ”
“ ชาเย็นแก้วนึงครับ ”
ผมสั่งชาเย็นไปโดยไม่คิด ทั้งๆที่ปกติผมไม่ชอบดื่มน้ำหวานด้วยซ้ำ และบังเอิญหมอบีมก็สั่งเมนูเดียวกับผม ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเมนูพวกนี้แบบแปลกๆ อยู่ดีๆก็นึกอยากกินซะอย่างนั้น

“ รอสักครู่นะครับ ”
พนักงานรับออเดอร์ ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟเต็มโต๊ะ ผมมองหมอบีมที่ได้แต่ตักอาหารเข้าปากเงียบๆคนเดียว ส่วนเฟย์ก็ชวนผมคุยต่อเรื่อยๆ

“ เฟย์ซื้อรองเท้าไปงานวันเกิดใครครับ? ไม่เห็นชวนผมบ้างเลย ”
ผมถามอย่างสงสัย เพราะปกติเฟย์จะชอบควงผมออกงานตลอด แต่นี่เธอยังไม่เอ่ยชวนผมเลย

“ เอ่อ เพื่อนคนนี้แวมไม่รู้จักหรอกค่ะ ”

“ เพื่อนคนไหนเหรอ? ผมรู้จักรึเปล่า? ”
หมอบีมถามแทรกขึ้นมาบ้าง

“ เพื่อนต่างคณะน่ะจ่ะ หมอบีมไม่น่าจะรู้จักนะ ”
ผมว่าเฟย์ต้องมีอไรปิดบังอยู่แน่ๆ น้ำเสียงและแววตาแบบนั้นมันเหมือนคนโกหกไม่เนียนเอาซะเลย

พอทานอาหารเสร็จผมก็เป็นคนจ่ายเงิน แต่หมอบีมยืนยันจะจ่ายเองให้ได้ ดื้อชะมัด กว่าจะยอมพูดรู้เรื่อง เขานิสัยไม่เหมือนใครจริงๆ ชอบช่วยเหลือคนอื่นแต่ไม่เคยอยากได้อะไรจากคนอื่นเลย และนี่ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมชอบเขา

“ แวมไปรอที่รถก่อนเลยนะคะ พอดีเฟย์อยากจะซื้ออะไรอีกนิดหน่อย หมอบีมมาช่วยเฟย์ถือของหน่อยสิคะ ”

ซื้อของอะไร ทำไมถึงไม่ให้ผมไปด้วย?

“ ได้ครับ ”
หมอบีมตอบรับคำขอของเฟย์อย่างว่าง่าย

“ ให้ผมไปด้วยไหมครับ? ”

“ ไม่เป็นไรค่ะ แวมไปรอที่รถเถอะ ”
ผมหันไปมองหมอบีมก็ไม่ได้พูดอะไร คงไม่มีไรหรอกมั้ง เอางั้นก็ได้ ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป

ผมเดินมาถึงที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน เวลาห้างใกล้ปิดแบบนี้มีรถจอดเหลือไม่กี่คัน คนจะเดินผ่านไปมายังไม่มีสักคน ผมนั่งรอในรถอยู่สักพักก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาเสียหลักล้มลงอยู่ไม่ไกล ผมรีบวิ่งออกไปดูเกรงว่าเขาจะบาดเจ็บ

ชายสองคนใส่หมวกกันน็อคปิดบังใบหน้ายกรถขึ้นนั่งพร้อมขับมาทางผมอย่างรวดเร็ว ไม่นานพวกมันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าผม ไอ้คนที่ซ้อนท้ายหยิบปืนขึ้นมาเล็งเข้าหาผมทันที ตอนนี้ผมได้แต่นิ่งทำอะไรไม่ถูก ในใจคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากกระสุนปืนด้านหน้า

“ ปืน กรี๊ดดด! ”
คนร้ายสองคนหันไปตามเสียงโวยวายของเฟย์ เธอวิ่งหนีไปแต่หมอบีมยังยืนอยู่ตรงนั้น ทำไมถึงไม่หนีไปนะ เขาร้องเสียงดังให้คนช่วยแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าใครจะได้ยิน

“ อย่าไปสนใจ รีบจัดการแล้วรีบหนีเถอะ ถ้างานไม่สำเร็จพวกเราโดนดีแน่ ”
ไอ้คนขับมอเตอร์ไซค์บอกเพื่อนของมันที่ถือปืนอยู่

“ เออ ”
เพื่อนของมันเตรียมที่จะเหนี่ยวไกล ตอนนั้นผมไม่ทันตั้งตัวจริงๆ คิดแค่ว่าจะหนียังไงก็คงหลบกระสุนไม่พ้น ผมไม่กลัวปืนเพราะเคยโดนยิงมาแล้วครั้งนึง ตอนนั้นมันไม่เจ็บเลยซักนิด รู้ตัวอีกทีก็ตอนฟื้นขึ้นมานั่นแหละ ตอนนี้ก็แค่ภาวนาให้มีคนส่งผมไปถึงโรงพยาบาลทันเวลาก็พอ

ปัง!!!
เสียงปืนดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า ผมรู้สึกว่าตัวเองโดนผลักให้ล้มลง คนที่โดนยิงคือหมอบีม เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากแขนเปื้อนเสื้อนักศึกษาเป็นทางยาวจนน่ากลัว

“ หมอบีม! ”
เขายิ้มบางๆให้ผมเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร

รปภ.วิ่งกรูกันเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียงปืน แต่ก็ไม่ทันที่จะจับคนร้ายได้

“ ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ? ”
ผมรีบวิ่งเข้าไปประคองหมอบีมทันที ผิวที่ขาวมากอยู่แล้วยิ่งซีดไปกว่าเดิม ผมเป็นห่วงคนข้างๆจนแทบคลั่งแต่ก็ต้องตั้งสติพาเขาขึ้นรถไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

ผมมองคนที่หลับอยู่เบาะข้างคนขับแล้วใจไม่ดีเลย ต้องคอยเรียกให้ตื่นขึ้นมาเพราะกลัวว่าเขาจะไม่ฟื้นอีก
“ หมอบีมครับ อย่าหลับนะครับ ”

“ ฉันไม่ได้หลับซะหน่อย แค่ไม่อยากมองเลือดตัวเอง แม่ง จะไหลอะไรเยอะแยะเนี่ย ”
เฮ้อ เห็นเอ่ยปากบ่นแบบนี้ค่อยอุ่นใจขึ้นมาหน่อย

พอมาถึงโรงบาลผมก็พาเขามาที่ห้องฉุกเฉิน มีแพทย์เวรคอยดูแลเรียบร้อย ทางห้างโทรมาบอกเรื่องคนร้ายว่าจับไม่ได้ แต่ก็แจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว ผมขับรถไปที่สถานีตำรวจใกล้ๆเพื่อลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ทางห้างยื่นข้อเสนอชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่ผมบอกไปว่าไม่เป็นไร ขอแค่จับคนร้ายได้ก็พอ ผมอยากรู้ว่าพวกมันมันเป็นใคร ทำไมถึงทำแบบนี้

ผมกลับมารับหมอบีมที่ห้องฉุกเฉิน ไม่นึกว่าจะเจอภาพที่ทำให้รู้สึกโมโหได้ขนาดนี้ ตอนนี้ไอ้หมอคนนั้นมันกำลังโอบเอวหมอบีมอยู่ อยากจะเดินไปต่อยสักหมัดว่ะแม่ง

 “ ทำอะไรกัน? ”
ผมรีบเข้าไปขัดจังหวะสองคนนี้ทันที ทำไมหมอบีมถึงปล่อยให้มันแตะเนื้อต้องตัวอยู่ได้วะ?

 “ เป็นไงบ้างแวม ตำรวจจับคนร้ายได้ไหม? ”
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ ตอนนี้ผมรู้สึกอารมณ์ไม่ดีสุดๆ

“ นี่แฟนมึงเหรอวะ? ”
ไอ้หมอนั่นหันไปถามหมอบีม ท่าทางจะสนิทสนมกันพอสมควร ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด

“ เฮ้ย ไม่ใช่นะครับพี่หมอ ”

หึ พี่หมองั้นเหรอ? ผมเดินผ่านหน้าไอ้พี่หมอไปหาหมอบีมทันที ไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้นานๆ
 “ กลับได้รึยังครับ? ผมจะไปส่ง ”
ผมไม่รอคำตอบ รีบดึงแขนข้างที่ไม่เจ็บให้เขาเดินตามมาทันที

“ เดี๋ยว ”
ไอ้พี่หมอเอ่ยเรียก ทำให้ผมต้องหยุดเดินและหันไปถามว่ามันมีปัญหาอะไรอีก

“ มีอะไร? ”
ไอ้พี่หมอทำหน้าไม่พอใจนิดๆที่ผมพูดเสียงแข็งใส่

“ อย่าลืมพามันไปรับยาด้วยล่ะ เค้าเตอร์อยู่ทางขวามือ ”

“ เออ ”




หลังจากที่ผมทะเลาะกับหมอบีมเรื่องไอ้พี่หมอคนนั้นมาตลอดทาง ผมก็มาถึงหน้าบ้านเขาจนได้ บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเล็กๆแต่ก็ร่มรื่นน่าอยู่มาก ผมรู้สึกเหมือนตัวเองผูกพันธ์กับบ้านหลังนี้ยังไงไม่รู้ มองแล้วรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ หรือบางทีผมอาจจะแค่คิดไปเอง มัวแต่พิจารณาบ้านจนไม่รู้เลยว่าหมอบีมลงจากรถไปเรียบร้อยแล้ว ผมยังไม่ได้คุยอะไรกับเขาเลย ทั้งๆที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกันขนาดนี้แล้วแท้ๆ

 “ ขอบคุณที่มาส่งนะ ”
ผมได้แต่พยักหน้ามองคนที่ผมแอบชอบมานานเดินหนีผมไปอีกครั้ง

ผมอยากใช้เวลาอยู่กับเขาให้มากกว่านี้ วันนี้หมอบีมต้องมาเจ็บตัวเพราะผม เขาเป็นห่วงผมขนาดนี้แสดงว่าเรื่องที่ไอ้เมฆพูดว่าหมอบีมก็ชอบผมเหมือนกันเป็นเรื่องจริง ยังไงก็ขอเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนแล้วกัน ผมเลิกกลั้นรอยยิ้มแล้วมองหน้าตัวเองในกระจกรถ แค่เห็นหน้าหมอบีมก็มีความสุขแล้ว

ผมเคยปล่อยหมอบีมไปแล้วครั้งนึง คราวนี้ผมจะต้องทำอะไรสักอย่าง จะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นอีกเด็ดขาด!

ผมขับรถออกไปจอดไม่ไกลนัก ดับรถแล้วเปิดประตูลงมาอย่างหัวเสีย

“ รถเสียเหรอ? ”
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด หมอบีมเดินเข้ามาถามผมจริงๆด้วย

“ ครับ อยู่ๆก็ดับไปเลย ”
ผมรอฟังเสียงตอบกลับว่าเขาจะเชื่อหรือเปล่า ถ้าเกิดนึกอยากจะเช็ครถขึ้นมาจะทำไงดีล่ะเนี่ย?

“ ต้องมีใครแกล้งพวกเราแน่ๆ ”
เฮ้อ โล่งอกที่เขาไม่สงสัยอะไร แถมยังนึกว่าเป็นฝีมือคนอื่นอีก

“ ผมคงสร้างศัตรูไว้เยอะจริงๆ ”

“ แล้วนี่นายจะเอาไงต่อ? ดึกป่านนี้อู่ซ่อมรถแถวนี้คงปิดแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันโทรเรียกช่างให้แล้วกัน ”

“ กว่าจะซ่อมเสร็จคงอีกนาน ผมต้องขอค้างที่นี่สักคืนแล้วล่ะครับ ”

“ ฮะ? ค้างที่นี่? ”

“ แต่ถ้าหมอบีมลำบากใจ งั้นผมหาทางกลับเองก็ได้ครับ ”

“ เอ่อ ตอนนี้ดึกมากแล้ว งั้นนายพักที่นี่ก่อนก็ได้ ”

หึ ตามแผน



บ๊อก บ๊อก บ๊อก
สุนัขพันธุ์โกลเด้นตัวโตเดินกระดิกหางเข้ามาหาผมอย่างร่าเริง คิดว่าน่ารักรึไง

“ ช่วยเอามันไปไกลๆผมหน่อยได้ไหมครับ ผมไม่ชอบหมา ”
ผมพยายามเดินหนีให้ห่างจากมันมากที่สุด แต่ไอ้หมาดื้อนี่ก็ยังจะตามมาอีก

“ ชาเย็น มานี่เร็วลูก ”
ขนาดหมอบีมเรียกยังไม่ยอมไปเลย มันคงจะชอบผมมาก

“ มันคงอยากเล่นกับนายน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปหาข้าวให้มันกิน ส่วนนายก็เล่นกับมันไปก่อนนะ ”

“ เฮ้ย หมอ เดี๋ยวก่อนครับ หยุดเลยนะไอ้หมาดื้อ ไม่ต้องเข้ามาใกล้ ”

ไอ้เจ้าชาเย็นนี่พูดไม่รู้เรื่องเอาซะเลย ผมเหนื่อยจนหยุดไล่มันไป มองดูดีๆมันก็น่ารักเหมือนกันนะ ทำมาเป็นแลบลิ้นกระดิกหางดีใจ ผมหมั่นไส้เลยลูบหัวมันเล่น ผมไม่เคยเลี้ยงหมา เคยแต่เห็นคนอื่นเขาลูบหัวมันแล้วมันจะเคลิ้ม เออจริงวะ ไอ้เจ้าชาเย็นนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย

“ ไหนว่าไม่ชอบหมาไงล่ะ? ”
หมอบีมเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับถืออาหารสุนัขมาให้เจ้าชาเย็นด้วย

“ เจ้าชาเย็นของหมอมันน่ารักดีครับ ดูเชื่องมากเลย ”

“ มันก็น่ารักเหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ ”

“ ครับ น่ารักจริงๆด้วย ”

“ เออ ฉันจะไปนอนแล้ว น่ะ...นายก็นอนโซฟานี่แล้วกันนะ ”
พอเขินแล้วก็เปลี่ยนเรื่องเลยนะครับหมอบีม น่ารักขนาดนี้ยิ่งเห็นยิ่งอยากแกล้ง

“ เดี๋ยวก่อนครับ หมอจะให้ผมนอนตรงนี้จริงๆเหรอ? ถ้ายุงกัดจนผมเป็นไข้เลือดออกขึ้นมาล่ะครับ ใจร้ายจริงๆเลย ”

“ งั้นนายก็ไปนอนห้องคุณพ่อแล้วกัน ”

“ เอ่า แล้ววันนี้คุณพ่อของหมอไม่อยู่บ้านเหรอครับ? ”

“ พ่อฉันอยู่นั่นไง ”
ผมมองไปที่ภาพขาวดำบนฝาผนัง พ่อของหมอบีมเสียแล้ว? นี่แสดงว่าเขาอยู่บ้านหลังนี้ตัวคนเดียวตลอดเลยน่ะสิ ทำไมชีวิตเขาถึงน่าสงสารขนาดนี้นะ
 
“ เอ่อ ผมเสียใจด้วยนะครับ ”

“ อืม ”
เขายิ้มบางๆตอบผม แววตานั่นพยายามซ่อนความเศร้าไม่ให้ใครเห็น แต่ผมดูออก

“ แบบนี้หมอบีมก็ใช้ชีวิตคนเดียวมาตลอดเลยสิครับ? ”

“ คงงั้นมั้ง ดึกแล้ว ไปนอนเถอะ ”

“ ผมขอไปนอนห้องหมอนะครับ ผมกลัวผี ”

“ ฮะ? นายนี่นะกลัวผี? ”

“ ครับ ”

“ งั้นฉันนอนห้องคุณพ่อแล้วกัน ”

“ ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วยครับ นอนห้องเดียวกันก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ ”

“ ฉันไม่ชอบนอนร่วมห้องกับใคร มันอึดอัดเข้าใจไหม? ”

“ แต่ผมกลัวผีนะครับ ”

“ นั่นมันเรื่องของนาย ”

“ ผมอยากนอนกับหมอ ”

“ ... ”

เดี๋ยว เมื่อกี้ผมพูดอะไรผิดแน่ๆ ทำไมสีหน้าหมอบีมถึงดูหวั่นๆ ให้ตายเถอะ ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยจริงๆนะ เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว

“ ผมหมายความว่าถ้ามีหมอนอนข้างๆก็คงอุ่นใจกว่านอนคนเดียวน่ะครับ ไม่งั้นผมคงกลัวผีจนนอนไม่หลับแน่ๆ ”

“ เรื่องมากว่ะ ”

“ นะครับ ”
ผมแกล้งทำหน้าวิงวอนน่าสงสารเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยก็คงไม่กล้าทำหน้าแบบนี้นะเนี่ย คนอื่นว่าผมหล่อผมก็จะคิดว่าตัวเองหล่อเช่นกัน คนหล่อทำอะไรก็คงดูดีมั้ง ใช่ไหมวะ?

“ เออ ก็ได้ ”

ในที่สุดผมก็ได้เข้ามาในห้องหมอบีม แค่คิดว่าจะได้นอนข้างเขาก็ตื่นเต้นจนมือเย็นไปหมดแล้ว หายใจเข้าลึกๆไว้ไอ้แวม อย่าคิดเรื่องไม่ดีแบบนั้นกับหมอบีมนะเว้ย ผมสูดหายใจตั้งสติก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียง

“ หมอจะไปไหนครับ? ”

“ ไปอาบน้ำ ถ้านายง่วงก็นอนเลยก็ได้นะ ”

“ ผมยังไม่ง่วงครับ กะว่าจะอาบน้ำก่อน ”

“ อืม งั้นฉันอาบก่อนนะ ”
หมอบีมถอดแว่นสายตาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปเปิดตู้หยิบเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวออกมา ผมไม่สามารถละสายตาจากคนตรงหน้าได้เลย ทำไมเขาถึงทำให้ผมหลงได้ขนาดนี้นะ

“ เวลาหมอบีมถอดแว่นก็น่ารักไปอีกแบบนะครับ ”
ผมแกล้งหยอด

“ โว้ยยย เลิกพูดอะไรแบบนั้นซะทีเถอะ จะอ้วก ”
น้ำเสียงไม่พอใจแต่แก้มแดงไปหมดเลยนะครับ

“ ครับ งั้นผมขอดูหนังสือพวกนี้รอหมออาบน้ำนะครับ ”
ผมเดินไปสำรวจชั้นวางที่มีหนังสือหลายร้อยเล่มวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด หมอบีมนี่หนอนหนังสือชัดๆ

“ อืม อยากอ่านเล่มไหนก็หยิบตามสบาย ”

ระหว่างที่หมอบีมอาบน้ำอยู่ผมก็กวาดสายตาเลือกหนังสืออ่านค่าเวลาไปเรื่อยๆ สายตาสะดุดเข้ากับหนังสือเล่มนึง ‘ 134340 Pluto ’ มันเป็นหนังสือต่างประเทศที่เขียนเกี่ยวกับดาวเคราะห์ดวงนึงที่ถูกตัดออกจากระบบสุริยะเมื่อนานมาแล้ว ไม่รู้อะไรทำให้ผมสนใจหนังสือเล่มนี้จนเปิดอ่านไปได้หลายหน้าทั้งๆที่ผมไม่ค่อยชอบภาษาอังกฤษเลย

“ อ่านอะไรอยู่เหรอ? ”
ผมไม่รู้ว่าหมอบีมออกมาจากห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่ มัวแต่สนใจเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้อยู่

“ หนังสือเกี่ยวกับดาวพลูโตน่ะครับ ผมจำได้ว่าตอนสมัยประถมเคยเรียนว่ามันอยู่ในระบบสุริยะด้วย ”
ผมเอ่ยตอบเขาทั้งๆที่สายตายังจ้องอยู่กับการอ่านหนังสือในมือ

“ อ่านได้ตามสบายเลยนะ ฉันนอนแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า ”
เอ่า หมอบีมทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหลับตาไม่สนใจผมเลย

“ เดี๋ยวครับหมอ ”
ผมเก็บหนังสือเข้าที่เดิมก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆคนที่นอนอยู่บนเตียง

“ มีอะไร? ”
เขาลืมตาขึ้นมาเอ่ยถามผม

“ ทำไมวันนี้หมอถึงช่วยชีวิตผมไว้ ไม่กลัวตายรึไงครับ? ”

“ กลัวดิ ใครเขาจะไม่กลัวตายล่ะ ฉันแค่เห็นนายยืนซื่อบื้ออยู่ เลยวิ่งเข้าไปช่วยผลักออกเท่านั้นเอง ไม่ได้เอาตัวไปรับกระสุนแทนซะหน่อย แต่มันแค่ผิดพลาดทางเทคนิค ฉันเลยเจ็บตัวแบบนี้ไง ”
บอกว่าเป็นห่วงผมก็จบแล้วครับ ผมรู้

 “ เอาเถอะ ยังไงผมก็ต้องขอบคุณหมอบีมมากนะครับ ตอนนี้ผมติดหนี้ชีวิตหมออยู่ หมออยากได้อะไร ถ้าให้ได้ผมก็จะให้ ”

“ ฉันไม่อยากได้อะไรจากนายทั้งนั้นแหละ ”

“ งั้นเหรอครับ? ผมก็นึกว่าหมออยากได้... ”
ผมโน้มตัวเข้าใกล้คนที่นอนอยู่ สายตาเขาดูหวั่นๆอย่างเห็นได้ชัด หึ อยากหนีผมดีนัก รู้มั๊ยว่าผมอยากเจอหมอขนาดไหน ต่อไปนี้ผมจะไม่ยอมให้หมอหลบหน้าผมอีกแล้ว

ถึงผมจะยังจำอะไรไม่ได้ แต่ที่แน่ใจตอนนี้คือผมรู้สึกดีกับหมอบีมมากเกินกว่าจะปล่อยเขาไป ถ้าเรื่องจริงมันเป็นอย่างที่ไอ้เมฆกับไอ้คิมเล่า ผมก็อยากจะฟังความจริงจากปากหมอบีม อยากให้เขายอมรับว่ารู้สึกแบบเดียวกับผม ถ้ามันเป็นเรื่องจริงแล้วทำไมเขาต้องปิดบังเรื่องทั้งหมดกับผมด้วย

ยังไงก็ตาม ผมจะพิสูจน์ความจริงด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง ใจผมก็ให้คนตรงหน้าไปหมดแล้ว

“ นายคิดอะไรอยู่กันแน่? ”
หมอบีมถามผมด้วยแววตาดูสับสน

“ ผมรู้นะว่าตอนที่ผมหลับเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ที่โรงพยาบาล หมอสร้างเรื่องหาว่าผมเป็นผี กุเรื่องว่าตัวเองดูแลผมทั้งๆที่เฟย์ต่างหากที่เป็นคนดูแล หึ หลักฐานมันก็บอกอยู่ว่าผมตื่นขึ้นมาเจอเฟย์เป็นคนแรก แต่หมอไม่เคยมาเยี่ยมผมเลยด้วยซ้ำ หมอเก่งมากเลยครับที่หลอกพวกเพื่อนสนิทของผมได้ แต่หมอหลอกผมไม่ได้หรอก หมอสร้างเรื่องโกหกนี่ขึ้นมาเรียกร้องความสนใจจากผม แถมยังเอาตัวเองมาบังกระสุนให้ผม น่าประทับใจจริงๆเลยนะครับ ผมก็นึกว่าหมอ...ชอบผมซะอีก ”
ผมพูดไปตามความคิดแรกในตอนที่ยังไม่รู้ความจริงจากปากไอ้เมฆไอ้คิม

มานึกดูแล้วรู้สึกโกรธที่หมอบีมยอมปล่อยให้ผมเชื่อแบบนั้น เขาไม่เคยมาเยี่ยมผมด้วยซ้ำ เจอกันทีไรก็หลบหน้า แถมยังผลักไสให้ผมไปหาเฟย์ง่ายๆ รู้ไหมว่าผมไม่มีความสุขเลย เหมือนหมอตั้งใจจะออกไปจากชีวิตผมให้ได้ แบบนี้ผมควรจะโกรธไหมล่ะ?

“ นายคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นงั้นเหรอ? เหอะ แล้วอย่าบอกนะว่าเรื่องทั้งหมดในวันนี้นายตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อแกล้งฉัน? ”

“ จะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกทั้งหมดหรอกครับ ไว้ว่างๆผมจะเล่าให้ฟังแล้วกัน แต่ตอนนี้ขอตัวไปอาบน้ำก่อน เริ่มง่วงแล้วเหมือนกันครับ ”

ผมเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำทันที

“ ต้องการอะไรกันแน่วะ!? ”
เสียงโวยวายบ่งบอกถึงความโกรธของคนพูด ผมยิ้มมุมปากเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เหอะ นี่คือบทลงโทษที่หมอพยายามจะหนีไปจากชีวิตผม บอกเลยว่าผมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอกครับ และต่อจากนี้ไปผมจะเป็นฝ่ายคอยตามหมอเอง จะไม่ยอมปล่อยให้หนีผมไปแบบนั้นอีก

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็รู้สึกสมองปลอดโปร่งขึ้นมาก มานึกทบทวนดูอีกที หมอบีมคงคิดมากกับคำพูดของผมแน่ๆ ขนาดผมเป็นคนแกล้งยังรู้สึกกดดันเลย ขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจนะครับ ผมพูดกับคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ขนาดตอนหลับยังทำให้ผมละสายตาไปจากเขาไม่ได้เลย

ผมเดินไปปิดไฟแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆหมอบีมช้าๆ แสงไฟจากถนนข้างนอกยังส่องสว่างลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ผมสามารถมองเห็นใบหน้าขาวๆของคนข้างๆได้ ผมมองภาพตรงหน้าอยู่เนิ่นนาน อยากจะยื่นมือไปโอบกอดร่างบางเหลือเกิน แต่สุดท้ายก็ต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้

‘ ฝันดีนะครับ ดาวพลูโตของผม ’






....................................................
มาอัพให้ตามสัญญาแล้วนะครับ  :3123: :L1:
ตอนนี้จะเขียนในพาร์ทของแวมว่าเขาคิดอะไรยังไง 
ตอนหน้าจะเจออะไรก็...ฝากติดตามกันต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 29-11-2017 20:16:26
อยากให้อิเฟย์โดนแฉมากมายพร้อมกับผัวมัน
รู้ล่ะใครเป็นคนสั่งยิงเป็นคนใกล้ตัวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 29-11-2017 21:18:06
สงสารหมอบีมจัง นางเอ่กนางเอก  :z3:

แต่งงอ่ะ ใครกันทำไหมถึงพยายามจะฆ่าแวมจัง :katai4: :m29:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-11-2017 21:39:49
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-11-2017 23:31:10
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-11-2017 23:53:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 30-11-2017 00:22:59
สงสารหมอบีม 
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-11-2017 13:15:59
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: แอนนาแอนนี่ ที่ 15-12-2017 20:05:39
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-12-2017 23:01:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 17 [ 29/11/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 16-12-2017 00:36:12
มันก็จะตึงๆหน่อยๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 18 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 16-12-2017 01:14:23
Chapter 18




วันนี้แวมขับรถมาส่งผมที่มหาลัย แต่ผมสงสัยอย่างนึงว่าเมื่อคืนเขารถเสียไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนเช้าถึงใช้งานได้ทั้งๆที่ยังไม่มีช่างมาซ่อมด้วยซ้ำ "เช้ามาก็สตาร์ทติดเฉยเลย แปลกดีเหมือนกันนะครับ" ...อืม แปลกดีเหมือนกัน

" ถ้าเลิกเรียนแล้วโทรหาผมนะครับ ผมจะมารับ " แวมตะโกนผ่านกระจกรถที่ถูกเลื่อนลง เขาตั้งใจส่งเสียงดังให้คนอื่นหันมามองเพื่อแกล้งผมชัดๆ

ผมต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังจะเดินเข้าตึกและหันกลับมาหาเขาทันที นักศึกษาหลายคนต่างจ้องมาทางผมและเจ้าของรถหรูที่จอดอยู่หน้าคณะแพทย์ ผมพยายามไม่สนใจคนรอบข้าง เดินกลับมาคุยกับแวมด้วยสีหน้าหงุดหงิด

" นายไม่ต้องมารับฉันหรอก ไปรับแฟนนายสิถึงจะถูก "

" อืม? งั้นหมอบีมกลับเองได้ใช่ไหมครับ? "
นั่นไง สุดท้ายผมก็ไม่สำคัญเท่ากับแฟนของเขาหรอก

" ฉันกลับเองได้ สบายมาก " ผมฝืนยิ้ม

" วันนี้ผมไม่ได้ไปส่งเฟย์ แต่มาส่งหมอบีม ผมว่าเธอคงโกรธผมแย่ " แวมพึมพำกับตัวเอง

" นายก็รีบไปง้อเธอสิ " ถึงผมจะพูดแบบนั้นแต่ข้างในกลับรู้สึกจุกอย่างบอกไม่ถูก

" เย็นนี้ผมจะไปรับเฟย์เป็นครั้งสุดท้าย แล้ววันต่อไปผมจะมารับมาส่งหมอบีมทุกวัน ดีไหมครับ? "

" ฮะ? " เมื่อกี้ผมฟังอะไรผิดไปรึเปล่า? บอกผมที

" ผมจะเลิกกับเฟย์ "

" ... "

" แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับ " ใบหน้าหล่อเผยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะกดปิดกระจกรถ

" ดะ...เดี๋ยว "

ไม่ทันจะพูดอะไรรถหรูก็เคลื่อนตัวออกไปแล้ว หวังว่าเขาจะไม่ทำอย่างที่พูดจริงๆหรอกนะ



ครืดดด ครืดดด
" สวัสดีครับ " ผมงัวเงียตอบปลายสายที่โทรปลุกผมตั้งแต่เช้าตรู่ ใครมันมีธุระอะไรตอนนี้วะ? เมื่อคืนอ่านหนังสือจนแทบไม่ได้นอน ขอบตาจะกลายเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้วเนี่ย

' หมอบีม ผมมารอหน้าบ้านแล้วนะครับ '

" แวม? เดี๋ยวนะ ทำไมต้องรอ รอทำไม? หน้าบ้าน? " อะไรนะ? อยู่หน้าบ้านแล้วงั้นเหรอ

ผมลุกจากเตียงในสภาพซอมบี้ เปิดหน้าต่างออกไปก็เจอกับรถหรูคันเดิมที่คุ้นเคย ให้ตายเถอะ ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงสามสิบนาที ไม่ใช่อยากเจอหน้าแวมจนใจจะขาดนะครับ แต่อยากคุยกันให้รู้เรื่องมากกว่า

" ไงชาเย็น คิดถึงอ่ะดิ "

ผมเดินลงมาถึงรั้วหน้าบ้านก็เห็นหนุ่มหล่อขี้เก๊กกำลังเรียกคะแนนจากสุนัขตัวโปรดของผมไปซะแล้ว พอเขาเห็นหน้าผมก็หุบยิ้มลงทันที แต่เมื่อกี้ตอนเขาเล่นกับเจ้าชาเย็นก็ดูน่ารักดีนะ

" เข้ามาก่อนสิ ฉันต้องให้อาหารเจ้าชาเย็นก่อนไปเรียน "

" ครับ " แวมตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเดินตามเข้ามา

ผมเข้าครัวไปเอาอาหารมาให้ชาเย็นกินโดยมีสายตาของคนบางคนคอยจ้องทุกการกระทำ

" วันนี้คุณหมอมีเรียนกี่โมงครับ? "

" เก้าโมง "

" นี่ผมมาเช้าไปสินะ " เขาแสร้งทำเป็นมองนาฬิกาแขวนที่บอกเวลาเพิ่งจะเจ็ดโมง ก็แหงแหละ รบกวนเวลานอนสุดๆ

" นี่แวม นายเลิกกับเฟย์จริงๆเหรอ? " ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

" แล้วทำไมผมจะต้องโกหก? "

" ทำแบบนี้ทำไม? "

" ประโยคนั้นผมต้องถามหมอบีมมากกว่า ทำแบบนี้ทำไมครับ? ทำไมชอบหลบหน้าผม ชอบผลักไสให้ผมไปหาคนอื่น "

คนตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ แววตาแข็งกร้าวนั่นทำให้ผมต้องก้าวขาเพื่อถอยหนี แต่โชคไม่เข้าข้าง ผมดันสะดุดขอบโซฟาจนล้มลงบนฟูกนั่นซะงั้น เป็นการเปิดโอกาสให้อีกคนตามมาค่อมตัวอยู่ด้านบน แขนแกร่งทั้งสองข้างค้ำยันไว้ที่ผิวโซฟาข้างตัวผมทั้งสองด้าน สีหน้าเจ้าเล่ห์และเหยียดยิ้มร้ายแบบนี้อีกแล้ว ผมเกลียดที่สุด

" ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ "

" ทำแบบนั้นหมอบีมก็หนีน่ะสิครับ " คนตรงหน้าเอี้ยวตัวเข้ามาใกล้จนผมต้องหลับตา " ผมไม่อยากให้หมอบีมหนีผมไปอีก " เสียงทุ้มกระซิบอยู่ข้างหู

" ยะ...อย่า " ผมสะดุ้งทันทีเมื่อปลายจมูกของคนด้านบนกำลังคลอเคลียอยู่ที่ลำคอของผม

ฟอด

ผมเบิกตาจ้องหน้าคนที่ฉวยโอกาสหอมแก้มผมทันที

" หน้าแดงเชียวนะครับ "

" ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ " ผมโวยวายทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองหน้าแดง ผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเพราะความเขินจนไม่รู้จะทำไงต่อ จะรอดพ้นจากสถานการณ์ตรงหน้ายังไงดีเนี่ย? นึกออกแล้ว " โอ้ย เจ็บแขน "

" ผมยังไม่โดนแขนหมอบีมเลยสักนิดนะครับ " ผมหันไปมองแขนด้านที่โดนยิงทันที มือของคนด้านบนตั้งใจวางห่างจากแผลผมอยู่แล้ว

หลังจากที่เย็บแผลตอนนี้เนื้อเยื่อคงเริ่มเชื่อมกันแล้ว จะว่าไปก็ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด

" แล้วนายจะแกล้งฉันอีกนานไหม? ลุกขึ้นได้แล้ว "

" ใครว่าผมแกล้งล่ะครับ ผมเอาจริง " ใบหน้าหล่อเคลื่อนลงมาช้าๆ ผมจ้องในตาคมนั่นพร้อมกับหัวใจที่เพิ่มจังหวะการเต้นที่เร็วกว่าเดิม

" แวม "

" ครับ? กลัวเหรอ? " แวมถามเมื่อเห็นผมตัวสั่น จริงๆมันรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่จะรู้สึกกลัว

" ... " คนด้านบนใช้มือเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผมออกเบาๆ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ผมเขินเกินกว่าจะลืมตามองเจ้าของตาคมที่จับจ้องมา

" จูบนะครับ "

" ว่าไงนะ... อื้อออ " ไม่รอให้ทักท้วงอะไร ตอนนี้ริมฝีปากของผมถูกอีกคนครอบครองไปเรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากหนาบรรจงจูบลงมาอย่างนุ่มนวลจนผมรู้สึกหวิวๆแปลกๆ ลิ้นร้อนพยายามแทรกเข้ามาช้าๆ คนด้านบนครางในลำคอเบาๆ ไม่นานผมก็เคลิ้มตามจนยอมเปิดปากให้ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาหยอกล้อในโพรงปากจนได้

" อืมมม " จากการจูบที่เชื่องช้าเนิบนาบในตอนแรกถูกเพิ่มความหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ แวมขบเม้มและดูดดึงริมฝีปากผมแรงขึ้น ผมเริ่มหอบหายใจเร็วแรงเพราะอารมณ์ดิบที่คุกรุ่นขึ้นมา ร่างกายรู้สึกร้อนลุ่มไปหมด ผมเป็นผู้ชายนะครับ เรื่องแบบนี้มันจุดติดไม่ยากอยู่แล้ว อีกคนก็คงเช่นกัน

" อื้ออ อื้มมม " ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาเริ่มซุกซนดึงเสื้อนักศึกษาของผมขึ้นและสอดมือเข้าไปลูบวนที่เอวของผม เขาโอบเอวบางของผมให้แนบชิดตัวมากขึ้น แวมผละริมฝีปากออกจากปากผมและเปลี่ยนเป็นลากวนดูดดึงที่ลำคอแทน

" อ๊ะ...พะ...พอก่อน " ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แต่คนด้านบนไม่ยอมฟังแถมยังปิดปากผมด้วยปากของเขา " อื้อออ ออ...แอ้ววว (พอแล้ว) " ผมพยายามดิ้นแรงขึ้น

" จิ๊ " คนด้านบนจิ๊ปากเบาๆและยอมผละตัวลุกขึ้นอย่างหงุดหงิดทันที เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ เดาไม่ยากว่าเขาเข้าไปทำอะไร และผมก็เริ่มจะทนไม่ไหวเช่นกัน เสียงครางเป็นจังหวะดังเล็ดลอดผ่านประตูห้องน้ำออกมาทำให้ผมรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวอีกครั้ง

แวมเปิดประตูห้องน้ำออกมาผมก็รีบหลบสายตาคู่นั้นทันที ก็ผมอายนี่ครับ

" ไม่อึดอัดรึไงครับ? " ดวงตาคมมองมาที่จุดอ่อนไหวของผมที่ตอนนี้กำลังแข็งขืนอยู่ด้านในกางเกงขายาว ผมใช้มือปิดส่วนนั้นไว้และลุกเดินไปเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ

" นายจะทำอะไร? " แขนแกร่งโอบรอบเอวผมเข้าหาตัวก่อนฉุดผมไปที่โซฟาอีกครั้ง ตอนนี้ผมกับเขาอยู่ในท่าล่อแหลมเกินไปแล้ว เขานั่งอยู่บนโซฟาขณะที่ผมนั่งอยู่บนตักและหันหลังให้เขา " ให้ผมทำให้ดีกว่า " เสียงทุ้มกระซิบข้างหูจนผมขนลุกไปทั้งตัว

มือหนาถอดเข็มขัดสีดำออกจากเอวผมไปอย่างง่ายดาย และไม่นานซิบกางเกงของผมก็ถูกรูดลงช้าๆราวกับแวมตั้งใจจะแกล้งผม คนด้านหลังเพิ่มความตื่นเต้นโดยการใช้ริมฝีปากดูดดึงต้นคอผมเบาๆ

" อื้มมม อ๊ะ " ไม่นานกางเกงของผมก็ลงไปกองอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว และชิ้นต่อไปก็คืออันเดอร์แวร์สีขาวที่ถูกดึงลงอย่างง่ายดายเช่นกัน มือของเขากอบกุมส่วนนั้นของผมไว้พร้อมรูดรั้งขึ้นลงช้าๆ อีกมือก็สอดเข้าไปใต้เสื้อนักศึกษาและลูบวนอยู่บริเวณตุ่มไตด้านในสร้างความเสียวซ่านอย่างที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน

" อ๊ะ อืมมม อ๊ะๆ ระ...แรงอีก " มือหนาเร่งจังหวะมากขึ้น ริมฝีปากก็คลอเคลียอยู่ที่ลำคอของผมไม่ห่าง

" อ่า " ไม่นานน้ำสีขาวขุ่นก็พุ่งเลอะมือของเขา ผมหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย แวมเอียงตัวผมที่นั่งบนตักเขาให้หันไปด้านข้าง แขนแกร่งโอบรอบเอวและดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง คนตรงหน้าส่งเสียงครางอย่างพอใจพร้อมกับสอดลิ้นร้อนเข้ามา เราสองคนจูบกันอยู่นานก่อนที่เขาจะยอมผละออกไปช้าๆ ใบหน้าหล่อยกยิ้มมุมปากมองหน้าผมอย่างพอใจ ผมทุบไปที่อกแกร่งเบาๆก่อนจะซบหน้าลงไปที่ไหล่เขาด้วยความเขิน

" เด็กไม่ควรดูนะเจ้าชาเย็น " แวมหันไปบอกหมาน้อยที่ยืนอยู่ไม่ไกล ไม่นานมันก็กระดิกหางวิ่งไปทางอื่น

" ไปเรียนได้แล้ว " ผมเอ่ยเสียงแผ่วแต่ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาอีกฝ่าย

" อยากอยู่แบบนี้นานๆจังครับ " แวมกระชับกอดให้ผมเข้าหาตัวมากขึ้น มือหนาลูบไล้เอวบางของผมเบาๆ

" หยุดเลยนะ " ผมส่งเสียงห้ามเมื่อมือซุกซนเริ่มไล่วนไปถึงบั้นท้ายของผม

" ขอโทษครับ อารมณ์มันพาไป " ผมเงยหน้าขึ้นมองแวมด้วยสายตาดุๆ แต่เขากลับยิ้มขำอยู่ได้

" ปล่อยเลย "

" จุ๊บ " แวมประทับริมฝีปากลงมาแตะที่ปากผมเบาๆ " ครั้งนี้ถือว่ามัดจำแล้วกันนะครับ "

" ... "







................................................
มาแล้วครับ ตอนนี้ก็จะมาแบบหวานๆ ncนิดๆ :L2:

หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 18 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-12-2017 02:19:39
โอ้ยยย หวานไปอีกกก
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 18 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-12-2017 03:18:27
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 18 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 16-12-2017 07:52:11
ละลายยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 18 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-12-2017 09:58:22
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 18 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 16-12-2017 11:23:19
 :oo1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 19 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 16-12-2017 20:58:31
Chapter 19





" ที่มึงเรียกพวกกูมานี่เพราะมึงเครียดเรื่องเฟย์ใช่ไหมวะ? เฮ้ยไอ้คิม มึงทำไมไม่เดินวะ? แม่งอ่อนว่ะ " ผมมองเพื่อนรักทั้งสองคนที่กดจอยเกมส์ในมืออย่างเมามันส์ เออ เอาเข้าไป ไม่ต้องสนใจกูก็ได้เพื่อน

" มึงตายเยอะกว่ากูอีก อย่าบ่นๆ "

ตอนนี้ไอ้เมฆกับไอ้คิมกำลังช่วยกันคิดแก้ปัญหาชีวิตที่แสนยุ่งยากของผมอยู่ ผมเรียกพวกมันมาช่วยให้คำปรึกษา ไม่ใช่ให้มานั่งเล่นเกมส์กันแบบนี้นะโว้ย

" เฮ้อ แพ้อีกแล้ว "

" เลิกเล่นแม่ง "

" สรุปมึงเครียดเรื่องอะไรวะไอ้แวม? " กว่าจะสนใจกูได้ก็ตอนจบเกมนะพวกมึง

มันสองคนละความสนใจจากเกมที่เพิ่งแพ้ไปแล้วเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างๆผม

" คือกูจะเอาไงดีวะ? เฟย์ไม่ยอมเลิกยุ่งกับกู ทั้งๆที่กูบอกเลิกเค้าไปแล้วนะเว้ย แล้วไหนจะแม่กูอีก แม่กูก็จะบังคับกูกลับไปหาเฟย์ให้ได้ กูเลยหนีหน้าแม่มาอยู่คอนโดสักพักว่ะ "

" กูว่านะ ถึงเฟย์จะตามมึงยังไงก็อย่ากลับไปยุ่งกับเขาเด็ดขาด ไม่งั้นความรักของมึงกับหมอบีมไม่ราบรื่นแน่ ผู้หญิงคนนี้น่ะร้ายกาจสุดๆ "

" กูเห็นด้วยกับไอ้เมฆนะ ส่วนเรื่องแม่มึง กูว่าเดี๋ยวเค้าก็คงเข้าใจมั้ง "

" คงยากว่ะ " ผมถอนหายใจอย่าปลงๆ

" เออไอ้แวม มึงเห็นโพสต์นี้ยังวะ? เฟย์ไม่ยอมจบจริงๆด้วย " ไอ้เมฆยื่นมือถือให้ผมดู ในนั้นปรากฏเฟสบุ๊คของเฟย์ที่โพสต์ตัดพ้อว่าผมนอกใจ ใต้โพสต์มีเพื่อนและแฟนคลับของเธอมาคอมเม้นต์ใต้โพสต์เต็มไปหมด

/ พี่เฟย์สู้ๆนะคะ ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ /
/ ผู้ชายสมัยนี้ก็เป็นงี้แหละแก ช่างแม่ง /
/ ทำไมพี่แวมทำแบบนี้คะ? /
/ อีมือที่ 3 มันเป็นใครอ่ะเฟย์ น่าตบว่ะ /

" คนพวกนี้ทำไมเข้าข้างเฟย์จังเลยวะ? " นาคิมเอ่ยขึ้นพลางยื่นโทรศัพท์มือถือคืนใต้เมฆไป

" เดี๋ยวกูจัดการเอง ฮ่าๆ " ใต้เมฆหยิบมือถือมาพิมพ์ข้อความอยู่สักพัก

" มึงทำอะไรวะไอ้เมฆ? "

" เดี๋ยวก็รู้ เอ่า เฟย์บล็อคเฟสกูไปแล้วว่ะ "

" แล้วมึงพิมพ์ไปว่าอะไรวะ? " ผมถาม

" กูก็แค่โพสต์รูปแล้วแท็กเฟย์ไป รูปเขาไปกินข้าวกับดาราคนนึง ตอนนั้นกูแอบถ่ายไว้ก่ะว่าจะเอามาให้มึงดู "

" ร้ายนะมึง "

" กูเบื่อมากเลยพวกที่ใช้โลกโซเชียลเป็นเครื่องมือแสดงว่าตัวเองเป็นคนดีเนี่ย โคตรปลอม "

" เออ ช่างเขาเถอะ ส่วนมึงนะไอ้แวม ถ้าเครียดมากวันนี้ไปกับกูไหม? หาอะไรสนุกๆทำดีกว่าเว้ย "

อะไรสนุกๆที่ไอ้เมฆว่าคงไม่พ้นเรื่องผู้หญิงอีกตามเคย

" ไม่ว่ะ กูไม่อยากมีปัญหากับหมอบีม แค่นี้ก็จะแย่อยู่แล้ว "

" มึงกับหมอบีมยังไม่เคลียร์กันอีกเหรอ? พวกกูอุตส่าห์วางแผนให้มึงสองคนอยู่ด้วยกัน " แผนเจาะยางรถเขาอ่ะเหรอ? บอกเลยว่าเป็นแผนที่โคตรเลว

" จะว่าเคลียร์มันก็เคลียร์นะเว้ย แต่พอรถหมอบีมซ่อมเสร็จ เขาก็ไม่ยอมให้กูไปรับไปส่งอีกเลยว่ะ กูไปหาที่บ้านก็ไล่กูกลับตลอด "

" ให้พวกกูเจาะยางรถหมอบีมอีกไหม? "

" พอเลยไอ้เมฆ " ไอ้คิมตบหัวไอ้เมฆไปฉาดใหญ่

" เออๆๆ แล้วจะให้กูช่วยไอ้แวมยังไงวะ? "

" แล้วทำไมหมอบีมต้องหนีหน้ามึงขนาดนั้น มึงไปทำอะไรให้เขาโกรธรึเปล่า? " พวกมันสองคนจ้องหน้าผมอย่างจับผิด

" เออกู...คือกูจะปล้ำเค้า "

" ไอ้สัด " พวกมันสองคนพร้อมใจกันหัวเราะลั่น มันน่าขำตรงไหนวะ? กูเครียดอยู่นะเว้ย

" เดี๋ยวนะไอ้แวม สรุปมึงเครียดเรื่องนี้มากที่สุดใช่ไหม? กูก็นึกว่ามึงเป็นอะไร เฮ้อ " นาคิมส่ายหัวแบบขอไปที

" กูจะทำไงดี? "

" แล้วมึงกับเค้าแบบว่า...รึยังวะ? "

" ยัง "

" กากว่ะมึง เสียชื่อเพื่อนรักเสือเมฆหมด ถ้าเป็นกูนะ หมอบีมไม่รอดแล้ว " ผมขอฟาดกระบาลเพื่อนรักสักรอบเถอะ แต่ไอ้เมฆดันรู้ทันหลบมือผมได้ซะงั้น

" กูไม่เหมือนมึงนะเว้ย เอ่ะอ่ะก็จะเอาอย่างเดียว "

" แต่เมื่อกี้มึงบอกว่ามึงจะปล้ำเค้าไม่ใช่เหรอ "

" อารมณ์มันพาไป " ผมเกาท้ายทอยด้วยความเก้อเขิน

" ฟังกูนะเว้ย มีโอกาสก็รวบรัดซะ รับรองไปไหนไม่รอด "

" ไอ้เมฆมึงหยุดเสี้ยมเพื่อนเลย เอางี้นะไอ้แวม มึงเคลียดที่หมอบีมไม่ยอมมาเจอมึงใช่ไหม? เดี๋ยวกูจะช่วยมึงเอง แต่! มึงอย่าไปปล้ำเขาอีก เข้าใจไหม? "

" ไอ้คิมแม่งพ่อพระสัด " ใต้เมฆพึมพำเบาๆ แต่ก็ได้ยินกันทุกคนนั่นแหละครับ

" มึงจะช่วยให้หมอบีมยอมมาเจอหน้ากูยังไงวะไอ้คิม? "

" เดี๋ยวมึงดู " นาคิมหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก ไม่นานปลายสายก็รับเรียบร้อย

' สวัสดีครับ? ' เสียงหมอบีมดังจากลำโพงมือถือไอ้คิม ผมอดที่จะเผยรอยยิ้มดีใจขึ้นมาไม่ได้

" หมอบีมทะเลาะอะไรกับไอ้แวมรึเปล่าครับ? "

' ทำไมนาคิมถึงถามผมแบบนั้นล่ะครับ? '

" ตอนนี้ไอ้แวมมันเคลียดมาก มันเมาไม่ได้สติแถมยังละเมอชื่อหมอบีมตลอดเวลา มันตัวร้อนเหมือนจะไข้ขึ้นน่ะครับ แต่พอผมบอกให้ไปหาหมอก็ไม่ไป จะเช็ดตัวให้ก็ไม่ยอม มันบอกจะเจอหมอบีมให้ได้ "
โหว ผมยกนิ้วให้ไอ้คิม เอารางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมไปเลยเถอะ ถ้ามึงจะโกหกขนาดนี้นะ

' แล้วตอนนี้แวมอยู่ไหนครับ? '

" คอนโด XX ครับ "

' ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ '

ติ๊ด

" เชรด ไอ้คิม มึงแม่งโคตร... "

" เจ๋งใช่ไหม? "

" เหี้ย "

ผมขำกับสองคนนี้จริงๆ แต่ก็ต้องขอบคุณไอ้คิมที่ทำให้หมอบีมยอมมาเจอผมจนได้

" กูช่วยมึงแล้ว ต่อไปก็เรื่องของมึงแล้วนะเว้ย จะสองทุ่มแล้ว กูต้องไปงานเลี้ยงเพื่อนพ่อก่อนว่ะ "

" เอ่าไอ้คิม แล้วมึงบอกว่ากูเมา ป่วย ตัวร้อน? "

" นี่ แดกไป กูต้องไปแล้วเหมือนกัน สาวๆรออยู่ " ไอ้เมฆเปิดตู้เย็นหยิบขวดวอสก้ามาใส่มือผม

" เดี๋ยว พวกมึง " สองคนนั้นออกไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีใครอยู่ช่วยผมเลย ถ้าหมอบีมจับได้ว่าโกหกมีหวังซวยกว่าเดิมแน่ๆ




ผมนั่งจิบวอสก้าอยู่บนโซฟา รอเวลาที่หมอบีมมาถึง จากนั้นก็จะแกล้งเมาให้เขาดูแล เฮ้อม แม่งจะดูเลวไปป่ะวะ?

กริ๊งงง
หมอบีมมาแล้วแน่ๆ เอาไงดีๆ?

ต้องทำตัวโทรมๆ ใช่แล้ว ต้องดูโทรมไว้ก่อน

ผมเดินยีเส้นผมตัวเองให้ยุ่งๆ จัดเสื้อผ้าให้ยับๆ จากนั้นก็ไปเปิดประตูด้วยท่าทางโรยแรง

แต่คนที่ยืนอยู่หน้าประตูดันไม่ใช่หมอบีมซะงั้น ผิดแผนว่ะ แบบนี้ซวยแน่ๆ

" เฟย์ มาทำอะไรที่นี่ครับ? "

เธอไม่ตอบแต่เดินเข้ามาในห้องโดยที่ผมยังไม่ได้เอ่ยเชิญสักคำ ผมถอยหลังทันทีที่เธอพยายามจะเข้าใกล้

" แวมคะ ไม่ต้องทำเหมือนรังเกียจเฟย์ขนาดนั้นก็ได้ค่ะ "

" เราเลิกกันแล้วนะเฟย์ "

" เฟย์รู้ค่ะ แต่เฟย์ก็แค่...คิดถึงแวมเท่านั้นเอง " เธอพุ่งเข้ามากอดเอวผมไว้แบบไม่ทันตั้งตัว

" อย่าทำแบบนี้ดีกว่านะ มันไม่มีประโยชน์ " ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

" ทำไมคะ? ตอนนั้นเรายังรักกันดีๆอยู่เลย ไม่ใช่เหรอคะ? " ผมพยายามแกะมือปลาหมึกของเฟย์ที่ลูบไล้เข้ามาใต้เสื้อเชิ้ตของผมออก

" เฟย์อย่า "

" เรายังไม่เคยมีอะไรกันเลยนะคะแวม ถ้าเราลองดูสักครั้ง บางทีแวมอาจจะเปลี่ยนใจ "

" ไม่มีทาง " ผมตอบเสียงแข็ง ผลักเธอออกจากตัวทันที เฟย์แสดงท่าทางไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

" เพราะหมอบีมใช่ไหม? แวม เขาเป็นผู้ชายนะ "

" อย่างน้อยเขาก็ดีกว่าเฟย์แล้วกัน ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว "

" ไม่ค่ะ เฟย์ไม่ไปไหนทั้งนั้น " เธอจ้องหน้าผมด้วยท่าทางโกรธเคืองที่ผมออกปากไล่เธอ ผมชะงักทันทีเมื่อคนตรงหน้าเริ่มแกะกระดุมเสื้อตัวเองออก

" เฟย์หยุดเดี๋ยวนี้นะ " ผมวิ่งเข้าไปจับมือเธอไว้ทันที แต่แทนที่จะเป็นการหยุดการกระทำ มันยิ่งเปิดโอกาสให้เธอยั่วยวนผมมากขึ้น เธอเบียดตัวเองเข้าหาผมในสภาพเสื้อนักศึกษาที่แหวกลงไปถึงกระดุมเม็ดที่สาม ผมเบนหน้าไปทางอื่นแต่เธอก็ไม่วายที่จะพยายามทำให้ผมหมดความอดทน

" ครั้งเดียวนะคะแวม แล้วเฟย์จะไม่มายุ่งกับแวมอีก " ผมหันมองหน้าเธออีกครั้ง ดวงตาเว้าวอนเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มือบางลูบวนอยู่บริเวณหน้าอกของผมเบาๆ

เพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ที่ดื่มไปเมื่อกี้ทำให้ผมเคลิ้มตามได้โดยง่าย มันยากจะควบคุม ริมฝีปากบางที่พยายามบดเบียดเข้ามาทำให้ร่างกายผมร้อนรุ่มไปหมด

" อื้มมม " ผมครางในลำคอเบาๆ มือหนาคล้องเอวบางเข้าหาตัวอย่างไม่มีสติ

" อ๊ะ ใจเย็นๆสิคะ " ผมจูบตอบสาวน้อยอยู่สักพัก

ไม่นานโลกทั้งใบก็หยุดหมุนลงทันที เพียงเพราะเสียงประตูที่ถูกเปิดออก

แก๊ก
เมื่อกี้เฟย์คงตั้งใจที่จะไม่ล็อคประตูสินะ

" หมอบีม! เดี๋ยวก่อนหมอบีม ฟังผมก่อน " เขาเปิดประตูเข้ามาไม่กี่วินาทีก็วิ่งออกไป แต่ภาพเมื่อครู่ยังคงติดตาผมไม่หาย ภาพสีหน้าของหมอบีมที่เต็มไปด้วยความเสียใจและผิดหวัง เพราะผม

" แวมคะ " เฟย์พยายามดึงแขนผมไว้ไม่ให้ตามหมอบีมไป

" เฟย์ เราอย่าเจอกันอีกเลย "

" ฮึ เฟย์จะไม่ยอมให้แวมสมหวังกับมันหรอก " ผมสะบัดมือเธอออกอย่างแรงโดยไม่สนใจ ตอนนี้ผมห่วงแค่หมอบีมเท่านั้น ผมรีบวิ่งตามหลังอีกคนที่เพิ่งจะเดินเข้าไปในลิฟท์

คลาดกันแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเอง

" โถ่วเว้ย! "   
 
 

 

หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 19 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 16-12-2017 22:42:12
เฮ้นี่หรือผู้หญิงที่แม่แวมอยากได้นักได้หนานางก็คือ curry ขัดความสุขนี่แหละอยากให้นางโดนแฉแรงๆว่านางคือประเทศในเอเชียตะวันออกกลางประเทศหนึ่ง!
ส่วนคุณแม่ก็ควรหาตัวคนยิงลูกชายตัวเองได้ละไม่ใช่มาห้ามลูกว่าแม่ไม่ปลื้มผู้ชายแลดูงี่เง่ามากถ้าลูกตายมาจริงๆก็สมน้ำหน้าไปอีก
ส่วนผู้ชายของเฟย์อยากให้มาแฉนางเอาแบบนางไม่ได้ผุดได้เกิดแค้นนังเฟย์มาก  :fire: :angry2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 19 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 17-12-2017 01:13:23
ระวังโซเชียลทำพิษนะเฟย์ 55555 เราเจอคนดับเพราะโซเชียลหลายคนแล้ว อิอิย์
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 19 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 17-12-2017 06:09:44
 :z6:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 19 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 17-12-2017 10:05:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 19 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-12-2017 10:58:45

 :เฮ้อ:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 19 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2017 14:12:35
ว่าไปแม่แวม ก็แปลกๆ พี่ชาย ก็แปลกๆ
เอ่อ.....แวม ก็แปลกๆ สรุปครอบครัวแวม แปลกๆกันหมดทั้งบ้าน
แวม ไปยุ่งกับยายเฟย์ แค่อยากใกล้บีม นี่ไงๆเหมือนๆจะฉลาด  :fire: :fire: :fire:

คราวที่แล้วที่มีคนร้ายจะยิงแวมที่ลานจอดรถ
ดูยังไงก็เป็นแผนเฟย์ เฟย์เจ๊าะแจ๊ะแวม แต่ไม่ชวนแวม
เฟย์ไม่สนิทกับบีม แต่ชวนบีมไปซื้อของ  ตลกมากกกก

เมฆ อุตส่าห์วางแผนให้หมอบีมมาหาแวม
ทำไมเฟย์ซาตานมาได้ประจวบเหมาะ
แล้วเฟย์มีการขอมีอะไรกับแวมเป็นครั้งสุดท้าย
แวมตกลง ทั้งที่รู้บีมกำลังมาหา WTF   :angry2: :angry2: :angry2:
ถึงว่าแวมแปลกๆ เอ่อ......ไม่แปลกแล้ว โง่ชัดๆ
บีม เลิกๆรัก ไปเหอะ จากบทเพลงหนึ่งบื้อ (แวม) คนนี้
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 19 [ 16/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 17-12-2017 17:54:29
ฆ่าเฟย์ซะ น่าเกียจ 555
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 20 [ 30/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 30-12-2017 17:37:50
Chapter 20



เมื่อกี้แวมกับเฟย์...

ผมรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูกเมื่อนึกถึงภาพเมื่อครู่ ป่านนี้เขาสองคนคงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว

ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมดา จริงอย่างที่คุณหญิงบอกว่าเรื่องของผมกับแวมไม่มีทางเป็นไปได้ สุดท้ายแวมก็กลับไปหาเฟย์

ครืดดด ครืดดด
ผมนั่งอยู่ในรถ มองจอมือถือที่ขึ้นชื่อแวมกว่าสิบรอบ ไม่กล้ารับ แต่ก็ไม่กล้าตัดสายทิ้งหรือปิดเครื่องไป

ผมปาดน้ำตาและบีบมือถือแน่นขึ้นเรื่อยๆเพื่อระบายอารมณ์โกรธเคืองในใจ รู้สึกได้ว่ามือทั้งสองข้างก็สั่นไหวไม่ต่างจากมือถือเครื่องนี้เลย

เสียงเรียกเข้าเงียบไปเพียงเสี้ยววินาทีก็ดังขึ้นมาอีกรอบ

ครืดดด ครืดดด

หากแต่รอบนี้เป็นชื่อของอีกคน

‘ พี่วี ’

“ ครับพี่วี ”

“ นี่พี่ฝันไปใช่ไหม หมอบีมยอมรับสายพี่แล้ว? ”

“ พี่วีมีอะไรรึเปล่าครับ? ถ้าไม่มีผมจะวางสายแล้... ”

“ ใจเย็นก่อนครับ ทำไมน้ำเสียงฟังดูแปลกๆ หืม? ร้องไห้อยู่ใช่ไหม? ”

“ ครับ ” ผมตอบไปสั้นๆ

“ ใครทำอะไรหมอบีมครับ? บอกพี่มา เดี๋ยวพี่ไปจัดการเอง ”

“ ... ” ผมเงียบไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แม้คนในสายจะพยายามปลอบใจแต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย

“ ให้พี่ไปหาไหม? ”

“ อย่าดีกว่าครับ ”

“ อืม พี่เข้าใจว่าบีมยังโกรธพี่อยู่ แต่พี่อยากเจอบีมบ้างได้ไหม? สักครั้งก็ยังดี ไว้วันที่บีมว่างๆก็ได้ นะครับ ”

“ ไว้วันหลังนะครับพี่วี ” ผมตอบเสียงแผ่ว

“ โอเคครับ อย่าคิดมากนะ ฝันดีครับ ”

“ ขอบคุณนะครับพี่วี ฝันดีครับ ”



พอผมขับรถมาถึงหน้าบ้านก็ต้องเจอกับคนที่ผมไม่อยากเจอที่สุด แวมมาดักรอที่หน้าประตู ผมจอดรถและเดินเข้าไปหาคนที่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

เขามองหน้าผมสักพัก แต่ก็ไม่พูดอะไรสักคำ มือหนาเอื้อมมาเกลี่ยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มผมเบาๆด้วยท่าทางรู้สึกผิด ตอนนี้ผมร้องไห้จนขอบตาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้อยากจะอ่อนแอ แต่ทำยังไงน้ำตามันก็ไม่ยอมหยุดไหล

“ ผมขอโทษ ” แวมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

ผมยิ้มบางๆและพยักหน้าไม่ตอบอะไรกลับไป

“ โอ๊ะ ” ผมชะงักเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงที่ดึงผมเข้าไปกอดแบบไม่ทันตั้งตัว กอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

“ อย่าเงียบแบบนี้ ”

“ นายจะให้ฉันพูดอะไร? มันจุกจนพูดไม่ออก ” 

“ ต้องทำยังไงถึงจะหายโกรธ? ” เขาพึมพำกับตัวเอง

“ ฉันไม่โกรธนายสักนิด แต่ฉันแค่...ผิดหวัง ”

“ หมอบีม ผมขอโทษ ” มือหนากอบกุมมือผมเอาไว้แน่น

“ ฉันผิดหวังในโชคชะตา ถ้าฉันเกิดมาเป็นผู้หญิงแบบที่เฟย์เป็น มันก็คงจะดี นายกับเฟย์น่ะ เหมาะสมกันแล้วล่ะ ”

“ ทำไมถึงพูดแบบนี้ครับ? ”

“ กลับไปหาเฟย์เถอะแวม ”

“ จะไล่กันไปถึงไหน? ” น้ำเสียงหงุดหงิดและแววตาขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด มือของผมถูกกุมแน่นจนเริ่มรู้สึกเจ็บ “ หมอบีมโกรธที่เห็นผมกับเฟย์จูบกันใช่ไหมครับ? ” เขาพูดเสียงแข็ง

ผมได้กลิ่นเหล้าจางๆเตะที่ปลายจมูก

“ แวม นายเมา? ”

“ เหล้าขวดเดียว ผมไม่เมาหรอก ” ผมสังเกตสีหน้าอีกคนใกล้ๆ ใบหน้าขึ้นสีบ่งบอกถึงปริมาณแอลกอฮอล์ที่กินเข้าไป

“ นายเมาแล้วแวม ปล่อย ”
อีกคนดึงผมเข้าไปกอดและเริ่มลูบไล้ตัวผมมากขึ้นทุกที

ผมผลักคนเมาออกและรีบถดตัวหนี

“ จะไปไหน ”

“ แวม นี่มันหน้าบ้านนะ อย่าทำแบบนี้ ปล่อย ”

“ อ่อ ต้องทำในบ้านสินะ ” แวมชิงจังหวะแอบล้วงกระเป๋ากางเกงผมและหยิบกุญแจบ้านออกมา อีกมือก็จับแขนดึงตัวผมเข้าหาเขาอีกครั้ง พยายามดิ้นให้หลุดยังไงก็สู้แรงคนตรงหน้าไม่ได้เลย

ผมโดนเขาฉุดกระชากจนมาถึงห้องนอนอย่างทุลักทุเล ข้อมือซ้ายถูกบีบจนชาไปหมด

“ อย่าเข้ามา ” ผมเอ่ยเสียงสั่นพยายามถอยตัวหนี

“ รอบนี้ผมขอแล้วกันนะ ” ร่างสูงยืนใช้สายตาสำรวจตัวผมช้าๆ เขาถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออกเผยให้เห็นซิกแพคและกล้ามเนื้อเรียงสวย ผมเบือนสายตาหนีไปอีกทาง รู้สึกว่าหน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ เฮ้ย อย่า... ” แวมดันตัวผมให้นอนราบลงกับเตียงอย่างรวดเร็ว เขาใช้มือทั้งสองข้างตะปบข้อมือทั้งสองของผมกดลงกับพื้นเตียงอย่างรุนแรง

“ ผมจะทำให้หมอบีมหนีผมไปไหนไม่ได้อีก ” เสียงทุ้มกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา

“ ถ้านายทำ ฉันจะเกลียดนาย ” ผมกดเสียงต่ำ

คนเมาขมวดคิ้วงุ่นอยู่นานก่อนจะยอมคลายมือที่จับแขนผมจนเป็นรอยแดงก่ำ

แวมมองหน้าผมและถอนหายใจหนักๆอีกครั้ง สุดท้ายเขาก็ถอยตัวลุกขึ้นจากเตียงแต่โดยดี

“ เฮ้อออ ก็ได้ครับ แต่ผมจะไม่ไปไหนจนกว่าหมอบีมจะยอมยกโทษให้ผม ”

“ ฉันไม่ได้โกรธนาย ”

“ แต่หมอบีมก็เอาแต่ไล่ผมไป ผมต้องทำยังไงครับ? หมอถึงจะยอมรับว่ารักผมเหมือนกัน? ” แวมเริ่มโวยวาย คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เขากล้าพูดทุกสิ่งที่คิดออกมา

“ ฉัน... ”

“ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วครับ เอาเป็นว่าผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมมีความสุขที่จะทำตามใจตัวเองแบบนี้ และไม่ว่ายังไง ผมก็จะอยู่ตรงนี้ เข้าใจนะครับ? ”
พูดจบเขาก็เดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ผมมองคนเมาที่นอนหลับไปแล้วก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

ถึงแม้ผมพยายามจะไล่เขาเท่าไหร่ แต่ลึกๆก็แอบดีใจที่เขาดื้อด้านไม่ยอมไปไหนแบบนี้



หลังจากวันนั้นแวมก็ตื้อผมไม่เลิก เขาเดินเข้าออกบ้านผมราวกับเป็นบ้านตัวเอง แถมยังคอยตามไปเฝ้าผมที่คณะอีก

พักเที่ยงวันนี้ก็เช่นเคย ผมยังเห็นเขาที่โรงอาหารคณะแพทย์ และวันนี้ก็ดูจะคึกครื้นกว่าทุกวัน สายตาของนักศึกษาในโรงอาหารนี้ต่างจดจ้องไปที่โต๊ะนั้นโต๊ะเดียว บางคนส่งเสียงซุบซิบและชายตามองมาทางผม วันนี้มีใต้เมฆกับนาคิมมานั่งกับเขาด้วย เดิมทีมีแค่แวมก็เด่นมากอยู่แล้ว

ผมรีบหาทางหลบแต่ก็ไม่พ้นสายตาพวกเขาอยู่ดี

“ หมอบีมมาโน่นแล้ว ”
นาคิมเอ่ยบอกเพื่อนสนิท ไม่นานแวมก็เดินมาหาผมทันที

“ ผมซื้อมาฝากครับ ” เขายื่นแก้วชาเย็นในมือมาให้ผมท่ามกลางสายตาและเสียงโห่แซวน่ารำคาญจากคนรอบข้าง

“ ตามอยู่ได้ ไม่มีอะไรทำรึไง? ” ผมรับแก้วชาเย็นมาอย่างหงุดหงิด

“ ไอ้แวมมันไม่มีอะไรทำหรอก มันดรอปเทอมนี้ไปแล้ว ”

“ ฮะ?! ” ผมหันขวับมองหน้าแวมทันทีที่ใต้เมฆพูดจบ

“ ครับ ” คนตรงหน้าตอบแบบไม่ใส่ใจ

“ จะรอจบพร้อมหมอรึไง? ” ผมพูดประชด

แวมไม่ตอบแต่เปลี่ยนเรื่องคุยแบบหน้าตาเฉย “ ตอนเย็นผมจะมารับไปกินข้าวนะครับ ”

“ ไม่ ”

“ ห้ามผมไม่ได้หรอก ยังไงผมก็มาอยู่ดี ”

“ แล้วจะถามทำไม? ” ผมใจแข็งปฏิเสธคนเอาแต่ใจไม่ได้อีกเช่นเคย

ไม่นานไอ้ก่อกับไอ้เกื้อก็เดินมาหาผมด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เกิดการเดดแอร์อยู่สักพัก ก่อนที่สามหนุ่มหล่อจะเอ่ยขอตัวไป

“ งั้นผมไปก่อนนะครับหมอบีม ”

“ เอ่อ วันนี้พวกนายจะไปไหนกันเหรอ? ” ไม่รู้ด้วยความสงสัยหรืออะไรที่ทำให้ผมถามออกไปแบบนั้น เพราะวันนี้แวมแต่งตัวดีเป็นพิเศษ แถมยังรวมตัวกันครบสามคนอีก

แต่เขาจะไปไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย

“ อดีตดาวเดือนนัดเลี้ยงส่งพวกพี่บัณฑิตกันน่ะครับ  ” แวมยิ้มตอบ

“ อ่อ ” ผมพยักหน้า

“ กินเลี้ยงเสร็จก็มีปาตี้ต่อ แต่ไอ้แวมมันคงไม่ไปว่ะ เพราะมันติดง้อเมีย ” ใต้เมฆกับนาคิมหันไปพูดกันเหมือนตั้งใจให้ผมได้ยินก่อนจะเดินออกไป 

“ งั้นผมไปก่อนนะครับ ”

“ ตอนเย็นนายก็ไปกับพวกรุ่นพี่เถอะ วันนี้ฉันมีติวสอบไฟนอล คงเลิกดึกน่ะ ” ผมโกหกไป

ไม่อยากให้แวมต้องมาคอยตามผมจนไม่มีเวลาทำอะไรเลย

“ รุ่นพี่คนไหน? ”

“ เมื่อไหร่จะไปสักทีวะ ก็รุ่นพี่หลายคน เขาสลับกันติวให้น้องทุกคนนั่นแหละ ” ไอ้ก่อเริ่มบ่น

“ โอเคครับ ติวเสร็จแล้วโทรหาผมนะ ” แวมหันมายิ้มให้ผม

พักนี้ผมเห็นรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าหล่อมากขึ้น ดีกว่าทำตัวขี้เก๊กเหมือนแต่ก่อนเยอะเลย

“ อืม ” ผมตอบรับปากว่าจะโทรบอกเขาเมื่อติวเสร็จ แวมยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป

พอสามคนนั้นไปหมดแล้วไอ้ก่อก็นั่งลงบนโต๊ะแทนที่พวกนั้นทันที ไอ้เกื้อก็เช่นกัน สองคนนี้ทำหน้าบึ้งทั้งคู่

“ พักนี้มึงดูสนิทกับสามคนนั้นจังเลยนะไอ้บีม ” น้ำเสียงไอ้ก่อติดจะไม่พอใจนิดๆ

“ แวมเพิ่งเลิกกับเฟย์ไม่ใช่เหรอครับ? แล้วทำไมถึงตามหมอบีม เหมือนว่าจะ... ” ไอ้เกื้ออ้ำอึ้ง

“ จีบ ”

“ จีบมึงน่ะสิไอ้ก่อ ไร้สาระแล้ว ” ผมตัดบทและชวนพวกมันคุยเรื่องอื่นทันที




ผมกลับถึงบ้านตั้งแต่ตอนเย็น นึกถึงอีกคนที่ผมโกหกเขาไปว่ามีติว ผมอยากให้เขาใช้เวลาอยู่กับคนอื่นบ้าง หลายวันมานี้แวมตามผมตลอด

แรกๆผมก็ปฏิเสธและไล่เขาไปทุกครั้ง แต่เพราะความดื้อด้านของเขาก็ทำให้ผมเริ่มชิน ผมรู้สึกมีความสุขที่มีแวมคอยตาม จนบางทีก็ลืมคิดถึงปัญหาอื่นๆ ความสัมพันธ์ของเราตอนนี้เรียกว่าอะไรยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

การกินข้าวเย็นกับแวมหลังเลิกเรียนถือเป็นกิจวัตประจำวันของผมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พอวันนี้กินคนเดียวกลับรู้เหงาและกินข้าวไม่อร่อยขึ้นมาซะอย่างนั้น

ทั้งๆที่เอ่ยไล่เขาไปทุกวันแท้ๆ พอเขาไม่อยู่แล้วเป็นไงล่ะ

ผมอ่านหนังสือรอจนถึงห้าทุ่มกว่าจึงกดโทรหาแวมตามที่รับปากไว้ ผมวางฟอร์มไปงั้นแหละ จริงๆก็เป็นห่วงเขาแต่ไม่กล้าพูด

ผมน่ะ ใจอ่อนจะตายไป

“ ทำไมไม่รับสายนะ? ”

หรือปาตี้หนักจนเมาสลบไปแล้ว โดนสาวที่ไหนลากไปรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมเริ่มคิดไปต่างๆนาๆ ปกติแวมไม่เคยรับสายผมช้าแบบนี้

อยากโทรไปอีกหลายๆรอบแต่ก็ไม่ทำ เพราะติดนิสัยวางฟอร์มจนต้องมานั่งกังวลอยู่คนเดียว

ไม่นานเสียงมือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น ผมชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นเป็นเบอร์ของนาคิม ซึ่งปกติผมไม่ค่อยติดต่อกับเขาสักเท่าไหร่ แต่ก็ดี จะได้ถามถึงแวมด้วย

ครืดดด ครืดดด

“ งานเลี้ยงเลิกแล้วเหรอครับ? ” ผมกรอกเสียงลงไป

แต่ก็ต้องชะงักเมื่อปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“ หมอบีม ไอ้แวมแย่แล้วครับ ”
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 20 [ 30/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 30-12-2017 17:56:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 20 [ 30/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-12-2017 18:10:05
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 20 [ 30/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-12-2017 18:40:13
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 20 [ 30/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-12-2017 19:09:40
 :hao7:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 20 [ 30/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 30-12-2017 19:55:20
แม่ในเรื่องนี้เป็นแม่ที่แปลก แปลกตรงที่ไม่ยอมหาคนร้ายที่ยิงลูกตัวเอง แต่กลับพยายามหาเมียให้ลูกตัวเองแทน แม่คู้ณมีสมองป๊ะเนี่ย หรือแค่รวยเท่านั้น
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 20 [ 30/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 30-12-2017 21:14:05
สงสัยแวมจะตายอีกรอบ :katai5:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 20 [ 30/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 31-12-2017 01:44:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 20 [ 30/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 31-12-2017 20:10:08
ง่า อะไรเนี้ย มาต่อสิครัย
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 20 [ 30/12/2560 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 31-12-2017 20:19:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 03-01-2018 15:07:52
Chapter 21



หลังจากรับโทรศัพท์จากนาคิม ผมก็รีบเดินทางมาที่ผับตามที่อีกฝ่ายบอกทันที สภาพแวมตอนนี้หน้าตาฟกช้ำเล็กน้อย คู่กรณีที่ยืนอยู่ตรงข้ามก็คือคนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตา

แวมกับนาวามีเรื่องกันกลางผับ และเหตุผลก็คงไม่พ้นเรื่องของเฟย์ สาวเจ้ายืนอยู่ข้างๆดาราหนุ่มด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

การทะเลาะกันของทั้งคู่ยังไม่จบเมื่อนาวาเป็นฝ่ายพยายามหาเรื่องอย่างไม่ลดละ

“ มึงแย่งแฟนกู ยังมีหน้ามายืนนิ่งอีก พูดอะไรหน่อยสิวะ! ” นาวาตะโกนใส่หน้าแวมด้วยความเมา แต่อีกฝ่ายกับยืนนิ่งเฉยราวกับไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร เพราะมีการ์ดของผับดึงตัวนาวาเอาไว้ไม่ให้ทำร้ายเขาได้อยู่แล้ว

“ ผมว่าคุณเอาเวลาไปดูแลแฟนคุณให้ดีจะดีกว่า ” เจ้าของสีหน้าเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับเหลือบตาไปที่เฟย์

“ นาวา เรากลับกันเถอะค่ะ อายคนอื่นเขา ” เฟย์พยายามดึงแขนนาวาให้ออกไปข้างนอก

ชายหนุ่มกลับสะบัดมือออกจากแฟนตัวเองด้วยสีหน้าหงุดหงิด เฟย์เองก็เริ่มที่จะอารมณ์เสียและรำคาญใจคนขาดสติที่โวยวายหาเรื่องคนอื่นไม่หยุด

“ ไม่ไป มาเคลียร์กันให้รู้เรื่องดีกว่า ทำไมวะ? ไอ้นี่มันมีดีตรงไหน?! ” คนเมาชี้หน้าแวมพร้อมกับหันมาถามเฟย์

“ เรากลับกันก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้คุณเป็นดารานะ ถ้าเรื่องนี้เป็นข่าว... ”

“ ช่างมัน ผมไม่สน! ” นาวาถกเถียงโดยไม่ฟังหญิงสาวเลยสักนิด

“ คุณเมาแล้วนะคะ ”

“ ฮึ! มันรวยสินะ ”

“ นาวา! ” เฟย์เริ่มโมโห

“ ตอนนี้ผมเองก็มีเงิน มีชื่อเสียง คุณอยากได้อะไรผมจะหาให้ เลิกนอกใจผมสักที คิดว่าผมโง่มากเหรอ? คุณทำอะไรผมรู้ทั้งนั้นแหละ ก็แค่ไม่พูด ” นาวาเหยียดยิ้มมองหน้าเฟย์ที่ยืนอึ้งกับคำพูดของเขา

ขณะที่สถานการณ์ชุลมุน แวมเหลือบตามาเห็นผมที่มุงดูปะปนกับคนอื่นอยู่

เขาก้าวเท้าเข้ามาทางผมช้าๆ

แวมจับมือผมและเดินเข้าไปหาเฟย์กับนาวาท่ามกลางสายตาของกลุ่มคนมากมาย

“ คุณสบายใจได้เลย ผมจะไม่ยุ่งกับแฟนคุณแน่นอน เพราะผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ” แวมพูดพร้อมกับโอบเอวผมเขาหาตัว

ผมช็อคกับการกระทำของเขาอยู่นานกว่าจะได้สติ

ทุกคนในเหตุการณ์ต่างยืนอึ้งกับเป็นแถว ผับใหญ่แห่งนี้มีทั้งพวกรุ่นพี่และรุ่นน้องดาวเดือนคณะต่างๆของมหาลัยที่มากินเลี้ยงฉลองกัน รวมถึงผู้คนมากหน้าหลายตาที่มาใช้บริการสถานบันเทิงแห่งนี้อีกด้วย

และที่ทำให้แย่ไปกว่านั้นคือเหล่านักข่าวบันเทิงที่บุกเข้ามาในเวลาอันรวดเร็ว สายข่าวสมัยนี้ทำงานไวจริงๆ นักข่าวมาเยอะจนการ์ดในผับก็กันไม่อยู่

“ กรี๊ด อย่าถ่ายนะ นาวาไปเร็ว ” เฟย์รีบดึงแขนนาวาให้ออกไปทางหลังร้านก่อนที่นักข่าวจะเดินเข้ามาถึง

“ ตามไปเร็ว! ” เสียงนักข่าวคนนึงตะโกนขึ้น

ผมเองก็โดนดึงให้ไปหลบอีกทางเช่นกัน

เฮ้อออ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสถานการณ์สงบลง

“ เจ็บไหม? ” ผมหันไปถามแวมที่ขอบตาช้ำจากการโดนต่อย ดูแล้วอีกคนน่าจะมือหนักพอสมควร

“ ไม่เท่าไหร่ ว่าแต่หมอบีมมาได้ไงเนี่ย? ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ ก็เป็นห่วง ”

“ อะไรนะครับ? ” อีกคนขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะเสียงเพลงในผับทำให้ได้ยินไม่ชัดเจน

“ เปล่า งั้นฉันกลับดีกว่า ” ผมหันหลังเตรียมจะเดินกลับแต่อีกคนก็ยังคงไม่ปล่อยมือจากผมสักที ผมส่งสายตาดุๆไป แต่แวมกลับส่งยิ้มอารมณ์ดีมาให้ซะงั้น

รอยยิ้มของเขาสะกดใครต่อใครให้หลงใหลได้ง่ายจริงๆ ให้ตายเถอะ ทำไมถึงรู้สึกเขินขนาดนี้วะ

“ เป็นห่วง? ”

“ ไม่ ”

“ ปากแข็ง ”

“ ปล่อยได้แล้ว จะกลับไปนอน พรุ่งนี้สอบ ”

“ ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปรับนะ ”

“ ไม่ต้อง ”

อีกคนยิ้มมุมปากและโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเอียงตัวหลบ

“ เออๆๆ อยากมารับก็มา ”

“ ครับ แล้วตอนนี้ให้ผมไปส่งที่บ้านไหม? ”

“ ฉันเอารถมา ” ผมตอบและพยายามแกะมืออีกคนออก ถ้ายังจับอยู่แบบนี้จะได้กลับสักทีไหมวะ?

“ งั้นกลับบ้านดีๆนะครับ ” แวมยอมปล่อยมือและหัวเราะเบาๆ

“ เออ ”



เช้าวันนี้เป็นวันสอบปลายภาควิชาแรก แวมมารับผมอย่างที่บอกจริงๆ วันนี้เขาดูเท่ห์กว่าปกติ เพราะแว่นตากันแดดราคาแพงที่สวมอยู่ เข้ากับใบหน้าหล่อสุดๆ

ผมแอบขำเบาๆเมื่อขึ้นมานั่งในรถ

“ วันนี้นายดูดีนะ ใส่แว่นมาบังรอยช้ำที่โดนต่อยเมื่อวานเหรอ? ”

“ อย่าขำสิครับ ”

“ อ่ะๆ ไม่ขำแล้วก็ได้ ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็อดยิ้มมาตลอดทางไม่ได้ ส่วนอีกคนได้แต่ขับรถไปทำหน้าหงุดหงิดไป

พอมาถึงมหาลัย ผมรู้สึกแปลกๆเมื่อใครต่อใครต่างมองมาที่ผมกับแวมพร้อมซุบซิบนินทากันมากกว่าทุกวัน คงเพราะเรื่องเมื่อคืนแน่ๆ

“ ตั้งใจสอบนะครับ ” แวมหันมาพูดกับผมโดยไม่แคร์สายตาใคร

“ อืม ”

“ เสร็จแล้วโทรหาผมนะ ”
 
“ อืม ไปได้แล้ว ”

“ ครับ ”

‘’ แก คนนี้ไงแฟนใหม่พี่แวม ’
‘ คนนี้ชื่อบีมใช่ป่ะ? ’
‘ แฟนใหม่พี่แวมเป็นผู้ชาย? ’
 ‘ แก เขายังไม่คบกัน ’
‘ กูไม่เชื่อว่าพี่แวมจะมาจีบเขาก่อน ’

ขณะที่เดินไปห้องสอบ ผมก็ต้องเผชิญกับเสียงนินทาที่ดังอยู่ไม่ขาดสาย แม้แต่เพื่อนในคณะหลายคนก็ยังไม่วายพูดถึงเรื่องผม

ผมพยายามตั้งสติและโฟกัสที่เนื้อหาในชีทให้มากกว่าเสียงน่ารำคาญพวกนี้

การสอบวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ผมกดเปิดมือถือก็พบกับข้อความที่แวมส่งมาตั้งแต่ชั่วโมงก่อน ‘ ผมรอหน้าตึกนะครับ ’

แวมนั่งรออยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ เขาก้มหน้าเขี่ยมือถือไปมาด้วยสีหน้าเครียดๆ

“ รอนานไหม? ”

“ ไม่นานครับ ”

“ เป็นไรรึเปล่า? ดูนายหน้าเครียดๆนะ ”

“ เปล่าหนิครับ ” แวมเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกงทันที “ ว่าแต่หมอบีมเถอะครับ สอบเป็นไงบ้าง? ”

“ ก็ดี ”

“ หมอบีมของผมเก่งอยู่แล้ว ”

“ นี่ อย่ามาเนียน ” ผมรีบแกะมือปลาหมึกที่ฉวยโอกาสโอบเอวผมออก แวมยิ้มมุมปากแต่ก็ยอมปล่อยเมื่อผมใช้สายตาไม่พอใจเล็กน้อย

ขณะที่ผมกับแวมเดินไปที่รถ ก็มีรถเอ็มพีวีสีขาวอีกคันเคลื่อนตัวมาจอดสนิทอยู่ตรงหน้า คนที่ลงมาจากรถคันนั้นคือคุณหญิงแม่ของแวม และอีกคนที่เดินตามลงมาก็คือพี่วี

“ แวม กลับบ้านกับแม่เดี๋ยวนี้ ” คุณหญิงออกคำสั่ง

“ ไม่ครับ ”

“ แม่อายคนอื่นเขา คนเขานินทากันทั่วว่าลูกแม่เป็นเกย์ แถมยังหนีออกจากบ้านไปกกอยู่กับมันอีก ยิ่งเห็นข่าวเมื่อวานแม่ก็ยิ่งไม่กล้าออกงานสังคมไปเจอหน้าคนอื่นเขาแล้วรู้ไหม ” คุณหญิงกดโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดให้แวมดู

/ “ คุณสบายใจได้เลย ผมจะไม่ยุ่งกับแฟนคุณแน่นอน เพราะผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ” / คลิปนี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในผับเมื่อวาน คงถูกถ่ายจากใครสักคนที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์

หลังจากดูคลิปจบ แวมก็ยังคงสีหน้านิ่งเฉย เขายื่นมือถือคืนคุณหญิงและพูดแค่ประโยคสั้นๆ

 “ แล้วไงครับ? ”

คุณหญิงขึ้นสีหน้าโกรธ เธอเบนสายตามองมาทางผมอย่างคาดโทษเหมือนผมเป็นต้นเหตุ

“ แกใช้อะไรหลอกล่อลูกชายฉันเขาถึงหลงแกขนาดนี้ ฮะ?!”

“ โอ๊ะ ”

ผมเซเล็กน้อยเมื่อถูกกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงเขวี้ยงโดนกลางอกเต็มๆ

“ แม่ครับ! ” แวมตกใจรีบเข้ามาพยุงผมไว้ เขาหันไปมองคุณหญิงที่ทำหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไร

ผมส่ายหัวและยิ้มเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร พร้อมกับเก็บกระเป๋าคืนให้คุณหญิงไป เธอยื่นมือมาหยิบกระเป๋าใบนั้นและเหยียดยิ้มสะใจ

“ พอเถอะครับคุณแม่ ผมว่าเรากลับกันดีกว่า ” พี่วีรีบเข้ามาห้ามคุณหญิงไว้

คุณหญิงมองซ้ายขวาก็พบว่ามีคนเริ่มให้ความสนใจยืนมองมาที่พวกเราเต็มไปหมด ด้วยความกลัวที่จะเสียหน้าเธอจึงยอมเอ่ยขอตัวกลับ

“ งั้นวันนี้แม่จะกลับไปก่อน แต่อย่าคิดนะว่าแม่จะยอมให้แวมคบกับผู้ชายคนนี้ ถ้าลูกไม่กลับบ้าน แม่จะทำมากกว่านี้แน่ แค่กระเป๋ามันยังเบาไปด้วยซ้ำ ”

“ แม่ก็ห่วงแต่หน้าตาของตัวเอง ไม่เคยนึกถึงผมเลยสักนิด ”

คุณหญิงยืนอึ้งทันทีเมื่อได้ฟังประโยคเมื่อครู่จากปากลูกชายตัวเอง

“ แวม ลูกกล้าว่าแม่งั้นเหรอ? ตั้งแต่เล็กจนโตลูกไม่เคยขัดคำสั่งแม่เลย ตั้งแต่ลูกมาอยู่กับมัน ลูกก็... ”

“ หมอบีมไม่ผิด ”

“ ครั้งก่อนแม่คิดผิดที่หาผู้หญิงแย่ๆมาให้ลูก คราวนี้แม่จะหาผู้หญิงดีๆ ลูกสาวเพื่อนแม่คนนึงเธอดีมากเลยนะ ลูกต้องชอบแน่ๆ ”

“ แม่เลิกหาผู้หญิงมาให้ผมสักทีเถอะ ผมรักหมอบีม ”

“ แวม! ” คุณหญิงทำท่าทางจะเป็นลมจนพี่วีต้องเข้าไปประคองเธอไว้

“ แต่ถึงยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ที่แม่หาให้ เข้าใจนะ กลับกันเถอะวี ” หลังจากออกคำสั่งจบเธอก็เดินขึ้นรถไปทันที

“ แล้วหมอบีมรักแวมรึเปล่าครับ? ” พี่วีหันมาพูดกับผม สีหน้าของเขาดูผิดหวัง ผมเองไม่ได้พูดอะไรเมื่อดูเหมือนเขาจะไม่ต้องการคำตอบ

พี่วีมองหน้าผมสักพักก่อนจะเดินตามคุณหญิงไปที่รถ

หลังจากที่รถของคุณหญิงเคลื่อนตัวออกไปแล้วแวมก็หันมาหาผมด้วยสีหน้าเครียด

“ ผมขอโทษแทนคุณแม่ด้วยนะครับ ”

“ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย กระเป๋าใบเล็กๆแค่นั้นเอง ” ผมยิ้มตอบกลับไป

“ ทำไมเมื่อกี้พี่วีถึง...แปลกๆ? ” แวมขมวดคิ้วสงสัย

“ แวม ฉันว่านายควรจะกลับบ้าน ” ผมเอ่ยออกไปตรงๆตามที่คิด

“ ไม่ครับ ถ้าหมอบีมไล่ผมอีก ผมจะโกรธมาก ”

“ ฉันจริงจังนะ ”

“ ผมก็จริงจังครับ ผม ไม่ ไป ”



หลังจากที่ผมกับแวมทานข้าวเย็นที่ร้านอาหารเล็กๆใกล้กับมหาลัยเสร็จ ที่ลานจอดรถของร้านก็มีรถตู้ท่าทางไม่น่าไว้ใจมาจอดอยู่ติดกับรถของแวม

ผมรู้สึกแปลกๆ สังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี

หรือผมคงจะคิดมากเกินไป?

ไม่มีอะไรหรอกน่า

“ หมอบีม ยืนรออะไรครับ? กลับบ้านกัน ” แวมที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถามเมื่อเห็นผมยืนเฉยอยู่

“ ก็รอนายนี่ไง ”

“ งั้นไปกันเถอะครับ ”

แวมเดินนำผมไปที่รถ

และก็เป็นอย่างที่ผมคิดจนได้ ชายชุดดำสี่คนลงมาจากรถพร้อมกับยกหมัดชกไปมุมปากของแวมแบบไม่ทันตั้งตัว แวมเซจนเกือบล้ม

อีกสองคนวิ่งเข้ามาจะทำร้ายผม ผมเตะไปที่หน้าท้องของหนึ่งคนในนั้น แต่ก็เผลอให้อีกคนเขามาล็อคแขนผมจากด้านหลังจนได้

ไม่นานผ้าขนหนูผืนสีขาวก็ถูกนำมาปิดจมูกผมแบบไม่ทันตั้งตัว พยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลุดไปได้เลย

และไม่นานผมเริ่มรู้สึกได้ว่าสติกำลังเลือนรางลงเรื่อยๆก่อนจะดับวูบไป





_________________________
ใกล้ถึงตอนจบแล้วนะครับ  :sad4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 03-01-2018 16:58:19
อุปสรรคเยอะจริงๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-01-2018 17:14:47
แม่แวมโรคจิตแท้
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-01-2018 18:50:54
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-01-2018 20:00:58
 :เฮ้อ:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-01-2018 20:32:26
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 03-01-2018 23:48:33
โอ้ยยย หวานกันสักทีเถอะขอร้องงง
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-01-2018 01:16:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-01-2018 01:17:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 04-01-2018 04:52:56
แม่แวมก็สนแต่หน้าตาจริง ๆ นั้นแหละ

ส่งคนมาทำร้ายอีกเลวมากกกก
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 04-01-2018 20:09:16
แต่งใกล้จบแล้วแต่ผมยังไม่ค่อยได้คุยกับคนอ่านเลย อันนี้ตอบคอมเมนต์ตอนล่าสุดครับ ต่อไปอยากบอกอะไรบอกมาได้ไม่ต้องเกรงใจเลยนะ ผมจะแวะมาตอบนะครับ

อุปสรรคเยอะจริงๆ
ไม่เยอะนะครับ นิดเดี๊ยววว

แม่แวมโรคจิตแท้
คุณหญิงยังปกติดีนะครับ...(รึเปล่าวะ?)

โอ้ยยย หวานกันสักทีเถอะขอร้องงง
ไม่นานครับ รอแป๊ปเดียว จริงๆครับ สัญญา55

แม่แวมก็สนแต่หน้าตาจริง ๆ นั้นแหละ

ส่งคนมาทำร้ายอีกเลวมากกกก
ใช่เปล่า? ยังไม่บอกเลยว่าใครส่งคนมา อย่าเพิ่งใส่ร้ายคุณหญิงสิครับ ฮ่าๆ


ตอนต่อไปเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่ำๆจะแก้คำผิดแล้วลงให้เลยนะครับ บอกไว้ก่อนว่ามีพลิกล็อค(มั้ง?)   :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 21 [ 03/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 04-01-2018 21:40:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 05-01-2018 20:08:43
Chapter 22



ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกมึนๆเล็กน้อย ตอนนี้พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงคิงไซส์สีขาว รอบห้องถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหราพอสมควร ผมเดินไปเปิดผ้าม่านที่ระเบียงออกก็พบกับทิวทัศน์ย่านใจกลางเมือง

ที่นี่น่าจะเป็นคอนโดของใครสักคน คิดได้ดังนั้นผมก็นึกทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่สักพัก

ผมโดนจับตัวมา?

เพล้ง! ได้ยินเสียงเหมือนแก้วแตกดังมาจากด้านนอก จึงตัดสินใจค่อยๆแง้มประตูเปิดออกไปดู

“ พลาดอีกแล้วงั้นเหรอ? ไม่ได้เรื่อง! ”

ผมเบิกตาด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนที่กำลังคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่น และถ้าเดาไม่ผิดพวกเขาก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด

ตอนนี้หัวใจของผมเริ่มสั่นอย่างตื่นเต้นเมื่อต้องแอบดูเหตุการณ์ที่พวกเขาคุยกันอยู่เงียบๆ และวันนี้ผมคงจะได้รู้ความจริงทั้งหมด

“ คะ...คราวนี้เพื่อนของแวมมาช่วยไว้ได้ค่ะ ” ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่ไปส่งแวมในวันที่เขาโดนยิง เธอเป็นนกต่ออย่างที่คิดไว้จริงๆ ตอนนี้แววตาของเธอดูหวาดกลัวเมื่อโดนมือหนาบีบที่ปลายคางด้วยความโกรธ

“ ปล่อยฝ้ายเดี๋ยวนี้นะ ” พี่เทียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับพุ่งตัวเข้าไปดึงเสื้ออีกคนอย่างหาเรื่อง สายตาเขาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างมาก

“ ฮึ! ” มือหนาสะบัดปลายคางของหญิงสาวที่ชื่อฝ้ายออกแรงๆก่อนจะยอมถอยออกไปเล็กน้อย พี่เทียนยอมปล่อยมือจากเสื้อสูทราคาแพงของอีกคนก่อนจะหันไปปลอบหญิงสาวที่กลัวจนน้ำตาคลอ

“ ยังไงแกกับน้องสาวก็ต้องช่วยฉันจัดการมันให้ได้ ไม่อย่างนั้นครอบครัวพวกแกเดือดร้อนแน่ ”

“ ฝ้ายไม่อยากทำแล้ว ฮือ ” เธอร้องไห้โฮออกมา

ที่แท้ผู้หญิงที่ชื่อฝ้ายก็คือน้องสาวของพี่เทียนนี่เอง

“ คิดดีๆนะ ถ้าพวกแกช่วยฉันฆ่ามันสำเร็จ ฉันจะยกหนี้ทั้งหมดที่พ่อแม่แกติดไว้ให้ฟรีๆ แต่ถ้าพวกแกทำไม่สำเร็จ ฉันจะให้คนของฉันเล่นงานครอบครัวแกแน่ อ่อ แล้วอีกอย่าง อย่าคิดที่จะแจ้งตำรวจ อย่าลืมว่าครั้งก่อนน้องสาวแกก็ร่วมมือกับฉันด้วย คงไม่อยากให้ติดคุกไปด้วยกันหรอกนะ ”

“ ฮือออ พี่เทียน ฝ้ายขอโทษ ” หญิงสาวร้องไห้หนักกว่าเดิม พี่เทียนได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์โกรธและดึงน้องสาวตัวเองเข้ามากอด

 “ คุณมันเลวจริงๆ แม้แต่น้องชายตัวเองยังคิดที่จะฆ่าได้ลงคอ ”

“ เหอะ น้องชาย? ฉันไม่เคยเห็นมันเป็นน้องอยู่แล้ว... ”

ผมอึ้งกับความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ ในตอนแรกฝ้ายร่วมมือกับพี่วีเพื่อฆ่าแวม เมื่อพี่เทียนรู้ความจริงจึงจำใจต้องยอมร่วมมือด้วย เพื่อช่วยน้องสาวของตัวเอง และหนึ่งในสี่คนที่เข้ามาทำร้ายผมกับแวมที่ร้านอาหารก็คือพี่เทียน

ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆ

แล้วทำไมพี่วีต้องทำถึงขนาดนี้?

คิดจะฆ่าน้องชายตัวเองอย่างนั้นเหรอ?

ผมเรียกสติตัวเองกลับมา และแอบฟังบทสนทนาเพื่อเก็บข้อมูลต่อ

“ ครั้งต่อไปอย่าให้พลาดอีกแล้วกัน เข้าใจไหม? ” หลังจากคุยกันเสร็จ พี่เทียนก็รีบพาน้องสาวออกไปทันที ท่าทางของฝ้ายดูหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่หาย

ผมปิดประตูห้องอย่าเร่งรีบแต่ก็ต้องให้เบาที่สุดเพราะกลัวพี่วีจะรู้ตัว และตัดสินใจนอนลงบนเตียง แกล้งหลับไปอีกครั้ง

แต่พี่วีฉลาดเกินกว่าที่ผมคิดไว้มาก

“ ไม่ต้องแกล้งหลับหรอกครับ พี่รู้ว่าบีมได้ยินหมดแล้ว ”

ผมลืมตาขึ้นมองหน้าพี่วีแล้วรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก จึงค่อยๆลุกขึ้นและถอยให้ห่างจากอีกคนทันที

พี่วียืนนิ่งและเหยียดยิ้มมุมปาก มันเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจอย่างที่ผมไม่เคยสังเกตเห็น

“ ผมไม่คิดเลยว่าจะเป็นพี่วี ”

“ ฮ่าๆ พี่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะเลวได้ขนาดนี้ ” พี่วีเหยียดยิ้มและนั่งลงบนเตียง ผมกำลังจะก้าวเท้าเตรียมวิ่งออกจากห้องแต่อีกคนกลับรู้ทัน

“ ข้างนอกประตูห้องนั่งเล่นมีการ์ดอีกสองคน แล้วชั้นนี้ก็เป็นพื้นที่ของพี่ทั้งหมด คิดให้ดีๆก่อนจะออกไปเดินเล่นนะครับ ”

ผมได้แต่ขบกรามแน่นก่อนจะหันหน้ากลับมาหาพี่วีอย่างไม่มีทางเลือก

“ พี่จับผมไว้ทำไม? ”

“ ใจเย็นๆสิครับ พี่ไม่ทำอะไรบีมหรอก ก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆน่ะ ”

“ อย่าเข้ามานะ ” ผมถอยออกห่างเมื่อพี่วีเดินเข้ามาใกล้

“ กลัวเหรอ? ”

“ ผมขอร้องล่ะ พี่วีอย่าทำอะไรแวมเลยนะครับ ”

“ เหอะ เป็นห่วงกันขนาดนั้นเลย? ไอ้แวมนี่น่าอิจฉาจริงๆ ”

“ แวมเขาเป็นน้องพี่วีนะครับ ทำไมถึงต้องทำขนาดนี้? ”

“ เอาล่ะๆ มานั่งตรงนี้มา แล้วพี่จะเล่าให้ฟัง ”

พี่วีเหยียดยิ้มแล้วลงไปนั่งที่เตียง เขาใช้มือขวาตบต้นขาเป็นเชิงบอกว่าให้ผมเข้าไปหา แค่คิดว่าจะต้องนั่งตักคนเลวๆอย่างเขาก็ขนลุกเป็นบ้าแล้ว

“ ยืนเฉยอยู่ได้ อย่าขัดใจพี่ดีกว่า ถ้ายังไม่อยากให้ไอ้แวมตายตอนนี้ ”

“ หมายความว่าไง? ”

“ พี่เพิ่งสั่งคนไปจัดการมันอีกรอบ คราวนี้ไม่พลาดแน่ แต่ถ้าบีมเป็นเด็กดี ไม่ขัดคำสั่ง บางทีพี่ก็อาจจะโทรบอกคนของพี่ให้ไว้ชีวิตมันไปก่อนก็ได้ ”   

ผมกำมือและขบกรามแน่นจนตัวสั่นไปหมด ยิ่งมองรอยยิ้มร้ายนั่นแล้วยิ่งอยากจะกระโจนหมัดใส่ให้เต็มแรง

ผมต้องจำใจเดินเข้าหาพี่วีแบบไม่มีทางเลือก อีกฝ่ายก็หัวเราะในลำคออย่างพอใจ

“ มาสิที่รัก ” พี่วีตึงตัวผมให้เข้าหาเขา ตอนนี้กลายเป็นว่าผมนั่งบนตักและหันหน้าเข้าหาอีกคนอยู่ พอรู้ว่าคนๆนี้คือเบื้องหลังเรื่องร้ายๆทั้งหมดแล้วผมยิ่งขยะแขยงกับการกระทำของเขาที่สุด

มือหนาของพี่วีค่อยๆล้วงเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวและลูบไล้แผ่นหลังของผมไปมา

“ อ๊ะ ”

“ บีมรู้ไหมว่าพี่หลงรักบีมตั้งแต่แรกเห็น ไม่คิดว่าจะโดนน้องชายตัวดีแย่งไปอีกจนได้ ” พี่วีพูดประโยคหลังด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็นก่อนจะขบฟันลงที่ต้นคอของผมแรงๆ

ตอนนี้พี่วีเริ่มลูบไล้ตัวผมไปแทบทุกส่วน ริมฝีปากหนาคลอเคลียที่ต้นคอจนผมขนลุก ผมรู้สึกได้ถึงส่วนที่เริ่มขยายและแข็งตัวของเขา ตอนนี้ตัวผมสั่นไปหมด จะด้วยความโกรธหรือความกลัวก็แล้วแต่ ทุกอย่างมันกดดันจนผมกัดฟันกลั้นเสียงสะอื้นไม่ไหว น้ำตาเอ่อคลอออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“ ร้องไห้? โอ๋ๆ พี่ขอโทษนะครับที่ทำให้กลัว ” พี่วีผละตัวออกเล็กน้อยก่อนจะลูบศีรษะของผมแผ่วเบา

“ อื้อ ” คนตรงหน้าฉวยโอกาสทาบทับริมฝีปากลงมา เป็นจูบที่หนักหน่วงแต่ผมก็ผลักเขาออกได้ทันก่อนที่จะทำมากไปกว่านี้ ผมเองก็รีบพยุงตัวเองลุกขึ้นทันที

“ เอาล่ะๆ พี่ไม่ทำอะไรแล้วครับ พี่ขอโทษนะ ”

ขอโทษง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ?

“ ปล่อยผมไปเถอะ ผมขอร้อง ” ผมพูดเสียงแผ่ว

“ พี่ไม่มีทางปล่อยบีมไปเด็ดขาด ยังไงพี่ก็จะทำให้บีมรักพี่ให้ได้ พี่รักบีมนะ ”

“ แต่ผมไม่ได้รักพี่ ”

“ อืม เพราะไอ้แวมสินะ ” พี่วีกำมือแน่นแสดงสีหน้าโกรธเคือง “ ถ้าบีมกลับไปหามัน มันตายแน่ ”

“ พี่แม่งเลวว่ะ ”

“ แต่พี่ก็รักบีม รักมากจริงๆ ” พี่วีเดินเข้ามากอดผม ผมไม่ขยับไปไหนเพราะรู้สึกได้ถึงความจริงใจที่เขามีให้ น้ำตาพี่วีไหลลงบนไหล่ผมจนรู้สึกได้

แต่ผมไม่ได้รู้สึกรักเขาเลยสักนิด

“ พี่วีปล่อยผม ”

“ ก็ได้ แต่ถึงยังไงชีวิตแวมก็อยู่ในมือของบีม ถ้าไม่อยากให้มันตาย รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง ”



ผมต้องจำใจอยู่กับพี่วีและทำตามคำสั่งของเขา และดูเหมือนว่าเขาเองก็พยายามทำดีเพื่อเอาใจผมทุกอย่าง

วันนี้พี่วีพาผมไปกินข้าว ไปทำงานก็ให้ผมไปนั่งเฝ้า แถมยังมีการ์ดคอยจับตาดูผมอยู่ตลอด

ผมนึกเป็นห่วงแวม ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง? รู้แค่ว่าเมื่อวานเขารอดไปได้ แต่สภาพก็คงแย่พอสมควร ผมอยากโทรหาแวม อยากได้ยินเสียงเขา แต่มือถือของผมก็โดนพี่วียึดไปไม่ให้ติดต่อกับใคร

“ พี่วีครับ ผมขอกลับบ้านได้ไหม? ” ผมถามขณะที่พี่วีเดินออกมาจากห้องประชุม

“ ไม่ได้ ”

“ แต่พรุ่งนี้สอบอีกวิชา ผมต้องไปเอาหนังสือมาอ่านนะครับ อีกอย่างก็ต้องไปให้อาหารสุนัขด้วย มันคงหิวแย่แล้ว ”

พี่วีจ้องหน้าผมเหมือนจะจับผิดอยู่สักพัก

“ อืม? งั้นวันนี้เลิกงานแล้วพี่จะไปค้างที่บ้านบีมแล้วกัน จะทำอะไรก็อย่าลืมว่าคนของพี่จับตาดูอยู่ ” พี่วีเหยียดยิ้มมุมปาก

“ ครับ ”

“ อย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้ แวมมันไปหาบีมที่บ้านทุกวัน ฮึ! ถ้ามันรู้ว่าบีมอยู่กับพี่คงจะสนุกน่าดูเลย ว่าไหม? ”

พี่วีดูสนุกกับการเอาชนะน้องชายตัวเองมาก ผมอยากรู้จริงๆว่าแวมไปทำอะไรให้เขาโกรธเคืองนักหนา?



ผมกลับบ้านได้สักพักก็ได้ยินเสียงรถของแวมมาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน เขามาหาผมจริงๆ ผมออกไปแอบมองที่ริมหน้าต่างเพื่อจะได้เห็นหน้าแวมชัดๆ ทำได้แค่ยืนอยู่เฉยๆมองคนที่เปิดประตูลงจากรถพร้อมกับอาหารสุนัข เนื้อตัวเขามีรอยฟกช้ำจากการต่อสู้เต็มไปหมด แต่ผมก็รู้สึกโล่งอกที่แวมยังปลอดภัยดี

แวมปีนรั้วหน้าบ้านเข้ามาเพราะไม่มีกุญแจ เขาเทอาหารลงบนพื้นพร้อมกับเรียกชื่อเจ้าชาเย็น ไม่นานสุนัขแสนรู้ก็วิ่งกระดิกหางไปหาเขา

แวมจะคอยเอาอาหารมาให้เจ้าชาเย็นทุกครั้งที่ผมไม่อยู่

“ ป่านนี้เจ้านายของแกจะเป็นไงบ้างนะชาเย็น ”

แวมลูบหัวชาเย็นอย่างแผ่วเบาก่อนจะเหลือบมองมาทางผมและขมวดคิ้วทันที

“ ใครน่ะ ” แวมตะโกน

“ ฉันเอง ”

ผมเดินออกไปเปิดประตู ทันทีที่แวมเห็นผมก็เบิกตากว้างพร้อมกับวิ่งเข้ามากอด เขากอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก แต่ผมก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาก อยากอยู่แบบนี้นานๆ ถ้าไม่ติดว่ามีสายตาคนบางคนที่จ้องแอบมองอยู่

“ ปล่อยได้แล้ว ”

“ หมอบีม เป็นอะไรรึเปล่าครับ? พวกมันทำอะไรคุณ? ”

ผมได้แต่ยืนเงียบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อยากเข้าไปกอดคนตรงหน้าอีกครั้งแต่ก็ติดตรงที่มีคนของพี่วีซุ่มดูอยู่ไม่ไกล

“ แวม นายเลิกยุ่งกับฉันซะทีเถอะ ฉันอยู่กับนายมันก็มีแต่เรื่องแย่ๆ ”

ที่ผมต้องพูดออกไปแบบนั้นก็เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นอันตราย

แวมนิ่งเงียบไปสักพัก สีหน้าของเขาดูช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน ผมรู้สึกหงุดหงิดตัวเอง อึดอัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ อยากจะเอาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้พ้นๆ

“ หมอบีมไล่ผม? ”

ผมได้แต่มองสีหน้าเศร้าๆของอีกคนโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย รู้สึกแย่มากเมื่อเห็นแววตาเสียใจของคนที่ผมรัก ซึ่งผมเองที่เป็นต้นเหตุทำให้เขาเสียใจแบบนี้

“ เออ ไปได้แล้ว อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก ”

“ ทำไม? ” ผมชะงักทันทีเมื่อเห็นแวมน้ำตาคลอ

อย่าเป็นแบบนี้สิ ฉันเองก็เจ็บไม่น้อยไปกว่านายนะรู้ไหม?

“ ไปเถอะ ขอร้อง ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

แวมมองหน้าผมอีกครั้ง แววตาของเขาฉายความผิดหวัง เขาเงียบไปนานจนในที่สุดก็ยอมพยักหน้าช้าๆก่อนจะเดินหนีไป

รถของแวมเคลื่อนตัวออกไปไกลจนลับสายตา ไม่นานน้ำตาของผมก็เริ่มเอ่อไหลออกมาอย่างอดไม่ได้ “ ขอโทษนะแวม ”



“ คนของพี่บอกว่าแวมมาหาบีม ฮึ! ทำดีมากที่ไล่มันไปแบบนั้น ” ทันทีที่พี่วีมาถึงก็นั่งเอนหลังลงบนโซฟาราวกับนี่เป็นบ้านของตัวเอง

“ พอใจพี่วีแล้วใช่ไหมครับ? ”

“ ยังหรอก แค่นี้มันยังน้อยเกินไป อืม? ว่าแต่บ้านหลังนี้ก็น่าอยู่เหมือนกันนะ ”

พี่วีเดินเข้ามาโอบกอดผมจากทางด้านหลัง ผมเองก็ขัดอะไรเขาไม่ได้ พยายามจะไม่แสดงความอ่อนแอ แต่ร่างกายก็สั่นเทาเผยความกลัวออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“ เลิกทำเหมือนกลัวพี่สักทีเถอะ เห็นแล้วมันน่ารำคาญ ” พี่วีจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดก่อนจะนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆบ้านอีกครั้ง

ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก เลิกสนใจพี่วีแล้วหันไปคุยกับสุนัขที่วิ่งกระดิกหางเข้ามา “ เป็นไงบ้างชาเย็น? ”

ชาเย็นหันไปสนใจผู้มาใหม่พร้อมส่งเสียงขู่แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน

“ ไปไกลๆเลยนะเว้ย ” พี่วีออกปากโวยวาย

“ ชาเย็น ไปเล่นข้างนอกกันดีกว่า มาๆๆ ” ผมส่งเสียงเรียกให้ชาเย็นเดินตามมาข้างนอก อยากเอาตัวเองออกมาห่างๆจากผู้ชายคนนั้นด้วยเหมือนกัน ผมรู้สึกอึดอัดทุกครั้งเวลาที่อยู่กับพี่วี ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามทำดีกับผมก็เถอะ

ผมมองออกไปนอกรั้วบ้านก็เจอกับสายตาของการ์ดชุดดำที่จ้องมาแบบไม่วางตา อยากจะหนีก็ทำไม่ได้ โคตรรู้สึกแย่เลยว่ะ




......................................

ครับ คู่นี้ก็มีอุปสรรคอีกแล้ว ใจเย็นๆ คนเขียนขอหลบ :z6: แป๊ปนะ :mew5:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-01-2018 20:52:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-01-2018 21:10:11
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-01-2018 21:57:09
 :3125:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 05-01-2018 22:10:14
แวมมมมมช่วยบีมทีบีมถูกข่มขู่
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 05-01-2018 23:02:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 05-01-2018 23:56:48
แวมออกจากร่างอีกรอบมาช่วยหมอบีมได้มะ รอบนี้เอาให้พี่วีเป็นบ้าไปเลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 06-01-2018 08:13:57
ไอ้พี่วีเลวววว :katai1: :katai4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: paper ที่ 06-01-2018 17:55:21
 :katai1:   :katai1:  :katai4: เอาพี่วีไปเก็บที หงุดหงิดค่ะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 06-01-2018 20:30:34
ตามมมมมมมม
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 06-01-2018 21:54:17
ขอความสุขจงกลับคืนสู่ทั้งคู่สักทีเถ้ออออ แงงงงง อุปสรรคเยอะจริงเยอะจัง อิพี่ก็โรคจิตไปอีก แวมอย่าเพิ่งเข้าใจหมอบีมผิดนะลูกนะ กลับมาช่วยหมอบีมก่อน  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Tinton ที่ 06-01-2018 23:58:07
รอครับ สนุกดี
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 22 [ 05/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 07-01-2018 17:26:52
ตอบคอมเมนต์คนอ่านครับ

แวมมมมมช่วยบีมทีบีมถูกข่มขู่
แวมบอกว่ารอก่อนครับผม

แวมออกจากร่างอีกรอบมาช่วยหมอบีมได้มะ รอบนี้เอาให้พี่วีเป็นบ้าไปเลย  :katai1:
โถ่ว กว่าจะฟื้นมาได้

ไอ้พี่วีเลวววว :katai1: :katai4:
ใจเย็นครับบบ

:katai1:   :katai1:  :katai4: เอาพี่วีไปเก็บที หงุดหงิดค่ะ
ให้ตัวร้ายได้ทำหน้าที่ก่อนครับ เดี๋ยวค่อยเก็บ

ตามมมมมมมม
:pig4: ห้ามหายไปไหนนะครับ

ขอความสุขจงกลับคืนสู่ทั้งคู่สักทีเถ้ออออ แงงงงง อุปสรรคเยอะจริงเยอะจัง อิพี่ก็โรคจิตไปอีก แวมอย่าเพิ่งเข้าใจหมอบีมผิดนะลูกนะ กลับมาช่วยหมอบีมก่อน  :katai1: :katai1:
ใกล้จะแฮปปี้แล้วครับ ไม่นานๆ

รอครับ สนุกดี
ขอบคุณครับบบ  :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 08-01-2018 00:30:16
Chapter 23



“ คิดไงชวนพวกกูออกมาดื่มวะไอ้แวม? ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว ” ไอ้เมฆบ่นอุบตั้งแต่นั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนไอ้คิมก็เรียกพนักงานมารับออเดอร์พร้อมกับสั่งเครื่องดื่มเบาๆมานั่งกินเป็นเพื่อนผม 

“ วันนี้กูเลี้ยงเอง ” ผมพูดพร้อมกับเรียกพนักงงานให้เอาเครื่องดื่มมาเพิ่ม

“ เลี้ยง? นี่ผับพ่อมึง พูดยังกะจะเสียตังค์ ”

“ เออๆ แดกเป็นเพื่อนกูหน่อย ”

“ มึงเครียดเรื่องอะไรวะ? ” นาคิมถามผม

นี่สีหน้าผมบอกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ? ใช่ ผมกำลังเครียด เครียดมากด้วย

“ หมอบีมบอกว่าอยู่ใกล้กูก็มีแต่เรื่องแย่ๆ ”

“ เฮ้ยมึง หมอบีมเขาอาจจะไม่ได้หมายความอย่างที่มึงคิดหรอก ”

“ ตอนที่หมอบีมถูกจับตัวไป กูก็แม่งเป็นห่วงเขาแทบบ้า แต่มันก็จริง อยู่ใกล้กูมีแต่จะทำให้เขาเดือดร้อน มีแต่เรื่องทำให้ต้องเจ็บตัว หมอบีมถึงไม่อยากเข้าใกล้กู ”

“ เอ่อ ไอ้แวม กูว่ามึงเมาแล้วนะ ” ไอ้คิมดึงแก้วเหล้าออกจากมือผมทันที

“ เชี่ยคิม ” ผมมองหน้าเพื่อนรักอย่างคาดโทษ

“ เอางี้ไหมไอ้แวม กูมีสาวๆเพียบ เดี๋ยวคืนนี้กูจัดให้มึงสักคน ”

“ หยุดเลยไอ้เมฆ ไอ้แวมมันเครียดเรื่องหมอบีมอยู่นะเว้ย ”

“ แล้วไงวะ? ว่าไง? เอาสักคนไหม? ”

“ เอามาดิ ” ผมตอบ

“ ... ”

“ ... ”

“ เออ กูก็ว่ามันเมา ” ไอ้เมฆหันไปพูดกับไอ้คิม

“ อะไรของพวกมึงวะ? กูไม่ได้เมา ” ผมยืนขึ้นชี้หน้าพวกมันแต่ก็ต้องเซล้มลงนั่งบนโซฟาอย่างเดิม

“ ไม่เมาพ่องสิ ”



“ เฮ้ยมึง พี่วีมา ”

แค่พี่วีมาทำไมต้องทำน้ำเสียงตื่นเต้น?

“ พี่วีมาแล้วทำไมมึงต้องทำหน้าตาตกใจขนาดนั้นวะไอ้คิม? ”

ไม่น่าแปลกใจที่เห็นพี่วีพาลูกค้ามากินเลี้ยงที่นี่เป็นประจำ

แต่ไม่นานผมก็ต้องชะงักไปทันทีเมื่อเห็นหมอบีมยืนอยู่ข้างๆพี่วี แถมมือพี่ชายของผมยังโอบเอวเขาอยู่!

หมอบีมไม่มีการขัดขืนใดๆ ถ้าเป็นผมทำแบบนั้นคงโดนหมอบีมแกะมือออกไปแล้ว

หรือว่าหมอบีมกับพี่วี...

ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“ เชี่ยยย ” ใต้เมฆหันมองหน้าพวกผมสองคนบ่งบอกถึงความตกใจไม่แพ้กัน

ผมจดจ้องไปยังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ตลอดเวลา แสงไฟริบหรี่ในร้านที่เป็นผับกึ่งนั่งชิลล์มีฟอร์ให้ผู้คนออกไปเต้นกันอย่างเมามันส์ นักเที่ยวราตรีที่ออกลีลากันอย่างสนุกสนานปะปนกันจนบดบังสายตาคนที่นั่งอยู่อีกไม่ไกล

หมอบีมไม่สังเกตเห็นผมที่จ้องเขาอยู่แบบไม่วางตา คงเป็นเพราะผมนั่งโต๊ะด้านในสุดซึ่งห่างจากผู้คนพอสมควร

“ ไอ้เมฆ มึงมีเด็กกี่คนเอามาให้หมด ”

“ เฮ้ยใจเย็นดิวะ พี่วีกับหมอบีมคงไม่ใช่อย่างที่มึงคิดหรอก...มั้ง ”

“ มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้อีกเหรอวะ? ”

ผมได้แต่นั่งจ้องหมอบีมที่มีพี่วีนั่งข้างๆ แค่เห็นสายตาที่พี่ชายของผมมองเขาก็รู้แล้วว่าคิดยังไง พี่วีชอบหมอบีมแน่ๆ

ผมยกเหล้าเข้าปากอย่างที่จะระบายอารมณ์คุกรุ่นอยู่ข้างใน หงุดหงิดที่เห็นสองคนนั้นใกล้ชิดกันขนาดนั้น

ลูกค้าของพี่วีกลับไปแล้วแต่เขาสองคนก็ยังนั่งอยู่ ถ้าผมไม่เมาจนคิดไปเอง ไม่ผิดแน่ พี่วีกำลังมองผมอยู่เช่นกัน สายตาเขาดูเยาะเย้ยราวกับผู้ชนะ ผมกำหมัดแน่นก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ ไอ้แวม หยุดเลย นั่งลง ”

“ พวกมึงจะห้ามกูทำไมวะ? ”

“ มึงมีสิทธิอะไรไปหาเรื่องเขา? หมอบีมเขาเป็นเมียมึงเหรอ? ก็ยังไม่ใช่ ”

“ แต่กูทนไม่ได้ ” ผมจะลุกขึ้นแต่ไอ้เมฆกับไอ้คิมก็ไม่ยอมปล่อยผมสักที ดึงอยู่ได้ จะห้ามทำไมวะ?

“ ใจเย็นดิวะ ”

“ ไม่ กูจะไปถามหมอบีมให้รู้เรื่องว่าเขากับพี่วีเป็นอะไรกัน ”

เอ่า เขาสองคนหายไปไหนแล้ว?

“ เขากลับแล้ว มึงอ่ะเมามาก ควรกลับได้แล้วไอ้แวม ”

“ กูไม่ได้เมา หมอบีมอยู่ไหน? กูจะไปหาหมอบีม ”

“ กูว่าเราเอามันไปส่งก่อนดีกว่าว่ะ ”

“ เออ กูก็ว่างั้น ”

“ ไม่ไปปป ”

สักพักผมก็รู้สึกปวดหัว มึนๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ คงจะดื่มหนักอย่างที่พวกมันบอกจริงๆ และไม่นานผมก็หลับไปจนได้



“ หมอบีม! ” ผมตื่นขึ้นมาก็เอ่ยปากเรียกชื่อหมอบีมทันที

เมื่อคืนผมฝันว่าเห็นหมอบีมกับพี่วีอยู่ด้วยกัน นึกแล้วก็รู้สึกแย่ไม่หาย ถ้าเป็นเรื่องจริงนะผมคง...

“ ตื่นแล้วเหรอมึง? ”

“ เมื่อคืนแม่งเมาเละเลยนะ ”

ไอ้เมฆกับไอ้คิมกำลังนั่งกินข้าวที่โต๊ะอาหารในคอนโดผมอย่างสบายใจ และของที่มันกินอยู่ก็คงหยิบออกมาจากตู้เย็นผมทั้งนั้น

แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้พวกมันบอกว่าผมเมา แสดงว่าเรื่องเมื่อคืนก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ?

ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนรู้สึกปวดหนึบไปที่ศีรษะ พอก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วก็ต้องส่ายหัวแบบเอือมๆ

“ พวกมึงทำไมไม่เอากูไปนอนเตียงดีๆวะ? นอนโซฟาแม่งโคตรปวดหลัง ”

“ กูกลัวมึงอ้วกใส่เตียงไง ”

“ แล้วเมื่อคืน...หมอบีมไม่ได้ไปที่ผับใช่ไหมวะ? ” ผมถามออกไปเผื่อความแน่ใจว่าผมไม่ได้ฝัน แอบหวังลึกๆว่าเพื่อนผมจะตอบว่าไม่

แต่...

“ ไป ”

ผมกุมขมับทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบจากปากไอ้คิม

“ กี่โมงแล้ว? ”

“ เก้าโมงกว่า ” ได้ยินดังนั้นผมก็รีบลุกไปอาบน้ำทันที

“ แล้วมึงจะไปไหนวะไอ้แวม? ”

“ กูจะไปคุยกับหมอบีมให้รู้เรื่อง ”



ผมนั่งรอหมอบีมที่หน้าตึกคณะแพทย์เช่นเคย วันนี้เขามีสอบช่วงเช้ากว่าจะออกจากห้องสอบก็คงเที่ยง แต่ผมใจร้อนจนแทบจะรอไม่ไหว อยากเป็นบ้าตาย ยังไงวันนี้ถ้าผมไม่เคลียร์มีหวังตายตาไม่หลับแน่

นั่งมองนาฬิกาเป็นร้อยรอบก็ยังไม่เที่ยงสักที โถ่ยเว้ย!

“ เอ่าแวม มาทำอะไรที่ตึกนี้ล่ะ? ”

ผมหันขวับไปตามเสียงของคนที่เดินเข้ามาทักทายผมอย่างอารมณ์ดี แต่ผมกลับรู้สึกตรงกันข้าม บอกเลยว่าตอนนี้อารมณ์เสียสุดๆ

“ แล้วพี่วีมาทำอะไรที่นี่ครับ? ”

“ มารับหมอบีม ” พี่วีเหยียดยิ้ม

“ แล้วทำไมต้องมารับด้วยครับ? ” ผมถามไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแม้ในใจจะเดือดมากแล้วก็ตาม

“ พี่ว่านายก็ไม่น่าจะเข้าใจอะไรยากนะ ”

“ อยากบอกอะไรกับผมก็พูดมา ” ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ตอนนี้ความอดทนของผมเริ่มที่จะหมดลงทุกที

“ พี่กับหมอบีม... ”

“ แวม! ” ไม่ทันที่พี่วีจะพูดจบหมอบีมก็วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง “ นายมาที่นี่ทำไม? บอกแล้วไงว่าให้อยู่ห่างๆฉัน พูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ”

“ เพราะพี่วีใช่ไหมครับ? ” หมอบีมนิ่งเงียบไปทันทีที่ผมถาม “ บอกเหตุผลมาให้ชัดเจนเถอะ ที่หมอไล่ผมไปก็เพราะว่าหมอกับพี่วีกำลัง... ”

“ ใช่ ฉันกำลังคบกับพี่วีอยู่ ” ผมอึ้งไปทันที

รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนเมื่อได้ยินคำตอบนั้นจากปากหมอบีม มันจุกเหมือนมีใครเอามีดมาแทงกลางอก

“ ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมน้องชาย? ” พี่วีตบบ่าผมเบาๆก่อนจะโอบไหล่หมอบีมและเดินออกไป

“ ผมไม่เชื่อ ”

ผมตามไปจับมือหมอบีมไว้ เขาหยุดชะงักมองหน้าผม แววตาของเขาวูบไหวอย่างเห็นได้ชัด ผมเชื่อว่าหมอบีมรักผม

แต่ทำไมการกระทำของเขาถึงเป็นแบบนี้?

เขาสะบัดมือออกแรงๆจนผมเงียบทำอะไรไม่ถูก “ ทำไม? ”

“ เราไปกันเถอะครับพี่วี ” หมอบีมหันไปพูดกับพี่วีก่อนที่สองคนจะเดินออกไปพร้อมกัน พอก้าวขึ้นรถผมก็ยังคงเห็นแววตาของหมอบีมที่มองมาที่ผมด้วยความหวั่นไหวอยู่ลึกๆ

ผมเชื่อว่าหมอบีมยังรักผม แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย?



“ มึง หมอบีมคบกับพี่วีว่ะ ”

“ เฮ้ย เอาดอกดาวเรืองมาตรงนี้ดิวะ! เดี๋ยวๆ มึงว่าอะไรนะแวม? ” ไอ้เมฆถามผมขณะกำลังลงแปลงดอกไม้จัดงานเกษตรแฟร์ร่วมกับรุ่นน้องในคณะ

ผมนั่งคิดแล้วคิดอีก ไม่รู้จะไปปรึกษาใคร ไอ้คิมก็ติดเรียน ส่วนไอ้เมฆก็ยุ่งจนแทบไม่สนใจเพื่อนที่กำลังนั่งเศร้าอยู่ตรงนี้เลย

“ มึงไม่ต้องสนใจกูหรอก ”

“ โหว ถ้าหน้ามึงจะเศร้าเหมือนโลกกำลังจะแตกขนาดนี้นะ ไอ้บอลมานี่ดิ๊ ” ไอ้เมฆเรียกรุ่นน้องอีกคนเข้ามาหา

“ ครับพี่เมฆ ”

“ มาจัดกระถางต้นไม้ให้ได้แบบนี้นะ กูไปดูเพื่อนแป๊ปนึง ”

“ ครับๆ ” น้องที่ชื่อบอลรับกระดาษไปจากไอ้เมฆพร้อมกับยกต้นไม้มาตามคำสั่ง

เพื่อนรักของผมยอมละมือจากการทำงานแล้วเดินมานั่งข้างๆก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “ ไหน มึงเป็นไรว่ามา? ”

“ มึงไปทำงานก่อนก็ได้นะเว้ย ”

“ ให้เด็กพวกนั้นทำไปอ่ะดีแล้ว เอางี้มึง ไปเที่ยวกับกู สาวๆเพียบ คราวนี้ไม่มีไอ้คิมมาห้ามแล้ว มันบอกว่ามีงานต่อ ”

“ ไม่เอาว่ะ ”

“ เอ่า แล้วมึงจะให้กูช่วยอะไรวะ? ”

“ หมอบีมคบกับพี่วีแล้ว ”

ผมควรทำยังไงดี? แย่งหมอบีมคืนมาอย่างนั้นเหรอ?

“ หือ? เขาคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่? ” ใต้เมฆถามแบบไม่ใส่ใจนัก

“ ทำไมมึงดูไม่ตกใจกับกูเลยวะไอ้เมฆ? ”

“ เฮ้ย ตกใจดิวะ ”

ผมจ้องหน้าเพื่อนรักอย่างจับผิด มันก็เงียบไปสักพัก

“ มึงมีอะไรจะบอกกูไหม? ” ผมถามด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็น

ผมรู้จักเพื่อนของผมดี แค่มองตาก็รู้แล้วว่ามันมีอะไรปิดบังผมอยู่

“ มึงอย่าโกรธกูนะเว้ยไอ้แวม คือว่า... ” มันยังพูดไม่จบก็มีเรื่องมาขัดจังหวะซะก่อน

ครืดดด ครืดดด ( สายเรียกเข้าจากนาคิม )

ไอ้เมฆกดรับสายพร้อมกับเปิดลำโพงให้ผมได้ยินด้วย

“ มึง มาหากูด่วนเลย ” เสียงนาคิมดูร้อนรนกว่าปกติ

“ ไอ้คิม คือว่าไอ้แวมมัน... ” ไอ้เมฆทำน้ำเสียงกังวลอย่างเห็นได้ชัดจนไอ้คิมถึงกับเงียบ

พวกมันมีเรื่องอะไรกันวะ? ชักเริ่มจะหงุดหงิดจนทนไม่ไหวแล้วนะเว้ย รีบบอกกูเถอะ

“ อืม? งั้นมึงเรียกไอ้แวมมาด้วยเลยแล้วกัน ”





...................................
แฮ่ะๆ แก้ไขแล้วนะครับ ลืมเปลี่ยนสีตัวหนังสือพาร์ทของแวม เลยกลัวว่าคนอ่านจะงง  :call:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-01-2018 00:57:21
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 08-01-2018 07:32:48
ลุ้นๆเรื่องอะไรกันอ่าาาา
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-01-2018 09:31:44
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-01-2018 09:39:08
 :m31: :m31: :m31:  หมอบีม ถูกข่มขู่ชัดๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-01-2018 15:44:01
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 08-01-2018 16:04:10
 :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 08-01-2018 17:55:42
คือแบบว่าเพื่อนแวมรู้อะไรมาใช่มั้ยถึงได้บอกแวมแบบนั้น

หมอบีมบอกอะไรตอนที่ไปแอบฟังใช่มั้ย เดาาาาาา
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-01-2018 22:26:15
ลุ้นทุกตอน  :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 08-01-2018 23:59:12
ลุ้นต่อไปปป เพื่อนแวมต้องกุมความลับแน่ๆเลยใช่มั้ยๆๆ ทุกคนช่วยหมอบีมจากอิพี่วีโรคจิตด้วยยย
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 09-01-2018 13:52:55
ลุ้น  :katai1:
ช่วยหมอบีมให้ได้ไวๆ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 09-01-2018 21:12:59
ตอบคอมเมนต์ครับบบ  :3123:


ลุ้นๆเรื่องอะไรกันอ่าาาา
แน่ะ อยากรู้อ่ะดิ เดี๋ยวก็รู้ครับผมมมม

:m31: :m31: :m31:  หมอบีม ถูกข่มขู่ชัดๆ
เฮ้อ สงสารหมอบีมอยู่เหมือนกัน  :mew2:

คือแบบว่าเพื่อนแวมรู้อะไรมาใช่มั้ยถึงได้บอกแวมแบบนั้น

หมอบีมบอกอะไรตอนที่ไปแอบฟังใช่มั้ย เดาาาาาา
เดาเก่งนะเราเนี่ย  o13 แต่ไม่บอกหรอกครับว่าใช่ไหม รออ่านๆ

ลุ้นทุกตอน  :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4:
มีคนบอกว่าลุ้น ผมก็ดีใจแล้วครับ :L1:

ลุ้นต่อไปปป เพื่อนแวมต้องกุมความลับแน่ๆเลยใช่มั้ยๆๆ ทุกคนช่วยหมอบีมจากอิพี่วีโรคจิตด้วยยย
ฮ่าๆ ทุกคนกำลังช่วยหมอบีมอยู่ ฮึบๆ

ลุ้น  :katai1:
ช่วยหมอบีมให้ได้ไวๆ
ครับผม ขอบคุณครับบบ  :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 23 [ 08/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: OoniceoO ที่ 10-01-2018 14:37:11
แง่มๆ อะรายเนี้ย โห
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 10-01-2018 17:29:20
Chapter 24



ร้านอาหารบนภัตคานชั้นดาดฟ้าโรงแรมหรู มีอาหารราคาแพงวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะด้านหน้าผมเต็มไปหมด อาหารพวกนี้น่าตาดูดีและน่ารับประทานหากแต่ผมไม่ได้รู้สึกอยากกินเลยสักนิด

“ ชอบที่นี่ไหม? ” พี่วีเอ่ยถามผมพร้อมกับหั่นเนื้อวากิวเผยให้เห็นไขมันสีขาวแทรกเป็นลายสวยงามในชิ้นเนื้อสีแดงสด เขายื่นเนื้อชิ้นนั้นมาจ่อที่ริมฝีปากของผมเป็นการบังคับว่าให้กิน ผมจึงต้องอ้าปากลิ้มรสมันอย่างจำใจ

ผมนั่งเงียบให้คนตรงหน้ายื่นอาหารเข้าปากราวกับเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงของเขา

“ ผมอิ่มแล้ว ” ทั้งๆที่กินไปไม่กี่คำแต่ก็เริ่มรู้สึกกินไม่ลง

“ อิ่มไวจังเลยนะ ”

“ ผมไม่ค่อยหิว ”

“ ทำไมทำหน้าบึ้งแบบนั้น? อย่ามาทำเหมือนไม่มีความสุขเวลาอยู่กับพี่ ทำไมถึงไม่เหมือนตอนอยู่กับไอ้แวมล่ะ? ” พี่วีเน้นหนักท้ายประโยคพร้อมกับจ้องหน้าผมอย่างไม่พอใจ

ผมได้แต่นิ่งเงียบเพราะไม่มีอะไรจะพูด

“ พรุ่งนี้มีสอบอีกรึเปล่า? ”

“ ไม่มีครับ ”

“ ดี งั้นวันนี้นอนคอนโดพี่นะ ”

“ ไม่ ”

“ ทุกคำที่พี่พูดมันคือคำสั่ง ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเข้าใจไหม? อ่อ เมื่อวานพี่เห็นว่าบีมต้องเตรียมตัวสอบหรอกนะ เลยยอมปล่อยไปก่อน ”

แค่นึกถึงเรื่องเมื่อวานก็แทบขนลุก ผมเกือบไม่รอดมือพี่วีแล้ว แต่ยังดีที่เขายังยอมเห็นใจผมอยู่

แล้ววันนี้ผมจะหาข้ออ้างอะไรมาหลบหลีกเขาได้อีก?

ผมคงไม่รอดแล้วสินะ

“ เงียบทำไม? กลัวพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ฮึ! จะช้าหรือเร็วบีมก็ต้องเป็นของพี่อยู่ดี แล้วพี่ก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วด้วย ” พี่วีกระตุกรอยยิ้ม

“ อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ ” ผมเม้มปากแน่นด้วยความกลัว

“ ไม่เอาน่าเด็กน้อย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ถ้ายังอยากให้ไอ้แวมมีชีวิตอยู่ คืนนี้ก็เป็นเด็กดีของพี่ แต่ถ้ามันลำบากใจมาก ก็ดื่มนี่ซะ ” พี่วียื่นแก้วไวน์สีสดมาให้ผมพร้อมกับเหยียดยิ้มร้าย

ผมลังเลอยู่นานก่อนจะรับแก้วในมืออีกคนมากระดกรวดเดียวหมด

“ พอใจรึยังครับ? ”

พี่วีหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะยกมือเรียกพนักงานมาเช็คบิล

“ งั้นเรารีบกลับกันดีกว่า พี่อยากทำอะไรสนุกๆเต็มทีแล้ว ”



“ อ๊ะ ” ผมถึงกับสะดุ้งเฮือกเพียงเพราะอีกคนเอื้อมมือมาสัมผัสที่ต้นขาของผมเบาๆขณะที่รถกำลังติดไฟแดง “ พี่วี ปล่อยผม ”

“ เหงื่อตกขนาดนี้เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วเหรอ? ขอโทษนะที่พี่ใช้ยาแรงไปหน่อย ” ไม่รู้สึกตกใจสักเท่าไหร่ที่ได้ยินแบบนั้น เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าในแก้วไวน์มียาอะไรผสมอยู่

ตอนนี้ผมต้องกัดฟันกรอดเพื่อระงับอารมณ์ดิบที่คุกรุ่นขึ้นมาอย่างหนัก มือทั้งสองข้างกำชายเสื้อตัวเองเพื่อข่มอารมณ์ จังหวะหอบหายใจที่ถี่รัวดังชัดเจนในห้องโดยสารที่เงียบสนิท

พี่วีมองมาที่ผมและหัวเราะในลำคอเบาๆ

ผมอยากจะปลดปล่อยจนรู้สึกขัดใจเมื่ออีกคนขับช้าๆราวกับจะแกล้งกัน แต่ก็ดีแล้ว เพราะผมก็ยังไม่เตรียมใจและพร้อมที่จะทำเรื่องแบบนั้น

“ ยั่วชะมัด ” พี่วีเหยียบคันเร่งเร็วขึ้นทันทีที่พูดจบ

ไม่นานรถก็มาถึงที่คอนโดของเขา

“ อย่า ไม่ใช่ที่นี่ ” ผมพูดเสียงสั่นเมื่อพี่วีพยายามจะลุกล้ำร่างกายผมบนรถ ทั้งๆที่มีเพื่อนร่วมคอนโดกำลังยืนมองอยู่ไม่ไกล

เขาเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับดึงผมไปที่ลิฟท์อย่างรวดเร็ว

พอมาถึงห้องพี่วีก็โถมตัวเข้ามาจูบผมทันทีที่ประตูปิดลง แผ่นหลังของผมถูกดันให้แนบชิดติดผนัง ตอนนี้แข้งขาไร้เรี่ยวแรงจนต้องใช้มือเกาะไหล่อีกคนแน่น

“ อืม ให้มันได้แบบนี้สิ ” พี่วีถอดเสื้อตัวเองออกเผยให้เห็นซิกแพคเรียงเป็นระเบียบ

ผมหลับตาปล่อยให้เขาชักจูงร่างกายไปตามใจชอบ ถึงจะไม่อยากทำแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถต้านแรงอารมณ์ดิบที่เกิดจากฤทธิ์ยาได้เลย

น้ำตาเริ่มรินไหลเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกผลักลงบนพื้นเตียงนุ่มๆ หัวใจสั่นคลอนด้วยความตื่นกลัวเมื่ออีกคนกำลังแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาของผมออกทีละเม็ด มือหนาลูบไล้บริเวณแผ่นอกเนียนลงมาเรื่อยๆ ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาหยุดอยู่บริเวณใต้สะดือและแกะเข็มขัดผมออกพร้อมกางเกง

ผมไม่กล้าลืมตามองสภาพตัวเองตอนนี้เลย แค่ได้ยินเสียงครางของตัวเองก็น่าสมเพชพออยู่แล้ว

ใครก็ได้ช่วยที ได้โปรด

ผมสั่นด้วยความกลัวเมื่อกางเกงในสีขาวถูกถอดออกเผยให้เห็นแท่งร้อนชูชันอยู่ตรงหน้า “ อ๊ะ อื้อออ ” ความเสียวซ่านและอึดอัดถาโถมเข้ามาเมื่ออีกคนใช้มือกอบกุมส่วนนั้นของผมชักรูดขึ้นลงช้าๆ พร้อมกับฉวยจูบที่ริมฝีปากและตวัดลิ้นอย่างเอาแต่ใจ

“ รับรองว่าพี่จะทำให้บีมมีความสุข ” พี่วีกระซิบที่ข้างหูก่อนจะแยกขาของผมออกกว้างและหยิบเจลหล่อลื่นมาป้ายที่ช่องทางด้านหลัง

เจลเย็นสัมผัสกับนิ้วมือเพียงนิ้วเดียวก็ทำให้ความรู้สึกเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั้งตัว

“ ฮืออ ” ผมกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว น้ำตาไหลออกมาจนอาบแก้มไปหมด “ ขอร้องล่ะ ฮึก อย่าทำเลย ”

“ โอ๋ๆ ไม่ร้องนะคนดี พี่สัญญาว่าจะไม่รุนแรงนะครับ ”

นาทีนี้ผมคิดว่าตัวเองจะไม่รอดพ้นจากการถูกขืนบังคับไปได้แล้ว ไม่คิดว่าจะมีใครมาช่วยได้ทัน

แต่โชคชะตาไม่ได้ใจร้ายกับผมขนาดนั้น

ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ

พี่วีทำท่าขัดใจก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยความโมโห

ผมถือโอกาสลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นมาสวมใส่ด้วยความยากลำบากเพราะมือไม้สั่นไปหมด

ผลั่ก!

แวมซัดหมัดใส่หน้าพี่วีทันทีที่ประตูเปิดออก

“ อะไรของมึงวะ! ”

พี่วียกหมัดจะสวนกลับแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นตำรวจอีกสามคนเดินตามเข้ามาพร้อมกับการ์ดของพี่วีที่โดนจับใส่กุญแจมือไปเรียบร้อยแล้ว

“ มอบตัวเถอะครับคุณวี ” ตำรวจหนุ่มหล่อคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่ผมรู้จัก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อผู้หมวดอัคคี ไอ้ก่อกับไอ้เกื้อชอบเรียกเขาว่าหมวดไฟหรือพี่ไฟ

“ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ” พี่วีหน้าถอดสีพร้อมกับก้าวเท้าถอยหลังไปช้าๆ เขามองซ้ายมองขวาหาทางรอดแต่ก็จนมุมอยู่ดี

“ พวกเรารู้หมดความจริงหมดแล้วล่ะครับ ” ใต้เมฆพูดขึ้นก่อนจะเดินตามเข้ามาพร้อมกับนาคิม และอีกคนคือไอ้ก่อเพื่อนสนิทของผม ส่วนไอ้เกื้อไม่ยอมมาด้วยก็คงจะรู้เหตุผลอยู่แล้ว

ย้อนไปวันที่พี่วีพาผมไปที่ผับ ผมสังเกตเห็นแวมและเพื่อนของเขาที่นั่น ผมตัดสินใจหาโอกาสขอความช่วยเหลือจากพวกเขาโดยอาศัยจังหวะที่พี่วีไปเข้าห้องน้ำ ตอนนั้นแวมหลับไปแล้ว ใต้เมฆกับนาคิมตกลงจะช่วยผม และคงต้องขอบคุณพวกเขาที่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง

พี่วียืนนิ่งอ้าปากค้างเมื่อเห็นฝ้ายกับพี่เทียนมากับพวกตำรวจด้วย

“ คุณเทียนกับคุณฝ้ายได้ให้การสารภาพและยอมเป็นพยานให้กับทางตำรวจแล้ว คุณเทียนบันทึกเสียงของคุณไว้เป็นหลักฐานยืนยันว่าคุณมีพฤติกรรมข่มขู่พยาน ทางเราจึงจำเป็นต้องทำการจับตัวคุณตามหมายจับ ส่วนมือปืนที่คุณสั่งให้ไปยิงคุณแวมก็ถูกจับตัวไปเรียบร้อยแล้ว เขาให้การสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างมาจากคุณ เพราะฉะนั้นคุณหนีความผิดไม่พ้นหรอกครับคุณวี มอบตัวเถอะ ”
หมวดไฟพูดพร้อมกับกระชับกระบอกปืนในมือแน่นขึ้น เขาเริ่มเดินเข้าหาตัวคนร้ายอย่างช้าๆ

แต่คนอย่างพี่วีไม่ยอมให้จับง่ายๆอย่างที่คิด เขาเปิดลิ้นชักในตู้ใกล้มือและหยิบปืนขึ้นมาทันที

“ อย่าเข้ามานะ! ” เขาดึงผมไปเป็นตัวประกันแบบไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้ปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ห่างจากศีรษะของผมไปไม่ถึงสองเซนด้วยซ้ำ

“ ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งเป็นการเพิ่มข้อหามากขึ้นนะครับพี่วี ปล่อยหมอบีมเถอะครับ ” นาคิมพยายามเกลี้ยกล่อม

“ ไม่ ขืนปล่อยฉันก็โดนจับน่ะสิ ”

“ ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วย? ” แวมมองหน้าพี่ชายตัวเองอย่างไม่เข้าใจ

“ ก็เพราะมึงไง เพราะมึงแย่งทุกอย่างไปจากกู ใช่สิ ก็กูมันไม่ใช่ลูกแท้ๆนี่ คุณแม่กับคุณพ่อถึงไม่ยกสมบัติทั้งหมดให้กู ถ้ามึงเรียนจบบริษัทฯก็จะตกเป็นของมึง แล้วกูล่ะ? ทั้งๆที่มึงไม่เคยช่วยเหี้ยอะไรเลย อยู่ดีๆก็ชุบมือเปิบเอาสิ่งที่ควรจะเป็นของกูไปหน้าตาเฉย กูเป็นคนดูแลบริษัทฯมันก็ควรจะเป็นของกู ไม่ใช่มึง! ”

ปัง!

เสียงปืนนัดแรกถูกยิงขึ้นฟ้าทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันที

“ ใจเย็นๆก่อนนะครับ ” หมวดไฟพยายามปรามคนร้ายอย่างใจเย็น

“ ถอยไปเดี๋ยวนี้นะ! ” พี่วีออกคำสั่งและถอยออกห่างจากตำรวจเรื่อยๆ

แต่พี่วีก็ต้องชะงักฝีเท้าทันทีที่เห็นผู้มาใหม่เดินเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน

“ วี วางปืนลงเดี๋ยวนี้นะลูก ” ท่านนักการเมืองใหญ่เอ่ยห้ามลูกชายคนโตด้วยสีหน้าเครียดจัด

คุณหญิงหน้าตาตื่นตกใจเมื่อเห็นลูกชายตัวเองกำลังจะถูกจับ “ แม่ขอโทษนะลูก ”

“ ทำไมแม่ไม่บอกผม? ทั้งเรื่องบริษัท แล้วก็เรื่องที่พี่วีไม่ได้เป็นพี่ชายแท้ๆของผมด้วย ” แวมเครียดจัด มือทั้งสองข้างของเขาบีบแน่นเพื่อระงับความเครียด

ในตอนแรกพ่อกับแม่ของแวมประสบปัญหาการมีบุตรยาก ทั้งสองจึงตัดสินใจรับเลี้ยงพี่วีเอาไว้ แต่พอเวลาผ่านไปทั้งคู่ก็มีลูกด้วยกันจริงๆคือแวม ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ให้การเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองเท่าเทียมกัน หากแต่ด้วยภาระงานและหน้าที่ทางสังคมทำให้พ่อแม่คู่นี้ไม่ได้ให้ความอบอุ่นกับลูกเหมือนกับครอบครัวอื่นๆ พวกเขาทำแต่งานจนแทบไม่มีเวลามาดูแลลูกๆเลย

พี่วีประสบปัญหาสภาพจิตไม่ปกติมาหลายปี คุณหญิงส่งเขาไปเข้ารับการบำบัดที่เมืองนอกและบอกคนอื่นๆว่าลูกชายไปดูแลธุรกิจที่โน่น เพียงเพราะอยากรักษาหน้าตาทางสังคม ไม่อยากให้ใครรู้ว่าลูกชายป่วยอยู่ พี่วีจึงไม่ได้รับการรักษาเท่าที่ควรจะเป็น จึงส่งผลให้เขาต้องกลายเป็นแบบนี้

“ แม่ผิดเอง อย่าทำแบบนี้เลยนะวี ”

“ อยากได้อะไรพ่อจะยกให้แกทุกอย่าง แต่แกอย่าทำอะไรบ้าๆแบบนี้นะ ”

“ มันสายไปแล้วล่ะครับ ไอ้แวมมันได้ทุกอย่างไปหมดแล้ว แม้แต่ความรักที่ผมไม่เคยได้รับ ทุกคนกลับมอบให้มันไปหมด ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ แล้วก็หมอบีม แวมแย่งไปจากผมหมดแล้ว ” พี่วีมองหน้าผมก่อนจะผลักตัวผมออกไปให้เป็นอิสระ

เขาก้าวเท้าถอยหลังพร้อมกับยกกระบอกปืนขึ้นระดับศีรษะ น้ำตาของเขาคลอจนเต็มหน่วยหากแต่ไม่มากพอที่จะไหลออกมา เขาเป็นคนเข้มแข็ง แต่ตอนนี้ความอดทนได้ขาดสะบั้นเรียบร้อยแล้ว มือข้างที่ถือปืนสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด

พี่วีหันปลายกระบอกปืนเข้าหาตัวเองช้าๆ

ปัง!

กระสุนจากปืนของหมวดไฟแล่นไปโดนมือพี่วีได้ทันก่อนที่เขาจะลั่นไกล กระบอกปืนตกจากมือคนร้ายหล่นลงพื้นไปเรียบร้อยแล้ว

ฝีมือการยิงปืนของหมวดไฟนี่สุดยอดจริงๆ

พี่วียังไม่ยอมแพ้ เขาก้มลงจะเก็บปืนขึ้นจากพื้นแต่ก็โดนหมวดไฟยิงขู่ไว้ซะก่อน เขารู้สึกทนไม่ไหวเหมือนอยากจะตายให้ได้ จึงตัดสินใจถอยหลังออกไปที่ระเบียงและทำท่าจะโดดลงไป นาทีนั้นทุกคนต่างตกใจทำอะไรไม่ถูก

“ หยุดนะครับพี่วี ” แวมรีบวิ่งไปคว้าตัวพี่ชายไว้ได้ทัน พี่วีโกรธจัดและขว้างหมัดไปที่หน้าแวมแบบเต็มแรง แวมเองก็สวนกลับเพื่อเรียกสติอีกคนเช่นกัน

ทั้งสองยื้อยุดกันอยู่สักพัก พี่วียกหมัดขึ้นมาเตรียมซัดออกไปเต็มแรงอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้แวมก้มหลบได้ทัน แต่พี่วีกลับเสียหลักล้มลง ศีรษะของเขากระแทกกับขอบระเบียงเสียงดัง และหมดสติไปในที่สุด

เลือดสีแดงสดเริ่มไหลไปตามพื้นกระเบื้องสีขาวอย่างน่ากลัว

“ จ่า เรียกรถพยาบาลเร็ว ” หมวดไฟหันไปสั่งลูกน้องทันที



ตอนนี้ทุกคนต่างนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างใจจดใจจ่อ

“ แวม เป็นไงบ้าง? ” ผมยื่นแก้วน้ำหวานให้แวมเผื่อว่าจะบรรเทาความเครียดลงได้บ้าง สีหน้าเขาดูเครียดมากจนผมรู้สึกเป็นห่วง

“ ผม...ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี มันรู้สึกแย่ ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นพี่วี ถึงแม้เขาจะเป็นยังไงผมก็เห็นเขาเป็นพี่ชายมาตลอด เรื่องนี้ผมเองก็มีส่วนผิด ผมไม่อยากให้เขาต้อง... ” แวมพูดเร็วมากราวกับคุมสติไว้ไม่อยู่

“ ฉันเข้าใจ ไม่ต้องคิดมากนะแวม ” ผมดึงเขาเข้ามากอดเพื่อปลอบใจ จังหวะการหายใจที่ถี่รัวเริ่มสงบลงเรื่อยๆ

“ แล้วหมอบีมไม่เป็นไรใช่ไหมครับ พี่วีทำอะไรคุณหรือเปล่า? ”

“ ฉันไม่เป็นไร ” ผมยิ้มบางๆ

“ พวกมึงสองคนทำไมไม่บอกกูให้เร็วกว่านี้วะ? ” แวมหันไปหาเพื่อนสนิททั้งสองคนอย่างคาดโทษ

“ ที่กูไม่บอกมึงเพราะทางตำรวจรอหมายจับจากศาลอยู่ ถ้าบอกมึงไป มึงก็คงไม่อยู่เฉยๆแน่ กูกลัวว่าไก่จะตื่นซะก่อน ” นาคิมว่า

ขณะที่แวมกำลังรู้สึกเคืองเพื่อนของเขาอยู่ หมอที่ทำการรักษาพี่วีก็เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินพอดี

“ หมอมาแล้วเว้ย ” ใต้เมฆบอก ทุกคนต่างลุกขึ้นแล้ววิ่งกรูกันเข้าไปถามคุณหมอพร้อมกัน

“ ลูกชายดิฉันเป็นไงบ้างคะคุณหมอ? ”

“ คุณวีปลอดภัยแล้วนะครับ แต่หมอไม่สามารถบอกแน่ชัดว่าเขาจะฟื้นได้เมื่อไหร่ เนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก หมอเกรงว่าระบบสั่งการร่างกายจะมีปัญหา คงต้องนอนพักฟื้นที่นี่อีกซักระยะนะครับ งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ ” พูดจบหมอก็ไปดูแลเคสอื่นต่อ

หลังจากย้ายพี่วีไปที่ห้องพักใกล้มือแพทย์แล้วทุกคนก็หายห่วงและแยกย้ายกันกลับ หลังจากคุยกับตำรวจเสร็จเรียบร้อยคุณหญิงก็เรียกผมเข้าไปคุยต่อ

“ ฉันขอโทษเธอด้วยนะ ที่ทำให้ต้องเดือดร้อน ” คุณหญิงหันมาพูดกับผม ถึงอคติของเธอจะลดลงแต่ก็ยังหวงลูกชายอยู่ดี “ แวม กลับบ้านนะลูก อย่าหนีแม่อีกเลย ”

“ ถ้าแม่เลิกหาผู้หญิงมาแต่งงานกับผม ผมก็จะกลับครับ ”

“ แต่แม่... ”

“ คุณ เลิกบงการลูกสักทีเถอะ เพราะคุณเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? วีถึงต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ” พ่อของแวมพูดต่อ “ เราควรเอาใจใส่ความสุขของลูกให้มากกว่านี้นะ ”

คุณหญิงนิ่งเงียบไปสักพัก

“ แม่ครับ ” แวมเดินเข้าไปจับมือคุณหญิงอย่างอ้อนวอน “ ผมรักหมอบีมจริงๆ ”

แม่ของแวมหันมามองหน้าผม แววตาของเธอดูลังเลอย่างเห็นได้ชัด

“ ไม่ได้ ยังไงแม่ก็ไม่ยอม ” เธอตวาดทิ้งท้ายและเดินหนีไปทันที

“ พ่อว่าเราคงต้องให้เวลาแม่แกสักพักนะ แต่คนนี้... ” ท่านนักการเมืองเงียบไป เขามองหน้าผมด้วยแววตาที่คาดเดาไม่ถูก และประโยคต่อมาก็ทำให้ต้องชะงักไปในทันที แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อเขาหันไปพูดกับลูกชายว่า “ คนนี้พ่อให้ผ่าน ” 




หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-01-2018 17:45:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-01-2018 18:15:10
 o13



 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-01-2018 18:16:47
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-01-2018 18:37:41
โอ๊ะโอ.......วี ไม่ใช่ลูกแท้ๆ  :really2:
แต่แม่ที่ชอบบงการบังคับลูกทุกอย่างนี่ก็  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แม่เลี้ยงลูก ยังไงกันนะ มาชอบหมอบีมทั้งคู่
ท่าทางแม่ ยังไงก็ไม่ยอมเรื่องลูกชอบเพศเดียวกัน
แต่พ่อให้บีมผ่านแล้ว  :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2018 18:45:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-01-2018 21:56:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 10-01-2018 22:03:51
คุณแม่คะ เรื่องมันเกิดมาขนาดนี้แล้วยังคิดไม่ได้อีกหรอคะ ให้เขามีความสุขกันสักทีเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: Nekosama ที่ 11-01-2018 02:18:00
หมอบีมเอาไปเลย3 ผ่าน o13
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 11-01-2018 06:07:04
คือแม่ยังสร้างเรื่องไม่พอ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 11-01-2018 13:49:36
 :pig4: :pig4: :pig4: รอความหวานของคู่นี้อยู่
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 11-01-2018 23:04:20
ถึงไม่ใช่ที่เดาไว้แต่ก็ใกล้เคียงล่ะนะ

พ่อให้ผ่านขาดแต่แม่รีบ ๆ ให้ผ่านนะแวมกับบีมจะได้ลงเอยกันสักที

เผลอ ๆ อาจจะมีหลาน? ให้อุ้ม55 (มโนไปอีก)

หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: paper ที่ 14-01-2018 18:20:56
ลำไยคุณหญิง :katai4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fanhy ที่ 15-01-2018 00:16:12
คุณหญิงแม่ควรปลง และยอม
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 24 [ 10/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 15-01-2018 20:01:01
ตอบคอมเมนต์ครับผมมม

โอ๊ะโอ.......วี ไม่ใช่ลูกแท้ๆ  :really2:
แต่แม่ที่ชอบบงการบังคับลูกทุกอย่างนี่ก็  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
แม่เลี้ยงลูก ยังไงกันนะ มาชอบหมอบีมทั้งคู่
ท่าทางแม่ ยังไงก็ไม่ยอมเรื่องลูกชอบเพศเดียวกัน
แต่พ่อให้บีมผ่านแล้ว  :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
อุปสรรคใกล้หมดแล้ววว  :katai2-1:

คุณแม่คะ เรื่องมันเกิดมาขนาดนี้แล้วยังคิดไม่ได้อีกหรอคะ ให้เขามีความสุขกันสักทีเถอะค่ะ
เนอะๆ คุณแม่นี่ก็ดื้อจริงๆเลย  :katai1:

หมอบีมเอาไปเลย3 ผ่าน o13
ขอบคุณงับบบ  :mew1:

คือแม่ยังสร้างเรื่องไม่พอ
ใช่555

:pig4: :pig4: :pig4: รอความหวานของคู่นี้อยู่
อดใจรอแป๊ปนึงนะครับ

ถึงไม่ใช่ที่เดาไว้แต่ก็ใกล้เคียงล่ะนะ

พ่อให้ผ่านขาดแต่แม่รีบ ๆ ให้ผ่านนะแวมกับบีมจะได้ลงเอยกันสักที

เผลอ ๆ อาจจะมีหลาน? ให้อุ้ม55 (มโนไปอีก)
555 ชอบความมโนของคนอ่านมาก  o13

ลำไยคุณหญิง :katai4:
ใจเย็นครับบบ  :mew5:

คุณหญิงแม่ควรปลง และยอม
จริงที่สุด  :ruready

หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: lostboy ที่ 15-01-2018 21:50:46
Chapter 25



เกือบเดือนแล้วที่พี่วีกลายเป็นเจ้าชายนิทราอยู่โรงพยาบาล ตอนนี้ก็เป็นช่วงวันหยุดสั้นๆสำหรับนักศึกษาแพทย์อย่างผม พอได้ว่างแล้วก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน แต่ยังดีที่มีแวมอยู่ด้วย วันหยุดของผมจึงมีสีสันมากขึ้น

“ หมอบีม ช่วยด้วยครับ! ”

ผมลุกขึ้นจากเตียงอย่างงัวเงียเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนแหกปากโวยวายตอนเช้าตรู่ แต่ไม่ต้องเดาก็คงรู้ว่าใคร ง่วงชะมัด ทำไมชอบมาปลุกผมแต่เช้าแบบนี้ทุกทีนะ ทั้งๆที่เป็นวันหยุดแท้ๆ

ผมไม่รู้ว่าแวมรู้ที่ซ่อนกุญแจบ้านของผมที่ซุกไว้ใต้กระถางต้นไม้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ช่างเถอะ ผมก็ขี้เกียจเดินไปเปิดประตูอยู่เหมือนกัน ก็เล่นมาหาทั้งเช้าเที่ยงเย็นทุกวันขนาดนี้

ผมเดินลงบันไดมาในสภาพทรุดโทรมจากการนอนไม่เพียงพอ เมื่อคืนอ่านหนังสือสารคดีสัตว์โลกจนถึงตีสอง แล้วนี่เพิ่งจะหกโมงเช้าก็ต้องตื่นซะแล้ว

“ นายทำอะไรของนายเนี่ย? ” ผมเอามือกุมขมับทันทีที่เดินเข้าไปในครัว รอบข้างมีควันคละคลุ้งเต็มไปหมด

ถึงผมจะอนุญาตให้แวมเข้าออกบ้านผมได้ตามใจชอบ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีสิทธิ์มาเผาครัวของผมแบบนี้นะ!

แวมหน้าถอดสีเมื่อเห็นผลงานของตัวเอง ไข่เจียวที่ควรจะเป็นสีเหลืองอ่อนน่ารับประทาน ตอนนี้มันได้ไหม้เกรียมจนกลายเป็นสีดำไปเรียบร้อยแล้ว

ผมเห็นหน้าเหวอๆของพ่อครัวฝึกหัดแล้วก็แทบจะกลั้นขำไม่อยู่

“ ผมขอโทษครับ เฮ้อ อดทำอาหารเช้าให้หมอบีมทานเลย ”

“ อยากจะโชว์ฝีมือว่างั้น? ” แวมพยักหน้ารับ

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วปัดมือให้เขาหลบ เดี๋ยวพ่อครัวมืออาชีพจะโชว์ฝีมือเอง พอตัดสินใจดังนั้นผมก็เเปิดตู้เย็นดูว่ามีวัตถุดิบอะไรบ้าง จะทำเมนูอะไรดี?

แวมมองการกระทำของผมทุกขั้นตอนเพื่อที่จะเก็บข้อมูลเอาไปทำตาม

“ ให้ผมช่วยเป็นลูกมือไหมครับ? ”

“ ฉันว่านายอยู่เฉยๆดีกว่านะ เมื่อวานก็เสียไก่ไปตัวนึงไม่ใช่เหรอ? นายนี่นะ อบไก่ยังไงให้หนังไหม้แต่ข้างในยังดิบอยู่เลย ”

“ คุณหมอรู้ได้ไงครับ? เมื่อวานผมอุตส่าห์แอบทำแล้วนะ ” แวมเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขิน

“ ฮ่าๆ นายไปรอด้านนอกดีกว่า เดี๋ยวฉันทำเอง ”

“ ก็ได้ครับ ” ถึงจะทำหน้าหงอยๆแต่เขาก็ยอมเดินออกไปแต่โดยดี



“ เรียบร้อยแล้ว ” ผมวางแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ไข่เจียว และผัดคะน้าลงบนโต๊ะ “ อ่ะนี่ กินซะ ” แวมยิ้มให้ผมก่อนจะยื่นมือมารับจานข้าวสวยไป

“ ผมนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆเลย มารบกวนแล้วยังทำให้หมอบีมต้องลำบากอีก ”

“ ใช่ ” แวมหน้าเหวอไปอีกรอบเมื่อผมพูดแบบนั้น ผมอย่างแกล้งเขาดูบ้าง

“ รำคาญผมแล้วใช่ไหมครับ? ”

“ นี่ ถ้าฉันรำคาญนายฉันก็คงไล่นายไปตั้งนานแล้วล่ะ ” ได้ยินแบบนั้นแล้วแวมก็ยิ้มกว้างขึ้นมาทันที จากนั้นผมก็ชวนเขาคุยเรื่องที่ผมสงสัย “ แล้วนายได้กลับบ้านบ้างรึเปล่า? ”

“ ช่วงนี้ผมอยู่ที่คอนโดมากกว่าครับ ขืนกลับบ้านคุณแม่ก็ได้คงหาผู้หญิงมาให้อีกตามเคย ”

“ แล้วนายไม่สนใจผู้หญิงที่แม่นายหามาให้สักคนเลยเหรอ? ”

“ ก็ผมมีหมอบีมอยู่แล้วนี่ครับ ” ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกหน้าร้อนเผ่าจนรู้สึกได้

“ กินข้าวดีกว่า เย็นหมดแล้วเนี่ย ”

แวมมองหน้าผมก่อนจะเผยรอยยิ้มและตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เราสองคนเงียบอยู่สักพักก่อนที่อีกคนจะเป็นฝ่ายพูดออกมา

“ หมอบีมครับ ตอนนี้เราเป็นแฟนกันใช่ไหม? ”

“ มั่วแล้ว ใครเป็นแฟนนาย ”

“ นั่นสิ ผมยังไม่เคยขอหมอบีมเป็นแฟนเลยนี่นา เป็นแฟนกันนะครับ? ”

“ แฮ่กๆๆ ” ผมแทบสำลักข้าวที่กินเข้าไปเมื่อครู่

นี่ใจคอจะขอกันง่ายๆขนาดนี้เลยเหรอ?

ผมคงต้องปฏิเสธเพื่อเล่นตัวไปก่อนใช่ไหม? ทั้งๆที่รอคำนี้มานานแล้วเหมือนกัน ไม่ทันที่สมองจะได้คิดไตร่ตรองอะไร ปากเจ้ากรรมก็เผลอตอบไปในทันที “ อือ ”

“ อะไรนะครับ? ”

“ เออ ”

“ แสดงว่าตอบตกลง? ”

“ โว้ย เข้าใจอะไรยากจังวะ! ”

ผมแสดงสีหน้าหงุดหงิดแล้วเดินหนีออกไปข้างนอกทันที ที่จริงต้องบอกว่าหาเรื่องหลบหน้าเพื่อแก้เขินมากกว่า

“ ตามมาทำไม? ” ผมนั่งลงที่ม้าหินอ่อนในสวนเล็กๆหน้าบ้าน คนที่ตามมาไม่พูดอะไรแต่ก็หย่อนตัวนั่งลงข้างๆ

เขาตั้งใจยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องเอียงตัวไปด้านหลังแทบไม่ทัน คนตรงหน้ากระตุกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับมองตาผมอย่างไม่ลดละ

หัวใจผมเต้นรัวไม่เป็นจังหวะจนต้องเอามือขึ้นมากุมไว้ที่อกข้างซ้าย ให้ตายเถอะ

“ เราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ ” รอยยิ้มกว้างแสดงความดีใจถูกเผยออกมาบนใบหน้าหล่อเหลา

แวมเอียงตัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ส่วนผมก็เอนหลังหลบเช่นกัน

“ โว้ยยย จะตกม้านั่งอยู่แล้วเนี่ย ” ผมดันตัวอีกคนออกห่างแต่ก็ไม่เป็นผล

แทบจะเซตกลงพื้นหญ้าไปจริงๆถ้าแวมไม่ใช้แขนของเขาโอบเอวผมไว้ซะก่อน ผมสะดุ้งเฮือกในจังหวะที่พยุงตัวเองไม่ทัน สัญชาตญาณบ่งบอกให้ผมเกาะไหล่อีกคนไว้แน่น แวมมองตาผมก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากแผ่วเบา ผมตกใจจนหายใจลำบากเพราะกำหนดจังหวะไม่ทัน

“ อื้อออ ” แวมยอมผละออกเล็กน้อยเพื่อให้ผมได้ตักตวงอากาศก่อนจะประกบริมฝีปากเข้ามาอีกครั้ง “ อืม ” อีกคนครางในลำคออย่างพอใจขณะที่ผมเริ่มจะปรับจังหวะการจูบไปตามที่เขาชักนำได้ แค่ปล่อยให้อารมณ์ล่องลอยไปตามที่อีกคนจะพาไป

“ อย่าเม้มปากสิครับ ” แวมออกคำสั่งและส่งลิ้นร้อนแทรกเข้ามาทันทีที่ผมยอมทำตาม ปลายลิ้นของเข้าไล่ต้อนลิ้นเล็กไปมาเพื่อเพิ่มความรู้สึกวาบหวิวไปทั่วร่างกายอย่างบอกไม่ถูก

“ เหนื่อย ” ผมเอ่ยเสียงแผ่วเมื่อรู้สึกว่าถูกสูบพลังงานไปจนหมด แขนขาก็เริ่มอ่อนปวกเปียกจนไร้เรี่ยวแรง

“ รู้สึกดีไหมครับ? ” แวมถอนริมฝีปากออกและเปลี่ยนเป็นหอมแก้มผมหนึ่งฟอด

“ อื้อ ” พูดไปก็อายจนต้องหลบสายตาโดยการซุกหน้าไว้บนอกแกร่งของอีกคน

“ ที่จริงผมอยากทำมากกว่านี้นะครับ ” แวมหัวเราะในลำคอเบาๆ พูดตรงขนาดนี้ไม่รู้สึกอายบ้างเลยหรือไง?

“ ไม่ต้องเลยนะ ” ผมทำหน้าบึ้งใส่

“ โอเคครับ ไม่ทำก็ไม่ทำ ” แวมดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะหอมแก้มผมอีกทีนึง แค่นี้ผมก็เขินจนหน้าแดงไปหมดแล้ว ไม่อยากจะนึกถึงอะไรที่มันมากกว่านี้เลย



“ แวม นายไม่เบื่อบ้างเหรอที่มานั่งเฝ้าฉันทุกวันแบบนี้? บ้านฉันก็ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนคอนโดนายเลยนะ ” ผมเอ่ยขึ้นขณะนั่งดูทีวีฆ่าเวลาในวันหยุด

แวมนั่งทำรายงานอย่างขะมักเขม้นที่มุมหนึ่งของห้องรับแขก ขณะที่เพื่อนคนอื่นปิดเทอมทำโปรเจคจบและเตรียมหาสถานที่ฝึกงานกัน ส่วนเขานั้นต้องลงเรียนซัมเมอร์วิชาที่ดรอปเอาไว้เพื่อเก็บหน่วยกิจให้ครบ

ทุกวันแวมจะมานั่งเฝ้าผมอยู่แบบนี้ เบื่อๆก็ชวนออกไปกินข้าวหรือดูหนังข้างนอก

“ แค่มีหมอบีมอยู่ด้วยก็ไม่เบื่อแล้วครับ ” เขาวางกระดาษปากกาลงแล้วขยับตัวมาใกล้ๆผม

แวมใช้แขนอีกข้างโอบตัวผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมแขน ผมปรายตามองหน้าคนที่กอดผมแน่นแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร จะว่าไปก็รู้สึกดีเหมือนกันแฮะ

“ ดูอะไรอยู่ครับ? ” แวมเอ่ยถามพร้อมกับมองไปที่ทีวีด้านหน้า เขาโน้มตัวลงมาเอาคางเกยไหล่ผมไว้ จงใจเอาแก้มแนบชิดกับแก้มของผมจนรู้สึกได้ถึงสัมผัสอ่อนนุ่มและแข็งกระด้างของไรหนวดบางๆ

“ สะ...สารคดีสัตว์โลกน่ะ ” ผมเอ่ยเสียงสั่นเมื่อแวมประทับริมฝีปากลงที่แก้มของผมแผ่วเบาพร้อมกับสูดดมความหอมอยู่เนิ่นนาน ผมรู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวจนขึ้นสีแดงไปแล้ว

ทำไมเขาชอบทำให้ผมเขินอยู่ได้วะ!

“ สารคดีสัตว์โลก? ไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหนเลยครับ ”

“ ไม่สนุกก็ไม่ต้องดู เอาหน้าออกไปได้แล้ว ”

“ เขินเหรอครับ? ”

“ รู้แล้วยังจะแกล้งอีก ” ผมทำหน้าบึ้งใส่ แวมใช้จังหวะที่ผมหันเข้าหาเพื่อประกบริมฝีปากลงมาแผ่วเบาเพียงเสี้ยววินาที

ผมตกใจจนต้องเบิกตาโพลงมองคนฉวยโอกาสอย่างเคืองๆ

“ โอเคครับ ไม่แกล้งแล้วๆ ”

กริ๊งงง! (เสียงกดออดที่ประตูรั้ว)

“ ใครมาตอนนี้วะ? ” แวมพำพัมกับตัวเองเบาๆ

“ ปล่อยได้แล้ว ฉันจะไปดูว่าใครมา ” เมื่อเขายอมผละตัวออก ผมก็เดินออกไปดูหน้าบ้านทันที

มีรถเอ็มพีวีคันเดิมที่คุ้นตาจอดรออยู่ ส่วนคนที่อยู่บนรถก็คือคุณหญิงแม่ของแวม เธอคงมาตามลูกชายสุดที่รักกลับบ้านอีกตามเคย

คนขับรถของเธอกดกริ่งอีกสองสามครั้งก่อนที่ผมจะเดินมาเปิดประตูรั้ว ผมยกมือไหว้คนที่อยู่บนรถ เธอเปรยตามองมาก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ลูกชายฉันอยู่ที่นี่ใช่ไหม? ”

“ ครับ ” เธอไม่พูดอะไรและเดินเชิดหน้าเข้าไปในบ้านผมโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยเชิญ

เฮ้อ ผมถอนหายใจและเดินตามเธอเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาที่จะเกิดตามมา



แวมชะงักไปทันทีเมื่อเห็นหน้าแขกคนใหม่ “ คุณแม่ ” เขาอุทานอย่างตกใจเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีหน้าเฉยเมยและทำเป็นไม่สนใจ

“ แวม แม่อยากให้แวมกลับไปอยู่บ้านกับแม่นะลูก ” คุณหญิงพูดกับลูกชายสุดที่รักด้วยน้ำเสียงโอนอ่อนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

คงเป็นเพราะเธอรับรู้แล้วว่าลูกชายคนนี้หัวดื้อขนาดไหน ต่อให้ใช้ไม้แข็งยังไงเขาก็ไม่ยอมแน่ เธอจึงเปลี่ยนวิธีมาใช้ไม้อ่อนแทน

“ ครับ? ”

“ แม่เข้าใจแล้ว ที่ผ่านมาแม่คงบังคับแวมมากเกินไป ใช่ไหม? ” เธอนั่งลงข้างๆลูกชาย แวมยังทำท่าสนใจแค่รายงานที่อยู่ตรงหน้า มืออีกข้างก็จับปากกาจดข้อมูลในสมุดไปด้วย

คุณหญิงเปรยตามามองผมราวกับจะขอความร่วมมือ

“ แวม ฉันว่า... ” ผมกำลังจะพูดแต่ก็โดนเจ้าตัวขัดขึ้นทันที

“ ห้ามไล่ผมนะครับคุณหมอ เพราะผมไม่ไป ” แวมเอ่ยเสียงแข็งจนผู้เป็นแม่ถึงกับไปต่อไม่เป็น

“ ตอนนี้แม่ก็เหลือแวมแค่คนเดียว แม่ไม่สบายใจเลยที่ลูกไม่ยอมกลับบ้าน ”

“ เมื่อก่อนผมทำตามคำสั่งคุณแม่ทุกอย่างแล้ว คราวนี้ให้ผมทำตามใจตัวเองบ้างนะครับ แม่อย่าให้ผมต้องฝืนทำอะไรอีกเลย ผมไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่แม่หาให้ ”

คุณหญิงเผยรอยยิ้มขึ้นมาจนแวมแสดงสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด

“ แม่จะไม่หาผู้หญิงมาให้แวมอีกแล้วนะลูก กลับบ้านกับแม่นะ ”

แวมครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะหันมามองหน้าผมเพื่อขอความคิดเห็น ผมพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าให้เขาเลือกตัดสินใจเอง

“ ถ้าผมกลับไปอยู่บ้าน หมอบีมต้องไปอยู่กับผมด้วย ”

ผมจ้องหน้าแวมอย่างคาดโทษ ปัญหาครอบครัวของเขาทำไมต้องเอาผมเข้าไปเกี่ยวด้วยเนี่ย แล้วรอยยิ้มที่มุมปากนั่นมันหมายความว่ายังไงกัน?

“ เฮ้ย ฉันไม่ไป ” ผมปฏิเสธแทบจะทันที

“ งั้นผมก็ไม่กลับ ”

คุณหญิงหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เธอลำบากใจไม่น้อยกับเรื่องนี้ ก็แน่ล่ะ เธอไม่ชอบผมอยู่แล้ว จะให้ผมไปอยู่ด้วยคงไม่ได้

อีกอย่างผมก็เพิ่งเป็นแฟนกับแวมเมื่อกี้นี้เอง อยู่ดีๆจะให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันได้ยังไง?

คุณหญิงเงียบไปนาน ท่าทางคงจะคิดไม่ตกอยู่พอสมควร ผมเชื่อว่าเธอคงจะไม่ยอมแน่

แต่ทว่าผมกลับคิดผิด

“ หมอบีม ถือว่าฉันขอร้องแล้วกัน  ย้ายไปอยู่กับลูกชายฉันเถอะนะ ”

!!!
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-01-2018 21:53:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-01-2018 22:18:25
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-01-2018 23:12:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 16-01-2018 00:18:30
คุณแม่นี่คือคิดได้รึยังง หวังว่าคงไม่ได้แกล้งอะไรนะ
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 16-01-2018 02:34:45
มาไม้ไหนอีกเนี่ยยยย....
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-01-2018 04:07:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 16-01-2018 06:34:56
ไม่มีแผนซ่อนไว้ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: 30267 ที่ 16-01-2018 15:30:23
รอจ้าาา :z2:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 16-01-2018 16:27:40
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-01-2018 18:40:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 19-01-2018 18:56:28
คุณหญิงแม่รึจะสู้ฤทธ์ลูกชาย 555

หวังว่าคงไม่ใช่กดขี่ลูกสะไภ้?นะ

แวมคงยอมไม่ได้แน่

แต่กับพ่อนี่น่าจะเชียร์ลูกชายเต็มที่
หัวข้อ: Re: { { NEVER DIE } } ผมยังไม่ตายนะครับหมอ!! -----> Chapter 25 [ 15/01/2561 ]
เริ่มหัวข้อโดย: worry ที่ 01-02-2018 10:54:13
รอครับ :pig4: