พิมพ์หน้านี้ - ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 14] 11/04/2561

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: wannesress ที่ 09-06-2017 21:04:32

หัวข้อ: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 14] 11/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 09-06-2017 21:04:32
* * * * * * * * *

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






L.O.S.T.
สุขสันต์วันเสียตัว



สารบัญ

ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3650454#msg3650454)

ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3650772#msg3650772)

ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3650842#msg3650842)

ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3651158#msg3651158)

ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3651484#msg3651484)

ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3654217#msg3654217)

ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3655246#msg3655246)

ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3658908#msg3658908)

ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3660163#msg3660163)

ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3664299#msg3664299)

ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3666687#msg3666687)

ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3667880#msg3667880)

ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3672674#msg3672674)

ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60445.msg3816688#msg3816688)







หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 09-06-2017 21:13:19
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 1
 
 
 
 
        ครืด ครืด
 

        เสียงสั่นของโทรศัพท์ดึงผมให้หลุดออกจากภวังค์ หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อของ “ริว” เพื่อนสมัยมัธยมของผม จะว่าไปแล้วผมกับเพื่อนคนนี้ก็ไม่ได้สนิทกันมากนัก ริวเป็นเพื่อนของเพื่อนของผมอีกที ช่วงที่เรียนมัธยมก็ไม่เคยเรียนห้องเดียวกันเลย มานึกดูอีกทีผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าทำไมเบอร์ของริวจึงถูกเม็มไว้ในโทรศัพท์ของผม
 

        “โอม มาหากูที่หอหน่อย หอเดียวกับแพทน่ะ”
 

        ชื่อของผมที่ถูกเอ่ยขึ้นจากปลายสายทำให้ผมมั่นใจได้ว่าริวไม่ได้โทรผิดแน่ ริวบอกความต้องการของมันพร้อมกับอ้างอิงสถานที่จากชื่อเพื่อนสนิทของผมซึ่งเรียนอยู่คณะเดียวกันกับริว แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร ริวก็ตัดสายไปทันที ผมนึกสงสัยอยู่เหมือนว่ามันไม่คิดจะรอผมตอบตกลงสักหน่อยเหรอ แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจที่จะไปตามความต้องการของมันอยู่ดี
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ไม่บ่อยนักที่ผมจะมาที่หอพักแห่งนี้ แม้ว่านี่จะเป็นหอพักของแพทเพื่อนสนิทของผมก็ตาม เพราะระยะทางจากหอพักของผมไปถึงหอพักของแพทที่อยู่คนละฟากของมหาวิทยาลัยนั้นเป็นระยะทางเกือบสองกิโลเมตร ผมจะไปหาเพื่อนสนิทของผมที่นั่นก็เมื่อมีเรื่องสำคัญเท่านั้น
 

        ครืด ครืด
 

        “กูอยู่ห้อง 503 นะ”
 

        เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่ผมกดรับสาย ริวก็บอกเลขห้องของตนเองเสร็จสรรพแล้ววางสายไปทันทีโดยไม่รอให้ผมได้พูดอะไร ผมนึกแปลกใจไม่น้อยที่ริวโทรมาได้จังหวะพอดีที่ผมมาถึงหน้าหอพักของริว ริวคงจะแอบดูผมจากบนห้องล่ะสินะ
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ผมเดินเข้าไปในหอพักทันที จากนั้นก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 5 ของหอพัก และในที่สุดผมก็เดินมาถึงหน้าห้อง 503 ที่ริวนัดผมไว้ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเคาะประตู ประตูก็ถูกเปิดออกเสียก่อน ภาพตรงหน้าของผมคือร่างเกือบเปลือยเปล่าของริว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นร่างกายของริวโดยไม่มีเสื้อผ้าปกปิด ผิวขาวเนียนของริวที่ซ่อนอยู่ใต้ร่มผ้ามาตลอดตอนนี้ได้อยู่ต่อหน้าผมแล้ว แต่ละส่วนในร่างกายของริวทำให้ผมรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที ไม่ว่าจะเป็นแผงอกหนาเหมือนคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ หัวนมสีน้ำตาลอมชมพูที่โดดเด่นขึ้นมาจากผิวขาวใสของริว อีกทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เป็นหกลูกชัดเจน จนมาถึงบ๊อกเซอร์สีขาวที่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ปกปิดส่วนสำคัญของริวเอาไว้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดสายตาของผมเอาไว้ แต่คงจะไม่เท่ากับดวงตาแดงก่ำบนใบหน้าหล่อเหลาของริวที่ดูคล้ายกับว่าร้องไห้มาเป็นเวลานาน
 

        “แนนเขาทิ้งกูไปแล้วว่ะ”
 

        ริวพูดออกมาก่อนที่จะโผเข้ากอดผม ผมก็เกิดความสงสัยขึ้นมาในทันทีว่าแนนคือใคร ผมไม่เคยรู้จักคนที่มีชื่อนี้มาก่อน อาจจะเป็นชื่อของใครสักคนที่เป็นแฟนของริว ผมเองก็ไม่แน่ใจนัก เพราะหลังจากที่เรียนจบมัธยมมาแล้วผมก็ไม่ได้เจอกับริวอีกเลย และเรื่องราวเกี่ยวกับริวที่ผมรู้ก็เพียงแค่ริวได้เป็นเดือนคณะแพทยศาสตร์และได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยก็เท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่ผมจะทำได้ก็คงมีแค่การกอดให้กำลังใจกับเพื่อนของผมคนนี้ สักพักหนึ่งริวก็ผละออกจากอ้อมกอดของผม ก่อนที่จะเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมตกใจอย่างมาก
 

        “มึงมีอะไรกับกูได้มั้ย”
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “เฮ้ย แล้วไงต่อวะ”
 

        แพทถามผมระหว่างที่ผมกำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ให้ฟัง
 

        “มึงไม่ค่อยจะเสือกเลยนะ”
 

        ผมหยอกเพื่อนสนิทของผมเล็กน้อย เพราะเห็นท่าทางสนอกสนใจของมันกับเรื่องที่ผมกำลังเล่าอยู่
 

        “กูรู้มึงอยากเล่า เล่ามาๆ”
 

        “เออ กูก็จะเล่าต่ออยู่นี่ไง”
 

        ผมบอกแพทก่อนที่เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนต่อไป
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “ตะกี้มึงว่ายังไงนะ”
 

        ผมถามริวอีกครั้งให้แน่ใจ ผมไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ผมได้ยินเมื่อครู่นี้สักเท่าไรนัก เพราะผมไม่คิดว่าคนที่ดูจะเพอร์เฟกต์ไปซะทุกอย่างแบบริวจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมา
 

        “กูถามว่ามึงมีอะไรกับกูได้มั้ย”
 

        ริวพูดช้าๆ อย่างชัดเจนเพื่อบอกความต้องการของตนเองอีกครั้ง คราวนี้ผมได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลยทีเดียว ผมได้ยินไม่ผิดอย่างแน่นอน ริวกำลังขอให้ผมมีอะไรด้วย แต่แม้ว่าผมจะมีประสบการณ์ทางเพศมาอย่างโชกโชน และแม้คนตรงหน้าของผมจะหน้าตาดี สูง ขาว หล่อ หน้าตี๋ มีซิกแพ็ก ตรงสเปกของผมทุกประการ แถมยังเป็นเดือนมหาวิทยาลัยอีกต่างหาก แต่ริวก็ยังเป็นเพื่อนของผมอยู่ดี
 

        “ใจเย็นก่อน มึงเล่าให้กูฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”
 

        ผมถามริว
 

        “แนนเขาไม่รักกูแล้ว กูผิดตรงไหนวะ ทำไมเขาถึงทิ้งกูไป”
 

        ริวบอกสาเหตุที่ทำให้มันร้องไห้จะเป็นจะตายออกมา ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าคนตรงหน้าเสียใจเรื่องอะไร
 

        “กูอยากลองมีอะไรกับผู้ชายว่ะ กูว่ามึงน่าจะช่วยกูได้”
 

        ริวพูดต่อ
 

        “ทำไมมึงคิดว่ากูจะช่วยมึงได้วะ”
 

        ผมแกล้งทำไขสือ ผมรู้ดีว่าตนเองเชี่ยวชาญในเรื่องพวกนี้แค่ไหน แต่ริวไม่น่าจะรู้ว่าผมเป็นเกย์นี่นา
 

        “ไอ้ดินมันบอกกู”
 

        ริวบอกแหล่งข้อมูลที่ทำให้รู้ว่าผมจะช่วยในเรื่องที่มันต้องการได้ และคนๆ นั้นก็คือดิน ดินเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผมที่เรียนอยู่คณะวิศวกรรมศาสตร์เช่นเดียวกันกับผม ดินกับผมรู้จักกันครั้งแรกในงานรับน้องตอนที่เข้าปีหนึ่ง ดินเป็นถึงเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผมเข้าใจทันทีว่าดินกับริวคงจะรู้จักกันตอนประกวดเดือนมหาวิทยาลัยนี่เอง ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับดินคงจะใช้คำว่าเพื่อนสนิทไม่ได้ ควรจะใช้คำว่าเพื่อนนอนซะมากกว่า มันมักจะบอกกับผมอยู่เสมอว่ามันโชคดีมากที่ผู้ชายคนแรกของมันเป็นผม เพราะเพื่อนของมันหลายคนที่เคยลองมีอะไรกับผู้ชายต่างก็บอกว่าเจ็บและยังไม่เสียวอีกต่างหาก ไม่เหมือนตอนที่มันมีอะไรกับผม นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันพาเพื่อนมันหลายๆ คนมาให้ผมเปิดซิง แต่ตัวผมเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าวันหนึ่งเพื่อนของมันที่ผมจะได้เปิดซิงจะเป็นริว
 

        “มึงอย่าโกรธไอ้ดินมันเลยนะ กูสงสัยเรื่องมึงมานานแล้ว กูแค่เช็คกับไอ้ดินให้แน่ใจ มันบอกว่ากูน่าจะผ่านเกณฑ์ของมึง”
 

        ริวพูดก่อนจะส่งสายตาเว้าวอนให้ผม ผมรีบเบือนหน้าหนีทันที สิ่งที่ริวพูดมันถูกต้องทุกอย่าง ริวผ่านเกณฑ์ของผมทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอก นิสัย และความน่าไว้วางใจ ผมเองก็คิดหนักว่าควรจะตอบตกลงกับมันหรือไม่
 

        “มึงแน่ใจนะว่ามึงอยากลองจริงๆ มันอาจจะเปลี่ยนชีวิตมึงไปเลยก็ได้นะ”
 

        ผมถามริวให้แน่ใจอีกครั้ง
 

        “กูคิดดีแล้วว่ะ”
 

        ริวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับส่งสายตาที่จริงจังยิ่งกว่าให้กับผม
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “ทำไมมึงถึงโชคดีขนาดนี้วะ แต่ละคนที่มึงได้นี่ตัวท็อปทั้งนั้น กูล่ะอิจฉามึงจริงๆ”
 

        แพทพูดขัดจังหวะขณะที่ผมกำลังเล่าอยู่
 

        “ฟังกูเล่าให้จบก่อนมั้ย”

 
        “เออ เล่าต่อดิ กูอยากฟัง”

 
        แพทพูดพร้อมกับท่าทีกระตือรือร้นที่จะฟังเรื่องของผมต่อไป
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “นี่มึงไม่ได้กำลังประชดชีวิตใช่มั้ยวะ”

 
        ผมถามริวออกไป เพราะผมพอจะดูออกว่าริวเพียงแค่ต้องการจะลืมคนที่ทิ้งมันไปก็เท่านั้น ริวคงไม่ได้อยากจะลองมีอะไรกับผู้ชายจริงๆ หรอก
 

        “มึงรังเกียจกูเหรอวะ”

 
        ริวพูดพร้อมกับทำหน้าเศร้าใส่ผม

 
        “เฮ้ย ไม่ใช่อย่างนั้น กูแค่ไม่อยากให้มึงมาเสียใจทีหลัง มันอาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบหรือเปล่า”

 
        ผมตอบริวออกไป ผมไม่ได้รู้สึกรังเกียจริวเลยสักนิด ถ้าไม่นับว่าริวเป็นเพื่อนของผมและริวเพิ่งจะอกหักมา ริวเป็นหนึ่งในคนที่ผมอยากจะมีความสัมพันธ์ด้วยมากที่สุดคนหนึ่งเลย ด้วยรูปลักษณ์ของริวที่ตรงสเปกของผมทุกประการ แต่ผมก็รู้ดีว่าริวเพียงแค่อยากจะลืมคนที่ทิ้งมันไปก็เท่านั้น ผมเองก็ไม่อยากให้ริวกลับมาเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดเมื่อเลือกที่จะมีอะไรกับผม
 

        “กูบอกมึงแล้วไงว่ากูคิดดีแล้ว”
 

        ริวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ แต่แววตาของริวกลับไม่เป็นเช่นนั้น ผมเองก็พอจะสังเกตเห็น
 

        “กูว่ากูดูออกนะว่ามึงยังไม่มั่นใจ กูให้เวลามึงคิดอีกสักอาทิตย์นึง ถ้ามึงยังยืนยันคำเดิม กูก็ไม่ติดขัดอะไร แต่คืนนี้กูว่ามึงยังไม่พร้อมว่ะ”

 
        ผมพูดก่อนที่จะลุกออกมา
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “แล้วมึงก็กลับหอมาเนี่ยนะ”

 
        แพทพูดพร้อมทำหน้าสงสัยหลังจากที่ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจนถึงตอนที่ผมลุกออกมา
 

        “ก็ใช่น่ะสิ”
 

        ผมยืนยัน

 
        “โถ พ่อพระเอก ของดีมาประเคนถึงที่ยังไม่เอา พ่อคนมีคุณธรรม”
 

        แพททำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
 

        “อือ ก็ตามนั้นแหละ”

 
        “ใครจะไปคิดว่าคนอย่างมึงจะเกิดอยากเป็นคนดีขึ้นมาวะ กูไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่ะ”

 
        แพทยังคงไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
 
 
 
 
        ที่แพทพูดมันก็ถูก ผมไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้นหรอก
 
 
 
 


 
 
 
หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: somakimi ที่ 09-06-2017 21:35:42
 :ruready อาว..กำลังน่าตื่นเต้น รู้งี้รอลง4-5ตอนคอ่ยมาอ่านใหม่5555 ขาดตอนอะะะะะ ฮือออออ

หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 10-06-2017 06:05:14
 o13
หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 1
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 10-06-2017 08:20:25
 :katai5:
หัวข้อ: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 10-06-2017 09:18:10
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 2
 
 
 
 
        ตัดภาพกลับไปที่เหตุการณ์เมื่อคืน
 
 
        “ใครบอกว่ากูไม่พร้อมล่ะ”
 

        ริวพูดจบก็ถอดบ็อกเซอร์ของมันออก ท่อนลำแข็งเกร็งของริวที่เด้งผึงออกมาทำให้ผมรู้ว่าริวมันไม่ได้โกหก เพราะดูท่าว่าอาวุธของมันจะพร้อมใช้งานแล้ว ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าจะมีโอกาสได้เห็นของลับของริว ท่อนลำของริวออกจะคล้ำกว่าสีผิวขาวเนียนของมันริวเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความงามของมันลดลงเลย ส่วนหัวของมันมีสีชมพูอมแดง ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผ่านศึกมาอย่างโชกโชนอย่างที่ผมคิด ผมพิจารณาสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าพร้อมกับกลืนน้ำลาย และก็รู้สึกแปลกใจที่อาวุธของริวตื่นตัวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไร
 

        ริวไม่รอให้ผมตอบอะไร ปากของริวเริ่มเข้าจู่โจมปากของผมทันที ผมรู้สึกได้ทันทีว่าริวนั้นคงจะไม่เคยจูบกับใครมาก่อนแม้แต่กับผู้หญิงก็ตาม เพราะท่าทางการจูบของริวนั้นเหมือนเด็กไม่ประสีประสา ผมเห็นดังนั้นก็เริ่มอยากจะสอนริวให้รู้จักการจูบแบบผู้ใหญ่เสียแล้ว ผมจูบตอบกลับริวอย่างเร่าร้อน ลิ้นเรียวของผมชอนไชเข้าไปในปากของริวก่อนที่จะหยอกล้อกับลิ้นของมัน ผมตวัดลิ้นไปมาอย่างเชี่ยวชาญสลับกับการบดขยี้ริมฝีปากของริวไปด้วย ผมไม่รอช้าระหว่างที่จูบกันอยู่นั้นเอง ผมก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของผมออก ตอนนี้ทั้งผมและริวต่างก็ไม่มีเสื้อผ้าใดๆ ปกปิด ผมค่อยๆ ดันตัวริวลงบนเตียง ก่อนที่จะพรมจูบลงไปที่ลำคอขาวของริว เสียงครางเบาๆ ของริวทำให้ผมรู้สึกตื่นตัวยิ่งขึ้น จากนั้นผมก็ค่อยๆ ลากลิ้นลงมาตามแผงอกขาวของริว ก่อนที่จะละเลงลิ้นลงบนหัวนมของมันทั้งสองข้าง เสียงครางของริวก็ยิ่งดังขึ้นไปอีก จนลงมาถึงกล้ามหน้าท้องที่เป็นหกลูกชัดเจน ผมก็ยังคงใช้ลิ้นละเลงลงไปที่กล้ามท้องทีละลูก จนลงมาถึงท่อนลำสวยที่ตอนนี้ชูตรงเด่นเป็นสง่าอยู่ ผมก็ค่อยๆ เลียไปที่ดอกเห็ด ริวครางเสียงหลงทันทีที่ลิ้นของผมสัมผัสที่ส่วนเหนือสุดของท่อนลำนั้น รสชาติความเป็นชายของริวทำให้ผมรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัว และเมื่อฟังจากเสียงร้องแล้ว ริวเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกันกับผม
 

        จังหวะนี้ผมหยิบถุงยางออกจากกระเป๋าสตางค์ของผม ผมมักจะเตรียมพร้อมอยู่เสมอสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด และวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าการเตรียมพร้อมของผมไม่สูญเปล่า ผมบรรจงสวมถุงยางลงไปที่อาวุธของผมที่แข็งตัวรออยู่แล้ว
 

        “มึงมีเจลหล่อลื่นมั้ยวะ”

 
        ผมถามหาตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ภารกิจสำรวจถ้ำของผมสะดวกยิ่งขึ้น แต่ถึงจะไม่มีเจลหล่อลื่นผมก็มีวิธีที่จะทำให้ภารกิจของผมเป็นไปอย่างราบรื่น ริวเอื้อมมือไปดึงลิ้นชักที่หัวเตียง ก่อนที่จะยื่นขวดเจลหล่อลื่นให้ผม ผมรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่มีของแบบนี้อยู่ในห้องของริว แต่เมื่อเห็นว่าขวดเจลนั้นยังไม่ถูกเปิดใช้ ก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่ผมจะเป็นคนแรกที่ได้ใช้มันกับริว ผมค่อยๆ บีบเจลลงที่ช่องทางด้านหลังของริว ความเย็นของเจลที่สัมผัสผิวของริวทำให้ริวสะดุ้งเล็กน้อย ผมค่อยๆ ใช้นิ้วเปิดช่องทางให้ภารกิจของผมง่ายยิ่งขึ้น ผมสอดนิ้วเข้าไปทีละนิ้ว จนเมื่อครบสามนิ้วก็ถึงเวลาที่มังกรของผมจะเริ่มภารกิจสำรวจถ้ำ
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        แสงแดดยามเช้าที่ส่องเข้ามาในห้องทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมมองไปรอบตัวก่อนที่จะระลึกได้ว่าตอนนี้ผมอยู่ในห้องของริว หลังจากที่ภารกิจสำรวจถ้ำของผมสิ้นสุดลง ผมก็พาริวไปอาบน้ำ ก่อนที่ภารกิจของพวกเราจะเริ่มต้นอีกครั้งในนั้น ถึงแม้ว่าที่อาจจะคับแคบสักเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ทำให้ความร้อนเร่าในอารมณ์ของพวกเราทั้งสองลดลงไปได้
 

        ตอนนี้ริวที่อยู่ในชุดนักศึกษากำลังนั่งอยู่ที่ระเบียง สายตาของริวมองออกไปที่ถนนใหญ่ ผมมองริวอยู่สักพักก่อนจะนึกไปถึงเหตุการณ์ทั้งหมดเมื่อคืนนี้ ผมไม่แน่ใจว่าริวจะประทับใจหรือไม่ และถ้าริวไม่ประทับใจ ริวจะรู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจของตนเองหรือเปล่า ผมคงจะรู้สึกแย่แน่หากริวจะผิดหวังกับมัน แต่เมื่อผมไม่อาจห้ามใจตนเองไว้ได้ ผมก็ต้องยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
 

        “ตื่นแล้วเหรอ”
 

        ริวหันมาทักผม ผมสะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคนที่ผมกำลังมองอยู่จะหันมาทันทีทันใด
 

        “เออ ตื่นแล้ว มึงเป็นยังไงบ้างวะ”

 
        ผมถามออกไป แม้ว่าใจหนึ่งจะอยากรู้ว่าริวชอบในสิ่งที่ผมทำหรือไม่ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าริวจะไม่โอเคกับมัน
 

        “ยังปวดอยู่หน่อยๆ ว่ะ แต่ก็สนุกดีนะ”

 
        ริวพูดพร้อมรอยยิ้มที่อธิบายยาก ถึงผมจะรู้สึกว่านี่เป็นรอยยิ้มที่จริงใจไม่ได้เป็นการฝืนยิ้ม แต่ผมก็รู้สึกว่าภายในนั้นมีความขมขื่นอยู่ไม่น้อย
 

        “เออ เดี๋ยวแป๊บเดียวก็หายเว่ย ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ มึงเดินไหวนะ”

 
        ผมบอกริว
 

        “ไหวๆ แค่ปวดนิดเดียวเอง”
 

        ริวพูดพร้อมกับสายตาแปลกๆ ที่จ้องมองมาที่ผม ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่คงไม่ใช่ว่าริวกำลังหลงรักผมอยู่หรอกนะ

 
        “มีอะไรหรือเปล่าวะ มองกูแปลกๆ”
 

        ผมเอ่ยถามริวออกไปด้วยความสงสัย
 

        “เรื่องเมื่อคืนกูขอบใจมึงมากเลยนะ”

 
        ริวพูดด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อย
 

        “ไม่เป็นไร มีอะไรให้กูช่วยก็บอก ไม่ต้องเรื่องอย่างว่าก็ได้ ยังไงกูก็เพื่อนมึง”

 
        ผมบอกริว หลังจากนั้นริวก็หันหน้ากลับไปมองที่ถนน ส่วนผมก็มองไปที่ริว ทั้งคู่เงียบกันอยู่สักพัก

 
        “โอม”

 
        อยู่ๆ ริวก็เรียกชื่อของผมออกมา

 
        “มีอะไรวะ”
 

        ผมหันไปถามริว
 

        “มึงอย่าบอกใครได้มั้ยวะ เรื่องเมื่อคืนน่ะ”
 

        ริวขอร้องผม
 

        “เออ กูไม่บอกใครหรอก”

 
        ผมตอบตกลงทันที เพราะต่อให้ริวไม่ขอร้องผม ผมก็คงไม่บอกใครอยู่ดี มันไม่ใช่เรื่องที่น่าเล่าให้ใครฟังสักเท่าไหร่
 

        “รวมถึงไอ้แพทด้วยนะ กูรู้ว่ามึงสองคนไม่มีความลับต่อกัน แต่เรื่องนี้กูขอได้มั้ยวะ”
 

        ริวบอกผม เพราะรู้ว่าผมกับแพทเป็นเพื่อนสนิทกัน และผมจะเล่าทุกเรื่องให้แพทฟัง
 

        “อือ ได้สิ ถ้ามึงไม่อยากให้มันรู้กูไม่บอกมันก็ได้”
 

        ผมตอบตกลง เพราะเข้าใจดีว่าริวคงจะอายที่ให้จะให้ใครรู้ว่าตัวเองมีอะไรกับผู้ชาย เพราะริวก็เป็นคนดังของมหาวิทยาลัยด้วย
       

        “ขอบใจมากนะเว่ย”
 

        ริวบอกผมพร้อมกับรอยยิ้มสดใส เหมือนคลายความกังวลทั้งหมดแล้ว
 

        “เออ มึงไปอาบน้ำก่อนดิ เดี๋ยวกูมีเรียน”
 

        ริวพูดก่อนที่หันกลับไปมองที่ถนนอีกครั้ง
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ผมเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้บนบ่า ผมไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น เพราะผมไม่ได้เอาเข้าไปในห้องน้ำด้วย
 

        “เฮ้ย”
 

        ริวร้องขึ้นมา
 

        “มีอะไรวะ”
 

        ผมหันไปถามริวที่ทำหน้าตกใจ
 

        “ทำไมมึงไม่ใส่เสื้อผ้าวะ”
 

        ริวถาม
 

        “มึงจะตกใจอะไร เมื่อคืนก็เห็นของกูแล้ว มึงยังไม่ว่าอะไรเลย”
 

        ผมแกล้งแซวริว หูของริวเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ผมเองก็สังเกตเห็นตรงจุดนี้ ผมรู้สึกว่ามันตลกดีที่ริวจะยังคงเขินอาย เพราะเมื่อคืนริวก็น่าจะคุ้นเคยกับเจ้ามังกรของผมแล้ว ไม่น่าจะต้องตกใจอะไรขนาดนี้เลย
 

        “มึงรีบใส่เสื้อผ้าเร็ว กูจะไปเรียนแล้ว เดี๋ยวสาย”
 

        ริวพูดกับผมก่อนที่จะหันหน้าหนีไปมองถนนต่อ ผมนึกแปลกใจว่าถนนมันมีอะไรน่าสนใจนัก ริวถึงได้หันไปมองบ่อยนัก จะว่ามีรถชนกันก็คงจะไม่ใช่ ผมหันกลับมาจัดการตัวเอง ผมค่อยๆ ใส่เสื้อผ้าทีละชิ้น แต่เพราะผมไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ด้วยไม่คิดว่าจะต้องมานอนค้างที่ห้องของริวเช่นนี้ ผมจึงต้องใส่ชุดเดิมกลับไปที่หอ แต่โชคดีที่วันนี้ผมมีเรียนเฉพาะตอนบ่าย เนื่องจากอาจารย์ย้ายเวลาเรียนจากช่วงเช้ามาเป็นช่วงบ่ายเฉพาะสัปดาห์นี้ ผมจึงไม่จำเป็นต้องรีบไปเรียนเหมือนกับริว ระหว่างที่ผมใส่เสื้อผ้าก็เหลือบมองริวเป็นระยะ และดูเหมือนว่าริวจะเลิกสนใจถนนแล้วหันมาสนใจผมแทนแล้ว
 

        “มองอะไรวะริว”
 

        ผมแกล้งถามริว
 

        “กูแค่มองว่าเมื่อไหร่มึงจะแต่งตัวเสร็จ กูจะรีบไปเรียนเข้าใจมั้ย”
 

        ริวตอบ
 

        “ที่แท้ก็แค่รีบไปเรียนนี่เอง โถ่ ก็นึกว่าสนใจเรา”
 

        ผมพูดพร้อมกับหัวเราะส่งท้าย
 

        “เออ อย่ามัวแต่พูดมาก รีบแต่งตัว”
 

        ริวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลังจากนั้นผมก็แต่งตัวจนเสร็จและรีบเดินออกจากห้องทันที เพราะเพื่อนของผมไปยืนรอที่หน้าห้องเตรียมจะล็อตประตูแล้ว และระหว่างที่ริวกำลังล็อคห้องนั้นเอง ผมก็รู้สึกว่ามีคนจ้องมองผมอยู่ แต่เมื่อหันไปดูก็ไม่มีใคร
 

        “โอม มึงมองอะไรวะ”

 
        ริวถาม
 

        “ไม่มีอะไร มึงเสร็จแล้วใช่มั้ย งั้นไปกันเลย”
 

        ผมไม่ได้บอกริวเรื่องที่ผมรู้สึกเหมือนมีใครแอบมองอยู่ เพราะคิดว่าอาจจะรู้สึกไปเอง จากนั้นผมกับริวก็เดินไปที่ลิฟต์โดยไม่รู้เลยว่ามีคนกำลังแอบมองพวกเราอยู่
 
 
 
 
        ’ชื่อโอมงั้นเหรอ’
 
       
 
 


 
 
 
 
หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 2 [10/06/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: abbaba ที่ 10-06-2017 09:35:18
ค้างมากกกก :ling1:
หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 2 [10/06/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 10-06-2017 10:54:03
ใครน้อ รออ่านนะ
หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 2 [10/06/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 10-06-2017 11:40:13
 :mew6:รอ
หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 3 [10/06/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 10-06-2017 11:50:51
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 3
 
 
 
 
        หลังจากที่ร่ำลากับริวเสร็จ ก่อนที่ผมจะกลับไปที่หอพักของตัวเอง ผมก็เจอกับแพทเพื่อนสนิทของผมที่เดินออกมาจากหอพักพอดี
 

        “ไงแพท มึงไม่รีบไปเรียนเหรอวะ”
 

        ระหว่างที่เดินลงมาที่หน้าหอพักผมได้ยินริวบอกว่ามีเรียนตอนแปดโมงครึ่ง แต่นี่ก็แปดโมงแล้ว ทำไมแพทมันถึงยังไม่ไปเรียนสักที ผมจึงถามมันออกไป
 

        “เพื่อนโอมครับ ทำไมมึงถึงมาโผล่แถวนี้เนี่ย”

 
        “มึงตอบคำถามกูก่อนมั้ย”
 

        ผมบอกกับเพื่อนของผมที่ไม่ยอมตอบคำถามแต่ดันถามกลับมาซะอย่างนั้น

 
        “เออ กูก็รีบอยู่เนี่ย ไว้เจอกันตอนเย็นนะมึง กูไปละ”

 
        พอพูดจบแพทมันก็รีบวิ่งไปทันที ปล่อยให้ผมยืนงงอยู่ตรงนั้นคนเดียว
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ในที่สุดผมก็มาถึงห้องของผม เมื่อผมดูนาฬิกาอีกครั้งก็พบว่าผมตัดสินใจผิดที่ผมขึ้นรถเมล์แทนที่จะเดินมา ผมนึกในใจว่าทำไมกรุงเทพถึงรถติดได้ขนาดนี้ ด้วยระยะทางแค่ไม่ถึงสองกิโลเมตรแต่กลับใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมง แต่ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากนัก เพราะวันนี้ผมไม่มีเรียนตอนเช้า
 

        ครืด ครืด
 

        ผมสงสัยเหลือเกินว่าใครโทรหาผมเช้าๆ แบบนี้ เมื่อดูที่หน้าจอโทรศัพท์ก็รู้ว่าเป็นมินเพื่อนสนิทของผมอีกคนนอกจากแพท พวกเราสามคนเป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่ตอนเรียนมอหก ผมกับแพทสนิทกันมาตั้งแต่มอสี่ เพราะเราเรียนอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด ส่วนมินนั้นเพิ่งจะมาเรียนห้องเดียวกับพวกผมตอนมอหก จริงๆ แล้วกลุ่มของผมมีทั้งหมดห้าคน แต่ว่าอีกสองคนไปเรียนมหาวิทยาลัยอื่น ตอนนี้ก็เลยเหลือแค่สามคนอย่างที่เห็นนี่แหละครับ
 

        “ไงมึง โทรหากูแต่เช้า มีอะไรวะ”
 

        ผมทักคนที่อยู่ปลายสาย ผมนึกแปลกใจว่าปกติเพื่อนผมมันจะไม่โทรหาผมตอนเช้าแบบนี้ แสดงว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญอะไรแน่ๆ
 

        “มึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย มึงไม่ได้ลืมใช่มั้ยว่ามึงนัดกูทำรายงานน่ะ”
 

        พอมินพูดเสร็จ ผมก็นึกขึ้นได้ทันที ผมลืมไปซะสนิทเลยว่ามีนัดทำรายงานเอาไว้ ผมกับมินเรียนอยู่สาขาวิชาเดียวกัน และต้องทำรายงานคู่กันในวิชานี้


        “เชี่ยมิน กูขอโทษ เดี๋ยวกูรีบไป”
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        การเดินทางไปหามินไม่ใช่เรื่องยาก เพราะผมอยู่หอพักเดียวกับมัน ที่ผมเลือกหอพักนี้ก็เพราะว่ามันอยู่ใกล้คณะของผมมากที่สุด ผมกับมินอยู่กันคนละชั้น มินอยู่ชั้นสี่ ส่วนผมอยู่ชั้นหก ผมรีบวิ่งไปที่ห้องของมินทันที พอเข้าไปในห้องก็เห็นหน้าบูดๆ ของมินรอต้อนรับผมอยู่

 
        “มึงอย่าทำหน้าแบบนั้นดิ เดี๋ยวไม่หล่อนะมึง”
 
        ผมแกล้งแซวเพื่อนของผม พอได้ยินดังนั้นมันก็รีบทำหน้าปกติทันที ผมรู้ดีว่าเพื่อนของผมนั้นห่วงหล่อเสียยิ่งกว่าอะไร เพราะว่ามินมันเป็นถึงรองเดือนคณะ ส่วนเดือนคณะก็คือดิน คนที่ทำให้ริวรู้ความลับของผมนี่แหละ ในสายตาของผมแล้วทั้งสองคนนี้เรียกได้ว่าโคตรหล่อเลย แต่ผมก็รู้สึกว่ามินออกจะหล่อกว่าอยู่สักหน่อย คิดไปคิดมาก็อาจจะเพราะว่ามินมันเป็นเพื่อนสนิทของผมก็ได้เลยรู้สึกเข้าข้างมันมากกว่า
 

        “มึงไปไหนมาวะ กูไปเคาะห้องมึงตั้งนาน มึงก็ไม่ออกมาเปิด”
 

        มินพูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ และหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่า
 

        “กูลงไปกินข้าวมา”
 

        ผมหลอกเพื่อนไป เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าผมเพิ่งกลับมาจากห้องของริว และตั้งแต่เช้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย
 

        “เออๆ เริ่มทำงานได้ละ”
 

        มินบอกผมแล้วพวกเราก็เริ่มงานทันที
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “เชี่ยมิน กูหิวแล้วว่ะ”
 

        ผมบอกมันออกไป จะไม่หิวได้ยังไงล่ะ ผมเริ่มทำงานตั้งแต่เก้าโมงจนตอนนี้ก็จะเที่ยงแล้ว ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องผมเลย ไม่แปลกเลยที่ผมจะรู้สึกหิวขนาดนี้

 
        “เออ พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวกูกับมึงไปอาบน้ำ แล้วไปกินข้าวกัน”

 
        “มึงหมายความว่าจะให้กูอาบน้ำกับมึงเหรอ”
 

        ผมถามมินออกไปอย่างกวนๆ ผมรู้หรอกว่ามันหมายถึงว่าให้ผมกลับไปอาบที่ห้องของตัวเอง แต่ผมก็อยากจะกวนมันสักหน่อย โทษฐานที่ทำให้ผมอดกินข้าวเช้า
 

       “แน่จริงมึงก็มาอาบกับกูดิ”

 
        มินพูดอย่างท้าทาย
 

        “ไม่เอาดีกว่าว่ะ กูไม่อยากเห็นหนอนน้อยมึง”

 
        ผมพูดพลางมองลงไปที่หว่างขาของเพื่อนรัก

 
        “เชี่ยผม ของกูผมไม่เรียกว่าหนอนน้อย นี่มันมังกรชัดๆ”

 
        มินพูดพร้อมกับชี้ไปที่หว่างขาของตัวเอง
 

        “เออ กูไม่เถียงมึงละ กูกลับไปอาบห้องกูดีกว่า”
 

        ผมตัดบทก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านี้ เพราะผมหิวเกินกว่าจะทนเถียงเรื่องไร้สาระต่อไปได้อีก
 

        “มึงอาบน้ำแต่งตัวแล้วมาหากูที่ห้องก่อนนะ”

 
        มินตะโกนบอกส่งท้ายก่อนที่ผมจะออกไปจากห้อง
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ผมกลับมาที่ห้องของตัวเอง แล้วเข้าไปอาบน้ำ และแต่งชุดนักศึกษาขนาดพอดีตัว จากนั้นก็เตรียมหยิบชีทเรียนสำหรับวิชาที่เรียนในบ่ายนี้ แล้วเดินมาที่ห้องของมิน แต่ก็พบว่าเพื่อนของผมมันยังอาบน้ำไม่เสร็จเลย
 

        “เชี่ยมิน เมื่อไหร่มึงจะอาบเสร็จซะทีวะ กูหิวข้าว”
 

        ผมตะโกนเรียกมินที่ยังอยู่ในห้องน้ำ

 
        “แป๊บนึง จะเสร็จแล้ว”
 

        มินตะโกนกลับออกมา แต่ผมก็พอจะเข้าใจพจนานุกรมของเพื่อนรักดีว่า “จะเสร็จแล้ว” หมายถึงอีกสิบนาที ผมจึงต้องนั่งรออยู่บนเตียงของมินต่อไป ครบสิบนาทีมินก็ออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวไว้
 

        “ให้กูช่วยแต่งตัวให้มึงมั้ย มึงนี่แต่งตัวช้าชิบหาย”
 

        ผมพูดแซวออกไปเมื่อเห็นเพื่อนยืนเก้ๆ กังๆ แต่งตัวอย่างเชื่องช้า ระหว่างนั้นผมก็นั่งดูมินแต่งตัวต่อไป ผมนึกๆ ดูแล้วมินถือว่าก็หุ่นดีเหมือนกัน มินมันเล่นเวทด้วย ผมนึกสนุกอยากจะแกล้งมินสักหน่อย ผมค่อยๆ เดินไปด้านหลังของมิน แล้วก็กระตุกผ้าเช็ดตัวออก
 

        “เฮ้ย”
 

        “เฮ้ย”
 

        ทั้งผมและมินร้องออกมาพร้อมกัน เพราะมินมันยังไม่ได้ใส่กางเกงใน แล้วตอนที่ผมดึงผ้าเช็ดตัวออก มินก็หมุนตัวมาหาผมพอดี ผมจึงได้เห็นเจ้ามังกรที่มินอวดนักอวดหนาอย่างเต็มตา พอมินรู้ตัวก็เอามือปิดจุดสำคัญของมันเอาไว้ แต่มันคงไม่รู้หรอกว่าไม่ทันแล้ว เพราะผมน่ะเห็นหมดแล้วว่าเจ้ามังกรของมันน่ะหน้าตาเป็นยังไง

 
        “มึงนี่เล่นอะไรไม่เข้าเรื่องเลยว่ะ”

 
        ดูท่าว่ามินมันจะโกรธผมซะแล้ว
 

        “เฮ้ย กูขอโทษ กูนึกว่ามึงใส่กางเกงในแล้ว”
 

        ผมพูดขอโทษเพื่อนออกไป ฝ่ายมินก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบเหมือนไม่อยากจะเถียงอะไรด้วยแล้ว หลังจากนั้นทุกอย่างก็รวดเร็วขึ้นมาทันที มินมันก็รีบแต่งตัวจนเสร็จ

 
        “มึงจะกินร้านไหน”

 
        มินถามด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ น่าจะเพราะยังไม่หายโกรธผม

 
        “เพื่อเป็นการไถ่โทษที่กูแกล้งมึง มึงเลือกร้านเลย เดี๋ยวมื้อนี้กูเลี้ยงมึงเอง”

 
        สิ้นเสียงของผม มินก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาทันที ท่าทางจะชอบของฟรีจริงๆ
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “กินแต่โรงอาหารวิศวะ มึงไม่เบื่อบ้างหรือไง”
 

        ผมกับมินมาถึงโรงอาหารคณะวิศวะแล้ว ผมนึกไม่เข้าใจว่าทำไมมินถึงต้องมากินที่นี่ตลอด ผมรู้ดีว่านี่เป็นโรงอาหารของคณะของพวกผม แต่กับเรื่องโรงอาหารก็ไม่จำเป็นต้องรักความเป็นคณะขนาดนั้นก็ได้ ร้านอาหารก็มีให้เลือกเยอะแยะ ทั้งที่หน้าหอพัก หลังหอพัก โรงอาหารคณะอื่นก็มี แต่มินก็ยังคงเลือกที่จะกินที่โรงอาหารคณะวิศวะอยู่ดี มินมันไม่รู้สึกเบื่อบ้างเลยหรือไง
 

        “ก็กูชอบของกูแบบนี้นี่หว่า มึงบอกเองนะว่าให้กูเลือก มึงไม่ต้องบ่นเลย”
 

        มินยืนยันความต้องการของตัวเอง พูดเสร็จมันก็ลากผมไปต่อแถวหน้าร้านข้าวเหนียวไก่ทอด
 

        “แล้วมึงจะให้กูเลี้ยงอะไรวะ”
 

        “ข้าวเหนียวไก่ทอดพิเศษจานนึงครับ มึงจ่ายให้กูแล้วยกไปให้กูที่โต๊ะด้วยนะ”
 

        ประโยคแรกมินบอกคนขาย ส่วนประโยคหลังมินหันมาบอกกับผม พอพูดจบมินก็เดินไปที่โต๊ะทันที
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “มึงกินแต่ข้าวเหนียวไก่ทอด ไม่เบื่อบ้างเหรอวะ”

 
        ผมถามมินระหว่างที่นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ ภาพของมินที่มากินที่โรงอาหารคณะวิศวกรรมศาสตร์อยู่ทุกวัน แถมมื้อเที่ยงของมินจะต้องเป็นข้าวเหนียวไก่ทอดอยู่เสมอ เป็นภาพที่ผมเห็นจนชินตา จนบางครั้งก็รู้สึกงงว่าทำไมมินมันถึงไม่เคยเบื่อสักที
 

        “มึงถามกูกี่รอบแล้ว ไม่เบื่อบ้างเหรอวะ”
 

        มินย้อนถามโดยลงท้ายเหมือนกันกับผม คราวนี้ผมถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว
 

        “เออๆ รีบกินเดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”

 
        ผมบอกมินเพราะไม่อยากจะเถียงกับมันต่อแล้ว
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
        เมื่อสามชั่วโมงในการเรียนวันนี้จบลง ก็ถึงเวลาที่ผมจะได้เป็นอิสระเสียที เย็นนี้ผมมีนัดกับแพทเอาไว้ ส่วนมินนั้นต้องกลับบ้านไปหายาย เพราะยายของมันบอกว่าคิดถึงมินจนใจจะขาดแล้ว ผมแอบได้ยินตอนที่มินกับยายวีดีโอคอลกัน ยายของมินนี่น่าจะได้รางวัลออสการ์ไปเลย ผมแอบขำทุกทีที่เห็นมินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตามยาย แต่คิดไปคิดมามินมันก็ควรจะกลับบ้านบ้าง บ้านก็อยู่กรุงเทพแท้ๆ ถึงจะอยู่ไกลก็เถอะ แต่ไม่กลับบ้านเป็นเดือนแล้ว ก็ไม่แปลกที่ยายมันจะคิดถึง ส่วนผมกับแพทเพิ่งจะกลับบ้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนสัปดาห์นี้ก็ยังไม่มีเหตุจำเป็นอะไรให้ต้องกลับ ก็เลยนัดฉลองวันศุกร์กันซะหน่อย
 

        “มึงนัดกูที่ไหนนะ กูลืม”
 

        ผมโทรถามสถานที่นัดจากแพท พลางนึกขำที่ตัวเองลืมสถานที่นัดไปได้ หรือแพทไม่ได้บอกผมตั้งแต่แรกก็ไม่รู้ เพราะตอนที่แพทโทรนัดผมกำลังสะลึมสะลืออยู่พอดี
 

        “ร้านเจ๊อ้อยหลังหอกูอะ แต่ค่อยออกไปร้านทุ่มนึงนะ มึงมาห้องกูก่อนสักหกโมงครึ่งก็ได้”
 

        แพทบอกสถานที่พร้อมเวลานัดเสร็จสรรพ
 

        “อือ ได้”
 

        ผมนึกแปลกใจเล็กน้อย ที่เพื่อนของผมเรียกไปเจอที่ห้องก่อน เพราะปกติเวลานัดกันก็มักจะเรียกให้ไปเจอที่ร้านเลย
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “กูมีเรื่องจะเล่าให้มึงฟัง ข่าวล่ามาไวประจำวันนี้ นี่ข่าวใหญ่เลยนะมึง”
 

        แพทมักจะชอบเอาเรื่องที่คณะมาเล่าให้ผมฟังอยู่เสมอ สำหรับผมแล้วเรื่องส่วนใหญ่ที่แพทเอามาเล่านั้นมักจะเป็นเรื่องไร้สาระ เป็นเรื่องที่รู้แล้วก็ไม่มีประโยชน์ ไม่รู้ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับชีวิต แต่บางทีก็เป็นเรื่องมีสาระบ้าง แต่น้อยมาก น้อยจนผมจำไม่ได้ว่าครั้งล่าสุดที่เป็นเรื่องมีสาระคือกี่เดือนที่แล้ว
 

        “อะไรวะ”
 

        ผมทำเป็นสนใจ เพราะเคยมีครั้งหนึ่งที่ผมไม่สนใจตอนที่มันเล่าเรื่องให้ผมฟัง ถึงกับโดนงอนอยู่เป็นสัปดาห์เลยล่ะ
       

        “มึงจำไอ้ริว เด็กห้องควีนได้ใช่มั้ย ที่เป็นเดือนคณะกูอะ มันเลิกกับน้องแนนดาวปีหนึ่งแล้วนะเว่ย”
 

        แพทพูดเรื่องที่ริวเลิกกับแฟน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมก็รู้อยู่แล้ว
 

        “อือ แล้วไงอะ”

 
        ผมถามออกไป

 
        “ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นเว่ย มีคนเห็นว่าไอ้ริวพาผู้ชายมานอนที่ห้องด้วย น่าอิจฉาชิบหาย ใครคือผู้โชคดีคนนั้นวะ”
 
 
 
 
        ชิบหายแล้วไงกู
 
 
 
 


 
 
 
หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 2 [10/06/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 10-06-2017 12:50:30
แล้วใครเป็นคนแอบมอง แฟนริวเปล่า
หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 3 [10/06/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-06-2017 12:57:43
เรื่องลับจะไม่ลับเสียแล้วสิ
หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 3 [10/06/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 10-06-2017 13:26:44
สรุปคือที่เล่าก่อนหน้านี้ คือต่อจากนี้ช้ะ งง
หัวข้อ: Re: L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 3 [10/06/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 10-06-2017 14:17:19
 :a5:

ใครที่แอบมอง
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 4 [10/06/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 10-06-2017 21:42:34
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 4
 
 
 
 
        ผมไม่ได้รู้สึกไปเองสินะว่ามีคนแอบมองผมตอนที่ผมออกจากห้องของริว ไม่รู้ว่าเป็นไอ้คนนั้นหรือเปล่าที่แพร่ข่าวเรื่องของผมกับริวไปทั่ว ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงดี ผมเองก็ไม่อยากให้ริวเสียหายกับเรื่องนี้ซะด้วยสิ
 

        ผมเลยตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้แพทฟัง แต่แน่นอนว่าผมเล่าไม่หมด เรื่องที่ผมเล่าจบตรงที่ผมให้เวลาริวตัดสินใจใหม่อีกหนึ่งอาทิตย์แล้วผมก็กลับมาที่ห้องของผม ผมคิดว่าถ้าเล่าแค่นี้ริวคงจะไม่เสียหายอะไร
 

        “แล้วทำไมเมื่อเช้ากูเห็นมึงอยู่หน้าหอพักกูวะ ไม่ใช่ว่ามึงทนไม่ไหวจัดหนักไอ้ริวเมื่อคืน แล้วนอนค้างกับมันนะ”
 

        แพทนี่มันเก่งจริงๆ เดาแม่นอย่างกับตาเห็น ท่าทางผมคงต้องโกหกให้แนบเนียนกว่านี้
 

        “กูลืมกระเป๋าสตางค์น่ะ กูเลยกลับมาเอา”

 
        ผมแกล้งโกหกให้เนียนๆ ไป เรื่องความกะล่อนผมไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว
 

        “อ๋อ โอเค เรื่องที่มึงแต่งมาก็สมเหตุสมผลดีนี่”

 
        แพทมันก็ยังไม่เชื่อผมอยู่ดี อะไรของมันเนี่ย
 

        “เชี่ยแพท นี่มึงไม่เชื่อที่กูเล่าเหรอวะ”
 

        ผมแกล้งโกรธมันสักหน่อย คนอะไรไม่เชื่อใจเพื่อนเลย

 
        “เชื่อๆ มีตรงไหนที่ไม่น่าเชื่อวะ กูว่าก็ไม่มีนะ”
 

        แพทมันพูดจากยอกย้อนมากครับ พูดไปมันก็ทำหน้าทำตาล้อเลียนผมสุดๆ
 

        “มึงกวนตีนกูแล้วไงเชี่ยแพท ไปร้านเจ๊อ้อยเหอะ กูหิวแล้ว”

 
        “แหม รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะมึง เออ ไปก็ไป”

 
        หลังจากแพทพูดจบ ผมแอบถอนหายใจเบาๆ ไม่ให้มันได้ยิน ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะได้ยินหรือเปล่า เอาเถอะครับ ถ้าแพทมันจะไม่เชื่อก็คงห้ามอะไรมันไม่ได้แล้วล่ะครับ ผมเองก็พยายามเต็มที่แล้ว
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “คนเยอะมากเลยว่ะ”

 
        แพทมันบ่นอีกตามเคย ก็มันเองแหละที่เลือกกินร้านนี้ แต่ถึงยังไงก็ยังมีที่นั่งสำหรับพวกเราครับ เพราะด้านในสุดของร้านมีโต๊ะหนึ่งที่นั่งได้สี่คน แต่มีคนนั่งอยู่คนเดียว เมื่อมองดีๆ แล้ว คนๆ นั้นก็คือริวนั่นเอง
 

        “ริว กูขอนั่งด้วยดิวะ”
 

        แพทมันขอริวนั่งด้วยครับ ริวมันทำท่าตกใจเล็กน้อยที่เห็นผมมากับแพทด้วย จะตกใจทำไมวะ ไม่เคยเห็นคนหล่อหรือไง
 

        “เอาดิ”
 

        ริวตอบตกลง แพทเลือกที่นั่งตรงข้ามริว ส่วนผมก็ต้องเลือกที่นั่งข้างเพื่อนสนิทของผมสิครับ
 

        “มึงกินอะไรวะริว”

 
        แพทถาม

 
        “เส้นเล็กต้มยำน้ำข้นว่ะ”

 
        “ป้าครับ เอาเส้นเล็กต้มยำน้ำข้นสองชามครับ”

 
        พอได้ยินคำตอบของริว แพทมันก็ตะโกนสั่งอาหารกับป้าเจ้าของร้านทันที
 

        “เฮ้ย มึงจะไม่ถามกูซะหน่อยเหรอวะ ว่ากูจะกินอะไร”
 

        แพทมันมัดมือชกผมครับ ผมยังไม่ทันเลือกเลยว่าจะกินอะไร แต่เอาเถอะ ได้ยินมาว่าร้านนี้ก๋วยเตี๋ยวต้มยำอร่อย
 

        “เฮ้ย กูสั่งเมนูแนะนำประจำร้านให้มึงเลยนะเว่ย เนี่ยไอ้ริวก็สั่ง อร่อยชัวร์”

 
        ผมมองหน้าริว ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่ามันรู้สึกอึดอัดที่มีพวกผมมานั่งด้วย

 
        “พวกกูรบกวนหรือเปล่าวะริว”

 
        ผมถามริวออกไป
 

        “ไม่หรอกน่า โต๊ะออกจะกว้าง”

 
        อันนี้ริวไม่ได้ตอบครับ กลายเป็นแพทที่เป็นคนตอบไปซะอย่างนั้น

 
        “กูโอเค เดี๋ยวกูก็ไปแล้วล่ะ”
 

        ริวพูดแบบนี้ก็เห็นได้ชัดเลยล่ะครับว่ามันอึดอัด แต่คนกวนตีนแบบแพทคงจะไม่รู้สึกอะไร ถึงรู้สึกก็คงจะไม่แคร์
 

        “เส้นเล็กต้มยำน้ำข้นสองที่ค่ะ”
 

        เด็กเสิร์ฟวางชามลงบนโต๊ะที่หน้าผมกับแพท
 

        “กูไปก่อนนะ”

 
        พูดเสร็จริวก็ลุกจากโต๊ะแล้วเดินไปจ่ายเงินทันที ไม่หันกลับมามองพวกผมเลย
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “เป็นคนที่มนุษยสัมพันธ์แย่สุดๆ”

 
        แพทมันคงจะหมายถึงริวสินะ

 
        “ก็มันไม่สนิทกับมึงปะวะ”

 
        ผมพูดกับแพทก่อนที่ผมจะลุกไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับมัน นั่งฝั่งเดียวกันแล้วมันดูเหมือนมากินข้าวกับแฟนยังไงไม่รู้

 
        “เอาเถอะ ว่าแต่ท่าทางมันดูเกร็งๆ เวลาอยู่ต่อหน้ามึงนะ เมื่อคืนมึงคงจัดมันหนักเลยล่ะสิ”
 

        แพทพูดพร้อมกับยักคิ้วใส่ผม

 
        “ไอ้นี่หนิ กูก็บอกแล้วไงว่าเมื่อคืนกูไม่ได้มีอะไรกับมัน สรุปมึงไม่เชื่อกูใช่ปะ”
 

        “กูล้อเล่น ทำเป็นโกรธไปได้ มึงบอกไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร กูรู้มึงไม่โกหกกูอยู่แล้ว”

 
        แพทมันพูดแบบนี้ผมค่อยโล่งอกหน่อยครับ อย่างน้อยไอ้แพทมันก็เชื่อผมล่ะครับ
 
 
 
 
        ครืด ครืด
 

        ริว: แวะมาห้องกูหน่อย กูมีเรื่องอยากคุยด้วย
 

        ริวส่งข้อความมาหาผมครับ มันคงอยากจะคุยเกี่ยวกับเรื่องข่าวลือของมันกับผมสินะ
 
 
 
 
        “ไปไหนต่อดีวะโอม”
 

        แพทถามผมขึ้นมา แต่ผมต้องไปหาริวนี่สิ ผมจะหาทางแยกตัวจากมันยังไงดี
 

        “กูง่วงว่ะ กูว่าจะกลับหอแล้ว”

 
        “มึงนอนหอกูก็ได้”

 
        “เฮ้ย ไม่เป็นไรกูเกรงใจ มึงไม่มีชุดให้กูเปลี่ยนหนิ”

 
        ผมใส่ชุดของมันไม่ได้แน่ครับ เพราะมันตัวเล็กกว่าผมมาก ไม่เหมือนกับริวที่เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ ของมันผมยังพอจะใส่ได้
 

        “เออ ตามใจ”
 

        “กูเดินไปส่งมึงที่ห้องละกัน”

 
        ผมหาข้ออ้างเดินขึ้นหอมันครับ พอผมไปส่งมันที่ห้องแล้ว ผมจะได้ไปหาริวต่อเลย
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากที่ผมส่งแพทเข้าห้องไปแล้ว ผมก็เดินไปที่ห้องของริว ริวเปิดประตูให้ผมทันทีที่ผมมาถึงโดยไม่ต้องรอให้ผมเคาะประตูเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนมันจะแอบมองผมจากช่องมองหน้าประตู
 

        “เรียกกูมา มีอะไรวะริว”

 
        ผมถามริวทันทีที่เข้าไปในห้อง
 

        “เรื่องเมื่อคืนมึงไม่ได้บอกใครใช่มั้ย”
 

        ริวถามผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล
 

        “กูไม่ได้บอกใคร”
 

        ผมบอกมันไปตามความจริง เอาเถอะอาจจะจริงแค่บางส่วน เพราะผมเล่าให้แพทฟังแค่ครึ่งแรกของเรื่องทั้งหมด ส่วนครึ่งหลังที่ว่าผมมีอะไรกับมันนั้นผมตัดทิ้งให้แล้ว
 

        “เฮ้อ ดูเหมือนว่าจะมีคนรู้ว่ะ เขาลือกันทั้งคณะเลย กูกำลังเครียดอยู่เนี่ย”
 

        ริวพูดพร้อมสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
 

        “แล้วมึงจะทำยังไงต่อวะ”
 

        ผมถามริวที่ตอนนี้ก้มหน้าคอตกอยู่
 

        “ยังไม่รู้เลยว่ะ”
 

        ริวตอบผมโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา
 

        “มึงสงสัยใครบ้างมั้ย คนที่เห็นกูกับมึงอยู่ด้วยกันก็น่าจะต้องอยู่ชั้นนี้ และก็ต้องเป็นคนที่มีปัญหากับมึงมาก่อน”
 

        ผมทำตัวเป็นนักสืบทันที วิญญาณโคนันเข้าสิงผมแล้วครับ
 

        “กูคิดออกคนนึงว่ะ เป็นเดือนปีหนึ่งคณะกูเอง ชื่อแชมป์ ห้องมันอยู่ชั้นนี้แหละ”
 

        ริวบอกชื่อของคนๆ หนึ่งที่มันสงสัยออกมา
 

        “แล้วมึงมีปัญหาอะไรกับมันวะ”

 
        ผมถามริวออกไปอย่างสงสัย เพราะด้วยนิสัยของมันเท่าที่ผมรู้จักแล้ว มันไม่น่าจะไปหาเรื่องใครก่อนได้
 

        “ตอนประกวดดาวเดือน กูก็ไปจีบน้องแนนแหละ เวลาเจอหน้ามัน มันชอบทำหน้าเหมือนโกรธกูตลอดเวลา สงสัยว่ามันจะชอบน้องแนนมั้ง มันคงจะแค้นกูที่จีบน้องแนนชนะมันก็ได้”
 

        ริวตอบ
 

        “แล้วถ้าเป็นไอ้น้องแชมป์คนนี้จริงๆ มึงจะทำยังไงวะ”
 

       ผมถามริวออกไป

 
        “กูจะไปทำอะไรได้วะ กูคงต้องปล่อยให้ข่าวมันหายไปเองแหละ สักวันคนมันก็ต้องลืม”
 

        ริวตอบผม พอพูดเสร็จมันทำหน้าเศร้าต่อ เพิ่งโดนแฟนทิ้ง แล้วยังมามีข่าวว่านอนกับผู้ชายอีก ผมล่ะสงสารมันจริงๆ
 

        “เออ แล้วมึงตัดใจจากน้องแนนได้หรือยังวะ”
 

        ผมถามริวออกไป

 
        “มึงว่ามันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ ถ้ากูเพิ่งถูกทิ้งเมื่อวาน แล้ววันนี้กูตัดใจได้แล้วน่ะ”
 

        ริวตอบผมด้วยคำถามซะอย่างนั้น
 

        “เออ ก็จริงของมึง เรื่องแบบนี้มันก็ต้องใช้เวลาแหละ”
 

        ผมพอจะเข้าใจมันนะครับ ใครจะไปตัดใจจากคนที่ชอบได้ง่ายๆ ขนาดนั้น
 

        “แต่กูว่ากูตัดใจได้แล้วว่ะ”

 
        มันชอบทำให้ผมตกใจอยู่เรื่อยเลย เมื่อวานร้องไห้จะเป็นจะตาย พอวันนี้มันจะตัดใจได้แล้วจริงเหรอ ผมทึ่งกับมันจริงๆ
 

        “มึงตัดใจได้ก็ดีแล้ว หล่อๆ แบบมึงน่ะยังมีหญิงต่อคิวรออีกเพียบ”
 

        ผมพูดออกไปตามที่ผมรู้สึก หล่อๆ แบบมันอีกไม่กี่วันก็มีคนใหม่แล้วมั้งครับ
 

        “กูอาจจะเลิกชอบผู้หญิงแล้วก็ได้นะ”
 

        มันพูดเสร็จก็มาโอบไหล่ผม ผมนี่ขนลุกเลย ผมไม่คิดว่ามันจะพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนี้ใส่ผม
 

        “อย่าล้อกูเล่นน่า”
 

        ผมพูดเสร็จมันก็หัวเราะ เห็นมันหัวเราะได้แบบนี้ผมก็ดีใจครับ
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ผมเห็นว่าริวมันเริ่มจะสบายใจแล้ว ผมก็บอกลาริวเพื่อกลับมาที่ห้องของตัวเอง จังหวะที่ผมกำลังจะเดินเข้าลิฟต์เพื่อลงไปที่ชั้นหนึ่ง ผมก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง
 

        “พี่โอมใช่มั้ยครับ”
 

        ผมหันไปตามเสียงเรียกนั้น แล้วก็เจอกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งในชุดนักศึกษา เขาเป็นคนตัวสูง จะว่าไปก็สูงกว่าผมเสียอีก รูปร่างเหมือนนักกีฬา แต่บุคลิกท่าทางดูเหมือนพวกเด็กเรียนซะมากกว่า แต่ว่าผมไม่รู้จักเขานะ แล้วทำไมเขาถึงรู้จักชื่อผมล่ะ
 

        “ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่า”

 
        “ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่น่ะครับ พี่พอจะมีเวลาหรือเปล่า”

 
        “จะคุยเรื่องอะไรเหรอ พี่ว่าเราไม่เคยรู้จักกันนะ”
 
 
 
 
        “ขอโทษทีครับ ผมลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อแชมป์ครับ ผมอยากจะคุยกับพี่เรื่องพี่ริวน่ะครับ”
 
 
 
 


 
 
 
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว ตอนที่ 4 [10/06/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-06-2017 00:14:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 5] 11/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 11-06-2017 13:02:08
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 5
 
 
 
 
        นี่คงจะเป็นไอ้น้องแชมป์เดือนคณะแพทย์ปีหนึ่งที่ริวมันบอกสินะ จะว่าไปน้องมันก็หล่อดี แถมยังสูงใหญ่ รูปร่างดีแบบนักกีฬาอีกต่างหาก ผมไม่แปลกใจเลยที่น้องเขาจะได้เป็นเดือนคณะ แต่ทำไมผมรู้สึกว่าน้องเขาดูเหมือนคนไม่มีพิษมีภัยพอที่จะมาทำเรื่องร้ายๆ พวกนี้ได้ ดูเหมือนพวกเด็กเนิร์ดลูกคุณหนูซะมากกว่า แต่ก็อาจจะเป็นพวกลูกคุณหนูเอาแต่ใจก็ได้
 

        “หาที่ดีๆ คุยกันมั้ย”
 

        ผมถามน้องแชมป์ไป เพราะดูท่าทางผมน่าจะต้องคุยกับไอ้เด็กนี่อีกนานครับ ผมว่าเราควรจะไปหาที่นั่งดีๆ คุยกัน แต่มันจะคุยเรื่องอะไรกับผม ผมก็ยังไม่รู้เลย
 

        “ไปที่ห้องผมละกันครับ”
 

        น้องพูดจบก็ยิ้มให้ผม โห เด็กชวนเข้าห้องว่ะ ถึงหน้าตาจะดูน่าไว้ใจ แต่ถ้ามันจับผมข่มขืนขึ้นมาจะทำยังไง ตัวมันใหญ่กว่าผมเสียอีก ผมน่าจะสู้แรงมันไม่ได้ แต่เอาวะ ทำใจดีสู้เสือไว้ แต่ยังไงความรู้สึกแรกของผมมันบอกว่าเด็กนี่มันอ่อนหัด มันทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ

 
        “โอเค”

 
        ผมตอบตกลงมันไปแล้ว หวังว่าผมจะตัดสินใจไม่ผิดนะครับ
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ผมเดินเข้ามาในห้องพักของน้องแชมป์ ห้องของมันอยู่ชั้นห้าชั้นเดียวกับห้องของริวนั่นแหละ ข้าวของในห้องถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นชีทเรียนกองโตหลายกองที่ดูเหมือนว่าจะถูกแบ่งหมวดหมู่ตามวิชาไว้อย่างดี ชีทเหล่านั้นถูกวางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือตัวใหญ่ เก้าอี้ที่ถูกเก็บเข้าที่สอดเข้าไปในโต๊ะอ่านหนังสือทำให้ผมรู้สึกว่าเด็กนี่เป็นคนเจ้าระเบียบซะจริงๆ ผมไม่มีทางได้เห็นภาพแบบนี้ในหอพักของคนปกติทั่วไปแน่ๆ ส่วนจาน ชาม ช้อน ส้อม แก้วน้ำ ก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบอยู่ที่โต๊ะเครื่องครัว ไม่มีจาน ชามที่ยังไม่ได้ล้างวางอยู่ในอ่างล้างจานเลย เตียงนอนขนาดคิงไซส์ของมันก็ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบ ผ้าปูที่นอนที่ถูกปูจนตึงเปรี๊ยะ ผ้าห่มก็ถูกพับอย่างเรียบร้อย ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมกำลังอยู่ในห้องพักของโรงแรมเลยล่ะครับ
 

        น้องแชมป์พาผมมานั่งที่ปลายเตียง ก่อนที่จะไปหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นมาให้ผม แล้วนั่งลงข้างๆ ผม น้ำขวดนั้นยังไม่ถูกเปิดซีลออก ทำให้ผมมั่นใจได้ว่ามันไม่ได้จะวางยาใส่ผม แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาดื่มน้ำหรอกนะครับ
 

        “พี่ว่าเรารีบคุยกันดีกว่า”
 

        ผมอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ว่าไอ้เด็กนี่มันต้องการอะไรกันแน่ มันมีความแค้นอะไรกับริวหรือเปล่า หรือมันอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลยก็ได้
 

        “พี่เป็นอะไรกับพี่ริวครับ”

 
        มันเริ่มสอบสวนผมแล้วครับ ท่าทางเอาจริงเอาจังของมันทำเอาผมรู้สึกเหมือนผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมเลยล่ะครับ
 

        “เป็นเพื่อนกัน เพื่อนตอนมัธยมน่ะ”
 

        ผมตอบมันไปแบบกว้างๆ

 
        “แล้วเมื่อคืนพี่มาทำอะไรที่ห้องพี่ริว”

 
        “เพื่อนพี่มันอกหัก พี่เลยมาปลอบมัน แล้วก็นอนค้างกับมันที่ห้อง”

 
        “พี่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่าปลอบใช่มั้ยครับ”

 
        “ก็มากกว่าปลอบนะ”

 
        “ยังไงครับ”

 
        แชมป์ถามผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


        “พี่ก็อาบน้ำด้วย”
 

        ผมกวนตีนมันเล่นครับ มันชอบทำหน้าจริงจัง ผมล่ะตลกจริงๆ ตอนมันได้ยินคำตอบผม มันไม่หัวเราะเลยครับ เหมือนจะทำหน้าเซ็งซะมากกว่า
 

        “ผมจริงจังนะพี่”

 
        “ขำๆ น่า จะไปจริงจังอะไรขนาดนั้น ว่าแต่น้องจะอยากรู้เรื่องไอ้ริวไปทำไม”
 

        ถึงคราวผมบ้างแล้วล่ะครับ ที่จะดึงข้อมูลจากตัวไอ้น้องแชมป์คนนี้ จะมาถามเราฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกครับ มันต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน
 

        “เอ่อ ผม”

 
        มันอ้ำอึ้ง ดูท่าทางว่ามันจะต้องมีความลับอะไรสักอย่างแน่ พูดจาตะกุกตะกักไม่เหมือนตอนถามผมเลย คราวนี้แหละผมจะเปลี่ยนหน้าที่เป็นนักสืบบ้างแล้ว

 
        “น้องใช่มั้ยที่เป็นคนปล่อยข่าวเรื่องริวนอนกับผู้ชายน่ะ”

 
        ผมยิงคำถามเด็กออกไปแล้วครับ ไอ้เด็กนี่มันไม่เนียนเลย ฟังคำถามผมปั๊บมันก็สะดุ้งเลย

 
        “เปล่า ผมไม่ได้ทำ”

 
        “ไม่ทันแล้วไอ้น้อง พี่จับไต๋เราได้แล้ว”

 
        ผมเอื้อมมือไปโอบไหล่มันครับ เพื่อประกอบคำพูดของผมว่าผมจับมันได้แล้ว มันรีบก้มหน้างุดเลย

 
        “ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เป็นคนทำ”
 

        นั่นไง ปากแข็งจริงๆ ไอ้เด็กนี่

 
        “ทำไมน้องถึงทำแบบนั้นล่ะ ไปแค้นอะไรไอ้ริวมันเหรอ”

 
        ผมถามมูลเหตุจูงใจของมันเลยครับ ผมไม่สนใจคำปฏิเสธของมันหรอก ทุกอย่างมันชัดเจนมาก วันนี้ผมต้องรู้เรื่องของไอ้เด็กนี่ให้ได้ว่าทำไมมันต้องไปป่าวประกาศเรื่องของผมกับริวให้คนทั่วทั้งคณะฟัง ต่อให้มันไม่ยอมรับมันก็จะต้องหลุดปากบอกอะไรออกมาแน่ ผมเชื่ออย่างนั้น ผมรู้ผมเรียนมาจากน้องโคนัน

 
        “ผมไม่ได้ทำ”
 

        แชมป์มันยังยืนยันคำเดิม คราวนี้ผมต้องใช้ไม้แข็งซะแล้ว ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วผลักแชมป์ให้นอนลงบนเตียง ถึงจะต้องออกแรงมาสักหน่อย แต่ก็เป็นไปอย่างที่ผมต้องการ ตอนนี้แชมป์นอนอยู่บนเตียงแล้ว สีหน้ามันดูตกใจมาก ก่อนที่มันจะทำอะไรได้ผมก็ขึ้นไปคร่อมมันไว้
 

        “บอกมา ถ้าไม่บอกพี่จะจูบจริงๆ ด้วย”
 

        ไอ้เด็กนี่มันกลัวผมครับ มันเบือนหน้าหนี ผมว่ามันน่าจะมีแรงพอที่จะผลักผมออกไปได้นะ แต่แทนที่มันจะผลักผมออก มันกลับไม่ทำซะอย่างนั้น สงสัยจะอยากโดนดี

 
        “ยังไม่ยอมรับอีกใช่มั้ย”

 
        ผมถามมันอีกครั้ง ไอ้แชมป์มันยังไม่ยอมรับครับ ผมน่ะมั่นใจแน่แล้วว่ามันทำ นี่หมายความว่ามันอยากโดนผมจูบหรือเปล่าเนี่ย ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องสนองความต้องการของมันซะหน่อยแล้ว

 
        “อื้อ”
 

        ผมโน้มตัวลงจูบที่ปากแข็งๆ ของน้องแชมป์ ถึงมันจะปากแข็งไม่ยอมรับสักทีว่ามันเป็นคนแพร่ข่าวของริว แต่ปากของมันที่สัมผัสกับปากของผมนั้นไม่แข็งเลยครับ มันนุ่มละมุนจนผมอยากจะจูบอีกร้อยครั้งพันครั้ง นานเท่าไรไม่รู้ที่เราจูบกัน ผมเริ่มรู้สึกถึงแรงขัดขืนของน้องแชมป์ นี่มันเพิ่งรู้สึกเหรอว่าต้องขัดขืนน่ะ สงสัยมันจะเคลิ้ม แล้วผมก็ถอนจูบจากมัน แล้วเริ่มการสอบสวนต่อ
 

        “จะยอมรับได้หรือยัง หรือจะให้พี่ทำมากกว่านี้”
 

        ผมถามมันอีกครั้งหลังจากที่ผมลงโทษมันไปแล้ว โทษฐานที่มันเป็นผู้ร้ายปากแข็ง แถมคำขู่ไปด้วย มันจะได้กลัวแล้วยอมรับเสียที
 

        “ผมยอมรับก็ได้ว่าผมทำ พี่จะปล่อยผมได้หรือยัง”

 
        พูดจบมันก็เริ่มดิ้นอีกแล้ว หน้าตาตอนมันโกรธดูตลกดีครับ ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด ดูเหมือนเด็กอยากได้ของเล่นซะมากกว่า
 

        “ยัง บอกมาก่อนว่าเราทำไปทำไม”

 
        ถึงมันจะยอมรับแล้วว่ามันเป็นคนทำ แต่การสอบสวนของผมยังไม่จบเท่านี้หรอกครับ ผมต้องรู้ให้ได้ว่ามันทำไปเพื่ออะไร
 

        “ผมไม่บอก ทำไมผมต้องบอก”

 
        “ถ้าอย่างนั้นพี่คงจะปล่อยเราไปไม่ได้ รู้มั้ยว่าเพื่อนพี่มันเสียหาย”
 

        ผมไม่ปล่อยมันไปแน่ครับจนกว่าผมจะได้รู้ว่ามันทำไปเพราะอะไร ผมจับแขนมันแน่นขึ้นไปอีก จังหวะนั้นมันก็เอาหัวมันมาโขกหัวผม อ้าว เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคนอย่างไอ้โอม แค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก เพราะผมเป็นคนหัวแข็ง แต่มันยิ่งทำให้ผมโกรธซะมากกว่า
 

        “มึงอยากจะลองดีกับกูใช่มั้ยไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่กูใจดีกับมึงมามากแล้วนะ มึงรีบบอกกูมาก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”
 

        ผมจ้องหน้ามัน มันคงจะกลัวผมจริงๆ ล่ะครับ มันหันหน้าหนี ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ กูไม่สงสารมึงหรอก เสียใจด้วยนะ มึงทำตัวเองทั้งนั้น

 
        “ไม่บอก ยังไงผมก็ไม่บอก”

 
        มันยังปากแข็งครับ ผมคงต้องใช้ไม้เด็ดอีกอย่างของผมซะแล้ว
 

        “ถ้าอย่างนั้น มึงก็รู้ไว้ซะว่ากูไม่ได้ทำเป็นแค่จูบ”
 

        ผมกระชากเสื้อเชิ้ตของมันออก กระดุมเสื้อของมันหลุดกระจาย
 

        “เฮ้ย พี่จะทำอะไรน่ะ”

 
        มันถามผม แต่ผมคงไม่ตอบมันด้วยคำพูด ผมจะตอบมันด้วยการกระทำ ผมบดจูบลงบนลำคอของมันพร้อมกับขบแรงๆ
 

        “อ๊า”
 

        เสียงครางของมันกระตุ้นอารมณ์ของผมได้ดีทีเดียว ผมลากลิ้นลงบนยอดอกของมัน หน้าอกของมันหนาสวยได้รูปเหมือนคนที่เล่นเวท ผมเลียเน้นอยู่นานจนมันเริ่มครางกระเส่าขึ้น ตอนนี้ลำตัวท่อนบนของมันอยู่บนเตียง แต่เท้าของมันยังอยู่ที่พื้น ผมจึงลากมันขึ้นมาบนเตียง ถึงจะต้องใช้แรงมากแค่ไหน แต่เพื่อความสนุกต่อจากนี้ ผมจำเป็นต้องทำครับ ไล่ลงมาที่กล้ามหน้าท้องของมัน ผมลากลิ้นลงระหว่างร่องซิกแพ็กของมัน มันครางเบาๆ ในลำคอ คงจะรู้สึกเสียวอย่างมาก
 

        ผมลงมาจัดการที่ท่อนล่างของมันต่อ ผมเริ่มปลดเข็มขัดของมันออก จากนั้นผมก็รูดซิบกางเกงของมัน ดูเหมือนมันจะเลิกขัดขืนแล้ว เพราะมันยกก้นตามอย่างว่าง่ายเมื่อผมพยายามจะดึงกางเกงของมันออก ตอนนี้มีเพียงกางเกงในสีขาวที่ปกปิดร่างกายมันไว้ และผมก็รู้สึกได้ถึงท่อนลำที่นูนชัดของมัน ดูท่าว่ามันจะมีอารมณ์ร่วมกับผมเสียแล้ว ผมค่อยๆ ลูบไล้ท่อนลำของมันช้าๆ พร้อมกับท่อนลำที่ค่อยๆ ขยายตัวทีละนิด
 

        ผมไม่ได้ถามแชมป์ว่ามีเจลหล่อลื่นมั้ย ผมไม่อยากจะขัดจังหวะความเสียวของเรา ผมดึงกางเกงในของมันออก ก่อนจะใช้ลิ้นเลียที่ปากถ้ำของแชมป์เพื่อช่วยในการหล่อลื่น มันสะดุ้งนิดหน่อยตอนที่ลิ้นของผมเข้าสัมผัส ผมค่อยๆ ใช้นิ้วทีละนิ้วเบิกทาง ระหว่างนั้นผมก็สวมถุงยางไปด้วย เมื่อปากถ้ำกว้างพอแล้ว ก็ถึงเวลาที่มังกรของผมจะเข้าสำรวจถ้ำของน้องแชมป์ ตอนนี้มังกรของน้องแชมป์ยังคงผงาดอยู่ ผมคงจะสัมผัสกับจุดเสียวของน้องเข้าแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามแผน กิจกรรมเข้าจังหวะของเราเริ่มต้นขึ้น สักพักผมก็หยุดกิจกรรมนั้น เพื่อเข้าสู่แผนขั้นต่อไปของผม
 

        “ทำไมพี่ไม่ทำต่อล่ะ”
 

        มันติดกับของผมเข้าแล้ว ผมตั้งใจจะปล่อยให้มันอารมณ์ค้าง ถ้ามันไม่ยอมบอกผมว่ามันปล่อยข่าวของริวทำไม
 

        “อยากให้พี่ทำต่อมั้ย”
 

        “อยากครับ ผมไม่ไหวแล้ว”
 

        “บอกพี่มาว่าเราปล่อยข่าวเรื่องริวทำไม”
 

        “ผมบอกก็ได้ แต่พี่ต้องสัญญานะว่าพี่จะทำต่อ”
 

        โถ่ เจ้าเด็กน้อย เจอของจริงเข้าไปถึงกับอ่อนระทวย แผนของผมสำเร็จแล้วล่ะครับ
 

        “พี่สัญญา”
 

        ผมตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้มัน

       
        “ผมชอบพี่ริวครับ ผมแค่อยากจะกันพวกผู้หญิงออกจากพี่ริวให้หมด ก็เลยปล่อยข่าวนี้ออกมา พี่รีบทำต่อเร็วๆ นะครับ ผมไม่ไหวแล้ว”
 

        แชมป์หลับหูหลับตาพ่นคำตอบของมันออกมา ดูท่าทางมันจะสติหลุดแล้ว
 

        ไอ้เด็กโง่เอ๊ย นี่มันทำอะไรบ้าๆ เพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ
 

        เมื่อผมได้คำตอบที่ผมต้องการแล้ว ก็ถึงเวลาที่ภารกิจสำรวจถ้ำจะดำเนินต่อไป เมื่อถึงเวลาน้องแชมป์ก็ปลดปล่อยออกมาโดยที่ผมไม่ได้สัมผัสแม้แต่น้อย จากนั้นผมก็เสร็จตามน้องไป ผมหอบหายใจอยู่บนเตียงสักพัก หันไปมองน้องแชมป์ที่อยู่ข้างๆ มันยิ้มให้ผม หน้าตาบ่งบอกว่ามีความสุข นี่มันจะรู้ตัวมั้ยเนี่ยว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเลยที่มันจะยอมมีเซ็กซ์กับเพื่อนของคนที่มันแอบชอบแบบนี้ ผมว่าไอ้เด็กนี่มันประหลาดจริงๆ
 

        “ขอบคุณพี่โอมมากเลยนะครับ นี่เป็นครั้งแรกของผมเลย”
 

        โอ้ ผมได้เปิดซิงไอ้เด็กนี่ซะด้วย แต่ดูท่าทางมันจะติดใจนะครับ ยิ้มกว้างเลย หลังจากนั้นน้องแชมป์ก็พาผมไปอาบน้ำ คราวนี้แค่อาบน้ำอย่างเดียวนะครับ ไม่มีอะไรนอกจากนั้น แค่เมื่อกี้ก็เหนื่อยแล้วครับ
 

        “คืนนี้พี่นอนค้างกับผมมั้ย นี่ก็ดึกแล้ว”
 

        “เกรงใจว่ะ”

 
        “เฮ้ย อย่าคิดมากดิพี่ พี่ใส่เสื้อผ้าของผมก็ได้ เตียงผมก็ออกจะกว้าง นอนสองคนได้สบายๆ เลยพี่”
 

        “ถ้าเราโอเค พี่ก็โอเค ขอบใจมากนะ”
 

        ผมตัดสินใจนอนค้างที่ห้องของน้องแชมป์ครับ ถึงจะเพิ่งรู้จักกันก็เถอะ แต่ผมรู้สึกว่าเด็กนี่น่าจะไว้ใจได้ น่าจะไม่มีพิษมีภัยอะไร ออกจะดูซื่อบื้อซะด้วยซ้ำ

 
        “ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าเมื่อวานพี่ไม่ได้มีอะไรกับพี่ริวน่ะ”
 

        อยู่ๆ น้องแชมป์ก็พูดขึ้นมา

 
        “มันต่างกันเหรอ ระหว่างพี่มีอะไรกับมัน หรือพี่ไม่ได้มีอะไรกับมัน”
 

        “ต่างดิพี่ ถ้าพวกพี่มีอะไรกันแล้ว อย่างน้อยผมก็สบายใจได้ว่าเขาไม่ได้รังเกียจที่จะมีแฟนเป็นผู้ชาย”
 

        “แล้วเราไม่รู้สึกหวงมันเหรอ”

 
        ความคิดของไอ้เด็กนี่มันก็แปลกดีครับ นี่ไม่คิดจะหวงคนที่มันชอบซะหน่อยเหรอ
 

        “ไม่รู้สิพี่ ผมมีสิทธิ์จะหวงพี่ริวด้วยเหรอ ผมยังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย”
 

        “เออ ก็จริง”

 
        ที่มันพูดก็ถูก มันไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวริวเลย แฟนก็ไม่ได้เป็น จะว่าไปริวน่าจะไม่ชอบไอ้น้องคนนี้เสียด้วยซ้ำ
 

        “พี่ช่วยผมจีบพี่ริวหน่อยดิ”

 
        เอาแล้วไงกู ผมน่ะไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องพวกนี้เลย ตอนมันรักกันก็ดีไป ตอนมันเลิกกันก็มาซวยที่ผมเนี่ย
 

        “อย่างกูเนี่ยนะจะช่วยอะไรมึงได้”

 
        ตัวผมเองยังจะเอาตัวไม่รอดเลย ยังจะต้องมายุ่งเรื่องคนอื่นอีก ผมไม่เอาด้วยหรอก
 
 
 
 
        “ผมคิดไว้แล้วว่าจะให้พี่ช่วยผมยังไง”
 
 
 
 


 
 
 
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 5] 11/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ijuney ที่ 11-06-2017 15:22:21
สนุกมาก เสร็จพี่โอมไปอีกคน ตกลงโอมนี่พระเอกใช่ใหม ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 5] 11/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-06-2017 23:44:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 6] 15/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 15-06-2017 21:18:38
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 6

 
 
 
 
        แสงแดดที่กระทบตาทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อดวงตาของผมเริ่มชินกับแสงแดดยามเช้า ภาพที่เห็นค่อยๆ เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหันไปรอบตัวก็พบว่านี่เป็นอีกวันหนึ่งที่ผมไม่ได้ตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเอง น้องแชมป์ที่นอนอยู่ข้างกายของผมเมื่อคืนนี้นั่งอยู่ตรงหน้าผม เขายิ้มให้ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดตัวให้ผม ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ก่อนจะเดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวไว้
 

        “ผมขอเบอร์พี่ได้มั้ยครับ”
 

        น้องแชมป์ถามผมทันทีที่ผมเดินออกจากห้องน้ำ
 

        “จะเอาไปทำอะไรอะ”

 
        ผมแกล้งโง่ไปอย่างนั้นแหละครับ มันก็คงอยากจะโทรถามผมให้ผมสอนวิธีจีบริว แต่ผมไม่ได้อยากจะช่วยมันไง
 

        “พี่ก็น่าจะรู้นี่ ก็เผื่อปรึกษาพี่เรื่องพี่ริว และก็เรื่องอย่างว่าด้วย”
 

        ผมนี่แทบหลุดขำเลยครับ มันพูดได้หน้าตาเฉยเลย ทั้งๆ ที่มันยังไม่ทันจะได้ริวเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ มันก็คิดจะทำเรื่องอย่างว่ากับริวซะแล้ว เด็กนี่มันไวไฟจริงๆ

 
        “จำเบอร์ไม่ได้อะ”

 
        ผมต้องแกล้งทำเป็นคนขี้ลืมซะแล้ว คนอะไรวะ เบอร์โทรศัพท์ของตัวเองก็ยังลืม แต่ผมจำเป็นครับ ผมไม่อยากยุ่งเรื่องของพวกมันสองคนแล้ว

 
        “เอ่อ ถ้าอย่างนั้นพี่ยิงเข้าเครื่องผมก็ได้ครับ”
 

        เอากับมันสิ มีความพยายามเหลือเกินที่เอาเบอร์กูไป มึงจะจีบกูหรือไงไอ้เด็กบ้า
 

        “โทรศัพท์พี่แบตหมดน่ะ”

 
        อันนี้เรื่องจริงนะครับ เมื่อวานตั้งแต่กลับจากห้องริว ตอนเช้าไปทำรายงานห้องไอ้มิน ไปเรียนตอนบ่าย ตอนเย็นไปเยี่ยมห้องไอ้แพท ไปกินก๋วยเตี๋ยว แล้วไปแวะห้องริว จนมาที่ห้องไอ้น้องแชมป์ตั้งแต่เมื่อคืน ผมก็ยังไม่ได้ชาร์จแบตโทรศัพท์ผมเลย
 

        “ไม่เป็นไรผมมีที่ชาร์จแบต”
 

        โอย ผมคิดไม่ออกแล้ว จะหาข้ออ้างอะไรดีวะเนี่ย มันถึงจะไม่ได้เบอร์ผมไป
 

        “เอาที่ชาร์จแบตมา”
 

        ในที่สุดผมก็ต้องยอมมันแล้วล่ะครับ ถ้ามันจะดื้อด้านขนาดนี้เนี่ย ได้แค่เบอร์ไปคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง จริงๆ น่าจะให้เบอร์มั่วๆ มันไปซะตั้งแต่แรกก็จบ แต่เอาเถอะครับ คิดซะว่าทำบุญทำทาน แล้วสุดท้ายมันก็ได้เบอร์ผมไปครับ พอได้เบอร์ผมไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างกับว่ามันจีบผมซะอย่างนั้น มันจะรีบดีใจเกินไปหรือเปล่าเนี่ย
 

        “มึงคิดว่ากูจะช่วยอะไรมึงได้วะ กูล่ะสงสัยจริงๆ”
 

        “ผมมีวิธีของผมละกันน่า”
 

        ผมล่ะกลัวใจมันจริงๆ มันจะทำอะไรโง่ๆ อีกหรือเปล่าเนี่ย อุตส่าห์สอบติดคณะแพทย์ทั้งที มันคงจะมีความคิดอะไรดีๆ กับเขาบ้างนะ
 

        “มึงเล่าให้กูฟังก่อน ไม่อย่างนั้นกูไม่ช่วยมึงนะ”
 

        “ช่วยผมเลือกของขวัญให้พี่ริวหน่อย”
 

        “มึงจะให้ของขวัญมันเนื่องในโอกาสอะไรวะ”
 

        “นี่พี่เป็นเพื่อนพี่ริวจริงหรือเปล่าเนี่ย ก็วันจันทร์นี้วันเกิดพี่ริวไง”
 

        เอ่อ ผมไม่รู้จริงๆ ครับ ก็ผมไม่ได้สนิทกับริวขนาดนั้นน่ะครับ ขนาดวันเกิดแพทกับมินผมยังจำไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับวันเกิดริวล่ะครับ

 
        “เออว่ะ กูลืมไปเลย”
 

        ต้องแกล้งเนียนว่าลืมครับ ไม่อย่างนั้นจะมีคำถามตามมาอีกเพียบ แต่จะให้ผมช่วยไปเลือกของขวัญให้ริวเนี่ย ถามผมหน่อยมั้ยว่าผมรู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้าง ผมไม่รู้เลย มันชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ผมก็ไม่รู้
 

        “ไปกันเลยมั้ยพี่”
 

        “วันนี้กูไม่ว่างว่ะ โทษที เป็นพรุ่งนี้ได้มั้ย”
 

        ขอเวลาผมไปตั้งตัวหน่อยเถอะครับ ผมต้องกลับไปคิดก่อนว่าจะซื้ออะไรให้ไอ้ริว มันชอบอะไร ไม่ชอบอะไร หรือจะไม่คิด ปล่อยมันเลือกของขวัญมั่วๆ ไปก็ได้ แต่ขอกลับไปคิดก่อนละกันว่าจะคิดหรือไม่คิด งงมั้ย ผมก็งงเหมือนกัน
 

        “พรุ่งนี้ก็ได้ครับ ไว้เดี๋ยวผมโทรนัดนะ”
 

        “เออ เมื่อวานที่กูฉีกเสื้อมึงอะ เดี๋ยวจ่ายค่าเสื้อให้ โทษทีเมื่อวานกูรุนแรงไปหน่อย”
 

        ถึงผมจะไม่ใช่คนดีนัก และไม่อยากจะเสียตังค์สักเท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่อยากจะติดค้างอะไรมันครับ รีบเคลียร์กันให้จบดีกว่า
 

        “เฮ้ยไม่เป็นไรพี่ แค่พี่ช่วยผมเรื่องพี่ริวผมก็ดีใจแล้ว”

 
        “ได้ไงวะ กูเกรงใจ ให้กูจ่ายดีกว่า”

 
        “การที่พี่ช่วยผมให้ได้เป็นแฟนกับพี่ริวน่ะ มันมีค่ามากกว่าราคาเสื้อซะอีกนะพี่”

 
        เลี่ยนเป็นบ้า มันพูดเข้าไปได้ยังไงนะไอ้ประโยคเนี้ย เออ ตามใจมันละกัน ประหยัดเงินผมไปได้อีกหลายร้อย
 

        “มึงก็อย่าคาดหวังจากกูมากนักล่ะ สุดท้ายมันก็เป็นการตัดสินใจของไอ้ริวอยู่ดี”

 
        “ผมเข้าใจครับพี่ ยังไงก็ขอบคุณพี่ที่ช่วยผมนะครับ”
 

        มันยกมือไหว้ผม มารยาทดีจังนะมึง ผมไม่รับไหว้มันหรอก ขี้เกียจครับ
 

        “เออ กูกลับก่อนนะ”
 

        ผมยังง่วงอยู่เลยว่าจะกลับห้องไปนอนต่อ ผมตบไหล่มันสองทีเป็นการบอกลามัน แล้วก็เดินออกจากห้องมันไป
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        กว่าผมจะมาถึงห้องก็บ่ายโมงแล้ว เพราะระหว่างทางผมไปแวะทานข้าวที่ร้านข้างหอ ในที่สุดผมก็ได้พักเสียทีหลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายในสองสามวันนี้มา ผมตัดสินใจอาบน้ำใหม่อีกรอบ ถ้าจะนอนทั้งชุดนี้ก็คงรู้สึกไม่สบายตัว เพราะผมใส่ชุดของเมื่อวานกลับมาครับ

 
        และระหว่างที่ผมอาบน้ำอยู่นั้นเอง

 
        ครืด ครืด

 
        ใครโทรมาอีกวะเนี่ย ผมเดินออกจากห้องน้ำมารับโทรศัพท์ หน้าจอปรากฏชื่อ “แพท” มันจะโทรมาทำไมเนี่ย ผมจะอาบน้ำ และผมก็จะนอนด้วย
 

        “มึงอยู่ห้องใช่มั้ย เดี๋ยวกูไปหา แค่นี้นะ”

 
        แพทพูดเสร็จมันก็วางสายไป ทำไมช่วงนี้ผมเจอแต่คนที่ชอบพูดเสร็จแล้ววางหูทันที นี่มันมีเรื่องอะไรอีกเนี่ย กูง่วง กูจะนอนโว้ย
 

        ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 
        ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทิ้งตัวลงนอน แพทก็มาถึงแล้วครับ ผมไปเปิดประตูรับมัน แล้วก็ทิ้งตัวลงนอนทันที
 

        “เมื่อคืนไม่ได้นอนสินะ”
 

        อะไรของมันเนี่ย หรือมันเห็นผมมานอนต่อเลยคิดว่าเมื่อคืนผมไม่ได้นอน
 

        “มึงมีอะไร กูง่วง กูจะนอน”
 

        ผมไม่รอฟังมันพล่ามแล้วล่ะครับ ผมคว้าผ้าห่มมาคลุมตัว แล้วก็หลับตาทันที
 

        “มึงนี่ฮอตเนอะ แค่สองวันได้เดือนคณะกูตั้งสองคนเลย”
 

        เชี่ยแล้วไง
 

        คำพูดของไอ้แพททำเอาผมอึ้งไปเลยล่ะครับ มันไปรู้มาจากไหนอีกเนี่ย
 

        “มึงพูดอะไรไร้สาระ ที่มึงจะพูดมีแค่นี้ใช่มั้ย กูจะนอน”
 

        “มึงตื่นมาฟังกูก่อน”

 
        “มีอะไรอีก”

 
        ผมชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ ผมล่ะเหนื่อยกับมันจริงๆ
 

        “ความลับไม่มีในโลกเว่ยโอม กูขอเตือนมึง จะทำอะไรก็ระวังหน่อย”
 

        มันบอกผมด้วยสีหน้าเอือมระอา แต่ผมไม่รู้สึกเลยว่าผมจะเสียหายอะไรกับเรื่องนี้ ทุกอย่างทำในที่ส่วนตัว ส่วนไอ้สองคนนั้นก็ไปจัดการกันเอาเองละกัน ผมง่วง ผมจะนอน
 

        “เข้าใจแล้วครับคุณพ่อ ผมจะเป็นเด็กดีครับ”
 

        “ยังจะกวนตีนกูอีก นี่กูหวังดีนะถึงเตือนมึง”
 

        “เออ กูเข้าใจ”
 

        “มึงมีอะไรจะเล่าให้กูฟังหรือเปล่า”
 

        ไอ้ประโยคนี้ได้ยินทีไรผมนี่ขนลุกทุกที มันเป็นประโยคที่บ่งบอกว่ามันรู้ว่าผมมีเรื่องปิดบังมันแล้วไม่ยอมบอก ไอ้แพทมันหูตาไวครับ ตอนนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่ามันไปเอาข่าวโน้นข่าวนี้มาจากไหน
 

        “มี แต่ขอกูนอนก่อน สี่โมงปั๊บมึงปลุกกูเลย เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        แพทมันก็ทำตามที่ผมบอก มันไม่เซ้าซี้ผมต่อ แล้วพอถึงเวลาสี่โมงตรงเป๊ะมันก็ปลุกผม ตอนนี้ผมหายง่วงแล้ว ผมพร้อมสำหรับการสอบสวนของมันแล้วครับ
 

        “มึงไปรู้อะไรมาบ้าง เล่าให้กูฟังก่อน”
 

        ผมชิงถามมันก่อนครับ อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่ามันรู้อะไร ไม่รู้อะไร เผื่ออยากจะโกหกจะได้เนียนๆ
 

        “เมื่อคืนมึงไม่ได้กลับห้องมึงใช่มั้ย”
 

        “ใช่”
 

        ผมตอบมันไปตามความจริงครับ
 

        “เมื่อคืนมึงนอนที่ห้องน้องแชมป์ เดือนปีหนึ่งคณะกูใช่มั้ย”
 

        “ใช่”
 

        ตรงเป๊ะ แหล่งข้อมูลมันดี ผมจะไปแก้ตัวอะไรได้

 
        “แล้วมึงก็มีอะไรกับน้องแชมป์ในห้องใช่มั้ย”
 

        ทำไมมันเก่งขนาดนี้ มันต้องมีหน่วยข่าวกรองเป็นของมันเองแน่ๆ
 

        “ก็ใช่”

 
        “แล้วที่มึงเคยบอกว่ามึงไม่ได้มีอะไรกับริว มึงกูโกหกกูใช่มั้ย”
 

        “เออ กูโกหกมึง”
 

        ริวกูขอโทษ ผมมองตาของไอ้แพทที่จ้องผมแล้วกลัวมันจริงๆ ผมเลยต้องตอบมันไป
 

        “กูรู้แค่นี้แหละ ที่เหลือมึงเล่าให้กูฟัง”

 
        มันรู้น้อยกว่าที่ผมคิดแฮะ ผมก็นึกว่ามันจะรู้มากกว่านี้ซะอีก อย่างเช่นรู้ว่าคนที่ปล่อยข่าวริวก็คือน้องแชมป์ รู้ว่าน้องแชมป์แอบชอบริว อะไรแบบเนี้ย อะไรที่มันเป็นประเด็นสำคัญน่ะ

 
        “มึงรู้น้อยกว่าที่กูคิดแฮะ”
 

        ผมขอหยอกมันสักหน่อยเหอะ ทำกูนั่งกลัวตั้งนาน

 
        “เออ ถึงเวลามึงเล่าแล้ว มึงเล่ามาเลย กูนั่งรอมึงตั้งนาน”

 
        หลังจากนั้นผมก็เล่าความจริงให้มันฟังทุกเรื่องครับ ตั้งแต่ตอนที่ผมมีอะไรกับริว ตอนที่ริวเรียกผมไปปรึกษาที่ห้อง แล้วพอออกจากห้องก็เจอน้องแชมป์ แล้วน้องแชมป์ก็พาผมไปคุยในห้อง เรื่องที่น้องแชมป์เป็นคนปล่อยข่าวของริว วิธีการที่ทำให้น้องแชมป์ยอมสารภาพ เรื่องที่น้องแชมป์แอบชอบริว เรื่องที่น้องแชมป์ขอให้ผมช่วยจีบริว และเรื่องที่ผมจะต้องช่วยน้องแชมป์เลือกว่าจะซื้อของขวัญวันเกิดอะไรให้ริวดี
 

        “กูไม่คิดเลยนะว่าเวลาแค่สองวันมันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับมึงได้มากขนาดนี้”
 

        ไอ้แพทมันคงเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าผมเหนื่อย ผมเหนื่อยที่จะต้องมาเจออะไรแบบนี้
 

        “มึงเห็นใจกูใช่มั้ยวะแพท”

 
        “กูจะเห็นใจมึงทำไม ที่มึงต้องมาวุ่นวายก็เพราะตัวมึงเองทั้งนั้น”
 

        ดูมันสิ แทนที่มันจะเข้าข้างผมดันมาซ้ำเติมผมอีก
 

        “มึงช่วยกูคิดหน่อยว่ากูจะทำยังไงดี ไหนๆ มึงก็รู้เรื่องหมดแล้ว มึงก็ช่วยกูคิดหน่อยละกัน”
 

        “ที่มึงบอกว่ามึงไม่อยากช่วยน้องแชมป์เนี่ย กูไม่โอเคนะ”
 

        “ทำไมวะ”

 
        “มึงข่มขืนน้องมัน จนมันตกเป็นของมึงแล้ว มึงควรจะช่วยเหลือน้องมันหน่อย”
 

        “เชี่ยแพท”
 

        ที่มันพูดก็รุนแรงเกินไป ผมแค่พยายามให้น้องยอมรับออกมาก็แค่นั้น เพียงแต่วิธีของผมอาจจะดูอีโรติคไปนิดนึงก็เท่านั้น
 

        “เออๆ เรื่องของขวัญอะไรนั่นเดี๋ยวกูช่วยคิดเอง ว่าแต่มึงจะบอกไอ้ริวยังไงดีวะ เรื่องข่าวลือของมันที่เป็นฝีมือน้องแชมป์เนี่ย”
 

        “กูคงแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่ะ”

 
        “เออ กูเห็นด้วย บอกไปก็คงไม่ได้อะไร น้องแชมป์จะโดนเกลียดซะเปล่าๆ”
 

        “เออ เรื่องต่อไปมึงช่วยกูคิดหน่อยจะให้น้องแชมป์ซื้ออะไรให้ริวดี

 
        “ไอ้ริวมันใส่นาฬิกามั้ยวะ”
 

        “มึงควรจะรู้มากกว่ากูนะ พวกมึงเรียนคณะเดียวกัน”

 
        “แต่มึงเพิ่งนอนกับมันมามึงไม่รู้เลยหรือไงวะ”
 

        ไอ้แพทนี่มันจริงๆ เลย ด่าผมเสร็จมันก็ยิ้มเยาะผม

 
        “เหมือนจะใส่นะ คุ้นๆ ว่ามีวางอยู่ในห้อง แต่ตอนกูไปหามัน มันไม่ได้ใส่อยู่นะ มันใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว”
 

        ผมพูดพร้อมกับยิ้มเยาะมันกลับสักเล็กน้อยครับ ดูก็รู้ว่ามันอยากเห็นริวแก้ผ้า แพทมันทำเหมือนไม่ชอบไปอย่างนั้นแหละ แต่จริงๆ ก็อยากได้ไอ้ริวสุดๆ
 

        “เชี่ย มึงพูดแล้วกูขึ้นว่ะ กูเองก็อยากจะเห็นตอนไอ้ริวใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวว่ะ ถ้ากูได้นอนกับมันก็คงจะดี”
 

        “ไหนบอกว่าเกลียดมันไง คนอะไรมนุษยสัมพันธ์แย่”

 
        ประโยคหลังผมพูดน้ำเสียงเหมือนล้อเลียนมันครับ เหมือนที่มันพูดตอนอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยว
 

        “ตอนเอากันมันก็ไม่ต้องพูดอะไรเยอะมั้ยวะ”
 

        “แต่เสียใจด้วยครับ มึงเป็นรับ ไอ้ริวมันไม่ได้อยากลองเป็นรุกสักหน่อย ยังไงมึงก็อด”
 

        “ทำไมผู้ชายหล่อๆ แม่งไปเป็นรับหมดเลยวะ ทั้งไอ้ริว ทั้งน้องแชมป์ กูเสียใจว่ะ”
 

        “มึงไม่ต้องเสียใจ รุกหล่อๆ ก็กูนี่ไง แต่กูไม่เอามึงหรอก เสียศักดิ์ศรีกูหมด”
 

        พูดจบผมก็หัวเราะใส่มันเสียงดังเลยล่ะครับ แพทมันก็ลุกขึ้นมาถีบผมครับ ดีนะที่ผมหลบทัน แต่ถึงจะโดนมันถีบผมก็คงจะไม่เจ็บ คนอะไรแรงน้อยชิบหาย

 
        “โอม กูว่ากลับเข้าเรื่องเถอะ กูคิดว่าจะให้น้องแชมป์ซื้อนาฬิกาข้อมือให้ไอ้ริว”
 

        “ทำไมวะ”

 
        “กูไม่รู้ก็กูอยากได้นาฬิกา”


        “อ่าวมึงนี่ ให้เลือกของขวัญให้ไอ้ริว ไม่ใช่เลือกให้มึง”

 
        “แต่กูคิดว่าคงจะแพงอยู่ น้องแชมป์มันจะไหวหรือเปล่าวะ”

 
        “ไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะวะ จะจีบหนุ่มทั้งทีแต่ไม่มีปัญหาเปย์เขาก็กลับบ้านไปนอนดูดนมดีกว่าว่ะ”
 

        พูดเสร็จผมกับแพทก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ผมเลือกที่จะเออออตามแพทไป มันเลือกนาฬิกา ผมก็ว่าตามมัน เพราะอะไรน่ะเหรอครับ ผมขี้เกียจคิดแล้วไงครับ เรื่องก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง จะเสียเวลากับมันไปทำไม
 

        “งั้นสรุปเป็นนาฬิกานะ”
 

        “ตกลงตามนั้น เดี๋ยวกูโทรบอกไอ้น้องแชมป์ให้ไปซื้อมา”

 
        “ไหนมึงบอกว่าน้องให้มึงไปช่วยเลือกไง แล้วมึงจะไม่ไปกับมันเหรอวะ”
 

        “ไม่ไปว่ะ กูขี้เกียจ โทรบอกมันแหละดีแล้ว”

 
        เวลาวันอาทิตย์ที่มีค่าของผมควรจะถูกใช้ไปกับการนอนมากกว่าที่จะไปทำอะไรไร้สาระอย่างการจีบหนุ่มของคนอื่นครับ ดังนั้นวิธีนี้ดีที่สุดแล้ว
 

        “เออ ตามใจ แล้วไอ้ริวมันชอบสีอะไรวะ แล้วนาฬิกามันเป็นแบบไหนวะ G-Shock หรือพวก Rolex”
 

        เออว่ะ ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย นาฬิกามันก็มีหลายสี หลายแบบ โอยทำไมมันยากอย่างนี้วะเนี่ย
 

        “ที่แน่ๆ ต้องเป็น G-Shock แต่สีล่ะ เออ มึงชอบสีฟ้าใช่มั้ย งั้นของไอ้ริวก็ต้องสีแดง”
 

        “อะไรของมึงวะ กูชอบสีฟ้า แล้วทำไมมึงคิดว่าไอ้ริวจะชอบสีแดง”
 

        “กูแค่คิดว่ามึงกับไอ้ริวนี่ตรงข้ามกันทุกอย่างเลย กูก็เลยเลือกสีตรงข้ามกับมึงให้มัน”
 

        “มึงจะหลอกด่ากูใช่มั้ย”

 
        “มึงไม่คิดบ้างเหรอว่ากูด่าไอ้ริว”

 
        “เออ กูจะคิดแบบนั้น”
 

        โอย รอดตัวไปครับ ผมขี้เกียจฟังมันบ่น บ่นทีหูดับไปสามวัน
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากที่ผมปรึกษากับแพทเรื่องของขวัญที่จะให้น้องแชมป์ซื้อให้ริวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทมันก็กลับห้องมันไป
 

        ครืด ครืด

 
        เสียงสั่นของโทรศัพท์ดังขึ้น พร้อมหน้าจอที่ปรากฏชื่อของมิน
 

        “ไง มินโทรมามีอะไรวะ”

 
        “พี่ปาล์มบอกให้กูกับมึงเลือกวันเลี้ยงสายรหัส มึงว่าวันไหนดีวะ”
 

        พี่ปาล์มคือพี่รหัสคณะของผมกับไอ้มินครับ พวกเรามีพี่รหัสคนเดียวกัน เพราะว่ารุ่นผมคนเยอะกว่ารุ่นพี่ ก็เลยมีรุ่นพี่บางคนต้องมีน้องรหัสสองคน พี่ปาล์มเป็นผู้หญิงผมสั้น ตัวเล็ก หน้าตาน่ารักครับ เป็นอะไรที่หาได้ยากมากในคณะวิศวะเลยล่ะครับ พี่ปาล์มเรียนอยู่ภาคเคมี ส่วนพวกผมสองคนเรียนอยู่ภาคคอม ที่บอกแบบนี้เพราะว่านอกจากสายรหัสคณะแล้ว ยังมีสายรหัสของภาควิชาอีก แต่ว่าผมกับมินยังไม่มีสายรหัสภาค เพราะต้องรอให้ผ่านงานรับน้องภาคคอมวันศุกร์นี้เสียก่อน
 

        “ขอวันศุกร์นะ แต่ศุกร์นี้เรารับน้องภาคกัน เป็นศุกร์หน้าได้ปะ”

 
        “โอเค เดี๋ยวกูคอนเฟิร์มพี่ปาล์มให้ มึงโทรบอกน้องรหัสมึงกับน้องรหัสกูด้วย”

 
        “น้องมึงทำไมมึงไม่โทรเองวะ”
 
 
 
 
        “ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่อยากโทรหรอก กูรู้ว่ามึงอยากโทรหาน้องมัน”
 
 
 
 


 
 
 
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 6] 15/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Kuanoii ที่ 15-06-2017 21:38:21
ลงทุกวันเลยค่ะ รออ่านอยู่   :call: :L2:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 6] 15/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: ijuney ที่ 15-06-2017 23:09:11
รออยุ่ทุกวันนะ สนุกๆ
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 7] 17/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 17-06-2017 16:04:27
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 7

 
 
 
 
        “เมื่อไหร่มึงจะเลิกจับคู่กูกับน้องแก้วสักทีวะ กูบอกมึงกี่รอบแล้วว่ากูไม่ได้ชอบน้องเขาน่ะ”
 

        ผมล่ะรำคาญมินมันจริงๆ เวลามีอะไรเกี่ยวกับสายรหัสมันจะชอบล้อผมกับน้องแก้วน้องรหัสมันอยู่ตลอด น้องแก้วที่มันจับคู่ให้ผมเนี่ยเป็นผู้หญิงครับ ถ้ามองกันแค่หน้าตาก็ต้องยอมรับว่าน้องเขาสวยเลยล่ะครับ ทั้งผิวขาว หน้าหมวย ผมยาว ตัวสูง และหุ่นดี น้องแก้วเกือบจะได้เป็นดาวคณะแล้วล่ะครับ ติดตรงที่ว่าเธอนั้นไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาซะเลย เพราะถ้าได้รู้จักกันจริงๆ จะรู้เลยครับว่าน้องแก้วน่ะไม่ธรรมดา ขนาดที่คนหน้าม่ออย่างมินเรียกสาวสวยแบบน้องแก้วว่ามันได้เลยล่ะครับ

 
        วีรกรรมเด็ดของน้องแก้วมีหลายอย่างเริ่มจากวันเปิดสายรหัสที่เธอท้ามินแข่งดื่มเหล้ากับเธอ และฝ่ายที่แพ้ก็คือเพื่อนผมนี่แหละครับ ผมกับพวกพี่ๆ สายรหัสได้แต่มองตากันปริบๆ และวันเดียวกันนั้นเอง เธอยังประกาศว่าจะจีบผมให้ได้ ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่ามาตรฐานการเลือกผู้ชายของเธอเป็นแบบไหนกัน เพราะเธอมองข้ามทั้งมินรองเดือนคณะผู้มั่นใจในความหล่อของตัวเองสุดๆ เรื่องนี้ทำมินมันเฟลไปเป็นอาทิตย์เลยล่ะครับ นอกจากนี้ยังมีน้องม่อนน้องรหัสผมที่เป็นถึงเดือนคณะอีก น้องม่อนมันก็หน้าตาหล่อเกาหลีแบบที่สาวๆ กำลังนิยมอยู่ในปัจจุบัน แต่น้องแก้วก็ไม่ได้สนใจพวกมันเลย

 
        ตอนแรกผมก็เข้าใจว่าเธอแค่เมาหลังจากดวลเหล้ากับมินแล้ว แต่หลังจากนั้นน้องแก้วก็เหมือนจะเข้ามาวนเวียนในชีวิตผมเรื่อยๆ จนตอนนี้ผมยังไม่มั่นใจเลยครับว่าที่เธอบอกว่าจะจีบผมเนี่ยมันจริงหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ ดูท่าทางมินมันจะเชียร์ผมกับน้องแก้วจนออกนอกหน้า แต่ก็นั่นแหละครับ มินเองก็ไม่รู้ว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง ผมไม่เคยบอกมินมันหรอกครับ ผมไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะทำหน้ายังไงถ้ารู้ว่าเพื่อนสนิทมันสองคนทั้งผมและแพทเป็นเกย์กันทั้งคู่

 
        “อย่าทำเป็นเขินกูรู้ว่ามึงชอบ”

 
        มินมันยังไม่หยุดล้อผม ผมล่ะเอือมระอากับมันจริงๆ ครับ

 
        “น้องรหัสมึง มึงโทรเองไป เดี๋ยวน้องรหัสกูกูบอกเอง ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย งั้นแค่นี้นะ”

 
        ผมบอกมิน พร้อมกับเตรียมจะตัดสายมันทิ้ง

 
        “เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งวาง มึงจะรีบไปไหนวะ กูแซวมึงนิดเดียวเอง เออ กูจะถามเรื่องรับน้องภาคอะ มึงพอจะรู้มั้ยว่ามันเป็นยังไง โดดได้ปะวะ”

 
        “กูรู้แค่ว่าเริ่มตั้งแต่สิบเอ็ดโมงยาวไปถึงสี่ทุ่ม โดดได้มั้ยกูไม่รู้”
 

        เรื่องงานรับน้องภาคคอมนี่ดูเหมือนจะเป็นความลับระดับชาติเลยล่ะครับ เพราะข้อมูลที่พวกรุ่นพี่บอกรุ่นผมมีแค่เพียงว่างานเริ่มกี่โมงและจบกี่โมง แต่รายละเอียดกิจกรรมในนั้นไม่มีใครยอมบอกเลยครับ

 
        “แล้วกูจะหาข้อมูลจากที่ไหนได้บ้างวะ พี่ปาล์มไม่ยอมบอกกูเลย บอกว่าเป็นความลับ และก็บอกอีกว่าอย่าโดด”
 

        “ถ้าถามพวกรุ่นพี่ไม่ได้ กูว่าลองถามไอ้ดินดูมั้ย มันสนิทกับรุ่นพี่ภาคเราหลายคน เผื่อมันจะมีข้อมูล”
 

        ดินมันเป็นคนกว้างขวางครับ เพราะมันเป็นเด็กซิ่ว แต่ผมไม่เรียกมันว่าพี่หรอก มันน่ะแก่แต่ตัว ไม่มีอะไรน่าเคารพพอที่จะให้เรียกว่าพี่หรอกครับ แถมมันยังทำผมวุ่นวายเรื่องริวกับน้องแชมป์อีก เดี๋ยวผมจะตามไปด่ามัน
 

        “เออ พรุ่งนี้มึงมีเรียนกับมันใช่มั้ย มึงลองถามมันดูแล้วกัน รู้แล้วมาบอกกูด้วย”
       

        “ได้ๆ มึงมีอะไรอีกมั้ย ถ้าไม่มีกูวางแล้วนะ บาย”
 

        “เออ ไม่มีอะไรแล้ว บาย”
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากที่ผมคุยกับมินเสร็จ ผมก็โทรนัดวันเลี้ยงสายรหัสกับน้องม่อนเรียบร้อย ถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการโทรหาน้องแชมป์
 

        “ว่าไงครับพี่โอม”
 

        “พี่จะบอกว่าพรุ่งนี้ไปด้วยไม่ได้แล้ว แต่พี่เลือกของขวัญให้แล้วนะ G-Shock สีแดงไอ้ริวน่าจะชอบ เราลองไปหาดูละกัน”
 

        “ได้ครับ ขอบคุณพี่โอมมากนะครับ พี่นี่เลือกของขวัญได้โรแมนติกดีนะครับ”
 

        “โรแมนติกยังไงวะ”
 

        “ก็นาฬิกาข้อมือมันต้องใส่ติดตัวตลอดเวลา ก็เหมือนกับว่าผมได้อยู่ข้างๆ พี่ริวตลอดเวลาไงครับ”
 

        มันก็คิดได้นะ ผมยังนึกไม่ถึงเลย ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ ให้กับความน้ำเน่าของมัน
 

        “เออ ลองหาซื้อดูแล้วกัน แค่นี้นะ”

 
        ผมรีบตัดบทครับ ขี้เกียจคุยกับมันยืดยาว

 
        “ได้ครับพี่ ขอบคุณมากครับ”
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        แล้ววันหยุดที่แสนสั้นก็จบลง ผมใช้เวลาวันเสาร์อาทิตย์ไปกับการกินและการนอน แล้ววันจันทร์ที่น่าเบื่อหน่ายก็มาถึง วันนี้ผมมีเรียนวิชาภาคตอนเช้าสองวิชาตั้งแต่แปดโมงถึงสิบเอ็ดโมง และมีเรียนวิชาเลือกนอกคณะอีกหนึ่งวิชาตั้งแต่บ่ายโมงถึงสี่โมงเย็น
 

        สำหรับวิชาภาคตอนเช้า ผมเรียนคนละเซคกับมินมันครับ เพราะมินมันดวงซวยลงไม่ได้เซคดีๆ ก็เลยต้องไปเรียนเซคที่คนลงน้อย เนื่องจากผมเป็นคนที่รักเพื่อนมาก ผมก็เลยไม่ย้ายตามมันไปครับ ทำไมน่ะเหรอ ผมก็ต้องเป็นตัวแทนเรียนกับอาจารย์ที่สอนดีแล้วไปติวให้ไอ้มินต่อน่ะสิครับ ขืนไปเรียนเซคเดียวกับมัน คงได้ย่อยยับทั้งคู่แน่ ดังนั้นผมกับมินก็จะนัดทานข้าวที่โรงอาหารคณะวิศวะหลังจากเลิกเรียนช่วงเช้า

 
        “มึงอย่าลืมถามไอ้ดินเรื่องรับน้องล่ะ กูอยากรู้มากๆ เลยว่ามันมีอะไร ทำไมต้องปิดบังกันขนาดนี้”
 

        มินพูดกับผมระหว่างที่เรานั่งทานข้าวกลางวันด้วยกันหลังจากเลิกเรียนวิชาช่วงเช้าแล้ว
 

        “เออ กูไม่ลืมหรอกน่า”
 

        “งั้นก็ดีแล้ว”
 

        “แล้วบ่ายนี้มึงไปไหนวะ”
 

        วันนี้มินมันไม่มีเรียนตอนบ่ายครับ ผมเลยลองถามมันดูเผื่อว่าตอนเย็นจะไปไหนกันต่อ
 

        “เย็นนี้ไปหาไอ้แพทกันมั้ย กูไม่ได้เจอมันหลายวันแล้ว”
 

        ผมนึกไม่ถึงว่าจะเป็นมันที่พูดอะไรแบบนี้ออกมา ปกติมันไม่ค่อยชอบไปหาแพทสักเท่าไหร่ มันเคยบ่นกับผมอยู่บ่อยๆ ว่าคณะแพทย์นี่มันไกล ยิ่งเรื่องว่าคิดถึงเพื่อนน่ะ ไม่มีหรอกครับสำหรับคนอย่างมัน วันๆ มันก็คิดถึงแต่หญิงที่มันตามจีบเท่านั้นนั่นแหละครับ
 

        “มึงอารมณ์ไหนวะเนี่ย นึกอยากจะไปหาไอ้แพทขึ้นมา ไหนเคยบอกว่าคณะแพทย์มันไกลไง”
 

        “ก็กูว่างอะ คนว่างจะทำอะไรก็ได้”
 

        มันพูดเยาะเย้ยผมที่มีเรียนตอนบ่ายครับ แต่ผมเฉยๆ นะ รีบลงเรียนซะตั้งแต่ปีสอง พอปีสามปีสี่จะได้สบายๆ
 

        “เออ แล้วแต่มึงละกัน แล้วเย็นนี้ไปกินที่ไหนดี”
 

        “มึงจะแวะมาหากูกับไอ้แพทหรือเปล่าล่ะ ไว้ค่อยคิดตอนนั้นละกัน”
 

        “เออ ได้ เดี๋ยวกูไปหาพวกมึง”

 
        ถึงแม้ว่าคณะแพทย์จะอยู่ไกล แต่เพื่อเพื่อนผมทำได้อยู่แล้วครับ เป็นไงครับ ผมนี่เป็นคนดีจริงๆ
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากนั้นผมก็เดินไปหาไอ้ดินครับ วันนี้มันเลิกเรียนตอนเที่ยง แต่ปกติมันจะไม่กินข้าวที่โรงอาหารคณะครับ มันบอกว่าน่าเบื่อ วันนี้ผมกับมันมีเรียนวิชาเลือกด้วยกันที่คณะบัญชีครับ ตอนลงเรียนก็ไม่ได้นัดกับมันหรอกครับ เพิ่งจะรู้ว่ามันเรียนวิชาเดียวกับผมก็ตอนไปเรียนวันแรกนี่แหละครับ
 

        แน่นอนว่าวันนี้มันจะไปกินข้าวที่โรงอาหารคณะบัญชีครับ มันบอกว่าที่นั่นนอกจากจะมีอาหารปากแล้ว ยังมีอาหารตาอีกด้วย เพราะว่าสาวๆ ที่นั่นเด็ดๆ ทั้งนั้น และแม้ว่ามันจะมีความสัมพันธ์กับผมมาหลายครั้งแล้ว มันก็ยังคงสภาพเป็นเพลย์บอยนักล่าอยู่ มันบอกผมอยู่ตลอดว่าถึงมันจะมีผู้หญิงสักกี่คน แต่ผมก็เป็นผู้ชายคนเดียวของมันนะครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันพูดจริงหรือเปล่า แต่ฟังทีไรผมก็ขนลุกทุกที
 

        “กูกำลังไป มึงนั่งตรงไหนวะ”
 

        ผมโทรหาดินหลังจากแยกกับมินเรียบร้อยแล้ว ปกติแล้วดินมันจะรอผมอยู่ที่หน้าป้ายคณะครับ แต่วันนี้มันไม่อยู่ ก็แสดงว่ามันเดินไปก่อนแล้ว เพราะกว่าผมจะแยกกับมินก็เที่ยงสิบห้าแล้ว

 
        “กูอยู่แถวประตูทางเข้า ทำไมวันนี้มึงช้าวะ”

 
        “เออ ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวกูรีบเดินไป”

 
        ไม่นานผมก็มาถึงโรงอาหารคณะบัญชีครับ ที่นี่เป็นแหล่งรวมหนุ่มหล่อสาวสวยจริงๆ มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนหน้าตาดี จริงอย่างที่ดินมันว่านั่นแหละครับว่านี่คืออาหารตาชั้นดี ถึงเป้าหมายของผมกับดินจะเป็นคนละแบบกัน แต่โรงอาหารคณะบัญชีก็ตอบโจทย์ของพวกเราได้ดี
 

        “เป็นไงบ้างวะ”

 
        ดินทักผมทันทีที่ผมนั่งลงตรงข้ามกับมัน นอกจากดินแล้วยังมีเพื่อนผู้หญิงของมันอีกสองคน คนหนึ่งเป็นคนที่เรียนวิชาเดียวกับพวกเราชื่อพี่เฟิร์นครับ คนนี้เรียนคณะบัญชีอยู่ปีสาม เป็นเพื่อนตอนมัธยมของดินครับ ส่วนอีกคนหนึ่งผมไม่คุ้นหน้าเลย แต่ดูท่าทางน่าจะเป็นเพื่อนของพี่เฟิร์น

 
        “เดี๋ยวกูมีเรื่องจะคุยกับมึง แต่ไว้คุยกันทีหลังนะ ต่อหน้าพี่เฟิร์นกูพูดไม่ได้หรอก”
 

        ผมแกล้งแหย่มันซะหน่อยครับ ดูก็รู้ว่ามันกับพี่เฟิร์นน่ะมีอะไรมากกว่าแค่เพื่อนครับ ถึงมันจะบอกผมว่าพี่เฟิร์นเป็นแค่เพื่อนมัน แต่ผมไม่ใช่เด็กประถมนะครับ ที่จะดูไม่ออกว่าสองคนนี้เขาแอบมีซัมติงกัน ยิ่งเห็นหน้าพี่เฟิร์นตอนผมพูดออกไปอย่างนั้น ยิ่งตลกครับ ดูเหมือนเธอจะสงสัยอย่างหนัก เธอจ้องดินมันเขม็งเลยครับ คราวซวยมาถึงมันแล้วล่ะครับ
 

        “เออ นี่แพมเพื่อนเฟิร์น นี่โอมเพื่อนเราเอง”
 

        ดินมันรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีครับ โดยการแนะนำผมให้รู้จักกับเพื่อนของพี่เฟิร์น พี่แพมเป็นสาวสวยเลยล่ะครับ พวกสาวบัญชีนี่ก็รู้จักเลือกคบเพื่อนนะ เพราะสองคนนี้ถึงจะดูสวยเหมือนกันทั้งคู่ แต่ก็ดูแตกต่างกัน พี่เฟิร์นจะเป็นสวยแบบเซ็กซี่ ส่วนพี่แพมจะดูเป็นคนเรียบร้อย แต่ลึกๆ ข้างในจะเป็นคนแบบไหน ผมไม่มีทางรู้หรอก และก็ไม่ได้อยากจะรู้ด้วย
 

        “สวัสดีโอม”

 
        พี่แพมหันมายิ้มให้ผม ดูท่าทางว่าเธอจะสนใจผมไม่น้อย ดินคงยังไม่เคยเล่าให้เธอฟังล่ะสิว่าผมเป็นยังไง
 

        “สวัสดีครับพี่แพม”

 
        ผมทักทายเธอพอเป็นพิธี ถ้าเป็นมินมันคงด่าว่าผมบ้าที่ไม่สนใจผู้หญิงสวยหวานแบบพี่แพม แต่ทำยังไงได้ล่ะครับ ก็เธอไม่ใช่ผู้ชายนี่นา

 
        “ได้ยินเฟิร์นพูดถึงหลายครั้ง เพิ่งจะเจอตัวจริงนะเนี่ย”

 
        ผมหัวเราะเบาๆ ให้เธอหนึ่งทีเป็นคำตอบ ไม่รู้หรอกครับว่าพี่เฟิร์นเล่าอะไรให้ฟัง เพราะผมกับพี่เฟิร์นเองก็เพิ่งจะรู้จักกันไม่นาน
 

        “เที่ยงครึ่งแล้วเหรอเนี่ย เดี๋ยวเราไปเรียนก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่นะโอม”
 

        พี่แพมโบกมือลา พร้อมฝากคำทิ้งท้ายถึงผม ถ้าผมชอบผู้หญิงก็คงจะหวั่นไหวอยู่หรอก สกิลการอ่อยของพี่แพมนั้นไม่ธรรมดา อ่อยน้อยๆ แบบพองามไม่มากเกินไป แต่ผมไม่ได้ชอบผู้หญิงน่ะสิ
 

        “เพื่อนพี่เป็นไงบ้างน่าสนใจหรือเปล่า”
 

        พี่เฟิร์นหันมาถามผมหลังจากที่พี่แพมเดินห่างไปไกลแล้ว ส่วนดินพอได้ยินคำถามของพี่เฟิร์นมันถึงกับสำลักข้าวเลยทีเดียว
 

        “ก็น่ารักดีครับ”

 
        ผมตอบไปพอเป็นมารยาท จะปฏิเสธก็คงไม่ดี ผู้หญิงเขาจะเสียหาย
 

        “น่ารักก็จีบเลยสิ”
 

        พี่เฟิร์นปล่อยไม้ตายขั้นสุดยอดออกมาแล้วครับ คราวนี้ดินมันสำลักหนักเข้าไปอีก สงสัยพี่เฟิร์นจะวางแผนชงผมกับพี่แพมล่ะสิท่า
 

        “พอดีว่าผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้วน่ะครับ จริงมั้ยไอ้ดิน”
 

        ผมวางระเบิดใส่ดินไปเลยครับ ท่าทางมันจะรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ มันนึกยังไงของมันจะให้เพื่อนพี่เฟิร์นมาอ่อยผม มันก็รู้ว่าผมไม่ชอบ

 
        “ไหนดินบอกเราว่าโอมยังไม่มีแฟนไง”
 

        พี่เฟิร์นหันไปว่าดินแล้วครับ ผมล่ะสะใจจริงๆ เป็นไปอย่างที่ผมคิดไว้เลยว่าดินมันก็เล่นด้วย
 

        “มีคนที่ชอบกับมีแฟนแล้วก็ไม่เหมือนกันสักหน่อย”
 

        ดินมันแก้ตัวครับ จริงๆ แล้วมันก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมมีคนที่ชอบอยู่
 

        “ไอ้ดินมึงมากับกูหน่อย”

 
        จังหวะนี้แหละครับ ที่ผมจะดึงดินออกมาจากพี่เฟิร์น ตอนที่ผมดึงตัวมันออกมา พี่เฟิร์นทำหน้าเหวอเล็กน้อย แต่คงพอจะเข้าใจว่าผมมีเรื่องจะคุยกับมัน ผมพามันไปที่หลืบด้านในโรงอาหารจะได้คุยกับมันได้สะดวก ไม่มีใครมาได้ยิน
 

        “มึงมีเรื่องอะไรจะคุยกับกูเนี่ย”
 

        ดินถามผมหลังจากที่ผมปล่อยมัน ท่าทางมันดูหงอไปเลยครับ มันคงจะไม่เคยเห็นผมเล่นบทโหดขนาดนี้
 

        “เรื่องแรก มึงร่วมมือกับพี่เฟิร์นให้เขาชงพี่แพมให้กูใช่มั้ย มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบผู้หญิง มึงจะไม่หาทางช่วยกูหน่อยเหรอ”
 

        “กูขอโทษ กูไม่คิดว่าเฟิร์นจะรุกหนักขนาดนี้”
 

        “ไม่เป็นไร กูให้อภัยมึง แต่ครั้งหน้ากูหวังว่าจะไม่มีอะไรแบบนี้อีกแล้วนะ ต่อไปเรื่องที่สอง มึงเอาเรื่องกูไปบอกไอ้ริวใช่มั้ย”
 

        ผมรีบต่อด้วยเรื่องที่สองทันที วันนี้ผมมีเรื่องจะคุยกับมันเยอะเลยครับ
 

        “ก็มันมาปรึกษากู แต่มึงควรจะขอบคุณกูมากกว่านะ นี่มันไอ้ริวเดือนมหาลัยเลยนะเว่ย งานดีระดับห้าดาว มึงก็น่าจะรู้ ว่าแต่มึงได้มันแล้วใช่มั้ย”

 
        พูดจบมันก็หัวเราะเหมือนจะอ่านใจผมออก ก็ถูกของมันแหละครับ ถ้าไม่ได้มัน ชีวิตนี้ผมคงไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้เห็นขาอ่อนของริว แต่นี่ผมได้เห็นหมดทั้งตัวของริวเลย

 
        “มึงหยุดพูดไปเลย กูไม่บอกมึงหรอก กูจะบอกแค่ว่าเรื่องไอ้ริวมันซับซ้อนกว่าที่มึงคิดเยอะ กูล่ะปวดหัวจริงๆ”
 

        อย่างที่บอกนั่นแหละครับ ถ้าแค่เรื่องนอนกับริว อันนี้ชิลๆ ไม่มีอะไรยากเย็น แต่เรื่องน้องแชมป์นี่สิทำผมปวดหัวไปหลายวันเลย
 

        “แต่ก็คุ้มใช่มั้ยวะ”

 
        “เออ คุ้มก็คุ้ม ยังไม่หมดนะ ยังมีอีกเรื่องแต่เรื่องนี้กูไม่ด่ามึงแล้ว กูมีเรื่องอยากจะถามมึง”
 

        “อะไรวะ”
 

        “มึงรู้อะไรเกี่ยวกับงานรับน้องภาคกูบ้าง เล่าให้กูฟังหน่อย”
 

        ดินมันอึ้งไปหลังจากที่ผมถามคำถามนี้กับมัน นั่นไง แสดงว่างานนี้มันต้องไม่ธรรมดา
 

        “กูไม่รู้ กูไม่อยู่ภาคมึง กูจะรู้ได้ยังไง”

 
        ดินมันจะรู้มั้ยว่าตอนมันโกหกนี่ไม่เนียนสุดๆ ปากมันสั่นซะจนผมแทบจะหลุดขำ แต่ผมจะขำไม่ได้ครับ ตอนนี้ผมต้องเก๊กขรึมต่อไป

 
        “ดิน กูรู้ว่ามึงรู้ มึงสนิทกับรุ่นพี่ภาคกูตั้งหลายคน มึงจะไม่รู้เลยก็คงเป็นไปไม่ได้”
 

        “กูเล่าไม่ได้ มันเป็นความลับขั้นสุดยอด ไว้เดี๋ยววันศุกร์มึงก็รู้แล้ว”
 

        มันตอบเหมือนรุ่นพี่ทุกคนที่ผมกับมินไปถามมาเลยครับ
 

        “กูจะต้องทำยังไงกูถึงจะได้รู้ตอนนี้”
 

        ผมจ้องหน้ามันแบบจริงจัง มันหันหน้าหนีผม ผมก็หันหน้าไปดักทางมัน วันนี้ผมต้องรู้ให้ได้ครับ ความลับของงานรับน้องภาคคอมนี่มันจะขนาดไหนกันเชียว
 

        “เออ กูเล่าให้มึงฟังก็ได้ แต่มึงต้องสัญญานะว่ามึงจะไม่บอกใครว่าได้ยินมาจากกู”
 

        “โอเค กูสัญญา”
 

        “คืออย่างนี้ รับน้องภาคมึงเนี่ยก็อย่างที่มึงรู้ว่าจะเริ่มตั้งแต่สิบเอ็ดโมงไปจนถึงสี่ทุ่ม ตอนสิบเอ็ดโมงจะมีรุ่นพี่มาดักรอพวกมึงหน้าห้องเรียน พวกมึงจะหนีไปไหนไม่ได้หรอก เพราะพวกปีสามมันจะเลือกอาทิตย์ที่มีควิซคาบเช้านั้นพอดี แล้วพวกมึงก็จะถูกต้อนไปที่ห้องประชุมภาคมึง ในนั้นก็จะมีเลี้ยงอาหารกลางวัน แล้วก็มีกิจกรรมอะไรไร้สาระอีกนิดหน่อย แต่ว่าตอนเย็นจะเป็นรับน้องแยกชายหญิง ตรงนี้แหละที่กูไม่รู้ว่าทำอะไร และทำไมต้องแยกชายหญิง พวกเพื่อนกูทั้งผู้ชายและผู้หญิงไม่มีใครยอมเล่าให้กูฟังสักคน และดูเหมือนว่าพวกเพื่อนผู้ชายกูก็ไม่รู้ว่ารับน้องฝั่งผู้หญิงเป็นยังไง พวกเพื่อนผู้หญิงกูก็เหมือนกัน ไม่มีใครรู้ว่าพวกผู้ชายรับน้องกันยังไง”
 
 
 
 
        รับน้องแยกชายหญิงอย่างนั้นเหรอ แล้วมันเป็นกิจกรรมแบบไหนกันนะถึงต้องปิดเป็นความลับขนาดนี้
 
       
 
 


 
 
 
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 8] 23/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 23-06-2017 20:39:27
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 8

 
 
 
 
        หลังจากที่ผมได้คำตอบจากดินแล้ว ผมกับมันก็เดินกลับไปหาพี่เฟิร์น ถึงแม้พี่เฟิร์นจะดูสงสัยว่าผมกับดินไปทำอะไรกัน แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา จากนั้นพวกเราทั้งสามคนก็เดินไปเข้าเรียนด้วยกัน แต่ดูเหมือนผมจะเป็นส่วนเกินสำหรับสองคนนี้นะครับ พอหันไปมองทีไรก็จะเห็นสองคนนี้คุยกันกระหนุงกระหนิงไม่สนใจผมเลย พอหลังเลิกเรียนผมก็แยกตัวออกมาจากสองคนนั้น แล้วเดินไปที่คณะแพทย์ต่อ วันนี้ผมนัดกับมินและแพทไว้ว่าจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน และตอนนี้ผมก็มาถึงหน้าตึกคณะแพทย์แล้ว
 

        “พี่โอม”
 

        ผมได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลังของผม เมื่อผมหันไปก็เจอกับน้องวิทย์ รุ่นน้องสมัยมัธยมปลายของผม ตอนนี้น้องเขาเรียนอยู่ปีหนึ่งคณะแพทย์ รุ่นเดียวกับน้องแชมป์นั่นแหละครับ
 

        “อ้าว วิทย์”

 
        ด้วยความเคยชินผมหันมองไปข้างตัวน้องวิทย์ แต่ก็ไม่เห็นคนที่มักจะอยู่กับน้องวิทย์ตลอดเวลา
 

        “ผมมาคนเดียว พี่ไม่ต้องมองหาใครหรอก”

 
        วิทย์พูดขึ้นมา พร้อมกับเหล่ตามองผมแบบยียวน

 
        “เฮ้ย พี่ไม่ได้มองหาใครเลย”
 

        ผมแก้ตัวไปอย่างนั้นเอง แต่ความจริงแล้วผมก็กำลังมองหาใครคนนั้นอยู่จริงๆ

 
        “ผมรู้หรอกน่า วันนี้พี่มาทำอะไรเนี่ย ตั้งแต่ไอ้เคนมันเปิดตัวแฟน พี่ก็ไม่ค่อยมาที่นี่เลย”

 
        ไอ้เคนที่น้องวิทย์พูดถึงก็คือเพื่อนของน้องวิทย์ที่ผมแอบชอบมาตั้งแต่ตอนมอปลาย ผมสนิทกับน้องเคนเพราะว่าอยู่สายห้องเดียวกัน แต่เมื่อเดือนที่แล้วน้องเคนก็ขึ้น In Relationship กับเพื่อนผู้หญิงในคณะ แม้ว่าจะเพิ่งเปิดเทอมไปไม่ถึงเดือนก็ตาม เรื่องนี้ทำเอาผมเฟลไปเลยครับ เพราะผมน่ะตามจีบน้องเคนมาเป็นปีแล้ว แต่จะเรียกว่าจีบก็คงจะไม่ได้หรอก ผมก็แค่เข้าไปคุยด้วยเหมือนเป็นรุ่นพี่คนหนึ่งก็เท่านั้น
 

        ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้มาที่คณะแพทย์อีกเลย ไม่ใช่ว่าเพราะอกหักจนทำใจไม่ได้หรอกนะครับ พอดีว่าช่วงนั้นไม่ค่อยมีเวลาบวกกับว่าเป็นช่วงที่มินมันขี้เกียจพอดีด้วยล่ะครับ เวลากลุ่มเพื่อนผมจะนัดเจอกัน เลยเป็นหน้าที่ของแพทที่จะต้องไปหาพวกผมที่คณะวิศวะแทน

 
        “พี่มาหาไอ้แพท วิทย์เห็นมันมั้ย”

 
        ผมถามหาแพทกับน้องวิทย์ครับ สองคนนี้มันรู้จักกันเพราะว่าตอนมอปลายพวกมันเคยมีเรื่องกันอยู่ เป็นเรื่องที่แพทมันก็ไม่ได้เล่าให้ผมฟัง มันบอกเป็นเรื่องไร้สาระ ฝ่ายน้องวิทย์เองก็ไม่ยอมบอกอะไรกับผมเหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะญาติดีกันแล้ว ดังนั้นก็ไม่จำเป็นแล้วที่ผมจะต้องรู้ว่าสองคนนี้มีเรื่องอะไรกัน
 

        “ไม่เห็นนะพี่”

 
        น้องวิทย์ตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 
        “เออ แล้วพรุ่งนี้พี่จะไปที่สระมั้ย ช่วงหลังไม่ค่อยเจอพี่เลย”

 
        น้องวิทย์ถามผม ปกติแล้วทุกสัปดาห์ผมจะไปว่ายน้ำที่สระของมหาวิทยาลัย โดยส่วนใหญ่ผมเลือกที่จะไปวันอังคาร เพราะหลังจากที่ผมได้เก็บสถิติมา วันอังคารเป็นวันที่มีคนมาว่ายน้ำน้อยที่สุดครับ แต่ช่วงสองสัปดาห์มานี้ผมติดธุระเลยไม่ได้ไปว่ายน้ำเลย
 

        “ยังไม่แน่ใจเลยว่ะ แต่น่าจะไปนะ”

 
        “งั้นเดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้นะพี่ เดี๋ยวผมไปก่อน ไอ้เคนมันรออยู่”

 
        น้องวิทย์ลาผมก่อนที่จะเดินไปทางโรงอาหารคณะแพทย์ พอพูดถึงน้องเคนผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ได้มาด้วยกัน เพราะปกติแล้วสองคนนี้ตัวติดกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้ว สงสัยว่าพอมีแฟนแล้วก็ลืมเพื่อนล่ะสินะ
 

        “ไอ้โอม มึงมองอะไรอยู่วะ”

 
        เสียงของมินดังมาจากด้านหลัง ผมหันไปมองก็เห็นมินกับแพทยืนอยู่ด้วยกัน

 
        “เปล่าไม่มีอะไร”

 
        ผมปฏิเสธมันไป แม้ว่าตอนนี้ผมกำลังมองตามน้องวิทย์ที่กำลังเดินไปหาน้องเคน ดูเหมือนว่าแพทมันจะเห็นภาพทั้งหมดแล้ว แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
 

        “สรุปเย็นนี้มึงจะกินอะไรวะ”
 

        แพทหันมาถามผม

 
        “พวกมึงเลือกละกัน กูอะไรก็ได้”

 
        ผมตอบไปตามสไตล์ของผม ผมน่ะกินได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ให้พวกเพื่อนเลือกกันดีกว่าครับ
 

        “กูอยากกินพิซซ่าว่ะ”
 

        แพทเสนอขึ้นมา
 

        “กูไม่มีตังค์ แต่ก็กินได้นะถ้ามึงเลี้ยงกู”
 

        มินหันไปบอกแพท

 
        “งั้นก็แดกโรงอาหารคณะกูละกัน ไม่มีทางเลือกแล้วหนิ”
 

        แพทมันทำหน้าเหมือนหมดอาลัยตายอยาก ผมพอจะเข้าใจมันครับว่ามันเบื่อโรงอาหารคณะมันขนาดไหน แต่ก็เป็นที่เดียวในละแวกนี้ที่มีอาหารราคาถูกให้กินประทังชีวิตได้ในวันนี้
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากนั้นแพทก็พาผมกับมินไปที่โรงอาหารคณะแพทย์ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ถึงเวลาอาหารเย็น แต่ปริมาณคนในโรงอาหารก็ถือว่าไม่น้อยเลย

 
        “มินมึงไปจองโต๊ะหน่อย เดี๋ยวกูซื้อให้ มึงจะเอาอะไร”

 
        แพทมันหันไปบอกมินให้เป็นคนจองโต๊ะให้ เพราะถ้าไม่รีบไปจองที่นั่งล่ะก็ พวกเราได้ยืนกินกันแน่นอน
 

        “เออได้ กูเอาบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง”


        “มึงมาคณะกูทีไรมึงก็กินแต่บะหมี่เกี๊ยวมึงไม่เบื่อบ้างหรือไงวะ”
 

        แพทมันบ่นมินอีกตามเคย มินมันก็เป็นคนแบบนี้แหละครับ ชอบกินอะไรซ้ำซาก ถ้าอยู่โรงอาหารวิศวะ มันจะต้องกินข้าวเหนียวไก่ทอด ถ้าอยู่โรงอาหารคณะแพทย์ ก็จะต้องกินบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง
 

        “กูจองโต๊ะให้มึงแล้วจะบ่นอะไรอีก ไปซื้อมาเหอะกูหิว”

 
        มินตอบพร้อมกับส่ายหน้า แพทมันก็ส่ายหน้าเหมือนกัน จากนั้นผมก็เดินไปซื้อข้าวแกงมาวางที่ฝั่งตรงข้ามกับมิน ข้าวแกงเจ้านี้อร่อยแถมยังให้เยอะด้วย  แล้วผมก็เดินไปช่วยแพทยกชามบะหมี่เกี๊ยวของมินมา แพทก็เดินตามผมมาแล้วก็นั่งลงข้างๆ ผม และทันทีที่นั่งลงผมก็หันไปเห็นน้องเคนพอดี เหมือนน้องเขาจะมากับแฟนนั่นแหละครับ แต่น้องเขาไม่เห็นผมหรอก และดูเหมือนว่าน้องวิทย์ก็จะนั่งอยู่ด้วย

 
        “มินมึงสลับที่นั่งกับไอ้โอมหน่อย”
 

        ดูเหมือนว่าแพทมันจะสังเกตเห็นว่าผมมองน้องเคนอยู่ เรื่องที่ผมชอบน้องเคนก็มีแค่แพทกับน้องวิทย์นี่แหละครับที่รู้ มันเลยเรียกให้ผมสลับที่กับมิน มันคงกลัวว่ามินมันจะผิดสังเกต เพราะเรื่องนี้เราจะให้มินมันรู้ไม่ได้ ผมลุกขึ้นทันทีที่แพทบอก ส่วนมินก็ว่าง่าย ยอมสลับที่กับผมโดยไม่ว่าอะไร

 
        “โอม มึงได้ถามไอ้ดิน เรื่องรับน้องภาคแล้วใช่มั้ย”

 
        มินถามผมหลังจากที่เราแลกที่นั่งกันเรียบร้อยแล้ว

 
        “กูถามให้แล้ว สรุปว่าโดดไม่ได้นะ เหมือนว่ารุ่นพี่จะมาดักหน้าห้องตอนเลิกเรียนเลย”
 

        “อย่างนั้นเหรอ แล้วกิจกรรมมีอะไรบ้างอะ”

 
        มินถามผมต่อ

 
        “มีเลี้ยงมื้อเที่ยง แล้วก็มีกิจกรรมไร้สาระนิดหน่อย และก็ตอนเย็นมีรับน้องแยกชายหญิง”
 

        ผมสรุปสั้นๆ ให้มินรู้

 
        “มีรับน้องแยกชายหญิงด้วยเหรอวะ”
 

        อยู่ๆ แพทมันก็พูดขึ้นมา

 
        “เออ ตรงนี้แหละที่แปลก แล้วไอ้ดินมันก็บอกด้วยว่าไม่มีรุ่นพี่คนไหนยอมบอกมันเลยว่ากิจกรรมตอนรับน้องแยกชายหญิงคืออะไร”
 

        “ทำไมภาคมึงมันลึกลับจังวะ ฟังดูน่ากลัว”
 

        แพทมันพูดพร้อมกับทำหน้าสยอง


        “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง”

 
        ผมบอกแพทไป ทั้งที่ผมเองก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันออกจะน่ากลัวอยู่หน่อยๆ
 

        “นี่พวกมึงจะไปไหนกันต่อมั้ยวะ”
 

        มินถามผมกับแพท
 

        “มึงบอกไม่มีตังค์แล้วมึงจะไปไหนได้วะ”

 
        แพทย้อนถามมิน มันคงจะยังแค้นนั่นแหละครับ ที่ทำให้มันต้องมากินที่โรงอาหารคณะมัน
 

        “กูคิดแล้วว่ามึงต้องตอบแบบนี้”

 
        ผมบอกพวกมันไป ใจจริงผมก็คิดแบบเดียวกับแพทนั่นแหละครับ ไม่มีตังค์แล้วจะทำอะไรได้
 

        ครืด ครืด
 

        เสียงโทรศัพท์ของผมสั่น ใครจะโทรหาผมเวลานี้กันเนี่ย แล้วความสงสัยก็จบลง เมื่อหน้าจอปรากฏชื่อของน้องวิทย์ ผมหันไปมองน้องวิทย์ที่น่าจะยังอยู่ที่โต๊ะที่ผมมองเห็นก่อนหน้านี้ แต่ดูเหมือนว่าน้องเขาจะลุกไปแล้ว
 

        “มีอะไรเหรอ”
 

        ผมรับโทรศัพท์โดยไม่เอ่ยชื่อคนในสาย เพื่อไม่ให้เพื่อนทั้งสองของผมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามรู้
 

        “พี่มาหาผมที่ห้องสมุดได้มั้ยครับ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา”
 

        “ได้ๆ เดี๋ยวขอกินข้าวให้เสร็จก่อนนะ”

 
        เมื่อพูดเสร็จผมก็วางสายทันที เมื่อหันมองพวกเพื่อนผมทั้งสองคน ดูท่าทางมันจะสนใจเรื่องที่ผมคุยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะแพทที่ขมวดคิ้วซะจนหน้าย่นเลย

 
        “ใครโทรมาวะ”

 
        แพทถามผม

 
        “อ๋อ เพื่อนกูเรียกไปหาน่ะ”
 

        ผมไม่กล้าบอกแพทตรงๆ ว่าคนที่เรียกผมไปหาคือน้องวิทย์ เพราะถึงผมจะบอกว่าสองคนนี้มันญาติดีกันแล้ว แต่ดูเหมือนว่าฝั่งของแพทจะยังไม่เต็มร้อย
 

        “เออ เดี๋ยวกูไปก่อนนะ มินมึงไม่ต้องรอกลับพร้อมกูนะ กูอาจจะไปนาน”

 
        หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมก็บอกลาเพื่อนทั้งสอง แล้วผมก็รีบหยิบจานไปเก็บที่ชั้นวางจานแล้วไปที่ห้องสมุดคณะแพทย์ทันที
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ห้องสมุดคณะแพทย์อยู่ที่ชั้นสามตึกเดียวกับโรงอาหาร ผมเลือกที่จะเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องสมุด และเมื่อไปถึงหน้าห้องสมุด ผมก็เห็นน้องวิทย์ยืนรอผมอยู่แล้ว
 

        “มีเรื่องอะไรเหรอวิทย์”
 

        ผมถามน้องวิทย์ทันทีที่เจอกัน
 

        “เข้าไปคุยกันข้างในดีกว่าพี่ ผมจองห้องไว้แล้ว”

 
        พูดเสร็จน้องวิทย์ก็พาผมเดินเข้าไปในห้องสมุด ผมเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้ง อย่างช่วงสอบผมกับดินก็มักจะมาอ่านหนังสือที่นี่ เพราะที่นี่มีห้องอ่านส่วนตัวที่จองไม่ยาก และคนไม่เยอะเท่าที่ห้องสมุดคณะวิศวะ
 

        “เดี๋ยวพี่รอผมแป๊บนึงนะ ผมไปหยิบของก่อน”

 
        น้องวิทย์บอกกับผมหลังจากที่พาผมมาส่งในห้องที่จองไว้ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเรื่องที่น้องวิทย์จะปรึกษาผมมันเป็นความลับถึงขนาดที่จะต้องใช้ห้องส่วนตัวเลยเหรอ แต่อาจเป็นได้ว่าน้องวิทย์กลัวพวกเราจะคุยกันเสียงดังรบกวนคนที่มาอ่านหนังสือก็ได้ ผมนั่งเล่นโทรศัพท์รอน้องวิทย์อยู่สักพัก จนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตู
 

        “โทษทีที่ให้รอครับพี่”

 
        น้องวิทย์พูดก่อนที่ผมจะเงยหน้าขึ้นไปมอง และก็พบว่าไม่ได้มีแค่น้องวิทย์เท่านั้นที่เดินเข้ามาในห้อง แต่มีน้องเคนมาด้วย ผมอึ้งไปเล็กน้อย เพราะไม่คิดว่าน้องเคนจะมา
 

        “สวัสดีครับพี่โอม”

 
        น้องเคนทักผม ส่วนผมได้แต่พยักหน้าตอบ
 

        “มีเรื่องอะไรจะปรึกษาพี่เหรอ”

 
        ผมหันไปถามน้องวิทย์

 
        “คืออย่างนี้ครับพี่ เคนมันต้องอัดคลิปสัมภาษณ์เด็กวิศวะส่งอาจารย์น่ะ ผมเลยบอกให้มันมาสัมภาษณ์พี่”
 

        น้องวิทย์อธิบาย
 

        “แล้ววิทย์ไม่ต้องสัมภาษณ์เหรอ”
 

        ผมถามน้องวิทย์ออกไปด้วยความสงสัย
 

        “พอดีอาจารย์เขาให้จับฉลากเลือกคณะน่ะพี่ ผมจับได้คณะวิทย์เลยอดสัมภาษณ์พี่เลย แต่เดี๋ยวผมต้องเป็นคนถ่ายให้อยู่แล้วครับ”

 
        “แล้วสัมภาษณ์เกี่ยวกับอะไรเหรอ”
 

        “ก็เรื่องทั่วไปน่ะพี่ อยากถามอะไรก็ถาม”

 
        “แล้วจะสัมภาษณ์เมื่อไหร่ล่ะ”
 

        คราวนี้ผมหันไปถามน้องเคนบ้าง หลังจากที่คนให้ข้อมูลทั้งหมดเป็นน้องวิทย์มาโดยตลอด จนผมเองก็สงสัยว่านี่มันงานของใครกันแน่ ทำไมมีแต่น้องวิทย์ที่ตอบคำถามผม
 

        “ผมอยากไปถ่ายในสวนน่ะครับ ถ้าเป็นช่วงเย็นมันจะไม่มีแสง ช่วงเช้าหรือบ่ายพี่ว่างวันไหนบ้างเหรอครับ”
 

        “เทอมนี้ว่างแค่บ่ายวันศุกร์น่ะ แต่ศุกร์นี้พี่มีรับน้องที่ภาค แล้วศุกร์หน้าก็มีเลี้ยงสายรหัสอีก เอายังไงดีเนี่ย”
 

        “ถ้าอย่างนั้นเป็นเสาร์อาทิตย์ได้มั้ยครับ”

 
        น้องวิทย์พูดแทรกขึ้นมา
 

        “วันอาทิตย์นี้ก็ได้นะ สะดวกกันหรือเปล่า”

 
        ผมบอกเวลาที่ผมสะดวกไป เพราะถ้าวันศุกร์ที่มีรับน้องต้องดื่มแอลกอฮอล์ วันเสาร์ก็คงจะไม่ไหว
 

        “เป็นวันอาทิตย์นี้ ตอนสิบโมง  ที่สวนคณะแพทย์ละกันครับ”
 

        น้องเคนนัดสถานที่เสร็จสรรพ
 

        “โอเคตกลงตามนั้น”

 
        น้องวิทย์พูด พร้อมกับจดบันทึกลงในสมุดของตัวเอง
 

        “แล้วจะถามอะไรก็ส่งมาให้พี่เตรียมคำตอบก่อนละกัน จะได้ไม่ติดขัด”
 

        ผมบอกน้องเคนไป เพราะถ้าเกิดน้องถามคำถามอะไรแปลกๆ มา ผมกลัวจะตอบไม่ได้
 

        “ได้ครับ”
 

        น้องเคนตอบผม
 

        “เดี๋ยวผมต้องไปก่อนนะพี่โอม ลืมไปว่ามีนัดคุยงานกลุ่ม”
 

        น้องวิทย์พูดขึ้นมา
 

        “งานกลุ่มอะไรวะ ทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


        น้องเคนทักมาขึ้นมา ทำให้ผมสงสัยว่าน้องวิทย์จะอยากให้ผมอยู่กับน้องเคนสองคน
 

        “เออน่า เดี๋ยวกูไปก่อนนะ สวัสดีครับพี่”

 
        น้องวิทย์ตัดบทแล้วรีบเดินออกไป ทิ้งผมให้อยู่กับน้องเคนแค่สองคน ดูท่าทางน่าจะเป็นไปตามที่ผมคาดไว้
 

        “เออ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่ไปก่อนนะ”
 

        ผมบอกกับน้องเคน
 

        “อย่าเพิ่งไปสิพี่ อยู่ด้วยกันก่อน”

 
        น้องเคนบอกผม ตอนนี้ผมนั่งอยู่กับน้องเคนแค่สองคน ไม่มีใครพูดอะไร ผมมองน้องเคน ดูเหมือนว่าเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา บรรยากาศน่าอึดอัดซะจนผมต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
 

        “พี่โอมเป็นยังไงบ้างครับ”

 
        ในที่สุดน้องเคนก็พูดอะไรออกมา

 
        “ก็สบายดีนะ”
 

        ผมตอบน้องเคนโดยไม่ได้เงยหน้าจากโทรศัพท์

 
        “พี่คุยกับผมก็มองหน้าผมสิ จะมองแต่โทรศัพท์ทำไม”

 
        น้องเคนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมเงยหน้ามองก็เห็นว่าสีหน้าของน้องเคนนั้นก็จริงจังไม่แพ้น้ำเสียงเลย
 

        “ก็เห็นไม่พูดอะไร นึกว่าแค่ให้นั่งเป็นเพื่อนเฉยๆ”

 
        ผมบอกน้องเคนไปตามที่ผมคิด จะให้นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรนี่มันน่าเบื่อนะ พูดเสร็จผมก็กลับมาสนใจโทรศัพท์ของผมต่อ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ยินน้องเคนพูดอะไร จนผมรู้สึกเหมือนกันว่ามีคนมานั่งข้างๆ เมื่อผมหันไปมองก็เห็นว่าน้องเคนย้ายมานั่งอยู่ข้างผมแล้ว

 
        “โทรศัพท์พี่มันมีอะไรน่าสนใจนักเหรอ ไหนผมขอดูหน่อย”

 
        น้องเคนพูดพร้อมกับชะเง้อคอมามองโทรศัพท์ผม
 

        “ก็ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลย”

 
        น้องเคนบอกแล้วกดปุ่มปิดหน้าจอโทรศัพท์ของผม
 

        “เฮ้ย ทำอะไรน่ะ”
 

        ผมหันไปมองน้องเคนอย่างตกใจ และตอนนี้ปากของผมก็สัมผัสกับแก้มของน้องเคนแล้ว ผมรีบเด้งตัวออกก่อนที่น้องเคนจะรู้สึก
 

        “ผมแค่อยากให้พี่สนใจผมบ้าง”
 

        น้องเคนบอกผมพร้อมกับรอยยิ้ม คงจะสนุกล่ะสิที่ได้แกล้งผม
 

        “อยู่กับผมก็มองผมสิจะไปมองอย่างอื่นทำไม”

 
        น้องเคนพูดพร้อมกับทำหน้าทะเล้นใส่ผม ตอนนี้ผมหันหน้าไปมองน้องเคน
 

        “จะให้พี่มองหน้าเคนตลอดเวลาเลยเหรอ”
 

        ผมถามน้องเคน
 

        “ถ้าได้ก็ดีครับ”

 
        น้องเคนพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม เรานั่งจ้องหน้ากันอยู่สักพักจนผมเริ่มจะทนไม่ไหว
 

        “พอได้หรือยังเนี่ย”
 

        ผมถามน้องเคน

 
        “ยังครับ พี่ต้องสัญญามาก่อนว่าพี่จะไม่หลบหน้าผมอีก”

 
        น้องเคนรู้สึกด้วยเหรอว่าผมหลบหน้าเขา ไม่สิผมไม่ได้หลบหน้าเขาสักหน่อย ผมแค่ไม่ว่างต่างหาก
 

        “พี่ไปหลบหน้าเราตอนไหน”
 

        “ก็ที่พี่หายไปเป็นเดือน แล้ววันนี้ที่พี่ย้ายที่นั่งหันหลังให้ผมอีก”

 
        น้องเคนคงจะเห็นผมตอนอยู่ในโรงอาหารสินะ แถมยังเห็นตอนที่ผมย้ายที่นั่งอีก
 

        “ถ้าพี่หลบหน้าเคนจริงๆ พี่จะนั่งคุยกับเราตรงนี้มั้ย”

 
        “ก็ตอนนี้พี่มาอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ถ้าพี่จะเดินออกไปมันก็จะผิดสังเกตใช่มั้ยล่ะ”
 

        น้องเคนพูดถูก ในเมื่อน้องเคนมาอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจะหนีไปก็คงไม่ได้

 
        “แล้วนี่พี่กลับได้หรือยังเนี่ย ห้องสมุดจะปิดแล้วมั้ง”

 
        ผมถามน้องเคนออกไป
 

        “ห้องสมุดยังไม่ปิดหรอกครับ มันอยู่ที่ว่าพี่ยังอยากอยู่กับผมหรือเปล่า”
 

        ผมไม่คิดเลยว่าน้องเคนจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา สีหน้าของน้องเคนจริงจังจนผมไม่กล้าสบตาตรงๆ
 

        “เดินไปส่งผมที่หอได้มั้ยครับ”

 
        น้องเคนถามผม
 

        ครืด ครืด
 

        ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ โทรศัพท์ของผมก็สั่น พร้อมกับหน้าจอปรากฏชื่อของแพทขึ้นมา
 

        “มึง กูมีเรื่องจะคุยด้วย มึงอยู่ไหนเนี่ย”

 
        แพทถามผม
 

        “เออ มึงรอกูแป๊บเดียว กูจะไปแล้ว”
 

        ผมแกล้งทำเป็นว่าผมมีนัดกับแพท

 
        “เฮ้ย มึงพูดอะไรของมึงวะ กูถามว่ามึงอยู่ไหน มึงถึงหอมึงหรือยังเนี่ย”

 
        แพทมันยังไม่รู้ครับว่าผมกำลังใช้มันเป็นข้ออ้างที่จะไม่ต้องเดินไปส่งน้องเคนที่หอ
 

        “เออ รอกูแป๊บเดียว เดี๋ยวกูรีบไป”

 
        พูดจบผมก็ตัดสายทันที เดี๋ยวผมค่อยไปเคลียร์กับแพททีหลัง
 

        “เดี๋ยวพี่ต้องไปก่อนนะ เพื่อนพี่มันรอแล้ว”
 

        ผมหันไปบอกน้องเคน

 
        “ไม่เป็นไรพี่”

 
        หลังจากน้องเคนพูดจบผมก็รีบเดินออกมา และก่อนที่ผมจะก้าวออกจากห้องสมุดผมก็หันกลับไปมองน้องเคนอีกครั้ง
 
 
 
 
        และดูเหมือนว่าน้องเคนจะมองผมอยู่เหมือนกัน
 
 
 
 


 
 
 
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 9] 25/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 25-06-2017 18:01:34
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 9

 
 
 
 
        “สรุปมึงมีเรื่องอะไรจะคุยกับกูเนี่ย”
 

        หลังจากที่ผมเดินออกมาจากห้องสมุดคณะแพทย์แล้ว ผมก็โทรศัพท์ไปหาแพท

 
        “เรื่องนี้น่าจะยาว มึงบอกกูมาก่อนดีกว่าว่าเมื่อกี้นี้มึงพูดอะไรของมึงวะ”
 

        แพทถามผมเกี่ยวกับเรื่องที่พูดแปลกๆ ใส่มันไปในโทรศัพท์
 

        “น้องวิทย์เรียกกูไปหาที่ห้องสมุด แต่ทิ้งกูไว้กับน้องเคนสองคน”

 
        “ก็เลยใช้กูเป็นข้ออ้างที่จะหนีออกมาสินะ มึงนี่มันกะล่อนจริงๆ”
 

        “แบบนี้เขาไม่เรียกว่ากะล่อน เขาเรียกว่าฉลาดต่างหาก”

 
        “เออ ฉลาดก็ฉลาด เรื่องของมึงไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย กูจะได้เล่าเรื่องกูบ้าง”

 
        “จริงๆ ก็มี แต่มึงเล่าเรื่องของมึงมาก่อนก็ได้”

 
        ผมยังไม่ได้บอกแพทว่าน้องเคนจะต้องมาสัมภาษณ์ผมครับ ผมไม่รู้จะบอกมันยังไงดี เพราะมันบอกผมตลอดว่าการที่น้องเคนเขามีแฟนแล้ว แถมยังเป็นผู้หญิงด้วยนั้น มันก็ชัดเจนแล้วว่าน้องเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม ดังนั้นผมก็ควรจะอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับน้องเคนจนกว่าผมจะตัดใจจากน้องเคนได้
 

        “เรื่องของเดือนคณะกูสองคนนั่นแหละ”

 
        “ไอ้ริวกับน้องแชมป์อะนะ”
 

        ผมพอจะนึกออกแล้วครับว่าวันนี้น่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าวันนี้น้องแชมป์จะเอานาฬิกาไปให้ริวเป็นของขวัญวันเกิด
 

        “ใช่เลย”

 
        แพทตอบผม ผมก็รู้อยู่แล้วน่ะว่าสองคนนี้แหละ แต่ว่ามันเรื่องอะไรกันล่ะ
 

        “สรุปน้องแชมป์มันให้ของขวัญหรือยังวะ”

 
        ผมถามแพทไปด้วยความสงสัย

 
        “เอาล่ะ ที่กูจะเล่าคือเมื่อเช้ากูเห็นน้องแชมป์ใส่นาฬิกาสีแดงว่ะ กูคุ้นๆ ว่าปกติน้องมันก็ไม่ได้ใส่นาฬิกานะ”
 

        “อะไรกันวะ กูบอกให้มันซื้อให้ไอ้ริวนะ ไม่ใช่ให้มันมาใส่เอง”

 
        “แต่เมื่อตะกี้นี้ สายข่าวกูรายงานว่าเห็นน้องแชมป์ไปเคาะประตูห้องไอ้ริวด้วย และไอ้ริวก็ยอมให้น้องแชมป์เข้าไปในห้อง แต่หลังจากนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
 
 
        “สายข่าวมึงนี่เป็นใครวะ ทำไมถึงสอดรู้สอดเห็นได้ทุกเรื่องขนาดนี้”
 

        ผมว่าก็คงเป็นตัวไอ้แพทเองนั่นแหละครับที่ไปแอบดูที่หน้าห้องของริวมา แพทนี่มันเป็นที่หนึ่งในเรื่องของความขี้เสือกจริงๆ
 

        “มึงไม่ต้องรู้หรอกว่าใคร รู้แค่ว่าไม่ใช่กูก็พอ”

 
        แพทบอกผม แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเชื่อแพทมันได้มั้ย แต่ว่าสายข่าวคนนั้นจะเป็นใครมันก็ไม่สำคัญสักเท่าไหร่หรอกครับ
 

        “แต่กูก็แปลกใจนะที่ริวมันยอมให้น้องแชมป์เข้าไปในห้องง่ายๆ เท่าที่ฟังเวลาริวมันพูดถึงน้องแชมป์ กูรู้สึกว่ามันก็ไม่ค่อยจะชอบน้องแชมป์สักเท่าไหร่”
 

        “แต่เรื่องมันไม่ใช่แค่นั้นว่ะ ฝั่งน้องแนนเริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้ว”
 

        “ยังไงวะ”

 
        “วันนี้น้องแนนเปิดตัวแฟนใหม่ พามากินข้าวถึงที่คณะเลยนะเว่ย ไม่ใช่ใครที่ไหนพี่ปอนด์รุ่นพี่ที่โรงเรียนเราไง”
 

        ตอนแรกผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมน้องแนนถึงทิ้งคนอย่างริวไปได้ง่ายๆ เพราะริวมันหล่อถึงขั้นถึงเดือนมหาวิทยาลัย เรียนเก่งเป็นระดับต้นๆ ของตอนสมัยที่เรียนมัธยมด้วยกัน แถมบ้านมันยังรวยอีกต่างหาก แต่ถ้าแพทมันบอกว่าแฟนใหม่ของน้องแนนคือพี่ปอนด์แล้วล่ะก็ คู่นี้เรียกได้ว่ากินกันไม่ลงเลยล่ะครับ พี่ปอนด์เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนของผมสมัยมัธยมปลาย ตอนนี้พี่ปอนด์เรียนวิศวะเคมีอยู่ปีสาม เป็นเดือนมหาวิทยาลัยด้วย ถ้าให้เทียบเรื่องความหล่อ ผมว่าสองคนนี้หล่อคนละแบบกัน ริวจะออกตี๋ๆ ส่วนพี่ปอนด์จะดูออกไปทางฝรั่งมากกว่า แต่ว่าผิวจะขาวเหมือนกัน ส่วนเรื่องเรียนก็เป็นตัวท็อปทั้งคู่ เรื่องความรวยก็ไม่แพ้กันเลย ผมไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมน้องแนนถึงทิ้งริวมันไปได้ เพราะคนใหม่ของเธอก็ไม่ธรรมดาซะด้วย

 
        “น้องแนนนี่ไม่ธรรมดาเลยว่ะ ได้เป็นแฟนกับเดือนมหาลัยไปสองคนแล้ว”
 

        “แต่มึงคิดดูนะ ริวกับพี่ปอนด์มันก็รู้จักกัน ถ้าจะแย่งแฟนกันขนาดนี้กูว่าต้องมีเรื่องแน่ๆ”
 

        “เออว่ะ จริงอย่างที่มึงบอก นี่พี่ปอนด์เขาไม่รู้เหรอวะว่าน้องแนนเป็นแฟนกับไอ้ริวอยู่แล้ว”

 
        ผมเห็นด้วยกับที่แพทมันพูดครับ สองคนนี้ก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องโรงเรียนเดียวกัน ถึงจะไม่ได้สนิทกันมากมายแต่ก็น่าจะรู้จักกันในระดับหนึ่ง แบบนี้มันจะไม่มีปัญหาได้ยังไง

 
        “กูก็ไม่แน่ใจว่ะ เอาเป็นว่าถ้ามีความคืบหน้าอะไรกูจะรายงานมึงอีกทีนะครับ เรื่องของคนอื่นมึงไว้ใจกูได้เลย เออแล้วตอนนี้มึงอยู่ไหนเนี่ย”

 
        “กูกำลังเดินกลับหอ ใกล้ถึงแล้วล่ะ”

 
        ผมคุยกับแพทมันมาสักพักจนผมเดินใกล้จะถึงหอแล้วครับ

 
        “เออ แล้วที่มึงบอกว่ามีเรื่องจะเล่าอีกนี่คือเรื่องอะไรวะ”
 

        แพทถามผมถึงเรื่องที่ผมยังไม่ได้เล่าให้มันฟัง
 

        “ที่น้องวิทย์เรียกกูไปวันนี้คือมันจะให้น้องเคนสัมภาษณ์กูส่งอาจารย์ว่ะ”

 
        “อ๋อ วิชาการสื่อสารล่ะสินะ มึงนี่โชคดีจริงๆ คณะมีตั้งเยอะแยะทำไมไอ้น้องเคนมันต้องจับได้คณะวิศวะด้วยวะเนี่ย เออ แล้วมึงตอบตกลงมันไปหรือยัง”

 
        “ก็ตกลงไปแล้ว จะปฏิเสธยังไงล่ะวะ”

 
        “เออ ก็ดีแล้ว”

 
        “อ้าว มึงจะไม่ห้ามกูสักหน่อยเหรอ”

 
        ผมนึกแปลกใจที่แพทมันไม่ห้ามผมที่ผมจะไปให้น้องเคนสัมภาษณ์

 
        “กูรู้ว่ามึงไม่น่าจะตัดใจจากน้องมันได้ง่ายๆ กูอาจจะคิดผิดเองก็ได้ว่าน้องเขาไม่มีทางชอบมึง เผื่อถ้าน้องเขาได้รู้จักมึงมากขึ้นเขาอาจจะชอบมึงก็ได้ จริงๆ เพื่อนกูหลายคนก็ได้แฟนจากการไปสัมภาษณ์วิชานี้นี่แหละ”
 

        “นี่มึงจะให้กูแย่งแฟนคนอื่นเหรอวะ”
 

        “ก็แล้วแต่มึง ถ้ามึงอยากจะแย่งกูก็คงไม่ห้ามมึงหรอก เพราะเรื่องร้าวฉานคืองานของกู”
 

        พอแพทพูดเสร็จมันก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ผมไม่เข้าใจมันเหมือนกันว่าทำไมมันถึงเปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
 

        “เออ พรุ่งนี้มึงจะมาว่ายน้ำกับกูมั้ย น้องวิทย์มันชวน”
 

        “น้องมันชวนมึงมั้ย ไม่ได้ชวนกู แล้วมึงนี่ยังไงวะ ก็รู้อยู่ว่าไอ้น้องวิทย์นี่มันชอบมึง แล้วยังจะทำตัวเหมือนให้ความหวังมันอีก”
 

        อย่างที่แพทมันพูดนั่นแหละครับว่าน้องวิทย์มันชอบผม น้องมันเคยบอกผมตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าผมชอบเพื่อนมัน ตอนที่น้องมันมาสารภาพรักกับผม ผมก็อึ้งไปเลยครับ แต่ผมก็บอกความจริงน้องมันไปว่าผมน่ะชอบน้องเคนอยู่ หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าน้องวิทย์จะช่วยผมจีบน้องเคนซะด้วยซ้ำ
 

        “น้องมันก็รู้อยู่แล้วว่ากูชอบเพื่อนมัน กูว่าไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
 

        ผมบอกแพทไปตามที่ผมคิด ป่านนี้น้องวิทย์อาจจะเลิกชอบผมไปแล้วก็ได้
 

        “กูว่ากูไปเป็นไม้กันหมาดีกว่าว่ะ กูไม่ไว้ใจไอ้เด็กนี่สักเท่าไหร่”
 

        “สรุปนี่มึงกับน้องมันมีปัญหาอะไรกันแน่วะ ตอนแรกกูนึกว่ามึงจบกันไปแล้วซะอีก”
 

        ผมล่ะสงสัยจริงๆ กับท่าทีของแพทที่มีต่อน้องวิทย์ แต่สิ่งที่ผมมั่นใจที่สุดคือแพทมันไม่ได้แอบชอบน้องวิทย์แน่นอนครับ เพราะน้องวิทย์นี่ไม่ใช่สเปกมันเลย แพทมันชอบผู้ชายตัวสูงๆ แต่น้องวิทย์ก็สูงแค่ 170 เซนติเมตรเท่านั้น คงจะออกแนวหมั่นไส้ซะมากกว่า
 

        “มึงไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่ากูไม่ไว้ใจมัน”

 
        “มึงไม่ต้องกลัวน้องมันมาปล้ำกูหรอกนะ กูว่ากูสู้แรงน้องมันได้”
 

        ผมพูดเสร็จให้หัวเราะเบาๆ ใส่มันไป

 
        “เออน่า เอาเป็นว่าพรุ่งนี้กูไปด้วย ห้าโมงเย็นเหมือนเดิมใช่มั้ย”
 

        “ตกลงตามนั้น ห้าโมงเย็นเจอกันที่สระเลยนะ”
 

        “เดี๋ยวกูไปอาบน้ำละ ไปก่อนนะ”
 

        “บาย”
 

        ทันทีที่พวกเราจบบทสนทนากันผมก็มาถึงห้องของผมพอดี ผมจัดการเตรียมอุปกรณ์สำหรับการว่ายน้ำในวันพรุ่งนี้ใส่ในกระเป๋าให้เรียบร้อย จากนั้นผมก็ไปอาบน้ำและเข้านอนตามปกติ
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        และวันอังคารก็มาถึง วันนี้ก็เป็นวันที่น่าเบื่ออีกวันหนึ่ง จริงๆ แล้วก็น่าเบื่อเกือบทุกวัน ยกเว้นวันเสาร์อาทิตย์นั่นแหละครับ เทอมนี้ผมเรียนเยอะมาก เรียนจนแทบจะไม่มีเวลาพักเลย จะมีก็แค่วันศุกร์ช่วงบ่ายที่ไม่มีเรียน แต่ถ้าที่คณะหรือภาควิชามีกิจกรรมอะไรก็เอามาใส่ไว้วันศุกร์ช่วงบ่ายตลอด สุดท้ายก็คือไม่ว่างเลยสักวันนั่นแหละครับ อย่างวันนี้ผมมีเรียนวิชาภาคสามวิชาตั้งแต่แปดโมงเช้าจนสี่โมงเย็น จะต่างจากวันจันทร์นิดหน่อยตรงที่วันนี้ทุกวิชาผมเรียนเซคเดียวกับมินครับ
 

        “เย็นนี้มึงจะไปไหนวะ”

 
        ผมกระซิบถามมิน ระหว่างที่นั่งเรียนวิชาช่วงบ่าย เป็นวิชาบรรยายที่น่าเบื่อมากๆ ครับ
 

        “เดี๋ยวไปเล่นบาสกับไอ้ดิน แล้ววันนี้มึงจะไปไหนเนี่ย”
 

        “ไปว่ายน้ำกับไอ้แพทน่ะ”
 

        “มึงไม่ชวนกูเลย”

 
        มินพูดกับผมพร้อมกับทำหน้าเศร้า

 
        “แล้วกูจะชวนมึงทำไมล่ะ กูชวนมึงทีไรมึงก็บอกว่าไม่ไป”
 

        ผมตอบมินพร้อมกับทำหน้าเอือมระอา ผมล่ะไม่เข้าใจมันเลย ถ้าชวนแล้วมันจะไปก็ว่าไปอย่าง แต่ผมชวนมันทีไรมันก็บอกว่าไม่ว่างบ้าง ไม่อยากว่ายบ้าง จนหลังๆ มาผมกับแพทก็ตกลงกันเลยว่าจะไม่ชวนมินมัน และที่ประหลาดคือทุกครั้งที่มินมันรู้ว่าพวกเราจะไปว่ายน้ำก็จะชอบทำหน้าเศร้าบอกว่าทำไมไม่ชวนมัน แต่พอถามว่าอยากไปด้วยเหรอมันก็บอกว่าไม่อยากไป อะไรของมันก็ไม่รู้ครับ
 

        “เออ ก็บอกกูหน่อย เผื่อกูอยากไป”

 
        มินตอบผมพร้อมกับทำหน้ากวนตีน
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากผ่านการเรียนที่ยาวนานตลอดทั้งวัน ก็มาถึงช่วงเวลาที่ผมจะได้ผ่อนคลายเสียที ผมกับมินเดินไปที่ศูนย์กีฬาด้วยกัน เพียงแต่เรามีเป้าหมายกันคนละที่ คือมินมันจะไปที่สนามบาส ส่วนผมจะไปที่สระว่ายน้ำ
 

        “มึงนัดไอ้แพทไว้กี่โมง”

 
        มินหันมาถามผม ทันทีที่เดินมาถึงหน้าศูนย์กีฬา

 
        “ห้าโมง”

 
        ผมตอบมินพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลา ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงยี่สิบ
 

        “ยังไม่สี่โมงครึ่งเลย มึงมาดูพวกกูเล่นบาสก่อนมั้ย”
 

        มินเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลาเช่นกัน ก่อนจะหันมาชวนผม

 
        “เออ เอางั้นก็ได้”
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ผมกับมินเดินขึ้นมาที่สนามบาสเกตบอลซึ่งอยู่ที่ชั้นสี่ของศูนย์กีฬา
 

        “เฮ้ย โอมวันนี้มึงมาเล่นด้วยเหรอ”

 
        ดินทักผมทันทีที่ผมเดินเข้าไปในสนามบาส มันคงแปลกใจที่เห็นผมที่นี่ เพราะถึงแม้ว่ามินมันจะมาเล่นบาสกับดินหลายครั้งแล้ว แต่ผมก็ไม่เคยมาที่นี่เลย

 
        “เปล่า กูแค่มาดู เดี๋ยวกูไปว่ายน้ำต่อ”

 
        ผมตอบดิน พร้อมกับหันไปดูโดยรอบสนาม ตอนนี้ยังมีคนไม่มากเท่าไหร่ แต่ที่สะดุดตาคือพี่ปอนด์ที่นั่งอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งผมเดาว่าน่าจะเป็นน้องแนนที่เคยเป็นแฟนกับริว แต่ตอนนี้กลายมาเป็นแฟนของพี่ปอนด์ซะแล้ว
 

        “เออ เดี๋ยวกูแนะนำมึงให้รู้จักกับพวกเพื่อนกูหน่อย”

 
        ดินบอกผมพร้อมกับพาผมกับมินเดินไปหากลุ่มเพื่อนของมันที่ตอนนี้นั่งอยู่ที่อัฒจันทร์
 

        “เฮ้ย ทุกคนฟังทางนี้ นี่โอมเพื่อนกูเอง อยู่ปีสองภาคคอม”
 

        ดินแนะนำผมให้เพื่อนๆ ของมันรู้จัก
 

        “นี่ไอ้พูนเพื่อนกู อยู่ปีสามภาคโยธา ภาคเดียวกับกูแหละ คนนี้เรียนกับกูมาตั้งแต่มัธยม ไอ้นี่มันไม่ชอบอาบน้ำ กูเลยต้องอยู่ทีมเดียวกับมันตลอด ไม่อย่างนั้นตอนคลุกวงในกูต้องเป็นลมแน่ๆ”

 
        ดินมันแนะนำตัวเพื่อนมันคนแรก คนนี้ผมคุ้นๆ หน้าอยู่เหมือนจะเคยเห็นเดินกับดินบ่อยๆ แค่คนแรกมันก็เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ของมันทุกคนได้แล้ว จะมีก็แต่เพื่อนมันที่ชื่อพูนนี่แหละที่ทำหน้าโกรธแค้นมาก

 
        “คนนี้ไอ้จุก อยู่ภาคเคมีปีสาม จริงๆ มันไม่ได้ชื่อจุกหรอก มันชื่อเป้ แต่พ่อมันชื่อจุก กูก็เลยเรียกมันว่าไอ้จุก”
 

        ดินแนะนำเพื่อนมันคนต่อไป พร้อมกับเน้นคำว่าจุกทุกครั้งที่มันพูด
 

        “อ้าว มึงไม่ได้ชื่อจุกเหรอวะ กูคิดว่ามึงชื่อจุกจริงๆ ซะอีก”
 

        พี่พูนหันไปพูดกับพี่จุก เอ๋ หรือผมควรจะเรียกพี่เขาว่าพี่เป้ดี พอพี่พูนพูดจบทุกคนก็หัวเราะออกมา
 

        “คู่นี้กูคงไม่ต้องแนะนำมั้ง มึงน่าจะรู้จักอยู่แล้ว”

 
        ดินบอกผม ตอนที่มาถึงการแนะนำตัวของพี่ปอนด์กับน้องแนน

 
        “ได้ไงวะ กูอยากรู้ว่ามึงจะแนะนำตัวกูยังไง”
 

        พี่ปอนด์พูดกับดิน
 

        “คนนี้ไอ้ปอนด์เดือนมหาลัยขี้เก๊ก เด็กวิศวะเคมี งานอดิเรกคือชอบแย่งแฟนชาวบ้าน”
 

        ดินแนะนำตัวพี่ปอนด์แบบสุดยอด ผมไม่คิดว่ามันจะกล้าพูดขนาดนี้ ผมหันมองคนรอบข้างก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ ผมไม่แน่ใจว่ามันเล่นมุกหรือว่าจะกัดพี่ปอนด์จริงๆ

 
        “ก็น้องเขาชอบกูจะทำยังไงได้ล่ะวะ”

 
        พี่ปอนด์พูดแล้วก็ยักไหล่ พร้อมกับโอบไหล่น้องแนน เรียกเสียงโห่จากทุกคนได้เป็นอย่างดี
 

        “ส่วนนี้ก็น้องแนน ดาวคณะแพทย์ ว่าที่ดาวมหาลัย สวย หวาน น่ารัก ขี้เล่น เป็นกันเอง”

 
        มาถึงน้องแนน ดินมันก็เปลี่ยนเสียงเป็นเสียงอ่อนเสียงหวาน พร้อมกับมองน้องแนนด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ส่วนที่ดินมันบอกว่าน้องแนนเป็นว่าที่ดาวมหาวิทยาลัยก็เพราะว่าตอนนี้ยังไม่ถึงงานประกวดดาวเดือนเลยครับ แต่ว่าน้องแนนที่เป็นตัวเต็งของการแข่งขันคงจะไม่หลุดโผไปหรอกครับ

 
        “ดินมึงใจเย็นนี่แฟนกู”

 
        พี่ปอนด์หันมาพูดกับดิน

 
        “เมื่อไหร่กูจะได้เล่นวะไอ้ดิน เสียเวลาชิบหาย”
 

        เสียงใครสักคนพูดขึ้นมา เมื่อหันไปตามเสียงพูดนั้น ก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะเป็นรุ่นพี่ภาคคอมนี่แหละครับ คุ้นๆ ว่าเขาน่าจะชื่อกัน ฉายาของเขาคือไอ้ปากหมา เป็นฉายาที่พวกเพื่อนรุ่นผมตั้งให้ไอ้รุ่นพี่คนนี้ครับ เพราะว่ามันปากหมามาก มันมีเรื่องกับเพื่อนผมไปหลายคนแล้วครับ แต่พวกผู้หญิงจะชอบมันเพราะว่ามันหล่อ ขาว ตี๋ แบบที่สาวๆ เขานิยมกัน แต่เรื่องนิสัยนี่อย่าให้พูดเลยครับ
 

        “ไอ้กันมึงใจเย็น เดี๋ยวก็ถึงคิวมึงแล้ว”

 
        ดินมันหันไปบอกเพื่อนปากหมาของมัน

 
        “ไอ้ดิน นี่กูมาเล่นบาสนะเว่ย ไม่ได้อยากจะมารู้จักเพื่อนใหม่ ไอ้สัส ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง”
 

        พี่กันหันไปตอบดิน

 
        “เออๆ มึงลงไปเล่นได้เลย เหลือแค่มึงกับไอ้แซนที่ยังไม่แนะนำตัว แต่เดี๋ยวน้องมันก็รู้จักพวกมึงเองแหละ”
 

        ดินหันไปบอกพี่กัน ส่วนพี่แซนที่ดินมันพูดถึงก็เป็นรุ่นพี่ที่ภาคผมครับ ผมพอจะคุ้นหน้าอยู่

 
        เนื่องจากวันนี้คนมาน้อย พวกนั้นเลยตกลงว่าจะเล่นสตรีทบาสกัน คือใช้แป้นบาสแค่ฝั่งเดียว และก็เล่นแค่ทีมละสามคน มีดิน มิน พี่พูน พี่จุก พี่ปอนด์ และก็พี่กัน ตอนนี้ผมก็นั่งดูอยู่กับพี่แซนและก็น้องแนน

 
        “ตะกี้นี้อย่าไปถือสาไอ้กันมันเลยนะ มันก็เป็นอย่างนี้แหละ”
 

        พี่แซนหันมาพูดกับผม

 
        “ผมไม่ถือหรอกพี่ ผมรู้ว่าเขาก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เออ แล้วพี่ไม่เล่นเหรอวันนี้ เห็นพี่ใส่ชุดมาแล้ว”
 

        ผมหันไปตอบพี่แซนที่ใส่ชุดบาสเต็มยศ แต่ดันไม่ยอมลงไปเล่นในสนามซะอย่างนั้น
 

        “ถ้าพี่ลงก็ไม่ครบคู่สิ อีกอย่างวันนี้ก็รู้สึกขี้เกียจเล่นนิดนึงเลยมานั่งดูดีกว่า”
 

        หลังจากที่ผมนั่งดูปสักพักก็พอจะสรุปได้ว่าคนที่เล่นเก่งที่สุดน่าจะเป็นมินนั่นแหละครับ ผมไม่ได้เข้าข้างเพื่อนผมหรอกนะ แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ ส่วนอีกคนที่น่าจะสูสีก็คือพี่กัน ถึงผมจะไม่ค่อยชอบนิสัยรุ่นพี่คนนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับนั่นแหละครับว่าเวลาเล่นบาสมันดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เล่นเอาคนที่หล่อกว่าอย่างพี่ปอนด์ดูหมองไปเลย
 

        “เออ พี่ผมไปก่อนนะ นัดเพื่อนว่ายน้ำเอาไว้”

 
        ผมมองนาฬิกาก็ใกล้จะห้าโมงแล้ว ผมจึงหันไปบอกลาพี่แซน ก่อนที่จะโบกมือให้น้องแนนอีกคน
 

        “ไอ้ดิน ไอ้มินกูไปก่อนนะเว่ย”

 
        ผมตะโกนบอกพวกมันสองคนที่กำลังเล่นอยู่ในสนาม ทั้งสองคนหันมามองผมพร้อมโบกมือลา
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ผมค่อยๆ เดินลงจากชั้นสี่ของศูนย์กีฬาไปที่ชั้นสองเพื่อไปยังสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำของที่นี่จะอยู่ด้านข้างของอาคารศูนย์กีฬา ซึ่งการจะเข้าไปที่สระว่ายน้ำจะต้องเดินเข้าไปในศูนย์กีฬาก่อน แล้วเดินออกจากประตูด้านข้างของศูนย์กีฬาที่ชั้นสองเพื่อไปยังสระว่ายน้ำอีกทีหนึ่ง เมื่อเดินเข้าไปในส่วนของอาคารสระว่ายน้ำแล้วจะมาถึงเป็นห้องล็อกเกอร์ก่อน โดยห้องล็อกเกอร์จะแบ่งเป็นฝั่งผู้ชายและฝั่งผู้หญิง ซึ่งด้านในนั้นก็จะมีห้องอาบน้ำด้วย เมื่อผมเดินไปถึงห้องล็อกเกอร์แล้วก็จัดการเลือกล็อกเกอร์ที่ยังว่างอยู่และใส่กระเป๋าเข้าในตู้ พร้อมล็อกด้วยกุญแจที่เตรียมมา
 

        “พี่วุฒิ”
 

        ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปที่ห้องอาบน้ำผมก็เจอกับคนที่ผมไม่ได้พบมานาน พี่วุฒิเคยเป็นครูฝึกสอนวิชาว่ายน้ำที่โรงเรียนของผมตอนที่ผมอยู่มอหก
 

        “อ้าว โอม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน หล่อขึ้นเยอะเลยนะเรา”
 

        ตอนนี้พี่วุฒิอยู่ในชุดว่ายน้ำแล้ว ดูไปดูมาพี่วุฒิหุ่นดีกว่าสมัยก่อนเสียอีก หน้าตาก็ดูดีกว่าแต่ก่อน แถมยังไม่ได้ดูแก่ขึ้นกว่าเดิมเลยสักนิด
 

        “พี่ก็พูดเกินไป เป็นยังไงบ้างพี่ ไม่เจอกันซะนานเลย”

 
        “ก็สบายดี แล้วนี่เรามาว่ายคนเดียวหรือมากับเพื่อนเนี่ย”

 
        “มากับเพื่อนครับพี่ แต่ผมยังไม่เจอเพื่อนเลย น่าจะเข้าไปว่ายแล้วมั้งพี่ แล้วพี่มาคนเดียวเหรอ”

 
        “มาคนเดียวน่ะ เออ เดี๋ยวพี่เข้าไปก่อนนะ เราเข้าไปแต่งตัวเถอะ”

 
        พี่วุฒิบอกผม แล้วก็เดินเข้าไปที่สระ

 
        หลังจากนั้นผมก็เดินเข้าไปแต่งตัวในห้องอาบน้ำ จากนั้นก็เอาเสื้อผ้ามาเก็บที่ล็อกเกอร์ แล้วเข้าไปที่สระว่ายน้ำ วันนี้คนไม่เยอะมาก ผมพอจะมองเห็นอยู่ว่าน้องวิทย์กับแพทมันว่ายน้ำแข่งกันอยู่ แพทมันก็ตลกนะครับ ถึงจะบอกผมว่าไม่อยากให้ยุ่งกับน้องวิทย์ แต่มันก็มาว่ายน้ำแข่งกันซะเนี่ย และสุดท้ายก็เป็นน้องวิทย์ที่เข้าเส้นชัยไปก่อน

 
        “แพท ทำไมมึงกากจังวะ สู้เด็กไม่ได้”

 
        ผมเดินไปแซวแพท หลังจากที่มันมาถึงขอบสระที่เป็นเส้นชัยของมันแล้ว

 
        “กูไม่ได้กากโว้ย กูแค่ออมมือให้เด็กมันนิดหน่อย”

 
        แพทหันมาตอบผม แต่ดูท่าทางว่ามันจะไม่ได้ออมมือนะครับ เพราะดูเหมือนว่ามันจะเหนื่อยจนหอบเลยทีเดียว
 

        “อ่อนซ้อมก็บอกมาเถอะครับ หอบอย่างกะมาว่ายเป็นสิบรอบ นี่เพิ่งรอบเดียวเองนะพี่”
 

        น้องวิทย์หันไปแซวแพท ก่อนที่จะดันตัวขึ้นมายืนกับผม และสิ่งที่สะดุดตาผมที่สุดก็คือส่วนนั้นของน้องวิทย์ที่นูนออกมานี่แหละครับ ไม่รู้ว่าไปมีอารมณ์มาจากไหน ตลกดีครับ

 
        “ทำไมเป้ามึงตุงจังวะไอ้วิทย์ นี่มึงเห็นเพื่อนกูแล้วมีอารมณ์เหรอ”
 

        แพทมันหันไปแซวน้องวิทย์บ้าง
 

        “ก็คงใช่ล่ะครับ”

 
        น้องวิทย์พูดพร้อมกับทำหน้าเขิน ไม่รู้ว่าเขินจริงหรือว่าแกล้งเขินกันแน่ แต่มันก็ไม่เอามือไปปิดเป้าตัวเองนะครับ สงสัยว่าจะมั่นใจในขนาดของตัวเอง
 

        “ทำไมวันนี้มึงมาช้าจังวะ”

 
        แพทมันหันมาถามผมบ้าง

 
        “กูไปดูไอ้มินเล่นบาสมา แล้วตะกี้นี้กูเจอพี่วุฒิด้วยเลยคุยกันแป๊บนึง”

 
        ผมตอบแพทไป จากนั้นผมก็หย่อนตัวลงในสระ
 

        “วุฒิไหนวะ”

 
        แพทถามผม
 

        “ก็พี่วุฒิที่สอนว่ายน้ำตอนมอหกไง”
 

        สีหน้าของแพทเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่แพทได้ยินคำตอบจากผม
 

        “มึงรู้มั้ยว่าเขาอยู่ไหน กูมีเรื่องจะคุยกับเขา”

 
        พอแพทพูดเสร็จมันก็รีบดันตัวขึ้นมาจากสระทันที

 
        “น่าจะอยู่ที่สระนี่แหละ มึงลองมองหาดูละกัน”

 
        ผมตอบแพทไป แต่ดูเหมือนว่าแพทจะไม่ได้รอคำตอบของผม เพราะแพทนั้นเดินไปก่อนแล้ว ดูท่าทางว่ามันจะหาพี่วุฒิเจอแล้ว ผมหันมองไปมองน้องวิทย์ที่ทำหน้างงอยู่ จากนั้นผมกับน้องวิทย์ก็ว่ายน้ำด้วยกันสักพักใหญ่ ระหว่างนั้นผมก็พยายามมองหาแพทกับพี่วุฒิไปด้วย แต่ผมก็หาสองคนนั้นไม่เจอเลย
 

        “พี่แพทเขาหายไปนานแล้วนะพี่ พี่ไปตามหน่อยมั้ย”
 

        น้องวิทย์หันมาถามผม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไร แพทก็มาอยู่ข้างๆ ผมแล้ว
 

        “มึงไปไหนมาตั้งนานวะแพท”

 
        ผมหันไปถามแพทที่ตอนนี้ลอยตัวอยู่ข้างๆ ผม
 

        “ไม่มีอะไรหรอก แต่เดี๋ยวกูไปก่อนนะ กูมีธุระนิดหน่อย”
 

        แพทหันมาบอกผมก่อนที่ขึ้นจากสระไป

 
        “อะไรของมันวะเนี่ย”
 

        ผมรำพึงกับตัวเอง

 
        “อย่าไปสนใจเลยพี่ ว่ายน้ำกันต่อเถอะ”
 

        น้องวิทย์บอกผม
 
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากที่ผมว่ายน้ำกับน้องวิทย์อีกสักพัก น้องวิทย์ก็ขอกลับไปก่อน และดูเหมือนว่าคนจะเริ่มบางตาลง เพราะว่าฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ระหว่างที่ผมว่ายน้ำอยู่นั้นเองก็มีคนมาสะกิดที่เท้าของผมระหว่างที่ผมกำลังว่ายน้ำอยู่ เมื่อหันไปผมก็เจอกับพี่วุฒิ
 

        “มีอะไรเหรอพี่”

 
        ผมหยุดว่ายก่อนที่จะหันไปถามพี่วุฒิ

 
        “คืนนี้ว่างมั้ยโอม”
 

        พี่วุฒิถามผม

 
        “ว่างนะพี่ จะชวนผมไปกินข้าวเหรอ”

 
        ผมถามพี่วุฒิด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 
        “จริงๆ แล้วพี่อยากจะไปรำลึกความหลังกับเราน่ะ”
 
 
 
 
        รำลึกความหลังอย่างนั้นเหรอ ผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าพี่วุฒิหมายถึงอะไร
 
 
 
 


 
 
 
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 9] 25/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: temaripik ที่ 25-06-2017 20:44:56
แหมมมม พ่อคนฮ็อต
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 9] 25/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: iaum ที่ 25-06-2017 22:27:42
โอม so hot มากเลยอะ  :hao3: ฟาดเรียบเลย  :haun4:
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 9] 25/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 26-06-2017 15:19:24
 :hao7: :hao5: :hao4:
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 9] 25/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 26-06-2017 17:46:43
โอม ฟาดเรียบบ
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 9] 25/06/2560
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 01-07-2017 09:23:02
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 10] 02/07/2560 {แจ้งข่าว #29}
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 02-07-2017 11:12:45
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 10

 
 
 
 
        ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว
 
 

        “ชอบว่ายน้ำเหรอเราน่ะ เห็นมาว่ายเกือบทุกวันเลย”
 

         วุฒิถามนักเรียนชายตรงหน้าของเขา เขารู้สึกคุ้นหน้าว่านักเรียนคนนี้เป็นหนึ่งในนักเรียนที่เขาสอนว่ายน้ำในเทอมนี้ เขามักจะเห็นเด็กคนนี้มาว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำของโรงเรียนเกือบทุกวันหลังเลิกเรียน นอกจากความสามารถในการว่ายน้ำที่โดดเด่นในระดับที่ใกล้เคียงกับนักกีฬาว่ายน้ำแล้ว ใบหน้าที่หล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ และมัดกล้ามแบบคนที่เล่นกีฬาเป็นประจำทำให้เขารู้สึกสนใจเด็กคนนี้อยู่ไม่น้อย

 
        “ชอบครับจารย์”

 
        นักเรียนคนนั้นตอบคำถามของวุฒิพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้วุฒิรู้สึกดีอย่างประหลาด รอยยิ้มของเด็กคนนี้ทำให้เขานึกถึงสมัยที่เขายังเรียนอยู่ชั้นมัธยม เขาเองก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ว่ายน้ำเหมือนกับเด็กคนนี้ แต่เวลาผ่านไปเขาก็เริ่มจะรู้สึกเคยชินมากกว่าที่จะรู้สึกมีความสุข เขาเองก็อยากจะกลับไปมีความสุขเช่นนั้นเหมือนกัน
 

        “เราชื่ออะไรนะ โทษทีผมยังจำเด็กได้ไม่ครบเลย”
 

        วุฒิเอ่ยถามเด็กคนนั้นไป มันจะอาจจะดูไม่ดีสักเท่าไหร่ที่เขาจะจำนักเรียนที่เขาสอนไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเขาเพิ่งจะเริ่มเข้ามาเป็นครูฝึกสอนที่นี่ได้เพียงสองสัปดาห์เท่านั้น
 

        “ชื่อโอมครับ”

 
        นักเรียนคนนั้นตอบ
 

        “หลังเลิกเรียนอย่าเรียกผมว่าอาจารย์ได้มั้ยอะ มันฟังดูแก่จังเลย”

 
        วุฒิเอ่ยถามนักเรียนตรงหน้า เขารู้ดีว่ามันอาจจะฟังดูแปลก แต่เขารู้สึกยังไม่ชินกับการถูกเรียกว่าอาจารย์ มันอาจจะไม่ดีนักที่จะให้นักเรียนเรียกตนเองว่าพี่ในเวลาเรียน แต่นี่ก็หลังเลิกเรียนแล้วคงจะไม่เป็นอะไรหรอก วุฒิคิดเช่นนั้น
 

        “จะดีเหรอครับ”
 

        โอมถามอย่างไม่แน่ใจ
 

        “ดีสิ”

 
        วุฒิยืนยัน

 
        “โอเคครับ พี่วุฒิ”

 
        โอมเอ่ยชื่อของวุฒิในแบบที่เขาต้องการ วุฒิรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเองรู้สึกว่าอยากจะสนิทกับคนตรงหน้ามากยิ่งขึ้น และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างวุฒิกับโอม
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากวันที่วุฒิกับโอมได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เป็นไปอย่างปกติ ในเวลาเรียนวุฒิก็ทำหน้าที่ของครูสอนว่ายน้ำที่เอาใจใส่นักเรียนทุกคนไม่แตกต่างกัน ในสายตาของเขานั้นโอมเป็นหนึ่งในนักเรียนที่มีความสามารถในการว่ายน้ำในระดับต้นๆ ของชั้นเรียน เขาเคยเอ่ยปากชวนโอมเพื่อมาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน แต่โอมก็ปฏิเสธเขาเนื่องจากต้องการจะเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย วุฒิเข้าใจตรงนี้ดี เขาออกจะเสียดายความสามารถของโอมอยู่สักหน่อย แต่เขาก็ไม่อาจจะขัดใจโอมได้
 

        “วันนี้เรามาว่ายน้ำแข่งกันมั้ย”

 
        วุฒิเอ่ยปากถามโอมที่กำลังเก็บกระเป๋าใส่ล็อกเกอร์เพื่อเตรียมตัวเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ
 

        “ผมจะสู้พี่ได้เหรอ”

 
        โอมเอ่ยปากถามวุฒิ เขาคิดว่าไม่มีทางที่เขาจะสู้คนตรงหน้าของเขาได้
 

        “ลองดูก่อนสิ ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง”

 
        วุฒิบอกกับโอม เขาพอจะมองออกว่าการแข่งขันในครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอเด็กที่มีความสามารถในการว่ายน้ำในระดับเดียวกับเขา มันคงจะสนุกดีถ้าเขาจะได้แข่งกับโอม
 

        “แล้วถ้าผมชนะจะได้อะไรเหรอครับ”
 

        โอมเอ่ยถามวุฒิอย่างท้าทาย วุฒิดูจะตกใจไม่น้อยกับคำถามของโอม
 

        “เอาเป็นว่าคนที่ชนะจะมีสิทธิ์สั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง ตกลงมั้ย”
 

        วุฒิตั้งรางวัลสำหรับผู้ชนะ แม้ว่าเขาเองก็ไม่มั่นใจนักว่าเขาจะชนะ แต่ถ้าเขาแพ้ เขาก็พร้อมจะทำตามที่คนตรงหน้าสั่งอยู่แล้ว
 

        “โหพี่”
 

        โอมร้องขึ้นมา เขาคิดว่าเขาไม่มีทางจะชนะนักกีฬามหาวิทยาลัยอย่างวุฒิได้แน่ เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
 

        “เอาน่า พี่อาจจะแพ้ก็ได้”

 
        วุฒิโน้มน้าวโอมอีกครั้ง เขาไม่ยอมให้ความสนุกของเขาจบลงง่ายๆ แน่
 

        “เออก็ได้พี่ แต่อย่าสั่งผมทำอะไรน่าอายนะพี่”
 

        ในที่สุดโอมก็ตอบตกลงกับวุฒิ วุฒิยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย พลางลอบมองโอมที่ยังคงทำหน้าไม่มั่นใจ
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ทุกวันพุธหลังเลิกเรียนจะเป็นวันที่วุฒินัดนักเรียนของเขาที่ยังว่ายน้ำไม่เป็นมาเพื่อฝึกว่ายน้ำ สำหรับเขาทักษะการว่ายน้ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเรียนทุกคน อาจจะไม่ต้องว่ายเร็วก็แต่ต้องเอาตัวรอดเมื่ออยู่ในน้ำได้ และวันเดียวกันนั้นเองก็เป็นวันที่เขาท้าแข่งว่ายน้ำกับโอม เขาเองก็ลืมนึกไปว่าวันนี้มีนักเรียนหลายคนอยู่ที่สระว่ายน้ำ หากเขาเกิดแพ้ขึ้นมาเขาคงจะอายเด็กแย่ แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วก็ต้องว่าไปตามนั้น วุฒิเลือกนักเรียนคนหนึ่งเป็นผู้ตัดสิน นักเรียนคนนั้นก็คือแพท เพื่อนสนิทของโอมคู่แข่งของเขา และแม้ว่ากรรมการคนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับคู่แข่งของเขาก็ตาม แต่เขาก็ไม่กลัวว่าจะถูกโกงแน่
 

        วุฒิและโอมเตรียมพร้อมที่จุดปล่อยตัว วุฒิอยู่ในกางเกงว่ายน้ำแบบบิกินี่ตัวเก่งของเขาที่เขาจะใช้เฉพาะวันที่มีการแข่งขันเท่านั้น เขาเองเพิ่งจะเคยใส่กางเกงว่ายน้ำตัวนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาเป็นครูสอนว่ายน้ำที่นี่ ภาพของวุฒิในชุดว่ายน้ำตัวจิ๋วทำให้โอมอึ้งไปไม่น้อย แม้ภาพของแผงอกแน่น กล้ามท้องแกร่ง และไรขนใต้สะดือที่ลามลงไปในกางเกงว่ายน้ำของวุฒิจะเป็นภาพที่โอมเห็นจนชินตาเกือบทุกวัน แต่กางเกงว่ายน้ำตัวจิ๋วทำให้ร่างกายของวุฒิดูวาบหวิวมากยิ่งขึ้นในสายตาของโอม ไม่ว่าจะเป็นวีเชฟที่เห็นได้ชัดยิ่งขึ้น รวมไปถึงความรัดแน่นที่ด้านหน้าของกางเกงว่ายน้ำจนแทบจะระเบิดออกมา และเมื่อมองไปด้านหลังของกางเกงว่ายน้ำ ก็พบว่ากางเกงว่ายน้ำไม่อาจจะปิดบังบั้นท้ายขาวอวบของวุฒิไว้ได้ทั้งหมด บางส่วนของแก้มก้นขาวเนียนถูกเผยให้เห็นอย่างชัดเจน โอมเริ่มไม่แน่ใจว่านี่คือแผนของวุฒิที่จะทำลายสมาธิของเขาหรือไม่ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีผลไม่น้อย เพราะร่างกายของโอมก็เริ่มจะมีปฏิกิริยากับภาพตรงหน้าเสียแล้ว ท่อนลำของโอมเริ่มโป่งนูนออกมาจนวุฒิสังเกตเห็นแม้ว่าฝ่ายของโอมจะไม่รู้ตัวเลยก็ตาม จากนั้นเสียงนกหวีดก็ดังขึ้น ทั้งสองต่างพุ่งตัวลงสระไปอย่างสวยงามท่ามกลางเสียงเชียร์ของนักเรียนที่มาดูการแข่งขันในวันนั้น ทั้งสองขับเคี่ยวกันอย่างสูสี ผลัดกันนำผลัดกันตามตลอดการแข่งขัน และสุดท้ายผู้ที่แตะขอบสระได้ก่อนอย่างเฉียดฉิวก็คือโอม
 

        “ทำไมพี่ต้องออมมือให้ผมด้วยล่ะ”
 

        โอมถามวุฒิอย่างเอาเรื่องทันทีที่รู้ผลการแข่งขัน เขารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องที่วุฒิจะต้องแกล้งออมมือให้เขา เขาเองรู้สึกเหมือนโดนดูถูกอยู่กลายๆ เพราะเขามั่นใจว่าเขาไม่มีทางเอาชนะคนตรงหน้าของเขาได้
 

        “เฮ้ย พี่ไม่ได้ออมมือเลยนะ เราน่ะว่ายเร็วเอง”
 

        วุฒิรู้ดีว่าเขาไม่ได้ออมมือให้โอมเลยสักนิด เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะแพ้ได้ แต่เขาก็พอจะเข้าใจว่าโอมเก่งอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ
 

        “แล้วสรุปเราจะให้พี่ทำอะไรเนี่ย”
 

        ดูเหมือนว่าโอมจะเย็นลงแล้ว วุฒิจึงเอ่ยถามโอมทันทีที่นึกถึงเรื่องที่เขาตกลงไว้กับโอมว่าผู้ชนะจะมีสิทธิ์สั่งผู้แพ้ให้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง

 
        “ผมยังไม่รู้เลยพี่ ขอติดไว้ก่อนละกันนะครับ”

 
        โอมตอบวุฒิไป เพราะเขายังคิดไม่ออก และเขาก็ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเป็นเขาที่เอาชนะอาจารย์ของเขาไปได้
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากวันที่วุฒิกับโอมแข่งว่ายน้ำกัน วุฒิก็ถามโอมทุกครั้งที่เจอกันว่าจะให้สั่งเขาทำอะไร แต่ฝ่ายโอมเองก็ยังคิดไม่ออกว่าจะให้วุฒิทำอะไร จนกระทั่งวันหนึ่งในภาคเรียนที่สอง
 

        “กูอยากลองมีเซ็กซ์ดูสักครั้งว่ะ”

 
        แพทหันไปพูดกับโอมที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้ทั้งสองอยู่ในห้องเรียนวิชาสุขศึกษา หัวข้อเรื่องเพศศึกษาที่เรียนในวันนี้ดูจะดึงดูดความสนใจของนักเรียนในห้องรวมไปถึงแพทด้วย
 

        “มึงยังเด็กอยู่ว่ะแพท ไว้รอโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนนะ”

 
        โอมพูดพร้อมกับมองลงไปที่เป้ากางเกงของแพท เป็นนัยว่าของแพทนั้นเล็กเหมือนของเด็ก แพทที่รู้ทันก็หันไปตบหัวโอมหนึ่งที อย่างไรก็ตามโอมเองก็คิดไม่ต่างจากแพท เขาที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ทางเพศใดๆ มาก่อนนอกจากการช่วยตัวเองก็ย่อมอยากที่จะเรียนรู้และอยากจะลองดูสักครั้ง
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        เย็นวันเดียวกันนั้นเอง โอมก็ไปว่ายน้ำตามปกติ แต่วันนี้ดูเหมือนจะต่างไปจากวันอื่นๆ เขายังคงว่ายน้ำอยู่จนถึงหนึ่งทุ่ม ผิดกับวันอื่นๆ ที่เขาจะกลับบ้านไปตั้งแต่หกโมงเย็น และวุฒิเองก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้
 

        “ยังไม่กลับอีกเหรอโอม”

 
        วุฒิเข้ามาทักลูกศิษย์ของเขา
 

        “วันนี้อยากว่ายเยอะๆ น่ะพี่ แล้วพี่วุฒิจะกลับหรือยังครับ”
 

        โอมตอบ พร้อมกับถามคำถามวุฒิกลับไป
 

        “เดี๋ยวจะกลับแล้วเนี่ย เราออกไปพร้อมพี่มั้ย”
 

        วุฒิชวนโอมกลับด้วยกันเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว
 

        “ได้ครับพี่”
 

        หลังจากนั้นทั้งสองก็พากันเดินไปที่ห้องอาบน้ำเพื่อล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน จนกระทั่งทั้งสองแต่งตัวเสร็จก็เดินออกจากสระว่ายน้ำ พื้นที่โดยรอบเริ่มมืดลง จะมีก็เพียงแต่แสงไฟจากเสาไฟข้างทางเท่านั้น
 

        “พี่วุฒิครับ”
 

        โอมเรียกชื่อวุฒิขณะที่กำลังจะเดินออกจากประตูหน้าโรงเรียน
 

        “มีอะไรเหรอ”

 
        วุฒิหันไปถามคนข้างๆ ที่เดินมาด้วยกัน เขาสังเกตเห็นมาสักพักแล้วว่าอีกฝ่ายมีเรื่องบางอย่างจะบอกกับเขา
 

        “พี่ยังจำเรื่องที่พี่จะต้องทำตามที่ผมสั่งหนึ่งข้อได้มั้ย ผมคิดออกแล้วนะว่าจะให้พี่ทำอะไร”
 

        โอมเอ่ยถึงสัญญาระหว่างเขากับวุฒิ วุฒิเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าโอมจะบอกอะไรกับเขา
 

        “จำได้สิ แล้วจะให้พี่ทำอะไรเหรอ”
 

        วุฒิหันไปถามโอม เขาเองก็สงสัยว่าโอมอยากให้ทำอะไร เขาได้แต่หวังว่าเรื่องที่โอมขอจะไม่ยากจนเกินไป
 

        “ผมอยากรู้ว่าการมีเซ็กซ์มันเป็นยังไง พี่ช่วยสอนผมได้มั้ยครับ”
 

        คำตอบของโอมทำให้วุฒิหยุดเดินทันที เขานิ่งไปครู่หนึ่ง นึกไตร่ตรองว่าเขาควรจะตอบรับคำขอนี้หรือไม่
 

        “ถ้าพี่ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะพี่ เดี๋ยวผมให้ทำอย่างอื่นก็ได้”
 

        โอมบอกวุฒิไปอย่างเกรงใจหลังจากที่เห็นสีหน้าครุ่นคิดของวุฒิ
 

        “ได้สิ วันไหนดีล่ะ”

 
        วุฒิตัดสินใจตอบตกลงในที่สุดหลังจากที่ไตร่ตรองดีแล้ว
 

        “วันศุกร์นี้แล้วกันพี่”

 
        หลังจากที่โอมนัดกับวุฒิเสร็จแล้ว วุฒิก็เดินไปส่งโอมที่ป้ายรถเมล์ก่อนที่จะเดินไปที่ห้องพักของตนเองที่อยู่ไม่ห่างจากโรงเรียน เขานึกถึงคำขอของโอมพลางนึกสงสัยอยู่ในใจว่าโอมรู้สึกอย่างไรกับเขาจึงได้มาขอเขามีอะไรด้วยแบบนี้ และความคิดของเขานี้ก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้นมาเลยทีเดียว
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        และแล้ววันศุกร์ก็มาถึง โอมกับวุฒินัดเจอกันที่หน้าโรงเรียนตอนหกโมงเย็น โอมที่ตื่นเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้รีบมารอที่หน้าโรงเรียนตั้งแต่ห้าโมงครึ่ง ส่วนวุฒิก็มาถึงหน้าโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่ถึงหกโมงดี จากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปที่ห้องพักของวุฒิที่อยู่ไม่ไกลโรงเรียน เมื่อเข้ามาในห้องวุฒิก็พาโอมไปนั่งลงที่ปลายเตียง

 
        “เราชอบผู้ชายหรือผู้หญิง พี่จะได้สอนถูก”

 
        คำถามของวุฒิทำให้โอมอึ้งไปเล็กน้อย เขารู้ดีว่าเขานั้นชอบผู้ชาย แต่เขาไม่แน่ใจว่าเขาควรจะบอกความจริงกับวุฒิหรือไม่
 

        “ผู้หญิงสิพี่”

 
        โอมตัดสินใจโกหกวุฒิออกไป
 

        “โอเค เดี๋ยวเรามาเริ่มกันเลยละกัน”
 

        หลังจากที่วุฒิพูดจบ ก็หยิบถุงยางจากลิ้นชักหัวเตียง
 

        “เราใส่ถุงยางเป็นมั้ย”

 
        วุฒิเอ่ยถามโอม
 

        “ใส่ไม่เป็นพี่”

 
        โอมตอบวุฒิไปตามความจริง เพราะประสบการณ์เรื่องเพศของเขานอกจากการช่วยตัวเองแล้วก็นับว่าเป็นศูนย์เลยทีเดียว
 

        “งั้นเดี๋ยวพี่ลองใส่ให้ดูละกัน”

 
        พูดเสร็จวุฒิก็ฉีกซองถุงยาง แล้วค่อยๆ หยิบถุงยางออกจากซอง บีบที่กระเปาะปลายของถุงยาง แล้วค่อยๆ สวมไปที่นิ้วของตัวเอง
 

        “เดี๋ยวก่อนพี่ มันต้องสวมที่นิ้วเหรอ”

 
        โอมถามวุฒิออกไป เขารู้ดีว่ามันไม่ได้ใช้สวมที่นิ้วแน่
 

        “พี่แค่ทำเป็นตัวอย่าง เราก็รู้นี่นาว่ามันต้องสวมที่ไหน”

 
        วุฒิตอบพร้อมกับทำหน้าเขินอายเล็กน้อย ดูท่าทางแล้วเขาคงจะไม่กล้าใส่ของจริงให้โอมดู
 

        “พี่ลองใส่ให้ผมได้มั้ย ของจริงกับนิ้วมันไม่เหมือนน่ะ”

 
        โอมตัดสินใจบอกวุฒิออกไป หลังจากนั้นโอมก็ลุกขึ้นถอดกางเกงของเขาออก วุฒิทำหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร จากนั้นโอมก็ถอดกางเกงในออก ดูเหมือนว่าวุฒิจะสนใจอาวุธของโอมไม่น้อย เขาจ้องมองท่อนลำที่แข็งตัวแล้วของโอมอย่างไม่วางตา เขาจ้องมองที่ส่วนหัวของท่อนลำนั้นที่หนังหุ้มปลายร่นลงมาจนเห็นส่วนหัวของท่อนลำสีชมพูระเรื่อตัดกับท่อนลำสีเดียวกับผิวของโอมที่แม้จะไม่ขาวใสแต่ก็ดูเนียนเรียบดูสุขภาพดี โอมเห็นแววตาของวุฒิที่จ้องมองอาวุธของเขาปานจะกลืนกินก็เลยแกล้งผงกท่อนลำของเขาใส่หน้าของวุฒิ วุฒิดูจะตกใจและเขินอายจนหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงไปซะแล้ว
 

        “ซ่อนรูปเหมือนกันนะเราเนี่ย”

 
        วุฒิเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แต่ตาก็ยังคงจ้องมองท่อนลำของโอมอยู่เหมือนเดิม หลังจากที่ทั้งสองเงียบกันอยู่สักพัก วุฒิก็ขยับตัวขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง

 
        “มานั่งตรงนี้สิ นั่งหันหลังให้พี่นะ”

 
        วุฒิพูดพร้อมกับชี้ไปที่พื้นที่ด้านหน้าของเขา พร้อมกับอ้าขาออก เพื่อให้โอมเข้าไปนั่งได้ โอมค่อยๆ เคลื่อนตัวไปนั่งด้านหน้าของวุฒิตามที่วุฒิบอก จากนั้นวุฒิก็เอื้อมมือมาสัมผัสกับอาวุธของโอม แล้วเริ่มการสอนต่อ
 

        “เวลาเราสวมถุงยางก็จะต้องสวมตอนที่มันแข็งตัวแล้วแบบนี้แหละ ถุงยางจะได้ตึงพอดีไม่เลื่อนหลุดระหว่างทำกิจกรรม”
 

        วุฒิพูดพร้อมกับเอามือลูบท่อนลำของโอมอย่างเอ็นดู
 

        “วิธีสวมก็ให้เราบีบที่ปลายกระเปาะของถุงยาง แล้วค่อยสวมลงไป ที่เราบีบปลายกระเปาะก็เพื่อไล่อากาศออกจากกระเปาะ เพราะสุดท้ายแล้วเวลาที่เราหลั่ง น้ำเชื้อจะถูกเก็บอยู่ที่กระเปาะนี้ ถ้าส่วนนี้มีอากาศอยู่น้ำเชื้อก็อาจจะถูกดันไปด้านข้างทำให้ถุงยางหลุดง่าย”
 

        วุฒิอธิบายต่อ เขายังคงทำหน้าที่ของครูได้ดี แม้จะเป็นวิชาเพศศึกษาก็ตาม
 

        “ส่วนวิธีสวม เราก็วางถุงยางลงที่ส่วนหัว แล้วก็ค่อยๆ รูดส่วนด้านข้างของถุงยางที่ม้วนอยู่ลงจนสุด เท่านี้ก็เสร็จแล้ว”
 

        วุฒิอธิบายพร้อมกับสาธิตให้เห็นภาพ มือของวุฒิสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้นขณะที่กำลังรูดถุงยางไปตามท่อนลำของโอม
 

        “ผมอยากลองสวมดูบ้างอะครับ เดี๋ยวผมถอดอันนี้ออกนะพี่”
 

        โอมหันไปบอกวุฒิ


        “เฮ้ย ไม่ต้องเดี๋ยวลองสวมให้พี่ก็ได้”
 

        วุฒิรีบบอกก่อนที่โอมจะถอดถุงยางออก แต่เมื่อพูดเสร็จเขากลับรู้สึกเขินขึ้นมาซะอย่างนั้น และดูเหมือนว่าโอมจะสังเกตเห็นอาการของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่ได้ทักอะไร จากนั้นวุฒิก็ถอดกางเกงของเขาเอง ท่อนลำของวุฒิชูชันจนแทบจะโผล่ออกจากกางเกงในเลยทีเดียว สุดท้ายวุฒิก็ถอดกางเกงในออก เผยให้เห็นท่อนลำที่ชูชันของเขาที่ตรงส่วนหัวมีน้ำเยิ้มเล็กน้อยด้วย
 

        “หยุดมองได้แล้ว มาสวมสักทีสิ”
 

        วุฒิรีบบอกกับโอมเพราะทนไม่ไหวกับสายตาของโอมทีดูเหมือนจะกลืนกินเขาเข้าไปแล้ว วุฒิเริ่มไม่แน่ใจว่าโอมชอบผู้หญิงอย่างที่เขาบอกจริงๆ หรือไม่ ขณะที่โอมก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นท่อนลำของวุฒิ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นของคนอื่นแบบใกล้ชิดและเต็มตาขนาดนี้ จากนั้นวุฒิกับโอมก็ลุกขึ้นสลับที่กัน โอมถอดเสื้อของเขาและวุฒิออกเพื่อให้ร่างกายของพวกเขาได้แนบชิดกันมากขึ้น
 

        “เอนตัวลงมาเลยพี่”

 
        เพื่อให้สะดวกในการทำภารกิจมากขึ้น โอมจึงบอกให้วุฒิเอนตัวลงมา ขณะนี้ผิวกายของทั้งสองก็แนบชิดกัน ความรู้สึกซาบซ่านที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดจากท่อนลำของวุฒิที่ดูเหมือนจะแข็งตัวและขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเสียอีก จากนั้นโอมก็หยิบถุงยางอันใหม่ขึ้นมาแล้วก็ทำตามขั้นตอนที่วุฒิสอน เริ่มจากการฉีกซอง หยิบถุงยางออกมา บีบที่ปลายกระเปาะ ก่อนที่จะเอื้อมไปสวมถุงยางให้กับวุฒิ เขาหันไปมองวุฒิก็เห็นว่าหูของวุฒิแดงมาก

 
        “เขินผมเหรอ หูแดงเลย”

 
        โอมเอ่ยแซวคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า

 
        “ไอ้บ้า เร็วๆ สิ เมื่อไหร่จะเสร็จ”
 

        วุฒิตอบโอมอย่างหยาบคายผิดกับเวลาปกติ จนโอมหัวเราะออกมา ดูท่าทางว่าจะเขินเขาจริงๆ
 

        “ครับๆ”
 

        โอมตอบวุฒิและสมถุงยางให้วุฒิต่อจนเสร็จ
 

        “เสร็จแล้วทำอะไรต่อพี่”
 

        โอมถามวุฒิ
 

        “ขั้นต่อไปเราก็เอาของเราเข้าไปในช่องคลอดของผู้หญิง แล้วกระเด้าเข้าออก แล้วก็หลั่ง เสร็จ จบ”
 

        วุฒิพูดอย่างรวดเร็วจนโอมฟังไม่ทัน เขารีบรวบรัดทันที เพราะจะให้สอนทำกับผู้หญิงยังไงในเมื่อที่นี่ไม่มีผู้หญิงสักคน
 

        “เฮ้ยพี่ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
 

        โอมพูดออกมาเสียงดัง
 

        “เออ ง่ายๆ แบบนี้แหละ วันนี้ก็พอแค่นี้นะ”
 

        วุฒิรีบตัดจบการสอนของเขาเพียงเท่านี้ เพราะกลัวตัวเองจะถลำลึกไปมากกว่านี้
 

        “เดี๋ยวก่อนสิพี่ ผมอยากลองอะ”

 
        โอมบอกกับวุฒิ

 
        “จะลองยังไง แถวนี้ไม่มีผู้หญิงสักคน”
 

        วุฒิตอบ

 
        “จะเป็นไรมั้ยถ้าผมจะลองกับพี่น่ะ”

 
        โอมถามวุฒิออกไปโดยไม่อาย เขารู้ดีว่ามันอาจจะดูไม่ดีนักที่เขาจะมีอะไรกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของเขา แต่เขาไม่สามารถจะหยุดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของเขาในเวลานี้ได้ พูดเสร็จโอมก็จับวุฒิพลิกตัวนอนหงายลงบนเตียง ส่วนเขาก็ขึ้นไปคร่อมตัวของวุฒิ วุฒิตกใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าลูกศิษย์ของเขาจะกล้าทำขนาดนี้
 

        “ผู้ชายกับผู้หญิงมันไม่เหมือนกันนะ”
 

        วุฒิบอกโอมไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เขาไม่กล้าสู้สายตาของโอมในเวลานี้เลย
 

        “ถ้าพี่โอเค ผมก็โอเค”


        โอมบอกกับวุฒิ และเมื่อเห็นว่าวุฒิไม่ปฏิเสธอะไร โอมจึงโน้มตัวลงไปจูบวุฒิ ด้วยความที่เขายังจูบไม่เป็นจึงได้แต่เอาปากของเขาถูไปมากับปากขงวุฒิ ส่วนฝ่ายของวุฒิที่เชี่ยวชาญกว่าก็เริ่มจะจูบตอบกลับเขามา เขาค่อยๆ เรียนรู้วิธีการจูบของวุฒิที่จะมีการงัดและขบที่ริมฝีปากเป็นจังหวะ เขาทำตามบ้างอย่างรู้งาน ทั้งสองจูบกันอยู่สักพักจนเป็นฝ่ายของโอมที่ผละออกมาก่อน
 

        “นี่คือจูบแรกของโอมใช่มั้ย”

 
        วุฒิถามโอมด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าโอมนั้นยังจูบไม่เป็นเลย แต่ก็ถือว่าเรียนรู้ได้เร็ว โอมพยักหน้าตอบ ฝ่ายโอมนั้นไม่ได้สงสัยเลยว่านี่เป็นครั้งแรกของวุฒิหรือไม่ ดูจากความช่ำชองแล้วควรจะถามว่าครั้งที่เท่าไหร่มากกว่า
 

        “แน่ใจนะว่าจะมีอะไรกับพี่จริงๆ”

 
        วุฒิถามโอม เพราะโอมเพิ่งบอกเขาเองว่าชอบผู้หญิงแล้วจะมีอะไรกับผู้ชายได้อย่างไร
 

        “แน่ใจครับ”
 

        โอมตอบวุฒิออกไป มาถึงขั้นนี้แล้วเขาไม่ยอมถอยอย่างแน่นอน จากนั้นวุฒิก็เอื้อมมือไปหยิบเจลหล่อลื่นจากลิ้นชักหัวเตียงเป็นสัญญาณว่าเขาพร้อมแล้วสำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้
 

        “เดี๋ยวพี่จะสอนวิธีการเล้าโลมก่อน คู่ของเราจะได้รู้สึกเสียวมากขึ้น มันจะถึงจุดสุดยอดได้ง่ายขึ้น เรานอนลงก่อน เดี๋ยวพี่จะทำให้ดู”

 
        วุฒิบอกโอมก่อนที่จะดันตัวโอมลงนอนหงายบนเตียง วุฒิขึ้นคร่อมบนตัวของโอมก่อนที่จะจูบเบาๆ ที่ลำคอของโอม พร้อมกับใช้ริมฝีปากขบเบาๆ จากนั้นเขาก็เลียที่หัวนมสีน้ำตาลอ่อนทั้งสองข้างของโอม พร้อมกับขบเบาๆ โอมร้องครางออกมาอย่างพอใจ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ลากลิ้นลงมาเรื่อยๆ สลับกับการจูบเบาๆ จนมาถึงอาวุธประจำกายของโอมที่ตอนนี้แข็งตัวเต็มที่ วุฒิดึงถุงยางออกก่อนที่จะละเลงลิ้นลงที่ส่วนหัวของท่อนลำนั้น เสียงครางของโอมดังเป็นระยะ จากนั้นวุฒิก็ค่อยๆ เลียท่อนลำของโอมจากโคนไปหาปลาย แล้วจึงใช้ปากครอบไปที่ท่อนลำนั้น เขาระวังอย่างดีไม่ให้ฟันของเขาไปโดนท่อนลำ วุฒิรูดปากของเขาขึ้นลงเป็นจังหวะ แต่ยังไม่ทันที่โอมจะหลั่งออกมา วุฒิก็หยุดกิจกรรมของเขาเสียก่อน

 
        “เดี๋ยวถ้าเราแตกก่อนก็ไม่สนุกสิ”
 

        วุฒิพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ให้โอม โอมไม่รอช้าดันวุฒิลงบนเตียงทันที วุฒิดูจะตกใจไม่น้อยแต่ก็พอจะเข้าใจว่าลูกศิษย์ของเขาคนนี้คงจะร้อนวิชา โอมทำตามที่วุฒิสอนทุกอย่างเว้นแต่ว่าเขาไม่ได้หยุดกลางทางเหมือนครูของเขา
 

         “จะออกแล้ว หลบก่อนๆ”
 

         วุฒิบอกโอม ระหว่างที่โอมกำลังสนุกอยู่กับการลิ้มรสท่อนลำของวุฒิ แต่โอมก็ไม่หลบตามที่วุฒิบอก น้ำเชื้อของวุฒิเข้าปากของโอมเต็มๆ รสชาติของมันเป็นรสที่เขาไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน แม้จะเป็นรสชาติที่แปลกประหลาดแต่เขาก็กลืนมันลงไปจนหมด
 

        “เฮ้ย กลืนไปหมดเลยเหรอ”
 

        วุฒิดูจะตกใจที่เห็นโอมกลืนน้ำเชื้อของเขาลงไปจนหมด ส่วนโอมได้แต่หัวเราะเป็นคำตอบ
 

        “คราวนี้มาถึงของจริงบ้าง”

 
        วุฒิพูดพร้อมกับหยิบเจลหล่อลื่นจากหัวเตียงมายื่นให้โอม
 

        “เราบีบออกมาแล้วทางตรงรูก้นพี่น่ะ แล้วเอานิ้วสอดไปให้มันขยาย”
 

        วุฒิบอกโอม หลังจากนั้นโอมก็บีบเจลลงบนมือก่อนที่จะค่อยๆ ลูบลงที่ช่องทางด้านหลังของวุฒิ โอมค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปช้าๆ ระหว่างนั้นวุฒิก็ร้องครางออกมาเล็กน้อยเพราะความเสียว
 

        “พอหรือยังพี่”

 
        โอมถามวุฒิหลังจากผมสอดไปได้สองนิ้วแล้ว
 

        “สอดไปสามนิ้วเลย ของเราใหญ่เดี๋ยวก้นพี่แหกพอดี”
 

        วุฒิพูดติดตลก ส่วนโอมก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะทำตามที่วุฒิบอก
 

        “ใส่ถุงก่อนนะ”

 
        วุฒิไม่ลืมที่จะบอกโอม เพราะก่อนหน้านี้เขาเพิ่งถอดถุงยางของโอมออกตอนที่ทำออรัล จากนั้นโอมก็สวมถุงยางด้วยมือที่ยังว่างอยู่อย่างรวดเร็ว ส่วนมืออีกข้างหนึ่งเขาค่อยๆ ถอนนิ้วออกจากช่องทางด้านหลังของวุฒิ แล้วใส่ท่อนลำของเขาเข้าไปแทน วุฒิครางออกมาทันทีที่ท่อนลำนั้นถูกดันเข้าไปจนสุด หลังจากนั้นเพลงรักของทั้งคู่ก็ถูกบรรเลงด้วยกามารมณ์ตลอดทั้งคืน
 

        หลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น วุฒิกับโอมก็ยังคงดำเนินชีวิตไปตามปกติ จะมีบางเป็นครั้งคราวที่วุฒิจะสอนบืเรียนเพิ่มเติมให้กับลูกศิษย์ของเขา โดยความสัมพันธ์ของทั้งคู่และเรื่องเกี่ยวกับการสอนเพศศึกษาภาคปฏิบัติของทั้งคู่ยังคงถูกปิดเป็นความลับจากทั้งสองฝ่าย
 
 
 
 
        แม้แต่แพทเพื่อนสนิทของโอมก็ยังไม่มีโอกาสได้รู้
 
 
 
 




หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 9] 25/06/2560 {แจ้งข่าว - 01/07/2560}
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 02-07-2017 11:44:38
รออ่านต่อนะคับ
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 11] 05/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 05-07-2017 20:22:24
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 11

 
 
 
 
        กลับมาที่ปัจจุบัน
 
 
        ผมยังคงอึ้งอยู่กับคำขอของพี่วุฒิ เพราะนี่เป็นการพบกันครั้งแรกของเราหลังจากที่ผมเรียนจบมอหก
 

        “จะชวนผมไปกินข้าวเหรอครับ”
 

        ผมถามพี่วุฒิออกไปแบบเด็กไร้เดียงสา ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าพี่วุฒิหมายถึงอะไร ผมก็แค่อยากจะรู้ว่าพี่วุฒิจะกล้าพูดตรงๆ ออกมาหรือเปล่า
 

        “ใช่ๆ ไปกินข้าวกันมั้ย”
 

        พี่วุฒิตอบออกมาแบบอ้ำอึ้ง
 

        “แค่กินข้าวเองเหรอครับ”

 
        ผมแกล้งถามอีกครั้ง

 
        “อย่าแกล้งพี่เลยนะโอม โอมก็รู้ว่าพี่หมายถึงอะไร”

 
        ในที่สุดพี่วุฒิก็กล้าพูดสิ่งที่ต้องการออกมา ถึงจะไม่ได้บอกตรงๆ ก็เถอะ
 

        “โอเคครับ ไปกินข้าวกันเถอะ”

 
        ผมพูดพร้อมกับขึ้นจากสระ ผมหันไปมองพี่วุฒิที่ยังทำหน้างงอยู่พร้อมกวักมือเรียกพี่วุฒิให้ตามผมไปที่ห้องอาบน้ำ ผมกับพี่วุฒิต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำและเปลี่ยนชุด
 

        “พี่วุฒิจะพาผมไปกินที่ไหนดี แล้วพี่จะเลี้ยงผมใช่มั้ยครับ”
 

        ผมพูดพร้อมกับยกยิ้มให้พี่วุฒิ ผมดีใจเหลือเกินที่จะได้กินของฟรี
 

        “นี่เราคิดว่าพี่ชวนเราไปกินข้าวจริงดิ”
 

        พี่วุฒิถามออกมา
 

        “ผมรู้น่าว่าพี่คิดอะไร แต่พาผมไปเลี้ยงข้าวก่อนนะ ผมหิวมากเลย”
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        “ตอนนี้พี่ทำงานอะไรอยู่เหรอครับ”

 
        ผมถามพี่วุฒิระหว่างที่เดินไปที่ตลาดหลังมหาวิทยาลัย
 

        “ก็เป็นครูสอนว่ายน้ำนี่แหละ”
 

        พี่วุฒิตอบ

 
        “แล้วนอกจากสอนว่ายน้ำพี่วุฒิสอนอย่างอื่นด้วยหรือเปล่าครับ”

 
        ผมถามพี่วุฒิต่อพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
 

        “ถ้าโอมหมายถึงสอนเพศศึกษา พี่สอนแค่โอมคนเดียวนะ”

 
        พี่วุฒิตอบโดยไม่มีท่าทีเขินอายอะไร ผมรู้สึกได้ทันทีว่าพี่วุฒิในตอนนี้แตกต่างจากตอนนั้นอยู่ไม่น้อย
 

        “กินร้านนี้แล้วกันนะ คนอาจจะดูไม่เยอะ แต่พี่รับรองว่าอร่อยแน่นอน”
 

        พี่วุฒิบอกผมเมื่อเดินมาถึงร้านที่น่าจะเป็นเป้าหมายของเราในวันนี้ ร้านที่ว่านั้นเป็นร้านอาหารตามสั่ง แม้ว่าหลายโต๊ะในร้านยังไม่ถูกจับจอง แต่พี่วุฒิรับรองขนาดนี้ผมก็คงไม่ขัดอะไร ผมเดินตามพี่วุฒิที่เข้าไปในร้าน พี่วุฒิหันไปสั่งอาหารกับป้าเจ้าของร้านก่อนโดยไม่ถามผมสักคำว่าจะกินอะไร แล้วจึงนำผมเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุดของร้าน
 

        “มากินบ่อยเหรอครับร้านนี้”
 

        ผมถาม
 

        “ใช่ สมัยเรียนพี่มากินอยู่บ่อยๆ แต่ช่วงหลังไม่ค่อยได้มากิน ก็บอกแล้วไงว่าวันนี้พี่อยากจะรำลึกความหลัง”
 

        พี่วุฒิตอบ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่มองตาของผมอย่างลึกซึ้ง รออยู่ไม่นาน ข้าวผัดกะเพราหมูกรอบสองจานก็ถูกนำมาวางตรงหน้าพวกเราทั้งคู่

 
        “เจ้านี้กะเพราหมูกรอบอร่อยลองกินดูสิ”

 
        พี่วุฒิบอกกับผมก่อนที่จะตักข้าวเข้าปากทันที ดูท่าทางแล้วน่าจะหิวมาก ผมเห็นดังนั้นก็ตักเข้าปากเช่นกัน
 

        “อร่อยดีครับพี่”

 
        ผมบอกพี่วุฒิ ก็มันอร่อยจริงๆ น่ะครับ พี่วุฒิเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นผมกับพี่วุฒิก็รีบกินกันจนหมดจาน คงเพราะว่าวันนี้เราหิวกันมาก
 

        ครืด ครืด
 

        หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์ ผมจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็รู้สึกแปลกใจทันที หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏชื่อของฟิวส์ เพื่อนในกลุ่มสมัยมัธยมของผม มันเรียนคนละมหาวิทยาลัยกับผม แต่ว่าก็อยู่ในกรุงเทพเหมือนกัน
 

        “โอม ไอ้แพทมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ โทรหากูแล้วก็ร้องไห้ใหญ่เลย กูถามว่าเป็นอะไรมันก็ไม่ยอมตอบ”
 

        ฟิวส์พูดออกมา

 
        “แล้วมึงพอจะรู้มั้ยว่ามันอยู่ไหน”
 

        ผมถามเพื่อนผมออกไป
 

        “ไม่รู้ว่ะ กูถามไปมันก็ไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้”
 

        “เออ ไม่เป็นไร กูพอจะเดาได้”

 
        “โอเค กูฝากด้วยนะ”

 
        “ขอบใจมากเว่ย”
 

        พูดจบผมก็ตัดสายฟิวส์ไป แพทมันเป็นอะไรของมันเนี่ย ผมนึกถึงตอนที่แพทรีบไปหาพี่วุฒิตอนที่รู้ว่าพี่วุฒิมาที่สระว่ายน้ำ ผมก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าเรื่องแพทมันเศร้าจะเกี่ยวกับพี่วุฒิหรือเปล่า แล้วที่แปลกกว่านั้นคือทำไมมันไม่โทรหาผม ทั้งๆ ที่ผมสนิทกับมันที่สุดในกลุ่ม หรือแม้แต่มินที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันก็ตาม แต่กลับโทรไปหาฟิวส์ที่เรียนอยู่ที่อื่นซะอย่างนั้น
 

        “เดี๋ยวผมต้องไปก่อนนะพี่ แพทมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ร้องไห้ใหญ่เลย”
 

        สีหน้าของพี่วุฒิเปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่ผมพูด
 

        “พี่ไปด้วยได้มั้ย”

 
        พี่วุฒิถามผม ผมพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนที่จะลุกออกจากโต๊ะทันที พี่วุฒิเดินตามมาแล้วหันไปจ่ายเงินกับป้าเจ้าของร้าน ผมกับพี่วุฒิรีบเดินและมุ่งหน้าไปที่หอพักของแพททันที
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าห้องพักของแพทแล้ว ผมเคาะประตูให้มันออกมาเปิด แต่เคาะเท่าไรมันก็ไม่ยอมออกมาเปิดสักที พอผมลองบิดลูกบิดประตูก็ดูเหมือนว่าประตูจะไม่ได้ล็อค ผมจึงเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับพี่วุฒิทันที ภาพที่ผมเห็นคือแพทที่กำลังนอนลืมตาอยู่บนเตียงภายใต้ผ้าห่มผืนหนา สายตาของมันจดจ้องไปที่เพดานซึ่งไม่มีอะไรอยู่บนนั้นเลย แววตาของมันดูเหม่อลอย ดวงตาของมันฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำตา ผมเดินเข้าไปสะกิดมัน ก่อนที่มันจะหันมองผมอย่างตกใจ
 

        “ออกไป”

 
        แพทพูดออกมาเสียงแข็ง ผมตกใจเล็กน้อย แต่สายตาไม่ได้มองมาที่ผม มันมองไปที่พี่วุฒิราวกับว่าเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ พี่วุฒิดูเศร้าไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ทำตามที่แพทบอก พี่วุฒิหันมองผมก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
 

        “มึงเป็นอะไรวะ”

 
        ผมนั่งลงบนเตียงของแพทก่อนที่จะถามแพทออกไป แพทค่อยๆ ยันตัวขึ้นมานั่ง
 

        “กูชอบพี่วุฒิ แต่เขาไม่ได้ชอบกู”

 
        พอมันพูดเสร็จก็ร้องไห้ออกมาอีก ผมเพิ่งจะรู้วันนี้นี่แหละว่าเพื่อนผมมันชอบพี่วุฒิ
 

        “แล้วเขาก็บอกกูว่าเขาชอบมึง”

 
        แพทมันพูดประโยคที่ทำให้ผมอึ้งหนักกว่าเดิม พี่วุฒิเนี่ยนะจะชอบผม
 

        “มึงรู้มั้ยว่าเขาก็ไม่ต่างกับกู เขารอวันที่จะได้เจอมึง รอมาสองปีแล้วเขาก็ได้เจอมึง วันเดียวกับที่กูได้เจอเขาเลยว่ะ”
 

        แพทพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
 

        “ยังดีนะ ที่กูยังไม่ได้บอกชอบเขาออกไป”
 

        แพทพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ แต่ก็ปนไปด้วยความเศร้า
 

        “กูไม่ได้โกรธมึงเลยนะโอม มึงแม่งมีเสน่ห์ ใครๆ ก็ชอบมึง และกูก็รู้ไงว่ามึงไม่ได้ชอบพี่วุฒิ”
 

        แพทพูดต่อ
 

        “คือกูก็เป็นคนมีเหตุผล มันไม่ใช่ความผิดของมึงเลย เขามาชอบมึงเองโดยที่มึงก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา แต่กูก็อดรู้สึกแปลกๆ กับมึงไม่ได้จริงๆ ว่ะ”

 
        แพทพูดพร้อมกับมองตาผม
 

        “กูมีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกมึงว่ะ”
 

        ผมบอกแพท แพทพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ
 

        “กูไม่รู้ว่ามึงรู้หรือยัง กูเคยมีอะไรกับพี่วุฒิแล้วนะ ตั้งแต่ตอนมอหก หลายครั้งแล้วด้วย และครั้งแรกกูก็เป็นคนเริ่มก่อน จะว่าไปกูก็มีส่วนผิด”
 

        ผมบอกความจริงกับแพทออกไป
 

        “เขาเล่าให้กูฟังหมดแล้ว กูไม่โกรธมึงหรอก ตอนนั้นมึงก็ไม่รู้หนิว่ากูชอบเขา แต่ยังไงกูก็ต้องขอบคุณมึงนะที่บอกความจริงกับกู”
 

        แพทพูดพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
 

        “กูมีเรื่องอยากจะขอมึงว่ะโอม”
 

        แพทบอกผม


        “มึงมีอะไรให้กูช่วยมึงบอกมาได้เลย”
 

        ผมบอกแพท

 
        “มึงอย่าไปมีอะไรกับเขาได้มั้ยวะ กูคงทำใจไม่ได้ว่ะ”
 

        แพทมันคงพอเดาออกที่เห็นผมกับพี่วุฒิมาด้วยกัน
 

        “ได้สิ เรื่องแค่นี้เอง”
 

        ผมตอบแพท
 

        “อีกเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้กูอาจจะไม่ค่อยได้คุยกับมึง กูอาจจะยังทำใจไม่ได้ แต่กูยังอยากให้มึงเป็นเพื่อนกูอยู่นะ ถ้ากูทำใจได้เมื่อไหร่กูจะบอกมึงเอง”

 
        แพทพูดพร้อมกับแตะไหล่ผมเบาๆ
 

        “โอเค กูจะรอวันนั้น กูเป็นกำลังใจให้มึงนะ”
 

        ผมพูดก่อนที่จะโอบไหล่มันไว้ ผมรู้สึกตัวแล้วว่าต้องกลับ แพทมันคงจะอยากอยู่คนเดียว
 

        “ถ้ามึงอยากให้กูช่วยอะไร มึงบอกกูนะ หรือจะให้กูช่วยมึงจีบพี่วุฒิมั้ย”
 

        ผมพูดกับมันพร้อมกับหัวเราะเบาๆ มันหันมายิ้มพร้อมกับต่อยผมเบาๆ ที่แขน
 

        “มึงเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”

 
        แพทพูดพร้อมแลบลิ้นให้ผมแล้วก็หัวเราะออกมา ผมดีใจที่จะเห็นมันสนุกกับการหยอกล้อได้แล้ว
 

        “กูไปก่อนนะ มึงก็ดูแลตัวเองด้วย”

 
        ผมหันไปพูดกับแพท มันยิ้มให้ผมพร้อมกับพยักหน้าเป็นคำตอบ ผมลุกขึ้นมาพร้อมกับกวักมือเรียกมันให้ลุกขึ้นด้วย ก่อนที่ผมจะสวมกอดมัน
 

        “ระหว่างนี้มันอาจจะยากสักหน่อย กูพอจะรู้ว่าอกหักมันเป็นยังไง ถ้ามึงไม่ไหวมึงบอกกูนะ”
 

        ผมพูดเพราะได้ยินเสียงสะอื้นของแพททันทีที่ผมสวมกอดมัน
 

        “มึงอย่าเพิ่งปล่อยกูนะ”
 

        แพทพูดเบาๆ

 
        “อยู่ๆ มึงก็เกิดจะรักกูขึ้นมานะ”

 
        ผมล้อเพื่อนผม ผมรู้สึกได้ถึงแรงทุบเบาๆ ของแพทที่หลังของผม ผมหัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมกับลูบหัวมันอย่างอ่อนโยน แพทค่อยๆ ดันตัวผมออก
 

        “อย่าลืมที่กูขอนะ”

 
        แพทพูดส่งท้ายก่อนที่จะโบกมือให้ตอนที่ผมจะออกจากห้อง ผมก็โบกมือให้มันกลับไป
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        พี่วุฒิยังคงยืนรออยู่หน้าห้องของแพท ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะได้ยินเรื่องที่ผมกับแพทคุยกันหรือเปล่า แต่ถึงยังไงคืนนี้ผมคงต้องปฏิเสธพี่เขาไป และคงจะไม่ใช่แค่คืนนี้ด้วย
 

        “เดี๋ยวผมกลับหอก่อนนะพี่”
 

        ผมหันไปบอกพี่วุฒิ

 
        “แล้วที่เราตกลงกันไว้ล่ะ”

 
        พี่วุฒิหันมาถามผม ระหว่างนั้นผมก็รีบเดินไปที่ลิฟท์ พี่วุฒิก็เดินตามมาเช่นกัน
 

        “ผมคงจะไปด้วยไม่ได้แล้วล่ะ”

 
        ผมบอกพี่วุฒิไปตามตรง

 
        “แพทเล่าให้เราฟังหมดแล้วใช่มั้ย”
 

        พี่วุฒิถามผมที่ตอนนี้กำลังกดลิฟท์ลงไปที่ชั้นหนึ่ง
 

        “ใช่ครับ”
 

        ผมตอบไป พอดีกับจังหวะที่ลิฟท์มาพอดี ผมเดินเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับพี่วุฒิที่ตามเข้ามา ผมกดชั้นหนึ่งทันที แต่พี่วุฒิกลับกดเลขซะทุกชั้นเลย

 
        “พี่ทำของพี่อะไรเนี่ย”
 

        ผมหันไปถามพี่วุฒิ

 
        “พี่อยากจะคุยกับเรานานๆ”

 
        พี่วุฒิตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

 
        “ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นกับพี่”
 

        ผมบอกพี่วุฒิไปตามที่คิด

 
        “พี่รู้”
 

        พี่วุฒิบอกผม

 
        “แล้วพี่ยังจะต้องการอะไรอีกล่ะ”
 

        ผมถามพี่วุฒิไปด้วยความโกรธ

 
        “พี่ยังลืมโอมไม่ได้ พี่ยังคิดถึงทุกสัมผัสของโอม พี่รู้ว่าโอมคงลืมมันไปแล้ว แต่พี่ไม่เคยลืมเลยนะ”
 

        พี่วุฒิพูดพร้อมกับสีหน้าเศร้าสร้อย

 
        “พี่พยายามลืม พยายามไปเจอคนใหม่ แต่ก็ไม่มีใครทำให้พี่รู้สึกได้เท่ากับโอม ทั้งความรู้สึกที่พี่ชอบโอม และก็เรื่องเซ็กซ์ด้วย”
 

        พี่วุฒิพูดออกมาอย่างไม่อาย
 

        “แล้วโอมจะให้พี่ลืมเหรอ จะให้พี่ไปแค่เพราะว่าเพื่อนเราชอบพี่เหรอ”
 

        พี่วุฒิพูดต่อ
 

        “นั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้นผมไม่ได้อยากจะมีอะไรกับพี่อยู่แล้ว”
 

        ผมบอกพี่วุฒิออกไป ตอนนี้เราลงมาถึงชั้นหนึ่งแล้ว หลังจากที่ลิฟท์จอดทุกชั้นด้วยฝีมือของพี่วุฒิ ผมรีบเดินออกมาจากหอพักของแพททันที

 
        “ผมขอโทษที่ทำให้พี่เข้าใจผิด เดี๋ยวผมจ่ายค่าอาหารให้ เราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกัน”
 

        ผมพูดก่อนที่จะหยิบเงินมาจ่ายค่าอาหารให้พี่วุฒิ แต่พี่วุฒิไม่ยอมรับเงินของผม
 

        “พี่ไม่เชื่อหรอกนะว่าเราไม่คิดจะมีอะไรกับพี่อยู่แล้ว พี่ดูออก ถ้าเราไม่รู้เรื่องที่แพทชอบพี่ซะก่อนก็คงจะยอมใช่มั้ยล่ะ”
 

        พี่วุฒิพูด

 
        “ถ้าพี่จะไม่เชื่อ ผมก็คงจะห้ามไม่ได้”
 

        ผมพูดเสร็จก็รีบเดินไปที่หอพักของผมทันที และพี่วุฒิก็ยังคงเดินตามมา
 

        “ผมอยากให้พี่ตัดใจ ถ้าในเรื่องความรักผมมีคนที่ผมชอบอยู่แล้ว ส่วนเรื่องเซ็กซ์ก็มีคนอีกมากมายที่พร้อมจะทำได้อย่างที่ผมต้องการ”

 
        ผมหันไปบอกพี่วุฒิ
 

        “พี่ไม่มีโอกาสเลยเหรอ”
 

        พี่วุฒิถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ
 

        “แพทเป็นยังไงบ้าง”

 
        พี่วุฒิถามผม

 
        “เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเองพี่ ผมบอกมันไปแล้วว่าให้มันตัดใจ พี่เองก็ต้องทำให้ได้เหมือนกัน”
 

        ผมบอกพี่วุฒิ
 

        “มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ”
 

        พี่วุฒิบอกผม
 

 
 
        “มันไม่ยากหรอกพี่ถ้าเรารู้ว่าคนที่เราชอบเขาไม่มีทางชอบเราน่ะ เชื่อผมสิ”
 
 
 
 


 
 
        ... จากผู้เขียน ...

        มาต่อแล้วนะครับ ชอบไม่ชอบยังไงก็คอมเมนต์กันได้เลยนะครับ และตอนนี้ก็ rewrite ครบทุกตอนแล้วนะครับ ต่อไปนี้ก็จะมีเรื่องของตัวละครอื่นๆ มากขึ้น ถ้ายังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะครับ

         :mew1:



หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 11] 05/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 06-07-2017 22:56:47
ปมเยอะเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 11] 05/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 07-07-2017 08:34:56
หมดม.ยังโอมมม เกลียดความเมะของนางงง  :hao6:
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 11] 05/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 07-07-2017 14:45:17
คิดว่าเป็นแพทรึเปล่าครับ? เท่าที่ดูมาตัวละครที่น่าจะเห็นแววตามความนัย ก็น่าจะเป็นแพทล่ะมั้งครับ
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 12] 07/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 07-07-2017 20:55:20
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว
 
ตอนที่ 12

 
 
 
        [ริว]
 
 
        ชีวิตของผมในเวลานี้ดูจะวุ่นวายอยู่สักหน่อย หลังจากวันที่น้องแนนทิ้งผมไป ผมก็หมดเวลาไปกับการร้องไห้ฟูมฟายอยู่หลายวัน ใช่ว่าผมจะไม่เคยอกหัก แต่ครั้งนี้มันทำผมเสียเซลฟ์อย่างรุนแรง เพราะผมเพิ่งจะคบกับน้องเขาได้ไม่ถึงเดือนแต่ผมก็ถูกทิ้งซะอย่างนั้น แต่ที่ผมแปลกใจกว่านั้นคือความรู้สึกต่อน้องแนนที่หายไปอย่างรวดเร็วในวันที่ผมเรียกโอมให้มาหาที่ห้อง และวันนั้นเองที่ทำให้ผมได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต ผมเหลือบมองนาฬิกา G-Shock สีแดงที่อยู่บนข้อมือของผมในเวลานี้ ผมไม่ได้อยากจะดูเวลาจากมันหรอก แต่ผมกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ผมได้นาฬิกาเรือนนี้มา
 
 

        ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้
 
 
        วันนี้บรรยากาศรอบตัวผมออกจะดูประหลาดไป ผมเดินเข้ามาในโรงอาหารที่คณะในช่วงพักกลางวัน ผมรู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ของคนรอบตัวที่มองมาหาผม แม้ว่าเมื่อวันศุกร์ที่แล้วข่าวที่ผมพาผู้ชายมานอนที่ห้องจะเริ่มแพร่กระจายออกไป แต่มันก็ยังอยู่แค่ในวงจำกัด พอมาถึงวันนี้ดูเหมือนว่าข่าวจะไปไกลมาก สายตาเกือบทุกคู่จ้องมองมาที่ผม ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ผมต้องแกล้งทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมาหาผม ก่อนที่จะรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วออกไปจากที่นี่สักที
 

        การเรียนในช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คิด ผมรีบเดินหนีจากความวุ่นวาย เสียงนินทาที่เหมือนพยายามจะให้ผมได้ยิน แต่มันทำอะไรผมไม่ได้หรอก ผมทำหูทวนลมก่อนที่จะรีบพุ่งกลับไปที่หอพักทันที ผมเข้าไปอาบน้ำให้สบายตัว และมันก็ช่วยให้ผมใจเย็นลงไม่น้อย หลังจากนั้นผมก็ทิ้งตัวลงนอนพร้อมกับครุ่นคิดอย่างหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้น สุดท้ายผมก็สรุปได้ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้คือทางออกที่ดีที่สุด เดี๋ยวสักวันข่าวพวกนั้นมันก็หายไปเอง
 

        ก๊อก ก๊อก
 

        นานเท่าไรไม่รู้ที่ผมเผลอหลับไป แต่เสียงเคาะประตูก็ทำให้ผมตื่นขึ้นมาทันที ผมรีบเดินไปดูที่ช่องมองหน้าประตู ภาพที่ผมเห็นคือน้องแชมป์เดือนคณะปีหนึ่งที่เป็นคู่กับน้องแนนที่ทิ้งผมไป มันยืนอยู่หน้าห้องพร้อมกับจ้องมองมาที่ประตู ผมนึกแปลกใจไม่น้อยว่ามันมีธุระอะไรกับผม แต่ผมก็ตัดสินใจเปิดประตูออกไป
 

        “มีธุระอะไรเหรอ”

 
        ผมถามน้องแชมป์ออกไปด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร มันอาจจะปั้นยากอยู่สักหน่อย เพราะผมรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับมันสักเท่าไรนัก แต่ผมก็พยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติ
 

        “ผมขอเข้าไปในห้องได้มั้ยครับ”

 
        น้องแชมป์พูดพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องของผมทันที
 

        “เฮ้ย พี่ยังไม่ได้อนุญาตเลยนะ”

 
        แต่น้องแชมป์ก็ไม่ฟังสิ่งที่ผมพูด มันเดินเข้ามาในห้องของผมทันที ผมรู้ดีว่าไล่ยังไงมันก็คงจะไม่ออกไป และถ้าจะให้ใช้กำลังลากมันออกไป ผมก็ไม่น่าจะสู้แรงของมันได้ หวังว่ามันจะไม่ทำอะไรผมนะครับ
 

        “สรุปว่ามีธุระอะไรเนี่ย”

 
        ผมถามน้องแชมป์ที่ตอนนี้เดินสำรวจห้องของผมอย่างไม่เกรงใจกันเลยสักนิด มันหันมามองผมทันทีที่ผมถาม
 

        “สุขสันต์วันเกิดครับพี่ริว”

 
        น้องแชมป์พูดกับผมด้วยรอยยิ้ม จะว่ายังไงดีล่ะ ผมไม่เคยเห็นมันยิ้มเลยสักครั้ง ตั้งแต่เจอกันมันจะอยู่ในสีหน้าเรียบเฉยเหมือนคนเบื่อโลกอยู่ตลอดเวลา ว่าแต่มันรู้ได้ยังไงว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม ผมเองก็ลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม
 

        “เออ ขอบใจ”

 
        ผมบอกมัน มันยังคงไม่หุบยิ้ม ดูเหมือนว่ามันจะฉีกยิ้มมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
 

        “ผมมีของขวัญจะให้พี่”

 
        มันทำให้ผมแปลกใจอีกแล้ว คนอย่างมันเนี่ยนะจะซื้อของขวัญวันเกิดให้ผม ผมไม่ได้สนิทกับมันสักหน่อย ออกจะไม่ชอบขี้หน้ามันซะด้วยซ้ำ มันไม่รู้บ้างเลยหรือไง  ผมมองมันที่กำลังแกะนาฬิกาออกจากข้อมือของตัวเองแล้วก็สงสัยว่ามันทำอะไรของมัน
 

        “นี่ครับของขวัญ”
 

        ผมไม่รู้ว่ามันบ้าหรือเปล่า มันเอานาฬิกาที่มันใส่อยู่มาเป็นของขวัญให้ผมเนี่ยนะ
 

        “จะบ้าเหรอ เอานาฬิกาตัวเองมาเป็นของขวัญเนี่ยนะ”

 
        ผมด่ามันออกไป
 

        “ไม่ใช่นาฬิกาของผมหรอกครับ ผมแค่ยืมพี่ใส่เล่นวันนึงก็เท่านั้นเอง ผมตั้งใจจะซื้อให้พี่อยู่แล้ว”
 

        ดูมันพูดสิครับ ผมล่ะงงกับมันจริงๆ มีอย่างที่ไหน เอาของขวัญที่จะให้คนอื่นมาใส่ก่อนเนี่ย
 

        “ลองใส่ดูสิครับ”
 

        น้องแชมป์พูดพร้อมกับสวมนาฬิกาให้ผม ผมจะสะบัดมือมันออกทันที
 

        “ทำไมกูต้องใส่”
 

        ผมถามมันออกไป

 
        “ก็ผมอยากให้พี่ใส่”
 

        น้องแชมป์พูดพร้อมกับรอยยิ้ม ทำให้ผมรู้สึกหมั่นไส้มันเข้าไปอีก
 

        “กูไม่ใส่”

 
        ผมยืนยันคำเดิม คราวนี้มันรีบอ้อมมาอยู่ด้านหลังของผมก่อนที่จะรีบสวมนาฬิกาให้ผม ตอนนี้เหมือนมันกำลังกอดผมจากด้านหลังเลยล่ะครับ แต่ไม่นานมันก็สวมนาฬิกาเสร็จ และก็เดินกลับมาอยู่ด้านหน้าของผมเหมือนเดิม
 

        “เป็นไงครับ ผมบอกแล้วว่าเหมาะกับพี่จะตาย”
 

        มันก้มลงมองข้อมูลของผมก่อนจะพูดชื่นชมผลงานของตัวเอง
 

        “มึงให้กูทำไมวะ”

 
        ผมสงสัยเหลือเกินว่าผมไปสนิทกับมันตอนไหน ถึงได้อยากจะให้ของขวัญผมซะขนาดนั้น
 

        “ผมก็แค่อยากให้”

 
        “นี่มึงไม่ได้ไปขโมยใครมาใช่มั้ย”

 
        ผมถามมันออกไป ถ้าเกิดมันไปขโมยเขามา ก็เท่ากับว่าผมรับของโจรน่ะสิครับ
 

        “ผมซื้อมาเองครับ สวยใช่มั้ยล่ะ”

 
        น้องแชมป์พูดพร้อมทำหน้ากวนบาทา

 
        “ก็งั้นๆ แหละ”

 
        ผมตอบมันไปทั้งๆ ที่ผมก็อยากได้นาฬิการุ่นนี้สีนี้อยู่แล้วล่ะครับ
 

        “แต่พออยู่บนข้อมือพี่แล้วดูดีมากเลยนะครับ”
 

        น้องแชมป์พูด

 
        “แน่นอน ก็คนใส่มันหล่อนี่นา”

 
        ผมพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ

 
        “เออ นี่มึงจะให้กูจริงๆ เหรอ มันแพงมากเลยนะ”

 
        ผมถามน้องแชมป์ออกไป เพราะเท่าที่รู้มาราคาก็หลายพันอยู่นะครับรุ่นนี้ ไม่รู้ว่ามันไปเอาเงินมาจากไหน
 

        “ผมขออะไรแลกเปลี่ยนอย่างนึงได้มั้ยครับ”

 
        นั่นไง มีข้อแลกเปลี่ยนซะด้วย แต่นาฬิกาแพงขนาดนี้ผมต้องทำอะไรให้มันวะเนี่ย
 

        “อะไรวะ”
 

        ผมถามมันออกไป

 
        “ผมขอหอมแก้มพี่ได้มั้ย”

 
       ผมตกใจกับสิ่งที่มันพูดมาก มันอยากจะหอมแก้มผมเนี่ยนะ น้องแชมป์มันเป็นเกย์เหรอเนี่ย
 

       “มึงเป็นเกย์เหรอวะ”
 

       ผมเดินถอยออกมาจากน้องแชมป์ อยู่ในห้องกับมันสองต่อสองตอนนี้ดูท่าว่าจะไม่ปลอดภัยแล้วล่ะครับ
 

       “หอมแก้มกันแบบพี่น้องไง”

 
       มันพูดหน้าตาเฉย

 
       “อยู่บ้านกูก็ไม่เคยหอมแก้มพี่ชายกู มึงจะบ้าเหรอ”
 

       ผมล่ะงงกับตรรกะบ้าบอของมันจริงๆ ผู้ชายที่ไหนจะหอมแก้มกันต่อให้เป็นพี่น้องกันก็เถอะ
 

       “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมขอนาฬิกาคืนแล้วกันครับ”

 
       น้องแชมป์พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาจะแกะนาฬิกาออกจากข้อมือของผม
 

       “เฮ้ยได้ไงวะ มึงให้กูแล้ว”

 
       จะคืนมันไปก็เสียดายครับ อย่างที่บอกว่าผมกำลังอยากได้นาฬิการุ่นนี้สีนี้อยู่พอดี เรื่องอะไรผมจะคืนให้มันล่ะครับ
 

       “คงไม่ได้หรอกครับ นาฬิกาตั้งแพงแต่ผมไม่ได้อะไรตอบแทนเลย”
 

        น้องแชมป์พูดพร้อมกับส่ายหน้า
 

        “เออ ก็ได้ๆ”
 

        ในที่สุดผมก็ต้องยอมมัน แค่หอมแก้มผมคงไม่สึกหรออะไรหรอก ยังไม่ทันที่ผมจะตั้งตัว น้องแชมป์ก็เดินมาอยู่หน้าผม ใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของผม ก่อนที่จะประทับริมฝีปากลงบนแก้มของผม ผมสังเกตเห็นหน้าของน้องแชมป์ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วก็อดขำไม่ได้
 

        “หน้าแดงเลยนะมึง ชอบกูเหรอ”
 

        ผมแกล้งแซวน้องแชมป์ไป

 
        “ใช่ ผมชอบพี่”

 
        แทนที่จะเป็นมันที่ต้องอึ้งกับคำถามของผม กลายเป็นผมเองนี่แหละที่ต้องอึ้งกับคำตอบของมัน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันพูดจริงหรือเปล่า
 

        “ล้อเล่นน่า ไม่เอาสิ”
 

        ผมพูดพร้อมกับยิ้มแหยๆ ใส่มัน

 
        “ผมจริงจังนะ เตรียมตัวโดนผมจีบได้เลย”

 
        น้องแชมป์พูดพร้อมกับมองหน้าผมอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเดินไปที่ประตู

 
        “ฝันดีนะครับ”

 
        น้องแชมป์พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ผมยังคงอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่ผมถูกน้องแชมป์หอมแก้ม และก็เรื่องที่มันชอบผมอีก แต่ทำไมไม่รู้ ผมรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองเต้นแรงกว่าที่เคย
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        [โอม]
 
 
        เช้าวันพุธของผมเริ่มต้นขึ้นรวดเร็วกว่าที่ผมคิด ผมลืมตาตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น และก็ไม่อาจจะข่มตาหลับลงไปได้ ผมนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน หลังจากคุยกับพี่วุฒิเสร็จ พี่วุฒิก็บอกลาผมด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ผมพอจะเข้าใจพี่วุฒิอยู่หรอกว่าการตัดใจจากคนที่ตัวเองชอบมานานมันยากลำบากแค่ไหน และเนื่องจากวันนี้ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ ผมจึงมีเวลาที่จะติดตามความเป็นไปของเพื่อนฝูงผ่านเฟซบุ๊ก หลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็ค่อยๆ ไล่อ่านสเตตัสและรูปถ่ายของเพื่อนหลายคน จนไปสะดุดตากับนาฬิกาข้อมือสีแดงที่อยู่บนข้อมือของริว ภาพที่เห็นนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว หลังจากที่อัพเดทความเป็นไปของเพื่อนๆ ผ่านเฟซบุ๊กแล้ว ผมก็เตรียมตัวจัดกระเป๋าสำหรับการเรียนในวันนี้ โดยไม่ลืมที่จะหยิบรายงานที่ผมทำคู่กับมินไปส่งในช่วงบ่ายวันนี้ด้วย
 

        ก๊อก ก๊อก
 

        ระหว่างนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นที่หน้าห้องของผม ผมเดินออกไปเปิดประตูก็เห็นมินที่อยู่ในชุดนักศึกษาแล้ว มันเดินเข้ามาในห้องของผมทันที
 

        “อย่าลืมเอารายงานไปส่งด้วย”
 

        มินบอกผม

 
        “เออ กูเอาใส่กระเป๋าแล้ว”

 
        ผมบอกมินพร้อมกับแง้มกระเป๋าให้มันดู

 
        “เออ มึงเสร็จแล้วใช่มั้ย ไปกินข้าวกัน”
 

        พูดเสร็จมันก็เดินนำผมออกจากห้องทันที
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        ผมกับมินแวะซื้อขนมปังเป็นอาหารเช้าที่เซเว่นก่อนที่จะเดินมาที่คณะพร้อมกันแล้วแยกย้ายกันไปเรียนคนละเซค ส่วนตอนกลางวันมินมันบอกว่าจะไปทำธุระอะไรสักอย่างเลยไม่ได้อยู่กินข้าวกลางวันกับผม และระหว่างที่ผมนั่งกินข้าวคนเดียวอยู่นั้นเอง
 

        “พี่โอม สวัสดีครับ พวกผมนั่งด้วยได้มั้ยพี่”
 

        ม่อนน้องรหัสของผมเข้ามาทัก พร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก
 

        “ได้สิ”
 

        ผมตอบเสร็จ ม่อนกับเพื่อนของมันก็วางกระเป๋าลงบนโต๊ะทันที ก่อนที่จะเดินไปซื้ออาหาร ผมหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้า
 

        “ผมชื่อนนท์นะครับพี่ เป็นเพื่อนกับม่อน”
 

        เพื่อนของม่อนมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของผมพร้อมกับแนะนำตัวให้ผมรู้จักทันที ผมพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เบาๆ เพื่อนคนนี้ของม่อนก็ดูจะหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย จนผมเองก็อดคิดไม่ได้ว่าสองคนนี้คงจะขับเคี่ยวกันน่าดูตอนที่คัดเลือกเดือนคณะ แม้ว่าหน้าตาของน้องนนท์ดูจะออกไปทางน่ารักมากกว่าหล่อก็ตาม
 

        “พี่โอมอยู่ภาคคอมใช่มั้ยครับ”
 

        นนท์ถามผม
 

        “ใช่ครับ มีอะไรเหรอ”
 

        ผมหันไปถามนนท์ด้วยความสงสัย
 

        “ผมอยากเข้าภาคคอมมากเลยพี่ ม่อนมันบอกว่าพี่อยู่ภาคคอม มันเลยให้ผมมาทำความรู้จักกับพี่ไว้เผื่อว่าผมจะขอคำแนะนำจากพี่”
 

        “ได้สิ อยากรู้อะไรก็ถามพี่ได้เลยนะ”

 
        “ขอบคุณมากครับพี่ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมแอดเฟซบุ๊กพี่ไปนะครับ”
 

        หลังจากนนท์พูดเสร็จ น้องรหัสผมก็เดินมาแล้วนั่งลงข้างเพื่อนของมัน
 

        “เออ วันนี้มึงไม่ต้องไปซ้อมงานประกวดดาวเดือนเหรอวะ”
 

        นนท์หันไปถามม่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ

 
        “วันนี้ไม่ต้องไปว่ะ ให้กูพักบ้างเหอะ ซ้อมทุกวันเหนื่อยจะตาย”
 

        ม่อนหันไปบ่นกับเพื่อนของมัน
 

        “พุธหน้าแล้วดิที่มึงจะประกวดน่ะ”
 

        นนท์หันไปพูดกับม่อน

 
        “เออใช่ พุธหน้าพี่โอมว่างมั้ยครับ ไปเชียร์ผมหน่อยสิ”

 
        ม่อนหันมาชวนผม
 

        “น่าจะว่างนะ มันจัดที่ไหนอะ”

 
        ผมถามม่อน

 
        “ที่หอประชุมใหญ่เลยพี่”
 

        ม่อนบอกสถานที่กับผม
 

        “เออ เดี๋ยวพี่ไปเชียร์”

 
        ผมพูดเสร็จน้องม่อนมันก็ยิ้มกว้างออกมาทันที อะไรจะขนาดนั้นครับเนี่ย
 
 
 
 
----------------------------------------

 
 
 
        หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จผมก็บอกลารุ่นน้องทั้งสองคนเพื่อที่จะไปเข้าเรียนต่อในช่วงบ่าย วิชานี้เป็นวิชาบรรยายที่เรียนรวมกันทั้งภาควิชาโดยไม่มีการแบ่งเซค ผมจึงต้องรีบมาจองที่นั่งที่ดีที่สุดในห้องก็คือที่นั่งแถวหลังสุดนั่นเอง โชคดีที่คนยังมากันไม่มาก ผมเลยได้ที่นั่งแถวหลังสุดตามที่ต้องการ
 

        ครืด ครืด
 

        ผมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์จึงหยิบมันขึ้น หน้าจอปรากฏข้อความไลน์ของริวบอกว่ามันจะโดดเรียนช่วงบ่ายนี้ ผมรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะว่ามินมันไม่เคยโดดเรียนแบบนี้มาก่อน แต่ยังโชคดีที่วิชานี้ไม่มีการเช็คชื่อ ถ้ามันอยากจะโดดก็ไม่มีปัญหาอะไร
 

        และการเรียนในช่วงบ่ายที่แสนจะน่าเบื่อก็จบลง ผมส่งรายงานที่ผมทำคู่กับมินให้อาจารย์ก่อนที่จะรีบพุ่งตัวออกจากห้องทันที
 

        “โอม มึงอย่าเพิ่งไป”

 
        เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งเรียกผมไว้
 

        “มีอะไรเหรอ”
 

        ผมหันไปถามเพื่อนคนนั้นอย่างสงสัย
 

        “ไอ้ดินมันบอกให้มึงรอมันก่อน เดี๋ยวมันมาหา”

 
        เพื่อนคนนั้นบอกกับผม ผมแปลกใจเล็กน้อยที่ดินมันไม่โทรมาบอกผมโดยตรง พอพูดเสร็จมันก่อนเดินออกไปก่อน สักพักดินมันก็มาถึง

 
        “เย็นนี้มึงว่างปะวะ”
 

        ดินถามทันทีที่เห็นหน้าผม ท่าทางมันดูกระหืดกระหอบเหมือนรีบมาหาผมสุดๆ
 

        “ว่าง มึงมีอะไรวะ”

 
        ผมหันไปตอบดิน

 
        “คืนนี้มาหากูที่ห้องหน่อย กูมีเรื่องอยากให้มึงช่วยว่ะ”
 
 
 
 
        และรอยยิ้มของดินที่มาพร้อมกับประโยคที่มันพูดก็ทำให้ผมรู้ในทันทีเลยว่ามันอยากให้ผมช่วยอะไร
 
 
 
 


 
        ... จากผู้เขียน ...

        ตอนใหม่มาแล้วววววว ใครมีความในใจอะไรบอกมาได้เลยนะครับ อิอิ

         :-[

หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 12] 07/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 07-07-2017 21:21:45
สรุปโอม  จะคู่ใครเนี่ยะ  ริวก้อไปกับแชมป์แล้ววว
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 13] 15/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 15-07-2017 19:48:44
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว

ตอนที่ 13





        ผมกำลังนอนพักหายใจอยู่บนเตียงนอนของดิน หลังจากเสร็จกิจยกที่สามผมก็หมดสภาพอย่างที่เห็น ร่างกายและใบหน้าของผมตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมหันไปมองใบหน้าของเดือนวิศวะสุดหล่ออย่างดินที่ตอนนี้นอนอยู่ข้างๆ ผม ใบหน้าของมันเปราะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่น แต่รอยยิ้มของมันคงจะบอกได้ดีว่ามันมีความสุขมากแค่ไหนที่มีของเหลวเหล่านั้นอยู่บนใบหน้าของมัน


        “วันนี้มึงจัดกูหนักมากเลยนะ”


        ดินหันหน้ามาคุยกับผม เสียงหอบของมันคงบอกได้ว่ามันเหนื่อยมากแค่ไหน


        “มึงไม่ชอบเหรอวะ”


        ผมหันไปตอบพร้อมยักคิ้วให้มัน


        “กูไม่ได้บอกสักหน่อยว่ากูไม่ชอบ”


        ดินตอบพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม


        “มึงไม่คิดจะเช็ดหน้าสักหน่อยเหรอ”


        ผมถามดินที่ตอนนี้หน้าของมันเต็มไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นจากร่างกายของผม


        “เออว่ะ ลืมไปเลย”


        พูดเสร็จดินก็ลุกขึ้นแล้วไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดหน้า ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้า สักพักดินก็เดินออกมา


        “กูอยากจะถามมึงมานานแล้ว มึงกับพี่เฟิร์นเป็นอะไรกันวะ”


        ผมถามคำถามที่ผมสงสัยมานาน สีหน้าของดินดูเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยแต่ผมก็พอจะสังเกตเห็นได้


        “ยังไม่รู้ว่ะ เขาดีมากเลยนะเว่ย แต่ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่าเขายังไม่ใช่ว่ะ”


        ดินหันมาตอบผมด้วยสีหน้าจริงจังอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน


        “เขาทั้งสวย ทั้งเก่ง นิสัยก็ดี เขามีทุกอย่างที่กูคิดว่าแม่ของลูกกูควรจะมี แต่ทำไมกูเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยก็ไม่รู้ว่ะ”


        ดินพูดต่อ


        “แล้วตอนนี้มึงคบเขาในฐานะอะไรวะ”


        ผมถามดิน


        “กูก็พูดไม่ถูกเหมือนกันว่ะ มันมากกว่าเพื่อนน่ะ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นแฟน เรียกว่าเป็นคนที่คุยๆ กันอยู่ก็ได้ล่ะมั้ง”


        ดินตอบผม พร้อมกับสีหน้าที่คลายความเครียดลงเล็กน้อย


        “แล้วมึงเคยมีอะไรกับเขามั้ยวะ”


        ผมถามดินต่อ


        “เคย หลายครั้งแล้วด้วย”


        “แล้วแบบนี้เขาจะไม่คิดเหรอวะว่ามึงเริ่มจริงจังกับเขาแล้ว”


        “มึงกำลังทำให้กูเครียดอยู่รู้ตัวมั้ย”


        ดินหันมามองผม พร้อมกับสีหน้าดูเหมือนว่าจะกลับไปเครียดเหมือนเดิม


        “โทษที กูแค่อยากรู้เฉยๆ มึงไม่ต้องตอบก็ได้”


        ผมขอโทษมันด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย


        “มึงไม่ผิดหรอก กูนี่แหละที่ทำให้มันค้างคา”


        ดินพูดพร้อมกับฉีกยิ้มที่มุมปากให้ผมเล็กน้อย แต่มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่ามันหายเครียดเลยแม้แต่น้อย


        “แล้วเขารู้มั้ยว่ามึงมานอนกับกูเนี่ย”


        “ไม่รู้หรอก เรื่องแบบนี้กูไม่กล้าบอกผู้หญิงหรอก”


        “มึงบอกแต่ผู้ชายว่างั้น”


        “นี่มึงยังโกรธกูอยู่อีกเหรอวะ กูบอกแต่คนที่ผ่านเกณฑ์มึงเท่านั้นแหละ เผื่อวันนึงพวกนั้นจะไปหามึงไง”


        ดินตอบพลางหัวเราะเบาๆ


        “ช่างเหอะ กูก็พูดไปงั้นแหละ ว่าแต่มึงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเหรอวะ พี่เฟิร์นน่ะ”


        “กูไม่รู้จะทำยังไงดี กูแทบไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยว่ะ แต่กูก็ยังไม่เจอคนที่กูรู้สึกอะไรแบบนั้นด้วยแหละ”


        ดินตอบผมพลางถอนหายใจแรง


        “บางทีกูอาจจะลองคบผู้ชายดูก็ได้”


        คำพูดของดินทำให้ผมตกใจจริงๆ


        “เอาจริงเหรอวะ”


        ผมถามดินด้วยความสงสัย มันไม่มีท่าทีว่าจะชอบผู้ชายเลยด้วยซ้ำ


        “กูคุยกับผู้หญิงมาหลายคน คุยมาทุกแบบ ทั้งผู้หญิงเรียบร้อย ผู้หญิงแรด ผู้หญิงห้าวๆ กูเริ่มจะเบื่อแล้วว่ะ”


        ดินตอบด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างที่มันพูด


        “มึงอาจจะยังไม่เจอคนที่มึงรู้สึกจริงๆ หรือเปล่า”


        “ก็อาจจะอย่างนั้น”


        หลังจากที่ผมกับดินคุยกันเสร็จ ผมก็เข้าไปอาบน้ำล้างตัวกับดินในห้องน้ำ จากนั้นผมก็บอกลามันกลับมานอนที่ห้องของตัวเอง เมื่อนึกถึงชีวิตของรักของดินแล้ว ก็กลับมานึกถึงชีวิตรักของตัวเองบ้าง จะว่าไปผมก็ไม่เคยคบใครจนถึงขั้นที่เป็นแฟนเลยสักคน ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผมจะเป็นยังไงถ้าเกิดผมจะจริงจังเรื่องความสัมพันธ์กับใครสักคนขึ้นมา




----------------------------------------




        เช้าวันวันพฤหัสบดีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมเข้าเรียนช่วงเช้าพร้อมกับมิน จากนั้นก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่โรงอาหารคณะวิศวะที่เดิม และก็ไปเข้าเรียนวิชาช่วงบ่ายด้วยกัน


        “เย็นนี้กูนัดไอ้แพทว่าจะไปเจอมันที่คณะแพทย์ มึงจะไปด้วยกันมั้ย”


        มินถามผมหลังจากที่เราเรียนวิชาในช่วงบ่ายเสร็จแล้ว มินมันน่าจะยังไม่รู้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่แสนจะวุ่นวายของแพท พี่วุฒิ และก็ผม หลังจากวันนั้นผมกับแพทก็ไม่ได้คุยกันเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ามันพร้อมจะเจอผมหรือยัง


        “เออ กูไปด้วย”


        ผมตัดสินใจไปด้วยเพื่อไม่ให้มินมันผิดสังเกต




----------------------------------------




        ตอนนี้ผมกับมินเดินมาถึงคณะแพทย์แล้วล่ะครับ และดูเหมือนว่าผมจะเจอน้องวิทย์เข้าแล้ว วันนี้มันอยู่คนเดียวอีกตามเคย ผมแอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเวลาที่ผมมาคณะแพทย์จะต้องเจอน้องวิทย์ทุกครั้งเลย


        “พี่โอมครับ คุยกับผมแป๊บนึงได้มั้ย”


        วิทย์เรียกผมที่ตอนนี้กับเดินอยู่กับมิน


        “มึงไปก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”


        ผมบอกมิน มินพยักหน้าหนึ่งทีเป็นอันเข้าใจ ก่อนที่ผมเดินตามวิทย์ไป


        “จะพาพี่ไปไหนเนี่ย”


        ผมถามวิทย์ที่ตอนนี้เดินนำผมไปที่ตึกเรียน


        “เอาน่าพี่ ตามผมมาเถอะ”


        วิทย์บอกผมเหมือนมีลับลมคมใน แต่ผมก็เดินตามไปตามที่มันต้องการ ตอนนี้ผมก็เดินเข้ามาในตึกเรียนแล้ว วิทย์กดลิฟท์พาผมไปที่ชั้นห้าของตึก


        “สรุปนี่เราเรียกพี่มาทำอะไรเนี่ย”


        “เคนมันอยากจะคุยกับพี่เรื่องที่มันจะสัมภาษณ์พี่น่ะ”


        วิทย์บอกเหตุผลที่ลากผมมาถึงชั้นห้าของตึกเรียน


        “แล้วทำไมต้องมาคุยกันที่นี่ล่ะ”


        “เคนมันเลิกแล็ปช้าน่ะพี่”


        “แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จล่ะ พี่มีนัดกับเพื่อนนะ”


        “แป๊บเดียวพี่”


        ผมกับวิทย์นั่งรออยู่หน้าห้องแล็ปสักพักก็เห็นน้องเคนเดินออกมา สีหน้าของเคนดูแปลกใจที่เห็นผม นี่มันหมายความว่ายังไงกันล่ะครับเนี่ย วิทย์มันลากผมมาคุยงานทั้งๆ ที่เพื่อนมันยังไม่รู้เนี่ยนะ จังหวะที่น้องเคนเดินออกมาวิทย์ก็รีบเดินเข้าไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกันโดยไม่ให้ผมได้ยิน คงจะนัดแนะกันล่ะสิว่าเรียกผมมาทำไม


        “สวัสดีครับพี่โอม”


        น้องเคนพูดก่อนที่จะค้อมตัวลงเล็กน้อย


        “นี่สรุปจะคุยอะไรกับพี่เนี่ย”


        น้องเคนหันไปหน้าไปทางน้องวิทย์ทันทีที่ได้ยินผมพูด นี่สรุปว่ายังนัดกันไม่เสร็จใช่มั้ยเนี่ย


        “มึงก็หยิบลิสต์คำถามที่มึงจะถามพี่โอมให้เขาไปสิ”


        วิทย์หันไปบอกน้องเคน จากนั้นน้องเคนก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า


        “เอ่อ นี่คำถามที่ผมจะถามพี่ตอนสัมภาษณ์น่ะครับ เผื่อพี่จะเอาไว้เตรียมตัว”


        น้องเคนยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้ผม ผมเก็บกระดาษแผ่นนั้นใส่กระเป๋าทันทีโดยไม่ได้อ่าน


        “นี่มึงจะไม่ซ้อมสัมภาษณ์พี่โอมสักหน่อยเหรอวะ ไหนๆ พี่โอมก็มาแล้ว”


        วิทย์หันไปบอกเพื่อนของมัน ผมกำลังจะบอกวิทย์ว่าผมไม่ว่างเพราะมีนัดกับเพื่อนแต่น้องเคนก็พูดออกมาซะก่อน


        “กูไม่ว่างอะ กูมีนัดกับหนิงไว้”


        น้องเคนรีบพูดออกมา ตอนท้ายก็เหลือบมองผมด้วยแววตาที่ผมก็ไม่เข้าใจ


        “ตามใจมึงละกัน”


        วิทย์พูดพร้อมกับทำหน้าเคืองๆ


        “เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ พี่มีนัดเพื่อนเอาไว้”


        ผมบอกลาน้องเคนกับน้องวิทย์ก่อนที่จะเดินกลับไปหามินกับแพท


        “เดี๋ยวก่อนพี่ ผมไปด้วย”


        เสียงของวิทย์ไล่หลังผมมาตอนที่ผมออกเดินมา


        “พี่อย่าโกรธไอ้เคนมันเลยนะ มันก็แบบนี้แหละ”


        วิทย์ที่เดินตามผมมาทันแล้วพูดกับผม


        “พี่ไม่ได้โกรธเคน แต่โกรธแกนี่แหละวิทย์ทำพี่เสียเวลาหมด แค่ลิสต์คำถามแค่นี้ส่งมาในไลน์ก็ได้”


        ผมหันไปบอกวิทย์ มันทำหน้าตารู้สึกผิด แต่ดูเหมือนจะแกล้งทำมากกว่า


        “หึงล่ะสิ”


        วิทย์หันมาล้อผม


        “ไม่ได้หึง”


        ผมพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย


        “ตัดใจสักทีเถอะพี่ ไอ้การที่มันไปคบผู้หญิง มันก็ชัดเจนแล้วนะว่ามันไม่มีทางชอบพี่”


        วิทย์พูดกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง


        “พี่รู้อยู่แล้วน่า ไม่ต้องบอกหรอก”


        “แต่พี่ก็ยังทำไม่ได้ใช่มั้ย”


        “สอนพี่หน่อยสิ วิธีตัดใจจากคนที่ตัวเองชอบน่ะ”


        ผมหยุดเดินแล้วหันไปถามวิทย์ มันดูจะตกใจกับสิ่งที่ผมพูด


        “ผมทำได้ซะที่ไหนล่ะพี่ ตอนนี้ผมก็ยังชอบพี่อยู่”


        ผมตกใจในสิ่งที่วิทย์พูดมาก แล้วที่มันช่วยผมจีบเพื่อนมันล่ะ


        “อ้าว แล้วตอนที่วิทย์ช่วยพี่จีบเคนล่ะ พี่คิดว่าวิทย์ตัดใจจากพี่ได้แล้วซะอีก”


        ผมถามมันไปด้วยความสงสัย


        “ที่ผมทำมันก็เป็นแค่วิธีที่จะทำให้ผมได้อยู่ใกล้พี่ ผมก็แค่รอสักวันที่พี่จะหันมาสนใจผมบ้าง ผมแค่คิดว่ามันก็ยังพอเป็นไปได้บ้างที่พี่จะหันมาชอบผม อย่างน้อยพี่ก็ชอบผู้ชาย โอกาสของผมก็ยังพอจะมีอยู่บ้าง ถ้าพี่ชอบผู้หญิงผมก็คงจะตัดใจไปนานแล้ว”


        ผมแอบเห็นแววตาเป็นประกายของมันที่ดูเหมือนจะมีความหวังอยู่น้อยๆ คำพูดของมันดูจะทิ่มแทงใจผมอยู่ไม่น้อย ผมยังตัดใจจากน้องเคนไม่ได้ ทั้งที่รู้ดีอยู่เต็มอกว่าน้องเขาไม่มีทางชอบผม


        “ตอนแรกที่ผมช่วยพี่จีบไอ้เคนน่ะ ผมโคตรเจ็บเลย ผมเห็นแววตาที่พี่มองมัน ผมก็อยากให้พี่มองผมแบบนั้นบ้าง แต่เรื่องที่เคนมันไปคบกับหนิงนี่มันอยู่เหนือความคาดหมายของผมนะ ผมควรจะดีใจใช่มั้ยพี่ที่รู้ว่ามันไม่ได้ชอบพี่น่ะ แต่มันก็เท่ากับว่าผมเสียโอกาสที่ได้อยู่ใกล้กับพี่ จนบางทีผมก็อยากให้สองคนนั้นเลิกกัน”


        “พี่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรเลยว่ะ”


        ผมมองหน้าวิทย์ด้วยหลายอารมณ์ปะปนกัน ผมทึ่งในความพยายามของมัน หลายสิ่งที่มันทำดูแปลกประหลาดสำหรับผม แต่ผมก็เข้าใจมันนะ


        “พี่ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของผมเถอะ ผมจะทำให้สองคนนั้นเลิกกันให้ได้ พี่ไม่ต้องห่วง”


        ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่วิทย์พูด จะรู้สึกดีใจ จะรู้สึกเสียใจ หรือจะรู้สึกประหลาดใจ มันปนกันไปหมด


        “อะไรเนี่ย เมื่อกี้ยังบอกให้พี่ตัดใจอยู่เลย”


        ผมเริ่มจะงงกับความคิดของวิทย์แล้วครับ มันจะเอายังไงกันแน่จะให้ผมตัดใจหรือจะให้ผมชอบน้องเคนต่อไปกันล่ะเนี่ย


        “แล้วถ้าเราอยากเจอพี่ ก็มาหาพี่ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากเลย”


        ผมบอกวิทย์ออกไป


        “มันไม่เหมือนกันหรอกพี่ พี่รู้มั้ยว่าทำไมผมถึงชอบพี่ ผมชอบพี่ตอนที่พี่คุยกับไอ้เคน สีหน้า แววตา และก็รอยยิ้มที่มีความสุขของพี่มันดึงดูดผมมาก ผมชอบพี่ที่เป็นแบบนั้น มันไม่มีประโยชน์เลยที่พี่จะมาเจอกับผมแล้วไม่มีความสุขน่ะ”


        คำพูดของวิทย์ทำให้ผมอึ้งอีกแล้ว


        “มันขัดแย้งในใจเหมือนกันนะพี่ ใจนึงผมก็อยากให้พี่ตัดใจจากไอ้เคนให้ได้ แต่อีกใจนึงก็อยากให้พี่มีความหวัง ยังอยากให้พี่มีความสุขเวลาที่ได้คุยกับไอ้เคน ผมยังอยากเห็นพี่โอมคนที่ผมชอบอยู่ พี่โอมที่ยังมีความสุขเวลาคุยกับไอ้เคน ไม่ใช่พี่โอมที่เป็นแบบนี้”


        วิทย์พูดซะจนผมไปต่อไม่ถูกเลย


        “แล้วถ้าสมมติวันนึงเคนมันชอบพี่ขึ้นมาจริงๆ เราจะไม่เสียใจเหรอวิทย์”


        “ไม่รู้สิพี่ ไว้ถึงตอนนั้นผมค่อยคิดแล้วกัน”


        วิทย์ตอบผม ก่อนที่เดินต่อไป ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าเราหยุดเดินมาสักพักแล้ว


        “ไปก่อนนะพี่ เดี๋ยวพี่รอดูฝีมือผมได้เลย”


        วิทย์บอกผมตอนที่เดินมาถึงหน้าตึกแล้ว จากนั้นวิทย์ก็เดินไปทันที




----------------------------------------




        “อยู่ไหนวะตอนนี้”


        หลังจากที่วิทย์เดินไปแล้ว ผมก็โทรถามมินว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน


        “อยู่โรงอาหาร เออ แต่แพทมันมีเรียนชดเชยนะ มันมาไม่ได้แล้ว”


        มินบอกผม ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันมีเรียนจริงๆ หรือว่าแค่อยากจะหลบหน้าผมกันแน่


        ผมเดินจากตึกเรียนคณะแพทย์ไปที่โรงอาหาร และดูเหมือนว่าแพทมันจะไม่ได้โกหก เพราะผมไม่เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่ในโรงอาหารเลยแม้แต่คนเดียว ระหว่างที่เดินเข้าไปในโรงอาหาร ผมเห็นมินนั่งอยู่กับใครสักคน แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะคนๆ นั้นนั่งหันหลังให้ผมอยู่ ทันทีที่เห็นผมมินก็โบกมือเรียกผม และเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ผมก็เห็นว่าคนที่นั่งอยู่กับมินคือใคร


        และคนๆ นั้นก็คือน้องเคนนั่นเอง


        ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสองคนนี้มันไปสนิทกันตอนไหน เพราะตอนเรียนมัธยมผมก็ไม่เคยเห็นสองคนนี้คุยกันสักครั้ง


        “นั่งก่อนสิโอม”


        มินบอกผม ผมจึงเดินไปนั่งข้างมิน


        “นี่ไอ้เคนเป็นน้องสายห้องเรามึงจำได้มั้ย”


        มินแนะนำน้องเคนให้ผมรู้จัก มันก็คงจะไม่รู้เหมือนกันสินะว่าผมกับน้องเคนก็รู้จักกันอยู่แล้ว และดูจากคำนำหน้าของน้องเคนที่เป็นไอ้เนี่ย สองคนนี้คงจะสนิทกันในระดับหนึ่งเลยแหละ


        “เออ กูจำได้น่า”


        ก็แน่ล่ะสิ นี่มันคนที่ผมชอบนะ


        “เคน มึงจำรุ่นพี่มึงได้มั้ยเนี่ย นี่ไอ้โอมเพื่อนกูเอง”


        มินมันยังไม่หยุด มันยังแนะนำน้องเคนให้รู้จักกับผมต่อไป ผมหันไปเหล่มองมันเล็กน้อย แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่รู้ตัว


        “จำได้ครับ”


        น้องเคนตอบมาเบาๆ


        “มึงไปสั่งข้าวไป พวกกูกินกันจะเสร็จแล้วเนี่ย”


        มินหันมาบอกผม ผมจึงลุกออกไปซื้อข้าวมากิน ผมเลือกร้านข้าวแกงเจ้าประจำเพราะคนน้อยดีไม่ต้องรอนาน แล้วผมก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ


        “ตะกี้นี้บอกว่ามีนัดไม่ใช่เหรอ”


        ผมถามน้องเคน


        “ยกเลิกแล้วครับพี่ หนิงเขาต้องรีบกลับบ้านน่ะ”


        น้องเคนหันมาตอบผม ส่วนมินก็ทำหน้าเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง แต่ไม่นานก็กลับมาทำหน้าปกติ นี่มันมีอะไรปิดบังผมหรือเปล่าเนี่ย


        “นี่มึงไปสนิทกันตอนไหนวะ กูไม่เห็นรู้เรื่องเลย”


        มินถามออกมา ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน


        “ก็เคนมันเป็นน้องห้องเรานี่หว่า กูก็คุยกับน้องทุกคนนั่นแหละ”


        ผมตอบมิน สีหน้าของมินดูคลายความสงสัย แต่สีหน้าของน้องเคนดูจะแปลกไปเล็กน้อย มันเป็นสีหน้าที่ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน


        “มึงรีบกินเถอะ กูอยากกลับหอแล้ว”


        มินบอกผม พอได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็พยักหน้าแล้วก็รีบกินตามที่มินบอก ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะรีบไปไหน


        “ผมกลับก่อนนะพี่ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนผมนะครับ”


        น้องเคนพูดกับมินก่อนที่จะเดินออกไป ฟังแบบนี้ผมก็งงสิครับว่าน้องมันมีอะไรไม่สบายใจถึงให้เพื่อนผมมาอยู่เป็นเพื่อนเนี่ย


        “มึงอะไรให้กูช่วยก็บอกนะ โชคดีเว่ย”


        มินตอบ


        “ขอบคุณมากพี่ไปก่อนนะครับ ไปก่อนนะครับพี่โอม”


        ประโยคแรกน้องเคนพูดกับมิน ส่วนประโยคหลังหันมาพูดกับผม หลังจากนั้นน้องเคนก็เดินออกไป


        “กูเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามึงกับน้องเคนสนิทกัน”


        ผมหันไปพูดกับมิน


        “กูก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามันสนิทกับมึง”


        มินพูดกับผม


        ”น้องมันมีเรื่องอะไรวะ ที่มันบอกว่ามึงอยู่เป็นเพื่อนเนี่ย”


        ผมถามมินด้วยความสงสัย


        “เหมือนจะมีปัญหากับแฟนมันนิดหน่อย มีแฟนขี้หึงก็แบบนี้แหละ”


        มินสรุปเรื่องเกี่ยวกับน้องเคนให้ผมฟัง


        “เท่าที่ฟังก็น่าจะสาหัสอยู่นะ แฟนมันนี่โคตรงี่เง่าเลย เป็นกูนี่เลิกไปแล้ว”


        มินเล่าต่อ ดูเหมือนมันจะอินกับเรื่องของน้องเคนมากนะ พูดไปก็ใส่อารมณ์ไป อะไรจะขนาดนั้นเนี่ย


        “คงรักจะมากสินะ ถึงยังไม่เลิก”


        ผมรำพึงออกมาอย่างไม่รู้ตัว


        “มึงเชื่อกูเถอะ อีกไม่นานหรอก”


        “ทำไมมึงถึงคิดอย่างนั้นวะ”


        ผมถามมินที่ท่าทางจะมั่นใจเอาซะมากๆ


        “เซ้นส์กูมันบอกแบบนั้น”


        มินตอบผมด้วยท่าทางที่มั่นใจเหมือนเดิม




        ผมเองก็จะอยากรู้เหมือนกันว่าเซ้นส์ของเพื่อนผมมันจะถูกหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 13] 15/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 15-07-2017 20:40:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 13] 15/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 15-07-2017 22:37:47
ลุ้น ๆ ชอบวิทย์อ่ะ
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 13] 15/07/2560
เริ่มหัวข้อโดย: Marchyn ที่ 05-09-2017 10:45:06
 o18 มาต่อเมื่อไหร่น้าาา
หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 14] 11/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 11-04-2018 20:45:38
L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว

ตอนที่ 14





        [ริว]



        ผมไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ ว่าทำไมผมจะต้องคอยดูนาฬิกาบนข้อมือของผมอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นเพราะความหิวของผมที่ทำให้ผมต้องคอยดูนาฬิกาเพื่อจะได้รู้ว่าใกล้เวลาเลิกเรียนหรือยัง แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมหันไปดูนาฬิกาอีกครั้ง หกโมงห้าสิบสี่นาทีเป็นเวลาที่ผมเห็น พอดูนาฬิกาก็พาลนึกถึงคนที่ให้มันมา ตั้งแต่วันที่ผมได้นาฬิกามา ผมก็ไม่เห็นหน้าคนให้อีกเลย ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหายไปไหน ไม่เหมือนที่มันบอกไว้ว่าจะมาจีบผมเลย ผมไม่ได้อยากจะให้มันมาจีบผมหรอกนะอย่าเข้าใจผิด ก็แค่สงสัยเฉยๆ แต่คิดไปคิดมาก็อาจจะเพราะมันต้องไปซ้อมการแสดงเพื่อประกวดเดือนมหาวิทยาลัยก็ได้ เออ แล้วผมจะไปคิดให้ปวดหัวทำไมล่ะเนี่ย


        “วันนี้พอแค่นี้ค่ะ”


        เสียงของอาจารย์ที่สอนอยู่หน้าห้องช่วยดึงผมออกจากความคิดไร้สาระ ถึงเวลาเลิกเรียนแล้วสินะ ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอาจารย์จะขยันสอนไปไหน ต้องมาสอนชดเชยวันหยุดอีก ผมน่ะไม่ได้อยากจะเรียนสักหน่อย ผมจัดการเก็บชีทใส่กระเป๋าเตรียมตัวออกจากห้องเรียนที่ตอนนี้เต็มไปด้วยนักศึกษาแพทย์ปีสองทั้งคณะที่ต้องมาเรียนชดเชยพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้


        “นาฬิกาสวยว่ะ ใครให้มาวะ”


        ผมล่ะเบื่อจริงๆ กับคำถามพวกนี้ผมตอบมาจะครบร้อยรอบแล้วนะ แล้วนี่ใครมาถามผมอีก ตั้งแต่วันนั้นที่ผมได้นาฬิกาเรือนนี้มา ก็มีแต่คนเข้ามาถามไม่หยุดว่าซื้อจากที่ไหน ราคาเท่าไหร่ ผมก็เข้าใจอยู่หรอกว่านาฬิกามันสวย แต่ผมก็ยังไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่กับการที่จะต้องมาคำถามอะไรพวกนี้ ผมหันไปมองคนถามก็พบว่าเป็นแพท เพื่อนที่โรงเรียนเก่าผมเอง ผมนึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะว่าปกติผมกับมันไม่ค่อยจะคุยกันสักเท่าไหร่ ผมรู้สึกว่ามันเป็นคนที่น่ารำคาญอยู่สักหน่อยเลยไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับมัน


        แต่เดี๋ยวนะ ตะกี้มันถามว่าใครให้มาอย่างนั้นเหรอ


        ปกติคนที่เข้ามาถามก็จะถามว่าซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่ รุ่นไหน อะไรประมาณนี้ แต่น่าแปลกที่แพทมันถามว่าใครให้มา นี่มันคิดว่าผมไม่มีปัญญาซื้อเองหรือไง


        เอ๊ะ หรือว่ามันไปรู้อะไรมา


        “ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ เอาน่าไม่ต้องอายหรอก”


        พอเห็นผมไม่ตอบอะไรแพทมันก็พูดต่อแล้วก็หัวเราะทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกไปเลย นี่แปลว่ามันรู้ใช่มั้ยว่าน้องแชมป์เป็นคนให้นาฬิกาเรือนนี้มา เอ๊ะ หรือว่ามันแค่กวนประสาทผมเฉยๆ เอาเถอะผมคงไม่พยายามเข้าใจมันหรอก




----------------------------------------




        [โอม]



        และแล้วเช้าวันศุกร์ที่รอคอยก็มาถึง ผมกับมินนัดกันว่าวันนี้จะไปเจอกันที่ห้องเรียนเลย ผมที่มาถึงก่อนจึงรับหน้าที่จองที่นั่งให้ วันนี้เป็นอีกวันที่เรียนรวมทั้งภาควิชา ที่ประจำของผมจึงอยู่ที่แถวหลังสุดของห้องเรียนรวม ไม่นานมินก็มาถึงห้องเรียนแล้วเดินมาผมทันที


        “กูตื่นเต้นว่ะ”


        มินพูดกับผม มันคงจะหมายถึงการรับน้องในวันนี้ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นความลับระดับชาติ เพราะจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเราจะเจอกับอะไรบ้าง ผมเห็นท่าทางของมินแล้วก็รู้สึกตลก เพราะปกติมันไม่เคยทำท่าทางร้อนรนอะไรแบบนี้


        หลังจากนั้นอาจารย์ก็เข้ามาในห้อง วันนี้นักศึกษาอยู่กันพร้อมหน้าเพราะว่าวิชานี้เป็นวิชาที่มีเช็คชื่อ โดยที่อาจารย์จะขานชื่อนักศึกษาเกือบร้อยคนตอนเริ่มเรียนแปดโมง และอีกทีตอนเลิกเรียนสิบเอ็ดโมง ผมล่ะนับถือกับความพยายามที่จะเช็คชื่อของอาจารย์คนนี้จริงๆ แต่เพราะแบบนี้เองจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับรุ่นพี่ที่จะมาดักพวกเราเอาไว้ไม่ให้ออกไปจากห้องเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้โดดรับน้องนั่นเอง




----------------------------------------




        “มึงดูข้างนอกดิ เหมือนรุ่นพี่จะเริ่มมาดักรอแล้วว่ะ”


        มินสะกิดเรียกผมให้มองไปที่นอกห้องเรียน ภาพที่ผมเห็นคือรุ่นพี่ปีสามและปีสี่ที่เริ่มมายืนอยู่หน้าห้องเรียนแล้ว


        “เขาไม่มีเรียนกันเหรอวะ นี่เพิ่งจะสิบโมงครึ่งเองนะ”


        ผมหันไปกระซิบคุยกับมิน ส่วนมินก็ได้แต่ส่ายหน้าตอบผม ผมพอจะเข้าใจล่ะครับว่ามันก็ไม่รู้เหมือนกับผมนี่แหละ


        “เดี๋ยวเราจะเริ่มเช็คชื่อกันนะคะ”


        เสียงของอาจารย์ดังขึ้น ผมแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้อาจารย์เริ่มเช็คชื่อเร็วกว่าปกติ หลังจากนั้นการเช็คชื่อก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วและการเรียนในช่วงเช้าก็จบลง รุ่นพี่ผู้ชายสองคนที่ผมไม่รู้จักก็เดินเข้ามาในห้อง อาจารย์คุยอะไรบางอย่างกับรุ่นพี่สองคนนั้นก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป


        “เดี๋ยวพวกพี่จะพาน้องๆ ไปที่งานรับน้องใหม่นะครับ ขอให้น้องๆ พี่หญิงลุกขึ้นก่อนครับ”


        รุ่นพี่คนหนึ่งถือไมโครโฟนแล้วพูดขึ้นมา ตอนนี้พวกผู้หญิงในห้องเรียนก็พากันลุกขึ้น


        “น้องๆ มาเข้าแถวตอนหนึ่งแถวหน้าห้องได้เลยครับ”


        รุ่นพี่คนเดิมพูดต่อ ส่วนรุ่นพี่อีกคนชูมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าให้ไปตรงที่พี่คนนั้นยืนอยู่


        “เดินออกไปได้เลยครับ”


        หลังจากที่พวกผู้หญิงเข้าแถวกันครบหมดแล้วรุ่นพี่ก็เรียกให้เดินออกไปจากห้องทันที


        “น้องๆ ผู้ชายลุกขึ้นมาเข้าแถวหน้าห้องเลยครับ”


        รุ่นพี่คนเดิมพูดต่อ ผมกับมินรอให้คนอื่นลุกกันไปหมดก่อน เพราะพวกเราสองคนอยู่ที่ด้านหลังสุดของห้องกว่าจะถึงคิวที่เราเดินออกก็อีกนาน


        “ลุกได้แล้วมิน”


        ผมหันไปบอกมิน จากนั้นมินก็เดินตามผมมา เมื่อผมไปถึงหน้าห้องแล้ว พวกผมสองคนก็อยู่ด้านหลังของแถวพอดี ผมเห็นรุ่นพี่เริ่มปล่อยให้เดินแถวแล้ว สักพักหนึ่งผมที่อยู่ด้านหลังสุดก็เริ่มเดินแถวตามไป จนเมื่อผมออกจากประตูห้องก็พบกับรุ่นพี่ทั้งปีสามและปีสี่ที่ยืนจับมือกันเรียงแถวอยู่สองข้างเพื่อบอกเส้นทางเดิน บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันดูอบอุ่นดี แต่อีกมุมหนึ่งการตั้งแถวจับมือกันไว้แบบนี้ ก็เพื่อให้รุ่นน้องไม่สามารถหนีออกไปได้


        สักพักผมก็เดินมาถึงห้องประชุมของภาควิชา ภาพที่ผมเห็นคือไลน์อาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ผมสะกิดมินที่เดินอยู่หน้าผม มันหันมาหาผมพร้อมกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อกและชูนิ้วโป้งสองนิ้วให้ผม ภาพที่เห็นมันก็ดูน่าตกใจอยู่หรอก แต่นี่มันเป็นการหลอกให้พวกเราตายใจหรือเปล่า


        “ตอนนี้น้องๆ ก็เข้ามากันครบแล้วนะคะ เชิญมานั่งที่เก้าอี้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งสนใจอาหารนะคะ ยังไม่ถึงเวลาค่ะ”


        รุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งถือไมโครโฟนพูดอยู่หน้าห้องประชุม ระหว่างนั้นผมกับมินก็เดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้


        “ก่อนอื่นพี่ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ พี่ชื่อพี่อิงนะคะ อยู่ปีสามค่ะ”


        รุ่นพี่ผู้หญิงที่ประกาศเมื่อสักครู่นี้แนะนำตัว ระหว่างนั้นก็มีรุ่นพี่ผู้ชายอีกคนเดินขึ้นมา น่าจะเป็นคนเดียวกับที่พูดในห้องเรียนก่อนหน้านี้


        “สวัสดีครับ พี่ชื่อพี่โชคนะครับ อยู่ปีสาม วันนี้เราสองคนจะมารับหน้าที่เป็นพิธีกรของงานในวันนี้ครับ”


        รุ่นพี่ผู้ชายคนเดิมกล่าวแนะนำตัว


        “ก่อนที่พวกเราจะไปทานข้าวเที่ยงกัน พี่จะขออธิบายเกี่ยวกับกิจกรรมในวันนี้ก่อนนะคะ สำหรับงานรับน้องใหม่ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ในปีนี้จะมีความพิเศษกว่าทุกปีค่ะ เรามีอาหารกลางวันสุดหรูให้ทานกันได้ไม่อั้นตั้งแต่เวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสามสิบนาที จนถึงเวลาสิบสองนาฬิกาสามสิบนาทีนะคะ หลังจากนั้นจะเข้าสู่พิธีการค่ะ ท่านคณบดีจะกล่าวเปิดงานในวันนี้ แล้วเราจะเข้าสู่กิจกรรมสันทนาการค่ะ”


        “กิจกรรมสันทนาการจะจัดโดยพี่ๆ ปีสามและปีสี่จนถึงเวลาสิบสี่นาฬิกาค่ะ จากนั้นจะเป็นกิจกรรมสานสัมพันธ์น้องพี่จนถึงเวลาสิบหกนาฬิกาค่ะ และหลังจากนั้นจะเป็นไฮไลต์ของเราค่ะ นั่นก็คือการคัดเลือกดาวเดือนประจำภาควิชาของเรานั่นเองค่ะ ความพิเศษจะอยู่ตรงที่เราจะมอบรางวัลพิเศษให้กับดาวเดือนกันด้วยนะคะ และหลังจากนั้นเราจะรับประทานอาหารเย็นร่วมกันค่ะ แล้วหลังจากนั้น”


        พี่อิงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ แต่พอมาถึงตอนท้ายก็หยุดพูดไปซะดื้อๆ


        “เอ่อ ใช่ค่ะ จะเป็นกิจกรรมพิเศษนะคะ ซึ่งจะเป็นอะไรพี่ๆ ขออุบไว้ก่อนนะคะ”


        พี่อิงพูดต่อจนจบอย่างตะกุกตะกัก


        “กูว่ามันแปลกๆ นะ พี่เขาดูเหมือนไม่กล้าพูดถึงกิจกรรมพิเศษอะไรนั่นสักเท่าไหร่”


        มินหันมากระซิบคุยกับผม


        “นั่นสินะ”


        ผมหันไปพูดกับมิน


        “ตอนนี้อาหารก็พร้อมแล้วนะครับ ขอให้น้องๆ กินกันให้อร่อยนะครับ แต่อย่ากินมากเกินไปนะครับ เดี๋ยวเวลาเล่นกิจกรรมจะจุกได้”


        หลังจากพี่โชคพูด ทุกคนก็พากันกรูไปที่ไลน์บุฟเฟ่ต์ ผมกับมินที่นั่งอยู่ด้านหลังสุดจะได้เปรียบกว่าคนอื่นสักหน่อย เพราะอยู่ใกล้กับไลน์อาหาร


        “มีซูชิด้วยว่ะ”


        มินหันมาพูดกับผม พร้อมกับคีบซูชิไปด้วย


        “มึงจะตื่นเต้นเกินไปมั้ยวะ”


        ผมพูดกับมินพร้อมส่ายหน้า


        หลังจากนั้นพวกผมก็พากันตักอาหารอย่างสนุกสนานแล้วไปนั่งกินที่โต๊ะรอบๆ ห้องประชุมที่จัดไว้ให้ ดูท่าทางมินมันจะมีความสุขกับอาหารซะเหลือเกิน ผมออกจะงงอยู่สักหน่อยว่าคนที่กินอะไรซ้ำซากแบบมันเป็นปกติอยู่แล้ว ทำไมถึงตื่นเต้นกับอาหารพวกนี้


        “เหลือเวลาอีกสิบนาทีนะครับ ระหว่างนี้ใครจะเข้าห้องน้ำรีบเข้าเลยนะครับ เดี๋ยวพอเที่ยงครึ่งแล้วจะเริ่มพิธีการเลยนะครับ”


        พี่โชคประกาศผ่านไมโครโฟน


        “ไปเข้าห้องน้ำกันมั้ย”


        ผมหันไปชวนมินที่ตอนนี้ดูเหมือนจะอิ่มแล้ว มินลุกขึ้นแล้วเดินนำผมไปที่ห้องน้ำที่อยู่ด้านหน้าของห้องประชุมทันที หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จผมกับมินก็เดินมานั่งที่เก้าอี้ที่ถูกจัดไว้ด้านหน้าหอประชุมเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีเปิด โดยพวกเราเลือกที่นั่งแถวหลังสุดเหมือนเดิม


        “ต่อไปจะเริ่มพิธีการนะคะ ขอเชิญตัวแทนนักศึกษาชั้นปีที่สี่กล่าวรายงานแก่ท่านคณบดีค่ะ”


        พี่อิงพูด หลังจากนั้นก็มีรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวที หลังจากนั้นรุ่นพี่คนนั้นก็พูดอะไรไม่รู้ยืดยาวน่าเบื่อเหมือนพวกพิธีการทั่วๆ ไปนั่นแหละ ผมหันมองหน้ามินด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย มันก็คงคิดเหมือนกันกับผม จากนั้นคณบดีก็ขึ้นมากล่าวเปิดงานรับน้องนิดๆ หน่อยๆ พอเป็นพิธี หลังจากนั้นก็ลงจากเวทีแล้วก็เดินออกจากห้องประชุมไปเลย ผมหันไปมองรอบๆ ห้องก็พบว่าภายในไม่มีอาจารย์เลยสักคน จะมีก็แต่พวกรุ่นพี่เท่านั้น


        “ต่อไปจะเข้าสู่กิจกรรมสันทนาการค่ะ ขอเชิญพี่ๆ ฝ่ายสันทนาการด้านหน้าเวทีเลยค่ะ”


        พี่อิงพูดก่อนที่จะมีรุ่นพี่หลายสิบคนขึ้นไปบนเวที บรรยากาศก็ดูเป็นกันเองดีอยู่หรอก อย่างน้อยก็คงจะไม่มีพี่ว้ากอะไรพวกนั้น


        ช่วงเวลาสันทนาการผ่านไปอย่างเชื่องช้า รุ่นพี่บนเวทีก็สอนร้องเพลง สอนเต้นเพลงไป พวกรุ่นน้องข้างล่างก็นั่งหลับบ้าง นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์กันบ้าง ผมแอบแปลกใจที่พวกรุ่นพี่ไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าพวกน้องๆ จะสนใจเขาหรือเปล่า ไม่รู้สิ อย่างน้อยก็ควรจะบอกให้สนใจเขาบ้างมั้ยล่ะ


        “มิน มึงทำอะไรอยู่วะ”


        ผมหันไปถามมินที่ตอนนี้ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ของตัวเองอยู่


        “กูดูเฟซบุ๊กอยู่ แม่งน่าเบื่อชิบหาย”


        มินตอบผมเหมือนจะบ่น ก็น่าเบื่อจริงๆ นั่นแหละครับกิจกรรมตอนนี้ หลังจากนั้นกิจกรรมก็ผ่านไป มีให้ลุกขึ้นร้องเพลงและก็เต้นบ้าง ผมก็ทำตามๆ เขาไป


        “ขอเชิญพี่อิงกับพี่โชคดำเนินกิจกรรมต่อไปครับ”


        เสียงของรุ่นพี่หัวหน้าทีมสันทนาการที่แสนจะน่าเบื่อพูดขึ้นมา เอาเป็นว่าผมยังจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร หรือเขาอาจจะไม่ได้บอกชื่อของตัวเองตั้งแต่แรกผมก็ไม่แน่ใจ ส่วนพี่อิงกับพี่โชคก็เดินขึ้นมาบนเวที


        “เป็นยังไงบ้างคะน้องๆ กิจกรรมสันทนาการที่ผ่านไป สนุกกันหรือเปล่าคะ”


        พี่อิงพูด


        กริบ เงียบจนเหมือนจะได้ยินเสียงแอร์หึ่งๆ


        พวกรุ่นพี่เขาไม่รู้เลยหรือไงว่ากิจกรรมมันโคตรจะน่าเบื่อ ผมกับมินมองหน้ากันแล้วได้แต่หัวเราะในลำคอเบาๆ แต่ดูเหมือนพี่อิงจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไร สีหน้าของพี่อิงที่เห็นว่าไม่มีรุ่นน้องคนไหนตอบพี่เขาเลยก็ดูจะเป็นปกติ มันยิ่งทำให้ผมสงสัยในความประหลาดของงานรับน้องวันนี้จริงๆ


        “ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกิจกรรมต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ กิจกรรมต่อไปคือกิจกรรมสานสัมพันธ์น้องพี่ค่ะ กิจกรรมนี้เราจะทำอะไรกันคะพี่โชค”


        พี่อิงผู้ไม่สะทกสะท้านกับความไม่สนใจของพวกน้องๆ ดำเนินรายการต่อไป หลังจากนั้นก็ส่งไม้ต่อให้พี่โชค


        “สำหรับกิจกรรมนี้เราจะแบ่งน้องๆ ออกเป็น 8 กลุ่ม จากนั้นเราจะไปเข้าฐานทำกิจกรรมกัน และเมื่อจบฐานสุดท้ายเราจะจับฉลากเลือกสายรหัสกันนะครับ ระหว่างนี้จะมีพี่ๆ ถือกล่องไปหาน้องๆ นะครับ ให้น้องๆ ล้วงเข้าไปในกล่อง ข้างในจะมีบอกว่าน้องๆ จะได้อยู่กลุ่มไหน”


        พี่โชคอธิบายกิจกรรมต่อ ระหว่างนั้นพี่ที่ถือกล่องก็เดินมาถึงพวกเรา ผมหยิบฉลากขึ้นมาแล้วเปิดออกมาดู


        “กูได้เลข 5 ว่ะ มึงได้เลขอะไรวะ”


        ผมหันไปคุยกับมิน


        “3 ว่ะ”


        มินหันมาตอบผม ทันใดนั้นผมก็เหลือบไปเห็นคนที่นั่งข้างผมซึ่งได้เลข 3


        “นายๆ เราขอแลกกับนายได้มั้ย”


        ผมหันไปถามเจ้าของเลข 3 คนนั้น และในที่สุดผมก็ได้เลข 3 มา


        “มึงนี่สุดยอดจริงๆ”


        มินหันมาบอกผมพร้อมกับหัวเราะเบาๆ


        หลังจากนั้นกิจกรรมที่ผมคาดหวังว่าจะสนุกก็ไม่เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เห็นสีหน้าของเพื่อนในกลุ่มเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่านี่มันทรมานกว่าการถูกว้ากซะอีก จนมาถึงกิจกรรมสุดท้ายคือการจับสายรหัส




หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 14] 11/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: wannesress ที่ 11-04-2018 20:49:34
        [วิทย์]


        ผมแอบสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเคนกับหนิง ทั้งสองคนยังนั่งเรียนอยู่ข้างกันตามปกติ แต่เหมือนจะไม่ได้พูดอะไรกันเลย สงสัยว่าสองคนนี้จะทะเลาะกัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็คงจะดี ผมจะได้ไม่ต้องออกแรงอะไรในการทำให้สองคนนี้เลิกกัน แต่ผมน่ะไม่ชอบความอึดอัดแบบนี้เลยจริงๆ


        “เมื่อไหร่จะเลิกเรียนสักทีวะ”


        ผมหันไปถามเคนท่ามกลางบรรยากาศแสนอึดอัดนั้น


        “อีกห้านาที”


        เคนดูนาฬิกาแล้วตอบผม ท่าทางมันดูไม่สบอารมณ์เอาซะเลย ระหว่างนั้นหนิงก็หันมาทางผมก็จะรีบหันกลับไปทันที


        “วันนี้พอแค่นี้นะคะ อย่าลืมนะคะว่าศุกร์หน้าเราจะมีสอบเก็บคะแนนนะคะ ตั้งใจอ่านหนังสือกันด้วยล่ะ”


        เสียงของอาจารย์ที่พูดอยู่หน้าห้องบอกว่าการเรียนในช่วงเช้านี้จบลงแล้ว ทันใดนั้นหนิงก็ลุกออกไปทันที ส่วนเคนก็ยังคงนั่งอยู่เฉยๆ สองคนนี้มันต้องมีปัญหากันจริงๆ แล้วล่ะ


        “มึงทะเลาะกับหนิงเหรอวะ”


        ผมหันไปถามเคน


        “อือ”


        เคนตอบผมสั้นๆ


        “เรื่องอะไรวะเนี่ย”


        ผมถามมันออกไปด้วยความสงสัย ผมไม่ค่อยจะเห็นสองคนนี้ทะเลาะกันสักเท่าไหร่


        “เรื่องไร้สาระน่ะมึงไม่ต้องรู้หรอก”


        “แล้วมึงไม่คิดจะง้อเขาสักหน่อยเหรอวะ”


        ผมถามเคนออกไป ผมไม่ได้อยากจะให้มันไปง้อหนิงหรอกนะ ก็แค่ถามดูเฉยๆ


        “กูไม่ได้เป็นฝ่ายผิดนะ กูจะง้อทำไม”


        “ยังไงมึงก็เป็นผู้ชาย มึงก็ต้องง้อเขาสักหน่อยมั้ยวะ”


        ผมพูดเสร็จ เคนมันก็หันมามองผมด้วยสีหน้าเอือมระอา


       “ไปกินข้าวเหอะ”


        เคนเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะลุกเดินนำผมออกไปจากห้องเรียน




----------------------------------------



        [โอม]


        ตอนนี้ก็มาถึงช่วงเวลาเฉลยพี่รหัสที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันตั้งตัว น่าแปลกที่พวกรุ่นผมไม่ต้องเสียเวลาไปหาว่าพี่รหัสเป็นใคร พอจับฉลากเสร็จก็จะมีพี่เข้ามาหาเลยทันที อย่างมินเพื่อนผมก็ได้พี่รหัสเป็นรุ่นพี่ผู้หญิงที่ใส่แว่นหนาเตอะ ผมพอจะจำได้ว่าพี่คนนั้นคือหญิงเนิร์ดในตำนานที่จะปรากฏตัวอยู่ที่ห้องสมุดจนดึกดื่น


        “พี่เป็นพี่รหัสของน้องโอมนะครับ”


        เสียงทุ้มของรุ่นพี่คนหนึ่งกระซิบที่ข้างหูของผม


        “อ้าวพี่”


        ผมหันไปก็เห็นพี่แซนที่ผมเจอครั้งล่าสุดตอนที่ไปดูมินเล่นบาส


        “พี่ชื่อแซนนะ เผื่อน้องโอมจำไม่ได้”


        พี่แซนแนะนำตัวอีกครั้ง


        “จำได้สิพี่ ผมไม่ได้ความจำสั้นขนาดนั้นนะครับ”


        ผมพูดกับพี่แซนพลางหัวเราะ


        “ดีแล้วๆ เดี๋ยวไว้พี่นัดเราไปเลี้ยงสายนะ แล้วเดี๋ยวจะเอาพวกชีทเรียนให้ด้วย”


        “ได้ครับพี่”


        “พี่ขอไลน์เราไว้หน่อยสิ เผื่อจะได้ติดต่อนัดแนะวันเลี้ยงสายและก็วันที่พี่จะเอาชีทมาให้”


        พี่แซนพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มาให้ผม


        “เดี๋ยวผมให้เป็นเบอร์แล้วพี่ไปแอดผ่านเบอร์ละกันเนอะ”


        ผมพูดพลางกดเบอร์โทรศัพท์แล้วยิงเบอร์พี่แซนมาที่เครื่องผม ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงคนกระแอมขึ้นมา


        “กระดูกติดคอเหรอวะไอ้กัน”


        พี่แซนพูขึ้นมา ส่วนผมเมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เจอหน้าพี่กันที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่


        “ขี้อ่อยจังนะครับน้อง เพื่อนพี่ขอไลน์แต่ดันให้เบอร์โทร”


        ไอ้พี่กันปากหมาพูดกับผม


        “มึงก็ไปว่าน้อง ไม่มีอะไรหรอก”


        พี่แซนพูดปกป้องผม ส่วนผมได้แต่เหลือบตามองด้วยสีหน้าขยะแขยงกับความคิดสกปรกของพี่กัน


        “มองอะไร กวนตีนกูเหรอ”


        พี่กันพูดกับผมด้วยท่าทางเอาเรื่อง


        “มึงหยุดเลย มึงเจอน้องรหัสมึงหรือยัง”


        พี่แซนหยุดพี่กันที่กำลังจะเข้าถึงตัวผม


        “เจอแล้ว คุยแล้ว กูว่างไม่มีไรทำเลยเดินมาหามึงเนี่ย มึงแม่งชิบหายได้เด็กเหี้ยนี่เป็นน้องรหัสเนี่ย”


        ไอ้พี่กันปากหมามันวอนจะโดนตีนซะแล้ว


        “เป็นเหี้ยอะไรกับกูมากปะเนี่ย”


        ผมด่าไอ้พี่กันออกไป


        “เฮ้ย หยุด พอทั้งคู่แล้วไม่เอาไม่มีเรื่องกันตรงนี้”


        พี่แซนห้ามผมกับพี่กันเอาไว้


        “นี่เพราะเพื่อนกูห้ามหรอกนะ ไม่งั้นกูเอาเลือดออกจากหัวมึงแน่”


        ไอ้พี่กันยังไม่หยุดปากหมา ส่วนผมไม่ตอบโต้อะไรออกไป เพราะถือว่าไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งกับพวกไร้ค่า


        “เอาล่ะค่ะทุกคน ตอนนี้น่าจะได้เจอพี่รหัสกันแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นเรามารวมตัวกันที่หน้าเวทีเนอะ”


        สิ้นเสียงประกาศจากพี่อิงผมก็โบกมือลาพี่แซนแล้วเดินไปหามินที่กำลังเดินมาทางผมพอดี ส่วนไอ้พี่กันปากหมาก็ปล่อยมันไป


        “ไงมึง ได้พี่แซนเป็นพี่รหัสเหรอวะ”


        มินถามผมทันทีที่ผมเดินไปหามัน


        “เออ”


        ผมพูดตอบสั้นๆ


        “แล้วพี่กันมาหาเรื่องอะไรวะ”


        “ไม่รู้แม่ง จงเกลียดจงชังอะไรกูนักหนา กูไปทำอะไรให้มันวะ”


        ผมบอกไปตามที่รู้สึก ผมก็งงเหมือนกันครับว่าผมไปทำอะไรให้พี่กันเขา เขาถึงได้ดูเกลียดผมขนาดนี้


        “มึงอย่าไปใส่ใจเลย พี่เขาคงไม่อะไรมากหรอก”


        “เออ กูไม่สนใจหรอก”


        “เอาล่ะค่ะ ต่อไปจะเป็นกิจกรรมที่พวกเราทุกคนรอคอยแล้วนะคะ นั่นก็คือกิจกรรมพิเศษค่ะ”


        พี่อิงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอีกตามเคย แต่คราวนี้ดูเหมือนจะได้รับความสนใจอย่างมากจากพวกรุ่นพี่ด้วยกัน ที่ปรบมือเสียงดังด้วยท่าทางยินอกยินดี แต่สีหน้าของพวกรุ่นพี่ดูมีเลศนัยอย่างบอกไม่ถูก


        “ตอนนี้ขอให้น้องๆ ผู้หญิงเดินมาทางฝั่งขวามือของห้องนะคะ ส่วนน้องๆ ผู้ชายให้เดินไปทางซ้ายค่ะ”


        พี่อิงพูดต่อ


        “พี่ผู้หญิงพาน้องออกไปได้เลยค่ะ”


        สิ้นเสียงของพี่อิง พี่อิงก็เดินลงจากเวทีตามพวกผู้หญิงออกจากห้องไป ตอนนี้ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ก็เหลือแต่พวกผู้ชายเท่านั้น


        “มึง มันมาแล้วว่ะ กิจกรรมแยกชายหญิงที่ว่า”


        มินหันมาพูดกับผม ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้าให้มัน


        “ทุกคนนั่งลงได้ครับ”


        พี่โชคพูดผ่านไมโครโฟนเรียกให้ทุกคนนั่งลง


        “ต่อไปเราจะเริ่มกิจกรรมพิเศษกัน ขอเชิญพี่โรมครับ”


        “สวัสดีครับน้องๆ พี่ชื่อโรมนะ ปีสี่ ภาคคอม สำหรับปีสาม พวกเราคงจำกันได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ แต่สำหรับปีสองนี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้ทำกิจกรรมนี้ด้วยกัน ก่อนอื่นด้วยจำนวนคนที่มากขนาดนี้ เดี๋ยวพี่จะแบ่งพวกเราออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มนึงจะทำกิจกรรมอยู่ที่ห้องนี้ ส่วนอีกกลุ่มนึงจะไปทำกิจกรรมอีกห้องนึง ขอให้ฝ่ายแบ่งกลุ่มจัดการด้วยครับ”


        พี่โรมพูดแนะนำกิจกรรม ระหว่างนั้นก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งมาเรียกให้ผมกับมินเดินไปที่ฝั่งขวาของห้อง ผมแอบรู้สึกแปลกใจกับวิธีการแบ่งคนเป็น 2 กลุ่มนี้มาก เพราะดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีหลักการอะไร ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นคือในกลุ่มที่ผมยืนอยู่นั้นจะมีจำนวนน้อยกว่าอีกกลุ่มนึงพอสมควร


        “มึง รู้สึกแปลกๆ มั้ยวะ”


        มินหันมากระซิบถามผม


        “ทำไมวะ”


        “มึงรู้สึกมั้ยว่ากลุ่มเรามีแต่คนหน้าตาดี”


        ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงหันไปตบหัวมันแล้วบอกมันว่าหลงตัวเอง แต่ตอนนี้ผมคิดเหมือนมันจริงๆ เลยล่ะ


        “กูก็ว่างั้น”


        ผมหันไปตอบมิน


        “เอาล่ะ เราแบ่งกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวสำหรับกลุ่มในห้องนี้ขอเชิญพี่นิลมารับหน้าที่ต่อนะครับ”


        พี่โรมพูดพร้อมกับส่งไมโครโฟนต่อให้พี่นิล แล้วเดินมาที่กลุ่มของพวกผม จากนั้นก็เดินนำไปที่ห้องอีกห้องหนึ่ง




----------------------------------------





        สำหรับห้องที่พวกผมถูกพามาน่าจะเรียกได้ว่าเป็นห้องเรียนขนาดปกติที่ถูกเอาโต๊ะเรียนและเก้าอี้ออกไปจากห้องแล้ว เมื่อเดินเข้าไปในห้องก็พบว่าไฟฟลูออเรสเซนท์ของห้องไม่ได้ถูกเปิด แต่กลับใช้ไฟดิสโก้ทีให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในผับ ประกอบกับไฟที่ใช้ตกแต่งบนต้นคริสมาสต์แทน ทำให้ห้องอยู่ในบรรยากาศที่แสงสลัว ดูสนุกแต่ก็ดูลึกลับในเวลาเดียวกัน


        “พวกคุณทุกคนยืนล้อมเป็นวงกลมแล้วเขียนชื่อตัวเองลงในกระดาษ ใครเขียนเสร็จแล้วยกมือ”


        พี่โรมพูดโดยไม่ใช้ไมโครโฟนด้วยเสียงก้องกังวานและท่าทีขึงขังต่างจากตอนที่อยู่ในห้องประชุมลิบลับ ผมกับมินหันมองหน้ากันงงๆ แล้วเดินไปยืนเป็นวงกลม ระหว่างนั้นก็มีรุ่นพี่คอยแจกกระดาษกับปากกาให้ หลังจากนั้นผมก็เขียนชื่อเสร็จแล้วยกมือขึ้นตามที่พี่โรมบอก จากนั้นก็มีรุ่นพี่อีกคนหนึ่งถือกล่องขนาดใหญ่มาที่หน้าผม แล้วบอกให้ผมหย่อนกระดาษและปากกาลงในกล่อง


        “เอาล่ะ พวกคุณคงสงสัยว่าเรามาทำอะไรที่นี่”


        ใช่ครับพี่ ผมสงสัย ผมหันมองไปรอบห้องก็มีแต่ผู้ชายที่หน้าตาดีทั้งรุ่นผมและพวกพี่ปีสาม ส่วนพี่ปีสี่ที่อยู่ในห้องก็รวมตัวกันอยู่ที่มุมหน้าห้องข้างประตู แน่นอนว่าเหล่าพี่ปีสี่ก็เป็นพวกที่หน้าตาดีเช่นเดียวกัน


        “ผมจะขออธิบายสั้นๆ คุณคือผู้ถูกเลือกในขั้นที่หนึ่งในการสืบสานประเพณีที่ภาคคอมของเราทำกันมาเป็นเวลา 8 ปีแล้ว ประเพณีที่ว่านั้นก็คือประเพณีผูกสัมพันธ์”


        ระหว่างที่พี่โรมพูดไปนั้นก็มีรุ่นพี่อีก 2 คนก็เดินขึ้นไปที่พื้นยกระดับหน้าห้องข้างๆ พี่โรม เมื่อรุ่นพี่ทั้งสองเดินไปที่ตำแหน่งที่ไฟส่องถึง ผมก็เริ่มเห็นหน้าของทั้งสองชัดเจนขึ้น ทั้งสองมีใบหน้าขาวตี๋พิมพ์นิยม แม้ว่าทั้งสองจะไม่ถึงกับหล่อระดับดารา แต่ก็ถือเป็นคนที่หน้าตาดี


        “ประเพณีผูกสัมพันธ์จัดขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ซึ่งในทุกปีนักศึกษาชั้นปีที่สองและสามจะต้องเข้าร่วมกิจกรรม ต่อไปขอให้ทุกคนถอดเสื้อออก”


        พี่โรมพูดอธิบายต่อ หลังสิ้นเสียงพี่โรม ผมกับมินก็หันมองหน้ากันอย่างงุนงงแต่ก็ยอมถอดเสื้อออกแต่โดยดี และในเวลานี้ ภาพตรงหน้าของผมคือกลุ่มชายหนุ่มหน้าตาดีประมาณ 30 คนที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวออก และเหมือนว่าอารมณ์ของผมกำลังถูกกระตุ้นด้วยภาพตรงหน้านี้แล้ว


        “เอาล่ะ ขอให้พวกคุณทุกคนยืนกอดไหล่กับคนข้างๆ แล้วยืนให้ชิดกันมากที่สุด”


        หลังจากที่พี่โรมสั่งเสร็จ ผมก็ขยับไปโอบไหล่มินซึ่งยืนอยู่ทางฝั่งขวาของผม ขณะเดียวกันผมก็หันไปมองทางซ้ายของผม แล้วก็พบว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ชื่อภีร์


        “ไง”


        ภีร์ทักผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมพยักหน้าให้ภีร์ พร้อมกับลากมินเดินไปข้างหน้าเพื่อให้สามารถโอบไหล่ภีร์ได้


        “พอจะรู้มั้ยวะโอมว่าพี่เขาจะให้ทำอะไร”


        ภีร์กระซิบถามข้างหูผมหลังจากที่ผมกับภีร์โอบไหล่กันเรียบร้อยแล้ว


        “ไม่รู้เลยว่ะ”


        ผมหันกลับตอบภีร์ทันที จนหัวของผมเกือบจะชนกับภีร์ที่กำลังหันหน้ากลับพอดี


        “หลังจากที่พวกคุณทุกคนยืนโอบไหล่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้ถ้าผมยังไม่บอกให้พวกคุณแยกออกจากกัน พวกคุณห้ามแยกออกจากกันเด็ดขาด ใครที่ฝ่าฝืนเราจะมีบทลงโทษ”


        พี่โรมพูดด้วยน้ำเสียงขึงขังยิ่งกว่าเดิม และใบหน้าของพี่โรมที่ถึงแม้ว่าจะหล่อเหลาแต่พออยู่ใต้แสงไฟสลัว ผมไม่แน่ใจว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามันดูน่ากลัวเสียเหลือเกิน


        “ในมือผมคือกระดาษ ผมจะให้พวกคุณส่งกระดาษกันไปเรื่อยๆ จนครบทั้งวง แต่อย่างที่บอกไปก่อนแล้วว่าคุณห้ามปล่อยมือจากคนข้างๆ ของพวกคุณ ดังนั้นผมจะให้พวกคุณส่งกระดาษแผ่นนี้ด้วยปาก”


        หลังจากที่พี่โรมบอกว่าพวกเราจะต้องส่งกระดาษด้วยปาก คนในห้องก็เริ่มส่งเสียงกันเซ็งแซ่ ส่วนผมก็ได้แต่มองหน้ามินแล้วกระพริบตาปริบๆ


        “เงียบ”


        พี่โรมตะโกนด้วยเสียงที่ดังฝ่าเสียงของคนในห้อง ทุกคนในห้องต่างเงียบตามที่พี่โรมต้องการ


        “และถ้าคุณทำกระดาษหล่น เราจะมีบทลงโทษก็คือ คุณจะต้องถอดกางเกงออก และถ้าคุณทำหล่นอีกครั้ง คุณจะต้องถอดกางเกงในออกด้วย”


        น่าแปลกใจที่ทุกคนในห้องเงียบ ต่างจากตอนที่พี่โรมบอกว่าให้ส่งกระดาษด้วยปาก แต่ผมว่าคงจะเป็นเพราะกลัวร่างยักษ์ของพี่โรมเมื้อกี้นี้ล่ะมั้ง


        “ผมจะสาธิตวิธีการส่งกระดาษให้ดู แต่ไม่ใช่ผมเองที่จะสาธิตวิธีการส่ง รุ่นพี่และเพื่อนพวกคุณที่อยู่ข้างหน้าจะสาธิตให้ดู”


        พี่โรมพูดต่อพร้อมทั้งส่งกระดาษให้หนึ่งในรุ่นพี่สองคนที่ยืนอยู่หน้าห้องซึ่งกำลังโอบไหล่กันอยู่แต่ไม่ได้ถอดเสื้อเหมือนกับพวกผม รุ่นพี่คนที่ได้รับกระดาษคาบตรงมุมของกระดาษไว้ก่อนที่ส่งต่อให้รุ่นพี่อีกคน


        “อย่าเพิ่ง ห้ามคาบที่ขอบกระดาษ คุณต้องใช้ปากดูดกระดาษทั้งแผ่น”


        รุ่นพี่คนที่คาบกระดาษอยู่ก็เปลี่ยนวิธีการคาบกระดาษเป็นใช้ปากดูดกระดาษไว้แทน แล้วก็ส่งกระดาษต่อให้รุ่นพี่อีกคน โดยทั้งสองคนเอียงคอเพื่อให้จมูกไม่ชนกันตอนที่ส่งกระดาษ ท่าทางตอนนี้เหมือนกับรุ่นพี่ทั้งสองคนกำลังจูบกัน เพียงแต่มีกระดาษกั้นกลางระหว่างริมฝีปากของรุ่นพี่ทั้งสองคนเท่านั้น


        “พวกคุณทุกคนคงเห็นวิธีการทำแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”


        พูดเสร็จพี่โรมก็ยื่นกระดาษให้กับคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้อง คนๆ นั้นน่าจะเป็นรุ่นพี่สักคนที่ผมไม่ค่อยรู้จักแต่ก็นับว่าหน้าตาดีทีเดียว ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ในห้องนี้ เอาเป็นว่าผมมั่นใจเลยทีเดียวว่าวิธีการแบ่งคนเป็น 2 กลุ่มนั้นเป็นการแบ่งจากหน้าตาจริงๆ อย่างที่มินสงสัย


        “ให้คุณส่งไปทางซ้ายของคุณเรื่อยๆ จนกว่าจะกลับมาที่คนแรก ถ้ากระดาษตกจะต้องกลับมาเริ่มใหม่ตรงนี้นะ”


        พี่โรมพูดกติกา ผมเองก็เริ่มนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ผมยืนอยู่ห่างจากคนแรกไม่เกิน 10 คน นั่นหมายความว่าถ้าคนหลังจากผมทำกระดาษตก ผมก็จะต้องส่งกระดาษด้วยปากอีกรอบ


        “เอาล่ะ พวกคุณทุกคนเข้าใจแล้วใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นเริ่มได้เลย”


        หลังจากสิ้นเสียงพี่โรม กระดาษก็เริ่มส่งจากปากของคนแรก









หัวข้อ: Re: ➹ L.O.S.T. สุขสันต์วันเสียตัว [ตอนที่ 14] 11/04/2561
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 21-04-2018 06:03:53
 :L2: