พิมพ์หน้านี้ - My Angel ผมไม่ใช้นางฟ้า(โว๊ยยย)ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ 1/1/2018
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Monkey D ที่ 03-06-2017 12:26:38
:m20:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่ 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง 7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด 7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ 7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ... (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง) - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส - ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ) ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้ 18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com....................................... วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17 เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม รีไรท์ใหม่เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยเหมือนเดิมนะ. ฝากติดตามเข้ามาอ่านด้วยนะจ้ะ :กอด1: มีเพจแล้วนะจ้า https://m.facebook.com/DreamIY-178142622715046/?ref=bookmarks ---------------------------------------------------------------- :mew3: :mew1: :mew3:
ตอนที่ 1 /ออดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด “นักเรียนทำความเคารพ” “ขอบคุณครับ/ค่ะคุณครู” ไชโย ในที่สุดเสียงออดหมดเวลาเรียนก็ดังสักที ผมเชื่อว่าเสียงนี้เป็นเสียงสวรรค์ของบรรดาเด็กมัธยมกันแทบทุกคนแง่มๆ “เลิกเรียนแล้วไปไหนว่ะไอ้ปิ๊น” เสียงเพื่อนเลิฟนามว่า เจส เอ่ยปากถามขณะที่กำลังเก็บหนังสือเข้ากระเป๋ากัน “กูว่าจะกลับบ้านเลยว่ะ แม่งง่วงนอนสัสๆอ่ะ” “มึงแมร่งขี้เซาตลอดทั้งชาติอ่ะ ไอ้เวร” “สัสด่ากู” “กูไปล่ะไอ้เจส ไอ้ปอ เจอกันพรุ่งนี้นะเว้ยเห้ย” ผมหันไปบอกเพื่อนรักทั้ง2คนที่ยังเก็บของไม่เสร็จ “เชี้ยปิ๊น มึงลืมอะไรไปป่ะ” ไอ้ปอชายผู้เงียบขรึมเรียกผมไว้ขณะที่กำลังก้าวเท้าออกจากห้องเรียน ผมเลยหมุนคอไปหามันแล้วถามด้วยใบหน้ากวนๆว่า “ลืมไรหว๊า” (ทำเสียงกระแดะปานนักเลงอวดเบ่งได้อีก -*-) “วันนี้เวรกูกับมึงทำความสะอาดโฮมรูมเว้ยยยย” -*- . . . . . . “เว้ยยยยย เสร็จสักที กูจะหลับคาด้ามไม้กวาดอยู่แล้วเนี้ยแมร่ง” ผมโอดครวญใหญ่ ง่วงโคตรๆครับ ขอร้องมันว่าให้มันทำคนเดียวมันก็ไม่ยอมอ่ะ ใจร้ายชิบหายไอ้เพื่อนเวร ไอ้เจส แมร่งก็ไม่ยอมอยู่ช่วยบอกนัดแฟนสาวสุดสวยไว้ แฟนไอ้เจสสวยจริงๆนะครับน่ารักมากด้วย แถมนิสัยดีอีกต่างหาก ผมอยากมีอย่างงั้นมั้งอ่ะ-3- “กูว่ามึงหลับไปแล้วล่ะไอ้ปิ๊น แมร่งกูเห็นมึงหลับตากวาดพื้น ถูพื้นทุกทีอ่ะหันไปทีไร” ไอ้ปอดุผมใหญ่ทำ หน้าตาเครียดๆอยู่เรื่อยเลยนะมันอ่ะ แต่มันมีคนชอบเยอะนะครับทั้งชายหญิงมีมาจีบมันไม่รู้ตั้งเท่าไร แต่มันก็ชอบทำหน้าตาดุๆเครียดใส่เขาตลอดเวลา บางทีมันนั้งอยู่เฉยๆแต่มีคนมาหาว่ามันมองหาเรื่องหรอบ่อยไปเวลาออกไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มนะครับ แต่ก็ไม่เห็นว่าใครจะกล้าชกกับมันนะครับ เป็นผมๆก็ไม่เอาคนหนึ่งล่ะตัวใหญ่อย่างกับยักษ์แถมหุ่นมันบึกบึนมากๆครับ ตามประสาคนชอบเล่นกีฬาทุกประเภทอย่างมัน แล้วที่สำคัญ อันนี้ผมอิจฉามว้ากกกก ก็คือความเก่งขั้นเทพของมันนะครับ เป็นตัวช่วยของกลุ่มได้ดีเวลามีสอบ.......ซ่อม -*- “ไรว่ะไอ้ปอ ก็กูง่วงอ่ะ มึงเข้าใจป่ะว่ะสาดดด แม่งกูไม่คุยกับมึงแหละกูจะกลับบ้านไปนอนน๊อนนอน” ผมพูดแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้อง “สัส รอกูด้วยดิว่ะ” แล้วไอ้ปอก็รีบตามมาง้อผมล่ะครับ 5555+ ง้อป่าวไม่รู้แต่มึงตามกูแสดงว่ามึงง้อกูก็แล้วกันนะ หุหุหุ “เออ มึงรถกูมาแล้ว ไปก่อนนะเว้ย” ไอ้ปอบอกแล้วเดินไปขึ้นรถยุโรปสุดหรูของบ้านมันที่มีคนขับรถมารับส่งทุกวัน มึงจะเพอร์เฟ็คเกินไปแล้วนะ! ส่วนผมพอไอ้ปอไปเสร็จก็เดินกลับบ้านอ่ะครับ รันทดชิบหาย ความจริงจะกลับตั้งแต่แรกแล้วอ่ะครับแต่ไอ้ปอมันเลี้ยงน้ำอัดลมก็เลยฟื้นขึ้นมาหน่อยนึงเลยตอบแทนยืนรอรถเป็นเพื่อนมันสักหน่อยนะครับ ตามประสาเพื่อนที่ดี(มั้ง) ระหว่างทางที่เดินกลับบ้านซึ่งก็.....ไม่ไกลมากสักเท่าไรไม่เกิน 1 กิโล อ่ะครับ.......รึเกินหว่า แหะๆไม่รู้เหมือนกันอ่ะครับ มันก็มีรถเมล์ผ่านนะครับแต่ผมคิดว่ามันไม่คุ้มอ่ะครับเดินมาไม่เท่าไรเดี้ยวก็ถึง 13 บาทเก็บไว้ทำไรได้ตั้งเยอะ ก็นะบ้านผมไม่ได้รวยเหมือนบ้านไอ้ปอ นี้หว่า หล่อก็ไม่เท่าพวกมัน แฟนก็ไม่มี ตั้งแต่เกิดมายันม.5 ผมยังไม่เคยมีแฟนเลยล่ะ ไม่มีคนมาจีบด้วยล่ะ -*- “เมื่อไรกูจะสบายๆ มีแฟนรวยๆหน้าตาดีๆ นิสัยดีๆ มั้งว่ะ สวรรคร์แม่งใจร้ายน่าจะส่งมาให้สักคนหนึ่งก็ยังดี” ผมบ่นพึมพำคนเดียวพลางดูดน้ำแก้ร้อนจากแดดอันร้อนระอุที่สาดแสงอย่างแรงได้ทุกวันๆ กูดำหมดแล้วเนี้ย ถ้าไม่ติดว่ามีเชื้อจีนเลยขาวตลอดแต่พอโดนแดดมันก็ออกแดงๆนะครับ “เฮ้ย กระทืบมันแมร่งให้ตายเลยพวกเรา แมร่งมึงเก่งนักหรอไอ้สัส ห่ะ อวดเก่งดีนักนะมึง กูจะดูสิถ้าไม่มีเพื่อนมึงจะยังทำเก่งได้อีกไหมว่ะ” เสียงคนมีเรื่องกันนิหว่า 0.0 ผมซึ่งมีนิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่น รึ ชอบเสือกเรื่องชาวบ้าน ตามประชาคนแถวบ้านเรียกผมประจำก็อดใจไม่ได้ต้องหาต้นตอเสียงว่ามันมาจากไหนใด อยู่ไหนว่ะ หาๆๆ แล้วก็รู้สึกว่าเสียงมันจะออกมาจากตรอกเล็กๆระหว่างทางไปบ้านผมนะครับ ในใจก็นึกกลัวนะครับ ได้ยินเสียงกระทืบ ปั๊บๆๆๆ ออกมาโคตรน่ากลัว แต่ขามันก็สั่งให้ไปแอบชะโงกหน้าดูนะครับ ไอ๋ย๋า คนโดนรุมตื้บ คร้าบบบ แต่โหแมร่งหมาหมู่โคตรๆอ่ะ ไอ้คนที่โดนรุมเป็นเด็กผู้ชายกางเกงสีน้ำเงิน แหมๆๆ เด็กโรงเรียนไฮโซเขามีเรื่องกับคนอื่นเป็นด้วยหรอว่ะเนี้ยแต่ไอ้พวกที่รุมกระทืบอยู่ก็ใช่ย่อยนะครับดูชุดแล้วน่าจะเป็นพวกเด็กนานาชาติอ่ะครับกางเกงขายาวเครื่องแบบดูมีสกุลอ่ะครับ แตกต่างกับผมโดยสิ้นเชิงเสื้อขาวกางเกงดำ -+++- แต่เห็นแบบนี้ผมผู้ซึ่งมีเลือดทหารอยู่ครึ่งตัว(แม่เป็นทหารหญิงนะครับ) ก็เลยอดไม่ได้ที่จะช่วยเหลือคนโดนรุมคนนั้นโดยการ วิ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปฟ้องตำรวจจราจรที่ป้อมนะครับ 5555555+ แหมผมก็ใช่ว่าตัวจะใหญ่อะไรนิครับตัวผมพ้น175ก็บุญโขแล้วคร้าบ เรื่องนี้ผมเลยขอบายครับให้ตำรวจจัดการดีกว่า แล้วผมก็วิ่งไปบอกตำรวจที่กำลังตรวจคนเข้าเมืองอยู่ สงสัยดักจับพวกยาเสพติด “คุณตำรวจครับ แฮ่กๆๆ” “อะไรไอ้หนูวิ่งมาหน้าตาตื่นเชียว” นายตำรวจคนหนึ่งที่กำลังนั้งพักอยู่เอ่ยถามขึ้น “คือ..ค..คือตรงซอยนั้นมีเด็กนักเรียน..แฮ่กๆๆ..กำลังโดนรุมกระทืบอยูครับ” “ไหนๆตรงไหนเดี๋ยวไปช่วยให้ เฮ้ย ไปช่วยจับเด็กตีกันหน่อยตามผมมาสัก1นายสิ” แล้วพวกเราก็วิ่งมากันผมอกทางให้ตำรวจวิ่งนำหน้า แต่ผมก็รั้งท้ายมาหน่อยนึงอ่ะครับให้ตำรวจจัดการไปก่อนดีกว่าขืนไอ้พวกนั้นรู้ว่าผมตามแล้วมาเอาเรื่องผมทีหลังล่ะไม่คุ้มหรอกนะครับ ผมยังต้องเดินกลับบ้านทางนี้อีกนาน สักแป๊บเดียวก็เหมือนผึ้งแตกรังเลยครับ พวกเด็กที่รุมกระทืบวิ่งแตกตื่นออกมาจากซอยหนีไปคนละทิศคนละทาง ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ทำเป็นแกล้งเดินก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปพลางๆ ไม่ได้กลัวนะครับ แค่ไม่อยากหาเรื่องวุ่นวายมาในชีวิต “ไอ้หนูมาช่วยกันพยุงเพื่อนหน่อยเร็ว ไอ้พวกนั้นมันหนีไปหมดแล้วล่ะ” ตำรวจคนเดินวิ่งมาตามผมซึ่งอยู่รอแถวๆตรอกนั้น “คือ..คือ..ว.ว่า” “เอ้าเร็วสิมาช่วยก่อนเดี๋ยวเพื่อนแกก็ตายคากองเลือดกันพอดีหรอก เร็วๆฉันจะรีบกลับไปโทรเรียกรถพยาบาลมาให้” คุณตำรวจคนนั้นไม่ฟังอะไรก็รีบวิ่งไปที่ตรวจคน แง คือผมจะบอกว่าผมไม่ใช่เพื่อนมันนะครับแต่เพื่อเห็นแก่เพื่อนร่วมโลกกูไปช่วยก็ได้ว่ะ เดินเข้าไปก็เห็นคุณตำรวจอีกนายกำลังพยายามแบกร่างใหญ่อ่ะครับ ผมก็รีบปรี่เข้าไปช่วยทันที “ผมช่วยครับ” “เออๆ ไอ้หนูเก็บกระเป๋าเพื่อนแกมาด้วย ตกอยู่ตรงนั้นนะ” “ครับๆ” ผมก็เก็บกระเป๋าหนังใบงามสุดหรูขึ้นมาด้วย เป็นบุญของผมจริงๆที่ได้ถือ ฮี่ๆๆ แล้วก็รีบไปช่วยกันพยุงไอ้คนโดนรุมนะครับ แต่...ตัวผมแทบทรุดอ่ะ 0.0 ตัวหนักสัสๆอ่ะครับ คนหรือหมีควายว่ะเนี้ยพอๆกับไอ้ปอเลย เงยไปมองหน้ามันก็ โอ้พระเจ้าช่วย!!! เลือดเต็มหน้าเลยอ่ะครับไหลเป็นทางเชียวเนื้อตัวก็สะบักสะบอมนะครับ โหยไม่กล้ามองหน้าเลยอ่ะครับเลือดเยอะจัดประคองไปก็ต้องหันหน้าไปทางอื่นไปนะครับ สักพักรถพยาบาลก็มารับอ่ะครับค่อยโล่งหน่อยหมดธุระของผมสักที เฮ้ออออออ “อ้าวไอ้หนูแกไม่ไปเป็นเพื่อนเพื่อนแกล่ะ จะปล่อยให้เพื่อนไปคนเดียวได้ไง ป่ะๆๆรีบขึ้นรถไปซะ” คุณตำรวจรายเดิมพูดไปก็เดินมาดึงผมให้ขึ้นรถพยาบาลไปด้วยกันนะครับ “คือไม่ได้..” ปัง เสียงบุรุษพยาบาลปิดท้ายรถพอดิบพอดี แงไอ้สาดดดดด ซวยแล้วไหมล่ะโรงพยาบาลนี้ไม่ได้อยู่ใกล้ๆบ้านผมด้วยกลัวขึ้นรถกลับไม่ถูกนะครับแล้วรถพยาบาลก็เคลื่อนตัวออกไปด้วยความเร็ว พยาบาลก็จัดการเอาเครื่องช่วยหายใจแบบบีบมือให้ไอ้หมอนี้ สักพักก็จัดการเครื่องอะไรต่อมิอะไรให้ไอ้หมอนี้อ่ะครับ ผมเห็นมันทำหน้าเหมือนเจ็บปวดก็อดสงสารไม่ได้คงจะเจ็บน่าดู ก็เลยเอามือผมไปกุมมือมันเพื่อให้กำลังใจนะครับ “อดทนไว้นะเว้ยมึง” ผมบอกเสียงนิ่ง แม่งโคตรเท่เลยจริงๆอ่ะ “ตายล่ะลืมขวดยาระงับความเจ็บปวดไว้หน้ารถ” เสียงพยาบาลพูดขึ้นก่อนที่จะเคาะให้คนขับรถมาเปิดประตูตอนที่กำลังติดไฟแดงแล้วก็ลงไปหาของที่เบาะข้างหน้าผมมองผ่านกระจกที่กั้นไว้ก็เห็นว่าพยาบาลกำลังหาใหญ่เชียวประจวบกับไฟเขียวพอดีรถจึงต้องขับเคลื่อนของไป ทิ้งผมกับไอ้หมอนี้ที่จะตายไม่ตายแหล่ไว้ด้วยกัน เหยดดดดดดดดดดด “เฮ้ย มึงเดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วนะเว้ย ทำใจดีๆไว้นะ” คือกูไม่อยากนั้งอยู่กับศพอ่ะ แงงงงงงงงงง “อึ.อือ..โอ๊ยยย...จ..เจ็บ” เสียงของร่างที่ผมกุมมือไว้ทำให้ผมหันไปมองนะครับ สัสเป็นไรป่ะเนี้ยผมก็จะชักมืออกแล้วล่ะครับเพื่อมันตายแล้วนิ้วล็อคมือผมจะดึงออกไม่ได้ แต่มือมันเสือกจับผมไว้แน่นซะงั้น แงๆๆๆกูกลัวผีนะเว้ย สภาพมึงตอนนี้ยิ่งน่ากลัวๆอยู่ ปล่อยมือกูออกมาเดี้ยวนี้น้า ฮรืออออออ “เห้ย เป็นไรว่ะมึง อย่าตาย..ฮึก.อ..อย่าตายเว้ย..ฮืออออฮึกๆฮือๆๆ” แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาไม่ได้สงสารหรืออะไรหรอกนะครับแต่กลัวมันตายแล้วผมต้องถูกคนตายจับมือไว้แบบนี้มันสยองนะคร้าบ ไอ้ปินปิ๊น คนนี้กลัวผีที่สุดในโลกอ่ะครับ “น..นา..นางฟ้า” หือ ใครนางฟ้าว่ะ ผมหันไปมองรอบรถก็ไม่เห็นอะไร ไอ้เหี้ยมึงคงใกล้ตายแล้วใช่ม่ะถึงเห็นนางฟ้าเทวดาอะไรที่กูไม่เห็น แง ปล่อยมือกูเดี๋ยวนี้ “เห้ยมึงทำใจดีๆไว้ อย่า...ฮึกๆๆฮือออออ.อย่าตายยยนะฮือออ” ผมพูดไปก็ร้องไห้ไปก็พยายามแก้มือออกเท่าไรก็เหมือนว่ายิ่งจับแน่นขึ้นไปอีกนี้ครับ “นาง...ฟ้า..นางฟ้าอย่า..ร้องไห้สิ” เสียงกระท่อนกระแท่นของคนที่นอนจมกองเลือดพูดขึ้นมองผมด้วยตาจะลอยไม่ลอยแหล่ ตอนนี้ผมชักจะรู้แล้วครับว่าไอ้หมอนี้คงคิดว่าผมเป็นนางฟ้าแง่มๆ ท่าทางมันจะได้รับความกระทบกระเทือนสมองแล้วครับถึงมองผมเป็นนางฟ้าไปได้ “ฮึกๆๆ.ฮือ..กู.ฮึก..ไม่ใช่นางฟ้าเว้ย..ฮือๆๆไอ้บ้า” แม่งทำกูตกใจหมดนึกว่ามึงเห็นนางฟ้าจริงๆ “ใช่สิ..นา..นางฟ้า..น่ารักจัง”ไอ้หมอนี้พยายามยิ้มทั้งๆที่เลือดมันเต็มหน้าเลยดูสยองพิลึก แต่เอ๊ะ มันว่าผมน่ารักหรอ....แอบดีใจนะเนี้ย555+ ถึงไม่ได้หล่อน่ารักก็ยังดีครับ แหะๆ ตามประสาคนไม่เคยโดนชมนะครับ “มึงจะบ้าหรอ..ฮึกๆๆ..กูบอกว่ากูไม่ใช่นางฟ้า..ฮือก็ไม่ใช่สิฟระ” ผมที่เริ่มหายตกใจก็ปาดน้ำตาไม่ร้องไห้แล้ว ดูท่าไอ้หมอนี้จะอายุยืนอีกยาว “ฮึก..ฮึก.นะ..นางฟ้า..ดุผมหรอ..ฮืออ” อ้าวไหงมึงดันมาร้องไห้แทนกูซะล่ะเฟ้ย “ถ้า.ฮึก..ผมตายไป..ฮือออนางฟ้าคงจะดีใจ.ฮึกๆฮืออ” ป๊าดดด งานเข้าไอ้หมอนี้ไม่พูดป่าวกลับหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ เวรแล้วไง “ไม่ๆๆไม่นะ นางฟ้าไม่ได้อยากให้เจ้าตายนะ” ไอ้ผมก็เลยต้องสวมบทบาทเป็นนางฟ้าจำแลงอ่ะครับก็กลัวมันตายนี้หว่า “จริง..ฮึกๆ.จริงนะ นางฟ้าไม่ได้อยากให้ผมตายจริงหรอ” ไอ้หมอนี้ถามหน้าตาดูมีความสุข ไอเชี้ย ตัวอย่างกับควายเสือกยังเชื่อเรื่องนางฟ้าเทวดาอะไรอยู่อีกนะสัส “จ..จริงสิ..นายฟ้าอยากให้เจ้าอยู่ไปนานๆเลยนะ” ใครก็ได้ส่งผมเข้ารับรางวัลออสก้าที เสียงพูดผมตอแหลเวอร์ “ฮึกๆ จริงหรอ “ “อืม จริงสิ” “นางฟ้า..ผม..ผมอยากได้พรจังเลย” ไอ้เวรนี้ก็เล่นไม่เลิก แม่งจะตายไม่ตายแหล่อยู่แหละยังจะอยากได้อีก “ได้ดิ เอาพอร์นสีไหนล่ะเดียวซื้อมาให้ สีเขียว สีชมพู สีแดง แต่นายเป็นผู้ชายฉันว่านายไปไปใช้ครีมที่ณเดชโฆษณาดีกว่านะ” ผมแนะนำไป -*- ------------ หน้าไอ้หมอนั่น *.* ------------หน้าผม “นา..นางฟ้าปัญญาอ่อน” “โหยยยยย ไอเชี้ยมึงพูดงี้เดียวกูก็กระทืบซ้ำซะดีไหมนิ” อยู่ๆก็มาว่าผมปัญญาอ่อน ผมปัญญาอ่อนตรงไหนไม่ทราบก็มันพูดเองว่าอยากได้พอร์นง่ะ -0- “ฮึกๆ..น..นางฟ้าใจร้าย..ฮือออ ผมอยากตาย” ไอ้หมอนี้ก็ทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ ไอ้เวรเถอะ “ฮึ๋ยยยย.....นางฟ้าล้อ..เล่นนะ อยากได้พรใช่ไหมเดี๋ยวจัดให้ อยากได้อะไรล่ะบอกมาเลย” ผมต้องอดทนอดกลั้นเต็มที่ที่จะไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา ท่องไว้ มันได้รับความกระทบกระเทือนสมองมาๆๆๆ “ผม..ผมอยากเป็นแฟนกับนางฟ้า” ------------------------------------------------------------------------------------------------------------ สวัสดีจ้า :3123: นี้เป็นนิยายที่เคยเอาลงเล้ามาก่อนเมื่อ 4-5ปีที่แล้ว แต่ช่วงนั้นยุ่งเรื่องเรียนมากเลยไม่ได้มาแต่งต่อ ต้องขอโทษคนอ่านด้วยจริงๆนะ นิยายจึงโดนลบไป ตอนนี้เรียนจบแล้ว 555 มีความคิดมาตลอดว่าอยากกลับมาแต่งเรื่องนี้ให้จบ เพราะเรารักเรื่องนี้แล้วก็ตัวละครนี้มาก เลยอยากกลับทำให้มันสมบูรณ์ แต่ก็คิดว่าถ้ามาลงแล้วหายไปอีกคงไม่ดีแน่ๆ เลยพิมพ์สต๊อกไว้จนครึ่งเรื่องแล้ว เลยกล้าเอามาลงอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ลงจนจบแน่ๆ โดยจะถยอยลงไม่ให้เกิน 1 อาทิตย์ ต่อ 1 บท ฝากตัวใหม่อีกครั้งด้วยน้า :กอด1:
รอตอนต่อไปน้า
เราจำเรื่องนี้ได้ ต่อให้จบน๊าา ^^ สู้ๆนะคนแต่ง :mew1:
:call: :call:
ตอนที่ 2 ลืม “ผม..ผมอยากเป็นแฟนกับนางฟ้า” “..........................” 0.0 “นะ..นะนางฟ้า” “มะ..เมิงจะบ้าหรือไงห๊ะ” ผมที่ตั้งสติได้ก็ด่ามันไป “ม..ม่..ไม่..ผม.อยากเป็น..แค่ก..แฟนกะนางฟ้า...แค่กๆๆ” อะจ๊ากกกก มันไอพ่นเลือดออกมาเต็มเสื้อเลยอ่ะ สยองชิบหาย เห็นอย่างงี้ไม่ไหวๆเลยต้องรีบเคาะกระจกเรียกพยาบาล...ที่คงลืมหน้าที่ตัวเองไปแล้ว “นะ..นา..ฟ้า..ผมจะ..ตาย...แล้ว แค่กก” “เห้ยยยยย อย่าเพิ่งตายนะอย่าเพิ่งตาย เออเป็นแฟนกันนะ เป็นแฟนกับนางฟ้านะ ห้ามตายนะห้ามตายยย” ผมรีบพูดตกลงเป็นแฟนกับมันใหญ่ เดี้ยวมันไม่พอใจแล้วช็อคตายขึ้นมาล่ะ อีกอย่างกูกับมึงคงได้เจอกันแค่วันนี้เท่านั้นแหละว่ะ แต่ตอนนี้มึงห้ามตายเด็ดขาด!! ถ้ามึงยังไม่ได้ปล่อยมือกูออกมา >0< “จริง..แค่ก..จะ..จริงนะ..นา..นางฟ้า ...แค่กกๆๆ” ไอ้หมอนี้ก็ยังจะพยายามพูดต่ออีกทั้งๆที่สภาพมึงตอนนี้จะไม่ไหวแล้ว โอยยยยยยอิพยาบาลมึงก็รีบหาที่จอดรถลงมาช่วยกรูหน่อยสิฟระ ฉี่กูจะแตกแล้วววว แม่ง!!! “เออ จริงดิ เป็นแฟนกันๆ แต่เจ้าห้ามตายนะ” ผมรีบพูดพลางมองไปเบาะหน้าเห็นว่ากำลังเหมือนจะจอดรถข้างทางแล้ว รอดแล้วตู “ห..หะ..ห้าม..ค.คืนคำ.นะ” โหยยย มึงจะปัญญาอ่อนอีกนานไหมกูขี้เกียจปัญญาอ่อนเป็นเพื่อนมึงแล้วนะเว้ยเห้ย “อื้อ ไม่คืนคำๆๆๆ” จอดสักทีๆๆ “ส..สัญ..” “เออ สัญญาๆๆ มาๆๆเกี่ยวก้อยกัน ไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะเว้ยเห้ย” ผมรีบพูดรัวๆแล้วก็เอานิ้วก้อยผมมาสัญญากับนิ้วก้อยมันนะครับ ต้องทำอย่างรวดเร็วด้วยนะครับก็พยาบาลเดินลงจากรถแล้วอ่ะครับต้องรีบรวบรัด คือผมไม่อยากมาทำตัวปัญญาอ่อนต่อหน้าคนอื่นนะครับมันทุเรศศศศศ สิ้นดีเลยง่ะ มองไอ้หมอนั้นก้เห็นมันพยายามยิ้มเหมือนดีใจอ่ะครับ แต่สำหรับผมสยองน่าดู ไอ้เชี้ยเลือดเต็มหน้าเมิงเลย จากนั้นพยาบาลก็กลับมาทำหน้าที่ต่ออ่ะครับ ผมก็เพิ่งรู้สึกตัวว่า มือผมแยกจากมือมันแล้ว เย้ๆๆๆ โล่งใจอยากบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ แล้วรถก็ถึงโรงพยาบาล ไอ้หมอนั้นก็ถูกส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน ผมที่รีบลงจากรถพยาบาลก็ยืนงงๆอยู่อ่ะครับว่ากูจะไปทางไหนต่อดีว่ะเนี้ย จะเข้าไปดูมันสักหน่อยดีไหมนะ แต่เข้าไปก็ได้แต่ยืนรอข้างนอกแหละ อีกอย่างมันฟื้นมาใช่ว่าผมจะทำอะไรได้ คิดได้อย่างนั้นผมก็กลับบ้านดีกว่านะครับ ก็เดินไปถามยามว่าสายไหนผ่านแถวๆบ้านผมมั้งยามแกก็บอกอ่ะครับ แถมยังบอกว่าให้ผมไปล้างเสื้อที่เปื้อนเลือดนั้นออกซะก่อนด้วยเกือบลืมไปเลย เกือบจะกลายเป็นไอ้ฆาตกรโรคจิตแล้วไหมล่ะ หน้ายิ่งให้ๆอยู่ 5555+ -*- จากนั้นผมก็ไปล้างเสื้อให้เลือดมันหายไปนะครับ หวังว่ามึงคงไม่เป็นโรคอะไรนะสัส แล้วก็ไปคอยรถเมล์โชคดีที่มันเป็นต้นๆสายก็เลยได้นั่งอะครับ ง่วงนอนมากมายแต่ก็ไม่กล้านอนกลัวเลยบ้านผมนะครับ นึกไปถึงเรื่องบนรถพยาบาลผมก็อดจะขำคนเดียวไม่ได้นะครับ แม่งเหอะกูทำลงไปได้ยังไงฟระ นางฟ้ามันมีจริงที่ไหนกันเล่า แถมยังมีขอพงขอพรอีก ไอ้ผมก็บ้าจี้เข้าใจว่าเป็นครีมทาหน้าซะอีก นึกแล้วอยากจะขำกลิ้งจริง “55555 ตลกว่ะ เอิ้กๆๆ” “...................” แล้วผมก็รู้ได้ถึงความเงียบรอบตัวแล้วก็เหมือนมีสายตาหลายคู่จ้องมาที่ผม -*- เอิ่มมม สงสัยผมจะหัวเราะดังไปหน่อย จากนั้นผมก็ทำเป็นเสมองออกไปนอกหน้าต่างแทนอ่ะครับ...... จริงดิเอาการ์ตูนมาอ่านดีกว่าเพิ่งซื้อมาใหม่ๆเมื่อเช้าก่อนเข้าโรงเรียนเลย นึกขึ้นได้ก็ก้มลงไปเปิดกระเป๋าตัวเองแต่ว่า . . . . . นี้มันกระเป๋าไอ้หมอนั้นนี้หว่า 0.0 แล้วกระเป๋ากูไปอยู่ไหนนน???? การ์ตูนเล่มล่าสุดกูอยู่ในนั้นนะเว้ยเห้ยยยยยยยยย -0- . . . . . . . . . . “กลับมาแล้วคร้าบบบบบ” ผมเอ่ยเสียงบอกกล่าวกับคนในบ้านซึ่งก็ไม่มีใครนอกจากพี่ชายผม แม่ผมเป็นทหารไปประจำอยู่ที่ต่างจังหวัดนะครับ แล้วท่านก็ไม่ได้ส่งค่าขนมมาให้พวกผมหรอกนะครับ ท่านให้แต่ค่าเทอมเท่านั้น ส่วนค่าขนมของพวกผมก็คือ ค่าเช่าตึกทั้ง4ห้องนะครับ คือมันเป็นแบบทาวเฮาร์4ชั้นนะครับมีทั้งหมด5ห้องติดกันห้องที่ผมอยู่เป็นตึกริมสุดที่เหลือ4ห้องปล่อยให้คนอื่นมาเช่าขายของกันนะครับเพราะทำเลค่อนข้างดีอยู่ใกล้กับโรงเรียนแถมติดถนนอีกต่างหากก็เลยได้ค่าเช่าแพงหน่อยต้องขอบคุณปะป๊าของผมที่ท่านซื้อตึกนี้ไว้ให้ก่อนที่จะหย่ากับแม่ของผม ฉะนั้นค่ากินของผมก็แบ่งกับพี่ชายผมคนล่ะครึ่งนะครับทุกๆเดือนผมกับพี่ก็มีหน้าที่ไปทวงเงินค่าเช่าตึกครับแล้วก็ต้องทวงให้ได้ทุกเดือนเพราะถ้าทวงไม่ได้นั้นก็หมายถึงไม่มีตังค์กินไปทั้งเดือนนะครับ -*- โชคดีที่ไม่ค่อยจะมีปัญหามากเท่าไรเพราะทำเลดีขายของได้เยอะก็มีตังค์มาจ่ายทุกเดือนนะครับ ผมกับพี่ก็เลยมีเงินใช้จ่ายไม่ขาดมือแถมตอนนี้ผมมีตังค์เก็บหลายหมื่นเลยล่ะ โฮะๆๆๆๆ*0*(เห็นไหมว่า10บาทผ่านไปหลายๆปีมันก็มีค่านะครับ) “ปิ่นปิ๊น ทำไมวันนี้กลับบ้านมืดค่ำเลยล่ะ ไปทำอะไรมาปกติเลิกเรียนก็แจ้นกลับบ้านก่อนพี่ทุกทีนิ” พี่ชายผมเดินออกมาถามพร้อมกับตะหลิวในมือคงกำลังทำอาหารอยู่ กำลังหิวพอดีเลยเย้ๆๆๆ “วันนี้ปิ่นปิ๊นไปช่วยคนโดนรุมไปส่งโรงพยาบาลมาอ่ะ ปูนปู๊น เหนื่อยโคตรๆเลยหิวด้วย” ผมเตะถอดรองเท้าออกอย่างลวกๆแล้วก็เดินไปนอนแผ่รับแอร์ทันที “แล้วคนที่ปิ่นปิ๊นช่วยเป็นไงมั้งอ่ะ อาการหนักไหม” “ก็หนักอยู่นะปูนปู๊น เลือดงี้เต็มหน้าเลยล่ะ พูดถึงแล้วสยองยังไม่หายเลย” ผมก็เอ่ยเจื้อยแจ้วตอบคำถามพี่ปูนปู๊นไปด้วยแล้วก็หลับตาไปด้วยนะครับแต่ก็ไม่ได้เล่าเรื่องนางฟ้าหรอกนะครับกลัวพี่เขาหาว่าผมปัญญาอ่อน สักพักเสียงพี่ปูนปู๊นก็เงียบไปคงไปทำอาหารต่อ หลายคนที่เคยมาบ้านผมแล้วได้ยินเวลาผมกับพี่ชายคุยกันก็ขำนะครับบอกว่าแอ๊บแบ๊วได้อีกอ่ะ แต่ผมชินแล้วล่ะครับเพราะผมกับพี่ชายภูมิใจมากๆเลยล่ะที่มีชื่อว่า ปูนปู๊น กับปิ่นปิ๊น เพราะว่าดูไม่ค่อยจะซ้ำกับใครดีแล้วก็เลยชอบเรียกชื่อแบบเต็มยศเวลาคุยกันนะครับ ส่วนเพื่อนๆก็จะชอบเรียกว่า ปิ๊น เฉยๆมากกว่า เพื่อนพี่ปูนปู๊น ก็จะเรียก ปูน นะครับ /ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ/ “ฮัลโหลลลลลล” ผมกรอกสายไปด้วยเสียงยานๆก็กำลังเคลิ้มๆจะหลับอ่ะครับ /โหลๆ ไอ้ปิ๊น มันยังไม่ตื่นอีกหรอว่ะจะ2ทุ่มแล้วนะแสรด/ เสียงไอ้ตง เพื่อนซี้อีกคนสมัยม.ต้น แต่พอม.ปลายมันก็ดันเก่งไปติดที่โรงเรียนต้นๆของประเทศได้อีกก็เลยไม่ค่อยได้คุยกันเหมือนเดิมเพราะมันไม่ได้เดินกลับบ้านเป็นเพื่อนผมแล้ว ความจริงบ้านมันก็อยู่แถวๆบ้านผมนี้แหละครับแต่ต้องเดินเข้าไปในซอยอีกหน่อยนึง “กูยังไม่ได้นอนต่างหากเว้ยเห้ยยย พอกูเคลิ้มๆจะหลับมึงก็เสือกโทรมาขัดจังหวะกูอีกสัส” /เห้ยยยยย จริงดิ กูไม่อยากจะเชื่อว่ามึงยังไม่ได้นอนตอนเย็นไปทำไรมาว่ะสาดดด/ แล้วผมก็เล่าๆๆให้มันฟังไปอ่ะครับ รวมไปถึงเรื่องนางฟ้านั้นด้วยเพราะผมกับมันสนิทมากนะครับเลยกล้าเล่าให้ฟัง /55555555 กร้ากกกก จริงดิมึงไอ้เหี้ยนั้นมันสมองเบลอถึงขนาดมองลูกหมาอย่างมึงเป็นนางฟ้าสุดน่ารักไปได้เลยหรอว่ะ5555 กูว่ามันคงกระทบกระเทือนอย่างนักว่ะ กร้ากๆๆๆ/ “อ้าวไอ้สัสหลอกด่ากูหรอไอ้เวรนี้ แล้วแม่งมึงโทรมามีเรื่องห่าอะไรว่ะเว้ยเห้ย” ผมเปลี่ยนเรื่องพูด เออสิผมมันไม่หล่อน่ารักนี้หว่าเป็นแค่ไอ้ตี๋ตัวซีดหน้าจืดๆอยู่ตลอดเวลา /เออๆๆ กูลืมเล่าเลยว่ะมัวแต่ฮาเรื่องมึง กร้ากๆๆ/ “ตกลงมึงจะเล่าไหมสัส ไม่งั้นกูจะวางแล้วนะ” เริ่มจะโกรธๆมันแล้วครับล้ออยู่เรื่อย /คือว่าอาทิตย์ถัดไปอ่ะมึง มึงว่างป่าวว่ะกูจะชวนมึงไปดรีมเวิลด์ด้วยกันหน่อยอ่ะกูได้บัตรเล่นฟรีมา2ใบเว้ย สนป่าวมึง/ “สน กูไปด้วยกูว่างชิบหายวายวอดเลยล่ะวันนั้นอ่ะ” รีบตอบตกลงมันเลยครับกำลังนึกๆอยากเล่นพอดีของฟรีมาทั้งที่ต้องรีบคว้าไว้ ฮี่ๆๆๆ /ไวเป็นลิงเชียวนะมึงเรื่องนี้อ่ะ เออแล้วอาทิตย์ถัดไปว่ะเดี้ยวกูไปเรียกที่หน้าบ้านมึง/ “เออ ดีมากว่าแต่ทำไมมึงไม่ไปอาทิตย์นี้ว่ะนี้เพิ่งจะวันจันทร์เองนะเว้ยเห้ย รอแม่งอีก10กว่าวันเซงตายห่า” /อาทิตย์นี้กูไม่ว่างอ่ะดิ ต้องไปทำรายงานกลุ่มกับเพื่อนที่โรงเรียน/ “เออๆงั้นโชคดีเว้ย แค่นี้นะ แล้วเจอกัน” *เออๆ ฝันดีมึง* แล้วก็วางสายไปครับ อย่างน้อยวันนี้ก็ยังดีที่ได้ไปเที่ยวฟรีนะครับ นอนต่อไปอีกแป๊บหนึ่งพี่ปูนปู๊นก็เรียกกินข้าวครับ กินเสร็จก็ขึ้นห้องอาบน้ำเตรียมจะเข้านอน แต่ไอ้โทรศัพท์เจ้ากรรมดันส่งเสียงร้องเตือนว่าให้อ่านหนังสือสังคมทวนก่อนสอบที่ตั้งไว้อ่ะครับ แล้วหนังสือกูอยู่ในกระเป๋ากูจะเอาที่ไหนอ่านว่ะแมร่ง ผมคิดว่าผมคงลืมไว้บนรถพยาบาลคันนั้นแน่ๆเพราะตอนนั้นรีบลงแล้วก็คว้ากระเป๋าลงมาแต่กลับเป็นของไอ้หมอนั้นซะอีก แต่ก็ดีเหมือนกัน กูอยากจะรู้ว่าเด็กเอกชนเขาเรียนกันแบบไหนนะ หุหุหุ ค้นกระเป๋าโลดดดดดดด (โคตรมีมารยาทมาก) แต่พอเปิดกระเป๋าไปนี้แถบตลึงอ่ะครับ0.0 แม่ง มีหนังสือกีต้าร์เล่มบางๆหนึ่งเล่มกับห่อขนมที่หมดแล้วอีกต่างหาก เหยดดดดดดดด เมิงไปเรียนรึไปเล่นกีต้าร์ว่ะสาดดด ยังดียังมีปากกากับสมุดเล่มเล็กๆจดงานอีกนิดนึงทำให้พอรู้ว่ามันไปเรียน -*- แล้วยังมีหนังสือที่ผมไม่กล้าคิดว่าผู้ชายตัวโตอย่างมันจะอ่านนั้นก็คือ พวกนิยายการ์ตูนพวก หมีพูยังงี้ เงือกน้อยยังงี้ นางฟ้าแสนสวยยังงั้น คือเป็นเรื่องสั้นร่วมๆกันอยู่ในเล่มๆหนึ่งนะครับ แถม สนุกโคตร -*- (แอบอ่านแล้วมันเพลินนะครับ แหะๆๆ) “แล้วกูจะทำยังไงกับกระเป๋ามึงดีว่ะเนี้ย” นั้งดูกระเป๋ามันก็คิดไปด้วยอ่ะครับทำไงดี สุดท้ายก็คิดว่าพรุ่งนี้เอามันไปคืนที่โรงพยาบาลเดิมดีกว่าอาการมันหนักอยู่คงยังไม่ทันกลับบ้านหรอก แล้วคืนนั้นผมก็ต้องไปค้นหาหนังสือม.5 ของพี่ปูนปู๊นมาอ่านก่อนนะครับ เพราะพี่ปูนก็เคยเรียนที่โรงเรียนเดียวกันเลยโชคดีไปที่มีหนังสือเหมือนกันก็หมดปัญหาไปอีกหนึ่งเปราะอ่ะครับ แล้วคืนนั้น “นางฟ้า” หืม เสียงใครเรียกกู 0-0 “นางฟ้าของผม” เห้ยยยยยย เสียงมันคล้ายไอ้หมอนั้นเลยอ่ะ อ..ย่า..บอกนะว่า “ผมอยากเป็นแฟนกับนางฟ้า” เต็มๆ เสียงนี้แหละ!!! “อร้ากกกกกกกกก ผีหลอกกูแล้วววววววววววววว” :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
:pig4: :pig4:
:katai5: :katai5:
ตอนที่ 3 มาทวง “เห้ยไอ้ปิ๊น ไงมึงหายดีแล้วหรอว่ะหายหน้าไปซะนานเลยนะมึง” เสียงไอ้เจสทักทายเมื่อผมเดินเข้ามาเอากระเป๋านักเรียนวางไว้ในห้อง “เออ ดีขึ้นแล้วว่ะมึง” ผมตอบเสียงเนือยๆ อย่างคนเพิ่งพ้นจากไข้ สภาพผมตอนนี้โคตรโทรมเลยล่ะครับ หน้าก็ซีด ขอบตาก็เป็นน้องๆหลินปิงเลยล่ะครับ “555 กูควรจะสงสารหรือสมน้ำหน้ามึงดีว่ะไอ้ปิ๊น ชิบหายสัญญาอะไรไม่สัญญาเสือกโง่ไปสัญญาจะเป็นแฟนกับคนที่กำลังจะตายอีก คิดได้นะมึงอ่ะ” “ไอ้เหี้ยเจส มึงอย่าริ้อฟื้นกู กว่ากูจะทำใจได้มันหลายวันนะเว้ย” “555 เออกูไม่พูดแล้วก็ได้ว่ะ ไอ้เจสพอมันเห็นว่าผมเริ่มทำหน้าจริงจังก็สงบปากสงบคำหันไปสนใจเกมในโทรศัพท์มันต่อ ค่อยดีหน่อยแต่มันจะไม่ดีก็ตรงมันมาพูดให้ผมคิดถึงเรื่องคืนนั้นอีกแล้วนะสิครับ ผมจำได้แม่นเชียว ร่างสูงใหญ่ค่อยๆเดินออกมาจากความมืด ยิ่งเดินออกมามากเท่าไรก็ยิ่งเห็นว่าชุดนักเรียนที่ขาวผ่องนั้นเต็มไปด้วยรอยโดนกระทืบ เลือดเต็มไปหมดทั้งตัว ใบหน้าก็มีเลือดไหลหยดมาตลอดทาง แถมยังมาพร้อมกับเสียงสยองๆ “นางฟ้า...นางฟ้าของผม....ผมอยากเป็นแฟนกับนางฟ้า” พร้อมคำริมฝีปากที่กำลังเหยียดยิ้มยาวอย่างน่ากลัวมากกว่าน่ามอง มือที่ค่อยๆยื่นมาเหมือนพยายามจะมาจับตัวผมไว้!!! “ไอ้ปิ๊น” “เฮ้ยยยยย กูกลัวแล้วๆๆๆ กูจะทำบุญไปให้อย่าตามาหลอกมาหลอนกูเลย ฮือๆๆๆๆๆ” ผมรีบพนมมือไหว้ใหญ่ขอร้องให้วิญญาณไอ้หมอนั่นอย่ามาหลอกหลอนผมอีกเลย ถึงครั้งนั้นผมจะฝันไปก็ตามเถอะแต่เป็นฝันที่เหมือนจริงและน่ากลัวมากๆ เล่นเอาผมจับไข้หัวโกลนไปเป็นอาทิตย์กว่าเลยล่ะครับ “เห้ยๆๆ กูเองๆๆมึงกูปอเว้ย” เสียงเรียกของไอ้ปอดังขึ้นพร้อมกับจับตัวผมให้เงยหน้ามอง เออไอ้ปอจริงๆด้วย “อ้าว ฮึกๆ ปอหรอ กูนึกว่า” “เออๆ ไม่ต้องพูดอะไรแล้วรีบลงไปเข้าแถวกันเถอะมึง แล้วนี้เช็ดน้ำตาซะ” ไอ้ปอยืนผ้าเช็ดหน้ามาให้ผมเช็ดน้ำตา ผมก็รับมาเช็ดแต่โดยดีแล้วรีบลงไปเข้าแถว . . . . . “นี้มึงยังไม่หายหลอนอีกหรอว่ะไอ้ปิ๊น” ไอ้ปอเอ่ยถามขณะที่กำลังเดินออกมานอกโรงเรียน “เออว่ะ กูยังกลัวอยู่เลยมันน่ากลัวมากเลยนะมึง ฮึกๆๆ ทุกวันนี้กูต้องไปขอนอนกับพี่ปูนปู๊นตลอดเลยอ่ะ ฮือออๆ” พอผมพูดเรื่องนี้ทีไรก็อดจะน้ำตาไหลไม่ได้อ่ะครับ ผมเป็นคนกลัวผีมากอยู่แล้วพอมาเจอแบบนี้ผมช็อคอ่ะครับ “เออๆ อย่าร้องไห้ดิมึงไปปิ๊น เดี๋ยวไปทำบุญถวายสังฆทานให้ไอ้นั้นก็แล้วกันดีป่าวว่ะ” ไอ้เจสเสนอขึ้นพลางลูบหลังปลอบผมไปด้วย ปกติไอ้เจสมันชอบแกล้งผมตลอดอ่ะครับวันนี้ก็แกล้งแต่คงเห็นว่าผมอาการหนักจริงๆเลยไม่แกล้งมาช่วยปลอบผมแทน “ฮึกๆ เอาดิ ไปทำกันวันนี้เลยนะฮือออ” ผมตกลงทันทีคือไม่ไหวแล้วอ่ะครับ อย่างน้อยทำบุญไปให้มันเพื่อมันจะได้บุญแล้วไปกุดไปเกิด ผมก็จะได้สบายใจขึ้นด้วย “เออๆ โอเคงั้นเอาของไปไว้ที่บ้านมึงก่อนล่ะกันแล้วค่อยเดินไปทำบุญวัดใกล้ๆบ้านมึง” ไอ้เจสเอ่ย “อืม ตกลง” แล้วพวกผมก็พากันเดินไปที่บ้านผมกันครับ ในเวลาแบบนี้อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนที่ดีอย่างมันคอยอยู่ข้างผมเสมอๆ ถ้าไม่มีพวกมันผมก็ยังคงคิดอะไรไม่ออกมัวแต่กลัวไปเรื่อยอ่ะครับ “มึงเอากระเป๋าพวกมึงไปวางบนโต๊ะเขียนหนังสือกูก่อนไป” ผมพูดเมื่อพาพวกมันมาบนห้องนอนผม “เออๆ เดี้ยวกูเข้าห้องน้ำแป๊บนะมึง” ไอ้เจสก็เดินไปเข้าห้องน้ำที่มีอยู่ในห้องนอนผม “ปิ๊น กระเป๋าใครว่ะ” ไอ้ปอเอ่ยขึ้นแล้วหยิบกระเป๋าหนังขึ้นมา ลืมไปเลยนะเนี้ยว่ากระเป๋ามันยังอยู่กับผม “เออ ของไอ้คนที่กูช่วยนะ กูลืมไปเลยว่ะ กูหยิบผิดตอนที่ส่งมันที่โรงพยาบาลตอนแรกว่าจะเอาไปคืนที่โรงพยาบาลแต่..แต่พอกู..ฮึก” เอาอีกแล้วครับ แง ผมห้ามน้ำตาไม่ได้จริงๆอ่ะ ปกติผมไม่ใช่คนขี้แยนะครับ “เออๆๆ กูเข้าใจ ไหนๆมันก็ตายไปแล้ว กูว่าเอาไปไว้ที่วัดเถอะว่ะ” “อะไรว่ะ พูดไรกันพวกมึง นั่นกระเป๋าใครอ่ะ” ไอ้เจสที่ออกมาจากห้องน้ำก็ถามขึ้น “กระเป๋าของไอ้คนที่ตาย ไอ้ปิ๊นมันหยิบผิดมาน่ะ” ไอ้ปอพูดแทนผมที่กำลังพยายามไม่ร้อง “โหยยย ไอ้ควายปิ๊นกูไม่สงสัยเลยว่าทำไมมันถึงมาถามหลอนมึงถึงในฝันอ่ะสัส” ไอ้เจสพอรู้ก็ด่าผมใหญ่ “ก็ตอนแรกกูก็กะจะเอาไปคืน แต่มันเสือกตายก่อนนี้หว่า” ผมเถียงกลับ “ชิบหาย ของคนตายอย่าเอามาไว้กับตัวมันไม่ดีกูว่าเอาไปไว้ที่วัดเลยที่เดียวไหนๆพวกเราก็จะไปวัดกันแล้วอ่ะ” ไอ้เจสเอ่ยขึ้น พวกเราก็ตกลงกันว่าจะเอากระเป๋ามันไปไว้ซึ่งก็ดีแล้ว เพื่อของรักมันไม่ได้อยู่กับผมแล้วมันจะได้ไม่มาเข้าฝันผมอีก จากนั้นพวกเราก็ไปทำบุญถวายสังฆทานให้ไอ้หมอนั้นกันกรวดน้ำให้มันไปเกิดแล้วอย่ามาเข้าฝันผมอีกโดยไม่ลืมจะเอากระเป๋ามันไปบริจาคให้วัดด้วย แล้วก็พวกผมก็ทำบุญกันแทบทุกชนิดอะครับทั้งเติมน้ำมัน บริจาคค่านั่นนี้ของวัด พอทำไปแล้วผมก็ค่อยสบายใจขึ้นเยอะเลยล่ะครับ หวังว่ามันจะได้ไปเกิดใหม่นะครับแล้วคืนนี้ผมคงจะได้นอนหลับฝันดีไม่มันเข้ามากวนในฝันอีกแล้วนะครับ เฮ้อออออออออออออออออออ “สัสปิ๊น ดูอารมณ์ดีจังนะมึงอ่ะ” ไอ้เจสเอ่ยทักขณะที่ผมกำลังพยายามชู๊ตลูกบาสใส่ห่วงอยู่ หลังจากที่เลิกเรียนแล้ว “เออดิว่ะ เมื่อคืนกูไม่ได้ฝันถึงแล้วเว้ย มันคงไปเกิดแล้วล่ะว่ะ 55555+” ผมพูดแล้วก็หัวเราะชู๊ตลูกบาสไปเรื่อย....ถึงไม่มีลูกไหนลงห่วงสักลูก เหอะๆๆ-*- “มึงรู้ได้ไง ระวังนะเมิงงงงงงงงง คืนนี้มันจะมาทวงสัญญาเป็นแฟนมึงอีก 55555 นางฟ้า นางงงงงฟ้าของผม” “ไอ้เชี้ยเจสหุบปากมึงไปเลยสัส แม่ง” ผมหันไปด่ามันทีหนึ่งไอ้เหี้ยนี้ดีกับผมเกิน 3วันไม่ได้หรอกครับต้องแกล้งตลอด “5555 ทำไมกูแกล้งมึงแล้วมึงจะทำไรกูได้ ตัวอย่างกับลูกหมา” แล้วมันก็ทำหน้าตากวนตีนใส่ผมอ่ะครับ “กูจะไปฟ้องมิ้งว่ามึงเบี้ยวนัดดูหนังเพราะมัวแต่นั้งทำเวลเกมอยู่ที่บ้าน” หึหึหึ น่ากลัวใช่ไหมล่ะ “ไอ้ควายมิ้งเขาไม่เชื่อมึงหรอกเว้ย กูโกหกเนียนจะตายไป กร้ากกกก 555+” อ้าวไอ้สัสเสือกไม่กลัวกูอีก เวร แต่ว่า.... “จริงหรอเจส” “................” แล้วความเงียบก็เกิดขึ้น พร้อมกับระเบิดที่กำลังจะตามมา....เอิ่มกูไม่เกี่ยวนะเว้ยเห้ย “ม..มิ้ง มาตั้งแต่ตอนไหนน่ะ” ไอ้เจสทำหน้าแหย่ๆ เดินเข้าไปหาแฟนสาวสุดสวยนามว่ามิ้ง “ก็มาทันที่จะได้ยินว่าเจสโกหกเรา เบี้ยวนัดเราไปเล่นเกมนั้นแหละ” เหอะๆๆ วันนี้มิ้งดูโหดๆแหะ “คือมิ้ง..มัน..ไม่จริงนะ...วันนั้นเรา” ไอ้เจสก็พยายามหาเหตุผลมาอธิบายไปเรื่อย “มันไม่จริงหรอกมิ้ง เราแค่พูดล้อเล่นกะไอ้เจสอ่ะ มันมาแกล้งเราก่อน ขอโทษนะมิ้งที่ทำให้เข้าใจผิดอ่ะ แต่เราพูดเล่นจริงๆ” ผมเอ่ยพูดแทนให้ไอ้เจส ก็เพื่อนกันอ่ะครับ แล้วผมก็เป็นต้นเหตุซะด้วย “จริงๆหรอปิ๊น อย่าโกหกเรานะปิ๊น” มิ้งหันมาทำหน้าคาดโทษผมไว้ น่ากลัวอ่า-0- “จริงดิ พูดจริงๆ” “อืม งั้นเราจะเชื่อก็ได้ แต่วันพรุ่งนี้เจสอย่าผิดนัดเราอีกด้วยไม่งั้นไม่ต้องมาคุยกันอีกเลยนะ” “คร้าบๆ เจสไม่กล้าแล้วล่ะคร้าบ เจสรักมิ้งนะครับ” ไอ้เจสก็จับมือมิ้งมาทำท่าอ้อนซึ่งถือว่าเป็นบุญตาผมมากเลยที่ได้เห็นอ่ะ ความรักมันทำให้ไอ้เจสเพื่อนผมกล้ายไปลูกไก่ขี้อ้อนไปได้ยังไงเนี้ย อิจฉาเว้ยยยยยยเห้ยยยยยยยย แล้วผมก็เดินกลับไปชู๊ตบาสเหมือนเดิมอ่ะครับ อยู่ใกล้คู่นั้นมากรู้สึกเหมือนว่าไฟมันลุกที่ตายังไงไม่รู้ *-* “เมื่อไรฟ้าจะส่งคนมารักกูสักทีวะ” สุดท้ายผมก็ได้แต่บ่นกับตัวเองไปเรื่อย จนจะ5 โมง แล้วอ่ะครับผมถึงเลิกเล่นเก็บกระเป๋ากลับบ้านคนเดียวเพราะไอ้เจสก็ไปกับแฟนมัน ไอ้ปอพ่อมันก็โทรตามให้ไปช่วยงานที่บริษัทตั้งแต่เลิกเรียนแล้วล่ะครับ /โปรดส่งใครมารักฉันที อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร มีจริงใช่ไหม โว โว โปรดส่งใครมาเป็นคู่กัน ที่ไม่ทำให้ฉันเดียวดาย ช่วยมาทำให้ฉันเข้าใจ และได้รักใครกับเขาสักครั้ง/ ผมเดินฟังเพลงจากโทรศัพท์ไปเรื่อย ยิ่งฟังเพลงแบบนี้ก็ยิ่งเซงครับ เฮ้อออ ไอ้จืดอย่างผมจะมีแฟนกับเขาบ้างไหมเนี้ย “นางฟ้า” “เห้ย พวกมึงคนนี้แหละนางฟ้ากู” “เห้ย มึงอ่ะ” “........” “เห้ยมึงกูเรียกไม่ได้ยินหรอว่ะ” แล้วผมก็รู้สึกถึงแรงกระชากที่ต้นแขน หันไปก็เจอกันเด็กนักเรียนตัวสูงๆหน้าตาออกลูกครึ่งๆนะครับ ไม่อธิบายอะไรมาก หล่อ เพอร์เฟค ดูดี 3คำครับรวมอยู่ที่ตัวมันนี้แหละ -0- “อะไร เรียกเราหรอ” ผมเงยหน้าถามมันงงๆพลางถอดหูฟังออก “เออสิ เรียกตั้งนานแล้วไม่ได้ยินรึไง” ไอ้ฝรั่งนี้ถามเหมือนจะหาเรื่องนะครับ แต่ผมว่าหน้ามันเหมือนจะยิ้มแต่พยายามไม่ยิ้มอ่ะครับ คือในตามันดูดีใจๆไงไม่รู้ “แล้วเรียกเราทำไมอ่ะ” ผมงงครับ เพราะผมไม่มีเพื่อนที่เรียนโรงเรียนเอกชนกางเกงน้ำเงินสักคนเดียว “นี้..นี้..จำไม่ได้หรอว่ะ” ไอ้ฝรั่งนี้ดูท่าทางหงุดหงิดหน้าบึ้งขึ้นมาทันที “จำอะไรได้อ่ะ” ผมก็งงอยู่ดีแหละ “ไอ้เชี้ย มึงจำไม่ได้หรอว่ะว่ามึงทำอะไรกับกูไว้อ่ะ” ไอ้ฝรั่งนี้ก็พูดเสียงดังใหญ่เลยครับ กูไปทำไรให้มึงว่ะ “ทำอะไรอ่ะ กูไปทำให้มึงไม่ทราบ หน้ามึงกูยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำนะเว้ยเห้ย” ผมก็กูมึงกลับอ่ะครับอยากพูดก่อนทำไมล่ะ ถึงผมจะตัว..เตี้ย-*- ปอดแหก แต่ถ้ามีใครมาหาเรื่องผมก่อนผมก็สู้ไม่ถอยอ่ะครับ “ไอ้ปลาทองเอ๊ย..ม..มึง..มึงจำไม่ได้หรอที่มึงหลอกกูว่ามึงเป็นนางฟ้าอ่ะสัส!!” ไอ้ฝรั่งก็ตะโกนหน้าตาโมโหมากมาย แต่อะไรนะนางฟ้างั้นหรอ.....อย่าบอกนะว่าไอ้นี้คือคนที่เลือดเต็มหน้าวันนั้น 0.0 0.0 0.0 มาหลอกกูกลางวันแสกๆเลยหรอว่ะเนี้ยยยยยยยยยย “เห้ยยยยยยยยยยยยยย มึงตายไปแล้วไม่ใช้หรอว่ะ” ผมตกใจตะโกนถามเลยทีเดียว “ตายห่าอะไรของมึงล่ะ กูยังไม่ตายเว้ย” ไอ้ฝรั่งนี้ทำหน้าหงุดหงิดหนักไปอีก “ก็..ก...ก็มึง..มึงมาเข้าฝันกูนี้หว่า กูคิดว่ามึงตายไปแล้วซะอีก” ผมพูดไปตามตรง “ไอ้เชี้ย นี้มึงแช่งกูหรอว่ะ อยากโดนใช่ไหมห่ะ” ไม่พูดเปล่ามันกระชากคอเสื้อผมด้วย ตัวผมแทบลอยแน่ะ “กูไม่ได้แช่งโว้ยยยยย ก็คิดว่ามึงตายไปจริงๆแล้วนี้หว้า วันนั้นมึงแม่งก็เลือดไหลเต็มตัวอ่ะ” ผมพยายามธิบาย ขาก็เขย่งไปด้วย “ก็กูยังไม่ตาย...แต่มึงแหละที่จะตายอ่ะไอ้เวร” โหยยยย หน้ามึงน่ากลัวได้อีก “แล้วทำไมกูต้องตายด้วยเล่า!! กูเป็นคนช่วยชีวิตมึงไว้นะเว้ยยยยย สำนึกบุญคุณกูหน่อยสิไอ้บ้า!!” “ก็...ก็มึงเสือกมาหลอกกูทำไมห่ะ” “กูไปหลอกอะไรมึงว่ะ” ผมถามพยายามจะดึงมือมันออกจากเสื้อผม “ก..ก็..ก็มึงหลอกกูว่ามึงเป็นนางฟ้าอ่ะ ไอ้สัส” โหยยยยยยนี้มึงจริงจังกับเรื่องนางฟ้ามากเลยนะเนี้ย “ใครหลอกมึงว่ะ มีแต่มึงนั้นแหละปัญญาอ่อน อยู่ๆก็มาเรียกกูว่านางฟ้าเองอ่ะ” เถียงครับเถียง “ไม่จริงมึงแหละโกหกกู กูไม่มีทางมองลูกหมาขี้เหล่อย่างมึงเป็นนางฟ้าไปได้หรอกเว้ยยยย” โหยยยยยพูดงี้ผมปรี้ดดดดดด ขึ้นมาทันทีเลยล่ะครับ ว่ากูขี้เหล่เลยหรอ กูแค่หน้าตาธรรมดาเฉยๆหรอกมั้ง “ไม่จริงเหี้ยอะไรล่ะมึงอ่ะจับมือกูบอกว่ากูเป็นนางฟ้า กูบอกว่ากูไม่ใช่ๆๆๆ มึงก็บอกว่าจะตายๆๆ แล้วแถมยังมาขอพรขอกูเป็นแฟนมึงอีกอ่ะ ไอ้สัส พอกูบอกว่ามึงจะบ้ารึไง มึงก็บอกว่าอยากจะเป็นแฟนกับนางฟ้า ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกับนางฟ้า มึงก็ทำท่าจะขาดใจตายซะให้ได้กูก็เลยต้องตกลงไปกับมึงอ่ะ คิดว่ากูอยากเป็นแฟนกับลูกครึ่งฝรั่งขี้แตกอย่างมึงนักหรอ ไอ้เหี้ยยยยยยยย” แฮ่กๆๆๆๆ โอยยยยยเหนื่อยครับหมดลมเลยด่ามันชุดนี้ “อ..อ.ก็..” ไอ้ฝรั่งนี้ก็ทำท่าไม่ถูกเลยล่ะครับคงช๊อคที่ผมด่าน้ำไหลไฟดับขนาดนี้ มองไปรอบตัวผมก็ชักจะรู้สึกอายแล้วล่ะครับก็คนมองเต็มเลยอ่ะแถมไฟแดงอีกตะหากคนในรถหันมามองกันเต็ม แง กูพลาดแล้วล่ะ -*- “ไงมึง ปล่อยกูได้แล้วสัส” แล้วผมก็กระชากมือมันออกอย่างง่ายดายคงเป็นเพราะตอนนี้มันกำลังอึนอยู่ด้วย งั้นกูกลับบ้านตอนนี้เลยล่ะกัน หึหึ ให้มันรู้ซะบ้างว่าปินปิ๊นคนนี้ไม่ธรรมดานะเว้ยยยยเห้ยยยยย “เดี้ยว มึงยังไปตอนนี้ไม่ได้นะเว้ย” ไอ้ฝรั่งตามมาดึงแขนผมไว้อีก จะอะไรกันหนักหันหนาว่ะ “อะไรอีกล่ะ” ผมแว๊ดใส่ “ก..อ่อ..กระเป๋า..กระเป๋ากูล่ะ มึงเป็นคนเอากระเป๋ากูไปใช่ไหม” ไอ้ฝรั่งพอตั้งตัวได้ก็เริ่มทำตัวหาเรื่องผมอีก “เออกูเอาไปเองแหละวันนั้นกูหยิบผิด” ผมที่โมโหยังไม่หายก็ตะคอกใส่โดยลืมไปว่า.....“แล้วไหนล่ะกระเป๋ากู เอามาคืนกูเดี้ยวนี้เลย” ชิบหายแล้วไงผม รูปปลากรอบ (http://file:///storage/emulated/0/Android/data/.cliptray/1496848687485.jpg) ------------------------------------------------------------------------------------------------ รีไรท์ใหม่จะไม่ค่อยเหมือนต้นฉบับเดิมน้า เพราะเราไม่ได้เซฟไว้ก่อนโดนลบTT มีแค่ 3 ตอนแรกที่เซฟไว้ หลังจากตอน 3 นี้ไปก็จะไม่เหมือนเดิมแล้ว อภัยให้กับสมองปลาทองของเราด้วย :z3: :z3: :z3: :z3:
-0- พ่อฝรั่งน้อยฮาร์ดคอจังลูก :m20:
เพิ่งอ่านเรื่องนี้ สนุกดีค่าาา :katai2-1:
:katai2-1:ย
:hao7: :hao7:
เพิ่มรูปประกอบจ้า เกรี้ยวกราดกันเหลือเกิ๊น. :laugh: (http://file:///storage/emulated/0/Android/data/.cliptray/1497074077068.jpg)
มีรูป ปลากรอบด้วย ว่าอยู่คุ้นๆนิยายนี่มาเลย คือ เริ่มเรื่อลเหมือนเียอ่านมาแล้ว พอมาอ่าน ทอร์คเลย อ๋ออออ ตอนนั้นอยากอ่านต่อ แต่เหน ว่าจะมา6าอให้จบและก็ดีจายยยย
โถ ทำยังไงละทีนี้ ดันเอาของเขาไปถวายวัดไปแล้วด้วย ฮา
ตอนที่4 รับผิดชอบ “แล้วไหนล่ะกระเป๋ากู เอามาคืนกูเดี้ยวนี้เลย” ชิบหายแล้วไงผม “........” เอาไงดีว่ะกรู _*_ “เงียบทำไมว่ะ ไปเอากระเป๋ามาคืนกูเร็วๆเลย” ไอ้ฝรั่งทำท่ายืดขึ้นมาหน่อยอย่างเป็นต่อ เออออออ ใช่! กระเป๋าไง “แล้วไหนล่ะกระเป๋ากูอ่ะ มึงมีกระเป๋ากูมาคืนไหมล่ะ ถ้าไม่มีมาคืนกู กูก็ไม่คืนกระเป๋ามึงหรอกนะ เสียเปรียบหมด เหอะ” ในที่สุดผมก็คิดได้ว่าหน้าไอ้ฝรั่งมันไม่สนใจกระเป๋านักเรียนเก่าๆของผมหรอก แน่ใจล้าน% ว่ามันไม่มีทางเอามาด้วยแน่นอน ฮ่าๆๆๆๆๆๆ กร้ากกกกก ปิ่นปิ๊น คนนี้ฉลาดจุงเบยยยยย อิอิอิ “เห้ย! ไอ้แวนเอากระเป๋าไอ้ลูกหมานี้มาเดะว่ะ” 0______0 หืมมมมมมมม มึงไปเอามาจากไหนนนนนนนนนนน เห้ยยยยยยยยยย เพื่อนไอ้คริสที่คงชื่อแวนเดินเอามากระเป๋ามาแล้วก็โยนให้ไอ้ฝรั่งนี้ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปนั่งกินก๋วยเตี้ยวในร้านต่อ............เอิ่ม อร่อยไหมมึง ถ้าอร่อยมาลากเพื่อนมึงไปกินด้วยเถอะ แมร่งงงงงง “นี้ไงกระเป๋ามึงของข้างในยังอยู่ครบ การ์ตูนเถื่อนๆก็ยังอยู่เหมือนเดิมนะ” ไอ้ฝรั่งยักคิ้วข้างเดียว โด่ นึกว่าเท่นักไงว่ะ กูยักคิ้วได้สองข้างพร้อมกันยังไม่อวดเลย ชิ “อะไร การ์ตูนบลีซ เทพมรณะสนุกจะตายไม่เห็นจะเถื่อนตรงไหน คนแมนๆเขาอ่านกันทั้งนั้นล่ะโว้ยยยยย ใครจะเหมือนนายล่ะอ่านการ์ตูนดิสนีย์หมีพู เงือกน้อยไรก็ไม่รู้ เด็กน้อยว่ะ โถๆๆๆๆ” “มันก็เรื่องของกู มึงยุ่งไรด้วย เร็วๆไปเอากระเป๋ากูมาแลกกับกระเป๋ามึงคืนเดี้ยวนี้เลย” เอาไงดีว่ะเรากระเป๋าแม่งก็เอาไปบริจาควัดซะแล้ว แต่ก็อยากได้กระป๋าผมคืนอยู่นะ สมุดที่จดเลคเชอก็อยู่ในนั้น ที่สำคัญคือการ์ตูนที่ยังไม่ได้อ่านเลยอ่า ทำไงดีๆๆ “กูไม่อยากได้คืนสักหน่อย อยากเก็บไว้ก็เก็บไปดิ กูไปละ” ไม่รู้จะทำไงชิงเดินหนีดีกว่าครับ แต่ยังเดินไปไม่ทันไรก็โดนดึงปกเสื้อหิ้วมาอยู่ที่เดิม T_T “จะหนีไปไหนนนน มึงไม่อยากได้คืนก็เรื่องของมึงแต่กูอยากได้กระเป๋ากูคืน แล้วมึงต้องเอามาคืนเดี้ยวนี้ด้วย หนังสือในนั้นมันสำคัญกับกูมากนะเว้ย มันเป็นหนังสือรุ่นลิมิเต็ดที่หายากมากทำแค่พันเล่มทั่วโลก ในไทยมีไม่ถึงห้าคนหรอกที่ได้ครอบครองอ่ะ ไปเอามาคืนกูเดี้ยวนี้เลย!” สีหน้าไอ้ฝรั่งนี้จริงจังขึ้นเรื่อยๆ ผมพอได้ฟังอย่างนั้นก็รู้สึกผิดนิดๆนะที่เอาของๆมันไป ถึงแม้จะเอาไปบริจาคก็ตามเถอะ “ค...คือกู...เอาไปบริจาควัดแล้วอ่ะ” ( . . ) ผมบอกมันไปอย่างเจี๋ยมเจี๊ยม “ห่ะ!!! อะไรนะ มึงเอาหนังสือสุดรักสุดหวงของกูไปบริจาคคคค” “อื้อออ” “ม.มึง..มึงพากูไปเอาคืนเดี้ยวนี้เลย” . . . ผมก็เดินพามันและพ้องเพื่อนมาวัดเดิมแถวบ้านที่ผมเคยเอามาบริจาคนั้นแหละครับ รู้สึกกระดากใจสุดๆที่บริจาคของไปแล้วแต่ต้องมาขอคืนเนี้ย จะบาปไหมกรู “สวัสดีครับหลวงพ่อ จำผมได้ไหมครับ ที่ผมกับเพื่อนมาถวายสังฆทานแล้วก็บริจาคกระเป๋าไปนะครับ” ผมยกมือไหว้หลวงพ่อก่อนจะเอ่ยถาม ตอนนี้ผมและพวกมันเข้ามานั่งอยู่ในวัดตรงที่เคยมาถวายสังฆทานกันครับ “จำได้สิโยม ว่าแต่วันนี้มีอะไรรึ ถึงได้มาหาอาตมา” “คือ..คือว่า..ผมจะมาขอกระเป๋าที่บริจาค..ไป..คืนนะครับ” ผมพูดเสียงอ่อยๆตอนท้าย รู้สึกผิดสุดๆ “อ้าวทำไมรึโยม เกิดอะไรขึ้นรึ ถึงต้องมาขอของที่บริจาคแล้วคืน” “คือว่า ตอนแรกที่เอาของมาบริจาคมันไม่ใช่ของผมหรอกครับ แต่มันเป็น..เป็นของคนนั้นนะครับ” ผมชี้ไปที่ไอ้หน้าฝรั่งลูกครึ่งนั่น “คือตอนแรกผมเจอเขาโดนกระทืบปางตาย พอพาไปส่งโรงพยาบาลผมก็เก็บกระเป๋าเขามา ผมคิดว่าเขาตายไปแล้ว เลยเลือกเอาของที่เก็บได้มาบริจาควัดเพื่อความสบายใจ แต่เขายังไม่ตายแล้วเขาก็อยากได้ของคืนนะครับ หลวงพ่อพอจะคืนให้ได้ไหมครับ แล้ววันหลังผมจะซื้อของมาบริจาคใหม่แทนนะครับหลวงพ่อ” “อ่อๆ เรื่องเป็นอย่างนี้เอง ไม่เป็นไรหรอกหนุ่ม เดี้ยวอาตมาจะคืนให้นะ ไอ้จุก ไอ้จุก เอ็งไปเอากระเป๋าหนังที่ทรงมันเหมือนกระเป๋าที่เด็กนักเรียนกางเกงน้ำเงินนั้นถือมาให้หน่อยสิ เร็วๆหน่อยล่ะ” หลวงพ่อหันไปสั่งเด็กวัดก่อนจะยิ้มให้อย่างใจดี ผมที่ได้ยินอย่างนี้ก็เบาใจครับ เอาของคืนมันเรื่องจะได้จบๆ เฮ้ออออ “นี้ครับหลวงพ่อ กระเป๋า” เด็กวัดเอากระเป๋าที่เหมือนกับที่ผมมาบริจาคให้เป๊ะๆมาให้หลวงพ่อ “นี้ใช่ไหมพ่อหนุ่ม มารับกลับคืนไปสิ” ผมยิ้มก่อนจะยื่นมือไปรับคืนและส่งไปให้ไอ้หน้าฝรั่งนั่น “กราบขอบพระคุณหลวงพ่อมากครับ ไว้วันหลังผมจะมาทำบุญอีกนะครับ” “เดี้ยวก่อนครับ คือหนังสือในกระเป๋าผมมันหายไปไหนหรอครับ” ไอ้ฝรั่งที่เพิ่งเงยหน้าจากการสำรวจกระเป๋าพูดถามขึ้น “อาตมาลืมบอกไป ว่าเมื่อวานมีรณรงค์เอาหนังสือที่ไม่ใช่แล้วไปบริจาคให้เด็กด้อยโอกาสนะ อาตมาเลยให้เด็กวัดช่วยรวบรวมหนังสือไปบริจาคนะ หนังสือของโยมอาตมาก็เก็บไปบริจาคแล้ว หวังว่าโยมคงจะไม่โกรธเคืองอาตมานะเพราะอาตมาก็ไม่รู้ว่าโยมจะมาขอคืน อาตมาต้องขออภัยจริงๆ” ไอ้ฝรั่งทำหน้าช็อคไปดูแล้วคงทั้งช็อคทั้งแค้นผมอ่า โอยยยยย ทำไมมันซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างงี้ว่ะ! “ไม่เป็นไรหรอกครับหลวงพ่อ เรื่องแค่นี้เอง พวกผมไม่นึกโกรธเคืองอะไรหรอกครับ ถือว่าทำบุญ ถ้ายังไงขอรบกวนหลวงพ่อเพียงแค่นี้ล่ะครับ กราบลาล่ะครับหลวงพ่อ”.........คุณคงคิดว่าไอ้หน้าฝรั่งนั้นพูดสินะ แต่จริงๆแล้วไม่ช่ายยย ผมนี้แหละพูดเองประนึงเป็นเจ้าของ แต่ผมไม่อยากรบกวนหลวงพ่อท่านมากไปกว่านี้แล้ว ปัญหาผมเป็นคนก่อเอง ผมก็จะจัดการเองให้ได้ “เจริญพรโยม” หลังจากกราบลาเสร็จผมและพวกมันก็รีบเดินออกจากวัด “เรื่องมันจะจบง่ายๆแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย กูยังไม่ได้หนังสือกูคืนเลย ยังไงมึงก็ต้องรับผิดชอบ!” “เออรู้แล้วนะ กูรับผิดชอบแน่ๆกูจะพยายามหาซื้อมาคืนให้นะ” ผมพูดออกไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีทาง ไอ้หนังสือกีต้าร์นั้นก็พอหาซื้อคงได้อยู่หรอกแต่ไอ้หนังสือลิมิเต็ดนั้นผมจะหาจากไหนได้เนี้ย “มึงแน่ใจหรอว่ามึงจะหามาคืนให้ได้นะ” “จริงๆก็ไม่แน่ใจอ่ะ” _*_ “มึงไม่มีทางหาได้แน่ๆกูพนันได้เลย แต่ยังไงมึงก็ต้องรับผิดชอบๆๆๆๆๆๆ” ไอ้หน้าฝรั่งรัวคำว่ารับผิดชอบๆๆๆใส่จนผมหงุดหงิด “โวยยยยย เรียกร้องให้กูรับผิดชอบอยู่นั่นแหละกูไม่ได้ไปทำมึงท้องนะเว้ย แค่ทำหนังสือมึงหาย ไอ้ห่า! อย่าเวอร์ขอร้อง” “ฮ่าๆๆๆๆๆ ด่าโดนใจว่ะมึง” เพื่อนมันที่ชื่อแวนหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อไอ้หน้าฝรั่งหันไปทำหน้ายักษ์ โกรธจนหน้าแดงไปหมดเลยอ่ะ โถ โดนด่าแค่นี้ทำเป็นโกรธ ไรฟระ “เอาเป็นว่ากูขอรับผิดชอบเป็นเงินแทนได้ไหมล่ะ กูให้สองเท่าของราคาหนังสือมึงเลยอ่ะ” ผมต่อรองถึงแม้จะแอบเสียดายตังค์ก็ตามเถอะ “เงินมันไม่สำคัญหรอกโว้ย ถึงมีเงินก็หาซื้อไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าเงินมากแค่ไหนก็แทนไม่ได้ มันเป็นเรื่องของจิตใจและความรู้สึกด้วยเว้ย” “แล้วจะให้รับผิดชอบยังไงว่ะ พูดมาตรงๆเลยดีกว่า” ผมล่ะจนใจจะเถียงกับมันแล้ว “ก็ไม่มีไรมาก...ถ้ามึงหาหนังสือมาคืนกูไม่ได้ มึงก็...ต้องทำพรที่กูขอให้มันเป็นจริงสิ” “พรอะไรว่ะ?” “ไอ้สมองปลาทองเอ๊ยยย ก็พรเรื่องที่จะเป็นแฟนกูไง” “เห้ย!!! จะบ้าหรอจะให้กูไปเป็นแฟนมึงเนี้ยนะ ไม่มีทางอ่ะ” ผมเถียง ถึงผมจะไม่เคยมีแฟนแต่ผมก็ไม่คิดที่จะมีแฟนเป็นผู้ชายเลยนะครับ ขนลุกอ่ะ “ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ! พูดสัญญาอะไรไว้ก็ทำไม่ได้ บอกจะเอาของมาคืนให้ก็ทำไม่ได้อีก กากว่ะ!” ไอ้ฝรั่งด่าผมอีกรอบ “คำก็ไม่มีความรับผิดชอบ สองคำก็ไม่มีความรับผิดชอบ นี้มึงอยากได้กูเป็นแฟนขนาดนั้นเลยไงว่ะ” ผมถามมัน “เออ กูอยากได้มึงเป็นแฟน!” ไอ้ฝรั่งตอบกลับ ทำเอาผมนิ่งไปชั่วขณะ หัวใจเต้นแรงแปลกๆ อาจเป็นเพราะตั้งแต่โตมาไม่เคยมีใครมาพูดแบบนี้กับผมเลย “ท..ทำไม?” “....กูชอบของแปลก” (-.,-) “(- -)” จบครับ ไอ้อาการหัวใจเต้นแรงหยุดทันที ไอ้เชี้ยยยยยย กูแปลกตรงไหนนนน “กูแปลกตรงไหนไม่ทราบ มึงตอบมาก่อนดิ๊” “ก็คนปกติเขาคง ไม่มาเล่นเป็นบทนางฟ้าให้พรบ้าบอกับคนที่ไม่รู้จักกันหรอกนะ หึหึหึ” โอ้โห พูดงี้อย่างกับมึงปกติตายล่ะ “เอ้า ก็มึงเป็นคน..” ผมอ้าปากจะเถียงกลับอีกรอบๆ “หยุด ไม่ต้องพูดถ้าหาหนังสือมาคืนไม่ได้ก็ต้องมาเป็นแฟนกู กูไม่ชอบให้ใครมาผิดสัญญากับกูเว้ย ถือซะว่าเป็นการชดใช้ทางจิตใจที่มึงทำของรักของหวงกูหายไป ถ้าหาหนังสือมาคืนให้ได้เมื่อไรก็ค่อยเลิกกัน” ไอ้หน้าฝรั่งพูดด้วยท่าทีเป็นต่อ “เออก็ได้ว่ะ แต่กูต้องหามาคืนมึงได้แน่ๆกูมั่นใจ” ผมพูดอย่างแน่วแน่แล้วจ้องตามัน จะลองให้เพื่อนๆช่วยดูไอ้เจสไอ้ปอ มันก็น่าจะช่วยผมได้ไม่มากก็น้อยล่ะนะ “ดี ดีมาก” ไอ้ฝรั่งนั้นยิ้มออกมา “แต่มีข้อแม้นะเว้ย ถ้ากูหาหนังสือมาคืนไม่ได้ กูก็ยอมเป็นแฟนกับมึงแค่สามเดือนเท่านั้นพอ ถ้าครบสามเดือนถือว่ากูชดใช้ให้มึงแล้ว มึงกับกูก็เลิกกันแยกย้ายกันไปนะเว้ย” ผมบอกข้อแม้ออกไป ใจจริงก็กลัวจะหามาคืนมันไม่ได้แต่ผมก็ไม่ยอมเป็นแฟนมันไปตลอดหรอกนะครับ ถือว่าเป็นแผนสำรองล่ะกัน ภูมิใจในความฉลาดของตัวเองจริงๆเลย ฮ่าๆๆๆ “ไม่! สามเดือนมันน้อยไป อย่างน้อยก็ต้องหกเดือน ตามนี้แหละ หกเดือน!” ไอ้ฝรั่งยื่นคำขาดมือกอดอกอย่างคนเอาแต่ใจ “หึ่ยยยยย เออก็ได้ว่ะหกเดือนก็หกเดือน แค่นี้ใช่ไหมเอากระเป๋ากูคืนมากูจะกลับล่ะ อยู่กับมึงแล้วปวดกระบาลชิป” ผมกระชากกระเป๋านักเรียนกลับมา “เดี้ยวก่อนดิ มึงยังไม่บอกกูเลยว่าชื่ออะไร” มันจับมือผมไว้ไม่ให้ไปไหน “กูชื่อปิ๊น” ผมบอกมันไปง่ายๆ คือขี้เกียจจะต่อปากต่อคำกับมันล่ะครับ หิวด้วยแหละ “กูชื่อคริสนะ เอาเบอร์มึงมาดิ บอกชื่อเฟสบุคมึงมาด้วย ไลน์ด้วย ไอจีเอามาให้หมด” “ขอขนาดนี้มึงเอาโทรศัพท์กูไปจัดการเองเลยไหม?” ผมถามกวนๆ “เออ ดี เอามากูจัดการแอดเอง” ไม่พูดเปล่ามันเอามือล้วงเข้ามาในกระเป๋ากางเกงผมทันที “เห้ยยยยไอ้บ้าเอาจริงหรอ” ผมสะดุ้งทันทีที่มันเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง “กูจริงจังตลอดล่ะ” มันพูดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ผมมาจัดการกดอะไรต่อมิอะไรเอง “เห้ย กดอะไรนักหนาว่ะ เอาคืนมาได้แล้ว” ผมจะคว้าคืนแต่ไอ้คริสมันก็ชูโทรศัพท์ผมหนี “เห้ยเอามานะ เอามา” ผมพยายามแย่งทั้งเขย่งทั้งกระโดด “ฮ่าๆๆๆ เปี๊ยกเอ้ยยยย แค่นี้ก็คว้าไม่ถึง กร๊ากกกก กากๆๆๆจริงๆ” ไอ้คริสหัวเราะอารมณ์ดีทั้งที่มือมันยังกดอะไรต่อมิอะไรที่โทรศัพท์ผอยู่ “แฮ่กๆๆ เอาคืนมาสักทีสิ” ชักเหนื่อยล่ะครับ พยายามแย่งยังก็ไม่ได้คืนสักที “อ่ะ เสร็จล่ะเปี๊ยก กูจัดการหมดทุกอย่างล่ะ” ไอ้คริสพูดยิ้มๆก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้ ผมรีบคว้าแล้วเอาเก็บใส่กระเป๋าทันที “เห้ยไอ้แวนเอาโทรศํพท์มึงมาถ่ายรูปกูกับแฟนกูให้หน่อยดิว่ะ” ไอ้คริสหันไปบอกไอ้แวนก่อนจะเอาแขนมาพาดคอผมดึงให้ยืนติดกับมัน “เห้ยอะไรเนี้ย” ผมพยายามเอาแขนมันออกจากคอ “ยิ้มหน่อยสิว่ะเปี๊ยก” ไอ้คริสหันมาบอกก่อนจะหันไปยิ้มให้โทรศัพท์แล้วชูนิ้วไอเลิฟยู “กูชื่อปิ๊น ไม่ใช่เปี๊ยก ไอ้บ้านิ” “ห๊ะ อะไรนะเปี๊ยก เปี๊ยกพูดอะไรอ่ะ” ไอ้คริสหันมาทำหน้าเอียงหูล้อเลียนจนผมหมั่นไส้ กัดหูแม่ง!!! “โอ๊ยยยยยยย” ไอ้คริสร้องลั่นเพราะผมกัดหูมันอย่างเต็มฟัน หมั่นไส้อยากทำท่ากวนตีนดีนัก “สมน้ำหน้า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” ผมที่สลัดมันออกจากตัวได้ก็วิ่งหนีทันที โอ๊ยยย สะจายยยยยจริงๆครับ อยากแกล้งกูดีนัก รู้จักปิ่นปิ๊นคนนี้น้อยไปซะแล้ว หึหึหึ (^0^) “แสบจริงๆนะไอ้เปี๊ยก แบบนี้ดิ...สเปคเลย” คริสที่ยืนกุมหูมองตามปิ๊นที่วิ่งไปไกลด้วยรอยยิ้มมุมปากด้วยความถูกใจ :hao7: :hao6: :hao3: นังคริสชอบความรุนแรงหรออออ 555555+
o22 คริสสาย SM
:hao7: คริสนางเป็นมาโซ?
:hao7: :hao7:
คริส บ๊องพอๆกับปิ๊น ถูกรุมกระทืบซะเลือดสาดขนาดนั้น ยังเห็นปิ๊นเป็นนางฟ้า แสดงว่าปิ๊นหน้าหวานสวยเหมือนผู้หญิงแน่ๆ แล้วปิ๊นถูกคริสขอเป็นแฟน ก็ยอม เพราะกลัวคริสตาย ถึงว่าสองคนนี้แปลกเหมือนกัน :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
จริงๆครอสหาข้ออ้างเนียนจีบสินะ...
บทที่ 5 คนเป็นแฟนกันก็ทำแบบนี้แหละ “โอยยยยยยย ซวยอะไรของกูว่ะเนี้ย แม่งๆๆๆ” ผมที่หนีจากมันพ้นก็เข้าบ้านเปิดหาของกินทันที อยู่กับมันเหมือนพลังงานจะหมดประสาทจะกินครับ ต้องกินๆโด๊ปๆหน่อย พี่ปูนก็ยังไม่กลับ ผมทำได้มากสุดก็แค่เอาอาหารที่แช่เย็นไว้มาเวฟกิน เฮ้ออออออ มองนาฬิกาก็ทุ่มกว่า ผมก็รีบกินข้าวก่อนจะขึ้นไปบนห้องนอนอาบน้ำให้ชื่นใจ แล้วก็นั่งทำการบ้านไปครับ ผมเป็นคนประเภทเรียนไม่ค่อยเก่งนะ กลางๆอาศัยว่าทำการบ้านทำงานให้มันออกมาดีๆนะครับ ไม่อยากให้เกรดตกเพราะปีนี้ผมก็ม.5 เทอม 2 แล้วด้วย ต้องตั้งใจทำเกรดให้เยอะๆไว้ก่อนครับเพื่อจะติดโควต้าหรือเข้าคณะที่อยากเรียนได้ง่ายๆหน่อย ทำไปเรื่อยๆจนเสร็จมองนาฬิกาก็สี่ทุ่มกว่าแล้วเลยยืดเส้นยืดสายสักหน่อย สายตาเหลือบไปมองกระเป๋าผมที่ได้คืนมาวางไว้อยู่บนเตียงพอดี “ทำไมมันถึงเก็บไว้ว่ะ” ผมพูดขึ้นยังงงๆ ก่อนจะเดินไปเปิดกระเป๋าตรวจสอบว่าของครบหรือเปล่า ยังดีครับที่อยู่ครบ โดยเฉพาะการ์ตูนเล่มล่าสุด ^^ ว่าแล้วก็เอามานอนเปิดอ่านดีกว่า ได้อ่านสักที ครืดดดดด ครืดดดดดด เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งค่าสั่นที่เอาไว้ในกระเป๋าดังขึ้นผมหยิบออกมาดูพอเห็นว่าเป็นเบอร์ไอ้ตงก็เลยกดรับครับ “ว่าไงว่ะไอ้ตง” /ไอ้ปิ๊นนนนนน เมิงไปมีแฟนตอนไหน ไอ้เชี้ย แถมแฟนมึงยังทำกูช็อคอีก กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามึงจะเป็นเกย์ ไอ้เชี้ยปิ๊น มึงเป็นตอนไหน เมื่อไร อย่างไง เล่ามาให้ไวๆเลย/ ไอ้ตงที่รัวคำถามยิงใส่ผมไม่ยั้งด้วยเสียงดังจนผมต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหู “อะไรว่ะ กูไม่มีแฟน มึงมั่วป่ะเนี้ย” ผมตอบมันไปงงๆ /มั่วเชี้ยไรล่ะ เฟสบุคขึ้นสถานะว่าครบกับไอ้เด็กเอกชนหน้าหล่อหราฟีดข่าวกูขนาดนั้น กูถามมึงในแชทมึงก็ไม่ตอบจนกูต้องยอมเสียสละค่าโทรมาถามมึงเนี้ย ไม่พอนะเว้ยรูปโปรไฟล์ไอ้หน้าหล่อนั้นก็เป็นรูปคู่มึง นี้ๆ มันกำลังรัวสเตตัสแล้วแท็คเฟสมึงด้วยเนี้ย/ “เห้ย!!! จริงดิ กูเข้าเฟสก่อนนะแค่นี้ก่อนนะมึง” ชิปหายแล้ววววววว ผมวางสายเสร็จก็เพิ่งเห็นหน้าจอที่แจ้งเตือนว่าสายไม่ได้รับสี่สิบกว่าสาย!!! กดเข้าไปดูก็ขึ้นว่า -แฟนมึง- ไม่ได้รับ29 สาย -ตง- ไม่ได้รับ5 สาย -พี่ปูน- ไม่ได้รับ2 สาย -เจส- ไม่ได้รับ3สาย -ปอ- ไม่ได้รับ1สาย โหยยยยย ผมนี้แถบจะจดบันทึกสถิติที่มีคนโทรหามากขนาดนี้ถ้าไม่ติดว่าต้องรีบไปจัดการเฟสผมก่อน ผมรีบกดเชื่อมไวฟายแล้วเข้าแอปเฟสบุคทันที แล้วก็ช็อคครับ ผมกับไอ้คริสขึ้นสถานะกำลังคบกันอยู่ไอ้คริสใช้รูปโปรที่มันกอดคอผมที่กำลังหน้าหวอๆส่วนมันชูสองนิ้วยิ้มแฉ่ง ไม่พอสเตตัสที่แท็คผมแต่อย่างทำให้ผมนี้ปรี้ดๆๆๆทันที -แฟนผมครับรักมากอ่ะคนนี้- -คริสถึงบ้านแล้วนะเปี๊ยก ไม่ต้องเป็นห่วง เดี้ยวจะไลน์ไปหานะครับ- -น้อยใจว่ะ อุตส่าห์ไลน์ไปหากลับบอกก็ไม่ตอบ พอโทรไปเปี๊ยกก็ไม่รับสายอีก แอบชักว่าวใช่ไหมเปี๊ยก!- ไอ้เหี้ยคริสสสสสสสสสสส อร๊ากกกกกกกกก ผมได้แต่กรีดร้องครวญครางในใจ เชี้ยมาก เชี้ยจริงๆ ที่มึงเอาโทรศัพท์กูไปกดนานเพราะแบบนี้ใช่ไหม เชี้ยเถอะ แม่งๆๆๆ ตอนนี้ผมเหมือนเจ้าเข้า โกรธจนตัวสั่นไปหมดเลยล่ะครับ แล้วก็กดไปดูตรงช่องข้อความก็เห็นว่ามีไอ้ตง ไอ้ปอ ไอ้เจส เข้ามาถามล่ะครับ แต่ผมไม่ได้กดเข้าไปตอบหรอก ผมต้องจัดการมันก่อน!!! ว่าแล้วผมก็นั่งลบแท็คที่มันแท็คผมครับ รวมถึงยกเลิกสถานะว่าผมคบกับมันด้วย ก่อนจะเข้าไปตั้งค่าการอนุมัติแท็คด้วยว่าต้องถามก่อนว่าอนุญาติให้แท็คหรือเปล่า จัดการเสร็จไอ้คริสก็โทรมา คราวนี้ผมกดรับครับ /นี้ เปี๊ยกลบแท็คทำไม/ “ลบดิแท็คบ้าบออะไรของมึงว่ะ กูเสียหายนะเว้ย ไอ้เชี้ยคริส กูไม่ได้ชักว่าวสักหน่อย!” /ฮ่าๆๆ อ้าวหรอ ไม่ได้ชักว่าวแล้วทำไรล่ะ ทำไมไม่ตอบไลน์กูอ่ะ กูโทรไปก็ไม่รับอีก/ “กูทำการบ้านอยู่ ไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกมาดูด้วย ตั้งสั่นอีกต่างหากเข้าใจม่ะ แต่ถึงกูจะตอบไม่ตอบก็สิทธิ์ของกู แต่มึงอ่ะไม่มีสิทธิ์จะไปโพสอะไรแบบนั้นแล้วเสือกแท็คกูนะเว้ย กูไม่ชอบ มึงจะก้าวก่ายเกินไปล่ะสัส” ด่ามันครับ หงุดหงิดโคตรๆ /ฮ่าๆๆ เอาน่า กูก็แค่แกล้งเล่นเฉยๆ/ “กูไม่ขำ! ไปลบสเตตัสเดี้ยวนี้ ถ้าไม่ลบ กูจะบล็อคเฟสมึง กูพูดจริงด้วย ถ้าเข้าไปยังเห็นอยู่กูบล็อคมึงแน่ไอ้คริส” /เออๆ ก็ได้ว่ะ แต่ทีหลังมึงก็ต้องตอบไลน์กูดิ กูโทรไปก็ต้องรับด้วย แฟร์ๆ เคป่ะ/ “เออ ก็ได้ว่ะ เร็วๆเลยมึงรีบไปลบเร็วๆเลย แค่นี้แหละ กูจะอ่านการ์ตูนต่อ อย่ารบกวนอีกล่ะ เข้าใจ๊?” /เออๆ กูกำลังนั่งไล่ลบในคอมอยู่เนี้ย แต่รูปโปรไฟล์กูไม่ลบนะเว้ย ถือว่าเป็นหนึ่งเรื่องที่คนเป็นแฟนควรจะทำ หึหึหึ/ “อะไรว่ะ มึงแม่งเอาแต่ใจตัวเองโคตรๆอ่ะ” ผมบ่น /เออ กูก็เป็นแบบนี้แหละ นี้กูเพิ่งคิดได้ว่าเราควรจะสร้างข้อตกลงในการเป็นแฟนกันนะ/ “อะไร ข้อตกลงอะไรอีกว่ะ” /ก็แบบ กูโทรไปมึงต้องรับทุกครั้งถ้าไม่รับกูจะไปทำโทษมึงเป็นต้น/ “เห้ยอะไรเนี้ย แล้วถ้ากูเรียนอยู่ล่ะหรือถ้ากูกำลังนอน กูไม่ว่างมารับโทรศัพท์มึงหรอกนะเว้ย ไม่ๆๆไม่ตกลงเด็ดขาดอ่ะ” (-3 -) /เออ มันก็จริง งั้นเอางี้คืนนี้นั่งคิดข้อตกลงในการเป็นแฟนครั้งนี้มาล่ะกัน คนล่ะห้าข้อโอเคไหมเปี๊ยก/ “ไม่เอา! ปัญญาอ่อน” /มึงแม่งไม่โรแมนติก รักวัยรุ่นใสๆเลยว่ะ/ “ห๊ะไรนะ งง” /ก็แบบมึงไม่เคยดูซีรี่ย์ญี่ปุ่นเกาหลีหรอวะ ที่เวลาเป็นแฟนกันเขาจะมีข้อตกลงกันอ่ะ ว่าห้ามนั่นนู่นนี้ ถ้าทำผิดจะโดนทำโทษแบบนั้นแบบนี้อ่ะ/ “โว้ย อย่างนั้นกูไม่เรียกว่าแฟน กูเรียกว่าคนบ้าอำนาจชอบบังคับคนอื่น” /เออ งั้นก็ช่างแม่ง ไม่มีข้อตกลงก็ได้/ /แล้วเจอกันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนนะ กูจะไปหามึงที่โรงเรียน รอกูด้วยล่ะ ถ้าไม่รอกูจะทำโทษมึงจริงๆด้วย/ ดูมันขู่สิครับ คนเป็นแฟนเขาทำกันแบบนี้หรอครับ ผมไม่เข้าใจจริงๆนะ “เออ งั้นแค่นี้แหละนะ” หมดธุระก็จะกดวางสายครับ /เห้ยยยย อย่าเพิ่งวางดิรีบวางไปไหนว่ะ/ ไอ้คริสรีบตะโกนเรียกครับ อะไรของมันนักหนา “ก็หมดธุระจะพูดแล้วไม่ใช่หรอก็จะวางไง ไม่รู้จะคุยอะไรด้วยแล้ว” ผมบอก /คนเป็นแฟนกันเขาก็ต้องคุยกันได้ทุกเรื่องดิว่ะเล่าเรื่องที่ไปเจอมาของแต่ล่ะคนไรงี้” “ไหนมึงยกตัวอย่างมาสักเรื่องดิ” ผมถามมัน /ก็วันนี้เปี๊ยกไปทำอะไรมาบ้าง/ “เอ้า ถามไมเนี้ย ก็เจอมึงทะเลาะกับมึงไปทวงของที่ถวายพระไปแล้วกับมึงบลาๆๆๆไง บ้าป่ะ” (--*) /เออว่ะ แต่เอาก่อนหน้าที่จะเจอกูดิ กูอยากรู้/ “อยากรู้เพื่อ? ไม่เอาอ่ะ กูขี้เกียจเล่า กูจะรีบอ่านการ์ตูนแล้วก็รีบนอนด้วย” ผมบอกไปเอนหลังลงไปกับที่นอนด้วยยิ่งอยากหลับครับ /มึงนี้ไม่มีความโรแมนติกเลยจริงๆ แฟนคนไหนๆของกูเขาก็อยากคุยกับกูทั้งวันทั้งคืนทั้งนั้นแหละจะบอกให้/ “เหอะ ใช่เรื่องที่กูต้องรู้ไหมล่ะ ไม่มีอะไรแล้วกูวางจริงๆแล้วนะ” /เห้ยยยย เดี้ยวๆ บอกฝันดีกูก่อนดิว่ะ นะๆ/ ไอ้คริสมันทำเสียงอ้อนครับ เป็นครั้งแรกที่มันทำให้ผมรู้สึกขนลุกจริงๆ ผู้ชายตัวควายๆอย่างมันมาทำเสียงอ้อนเนี้ย “อะไรของมึง บ้าป่าว ไม่เอาด้วยหรอก ขนลุกว่ะ” ผมบอกพร้อมขนลุกชันจริงๆ /ไม่มึงต้องบอกกูไม่งั้นกูจะโทรมากวนมึงทุกนาทีเลยจริงๆ เร็วบอกมา มึงพูดช้ากูก็ไปลบตัสช้านะเว้ย/ แมร่งๆๆๆดูมันขู่ผมสิครับ “เออๆ ฝันดี แค่นี้นะ ไอ้บ้า” ผมบอกฝันดีส่งๆ รู้สึกร้อนๆที่หน้า หน้าร้อนประเทศไทยนี้ร้อนจริงๆนะครับถึงจะกลางคืนแล้วก็เหอะ /ฮ่าๆๆ พูดง่ายแบบนี้รักตายเลยว่ะ ฝันดีนะเปี๊ยก ระวังฝันเปียกล่ะคืนนี้ ฮ่าๆๆ/ “ไอ้.” /ตู้ดๆๆๆๆ/ กะจะด่ามันกลับสักหน่อยแต่มันก็ดันตัดสายไปก่อน และแน่นอนว่าผมไม่โทรกลับไปหามันหรอก เปลืองตังค์ครับ แต่น่าแปลกที่ผมนี้แหละที่ยังมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่ รู้สึกแปลกๆนะครับ มันเป็นครั้งแรกด้วยล่ะมั้งที่มาทำอะไรแบบนี้อ่ะ ปกติ ผมก็กลับบ้านนอนไม่ก็ทำการบ้านอ่านหนังสือการ์ตูนอะไรก็ว่าไป ไม่เคยมีหรอกครับที่ใครจะโทรมาคุยกันนานๆแบบนี้ ก๊อกๆๆ “ปิ่นปิ๊น นอนรึยัง” เสียงพี่ปูนดังขึ้นจนผมหลุดออกจากความคิด “ยังไม่นอนคร้าบ...วันนี้กลับดึกจัง” ผมพูดแล้วเดินไปเปิดประตูให้ปูนปู๊น “ปิ่นปิ๊น พี่จะไม่อ้อมค้อมนะ ในเฟสบุคมันขึ้นว่าปิ่นปิ๊นคบกับผู้ชายอีกคนหนึ่งนั้นเรื่องจริงหรอ? หรือว่าโดนเพื่อนแกล้ง บอกพี่หน่อย” พี่ปูนถามสีหน้าเคร่งเครียดนั้นทำให้ผมรู้สึกแย่ขึ้นมานิดๆนะ เพราะปกติพี่ปูนจะแทบไม่เคยดุหรือโมโหใส่ผมเลย พี่ปูนเป็นคนมีเหตุผลครับมีเรื่องอะไรก็จะพูดกันดีๆตลอด อาจเพราะเรามีกันอยู่สองพี่น้องด้วยล่ะครับ “คือเรื่องมันยาวอ่ะปูนปู๊น...” ผมเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง “ยาวแค่ไหนพี่ก็จะฟัง ปิ่นปิ๊นเป็นน้องชายคนเดียวของพี่นะ เราไม่ควรมีเรื่องปิดบังกันไม่ใช่หรอ” พี่ปูนพูดขึ้นอีกแต่เสียงเย็นลงกว่าเดิมหน่อย (เอ๊ะยังไง งง) “....” คือผมไม่รู้จะอธิบายเรื่องบ้าบอที่เกิดขึ้นนี้ให้พี่ปูนฟังยังไงอ่ะครับ อายก็อาย ทุเรศก็ทุเรศ “ปิ่นปิ๊น ไม่ปฏิเสธแสดงว่าเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?” “....” อยากปฏิเสธนะแต่ไม่รู้จะพูดยังไง ตอนนี้ที่ทำได้ก็คือก้มหน้าอย่างเดียว “ปิ่นปิ๊น...” “....” “พี่ก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน” “ห๊ะ!?!?” ------------------ เราตั้งใจให้คริสกับปิ๊นเป็นวัยรุ่นทั่วไป ที่มีความคิดเด็กๆอยากทำอะไรก็ทำ ไม่คิดหน้าคิดหลัง คริสก็จะคิดว่าสิ่งที่ทำมันเจ๋งมากในตอนนั้น ส่วนปิ๊นก็ไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย อยู่ๆมาเจอคนแบบคริสที่เป็นผู้ชายด้วยกัน ยิ่งมีความต่อต้านไปใหญ่ ของอย่างนี้ต้องใช้เวลาเนอะ :-[ ขอบคุณทุกคนที่ยังมาอ่านมาเม้น. ไม่ทิ้งกันไปไหนน้า เราอ่านทุกเม้นแล้วมีความสุขและดีใจมากๆเลย :mew1: เราอัพจากโทรศัพท์อาจมีแบ่งย่อหน้าแปลกๆไปนิดนะ
ซะอย่างนั้นนะพี่ปู๊น
อ้าววววว พี่ปูนมีแฟนตัดหน้าน้องๆได้ไง :ling1:
o18 มือใหม่หัดเป็นแฟน
ตอนที่ 6 เรื่องของพี่ปูน “พี่ก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน” “ห๊ะ!?!?” “พ..พี่..พี่ปูนปู๊นมีแฟนเป็นผู้ชายหรอ ใคร มันเป็นใคร ตั้งแต่เมื่อไร ตอนไหน ยังไง ตอบบบบบบ” ผมพูดรัวพลางเขย่าแขนพี่ปูนปู๊น ตกใจก็ตกใจนะแต่ความเสือกมาเต็มกว่าเยอะ “จ..ใจเย็นๆปิ๊น ปิ๊นต้องตอบเรื่องที่พี่ถามมาก่อนนะ ไม่งั้นพี่ก็ไม่บอกหรอกนะ” “ไม่เอาอะ พี่ปูนต้องตอบปิ๊นมาก่อน นี้โกรธจริงๆนะ ทำไมไม่บอกอะไรปิ๊นบ้างเลย!” ผมตะคอกไป เคืองครับเคืองบอกว่าเป็นพี่น้องไม่ควรมีความลับต่อกัน แต่ไหงตัวเองกลับทำเองซะงั้นอ่ะ “ปิ๊น....รังเกียจพี่หรอ” พี่ปูนพูดเสียงเบา หน้าเริ่มซึม “เห้ยยยยย อย่าร้องไห้นะ ปิ๊นไม่ได้รังเกียจเว้ย แต่ปิ๊นโกรธอ่ะ เคืองอ่ะ ทำไมมีไรไม่บอกกันเลย ถ้าไม่มีเรื่องนี้ พี่ปูนคิดจะบอกปิ๊นตอนไหนหรอวะ” “พี่ขอโทษ ก็พี่กลัวปิ๊นรังเกียจพี่อะ กลัวจะไม่ใช่ฮีโร่ของปิ๊นอีก” พี่ปูนพูดเสร็จก็ก้มหน้า น้ำตาร่วง เผาะๆ เดือดร้อนไอ้น้องอย่างผมต้องโผเข้ากอดปลอบอีก “อย่าร้องดิวะ จริงอยู่ว่าปิ๊นตกใจ แต่ปูนเป็นพี่ชายคนเดียวของปิ๊นนะ ยังไงก็เกลียดไม่ลงหรอก” พูดไปก็กอดไป พี่ปูนตัวนิ่มและขาวมากครับ นุ่มน่ากอดเลยทีเดียว “อืม ขอบคุณนะปิ๊น” “ถ้าอยากให้น้องหายโกรธก็เล่าเรื่องของพี่มาให้หมดตั้งแต่เริ่มเลยนะ ไม่งั้นเคืองจริงๆด้วย” “ก็ได้....” แล้วพี่ปูนก็เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น สรุปได้ว่า แฟนพี่ปูนชื่อพี่เอกเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย พี่เอกจีบพี่ปูนตั้งแต่พี่ปูนอยู่ม.6 แล้วพี่เอกมาแนะนำน้องเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยให้ฟังในงานที่โรงเรียนจัดขึ้น ซึ่งจะมีรุ่นพี่จากหลายมหาวิทยาลัยมาแนะนำรุ่นน้อง แต่พี่ปูนก็ยังไม่เล่นด้วยหรอกครับ คิดว่าพี่เอกคงแค่เล่นๆ แต่พี่เอกก็ยังตามจีบพี่ปูนแถมตามดูแลตามโอกาสที่เอื้ออำนวยจนกระทั่งพี่ปูนเข้ามหาวิทยาลัยพี่เอกก็ยังไม่เลิกตามจีบ ยังคอยดูแลพี่ปูนเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด ซึ่งหายากมากนะในยุคนี้ที่จะมีคนที่ยังรักใครรักจริงตามตื้อเป็นปีๆได้ขนาดนี้ พี่ปูนเลยลองให้โอกาศพี่เอกดูสักครั้ง แล้วพี่เอกก็ยังไม่เคยทำให้พี่ปูนต้องเสียใจเลยสักครั้งเดียว จนพี่ปูนก็รักพี่เอกเข้าเต็มหัวใจแล้วเหมือนกัน “เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละปิ๊น...อ้าวหลับแล้วหรอปิ๊น ปิ๊น” พี่เรียกชื่อผมพร้อมเขย่า ดูจนแน่ใจว่าผมหลับก็จัดท่าจัดทางให้ผมนอนดีๆก่อนจะห่มผ้าให้แล้วปิดไฟเดินออกไป.... O_O ผมก็ลืมตาขึ้นทันที เมื่อกี้แค่แสดงอะครับ ฮ่าๆๆ ก็ยังไม่รู้จะตอบเรื่องของผมยังไงเลยเนียนทำเป็นหลับไปก่อน มาคิดๆดูพี่ผมนี้ก็ใจแข็งเหมือนกันนะครับ โดนตามจีบเป็นปียังไม่ยอมเป็นแฟนอีก เป็นผมไม่ได้ตอบตกลงแมร่ง ฮ่าๆๆๆ ชะอุ๊ย เข้าตัววะ --* แต่พี่ปูนก็ยังโชคดีนะที่มีเวลาดูใจก่อนจะตกลงเป็นแฟนตั้งเป็นปี แล้วดูผมดิ ไอ้บ้าคริสมัดมือชกบังคับให้เป็นแฟนมันอย่างหนีไม่ได้ ผมล่ะเซงเป็ด เฮ้อออออ จะเอายังไงกับมันต่อไปดีว่ะ จะหาหนังสือเจอไหม แล้วต้องทนเป็นแฟนมันถึง 6 เดือนจริงหรอ มีความคิดหลากหลายพุ่งเข้ามาเต็มไปหมดในสมองน้อยๆของผม “เฮ้อ นอนดีกว่าเว้ยคิดไปก็ปวดหัว” 15.25 น. 15.26 น. 15.27 น. 15.28 น. 15.29 น. 15.30 น. !!! ออดดดดดดดดดดดดดดด เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนสักที เยสสสสส ผมรีบกวาดทุกอย่างลงกระเป๋านักเรียนเตรียมพร้อมพุ่งออกจากห้องทันที “นักเรียนทำความเคารพ” “ขอบคุณครับ/ค่ะ” นั่งรอแป๊บนึงจนครูเดินออกไปผมก็พุ่งออกจากห้องทันที “เห้ย ไอ้ปิ๊นรีบไปไหนของมึงวะ” ไอ้เจสตะโกนถามตามหลัง “กูมีธุระ เจอกันวันจันทร์นะโว้ย” ผมหันหลังไปบอกก่อนจะรีบวิ่งออก เหตุผลที่รีบออกจากโรงเรียนก็ไม่พ้นไอ้บ้าคริสนั่นแหละครับ ผมยังไม่พร้อมเผชิญหน้ามันกะชิ่งหลบหน้าก่อน วันนี้เป็นวันศุกร์ถ้าหลบพ้นก็ไม่ต้องเจอมันจนกว่าจะวันจันทร์เลยนะ ผมออกตรงเวลาเป๊ะขนาดนี้ ไอ้คริสมันคงยังไม่มารอหน้าโรงเรียนอย่างที่บอกไว้หรอกมั้ง ถึงมันจะบอกให้ผมรอแต่แน่นอนครับว่าใครจะบ้ารอมันล่ะ ผมหลบๆซ่อนๆมองไปทางหน้าโรงเรียน มองหาไอ้บ้านั่นว่ามารอรึยัง ถ้าเห็นมันยืนอยู่หน้าโรงเรียนผมก็คิดว่าจะไปออกทางหลังโรงเรียนแทน แม้ว่ามันจะไกลมากก็ตามแต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องพบเจอไอ้บ้านั่นผมยอมครับ มองจนแน่ใจว่าไอ้คริสคงยังมาไม่ถึงแน่ๆ คราวนี้ก็เดินออกจากโรงเรียนอย่างสบายใจสิครับ โฮะๆๆๆ “ไงเปี๊ยก ออกมาช้าจังวะกูยืนรอมึงนานแล้วเนี้ย” เสียงคุ้นๆพูดเสร็จก่อนจะเอาแขนมารัดคอผมดึงไปชิดตัวมัน ไอ้บ้าคริส! “เห้ย! มาได้ไงวะ มึงมาทันได้ไงอ่ะ” 0o0 “กูกลัวมึงจะหลบหน้ากู เลยโดดเรียนมาดักรอมึงเนี้ย มึงแม่งก็ออกมาช้าชิบหาย” ไอ้คริสบ่นพลางทำหน้างอน? “ช้าไรวะ กูรีบพุ่งออกมาทันทีหลังจากเสียงออดดังเลยเนี้ยยยย” ผมว่าผมไวแล้วนะ แต่ไม่คิดว่าไอ้คริสจะลงทุนโดดโรงเรียนมารอดักผมแบบนี้อะ “โห นี้มึงอยากเจอกูมากถึงขนาดรีบวิ่งออกมาเลยหรอ ดีใจวะ ทำตัวน่ารักแบบนี้กูรักตายเลย” ^o^ “-_- เอาที่มึงสบายใจเลย ไอ้บ้า” “ฮ่าๆๆๆๆๆ ยอมรับสินะ ไปๆ เดี้ยวเสี่ยคริสจะเลี้ยงขนมหนูเปี๊ยกนะอีหนู อยากกินอะไรบอกมาเลย แต่อย่าเกิน 20 บาทนะมึง เปลือง” มันพูดไปพลางลากคอผมเดินไปด้วย ถุย! แล้วพูดเริ่มต้นซะดิบดี -_- “มึงเก็บ 20 บาท ของมึงไว้เหอะ ยังไม่พอซื้อน้ำปั่นแก้วเดียวด้วยซ้ำ” “เออ ตามใจมึง งั้นกูจะเอาไปหยอดน้องเคโระแล้วกัน” “ใครวะ น้องเคโระ?” “เคโรโระไงมั้ง กบเขียวอ่ะ มันเป็นกระปุกออมสินเว้ย นี้นะที่บ้านกูมีครบทุกตัวเลยนะเว้ย เคโรโระ ทามามะ บลาๆๆๆ” แล้วผมก็ปล่อยให้ไอ้คริสพล่ามเรื่องเหล่าตุ๊กตาน้อยน่ารักของมันไป จะบอกให้มันหยุดพูดก็สงสารเพราะหน้าตาตอนมันเล่าเกี่ยวกับคอลเลคชั่นตุ๊กตาดูมีความสุขมากกกกก เอาที่มึงสบายใจเลย . . . “มึง ถึงบ้านกูแล้วอะ กลับไปได้แล้ว” ผมบอกทันทีที่เดินถึงหน้าบ้านผม “อ้าวหรอ ถึงเร็วจังว่ะกำลังคุยกับมึงเพลินๆเลยอ่ะ” ไอ้คริสทำหน้าเซง “จ่ะ เพลินคุยกันเพลินมากกกกกก” ได้ข่าวว่ามันคุยของมันคนเดียวตลอดทางนะ “ใช่ไหมละ กูก็ว่ามันเพลินจริงๆอะ” กูพูดประชดเฟ้ย ไอ้บ้านี้ มึนจริง “เออ กลับไปได้แล้วโว้ย ไป๊ ชิวๆๆๆ” ผมยกแขนมันออก แล้วทำท่าไล่หมา “จิ๊ รีบไล่กูจัง กูยังคุยกับมึงไปแป๊บเดียวเองนะ” “เรื่องของมึงโว้ย กูจะเข้าบ้านแล้ว” “มึงมันใจร้าย ใจดำ กูอุตส่าห์โดดเรียนวิชาอาจารย์อลิซาเบท อาจารย์ที่โหดที่สุดของโรงเรียนเพื่อมาเจอมึง อุตส่าห์ปีนรั้วโรงเรียนที่สูงหลายเมตร อุตส่าห์จ้างพวกเด็กม.2 คนละตั้ง 5 บาท เพื่อให้ช่วยยกขาดันตูดให้กูพ้นจากรั้วโรงเรียน อุตส่าห์ไปตากแดดรอรถเมล์ฟรีเพื่อจะเอาตังค์ค่ารถเมล์มาเลี้ยงขนมมึง อุตส่าห์..” “โอเค พอ หยุดพูดได้แล้ว กูซึ้งใจในความพยายามของมึงมาก ไปนั่งกินบิงซูในร้านข้างๆก่อนก็ได้ว่ะ กูเลี้ยงเอง” พูดเสร็จผมก็จับมือมันลากเข้าร้านบิงซูที่เปิดใกล้ๆบ้านผม ก่อนจะอายสายตาประชาชนมากไปกว่านี้ ทำไมป๊าต้องมาซื้อตึกที่ติดถนนใหญ่ด้วยว่ะ ไฟแดงทีแม่งมองกันเป็นแถว ไอ้คริสก็ตัดพ้ออย่างไม่อาย แต่ผมนี้อ๊ายอาย เหมือนผมไปซั่มมันแล้วทิ้งแล้วมันก็มายืนพูดตัดพอผมว่าไม่รับผิดชอบได้แล้วทิ้งอะไรประมาณนั้น “^_^ ใจดีจัง เลี้ยงกูด้วย” “เออ!” “รับอะไรดีคะ” พนักงานเข้ามายื่นเมนูขนมให้ทันทีที่พวกผมนั่งลง โดยผมเลือกนั่งมุมในสุด เพราะกลัวพวกเพื่อนในห้องจะเห็นนะครับ ขี้เกียจตอบคำถาม “มึงอยากกินไร เลือกเอา แต่กูไม่กินแคนตาลูปนะ ที่เหลือได้หมด” ผมส่งเมนูให้มัน ผมกินง่ายอยู่ง่ายครับแต่กับอะไรที่ไม่ชอบก็จะไม่กิน “มึงชอบกินชอคโกแลตไหม?” “อืมก็กินได้นะ สั่งดิ” ผมตอบ “โอเค งั้นเอาบิงซูสตรอเบอร์รี่ครับ อันนี้อะ” ไอ้คริสพูดแล้วชี้ไปที่รูป แล้วมึงจะถามว่ากูชอบกินชอคโกแลตทำเพื่อ????? “คุณลูกค้ารอสักครู่นะคะ” พนักงานรับเมนูแล้วก็เดินจากไป ผมก็หลับตาเอนหลังพิงไปกับโซฟาตัวนิ่มอย่างอ่อนล้า อยู่กับมันไม่ถึงชั่วโมง ทำผมสูญเสียพลังงานชิบหาย” “เออ กูมีของมาให้มึงด้วยนะเว้ย” “.....” ช่วยเงียบสัก 5 นาทีได้ไหมว่ะ “เห้ย มึงลืมตาดิ ตื่นๆๆ มาดูก่อน” ไอ้คริสเรียกแล้วเขย่ามือผมแรง “อะไรวะ?” ผมลืมตามองมันอย่างหงุดหงิด จริงๆตอนนี้ควรจะเป็นเวลานอนตอนเย็นของผมแล้ว ง่วงชิบ “เคสโทรศัพท์คู่ กูเห็นมึงใช้รุ่นเดียวกับกูเลยซื้อมา เอาโทรศัพท์มึงมาเลยเดี้ยวกูเปลี่ยนให้” “อะไรรรรร ไม่เอาไม่ต้อง กูไม่ใช้เว้ย” “ไม่ได้ คนเป็นแฟนกันก็ต้องใช้ของคู่กันสิว่ะ กูเห็นเพื่อนๆกูก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นอ่ะ” “แล้วแฟนเพื่อนมึงเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” “ผู้หญิง” “นั่นไง แต่กูนี้ผู้ชายเว้ย ไม่ใช้ของคู่กันเด็ดขาดอ่ะ!” “ต้องใช้ เพราะถ้ามึงไม่ใช้กูจะไปแจ้งความว่ามึงขโมยหนังสือกู ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ!” มึงพูดแล้วมองหน้าผมนิ่ง ผมก็จ้องมันกลับไปอย่างไม่ยอม กลายเป็นเหมือนตอนนี้เราเล่นเกมแข่งกันใครกระพริบตาก่อนคนนั้นแพ้ “แก คู่นี้น่ารักอะ จ้องตากันหวานเชียว” “ใช่ๆๆ แอร๊ย ฟินอะแก” ห่ะ เสียงผู้หญิงที่ไหนซุบซิบกัน อยากหันไปมองมากเลย ถ้าไม่ติดว่ากลัวแพ้มัน “แกว่าใครเคะ ใครเมะ” “ฉันว่ากางเกงน้ำเงินเมะนะ ส่วนกางเกงดำก็เคะว่ะแก” “เออคิดเหมือนฉันเลยอะ กางเกงน้ำเงินหล่อมากกกก” “กางเกงดำก็น่ารักนะเว้ย แอร๊ย” ผมพยายามจะคิดว่าพวกผู้หญิงกลุ่มนั้นไม่ได้พูดถึงผมหรอก แต่ทำไมไอ้คนตรงหน้าต้องยกยิ้มมุมปากด้วยว่ะ! “มึงแพ้ มึงกระพริบตาแล้ว” “ห๊ะ?” ผมงงตกลงกันตอนไหนว่ะว่าแข่งกัน -_-? “เอาโทรศัพท์มึงมาเร็วๆเลย” “อะไรว่ะ แม่ง” ผมบ่น ไอ้คริสไม่พูดอะไร แต่แบมือรอเอาโทรศัพท์ผม ผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้มันไปอย่างรำคาญ ไอ้คริสรับไปแล้วรีบใส่เคสยิ้มอย่างพอใจ “เป็นไงมึงน่ารักเนอะ” ไอ้คริสชูโทรศัพท์ของผมและของผมคู่กันมันเป็นลายกราฟฟิกครับ ถ้าเอามาวางติดกันจะเป็นรูปต้นไม้อาร์ตๆ ผมละสงสัยจริงๆว่ามันไปหามาจากไหน แต่ก็เท่ดี ผมจะคิดซะว่ามันไม่ใช่เคสคู่ก็แล้วกัน รอไม่นานพนักงานก็เอาบิงซูมาเสิร์ฟครับ ทั้งผมและมันก็พากันจ้วงตักกินอย่างหิวโหย อร่อยดีครับ อากาศร้อนแบบนี้ได้กินอะไรเย็นๆก็ชื่นใจ สตรอเบอร์รี่ก็หวานๆเปรี้ยวๆกำลังดีสดชื่นครับ “อ้าวไอ้ปิ๊น มากินบิงซูกับใครว่ะ?” พรวดดด! “แค่กๆๆๆ” สำลักกบิงซูจนน้ำหูน้ำตาไหลเลยครับ ใครมาว่ะ คนในห้องหรอ “ใจเย็นๆเว้ย” หันไปมองก็เป็นไอ้ตงครับ มันลูบหลังผมเบาๆ จนดีขึ้นก็ส่งน้ำให้ดื่ม แม่ง ตกใจหมดนึกว่าคนในห้อง เฮ้อ รับน้ำมาดื่มไปไอ้ตงก็ลูบหลังผมไป แต่ทำไมจู่ผมถึงขนลุกซู่ก็ไม่รู้ครับ หันไปมองคนข้างหน้าก็พบกับสายตาที่เหมือนมีไฟฟ้าไหลผ่านอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียง เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ “พอแล้วๆไอ้ตง มึงไปนั่งข้างๆกูไป” ก็ไม่รู้ว่าผมจะร้อนตัวอะไร แต่สัญชาตญาณมันบอกว่า ถ้ายังไม่แยกที่แม่งหมี่เหลืองแน่นอน! “แล้วตกลงนี้ใครว่ะ แฟนมึงหรอ?” พรวดดด สำลักอีกรอบครับ โอยยยยยแสบคอแสบจมูกไปหมดแล้ว “หึหึหึ” ไอ้คริสยิ้มแล้วครับ ดูเหมือนมันจะพึงพอใจมาก “ก็คนที่กูเล่าให้มึงฟังอะ” ผมตอบไอ้ตงมัน “อ๋อออออออ กูจำได้แล้ว โห ตัวจริงหล่อกว่าในเฟสบุคอีกนะ บุญของมึงแล้วไอ้ลูกหมาได้แฟนเป็นเทพบุตรเนี้ย ดีใจด้วยๆๆ” ไอ้ตงทำท่าตื่นแล้วจับมือผมเขย่าอย่างกวนตรีนมากมาย “ซาตานสิไม่ว่า มึงไม่ต้องมาแกล้งล้อกูเลย” ผมสะบัดมือออกจากไอ้ตง “ฮ่าๆๆๆๆ ฝากดูแลเพื่อนกูหน่อยนะ ไอ้ลูกหมามันขี้งอนไปหน่อยแต่มันก็โง่ด้วยนะเว้ย” ไอ้ตงหันไปบอกสรรพคุณผมให้ไอ้คริสฟัง “ได้ดิ จะดูแลให้อย่างดีเลย” ไอ้คริสพลางทำหน้ากระหยิ้มกระย่องใส่ผม “เออ เจอมึงก็ดีเลย วันอาทิตย์อย่าลืมนะเว้ย ออกสัก 9 โมงเช้า นั่งรถตู้ไปถึงดรีมเวิลด์น่าจะ 10 โมงเช้าพอดี จะได้เล่นทั้งวันให้คุ้มค่าตั๋ว อย่าเลทๆ” ไอ้ตงที่ตอนนี้เนียนหยิบช้อนผมไปตักบังซูกินอย่างเอร็ดอร่อย พูดนัดวันเวลาที่จะไปเที่ยวกัน “เออๆ กูไม่เลทหรอกน่า” ผม “จะไปเที่ยวทำไมไม่เห็นบอกกูมั้งเลย” ไอ้คริสพูด “ก็จะไปเที่ยวกับเพื่อนเว้ย คนนอกไม่เกี่ยว” ผมเน้นคำว่าคนนอกตอกย้ำสถานะมัน “กูเป็นแฟนมึง กูจะไปด้วย” “ไม่ให้ไป” “จะไป” “ไม่ให้ไป” “จะไป” “ไม่..” “ตงถ้าให้กูไปด้วย กูจะขับรถพาไปส่งถึงที่แล้วพากลับถึงบ้าน” ไอ้คริสหันขวับไปพูดกับไอ้ตง “งั้นไปด้วยกันเลยเพื่อนนนน ห่าปิ๊นอย่าทำใจแคบดิว่ะ ไปเที่ยวด้วยกันพัฒนาความสัมพันธ์ไงมึง ไอ้คริสอุตส่าห์จะขับรถพาไปเลยนะเว้ย มีแต่ได้กับได้” “ไอ้ตง ไอ้กิ้งก่าเปลี่ยนสี!” “ฮ่าๆๆ งั้นตามนี้นะ แต่ค่าตั๋วเข้ามึงซื้อเองนะเว้ยกูมีตั๋วฟรีแค่ 2 ใบ ไปละ บาย” ไอ้ตงพูดเสร็จชิ่งออกจากร้านทันที ไอ้เพื่อนชั่วขายเพื่อนไม่พอ แดกบิงซูกูหมดเกลี้ยง! “วันอาทิตย์นี้กูต้องสนุกมากแน่ๆเลยวะ” ^_^ -------------------- จะสนุกหรือจะวุ่นวายกันแน่ :laugh: :laugh: :laugh: ขอบคุณทุกคอมเมนต์จ้า :กอด1: :hao5: อัพผ่านโทรศัพท์อาจแปลกๆไปหน่อย พยายามจัดหน้าแล้วจริงๆ
ตอนที่ 7 บ้านผีสิง ณ สวนสนุก แล้ววันอาทิตย์ที่สุดเซงก็มาถึง เมื่อเช้าไอ้คริสขับรถมารับผมตรงเวลาเป๊ะ ไอ้ตงนี้ลั้นลามากพอเห็นไอ้คริสขับซีวิครุ่นใหม่มาจอดรับ แทบกระโดดพุ่งเข้าทางหน้าต่างรถเลยทีเดียว ตอนแรกผมจะนั่งเบาะหลังกับไอ้ตงแต่ไอ้คริสดันกวนตรีนไม่ยอมออกรถ ผมต้องไปนั่งข้างกับมันเท่านั้น เรื่องมากฉิบหาย แถมไอ้ตงยังไล่ผมให้ไปนั่งข้างหน้าเร็วๆ ผมละสับสนตกลงไอ้ตงนี้เพื่อนใครกันแน่ .\/. จากนั้นก็พากันขับหาทางมาถึงสวนสนุกนี้แหละครับ แต่กว่าจะมาถึงได้ผมนี้อยากจะบ้าตาย! ย้อนไป 2 ชั่วโมงก่อนหน้า หลังจากที่ออกรถปุ๊บ ไอ้คริสก็ขับไปเรื่อยๆ..... “เห้ย ไอ้คริสทำไมมึงไม่เลี้ยวยูเทิร์นกลับรถสักทีวะ ผ่านมา 2 ยูเทิร์นแล้วนะเว้ย” ไอ้ตงเอ่ยทัก ผมเลยเงยหน้าจากโทรศัพท์หันไปมองตาม “อ้าว ต้องยูเทิร์นด้วยหรอวะ" “เอ้า ไอ้นี้ทางนี้มันใช่ทางไปซะเมื่อไรเล่า ต้องยูเทิร์นกลับแล้วขับออกไปนอกกรุงเทพนู่นน” “นี้มึงขับไปถูกหรือเปล่าเนี้ยไอ้คริส” ผมถาม “อ่อ..เออถูกดิวะ แหมกูขับเพลินไปหน่อย เดี้ยวยูเทิร์นข้างหน้านี้แหละ” ไอ้คริสตอบ ก่อนจะตบไฟเลี้ยวเตรียมยูเทิร์น . . “เห้ย ทำไมมึงไม่ขึ้นทางด่วนว่ะจะได้ไวๆ” “อ้าวหรอ ไม่รู้อะ แหะๆ” “โอยยย กูจะถึงชาติไหนวะเนี้ย รถก็ติดแม่ง” ผมบ่น “เอาน่า ใจเย็นดิมึง ดีซะอีกมึงกับกูจะได้ใกล้ชิดกันนานๆไง ฮ่าๆๆ” “ฮิ้วววววววว” ดูความกวนตรีนของพวกมันสิครับ อยากจะเอามือโบกให้หายเซงเหลือเกิน รู้งี้ไม่น่าเห็นแก่บัตรฟรียอมมากับพวกมันเลย “หุบปาก!” “อุ๊บ” -x- -x- . . “เห้ยยยย ไอ้คริสทำไมมึงไม่ขึ้นวงเวียนกลับรถเล่า จะขับเลยทำไม!” ไอ้ตงตะโกน “อ้าวหรอ ก..กูลืม” “ไอ้คริส มึงเคยขับไปดรีมเวิลด์ไหมเนี้ย” ผมถามเพราะรู้ว่ามันทะแม่งๆ “......ครั้งนี้ ครั้งแรก” มันพูดเสียงเบา “กูว่าแล้วววว ไอ้บ้านี้ ไม่เคยขับมาก็ไม่บอกจะได้เปิดจีพีเอส” ผมว่ามันแทบจะเอามือบีบคอ “ก็กูไม่กล้าบอกนี้หว่า เดี้ยวไม่เท่” ดูเหตุผลมันสิครับ น่าถีบให้ร่วงจริงๆ “เออโคตรไม่เท่เลย ไอ้บ้า” “มึงกลับรถเร็วๆเลย แล้วขับตามทางที่กูบอก” คราวนี้ไอ้ตงเป็นคนพูดครับ แล้วก็คอยบอกทางมาตลอด ผมนี้ลุ้นเหลือเกินว่าวันนี้จะขับถึงไหม เหอๆ สรุปกว่าจะถึงก็ปาไป 11 โมงเช้าครับ -_- “เริ่มเล่นอะไรก่อนดีว่ะ ไวกิ้งไหม” “เออๆ เอาดิไปๆๆ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้ตง ผมเป็นคนชอบเล่นเครื่องเล่นมากครับ มันตื่นเต้นดี แล้วจากนั้นเราก็พากันเล่นมันทุกอย่างเลยครับ สนุกมากๆ ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปแทบหมด หัวเราะเสียงดังสะใจทุกครั้งที่เห็นไอ้ตงกับไอ้คริสร้องโหยหวนเวลาเล่นเครื่องที่มันโหดๆ ตลกหน้าพวกมันโคตรๆ ทำหน้าอย่างฮา “อ๊ากกกกกกกกก เอากูลงไปเดี้ยวนี้ กูจะอ้วกแล้ววว” “อ๊ากกกกกกก หยุดตีลังกาสักที!!!” “ฮ่าๆๆๆๆ” แต่ถึงอย่างนั้นผมก็หาได้เห็นใจพวกมันไม่ พาเล่นหลายเครื่องต่อจนเริ่มหมดแรง เราก็หาอะไรง่ายๆทานกัน ผมเลี้ยงพวกมันอีกแล้วครับ สงสารหน้าซีดเป็นไก่ต้มกันทั้งคู่ “ไอ้ลูกหมาแม่งแบ๊วแต่หน้า เล็กแต่ตัวว่ะ กูไม่เห็นมึงจะกรี้ดกลัวอะไรสักอย่าง นับถือๆ” ไอ้ตงพูดขึ้น พร้อมกับกินข้าวอย่างหิวโหย “แน่นอน นี้ปิ่นปิ๊นนะเว้ย ไม่เคยกลัวอะไรในโลกใบนี้เว้ย!” ผมยืดอกพูดอย่างภูมิใจ “ยกเว้น ผี!” ไอ้ตงขัด “เออ สงวนไว้เรื่องเดียวเว้ย” ยอมรับอย่างเสียไม่ได้ “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” แล้วพวกมันสองคนก็พากันรุมหัวเราะผมซะงั้น “ตง ใช่ป่ะ” แล้วเสียงเล็กๆก็เอ่ยทักขึ้นด้านหลัง หันไปมองก็พบกับสาวน้อยน่ารัก ผิวขาววิ๊งค์มากครับ “อ้าว บลิงค์มาเที่ยวหรอ” ไอ้ตงตอบไป สงสัยคงเป็นเพื่อนกัน “อืม เรามาถ่ายรูปเล่นคนเดียว จริงๆนัดเพื่อนไว้แต่นางดันเบี้ยวนัดอะ” โถ น่าสงสารให้ปิ่นปิ๊นเดินเป็นเพื่อนไหมคร้าบ ^_^ “อ้าวหรอ เฮ้ย แต่เราว่างนะเดี๋ยวไปเดินถ่ายรูปให้เอาไหม” หือ ใครพูดตัดหน้ากูว่ะ กำลังจะอ้าปากพูดอยู่เลยเชียว! “จริงหรอตง ดีใจจัง แล้วเพื่อนตงไม่ว่าอะไรหรอ” โถ แม่นางฟ้ายังจะห่วงผมอีก ขนาดเพิ่งเห็นหน้ากันแท้ๆ “เออ ลืมแนะนำเลยนี้เพื่อนเรา ไอ้หล่อๆนี้ไอ้คริส ไอ้เตี้ยนั่นไอ้ปิ๊น มัน 2 คนไม่ว่าอะไรหรอก ดีใจสิไม่ว่าไม่มี กอ ขอ คอ ใช่ไหมไอ้คริส” พูดเสร็จหันไปยักคิ้วให้ไอ้บ้าคริสอย่างรู้ความหมาย “รู้ใจมากเพื่อน” แล้วพวกมันสองคนก็ชนกำปั้นกันแบบเท่ซะเต็มประดา ถุยยย สรุปมึงเพื่อนไอ้คริสใช่ไหมไอ้ตงฉิน! “เฮ้ย มึงชวนกูมา มึงจะทิ้งกูไปง่ายๆอย่างงี้หรอว่ะ” ผมซึ่งไม่อยากอยู่กับไอ้คริสสองคนก็ประท้วงไอ้ตง “เอ่อ งั้นเราไปเดินคนเดียวก็ได้นะ ไม่เป็นไร” บลิงค์พูดขึ้น “เฮ้ยๆ เราไม่ได้หมายความว่ายังงั้น บลิงค์อย่าเข้าใจผิด แบบอยากชวนมิ้นมาเดินกับพวกเราไง จะได้ไม่ต้องแยกกัน” เห็นคนสวยหน้าเสียแล้วใจผมมันสั่นครับ อ่อนยวบยาบเลย “แป๊บนะบลิงค์” ไอ้ตงหันไปยิ้มบอกบลิงค์แล้วเดินเข้ามากระซิบที่หูผม “มึง กูอยากอยู่กับบลิงค์แค่ 2 คนอ่ะ กูแอบชอบเขา ขอเถอะนะปิ๊น” แล้วมันก็ทำหน้าอ้อนวอน ตาปริบๆ ซึ่งแม่งน่าขนลุกสุดๆ "แล้วมึงจะทิ้งกูไว้กับไอ้คริสสองคนเนี่ยนะ" "ไอ้คริสมันไม่ทำอะไรมึงหรอกน่า นะๆๆมึง กูได้แต่เจอเขาแค่เรียนพิเศษตอนเย็นเอง นี้มันเป็นโอกาสของกูแล้วนะเว้ยที่จะทำคะแนนอ่ะมึง" “เออๆ มึงก็ไปเป็นเพื่อนบลิ๊งแล้วกัน” สุดท้ายก็ใจอ่อนจนได้ “โอเค จะกลับก็โทรบอกนะเว้ย” แล้วมันก็เดินไปกับบลิงค์ทิ้งผมไว้กับไอ้บ้าคริสแค่สองคน “เราจะไปไหนกันต่อดี” ไอ้คริสถามขึ้นหน้าตาลั้นลามาก ไอ้คนหน้าซีดเป็นไก้ต้มเมื่อตะกี้มันหายไปไหนวะ “แล้วมึงอยากไปไหนล่ะ ตามใจมึงละกัน” “กูอยากไปบ้านผีสิง” “ห๊ะ!” “อุ้ยยย ลืมไปเปี๊ยกกลัวผีนี้หว่า คงจะกลัวทั้งผีจริงแล้วก็ผีปลอมเลยใช่ไหมล่ะ” “กูแยกแยะได้เถอะ ไม่ได้กลัวหมดสักหน่อย!” ใช่ครับ แค่ผีปลอมผมไม่กลัวหรอก โด่ “งั้นนั่งเฉยทำไม ไปลุยกันเลย” “ห๊ะ ไปตอนนี้เลยหรอ” เหวอสิครับผมก็ไอ้คริสเล่นลากผมลุกขึ้นทันที กูยังไม่ได้เตรียมใจเลยนะเว้ย ฮืออออออ “เออตอนนี้แหละ” แล้วตอนนี้ผมกับมันก็มายืนต่อแถวรอคิวเข้าบ้านผีสิงกันครับ “จะเปลี่ยนใจหรือเปล่าเปี๊ยก หึหึหึ” “ลูกผู้ชายอย่างกูไม่เปลี่ยนใจง่ายๆอยู่แล้ว” ผมกอดอกเชิดหน้าตอบด้วยความมั่นใจ....ซะที่ไหนละครับ มือสั่นหงึกๆๆๆคุมไม่อยู่ต้องเอามากอดอกไว้ อ๊ายอาย -///- “โอเค สนุกแน่มึงกูรับรอง” กูควรจะเชื่อมึงดีไหมว่ะ “เชิญเข้าได้ครับ” เสียงพนักงานเปิดช่องให้เดินเข้าบ้านผีสิง คนก็ถยอยเดินเข้ากันครับพอผมเดินเข้าไปประตูด้านหลังก็ปิดเพราะผมเป็นคนสุดท้ายจากจำนวนจำกัดของแต่กลุ่มที่เข้าไป เหี้ยแม่ง! ทำไมกูต้องรั้งท้ายสุดว่ะไม่ชอบเลยอ่ะ แล้วข้างในแม่งก็มืดชิป มืดมาก “กรี้ดดดดดดด” “ว๊ากกกกกกก” “อ๊ากกกกกกก” เสียงกรี้ดคนข้างหน้าๆเริ่มส่งเสียงดัง แม่งเขาเห็นอะไรกันวะ “กลัวหรอมึง” เสียงไอ้คริสถาม “ใครกลัว ไม่มี๊” ปิ่นปิ๊นคนแมนซะอย่าง แยกแยะผีจริงผีปลอมได้น่า “หร๊า มือมึงดึงเสื้อกูแน่นจนกูเดินไม่ได้แล้วเนี้ย” ไอ้คริสเอามือมาจับมือผมที่ไปเกาะเสื้อมันแน่นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เฮ้ย ผมไม่รู้ตัวจริงๆนะ “กลัวหลงไงมึงมันมืดๆ” “จ้าาาา” “พูดมาก รีบเดินเลยมึงเดี๋ยวตามคนอื่นไม่ทัน” ผมบอกแล้วเอามือดันหลังมัน และก็ไม่ปล่อยมือจากเสื้อมันเด็ดขาด! ก็กลัวหลงอ่ะ... และเมื่อเดินไปสักนิด สัญชาตญาณก็บอกว่าข้างหน้าแม่งมีสิ่งน่ากลัวแน่ๆ “กรี้ดดดดดด ผีข้างๆกำแพง” เสียงข้างหน้าตะโกนออกมา ผมนี้รีบย้ายตำแหน่งให้ออกห่างจากกำแพงทันที แถมก้มหัวด้วย ก้มไปก็เห็นลูกศรชี้ทางเดินเรืองแสงครับ ผมก็คิดได้ทันทีว่า.... กูจะมองแต่ไอ้ลูกศรเรืองแสงนี้เท่านั้น เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่พาผมไปเจอทางออก ฮือออ เก๊าอยากออกจากที่นี้แล้วอะ T^T “กลัวไหมมึง” “ไม่กลัว!” “ไม่กลัวแล้วจะก้มหน้าทำไมวะ” “กูพอใจ หยุดพูดแล้วรีบเดินเดี้ยวนี้เลยนะเว้ยยยยยย” “ฮ่าๆๆๆ เฮ้ย! ผีๆๆๆห้อยจากเพดานจะจับหัวมึงแล้วไอ้ปิ๊น!” “อร๊ากกกกกกกกกกกก เชี่ยคริสรีบเดินนนนน” ผมที่ได้ยินแบบนั้นก็หลับตาปี้ ย่อขาให้เตี้ยที่สุดหวังว่ามันคงจับไม่ถึงนะ แงงงงง แมร่งกูอยากร้องไห้ “ฮ่าๆๆๆ ตลกว่ะ นี้มึงจะนั่งติดพื้นทำไม” “กูไม่ได้นั่งกูแค่ย่อขา!” “โอ้ยยยย กูฮาท่าย่อมึง5555” “เดินๆๆๆๆ” ผมเร่งมัน โคตรอยากออกจากที่นี้ไวๆ เสียงร้องกรี้ดโวยวายทางด้านหน้าก็ดังไม่หยุดหย่อน ไซโครผมชิบหาย กูกลัวจนขี้จะขึ้นสมองแล้วเนี้ย “หมับ!” “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” “เฮ้ย ปิ๊นแหกปากทำไมวะ” “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ใครจับขากูไว้ไม่รู้ ฮืออออออออออ” เดินอยู่ดีๆก็มีมือปริศนามาจับขาผมไว้ข้างหนึ่ง เชี่ยแม่งจับแน่นไม่ยอมปล่อยด้วย ฮือออออออ พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย “ผีห้องขังจับขามึงไว้ หันไปดูดิๆ” เสียงไอ้คริสพูด “ไม่ กูไม่ดู ฮืออออ ปล่อยขากูเดี้ยวนี้นะเว้ยยย” ผมแหกปากลั่นหลับตาปี้ยิ่งกว่าเก่า พยายามจะดึงขาให้หลุดจากมือนั้นให้ได้ “กู...ม่ายยยย..ปล่อยยยย” เสียงไอ้ผีจำแลงพูดขึ้น แม่งทำเสียงซะหลอน “ว๊ากกกกกกกกก ปล่อยๆๆๆ ไอ้คริสช่วยกูด้วยยยย” ผมดึงเสื้อไอ้คริสแน่น กลัวจริงๆนะโว้ย “ไหนมึงบอกว่าแยกแยะผีจริงผีปลอมได้ไง นี้ผีปลอมมึงจะกลัวอะไรรรรร ฮ่าๆๆๆๆ” เชี่ยคริสแม่งเสียงโคตรมีความสุข เกลียดมัน! “เลิก!!!” “ห๊ะ มึงพูดว่าอะไรนะ” “ถ้ามึงไม่พากูออกไปภายใน 10 วินาที กูเลิกคุยกับมึงแน่!!” “เห้ย พี่ผีผมขอโทษนะครับ” มึงจะไปขอโทษผีทำไม ขอโทษกูสิว่ะ ป๊าบ ๆ ๆ ๆ “อ๊ากกกกกกกก แขนกูไอ้เด็กเวร” "ผมขอโทษ แต่ผมกลัวแฟนผมโกรธมากกว่า" ได้ยินเสียงกระทืบอะไรสักอย่างก่อนจะมีเสียงร้องตามมา แล้วไอ้คริสก็ลากผมอย่างไวมากกกกก ออกมาจากบ้านผีสิงในที่สุด “แฮ่กๆๆ ยังไม่เกิน 10 วินาทีนะเว้ย กูนับเวลาในใจอยู่แค่ 8 วินาทีเอง” ไอ้คริสรีบบอกทั้งที่ยังเหนื่อยหอบอยู่ ผมมองหน้ามันนิ่งๆก่อนจะเดินหนีแม่ง โกรธครับโกรธมากๆผมกลัวแทบตาย มันดันหัวเราะ “โกรธหรอ เฮ้ย อย่าเดินหนีดิ มีอะไรก็คุยกันก่อนดิวะ” “...” ผมยังทำหูทวนลมแล้วเดินหนีมันต่อไป “ขอโทษ” “...” ไม่สนใจหรอกครับ ไม่รับคำขอโทษด้วย “อย่าเป็นอย่างงี้ดิ เราขอโทษ ขอโทษจริงๆ” ไอ้คริสวิ่งยืนดักหน้าผม พูดขอโทษเสียงอ่อย “กูกลัวจะตายห่า มึงดันยืนหัวเราะ มันใช่ป่ะวะ!” “แต่ตอนมึงหัวเราะที่กูกลัวเครื่องเล่น กูไม่เคยคิดจะโกรธมึงเลยนะปิ๊น” “...” สตั๊นไปเลยครับ มันเป็นความจริงที่ผมลืมนึกถึง ว่าตอนนั้นมันเองก็อาจรู้สึกแย่ ทั้งที่กลัวเครื่องเล่นโหดๆแต่ก็ยังตามมาเล่นเป็นเพื่อนผม แถมยังโดนผมหัวเราะใส่ตั้งหลายครั้ง แม่ง เหมือนคดีจะพลิก กลายเป็นผมผิดซะงั้น _*_ . . . “งั้นก็ถือว่าหายกัน” ยอมก็ได้ครับ “งั้นไปเดินเล่นกันต่อนะ คราวนี้อยากเล่นอะไร” “ไม่เล่นแล้วเหนื่อย หิวด้วย” “เดี๋ยวไปซื้อไอศครีมให้ นั่งรอแถวนี้ก่อน อย่าหนีไปไหนนะเว้ย” ไอ้คริสชี้ให้ไปนั่งม้านั่งใกล้แล้ววิ่งไปซื้อไอศครีม ผมก็เลยไปนั่งรอ ยังรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งเหนื่อย ทั้งร้อน แล้วก็ทั้งรู้สึกผิดด้วยที่ไปว่าไอ้คริสโดยไม่มองดูการกระทำของตัวผมเองเลยว่าก็ไม่ต่างกัน “อ่ะ รสชอคโกแลตที่มึงชอบ” ไอ้คริสยื่นไอศครีมโคนรสชอคโกแลตให้ผม ส่วนของมันก็รสสตรอเบอร์รี่ครับ ผมรับมานั่งกินไปเรื่อยๆ ไม่มีใครพูดอะไร จนกินหมด “ต่อไป กูจะจำไว้ว่ามึงกลัวผีมาก แล้วกูจะไม่แกล้งมึงแบบนั้นอีก กูสัญญา” ผมหันไปมองไอ้คริสที่จู่ๆก็พูดขึ้น ไม่รู้ทำไมได้ยินอย่างนั้นผมรู้สึกดี รู้สึกดีกว่าตอนที่มันบอกขอโทษอีก “อืม ต่อไปกูก็จะไม่ชวนมึงเล่นเครื่องเล่นโหดๆแล้วเหมือนกัน” “แต่กูยังอยากเล่นเครื่องเล่นกับมึงอยู่นะเว้ย” “งั้น...กูจะไม่หัวเราะใส่เวลาหน้ามึงซีดเป็นไก่ต้มแล้วกัน โอเคม่ะ” “โอเค หึหึหึ” “หัวเราะไร” “เปล๊า แค่คิดว่ากูกับมึงอนาคตต้องเป็นแฟนที่เข้ากันได้ดีแน่ๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่” “เป็นยังไงว่ะ” กูจะได้ไม่ทำอีก เพราะกูไม่อยากเข้ากับมึงงงงง “ก็เรียนรู้ตัวตนของอีกฝ่าย ขอโทษถ้าทำผิด ปรับปรุงให้มันดีขึ้น....แล้วก็” “ก็อะไร” หยุดให้กูอยากเสือกรึไงวะ “ก็..อยู่ด้วยแล้วมีความสุข” “อ้วกกกกกกกกกก” ผมทำท่ามองบนแล้วอ้วกใส่แม่ง น้ำเน่าจริงๆ “ฮ่าๆๆๆๆๆ กูชอบที่มึงเป็นแบบนี้แหละ” ^_^ “ขณะนี้ขบวนพาเหรดกำลังใกล้เข้ามาแล้วนะครับ ขอเชิญผู้ที่สนใจมายืนรอรับชมขบวนพาเหรดของสวนสนุกเราได้แลยนะครับ” “ขบวนพาเหรดมาแล้ว ไปเร็วปิ๊น กูอยากดู” แล้วเด็ก 7 ขวบในร่างสูงก็ลากผมไปดูขบวนพาเหรดทันที “น่ารักว่ะ” ไอ้คริสพูดพร้อมตาเป็นประกายขณะมองไปยังตัวมาสคอสตุ๊กตาต่างๆ มีโบกไม้โบกมือตอบเขาอีก โคตรเด็กน้อย ฮ่าๆๆ น่ารักฉิบหาย น่ารัก น่ารัก น่ารักกกกกก ไอ้เชี่ยยยยยยยยย นี้ผมชมมันไปว่าน่ารักได้ยังไงว่ะ O0O เป็นบ้าอะไรไอ้ปิ่นปิ๊นนนนน “ปิ๊น ถ่ายรูปกันๆ ไว้เป็นที่ระลึก” ขณะที่ผมยังตกใจกับความคิดของตัวเองอยู่ไอ้คริสก็จัดการหันกล้องโทรศัพท์เซลฟี่รูปคู่ผมกับมัน แชะ แชะ แชะ “น่าร้ากกกก” เออดี ถ่ายเอง ชมเอง กูละทึ่งมันจริงๆ แล้วเราก็ดูพาเหรดจนหมดขบวนครับ ผมเองก็ถ่ายรูปพาเหรดไปเหมือนกันแล้วก็...แอบถ่ายไอ้คริสไปนิดหน่อย คือมันเหมือนเด็กน้อยที่มองดูเหล่าฮีโร่การ์ตูนตัวโปรดแล้วอยากจะเป็นแบบฮีโร่ตัวนั้นๆอะครับเห็นแล้วเอ็นดู ฮ่าๆๆๆ “กลับเลยนะมึง เดี๋ยวถึงบ้านมืด พี่กูรอกินข้าว” “โอเค แล้วโทรตามไอ้ตงยัง” “เออ เกือบลืมมันไปล่ะ” ติ๊ง เสียงไลน์ไอ้ตงเด้งขึ้นมาพอดี ผมจึงกดเข้าไปอ่าน - กูกลับรถตู้เป็นเพื่อนบลิงค์แล้วนะจะไปดูหนังต่อด้วยกัน อิอิ – อิอิ พ่องงงง “เป็นไรหน้ายู่เชียวเปี๊ยก” “ไอ้ตงมันชิงกลับไปแล้ว แม่ง” ไอ้คริสไม่พูดอะไรแค่ยิ้มนิดๆแล้วพากันเดินกลับไปที่รถกัน สรุปวันอาทิตย์นี้ก็เป็นวันที่แสนวุ่นวายตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่มันก็ทำให้ผมได้เห็นหลายๆมุมของไอ้คริส ที่หล่อแต่หน้า ส่วนนิสัยแม่งโคตรกาก โคตรเด็กน้อย แต่ก็น่ารักดี...มั้ง “ยิ้มไรวะ” “หือ ใครยิ้ม เปล่าสักหน่อย” หรือกูเผลอยิ้มวะ “คิดเรื่องกูอยู่อะดิ” “ไม่ได้คิดสักหน่อยโว้ยยยย” “เริ่มชอบกูแล้วใช่ป่ะ” “ชอบพ่องงง เลิกพูดแล้วขับรถไปเลย กูจะนอนแล้วเหนื่อยชิบหายอยู่กับมึงเนี้ย ถึงบ้านกูแล้วปลุกด้วย อย่าหลงอีกล่ะ เปิดgpsไว้เลย” พูดเสร็จผมก็หลับตานอนเอนหลังเต็มที่ “รับทราบครับนางฟ้า” ^_^ “ก็บอกว่าไม่ใช่นางฟ้าโว้ยยยย” -ค่อยๆเรียนรู้กันไป เพราะฉันก็ไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะเสกให้เธอมารักฉันได้ในวันเดียว- คริสเป็นคนกากๆแต่รักจริงนะคร้าบผม╮(╯3╰)╭
ก็น่ารักดีนะ
:เฮ้อ: คู่รั่วแห่งปี
:L2: :pig4: มันก็เหมือนจะหวานๆนะ
ตอนที่ 8 หลังจากไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน ความสัมพันธ์ของมันกับผมก็ดำเนินมาเรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวามุ้งมิ้งอะไรกันมากหรอกครับ ผมเองก็ไม่ได้ต่อต้านมันมากเหมือนอย่างตอนแรกแต่ก็ไม่ได้ยอมรับสถานะแฟนแบบจริงจังหรอกนะครับยังไงผมก็ยังชอบผู้หญิงอยู่ แค่เวลาอยู่กับมันผมก็รู้สึกสบายใจเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่คล้ายๆเป็นเพื่อนสนิทกันต่างแค่ตรงที่ไอ้คริสมันเทคแคร์ผมดีกว่าเพื่อนนิดนึง คิดๆดูถ้ามันเป็นแบบนี้ก็โอเคนะ ยอมเป็นแฟนมันแค่ในนามเพื่อชดเชยที่ทำหนังสือแสนรักมันหายไปแค่ 6 เดือน แป๊บเดียวก็ครบแล้ว “เดี้ยวนี้ไม่รีบกลับบ้านไปนอนแล้วหรอว่ะไอ้ปิ๊น เห็นนั่งอยู่โรงเรียนถึงเย็นมาหลายวันล่ะ” ไอ้เจสถามขึ้นหลังจากที่มันเพิ่งเล่นบาสเสร็จไป 1 เกม แล้วเดินมากินน้ำตรงโต๊ะที่ผมมานั่งฆ่าเวลาดูมันเล่นบาส “เรื่องของกูป่ะ ยุ่งว่ะ” ผมเฉไฉทำเป็นอ่านการ์ตูนไปเรื่อย คือจริงๆผมก็อยากกลับบ้านไปนอนนะ แต่ไอ้คริสมันขอร้องผมว่าให้ผมรอมันมารับไปส่งบ้านทุกเย็น พอผมไม่ตกลง มันก็ดราม่าตามฉบับของมันว่าเพราะมันโดดเรียนวันศุกร์ที่แล้วมันเลยโดนอาจารย์ด่าแถมหักคะแนนความประพฤติมันไปตั้ง 10 คะแนน โทรไปฟ้องแม่มันอีกต่างหาก หนำซ้ำยังโดนแม่มันหักค่าขนมอีก คร่ำครวญจะเป็นจะตาย พอผมถามมันว่าแล้วจะบ้ามาหาผมทำไมทุกวัน มันก็ตอบผมว่า “ก็เพราะกูคิดถึงอยากเจอหน้ามึงทุกวันไง” แม่ง น้ำเน่าชิบหาย ด้วยความรำคาญมัน ผมก็เลยยอมๆไปอะครับ ไม่ได้อยากรอมันหรอกนะ ติ๊ง - กูถึงรร.มึงแล้วนะ ยืนรอที่เดิม – ผมกดอ่านไลน์ทันที พอมันมาแล้วก็รีบเก็บของใส่กระเป๋าครับ “เอ้า เก็บของไปไหนวะ” “จะกลับบ้านไปนอนแล้วไง ง่วง บายนะมึง” ไม่รีรอให้ไอ้เจสถามอะไรต่อผมก็แจ้นออกมาเลย เฮ้อออออออ คือนอกจากไอ้ตงที่รู้เรื่องนี้ผมยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยครับ ก็นะ ใครจะกล้าเล่าว่ะ ผมเป็นผู้ชายแต่ดันถูกผู้ชายอีกคนมาตามตื้อให้เป็นแฟนตามพรหลอกๆที่เคยขอไว้มันน่าอายนะครับ ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจเลยสักนิด “รอนานไหมปิ๊น” ไอ้คริสทักขึ้น ทันทีที่ผมเดินไปถึงข้างโรงเรียนสถานที่นัดเจอใหม่ครับ ขืนให้มารอหน้าโรงเรียนทุกวันกลายเป็นขี้ปากคนในโรงเรียนแน่ๆ ก็คริสเองก็เด่นซะขนาดนี้ ทั้งหน้าตา ทั้งเรียนเอกชน แตกต่างจากเด็กโรงเรียนผมสุดๆ “นานดิ” “ไปเดินห้างเล่นกันนะ” “ไม่เอาอ่ะ อยากนอน” ง่วงจะตายแล้วครับ “ไว้ค่อยกลับไปนอนก็ได้ ดูหนังกันกูเลี้ยงเอง” “ก็ได้วะ” เอ้า ตกลงทำไมเนี้ยกู เห็นของฟรีทีไรรับปากอัตโนมัตทุกที “หึหึ” “งั้นไปกันเลย” แล้วผมกับมันก็นั่งแท็กซี่ไปกันครับแน่นอนว่ามันออกค่าแท็กซี่ ไปถึงก็ตรงไปซื้อตั๋วหนังที่เพิ่งเข้าใหม่ครับได้รอบหกโมงเย็น เหลือเวลาก่อนหนังจะฉายอีกตั้งครึ่งชั่วโมงผมกับมันเลยมากินแฮมเบอเกอร์รองท้องกันก่อน จากนั้นก็เดินเล่นแถวหน้าโรงหนังครับ “เปี๊ยกไปเล่นนั่นกัน” ยังไม่ทันได้ตอบอะไรไอ้คริสก็ลากแขนผมไปที่ตู้คีบตุ๊กตาแล้วครับ “อยากได้ตัวไหนบอกเดี๋ยวกูเอาให้” ผมหันไปมองไอ้คริสที่ปากถามผม แต่ตัวมันเนี้ยกลายเป็นเด็ก 7 ขวบอีกรอบ มือมันทั้งสองข้างเกาะตู้กระจก ตาจ้องตุ๊กตาในตู้กระจกอย่างเป็นประกายวิ๊งค์วิ๊งค์เลยทีเดียว “มึงคีบเป็นหรอวะ” “หึหึหึ กูอ่ะเทพเรื่องคีบตุ๊กตาเลยนะเว้ย” มันยืดอกพูดอย่างภูมิใจ “ให้มันจริงเถอะ แน่จริงคีบตัวลิงให้หน่อยดิ” ผมชี้ไปที่ตัวลิงสีฟ้ายิ้มหน้าแป้นแล้น เห็นแล้วมันน่ารักดี “จัดไป” ไอ้คริสหยอดเหรียญแล้วเริ่มกดเคลื่อนย้ายตัวคีบ ผมที่อยู่ข้างแม่งก็ลุ้นไปด้วยซะงั้นว่ามันจะทำได้ไหม ตัวคีบเคลื่อนที่ไปอยู่ด้านบนของตุ๊กตาลิง ก่อนจะหยุดแล้วค่อยๆหย่อนตัวคีบเข้าไปใกล้จากนั้นไอ้คริสก็จัดการคีบหมับเข้าที่หัวตุ๊กตาลิง “โห เก่งว่ะ” ผมชมมันครับ เป๊ะมาก ผมเคยมาเล่นคีบกับพวกไอ้เจสไอ้ปอตั้งหลายครั้งหมดไปกันเป็นร้อยแต่ไม่เคยคีบกันได้สักตัว “แน่นอน” มันยักไหล่แบบยอมรับแล้วกดเคลื่อนที่ตัวคีบให้มาปล่อยตุ๊กตาลงที่ช่องปล่อยแล้วตุ๊กตาลิงสีฟ้าหน้าแป้นแล้นก็มาอยู่ในมือผมครับ แม่งโคตรน่ารัก I love monkey “เหมือนมึงดีเนอะ กูเอาบ้างดีกว่า” แล้วไอ้คริสก็จัดการเล่นอีกรอบแต่คราวนี้มันดันได้ลิงสีชมพูหน้าตาปัญญาอ่อนมาครับ “ฮ่าๆๆๆ โคตรเหมาะกับมึงอ่ะ” ผมขำ “ไรว่ะ หน้าเสือกไม่เหมือนกันอีกแม่ง” มันดูหงุดหงิดมากครับกับแค่ตุ๊กตาแค่นี้ก็เอา “อ่ะ มึงเอาตัวนี้ไปก็ได้ เรื่องแค่นี้ต้องหงุดหงิด” ผมยื่นตุ๊กตาลิงสีฟ้าให้มัน มันมองนิดนึงแล้วก็รับไป “งั้นมึงเอาตัวนี้ไปแทนล่ะกันนะ” “ไม่เอาอ่ะ มึงก็เก็บไว้ทั้งสองตัวเลยดิ” ผมปฏิเสธ หน้าตาลิงนี้ปัญญาอ่อนเกินไปครับไม่เหมาะกับผู้ชายแมนๆแบบผมหรอก “ต้องเอา ถ้าไม่เอากูจะทิ้งลงถังขยะ” ไอ้คริสยื่นให้อีกรอบ มองหน้าลิงปัญญาอ่อนแล้วก็สมเพชเวทนามันครับ รับๆมาก็ได้ว่ะ “ก็แค่เนี้ย หึ” มันยิ้มพอใจก่อนจะพากันไปดูหนังเพราะใกล้เวลาแล้ว ก่อนเข้ามันก็แวะซื้อป๊อบคอร์นกับแก้วน้ำชุดใหญ่แบบมีตัวการ์ตูนอยู่บนแก้วน่ะครับครับ ไอ้คริสมันคงจะชอบพวกตุ๊กตา ตัวการ์ตูนจริงๆ “ชอบสะสมแก้วน้ำหนังหรอ” “อืม ใช่เก็บไว้เป็นคอลเลคชั่นน่ะ” “กูเห็นมึงชอบพวกตุ๊กตา การ์ตูนอะไรเทือกๆนั้นจังว่ะ โคตรไม่แมน” “หึ ก็กูชอบอ่ะ กูชอบความน่ารัก ความเท่ ของพวกมัน เหมือนมีแรงดึงดูดเวลาได้เห็น แล้วพวกตัวการ์ตูนส่วนใหญ่เนี่ยมันก็มักจะมาพร้อมกับพลังเจ๋งๆแทบทั้งนั้น เท่จะตาย” “ชอบขนาดนี้ไม่ทำธุรกิจผลิตตุ๊กตาเลยล่ะ มึงคงจะฟิน” “ฮ่าๆๆๆ มึงรู้ป่ะว่ากูเคยคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ” “ฮ่าๆๆ กูแกล้งพูดเล่นนะเนี้ย คิดจะทำจริงๆดิ?” “จริง แต่ตอนนี้อยากทำอย่างอื่นแล้ว” “หือ แล้วอยากทำอะไรวะ” “กูอยากเปิดสวนสนุกแบบดิสนีย์แลนด์ ดิสนีย์ซี ยูนิเวอร์แซล แฮรรี่ พ๊อตเตอร์อะไรแบบนั้นอ่ะ” “โห เอาจริงดิมึง แม่งยากนะ กี่พันล้านว่ะนั้น” ผมพูดไปพลางลองคิดคำนวน ค่าลิขสิทธ์ ค่าก่อสร้าง ค่าที่ดิน บลาๆๆๆ “อืม ยากมากแต่ก็อยากทำให้ได้” “ทำไมอ่ะ ทำธุรกิจผลิตตุ๊กตายังดูเป็นไปได้มากกว่าอีก” “ก็กูชอบตุ๊กตา มึงชอบเล่นเครื่องเล่นไง ถ้าทำได้กูกับมึงคงมีความสุขน่าดู กูก็ได้เห็นตัวการ์ตูนเยอะๆเวลาที่เล่นเครื่องเล่นเป็นเพื่อนมึงตอนไปสวนสนุกด้วยกัน” ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไร ผมกับหันมามองหน้าสบตากันพอดีหลังจากที่มันพูดจบ รู้สึกยังไงก็ไม่รู้สิครับ อธิบายไม่ถูก อาจจะแค่ตกใจที่แม้แต่ความฝันในอนาคตของมัน ยังมีผมอยู่ในนั้นด้วย ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก “ขณะนี้หนังเรื่อง xxx เปิดให้ผู้ที่มีบัตรเข้าชมในโรงหนังได้แล้วนะครับ ขอเชิญเข้าโรงหนังได้เลยครับ” เสียงประกาศทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์และอาการที่อยู่ๆหัวใจก็ดันเต้นผิดจังหวะซะงั้น แม่งเอ๊ย! ทำไมร้อนหน้าจังว่ะ แอร์เสียแน่ๆ กลายเป็นว่าดูหนังไม่ค่อยรู้เรื่องเลยครับ ก็เลยกินป๊อบคอร์นรัวๆเพื่อจะหยุดคิดเรื่องเมื่อก่อนหน้าไปได้บ้าง หัวใจกูมันจะเต้นอะไรนักหนาว่ะ คิดไปกินไป แอร์ในโรงหนังก็เย็นเหลือเกิน ไหนๆก็ดูไม่รู้เรื่องตั้งแต่ต้นก็ขอหลับตางีบสักพักแล้วกันไม่อยากคิดอะไรแล้ว ร่างของเด็กหนุ่มเอนพิงหลังอย่างไม่สบายตัวนัก เปลือกตาค่อยๆปิดลง ไม่นานนักคอก็เอนเอียงไปด้านข้างอย่างไม่รู้สึกตัว เด็กหนุ่มตัวโตที่นั่งข้างๆมองร่างเล็กกว่าตนเองที่นอนหลับคอพับคออ่อนอย่างเอ็นดู ก่อนจะค่อยๆสอดแขนโอบไปด้านหลังของอีกฝ่ายดึงให้มาซบตนเองแล้วลูบหัวอย่างอ่อนโยน คล้ายจะกล่อมให้อีกคนนอนฝันดี แปลกจัง...ทำไมวันนี้เก้าอี้โรงหนังมันอุ่นเหลือเกิน ------------------------------------------------- ขอบคุณทุกคอมเมนต์จ้า ขึ้นหน้า2แล้วววววว นึกว่าจะ10ตอนต่อ1หน้า ซะแล้ว :laugh: :hao5: ขอให้มีความสุขในสุดสัปดาห์จ้า :mew1:
:กอด1: เค้ามีความน่ารักอ่ะ
:L2: :L1: :pig4: 55 มันก็เหมือนจะหวานๆอยู่นะ เอ็ดดู เริ่มมีโมเม้นท ติดตามๆ
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ปิ๊นก็ไม่ได้สนใจอะไรกับคริสมาก แค่เอาตุ๊กตามานอนด้วยแค่นั้นเอ๊งงงง 55555 ใต้ตุ๊กตาลิง ใต้ซิกแพคคริส ใต้พุงนุ้งปิ๊น (ฝีมือเรากากแต่อยากวาดประกอบ) กว่าจะอัพรูปได้ เพลียยย ฝากไฟล์ไว้พออัพก็ไม่ขึ้น :ling2: สุดท้ายต้องโหลดแอปรีไซต์รูป. :katai4: พี่เอาโน้ตบุ๊กไปชีวิตเราก็จะวุ่นวายหน่อยๆ
ว๊าย! คือมีความน่ารักอ่ะนิยายเรื่องนี้ :katai2-1:
:mew1: :mew1: :mew1:
ตอนที่ 9 ความลับแตก 7.00 น. กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เสียงนาฬิกาเรือนเก่าเรือนเดิมที่อยู่คู่กับผมมาตั้งแต่จำความได้ ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างตรงเวลา ผมกดปิดเสียงที่ดังอย่างน่ารำคาญก่อนจะลุกขึ้นบิดไปมา พลันสายตาก็มองไปที่ตุ๊กตาลิงสีชมพูหน้าตาปัญญาอ่อนที่นอนอยู่ข้างๆ ตื่นมาก็เจอหน้ากันคนแรกเลยนะ ไอ้บ้า แล้วผมก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะลงมาทานอาหารเช้าที่พี่ปูนเตรียมไว้ให้อย่างเคย “รีบกินนะปิ่นปิ๊น เดี้ยวไปโรงเรียนสาย” “คร้าบบบบ” รับปากเสร็จผมก็จ้วงข้าวต้มกุ้งแสนอร่อยใส่ปากโดยไว อร่อยจริงๆฝีมือพี่ปูนเนี้ย “เอ่อออ ปิ๊น” “ว่าไง พี่ปูน” ผมหันหน้าไปหาตามเสียงเรียกของพี่ชาย “เดี๋ยววันนี้ตอนเย็น ปิ๊นกลับมาทานข้าวเย็นให้ทันนะ” “ปิ๊นก็กลับมาทานอยู่ทุกวันนิพี่ปูน” งงสิครับ พี่ปูนดูเบลอๆนะ มือไม้ถูแขนขาไปทั่วเหมือนไม่รู้ว่าจะเอามันไปวางที่ไหน “คือ...หมายถึงให้กลับมาเร็วหน่อย สักหกโมงเย็นก็ยังดีเมื่อวานเห็นปิ๊นกลับดึกก็เลยอยากนัดไว้ก่อน” “ทำไมอ่ะพี่ปูน” “...เย็นนี้....พี่เอกจะมาทานข้าวด้วยน่ะ พี่อยากให้ปิ๊นเจอเขา” “...” ได้ยินแบบนั้นผมก็ร่างกายค้างไปอัตโนมัติ พี่ปูนจะพาแฟนมาบ้าน! แถมแฟนที่ว่าดันเป็นผู้ชายเหมือนกันด้วย ถึงใจผมจะรู้สึกยังไม่อยากยอมรับแค่ไหน แต่พอเห็นสายตาของพี่ชายเพียงคนเดียวของผม ที่มองผมอย่างลุ้นว่าผมจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ อาการประหม่าที่เห็นได้ชัด ทำให้ผมรู้ว่าพี่ปูนแคร์ความรู้สึกของผมมากแค่ไหน เชื่อได้เลยถ้าผมบอกว่าไม่อยากเจอ พี่ปูนก็คงไม่พาแฟนมาแน่ๆ แต่อาจจะแอบไปร้องไห้ที่ไหนเงียบๆสักที่ซึ่งแน่นอนว่าน้องชายอย่างผมจะไม่ยอมทำให้พี่ผมต้องรู้สึกเสียใจ “ก็เอาดิ อยากเจออยู่เหมือนกัน จะได้แสกนด้วยว่าควรจะมาเป็นแฟนพี่ชายของปิ๊นหรือเปล่า” ผมตอบไปพร้อมกับรอยยิ้ม “ปิ๊น อยากเจอจริงๆหรอ ถ้างั้นเย็นนี้กีรีบกลับบ้านนะ พี่จะทำของโปรดไว้รอเยอะๆเลย” พี่ปูนคลายยิ้มออกมาอย่างโล่งใจทันที นี้แหละครับสิ่งที่ผมอยากเห็นมากที่สุด ก็คือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข “โอเคครับผม” ผมทำท่าตะเบะแล้วกลับไปตักข้าวต้มกินอย่างรวดเร็วจนหมด “ไปแล้วนะคร้าบบบบ” “ตั้งใจเรียนนะปิ๊น” ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ชูมือขึ้นแล้วทำเป็นสัญลักษณ์โอเคไปแทน แล้วเดินมุ่งหน้าไปทางโรงเรียน หลังจากไปยืนอาบแดดฟังสุนทรพจน์ของผอ.เสร็จ พวกผมก็ได้ขึ้นมานั่งบนห้องเรียนกันสักที แดดตอนเช้านี้ร้อนอะไรขนาดนี้ก็ไม่รู้ “ไอ้ปิ๊น มึงมีเรื่องอะไรจะบอกพวกกูม่ะ?” ไอ้เจสที่นั่งอยู่โต๊ะข้างหน้าผมนั่งคร่อมเก้าอี้หันมาทางผม “เรื่องอะไรวะ ก็ไม่มีนี้มึง” ผมตอบมันไปทั้งๆที่ยังงงอยู่ว่ามันถามเรื่องอะไร “โกหก” ไอ้เจสพูดขัดทันที จนไอ้ปอที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆผมหันมามองด้วยอีกคน “โกหกบ้านมึงดิ กูจะโกหกมึงเรื่องอะไร แล้วกูก็ไม่เข้าใจด้วยว่ามึงถามเรื่องอะไร” “งั้นกูขอถามตรงๆ เมื่อวานมึงไปดูหนังกับใคร” “...” เชี่ยแหละ เชี่ยแล้วววววววววววววว ไอ้เจสมันเห็นหรอวะ Oh my god! “...” มันกลายเป็นช่วงเวลาเดธแอร์ที่น่าอึดอัดที่สุดของกลุ่มผมตอนนี้ ตอบไงดีวะกู ตอบยังไงดีๆๆๆ “เชี่ยยยย อย่าบอกนะว่านั่นกิ๊กมึง” O0O ไอ้เจสตาโตเอานิ้วชี้หน้าผม “กิ๊กพ่อง แค่เพื่อนหรอก” ผมสวนทันควัน ทั้งที่ใจเจ้ากรรมเต้นแรงฉิบหาย “ถ้าเป็นแค่เพื่อนมึงก็คงตอบกูตรงๆตั้งแต่แรกล่ะ ไม่ใช่ทำท่านิ่งเงียบเหมือนไม่รู้จะตอบกูยังไงแบบนี้” ปกติไอ้เจสมันก็โง่นะครับ ทำไมทียังงี้แม่งฉลาดจัง “กู..แค่..อ..อึ้งไง ว่ามึงไปเห็นตอนไหน เมื่อวานมึงก็เล่นบาสอยู่นิ” “หร๊า ก็บังเอิญมิ้งอยากดูหนังพอดี กูเลยต้องไปเป็นเพื่อนไถ่โทษครั้งก่อนที่เบี้ยวนัดไง” “อ้อหรอ ดีแล้วมึง ถ้ามึงทำมิ้งเสียใจอีก กูจะเข้าไปเสียบแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ” แถไปเรื่องอื่นแม่ง “อย่ามากวนตรีนนน มึงตอบกูมาเดี๋ยวนี้ สรุปไปกับใครหน้าตาดีซะด้วย” “ก็บอกว่าเพื่อนไงวะ ทำไมไม่เชื่อ” “เออ ไอ้เจสมึงจะเค้นอะไรไอ้ปิ๊นมันนักหนาวะ” ไอ้ปอที่นั่งเงียบมานานก็พูดขึ้น โคตรพระเอกขี่ม้าขาวช่วยชีวิตผมเลย ไอ้ปอกูรักมึงมาก ไอ้เพื่อนรัก “ถ้าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นแฟนไอ้ปิ๊นมันก็ไม่ได้แปลกนิ ยังไงไอ้ปิ๊นมันก็ผู้ชายปะวะ” เออช่ายยยย “เออมันไม่แปลกถ้าคนนั้นเป็นผู้หญิง แต่นี้มันเป็นผู้ชาย แถมเป็นผู้ชายที่หน้าเหมือนไอ้หล่อที่แท็กไอ้ปิ๊นในเฟสด้วย” “มึงว่าไงนะ! เชี่ยปิ๊นมึงตอบมาเดี๋ยวนี้ว่าไอ้เชี่ยนั่นมันเป็นใคร” แล้วไอ้พระเอกเมื่อ 30 วินาที ที่แล้วก็กลายเป็นเดวิลที่เข้ามาเขย่าตัวผมเค้นคำตอบในตอนนี้ ฮืออออ “เฮ้ย ใจเย็นเว้ยยย ไอ้ปอ ไอ้ปิ๊นตัวหักตายพอดีมึงเขย่ามันขนาดนี้” ไอ้เจสรีบลุกมาดึงไอ้ปอออกจากตัวผม “มึงตอบมาไอ้ปิ๊นมึงตอบดิวะ!” ไอ้ปอตะคอกถามผมต่อแม้จะปล่อยมือออกจากตัวผมแล้ว เวลามันโมโหโคตรน่ากลัวเลยครับ “เฮ้ย ทะเลาะอะไรกันวะ ใจเย็นๆดิพวกมึง เดี๋ยวอาจารย์ก็จะเข้ามาสอนแล้วนะเว้ย” เสียงของไอ้เพชรหัวหน้าห้องพูดขึ้น หันไปมองมันก็พบว่าทั้งหัวหน้าห้องแล้วก็เพื่อนในห้องผมหันมามองพวกผมกันเป็นตาเดียว “เออ นั่นดิใจเย็นๆไอ้ปอ ห่าแม่งของขึ้นยิ่งกว่ากูอีกไอ้สัส” ไอ้เจสก็ช่วยเสริมอีกที “งั้นมึงก็ตอบกูมาดิว่าไอ้เชี่ยนั่นมันเป็นใคร” “เรื่องมันยาวอ่ะมึง” “ยาวแค่ไหนกูก็จะฟัง” ไอ้ปอพูดเสียงเหี้ยม ทำผมหายใจไม่ทั่วท้องประนึงโดนพ่อจับได้ว่าแอบมีแฟนยังไงยังงั้น “เฮ้ย อาจารย์มาแล้วนั่งที่เร็ว” ไอ้แจ็คที่นั่งติดประตูหน้าห้องคอยทำหน้าที่ดูต้นทางให้เพื่อนๆมาแต่ไหนแต่ไร รีบตะโกนบอกเพื่อนอย่างรู้กัน ทุกคนที่เล่นๆหรือนั่งจับกลุ่มกันอยู่รีบกลับไปนั่งในที่ของตัวเองอย่างรู้งาน “หวังว่าตอนพักกลางวันมึงคงมีคำตอบจริงๆ ให้กูนะ” ไอ้ปอพูดเสียงนิ่งแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะของมัน เฮ้อออออออ กูอยากจะบ้าตาย ตอนแรกคิดว่าจะแอบเป็นแฟน เอ๊ย! เป็นเพื่อนกับไอ้คริสไปเงียบๆจนครบ 6 เดือน ไม่บอกพวกมัน แต่ดูท่าแล้วผมคงหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ออดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เสียงออดดังบ่งบอกถึงเวลาพักเที่ยง แต่ทำไมวันนี้มันเหมือนเสียงหมดเวลาชีวิตฉิบหาย เพื่อนคนอื่นๆก็ทะยอยเดินออกจากห้องไปกันจนหมดเหลือแค่พวกผมที่ยังนั่งกับอยู่บนห้อง เงียบจนได้ยินเสียงเหงื่อไหลซิกๆๆ ทีเดียว “เล่ามา” แล้วเสียงมัจจุราจปอก็ดังขึ้นอย่างทรงอำนาจ Y_Y สุดท้ายผมก็เล่าตั้งแต่ต้นจนถึงเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมถึงไม่ยอมบอกพวกมัน ตลอดเวลาที่เล่าไอ้เจสตั้งใจฟังหน้าตาบ่งบอกว่าอยากเสือกมากมาย ต่างจากไอ้ปอที่หน้าเคร่งเครียดตลอดการฟัง “หน้าตาหนังสือนั้นมันเป็นยังไง” หลังจากเล่าเสร็จไอ้ปอก็ถามถึงหนังสือนั้น “ก็เป็นพวกรวมนิทานอ่ะมึงเห็นไอ้คริส มันบอกว่าเป็นลิมิเต็ดมากๆ ปกสีเหลืองอ่ะ” “เดี๋ยวกูช่วยหามาให้ เย็นนี้มึงไปบอกเลิกคุยกับมันซะ” ไอ้ปอสั่งอีกครั้ง “ห๊ะ” “ทำไม หรือมึงอยากโดนมันบังคับให้เป็นแฟนต่อ” “ป..เปล่า เปล่าเว้ย” “ถ้ามึงไม่กล้า เดี๋ยวตอนเย็นกูไปเป็นเพื่อนเอง ไม่ต้องกลัว” “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวกูขอเคลียร์เองดีกว่า” ผมบอกไอ้ปอไป ขืนให้เจอกันได้มีมวยแน่ๆครับ ไอ้ปอมันเป็นคนนิ่งๆนะครับแต่ถ้าเดือดเมื่อไรมันจะอารมณ์ร้ายมาก เคยไปกระทืบรุ่นพี่มาแล้วเพราะว่าไอ้รุ่นพี่นั่นมันมาแกล้งจับก้นแบนๆของผม ตอนนั้นสะใจมากครับ แต่ตอนนี้ไม่ต้องการให้มันมีเรื่องกันเลยจริงๆ “ตามใจมึง แต่ถ้ามันไม่ยอมกูจะไปเคลียร์เอง” “บรรยากาศมาคุฉิบหาย เคลียร์กันแล้วก็ไปหาไรกินเหอะว่ะกูหิวแล้ว เดี๋ยวออดเข้าเรียนดังจะอดกินกันซะ” ไอ้เจสพูดแล้วลุกขึ้นเดินนำ ผมเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินไปข้างๆไปเจสทันทียังหวาดๆไอ้ปอไม่หาย แล้วเย็นตอนนี้ผมต้องเคลียร์กับไอ้คริสจริงๆใช่ไหมว่ะ... ติ๊ง -คริส- เสียงไลน์แจ้งเตือนจากไอ้คริส เมื่อผมกดดูก็เห็นมันส่งรูปก๋วยเตี้ยวต้มยำมาให้ดูครับ /น่ากินอ่ะเด้/ /ไม่อยากจะโม้เลยว่าอร่อยโคตรๆ/ /นี้กูโดดรั้วรร.ออกมากินโดยเฉพาะเลยนะเว้ย เจ๋งป่ะ 5555/ ผมหลุดยิ้มกับความปัญญาอ่อนและความบ้าของมัน กำลังจะกดพิมพ์ด่ามันกลับแต่ก็ต้องชะงักลงเมื่อนึกได้ว่ายังไงเย็นนี้ก็ต้องเคลียร์เรื่องของมัน /อ่านแล้วไม่ตอบวะ/ พร้อมกับส่งสติ้กเกอร์โมโหมาให้ แต่ผมก็ได้แต่มองครับ ครืดดดดด ครืดดดดด ไม่ทันได้คิดอะไรไอ้คริสก็โทรมาทันที แต่ผมตั้งปิดเสียงไว้เสมอเวลามาเรียน “ไม่รับหรอวะ” ไอ้เจสที่เดินข้างๆกันมองไปที่โทรศัพท์ “ไม่ดีกว่าว่ะ ไว้ค่อยคุยตอนเย็นทีเดียว” ผมกดวางสายแล้วกดบล็อคเบอร์ไอ้คริสไว้ชั่วคราวก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าไปเหมือนเดิม ถ้าคิดจะ ตัด ก็ไม่ควรจะติดต่ออีก...ใช่ไหมครับ ********************************* ปิ๊นจะตัดสินใจยังเนี้ยยยยย จะทิ้งหมาคริสลงจริงหรอ :z3: หล่อปัญญาอ่อนหายากนะรุ่นนี้ :laugh: 555555+ ขอบคุณทุกคอมเมนต์น้ามีความสุขมากที่สุดเวลาได้อ่านคอมเมนต์ของทุกคน เราจะพยายามอัพวันเว้นวันนะ จันทร์,พุธ,ศุกร์
:L2: :pig4:
คริสออกจะน่ารัก(?)!!!
คริส มีแนวทางในการอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขนะ :hao3: แอ๊ะ........ปิ่นปิ๊น เริ่มมองเห็นความน่ารักของคริสละ :mew1: :L1: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ทำได้ลงเหรอ? นั้นน้องหมาเลยนะนั้น :katai1:
ลุ้นค่ะลุ้น :mew2:
ตอนที่ 10 วันที่ฝนตกไหลลงที่หน้าต่าง แต่พอถึงเวลาจริงๆผมกลับปอดแหกครับ เลยส่งไลน์ไปบอกไอ้คริสแทนว่าเย็นนี้ไม่ต้องหามีธุระที่บ้านกับพี่ชาย ไอ้คริสก็บ่นนิดหน่อยแต่ก็ส่งสติ้กเกอร์โอเคตอบกลับมา “กูกลับก่อนนะพวกมึง ไปล่ะ” “อย่าลืมไปรีบเคลียร์กับมัน” ไอ้ปอย้ำอีกที “เออๆมึงเองก็รีบหาหนังสือนั่นให้เจอละกัน” ผมตอบก่อนจะแยกย้ายกันไป เดินออระเหยมาเรื่อยๆจนถึงข้างโรงเรียน อดไม่ได้ที่หันไปมองว่าไอ้คริสมันจะมายืนพิงกำแพงรอเหมือนอย่างหลายๆวันที่ผ่านมารึเปล่า ถึงแม้ผมจะเป็นคนบอกว่าไม่ให้มันมาเองก็ตาม แล้วมันก็ว่างเปล่า ก็ดีแล้วนิ ดีแล้ว ผมเดินจนถึงบ้านเมื่อเข้าไปก็เห็นพี่ปูนปู๊น กำลังเตรียมอาหารอยู่ในครัว “ทำอะไรกินอะ พี่ปูน” “ก็หลายอย่างเลยมีแกงปลาที่ปิ๊นชอบ ด้วยนะ” “โห อยากกินแล้วอ่ะ” “รอแป๊บนึงนะปิ๊น ขึ้นไปอาบน้ำนอนหลับสักงีบก่อนก็ได้ เพิ่งจะสี่โมงเย็นเอง” “ก็ได้ แล้วไหนคนที่บอกจะพามาเจออะ” “พี่เอกน่ะหรอ ส่งไลน์มาบอกว่าเพิ่งเลิกคลาส กว่าจะถึงนี้ก็เป็นชั่วโมงแหละ ถนนเริ่มรถติดแล้วด้วย” “โอเค งั้นปิ๊นไปนอนสักงีบนะ ไม่ได้หลับตอนเย็นมาหลายวันแล้ว” ผมหาวชูแขนบิดอย่างขี้เกียจ “นั่นน่ะสิ กลับบ้านมืดทุกวันเพราะแอบไปเที่ยวกับแฟนใช่ป่ะ ยังไม่ได้ตอบพี่เลยน้า” พี่ปูนหันมาพูดแซวทำหน้าตาเจ้าเลห์ได้โมเอะมากๆ “อะไร มีที่ไหนแฟน มีแต่คนบ้าเท่าน้นแหละ ไปนอนละนะ ทำเสร็จแล้วปลุกด้วย” ผมรีบพูดแล้วเดินขึ้นชั้นสองแต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงพี่ปูนตะโกนอีกว่า “ปิ๊น รู้ตัวเปล่าเวลาปิ๊นเขินอ่ะจะชอบพูดเร็วๆยาวๆแล้วเดินหนีไม่สนใจตลอดเลย” พูดอะไรของพี่ปูนผมไม่ได้เขินสักหน่อยเว้ย ก็แค่อยากพูดทีเดียวให้มันเสร็จต่างหาก พี่ปูนมองว่าผมเขินได้ไงวะ อาบน้ำนอนดีกว่าแม่ง แล้วในขณะที่ผมเคลิ้มๆใกล้จะหลับไอ้ปอก็ส่งไลน์มาขื้นโชว์แจ้งเตือนถามว่าเคลียร์กับไอ้คริสหรือยัง แต่ผมไม่ได้กดเข้าไปอ่านหรอกครับ ไม่รู้จะตอบมันยังไง อึดอัดด้วย รู้สึกว่ามันกดดันผมเกินไป ติ๊ง -คริส- /ไม่ได้เจอกันแค่วันเดียว/ /แต่กูคิดถึงมึงฉิบหาย/ /เล่นของใส่กูใช่ไหม!/ /ไอ้เปี๊ยกกกกก/ “หึหึ” เป็นอีกรอบที่ผมหลุดขำออกมา ความรู้สึกอึดอัดเมื่อกี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง อาจจะเพราะได้อ่านข้อความปัญญาอ่อนๆจากไอ้คริสเลยทำให้ไม่เครียดมาก ไวกว่าความคิดนิ้วเจ้ากรรมดันกดพิมพ์ตอบกลับไป -ปัญญาอ่อน!- /ตอบกูสักทีนะ/ /หายไปตั้งนาน/ /ทำอะไรอยู่/ -กำลังจะนอน- /ทำไมนอนเร็วจังวะ/ -รำคาญมึงไง ;p- /แต่กูกำลังนอนคิดถึงอยู่นะเว้ย/ -อ้วกกกกกก- /อะไรแพ้ท้องไวจังวะ/ /กูแค่ชักว่าวแล้วคิดถึงหน้ามึงเองนะ/ /ยังไม่ได้ทำจริงสักหน่อย/ -ไอ้เชี่ยยยยยยยยคริส- -กูจะฆ่ามึง!- ปรี้ดเลยสิครับผมเจอมันพูดทะลึ่งแบบนี้ใส่ แม่งกวนตีนมากๆ /55555555555/ สติ้กเกอร์ส่งจูบ - olo - ไม่น่าไปคุยกับไอ้บ้าอย่างมันเลยจริงๆ จากไอ้ที่ว่าจะนอนกลายเป็นนอนไม่ลงซะงั้น โครกกกก เสียงท้องเจ้ากรรมร้องประท้วงเหมือนจะสั่งให้ผมไปหาของกินมาใส่ท้องให้อิ่มเดี้ยวนี้ มองนาฬิกาก็ห้าโมงเย็นสามสิบนาทีแล้ว ปานนี้พี่ปูนคงทำอาหารเสร็จหมดแล้วมั้งลงไปกินเลยดีกว่า ผมมันเป็นสายรอกินอย่างเดียวครับ ทำไม่เป็นสักอย่าง เหอๆๆ เดินออกจากห้องลงบันไดมาครึ่งข้างแล้วตาเจ้ากรรมก็ดันไปเจอชอทเด็ดซะนี้ เชี่ยยยยยยยยยยยยยยย พี่เอกกับพี่ปูนจูบกัน!!! เห็นอย่างนั้นผมก็ไม่รอช้าครับ ไม่รอช้าที่จะถอยกลับขึ้นบันไดไปแล้วแอบซุ่มดูเงียบๆ *0* ภาพที่ผมเห็นคือผู้ชายสองคนที่กำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่มจนเห็นสายน้ำลายเชื่อมกันเสมอเมื่อริมฝีปากผละออกจากกันแล้วกลับไปประกบจูบกันใหม่อย่างเสน่ห์หา พี่ชายของผมที่ถูกอ้อมกอดจากคนตัวโตกว่ากอดไว้อย่างแนบแน่นเหมือนไม่อยากปล่อยให้หลุดไปไหน แต่กระนั้นแขนเรียวยาวของพี่ปูนก็โอบกอดคอของคนตัวโตไว้ไม่คลายเช่นกัน เห็นแบบนั้นก็รู้สึกใบหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาทันใด ใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นแรง เลยต้องขอถอยทัพกลับไปที่ห้องนอนตัวเองก่อนครับ ขอนั่งสงบสติอารมณ์สักแป๊บ ตายๆๆๆ กูไม่น่าหิวจนต้องไปเจอกับภาพแบบนั้นเลย ฮือออออ ติ๊ง –คริส- /โกรธหรอ/ /ขอโทษษษษษษ/ /แต่มันเป็นสิ่งที่กูคิดจริงๆนะ/ ผมยกมามองดูไลน์แต่ก็ไม่ได้กดเข้าไปอ่าน ไม่อยากคุยกับมันตอนนี้ครับ สติมันกระเจิงไปหมดแล้ว ก๊อกๆๆ เฮือก! ผมสะดุ้งอย่างตกใจเสียงเคาะประตู ก่อนจะได้ยินเสียงพี่ปูนตามมา “ปิ๊น ลงมากินข้าวได้แล้วนะ” “ค..ครับ แป๊บนึงนะ” ผมตะโกนออกไปก่อนจะสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆเพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นจังหวะปกติตามเดิม แล้วจึงลุกไปล้างหน้าให้หายร้อนครับ เช็คความเรียบร้อยของตัวเองเสร็จก็เดินลงไปข้างล่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน “ปิ๊น นี้พี่เอกนะ...แฟนพี่เอง” พี่ปูนบอกด้วยท่าทางอายหน่อยๆ “สวัสดีครับพี่เอก” ผมยกมือไหว้พี่เอก จากการสำรวจแล้วพี่เอกถือว่าหล่อเลยละครับ ขาว ตี๋ เกาหลี คูลๆ อะครับ “หวัดดีครับน้องปิ๊น พี่ปูนพูดถึงน้องให้ฟังบ่อยๆ ได้เจอตัวจริงกันสักทีเนอะ” พี่เอกส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่นและดูเท่มากครับ “อ่า จริงหรอครับ แหะๆ” "พี่แวะซื้อซีฟู้ดชุดใหญ่มาให้ปิ๊นด้วยนะ เห็นปูนบอกว่าเราชอบกินซีฟู้ดมาก" เหอะ คิดจะใช้ของกินมาล่อผมหรอ บอกเลยว่า คิดถูกแล้ว 5555 ของโปรดเลยล่ะครับซีฟู๊ด “งั้น เรามาทานข้าวกันเลยเนอะ เดี้ยวจะเย็นซะหมด” พี่ปูนพูดขึ้น พวกเราก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ผมเลยทำหน้าที่ตักข้าวให้กับทุกคน พี่เอกก็ช่วยรินน้ำใส่แก้วให้ครับ จากนั้นพวกเราก็คุยกันเรื่อยเปื่อยครับ เรื่องก่อนที่พวกพี่เขาจะคบกัน เรื่องที่พี่เอกแอบชอบพี่ปูน ประทับใจอะไรในตัวพีปูน พูดไปก็โดนพี่ปูนทุบไปหลายที เพราะเขิน ฮ่าๆๆๆ พี่เอกเป็นคนอารมณ์ดีครับ ยิ้มง่าย แล้วก็มีมุกขำๆให้พวกเราได้ฮาตลอดการทานข้าว แถมยังคอยแกะกุ้ง แกะปู แกะหอยให้พวกผมอีก ดี๊ดีอะ "โอ้โฮ น้องปิ๊นตัวเล็กแต่สายแข็งมากเลยนะเนี้ย พี่แกะกุ้งให้แทบไม่ทัน กินเก่งมากๆ" "ปินปิ๊น ก็แบบนี้แหละพี่เอก ถ้าได้กินของโปรดเมื่อไหร่ ฟาดเรียบไม่มีเหลือ พี่ยังจะสู้อยู่ไหม" "สู้สิสู้ เพื่อให้น้องยอมรับพี่เป็นพี่เขย พี่ทำได้ทั้งนั้นแหละ" "บ้า! พี่ขงพี่เขยอะไรกัน" ถึงปากจะว่าแต่หน้าพี่ปูนนี้แดงเป็นมะเขือเทศเชียว ก่อนจะหลุดยิ้มอายๆออกมา ผมเห็นพี่ปูนยิ้มอย่างมีความสุขก็รู้สึกดีไปด้วยเลยครับ แม้ลึกๆในใจจะไม่อยากยอมรับสักเท่าไร แต่เท่าที่ดูพี่เอกก็นิสัยดีไม่ได้มีท่าทีที่น่ารังเกียจ ไม่น่าคบอะไรแบบนั้น แถมยังดูแลผมและพี่ปูนตลอดการกินอีก ผมก็พอทำใจให้ยอมรับได้ครับ จนพี่เอกพี่ปูนทานอาหารเสร็จผมก็ยังขอนั่งกินซีฟู๊ดต่อไปคนเดียว คือมันอร่อยจริงๆครับ น้ำจิ้มซีฟู้ดก็แซ่บซี๊ดได้ใจมากครับ ฟาดจนเรียบก็เก็บจานไปล้างครับ ตอนแรกพี่เอกจะมาช่วยอีกแต่ผมปฏิเสธไป พี่เอกเลยเดินกลับไปหาพี่ปูนที่นั่งดูทีวีอยู่แทน ล้างจานไปได้ไม่ทันไร ฝนก็ดันตกลงมาอย่างหนักซะงั้น กรุงเทพนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆครับ ตอนเช้าๆอากาศเย็น พอสายๆอากาศร้อน กลางคืนฝนตกซะงั้น เฮ้อออออ ล้างจานเสร็จผมก็มานั่งดูซีรี่ย์ CSI กับพวกพี่เขาครับ ติดมาก สนุกจริงๆ ดูไปก็เดากันไปว่าจะสืบข้อมูลคนร้ายได้จากทางไหนบ้าง ดูจนจบแต่ฝนก็ยังไม่หยุดตกสักที รำคาญเสียงฝนตกจังโว้ย “ฝนไม่หยุดตกสักที พี่ขอนอนค้างที่นี้ได้ไหมปูน” จู่ๆพี่เอกก็พูดขึ้น พี่ปูนหันมามองทางผมคล้ายจะขออนุญาติกันก่อน "ให้พี่เอกค้างด้วยได้ไหมปิ๊น" “เอ่อ..ก็เอาดิพี่เอก ฝนตกกลับลำบากแท็กซี่คงไม่ออกมาวิ่งรับผู้โดยสารแล้วล่ะ” “ขอบใจนะน้องปิ๊น” “ไม่เป็นไรครับ ก็แฟนพี่ชายสุดที่รักของผมนิเนอะ” “ปิ๊น!” พี่ปูนพูดเสียงเข้มคล้ายจะดุ แต่มันดูไม่น่ากลัวสักกระนิดเดียว ดูหนังกันต่ออีกเรื่องจบก็พากันแยกย้ายขึ้นนอนแล้วครับ ง่วงมากมาย หยิบโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้บนเตียงก็เห็นไลน์ขอโทษขอโพยจากไอ้คริสมากมาย รวมถึงไลน์ไอ้ปอไอ้เจสด้วยที่ถามว่าเคลียร์กับไอ้คริสหรือยัง เฮ้อออออออ แค่เห็นก็ปวดหัว ผมควรจะเคลียร์กับไอ้คริสสีกทีสินะ กดไลน์เข้าไปอ่านข้อความจากมัน กำลังจะพิมพ์ไปเคลียร์แต่ไอ้คริสก็ดันส่งข้อความมาก่อน /ฝนบ้านมึงตกหรือเปล่า/ /แถวบ้านกูตกหนักโคตรๆ/ /นอนห่มผ้าด้วยนะมึงเดี๋ยวไม่สบาย/ /กูห่วง/ /อ่านแล้วก็ตอบบ้างดิวะ/ /โทรหามึงก็ไม่ติด บล็อคกูหรอ/ /เก่งจังนะมึงเรื่องทำให้กูหัวเสียเนี้ย/ /เอาเพลงนี้ไปฟังไป/ /https://m.youtube.com/watch?v=SXy-v1KbF4k/ /กูนอนล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน! มึงโดนทำโทษแน่ๆ/ แล้วมันก็ส่งลิงค์ยูทูปมาให้ผมครับ ผมเลยกดเข้าไปดูก็เห็นว่ามันเป็นเพลงของพี่เสกโลโซ ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมครับว่าเพลงอะไร ฝนตกแบบนี้อ่ะ เหอๆ วันนี้ฝนตก ไหลลงที่หน้าต่าง เธอคิดถึงฉันบ้าง ไหมหนอเธอ เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว สองเรายังได้เจอ เธอ ส่งยิ้มมา นั่งอยู่คนเดียว เหลียวมองที่หน้าต่าง หากมีเธอข้างๆ ก็คงจะสุขใจ เธอคงไม่รู้ ว่าฉันเองยังไม่มีใคร หากเป็นเธอก็คงเข้าที * เธออาจจะมีใครคนนั้นที่แสนดี ส่วนฉันคนนี้ก็คงจะเศร้าใจ เธออาจจะมีแฟนแล้วก็เป็นได้ ก็ยังสงสัย ยังอยากจะรู้ ** หวังแค่เพียงเธอมีใจให้ซักหน่อย เฝ้าแต่รอคอยเพียงเธอบอกรักมา สุขใจยิ่งนัก ที่ฉันได้เพียงแค่มองตากับเธอ ก็สุขสุดหัวใจ ( ซ้ำ * , ** ) ก็สุขสุดหัวใจ มึงอาจจะสุขสุดหัวใจนะไอ้หมาคริส แต่กูเนี่ย ปั่นป่วนไปทั้งใจแล้วแม่ง -------------------------- น้ำหยดใส่หินทุกวัน หินมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับใจคน อิอิ แถมรูปปลากรอบ ถ้าใจเราไม่กลัวอ้วน เราจะกินกุ้งกองเป็นภูเขายังไงก็ได้ :laugh: ใต้กองซากกุ้ง ใต้ความห่วงกิน ใต้ลืมแล้วเรื่องคิดมากทุกสิ่ง ตอนนี้นุ้งปิ๊นขอกินก่อนนะ :z2: ขอบคุณทุกคอมเมนต์มากๆจ้ามีกำลังใจมาต่อที่สุด
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ปอนี่คิดเกินเพื่อนกับปิ๊นไหมนี่
ตอนพิเศษ เรื่องคืนนั้น 00.30 น. ผมตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกปวดท้องจู๊ดๆอย่างทนไม่ไหว เปิดไฟจะไปเข้าห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอนก็ไฟดันไม่ติดอีกซะงั้น แมร่งงงง ซวยอะไรวะเนี้ย! ด้วยความที่ปวดหนักมากผมเลยต้องจำใจขึ้นไปเข้าห้องน้ำชั้น3 ครับ จริงๆห้องน้ำชั้น 2 เคยอยู่ด้านนอกห้องนอนผมครับแต่ด้วยความที่ผมกลัวผีมากๆ ปวดฉี่ก็ไม่กล้าออกมาเข้าห้องน้ำจนพี่ปูนสงสารเลยจ้างช่างมารวมห้องน้ำเข้ากับห้องน้ำให้โดยเฉพาะ แต่ห้องน้ำชั้น 3 ยังอยู่ด้านนอกเหมือนเดิม รีบเปิดไฟจนทั่วทั้งชั้น 2 ชั้น 3 ให้สว่างก่อนจะเข้าไปนั่งปลดทุกข์ให้สบายใจสบายตูดดดด อ๊า โล่งงง เสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็ออกมากะเดินลงไปนอนต่อถ้าไม่ดันได้ยินเสียง... “อา...อ๊า..อื้อออ” เสียงไรอะ? ผีปะวะ พั่บๆๆๆ “อ๊า ปูน อาห์” ได้ยินแบบนั้นผมก็พอรู้แล้วละครับว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องพี่ปูน แต่ก็ตกใจนะครับแบบช็อคอะ ไม่กล้าขยับเลยแม้แต่ลมหายใจยังพยายามหายใจให้เบาที่สุด “อื้อออ เจ็บครับ ซี้ดดด” เสียงพี่ปูนดังออกมาอย่างดูเจ็บปวด ผมก็ได้ย้ายที่เอาหูมาแนบผนังห้องเพื่อจะฟังชัดๆ “อีกนิดเดียวนะปูน อ่าห์ จะเสร็จแล้ว” เสร็จอะไรวะ! แล้วพี่ปูนเจ็บอะไรอ่ะ หรือว่าจะเหมือนในละครที่ได้ยินเสียงแล้วมโนไปเองทั้งที่จริงพวกเขาอาจจะแค่ทำแผลกันเฉยๆก็ได้...มั้ง ทำแผลตอนเกือบตี 1 น่าจะมีความเป็นไปได้อยู่นะ “อื้อออ เร็วๆพี่เอก ปูนจะไม่ไหวแล้ว อ๊ะๆๆ” อ๊ากกกก ไม่ไหวอะไรๆๆ ตกลงทำอะไรกันแน่วะ ไอ้ปิ๊นนี้เครียดนะครับ อยากรู้อ่ะ! พลันสายตาก็มองไปเห็นรูท่อแอร์เก่าที่ไม่ได้โบกปูนปิดไว้ ไวกว่าความคิดผมก็ย่องตีนแมวอย่างรวดเร็วไปยกโต๊ะที่วางตกแต่งอยู่หน้าห้องน้ำมาวางให้เงียบที่สุด ก่อนจะปีนขึ้นไปบนโต๊ะกะดูเต็มที่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เต็มๆเลยครับ ไม่เห็นเต็มๆเลยครับ บอกไว้ก่อนนะว่าผมไม่ได้เตี้ย แต่เพดานมันสูงเกินไป จริงๆ - - แต่ก็มิใช่ปัญหาครับ ลงไปเอาเก้าอี้พับได้มาต่อไปอีกที ฮ่าๆๆๆ เสร็จปิ๊นล่ะ พวกพี่เขาจะทำอะไรกันน้า จะอะสะปาเดเฮ้ หรือแค่ช่วยกันทำแผลใสๆหว่า? มองเข้าไปรูท่อแอร์เก่าแล้วก็ได้เห็นเต็มตา ถึงจะคิดไว้ล่วงหน้าแล้วแต่พอเห็นจริงๆก็อดที่จะช็อคไม่ได้ ใช่ครับ ที่คิดไว้ถูกแล้ว พี่เอกกับพี่ปูนอะสะปาเดเฮ้กัน ภาพที่ชายหนุ่ม 2 คนกอดก่ายทำรักกันอย่างดูดดื่ม สายตาทั้งคู่ที่ประสานกันอย่างมีความหมายที่ลึกซึ้ง รอยยิ้มบางที่ดูมีความสุขแม้ร่างกายและใบหน้าจะมีเหงื่อผุดออกมาอย่างมากมายทั้งคู่ ดูเหมือนพวกเขาต่างหลงใหลในกันและกันอย่างไม่สามารถแยกออกได้ในนาทีนี้ “พี่รักปูนมากนะ” “ผมก็รักพี่เอก” ทั้งคู่เคลื่อนใบหน้าเข้าหากันอย่างกับมีแรงดึงดูด จูบซ้ำๆอย่างเอาใจ ในขณะที่ร่างกายก็ยังขับเคลื่อนไม่หยุดนิ่ง ก่อนจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมากกว่าเดิม “อาห์” เสียงครางครั้งสุดท้ายเสร็จพี่เอกก็ฟุบนอนลงไปทับตัวพี่ปูน ใบหน้าซุกเข้าซอกคออย่างออดอ้อน “พี่เอกเอามันออกก่อน” “ไม่เอา ในนี้มันอุ่นดี หึหึ” “ทะลึ่ง!” “หึหึหึ” พี่เอกแกล้งยอกพี่ปูนไปมาบนเตียงก่อนจะรวบตัวพี่ปูนมานอนพิงอกแกร่งไว้ “พี่ดีใจนะที่วันนี้เราผ่านอุปสรรคไปอีกหนึ่งอย่าง น้องของปูนยอมรับพี่แล้ว” “ผมก็ดีใจครับ ดีใจมาก แต่...พ่อกับแม่ปูนพวกเขายังไม่รู้เลยนะ” “นั่นสิ แต่พี่ไม่กลัวหรอก พี่รักเราจริงๆ จะกี่อุปสรรคพี่ก็จะจับมือเราไว้ไม่ยอมปล่อยไปไหนหรอก” “ให้มันจริงเถอะ พ่อกับแม่ปูนโหดนะครับ” ใช่ครับโหดมาก แม่เราเป็นทหารครับประจำอยู่ที่ภาคเหนือ ส่วนพ่อก็เป็นนายหัวทำฟาร์มไข่มุกที่ใต้ครับ “โหดแค่ไหนก็จะสู้ เพื่อแฟนพี่ทั้งคน” “เจอพ่อปูนเอาปูนไล่ยิง ขี้คร้านจะวิ่งหนีไม่ทันเหอะ” “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง พี่คงพาปูนหนีไปวิวาห์เหาะเลยล่ะกัน ฮ่าๆๆๆ” พี่ปูนหัวเราะอย่างชอบใจ จนพี่ปูนหลุดยิ้มออกมาอย่างมีความสุข สรุปพี่ผมถวายทั้งตัวและหัวใจให้พี่เอกหมดแล้วสินะ :hao5: เห็นว่าพี่เอกท่าทางรักพี่ปูนมากหรอก ยอมรับความจริงก็ได้วะ ว่าพวกพี่เขารักกัน... ผมดูจนพอใจ(?)ก็คิดว่าถึงเวลากลับไปนอนแล้วละครับ ได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้คืนนี้ก็คงหลับสบายใจแล้วละ ผมค่อยๆปีนลงอย่างระมัดระวังและเงียบที่สุดก่อนจะยกโต๊ะและเก้าอี้ไปวางที่เดิม ง่วงจังเลยยยยยยย “พี่ขออีกรอบนะปูน” “พี่เอกอะ ปูนเหนื่อยยยย” “นะๆๆ ออนท๊อปให้พี่หน่อยนะคนดี” “หือออออ ไม่อ๊าววว” "แต่พี่จะเอา" พวกคุณคิดว่าผมจะได้นอนไหมครับคืนนี้? ------------ มาสั้นๆ แต่มาบ่อยนะ
:L2: :pig4:
:z1: :pighaun:
ตอนที่ 11 แพ้ใจ 7.00 น. กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นอย่างกวนประสาทผมมากที่สุด มือก็คว้านหาไปกดปิดเสียงให้เงียบลง ปวดหัวฉิบหาย! รู้สึกเหมือนนอนไม่พอครับ เปลือกตาก็หนักอึ้งจนลืมตาไม่ขึ้น แถมยังรู้สึกร้อนๆหนาวๆอีก ยิ่งทำให้ไม่อยากลุกจากที่นอนเลยจริงๆ ผมหดตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มใหม่ มือก็คลำหารีโมทแอร์เพื่อมากดปิดการทำงานของมัน ก่อนจะนอนหลับต่อไม่สนอะไรทั้งนั้นแล้ว แม้แต่โรงเรียน . . . มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะถูกเช็ดตัวให้อย่างอ่อนโยน พยายามลืมตามองดูก็เห็นพี่ปูนที่กำลังเช็ดให้ครับ “ตื่นแล้วหรอปิ๊น ปวดหัวไหมเนี้ย พี่เห็นปิ๊นไม่ออกไปโรงเรียนสักทีเลยเข้ามาดูถึงรู้ว่าตัวร้อน” “อือ ปวดนิดหน่อยอ่ะพี่ปูน ไม่อยากลืมตาเลย” ผมบอกก่อนจะหลับตานอนต่อ “พี่ก็ว่าปิ๊นคงลืมตาไม่ขึ้นแน่ๆ นี้พี่มองตาปิ๊นเหมือนจะเป็นตากุ้งยิงเลย มันดูบวมๆเป่งๆ” จึก! ผมมันคนบาปเองละพี่ปูน ผลกรรมจากเมื่อคืนชัวร์ๆ ไม่น่าเลย ฮือออออ “แล้วปิ๊นก็นะ เมื่อคืนฝนก็ตกหนักยังจะเปิดทั้งแอร์ทั้งพัดลมอีก ป่วยเลยเห็นไหมเนี้ย” “ก็มันชินอ่า” คิดว่าหลายๆคนคงเคยเป็นนะครับ เราชินที่ได้ยินเสียงแอร์กับเสียงพัดลมก่อนหลับ ถ้าไม่ได้ยินก็นอนไม่หลับ เมื่อคืนก็ว่าจะตั้งเวลาปิดแต่เพราะง่วงมากเข้าห้องได้ก็นอนเลยทันที “แล้วตกลงจะไม่ไปโรงเรียนใช่ไหมเนี้ย” “ไปไม่ไหวอ่ะ ขอหยุดวันหนึ่งนะ พี่ปูนโทรบอกไอ้เจสให้ด้วยนะ” ผมสั่งทั้งๆที่ตายังหลับอยู่ไม่ยอมลืม “ก็ได้ แต่พี่มีเรียนทั้งวันเลยนะวันนี้ ปิ๊นอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม” “ได้คร้าบบบ” “โอเค งั้นพี่เอาโทรศัพท์ปิ๊นโทรบอกเจสให้เองนะ ” “อือ” “ข้าวต้มอยู่ในหม้อข้างล่างนะปิ๊น จะให้พี่ยกขึ้นมาให้ไหม?” “เดี๋ยวปิ๊นลงไปกินเอง ขอนอนต่อก่อนนะ” “ยังไงก็อย่าลุกไปกินสายมากล่ะ เดี๋ยวพี่เตรียมยาไว้ให้นะ” “คร้าบ” “หายไวๆนะพี่ไปเรียนก่อน” ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะนอนหลับต่อไป ฟุดฟิด ฟุดฟิด กลิ่นอะไรว่ะ หอมมากอ่ะ ผมสูดหายใจแรงเพื่อที่จะได้ดมกลิ่นให้ชัดเจน กลิ่นมันหอมน่ากินมากเลยครับ ได้แค่กลิ่นยังรู้สึกหิวขึ้นมาเลย โครกกกกกกกกกก นั่นไงครับไม่ทันขาดคำ ท้องเจ้ากรรมของผมก็ร้องเสียงดังเหมือนพญาธิประท้วงว่า ไปหาอะไรมาให้ข้ากินได้แล้วเจ้ามนุษย์ ทนความหิวไม่ไหวเลยลืมหามองหาของกินอย่างจำยอมทั้งที่ยังอยากนอนต่อมากๆ หอมอะไรน้า “เฮ้ย!!!” “มะ..มึง” ผมขยี้ตาอีกทีอย่างไม่เชื่อสายตาเท่าไร ก็คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้สิครับ มันคือ “ไอ้คริส! มาได้ไงวะ?!” “ใจสั่งมา” มันพูดอย่างเก๊กๆพร้อมยักคิ้วข้างเดียวให้ผม คงคิดว่าเท่มากมั้ง - - “ถุย เชื่อตาย” ผมว่ามันก่อนล้มตัวนอนไปอีกรอบ เห็นหน้ามันแล้วหมดอารมณ์ครับ “ฮ่าๆๆๆ กูโทรมาหามึงเมื่อเช้า พี่มึงรับบอกมึงป่วยกูเลยรีบมาหาไง ซึ้งใจกูไหมล่ะ กูยอมโดดโรงเรียนเพื่อมึงเลยนะเว้ยยยยย” “ปัญญาอ่อน มีหน้าที่เรียนทำไมไม่ไปเรียน มึงมันบ้า” ผมว่ามันก่อนจะหลับตาลงอีกรอบอย่างหงุดหงิด ไม่ชอบเลยครับที่มันทำเหมือนผมสำคัญกับมันมาก....ทั้งที่ไม่ควรจะเป็น “แล้วมึงเข้าบ้านมาได้ยังไงวะ” ไม่มีทางที่มันจะมาทันก่อนที่พี่ผมจะออกไปแน่ๆอ่ะ “กูใส่ชุดเกาะไอร่อนแมนบินมา อิอิ” “เฮ้อออออ มึงนี้มัน” “ลุกมากินโจ๊กก่อน กูอุตส่าห์แวะไปซื้อเจ้าเด็ดมาให้มึงเลยนะ เร็วยังร้อนอยู่เลย” ไอ้คริสยกถ้วยโจ๊กมายั่วผม พลางตักโจ๊กให้เห็นหมูเด้งๆ ที่น่ากินมากกกกกก โครกกกกกกกกกกกกกกกกก “เออ กินก็ได้วะ” ผมลุกตัวขึ้นมาอีกรอบ รู้สึกโอเคขึ้นมานิดนึงหลังจากที่นอนพักไปอีกรอบ “ดีมาก เดี๋ยวกูยกโต๊ะมาวางแป๊บจะได้กินง่ายๆ” แล้วไอ้คริสก็เดินไปยกโต๊ะญี่ปุ่นมาวางบนเตียงก่อนจะเอาถ้วยโจ๊กมาวางอีกที “ม่ะ กูป้อน อ้ามมมมมมม” มันนั่งฝั่งตรงข้ามกับผมแล้วตัดโจ๊กมาจ่อที่ปากพลางทำท่าอ้าปากบิ๊วผมไปด้วย _*_ กูจะกินไม่ลงก็ตรงปากมึงกว้างจนเห็นลิ้นไก่นี้แหละ “อ้าม พ่องงง กูกินเองได้เว้ย” ผมว่ามันก่อนจะหยิบช้อนจากมือมันมาตักกินเอง โจ๊กเจ้านี้เด็ดอย่างที่มันบอกจริงๆ หมูก็ให้เยอะ ไข่ลวกก็กำลังดี แถมยังอร่อยมากๆด้วย ผมนี้จ้วงเอาๆเลยครับ “มองไรคนกำลังกิน เสียมารยาท” “ก็มึงกินน่าอร่อยอ่ะ กูก็มองดิ ไม่เสียแรงไปซื้อมาให้ อร่อยมากป่ะ?” ^^ “...เอออร่อย....ขอบใจนะ” เห็นแก่ว่าโจ๊กมันอร่อยหรอกนะ ไม่อยากเสียมารยาทกินของเขาแล้วยังไปด่าก็ดูจะนิสัยเสียไปหน่อย ถึงในใจจะไม่อยากขอบคุณเท่าไรหรอก “หึหึ กินต่อเหอะจะได้กินยาตาม” “อืม” นั่งกินต่อจนหมดเกลี้ยงไอ้คริสก็เก็บโต๊ะไปแล้วยื่นยามาให้กิน แต่ก็นะผมต้องพิจารณาก่อนครับว่ามันเอายาอะไรให้ผมกิน “จ้องขนาดนี้ คิดว่ากูให้ยาปลุกเซ็กส์มึงรึไงว่ะ ไอ้เปี๊ยก” “กูก็แค่ดูเฉยๆหรอกน่ะ” พูดเสร็จผมก็กินยาต่างๆทันทีครับ “โห สุดยอดอะมึง กินไปได้ไงว่ะทีเดียวตั้งหลายเม็ด” ไอ้คริสทำหน้าตกใจปนอึ้งๆมาก แค่เรื่องกินยาหลายเม็ดมองซะอย่างผมเป็นอัจฉริยะ แต่พอเห็นสายตามันก็อดไม่ได้ที่จะยืดตัวนิดๆอย่างน้อมรับคำชม แหมนานๆจะมีคนชมก็ขอยืดสักนิดเถอะครับ “เรื่องแค่นี้จิ๊บๆเว้ย ผู้ชายแมนๆมันก็อย่างงี้แหละมึง” อิอิ พูดนิ่งๆแต่ในใจกรี้ดร้องมากครับแต่ต้องคีพลุคไว้ “ไม่เกี่ยวกับแมนไม่แมนสักหน่อย” มันเถียง “พูดอย่างนี้แสดงว่าเวลามึงป่วยชอบดื้อไม่กินยาใช่ป่ะว่ะ” ผมถามไป “...” มันไม่ตอบทำเป็นเสมองไปรอบห้อง “ไอ้อ่อนเอ๊ย” ได้ทีก็ขอแซวมันหน่อยเถอะ แม่งทำตัวเป็นเด็กน้อยไปได้ ฮ่าๆๆ “ใครอ่อน กูไม่อ่อนนะเว้ย” มันหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจคิ้วขมวด “ก็เห็นๆอยู่ว่าอ่อนด๋อย ยังจะมาเถียงอีก” เถียงมาเถียงกลับไม่โกง “ไม่อ่อน!” “อ่อน!” “ไม่อ่อน!!” “อ่อน!!!” “พูดงี้จับของกูเลยดีกว่าว่ะ!” “เฮ้ยยยยยย” ตกใจสิครับเถียงกันอยู่ดีๆไอ้เชี่ยคริสจับมือผมไปจับที่กลางเป้ากางเกงมันเฉย “ไง แข็งขนาดนี้ยังจะว่ากูอ่อนอีกไหม” “ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยย” เหี้ย ไอ้คริสมันเหี้ยจริงๆ เกิดมาไม่เคยเจอใครหน้าด้านเท่ามันแล้วครับ “ฮ่าๆๆๆๆ เถียงพี่ไม่ออกเลยสินะน้องเปี๊ยก” “มึงมันบ้าไอ้เชี่ยคริส” ผมดึงมือกลับมาถูกับกางเกงผมอย่างรังเกียจ แม่งทำไปได้ “ฮ่าๆๆๆๆ” มันหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งผม “หุบปากไปเลย แม่ง” ผมว่ามันแล้วก็ล้มตัวนอนไปใหม่อีกรอบ “เฮ้ย อย่าเพิ่งนอนดิ เพิ่งกินเสร็จเดี๋ยวก็เป็นกรดไหลย้อนหรอก” ไอ้คริสพูดพร้อมพยายามดึงผมให้ลุกขึ้น “ไม่เอาเว้ย กูจะนอนต่อแล้ว” ผมขืนตัวไว้ไม่ยอมลุกไปตามแรงดึง “ลุกมานอนพิงหัวเตียงก็ยังดี ลุกดิ” ไอ้คริสก็ยังพยายามจะดึงตัวผมให้ขึ้นไปให้ได้ “บอกว่าไม่ลุกก็ไม่ลุกดิวะ!” ผมว่าก่อนจะดึงตัวเองให้กลับไปจมเตียงอีกครั้งอย่างเต็มกำลัง “เหวอออออ” ตุ๊บ! เชี่ยแม่ง จุกสิครับ ไอ้คริสล้มมาทับเต็มๆทั้งตัว มองไปก็เห็นหน้ามันอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ เอาอีกแล้วหัวใจเจ้ากรรม ทำไมชอบเต้นแรง....เวลาที่ผมตกใจจัง สายตาของไอ้คริสมองมาที่ผมอย่างดูลึกซึ้งจนผมเองต้องหันมองไปทางอื่นเพราะทนต่อสายตาแบบนั้นไม่ได้ แวปหนึ่งในหัวผมกลับนึกถึงฉากเมื่อคืนขึ้นมาซะงั้น มันใช่เวลาไหมว่ะ -///- เฮือก! ผมสะดุ้งนิดๆที่จู่ๆก็เหมือนมีอะไรมาเกลี่ยโดนที่แก้ม “แก้มมึงนี้ เนียนดีเนอะ” มันกระซิบเสียงเบาทั้งที่จมูกโด่งๆข้างมันยังเกลี่ยไปมากับแก้มผม “....” “แถมยังหอมอีก” หอมตรงไหนวะน้ำยังไม่ได้อาบตั้งแต่เช้า อยากหันไปเถียงครับแต่กลัวหันไปแล้วจะไปโดนปากมันเหมือนในละครที่คุณแม่ชอบดู ผมยังไม่อยากมีโม้เม้นท์แบบนั้นนะ “ฟอดดดด” “เฮ้ยยยยย” สติแตกสิครับ อยู่ๆโดนหอมแก้มเฉย ผมหันไปพร้อมกับเอาทุบตีมันอย่างเต็มแรงเท่าที่มี มันจะเกินไปแล้วโว๊ยยยยย “โอ๊ย เจ๊บๆๆๆ” “สมควรโดนไอ้ห่าคริส มึงมันกวนตีน ไอ้หน้าด้าน หน้าไม่อาย มาหอมแก้มกูได้ยังไง” ตุ๊บๆๆๆ ผมยังคงตีมันอย่างเมามัน “พออออออออ” ไอ้คริสพูดก่อนจะรวบมือทั้งสองข้างของผมไปไว้เหนือหัว แม่งท่าแบบนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับผมเลยจริงๆ “ปล่อยดิ ปล่อยยยยยยย” ผมดิ้นพยายามจะเอาให้มือหลุด แต่มือไอ้คริสก็แข็งอย่างกับคีมไม่ยอมปล่อยเลย “รู้ไหมเด็กดื้อต้องถูกทำโทษยังไง” “ไม่รู้ ไม่ใช่เด็กดื้อ โตแล้วเว้ย” “หึ เด็กดื้อแบบมึงพูดดีๆไม่เชื่อก็ต้องโดนทำโทษด้วยการ...จูบบบบปากไงล่ะ” มันยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะค่อยๆโน้มตัวลงมา “หยุดเลยนะเว้ย หยุดดดด” ผมสั่งหลับตาปี้เมื่อหน้าไอ้คริสใกล้เข้ามาเรื่อยๆ “ถ้ากูอยากจูบ อะไรก็มาหยุดกูไม่ได้หรอก” เสียงพูดที่ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ผมรู้สึกหมดแรงจะสู้กับมันจริงๆ มือก็ถูกจับไว้แน่น ตัวก็ถูกมันทับไว้จนขยับไม่ได้ แถมยังป่วยอยู่อีก ผมจะเอาอะไรไปสู้กับมันล่ะครับนอกจาก “เอิ้กกกกกก” สายลมแห่งกระเพาะได้พัดผ่านลำไส้ ท่อส่งอาหาร แล้วก็ช่องปากที่ยังไม่ได้แปรงฟันตั้งแต่เมื่อคืนหมักหมกมาก็น่าจะเกือบครบ 24 ชั่วโมง ก็ได้ส่งไปถึงจมูกโด่งๆที่กำลังก้มลงมา เพราะผมไปอ้าปากครอบจมูกมันแล้ว เรอไปอย่างเต็มที่ “อุ๊ ไอ้เชี่ยปิ๊นนนนนนน” ได้ผลครับ ไอ้คริสหยุดชะงักทันทีก่อนจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำเหมือนอยากจะอ้วก ฮ่าๆๆๆๆๆ สะใจโว้ยยยยย อายเหมือนกันนะครับเกิดมาก็ไม่เคยทำตัวทุเรศๆใส่ใครแบบนี้มาก่อน แต่ก็นะทีมันยังทำอะไรไม่อายผมเลย แล้วผมจะไปสนอะไรล่ะครับ ไม่มีอะไรหยุดมึงได้ แต่กลิ่นปากกูหยุดมึงได้โว๊ย ยิ้มอย่างพอใจที่หลุดพ้นจากมือไอ้คริสมาได้ผมก็ล้มตัวไปนอนอย่างมีความสุขแล้วล่ะครับ แต่ก็ไม่วายเอาผ้าห่มมาปิดปากไว้กันมันทะลึ่งมาทำจะจูบผมอีก ปินปิ๊น ไม่ใช่คนง่ายๆนะโว๊ยยยยยย กำลังเคลิ้มๆก็ยินเสียงมันออกจากห้องน้ำมา สงสัยมึนกับกลิ่นปากผมจัดถึงได้หายไปนาน หึหึ “เช็ดตัวอีกรอบก่อน ค่อยนอน” เสียงทุ้มบอกผม เมื่อลืมตามองก็เห็นมันถือกะละมังพร้อมผ้าเช็ดตัวมาให้ เชี่ยแม่ง ยังไม่เข็ดอีกหรอว่ะ เป็นผมเจอแบบนี้หนีกลับบ้านไปแล้วนะ “ไม่เอาไม่เช็ด ง่วง" ผมบอกก่อนจะตั้งท่านอน เวลาป่วยจะอยากนอนมากครับ แถมเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ไม่อยากทำอะไรเลย "ไม่ได้ ยังไงก็ต้องเช็ด ตัวยังไม่หายร้อนเลย เช็ดตัวบ่อยๆไข้จะได้ลง" ไอ้คริสพูดอย่างจริงจัง แล้วถือวิสาสะดึงแขนผมไปเช็ดตัวให้ จะดึงแขนออกแต่มันก็จับไว้แน่น แถมยังส่งสายตาดุๆมาให้อีก "อย่าดื้อกับกูให้มาปิ๊น ที่กูบังคับก็เพราะอยากให้มึงหายป่วยไวๆ" "..." เพิ่งเคยเห็นไอ้คริสโหมดจริงจังก็วันนี้ แถมให้เหตุผลที่ผมเถียงไม่ออกอีกก็เลยปล่อยเลยตามเลย ไอ้คริสค่อยๆเช็ดตัวผมแบบถูทวนแนวขนย้อนขึ้นมา จากแขนซ้ายเสร็จก็มาแขนขวาตามด้วยลำคอและค่อยๆปลุกระดมชุดนอน...แล้วลงมือเช็ดไปตามแผ่นอก เฮือก เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตลามไปร้อนที่หน้าอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเชยตามองไอ้คริสก็ได้เห็นเพียงสีหน้าที่จริงจังและตั้งใจเช็ดตัวให้ผมจริงๆ แม่งเอ้ย ถ้ามันทำลวนลามตัวผมสักนิด ผมคงตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ที่วุ่นวายนี้ได้ง่ายกว่านี้ มันเช็ดตัวผมเสร็จอย่างรวดเร็วก็ย้ายไปเช็ดขาผมต่อ ตั้งแต่ต้นขายันซอกนิ้วเท้าทั้งสองข้างจนสะอาดเอี่ยม "อยากเปลี่ยนชุดไหม จะได้สบายตัว" ผมพยักหน้ารับ ไอ้คริสก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดลำลองมาให้พร้อมกับกางเกง "หันหน้าไปทางอื่นก่อนดิ "ทำไม กลัวกูเห็นหนอนชาเขียวมึงหรอ" "อนาคอนดาต่างหากเว้ย รีบหันไปเร็วๆเลย กูอยากนอนแล้ว" "เออๆ" ไอ้คริสรับปากแล้วหันหลังให้ ผมเลยรีบถอดชุดนอนออกจากตัวรวมไปถึงกางเกงในตัวน้อยที่หุ้มเจ้าโลกของผมอยู่ ก่อนจะรีบหยิบตัวใหม่ที่ไอ้คริสเอามาให้ใส่ไป ใส่ยากนิดนึงเพราะตัวผมนั่งอยู่บนเตียงแต่ไม่นานก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เตรียมตัวนอนอีกรอบ "เสร็จแล้ว" ผมบอกมันที่ยืนหันหลังให้ ไอ้คริสนิ่งต่อไปสักแป๊บ ก่อนจะหันหน้ากลับมาด้วยใบหน้าที่แดงจัด "ปิ๊น อย่าไปแก้ผ้าให้ใครเห็นนะ" "พูดบ้าอะไรอีกวะ" ผมงง แต่พอมองเลยตัวมันไปก็ได้รู้ความหมายที่มันพูดขึ้น กระจก! เต็มๆกระจกแบบส่องได้ทั้งตัวที่ตั้งอยู่ฝั่งที่ไอ้คริสมันหันหน้าไป แถมมันยังสะท้อนเห็นตัวผมที่นอนอยู่บนเตียงแบบชัดระดับHDอีกต่างหาก "ไอ้เชี่ยคริส ไอ้ลามก หื่นกาม!" ว๊ากกกกกกกกก กูอยากตายซะตอนนี้เลย ฮือออ "กูเปล่าหื่นนะเว้ย ก็มึงบอกให้กูหันหลังเองอะ กูก็หันอะดิ" ไอ้คริสเถียงทั้งที่หน้ามันยังแดงเหมือนจะแข่งกับหน้าร้อนๆของผมตอนนี้ โฮฮฮฮฮฮ อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแล้วครับอายจนต้องเอาผ้าห่มมาปิดไว้ทั้งหัวแล้วขดตัวนอนอย่างไม่อยากรับรู้อะไร . “เดี๋ยวก่อน” “อะไรอีกกกก กูง่วงกูจะนอน” ชักหงุดหงิดครับขัดกูเหลือเกิน กูอายจนไม่กล้าโผล่หัวออกไปไหนแล้วแม่ง จากที่เริ่มรู้สึกเบาไข้เหมือนจะกลับมาหนักอีกรอบเพราะมันนี้แหละ “บ้วนปากก่อนเหอะ กูขอร้อง ไอ้ห่ากูคิดว่าหนูตายในปากมึง” “ไม่เอา” เรื่องไรละครับ เกิดบ้วนแล้วมันมาจูบผมอีกก็ไม่มีไรป้องกันดิ “บ้วนเหอะขอร้องกูไม่จูบมึงแล้วก็ได้ กูพูดจริงๆนะเมื่อกี้กูแทบเป็นลม ขมคอเลยสัส” มันพูดจริงจังจนผมรู้สึกอ๊ายอาย แม่งเหม็นขนาดนั้นจริงหรอวะ “เอ้า บ้วนซะ” มันหยิบน้ำยาบ้วนปากมาให้ ผมก็เลยรับมาบ้วนปาก “คายใส่ในกะละมังนี้แหละเดี๋ยวเอาไปทิ้งให้” มันพูดพลางถือกะลังที่ใส่น้ำเช็ดตัวรอผมคายน้ำยาบ้วนปากทิ้ง มันเป็นการกระทำที่ดูไม่น่ามองเท่าไร แต่ผมรู้สึกตื้อๆในใจยังไงไม่รู้ มันจะดีกับผมมากเกินไปแล้วนะ... แต่ความจัญไรก็มีเยอะไม่แพ้กัน! (ยังแค้นเรื่องเมื่อกี้อยู่) “หลับซะ กูอยู่เฝ้ามึงนี้แหละไม่ไปไหนหรอก” มือหนาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะช่วยห่มผ้าให้ “ฝันดีนะนางฟ้า” “ก็บอกว่าไม่ใช่นางฟ้า” “หึ” . . ก่อนที่ผมจะเข้าสู่ห้วงนิทรา ตาเจ้ากรรมก็ดันลืมขึ้นมานิดๆมองหาคนตัวโตอย่างอดรู้ไม่ได้ว่ามันจะอยู่เฝ้าผมจริงๆไหม ภาพที่เห็นคือ ไอ้คริสยกเก้าอี้มานั่งใกล้ๆเตียง มันสวมแว่นและกำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนอย่างดูตั้งอกตั้งใจ มีแสงแดดส่องพาดเข้ามาโดนตัวมันอย่างดูอบอุ่นช่างเป็นภาพที่น่าสวยงามจริงๆ ------------------------------ ***แจ้งข่าว งดลง my sunshine ความรักทำให้ตาสว่าง เพราะจอคอมเสียT_T :z3: :hao5: ส่วนปิ๊นคริสลงปกติ เดชะบุญ เราอัพเข้าเมลไว้ ยังใช้มือถือลงในเว็บได้ ไม่งั้นคงต้องงดอีกเรื่อง ในเพจมีตอนสั้นๆ(มาก)ที่ไม่มีในนิยายด้วยน้า อ่านคั่นเวลาเล่นๆกันได้ :mew1:
:L2: :pig4: มีความอบอุ่น
นารัก
คริสนแสนดีอย่างนี้ ไม่แพ้ใจก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว :mew3:
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ตอนที่ 12 ความในใจของนายคริส ร้อนจังว่ะ ร้อนชิบหาย ร้อนสุดๆ ผมลืมตามาก็โดนแสงแดดแยงตาขึ้นเต็มๆ หน้าต่างถูกเปิดไว้ แต่แอร์ไม่เปิด พัดลมก็ไม่เปิด! โอ้ยยยยยยย ถึงว่าร้อนโคตรๆ เหงื่อแตกพลั่กเลยครับ แล้วทำไมรู้สึกหนักๆที่ตัวจังวะ? “เฮ้ย!” ลุกพรวดเลยครับ ก็ไอ้ต้นเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกหนักที่ตัวก็คือไอ้บ้าคริสที่ขึ้นเตียงมานอนกอดก่ายผมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ “หือ” มันครางอย่างหงุดหงิดแต่ยังคงหลับต่อไปแขนก็ขยับมากอดต้นขาไว้ อยากจะทุบมันจริงๆ แต่พอเห็นหน้าตอนมันหลับก็ทำไม่ลง แม่งเหมือนเด็กน้อยเกิ๊นนน ไล่พิจารณามันไปก็คิดทบทวนอะไรหลายๆอย่างไป จริงๆไอ้คริสมันก็ดีกับผมมาก แบบที่ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าจะดีอะไรกับผมนักหนา แต่มันก็กวนตีนผมไม่ใช่น้อยเหมือนกันล่ะ ทำให้ผมปวดประสาทหลายๆครั้ง แล้วก็ทำให้ผมยิ้มได้หลายครั้งเหมือนกัน... อย่างที่เคยบอกไว้ว่าตัวผมเองเกิดมาก็ไม่เคยมีแฟนสักคน ผมเลยไม่เข้าใจนักว่าการกระทำของมันเรียกว่ารักได้หรือเปล่า หรือมันก็แค่ความเป็นห่วงของมนุษย์ทั่วไป หรือที่มันมาทำดีกับผมอาจจะแค่อยากเอาชนะเพื่อให้ผมเป็นแฟนอย่างที่มันเคยขอตอนนั้นก็ได้ใครจะไปรู้ แม้แต่กระทั่งความรู้สึกของผม ผมเองยังไม่ค่อยเข้าใจเลย ไอ้อาการใจเต้นแรงเวลาที่ใกล้กัน รู้สึกดีเวลาที่มันทำอะไรเพื่อผม การกระทำโง่ๆของมันในบางครั้งอย่างที่โดดเรียนเพื่อมาเฝ้าผมเพระผมป่วย ถึงจะหงุดหงิดแต่ลึกๆผมเองก็แอบรู้สึกดี ‘รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญ’ “อือออ อ้าวตื่นแล้วหรอว่ะ” ไอ้คริสเงยหน้าขึ้นมามองผม “เออดิ แม่งทำไมไม่เปิดพัดลมเปิดแอร์ว่ะ แล้วยังห่มผ้ากูอีก กูโคตรร้อนเลยตื่น” “กูอ่านในเน็ต เขาบอกต้องทำให้เหงื่อออกเยอะๆ ไข้จะได้ลดเร็วๆไง จริงๆกูกลัวยังไม่อุ่นพอเลยต้องกอดดดดมึงเพิ่มไง รู้สึกดีขึ้นม่ะ?” ไม่พูดเปล่าไอ้คริสกระชับแขนกอดผมแน่นไปอีก “เหอะ เชื่อตาย ปล่อยได้แล้วกูร้อนเหนียวตัวอยากอาบน้ำ” จริงๆก็รู้สึกดีขึ้นมากเลยครับ เหมือนตัวจะไม่ค่อยร้อนแล้ว แต่เหงื่อนี่ชุ่มไปทั้งตัว “ไหนมาวัดก่อนตัวยังร้อนอยู่ไหม” ไอ้คริสลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นมาอังที่หน้าผากผม อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองหน้ามัน การกระทำที่แสดงถึงความห่วงใยทำเอาผมรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอีกครั้ง “ก็เบาแล้วนะ กูว่ามึงแค่ลูบๆตัวก็พอ ถ้าอาบเดี๋ยวไข้กลับอีก” “อ..อืม” ผมตอบรับหลุบตาลงมองไปทางอื่น “ลุกไหวเปล่า ให้ช่วยพยุงไหม” “ไหว แค่ป่วยไม่ได้เป็นง่อยเว้ย” “หึหึหึ เอองั้นเดี๋ยวกูลงไปหาของกินข้างล่างมาให้ บ่ายโมงแล้วจะได้กินยาอีกรอบ” “อืมๆๆ” ไอ้คริสลุกลงจากเตียงไป ผมที่มองตามหลังมันถึงได้รู้ว่า แผ่นหลังของมันเปียกไปด้วยเหงื่อเต็มไปหมด มันเองก็คงจะร้อนเหมือนกัน แต่ก็ยังจะทนอยู่เป็นเพื่อนผมไม่ไปไหน มึงมันตัวอันตรายต่อหัวใจกูจริงๆ ตกเย็น พี่ปูนก็กลับมาบ้านครับพร้อมทั้งชวนไอ้คริสอยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน ขอบคุณไอ้คริสยกใหญ่ที่อยู่ดูแลผมทั้งวัน ตัวไอ้คริสเองก็ตอบรับคำชวนหน้าระรื่น แถมยังเสนอหน้าไปช่วยพี่ปูนทำกับข้าวในครัวอีก ติ๊งต่อง เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น ผมที่อยู่เฉยๆเลยลุกขึ้นไปดูจอว่าใครมาหา พี่เอกละมั้ง เดินไปจนถึงหน้าประตูมองจอชัดๆอีกทีก็ตกใจ “เชี่ยเจส” เชี่ยยยยยยยยย มันมาทำไมว่ะ หรือมันจะมาถามว่าเคลียร์เรื่องไอ้คริสหรือยัง ผมเองก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย แถมตอนนี้ไอ้คริสก็อยู่ในบ้านด้วย ฉิบหายแล้ววววววววววว ติ๊งต่อง “ใครมาอะปิ๊น ไม่ออกไปดูละ” พี่ปูนตะโกนถามมาจากในครัว “เพื่อนปิ๊นเอง กำลังจะออกไปหามันแล้ว” ผมตอบกลับ แล้วรีบหันไปดูจอว่ามีใครอีกหรือเปล่านอกจากไอ้เจส ดูแล้วไอ้เจสมาคนเดียวไม่มีไอ้ปอ ผมเองก็โล่งอกนิดนึง เดินไปเปิดประตูแล้วก็รีบปิดทันที กลัวไอ้เจสมองเข้าไปแล้วจะเห็นไอ้คริสครับ “มาทำไมวะ” ผมถามมัน “เห็นพี่มึงโทรบอกว่าป่วย กูเลยแวะมาเยี่ยมไง ดีขึ้นยังล่ะ” “เออดีขึ้นมากแล้วมึง พรุ่งนี้กูคงไปเรียนได้แล้วล่ะ” “งั้นก็ดีแล้ว เข้าไปในบ้านได้เปล่าวะ หิวน้ำอ่ะ” ไอ้เจสถาม “ไม่ได้!” ไม่ได้เด็ดขาด เข้าไปก็เจอแจ็คพอตสิครับ “ทำไมว่ะ แปบเดียวเอง กูอุตส่าห์มาเยี่ยมมึงนะโว้ย” “เอ่อออ ก็ ก็พี่กูผัดกระเพราฉุนทั่วบ้านไปหมด มึงเข้าไปคงสำลักกลิ่นพอดี มึงไม่ชอบกลิ่นกระเพราไม่ใช่หรอ” ผมหาข้ออ้างบอกมันไป พยายามทำตัวไม่ให้มีพิรุจน์มากที่สุด แต่ทำไมเหงื่อที่มือแฉะจังว่ะ - - “งั้นหรอ เออๆงั้นกูไม่เข้าไปดีกว่า” “เออ ไม่ต้องเข้าไปอ่ะดีแล้ว” โล่งอกแล้วครับ เฮ้ออออ รอดไปอีกวัน “เออนี่ ไอ้ปอมันฝากมา...” “ฝากอะไร!” จะฝากถามเรื่องไอ้คริสหรืออะไร “จะตะโกนทำแป๊ะอะไรของมึง มันฝากเลคเชอร์มาให้ ใกล้สอบแล้วมันกลัวมึงสอบตก เอาไปอ่านซะ” แล้วไอ้เจสก็หยิบกระดาษถ่ายเอกสารเลคเชอร์มาให้ผม “อ้าวหรอ ขอบใจนะมึง แหะๆ” “งั้นกูกลับเลยละกันนะ รถติดเดี๋ยวถึงบ้านดึกว่ะ” “เออดีๆ รีบกลับเหอะมึง บายโว้ยยย” ผมรีบโบกมือไล่ไอ้เจสด้วยความยินดีปรีดา “ปิ๊น กับข้าวเสร็จแล้วนะเข้ามากินได้แล้ว” กึก เหมือนตัวผมถูกสต๊าฟไว้ มือที่โบกให้ไอ้เจสก็พลอยหยุดไปด้วย ไอ้เจสเองที่กำลังจะเดินไปก็หันกลับมามองต้นทางของเสียง ไอ้เชี่ยคริสมึงจะออกมากทำมายยยยยยยย “เข้ามาดิปิ๊น กูตักข้าวไว้แล้ว เดี๋ยวเย็นหมด” ไอ้คริสเดินมายืนข้างผมพร้อมกอดรัดคอผมไว้ “...” “...” “...” T_T ผมเกลียดบรรยากาศเดดแอร์ ฮือออออ “คนนี้ใช่ไหม ที่ชื่อคริส” ไอ้เจสถามขึ้น ดวงตามองนิ่งมาที่พวกผม “ใช่ ข้าชื่อคริสเองอ่ะ มีอะไรหรือเปล่า” ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรไอ้คริสก็ชิงตอบแทน “เป็นเพื่อนไอ้ปิ๊นหรอ” “เปล่าเป็นคนสำคัญต่างหาก” ไอ้คริสตอบก่อนจะทำหน้าระรื่นมามองผม หน้าบานไม่ดูสีหน้ากูเลย “สำคัญบ้าไรเล่า อย่ามโน” ผมว่าก่อนจะยกแขนมันออกจากคอ “กูก็นึกว่ามึงเคลียร์กับมันแล้วซะอีก” ไอ้เจสพูดพร้อมมองหน้าผม “ก็ ยังหาโอกาสไม่ได้” ผมพูดเสียงอ่อย “เคลียร์ไรวะ พูดเรื่องไรกัน” ไอ้คริสมองหน้าผมสลับกับไอ้เจสไปมาอย่างสงสัย “กูจะไม่เซ้าซี้มึงหรอกไอ้ปิ๊น แต่กูหวังว่ามันคงมีคำตอบให้ไอ้ปอนะ” “...” ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร “อะไร พูดเรื่องอะไรกันวะ มีไรก็พูดมาตรงๆเลยดิ!” ไอ้คริสเริ่มหงุดหงิดขึ้นเสียงใส่ไอ้เจส “มึงอยากรู้ก็ถามไอ้ปิ๊นเองล่ะกัน มันคงตอบได้ดีที่สุด” ไอ้เจสตอบอย่างไม่ยี่หร่ะ “ส่วนมึงไอ้ปิ๊น กูไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ แต่อย่าลืมว่ากูเป็นเพื่อนมึงไม่ว่ามึงจะตัดสินใจยังไงกูก็โอเคหมดแหละ รีบตัดสินใจสักที อย่ามัวแต่โลเล” พูดแค่นั้นไอ้เจสก็เดินกลับไปทิ้งให้ผมยืนอยู่กับไอ้คริสสองคน “ตกลงมันเรื่องอะไรกันวะ ไอ้ปิ๊น” “....” ผมไม่ได้ตอบ แค่เงยหน้าไปมองหน้ามันนิ่งๆ “สองคนนั้น รีบเข้ามากินข้าวสักทีสิ เย็นหมดแล้วน้า” พี่ปูนออกมาเรียก ทำลายบรรยากาศอึมครึมตอนนี้ไป บรรยากาศการกินข้าวก็เป็นไปอย่างอึมครึม อึมครึมจริงๆ ไม่มีใครพูดอะไร ตอนแรกพี่ปูนก็ชวนคุย แต่พอเห็นว่าทั้งผมแล้วก็ไอ้คริสไม่คุยอะไรกลับก็เลยหยุดพูด พาให้การกินอาหารที่แสนอร่อยกลายเป็นรู้สึกไม่อยากจะกินกันเลยครับ เฮ้อออออ ต่อด้านล่าง
“เดี๋ยวพี่ล้างเองปิ๊น ไปคุยกับเพื่อนเหอะ” พี่ปูนพูดขึ้นแล้วมาหยิบจานในมือผมไป “มีอะไรก็รีบๆเคลียร์กันซะนะ” พี่ปูนเข้ามากระซิบใกล้ๆก่อนจะเดินเข้าครัวไปพร้อมกองจาน ถึงเวลาที่ผมต้องตัดสินใจแล้วสินะ “กู...มีอะไรจะคุยด้วยอ่ะ” ผมเดินไปหาไอ้คริสที่กำลังใส่รองเท้าเตรียมตัวกลับ “ก็คุยมาดิ” น้ำเสียงเหวี่ยงๆที่ส่งมาแถมยังเอาแต่ก้มหน้าผูกเชือกไม่ยอมหันมามองหน้ากันอีกด้วย แม่ง ทำตัวอย่างกับงอนผมแน่ะ “จะคุยยาวเว้ย เรื่องเมื่อเย็นอ่ะ จะฟังไหม ถ้าไม่ฟังก็กลับไปเลย” ผมพูดแล้วหันตัวกลับ กูไม่ง้อมึงหรอกเชอะ “เดี๋ยว อยากรู้ดิ แค่นี้ทำงอนนะ” ห๊ะ ผมเนี้ยนะงอนมัน มันนั่นแหละงอนผมมากกว่า “เออ งั้นก็คุยไปเดินไปแล้วกัน จะขึ้นรถเมล์หรือแท็กซี่อ่ะ?” “รถเมล์ก็ได้ กูไม่รีบ” “โอเค” ผมบอกก่อนจะสวมรองเท้าแตะเดินนำมันมา ออกจากบ้านไปตามทางฟุตบาท มันเองก็เดินตามหลังมาติดๆจนเราเดินพร้อมๆกัน “ก่อนที่กูจะพูดเรื่องเมื่อเย็น กูขอถามอะไรมึงสักอย่างได้ป่ะ?” “ได้ดิ จะถามกี่อย่างก็ได้” “อืม...ทำไม มึงต้องมาบังคับให้กูแป็นแฟนมึงด้วยวะ” ผมแทบกลั้นหายใจก่อนจะถามคำถามที่น่าอายออกไป “...ถ้าให้พูดจริงๆก็ไม่รู้เหมือนกัน” “เอ้า!” คือตอบได้กวนตีนมาก ตอนแรกมันเล่นบังคับผมทวงสิทธิ์ต่างๆนาๆ แต่พอถามเอาคำตอบจริงจังกลับบอกว่าไม่รู้ ให้มันได้อย่างงี้สิวะ “ฮ่าๆๆ จริงๆนะ ก็...ตอนแรกที่กูเจอมึงอะ ตอนที่กูโดนรุมตีน จำได้ป่ะ?” “จำได้ดิวะ กูเนี้ยเป็นคนวิ่งไปตามตำรวจมาช่วยมึงเองแหละ” “เออ นั่นแหละ คือก่อนหน้านี้กูก็มีพวกของกูมาด้วยไง แต่พอปะทะกัน แม่งอยู่ๆ หายหัวกันไปไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนั้นกูรู้สึกว่ากูถูกทิ้งอะมึง แบบเหี้ยไรวะทิ้งกูไปไหนกันหมด กูกำลังโดนรุมกระทืบจนเจ็บไปหมดเสือกไม่มีหมาตัวไหนมาช่วยกูสักตัว ตอนนั้นกูคิดว่ากูคงตายแน่ๆอ่ะ ไม่น่ารอด” “เออ สภาพมึงตอนนั้นก็ไม่น่ารอดจริงๆแหละ เลือดแม่งเต็มหน้าเต็มตัวหมด” คิดแล้วยังสยองไม่หาย “ใช่ไหมล่ะ แต่ตอนที่กูกำลังหมดความหวัง อยู่ๆกูก็คิดขึ้นมาเฉยๆว่า กูจะตายไปโดยยังไม่เคยรักใครไม่ได้เด็ดขาด” “พูดจริงดิ” ผมหันไปมองหน้ามันแบบขำๆ จะตายอยู่แล้วยังจะมีอารมณ์มาคิดเรื่องนี้อีกหรอวะ “เออ จริงดิ กูคิดอย่างนั้นจริงๆนะเว้ย กูเสียดายตายถ้าชีวิตกูไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งเหมือนในนิทานอ่ะ กูมโนไว้หลายเรื่อง ถ้าไม่ได้ทำสักเรื่องกับคนที่รัก กูคงเป็นวิญญาณที่โคตรเศร้าแน่ๆ อย่างน้อยก่อนจะตายก็ควรมีความทรงจำดีๆกับใครสักคนป่ะว่ะ” ไอ้คริสพูดอย่างจริงจัง จริงจังมาก จนผมเองต้องกลั้นขำไว้ มันแม่ง... โคตรน่ารัก “อืมๆๆ แล้วไงต่อ” “ก็พอกูคิดอย่างงั้นปุ๊บ จู่ๆความเจ็บที่กำลังโดนกระทืบก็หายไปเฉย ตอนนั้นกูก็มึนๆงงๆเหมือนสติกูเริ่มไปแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าโดนลากโดนยกไปนอนที่ไหนสักอย่าง ตอนนั้นกูคิดกูคงได้ขึ้นสวรรค์แล้วละมั้ง กูเสียใจมาก กูนึกว่ากูตายแล้วมีเทวดามาหิ้วปีก ไอ้ห่าแม่ง” “ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะลั่น โอ๊ยยยย จินตนาการมึงนี้เนอะ ตลกอะ “อย่าขำดิวะ กูจริงจังนะเนี้ย” “เออๆ ต่อดิ” “เออ กูก็กำลังเสียใจหนักมากไง แล้วทีนี้กูก็รู้สึกว่าคนมากุมมือกู พูดให้กำลังใจกู แล้วมันแบบโคตรรู้สึกอบอุ่นเลยเว้ย ไอ้ความรู้สึกถูกทิ้งเหลือตัวคนเดียวจนตายมันหายไปหมดเลย กูรู้สึกดีใจมากที่มีคนมาอยู่เคียงข้างกู ณ ตอนนั้น กูก็เลยพยายามลืมตามองว่าใครคือเจ้าของมือที่แสนอบอุ่นนั้น” พอพูดมาถึงตรงนี้ไอ้คริสมองหน้าผม ก่อนจะยิ้มนิดๆ แล้วเอามือมากุมมือผมไว้ -///- ไอ้ผมก็แรดยอมให้มันจับไม่สะบัดออกสักนิด “ตอนที่ลืมตาแล้วเห็นหน้ามึงอ่ะ กูคิดว่ามึงเป็นนางฟ้าจริงๆนะ หัวใจกูเต้นแรงมากจนกูเองยังกลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากตัวกูเลย” “เวอร์!” “จริงๆเว้ย” “อ้วก” ผมทำท่าอ้วกแก้อาย แหม ผมก็คนนะครับไม่ใช้พระอิฐพระปูนถึงจะไม่รู้สึกอะไรเลย พูดมาขนาดนี้ไม่เขินก็แปลกแล้ว “ปิ๊น มึงคือรักแรกพบของกูนะ” ฉ่า -////////- หน้าร้อนไปหมดแล้วคร้าบบบบ ทำไมถึงอะไรน้ำเน่าได้ขนาดนี้วะ “มึง มันใจง่ายมากกว่า แหม เจอกูตอนมึนๆแป๊บเดียวก็มาบอกว่ารักซะแล้ว ไวไปไหมมึง” ผมไม่เชื่อหรอกครับว่าคนเราจะรักอีกฝ่ายได้เพียงแค่เห็นหน้ากัน ถ้าชอบเล่นๆก็ว่าไปอย่าง “กูก็คิดแบบนั้นแหละ แต่พอกูฟื้นมารักษาตัวจนหายกูก็ยังไม่สามารถลืมหน้ามึงไปได้เลย กูก็เลยคิดว่าต้องหามึงให้เจอให้ได้ แต่พอกูเจอมึงแม่งก็เสือกความจำสั้นจำกูไม่ได้อีก กูเลยหงุดหงิดไง คนแม่งก็มองเต็มไปหมด ยอมรับตรงๆเลยว่ากูกลัวเสียหน้ามากเลยต้องพูดบังคับมึงไป” “แต่หลังจากนั้นมึงก็บังคับกูทุกวันอ่ะ” “ฮ่าๆๆๆ เออยอมรับ ก็มึงน่ารักนิหว่า กูกลัวว่าถ้าไม่บังคับมึง มึงคงไม่มาเจอหน้ากูอีกแน่ๆ เลยต้องหาข้ออ้างมาบังคับมึงอะ” ก็จริงแหละครับ ใครจะไปอยากเจอมัน ณ ตอนนั้น ภาพตอนยืนเถียงกันริมถนนเข้ามาเป็นฉากๆเลย “งั้นเรื่องหนังสือนั้น มึงก็แค่เอามาอ้างเล่นๆไม่ได้อยากได้คืนจริงๆใช่ป่ะ?” ผมลองแกล้งถามมันดู “ไม่ได้อ้างเล่นๆเว้ย! อยากได้คืนจริงๆสิถามได้ กูรักกูหวงมากเลยนะเล่มนั้น วันที่พกมากูก็กะจะเอาไปอ่านที่ตู้อ่านหนังสือคนตาบอดสักหน่อย แต่ดันมามีเรื่องก่อนไง” พอฟังมันพูดก็แอบคิดนะครับว่า มันเองนี้ก็ใจดีไม่น้อย มีคิดจะไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟังด้วย “งั้นกูก็ต้องหามาคืนมึงให้ได้จริงๆใช่ไหม ถึงจะเป็นอิสระ” ผมถามมัน เพราะดูท่ามันหวงหนังสือเล่มนั้นมากจริงๆ “ไม่คืนก็ได้นะ” “เฮ้ย จริงดิ” “เออ แค่มาเป็นแฟนกูจริงๆก็พอ” “ไอ้บ้า! ตกลงกันแค่ 6 เดือนเถอะ จำไม่ได้รึไง” ทีงี้ล่ะเนียนเลยนะมึง “ก็กูอยากเป็นนานกว่านั้นอ่ะ” แล้วไอ้คริสก็ทำหน้าเป็นเด็กโดนขัดใจอีกรอบ “ถึงตอนแรก เรื่องของเราสองคนมันจะเป๋ๆแปลกๆไปบ้าง แต่ทุกครั้งที่กูอยู่กับมึง กูมีความสุขมากนะเว้ย กูเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ กูคิดว่ามึงเองก็น่าจะรู้สึกเหมือนกูใช่ไหมล่ะ” “มึงรู้ได้ไง อย่ามั่วไปหน่อยเลยว่ะ” เถียงครับ ผมคีพลุคตลอดแหละ “ถ้าไม่ใช่ มึงคงไม่กล้าปล่อยกลิ่นปากเน่าใส่กูหรอก ไอ้ห่า แถมตุ๊กตาลิงตัวนั้นก็อยู่บนเตียงมึงด้วยใช่ไหมล่ะ รู้สึกดีกับกูแล้วบอกมาเหอะ ทีกูยังบอกมึงตรงๆเลย” “...” แม่งเจอมันพูดแบบนี้ผมเองก็ไปไม่เป็น “ของอย่างงี้มันก็ต้องรอเวลาก่อนป่ะว่ะ ให้มันชัวร์ก่อน ไม่ใช่พูดออกมาง่ายๆแบบมึง” ผมเถียงมันไป “ไม่ใช่ว่ากูพูดออกมาง่ายๆเว้ย แต่กูที่เคยเฉียดตายมาก่อน กูรู้ดีว่าทุกนาทีมันมีค่า กูรอดมาแล้ว กูก็ควรทำในสิ่งที่กูอยากทำ พูดในสิ่งที่กูอยากพูดกับคนที่กูอยากให้รู้ไง ไม่อยากเสียดายอะไรอีกแล้ว กูแมนพอที่จะพูดความจริง...แล้วมึงล่ะแมนพอป่าว ที่จะทำตามความรู้สึกตัวเอง” เด็กหนุ่มลูกครึ่งพูดอย่างท้าทาย เพราะตัวเขาคิดไว้แล้วว่า ร่างเล็กกว่าตรงหน้าเขามีใจให้เขาบ้างแน่นอนไม่มากก็น้อย อยู่ที่ว่าจะกล้าพูดออกมาหรือเปล่า ผมไม่ได้ตอบอะไรไอ้คริสไป แต่ก้าวเท้าเดินต่อ ถ้าถามความรู้สึกตอนนี้แน่นอนว่าผมเองก็รู้สึกดีๆกับมันแหละครับ แต่ถ้าจะให้ยอมรับความจริงมันก็น่าอายไหมล่ะ แถมต้องตอบคำถามเพื่อนๆผมอีก ไหนจะสังคมอีกล่ะครับ ถึงประเทศไทยจะบอกว่ายอมรับเกย์กันมากขึ้นแต่เอาเข้าจริงก็มักมีการพูดถึงในทางเหยียด ดูถูก เหมือนเป็นตัวตลกในสังคมเสมอ ไม่ใช่แค่นี้นะครับ ครอบครัวพวกผมอีก ทั้งพ่อและแม่ผมเป็นคนหัวโบราณครับบ่อยครั้งที่เวลาพ่อหรือแม่มาเยี่ยมผมกับพี่ปูนแล้วนั่งดูทีวีด้วยกัน เวลามีข่าวเกี่ยวกับเกย์ พ่อก็มักบอกว่าพวกนั้นมันบ้าเกิดเป็นผู้ชายดีๆไม่ชอบ เดี๋ยวก็โดนฟ้าผ่าตาย แม่ก็บอกว่า เสียดายหน้าตาหล่อๆเป็นเกย์กันไปหมด ไม่น่าเป็นเลย เป็นต้น เอาแค่เรื่องพวกนี้ไม่รวมเรื่องยิบย่อยผมก็ประสาทจะกินแล้วครับ “แล้วตกลงเรื่องเมื่อตอนเย็นคืออะไร?” ไอ้คริสถามขึ้น ทำให้ผมหลุดจากความคิดตัวเอง “ก็...คือเพื่อนกูมันรู้ว่ามึงบังคับให้กูเป็นแฟนไง มันก็ไม่พอใจ บอกให้กูมาเคลียร์กับมึงว่า...ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับกูอีก เดี๋ยวพวกมันจะช่วยกันหาหนังสือมาคืนมึงให้อ่ะ” ผมบอกมันเสียงเบา “แล้วแม่งเสือกอะไรด้วยว่ะ! เรื่องของกูกับมึงสองคนป่าวล่ะ คิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะแยกมึงไปจากกูได้หรอ ไม่มีทาง!” ไอ้คริสดูหัวเสียมากพอได้ฟังที่ผมพูดเสร็จ “อย่าด่าเพื่อนกู เพื่อนกูมันก็ห่วงกูถูกแล้วเว้ย ลองเป็นเพื่อนมึงโดนอย่างนี้มึงจะยอมอยู่เฉยไหมล่ะ?” ผมถามกลับ ซึ่งแน่นอนว่าไอ้คริสก็เงียบไปเป็นตัวมันเองก็คงไม่ยอมเห็นเพื่อนโดนบีบบังคับเหมือนกัน “ขอโทษนะ” “ห๊ะ? ขอโทษเรื่องไรอะ” “ขอโทษที่บังคับมึงไง” “อ้อ อืม” ผมตอบรับ อยู่ๆมาขอโทษอย่างรู้สึกผิด ผมเองก็แอบตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน เดินจนถึงป้ายรถเมล์แล้วนั่งลงไปพลางมองดูว่าใกล้จะมีรถเมล์ผ่านมาหรือยัง “แล้วมึงอยากให้กูเลิกยุ่งกับมึงหรือเปล่า?” ไอ้คริสที่นั่งตาม เอ่ยถามขึ้นแล้วมองมาอย่างรอคำตอบ ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจแล้วสินะ . . . “คนอย่างมึงเคยฟังใครไหมล่ะ ถึงกูไล่ มึงก็วิ่งตามอยู่ดี” ผมบอกมันไปแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจความหมายจากคนปากแข็งแบบผมไหมนะ “ฮ่าๆๆๆ รู้ใจกูไม่พอ ยังรู้สันดานกูอี๊กกกกกก” ไอ้คริสยิ้มแฉ่ง อย่างพอใจคำตอบผม “ก็แค่ 6 เดือนเว้ย ในฐานะแค่เพื่อนเท่านั้น อย่าทำเป็นดีใจไป ชิ” ไม่รู้ว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไร จะโดนพวกเพื่อนผมรุมด่าในการกระทำของผมหรือเปล่า แต่ก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตไปครับ คิดมากไปก็ไม่ช่วยอะไร ไอ้คริสเองมันก็ดีกับผมมากๆ ถ้าคบกับมันเป็นเพื่อนไปก่อนก็คงไม่เสียหายอะไร อย่างน้อยก็ถือว่ารับผิดชอบที่ทำหนังสือมันหายไปก็แล้วกัน “อาทิตย์หน้าโรงเรียนกูจัดโอเพ่นเฮ้าส์ มึงจะไปป่ะ?” ไอ้คริสถามขึ้น ผมเองก็เห็นประกาศเชิญชวนในเฟสบุคที่มีคนแชร์ๆกันมาเหมือนกัน ว่าโรงเรียนมันจัดงานโอเพ่นเฮ้าส์ “ไม่รู้ดิ มีอะไรน่าสนใจอ่ะ” “ตัวกูไง น่าสนใจสุดในโรงเรียนล่ะ” ^^ “โอเค งั้นกูไม่ไป” - - “เฮ้ย ล้อเล่น ไปเหอะ อยากให้ไปอ่ะกูมีเล่นดนตรีตอนเย็นไปเชียร์กูหน่อย กูต้องการกำลังใจนะเว้ย” ไม่พูดปล่อยยังส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ผมอีก “เออๆ ก็ได้วะ” ผมตอบรับมันไป เห็นหน้าตาวอนตีน?แล้วสมเพชเวทนา “กูจะรอนะ” “เอออออ ว่าแต่มึงขึ้นรถเมล์สายอะไรว่ะ กูจะได้ช่วยดูให้” ผมถามพลางคอยมองหารถเมล์ “ไม่รู้ดิ กูก็ไม่เคยขึ้นจากที่นี้ไปถึงบ้านกูสักที” “อ้าว แล้วทำไมไม่ขึ้นแท็กซี่ตั้งแต่แรกว่ะ จะเดินมาป้ายรถเมล์ทำไมตั้งไกล บ้าป่ะเนี้ย” “ก็...แค่อยากอยู่กับมึงนานๆ” “โว๊ะ ในหัวสมองมึงนี้มีแต่น้ำเน่าป่ะว่ะ ไอ้ห่า พูดแต่ละคำ ขนลุกฉิบหาย” “หึหึหึ พูดจากใจโว๊ยยย เขินอ่ะดิ” “เขินพ่อง นู่นรถแท็กซี่มาแล้วโบกเร็ว” ผมรีบบอกมัน ไอ้คริสก็ลุกไปยืนโบกจนแท็กซี่จอดรับ “เดินกลับดีๆนะปิ๊น ถึงบ้านแล้วบอกกูด้วยล่ะ” ไอ้คริสสั่ง “อืมๆ มึงเองก็กลับดีๆนะ” “โอเค รีบนอนนะจะได้หายป่วยไวๆแล้วอย่าลืมฝันถึงกูล่ะ” “ไม่มีทาง รีบไปได้แล้ว ชิวๆ” ผมทำท่าไล่มันจนแท็กซี่ออกรถไป ไอ้คริสเองก็มองจากในตัวรถมาที่ผม แล้วยกมือบ๊ายบายให้ ผมก็แค่ยกมือโบกกลับไปก่อนจะหันหลังกลับบ้าน... ไปด้วยรอยยิ้ม :-[
:mew1: :mew1: :mew1:
คริสเป็นผู้เป็นคน น่ารักขึ้น รู้ักขอโทษที่บังคับด้วย :mew1:
:L2: :pig4:
ตอนที่ 13 คนขี้เผือก “เคลียร์กันยัง?” พี่ปูนที่เหมือนจะนั่งรออยู่ ถามทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าบ้านมา “ไม่ได้มีไรให้เคลียร์สักหน่อย พี่ปูนอ่ะคิดไปเอง” “ไม่เชื่ออ่ะ...แล้วเขาเป็นแค่เพื่อนจริงหรอออออ” “ก็แค่เพื่อนนนนน” “ชิ ปากแข็งอ่ะ เพื่อนที่ไหนเขายอมโดดเรียนมาเฝ้าคนป่วยทั้งวันกัน” “ง่วงแล้ว ปิ๊นไปนอนดีกว่า ฝันดีนะคร้าบบบ” ไม่อยู่ให้พี่ปูนซักต่อก็รีบชิ่งขึ้นมาบนห้องตัวเองเลย ขึ้นมาลูบตัวให้สะอาดแล้วก็เตรียมล้มตัวนอนนี้คงเป็นวันแรกที่ผมเข้านอนไวมาก ตั้งแต่ 2 ทุ่ม สงสัยเพราะป่วยเลยอยากนอนไวๆล่ะมั้ง ครืด ครืด เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้ผมที่กำลังจะนอนหันไปดู -ไอ้บ้า คริส- กะจะกดรับเลย แต่ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวมันจะคิดว่าผมรอโทรศัพท์มัน ฉะนั้นปล่อยให้ดังจนสายตัดไปครับ อิอิ สะใจ แล้วก็เป็นผมเองที่มารอมันจริงๆว่าเมื่อไรจะโทรกลับมาอีกสาย - - รีบโทรกลับมาอีกสิวะ กูจะได้นอน! ครืด ครืด -คริส- มันโทรมาแล้วครับ คราวนี้ผมยอมรับสายดีๆ เพราะรู้สึกง่วงมากแล้ว ขี้เกียจแกล้งมัน ไม่ได้รีบหรืออยากคุยกับมันจริงๆนะครับ “ว่าไงวะ” “ทำไมรับช้า” “ก็กูง่วงกำลังเคลิ้มๆเลยรับช้าไปหน่อย” “อืมๆ กูก็รอโทรศัพท์มึง บอกให้โทรมาถ้าถึงบ้านก็ไม่โทร” ไอ้คริสบ่นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ผมเองก็ลืมสนิทเลยจริงๆ “เฮ้ย ลืม ไม่ได้ตั้งใจนะลืมจริงๆ ขอโทษนะเว้ย” ผมรีบบอกมันทันทีอย่างรู้สึกผิด ทำไมสมองปลาทองอย่างนี้วะเนี้ย “เออ ถึงบ้านปลอดภัยก็ดีแล้ว กูจะได้ไม่ต้องห่วง” แม่งเล่นพูดแบบนี้ สู้ต่อว่าผมมาสักนิดยังจะรู้สึกดีกว่าอีก โคตรรู้สึกผิดเลย “ขอโทษจริงๆนะเว้ย แล้วมึงถึงบ้านยัง?” “เพิ่งถึงเนี่ย เห็นยังไม่โทรมาสักทีเลยโทรมาถาม” “ถึงก็ดีแล้ว” “มึงไปนอนต่อเถอะ กูโทรมาถามแค่นี้แหละ พักผ่อนเยอะๆจะได้หายไวๆ” “อืม...ฝันดีนะ” ผมพูดเสร็จก็รีบกดวางสายทันที โอ๊ยยยยยยย เมื่อกี้พูดอะไรลงไปว่ะเนี้ย คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยจนทนไม่ไหวต้องรีบข่มตานอนให้หลับ ยุบหนอ พองหนอ หลับหนอ นอนหนอ ท่องไปเรื่อยๆจนในสุดผมก็เข้าสู่ห้วงนิทรา วันจันทร์ ณ โรงเรียน เช้านี้เป็นเช้าที่ผมเตรียมตัวเตรียมใจมากที่สุดในการทำใจมาโรงเรียน เอาเว้ยวันนี้ต้องเคลียร์กับเพื่อนให้รู้เรื่อง ผมเดินขึ้นยังอาคารเรียนเมื่อถึงห้องเรียนก็เห็นไอ้เจสกับไอ้ปอนั่งอยู่ในห้องเรียนพร้อมกับเพื่อนๆบางคนก่อนแล้วครับ “ไงมึง หน้าตาดูสดชื่นนะ หายป่วยแล้วหรอ” ไอ้เจสเอ่ยทัก “ก็ดีขึ้นแล้วล่ะมึง เลยมาเรียนนี้ไง” ผมตอบมัน ก่อนจะวางกระเป๋าแล้วนั่งลงไปที่โต๊ะนักเรียน “แล้วตกลงเคลียร์กับมันหรือยัง?” คราวนี้ไม่ใช่ไอ้เจสถามแต่กลับเป็นเพื่อนหน้านิ่งอย่างไอ้ปอแทน “อืม ก็คุยกันแล้ว” “มันว่าไงบ้าง” “ก็...เป็นเพื่อนกันแทน แต่กูก็ต้องหาหนังสือนั้นไปคืนมันให้ได้เหมือนเดิม” ผมเลือกที่จะบอกไอ้ปอไปแบบนี้ แม้จริงๆแล้วทุกอย่างมันก็ยังคงทำเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนจากสรรพนามจาก ‘แฟน’มาเป็น ‘เพื่อน’ แค่นั่นเอง “แล้วมึงก็ยอมหรอว่ะ” ไอ้ปอหน้าตาดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “ไม่ใช่ว่ากูยอมเว้ย แต่มึงเข้าใจป่ะว่ากูทำของสำคัญมันหายไป กูก็ควรจะรับผิดชอบบ้างไม่ใช่หรอวะ อีกอย่างคบมันเป็นเพื่อนก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย มันเองก็เป็นคนที่นิสัยดีคนหนึ่ง” ผมบอกมันไปตามสคริปที่คิดไว้เมื่อเช้า -- คิดจะเถียงกับไอ้ปอต้องเตรียมตัวมาให้ดีครับ ไม่งั้นมีแต่แพ้กับแพ้ “...” ไอ้ปอไม่พูดอะไร แต่สีหน้านี้แสดงออกสุดๆว่าไม่พอใจ “มึงอย่าโกรธดิว่ะ คิดซะว่ากูมีเพื่อนดีๆแบบพวกมึงเพิ่มมาอีกคนละกัน เอาเวลามาช่วยกูตามหาไอ้หนังสือเล่มนั้นดีกว่านะมึง แฮ่” ผมยิ้มให้มันอย่างเอาใจแล้วจับแขนมันเขย่านิดๆ อย่างอ้อนๆ “เออ ก็ได้วะ” สำเร็จ! ไม่เสียแรงอ้อนเว้ย "แต่สัญญากับกูได้ไหม ว่าถ้ากูหาหนังสือบ้านั้นเจอ มึงต้องเลิกยุ่งเลิกคุยเลิกติดต่อกับมันอีก" "ทำไมอะ เก็บไว้เป็นเพื่อนก็ไม่ได้เลยหรอวะ" "ไม่ได้...เพราะกู..ไม่ไว้ใจมัน" "..." ผมนิ่งเงียบไป ไม่อยากสัญญาถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้อะครับ ทำไมไอ้ปอที่เป็นคนมีเหตุผลตลอดถึงได้กลายเป็นคนไร้เหตุผลแบบนี้ก็ไม่รู้ "หาให้เจอก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคุยกันอีกที" ผมตอบเลี่ยงๆไปแทน “เคลียร์กันเสร็จก็ลงไปลานใหญ่กันเหอะมึง ใกล้เวลาเข้าแถวแล้ว” ไอ้เจสพูดขึ้น พวกผมก็เห็นด้วยเลยพากันเดินลงอาคารเพื่อไปยังลานใหญ่เพื่อรอเข้าแถวเคารพธงชาติ ไอ้เจสเอาแขนมาคล้องคอผมอย่างเคยตัว พลางขยี้หัวไปมา ก่อนจะกระซิบเบาๆกับผมว่า “หาข้ออ้างได้ดีนิหว่า ไอ้ลูกหมา” มันพูดเสร็จก็ยิ้มๆอย่างมีเล่ห์นัย ผมเองก็ไม่ได้ตอบอะไร แค่ยักไหล่นิดๆพอเป็นพิธี หึหึ เย็นนี้ผมกลับบ้านไวอีกตามเคย ไอ้คริสโทรมาบอกว่าคงไม่ได้มาหาตอนเย็นเพราะมันติดซ้อมดนตรีกับเพื่อนครับจะมีงานวันศุกร์นี้แล้วต้องซ้อมกันหนักหน่อย เข้ามาในบ้านก็เห็นรองเท้าคู่แปลกตาวางไว้ตรงวางรองเท้า พอเข้ามาในตัวบ้านก็เห็นหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งคุยกับพี่ปูน เดินไปใกล้ๆก็เห็นเอกสารวางอยู่ คงน่าจะเป็นคนมาเช่าตึกคนใหม่ล่ะมั้ง “กลับมาแล้วน้าพี่ปูน” “อ้าวมาพอดีเลยปิ๊น มานั่งนี้สิ” พี่ปูนกวักมือเรียก ผมเลยเดินไปนั่งข้างๆพี่ปูน พอมองเห็นผู้ชายคนตรงหน้าก็รู้สึกว่าคนๆนี้ดูดีมากทีเดียว อายุน่าจะสัก 27-28 มั้ง “จำได้ไหมเอ่ยว่าคนนี้ใคร?” พี่ปูนถามพลางชี้ไปที่คนตรงข้าม หือ ใครว่ะ? เคยรู้จักคนหน้าตาดีแบบนี้ด้วยหรอ “จำไม่ได้อ่ะ ใครหรอครับ” “หึหึ น้อยใจจัง” ผู้ชายคนตรงข้ามพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออย่างไม่จริงจัง “เอ่อ ขอโทษจริงๆครับ” ผมบอกไป แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆว่าใคร “งั้นพี่จะใบ้ให้ล่ะกัน ว่าตอนเด็กๆปิ๊นขี่หลังพี่เขาทุกวันเลย” พี่ปูนบอกใบ้ให้อีกนิด ขี่หลังทุกวันหรอ? อืมมมม “พี่เสือ!” “ถูกต้องนะครับผม” พี่เสือเฉลย “อ๊ากกกกก คิดถึงงงงง” ผมร้องลั่นก่อนลุกวิ่งไปกระโดดกอดขี่หลังพี่เสือ “พี่ก็คิดถึงปินปิ๊นเหมือนกันน โตขึ้นเยอะเลยนะเรา” พี่เสือพูดหลังจากที่รับการกระโดดกอดขี่หลังจากผมเอาไว้ได้ ยังคงแข็งแรงเหมือนเดิมเลย ไม่สิ มากกว่าเดิมอีก “กลับมานานยังอ่ะพี่เสือ” “พี่กลับมาสัก2-3เดือนแล้วล่ะ พอดียุ่งกับการจะเปิดโรงเรียนสอนคาราเต้น่ะเลยยังไม่ได้มาเยี่ยมก่อนหน้านี้” พี่เสือเขาไปเรียนญี่ปุ่นตั้งแต่จบประถมศึกษาปีที่ 6 ครับ แล้วก็เรียนจนจบมหาวิทยาลัยที่นั่นเลย เพราะคุณพ่อพี่เขาเป็นชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานในไทย พอบริษัทแม่เรียกตัวกลับ ก็เลยพากันขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่นั่นถาวร แต่ก่อนเราอยู่บ้านใกล้ๆกันครับ พี่เสือมาเล่นด้วยกันทุกวันเลย “แล้วนี้จะมาเปิดโรงเรียนสอนคาราเต้ที่ไหนอ่ะ ที่ตึกพี่ปูนหรือเปล่า” ผมถาม “แล้วอยากให้มาเปิดที่นี้ไหมล่ะ?” “อยากกกกก” ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยครับ เพราะพี่เสือก็เป็นพี่ชายที่ใจดีมากๆของผมคนหนึ่ง แถมชอบเลี้ยงขนมผมอีก! “ปิ๊น ลงจากหลังพี่เสือได้แล้ว เราไม่ใช่เด็กแล้วนะ” พี่ปูนบอก ไอ้ผมก็ขี่หลังเพลินลืมตัวเหมือนกันว่าขี่หลังพี่เขานานไปแล้ว ก็เลยยอมลงจากหลังพี่เสือครับ “หึหึหึ อืม พี่ก็ตั้งใจมาเปิดที่นี้แหละ เด็กนักเรียนเยอะดี น่าจะมีคนสนใจมาเรียนเยอะ นี้ก็เพิ่งเซ็นสัญญาเช่ากับพี่ปูนไป โชคดีจริงๆที่คนเก่าเขาเพิ่งเซ้งไปเมื่อวาน” พี่เสือบอกก่อนจะหยิบใบสัญญาเช่าให้ดูเป็นหลักฐาน “ดีๆๆ ปิ๊นจะไปเรียนด้วยเป็นลูกศิษย์คนแรกเลยนะ จองๆ” ถ้าเล่าคาราเต้เป็นนี้ก็เท่ไม่เบาดีนะครับ ป้องกันอันตรายก็ได้ เอาไว้อวดสาวก็ได้ ฮ่าๆๆๆ “ดีมากน้องรัก เดี๋ยวพี่จะตั้งใจสอนให้เป็นพิเศษเลย” พี่เสือบอกแล้วก็ขยี้หัวผมอย่างแรงจนผมยุ่งไปหมด “เย็นนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันนะครับพี่เสือ ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด” พี่ปูนพูดผมเองก็พยักหน้าเห็นด้วย พี่เสือเองก็ตกลงตามนั้น มีต่อ
พี่ปูนก็เลยลงมือเข้าครัวปล่อยให้ผมกับพี่เสือนั่งเล่นเกมด้วยกันสองคนอย่างไม่มีใครยอมใคร พลัดกันแพ้พลัดกันชนะเลยครับ “เย้! ปิ๊นชนะอีกแล้ว ฮ่าๆๆ” ผมร้องลั่นเมื่อจบเกมส์ได้สักที “รอบนี้พี่อ่อนให้หรอกนะ คราวหน้าไม่แพ้แน่ๆ” ครืดดด ครืดดด เสียงโทรศัพท์สั่นทำให้ผมควักออกมาดูจากกระเป๋ากางเกงก็เห็นว่าไอ้คริสวิดีโอคอลมาครับ ผมก็กดรับไป ก็เห็นหน้ามันทันที “ทำไรอยู่อ่ะ” ไอ้คริสเอ่ยถาม “เล่นเกมอยู่บ้านอ่ะดิ” “เล่นที่ห้องนั่งเล่นหรอ เล่นกับใคร พี่ปูน?” “เปล่า นั่งเล่นเกมกับพี่เสือ” ทันทีที่ผมพูดไปไอ้คริสก็คิ้วขมวด “พี่ชายกูๆ” ผมรีบบอกก่อนจะหันจอไปทางพี่เสือ พี่เสือเองก็หันมามองไอ้คริสเหมือนกัน “หวัดดีครับพี่เสือ” เสียงไอ้คริสพูดทักทายมา “เออๆ หวัดดีเว้ย” พี่เสือตอบแค่นั้นผมก็หันจอมาที่ผมเหมือนเดิม “แล้วมึงอยู่ไหน ห้องซ้อมหรอ?” ผมถามเพราะสังเกตฉากหลังมันดูเหมือนพวกห้องซ้อมดนดรี “เออดิ เพิ่งได้พัก วันนี้คงเลิกซ้อมดึกอ่ะ” แล้วไอ้คริสก็สลับกล้องถ่ายให้เห็นบรรยากาศในห้องซ้อมที่พวกเพื่อนๆมันกำลังนั่งกินขนมกัน “อืมๆ สู้ๆเว้ย แค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวค่อยคุยใหม่ จะเล่นเกม” ผมบอกไป แต่จริงๆคือเกรงใจพี่เสือครับไม่อยากให้มานั่งรอผมคุย อีกอย่างคุยขณะที่ยังมีคนอื่นอยู่ด้วยมันก็พูดไม่ค่อยถนัดน่ะครับ “อืม โอเค” ไอ้คริสสลับกล้องมาให้เห็นหน้ามันเหมือนเดิมแล้วทำท่าส่งมินิฮาร์ทมาให้ ผมมองนิดนึงก่อนจะกดวางไป เพราะถ้าขืนมองนานกว่านี้ เดี๋ยวมันก็เห็นสิครับ ว่าผม ‘แอบยิ้ม’ พอได้เวลาหลังจากพี่เสือทานข้าวด้วยกันเสร็จก็ขอตัวกลับครับ แต่ะก็ไม่ลืมที่จะขอเบอร์โทรศัพท์ทั้งของพี่ปูนและของผมไปรวมถึงแอดไลน์กันไว้ด้วย ผมเองก็ขอตัวขึ้นไปบนห้องนอนก่อนจะรีบโทรหาไอ้ตง ที่ไม่รู้ว่าจมกองหนังสือเรียนไปหรือยัง รอเพียงไม่นานไอ้ตงก็กดรับครับ "ว่า" พูดอีหรอบนี้แสดงว่าอ่านหนังสืออยู่แหงๆ "วันศุกร์นี้มึงเลิกเรียนกี่โมง" ผมพูดเข้าประเด็นทันทีอย่างรู้งาน เวลามันอ่านหนังสือจะไม่ชอบให้ใครกวนเท่าไหร่ "ก็บ่ายสามโมงครึ่งอะมึง มีไรเปล่า" "เออ คือกูจะชวนมึง...ให้ไปงานโอเพ่นเฮ้าร์ที่โรงเรียนxyz เป็นเพื่อนหน่อยอ่ะ" "ฮั่นแน่~ ชื่อโรงเรียนมันคุ้นๆจังว่ะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนน้าาา" ไอ้ตงทำเสียงกวนประสาทใส่อย่างชอบใจ คิดผิดไหมเนี้ยที่มาชวนมันไปเป็นเพื่อน ฮึ่ยย "จะไปไม่ไป!" "นี้มึงชวนกูด้วยการตะคอกหรอวะ ไม่เข้าหูเลย ไม่ไปดีกว่า" "เฮ้ย ไม่ได้นะ มีมึงคนเดียวนี่แหละที่กูอยากให้ไปด้วยจริงๆนะ" ผมลงทุนอ้อนมันอีกรอบ อ้อนมันก็ยังดีกว่าไปเดินหัวเดียวกระเทียมลีบในที่ๆไม่รู้จักนะครับ อีกอย่างขืนชวนไอ้เจสไอ้ปอ ได้มีประเด็นใหม่ให้ปวดหัวขึ้นอีกแน่ๆ "ไปดีไหมมมม" ไอ้ตงแม่งก็ยังกวนไม่เลิก สงสัยต้องให้ผมเอาจริงซะแล้ว "ไอ้ตง มึงจำไม่ได้หรอวะ ที่กูเคยช่วยมึงทุกอย่าง มึงชวนกูไปสวนสนุกแล้วก็ทิ้งกูไว้กับไอ้คริสสองคน เพราะมึงอยากเดินกับบลิงค์ กูก็ยอมให้มึงเพราะกูอยากให้มึงมีความสุข ตอนมึงติดการ์ตูนแล้วต้องแอบแม่มึงอ่าน ใคร ใครที่คอยเปิดบ้านให้มึงเข้ามาแอบอ่านการ์ตูน ใครที่ออกรับแทนแม่มึงว่ามึงมาติวหนังสือ ใครกันที่ตอนเด็กช่วยมึงล้างรองเท้าที่เดินเหยียบขี้หมา ใครกันที่.." " เออๆๆ กูไปแล้วครับ กูไปเป็นเพื่อนมึงแล้ว โอเคไหม ไอ้ห่า แค่นี้ก็ทวงบุญคุณเลยนะ" "55555 ถือว่ามึงสัญญาแล้วนะเว้ย" สำเร็จไปตามแผน "เออๆ ให้เจอกันที่หน้าโรงเรียนไอ้คริสเลยแล้วกันนะ กูขี้เกียจย้อนไปย้อนมา" "โอเค ตามนั้น ใครถึงก่อนก็โทรหาละกัน" "อืมๆ ว่าแต่ช่วงที่กูไม่ได้ไปเจอมึงนี้ มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นหรอวะ มึงถึงได้อยากไปงานที่โรงเรียนมัน เห็นตอนแรกเกลียดขี้หน้าไอ้คริสจะเป็นจะตาย" "ถามไรนักวะ ไม่อ่านหนังสือแล้วหรอ ไปอ่านไป" "เดี๋ยวค่อยอ่านแต่มึงเล่ามาก่อน เร็วๆกูอยากเสือก" ไอ้ตงนี้มันพูดตรงดีจริงๆ เสือกก็บอกว่าเสือก เพื่อนใครอะหน้าด้านฉิบหาย "ไม่มีอะไรหรอก ก็มันขอให้ไปดูมันเล่นดนตรีก็แค่นั้น" ผมตอบมันไป ไม่อยากเล่าละเอียดมาก ตงรู้โลกรู้ ฉายามันแหละครับ "ไม่ใช่แค่นี้ม้างงง มีซัมติงกันแล้วใช่ไหมวะ กิ้วกิ้ววว" "กิ้วกิ้ว พ่องงงง ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ" " เออ ไม่เล่าไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปดูเองก็ได้" มันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ จนกลายเป็นผมเองที่รู้วึกกลัวอำนาจในความเสือกของมันจริงๆ "ตามใจมึงเถอะ แค่นี้นะ" "เออๆ มึงโดนกูจับได้แน่ไอ้ปิ๊น" ยังไม่วายพูดหลอกหลอนส่งท้ายอีกกก ผมเลยกดวางสายทันที ก่อนจะกดโทรศัพท์เล่นไปเรื่อยเปื่อย เข้าแอปนู่นออกแอปนี้ไปเรื่อยๆครับ ก่อนจะมีแจ้งเตือนขึ้นในเฟสบุค หือ ใครแอดเพื่อนมาวะ? -Disco Disko - เข้าไปดูข้อมูลก็เห็นว่าเรียนที่เดียวกับไอ้คริสครับ มีคนติดตามหลักพันอยู่นะเนี่ย คงจะฮอตไม่น้อย หน้าตาก็ดีครับ ดูมีเสน่ห์แบบคุณหนูเอาแต่ใจ เหวี่ยงนิดๆแต่ก็ดูน่ารัก คาริสม่าแรงมาก ผมนี้เลื่อนดูรูปเขาเพลินเลยครับ ขนาดอีกฝ่ายก็เป็นผู้ชายนะ แต่แรงดึงดูดแรงจริงๆ กดรับเพื่อนสิครับจะรออะไร พอกดรับปุ๊บ ข้อความในเฟสบุ๊คก็ขึ้นทันที "เป็นอะไรกับคริสหรอ" --------------------------- แล้วเสือกอะไรด้วยฟระ! ปิ๊นไม่ได้กล่าว เรากล่าวเอง 5555 แต่อาจจะมาช้านิดนึง เพราะจะหมดสต๊อกแล้ว จอคอมก็พังด้วย พิมพ์ในโทรศัพท์ก็จะช้าหน่อยนะคะ คนอ่านทั้งหลายอย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้า อยู่เป็นกำลังใจให้คู่รักคนเพี้ยนกับคนซึนกันก่อน จุ๊บๆ
ขอฝากผลงานอีกหนึ่งเรื่องล่าสุด เป็นแนวดราม่าๆ พระเอกตาบอด กับนายเอกที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ต่างจากคู่เพี้ยนปิ๊นคริสสุดๆ 5555 เป็นกำลังใจให้ #กานต์ขมด้วยน้า. http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60846.0#top
ทำไมรู้สึกเหมือนจะมีดราม่า :ling3:
ตอนที่ 14 ฉันหวงฉันมาทวงคนบ้าคืน! -เป็นอะไรกับคริสหรอ- หือ อะไรกันวะไม่เคยคุยกันอยู่ๆมาถามเรื่องส่วนตัวกันซะงั้น ผมเลยเลือกที่จะไม่ตอบครับ ไม่ใช่กงการอะไรที่ต้องมาตอบคำถามคนแปลกหน้า รู้สึกคิดผิดสุดๆที่กดรับแอดไอ้หมอนี่มา -นี่นาย อ่านแล้วก็ตอบสิ อย่าเล่นตัวได้ป่ะ- ไอ้เด็กนี่ยังตื้อไม่เลิกแถมวาจากวนบาทาสุดๆ ผมส่องแล้วไอ้นี้มันก็แค่เด็กม.4 เด็กกว่าผมอีก ปกติผมไม่ถือเรื่องอายุนะครับแต่เด็กนี่พูดจาโคตรปีนเกลียว /รู้จักกันหรอ จำไม่ได้เลยว่ามีคนไร้มารยาทแบบนี้ในชีวิตมาก่อน/ มา มึงม๊า กวนตีนมากวนตีนกลับไม่โกง -นี่นาย!!!- /อะไร!!!!!!!/ -ฮึ่ยยยยยยยยย พี่คริสชอบคนนิสัยเสียแบบนี้ไปได้ยังไงกัน ไม่คูลเลย- เอ้าไอ้เด็กเวร /ว่าคนอื่น หัดดูตัวเองก่อนดีกว่าไหมน้อง ถ้าน้องไม่กวนพี่ก่อน พี่คงไม่กวนกลับหรอก/ -ก็ตอนแรกถามดีๆไม่ตอบล่ะ- ยังจะเถียงอีก /ไม่มีคนบ้าที่ไหนคุยเรื่องส่วนตัวกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนหรอกเว้ย/ -ผมชื่อ ดิสโก้- - อยู่ม.4 รร.เดียวกับพี่คริส - -อนาคตจะเป็นแฟนกับพี่คริสให้ได้- -โอเค ถือว่าเรารู้จักกันแล้วนะ- -ตอบคำถามสักทีสิ- เด็กนี่แนะนำตัวเองอย่างมักง่าย เวรกรรมอะไรของกูต้องมาเจอกับเด็กประหลาดแบบนี้วะเนี้ยยยยย /น้องชอบไอ้บ้าคริสหรอ/ เห็นบอกอยากเป็นแฟนไอ้คริส -รักเลยต่างหาก- ไอ้เด็กนี่ก็อีกคน เอะอะก็บอกว่ารักอย่างง่ายๆมันละเหมือนไอ้บ้าคริสจริงๆเถอะให้ตาย -แล้วก็เรียกพี่คริสเพราะๆสิ- /ชอบมันก็ไปบอกมันสิวะ มายุ่งอะไรกับกู/ ผมรัวนิ้วพิมพ์ตอบไอ้เด็กนี่ไปอย่างไว แหม มาพี่คงพี่คริส หมั่นไส้ -อะไร หึงหรอ เกี้ยวกราดจังเลย- /ไม่ได้หึงโว้ย/ /ชอบมันก็ต้องไปบอกมันปะละ/ -พี่พูดงี้แสดงว่าพี่ไม่ได้เป็นแฟนกับพี่คริสอย่างที่เขาลือกันใช่ป่ะ- ใบ้แดกสิครับ ตอบไงดีวะ แล้วเขาลืออะไรกันวะ -อ้าว เงียบเลย- -งั้นผมถือว่าพี่ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่คริสนะ- -ผมจะได้เดินหน้าลุยจีบพี่คริสต่อแบบสบายใจ- /เฮ้ย ไม่ได้นะ/ ผมแค่คิดไม่ใช่หรอวะ ทำไมข้อความมันไปขึ้นในช่องแชทเฉยเลย พิมพ์ตอนไหนวะเนี้ย งง โทรศัพท์ผีสิงแน่ๆ -ไม่รู้ล่ะ ตอนแรกพี่ไม่ตอบเอง ผมถือว่าผมมีสิทธิ์- -อีกอย่างแบบพี่ไม่เหมาะสมกับพี่คริสหรอก- -ดีๆอย่างพี่คริสต้องคู่กับน่ารักๆอย่างผมสิ- -ไม่ใช่จืดๆไม่มีอะไรโดดเด่นสักอย่างแบบพี่อะ- -ขอโทษที่พูดตรงๆนะครับ อิอิ- -สติ้กเกอร์กระต่ายเต้นส่ายก้น- “โว้ยยยยย อยากฆ่าเด็กฉิบหาย” ผมสบถออกมาอย่างหงุดหงิด อยากจะเถียงหรือด่ากลับ แต่ติดตรงที่ว่าเรื่องที่มันพูดมาแม่งจริงไง! ผมก็กากจริงๆอ่ะ -หวังว่างานโอเพ่นเฮ้าร์ศุกร์นี้ พี่คงไม่มาขัดจังหวะสารภาพรักผมนะ- -อิอิ- -ส่งจูบ- /เออ!/ ตอบแค่นั้นผมก็ออกจากแชทปิดอินเตอร์เนตทันที เด็กบ้าอย่างมันเนี้ยนะจะมาเป็นแฟนกับไอ้บ้าคริส บ้าเจอบ้าได้เป็นคู่รักพินาศโลกแน่ๆ ไม่ได้ๆ ผมจะยอมให้เกิดเรื่องร้ายๆแบบนั้นไม่ได้ ถึงไอ้เด็กนี่จะหน้าตาน่ารักมากเหมาะสมกับคนหน้าตาดีแบบไอ้คริสก็ตาม แต่สติปัญญามันทั้งคู่แม่งไม่ปกติเหมือนกันไง ปากก็หมาพอๆกัน นึกไม่ออกเลยว่าถ้าพวกมันสองคนคบกันจริงจะมีสภาพแบบไหนวะ ยังไงผมก็ต้องหยุดเรื่องนี้ให้ได้!!! วันงานโอเพ่นเฮ้าร์ ผมมาถึงโรงเรียนไอ้คริสเกือบห้าโมงเย็น ขนาดรีบมาตั้งแต่โรงเรียนเลิกแต่ก็ยังมาช้าเพราะเจอรถติด จะทันไหมเนี้ย ไอ้คริสย้ำผมตอนเช้าหลายรอบมากว่าต้องมาดูมันเล่นดนตรีให้ทัน ครืดดด ครืดดด -ตง- “ฮัลโหล ไอ้ตงมึงถึงยังวะ กูอยู่หน้าโรงเรียนแล้วเนี้ย” ผมพูดทันทีที่กดรับโทรศัพท์ /เออ กูเข้ามาในโรงเรียนแล้วซื้อน้ำกินอยู่มึงเดินเข้ามาแล้วมองทางด้านซ้ายจะเห็นเทพบุตรกางเกงดำยืนอยู่/ “ถุยยยย แกะดำสิไม่ว่า เออๆเดี๋ยวกูเข้าไปเลย” ผมเข้ามาในโรงเรียนไอ้คริสก็เห็นเด็กหลายโรงเรียนเข้ามาในงานเต็มไปหมด ทั้งชายหญิงละลานตามากจริงๆ ภายในงานมีจัดแสดงผลงานของเด็กตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาไปจนถึงมัธยมศึกษา มองผ่านๆก็ดูเจ๋งดีนะครับ ส่วนอีกด้านก็เป็นซุ้มขายของที่มีนักเรียนโรงเรียนไอ้คริสมาตั้งวางขายเต็มไปหมดทั้งของกิน เครื่องดื่ม แล้วก็พวกของจุกจิกต่างๆ มีคนซื้อกันเพียบ “กูอยู่นี่ ไอ้ลูกหมา มัวแต่เหม่อมองอะไรของมึงวะ” ไอ้ตงวิ่งเข้ามาตบบ่าเรียกความสนใจ เออก็ดีโผล่มาง่ายๆ ผมจะได้ไม่ต้องชะเง้อคอหา ยิ่งสูงน้อยๆอยู่ “กูก็ดูอะไรไปเรื่อยอะดิ ถึงนานยังวะ” “ก่อนมึงมาสักแป๊บอะ แล้วไอ้คริสอยู่ไหนวะมึงโทรหามันยัง” “เออว่ะ ลืมเลย โทรแป๊บ” ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะโทรหาไอ้คริส ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด /เปี๊ยก อยู่ไหนแล้วมาถึงยัง กูใกล้จะขึ้นไปเล่นดนตรีแล้วนะ/ ไอ้คริสบ่น เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจดังเข้ามาในสายด้วย “ถึงแล้วๆ ให้กูไปหาตรงไหนอะ” /เออ เดี๋ยวกูออกไปรับเอง อยู่ตรงไหนละ/ “ตรงที่มันจัดแสดงผลงานนักเรียนอะ ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ๆ” /โอเค รอแป๊บกูจะรีบไป/ ตกลงกันเสร็จผมก็กดวาง พอคุยกับไอ้คริสก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องวันนั้นที่ไอ้เด็กบ้าทักแชทผมมา เห็นในเฟสบุ๊คมันโพสว่าซ้อมเต้นคัฟเวอร์วงเกาหลีด้วย น่าจะขึ้นแสดงในงานนี้แหละ ผมเลยลองมองหารอบๆดูเพื่อจะเจอหน้าไอ้เด็กนั่น มันจะสารภาพรักกับไอ้คริสไปหรือยังวะ แม่ง “เป็นอะไรวะมึง หน้าเครียดเชียว มาเจอแฟนทั้งทีก็ต้องยิ้มดิวะ” ไอ้ตงพูดแล้วดูดน้ำกินอย่างสบายใจ ไม่นึกจะชวนกูกินด้วยสักนิดเลยนะ “แฟนพ่อง ไม่ใช่สักหน่อย” “หร๊า แล้วมึงจะทำหน้าเครียดทำไมวะ” “กูหาคนอยู่อะ...” “หาใครวะ มึงรู้จักใครที่โรงเรียนนี้นอกจากไอ้คริสอีกหรอวะ” ตงถามขึ้นอย่างสงสัยว่าเพื่อนตัวเท่าลูกหมาวันๆเอาแต่นอนของเขาจะรู้จักใครที่นี้ได้ “คือ..จะว่ารู้จักก็ไม่เชิงอะมึง ไอ้เด็กนั้นมันทักแชทกูมาเอง” “ทักมาทำไมวะ จะจีบมึงหรอ แหมๆเสน่ห์แรงนะมึง” “ไม่ได้จีบกู แต่จะมาจีบไอ้คริสต่างหาก!” ปิ่นปิ๊นตอบหน้ายู่อย่างแสดงความไม่พอใจ “เฮ้ย จริงดิ แล้วมันจะมาทักมึงทำไมวะ” “ทักมาเพื่อจะบอกว่าจะจีบไอ้คริสไงมึง” “เชี่ยแม่ง คนจริงวะ ฮ่าๆๆๆ แล้วมึงตอบมันว่าไง” “ไม่ได้ตอบอะไร แต่มันบอกว่าวันนี้มันจะสารภาพรักกับไอ้คริสอะมึง” "แล่วๆๆๆแล้วว ไอ้ลูกหมาจะโดนแย่งแฟนแล้วโว้ย ฮ่าๆๆๆ" ไอ้ตงหัวเราะอย่างชอบใจ "หัวเราะทำเชี่ยอะไรวะ กูเครียดนะเว้ย แม่ง!" ผมว่ามันอย่างหงุดหงิด คนกำลังจริงจังมาขำบ้าอะไร "...เฮ้ย..นี่มึงรักไอ้คริสไปแล้วหรอวะ..."
"....ป..เปล่า" เชี่ยแม่งเมื่อกี้ผมพูดบ้าอะไรไปวะ "ถ้ามึงไม่รักแล้วมึงจะโมโหทำไมที่มีคนมาจีบไอ้คริส ดีซะอีกที่จะมีเอามาลากไอ้คริสออกไปจากชีวิตมึง ไม่ใช่หรอวะ" "....." นั่นสิ ผมควรจะดีใจที่จะมีคนมาแย่งมันไป ผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมสักที แต่แค่คิดว่าจะไม่มีไอ้คริสอยู่ข้างๆอีก ผมก็รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจเหลือเกิน "รอนานไหมเปี๊ยก แฮ่กๆ" คริสที่วิ่งกระหืดกระหอบมารีบถามคนตัวเล็กทันทีเพราะกลัวอีกฝ่ายจะยืนรอนาน ผมได้แต่ส่ายหน้า มองดูมันที่คงรีบวิ่งมาหาผมจนยืนหอบเหงื่อเต็มหน้า ไม่ว่าเมื่อไหร่ไอ้คริสมันก็ยังคงทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนสำคัญเสมอ "อยากซื้ออะไรกินก่อนเปล่า เวทีที่กูจะขึ้นแสดงมันอยู่ด้านใน ไม่มีของกินขายนะ เดี๋ยวมึงจะหิวซะก่อน" ดูสิ ขนาดตัวมันเองยังไม่หายหอบ ยังจะมาห่วงกลัวผมหิวอีก ดีแบบนี้ชาตินี้จะหาได้จากที่ไหนอีกวะ "อ้าว เป็นไรอะ ตาแดงๆ" คริสถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กที่อยู่ๆก็ขอบตาแดงก่ำคล้ายจะร้องไห้ "ฝุ่นเข้าตามั้ง กูไม่หิวหรอก ไปตรงเวทีกันเถอะเดี๋ยวจะไม่ทันขึ้นแสดงนะ" "เอางั้นหรอ งั้นก็เดินตามกูมา" แล้วพวกเราก็พากันเดินไปยังเวทีครับ โรงเรียนมันกว้างใหญ่มากๆระหว่างทางก็มีเด็กโรงเรียนไอ้คริสทักทายมันเป็นระยะ แต่จะมาสะดุดหน่อยก็ตรงคำทักนี้ "ฮิ้ววๆ พามาเปิดตัวหรอวะไอ้เชี่ยคริส" กลุ่มนักเรียนชายที่น่าจะรุ่นเดียวกันเอ่ยแซวเพื่อนหน้าฝรั่ง "ตัวจริงน่ารักนี่หว่า 555" คริสไม่ตอบเพียงแค่ยิ้มน้อยและยักคิ้วให้เป็นอันรู้กัน "ทำไมเพื่อนมึงพูดแปลกๆวะไอ้คริส" ผมถามมันหลังจากเดินผ่านกลุ่มนั้นมาแล้ว พูดเหมือนรู้จักผมเลย "ไม่มีอะไรหรอกมึงรีบเดินเหอะ" คริสไม่ตอบเพียงแต่ยิ้ม แม่งยิ่งชวนให้น่าสงสัย ไม่มีอะไรแล้วจะทักแบบนั้นทำไมวะ! เดินมาจนถึงหน้าเวทีก็มีเห็นว่าตอนนี้เขากำลังเต้นคัฟเวอร์กันอยู่ครับ คนดูกันเยอะมากๆจนผมแทบมองไม่เห็น คือเตี้ยอะครับ โดนบังหมด "วงหมาป่าก็เต้นจบไปแล้วนะครับ เต้นได้พร้อมเพรียงกันจริงๆ" พิธีกรนักเรียนชายพูดขึ้นเมื่อวงนั้นเต้นจบและลงเวทีไปแล้ว "ใช่แล้วครับ เต้นดีเด้งเก่งมากๆ แบรี่ช๊อบชอบ" พิธีกรชายอีกคนที่ดูก็รู้ว่ามีร่างผู้หญิงอยู่ข้างในพูดชมอย่างออกรสด้วยใบหน้าดูเพ้อฝันเกินจริงทำให้ผู้คนที่มายืนดูหลุดยิ้มไปด้วย "แหมๆ ไม่ค่อยจะแสดงออกเลยนะครับคุณบุญเติม" "แอร๊ยยย แบรี่ต่างหากย่ะ!" สาวแบรี่ทำเป็นโวยวายอย่างไม่จริงจังก่อนจะทำเป็นงอนใส่ คนดูขำกันใหญ่ที่รู้ชื่อจริงของแบรี่ว่าคือบุญเติม เข้าใจคิดจริงๆเนอะ 5555 "ปล่อยให้คุณบุญเติม เอ๊ย คุณแบรี่งอนไปก่อนนะครับ เพราะตอนนี้ถึงคิวของวงสุดท้ายที่ทุกคนคงรอคอยรับชมกันมานาน นั่งก็คือวงเซเลอร์แมนนนนน" ทันทีที่พูดจบเรื่องกรี้ด วี้ดร้องและปรบมือก็ดังเซ่งแซ่ นักเรียนหลายคนยกกล้องขึ้นมารอถ่ายวิดีโอกันเยอะมาก สงสัยวงนี้จะฮอตจริง เหล่านักเต้นคัฟเวอร์เดินขึ้นเวทีมาประจำตำแหน่งตัวเอง ก่อนจะโบกมือทักทายผู้ชม "กรี้ดดดดด ดิสโก้น่ารักจังเลยย" "น้องดิสขาวมากกก" "รับหัวใจพี่ไว้ด้วยนะครับน้องดิสโก้" อย่าบอกนะว่าไอ้เด็กที่ยืนอยู่หน้าสุดแถมแต่งหน้าแต่งตาสไตล์สโมคกี้อายนั่นคือไอ้เด็กบ้าดิสโก้ที่ทักแชทมาหาผมวันก่อน เชี่ยแม่ง ตัวจริงออร่ายิ่งกว่าในรูปไปอีก หันไปมองไอ้คริสก็เห็นมันมองไปทางเวทีอย่างอารมณ์ดี มันไม่ได้อารมณ์ดีเพราะเห็นไอ้เด็กบ้าดิสโก้ใช่ไหมวะ ฮึ่ยยยย รู้สึกอยากกระโดดปิดตามันฉิบหาย เป็นบ้าอะไรวะเนี้ยกู เพี้ยนไปกันใหญ่แล้ว พอหันไปทางเด็กนั่นก็เห็นมันกำลังโบกมือบ๊ายบายมาทางไอ้คริสด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่สุด กูยืนอยู่ข้างๆทั้งคนมองไม่เห็นหรอวะ ข้ามหน้าข้ามตาสุดๆ หรือเพราะกูเตี้ยจนโดนคนข้างหน้าบังหมดวะ แม่ง จู่ๆเพลงพี่ป้างก็ดังขึ้นมาในหัวสมองทันที ~ฉันต้องทำ ทำอะไรสักอย่างแล้ว ให้เธอรู้ตัวว่ามีคน คนอย่างฉัน แอบมองเธออยู่ตรงนี้ ฉันนี้ไง~~~~ "มึงจะเขย่งทำไมวะไอ้ลูกหมา มองไม่เห็นหรอ" ไอ้ตงเอ่ยถามอย่างสงสัย ใช่ครับผมเขย่ง เขย่งแบบสุดตีนเลยด้วย สายตาก็จ้องมองไปยังเด็กนั่น แล้วก็เหมือนว่ามันจะเห็นผมแล้วด้วย... เหมือนได้สงครามประสาททางสายตาอะครับ เด็กนี่ดูไม่พอใจน่าดูที่เห็นผมมา หึหึหึ ให้มันรู้ซะบ้างว่านี่ปินปิ๊น แฟนไอ้บ้าคริสโว้ยยยยย (เฮ้ยไม่ใช่ดิ แค่เพื่อนๆ) แล้วคงเพราะเขย่งนานไปหน่อยอะครับ มันก็เลยเกิดอาการเมื่อย ประกอบกับโดนคนข้างหลังเบียดมา ผมเลยเสียหลักในการยืน เซไปเกือบล้ม แต่ก็นะ... ไอ้คริสก็รับผมไว้ได้อยู่ดี จนตอนนี้ผมเหมือนยืนอยู่ในอ้อมกอดไอ้คริสเลย "ยืนดีๆหน่อยดิ รุ่นนี้ล้มไปก็เลี้ยงไม่โตแล้วนะ" ไอ้คริสกระซิบบอกใกล้ๆ ถ้าเป็นปกติผมคงผลักมันออกไปไกลๆ แต่งนาทีนี้ที่รู้ว่าเด็กดิสโก้คงมองอยู่แน่ๆ ผมก็เลยสวมบทบาทแฟนแสนดีโคตรบอบบางแทนละกัน กูจะทำให้มึงกระอักความแค้นตายไปเลยไอ้เด็กบ้า ฮ่าๆๆๆๆ(หัวเราะอย่างชั่วร้ายในใจ) ผมแกล้งเป็นฉีกยิ้มหวาน. ทำท่าเขินนิดๆ แล้วเอามือทั้งสองข้างไปเกาะแขนไอ้คริสไว้ก่อนจะเขย่งใหม่อีกรอบ เดี๋ยวแม่งเด็กนั้นไม่เห็นการแสดงระดับออสการ์ของผม "งั้นขอเกาะแขนหน่อยนะ" ไอ้คริสหน้านิ่งไปนิด ก่อนจะมีสีแดงซ่านไปทั่วหน้า พอเห็นมันเขินผมเองก็ชักอายจริงๆขึ้นมาแล้วนะเนี่ย "ถ้ามึงอ้อนแบบนี้ทุกวัน กูคงเป็นบ้าตาย" ...กูก็คงเป็นบ้าไม่แพ้มึงเหมือนกันแหละ... รู้สึกหน้าร้อนวูบขึ้น ผมก็เลยเบนหน้าไปมองบนเวทีต่อ ไอ้ดิสโก้มันเริ่มเต้นแล้วครับแต่หน้านี่แบบโคตรบึ้ง แถมยังส่งตาขวางมาทางผมอีก แหมเห็นแบบนี้ก็สะใจ คุ้มค่ากับการลงทุนจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆ "ปิ๊น เดี๋ยวมึงอยู่กับไอ้ตงไปก่อนนะ กูจะไปเตรียมตัวแล้ววะ" "อ้าวหรอ งั้นไปเหอะ" "อย่าเดินไปไหนละ ถ้ากูอยู่บนเวทีแล้วมองมาไม่เห็นมึง มึงตายแน่" ไอ้คริสทำเป็นขู่ แต่โคตรไม่มีความน่ากลัว ผมก็เลยผงกหัวว่ารับรู้ไปงั้นอะ คนมันอุตส่าห์เก๊กเข้ม ก็ต้องทำเป็นกลัวให้สักหน่อย เหอๆ "งั้นกูไปละนะ" ไอ้คริสบอกซ้ำก่อนจะหันหลังฝ่าฝูงชนไป "คริส!" ผมตะโกนเรียกมันไว้ ไอ้คริสเองก็หันมามองผมตามเสียงเรียกทันที "สู้ๆนะมึง" โอ้ยยแม่ง แค่ประโยคธรรมดาแต่ทำไม หัวใจมันเต้นแรงจังวะเนี้ย ไอ้คริสยิ้มแป้นมองผมด้วยสายตาเชื่อม แล้วทำท่าตะเบะแบบทหารรับคำบัญชาการก่อนจะหันหลังเดินออกไป "จ้องจนท้องได้แล้วมั้ง ไอ้ลูกหมา แหมแล้วทำบอกไม่ใช่แฟนๆ ถุยยย เด็กอนุบาลยังดูออก" ไอ้ตงพูดกระแหนะกระแหนแทบจะเบ้ปากมองบนด้วยซ้ำ "ก็แค่เพื่อน!..สนิทมากไง" "มึงนี้มันปากแข็งจริงๆ ถ้าโดนคนอื่นแย่งไอ้คริสไป กูจะหัวเราะให้ฟันร่วงเลย" พอมันพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ผมก็เริ่มคิดมากอีกรอบ ถ้าเด็กนี่คิดจะจีบไอ้คริสจริงๆ ผมจะเอาอะไรไปสู้ได้วะ ไอ้ดิสโก้แม่งหน้าตาดีอย่างกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ แถมถ้าเรียนโรงเรียนเอกชนนี้ได้แสดงว่าต้องเรียนเก่งแล้วก็รวยมากแน่ๆ ต่างจากผมฟ้ากับเหวเลย แม่ง "อ้าว พูดแค่นี้หน้ามุ่ยเลยนะมึง กลัวมีคนมาแย่งไอ้คริสจริงหรอวะ" "มึงก็ดูหน้าไอ้คนที่จะมาจีบไอ้คริสดิ แม่งโคตรเพอร์เฟค" ผมบอกพลางบุ้ยปากไปทางไอ้เด็กดิสโก้ "คนนั้นหรอมึง โห งานหนักเลยนะนั่น มึงแม่งเทียบไม่ติด" ไอ้ตงมึงพูดแบบนี้ด่ากูว่าขี้เหล่ยัวรู้สึกดีกว่าอีก "เออดิ แท่ง มันจะสารภาพรักวันนี้ด้วย" "มึงไม่ต้องเครียดเว้ย มึงมากับใครลืมไปแล้วหรอ ไอ้ตงเพื่อนยากสุดหล่อคนนี้จะช่วยมึงเอง" ผมหันขวับทันทีที่มันบอกว่าจะช่วย ทำไมเพื่อนผมใจดีอย่างนี้เนี้ย! "จริงหรอวะมึง ขอบใจนะเว้ย" "จริงดิ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่งนะ" นั่นไง ว่าแล้วน้ำหน้าอย่างไอ้ตงรึจะมาช่วยผมฟรีๆ "จิ๊ มึงจะกินอะไรว่ามา" ผมถามอย่างไอ้ตงไม่พูดเรื่องกินหรอกครับ คบมานานทำไมจะไม่รู้ "มึงต้องบอกกูมาก่อนว่าตกลงมึงเป็นอะไรกับไอ้คริสกันแน่ ยังไม่ต้องอ้าปากเถียง กูขอความรู้สึกมึงจริงๆ ถ้ามึงรู้สึกมากกว่าเพื่อนกูก็จะช่วย แต่ถ้ามึงยืนยันว่าเป็นแค่เพื่อนกันกูก็จะไม่ช่วย เพราะว่าถ้าเป็นแค่เพื่อนมึงก็ควรจะยินดีที่มีคนมาชอบไอ้คริสโดยไม่รู้สึกหึงหวงอะไร ใช่ไหมละ" "..." แท่ง ทำไมคราวนี้ข้อแลกเปลี่ยนมันราคาแพงจังวะ กูยังตอบหัวใจกูไม่ได้เลย แล้วจะให้กูตอบมึงยังไงวะ "ตอบมาได้แล้ว อย่าคิดนาน เดี๋ยวโดนตัดหน้าจะหาว่ากูไม่เตือน" ไอ้ตงพูดแล้วบุ้ยปากไปทางเวทีที่ไอ้เด็กดิสโก้เต้นเสร็จแล้วกำลังเดินลงเวที สวนกับไอ้คริสที่ขึ้นเวทีมาเตรียมเครื่องดนตรีต่างๆ "กูไม่รู้อะ กูรู้แค่ว่า...กูไม่อยาก...เสียมันไปให้ใคร " ผมก้มหน้าตอบเสียงเบา แต่สิ่งที่ผมพูดไปมันออกมาจากความรู้สึกจริงๆ "หึหึ เด็กน้อยเอ๊ย อ่อนหัดเรื่องความรักจริงๆนะมึง ดีนะที่มึงมีเพื่อนเชี่ยวชาญชำชองอย่างกู กูพอจะรู้แล้วว่ามึงรู้สึกยังไง" ผมเงยหน้าไปมองไอ้ตง อะไรวะแค่ผมพูดแค่นั้นมันก็รู้เลยหรอว่าผมรู้สึกยังไง ตัวผมเองยังไม่รู้เลยนะ "ไม่ต้องทำหน้าหมางง เอาเป็นว่า..." "กูจะช่วยมึงกำจัดศัตรูหัวใจเอง " 5555555 แกจะปากแข็งไปได้สักกี่น้ำหนูปิ่นปิ๊น ใครอยากให้ตงมีคู่บ้าง เพื่อจะช่วยลดความเผือกเรื่องคนอื่นลงได้บ้าง เม้นเลยยยย แต่ถ้าไม่มีก็ไม่แต่งแค่นั้นเอง 555 ขอบคุณที่ยังคอยเม้นกันนะคะ ถ้าไม่มีพวกคุณเราคงถอดใจเขียนนิยายอีกรอบแน่ๆ ความตั้งใจมีเต็มร้อย แต่แรงใจนี่เหลือน้อยมากจนท้อบ่อยจริงๆ ฮืออออ ดราม่าซะงั้น 55555 แต่แต่งจบแน่นอน ตอนเขียนเรื่องนี้เรามีความสุขมากๆ แล้วก็หวังให้คนอ่านมีความสุขไปกับเรื่องนี้ด้วยกัน ฝันดีจ้า
:L2: :pig4: ปากแข็ง ใจอ่อน
เอาใจช่วยนะหนูปิ่นปืีีน :L2:
อย่ามัวปากแข็งนะปิ่นปิ๊น ระวังจะชวดนะ
:z13: รอจ้า คู่รักบ้าบอแห่งปี
ตอนที่ 15 "อือ" พอไอ้ตงยืนยันว่าจะช่วยผมก็เบาใจไปนิดนึง นิดนึงจริงๆ ก็พอดีกับที่พิธีกรแนะนำวงไอ้คริสมัน ผมก็เลยพุ่งความสนใจมาที่ไอ้คริสแทน พอถึงช่วงที่วงของไอ้คริสเริ่มแสดงก็มีผู้คนกี้ดให้กับวงมันมากมาย ท่าทางจะฮอตไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย ผมเองก็จำหน้าพวกเพื่อนมันไม่ค่อยได้หรอกครับเพราะไม่เคยเจอกันอีกเลยตั้งแต่วันที่มาทวงกระเป๋า จะพอจำหน้าได้ก็คือคนที่ชื่อแวน ที่เป็นนักร้องนำมันร้องเพลงเพราะมากครับ เสียงดีจริงๆ ส่วนไอ้คริสเล่นกีต้าร์ไฟฟ้าครับ แล้วก็มีมือกลองกับมือเบสอีกแค่นั้นแหละครับ ไอ้คริสส่งยิ้มให้ผมเสมอตลอดเวลาการเล่นดนตรีของมัน ผมเองก็เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปตอนมันเล่นกีต้าร์ไว้ครับ นานๆจะเห็นมันทำตัวเท่ๆบ้างอะนะ ขอถ่ายรูปจารึกไว้นิดนึง “แหมๆ ไม่ค่อยจะเห่อเลยนะมึง” ไอ้ตงพูดแซว แต่คิดว่าผมจะแคร์ไหม? บอกเลยว่าไม่สนแล้วครับ กูจะถ่ายอ่ะมีปัญหาอะไร “เรื่องของกูเว้ย” “เออ เรื่องของมึงก็เรื่องมึง ไม่ขัดจังหวะความสุขก็ได้วะ” “เออดี หุบๆปากไปมึงอ่ะ” พูดมากเสียสมาธิในการถ่ายรูปหมด “ชิ เออว่าแต่ไอ้คนนั้นใช่ป่ะวะ มารหัวใจมึงอ่ะ” ไอ้ตงสะกิดให้ไปดูไอ้เด็กดิสโก้ที่กำลังเดินไปทางตึกเรียนคนเดียว ไม่แน่ใจว่ามันจะไปเปลี่ยนชุดหรืออะไร “เออดิ” “เดี๋ยวกูไปจัดการให้” “เฮ้ย มึงจะไปจัดการอะไรเขา ไม่เอาแบบต่อยตีอะไรนะเว้ย “ ผมรีบบอกไอ้ตง มันชอบทำเรื่องบ้าๆเสมอ อีกอย่างผมไม่มีความคิดที่ทำร้ายใครเพราะเรื่องแค่นี้ด้วย “เออน่า กูแค่ไปขัดขวางการสารภาพรักของมันกับไอ้คริสเฉยๆ นี้แค่ไปดูราดราวไว้ก่อนไง ไปล่ะเดี๋ยวตามมันไม่ทัน” “เออๆ แต่ห้ามทำร้ายเขาเด็ดขาดนะมึง” ผมย้ำอีกที ไอ้ตงพยักหน้า ก่อนจะรีบเดินตามไปทางที่เด็กดิสโก้เดินไป พอไอ้ตงไปผมก็หันมาสนใจไอ้คริสต่อ มันเองก็เล่นกีต้าร์เก่งมากครับเล่นเพลงร็อคได้มันส์มาก เด็กผู้ชายกระโดดสนุกไปกับเพลงเยอะมาก หลายคนก็ตะโกนร้องเพลงตามไปด้วย ไอ้คริสเองก็ยิ้มเล็กๆมีเดินไปเล่นกีต้าร์ใกล้ๆกับเพื่อนแบบที่นักดนตรีเขาชอบทำกัน มันดูเท่มากจริงๆวันนี้ (วันนี้เท่านั้น วันอื่นกากเหมือนเดิม 5555) พอวงมันเล่นจบพวกเด็กนักเรียนก็โหร้องกันอย่างชอบใจพร้อมทั้งปรบมือให้ด้วย แล้ววงต่อไปก็ขึ้นมาแสดงครับ ยืนรอสักแป๊บเดียวไอ้คริสก็เดินมาหาผมที่เดิม “เมื่อกี้กูเท่อะดิ” มันพูดแล้วยักคิ้วข้างเดียว คงคิดว่าตัวเองเท่มากซะเต็มประดา “ก็งั้นๆอะ กูฟังแต่เสียงนักร้อง” ผมแกล้งบอกมันไป “อะไรวะ กูอุตส่าห์ตั้งใจเล่นแทบตาย ไม่คิดจะชมกูหน่อยหรอ” “แล้วมึงร้องเพลงได้ไหมล่ะ กูฟังเสียงกีต้าร์ไม่ออกหรอกว่าเพราะหรือไม่เพราะ ถ้าเป็นเสียงร้องก็ว่าไปอย่าง” ผมที่เห็นมันหน้ามุ่ยเพราะแค่ผมไม่ชมมันก็เลยแถไปว่าฟังไม่ออกแทน จะให้ชมต่อหน้าตรงๆว่า ‘มึงเท่มาก’ก็เขินนะครับ “เป็นดิ จะฟังเลยไหมล่ะ” ไอ้คริสรีบตอบเหมือนมันอยากร้องให้ผมฟังมาก “ไม่....เออ ฟังก็ได้..แต่หาที่เงียบๆนะ ไม่งั้นคงฟังไม่รู้เรื่องตรงนี้เสียงดังมาก” ตอนแรกผมคิดจะปฎิเสธครับ แต่พอนึกได้ว่าผมควรพาไอ้คริสไปอยู่ให้ห่างไกลจากผู้คนจะได้หลบไอ้เด็กดิสโก้ที่จะมาสารภาพรักด้วยก็เลยบอกให้มันไปหาที่ร้องเพลงเงียบไกลๆดีกว่า “ก็ได้ ตามมาดิ” แล้วไอ้คริสก็จับมือผมจูงออกไปครับ ผมเองก็ไม่ได้สะบัดออกอย่างเคย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน อยากแสดงความเป็นเจ้าของมั่ง.... แล้วไอ้คริสก็เดินไปเอากีต้าร์โปร่งจากเพื่อนมันมาก่อน พวกเพื่อนมันเองก็แซวๆครับ ผมก็แอบอายเหมือนกันเลยจะดึงมืออกแต่ไอ้คริสก็จับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แล้วเราก็พอกันเดินมาแถวหลังโรงเรียนที่เป็นสวนขนาดย่อมๆน่ะครับ ร่มรื่นดีเหมือนกันไม่มีเสียงดังของวงดนตรีที่เล่นต่อมาให้ได้ยินเลย ไอ้คริสก็พาผมไปนั่งที่ม้านั่งใต้ร่มเงาต้นไม้ ตรงนี้ดูเป็นส่วนตัวดีครับ ไม่มีใครเดินมาเลย สงบมากๆ “อยากฟังเพลงอะไรอ่ะ” ไอ้คริสถามพลางลองดีดกีต้าร์เช็คเสียงไปด้วย “ไม่รู้ดิ แล้วแต่มึงเลย” ผมบอก ก็ใจจริงไม่ได้อยากฟังมันร้องนี่หว่า แค่จะหาเรื่องหลบเด็กดิสโก้เฉยๆ จะร้องเพลงอะไรก็ร้องมาเหอะ กูฟังได้หมดแหละ...ถ้ามึงเป็นคนร้อง (แหวะ) เสียงอ้วกในใจของใครดังขึ้น ฮ่าๆๆๆ “งั้นฟังเพลงนี้แล้วกัน กูอยากร้องให้มึงฟังด้วย” มันพูดขึ้นก่อนจะวางตำแหน่งนิ้วลงไปบนกีต้าร์โปร่งแล้วกันมามองผมยิ้มๆ “ตั้งใจฟังดีๆล่ะ “ “เออ” ผมตอบมันไป อยู่ๆก็รู้สึกร้อนวูบที่หน้า แม่งเอ๊ย เคยคิดว่าอยากมีโมเม้นท์นี้ไปเล่นกีต้าร์ให้สาวที่ชอบฟัง ไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้ต้องเป็นฝ่ายมานั่งฟังคนอื่นร้องเพลงเล่นกีต้าร์ให้แทน จั๊กจี๊ที่ใจดี มีต่อ
“รู้ไหมว่ามันดียังไง และรู้ไหมว่าสุขใจเพียงใด รู้ไหมว่าชีวิตเก่าๆ ของฉํนนั้นเปลี่ยนไปเท่าไร รู้ไหมว่าก่อนจะเจอเธอ รู้ไหมว่าฉันเคยเป็นยังไง รู้ไหมการที่ได้เจอเธอ นั้นช่างยิ่งใหญ่สักเท่าไร” คริสดีดกีต้าร์ไปร้องเพลงไปยังคงส่งยิ้มาให้ผมเหมือนเคย เสียงร้องของไอ้คริสก็ธรรมดาของเด็กวัยรุ่นทั่วไปครับ ไม่ได้เพราะมากมาย แต่ฟังแล้วรับรู้ถึงความจริงใจที่ส่งผ่านมา เขิยเว้ย! “เธอ เธอทั้งนั้นที่ทำ ให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ ตั้งแต่ได้เจอเธอ” ตั้งแต่ได้เจอกันผมกับมันก็มีเรื่องน่าจดจำขึ้นมากมายจริงๆ วันแรกที่เราได้เจอกันผมยังจำมันได้ดี นึกย้อนไปก็แอบขำอยู่เหมือนกัน “โลกที่เคยมองดูซึมเซา โลกที่มีแต่ความว่างเปล่า ฟ้าทึมๆและวันเศร้าๆ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ได้ เธอ เธอทั้งนั้นที่ทำ ให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ ตั้งแต่ได้เจอเธอ” คริสมันมองหน้าผมตลอดเวลาที่ร้องเพลง ตอนแรกผมก็มองกลับแหละครับแต่พอนานๆแม่งก็ทนสายตาหวานเชื่อมนั้นไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายหันหน้าหนีไปเอง ไม่ต้องส่องกระจกดูก็รู้ตัวเลยว่าผมแม่งต้องแดงมากแน่ๆ บางทีก็เกลียดสายตาที่ไม่เคยปิดบังความรู้สึกของไอ้คริสเลยจริงๆ “ขอบคุณสรวงสวรรค์ ให้เราได้เจอกัน ขอบคุณคนบนนั้นที่ทำให้ฉันได้พบเธอ ขอบคุณทุกเรื่องราว ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ.... เปี๊ยก สุดที่รัก..” เสียงกระซิบเบาในท่อนสุดท้ายของเพลงดังขึ้นใกล้ๆใบหูของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว ด้วยความตกใจเลยหันหน้าไปทางไอ้คริสทันที จมูกผมเลยชนกับหน้ามันเต็มๆ แล้วก็เหมือน.... จะโดนปากมันไปนิดๆด้วย ฮือออออออ แม่งงงงงง รู้สึกร้อนเหมือนหน้าจะระเบิดเข้าไปใหญ่ ใจผมมันเต้นโครมครามมากจริงๆ “เมื่อกี้...มันโดนปากจริงๆใช่ป่ะ” ยังจะมาถามอีกกกกก “ไม่รู้เว้ย ไม่โดนหรอก..มั้ง” ผมพูดอุบอิบ ก้มหน้าจนคางจะชิดกับอกอยู่แล้วครับ “งั้นหรอ หึหึ” “ขำอะไรวะ” ผมเงยหน้ามามองมันตรงๆ ตลกหรอที่ผมทำท่าทางแบบนี้ “เปล่า...แค่เวลามึงหน้าแดงนี่ น่ารักดีนะ” “...” เชี่ยแม่ง ไอ้ที่คิดว่าจะพยายามเลิกเขิน มันทำไม่ได้จริงๆอ่ะ “แล้วก็ กูชอบนะที่มึงเขินเพราะกูเป็นต้นเหตุ” คริสยิ้มร่าแล้วเอามือมาสอดประสานมือผมไว้ข้างหนึ่ง “แล้วเป็นไง กูร้องเพลงเพราะรึเปล่า” ผมที่ยังเขินๆอยู่ก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรนอกจาก “อือ” “ชอบเพลงที่กูร้องให้ไหม” “อือ” “ชอบกูไหม” “อือ” กำลังเขินมากไม่ได้ฟังว่าไอ้คริสถามอะไรเลยเอาแต่อือๆไปก่อน “งั้นปิ๊นมาเป็นแฟนกับคริสจริงๆนะครับ” “อือ” “ไชโย้!” ไอ้คริสตะโกนอย่างดีใจทำให้ผมสะดุ้ง “อะไร ไชโยอะไรของมึง” “ก็เมื่อกี้ปิ๊นยอมเป็นแฟนกับคริสจริงๆแล้วไง” มันยิ้มแป้นยกมือข้างที่สอดประสานกับมือผมไว้ขึ้นมาก่อนจะก้มจูบหลังมือผมไปแบบเน้นๆ “ฮ..เฮ้ย.. เมื่อกี้ไม่ได้ฟังเว้ย อย่าขี้ตู่เอาเองดิ” ผมรีบบอกมันลิ้นแทบพัน ก่อนจะดึงมืออกจากมัน “แต่เมื่อกี้ตกลงแล้วนะ จะกลับคำหรอ ทนเห็นกูไปเป็นของคนอื่นได้รึไง กูยังทนเห็นมึงอยู่ใกล้กับใครไม่ได้เลยนะ” ไอ้คริสบอกความรู้สึกตัวเองออกมา ก็จริง ผมทนเห็นมันไปเป็นของคนอื่นไม่ได้จริงๆ ตอนที่ไอ้เด็กดิสโก้ทักมาว่าจะสารภาพรักกับมัน คืนนั้นผมเองก็แทบนอนไม่หลับ มันว้าวุ่นใจน่ะครับ ถ้าวันนี้ผมยังปฎิเสธความรู้สึกตัวเองอีก คงได้ถูกไอ้เด็กดิสโก้คาบไปกินจริงๆแน่ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน! ขอทำตามใจตัวเองสักครั้งอนาคตช่างมันไว้ก่อน “ถ้านอกใจกูมึงตาย!” ผมพูดไปแค่นี้ ไอ้คริสก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข น่าหมั่นไส้จนอยากเอาคำพูดเมื่อกี้กลับมาซะจริงๆ “รับทราบครับผม” มันทำท่าตะเบะอย่างกวนๆแล้วยิ้มตาหยี “แล้วก็....รู้กันสองคนพอนะ แต่หน้าคนอื่นห้ามทำรุ่มร่ามเด็ดขาดด้วย” ผมบอกมันไว้ก่อน ไอ้คริสเองก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเอานิ้วก้อยมันมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยผมไว้ “สัญญา” คริสพูดแล้วมองตาผมเหมือนจะสื่อความรู้สึกให้รับรู้ว่ามันจริงจังกับคำสัญญามากแค่ไหน ผมเองก็มองตามันไปเช่นกันอย่างรับรู้ความรู้สึกที่ส่งผ่านมา ใบหน้าของคริสค่อยๆเคลื่อนที่มาใกล้ผมไปเรื่อยๆ ใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่กระทบกับใบหน้า.... แปะ “ให้มันน้อยๆหน่อย ที่นี้โรงเรียนนะเว้ย” ผมบอกมันพลางเอามือที่ไปปิดหน้าไอ้คริสไว้ดันหน้ามันออกไปห่างๆ “ฮะๆ นั่นดิ ลืมไปเลยเนอะ” มันพูดพลางเกาต้นคออย่างแก้เก้อ “อืม ดิ” ผมบอก อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เกือบไปแล้วไง เกือบได้รู้จักกับคำว่า ‘จูบ’ จริงๆแล้ว ----------------------- :mew3: เขาเป็นแฟนกันแล้วววว :mc4: ตอนหน้าจะเป็นตอนของตงน้า รออ่านได้เลยว่าตงมันจะไปขัดขวางดิสโก้ยังไง 55555 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนิยายกากๆ พระเอก-นายเอกกากๆมากๆเลยจริงๆ ยังคงขอบคุณทุกคอมเมนต์ด้วยที่ไม่ทิ้งกันไปไหน ใครยังไม่เคยแสดงตัวก็แสดงตัวบ้างเถ๊อะะะ 55555 บางทีเราก็อยากรู้ว่ามีใครอ่านบ้าง :hao5: แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ :z2:
:hao7: :hao3: :-[ อีกนิดดด
อือออออ แอบอือตามน้อง :mew1: ตามติดตงกะดิส ดิสน่ารักเสร็จตงแน่ๆ หุหุ :mew3:
แวะมาเอารูปหนูปิ๊นกับบ้าคริสตอนสวีทททกันลงสักเล็กน้อย :-[ วาดกี่ครั้งหน้าไม่เคยเหมือนกันสักรอบ 55 :laugh: เดี๋ยวดึกๆจะเอาตง-ดิสโก้มาลงนะจ้า เห็นคอมเมนต์ก็มีกำลังใจมาต่อแล้ว กำลังเร่งปั่นอยู่น้า :katai4:
อ่านมาตั้งนานพึ่งรู้ว่าอะไรแปลกไป My angel ไหมคะชื่อเรื่อง angle มันไปคนละความหมายเลยนะ *-* :laugh: :laugh:
อ่านมาตั้งนานพึ่งรู้ว่าอะไรแปลกไป My angel ไหมคะชื่อเรื่อง angle มันไปคนละความหมายเลยนะ *-* :laugh: :laugh: กรรม จริงๆด้วย 555555 :laugh: แต่งมาจนเกินครึ่งเรื่อง ไม่ได้สังเกตเลยจริงๆ 55555 อ๊ายยยอาย :o8: วิ่งไปแก้แป๊บบบบ :katai5:
:o8:
ตอนที่ 16 ตง - ดิสโก้ “ลัน ลัน ลา” เสียงร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีที่ตอนนี้กำลังเดินไปกระโดดดึ๋งๆไปอย่างกับกระต่าย ท่าทางเหล่านั้นแสดงถึงการมีความสุขมากๆ ความสุขที่จะมาแย่งคนรักเพื่อนกูงั้นรึ ฝันไปเถอะ! ไอ้เด็กขาวโปด ตอนนี้กระผมนายตงสุดหล่อ หล่อที่สุดในซอย เพราะในซอยมีแต่คนแก่และเด็ก กำลังปฎิบัติภารกิจกำจัดมารหัวใจให้เพื่อนรักอย่างไอ้ลูกหมาปิ่นปิ๊นครับ ผมแอบเดินตามไอ้ขาวโปดนี่มา ท่าทางลันลานั้นทำให้ผมหมั่นไส้สุดๆจนอยากจะวิ่งไปตีก้นงอนๆนั้น ให้คามือมันคงจะนิ่มน่าดู เฮ้ย ไม่ใช่ดิว่ะ ต้องตีให้ก้นแตกไปเลย ถึงจะสาแก่ใจต่างหาก แอบมองจนเห็นมันเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่งครับ ผมเลยรีบวิ่งตามไปดู โชคดีที่ประตูเป็นแบบกระจกที่มืดๆนิดนึงพอมองเห็นข้างในได้ ผมเลยแอบส่องไอ้ขาวโปดที่เดินตรงไปที่กระจกอย่างสำรวจหน้าตาและเสื้อผ้าตัวเอง “น่ารักกว่าเมื่อวานอีกนะเราเนี้ย อิอิ” ร่างขาวพูดขึ้นแล้วยิ้มอย่างภูมิใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเอง เหอะ หลงตัวเองฉิบหาย คนบ้าที่ไหนชมตัวเองแบบนี้บ้าง แต่เหมือนความคิดผมจะดังมากไปหน่อยไอ้ขาวโปดเลยเลยหันมามอง หลบแทบไม่ทันเลยกู “ใครน่ะ” เมื่อกี้เมื่อจะได้ยินเสียงใครพูดเบาๆเลย แต่พอหันไปมองทางประตูก็ไม่มีใครเลยนี่น่า เราคงคิดมากไปเองมั้ง แต่มาที่ชมรมคนเดียวแบบนี้ก็น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ยรีบเอาของไปให้พี่คริสสุดหล่อดีกว่า ร่างขาวๆเดินไปที่กระเป๋าสีชมพูพิ้งค์ใบโปรดก่อนจะหยิบตุ๊กตาไอร่อนแมนรุ่นที่พิเศษแล้วก็มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ก็เพราะในนี้มันบรรจุความรักของดิสโก้ไว้ไง อิอิ “ลองเช็คเสียงอีกรอบดีกว่า” มือเรียวกดไปตรงปุ่มกลางตัวทันใดนั้นก็มีเสียงใสที่บันทึกไว้พูดออกมา /ไอเลิฟยู ไอเลิฟยู ไอเลิฟฟฟยูวววว / “ฮ่อยยย น่ารักอ่ะแค่เสียงยังน่ารักเลยพี่คริสต้องชอบมากแน่ๆ แล้วต้องตกลงเป็นแฟนกับเราแน่เลย อิอิ หุยยยแค่คิดก็ฟินแระอะ” ร่างเล็กยืนบิดเขินเมื่อมโนถึงชายที่ตรปลิ้มมากอย่างพี่คริส จนไปสืบรู้มาว่าพี่คริสชอบตัวการ์ตูนมากชอบทุกแนวเลย เหมาะเจาะกับตัวเขามากเลยที่ก็ชอบอะไรมุ้งมิ้งๆเหมือนกัน แต่วันนี้แฟนพี่คริสมาด้วยนี่น่า เพิ่งเคยเห็นตัวจริงก็วันนี้ ปกติเคยเห็นแต่ในไอจีมุมเผลอแค่นั้นเอง (ปิ่นปิ๊นไม่เล่นไอจีจ้าเลยไม่รู้ว่าคริสแอบถ่ายรูปแล้วไปโพส) ก็น่ารักดี แต่ดูมึนๆ ไม่ไบรท์เท่าไหร่ เราดีกว่าตั้งเยอะ ไม่แน่ถ้าพี่คริสรู้ว่าเราชอบพี่เขา พี่คริสอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ ฮ๊า แค่คิดก็ฟินแระ ไอ้เด็กขาวโปดนี่มันบ้าอย่างที่ไอ้ปิ๊นบอกจริงๆ มีอย่างที่ไหนคิดเองเออเองมโนเองเขินเอง เดี๋ยวก็ทำหน้ายิ้ม เดี๋ยวก็หน้าบึ้งอะไรของมันวะ ประสาท ใครได้เป็นแฟนด้วยคงโชคร้ายฉิบหาย ดิสโก้กอดตุ๊กตาไว้แล้วเดินไปเช็คความเรียบร้อยอีกทีที่หน้ากระจกก่อนจะเดินออกมาเพื่อไปตามหาพี่คริส วันนี้จะสารภาพรักกับพี่คริสแล้วน้า “ลัน ลัน ลา..” ตุ๊บ! “โอ๊ยย” เสียงเล็กร้องลั่นเมื่อถูกชนจนก้นจ้ำเบ้ากับพื้นกระเบื้อง ฮึ่ยยยยย คนบ้าที่ไหนเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยอะ! “อุ้ย ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” กูโกหก กูตั้งใจมากเลยแระ ก็ว่ากะชนเบาๆนะเว้ย ทำไมมันถึงกับล้มไปพื้นเลยว่ะ อ้อนแอ่นฉิบหาย “ฮึ่ยยยย คราวหลังพี่ก็หัดมองทางมั้งดิ แล้วก็ขอโทษให้มันจริงใจกับความผิดที่ทำลงไปด้วย ไม่ใช่มาพูดขอโทษห้วนๆแบบนี้ ไม่น่ารักเลย” ไอ้ขาวโปดที่พอลุกขึ้นยืนได้ก็เทศก์ผมเลย ปากแดงๆยังนี้แม่งไม่น่าบ่นเก่งเลยจริงๆ เสียงก็เล็กๆน่ารำคาญฉิบหาย ผู้ชายจริงปะว่ะ ทอมหรือเปล่า “ก็ขอโทษแล้วไง เรื่องมากฉิบหายมึงเนี้ยะ” “อะไรอะ ไม่รู้จักกันสักหน่อยทำไมต้องมาพูดหยาบคายใส่ผมด้วยอะ นิสัยไม่ดี! ไม่คูลเลย” ไอ้เด็กขาวโปดนี้ทำหน้าไม่พอใจ เหวี่ยงได้อีก ปากเล็กๆที่ทั้งเชิดทั้งรั้นนั้นยิ่งบึ้งเป็นตูดไปใหญ่ เห็นแล้วมันอยากแกล้งฉิบชาย “แค่พูดไม่เพราะไม่ได้แปลว่ากูนิสัยไม่ดีสักหน่อยเว้ย ทำแบบอื่นต่างหากถึงจะเรียกว่านิสัยไม่ดี” “ทำแบบไหนอะ” “ก็ทำแบบนี้ไง” พูดไม่ทันเสร็จดีผมก็อาศัยจังหวะมันกำลังยืนงงคว้าไปที่ตัวตุ๊กตาไอรอนแมนแย่งมาถือไว้ซะเอง “เห..เฮ้ย เอาคืนมาน้า นั้นมันของผมนะ” นิสัยไม่ดีๆๆๆอยู่ๆก็มาแย่งของคนอื่นแบบนี้ได้ยังไงกัน ไม่ชอบเลยคนแบบนี้อ่ะ ผมชูตุ๊กตาขึ้นมือ เห็นไอ้ขาวโปดพยายามเขย่งแย่งแล้วก็ฮาดี คนอะไรขาสั๊นสั้น ตัวก็นิ่ม กลิ่นตัวก็หอม.. เฮ้ยแล้วกุจะไปชมมันทำไมวะเนี้ย “อยากได้ก็แย่งเอาเองดิ ฮ่าๆๆ” ได้ยินว่ามันจะเอาไปให้ไอ้คริส งั้นกูก็ต้องถ่วงเวลาขัดขวางด้วยไอ้นี่แหละ ผมแกล้งชูแขนให้สูงแล้วโยนตุ๊กตาสลับไปมาระหว่างสองมือ บางทีก็แกล้งยื่นไปด้านหลังตัว ไอ้เด็กขาวโปดนี้ก็เอืมแขนมาจะแย่งตาม กลายเป็นเหมือนกับมันกอดผมยังไงยังงั้น หัวมันที่อยู่ใกล้ๆกับอกผมพอดีทำให้ได้กลิ่นหอมของเส้นผมพริ้วๆนี่เข้ามาในจมูกด้วย แม่งเอ๊ย คนอะไรหอมไปทั้งตัว มึงชุบตัวด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่มไงว่ะ “ฮืออ น้องดิสเหนื่อยแล้วน้า พี่คนดีคืนตุ๊กตาให้น้องดิสเถอะนะคร้าบ” กระโดดจะแย่งคืนจนเหนื่อยแล้วอ่า คนบ้าอะไรตัวอย่างกับไททัน เราจะไปแย่งคืนมายังไงไหว ลองใช้ไม้อ่อนอ้อนเขาดูดีกว่า มุขนี้ใช้กี่รอบก็ได้ผลทุกรอบนะ ไม่เหนื่อยด้วย แค่ทำหน้าอ้อนๆแค่นี้เอง แม่งเอ๊ย ใครสั่งใครสอนให้ทำหน้าอ้อนๆกับเสียงแบบนั้นว่ะ ใจกระตุกเลยสัส หน้ามันตอนอ้อนแม่ง.. โคตรโมเอะ เกือบจะใจอ่อนคืนตุ๊กตาให้มันแล้วแต่พอนึกถึงหน้าไอ้ลูกหมาได้ ก็รีบสลัดความใจอ่อนนั้นไปทันที “ม..ไม่ให้เว้ย กูชอบ กูอยากได้ตัวนี้ ขอนะ” ผมพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกมาเลยอยู่นานเดี๋ยวใจอ่อนอีก “ไม่ได้น้า ให้ผมคืนเหอะ เดี๋ยวผมไปซื้อตัวใหม่ให้ก็ได้ หน้าโรงเรียนมีขายเยอะแยะพี่เลือกเลย” ผมรีบวิ่งมายืนกางแขนกางขาดักหน้าพี่คนนี้ไว้ ก็ตัวนี้มันมีตัวเดียวในโลกนี้ จะให้ไปซื้อแบบอัดเสียงได้อีกก็คงไม่ทันพอดี “ไม่ กูจะเอาแค่ตัวนี้เว้ย” ผมพูดก่อนจะเดินอีกรอบ โอ๊ย คนอะไรใจแข็งจังเลย งานนี้ต้องท่าไม้ตายแล้วล่ะ! “เฮ้ย!!! ทำบ้าอะไรวะ” ผมร้องเสียงหลงก็อยู่ดีๆไอ้เด็กขาวโปดที่ยืนกางแขนกางขากั้นอยู่ข้างหน้าก็ถลาวิ่งเข้ามาคุกเข่าแล้วเอาแขนกอดรัดขาผมไว้แน่น เสร็จเราล่ะ กอดขาได้แล้วต่อไปก็... ผมค่อยๆเงยหน้าเชยตามองคนตัวใหญ่ที่ถูกผมรัดขาไว้อยู่ ทำตาอ้อนนิดๆ บีบน้ำตาออกมาหน่อยๆพอให้คลอดวงตาสวยนี้ ไม่ต้องเอาถึงกับร้องไห้หรอกมันจะดูเล่นใหญ่ไปแล้วไม่สมจริงๆ อ่า มาแล้วๆ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าแล้ว ต่อไปก็พูดเสียงอ้อนๆ รับรองต้องได้ผลแน่! “คืนให้น้องดิสนะครับ รุ่นพี่” โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย โคตรพ่อโคตรแม่โมเอะ ดาเมจมึงรุนแรงมาก สาบานเลยว่าพันนางฟ้าในหนังAVยังไม่มีใครทำหน้าอ้อนได้น่ารักเท่าไอ้เด็กขาวโปดนี้ได้สักคน ยิ่งมองก้มลงไปตรงๆ หน้าอ้อนๆนั้นที่อยู่ห่างจากเป้ากางเกงผมไม่กี่เซน แม่งคิดดีไม่ได้เลยกู / “เรียนเหนื่อยไหมครับ ให้ผมช่วยทำให้พี่ผ่อนคลายนะ” เสียงเล็กพูดกระเซ่าก่อนที่ริมฝีปากจะงับไปตามลำแข็งยาวผ่านเนื้อผ้าหนาของกางเกงนักเรียนอย่างกระตุ้นอารมณ์ เมื่อแท่งใหญ่เริ่มแข็งได้ที่ เด็กน้อยหน้าใสก็ค่อยๆใช้ฟันไปกัดซิปกางเกง แล้วค่อยๆรูดมันลงไป... มีต่อ
เชี่ยยย แม่ง กูคิดบ้าอะไรวะเนี่ย แล้วทำไมรู้สึกว่างูยักษ์กูมันเริ่มพอง! อย่าบอกนะว่ากูมีอารมณ์กับผู้ชาย รับไม่ได้เด็ดขาด อย่างกูมันต้องผู้หญิงน่ารักๆเท่านั้นแหละโว้ยยย “ม..มึงอยากได้ก็เอาไปเลยไป!!!" ด้วยตกใจกับความคิดบ้าๆของตัวเองทำให้ผมเผลอโยนตุ๊กตามันทิ้งไป "แล้วก็ปล่อยดิวะ เกะกะแม่ง คนจะเดิน ปล่อย!" อยู่ๆก็มาตะคอกใส่เรา ตกใจหมดเลย ฮึ่ยยย ก็ไม่ได้อยากกอดนักหรอก คนอะไรขนหน้าแข้งเยอะสุดๆ แต่ก็ช่างเถอะปล่อยก็ได้ ยังไงพี่เขาก็ปล่อยตุ๊กตาเราแล้วนิ พอไอ้ขาวโปดนี่ปล่อยแขนออกผมก็รีบเดินออกไปทันทีใครมันจะอยากยืนอยู่นานละครับ ก็เจ้างูยักษ์ผมมันพองคับกางเกงแล้ว! ม่ายยย กูต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ มามีอารมณ์กับอีแค่เด็กมันมากอดขา ไปซะได้ก็ดี เชอะ นิสัยไม่ดีแบบนี้ก็ไม่อยากอยู่ด้วยนานๆหรอก หันไปมองตุ๊กตาที่พี่เขาโยนทิ้งก็เห็นแต่ขามันชี้ขึ้นมาจากรางระบายน้ำเล็กๆที่ไม่มีตะแกรงเหล็กปิดไว้อยู่ช่องเดียว. ซวยอะไรขนาดเนี้ยอ่า ฮือออ หัวไอรอนแมนเปื้อนคราบสกปรกจนดำหมดเลย เอาน้ำเช็ดคงหายละมั้ง รีบไปห้องน้ำดีกว่าขืนช้ากว่านี้พี่คริสจะกลับบ้านไปก่อน ผมเดินออกมาไม่ไกลมากนักเห็นม้านั่งก็เลยแวะนั่งก่อน พยายามจะระงับอารมณ์ที่พุ่งพลานนี้ให้ได้ แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งคิดถึงหน้าไอ้เด็กขาวโปดอะครับ ภาพมันติดตาจริงๆ แต่ชายตงอย่างผมจะมาพ่ายแพ้ต่อความโมเอะแค่นี้ไม่ได้นะเว้ย ยังไงก็ต้องกลับไปขัดขวางไอ้เด็กขาวโปดนั้นให้ได้เพื่อไอ้ปิ่นปิ๊นเพื่อนรัก! แต่ขอไปปล่อยสักน้ำก่อนแล้วกัน กูระงับไม่ไหวแล้วจริงๆสิให้ตายเถอะ ว่าแต่ห้องน้ำมันอยู่ส่วนไหนของโรงเรียนวะเนี้ย? ฮึ่ยยยย เพราะไอ้พี่บ้าคนนั้นแท้ๆเลยทำตุ๊กตาเราเปื้อนหมด ต้องเสียเวลามาเอาผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเช็ดออกให้หมดอีก จะชักช้ามากก็ไม่ได้ ป่านนี้จะกลับไปหรือยังนะพี่คริสน่ะ ห้องน้ำหลังตึกก็น่ากลัวมากๆ ไม่ปลอดภัยต่อคนน่ารักแบบเราเลยจริงๆ เพราะเป็นห้องน้ำเก่าแก่ที่มีทางออกทางเดียว ก๊อกน้ำก็อยู่ภายในตัวห้องน้ำรวมนี้ไม่ได้แยกไปไว้ข้างนอกเหมือนห้องน้ำสมัยนี้ แถมห่างไกลผู้คนมากๆ น่ากลัวจริงๆ รีบๆเช็ดดีกว่า เรียบร้อย สะอาดหมดจด อิอิ ดมกลิ่นสักหน่อยสิ ฟุดฟิดๆ โอเคไม่มีกลิ่นสกปรกติดมา รีบออกไปหาพี่คริสดีกว่า "เฮ้ย แม่งเสี่ยนบุหรี่ว่ะ แวะดูดในห้องน้ำก่อนได้ป่ะวะ" "เอาดิมึง ห้องน้ำตรงนี้อยู่ไกลหูไกลตาคนดี คงไม่มีใครมาขัดจังหวะหรอก" "ไปๆรีบเข้าไปกันเว้ย" เสียงกลุ่มวัยรุ่น2-3คนดังเข้ามาใกล้ๆ หว๊าา ทำไมต้องมาตอนนี้ด้วยนะ คนจะออกไปอยู่แล้วเชียว ฮือออ ถ้าวิ่งออกไปตอนนี้คงไม่ทันแน่ เสียงใกล้เข้ามาแล้วด้วย หลบอยู่ในห้องน้ำรอจนกว่าพวกนั้นจะไปก็แล้วกัน คนตัวเล็กรีบเข้าไปอยู่ในห้องน้ำแล้วล็อคกลอนทันที พยายามทำตัวให้เงียบที่สุด "มึงเห็นไอ้พวกที่เต้นคัฟเวอร์ปะวะ โคตรน่ารักอะ" "เออจริงมึง น่ารักมากโดยเฉพาะไอ้คนตรงกลางเด่นๆอะ ขาวฉิบชายหน้าตาโคตรน่ารัก เห็นแล้วอยากได้ว่ะ" พูดถึงเรานิน่า แต่แสดงว่าคนพวกนี้ต้องไม่ใช่เด็กโรงเรียนเราแน่ๆ ก็แหงแระ ทั้งโรงเรียนไม่มีใครไม่รู้จักดิสโก้คนน่ารักคนนี้หรอก โฮะๆๆ มันใช่เวลามาหลงตัวเองไหมเนี่ย. ฮึ่ยยย เมื่อไหร่จะรีบออกไปกันเหม็นทั้งบุหรี่ทั้งห้องน้ำเลย "เห็นเด็กโรงเรียนนี้เรียกว่าดิสโก้ป่ะวะ ฟังแค่ชื่อก็รู้ว่าแซ่ยล่ะว่ะ555" "เออ คิดเหมือนกูเลย ดูท่าทางน่าจะไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน" "นั่นดิมึง ธรรมดายังน่ารักขนาดนี้ ถ้าแก้ผ้านอนบนเตียงจะน่ารักขนาดไหน" "5555" ไอ้พวกบ้านั่นนินทาเราแบบนี้ได้ยังไงกัน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนซะหน่อย รู้หรอว่าตัวจริงเขาเป็นยังไง ได้ใช่คนใจง่ายสักหน่อย ไม่เคยมีแฟนเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่อยากมีเหมือนเพื่อนๆจะตาย เพราะพี่ชายหวงเขามาก คอยรับส่งตลอด ใครจะจีบก็ไล่ตะเพิดไปหมด ถึงได้อยู่เป็นโสดคนเดียวในกลุ่มแบบนี้ไง เสียดายหน้าตาดีๆแบบนี้ชะมัด เฮ้อออ "ฮัดชิ้วว" เพราะกลิ่นบุหรี่ที่พุ่งเข้ามาไม่ทันตั้งตัว คนตัวเล็กเลยสำลักควันออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ "เฮ้ย! ใครอยู่ในนั้นวะ" เสียงเหี้ยมตะโกนถามอย่างน่ากลัว ฮืออออ ไม่น่าเผลอจามออกไปเลย "ออกมาเดี๋ยวนี้นะมึง ไม่งั้นกูจะพังประตูไปรุมกระทืบแน่" อะไรกันแค่มาอยู่ในห้องน้ำตอนพวกนี้สูบบุหรี่ถึงกับต้องรุมกระทืบเลยหรอ ไม่เอานะ ไม่อยากหน้าช้ำอะ แต่ก็ไม่เปิดเด็ดขาดเพราะพี่ชายสอนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามเปิดประตู "จะไม่ออกมาใช่ไหมมึง เฮ้ย พังประตูแม่งเลย!" ปัง ตายๆๆๆ ตายแน่ๆเลยเรา ฮือออ คุณไอร่อนแมนมาช่วยผมหน่อยยยย "ประตูพังยากจังวะ แม่งกูปวดขาหมดแล้วเนี่ย" ปวดขาก็หยุดถีบประตูสิ ไม่ฉลาดเลยอะ เสียงพวกนั้นเงียบหายไปแล้ว หรือจะออกกันไปแล้วนะ เปิดประตูดีไหม แต่ถ้ามันเป็นกับดักล่ะ โทรให้เพื่อนมารับดีกว่า ร่างเล็กรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาก่อนจะเลื่อนหาเบอร์เพื่อนๆ "จ๊ะเอ๋! คนสวย มาหลบพวกพี่อยู่ในนี้เองหรอจ๊ะ" "เหวออ" ด้วยความตกใจที่อยู่ก็มีคนหน้าตาน่ากลัวโผล่ขึ้นมาจากห้องน้ำด้านข้างๆ ทำให้ดิสโก้ตกใจทำมือถือลงร่วงลงไปในอ่างน้ำที่ไว้ใช้ตักราดโถส้วมแบบเก่า แย่แล้วไง! "เฮ้ย พวกมึงพังประตูให้ได้ ว่าที่เมียกูรออยู่!" ฮืออออออ ใครก็ได้ช่วยผมทีเถอะ! ---------- ตง; หลงตัวเองจริงจริ๊ง ดิสโก้; ไม่ได้หลงสักหน่อย แค่พูดตามความจริงเองนะ ตง; เหอะ! ดิสโก้; หรือไม่จริง *ทำตาวิ้งๆใส่* ตง; อ..เออ..ก็..พอดูได้ :sad4:
งานเข้าแล้วไงดิสโก้
:L2: :pig4:
ขาวโปดขี้อวยตัวเอง5555
มาเสริฟแต่เช้าาา ตื่นกันยังเอ่ย ตอนที่ 17 ตง-ดิสโก้ 2 เดินถ่างจนเมื่อยไปหมดก็ยังไม่เจอห้องน้ำสักที แม่งปวดจนงูมันใหญ่คับเป้าไปหมดแล้วเนี่ย พ่อให้มาเยอะก็งี้แหละครับตุงจนน่าอายเชียวกู แต่ก็ภูมิใจ ฮ่าๆๆๆ ย้อนกลับไปที่ตึกเรียนที่ไอ้เด็กขาวโปดนั้นมันอยู่ดีกว่าว่ะ เป็นตึกเรียนยังไงก็ต้องมีห้องน้ำอยู่แน่ๆ พอเริ่มฉลาดปุ้บผมก็รีบก้าวเท้ากลับไปทางเดิม พอถึงตึกเรียนก็ตามคาดไอ้เด็กขาวโปดแม่งไม่ได้อยู่แถวนี้แล้ว แต่ทำไมประตูห้องชมรมมันยังเปิดอยู่วะ? เดินไปสอดส่องดูในห้องนั้นก็ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดอยู่ภายในห้องนี้เลยสักตัว หรือรีบไปหาไอ้คริสจนลืมปิด สะเพร่าซะจริงๆไอ้เด็กนี้ ของก็เต็มห้องแน่ๆถ้าหายไปกูจะขำให้ หึหึ เออ แล้วกูจะมาสนใจทำไมว่ะ ไปหาห้องน้ำดีกว่า ขอโทษนะเว้ยไอ้ปิ๊นที่กูเห็นการปลอบลูกชายให้หยุดร้องหายสำคัญกว่าเพื่อนรักอย่างมึง อ่ะ นั่นไงป้ายลูกศรชี้ไปห้องน้ำ เดินมาตามทางก็เห็นห้องน้ำเก๊าเก่าหลบอยู่หลังตึกครับ ดูไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ แต่ก็เข้าๆไปก่อนเหอะเนอะ สไลด์ๆแป๊บเดียวก็เสร็จ “ฮืออออ ปล่อยนะ ปล่อยยย โอ๊ยยย” เพี๊ยะ! “หุบปาก! แหกปากไปก็ไม่มีใครได้ยินหรอก เก็บเสียงไว้ครางให้พวกพี่ฟังดีกว่านะจ๊ะเมียจ๋า” “ฮ่าๆๆๆ” “ฮืออออ ไม่เอา” ใครมันมาเล่นบทรักตบจูบกันที่นี้ว่ะ เชี่ยแม่ง ไปที่อื่นก็ได้วะ เรื่องผัวๆเมียๆแบบนี้ผมไม่อยากยุ่งด้วยหรอกครับ เบื่อคนมีคู่! “ใครก็ได้ช่วยน้องดิสด้วยย อื้อ” หยุดกึกเลยกู เสียงไอ้เด็กขาวโปดนี่หว่า ไหงมาส่งเสียงร้องอยู่ในนั้นได้ละว่ะ “ไอ้เหี้ยเจอุดปากมันไว้ ไอ้เหี้ยเทนจับแขนมันขึงแน่นๆดิวะ สัส” “ก็ไอ้เด็กนี้มันดิ้นแรงนี่หว่า มึงเปลี่ยนมาจับเองไหมล่ะสัส” เหี้ยแม่งไอ้พวกหมาหมู่ พวกมึงนี้เรียกเหี้ยยังสงสารเหี้ย ระยำจริงทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็กคนเดียว ถึงมันจะเป็นมารหัวใจเพื่อนรักแต่ผมก็ทนเห็นมันโดนแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด! แต่พวกมันมีเยอะกว่าตั้งสามคน กูจะทำยังไงดีกว่า เกิดมาก็เอาแต่เรียนกับเรียนพิเศษ เข้าไปสู้ตอนนี้กูโดนยำเละแน่ จะให้วิ่งไปตามคนอื่นก็ไม่ทันแน่ ทำไงดีว่ะไอ้ตง ใช้ความฉลาดของมึงคิดให้ออกสิวะ! “อื้อออ อย่าดึงเสื้อนะ!” ไอ้สัส! กูทนไม่ไหวแล้วเว้ย สองเท้าจ้ำอ้าวไปยังประตูทางเข้าห้องน้ำยืนจังก้าอย่างไม่กลัวใคร “หยุดเดี๋ยวนี้นะพวกมึง ไอ้พวกระยำ สัตว์เดรัจฉาน!” โห เท่สัสๆ อย่างกับแบทแมน ด้วยพลังแห่งจันทราฉันจะลงทัณฑ์แกเองงงง ถุย! นั่นมันเซเลอร์มูนไหมล่ะ “เฮ้ย มึงเป็นใครวะ อย่ามาเสือกคนเขาจะเอากัน” ไอ้หน้าปลาไหลที่กำลังพยายามเอามืออุดปากไอ้เด็กปาดโปดอีกครั้ง สภาพมันตอนนี้แม่งทำผมหัวเสียสุด หน้าช้ำเป็นรอยแดง มุมปากมีเลือดไหล ตาบวมเพราะร้องไห้อย่างหนัก สีหน้ามันหวาดกลัวมาก สองแขนมันถูกขึงไว้โดยไอ้หน้าส้นตีนเป็นตาปลา เสื้อเลิกขึ้นมาเผยอกขาวๆจนเสื้อมันติดอยู่ตรงรักแร้พอดี ส่วนขาสองข้างก็ถ่างออกเพราะไอ้หน้าเห็บหมาแทรกตัวไปอยู่ตรงกับ ไอ้พวกสกปรก! มึงมากที่ทำให้ไอ้เด็กขาวโปดของกูแปดเปื้อน! “กูเป็น..เป็นรุ่นพี่มัน!” เซนไปอ่ะ รู้จักป่าว ถ้าไม่รู้จักไปหาการ์ตูนญี่ปุ่นมาอ่านซะเขากำลังนิยมกันมานาน “ห๊ะ รุ่นพี่? ฮ่าๆๆๆ ไว้เป็นผัวมันก่อนค่อยมาเสือกนะเว้ย ไอ้เจไปจัดการมันดิ” “สบายมากมึง มึงโดนกุอัดเละแน่ไอ้หน้าอ่อน!” ไอ้หน้าปลาไหลปล่อยมือที่อุดปากไอ้เด็กขาดโปด ก่อนจะทำเป็นสะบัดมือยักไหล่ไปมาอย่างเตรียมพร้อมจะมาต่อยผมเต็มที่ “ฮืออออ รุ่นพี่อย่าหนีนะ อัดมันให้เละเลย ฮืออ” ไอ้เด็กขาวโปดแหกร้องสั่งผมทันที ห่าแม่ง ปกติมันต้องพูดว่า ‘อย่าห่วงผม รีบหนีไปเถอะ’ ไม่ใช่หรอว่ะ “แน่จริงมึงเข้ามาเลยยย” ผมนี้ก็ปากเก่งจริง ต่อยไม่เป็นเสือกไปท้าทายมันอีก สะกิดเท้าหาเสี้ยนที่แท้ทรู “ท้ากูหรอสัส กูจะจัดให้หนักเลย” ไอ้หน้าปลาไหลเดินอาดๆเข้ามาอย่างหาวเป้ง ผมก็ไม่รอช้าที่จะใช้กลยุทรเด็ด ท่าไม้ตายที่คิดค้นกันมาได้...เมื่อกี้ มีต่อ
ผ่าง ไลฟ์สดกันไปเลยครับพี่น้องคร้าบบ “มึงเข้ามาใกล้ๆดิจะได้เห็นหน้ามึงชัดๆ กูไลฟ์สดอยู่นะเว้ย คนกำลังเข้ามาดูเป็นร้อยคนแล้วด้วย ผู้ติดตามกูเยอะนะเว้ยบอกไว้ก่อน มาดิเข้ามาใกล้ๆ เข้ามาเลย” ว่ะฮะฮ่า แค่ยกโทรศัพท์แล้วใช้วาจาให้เป็นประโยชน์ ไอ้หน้าปลาไหลก็หยุดกึกอยู่กับที่แล้วครับ เพราะในห้องน้ำมันมืดๆน่ะครับ ตอนนี้ไอ้พวกเหี้ยสามตัวมองหน้าเลิ่กลัก “ยังไม่รีบปล่อยเด็กนั่นอีก กูจะสั่งให้คนที่ฟอลโล่กูแชร์ให้ถึงเฟสอาจารย์โรงเรียนมึงเลยสัส” “อย่านะมึง ไอ้สัส เฮ้ยพวกมึงเอาไงดีวะ” ไอ้หน้าปลาไหลรีบยกเสื้อมาปิดหน้าไปครึ่งล่างก่อนจะหันไปถามความเห็นไอ้สองตัวนั่น แต่ผมก็ไม่ปล่อยให้พวกมันได้คิดหรอก...เดี๋ยวมันรู้ทัน “ตอนนี้กูพิมพ์ว่าให้แท็กไปถึงชื่อโรงเรียนพวกมึงแล้ว แต่กูจะให้โอกาสพวกมึงได้เลือกนะไอ้เจตริน รหัส 5709xxxx นับหนึ่งถึงสามถ้ายังไม่รีบไสหัวไปกูกดส่งข้อความนี้ไปในไลฟ์แน่!” “เชี่ยแม่ง” ไอ้หน้าปลาไหลรีบเอามือมากุมชื่อและรหัสที่ปักอยู่บนอกมันทันที อย่างกลัวความผิด โรงเรียนมันก็ดังใช่เล่นถ้าโดนจับด้วยเรื่องแบบนี้มันโดนไล่ออกแน่ “หนึ่ง!” “สอง!” “เออ กูไปแล้ว” ไอ้เจตรินรีบวิ่งออกไปคนแรกเอามือปิดหน้าปิดตาออกไปด้วย ไอ้สองคนที่เหลือเห็นท่าไม่ดีแน่จึงรีบวิ่งออกไปอีกคน ผมเองก็ถอยออกจากหน้าประตูหลบพวกมันให้ห่างพอสมควร มันวิ่งออกไปจนพ้นสายตา ผมก็รีบวิ่งเข้าไปหาไอ้เด็กขาวโปดที่ร้องไห้หูตาบวมตัวสั่นเป็นลูกนกจนน่าสงสาร ผมไม่พูดพร่ำถามอะไรปัญญาอ่อน อย่างเป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า อะไรเทือกๆนั้นหรอกครับ ก็เห็นๆอยู่ว่าสภาพมันเป็นยังไง อีกอย่างเรื่องนี้ผมก็ไม่ใช่พระเอกด้วย สิ่งที่คนธรรมดาอย่างผมทำคืออุ้มมันขึ้นมาให้เร็วที่สุดแล้วรีบพาออกไปจากตรงนี้ เพราะไม่รู้ว่าไอ้พวกนั้นจะไปพาพวกย้อนกลับมาทำร้ายอีกหรือเปล่า อีกอย่างที่บอกว่าไลฟ์สดมันไปผมก็โกหกด้วยผมแค่อัดวิดีโอไว้เฉยๆ เพราะผมไม่ได้เติมเงินค่าเนตโทรศัพท์ มีแค่เนตที่บ้านเฉยๆ “ตุ๊ก..ฮึก.ตา” คนตัวขาวไอ้อ้อมขาวกระตุกเสื้อผมเบาแล้วชี้ไปยังไอ้ตุ๊กตาไอร่อนแมนที่นอนกองอยู่กับพื้น สุดท้ายฮีโร่มันก็แค่เรื่องสมมติในหนัง ชีวิตจริงไม่มีฮีโร่ตัวไหนบินออกมาช่วยชีวิตใครหรอกครับ นอกจากตัวเราจะช่วยเหลือตัวเอง เดินไปยังตัวตุ๊กตาก่อนจะย่อตัวให้ต่ำไอ้เด็กตัวขาวก็เอื้อมมือไปหยิบตัวไอร่อนแมนมากอดไว้แนบอก “ท..โทร..ฮึก..ศัพท์ด้วย” มันบอกอีกแล้วชี้ไปในห้องน้ำห้องที่สาม แม่งของเยอะจริงจริ๊งผมเลยวางมันลงก่อนจะเข้าไปดูก็เห็นว่านอนจมน้ำตายอยู่ในอ่างนี้เอง แล้วก็รีบๆหยิบมาครับก่อนจะออกมาอุ้มมันอีกรอบ ให้เดินเองสภาพนี้ไม่ไหวแน่ ผมก็รีบอุ้มพามันไปยังห้องชมรมครับ วางมันไว้ที่พื้นให้นั่งพิงผนังก่อนจะเดินไปที่ปิดประตูไม่ลืมล็อคประตูแล้วดึงผ้าม่านมาปิดบังสายตาจากคนข้างนอกด้วย “ฮึก ฮือออๆ” ไอ้เด็กขาวโปดก็นั่งกอดเข่าร้องไห้ของมันไป เรื่องนี้คงสะเทือนจิตใจมันจริงๆ ผมเองก็ได้แต่มองไม่รู้จะปลอบใจมันยังไง ไม่รู้ควรจะพูดอย่างไงให้มันรู้สึกดีขึ้น เพราะถ้าเป็นผมเจอเหตุการณ์แบบนี้อารมณ์คงดำดิ่งมากแน่ๆ เมื่อไม่รู้จะช่วยยังไง ผมจึงเลือกทำในสิ่งที่ผมทำได้ครับ ล้วงไปหยิบผ้าเช็ดหน้าที่กระเป๋าบนอกเสื้อส่งให้มันอย่างมีน้ำใจ ไอ้เด็กตัวขาวเงยหน้ามามองทั้งตาช้ำๆแบบนั้นก่อนจะรับไปเช็ดน้ำตา ผมเองก็ได้แต่ยืนมองแล้วเดินวนไปวนมาอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อ โชคดีที่หันไปเห็นกล่องปฐมพยาบาลในตู้กระจกแล้วเดินไปหยิบออกมาครับ “ไหนเงยหน้าดิ มาทำแผลก่อน” ผมพูดเสียงห้วน ก็เมื่อกี้ตอนเจอยังกวนตีนกันอยู่เลยจะให้พูดเสียงอ่อนโยนก็รู้สึกแปลกๆไปหน่อย มันเองก็ว่าง่ายครับเงยหน้าขึ้นตามคำขอ พอเห็นหน้าแดงบวมเป็นรอบฝ่ามือไปด้านหนึ่งกับมุมปากที่ฉีกจนเลือดไหลผมก็รู้สึกโคตรหงุดหงิด เมื่อกี้ผมน่าจะไลฟ์สดประจานมันไปจริงๆซะก็ดี ถ้าไม่ติดมาไม่มีเนตนะมึง ฮึ่ย ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก่อนหน้ามันยังสดใสยิ้มแป้น หรือหน้ายู่ตอนทะเลาะกับผมอยู่เลย ไม่รู้ว่าจิตใจไอ้พวกนั่นต้องต่ำตมแค่ไหนถึงกล้าทำร้ายเด็กตัวเล็กๆคนเดียวแบบนี้ได้ ผมมองมันอย่างหงุดหงิดก่อนจะใช้สำลีเช็ดเลือดออกแล้วใส่ยาแดงไปป้ายใกล้ขอบปากเป็นอันเรียบร้อย แต่พวกรอยแดงรอยบวมนี่ต้องเอาน้ำแข็งมาประคบซึ่งตอนนี้มันไม่มีก็ต้องปล่อยไปก่อนครับ หลังจากนั่นพวกเราก็นั่งเงียบครับ อันที่จริงผมเงียบมากกว่า ไอ้เด็กตัวขาวก็นั่งร้องไห้ไปแต่ก็ดูมันพยายามที่จะหยุดร้องไห้อยู่นะครับ รอจนทนไม่ไหวผมก็เลยกระเยิบไปนั่งใกล้กับมันแล้วถามว่า “อยากจะระบายอะไรให้กูฟังป่าว บอกได้นะ” เพียงแค่คำพูดธรรมดาๆนี้แหละครับ ไอ้เด็กตัวขาวที่พยายามจะหยุดร้องไห้ก็หันมามองผมพร้อมเบะปากก่อนจะร้องไห้โฮอย่างเขื่อนแตก มันทำท่าจะพุ่งเข้ามากอดอย่างต้องการหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่คงนึกได้ว่าผมกับมันไม่ได้สนิทอะไรกันเลยถอยกลับไป... เลยต้องเป็นผมเองที่ดึงมันมานั่งบนตักและกอดปลอบ “ฮึก ฮืออออออ ผมกลัว ฮือออ ผมกลัว ฮึกมากๆเลยอะพี่ พวกมันน่ากลัวมากๆ ฮือออ ผมร้องไห้ขอร้องมันว่าอย่าทำ ฮึก มันก็ไม่สนใจเลย ฮือออ พวกมันใจร้ายมาก ฮืออๆๆ” เด็กในอ้อมกอดปล่อยโฮระบายความรู้สึกออกมาอย่างไม่นึกอายอะไรทั้งนั้นด้วยความกลัวที่มีมากกว่า ผมเองก็ได้แต่กอดและลูบหลังมันอย่างปลอบขวัญ และปล่อยให้มันพูดระบายความรู้สึกออกมาเอง “กูไปช่วยมึงออกมาแล้วไง ปลอดภัยแล้วนะไม่ต้องกลัวแล้ว” ผมพูดบอกมันอย่างอ่อนโยน นอกจากไอ้ปิ๊นผมก็ไม่เคยต้องมาปลอบใครแบบนี้เลยครับ ไอ้ปิ๊นเองแค่ตบบ่ามันก็หายร้องไห้แล้ว ไม่เคยถึงขั้นต้องมากอดปลอบสักที “ฮืออออ แต่ผมยังกลัวอยู่เลย มันติดอยู่ในหัวไม่หายไปไหนเลย ฮือออ” เด็กน้อยพูดออกมาอย่างน่าสงสาร ผมโคตรเห็นใจมันจริงๆ ไอ้พวกเหี้ยนั่นมันจะรู้บ้างไหมว่าการกระทำที่ไม่ยั้งคิดของพวกมันจะสร้างบาดแผลลึกให้กับเด็กนี้อย่างไม่มีวันหายขาด ฝันร้ายที่ไม่มีวันลืม... “ถ้ายังกลัวอยู่ก็กอดกูไว้แน่นๆ มึงจะได้รู้ว่ายังมีคนอยู่กับมึงเสมอไม่ว่ามึงจะเจอเรื่องร้ายๆอะไรมา” “ฮึก ฮือออออออ” ไอ้เด็กตัวขาวร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่ .... แล้วก็กอดผมไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม บางทีความรู้สึกผูกพันธ์มันก็อาจเริ่มจากการเห็นใจกันก็ได้นะ :katai5: :katai5: :katai5: ตอนต่อไป "ให้ผมไปนอนกับรุ่นพี่นะ " :oo1: :haun4: :z1: ขอบคุณคนน่ารักกกที่คอยเม้นเป็นกำลังใจ :man1:
:ling2: :เฮ้อ:
งานเข้าตงแล้ว
ตอนที่ 18 ตง – ดิสโก้ 3 นั่งกอดปลอบจนขาชาไปหมด ไอ้เด็กตัวขาวก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว แต่สภาพหน้าโคตรแย่ ตาบวมปริบเลยทีเดียว แก้มมันก็ช้ำจากสีแดงเริ่มจะออกม่วงๆแล้ว เฮ้อ “ให้กูไปส่งบ้านไหม” “ไม่เอา ไม่กลับบ้านนะ” มันรีบส่ายหัวใหญ่ ทำท่าจะร้องไห้อีกระลอก “ทำไมวะ หรือกลัวพ่อแม่จะเห็นสภาพนี้แล้วตกใจ” “อือ” กลัวพี่ชายจะมาเห็นเราในสภาพนี้มากกว่า ไม่อยากให้พี่ชายโมโหเลย...เพราะมันน่ากลัว “แต่เรื่องนี้มันร้ายแรงนะเว้ย ไปแจ้งความไหม ไปตรวจร่างกายไว้เป็นหลักฐานกัน” “ไม่เอาอ่ะ..ผ..ผม..อาย..อายจริงๆนะ” “เฮ้ออออ แล้วจะเอายังไงต่อ ไปอยู่บ้านเพื่อนหรอ จำเบอร์ได้ไหมล่ะเอาโทรศัพท์กูไปโทรเรียกเพื่อนมารับก็ได้” ช่วงเวลาแบบนี้ถ้าไม่อยากอยู่กับครอบครัวก็คงอยากอยู่กับเพื่อนไว้ให้ระบายความรู้สึกล่ะมั้ง “ไม่ได้หรอก ให้เพื่อนมาเห็นผมสภาพนี้ไม่ได้” “อ้าว แล้วจะเอาไงว่ะ นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่ได้” “ก็ถ้าใครมาเห็นผมสภาพนี้คงไม่พ้นต้องถูกนินทาบอกต่อกันไปแน่ๆว่าผมถูกข่มขืนอ่ะ ฮืออ มันน่าอายนะ ฮึก” “เฮ้ย นี้มึงโดนมันข่มมืนไปแล้วหรอ!” “ยัง ก็พี่ก็เห็นนิว่าผมยังไม่โดน แต่คนอื่นที่ไม่อยู่ในเหตึการณ์ใครมันจะมาเชื่อกันล่ะ ฮือออ ผมไม่อยากถูกคนอื่นมองด้วยสายตาแปลกๆนะ ฮึกๆ” “เออ มันก็จริง...” น่ากลัวกว่าการถูกทำร้ายทางร่างกายก็คือถูกทำร้ายโดยการนินทาในเรื่องที่มันไม่จริงนี้แหละ “แล้วคิดได้หรือยังล่ะ ว่าจะเอาไงต่อ” ผมถามมันไป ในหัวสมองก็คอยคิดไปด้วยว่าจะช่วยมันยังไงดี หรือจะให้มันไปเช่าโรงแรมอยู่สักคืนสองคืนจนกว่าอาการจะดีขึ้นว่ะ “ให้ผมไปนอนกับรุ่นพี่นะ” “เออ กูก็ว่างั้นแหละอยู่บ้านกูไปก่อน..เฮ้ย! มึงจะบ้าหรอวะ มึงจะไปนอนบ้านกูทำแป๊ะอะไร” “อ้าว ไม่ได้หรอพี่ ก็ผมไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วนิ” “ไปนอนโรงแรมไงมึง ดูท่ามึงเองก็น่าจะมีตังค์จ่ายอยู่นะ” “ไม่เอาอะผมกลัว ผมไม่อยากอยู่คนเดียวนะพี่ เกิดมีใครมาทำร้ายผมแบบนั้นอีกล่ะ ไม่เอาด้วยหรอก ฮือออ” ไอ้เด็กตัวขาวส่ายหน้าเป็นพัดลมฮิตาชิ อย่างไม่ยอม “โว๊ยยยย” ผมตะโกนแก้เซ็ง สงสารมันก็สงสารนะ แต่ตอนนี้ชักสงสารตัวเอง ปวดหัวกับมันฉิบหาย ครืดดดด ครืดดดดด -ไอ้ลูกหมา- “โหล ว่าไงวะมึง” (มึงอยู่ไหนวะไอ้ตง พวกกูจะกลับกันแล้วนะ ไอ้คริสจะขับรถไปส่ง มึงจะกลับด้วยไหมเนี้ย) ผมเหลือบตาไปมองไอ้เด็กตัวขาวนิดนึงอย่างชั่งใจ “พี่ให้ผมไปด้วยเหอะน้าผมไม่มีที่ไปจริงๆ ฮือออ” ไม่พูดอย่างเดียวเขย่าแขนกูสั่นเป็นเจ้าเข้าทรงเลย ห่านิ เป็นเด็กเชคเหล้ามาก่อนไหงวะ (เสียงใครวะมึง) ไอ้ลูกหมานี่ก็หมาสมชื่อเรียกจริงจริ๊ง หูดีตลอดอ่ะ “ไอ้เด็กนั่นอะแหละมึง มีเรื่องนิดหน่อย” (เฮ้ย กูบอกแล้วไงว่าอย่าทำอะไร นี่มึงเล่นซะเด็กร้องไห้เลยหรอวะ ทำไมมึงชั่วแบนี้ ห๊ะ!) “กูไม่ได้ทำเว้ย กูเป็นคนมาช่วยมันต่างหาก มันโดนรุมทำร้ายอะ” ไอ้เด็กตัวขาวก็ยังไม่เลิกทำหน้าทำตาอ้อนวอนเป็นเด็กขายพวงมาลัยตามสี่แยกเลยวุ้ย (เฮ้ย จริงดิ แล้วนี่อยู่ไหนกัน กูจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ) “อยู่ตึกสีชมพูดอะมึง ห้องชมรมเต้นของไอ้เด็กตัวขาวมัน” (เออๆ จะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ) “โอเค” วางสายจากไอ้ลูกหมาเสร็จก็ยังต้องหันมาเจอกับแววตาอ้อนวอนของไอ้เด็กตัวขาวอีกเช่นเคย มึงเมื่อยเบ้าตาบ้างไหมเนี่ย กูอยากจะรู้ฉิบหาย “หยุดทำหน้าหมาถูกเจ้าของเอาไปปล่อยวัดได้แล้วมึง ให้ไปก็ได้ว่ะ แต่มึงต้องนอนพื้นนะเว้ย ห้องกูมันเตี่ยงเดี่ยว” แมนไหมล่ะครับผมให้คนเจ็บนอนพื้น สุภาพบุรุษซะไม่มี แต่ถึงกระนั้นไอ้เด็กตัวขาวนี้ก็ยิ้มออกมาได้นิดๆแล้วพยักหน้าอย่างไม่โวยวาย พูดง่ายๆแบบนี้ค่อยน่ารักขึ้นหน่อย “นั่งรอตรงนี้แล้วกัน เดี๋ยวกูเก็บกระเป๋าให้ อันไหนกระเป๋ามึงอ่ะ จะเอาอะไรไปบ้าง” แล้วจากนั้นผมก็จัดการหยิบทุกอย่างที่มันจะเอาไปยัดใส่ในกระเป๋าเป้สีชมพูที่ก็แน่นมากอยู่แล้วจนครบทุกอย่างไอ้ปิ๊นก็มาพอดี พอเห็นสภาพไอ้เด็กตัวขาวก็หน้าเสียกันไปตามๆกันทั้งไอ้คริสแล้วก็ไอ้ปิ๊น ยิ่งไอ้ปิ๊นนี่หน้ามันเหมือนจะร้องไห้ไปอีกคน “ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ว่ะ เด็กตัวเล็กๆแม่งทำลงได้ไง” ไอ้ปิ๊นพูดเสียงสั่น ตาแดงๆ มันคงสงสารไอ้เด็กนี่มาก แต่มึงลืมไปป่าวมึงก็ตัวเล็กใกล้เคียงกันละวะ ไอ้ดิสโก้เองก็เอาแต่ก้มหน้า ไม่รู้ว่าเพราะอายสภาพตัวเองหรืออายไอ้คริสกันแน่ ก็นะคนที่ตัวเองชอบมากกลับมาเห็นกันในสภาพที่ไม่น่าดูนัก ย่อมต้องรู้สึกอายเป็นธรรมดา “แล้วนี่ไปโดนรุมทำร้ายเรื่องอะไรกันวะ เหี้ยตัวไหนมันทำ น้องบอกพี่มาจะไปกระทืบมันให้!” ไอ้คริสถามหน้าเครียด รุ่นน้องโรงเรียนตัวเองโดนแบบนี้ก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา “ไถ่ตังค์น่ะมึง กูสั่งสอนไปแล้ว พวกมันไม่กล้าแล้วล่ะ” กะจะทำเท่สักหน่อยแต่ไอ้ปิ๊นนี่หันมามองขวับอย่างสงสัยว่าไอ้เด็กบ้าเรียนอย่างผมนี่นะจะไปสั่งสอนใครเขาได้ มันทำท่าจะอ้าปากถาม แต่ผมก็รีบส่ายหน้านิดๆเป็นเชิงปราม อย่างกลัวว่าความลับเรื่องไอ้ดิสโก้จะแตก... เปล่าหรอกกูกลัวหน้าแตกต่างหาก ตึ่งโป๊ะ! จากนั้นพวกเราก็พากันย้ายพลครับ ไอ้คริสก็ออกไปสตาร์ทรถ ไอ้ปิ๊นก็ไปแบกกระเป๋าของผมกับไอ้ดิสโก้ ส่วนผมเองก็เดินมาจะอุ้มมันอีกรอบ “เอา ใช้ซะ ก้มหน้าจนเส้นเอ็นยึดแล้วมั้งนะ” ผมพูดแล้วยื่นแมสปิดปากที่เจอในกล่องปฐมพยาบาลนั่นแหละครับเหลืออยู่ชิ้นเดียวพอดี ไอ้ดิสโก้มองผมด้วยสายตาซึ้งใจจนน่าขนลุก “ชักช้าว่ะ กูใส่ให้เลยล่ะกัน” แล้วผมก็จับแมสยัดใส่หูมันทั้งสองข้าง ก่อนจะอุ้มตัวมันไปใส่ในรถเบาะหลัง แล้วพวกเราก็พามันไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลครับ เพื่อจะมีส่วนไหนที่พกช้ำหรือหักแล้วเรามองไม่เห็นกัน ตอนแรกมันดื้อจะไม่ยอมไป ผมเลยขู่มันว่าถ้าไม่ไปโรงพยาบาลก็ไม่ต้องไปนอนบ้านผม ไอ้เด็กตัวขาวถึงได้ยอมเสียอย่างไม่ได้ พอตรวจอะไรๆเรียบร้อยไม่มีอาการน่าเป็นห่วงไอ้คริสก็ขับรถพามาส่งถึงหน้าบ้านผม ก็แถวบ้านไอ้ปิ๊นนั่นแหละเพียงแต่เข้าซอยมาสัก300เมตรท่านั้น "แน่ใจนะว่าจะไม่เปลี่ยนใจอะ บ้านพี่มีห้องว่างนะน้องไปพักได้ สบายกว่าบ้านไอ้ตงอีก" ไอ้ปิ๊นพยายามชวนไอ้เด็กตัวขาวนี่อีกรอบ มันคงลืมเรื่องไม่ถูกชะตากันไปหมดแล้วล่ะ ปิ๊นมันขี้ใจอ่อนจะตาย คงสงสารไอ้ดิสโก้จริงๆ แต่ไอ้เด็กตัวขาวก็ส่ายหัวมือยังจับชายเสื้อผมแน่น ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมมันถึงกล้ามาขอนอนบ้านผมทั้งๆที่รู้จักกันไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ "เฮ้อ งั้นก็ตามใจ แล้วมึงล่ะไอ้ตงจะบอกแม่มึงว่าไง" "เออ คืนนี้แม่กูอยู่สนามบินทั้งคืนกว่าจะกลับก็เช้าพอดี ไม่น่ามีปัญหาอะไร เดี๋ยวค่อยบอกว่ารุ่นน้องมาขอให้ติวหนังสือให้" พรุ่งนี้หน้าเด็กนี่คงจะเบาลงกว่าเดิมนะ หวังว่าอะนะ "เค มีอะไรโทรตามกูได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงนะมึง" "เออๆ" "ไงก็หายไวๆนะน้อง อยากให้พี่ไปกระทืบไอ้พวกนั้นก็บอกจะไปจัดการให้" ไอ้คริสบอกไอ้เด็กดิสโก้ ท่าทางคงคันตีนสุดๆ "ขอบคุณครับ" มันพูดเสียงเบา "กลับไปเหอะพวกมึงจะสองทุ่มแล้ว ที่เหลือกูดูแลเอง" "อืมๆ" พอแยกย้ายกันผมก็พาไอ้ดิสโก้ไปกินข้าวกินปลา เพื่อจะได้กินยาที่หมอสั่ง มันทำท่าจะดื้อไม่กินอยู่เหมือนกันแต่พอเจอผมทำท่าเอาจริงแล้วชี้นิ้วไปที่ประตูบ้านเป็นเชิงบอกว่า 'ถ้าไม่กินก็กลับบ้านไป' มันเลยยอมครับ "เก่งมาก ไปขึ้นห้องกันจะได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนสักที" ผมขยี้หัวมันประนึงเป็นลูกหมาอีกตัว ไอ้เด็กนี้ก็ไม่บ่นสักคำ...เหมือนมันชอบให้ลูบหัวด้วยซ้ำไป "มึงเข้าไปอาบน้ำก่อนเลย.เดี๋ยวกูหาชุดนอนให้" "ผมมีอยู่แล้วในกระเป๋าเป้" "อ้าวงั้นหรอ มึงกะจะไปค้างกับเพื่อนสินะ" ผมถามอย่างสงสัย "เปล่า..กะไปค้างกับพี่คริสต่างหาก" "ห๊ะ! แล้วมึงจะไปค้างกับมันทำไมว่ะ" "ก็ตอนแรกคิดว่าถ้าผมไปสารภาพรัก พี่คิดอาจจะตกลงคบกับผมก็ได้ไง แล้วก็ไปค้างที่บ้านพี่คริสเลยไง แหะๆ" มันพูดหน้าแหย่ๆ ผมล่ะอยากให้ไอ้ปิ๊นมาได้ยินจริงจริ๊งงง อยากจะรู้ว่ามันจะยังชวนไอ้เด็กนี้ไปค้างบ้านมันด้วยหรือเปล่า เหอะๆ "ไม่ค่อยแรดเลยนะมึงเป็นเด็กเป็นเล็ก แก่แดดฉิบหาย" "ไม่ใช่เด็กสักหน่อยโตเเล้วนะ อยู่ตั้งม.4แล้ว เพื่อนๆผมก็เคยไปนอนหอแฟนกันทั้งนั้นอ่า ไม่เห็นเป็นไรเลย" "โว๊ะ! ถ้ากูมีน้องคิดแบบมึงกูจะเตะให้หายแรดเลยจริงๆ" "ไปๆอาบน้ำได้ล่ะมึงอ่ะ ดึกล่ะ" ผมไล่มัน ขี้เกียจเถียงด้วย เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไอ้เด็กนั่นก็ไปอาบน้ำครับ ผมก็เตรียมยาทาไว้รอแล้วก็ลงไปเตรียมน้ำแข็งมาประคบหน้ามัน พอขึ้นมาอีกทีไอ้ดิสโก้ก็อาบน้ำเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้ตัวมันหอมฉุยไปทั้งตัว จนน่าหอมฉิบหาย... แถมมันยังใส่ชุดนอนผ้าลื่นๆแขนยาวกับกางเกงขาสั้นเข้าเซตกันสีเขียวมิ้น เตรียมชุดพร้อมอ่อยไอ้คริสเต็มที่สินะ. เหอะๆ แล้วกูจะหงุดหงิดทำไมว่ะเนี้ย "ไปนั่งที่เตียงดิ เดี๋ยวกูจะทายาให้" ไอ้เด็กตัวขาวก็ว่าง่ายไปนั่งรอบนที่นอนเรียบร้อยทำตัวประนึงเจ้าของห้องอีกคน ผมก็จัดการทายาแผลที่มุมปากให้มันครับ พยายามทาให้เบามือที่สุดล่ะ ผิวมันโคตรใสจนเห็นเส้นเลือดฝอยเลยบอบบางจริงๆ แถมนุ่มสุดๆ พอพิจารณาหน้ามันใกล้ๆแทบหาข้อติไม่ได้เลย. สิวสักเม็ดยังไม่มี ตาก็โต ปากก็แดงสด ตัวก็หอมจนผมเผลอสูดดมไปหลายที... แม่ง...งูแข็งอีกล่ะ "อ่ะ เอานี้ประคบไว้นะ กูไปอาบน้ำก่อน มึงนอนบนเตียงนี้ไปเลย ถ้าจะหลับก็เอาที่ประคบใส่ไว้ในกะละมังเหมือนเดิมแล้วกัน" "ครับพี่" แล้วจากนั้นผมก็เข้ามาปฎิบัติการณ์ทำภารกิจลูกผู้ชายกับแม่นางทั้งห้าในห้องน้ำสิครับ. เปิดน้ำให้เสียงดังๆเข้าไว้กันมัรจะได้ยิน "ซี้ดดดด ไอ้ตัวขาว..อาห์.." เฮ้ย กูเป็นบ้าอะไรวะเนี้ยยยย กูต้องนึกถึงสาวน่ารักๆแบบทุกครั้งดิว่ะ แต่ทำไมมีแต่หน้าไอ้เด็กตัวขาวลอยเข้ามา โว้ยยยยสสติโว้ยสติ! ออกมาอีกทีเด็กนั่นก็กลับไปแล้วครับ คงเพลียจัด ผ้าก็ไม่รู้จักห่ม ทั้งที่แอร์ตกตรงนั้นพอดี ไม่กลัวป่วยหรือไงกัน เดือดร้อนผมต้องเดินไปห่มผ้าให้มันอีก "อื้อออ พี่อาบน้ำนานจัง" อยู่ๆมันก็ลืมตาปรือๆขึ้นมาถาม แล้วใครมันจะกล้าบอกวะ ว่าสาเหตุที่อาบน้ำนานก็เพรามึงนั่นแหละ เฮ้อ "กูก็อาบนานแบบนี้ทุกวัน" โกหกไปงั้นแหละครับ ปกติ 3 นาทีก็ถมเถไปแล้ว "หรอ...พี่ผมนอนไม่หลับอ่า" "ตะกี้กูยังเห็นมึงหลับอยู่เลย" "แค่หลับตาเฉยๆหรอก" มันทำท่ายู่ปาก คิดว่าทำแบบนี้แล้วน่ารักไงว่ะ "นอนๆไปเดี๋ยวก็หลับเองอ่ะ" "พี่เกาหลังให้หน่อยดิ ผมจะได้หลับอะ" มันอ้อนเอามือมาเขย่าแขนผมอีก "มากไปล่ะๆ ไม่เอาเว้ยขี้เกียจ" "น้าาาาพี่นะ ไม่งั้นผมไม่หลับจริงๆ" ไม่ต้องมาทำตาปริบๆเลยนะเว้ย แม่ง "เออๆ ก็ได้รีบหลับล่ะ" "เย้ พี่ใจดีที่สุดเลย" มันยิ้มนิดอย่างเจ็บมุมปาก ก่อนจะนอนตะแคงตัวเข้าเบียดผนังแล้วหันหลังให้เกา ตอนแรกผมก็นั่งเกานี่แหละครับ พอนานๆชักเมื่อยเลยล้มตัวตะแคงนอนหันไปตามมัน มือก็ยังคงลูบให้เหมือนเดิม จนเริ่มเคลิ้มๆ "พี่...พี่ชื่ออะไรอ่ะ" เสียงงัวเงียๆของไอ้ดิสโก้เอ่ยถามเบาๆ มีอย่างที่ไหนว่ะ มานึกถามชื่อกันตอนจะหมดพาร์ทของกูล่ะ "กูชื่อตง" ผมบอกมันไป ตาผมเองก็เริ่มปิดแล้วครับ โคตรง่วง "อือ..พี่ตง.." เสียงไอ้เด็กดิสโก้เริ่มเบาไปทุกที ก็เหมือนผมที่ประสาทรับรู้เริ่มปิดตัวลงเช่นกัน... "ชอบ..พี่..นะ" หึ นึกว่าจะไม่'ขอบคุณ'กันซะแล้ว Good night jaaa
o13 o13 o13
ตอนที่ 19 ร่มของเราสองคน นี่ก็ผ่านมาจนจะถึง 3 เดือนแล้วครับ ความสัมพันธ์แบบลับๆของผมกับไอ้คริสก็ดูท่าว่าจะเป็นไปด้วยดี เราต่างได้เห็นหลายๆด้านของอีกฝ่าย ไอ้คริสเองถึงจะดูบ้าๆบอๆ แต่มันก็มีความเป็นผู้นำในตัวสูง แทบทุกครั้งที่มันจะมีคำปรึกษาดีๆให้ตลอดเวลาผมมีปัญหาอะไร คอยช่วยติวหนังสือให้ โทรคุยกันทุกคืน เป็นห่วงเป็นใยผมตลอด มีบ้างที่ไปเดินเที่ยวด้วยกัน 2 คน ช่วงวันหยุด และมันก็ยังคอยมารอรับหน้าโรงเรียนเพื่อเดินกลับไปส่งผมที่บ้านเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน เป็นอะไรที่ซึ้งใจสุดๆ แทบนับครั้งได้ที่มันจะไม่มารับถ้าไม่ติดธุระอะไรจริงๆ มันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมไปแล้วสินะ แต่ก็ยังมีอีกด้านของมันเหมือนกันที่ผมเองก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ไอ้คริสมันเลือดร้อนครับ เพื่อนมีปัญหากับใครมันไปตามช่วยแก้แค้นเขาซะหมด แบกหน้าเละๆมารอรับผมก็บ่อย คุยกันไปหลายรอบจนผมเบื่อที่จะคุยเรื่องนี้กับมันอีก ปากมันบอกว่าจะไม่มีเรื่องกับใครอีกแล้ว พอเอาเข้าจริงมันก็แอบไปมีเรื่องชกต่อยอยู่ดี บางทีก็อยากจะถามมันเหลือเกิน ว่าเพื่อนกับแฟนมันจะเลือกอะไร แต่ใจมันก็ไม่กล้าพอ พูดตรงๆว่าผมกลัวคำตอบของมัน...อาจจะไม่ใช่ผม “ปิ๊น ใกล้จะสอบปลายภาคแล้วมึงอ่านหนังสือบ้างยังวะ” ไอ้เจสพูดขึ้นระหว่างที่พวกเราสามคนนั่งเล่นตอนพักกลางวันรอให้ข้าวเรียงเม็ดก่อนค่อยขึ้นตึกเรียน “ยังเลยวะ แล้วมึงอะไอ้เจส อ่านชื่อหน้าปกหนังสือมั้งยัง” ระดับไอ้เจสแค่เหลือบตาอ่านหน้าปกได้ก็มหัศจรรย์แล้วครับ “5555 ยังอะดิ เริ่มเครียดแล้วเนี้ย จะตกหรือเปล่าก็ไม่รู้คะแนนเก็บกูยิ่งน้อยๆอยู่ ไม่เหมือนมึงนิ เดี๋ยวนี้รองท๊อปตลอดนะมึง แล้วมาทำเป็นบอกว่าไม่อ่านหนังสือ เชื่อตายห่า” ไอ้เจสพูอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเอานิ้วชี้มาผลักหัวผมแรงๆจนหงายหลังไปชนไอ้ปอ “เจ็บนะเว้ยไอ้ห่า ปอไอ้เจสมันทำร้ายกู มึงจัดการมันให้กูหน่อยยย” ผมแกล้งทำเป็นหันไปฟ้องไอ้ปอตาปริบๆ “กูก็สงสัยเหมือนไอ้เจสนะ ถ้ามึงไม่อ่านหนังสือจริงแล้วทำไมมึงคะแนนพุ่งเยอะจังช่วงนี้” ฉิบหายล่ะไอ้ปอก็ดันมาสงสัยผมอีกคน จะให้บอกพวกมันได้ยังไงว่าไอ้คริสติวให้ ขืนบอกไปมันก็ต้องสงสัยต่ออีกว่า ติวที่ไหน ทำไมต้องให้มันติว ไอ้ปอท๊อปของห้อง ทำไมไม่ให้ไอ้ปอติวให้ ผมรู้ว่ามันต้องออกมาอีหรอบนี้แน่ๆ แล้วสุดท้ายความลับที่ผมเก็บไว้ก็อาจแตก ใจจริงก็อยากจะบอกนะครับ แต่ก็กลัวเพื่อนรับไม่ได้แต่ไอ้เจสเองก็เหมือนมันจะพอรู้ๆเรื่องผมกับไอ้คริสอยู่บ้าง คงเพราะผมคุยไลน์กับไอ้คริสบ่อยตอนพักกลางวันแบบนี้ ไม่เหมือนไอ้ปอที่วันๆเอาแต่อ่านหนังสือไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แล้วที่ผมสังเกตคือเวลาพูดถึงไปคริส ไอ้ปอมันจะทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ “กู..ก็...อ่านสรุปของพี่ปูนไงมึง มึงก็รู้นิว่าพี่ปูนก็เคยเรียนที่โรงเรียนนี้ เขาก็เอาสรุปเก่าๆมาให้กูอ่านไง แค่นั้นแหละ” “แล้วทำไมที่ผ่านๆมาคะแนนมึงถึงไม่ดีเท่าช่วงนี้วะ” “มึงก็ขี้สงสัยจริงๆ ก็พี่ปูนเขาเพิ่งทำความสะอาดห้องเก็บของไงแล้วเจอสรุปเก่าๆก็เลยเพิ่งเอามาให้กูอ่านไงวะ” อย่าถามมากได้ไหม คิดคำแถไม่ออกแล้วนะเว้ย “หร๊า กูจะพยายามเชื่อนะ” ทำไมต้องพยายามเชื่อวะ กูออกจะแถเนียนขนาดนี้นะ! มึงต้องเชื่อเลยดิ “แล้วตกลงตอนใกล้สอบจะเอาไง ให้กูช่วยติวเหมือนเดิมไหม” ไอ้ปอถาม “เออเหมือนเดิมแหละมึง ติวที่บ้านไอ้ปิ๊นเหมือนเดิมด้วย โอเคนะ” “อ..เออ ก็ได้ พร้อมเสมอ แต่บอกกันล่วงหน้าก่อนก็ดีนะมึง” จริงๆคุยกับไอ้คริสไว้แล้วว่าจะให้มันมาติวให้ แต่เดี๋ยวค่อยไปบอกให้ไอ้คริสมาติววันอื่นที่ไม่ตรงกันก็ได้มั้ง... “งั้นเอาเป็นเสาร์ – อาทิตย์นี้ก็แล้วกัน โอเคไหม เดี๋ยวจะไม่ทันซะ” “จัดไปเพื่อน” “อืมๆ” ตกลงกันเรียบร้อยเราก็พากันขึ้นไปเรียน การเรียนการสอนก็น่าเบื่อบ้าง ตลกบ้างถ้าเจออาจารย์ใจดีที่ชอบปล่อยมุกนะอะ ได้เวลาเลิกเรียนแล้ว ผมก็คิดว่าจะนั่งดูไอ้เจสเล่นบาสระหว่างรอไอ้คริสเหมือนเดิม แต่วันนี้ไอ้ปอกลับมานั่งเล่นอยู่ด้วย “วันนี้มึงไม่รีบกลับบ้านเหมือนทุกทีหรอวะ ไอ้ปอ” ปกติจะมีคนขับรถมารอรับมันอยู่ตลอดหลังเลิกเรียน “ไม่อะมึง กูอยากอยู่เล่นบาสกับเพื่อนบ้าง ไม่ได้หรอ” “เปล๊า ก็ได้ดิ แค่ถามดูเฉยๆน่า” “แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่าว่ะ กูของีบสักหน่อยดีกว่า เมื่อคืนก็อ่านหนังสือจนดึก ง่วงแล้วเนี่ย” “เออๆ มึงก็นอนดิ ใครเอามือไปถ่างตามึงไว้ล่ะ 5555” “งั้นกูขอนอนตักมึงนะ ม้านั่งปูนมันแข็งกูปวดคอ” มันขอนอนตักผมตรงๆ แอบอึ้งไปเหมือนกัน ปกติไม่เคยให้ใครนอนตักมาก่อนเลยครับ “....” “ไม่ได้หรอ ปิ๊น...หรือมึงจะเก็บตักไว้ให้ใครนอน” มันพูดเสียงนิ่งแววตาจ้องมองมาที่ผมอย่างพยายามค้นหาอะไรสักอย่าง ที่ผมปิดบังไว้ “ป..เปล่า จะนอนก็นอนดิ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” “หึ ขอบใจนะมึง” ไอ้ส่งยิ้มให้ก่อนจะเอนหลังนอนไปกับม้านั่งแล้วเอาหัวมาหนุนตักผมไว้ ดีว่ามีโต๊ะหินอ่อนบังสายตาไว้อยู่เลยดูไม่น่าเกลียดมาก ถ้ามานอนแบบไม่มีอะไรบังคงน่าแปลกตากับนักเรียนคนอื่นๆที่เห็นแน่ๆ “ตักมึงนุ่มว่ะปิ๊น” “ห่ะ พูดบ้าอะไรของมึง” ผมก้มไปมองไอ้ปอที่พูดขึ้นทั้งๆที่ตายังหลับอยู่ “เปล่า แค่อยากนอนอยู่บนตักมึงไปนานๆ” “อยากนอนนานๆก็นอนไปดิ” “...จริง?” ไอ้ปอลืมตามามองผมด้วยแววตาที่ดูดีใจ จะดีใจทำไมวะ “เออ แต่กูคิดนาทีละ 10 บาทนะโว้ย ฮ่าๆๆๆ อยากนอนนานแค่ไหนก็ตามใจมึง แต่กูจับเวลาไว้ล่ะ” ผมพูดไปขำแกล้งหยอกมันเล่น แต่ไอ้ปอกลับหน้านิ่ง พ่นหายใจอย่างดูเซ็งๆแล้วหลับตานอนต่อ ไรวะ พูดเล่นแค่นี้ทำเป็นโกรธ แต่ก็ไม่ได้สนใจหรอกครับผมก็หยิบการ์ตูนขึ้นมาอ่านฆ่าเวลาไประหว่างรอไอ้คริสไป . . . . ซ่า ซ่า จู่ๆฝนก็ตกลงมาอย่างหนักโดยไม่ทันตั้งตัวพวกเราเลยรีบเก็บของแล้ววิ่งเข้าไปหลบฝนใต้ตึกอาคารเรียนกัน ขาอย่างชาเลยไอ้ปอแม่งหลับจริงจังมาก ถ้าฝนไม่ตกมันคงไม่ลุกตื่นแน่ๆ “แม่ง ตกอะไรหนักหนาวะ ตกมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง กูกำลังจะชู๊ตบาสเข้าห่วงอยู่แล้วเชียว หงุดหงิดว่ะ” ไอ้เจสบ่นแล้วทุ่มลูกบาสลงพื้นแก้เซ็ง “นั่นดิ กูโคตรไม่ชอบหน้าฝนเลย” ผมบ่นตามมัน ก็หน้าฝนมันทั้งเปียก ทั้งแฉะทั้งชื้น เดินบนฟุตบาททีก็ต้องคอยระวังระเบิดน้ำใต้แผ่นปูนด้วย โคตรไม่ชอบเลยจริงๆครับ “ดูท่าแล้วจะตกนานแน่เลยว่ะ” ไอ้ปอที่มองดูฝนตกพูดขึ้น ซึ่งผมก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ห่วงก็แต่อีกคน ไม่รู้ตอนนี้ถึงไหนแล้ว มีต่อ
ติ๊ง เสียงเตือนข้อความจากไลน์ดังขึ้น ผมก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบทันที เพราะรู้ๆอยู่ว่าเป็นใคร -ฝนตกหนักมาก -ยังไม่ต้องออกมานะ -เดี๋ยวโดนฝนจะไม่สบาย /ถึงแล้วหรอ/ /อยู่ไหนจะได้ไปหา/ -ยืนหลบฝนอยู่ป้ายรถเมล์หน้ารร. -ไม่ต้องฝ่าฝนออกมานะ -กูรอได้ สบมอห -สติ้กเกอร์หมีเล่นลูกบอล ไอ้บ้า ใครมันจะปล่อยให้มึงยืนตากฝนอยู่คนเดียวได้กันล่ะ “พวกมึง กูกลับก่อนนะ ปวดท้องว่ะอยากนั่งห้องน้ำที่บ้าน ไปล่ะ” “อ้าว เฮ้ย ฝนตกหนักนะเว้ย” เสียงไอ้เจสตะโกนบอกแต่ผมก็ไม่ได้สนใจรีบเอากระเป๋านักเรียนยัดใส่ในเสื้อนักเรียนแล้วกอดไว้อย่างกลัวหนังสือข้างในจะเปียก แล้วก็วิ่งฝ่าฝนออกมาเลยครับ “คริส!” ผมตะโกนเรียกมันที่นั่งอยู่บนที่รั่งรอรถเมล์ “บอกว่าไม่ให้วิ่งฝ่าฝนมาไง ดื้อจังว่ะเปี๊ยก” ปากดุที่มันก็รีบล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงออกมาเช็ดหน้าเช็ดหัวให้ผมอย่างไว จากที่หนาวเพราะเปียกฝน กลายมาเป็นร้อนเพราะเขินมันซะได้ “ก็ไม่อยากให้มึงรอคนเดียวนิ” “เป็นห่วงกูด้วยหรอ น่ารักว่ะ” “ไม่ได้ห่วงซะหน่อย แค่กลัวมีคนมาหนาวช็อคตายหน้าโรงเรียนหรอกเว้ย” “หึหึ” ไอ้คริสอย่างชอบใจแล้วเอามือมาขยี้หัวผมจนยุ่งไปหมด “อย่าดิว่ะ หัวยุ่งหมดแล้วเนี่ย....แล้วเอาไงจะยืนหลบฝนอยู่ตรงนี้ก่อนหรือจะวิ่งไปบ้านกู” “ไปบ้านเปี๊ยกดิ ดูแล้วมันน่าจะตกนาน” “โอเค คงเปียกหมดแน่ๆ แต่เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนเสื้อผ้ากูเอาก็ได้เนอะ” ผมบอกมันแล้วทำท่าจะวิ่งออกไปอีกครั้ง แต่ก็ถูกมันเอามือดึงไว้ จนผมต้องหันมามองอย่างงงๆ ตกลงจะไปหรือไม่ไปกันแน่ “ลืมไปแล้วหรอว่ามึงอยู่กับใคร” “อะไร ก็อยู่กับมึงไง ประสาทป่ะเนี้ยะ” “เออ แล้วคริสเป็นอะไรกับปิ๊นครับ” มามุขไหนของมันอีกว่ะ พูดเพราะทีไรแม่งต้องได้ทำเรื่องแปลกๆตลอด “ก็..แฟนไง” ผมพูดเสียงเบา มองมันอย่างงงๆ “ใช่ เราเป็นแฟนกันนะ ก็ต้องฝ่าฝนไปแบบแฟนๆดิ” มันยิ้มเขินใหญ่ ผมว่าล่ะ มโนฉากเลี่ยนๆไว้ในหัวอีกแล้วใช่ไหมเนี้ย ไอ้ต๊องเอ๊ย “แล้วทำยังไงอะ” เห็นแก่หน้ามัน จะยอมแกล้งโง่ให้ก็ได้ว่ะ สงสารดูท่าแล้วคงคิดมานาน ฮ่าๆๆๆ “ก็เอาเสื้อคลุมกูนี่ไง โรแมนติกอะดิ” มันยิ้มแป้นก่อนจะถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่ออกมาแล้วกางแขนบังหัวผมไว้ แม่งเอ๊ย โคตรเขิน! ผมนี่แทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่กับความน่ารักแปลกๆของมัน มันก็เป็นของมันแบบนี้แหละครับ แล้วผมก็ชอบที่มันเป็นแบบนี้ด้วย “พร้อมนะ” มันหันหน้ามาถามใกล้ๆหลังจากที่เราอยู่ใต้เสื้อคลุมตัวเดียวกัน “อืม” ผมพยักหน้าแล้วหลุดยิ้มอย่างเสียไม่ได้ ก่อนที่เราทั้งสองคนจะเดินฝ่าฝนกันไป ทั้งๆที่ฝนก็ตกหนักแต่เท้าของเราทั้งคู่ก็พากันเดินไปอย่างไม่รีบร้อน ความกลัวเปียกได้หายไป เมื่อมีใครคอยเดินอยู่ข้างๆกัน... เคยมีคนบอกผมว่าชีวิตช่วงมัธยมมันดีที่สุด เราได้ทั้งเพื่อนที่จริงใจ ได้เล่นสนุกเต็มที่ แล้วยิ่งถ้ามีความรักในวัยนี้ มันจะเป็นความรักที่ตราตรึงอยู่ในใจ การกระทำต่างๆจะถูกฝังไว้ในความทรงจำไม่ว่าจะกลับมานึกถึงเมื่อไหร่ มันก็จะทำให้เรายิ้มได้เสมอ... ไม่รู้ว่าอนาคตผมกับคริสมันจะเปลี่ยนแปลงไปยังไง แต่ตอนนี้ผมมีความสุขจริงๆครับ การได้ทำตามหัวใจตัวเอง มันมีความสุขมากจริงๆ . . . . “อ้าวไอ้ปอวิ่งตามไอ้ปิ๊นไปไม่ทันหรอว่ะ” ไอ้เจสเอ่ยปากถามเมื่อผมก้าวเข้ามานั่งใต้ตึกเรียนเหมือนเดิม “เปล่า” “เปล่าอะไร เปล่านี่ทันหรือไม่ทัน” “ทัน...” “เอ้า ถ้าทันแล้วทำไมร่มยังอยู่กับมึงเหมือนเดิมว่ะ ไหนบอกจะให้เอาไปให้ไอ้ปิ๊นไง” เจสถามอย่างสงสัย ก็ตอนแรกบอกว่ามันพกร่มมาจะวิ่งเอาไปให้ไอ้ปิ๊น กลัวว่าไอ้ปิ๊นเปียกฝนแล้วจะป่วยอีก แต่ทำไมกลับเป็นมันเองที่ตัวเปียกชุ่มอย่างกับไปยืนตากฝนมาซะงั้น ทั้งๆที่ร่มก็อยู่ที่มัน ปอนิ่งเงียบในมือกำร่มพับได้ไว้แน่น เขาเห็นตั้งแต่ไอ้คริสนั่นเอาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดหัวปิ๊น ทั้งๆที่ฝนตกหนักแต่ทั้งสองคนกลับยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพากันฝ่าฝนไปใต้เสื้อคลุมตัวเดียวกัน ทั้งที่ดูก็รู้ว่าเสื้อแค่ตัวเดียวนั้นมันไม่ได้ช่วยกันฝนอะไรเลย แต่ ‘เพื่อน’ เขาก็ยังเลือกไปกับมัน… “ปิ๊นมันมีร่มที่ดีกว่าของกูแล้วว่ะ” --------------------------
มาม่าๆๆ
:L2: :pig4:
ปอทำใจนะ อวยพรขอให้เจอคนของปอจริงๆ :mew1:
โถถถ ปอ...
บทที่ 20 คำสัญญา ผมกับคริสพากันเดินมาจนถึงบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าเปียกกันทั้งคู่ เสื้อไอ้คริสมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยจริงๆ คะแนนบังฝนให้ติดลบร้อย แต่คะแนนความโรแมนติคให้เกินล้านครับ อิอิ จากนั้นเราก็ผลัดกันอาบน้ำครับ กลัวเป็นหวัดแล้วจะป่วยซะก่อน ใกล้จะถึงช่วงสอบไฟนอลแล้วด้วยต้องดูแลรักษาร่างกายกันให้ดี “มึงไปอาบน้ำก่อนเลย เดี๋ยวกูหาชุดให้เปลี่ยน” ผมพาไอ้คริสเข้าห้องนอนแล้วชี้ให้มันไปอาบน้ำก่อน “ไม่อาบพร้อมกันอ่ะ ช่วยชาติประหยัดน้ำนะเว้ย 555” “ตลกตาย รีบๆไปอาบเลยเร็ว ไม่งั้นกูไล่กลับบ้านซะเลยนิ” “เขินอะดิ” “เขินพ่องงงง ไปอาบน้ำ!” ผมหันไปแว๊ดใส่ก่อนจะขว้างผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ใส่ตัวมัน “555 ไปแล้วคร้าบคุณแฟน” ไอ้คริสรีบคว้าผ้าเช็ดตัวไว้ก่อน แล้วยิ้มหน้าระรื่นเดินเข้าห้องน้ำไป ต้องทำให้ผมโมโหก่อนตลอดอ่ะมัน แล้วพอผมโมโหก็หาว่าผมเขิน ใส่ความกันชัดๆ ผมไม่ได้เขินสักหน่อย นี่แก้มแดงธรรมชาติหรอก -///- . . . . หาเสื้อผ้าที่คิดว่ามันน่าจะใส่ได้ก็เป็นเสื้อยืดธรรมดากับกางเกงเล ขาห้าส่วนครับใช้มัดเอามีอยู่ตัวเดียวที่มันน่าจะใส่ได้ ที่เหลือก็เล็กๆมันใส่ไม่ได้แน่ๆ พอได้ครบก็เคาะประตูห้องน้ำเรียกมันครับ “กูเอาชุดวางไว้หน้าห้องน้ำนะ” ผมบอกแล้วก้มวางชุดไว้กับพื้นหน้าประตูห้องน้ำ แอด จู่ๆประตูห้องน้ำก็เปิดพรวดออกมา ผมที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นพอดีก็ดันไปตรงตำแหน่งบางอย่างของไอ้คริสแล้วก็ได้เห็นเต็มสองตา นี่ใช่ไหมไซต์ฝรั่ง OMG “ทำไมไม่เอาผ้าเช็ดตัวมาปิดดดด” >< ว๊ากกกกกกกกกกก กูจะบ้าตาย ฮือ เต็มๆเลยติดตาเลยอ่ะ โอ๊ยยย ทำไมใหญ่จังว่ะ เฮ้ย ไม่เอาไม่นึกถึงดิ ตอนไม่แข็งยังขนาดนี้ แล้วถ้าแข็งจะขนาดไหนวะ.... ฟ๊ากกกกกกกก คิดบ้าอะไรของกูว่ะเนี่ย ฮืออออ ผมนั่งหันหลังหลับตาปี้เอามือปิดหน้าพลางสลัดหัวไปมาอยากไม่อยากนึกถึงสิ่งที่เห็นเมื่อกี้ กรรมของลูกกะตากูจริงจิ๊ง “ก็ไม่รู้นิหว่า ว่าจะอยู่ตรงหน้าประตูพอดี หึหึ เป็นไงใหญ่ล่ะสิลูกชายกูอะ 555” “ไอ้บ้า ! ไอ้โรคจิตชอบโชว์ของหรอ ทุเรศ อุบาทที่สุดอ่ะ” ผมตะโกนว่ามันต่อ ไอ้คริสเองก็เหมือนยิ่งชอบใจหัวเราะคิกคักๆอยู่ด้านหลัง เป็นโรคจิตจริงๆสินะ ฮึ่ยยย “แต่งตัวเสร็จแล้ว หันมามองได้แล้ว ปิ่นปิ๊นของพี่คริส” มันพูดเสียงหวานแล้วเอามือขยี้หัวผมไปด้วย “ฮึ่ยยย อย่ามาถูกตัวกูนะเว้ยไอ้โรคจิต” ผมลุกขึ้นสะบัดหัวออกจากมือมัน ถอยหลังออกห่าง “555 ทำหน้าตลกว่ะปิ๊น น่ารักฉิบหาย กูโคตรอยากจับมาฟัดแก้มเลยจริงๆ” “อ..อ.ไอ้บ้า กูหล่อเหอะ ไม่ได้น่ารักซะหน่อย” หล่อกว่ามึงด้วย โด่ว ไม่อยากจะพูดด้วยมันจะเสียเซลฟ์ “หึหึหึ เออ หล่อก็หล่อ ปิ่นปิ๊นพูดไรมาคริสก็เชื่อหมดแหละ ดีไหม” ^^ “..ก..ก็.แน่ล่ะ กูพูดความจริงนี่” เวลาคริสมันเรียกชื่อเล่นผมเต็มนี่ก็ทำเอาผมเขินแปลกๆ? “แฟนใครวะ น่ารัก เอ๊ย หล่อจริงๆ” มันทำตาเยิ้ม ยิ้มหวานยังกับโดนยามา ไอ้ห่า ขนลุกสุดๆ “เสร็จแล้วก็ถอยไปดิ จะอาบบ้าง ชิ” “เดี๋ยวก่อนดิ ไอ้กางเกงตัวนี้มันใหญ่ไปอ่ะปิ๊น มีตัวเล็กกว่านี้ป่าว ดูดิใหญ่จนต้องเอามือดึงไว้เลยเนี่ย” ไอ้คริสบอก ผมก็เพิ่งสังเกตว่าอีกมือของมันกำขอบกางเกเลไว้แน่น สงสัยจะใส่ไม่เป็น “ก็ผูกดิ มันต้องผูกเชือกเว้ย ใส่ไม่เป็นหรอ” “มัดไง ไม่เคยใส่ ไหนเชือกอะ กางเกงอะไรวะเนี่ย” ไอ้คริสบ่นกระปอดกระแปดพลางมองหาเชือก “ทึ่มจริงๆเลย มานิเดี๋ยวผูกให้ ยืนเฉยๆล่ะ” ผมที่ทนดูไม่ไหวเลยเข้าไปใกล้ เอามือโอบหลังคริสไปดึงเชือกมามัดเอวสอบของมันไว้ให้แน่นก่อนจะมัดทบอีกที กลิ่นหอมสดชื่นหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ลอยเข้าจมูกผมอยู่ตลอดตอนที่มัดเชือกให้มัน ทำให้เต้นเต้นผิดจังหวะแปลกๆ ยิ่งตอนที่มือผมไปกระทบกับหน้าท้องมันรู้สึกเหมือนกับถูกกระแสไฟวิ่งเข้าใส่ตัวเลยครับ ภาพที่มันเปิดประตูห้องน้ำทั้งที่เปลือยกายอยู่แวปเข้ามาในหัว หน้าผมร้อนวูบวาบไปหมดเมื่อนึกถึงจนไม่กล้าเงยหน้าให้อีกฝ่ายได้เห็น ถ้ามันเห็นหน้าแดงๆของผมก็รู้สิว่าผมคิดอกุศลอยู่... “เสร็จแล้ว กูไปอาบน้ำก่อนนะ” ผมบอกแล้วรีบเดินก้มหน้าเข้าไปในห้องน้ำ แม่งเอ๊ย หัวใจผมมันเป็นบ้าอะไรอีกล่ะ รู้ว่าภาพตอนนั้นมันน่าช็อคแต่มันก็ไม่ควรจะเต้นแรงขนาดนี้ป่ะว่ะ ว่าไอ้คริสโรคจิต แต่เหมือนว่าผมเองนี่แหละที่น่าจะโรคจิตกว่ามันอะ ผมหันไปเปิดน้ำในอ่างล้างมือก่อนจะกวักน้ำลูบหน้าตัวเองให้หายร้อน เมื่อมองในกระจกสีหน้าผมก็ดูไม่จืดจริงๆ แก้มแดงไปหมด ทั้งๆที่มันก็นานแล้วนะที่มีคริสเข้ามาในชีวิตผมแต่ทำไมผมถึงยังใจเต้นแรงกับมันตลอดก็ไม่รู้ ไม่เคยชินสักทีจริงๆ มึงนี่โคตรมีอิทธิพลต่อหัวใจกูจริงๆไอ้บ้าคริส แล้วถ้าวันนึงไม่มีมันอยู่ข้างๆกันอีกเหมือนเดิม ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ...ผมจะเสียใจไหมนะ . . . . . . หลังจากอาบน้ำเสร็จเราก็ลงมาข้างล่าง คริสมันก็เปิดทีวีนั่งดูช่องการ์ตูนของไปครับ ผมก็เอาเสื้อผ้ามันที่เปียกมันซักก่อนจะเอาไปปั่นแห้งอีกที ทำอย่างกับผมเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนเลยเนอะ แต่ตะกี้เกือบเทน้ำยาล้างจานแทนน้ำยาซักผ้าไปแล้วครับ 555 แล้วผมก็เปิดกระเป๋านักเรียนดูว่ามีอะไรเปียกบ้างแต่ก็โชคดีครับที่ผมเอาสมุดใส่ไว้ในแฟ้มพลาสติกอีกทีเลยไม่มีอะไรเปียก ส่วนกระเป๋าไอ้คริสผมไม่ได้ค้นดูหรอกครับไม่ชอบยุ่งย่ามกับของๆใครเห็นว่าของมันเป็นกระเป๋าหนังด้วยเลยคิดว่าคงไม่มีอะไรเปียกหรอก แต่จนป่านนี้ฝนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเลยครับ ผมเลยออกไปดูหน้าบ้านก็เรียบร้อยครับ น้ำท่วมถนนแล้ว! ตายๆๆ เมื่อไหร่จะหยุดก็ไม่รู้ นี่ก็หกโมงเย็นแล้วด้วยเริ่มจะหิวอีกรอบ พี่ปูนก็ยังไม่กลับคงติดฝนนานแน่ๆ “เป็นไร ทำหน้าบูดเป็นตูดเลย” คริสหันหน้ามาถามพอผมนั่งลงไปบนโซฟาข้างๆมัน “ก็ฝนตกไม่หยุดสักที พี่ปูนก็ยังไม่กลับ เซ็ง” “แค่นั้นจริงๆน่ะหรอ” “ก็จริงดิวะ ถามทำไม” “ป่าว ก็แค่คิดว่า...ที่หน้าบูดก็เพราะหิวมากกว่า” คริสยิ้มมุมปากนั่งมองคนหน้าบูดอย่างเดาใจ “ไม่ใช่สักหน่อยเถอะ” ผมห่วงพี่กับเบื่อฝนตกต่างหากหรอก ไอ้คริสมันมั่ว โครกกก ครากกกก “โห ไม่ค่อยหิวเลยเนอะ เมื่อกี้เสียงตัวการ์ตูนมันร้องใช่ป่ะว่ะ ดั๊งดังเลยเนอะปิ่นปิ๊น” ^^ “...” ทำไมต้องมาท้องตอนนี้ด้วยวะเนี้ย ขายหน้าไอ้คริสสุดๆ พอหงุดหงิดเพราะหิวกับหมั่นไส้ท่าทางหัวเราะชอบใจของไอ้คริส ผมก็เลยใช้เท้าถีบเข้าไปที่ลำตัวมันแม่ง ปั่ก! “หุบปาก” “อู๊ยยยย ซี้ดดดด ถีบเข้าได้ เจ็บนะ” พอเห็นไอ้คริสหน้านิ่วคิ้วขมวด ผมก็รู้สึกดีซะงั้น “555 สะใจว่ะ โดนซะมั้งก็ดี” “ดีไรเล่า ถีบโดนแผลเก่าเต็มๆเลย” ไอ้คริสบ่นทำหน้างอนใส่ ก่อนจะเลิกเสื้อดู “เฮ้ย! ทำไมมันม่วงช้ำแบบนั้นอะ กูถีบแรงขนาดนั้นเลยหรอ” ผมที่เห็นรอยช้ำมันที่อยู่ชายโครงด้านข้างตัวก็ตกใจ รีบเขยิบตัวไปดูใกล้ๆ ตอนที่มันเปลือยก็มัวแต่ตกใจไม่ได้สังเกตเลย “ขอโทษนะคริส ขอโทษจริงๆไม่รู้ว่าเป็นแผลอยู่ แล้วกินยา ทายา ให้หมอเช็คอะไรยัง ไปให้หมอดูกันไหม เพื่อกระดูกหัก..” “ใจเย็นๆ ไม่เป็นอะไรแล้ว แค่แผลเก่าน่ะ เดี๋ยวมันก็หายเองไม่ต้องห่วงแล้ว” คริสจับมือผมไว้แล้วค่อยๆอธิบาย “แต่..” “แต่ก็แอบดีใจนะเนี่ย พอเห็นสีหน้าปิ่นปิ๊นห่วงคริสคริสมากขนาดนี้อะ 555” แล้วก็คริสก็ทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “คริสคริสพ่อง แบ๊วตายห่าล่ะชื่อนั้นอะ” ผมทำท่าจะทุบมันอีกรอบไอ้คริสก็รีบยกหมอนขึ้นมากันไว้ “เค้าเจ็บอยู่นะตัวเอง” เหมือนมันรู้ว่าผมขนลุกเวลามันพูดอะไรแบบนี้ก็ยิ่งเอาใหญ่ ทำหน้าตาเป็นหมาถูกเจ้าของทิ้งแถมยังดัดเสียงได้น่าเกลียดสุดๆ อี๊ มากๆครับ อยู่ด้วยกันสองคนทีไรทำตัวปัญญาอ่อนทู๊กกกที “อย่ามาเนียนเปลี่ยนเรื่องดิ รอยช้ำนี่ไปโดนอะไรมา บอกมาก่อน”
“....ก็..มีเรื่องนิดหน่อย” ไอ้คริสพูดเสียงเบาหวิวไม่ยอมสบตาผมด้วย พอได้รู้ว่ามันไปมีเรื่องอีกก็ปรี๊ดดดดขึ้นมาเลยครับ “เอาอีกแล้วนะมึงอ่ะ! ตลอดอ่ะ โดนตีนนี่มีความสุขมากไหม เจ็บตัวทุกที คุยกันดีๆไม่ได้ไงวะ” “ใจเย็นดิ ก็แค่ไปมีเรื่องกับพวกปากหมาเอง ไอ้เวรพวกนั้นโดนหนักกว่ากูเยอะน่า กูโดนแค่นี้จิ้บๆ” “แต่กูไม่ชอบ ไม่ชอบที่มึงไปมีเรื่องกับใครเขา ไม่ชอบที่มึงต้องมีแผลตามตัวแบบนี้ เห็นแล้วมันทนไม่ได้ เข้าใจป่ะ” ผมเผลอพูดความในใจไปอย่างไม่รู้ตัว เหมือนมันออกไปเองอ่ะครับ ไม่ได้อยากจะงี่เง่าเอาแต่ใจให้มันต้องทำตามใจผมนะ “ปิ๊น....อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องดิ กูใจไม่ดีนะเว้ย” ไอ้คริสพูดขึ้นทำหน้าเป็นกังวล นี้สีหน้าผมมันออกขนาดนั้นเลยหรอวะ “...” ผมเลยเลือกที่จะหันหน้าทำเป็นมองทีวีแทน ไม่ได้จะประชดนะ แต่แค่อยากระงับอารมณ์ขุ่นเคืองนี้ไว้ ไม่อยากทะเลาะกับมันด้วย เคยไหมครับแบบอยากจะสั่งห้ามไม่ให้มันไปมีเรื่องกับใครอีก แต่ก็รู้ว่าเราไม่สามารถบังคับชีวิตใครได้หรอก ยิ่งถ้าสั่งห้ามเด็ดขาดแล้วมารู้ทีหลังว่าแอบทำอีกมันก็จะยิ่งโมโหหนักกว่าเดิมแน่ๆ เพราะฉะนั้นผมเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า ของอย่างนี้ต้องให้เจ้าตัวเขาคิดเอง “อย่าโกรธดิ” มันเอามือมาจับหัวไหล่ ผมก็สลัดออก “ไม่ได้โกรธ” “นี่นะไม่โกรธ เสียงอย่างเย็นชา” “...” “ไม่ทำแล้วก็ได้ สัญญา หายโกรธเถอะนะ” “อย่ามาสัญญา พล่อยๆ ไม่ชอบ” ผมบอกมันตรงๆ ผมค่อนข้างถือเรื่องคำสัญญานะครับ ถ้าคิดว่าทำไม่ได้จะไม่ให้สัญญากับใครเด็ดขาดเลย อนึ่งก็เพราะ ‘ผมไม่ชอบคนผิดสัญญา’ “ไม่ได้พูดพล่อยๆ สัญญาจริงๆ จะเลิกมีเรื่องแล้วจะตั้งใจอ่านหนังสือสอบเข้ามหา’ลัยแล้ว โอเคไหม” ผมหันไปมองหน้ามัน ไอ้คริสเองก็ทำท่าชูนิ้วก้อยกระดิกไปมา “ถ้าผิดสัญญา มึงโดนกูต่อยแน่” ผมชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ ก่อนจะมองนิ้วก้อยที่กระดิกไปมาอย่างชั่งใจ แล้วก็เอานิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยไอ้คริสไว้...จะลองเชื่อคำสัญญาของมันสักครั้งก็แล้วกัน “ครับผม”^^ “เออ งั้นก็ปล่อยนิ้วได้แล้วเว้ย เกี่ยวซะแน่น” “ยังไม่อยากปล่อยอ่ะ อยากเกี่ยวไว้นานๆ” “ปล่อยยยยย” ผมพยายามจะดึงออกไอ้คริสก็เกี่ยวไว้แน่นอย่างไม่ยอมปล่อย จนผมอยากจะทุบมันอีกรอบจริงๆ “ให้กูจูบก่อนดิแล้วจะปล่อย” “ห๊ะ!” “พ.พูดบ้าอะไรวะ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย” อยู่ๆก็มาขอจูบบ้าป่าว รู้จักกันยังไม่ถึงปีเลยจะมาจูบ ไวไปไหมมมมม (หัวโบราณติดพ่อกับแม่) “พูดจริงนะ อยู่ๆก็อยากจูบมึงมากๆเลย ขอจูบได้ไหมล่ะ” ไอ้นี่ก็ตรงเกิ๊นนน “ไม่ได้เว้ย ไม่ให้” “ทำไมอ่ะ กูไม่มีกลิ่นปากเน่านะ” ไอ้คริสพูดขำๆ ทำให้นึกถึงตอนที่ผมป่วยเลยครับ แม่งอับอายดีแท้พอนึกย้อนหลังไป “ไม่ได้อยากจูบด้วยสักหน่อย” “กูจูบเก่งมากเลยนะ” “ไม่สนใจเว้ย” แหม บอกตัวเองจูบเก่งแสดงว่ามันคงผ่านมาเยอะสิท่า ฮึ่ยยยย ไอ้ผู้ชายไม่รักนวลสงวนตัว! “ลองแล้วจะติดใจ หึหึ” “ไม่มีทาง” ผมแลบลิ้นให้มันอย่างไม่เชื่อสรรพคุณที่มันอวดอ้าง “เฮ้ย!” จู่ๆไอ้คริสก็เอาหน้าพุ่งมาจะงับลิ้นผม ตกใจสิครับหงายหลังนอนไปกับโซฟาเลย ไอ้ห่าเล่นอะไรบ้าๆ ถ้าโดนปากขึ้นมาจริงๆทำไงวะ! “หึหึ ปากบอกไม่สน แต่โดนแค่นี้ก็หน้าแดงแล้วนะ” “ตกใจหรอกน่ะ” ผมรีบปฎิเสธ ก็พอดีกับที่พี่ปูนโทรเข้ามา ผมจึงรีบลุกออกมารับโทรศัพท์แทน “ฮัลโหล ปูนปู๊น” (ปิ่นปิ๊น ที่บ้านฝนตกไหม) “ตกครับ หนักมากเลยยังไม่หยุดเลยเนี้ย” (หรอ....แล้วน้ำท่วมไหม) “ท่วมแค่ถนนอ่ะยังไม่ขึ้นมาฟุตบาทนะ” (งั้นหรอ แถวมอก็ตกหนักไม่หยุดเหมือนกันรถติดเป็นชั่วโมงแล้วไม่ขยับเลย...พรุ่งนี้พี่ต้องทำงานพรีเซนหน้าห้องด้วยสิ กว่าจะถึงบ้านทำไม่ทันแน่เลย) พี่ปูนพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล จากมหา’ลัยมาบ้านก็ไกลอยู่เหมือนกันครับ เพราะต้องผ่านแยกรถติดหลายแยกด้วย “อ้าวแล้วทำไงอ่ะ ให้ปิ่นปิ๊นช่วยทำไหม ส่งข้อมูลมาในเมลดิเดี๋ยวช่วยทำคราวๆให้ก่อนก็ได้นะ” (ปิ่นปิ๊นทำไม่ได้หรอก ขั้นตอนมันยากน่ะต้องตัดวิดีโอใส่ด้วย) “หรอ แล้วปูนปู๊นจะทำไง “ (คือ พี่เอกเขาก็บอกให้ไปทำที่คอนโดพี่เขามันอยู่ใกล้มหา’ลัย แต่พี่ก็ห่วงปิ่นปิ๊นไม่อยากให้อยู่บ้านคนเดียวไง) กรรม นี่ผมเป็นภาระให้พี่ผมโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่าเนี้ย แต่ก็ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวเลยอ่ะ ฮืออออ ยิ่งฝนตกแบบนี้โคตรกลัวไฟดับจริงๆ “งั้น...ปุนปู๊นไปทำงานที่คอนโดพี่เอกเหอะ เค้าอยู่คนเดียวได้ แต่ขอเปิดไฟทั่วบ้านนะ” ถ้าอยู่คนเดียวยังไงไฟก็ต้องเปิดทั้งคืนแน่ครับ ตรรกะคือถ้าไฟสว่างผีน่าจะไม่มางี้ 555 (แน่ใจหรอ ถ้าถึงบ้านดึกพี่ยอมปั่นงานไม่ต้องนอนก็ได้นะ ) แต่พี่ปูนก็ยังคงถามด้วยความเป็นห่วง “อือ แน่ใจเดี๋ยวโทรตามไอ้ตงให้มานอนเป็นเพื่อนก็ได้” ถ้ามันยอมมาอะนะ (งั้นก็ได้ ล็อคบ้านให้ดีนะปิ่นปิ๊น ใครมาเรียกไม่ต้องเปิดประตูให้เด็ดขาด มีอะไรโทรหาพี่ก่อน โอเคไหม) “คร้าบ ปูนปู๊นรีบไปทำงานเหอะ สู้ๆนะ” (โอเค อย่าลืมล็อคบ้านดีๆล่ะ) พี่ปูนย้ำอีกครั้งก่อนจะวางสายไป ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นี้ผมต้องอยู่คนเดียวจริงๆหรอวะเนี้ย “เป็นอะไร ทำหน้าเป็นหมาหงอยเลย” ไอ้คริสทักพอผมกลับไปนั่งจุ่มปุ๊กอยู่บนโซฟาเหมือนเดิม “ไม่หงอยได้ไง ถูกทิ้งให้ต้องอยู่บ้านคนเดียวเนี่ย” ผมบ่นนิดๆอย่างเซ็งๆนี่ถ้าไอ้คริสไม่นั่งอยู่ผมคงนอนดิ้นไปมาอย่างเด็กถูกขัดใจแน่ครับ ฮืออออ ก็ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวตอนกลางคืนแถมฝนตกหนักเสี่ยงไฟดับจริงๆอะ “พี่ปูนไม่กลับหรอ” “อือ” อยากร้องไห้ จะบ้าตาย นี้ครั้งแรกเลยนะที่ไม่มีพี่ปูนอยู่ด้วย ยังทำใจไม่ได้จริงๆครับ แต่ผมก็โตแล้วไม่ใช่เด็ก 3 ขวบที่ดูแลตัวเองไม่ได้ไง ถือว่าฝึกความเข้มแข็งของลูกผู้ชายก็แล้วกัน ฮืออออออออออออออออออ แต่ตอนนี้ขอร้องไห้ในใจก่อนนะ “ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวคืนนี้นอนเป็นแฟนเอง”
:laugh: น่าจะกลัวตรงที่ขอนอนเป็นแฟนเอง นี่ละ :L2: :pig4:
:laugh: น่าจะกลัวตรงที่ขอนอนเป็นแฟนเอง นี่ละ :L2: :pig4: มันใช่เลย คริสไซส์ฝาหรั่งเสียด้วย น่ากลัวมิใช่น้อย :hao7:
:pig4:
ขอเปลี่ยนชื่อตอนนิดนึง ไรท์สับสนตอนเอง 5555 กำลังเร่งปั่นเต็มที่ อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วล่ะ :o12: คิดตอนจบแล้วก็อยากร้องไห้... ขอบคุณทุกคนทุกความคิดเห็นนะที่มีมาให้กันตลอด :กอด1: ถึงจะน้อยมากแต่มันก็คือแรงใจที่ดีสุดๆของไรท์จริงๆ ส่วนเรื่อง ความรักทำให้ตาสว่าง ไรท์จะมาต่อหลังเรื่องนี้จบนะคะ Good night :L1:
:z1:
อยากให้มีภาค 2 แบบพาร์ท มหาวิทยาลัย งี้
^ ^ ^ ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ :L2: บทที่ 21 ค่ำคืนของสองเรา “ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวคืนนี้นอนเป็นแฟนเอง” “จะบ้าหรอ! น่ากลัวกว่าอยู่คนเดียวอีก” ผมรีบปฎิเสธ ปกติต้องพูดว่านอนเป็นเพื่อนไม่ใช่หรอวะ พอบอกว่านอนเป็นแฟนนี่...กูคิดไกลนะเว้ย “แน่ใจ อยู่คนเดียวได้ว่างั้น?” “...เดี๋ยวโทรตามไอ้ตงก็ได้เหอะ” “แล้วคิดว่ากูจะยอมให้ผู้ชายคนอื่นมานอนกับมึงไหม หึ?” คริสพูดเสียงเข้มแล้วเอามือบีบแก้มผมทั้งสองข้างพร้อมกัน “ฮึ่ยยย กูคบกับไอ้ตงมานานกว่ามึงอีก ไม่ง้อหรอก..” บึ้ม!!!! พรึ่บ เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วตามด้วยไฟดับมันทั้งหลัง ทำให้ผมกับไอ้คริสตกอยู่ในความมืดจนมองไม่เห็นหน้ากัน ถึงจะยังไม่ดึกมากแต่เพราะว่าบ้านผมเป็นตึกทาวน์เฮ้าส์แถมปิดผ้าม่านทึบอีก เลยมึดตึดตื้อไปใหญ่ “เชี่ยไรวะเนี้ย ไฟดับทำไมตอนนี้” ฮือออ ไอ้ปิ่นปิ๊นอยากร้องไห้ออกมาจริงๆแล้วครับ ไฟดับแบบเหมือนรู้อะว่าพี่ผมไม่กลับแล้วผมต้องอยู่บ้านคนเดียว แม่มมาดับได้ถูกเวลาโคตรๆ “สงสัยเสียงหม้อแปลงระเบิดมั้ง กูออกไปดูก่อนว่าหลังอื่นเขาดับหรือเปล่า” “ไม่เอาอ่ะ นั่งอยู่เป็นเพื่อนกูนี่แหละ” ผมรีบคลำมือไปคว้าชายเสื้อไอ้คริสไว้ แต่ดันจับโดน...โคนต้นขามันซะงั้นรีบเปลี่ยนตำแหน่งแทบไม่ทัน เกือบโดนอย่างอื่นแล้วไหมล่ะ -///- แต่ด้วยความกลัวที่มีมากกว่าผมเลยไม่ยอมนั่งอยู่คนเดียว ไม่เอาเด็ดขาดอ่ะ นาทีนี้ฉากหนังผีวิ่งเข้ามาในหัวเป็นร้อยๆฉากเลยครับ ฮือออ “อ้าวไหนตะกี้บอกว่าไม่ง้อกูไง” เสียงไอ้คริสพูดล้อเลียน “ก็สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วไง นั่งอยู่นี่แหละ ไม่ให้ไปไหนแล้วเข้าใจไหม” กระตุกเสื้อมันอีกทีทำเหมือนกระตุกสายจูงหมาสั่งให้มันนั่งยังไงยังงั้นเลย ถ้ายังไม่ยอมนั่งอีก สาบานเลยว่าจะกระชากลงมาทั้งตัวแน่ “ฮ่าๆๆ โอเคๆ แต่กูไม่เข้าใจไฟดับก็มืดอยู่แล้ว มึงยังจะหลับตาปี๊อีกทำไมเนี่ย ลืมตาดิ” “ไม่เอาอ่ะ” “ทำไม ขอเหตุผล” “ก็มันมืดไงถ้ากูลืมตาแล้วเห็น.ผ..ผีทำไงอ่ะ กลัวนะเว้ย” ผมบอกมันไปตามจริง แค่คิดก็ขนลุกแล้ว “ฮ่าๆๆ ตลกว่ะ นี่บ้านมึงแท้ๆนะเนี่ย แล้วใจคอจะนั่งอยู่แบบนี้อะนะ” “เออดิ” ผมบอกมันไปอย่างมั่นใจ โดยลืมไปว่า โครกกกก เสียงพยาธิประท้วงร้องขออาหารขึ้นมาอีกรอบแล้วครับ จะมาหิวอะไรนักหนาตอนนี้วะเนี้ย ไม่เห็นหรอว่าไฟมันดับ ไอ้พยาธิเฮงซวย! “ท้องร้องดังซะขนาดนี้ หิวมากเลยอะดิ” “แค่นี้ทนไหวน่า เดี๋ยวมันก็สงบเองแหละ” โครกกกกกกก “หึหึหึ แต่กูว่ากระเพาะมึงไม่ยอมทนวะ ที่ครัวมีอะไรกินบ้างไหมล่ะ” “ไม่รู้ดิ ปกติไม่ค่อยได้เปิดตู้เย็นดูอะ” ปกติคือรอกินอย่างเดียวครับ แหะๆ “งั้นไปในครัวกัน หิวมากๆเดี๋ยวจะปวดท้องหนักไปอีก” ไอ้คริสพูดแค่นั้นเราก็พากันไปในครัวครับ เอาจริงๆคือผมเกาะหลังไอ้คริสเดินตามมันไปในครัว ฟิลลิ่งเดี๋ยวกับตอนไปเล่นบ้านผีสิงเลยอ่ะ ไอ้คริสก็เปิดไฟฉายในโทรศัพท์นำทางไป นึกโชคดีอยู่เหมือนกันนะครับที่มีมันอยู่ด้วยในสถานการณ์มืดมิดแบบนี้ ถ้าไม่มีคริสอยู่ด้วยผมคงข่มตานอนที่โซฟาทั้งที่หิวอยู่แบบนั้นล่ะ ไม่คิดย้ายที่ไปไหนแน่ แล้วเราก็ไปหาเทียนมาจุดกันเพราะผมจำได้ว่าซื้อเก็บไว้อยู่กล่องหนึ่ง มีอยู่เทียนอยู่สามอันผมก็จัดการจุดหมดทั้งสามอันเลยครับ เปลืองไม่ว่าขอสว่างๆไว้ก่อน “ในตู้เย็นมีไส้กรอกอยู่แน่ะ แล้วก็มีผักกับเนื้อหมูมั้ง จะกินอะไรล่ะปิ๊น” คริสถามหลังจากที่เปิดตู้เย็นเพื่อหาของกินกัน “เอาไส้กรอกก็ได้เวฟเอาง่ายดี” นาทีนี้ผมแค่ขอให้มันอยู่ท้องก็พอแล้วครับ ไม่ต้องการอาหารเลิศหรูอะไรทั้งนั้น อยากขึ้นห้องไปคลุมโปงนอนแล้วอ่ะ “ตลกล่ะ ไฟดับจะเอาไปเวฟได้ไง” แป่ววววว “เออว่ะ ลืมเลย แหะๆ งั้นแล้วแต่มึงเลย” ผมผลักภาระให้ไอ้คริสทั้งหมดเลยครับ ไม่อยากคิดอะไรแล้วมัวแต่ยืนกลัวผีอยู่เนี่ย “แล้วมีมาม่าหรือโจ๊กซองอะไรแบบนี้ตุนไว้บ้างไหม” “มีๆอยู่บนตู้อ่ะ” ผมชี้ไปที่ตู้เก็บของด้านบนของเคาน์เตอร์ คริสมันก็ค้นๆรื้อๆเอาแล้วก็หยิบโจ๊กซองออกมาสี่ห่อครับ ตอนแรกผมนึกว่ามันจะเลือกหยิบมาม่าซะอีกเพราะมันน่าจะอยู่ท้องมากกว่าโจ๊กซอง “กินโจ๊กแล้วกันเนอะ มึงหิวจนท้องร้องขนาดนั้นน้ำย่อยคงออกมาเต็มกระเพาะแล้วแหละ มาม่าก็มีแต่รสเผ็ด ขืนกินเข้าไปได้นอนปวดท้องทั้งคืนแน่ พี่ปูนเคยบอกว่าถ้ามึงกินเผ็ดเยอะเกินไปจะปวดท้องด้วยกูจำได้ เดี๋ยวต้มโจ๊กแล้วก็ทอดไส้กรอกดีไหม ง่ายดีด้วย แก๊สยังมีอยู่ใช่ไหม” “อือ” ผมพยักหน้าไป แอบอึ้งนิดๆที่มันใส่ใจจดจำรายละเอียดของผมขนาดนี้ ก็ขนาดตัวผมเองยังไม่เคยจำเลยครับว่าตัวเองกินเผ็ดมากไม่ได้จริงๆ คือผมเป็นแผลในกระเพาะด้วยน่ะครับ ที่ผ่านมาก็มีพี่ปูนที่คอยระวังอาหารการกินให้ตลอด ไอ้คริสก็เดินไปหยิบหม้อกับกะทะมาตั้งเตาแก๊ส ซึ่งก็มีผมที่ประนึงเป็นจูออนค่อยเดินจับชายเสื้อตามมันไปทุกที่ไม่ยอมปล่อยจนแทบจะสิงร่างมันอยู่แล้วครับ แต่ถึงกระนั้นผมก็ช่วยมันทำอาหารนะครับ บอกไว้ก่อนเดี๋ยวจะหาว่าผมรอกินอย่างเดียว ผมน่ะทั้งฉีกซองโจ๊ก ทั้งเทใส่หม้อ ทั้งเติมน้ำ ทั้งเปิดแก๊สเลยนะครับ ทำเยอะสุดๆ แต่เพราะขั้นตอนมันเยอะผมเลยเปลี่ยนจากจับชายเสื้อมาเป็นคล้องแขนมันไว้แทน ยึดแขนมันข้างหนึ่งมาเป็นของผมเลยละครับ ไม่สนใจเลยว่ามันต้องทอดไส้กรอกเพียงมือข้างเดียว ตอนแรกก็กลัวมันรำคาญนะแต่พอหันไปมองหน้ามัน ก็เห็นว่าไอ้คริสมันยิ้มอย่างมีความสุขไม่มีสีหน้ารำคาญผมเลยเหมือนมันชอบที่ผมสกินชิพกับมันมากขนาดนี้อะครับ ผมเองก็แอบอายนะ...แต่ก็ไม่ปล่อยหรอก ถ้าไฟยังไม่มากูไม่แยกจากมึงเด็ดขาด ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้สภาพเราทั้งคู่ก็คือคล้องแขนกันไว้ ผมคนโจ๊ก คริสทอดไส้กรอก ก็เป็นการทำอาหารที่แปลกๆดีนะครับ...ว่าไหม (มีต่อ)
“ไฟดับแบบนี้ก็ดีเหมือนกันเนอะ” “หื้ม ดีตรงไหน ไม่เห็นดีเลยมืดจะตาย” “ก็..มันทำให้กูรู้สึกเป็นคนสำคัญของมึงเลย กูชอบนะที่มีมึงอยู่ข้างๆแบบนี้ ปิ๊น” แค่ได้ฟังมันพูดพาลทำให้หัวใจผมเต้นตึกตักขึ้นมาอีกรอบ เงยไปมองหน้าไอ้คริสก็เห็นเสี้ยวหน้าหล่อที่มีแสงเทียนส่องกระทบผิวยิ่งช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ดูน่าหลงใหลมากขึ้น แววตาอ่อนโยนนั้นส่งมาให้เขาแต่เพียงผู้เดียวเสมอ ซึ่งเขาก็มักแพ้สายตาแบบนี้ของคริสอยู่ร่ำไป มือใหญ่เลื่อนมือไปปิดเตาแก๊สทั้งที่สายตายังมองไปยังคนตัวเล็กอย่างไม่รู้เบื่อ เขาค่อยๆจับไหล่บางนั้นหันหน้าเข้ามาหากันก่อนจะดึงเข้ามาในอ้อมกอดจนกายแนบชิดกัน ปิ๊นไม่ได้ขัดขืนอะไรอาจเพราะงงกับการกระทำของอีกฝ่ายหรืออาจเพราะว่าตรงนี้เป็นที่เดียวที่มีเทียนส่อง...แต่เขาจะสนใจอะไร แค่อีกฝ่ายยืนให้กอดแบบนี้ก็ดีมากแล้ว มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนุ่มสีดำขลับของคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน จมูกโด่งได้รูปก้มมาสูดกลิ่นหอมอ่อนของเส้นผมที่เพิ่งสระเข้าไปอย่างต้องการเก็บกลิ่นนี้ไว้ในปอดของตนไม่ให้หายไปไหน “ได้ยินเสียงอะไรไหม” เขาถามคนตัวเล็กที่ศีรษะอยู่ตรง’อกข้างซ้าย’ของผมเขาพอดี ปิ่นปิ๊นไม่ตอบเพราะเขาได้ยินเสียงนั้นตั้งแต่ที่อีกฝ่ายดึงเข้ามาในอ้อมกอดแล้ว เสียงหัวใจที่เต้นแรง...เป็นจังหวะเดียวกันกับหัวใจของเขา “ของมึงนะปิ๊น” เพียงคำพูดสั้นๆของคริสแต่ก็ทำให้ตัวเขารู้สึกขนลุกไปทั่วกายชั่วขณะ หัวใจที่เคยเต้นแรงกลับรู้สึกบีบรัดอย่างเจ็บปวดชั่ววินาทีเดียว เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นน้ำตาเขาก็ไหลซึมออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันเหมือนเป็นรีแอ็คชั่นที่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถห้ามได้ อาจเป็นเพราะเขาก็รู้สึกได้ว่าคริสมันพูดจริง หัวใจดวงนี้เป็นของเขาทั้งใจจริงๆ ตัวเขาเองก็รู้สึกไปไม่น้อยกว่าอีกฝ่าย แต่เขาไม่ใช่คนที่สามารถพูดคำซึ้งๆออกมาได้แบบคริสนัก เขาเลยเลือกจะแสดงออกมาทางภาษากายมากกว่า แขนเรียวที่เคยปล่อยทิ้งไว้แนบกายค่อยๆเลื่อนขึ้นไปกอดตอบอีกฝ่ายอย่างตอบรับสิ่งๆนั้น คริสเป็นคนตัวใหญ่ เนื้อตัวก็แข็งทื่อไม่นุ่มนิ่มเลยสักนิด แต่มันก็เป็นอ้อมกอดที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัย เป็นอ้อมกอดที่เขารู้สึกอบอุ่นและก็อยากจะให้อีกคนนั้นกอดตัวเขาไว้แบบนี้เรื่อยๆไป... “ถ้าขอจูบตอนนี้ จะหนีกูไหม” คริสกระซิบถามคนตัวเล็กอย่างต้องการคำตอบ “...ไม่หนี แต่จะชกหน้ามึงแทน” ปิ่นปิ๊นพูดเสียงเข้มอย่างไม่จริงจังนัก มุมปากยกยิ้มเล็กๆเมื่อได้พูดกวนอีกฝ่าย “งั้นก็ถือว่าคุ้ม” หนุ่มลูกครึ่งยกยิ้มก่อนจะถอนตัวออกจากคนตัวเล็กมาสบตากัน คริสก้มหน้าลงไปประทับจูบที่ริมฝีปากสีแดงสดของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล และเขาไม่คิดที่จะถอน ‘จูบครั้งแรก’ ของเขากับบปิ๊นนี้ออกไปโดยง่าย ฝ่ามือใหญ่สอดเข้าใต้เส้นผมนุ่มของอีกฝ่ายกดเบาๆเอนให้ใบหน้าแนบชิดกันมากขึ้น เอียงหน้าให้เข้าที่เล็กน้อยจนตรงล็อคที่พอดี เขาก็กดจูบลงไปให้แนบแน่นยิ่งขึ้นอย่างที่ใจต้องการ ก่อนจะจูบย้ำซ้ำๆอย่างหลงใหลในความนุ่มนิ่มของริมฝีปากนี้ จูบที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปนี้มันช่างหอมหวานและตราตรึงในหัวใจของคนตัวเล็กเป็นอย่างมาก นี่เป็นจูบแรกในชีวิตของเขา มันทั้งตกใจ ตื่นเต้น ประหม่า แต่ก็รู้สึกดีมากอย่างบอกไม่ถูก ที่เขาว่ารู้สึกเหมือนมีผีเสื้อพันตัวบินอยู่ในท้องมันไม่ได้เป็นเรื่องโกหกเลยจริงๆ เขา ‘ประทับใจ’ ในจูบแรกนี้มาก มากจนยอมยืนนิ่งรับทุกสัมผัสที่ส่งมาบนริมฝีปากนี้ ดวงตากลมที่เคยตื่นตะลึง บัดนี้ นั้นได้หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขกับจูบที่แสนหวาน มืดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ไอ้บ้าคริสจะได้ไม่เห็นว่าสีหน้าของเขาตอนนี้ มันมีความสุขมากแค่ไหน โครกกกกกกกกกกกก เสียงประท้วงของพยาธิในกระเพาะคนตัวเล็กดังขัดจังหวะขึ้นมาอย่างต้องการแกล้งคนทั้งคู่ไม่ให้ชิมรสจูบของกันและกันมากไปกว่านี้ คริสถอนริมฝีปากออกจากปิ่นปิ๊นอย่างแอบหลุดขำนิดๆ อุตส่าห์ได้โรแมนติกซะที ก็ดันมีเสียงคนหิวข้าวมาร้องประท้วงซะได้ เขายีหัวคนอย่างเล็กอย่างหมั่นเคี้ยว ถึงอยากจูบต่อแต่กระเพาะคนตรงหน้าก็สำคัญกว่าอยู่ดี ทั้งคู่สบตากันใต้แสงเทียนสีนวล รอยยิ้มนิดๆที่แสดงออกถึงความสุขล้นจนเก็บไว้ไม่อยู่เผยออกมาให้เห็น แม้ไม่ต้องพูดอะไรต่อแต่พวกเขาก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกดีมากแค่ไหน และแน่นอนว่าภาพความทรงจำเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ในสมองและเก็บทุกความรู้สึกนี้ไว้ในหัวใจ... ดินเนอร์ใต้แสงเทียนของทั้งคู่อบอวลไปด้วยความละมุนดังเช่นแสงเทียนที่ส่องแสงนวลออกมา ถึงแม้มันจะเป็นแค่เทียนเก่าๆ มีแค่โจ๊กซองถูกๆกับไส้กรอกค้างตู้เย็นเป็นอาหารจานหลักอีกทั้งยังมีดนตรีเป็นสายฝนที่ยังคงตกไม่หยุด แต่มันก็ทำให้คนทั้งคู่อิ่มท้องและอิ่มความรู้สึกได้เป็นอย่างดี เพราะมันไม่สำคัญว่าสิ่งรอบข้างเป็นอย่างไร แต่สำคัญที่ว่าทานอยู่กับใครต่างหาก “ปิ๊น” “หึ๊?” เขาเงยหน้าขึ้นจากถ้วยโจ๊กหลังจากที่เอาแต่จ้องมองมาตลอดเวลาที่กิน อย่างเขินอายอีกฝ่ายไม่กล้าสบตาด้วย “ปิดเทอมเมื่อไหร่ เราไปเที่ยวทะเลกันนะ” คริสเลื่อนมือมากุมมือของอีกฝ่ายไว้เป็นเชิงขอร้องอย่างต้องการคำตอบที่ตรงใจ “..ก็ไปสิ” ปิ่นปิ๊นเองก็อยากไปทะเลเหมือนกัน คิดถึงน้ำใสๆกับทรายละเอียดเหมือนกัน ถ้าได้ไปคลายเครียดหลังสอบเสร็จคงจะดีไม่น้อย “สัญญาแล้วนะ” คริสย้ำเพื่อความมั่นใจ “อื้อ สัญญา” แม้จะไม่ชอบให้สัญญากับใครมากนัก แต่เขาคิดว่านี้ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงอะไร จึงตกลงสัญญาไป คริสยิ้มออกมาอย่างเปิดเผยแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือที่กุมไว้ออก ก็บอกแล้วไงว่าเขาชอบที่มีปิ๊นอยู่ใกล้ๆตัว เมื่อคนตัวเล็กยังไม่มีท่าทางจะดึงออก แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยมือนี้ออกไปง่ายๆล่ะ “ปิ๊น” “อะไรอีกกก” คนตัวเล็กเริ่มงอแง เรียกอยู่ได้ คนก็ยิ่งเขินๆอยู่ มือเล็กคนชามวนไปวนมาในถ้วยโจ๊กอย่างหยุดไม่อยู่ “ถ้ากินข้าวเสร็จ...ขอจูบอีกได้ป่ะ” ที่ว่าคนเราได้คืบจะเอาศอกนั้นคงเป็นเรื่องจริง ลองว่าได้มีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งต่อไปเรื่อยๆ “ไม่ได้” เสียงประกาศิตประกาศดังชัดเจน เล่นเอาคนตัวโตหน้าหงอยลงไปถนัดตา ปิ๊นยกยิ้มอย่างสะใจที่เห็นคริสมีสีหน้าแบบนั้น “แปรงฟันก่อน.......ค่อยพิจารณาอีกที” ---------------------- หึหึหึ ขอถามอะไรนิด ว่าอยากให้คู่นี้มีฉากเรทไหม ตอนรีไรท์เรื่องนี้ตั้งใจว่าจะคุมโทนให้มันใสใส 555 แต่ก็ใกล้จะจบแล้ว เลยอยากรู้ว่าคนอ่านต้องการไหม คิดเห็นอย่างไรบอกกันหน่อยน้า
:oo1: รอๆ ว่าแต่ตอนจบน้ำตาท่วมจอเหรอ
รอตอนต่อไปค่ะ
ตอนที่ 22 ระหว่างเพื่อนกับแฟน ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังแต่เช้าตรู่ ใครมันมาแต่เช้าวะ ไม่เกรงใจกันบ้างเลยวันหยุดแท้ๆแม่ง บ่นไปอย่างงั้นแหละ เอาเข้าจริงผมก็มุดผ้าห่มนอนต่ออย่างไม่สนใจเพราะรู้ว่าพี่ปูนที่ตื่นเช้าทุกวันต้องไปเปิดดูอยู่แล้ว ฮ่าๆๆ มีพี่ดีชีวิตก็ดี๊ดีไป ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ม่ายด้ายล็อคคร้าบบ” ผมพูดเสียงยานเพราะคิดว่าคงเป็นพี่ปูนมาเคาะแน่ๆ แต่ผมก็คิดผิดเพราะผ้าห่มถูกกระชากเปิดออก ทำให้สายตาโดนแสงจากหน้าต่างส่องเข้ามาเต็มๆ แดดมันจ้ามากจนต้องปิดตาแน่น “ใครวะ! เปิดผ้าม่านทำไมแสบตานะ” ผมตะโกนว่า เมื่อรู้ว่าเป็นคนอื่นแน่ๆ พี่ปูนไม่เคยทำแบบนี้หรอก “ตื่นๆๆ รีบลุกมาติวได้แล้ว จะเจ็ดโมงแล้วเปี๊ยก” ไอ้คริสพูดก่อนจะมานั่งข้างๆบนเตียงแล้วเอามือยีหัวผมจนฟูไปหมด “หืออออ แล้วจะรีบมาทำไมวะ ง่วงจะตายแล้ว” ผมยังหลับตาพูดก่อนก็ปกติเสาร์ – อาทิตย์ ผมตื่นเก้าโมงเช้านู่นแหละครับ ใจจริงอยากตื่นสายกว่านี้ด้วยซ้ำแต่พี่ปูนไม่ให้ครับ กลัวน้องไม่ได้กินข้าวเช้าแล้วปวดท้อง เหอๆ “ก็จะรีบมาติวให้ไง ลุกเร็ว นี่คนอุตส่าห์ตื่นตีห้าครึ่งเพื่อจะได้มาหาเปี๊ยกแต่เช้าเลยนะ” แม่ง พูดซะกูดูเลวเลย ตื่นก็ได้วะ ผมก็ค่อยๆลืมตาไปมองหน้ามันครับ หน้าไอ้คริสก็ยังหล่อเหมือนเดิมแหละ ดวงตาของมันก็จ้องมองมาที่ผมเหมือนเดิม มือใหญ่ๆของคริสลูบหัวผมเบาๆมันเคลิ้มซะจนอยากหลับตาอีกรอบจริงๆ จุ๊บ ริมฝีปากบางก็คริสก้มลงมาประทับที่ปากอิ่มของผมเบาๆตอนที่ผมกำลังเคลิ้มๆเหมือนจะหลับอีกรอบ สร้างแรงกระตุ้นให้ผมตื่นในทันที จนสะดุ้งลืมตาขึ้นมาอีกรอบ “ทะลึ่ง!” “หึหึ ก็อยากไม่ตื่นเองนิ ถ้ายังจะหลับอีกคราวนี้จะปล้ำแล้วนะ” คริสพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มันน่าหมั่นไส้จนผมยกมือไปตีมันที่อกเต็มแรง “โอ๊ย! อูยยยย” มันร้องลั่นหน้าตาเจ็บปวดก่อนจะเอามืออีกข้างไปจับที่หน้าอกเบาๆ “อะไรๆ อย่ามาทำเป็นร้องเวอร์ๆ ตีไม่แรงสักหน่อยเถอะ” ผมลุกขึ้นมานั่งบ่นกับท่าทางสำออยเกินจริงนั่นอย่างขำๆ แต่หน้าไอ้คริสกลับไม่ขำด้วย สีหน้ามันยังดูเจ็บปวดจริงๆหน้านิ่วไม่หายเลย “เจ็บจริงหรอ เฮ้ย ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจให้เจ็บจริงๆนะ มาดูหน่อยดิเป็นรอยป่าว” ผมรีบขอโทษเพราะดูท่ามันจะเจ็บจริงๆ เตรียมจะไปถลกเสื้อมันดู “ไม่เป็นไรๆ หายแล้ว” ไอ้คริสเบี่ยงตัวออกไม่ยอมให้ผมดู “เอามาดูก่อนเร็วๆ อย่าให้ต้องโมโหนะ” ผมมองหน้ามันนิ่ง คนเป็นห่วงยังไม่รู้ตัวอีก แค่เปิดเสื้อให้ดูแป๊บเดียวมันจะตายเลยไงว่ะ “ไม่เป็นอะไรจริงๆ” มันยืนยันแต่ไม่ยอมสบตาผม แม่งโคตรมีพิรุจน์ “ถ้าไม่ให้ดูก็กลับบ้านไปเลย” ผมหันหลังให้มันทันที ดูทรงแล้วคงไปมีเรื่องโดนเขากระทืบตัวมาอีกแน่ๆ แล้วก็เลยไม่กล้าให้ผมดู คงจะกลัวผมโกรธซึ่งผมก็โกรธจริงๆ โกรธมากด้วยห้ามไปไม่รู้กี่รอบไม่เคยฟังกัน ปากบอกจะไม่ไปมีเรื่องอีกแต่สุดท้ายก็มี สัญญาไม่เคยเป็นสัญญามันน่าโกรธไหมล่ะครับ ไม่เข้าใจจะชอบมีเรื่องอะไรกันนักหนา เจ็บตัวนี่มีความสุขมากนักหรอ ถ้าโชคดีก็แค่เป็นแผลพกช้ำ แต่ถ้าไม่ดีล่ะครับ ถ้าอีกฝ่ายมีมีดมีปืนทำไง จะหนีทันหรอ พิการหรือตายไปมันคุ้มไหม บ่นมันกี่รอบก็เอาแต่เงียบ ถ้าไม่ห่วงคิดว่าผมจะบ่นจะว่ามันไหมล่ะ ถ้ามันเป็นอะไรไปใจผมต้องสลายแน่ คิดแค่นั้นน้ำตาผมก็ไหลซะงั้น มันไหลออกมาเฉยๆไม่มีเสียงสะอื้นอะไร ผมไม่ใช่คนที่ชอบเรียกร้องความสนใจที่จะต้องอยากให้มันมาปลอบ ฉะนั้นผมจึงเลือกจะนั่งนิ่งๆปล่อยให้น้ำตามันไหลไป “ปิ๊น ไม่เอาดิหันหน้ามาคุยกันก่อน” เสียงไอ้คริสดูลำบากใจเอามือจับไหล่จะให้ผมหันกลับไป “ไม่ต้องมายุ่ง” “อย่าเป็นงี้ดิวะ คนตั้งใจมาติวให้นะเว้ย ก็บอกว่าหายเจ็บแล้วไงถึงไม่ได้ให้ดู” “มึงไม่ต้องมาโกหก ไปโดนยำตีนมาอีกแล้วใช่ไหมล่ะ ถึงไม่อยากให้กูเห็นแผลอะ!” ผมเช็ดน้ำตาแล้วหันไปเผชิญหน้ากับมัน “ไม่ใช่สักหน่อย ไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครแล้ว เชื่อกันบ้างดิ!” “เชื่อก็ควายแล้ว กี่รอบแล้วที่ไม่เคยรักษาสัญญาได้ เบื่อจะฟัง!” “บอกความจริงแล้วไม่เชื่อก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน!” “ถ้าอยากให้เชื่อก็เปิดเสื้อให้กูดูดิ แป๊บเดียวมันไม่ตายหรอกมั้ง” “ก็..เฮ้อออ” มันถอนหายใจอย่างหัวเสีย “ถ้าคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็แล้วแต่” คริสพูดเสียงเรียบ บรรยากาศมาคุสุดๆ “หึ เห็นไหมล่ะ สุดท้ายก็ไม่กล้า” พูดแบบนี้ก็แสดงว่าที่ผมคิดมันเป็นเรื่องจริงใช่ไหมล่ะครับ “เลิกประชดประชันเหอะ ขอร้อง คนอยากมาช่วยติวหนังสือให้นะเว้ย ไม่ได้อยากมาทะเลาะด้วย” “...” กูผิดงั้นสิที่โวยวาย อยากจะพูดแบบนี้แต่ก็ไม่อยากจะให้เรื่องมันบานปลายไปกว่านี้ ต่างคนก็ต่างอารมณ์คุกกรุ่นกัน เราทั้งสองคนต่างคนต่างก็ไม่ยอมพูดกัน ผมไม่พูดอะไรกับมันอีกหน้าก็ไม่มอง ไอ้คริสเองก็เดินไปเดินมาอย่างหัวเสีย โคตรอึดอัด เราไม่ค่อยทะเลาะกันเท่าไหร่มากสุดก็แค่บ่นมันว่ามัน เพราะผมคิดเสมอว่าถ้าคบกันก็ต้องมีความสุข ไม่ใช่เอาแต่ทะเลาะกันอะไรยอมได้ก็ยอมกันไป แต่ก็มีครั้งนี้แหละที่แรงสุดแล้ว ครืดดดด ครืดดดด เสียงสั่นของโทรศัพท์ผมดังขึ้น ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่รับแต่ก็เกลียดบรรยากาศอึมครึ้มแบบนี้ผมเลยรับสายไป “ฮัลโหล” (โหล ไอ้ปิ๊น กูเพิ่งตื่นว่ะมึง กว่าจะไปถึงบ้านมึงคงสักเก้าโมงเช้าอะ) “อะไร มึงจะมาบ้านกูหรอ” (อย่าบอกนะว่ามึงลืม ก็เรานัดติวหนังสือที่บ้านมึงไง ลืมแล้วหรอว่ะ) “เฮ้ย กูลืมเลย” ฉิบหายแล้วไง ทำไมความจำปลาทองแบบนี้วะลืมเลยว่าจะบอกเลื่อนนัดติวกับไอ้คริส แถมไอ้คริสก็มาแล้วด้วย (ถึงลืมมึงก็ต้องจำให้ได้แล้วล่ะ เมื่อกี้ไอ้ปอมันโทรบอกว่าออกจากบ้านแล้ว อีกสักพักก็คงถึง) เครียดเลย พอรู้ว่าไอ้ปอมันออกมาแล้ว จะบอกยกเลิกพวกมันก็ไม่ทันแล้ว ทำไงดีวะกู (งั้นแค่นี้นะมึง กูไปอาบน้ำก่อน แล้วเจอกัน) “เออๆ” วางสายเสร็จผมนี่ถึงกับกุมขมับ แทบจะทุบหัวให้กับความขี้ลืมของตัวเอง ไม่รู้จะทำยังดีจริงๆ แต่จะให้ไอ้ปอเจอกับไอ้คริสไม่ได้เด็ดขาดอ่ะ กันไว้ก่อน ดีกว่าจะมาห้ามตอนพวกมันสองคนชกกัน ไม่เข้าใจไอ้ปอเหมือนกันทำไมถึงไม่ชอบไอ้คริสนักหนา “คริส” “อะไร” มันพูดเสียงห้วน “...” ไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่ก็ต้องทำ รู้สึกผิดว่ะ แต่ถ้าอธิบายดีๆคริสมันคงฟังนะ “มึง..กลับไปก่อนได้ไหม” “ว่าไงนะ ทำไมถึงต้องกลับ แค่ทะเลาะกันแค่นี้มึงไล่กูกลับเลยหรอวะ” “มันไม่ใช่แบบนั้น” “แล้วมันแบบไหน” “คือ..เพื่อนกูกำลังจะมาติวหนังสือกันที่บ้านกู กูผิดเองที่ลืมเลื่อนนัดกับมึงอะ ขอโทษจริงๆแต่ตอนนี้มึงรีบกลับไปก่อนได้ไหม” ผมพูดอย่างขอร้อง “แล้วทำไมต้องเป็นกูที่ต้องไปวะปิ๊น มึงนัดกับกูก่อนนะ” “ก็รู้ ก็ขอโทษแล้วไง เดี๋ยวเราค่อยไปติวกันวันอื่นก็ได้ แต่ตอนนี้เพื่อนกูจะมาแล้วรีบกลับไปเหอะ” “เพื่อนมาแล้วทำไม อยู่ติวด้วยกันไม่ได้หรือไง” คริสพูดเสียงดังอย่างไม่พอใจ “แล้วจะให้กูบอกเพื่อนกูว่ายังไงล่ะที่มีมึงมาติวด้วย มึงก็รู้ว่าเพื่อนกูมันไม่รู้ว่ามึงกับกูเป็นอะไรกัน แล้วกูก็ยังไม่อยากให้ความลับแตกด้วย!” ผมที่เริ่มอารมณ์คุกกรุนมาอีกรอบลุกขึ้นยืนพูดเสียงดัง “ทำไม คบกับกูมันน่าอายมากนักหรือไง! ถึงบอกใครไม่ได้!” ไอ้คริสเองก็ไม่ยอมมายืนตะคอกอยู่ตรงหน้ากันอย่างไม่พอใจ “มันไม่ใช่อย่างงั้นเว้ย แต่มันยังไม่ถึงเวลา มึงอย่างี่เง่าดิ!” “....หึ...มึงว่ากูงี่เง่าหรอ...มึงไม่รู้หรอกว่ากูอดทนแค่ไหน ถ้ากูงี่เง่าจริง วันก่อนกูเดินเข้าไปชกหน้าเพื่อนมึงแล้ว! คงไม่ฝืนใจทำเป็นยิ้มให้มึงหรอก อย่าคิดนะว่าไม่เห็น ให้มันนอนตักกลางโรงเรียนซะขนาดนั้น ไม่อายเลยใช่ไหม หน้าด้านขึ้นมาเชียว! ตกลงไอ้เหี้ยนั่นเพื่อนหรือผัวกันแน่!!!” ปั่ก!!! หมัดเล็กๆส่งเข้าไปเต็มแรงที่ใบหน้าของคนรักอย่างเจ็บปวด ทำไมต้องด่ากันถึงขนาดนี้ด้วย เห็นเขาเป็นคนอย่างนั้นจริงๆหรือไง น้ำตาแห่งความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทำไมไม่เข้าใจกันบ้าง ไม่ใช่ว่าอายที่คบกับมัน แต่เพราะเขารักทั้งมันแล้วก็รักทั้งเพื่อนมากพอๆกัน แต่อยากรักษาไว้ทั้งสองอย่างเท่านั้นเอง ไอ้ปอไม่ชอบคริสเขารู้ดี ถ้ามันรู้และขอให้เขาเลิก เขาจะตัดสินใจยังไงได้ มันคงจะแย่มากแน่ๆ เพราะเขาไม่อยากเสียอะไรไปเลย “หึ มึงต่อยกูเพื่อปกป้องมันเลยหรอวะปิ๊น มึงรักมันมากกว่ากูหรอ” คริสเองก็หันมามองเขาอย่างไม่เชื่อว่าจะต่อยมันจริงๆ “มันไม่ใช่อย่าง..” “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว กูเข้าใจ กูรู้แล้วต่อให้กูทำดีกับมึงรักมึงมากแค่ไหน กูแม่งก็ไม่ใช่คนสำคัญที่สุดของมึงอยู่ดี” คริสพูดออกมาอย่างเจ็บปวดใจ หันหลังไปคว้ากระเป๋าเป้หนักอึ้งที่แบกหนังสือมาเต็มกระเป๋ามาแล้วเดินออกจากห้องนอนไป ทำไมเรื่องมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้วะ เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันกลายเป็นแบบนี้ อย่าพูดว่ามึงไม่สำคัญสำหรับกูได้ไหม เพราะมึงสำคัญมาก...แล้วกุก็ไม่อยากเสียมึงไป สองขาวิ่งออกมาตามเด็กหนุ่มอีกคนอย่างอัตโนมัติ ยังไงก็ต้องพูดกันให้รู้เรื่องก่อน เขาไม่อยากให้จากกันด้วยความรู้สึกแย่ๆแบบนี้ “คริส มึงฟังกูก่อนดิวะ” ปิ๊นตะโกนเรียกจากบันไดเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งใส่รองเท้าผ้าใบอย่างรีบร้อน “กูไม่อยากฟัง!” คริสพูดอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะรีบลุกไปเปิดประตูบ้านออก พอดีกับที่ปิ๊นวิ่งตามมาทัน แต่คริสก็ไม่ได้เดินออกไป ปิ๊นจึงรีบวิ่งมาดึงมือคริสไว้อย่างฉุดรั้ง “ขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ” ปิ๊นบอกเสียงสั่น ดึงมือคริสไว้แน่น น้ำตาเอ่อบังภาพจนมัวไปหมด “ขอโทษใคร...” “กู...หรือไอ้นี่” มือใหญ่กำหมัดไว้แน่นอยู่ข้างลำตัว แววตานิ่งจ้องมองไปยังคนตรงหน้า ปิ๊นที่รู้สึกถึงความผิดปกติรีบเช็ดน้ำตาออกแล้วมองร่างของใครอีกคนที่อยู่ด้านหน้าประตู “ไอ้ปอ” “มันทำอะไรมึงไอ้ปิ๊น ร้องไห้ทำไม!” ปอรีบเดินแทรกเข้ามาหาเพื่อนรักตัวเองจนไม่สนว่าจะไปกระแทกตัวใครให้พ้นทาง “ป..เปล่า..มึงมาเร็วจัง” ปิ๊นตกใจมากแต่ก็พยายามหยุดน้ำตาตัวเองไว้และ...รีบปล่อยมือออกจากอีกคน คริสมองดูมือของคนรักที่ปล่อยจากมือเขาอย่างรวดเร็ว มันโคตรจี้ดในใจเขาสุดๆ แค่ไอ้หมอนี่มาก็ปล่อยมือเขาทิ้งแล้ว กลัวมันรู้ความจริงหรือกลัวมันเข้าใจผิดกันแน่ เขาเห็นก็รู้แต่แรกแล้วว่าเพื่อนคนนี้ของปิ๊นมันไม่ได้มองปิ๊นเป็นแค่เพื่อนแน่ ตอนไปรอรับก็เคยไปแอบดูอยู่บ่อยๆ แต่ไม่อยากเอามาเป็นประเด็นให้ทะเลาะกัน เพราะเขาเชื่อใจว่าปิ๊นไม่ได้คิดอะไรกับอีกฝ่ายแน่ แต่เขาคงคิดผิด “ก็จะรีบมาหามึงนี่แหละ” ปอพูดเสียงอ่อนลงแล้วยกมือขึ้นหมายจะเช็ดคราบน้ำตาให้ พลั่ก! เหมือนร่างกายมันทำไปเองก่อนหัวสมองจะสั่งการซะอีก คริสผลักอีกฝ่ายออกจากคนรักอย่างเต็มแรง ดวงตาบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างที่สุด “อย่ามาแตะคนของกู” “แล้วจะผลักไอ้ปอมันทำไมอะคริส” ปิ๊นหันมาว่าก่อนจะกลับไปที่เพื่อนตัวเองที่ล้มลงนั่ง แล้วพยุงให้ลุกยืน “...” แม่ง โดนตีอกเมื่อกี้ยังไม่เจ็บเท่าแฟนตัวเองเข้าข้างคนอื่นเลยจริงๆ “หึ ปิ๊นไม่เคยเป็นของมึง อย่ามามโนไปหน่อยเลยว่ะ!” ปอพูดแล้วยิ้มเหยียดใส่คริส การกระทำแบบนี้ไม่ต่างจากราดน้ำมันเข้ากองไฟ คริสโมโหจนเข้าไปกระชากคอเสื้อปอแน่น “ปิ๊น เป็น แฟน กู!” คริสพูดเน้นทุกคำอย่างจงใจให้อีกคนรู้ความจริงสักที เขาไม่อยากจะต้องอยู่แบบนี้แล้ว ทำไมต้องมาเกรงใจแค่เพื่อนคนเดียว ลองถ้าเพื่อนเขามาวุ่นวายแบบนี้เขาเลิกคบแน่ ไม่มัวมาเกรงใจคิดมากแบบปิ๊นหรอก “หึ ไอ้แฟนที่ต้องบังคับกันน่ะหรอ ตลกว่ะ คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกละครน้ำเน่าหรือไง นี่มันโลกแห่งความจริงโว้ย ที่เพื่อนกูยอมเป็นแฟนมึงก็แค่ต้องการรับผิดชอบที่ทำหนังสือมึงหายเท่านั้นแหละ” ปอกระชากมือคริสออกจากคอเสื้อตัวเอง มองด้วยแววตาสมเพช “ ปิ๊น! มัน! ไม่! ได้! รัก! มึง!” “ไอ้สัสเอ๊ย ไม่ไหวแล้วเว้ย!” คริสพุ่งเข้าไปชกปอจนล้มนอนด้วยกันทั้งคู่ต่างคนต่างผลัดกันต่อย หมัดแลกหมัด อย่างไม่มีใครยอมใคร “พอ อย่าทำแบบนี้ พอดิว่ะ!” ปิ๊นพยายามห้ามแต่ก็ไม่มีใครฟัง ฟัดยิ่งกว่าหมากัดกันอีก “มีเรื่องอะไรกันปิ๊น เสียงดังไปถึงชั้นสามแน่ะ เฮ้ย! ต่อยกันทำไม” ปูนที่อ่านหนังสืออยู่บนห้องแต่ได้ยินเสียงดังเดินลงมาถามน้องชายตัวเองก่อนจะตกใจที่เห็นผู้ชายสองคนต่อยกันนัว “...” ปิ๊นมองทั้งคู่แล้วรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ เรื่องมันจะบานปลายเกินไปแล้ว เห็นทั้งแฟนตัวเองกับเพื่อนตัวเองมีเรื่องอย่างจะฆ่ากันให้ตาย คนกลางอย่างเขามันทั้งอึดอัด ทั้งเสียใจ ทั้งปวดหัว คริสที่มีเรื่องต่อยตีบ่อยแน่นอนว่าเขามีชั้นเชิงในการหลบหมัดมากกว่าปอ ถึงแม้ว่าปอจะออกกำลังบ่อยก็ตามแต่คนที่นานๆจะมีเรื่องที ย่อมต้องเสียท่าให้กับคนที่ช่ำชองเรื่องแบบนี้ คริสผลิกมาอยู่ข้างบน ก่อนจะรัวหมัดใส่หน้าปอไม่ยั้ง กล้าดียังไงมาบอกว่าปิ๊นไม่รักเขา มันเป็นใครถึงมีสิทธิ์มาพูดแบบนี้ มันก็แค่คนนอก เขามั่นใจว่าทั้งตัวเขาและปิ๊นรักกันจริง รักมากด้วย ไอ้ปากหมาๆแบบนี้มันต้องโดนต่อยให้ปากแตกจนพูดไม่ได้ไปสักอาทิตย์นึงถึงจะสาแก่ใจ! ซ่า! ถังน้ำที่บรรจุน้ำมาเต็มถึงสาดเข้าไปเต็มๆที่ตัวคริสจนเปียกไปหมด คริสตวัดตาไปมองว่าเป็นฝีมือใครก็ต้องปวดใจอีกรอบเมื่อเห็นว่าเป็นคนรักของตัวเอง “พอทีเถอะว่ะ เลิกทำตัวแบบนี้เหอะ มันทุเรศ! รู้ตัวบ้างไหม!” ปิ๊นพูดอย่างเหลืออดเต็มทน “ก็ดูไอ้เชี่ยนี่มันพูดดิ ปากหมาแบบมันก็ต้องโดนแบบนี้แหละ” “พอเหอะคริส มึงนั่นแหละที่ควรหยุด! เอะอะต่อยตีแบบนี้กูรับไม่ได้หรอกนะเว้ย!” “เออ กูมันอันธพาล! พอใจยัง กูทำห่าอะไรก็ผิดหมดแหละ!” ดวงตาสีอัลมอลแดงก่ำ หัวใจเหมือนถูกบีบให้แตกสลายซ้ำๆจนเกินจะทน ทำไมถึงได้ว่าเขาอยู่ฝ่ายเดียว สาดน้ำใส่เขาอยู่คนเดียว หรือว่าไม่เคยรักเขาจริงๆงั้นหรอ “มึงกลับไปสงบสติอารมณ์ก่อนเหอะ ไว้ค่อยมาคุยกันวันหลัง” ปิ๊นบอกอีกฝ่ายไป มือกุมขมับอย่างปวดหัวจริงๆ ขืนอยู่แบบนี้ต่อไปมีแต่พังพินาศกว่าเดิม “ไม่ต้องคุยวันหลังหรอกปิ๊น เอามันให้จบกันวันนี้ไปเลย” ปอพูดขึ้นเช็ดเลือดออกจากมุมปากเดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองแล้วล้วงเอาบางสิ่งออกมา “นี่ใช่ไหม ที่มึงอยากได้คืน” --------------------------- ใกล้จะจบแล้วนะคะ อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วววว แอบใจหายนิดนึงเนอะ ติดตามนะคะหลังจากนี้ดราม่าล้วนๆ5555
ตอนที่ 23 คืนเขาไป “นี่ใช่ไหม ที่มึงอยากได้คืน” หนังสือรูปทรงคุ้นตาที่ผมเคยเห็นและอ่านมาเมื่อหลายเดือนก่อน แล้วก็เป็นคนที่ทำให้มันหายไป หาซื้อเล่มใหม่ยังไงก็หาไม่เจอ แต่ตอนนี้มันกลับมาอยู่ในมือของไอ้ปอที่ยื่นส่งให้ไอ้คริส ที่ก็ยืนตะลึงไม่ต่างจากผม “มึงไปได้..มาจากไหน” ผมถามไอ้ปออย่างไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะหามาได้จริงๆ “จากน้องกูน่ะ มันช่วยหาได้” “...” “ถ้าหาหนังสือมาคืนให้ได้เมื่อไรก็ค่อยเลิกกัน” “แต่มีข้อแม้นะเว้ย ถ้ากูหาหนังสือมาคืนไม่ได้ กูก็ยอมเป็นแฟนกับมึงแค่สามเดือนเท่านั้นพอ ถ้าครบสามเดือนถือว่ากูชดใช้ให้มึงแล้ว มึงกับกูก็เลิกกันแยกย้ายกันไปนะเว้ย” “ไม่! สามเดือนมันน้อยไป อย่างน้อยก็ต้องหกเดือน ตามนี้แหละ หกเดือน!” คำพูดของไอ้คริสวันนั้นมันดังก้องอยู่ในหัวผมเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าไอ้คริสจะยังจำได้ไหม แล้วถ้ามันจำได้... มันจะเลิกคบกับผมตามที่เคยพูดไว้หรือเปล่า “เอาไปสิวะ อยากได้คืนมากไม่ใช่หรอ แล้วไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับปิ๊นอีกถือว่าชดใช้คืนให้หมดแล้ว” ไอ้ปอเดินตรงเข้าไปที่ไอ้คริสแล้วดึงมือมันมารับหนังสือไว้ “กูอยากได้เล่มเก่าของกูคืนต่างหาก ไม่ใช่เล่มใหม่ที่เป็นของใครก็ไม่รู้” “หึ หัวหมอจริงนะมึง งั้นก็เปิดดูข้างในให้เต็มตาสิ ว่าชื่อที่เขียนอยู่ข้างในใช่ชื่อมึงหรือเปล่า” ปอพูดอย่างยิ้มกระย่องใจ คริสได้แต่กำหนังสือแน่นมองดูหนังสือในมือ ไม่ใช่หรอก ยังไงก็ไม่ใช่ ไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก คริสหน้าเครียดแต่ก็ค่อยๆเปิดหน้าปกออก เผยให้เห็นหน้าปกด้านในที่มุมล่างด้านขวามีลายมือเขียนแสดงความเป็นเจ้าของไว้ว่า ‘Kirs’ “หึ เงียบแบบนี้แสดงว่าใช่ของมึงใช่ไหมล่ะ โชคดีฉิบหายเลยว่าไหมว่ะ” “น้องมึงไปได้มาจากไหน” ผมเอ่ยปากถาม “น้องกูมันไปเป็นจิตอาสาทำความสะอาดโรงเรียนชนบทที่ถูกน้ำท่วมแล้วเจอพอดี โชคดีที่เล่มนี้มันวางอยู่ชั้นบนสุดเลยไม่เปียกน้ำ” “...” ตอนอยากได้คืนแทบเป็นแทบตายหายังไงก็ไม่เจอ แต่พอไม่ได้ต้องการแล้วมันกลับมาอยู่ตรงหน้าอย่างง่ายๆ ทำไมไม่เจอให้เร็วกว่านี้ ถ้าเจอได้เร็วกว่านี้ ความสัมพันธ์ของเขากับไอ้คริสคงไม่ยืดเยื้อมานานจนกลายเป็นผูกพันธ์กันแบบนี้หรอก “ได้ของที่ต้องการแล้วก็ออกไปจากชีวิตเพื่อนกูได้แล้ว! จะยืนโง่อยู่อีกทำไม” ไอ้ปอตอกย้ำไอ้คริสอีกรอบ มันใช้แขนโอบไหล่ผมไว้ใกล้ตัวแล้วยิ้มเยาะ ซึ่งผมเองก็ไม่ได้สนใจจะปัดออกเพราะมัวแต่มองไอ้คริสอยู่ คริสมันไม่พูดโต้ตอบหรือเดินออกไปแต่อย่างใด แต่มันมองมาที่ผม สายตาของมันแฝงไปด้วยความเจ็บปวด “ใช่ กูมันโง่ โง่ที่คิดว่าจะเปลี่ยนใจใครได้ ทั้งที่ไม่มีทางตั้งแต่แรก” คริสพูดออกมาอย่างเจ็บปวด ภาพตรงหน้าเขาตอนนี้มันก็ชัดเจนแล้วว่าปิ๊นเลือกใคร กับเขาแทบไม่ให้ถูกตัว ยิ่งอยู่ต่อหน้าคนเยอะแบบนี้ยิ่งไม่มีทางไปกันใหญ่ แต่กับไอ้ปอไม่เคยแม้แต่จะขืนตัวออกห่าง... “หึ! ไม่มีกูมาวุ่นวายแล้วขอให้ชีวิตมึงมีความสุขนะ” คริสพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ไม่แม้แต่หันกลับมามองอีก ไปแล้ว มันไปแล้วจริงๆ จบแล้วใช่ไหมเรื่องของผมกับมัน ผมควรจะดีใจไม่ใช่หรอ แต่ทำไมใจผมมันเจ็บเหลือเกิน อยากจะวิ่งตามไปรั้งมันไว้แต่แขนที่กอดไหล่ผมไว้มันเหมือนเตือนผมว่า ถ้าผมวิ่งไปตามไอ้คริสความเป็นเพื่อนที่มีกันมายาวนานอาจจะจบลงด้วยเช่นกัน “สบายใจแล้วนะมึง ต่อไปมันคงไม่มาวุ่นวายกับมึงแล้วล่ะ ขึ้นไปติวหนังสือกันเลยไหม” ปอยิ้มนิดๆเขารู้สึกโล่งใจมากที่ขจัดไอ้คริสออกไปจากชีวิตของเพื่อนเขาได้ “...” ผมไม่รู้จะตอบอะไรมัน สมองมันว่าง มันตื้อจนคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะห้ามน้ำตาอย่างไร ได้แต่ก้มหน้าโง่ๆลงไปเพื่อปิดบังไม่ให้ใครเห็น “พี่ว่าเลื่อนวันติวไปก่อนเหอะนะปอ ปอเองก็โดนต่อยจนหน้าช้ำหมดขนาดนี้ไปนั่งทำแผลกับพี่ก่อนดีกว่า ปิ๊นเองก็ขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะเมื่อคืนอ่านหนังสือถึงตีหนึ่งเลยไม่ใช่หรอ ไปนอนอีกสักงีบเถอะ ติวไปตอนนี้ก็ไม่เข้าหัวแน่” ปูนโกหกคำโต แต่เพื่อน้องชายสุดที่รักเขายอมโกหกได้ สภาพจิตใจปิ๊นตอนนี้คงไม่พร้อมจะรับอะไรแน่แค่ปั้นหน้าว่าไม่เป็นอะไรยังยากเกินไปเลย ณ ตอนนี้ ให้ขึ้นไปพักหรือไปร้องไห้อะไรก็แล้วแต่บนห้องคนเดียวก่อนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด “แต่ว่า...” ปอคิดคัดค้าน “นะปอ เชื่อพี่เถอะ” “ก็ได้ครับ” เมื่อเห็นท่าทางขอร้องอย่างจริงจังของพี่ปูนเขาจึงต้องยอมรับอย่างเสียไม่ได้ ปิ๊นเองก็ก้มหน้าเดินขึ้นห้องตัวเองไป กดล็อคประตูอย่างกันไม่ให้ใครเข้ามา ก่อนจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย เจ็บเหลือเกิน เจ็บจริงๆ นี่ใช่ไหมยาพิษที่อันตรายที่สุดของความรัก มันช่างทรมานเหลือเกิน ผมปล่อยให้น้ำตามันไหลอยู่อย่างนั้นโดยไม่นึกเช็ด จนมันแห้งเหือดไปเองตามเวลาที่ยาวนานหลายชั่วโมง ผมรู้ว่ารักไอ้คริส แต่ก็ไม่คิดว่าจะรักจนเจ็บปวดใจได้ถึงขนาดนี้ อยากคุยกับมัน อยากขอโทษที่สาดน้ำใส่มัน ที่ต่อว่ามัน แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้คริสมันจะอยากคุยด้วยหรือเปล่า หันไปหยิบโทรศัพท์มาได้แต่กดดูชื่อไอ้คริส แต่ไม่กล้าโทรออกไป เพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไง จะขอให้มันกลับมาคบกันเหมือนเดิมหรอ หรือจะอะไรยังไงดี เมื่อคิดแล้วว่าใจยังไม่กล้าคุยด้วย ผมจึงกดเข้าเฟสบุคที่ไม่ได้เข้ามานานแสนนานกดพิมพ์หาชื่อไอ้คริส แต่พอเมื่อเจอใจผมก็แทบหยุดเต้นอีกรอบ รูปโปรไฟล์ที่เคยเป็นรูปคู่ของเขากับมันตั้งแต่วันที่มันมาทวงแล้วบังคับถ่ายไอ้คริสก็ไม่เคยเปลี่ยนรูปเลยแต่พอวันนี้มันกลับเปลี่ยนรูปเป็นสีดำ...ทั้งยังลบรูปคู่นั้นทิ้งออกไปจากเฟสบุคอีกด้วย ‘โสดแล้วโว้ย ฉลองไหนดี เชิญคนหน้าตาดีทักแชทมาบอกทีนะครับ!!!’ สเตตัสเมื่อไม่กี่นาทีของมันโพสขึ้นมา วินาทีนั้นผมรู้สึก... . . . “ไอ้เหี้ย!” ด่ามันไปทั้งน้ำตา กูเสียใจมากขนาดนี้มึงกลับดีใจพร้อมชักชวนคนใหม่เลยทันทีงี้หรอว่ะ แม่งเอ๊ย จากอารมณ์เสียใจสุดๆมันกลายเป็นพลิก! พลิกอารมณ์เป็นโกรธสุดๆแทน โกรธมากด้วย ที่เห็นว่าเสียใจนั้นการแสดงใช่ไหม จริงๆมึงไม่ได้เสียใจกับการเลิกกับกูเลยงั้นดิ เออสิผมเองมันก็ไม่หล่อไม่น่ารักอยู่แล้วนิ หน้าอย่างมึงคงหาคนใหม่ที่ดีกว่ากูได้สบายๆ กูไม่น่าเสียน้ำตาให้คนอย่างมึงเลยจริงๆ ด้วยความโมโห โกรธ แค้น ผมจึงกดบล็อคไอ้คริสออกจากเฟสทันทีอย่างรวดเร็ว แล้วกดปิดโทรศัพท์แม่ง นาทีนี้คือไม่สนไม่ค.ว.ยคิดวิเคราะห์แยกแยะอะไรแล้ว “อยากจะไปคบกับใครใหม่ก็เชิญ! กูจะไม่ร้องไห้เพราะมึงอีกแล้ว สัสคริส!” ------------------------------------ ปิ๊นก็คือปิ๊น ติดตามกันต่อไป
ตอน 24 เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก วันนี้ก็เป็นสุดท้ายของการสอบปิดเทอมใหญ่แล้ว ซึ่งแม่งตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี OMG! ตั้งแต่ผมเดินออกจากบ้านมาบนทางฟุตบาทก็เต็มไปด้วยร้านขายดอกกุหลาบหลากสีสัน แต่มากสุดก็แน่นอนว่าเป็นสีแดง มีทั้งเป็นดอกเดี่ยวๆที่ใหญ่สวยมากแต่เห็นราคาแล้วรู้สึกขี้เหร่ขึ้นมาทันที เหอๆ จัดเป็นช่อดอกไม้ก็มี บ้างก็เป็นช่อช็อคโกแลตฟอร์เรโรร์ยอดฮิตของทุกที ทำไมไม่มีช่อป๊อกกี้ ช่อจุ๊บปาจุ๊บบ้างว่ะถูกกว่าตั้งเยอะอิ่มไปหลายวันด้วย แล้วนั้นอะไรเด็กผู้หญิงพากันเลือกดอกไม้กันใหญ่ก็คงเอาไปให้หนุ่มที่ไหนสักราย สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุว่าไหมครับ เก็บตังค์ไว้ซื้อเกมส์เล่นกว่า ชิ เชิญพวกมีคู่สิ้นเปลืองเงินไปกับของไร้สาระแบบนี้ให้หมดตัวไปเลยยิ่งดี! (โสดแล้วพาล) ผมรีบเดินจ้ำให้ถึงโรงเรียนโดยไวที่สุด เหม็นความรักของวันวาเลนไทน์อ่ะครับ คนมีคู่เขาจะรู้ไหมว่าเป็นคนโสดน่ะดีสุดแล้ว อยากทำอะไรก็ได้ตามใจตัว อยากกลับมานอนตอนเย็นก็ได้นอนไม่นั่งรอใครเป็นชั่วโมง อยากไปไหนก็ไปไม่ต้องรายงานใคร อยากใช้เคสโทรศัพท์ลายไหนก็ได้ใช้ อยากกินอะไรก็ได้กินไม่ต้องถามความคิดใคร ดี๊ดีสุดๆเลย อ่อ แล้วก็ไม่ต้องเสียใจเพราะใครด้วย! จึกๆ อยู่ก็มีใครไม่รู้มาจิ้มที่ด้านหลังของผมครับ ผมที่กำลังเหม็นความรักเลยหันไปมองอย่างเซ็งๆ ก็พบกับเด็กผู้หญิงม.ต้นโรงเรียนผมนี่แหละครับ ว่าแต่มาจิ้มผมทำไมว่ะ ผมไม่ใช่ขนมมันฝรั่งมีรูนะเว้ยถึงต้องมาจิ้ม “มีอะไรหรือเปล่าครับน้อง” ผมถามไป เอ๊ะ หรือว่าน้องเขาจะปิ๊ง ผมวะ เอาดอกไม้มาให้งี้เปล่า “เอออออ คือออออ หนู มีเรื่องจะถามพี่อะค่ะ” “อ่อ ถามมาเลยครับ” เพื่อน้องเขาจะถามว่าขอเป็นแฟนผมได้ไหม อิอิ “วันนี้ เพื่อนพี่ที่หน้าหล่อๆเรียนเอกชนจะมาหาป่ะคะ หนูอยากให้ดอกไม้พี่เขา” เด็กสาวพูดเสร็จก็แก้มแดงเขินบิดไปบิดมา “-_-“ ไม่ได้ขอผมเป็นแฟนยังไม่จี้ดเท่ามาถามหาไอ้บ้านั่นเลยจริงๆ “ว่าไงคะพี่ จะมาไหมอ่า” “มันไม่มาแล้วล่ะครับ” “ทำไมอะคะ ก็เห็นมายืนรอพี่ทุกวันเลยนี่น่า ก็มีช่วงนี้แหละที่ไม่เห็นหน้าได้สักอาทิตย์นึงแล้ว” พวกที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่น แถวบ้านเขาเรียกว่าอะไรนะครับ ผมนึกไม่ออก ใช่เสือกหรือเปล่า? “อ่อ มันตายห่าไปแล้วครับ ไม่มีธุระอะไรแล้วพี่ขอตัวนะน้อง” ผมตอบเหวี่ยงๆแล้วชิ่งออกมาเลย เหอะ คนอย่างไอ้บ้านั่นมีอะไรดีวะ ทำไมคนถึงชอบกันนัก มีดีแค่หน้าตาแหละวะ นอกนั้นก็ไม่เห็นมีอะไรดีเลยสักอย่าง ผมเดินขึ้นมาบนห้องเรียนก็เจอไอ้ปอไอ้เจสนั่งอยู่ก่อนแล้ว พยักหน้าทักทายกันพอเป็นพิธี ไอ้ปอก็อ่านหนังสือของมันไป ไอ้เจสก็กำลังเล่นกีต้าร์อยู่ ส่วนผมก็หยิบมือถือมาเล่นเกมส์ครับ สอบวันสุดท้ายแล้วขอชิลหน่อยเถอะวิชานี้ผมอ่านเมื่อคืนแล้วด้วยไม่มีไรมากคิดว่าผ่านแน่นอน เล่นๆอยู่ไอ้เจสก็ดีดเพลงไปหลายเพลงจนกระทั่งมันดีดเพลงๆหนึ่งที่คุ้นหูผมอย่างมาก... “เธอ เธอทั้งนั้นที่ทำ ให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ จนฉันได้เจอเธอ โอ้วววว ขอบคุณสรวงสวรรค์ ให้เราได้เจอะกัน ขอบคุณคนๆนั้นที่ทำให้ฉันได้พบเธอ ขอบคุณทุกเรื่องราว ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ เธอสุดที่รักกก วู้ววววว” “พวกมึงว่าเพลงไหนดีกว่ากันว่ะกูจะเอาไปร้องเซอร์ไพรท์มิ้งสักหน่อย เพลงเมื่กี้ดีไหมว่ะความหมายก็ดีนะเว้ย นึกถึงความหลังอ่ะ ถ้าไม่มีไอ้เด็กม.ต้นที่ชู๊ตบาสไปโดนหัวมิ้งแล้วโทษว่าเป็นกูจนกูโดนมิ้งด่า กูก็คงไม่ตกหลุมรักมิ้งแน่ๆ คิดถึงความหลังแล้วโรแมนติคว่ะ” ถ้าคนๆนั้นของไอ้เจสคือเด็กม.ต้น ของผมก็คงเป็นลุงตำรวจที่จับผมยัดใส่รถโรงพยาบาลล่ะมั้ง หรือจะเป็นพี่พยาบาลที่ดันลืมของแล้วทิ้งผมไว้กับมันสองต่อสองจนเป็นจุดเริ่มต้นของพรบ้าๆนั้นกันนะ...แล้วผมจะคิดถึง ไม่สิ ก็แค่นึกถึงความหลังทำไมกัน “มึงไม่ต้องส่งเสียงควายออกลูกแบบให้มิ้ง เขาก็ดีใจแทบตายล่ะมั้ง” ผมพูดแขวะ เพราะเพลงบ้าๆนั้นแท้ๆทำให้ตัวเกมส์ผมแพ้เลยดูดิ เซ็งเป็ด “โห ไอ้ปิ๊นพูดแบบนี้เดี๋ยวฟาดด้วยกีต้าร์ให้ปากแตกเลย อิจฉาอ่ะดี๊ไอ้คนไม่มีคู่” ฉึก! นี้ถ้าเป็นหนังจีนผมคงเจ็บอกจนมีเลือดออกจากปากล่ะ แม่งพูดแต่ล่ะคำแทงใจดำกูฉิบหาย “อ้าวเงียบ แทงใจดำใช่ไหมละสัส ฮ่าๆๆๆ” “ไร้สาระแหละ กูแค่ใช้สมาธิเล่นเกมส์หรอกเว้ย หุบปากได้แล้วมึงอ่ะน่ารำคาญ” ผมด่าไอ้เจสกลบเกลื่อน “ไม่แน่นะเว้ย ไอ้คริสอาจจะมาเซอร์ไพท์มึงที่โรงเรียนก็ได้ หึหึหึ” ไอ้เจสพูดอย่างกวนประสาท แล้วก็เป็นการกวนประสาทที่ได้ผลมากเสียด้วย เพราะมันทำให้ใจผมเจ็บแปล๊บๆขึ้นมาได้ตั้ง 2 วินาที “กูบอกว่าอย่าพูดชื่อไอ้เหี้ยนั้นอีกไงวะไอ้เจส เล่นกีตาร์โง่ๆของมึงไปน่ะดีแล้ว” ไอ้ปอเงยหน้าจากหนังสือมาว่าไอ้เจสเสียงเข้ม ไอ้เจสเองก็ได้แค่ยักไหล่เบะปากก่อนจะหันกลับไปเล่นกีตาร์ตามเดิม “กรี้ดดด น่ารักอ่ะแก” “น่าร๊ากกกก แฟนใครวะแก ใส่มาเซอร์ไพท์แน่เลยอ่ะ” “เชี่ย โคตรทุ่มทุนสร้าง” เสียงกรี้ดกร้าดดังงขึ้นที่ระเบียงทางเดินชั้นเรียนที่ห้องผมอยู่พอดี ตอนแรกก็งงๆว่าเขากรี้ดอะไรกัน แต่พอสักแป๊บก็เห็นเต็มๆสองตา มาสคอสมิกกี้เม้าส์! ใช่ครับคุณได้ยินไม่ผิดหรอกมาสคอสมิกกี้เม้าส์ตัวสูงที่กำลังเดินเข้ามาในห้องเรียนของผม... ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ เจ้ามาสคอสตัวนี้ทำให้ผมนึกถึงใครบางคนที่ชอบตุ๊กตามากๆ ใครบ้างคนที่ลากผมไปดูขบวนพาเหรดตุ๊กตาด้วยกันแล้วทำตาวิ๊งค์ๆเป็นเด็กน้อย ใครบ้างคนที่อยากสร้างสวนสนุกเพื่อที่เขาจะได้เห็นตุ๊กตาเยอะๆตอนที่เล่นเครื่องเล่นเป็นเพื่อนผม... เจ้าตุ๊กตามาสคอสตัวนี้เอามือไพล่หลังไว้เหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ แถมเขายังเดินตรงมาทางที่พวกผมนั้นกันอยู่ด้วย ไม่ใช่ไอ้คริสหรอกเว้ยไอ้ปิ๊นมึงอย่าไปหวังอะไรกับมันอีกเลย มันไปมีแฟนใหม่แล้วปานนี้ เสียงเดวิลตะโกนบอกผมด้านซ้าย ใช่แน่ๆเลยปิ๊น จำไม่ได้หรอว่าคริสมันชอบทำเรื่องโรแมนติกให้นายบ่อยๆ ครั้งนี้คงทุ่มทุนสร้างเพื่อมาง้อนายแน่ๆ เสียงเทวดาตะโกนบอกทางด้านขวาคัดค้านเดวิล จะใช่จริงๆหรอ จะเป็นไปได้หรอ นั้นคือสิ่งที่ผมคิดอยู่ ไอ้ปอกับไอ้เจสเองก็ดูอึ้งไม่แตกต่างจากผมนักคนที่อยู่รอบๆต่างก็ดูลุ้นว่ามาสคอสตัวนี้จะไปหยุดอยู่ที่ใคร จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ผม... แล้วก็เดินผ่านไป...ไปหาเพื่อนผู้หญิงคนนึงที่นั่งอยู่ท้ายสุดของห้องแล้วส่งช่อดอกไม้ที่ซ่อนไว้ข้างหลังให้ เรียกเสียงโห่ร้องกรี้ดกร๊าดได้เป็นอย่างดี ก่อนที่ผู้ชายจะถอดหัวตุ๊กตาออกเผยให้เห็นว่าเป็นแฟนของเธอเองเป็นเด็กชั้นเดียวกันเพียงแค่คนละห้องเท่านั้นเอง เจ็บเข้าไปสิใจกู ก็บอกแล้วว่าอย่าหวังอะไรลมๆแล้งๆ เป็นไงสุดท้ายก็คิดไปเองฝ่ายเดียวจริงๆ หึ น่าอายชะมัด “เฮ้ยไอ้ปิ๊น ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” ไอ้เจสเอ่ยชวนผม “มึงก็ไปเองดิ กระเจี๊ยวไม่ได้ติดกันสักหน่อย” ผมบอกมัน “น่านะมึง ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย กูเพื่อนรักมึงนะเว้ยยย มึงต้องตามใจกูดิ” “รักปานจะเตะให้หมากัดตายน่ะสิ ไปก็ได้วะเร็วๆ” เห็นว่าอีกสิบนาทีก็จะต้องลงไปเข้าแถวแล้วน่ะครับเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยไปเลยก็ดีเหมือนกัน ด้วยความที่ห้องน้ำมันอยู่สุดริมชั้นนี้ซึ่งก็อยู่คนละฝากของห้องเรียนผมเลย ก็ต้องใช้เวลาเดินสักหน่อยนึง “มึงยังคิดถึงไอ้คริสอยู่ใช่ไหม” จู่ๆไอ้เจสก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ม..ไม่ใช่สักหน่อย กูลืมมันไปแล้ว” “แน่ใจ แต่กูไม่คิดอย่างนั้นนะ ตั้งแต่วันนั้นที่อยู่มึงก็เลื่อนนัดติวกัน กูว่ามึงไม่เหมือนเดิม ถึงไอ้ปอจะบอกว่าเคลียร์ได้แล้วก็เถอะแต่พูดกันตรงๆคือมึงกับไอ้คริสจบแบบไม่สวยใช่ไหมวะ” “ตกลงมึงอยากเข้าห้องน้ำหรืออยากมาถามเรื่องไม่เป็นเรื่องกันแน่” “ก็ทั้งสองอย่างแหละมึง ที่ถามก็เพราะว่าเป็นห่วงมึงนะเว้ย กูว่ามึงดูฝืนๆที่จะทำตัวเป็นปกติอะ ถึงปากมึงจะด่าว่ากูแขวะกู แต่กูรับรู้ได้ว่ามึงแค่พ่นปากพูดไปอย่างนั้นแต่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรอยู่ในนั้นเลยสักนิด กูไม่โอเคนะเว้ยที่เพื่อนกูเป็นแบบนี้” “...” ผมใจสั่นๆพอฟังไอ้เจสพูดเสร็จหน้าตามันกังวลมาก ที่ตกใจคือไม่คิดว่ามันจะจับผิดได้ขนาดนั้น ทั้งที่คิดว่าผมก็ทำเป็นปกติเนียนที่สุดแล้วนะ แอบซึ้งเหมือนกันนะครับที่มันใส่ใจผมขนาดนี้ “ถ้ามึงยังคิดถึงมันอยู่ก็กลับไปคุยกันสิ่วะ จะทรมานตัวเองแบบนี้ไปให้ได้อะไร มึงรู้ไหมสายตามึงที่มองไอ้มาสคอสนั้น มันฉายแววแห่งความหวังขึ้นมาชัดเจนมาก มึงก็คิดว่าเป็นไอ้คริสจริงๆใช่ไหมล่ะ แถมพอรู้ว่าไม่ใช่แววตามึงดิ่งหมองสุดๆเลย อย่างงี้อะนะเรียกว่าลืมมันได้แล้ว” “ก็ใช่ตอนนี้อาจจะยังไม่ลืมได้100% แต่ขอเวลาอีกหน่อยลืมได้แน่ๆ อีกอย่างกูคงไม่กลับไปคุยกับคนที่ประกาศฉลองที่โสดตั้งแต่เลิกกันยังไม่ถึงชั่วโมงหรอก คนแบบนั้นกูเกลียด” ผมบอกเหตุผลไอ้เจสไปตรงๆส่วนหนึ่งก็มั่นใจว่าไอ้เจสคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครแน่ มันเป็นคนปากมากก็จริงครับ แต่ทุกครั้งที่เป็นเรื่องจริงจังไอ้เจสก็ไม่เคยหลุดพูดเช่นกัน “ไอ้สเตตัสนั้นอ่ะนะ โห นี่มึงโง่หรือซื่อบื้อวะ” ไอ้เจสถึงกับเท้าเอวด่าผมแถมดีดกระโหลกผมไปหนึ่งที “โอ๊ย เจ็บนะเว้ยดีดมาได้” “ก็ต้องดีดเพื่อกระตุ้นสมองมึงให้ทำงานบ้างนะสิเว้ย ไอ้ลูกหมา ต่อไปกูเรียกไอ้ลูกควายแล้ว” “อะไรของมึงวะ กูไม่เข้าใจ” “คือ มึงคิดว่าสิ่งที่ไอ้คริสโพสคือสิ่งที่ไอ้คริสมันคิดแบบนั้นจริงๆหรอวะ” “ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่คิดคงไม่โพสแบบนั้นหรอก แถมลบรูปคู่ทิ้งด้วยนะมึง แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วป่ะล่ะ” ผมเถียงมัน พอพูดถึงอีกก็ของขึ้นหัวร้อนขึ้นมาอีกรอบ “มึงรู้จักคำว่าประชดป่ะว่ะ อารมณ์ชั่ววูบแบบนั้นอ่ะ ไอ้คริสมันคงไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆหรอกเชื่อกูดิ” “มึงจะมารู้ดีอะไร มึงไม่ได้เป็นมันนิ” “เออกูไม่ใช่ไอ้คริส แต่กูมีความรักมาเยอะเว้ย เอาง่ายๆแค่มิ้งเนี่ยงอนกูทีก็ประชดประชันกูแบบนี้แหละบางทีโพสแรงกว่าที่ไอ้คริสโพสด้วยซ้ำ แต่กูเข้าใจไงว่ามิ้งไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆ มิ้งก็แค่เรียกร้องความสนใจจากกูแค่นั้น เพราะเขาอยากให้กูรักกูสนใจไง” “...” “แล้วมึงจำไว้เลยนะเว้ย คนเราถ้าไม่รักกันเขาไม่งี่เง่าใส่กันหรอก แต่ที่เขางี่เง่าก็เพราะเขาต้องการความรักจากเราแค่นั้นเอง” “...จะจริงหรอมึง” ผมไม่แน่ใจจริงๆว่าไอ้คริสจะเป็นเหมือนมิ้ง “ถามหัวใจมึงดูก็แล้วกันว่าเชื่อแบบนั้นหรือเปล่า” “แต่ไอ้ปอมันไม่ชอบไอ้คริสนะ ถ้ากูกลับไปคบกับมันต่อ ไอ้ปอคงตัดเพื่อนกับกูแน่” นี้ล่ะปัญหาใหญ่ระดับชาติอีกอย่างนึงของผมเลย “ปิ๊น มึงอย่าดูถูกคำว่ามิตรภาพดิวะ” “ถ้ามึงรักไอ้คริสจริงๆ กูเชื่อว่าไอ้ปอต้องยอมรับได้ เพียงแค่ต้องใช้เวลายอมรับนานสักหน่อยแค่นั้นเอง มันคงไม่บ้าตัดเพื่อนเพราะเพื่อนทำในสิ่งที่มีความสุขหรอก ถ้ามันทำแบบนั้นจริงมันก็จะกลายเป็นแค่เพื่อนแย่ๆที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ความสุขตัวเองมากกว่าความรู้สึกมึง แล้วกูก็โคตรเชื่อมั่นว่าไอ้ปอจะไม่ทำแบบนั้นแน่” “...” จะจริงหรอว่ะ มันจะไม่โกรธจริงหรอ ผมได้แต่คิดกังวลไปมา “ไอ้ปอมันรักมึงนะเว้ย ยังไงมันก็ไม่มีทางทิ้งมึงแน่นอน” ไอ้เจสย้ำอีกครั้งเอามือตบบ่าผมอย่างให้หนักแน่นในความรู้สึกตนเอง “แล้วถ้ามันทิ้งกู เลิกคบกูเป็นเพื่อนจริงๆล่ะ” ผมถามอีก “กูก็จะยังเป็นเพื่อนมึงต่อไป ไม่ทิ้งมึงไปไหนแน่นอน” "..." "ความรักก็อย่างนี้แหละมึง มีอุปสรรคอะไรขัดขวางเต็มไปหมด ไม่มีอะไรได้ดังใจทุกอย่างหรอก ต้องปรับต้องจูนกันไป มันถึงจะไปด้วยกันรอดเว้ย" "แต่มันคงสายไปแล้วล่ะมึง มันมาไกลเกินจะย้อนกลับไปแล้ว" "ไม่มีคำว่าสายเกินไปถ้าใจยังตรงกัน" ไอ้เจสยิ้มเจ้าเล่ห์ "หมายความว่าไงวะ ไอ้เจส" ผมงงกับคำคมมัน "อ่ะ มีคนเขาฝากมาให้" ไอ้เจสยื่นซองจดหมายมาให้ผม "อะไร ทำบุญผ้าป่าหรอ 555" "อ่ะ ถูกต้องงงงง ถุย! อยากรู้ว่าของใครก็เปิดดูเอาเองเว้ย" ผมรับซองจดหมายมาพลิกดูหน้าซองก็เห็นลายมือคุ้นตา ' Kirs ' "ยิ้มได้แล้วใช่ป่ะ" "ไม่รู้เว้ย ยังไม่ได้อ่านข้างในเลย อาจเป็นจดหมายลูกโซ่ก็ได้" ความปากแข็งนี่เป็นข้อเสียของผมที่แก้ไม่หายจริงๆ ทั้งที่ตอนนี้ใจโคตรพองโตเลย "คิดได้แค่นั้นก็เรื่องของมึงเถอะไอ้ลูกหมา แต่ตอนนี้รีบเดินกูฉี่จะแตกล่ะสัส" ไอ้เจสเอามือกุมเป้ารีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำผมก็ได้แต่ขำท่าทางมันแล้วเดินตามไป การมีเพื่อนที่ดี คอยรัก คอยเตือน คอยห่วงและเข้าใจเราทุกอย่าง มันช่างเป็นโชคดีของผมจริงๆ ------------------------------- "ตกลงมึงจะบอกมันไหม ว่ามึงชอบมัน" "กู...กลัวเสียเพื่อนว่ะ" "มึงกับมันนี้แคร์กันฉิบหาย โอกาสมีแค่ครั้งเดียวนะมึง ถ้าไม่กล้าบอกมึงก็ไม่ควรรั้งมันไว้แบบนี้ มึงอยากให้มันเศร้าอยู่แบบนี้เหรอ" "..." "ลุยเลยมึง กูเชียร์มึงนะเว้ย" "..." เด็กหนุ่มตัวโตสูดหายใจลึกๆให้กำลังใจตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงในมือถือช่อดอกไม้พร้อมกล่องช็อคโกแลตยี่ห้อโปรดของอีกคนเดินตรงเจ้าไปหาเพื่อนรักที่ยังนั่งเล่นเกมส์อยู่ "ปิ่น" "ว่าไงมึง" ร่างเล็กพูดทั้งที่สายตายังจดจ่ออยู่กับเกมส์ "...กูมีเรื่องจะบอก" "เรื่องไรอะ" ปิ๊นกดหยุดเกมส์ เงยหน้าขึ้นมาสบตาปอตรงๆ "..." "ว่าไงมึง" "คือ..ช่วยกินช็อกโกแลตหน่อยดิ มีรุ่นน้องเอามาให้กูว่ะ" "โหยยย อิจฉาวุ้ย แต่ก็ลาบปากกูดี เอามาๆ" ปิ๊นหัวเราะก่อนจะรีบแกะกล่องช็อกโกแลตออกมากินอย่างอร่อย เจสที่คอยลุ้นอยู่ไม่ไกลได้แต่ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง แต่ก็ไม่ต่างจากที่เขาคิดมากนักว่าสุดท้ายคนรักเพื่อนแบบไอ้ปอก็ไม่อยากทำอะไรที่มันเสี่ยงจะเสียเพื่อนไปเหมือนกับไอ้ปิ๊นเช่นกัน เมื่อมันไม่กล้าบอกความในใจ มันก็ต้องปล่อยไอ้ปิ๊นไปแล้วทำตัวเป็นแค่เพื่อนเช่นเดิม เจสทำเป็นเดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่มแล้วแกล้งแย่งช็อกโกแลตให้เพื่อนตัวเล็กโวยวายเล่นเฮฮากันภายในกลุ่มเพื่อนเช่นดังเดิม ปิ๊นที่หวงของกินเลยรีบถือกล่องช็อกโกแลตวิ่งหนีเจสไปดื้อๆ "อย่าตามมานะโว้ยยยยย" ปิ๊นตะโกนบอกหลังวิ่งหนีไป "กูต่อให้ขาสั้นๆมึงหนีไปก่อน เดี๋ยวกูตามแน่ " เจสตะโกนบอกไอ้ปิ๊นก็รีบวิ่งหนีใหญ่เจสดูตามจนมั่นใจว่าปิ๊นจะไม่ได้ยินในสิ่งที่คุยกัน ่ "มึงเลือกแล้วใช่ไหม" "อืม เป็นแค่เพื่อนกันก็ดีแล้ว" "พระเอกจริงๆ เอาเถอะมึงคงคิดดีแล้ว แต่รู้ใช่ไหมว่าต่อจากนี้มึงไม่มีสิทธ์ไปรั้งมันไว้อีกแล้ว" "อืม กูรู้แล้ว" "ไอ้เจสสส กูจะแดกหมดกล่องแล้วนะ มึงอดแน่" ปิ๊นย้อนกลับมาโชว์ว่าตัวเองกินหมดไปครึ่งกล่องแล้ว "ได้ไงวะ เอามาแบ่งกูมั้งดิ" เจสลืมเรื่องที่คุยกันก่อนจะวิ่งไล่ตามเพื่อนตัวเล็กไป "ว๊ากกกกกกก" ปิ๊นร้องลั่นเมื่อเห็นเจสวิ่งมาด้วยความไวแล้วรีบวิ่งหนีต่อ ปอได้แต่ยืนยิ้มดูเพื่อนทั้งสองแกล้งกันไปมา ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากบอกความในใจ แต่พอสบตากับปิ๊น...เขาไม่เห็นตัวเองอยู่ในสายตาของเพื่อนเลยสักนิด ถ้ามันเป็นอย่างนั้นแล้วบอกไปก็คงจะมองหน้ากันไม่ติด สู้เป็นเพื่อนกันต่อไปแบบนี้คงดีกว่า เพราะคำว่าเพื่อน มันยาวนานและยั่งยืนเสมอ อีกนิดนึงจะจบแล้ว ทนหน่อย ต่อให้จบอย่าท้อ(บอกตัวเองเฉยๆ)
รอตอนจบอยู่นะ มาต่อเถอะ :z13:
3 เดือนผ่านไป วันเปิดเทอม "ไง ไอ้ลูกหมาปิดเทอมใหญ่ทั้งที หายหัวเงียบไปเลยนะกูโทรไปก็รับ ทำไรวะ" ไอ้เจสที่เพิ่งจะมาเรียนทักผม "ก็.. อ่านหนังสือเตรียมสอบไง กลัวไม่มีสมาธิเลยปิดเครื่อง" "ถึงว่าซิ เพราะมึงอ่านหนังสือนี้เอง แดดเมืองไทยเลยร้อนแทบเผากูตาย" "ไม่เกี่ยวกับกูไหมล่ะไอ้ห่า ว่าแต่มึงเหอะวันแรกก็มาซะสายโด่ง สายขนาดนี้ไม่น่ามาแล้วนะ" " 5555 กูลืมตื่นนึกว่ายังปิดเทอมอยู่ แต่อยู่ม.6นี่ดีฉิบหาย มาสายครูก็ไม่ว่าว่ะ กูบอกอยู่ม.6อ่านหนังสือเตรียมสอบดึกเลยตื่นสาย ครูเวรไม่ทำโทษด้วย สบายเลยกู " " มึงชั่วมาก หลอกครู ระวังผลกรรมจะทำให้มึงสอบไม่ติด" ผมชี้หน้าคาดโทษมัน แต่ก็เหมือนไอ้เจสจะไม่ใส่ใจอะไรเหมือนเคย "กินข้าวเช้ามาหรือยังปิ๊น กูว่ามึงดูผอมลงนะ" ไอ้ปอถามด้วยสีหน้ากังวล "กินแล้วๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ช่วงนี้กูเลิกกินขนมของหวานมั้งมันเลยผอมลง แหะๆ" "อืม ๆ เลิกกินได้ก็ดีแล้วมันไม่ดีต่อสุขภาพ" "ผอมเพราะตรอมใจโดนแฟนทิ้งมากกว่ามั้งงงง" ไอ้เจสล้อเลียนตามสไตล์มัน "... " ผมไม่ได้ตรอมใจเพราะมันสักหน่อย "เฮ้ย ครูมาแล้วนั่งที่เร็ว " เสียงเดิมของเพื่อนที่ทำหน้าที่ดูต้นทาง ตะโกนบอกก่อนที่ทุกคนจะรีบกลับไปนั่งที่ของตนเอง " นักเรียนทำความเคารพ" "สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะคุณครู" "สวัสดีจ้ะ นั่งลงเถอะ" "ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ" "เป็นไงบ้างปิดเทอมไปยาวๆ ทำอะไรกันบ้างล่ะ" ครูกันวิภา ซึ่งเป็นครูที่ปรึกษาของห้องผมชวนพูดคุยกันอย่างคุ้นเคย ทุกคนต่างเล่าเรื่องราวต่างๆให้กันฟัง "พวกผมไปเข้าค่ายจิตอาสาทำฝ้ายกั้นน้ำครับ" "หนูไปดูคอนเสิรต์ค่ะ" "พวกผมไปเที่ยวทะเลด้วยกันครับ" . . "จากที่ฟังดูพวกเธอใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขจริงๆนะ แต่ครูก็อยากให้พวกเธอตั้งใจอ่านหนังสือกันด้วย ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่จะตัดสินอนาคตของเธอ ใครมีความฝันจะเข้าคณะอะไร มหาลัยไหน ก็จงทุ่มเทเพื่อมันอย่างเต็มที่ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง พวกเธอรู้ใช่ไหมว่าการจะทำตามความฝันได้มันยากเย็นมากขนาดไหน แต่หากพวกเธอตั้งใจจริงและพยายามมากพอ ครูคิดว่ามันคงไม่ไกลเกินเอื้อมนับจากนี้ชีวิตของเด็กม.6อย่างพวกเธอก็จะมีแต่การสอบ ขอให้ตั้งใจเรียนและ อ่านหนังสือให้มาก แล้วรักษาสุขภาพตัวเองดีๆด้วย ครูพายเรือมาส่งพวกเธอใกล้จะถึงฝั่งแล้วอย่าให้มีอะไรมาขัดขวางเลยนะ " " อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ พวกเราอยู่ด้วยกันมาจะสามปีแล้ว และครูคิดว่าพวกเธอคงอยากจะเรียนจบไปพร้อมกับเพื่อนๆของเธอใช่ไหม" ทุกคนพยักหน้าตาม แล้วหันไปมองเพื่อนของตัวเอง ผมก็เช่นกันที่หันมามองไอ้ปอไอ้เจสอย่างพร้อมเพรียง "ดีมาก ครูดีใจที่พวกเธอรักกัน แต่แน่นอนว่ามีพบต้องมีจาก เพื่อนไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป ตัวเธอเองต่างหากที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป ฉะนั้นในตอนนี้ที่เรายังอยู่ด้วยกัน เราทุกคนต้องช่วยกันนะ เพื่อนต้องช่วยเพื่อนลากกันไปให้จบพร้อมกันให้ได้ คนไหนที่หัวดีก็นัดติวให้เพื่อนบ้าง ส่วนคนไหนที่ไม่ค่อยกระตือรือล้นครูก็ขอให้พวกเธอทำตัวเองให้ดีขึ้นขยันให้มากขึ้น ส่งงานให้ครบ เริ่มฝึกดูแลชีวิตตัวเองได้แล้ว เพราะถ้าเธอเข้ามหาลัยไปจะไม่มีใครมาคอยจ้ำจี้จำไชเธอ หรือคอยบ่นตามงานเธอแบบนี้อีกแล้วนะ ปรับตกสถานเดียว" พวกเราทุกคนต่างตั้งใจฟังที่ครูพูดมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา อาจเพราะรู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่มากที่จะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ เพราะอนาคตพวกเราก็ต้องแยกย้ายไปตามเส้นทางของแต่ละคน ซึ่งไม่รู้เลยว่ามันจะเป็นเช่นไร "วันนี้ครูอาจพูดเยอะหน่อยแต่ก็เพราะหวังดีกับพวกเธอทุกคนนะ เดี๋ยวครูจะปล่อยให้พวกเธอเตรียมตัวเรียนวิชาถัดไปแล้วกัน อย่าลืมตั้งใจเรียนล่ะ อ้อ ใครอยากปรึกษาอะไรไปที่ห้องพักครูได้เลยหลังเลิกเรียนตอนเย็นครูจะอยู่ถึงหกโมงเย็นนะ" ครูกันวิภายิ้มให้ก่อนที่หัวหน้าห้องจะบอกทำความเคารพ "นักเรียนทำความเคารพ" "ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะคุณครู" เสียงขอบคุณดังก้องห้องเรียนกว่าทุกคน เมื่อครูกันวิภาเดินออกไปทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้เงียบๆไม่ส่งเสียงเฮดีใจเหมือนทุกครั้งที่จะได้นั่งเล่นรอเรียนวิชาถัดไป ผมคิดว่าทุกคนกำลังตระหนักถึงคำพูดของครู รวมถึงอนาคตในวันข้างหน้าของตัวเอง กลุ่มผู้หญิงบางคนเริ่มคุยกันว่าจะเข้ามหาลัยไหนดี คณะอะไรดี และเมื่อรู้ว่าต่างคนก็ต่างอยากไปในแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ก็มีแอบน้ำตาไหลกันบ้าง กลุ่มผู้ชายหลังจากนิ่งไปสักพักก็กลับมาพูดเล่นเฮฮากันใหม่ หากแต่ในความตลกนั้นมีความห่วงใยเพิ่มมากขึ้น "ไอ้เชี้ยโก๋ถ้ามึงไม่จบพร้อมพวกกูนะ กูจ้างนักเลงมากระทืบให้ตายเลย ไอ้สาสสส" "เออจริง ถ้ามึงส่งงานไม่ตรงเวลาอีก กูจะตบหัวให้ทิ่ม " " เออๆๆๆ ก็ได้วะไอ้พวกห่า แค่นี้ต้องใช้ความรุนแรง" "5555555 ก็เหมาะกับมึงไง" ผมนั่งดูเพื่อนรอบๆห้องอย่างตั้งใจที่จะเก็บความทรงจำนี้ไว้ ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่มีแต่เรื่องให้กังวล แต่ก็ยังมีเพื่อนคอยเคียงข้างอยู่.. "ไอ้ปิ๊น มึงอยากเข้าคณะอะไรวะ" ไอ้เจสเอ่ยปากถาม "ยังไม่รู้เลยว่ะ แม่อยากให้กูเรียนครูแล้วรับราชการ แต่พ่ออยากให้กูเรียนประมงที่มหาลัยใกล้ๆบ้านพ่อ " ผมตอบไป " เอาตัวมึงเองดิที่ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่อะ" "... ออกแบบมั้ง" "ออกแบบ? จะออกแบบอะไรวะ สินค้า ผลิตภัณฑ์ รายการ??? " " ก็... ประมาณนั้นมั้ง" "แล้วมึงล่ะไอ้ปอ จะเข้าคณะอะไร" "บริหาร" "โห หนุ่มนักธุรกิจ เท่ไม่เบา แต่ไม่มีใครอยากเข้าวิศวะเหมือนกูเลยหรอวะ สาวชอบเยอะนะเว้ย" " ใครจะอยากเรียนกับมึงแค่นี้ก็เบื้อขี้หน้าจะตายแล้วโว้ย" "ปากดีนะมึง ถ้าวันปัจฉิมกูเห็นหมาที่ไหนร้องไห้จะตบหัวให้ร้องหนักกว่าเดิมอีก " " เออออ กูไม่ร้องแน่ๆ " " เอออออ กูจะรอดู.. ว่าแต่ตอนนี้มึงโสดหรือยังมีแฟนวะ" จู่ๆไอ้เจสก็เปลี่ยนเรื่องอย่างกระทันหันจนผมแทบตามอารมณ์มันไม่ทัน "โสด" ผมตอบตามความจริงไป "โสดจริงดิ มึงไม่ได้กลับไปรีเทิรน์.. "เจสตาโตเมื่อเพื่อนบอกว่าโสด ทั้งที่คิดว่ามันคงคืนดีกันตั้งแต่วันวาเลนไทน์แล้ว เพราะไอ้คริสก็เป็นส่งจดหมายมาง้อก่อน ไอ้ปิ๊นเองก็ดูยังรักไอ้คริสเช่นกัน... แล้วทำไมถึงไม่ได้คืนดีกันวะ " ไม่ล่ะ กูว่าอยู่ตัวคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว " ปอที่นั่งเงียบแต่ตั้งใจฟังทุกประโยคหันหน้าไปมองเพื่อนข้างกายทันที " มึงแน่ใจหรอวะ" เจสถามย้ำอีกครั้ง "อืม กูตัดสินใจแล้ว.. ต่อจากนี้ไปกูจะทุ่มเทให้ชีวิตและครอบครัวกูเอง ก็เหมือนที่ครูพูดไงมึง เพื่อนไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป แฟนก็คงไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป มีแต่ตัวเราที่อยู่กับเรา " " ทำไมพูดจาแปลกๆวะ ไอ้ลูกหมา ยังไงกูก็เป็นเพื่อนมึงตลอดไปน่า มีอะไรขอให้บอกกูจะไปหามึงถึงที่แน่นอน" "อือ.. ขอบใจมากนะมึง" ผมส่งยิ้มจางๆให้ไอ้เจส รู้สึกเอ็นดูท่าทางที่จริงจังของมันเมื่อกี้นี้สุดๆ มีแค่พวกมึงกูก็มีความสุขแล้ว วันเสาร์ ณ สถาบันติววิชาเคมี นี้เป็นครั้งแรกที่พวกผม 3 คน มาติวด้วยกันที่สถาบันติววิชาเคมีแห่งหนึ่ง ปกติจะให้ไอ้ปอติวให้เฉยๆ แต่เพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยเราจึงจำเป็นต้องมาติวที่นี่ เพราะมีชื่อเสียง มีแนวข้อสอบและเทคนิคที่ทำให้แก้โจทย์ได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญคือ ฟรีครับ ! 55555 แต่ก็ฟรีแค่วันนี้วันเดียวแหละครับเพราะเหมือนเขาให้ทดลองเรียนมากกว่าถ้าชอบถ้าเข้าใจในการสอนก็ค่อยมาลงครอสเรียนแบบเสียเงินเอาอีกที วันนี้เลยมีเด็กมารอติวฟรีกันเต็มไปหมด มากหน้าหลายตาจนผมหาไอ้เจสไอ้ปอไม่เจอ เลยส่งไลน์ไปถามมันว่าอยู่ตรงไหน ก็ได้คำตอบว่าพวกมันนั่งอยู่ชั้น 3 ห้อง A ที่นั่ง VIP เหอะๆ หรือแถวหน้าสุดนั่นเอง เดินขึ้นมาจนถึงชั้น 3 มองผ่านช่องกระจกประตูไปที่ด้านหน้าห้องเรียนก็เห็นไอ้เจสกับไอ้ปอนั่งอยู่เว้นที่นั่งตรงกลางไว้ให้ผมเหมือนเคย เห็นแบบนั้นเลยรีบเปิดประตูแล้วตรงดิ่งไปนั่งที่ว่างตรงกลางพวกมันทันที บรรยากาศในห้องเงียบเสียงไปสักแป๊บเดียวตอนที่ผมเดินเข้าไป คงเป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะชอบหันมาดูว่าใครเปิดประตูเข้ามา แต่พอรู้ว่าไม่ใช่เพื่อนตัวเองก็หันกลับไปคุยกันต่อ "สายนะมึงวันนี้" ไอ้เจสรีบพูดข่ม "รถมันติดนี่หว่า รอรถเมล์นานด้วยเลยสาย" "มาสายเลี้ยงขนมกูด้วย ค่าจ้างจองที่นั่งให้มึง" "ฝันไปเหอะ สลึงนึงกูก็ไม่ให้เว้ย" "ชิ" ไอ้เจสทำท่ากระฟัดกระเฟียด ผมก็เลยไหวไหล่ใส่ไม่สนใจ เตรียมสมุดออกมารอจดเพราะใกล้เวลาที่จะฉายวิดีโอสอนแล้ว จริงๆติวเตอร์มาสอนสดนะครับแต่รู้สึกว่าจะสอนอยู่ชั้น 2 ซึ่งที่นั่งคงเต็มไปตั้งแต่เปิดประตูให้เข้า "วันนี้ตั้งใจเรียนนะ อย่าคุยมองแค่หน้าจอพอ" ไอ้ปอบอกสีหน้านิ่งๆเหมือนเคย "อือ ไม่คุยหรอก แต่ถ้ากูไม่เข้าใจตรงไหนจะเก็บไว้ถามมึงทีหลังนะ" ผมส่งยิ้มให้มัน "เออ เข้าใจว่าสมองมึงพกมาน้อย หึหึ" ไอ้ปอยิ้มมุมปากก่อนจะเอามือมาขยี้หัวผมให้ยุ่งเยิงไปหมด ปัง! เสียงของตกดังจากทางด้านหลังเล่นเอาผมสะดุ้ง จะหันหลังไปมอง
ที่เหลือจะมาลงให้ตอนเที่ยงๆนะคะ ขอตรวจทานเนื้อหาอีกรอบก่อน วันนี้ดึกแล้วตาลาย
"กูบอกว่าให้มองแต่หน้าจอไง อย่าวอกแวกดิ" ไอ้ปอเอามือจับหน้าผมไว้ไม่ให้หันไป ผมก็เลยพยักหน้าเข้าใจ พอดีกับที่หน้าจอขึ้นฉายถ่ายทอดสดการสอนแล้วด้วย เสียงในห้องเงียบลงต่างคนต่างตั้งใจฟังการสอนอย่างจริงจัง พยายามเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด ไอ้เจสเอาโทรศัพท์ออกมาวางตั้งถ่ายวิดีโอไปและก็ฟังบรรยายไปด้วย ผมเองก็ตั้งใจทำโจทย์ถูกบ้างผิดบ้างแต่พอฟังเฉลยและวิธีคิดก็เข้าใจมากขึ้น คิดว่าช่วยได้เยอะจริงๆจนอยากจะลงเรียนเต็มคลอส เมื่อแก้โจทย์สุดท้ายเสร็จก็หยุดพักเที่ยงกัน แล้วค่อยมาติวครึ่งหลังต่อตอนบ่าย ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อยเตรียมจะลุกออก แต่ไอ้เจสก็ดึงเสื้อผมให้กลับไปนั่งลงเหมือนเดิม "อะไรวะ ไม่ลุกลงไปกินข้าวหรอ" ผมถาม "เดี๋ยวค่อยลุกไปก็ได้ ออกไปตอนนี้ก็ไปยืนเบียดกันตอนเดินลงที่บันไดอีก ตั้งกี่ชั้นกี่ห้องเรียน นั่งเล่นที่นี่ไปสัก10นาทีก่อนดิวะ" "เออๆ ก็ดีเหมือนกัน " ผมพยักหน้าแล้วหันไปคุยกับไอ้ปอเรื่องที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ปล่อยให้ไอ้เจสคุยไลน์กับมิ้งไป จนคนออกไปหมดห้องเหลือไว้แต่กระเป๋าสมุดจองที่ไว้ เสียงคนเดินหน้าห้องก็เบาลงพวกผมเลยเดินออกกัน เอามาแค่กระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ เพราะในห้องมีกล้องวงจรปิดเลยไม่กลัวกระเป๋าหายน่ะครับ พวกผมเลือกกินอะไรง่ายๆที่ร้านสะดวกซื้อใกล้สถาบันติว ยืนกินกันเสร็จก็พากันรีบเดินกลับเพราะใกล้ถึงเวลาติวแล้ว "พวกมึงขึ้นไปก่อนเลย กูเข้าห้องน้ำก่อนว่ะ เหมือนจะปวดหนัก" ผมบอกพวกมันเพราะรู้สึกอยากถ่ายมาก คงเพราะเมื่อคืนตามใจปากกินซีฟู๊ดที่พี่เสือซื้อมาฝากไปเต็มกระเพาะ "เออๆ แล้วรีบขึ้นไปล่ะ" ไอ้เจสพูด "ถ้าปวดมากก็โทรบอกนะเดี๋ยวกูลงไปหาซื้อยาธาตุน้ำขาวให้" ไอ้ปอพูดด้วยความเป็นห่วง "เออ ๆ กูไปห้องน้ำก่อน" แล้วผมก็รีบเข้าห้องน้ำ โชคดีที่ห้องน้ำว่างมากไม่มีคนเลยคงเพราะไปติวกันหมดผมเลยนั่งห้องน้ำได้อย่างสบายใจพร้อมกับเล่นเกมในโทรศัพท์ไปเพลินๆ จนเสร็จธุระก็วางโทรศัพท์ไว้บนถังชักโครกแล้วจัดการทำความสะอาดตัวเองก่อนจะกดชักโครกแล้วเดินออกมาด้วยความโล่ง ก้มลงล้างมือแล้วเช็คความหล่อหน้ากระจกเล็กน้อยก็เตรียมตัวจะเดินออกไป แกร๊ก เสียงเปิดประตูห้องน้ำเข้ามาตามมาด้วยร่างของเด็กหนุ่มตัวสูงและหน้าตาที่คุ้นเคย.. . . . ช่วงเวลาที่ยืนมองหน้ากัน ผมรู้สึกเหมือนเวลาหยุดหมุนไปชั่วขณะ มีแต่ความเงียบเข้าโอบล้อม แววตาของคนตัวสูงสั่นไหวเล็กน้อยเฉกเช่นเดียวกับผม ก่อนจะกลับมานิ่งเฉยเหมือนเดิม ผมไม่รู้จะพูดอะไรหรือทักทายมันยังไง ไม่รู้สิ ผมไม่ได้เจอหรือคุยกับมันมานานแล้ว มันเหมือนว่าผมเดินจากมันมาไกลแล้ว ต่อให้ในอดีตผมกับมันจะมีความทรงจำร่วมกันมากมายแค่ไหน แต่ในตอนนี้เราสองคนไม่ต่างอะไรกับแค่คนเคยรู้จักกัน.. "คริสจ้า เสร็จหรือยังนานแล้วน้า " น้ำเสียงหวานติดออดอ้อน ดังเรียกมาจากด้านนอก ช่วยทำให้บรรยากาศเทาๆจางหายไป " แป๊บนึงนะเดียร์ จะขึ้นไปก่อนก็ได้" คริสตอบกลับโดยที่หน้ายังมองตรงมาที่ผมอยู่ "ไม่เอา เค้าจะรอคริสขึ้นไปพร้อมกันนิ เค้ารอต่อก็ได้" เสียงงองแง๊ง ของผู้หญิงตอบกลับมา ผมเดาว่าคงเป็นแฟนใหม่ของมัน เพราะไม่งั้นคงไม่ทำน้ำเสียงอ้อนได้น่ารักแบบนี้ รู้อย่างนี้แล้วก็สบายใจ.. ใช่ครับผมสบายใจที่มันมีชีวิตที่'ปกติ ' ผมเดินต่อไปเพื่อจะขึ้นไปติว หากแต่มือหนาที่อบอุ่นจับดึงมือของผมไว้ เรายืนหยุดนิ่ง อยู่ข้างๆกันเพียงแต่เราไม่หันมามองกัน เหมือนจะใกล้แต่ก็ดูห่างไกล "ได้รับจดหมายหรือเปล่า" เสียงทุ้มคุ้นหูพูดเสียงเบาราวกับกระซิบให้ผมได้ยินแค่คนเดียว คำถามสั้นๆที่เหมือนตอกลงมาที่หัวใจที่เคยตายด้าน ให้เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีกครั้ง "ได้" เพียงแค่ตอบไปมือหนาบีบมือผมแรงขึ้นจนรู้สึกเจ็บ "แล้วทำไมถึงไม่ไป" เสียงสั่นๆถามกลับมาอีกรอบ ".. เพราะไม่อยากไปไง" ผมตอบมันไปตามความจริง มือที่เคยบีบแน่นราวกับกลัวผมจะหลุดไป ตอนนี้กลับปล่อยอย่างง่ายดายคล้ายหมดแรงจะดึงรั้ง เมื่อความอบอุ่นหายไป เหลือไว้แค่ไออุ่นที่ทำให้รู้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีคนกุมมือนี้ไว้ ผมเลือกที่จะเดินออกมาแล้วตรงเข้าไปนั่งเรียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่จริงผมพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกไว้ไม่ให้มันพุ่งออกมา แกร๊ก "ไอ้คริส เข้าห้องน้ำนานจังวะ มึงพาเดียร์ไปทำอะไรหรือเปล่า 555 " "บ้าหรอ แดนก็พูดไปเรื่อย คิคิ" เสียงกระซิบเบาแต่เพราะห้องเรียนที่มีแต่ความเงียบทำให้ได้ยินชัดเจน ไอ้เจสกับไอ้ปอหันมามองผมพร้อมกัน เหมือนกลัวผมจะหันกลับไปมองด้านหลัง แต่ผมก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นตาจ้องมองที่หน้าจอเหมือนเดิม แล้วทำไมถึงไม่ไป น่ะหรอ.. ย้อนไป 3 เดือนก่อน วันวาเลนไทน์ หลังเลิกเรียน
ย้อนไป 3 เดือนก่อน วันวาเลนไทน์ หลังสอบเสร็จ อออออออออด เสียงหมดเวลาสอบวิชา สุดท้ายของวันนี้ ดังขึ้น สิ้นสุดการรอคอยแล้วโว้ยยยยย วันนี้แหละผมจะกลับไปคืนดีกับไอ้บ้าคริส กร๊ากกก ไม่มีอีโก้อะไรอีกแล้ว บอกตามตรงว่าโคตรคิดถึงมัน "กูกลับบ้านก่อนนะเว้ย" ผมสะพายกระเป๋าพลางบอกพวกไอ้เจสไอ้ปอไปด้วย "ไหนตอนนั้นมึงบอกจะชวนกันไปกินฉลองจบม.5ไง ปิ๊น แล้วทำไมรีบกลับ" ไอ้ปอถาม กระตุ้นความจำผมที่ลืมไปสนิท "ค่อยนัดกันวันหลังก็ได้ วันนี้มึงคงมีธุระต้องไปทำใช่ไหมไอ้ปิ๊น" ไอ้เจสช่วยแก้ตัวให้ กูรักมึงฉิบหายไอ้เพื่อนรัก "แหะๆ ไว้วันอื่นค่อยนัดเจอกันอีกทีนะเว้ย ไอ้ปอมึงอย่าโกรธกูนะ" ผมหันไปทำตาปริบๆใส่ "พูดอย่างกับกูเคยโกรธมึง" ไอ้ปอบ่นมุบมิบแล้ว ถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้าส่งให้ ประมาณว่าจะไปไหนก็เรื่องของมึง 555 "งั้นกูไปก่อนนะ บ๊ายบ่าย" ผมส่งยิ้มให้แล้วรีบเดินกลับบ้าน เพราะอยากอ่านจดหมายที่ไอ้คริสฝากมาจะแย่ มันจะเขียนอะไรน้ำเน่าๆให้ชวนอ้วกไหมก็ไม่รู้ เอ๊ะ หรือมันจะส่งจดหมายมาด่าผมวะ แบบผมมันเป็นแฟนที่ห่วยที่สุดที่เคยเจอมาของมันงี้.. แต่ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง ผมสัญญาว่าจะเป็นแฟนที่ดีมากกว่าเดิม คิดวนไปวนมาไม่ทันไรก็ถึงบ้าน แปลกใจเล็กน้อยที่ประตูบ้านปิดไม่สนิท ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงดังลอดออกมา "ทำไมทำแบบนี้ ไหนพี่บอกรักผมคนเดียวไง! " เสียงพี่ปูนตะโกนดังออกมา " พี่ขอโทษ.. แต่พี่ว่าเราเลิกกันน่ะดีแล้ว" เชี่ยยยย ทำไมพี่เอกถึงบอกเลิกพี่ปูนง่ายๆแบบนี้วะ ไหนตอนนั้นบอกรักพี่ปูนมากไง! "พูดง่ายเนอะ ไอ้คำว่าเลิกเนี้ย ทำไมพี่พูดมันออกมาได้ง่ายดายขนาดนี้ เรื่องของพี่กับผมที่ผ่านมามันไม่มีความหมายเลยหรอ" น้ำเสียงตัดพ้อของพี่ปูนทำให้ผมกำหมัดแน่น กล้าดียังไงมาทำให้พี่ผมเสียน้ำตา "แล้วปูนจะให้พี่ทำยังไง พี่พลาดทำน้องเขาท้องไปแล้ว พ่อแม่เราก็รู้จักกัน ยังไงพี่ก็ต้องรับผิดชอบเขา" "พลาด.. หรือตั้งใจ คิดว่าผมไม่เห็นแชทในไลน์หรือยังไง พี่โกหกผมทำไม พี่แม่งเลวมากนะทำทุกอย่างให้ผมเชื่อว่าพี่รักผมมาก แต่พอวันที่ผมรักพี่หมดใจพี่กลับจะขว้างมันทิ้งไปง่ายๆเหมือนผมไม่มีความหมายอะไรเลยกับพี่สักอย่าง พี่คิดบ้างไหมว่าผมจะรู้สึกยังไง เสียใจแค่ไหน.. ฮึก" ถึงตอนนี้ผมเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปกอดพี่ปูนไว้แน่น ยิ่งทำให้พี่ปูนร้องไห้หนักกว่าเดิม ผมหันไปมองหน้าไอ้คนเลวที่ทำพี่ผมเสียใจอย่างโกรธแค้น แต่พี่เอกกลับหลบตาลงมองพื้น อย่างคนขี้คลาด "พี่รู้ว่าพี่ผิด พี่เลวเอง แต่ปูนก็รู้ใช่ไหมว่าความรักของเรายังไงมันก็ไปไม่ถึงฝั่ง ในความฝันของเราเราอาจจะอยู่ด้วยกันไปจนตาย แต่ในโลกความเป็นจริง ผู้ชายกับผู้ชายยังไงมันก็ไม่มีวันคู่กันได้หรอก พ่อแม่พี่เองก็ไม่ยอมรับปูน พาลโกรธพี่ ปูนอยากให้พี่เป็นลูกอกตัญญูทำให้พ่อแม่เสียใจหรอ" พี่ปูนสะอื้นร้องไห้แรงกว่าเดิม บ่าผมตอนนี้แบกรับความเสียใจของพี่ชายเพียงคนเดียวไว้จนเปียกชื้นด้วยน้ำตาเต็มเสื้อ "พี่ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ปูนเสียใจ แต่เรื่องของเราสองคนมันคงมาได้ไกลแค่นี้จริงๆ" . . . คนหนึ่งเดินจากไป ทิ้งสองคนไว้ให้จมกับความเสียใจ และปลอบใจกันเอง ท่ามกลางความเงียบและมืดมีเพียงแค่แสงไฟจากด้านนอกลอดผ่านเข้ามา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่ผมนั่งโอบกอดพี่ปูนไว้ปล่อยให้เขาร้องไห้จนพอใจ ผมปลอบใครไม่เก่งแต่ผมจะไม่ทิ้งพี่ชายผมไปไหนแน่นอน ในเวลานี้พี่ชายที่เคยเข้มแข็งดูแลผมมาตลอดช่างดูอ่อนแอและเปราะบางเหลือเกิน จนผมกลัวว่าหากผมละสายตาไปมันอาจจะแตกสลายได้.. "สุดท้าย... ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงใช่ไหม ปิ๊น" น้ำเสียงอ่อนแรงถามขึ้นมา พี่ปูนร้องไห้จนน้ำตาแห้งเหือดทิ้งไว้แต่คราบน้ำตาและดวงตาที่ไร้จุดหมาย "... " ผมได้แต่นิ่งเงียบไปกับคำถามนั้น ผมเคยคิดว่าผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิง แต่เหตุการณ์ของผมที่เกิดขึ้นกับไอ้คริสมันก็ทำให้ผมเรียนรู้ว่าการรักคนเพศเดียวกันมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ความสุขที่เกิดขึ้นร่วมกันกับคริส มันคือเรื่องจริงในความรู้สึกของผม แต่ในโลกความจริงมันก็เหมือนที่ไอ้พี่เอกพูด ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับความรักในรูปแบบนี้ได้ คำถามของพี่ปูนมันจึงเป็นคำถามที่ไม่มีตอบ "ยังไงผมก็อยู่กับพี่ปูนเสมอนะ" ไม่ทิ้งพี่ไปไหนแน่นอน ประโยคท้ายต้องเก็บไว้พูดคนเดียวในใจด้วยกลัวจะไปสะกิดแผลใจของพี่ตนเอง ผมลูบหลังปลอบจนเห็นว่าพี่ปูนเผลอหลับไปแล้วจึงค่อยๆจับนอนไปกับโซฟา และค่อยๆเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างเบามือ หยุดร้องไห้แล้ว พี่ชายของผม เหมือนคันกั้นน้ำที่กักเก็บความรู้สึกไว้มากล้นจนเกินจะรับมือไว้ น้ำตาผมร่วงหล่นออกมาอย่างไม่ขาดสาย ผมไม่เคยเห็นพี่ปูนเป็นแบบนี้มาก่อน พี่ปูนใจดีแต่ไม่อ่อนแอ เขาเข้มแข็งกว่าที่เห็นภายนอกมาก แต่ตอนนี้แค่เพราะคนๆเดียวที่เข้ามาในชีวิต เข้ามาเพื่อทำให้เกิดความรู้สึกต่างๆมากมายแล้วจากไปอย่างไม่ใยดี มันกลับทำให้พี่ผมอ่อนแออย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ แล้วถ้าเป็นผมล่ะ ผมที่ขี้กลัว กังวลไปกับทุกสิ่ง เข้มแข็งไม่ได้ครึ่งของพี่ปูนด้วยซ้ำ หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา ถ้าพ่อแม่ผมหรือพ่อแม่มันไม่ยอมรับเเบบพี่เอก ผมคงทนไม่ไหวเช่นกัน.. และถ้าไม่อยากให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพแบบพี่ปูน ผมว่า... ผมควรหยุดทุกความรู้สึกไว้แค่นี้ เลิกกันตอนนี้มันคงดีที่สุดแล้ว ปิดเทอมครั้งนั้นของผม จึงเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนหน้าที่กันกับพี่ปูน ผมที่เคยแต่นอนเล่นรอกินข้าว รอให้พี่ปูนดูแลได้เปลี่ยนมาทำหน้าที่เป็นคนดูแลพี่ปูนเอง ผมเข้าใจว่าพี่เอกคือรักแรกและเป็นรักที่ฝังใจมากของปูน พอถูกดึงออกไปจากใจมันย่อมต้องใช้เวลารักษาแผลนาน โชคดีที่ปิดเทอมแล้วผมจึงมีเวลาดูแลพี่ปูนเต็มที่ นั่งรถไปมหาลัยเป็นเพื่อน รอกินข้าวเที่ยงด้วยและรอกลับพร้อมกัน ถึงพี่ปูนจะบอกไม่ต้องทำแต่ผมเต็มใจ ก็เห็นสีหน้าหม่นหมองขนาดนั้นผมจะปล่อยให้อยู่คนเดียวได้อย่างไร บอกตรงๆว่าในความคิดผมคือกลัวพี่ปูนจะเป็นโรคซึมเศร้า อย่างน้อยก็นั่งฟังผมพูดมากให้รำคาญหูเล่นดีกว่าเอาเวลาไปคิดเรื่องอะไรที่ไม่ควรคิด เรื่องนี้ผมไม่ได้บอกใครเลย เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่น่าเล่าให้ใครฟัง พูดไปก็ใช่ว่าจะมีคนเข้าใจความรู้สึกเราทั้งหมด เพราะงั้นช่วงเวลาปิดเทอมผมจะทุ่มมันไปกับพี่ปูนทั้งหมด สนใจแค่พี่ผมคนเดียว จนลืมคนอื่นๆไปหมดสิ้น..
ติวจนจบของวันนี้ ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันไป บางคนก็กลับบ้าน บ้างคนก็เดินเล่นกับเพื่อนต่อ "ไอ้ปิ๊น ไอ้ปอ ไปเดินห้างเป็นเพื่อนกูก่อนนะอยากซื้อโดนัทกินวะ" ไอ้เจสพูดชวนตอนที่เราสามคนกำลังเดินลงบันไดมาชั้นล่างของสถาบันติวเตอร์ "อืม" ปอพยักหน้ารับ "ไปแป๊บเดียวนะมึง กูต้องรีบกลับบ้าน เดี๋ยวกูโทรถามพี่ปูนก่อนว่าอยากกินอะไรหรือเปล่า" ผมบอกแล้วเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงหาโทรศัพท์ แต่ไม่เจอ จึงถอดกระเป๋าเป้ออกจากหลังมารื้อหาดูอีกที "หาอะไรวะ" "โทรศัพท์ กูหาไม่เจอวะ ไอ้เจสมึงลองโทรเข้าเครื่องกูดิ" "เออๆ โทรเดี๋ยวนี้แหละ" ไอ้เจสกดโทรหาเบอร์ผม "ติดแล้วๆมึง กระเป๋ามึงสั่นไหม" มันพูดแต่ผมไม่รับรู้ถึงการสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋าเลยสักนิด "สายตัดไปแล้ววะ" "ลองโทรอีกรอบซิ" ไอ้ปอสั่งไอ้เจสอีกรอบ "ติดแต่ไม่มีคนรับวะ แล้วมึงไปลืมไว้ที่ไหนหรือเปล่า ลองนึกดิ" "กูก็เอาไว้ในกระเป๋าตลอดนะ" ผมบอกมันก็ผมเอาแต่ดูหน้าจอการสอนไม่ได้หยิบโทรศัพท์ออกมาเลย "แล้วตอนไปเข้าห้องน้ำ ได้เอาออกมาเล่นหรือเปล่า" ไอ้ปอถาม "เออออออออ จริงด้วยมึงกูเอาออกมาเล่นเกม คงเผลอวางไว้แล้วลืมเอาออกมาแน่ๆ" ผมตบหน้าผากให้กับความขี้ลืมของตัวเอง "รีบไปหาเลยให้ไว เร็ว" แล้วพวกผมก็รีบวิ่งมาที่ห้องน้ำแล้วเปิดหามันทุกห้องแต่ก็ไม่เจอ พอลองโทรไปเครื่องผมอีกครั้งมันก็ปิดเครื่องไปแล้ว จะหายไปไม่ได้นะเว้ย "อย่าทำหน้าเหมือนลูกหมาโดนทิ้งสิวะ ลองไปถามที่เคาท์เตอร์ดูเผื่อมีใครเก็บได้แล้วเอาไปคืนที่นั่น" "อือ" "ไม่มีใคร เก็บโทรศัพท์มาคืนนะคะ พี่เสียใจด้วยจริงๆนะน้อง" คำตอบของพี่พนักงานที่เป็นความหวังดังฟางเส้นสุดท้ายก็ขาดลง.. "ไม่เป็นไรนะมึง เดี๋ยวค่อยซื้อใหม่ก็ได้ กูมีโทรศัพท์อยู่สองเครื่อง เอาไปใช้ก่อนเครื่องนึงดิ" ไอ้เจสรีบเอาโทรศัพท์เครื่องเก่าของมันมาให้ แต่ผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธไป โทรศัพท์น่ะซื้อใหม่ได้ก็จริง แต่สิ่งที่อยู่ในนั้นมันย้อนกลับไปถ่ายใหม่ไม่ได้แล้วไง.. ทำไมกูไม่รู้จักอัพลงเฟสแล้วตั้งค่าส่วนตัวไว้วะ บางทีพระเจ้าอาจอยากให้ผมทิ้งทุกอย่างไปแล้วเริ่มต้นใหม่จริงๆสักที.. . . . ซะเมื่อไหร่ ล่ะครับ เพราะพอผมกลับถึงบ้านกำลังจะนอนพร้อมกับพี่ปูน คือผมย้ายมานอนห้องพี่ปูนชั่วคราวน่ะครับ โทรศัพท์พี่ผมก็ดังพอดี ก่อนที่พี่ปูนจะส่งมาให้บอกว่าไอ้ตงโทรมา "ว่าไงมึง โทรมามีอะไร " "โทรมาสมน้ำหน้าคนทำโทรศัพท์หาย 55555" "เชี่ยแม่ง ไม่ต้องมาซ้ำเติมเลย" "กูเปล่ามาซ้ำเติมซะหน่อย กูแค่จะมาบอกข่าวดี" "ข่าวดีอะไรอ่ะ ไอ้เด็กดิสโก้ท้องแล้วหรอ" ผมแกล้งพูดหยอก "ฟวยเถอะ ไอ้ห่าปากดีแบบนี้เดี๋ยวกูก็ไม่คืนโทรศัพท์ให้ซะนี้" "ห่ะ มึงว่าไงนะ จะคืนโทรศัพท์ให้กูหรอ มึงเก็บได้หรอวะ" ผมลุกพรวดขึ้นมานั่ง ".. ก็ไม่เชิง เพื่อนกูเจอในห้องน้ำพอดีน่ะมึง กูเห็นมันโพสประกาศหาเจ้าของ ลงเฟสบุ๊คพอดีเลยจำได้ว่าของมึง" "โหย เพื่อนมึงประเสริฐแท้ ฝากบอกด้วยว่าขอบคุณมากไว้จะเลี้ยงข้าววันหลังนะ" "เออๆ ได้" "งั้นเดี๋ยวกูวิ่งไปเอาโทรศัพท์ที่บ้านมึงตอนนี้เลยแล้วกัน" "เห้ยๆ ยังมาไม่ได้" "ทำไมอ่ะ" "คือ.... กูจะนอนแล้ว ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยมาเอาแล้วกัน" "หน้าอย่างมึงเนี้ยนะจะนอนตอนสามทุ่มครึ่ง แถมพรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์อีก โคตรมีพิรุธเลยว่ะ มึงปิดบังอะไรกูเปล่า" ผมทำน้ำเสียงจับผิดมัน "มึงนี้..รู้ทันตลอด...บอกก็ได้วะ...ไอ้ดิสโก้มันค้างบ้านกู" ไอ้ตงพูดเสียงอ้อมแอ้มเหมือนไม่อยากบอก "555 จริงดิ" ผมไม่อยากจะเชื่อ "เออดิ จะฟังเสียงมันไหมล่ะ ไอ้ดิสพูดทักไอ้ปิ๊นดิ" "เฮลโลลล เพื่อนสามี~" "สามีพ่องงง กลับที่มึงไปเลย" "แงงงง เรียกเค้ามาแล้วก็ไล่เค้าเฉย งอน! " " เออ เรื่องของมึงเหอะ... งั้นแค่นี้ก่อนนะไอ้ปิ๊นเจอกันพรุ่งนี้" ไอ้ตงพูดเสียงหงุดหงิด " แหมๆพอเมียบอกงอนแล้วรีบวางสายไปง้อเลยนะ 5555" ผมล้อมันอย่างอารมณ์ดี "ถุย กูจะไปไล่มันออกจากบ้านต่างหาก แค่นี้หละ! " " นี่พี่จะไล่คนน่ารักอย่างผมลงจริงหรออออ ว๊ากกก" เสียงร้องหลงของไอ้เด็กดิสโก้แทรกเข้ามาก่อนสายจะถูกตัดไป ผมได้แต่ยิ้มขำกับความหลงตัวเองของไอ้เด็กดิสโก้ นิสัยเหมือนไอ้คริสไม่มีผิด 5555... อีกแล้ว เผลอคิดถึงมันอีกแล้ว ถึงจะคอยบอกตัวเองว่าให้ลืมแต่ก็เหมือนว่ายิ่งย้ำให้จดจำ "ตงมันพูดอะไรหรอปิ๊น ถึงได้หัวเราะขนาดนั้น" พี่ปูนพลิกตัวตะแคงมาถาม "อ๋อ แค่ขำมันกับกิ๊กเด็กมันน่ะ ไม่มีอะไรหรอก เอ่อมันบอกว่าเพื่อนมันเก็บโทรศัพท์ปิ๊นได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเอาคืน แค่นี้แหละ" "โชคดีจังเลยที่ได้คืน นึกว่าต้องเสียเงินซื้อให้ใหม่ซะแล้ว" พี่ปูนพูดยิ้มทะเล้นให้ เดี๋ยวนี้เริ่มใกล้จะกลับคืนปกติแล้ว เริ่มพูดคุยและยิ้มมากขึ้น ไม่นิ่งเงียบซึมเหมือนข่วงแรกๆแล้ว "นั่นสิ กะว่าถ้าซื้อใหม่จะเอาไอโฟนรุ่นล่าสุดซะหน่อย หว๋าอดเลย บอกมันว่าไม่ต้องเอามาคืนดีไหมนะ" ผมทำท่าเซ็งใส่ "ถ้าน้องพี่อยากได้อะไรพี่ก็ซื้อให้ได้หมดแหละ ปิ๊นมีความสุขพี่ก็มีความสุขนะ" พี่ปูนส่งยิ้มให้ในเงามืด "ผมก็เหมือนกัน" "พรุ่งนี้กลับไปนอนห้องตัวเองได้แล้วนะ พี่บอกตั้งกี่ครั้งแรกว่าไม่ต้องมานอนเป็นเพื่อน" "ไม่เอาอ่ะ ไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวหรอก" ถึงตอนนี้พี่ปูนเริ่มจะโอเคขึ้น แต่ผมก็ไม่วางใจอยู่ดี หลายข่าวที่คนฆ่าตัวตายมักแสดงออกว่าตัวเองดีขึ้นแล้วแต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย "นี่ พี่ไม่ฆ่าตัวตายหรอกน่า ขืนพี่ตายไปมีหวังปิ๊นขายบ้านทิ้งแน่ๆกลัวผีซะขนาดนี้" รู้ทันอีกแน่ะพี่ผม "แต่ว่า.. " " พี่โอเคขึ้นแล้วจริงๆปิ่นปิ๊น พี่รู้นะว่าเราเป็นห่วง พี่ยอมรับว่าพี่เคยเสียใจมาก แต่สุดท้ายเรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว ยังไงชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไปใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นเลิกห่วงเถอะ กลับไปมีชีวิตเป็นของตัวเองได้แล้ว" "... ก็ได้" เมื่อยืนยันหนักแน่นขนาดนี้ผมก็ต้องยอมล่ะครับ "นอนเหอะพี่ง่วงแล้ว" "ฝันดีนะพี่ปูน" บางทีการเข้านอนเร็วก็เป็นวิธีนึงที่ทำให้เราผ่านพ้นคืนวันได้เร็วขึ้น
01.30 น. กลางดึกที่เงียบสงัดมีเพียงแสงไฟจากเสาไฟริมฟุตบาทส่องสว่างลงมา นานๆถึงมามีรถขับผ่านถนนไปสักคัน รถแท็กซี่คันนึงเข้ามาเทียบจอดริมฟุตบาทหน้าตึกแถว ก่อนจะมีเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าลูกครึ่งลงมาจากรถ รถแท็กซี่ขับจากไปแล้วเหลือแค่ตัวเขาที่ยืนนิ่งอยู่ใต้เสาไฟมองหน้าบ้านที่คุ้นเคยพลางนึกถึงสิ่งต่างๆที่เคยเกิดขึ้น มองย้อนขึ้นไปขวาในซอกตึกตรงนั้นสินะที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ครั้งแรกที่ได้เจอกัน.. นางฟ้าที่มาให้พร ฟุตบาทตรงใกล้ ป้ายจราจรที่เคยยืนทะเลาะกันจนลืมสนใจว่ามีคนมองเยอะมากแค่ไหน.. คิดแล้วก็นึกขำไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้น ถึงกล้ายืนทะเลาะกันได้ อาจเป็นเพราะเขาชอบมันตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นจึงอยากจะคุยต่อให้ได้ถึงจะเป็นการคุยแบบทะเลาะกันก็ตามแต่เขารู้ว่าในตอนนั้นหัวใจเขาเต้นแรงมากเมื่อได้อยู่ใกล้มัน ถ้าไม่หาข้ออ้างเรื่องกระเป๋าและเรื่องหนังสือ เขากับมันก็คงไม่ได้รู้จักกันมากขึ้น ร้านบิงซูที่เคยไปนั่งกินด้วยกันแล้วเขาก็แกล้งไม่สั่งแบบที่มันชอบ เพราะอยากเห็นหน้าตอนมันหงุดหงิด.. . มันน่ารักดี บ้านมันที่เคยเข้าไป กินข้าวใต้แสงเทียน ห้องนอนชั้นสองที่เคยนอนอยู่บนเตียงเดียว จริงๆตอนนั้นเขาร้อนมากแต่ก็กลัวว่าถ้าเปิดแอร์มันจะตัวร้อนหนักกว่าเดิม และสุดท้ายหน้าประตูบานนี้ที่เขาเดินออกมาด้วนอารมณ์โมโหแล้วก็ไม่ได้กลับเข้าไปอีกเลย.. ถ้าย้อนไปได้เขาคงจะใจเย็นและมีสติกว่านี้ คงไม่บ้าสติแตกไปชกไอ้หมอนั่นจนเหตุการณ์บานปลายถึงขั้นนั้น แต่ก็อย่างว่าคนเราจะคิดได้ว่าควรทำอย่างไรก็ต่อเมื่อเหตุการณ์มันผ่านไปแล้ว ถึงอยากจะกลับไปแก้ไขแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีเวลาแล้วในตอนนี้ "รอนานไหมวะ พอมึงโทรบอกว่าใกล้ถึงนี้กูรีบวิ่งออกมาเลยนะ" คนมาใหม่พูดเสียงหอบหลังจากที่หยุดวิ่งอยู่หน้าบ้านเพื่อนสนิท "ไม่หรอก... มาไวไปด้วยซ้ำ" หนุ่มหน้าลูกครึ่งตอบเสียงเบาหากแต่แววตาสีอัลมอลยังคงเงยหน้ามองไปยังตัวบ้านตรงหน้า "มองไปมันก็ไม่เดินออกมาหรอกมันหลับไปนานแล้ว ถ้าอยากเจอกูโทรปลุกให้เอาไหม ไอ้คริส" ตงถามคริสเตรียมจะกดโทรออก "ไม่ต้องหรอกกูแค่เอาโทรศัพท์มาคืนเฉยๆแล้วก็จะไปแล้ว พ่อกับแม่รออยู่" คริสบอกแล้วล้วงเอาโทรศัพท์ที่เขา'เก็บได้' ส่งให้ตง "มึงแน่ใจนะว่าจะไม่ให้บอกไอ้ปิ๊นว่ามึงจะไปเมืองนอก เฮ้อออ แล้วทำไมถึงได้ไปกระทันหันแบบนี้วะ มึงควรเคลียร์กันให้รู้เรื่องก่อนไปป่ะวะจะได้กลับมาเจอกันอีกทีตอนไหนก็ไม่รู้" ตงเกาผมอย่างหัวเสีย หงุดหงิดที่รู้ทุกอย่างแต่ทำอะไรไม่ได้เลย "มันเป็นเรื่องในครอบครัวน่ะ กูเองก็ไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน... " "เออๆ งั้นกูจะไม่ก้าวก่ายล่ะกัน แล้วบินไปตอนไหนวะ" "ตอนตี 5 แต่ก็ต้องไปถึงสนามบินก่อนเวลา 2 ชั่วโมง เดี๋ยวกูก็คงนั่งแท็กซี่ไปเลย" "อืม งั้นลาตรงนี้เลยนะเว้ย เดินทางปลอดภัยนะมึง หวังว่าคงได้เจอกันอีกนะไอ้คริส" ตงตบไหล่คริสเบาๆ "ขอบใจเว้ยไอ้ตง" "แท็กซี่มาพอดีเลย กูเรียกให้" ตงเดินไปยื่นมือโบกเรียกแท็กซี่ที่ขึ้นป้ายว่างให้พอรถจอดรับก็จัดการบอกสถานที่จุดหมายและเปิดประตูรถให้ พอรู้ว่าจะไม่ได้เจอไอ้คริสอีกนาน... หรืออาจจะไม่ได้เจออีกเลย ก็อยากจะทำดีกับมันให้มากๆเป็นการส่งท้าย "ขอบใจนะมึง อีกเรื่อง... ช่วยดูแลไอ้ปิ๊นมันด้วยนะ ถ้ามีใครมาชอบมันมึงก็ช่วยแสกนคนที่ไม่ดีออกไปด้วยนะเว้ย มันยิ่งโง่ๆอยู่" คริสแค่นยิ้มขำแล้วเข้าไปนั่งในตัวรถ "ไม่ต้องห่วง กูรับปากว่าจะดูแลมัน อีกอย่าง... มันฝากบอกถึงคนที่เก็บโทรศัพท์มันมาคืนได้ว่ามันจะเลี้ยงข้าว ถ้ามึงอยากให้มันเลี้ยงข้าวก็กลับมาไวๆนะ" ตงส่งยิ้มให้ก่อนจะปิดประตูรถแท็กซี่ แล้วยืนโบกมือลา ก่อนจะเดินกลับเข้าซอยบ้านตัวเองไป รถแท็กซี่เคลื่อนออกห่างจากตัวบ้านไปไกลเรื่อยๆ คริสเอี่ยวตัวหันมองบ้านจากกระจกหลังรถจนรถเลี้ยวไปอีกทางและมองไม่เห็นอีกต่อไป เขาถอนหายใจเอนพิงกายไปกับพนักพิงเบาะหลัง นี้อาจไม่ใช่ความรักครั้งแรกหรือความรักที่ดีนัก มันอาจเป็นเพียงความรักของเด็กวัยรุ่นสองคนที่มันไม่สามารถพากันไปได้ตลอดรอดฝั่ง ถึงแม้จะถึงตอนจบแต่เรื่องราวระหว่างทางมันมีความหมายกับเขาเสมอ ถึงตอนนี้ความรู้สึกของพวกเราอาจเปลี่ยนไปแต่เขามั่นใจว่าปิ๊นไม่เกลียดเขา เหมือนที่ตัวเขาเองก็ยังรู้สึกดีกับมันอยู่ ถึงเขาไม่เข้าใจว่าทำไมปิ๊นถึงไม่มาตามนัดในจดหมาย ยังโกรธเขาอยู่หรือเพราะเหตุอะไร แต่ในตอนนี้มันคงไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ตัวเขาต้องย้ายตามครอบครัวไปเมืองนอกแบบกระทันหัน ไม่มีเวลาไปตามหาเหตุผลอีกแล้ว เพราะถึงรู้ไปเขาก็ต้องจากปิ๊นไปไกลอยู่ดี สิ่งที่เขาทำได้คือการบันทึกความทรงจำดีๆและความรู้สึกเหล่านั้นเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจแค่นั้นเอง "ปิ๊น ตงเอาโทรศัพท์มาคืนให้แต่เช้าแหน่ะ พี่เอาวางไว้ที่โซฟา" พี่ปูนบอกเมื่อเห็นผมเดินลงมา เพราะพี่ปูนกลับมาทำอาหารแล้วผมเลยตื่นสายนิดหน่อย "อ้าวหรอ ว่าจะไปบ้านมันอยู่แล้วเชียว" "ยังไงก็มากินข้าวเช้าก่อนแล้วกัน พี่รอกินพร้อมเรานะ หิวจะแย่แล้ว" พี่ปูนบ่นในมือถือช้อนส้อมพร้อมทานมาก คงหิวจริงๆ "คร้าบๆ" หลังจากกินข้าวและล้างจานเสร็จผมก็ขึ้นมาเข้าห้องนอนผม เพราะคิดว่าจะทบทวนเรื่องที่ไปติวมาเมื่อวานน่ะครับ ผมเปิดเพลงในโทรศัพท์ที่เพิ่งได้คืนมาแล้วใส่หูฟังขณะทำโจทย์ไปด้วย จะได้ไม่เงียบเกินไป ผมไม่ค่อยชอบความเงียบเท่าไหร่ มันวังเวง น่ากลัว "โจทย์ข้อนี้มันเนื้อหาของม.5 นี่หว่า หนังสือเคมี.5 อยู่ไหนวะ" ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะไล่หาหนังสือไปตามชั้นที่เก็บหนังสือเรียนไว้ ไม่นานก็หาเจอหยิบกลับมานั่งไล่เปิดหนังสือหาบทที่เกี่ยวกับโจทย์จนไปเจอกับซองจดหมายที่เคยสอดเก็บไว้แล้วก็ไม่ได้เปิดอ่านเลย ลืมไปสนิท 'คริส' ผมหยิบซองจดหมายที่ปิดผนึกไว้อย่างดีขึ้นมาดูอีกครั้ง ชั่งใจว่าควรเปิดอ่านมันดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเก็บมันเอาไปไว้ในลิ้นชักแทน บางอย่างถ้าไม่รู้คงจะดีกว่าในเมื่อต่างคนก็ต่างไปแล้ว... ผมกลับมาตั้งใจทำโจทย์ต่อเพราะรู้สึกว่าสมองผมเริ่มจะฟุ้งซ่านถึงใครบางคนอีกแล้ว "ฮัลโหล เทสๆ อัดยังวะ " เสียงไอ้คริสดังขึ้นมา นี่ผมฟุ่งซ่านถึงขนาดได้ยินเสียงมันเลยหรอวะ " อ้าวเริ่มอัดแล้วนี่ หวัดดีนางฟ้านี่กูเอง คริส.. " ผมเริ่มเข้าใจว่าเสียงที่ได้ยินมันมาจากโทรศัพท์ที่ถูกอัดเสียงไว้ มือที่จับปากกาไว้ถูกวางลงแล้วนั่งทิ้งตัวพิงเก้าอี้ตั้งใจฟังเสียงที่พูดออกมา "เรื่องวันนั้นขอโทษนะที่ก่อเรื่องที่บ้านมึง กูผิดเองแหละที่ใจร้อน ขอโทษจริงๆ อย่าโกรธกูเลย" กูลืมเรื่องวันนั้นไปหมดแล้วไม่ได้โกรธสักหน่อย "อีกอย่างกูขอโทษนะที่มาวุ่นวายกับโทรศัพท์มึง.... กูดีใจมากนะที่มึงยังไม่ลบรูปเราทิ้ง เห็นแอบถ่ายกูด้วยนิกูหล่อมากใช่ไหมล่ะถึงต้องถ่ายเก็บไว้ ฮะๆ" เขาหลุดยิ้มเพราะหมั่นไส้ประโยคที่หลงตัวเองของไอ้คริส ไอร้อนขึ้นที่หน้าเล็กน้อยเมื่อลับถูกเปิดเผย ใช่แล้ว ผมยังเก็บรูปมันไว้อยู่ เคยคิดจะลบทิ้งให้หมด แต่ก็ทำไม่ได้เลยเลือกที่จะเก็บไว้แต่ไม่เปิดดู... "ขอบคุณนะที่ไม่ได้เกลียดกู กูมีบางอย่างที่อยากทำให้ก่อนที่ต้องไปเมืองนอกน่ะ" เมืองนอกงั้นหรอ ไปทำไม ไปเที่ยวหรือไงนะ "ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กลับมาไทยอีกไหม ไม่รู้ว่าจะได้เจอหน้ามึงอีกหรือเปล่า กูไม่รู้อนาคตจริงๆว่ะ กูเลยอยากบันทึกเรื่องราวของเราสองคนไว้เป็นความทรงจำ ถ้ามึงไม่ชอบหรือรู้สึกแย่ที่ได้ฟังมึงลบทิ้งได้นะ แต่ก็อยากขอให้ฟังสิ่งที่กูจะบอกสักครั้ง ตั้งใจฟังนะปิ๊น" ผมรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวเมื่อมันบอกว่าอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก มันรู้สึกใจหาย เสียงไอ้คริสหายไปได้ยินแต่เสียงครุกครักสักเดี๋ยวเดียว ก่อนที่จะมีเสียงของกีต้าร์ดีดเป็นทำนองเพลงช้าๆส่งผ่านมา "เธอคงพอรู้ ในสิ่งเหล่านี้ โดยไม่มีถ้อยคำบอกไว้ เธอคงพอรู้ จากทุกความเป็นไป ในวันที่สองเราใกล้กัน มันดีดกีต้าร์และร้องเพลงเหมือนตอนที่เคยร้องเพลงให้ผมฟังที่หลังโรงเรียน ต่างกันที่เนื้อร้องและความรู้สึกเท่านั้น.. แม้ในวันนั้น ยั่งยืนเพียงฝัน เป็นแค่เพียงเมื่อวานผ่านไป เธอคงพอรู้ไม่ว่านานเพียงใด ไม่นานเกินไปให้ใจฉันจำ จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เมื่อครั้งมีเธอ และฉันรู้สึกครั้งนี้ยังไง ให้เป็นความคิดถึง แม้นานเท่าไหร่ เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ เสียงสั่นๆปนเสียงสูดหายใจแรง ผมไม่รู้ว่าไอ้คริสร้องไห้หรือเปล่า... แต่ผมน่ะน้ำตาไหลแล้ว จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เพราะฉันไม่อาจ ฝืนย้อนคืนวัน ให้หวนได้ใหม่ ทำได้เพียงคิดถึง นับจากนี้ไป เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ จะเก็บมันเอาไว้ จะเก็บมันเอาไว้ในใจ เมื่อครั้งมีเธอ และฉันรู้สึกครั้งนี้ยังไง ให้เป็นความคิดถึง แม้นานเท่าไหร่ เธอจะอยู่ในใจ เป็นเรื่องจริงในความทรงจำ จะเก็บมันเอาไว้ จะเก็บมันเอาไว้ "รักมึงนะ.. นางฟ้า" จบบริบูรณ์
บวกเป็ด :mc4: :pig4: :pig4: :pig4:
:pig4: :pig4: :pig4:
:mew4: :mew4: :mew4:
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีค่ะ :mew1:
จบแล้วจริงๆรึ ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
รักครั้งแรกครั้งนี้จะอยู่เป็นรักเดียวที่ฝังใจไหม... ต่อภาคสองเถอะนะ จากภาคเด็กผู้ชายกางเกงขาสั้น ต่อด้วยภาคชายหนุ่มกางเกงขายาว อยากเห็นมุมที่น้องปิ่นปิ๊นโตขึ้น กล้ายอมรับใจตัวเองมากขึ้น อยากเป็นกำลังใจให้พี่ปูนปู๋นเดินไปข้างหน้า อยากให้คู่ของตงสดใส ซาบซ่าส์ น่ารักน่าหยิก วางพล๊อตจบแค่นี้มันค้างนะ...please :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :z10: :z10: :z10: :z10: :z10: .... .
อยากให้มีภาค 2 แต่ให้จบแบบแฮปปี้ทั้งพี่ทั้งน้องนะคะ จบแบบนี้ค้างมากกก ไม่อ่านจะยังดีกว่าถ้าจบแบบนี้ หรือแต่งตอนพิิิเศษก้อได้ ให้จบดีๆหน่อยค่ะ สงสารทั้งพี่ทั้งน้องทั้งพระเอกเลย
ขอบคุณทุกคอมเม้นบอกฟีดแบคหลังอ่านจบมากน้า :pig4: รู้สึกจะเป็นตอนที่มีเม้นบอกฟีดแบคเยอะสุด 555 ดีใจที่ทุกคนอยากอ่านเรื่องของตัวละครต่อนะคะ อ่านแล้วมันก็รู้สึกฮึกเฮิมอยากแต่งต่อเหมือนกันค่ะ แต่ก็ต้องขอเก็บไว้พิจารณาก่อน เพราะเคยบอกไว้ว่าถ้าแต่งเรื่อง #ปิ๊นคริส จบ จะไปต่อ #กานต์ขม ความรักทำให้ตาสว่าง ให้จบด้วย (เพิ่งได้5ตอนเอง แหะๆ) แล้วก็ต้องยอมรับว่านิยายเรายังไม่ดีหรือโดนใจคนส่วนใหญ่เท่าไหร่ การจะแต่งภาค2 แล้วไม่มีใครอ่านหรือเม้นบอกฟีดแบค ติหรือชมสักอย่างเลยเหมือนเรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่ทำให้ไรต์สงสัยในผลงานตัวเองน่ะค่ะ ว่ามันแย่หรือมันยังไงเลยไม่มีไฟในการแต่งต่อบวกกับชีวิตยุ่งๆด้วยถึงได้หายไปนานมากขนาดนี้ แล้วมาต่อจนจบได้ เลยยังไม่มั่นใจว่าจะกล้าแต่งภาค 2 ต่อหรือเปล่า (แต่พอเห็นว่าอยากอ่านภาค2ต่อ ใจก็ชักเอนเอียงแล้วค่ะ 5555) ส่วนที่หลายๆคนรู้สึกค้าง เราก็รู้สึกค้างเหมือนกันค่ะ มันหน่วงๆเนอะ แต่เราก็อยากให้จบแบบนี้ คือเรามองในมุมของเด็กผู้ชายอายุแค่ 17-18 การตัดสินใจทำอะไรคงต้องมีที่ตัดสินใจผิดพลาดไปบ้าง แต่ปิ่นปิ๊นจะได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากเหตุการณ์นี้แน่นอน แล้วอีกอย่างความรักของเด็กนักเรียน มันไม่ใช่ทุกคู่จริงๆที่จะไปกันรอดด้วยปัจจัยอะไรหลายๆอย่างเนอะ (นานๆจะมีนิยายที่พระนายไม่สมหวังน้า อย่าเคืองเลย) เอาเป็นว่าสำหรับภาค 2 ให้เป็นเรื่องของอนาคตเนอะ ส่วนใครที่รอตอนพิเศษ เราจะจัดให้ค่ะน่าจะมาช่วงปีใหม่ สุดท้ายขอขายของนิดด ถ้าใครชอบนิยายแนวหน่วงๆเทาๆ ลองไปอ่านนิยาย My Sunshine ความรักทำให้ตาสว่าง ผลงานอีกเรื่องนึงของเราได้นะคะ เป็นเรื่องของ ชายหนุ่มที่ต้องตาบอดเพราะอุบัติเหตุกับเด็กหนุ่มที่ร่างกายไม่แข็งแรงมาตั้งแต่เกิด คนหม่นๆสองคนมาเจอกันมันจะเป็นยังไงน้า ^^ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60846.0
อ่า....เราจำเรื่องนี้ได้ แต่ตอนนั้นยังไม่จบ พอได้อ่านตอนจบแล้วแบบ....เหนื่อยจะร้องไห้ ไม่ชอบแบบนี้เลยแต่ก็ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ ไม่อยากให้จบแบบนี้เลยอ่ะ แต่เข้าใจนะ มันต้องมีสมหวังและผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา แต่เผอิญว่าเราเจอแต่รักที่ไม่สมหวังไง คราวนี้เลยอินหนักเลย ร้องไห้หนักมาก จะมีภาคสองชิมิล่ะ รอติดตามน้า
เฮ้ยๆๆๆๆๆๆ :serius2: ไหนว่าแนวความรักใสๆ :hao5: เริ่มเรื่องได้ฮามาก ทำไมจบเศร้า :o12: ถ้าไม่มีภาค2เราจะผิดหวังมากนะ :sad4:
:pig4: :pig4: :pig4:
เห็นคำว่า จบบริบูรณ์ แล้วแบบ :angry2: แอบบนี้มันทรมารจิตใจกันเกินไปแล้ววว :ling1:
ไม่มีภาค 2 หรอ แบบว่า อยากให้แฮปปี้ :mew1:
ง่า จบแบบนี้เลยเหรอ แต่จบแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะยังไมโตพอจะรับผิดชอบอะไร อย่างน้อยๆก็ไม่ได้เกลียดกัน อาจมีสักวันที่จะได้กลับมาเจอกันอีก
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทุกๆคน :mc4: ไรท์ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดปีใหม่นี้นะคะ สมหวังทุกเรื่องน้า ขอให้คนโสดมีแฟนดี ส่วนใครที่มีคู่อยู่แล้วก็ขอให้รักกันไปนานๆนะคะ LOVE LOVE วันนี้มาตามสัญญาเนอะ สั้นๆตอนรับปีใหม่ค่ะ :mew1: วันปีใหม่ บ้านปิ่นปิ๊น วันปีใหม่แบบนี้ผู้คนต่างพากันกลับบ้านเกิดหรือไม่ก็ไปเที่ยวต่างจังหวัด ผมเองก็กลับมาที่บ้านเช่นกัน บ้านที่เป็นตึกแถวที่พี่ปูนเพิ่งจะทาสีทับไปใหม่ให้สวยงามน่ามองยิ่งขึ้น สีเหลืองอ่อนดูทั้งสดใสและอบอุ่นในคราวเดียวกัน เห็นแล้วก็อยากย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านนี้ แต่ด้วยหน้าที่การงานทำให้ผมต้องไปเช่าคอนโดใกล้ๆที่ทำงานแทน สงสัยกันล่ะสิว่าคนหวงห่วงพี่ชายอย่างผมทำไมถึงได้ยอมออกจากบ้านไปได้ เหตุผลก็เพราะว่า พี่ปูนมีคนดูแลที่ดีมากๆแล้วน่ะสิครับ ^^ ให้ทายว่าใคร ติ้กติอก ติ้กต้อก ติ้กต้อก เฉลยยยยยยยย พี่เสือครับ 555555 จริงๆ พี่เสือก็ชอบๆพี่ปูนเขามานานแล้วล่ะครับ แต่ไม่กล้าจีบ แล้วพอช่วงนั้นที่พี่ปูนโดนเท พี่เสือเองก็ดูแลพี่ปูนเช่นกัน แบบหาหนังสือดีๆมาให้อ่าน พาไปเที่ยวให้คลายทุกข์คลายเศร้าบ้าง แล้วมาเริ่มรุกจีบจริงจังก็ตอนพี่ปูนเรียนจบนี่แหละครับ พี่เสือเป็นคนประเภทไม่ใช่จีบแบบโต้งๆ แต่พี่เขาใช้การจีบแบบขอดูแล เทคแคร์ มีปัญหาอะไรพี่เสือก็เข้ามาช่วยจัดการ คอยรับฟังพี่ปูนตลอด ทำให้พี่ปูนยิ้มหัวเราะมีความสุขได้น่ะครับ เหมือนน้ำรดลงหินทุกวันมันยังกร่อน หัวใจพี่ปูนที่เคยปิดตายก็เปิดรับคนใหม่เข้ามาอีกครั้ง ผมเองก็โอเคมากที่เป็นพี่เสือ เพราะผมสนิทกับพี่เขาไงรู้ว่าพี่เขาเป็นคนดีขนาดไหน แถมคู่นี้เขาเปิดตัวคุยกับผู้ใหญ่แล้วนะครับท่านผู้ชม ^^ ตอนแรกผมกังวลแทนพวกเขามาก กลัวแทนไปทุกอย่าง กลัวพ่อแม่ไม่ยอมรับ กลัวบ้านแตก กลัวพี่ปูนต้องเสียใจอีก กลัวยิ่งกว่าคู่พี่ผมอีก ฮ่าๆๆ แต่สุดท้ายพี่ปูนก็โทรตามพ่อกับแม่ที่อยู่กันคนละทิศ คนละทางมาที่บ้าน เพราะต้องการบอกเรื่องสำคัญ แล้วพอทั้งคู่บอกกับพ่อและแม่ว่าคบกัน พี่เสือก็พูดอย่างลูกผู้ชายว่าเขารักพี่ปูน อยากดูแลไปตลอด พี่ปูนเองก็บอกว่าเขาเชื่อใจพี่เสือว่าจะไม่ทำให้เขาเสียใจแน่ๆ ขอให้พ่อกับแม่เข้าใจและอยากให้อวยพรกับความรักครั้งนี้ พ่อกับแม่นิ่งไปพักใหญ่ ผมนั่งลุ้นจนเยี่ยวเหนียวเลยล่ะ มันแบบไม่กล้าลุกกลัวลุกไปห้องน้ำแล้วพลาดช๊อตสำคัญไปแบบนี้อ่ะครับ (ขี้เสือกว่างั้น) จนสุดท้ายแม่ก็เรียกพี่ปูนเข้ามากอดแล้วก็บอกว่า “แม่อยู่ข้างลูกเสมอ ปูน” มันเป็นประโยคสั้นๆแต่กลับมีพลังมหาศาล ถึงขนาดทำให้พี่ปูนแล้วก็ผมน้ำตาคลอได้ รู้สึกดีใจไปกับพี่ปูนด้วยที่แม่ยอมรับ ส่วนพ่อนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรครับ เดินไปชงไมโลกินซะงั้น ตอนแรกพวกเราก็งงๆ เพราะไม่รู้ว่าพ่อยังไง ยอมรับ หรือ ไม่ยอมรับ แต่แม่ก็บอกว่าให้เวลาพ่อเขาหน่อย แล้วพี่เสือกับพี่ปูนก็ต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยว่าจริงจังกับความรักครั้งนี้มากแค่ไหน และแน่นอนว่าความรักชนะทุกสิ่ง พี่เสือดูแลและรักพี่ปูนตามคำมั่นที่ให้แถมยังรู้จักเอาอกเอาใจผู้ใหญ่ เพียงแค่สองปี พ่อผมก็เรียกพี่เสือว่าไอ้ลูกเขยแล้วละครับ ฮ่าๆๆ และจากเหตุการณ์นี้ ผมก็ได้เรียนรู้ว่า ‘อย่ากลัวอะไรจนเกินไป’ เพราะบางทีมันอาจจะไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น... และเพราะความขี้กลัวของผม ที่ทำให้ต้องเสียสิ่งสำคัญไป อย่างไม่รู้ว่าจะได้กลับคืนมาอีกไหม ผมไขกุญแจเข้ามาในบ้านเพราะพี่ปูนกับพี่เสือไปห้างเพื่อซื้อของมาทำอาหารกินฉลองปีใหม่ในตอนเย็น เข้ามาในบ้านที่ไม่ได้กลับมานานก็มีอะไรแปลกตาไปนิดหน่อยแต่ก็ดูมีชีวิตชีวาดี อาจเพราะพี่เสือย้ายเข้ามาอยู่ด้วย บ้านก็เลยมีทีมฟุตบอลและเหรียญรางวัลต่างๆของพี่เสือมาตกแต่งเพิ่ม เปิดตู้เย็นดื่มน้ำจนชื่นใจผมก็จัดการแบกกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นไปบนห้องนอน แขวนเสื้อผ้าใส่ในตู้เสร็จจก็กระโดดขึ้นนอนเล่นโทรศัพท์บนเตียงสบายใจเฉิบ เพราะพี่ปูนคงซักที่นอนให้ใหม่หอมมากๆเลยครับ เข้าเฟสบุ๊คไปก็เห็นคนโพสบอกลาปีเก่าเตรียมต้อนรับปีใหม่ บางคนก็เช็คอินว่าอยยู่ที่ไหน เตรียมรอเคาดาวน์กันทั้งตามห้างและแหล่งท่องเที่ยว ไอ้ตงเองก็ไปเคาดาวน์กับไอ้ดิสโก้ที่ปารีสนู่นนนครับ โพสภาพพร้อมกับสเตตัสน่าขำ จะผ่านไปกี่ปีๆ กูก็ขอแค่มีมึงอยู่ข้างๆกันก็พอ รักนะครับ คนน่ารัก//โพสภาพจูบเหม่งไอ้ดิสโก้ตรงระเบียงโรงแรม วิวหอไอเฟล เป็นไงล่ะครับ หวานจนน้ำตาลจืดเลยใช่ไหมล่ะ เหอๆ นึกถึงตอนนั้นที่ยังอยู่ม.ปลาย มันบอกเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่เอาไอ้ดิสโก้ทำแฟนแน่นอน ถ้าจะเป็นแฟนก็คงแค่เอาไว้คั่นเวลา แล้วดูตอนนี้สิครับ คนหลงเมีย ฉิบหายฮ่าๆๆ แต่ก็นะกว่าจะมาถึงจุดนี้พวกมันทั้งคู่ผ่านอะไรมาเยอะมากจริงๆครับ ครบทุกรสชาติเลยก็ว่าได้ ส่วนไอ้เจส ตอนนี้มันไม่ได้คบกับมิ้งแล้วนะครับ เลิกกันตั้งแต่เข้ามหาลัยปี 1 เหตุผลก็เพราะรักแท้แพ้ระยะทางครับ มิ้งไปเรียนต่อที่ภาคเหนือ ไอ้เจสมันเรียนที่กรุงเทพมหาลัยเดียวกันกับผม คือจริงๆมันก็เลือกที่ภาคเหนือเหมือนมิ้งแหละครับแต่ไม่ติดเลยได้มาเรียนกับผมแทน แล้วก็ที่รู้ๆกันปี 1 กิจกรรมเยอะจะตายก็ไม่มีเวลาให้กัน อีกอย่างพอขึ้นมหาลัยก็ต่างได้พบเจอผู้คนมากขึ้น อะไรๆมันก็เลยเปลี่ยนไปรวมถึงความรู้สึกของทั้งสองคนเช่นกัน ก็เลิกไปตามระเบียบ ตอนนี้ไอ้เจสก็เหมือนมีคนคุยไปเรื่อยๆอ่ะครับ ส่วนไอ้ปอ ตอนนี้เป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงมากครับ พอมันเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ก็เข้ามาช่วยงานพ่อมันที่บริษัททันที แถมทำได้ดีมากซะด้วยผลกำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 16% เลยทีเดียวครับ กลายเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดไปเลย และแน่นอนว่าความสำเร็จก็ย่อมแลกมาด้วยการไร้คู่เคียงข้าง เพราะมันเอาเวลาไปทุ่มกับงานหมดจริงๆ ตอนนี้ก็เลยโสดให้สาวๆมองด้วยความพร่ำเพ้อไปครับ ตอนนี้มันเองก็ยังคงทำงานรอเวลาเคาดาวน์กับกองแฟ้มเอกสารมันนั่นแหละ! ผมได้แต่เลื่อนเฟสบุ๊คไปมาจนไม่มีอะไรจะดูแล้ว นั่งมองจอไปเฉยๆก็ตัดสินใจกดตรงช่องค้นหา เพียงแค่กดไปก็เด้งรายชื่อผู้ที่ผมเคยค้นหาขึ้นมาทันที และชื่อแรกที่ขึ้นมาก็คือ Kris ใช่ครับ มันเป็นชื่อที่ผมกดเข้าไปดูบ่อยๆ ถึงแม้จะรู้ว่าต้องเข้าไปพบกับ ความว่างเปล่า คริสมันไม่ได้อัพเดทสถานะหรือรูปภาพอะไรเลยสักอย่างตั้งแต่ไปเมืองนอก มัน.....หายไปเลย หลังจากวันที่รู้ว่ามันต้องไปเมืองนอกกระทันหัน ผมที่ตอนแรกคิดว่าจะทำใจได้กลับยิ่งนอยด์ขึ้นกว่าเดิม เคยไหมครับที่คิดว่า สิ่งที่เราตัดสินใจนะดีแล้ว ทั้งที่จริงมันไม่ใช่เลย ถ้าตอนนั้นผมรู้ว่ามันจะไม่อยู่ไทยอีกต่อไป ผมคงพูดกับมันให้มากกว่านี้ ไปกินข้าวส่งท้ายสักมื้อ หรืออย่างน้อยก็มีคำบอกลากันหน่อยก็ยังดี... แต่ก็นะผมไม่รู้อนาคตนี่ครับ ได้แต่พึงระลึกว่า ถ้ามีโอกาสอีกครั้งผมจะรักษาเอาไว้ให้ดี ส่วนสาเหตุที่ไอ้คริสต้องไปกระทันหัน ผมมารู้ตอนที่ไอ้ตงมันเล่าให้ฟัง ว่าพ่อไอ้คริสไปเซนต์ค้ำประกันให้เพื่อนแล้วเพื่อนหนีหนี้ให้พ่อคริสใช้แทน 200 ล้าน จากครอบครัวที่ก็ถือว่าร่ำรวยกว่ามนุษย์ทำงานกลายเป็นบุคคลล้มละลายทันที เลยกลายเป็นต้องย้ายครอบครัวหนีเจ้าหนี้ไปเมืองนอกแทน แล้วที่เจ็บสุดคือ “ มึงรู้ไหมไอ้ปิ๊น จริงๆวันที่ไปติว ตรงกับวันที่มันจองตั๋วเครื่องบินไว้ แต่มันขอเลื่อนเวลาออกไปเพื่อไปเจอมึงครั้งสุดท้าย มันคงชอบมึงมากจริงๆ” หลังจากรู้สาเหตุ ผมแม่งนอนน้ำตาไหลไป 3 ชั่วโมง ได้แต่ก่นด่าโทษความคิดโง่ๆของตัวเอง อยากขอโทษมันเป็นพันครั้งที่ต้องมาเจอแฟนโง่ๆแบบผม หลังจากนั้นผมรอเวลาที่มันจะออนเฟสบุ๊ก จะเป็นฝ่ายหน้าด้านขอคืนดีเองด้วย และตั้งแต่จากวันจนถึงวันนี้เวลาผ่านไปนาน 5 ปีแล้ว คริสก็ไม่เคยเล่นเฟสบุ๊ก ไลน์ หรืออินสตราแกรมอีกเลย การที่เราคิดถึงใครคนนึงทุกวันมาตลอด 5 ปี ความรู้สึกแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรหรือครับ
กลับมาที่ปัจจุบัน ผมนั่งช่วยพี่ปูนเสียบบาร์บีคิว ส่วนพี่เสือผสมเครื่องดื่มวันนี้ขอเมาหนึ่งคืนครับ พี่ปูนอนุญาต ฮ่าๆๆๆ ครืดดด ครืดดด “โหล ว่าไงไอ้เจส” /ปิ๊น คืนนี้มึงเคาท์ดาวน์ไหนวะ/ “บ้านกูอ่ะดิ มึงมาป่าวของกินเพียบ กระดูกก็เยอะพอให้มึงแทะเล่น” /ห่า กูไม่ใช่แมว!/ “ฮ่าๆๆ แล้วตกลงจะมาป่ะ” /เออๆ กูจะไปแล้วกัน รอกูแป๊บนะ เดี๋ยวกูเตรียมของไปสวัสดีปีใหม่ด้วย ไวน์แพงๆสักขวดเป็นไง/ “ดีมากไอ้เพื่อนยาก รีบมาให้ไวๆ” วางสายเสร็จก็เตรียมอาหารกันต่อจนเสร็จ “ปีใหม่นี้ปิ่นปิ๊นอยากได้อะไรเป็นของขวัญหรือเปล่า” พี่ปูนปู๊นถามผมขณะที่กำลังเอาบาร์บีคิวปิ้งบนเตาย่างไฟฟ้า “โห ปูนปู๊น โตจนปานนี้แล้วไม่อยากได้อะไรแล้วล่ะ” “จริงอ่ะ ไม่อยากได้อะไรเลยจริงๆหรอ” จริงๆก็อยากได้ล่ะครับ แต่ขอพรมาตั้งหลายปีทั้งซานต้าครอส ทั้งพรปีใหม่ก็ไม่เห็นสมหวังสักทีเลยเลิกหวังไปแล้ว “อืม ไม่อยากได้อะไรแล้ว” มองนาฬิกาตอนนี้ก็สองทุ่มแล้วครับ ไอ้เจสยังไม่โผล่มาแม้แต่เงาทั้งที่กรุงเทพรถโล่งขนาดนี้ พอจะกดโทรตามมันก็มีเสียงกดออดที่หน้าบ้านพอดี เดินไปดูจอก็เห็นไอ้เจสยืนยิ้มกวนเล่นกับกล้องหน้าบ้านเป็นเด็กสี่ขวบ “ทำไมมาช้าจังวะ ไอ้ห่าเจส กูกินจะหมดแล้วเนี่ย” ผมแกล้งพูดไป “พอดีเครื่องบินมันดีเลย์ว่ะ นี้กูก็รีบเหยียบมิดมาสุดๆแล้วนะ” “ห่ะ เครื่องบินดีเลย์แล้วเกี่ยวอะไรกับมาช้าวะ ถ้าบอกว่าพูดให้หมางงเล่นกูจะถีบมึงจริงๆ” ผมดักทางมุขควายของมันไว้ก่อน เพราะโดนมาเยอะ เจ็บมาเย๊อะ อีหรอบนี้ “ถ้ากูตอบรับรองมึงไม่ถีบกูหรอก อาจจะเข้ามากราบตีนกูด้วยซ้ำ หึหึ” “ทำไมวะ?” “ก็...กูไปเอาของขวัญปีใหม่มาส่งให้มึงไง” ไอ้เจสยิ้มมุมปากหล่อๆมาให้ ผมก็เลิกคิ้วงง “อย่าบอกนะว่ามึงลงทุนสั่งไวน์จากต่างประเทศมา!” “เออใช่ ถุย! ไม่ต้องเดาล่ะโง่อย่างมึงชาตินี้ก็ทายไม่ถูก มึงมาเฉลยมันได้ล่ะ” ไอ้เจสทำหน้าหงุดหงิดแล้วหันหน้าไปทางทางเดินเข้าซอยที่ติดบ้านผม ก่อนที่จะมีขายาวๆในกางเกงสแลคสีดำก้าวมาจากหลังกำแพงบ้าน บุรุษร่างสูงหุ่นดีเหมือนนายแบบในนิตยสาร แม้จะอยู่ในชุดทำงานเสื้อเชิร์ตสีน้ำเงินพับแขน และเนคไทน์ที่คลายออกมาก็ไม่ทำให้ความดูดีลดลงไปเลย ผมไล่มองตั้งแต่เท้าขึ้นมาจนถึงใบหน้านั้นที่กำลังส่งยิ้มมาให้ผม ใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งที่ตอนนี้หล่อเข้มกว่าเดิมโข แต่กระนั้นผมก็ยังมองเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มคนเดิมซ้อนอยู่ด้วยไอ้คริส “แฮปปี้นิวเยียร์นะนางฟ้า กูกลับมาหามึงแล้วนะครับ”
ปีใหม่นี้ขอให้ทุกคนเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ ดีๆ ได้ตามที่ตั้งเป้าหมายนะคะ ไรท์เองปีนี้ก็มีเป้าหมายเหมือนกันว่าจะเก็บเงินและขยันทำงานให้มากขึ้น o13 ปีใหม่นี้ใครไปเคาท์ดาวน์ที่ไหนกันมาบ้าง ส่วนไรท์หลับข้ามปีค่ะ ฮ่าๆๆๆ สุดท้ายก็ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดไปตลอดไปนะคะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษมาก ไม่งั้นคงเศร้ากว่านี้อีก
จบแล้ว ยังดีที่มีตอนพิเศษ ไม่งั้นเศร้าแน่นอนเลย แสดงว่าที่คริสมีรอยตลอดๆ เพราะหนีเจ้าหนี้ว่างั้น เลิกกันไปเพราะคนละเหตุผล ยังดีกว่าเลิกแบบพี่เอก อยากอ่านต่อจังเลยค่ะ ไม่ต้องขนาดภาค2ก็ได้ เป็นตอนพิเศษเพิ่มก็ได้นะคะ
เพ่งได้อ่านรวดเดียวจบก็ตอนนี้(ดองไว้บทที่8-9 ฮืออ---) ที่อ่านเรื่องนี้เพราะว่าอ่านแล้วใสๆไม่มีดราม่า(เป็นคนไม่ค่อยชอบอะไรหน่วงๆเดี๋ยวคดมากแทน 555)พระนายเด๋อกันกากกันทั้งคู่ พออ่านมาเรื่อยๆแบบหน่วงมากด่งมากแต่ใกล้จะจบแล้วมาหยุดอ่านเพราะเข้าดราม่าก็ไม่ใช่ก็อ่านต่อค่ะ จนมาตอนจบอ่ะอ่านไปก็หวังจะให้แฮปปี้เอนด้งแต่มันก็จบแล้วจบเลยที่เหลือก็เป็นเวลาของอนาคตที่จะทำให้สองคนนี้มาเจอกันอ่านไปร้องไห้ไป :impress3: ก็เหมือนที่พี่คนแต่งบอกแหละนยายรักบางเรื่องก็มีสมหวังมั่งไม่สมหวังมั่งแล้วแต่ตลค.จะสื่อให้ออกมาเป็นรูปแบบไหน(?) แต่พอคนแต่งกลับมาอัพวันปีใหม่อ่านจบก็นี่คือแฮปปี้เอนด้งที่สุดล่ะ ไม่ปล่อยให้คนอ่านคดมาก รักและขอบคุณคนแต่งมากค่ะ :pig4: :กอด1: //ส่วนเรื่องที่คนแต่งแต่งอยู่นั้นก็ต้องทำใจก่อนอ่านค่ะเพราะไปอ่านแวบๆแค่บทนำแรกๆก็หน่วงใจล่ะค่ะ ฮืออออ :sad4:
:mew1: :mew1:
:pig4: :pig4: :pig4: