ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
۞
จั บ รั ก ❤︎
BY:: PIPIM_SCHT
ʕ•ᴥ•ʔ กรด (...)
เพราะอะไร ผมถึงมาเจอกับมันได้
เพราะผมต้องการจะช่วยเพื่อน หรือเพราะผมตั้งใจ
ʕ→ᴥ←ʔ เสียงขิม (...)
เพราะอะไร เพราะต้องช่วยพี่ชายหรอ ผมเลยต้องมาเจอกับมัน
หรือเพราะแผนนั้น..
ที่.. จับให้มารักกัน
#จับรัก #กรดขิม
TBC.
------------------------------------------------------------------------------------
**ขออนุญาตมาเปิดเรื่องใหม่ไว้นะคะ
เรื่องนี้ไม่มีดราม่า ตัวหลักก็คือ กรด กับ ขิม
ฝากอีกเรื่อง เรื่อง แล้วรักรึป่าว (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57133.msg3546714#msg3546714) ด้วยอะเนาะ ฝากติดตามนะคะ^^
***ต้องแจ้งไว้ก่อนว่าเราเพิ่งแต่งใหม่ๆ และด้วยความที่คิดพล็อตออก เลยมี2เรื่องที่กำลังแต่งอยู่ตอนนี้ ทำให้อาจจะมีการดอง หรือนานๆทีมาอัพ ระบุวันเวลาที่จะมาอัพไม่ได้ แต่ได้มากสุดก็อาทิตย์ละครั้งนะคะ เราจะพยายามมาอัพให้เน้อ อ่านให้สนุกๆค่าา
▼▼▼▼จับรักมีสารบัญแล้วน้าาา▼▼▼▼
สารบัญ
ll บทเกริ่นนำ ll (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3641038#msg3641038)
ll ตอนที่หนึ่ง ll (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3644865#msg3644865)
ll ตอนที่สอง ll (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3647034#msg3647034)
ll ตอนที่สาม ll (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3650962#msg3650962)
ll ตอนที่สี่ ll (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3654439#msg3654439)
ll ตอนที่ห้า ll (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3658167#msg3658167)
ll ตอนที่หก ll (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3672849#msg3672849)
ll ตอนที่เจ็ด ll (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3676412#msg3676412)
ll ตอนที่แปด ll (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3695575#msg3695575)
ll ตอนที่เก้า ll (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3808140#msg3808140)
**ll ตอนที่สิบ ll (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3820916#msg3820916)**
▲▲▲▲▲▲▲▲▲▲▲▲▲▲▲▲
ʢᵕᴗᵕʡ
...ช่องทางติดต่อ...
มาคุยกันได้ที่ทวิตเตอร์ของพิมเอง
TWITTER :: @ (https://twitter.com/pipimsehun)
- ۞ตอนที่หนึ่ง -
ดื้อจังวะ
เฮ้อ เฮ้อออ
“ ถอนหายใจอะไรวะขิม ? ”
“ เมื่อไหร่จะหมดคาบว่ะ ” ผมพูดแล้วก้มมองนาฬิการอบที่สิบ เหนื่อยแล้วค้าบบบ ตอนนี้อาจารย์กำลังบรรยายเนื้อหาแบบอัดเต็มอัดแน่น แต่ผมไม่อยากรับแล้ว แถมผมหิวแล้วอะนะ
“ อีกแป๊บหนึ่งแหละมั๊ง ” ยิมทำหน้าคิดพร้อมกับควงปากกา ก่อนหันไปสนใจอาจารย์ที่กำลังอธิบายเนื้อหาในสไลด์ต่อ
ครืดดดด
ผมหยิบโทรศัพท์ที่สั่นอยู่บนโต๊ะด้านหน้าขึ้นมาเปิดดู ( แอบเปิดอะนะ ) ผมไม่ได้เป็นเด็กเรียนนั่งข้างหน้าอยู่แล้ว แต่ห้องเรียนนี้เป็นห้องเรียนแบบสโลป เป็นมุมที่อาจารย์มองไม่เห็นเท่าไหร่ เพราะตรงที่ผมนั่งอยู่ค่อนข้างสูง
ครืดดดด
P’ Klui : ไอ้น้อง เรียนเสร็จยัง
ขิมมมมมม ทำไม ไม่อ่าน ไม่ตอบพี่อะ
KimChalanthon : เดี๋ยวๆ อ่านแล้วโว้ย กำลังพิมพ์ตอบเนี้ย
P’ Klui : เรียนเสร็จยัง?
KimChalanthon : ยัง แต่ใกล้แล้วล่ะไอ้พี่
P’ Klui : เรียนเสร็จแล้ว มาคณะกูด้วย
KimChalanthon : มีอะไรมาแลกป่าววๆๆๆ
P’ Klui : เออนะ พาไปกินซูชิแล้วกัน
KimChalanthon : เยสเซอร์ โอเคเลยไอ้พี่ กำลังหิว ( ตอบไปแล้วก็ลูบท้องตัวเองหน่อยๆ )
P’ Klui : เห็นแก่กิน
KimChalanthon : แน่นอน
P’ Klui : มาให้ทันใน 20 นาทีแล้วกัน
ไม่ทันไม่เลี้ยงนะ
KimChalanthon : อ้าวๆ เลทนิดเลทหน่อยได้ป่ะ
P’ Klui : ไม่รู้ล่ะ มาเร็วๆด้วย
KimChalanthon : เออ โอเคๆค้าบบบบ
“ ยิ้มอะไรว่ะขิม ” ไอ้ยิมถามผม
เมื่อกี๊พี่ผมมันไลน์มา มีเรื่องเดียวแหละที่สำคัญสำหรับมันนักหนา เรื่องพี่รันไงล่ะ มันคงจะให้ผมไปแอบถ่ายรูปพี่รันอีกแน่ๆ แถมมันจะเลี้ยงซูชิด้วย >< ล่าสุดที่ผมกินข้าวก็เที่ยงครึ่ง ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาสามชั่วโมงกว่าๆแล้ว มันก็หิวเป็นธรรมดาสำหรับผมละนะ^^
“ พี่กูไลน์มา ” ผมตอบแต่ก้มหน้าพิมพ์ๆตอบๆไอ้พี่ไป
“ พี่ไหน มึงมีพี่ตั้งสามคน ฮ่ะๆๆ ” ไอ้ยิมหัวเราะกวนตีน ที่จริงมันก็รู้อยู่แล้วล่ะ
“ เออ แต่มีคนเดียวม่ะ คนที่ติ๊งต๊องๆอะ พี่ชายคนที่สามของกูอะ ”
“ฮ่ะๆๆ เดี๋ยวๆกูฟ้องพี่ขลุ่ย ” ไอ้ยิมขู่
ทำหน้ายิ้มๆ ผมก็แค่หยักไหล่ให้
อ่อ ลืมแนะนำตัว ผมชื่อ เสียงขิม ชลันธร เรียนปีหนึ่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ ผมเป็นคนภูเก็ตเกิดที่ภูเก็ตแต่มาโตที่กรุงเทพ อยู่กับยายที่กรุงเทพมาก็ตั้งแต่อนุบาลแล้วล่ะ ส่วนใหญ่พ่อกับแม่จะเป็นคนมาหาเองไม่ยอมให้ผมไปหา เพราะฉะนั้นนานๆที ปีสองปีผมถึงจะได้กลับภูเก็ต
ผมมีพี่สามคน และผมเป็นคนที่สี่เป็นน้องคนสุดท้องของบ้าน มีพี่ชายคนโตชื่อขุน พี่สาวคนที่สองชื่อขวัญ แต่ตอนนี้ทั้งสองเรียนจบแล้ว พี่ขุนกลับไปทำงานอยู่ที่ภูเก็ต ส่วนพี่ขวัญไปทำงานด้านดีไซเนอร์ที่อังกฤษ มีแค่ผมกับพี่ขลุ่ยพี่ชายคนที่สามที่ยังเรียนอยู่ที่กรุงเทพนี่แหละ
“ มาถึงตรงนี้ นักศึกษามีข้อสงสัยอะไรมั๊ย ”
“ ไม่ครับ/ไม่ค่ะ ”
“ โอเค วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน ”
“ เย้! ขอบคุณค้าบ/ค่ะ อาจารย์ ”
“ เลิกแล้วววววว ” เสียงไอ้เดย์ที่พูดพร้อมกับทำท่าเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แต่ก็ต้องสะดุ้งเพราะประโยคถัดมาของอาจารย์
“ อ่อ แล้ว..อย่าลืมสัปดาห์หน้าส่งงานที่ผมสั่งด้วยนะ ”
!!
“ โหหห จารย์ โอเคค้าบบบ โอเคค่า ” นี่คือเสียงโอดโอยดังลั่นห้องของนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่หนึ่ง มหาวิทยาลัย H
ไม่ต้องแปลกใจเลยครับว่าเสียงร้องเฮดีใจที่หมดคาบเรียน กับเสียงร้องโฮเมื่ออาจารย์ย้ำเรื่องการส่งงานในอาทิตย์หน้าอันไหนเสียงดังกว่ากัน
ย้ำว่าอาทิตย์หน้าส่งงาน เฮ้ออออ มี 4 วิชาแล้วครับส่งอาทิตย์หน้า เอาจริงๆนะ เปิดเรียนมาตั้งแต่เทอมแรกจนตอนนี้เทอมสองแล้ว นักศึกษาใหม่อย่างพวกผมก็ไม่ได้มีเวลาได้ปรับตัวอะไรมากนัก เพราะทั้งต้องเรียน ต้องเข้าร่วมกิจกรรมของคณะ ที่สำคัญที่สุดสำหรับน้องใหม่ก็กิจกรรมการรับน้องนี่แหละครับ ที่ชาววิศวะยอมรู้ดีว่า สิ่งใดกว่าจะได้มานั้น ต้องแลกมาด้วยความตั้งใจ ความอดทนและความพยายาม ที่จะทำในทุกสิ่ง
แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้พวกผมอดกลั้นเสียงโอดครวญร้องโฮกับงานนี้ได้หรอกนะ
“ ไม่ต้องร้องโฮผมขนาดนั้น พวกคุณมีเวลาตั้งหนึ่งอาทิตย์ รีบทำรีบส่ง งานนี้ไม่ยากเกินความสามารถพวกคุณหรอก ”
“ มึงดูจารย์พูด มีเวลาตั้งหนึ่งอาทิตย์ แต่ 3 วิชาที่แล้วอาจารย์ก็พูดแบบนี้อะ ” ไอ้เดย์เอียงมากระซิบๆ
“ ฮ่ะๆๆๆ จริง ” ไอ้ยิมพยักหน้าเห็นด้วย
“ แต่กูดูเนื้อหาแล้ว งานนี้ไม่ยาก ”
“ ไม่ยากสำหรับมึง แต่คือยากสุดสำหรับกูไอ้มิ่ง ” ยิมมองบนใส่มิ่ง คือผมก็คิดเหมือนไอ้ยิมนะ เพราะถ้าเทียบกับหัวสมองของไอ้มิ่งที่เรียนเก่งที่สุดในเซคชั่นนี้ด้วยซ้ำ มันได้คะแนนท็อปแทบทุกครั้งทั้งสอบย่อย สอบมิทเทอม สอบไฟนอล ในขนาดพวกผมอีกสามคน กองๆกันอยู่กลางๆ
“ เดี๋ยวกูสอน ”
“ O.O จริงหรอ ” ยิมทำตาโตและถามกลับเสียงดัง
“ อืม ”
“ เฮ้>< ไอ้มิ่งใจดีที่สุดเลย ” ไอ้ยิมกับไอ้เดย์ร้องเฮเสียงดังลั่นห้อง กระโดดโลดเต้นเข้าไปกอด ไปเกาะแกะไอ้มิ่งกันใหญ่ ทีตอนแรกทำเป็นมองบน จะด่าไอ้มิ่งงี้ ที่อย่างนี้ละเข้าไปกอด จริงๆเลยเพื่อนผม ดีนะที่อาจารย์และเพื่อนในห้องเริ่มทยอยออกไปกันแล้ว
“ พูดมากกันอยู่นั้นกูเก็บของเสร็จแล้ว รีบเก็บกันดิวะ ” ผมที่นั่งรออยู่นาน เพราะเก็บของลงกระเป๋าเสร็จตั้งแต่อาจารย์บอกหมดคาบ อดไม่ได้ที่จะพูดเพื่อยุติภาพสามพี เอ้ยๆ สามเพื่อนรักนั้นกอดกัน
“ เอ้า ไอ้ขิม มึงจะมาเร่งกูทำไม มึงจะรีบไปไหน ” ไอ้เดย์ผละออกมา แล้วรีบกวาดๆ หนังสือและปากกากับดินสอลงโต๊ะ ปล่อยให้ไอ้ยิมกอดไอ้มิ่งต่อ
“ ไปสถาปัตย์ ”
“ ไปทำไมว่ะ ไปหาพี่มึงหรอ? ”
“ เออดิ ”
“ นี่อย่าบอกนะ ว่า..อีกแล้ว ”
“ เออ รีบเก็บของเหอะ แล้วนี่จะยืนกอดไอ้มิ่งอีกนานมั๊ย ” ผมบอกเดย์ ก่อนหันไปพูดกับไอ้ยิม แหม ไอ้มิ่งก็ยืนนิ่งเลยไม่พูดอะไรเลย
“ อูยยย ลืมตัวๆ แหะ ” ไอ้ยิมชูมือสองข้างที่เพิ่งปล่อยจากเอวไอ้มิ่ง แล้วหันมายิ้มแยะๆ ก่อนก้มหน้าก้มตาเก็บของลงกระเป๋าเพื่อกลบเกลื่อนความอาย
“ มึงก็นิ่งให้กอดจังงง ”
“ หึ ” พอผมพูดใส่ มิ่งมันก็ยักคิ้วหน่อยๆ มาให้ แหม.. อย่าคิดว่าไม่รู้ๆว่าคิดอะไร
“ เออ กูก็ว่า ไอ้มิ่งมันผลักหัวกูไม่หยุดตอนกูจะกอด ทีไอ้ยิมให้กอดซะแน่นหนึบ ” ไอ้เดย์ล้อเสียงกวนตีน เหอะๆๆ
“ หยุดพูดมากเลยไอ้เดย์ ” ยิมพยายามจะเอื้อมมือมาตีไอ้เดย์ให้ได้ แต่เดย์มันวิ่งหนีไปได้ซะก่อน
“ แหมมม เขินหรอจ้ะ กิ้วๆ ” แต่ไม่วายหันมาล้อต่อ
“ กิ้วอะไร เงียบไปเลย! ” ลุกขึ้นชี้หน้าไอ้เดย์ กลบความรู้สึกไม่มิดจริงๆ เพราะหน้ามันแดงขนาดนั้น
“ ค้าบๆ ไม่หน้าแดงดิ ”
“ ไอ้.. ”
“ พอๆ อย่าเถียงกัน เก็บของเสร็จแล้วก็ไปกัน ใครว่างไปกับกูบ้าง กู.. ”
“ กูไม่ว่าง! เออ.. กูมีนัดกับแม่แล้ว ” ไอ้เดย์ตอบทันที ผมยังไม่ทันได้พูดจบ มองหน้าก็รู้ ไม่มีความน่าเชื่อในคำตอบ แม่ไหน แม่มันอยู่ลำปางนูน
ผลั๊ว!
“ นัดแม่หรือนัดใครกันแน่ มึงนัดแม่ที่อยู่ลำปาง? ” ผมหยิบเอาหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะไอ้ยิม ตีเข้าที่ต้นแขนไอ้เดย์ทันที
“ เอาน่า แม่ก็แม่ดิ ฮ่ะๆๆ ” มันพูดแล้วยิ้มกลบเกลื่อน ลูบแขนตัวเองไปมา ผมก็ทำหน้าไม่เชื่อในคำตอบใส่มันแทน
“ งั้นมึงที่เหลือสองคน ไปกับกูนะ ” ผมหันไปถามอีกสองคนที่เหลือ
“ ไม่ไปอะ กูอยากกลับไปอ่านการ์ตูน ” แหนะ การ์ตูนตลอดสำหรับไอ้ยิม
“ ไม่ได้ยิม มึงต้องไปกับกู การ์ตูนกับกู มึงต้องเลือกกู โอเค้? ” ผมชี้ตัวเองรัวๆ ไม่ให้มันปฏิเสธได้
“ งะ ไม่อยากไปอะ ” มันทำหนาหงิกงอ หันไปมองไอ้เดย์ที่ดูเหมือนจะรอด ไม่ต้องไปกับผมแล้ว
“ ต้องไป! ”
“ เออๆ ” ในที่สุดก็ปฏิเสธไม่ได้ พอผมพอใจในคำตอบของไอ้ยิม ผมก็พยักหน้ายิ้มรับ ก่อนหันไปถามอีกคนไอ้คนเรียนเก่งที่สุดของกลุ่ม
“ แล้วมึงอะมิ่ง? ”
“ ว่าง แต่คงไม่ได้ไปด้วยวะ ” มันตอบนิ่งๆ แล้วกระตุกแว่นตาให้เข้าที่หน่อยๆ
“ โอเค ” ผมตอบรับง่ายๆ เพราะไอ้นี่บังคับไม่ได้
“ เอ้า! ไอ้ขิม ไหงง่ายแบบนี้ มึงไม่เห็นบังคับมันแบบกูเลยอะ พวกมึงทิ้งกูอะ! ” ไอ้ยิมโวยวายใส่ผมและสองคนนั้นนิดๆ แต่ผมก็ได้แต่ยักไหล่เบาๆไปให้มัน ช่วยไม่ได้ มึงเป็นเพื่อนที่ยอมกูที่สุดแล้วยิม^^
...................
“ ขิม ไอ้ขิม! แฮกๆ ”
“ หะ? ” ผมหันไปถามไอ้ยิมที่เรียกผม ตอนนี้อยู่ลานจอดรถคณะสถาปัตย์แล้ว ผมและไอ้ยิมกำลังจะเดินเข้าไปในอาคาร พี่ผมมันบอกตรงที่มันอยู่มาแล้ว แต่ต้องเดินหาเอา
“ มึงจะรีบไปไหนขิม แล้วนี่จะลากกูตามมาเพื่อ.. ? ”
“ ก็ไอ้พี่กูนะดิ บอกให้กูมาหาที่คณะ มันบอกว่าจะพากูไปเลี้ยงซูชิ ถ้ากูไปทันภายใน 20 นาทีนี้ ”
“ นี่คือโปรโมชั่นอะไรของพี่มึงว่ะเนี้ย ”
“ เอ่อน่า กูอยากกินไง นานๆมันเลี้ยงทีนะเว้ย ” ผมพูดแล้วเดินนำมันไปเรื่อยๆ
“ แล้วพี่มึงเลี้ยงเพราะอะไร ”
“ อ้าว ก็มันให้กูแอบตามถ่ายรูปพี่รันที่คณะครั้งนั้นไง แล้วพอกูไปเจอพี่เขาข้างนอก กูก็เลยแอบแชะๆรูปพี่รัน ส่งให้พี่กูตลอดเลย ”
“ นี่อย่าบอกว่าตอนนี้มึงก็ยังตามแอบถ่ายรูปพี่รันอยู่ ”
“ ก็เออดิ ^^ ”
" นี่ไม่ได้แอบถ่ายพวกรูปในห้องน้ำ รูปแก้ผ้าอะไรแบบนี้ใช่ป่ะ "
" เฮ้ย! บ้าหรอ ไม่มีๆ " ผมรีบปฏิเสธมันทันที ความจริงผมแค่ถ่ายรูปทั่วๆไป เวลาที่พี่เขาเผลอ หรือไม่รู้ตัวแค่นั้น
“ แล้วพี่มึงทำไมไม่ถ่ายเอง ”
“ ก็พี่กู มันกลัวพี่รันเขาจะมองว่ามันเป็นโรคจิตอะดิ ”
“ แล้วมึงไม่คิดว่าพี่รันจะมองมึงเป็นโรคจิตหรอ ”
??
...เออว่ะ O.O
“ มะ..ไม่ ม้างงงง แต่หรือว่าพี่กูมันหลอกใช้กูว่ะ ” ผมหันมาถามมัน มันก็เลยหัวเราะออกมา
“ ไม่รู้ ฮ่ะๆๆ แล้วคนอย่างมึงยอมทำฟรีๆหรอ? ”
“ โน้โน่โน ไม่มีทางอยู่แล้ว กูต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว ” ผมส่ายหน้า
“ พี่มึงให้อะไรมึง ”
“ กูอยากได้อะไร มันก็หาให้อะ ”
“ เออๆ แล้วนี่แอบตามพี่เขาตั้งนานแล้ว.. ” ยิมมันตอบรับแล้วเกาหัวหน่อยๆก่อนขยับมากระซิบถามผมต่อ “ นี่ถ้าพี่รันเขาจับได้ล่ะ? ”
“ ไม่หรอก พี่เขาคงไม่เคยเห็นกูหรอก หรืออาจจะเห็นวะ ” ผมเถียงกับตัวเอง
“ อ้าว!” ไอ้ยิมทำหน้าเป็นห่วง
“ แต่ไม่เป็นไรหรอก กูเอาตัวรอดได้ๆ ไม่ถูกจับได้แน่ๆ ” ผมบอกมันเพื่อความมั่นใจ
“ กูงงพวกมึง พี่น้อง ทำไมไม่เข้าไปทำความรู้จักพี่เขาดีๆ ”
“ เฮ้อออ มานี่ๆ กูจะบอกอะไร " ผมดึงไอ้ยิมมาหา แล้วกอดคอมันไว้
หงึกๆ
" มึงต้องเข้าใจอารมณ์แอบรักของพี่ชายกู พี่กูกับพี่รันเขาเป็นเพื่อนในคณะกันนี่หว่า ถึงจะคนล่ะกลุ่มกัน แต่ก็รู้จักกัน ถ้าผิดหวังนะ พี่กูอะคงแบบ.. ไม่กล้ามองหน้าพี่รันเขาอีก ”
ผมพูดเพราะอยากให้มันเข้าใจถึงความรู้สึกของพี่ชายของผม แบบที่ผมเข้าใจ แต่จริงๆแล้วผมว่า.. ไอ้ยิมมันก็คงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเลยอะนะ
“ อะๆ โอเค แต่กูอยากถามอย่างหนึ่ง กูเกี่ยวอะไรกับภารกิจของมึง ลากกูมาด้วยทำไม ”
“ มาเป็นเพื่อนกูไง มึงคิดว่าก็กล้ามาคณะนี้คนเดียวรึไง เพื่อพี่รันโผล่มา มึงจะได้บอกกู แล้วกูก็จะได้หลบทันไง ”
“ ไหนว่าพี่เขาไม่มีทางจับได้ ” มันชี้หน้าผมรัวๆ เลยอะ
“ แหมะ ก็เพื่อความรอบคอบ คนเราต้องรู้จักระวังหน้าระวังหลังดีๆ ”
ว่าแล้วก็มองซ้าย ขวา หน้า หลังหน่อยดีกว่า เข้ามาในคณะนี้แล้ว ถ้าเกิดพี่แกเห็นผมขึ้นมาจริงๆ นี่ซวยแน่ๆเลย
แปะๆๆๆ
“ เฮ้อ ..กูเป็นเพื่อนกับมึงมาตั้งแต่อนุบาลได้ยังไง.. ”
“ ว่าไงนะ! ” เมื่อกี้ผมได้ยินมันถอนหายใจ แล้วก็ตบหน้าผากตัวเองหลายๆทีอะ มันงึมงัมๆอะไรด้วยสักอย่าง
“ อะ ป่าวๆ ก็คิดว่ามึงนี่ฉลาดแสนรู้น่าคบเป็นเพื่อนมาตั้งแต่อนุบาล ”
“ ใช่ม่ะ^^ พูดถูกใจนะเนี่ย ” ผมใช้นิ้วสะกิดใต้คางมันหลายๆที และยิ้มอย่างพอใจ แต่เหมือนได้ยิน ว่าแสนรู้รึป่าวนะ มันคือคำชมใช่ป่ะ?
“ เออๆ แล้วนี่จะไปตรงไหน? ”
“ เออ กูลืมมองหาพี่กูเลย พูดกับมึงก็หมดเวลาไปสิบนาทีแล้วแม่ง ”
“ บ่นอีก ”
“ ขอโทษค้าบบบ ”
“ นี่มึงว่าพี่รันจะอยู่แถวนี้มั๊ยว่ะ กูจะถ่ายรูปซักรูปสองรูป ก่อนไปเจอไอ้พี่ ” ผมมองหาอีกรอบ จะได้หามุมหลบ แอบถ่ายแชะๆ
“ จะเอาไปอวดว่างั้น ? ”
“ จะเอาไปแลกกับการยืมรถมันขับต่างหาก ”
“ แต่มึงเอากล้องมาหรอ กูไม่เห็นเห็น ”
“ ก็เอาโทรศัพท์ก็ได้ แต่ต้องแอบถ่ายนะเว้ย ห้ามพี่เขารู้ตัวเด็ดขาด มึงคิดดูดิ ที่กูถ่ายไม่มีรูปไหนที่พี่เขามองกล้องเลย แต่พี่ชายกูชอบมากกกกก มันบอกให้ฟิลแบบธรรมดาดี มุมเผลอๆ ฮ่ะๆๆๆ ”
“ งั้นรูปไหนที่พี่เขามองกล้อง คือพี่เขารู้ตัวอะดิ ”
“ ไอ้ยิม! อย่าพูดเป็นลางดิ แต่..ก็คงงั้น แต่ยังไม่มีรูปไหนเลยนะเว้ยที่มองกล้อง^^ ” ผมรีบเอามือไปปิดปากมัน แล้วมองซ้ายมองขวาอีกครั้งพูดบ่อยนี่ก็เสียวๆสันหลังเหมือนกันนะ
“ ฮ่ะๆๆ กูอยากเห็นวันที่พี่เขาจับมึงได้จริงๆ ”
“ สัด! เดี๋ยวตีปากเลย-_- จับไม่ได้นะเว้ย อันนั้นห้ามเลย ไม่งั้นซวยทั้งกูทั้งพี่กู ”
“ แนะนำให้บอกความจริงไปเลย เอิ้กๆๆๆ ”
ต่อ
.
.
- ۞ตอนที่สาม -
ขี้โวยวาย
“ ไอ้เหี้ยเปรม ”
“ หึ ไงเพื่อนรัก ”
“ อย่ามาแตะกู! กูไม่ใช่เพื่อนมึง ” ผมผลักมันที่ทำท่าจะเข้ามากอดคอผม จนมันเซไปด้านหลัง แต่พอมันตั้งหลักได้ ก็ทำหนาแสยะยิ้มส่งมาให้ผม ทำให้ผมอารมณ์เสียขึ้นคูณสิบ
เมื่อกี้ผมเอาเสื้อกันหนาวไปให้พี่ชายที่คณะของมัน และผมกำลังจะกลับคณะตัวเองโดยเลือกเดินมาเรื่อยๆ เพราะด้วยอากาศดีเลยไม่ขับรถมา ระหว่างทางดันมาเจอไอ้เปรม วันนี้มันวันเหี้ยอะไรของผมวะเนี้ย คือผมกับมันเคยเป็นเพื่อนกัน ย้ำว่าเคย เพราะตอนมัธยมเราเคยมีเรื่องกัน มันเป็นคนที่ทำให้ผมถูกคนอื่นมองว่าเหี้ย ทั้งๆที่มันนั้นแหละที่เหี้ย
“ อูยยย คำพูดคำจาแย่เหมือนเดิม แต่กูไม่เจ็บหรอกนะ ”
“ ก็เรื่องของมึง หลีกทาง ”
“ ทำไม จะรีบหนีไปไหนล่ะ ” มันก้าวเข้ามากันหน้าผม
“ ไปให้ไกลๆคนเหี้ยอย่างมึงไง ” ผมพยายามคุ้มเสียงให้นิ่งที่สุด
“ กูอุตส่าห์จะเข้ามาทักทาย มึงยังหน้าตาน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ ” มันจะเอื้อมมือมาจับ แต่ผมรีบปัดออกทันที
“ ไม่ต้องการ! ”
“ ยังไม่มีแฟนสินะ จะมีผู้หญิงคนไหนเขาเอามึงล่ะเนาะ ” มันพูดแล้วยิ้มแสยะ
“มันเรื่องของกู มึงหุบปากให้เงียบๆไปเถอะ!” ผมเริ่มเสียงดัง ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงคุ้มสติไม่ได้ อาจเพราะความโกรธที่ผมมีต่อมัน
“ มึงนี่พูดแบบนี้กับเพื่อนเก่าได้ยังไง ”
“ มึงเป็นคนเลิกเป็นเพื่อนกับกูก่อน และตอนนี้กูก็ไม่อยากเจอหรืออยู่ใกล้กับคนเหี้ยอย่างมึง หลีก! ” เหี้ยเอ้ย ผมก้าวไปทางไหนมันก็ก้าวตามมันตันทางอะ!
“ กูก็ไม่ได้อยากใกล้มึงนักหรอก.. บังเอิญเนาะ ”
“ เลิกกวนตีน แล้วหลีกทางให้กู ”
“ เดี๋ยวสิ เจอกันทั้งที มึงไม่อยากรู้เรื่องกะทิหรอ ”
“ ไม่! ไม่อยากรู้! และไม่ต้องพูดถึง กูลืมเรื่องนั้นไปแล้ว ”
“ มึงเจ็บสินะ .. ”
“ ........ ” กูแค่รู้สึกตัวเองโง่ที่มีเพื่อนอย่างมึงมากกว่า -_-
“ แต่กูสะใจ ” ไอ้เหี้ยเปรมมันพูดแล้วกระตุกยิ้มอย่างสะใจ
“ มึงอยากพูดอะไร มึงก็พูดไปเถอะ หลีก! ”
“ กะทิจะกลับมาจากเยอรมัน เดือนหน้า ”
“ อืม แล้วจะมาบอกกูทำไม ”
“ กะทิกับกูจะหมั้นกันนี่หว่า ”
“ ........ ”
“ ก็เผื่อมึงอยากแสดงความยินดีด้วยไง ”
“ เหอะ แต่กูอยากแสดงความเสียใจกับกะทิวะ ที่เลือกคบคนเหี้ย เล่นสกปรกอย่างมึง ”
“ ไอ้ขิม! ”
“ อะๆๆ ทำไมล่ะ ทำไม ด่าว่าเหี้ยแค่นี้โมโหแล้วหรอ ” กวนตีนมันหน่อยแล้วกัน ไอ้เพื่อนเหี้ย
“ ไอ้! หึ ช่างเหอะ คนเหี้ยอย่างกูก็ได้ทั้งใจทั้งตัวกะทิแล้วกัน ”
“ ไอ้เหี้ยเปรม! ” ผมทนไม่ไหว ผลักมันด้วยแรงทั้งหมดที่มีทันที แต่มันไม่ล้มหรอกเพราะมันก็ตัวใหญ่กว่าผมพอสมควร
“ ทำไมล่ะ ไอ้ขิม มึงโมโหอะไร อิจฉากูที่ได้กะทิก่อนมึงหรอ ”
“ กูเกลียดมึง กูไม่น่าคิดว่ามึงเป็นเพื่อนที่กูควรไว้ใจ ” ทั้งที่ผมคิดว่ามันเป็นเพื่อนมาโดยตลอด แต่มันกลับเล่นสกปรกเพื่อแย่งคนที่ผมชอบไป
ผมไม่ได้โกรธถ้ามันรักกะทิจริงๆ แต่สิ่งที่มันทั้งตอนที่ทำเพื่อให้ได้กะทิ ทั้งสิ่งที่มันทำลับหลังกะทิหลังจากคบกัน ทั้งนอกใจ ทั้งเล่นยา การพนัน ผมคิดว่าคนอย่างมันไม่คู่ควร มันไม่ควรเป็นคนที่กะทิรัก
“ ไม่ต่างกันกับมึง เหี้ยดีหนิ ทำร้ายผู้หญิง ”
“ หึ! ถ้ากูมันเหี้ยหนัก มึงก็เหี้ย คนเหี้ยๆอย่างเราก็อย่ามาเจอกันอีกเลย มึงเลิกกวนประสาทกวนตีนกูสักที ถอยไป ” ผมเลือกที่จะเดินหนีออกมา ในเมื่อคนอย่างผมกับมัน ไม่ควรมีอะไรที่เกี่ยวข้อง แม้แต่คำว่าเพื่อน หรือเพื่อนเก่า ..
“ อ้าก ไอ้เหี้ย เหี้ยๆๆๆ ” ผมเดินออกมาไกลจากที่เจอมันพอสมควร ผมรู้มันเห็นผมและตั้งใจเข้ามาทักเพื่อกวนประสาท อยู่ดีๆอารมณ์มันก็ขึ้นมาอะ หึยๆๆๆ โมโห ทำไมต้องมาเจอกันด้วยวะ
“ แม่งเอ้ย ! ขิม ทำไมมึงต้องมาเจอมันวะ? ทั้งที่วันนี้อากาศดี แต่กูกลับต้องอารมณ์ไม่ดี ไอ้เหี้ยเอ้ย! ”
“ เตะล้อรถก็จนพอใจรึยัง ? ”
“ อะ.. O.o ”
ไอ้นี่อีกแล้ว..
มันมาอยู่ที่นี้ได้ไงอะ เอ้ะ แต่งชุดนักศึกษามอผมหนิ เรียนที่นี้ด้วยหรอ?
ยังหน้าหล่อเหมือนเดิม อิจฉาชะมัด!
“ ...... ”
“ ทำไม มองหน้านี่อึ้งในความหล่อหรอ ”
“ ...... ” ผมกรอกตาไปมาอย่างหน่ายเหนื่อยใจ ก่อนหันหน้าหนีอย่างไม่สนใจ ตอนนี้อารมณ์ไม่ดีนะโว้ย
“ อะๆ จะไปไหน ล้อรถกูเบี้ยวแล้วมั๊ยนะ กูจะคิดค่าเสียหาย ” เพราะผมจะเดินหนี มันเลยเอาแขนของมันมากันไว้ ไม่ให้ผมเดินผ่านไปได้
“ มึงอีกแล้วนะ อะไรกับกูหนักหนา ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิด
“ ใช่ กูอีกแล้ว เป็นอะไร ทำไมหน้าบึ้งไม่สบอารมณ์ขนาดนั้น ”
“ อย่ายุ่งได้ป่ะ? ” ผมกรอกตาไปมา ตอนนี้ไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้นอะ แถมเราไม่ได้รู้จักกันขนาดที่ว่าจะมาถามสารทุกข์สุขดิบ ( ->-)
“ ไม่ยุ่งได้ไง มึงหน้าหงิกแบบนี้ ไม่น่ารักเท่ายิ้มหวานๆหรอก ”
อะ!
..จะน่ารัก ไม่น่ารักก็ช่างผมสิ>/////<
“ ไหนยิ้มดิ ยิ้มมมม ”
“ โว๊ะ ไอ้นี่! พูดอะไรนักหนา กวนประสาทอีกคนหรือไง ” ผมร้องใส่มันเสียงดังกลบเกลื่อนความเขิน
“ คนบอกดีๆ ไม่ได้กวน ” มันจิ้มหน้าผากจนผมหน้าหงาย กลับมามองมันด้วยสายตาโมโหอีกรอบ
“ วันนั้นว่าดื้อแล้ว วันนี้ดูดื้อกว่าเดิมนะ ”
“ อะ..อะไร หลีกๆเลย>< ”
“ ไม่ หึๆ ครั้งก่อนก็จะขโมยร่ม ครั้งนี้ก็ยังเตะล้อรถกูอีก ” มันก้มหน้าลงมา พยายามจะมองหน้าผมให้ได้ แต่ผมปัดมือมันออกไม่ให้มาจับ แล้วหันหน้าหนี
“ กูไม่รู้ว่านี่คือรถมึง ถ้ากูรู้ กูคงเตะอัดเข้าที่ประตู ปีนขึ้นหลังคาแล้วกระโดดๆๆ จนหลังคายุบ เออ หน้ากระโปรงรถมึงด้วย ”
“ เดี๋ยวสิ มึงใจเย็น มึงไปโมโหอะไรจะมาลงกับรถกู ฮ่ะๆๆ ” เมื่อกี้มันคิดว่าผมพูดให้มันขำหรอ ผมพูดจริงนะ!
“ งั้นกูลงที่มึงได้มั๊ย กูต่อยมึงแทนได้มั๊ย! ”
“ นี่ มึงใจเย็นดิ มึงหัวร้อนแล้วโวยวายแบบนี้ กูจะรู้เรื่องมั๊ย ” จากที่มันยิ้มกวนตีนในตอนแรก เปลี่ยนเป็นคิ้วขมวดแทน คงเพราะคำพูดของผม
“ ก็เรื่องของกู กูก็เหี้ยในสายตาใครหลายๆคนอยู่แล้ว หลีก! ” ผมมีอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง จึงผลักมันออกไปเพื่อที่จะเดินหนี
หมับ
“ มึงขี้โวยวายวะ ” มันดึงผมให้หันไปเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
“ ปล่อย! ”
“ ไม่ปล่อย ถ้ามึงยังอารมณ์ร้อนแล้วไปโวยวายใส่ใครที่ไม่ใช่กู มึงจะโดนเขาต่อยเอาน่ะสิ ” มันพูดเสียงอ่อนลง เอาจริงๆก็ทำผมแปลกใจจนอึ้งไปนิดหนึ่งเหมือนกัน
“ กูให้มันต่อยเลย ต่อยมากูก็ต่อยกลับ ปล่อย! ” ผมพูดท้าทายเสียงดังแล้วเชิดๆหน้าหน่อยๆ
“ หยุดขิม! ” มันกัดฟันพูด
“ ปล่อย! ไอ้เหี้ย ปล่อยกู ” ผมพยายามสะบัดแขนให้หลุด เพราะจับต้นแขนผมแน่นขึ้นจนเจ็บไปหมด
“ กูบอกให้มึงหยุด! ”
ปริบๆ o.o
“ ......... ” ผมยอมนิ่ง แล้วมองหน้ามันแบบอึ้งๆ มะ..มันตะคอกผมมมม
“ ......... ”
“ หยุดแล้ว ตะ..แต่ทำไมต้องตะคอกกูอะ! ” ผมอดไม่ได้แล้วนะ ผมเลยตะคอกมันกลับแบบเสียงหงอยๆ หึยยย
“ มึง ไม่ยอมนิ่งสักที ถ้ากูปล่อยมึงไปมีหวังโดนคนอื่นเขาต่อยปากแตกจริงๆ ” มันพยายามดันหน้าผากผมขึ้นเพื่อจะมองหน้า แต่ผมไม่ยอมอะ เมื่อกี้มันทั้งตะคอก แล้วมันก็ทำเป็นเงียบไปนาน แบบนี้ใครจะกล้าสบตาอะ><
“ แล้วมึงมายุ่งกับกูทำไมเนี่ย ” ที่ผมพูดเสียงอ่อนลง ผมไม่ได้กลัวมันนะ เสียงตะคอกของมันไม่ได้ทำให้ผมกลัวเล้ย สักนิดก็ไม่ แค่เกรงนิดๆ นิดจริงๆ
“ ก็เป็นห่วง... ”
หะ?
“ ก็..มึงเตะล้อรถกู กูห่วงล้อรถ ” มันพูดต่อ หนอยยย -.-
“ ล้อรถมึงไม่เจ็บหรอกนะ มึงจะไปห่วงมันทำไม! ” ผมมองหน้ามันอย่างหาเรื่อง สลับกับรถของมัน แหม.. รถแพงซะด้วย แสดงว่ามันต้องรวยไม่เบาเลย งี้ต่อให้พังก็มีปัญญาซ่อมอยู่แล้ว จะมาเรียกร้องอะไรจากผมละวะ
“ กูก็รักรถของกูนะ ”
“ โว๊ะ! มึงต้องเป็นห่วงกูนี่ เท้ากูนี่ เตะจนมันเจ็บไปหมดแล้ว ” ผมยกเท้าขึ้นมานิดๆ และชี้ๆให้มันดู ไอ้บ้านั้นถึงกับหลุดยิ้ม แล้วส่ายหน้าไปมา
อะ.. ไอ้นี่ อยู่ดีๆก็ยิ้ม เป็นไบโพล่าหรือไง (-.< )
“ เหอะ! ให้มันได้แบบนี้ไอ้เด็กดื้อ ”
“ ....... ” ทำไมอะ ผมทำอะไรผิด ( พิพิม : น่ารักเกินไปไงลูกกกกก )
“ นี่อารมณ์ปกติแล้วสินะ ถึงกลับมากวนตีนได้ ” มันยื่นหน้ามามองใกล้ๆ แต่ผมหลบสายตามัน
“ กวนตีนอะไร เท้ากูเจ็บจริงๆ อย่ามาใกล้มากได้มั๊ยเล่า! ” ผลักๆๆ มันออกเบาๆ ไม่รู้แรงผมมันหายไปไหนหมดอะ
ตอนหายใจผมได้กลิ่นของมันอะ กลิ่นมันติดจมูก
อย่าว่ายังงั้นยังงี้เลยนะ ผมอะจมูกดีสุดๆเลยล่ะ พี่ผมยังบอกว่าผมเหมือนหมาน้อย เพราะขนาดอยู่ไกลๆแล้วได้กลิ่นอาหาร ยังเดินตามหากลิ่นจนเจอ
“ ทำจมูกเหมือนดมกูอีกแล้วนะ ”มันจะเอื้อมมือมาจับจมูก แต่ผมปัดออก
“ เฮ้ย เปล่านะ ปล่อยสักที! ”
“ เดี๋ยว จะไปไหนไอ้ขิม ” ผมสะบัดครั้งนี้ มันยอมปล่อย แต่เอาตัวมากัน ไม่ให้ผมเดินออกไปอยู่ดี
“ ไปไหนก็ได้ ทำไมกูต้องมาเจอมึงด้วยว่ะ ” ผมมองมันอย่างหาเรื่อง แล้วบ่นออกมาอย่างหัวเสีย
“ หึๆ ” มันยังยิ้มมาให้ และหัวเราะเบาๆอย่างพอใจ
“ เดี๋ยวO.o มึงรู้จักชื่อกูได้ไง? ” ผมฟังไม่ผิดนะ เมื่อกี้ เมื่อกี้เลยอะ มันเรียกชื่อผมจริงๆ
“ หึ ไม่บอก^^ ” มันส่ายหน้า ยิ้มกวนตีนอีก ยิ่งทำให้ผมอยากจะรู้นะเว้ย แต่ผมต้องเก็บอาการหน่อยๆ
“ ก็เราไม่รู้จักกัน แล้วมึงจะมารู้จักชื่อกูได้ยังไง ? ” ผมเก็กหน้านิ่งถามมัน
“ แล้วไม่อยากรู้หรอว่ากูชื่ออะไร? ”
“ ไม่! ” ผมตอบทันทีพอมันถามกลับ ไออยากก็นิดหนึ่งแหละ แต่ผมมันเป็นคนปากไวไง ปฏิเสธไปแล้วอะ
แต่ก็ยังไม่คลายความสงสัย ผมแปลกใจนะ ที่อยู่ดีๆคนที่เคยเจอกันเป็นครั้งที่สองจะรู้จักชื่อของผมทั้งที่ไม่เคยถาม แถมยังเข้ามาพูดกวน มาจุ้นจาน วุ่นวายกับผมอีกอะ แบบนี้มันก็น่าสงสัยนิดๆนะ
“ หึ งั้นก็ไม่ต้องรู้แหละดีแล้ว ” มันเอื้อมมาขยี้หัวผม ผมตกใจหน่อยๆเลยรีบขยับออกไม่ให้มันจับ
“ อะ..อืม แล้วก็หลีกได้แล้ว กูจะได้ไปสักที ” ผมหลบสายตามมัน แล้วพูดเสียงเบา
“ มึงต้องบอกกูก่อนว่าหายหัวเสียแล้ว ” มันชี้ๆที่หน้าผม ผมมองนิ้วที่มันชี้มา ในใจตอนนี้มันแปลกๆอะ อะไรวะเนี่ย ผมต้องเชื่อฟังคนที่ไม่รู้จักด้วยหรอ
“ ........ ”
“ เร็ว บอกมาดิ ”
“ เออๆ กูใจเย็นลงแล้วโอเคม่ะ! ” ผมพูดแล้วปัดมือมันลง คนบ้าอะไร เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวกวนตีนอยู่ได้
“ หึ ดี แล้วนี้จะไปไหน? ” ผมจำได้ว่าครั้งที่แล้วมันก็ถามคำถามผมประมาณนี้
“ นี่ เราไม่ได้รู้จักกันป่ะ จะมาถามทำไม ปล่อย! ”
“ ถามแล้วก็ตอบดีๆ ยากตรงไหน? ” มันพูด แล้วเอามือเสยผม จังหวะนี่แหละ..
“ เออ ไป.. ”
ผลั๊ก!
“ แบร่ๆ ไปแล้วโว้ยยยย! ห้ามตามมานะๆ ” ผมสลัดมันออกจนได้ เลยรีบวิ่งหนีมันมาทันที หวังว่าจะไม่ต้องมาเจอกันอีกนะ
..........
“ ไอ้ขิม หัวเสียอะไรมาอีกละนั้น ” ยิมที่กวักมือเรียกผม ถามขึ้นพอผมนั่งลงข้างๆมัน
“ หัวเสียสองเรื่อง จะเอาหัวเสียเรื่องที่หนึ่ง หรือหัวเสียเรื่องที่สองก่อนละ ”
พอผมวิ่งเข้ามาในคณะ ก็เห็นเพื่อนกำลังนั่งเล่นกันอยู่ที่ใต้ตึก ไอ้ยิมนั่งกินขนมแบ่งกันกินกับไอ้เดย์ที่นั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ตรงข้ามกัน ข้างๆไอ้เดย์ก็เป็นไอ้มิ่ง คนนี้เขาก็อ่านหนังสือแน่ๆอยู่แล้วละครับ
“ ไม่เอาสักอย่างอะ เดี๋ยวมึงพูดมึงก็จะมาอารมณ์ไม่ดีใส่พวกกูอีกอะ ” ไอ้เดย์พูดเสียงหมั่นไส้ แล้ววางโทรศัพท์ลงค่อนข้างแรงตามอารมณ์ คงแพ้เกมส์อีกตามเคย
พอมองไปที่ไอ้ยิม มันก็หัวเราะในคำพูดของไอ้เดย์ แล้วพยักหน้ารัวๆเหมือนกับเห็นด้วยว่าไม่อยากรู้ พอสะกิดไอ้มิ่ง คนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เงยหน้ามองนิดๆแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนก้มอ่านหนังสือต่อ ตามนั้น..
“ โอยยย กูอึดอัดถ้ากูไม่ได้พูดไง ทำไมครั้งนี้พวกมึงไม่อยากรู้อะ ” กลายเป็นผมที่โวยวายเพราะเพื่อนไม่อยากรู้อะ><
“ เหอะ อะไรของมันวะ ” ไอ้เดย์พูดแล้วหัวเราะกับไอ้ยิม
“ กูก็อยากเล่า กูอยากระบาย อึดอัด ” ผมตบโต๊ะ รัวๆ รัวๆ
“ ก็นั้นแหละ ถ้ามึงอยากเล่ามึงก็พูดเองอยู่แล้ว ” ไอ้ยิมระบายยิ้มออกมา ก่อนสะกิดมิ่ง ให้มิ่งปิดหนังสือที่มันอ่านแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมแทน มันก็ยอมทำตามที่ยิมบอก เงยหน้ามามองเหมือนรอฟังที่ผมจะพูดจริงๆ
“ อะๆ เล่ามา ตามสเต็ปเลย เอาหัวเสียเรื่องที่หนึ่งก่อน ” ไอ้เดย์เอานิ้วชี้จิ้มที่แก้มตัวเอง ผมก็พยายามดูให้น่ารักอะนะ แต่ไม่เลยเถอะ -=-
“ กูเจอไอ้เหี้ยเปรม ”
“ หะ! มันไม่ได้เรียนมอเราหนิ แล้วมันมาทำอะไรที่นี้ ” ยิมร้องเสียงดีง ตาโต
“ ไม่รู้เหมือนกัน ก็เจอกันเมื่อกี้ มันก็ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาหรอก ”
“ แล้วมันทำอะไรมึงมั๊ย พูดอะไรเหี้ยๆอีกรึป่าว ” เดย์แตะๆ จับๆที่แขนผม
“ มันกวนประสาทกูเหมือนเดิม แล้วที่สำคัญมันกำลังจะหมั้นกับกะทิตอนที่กะทิกลับมา แต่มันกลับพูดดูถูกกะทิ ว่าได้ทั้งตัวได้ใจกะทิ แล้วมันดูสิ่งที่มันทำลับหลังกะทิ โคตรเหี้ย ”
“ กะทิจะกลับมาแล้วหรอวะ ” ไอ้เดย์พูดขึ้น
ตอนนี้พวกมันมองหน้าผมด้วยความตกใจ พวกมันเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่เด็กๆ เราเรียนโรงเรียนเดียวกันตอนประถม แต่มีไอ้ยิมนี่แหละที่รู้จักผมตั้งแต่อนุบาล เราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ถึงจะอยู่คนละห้องในช่วงมอต้น แต่มอปลายเราก็ได้เรียนห้องเดียวกัน มันรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นครับ และมันเลือกที่จะอยู่ข้างผม และไอ้เปรมเป็นคนที่เลิกเป็นเพื่อนกับพวกผมไปเอง
“ อืม ”
เรื่องที่เกิดขึ้นมันเริ่มต้นจากผมชอบกะทิ กะทิเด็กผู้หญิงน่ารักๆคนหนึ่ง เขาเป็นเพื่อนต่างห้องของผม เรารู้จักกันเพราะทำกิจกรรมโรงเรียนด้วยกัน ตอนนั้นเป็นช่วงมอสี่ กลุ่มพวกผมมี ยิม เดย์ มิ่ง และไอ้เหี้ยเปรม แต่ผม ยิม เดย์ มิ่ง เราอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนไอ้เปรมมันอยู่ห้องเดียวกับกะทิ
พวกมันทุกคนรู้ว่าผมชอบกะทิ แต่เพราะผมยังไม่กล้าบอกความรู้สึกออกไป ผมเลยได้แอบชอบแอบทำอะไรให้กะทิอยู่ห่างๆ
วันหนึ่งผมจะแอบเอากล่องจี้รูปดาวไปแอบไว้ใต้โต๊ะของกะทิและมีจดหมายที่ผมเขียนสารภาพรักและชื่อของตัวเองไว้ด้วย แต่วันนั้นพี่ชายผม มันดันไปมีเรื่องกับคู่อริของมัน แล้วผมต้องรีบไปดูมันที่ห้องพยาบาล ผมเลยฝากจี้ให้ไอ้เปรมไปไว้ที่โต๊ะของกะทิ แต่วันนั้นกลับกลายเป็นว่า กะทิไปเห็นมันพอดี ไอ้เปรมมันเลยแอบเอาจดหมายของผมออก แล้วรับสารภาพกับกะทิออกไปว่ามันชอบกะทิ ทั้งหมดที่ผมทำให้กะทิ มันกลับบอกว่ามันเป็นคนทำ และมันขอกะทิเป็นแฟนและกะทิก็ตกลง
“ กะทิเชื่อมันไปได้ยังไง กูอยากรู้ แถมยังรักมันด้วยหรอวะ ” ไอ้ยิมส่ายหัวไปมาเหมือนไม่เข้าใจ
“ ไอ้เหี้ยนั้นเจ้าชู้จะตาย ตอนกะทิไม่อยู่มันมีผู้หญิงอื่น กะทิจะไม่รู้จริงๆหรอว่ะ ” ไอ้เดย์พูดเสียงไม่พอใจต่อทันที
“ ไม่หรอก กะทิคงไม่รู้ว่าคนที่เขารักมันเหี้ยแค่ไหน เขาคงคิดว่ามีแค่กูที่เหี้ย เฮ้อ ” ผมพูดเพราะมันมีความโกรธปนความกังวลอยู่ในใจ
“ เออ ช่างแม่ง ไม่ต้องไปคิด ไม่ต้องไปพูดถึงมันแล้ว ” ไอ้ยิมตบหลังผมเบาๆ เชิงปลอบใจ
“ สักวันกะทิคงรู้ธาตุแท้ของไอ้เปรม ” ไอ้เดย์พูดหน้าจริงจังสุด
พอหลังจากวันนั้นผมรู้ความจริง ความจริงที่ว่าคือ ลับหลังพวกผม ไอ้เปรมมันแสดงตัวจีบกะทิทันทีตั้งแต่ที่รู้ว่าผมชอบกะทิเหมือนกับมัน ทั้งชวนไปเที่ยว ไปรับไปส่งบ้าน โดยที่พวกผมไม่รู้ และเรื่องที่มันแอบอ้างและสวมรอยว่าเป็นผมด้วย
ผมจำได้ไม่ลืมเหมือนกัน ผมโมโหมากสะกดอารมณ์ไว้ไม่ไว้จึงต่อยมันไปต่อหน้ากะทิ ไอ้เปรมมันไม่สู้ผม ผมรู้ถ้ามันต่อยกลับผมก็แพ้ สู้แรงมันไม่ได้หรอก สุดท้ายกะทิพยายามเข้ามาห้ามแต่กลับถูกแรงของผมผลักจนล้มและแขนหัก หลังจากนั้นกะทิไม่ชอบหน้าผมและไม่ยอมรับคำขอโทษจากผม ส่วนผมกับไอ้เปรมเรามีเรื่องกันวันนั้นจนมันกับผมไม่สามารถมองหน้ากันได้อีก ไอ้เปรมมันออกจากลุ่มเลิกเป็นเพื่อนกับผมและประกาศว่าผมกับมันเป็นศัตรูกัน แต่ไอ้ยิม ไอ้เดย์ ไอ้มิ่ง มันยังอยู่ข้างผม จนถึงตอนนี้
“ แต่..มึงโอเคมั๊ย ” ไอ้มิ่งที่นิ่งฟังอยู่นาน ถามขึ้น
“ ไอ้โอเค มันก็ควรจะโอเคตั้งนานแล้วล่ะ อีกอย่างกูแค่เป็นห่วงกะทิ เขาไม่ฟังกูเลยนี่หว่า กูเลยบอกเขาไม่ได้เรื่องไอ้เหี้ยเปรม ”
“ มึง ยังชอบกะทิอยู่รึป่าว? ” ไอ้ยิม ที่ถามผมคำถามนี้มาตลอด เวลาที่ผมเจอกับไอ้เปรม
“ กูคิดว่ากูตอบได้เต็มปากเลยนะ ว่าไม่ได้ชอบแล้ว กูแค่เป็นห่วงเขาในฐานะเพื่อน ถ้าเขายังให้กูเป็นแบบนั้น แต่แย่หน่อย แม้แต่คำว่าเพื่อน เขายังไม่ให้กูเลย ” ผมพูดแล้วก้มหน้าลง นึกถึงตอนนั้น ก็เศร้าดีเหมือนกัน หึ
“ กูยังจำได้เลย วันนั้นที่รู้ว่าไอ้เปรมคบกับกะทิ มึงเสียใจมากแค่ไหน โกรธ โมโหจนเดินไปต่อยไอ้เปรมที่ห้องเรียนมัน ”
“ หึๆ มึงไม่คิดว่ากูจะต่อยคนเป็นอะดิ^^ ” มีแต่คนบอกว่าผมผอมแห้งแรงน้อย แต่จริงๆแล้วอะ ผมกินเก่ง แล้วก็พอเป็นมวยอยู่บ้างนิดๆหน่อยๆนะบอกเลย
“ เออดิ ถ้าโดนเพื่อนห้องไอ้เปรมกระทืบ จะทำไง? ” เดย์พูดติดตลก
“ ฮ่ะๆๆ นั้นสินะ ” ผมหัวเราะออกมา พอได้ระบายออกไปกับเพื่อน มันก็รู้สึกดี และผ่อนคลายมากขึ้น
“ เห็นตอนนั้น ตัวเล็กๆผอมๆแต่กลับแรงเยอะมาก กูดึงมึงไว้ไม่ทัน เลยได้ดึงสองตัวนี้ไว้แทน ” มิ่งพูดกับผม แล้วไปชี้ ไอ้ยิมไอ้เดย์ที่ยิ้มแยะๆอยู่ คือตอนนั้นพวกมันเหมือนจะวิ่งเข้ามาช่วยผมต่อยไอ้เปรมอะครับ คิดดู ฮ่ะๆ
“ สองตัว? พูดซะก็ดูเป็นหมาเลยอะ กูจะวิ่งเข้าไปห้ามต่างหาก -.- ” ไอ้ยิมพูดหน้าหงิกใส่ไอ้มิ่ง
“ แต่กู..จะเข้าไปกระทืบไอ้เปรมช่วยมึงต่างหาก บอกเลยถ้าไอ้มิ่งไม่ห้ามกูไว้ก่อนอะ ” อันนี้ไอ้เดย์ มันพูดพร้อมกับเอากำปั้นทุบกับมือรัวๆ
“ นี่มึงดูโกรธมันกว่ากูอีกนะ ” ผมอดแซวไม่ได้ เพราะหน้าไอ้เดย์ กับไอ้ยิมจริงจังมากๆ
“ อ้าว ก็กูจริงจังนะสิ ”
“ ฮ่ะๆๆๆๆ ” ผมกับไอ้มิ่งมองหน้ากัน แล้วสุดท้ายก็หัวเราะออกมาพร้อมๆกัน
ผมเคยคิดนะ ถ้าไอ้เปรมมันยอมบอกผมก่อนดีๆ ว่ามันชอบกะทิ และจะจีบกะทิ ถ้ากะทิชอบมันจริงๆและเลือกมัน โดยที่มันไม่ได้มาสวมรอยเป็นผม หรือแอบจีบกะทิลับหลัง ผมกับมันอาจจะยังเป็นเพื่อนกันอยู่
“ โอย มึงงงงงง ไม่ต้องไปคิดมากแล้วนะ มีพวกกูอยู่นี่ไง เนาะๆๆ ” ไอ้ยิม กอดไหล่ผม แล้วโยกตัวไปมา เหมือนโอ๋เด็กน้อยเลยอะ^^
“ อืม^ - ^ ”
“ แล้วหัวเสียเรื่องที่สองคือ.. ” เดย์ถามแล้วชูสองนิ้วไปไว้บนหัว เหมือนหูกระต่าย อันนี้ก็ไม่ได้แบ๊วเล้ยยย >.>
“ อ่อ ..พอกูหนีไอ้เปรมได้ กูก็เจอไอ้.. ”
“ ไอ้? ” พวกมันทำหน้าลุ้น
“ ไอ้.. ” มันชื่ออะไรอะ ลืมไปว่าไม่ได้ถามมันนี่หว่า ดันปากไวไปบอกมันว่าไม่อยากรู้เองนี่เนาะ=.=
“ ไอ้ขิม! ทำไมไม่ตอบอะ ใครวะ? ” ไอ้เดย์ตบโต๊ะเบาๆ เพราะผมไม่พูดซักที ทำมันลุ้นจนตัวเกร็ง
“ ไม่รู้ๆ กูไม่รู้จักชื่อ ”
“ อ้าว ไอ้นี้ ” ไอ้เดย์ด่าหน้างงๆ
“ อะๆ เล่ามาดิ ” ยิมเร่งอีกครั้ง เพื่อนผมนี่เป็นนักฟังนักถามที่ดีเชียวล่ะครับ
“ ก็คือกูโมโหไอ้เปรมอยู่แล้ว แล้วก็ดันไปเตะล้อรถไอ้คนหนึ่งอะ มันก็เลยเข้ามาห้าม แล้วบอกว่าถ้าล้อเบี้ยวจะคิดค่าเสียหาย ”
“ อ้าว นี่ก็เลยไม่ชอบเขา? มึงก็ไปเตะล้อรถเขา มึงผิดอะ ” ยิมมันยังไม่เข้าข้างผมเล้ย ดูๆ
“ เดี๋ยวดิๆ จะบอกยังไงดีวะ ..ก็มันกวนตีน ทั้งยิ้มทั้งพูด แล้วพอกูจะเดินหนีมันก็กันกูไว้ด้วย ” > - <
“ เขารู้จักมึงหรอวะ ถึงกวนมึงได้เนี่ย? ” ไอ้ยิมถามหน้าตาสงสัย
“ กูกับมันเคยเจอกันมาครั้งหนึ่ง มึงจำได้มั๊ยอะ ตอนไปหอไอ้มิ่งแล้วฝนตก มันเป็นคนถือร่มมาส่งกู ”
“ อ้าว ถ้างั้นเขาก็เป็นคนดีอะดิ เขาถามมึงดีๆรึป่าว มึงอาจจะกวนเขาก่อน ”
“ มันเข้ามาถามว่ากูเป็นอะไรไง แล้วกูก็ไม่อยากบอกอะ กูก็เลยพูดงี่เง้าออกไป มันเลยตะคอกกูอะ กูก็เลยตกใจนิดหน่อย ไม่ชอบ>< ”
“ เขาตะคอกมึงว่ายังไง ” ยิมถามต่อ
“ หยุด.. ”
“ หา? แค่คำว่าหยุดเนี่ยนะ ? ”
“ เออ ก็อย่างที่บอกว่าคำพูดคำจามันกวนประสาท แล้วอีกอย่างมันก็หล่อกว่ากู ”
“ โว๊ะ-o- ใครๆ เขาก็หล่อกว่ามึงกันทั้งนั้นแหละ คิดมาก>.- ”
“ ไอ้เดย์! มึง.. ” ผมหันไปแว้ดใส่มันทันที
“ อะๆ ล้อเล่นๆๆๆ ”
“ มึงหัวเสียแน่หรอ ทำไมมึงเล่าไป ยิ้มไปนะ ” มิ่งพูดแล้วสะกิดให้ไอ้ยิมดู
“ เออวะ มึงยิ้มจริงๆนะ ” ยิมเสริมแล้วหัวเราะพอใจที่เห็นไอ้มิ่งแซวผม
“ เฮ้ย กูไม่ได้ยิ้มนะ บ้าหรอ ไปๆๆ ขึ้นเรียนได้แล้ว ให้กูพูดมากอยู่ได้ ” ผมปฏิเสธทันที บ้าเหรอ ใครจะมายิ้มเล่า ก็ยังบอกว่าหัวเสีย รำคาญ ไม่ชอบ ผมเลยรีบเก็บของแล้วเดินนำพวกมันขึ้นอาคารเรียน
-100%-
#จับรัก #กรดขิม
TBC.
มาอัพแล้วค่าาาา เป็นยังไงบ้าง ติชมกันได้เน้อ
ขอกำลังใจเยอะๆ เวลาอ่านคอมเม้นฟีดแบคของคนอ่านแล้ว
เรารู้สึกดีมีความสุขมากเลยอะ เหมือนมีกำลังใจขึ้นมา
****อีกเรื่องๆ
▼▼▼▼มีสารบัญแล้วน้าาา อยู่หน้าแรกเลย ▼▼▼▼ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59972.msg3637958#msg3637958)
- ۞ตอนที่สี่ -
แอบตามมาใช่มั๊ย?
“ อืม โอเค เดี๋ยวกูถามเพื่อนแป๊บ.. ”
“ มึงๆ พี่กูถามว่าไปร้านพี่ตองด้วยกันป่ะ? พวกพี่บั๊ม พี่ฝุ่น พี่ตาลก็ไปนะ พี่อีกหลายคนด้วย ”
ผมกำลังคุยโทรศัพท์กับพี่ชายที่โทรเข้ามา มันโทรมาถามว่าวันนี้พวกผมจะไปร้านเหล้าของพี่ตองด้วยกันมั๊ย เพื่อนๆพี่ผมมันให้มาชวน เพราะอยากเจอนะเขาว่างั้น
“ เลี้ยงมั๊ย ถ้าพี่เขาเลี้ยงกูไปปปป ” ไอ้เดย์ถามทันที หลังจากดูดน้ำหวานอยู่แจ๊บๆ
“ ไอ้พี่ ไอ้เดย์ถามว่าเลี้ยงมั๊ย ..เลี้ยงหรอ? โอเค ” ผมถามพี่ที่ถือสายรออยู่ หันไปมองหน้าไอ้เดย์ที่ตั้งตาตั้งใจรอ
“ ว่าไงอะๆๆ ”
“ พี่กูเลี้ยง และพี่ฝุ่นฝากบอกมึงด้วยว่าจะเลี้ยงให้มึงกินจนเมาเป็นหมาเลย ” ผมพูดตามที่ไอ้พี่ของผมบอกเป๊ะ
“ ไอ้พี่ฝุ่นเล่นกูอีกแล้ว ฮ่ะๆๆๆ ” ไอ้เดย์หัวเราะ แล้วสั่นหัวไปๆมาๆ
“ ตกลงเอาไง คืนนี้ไปป่าว ” ผมถามย้ำอีกรอบ เพราะได้ยินไอ้พี่บ่นมาในสายว่า ‘เร็วๆ ตังค์กูจะหมด’
“ ไป! ” ไอ้เดย์ยกมือขึ้นตอบก่อนเพื่อน แล้วทำท่าดี๊ด๊าเหมือนอยากไปมาก
“ กูไปปปป อยากเมาๆ ” ไอ้ยิมตอบ ทำท่าตื่นเต้นไม่ต่างกัน ก่อนตอบหน่ะ มันไม่มองคนข้างๆเลยนะ ไอ้มิ่งนี่มองมันด้วยสายตาไม่พอใจแล้วนะนั้น
“ ใครให้มึงเมายิม กูไปนะขิม ” อูยยยย เห็นไอ้มิ่งพูดนิ่งๆ แล้วชี้หน้าไอ้ยิม ก่อนหันมาตอบผม
“ อะไรอะ เมาไม่ได้หรอ กูอยากกินเยอะๆให้คุ้มไง พี่ๆอุตส่าห์จะเลี้ยง ” ไอ้ยิมเบ้หน้าเบ้ตาใส่มิ่ง เออ.. ปล่อยให้มันเคลียร์กันเองแล้วกันครับ
“ เพื่อนกูไปนะขลุ่ย กี่โมง สองทุ่ม โอเคๆ ” พอบอกพี่และตกลงเรื่องร้าน เวลาได้ ก็วางสายมัน แล้วตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อ
“ แหมมมม ดีจริงๆเลย กูกำลังอยากแดนส์สสส ” ไอ้ยิมบิดขี้เกียจไปมา เอียงคอไปมาแล้วหมุนไหล่เหมือนคนพร้อมแดนส์สสสส แล้วอะครับ
“ โอย มึงจะลากเสียงไปไหนเนี่ย น้ำลายกระเด็นอีก! ” ไอ้ยิมบ่น พร้อมกับรีบยกจานข้าวของมัน กับของไอ้มิ่งขึ้นสูง
“ อูยๆ กูขอโทษ ฮ่ะๆๆๆๆ ” ไอ้เดย์ทำท่าเอามือไปปิดปาก แล้วสุดท้ายพวกผมก็หัวเราะออกมา
“ มึง.. ช่วงนี้ กูบังเอิญเจอพี่รันบ่อยๆยังไงไม่รู้ ” ผมกำลังบ่นให้เพื่อนฟัง คือช่วงนี้ผมเจอพี่รันบ่อยมากจริงๆ
ผมก็อยากให้มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญนะที่เจอพี่รัน เพราะที่ๆเจอก็เป็นสถานที่ง่ายๆที่คนทั่วไปจะเจอกัน บางครั้งพี่เขาเห็นผม ก็มีมองๆมาบ้าง ยิ้มให้บ้าง ไม่รู้ว่าสายตานั้นทักทายหรือจับผิดกันแน่ ผมหวังๆๆๆ หวังจริงๆว่าพี่รันเขาจะไม่สงสัยหรือระแคะระคาย
“ แล้วพี่รันเขาเห็นมึงรึป่าว ” เดย์
“ เห็นบ้างบางที ตอนที่กูหันไปเห็นก็ตกใจหลายครั้งเหมือนกัน เพราะพี่เขามองกูอยู่ก่อนแล้ว บางทียิ้มให้กูด้วย เฮ้อออ ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดีๆ โผล่มาทางไหนไม่รู้ แต่หลายครั้งกูก็คิดว่ากูหลบทันนะ ”
“ ก็หลบดีๆแล้วกัน ถ้าพี่รันจับได้ กูว่าเละ ฮ่าๆๆ ” เดย์พูดต่อแล้วหัวเราะ โอยย ข้าวเต็มปาก >O<
“ กูนึกกลัวตอนพี่เขาจะเดินเขามาทักนะสิ ” ผมพูดแล้วหลับตาหยี๋ อยู่ดีๆก็กลัวขึ้นมาซะงั้น
“ อาจจะบังเอิญรึป่าว ” ยิมพูดแล้วตักแตงกวาในจานข้าวมันไก่ของมันที่มันไม่ชอบ ไปไว้ในจานข้าวผัดไอ้มิ่งเพราะมิ่งมันชอบแตงกวา
“ กูว่าบังเอิญบ่อยไปมั๊ย นอกจากตอนกูจะแอบตามไปถ่ายรูปพี่เขาแล้ว กูก็ยังมาเจอพี่เขาทั้งร้านกาแฟ หอสมุด ในเซเว่น หน้าห้องน้ำห้าง บีทีเอส ที่จอดรถยังเจออะ ” ผมทำมือประกอบเหมือนนับเลขให้มันดู
“ ถ้ากลัวพี่เขาจับได้ ช่วงนี้ก็พักๆการแอบตามแอบถ่ายพี่เขาไปก่อน ” ยิม
“ อืม นี่กูก็ปฏิเสธพี่กูหลายครั้งแล้ว มันก็ตื้อไม่หยุด ”
“ บอกพี่มึงไปถ่ายเอง ” เดย์พูดติดตลก
“ บอกแล้ว มันไม่กล้า ”
“ เดี๋ยวเจอพี่ขลุ่ยเย็นนี้ กูจะเคลียร์ให้เอง ” ไอ้เดย์ตบที่อกตัวเองเบาๆ แล้วยิ้มด้วยสีหน้ามั่นใจ
“ เคลียร์ยังไงๆ ? ” ผมกับไอ้ยิมถาม
“ จะบอกว่ามึงไม่อยากทำแล้ว! ”
“ แล้วถ้าพี่กูไม่ยอมล่ะ ”
“ กูก็จะด่าพี่มึงเลย ”
“ จริงอะ? ” ผม ยิม มิ่ง ถึงกลับต้องหัวเราะ ที่จริงก็ถามมันไปงั้นแหละครับ ไม่เชื่อที่มันพูดหรอกครับ
“ สัดดด พูดเล่นมั๊ย ใครจะไปกล้า พี่มึงนะ ” มันเอามือตีอากาศไปมา เพราะคงคิดว่าพวกผมคิดจริงจังกันไปแล้ว
“ กูคิดว่ามึงพูดจริง ”
“ ม่ายยย กูพูดเล่น อย่าไปบอกพี่มึงนะ จุ๊ๆ ” เดย์มันพูดพร้อมทำท่าจุ๊ๆ ประกอบ เห็นไอ้มิ่งส่ายหน้าเบาๆ
“ ค่าปิดปากๆ ” ผมแบมือ กวักๆ เหมือนไถ่ค่าขนม ฮ่ะๆๆ
“ ไม่โว้ยยย กูไม่ปิดอะไรทั้งนั้น มึงกินเยอะ อย่ามาๆ ” มันตีมือผมดังแป๊ะเลยอะ
“ ฮ่ะๆๆ งั้นกูบอกพี่กูดีกว่า ว่ามึงจะด่ามัน ”
“ สัดดด กูจะช่วยมึงนะไอ้ขิม ” มันเบ้หน้าเบ้ตาใส่ผม แล้วทำเป็นสะบัดหน้าหนีซะงั้นอะ
“ โธ่ หน้าบูดซะงั้น เค้าล้อเล่นๆ ” ผมเข้าไปดึงแก้มมันเล่นๆ แล้วกอดคอโยกไปมา จนมันยอมยิ้มและหัวเราะออกมา
“ เออนี่.. แล้วพี่ขลุ่ยหาทางสนิทกับพี่รันได้ยัง ” พอเดย์มันกลับมายิ้มแย้ม ก็เปิดประเด็นอีกรอบ
“ พี่กูบอกว่า มันพยายามคุยกับพี่รันเหมือนเพื่อน เพราะมีไอ้พี่กรดคอยกันท่าคนที่เข้าไปจีบพี่รัน ”
“ กันท่า? รวมพี่มึงด้วยหรอ? ” ยิมอ้าปากหวอ
“ พี่กูบอกว่าไม่ ” ผมส่ายหัว
“ พี่กรดนี่ ..? ” ไอ้เดย์พูดขึ้นหน้างงๆ เหมือนถามว่ากรดคือใคร
“ เพื่อนพี่รันอะ ” ยิมตอบแทนผม
“ หน้าตายังไงวะ ”
“ ไม่รู้อะ..แหะๆ ” ผมกับยิมตอบพร้อมกัน มิ่งเงยหน้าขึ้นมามองนิดๆ แต่ก็ก้มลงอ่านหนังสือต่อ
“ เอ้า ทำไมไม่รู้ ”
“ กูกับขิม เคยเจอนะ แต่พวกกูไม่ได้มองพี่เขาวะ ” ยิมอธิบายคร่าวๆ
“ รุ่นเดียวกับพี่ขลุ่ยป่ะ? ”
“ หงึกๆๆ ” ผมและยิมพยักหน้ารัวๆ
“ ถ้าพี่กรดปีสาม คณะสถาปัตถ์ กูว่ามีคนเดียวนะ ”
“ มึงรู้จักหรอ ”
“ ก็เคยเห็นๆบ้าง มึงก็รู้แฝดกูเป็นแอดมินเพจเซ็กซี่บอย ”
“ เซ็กซี่บอย? ” ผมกับมิ่งส่ายหน้า อันนี้ผมไม่รู้นะ จริงอะ? แฝดที่ไอ้เดย์พูดถึงเป็นผู้หญิงนะครับ
“ อืมๆ ” ส่วนไอ้ยิมพยักหน้า เหมือนรู้อยู่แล้ว
เดย์มันก็เริ่มเล่าให้ฟังว่าน้องสาวฝาแฝดของมันชื่อหนูดี เรียนคณะมนุษยศาสตร์ เป็นสาววาย ชอบเวลาผู้ชายด้วยกันจีบกัน แล้วยังเป็นแอดมินเพจเซ็กซี่บอย มักจะเอารูปภาพผู้ชายหล่อ เซ็กซี่ หรือโชว์ซิกแพค กล้ามพุ่ง เป้าพุ่ง เอ้ยยย ไม่ถึงขนาดนั้น อันหลังผมล้อเล่นๆ > <
เออ นั้นแหละครับหนูดีมันชอบเอามาให้ไอ้เดย์ดูบ่อยๆ ทั้งที่ไอ้เดย์ปฏิเสธที่จะดู แต่ก็ถูกบังคับให้ดูตลอด หนึ่งในนั้นก็คือรูปถ่ายของไอ้พี่กรด ที่เป็นรูปถ่ายแบบงานประกวดเดือนของมหาวิทยาลัย แฝดมันยังฝากมาบอกพวกผมอีกนะ ว่าถ้าใครสนใจอยากได้รูปบอกมันได้เลย
“ นี่อ้าปากค้างกันเลย อยากดูอะดิ ”
“ อยากดูบ้านมึงสิ! ” ผมด่าไอ้เดย์แล้วผลักมัน
“ เฮ้ย ป่าวนะเว้ย ” ไอ้ยิมยกมือบ๊ายบายปฏิเสธ
“ ...... ” มิ่งส่ายหัว
“ ก็เห็นหน้าพวกมึงตั้งใจฟังกัน นึกว่าอยากดู ”
“ ก็แค่เพิ่งรู้ว่าหนูดีมันชอบอะไรแบบนี้ ”
“ มึงจะอึ้ง ถ้ารู้ว่ามันชอบอะไรที่มากกว่านี้ ” ไอ้เดย์ทำหน้าเจ้าเล่ห์จนพวกผมไม่กล้าถามต่อ แต่ก็สงสัยว่าอะไรที่มากกว่านี้ นี่คือแบบไหน
“ เออๆ เห็นแฝดกูมันบอกว่า ตอนเย็นนี้จะมาหานะ ”
“ มาทำไม กูว่าหนูดีมันมาทีไร กูได้ปวดหัวทุกที ”
พอนึกถึงวีรกรรมของหนูดีแต่ละอย่าง ก็ปวดหัวขึ้นมาเลยอะครับ มันเป็นแฝดน้องไอ้เดย์ก็จริง แต่แม่งติดผมกับไอ้ยิมชิบหาย หวงพวกผมยังกะเป็นเมีย แต่มันบอกว่าไม่ได้อยากเป็นเมียพวกผมหรอกนะ มันแค่ไม่อยากให้ใครมาเจ๊าะแจ๊ะกับพวกผมมากเกินไป ไม่ว่าหญิงหรือชาย และการที่ใครจะมาเป็นแฟนพวกผมได้นั้น ต้องผ่านการสแกนจากมันด้วย ไม่งั้นมันไม่ยอมและจะอาละวาดด้วย ดูดิ
“ มึงปวดหัวอะไร น้องกูมันออกจะเฮฮา ”
“ มึง พี่น้องอะพอกันเลย แฝดนรก ยิ่งมาอยู่ด้วยกัน โอ้ย>< ” ไม่อยากจะคิด ผมเอามือขึ้นกุมหัว ทำท่าปวดหัวอย่างรุนแรง เลยถูกไอ้เดย์ผลักหน้าผากเข้าให้ ฮ่ะๆๆๆๆ
....................
“ ฮัลโลลลลลล! ทุกคนนน กูมาแล้ว เพื่อนที่น่ารัก ” เสียงปรอทแตกแบบนี้ มีคนเดียวครับ
“ มาทำไม? ” ผมขยับหนี เหมือนไม่อยากนั่งใกล้มัน แค่แกล้งมันนะครับ
“ ไอ้ขิม อย่าทำหน้าเหมือนรักกูมากขนาดนั้น ” มันเกาะแขนผมแล้วสั่นตัว สั่นหัวดุ๊กดิ๊กไปมา เฮ้อออ แบบนี้แหละ สาวๆคนอื่นๆถึงไม่ชายตามามองหรือชอบผม
“ โอย หน้ากูรักมึงมาก หนูดี ” ผมจิ้มๆหน้าผากมัน
“ ฮ่ะๆๆ เดียวตีปากแตก กูอุตส่าห์ซื้อขนมมาฝาก เออ ไปก็ได้ ” มันทำท่าจะลุกเดินหนี
ขนมมมม? ของกินนี่หว่า><
“ เดี๋ยวววว มีของกินหรอ มาๆๆ กูรักมึงก็ได้ กลับมาๆ ” ผมรีบดึงมือมันไว้แล้วให้มันกลับมานั่งข้างๆแบบเดิม
“ ฮ่ะๆๆ ว่าจะเล่นตัวนะเนี้ย แต่ไม่ดีกว่า อะๆ ขนมๆ ” มันยอมปล่อยถุงขนมที่ซื้อมา พวกผมก็รีบแกะกินเลยสิครับ^^
“ โอ้โห กำลังหิว ”
“ มึงหิวทุกเวลาไอ้ขิม ” ไอ้เดย์พูดแล้วแย่งถุงขนมที่วางอยู่ตรงหน้าผมไปเปิดกินซะงั้นอะ O-O
“ นั้นสิ ไหนดูสิ กินเยอะแต่ทำไมไม่อ้วนวะ? ” หนูดีเอามือสองข้างจับหน้าผมไว้หันไปหันมา และบีบๆแก้มผมอีก
“ โอย หนูดี ปล่อยๆ กูจะกินหนม ” ผมตีๆมือมันเบาๆ
“ เฮ้อ ไม่เห็นเหมือนกูเลย กินแล้วออกทั้งแก้มทั้งพุง ออกเอาๆ ” มันยอมปล่อย แล้วก็บ่นหน้างอต่อไปจนพวกผมถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“ ฮ่ะๆๆ ”
“ ไอ้เดย์บอกว่า พวกมึงคิดถึงกูหรอ ”
“ ใครจะไปคิดถึงมึง มันโกหกมึงแล้ว ”
“ เอ้า ไอ้พวกนี่! เอาขนมคืนมาเลย ”
“ โอ้ๆ คิดถึง คิดถึงมึงก็ได้>< อย่าเอาขนมกูไป ” ผมอยู่ใกล้มันสุด มันเลยดึงถุงขนมกลับไปได้ ผมเลยรีบแก้ตัวเลยครับ สุดท้ายมันก็ยอมคืน แล้วยิ้มออกมาอย่างชนะสุดๆ
“ วันนี้มีนัดกันอะดิ ” พวกผมมองหน้าไอ้เดย์เลยครับ มันคงจะเผลอพูดออกไปแน่ๆ เพราะหนูดีมันฉลาดถาม เวลาพวกผมมีความลับอะไร เผลอๆหน่อยก็หลุดบอกมันออกไปหมดอะครับ
“ อ้าว รู้อีก ”
“ กูขอไปด้วยได้ป่ะ อยู่บ้านกูเบื่อๆ อะ ” หนูดีถามผม
“ ไปดิ เพื่อนพี่กูไปกันเต็ม ” ผมพยักหน้าตอบ
“ ใครให้ไป ไอ้ดี อยู่บ้านแหละดีแล้ว ” อาการหวงน้องของไอ้เดย์
“ อะไรอะ มึงยังไปได้เลย ขิมมม กูอยากไปด้วย ให้กูไปนะๆ ”
“ กูให้มึงไป แต่ไอ้เดย์ไม่ให้มึงไปอะ ทำไงดี? ” ผมพูดแล้วเกาหัวตัวเองหน่อยๆ
“ ให้กูไปนะเดย์น้า>< กูจะไม่ดื้อไม่ซน สัญญา ” หนูดีขยับไปเกาะแขนไอ้เดย์บ้าง จริงๆไอ้เดย์มันตามใจหนูดีทุกเรื่องยกเว้นเรื่องแฟนกับเรื่องเข้าผับเข้าบาร์ แต่หนูดีก็แอบหนีมันไปบ่อยแล้วเหอะ แหะๆ
“ ...... ”
“ ไม่ตอบ แสดงว่าให้ไปนะ ..เย้! >< ”
“ แต่ว่ากินแค่น้ำเปล่า ” ไอ้เดย์ไม่วายชี้หน้าน้องฝาแฝดตัวเอง
“ บ้าเหรอ กูไม่เอาแค่น้ำเปล่าหรอกนะ แต่ว่าๆ ก็จะไม่ให้ตัวเองเมา สัญญาๆ ”
“ ให้หนูดีไปเถอะ ยังไงมันก็ไปกับพวกเรา แหมๆ ทำเป็นเข้มๆ ที่จริงก็หวงน้อง ” ไอ้ยิมที่นั่งยิ้มอยู่นานก็เอ่ยปากแซว
“ มึงหวงกูหรออออ อั๊ยย๊ะ น่ารักที่สูดดดด >< ”
“ เปล่าสักหน่อย ไปๆ กลับบ้านไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว ”
“ โอเค เจอกันสองทุ่มที่ร้านแล้วกันนะ ”
ต่อ
.
.
....................
“ เออๆ กูกับเพื่อนอยู่หน้าร้านแล้วเนี่ย ที่เดิมใช่มั๊ย โอเคคค ”
ผมวางสายจากพี่ คือผมออกมาจากบ้านทีหลังพี่ชาย เลยให้ไอ้เดย์กับหนูดีไปรับจนมาถึงร้าน และไอ้มิ่งก็มาพร้อมกับไอ้ยิมพอดี ตอนนี้พวกผมอยู่หน้าร้านแล้วครับ
“ ยิมๆ ”
“ หะ? ”
“ พวกพี่กูนั่งอยู่โซนเดิม มึงไปก่อนเลยนะ ”
“ เออๆ แล้วมึงจะไปไหนเนี่ย ” ไอ้ยิมถามหน้าสงสัย
“ ไปห้องน้ำ เดี๋ยวกูตามไป ” อยู่ดี ก็รู้สึกว่าท้องไส้มันปั่นปวนซะงั้นอะครับ
“ ให้กูไปเป็นเพื่อนมั๊ย ” มันหัวเราะนิดหน่อย ก่อนถามต่อ ไอ้เพื่อนบ้าหนิ เรื่องแบบนี้มันเรื่องปกตินะ ปวดก็ต้องระบายออก ปะโธ่><
“ ไม่ต้องๆ เดี๋ยวรีบไปรีบมา ”
“ เออ โอเคๆ ”
ผมให้เพื่อนเดินเข้าไปก่อน ส่วนตัวเองมาทางข้างร้านเพื่อรัดไปทางห้องน้ำอะครับ ยังไม่ได้ดื่มได้กินอะไรเลย อยู่ดีๆก็ปวดท้องขึ้นมาฉับพลัน ตอนอยู่บ้านก็ไม่ปวดนะ โธ่เอ้ย>< ที่จริงผมก็ไม่ชอบเข้าห้องน้ำนอกบ้านเท่าไหร่ แต่ที่ร้านนี้ ห้องน้ำเยอะ แล้วก็สะอาดพอสมควร ก็เลยทนๆเข้าไปก่อน อะครับ
พอผมทำธุระเสร็จ ก็รีบเดินออกมาเพื่อจะเดินเข้าร้านไปหาพวกพี่ๆเพื่อนๆ แต่ว่ายังไม่ทันได้เดินไปถึงไหน ผมก็ต้องเบรกตัวเอง เอี้ยดดดดด! ไว้ก่อนอะครับ เพราะผมดันตาดีไปเห็นผู้ชายตัวเล็ก ที่คุณก็น่าจะรู้ว่าใคร
“ เฮ้ย! ” หลบ ผมต้องหลบ><
..พี่รันครับผมมมมมมมม
พี่รันกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ม้าหินอ่อนด้านหน้าของผม พอเห็นเหมือนพี่แกจะหันมา ผมเลยรีบวิ่งไปหลบหลังพุ่มไม้ใกล้ๆ แต่ก็โชคดีที่ซักพักพี่แกหันหลังกลับไปแล้ว หวังว่าเมื่อกี้พี่รันจะไม่เห็นผมนะ
“ กรด มึงมาถึงยัง? ”
ซวยแล้ว ดันมาร้านเหล้าเดียวกัน พี่ชายผมมันรู้รึยังครับเนี้ย..
“ กูอะมาแล้ว นี่มึงอยู่ไหนกูรอนานแล้วนะ ”
ดูเหมือนพี่เขาจะมานานแล้วจริงๆ คงไม่เห็นเพื่อนด้วยเลยได้ออกมารอด้านนอก
“ มึงก็มานานแล้วหรอ อยู่ตรงไหน? กูเข้าไปหาแล้วไม่เห็นเจอพวกมึงเลย ”
เห้ยยๆO-O ดีนะที่ผมหลบทัน พี่ก็หันมามองทางนี้อีกแล้วนิดๆ
“ ฮะ! กูอยู่ร้านพี่ตอง อ้าวหรอ? กูมาผิดร้านหรอ ”
“ มึงอยู่ร้านข้างๆ อ้าว สัดเอ้ยยย กูก็ว่าแล้วเชียว มาหาไม่เห็นใคร กูกะจะเปิดโต๊ะกินคนเดียวแล้ว ”
อ้าว ซะงั้น พี่รันค้าบบบ
ผมแอบนั่งฟังอยู่หลังพุ่มไม้ก็แถบกลั้นขำไม่อยู่ครับ ผมเห็นหน้าทางด้านข้างพี่รันเขาดูหน้าเหรอหรา หันมองไปมาเหมือนเพิ่งรู้ว่าตัวเองมาผิดร้าน
“ กูเดินตามเขาเข้ามาว่ะ เลยนึกว่าร้านเดียวกัน กูเข้าใจผิดด้วยแหละ ”
“ เออๆ เขามากับเพื่อเขาดิวะ>< ไม่ต้องมาแซวเลย!”
..เดินตาม ‘เขา’ เขาคือใครอะ
มีการบอกคนในสายไม่ให้แซวด้วย หรือว่าพี่รันจะมีคนที่ชอบเหรอ O.o เฮ้ยยย ไม่ได้นะ งั้นไอ้พี่ชายผม ก็อกหักอะดิ
แล้วผมจะทำยังไงดีอะครับ ถ้าบอกไอ้พี่ มันต้องคิดมากแน่ๆเลย
( -o- ) ( _o_ )
“ เดี๋ยวกูไปหาแล้วกัน มึงออกมารับกูหน้าร้านเลย เออๆ ”
“ สัดเอ้ย กูก็รอตั้งนาน ไม่มีใครโทรตามกู ไปนั่งกินไม่ออกตังค์แม่ง ”
“ ฮ่ะๆๆๆๆ ”
พอพี่รันเดินออกไปแล้ว ผมถึงกลับหัวเราะก๊ากเลย โอยยย พี่เขาโคตรโก๊ะอะ เพื่อนพี่เขาก็ไม่ตามเนาะ ปล่อยให้แกหลงมารอร้านนี้ตั้งนานเลยสินั้น ดูอายจนหน้าแดงไปหมด
แต่ดีแล้วล่ะถ้ามาร้านนี้ พวกผมคงได้กลับ หรือ เปลี่ยนร้านอะครับ ไม่งั้นผมกับพี่ชายคงทำตัวผิดสังเกต จนถูกจับได้แน่ๆ
....................
“ ไอ้ขิม ไหนว่าไปแป๊บเดียว ”
“ กูซัดไปหลายแก้วแล้วเนี่ย รีบมาๆ มึงไปนานอะ ”
“ อย่าเพิ่งว่ากูๆ ” ผมยกมือห้ามไอ้ยิมกับไอ้เดย์ไว้ก่อน มันก็อ้าปากค้างเหมือนลืมคำพูดที่จะด่า แต่เดี๋ยวค่อยมาพูดให้ฟัง ขอเดินเข้าไปหาไอ้พี่ก่อน
“ ไอ้น้อง มึงตกส้วมหรอ กูว่าจะออกไปตามแล้ว ” ดูพี่ผมมันทักดิ
ผมนั่งลงข้างมัน แล้วไหว้พี่ๆคนอื่นที่นั่งกินนั่งดื่มกันอย่างหน้าระรื่น พวกพี่แกก็ยกมือโบกไปมา พยักหน้ารับกันแล้วส่งแก้วให้ผม ผมก็ต้องรับนะครับแต่ยังไม่ดื่มหรอก ผมว่าจะเล่าเรื่องที่ไปเจอคนสำคัญให้ไอ้พี่ชายฟังก่อน
“ โธ่ ไอ้พี่ปากดีๆ มึงต้องอึ้งแน่ๆ ถ้ารู้ว่ากูไปเจอใครมา ”
“ เออ อึ้งก็อึ้ง มึงเจอใครมาล่ะ? ”
“ ..พี่ รัน ”
“ O.O เฮ้ยยย จริงหรอ เจอที่ไหนวะ ”
“ ทางไปเข้าห้องน้ำอะ ”
“ รันมาร้านนี้หรอวะ? ” พี่ผมมันดูตกใจมากเลยอะ รีบมองซ้าย มองขวาเลย จนเพื่อนมันก็หันมองตาม ทั้งที่ไม่รู้ด้วยนะว่ามันมองหาใคร
“ ป่าวๆ กูยังเล่าไม่จบ ไอ้พี่ใจเย็นๆ ”
“ เล่าต่อๆ ”
“ คือพี่รันมาผิดร้านอะ ที่จริงพี่แกนัดกับเพื่อนร้านข้างๆ แต่.. ” อุ๊บ! ผมเกือบหลุดปากออกไปแล้วเชียวว่าพี่รันเผลอเดินตามใครเข้ามาในร้านนี้
“ แต่อะไร? ”
“ เออ..แต่พี่รันกลับไปหาเพื่อนที่ร้านข้างๆแล้ว ”
“ เฮ้อออ เออๆ โอเค ค่อยโล่งใจหน่อย ”
“ กูก็โล่งเหอะ นึกว่าจะได้เปลี่ยนร้านซะแล้ว ”
“ สองพี่น้องนั้น คุยอะไรกันๆ มาชนเว้ยยยย! ”
“ ชนพี่ ชนๆๆๆ ”
....................
“ กูม่ายกล้าบบ อ้ายขิมมม ปล่อยน้า ”
“ กลับได้แล้วโว้ยยย เดินดีๆดิ ไอ้พี่! ” ผมตีไอ้พี่ที่เซไปเซมา คือตอนนี้มันเมาอะครับ เพื่อนพี่มันก็เมากันหมด เพราะเห็นว่าเพิ่งพรีเซนต์โปรเจ็คกันเสร็จเลยมาฉลองกันนี่แหละ
พอถึงรถผมนี่รีบยัดมันใส่รถไปเลย ให้มันนอนเบาะหลัง ให้มันได้นอนสบายๆ
“ ขิมมึงขับได้นะ? ” ไอ้มิ่งถามผมในขณะที่มันเองก็กำลังล็อคตัวไอ้ยิมไว้ เพราะมันจะต้องไปส่งไอ้ยิมที่เมาจนจะหลับอยู่รอมมะรอ
“ ไหวๆ กูไม่เมา เพราะไม่กินเยอะ โดนไอ้ยิมแย่งกินอะนี่ๆ เมาไม่รู้เรื่องแล้วมึง ” ผมพูดแล้วจิ้มๆหน้าผาก ไอ้ยิมตอนนี้ตาเยิ้มได้ที่เลย มีการเงยหน้ามายิ้มให้ด้วย ฮ่ะๆ
“ ชนนนนน เอามาอีก หนูดีเลี้ยงทุกคนนน งืมๆๆ เอาไอ้เดย์ออกไปดิ รำคาญอ่าๆ คนนั้นหล่ออ่ะ อ้าวววว หายไปไหนนน หายๆ ”
“ ไอ้ดี เดินดีๆ มึงเห็นผีผู้ชายหล่อรึไง! กูกลัวมึงแล้วนะเว้ย>< ”
“ ฮ่ะๆๆๆๆ ” ผมกับไอ้มิ่งถึงกลับหลุดหัวเราะ ที่หนูดีชี้และกวักมือเรียกใครไม่รู้ แถมไอ้เดย์ยังบ่นให้แฝดตัวเองไม่หยุด ไม่ใช่แค่มันที่กลัวนะ พวกผมก็เริ่มกลัวหนูดีแล้ว เอาจริงๆ ฮ่ะๆๆ
“ กูไปแล้วนะพวกมึง โวยย หนูดี ไหนบอกไม่เมาๆ พอกูเผลอดูซิ! เฮ้ออ ตัวหนักเป็นบ้า! ” ไอ้เดย์โบกมือลาพวกผม แล้วบ่นให้หนูดีที่ซัดเหล้าไปหลายแก้วจนเมาแล้วก็พูดไม่หยุดเลยครับ ไอ้เดย์มันก็หลายแก้วครับแต่คอแข็ง เลยพอมีสติอยู่ มันลากหนูดีไปที่รถ พวกนี่ดีนะครับ มันมีคนขับรถมารับด้วย
“ ไหวแน่นะ ขิม ” มิ่งถามผม แล้วออกแรงพยุงไอ้ยิมให้ยืนดีๆ
“ ไหวๆ มึงไปส่งไอ้ยิมเหอะ หรือให้มันนอนหอมึงก็ได้ ดูท่าจะขึ้นห้องเองไม่ได้นะนั้น ” ผมพูดยิ้มๆให้มิ่ง
เห้ย ผมไม่ได้ชี้แนวทางให้เพื่อนหรอกนะ แต่เห็นว่าถ้าไอ้มิ่งต้องไปส่งไอ้ยิม ไอ้มิ่งก็จะเหนื่อยเกินไป เพราะหอไอ้ยิมไกลกว่า
ผมรู้ว่าเพื่อนสองคนของผมเนี่ย มันมีความรู้สึกที่ค่อนข้างจะลึกซึ้งต่อกัน แต่ปากแข็งทั้งคู่ อาจจะเพราะเป็นเพื่อนกันมานานด้วย เลยไม่ยอมพูดออกไปว่ารู้สึกอะไร แหะๆ^^ แค่สายตาที่พวกมันมองกัน ไอ้ผมที่อยู่กับพวกมันแทบทุกวัน มองก็รู้แล้วครับ ><
“ เออ กูว่าจะไม่ไปส่งมันแล้ว นอนหอกูนี่แหละ ”
“ อืมๆ กลับเหอะ^^ แต่ว่า ..อย่าทำอะไรเพื่อนกู ตอนมันหลับล่ะ ” ผมแกล้งชี้ๆหน้ามัน
“ หึๆ ” ไอ้มิ่งส่ายหน้า ก่อนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ฮ่ะๆๆๆ
“ เฮ้ออออ ”
แปะๆๆๆๆ
ผมปิดประตูรถด้านเบาะหลัง พอเก็บแขนเก็บขาไอ้พี่ที่เมาจนหลับไม่ให้โดนประตูหนีบ ก็ยืดตัว บิดขี้เกียจและตบหน้าตัวเองเบาๆหลายๆที เพื่อเรียกสติให้กับตัวเองอะครับ ดึกแล้ว ถึงไม่เมา ก็ง่วงนิดๆ แต่ต้องขับรถกลับบ้านเนี่ย
“ อะแฮ่มๆ เจอกันอีกแล้วนะขิม ”
ใครเรียกผมอีกอะ?
ผมกำลังจะขึ้นรถครับ พอได้ยินคนเรียกเลยหันไปมองตามเสียง ไอ้คนที่รู้จักชื่อผมแต่ผมไม่รู้จักชื่อมันอีกแล้วอะครับ มันเดินมาจากไหนเนี่ย อย่าบอกนะว่าแอบตามผมมาอะ!
“ อีกแล้ว? O.o ” เหมือนผมหนีมันไม่พ้นอะครับ
“ มากับใคร? มึงเข้าร้านเหล้าหรอ อายุถึงแล้วหรือไง? เมามั๊ยเนี่ย? ” เดี๋ยวๆ ถามเป็นชุดดด
“ ใช่เรื่องที่จะต้องตอบมั๊ยอะ ” ผมก้าวถอยหลังนิดๆ แล้วกดล็อครถ เอาจริงๆ ก็ไม่ไว้ใจหรอกนะ เผื่อมาขโมยรถผมทำไง ยิ่งมีไอ้พี่นอนไม่รู้เรื่องอยู่ข้างในอีกเนี่ย
“ ต้องตอบดิ ” มันกระตุกยิ้ม แล้วก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิม ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในท่าที่อันตรายอะ ทำไงดี
คือแบบว่า.. ผมถอยจนหลังชิดกับประตูรถ แล้วไอ้บ้านี้ยังขยับเข้ามาใกล้ จนตอนนี้หน้าผม อยู่พอดีกับคางมันอะ ผมเลยต้องเงยหน้ามองมันเนี่ย
“ นี่ มึงแอบตามกูมาใช่มั๊ยอะ? ”
“ หึๆ จะว่างั้นก็ได้ ”
“ O.O ” ผมตกใจกับคำตอบของมัน แถมตอนนี้ผมกับมันใกล้กันมาก จนผมได้กลิ่นทั้งกินเหล้าและกลิ่นของมันที่ผมดันหายใจแล้วได้กลิ่นทุกครั้งผสมอยู่ด้วยอะครับ
“ เฮ้ยยย กูล้อเล่นหน่า ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น หึๆ ”
“ กะ..กูนึกว่ามึงตามกูจริงๆอะ ( - o - ) ” ผมออกแรงผลักมันไว้ ไม่ให้เข้ามาใกล้มากกว่านี้
“ หึๆ กูมากินเหล้ากับเพื่อน ที่นี้ที่จอดรวม รถกูจอดอยู่นี้ไง นั่น.. คันนั้น ” มันถอยออกไปนิดหนึ่ง แล้วชี้ไปที่รถของมันที่จอดอยู่ตรงข้ามกับรถของพี่ผม ผมคุ้นตารถคันนั้นเลยแหละ ก็เพราะเป็นคันเดียวกันกับที่ผมไปเตะล้อรถอะครับ
“ อืมๆ ”
“ ไม่ได้ตามมึงหรอก แต่จะให้ตาม..ก็ได้นะ ” มันเอียงหน้ามาพูดใกล้ๆแล้วยักคิ้ว
“ บ้าหรอๆ ” ผมทุบมันที่แขนเข้าให้>< ข้อหายักคิ้วและพูดกวนตีน
ผมผลักมันแล้วจะกดปลดล็อกรถ เพราะคิดว่ามันคงไม่ได้มาขโมยรถผมหรอก รถมันก็มี มันคงแค่เข้ามากวนเฉยๆ
ผลึก!
“ เอ้! ทำอะไรเนี่ย ” ผมบ่นอย่าหัวเสีย เพราะพอผมเปิดประตู มันก็ดึงผมไปจับไว้ แล้วผลักประตูรถผมให้ปิดสนิท ไม่ยอมให้ผมขึ้นอะ
“ เดี๋ยวดิ กูถามทำไมไม่เห็นตอบ ”
“ ถาม? ”
“ หึ ก็ถามว่ามากับใคร ” มันพูดเสียงนิ่ง เดาไม่ออกหรอกนะวาอารมณ์ไหน
“ กับใครก็เรื่องของ.. ”
“ ตอบดีๆ ” ผมสลัดมือมันแรงๆ แล้วกำลังจะตอบว่า ‘กับใครก็เรื่องของกู’ แต่ยังพูดไม่ทันจบก็โดนเสียงนิ่งๆนั้นขู่อะครับ
“ โว๊ะ! กูมากับพี่กับเพื่อน กับเพื่อนพี่ โอเค้ ” ผมตอบมัน ทำไมเสียงนิ่งๆของมันต้องทำให้ผมยอมตอบดีๆด้วยนะ
“ หรอ? ” มันถามแล้วส่องๆเข้าไปในรถ มันคงมองเห็นอยู่หรอก ประชดครับ รถพี่ผมฟิล์มดำขนาดนี้
ตอนนี้พี่ผมมันนอนหลับเฝ้ายานแม่ไปนานแล้ว แถมเมื่อกี้ก่อนปิดประตูยังแอบเอาหน้าแนบไปกับเบาะอีกจะหายใจออกมั๊ยนั้น
“ มีคนในรถใช่มั๊ย พี่มึงหรอ? ” ยังตาดีส่องเห็นอีกนะ > - <
“ อืม ”
“ เมาหรือเปล่า? ”
“ หลับเป็นตายขนาดนั้น ก็ต้องเมาดิ ” ผมตอบมันหน้าหงิกแล้วชี้ไปในรถ ทำไมต้องเซ้าซี้อะ
“ ไม่ๆ กูหมายถึงมึง เมาหรือเปล่า? ” มันก้มหน้ามามองใกล้ๆ แต่ผมผลักหน้ามันออกเบาๆ ไอ้บ้านั้นก็หัวเราะซะงั้น เป็นมาโซรึไง ผลักก็แล้ว ตีก็แล้ว ไม่ปล่อย แถมยังหัวเราะเหมือนชอบใจอีกอะ >o<
“ ไม่ได้เมา มึงสิเมาอะ ”
กลิ่นเหล้าคลุ้ง แถมสายตาที่มองมายังเซ็กซี่ผิดปกติ
O.o ไอ้ขิม มึงคิดอะไรเนี้ย? เซ็กซี่เนี่ยนะ?
แปะๆๆๆ
“ ตบหน้าตัวเองทำไมเนี่ย หึๆ ”
“ เออๆ ช่างกูเถอะน่า กูจะกลับแล้ว ” ผมทำมือไล่มัน ให้ถอยออก ป่านนี้พี่ผมอาจร้อนตาย หรือขาดอากาศหายใจไปแล้วเนี่ย รถก็ไม่ได้สตาร์ต
“ อะๆ เชิญครับ ” เออ ครั้งนี้ยอมปล่อยดีๆ แถมเปิดประตูให้ผมด้วย ผมถอนหายใจแล้วมองมันนิดๆ ก่อนรีบขึ้นรถ กำลังจะดึงประตูปิด แต่..
ปึก!
“ เดี๋ยววว .. ” มันประตูไว้อย่างแรง จนผมถึงกลับเซไปตามแรงขณะนั่งอยู่
“ อะไรอีกเล่า! ” ผมเงยหน้ามองคนที่ดึงประตูอย่างหัวเสีย ไอ้บ้าเอ้ย เมื่อกี้ถ้าผมตกรถไปจะทำยังไงอะ><
“ ขับรถดีๆ ” ง่ะ จะพูดแค่นี้อะนะ?
“ กูขับดีอยู่แล้วหน่า ”
“ คาดเบลท์ด้วย ” มันไม่พูดเปล่า แต่ทำท่าก้มลงมาจับๆดึงๆสายเบลท์ ให้ผม
“ อะ! ไม่ต้องไม่ต้อง กูทำเอง -/////////////- ”
ผมดึงสายเบลท์ในมือมันมาจับไว้เอง ก่อนผลักมันออกเบาๆ ฮืออออ เมื่อกี้มันใกล้ผมมากเลยอะ ได้กลิ่นอีกแล้ววววว ตัวหอมเป็นบ้า><
เฮ้ยย! ไม่ได้นะ ห้ามดมสิ! ห้ามไปได้กลิ่นด้วย
( OoO )
( = o = )
ผมกะว่าจะด่ามันอีกซักหน่อย แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจกะทันหัน เพราะดันเงยหน้าไปสบตาและเห็นมันกำลังกระตุกยิ้มอย่างพอใจอยู่ ไอ้ผมที่ทำตัวไม่ถูกก็รนรานก้มหน้าก้มตาคาดเบลล์ให้เรียบร้อย
“ อะๆ มีอะไรอีกมั๊ย ปล่อยกูไปได้ยัง ” ผมมองไปหน้ารถ ไม่มองมันหรอกนะ เดี๋ยวโดนกวนตีนอีก >-<
“ โอเค งั้นกลับดีๆ เข้าใจมั๊ย? ”
“ เอ้ะ ? เออๆ เข้าใจแล้ว มึงไปเลยนะ! ” ผมผลักมันอีกครั้ง จนมันยอมเดินออกไปห่างจากตัวรถ ผมเลยรีบดึงประตูปิดแล้วล็อครถทันที
ไอ้นั้นมันก้าวถอยหลังนิดหนึ่ง ให้ผมถอยรถออกไป จนผมขับออกมาแล้ว มองกระจกหลัง ก็ยังเห็นมันยิ้มและโบกมือบ๊ายบายให้อีกด้วย
“ หึ บ๊ายบายทำไมเล่า -///////- ” ผมได้แต่บ่นคนเดียว
“ เฮ้อออ เป็นกูนี่เหนื่อยจริงๆโว้ยยยยย ” >=<
-100%-
#จับรัก #กรดขิม
TBC.
มาอัพแล้วค่าาาา ดึกไปหน่อย ไม่รู้ตอนนี้สั้นไปมั๊ยอ่าา
ตอนนี้ขิมก็ยังไม่รู้อะไรต่อไป ขิมบังเอิญเจอกับรันบ่อยขึ้น
ทั้งๆที่ขิมกลัวว่ารันจะรู้ แต่ก็ยังช่วยขลุ่ยเรื่องรันตลอด
ส่วนพี่กรดก็โผล่มาทุกกกกตอน น้องก็ยังไม่รู้ว่าไอ้ตัวหอมคนนี้คือใคร
เราจะดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ ก่อนที่ขิมและขลุ่ยจะถูกจับได้
ก่อนจะเกิดเรื่องยุ่งๆจากแผนของรัน ฮ่าๆๆ ( แผนที่ว่าคือ..?)
ฝากติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะคะ
**คนแต่งเขินพี่กรด แต่งเอง เขินเอง หลงเอง**
- ۞ตอนที่ห้า -
โจรอะไรหล่อขนาดนี้
“ ไอ้ขิม วันนี้มึงพากูไปหาหนังสือ...ที่หอสมุดหน่อยสิ ” ไอ้ยิมเดินหน้างอจากไอ้มิ่งและไอ้เดย์มาจับแขนผมแกว่งไปมา ไอ้เดย์ยังมาทำท่าสู้ๆให้ผมอีก ไอ้เพื่อนเลวหนิ
ตอนนี้พวกผมเพิ่งเลิกเรียนกัน เดินลงมาจากอาคารก็ว่าจะแยกย้ายกันกับเพื่อน ผมเหนื่อยและง่วงนอนมาก เมื่อคืนผมก็อดหลับอดนอนครับ เพราะทำงานที่อาจารย์สั่งมาส่งวิชาที่เรียนไปภาคเช้านั้นแหละ
“ นะๆๆๆ ” ไอ้ยิมพูดตื๊อเบาๆ พอผมส่ายหน้าและทำท่าเหมือนจะเดินหนีมัน
“ ไม่ไปปปป กูง่วง ”
“ ไปเถอะ กูไม่มีเพื่อนอะ มิ่งมันมีนัดกับพ่อแม่มันอะ ส่วนไอ้เดย์มันไม่ยอมไป ” มีการพูดแล้วหันไปค้อนเบาๆใส่สองคนนั้นด้วย พวกนั้นก็แอบหัวเราะเบาๆลับหลัง หึๆ
“ แต่กูง่วงนะ กูอยากกลับไปนอน ” ผมตอบแล้วทำท่ายืดเส้นยืดสาย บิดขี้เกียจไปมา ถ้ากระโดตบได้คงทำไปแล้ว
“ ฮือมึง ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย นะๆ ”
“ นานป่ะละ? ” น่ะ เมื่อกี้เห็นมันพูดหน้าหงอยๆ ก็สงสารนิดๆ
“ นาน เอ้ย! ไม่นานๆ แปบเดียว ” ยิมมันส่ายหน้าไปมา แล้วส่งสายตาอ้อนวอน
“ .......... ” แต่ดูเชื่อไม่ได้กับคำตอบมันแหะ ต้องนานแน่ๆ –o-
“ มึงไปนั่งรออยู่ที่นั้นก็ได้ นอนเลยดีกว่า พอกูหาหนังสือเสร็จกูก็ปลุกมึง นะๆ ไปเถอะ ” พอเห็นผมทำท่าคิดและเงียบไปนาน มันเลยาวิธีที่จะทำให้ผมยอมไปกับมัน และให้ผมได้นอนด้วย ก็ไม่เลวๆ
“ เออๆ งั้นกูไปเป็นเพื่อน แต่กูนอนนะ ห้ามกวน ” ผมชี้หน้ามัน เพราะไม่มั่นใจจริงๆ ว่าไปแล้วจะได้นอนจริงๆมั๊ย เฮ้อออออ
“ เย้ โอเคๆ ”
..........
“ ขิมๆ ”
“ หา? ” ผมสะลึมสะลือเงยหน้ามองไอ้ยิม ตอนนี้ทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยกองหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องที่มันหามาประมาณสิบกว่าเล่มได้เลยอะ
“ มึงดูสิเล่มนั้น ใครเขียน ” มันชี้มาที่หนังสือเล่มหนาๆเล่มที่อยู่ด้านหน้าผม ในขณะที่มันก็ก้มๆเปิดหนังสือด้านหน้ามันหลายๆเล่มเหมือนกัน
“ ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์.... ”
“ โอเค งั้นไม่ใช่ เอามาๆ ” มันยื่นมือมารับหนังสือจากผมลงไปไว้เก้าอี้ข้างๆตัวมัน
“ กูนอนต่อได้ยัง? ” ไม่ใช่อะไรนะที่ถามแบบนี้ เพราะไอ้ยิมมันปลุกผมเป็นครั้งที่ 6 แล้ววว!
“ มึงนอนต่อเลย แหะๆ^^ ” มันยิ้มกว้างอย่างพอใจมาให้ แหม.. อยากจะเขวี้ยงหนังสือใส่ เห็นมั๊ย ผมได้นอนหลับสนิทที่ไหนพอมากับมัน
พอมันเดินออกไปหาหนังสือที่มันต้องการ ผมก็ฟึบลงที่โต๊ะอีกครั้ง
“ ขิมๆ ”
“ อื้อ? ” กัดฟันเงยหน้าขึ้นมามอง ฮืม! ครั้งที่ 7 แล้วนะ ที่มันปลุกผมเนี่ย! “ อะไร? ”
“ มึงดูเล่มหน้าปกฟ้าให้หน่อย ปีที่พิมพ์ปีไหน? อูยย อย่าเพิ่งหน้างอดิ ^^ ” พอมันมองเห็นหน้าผมที่เหลือบมองมัน มันยังแกล้งเอาขาหน้า เอ้ย! มือ มือมาสะกิดแขนผมอีกนะ
“ ปี 2 5 5 5 ” ผมตอบเสียงเอื่อยๆ
“ อ่อ โอเค เอามาๆ เดี๋ยวกูไปหามาเพิ่มก่อน นอนต่อเลยๆ ” มันพูดแล้วส่งยิ้มหวานให้ แต่ผมไม่มีอารมณ์ยิ้มตอบหรอกนะ ง่วงจะตายมันยังปลุกผมอีกอะ รอบที่ 7 มึงนะมึง><
ZZZzzzzz
“ ขิม ขิม ขิม ขิม ”
งืมมมม><
“ ขิมมมม ”
“ (–o–) อะไรอีกว่ะ ไอ้ยิ.. ” !!!!
“ ชู่ววว นี่ห้องสมุดนะมึง หึๆ ใช่มึงจริงๆด้วย ”
“ อ้าวมึง! มึงไม่ใช่ไอ้ยิมหนิ ”
“ ก็ไม่ใช่ หึ ”
ถ้าคุณอยากรู้ว่าไอ้ตัวสูงที่อยู่ในชุดนักศึกษาที่เขามาทักผมคือใคร ผมจะใบ้ให้..
..มันคือคนที่ผมจะขโมยร่มมันตอนฝนตกหน้าเซเว่น
..คนที่ผมเตะล้อรถมัน
..คนที่เจอที่ร้านจอดรถร้านเหล้า
..คนที่ผมไม่รู้จักชื่อ แต่มันดันรู้จักชื่อผม
คุ้นๆขึ้นมาแล้วเนาะ?
“ นี่มาทำอะไร? ” มันเอาแขนยาวๆข้างหนึ่งค้ำลงบนโต๊ะ ส่วนอีกข้างก็เอาเสยผมที่ปกหน้าขึ้นไปด้านบน ทำไมเวลาผมทำท่าเสยผมเปิดหน้าผากถึงไม่ดูดีแบบมันนะ หรือหัวผมเหม่งไป..
“ มองกูตาค้างเชียวนะ หึๆ ”
“ เชี่ย>< เปล่าสักหน่อย! ถามมาได้ว่าทำอะไร เห็นมั๊ยอะ ว่ากูทำอะไร กูนอนอยู่ครับ ” ผมส่งสายตาอาฆาตไปให้มัน สายตาอาฆาตของกูแต่มันกลับหัวเราะออกมา ตลกหรือไงไอ้บ้าเอ้ย
“ หึ ตรงนี้ว่างใช่ป่ะ? งั้นขอนั่งด้วยแล้วกัน ”
“ ไม่ได้ ห้ามนั่งนะ ตรงนั้นมันที่เพื่อนกู ” ผมชี้หน้ามันที่ก้มหลังอยู่ในท่าย่อตัว ก้นมันจะนั่งลงไปที่เก้าอี้อยู่แล้ว มันไม่ฟังผมเลยอะ><
“ กูจะนั่ง หึๆ ” แล้วมันก็นั่งลงไปเต็มก้นที่เก้าอี้ตรงข้ามผม โอยยย ไอ้ยิมไปไหนของมันเนี่ย
“ แต่เพื่อนกู .. ” ผมมองซ้ายขวา หาเพื่อนที่ให้ผมมาด้วย แล้วดันมาปล่อยผมทิ้งไว้แบบนี้..
“ เอาหน่า เพื่อนมึงให้กูนั่งอยู่แล้ว ” มันบอกผม แล้วล้วงๆอะไรในกระเป๋ากางเกงไม่รู้
“ มึงรู้ได้ไง ขนาดกูยังไม่ให้มึงนั่ง ”
“ เหอะ แต่กูนั่งแล้วครับ นี่ มองอะไร? ” มันส่งสายตาเจ้าเล่ห์มามองผม ผมเลยรีบหลบสายตา>< ทั้งๆที่มันก้มหน้าแต่มันรู้ได้ยังไงว่าผมมองมันอะ ..ก็ไม่รู้ว่ามันล้วงๆอะไรในกระเป๋ากางเกงตั้งนานสองนาน ดูล้วงยากๆ เลยเผลอจ้องนานไปหน่อยแค่นั้นเอง
“ เปล้า! ( >.o) ”
“ นี่ได้แล้ว หึๆ กูล้วงเอาโทรศัพท์น่ะ เห็นมองนานก็นึกว่าอยากล้วงให้^ - ^ ” มันยกโทรศัพท์ขึ้นมาให้อยู่ในระดับสายตาผม
“ ไอ้สัดด! บะ..บ้า มึงบ้า! ” ผมไปไม่เป็น>< รู้สึกทำตัวไม่ถูก จับเสื้อแขนยาวที่วางพับเป็นหมอนหนุนอยู่ด้านหน้าได้เลยเขวี้ยงใส่มันทันที ดูมันพูดดิ พูดจาทะลึ่ง คิดได้ไงเล่า!
“ เฮ้ย รุนแรงจังเลย กูแค่แซวเล่นเอง ฮ่ะๆ ^ ^ ” มันจับเสื้อแขนยาวของผมขึ้นมาพับๆแล้ววางที่โต๊ะทางด้านข้างแทน
“ ไปเล่นไกลๆ เฮ้อออ! ” ผมนั่งกอดอกพิงพนักเอ้าอี้ แล้วถอนหายใจเสียงดัง
“ ฮ่ะๆๆๆ มึงนี่ตลกจริงๆ ”
“ ชิ! ” ขออนุญาตมองบนครับ!
“ แล้วนี่ ทำไมไม่กลับไปนอนบ้าน? ”
“ ยุ่งอะไรด้วยเล่า ! ” ผมเปลี่ยนท่าโดยเอาแขนสองข้างขึ้นมาค้ำโต๊ะ และเอาหลังมือลองใต้คางของตัวเอง โดยสายตาก็มองไปที่มันอย่างหมั่นไส้
“ หึ.. ก็อยากยุ่ง มัน..สนุก..ดี.. ” มันวางโทรศัพท์ของตัวเองลงบนโต๊ะ แล้วเปลี่ยนมานั่งค้ำคางท่าเดียวกับผม ทำให้เรามองหน้ากันชัดเจนขึ้น แล้วคำพูดเมื่อกี้ของมันอีก มันทำให้ตกใจจนต้องผงะ >< อย่าทำแบบนี้ได้มั๊ย ไอบ้า! >/////<
“ แต่กูไม่สนุก กูจะนอน ” ว่าแล้วก็เบนสายตาไปทางอื่น
“ ไม่ง่วงแล้วไม่ใช่หรอ จะนอนทำไม? ” มันกลับไปนั่งพิงพนักเก้าท่าเดิม ผมค่อยรู้สึกหายใจสะดวกขึ้นมาหน่อย
“ (–o–) ” เออ.. นั้นสิ ผมไม่ง่วงแล้วอะ อย่าบอกนะว่าเพราะผมเห็นหน้ามันผมเลยไม่ง่วงแล้วเนี่ย.. คงใช่ มันมากวนตีนจนผมนอนต่อไม่ได้
“ นี่หนังสืออะไรเนี่ย ของมึงหรอ ? ” มันถามแล้วจับๆหนังสือขึ้นไปเปิดดู
“ ป่าว ของเพื่อน ”
ผมตอบมันแล้วก็ชะเง้อคอมองหาไอ้ยิม มันไปหาหนังสือมุมไหนของมันเนี่ย ไปนานเป็นบ้า ไม่ใช่มันกลับมาอีกที ผมถูกไอ้บ้านี่กวนตีนจนเส้นเลือดในสมองแตกตายก่อนล่ะ รีบกลับมาช่วยกูที พลีสสสสส
แล้วทำไมคนที่นั่งอยู่โซนเดียวกับผมถึงไม่มีแล้วซักคนล่ะเนี่ย ก่อนหน้านี้ยังเยอะอยู่เลย อาจจะเพราะเริ่มเย็นแล้วละมั้ง คนเขาเลยกลับกันหมด มีแต่ไอ้คนที่มาเสนอหน้าตรงหน้าผมตอนนี้เนี่ยแหละ มาได้ไง ??
แชะ แชะๆ
“ O.O ”
“ ...... ” (ทำเป็นไม่มอง)
“ มึงถายรูปกูหรอ? ” นอกจากผมจะจมูกดีแล้ว หูของผมก็เหมือนจะดีบางเวลาด้วยแหละ ผมได้ยินเหมือนเสียงชัตเตอร์จากกล้องโทรศัพท์ของมันนะ แต่พอเงยหน้ามอง สายตาของเจ้าตัวกลับจ้องมองที่โทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนนิ้วมือทั้งสองด้านก็กดๆจิ้มๆโทรศัพท์ สลับเป็นจังหวะรัวๆไม่หยุด
“ ป่าวหนิ ”
“ แต่เมื่อกี้กูเหมือนได้ยินเสียง..”
“ เหอะ คิดไปเองป่ะ นี่กูเล่นเกมส์ เนี่ย ” มันพูดแล้วหันโทรศัพท์มาให้ผมดูแปบหนึ่งก่อนหันกลับไปแล้วกดเล่นๆต่อ
แต่ผมคิดไปเองรึป่าวว่าพอผมพูดขึ้น มันก็ทำหน้าตกใจและลอกแลกนิดๆอะ แต่กลบเกลื่อนด้วยหน้ากวนตีน จะบอกยังไงดี ผมยังไม่เชื่ออะ -///////-
“ ขมวดคิ้วอะไรขนาดนั้น ไม่เชื่อกูหรอ ” มันเงยหน้าขึ้น แล้วกระตุกยิ้มเบาๆ
“ ก็เออสิ ”
“ งั้นดูโทรศัพท์กูเลยมั๊ย ” ว่าแล้วมันก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผมเลยทันที
“ ....... ” ผมส่ายหน้า
“ ไม่แน่นะ? ”
“ อือ ” ผมพยักหน้ายืนยัน ใครจะไปกล้า ผมไม่ก้าวก่ายคนอื่นขนาดนั้นหรอกนะ
เอ๊ะ! ผมลืมนึกถึงเรื่องพี่รันไปเลย การที่ผมแอบตามแอบถ่ายรูปพี่รันนี่ก็เรียกว่าก้าวก่ายมั๊ยอะ ไม่เนาะๆ เพราะพี่เขาไม่รู้
“ คิดอะไร ปากมึงแหลมจัง ฮ่ะๆๆ ”
“ ยุ่ง! ”
“ ไอ้ขิม ตื่นแล้วหระ.. o.O จึ๊ยยย นี่..?? ” ไอ้ยิมที่เดินโซเซกลับมาเพราะแบกหนังสือประมาณสี่ห้าเล่มในมือมาด้วย มันทำตาโตและส่งซิกถามผมทางสายตาว่านี่ใครก่อนวางหนังสือลงบนโต๊ะ
“ ไม่รู้ กูไม่รู้จัก ” คำตอบผมทำเอาคนที่ถูกพูดถึงสำลักน้ำลาย ก่อนจะแก้เก้อด้วยการหัวเราะกลบเกลื่อน
“ เออ .. พี่เป็นใครหรอครับ? ” ไอ้ยิมที่ได้คำตอบจากผมก็ทำหน้าไม่ถูก หันไปถามไอ้นั้นที่นั่งแทนที่มันอยู่
“ พี่เป็นผู้มีบุญคุณของขิมมันหน่ะ ”
“ O.o บ้าหรอ บุญคุณอะไร? ” ผมถามมันอย่างหาเรื่อง นึกไม่ออกด้วยซ้ำ เจอกันทีมันก็มีแต่กวนตีนทั้งนั้น
“ ฮ่าๆ ก็ลองนึกดูเอง อะๆ เอาเป็นว่ากูไปก็ได้ ” มันเลื่อนเก้าอี้ออกและยืนขึ้น พอผมเงยหน้ามองมัน มันก็ยิ้มกว้างมาให้อย่างพอใจ ยกมือบอกลาไอ้ยิมและเดินออกไปจากตรงที่พวกผมอยู่
“ เฮ้ย ใครวะมึง กูคุ้นๆ ” ไอ้ยิมรีบกลับไปนั่งที่ และถามผมทันทีพอเห็นว่าไอ้นั้นเดินออกไปแล้ว
“ มึงจะไปคุ้นมันได้ยังไง? ”
“ ไม่รู้ เอาเป็นว่าเขาคือใคร? อย่างหล่อ ทำไมกูไม่สูงเหมือนพี่เขาว่ะ ” มันถามผมและทำหน้าสงสัย
“ ใช่เวลาชื่นชมมันมั๊ยอะ ”
“ แหมมมม กูว่ามึงต้องอิจฉา และชมพี่เขาในใจอยู่แล้วอะดิ ”
>O< มะ..มันรู้ได้ไง?
“ ป่าวนะ ไม่ได้ชมสักหน่อย มันเป็นใครก็ไม่รู้ กูเจอมันสองสามครั้งเอง แล้วครั้งนี้มันก็เข้ามปลุกกู กูก็นึกว่าเป็นมึง ”
“ อ๋อ พี่เขาปลุกมึงนี่เอง ถึงทำหน้าแมวดุขนาดนั้นใส่พี่เขาอะ ”
“ ....... ” นี่ด่ากันป่ะ?
“ แหะๆ แล้วนี่พี่เขารู้จักชื่อมึงด้วยหรอ? ” มันถามต่อ
“ อืม ไม่รู้ว่ามันรู้จักกูได้ยังไง ..แต่กูไม่รู้จักชื่อมันอะ แล้วเรื่องบุญคุณ... ”
“ เออ พี่เขาเคยช่วยมึงหรอ ”
บุญคุณอะไรงั้นหรอ? ....
“ อ๋อออ เออนี่.. มึงจำได้มั๊ยตอนไปหอไอ้มิ่งวันนั้นแล้วฝนตกอะ มันเป็นคนกางร่มมาส่งกู ” ผมนึกออกแหละๆ
“ จำได้ๆ ” ไอ้ยิมพยักหน้า เมื่อนึกออก
“ หนอยยย เรื่องแค่นี้ถือเป็นบุญคุณเลยหรอ ” ตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นคนดีมีน้ำใจเฉยๆ ที่ไหนได้ เห็นเป็นบุญคุณเลยว่างั้น เหอะ! แต่ผมบอกมันแล้วว่าตอนนั้นมันอยากมาส่งเอง เลยไม่ขอบคุณอะ
“ ฮ่ะๆๆ กูว่าเป็นนะ มึงก็ไม่เปียกมากหนิวันนั้น ขอบคุณพี่เขามั๊ยละ? ” มันถามเหมือนรู้เลยอะ
“ ไม่ ” ผมส่ายหน้าและตอบเสียงเบา
“ นิสัยมึงนี่หน่า ไอ้ขิม ” มันชี้หน้าเหมือนรู้ทันและสั่งสอนเบาๆ แต่ผมสนใจที่ไหน หึ > - <
“ ทำไมอะ มันอยากเป็นคนมาส่งเองอะ ”
“ อะๆ โอเคจ้าเพื่อน แล้วแต่มึงเลย ” ไอ้ยิมพูดเสียงเนือยเหมือนยอมแพ้ ฮ่ะๆ
“ แล้วนี่มึงไปไหนมา กลับได้ยัง? ” ผมถามมัน เพราะถึงจะไม่ง่วงแล้ว แต่ตอนนี้ก็เหนื่อยชิบหาย ไม่รู้เหนื่อยอะไร
“ กลับได้แล้ว ป่ะๆๆ”
..........
ผมกับไอ้ยิมเดินออกมาจากหอสมุด ตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว แต่อากาศอบอ้าวเหมือนฝนจะตกซะงั้น
“ มึงเอารถไปจอดไหนอะ? ” ไอ้ยิมถามผม มันเหมือนจะเดินไม่ค่อยไหว เพราะมันคงหนักหนังสือที่มันกำลังหอบพะรุงพะรังประมาณสามสี่เล่ม เล่มละอย่างหนา และกับผมอีกหนึ่งเล่ม ช่วยมันสุดๆแล้ว มันไม่ยอมให้ช่วยมากกว่านี้
“ จอดข้างหอสมุด ” ผมตอบแล้วก็ชี้ไป
“ กูจอดไว้ฝั่งนูน งั้นแยกกันตรงนี้เนาะ เอาหนังสือมาๆ ” มันทำหน้าและปากยืดคอเหมือนบอกทิศทางให้ผมรู้ เพราะมือมันไม่ว่างชี้
“ มึงไหวมั๊ยเนี้ย กูถือไปส่ง ” ผมยังไม่ยอมคืนหนังสือให้มัน
“ ไม่ต้องๆ กูไหว ” มันพยักหน้ายืนยัน แล้วส่งยิ้มกว้าง จนผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
“ อ่าๆ ” ผมวางหนังสือลงไปทับอีกสามเล่มที่มันถือ มันก็ฮึบตัวขึ้นอย่างทุลักทุเล แต่ก็ยังยิ้มให้ผมอยู่เหมือนเดิม
“ ไม่ต้องมองกูอย่างนั้น กูไหวจริงๆ ฮ่ะๆ ไปๆ^ o ^ ”
“ อืม กูไปก็ได้ๆ ”
“ ขอบคุณที่พากูมา วันจันทร์เดี๋ยวกูเลี้ยงหนม ”
“ หืออ^ - ^ ดีเลย โอเค ” ผมโบกมือบายบ๊ายมัน มันก็ทำเหมือนจะยกมือขึ้นมาบ๊ายบายแต่เหมือนเพิ่งนึกได้ว่ามือไม่วาง ฮ่ะๆ .. ผมมองจนไอ้ยิม เดินข้ามถนนไปจนลับสายตาแล้ว ค่อยหันหลังเดินไปที่ที่ผมจอดรถไว้
..........
“ เฮ้ยยยยย รถกูo0o ”
พอผมเดินมาถึงที่ที่ผมจอดรถไว้ ก็ต้องตกใจจนแทบทรุดTT ตอนแรกที่ขับมาผมคิดว่าผมโชคดีเพราะมีรถขับออกไปจากตรงนี้พอดีเลยมีที่จอด แต่ใครจะรู้ละครับว่าในความโชคดียังมีความโชคร้ายที่โคตรเหี้ยอะ
“ทำไมยางแบนแบบนี้เนี่ย! ” ตอนขับมายังดีๆอยู่เลยนะ o.O
“ โหห! ยางแบนแต๊ดแต๊เลย เหี้ยเอ้ยยย! ” มันเหี้ยมากท่านผู้ชม
โอยยย ลูกพ่อ>< ล้อหนูทำไมเป็นแบบนี้ ...หรือพ่อขับไปเหยียบอะไร ? แล้วเหยียบตอนไหน ?
“ เฮ้อออ จะกลับยังไงล่ะเนี่ย ”
“ เอายังไงดีว่ะ ”
“ โทรศัพท์ไงไอ้ขิม โทรศัพท์ –O– ”
ผมรีบค้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าของตัวเอง พอหาเจอก็พยายามกดเปิดเครื่องแต่เปิดแล้วมันก็ดับครับ ก็เลยเคาะๆอยู่นั้นเพราะรู้ยังไงก็เปิดไม่ติด ที่จริงแบตโทรศัพท์ผมหมดตั้งแต่ตอนบ่ายๆแล้ว เพราะเมื่อคืนผมลืมชาร์ตไว้อะ เลยมาเรียนพร้อมกับแบตแค่15%
“ แบตก็หมด โทรหาใครก็ไม่ได้ ” ผมอยากจะทึ้งหัวตัวเองแรงๆ
พอโทรศัพท์ไม่ติด ผมเลยพยายามมองรอบๆว่ามีใครอยู่แถวนี้มั๊ย เห็นอยู่ไกลๆ ว่ากำลังมีคนเดินมาทางนี้ น่าจะเป็นรุ่นพี่ผู้ชายกับผู้หญิง ดูท่าทางน่าจะใจดีอยู่นะ ผมเลยคิดว่าจะเข้าไปขอยืมโทรศัพท์ของเขาสักคน เขาน่าจะให้ผมยืมนะ
“ ออกมาจากหอสมุด อากาศต่างกับข้างในชิบ ” ผู้ชายตัวเล็กๆ ถอนหายใจแล้วเอามือพัดไปมาแรงๆ เพื่อจะให้มีลมเย็นขึ้น
“ อืม ร้อนอบอ้าวเหมือนฝนจะตก จี้มึงให้กูไปส่งไหนอะ? ” อีกคนก็ถาม แต่หน้ากำลังก้มลงในกระเป๋าเหมือนหาอะไรบ้างอย่างอยู่
“ วิศวะฯ กูต้องไปหามันอะ ” อู้ คณะผมเลยอะ
“ อืมม เดี๋ยวนี้อะไรก็มีแต่แฟน ”
“ อย่ามาแซวดิ>//////< ”
1 2 3 เรียก..
“ พี่ครับๆ เออ.. ” ผมเรียกพี่สองคนที่กำลังจะเดินผ่านผมไป เหมือนพวกเขาทั้งคู่จะไม่ทันสังเกตนะ ว่ามีผมยืนอยู่ตรงนี้ เพราะทั้งคู่หันมามองผมด้วยหน้าตาที่ตกใจพอสมควร ฮัลโล^///^ ผมเองไม่ใช่ผีหรอกครับ ใจเย็นๆนะ^^
“ เรียกพวกเราหรอ ” พี่ผู้ชายตัวเล็กผิวขาวๆคนนั้นหันมามองหน้าผมงงๆ และชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง ผมเลยต้องรีบพยักหน้ายืนยันพร้อมส่งยิ้มให้ ก่อนจะค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้พวกเขา
“ หล่ออะ น่ารักอะมึง ” พี่ผู้หญิงคนสวยกระซิบอะไรไม่รู้ ก่อนหันมายิ้มหวานให้ผม โหหหห พี่เขาสวยมากเลยนะเนี่ย มีแฟนรึยังน๊า> - <
“ แยมมึงนี่! เอ่อ ว่าไงอะ มีอะไรหรอ? ” เขาพูดค่อนข้างห้วนหน่อยๆ แต่ผมว่ามันไม่ได้เสียงแข็งจนเกินไป ผมคิดว่าเขาคงงงและลังเลว่าจะคุยกับผมดีมั๊ยน่ะ..
“ ^ - ^ คือว่า.. ”
“ มีอะไรหรอ? พูดมาเลยจ้ะ ” พี่ผู้หญิงคนสวยพยักหน้าเพื่อให้ผมพูดต่อ แถมส่งยิ้มหวานกว่าเดิมให้อีก แหมมม ยิ่งยิ้มยิ่งสวยอะครับ
“ คือ..พอดีว่า รถของผมยางแบนอะ แล้วโทรศัพท์แบตก็หมดโทรหาใครไม่ได้ ผมขอยืมโทรศัพท์พี่โทรหาพี่ชายหน่อยได้มั๊ยครับ ” ผมพูดอย่างอายๆ แล้วชี้ไปที่รถของตัวเองที่ยางแบนแต๊ดแต๋
“ อ้าว ยางรถแบน ทำไมซวยจังอะ.. เออจี้กูลืมโทรศัพท์ไว้ที่รถ ของมึงให้น้องเขายืมดิ ” พี่คนสวยสะกิดพี่อีกคนที่ยังทำหน้างงนิดหน่อย
“ อ่อๆ ได้ดิ นี่อะ” พี่เขาพยักหน้าแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ายืนมาให้ผม
“ ขอบคุณนะครับ ” ผมรีบรับโทรศัพท์มา แล้วกดเบอร์โทรออกหาไอ้พี่
แต่..
“ คุณมียอดเงินคงเหลือไม่เพียงพอ.. กรุณาเติมเงินค่ะ.. ”
จ บ เ ห่ .. -o-
เดี๋ยวมาต่อ
.
.
**มาต่อๆ
ผมหันไปมองหน้าพี่เจ้าของโทรศัพท์และพี่คนสวยข้างๆ ทั้งสองกำลังมองหน้าผมเหมือนลุ้นว่าโทรติดหรือเปล่า คือเหมือนพี่เขาพยายามช่วยผมอะ แต่ทำยังไงได้ผมต้องบอกความจริงออกไป
“ โทรติดมั๊ย? พี่รับมั๊ย?” พี่คนสวยถามหลังจากที่เห็นว่าผมที่ยิ้มฝืดๆ
“ เงินโทรศัพท์พี่หมดอะครับ มัน..เลยโทรไม่ติด แหะๆ ” ผมส่ายหน้าช้าๆ และยิ้มแยะๆ
“ หาาา O.o ” ใบหน้าพี่เจ้าของโทรศัพท์ตอนนี้ทั้งตาโต อ้าปากค้าง หน้าขึ้นสีขึ้นมาทันที พี่เขายื่นมือมารับโทรศัพท์กลับไป เหมือนจะกดเช็คยอดเงิน ก่อนเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมแบบอธิบายไม่ถูก
“ เอ้าไอ้จี้! ไม่มีเงินโทรศัพท์หรอ ”
“ อืมแยม กูนึกว่ามีอะ สงสัยเพิ่งหมดด้วยอะ ขอโทษนะ ทำไงดีๆๆ ” พี่เจ้าของโทรศัพท์พูดกับพี่คนสวย แล้วหันมามองหน้าผมด้วยสายตาที่รู้สึกผิด
“ โทรศัพท์มึงนี่ทำไรได้บ้างมั๊ยเนี้ยยย ยังมีร้านไหนรับซ่อมโทรศัพท์รุ่นนี้ให้มึงอยู่นะ ” พี่คนสวยพูด ทำให้ผมมองตามไปที่โทรศัพท์ ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ของพี่เขารุ่นอะไร แต่เหมือนจะเป็นรุ่นที่มีมานานแล้ว
“ อย่าดูถูกโทรศัพท์กู รู้มั๊ยเครื่องนี้ก็ใช่ตั้งแต่มอสาม เก็บไว้เป็นอย่างดี ” โหหห นานจริงๆด้วย
“ คุยโม้อยู่ได้ เปิดเน็ตๆ ลองทักเฟสได้ป่ะ ” พี่คนสวยเสนอความคิด
“ เออๆ แปปๆ ถ้าไอโฟนพี่ไม่พัง ป่านนี้น้องโทรหาพี่ชายได้แล้ว ” พี่เจ้าของโทรศัพท์พูดหน้าหงิกใส่พี่คนสวย ก่อนหันมาพูดยิ้มใจเย็นให้กับผม
“ ได้ป่ะ? ” พี่คนสวยเร่ง ด้วยความตื่นเต้น ผมนี่ยังลุ้นไปด้วยเลย
“ เดี๋ยวลองต่อเน็ตอยู่ ..อ้าวโปรหมดอะ ..ไวไฟไม่ถึงแล้วด้วย ” พี่เจ้าของโทรศัพท์พยักหน้า แล้วกดที่โทรศัพท์ของตัวเองซักพัก ก็เงยหน้ามาบอกว่าไม่มีโปรเน็ต แต่ก็ไม่ละความพยายามยกโทรศัพท์ขึ้นเหมือนหาสัญญาณไวไฟ
“ แปบนะสุดหล่อ แหะๆ ” พี่คนสวยจากที่มั่นใจ ก็เงยหน้ามองผมแล้วยิ้มแห้งๆ ดูเหมือนจะอายๆหน่อยๆ จนผมต้องรีบพูดอะไรสักอย่างเพื่อให้พี่เขารู้สึกไม่ดีกัน
“ เออ พี่ครับไม่ต้องก็ได้ครับ ” ผมบอกพี่เจ้าของโทรศัพท์ คือพี่เขาพยายามเดินไปเดินมา ยกมือขึ้นลงเพื่อหาไวไฟให้ผมอะ
“ แล้วเอาไงดีอะ? ” พี่เจ้าของโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมาถาม หลังจากเคาะๆโทรศัพท์ทำหน้าเหมือนไม่ได้ดั่งใจ
“ งั้นเดี๋ยวพี่ส่งมั๊ย บ้านอยู่ไหน? ” พี่คนสวยถาม
“ เอ้ย ไม่เป็นไรครับพี่ เออ.. คือเดี๋ยวผมเดินไปขึ้นแท็กซี่ก็ได้ ” ผมชี้ไปทางด้านหน้า เดินไปซักหน่อย จำได้ว่ามีป้ายรถเมย์ เอาจริงๆ ผมเกรงใจอะพูดตรงๆ
“ เห้ย ไม่ต้องเกรงใจนะ ” พี่คนสวยโบกมือไปมาๆ ส่วนพี่เจ้าของโทรศัพท์ก็พยักหน้าเห็นด้วย ก่อนพี่เขาจะก้มๆลงมองโทรศัพท์ตัวเองด้วยสายตาหาเรื่อง โทรศัพท์?
“ ไม่เป็นไรจริงๆครับ ขอบคุณนะ ” ผมพูดกับพี่แยม
“ อ่อ เอางั้นแน่นะ ” พี่คนสวยถาม และทำหน้าไม่แน่ใจ
“ แน่ครับ ขอบคุณนะครับ ” ผมพยักหน้ายืนยัน และยกมือไหว้ขอบคุณ พี่ทั้งสองก็ยิ้มมาให้ผม เพราะพี่เขาช่วยอย่างเต็มที่แล้ว
“ งั้น.. พวกพี่ไปนะ เออๆ! น้องชื่ออะไรอะ? ” พี่คนสวยที่กำลังจะเดินไป หันกลับมาถามผมเหมือนพี่เขาเพิ่งนึกขึ้นได้
“ ^ - ^ ” ฮืออออ พี่คนสวยถามชื่อผมด้วย
“ เอ้ย คือพี่ถามชื่อเรา เพราะว่าเผื่อมีโอกาสที่ได้ช่วยครั้งหน้า เพราะครั้งนี้ดันช่วยอะไรน้องไม่ได้เลย ฮ่ะๆๆ ” พี่แยมเกาหัวตัวเองและหัวเราะออกมากันเก้อที่ผมไม่ยอมตอบพี่เขาสักที น่ารักกกกก
“ ครับ.. ” งือออ ขอโทษครับ ที่ยังไม่ตอบเพราะเขิน บ่องตรง! >/////<
“ อะๆ งั้นพี่บอกชื่อพี่ก่อน ..พี่ชื่อแยม ส่วนนี้ไอ้จี้ คนนี้มีแฟนแล้ว ”
“ ไอ้แยม! อืมๆ ตามนั้นแหละน้อง ชื่อจี้มีแฟนแล้ว ” พี่จี้ที่เงยหน้าขึ้นอย่างตกใจและเหมือนจะด่าพี่แยม กลับเปลี่ยนมาอมยิ้มเขินๆ แล้วหันมาพูดยอมรับกับผมเสียงเบา ฮ่าๆ
“ ครับพี่แยม พี่จี้ ..ผมชื่อขิม ^^ ”
“ ^o^ ขิม น้องขิม ไว้เจอกันนะน้องขิม พี่ไปแล้วนะจ๊ะ กลับดีๆล่ะ ”
ผมยืนยิ้มอยู่ที่เดิมจนพี่ทั้งสองคนเดินจากผมไปไกลแล้ว เฮ้อ ถึงจะช่วยผมไม่ได้แต่พี่เขาก็ยังพยายามช่วย ใจดีจริงๆเลย ขอบคุณนะครับ ผมบอกขอบคุณในใจอีกครั้ง
..........
ผมตรวจของในรถ อะไรที่เป็นของสำคัญก็หยิบมาไว้กับตัวเองหมด เดินวนไปวนมาหลายรอบจนแน่ใจว่าไม่มีของสำคัญแล้ว ก่อนผมจะล็อกรถ
ผมเดินไปตามทางเท้าเรื่อยๆ เพื่อไปที่ป้ายรถ ระหว่างนั้นก็คิดว่าถ้าไปรอแถวนั้นคงมีแท็กซี่ผ่านมาผมก็จะได้ขึ้นเพื่อกลับบ้านเลย แต่ฟ้ามืดแบบนี้ก็น่ากลัว แถมจากที่ร้อนอบอ้าวก็เปลี่ยนลมพัดแรงขึ้น เฮ้อ ทำไมไม่ค่อยมีรถผ่านไปผ่านมาเลยนะ บรรยากาศวังเวงชอบกล
ปริ้นๆ!
ไอ้สลัด! สะดุ้งเลยอะ
อยู่ๆก็ได้ยินเสียงบีบแตร พอหันไปมองก็เห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซต์คันใหญ่คันหนึ่งเหมือนจะเป็นรถบิ๊กไบค์ขับมาเรื่อยๆจนมาจอดเทียบกับทางเท้าที่ผมกำลังยืนอยู่
ใครอะ?
อะ ! O.O หรือว่าโจร
!!!!!!!
“ นี่! ” ผมได้ยินเสียงออกมาจากหมวกกันน็อคใบนั้น ก็ถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อความปลอดภัย มองไปรอบๆ ตอนนี้ทางเดินข้างหน้าข้างหลังผมไม่มีคนเลย รถก็ไม่มีผ่าน คนไปไหนกันหมดเนี้ย
“ ....... ”
“ มาทำอะไรตรงนี้? ”
“ เฮ้ยย ม..มึงเป็นใคร ” ผมก้าวถอยหลังหลายๆก้าวขึ้น หลังจากสังเกตเห็นว่ามันลงจากรถ และย่างเท้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆ
ดูจากการแต่งตัว ใส่หมวกกันน็อคสีดำ เสื้อแจ๊กเก็ตสีดำเสื้อด้านในเหมือนจะเป็นสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ ดำทั้งตัวแบบนี้ ไม่น่าไว้ใจอะ
ถ้าเกิดเป็นโจรจริงๆ ผมจะทำยังไงดี ฮือออ พ่อจ๋า แม่จ๋า ช่วยขิมด้วย T – T
“ มึงเป็นใคร อย่าเข้ามานะเว้ย! ”
“ ฮะ? กูไง กูอะ ” เสียงที่ออกมากลับทำให้ผมตกใจมากกว่าเดิม พอมันเข้ามาใกล้มากขึ้น อยู่ดีๆขาของผมมันก็เหมือนจะก้าวถอยหลังไม่ออก
ผมพยายามกลั้นหายใจ ทั้งๆที่รู้สึกว่าจังหวะของการเต้นของหัวใจของผมมันเต้นแรงมากขึ้น เพราะความกลัวและคิดไปเรื่อยของผม หวังว่าชีวิตผมคงไม่จบลงมันนี้หรอกนะ ผมกำมือตัวเองแน่นขึ้น ฝ่ามือเริ่มเปียกชื้นเพราะเหงื่อที่หลั่งออกมามากขึ้น
พยายามบอกตัวเองให้ตั้งสติแต่ว่า..
ถ้ามันเป็นโจร..
ในหัวนึกแต่หน้าพ่อ แม่ พี่ แล้วว่าตอนนี้ผมมีอะไรที่สำคัญ กระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ นาฬิกา กุญแจรถ อะไรอีกๆ?
“ ม..มึงเป็นโจรหรอ ต้องการอะไร? ” ผมฝืนกลืนก้อนน้ำลายลงคอ แล้วถามมันออกไป พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น แต่มันก็สั่นเหอะ..
“ กูไม่ได้ต้องการอะไร.. ” มันตอบเสียงเรียบ
“ มึงไม่ได้ต้องการอะไร แล้วมึงจะก้าวตามกูมาทำไม อะ.. อย่านะ อย่าเข้ามานะเว้ย กูต่อยนะโว้ย ย้ากกก!!!! ” ผมหลับตาหยี๋ ก่อนกลั้นหายใจ ยกขึ้นปล่อยหมัดเพื่อจะต่อยคนตรงหน้า แต่..
หมับ!
พลาดไม่เป็นท่า>< หมัดที่ผมปล่อยออกไปกลับถูกมือใหญ่ๆของมันจับกุมไว้แน่น ฮือออ ผมไม่กล้าลืมตาหรอกนะ เตรียมตัวโดนหมัดสวนคืนแน่ๆ
( >.-)
ไม่.. ไม่โดนต่อยกลับอะ..
ผมลองหรี่ตาดูคนตรงหน้า ก็เห็นว่ามันกำลังพยายามถอดหมวกกันน็อคออกด้วยมือข้างที่ว่าง ที่ไม่จับผมไว้
“ นี่จะต่อยกับหมวกกันน็อคที่กูใส่เนี่ยนะ! ” พอได้ยินเสียงที่เหมือนจะอึ้งๆปนโมโหหน่อยๆ ผมก็รีบหลับตาลงสนิทอีกครั้ง ไม่กล้ามองหน้าโจรหรอกนะ ถ้าถูกมันเอาหมวกกันน็อคฟาด หรือฆ่าเอาจะทำยังไง ><
“ มะ..ไม่ได้ตั้งใจ กลัวแล้ว มึงต้องการอะไร เอาไปเลย อย่าฆ่ากูนะ กูไม่ได้เจอพ่อแม่หลายเดือนแล้ว ฮือออ ” ผมส่ายหน้าไปมาหลายครั้ง พยายามดึงตัวออกจากมัน มือก็ถูกมันจับ ขาก็ก้าวไม่ออก><
“ ขิม! มองดีๆ ลืมตาเร็ว ” น้ำเสียงคุ้นๆอะ
“ ไม่! ” ผมปฏิเสธ แถมยังพยายามก้มหน้าลงจนจะชิดอก ..ถึงเสียงมันจะคุ้น แต่ผมก็คิดอย่างเดียว ผมจะไปบ้าคุ้นเสียงโจรได้ยังไง ..
“ กูเอง ลืมตา ขิมลืมตา! ” ผมพยายามส่ายหน้าหนี พอรู้ตัวว่ามันเอามือขึ้นมาดันหน้าผาก และจับหน้าผมให้เงยหน้าขึ้นมอง
ฮึยยยย ไม่ลืมโว้ย ไม่มองด้วย ทำไมต้องมาบังคับกันด้วยเล่า!
“ กูเอง ฟังเสียงกู .. กูไม่ใช่โจร ลืมตานะ..”
ไม่ใช่โจร..
-.- ให้ฟังเสียง? เสียงหรอ?
O.O
“ มึง.. ” มันจริงๆด้วย ..
คือมันจริงๆ l-l
“ เออ กูเอง ” มันถอนหายใจออกมา และยิ้มบางๆให้ผม ในขณะที่ผมอึ้งมากกว่าเดิม นี่มัน..
“ มึงแกล้งกูหรอ? ” ผมถามมันออกไป และทุบที่อกมันไปด้วยแรงที่มี อยู่ๆก็รู้สึกโล่งใจ แต่ก็จะร้องไห้ยังไงไม่รู้
“ หึๆ ” มันส่ายหน้าไปมา และยิ้มบางๆมาให้ เอาไงดีอะ ผมสับสนตกลงมันแกล้งผมมั๊ย..
“ ฮืออ นี่มึงแกล้งกูหรอ..ฮึก ” ผมดึงมือที่ถูกมันจับไว้เมื่อกี้ ขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง
ความกลัวและความตกใจที่มีมันก็กลายเป็นความโล่งใจ น้ำตามันก็ไหล ไหลออกมาแบบห้ามไม่อยู่ ผมสับสนไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกโกรธหรือรู้สึกปลอดภัยพอรู้ว่าเป็นมัน รู้ว่ามันไม่ใช่โจร..
มันคงหัวเราะอยู่สินะ มันไม่รู้หรอว่าเมื่อกี้ผมกลัวมากแค่ไหน หน้าพ่อหน้าแม่ หน้าคนในครอบครัวลอยมาหมดอะ ทำไมมันต้องแกล้งผมด้วย ( - . - )
“ เฮ้ย ขิม อย่าร้อง.. กูไม่ได้จะแกล้งนะ ” ทำเป็นเสียงอ่อนนะมึง ชิ ไม่ต้องมาจับมือกูเลย!
“ ปล่อย! ฟูดดด ”
“ เดี๋ยวๆ ฟังกูก่อน.. กูขับรถมาพอดี มองเห็นมึงจากข้างหลัง กูคิดว่าต้องเป็นมึงเลยจอดรถมาดู คือ..กูจะเขามาถามว่าทำไมมาเดินอยู่คนเดียวแบบนี้ ”
“ ไม่ต้องมายุ่ง.. ”ผมหันหน้าหนีไม่ยอมมองหน้ามัน ทำเป็นเหมือนไม่อยากฟังมัน แต่ที่จริงก็ฟังอะแหละ แต่น้ำมูกผมไหลไง ผมจะสูดน้ำมูกอะ ไม่อยากให้ใครเห็นนะโว้ยTT
“ ฟังก่อน ไม่ร้องดิ.. ” มันพยายามจับให้ผมหันไปมองหน้ามันอีกครั้ง
“ ฮึยยย เอ่อ! กูจะฟัง แต่แปบหนึ่งได้มั๊ยเล่า! น้ำมูกไหลกูจะเช็ดน้ำมูก! ” ผมสะบัดมือมันออกมาบังจมูกไว้ และมองหน้ามันอย่างหาเรื่อง ก่อนสูดน้ำมูกแรงๆใส่หน้ามัน
“ อ่า .. ” (^=O=^)
“ อะ ทิชชู ” มันเดินกลับมาจากมอเตอร์ไซต์พร้อมทิชชูที่มันยื่นให้ผม ผมก็รีบหันหลังหนี รีบจัดการเช็ดหน้าเช็ดตา เช็ดน้ำมูกให้เรียบร้อย ก่อนจะหันกลับไปมองมันที่ยังยืนอยู่ใกล้ๆผมที่เดิม
“ จมูกแดงหมดแล้ว เด็กขี้แย ”
“ ไม่ต้องมายิ้มเลย! ” ผมเขวี้ยงทิชชูที่ไม่ได้ใช้คืนให้มัน ที่จริงก็เล็งที่หน้าแหละ แต่ไม่โดน หึยย
“ โอเคยัง? ก็บอกว่าให้มองดีๆ ไม่เชื่อกูนะ ” มันจิ้มๆหน้าผากผมจนเซ
“ อย่าสิ! เออ ก็มึงอะ! กูนึกว่าโจรหนิหน่า ” ผมปัดมือมันออก แล้วเงยหน้ามองมันด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
“ โจรอะไรขับบิ๊กไบค์ แล้วแถมยังหล่อขนาดนี้ หึๆ ”
“ ถุยเถอะ -/////////- เอาความมั่นหน้ามาจากไหน? ” ผมด่ามันด้วยเสียงที่ยังอู้อี้อยู่
“ หึๆ ช่างความหล่อของกูเถอะเนาะ.. ตอบกูมาก่อนว่าทำไมมาเดินอยู่ที่นี้? ทำไมยังไม่กลับ? แล้วไหนเพื่อน? ทำไมอยู่คนเดียว? ที่นี้มันมืดมันเปลี่ยวรู้มั๊ย? ” ผมอ้าปากค้าง กะจะตอบมันตั้งแต่คำถามแรก แต่ยังไม่ทันได้ตอบ ก็โดนมันถามรัวเป็นชุดอะ
“ ถามอะไรเยอะแยะเนี้ย! ”
“ ให้ทวนคำถามมั๊ยล่ะ? ”
“ ไม่ต้องๆ ..เพื่อนกูกลับแล้ว กูก็กำลังจะกลับ ” ผมสรุปคำตอบ
“ รถจอดอยู่ไหน นี่มึงอย่าบอกว่าเดินมาจากหอสมุด ” มันถามต่อ แต่ทำไมต้องทำหน้าเหมือนพ่อเวลาดุผมด้วยอะ
“ รถก็จอดอยู่หอสมุด แต่กูจะไปป้ายรถเมย์ ” ผมชี้ไปตามทางเดิน
“ ไปทำไม? ” มันหันไปมองตามที่ผมชี้ แล้วหันกลับมาถาม เหอะ ถามมากเหมือนพ่อจริงๆแล้วล่ะ
“ ก็กลับบ้านไง ถามมาก ”
“ แล้วทำไมไม่ขับรถกลับ ตอบยาวๆดิ กูถามตั้งยาว ” มันเสยผมของตัวเอง และทำหน้าเหมือนจะบังคับผมให้ได้
“ เอ่อๆ ..ก็รถกูยางรั่วอะ โทรศัพท์แบตก็หมด เจอคนจะยืมโทรศัพท์เขา เขาก็ดันไม่มีตังค์โทรอะ กูก็เลยจะนั่งแท็กซี่กลับ โอเคยัง! ” ผมพูดอธิบายยาวๆตามที่มันต้องการ ใส่หน้ามัน มันทำท่าคิดตาม และพยักหน้าเหมือนเข้าใจ
“ งั้นมา.. ”
หมับ
“ O.O จับทำไม ปล่อยๆ! ” ผมร้องขึ้นเสียงดังและตีมือมันรัวๆ เพราะอยู่ดีๆมันก็จับมือผม
“ ไม่ปล่อย มากับกู ” มันไม่สนใจกลับออกแรงดึงผมให้เดินไปที่รถของมัน
“ ไปไหน ไม่ไปนะ! ” ผมดึงมือกลับและส่ายหน้ารัวๆ
“ จะไปส่ง ขึ้นรถเร็ว ”
“ หะ? ” O.o
“ งงอะไร? ขึ้นมาเร็ว กูจะไปส่ง ” มันยื่นหมวกกันน็อคใบใหญ่สีดำมาให้ผมถือ ผมก็รับมาถือไว้ด้วยความงงกว่าเดิม
มันก้าวขึ้นรถมอเตอร์ไซต์ หันมามองหน้าผมแล้วมันกระตุกยิ้มนิดๆ เสียงสตาร์ตของเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นทำให้เรียกสติผมกลับมาได้ แต่ถึงยังไง ขาของผมก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ได้ก้าวตามมันไป
“ ไม่ ไม่ต้อง กูจะนั่งแท็กซี่ ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
“ เสียตังค์แพงนะ กูว่ามึงเก็บเงินไว้ซื้อขนมดีกว่า ”
เป็นความคิดที่ดีนะ..
“ ขนมดีกว่า เอ้ย! ไม่เอาๆๆ จ่ายนิดหน่อยจะเป็นไร ” พอผมเผลอพูดตาม แต่ก็รีบแก้คำพูด มันก็แอบหัวเราะอะ อย่านึกว่าไม่เห็นนะ!
“ หึ มึงไม่ได้ยินข่าวหรอ ช่วงนี้มีข่าวแท็กซี่โหด ฆ่าข่มขืนนักศึกษานะ จะชายหรือหญิงก็อันตรายทั้งนั้น ”
“ บ้าป่ะ พูดทำไมเนี่ย! ” ผมด่ามันหน้าหงิก ทำไมต้องพูดให้กลัวด้วย.
“ นี่กูไปส่งฟรี ไม่เสียตังค์ ไม่ฆ่าข่มขืนมึงด้วยนะ ” มันกระตุกยิ้ม
“ ไอ้บ้า! ”
“ เอาไง ให้กูไปส่ง มึงดูฟ้าเริ่มมืดแล้วนะ ลมก็แรงฝนอาจจะตกด้วย กว่าจะเดินถึงป้ายรถ กูว่าได้เปียกฝนก่อนแน่ๆ ”
“ เออ.. ” เอาไงดี ? ผมมองท้องฟ้า ความจริงก็คิดว่าถ้าไม่ได้กลับตอนนี้ต้องหลบฝนไม่ทันแน่ๆ แต่จะกลับกับมัน ..นี่ตกลงผมกับมัน เรากลายเป็นคนรู้จักกันแล้วหรอ ..
“ คิดนานเว้ย งั้น.. ”
“ เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไป ” ผมรีบยกมือห้ามมัน เพราะคิดว่ามันจะขับรถหนีผมออกไปก่อน
“ ใครบอกว่ากูจะไป กูจะจอดรถลงไปลากมึงมาซ้อนเนี่ย ” มันจอดรถเอาคาตั้งลง เหมือนจะลงมาลากผมจริงๆ
“ ...... ” เอาไงดี ถ้ามันไปส่งก็จะประหยัดตังค์ แล้วก็คงปลอดภัย ..กว่านิดๆ
“ จะขึ้นก็ขึ้นเถอะหน่า หนึ่ง สอง สะ.. ” มันพูดเสียงดัง แล้วทำท่าจะออกรถหนีผมซะงั้น ผมเลยรีบวิ่งมาหามันที่รถก่อนมันจะออกไปจริงๆ
“ ไปก็ได้ จะขึ้นๆ ขึ้นยังไงว่ะ? ” ผมพูดหน้าหงิก รถอะไรสูงชิบหาย
“ เหยียบที่เหยียบ แล้วจับที่ไหล่กู อ่า ขึ้นมา.. ”
“ ฮึบ! ” > - < โอย สูงก็สูง นั่งก็ยาก
“ อะนี้หมวก ” ผมยื่นหมวกไปให้มัน
“ มึงใส่เลย ” มันส่ายหัว
“ ไม่ๆ มึงแหละใส่ ”
“ ไม่ มึงใส่แหละดีแล้ว เผื่อหลับตกรถจะทำยังไง? ”
“ ไอ้บ้า! กูไม่หลับหรอกน้า มีหมวกอันเดียวหรือไง มึงแม่งพูดมาก กูใส่เนี่ย ใส่แล้ว.. ” ผมยอมใส่หมวกกันน็อกตามที่มันบอกเพราะต้องปลอดภัยไว้ก่อน แต่ก็บ่นๆๆเรื่อยๆอยูด้านหลังมัน
“ บ่นเก่งจริงๆเว้ย หึๆ ที่มีหมวกอันเดียวเพราะก็ปกติไม่มีใครซ้อนหนิ ”
“ ก็แหง ปกติผู้หญิงเขาก็ชอบนั่งรถยนต์ มีที่บังแดด แถมแอร์เย็นสบาย ”
“ แล้ว.. มึงชอบแบบไหน? ” มันหันข้างมาถาม
“ อือ กูหรอ.. แบบนี้ก็ดีนะ^ - ^ ปกติกูขับแต่รถยนต์ บิกไบค์มึงเท่ห์ดี ”
“ อืม .. ” มันพยักหน้าและขานรับเบาๆแค่นั้น เมื่อกี้ผมตอบไปตามความจริง ไม่เห็นหรอกว่าพอมันฟังคำตอบของผม แล้วมันจะทำหน้าทำตายังไง ก็สงสัยนิดๆว่ามันถามทำไม ..แต่ช่างเถอะ
“ นี่! ไปได้แล้วๆๆๆ ” ผมเห็นว่ามันไม่ออกรถซักที เลยเร่งมัน ไม่รู้เหมออะไรอยู่ได้ -o-
“ หึๆ ได้ครับได้ เกาะกูแน่นๆด้วย ”
“ มึงขับดีๆแล้วกัน ไอเกาะ กูเกาะแน่นอยู่แล้วไม่ต้องบอก ” ผมบอกมัน เพราะตอนนี้ผมจับเสื้อแจ็คเก็ตของมันไว้แน่นมากบอกเลย
หมับ
“ เอ้ย ทำไรเนี่ย! ” ผมร้องเสียงหลงอะและพยายามดึงมืออก อยู่ดีๆไอ้บ้านั้นก็เอื้อมมือมาจับมือผมทั้งสองข้างเข้าไปกอดเอวมัน จะบ้าตายยย><
“ จะกอดเลยก็ได้นะ กูไม่ถือ ”
“ ตะ..แต่กูถือเว้ย ” ผมรีบดึงมือกลับแล้วจับเสื้อด้านหลังมันไว้แน่นเหมือนเดิม
“ หึๆ โอเคๆ ”
“ ไปซักที! กวนตีนอยู่ได้อะ ”
..........
“ นี่.. บ้านกูต้องเลี้ยวอีกทางนะ! นี่จะไปไหนอะ ” ผมร้องเสียงดังแล้วเอามือทุบหลังมันรัว เพราะสังเกตว่าพอมาถึงทางแยก มันกลับไม่เลี้ยวไปถนนทางจะไปบ้านผม ตามที่ผมบอก แต่กลับเลี้ยวไปอีกทางแทน
ซ่าๆๆๆๆๆๆ
“ เอ้ย! ฝนตกกก ” ผมพยายามห่อตัวและบังไม่ให้ของที่อยู่ในกระเป๋าเปียก เพราะฝนมันตกแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ นั่งดีๆ ” มันพูดบอกผมเสียงดังแข่งกับฝน
“ นี่จะขับไปไหนอะ ไอ้บ้า! ”
“ คอนโดกู ”
“ หะ! ” คอนโดมันเนี่ยนะ .. ว้อททททททท
-100%-
#จับรัก #กรดขิม
TBC.
** มาอัพแล้วค่าาาา ตอนนี้สั้นไปมั๊ยอ่ะ
ตอนนี้มีจี้กับแยมจากเรื่อง แล้ว..รักรึป่าว โผล่มากด้วยนิดหนึ่ง
มาก็ไม่ได้ช่วยอะไรขิมได้เลย เงินโทรศัพท์ก็หมดอีก 5555 ><
ส่วนพระเอกของเรา ก็โผล่มาแบบนั้น น้องขิมก็นึกว่าเป็นโจรสิค่ะ
ติดตามตอนต่อไป ว่าพี่กรดจะพาขิมไปคอนโดทำไม.. ไปทำอะไรอะ??
มาแล้ว ตอนหกมาแล้ว
ก่อนอื่นขอโทษที่หายไปนานนะคะ พอดีช่วงนี้พิมยุ่งๆเหนื่อยๆ
และก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยสบาย เลยทำให้ไม่มีเวลามาแต่งนิยายต่อ
จะพยายามมาอัพเรื่อยๆ แต่ก็อาจจะต้องใช้เวลานิดหนึ่ง
เพราะเราธุระเยอะ ติดนั่นติดนี่ แล้วร่างกายมันเหนื่อย
นั่งอยู่หน้าคอมได้สักพักก็จะหลับก่อนตลอด55555
ไปอ่านตอน'งอนที่กูดุเหรอ?'กันเลย
---------------------------------
---------------------------------
- ۞ตอนที่หก -
งอนที่กูดุเหรอ?
ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโดมันอะทุกคนนนนนนน มาด้วยความไม่ตั้งใจ มาด้วยความไม่รู้ ก็ใช่อยู่ที่ผมเต็มใจขึ้นรถมากับมัน แต่เพราะมันบอกจะไปส่งผมที่บ้าน ไหงอยู่ดีๆมันพาผมมาที่นี่ คอนโดของมัน -_- มันพาผมมาที่นี่ทำไม ทำไมไม่พาผมไปส่งที่บ้าน
ตั้งแต่มาถึงมันก็ลากผมให้เดินตามอย่างเดียว เข้าคอนโด ขึ้นลิฟต์ จนเข้ามาในห้องมันแล้ว ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่ยิ้มและหัวเราะ หิๆ หะๆ อยู่นั้น หึยยยย
ฟรึบ
“ เหี้ย! ” มืดสนิท!
“ ด่ากูทำไม.. ไปอาบน้ำ เปียกหมดแล้วน่ะ ”
“ ไม่ได้ด่า กูแค่ตกใจ -o- ”
บางทีเหี้ยก็ไม่ใช่คำด่าเสมอไปป่ะ! มันเป็นคำอุทานตอนตกใจอะ ยูโน๊?
ตอนแรกผมก็นั่งกอดเข่าขดตัวรอมันดีๆอยู่ที่โซฟา เพราะความหนาวจากการตากฝน ตามที่มันบอกให้รอ แต่อยู่ดีไม่ว่าดีมันโยนผ้าขนหนูสีขาวผื่นนุ่มมาคลุมหัวจนปิดหน้าปิดตาผมไปหมดเนี่ย ไม่ให้ตกใจได้ไง
“ ไปอาบน้ำไป =-^ ”
“ อาบน้ำ? ” ผมถามมันด้วยเสียงสั่นๆ จะให้ผมอาบน้ำโดยที่ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนเนี่ยนะ ตอนนี้เสื้อผ้าที่ผมใส่เปียกหมด เปียกยันกางเกงในเลยนะเว้ย o.O
“ ทำหน้างงอีกแล้ว ตากฝนมาเดี๋ยวมึงไม่สบาย กูจะหาชุดไปให้ ” มันอมยิ้ม แล้วหันหลังจะเดินกลับเข้าห้องอีกรอบ
“ เดี๋ยว.. ” ผมเรียกมันเสียงเบา แต่มันก็ได้ยินและหันกลับมา
“ หึๆ ไม่ต้องห่วงหน่า กูมีกางเกงในใหม่ให้ แต่อาจจะหลวม.. ใส่ได้มั๊ยนะ ” มันพูดพร้อมกับใช้มืออธิบาย แล้วมองมาด้วยสายตาที่โคตรจะเจ้าเล่ห์ เหมือนตั้งใจสำรวจร่างกายของผม จนไปหยุดตรง.. O.o
“ ไอ้เหี้ย! ไม่ใช่เรื่องนี้> - < ” พอเข้าใจความหมายที่มันส่งผ่านมาทางสายตา ผมก็รีบหุบขาของตัวเอง แล้วเบี่ยงตัวไปด้านข้างไม่ให้มันมอง ไอ้บ้านี้ทำไมชอบพูดจาทะลึ่งกับผมแบบนี้นะ -////-
“ อ้าว ไม่ใช่เรื่องนี้หรอ หึๆ ” คนโดนด่าก็กระตุกยิ้มอย่างพอใจมาให้
“ เออสิ! หยุดพูดหรือคิดอะไรที่ลามกๆสักที ” ผมว่ามันเสียงขัดใจ
“ ลามกตรงไหน? ^ - ^ ห้ามกูไม่ได้หรอก ..ว่าแต่มีอะไรครับ ฮึ? ” พอมันทำมาเป็นพูดเพราะเสียงอ่อนเสียงหวาน ผมก็ทำหน้าหยี๋ๆส่งไปให้เป็นคำตอบ หมั่นไส้จริงๆ >w<
“ -////- ทำไมไม่ไปส่งกูที่บ้าน? ” ผมนั่งตัวสั่นๆอยู่ที่เดิม พอๆกับเสียงที่ถามออกไป แล้วเอาผ้าที่มันโยนมาคลุมหัวเมื่อกี้เลื่อนลงมาห่มตัวไว้
“ หึ ถามได้นะ.. ” มันกระตุกยิ้ม พูดเสียงแหบพร่า เซ็กซี่นิดๆ? ก่อนก้าวเท้ากลับมาหาผม ใกล้ขึ้นๆ
“ อะ.. อย่ามาใกล้นะ! บ้ารึไง ! ม..มึง.. > o < ” ผมรีบผลักมันออก แล้วยกเท้าทั้งสองข้างขึ้น กันไม่ให้มันเข้ามาใกล้อีกได้ เพราะเมื่อกี้นอกจากมันจะเข้ามาใกล้ผมแล้ว มันยังก้มตัวลงมาเพื่อจะค่อมผมเอาไว้ด้วย
“ ใช้เท้าเลยนะ! ฮ่ะๆๆ กูแกล้งเล่น ^ o ^ ” มันยกมือขึ้นสองข้างในท่ายอมแพ้ พร้อมกับยิ้มและส่งเสียงหัวเราะอย่างพอใจ
“ ตลกมากหรือไง ” ผมเอาเท้าลงแล้วนั่งดีๆ ก่อนหันไปหยิบหมอนอิงใบเล็กๆบนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆ เขวี้ยงใส่มัน เล็งที่หน้าเหมือนเดิม แต่ไม่โดน เพราะมันดันรับหมอนไว้ได้ทัน
“ ก็ตลก แต่มึงมัน(น่ารัก)ด้วย.. ”
“ อะไรนะ? ” ผมหยุดโยนข้าวของแล้วนั่งกอดอกนิ่ง เพื่อฟังว่ามันพูดอะไร คือได้ยินนะ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า มันว่าผมว่า 'เหมือนยักษ์' ชัวร์ๆ เลวมากกก!
“ ป๊าววว ” มันปฏิเสธ แถมทำตาลอกแลกก่อนยิ้มๆออกมา “ กูจะบอกว่า กูเห็นว่าตอนขับรถมาฝนมันกำลังจะตก แล้วฝนมันก็ตกจริงๆ เราจะเปียกกัน คอนโดกูอยู่ใกล้กว่าบ้านมึง ก็เลยพามาที่นี่ ”
“ สุดท้ายกูก็เปียกมั๊ยอะ ” ผมบ่นอิดออด ถึงจะใส่หมวกกันน็อค แต่มันแม่งจอดหน้าคอนโด เราเลยต้องวิ่งเข้ามา กลายเป็นว่าไม่ใช่เปียกธรรมดา แต่เปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า
ผมจับเสื้อของตัวเองดึงเปิดหน้าท้องขึ้น เพราะพอเสื้อที่เปียกชื้นสัมผัสโดนผิวหนังมันยิ่งหนาวไง ทำให้ไม่ทันสังเกตว่าเมื่อกี้ทำให้คนที่มองอยู่ทำหน้าอึ้งและตกใจแค่ไหน
“ มาเปิดเสื้อโชว์ของขาวๆทำไม? ”
“ O.o เห้ย กูป่าวเปิดโชว์สักหน่อย มองทำไมเล่า! ” ผมรีบดึงเสื้อลง แล้วหุบขางอตัวหลบสายตามันอีกครั้ง
“ ฮ่ะๆๆๆๆๆ นึกว่าอยากโชว์ซะอีก โชว์อีกก็ได้นะ กูอยากดู > - ^ ” หนอยยย ยังมาขยิบตาให้นะ พ่อจะหาอะไรปาให้ตาแตก!
“ สลัด! หยุดพูดทุเรศเลยนะ! หึย! มึงจะพามาที่นี่หรือไปส่งที่บ้านก็เปียกเท่ากันนั้นแหละ ”
“ บ่นไปๆ กูต่างหากที่จะเปียก ถ้ากูไปส่งมึงที่บ้านกูจะกลับได้หรือไง ฝนก็ตก ”
“ ชิ! ก็กูอยากกลับบ้าน - o - ”
“ เดี๋ยวรอให้ฝนหยุด แล้วจะพาไปส่งครับ ”
“ จริงนะ ” ผมมองหน้ามัน แล้วถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ อืมม ” มันพยักหน้าเบาๆ เพื่อให้ผมเชื่อ อะๆ งั้นเชื่อก็ได้ ^///^
“ ไปๆ ไปอาบน้ำ ห้องน้ำอยู่ในห้องนั้น หรือ..จะไปอาบห้องนอนกู ”
ผมต้องเงยหน้ามองมันด้วยสายตาที่อึ้งๆ เพราะประโยคหลังของมัน ทำให้ผมรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ จนต้องลุกและขยับตัวหนี ..ขนลุกเป็นบ้า
“ ไม่ๆ กูจะอาบห้องนี้ก็ได้ ” ผมพูดจบก็รีบวิ่งเข้าไปห้องที่มันชี้ตั้งแต่แรกที่ไม่ใช่ห้องนอนมันนั้นแหละ
“ ไม่ต้องล็อคห้องนะ กูจะเอาเสื้อผ้า กับ กางเกงในไปไว้ให้ ” มันตะโกนตามหลังผมมา พอผมถึงห้องก็รีบปิดประตูหนีมัน
“ โอย ไอ้เหี้ย! ..เวลาพูดไม่ต้องเอารายละเอียดอะไรมากๆก็ได้ป่ะ>< ” ผมตะโกนด่ามันเสียงดังแล้วก็ได้ยินเสียงตอบรับเป็นเสียงหัวเราะเบาๆจากข้างนอกห้อง
....................
“ นี่ ทำไมต้องทำหน้าตลกแบบนั้น” เสียงมันทักขึ้น หลังจากเห็นผมเดินทำหน้ายู้ยี้ออกมาจากห้อง
ตอนนี้ผมอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จแล้ว ดีนะที่ตอนมันเอาเสื้อผ้าไปไว้ในห้องให้ มันไม่พูดกวนตีนหรือเคาะประตูเรียกผมในห้องน้ำ มีแค่เสียงเรียกชื่อ และบอกตำแหน่งที่วางเสื้อผ้าไว้เท่านั้น
“ ใส่แบบนี้ก็ดีนี่หว่า ” มันพูดแล้วมองผมยิ้มๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดู๊ๆ!
“ ดีตรงไหน เสื้อผ้าหลวมจะตายอะ ดูดิ..กางเกงขายาวขนาดนี้ กูต้องพับขากางเกงเลยเนี้ย ”
“ ดีแล้วหน่า ”
“ ไม่อะ ทำไมไม่เอากางเกงขาสั้น หรือบ็อกเซอร์มาให้กูแทนอะ -.- ” หงุดหงิดอะ ถึงเสื้อผ้าจะกลิ่นหอมมมม แต่ติดตรงมันหลวม มันยาวอะ มันยาว>< ว่าแล้วก็ก้มลงไปพับขากางเกงอีกซักทบสองทบแล้วกัน
ไม่ใช่ผมไม่ใส่เสื้อผ้าขายาวแขนยาวนอนนะ แต่แบบว่า เสื้อที่มันเอามาให้เนี่ย ..มันตัวใหญ่กว่าตัวผมพอสมควรถึงมากอะ เลยดูหลวม ไม่พอดีอะ
“ กล้าใส่บ็อกเซอร์เหรอ อยากโชว์ขาอ่อนว่างั้น? ” พูดจบมันก็ทำท่าพ้อยขาขวามาข้างหน้าแล้วเอามือลูบขาตัวเองจากล่างขึ้นบนประกอบ > w <
“ บ้านมึงดิ! ” ผมหลับตาจนหยี๋ เพื่อกลั้นใจไม่ให้ด่ามันไปแรงกว่านี้
“ หึ^^ ใส่นี่แหละหน่า ” มันกระตุกยิ้มกับปฏิกิริยาของผม
“ หึยยยย! ” ผมสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นแทน
“ หรือมึงอยากจะใส่แค่เสื้อกล้าม กับบ็อกเซอร์ ถ้ามึงอยากใส่จริงๆ เดี๋ยวกูไปเอามาให้.. ” มันยิ้มเจ้าเล่ห์และถามออกมาด้วยเสียงแหบพร่า ซึ่งผมก็ไม่ได้ทันคิดหรือเอะใจอะไร เลยจะพยักหน้าตกลง แต่ต้องนิ่งค้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมา..
“ แต่ว่า..มันอาจจะ..ทำให้กูมีอารมณ์.. ”
“ เหี้ย! มะ ไม่ ไม่ต้องแล้ว! > - < ” จากที่จะพยักหน้ากลับหุนหันเปลี่ยนเป็นการส่ายหน้าแรงๆให้มันทันที อารมณ์? อารมณ์อะไร แล้วพูดออกมาได้ไง -////-
“ อาบน้ำมาใหม่ๆ ตัวมึงก็หอมมมม~ ดีนะ ” มันหลับตา แล้วทำจมูกฟุดๆฟิดๆแล้วหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลืมตาและระบายยิ้มส่งมาให้ผม
“ ไอ้บ้า นี่มึง... ” ผมมองหน้ามันอึ้งๆ
เมื่อกี้มันโคตรหล่อ เอ้ย!!! เมื่อกี้มันโคตรนิสัยไม่ดี เอาหน้าเข้าใกล้กันเกินไป มันจะแกล้งอะไรผมนักหนากันนะ o-o (มองข้ามความรู้สึกแรกของผมที่ว่ามันหล่อไปนะ พลีสสสสส)
“ ทำไม ตื่นเต้นอะไร? หรือกลัว กลัวอะไร หืม? ”
“ นี่! กูไม่กลั๊ว! ตะ..แต่กูไม่ชอบอะ มึงชอบพูดทะลึ่ง -.= ” ผมก้าวถอยหลังและชี้หน้ามันให้หยุดเดิน ไม่ต้องเข้ามาใกล้เลย
“ หึๆ กูชอบหนิ^^ ” มันพูดแล้วก็ยักคิ้วส่งมาให้
“ หงุดหงิดจริง! ”
“ ยังไม่ได้บอกเลยว่ามีอารมณ์อะไร มะ.. ”
“ ไม่อยากรู้! หุบปากสักที พลีสสสสส ” ผมยกมือสองห้ามขึ้นห้าม แล้วเปลี่ยนมาพนมมือขอร้องมันแทน อย่าพูดอะไรมากกว่านี้เลย ผมรู้สึกสับสนและปั่นปวนในท้องไปหมดแล้วเนี่ย><
“ หึๆ มึงนี่อาบน้ำนานเนาะ ไปกินข้าวก่อนก็ได้ กูทำกับข้าวเสร็จแล้ว ” มันหัวเราะเบาๆ ก่อนเปลี่ยนเรื่องแล้วชี้ไปที่โต๊ะกินข้าว
ตอนนี้ที่โต๊ะกินข้าวมีกับข้าวสองสามอย่างวางอยู่ มันกำลังส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายเรียกร้องให้ผมเข้าไปหา กลิ่นเหมือนไข่เจียวเลย ผัดผัก แล้วก็ต้มยำด้วย >u< ผมทำหน้าชื่นใจหลังจากได้สูดดมกลิ่นอาหารหอมๆเข้าไปเต็มปอด
“ อืม แล้ว..มึงอะ ” พอนึกขึ้นได้ว่ามีคนกำลังมองยืนมองอยู่ข้างๆ เลยรีบกลั้นใจกลืนน้ำลาย แล้วหันไปถามหน้านิ่งสุดๆ
“ ก็จะไปอาบน้ำไงครับ ” มันตอบแล้วกระตุกยิ้ม ก่อนเดินผ่านผมเพื่อเดินเข้าห้องนอนของมัน
“ อืม.. เออนี่ ยืมที่ชาร์ตหน่อยดิ ” ผมพูดพร้อมเดินไปที่โซฟา เปิดกระเป๋าเป้ของตัวเองเพื่อค้นเอาโทรศัพท์ ว่าจะชาร์ตแบตไว้เผื่อบอกไอ้พี่แล้วมันจะมารับ^^
“ อืม เข้ามาเอาดิอยู่ในห้อง ”
“ ห้อง? ” ผมเงยหน้าย้ำถามมันอีกครั้ง “ เอาออกมาให้หน่อยดิ ”
“ เข้ามาหาเอง กูขี้เกียจหา ”
“ แค่นี้ก็ไม่ได้ ” ผมบ่นเบาๆ เพราะผมไม่อยากเข้าไปนี่หน่า
“ อืม มาเอาเร็ว กูไม่ทำอะไรหรอกหน่า กูจะไปอาบน้ำแล้ว ”
“ ..เออๆ ” ผมมองมันและทำหน้าลังเลที่จะตอบ แต่ผมก็ยอมเดินตามมันจนไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง
“ อยู่ไหนอะ? ”
“ บนโต๊ะนั้น ถ้าไม่เห็นก็ลองค้นๆในลิ้นชักดู ” คนที่เดินนำเข้าห้องไปก่อน หันมามองผมแว็บหนึ่งแล้วก็หันกลับไป ผมเห็นเหมือนมันกำลังอมยิ้ม หรือกลั้นหัวเราะผมอยู่ ผมมันน่าขำตรงไหนอะทุกคนนนน -w-
“ อืมๆ ” ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนค่อยๆเดินตามมันเข้ามาในที่สุด..คงไม่มีอะไรหรอก(มั้ง) เพราะพอมันหยิบผ้าขนหนูได้มันก็หันมายักคิ้วกวนตีนนิดหน่อย ก่อนเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
OoO
.. ห้องนอนของมันดูสะอาดสะอ้านกว่าที่ผมคิดไว้นะเนี่ย.. ประตูห้องสีเทาเข้ม พอเข้ามาในห้องผนังห้องทุกด้านก็เป็นสีเทาอ่อนๆตัดขอบผนังด้วยสีแดงนิดหน่อย ตกแต่งไปด้วยกรอบรูปของมันและครอบครัว เลื่อนสายตามองตรงไปด้านหน้าเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถออกไประเบียงด้านนอกได้ ถูกรูดปิดไว้ด้วยผ้าม่านใหญ่สีแดงเลือดนก
ทางด้านซ้าย พบเป็นโต๊ะไม้ใหญ่ๆกับเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลเข้มไว้นั่งทำงานของมัน บนโต๊ะก็มีโน้ตบุ๊คสีแดงที่ถูกพับเก็บไว้ สมุดเล่มใหญ่ๆ เศษกระดาษ กับเครื่องเขียน พวกปากกา ดินสอ สี วางกระจัดกระจายที่ไม่ได้ถูกเก็บหลังใช้งาน
บนฝาผนังสีเทาด้านหน้ามีบอร์ดใหญ่ๆ ที่มีไว้ติดพวกแผนงานต่างๆของมัน สลับกับรูปถ่ายเล็กใหญ่หลายๆรูป ร่วมถึงโปสการ์ดสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
ที่นี่คือห้องนอน ก็ต้องนึกถึงเตียงนอนนะสิ.. ผมหันไปมองทางด้านขวาก็เป็นเตียงนอนขนาดคิงส์ไซต์ที่มี หมอนหนุนสองใบ และหมอนข้างปลอกสีขาวแถบแดงอ่อนๆ ผ้าปูที่นอนสีขาว ตัดกับผ้าห่มนวมสีแดง-ดำผืนใหญ่ ดูเหมือนมันจะชอบสีแดงนะ เพราะดูรวมๆแล้วทั้งห้องที่ตกแต่ง มีเฟอร์นิเจอร์พวกโซฟา หรือเบาะของเก้าอี้ก็เป็นสีแดงซะส่วนใหญ่
“ สายชาร์ตๆ ” เพิ่งนึกออกว่านี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาชม? หรือวิจารย์ห้องของคนอื่นสักหน่อย
ผมเดินเข้าไปนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานเบาะนุ่มๆของมัน เมื่อมองสำรวจบนโต๊ะแล้วไม่มีสายชาร์ต ผมจึงค่อยๆเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักเพื่อหาสายชาร์ต ลิ้นชักของโต๊ะมีสองชั้น แต่ชั้นหนึ่งถูกล็อคไว้ คงไว้เก็บของสำคัญ ผมเลยลองเปิดอีกชั้นหนึ่งแทนก็เห็นสายชาร์ตโทรศัพท์ของมันที่ม้วนเก็บไว้อย่างดี
ผมนั่งชาร์ตแบตโทรศัพท์ซักพัก รอจนเปอร์เซนต์การชาร์ตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงกดเปิดเครื่อง และเข้าไลน์เพื่อจะไลน์หาพี่เพื่อให้มันรู้ว่าผมติดฝนอยู่ที่นี่และให้มันมารับ แต่มีแจ้งเตือนขึ้นมาก่อน
ตือดึ้ง
คุณยายของน้องขิม : น้องขิมลูก ยายโทรหาไม่ติดเลยละลูก ยายไปเยี่ยมเพื่อนที่เชียงใหม่นะลูก
ยายไม่อยู่ คงไปเที่ยวกับเพื่อนๆของท่านอีกอะดิ -o- ถ้ากลับมาแล้วไม่มีขนมหรือสตอเบอร์รี่หรือของฝากมาฝากนะ ผมจะแกล้งงอนยายเลย หึๆ
ตือดึ้ง
P’ Klui : ไอ้น้องวันนี้กูไม่กลับบ้านนะ ไปหอไอ้ฝุ่น กู้ดไนท์ จุ๊บๆล่วงหน้า ม๊วฟ ม๊วฟ ม๊วฟ
หยึยยย ไอ้พี่ทำผมขนลุกอีกแล้ว><
ทั้งยายทั้งพี่ชายผมไม่อยู่บ้านเลยหรอเนี่ย งั้นใครจะมารับอะ จะกลับบ้านยังไงเนี่ย..อื้ออ ลองทักไอ้ยิมดู
KimChalanthon : ยิม มึงอยู่ไหน
GymGym : เพิ่งถึงบ้านอะมึง ฝนตกหนักมาก รถยังติดอีก
มึงถึงบ้านยัง
KimChalanthon : อืมๆ ถึงแล้ว
ฝันดีนะมึง
ผมตัดสินใจไม่ได้บอกอะไรพี่และยายไปว่าผมติดฝนอยู่ที่อื่น แต่เลือกเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นแทนเพื่อไม่ให้สงสัยและเป็นห่วงกัน
ส่วนไอ้ยิม ผมไม่อยากให้มันลำบาก มันเพิ่งถึงบ้านมันเอง แถมฝนตกอะ ถ้าขอให้มันมารับที่นี่ ผมว่ามันจะบ่นให้ผมก่อน แต่สุดท้ายมันก็จะมาอะ เลยคิดว่าไม่เป็นไรดีกว่า เดี๋ยวฝนหยุด แล้วขอให้ไอ้นั้นเรียกแท็กซี่ให้แล้วกัน
....................
“ ฮ่ะๆๆๆ ” ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ เช็คโซเชียลเรื่อยๆ จนมาเจอคลิปที่ลุงรหัสผมแชร์มา ปกติพี่เขาจะเงียบๆนิ่งๆนี่หน่า แต่ครั้งนี้กลับแชร์คลิปตลกซะงั้น พอเข้าไปดูพวกรุ่นพี่เพื่อนลุงรหัสของผม เขาก็แท็กหาใครกันก็ไม่รู้ โหห ทุกคนแท็กชื่อพี่คนนี้กันหมดเลยอะ แซวว่าแฟนด้วย ต้องเข้าไปดูซะหน่อย..
แกร๊ก
“ อ้าว ทำไมไม่ออกไปกินข้าวอะ ” ผมเงยหน้าจากโทรศัพท์ มองคนที่เปิดประตูห้องน้ำแล้วกำลังเดินออกมา
เฮ้ยยยย!!
ผมได้แต่อุทานในใจแล้วรีบก้มหน้าก้มตาทำเป็นไม่มอง เพราะมันเดินออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอะดิ มีแค่ผ้าขนหนูสีแดงเลือดนกผืนใหญ่ผืนเดียวที่คุ้มปกปิดร่างกายส่วนล่างเท่านั้น
OwO
ผมแอบใช้สายตาเหร่ตามอง เห็นต้นแขนของมันที่มีมัดกล้ามขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป แขนทั้งสองข้างเห็นเส้นเอ็นและเส้นเลือดชัดเจน มันกำลังเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาคลุมหัวและเช็ดหัวอย่างลวกๆ เส้นผมที่ยังไม่ถูกเช็ดให้แห้งมีหยดน้ำเกาะอยู่ตรงปรอยผม ทำให้ผมที่ไม่เป็นทรงมาคลุมปกใบหน้าไว้ ผมเลยสังเกตไม่ได้ว่ามันกำลังทำหน้ายังไง
ผมเลื่อนสายตาไปมองหน้าอกและหน้าท้องของมันที่มีกล้า,หน้าท้องเป็นลอนๆสวยงามเหมือนคนออกกำลังกายเป็นประจำ จังหวะที่มันหันหลังไปผมสังเกตเห็นเส้นแผ่นหลังที่โคตรจะดูดี ทั่วทั้งลำตัวมันดูระยิบระยับๆ เพราะมีหยดน้ำที่ไหลเกาะอยู่
โหหห หุ่นมันคือหุ่นที่ผมอยากจะได้อยากจะมี แต่ชาตินี้จะมีโอกาสมีหุ่นแบบนี้มั๊ยก็ไม่รู้>~<
“ หึๆ ”
ควับ!
ผมรีบก้มหน้าและหันหลังกลับมามองโทรศัพท์ เมื่อกี้ผมเงยหน้าไปตั้งใจมองรูปร่างมันตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ พอมันรู้ตัวมันก็กระตุกยิ้มส่งมาให้ทันทีเลย แอ๊กก โคตรอาย -//////-
“ มองตาค้างเลยแฮะ ”
“ ป่าว! ” ผมเงยหน้าแล้วปฏิเสธเสียงดัง
“ กูว่ามึงหรอ แค่พูดลอยๆ ร้อนตัวนะเรา ^ - ^ ” มันยิ้มเหมือนสะใจที่ทำให้ผมอายได้อะ
“ ไม่ได้ร้อนตัวนะ ทั้งห้องมีแค่มึงกับกู มึงก็ว่ากูอะสิ! ท..ที่มองก็นึกว่ามึงแต่งตัวแล้วไง ” ผมอธิบาย เพราะไม่อยากให้มันคิดเข้าข้างหรือหลงตัวเองไปกว่านี้
“ กูเข้าห้องน้ำกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียวนะ ” มันจับปมผ้าขนหนูเหมือนจะปลดออก แต่ก็เอาปมผ้าขนหนูยัดกลับไปที่เดิม เหมือนจัดไม่ให้มันหลุดแค่นั้น
“ ก.. ก็รีบไปหาชุดมาใส่ดิ! ” ผมบอกมันแล้วหันหน้าหลบ พยายามไม่ให้ตัวเองหันไปมอง นี่ผมกลัวอะไรวะเนี้ยย
“ แต่อยากให้มองนานๆนี่หว่า นึกว่าอยากมอง ”
“ เอ๊ะ! ใครอยากมอง -o- ” ผมนั่งหันหลังเถียงกับมันด้วยเสียงล้วนๆ
“ คนแถวเนี่ยๆ หึๆ ”
“ พูดมาก! ทีหลังจะอาบน้ำให้เอาชุดไปเปลี่ยนด้วย ” ผมหันหน้าเข้าผนัง แต่ก็เหร่ตาหน่อยๆ เพราะรู้สึกได้ว่ามันเดินไปมาอยู่แถวๆด้านหลัง
“ ไม่เห็นต้องเอาไปเปลี่ยน กูก็เปลี่ยนตรงนี้ประจำนี่ห้องกู หึๆ ” มันพูดแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของมัน เสียงกุกกัก เหมือนต้องค้นอะไรรุนแรงขนาดนั้นเล่า
“ ทำไมไม่ไปกินข้าวอะ ทำไรอยู่? ”
“ ......... ” ( - . -) จะให้กินคนเดียวรึไงเล่า
ถึงผมจะชอบกินข้าวมากๆ แต่ว่าก็อดทนรอไหวหน่า คนทำให้กินมันก็ยังไม่ได้กินเลย ผมรอกินพร้อมมันดีกว่า รอนิดรอหน่อยไม่เป็นไรหรอกนะ แต่ไม่บอกความจริงมันหรอก ..
“ กูเล่นโทรศัพท์อยู่ ” ผมหันไปตอบมันแบบไม่มองหน้า แล้วยกโทรศัพท์ที่กำลังเสียบปลั๊กชาร์ตให้มันดู
“ ฟ้าฝนตกแรงขนาดนี้ ยังจะเล่น กูว่าปิดโทรศัพท์ไว้ดีกว่านะ ” มันพูดแล้วเดินถือเสื้อผ้าของมันกลับมาวางลงไว้บนเตียง
“ อืมๆ ” ผมพยักหน้าตอบ และพยายามหลบสายตามัน
“ ไปรอข้างนอกไป กูใส่เสื้อผ้าแล้วจะไปกินข้าวด้วย ” มันพูดน้ำเสียงติดตลก เพราะเห็นท่าทีของผมที่ไม่กล้ามองมันน่ะสิ
“ เออ>\\\< ” ผมรีบลุกเดินออกมาจากห้องนอนมันแล้วปิดประตูเสียงดัง มานั่งรอมันที่โซฟาเหมือนเดิม
....................
สูดดดดดด สูดดดดด
> ~ < หอมเป็นบ้าอะ
ตอนนี้พวกผมนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวแล้ว ตอนนี้กับข้าวตรงหน้ามันกำลังส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายเรียกร้องผมอีกรอบ ระหว่างที่ผมรอมันแต่งตัวเมื่อกี้ ท้องผมแอบร้องโครกครากไปหลายรอบแล้ว
“ ที่มึงไม่ยอมกิน เพราะรอกูอะดิ ”
“ O.o ป่าว กูกลัวกับข้าวจะมีพิษต่างหาก ” มันวางจานข้าวสวยสีชมพูบานเย็น(?) ที่เพิ่งตักออกจากหม้อหุ้งข้าวสีแดง(?) มาไว้ด้านหน้าของผม แล้วเอื้อมมือไปหยิบช้อนส้อมในชั้นเล็กๆบนโต๊ะ ยื่นมาให้ผม ผมก็รับมาทันทีแบบไม่มีลังเลหรืออิดออดอะไร
“ หึ ปากดี กับข้าวฝีมือกูอร่อยจนมึงต้องขอเพิ่มอีกสิบๆจาน ” มันวางจานข้าวสวยสีแดง(?)ของตัวเองลงด้านหน้า ก่อนนั่งลงแล้วส่งยิ้มบางๆมาให้
ผมสังเกตจานข้าวของมัน นอกจากจะเป็นโทนสีแดงแล้ว ก็ต้องรู้สึกว่าไม่ได้รับความเท่าเทียมขึ้นมาทันที.. ทำไมมันตักข้าวตัวเองตั้งสามทัพพีจนพูนจาน แต่ตักให้ผมแค่ทัพพีครึ่งเองอะ ผมจะไปอิ่มอะไรอะ > - <
“ กินให้หมดก่อนที่ตักให้นะ มองเหมือนกูทำร้ายจิตใจเลย หึๆ ” มันหัวเราะแล้วส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“ กูกินหมดอยู่แล้วหน่า! ถ้ามันอร่อยจริงๆ ”
“ อร่อยดิ ฝีมือกู ^=^ ”
“ ไม่เชื่..อืมม O.O ไอ้บ้า! ” ผมด่ามันทั้งๆที่ข้าวยังเต็มปาก อยู่ๆมันก็เอาช้อนข้าวของมันมายัดปากผมอะ ผมเลยต้องเลิกด่าและเคี้ยวข้าวที่อยู่ในปากให้หมดก่อน
“ อื้มมมมม > /////// < ” นี่มันรสชาติของอะไร ไข่เจียวหรอ? ใส่หัวหอม กับมะเขือเทศหน่อยๆ อื้มมม ขนาดไข่เจียวยังอร่อยอะ โห o.o โคตรอร่อยเลยอะ
ผมเหร่ตาไปมองมันนิดๆ เมื่อกี้ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆไม่รู้นะว่าผมทำหน้าตาอะไรที่ไปกระตุ้นต่อมขำของมัน ..ผมเลยรีบทำหน้านิ่งแล้วมองมันตาขวาง > - <
“ อร่อยอะดิ^^ ” มันถามแล้วเอาช้อนตักข้าวไข่เจียวเข้าปากตัวเองบ้าง
“ ก็งั้นๆ ก็พอกินได้ o-o ” ผมเคี้ยวไป แล้วเบนสายตาไปมองจานไข่เจียว อยากกินอีกอะ แต่ยังไม่กล้าตัก ..
“ งั้นๆหรอ? งั้นมึงคงกินได้น้อยสินะ งั้นคำเดียวคงอิ่มแล้วเนาะ ” มันพูดแล้วแกล้งยกจานข้าวสวยตรงหน้าของผมออกไป จนผมต้องรีบห้ามแล้วดึงจานข้าวออกจากมือมัน มาวางลงที่เดิม รีบทำท่าปัดๆมือมันให้ออกไป
“ เดี๋ยวดิ! พอใช้ได้ ตะ..แต่ว่าต้องชิมอีกหลายๆคำก่อนถึงจะรู้ว่าอร่อยมั๊ย > - < ” ข้ออ้างแม่งไม่ได้เรื่องโคตรๆเลยไอ้ขิมเอ้ย มึงหิว และกับข้าวอร่อย ทำไมไม่พูด.. เกลียดความปากแข็งของตัวเองจริงๆ เกือบอดกินข้าวแล้วเนี่ย
“ หึๆ เอาผัดผักมั๊ย? ” มันถามแล้วตักบล็อคโคลีกับกุ้งมาเพื่อจะมาใส่ในจานข้าวของผม
ผมรีบพยักหน้าทันที มองจากผัดผักน้ำมันหอยสีสันสวยๆตรงหน้า มีบล็อคโคลี เห็ด แครอทหันแว่น ผัดรวมกับเนื้อหมูและกุ้ง โห น่ากินมากเลยอะ > <
“ อืม ..ก็ ดี นะ.. ” ผมพยักหน้าให้มันหลังจากตักผัดผักของมันมากิน
โหหห ขอสูตรได้ป่ะ ทำไมรู้สึกอร่อยกว่าที่ไอ้พี่มันทำให้ผมกินอะ ชู่วๆ บอกไอ้พี่ผมไม่ได้นะ ถ้ามันรู้ว่าผมชมอาหารของคนอื่นอร่อยกว่าที่มันทำเนี่ย มันคงงอนผมยาวแน่ๆ
“ อันนี้ต้มยำ ไม่เผ็ดมาก เฮ้ย! มัน.. ” พอมันเลื่อนถ้วยต้มยำเข้ามาใกล้ๆ ผมก็รีบตักน้ำต้มยำขึ้นมาสดทันที ไม่ได้สนใจเสียงเตือนของมัน
“ OUO แอ๊กกก ร้อนๆๆ ฟู่วๆๆ ” ผมตาโตค้าง รีบเอามือมาป้องปากตัวเองไว้ ฮือออ ตอนนี้มีความรู้สึกร้อนและแสบปากจนน้ำตาจะไหล จะคายออกก็ไม่ได้ ร้อนนนนน><
“ อะๆ น้ำๆ จะบอกว่าเป่าด้วย มันร้อนนะเว้ย ” มันรีบเทน้ำใส่แก้วแล้วส่งให้ผมดื่ม
“ อึก..อึก ฮา! ทำไมมึงไม่บอกหะว่ามันร้อน! ฟู่วๆๆ ” ผมรับน้ำมาดื่มหลายๆอึก จนหมดแก้ว ก่อนมองพ่อครัวเจ้าของต้มยำถ้วยนี้หน้าหงิกๆ
“ ไม่เห็นกูตักจากหม้อเมื่อกี้หรือไง ไอร้อนขึ้นขนาดนี้ ซื่อบื่อจริงๆ ” มันไม่พูดเปล่า แต่เอานิ้วชี้มาจิ้มๆหน้าผากผม จนจะหงายหลังอะ
“ นี่มึงว่ากูหรอ? ” ผมมองมันด้วยหน้าที่หงิกกว่าเดิม ก่อนเป่าลมปากอีกครั้งเพื่อให้ความแสบร้อนในปากลดลง
“ ใช่ ” แหนะ! ไม่คิดจะปฏิเสธอีกนะ ไอ้บ้า
“ หึยยย ! ” ผมเหวี่ยงหน้าหนี อยู่ดีๆก็รู้สึกแสบ ร้อน และชาที่ลิ้น ทำให้ผมต้องแลบลิ้นออกมา แล้วเอามือทำท่าพัดไปมาอยู่นาน ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมากเท่าไหร่
“ ไหนหันมาดูดิ ปากพองมั๊ย? ” มันลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วโน้มตัวลงมาพยายามจับหน้าผมให้หันปากไปให้มันดู แต่ผมไม่ยอม พยายามผลักๆมันให้กับลงไปนั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
“ ไม่ถึงขนาดนั้นสักหน่อย แค่ชาๆลิ้น ปล่อยๆ กูจะกินข้าวต่อแล้ว >////< ” ผมส่ายหน้าเบาๆ แล้วตักกับข้าวมาใส่จานเรื่อยๆ ทั้งไข่เจียว ผัดผัก ต้มยำ
“ โอเค ค่อยๆกิน แล้วต้มยำน่ะเป่าด้วยๆ ” พอมันเห็นผมตักข้าวเข้าปากเรื่อยๆมันก็พยายามห้ามให้ผมกินช้าลง แต่ผมไม่สนอะ ถึงปากจะพอง แต่ตอนนี้หิวมากกก
“ รู้แล้วหน่า ฟู่วๆๆๆๆๆ - O - อืมมมม>< อร่อยทุกอย่าง ” ผมเคี้ยวข้าวและกับข้าวที่แสนอร่อย แล้วยิ้มจนตาหยี๋
“ กินไปจนจะหมดจาน มันก็ควรอร่อยได้แล้ว หึๆ^^ ” มันยิ้มและหัวเราะดูพอใจ
“ เพราะหิวแค่นั้น มันเลยอร่อย ( - o -) ” ผมตอบเฉไฉ แล้วแกล้งหันไปมองทางอื่น
พวกผมกินข้าวเสร็จ มันก็บอกให้ผมมานั่งรออยู่ที่โซฟาเพราะมันจะล้างจาน ไม่ใช่ผมไม่เสนอตัวช่วยนะ แต่มันบอกว่าจะล้างเองเพราะกลัวจานแตก ผมก็โอเค้ ไม่เหนื่อย ไม่เสียแรง เชอะ!
“ นี่ถามหน่อยดิ เรารู้จักกันมาก่อนหรอ? ”
เดี๋ยวมาต่อค่ะ
.
.
**มาต่อๆ
“ นี่ถามหน่อยดิ เรารู้จักกันมาก่อนหรอ? ” ผมหันไปถามมันที่ยืนล้างจานอยู่ ในขณะที่ผมนั่งพิงโซฟาเหยียดขาสบายๆ นั่งท้องตึงนะครับเลยนั่งตัวตรงไม่ได้ มันหันมามองแล้วกระตุกยิ้มนิดๆแต่ไม่ยอมตอบ “ นี่! ไม่ตอบอะ ”
“ หึ มึงไม่รู้จักกูหรอ? ” มันส่งมาแค่เสียง ไม่ได้หันหน้ามามอง
“ นี่กูถามมึงก่อนนะ! ” ผมกอดอกหน้าหงิก เพราะคำตอบมันกวนตีน แถมน้ำเสียงยังน่าหมั่นไส้อะ
“ มึงชื่อขิม ”
“ กวนตีน! ” รู้แล้วววว ผมเกิดมาแม่กับพ่อก็ชี้ที่ตัวผมแล้วถามว่า 'คนนี้ใคร? ชื่ออะไรเอ่ย?' ผมก็ตอบด้วยเสียงเล็กๆว่า 'นี่น้องขิม' รู้โว้ย รู้มาตั้งแต่เกิดว่าตัวเองชื่อขิม แต่ที่อยากรู้คือมันเป็นใคร รู้จักชื่อผมได้ยังไง??
ทำไมนะทำไม ทำไมผมต้องมานั่งโง่ๆ อยู่ที่ห้องมันด้วยนะ ถ้าผมเดินอีกสักหน่อยไปถึงป้ายรถ ถ้าผมได้ขึ้นแท็กซี่กลับ ถ้าผมไม่ซ้อนมอเตอร์ไซต์มากับมัน ผมคงได้กลับบ้านอะ ป่านนี้ผมคงนอนกลิ้งไปมาอยู่เตียงของตัวเองแล้ว ไม่ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่นี่
ฝนก็ตกไม่มีทีท่าจะหยุด โทรศัพท์ก็เล่นไม่ได้ เบื่อนิดๆ หงุดหงิดหน่อยๆด้วย ไม่มีไรทำเลย ได้แต่นั่งๆ นอนๆ มองเจ้าของห้องมันเก็บโต๊ะ กวาดพื้นห้อง ล้างจาน เอาของเข้าตู้เย็น เอาแอปเปิ้ลออกจากตู้เย็น ล้าง ปลอกเปลือก แล้วเดินเอามาให้ผมกิน
“ กินนี่ดิ เดี๋ยวกูมานะ ”
“ อืมมม ” ผมนั่งค้ำคางตอบมันเสียงเหนื่อยๆ
มันเดินหายไปเข้าห้องนอนของตัวเองไปซักพัก ไม่รู้ไปทำอะไร เพราะผมไม่ได้ถามอะไรต่อ ผมแค่นั่งกินแอปเปิ้ลรอตามที่มันบอก กินจนจะหมดจานอยู่แล้วนะ อร่อยเป็นบ้า ทำไมทุกอย่างที่ผมกินมันถึงอร่อยขนาดนี้นะ^^ จนประมาณ 20 นาทีได้แล้วนะที่ผมต้องคอยชะเง้อคอมองมันว่าเมื่อไรจะออกมา อย่างน้อย มากวนตีน มาเถียงกับผม ส่งเสียงออกมาไม่ให้ผมเหงาบ้างก็ได้ ฮืออ
หายไปซักพักหนึ่ง.
หายไปซักพักสอง..
หายไปซักพักสาม...
แกร็ก
“ กู.. ”
“ มึงไปทำอะไรเนี้ย! ” ผมรีบลุกขึ้นยืน แล้วเดินตึงตังๆเข้าไปหามันด้วยหน้าที่หาเรื่องมันสุดๆ มันก็หยุดชะงัก แล้วก็มองผมอย่างสงสัย
“ กู.. ”
“ นานมาก! นานมากๆ! ” ผมกอดอกตัวเองแน่น และเชิดหน้าหน่อยๆ รีบพูดก่อน ไม่ยอมให้มันได้ทันแก้ตัวใดๆ ให้มันรู้ว่าผม.. โกรธ! เบื่อ! เหงา(?)
“ กูซะ..”
“ มึงแอบนอนหลับ แล้วทิ้งกูไว้โซฟานี่หรอ? ” ผมชี้หน้าคนที่กำลังอ้าปากตอบ พอมันได้ยิน มันก็กระตุกยิ้มแล้วส่งเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ ก่อนส่ายหน้านิดๆ
“ กู.. ”
“ มึงไม่ต้องแก้ตัวเลย นอนหลับสินะ เนี่ยกูกินแอปเปิ้ลจนหมดจานแล้ว ไม่มีอะไรทำเลย กูเบื่ออะ มึงทิ้งกูนั่งอยู่คนเดียวตั้งนาน แฮ่กๆ มึง.. ”
“ เดี๋ยวๆ ให้กูตอบก่อนได้มั๊ย พูดอยู่ได้คนเดียว ” มันยกมือทั้งสองข้างขึ้นห้ามผม เหมือนยอมแพ้ หน้ามันก็ยิ้มออกมาเหมือนคนกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
“ แฮ่กๆ เออ พูดมาสิ ” ผมหายใจหอบ แต่ก็พยายามนิ่งไว้ ก่อนเหล่ตามองมันนิดๆ
“ กูไปซักเสื้อผ้า ซักกางเกงในมึงให้ ปั่นแห้งแล้ว ตากให้เรียบร้อยแล้วด้วย ” มันพูดเสร็จแล้วก็อมยิ้ม แต่ เดี๋ยวนะ..
“ หะ? oOo ” ผมไม่ได้หูฝาดใช่ป่ะ น้ำเข้าหูหูเลยอื้อฟังผิดหรือเปล่านะ
“ หึๆ กู ซัก เสื้อ ผ้า กับ กาง เกง ใน มึง ให้ แล้ว ” มันพูดช้าๆชัดๆ
“ อะไรนะ ซักเสื้อผ้า ซักกางเกงใน? O.O กางเกงใน! ”
ชัด
มาก
ไอ้เหี้ยยย! ><
“ ใช่ๆ หึๆ ” มันพยักหน้าและอมยิ้มนิดๆ
“ นี่มึงก็บอกแล้วไง ว่าเดี๋ยวกูไปซักเองอะ! มึง.. ” ผมถอยหลังกรู ตะโกนใส่หน้ามันเสียงดัง พลางคิดในใจว่าอย่างงี้มันก็ต้องเห็นอะดิ>o<
“ บอกตอนไหน กูไม่เห็นได้ยิน ” มันส่ายหน้าไปมาแล้วทำหน้าเหมือนพยายามนึก
“ กูบอก! ” ผมหน้ามุ่ยและกระโดดดิ้นไปมา เหมือนไม่ยอม ผมยืนยันเลยนะว่าบอกอะ ><
“ - o- หึๆ จริงหรอ? ” มันหัวเราะเสียงขึ้นจมูกกับท่าทางของผม แต่ก็เต็มไปด้วยหน้าตาที่ไม่รู้เรื่องจริงๆ
“ ....... ” โอย พ่อแก้วแม่แก้ว>< ผมได้แต่หลับตานิ่งประมาณ 10 วิ พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ใจเย็นนะขิมนะ มันคงไม่ล้ออะไรหรอกนะ มันคงหวังดีถึงเอาเสื้อผ้าไปซักให้ คิดในแง่ดี ใจเย็นนน ฮู้วววว
“ หึๆ งั้นไม่เป็นไรแล้วกันกูซักให้เรียบร้อยแล้ว ”
“ ทีหลังไม่ต้อง ไอ้บ้าเอ้ย! ” ฮือออ
ดูดิมันหายไปตั้งนานสองนาน แล้วมันค่อยมาบอกผม ว่ามันเอาเสื้อผ้าของผมไปซักให้แล้ว ตากให้แล้วด้วย -///////////-
คือผมยืนยันและจำได้แม่น ผมตะโกนบอกมันตอนมันอาบน้ำว่าเสื้อผ้าที่ถอดไว้ในห้องน้ำผมจะซักเองหลังกินข้าวเสร็จ เพราะถ้าแห้งผมจะใส่กลับอะ ผมตะโกนบอกมันตั้งสองรอบ ได้ยินมันตะโกนเออๆออๆกลับมา ก็นึกว่ามันรู้เรื่องแล้ว ที่ไหนได้ มันไม่ได้ยิน>o< หวังว่ามันจะไม่ล้อนะ น่าอายว่ะ กางเกงในสีเหลืองของผมมมม!
“ อืมๆ เออนี่.. ” มันถามขึ้นในขณะที่ผมกำลังเดินนำมันกลับไปนั่งที่โซฟา
“ อะไรอีกอะ? ” ผมหยุดเดินแล้วหันกลับไปมองมันตาขวาง
“ ชอบกางเกงในสีนี้หรอ? ”
OoO !
“ ไปไกลๆตีนเลยไอ้เหี้ย!!!!!! ”
ย๊ากกกกกกกกกก ผม อยาก จะ ฆ่า มันนนนนน > /////////////////// <
“ ไม่ต้องมองหน้าเพื่อขอบคุณกูในใจก็ได้ ที่กูซัก...ให้ ” ผมรีบชี้นิ้วห้ามทัน มันเลยไม่พูดคำนั้นออกมา
“ ...... ” ผมไม่สามารถพูดอะไรต่อได้ อยากถีบมันแต่ทำไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกถึงความร้อนที่ไหลไปไหลมาหมุนเวียนมารวมกันอยู่ที่หน้า ผมรู้สึกร้อนมาก มันปรี้ดๆ > - <
“ กูไม่ถือหรอก เห็นกองอยู่ในห้องน้ำก็เลยซักให้ ” มันยังมีหน้ามาอมยิ้มนะ ไม่เห็นหน้าผมหรือไง จะฆ่ามันให้ได้อยู่แล้วเนี่ย..
“ กูไม่ได้กองขวางหูขวางตามึงซักหน่อย ก็บอกอยู่ว่าจะไปซักเองอะ! >< ” ผมจะปรี้ดแล้วนะเว้ยยย
“ ไม่เป็นไรหรอกหน่า มึงอายอะไร ผู้ชายเหมือนกัน ”
“ แล้วเรารู้จักกัน ถึงขั้นซักกางเกงในให้กันมั๊ยเล่า ไอ้เหี้ย! ” ผมลุกขึ้นเขวี้ยงหมอนที่โซฟาใส่มันอีกครั้ง คิดว่ามันคงหลบได้อีกครั้ง แต่ผิดคาด มันยืนอยู่ที่เดิม ไม่หลบแถมยิ้มพอใจ ผมเลยถอดใจแล้วนั่งลงโซฟาอย่างแรง
“ ฮ่ะๆๆๆ อย่าโกรธกูดิ คิดซะว่ากูหวังดี เป็นเจ้าบ้านที่ดี ทำกับข้าวให้กิน ซักผ้าซักผ่อนให้แล้วกัน ”
“ ........ ” ความคิดประหลาด ไอ้บ้า ><
“ กูเอาเสื้อผ้ามึงลงเครื่อง ไม่ได้ซักมือให้สักหน่อย ไม่ต้องมาอายหน้าแดงหรอกหน่า ” มันตอบเสียงใจเย็น และอมยิ้มส่งมาให้เหมือนยังไม่รู้ความผิดของตัวเอง ย๊า><
“ แล้วตอนมึงตากอะ! มึงก็..จับหนิ วุ้ย>///< ”
“ หึๆ กูไม่ล้อหรอกน่า มึงอายใช่มั๊ย ถึงทำเป็นโกรธกูเนี่ย ” มันเก็บหมอนเล็กๆสามสี่ใบขึ้นมากอด แล้วเดินเข้ามาวางไว้ที่โซฟาข้างๆผมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ ..ก็กูไม่ชอบอะ ” ผมพูดด้วยเสียงเหวี่ยงๆ หน้าหงิก พอเงยหน้ามองมัน มันก็ยังส่งยิ้มมาให้เหมือนไม่มีอะไรมาให้อีก ซักกางเกงในให้กันเนี่ยนะ ผมก็อายสีกางเกงในตัวเองเป็นนะเว้ย ตอนเด็กๆโดนเพื่อนล้อ แต่แล้วทำไมอะ ที่ผมใส่ก็เพราะผมชอบอะ!
“ อ่าๆ โอเค กูเข้าใจแล้ว มึงอายนั้นแหละ ”
“ ไอ้เหี้ย!!! ”
“ หึๆ ด่าได้ด่าดีจริงๆ แล้วเลิกนิสัยเขวี้ยงข้าวของได้แล้ว ”
“ ไม่ต้องมาสอน! ”
“ อย่าให้กูต้องพูดซ้ำนะ ”
“ อะ.. - O - ” ผมได้แต่อ้าปากค้าง ไม่กล้าเถียงต่อ ตอนแรกมันพูดยังมีรอยยิ้มอยู่แต่พอผมตะคอกเถียง มันเลยเปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงนิ่งๆทันที ทำผมอึ้งและหน้าถอดสีไปเลยอะ อยู่ดีๆผมก็กลัวมันขึ้นมาอีกครั้งแล้วสิ ผมเดามันไม่ถูกแล้วนะ กวนตีนแล้วอยู่ดีๆก็มาดุกันอะ!
มันเดินไปเดินมา เดินไปเดินมาจนทำทุกอย่างเสร็จมันถึงมานั่งอยู่ที่โซฟากับผม ในขณะที่ผมเบื่อๆๆ เบื่อสุดๆก็รู้สึกเกร็งๆขึ้นมาทันที ผมไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรอีกเพราะกลัวโดนมันดุอีก แถมยังอายเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่หายด้วย
“ ไม่ดื้อแล้วสินะ ”
ขวับ
“ .......... ” ผมหันไปมองมันตาขวาง ก่อนหันหน้าหนีมัน .. จะบอกว่าผมไม่ชอบที่มันดุๆแบบเมื่อกี้ ไม่ชอบเลย..
“ เชิดหน้าจนคางจะถึงเพดานแล้ว หึๆ ”
“ ............ ” เพดานห้องมันอยู่สูงจะตาย ผมจะเชิดไปถึงได้ไง!
“ พูดหน่อยดิ งอนที่กูดุเหรอ? ” มันขยับเข้ามานั่งข้างๆผม แต่ผมขยับหนี
“ ไม่ ใครงอน จะให้กูพูดอะไรอะ กูไม่อยากพูดกับมึงแล้ว กูอยากกลับบ้าน! ” ผมพูดเสียงดังให้มันได้ยินชัดๆไปเลย มาว่าผมงอน ผมไม่ได้งอนสักหน่อย
“ เฮ้อออ ดูท่าฝนไม่หยุดตกน่ะสิ ” มันบิดขี้เกียจ แล้วเอาตัวไปพิงแขนพาดโซฟา ไม่รู้ว่าตอนไหนแขนมันพลาดมาอยู่ที่ด้านหลังของผมแล้ว
“ ออกดิ๊! ” ผมหันไปปัดมือมันออก แต่มันไม่ยอม ผมเลยลุกออกไปนั่งโซฟาเล็กอีกตัวด้านข้างกัน เอ่อ!กูออกเองก็ได้ “ แล้วกูจะกลับบ้านยังไงเนี่ย.. ”
“ หึๆ ก็ไม่ต้องกลับ ” มันลุกขึ้นนั่งตัวตรง แล้วขยับตัวก้มหน้ามามองหน้าผมแทน
“ หะ? ” ผมทำหน้าเหวอร้องเสียงหลง แต่มันกลับยักคิ้วข้างซ้ายยึกๆมาให้ผมแทน ก่อนพูดต่อ
“ นอนนี่แหละหน่า ” สะ..เสียงมัน ทำไมต้องใช้เสียงเซ็กซี่ไอ้บ้าาาา>/////<
“ ออกไปเว้ย! ” พอผมรู้สึกว่าหน้ามันเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ผมเลยรีบผลักมาออกทันที
“ ตามนั้นเนาะ หึๆ ” มันพูดสรุปเองแล้วขยับตัวออกไป ล้มตัวนอนลงไปกับโซฟาโดยหันหัวมาทางผม มีการเหล่ตามามองนิดๆ ก่อนกระตุกยิ้มพอใจ
“ ไม่! กูอยากกลับบ้าน ” ผมลุกขึ้นยืน แล้วดึงกระเป๋าเป้ของตัวเองที่ไอ้บ้านั้นกำลังหนุนอยู่ออก ทำให้หัวมันโขกลงกับขอบโซฟาอย่างจัง
“ โอย! หัวกู -_- ไอ้ขิม ดูฟ้าดูฝนดิ จะกลับยังไง ” มันลุกขึ้นนั่งมองผม ด้วยสีหน้าที่เหมือนจะเจ็บปวด พร้อมกับเอามือลูบหัวด้านหลังและแถวต้นคอของตัวเอง คงจะเจ็บมากอะดิ สม น้ำ หน้า ^w^
“ มึงขับรถตากฝนไปส่งกูหน่อยสิ ” ผมพูดเสียงเบาๆ
“ ไม่ครับ กูไม่ไปส่ง ”
“ กูกะ.. ”
“ แล้วมึงห้ามกลับครับ! ” ผมกำลังจะอ้าปากจะตะโกน แต่โดนมันชี้หน้าแล้วพูดตัดหน้าก่อน
“ ทำไมอะ กูจะกลับ ” ผมกอดกระเป๋าแล้วหันหลังให้มัน กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ประตู เพื่อจะใส่รองเท้าและออกจากห้อง ..ถ้ามันไม่ยอมไปส่ง ผมกลับเองก็ได้
“ ดื้อจังวะ ” มันลุกเดินตามมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่ผมรู้ตัวตอนที่มันเข้ามาจับแขนผมไว้ แล้วแย่งรองเท้าผ้าใบออกจากมือผมไปวางลงที่ชั้นเหมือนเดิม ก่อนออกแรงดึงให้ผมเดินตามกลับเข้ามาในห้อง ตรงโซฟาสีแดงตัวเดิม
“ นั่ง! .. จะยอมนอนนี่มั๊ย ถ้ายืนยันว่าจะกลับ กูไม่รับรองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมึง” มันกดไหล่ผมไม่แรงมาก แต่ผมดันนั่งลงตามที่มันสั่งผ่านคำขู่เมื่อกี้
“ กูจะกลับอะ มึงลากกูกลับมาทำไม มึงไม่ไปส่งกู กูก็จะกลับเอง กูจะกลับบ้าน! ” ผมสะบัดไหล่พยายามให้มันปล่อย แต่ผิดคาด นอกจากมันจะไม่ยอมปล่อยแล้วมันยังผลักผมนอนลงโซฟาแล้วยังล้มมาทับผมอีก
O.O
“ งั้น ถ้ายังดื้อแบบนี้ และยังยืนยันที่จะกลับให้ได้ ..กูจะเอามึงจนกลับไม่ได้เลย”
“ OoO หะ! ” มะ.. มันว่าอะไรนะ? เอา ..อะ เอาอะไร?
“ หึๆ ”
“ >O< เหี้ย! ปล่อยยย ” ผมว่าผมซวยแล้ว เหี้ยแล้วววว><
ผมพยายามดิ้นให้แรงขึ้นกว่าเดิมเพื่อจะให้หลุดไปจากมัน แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้มันล้มตัวลงมานอนกอดผมไว้ แถมยังเอาขาเกี่ยวขาของผมไว้จนขยับไม่ได้อีก แขนทั้งสองข้างก็ถูกมันกอดล็อคไว้ ไอ้บ้านี่มันจะทำอะไรกันแน่เนี่ย>////////<
“ จะยอมนอนที่นี่ดีๆโดยที่กูจะไม่ทำอะไรมึง หรือ จะกลับบ้านแต่ก่อนกลับมึงต้องเป็นของกูก่อน ฟอดดด ” มันพูดเสร็จแล้วก็ก้มหน้าลงมาหอมแก้มผมด้วย อ๊ากกก แก้มผม แก้มของผมมมมม>o<
“ ไอ้เหี้ย นี่ ม..มึงเป็นเกย์? ” ผมอ้าปากค้าง เผลอหันไปถามมัน ก่อนจะพยายามเบี่ยงหน้า ขยับตัวหนี
“ ก็ไม่รู้สิ ก็อยากลองดูเหมือนกัน แล้วอีกอย่างกูเป็นคน ไม่ใช่เหี้ย เรียกเหี้ยอยู่นั้น ” มันพูดแล้วพยายามจะก้มหน้าลงมาหอมแก้มผมอีกครั้ง แต่ใครจะไปยอมเล่า! ไม่มีทางโว้ย><
ทำไมผมไม่เอะใจนะ ทั้งเรื่องที่มันมักจะโผล่มาช่วย ทั้งเรื่องที่มันเข้าหาผมเนี่ยเพราะว่ามันต้องการตัวผมหรอ O.O ไม่นะ!!
“ ไอ้เหี้ยยยย ปล่อยนะ! อ้ากกกกกก”
ผมพยายามเบี่ยงหน้าหลบ เพราะมันเริ่มเอาหน้า(หล่อๆ)ของมันเริ่มเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ แถมยังทำปากจู๋อีก อึยยยยยยยยยยยยยย ผมก็ต้องดิ้นสิ ดิ้นๆๆๆจนกว่ามันจะปล่อย
“ อย่าดิ้นหน่า ยอมเป็นของกูซะเถอะ มาม่ะๆ ^3^ ”
“ อ๊ากก อย่านะ! >.< ”
ผมหลับตาและเม้มปากแน่น ไม่รู้อะไรเหมือนกันที่ทำให้หน้าของผมเห่อร้อนขึ้นมา ผมพยายามกลั้นหายใจสุดๆ เพราะยิ่งมันใกล้เข้ามาผมยิ่งได้กลิ่นหอมๆจากตัวมัน แต่นอกจากทำไม่ได้แล้วยังเหมือนจะตายเพราะขาดอากาศหายใจ จึงหอบออกมาจนตัวสั่น
“ หึๆ เอาไง จะยอมเป็นของกู หรือจะยอมนอนที่นี่ดีๆ โดยที่กูไม่ทำอะไร”
“ ......... ” ผมนิ่ง เพราะรู้สึกถึงเสียงและลมหายใจของมันที่ใกล้ผมมากจนรู้สึกได้ ไอ้เหี้ยเอ้ย นี่มันเรียกว่าใกล้เหี้ยๆต่างหาก มันกอดผมขนาดนี้ไม่ให้รู้สึกใกล้ได้ไง > //////// < ตอนนี้สมองผมมันว่างเปล่า มันคิดอะไรไม่ออกแล้วโว้ย
“ กูไม่หอมแก้มเฉยๆแล้วนะ แต่กูจะจูบ นับ.. หนึ่ง สอง สะ.. ” เสียงของมันที่พูดกระซิบอยู่ข้างๆหูของผมเมื่อกี้ ทำให้ผมขนลุกไปหมด จนทำตัวไม่ถูก แถมใจยังเต้นแรงแปลกๆ ทำให้ผมคิดได้ว่าก่อนที่ผมจะโดนมันจูบ ผมควรยอมทำตามที่มันบอก
“ อ๊ากๆ ยอมแล้วๆ ยอมแล้วไอ้เหี้ย > w < ” ผมร้องออกไปสุดเสียง และหลับตาปี๋ ถึงแม้อีกใจหนึ่งผมจะคิดว่าที่มันพูดอาจเป็นคำขู่ ที่อยากจะกลั่นแกล้งผม แต่ผมก็ไม่อยากเสี่ยงโว้ยยย ถ้าเกิดมันทำจริงๆ หึยยยยย><
“ ยอมเป็นของกูน่ะหรอ? ^ - ^ จุ๊..โอ้ะ! ” ผมดิ้นจนแขนข้างหนึ่งที่หลุดจากพันธะของมัน ผมก็ผลักหน้ามันแรงๆทันที
“ กวนตีน ยอมนอนที่นี่โว้ยยย > - < ”
“ รุนแรงจริงๆนะมึงเนี่ย หึๆ ยอมแน่นะ ยอมนอนที่นี่แน่นะ ? ”
“ เออๆ ไอ้เหี้ย ปล่อยๆๆๆๆๆ ก็บอกว่ายอมไง กูนอนที่นี่ คือห้ามทำอะไรกู ไอ้เหี้ย ปล่อยยย ผลั้กก! ” ผมดิ้น และพยายามดึงมืออีกข้างที่มันกอดล็อกไว้อยู่ให้หลุด ส่วนขาและเท้าก็พยายามขยับ เตะขาไปมา และฮึบแรงสุดท้ายออกแรงผลักและถีบมันสุดแรงจนมันตกโซฟา
ตุบ!
> - < เยส!
“ โอ้ย ไอ้ขิม! โอ้ะ หลังกูๆ ”
“ ฮ่าๆๆๆๆๆ สมน้ำหน้า ไอ้บ้าเอ้ย! ” ผมปรบมือและหัวเราะอย่างชอบใจ เพราะพอมันตกลงจากโซฟา ผมก็กระโดดลงจากโซฟา ไปยืนด้านล่าง มองมันที่ร้องโอดโอยนั่งจับเอวตัวเองไว้
พลั้ก! พลั้ก! พลั้ก!
“ นี่แหนะๆๆๆๆๆ ฮ่ะๆๆๆ ” ผมคิดได้ว่าแค่ตกโซฟาไม่พอหรอก สำหรับคนทะลึ่งและฉวยโอกาสแบบมัน เลยเอื้อมมือไปหยิบหมอนมาตีที่ตัวมันอีกสองสามครั้ง ทั้งตี ทั้งหัวเราะสะใจ นี่แหละ โทษฐานที่มันมากอดและหอมแก้มผม > ///// <
-100%-
#จับรัก #กรดขิม
TBC.
** นิยายเราไม่ซีเรียส ออกจะรั่วๆด้วยซ้ำ
สำหรับตอนนี้อาจจะยืดๆยานๆหน่อย คือเราอยากให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันนานๆ5555
ทั้งสองยังไม่รู้จัก ไม่สนิทแต่เราอยากให้เขาได้กันแล้ว
แต่ก็นะ ยังๆหรอก ดูจากการที่ขิมถีบพี่กรดของเราตกโซฟาแล้ว ขิมไม่ง่าย555
เราขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะ เราอ่านหมดเลย
เราอาจจะพิมพ์ผิดๆถูกๆ และตรวจทานไม่ค่อยละเอียด
เราจะพยายามปรับแก้ และแก้ไขให้ดีกว่าเดิมนะคะ ขอบคุณค่ะ
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ
:katai4: :katai4: มาแล้วๆ^^
หากพิมพ์ผิดๆถูกๆ ก็ขออภัยด้วยนะคะ
ตอน 'กว่าผมจะได้นอน' ไปอ่านกันเลย
เขาทำอะไรกันน้าาา กว่าจะได้นอน><
** เม้นให้กำลังใจกันด้วย พลีสสสส
:pig4: :pig4:
- ۞ตอนที่เจ็ด -
กว่าผมจะได้นอน
“ นี่! มึงจะให้กูนอนไหน ” ผมถามมันเสียงดัง ในขณะที่กำลังเดินตึงตังหน้ามุ่ยเข้ามาในห้องนอนของมัน
ตอนนี้ผมเห็นมันนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เหมือนเขียนๆวาดๆอะไรสักอย่างในกระดาษสลับกับจ้องมองหน้าจอโน้ตบุ๊คอยู่
แม่งเมื่อกี้พอผมถีบมันตกโซฟาแล้วเอาหมอนตีมันซ้ำ มันก็วิ่งหนีมาตั้งหลักในห้องของตัวเองแทน ผมเลยเดินไปจะเปิดประตูเข้าห้องอีกห้องหนึ่ง เพื่อที่ผมจะเข้าไปนอน แต่ปรากฏว่าห้องล็อคอะ
ผมเห็นว่ามันหายเข้ามาในห้องนอนของมันนานๆ ผมเลยอดไม่ได้ที่จะเดินเข้ามาถาม ผมไม่ยอมนอนโซฟาหรอกนะ
“ อยากนอนตรงไหนล่ะ? (^_< ) ” มันถามพร้อมกับเอามือปัดเสยผมขึ้น ก่อนค่อยๆเอียงคอมามอง และขยิบตาให้ผมอย่างน่าหมั่นไส้
“ อย่า กวน ตีน =~= ” ผมเอามือเท้าสะเอวและมองมันหน้าหงิก
“ หึๆ ” มันไม่ยอมพูดอะไรแต่หัวเราะและส่ายหัวไปมาแทน
“ มึงล็อคห้องนั้นทำไม ไปเปิดดิ๊ กูจะเข้าไปนอนแล้ว ” ผมบ่นอย่างหัวเสีย ตอนนี้ผมดูเวลาก็สามทุ่มกว่าๆแล้ว ไม่มีอะไรทำ เบื่อ เลยคิดว่าจะนอน รีบนอนรีบตื่น พรุ่งนี้เช้าจะได้รีบกลับบ้าน
“ ไม่ ห้องนั้นไม่ได้ปูที่นอนไว้ ไม่ได้ทำความสะอาด ไม่เห็นรึไง อืม ..เอาเป็นว่ามึงนอนห้องกูนี่แหละ ”
“ หะ? แล้วมึงนอนไหน ” ผมถาม มองไปที่เตียงนอน แล้วหันกลับมามองหน้ามัน นี่มันคงจะไม่ได้เป็นคนดีเสียสละที่นอนให้ผมง่ายๆแน่ๆ หรือว่า... O.O
“ กูก็นอนที่นี่ไง นอนกับมึงไงคร้าบบบ ” มันชี้กลับไปที่เตียงและชี้มาที่ผม ด้วยหน้าตาที่โคตรเจ้าเล่ห์
“ ไม่ๆ บ้าหรอ ไหนบอกว่าจะไม่ทำอะไรกูไง ” ผมตกใจจนร้องขึ้นเสียงดัง พร้อมกับก้าวถอยหลังไปจนติดประตูห้องมัน
“ หึๆ ” มันอมยิ้มแล้วลุกก้าวเดินเข้ามาหาผม ผมเลยรีบหันไปจับลูกบิดประตู เพื่อจะเปิดประตูออกไปจากห้องนี้
ผมไม่ไว้ใจมันอะ ไม่น่าเข้ามาในห้องมันอีกครั้งเลย > - <
แกร๊ก~ แอ๊ดด
ปัง!
“ จะไปไหน หืมม? ” เสียงมันที่เรียกได้ว่ากระซิบ ทำเอาผมขนลุกชัน พอหันกลับไปมองก็พบว่าตอนนี้มันอยู่ใกล้กับผมมาก มันเอาแขนค้ำไว้ที่ประตูห้อง มันไม่ยอมให้ผมได้เปิดประตูออกไป
“ O.O เปิดประตูนะ กูจะออกไปข้างนอก ” ผมบอกมันเสียงติดๆขัดๆ พยายามทำตัวให้ลีบเล็กลง แต่ก็ไม่เป็นผล แถมยังขยับไปไหนไม่ได้อีก เพราะถูกตัวและแขนของมันกักกันไว้
“ ไอ้เด็กต๊องเอ้ย หึๆ ไม่รู้หรือไงอะไรจริงอะไรเล่น ” มันส่ายหัว แล้วจิ้มหน้าผากของผมเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ทำให้ผมยืนงงกับสิ่งที่มันพูด
“ หมายความว่าไง ? ” ผมถามมันตามหลัง คืออะไรอะ? งง “ นี่ให้กูออกไปข้างนอกแล้วใช่มั๊ย แต่จะให้กูนอนโซฟาหรอ? ”
“ นอนนี่แหละ กูไม่ทำอะไรมึงหรอกหน่า ” มันตอบ
“ แน่นะ? ” ผมถามย้ำ คือไม่แน่ใจอะครับ มันชอบมาประชิดตัวอยู่เรื่อย
“ แน่ ..แต่ถ้าเต็มใจก็อีกเรื่อง ”
“ หะ! พูดอะไรว่ะ ” ผมไม่ได้ยินเพราะครั้งนี้มันพูดเบามาก ปกติผมเป็นคนหูดีนะ แต่เมื่อกี้กลับจับใจความประโยคของมันไม่ได้เลย
“ กูไม่ทำอะไรมึงหรอกหน่า กูแค่เห็นว่ามันฝนตกมึงกลับไม่ได้จริงๆ เลยจะให้มึงนอนที่นี่ไง ” มันพูดอธิบาย
“ ........ ” ผมเงียบเพราะใช้ความคิดอยู่ ..จะเชื่อได้มั๊ยเนี่ย รู้สึกว่าเมื่อกี้มันไม่ได้พูดยาวแบบนี้
“ เมื่อกี้มึงดื้อ พูดยาก ไม่ยอมฟังและทำตามดีๆกูก็เลยต้องบังคับ แต่เชื่อเถอะหน่าว่ากูไม่ทำอะไร ”
“ แสดงว่าเมื่อกี้ มึงแกล้งกูหรอ? ”
“ จะเรียกแบบนั้นก็ได้ หึๆ ”
หนอยยยยยย ><
“ มึงหลอกว่าจะปล้ำกู แถมยังหะ..หอมแก้มกู ไอ้เหี้ย! ” ผมเอามือกุมแก้มตัวเองไว้ และตะโกนเสียงดัง
“ หอมแก้มกูไม่ได้แกล้ง เห็นแก้มมึงป่องๆ นิ่มๆเลยลองจุ๊บดู อีกรอบก็ดะ.. ”
“ อะ..ไอ้เหี้ย! >////< ไม่โว้ยยยย ” ผมร้องตกใจเสียงดังมากกว่าเดิม ถ้าไม่ติดที่ก่อนหน้านี้โดนมันดุเรื่องปาข้าวของ ผมอยากจะปาอะไรใส่หน้ามันอีกแล้วแม่ง><
“ หึๆ ”
เหอะ!
“ หัวเราะทำไมเล่า หึยยย ยังไงก็ช่าง กูไม่ยอมนอนเตียงเดียวกับมึง ” ผมกอดอกแน่น แล้วส่ายหน้าไปมา
“ แล้วกูต้องทำยังไง หืมมม? ” มันถามผมด้วยเสียงและสีหน้าที่เริ่มเหนื่อยๆ
“ อื้มมม มึงออกไปนอนโซฟาเลย! ” ผมยิ้มกว้าง แล้วชี้ออกไปที่นอกห้อง นู้นนนนน ที่นอนมันคือ โซฟาสีแดงข้างนอกนู้นน
“ หะ ? ฮ่ะๆๆๆๆๆๆ ” พอมันได้ยินและมองไปตามมือที่ผมชี้ มันถึงกับทำหน้างง ก่อนจะหัวเราะจนตัวสั่นออกมาเสียงดัง
“ ไม่ใช่เรื่องตลกนะ>< ” หนอยยยย ถ้ามันไม่ยอมแล้วมัวแต่มาหัวเราะคนอื่นแบบนี้ ขอแช่งให้มันหัวเราะจนตกเก้าอี้เลย
“ อะๆ โอเคๆ แต่กูขอนั่งทำงานก่อน มึงนอนบนเตียงได้เลย พอทำงานเสร็จกูจะออกไปนอนที่โซฟา โอเคมั๊ย ”
“ จริงนะ? ”
“ จริงสิ^^ แต่ขอถามหน่อย มึงคิดยังไงถึงกล้าไล่กูที่เป็นเจ้าของห้อง เจ้าของเตียงนี้ออกไปนอนโซฟา ”
“ สั้นๆเลยนะ ..มึงเป็นคนบังคับให้กูอยู่ที่นี้เอง ทั้งๆที่กูยืนยันแล้วว่ากูจะกลับ แต่มึงก็ยังจะให้กูนอนที่นี่ให้ได้ แล้วอีกอย่างนะ.. มึงอะ ถึงเนื้อถึงตัวกูมากเกินไป แถมชอบทำอะไรแปลกๆ พูดจาทะลึ่ง ง่ายๆ คือกูไม่ไว้ใจ โอเค้ ”
“ เหอะๆ -o- งั้นโอเคคร้าบบ เข้าใจ รู้เรื่อง ชัดเจน.. ” มันถอนหายใจ แล้วส่ายหน้าไปมาพร้อมกับพรึมพรัมเบาๆ นั้นแหนะ! ในที่สุดมันก็ยอมแพ้จนได้ ^ - ^
พอมันหันไปทำงานของตัวเองที่ค้างคาอยู่ ผมก็กระโดดขึ้นเตียงแล้ว ห่มผ้าห่ม แต่ว่า.. ทั้งๆที่เมื่อกี้เริ่มง่วงนอนแล้วก็ตาม พอตั้งใจจะนอนหลับจริงๆจังๆ ผมกลับนอนไม่หลับ
ผมนอนมองดวงไฟ ที่เปิดสว่างจ้าอยู่ตอนนี้จนเริ่มแสบตา ผมนอนไม่ได้อะครับ ><
แถมตอนนี้ก็แค่ สาม สี่ทุ่ม มันก็ยังไม่ใช่เวลาปกติที่ผมจะหลับลงอะ
เวลาปกติผมจะต้องมีงาน มีการบ้านให้ทำ บางครั้งก็เที่ยวดึกๆจะตายไป เวลาของเด็กมหาวิทยาลัยอะครับ ปกตินอนก็ดึก พอมีเวลาให้นอนเร็วก็แบบนี้ก็ดันนอนไม่หลับ
ผมเป็นคนเดียวรึป่าวไม่รู้นะ วันที่ไม่มีงาน ไม่การบ้าน ดันไม่ง่วง ไม่หลับไม่นอน แต่หากว่าเป็นเวลาเรียน หรือเวลากลางวันๆนี่ หลับได้หลับดี แหะๆ
“ เฮ้อออ เฮ้อออออ เฮ้อออออออ -o- ” ผมพลิกตัวไปมาเกือบสิบรอบ นอนไม่หลับจริงๆครับ อาจจะเพราะไม่ใช่ห้องตัวเอง ไม่ใช่บ้านตัวเอง แถมยังมีคนอื่นที่.. อยู่ที่นี่ ทำให้ผมนอนไม่หลับ
“ ทำไมดิ้นไปดิ้นมา นอนไม่หลับหรอ? ” มันที่นั่งเงียบทำงานของตัวเองไปสักพัก ถามผมขึ้น ผมก็หันหน้ากลับไปมองมัน เพราะตอนนี้ผมกำลังนอนหันหลังให้มันอยู่
“ เออสิ พอมานอนแล้วมันกลับไม่ง่วงอะ ทำไมนะ ” ผมว่าแล้วก็กอดก่ายหมอนข้างแน่นขึ้น
“ เพราะกูป่ะ? ”
“ ใช่! ส่วนหนึ่ง ” ผมตอบมันทันที เพราะมันเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมนอนไม่หลับ คือ ที่นี่ไม่ใช่ห้องของผม ไม่ใช่บ้านของผม แต่เป็นของมัน
“ ตอบแบบไม่คิดเลยแฮะ ... ”
“ ....... ” ผมเปลี่ยนท่านอน มานอนแหงนมองเพดานนิ่งๆ เลยไม่ได้ฟังว่ามันพูดอะไร
เพดานห้องของมัน ตรงส่วนเตียงนอนโล่งมากเลยอะ เวลาปิดไฟคงมืดสนิทเลยสินะ ไม่เหมือนห้องผม จะมีสติ๊กเกอร์เรืองแสงสวยๆ และรูปภาพเล็กๆเป็นสิบๆรูปติดอยู่บนนั้น ทั้งรูปของผมเอง รูปครอบครัว และรูปเพื่อนๆ รูปที่เที่ยวต่างๆ รวมถึงรูปของกิน(?) ที่ผมหามาติดเอง
ขาดอย่างเดียวคือรูปแฟน ที่ผมยังไม่คิดจะติดรูปใครไว้เลย เพราะผมยังไม่เคยสมหวังในเรื่องความรัก หรือคบใครแบบจริงๆจังๆได้สักที และอีกอย่างก็คิดว่า ถ้าติดไปแล้วมันจะต้องอยู่แบบนั้นตลอดไป อืมม นั้นแหละ ผมเลยยังไม่คิดจะติดรูปของใครไว้ แม้แต่คนที่ผมเคยชอบก็ตาม
“ ขิม.. ”
“ อืม ว่าไงอะ? ”
“ ถ้านอนไม่หลับ มึงไปเปิดหนังดูก็ได้นะ ”
“ ได้หรอ? ”
“ ได้ เสียบปลั๊กทีวี กับเครื่องเล่นดีวีดีก่อน หนังใหม่ๆอยู่ในกล่องข้างล่างนั้น ”
“ ^____^ ” ผมรู้สึกดีใจ เลยรีบลุกจากเตียงแล้วเดินไปหาปลั๊กไฟแถวๆทีวี เสียบปลั๊กและกดเปิดทีวีและเครื่องดีวีดีจนเรียบร้อย แต่ยังไม่ได้ใส่แผ่น
“ ^------^ ”
“ มึงยิ้มไร? ” ผมถามมันหน้างงๆ เพราะอยู่ๆพอผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นมันยิ้มซะกว้างมาให้ผมอะ
“ เอ้า! ^o^ ก็เห็นมึงยิ้มให้กูก่อน กูก็ยิ้มคืนสิ ” มันตอบและยังยิ้มบางๆ
“ บ้าาา กูไม่ได้ยิ้มให้มึง กูยิ้มเพราะกูได้ดูหนังต่างหาก ” ผมพูดไปขำไป ผมเนี่ยนะจะยิ้มให้มัน
“ -o- เหอะ งั้นก็ไปๆไอ้ดื้อ อยากดูเรื่องไหนก็ลองค้นดูในกล่องนั้น เพื่อนกูเพิ่งส่งให้มา ” มันทำหน้าเหวอๆหน่อย ก่อนพูดกับผมด้วยเสียงหงอยๆ และชี้ไปที่กล่องกระดาษสีขาวใหญ่ๆ ข้างๆเครื่องเล่นดีวิดี
“ มันยังไม่ได้แกะเลยนะ ให้กูแกะได้เลยหรอ? ” ผมนั่งลงกับพื้นเพื่อจะเลือกหนังในกล่อง พอเปิดฝากล่องแล้ว ในกล่องก็จะมีซองพลาสติกและแผ่นกันกระแทกห่อแผนหนังแต่ละเรื่องเอาไว้อยู่ ผมเลยถามมันเพื่อความแน่ใจ
“ ได้ดิ แกะเลยๆ ” มันหันมาพยักหน้าตอบ แล้วหันไปทำงานต่อ พอได้รับคำอนุญาตผมก็ค่อยๆลงมือแกะซองพลาสติกและแผ่นกันกระแทกออก แต่..
“ O.o เฮ้ยยย!!!! ”
“ อะไร? ”
ผมเงยหน้ามองเจ้าของห้องแต่ไม่ได้ตอบ ก่อนเลื่อนสายตากลับไปจ้องมองสิ่งที่ถืออยู่ในมือตาค้าง เพราะมันเป็นรูปผู้หญิงรูปร่างเซ็กซี่ อกสะบะหึ้มใส่ทูพีชสีขาวกำลังนั่งอยู่ที่หาดทราย ข้างๆกันเป็นผู้ชายผิวเข้มตัวใหญ่กล้ามโตใส่แค่กางเกงในสีดำตัวเดียว โอ้โหหหหห ใส่ก็เหมือนไม่ใส่อะครับ แม่วัวนมกับพ่องูเหลือม O.O
“ นี่ มะ..มัน ”
หนังเอวี>/////<
ปริบๆ
ผมเงยหน้ามองมันอีกครั้ง ตอนนี้หน้าของมันเต็มไปด้วยคำถามว่าผมตกใจอะไร แต่เพื่อความแน่ใจ ผมเลยนั่งแกะซองพลาสติกและแผ่นกันกระแทกเรื่องอื่นๆออกมา และวางเรียงกันไว้ข้างๆ
Oh My God นี่ก็ด้วย นี่ๆๆๆด้วย มีหลายเรื่องมากกกกก >//////< ไอ้นี่มันชอบแบบนี้หรอ
" แต่ละเรื่องคือแบบ.. " หืออออ นี่ขนาดว่ายังไม่ดูหนัง ดูแค่ภาพปก เลือกกำเดาผมก็จะไหลแล้ว ถ้าได้ดูนี่เลือดจะไปกระฉูดออกมาจนหมดตัวเลยหรอ><
“ โอ้ ชิบหายแหละ! ไอ้แซ็กเล่นกูละ ไอ้เพื่อนเหี้ย ” มันทำหน้าตกใจและสบถออกมา เพราะคงนึกได้ละมั้งว่าในกล่องนี้ไม่ได้มีแค่หนังธรรมดา
“ เอามานี่ดิ ” มันรีบลุกขึ้นเดินจะมาแล้วแย่งหนังออกจากมือผม แต่ผมไม่ยอมให้
“ ไม่ให้เว้ย ” ผมเบี่ยงตัวหลบมัน แล้วยื่นแขนไปด้านหลังของตัวเอง ไม่ยอมให้มันเอาคืนได้
“ ....... ” มันส่งสายตานิ่งๆโดยไม่พูด แต่จะประมาณความหมายได้ว่า 'จะให้ไม่ให้?' แต่ผมไม่กลัวหรอกนะ = (เกรงนิดๆเท่านั้น)
“ นี่ของมึงหรอ? ” ผมส่งสายตาคาดครั้นมันออกไป เพื่อกดดันให้มันยอมรับความจริง
“ เพื่อนกูมัน.. ”
“ มึงชอบแบบนี้สินะ ฮ่ะๆๆ ^ - ^ ” ผมทำหน้าและน้ำเสียงที่อยากจะล้อเลียนมัน ที่กำลังลนลาน มันกำลังหยิบหนังเรื่องอื่นๆ ที่ผมเอาออกมาวางที่พื้นแต่ละเรื่องขึ้นไปดู สลับกับหยิบแผ่นอื่นๆที่อยู่ในกล่อง
“ เพื่อนกูมันส่งมาให้ต่างหาก " มันพูดเสียงนิ่ง มือก็แกะซองหนังเรื่องอื่นๆ
" ....... " ว้าววววว >o< เรื่องนี้ท่าจะรุนแรงนะเนี่ย
" นี่ไง หนังปกติก็มี อันนี้หนังแอ็คชั่น นี่หนังผี หนังสืบสวน หนังตลก อันนี้การ์ตูน อันนี้ก็ด้วย อันดีๆก็มี มึงเลิกดูอันนั้นได้แล้วหน่า ” พอมันมานั่งลงที่พื้นข้างๆผม มันก็พยายามแย่งหนังเอวีในมือผมไป และแยกหนังเอวีกับหนังปกติในกล่องออกจากกัน
“ แหมมมม ในมือกูนี่ก็หนังดีๆทั้งนั้นหน่า^^ " ผมยิ้มล้อ เพราะรู้สึกว่ากำลังได้เปรียบมัน
" เหอะ! อยากดูหรือไง? " มันหัวเราะเบาๆ
" ปะ..ป่าววๆ ..กูกำลังคิดว่ามึงมีรสนิยมแบบนี้ด้วยหรอ มีเรื่องอื่นอีกป่ะ ? โหหห นั้นหญิงสองชายหนึ่ง เห้ยๆ นั้น ชายเป็นสิบเลย O - O ”
“ ไอ้ขิม มึงนี่.. ” มันแย่งแผ่นหนังเอวีไปจากมือผม ที่ไปหยิบขึ้นมาจากกล่องไปวางลงกองที่มันแยกไว้
“ ไหนๆ มึงชอบเรื่องไหน ฮ่ะๆๆๆ ” ผมหัวเราะ และแกล้งถามทำเป็นอยากรู้ต่อ ได้กวนตีนมันกลับคืนบ้างก็ตลกดี
“ ....... ”
“ ไม่ตอบแฮะ ไม่ต้องอายหรอกหน่า เป็นเรื่องปกติของผู้ชาย ”
“ มึงนี่จริงๆเลย ทะลึ่งไม่ต่างกันหรอกมึงหน่ะ ” มันส่ายหัวตัวเองไปมาและบ่นให้ผมเบาๆ
“ อะไรอะ? อย่ามานอกเรื่อง ตอบมาเร็วๆ ว่าชอบเรื่องไหน ? ”
“ เออ สัด! ชอบเรื่องนี้ พอใจยัง? ” มันตอบเหมือนรำคาญเต็มที่ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหนังในกล่องที่เหลือขึ้นมาแกะ แล้วยื่นมาให้ผมดูแบบส่งๆ
“ ฮ่ะๆๆๆ ไหน.. เฮ้ยยยยยยO.O ไอ้เหี้ย!!!! ” จากที่ผมหัวเราะมันในตอนแรก แต่หลังจากที่ผมเห็นแผ่นหนังที่มันเลือกแล้ว ผมว่า..ตอนนี้ผมหัวเราะไม่ออกแล้วอะครับ ผมรีบผลักแผ่นหนังคืนมัน จนมันทำหน้าสงสัย แต่มันก็ยังพูดยืนยัน
“ อะไรอีกอะ? ก็กูตอบแล้วนี่ไง ชอบเรื่องนี้ มากกก มากๆ โอเคยัง ”
“ มะ.. ไม่โอเค ไอ้เหี้ย! ” ผมขยับตัวเพื่อจะลุกหนีจากมัน แต่ถูกมันรั้งแขนให้นั่งลงกับพื้นที่เดิม
“ ทำไม? ”
“ ก็ดูดิ นี่.. ”
“ ....... ” อย่ามาทำหน้างง ดูในมือสิโว้ยย
“ นี่มันหนังเกย์โว้ยยยย! ”
“ หะ!!! ..เห้ยยย ”
“ ..........” ผมมองหน้ามัน นิ่งค้างo_o และไม่กล้ากระดุกกระดิก
“ นะ..นี่ มึงชอบหนังเกย์ สะ..แสดงว่ามึงเป็นเกย์จริงๆน่ะสิ ”
“ ไปกันใหญ่แล้ว.. ”
“ ละ..แล้วที่มึงให้กูมานอนที่นี่ เพราะมึงจะทำไม่ดีไม่ร้ายกูใช่มั๊ย ”
“ หะ? .... หึๆๆ ” มันทำหน้าเหมือนใช้เวลาคิดอะไรบางอย่าง และพอคิดออกก็ยิ้มเย็นๆ ส่งเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ๆออกมา
“ อะไร? ” ผมเริ่มไม่ไว้ใจมันอีกรอบแล้วนะ-o-
“ นี่มึงอยากดูเรื่องนี้มั๊ย? ” มันถามและยกหนังแผ่นนั้นขึ้นมา
หน้าปกคือผู้ชายสองคน ผู้ชายหน้าตาดีรูปร่างใหญ่ผิวเข้มคนหนึ่งที่พาดแขนแข็งแรงไปกับพนักพิงของโซฟา เขากำลังเฉยคางของผู้ชายร่างเล็กกว่าที่กำลังเอนตัวพิงอยู่ที่อก แถมยังที่ทำหน้าตาเซ็กซี่ เผยอริมฝีปากรับกับริมฝีปากของร่างสูงที่ก้มลงมา ทั้งสองมีเพียงแค่ผ้าขนหนูผื่นเล็กที่ปกปิดส่วนล่างเท่านั้น
“ มองตาค้างเชียว ”
“ หะ? ” ผมที่เพิ่งตั้งสติได้ หลังจากที่จ้องมองแผ่นนั้นตาค้าง
“ ดูมึงสนใจหนิ อยากดูสินะ งั้นกูเปิดเรื่องนี้ให้ ”
“ ไอ้เหี้ย ไม่เอาาาาา ”
“ งั้นตอบมาก่อน หุ่นกูกับหุ่นไอ้นี่ใครดีกว่ากัน ? ”
“ หะ? ถามไรเนี่ย! ไม่ตอบโว้ย ” ผมปฏิเสธเสียงดังแต่สายตาก็ยังเลือนมองไปที่ผู้ชายในปกหนัง สลับกับมองรูปร่างของมัน ทั้งแผงอก หน้าท้อง ต้นแขนของมัน ที่มีเสื้อผ้าปกปิดอยู่
= O = ในใจผมคิดว่า หุ่นมันดูดีและสมส่วนกว่านะ
“ หน้าแดงแบบนี้ คงคิดอะไรทะลึ่งๆอยู่ล่ะสิ ”
“ ไม่ได้คิดนะ ไอ้บ้า! ” >\\\\\\\<
“ เหอะๆ งั้นกูจะเปิดหนังเรื่องนี้ เพราะมึงไม่ยอมตอบคำถามกู ”
“ ไม่เอาโว้ย ไม่ดูเรื่องนี้>< ”
“ หึ กูจะเปิดให้ ^#^ ” มันทำหน้าเหมือนได้เวลาเอาคืนผมที่แกล้งล้อเรื่องหนังเอวีมัน
“ ไม่ๆๆๆๆ ” ผมร้องเสียงดัง แล้วรีบวิ่งไปนอนบนเตียงมัน แล้วเอาผ้าห่มนวมใหญ่ขึ้นมาคลุมโปงปิดหน้าไว้ หลับตาปรี๋ใต้ผ้าห่ม
“ กูเปิดแล้วน้าาาา ลุกขึ้นมาดูเร็ว ”
> ///////// < ม่ายยยยย
เดี๋ยวมาต่อค่ะ
.
.
♪ ♫ ♪ ♫ ♪ ♫
“ หึย! ไอ้บ้า แกล้งกู>< ” ผมด่ามันทันที มันไม่ได้เปิดหนังเกย์เรื่องนั้นหรอกครับ มันแค่แกล้งพูดไปเท่านั้นเอง ทำเอาผมลุ้นแทบตาย สุดท้ายมันเปิดการ์ตูนให้ผมดูแทน
พอผมได้ยินเสียงดนตรีของการ์ตูน ผมจึงค่อยๆเลื่อนผ้าห่มลง ไปปิดแค่ส่วนจมูก เหลือไว้แค่ตาที่สอดส่องดู ตอนนี้เห็นมันที่กำลังถือรีโมตยืนอยู่หน้าทีวี มองมาที่ผมด้วยสีหน้าพอใจ พร้อมส่งเสียงหัวเราะอย่างน่าหมั่นไส้ออกมา
“ นอนดูทีวีไปนู้น มาสนใจอะไรกู มองกูแบบนี้คิดอะไรกับกูล่ะสิ ”
“ บ้านมึงสิ! หลงตัวเองชิบ! ใครสนใจมึง! ” ผมว่าแล้วก็เขวี้ยงหมอนข้างใกล้ๆมือไปใส่มัน อดไม่ได้จริงๆ
“ อะแน่ ^~^ ” มันชี้ๆมาที่ผมอย่างล้อเลียน ก่อนก้มเก็บหมอนข้าง แล้วโยนกลับขึ้นมาใส่ผมที่อยู่บนเตียง
“ อะหนงอะแหน่อะไร กูไม่ได้สนใจอะไรมึง แค่มองว่ามึงหยุดกวนตีนยัง แค่นั้น! ”
“ ไม่แกล้งครับไม่แกล้ง งั้นดูการ์ตูนไปเด็กน้อย หรือเด็กน้อยต้องดื่มนมก่อนนอนครับ? ”
“ บ้าหรือไง กูไม่ใช่เด็กๆแล้วสักหน่อย ” ผมส่งเสียงอ้อมๆแอ้มๆออกไป ทำเหมือนปฏิเสธ แต่ที่จริงผมก็รู้สึกอยากดื่มนมอยู่หน่อยๆ
“ หึๆ ”
“ มึงๆ ” พอเห็นว่ามันหัวเราะแล้วเหมือนจะหันไปสนใจงานของตัวเองต่อ ผมเลยรีบเรียกมันไว้ก่อน เพราะผมคิดว่าผมนอนไม่หลับแน่ถ้ามันยังอยู่ที่นี่ ในห้องนี้
“ ว่าไงครับ? ”
“ มี.. โอวัลตินมั๊ย ”
“ มี อยากกิน? ”
“ อืม ” ผมพยักหน้าตอบเบาๆ
“ ไปชงดิ โอวัลตินอยู่ในชั้นด้านบน กาต้มน้ำร้อนก็มี อยู่ในครัวนั้นแหละ ”
“ ไปชงให้หน่อยได้มั๊ยอะ -U- ”
“ หึ? ” มันทำหน้าสงสัย ทำไมอะ แค่ผมทำเสียงอ้อนๆเหมือนอ้อนตอนให้ไอ้พี่ทำอะไรให้กิน มันน่าแปลกใจตรงไหน
“ ก็.. กูกลัวทำข้าวของมึงพัง ถ้วยจานมึงแตกอะ -o- ”
“ งั้นไหนขอดีๆอีกครั้งสิ ” -- O -- ดูมันพูดสิ ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ
“ มึง.. ไปชงโอวัลตินให้หน่อยคร้าบ ”
“ ไม่สุภาพเลย ลองพูดใหม่.. พี่กรดไปชงโอวัลตินให้หน่อยค้าบ ”
“ หะ!!!! มึงชื่ออะไรนะ? ”
“ เออ.. ตกใจอะไรขนาดนั้นวะ O.o ”
“ มึงชื่ออะไรนะ? ”
“ มึงอยากรู้รึยังล่ะ ถ้ายอมรับว่าอยากรู้จริงๆ กูจะบอกใหม่ ” มันพูดแล้วยักคิ้ว และทำหน้าเหมือนได้เปรียบผม แหวะ! อยากรู้ตายแหละ ..เออ อยากรู้นั่นแหละโว้ย
“ เออๆ ยอมรับก็ได้ ตอนนี้กูอยากรู้แล้ว ” ผมตอบเสียงหงุดหงิด
“ กูชื่อ ..คีรินทร์ ”
“ คีรินทร์? ”
“ ชื่อจริงกูไง ”
“ ไม่ใช่ๆ.. เอาชื่อเล่นอะ ชื่อเล่น ”
“ หึๆ ชื่อจริงกูก็พอแล้ว ลองขอใหม่สิ เร็วๆ รอฟังอยู่ ”
“ เฮ้ออออ -o- ”
“ ....จะกินมั๊ยโอวัลติน หืมมม? ”
“ กินดิ! อะแฮ่มๆ พี่คีรินทร์ ไปชงโอวัลตินให้หน่อยครับบบบบ ” อ๊ากกก>~<
“ หึๆ ดีกว่าทุกครั้งที่พูดมาเลย ฟังแล้วลื่นหูดี ^ - ^ งั้นกูไปชงโอวัลตินให้ก่อน ” มันยิ้มกว้างจนเห็นฟัน ก่อนรีบลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานเพื่อจะเดินออกไป
“ เอ้า ไอ้บ้านี่! หลอกด่ากันทางอ้อมป่ะ? รีบๆไปสักทีเลยไป~ ” ผมทำหน้าหงิก แล้วทำมือไล่ๆมัน
“ อืมๆ โอเคค้าบคุณหนู ”
เยส!
.............
แกร๊ก~
ก๊อกๆๆๆ
“ ขิม? ”
ก๊อกๆๆๆ
แกร๊กๆ~
“ นี่มึงล็อคประตูหรอ? ”
“ ฮ่าๆๆ ใช่นะสิ มึงนอนโซฟานู้นนนน ”
เมื่อกี้ พอมันลุกออกจากห้องไป ผมก็รีบลงจากเตียงไปล็อคประตูห้องทันทีเลย ไม่คิดว่ามันจะเดินกลับมาเร็วขนาดนี้นะเนี่ย
อื้มม แต่ผมติดใจอยู่เรื่องชื่อของมัน เพราะที่จริงผมก็อยากรู้ชื่อของมันเหมือนกัน ฟังไม่ชัดว่ามันชื่อเล่นว่าอะไร จด ดด ปด บด อด ตด(?) ประมาณนี้ ถ้าได้ยินไม่ผิด
เอ๊ จำได้ลางๆ ว่าตอนที่เจอกันครั้งแรก มันกางร่มไปส่งผมที่หอไอ้มิ่ง ผมก็เคยได้ยินใครสักคนเรียกชื่อมัน.. ชื่ออะไรนะ ทำไมคุ้นๆ คุ้นโคตรๆ แต่นึกไม่ออก
แต่ยังไงผมก็ต้องทำตามแผนที่ตัวเองวางไว้ คือล็อคห้องนอนทันทีหลังจากมันออกไป และเพื่อเป็นการหลอกให้มันออกจากห้อง ผมเลยจำเป็นต้องหาข้ออ้าง ซึ่งนึกออกได้เรื่องเดียวคือเรื่องของกิน(?)
รู้สึกเสียดายโอวัลตินอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
“ ไอ้ขิม งานกูยังไม่เสร็จนะเว้ย ” โอ๊ะ มันเริ่มเคาะประตูถี่ขึ้นและพูดเสียงดังขึ้นอะ ต้องอย่าไปกลัวดิว้ะขิม สู้ๆเว้ย v(=o=)
“ มึงก็.. ไม่ต้องทำดิ พรุ่งนี้ก็วันหยุดนะ แล้วมึงค่อยทำ ไปนอนได้แล้ว ” ผมตะโกนบอกมัน แล้วหันไปสนใจการ์ตูน นอนดูการ์ตูนดีกว่า ฮ่ะๆๆ สนุกเหมือนกันนะเนี่ย
“ โอวัลตินจะไม่กินใช่มั๊ย .. นี่แสดงว่ามึงหลอกให้กูออกจากห้องสินะ ”
“ ช่ายยยย มึงเข้าห้องไม่ได้แล้ว ฮ่ะๆๆ ” ผมหัวเราะแล้วกลิ้งตัวไปมาบนเตียง
“ อย่าให้กูเข้าไปได้นะ! ” แหนะๆ มีขู่ๆ
“ กูไม่กลัวหรอกนะ มึงเข้ามาไม่ได้แน่ๆ ” ผมพูดเสร็จ แล้วรอฟังเสียงตอบรับจากมัน แต่ปรากฎว่ามันเงียบไป..
มันคงยอมแพ้ ไปนอนแล้วมั้ง^ o ^
แกร๊กๆ
เสียง อะไร?
“ หึๆ คิดว่ากูจะเข้าห้องไม่ได้จริงๆนะหรอ ไอ้เด็กต๊อง ”
O.O
แต้งๆ แกร็ก
O.O หรือว่า
“ เฮ้ยยยยย!!! ”
แอ๊ด ปัง!
ผมรีบวิ่งลงจากเตียงไปที่ประตูห้องอย่างรวดเร็ว ผมดันประตูปิดทันพอดีกับจังหวะที่มันไขกุญแจห้องกำลังเปิดประตูเข้ามาได้
“ อย่าเข้ามานะ! >O< ” ผมพูดพร้อมดันประตูปิดไว้ไม่ยอมให้มันเปิดเข้ามาได้
ผมลืมนึกไปยังไงว่ามันต้องมีกุญแจสำรองเพื่อเข้าห้อง ><
“ อย่าดัน เดี๋ยวประตูก็หนีบมือมึง ” มันพูดแล้วก็ผลัก
“ ไม่! ” ผมผลักกลับโว้ยยย
“ ดื้อ! มึงสู้แรงกูไม่ได้หรอกนะ ” มันพูดและพยายามดันต้านแรงของผมอีกครั้ง เพื่อจะเข้ามาในห้องให้ได้ ตอนนี้มันดันมาจนประตูห้องเริ่มเปิดประมาณสามสิบองศาได้แล้ว(?)
“ เออ ไอ้สัด ไอ้คนออกกำลังกาย ไอ้คนหุ่นดี แอ๊กกก อย่าดันนนน! ”
“ มึงนั้นแหละอย่าดัน ไอ้ขิม ไอ้เด็กดื้อ ”
“ ย้ากกกก ”
ตุบ!
“ โอยๆ ก้นกูๆ ”
ฮืออ สุดท้ายก็พายแพ้ ผมจะต้องหัดออกกำลังกาย
เอาเป็นว่าง่ายๆ คือผมสู้แรงมันไม่ไหว พอผ่อนแรงลง มันก็ดันประตูเข้ามาจนสุดแรง ทำให้ผมล้ม เจ็บเป็นบ้า! ><
พอมันเปิดประตูและเดินเข้ามาในห้องได้สำเร็จ ช่วยดูผลงานตัวเองด้วยว่าทำคนอื่นได้รับบาดเจ็บโว้ยยยย นี่ทำผมเซล้มก้นกระแทกพื้นขนาดนี้ ยังมีหน้ามายืนหัวเราะ
“ หึๆ หายกันกับที่มึงถีบกูตกโซฟา ”
“ ไอ้ฟาย! > o < ” ผมด่ามันแล้วสะบัดหน้าหนี
“ หึๆๆๆ เอ้า ลุกๆ ” มันพูดพร้อมเอื้อมมือมาจะให้ผมจับเพื่อลุกขึ้น
“ ไม่ต้อง! กูจะลุกเอง ”
ถึงผมจะบอกกับมันว่าจะลุกเอง แต่สุดท้ายผมก็จับมือมันอยู่ดี ให้ตาย><
ตุ้บ!
“ โอ๊ะ! โอ้ยๆๆ อะ.. >o< ” ไอ้เหี้ย ไอ้สัด ไอ้ฟายยย ไอ้.. อ๊าก มันแกล้งผม พอผมจับมือมันเพื่อจะลุก มันก็ปล่อยมือจากผม จนหงายหลังก้นกระแทกพื้นอีกครั้งอะ มันแกล้งผม! ><
“ จะลุกเอง ก็ลุกดิ ”
“ อะ..ไอ้.. ”
“ เฮ้อ กูเปลี่ยนใจ ไม่นอนโซฟาแล้ว กูจะนอนที่นี่ เตียงของกู ” ว่าแล้วมันก็เดินผ่านผมที่กองอยู่กับพื้นไปอีกรอบไป แล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างสบายใจ
“ ไม่ๆ ลุกนะลุกเลยๆ ” ผมค่อยๆลุกขึ้นและเดินกะเผลกๆพาตัวเองไปถึงเตียง พยายามดึงและดันให้มันลุกขึ้นจากเตียง ยิ่งพยายามออกแรงกลับยิ่งเหมือนเสียแรงไปเปล่าๆ เพราะมันไม่ยอมลุก ไม่ยอมกระดุกกระดิกเลย
“ .......... ” มันหลับตา ทำเหมือนหลับ แต่ผมยังผลักๆ ดึงๆ ดันๆ มันอยู่เหมือนเดิมจนตอนนี้รู้สึกเหนื่อย จนต้องหายใจหอบ
“ มึงขี้โกง แฮ่กๆ >o< ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็งสุดๆ
“ เหนื่อยยัง? นอนได้แล้ว ” มันลืมตาขึ้นมาถาม
“ .......... ” ผมส่ายหน้า ไม่ตอบ
“ .......... ” มันทำหน้าเหมือนรอฟังว่าผมจะพูดอะไร
“ นอนยังไม่ได้.. ”
“ ทำไม ? ”
“ .......... ” ผมคิดไปคิดมาอยู่หลายทีจะพูดดีมั๊ยนะ
“ ทำไมนอนยังไม่ได้? ” มันถามย้ำอีกครั้ง
“ กู.. โอวัลตินอะ? ยังไม่ได้กินเลย ”
“ หะ? ”
“ ก็กูอยากกินอะ ”
“ หึๆๆ มึงหนินะ อะๆ เดี๋ยวกูออกไปเอาให้ กูก็นึกว่าจะไม่อยากกินแล้ว เลยวางไว้ข้างนอก”
“ แหะๆ^^ ” กินดิ เสียแรงไปขนาดนี้ ผมต้องอยากกินอยู่แล้ว
“ แล้วก็..ไม่ต้องล็อคนะ ประตูหน่ะ เพราะยังไง ก็กูไขเข้ามาได้ เข้าใจมั๊ย ” มันลุกไปถึงหน้าประตูห้องยังมีการหันมาชี้หน้า สั่งห้ามกันอีก
“ เออ! รู้แล้วน่ะ -o- ” ไม่ทำแล้วล่ะน่ะ
พอมันเดินออกจากห้องไป ผมก็นั่งรอมันอยู่ที่เตียงอย่างเรียบร้อย สายตามองจอทีวีสลับกับมองออกไปนอกห้อง ไม่กล้าไปปิดไปล็อคประตูอีก ตามที่มันห้ามไว้
สักพักมันเดินกลับเข้ามา พร้อมกับแก้วสีแดง(?)สองแก้ว พอเห็นว่าผมยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ตุกติก มันก็กระตุกยิ้มพอใจ และยื่นแก้วโอวัลตินให้กับผม ก่อนเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้วตั้งใจทำงานของมันอีกรอบ ไม่ได้หันมาสนใจหรือต่อล้อต่อเถียงกับผมอีก เพราะมันคงเหนื่อยเหมือนกัน
มันบอกให้ผมเข้าไปแปรงฟัน แล้วถ้าอยากจะนอนก็นอน คิดซะว่าไม่มีมันอยู่ในห้อง ถ้าผมหลับเดี๋ยวมันจะลุกไปปิดทีวีให้เอง และมันบอกต่ออีกว่าถ้าทำงานเสร็จมันจะขนหมอนและผ้าห่มออกไปนอนที่โซฟาตามที่ผมต้องการ
เหอะ.. ตอนมันพูด ทำไมต้องทำตัวน่าสงสาร ให้ผมรู้สึกผิดด้วยอะ ผมแย่งห้องนอน แย่งเตียงนอนมัน ว่างั้น?
“ ง่วงก็นอนเถอะหน่า กลัวกูไม่ออกไปหรือไง? ”
“ เปล่าๆ ..งานของมึงใกล้เสร็จรึยัง? หาวววว =O= ”
“ ใกล้แล้ว ทำไม? หรือนอนไม่ได้เพราะกูเปิดไฟ ”
“ ไม่ใช่ มะ..ไม่มีอะไร กู..นอนแล้วนะ ”
“ อืม^ - ^ ”
“ มึง.. ” ผมเรียกมันเสียงเบา
“ ว่าไง ? ”
“ นอนนี่แหละ.. ”
“ หืม? ” ทำไมต้องทำเสียงสงสัยขนาดนั้นด้วย ผมอุตส่าห์ใจดีน๊าาา
“ นอนเตียงมึงก็ได้ ”
“ พูดจริง? ” ถามมากจริงเชียว ตาจะปิดอยู่แล้วนะ ผมง่วง -_-
“ อืม ไม่ต้องไปนอนข้างนอกแล้ว ”
“ จริงหรอ? ”
“ อืมมม ” ไม่ไหวแล้ว ผมง่วงมากๆแล้ว ZZzz
“ ขิม .. ”
“ ........ ”
“ ขิมครับ.. ”
“ ........ ”
“ ดื้อ .. ”
“ คร่อกกก~ ฟี้ ZZzz Zzz ”
“ หึ^^ หลับแล้วสินะ เด็กดื้อ ”
-100%-
#จับรัก #กรดขิม
TBC.
**คอมเม้นติชมได้นะคะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ เราเขียนผิดเขียนถูกบ่อยๆ
ขออภัยด้วยค่ะ
- ۞ตอนที่แปด -
ก็ยังไม่ใช่แฟน
8.01 น.
ติ้งต่องงง~
ก๊อกๆๆๆ
เสียงกดกริ่งและเสียงเคาะประตูอย่างเป็นจังหวะ แสดงให้เห็นว่าคนที่มาเยือนตั้งใจเคาะเพื่อจะกวนประสาทเจ้าของห้องมากแค่ไหน
“ มึงงงงง ตื่นยางงงง? ” คนที่มาเยือนส่งเสียงยานครางร้องเรียกเจ้าของห้อง ทำให้เจ้าของห้องที่ใส่หูฟังฟังเพลง และกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารอยู่ในครัวอย่างอารมณ์ดีนั้นเพิ่งรู้ตัว เขาจึงดึงหูฟังออกจากหูเพื่อฟังอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่ได้หูแว่วไปเอง
ก๊อกๆๆๆ
“ เปิดประตูด้วย เปิดประตู ” เสียงเรียกที่เรียกว่าเร่ง ทำให้เจ้าของห้องคนนี้อดขมวดคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้ว่าใครที่โผล่มาห้องของเขาแต่เช้าได้ขนาดนี้ จึงเอื้อมมือไปลดไฟของเตาแก๊สให้อ่อนลง ถอดผ้ากันเปื้อนไว้ที่เก้าอี้ และล้างมือ เช็ดมืออย่างลวกๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปหน้าประตู
ก๊อกๆๆๆ
“ เปิดดดดดด ตื่นยังว่ะเนี่ย! รอนานแล้วโว้ยยย ไอ้กรดดดดด ”
เออก่อนอื่นก็.. ดี ผม ชื่อกรด
เมื่อได้ยินเสียงของคนข้างนอกอีกครั้ง ทำให้ผมรู้ทันทีว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนสนิทของผมเอง
ในขณะที่ผมกำลังเดินไปที่หน้าประตูห้อง ผมอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดังเพื่อให้คนข้างนอกได้รู้ ว่าผมรู้แล้ว ช่วยใจเย็น และหยุดเคาะประตูเร่งเขาสักที
“ รู้แล้วๆ กำลังไปเปิดโว้ยยย ”
=.= รู้มั๊ย วันนี้ผมต้องตื่นแต่เช้าแค่ไหน
ไม่สิ.. ผมว่าผมยังไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ เรียกว่า ลุกจากเตียงนอนแต่เช้า ด้วยใจที่สดชื่น แม้กายจะเหนื่อยล้าจากการนอนไม่หลับก็ตามจะดีกว่า
ตอนนี้ผมกำลังยุ่งกับการเตรียมสิ่งสำคัญ สำหรับคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้องนอนของผมอยู่ ฮึๆ สิ่งสำคัญของเด็กดื้อ นั่นก็คือ อาหารเช้าไงล่ะ
จิ! แต่การที่มีคนมาเยือนแต่เช้านี่แหละ ขอเรียกว่าเป็นการคัดจังหวะความสุขของผมก็แล้วกัน
แกร๊ก
เพียงได้ยินแค่เสียงปลดล็อคประตู ก็ทำให้ผู้มาเยือนข้างนอกรีบร้อนจับลูกบิดหมุนและผลักเปิดประตูเข้ามาทันที
“ - = - ” ผมได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจกับพรวดพราดเข้ามาของเพื่อนสนิทของตัวเอง
มันจะรีบไปไหน
“ มึงด่ากูในใจอยู่อะดิ! “
“ เออ .. ”
“ ไอ้กรด! ”
“ ไอ้รัน ”
“ จิ ทำไมเปิดช้าจังวะ o.O ” เสียงเจื่อยแจ้วของเพื่อนสนิทตัวเล็กของผม มันชื่อรัน รู้แค่นี้ไปก่อนแล้วกัน
พอผมไม่ตอบ มันก็ทำเป็นมองบน แล้วเปลี่ยนเป็นการชะเง้อคอสอดส่องสายตาเข้าไปในห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็นแทน
หึๆ เห็นแล้วผมก็อดไม่ได้อีก ที่จะจัดการเคาะเบาๆที่เหม่งมันไปสักทีสองทีด้วยความหมั่นไส้
ป๊อกๆ !
“ โอย เจ็บนะ .. ” มันร้องเสียงดังและทำสีหน้าเจ็บปวดออกมา แต่ดูยังไงผมก็รู้ว่ามันแอ็คติ้งโอเวอร์ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกผิดหรือสงสารได้เลยแม้แต่น้อย
“ ............ ” - . -
“ แหะๆๆ^=^ ” พอเห็นผมนิ่ง รันมันเลยได้แต่เปลี่ยนเป็นยิ้มแหยะๆส่งมาให้แทน
“ มึงมาทำไมแต่เช้า วันนี้วันหยุดนะ ไม่รู้? =.= ” ผมแกล้งทำเป็นพูดเสียงเรียบและแสดงสีหน้านิ่งๆออกไป อย่างไม่ต้อนรับมันเท่าไหร่ ทำให้ไอ้รันเปลี่ยนสีหน้าจากกำลังส่งยิ้มเป็นหงิกงอทันที
“ กูมาเอาเลนส์กล้องที่พี่โฟคฝากมึงมาไง นี่มึงลืมหรอ? ” คนมาเยือนตอบเสียงตึงๆด้วยหน้าหงิกงอ แถมยังยืนมือค้ำเอว เปิดปรายเท้าตบลงทีพื้นหลายๆที
นี่มันคงกำลังหมั่นไส้ผม อย่างแรงงงง เลยสินะ หึๆ
“ ไม่ได้ลืม แต่ไม่คิดว่ามึงจะมาเช้าแบบนี้ ” ผมตอบ
“ เถอะหน่า กูต้องไปธุระไง แล้วนี่มึงก็ตื่นแล้วหนิ อาบน้ำแต่งตัวแล้วด้วย ” รันตอบแบบปัดๆ พร้อมกับหาคำอธิบาย โดยการจ้องมองที่หน้าผมก่อนเลื่อนสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ มึงแต่งตัวอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืดสีเทากางเกงขายาวสีดำชุดสบายสไตล์อยู่ห้องวันหยุด.. ผมเผ้าไม่ได้รุงรัง.. ขี้ตงขี้ตาหรือคราบน้ำลายไม่มี.. แสดงว่ามึงอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วแน่นอน อืมมม.. ถึงแม้หน้าตามึงจะดูง่วงๆอยู่หน่อยๆก็ตามอะนะ ”
เพื่อนผมมันพูดอะไรยาวๆวะ ..
“ เออๆ รออยู่นี่.. ” ผมพยักหน้าส่งๆ เตรียมปิดประตูเพื่อจะเดินกลับเข้าห้อง แต่ยังไม่ทันจะได้ปิดก็โดนดันประตูไว้จากคนด้านนอก
“ อ้าว เดี๋ยวๆ กูเข้าไปรอในห้องไม่ได้หรอ ซ่อนใคร? ” รันมันเล่นหูเล่นตาถามเขาด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
มันรู้ได้ไงวะ ว่าผมซ่อน..
สีหน้าผมหรอ ไม่น่าจะพิรุจนะ ออกจะเนียน
หรือน้ำเสียงของผมดูเร่งรีบมากเกินไป
“ อึ้งอะไร? หรือมึงซ่อนเมียจริงๆ ”
“ สัด! เมียอะไร ไม่ได้ซ่อน เข้ามาดิ ” ผมหลุด (ตั้งใจ) ด่าคำหยาบคายที่ใช้กันในหมู่เพื่อนออกมา พร้อมกับปฏิเสธเสียงแข็ง ก่อนเปิดประตูกว้างให้มันเดินตามเข้ามาอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก
“ อิๆ มึงลนๆนะวันนี้ ”
“ ปิดประตูด้วย ไอ้เตี้ย! ”
“ เตี้ยแล้วน่ารักไม่ผิด ^^ ”
คนที่ถูกด่าก็ไม่ได้รู้สึกสะเทือน สะทกสะท้านหรือโกรธอะไร แต่กลับหลุดขำออกมาเบาๆกับท่าทางของผม มันคงได้ที เห็นโอกาสได้แกล้งผมอย่างสนุกใจ
“ ทำไรอยู่ว่ะ ” เสียงขี้สงสัยถามขึ้น ความจริงรันมันก็รู้คำตอบอยู่แล้วแหละ แต่ถามไปตามมารยาท เพราะตั้งแต่แรกที่มันเดินตามผมเข้ามาจนถึงห้องรับแขก จมูกมันก็ดิ้นฟึดๆฟัดๆไปมาไม่ต่างกันกับคนที่นอนหลับปุ๋ยอยู่เลย เวลาได้กลิ่นอาหาร
พอรันมันเดินไปนั่งลงที่โซฟาสีแดงกลางห้อง มันก็สอดส่องสายตามองไปรอบๆ มองหากลิ่นอาหารนั้นแหละครับ
“ ทำกับข้าว ” ผมชำเลืองสายตาไปมองตามที่เพื่อนชี้ ก่อนหันมาตอบ
“ หืมมมม กลิ่นหอมชวนน้ำลายยืดไปหลายหยดเลยนะเนี่ย ”
“ เวอร์ไปๆ ”
“ กูกินด้วยดิ^^ ”
“ ไม่ได้ทำเผื่อ ”
ด้วยคำตอบที่รวดเร็วอย่างไม่ได้คิดของผม เหมือนตัดความหวังเล็กๆของไอ้รันไป เพราะสีหน้ามันจ๋อยทันที่ที่ได้ยิน
“ ใจ! ร้าย! ” มันด่าผม แล้วทำท่าแยกเขี้ยวใส่แทบจะทันที ตลกสัดๆ
“ สัด หัวเราะกูนะ! นี่ไม่ได้ทำเผื่ออะไร ทำไมทำเยอะขนาดนี้.. เยอะขนาดนี้ทำเผื่อลูกหมาหลงทางที่ไหนรึไง เผื่อแผ่กูบ้างดิ กูเพื่อนมึงนะ มึงกินคนเดียวไม่หมดหรอก T – T ”
เอิ่ม .. มาเป็นชุด...
“ ใครบอกว่ากูกินคนเดียว ”
“ งั้นก็แสดงว่าทำเผื่อกู ใช่ป่ะๆๆ ? ^-^ ”
“ ไม่ใช่โว้ย กูทำเผื่อเด็กที่นอนในห้องนูนน ”
“ หะ? ” ไอ้รันหลุดเสียงร้องตกใจ และทำหน้าตาสงสัย อยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที
“ อีกรอบดิๆ มึงว่าอะไรนะ .. ”
“ กูทำเผื่อเด็กในห้อง ” ผมตอบแล้วทำเป็นชี้ส่งๆไปทางประตูห้องนอน
“ OoO เฮ้ยยย!! นี่มึงพาเด็กมาเสร็จในห้องแล้วหรอว่ะ ย้ากกก>< ”
ซี้ดดด แสบแก้วหูเลย
พอผมหันมามองหน้าไอ้เพื่อนตัวดีที่แหกปากร้อง ไม่รู้มันตกใจอะไรของมัน ตามันโตจนจะถลนออกมาแล้ว
“ เสียงดังสัด! เสร็จเสิดอะไรของมึง เหอะ! ”
“ ก็..เด็กน้อยคนนั้นเสร็จมึงไง ”
โป้ก!
“ โอย ไอ้สัด!”
เมื่อกี้ผมเกิดจากความหมั่นไส้ในท่าทางและคำพูดของมัน ผมอดไม่ได้ที่จะแกล้งผลักหัวไอ้รันจนตัวเซแทบหงายหลัง แต่พอมันตั้งตัวได้มันก็รีบผลักผมคืนและด่ากราดผมกลับมาทันที
“ ไอ้กรด นี่มึงทำร้ายร่างกายกูหลายครั้งแล้วนะ ”
“ หึๆ สมควร.. มึงนี่เลอะเทอะใหญ่แล้วนะ ” ผมว่ามันมั้ง ตอนมันกำลังอ้าปากจะด่าผมอีกรอบ
“ เลอะเทอะอะไรเล่า ก็กูพูดถึงเด็กของมึงอะ.. ”
“ เดี๋ยว.. ”
“ เดี๋ยวอะไร.. กูอยากรู้เรื่องเด็กผู้หญิงในห้องไงโว้ยยยย ”
“ ........... ” -=-
“ ปกติมึงไม่พาใครเข้าห้องง่ายๆ ปกติมึงเอากันที่โรงแรม หรือห้องของเขา แล้วนี่..ครั้งนี้มึงพาใครมา เข้ามาห้องมึงเลยนะ ”
“ ............ ” -_- พูดตรงไปปป
“ นี่! ...มึงมีแฟนใช่ป่ะ? ไม่ต้องปิดบัง ไม่ต้องปกปิด นี่เพื่อนเองนะ ..”
“ หึๆ ”
ผมได้แต่แอบขำ แอบหัวเราะกับความคิดของเพื่อนตัวเอง มันคงติดนิสัยพี่สาวมันมานะ พวกโรคคิดไปเอง คิดไปเรื่อย ทำไมไม่ฟังก่อนวะ
ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้พูดอะไร นอกจากคำว่าเด็กนั่น เด็กในห้อง อีกอย่างเด็กที่ว่านั่นก็ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่มันคิดด้วย
“ เอออีกอย่าง .. ทำไมกูเพิ่งรู้ มึงกล้าปิดบังเพื่อนสนิทที่น่ารักแบบนี้ได้ยังไง ”
“ .. ถ้ามึงคิดว่าตัวเองน่ารัก มึงก็มั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ แล้วไปสารภาพกับคนที่มึงชอบซะ ”
“ ........... ” -/////////////-
“ เงียบเลย.. ”
“ สัดด อย่ามาเรื่องของกู กูคุยเรื่องของมึงอยู่นะเว้ย ยังไงๆ เล่ามาเลยนะ แฟนมึงหรอ? ” คนที่กำลังอยากรู้ ตบหน้าตักของตัวเองรัวๆ เหมือนต้องการเค้นความจริงจากผมให้ได้ หึ แซวเรื่องคนที่มันชอบไม่ได้ผลแหะ
“ ....... ” ผมพยักหน้าเบาๆ ให้มัน แกล้งไปก่อน เผื่อมันจะเลิกเซ้าซี้
“ ฮา จริงจัง? ^______^ ”
“ ยิ้มอะไรหนักหนา ”
“ ก็ดีใจ อิๆ ”
ที่รันมันยิ้ม หรือดูดีใจ ก็เป็นปกติของมันแบบนี้แหละครับ มันอยากให้ผมมีแฟน คบใครจริงๆจังๆซักที เพราะมันได้รับคำสั่งบางอย่างจากแม่ของผมเองน่ะครับ
แม่ของผมอยากให้มันช่วยผมหาแฟนได้แล้ว แม่ไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียว อยากให้มีคนอยู่ข้างๆผม ดูแลกัน รักกันกับผม เหมือนที่พ่อกับแม่รักกัน ..แม่ยังบอกรันอีกว่าถ้ารันช่วยผมได้ แม่ผมจะมีความสุขมากๆ แต่แม่อาจจะลืมไปว่าผมยังเรียนอยู่ ยังไม่ได้ทำงาน จะให้ผมรีบมีคนรักไปไหนครับ
ดูสิครับ ไอ้รันมันก็จริงจังเรื่องนี้กับแม่ผมด้วยสิ
“ ถ้าแม่กี้รู้ แม่กี้ต้องดีใจมากอะมึง ” แม่กี้ คือแม่ผมเองนะ
“ เออๆ ถ้ามึงรู้มึงก็รีบกลับไปได้แล้ว ” ผมทำท่าสะบัดมือไล่ๆมัน
“ โวยยย>=< ไล่จัง! จำไว้เลยมึงนะ งั้นรีบไปเอาของมาดิ กูจะได้รีบกลับ ”
เออ .. ผมลืมไปเลยว่ามันมาเอาของกับผม
“ เออๆ ” ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงกับมันอีก ก่อนเดินหันหลังเพื่อที่จะตรงไปห้องนอนของตัวเอง
“ มึงๆ เดี๋ยวๆ เปิดประตูเบาๆ แล้วอย่าเสียงดังนะโว้ย ” รันเรียกผมที่กำลังจะปิดประตู ผมหยุดนิ่งแล้วหันไปมองหน้ามันด้วยความงงงวย
“ ทำไม? ”
“ เดี๋ยวแฟนมึงตื่น กูขี้เกียจแก้ตัวกับแฟนมึงว่าเป็นใคร มาทำไม กูไม่รู้จะเริ่มต้นคุยอะไรกับแฟนมึง.. อืม แล้วบางทีแฟนมึงอาจอายกูด้วย ”
“ สัด กูว่ามันตื่นตั้งแต่มึง แหกปากเสียงดัง เคาะประตูห้องแล้ว ”
“ อ้าวหรอ โทษทีๆ ทันมั๊ยว่ะ? ไปๆ มึงไปเอาของมาให้กูได้แล้ว ”
“ เออ ”
ผมถึงกับหลุดขำกับคำพูดของไอ้รัน ตอนนี้เพื่อนผมมันคงคิดไปถึงไหนแล้วนะ แต่ก็ปล่อยมันคิดแบบนี้ก่อนไปแล้วกัน ค่อยออกมาบอกความจริงที่พอบอกได้ไปก่อน
เดี๋ยวมาต่อค่ะ
.
.
-----------------
“ ตื่นมั๊ยว่ะ ? ”
พอผมเดินออกมาจากห้อง ไอ้รันที่นั่งจ้องประตูอยู่แล้วด้วยความจดจ่อสักพัก ก็ยืดคอขึ้นมอง สอดส่องสายตาเข้าไปในห้องด้วยความอยากรู้ทันที
“ ไม่วะ ยังหลับอยู่เลย นอนเป็นหนอนดักแด้อยู่นั้นแหละ ”
“ หะ! หนอนดักแด้? ”
“ อืม ^ = ^ ”
เมื่อกี้ที่ผมเดินเข้าไปเอาเลนส์กล้องในห้อง เด็กน้อยมันก็ยังนอนหลับอยู่บนเตียงนุ่มๆของผมครับ แถมยังคุมโปงปิดหน้าสนิท ผมกลัวว่ามันจะหายใจไม่ออก เลยกะจะไปเปิดผ้าห่มให้เห็นหน้าได้พอหายใจหายคอบ้าง แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมครับ ดิ้นตัวหนี แถมยังนอนม้วนตัวในผ้าห่มเป็นหนอนดักแด้ซะงั้น ผมเลยต้องจำใจปล่อยมันไว้แบบนั้นก่อน เดี๋ยวไอ้รันมันจะหาว่าเข้าไปห้องนอนนานเกินไป
“ คงเพลียน่ะสิ มึงรุนแรงกับเด็กเหรอวะ ”
ไอ้รัน มึงนี่! มีแต่ถามเรื่องทะลึ่งๆ
“ สัด มึงเชื่อจริงๆหรอ ว่ากูมีแฟน ”
ผมถามมัน ด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะผมกำลังจะบอกความจริงที่บอกได้กับมัน
ถ้าให้ผมต้องมานั่งอธิบายหรือพูดอะไรทั้งหมดตอนนี้ เพื่อนตัวจุ้นจ้านของผม คงจะเป็นตัวช่วยที่ป่วนและอาจทำให้เรื่องมันวุ่นไปกว่านี้
ถึงมันเคยบอกว่าจะช่วย ถ้าผม.. ^ ^ หึๆ แต่ผมขอจัดการเองก่อนดีกว่า ผมอยากให้เรื่องนี้ค่อยๆเป็นค่อยๆไปมากกว่า และเดี๋ยวค่อยบอกรันมันอีกครั้งแล้วกัน แถมแม่ของผมอีกคน ถ้ารู้ตอนนี้อะนะ คงได้มาหาผมถึงที่ หึ ^ ^
“ เชื่อดิ หรือนี่มึงโกหกกู มึงล้อกูแรงไปแล้วนะเว้ย ”
“ หึๆ กูล้อมึงเล่นจริงๆ.. เด็กนี่ยังไม่ใช่แฟนกูนะ ”
“ หะ! ไอ้กรด กูขอความจริง - o - ”
“ ความจริง ก็คือกูยังไม่มีแฟน เด็กในห้องก็ยังไม่ใช่แฟนกู ”
“ สัด หลอกกูจริงๆด้วย เออๆโอเค กูเชื่อว่าไม่ใช่แฟนมึง ” มันพูดแต่ก็ทำหน้าเหวอๆ
“ เออ ทำไมครั้งนี้มึงเชื่อกูง่ายๆ ”
“ กูไม่รู้ มึงดูพูดย้ำๆจริงจัง ซึ่งดูแล้วก็พูดจริง ดีนะกูยังไม่โทรไปบอกแม่กี้ว่ามึงมีแฟน ไม่งั้นมึงกับกู... ” มันชี้ผมสลับกับตัวเองไปมา
“ เออ เงียบๆบ้างก็ได้ แม่กูถามอะไรมึงบอกได้ แต่ไม่ต้องบอกหมดเสมอไป ”
“ ก็.. ก็กูต้องช่วยแม่กี้ตามที่สัญญาไว้อะ แม่กี้กับกูต้องทำให้มึงมีเมีย เอ้ย! มีแฟนเร็วๆให้ได้ ”
ความคิดในหัวตอนนี้ นึกถึงคำพูดแม่เลย ‘ แม่อยากให้พี่กรดมีแฟนน่ารักๆ รีบมี แล้วรีบพามาหาแม่นะ โอเค้ ’
“ เฮ้อออ ทั้งแม่ทั้งเพื่อน.. ” ผมได้แต่ส่ายหน้า
“ จิ! แล้วตกลงมึงพาเด็กที่ไหนมาวะ ” ไอ้รันดึงผมให้นั่งลงตรงโซฟาข้างๆมัน เพื่อจะให้ผมเล่าต่อ
“ กูต้องบอก? ”
“ เออ! ” รันมันถึงกับทำท่าจะต่อยผม แต่ก็ยังยั้งๆมือไว้
“ เออๆ กูเก็บเด็กหลงทางมาได้เมื่อคืน ” ผมยอมตอบ เพราะโดนสายตาที่กำลังคาดครั้นอยู่
“ หะ จริงหรอวะ ” รันมันพึมพำด้วยหน้าตาที่เหลือเชื่อสุดๆ “ แล้ว..มึงใจดีกับเด็กตั้งแต่เมื่อไหร่? ”
“ มึงนี่เซ้าซี้เนาะ ..เมื่อคืนนี้กูกำลังจะออกจากมอแล้วเจอมันกำลังเดินอยู่หน้าคณะเกษตรมืดๆ แล้วฝนตกไงสัด กูเลยพามันมาอยู่ด้วยเฉยๆ ” ผมอธิบายคร่าวๆให้มันพอเข้าใจ ในตอนแรกที่ว่ามันมันก็ทำหน้าไม่พอใจนิดๆ แต่พอผมเริ่มเล่า มันก็เปลี่ยนสีห้าไปมา เหมือนทั้งตื่นเต้น ทั้งคิดตาม ทั้งสงสัย
“ งั้นเด็กนี่ก็อยู่มอเรา เข้ามหาลัยแล้วก็โตแล้วเหอะ มึงไปเรียกเด็ก กูก็นึกว่าน้องเขาเป็นเด็กมัธยม ” มันพูดแล้วก็หัวเราะออกมา ด้วยความคิดที่ค่อนข้างจะผิดคาดของมัน
“ เออ หน้ามันเด็กนี่หว่า ” ผมพูดความจริง
“ อะๆ แล้วเด็กหลงคนนี้ก็ยอมมากับมึงเนี่ยนะ? รู้จักกันอยู่แล้วหรอ? ”
“ ก็ไม่เชิง กูเคยเจอมันมาก่อน แล้วกูเลยบังคับมา ”
“ บังคับเนี่ยนะ ? ” ทำไมไอ้รันต้องทำหน้าตาตกใจแบบนี้ตลอดการเล่าของผมด้วยนะ ผมทำอะไรผิดแปลกไปมากงั้นหรอ..
“ เออ กูบังคับมัน ตอนนั้นก็เริ่มมืด ทางก็เปลี่ยวๆ อยู่ตรงนั้นคนเดียวอันตรายก็เกิดได้ทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นหญิงหรือชาย ถูกฉุดไปทำไง”
“ เอ้ เดี๋ยวๆ ช่วยยืนยันหน่อยได้มั๊ยว่าเด็กน้อยของมึงเป็นผู้หญิง คือกูเห็นว่ามึงเรียกน้องเขาว่ามันๆตลอด ”
“ หึ ผู้ชาย ”
“ หะ! ผู้ชาย? ”
“ อืม ^ - ^ ” ผมยืนยัน หน้าไอ้รันก็ยิ่งเหวอกว่าเดิม
“ นี่กูเข้าใจมาตั้งแต่ตน ว่าคนที่มึงพามาห้องเป็นผู้หญิง ไอ้สัด! ”
“ ก็มึงคิดเองเออเองไปหมด ”
“ หยุดเลย อย่ามาทำเนียนว่ากู ”
“ หึๆ ”
“ กูว่าแล้วมันแปลกๆ อื้ม.. แต่ไม่อยากเชื่อว่าไอ้กรดเพื่อนกูมันจะใจดีกับเด็กผู้ชาย มึงกินอะไรผิดมารึเปล่า ”
“ เหมือนก่อนหน้านี้กูเลวมาก ไอ้นี่ ”
“ เออ กูแซวนิดๆหน่อย ก็อย่าเสียงดังดิวะ เดี๋ยวเด็กน้อยของมึงก็ตื่นหรอกโว้ย ”
“ เออ ” ผมไม่เสียงดังก็ได้ ไม่อยากให้มันตื่น เดี๋ยวนอนไม่พอก็งอแงอีก
“ ไหนๆกูก็มาแล้ว กูก็อยากเห็นหน้าเด็กน้อยที่มึงว่าจริงๆ นี่แสดงว่าเด็กผู้ชายคนนี้ต้องหน้าตาน่ารักมากแน่เลย ขอเข้าไปดะ.. ” ไอ้รันลุกขึ้นยืน เหมือนเตรียมตัวจะก้าวเดินไปที่ห้องผมให้ได้
“ หยุดๆ! ห้ามเข้าห้องนอนกูๆ ” ผมรีบลุกขึ้นกันมันทันที และก็โชคดีที่ว่า ผมตัวใหญ่กว่ามัน พอมันออกแรงผลักผม ผมก็ยังอยู่นิ่งๆได้สบาย
“ โอ้ยยย หวงห้องนอนอีกแล้ว หวงเวอร์ ใครเข้าไม่ได้เลย ” พอมันหมดหนทาง มันก็ยอมนั่งลงที่เดิมแต่โดยดี
“ ......... ”
“ เอ้ะ! มึงห่วงห้องนอนหนิ ปกติมึงไม่ให้ใครเข้าไปเลยสักคน กูก็ด้วย ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง ไม่ว่าเพื่อนสักคนก็เข้าไปไม่ได้ แล้วนี่.. ทำไมเด็กที่มึงว่าถึงเข้าไปได้อะ? ” มันมองหน้าผม สลับกับมองไปทางประตูห้องนอน
เห็นมั๊ยละครับ พอมันอยู่นาน มันก็เริ่มเซ้าซี้ผมขึ้นมาจนได้ ผมไม่รู้นะว่ารันมันปะติดปะต่อเรื่องไปถึงไหนต่อไหนแล้ว แต่ก่อนที่มันจะถามอะไรไปมากกว่านี้ ผมต้องอันเชิญมันออกจากห้องผมไปได้แล้ว
“ อะๆ เอาไป ”
ผมยื่นกระเป๋าที่มีเลนส์กล้องส่งยื่นให้มัน แล้วดึงตัวมันขึ้นลุกขึ้น ก่อนลากมันไปที่ประตูหน้าห้อง ก่อนเร่งให้มันใส่รองเท้าให้เรียบร้อย
“ ไม่ได้ดิ ตอบกูก่อน มึงพาน้องเขามาห้องก็ว่าแปลกแล้ว นี่มึงบอกว่าไม่ใช่แฟน แล้วทำไมมึงยอมให้เข้าห้องนอนมึงอะ ”
“ ก็ยังไม่ใช่แฟน.. ” ผมตอบแบบเดิม จริงๆแล้วผมก็พูดความจริงนะ
“ นี่คือคำตอบป่ะ? ”
“ ถามมาก กลับได้แล้วไปๆ ” ผมตอบหน้านิ่งๆ
“ มึงไม่ตอบ.. แสดงว่ามีอะไร... ”
“ จะไปไม่ไป ” ผมเปิดประตูกว้าง รอแค่มันก้าวออกไป
“ สัด ไล่กูตลอด ไปก็ได้ กูเกลียดมึง ชิ!!! ” มันถอนหายใจแล้วยอมเดินออกไป ก่อนหันกลับมามองเหมือนยังมีคำถามที่อยากจะถามต่อ แต่พอจะอ้าปากถามผมก็ไล่มันซะก่อน
“ ไปๆ ”
“ ฮึยย จำไว้ ไม่ง้อกูอีก จำไว้ ” มันกัดฟัน ทำหน้าหงิกงอ แล้วชี้หน้าผมรัวๆ ไม่ได้ดูหน้ากลัวเล้ยยย
“ ....... ” ผมพยักหน้ารับส่งๆ
“ แต่นี่ๆ มึงอย่าลืมพาเด็กน้อยไปแจ้งตำรวจ แล้วคืนพ่อแม่เขาด้วยนะโว้ย ” มันเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มๆ แล้วพูดกับผม เหมือนจะหาเรื่องแซวจนได้
“ จะไปยัง? ”
“ เออๆ! ไปๆ ไล่ตั้งแต่กูมาจนกูจะกลับ กูไปจริงๆแล้วก็ได้ ” มันบ่นให้ผมเสียงดัง แต่ก็ยอมเดินออกไปพร้อมเอื้อมมือมาดึงประตูไปปิดให้ด้วย เออ ดีจริงๆ
“ หึ ”
แต่ตอนนี้ผมว่า ผมต้องกลับเข้าครัว ไปอุ่นอาหารใหม่แล้วละครับ ถ้าเย็นไปเดี๋ยวอาหารไม่อร่อย^^
-100%-
#จับรัก #กรดขิม
TBC.
**คอมเม้นติชมได้นะคะ
ขอมาแบบสั้นๆ ตอนกรดกับรันไปก่อนนะคะ
เดี๋ยวตอนต่อไปน้องขิมจะตามมา
* ขออภัยในความล้าช้าครั้งนี้
พิมไม่ค่อยว่างเลย เรียนหนัก งานเยอะ มันเหนื่อยมาก
จะแต่งต่อ ก็กลัวแต่งออกมาได้ไม่ดี แต่ก็พยายามสุดๆ
พิมไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ พิมแค่อยากแต่งนิยายซักเรื่อง สองเรื่อง และอีกหลายๆเรื่อง ^^
แต่พิมแบ่งเวลาไม่ถูกเอง ขอโทษในความล้าช้า และต้องให้คนอ่านรอนานนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ พิมจะพยายามาต่อเรื่อยๆ อาจจะสั้นบาง ยาวบ้าง ขอบคุณที่อ่านเน้อออ
:m5:
- ۞ตอนที่เก้า -
รู้แล้วต้องเผ่น
8.01 น.
ติ้งต่องงง~
ก๊อกๆๆๆ
“ อื้อออ! ใครมาแต่เช้า คนจะหลับจะนอนเนี่ย! ”
เดี๋ยว..
O.O
เพดานสีเทา..
ผ้าม่านสีแดงเลือกนก
ผ้าห่มนวมสีแดงดำ
หมอนสีขาวแถบแดง ? พวกนี้ไม่ใช่ของผม ...
นะ..นี่ไม่ใช่ห้องผม > - <
ติ้งต่องงง~
O = O
นี่ไม่ใช่บ้านผม
พรึบ!
ผมเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว สะบัดผ้าห่มออก แล้วกระโดดโหยงลงจากเตียงทันที เมื่อนึกได้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของผม
“ กี่โมงแล้วว่ะ โทรศัพท์ๆ? ”
ผมตรงดิ่งไปที่โต๊ะไม้ข้างๆเตียง เพื่อหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วกดเปิดเครื่องอย่างไม่รีรอ
จำได้ว่าเมื่อคืนเจ้าของห้องมันบอกให้ผมปิดเครื่องไว้ เพราะฝนตกค่อนข้างแรง พอเปิดเครื่องขึ้นมาก็เห็นรูปผมกับยายเป็นรูปพักหน้าจอ ตอนนี้มีแบตเตอร์รี่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม เหลือบมองกลับไปที่โต๊ะเห็นสายชาร์ตวางพันเก็บไว้อย่างเรียบร้อย เจ้าของห้องมันคงเป็นคนถอดสายชาร์ตให้ผมสินะ
เออ จริงสิ .. แล้วไอ้เจ้าของห้องมันไปไหนแล้วละเนี่ย
หนอยยย ยังจำได้ไม่ลืม แม่ง! เมื่อวานมันหอมแก้มผมมมมม > 0 < คิดแล้วก็น่าอายเป็นบ้า !!! แย่ว่ะแย่ คนอะไร
“ ทำไมหน้ามันร้อนๆ วะเนี่ย ” ผมตบแก้มตัวเองแปะๆ เพื่อเรียกสติ
ไม่รู้มันจะอะไรกับผมนักหนา ไม่รู้จัก ไม่สนิท ยังบังคับให้ผมนอนที่นี่ให้ได้ แถมยังต้องนอนห้องมันอีก สุดท้ายผมก็ต้องยอมมัน
เออ.. ยอมนอนที่นี่อะ ยอมนอนนี่ เพราะถ้าปฏิเสธปุ๊บ จะโดนหอมแก้มปั๊บ เอี้ยเอ๊ยย แค่ผมจะกลับบ้านอะ โคตรไม่แฟร์ คิดแล้วมีน้ำโห! > - <
แล้วถ้าผมจะระแวงมัน ผมก็ไม่ผิดอะ เพราะมันดูแปลก ทั้งการกระทำ ทั้งการพบเจอกันที่ค่อนข้างบ่อย ทั้งการพูดคุยที่เหมือนรู้จักผมมาก่อน ชื่อก็ไม่ยอมบอกมาตรงๆ แถมทำอะไรที่แปลกๆทะลึ่งๆกับผม - o -
ถ้าผมจะคิดในแง่ดีหน่อย คือมันอยากจะช่วยเหลือ หรือว่ามันเหงาเลยอยากมีเพื่อน แต่ถ้าคิดอีกแบบ คือมันมีอะไรที่ต้องการจากผมหรือเปล่า ถึงเข้ามาตีสนิทกัน แต่สุดท้ายหลายครั้งอะ ที่ผมก็ไว้ใจมันแบบที่ไม่ไว้ใจอะ งงๆหน่อยนะ ..ความคิดผม
ติ้งต่องงง~
‘ รู้แล้วๆ กำลังไปเปิดโว้ยยย ’
O<O ? โอ๊ะ นั้นไง ผมได้ยินเสียงมันแล้ว มันอยู่ข้างนอกสินะ
แอ๊ดดดดดดดด
ผมค่อยๆแง้มประตูห้องนอนออกไปดู เห็นด้านหลังของคนตัวสูงไวๆ กำลังเดินไปที่ประตูหน้าห้อง
หอมมมมมม ผมกำลังได้กลิ่นอาหาร ที่โคตรหอมเลยอะ
ผมชะเง้อคอออกไปมากขึ้น แล้วมองไปที่โต๊ะกินข้าว เห็นถ้วยจานวางเรียงรายเต็มไปหมด มันทำกับข้าวอะไรกินนะ อยากรู้จัง -o-?
‘ มึงด่ากูในใจอยู่อะดิ! ’
เอ๊ะ เสียงคุ้นๆ ใครมากันนะ?
“ หลบก่อนดีกว่า ” ผมรีบหดหัวหดตัว กลับเข้ามาอยู่ในห้อง ค่อย ๆ ดันประตูปิด แต่ไม่ได้ปิดสนิท
‘ เออดิ ’
แหมะ พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องตอบแล้วนึกหน้าตาออกเลยแหะ ตอบได้เย็นชาแบบนี้ คงหน้าตายสุดๆ
‘ ไอ้กรด! ’
O.O
หา อะไรนะ..
!!! กรด กรดหรอ?
‘ ไอ้รัน ’
“ หะ! อุ๊ปป! O x O ”
O[]O เฮ้ยยยยย รัน! รันไหน?
‘ ทำไมเปิดช้าจังวะ o.O ’
ด้วยความอยากรู้ ผมรีบแง้มประตูเปิดดูผ่านช่องว่างเล็ก ๆ นั้นทันที
เมื่อกี้ผมได้ยินนะ.. ได้ยินไม่ผิดแน่ๆ เสียงของคนสองคน เสียงที่หนึ่งคือคนใหม่ที่มาเยือน เสียงที่สองคือเจ้าของห้องที่ผมกำลังอาศัยอยู่ชัวร์
ไม่นะ.. ขอร้องล่ะ =O= ถ้าทั้งสองคนที่อยู่ที่นี่ เป็นคนเดียวกับที่ผมคิดหล่ะก็.. นี่แย่ละๆ
‘ มึงมาทำไมแต่เช้า วันนี้วันหยุดนะ ไม่รู้? =.= ’
‘ กูมาเอาเลนส์กล้องที่พี่โฟคฝากมึงมาไง นี่มึงลืมหรอ? ’ คนมาเยือนตอบเสียงตึงๆ เพราะคงจะหมั่นไส้เจ้าของห้องเหมือนผม
‘ เออๆ รออยู่นี่..’
‘ อ้าว เดี๋ยวๆ กูเข้าไปรอในห้องไม่ได้หรอ ซ่อนใคร? ’
ผมยังยืนฟังเสียงคนด้านนอกคุยกันต่อไป ด้วยใจตุ่มๆต่อมๆ ไม่ได้นะ!! ถ้าเป็นพี่รันคนเดียวกับที่พี่ชายของผมชอบจริงๆ ผมซวยแน่
‘ อึ้งอะไร ? หรือมึงซ่อนเมียจริงๆ ’
ย้ากก เมียบ้า เมียบออะไรเล่า !
‘ สัด! เมียอะไร ไม่ได้ซ่อน เข้ามาดิ ’
เฮ้ย เหมือนเขากำลังจะเดินกลับเข้ามากันแล้วอะ
“ เอาไงวะไอ้ขิม - o - ”
ผมต้องทำไงวะเนี่ย! จะปิดหรือว่าจะแอบดูต่อดี ..ผมอยากแน่ใจว่าคนที่มา คือ พี่รันจริงๆมั๊ย
!!
O - O
เหี้ย!! ของจริง
พี่รันตัวจริง เสียงจริง ผู้ชายรูปร่างเล็กๆ ยืนยิ้มยิงฟันหวานชิ่ง เหมือนกำลังพอใจที่ทำให้คนตัวสูงตรงหน้าตกใจจนรีบปฏิเสธ
ซวยไปกว่านั้น ถ้านี่คือพี่รัน แล้วเพื่อนของพี่รันก็.. คือ คนที่ผมอยู่ด้วยทั้งคืน ไอ้พี่กรด O M G
คนที่ผมเคยไม่รู้จัก แต่ตอนนี้คือแจ่มแจ้ง ><
“ ตายยยยย ” T0T
หลังจากผมรู้ความจริง ในไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา..
ผมไม่อยากบอกสภาพของผมตอนนี้ ไอ้ขิมคนนี้รีบปิดประตูห้องให้เบามือที่สุด แล้วกระโดดขึ้นมานอนคุมโปงปิดหน้าสนิทเลยคับท่าน
.............
แกร๊ก
แอ๊ดดด
“ ยังหลับปุ๋ยอยู่เลย หึๆ ”
“ ขิม เปิดหน้าหน่อย คลุมโปงแบบนี้เดี๋ยวหายใจไม่ออก ”
“ ...... ” ไม่โวยย อย่ามายุ่ง อย่ามาจับนะ
ผมรู้สึกถึงแรงกระตุกเบาๆที่ผ้าห่ม แต่ผมไม่ยอมให้มันเปิดหน้าผมเด็ดขาด
“ ขิม ”
ไม่!
ผมปฏิเสธดังๆในใจ แล้วม้วนตัวด้วยผ้าห่มจนเป็นหนอนดักแด้ เพื่อทำให้มันไม่ต้องมายุ่ง มาสนใจ
“ ดื้อว่ะ ”
ผมได้ยินมันบ่นงึมงำ แล้วเดินห่างออกไปหยิบจับอะไรสักอย่าง ไม่นานก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมเสียงปิดประตู
ออกไปแล้ว..
“ แฮ่กๆ ” ผมเปิดผ้าห่มที่คลุมหน้าออก แล้วสูดหายใจและหายใจออกแรงๆ เมื่อกี้แทบจะจะเรียกว่ากลั้นหายใจเลยด้วยซ้ำ
คนที่มาใหม่ คือพี่รัน และคนที่พี่รันมาหา คือไอ้พี่กรด
ไอ้เหี้ยเอ้ย ผมไม่คาดคิดมาก่อน ว่าคนที่ผมมาอยู่ด้วยจะเป็นไอ้พี่กรด เพื่อนพี่รัน
“ นี่กูพลาดแล้วใช่มั๊ย มากับใครไม่มา มากับไอ้พี่กรด >< ”
ไอ้พี่กรดที่เป็นตัวอันตรายในการปฏิบัติหน้าที่สำหรับผม และไอ้พี่ที่สุด เพราะถ้ามันรู้ว่าผมตามแอบถ่ายรูปพี่รัน ผมว่าผมกับพี่ชายคงโดนขัดขวางไม่ให้เข้าใกล้พี่รันแน่
ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ผมต้องกลับบบบ
“ ทั้งรัน ทั้งกรดเลยยยย ไอ้พี่ช่วยกูด้วยยยย ”
...........
แกร๊กก
“ ขิม ”
“..... ”
ผมหันพรึบไปมองคนที่เปิดประตูห้องเข้ามา โดยไม่เคาะ ..ลืมไปห้องนี้ห้องของมันหนิเนาะ จะเข้าจะออกตอนไหนก็ได้
ไอ้พี่กรด
“ ตื่นแล้ว? นึกว่ายังไม่ตื่น ”
“ เออ.. อะไรๆ มีอะไร ” ผมถามเก้อๆกังๆ แล้วหลบสายตามัน
เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า มันเพิ่งเข้ามาและเอาของอะไรสักอย่างออกไปให้พี่รัน และตอนนี้พี่รันคงกลับไปแล้ว แล้วตอนนี้มันก็กลับเข้ามาในห้องนอนอีกรอบ
“ เป็นไรเนี่ย? ดูหน้าดิ ตกใจอะไรกู ” มันถามพร้อมเดินเข้ามาในห้อง
“ ปะ..เปล่า กูก็งงๆแบบนี้แหละ เพิ่งตื่น ” ผมส่ายหัว แล้วทำเป็นยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ
“ หึ ว่าจะเข้ามาแกล้งซะหน่อย ” มันพูดพร้อมกับเสยผมแบบชิลล์ๆ แต่ผมไม่ชิลล์เว้ย
“แกล้งอะไร O.o ”
“ ก็จะมาปลุก! ให้ตื่น ”
“ สัดดด ออกไปเลยไป ” พอมันพูดจบก็เดินมาใกล้เตียงที่ผมนั่งอยู่ ทำให้ผมตกใจขึ้นมา เลยรีบรวบผ้าห่มบนเตียงขว้างใส่มัน
“ เอ้า นี่ห้องกู ” มันพูดพร้อมกระตุกยิ้ม อย่างชนะ
“ เออ ห้องมึงหนิ งั้นกูไปเอง ” ผมลุกจากเตียงเพื่อไปหยิบกระเป๋า ว่าจะหาเรื่องเดินหนีออกไปจากที่นี่เนียนๆ
“ เฮ้ยยย มึงใจร้อนนะ หรือจะหนีอะไร? ” คนที่ตัวสูงกว่าขยับมาขวางไว้ก่อน ไม่ให้ผมเดินไปที่ประตูห้อง
“ เปล่าหนี! หนีอะไร!! ”
พอมันถาม ผมก็รีบปฏิเสธทันที ไม่ได้ทันคิดอะไรหรอก ว่าคนตรงหน้าอาจแค่จะแกล้งพูดให้ตกใจ แต่แบบนี้เหมือนผมแสดงพิรุธออกไปอะดิ ลืม><
“ นั่นสิ ดูมึงตกใจง่ายนะ ตื่นตูมแปลกๆ ”
“ กะ.. มึงลองเจอแบบกูมั๊ยละ มีคนมาพูดทะลึ่งใส่ ก็ต้องตกใจทั้งนั้นแหละ ” เป็นผู้ชายเหมือนกันอีกอะ ><
“ หึ กูพูดทะลึ่งหรอ ? ”
“ กวนตีนอยู่ได้ ถ้าไม่รู้ก็รู้ไว้ซะว่ามาก! ”
“ หึๆ มากด้วย? ”
“ เออ! ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วมึงอะ แล้ววันนี้มึงยัง... ”
“ กูทำไม? ”
“ .....” นิ่งเลยดิ ใครจะไปกล้าตอบ
ก็มึงคือคนที่ชื่อว่ากรด มึงคือเพื่อนพี่รันอะ แล้วอีกอย่าง.. มึงรู้จักกูได้ยังไง
“ เปล่า -_- ”
“ เลี่ยงไม่ตอบง่ายๆ แบบนี้เลย ” มันเอื้อมมือมา ค่อยๆดึงกระเป๋าออกจากมือผม ไปวางลงโต๊ะที่เดิม
“ อะไรเล่า ไม่ได้เลี่ยงสักหน่อย ”
“ งั้นตื่น ลืมตา แล้วไปอาบน้ำ ”
หะ?
มันพูดแบบนี้จนทำให้ผมต้องเผลอเอามือไปแตะๆจับที่หางตาของตัวเอง ผมลืมตาแล้วด้วยนะ
“ ก็ตื่นแล้วนี่ไง ”
“ แต่หน้ามึงยังง่วงอยู่ ” มันใช่นิ้วชี้และกลางสองนิ้วดันที่หน้าผากผมเบา แล้วกลั้นขำ ..อะไรวะ?
“ บ้า! หน้าง่วงที่ไหน กูตื่นตั้งนานแล่ว! ถ้าไม่ตื่นคงไม่รู้ความจริงอะ ”
จริงๆนะ ถ้าไม่ตื่นมาเห็นพี่รันเมื่อเช้า ผมคงไม่รู้ว่าไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม คนที่ช่วงนี้ผมเจอบ่อยๆ แล้วมาอยู่ด้วยตั้งแต่เมื่อวาน นี่คือ ‘กรด’
แต่รู้ก็ดีแล้ว ผมจะได้ระวังตัวไว้ จะไม่ลืมเลยที่ไอ้พี่ขลุ่ยบอกเลยว่า พี่กรดนี่ ความจริงเป็นคนโหดแค่ไหน ถึงกับไล่คนที่มาจีบพี่รันไปได้อะ
“ ว่าไงนะ.. ? ”
“ อะ ไม่ได้ว่าไร้! O.o ” ผมว่าผมควรสงบปากสงบคำกว่านี้นะ
“ งั้นไปอาบน้ำ มากินข้าว กูจะพาไปส่งบ้าน กลับมั๊ยบ้านน่ะ? ”
“ กลับดิ! ” ผมพยักหน้ารัวๆ คิดถึงบ้านมากกกก “ ออกไปดิๆ ” ผมพูดแล้วสะบัดมือไล่ๆมัน
“ อืมๆ อ่อ แล้วเสื้อผ้ากับกางเกงในตากไว้ระเบียงนะ ไปหยิบเอา ”
“ เอ่อ! ไอ้.. ”
“ ฮ่ะๆๆๆ ”
> - <
ตอนแรกมันเหมือนจะเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่หันกลับเข้าพูดต่อตอนที่ผมกำลังจะเข้าห้องน้ำ ที่แรกก็นึกว่าเรื่องไร แต่ไม่พ้นเรื่องนี้ ไอ้บ้าเอ้ย - + - ผมจะด่าก็ไม่ทัน คิดคำด่าไม่ออก โธ่!
..............
“ เอาของครบยัง ? ชุดนักศึกษาล่ะ? ”
“ ครบแล้ว อยู่ในกระเป๋า ”
“ หึๆ ”
“ มองไร? - O - ” ผมทำหน้าบึ่ง ค้อนใส่มันไปอย่างหมั่นไส้
ยังมีหน้ามามองกันอีก ตอนอาบน้ำเสร็จผมก็ใส่ชุดนักศึกษาของตัวเองเรียบร้อยแล้ว แต่ถูกมันไล่ไปเปลี่ยนให้ใส่ชุดที่มันเตรียมไว้ให้
โดยที่อ้างว่าวันนี้วันเสาร์ ถ้าใส่ชุดนักศึกษาเดี๋ยวคนอื่นจะมองว่ามันหิ้วเด็กมานอนด้วย
ผมเลยต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดสีเทาตัวใหญ่กับกางเกงวอร์มอาดิดาสสีแดงที่ต้องพับขากางเกงนี่แหละ
เหตุผลบ้าบอ วันเสาร์อาจารย์นัดเรียนเพิ่มก็มีโว้ย แต่เปลี่ยนเพราะผมอยากกลับบ้าน ถ้าผมเถียงมัน ผมว่าผมไม่ได้กลับซักที
“ เปล่ามอง ^ ^ ”
“ กูไม่ซักคืนนะบอกเลย ใส่เสร็จจะเอาไปบริจาค ”
“ ตามสบายเลย ”
กวนตีน! ฮึยยยย
“ แล้ว..กางเกงในสีเหลือง? ”
“ เอาแล้ว ไอ้เหี้ย! ใส่อยู่เนี่ย! เลิกล้อสักที ” ผมส่งสายตาพิฆาต แล้วชี้หน้ามันให้หยุดพูด ที่นี่มันที่สาธารณะ ใครให้มาพูดเรื่องกางเกงใน ไอ้บ้า ผมเห็นแว่บๆ ว่าพี่ รปภ. ที่ยืนอยู่ไม่ไกล แอบอมยิ้มมาให้ด้วย
“ ฮ่ะๆๆๆๆ ^ c ^ ”
“ - o - ”
“ รอนี่นะ เดี๋ยวก็ไปเอารถก่อน ”
“ อืมๆ ” ผมทำมือไล่ๆมัน
ผมกับมันเดินมาหยุดอยู่หน้าคอนโดแล้ว ตั้งแต่ผมเดินตามไอ้พี่กรดมา มันก็ยังไม่หยุดกวนเลย มองหน้าก็ถือว่ามันกวนผม > < แล้วตอนนี้มันบอกว่าจะไปเอารถที่จอดอยู่ในที่จอดรถ และให้ผมรอตรงนี้ เพราะมันจะขับไปส่ง
ความจริงผมก็เถียงกับมันตั้งแต่ตอนกินข้าวว่าจะให้เพื่อนมารับ หรือไม่ก็จะกลับเอง แต่มันบอกจะไปส่ง ..
แต่พอรู้ว่า มันคือพี่กรดแล้ว ผมว่าไม่ควรอะ ไม่ควรทำอะไรหรืออยู่ใกล้กับมัน เพราะมันจะเป็นการยากในอนาคต ถ้าไอ้พี่ของผมจะจีบพี่รัน
ดังนั้น!
“ รอก็บ้าแล้ววววว ”
ผมมอง ซ้าย ขวา หน้า หลัง อาศัยจังหวะที่มันเดินหายเข้าไปในที่จอดรถ ทำท่าจุ๊ๆปากให้พี่ รปภ. แล้วโบกแท็กซี่ทันที
“ แท็กซี่ๆๆๆ ”
“ ออกรถไปก่อนเลยพี่ เร็วพี่ๆ ”
หวังว่าพี่ รปภ. จะร่วมมือกับผมนะ และหวังว่าผมจะไม่เจอไอ้พี่กรดนั้นอีก
50% เดี๋ยวมาต่อค่ะ
.
.
ขอโทษที่ให้รอนานมากขนาดนี้ค่ะ :3123:
*ต่อ
ตอนเก้า 50% หลัง
-----------------
“ ไอ้น้องงงงงง ”
“ O-O ”
“ มึงไปไหนมาเนี่ย? ” ทันทีที่ไอ้พี่เห็นผมเดินกำลังสะพายกระเป๋าเป้เดินต๊อกต๋อยเข้ามาในบ้าน มันก็ลุกขึ้นจากโซฟารับแขก และเดินมาหาผมทันที
“ ไอ้พี่ กู... ” > - <
ผมหันไปมองหน้าพี่ชายส่งเสียงแบบอ้ำๆอึ้งๆ และพูดไม่ค่อยออก ตอนนี้หน้าตาพี่ผมดูตกใจและสงสัยมาก มันคงงงว่าทำไมผมเพิ่งกลับบ้านมาป่านนี้ เพราะเมื่อวานก็ไม่ได้บอกมันไว้ จำได้ว่าพอมันไลน์มาบอกว่ามันจะไปบ้านเพื่อน ผมก็อ่านแต่ลืมตอบ จากนั้นก็ปิดเครื่องไว้ เพราะฝนตกหนักมากกลัวฟ้าผ่า
“ มึงกลับมาจากบ้านพี่ฝุ่นแล้วตอนไหน? ”
“ ซักพักแล้ว เดี๋ยวๆ เอาเรื่องมึงก่อน นี่กูนึกว่ามึงออกไปไหนแต่เช้า แต่น้านวล บอกว่ามึงไม่ได้กลับบ้าน ”
“ อือๆ ”
“ ..แล้วใส่เสื้อผ้าใคร ทำไมตัวใหญ่ขนาดนี้ นี่ขากางเกงก็ต้องพับ ? ”
“ โวยยย ทักเรื่องนี้ทำไมเนี่ย! ” ทันทีที่พี่ผมทักเรื่องนี้ ผมก็โวยวายออกมาด้วยหน้าหงิกๆ แล้วก้มมองเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่มา
นึกถึงเจ้าของเสื้อผ้าเลยอะไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง ไปเอารถออกมาแล้วไม่เห็นผม คงจะทำหน้าตาเหวอๆน่าดู ถ้าเดาไม่ผิดมันคงถามพี่ รปภ. เป็นคนแรก แล้วพี่ รปภ. ต้องบอกมันแน่ๆ ว่าผมหนีขึ้นแท็กซี่มา ฮ่ะๆ สะใจนิดๆ แฮ่ะ > <
“ ดูดิ ถ้าไม่พับขากางเกงนี่มึงสะดุดล้มแล้วนะเนี่ย ฮ่ะๆ ” มันจับที่กางเกงผมทางด้านข้าง ดึงขึ้นๆ เพื่อยืนยันว่าพูดตามที่มันเห็น แล้วหหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ ไอ้พี่! ยังจะพูดมากอีก! อย่าดึงดิ > < ” ผมปัดๆมือมันออก แล้วเบี่ยงตัวหนี ผมไม่ได้อยากใส่เสื้อผ้า หรือกางเกงที่ตัวใหญ่แบบนี้สักหน่อย ผมถูกบังคับให้ใส่นี่หว่า
“ โอ๋เอ๋ๆ กูพูดเล่นหน่า ” ไอ้พี่เข้ามากอดคอผมเอาไว้เหมือนเป็นการง้อที่มันเผลอหัวเราะเยาะผม
“ เสื้อผ้าตัวใหญ่รุงรังเนาะ ” ผมถามมัน
“ กูก็ว่างั้นแหละ ว่าแต่.. ตกลงไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับบ้าน! ” มันผลักหัวผมทันที หลังจากที่ปล่อย แล้ว ถามหน้าตาสงสัยเต็มที่
“ ....... ” เอ้า! ไอ้พี่! ที่นิ่งนี่ไม่ได้อะไรนะ กูงง.. เมื่อกี้มึงยังรักกูอยู่เลย ยังกอดคอกูอยู่เลย ไหงพอเปลี่ยนเรื่องก็มาผลักหัวกันอะ ไอ้พี่!
“ ไปนอนกับเพื่อนหรอ ไอ้ยิม ไอ้เดย์ หรือไอ้มิ่ง ? ”
“ มะ.. ”
“ ว่ามา เร็วๆ ”
เอ้า! ไม่ใช่สักคน นี่ก็ไม่หยุดฟังกูพูดเล้ยยย - o -
“ เถลไถลใหญ่แล้วนะ ..แล้วนี่รถอยู่ไหน ? ทำไมไม่เห็นรถจอดอยู่ ”
= o = ก็กำลังอ้าปากจะตอบหลายรอบแล้วนะ!
“ อย่าหาว่าไอ้พี่คนนี้บ่นเลยนะ แต่ไปไหนต้องบอกบ้าง ”
“ กู.. ”
“ มึงไปไหนมาไอ้น้อง? ตอบสิ เอ๊ะนี่หรือว่ามึงโดนฉุด หรือ.. ”
“ พอ! พอเลยนะไอ้พี่! รูดซิปปาก แล้วฟังกันก่อน! ” ผมพูด และยกมือทั้งสองข้างยืนไปข้างหน้า ห้ามไอ้พี่ไว้ก่อนที่มันจะพูดไปมากกว่านี้
“ ตะ... ”
“ หยุด! ห้ามพูด เพราะเมื่อกี้ พูดมากเกินไปแล้ว ตอนนี้ให้กูพูดมั่ง! ”
“ มะ... ”
“ ยังอีก! ” O = O
ผมถลึงตาใส่พี่ชาย จนมันรีบเม้มปาก ทำจมูกบานๆ เหมือนกำลังหายใจไปชั่วขณะ แล้วพยักหน้ารัวเพื่อบอกว่านี่มันกำลังทำตามที่ผมบอก คือให้เงียบฟังก่อน
“ อูไอ่ไอ้อะอู้ดอะไอแอ้ว อึงอู้ดอิ!”
ไอ้พี่มันส่งเสียงอู้อี้ออกมากพร้อมกับส่ายหน้าไปมา ผมเดาว่ามันคงพูดว่า ‘กูไม่ได้จะพูดอะไรแล้ว มึงพูดดิ!’
ผมถอนหายใจ กว่าจะทำให้มันหยุดพูดแล้วฟังกันนี่ต้องใช้พลังมากเว่อร์ ก็อย่างนี้แหละนะ มีพี่ชายที่ชอบคิดไปเองอะ ทำใจ ฮ่ะๆ
“ ไปนั่งโซฟาดีกว่าป่ะ กูขี้เกียจยืนฟัง ” พี่ขลุ่ยมันยืนค้ำประตู พูดด้วยหน้าเมื่อยๆ
“ อะๆ คร้าบ คุณพี่! ” เรื่องมากจริงเว้ยพี่กู ผมมันคนตามใจพี่อยู่แล้ว เลยเดินนำเข้าไปนั่งที่โซฟาห้องรับแขก //ปาดเหงื่อ -o-
“ นั่งดีๆ ทำไมชอบนั่งจุ้มปุ๊กแบบนั้น ” พี่ผมมันพูดทันทีที่เห็นผมกระโดดดึ๋ง ขึ้นนั่งที่โซฟา
“ มันสบายอะ ” ขออธิบายการนั่งจุ้มปุ๊กของผม คือ นั่งขัดสมาธิ เก็บศอกเก็บแขน มือท้างคาง หลังค้อม ประมาณนี้อะ ที่จริงผมรู้ว่าไอ้พี่หลอกด่าว่านั่งอ้วน แต่ไม่แคร์^ - ^
“ อะๆ เล่ามาๆ ” พี่มันพูด แล้วทำมือเหมือนรูดซิปปาก และมองหน้าผอย่างตั้งใจจะฟัง
“ ...เมื่อวานรถกูยางแบนแต๊ดแต๋ แบตโทรศัพท์ก็หมดด้วยเลยโทรบอกไม่ได้ ก็เลยจะเดินไปป้ายรถเมย์ แต่มีคนขับรถผ่านมาพอดี ฝนท่าจะตกกูก็เลยไปกับเขา ตอนแรกเขาจะมาส่งบ้านแล้ว แต่ฝนมันตกแรงจริงๆ เขาเลยเปลี่ยนทางไปคอนโดแทน ”
“ แล้วทำไมไม่บอกกู กูจะได้ไปรับ ”
“ ก็เมื่อวานแบตมันหมดอะ ”
“ แล้วไปกับเขา เขาไหน? เพื่อนมึงหรอ กูรู้จักมั๊ย ? ”
“ มะ... ” ผมส่ายหัวและกำลังจะตอบ แต่
“ ไม่ใช่เพื่อน? แล้วไว้ใจเขาได้หรอวะ? ผู้ชายหรือผู้หญิง? ”
“ ชู่ววว ไอ้พี่ๆ.. ” ผมปรามมันไว้ เพราะมันเริ่มเสียงดังขึ้น
“ เออๆ โทษทีถามมากไปหน่อย ”
“ ถามมากไม่ว่า แต่ทีละคำถามได้ม่ะ! พูดมากพูดเร็วไม่รู้เรื่องอีก เดี๋ยวฟ้องยายเลยนะ ” หึ ต้องขู่ไอ้พี่แบบนี้ ให้รู้ซะบ้างผมนี่หลานรักยายนะครับ น้องเล็กก็งี้แหละ > . ^
“ งืมๆ ด่ากูได้แต่อย่าไปฟ้องคุณยาย ไม่อยากหูชา ..นะๆ > w < ”
ได้ผล^ ^
“ สัดดด แล้วมาทำเป็นแอ๊บแบ๊วให้ ฮ่ะๆ ^ - ^ ” ผมหลุดหัวเราะที่หน้าตาพี่ของผมมันหงอยๆอะครับ
“ ยิ้มแล้วก็ตอบด้วย เขาที่มึงว่านี่ครายยยย? ”
“ อืม.. คนที่ไม่ถึงขั้นรู้จัก แต่..มันเหมือนรู้จักกู ”
“ ฮ่ะๆ เดี๋ยวนี้น้องกูมีแฟนคลับแล้วหรอจ๊ะ! ”
“ จ๊ะ หมีโคอาร่ามึงสิ! ไม่ใช่แฟนคลับโว้ย ” ผมตีป้าบเข้าให้ที่หน้าตักไอ้พี่ทันที พี่เอ๊ยยย ถ้ามึงรู้ว่ากูไปกับใคร กูเจอใครมา มึงจะหนาวววว
“ เอ้า ก็มันรู้จักมึง แล้วใคร? ”
“ อืม.. ”
“ หรือไม่รู้จักชื่อด้วย? ”
“ ตอนแรกไม่รู้จัก ”
“ เฮ้ย! นี่ไอ้น้อง มึงไปอยู่กับคนที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเนี่ยนะ ไว้ใจไปได้ยังไง ถ้าเขาหลอกน้องกูไปจะทำยังไงเนี่ย ” นั่นไงว่าแล้ว พูดยังไม่จบเลยคร้าบคุณพี่ ฟังกูก่อนเถอะ..
“ อย่าเพิ่งๆ กู..ก็ยังไม่เป็นไรเนี่ย กูยังกลับมาบ้านได้นะพี่ ”
“ อะๆ กูแค่เป็นห่วง มึงน้องกูนะ ” มาทำเป็นพูดซึ้งไมวะเนี่ย
“ รู้ ๆ หน่า ”
“ นี่ถ้ามึงยอมไปกับเขาก็แสดงว่าเขาไว้ใจได้หหรอ.. แต่ที่ไม่รู้จักชื่อเขานี่ยังไปอยู่กับเขาได้ยังไงทั้งคืน ใจง่ายนะเรา - O - ”
“ ....... ” เอ้า! ว่ากูใจง่ายอีก เฮ้ออ “ กูรู้ (- o -) ตอนแรกแค่ไม่รู้ แต่ตอนนี้รู้จักแล้ว .. ”
“ อืมๆ ”
“ เออ .. ขลุ่ย ”
“ ว่า... จะพูดอะไรก็พูดดิ รอฟังอยู่เนี่ย! ” สงสัยรอนาน ผมไม่พูดสักทีมันเลยหงุดหงิด //หายใจๆ แล้วตั้งสติขิม -=-
“ กูอยากเห็นรูปของคนที่ชื่อว่ากรดอะ ” ผมไม่รู้จะบอกไอ้พี่ยังไง เนื่องจากผมทำผิดต่อมันครั้งใหญ่หลวง ดันไปรู้จักกับคนที่อาจจะขัดขวางความรักระหว่างมันกับพี่รันได้ แต่ก็ต้องบอกละนะ
“ กรด? ไอ้กรดเพื่อนรันเนี่ยนะ? ” พี่ผมถามหน้าตาสงสัย ความจริงมันก็สงสัยตลอดแหละ ตั้งแต่ผมเดินเขาบ้านมาจนป่านนี้ ก็ยังไม่หยุดสงสัย
“ ใช่ มีรูปป่ะ เฟสบุ๊คก็ได้ ”
“ หาแปบหนึ่ง ”
“ ......... ” ผมมองหน้าไอ้พี่ แล้วรออย่างใจจดใจจ่อ “ นี่พี่พิมพ์ชื่อเฟสมันเลยไม่ได้หรอ? ”
ผมถามอย่างหมั่นไส้ เมื่อเห็นว่าไอ้พี่เปิดเข้า FACEBOOK ของคนๆหนึ่งก่อน ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นของพี่รัน
“ อยากเห็นรูปรันก่อนไม่ได้รึไง! >o< ”
“ จ้ะๆ ได้จ้ะ”
ผมตอบมันด้วยหน้าตาเอือมๆ ส่วนมันก็อมยิ้มหวานมองแต่รูปพี่รัน ก่อนจะเลื่อนไปที่ช่อง ‘เพื่อน’ แล้วกดเข้าไป ปรากฏรูปคนๆหนึ่ง แค่ดูด้วยหางตาก็รู้ ไอ้เหี้ย.. คนเดียวกันนั่นแหละ ชัดแล้ว ชัดแล้วจริงๆ
“ อะนี่.. ”
ผมรับโทรศัพทมาดู รู้อยู่แล้วว่ามันต้องขึ้นรูปคนๆนี้ ‘ Krod Kirin ’
คนเดียวกันจริงๆ ไม่น่าเล้ยย ไอ้ขิม
รูปโปรไฟล์ เป็นรูปผู้ชายรูปร่างภูมิฐานใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว พับแขนเสื้อแบบไม่ค่อยเรียบร้อย เนคไทสีน้ำเงินที่ผูกแบบคลายๆ ผิวพรรณที่ดีเข้ากับผมสีควันบุหรี่ที่ไม่ได้ถูกเซตเป็นทรงมากมาย แค่เหมือนถูกเสยให้แทรกกลางไม่ปกบังตา
“ มันก็ดีกรีเดือนคณะ เรียนก็เก่ง กีฬาก็ดี ดนตรีก็เยี่ยม เฮ้อออ (I w I) ”
ผมมองหน้าหงอยๆของไอ้พี่ เห็นแล้วก็สงสาร คือพี่ผมมันก็เก่งนะ แต่มันไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ถ้ามีความกล้ามากกว่านี้อีกนิด คงจะจีบพี่รันติดไปแล้ว ไม่ต้องมาบ่นมาระบายให้แต่กับน้องอย่างผมฟังหรอก
ส่วนคนในรูปนี่ เดือนคณะด้วยหนิ คงจะเก่งไปหมดทุกอย่างจริงๆ เหอะ!
ดูดิ! ขณะก้มหน้าก้มตาจริงจังกับการเล่นกีตาร์ จนทำให้คิ้วเข้มๆนั้นขมวดก็ยังดูดี มือใหญ่นั้นข้างหนึ่งจับคอร์ด และอีกข้างกำลังเกาสายกีตาร์ให้เป็นทำนองเพลง และเด่นที่สุดคือใบหูที่เห็นอย่างชัดเจน ดวงตาที่ดูไม่ออกว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ จมูกที่โด่งเป็นสัน ริมฝีปากสีอ่อนไม่ซีดที่เหมือนกำลังคลอเพลงไปด้วย
“ ไอ้น้อง! ดูแล้วเป็นไง ? ”
“ อืม ” ผมไม่ได้สนใจคำถามไอ้พี่เท่าไรนัก เลยได้แต่ส่งเสียงตอบรับออกไปเบาๆ
โอเค! ทุกอย่างที่อยู่บนหน้ามัน ดูดีไปหมด ตา หู จมูก ปาก มันโคตรรับกับใบหน้าได้รูปไปทั้งหมด ในรูปนี้ดูดียังไง ตัวจริงที่ผมเจอมา..ก็ดูดีมากเหมือนกัน
ดูแล้ว ผมยังได้กลิ่นตัวหอมๆ ออกมาจากรูปยังไงยังงั้น ผมว่าแล้วทำไมนะทำไม กลิ่นตัวมันหอมแบบคุ้นๆ ตั้งแต่เจอกันที่คณะสถาปัตยกรรม แล้วก็ที่หน้าเซเว่น ไหนจะที่ลานจอดรถร้านเหล้า และเมื่อวาน ><
เชี่ยยยย แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมาชมมันใช่ป่ะ โธ่เอ้ยย! ไอ้ขิมๆ > - <
“ มันหล่ออะดิ .. ”
“ อืม ”
“ เอ้า! เป็นไรทำไมนิ่งไปวะ นี่กูก็เอาให้ดูแล้ว... ”
ผมเงยหน้ามามองพี่ชาย แล้วยิ้มแหยะๆ พร้อมคิดในใจว่า ‘เมื่อกี้กูแอบชมมันอะ แอบชมคู่แข่งของพี่ไปอะ’
“ ไม่ต้องมาทำหน้าสงสารกูเลยนะ กูรู้ว่าไอ้กรดมันดูดีมาก นี่แค่รูปนะ ถ้ามึงเจอตัวจริง มองหน้าจริงๆนะไอ้น้องเอ๊ย กูว่ามึงจะชอบมันเลยอะ ”
.... ชอบ?
เอ๋?
“ ไอ้พี่! พูดอะไรอีกแล้วเนี่ย อีกแล้วนะ จะยัดเยียดกูให้ผู้ชายอีกแล้วนะ ”
“ ป่าวนะ กะ..ก็เผื่อมึงชอบมันไงงงง ^ ^ ”
“ บ้าหรอ! (- O -) ไม่เว้ย กูเจอตัวจริงมันแล้วก็จริง แต่กูไม่ได้ชอบ ไม่ได้หวั่นไหวอะไรทั้งนั้น ไม่ ไม่ และไม่! ”
“ หะ? เจอแล้วหรอ ”
“ อะ.. อืม เจอแล้ว ” พอผมคิดได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป บวกกับเห็นหน้าของไอ้พี่ที่ตกใจ และย้ายตัวเองมานั่งที่โซฟาเดียวกับผมทันที
“ เล่ามา .. ”
“ อืม O.O แต่ถ้ากูบอก มึงอย่าตกใจนะ ”
“ อ่า ไม่ตกใจ อะไรยังไง? ว่ามาๆ ” มันพยักหน้า แล้วสะกิดที่ตักผมเหมือนเร่งให้ผมพูดออกไป
“ คนในรูปนี้ มันคือ.. คนเดียวกับที่กูไปอยู่ห้องเขาเมื่อวาน ”
“ อ๋อออออ เรื่องแค่นะ.. O.O ”
“ ....... ”
“ หะ.. อะ.. oOo คนเดียวกัน? ”
“ อือ ตามนั้นเลยยย - o - ” ผมพยักหน้าเบาๆ แลวมองมันด้วยสีหน้าเจือนๆ
หลังจากนั้นเราทั้งสองได้แต่นั่งส่งสายตาให้กันปิ๊งๆๆๆ แบบต่างคนต่างพูดไม่ออกไปสักซัก ก่อนที่ผมจะตัดสินใจเล่าอะไรหลายๆที่ผ่านมาให้ไอ้พี่ฟังแบบม้วนเดียวจบ (แต่ไม่ครบทุกเรื่อง)
“ ไอ้น้อง ที่มึงเล่ามานี่เรื่องจริง! ”
“ จริงๆ ตะ.. แต่มึงไม่ต้องห่วงนะ เมื่อเช้าพี่รันไม่เห็นกูแน่นอน ” ผมแน่ใจว่าพี่รันไม่เห็นแน่ๆเพราะผมแอบดูอยู่ในห้อง
ผมเล่าว่าผมเจอไอ้พี่กรดตอนไหน กี่ครั้ง ที่ไหนบ้าง และเรื่องเมื่อวานที่ได้ไปคอนโดกับมัน รวมทั้งเรื่องที่พี่รันไปหาพี่กรดเมื่อเช้า ให้ไอ้พี่ฟัง แต่บางเรื่องผมก็ไม่เล่าหรอกนะ ไม่งั้นอายไอ้พี่ตายเลย > < เผลอๆจะโดนมันล้อ และยัดเยียดไอ้พี่กรดมาให้ผมอีก ฮึยยย!
“ ละ.. แล้วไอ้กรด มันดูเหมือนรู้จักมึงมากแค่ไหน ”
“ บอกไม่ถูกอะ แต่มันรู้จักชื่อกู ”
“ รู้จักได้ไงวะ? ”
“ นั่นสิ รู้จักได้ยังไง ? ” คือตอนนี้ผมก็ได้แต่คิดแล้วก็สงสัยอะครับ
“ ไหนๆกูก็เล่าให้ฟังแล้ว ช่วยคิดหน่อยสิพี่ ทำไมมันให้กูไปอยู่คอนโดมันได้ เพราะคือก่อนหน้านั้นกูกับมันเจอกันนับครั้งได้ แต่ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน ทุกครั้งที่เจอกัน มันดันทำเหมือนรู้จักกูมาก่อนอะ ”
“ เอาเถอะ กูคิดไม่ออก พี่มึงโง่เรื่องแบบนี้ มึงอย่าให้กูคิดเลย กูชอบคิดไปเองมึงก็รู้ไอ้น้อง”
“ เอ้า! นานๆทีจะยอมรับว่าโง่เนาะ พี่กู ”
“ ไอ้น้องงงง! ” ไอ้พี่ทำหน้ามุ้ย และส่งเสียงงอแงใส่ผม
“ ฮ่ะๆ ล้อเล่นหน่า ๆ ช่วยกูคิดดิ จะเอายังไต่อเรื่องไอ้พี่กรด? ”
“ จริงๆ แล้ว ไอ้กรดก็อัธยาศัยดีพอสมควร มันอาจเห็นมึงลำบากมันเลยช่วยมั๊ง แต่ถ้าต่อให้ไอ้กรดรู้เรื่องมึง แต่รันยังไม่รู้กูก็ไม่เป็นไร ”
“ แล้วไอ้พี่กรดจะไม่บอกพี่รันหรอวะ? ”
“ ไม่ม้างงงง ”
“ งั้นเอางี้นะ มึงลองสังเกตดูเวลาที่มึงเข้าไปคุยกับพี่รัน ไอ้พี่กรดมันมองมึงแปลกๆมั๊ย หรือขัดขวางอะไรมึงรึป่าว ส่วนกูนะจะพยายามไม่เจอมัน แล้วกูก็จะไม่ไปคณะมึงด้วยสักพักนะ ” ผมบอกพี่แบบนั้น เพื่อความปลอดภัยของผม ผมไม่อยากเจอมันอะ เพราะเมื่อกี้ก็อุตส่าห์หนีมันมาได้แล้ว
“ มึงคิดว่า กรดมันจะรู้ว่ามึงเป็นน้องกูหรอ? ”
“ ไอ้พี่ ตอนนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เผลอๆ ที่กูไปไหนมาไหนแล้วเจอมันบ่อยๆ เพราะมันอาจรู้ว่ากูเคยไปถ่ายรูปพี่รัน มันเลยมาคอยระวังกูเนี่ย ”
“ ก็จริง - o - แต่ถ้ากรดมันระวังมึง มันทำไมพามึงขึ้นห้องวะขิม ”
นั่นสิ.. ยังไงกันนะเรื่องนี้
“ ....... ” ใครจะไปรู้วะ
“ หรือมันชอบมึง? ” ผมชี้มาที่ผมและยิ้มอย่างกรุ้มกริ้ม
“ ไม่มีทางโว้ย ไอ้พี่! ”
“ ทำไมจะไม่มีทาง ถ้าไม่ใช่ว่ามันรู้ เรื่องที่มึงตามถ่ายรูปรันให้กู มันอาจจะชอบมึงนะไอ้น้อง O.o ”
“ บ้า! ไหนมึงบอกว่ามันชอบพี่รัน? ”
“ กูก็แค่คิด ..และหวังนิดๆว่าไอ้กรดอาจจะชอบคนอื่นที่ไม่ใช่รัน และฟังจากที่มึงเล่ามาไอ้น้อง มึงเจอไอ้กรดบ่อยๆ มันช่วยมึง มันพามึงไปคอนโด มันอาจจะชอบมึงนะเว้ย > < ”
“ ไม่ๆ ”
“ อย่าเพิ่งดิ มึงบอกว่าไม่ชอบมันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามันชอบมึงนะไอ้น้อง มันจะดีมากเลยนะเว้ย กูก็จะไม่มีคนขัดขวางเรื่องรัน>< ” มันพูดจบก็ปรบมือแปะ อย่างพอใจ นี่ไอ้พี่ของผมมันกำลังคิดอะไรกันเนี่ย!
“ (=o=) ไม่ๆ หยุดพูดเรื่องนี้เลย กูจะขึ้นห้องแล้ว! ” ผมรีบห้ามก่อนที่ไอ้พี่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้
นี่ขนาดว่าผมไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรที่ไอ้กรดมันทำให้กับผม เช่น เวลาไอ้พี่กรดมันพูดกวนตีนผม พูดทะลึ่งๆ หรือทำอะไรแปลกๆที่เจ้าของห้องอย่างมันไม่จำเป็นต้องทำให้ผม => การซัก กกน.
และ..
การสกินชิพที่ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายเขาไม่ทำกัน การกอด การหอม การหยอก การยิ้มแบบนั้น -/////-
เอิ่ม.. ผมเข้าใจว่าที่มันทำแบบนั้น เพราะผมไม่ยอมมันสักที ผมพูดไม่เพราะ ผมชอบเถียง มันก็เลยขู่ด้วยวิธีของมัน มันไม่ได้คิดอะไรแบบที่ไอ้พี่พูดหรอกหน่า
นี่คือสิ่งที่ผมไม่ได้เล่าเลยนะ ไอ้พี่ยังคิดขนาดนี้ > <
“ อ้าวเดี๋ยวๆ! ไอ้น้อง! ถ้ามันจริงล่ะโว้ย? ถ้ามันชอบมึง หรือว่าเผื่อมันสนใจมึงไง ไอ้น้องงงง ไม่ฟังกูเล้ย ”
ผมทำเป็นไม่สนใจที่ไอ้พี่พูด ผมรีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟา คว้ากระเป๋าแล้วเดินหนีมันขึ้นมาบนห้องทันที ยังได้ยินเสียงไอ้พี่ตะโกนบ่นตามขึ้นมาว่าไม่ฟังมัน
หึย! จะให้ผมอยู่ฟังต่อได้ยังไง มันต้องไม่ใช่สักอย่างแหละที่ไอ้พี่บอกเมื่อกี้ ไม่ใช่ทั้งเรื่องที่รู้ว่าผมแอบถ่ายรูปพี่รัน เพราะถ้ามันรู้ผมต้องถูกหาว่าเป็นโรคจิตแน่ๆ ส่วนเรื่องที่มันจะชอบ จะสนใจผมก็ไม่ใช่โว้ย ไม่ใช่!
-///////////-
-100%-
#จับรัก #กรดขิม
TBC.
:: มาต่อได้แบบทีละนิดทีละหน่อยนะคะ ขอโทษจริงๆ และขอบคุณที่รอพี่กรดน้องขิมค่า
ผิดพลาดหรือพิมพ์ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เสียอรรถรสในการอ่าน พิมขออภัยนะคะ แล้วจะรับคำติชมเพื่อไปแก้ไขค่ะ ::
** ตอนนี้มี 150 % มีการแก้ไขนิดหน่อยนะคะ
- ۞ตอนที่สิบ -
โดนทิ้งไว้กับพี่กรด
วันนี้วันเสาร์ แต่ผมตื่นตั้งแต่เช้าๆ มาใส่บาตรกับยาย ก่อนกลับขึ้นห้องแล้วนอนต่อ เป็นไงล่ะ ฮะฮ่า
ผมตื่นขึ้นมาอีกทีก็เกือบสิบเอ็ดโมง คิดว่าหยุดเรียนทั้งทีวันนี้อยู่บ้านก็คงเบื่อๆ เลยออกมาซื้อของที่ห้างเป็นเพื่อนยาย ยายดีใจและตื่นเต้นมาก เพราะเป็นครั้งแรกในเกือบเดือนกว่าที่ผมว่างและยายว่างตรงกัน ความจริงผมมีเวลาให้ยายนะ แต่ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะยายต่างหากที่ชอบเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนๆ สังสรรค์เฮฮา ปาร์ตี้กับเพื่อนรุ่นคุณยาย เป็นอยู่บ่อยๆไม่มีเวลาให้ผมเอง ^ - ^ แต่นั่นแหละไม่ว่าอะไรเป็นความสุขของยาย ผมก็มีความสุขไปด้วย วันนี้ยายเลยบอกว่า จะถือโอกาสซื้ออะไรที่อยากได้และเสื้อผ้าใหม่ๆให้ผมและไอ้พี่ วงเล็บเปิด..ที่ยังไม่ยอมตื่นนอนแอ่งแม้งอยู่บ้าน..วงเล็บปิด
“ ยายจ๋า ต้องซื้ออะไรอีกเยอะมั๊ยอ่า ขิมเหนื่อยแล้ว ”
ตอนนี้เราเดินมาแถบทุกชั้นแล้ว ผมล้าและเริ่มปวดขาสุดๆเลยอดไม่ได้ที่จะทำหน้างอแงกับยาย แต่ดูยายของผมสิครับ แข็งแรงมาก เดินไปร้านนู้นร้านนี้ เดินเข้าออกร้านเสื้อผ้าเครื่องประดับอย่างกับสาวๆขาช็อปวัยเอาะๆ มีแต่รอยยิ้มใจดีและดูมีความสุขสุดๆ ไม่บ่นสักคำ
“ ยังเด็กอยู่แท้ๆ ทำไมมาเหนื่อยง่ายกว่าคนแก่ละลูก ” ยายเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ แล้วส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน
“ ขิมหิวน่ะครับยาย ถ้าได้กินอะไรหน่อยน่าจะหายเหนื่อย^^ ” ผมพูดกับยายด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆ พลางเอามือลูบวนที่หน้าท้อง หรือพุ่งน้อย ๆ ผมอ้อนเก่ง เพราะยายเคยบอกผมไว้ว่าแบบนี้แหละ เวลาคนแก่เห็นหลานอ้อนก็จะใจอ่อนและเอ็นดูมาก และผมก็ทำแบบนี้มาตลอด
“ อ๋อ หลานยายหิวนี่เอง ”
“ แหะๆ^^ ”
“ น้องขิมอยากกินอะไรล่ะลูก ”
“ ขิมอยากกินราดหน้าทะเล สปาเก็ตตี้ก็ได้ ขนมจีบปู ไอติมด้วยครับ แล้วก็... ^^ แหะๆ เยอะไปหรอครับ? ” ผมยกนิ้วมือโป้งชี้ กลาง ขึ้นไล่สิ่งที่อยากกินไปทีละอย่าง แต่ก็ชะงักไปนิด ๆ ก่อนที่จะเนียนหัวเราะ เพราะยายหัวเราะผมออกมาซะเสียงดัง ผมแค่กินเก่งเองอะ
“ ไม่เยอะลูก แต่เก็บไว้กินมื้ออื่นด้วยคนเก่ง ”
“ ยายอะ -3- ” ผมกอดแขนยาย แล้วส่งเสียงอู้อี้
“ ได้สิลูก แต่เดี๋ยวยายดูเสื้อให้พี่ขลุ่ยก่อน หลานเหนื่อยหลานไปนั่งรอก่อนนะ ”
“ ครับบบบบบ แต่ยายอย่าซื้อให้พี่ขลุ่ยเยอะกว่าขิมนะ ” ไม่มาแบบนี้ ผมก็ไม่มีทางให้มันได้ไปมากกว่าน้องอย่างผม บอกเลยไอ้พี่ หึๆ
“ จ้ะลูก ^^ ”
// เสียงโทรศัพท์ //
พี่รหัส
“ พี่เป็ดหนิ.. ยายจ๋า ขิม... ” ผมเงยหน้ามามองยายที่ยืนเลือกเสื้ออยู่ไม่ไกล สลับกับมองโทรศัพท์มือถือ เพื่อขอตัวยายไปรับสายพี่รหัสของผมที่โทรเข้ามา
“ รับเลยลูก ”
“ ขิมขอเวลาแปบหนึ่งนะครับ ”
ยายพยักหน้า และส่งยิ้มอย่างใจดีให้ผม ก่อนหันไปเลือกเสื้อและคุยกับพี่พนักงานต่อเพื่อขอดูไซต์เสื้อที่ตัวใหญ่ขึ้น ผมเลยรีบรับโทรศัพท์ทันที
ผมทำแบบนี้จนชิน คือถ้าอยู่กับยายแล้วมีคนโทรมา ก่อนที่ผมจะรับผมจะขอยายก่อนเสมอ ทั้งๆที่ความจริงแล้วยายเคยบอกให้ผมรับได้เลย ไม่ต้องขอ แต่ผมไม่อยากให้ยายรอหรือเหงาเวลาที่อยู่กับยาย ผมเลยพยายามไม่สนใจโทรศัพท์มากเกินไป
“ ฮัลโลพี่เป็ด ฮัลโล.. ไม่ได้ยินเลยอะ! แปบนะพี่... ”
ตัดสินใจลุกเดินออกมาโทรศัพท์ข้างนอกร้าน และเดินออกมาไม่ไกลมากนัก เพราะในร้านคนเยอะและเสียงดังมาก คนที่โทรเข้ามาคือพี่รหัสของผมเอง ชื่อ พี่เป็ดน้อย ชื่อแบบนี้คิดว่าตัวจริงคงต้องเป็นผู้ชายตัวเล็กหน้าตาน่ารัก ตัวเล็ก ใจดี สมกับชื่อใช่มั๊ยล่ะ ถ้าคิดแบบนี้คุณคิดผิดแล้วล่ะ เพราะความจริงพี่เป็ดน้อยเขา คือ ผู้ชายที่ตัวใหญ่ กล้ามแน่นเบ่อเร่อ ที่หน้าตาดีหล่อสุดๆ คนหนึ่ง แถมโหดสัดรัสเซียเลยแหละ ที่สำคัญโสดนะ ขอบอก ^ - ^
“ ฮัลโลคร้าบบบ พี่เป็ด คิดถึงจังเลยยย ... ”
“ ....................................................... ”
10 นาที ผ่านไป
“ เอ่อ.. พี่เป็ดเดี๋ยวขิมทักเฟสกลับนะพี่ ฮ่ะๆๆ... คร้าบบบ หวัดดีคร้าบบ ”
พี่เป็ดโทรมาบอกว่า กำลังจะเดินทางกลับมาจากฝรั่งเศสในอีกสองวันข้างหน้า พี่รหัสผมเขาไปเป็นตัวแทนนักศึกษาเพื่อไปดูงานต่างประเทศเกือบ 2 อาทิตย์ได้แล้ว และพี่เขาจะซื้อของมาฝากน้องๆว่างั้น เลยโทรมาหาว่าผมอยากได้อะไร ซึ่งผมก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่เล้ยยย แต่ดันบอกสิ่งที่อยากได้ไปเป็นสิบยี่สิบอย่าง จนตอนนี้ดันคุยโทรศัพท์นานเกือบสิบนาทีได้ เลยต้องขอวางสายก่อนแล้วถึงบ้านจะติดต่อกลับไป เพราะตอนนี้คุณยายคงรอผมแย่
ผมเดินกลับไปทางเดิม และเข้าไปในร้านเสื้อผ้าที่เดินออกมาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อมองไปรอบๆร้าน ผมกลับไม่เห็นยายของผมอยู่ในร้านเลย
“ พี่ครับๆ เห็นคุณยายที่ตัวอวบๆ ผิวขาวๆ สูงประมาณนี้อะครับ ทรงผมสั้นหยักศก ที่ใส่ชุดไหมพรมสีม่วงอ่อนมั๊ยครับ ที่มากับผมก่อนหน้านี้อะครับ ” ผมถามพี่พนักงานที่ดูแลลูกค้าอยู่แถวทางออกร้าน โดยบอกลักษณะของยาย เผื่อพี่เขาจะทันสังเกตุและนึกออก
“ อ่อ เห็นค่ะเห็น คุณลูกค้าท่านชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ท่านก็เดินออกจากร้านไปสักพักแล้วนะคะ ”
“ จริงหรอครับ แล้วรู้มั๊ยครับว่ายายเดินไปทางไหน? ”
“ ขอโทษจริงๆนะคะ คุณลูกค้า พี่ไม่ได้สังเกตจริงๆ เดี๋ยวพี่.. ”
“ เออ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะลองเดินหายายก่อน ขอบคุณครับ ”
ผมปฏิเสธพี่พนักงานที่เหมือนจะเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ เพื่อกดดูกล้องวงจรปิดให้ แต่ผมไม่รอดีกว่า ผมจะลองเดินหายายก่อน..
“ โทรศัพท์ไง! ลองโทรหายายก่อน ไอ้ขิม สติๆ ”
ผมเดินออกมาจากร้าน และไปดูในห้องน้ำใกล้ๆกับร้าน แต่ก็ไม่เจอ ในใจตอนนี้มันวุ่นวายมาก เพราะวันนี้ผมมาที่นี่กับยายแค่สองคน ไม่ได้มีใครตามมาด้วย แต่ตอนนี้ยายหายไปไหนนะ ผมยังหายายไม่เจอเลย นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ลองโทรศัพท์หายาย เลยรีบหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมา กดโทรออกหายายทันที
[เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ]
“ อ้าว ทำไมอะ! ”
ทำไมติดต่อยายไม่ได้นะ ผมกดโทรออกอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม คือติดต่อไม่ได้ โทรศัพท์มือถือของยายเป็นอะไรนะ แล้วยายเป็นไรรึเปล่า
“ ยายอยู่ไหนนะ.. ”
ผมได้แต่พูดพึมพำอยู่คนเดียว และเริ่มใจไม่ดี เพราะผมเดินตามหายายไปทั่วทั้งชั้น แต่ก็ยังไม่เห็นว่ายายจะอยู่ในร้านไหนๆเลย
‘ พี่ๆ ตอนพี่เดินมาเห็นคนหล่อๆ ตัวสูงๆที่เดินไปทางนั้นมั๊ย? น้องเขาเป็นใครไม่รู้ หล่อมาก ’ O.O
‘ เห็นๆ ทำไมหรอ? ’
‘ ก็เด็กหนุ่มสมัยนี้หล่อมากๆเลยเนาะ’ =o=
‘ หืม.. นอกจากหล่อ แล้วยังเท่ห์มากเลยเนาะ เมื่อกี้ฉันเห็นเขาเป็นคนเข้าไปช่วยคนถูกกระชากกระเป๋าด้วย ’ >=<
‘ หะ จริงหรอพี่ ! มีคนถูกกระชากกระเป๋าหรอ ที่ไหนๆ?’
‘ ตรงหน้าร้าน.. ชั้นสาม ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เห็นมีคุณยายคนหนึ่งเหมือนกำลังสู้กับโจรที่กระชากกระเป๋านะสิ ’
หะ!
O=O
ว่าไงนะ !
ในจังหวะที่ผมกำลังลังเลว่าจะไปทางไหนต่อ ผมเห็นผู้หญิงวัยทำงานสามคนเดินผ่าน และได้ยินเรื่องที่เขากำลังคุยกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
ผมได้ยินเกี่ยวกับ คุณยายคนหนึ่ง โจรกระชากกระเป๋า การสู้กัน ผมก็เลยรู้สึกตกใจมากกว่าเดิม เพราะกลัวจะเป็นยายของผมที่โดนกระชากกระเป๋า ผมเลยเดินตรงดิ่งเข้าไปหาพี่ผู้หญิงกลุ่มนั้น และถามขึ้นด้วยเสียงที่ร้อนรนทันที
“ พี่ครับ ! เมื่อกี้พี่พูดว่ายังไงนะครับ ใครถูกกระชากกระเป๋า? ”
“ เออ..มีคนถูกกระชากกระเป๋าค่ะ แล้วที่นั่นมีคุณยายคนหนึ่งอยู่ด้วยอะค่ะ ตอนนั้นเหมือนกำลังสู้โจรอยู่ ” พี่ที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มตอบผม
“ ยายหรอครับ ยายโดนกระชากกระเป๋า! ” O.O
“ คือพี่ไม่แน่ใจว่าใครนะคะ เพราะตรงนั้นคนเยอะมากเลย วุ่นวายกันมาก แต่หนึ่งในนั้นมีคุณยายค่ะ ” พี่แกพูด แล้วส่ายมือส่ายหน้าไปมา
“ อยู่ทางไหนครับ ? เขาอยู่ทางไหน ? คือ ผมกำลังตามหายายของผม ผม.. ”
“ ยายน้องหรอคะ อยู่ตรงประชาสัมพันธ์ชั้นที่ 3 ค่ะ เออ.. ” พี่เขาเหลือกตาโต พร้อมใช้มืออธิบายเป็นพัลวัน คงเห็นว่าผมกระวนกระวาย และร้อนรนถามไม่หยุด
“ ครับ ครับผม ”
“ เหมือนจะไม่เป็นไรมากหรอกนะ.. น้อง น้อง! ”
ผมพนมมือและพยักหน้าเพื่อขอบคุณ แล้วรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น ไม่ได้ทันฟังว่าพี่เขาพูดอะไรต่อ ผมรู้แค่ว่าต้องหายายให้เจอก่อน แล้วรีบลงบันไดเลื่อนไปที่ชั้นสาม มองหาประชาสัมพันธ์ น่าจะต้องเดินไปทางซ้ายนี่แหละนะ
“ ตึง ตึ่ง ตึ้ง ตึ๊ง ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ค่ะ คุณเสียงขิมติดต่อคุณยายนวล นลฤดี ได้ที่จุดประชาสัมพันธ์ชั้นที่สามค่ะ ขอบคุณค่ะ ”
นั่นคือชื่อยายของผม ผมวิ่งสุดชีวิต ไปที่ประชาสัมพันธ์ มองเข้าไปด้านในของเคาน์เตอร์และเดินเร็วเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ทำผมตกใจขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวน้าผู้หญิงที่สวมชุดคลุมท้องนั่งเอนหลัง แต่โล่งใจทันที.. ข้างๆกัน นั่นคือยายของผม ยายปลอดภัย ToT
ผมสาวเท้าเดินเร็วขึ้น เห็นยายเอามือลูบที่ต้นแขนคุณน้าคนนั้นเหมือนกำลังปลอบใจและเรียกขวัญ มือเล็ก ๆ อีกข้างถือยาดมกวัดแกว่งไปมาบริเวณใต้จมูกน้าผู้หญิงคนนั้น
“ ยายยยย ”
“ ขิมลูก ”
“ ยายเป็นยังไงมั่ง ยายเป็นอะไรมั๊ย ? ยายเจ็บตรงไหนมั๊ย ? ละ..แล้วไอ้โจรนั่นอยู่ไหน ขิมจะไปจัดการมัน! ” ผมลุกขึ้นกำมือแน่นแล้วทุบลงที่ฝ่ามืออีกข้างของตัวเอง
“ เดี๋ยวๆ ใจเย็นลูก ยายไม่ได้เป็นอะไรเลยนะลูก ^^ ”
“ ยายไม่เป็นไรได้ไง ยายถูกกระชากกระเป๋านะ -o- ”
“ เดี๋ยวน้องขิม ใจเย็นๆนะลูก นั่งลงก่อนครับ ” ยายพูดอย่างใจเย็น แล้วเอื้อมมือมากุมมือผมไว้ รั้งผมให้นั่งลงข้างๆ
“ ขิมเป็นห่วงยาย จะให้ขิมใจเย็นได้ยังไงกัน ” ความรู้สึกข้างในมันสั่นไปหมด ตัวผมก็สั่น ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าตาหงิกงอ หรือแสดงความไม่พอใจ ไม่เข้าใจยายออกไปมากน้อยแค่ไหน และเหมือนยายจะรู้ว่าผมเป็นห่วงยายมาก ยายเลยพูดกับผมเชิงปลอบใจและให้ใจเย็นลง
“ โอ๋ ๆ ดูดี ๆ ยายปลอดภัยครับ ยายไม่ได้เป็นอะไร แล้วยายก็ไม่ได้เป็นคนถูกกระชากกระเป๋านะลูก ”
“ หา! ยังไงกันครับ เกิดอะไรขึ้น? ”
“ ใจเย็นๆนะลูก คุณยายไม่ได้ถูกกระชากกระเป๋าจ้ะ แต่คุณยายพยายามช่วยน้าจากโจรที่กระชากกระเป๋า ”
“ หา! ยายช่วยคุณน้า? ” ผมหันหน้าไปมามองน้าผู้หญิงที่ส่งรอมยิ้มบางๆ สลับกับคุณยายที่ยิ้มกว้างและดูภูมิใจเมื่อคุณน้าเขาพูดจบ
“ จ้ะ ยายอัดมันด้วยกระเป๋าของยายเองเลยนะลูก ^^ คือ ยายเดินออกมาจากร้านไม่เห็นขิม ยายเลยเดินไปเรื่อยๆ ” ผมมองยายด้วยหน้าหงอย ผมผิดเองที่เดินออกมาใกล้จากร้าน ทำให้ยายเดินหาผมไม่เจอ “ ยายเห็นผู้ชายคนหนึ่งทำท่าทางลับๆล่อๆ ตรงเข้าไปที่คุณบัวคนนี้ แล้วก็เป็นอย่างที่ยายคิด.. เขากระชากกระเป๋าคุณบัว แล้วลูกดูสิ.. คุณบัวท้องโตขนาดนี้ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะเป็นยังไง ยายยืนอยู่เฉยๆไม่ได้หรอกนะ ยายเลยต้องช่วยไงลูก ขิมเข้าใจยายนะลูก ไม่ว่ายายนะ ยายอยากทำความดี นะครับ.. หือ ”
“ ยายยยยย แต่ยายก็ต้องห่วงตัวเองด้วยนะครับ ทำมะ.. ”
“ จุ๊ๆ อย่าหน้างอคนเก่งของยาย รู้มั๊ยโชคดีกว่านั้นมีคนเข้ามาช่วยยายกับน้าบัวนะลูก พี่เขาทั้งหล่อ ทั้งเท่ห์มากๆ เลย”
“ ยายอะ! ไม่สน ขิมห่วงยาย ” ผมอดขมวดคิ้ว และส่ายหน้าไปมาด้วยความไม่เข้าใจยายไม่ได้ ยายเลยรีบกอดผมแน่นก่อนผมจะกอดตอบ ยายเลยโยกตัวไปมาเพื่อหวังจะให้ผมเข้าใจและไม่ว่าอะไรยาย
“ บัวต้องขอบคุณคุณยายมากนะคะ ที่ช่วยบัว แต่จริงๆคุณยายต้องระวังตัวเองนะคะ เป็นพระคุณจริงๆค่ะ ขอบคุณจริงๆนะคะคุณยาย แล้วน้าก็ขอโทษด้วยนะลูกที่ทำให้ต้องเป็นห่วงคุณยายขนาดนี้ ”
น้าบัวยกมือไหว้ยายของผมไม่หยุด ก่อนจะเอื้อมมือมาจับกุมมือผมไว้ ทำให้ใจผมกระตุกไปเหมือนกัน ทำไมเมื่อกี้ผมต้องโกรธด้วยนะ ทั้งๆที่ก็รู้แล้วว่ายายอยากจะช่วยคนที่เดือดร้อน ผมพูดไม่ออก และยิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่ที่ไปรู้สึกแบบนั้น
“ ........ ”
“ ขิม... ” ยายกอดและกระตุกตัวผมอีกครั้ง เพื่อเรียกสติ
“ คุณน้าไม่ต้องขอโทษผมหรอกนะครับ ผมขอแค่ทุกคนปลอดภัย ผม.. ” ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ..
“ จ้ะ ขอบคุณจริงๆนะลูก ^ ^ ”
“ ^ - ^ ” รอยยิ้มของน้าบัวที่ไม่ต่างจากรอยยิ้มของยาย ทำให้ผมยิ้มตามออกไปด้วยความโล่งใจ ที่ไม่มีใครถือสาคำพูดความรู้สึกที่ไม่ถูกต้องของผมเมื่อครู่
“ คุณยายกับคุณน้าเป็นยังไงบ้างครับ? ”
“ อ้าว! มาแล้ว นี่ไงขิมพี่คนนี้เขาช่วยยายกับน้าบัวลูก ^^ ”
เสียงเรียกของคนเดินเข้ามาใหม่ ทำให้ยายผละตัวออกจากผม แล้วส่งยิ้มอย่างปลื้มใจไปให้คน ๆ นั้น ผมสูดหายใจเข้าลึกและบอกตัวเองในใจ ใจเย็น ตอนนี้ ยายปลอดภัย อื้ม..ผมคงต้องขอบคุณคนที่มาช่วยยายด้วย ผมคิดได้อย่างนั้นก็รีบหันไปเพื่อที่จะพูดขอบคุณ
“ ขอบคะ.. มะ.. ”
O.O
เสียงของผมที่ตอนแรกจะขอบคุณน้ำใจของคนๆนั้นขาดหายไป เปลี่ยนเป็นเกือบจะหลุดอุทานคำสรรพนามที่ใช้เรียกกันฉันเพื่อนพี่น้องออกไปคำโต แต่ได้สติขึ้นมาหน่อยเมื่อนึกได้ว่ามีผู้ใหญ่นั่งอยู่ด้วยถึงสองคน สรรพนามฉันเพื่อนพี่น้องคำนั้นเลยถูกกลืนหายลงคอไป
มึง!
สรรพนามที่ไม่ได้เรียกออกไป แต่ในใจเรียกดังมาก
เหี้ยแล้วววว > <
ภายในไม่ถึงวินาทีที่ได้เห็นคนตรงหน้า ผมก็รู้ทันทีเลยว่ามันไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือคนที่ผมไม่คิดจะอยากเจอ หรือไม่อยากเจอมากที่สุด ในเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ผมหนีมาจากคอนโดของมัน
ไอ้พี่กรด! ไอ้พี่กรดชัด ๆ เลยเนี่ย!
30%
.
.
ยอม ผมยอม..
ผมไม่ได้ตอบอะไรมันมากแค่บอกว่าจะกลับจริงๆ แต่นึกขึ้นมาได้ว่ามีของที่อยากได้ จะเดินดูอีกสักพักก่อนกลับ มันก็บอกว่าจะเดินด้วยเพราะคุยกับยายผมไว้เรียบร้อยว่าจะอยู่เป็นผมจนกว่าผมจะกลับแทนยาย ซึ่งผมไม่ได้ต้องการสักหน่อย หึยยย
นี่ผมยังสงสัยเรื่องลึกลับเมื่อกี้ไม่ได้ มันรู้ได้ยังไงว่าผมจอดรถไว้ไหน มันเลี้ยงกุมารไว้จริงๆใช่มั๊ยเนี่ย.. ปรื้อออออ ขนลุก
“ เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น ”
“ เปล่าๆ อยู่ดีๆก็หนาวขึ้นมา ” ผมบอกปัดๆ และยักไหล่หน่อยๆ ไม่อยากให้มันใส่ใจ
เห้ย OoO
ผมเจอแล้ว ผมเจอร้านโมบายแล้ว >< ผมไม่ได้ยินสิ่งที่มันพูดต่อ เพราะสนใจร้านโมบายอยู่อย่างเดียว
“ ตาวาวเชียว อยากได้หรอเด็กน้อย ”
>\\\\<
ผมหันไปมองมันหน้าเหวอ และพบว่ามันอยู่ด้านหลังผมพอดี จนผมรีบกระพริบตาปริบๆ และเลือนสายตาเสมองไปทางอื่น ผมได้ยินเสียงพูดและลมหายใจของมันอยู่ตรงตำแหน่งใกล้เคียงกับหูพอดี อีกอย่างมันพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนผู้ใหญ่กำลังเอ็นดูเด็ก ซึ่งผมไม่ใช่เด็กไง
“ นี่อย่ามาใกล้กูมากได้มั๊ย ละ.. แล้วอย่ามาพูดแบบนี้ด้วยนะ ทำอย่างกับกูเป็นเด็กน้อย -. – ” ผมพยายามพูดให้น้ำเสียงปกติ ทั้งยังควบคุมไม่ให้สั่น ยากชิบ..
“ กูพูดแบบนี้มันไม่ดีหรอ? ”
“ ไม่ใช่.. เอ้ย ใช่! ” ผมเคาะขมับด้านซ้ายของตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติ ผมเป็นไรไปวะ ทำไมผมสับสนในคำพูดของตัวเองไปมากขนาดนี้><
“ ไม่ชอบหรือไง ” ยัง.. ยังขยับเข้ามาใกล้อีก นี้ที่สารธารณนะเว้ย!
“ ทะ.. ทำไมกูต้องชอบ หรือไม่ชอบด้วย หลีกทาง กูจะไปซื้อของ! ” ผมผลักและดันอกมันให้ออกห่าง แล้วเดินหนีมันทันที แม้จะได้ยินเสียงหัวเราะพอใจตามหลัง ผมก็ไม่หันกลับไปมอง ไอ้บ้า ไม่อยากจะเสวนาด้วยแล้ว ><
ผมกำลังอยู่ที่ร้านขายโมบายร้านหนึ่ง กับตัวแถมที่ไม่อยากได้ นั่นก็คือไอ้พี่กรด ผมเดินอยู่ล็อคที่มีกาแลกซี่หรือดาวเรืองแสง เพราะอยากซื้อไปติดที่เพดานห้องตัวเอง ผมทำความสะอาดห้องใหม่เมื่อวันก่อน มีดาวเรืองแสงอันเก่าที่ติดมานานผมรู้สึกว่ามันเริ่มไม่สวย เลยอยากจะมาซื้ออันใหม่ไปติดแทน ตอนนี้ในตะกร้าของผมมีมากกว่านั้น ทั้งพวกเครื่องเขียน ของใช้เล็กๆน้อยๆ เพราะนานๆจะได้มาเดินร้านของถูกและดีขนาดนี้ก็ต้องเดินนานๆให้คุ้มหน่อย
“ อันนี้ดี ”
“ งั้นกูเอาอันนี้ คิๆ ”
“ หึ.. -.- ”
ความจริงไอ้พี่กรดมันก็ช่วยผมตัดสินใจเลือกซื้อของได้ง่ายขึ้นเหมือนกัน เพราะถ้ามันเลือกอะไร ผมจะเลือกสิ่งตรงข้ามมันทันที มันเลือกแต่สีดำ เทา ดีขึ้นมาหน่อยก็สีแดงไปเลย สีสันในชีวิตมันนี่น้อยจริงๆ ผมเร่สายตาไปมองก็อดขำไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ชี้สีแดง มันดูถูกใจที่ผมหยิบสีแดง แต่ถอนหายใจหน้างอเมื่อผมไม่เลือกสีที่มันชอบ สะใจจริงๆ ^=^
“ เลือกล็อคนี้สิบรอบได้แล้วมั๊ง มึงจะไปจ่ายได้หรือยัง? ”
“ ยัง เพราะจะเดินอีกสิบรอบ ถ้าอยากกลับก่อนก็ไม่ว่านะ.. ^ - ^ ” ผมพูดเสียงท้าทาย แล้วยิ้มอย่างมีชัยชนะ แต่..
“ หึ คิดว่าจะทำให้กูยอมปล่อยมึงหนีง่าย ๆ หรอ? ”
เพล้งเล้งงง! =. =
-. - จิ มันไม่ยอมผมเลย ให้ตายสิ! หน้าแตกสุดๆ
“ จิ! กลับไปนั่งนู้นเลยไป! >< ”
ผมเดินไปมาในล็อคเดิมซ้ำๆ หลายครั้ง เพราะอยากให้คนที่มาด้วยหงุดหงิดกับการรอผมบ้าง จะได้หนีกลับไปสักที แต่ปรากฏว่าผมก็ยังเห็นมันนั่งรออยู่ที่เดิม ที่เก้าอี้เล็ก ๆ ที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ มีบางครั้งมันเดินมาเดินดูของกับผม และกลับไปนั่งที่เดิมเพราะถูกผมไล่ และตอนนี้กลายเป็นว่าคนที่หงุดหงิดคือผม คือผมคนเดียวเลย ><
“ หนึ่งชั่วโมงครึ่งในร้านนั้น .. ”
ผมแอบหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงบ่นของไอ้พี่กรด แต่ก็ช่วยไม่ได้ ผมเลือกของนานจริงๆ เพราะร้านนั้นมีของที่ผมอยากได้อยู่ทั้งนั้น จ่ายไปแค่สี่ร้อยกว่าบาทเอง แต่ได้ของเพียบ ^ - ^
“ กูจะกลับแล้ว .. ”
“ รถอยู่ไหนล่ะ ”
“ ชั้น 3 ไง ถามทำไม มึงก็รู้หนิ! รู้ได้ไงก็ไม่รู้.. ” ผมบ่นเสียงเบาหน้าหงิกงอ และพึมพำออกมาต่ออย่างสงสัย พอได้เสียงหัวเราะของมันที่ดูพอใจ ผมก็หงุดหงิดขึ้นมาทวีคูณ
“ มึงก็กลับดิ จอดรถไว้ไหน ก็กลับไปดิ ” ผมเพยิกพยักหน้าเชิงขับไสไล่ส่งมัน แต่มันก็เฉยเมยเดินตามผมมาเรื่อย ๆอยู่ดี
“ กูก็จอดรถไว้ ชั้น 3 เหมือนกัน ”
O. o. ?
“ จะบ้าหรอ บิ๊กไบร์ทเอาขึ้นมาจอดข้างบนได้ที่ไหน? ” ผมเอียงตัวไปด้านข้าง แล้วเผลอมองคนเจ้าเล่ห์ด้วยหน้าเหลือเชื่อ
“ แล้วมึงคิดว่ากูเอาบิ๊กไบร์ทขึ้นมาจอดหรือไง? ซื่อบื้อเอ้ย ” มันไม่ว่าเปล่า แต่มันอมยิ้มก่อนเอื้อมมือมาแตะจมูกผม อะ.. อีกแล้ว
อีกแล้ว..
อีกแล้วโว้ยยยยยย ไม่ได้ตั้งตัวอีกแล้ว..
> ///////////// <
“ หึๆ ”
“ เออ ด่ากูโง่เถอะ! ” ผมเบ้ปากส่งให้มันที่หัวเราะผมอยู่ ก่อนหันหน้าหนีเพื่อปกปิดความอาย
ผมลืมนึกไปว่ามันมีรถเก่งสีดำคันสวยคันหนึ่งด้วยหนิหน่า ตอนนั้นที่ผมไปเตะล้อรถมันแล้วโดนมันดุ ยังจำได้ไม่ลืม วันนี้มันคงเอารถคันนั้นมาสินะ..
“ งั้นก็เดินไปดิ ”
“ โอ๊ะ! เออ! ..สัดเอ้ย ” ผมกระแทกเสียงใส่มันทันที แต่กัดฟันด่าสัดเบาๆ เจ็บนะโว้ย ดูมันทำดิ ไม่พูดเปล่ายังเอาต้นแขนบึก ๆ นั้นมากระแทกต้นแขนผมเชิงให้ออกเดินตามมันไปอีก
หนอยยย ต้นแขนก็ไม่ใช่เล็กๆนะ ต้นแขนมันกับผมขนาดต่างกันตามราคาขวดน้ำ มันขวด 13 บาท ส่วนผม ขวด 7 บาท ไอ้เหี้ย!
เมื่อเดินออกจากห้างมาอาคารจอดรถชั้น 3 ผมก็เดินแซงไอ้พี่กรดมาจนเป็นคนเดินนำหน้าแทน ผมเดินตรงดิ่งมาที่รถของตัวเองทันที แต่ไม่วายมีคนเดินตาม ทำไมไม่เดินกลับไปที่รถตัวเองซักที
“ นี่! ไม่ต้องเดินมาส่งกูก็ได้.. กูจะกลับจริงๆนะ จะกลับแล้ว ”
อะไรวะเนี่ย กลายเป็นผมต้องรายงานมันแทบทุกย่างก้าวของตัวเอง ให้ตายเถอะ TT
“ ไม่ได้เดินมาส่ง กูจะไปที่รถกู ”
ติ๊ดดดด
ผมตาโตค้างอ้าปากหวอครั้งที่สิบ เมื่อไอ้พี่กรดมันกดรีโมทรถยนต์ของมัน และเสียงปลดล็อคที่ดังขึ้นก็เป็นรถยนต์คันที่จอดข้าง ๆ รถของผม พอหันกลับมามองหน้ามัน มันก็กระตุกยิ้มและยักคิ้วให้หนึ่งที่ให้อย่างพอใจ ><
อาย ><
อายนะโว้ยยยยยยยยยย
“ เอาของกูมาดิ ! ” ผมเอื้อมมือไปเพื่อให้คนอาสาถือของช่วยส่งกลับคืนมา ก่อนจะเปิดประตูรถด้านหลัง เอาของเข้าไปวางไว้ที่เบาะ พอจัดวางเสร็จผมก็ปิดประตูรถและเงยหน้าขึ้น ก็เจอมันยืนมองผมอยู่ที่เดิม
“ มึงกลับได้แล้วม้างงงง ” ผมอดทำเสียงกระแหนะกระแหนคนที่ยังยืนอมยิ้มอยู่ไม่ได้
“ ยัง ”
“ อะไรอีก? ”
“ เราจะเจอกันอีกมั๊ย? ”
พอเหอะๆ รู้อยู่แล้วว่ากูกำลังหนี และหลีกเลี่ยงจากการเจอมึงอยู่เนี่ย ยังจะมาถามได้นะ ไอ้พี่กรด ><
“ ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเจอ ” ผมตอบไม่สบตา
“ เดี๋ยวมึงก็รู้.. ”
“ รู้อะไร O.O ” พอได้ยินมันพูดพร้อมกับกระตุกยิ้มแบบนี้ ผมก็ขนลุกขึ้นมาที่หัวแทบจะทันที ไม่รู้หรอกว่ามันจะพูดทำไม แต่ลางสังหรณ์ของผมก็เหมือนจะหนีไปไหนไม่พ้นจากมัน...
“ มึงลืมอะไรไปนะขิม ”
“ ลืม.. ลืมอะไร? ” ผมชี้มาที่ตัวเอง และเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ มึงลืมคืนเสื้อผ้ากูนะ วันที่มึงหนี.. ”
“ ว.. วันนั้นกูเปล่าหนีนะ! แล้วอีกอย่าง ..เสื้อผ้า? อะไรกัน มันตั้งนานแล้วจะเอาคืนอยู่หรือไง ” ผมรนรานในตอนแรก และทำหน้ายู่ถามมัน
“ ไม่หนีก็ไม่หนี หึๆ แต่เรื่องเสื้อผ้า กูอยากได้คืน ”
“ กะ.. กูทิ้งไปแล้ว ” ผมตอบเสียงเบา แล้วก้มเงยมองหน้ามันเป็นระยะๆ
“ ....... ” มันกลับมาทำหน้านิ่งอีกครั้ง แต่แววตาที่ไม่แน่นิ่ง จนผมดูไม่ออกว่าที่มันนิ่งๆไปเพราะโกรธหรือคิดอะไรอยู่กันแน่
เออ ..
กลายเป็นว่ามันเงียบไปนานเลยอะ หรือมันกำลังไม่พอใจผมจริง ๆ ที่บอกว่าผมทิ้งเสื้อผ้ามันไปแล้ว แต่ความจริงผมยังไม่ได้ทิ้งตามที่พูดหรอก มันก็อยู่ในตู้เสื้อผ้าของผมนั่นแหละ
หรือผมต้องคืนมันนะ แต่ผมไม่อยากเจอมันอีกบ่อยๆอะ..
“ มึง.. เงียบทำไมอะ? ” ผมอดไม่ได้ที่จะทำลายความแน่นิ่งด้วยการถาม และสะกิดมันเบาๆ
“ เปล่า กูแค่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ”
ควรเป็นผมมั๊ย ที่รู้สึกแบบนั้น..
“ มึงไม่พอใจหรอ เออ.. ที่กูบอกว่าทิ้งเสื้อมึง ” จะบอกเลย ว่าผมทำตัวไม่ถูก คือไม่ชอบเวลาที่คนอื่นเงียบใส่นานๆ อ่ะ จนต้องเป็นคนเริ่มคุยก่อน
“ ไม่หรอก กูกำลังคิดว่าวิธีเรียกค่าชดเชยจากมึงอยู่.. หึๆ ”
เอ้าาา
ผมผงะเมื่อเห็นมันพูดหน้านิ่งในตอนแรก และเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาในตอนหลังเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก
มันมีแผนหรอเนี่ย!
“ ถ้าไม่โกรธก็ดี กูไปนะ.. ”
“ เดี๋ยวสิ ” เสียงห้ามเรียบๆ เล่นเอาผมเสียวหลังวาบ ไม่น่าเลย ไม่น่าถามมันเลย “ แล้วถ้ากูโกรธละ ถึงมึงจะบอกว่าจะทิ้ง แต่นั้นก็เสื้อผ้าใหม่ที่กูยังไม่ใส่ มียี่ห้อ และมีราคาพอสมควร ”
“ กะ..ก็ช่างมึงสิ โกรธก็โกรธ.. ”
“ .......... ” เอ้า! เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งครับท่านผู้ชมมม ><
“ นี่! มึงไม่ต้องมาโกรธมางอนกูหรอกนะ กูยังไม่ทิ้ง เดี๋ยวกูส่งมาคืนมึงแล้วกัน เอาที่อยู่มาดิ ” ผมรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมา เตรียมเข้าหน้าโน้ตยื่นให้มันพิมพ์ แต่ต้องชักมือกลับด้วยคำพูดต่อมาของมัน
“ กำลังง้อกูหรอ กลัวกูโกรธรึไง ^ - ^ ”
“ มะ.. ไม่ใช่โว้ย ” ผมบอกเสียงรนราน เมื่ออยู่ดีๆคนเข้าข้างตัวเองยิ้มออกมาแบบนั้น >< ไม่ใช่สักหน่อย แต่ที่จะคืนให้เพราะคิดว่ามันอยากได้คืนจริง ๆ ก็เท่านั้น หรือผมต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่คืนมันนะ.. ?
“ ให้กูซื้อคืนก็ได้ กลับเข้าไปเลือกเดี๋ยวนี้เลย ป่ะ! ” ผมพยักหน้าจากการตัดสินใจของตัวเอง แต่มันส่ายหน้าปฏิเสธผม ก่อนจะกระตุกยิ้มมากับท่าทีของผม
แหมมมม ถ้าผู้หญิงเห็นรอยยิ้มกระตุกใจของมัน ก็คงตกหลุมพรางเสน่ห์เหลือล้นนั้นอะ นะ ตะ.. แต่ผมไม่ใช่.. ผมเลยมองมันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ยิ้มอะไร?
“ หึๆ น่า..อีกแล้วนะ ”
“ หะ.. ” ไม่ได้ยิน พูดงึมงำอีกล่ะ!
“ หึๆ เอาเป็นว่าไม่ต้องซื้อใหม่ แค่เอามาคืนกู ”
ผมลังเล และยังมองหน้ามันนิ่งๆ พยายามใช่สติและคิดดีๆ ถ้าตอนนี้รับปากไปก่อน พอหนีกลับได้ก็ไม่ติดต่อไปโผล่ไปให้มันเห็นจะดีมั๊ยนะ แต่ซวยแน่ๆ ถ้าผมทำแบบนั้น เพราะถ้าหนีไม่พ้นมันมาเจอผมอีกแบบวันนี้ อาจต้องโดนมันเอาคืนแน่ๆ
“ อะๆ ก็ได้ เอาที่อยู่มึงมาดิ เดี๋ยวส่งไปคืน ”
“ มึงก็มาคืนด้วยตัวเองดิ ที่อยู่กูมึงก็รู้หนิ เคยมานะ.. ”
“ เออๆ ไม่ต้องพูดมากได้มั๊ย! แต่กูไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น ” ผมเผลอนิ่งค้างมองมันตาโต ก่อนรีบแทรกขึ้นทันทีก่อนที่มันจะพูด และเรียกร้องอะไรไปมากกว่านี้
“ แค่นี้กลัว? ขี้ขลาดว่ะ.. ”
“ จิ! เออ! กูจะเอาไปคืนให้ โอเคหรือยัง! ” -///-
“ หึๆ โอเค ก็ต้องเห็นมึงอยู่หน้าห้องกูนะ ห้ามฝากรปภ. ห้ามฝากไว้เคาน์เตอร์ ”
จิ! เชี่ยล่ะ ไหนว่าจะใช่สติไง
จะทำไงได้ทีนี่ มันเล่นพูดดักทางผมไว้หมด ผมไม่น่าไปรับปากเลย ให้ตายเถอะ ๆ เพราะกลัวคนว่าให้ว่าตัวเองเป็นคนขี้ขลาดแท้ ๆ เลย ไอ้เหี้ยขิม! >=<
“ เออๆ ไว้กูเอาไปให้แล้วกัน .. กลับละ > + < ” ผมพูดแล้วรีบเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ ก่อนเข้าไปนั่งเตรียมสตาร์ตรถทันที
ก๊อกๆๆๆ
ผมมองออกไปนอกกระจก เห็นแค่ส่วนอกถึงท้องและมือถึงต้นแขนของคนที่กำลังเคาะกระจก ผมหลับตาปรี๋ หายใจเข้าลึกๆ และถอนหายใจออกมาพู่ใหญ่ ก่อนลืมตาขึ้น ผมตัดสินใจค่อยๆ เลือนกระจกลงครึ่งหนึ่ง ไม่นานหน้าหล่อๆของมันก็ก้มหน้าลงมาหา เป็นอีกครั้งที่หน้าเราใกล้กันมากๆ -//////- มันมองหน้าผมก่อนจะกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา จนผมอดเลิกคิ้วสงสัยไม่ได้ ....อะไรอีกนะ
“ กวนตีนหรือไง? มีอะไรก็พูดมาดิ ”
“ เปิดดูที่โทรศัพท์มึงด้วย เฟสบุ๊ค.. ”
- _ - ?
“ แล้วก็.. ” มันพูดพร้อมกับก้มหน้ากดโทรศัพท์ของตัวเอง
“ ......... ”
- o –
“ อะไร ? ” ผมทำหน้าสงสัยมากมาย แต่ไอ้พี่กรดมันก็ไม่ยอมพูด หรือบอกอะไร ทำเพียงแค่ส่งสายตาเลือนไปที่กระเป๋าให้ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเอง ผมพยักหน้าส่งๆอย่างรำคาญแล้วรีบเอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า เฮ้อ!
ตื้อดึง
Krod Kirin ส่งคำขอเป็นเพื่อนคุณ
ยืนยัน ลบคำขอ
O. o ดะ.. เดี๋ยว
“ รับแอดเฟสบุ๊คกูด้วย ”
“ หะ... ” ผมเห็นนะเมื่อกี้ผมก็อ่าน แจ้งเตือนจากเฟสบุ๊คที่มีคนแอดมา แต่อึ้งอยู่จนไอ้พี่กรดมันพูดขึ้นมานี่แหละ ‘รับแอด’ Krod Kirin หมายถึง กรด? มันหรอเนี่ย! ! ><
“ กดยืนยันนะ ”
O.O
“ มะ.. มึงแอดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ” ผมรวบรวมสติได้ และรู้ว่าคนที่แอดมาไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากคนตรงหน้านี่แหละ
“ 15 วินาทีที่แล้ว ” ไม่ได้ต้องการคำตอบ ไอ้บ้า!
“ กะ.. กูไม่รับ ”
“ ว่าไงนะ ? ”
“ มะ.. ไม่รับ ”
“ หึๆ ”
ผมรีบกดเลือนกระจกขึ้น แล้วขับรถหนีออกมาจากตรงนั้นทันที เป้าหมายของผมก็คือบ้าน ผมต้องกลับบ้านก่อนตอนนี้ ผมนึกถึงเมื่อกี้ที่ผมขับรถออกมา >< รู้แค่ว่าไอ้พี่กรดมันยอมก้าวถอยหลัง ขยับเปิดทางให้รถผมขับออกมาทันที และสิ่งสุดท้ายที่ผมเห็น.. ผมเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นด้วย
อ๊ากกกก ผมไม่รับ รับไม่ได้ โชคดีที่เฟสบุ๊คผมไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะ การที่จะรับรู้หรือเห็นโพสต์สเตตัสของผมต้องเป็นเพื่อนกันหรือติดตามเท่านั้น
-150%- จบตอนสิบ
#จับรัก #กรดขิม
TBC.
เขินกันยัง นี่เขินมาก
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์นะคะ และขอบคุณที่ติดตามค่ะ
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ❤︎
ʢᵕᴗᵕʡ
...ช่องทางติดต่อ...
มาคุยกันได้ที่ทวิตเตอร์ของพิมเอง
TWITTER :: @pipimsehun (https://twitter.com/pipimsehun)