พิมพ์หน้านี้ - เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 2/2 (จบแล้ว)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: llมว_น้oe ที่ 25-04-2017 16:54:52

หัวข้อ: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 2/2 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 25-04-2017 16:54:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






คำเตือน

คุณอาจจะมองนิทานแบบเดิมๆของคุณต่างออกไป โปรดทำใจยอมรับก่อนอ่าน เราเตือนคุณแล้ว


เรื่องแรกเราจะลงเรื่องหนูน้อยหมวกแดงนะคะ แล้วต่อไปจะเป็นเรื่องอะไรจะแจ้งอีกที แต่จะมี2ตอนจบ 3ตอนจบ ไม่ยืดเรื่องค่ะ :katai3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน หมาป่ากับนายพราน...จากนิทานหนูน้อยหมวกแดง P.1
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 25-04-2017 17:21:38
หมาป่ากับนายพราน....จากนิทานหนูน้อยหมวกแดง 1/2






               เช้าวันที่สดใส หมู่นกร้องส่งเสียงที่ไพเราะยิ่งทำให้ป่าแห่งนี้ดูงดงามยิ่งขึ้น แต่เมื่อขึ้นชื่ว่าป่า ย่ยอมต้องมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่มากมาย แน่นอน หนึ่งในนั้นยอมไม่พ้น หมาป่า ที่ได้ชื่อว่าเจ้าเลห์และดุร้าย หึหึ!! หากคุณเคยได้ฟังเรื่องนี้มา คุณคงจะบอกว่าผมเลวร้ายแน่นอน เพราะงั้น มาฟังเรื่องนี้ ในมุมมองของ



      ตัวผมที่เป็นหมาป่าก็ออกเดินเล่นไปตามทางเดินในป่า โดยกวาดสายตามองโน้นมองนี้ไปเรื่อยๆอย่างเบื่อหน่าย


“เบื่อชะมัด ไม่มีอะไรตื่นเต้นๆเลยรึไงกันนะ ชิส์” ผมเดินเตะก้อนหินเล็กไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ บางครั้งการอยู่ในป่ามันก็ไม่มีอะไรเลย นอกจาก ล่า ล่า แล้วก็ล่า แต่ตอนนี้ผมไม่อยากล่านะสิครับ


“นี่นะเจ้านกน้อย ดูนี่สิ เสื้อคลุมตัวนี้มีหมวกด้วยนะ แถมมันยังเป็นสีแดงที่หนูชอบด้วย คุณแม่บอกว่าคุณยายตั้งใจทำมันให้หนูเองเลยนะ”  เสียงใคร?


ผมตัดสินใจเดินไปตามเสียงหวานนั้น แล้วก็พบกับใบหน้าหวานที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใสเมื่อได้ของที่ต้องใจ ผมหยุดฝีเท้ายืนมองร่างเล็กของเด็กน้อยคนนั้นที่มัวแต่สนใจกับการคุยกับบรรดาเหล่านกน้อยใหญ่พวกนั่นอยู่ อ๊าาาาา......อยากได้จัง


“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนกันนะ รอหนูก่อน” เสียงเล็กเรียกเมื่อพวกสัตว์ปีกตัวเล็กๆบินหนี จะไม่หนีได้ไง ก็ผมยืนอยู่ตรงนี้ ใบหน้างดงามนั้นง้ำงอเมื่อเรียกเท่าไหร่เจ้านกพวกนั้นก็ไม่ยอมกลับมา ร่างเล็กๆลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปข้างหน้าโดยมีผมที่เดินตามห่างๆ ผมเดินตามจนเห็นเด็กคนนั้นเข้าไปในสิ่งที่มนุษย์เรียกมันว่าบ้าน เท่านี้ก็รู้แล้วว่าอาศัยอยู่ที่ไหน ผมต้องการรู้แค่นี้หึๆ


ผมเฝ้าคอยเดินตามทุกๆวัน จนจากวันเป็นอาทิตย์ จากอาทิตย์เป็นเดือน ยังไงๆผมก็ต้องเอเขามาเป็นของผมให้ได้


ร่างเล็กๆเดินออกมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนนึงซึ่งเด็กคนนั้นเรียกเธอว่าแม่


“ลูกต้องเอาอาหารนี่ไปเยี่ยมคุณยาย จำไว้นะ อย่าเถลไถล อย่าพูดคุยกับคนแปลกหน้า และรีบกลับด้วยละ เข้าใจใช่ไหมลูก” เธอดึงหมวกสีแดงที่หนูน้อยสวมใส่ลงมาปิดเพื่อบดบังแสงอาทิตย์ให้ลูกของเธอมากขึ้น หนูน้อยยิ้มแฉ่งอย่าเอาใจ


“ค่ะแม่ หนูเข้าใจแล้วค่ะ” อ่า........ในที่สุดวันของผมก็มาถึงแล้ว


ผมทิ้งระยะห่างของผมและเด็กน้อยลงให้มากขึ้น เพราะแม่ของเขามองอยู่จนร่าง้ล็กลับตาไปเธอจึฃเดินกลับเข้าบ้านไป ผมจึงได้เดินตามร่างเล็กและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น หอม หอมจริงๆ อา.....น่ากินอะไรอย่างนี้ ยิ่งผมเข้าใกล้กลิ่นหอมๆจากร่างเล็กยิ่งทำให้ผมอยากจะกระโจนใส่


“อะ เอ่อ” อ้าว นี่ผมเผลอพาตัวเองมาหยุดตรงหน้าเธอหรือนี่ แต่ช่างเถอะ


“สวัสดีหนูน้อย จะไปไหนหรือ?” ผมถามพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ อ่าา ผมต้องเก็บอาการ จะให้เธอรู้ไม่ได้


“สวัสดีค่ะคุณหมาป่า หนูเอ่อ กำลังจะไปเยี่ยมคุณยายค่ะ” เธอตอบกลับมาแต่สีหน้าฉายแววหวาดหวั่น โถ......แม่หนูน้อยของผม


“หืมม แล้วอะไรอยู่ในนั้นรึ” ผมชี้นิ้วไปที่ตะกร้าที่เธอถือมันอยู่


“มีแซนด์วิชกับไวน์ค่ะ” เด็กน้อยฉีกยิ้มกว้างอย่างลืมตัว ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้นะ


“แล้วหนูไม่มีดอกไม้สวยๆไปด้วยหรือ”ผมทำท่าทีว่ามองหาดอกไม้จากเธอ


“อะ จริงด้วยค่ะ หนูลืมไปเลย ทำไงดีคะคุณหมาป่า”


“มาสิ เดี๋ยวฉันจะพาไปเก็บดอกไม้สวยๆหอมๆ” ผมว่าพร้อมจับมือเล็กแล้วพาเดินไปทางทุ่งดอกไม้ นุ่มจังงง


“ว้าวว ดอกไม้สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ สวยมากๆเลย” ตาผมพร่าไปหมดแล้ว รอยยิ้มกว้างของหนู อูยยย ผมจะเก็บไม่อยู่แล้ว ผมต้องไปรอที่บ้านคุณยายของเธอ ต้องรีบไป


“แล้วบ้านคุณยายอยู่ที่ไหนล่ะ?”


“อยู่ที่ชายป่าด้านโน้นค่ะ คุณยายอยู่คนเดียว”


“ถ้าอย่างนั้น หนูเก็บดอกไม้เถอะนะ เดี๋ยวฉันจะไปธุระก่อน” ผมยกนิ้วไล่วนเบาๆที่แก้มใส่


“ขอบคุณนะคะคุณหมาป่าใจดี” ผมกัดปากแล้วเดินจากเธอมา ขืนอยู่นานกว่านี้ ผมคงจับเขากินตรงนั่นเป็นแน่
ผมเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่ผมรู้ดีว่ามันจะนำผมไปถึง ‘บ้านคุณยาย’ ของหนูน้อยที่ผิดหมายมั่นปั้นมือว่าจะกินให้ได้อย่างรวดเร็วขึ้นกว่าทางปกติ ก็ผมเป็นหมาป่านี่ครับ ผมย่อมต้องรู้เส้นทางดีเป็นธรรมดา และแล้วผมก็มายืนที่หน้าบ้านของยายแก่จนได้ รอก่อนเถอะหนูน้อยหมวกแดง


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ใครจ๊ะ?” เสียงแหบแห้งของคนสูงวัยเอ่ยถามเมื่อผมเคาะประตู


“หนูเองค่ะคุณยาย หลานสาวของยายไงคะ” ผมดัดเสียงให้เล็กลง มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมที่มีเสียงที่เล็กกว่าหมาป่าตัวอื่นๆอยู่แล้ว เสียงกลอนประตูที่กำลังจะถูกปลดออกทำให้ผมต้องขยับตัวหลบ เมื่อประตูเปิดออกผมจึงพุ่งเข้าไปหาคุณยายทันที


“แก เจ้าหมาป่า ออกไปเดี๋ยวนี้ ช่วยดะ..” ผมยกมือขึ้นปิดปากของคุณยาย แล้วลากร่างที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลามาหยุดอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า ผมเปิดออกแล้วหาผ้ามาสามผืนเพื่อมัดเท้า มัดมือ และมัดปากเอาไว้ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ผมจึงจับร่างนั้นยัดไว้ในตู้เสื้อผ้าซะจะได้ไม่มาขัดขวางเวลาผมจับหนูน้อยหมวกแดงกิน ผมเลือกเสื้อผ้าบางตัวของยายแก่มาใส่แล้วขึ้นไปนอนรอเวลาที่หนูน้อยหมวกจะมา


“อีกไม่นาน อาาาาา.....แทบจะรอไม่ไหวแล้ว”



คุณหมาป่าของเราน่ารักน่าหยิกใช่ไหมล่ะคะ อย่าลืมให้กำลังใจกันบ้างนะคะ ถูกใจไม่ถูกใจก็บอกกันเนอะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-04-2017 19:05:53
คุณหมาป่าจะได้กินหนูน้อยหมวกแดงไหม..รอ 
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอนหมาป่ากับนายพราน
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 26-04-2017 13:59:32
เรื่องสั้น หมาป่ากับนายพราน...จากนิทานหนูน้อยหมวกแดง 2/2 จบ





             





                       “อีกไม่นาน อา.....แทบจะรอไม่ไหวแล้ว”



ผมรออยู่สักพักหนึ่ง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น



“เข้ามาสิจ๊ะหลาน” หนูน้อยหมวกแดงเดินขมวดคิ้วเข้ามาหาร่างของผมช้าๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆเตียง



“คุณยายรู้ได้ยังไงคะว่าเป็นหนู” ผมชะงัก อา นั่นสิ ดันลืมตัวไปซะได้



“โอ้ย วันๆไม่มีใครมาหายายหรอก นอกจากหนู” คำตอบของผมทำให้เจ้าตัวยิ้มขึ้นมาได้ โอ๊ยยยย น่ารักน่ากินจริงๆเลย



“เอ่อ วันนี้คุณยายดูแปลกไปจังเลยนะคะ” ผมลอบยิ้มเจ้าเลห์



“แปลกยังไงหรือ”



“ไม่รู้สิคะ เอ...ทำไมหูของยายใหญ่จังเลยคะ”



“จะได้เอาไว้ฟังเสียงของหลานชัดๆไงล่ะ”



“แล้วทำไมตาของยายโตจังเลยคะ”



“ยายจะได้มองเห็นหลานชัดๆไงละหนู”



“จมูกของคุณยายก็เอ่อ ใหญ่กว่าหนูมากเลยค่ะ”



“อา.....ยายจะได้ดมกลิ่นหอมๆจากตัวหนูได้ชัดๆไง” ผมแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของผมอย่างยั่วเย้า



“แล้ว แล้วทำไม ลิ้นของคุณ คุณยายถึงยาวแบบนั้นคะ”



“อา......ฉันจะได้เลียเธอได้ทั้งตัวไงละหนูน้อย” ผมพูดจบก็จับร่างเล็กๆขึ้นมาบนเตียงที่มีตัวของผมทาบทับเอาไว้



“อย่า อย่ากินหนูเลยนะคะ ฮือๆ” ผมก้มลงเลียคราบน้ำตาบนในหน้างามช้าๆ หวานอะไรอย่างนี้



“จะเริ่มกินจากตรงไหนก่อนดีนะ” ผมกางเล็บออกมากรีดลงบนเนื้อผ้าตัวสวยของหนูน้อยจนสาบเสื้อแยกออกจากกัน เผยให้เห็นผิวสีขาวนวลล่อตาล่อใจผม



“ฮึมม!!!” ผมคำรามพร้อมก้มหน้าลมละเลงลิ้นร้อนลนตัวสาวน้อยใต้ร่างอย่างหื่นกระหาย ทำให้ร่างเล็กที่ไม่เข้าใจการกระทำของผมดิ้นรนเอาชีวิตรอดพร้อมกรีดร้อง



“ม่ายยยยย อย่ากินหนูนะ ช่วยด้วยยยยยย ใครก็ได้ ช่วยด้วยยยยยย” ผมกำลังมีความสุขโดยไม่สนการดิ้นรนของคนใต้ร่างแม้แต่น้อย เนื้อตัวหวานๆตรงหน้าทำให้ผมมัวเมาจนลืมทุกสิ่ง อา ดีเหลือเกิน


ปัง!!!



เสียงประตูหน้าเปิดออกอย่างแรงจากน้ำมือของชายร่างสูงกำยำที่มีใบหน้าหล่อเหลา จะสูงไปไหนนะ ให้ตาย พอเทียบกันแล้วผมตัวเตี้ยไปเลย



“เห~ ไม่คิดว่าจะมาเจอของหายากอย่างนี้นะเนี่ย”



“กรรรจ์” ผมปล่อยเสียงคำรามใส่หน้าขณะที่จับร่างเล็กเอาไว้ในวงแขนของผม นี่ของๆผม ไม่ยอมให้แย่งไปหรอก



“อย่าขู่เลยน่า หมาน้อย”



“ฉันไม่ใช่หมาน้อย ฉันเป็นหมาป่า นี่เหยื่อของฉัน ออกไปซะ!!” ผมตะโกนใส่คนตรงหน้า แต่เขากลับไม่สะทกสะท้าน เสียงของกลับมีผลกับร่างเล็กๆในอ้อมแขนแทน



“ปล่อยเด็กไปดีกว่า มาอย่างนั้นจะหาว่าฉันโหดร้ายไม่ได้นะ” ร่างสูงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ดวงตากลับดุดันจนทำให้ขนลุกเกรียวและนั่นทำให้แขนของผมคลายออกอย่างเผลอตัว



“อ๊ะ.......เฮ้ย ปล่อยนะ” เมื่อแขนผมคลายออกหนูน้อยหมวกแดงก็วิ่งออกจากร่างของผม พร้อมกับร่างของชายตรงหน้าที่พุ่งเข้ามากดร่างของผมลงบนเตียงใหญ่



“นายพราน นายพรานจ๋า คุณยายของหนู ฮืออๆ ยายของหนูถูกกินไปแล้ว แง๊~” อ้าวหนูน้อย ทำไมพูดแบบน๊านนนนนน!!!



“อ้าว กินเข้าไปแล้วหรือนี่ คงต้องผ่าออกมาสินะ”



“หยุดนะ ไอบ้า ปล่อยนะเว้ย” ผมดิ้นรนร้องโวยวายเมื่อเห็นร่างสูงหยิบกรรไกรที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมา



“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็เสร็จ” มือหนายกขึ้นมาปิดปากขอผมเอาไว้ไม่ให้ผมร้อง ผมจึงได้แต่สางเสียง อื้ออึง



“อื้ออออ อ่า อ่อยนะ อังไอ่ไอ้อินน อ่อยยยย” ผมสะบัดหน้าบอกอย่างหมดทางหนี แต่เขาไม่ฟังสักนิด



ฉึบ ฉึบ ฉึบ



ทำไม ทำไมพอเสื้อของผมเปิดออกจากตัว ผู้ชายคนนี้ต้องทำสายตาพราวระยับด้วย ทำเหมือน ทำเหมือนที่ผมมองร่างกายของเด็กน้อยคนนั้น ผมหันหน้าไปมองหนูน้อยหมวกแดง แต่เธอกลับเอาแต่ร้องไห้



“อา.......ดูท่าเธอจะยังไม่ได้กินคุณยายของหนูน้อยหมวกแดงสินะ” มือใหญ่ปล่อยมือจากปากผมแต่ยังไม่ยอมลถกออกจากตัวผม แถมยังกวาดสายตาไปทั่วร่างของผม



“เอาล่ะ บอกมาสิว่า คุณยายอยู่ที่ไหน” ใบหน้าคมก้มลงมาพูดชิดริมฝีปากของผม ผมจึงสะบัดหน้าหนี



“อยู่ในตู้เสื้อผ้า ทีนี้ก็ปล่อยซะที!!!!”



“หนูน้อยหมวกแดง หยิบเชือกที่หน้าบ้านส่งให้ฉันหน่อยได้ไหม”



“ฮือๆๆๆ ได้ ได้ค่ะ” ร่างเล็กๆวิ่งออกไปนอกบ้านก่อนกลับเข้ามาพร้อมเชือกในมือ



“เอาละเรียบร้อย” ใบหน้าคมยกยิ้มมุมปากก้มลงมองผลงานตรงหน้า ครับคุณเดาไม่ผิด เขามัดผมเอาไว้ ทั้งมือ และเท้า



“เอาล่ะ เราไปช่วยคุณยายของหนูกันดีกว่า” เฮ้ย มือๆ อย่ามาจับมือของเธอนะ นั่นของผม ร่างสูงเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า เปิดออกและปล่อยคุณยายของสาวน้อยออกมา ทั้งคู่โผเข้ากอดกันใบหน้าเปื้อนน้ำตาของหนูน้อยหมวกแดงซบอยู่กับอกของผู้เป็นยาย



“เสร็จเรื่องแล้วก็ปล่อยฉันสักที!!”ผมโวยวายเมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมแก้มัดผมสักที
ร่างสูงเดินมานั่งลงตรงหน้าผม แต่เขากลับไม่ได้แก้มัดผมอย่างที่ผมคิด เขายกผมขึ้นบ่าราวกับผมไม่มีน้ำหนัก



“ถ้ายังไงผมกลับก่อนดีกว่า คุณยายพักผ่อนมากๆนะครับ รักษาสุขภาพด้วย ไปนะหนูน้อยหมวกแดง”



“ขอบใจมากนะพ่อหนุ่ม”



“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวยกมือโบกไปมาเพื่อร่ำลา



“ปล่อยฉันนะเว้ย ปล่อยเดี๋ยวนี้!!” เสียงผมโวยวายไปตลอดทางเมื่อร่างสูงเริ่มสาวเท้าออกจากเขตบ้านหลังนั้น



“ปล่อยเดี๋ยวนี้!!!!!” ผมดิ้นรนเตะเท้าเข้าลำตัวของเขาหลายครั้งแต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรสักนิด



เพี๊ยะ



“อยู่นิ่งๆ ถ้าไม่นิ่งจะตีก้นอีกรอบ  หรือหลายๆรอบก็ได้นะถ้านายชอบ หึหึ” ร่างของผมหยุดกึก ราวกับเสียงเขาเป็นระบบสั่งการอัตโนมัต ผมไม่รู้เลยว่าเขาจะพาผมไปที่ไหน เป็นครั้งแรกจาก16ปีที่ผมโตมา ที่ตัวผมรับรู้คำว่า *‘กลัว’*
 



         ร่างของผมถูกพาเดินลัดเข้าแนวป่าลึก และลึกขึ้นเรื่อยๆ โดยปกติป่าจะมีเสียงของเหล่าสัตว์น้อยสัตว์ใหญ่ แต่ตั้งแต่ที่พ้นแนวป่าบ้านของคุณยายมา ผมกลับไม่ได้ยินเสียงสัตว์ใดๆเลย และนั่นยิ่งทำให้ผมกลัว เขาพาร่างของผมตรงเขเบ้านหลังงามที่ริมแม่น้ำ แม้มันจะดูงดงามแต่เวลานี้ผมกลับไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมมันนักหรอก



“ปล่อย ปล่อยนะ พามาทำไม ปล่อยฉัน!!!”
เขาไม่ตอบแต่กลับพาผมตรงเข้าไปยังห้องใหญ่ที่มีเตียงใหญ่สีดำอยู่ตรงกลางห้อง พร้อมโยนผมลงไปทีนที



“จะทำอะไร” ผมขยับตัวหนี แต่ก็ไม่ได้มากเพราะมือและเท้าที่ถูกมัดอยู่ ร่างหนาเอาแต่ปลดชุดที่ตนสวมใส่ นั่นยิ่งทำให้ผมหวาดกลัว



“อย่าทำอะไรบ้าๆนะ” เขาค่อยก้าวเข้าหาผมช้าๆ เมื่อผมขยับห่างมากเข้าเขาก็ดึงข้อเท้าของผมให้เข้ามาหาตัวแล้วทาบทับเอาไว้




“อย่าดิ้นสิ อย่างไรเสียนายก็เป็นของฉันอยู่ดี ที่นี่ ไม่มีใครช่วยนายได้หรอก หึหึ” เขายกยิ้มแล้วเลียรอบๆริมปากของผม ผมขยะแขยงแล้วสะบัดหน้าหนีไปมา




“อื้ออออ หยุดนะ อ๊ะ อย่า” มือหนาเริ่มปลดสาบเสื้อที่ถูกตัดขาดของผมออก พร้อมดึงกางเกงสีดำของผมทิ้งแต่เขาคงลืมไปว่าเขามัดผมอยู่




“โอ้ว ลืมไปเลย แต่นายคงไม่ต้องใช้มันอีกแล้วละนะ” ผมมองหน้าเขาด้วยความงงงวย



แคว๊กกกกกก!!!




“ไม่ม่ม่ หยุดนะ อย่า” ผมดิ้นรนอีกครั้งเมื่อเขากระชากเสื่อผ้าของผมออกจนหมด ลิ้นสากของเขาก้มลงมาลิ้มชมรสยอดอกของผม เขาทั้งดูดึง มือข้างหนึ่งของเขาก็จัดการบีบยอดอกอีกข้างนึงของผม



“อา.......หวานจริงๆ” เขาพูดทั้งๆที่ยังไม่ยอมปล่อยยอดอกของผมออกด้วยซ้ำ ผมเด้งตะวหนีมือและปากของเขาอย่างหวาดหวั่น แต่เขาก็ตามมันมาทุกครั้ง



“ฮืออออ ปล่อยนะ ปล่อยยย” มือหนาไล่ลงเรื่อยๆจนหยุดอยู่ที่แก่นกายร้อนของผมที่ยังไม่แข็งตัว เขาจับมันเอาไว้ขยับมือขึ้นลงช้าๆอย่างเอาใจ จนเมื่อเห็นว่ามันเริ่มแข็งขึ้นจึงละริมฝีปากก้มลงไปมอง



“นายสวยมากนะ ฉันละอยากกินนายไปทั้งตัวเลยละ” ลิ้นร้อนๆแตะลงบนส่วนหัวของตัวตนของผม ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก เขามองหน้าผมแวบเดียวแลเวก้มลงครอบครองส่วนนั้นด้วยริมฝีปาก



“อ๊า มะ อ๊ะ หยุดนะ อื้อออ” ผมบิดร่างกายไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ ยิ่งปากหนายับขึ้นลงเป็นจังหวะที่เร่งเร้าเท่าไหร่ ตัวผมยิ่งขยับสะโพกตอบรับเท่านั้น



จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ




“อา อื้ออออ อ๊ะ” ร่างสูงถอนปากออกจากแก่นกาย แล้วยกขาของผมขึ้น ผมนอนหอบหายใจ ไม่มีแรงจะขัดขืนอะไร




“อ๊ะ หยุดนะ ไม่เอาตรงนั้น” ผมส่ายสะโพกไปมาเมื่อลิ้นของเขาตวัดโลมเลียอยู่ที่ช่องทางสีหวานของผมจนเกิดเสียงน่าอาย




แจ๊ะ แจ๊ะ จุ้บ จ๊วบ




“อ๊ะ อือ พอละ อ๊ะแล้ว” ผมสะอื้นฮักในขณะที่ใบหน้าของเขายังไม่ยอมเงยขึ้นมาจากช่องทางของผม




“โอ้ย เจ็บ เอาออกไปนะ” ผมดิ้นรนหนีเมื่อสิ่งแปลกปลอมล่วงล้ำเข้ามาในร่างแม้จะมีความเปียกชื้นของลิ้นร้อนคอยปรนเปรอก็ตาม




“ฉันต้องเตรียมนายให้พร้อม แค่นิ้วเดียวมันไม่พอหรอก อย่างเกร็งละ” เขาบอกแล้วขยับน วเข้าออก




“อ๊ะ อ๊า” ร่างกายของผมร้อนรุ่มขึ้นอย่างประหลาด ผมเพลิดเพลินกับมันจนไม่รู้ตัวเลยว่าเขาเพิ่มจำนวนนิ้วเข้ามาจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสามเมื่อไหร่




“ฮึ่มมม!!! ได้แล้วมั้ง ฉันไม่ไหวแล้ว”ผมไม่เข้าใจที่เขาพูดเพราะมันไม่ได้เข้ามาในหูของผมเลยแม้แต่น้อย หัวผมขาวโพลน หมุนเคว้งคว้าง ล่องลอยไปไกล




“อ๊า!!!!!! เจ็บ ม่ายยยยย” ผมดิ้นหนี เมื่อความร้อนของแท่งยาวกดเข้ามาในร่างผม




“อยานิ่งๆสิ ชู่ อา ตอดดีจริงๆ” ใบหน้าคมก้มลงกดจูบที่ริมฝีปากผมพร้อมสอดลิ้นมาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของผม มือใหญ่ก็ขยับแก่นกายของผมเป็นจังหวะในขณะที่ตัวของเขาเข้ามาได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น




“อือ อ๊ะ” เขารอจนมั่นใจว่าผมเริ่มมีอารมณ์ร่วมจึงค่อยกดแก่นกายเข้ามาอีกครั้งจนสุด ผมสะดุ้งน้ำตาไหลริน แต่ริมใรปากหนาก็ยังคงเฝ้าวนเวียนจูบปลอบโยนผมมือก็ขยับขึ้นลงแผ่วเบา




“อา ข้างในของนายสุดยอดมาก ไหวไหม” มือหนาเกลี่ยผมที่ใบหน้าของผม ผมหอบหายใจไม่กล้าสบตาแต่ก็พยักหน้าเบาๆ ร่างสูงยกขาที่มัดไว้ของผมขึ้นสูงพร่อมโยกตัวเป็นจังหวะเนิบๆ ก่อนจะเร่งมันตามอารมณ์




“อา เยี่ยม เยี่นยมจริงๆ”




“อ๊ะ พะ พอ ย๊ะ อ๊า”




ร่างของผมสั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้นจนหัวโยน มือทั้งสองข้างที่ผูกติดกันจิกลงบนบ่ากว้างด้วยความเสียวซ่าน




“ดี อา ดีจริงๆ จุ้บ จ๊วบ อา” ใบหน้าคมก้มลงดูดึงยอดอกของผมทั้งที่ยังขยับอยู่ ผมแอนอกใช้แขนสอดเขเที่รอบคอของเขา มือหนาจับเข้าที่สะโพกของผมยกขึ้นแล้วกระหน่ำแรงสอดใส่อย่างรุนแรงตามอารมณ์ที่ใกล้ปลดปล่อย




“อ๊า อ๊ะ ใกล้ อื้อจะออกแล้ว แรง อ๊า แรงอีก” ผมร้องออกมาอย่างสุดจะกลั้น เขาเร่งตัวเองจนผมตัวโยน ไม่นานความอุ่นวาบก็เข้ามาในตัวผมพร้อมอาการกระตุกสองสามครั้งทั้งผมและเขา ผมหอบหายใจ ในหัวมันมึนไปหมด เจ็บและหมดแรง




“อีกรอบนะ” ผมอยากจะพักแต่อย่างว่าแหละครับ ผมจะไปขัดอะไรเขาได้ บทเพลงอันร้อนแรงของเขาและผมก็ยาวนานกว่าจะจบ กว่าเขาจะอิ่มเล่นเอาผมสลบไปเลยทีเดียว สรุปแล้วอย่างที่เขาว่านั่นแหละครับ เสื้อผ้าของผมคงไม่จำเป็นแล้วจริงๆ เพราะเขาไม่ปล่อยให้ผมได้ใส่มัน เขาว่าผมเป็นเมีย แค่อยู่บ้าน กวาดบ้าน ทำกับข้าวก็พอ ถ้ามันโล่ง ก็ใส่เสื้อเขาตัวเดียวก็พอ หึหึ แต่พอผมใส่ทีไร ก็จบลงที่เตียงทุ๊กกกที เฮ้อออ นี่แหละครับเรื่องจริง ไม่เหมือนในนิทานสักนิ๊ดดดดดดดดด เชื่อผมเถอะครับ หมาป่านะไม่ได้เจ้าเลห์เล๊ยยย สู้นายพรานไม่ได้เลยสักนิด




‘อ๊ะ เดี๋ยวสิ อื้ออ ผมเล่าให้เพื่อนๆฟังเรื่องจริงอยู่นะ ปล่อยก่อน’



‘ไม่ต้องเล่าแล้วละ ถ้าเขาอยากรู้ก็ทำให้เขาดูเสียก็สิ้นเรื่อง’




‘อ๊ะ ไม่ได้นะ อื้ออออ’



ทุกคนครับ ผมยังไงก็เอ่อ จบเท่านี้ละเนอะ อย่าตามเข้าไปดูเลย มันไม่มีอะไรจริงจริ๊งงงงงง ยังไงผมขอตัวก่อนนะครับ สงสัยคงไม่มีแรงมาเล่าอะไรแล้ว










The End
[/size][/color]








จบแล้วนะคะกับคู่นี้ แต่เรายังมีนิทานเรื่องอื่นมาอีกแน่นอน ยังไงขอเม้นกำลังใจหน่อยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ  เจอกันอาทิตย์หน้านะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน หมาป่ากับนายพราน 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 26-04-2017 17:53:40
เรียกได้ว่า...หักมุม รอเรื่องต่อไปจ้า o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน หมาป่ากับนายพราน 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 26-04-2017 20:34:33
คุณหมาป่า น่าสงสารจริงจริ๊งงงง  :-[
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน หมาป่ากับนายพราน 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 27-04-2017 16:00:13
รอสิครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน หมาป่ากับนายพราน 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-04-2017 17:14:01
จริงๆแล้วคือนายพรานเจ้าเล่ห์สินะ ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน หมาป่ากับนายพราน 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-04-2017 17:23:17
โถ...หมาป่าเอ๋ย

สนุกดี ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน หมาป่ากับนายพราน 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-04-2017 22:27:56
หมาป่าผู้น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายกบ 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 01-05-2017 11:30:51
เจ้าชายกบ 1/2



ใครกัน ใครบอกกันนะว่าเรื่องนี้ข้าจะต้องจูบเจ้าหญิง มันไม่ใช่เรื่องจริงของข้าสักนิด หึหึ สงสัยคนเล่าเรื่องนี้คงเห็นว่า วิธีคืนร่างของข้ามันแปลกเกินไปกระมัง อา...หากจะให้ข้าอธิบาย ข้าคงต้องเล่าเสียตั้งแต่ต้น เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นวันนั้น
             

 “เจ้าชาย เจ้าชายขอรับ เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับเจ้าชาย” ข้าตวัดสายตามองผู้มาใหม่อย่างไม่สบอารมณ์ นี่มันเวลาพักผ่อนของข้านะ


“มีอะไรสำคัญนักรึ ถึงมารบกวนข้า” ร่างของทหารตรงหน้าโค้งตัวอย่างขออภัย


“ขออภัยขอรับ แต่พระราชาทรงให้มาเรียนเจ้าชายเช่นนี้ขอรับกระหม่อม”


เฮ้ออ เสด็จพ่อสินะ



ผมโบกมือไล่ทหารคนนั้น เขาโค้งคำนับแล้วเดินออกไป



“คราวนี้เสด็จพ่อจะเล่นอะไรอีกละ” ข้าบ่นพึมพำคนเดียวลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้าไปยังปราสาทสูง เสด็จพ่อจะต้องเล่นพิเรนทร์อะไรอีกแน่ ข้าต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน มีเจ้าชายคนไหนลำบากเช่นข้าบ้างไหม ต้องมาระแวงพ่อตนเองเช่นนี้ ข้าสาวเท้าเข้าไปยังห้องโถงยิ่งเร่งความเร็วตัวขึ้นเมื่อเห็นร่างของบิดายืนอยู่ไม่ไกล



“เสด็จพ่อ เรียกหาลูกหรือขอรับ” เสด็จพ่อหันหน้ามามอง สีหน้าแววตาฉายแววกังวล



“อา....มาแล้วหรือโจเซฟ พ่อมีเรื่องกังวลใจยิ่งนัก ดูเหมือนพ่อจะป่วย” ร่างบางทรงสง่าของเสด็จพ่อของข้าทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ยกมือขวาขึ้นกุมขมับอย่างน่าเห็นใจ



“หมอทรงว่าอย่างไรบ้างขอรับ เสด็จพ่อป่วยเป็นอะไร” ข้าทิ้งตัวลงนั่งเคียงข้างกายบิดา



“หมอหลวงบอกพ่ออาจจะอยู่ได้ไหมไม่นาน เนื่องด้วยอายุขอพ่อที่มากขึ้นทุกปี” บิดาช้าหันกลับมา ยกมือของข้าขึ้นมากุมไว้



“แต่งงานเถิดลูกรัก พ่ออยากเห็นเจ้าแต่งงาน” นั่นประไร ข้าว่าแล้วเชียว
ข้ากรอกตาไปมา ดึงมือออกแล้วกุมมือพระบิดาเอาไว้แทน



“ลูกจะแต่งแน่นอนขอรับ หากเจอคนที่ถูกใจลูก” เสด็จพ่อทำหน้าบึ้งทันที กระชากมือตนออกจากมือของข้าอย่างแรง



“เจ้าพูดเช่นนี้ทุกที ข้าเห็นเจ้าก็ชอบทุกคน ใยไม่แต่งเสียสักคนเล่า”



“หญิงพวกนั้นลูกหาได้ชอบไม่ขอรับ”



“ไม่ชอบ!! ไม่ชอบแล้วไปป้อยอเขาทำไมโจเซฟ เมื่อไหร่เจ้าจะเลิกทำตัวเสเพลแล้วหาใครอย่างจริงจังเสียที!!” ข้ายกมือขึ้นมาอุดหูไว้ เมื่อพระบิดาเริ่มเสียงดัง



“เสด็จพ่อ ก็ลูกชอบของสวยงาม จะให้ละเลยพวกนางลูกจะทำได้เช่นไรละขอรับ ดูพวกนางสิ งดงามกันเช่นนั้น ท่านพ่อจะให้ลูกทำเช่นไร”




“ก็แต่งงานกับใครสักคนสิโว๊ยยยยยย!!!!”
ทุกคนในท้องพระโรงสะดุ้งสุดตัว เมื่อพระบิดาของข้าระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว ลำบากพ่อมดหลวงของเราต้องสะกิดเตือน



“เอ่อ.....องค์ราชาขอรับ เก็บอาการนิดขอรับ” นั่นทำให้พ่อขอข้ารู้สึกตัว เกาแก้มตนอย่างเขิลอาย



อา น่ารัก หรือข้าจะเก็บท่านพ่อไว้อีกคนดี?



“อะ...จริงสิแกริค ข้าตกลงๆ ทำเลย ทำเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้น ข้าต้องประสาทเพราะไอลูกบ้านี่แน่ๆ” เสด็จพ่อเอื้อมมือไปจับแขนของแกริคพร้อมเขย่าเบาๆ แกริคมองแต่ก็ส่งยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู



เดี๋ยวนะ......มันควรเป็นแบบนั้นเหรอ หรือข้าที่คิดมากไป ช่างเถอะ กลับเข้าเรื่องดีกว่า ข้ายืนมองทั้งเสด็จพ่อและแกริคด้วยความสงสัย แต่ไม่นานแกริคก็เดินมาตรงหน้าของข้า ความสูงของเราทั้งคู่พอๆกัน แกริคยื่นมอออกมาทาบลงที่เหนือศรีษะ แสงสีทองวาบสว่างขึ้นเป็นลายวงแหวนเวทย์



“ร่างกายหาใช่ร่างกาย จิตใจสิใช่ตัวตน หากค้นพบเมื่อใด กายาจะกลับคืน” จบคำกล่าวของแกริค ทุกอย่างสว่างไปทั่วทั้งท้อพระโรง ข้ายกมือขึ้นป้องแสง เมื่อแสงสว่างตรงหน้าค่อยลดลง ข้าจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง อื๋ออ ทำไมทุกคนตัวใหญ่ขึ้น



“โจเซฟ ใช่ว่าพ่อไม่รักเจ้าหรืออะไรเช่นนั้นหรอกนะ แต่พ่อต้องสั่งสอนเจ้า หาไม่แล้ว เจ้าคงหาคนของหัวใจเจ้ามิเจอ” พ่อข้าก้มลงมาพูดกับข้าที่ยังไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แปลก ใยเสด็จพ่อจึงได้กล่าวเช่นนั้นกัน ข้ายกมือทั้งสองขึ้นมามอง แต่....




“เสด็จพ่อ!!!! ทรงเล่นอะไรขอรับ คืนร่างให้ลูกนะ ลูกไม่อยากเป็นกบบบบ!!!!!” ใช่แล้วครับ เมือกลื่นๆทั้งกาย มือและเท้าที่กางออก หรือแม้กระทั่งปากที่กว้างกว่าคนธรรมาดา ไหนจะตัวข้าที่หดเล็กลงอีกเล่า แต่เมื่อพูดกับพ่อแล้วมิทรงทำอะไร ข้าจึงหันไปพูดกับตัวการแทน



“แกริค ข้าขอสั่งเจ้าในฐานะเจ้าชายโจเซฟ คลายมนต์ให้ข้า เดี๋ยวนี้!!!!”



“ไหนเล่าเจ้าชาย ข้าเห็นแต่กบตัวกระจ้อยร่อยเท่านั้น หากอยากได้อำนาจสั่งการคืนมา ก็รีบคืนร่างเสียสิ ลูกรัก ฮ่าๆๆๆ” ฮึมม!!!! ร้ายกาจนักนะเสด็จพ่อ



“ต้องทำเช่นไร”



“ว่าอย่างไรนะ ตัวเจ้าเล็กจนข้าไม่ได้ยินเลย” เสด็จพ่อเอามือมาป้องหู ราวกับต้องการให้เสียงข้าส่งไปให้ถึง อย่าให้ถึงทีข้านะ หึย!!



“ข้า จะ ต้อง ทำ เช่น ไร เล่า ขอ รับ!!”



“หึหึ มิมีอะไรยากเลยขอรับเจ้าชายโจเซฟ หากท่านต้องการกลับคืนร่างเดิม ท่านเพียง *‘ดื่มน้ำจากกายชายบริสุทธิ์’* เป็นเวลาสามราตรี แน่นอน ชายผู้นั้นต้องสมยอมนะขอรับ หากแอบย่องไปขโมย หรือบังคับก็จะมิได้ผล” ชาย!! นี่ข้าฟังผิดไปใช่ไหม



“ชาย!! เจ้าจะบ้าหรือไรแกริค ข้าเป็นผู้ชาย ใยไม่ตั้งกฎเป็นหญิงสาวเล่า” ข้าโวยวายอย่างไม่เข้าใจ



“หากพ่อให้แกริคตั้งกฎสาวงาม ก็เข้าทางเข้านะสิเจ้าลูกบ้า ชอบนักนี่ของสวยๆงามๆ ชอบนักนี่หญิงพวกนั้น หึหึ จำไว้ ผู้ที่จะช่วยเจ้าได้ ต้องเป็นชายบริสุทธิ์เท่านั้น ไปได้!!”จบคำเสด็จพ่อ ทุกคนโค้งกายพร้อมเดินออกจากท้องพระโรงไป




“แกริค ส่งโจเซฟไปยังนอกราชอาณาจักรของเราเสีย เจ้ามีเวลาเพียง1เดือนเท่านั้นนะโจเซฟ หากช้ากว่านั้น พ่อจะยกราชสมบัติให้คนอื่น”



“เสด็จพ่อ!!!” ข้ากล่าวได้เพียงเท่านั้น เพราะเพียงจบประโยคตัวข้าก็มาอยู่ในป่าที่ข้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี มาคราวก่อนข้าเป็นเจ้าชาย มาคราวนี้เป็นกบเสียอย่างนั้น ชายบริสุทธิ์ เหอะ!! คนเช่นนั้นยังจะมีอยู่อีกรึ
ข้าเดิน เอ่อ ไม่สิ ข้ากระโดดไปข้างหน้ากับเส้นทางที่คุ้นเคย หากจำไม่ผิด ชายป่าด้านหน้านี้ เป็นอาณาจักรที่ทำการค้ากับเสด็จพ่อบ่อย ได้ยินว่ามีบุตรชายอยู่หนึ่งคน ยังไงคงต้องลองไปดูก่อนก็แล้วกัน เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นข้าจึงมุ่งกระโดดตรงไปทันที
เสียงเจื้อยแจ้วดังอื้ออึงของผู้คนมากมายภายในเมืองยิ่งคนเยอะมากเท่าไหร่ ข้ายิ่งต้องระวังมากขึ้นเท่านั้น ข้ากระโดดหลบฝ่าเท้าของผู้คนไปมาแต่ใช่ส่าข้าจะหลบพ้นทุกเท้าไป ตัวข้าเจ็บระบมไปหมด ขาที่ใช้กระโดดก็ไม่สามารถกระโดดได้อีก เพราะแรงเตะจากคนในเมือง กบอย่างข้าน่ารังเกียจนักหรือไรนะ ข้าลากตัวเองมาพักตรงมุมเสาใช้หลบแดดที่ร้อนจ้าและฝูงคนที่เดินเบียดกันไปมา เจ็บชะมัด นี่แค่วันแรกข้าก็ต้องเจ็บเช่นนี้แล้วหรือ



“เสด็จพ่อนะ เสด็จพ่อ ทรงทราบหรือไม่ว่าข้าเจ็บแค่ไหน” ข้านั่งมองเหม่อไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย แต่ก็ต้องดึงสติกลับมา เมื่อพบว่ามีเงาดำทะมึนมาบดบังการมองเห็น



“เจ้าบาดเจ็บหรือเจ้ากบน้อย เป็นอะไรมากไหม” เสียงนุ่มของใครบางคนเรียกให้ข้าต้องแหงนหน้าขึ้นมอง



อา งดงามอะไรเช่นนี้ ใครกันนะ



“เจ้าชายเลนนี่ขอรับ ไปกันเถอะขอรับอย่ามัวเสียเวลากับเจ้ากบสกปรกนี่เลย” กบสกปรก กล้าว่าข้าเชียวหรือเจ้าคนชั้นต่ำ!!



“ชู่!! อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวก็ถูกเจอหรอก บอกแล้วนี่ ข้าชื่อเลน ไม่ใช่เจ้าชายเลนนี่”



“อ๊ะ!!! ขอรับ เอ่อ ข้าเข้าใจแล้ว ไปเถอะเจ้า เอ่อเลน ปล่อยเจ้ากบนี่ไว้นี่ก็ได้นี่”



“ได้ไง เจ้าไม่เห็นหรือว่าเขาบาดเจ็บ” มือบางช้อนตัวข้าขึ้น อา ทั้งนุ่มทั้งอุ่น



“ไปกันได้แล้วเกล ข้าจะกลับปราสาทแล้ว ไปกับข้านะเจ้ากบ ข้าจะรักษาเจ้าเอง” เจ้าชายองค์น้อยพูดกับข้ารับใช้ก่อนจะหันมาพูดกับข้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ข้ามองเขาตลอดทางที่เราเดินไปยังปราสาทใหญ่ ทุกอย่างมันช่างต่างจากเมืองข้านัก หรืออาจจะเป็นเพราะข้ายังไม่ชินถึงทำให้ข้านึกถึงบ้านขึ้นมา



“เอาละ เดี๋ยวข้าจะทำแผลให้เจ้านะ อย่าดิ้นนักละ ตัวเจ้าลื่นเกิดข้าทำเจ้าตกเตียงขึ้นมา อาจจะบาดเจ็บมากกว่านี้” คนตัวเล็กพูดกับข้าเมื่อกลับมาถึงห้องของเขา เขาวางข้าไว้บนเตียงนอนใหญ่ที่เรียบง่ายแต่ช่างน่าดูชมนัก



“เกล เจ้าออกไปเอาน้ำอุ่นมาให้ข้าแล้วก็สำรับยาด้วย ออ...อย่าลืมอาหารมาให้เจ้ากบด้วยละ”



“ขอรับเจ้าชายเลนนี่” ข้ารับใช้นามว่าเกลโค้งตัวแล้วเดินออกจากห้องไป



“เอาล่ะ ไหนมาดูกันสิว่า เจ้าบาดเจ็บตรงไหนบ้าง” มือบางจับสองขาหน้า? (ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร) ขึ้นชูพร้อมใบหน้าเล็กก้มลงมามองหาบาดแผลของข้า เมื่อไม่เห็นว่ามี มือบางจึงคว้าหมับเข้าที่โคนขาข้างที่เดี้ยงของข้าอย่างแรง



“โอ้ยยย!!!” เออ ข้าแหกปากเองแหละ



“เฮ้ย!!” ร่างงามตรงหน้าปล่อยมือทันที และขยับหนีไปยังอีกมุมของเตียง



“เจ้า เจ้า เจ้า ใยเจ้าจึงพูดได้กัน” หน้างามฉายแววหวาดหวั่น



“อ่า ขออภัย เจ้าชายเลนนี่”



“เจ้า เป็นตัวอะไรกันแน่ บอกมานะ!!” มือบางคว้าหนังสือชูขึ้นราวกับต้องการจะข่มขู่



“ข้ามีนามว่า เจ้าชายโจเซฟ ข้ามาจากอาณาจักรใกล้เคียง ที่อยู่ถัดจากแนวป่าทางด้านนั้นไป ท่านคงจะเคยรู้จักกระมัง” ข้าแนะนำตัวอย่างสุภาพ อย่างไรเสียก็ต้องลองเสี่ยงกับร่างเล็กดู แม้ข้าจะมิได้พิศวาสชายก็ตาม



“จริงหรือ?” ร่างเล็กเริ่มมีสีหน้าลังเล มือบางเองก็ลดการตั้งการ์ดลง



“แน่นอน ข้ามิเคยโป้ปดผู้ใด” ข้ายืนยันเสียงแน่น



“เช่นนั้น ข้าต้องขออภัยด้วย เจ้าชายโจเซฟ หากไม่เป็นการเสียมารยาท ข้าขอบังอาจไต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ใยท่านจึงมี เอ่อ ร่างเป็นกบเช่นนี้”



“เรื่องนี้เล่าแล้วก็ยาว เฮ้ออ” ข้าแกล้งทำเสียงเซร้าสร้อยเรียกความสงสารจากคนตรงหน้า



“เล่าเถิด หากมีอะไรช่วยได้ข้าจะช่วยท่านเอง”



“สัญญาได้รึไม่?” ผมถามด้วยแววตาพราวระยัยที่คนมองมิได้ล่วงรู้เลย



“ข้าให้คำสัตย์”



“ได้ ข้าโดนกลั่นแกล้งจากพ่อมดหลวงขออาณาจักร เขาจงใจแกล้งข้า สาปข้ามิพอ ยังส่งข้ามายังป่าที่เต็มไปด้วยอันตราย ข้ารึสู้เอาชีวิตรอดจากสัตว์ร้ายมิพอ ไหนจะต้องหลบตีน เอ่อ หลบฝ่าเท้าของใครอีกหลายคน ดูตัวข้าสิ ข้าตัวแค่นี้ จะไปสู้ใครเขาได้กัน”


หึหึ!! อย่าว่ากันเลยนะแกริค เจ้าทำข้าก่อน ว่าแต่ ข้าคงไม่ได้เสริมเติมแต่งเยอะไปใช่หรือไม่??



“โอ้.....ทำไมถึงใจร้ายได้เช่นนี้ แล้วใยเขาต้องกลั่นแกล้งท่านล่ะ” นั่นสิ ทำไมละ อา ข้าลืมคิดไป



“เพราะ เอ่อ เพราะ อ๋อ...เพราะเขาคิดว่าข้าไปแย่งชิงหญิงที่เขาหมายตาเอาไว้ ทั้งที่ความจริงแล้วข้าเพียงมีน้ำใจให้นางเท่านั้น มิเคยคิดอื่นใดเลย” จริงจริ๊งงงงงงงงง



“แล้วเช่นนี้ ต้องทำอย่างไร ท่านจึงจะกลับคืนร่างเดิมเล่า” น้ำเสียงนุ่มถามไถ่อย่างห่วงใย



“ก่อนข้าจะตอบ ข้าขอถามท่านสักข้อได้รึไม่?”




“ได้สิ เชิญท่านถามข้าได้เลย” ร่างบางตอบกลับข้าด้วยรอยยิ้ม



“ท่านเคยมีสัมพันธ์กับสตรีคนใดหรือไม่” สิ้นคำถามข้า ใบหน้างามเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ



“ก็ ก็ ก็ยัง” ข้ายกยิ้มอย่างถูกใจ แต่คงต้องถามให้ครบล่ะนะ



“แล้วกับบุรุษเล่า เคยรึไม่?”



“ท่าน ท่าน ท่านเห็นเราเป็นคนเช่นไร ใยจึงถามข้าเช่นนี้” จากที่แดงจากความเขินอาย ก็แปลเปลี่ยนเป็นโกรธ



“ขออภัยจริงๆ แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ข้ามิได้มีเจตนาดูแคลนท่านหรืออย่างไร”



“ไม่ ไม่เคยแน่นอน” ใบหน้างามเชิดขึ้นตอบ



“ดีๆ เอ่อ ข้าหมายถึง หากเป็นเช่นนั้น ท่านก็คงช่วยข้าได้” เจ้าชายเลนนี่หันขวับกลับมามองข้าทันที



“จริงรึ ไหนๆ ขอเพียงท่านบอกวิธีมา ข้าสัญญาจะช่วยท่านอย่างเต็มที่”



“อา ข้าถือว่าท่านให้คำสัตย์กับข้าแล้วนะ” เจ้าชายเลนนี่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว ข้าสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเอ่ยตอบ



“ข้า จะต้องดื่มน้ำจากกายชายบริสุทธิ์”



“?????”



“เอ่อ ท่านอาจจะไม่เข้าใจ ข้าจะอธิบายให้ฟัง” โอ้ย ข้าอยากจะบ้า เกิดมาข้าไม่เคยต้องเขินอายอะไรกับใครเขาขนาดนี้ แค่อธิบายไปว่ามันคือสิ่งที่หลั่งออกมายามสุขสมแค่นี้ มันยากอะไรนักนะ



“มันคือ อ่า มันคือน้ำแห่งชีวิตของบุรุษเพศ โอ้ยยย ข้าไม่รู้จะอธิบายเช่นไรแล้ว หากเจ้าไม่เข้าใจ คืนนี้ข้าจะสอนเจ้าเอง แต่ตอนนี้ เก็บเรื่องที่ข้าเป็นใครไว้เป็นความลับด้วยนะ ไม่เช่นนั้นคงเกิดปัญหาตามมา”



“อะ อ๋อ ได้ๆ ข้ายังไม่เข้าใจเท่าไหร่ ท่านบอกข้าคืนนี้ก็ได้ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องท่านข้าจะไม่บอกใครแน่นอน” ข้าลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อย วันนี้ข้าจะทำความเข้าใจกับเขาแล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มมันก็ได้  สู้สิโจเซฟ แค่สามราตรีเท่านั้น แล้วทุกอย่างจะเหมือนเดิม



ไม่นานข้ารับใช้คนเดิมก็กลับเข้ามาพร้อมสำรับยาที่เจ้าชายเลนนี่สั่งไว้พร้อมด้วยอาหารละลานตา มือบางของเจ้าชายเลนนี่หยิบผ้าสีขาวบางๆขึ้นมาพันไว้บริเวณขาของข้าอย่างเบามือจนข้าแทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักมือของเขาที่กดลงมา ข้ายอมรับเลยว่าเลนนี่ใส่ใจข้ามากกว่าหญิงสาวคนใดที่ข้าได้พานพบและนั่น ทำให้หัวใจข้าเต้นแปลกๆ






ขอบคุณทุกๆคอมเม้นและทุกๆคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แม้จะน้อยแต่คุณคือกำลังใจที่เราจะเขียนต่อ ดีใจที่เข้ามาอ่านและชอบนะคะ :กอด1: :3123:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายกบ 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-05-2017 21:29:13
เป็นเจ้าชายกบเวอร์ชั่นเจ้าเล่ห์หล่ะเซ่!!!
เป็น-กำ-ลัง-ใจ-ให้-นา-จา    o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายกบ 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 02-05-2017 08:49:59
ถ้าพูดว่า รอตอนต่อไป จะเป็นการหื่นไปไหมพะย่ะครับ?
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายกบ 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 02-05-2017 15:10:41
เจ้าชายกบ 2/2


     “เอาละข้าพร้อมแล้ว” เลนนี่พูดดับข้าที่นอนพาดขาแคะขี้ฟันอยู่หลังมื้อค่ำสุดวิเศษ



“พร้อมเรื่องอะไร” ข้าถามพร้อมยกน้ำขึ้นดื่ม



“ก็ท่านบอกจะสอนข้าว่า ‘น้ำแห่งชีวิต’ คืออะไรนี่”



พรูดดดดดด



ข้าพ่นน้ำที่ยกดื่มเมื่อสักครู่ออกทันทีที่จบประโยคนั่น



“อะ อ๋อ ข้าเกือบลืมไปแล้วสิเนี่ย ฮะๆ” ข้าสบตามองแววตาใสแจ๋วที่ไม่เจือปนสิ่งใดเลยนอกจากความอยากรู้ของเจ้าตัว



“เอ่อ ถ้าเจ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นไปบนเตียงได้เลย” ไม่รอช้า เลนนี่ก็กระโดดขึ้นเตียงด้วยความตื่นเต้น



“เริ่มเลยๆ ข้าพร้อมแล้ว” จ้ะ ดีจ้ะดี



“ถอดกางเกงออกให้หมดนะเลนนี่ ไม่เช่นนั้นข้าคงสอนเจ้าไม่ได้” แม้จะมีสีหน้างงงวย แต่มือบางก็ยอมปลดกางเกงออกอย่างไม่
ลังเล ผิวขาวใต้เนื้อผ้าเกือบทำให้ข้าเลือดพุ่ง



“แล้วข้าต้องทำยังไงต่อ”



“ใช้มือของเจ้าสัมผัส สิ่งนั้นเสียสิ” ข้าพูดพร้อมเบนสายตาให้เจ้าชายเลนนี่ได้เข้าใจในความหมายของ ‘สิ่งนั้น’ และเหมือนเจ้าตัวจะเข้าใจดีถึงได้ทำตามที่ข้าบอก



“ขยับมือเจ้าด้วย ขยับขึ้นลงจนกว่ามันจะแข็งตัว”



“อื้ออ ข้า ข้ารู้สึกแปลกๆ” ใบหน้าของเลนนี่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ



“ใช่ๆ นั่นล่ะคือการเริ่มต้น” ข้าจ้องมองการกระทำตรงหน้าอย่างลืมตัว นี่ข้าเป็นโรคจิตหรือไรกันนะ



“อ๊ะ มันร้อน อื้อออ ข้า ข้า อ๊ะ อ๊ะ”



“ขยับเร็วขึ้นสิ เร็วขึ้นอีกเรื่อยๆ” เสียงข้าเริ่มแหบพร่ามากขึ้น อา ทำไมร่างกายขาวผ่องของชายตรงหน้าถึงเร่าร้อนเช่นนี้กันนะ



“อื้อ อ๊ะ อ๊า” ร่างเล็กกระตุกเกร็งจนน้ำขาวขุ่นเปรอะเปื้อนมือเล็กๆ



“นี่คืออะไรหรือเจ้าชายโจเซฟ” เลนนี่ยกมือที่เปรอะน้ำขาวขุ่นนั่นขึ้นมาดู



“อ่า นั่นละสิ่งที่จะล้างคำสาปให้ข้า” ใบหน้างามฉายแววสงสัย



“มันกินได้หรือ”



“ปกติก็ไม่มีผู้ใดกินมันหรอก อ๊ะ เฮ้ย อย่ากินๆ” ข้าส่งเสียงห้ามเมื่องร่างขาวนวลตรงหน้ายกมันขึ้นมาเลีย



“แหวะ ไม่เห็นจะอร่อยเลย”



“ก็ใครให้เจ้ากินกันเล่า” เลนนี่มองข้าก่อนจะยื่นมือมาตรงหน้าข้า



“กินสิ นี่ไงท่านจะได้ล้างคำสาป”



“ข้าต้องใช้ก็จริงแต่ ต้องมาจากความยินยอมจากเจ้า"



“ก็นี่อย่างไร ข้ายินยอม มิได้ถูกท่านบังคับเสียหน่อย” เลนนี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม



“จริงของเจ้า” ข้าจรดริมฝีปากกับปลายนิ้วเล็กที่ชุ่มไปด้วยน้ำสีขาว ตวัดลิ้นเลียและดูดกลืนจนหมดสิ้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่า หยาด
น้ำจากร่างบางตรงหน้า จะหวานเช่นนี้ ข้ามองหน้างามที่ส่งยิ้มให้ข้า



“เช่นนั้นข้าขอไปอาบน้ำก่อนนะ เหนียวตัวไปหมดแล้ว” ร่างเล็กบิดตัวไปมาอย่างเมื่อยล้า



“อีกสองราตรีคงไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องห่วงนะข้าจะช่วยท่านเอง” เลนนี่หันมาส่งยิ้มให้ข้าแล้วเดินออกไป เฮ้ออ อีกสองราตรีสินะ สองราตรีข้าก็จะได้กลับอาณาจักร แต่ทำไม ทำไมใจข้าถึงเจ็บปวดเช่นนี้




               ในที่สุดก็ผ่านพ้นมาสองราตรีแล้วที่ตัวข้าดื่มน้ำจากกายเลนนี่เพื่อล้างค่ำสาป แล้วปัญหาก็เกิดขึ้นกับคืนสุดท้ายของข้า เลนนี่เปิดประตูห้องนอนเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด นั่นทำให้ข้าอดที่จะถามไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้นหรือ ใยเจ้ามีสีหน้าเช่นนั้น” เลนนี่ถอนหายใจ



“ก็เสด็จพ่อของข้านะสิ จะให้ข้ามหมั้นหมายกับเจ้าหญิงจากอาณาจักรทางใต้” อา เป็นชายก็ตั้งแต่งงาน ข้าจำได้ดีที่เสด็จพ่อได้รับสั่งกับข้าที่เสเพล แต่ข้ากลับไม่อยากได้ยินประโยคนี้จากคนตรงหน้าข้าสักนิด



“เจ้าจะหมั้นหรือ?” ข้าถามเลนนี่ด้วยเสียงที่แผ่วเบา



“อย่าทำหน้าเช่นนั้นเลย ข้าสัญญา หากท่านกลับคืนร่างเดิมแล้วคิดถึงข้าล่ะก็ ข้าจะไปหาท่านแน่นอน” ใบหน้างามยิ้มแย้มราวกับว่าเมื่อสักครู่ไม่ได้พูดเรื่องซีเรียสใดๆ



“หากเจ้าแต่งงาน เจ้าก็คงไม่มีเวลานักหรอก”



“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าสาวของข้าไปเยี่ยมเยียนท่านเช่นกัน” อย่างนั้นหรือ เจ้าคิดจะมานางมาเยี่ยมข้าหรือ เจ้ามั่นใจได้อย่างไร ว่าเจ้าจะได้หมั้นหมายกับนาง หึ! คนอย่างข้า ไม่มีวันยอม!!!



“เจ้าคงยังไม่รู้สินะเลนนี่ ว่าการแต่งงานมีไว้กับชายหรือหญิงที่บริสุทธิ์เท่านั้น แต่เจ้าที่มอบน้ำจากกายเจ้าให้ข้าดื่มทุกราตรี นั่นเท่ากับเจ้ามอบริสุทธิ์อีกต่อไป” หากมันจะทำให้เจ้ายังคงเป็นของข้า ไม่ว่าสิ่งใด ข้าก็จะทำ เลนนี่มีสีหน้าตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ข้ากล่าวออกไป



“จริงหรือ ทำเช่นไรดี หากเป็นเช่นนั้น ข้าคงอกตัญญูต่อเสด็จพ่อเป็นแน่ โธ่” มือบางยกขึ้นปิดใบหน้างามอย่างสิ้นหวัง



“อย่าห่วงเลยเลนนี่ เมื่อข้าทำให้เจ้าไม่บริสุทธิ์ ข้าจะแต่งกับเจ้าเอง”



“ต่อไปนี้ เจ้าเป็นของข้า ข้าดื่มน้ำจากกายเจ้า หมายความว่าเจ้าเป็นของข้าแล้ว เข้าใจไหมเลนนี่” เลนนี่พยักหน้าตอบรับ เราต่างส่งยิ้มให้กัน ดีจริงที่เลนนี่ไม่ประสากับเรื่องแบบนี้ไม่เช่นนั้น ข้าคงต้องคิดวิธีอีกหลายตลบ



“จริงด้วย พ้นราตรีนี้ไป ท่านก็จะกลับคืนร่างใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นข้าจะรีบทำ ท่านจะได้กลับคืนร่างเดิม” เลนนี่กล่าวด้วยอารมณ์ดี ไม่รอให้ข้าตอบรับสิ่งใด ร่างบางก็ลงมือปลดกางเกงลงจนสิ้น มือขาวค่อยจับแก่นกายสีชมพูระเรื่อพร้อมขยับอย่างเนิบช้าก่อนที่มันจะเร็วขึ้นตามแรงปราถนา เสียงครางอื้ออึงยิ่งทำให้ข้าแทบจะทรไม่ไหว ข้าจึงต้องหลับตาลงสะกดกลั้นอารมณ์นั่นไว้ ไม่นานร่างเล็กก็กระตุกพร้อมปลดปล่อยน้ำสีขุ่นออกมา นิ้วเล็กๆยื่นมาตรงหน้าข้า ข้าจึงดูดเลียมันจนหมด ความหวานละมุนติดปลายลิ้นจนอยากลิ้มลองไม่รู้เบื่อ



“อะไรน่ะ” วงแหวนเวทย์ขยายใหญ่ขึ้นกลางศรีษะพร้อมแสงสีทองที่สว่างวาบจนต้องหลับตา อา ในที่สุดตัวข้าก็จะเป็นตัวข้าเสียที



“ทะ ท่าน ท่านคือ” ข้าก้มลงมองดูร่างกายตัวเองก่อนจะเอื้อมือไปลูบไล้แก้มใสเบาๆ



“ใช่แล้ว ข้าเองเลนนี่ ยอดรักของข้า” ใบหน้างามแดงระเรื่อเมื่อข้าสบสายตาหวานเยิ้มอย่างไม่ปิดบัง



“ขะ ขะ ข้า ข้าจะนอนแล้ว” เลนนี่เบี่ยงหน้าหนีคว้ากางเกงมาใส่แล้วกระโดดขึ้นนอนลงบนเตียง ข้าสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนใหญ่เอื้อมือไปกอดร่างมสแนบอก กดจูบแผ่วเบาลงบนศรีษะเล็กๆ



“ฝันดีเลนนี่”



“เลนนี่ เจ้าตื่นหรือยัง พ่อเข้าไปนะ”



“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!!” เลนนี่และข้าสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงดังมากเกิดขึ้นภายในห้อง อา จะเสียงดังก็คงมิแปลก หากได้มาเห็นภาพลูกชายของตนกกกอดอยู่กับชายแปลกหน้าอีกคนอยู่บนเตียง



“มีอะไร เกิดอะไรขึ้นขอรับเสด็จพ่อ” เลนนี่ลุกขึ้นจากเตียงพุ่งตรงไปหาบิดาตนเองด้วยความห่วงใย ในขณะที่ข้าเพียงลุกขึ้นช้าๆโดยไม่เร่งรีบอะไร



“นั่นใครเลนนี่ เจ้ากล้านอนกกกอดกับชายแปลกหน้าในปราสาทของข้าเชียวหรือ” พระราชากล่าวถามอย่างใจเย็นทั้งๆที่สีหน้าไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย



“โอ้ว ข้าขอแนะนำตัว ข้า...เจ้าชายโจเซฟจากอาณาจักรเหนือขอรับ” พระราชาชะงักและมีสีหน้าที่ดีขึ้น แม้จะเบาใจที่ชายแปลกหน้าไม่ได้ไร้หัวนอนปลายเท้า แต่เรื่องกอดบุตรชายตนเล่า



“แล้วใยเจ้าทั้งสองจึงได้กอดกันเสียแนบแน่น ราวกับว่า...”



“เสด็จพ่อ ลูกตัดสินใจแต่งงานกับเขาแล้วขอรับ” พระราชาเบิกตากว้างอย่างตกใจ



“เจ้า เจ้า เจ้าว่าอย่างไรนะ พ่อไม่ยอม เจ้าต้องหมั้นกับเจ้าหญิงเมล่าจากอาณาจักรทางใต้!!!”



“แต่ลูกเป็นของเขาแล้วนะเสด็จพ่อ!!!” คราวนี้พระราชาถึงกับน้ำลายฟูมปากเลยทีเดียวเมื่อเจอประโยคเด็ดที่ข้าพร่ำบอกเจ้าตัวเมื่อคืน



“เจ้า เจ้าสองคน อั่ก” ซวยสิขอรับ ว่าที่พ่อตาข้าเพิ่งเป็นลมล้มพับไปเสียอย่างนั้นลำบากเหล้าหมอหลวงต้องหาหยูกยามาปรนนิบัติกันยกใหญ่ เลนนี่ตามพ่อมดหลวงแห่งอาณาจักรมาให้ข้าเพื่อส่งสารหาเสด็จพ่อของข้าเรื่องการสู่ขอเลนนี่อย่างเป็นทางการ โดยตอนแรกนั้นท่านพ่อตาข้าปฏิเสธทุกข้อเสนอแต่เจอแววตาและสีหน้าออดอ้อนของเสด็จพ่อของข้าเข้าไปก็จอดสนิท ในที่สุดเราสองคนก็ไก้แต่งงานกันจนได้



“เลนนี่ วันนี้เราแต่งงานกันแล้ว เจ้าก็ต้องเรียกข้าว่าพี่ด้วยนะ” ข้าไล่นิ้วไปมาบนใบหน้างาม



“ก็ได้หรอก แต่ข้าไม่ชินนี่” อา อย่างนี้ข้าคงต้องฝึก ข้าโถมตัวลงทับร่างเล็กของเลนนี่ลงบนเตียงนอนใหญ่ ยันกายขึ้นมองตากลมโตอย่างเจ้าเล่ห์



“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะฝึกเจ้า จนชินเชียว ยอดรัก”



ข้าประกบปากกับเลนนี่ สอดปลายลิ้นเข้าไปชออนไชหาความหวานล่ำที่อยากลิ้มลอง เลนนี่ที่ไม่ประสาก็เกี่ยวกระหวัดลิ้นร้อนอย่างเงอะงะ แต่นั่นยิ่งทำให้เลือดในกายข้าร้อนรุ่ม ข้าปลดชุนทสงการของเราทั้งคู่อย่สงเร่งรีบไม่นานนัก ข้าและเลนนี่ก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า มือของข้าลูบไล้ยอดอกเล็ก บีบเบาๆจนร่างบางส่งเสียงครางในขณะที่ริมฝีปากยังถูกข้าดูดกลืน ข้าค่อยๆจูบไล่ลงมายังแอ่งชีพจร ไล่ลงเรื่อยๆจนเจอยอดสีอ่อนที่ล่อตายิ่ง ไม่รอช้าข้าก้มลงดูดกลืนลิ้มลองจนเกิดเสียงไปทั่วทั้งห้อง



“อ๊ะ อื้ออ” เสียงหวานครางกระเส่าเมื่อมือของข้าค่อยๆจับตัวตนของเข้าเอาไว้ ขยับมือแผ่วเบาโดยที่ไม่ปล่อยริมฝีปากออกจากยอดอกด้วยซ้ำ



“บอกข้าสิเลนนี่ ดีกว่าที่เจ้าทำมันด้วยตนเองหรือไม่” ข้าผละขึ้นมาถามด้วยแววตาหวายเชื่อม



“อื้อ ข้าไม่ตอบได้หรือไม่ ข้าอาย”



“จะอายไปใย เราเป็นผัวเมียกันแล้ว เจ้ามิต้องอายหรอก” ข้าจึงแกล้งขยับมือเร็วขึ้น



“อ๊า ท่านแกล้งข้า อย่า” เมื่อได้ยินเสียงหวานกล่าวหา ข้าจึงหยุดมือทันที



“พี่ทำอะไรเจ้าหนือเลนนี่ หืมม เจ้าว่าพี่แกล้ง พี่ก็หยุดแล้ว เอาล่ะ หากอยากให้พี่ช่วยเจ้า ก็บอกพี่มาสิว่า พี่ทำแบบนี้กับเจ้าดีกว่าที่เจ้าทำมันด้วยตนเองหรือไม่” ข้าค่อยขยับมือเชื่องช้า และรวดเร็วสลับกัน จนร่างเล็กสะท้านไปทั้งกาย



“อ๊ะ อ๊า ท่าน ท่านทำมัน อื้อ ดีกว่า อ๊ะ อ๊ะ”



“ดี หากข้าทำให้เจ้ารู้สึกดีเช่นนั้น ก็เรียกพี่ว่าพี่สิ”



“อื้อ ท่านพี่ อย่าแกล้งข้า อ๊า” เมื่อข้าได้ยินคำที่ต้องการฟัง ข้าจึงเร่งมือให้ร่างบางถึงจุดหมายโดยเร็ว จนน้ำรักของร่างบางเปรอะมือข้าจนชุ่ม ลมหายหอบถี่ๆของเลนนี่ทำให้ข้ารู้ดีว่าเขายังตกอยู่ในภวังค์ ข้าจึงสอดนิ้วเพื่อขยายช่องทางเล็กๆนั่นทีละนิ้วทีละนิ้ว จากการดิ้นรนแรกๆ เลนนี่ก็เริ่มคล้อยตามจนร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน เมื่อข้ามั้นใจว่าพร้อม ข้าจึงสอดใส่ตัวตนของข้าเข้าไปยังช่องทางเล็กๆอย่างช้าๆ




“อ๊ะ ท่าน ข้าเจ็บ อื้อ” มือบางยกขึ้นผลักไสข้า เมื่อความใหญ่โตของข้าเข้าไปได้เพียงครึ่ง



“อา ยอดรัก อดทนอีกนิด อืม” ข้าจึงก้มลงบดจูบเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้น มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาบีบยอดอกสีงาม อีกข้างก็ขยับแก่นกายของเขาให้ความเสียว.นมาแทนที่จนร่างเล็กลืมความปวดร้าวไป เมื่อร่างบางเริ่มส่งเสียงครางข้าจึงกดร่างให้จมหายไปจนหมด



“ไม่เป็นไรยอดรัก หมดแล้ว อา ข้างในตัวเจ้าช่างวิเศษนัก”



“จะ จริงหรือ” เลนนี่ถามด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา



“แน่นอน ที่รัก ข้าช่างโชคดีจริงๆ”



“ข้า ข้าอยากให้ท่านพี่มีความสุข หากมันทำให้ท่านพี่มีความสุขแล้วล่ะก็ ข้าไม่เจ็บเลยสักนิด” ใบหน้างามส่งรอยยิ้มหวานมาให้ข้า แม้ดวงตากลมจะมีหยาดน้ำตาคั่งค้างอยู่ก็ตาม



“เจ้านี่ อา อย่าโทษข้าเลย เจ้าพูดแบบนี้ ข้าคงห้ามตัวเองไม่อยู่แล้ว” ข้ายกขาเรียวทั้งสองข้างขึ้นแนบสะโพก ก่อนจะโถมตัวกระแทกอย่างไม่อาจห้ามความปรารถนาได้ เสียงครวญครางของข้าและเลนนี่ดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องนอน เสียงเตียงกระทบผนังยามข้าเร่งเร้าจังหวะดังเสียจนหากใครมาได้ยินคงคิดวามันใกล้จะหักเป็นแน่ ทุกวิ่งเงียบงันราวกับเฝ้าฟังเสียงแห่งความสุขของเราทั้งสองทั้งคืน แน่นอนว่าข้าไม่ปล่อยให้เลนนี่ได้พักง่ายๆหรอก หึหึ





The End

                        ช่วง Talk กับllมว_น้oe

llมว_น้oe : สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาคุยกับผู้ชายที่ออกมาไม่กี่ฉากแต่ทำให้หลายๆคนหลงรัก คุณป๋าของโจเซฟ เอฟ เอฟ เอฟ

พระราชาบิดาโจเซฟ : บังอาจ เราเป็นกษัตริย์นะ เรียกเราว่าพระราชาสิ พระ-รา-ชา!!

llมว_น้oe : เอ่อ เจ้าค่ะ คือหลายๆคนถามมาว่า ทำไมจะต้องให้ไปลูกชาย ของท่านไปดื่มนเจากกายชายบริสุทธิ์เพื่อล้างคำสาปด้วยคะ มันน่าอายออกน๊า

พระราชาบิดาโจเซฟ : น่าอายตรงไหนกัน แค่น้ำตา เหงื่อ แค่นี้ เจ้าอายหรือ

llมว_น้oe : อุ้ยตายแล๊ววว นี่คุณป๋าไม่รู้หรือคะเนี่ย ว่าลูกชายคุณป๋าเค้า อุ๊บ อื้อ อื้อ (และแล้วก็มีมือปริศนามาปิดปากช้านนน)

พ่อมดหลวงแกริค : หึหึ พอแค่นี้ดีกว่านะขอรับ องค์ราชาถึงเวลาเยี่ยมราษฎรแล้วนะขอรับ (มองจิกแมวด้วยแววตาโหดเหี้ยม)

llมว_น้oe : (ขนลุกแต่อดฟินไม่ได้)

พระราชาบิดาโจเซฟ : อ๊ะ จริงด้วย ถึงเวลาแล้วๆ (ปรายตามองแมวด้วยแววตาเจ้าเลห์)

llมว_น้oe : (ชิบหายแล้วตรู)

พระราชาบิดาโจเซฟ : แกริค สาปยัยนี่เป็นกิ้งก่าเสียด้วย กล้าเรียกเราว่าคุณป๋าดีนัก สาปมันเลยๆ (กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ)

พ่อมดหลวงแกริค : ขอรับองค์ราชา

llมว_น้oe : ไหงงั้นล่ะ อย่านะ อย่าทำแมว ม่ายยยยยย

พ่อมดหลวงแกริค : หึหึ เจ้าจะคืนร่างก็ต่อเมื่อ เจ้าแต่งเรื่องใหม่สำเร็จ มิเช่นนั้น จงอยู่ในร่างกิ้งก่าไปเถอะ ยัยจิ้งจก

llมว_น้oe : มันไม่เจรงงงงง

พระราชา/แกริค : ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ



ปล.สรุปแล้ว แมวเป็นสัตว์หลายชนิดเหลือเกินค่ะ จิ้งจกจากท่านพ่อมด กิ้งก่าจากคุณป๋า และแมวจากตัวแมวเอง คิดแล้วเครียด งั้นแมวไปแต่งเรื่องต่อไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะล้างคำสาปไม่ทัน เจอกันใหม่อาทิตย์หน้านะคะ ชวิ้งงง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายกบ 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 02-05-2017 21:54:11
น้องเลนนี่ช่างใสซื่อ..รอเทพนิยายเรื่องใหม่ เป็นกำลังใจให้ครัช  o13
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายกบ 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 02-05-2017 22:52:59
เป็นนิทานแนวใหม่ที่น่าติดตามมาก   :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายกบ 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 03-05-2017 00:49:32
รอเรื่องต่อไปค่ะ เลนนี่ใสมากกกก น่ารักกก
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายกบ 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: wonderbe ที่ 03-05-2017 08:25:56
 :pighaun: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายกบ 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-05-2017 10:17:13
อิฉันดันจิ้นพระราชากับแกริคนี่สิคะ อร๊าย...
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ปีเตอร์แพน 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 09-05-2017 10:55:25
ปีเตอร์แพน 1/2




                  ถ้าคุณเคยเป็นเด็ก คุณจะต้องเคยได้ยินดินแดนที่เด็กๆทุกคนใฝ่ฝันอยากจะเข้าไป นั่นคือ เนเวอร์แลนด์ และถ้าเคยได้ยินชื่อดินแดนแล้วล่ะก็ ต้องรู้จักเด็กชายผู้ไม่เคยโต ปีเตอร์แพนแน่ๆเวนดี้ พี่สาวคนโตและเด็กๆซึ่งเป็นน้องชายของเธอนั้นเป็นเด็กๆเพียงกลุ่มเดียวที่ได้เข้าไปทำความรู้จักโลกที่กล่าวมา

ในกลางดึกของคืนนั้น ปีเตอร์แพนได้พบกับเวนดี้และน้องๆของเธอทั้งสองคน ซึ่งทั้งสามต่างรบเร้าให้พาพวกเขาไปยังเนเวอร์แลนด์ด้วย

“พาฉันไปด้วยสิ ปีเตอร์แพน” เวนดี้ลูบไล้แขนของปีเตอร์แพนอย่างออดอ้อน

“กะ ก็ได้หรอก ถ้าเธอเป็นเด็ก” ปีเตอร์แพนที่ไม่คุ้นชินกับเด็กสาวแรกรุ่น ก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก

“แต่ปีเตอร์” ทิวเกอร์เบลล์ส่งเสียงคัดค้าน

“เอาน่าทิงเกอร์ ไม่เป็นไรหรอก” เวนดี้มองทิวเกอร์เบลล์ด้วยหางตา ก่อนยิ้มเยาะที่มุมปาก





ปีเตอร์แพนจับตัวทิงเกอร์เบลล์เขย่าเบาๆบนตัวเด็กทั้งสามคนให้ผงทองหล่นลงบนตัวของพวกเขา ร่างกายของทั้งสามค่อยลอยขึ้นจากพื้น เมื่อมั่นใจแล้วว่าทั้งสามสามารถลอยตัวได้ปีเตอร์แพนจึงนำทางพาไปยังดินแดนเนเวอร์แลนด์ เวนดี้บินเคียงคู่ปีเตอร์แพนตลอดเวลา ชวนพูดคุยถามโน้นี่จนสร้างความไม่พอใจให้ทิวเกอร์เบลล์เป็นอย่างมาก ปีเตอร์แพนและเวนดี้พร้อมทั้งเด็กชายอีกสองคนบินข้ามทะเลสีฟ้า

“กัปตันฮุกนี่” เวนดี้พูดออกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น ปีเตอร์แพนมองตามมือของเวนดี้ที่ขี้ลงไป

“ปีเตอร์....ไม่ลงไปจริงๆเหรอ” ทอบเกอร์เบลล์ถามเมื่อเห็นว่าปีเตอร์แพนจะบินผ่านไป ปีเตอร์แพนมองทิวเกอร์เบลล์ด้วยแววตาเฉยชา จนทิงเกอร์ต้องปิดปากเงียบ

“นี่บ้านเธอเหรอปีเตอร์แพน น่าอยู่จังเลย” เวดดี้มองไปรอบบ้านต้นไม้ ที่ประดับไปด้วยโฟนิเจอร์ไม้อีกหลายอย่าง

“ฉันดีใจที่เธอชอบนะ แต่ตอนนี้ฉันกับทิงเกอร์มีธุระที่จะต้องไปทำ พวกเธออยู่ที่นี่กันไปก่อนได้ไหม” เวนดี้ยิ้มหวานให้กับปีเตอร์แพน

“แน่นอน ฉันกับน้องๆอยู่กันได้ เธอไม่ต้องห่วงหรอก” ปีเตอร์แพนพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะบินออกไปจากหน้าต่างพริ้มทิงเกอร์เบลล์ที่ปรายสายตามามองเวนดี้





“ปีเตอร์ ฉันไม่ชอบยัยนั่นเลย” ทิงเกอร์เบลล์บอกถึงความรู้สึกภายใน

“ไม่เอาน่าทิงเกอร์ เวนดี้ก็นิสัยดีออก”

“อย่าบอกนะว่าเธอชอบยัยนั่น” ทิงเกอร์เบลล์ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“ฉะ ฉันเปล่าพูดแบบนั้นเสียหน่อย” ปีเตอร์เสมองไปทางอื่น ระหว่างการบินจึงไม่มีคำพูดคุยใดเกิดขึ้นอีกจากทั้งคู่ ในที่สุด ปีเตอร์แพนและทิงเกอร์เบลล์ก็มาถึงเผ่าอินเดียแดง

“สวัสดีปีเตอร์แพนทิงเกอร์เบลล์” หัวหน้าเผ่ากล่าวทักทายกับปีเตอร์แพนและทิงเกอร์เบลล์

"เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าถึงได้เรียกพวกเรามา"

"อ่า.....เรื่องนั้น จะว่าอย่างไรดี" หัวหน้าเผ่าหลบสายตาไม่กล้าที่จะมองหน้าของปีเตอร์แพน

"ยังไง เราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่า"

"โอเค" หัวหน้าเผ่านำทั้งสองเข้าไปในบ้านของตนเพื่อหารือเรื่องสำคัญ

"มีอะไรหรือท่านหัวหน้าเผ่า พูดมาเถอะอย่าได้เกรงใจกันอยู่เลย หากช่วยได้ผมยินดีที่จะช่วย" หัวหน้าเผ่าถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกมา

"ฉันอยากให้ลิลลี่แต่งงานกับเธอ"

"อะไรนะ / ว่าไงนะ!!!" ทิงเกอร์เบลล์และปีเตอร์แพนประสานเสียงกันอย่างตกใจ

"บอกตรงๆ ฉันเป็นห่วงอนาคตของลูกสาวฉัน ถ้าหากได้คนอย่างเธอมาดูแลลิลลี่ต่อแล้วละก็ ฉันคงเบาใจ"

"แต่ผม...คุณก็รู้ว่าผมโตได้เพียงเท่านี้ เราทุกคนจะมีอายุเท่าที่เราปารถนา และผมไม่ได้อยากจะโตขึ้น"

"ฉันรู้ แต่เพียงแค่ให้เธอแต่งกับลิลลี่ไปก่อนหากเธอปราถนาจะเป็นเด็ก ก็สุดแล้วแต่เธอ แต่หากเธอเกิดรักลูกสาวฉันแล้วอยากจะเป็นผู้ใหญ่ นั่นก็ไม่ได้เสียหายอะไร" หัวหน้าเผ่ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

"เฮ้อ....เอาเถอะ ถ้าคุณว่าอย่างนั้น ผมจะแต่ง แต่หากลิลลี่ไม่แต่ง ผมจะไม่บังคับใจเธอนะ"

"ได้ๆๆ" หัวหน้าเผ่ายิ้มอย่างปิติเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่หวัง

"ถ้าอย่างนั้น อีกสองอาทิตย์ฉันจะจัดงานแต่งไว้รอนะ"

"หา!!!!!!!"







"กัปตันๆ ผมเจอสามคนนี้บนบ้านปีเตอร์แพน" ลูกน้องคนหนึ่งของกัปตันฮุกเรียกหัวหน้าของเขาด้วยเสียงที่ดังก้อง

"เอะอะอะไรของแกนักหนาวะ" ฮุกเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะเขากำลังฟัดสองสาวร่างอวบอิ่มอยู่ในห้องแต่ก็ต้องเสียอารมณ์เพราะเสียงของลูกน้องตนเอง

"ผมเจอเจ้าเด็กสามคนนี้ ในบ้านปีเตอร์แพน เอาไงดีกัปตัน" ฮุกมองเด็กทั้งสามที่ลูกน้องบอกด้วยสายตาเมินเฉยแต่เมื่อเห็นเด็กสาวร่างเล็กที่อยู่ในวัยแรกแย้ม นั่นยิ่งทำให้อารมณืที่เพิ่งจะดับไปพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่ต่างจากเวนดี้นัก ร่างเล็กมองรูปร่างที่ผ่านการออกกำลังกามาอย่างหนัก ในหน้าที่หล่อเหลาคมคาย ไหนใครกันว่าไว้ ว่ากัปตันฮุกช่างแก่ ไหนใครกันบอกไว้ว่ากัปตันฮุกมีแขนเป็นตะขอ แล้วภาพที่อยู่ตรงหน้าเล่า กล้ามแขนเป็นมัดที่โผ่พ้นแขนเสื้อมานั่นไม่ใช่หรือของจริง

"หึหึ ชื่อะไรกันบ้างละเนี่ย" ฮุกถามด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์

"พวกเราไม่บอกแกหรอก แกเป็นคนไม่ดี/ใช่ๆ" น้องชายคนโตของเวนดี้ตอกกลับฮุกไปทันที

"นี่!!! เอ่อ...หนูชื่อเวนดี้ค่ะ เป็นเพื่อนของปีเตอร์แพนและนี่ก็น้องชายทั้งสองคนของหนู ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะกัปตันฮุก"เวนดี้หันมาดุน้องทั้งสองก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงอ่อนหวาน

อา ของใกล้มือสินะ จะกินเลยดีไหมนะ

"เอาตัวไปไว้ในห้องของฉัน แล้วไล่ยัยพวกนั่นกลับไปด้วย เอาเงินให้แล้วพาไปส่งซะ อย่าให้ช้า หึหึ เสร็จแล้วให้คนส่งข่าวหาปีเตอร์แพนด้วยละ"

"ครับ กัปตัน!!" ทุกคนวิ่งวุ่นทำตามที่กัปตันของตนว่า

         เฮ้อออ......ไม่แคล้วจะโดนเขาเกลียดเข้าอีกน่ะสิ แสดงความรักไม่เป็นเลยน๊ากัปตันของเรา







ปีเตอร์แพนที่กลับมาจากการวางแผนงานแต่งของตนก็ต้องตกใจเมื่อภายในบ้านนั้นว่างเปล่าไม่มีเงาของทั้งสามคนที่ตนพามาแต่น้อย ทิงเกอร์เบลล์ยิ้มเยาะในใจเมื่อไม่เห็นเวนดี้อยู่ในบ้าน เธอเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงไม่ชอบเวนดี้นัก อาจจะเพราะความแรดของยัยนั่นก็ได้

"ปีเตอร์แพนๆ แย่แล้วๆ แฮ่กๆ" เด็กหายคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาปีเตอร์แพนที่มีสีหน้าเคร่งเครียด

"เกิดอะไรขึ้นเจมส์"

"พวกเด็กหายที่อยู่แนวชายฝั่งเขาพูดกัน แฮ่กๆ ว่า พวกเพื่อนๆที่นายพามา ถูกกัปตันฮุกจับตัวไป" ปีเตอร์แพนเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะถลาออกไป แต่ทิงเกอร์เบลล์กลับหยุดเอาไว้

"เดี๋ยวปีเตอร์ เธอจะไปไหน"

"ฉันก็จะรีบไปช่วยเวนดี้น่ะสิ"

"เธอแน่ใจได้ยังไงปีเตอร์ ว่ายัย เอ่อ เวนดี้น่ะถูกจับไป ไม่ได้เต็มใจจะไปกับฮุก" ปัเตอร์แพนมองทิงเกอร์ด้วยใบหน้าขึงขังแต่สายตากลับฟาดฟันจนทิงเกอร์เบลล์ตกใจ

"เธอพูดแบบนี้ได้ไงกันทิงก์ เวนดี้ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าเธออีก!!" ทิงเกอร์เบลล์ปล่อยโฮในขณะที่ปีเตอร์แพนมุ่งตรงไปยังเรือของกัปตันฮุกโดยไม่เหลียวมองทิงเกอร์เบลล์เลยแม้แต่น้อย เจมส์มองทิงเกอร์เบลล์ด้วยความสงสาร แม้ตัวเองจะไม่เข้าใจว่าทำไมทิงเกอร์เบลล์ถึงว่าร้ายคนอื่นก็ตาม แต่เขาก็เลือกที่จะพาทิงเกอร์เบลล์ออกมาจากบ้านของปีเตอร์แพน







"กัปตันฮุก ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!!!!" ปีเตอร์แพนตะโกนเรียกฮุกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

"อะอ้าว ปีเตอร์แพนตัวน้อย มาทำอะไรตรงนี้ล่ะ หรือว่าคิด...."

"ปล่อยเวนดี้กับน้องๆของเขาออกมาเดี๋ยวนี้นะ นายไม่มีสิทธิ์มาจับเขาเอาไว้แบบนี้!!" ยังไม่ทันที่ฮุกจะพูดจบประโยค ปีเตอร์แพนก็พุ่งเข้าเรื่องสำคัญทันที

"หืม ใครบอกเธอกันปีเตอร์แพน ว่าฉันลักพาตัวเขามา เขาออกจะเต็มใจมากับฉันนะ" กัปตันฮุกกล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นต่อ

"นายโกหก!!!! เวนดี้น่ะ เวนดี้น่ะ เขาไม่มีทางเต็มใจมากับคนอย่างนาย!!!!"

"แต่ฉันเต็มใจมานะ ปีเตอร์" ปีเตอร์แพนชะงัก มองร่างที่ออกมาจากบันไดใต้ทท้องเรืออย่างไม่เชื่อสายตา

"เวนดี้" เสียงเรียกชื่อที่แผ่วเบาจนไม่แน่ใจว่าออกมาจากปากของปีเตอร์แพนจริงๆหรือไม่ ฮุกยักคิ้วราวกับจะพูดว่า เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้ว

"ทำไม ทำไมเธอถึงได้"

"ฉันขอบใจที่เธอพาฉันมาที่เนเวอร์แลนด์นะ แต่ตอนนี้ฉันอยู่กับกัปตันฮุกก็สนุกดี เธอเองคงไม่ได้อยากให้ฉันไม่มีความสุขหรอกจรองไหมล่ะ" แม้ร่างบางของเวนดี้จะพูดราวกับว่าขอบคุณปีเตอร์แพนมากมาย แต่ในประโยคนั่นกลับบังคับให้ปีเตอร์แพนกลับไปเสียมากกว่า

"เข้าใจแล้ว ฮ่ะๆๆๆ ฉันเข้าใจแล้ว เธอพูดถูกเวนดี้ ฉันไม่อยากขัดความสุขเธอหรอก"ปีเตอร์ก้มหน้าซ่อยหยาดน้ำตาไว้ใต้ผมที่ปรกลงมาบนใบหน้า

"งั้นฉันไปล่ะ ขอให้เธอมีความสุข มากๆ" ปีเตร์แพนบินหนีไปยังบ้านของตัวเองโดยไม่สนใจว่าคนพวกนั้นจะหัวเราะเยาะเขาหรือว่านินทาอะไร เขาไม่มีอารมณ์มาฟังตอนนี้ ขอแค่หนีพ้นจากตรงนั้นมาได้ก็พอ

ฉันน่าจะเชื่อเธอทิงก์ เธอพูดถูกจริงๆ ฉันมันโง่เอง



ปีเตอร์แพนบินผ่านเจมส์และทิงเกอร์เบลล์ไปโดยไม่สังเกตเห็น แต่ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองจะไม่เห็นเขา ทิงเกอร์ที่เห็นสีหน้าปัเตอร์แพนอย่างชัดเจนหยุดร้องไห้แล้วบินตามเขาไปอย่างเป็นห่วง โดยมีเจมส์วิ่งตามไปเช่นกัน ปีเตอร์แพนกลับเข้าบ้านของตัวเองทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง น้ำตาไหลไม่ขาดสาย เพื่อนที่เขาเชื่อใจไว้ใจ และอาจจะ รัก กลับไปเลือกบุคคลที่อันตรายและไม่สมควรจะรักด้วยซ้ำ แถมความเป็นห่วงของเขาเองกลับถูกเธอเหยียบย้ำมันต่อหน้าต่อตาชายที่เขาเกลียดที่สุดอีก
 
   เธอช่างใจร้ายนักเวนดี้

"ปีเตอร์ ไม่เป็นไรนะ" ปีเตอร์แพนลืมตามองตามเสียงเรียก แต่นั่นยิ่งทำให้น้ำตาไหลมากกว่าเก่า คนที่เขาว่าเธอด้วยถ้อยคำร้ายๆ เธอที่เตือนเขาแต่เขาไม่ฟังซ้ำยังไล่เธอไป แต่มีแค่เธอที่เป็นห่วงเขา

"ฉันขอโทษนะทิงก์ ฮือออ ขอโทษนะ ฉันไม่น่าว่าเธอเลย เธอพูดถูกทุกอย่าง ฮือๆๆๆ เวนดี้เต็มใจไปกับหมอนั่น เขาไม่ได้จับเธอไป ฉันมันโง่เอง"

"ไม่ ฉันไม่เคยโกรธเธอเลยปีเตอร์ อย่าโทษตัวเอง อีกสองอาทิตย์ เธอจะแต่งงานกับลิลลี่แล้วน่ะ ลิลลี่เองก็สวย นิสัยก็ดีใช้ได้ ลืมเวนดี้เสีย ทุกอย่างจะดีขึ้น เชื่อฉันสิ"แต่ไม่ว่าจะปลอบใจอย่างไร

ปีเตอร์แพนก็เอาแต่ร้องไห้อย่างหนัก ภายในเวลาไม่กี่วันพวกเด็กหายกระจายข่าวที่ปีเตอร์แพนกำลังจะแต่งงานกับลิลลี่ไปทั่วทั้งเกาะ และแน่นอนมันย่อมไปถึงหูของกัปตันฮุก









กลับมาแล้วค่าาาา ในที่สุดเราก็ล้างคำสาปจากคุณป๋าได้แล้ว อย่าตกใจถ้าหากมันไม่สนุกนะคะ สารภาพเลยว่า ไม่ค่อยชอบอ่านเรื่องปีเตอร์แพนเท่าไหร่ แต่... ทะแด๊ ~ ความสุขอยู่ครึ่งหลัง ซึ่งคุณๆอาจะคิดไม่ถคงเลยทีเดียว แมวเตือนแล้วน๊าาา พาร์ท2 แมวจะลงให้อ่านพรุ่งนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ปีเตอร์แพน 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-05-2017 13:08:06
สงสารปีเตอร์แพน.. :ling3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ปีเตอร์แพน 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 09-05-2017 15:42:54
ถุงพรุ่งนี้ยัง?
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ปีเตอร์แพน 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 10-05-2017 10:30:14
    เพล้งง

 "โถ่โว้ยยยยย!!!" เป็นอย่างนี้มาเกือบสองอาทิตย์แล้ว ตั้งแต่ได้ยินข่าวจากฝั่งโน้น ภายในห้องก็กระจัดกระจายไปด้วยเศษแก้ว
นับร้อยๆ

 "พอเถอะค่ะฮุก เลิกดื่มได้แล้ว" เวนดี้เข้ามาจับมือห้ามฮุกไว้เมื่อเขาทำท่าว่าจะไม่ยอมหยุดอาละวาดง่ายๆ

 "มายุ่งอะไรด้วยวะ" กัปตันฮุกปัดมือเวนดี้ออกอย่างแรง

 “หนูเป็นห่วงนะคะถึงมาเตือน” ทั้งที่ปากว่าอย่างนั้น แต่มือของเวนดี้กลับลูบไล้ไปทั่วทั้งแผ่นหลังกว้าง

 “หึ อยากหรือไง” ฮุกถามพร้อมรอยยิ้มดูแคลน จนเวนดี้หน้าเสีย

 “ทำไมพูดกับหนูแบบนี้ล่ะ หนูเป็นเมียพี่นะ ไม่ใช่อีตัว!!”

 “มันก็ไม่ต่างกันนักหรอก วิ่งโร่มาหาฉันทั้งๆที่ปีเตอร์แพนมันมาตามกลับก็ไม่ไป เหอะ อย่าเรียกตัวเองว่าเมียเลย ผ่านมากี่คน
แล้วล่ะ ฉันไม่ใช่คนแรกของเธอนี่”

 เพี้ย!!!

 “พูดแบบนี้คิดจะทิ้งหนูใช่ไหม จะผ่านมากี่คนแต่คุณก็เอาหนูเหมือนกันนั่นล่ะ อย่าคิดนะว่าจะทิ้งหนูง่ายๆ” เวนดี้ตบลงบนในหน้า
คม แล้วเชิดหน้าพูดอย่างไม่อาย

 “ถ้าคิดว่าจะอยู่ที่นี่ก็เลือกเอาแล้วกัน จะให้โยนลงไปนอนก้นทะเล หรืออยากจะนอนในหลุม จะได้ให้ลูกน้องหาที่เหมาะๆให้”
สีหน้าที่เปลี่ยนไปของฮุกทำให้เวนดี้ขนลุกซู่ แววตาของเขาไม่มีคำว่าล้อเล่นอยู่เลยแม้แต่น้อย

 “แต่ถ้าเธอเลือกจะกลับไปดีๆ ฉันจะให้ลูกน้องเอาสมบัติให้หนึ่งหยิบมือ แน่นอน เธอและน้องชายจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย”

 “ตะ แต่ แต่หนู หนูเป็นเมียคุณ”

 “ถ้าฉันคิดจะมีเมีย สองคนก่อนหน้าเธอเขาคงมาทวงสิทธิ์จนไม่เหลือมาถึงเธอแล้ว เป็นแค่ของเล่นอย่าสำคัญตัวเองผิด” ฮุกยก
เหล้าขึ้นมาจิบ ในขณะที่เวนดี้มองฮุกด้วยสีหน้าลังเล

 “เลือกเอา จะตายอยู่ที่นี่โดยไม่มีใครรู้ หรือจะกลับไปพร้อมน้องๆของเธอ” เวนดี้เม้นริมฝีปากแน่นอย่างไม่พอใจ

 “เลือก!!!!”

 “กะ กลับๆ หนูจะกลับ” เวนดี้พูดขค้นด้วยความกลัวเมื่อกัปตันฮุกคนที่เธอเคยสนุกด้วยตะคอกเธอออกมา เธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้

 “ดี เอ็ด!!!!!!” ฮุกตะโกนเรียกลูกน้อง

 “ครับกัปตัน”

 “พาเด็กนี่กับอีกสองคนไปส่งที่บ้าน อ้อ....เอาสมบัติที่ฉันแยกไว้ให้ไปด้วย”

 “ได้ครับ มาทางนี้เถอะครับ”

 “เอ็ด...รีบกลับ ฉันจะเรียกประชุมใหญ่”

 “ได้ครับกัปตัน” เอ็ดจับแขนเวนดี้ไว้เพื่อจะพาออกไป แต่เวนดี้สะบัดออก

 “เดี๋ยวค่ะ หนูมีเรื่องอยากจะถาม”

 “มีอะไร”

 “ทำไมคุณถึงเปลี่ยนไปคะ คุณไม่เหมือนคนเดิมเลย”

 “ไม่ใช่เรื่องของเธอ กลับไปซะ!!!!” เวนดี้เม้มปาก สะบัดหน้าหนีแล้วสาวเท้าเดินออกไป ฮุกกำแก้วเหล้าในมือแน่นพร้อมแววตา
ราวสัตว์ป่าที่พร้อมจะออกล่าเหยื่อ

 “ฉันไม่ยอมแน่ ไม่มีทาง เธอจะแต่งกับใครไม่ได้”

     

              “ปีเตอร์แพน!!!”




       ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง แม้ทุกคนจะเดินเข้ามาเผื่อแสดงความยินดีก็ตาม แต่ปีเตอร์แพนกลับยิ้มอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ทุก
คนดูสนุกสนานกับงานฉลองแต่งงานของเขา เขาเองก็ช่างโชคดีลิลลี่จัดว่าเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง ยิ่งเธออยู่ในชุดเจ้าสาวของ
เผ่าอินเดียแดงที่ประดับประดาด้วยลูกปัดนับร้อยยิ่งทำให้เธอดูโดดเด่นขึ้น พวกเด็กหายต่างเดินเข้ามาพร้อมแสดงความยินดีกับ
เขา เขาทำเพียงยิ้มตอบกลับไป ต่างกับลิลลี่ที่ใบหน้างดงามแดงซ่าน ปีเตอร์แพนกวาดสายตาหาเพื่อนตัวน้อยของเขา เพราะ
ตลอดทั้งวันตัวเขายังไม่เห็นทิงเกอร์เบลล์เลย ไม่รู้ว่าหายไปไหน

 “เอาล่ะๆ ได้เวลาแล้ว เชิญบ่าวสาวเดินมาข้างพ่อหมอเลย” เสียงปรบมือดังสนั่นหลังจบคำของหัวหน้าเผ่า ปีเตอร์แพนและลิลลี่
ก้าวไปตามคำบอกจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพ่อหมอของเผ่าอินเดียแดง ปีเตอร์แพนและลิลลี่หันหน้าเข้าหากันปีเตอร์แพนจะ
ต้องกุมมือของลิลลี่เอาไว้ตามคำบอกของพ่อหมอ ทั้งคู่กล่าวคำปฏิญาณต่อกัน

 “บ่าวสาวจูบสาบานกันได้” ในขณะที่ใบหน้าทั้งสองเคลื่อนเข้าใกล้กันจนริมฝีปากเกือบจะชิดกันนั้น เสียงของระเบิดก็ดังขึ้น

 “เกิดอะไรขึ้น!!” หัวหน้าเผ่าดูหัวเสียมากเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นมา

 “แย่แล้วหัวหน้า กัปตันฮุกมันกพวกมาถล่มเรา”

 “ว่าไงนะ!!!” ปีเตอร์ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น

 “ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือ แล้วลากปีเตอร์แพนมาให้ฉัน!!!!!” ฮุกชี้ปลายดาบสั่งลูกน้องด้วยเสียงเหี้ยมโหด

 “ครับกัปตัน!!!” ลูกน้องนับสิบรับคำด้วยการแสยะยิ้มใส่ทุกคน

 ผู้คนในงานต่างวิ่งวุ่นหนีตายกันยกใหญ่ เสียงกรีดร้องด้วยความกลัวเสียงอวดครวญด้วยความเจ็บดังมาไม่ขาดสาย งานแต่งของปีเตอร์แพนที่จัดไว้อย่างสวยงามกลับถูกแต่งแต้มไปด้วยสีเลือดและศพกระจัดกระจาย ปีเตอร์แพนมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความตะลึงงัน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร่างของตนเองถูกลากให้ห่างจากลิลลี่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของลิลลี่

 “ลิลลี่!!!!” ปีเตอร์แพนสะบัดมือออกจากอุ้งมือใหญ่ แต่ก็ไม่สำเร็จ

 “จะไปไหน มานี่” กัปตันฮุกออกแรงมากขึ้นเพื่อลากร่างเล็กๆของปีเตอร์แพนให้ก้าวตามมา ปรเตอร์แพนขืนกาย เมื่อไม่มีทิงเกอร์เบลล์เขาก็ไม่สามารถบินได้

 “เอ็ด!!!! ถ้าเรียบร้อยก็พาพรรคพวกกลับเรือล่ะ อย่าลืม ห้ามใครไปรบกวนฉันเด็ดขาด!!”

 “รับทราบครับกัปตัน”

 “ปล่อย!! ปล่อยฉัน ลิลลี่ ลิลลี่!!!” เสียงหวานของปีเตอร์แพนที่เอาแต่เรียกชื่อของเจ้าสาวยิ่งทำให้ฮุกโกรธจัดจนมือหนากระชากรั้งไหล่บางมาเขย่าจนตัวโยน

 “เรียกหามันทำไม อาลัยอาวรณ์นักหรือเจ้าสาวนั่น!!! ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำให้งานแต่งเธอเป็นหม้ายหรอกปีเตอร์แพน มานี่!!!” ไม่มีเสียงใดที่ผ่านเข้าไปยังจิตสำนึกของกัปตันฮุกได้ กัปตันฮุกกระชากลากถูร่างเล็กๆของปีเตอร์แพนมาขึ้นเรือของตน ผ่านลงไปยังห้องนอนที่แม้จะแคบกว่าบ้านของปีเตอร์แพนแต่ความสวยงามกลับยิ่งกว่า ฮุกเหวี่ยงร่างปีเตอร์แพนลงบนเตียงก่อนจะปิดประตูลงกลอน

 “คิดจะทำอะไร ทิงก์ ทิงเกอร์ เธออยู่ไหน!!!” ปีเตอร์แพนขยับกายหนี พร้อมตะโกนเรียกหานางฟ้าตัวน้อย

 “ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าๆๆๆ เรียกหาใครหรือปีเตอร์ เจ้าจิ๋วนั่นนะหรือ ฮ่าๆๆๆ คิดว่าทำไมมันไม่โผล่มาหานายล่ะ คิดไม่ออกเลยจริงๆหรือ” เสียงหัวเราะราวกับปีศาจช่างน่าขนลุกจนปีเตอร์ต้องขยับตัวหนีอีกครั้ง

 “นะ นาย นายทำอะไร นายทำอะไรทิงเกอร์เบลล์” ฮุกมองหน้างามด้วยรอยยิ้มพร้อมร่างหนาที่ค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้

 “ใช่ๆ ถูกแล้ว ฉันฆ่ามันเอง รู้ไหม ก่อนมันตาย มันเรียกหาแต่นาย ถ้ามันไม่เรียกนาย ก็คงไม่ต้องตายแบบนี้หรอก” คำตอบของฮุกทำให้ปีเตอร์แพนช็อค มิน่าเล่า งานสำคัญของเขาทิงเกอร์เบลล์ถึงไม่มา

 “นาย นายมันต่ำช้า นายบ้าไปแล้ว นายทำได้ยังไงกัน!!” ปีเตอร์แพนกระโจนเข้าหาฮุกอย่างลืมตัวด้วยความโกรธ สองมือบางขยุ้มคอเสื้อของฉุกไว้อย่างลืมกลัว

 “ฉันจะฆ่าพวกมันทุกคน ทุกคนที่อยู่ใกล้นาย ทุกคนที่นายรัก ทุกคนที่ได้หัวใจนาย เพราะทุกอย่างของนาย มันเป็นของฉัน!” ฮุกรวบแขนทั้งสองข้างของร่างบางแล้วกดลงบนที่นอนนุ่มจนมันจมลงไป

 “เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีเจ้าสาวแล้ว งั้นฉันจะช่วยสงเคราะห์พานายเข้าหอเอง!!”

 “ไม่” ริมฝีปากหนาประกบริมปากบางของปีเตอร์พะนอย่างหื่นกระหาย มันทั้งจาบจ้วงและร้อนแรง แต่ทุกๆครั้งที่ฮุกขยับริมฝีปากมันมาพร้อมกับความเจ็บจี๊ดที่ริมฝีปากบางเช่นกัน มิหนาเลื่อนข้อมือเล็กขึ้นมารวบด้วยมือข้างเดียวไว้เหนือหัว ใช้มือข้างที่ว่างกระชากเสื้อเจ้าบ่าวของปีเตอร์จนขาดวิ่น ปีเตอร์แพนสะดุ้งสะบัดหน้าหนีการรุกรานของลิ้นร้อนที่สอดเข้ามา แต่มันไม่มีประโยชน์เมื่อมือของฮุกบีบคางของปีเตอร์อย่างแรงจนร่างเล็กต้องยอมให้ลิ้นหนาสอดเข้ามาลิ้มราชาติอันหอมหวาน เรียวลิ้นของฮุกรุกไล่เกี่ยวกระหวัดไม่ยอมให้หนี จูบอันดูดดื่มที่ฮุกมอบให้แม้ปีเตอร์ไม่เต็มใจแต่มันกลับทำให้ร่างกายอ่อนยวบจนไร้เรี่ยวแรง เมื่อเห็นว่าปีเตอร์ไม่ขัดขืนแล้วฮุกจึงปล่อยมือออกจากคางเล็กมาลูบไล้ยอดอกเล็กๆแทน ฮุกสะกิดยอดอกบางจนร่างเล็กสะดุ้งในขณะที่ปากยังคงวนเวียนดูดผิวเนื้อตรงลำคอขาว

 “อ๊ะ” ปีเตอร์เมื่อรู้สึกตัวจึงผลักร่างของฮุกออกอย่างแรงจนร่วงลงข้างเตียง มือบางรวบสาบเสื้อเข้าหากันเพื่อบดบังผิวขาวนวลเอาไว้

 “ถอยไปนะฮุก อย่าเข้ามา” ฮุกยกข้อมือขึ้นเช็ดปากอย่างหัวเสีย

 “ฤทธิ์เยอะจริงๆ” ฮุกเดินไปยังตู้เก็บของใกล้ๆประตู ปีเตอร์แพนผวาเมื่อเห็นสิ่งที่ฮุกหยิบออกมา โซ่สีเงินเส้นยาว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฮุกเอามันมาทำไม ไวเท่าความคิด ปีเตอร์แพนกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปยังประตูโดยลืมไปว่าฮุกอยู่ใกล้กว่า มือหนากระชากร่างเล็กกลับแล้วดันลงบนเตียงอย่างเดิมโดยคราวนี้ฮุกจับข้อเท้าเล็กๆเอาไว้ข้างหนึ่ง

  กึก แกร็ก

 “หยุดนะ!!!” ปีเตอร์พยายามกระชากข้อเท้าหนีแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงของรางสูงได้เลย เมื่อจัดการล็อคเรียบร้อยแต่ปีเตอร์ยังไม่ยอมหยุดดิ้น หมัดหนักๆก็ถูกซัดลงบนท้องของปีเตอร์อย่างแรง

ผลัวะ

 “อึก!” ปีเตอร์งอตัวด้วยความจุก ฮุกดึงสาบเสื้อออกจากกันก่อนที่จะก้มลงดูดยอดอกสีสวยเข้าปากอย่างรุนแรง สองมือกดข้อมือเล็กไว้ทั้งสองข้างแต่ปากกลับทำหน้าที่ไม่ขาด ปลายลิ้นร้อนเลียยอดสวยไปมาสลับกับดูดดึงจนเกิดเสียงน่าอาย ฮุกทำเช่นนั้นกับยอดอกทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียมจนร่างของปีเตอร์ครางเสียงแผ่วอย่างห้ามไม่อยู่ ฮุกลุกออกจากร่างบางเพื่อปลดเสื้อผ้าของตนจนหมดก่อนจะคล่อมร่างปีเตอร์แพนไว้อย่างเดิม

 “ชอบสินะ ใจจริงคงอยากจะทำแบบนี้กับเจ้าสาวของนายล่ะสิ แต่ฝันไปเถอะ เพราะฉันคนนี้จะสนองนองนายเอง!!”

 “อย่า!!!” กัปตันฮุกที่พูดอย่างกราดเกรี้ยว ดึงทิ้งกางเกงของปีเตอร์ออกอย่างรวดเร็วไม่สนใจเสียงที่ร้องห้ามหรือมือบางที่ผลักใส ฮุกจับเรียวขาขาวให้อ้าออกจากกันแล้วแทรกร่างกายเช้าไปอยู่ตรงกลางพร้อมจับมือที่คอยทุบตีเขามากดไว้ ฮุกละเลงลิ้นร้อนลงบนแก่นกายเล็กสีชมพูสวยงามของคนตรงหน้าก่อนจะครอบครองมันด้วยริมฝีปาก เขาปล่อยมือที่จับปีเตอร์ออกแล้วจับแก่นกายของร่างเล็กแทนจนปีเตอร์แอ่นกายขึ้นพร้อมมือบางที่คิดจะผลักหัวของฮุกออกหากแต่กลับกดมันลงไปมากกว่าเดิมแทน ฮุกขยับปากขึ้นลงเป็นจังหวะเร็วขึ้นๆจนร่างเล็กใกล้จะถึงฝั่งฮุกจึงหยุดและถอนริมฝีปากออก เมือกสีใสไหลออกมาจากมุมปากของฮุกจนต้องมานิ้งมาเช็ดออกแล้วสอดนิ้วที่เปื้อนเข้าไปสำรวจช่องทางเล็กๆที่ตอดเขาอย่างดีเยี่ยม ปีเตอร์นอนหอบหายใจถี่ มือไม้อ่อนแรงเริ่มมีแรงกลับมาอีกครั้งเมื่อความเจ็บปวดจากปลายนิ้วเรียวมาเยือน

 “หยุดนะ มันเจ็บ อย่า!!!” ปีเตอร์เริ่มทุบตีฮุกอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น

 “ช่วยด้วย ฮื่อออ ใครก็ได้ ช่วยผมด้วยยยยยย” ฮุกเริ่มมีน้ำโหเมื่อปีเตอร์แพนร้องหาคนช่วย

 “เรียกหาใคร ถ้าใครมันเข้ามา ฉันจะฆ่ามัน ใครตอบกลับมาฉันก็จะฆ่ามัน ไม่มีใครช่วยนายได้อีกแล้วปีเตอร์แพน นายเป็นของฉัน จำเอาไว้!!!”

 “ม่ายยยยยย!!!” ฮุกสอดแทรกแก่นกายที่มีขนาดใหญ่โตเข้าไปในช่องทางเล็กอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องจากความเจ็บปวดของปีเตอร์แม้แต่น้อย

 “เจ็บ อย่า ฮื่อออ หยุดนะ อ๊ะ หยุดดดด” ใบหน้างามสะบัดไปมาอย่างไม่ยินยอม มือบางทุบตีบ้างดันร่างหนาออกบ้าง ในขณะที่ฮุกยังตงขยับสะโพกเข้าออกอย่างรุนแรง ในหน้าคมคายแหงนขึ้นซูดปากด้วยความเสียวซ่านเมื่อภายในร่างกายของคนตัวเล็กบีบรัดจนฮุกเกือบจะเสร็จอยู่ร่อมร่อ

 “ฉันขอร้อง เราไม่เคยมีปัญหากัน ฮื่อๆๆ ปล่อยฉันไป นายก็รู้ ฮึก ว่าฉันแต่งงาน อ๊ะ จะทำอะไร ไม่นะ อย่า!!” ฮุกพลิกร่างเล็กให้คว่ำหน้าลงกับเตียงทั้งที่แก่นกายยังคงเชื่อมต่ออยู่ คำพูดของปีเตอร์แพนทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเขาเพิ่มมากขึ้นจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่ นั่นทำให้สะโพกหนากระแทกเข้ามายังช่องทางเล็กอย่างรุนแรงกว่าเก่า ฮุกถอนแก่นกายออกมาจนเกือบสุดแล้วดันมันเข้าไปใหม่ เขาทำแบบนั้นอยู่หลายรอบจนร่างบางหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับจะขาดใจ นั่นจึงทำให้ฮุกเริ่มขยับเป็นจังหวะเร็วขึ้นอีกครั้ง

 “อา ดูสิปีเตอร์แพน รูของนายมันดูดกลืนของฉันจนหมด อือ แถมยังตอดรัดฉันขนาดนี้ ยังกล้าพูดว่าจะไปมีเมียอีกหรือ หึหึ” ฮุกแกล้งขยับกายเน้นๆ จนปีเตอร์ผวาเฮือก

 “นายมันวิปริต ต่ำช้า อืออ ฉันเกลียด..โอ้ย”

    เพี้ยะ!!

 “อา เด็กดื้อ เมื่อเธอดื้อ เธอจะต้องโดนตี”

   เพี้ยะ!! เพี้ยะ!!

ฮุกฟาดฝ่ามือลงบนก้นงอนอย่างแรงราวกับต้องการลงโทษสิ่งที่ปีเตอร์พูดจนเกิดรอยแดงขึ้น

 “ดีจริงๆ เธอตอดรัดฉันดีกว่าผู้หญิงคนไหนๆ ต่อไปนี้เราจะทำกันทุกๆคืน ทุกๆวัน ฉันจะทำจนเธอไปไหนจากฉันไม่ได้ มองใครนอกจากฉันไม่ได้ อา ครางออกมาสิ ครางออกมา” ฮุกกระแทกตัวเป็นจังหวะเน้นๆเข้าไปยังจุดเสียวซ่านของปีเตอร์ แต่ปีเตอร์แพนไม่ยอมปล่อยเสียงใดๆให้เล็ดรอดออกมา เขากัดแขนเอาไว้อย่างไม่ยอมแพ้

 “เด็กไม่ดี ฉันไม่ยอมแพ้หรอก” ฮุกจับแขนของปีเตอร์ออกมากดไว้ข้างตัว โน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมขยับสะโพกเร็วและถี่ขึ้นจนปีเตอร์ทนแทบไม่ไหว

 “อ๊า ไม่ หยะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊า พอแล้ว อ๊ะ”

 “มันไม่พอหรอก เรามีเวลาทำกันทั้งคืน นี่คืนเข้าหอไงปีเตอร์แพน แต่เป็นของเธอกับฉัน ไม่ใช่คนอื่น!!” ฮุกปล่อยแขนปีเตอร์มากุมสะโพกขาวเอาไว้ก่อนจะเร่งตัวเร็วขึ้นจนเกิดเสียงกระทบของผิวเนื้อและเสียงครวญครางของทั้งสองจนเมื่อทั้งคู่ถึงจุดหมาย ร่างของฮุกก็ซบลงบนแผ่นหลังของปีเตอร์แพนอย่างหมดแรง ในขณะที่ปีเตอร์แพนนอนน้ำตาไหลนองไปทั่วทั้งใบหน้าและลมหายใจที่หอบถี่

 “ฉันจะทำกับเธอทุกวัน จนกว่าเธอจะจำ ว่าเธอเป็นของใคร” ประโยคสุดท้ายที่ปีเตอร์ได้ยินก่อนจะเข้าสู่นิทราด้วยความเหนื่อยล้า ประโยคที่ผูกมัดเขาเอาไว้ ไม่ยอมให้เขาไปไหน

 “ฉันรักเธอ เธอเป็นของฉัน ใครคิดจะแย่งเธอฉันจะฆ่ามัน เธออยู่ได้แค่ที่นี่เท่านั้น แค่บนเตียงของฉัน ไม่ใช่ของใคร จำไว้ปีเตอร์ นายจะไม่มีวันได้ไปไหนอีกแล้ว” มือหนาเกลี่ยผมที่ชื้นเหงื่ออกจากใบหน้างาม แล้วก้มลงกระซิบราวกับต้องการให้คนที่นอนหลับนั้นได้ยินไปถึงความฝันที่แสนไกล ราวกับต้องการจะควบคุมมันเอาไว้ให้เป็นฝันที่ต้องมีเขาเท่านั้น

 “ไม่มีวัน”







The End
[/b][/size]

           


               จบแล้วค่ะ จบแบบนี้แหละ 555555 มีความสุขดีนะคะ ทำไมแมวรู้สึกว่าโรคจิตยังไงไม่รู้พอเขียนเรื่องนี้ ไม่หรอกเนอะ (ยังคงเชื่อมั่นในตัวเอง) นี่แหละค่ะ ปีเตอร์แพนฉบับของllมว_น้oe แปลกแหวกแนว รอดูกันต่อนะคะว่าเรื่องหน้าจะเป็นเรื่องอะไร (เดี๋ยวไปค้นกลูเกิ้ลก่อนว่ามีเรื่องอะไรอีก) อุ๊บบ ไม่รู้ไม่ชี้ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและทุกๆคอมเม้นท์มากๆค่ะ พบกันอาทิตย์หน้านะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ปีเตอร์แพน 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-05-2017 13:03:07
เรื่องนี้ดูดาร์คกว่าสองเรื่องก่อนนะ ทุ่งดอกไม้กับยูนิคอร์นหายไปไหน
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ปีเตอร์แพน 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-05-2017 13:30:40
กัปตันฮุกใจร้าย..ยยยยยยยย    :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เด็กชายกับไม้ขีดไฟ (จบในตอน)
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 11-05-2017 13:28:59
     เด็กชายกับไม้ขีดไฟ





                คืนหนึ่งในเมืองเล็กๆซึ่งมีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินสวนกันไปมา แต่ละคนสมเสื้อที่หนาเพื่อป้องกันอากาศที่เหน็บหนาวเอาไว้ แต่ใครเล่าจะให้ความสนใจ เด็กชายน่าตามอมแมมเดินถือตระกร้าที่บรรจุกล่องไม้ขีดไฟ เขาสวมเสื้อผ้าขาดๆที่ไม่เหมาะกับอากาศเลยสักนิด

“ไม้ขีดไฟไหมครับ รับไม้ขีดไฟไหมครับ” เสียงของเด็กน้อยช่างสั่นนักไม่ต่างจากร่างกายเล็กๆที่สั่นสะท้านเพราะความหนาว ไม่มีใครสนใจจะช่วยซื้อเลยสักนิด ผู้คนมากมายไม่มองเขาด้วยซ้ำ เด็กน้อยยกฝ่ามือขึ้นมาเป่าให้ลมร้อนจากปากบางช่วยให้อุ่นขึ้นแม้สักนิดก็ยังดี ร่างเล็กตัดสินใจถลาเข้าหาชายวัยกลางคนคนหนึ่งทันที
“คุณอาครับ ไม้ขีดไฟสักกล่องไหมครับ” มือเล็กๆจับเข้าที่เสื้อโค้ดของชายคนนั่น เขาก้มลงมามองก่อนที่มือใหญ่ๆจะสะบัดเข้าที่ใบหน้าเล็กๆทันที

เพี๊ยะ!!

“โอ๊ย”
“อย่ามาจับฉันนะเจ้าเด็กโสโครก” ชายคนรั้งเช็ดหลังมือเข้ากับเสื้ออย่างรังเกียจ มองร่างที่สั่นอยู่ที่พื้นด้วยหาวตาก่อนจะเดินต่อไป ไม่มีใครสนใจเรื่องตรงหน้าเลยสักคน
“เจ็บจังเลย” ยิ่งอากาศหนาวเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ความเจ็บปวดที่ผิวแก้มมีมากขึ้น เด็กน้อยเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ปากก็พูดเรียกลูกค้าจนเมื่อเท้าเล็กๆเริ่มชา เด็กน้อยจึงหลบไปยืนที่ซอกเล็กมุมตึกแทน อย่างน้อยก็หลบลมหนาวๆได้บ้าง
 มือบางๆลูบไปมาที่แขนทั้งสองข้างเพื่อลดความหนาวก่อนจะยกขึ้นมาเป่าอีกครั้ง เด็กน้อยทำได้เพียงแค่นั้นเอง
“หนูน้อย หนาวหรือ?” ชายหนุ่มร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาก่อนจะถามขึ้น
“ฮะ พี่ชายซื้อไม้ขีดไฟสักกล่องไหมฮะ” มือเล็กๆยกตระกล้าขึ้นมาถามด้วยแขนที่สั่นๆ
“เอาสิ กล่องเท่าไหร่ล่ะ”
“กล่องล่ะ10 ฮะพี่ชาย” ร่างเล็กรีบตอบด้วยความดีใจ
“งั้นพี่เอาสี่กล่องนะ อ่ะนี่” ร่างสูงยื่นธนบัตรใบใหญ่ที่มีจำนวนมากกว่าค่าไม้ขีดไฟสี่กล่อง
“ผม ผม ผมไม่มีถอนฮะ พี่ชายมีเศษเหรียญไหมฮะ”
“เฮ้ออ... พี่ไม่ได้พกเหรียญมาน่ะสิ เอาแบบนี้ รอพี่อยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่กลับไปเอาที่บ้านก่อน” ร่างสูงลุกขึ้นยืนและทำท่าว่าจะเดินไป
“เดี๋ยวฮะพี่ชาย” ชายร่างสูงเลิกคิ้วอย่างสงสัย
“พี่ชายลืมไม้ขีดไฟฮะ” มือเล็กๆยื่นกล่องไม้ขีดไฟสี่กล่องให้ร่างสูง
“แต่พี่ยังไม่ได้จ่ายเงินเราเลย” ใบหน้าเล็กๆส่ายไปมาช้าๆ
“ไม่เป็นไรฮะ พี่เอาไปก่อนก็ได้ฮะ เดี๋ยวผมรอพี่ชายอยู่ตรงนี้ พี่ชายค่อยเอามาให้ผม ไม่อย่างนั้นพี่ชายอาจจะหนาวนะฮะ เอาไปจุดไฟเถอะฮะ” เด็กน้อยส่งยิ้มจริงใจให้ชายหนุ่ม
“ขอบใจนะ น้องสาวพี่คงหนาวแล้ว เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมา” มือหนายกขึ้นลูบศรีษะเล็กด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินออกไป

 ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ



ร่างเล็กๆยังคงนั่งรออยู่ที่เดิม ออกไปยืนขายบ้างเข้ามาหลบลมบ้าง ยิ่งดึกมากเท่าไหร่ ความหนาวเย็นยิ่งทวีมากยิ่งขึ้น
“หนู มานั่งทำอะไรตรงนี้จ๊ะ” ชายร่างท้วมท่าทางเมามายถามขึ้น
“ผมขายไม้ขีดไฟฮะ คุณลุงรับไหมฮะ”
“อา...เอาสิจ๊ะ ลุงเอาสองกล่องเลย” ใบหน้างามเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่เริ่มมีคนมาซื้อบ้าง มือเล็กหยิบออกมาและส่งให้คนตรงหน้า

หมับ!

มืออวบอูมจับจ้อมือเล็กๆเอาไว้แล้วออกแรงกระชากจนตระกร้าของร่างเล็กล่วงลงสู่พื้น มือใหญ่ปิดปากเด็กน้อยเอาไว้ไม่ให้ร้องออกมา ก่อนจะจับร่างบางหันมาเผชิญหน้า
“อา หอมจริงๆ กลิ่นของเนื้อเด็กๆ” ใบหน้าใหญ่ไล่จมูกไปตามผิวกายของเด็กน้อยที่ยืนนิ่งแข็งทื่ออย่างตกใจ
“อ้าปากสิจ๊ะหนู” มือใหญ่บีบปลายคางเอาไว้อย่างแรง จนเด็กน้อยต้องอ้าปากออกอย่างช่วยไม่ได้ล
“ดีมาก ดูดและเลียมันสิ” ไอแกตัณหากลับส่งนิ้วที่อวบอ้วนของมันเข้าไปในปากเล็กๆสองนิ้ว เด็กน้อยน้ำตานองหน้าด้วยความกลัว ปากเล็กๆค่อยดูดและเลียตามคำสั่งทั้งที่ไม่เต็มใจ ลิ้นเล็กๆตวัดเลียนิ้วไปมา ไอแก่ดึงนิ้วเข้าออกปากเล็กตามแรงอารมณ์ หมุนวนไปมาในช่องปาก
“ดี อา ซี๊ด” นิ้วอวบถอนออกจากปากเล็กๆ ก่อนจะปลดกางเกงของตนเองออก ความเป็นชายผงาดขึ้นมาชี้หน้าเด็กน้อย มือใหญ่ชักของตัวเองขึ้นลงตรงหน้าร่างเล็ก
“อ้าปากสิ เร็ว!!” เด็กน้อยร้องไห้สะอื้นแต่ก็ต้องอ้าปากออกตามคำสั่ง
“อมไว้” แก่นกายของไอเฒ่าถูกยัดเข้ามาในปากเล็กๆ

เพี๊ยะ!

“ดูดแล้วเลียมันด้วยสิวะ” มือใหญ่ตบเข้าที่แก้มช้ำข้างเก่าอย่างแรงเมื่อเด็กน้อยไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง ปากบาวจึงเริ่มขยับเข้าออกและออกแรงดูดความใหญ่โตคับปากที่มีกลิ่นชวนอ้วก
“อา ดี เลียตรงหัวหน่อย” ลิ้นเล็กๆเลียปลายแท่นด้วยใบหน้าเหยเก ทั้งกลิ่นและรสไม่ชวนให้อยากกินมันเลยแม้แต่น้อย เฒ่าตัณหาแหงนหน้าซูดปากครางกระเส่า มือทั้งสองข้างกดหัวเล็กกระแทกเข้าออกโดยไม่สนใจเสียงร้องแม้แต่น้อย ภาพนั้นชวนให้หดหู่แก่คนที่เดินผ่านไปผ่านมายิ่งนัก ภาพการออรัลของเด็กน้อยกับชายรุ่นพ่อทำให้ผู้คนเดินเหลี่ยงไปทางอื่น ไม่มีใครสนใจจะเข้ามาช่วยหนูน้อยเลยสักคน เสียงครางพร้อมเสียงสะอื้นมีมาเป็นระยะ จนเมื่อมืออวบอูมนั้นขยับหัวของเด็กน้อยเร็วขึ้นและความอุ่นร้อนกับกลิ่นคาวก็ถูกฉีดพุ่งเข้าไปในปากเล็กจนหมด เฒ่าตัณหาพลักศรีษะของหนูน้อยออกอย่างแรง เก็บแก่นกายที่อ่อนตัวลงไปในกางแล้วเดินออกไปโดยมาสนใจเด็กน้อยเลยสักนิด ร่างเล็กๆนั่งร้องไห้สะอื้นกับชะตากรรมที่ต้องเจออย่างหวาดกลัว กลิ่นคาวยังคงคละคลุ้งไปทั่วทั้งปากและภายในลำคอ ความหนาวเหน็บก็ไม่ได้ลดลง จมูกเริ่มหายใจลำบากจากการร้องไห้และอากาศจนมือเล็กๆต้องจุดไม้ขีดไฟที่จะขายเพื่อลดความหนาวแทน
 ความสว่างส่งผลให้เด็กน้องอุ่นขึ้นราวกับว่าถูกโอบกอดด้วยความรัก แต่เมื่อมันดับลง ความเหน็บหนาวก็กลับมา มือเล็กๆที่สั่นควานหาไม้ขีดมาจุดต่อไปเพียงเพื่อจะได้รับความรู้สึกนั่นให้นานอีกสักนิดก็พอ ใบหน้าสวยยิ้มทั้งน้ำตาเพราะคิดว่ามารดามากอดตนไว้ ลมหายใจของหนูน้อยเริ่มติดขัด จนเขาล้มตัวลงนอนคู้ตัวแต่ในความรู้สึกของเด็กน้อยกลับคิดว่าได้นอนบนตักแม่ของตนเอง ผู้คนเริ่มจางลง แสงไฟเริ่มหรี่ลงกว่าที่ผ่านมาพร้อมกับลมหายใจของเด็กน้อยที่ค่อยๆแผ่วลงเช่นกัน ค่อนคืนผ่านไป ร่างเล็กหลับไปด้วยรอยยิ้มและหยาดน้ำตา ในที่สุดแสงไฟก็มืดดับลงจนหมด

“อุ้ย ดูสิ น่าสงสารจริงๆ ยังเด็กอยู่แท้ๆ” เสียงพูดคุยกันของชาวเมือง เมื่อทุกคนมาหยุดอยู่ตรงร่างเล็กๆที่นอนอยู่ที่เดิม หากแต่กลับไร้ลมหายใจ ชายร่างสูงตกใจเมื่อได้ยิน เขารีบวิ่งแทรกฝูงชนเข้ามาดู ภาวนาในใจอย่าให้เป็นไปดั่งเช่นที่เขาคิดเลย
แต่มันไม่มีประโยชน์ เมื่อภาพตรงหน้าปรากฎร่างของเด็กน้อยที่เขาบอกให้รอคอยการกลับมาของเขา ร่างสูงทิ้งตัวลงพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมา เขาปล่อยโฮอย่างไม่อายใคร

รู้สึกผิด

แน่นอน เขาคงไม่ใช่คนหากไม่รู้สึกเช่น เมื่อคืน น้องสาวเขาเกิดป่วยขึ้นมากระทันหันจนต้องพาหปหาหมอเสียยกใหญ่จึงทำให้ล่าช้าต่อนัดของเด็กชายตรงหน้า กว่าจะมาได้ก็เช้าแล้ว เขาคิดว่าเด็กน้อยอาจจะกลับบ้านไป เดี๋ยวพอเช้าเขาก็จะนำเงินมาให้ แต่เขามาไม่ทัน เขาน่าจะฉุกใจคิด น่าจะมาดูก่อนก็ยังดี มือหนากวาดเศษไม่ขีดไฟที่ถูดจุดแล้วขึ้นมาแบนหน้า
“พี่ขอโทษ ฮื่อๆ  ยกโทษให้พี่ด้วย พี่ผิดเอง พี่น่าจะมาให้เร็วกว่านี้” ร่างสูงพึมพำบอกกับเด็กน้อยตรงหน้าที่ไม่สามารถรับฟังเค้าได้อีกแล้ว
“เมื่อคืนฉันเห็นนะ ไอแก่นั่นแหละ มันให้เจ้าหนูนี่ออรัลให้มัน ฉันล่ะสงสารจริงๆ ตำรวจน่าจะตามจับมันไปเสียที น่ากลัวชะมัดเลย” ร่างสูงชะงักอย่างตกใจ นี่เขาทิ้งให้เด็กน้อยตรงหน้า พบเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นเชียวหรือ ก่อนเด็กคนนี้จะตาย ต้องเจอเรื่องต่ำช้าแบบนั่นเลยหรือ นั่นยิ่งทำให้ร่างหนาเกลียดตัวเองจนยากจะอภัย
ความหนาวเหน็บไม่ได้ไปไหนเลย มันยังคงอยู่ที่เดิมเช่นดังเดิม อย่างเช่นที่ร่างของเด็กชายที่นอนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับซากของไม้ขีดไฟ แม้เขาจะจากไปด้วยรอยยิ้มก็ตาม
 



THE END
[/b][/size][/color]


เจอกันเรื่องใหม่ อทิตย์หน้านะค่าาาา
[/b][/color][/i]
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เด็กชายกับไม้ขีดไฟ (จบในตอน)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-05-2017 14:37:47
ว่าปีเตอร์แพน เศร้าแล้ว เรื่องนี้เศร้ากว่าอีก ฮึกๆๆๆ    :m15:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เด็กชายกับไม้ขีดไฟ (จบในตอน)
เริ่มหัวข้อโดย: arfsuta ที่ 11-05-2017 15:48:32
ต่อจากปีเตอร์แพน ก็เอาให้หดหู่ให้สุด  :a5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เด็กชายกับไม้ขีดไฟ (จบในตอน)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 11-05-2017 17:19:47
ดาร์คสุดๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เด็กชายกับไม้ขีดไฟ (จบในตอน)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-05-2017 17:36:52
คนเขียนหลอกดาว สองเรื่องแรกมาเสียดิบดี อาจจะหื่นหน่อย ๆ แต่ยังโอเค
ทำไมเรื่องหลัง ๆ มาเริ่มเศร้าขึ้นเรื่อย ๆ ละ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายนิทรา 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 06-06-2017 15:32:42
เจ้าชายนิทรา 1/2



        ณ อาณาจักรงดงามแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่รักพระราชาและราชินี พระราชาและพระราชินีต่างปกครองด้วยความรักและเอาใจใส่ โอบอ้อมอารีแก่ทุกๆชีวิต ไม่นานพระราชินีก็ทรงให้กำเนิดรัชทายาทเป็นเด็กชายหน้าตางดงามยิ่ง ทั้งสองจึงเฉลิมฉลองแก่การกำเนิดของเจ้าชายองค์น้อย โดยพระราชาเชิญนางฟ้าผู้ปกปักรักษาเมืองมาให้พรแก่เจ้าชายน้อย

 “วันนี้เป็นวันดี ราชินีแสนสวยของข้าได้ให้กำเนิดเจ้าชายน้อยแก่ข้า ฮ่าๆๆ ข้าดีใจยิ่งนัก” พระราชากล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนความสุขข้างๆราชินีที่อุ้มเจ้าชายน้อยไว้ในอ้อมแขน
 
“ข้าทั้งหลาย ขอแสดงความยินดีแก่พระราชาและพระราชินี และขอให้เจ้าชายน้อยสุขภาพแข็งแรงตลอดไปขอรับ” ข้าทาสบริวารต่างโค้งตัวมอบคำอวยพรแก่เจ้าชายตัวน้อยอย่างไม่ขาดสาย
 
“ข้ามีความสุขยิ่งนัก ขอบคุณเจ้ามากราชินีของข้า” พระราชาโอบกอดร่างของราชินีและเจ้าชายน้อยอย่างรักใคร
ไม่นานประตูก็เปิดออก ร่างเล็กๆของเหล่านางฟ้าต่างทยอยบินเข้ามา พระราชายิ้มยินดีเมื่อเหล่านางฟ้าต่างตอบรับคำเชิญของเขา
 
“อา....ขอบคุณมากที่พวกท่านสละเวลามา”

 “อย่าได้เกรงใจเลยราชาอเล็กซ์ พวกข้ายินดีที่จะให้พรแก่เจ้าชายน้อยอย่างที่สุด” นางฟ้าองค์หนึ่งพูดขึ้น ในขณะเดียวกันเหล่านางฟ้าทั้งหมดก็บินเข้าไปล้อมร่างของเจ้าชายน้อย เมื่อเห็นเช่นนั้นพระราชินีจึงวางเจ้าชายน้อยลงบนที่ๆเตรียมเอาไว้

 “ช่างน่าชังอะไรเช่นนี้ ดูแก้มกลมๆนั่นสิ”

 “ใช่ๆ งดงามราวเด็กสาวก็มิปาน” เหล่านางฟ้าต่างพากันชื่นชมความงดงามของเจ้าชายน้อยที่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบใจ

 “แต่น่าเสียดายยิ่งนัก” นางฟ้าคนเล็กสุดกล่าวขึ้นพร้อมใบหน้าที่เศร้าสร้อย นั่นทำให้พระราชาและพระราชินีมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ

 “มีอะไรหรือท่านเซลล่า” พระราชาถาม นางฟ้านามเซลล่ามองหน้าพระราชาอย่างสงสาร

 “ชะตาของเด็กคนนี้ จะต้องสิ้นก่อนอายุ18”

 “ไม่นะ!!” พระราชินีกรีดร้องพร้อมร่างของพระองค์ที่ทรุดกายสลบไปในอ้อมแขนของพระราชา

 “อลิซเบธ!!! ทำใจดีๆไว้” พระราชาคอยพัดวีให้ร่างของพระราชินีอย่างห่วงใย

 “เช่นนั้น ข้าควรจะทำเช่นไรท่ายเซลล่า หากมีวิธีข้ายินดีที่จะทำทุกอย่าง”

 “ชะตามันฝืนกันมิได้หรอกราชาอเล็กซ์ โปรดเข้าใจด้วยเถอะ” นางฟ้ามิลาดาเอ่ยบอก

 “แล้วท่านจะให้ข้า นั่งดูลูกชายคนเดียวของข้าตายลงต่อหน้าต่อตาหรือ” พระราชากล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวด นางฟ้าทั้งสี่หันมามองหน้ากันอย่างใช้ความคิด

 “ข้าพอจะช่วยได้อยู่บ้าง ถ้าหากท่านทั้งสองรับได้”

 “ได้ ได้แน่นอน ขอแค่ท่านบอกมา ข้ายินดีจะทำตาม” พระราชินีที่ฟื้นขึ้นมาได้ยินเรื่องที่นางฟ้าบอกรีบพูดอย่างรวดเร็ว ขอแค่ช่วยลูกชายของข้าได้ สิ่งใดข้าก็จะทำ นางฟ้าเซลล่าถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้

 “อย่างแรก เจ้าชายน้อยจะต้องห้ามตัดผมเป็นอันขาด”

 “ได้ ได้ ข้าจะมิให้ผู้ใดตัดผมของเขา” พระราชาและพระราชินีรีบตอบรับ

 “อย่างที่สองแม้ข้าจะช่วยให้องค์ชายน้อยรอดจากการสิ้นชีพ แต่จะต้องหลับใหลเป็นเวลานาน เพื่อรอรักแท้ของเจ้าชายมาปลุกพระองค์เอง”

 “นานเท่าไหร่หรือท่านเซลล่า แล้วพวกเราจะได้เห็นคู่ครองของเขาหรือไม่”

 “แน่นอน ท่านจะได้เห็น เมื่อเจ้าชายน้อยหลับใหล ทุกคนในปราสาทจะหลับใหลไปเช่นกัน” พระราชาและราชินีมองหน้ากันอย่างดีใจ น้ำตาของพระราชินีไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้

 “แต่ทุกอย่างได้มาย่อมเสียไป” เสียงของนางฟ้าคนที่สามนามว่าเอลลี่ขัดขึ้น

 “ใช่แล้ว อย่างที่เอลลี่พูด ทุกสิ่งต้องจ่ายด้วยความเท่าเทียม”

 “มันคือสิ่งใดหรือ หากข้าหามาให้ได้ ไม่สิ ข้าจะหามาให้ท่านแน่นอน ขอแค่ท่านบอกมา” เซลล่าส่ายหน้ากับคำพูดของพระราชา

 “ไม่มีใครจ่ายได้ นอกจากเจ้าชายน้อยเอง” เอลลี่แตะไหล่บางของเซลล่าก่อนจะพูดขึ้น

 “เจ้าชายน้อยจะมีผมสีขาวตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง มันคือคำสาปที่ไม่อาจจะล้างได้เพราะการฝืนชะตา”

 “ไม่มีปัญหาท่านเอลลี่ ข้ายอมรับได้ๆ” ไม่มีอะไรร้ายแรงเท่าสูญเสียดวงใจดวงนี้อีกแล้ว

 “อา.....ข้าต้องบอกท่านเอาไว้อีกเรื่อง คู่ครองของเจ้าชายน้อย จะเป็นบุรุษเพศ มิใช่สตรี” คำกล่าวนั้นทำให้พระราชาและราชินีนิ่งอึ้ง ก่อนจะยกยิ้มบางๆ

 “หากเขาคือคนที่มาช่วยลูกข้าแล้วล่ะก็ ข้ารับได้ทั้งนั้น ขอบคุณพวกท่านมาก หากมิเป็นการรบกวน ได้โปรด ตั้งชื่อให้เขาได้หรือไม่”พระราชินีกล่าว

 “แน่นอน พวกข้าจะให้พรเขาเช่นกัน” นางฟ้าคนแรกบินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าชายน้อย

 “โอ้เจ้าชายน้อย ข้าเอลลี่ ขอให้ความงดงามดั่งบุรุษพึงมี จงอยู่กับท่านตลอดไป” แสงสีทองส่องสว่างกลางหน้าผากของเจ้าชายน้อยทันทีที่นางฟ้าเอลลี่กล่าวจบ นางฟ้าคนที่สองนามว่าไอรีนก็มาแทนที่เอลลี่ทันที

 “โอ้เจ้าชายน้อย ข้าไอรีน ขอให้ความแข็งแกร่งเหนือบุรุษใด จงอยู่กับท่านตลอดไป”

 “โอ้เจ้าชายน้อย ข้ามาลาเลซ ขอให้ทุกสิ่งเป็นดั่งใจท่านปราถนาเสมอ” นางฟ้าตัวน้อยเซลล่าบินมาหยุดอยู่เบื่อหน่าของเจ้าชายน้อย

 “โอ้เจ้าชายน้อย ข้าคือผู้อารีย์นามว่าเซลล่า ขอให้ความสุขโปรดอยู่กับท่านตลอดกาล” นางฟ้าเซลล่าหันมามองหน้าพระราชาและพระราชินี

 “บุรุษผู้ปลุกเจ้าชายจากการนิทรา จะมีดวงตาสีฟ้า ผมสีดำ ใบหน้าจะหวานราวหญิงสาว เขาคือคำตอบของสวรรค์ หากเพียงแต่ว่า...”

 “มีสิ่งใดหรือท่านเซลล่า” นางฟ้าเซลล่าถอนหายใจ

 “เขายังมิเกิดมา และอาจจะเป็นเวลานานพอควร” พระราชายิ้มตอบอย่างมิได้กังวล

 “มิเป็นปัญหาใดๆเลยท่านเซลล่า ไม่ว่าจะนานเท่าใด ข้าจะรอ รอเวลานั้น”

 “เช่นนั้น ข้าจะตั้งชื่อลูกของท่านว่า คริสโตเฟอร์”

 “ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ” ราชินีอลิซเบธกล่าวขอบคุณทั้งน้ำตา
เมื่อความเศร้าโศกหายไป ทั้งท้องพระโรงก็กลับมาครึกครื้นเติมเต็มด้วยเสียงหัวเราะ เจ้าชายน้อยค่อยๆเติบโตขึ้นทุกปีๆ ความหล่อเหลาปรากฎแก่สายตาทุกคู่ที่ได้มอง เหล่าข้ารับใช้สาวต่างพากันหลอมละลายเพียงได้มองรอยยิ้มของเจ้าชายคริสโตเฟอร์และหวังให้ตนเองคือผู้ถูกเลือกให้ปลุกพระองค์ ยิ่งนับวัน เวลายิ่งผ่านไปไวจนพระราชาและพระราชินีเป็นห่วง ด้วยเวลาที่จวนจะถึงกำหนดวันเกิดครบสิบเจ็ดของเข้าชายคริสโตเฟอร์ที่จะต้องเข้าสู่นิทราจนกว่าชายผู้เป็นคู่ชะตาจะมาปลุก

 “ท่านแม่ มีอะไรหรือเปล่าขอรับ ทำไมท่านแม่จึงทำสีหน้าเช่นนั้น”

 “อา.....คริส แม่มีเรื่องต้องบอกลูก” เจ้าชายคริสโตเฟอร์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเห็นพระราชินีมีสีกน้าเคร่งเครียด

 “เรื่องอะไรหรือขอรับ?”

 “อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของลูก และ....ปีนี้ ลูกก็อายุสิบเจ็ด”

 “ใช่ขอรับ แล้วทำไมท่านแม่จะต้องเครียดด้วยล่ะขอรับ” เจ้าชายคริสโตเฟอร์ถามอย่างไม่เข้าใจ

 “ท่านเซลล่าได้บอกแม่ไว้ ลูกจะหลับใหลไปในวันเกิดปีที่สิบเจ็ด และจะต้องรอชายผู้เป็นคู่ชะตามาปลุกลูก” พระราชินีน้ำตาคลอเมื่อคิดว่าอีกไม่นานลูกชายคนเดียวของท่านจะต้องอยู่ในการนิทรา

 “ชาย!!! แต่ลูกเป็นชายนะขอรับ จะมีคู่ชะตาเป็นชายได้เช่นไร” พระราชินีถอดถอนใจ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวตั้งแต่วันเฉลิมฉลองที่พระองค์และพระราชาได้เชิญเหล่านางฟ้ามาให้พร เจ้าชายคริสโตเฟอร์ตกใจเมื่อได้รับรู้ความจริง มิน่าเล่า ผมของเขาจึงได้มีสีที่ต่างจากผู้อื่น

 “ถ้าเป็นเช่นนั้น คนผู้นั้นจะมาเมื่อไหร่ก็มิรู้ใช่หรือไม่ขอรับ” พระราชินีพยักหน้าตอบ

 “ข้าคงไม่มีทางเลือกสินะขอรับ หวังว่าบุรุษผู้นั้นคงมิได้รูปร่างสูงใหญ่เช่นลูก ไม่เช่นนั้นคงเป็นภาพที่ไม่น่ามองสักเท่าใด หึหึ” เจ้าชายคริสโตเฟอร์หัวเราะในลำคอด้วยความขบขัน แต่แววตากลับพราวระยับจนผู้เป็นมารดาอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วไอคนที่มันปฏิเสธก่อนหน้านี้หายไปไหนกัน




        ในที่สุดวันที่ถูกกำหนดก็ได้มาถึง เมื่อร่างของเจ้าชายคริสโตเฟอร์ล้มลงต่อหน้าพระราชาและพระราชินีจนมั้งสองอุทารด้วยความตกใจ ทุกคนต่างมีสีหน้าเป็นกังวลแม้จะทราบเรื่องราวอยู่แล้วก็ตาม ร่างของเจ้าชายคริสโตเฟอร์ถูกวาวลงบนเตียงสีขาว ทหารและข้ารับใช้ต่างแสดงความเคารพต่อเจ้าชายรูปงามที่แม้จะหลับไหลแต่ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาลดลงแม้แต่น้อย

 “ท่านเซลล่า คู่ชะตาของคริโตเฟอร์จะมาเมื่อไหร่หรือท่าน” พระราชินีอลิซเบธถามอย่างกังวลใจ

 “ไม่นานหรอก อย่าได้กังวลใจไปเลยองค์ราชินี เมื่อเขามาถึง พวกข้าทั้งสี่ จะช่วยทำทุกวิถีทางให้ได้พบกับเจ้าชายน้อยแน่นอน”
พระราชินีพยักหน้ารับอย่างเบาใจ หากมีท่านเซลล่าและเหล่านางฟ้าคอยช่วยเขาก็เบาใจ

 “ในเมื่อเจ้าชายคริสโตเฟอร์ได้ตกอยู่ในการนิทรา ก็ถึงเวลาของพวกท่านแล้วล่ะ” นางฟ้าเอลลี่กล่าวบอกทุกๆคนในปราสาท เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปอยู่ในจุดต่างๆ พระราชาและพระราชินีกลับเข้าไปยังห้องบรรทมของตนเอง นางฟ้าเอลลี่เริ่มร่ายมนต์แห่งการหลับไหลแก่ทุกคนในอาณาจักรจนในที่สุด เสียงเจื้อยแจ้วก็ค่อยๆหายไปเหลือเพียงความเงียบสงัดราวกับไร้ผู้คนอาศัยเข้ามาแทน..







แมวไม่อยากให้ทุกคนผิดหวัง แต่เรื่องนี้แมวไม่มีไอเดียเลยค่ะ อาจจะด้วยว่าไม่ค่อยชอบโดยส่วนตัว จึงอยากจะขอโทษๆๆๆ ผู้อ่านทุกท่านล่วงหน้า แล้วแมวจะชดเชยให้เรื่องหน้านะคะ อย่าเลิกอ่านกันเลยนะคะ พลีสสส (@_@) ปล.เรื่องแต่งนานมาก และอาจจะออกมาไม่ค่อยดี ขอโทษทุกท่านที่แมวหายไปนานนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายนิทรา 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-06-2017 17:56:54
หายไปนานเลย คิดถึง..งงงง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายนิทรา 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 07-06-2017 14:51:43
เจ้าชายนิทรา 2/2





     10ปีผ่านไป

เสียงฝีเท้าม้าย่ำพื้นดังต่อเนื่อง ชายหนุ่มร่างบอบบางบนหลังม้ากวาดสายตาไปทั่ว เพราะรู้ดีว่าตรเองนั้นเริ่มหลงทางเข้าเสียแล้ว เฮ้ออ นี่เขาต้องไปทำสัญญาค้าขายกับอาณาจักรของราชาคามูสนะ แต่ตัวเองอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้สิเนี่ย พลันสายตาของร่างเล็กก็มองเห็นปราสาทใหญ่โตอยู่ข้างหน้า รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้างามอย่างดีใจ ในที่สุดก็มาถึง!!
 
“ย๊า!!!”
หนุ่มน้อยควบม้าด้วยความเร็วสุดฝีเท้าเพื่อให้พ้นแนวป่านี้ไปสักที เพียงไม่นานตัวเขาและม้าคู่ใจก็เดินทางมาถึง ความเงียบสงัดและไร้ผู้คนทั้งที่อาณาจักรก็ไม่ได้ร้างเสียหน่อย ความสงสัยมีมากมายนักภายในใจ ร่างบางจึงตัดสินใจเดินทางต่อเพื่อนไปยังปราสาทใหญ่ที่เขาเห็นก่อนหน้า อย่างน้อยๆคนในนั้นคงมีสักคนบอกเขาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมาถึงหน้าประตูของปราสาทใหญ่ หนุ่มน้อยก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเมื่อพบว่าทหารทุกนายได้หลับไหลไม่ได้สติอยู่หน้าประตู

 “พี่ชายๆ ตื่นเถิดท่าน” แม้จะใช้แรงปลุกเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ทำให้ทหารทั้งหลายพวกนี้ตื่นขึ้นมาเลย

 “เกิดอะไรขึ้นกันนะ หรือข้าจะมาผิดเมือง”
ด้วยความสงสัยร่างเล็กจึงตัดสินใจเปิดประตูเดินเข้าไปสำรวจ ยิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไหร่ก็พบเพียงแค่ร่างที่หลับไหลของทุกคน ในขณะที่ร่างบางเดินสำรวจอยู่นั้น เจ้าตัวไม่ได้รับรู้เลยว่าถูกจับตามองด้วยสายตาทั้งสี่คู่ของเหล่านางฟ้า

 “คนนี้สินะ คู่ชะตาของเจ้าชายคริสโตเฟอร์” เอลลี่เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก

 “ใช่แล้ว เขาคือคำตอบของทุกสิ่ง” นางฟ้าเซลล่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

 “ถ้าอย่างนั้น เราไปดูหน่อยดีไหม ว่าจะมีอะไรที่เราจะช่วยเขาได้บ้างหรือเปล่า"” นางฟ้าทั้งสี่มองหน้ากันแล้วบินตามไปดูห่างๆ เมื่อเห็นว่าหนุ่มน้อยตรงหน้าจะเดินผ่านห้องที่เจ้าชายคริสโตเฟอร์ได้หลับไหลอยู่ นางฟ้ามาลาเลซจึงเสกให้ร่างของหนุ่มน้อยสะดุดเชือรองเท้าถลาล้มลงกระแทกประตูจนเปิดออก

 “โอ้ย เจ็บชะมัดเลย” ร่างบางบ่นพึมพำก่อนจะมองเข้าไปภายในห้อง

 “ใครกัน.....” ความอยากรู้ทำให้ร่างเล็กๆไม่รีรอที่จะเดินเข้าไป เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างเตียงใหญ่ ดวงจาสีฟ้ากลมโต มองใบหน้าที่อยู่ในการหลับไหลอย่างไม่กระพริบตา
หล่อจริงๆ น่าอิจฉาจังเลย
นางฟ้าทั้งสี่ที่ลอบมองอยู่นั้นรู้สึกขัดใจยิ่ง เมื่อร่างเล็กตรงหน้าไม่ทำอะไรเอาแต่ยืนมองอยู่เช่นนั้นนิ่งๆ

 “โอ้ยย..ฉันทนไม่ไหวแล้ว เด็ดคนนี้ซื่อบื้อชะมัด เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

 “อย่า/เดี๋ยวไอรีน/หยุดก่อน”
นางฟ้าทั้งสามสงเสียงห้ามนางฟ้าตัวน้อยไอรีนที่ไม่ได้ฟังเสียงใดๆพุ่งตรงเข้าไปพลักร่างเล็กยืนอยู่ให้ล้มหน้าทิ่มลงไป

 “เฮ้ย อุ๊บ” ริมฝีปากบางกระแทกลงบนเรียวปากของเจ้าชายคริสโตเฟอร์อย่างจัง เปลือกตาที่ปิดอยู่ของเจ้าชายคริสโตเฟอร์ค่อยๆกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสงก่อนจะตื่นเต็มตา เจ้าชายคริสโตเฟอร์วาดแขนแข็งแรงโอบรัดเอวบางไว้ทั้งๆที่ยังมึนงงจากการหลับไหลไปหลายปี

 “ขะ ขออภัยขอรับ” ปากก็เอ่ยขอโทษขอโพย ร่างกายก็พยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนด้วยความตื่นตกใจ

 “เจ้า.......เป็นใครกัน”

 “ข้า ข้ามีนามว่าอลันขอรับ เป็นพ่อค้าจากอาณาจักรโลเวนที่อยู่ทางใต้ขอรับ ขอเจ้าชายโปรดปล่อยข้าด้วยเถอะขอรับ” เจ้าชายคริสโตเฟอร์กระตุกยิ้มมุมปากอย่างถูกใจ ดวงตาเป็นประกายยิ่งเมื่อเห็นร่างเล็กอึกอักยิ่งชอบใจ

 “ใครอนุญาตให้เจ้าเข้ามาในนี้หรืออลัน”

 “มิ มิได้มีผู้ใดอนุญาตขอรับ ข้ารู้ตัวว่าบังอาจ ขอเจ้าชายโปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะนะขอรับ” ดวงตาสีฟ้าเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา เมื่อคิดว่าตนเองจะต้องตายเป็นแน่

 “ข้าน้อยยังมีพ่อแม่ มีน้อะ อุ๊บ อื้อออ” เจ้าชายคริสะกดริมฝีปากเรียวลงกับปากบาง เมื่อใบหน้างามตรงหน้าช่างยั่วยวนตาจนไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป เจ้าชายคริสดูดดึงริมฝีปากของอีกฝ่ายพยายามจะสอดแทรกปลายลิ้นร้อนเข้าหปชิมลิ้มรสหวานล้ำภายใน แต่คนตรงหน้ากลับปิดปากสนิท มือเล็กๆยกขึ้นพลักดันให้หลุดออกจากอ้อมแขน แต่เจ้าชายคริสกลับเพิ่มแรงกอดรัดจนร่างบางอึดอัดหายใจไม่ออก ในที่สุดก็ยอมเปิดปากให้ปลายลิ้นร้อนชื้นได้รุกล้ำเข้าไปนั่นแหละ เจ้าชายคริสจึงยอมคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย เหล่านางฟ้าหน้าแดงกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนแยกย้ายหนีกันไปคนละทิศละทางเพื่อคลายมนต์สะกดที่ใช้กับชาวอาณาจักรทุกคน




     เจ้าชายคริสมองร่างเล็กๆในอ้อมแขนที่หอบหายใจหนักๆ แก้มแดงปลั่งและริมฝีปากสีแดงที่บวมเจ่อนั้นอย่างเพลินตา

 “ปละ ปล่อยนะขอรับ” แม้ปากจะพูดเช่นนั้นแต่ร่างกายกลับไม่มีเรี่ยวแรงจะพลักดันร่างตรงหน้าให้ออกห่าง

 “มิชอบหรือ จูบของเรา” หน้าที่แดงอยู่แล้วกลับยิ่งแดงขึ้นอีกเมื่อได้ยินคำถามเช่นนี้

 “ขออภัยขอรับเจ้าชาย หากแต่ข้าเป็นบุรุษธรรมดาที่พึงใจสตรีเท่านั้น ข้ามิอาจพอใจกับจูบที่ท่านประทานให้ขอรับ” เจ้าชายคริสโตเฟอร์หน้าตึงด้วยความเคืองจคงหยัดกานขึ้นนั่งแต่ก็ไม่ปล่อยให้ร่างเล็กออกเช่นกัน จึงกลายเป็นว่า อลันนั่งคล่อมอยู่บนตักกว้างของเจ้าชายแทน

 “มิอาจพอใจจูบของข้า เหอะ เจ้าช่างกล้าพูดนัก” เมื่อถูกเจ้าชายมองด้วยสายตาหยามๆ อลันก็ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากและพยายามดันตนเองออกจากร่างของเจ้าชายแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เมื่ออ้อมแขนยังคงรัดแน่นไว้อย่างเดิม

 “ข้าคงต้องพิสูจน์ให้เจ้ารับรู้อีกสักรอบ”
จบคำเจ้าชายคริสโตเฟอร์ก็กดริมฝีปากลงมาอีกครั้งซึ่งมันช่างเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ฝ่ามือใหญ่บีบที่คางเล็กเพื่อรุกล้ำชิมความหวานภายใน ลิ้นร้อนกวาดต้อนเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของอลันอย่างไม่ลดละแม้อีกฝ่ายจะหลีกหนีก็ตาม ไม่นานร่างของอลันก็เริ่มสั่นสะท้าน การขัดขืนแปลเปลี่ยนเป็นการสมยอมนั่นทำให้เจ้าชายคริสโตเฟอร์พึงพอใจอย่างมาก

 “อือ”
เจ้าชายคริสโตเฟอร์ครางเบาๆในลำคอเมื่อรับรู้ถึงการตอบสนองของปลายลิ้นที่รุกไล่กับเขาอย่างไม่ยอมแพ้ ฝ่ามือบางลูบไล้แผงอกกว้างอย่างลืมตัว

 “จุ๊บ จุ๊บ อา จุ้บ”
เจ้าชายคริสโตเฟอร์ยกสะโพกของร่างเล็กให้ขยับเสียดสีไปมากับแก่นกายที่อยู่ใต้กางเกง

 “อือ อ๊ะ อืมม”
ดวงตาสีฟ้าของอลันปรือ ริมฝีปากปล่อยเสียงครางโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเมื่อเจ้าชายคริสโตเฟอร์ละริมฝีปากลงมาครอบครองยอดอกผ่านเสื้อตัวสวยจนอลันแอ่นอกขึ้นรับอย่างลืมตัว ความร้อนและความเปียกชื้นจากลิ้นหนานำพาความเสียวซ่านมาให้อลันจนต้องยกมือขึ้นมากำผมสีขาวนุ่มมือไว้

 “อย่า อื้อ พะ พอแล้ว” แม้จะปากจะพูดอย่างนั้น แต่ร่างกายกลับแอ่นขึ้นให้รับสัมผัสได้อย่างถนัดถนี่

 “ดีจริงๆที่เป็นเจ้า คู่ชะตาของข้า” เจ้าชายคริสโตเฟอร์พึมพำกับซอกคอขาวอย่างหลงใหล

 “มะ ไม่ ข้าเป็นบุรุษนะ!!!” คำพูดของเจ้าชายคริสโตเฟอร์เรียกสติของอลันได้อย่างดี มือเล็กๆพลักร่างสูงออกอย่างสุดแรงจนทำให้ตัวอลันเองกลิ้งตกเตียงไป

 “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงช่างเต็มไปด้วยความห่วงใย แต่อลันไม่ได้สนใจกลับถดถอยกายหนีเมื่อร่างสูงก้าวลงมาจากเตียงเพื่อมาดูตนเอง

 “ไม่ขอรับ ขะ ข้าไม่เป็นไร”

 “เจ้าจะถอยไปไหน กลัวข้าหรือ” เจ้าชายคริสโตเฟอร์ถามเมื่อเห็นว่าอลันยังคงถอยห่างไม่หยุด

 “เปล่าขอรับ ไม่ใช่ เพียงแต่ เอ่อ ข้าจำเป็นต้องรีบไปแล้วขอรับ ข้าต้องไปทำสัญญาการค้ากับอาณาจักรโลเวน” คริสโตเฟอร์มองอลันด้วยแววตาเรียบเฉย

 “จะสนใจไปทำไมกัน อีกหน่อยพอข้าแต่งกับเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องทำงานพวกนั่นอีก”

 “เอ่อ ข้า ข้าลาล่ะขอรับ” อลันพุ่งตัวไปทางด้านประตูอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าพูดอะไรไปเจ้าชายก็คงไม่ฟัง แต่เพียงแค่มือบางเปิดประตูออกก็ถูกกระชากกลับเข้าไปอย่างง่ายดาย

 “คริส ลูกตื่นแล้วหรือ” เสียงของพระราชินีสอบถามอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นแผ่นหลังที่โผล่พ้นประตูออกมา

 “ช่วยด้ อื้ออออ” ฝ่ามือหนาปิดลงบนปากบางทันทีเมื่ออลันส่งเสียงขอความช่วยเหลือ

 “เสียงใครน่ะคริส มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” เจ้าชายคริสโตเฟอร์ยื่นใบหน้าออกมานิดประตู ส่งยิ้มให้พระราชินีทั้วที่อขนแกร่งยังกอดกักร่างอลันอยู

 “ไม่มีอะไรขอรับท่านแม่ ข้าเพียงพูดคุยกับคู่ชะตาเท่านั้นขอรับ”

 “จริงหรือ แม่อยากพบเขาจัง เขาอยู่ที่ไหนล่ะ” พระราชินีตื่นเต้นยินดีอย่างที่สุด

 “ตอนนี้คงไม่ได้ โอ้ย อา ถ้าหากท่านแม่ไม่มีอะไรอีก ลูกขอตัวก่อนนะขอรับ” เจ้าชายคริสโตเฟอร์กัดฟันบอกพระราชินีเมื่อรับรู้ถึงฟันของคนตัวเล็กที่กัดลงบนฝ่ามือของเขา

 “เอาเถอะ ยังไงก็พาเขามาพบแม่ด้วยล่ะ แม่ไปหาท่านพ่อเจ้าก่อนดีกว่า ป่านนี้คงหาแม่ให้วุ่นแล้ว”

 “ขอรับท่านแม่” เจ้าชายคริสโตเฟอร์ปิดแระตูลงและใส่กลอนทันทีเมื่อเห็นว่าพระราชินีเดินห่างออกไปแล้ว อลันถอยห่างจากร่างสูงทันทีที่หลุดออกจากอ้อมแขนแกร่ง

 “เจ้าจะหนีข้าทำไมกันคู่ชะตา ใช่ว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้เสียหน่อย”

 “เช่นนั้นก็โปรดปล่อยข้าไปเถอะขอรับ ข้าน้อยมีเรื่องต้องไปทำ” อลันพูดน้ำเสียงสั่นๆ

 “ที่นี้ ตอนนี้ เจ้าเองก็มีเรื่องต้องทำเช่นกัน กับข้าไง” เจ้าชายคริสมองอลันด้วยสายตากรุ้มกริ่ม เมื่ออลันเผลอเจ้าชายคริสก็มาถึงตัวเขาทันที แขนแกร่งโอบเอวเล็กไว้พาร่างเล็กๆเดินถอยไปจนล้มลงบนเตียวกว้าง ฝ่ามือเล็กยกขึ้นดันร่างหนาเอาไว้อย่าลนลาน ยิ่งเมื่อได้สัมผัสกับบางสิ่งที่ตื่นตัวอยู่ในกางเกงของร่างสูง เรี่ยวแรงที่ดันร่างหนายิ่งเพิ่มขึ้น

 “ปล่อยข้าเถอะขอรับ ข้าขอร้อง”

จุ้บ

 “อย่าขอร้องเลยอลันยอดรัก มันเสียเวลาเปล่า” ริมฝีปากเรียวไล่จูบตามร่างกาย มือใหญ่ก็ปลดเสื้อผ้าของอลันในเวลาเดียวกันแม้ร่างบางจะยินยอมก็ตาม ไม่นานร่างกายเปลือยเปล่าขาวนวลตัดกับผมารดำและตาสีฟ้ากลมโต คริสโตเฟอร์มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง แก่นกายยิ่งขยายขึ้นจนสติของเจ้าชายคริสขาดผึง

 “อ๊า!!”
คริสโตเฟอร์ก้มลงกัดยอดสีสวยอย่างแรงจนอลันแอ่นอกขึ้นรับสัมผัส มือบางขยุ้บเสื้อของอีกฝ่ายเพื่อระบายความเสี่ยวซ่าน น้ำตาไหลลงอาบแก้มแต่เจ้าชายคริสโตเฟอร์ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เขามัวเมากับกลิ่นกายอันหอมเย้ายวนและยอดสีสวยที่ล่อตา มือหนาบีบยอดอกอีกข้างแล้วดึงขึ้นจนอลันดิ้นพล่าน ส่วนล่างของอลันขยายขึ้นอย่างไม่อาจห้ามได้ ปายลิ้นตวัดโลมเลียริมฝีปากดูดดึงอย่างรุนแรงจนยอดอหสวยแดงช้ำ และเปียกชื้น แต่ภาพตรงหน้าช่างน่ามองสำหรับคนิสโตเฟิร์เหลือเกิน

 “หยะ หยุดเถอะขอรับ”
แม้จะอ้อนวอนเท่าไหร่คริสโตเฟอร์ก็ไม่ได้ยินมันแม้แต่น้อย

 “เจ้างามจริงคู่ชะตา เจ้าต้องตาต้องใจข้ายิ่งนัก ไม่ต้องกังวล ข้ารับผิดชอบเจ้าเอง”
ฝ่ามือใหญ่จับแก่นกายของตนและอละนเข้ามารวบไว้ด้วยกันก่อนจะขยับมือขึ้นลงช้าๆ

 “รู้สึกอย่างไร ชอบไหมคู่ชะตา”

 “มะ ไม่ชอบขอรับ อือ ขะ ข้าน้อย อื้อ อ๊ะ มะ ไม่ชอบ” คริสโตเฟอร์ยิเมอย่างเอ็นดู

 “เช่นนั้นหรือ”

 “อ๊า ย๊า!!! อื้อ หยะ อ๊า หยุดขอรับ อ๊า อ๊า” ใอใหญ่แกล้งขยับขึ้นลงเร็วขึ้นมือร้อนที่โอบรัดนั้นยังไม่เท่าแก่นกายที่เสียดีกันไปมา ร่างเล็กแกร็งด้วยความกระสัน เมื่อเห็นร่างเล็กใกล้ถึงฝั่ง มือใหญ่ก็หยุดขยับไปเสียดื้อๆ

 “อือ ดะ ได้ ได้โปรด อย่าทรมาน อะ ข้าน้อยเลยขอรับ”

 “เจ้าพร้อมแล้วหรือ เจ้าเรียกร้องให้ข้าทำเองนะ อย่าโทษข้าทีหลังล่ะ”

 “โอ้ย!!”
คริสโตเฟอร์สอดกายเข้าไปช้าๆ แต่มันก็ทำให้อลันมีปฏิกิริยาขึ้นมาอีกครั้ง มือเล็กทุบตีไปทั่วทั้งร่างของเจ้าชาย ลืมเลือนบรรดาศักดิ์ต่างๆนาๆ ลืมไปด้วยซ้ำว่าก่อนหน้านี้รู้สึกเช่นไร รู้แค่ตอนนี้เขาเจ็บ เจ็บมากๆ

 “อย่าตีข้าสิคู่ชะตา ข้าไม่ได้อยากให้เจ้าเจ็บ แต่ใครให้เจ้าเล็กขนาดนี้ล่ะ”

 “ฮืออ ข้าอยากกลับบ้าน ปล่อยข้าไป เอามันออกไปเถอะขอรับ”
โถ ฆ่าข้าเสียดีกว่า ให้ข้าหยุดตอนนี้

 “ทนหน่อยนะ ข้าขอโทษ”

 “กรี๊ดดดด!!!!”
อลันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อเจ้าชายคริสโตเฟอร์สอดแทรกแก่นกายเข้าไปทีเดียวจนมิดมือเล็กทุบไปบนไหล่กว้าง น้ำตาไหลอาบแก้มเสียงสะอื้นดังขึ้นไม่หยุดแม้เจ้าชายคริสจะหยุดขยับกายแล้วก็ตาม คริสโตเฟอร์จูบซับน้ำตาให้คนใต้ร่าง แต่อบันกลับส่ายหน้าหนีด้วยความโกรธเคือง

 “คู่ชะตา”

 “ไม่ใช่!! ฮือๆ ข้าไม่ใช่คู่ชะตาของท่าน” เจ้าชายชะงัก มองคนใต้ร่างอย่างโกรธา

 “เจ้าใช่ เจ้าคือคู่ชะตาของข้า!!”

 “อย่า!!!!” คริสโตเฟิร์ขยับกายช้าๆ แม้จะโกรธร่างเล็กสักเพียงใดแต่เขาก็ไม่อยากให้คนตัวเล็กเจ็บมากนักหรอก
มือหนากอบกุมแก่นกายสีชมพูสวยของคนใต้ร่าง ขยับขึ้นลงจนเสียงครางเล็ดลอดออกมาจากปากอลัน เมื่อเห็นว่าอลันเลิกต่อต้าน มือเล็กที่พลักดันร่างของเขาก็เปลี่ยนมาจับเสื้อของเขาไว้แทน คริสโตเฟอร์ขยับกายอีกครั้งอย่างช้า มองคนใต้ร่างอย่างสื่อความหมายแม้อีกฝ่ายจะไม่มองเขาก็ตาม

 “อื้ออ อ๊ะ อ๊า”

 “เจ้าชอบใช่ไหม คู่ชะตา การร่วมรักกับข้าเจ้าชอบใช่หรือไม่” คริสโตเฟอร์กระซิบถามร่างบาง อลันกัดนิ้วตนเองเอาไว้เมื่อแก่นกายที่เข้าออกภายในเสียดสีกับจุดกระสันเข้าอย่างจัง

 “พูดสิ เจ้าชอบใช่ไหม”

 “อือ ขะข้าไม่ชอบ ไม่ชอบขอรับ อ๊า” อลันร้องลั่นเมื่อคริสแกล้งดึงแก่นกายออกเกือบสุดแล้วกระแทกเข้าไปใหม่

 “พูดใหม่สิ ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้งคู่ชะตา”

 “ข้าไม่ชอบ ไม่ชอบๆๆๆ”

 “หึหึ ไม่เป็นไร เรายังเวลาพิสูจน์กันอีกหลายรอบ อย่าได้กังวลไปเลยคู่ชะตา ข้าจะไม่หยุดร่วมรักกับเจ้าง่ายๆหรอก”
เจ้าชายคริสโตเฟอร์กระแทกกายเข้าออกอย่างรวดเร็ว เมื่อภายในช่องรักนั้นบีบรัดตัวตนเขาจนจะเสร็จอยู่รอมร่อ ยิ่งกระแทกกายถี่เท่าไหร่เสียงครางหวานก็ดังขึ้นเท่านั่น เสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะเตียงสั่นไหวไปตามแรงกระแทกอย่างรุนแรง

 “อา อลัน อย่ารัดข้านักสิยอดรัก”

 “อ๊า อ๊า”
จังหวะรักยังคงดำเนินไปอย่างไม่มีท่าทีว่าจะจบ อลันสั่นสะท้านครางเสียงแผ่วหวานเมื่อคริสก้มลงมาดูดเลียยอดอกทั้งที่ยังกระแทกกายไม่หยุด ไม่นานนักคริสโตเฟอร์ก็หยัดกายขึ้นมือใหญ่จับเอวบางให้รับการกระแทกที่รุนแรงและรวดเร็วจนในที่สุด ร่างทั้งสองก็ถึงฝั่งฝัน เสียงหอบหายใจของคนทั้งสองดังระงบอยู่ภายในห้องนั่น แต่แน่นอนว่าหากใครผ่านไปผ่านมาย่อมต้องได้ยินเสียงเตียงกระทบผนังแน่นอน ท่วงทำนองบทเพลงรักของเจ้าชายคริสโตเฟอร์และอลันดำเนินไปเรื่อย จนกว่าที่คนตัวโตจะอิ่มเอม แน่นอนคู่ชะตาของเจ้าชายคริสทั้งคน ใครจะยอมปล่อยไปง่ายๆ
หลังจากที่เคลียร์ทุกอย่างจบสิ้น งานแต่งระหว่างเจ้าชายคริสโตเฟอร์และอลันก็ถูกจัดขึ้นใหญ่โต ทุกอย่างช่างลงตัว ทุกคนต่างอิจฉาคริสโตเฟอร์ที่มีหนุ่มรูปงามดุจเทพธิดามาข้างกาย และอิจฉาอลันที่ได้เจ้าชายผู้หล่อเหลาที่ทุกคนใฝ่หามาครอบครอง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น ความสุขและเสียงหัวเราะกลับมายังอาณาจักรนี้อีกครั้ง

 “ดีจังนะ อาณาจักรนี้เหมาะกับความสุขมากกว่า”

 “นั่นสิ”เหล่านางฟ้าต่างยิ้มให้กันอย่างสุขใจ มันต้องเป็นแบบนี้สิ แบบนี้แหละดีแล้ว




The  End
[/size][/color]



จบแล้วกับเรื่องนี้ โล่งงงง บอกตรงๆเลยว่าแมวแต่งเรื่องนี้ไม่ออกจริงๆ เขียนๆหยุดๆจนท้อ แต่เราก็เขียนจนจบ ฮ่าาา!! ดีใจที่มีคนชอบค่ะ ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านนะคะ ขอบคุณทุกๆกำลังใจและทุกคอมเม้นค่ะ นักเขียนมือใหม่แบบแมว ขอแค่มีคนอ่านแล้วชอบ แมวก็ดีใจจนติดฝาเพดานบ้านแล้วค่ะ ลอยยยยย




ปล. เรื่องหน้า ซินโดเรล่านะเออ ถ้าใครชอบเจ้าชายกบ(เวอร์ชั่นllมว น้oe)เราบอกเลย คุณต้องชอบเรื่องหน้าแน่นอน นับวันรอ อาทิตย์หน้าพบกันนะค๊าาาา จุ้บๆ <3
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายนิทรา 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-06-2017 22:54:48
 :m10: :m10: :m10:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายนิทรา 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-06-2017 23:11:15
คนเขียนชอบมีอะไรมาให้แปลกใจตลอด
ตอนแรกนึกว่าเจ้าชายจะเคะ ฮา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน เจ้าชายนิทรา 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 11-06-2017 09:37:39
เจ้าชายยยยยย ถนอมน้องหน่อยสิคะะะะ ช้ำหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ซินเดอเรลล่า 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 12-06-2017 19:56:09
ซินเดอเรลล่า 1/2



      “ว่ายังไงนะ!!!! ท่านพ่อจะให้เราแต่งงาน” ข้าทรุดกายลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ให้ตายเถอะ เมื่อไหร่ท่านพ่อจะเลิกคิดเรื่องนี้สักที

 “ท่านเซน ใจเย็นๆเถอะขอรับ” คีซเป็นคนสนิทของท่านพ่อข้าเอง เห็นข้ามาตั้งแต่แบเบาะ จึงไม่แปลกที่เขาจะเอนเอียงมาทางข้าเป็นพิเศษ

 “แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไรเหล่า ข้าไม่อยากแต่ง ไม่อยากไปงานเต้นรำบ้าบอนั่น”  ข้าเต้นเป็นเสียที่ไหนกัน

 “แค่งานเต้นรำเองนะขอรับ ท่านเพียงแค่ไปร่วมงาน มองดูผู้คนอาจจะมีสักคนที่ท่านจะถูกใจ หรืออาจจะไม่” คีซรีบเปลี่ยนคำพูดทันทีเมื่อข้าตวัดสายตาใส่

 “แต่ถ้าหากท่านพ่อบังคับให้ข้าเต้นรำกับหญิงสาวเล่า”

 “หึหึ ท่านก็ชิงเต้นรำกับชายหนุ่มเสียสิขอรับ” อะ อะ อะไรกัน

 “ท่าน!!! ข้าโกรธจริงๆนะ” ไม่รู้แหละข้าจะพองลมให้แก้มแตกไปเลย ข้าเหล่ตามองสีหน้าของคีซแต่นั่นกลับทำให้ข้ายิ่งโกรธ ก็เขากำลังหัวเราะข้าอยู่น่ะสิ

 “ข้าไม่คุยกับท่านแล้ว ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อ!!!” ข้าสะบัดก้นหนีร่างของคีซทันทีไม่สนใจเสียงหัวเราะที่ดังไล่หลังมาอย่างต่อเนื่อง หึย!!! ข้าโกรธ ข้าโกรธธธธธธ!!!




 “ท่านพ่อออออออ” ข้าวิ่งเข้าไปหาชายร่างท้วมที่ยืนตรวจงานทั่วไปอยู่ ถูกต้อง นั่นพ่อข้าเอง

 “อย่าวิ่ง เจ้าโตแล้วนะเซนเลิกทำตัวเป็นเด็กๆเสียที” ท่านพ่อส่ายหัวให้ข้าอย่างระอา

 “เตรียมงานเลี้ยงของใครอยู่หรือขอรับ?” แบ๊ว แบ๊วใส่อย่างเดียว

 “ของเจ้าไง”

 “ท่านพ่อ!!!”

 “อย่าโวยวายสิ พ่อหวังดีหรอกนะถึงจัดงานขึ้น” หวังดีอะไรกัน โกหก

 “ข้าไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากได้งานเลี้ยงเต้นรำด้วย”

 “เจ้าต้องไป พ่อประกาศออกไปแล้ว สาวงามจะหลั่งไหลกันมาเพื่อให้เจ้าได้เลือก เจ้าหญิง สาวชนชั้นสูง หรือแม้แต่สาวชาวบ้าน ล้วนจะมาร่วมงานเลี้ยงนี้กันทั้งนั้น เจ้าอาจจะถูกใจใครเข้าก็เป็นได้นะ” ข้าเบ้ปากทันทีที่ท่านพ่อพูดจบ

 “ถ้าเช่นนั้น ใยท่านไม่หาแต่งเองสักคนละ” ร่างท่วมของพ่อข้าสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงเย็นๆดังมาทางด้านหลัง

 “ชะอุ๊ย เบบี๋ เจ้ามาเมื่อไหร่จ๊ะ”

 “มาทันได้ยินว่าจะมีสาวงามเข้ามาให้เลือกมากมายนั่นแหละเจ้าค่ะ” แม้ท่านแม่จะพูดเสียงราบเรียบ แต่สายตาท่านแม่จิกกัดสุดๆ

 “โถ่เบบี๋ พี่พูดถึงให้ลูกชายตัวดีของเราเลือกต่างหาก เจ้าอย่าคิดมากสิ” ท่านพ่อกอดเอวบางของท่านแม่ไว้ มองด้วยแววตาหวานเยิ้ม

 “ก็ลูกชายตัวดีของเรา เขาไม่อยากจะไปงาน ท่านจะให้ข้าคิดเช่นไรล่ะเจ้าคะ นอกเสียจากท่านอยากจะเจอเสียเอง”

 “ไม่จริงเลยจ้ะ พี่ไม่เค๊ย ไม่เคยคิดจะมีคนอื่นเลย”ท่านพ่อรีบส่ายหน้าปฎิเสธ หากแต่ท่านแม่เพียงปรายตามองเท่านั้นแล้วร่างของท่านแม่ก็เดินจากไป ท่านพ่อกระส่ายกระสับเดินวนไปวนมาอยู่ที่เดิมเมื่อโดนท่านแม่โกรธ

 “ทำยังไงดีๆ”

 “เวส!!!!” ท่านพ่อตะโกนเรียกคีทเสียงดัง

 “ขอรับ ข้าอยู่นี่ขอรับ ห๊าววว” เอ่อ เวสเดินมาพร้อมปิดปากหาวอย่างไม่รีบร้อน

 “เวสๆๆๆ นางโกรธข้า นางโกรธข้าอีกแล้วว ทำอย่างไรดีๆ” ท่านพ่อถามด้วยสีหน้าร้อนใจ แต่ไม่ได้สังเกตหน้าคู่สนทนาเลยสักนิด มือขยี้ตา ปากหาววอด ช่างเป็นภาพที่ดู......อนาถ

 “จะไปยากอะไรขอรับ โกรธ ก็จับปล้ำ โกรธอีก ก็ปล้ำอีก ไม่นาน พระราชินีต้องคืนดีกับท่านแน่นอน เอิ๊ก!” ข้าล่ะอยากจะบ้าตาย เดี๋ยวหาว เดี๋ยวเรอ นี่ข้าอยู่ในปราสาทใช่ไหม?

 “จริงหรือ ดีๆ ข้าจะลองทำดู เอาล่ะ เจ้าเตรียมงานเต้นรำต่อ เดี๋ยวข้าจะไปปล้ำเมีย เอ้ย ง้อเมียข้าก่อน” ท่านพ่อเดินไปอย่างอารมณ์ดี ส่วนเวส ก็ยืนทำท่าแคะขี้มูกไม่สนใจโลก ซึ่งข้าคงไม่ต้องสาธยายถึงความอุบาทว์นั้น

 “เจ้าเลิกแคะขี้มูกสักที ข้าเห็นแล้วจะอ้วก”

 “ก็อย่ามองสิขอรับท่านเซน” ดูสิ สนใจข้าที่ไหน สงสัยข้าต้องใช้ไม้ตาย

 “คีท!” ได้ผล เวสรีบเอามือลงทำท่าสงบเสงี่ยมเจี๋ยมตั๋ว เอ้ย เจียมตัวเสียอย่างกับว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำตัว....อย่างที่ข้าว่า

 “ขอรับท่านเซน”

 “ไม่มีอะไร ท่านพ่อให้เวสเป็นคนดูเรื่องงานเต้นรำ ยังไงท่านก็ช่วยเวสดูหน่อยก็แล้วกันนะ” คีทหันมองหน้าเวสที่หลุกหลิกไปมาอย่างหาทางออกด้วยรอยยิ้มที่น่าขนลุก

 “ข้าเต็มใจที่จะช่วย ขอรับ”

 “ข้าทำคนเดียวได้!!!” ข้าเลิกคิ้วขึ้นมองเวสที่รีบร้อนออกตัว

 “จริงๆนะขอรับ ข้าทำคนเดียวได้จริงๆขอรับ” ข้ามองหน้าเวสเพื่อสื่อว่าเข้าใจ ข้าเข้าใจ แต่ข้าไม่หยุด

 “เอาเป็นว่า.....” เวสมองหน้าข้าด้วยสีหน้าคาดหวัง แต่คีทดันเอาแต่มองหน้าเวสไม่หยุด มันยังไงๆกันแน่นะ

 “คีท ท่านช่วยเวสด้วยละ ข้าไปดีกว่า ฮ่าๆๆ”

 “ท่านเซนนนน!!!!” ข้าไม่สนใจเสียงโวยวายตามหลังมา เพราะไม่นานคีทก็คงจะทำให้มันหยุดเอง แต่ด้วยวิธีไหนก็น๊า ข้าอยากรู้จัง
   

   ว่าแต่ ข้าลืมอะไรไปหว่า
       


      ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง งานเต้นรำถูกจัดขึ้นอย่างหรูหรา ผู้คนมาหน้าหลายตาทั้งหญิงสาวชนชั้นสูง และสาวขาวบ้านต่างมาร่วมงานทั้งสิ้นและแน่นอนเมื่อในงานมีหญิงงามมากมาย ก็ย่อมต้องมีชายหลากหลายคนเช่นกัน ข้ามองไปรอบงานอย่างเบื่อหน่ายโดยมีท่านพ่อที่นั่งยิ้มกว้างหน้าบานอยู่ข้างๆ ใช่สิ ก็ง้อท่านแม่ได้แล้วนี่ ยิ่งคิดข้ายิ่งหมั่นใส้ หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อเจ้ากี้เจ้าการจัดงานพวกนี้ขึ้นมา ข้าคงไม่ต้องมานั่งปั้นหน้ายิ้มเมื่อมีหญิงสาวมาแนะนำตัวอยู่ตรงหน้า

 “เจ้าน่าจะพานางไปเต้นนะเซน” ไม่รู้ว่าคนที่เท่าไหร่แล้วนับตั้งแต่ที่งานเริ่มขึ้น ท่านพ่อก็เอาแต่บอกให้ข้าพาพวกนางไปเต้นรำ

 “น่าเสียดาย แต่เพลงจบแล้วขอรับ” ข้าส่งยิ้มบางไปให้คนตรงหน้าที่ทำหน้าเหวอโดยไม่คิดว่าเจ้าชายเช่นข้าจะเอ่ยคำนี้

 “อะ เอ่อ ข้าขอตัวนะเจ้าคะ รู้สึกกระหายขึ้นมาพอดี” หญิงงามที่ข้าปฏิเสธนางพูดขึ้นแก้เก้อก่อนที่นางจะเดินหนีไปเมื่อเห็นว่าข้าไม่สนใจ

เพี๊ยะ

 “โอ๊ย ท่านแม่! ตีข้าทำไม” ข้าลูบแขนตัวเองปอยๆ เมื่อท่านแม่ฟาดลงมาที่แขนอย่างแรง

 “ตีให้เจ็บไง มีที่ไหนพูดกับนางแบบนั้น”

 “ก็ข้าไม่ชอบนางนี่ขอรับ”

 “หึ!”ท่านแม่สะบัดหน้าหนีข้าไปแล้ว โถ่ ก็ข้าไม่ชอบนี่
ข้าเดินออกมาจากงานเพื่อเลี่ยงการเต้นรำกับคนมากหน้าหลายตา แต่เดินไปที่ไหนก็เจอแต่สาวๆ อ๊ากก ข้าเบื่อ ข้าอยากอยู่ลำพัง!!!

 “อ๊ะ หยุดนะ เจ้า อ๊า!”
เสียงอะไร??

เสียงดังออกมาจากห้องของคีท ข้าตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อฟังชัดๆ ยิ่งข้าเดินเข้าไปใกล้ๆ เสียงยิ่งชัดมากขึ้น

 “หากเสียงเจ้าดังมากๆ อาจจะมีคนมาเห็นก็ได้นะ”

 “เจ้าก็ อ๊า หยุดสิ อ๊ะ อ๊ะ”

 คีทคุยกับใคร ทำไมเสียงถึงคุ้นหูข้าเช่นนี้

 “รัดข้าออกจะแน่นเสียขนาดนี้ ยังกล้าพูดให้ข้าหยุดอีกรึ หึหึ!” ข้าแง้มประตูเพื่อจะมองให้เห็นว่าใครกันแน่ที่อยู่กับคีท

 “เวส” ข้าพึมพำออกมาด้วยความตกใจ คีททาบทับร่างของเวสไว้ทางด้านหลัง ความเป็นชายของคีทยังคงขยับเข้าออกช่องทางเล็กๆของเวสอย่างไม่หยุดหย่อน

 “เจ้ามันชั่วช้า! อ๊า!” คีทดันกายออกมาแล้วกระแทกเจ้าไปอีกครั้งอย่างเน้นย้ำ

 “กล้าปากดีกับข้าเช่นนี้ คงไม่อยากจะนอนแล้วสินะคืนนี้” เสียงครางกระเส่าของเวสยังควดังอย่างต่อเนื่อง ข้าค่อยๆถอยหลังออกห่างอย่างช้าๆ เกิดอะไรขึ้น ทำไมสองคนนั้นถึงได้...

   ปึก!!

 “อ๊ะ ขอโท..” ข้าชนเข้ากับร่างใหญ่ของใครคนหนึ่ง

 “หึหึ ไม่คิดว่าเจ้าชายเซนจะมีรสนิยมชอบแอบดูข้ารับใช้” กล้าดียังไงกัน

 “ข้าเปล่า!” แขนทั้งสองข้างของชายปริศนาโอบเอวของข้าเอาไว้ทำให้ร่างของข้าแนบชิดเข้ากับอกแกร่ง

 “ปล่อยข้านะ!”

แต่แทนที่เขาจะปล่อยข้า กลับจับข้อมือของข้าแล้วลากข้าไปแทน

 “จะพาข้าไปไหน ปล่อยนะ”

 “ตามข้ามาก็พอขอรับ” เขานังคงลากข้า แม้ข้าจะสะบัดข้อมือหนีเท่าไหร่ก็ตาม

 “ปล่อยข้า!! ทหาร! อื้อๆๆๆ” ฝ่ามือของเขาปิดปากข้าทันที่ข้าเริ่มร้องเรียกทหาร

 “ท่านช่างดื้อเสียจริง” แม้จะพูดด้วยเสียงนุ่มทุ้ม แต่แรงที่ปิดปากข้าอยู่ทำให้ข้ารู้ดีว่าเขาไม่พอใจ ชายปริศนาพาร่างของข้าเข้าไปยังห้องรับรองแขก ซึ่งเป็นห้องนอนที่มีเอาไว้ให้เหล่าเชื้อพระวงค์ที่แวะเวียนมาเยี่ยมอาณาจักรของเรา เมื่อเข้ามาได้ เขาก็พลักร่างข้าออกห่างก่อนจะลงมือล็อกประตูทันที

 “เจ้าเป็นใครกัน กล้าดีอย่างไรถึงทำเช่นนี้กับข้า!” ร่างสูงตรงหน้าโค้งตัวลงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 “ขออภัยขอรับ หากแต่ใบหน้าน่ารักของท่านช่างต้องใจข้าจนข้ามิอาจหักห้ามใจ ไม่ให้เข้ามาทำความรู้จักท่านได้” เชิดหน้าขึ้นอย่างถือตัว

 “ข้าจะมิเอาโทษแล้วกัน เจ้าชื่ออะไร”

 “ข้ามีนามว่า ‘ซินเดล’ ขอรับ ดีใจที่เจ้าชายเซนให้ความสนใจข้า” ข้าหันขวับทันทีที่ได้ยินซินเดลพูดเข้าข้างตัวเอง

 “ข้ามิได้สนใจเจ้า! อย่าหลงตัวเองนัก” ข้าเดินหนีเพื่อจะออกจากห้อง

    หมับ

 “ข้ายังมิได้อนุญาตให้ท่านออกไปขอรับ” ข้าก้มลงมองมือหนาที่จับแขนเล็กๆของข้าเอาไว้แน่น ก่อนที่ข้าจะสะบัดมันออกอย่างแรง

 “ข้ามิต้องขออนุญาตใคร” ข้าจ้องตาซินเดลอย่างเอาเรื่อง

 “ข้าได้ยินมาว่า พระราชาทรงจัดงานนี้ขึ้น เพื่อให้ท่านเลือกคู่ครอง”

 “ใช่! แล้วมันยังไง?” ข้าถามเมื่อไม่เข้าใจสีหน้าและแววตาที่เขาส่งมา

 “หากเช่นนั้น.....” ซินเดลมองข้าทั้งร่างด่วยแววตาจาบจ้วง จนข้าต้องถอยหลังไป

 “เป็นข้าก็ได้สินะขอรับ” สิ้นเสียงของเขาร่างของข้าก็แข็งทื่อ ด้วยความตกใจทำให้ข้าประมวลผลช้าถึงความหมายที่ซินเดลสื่อมันออกมา จนเมื่อหลังของข้าสัมผัสกับกำแพงที่แข็งและเย็น นั่นถึงทำให้ข้ารู้ตัวว่า ข้าตกอยู่ในอันตราย





มาแล้วค่าาาา สำหรับเรื่องนี้ โฮ๊ะๆๆๆ อีกไม่กี่เรื่องเราจะจบเรื่องสั้นแล้วนะค๊า แล้วแมวจะเริ่มเขียนเรื่องยาวเสียที อยากเขียนแล้วค่าา รอแมวนะคะ พบกันใหม่ พรุ่งนี้ค่าาา o18
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ซินเดอเรล่า 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-06-2017 20:15:39
่โหว ก็คิดอยู่นะตอนบอกว่าอมลมแก้มแตกนั่น ว่าเจ้าชายเซนคงได้คู่ครอง (แข็งแรงกว่า) ในงานนี้เอง
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ซินเดอเรล่า 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 12-06-2017 21:16:36
อยากให้มีต่อไปเรื่อยๆ ชอบเรื่องสั้นแบบนี้
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ซินเดอเรล่า 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-06-2017 21:37:03
จะรอติดตามผลงานจ้า  : 222222:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ซินเดอเรลล่า 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 13-06-2017 12:08:00
ซินเดอเรลล่า 2/2


     “ถอยไปเสีย แล้วข้าจะถือว่าข้าไม่ได้ยินที่เจ้าพูด!!”  มันไม่ได้ผล เมื่อซินเดลยังคงเดินเข้ามาหาข้า ใบหน้ายิ้มกริ่มและเสียงหัวเราะในลำคอช่างน่าขนลุกยิ่ง

 “ได้ยินก็ดีแล้วนี่ขอรับ...เพราะอย่างไร ข้าก็ยังยืนยันเช่นเดิม”

 “ปล่อยข้า” ข้าโวยวายเมื่อมือใหญ่กดข้อมือทั้งสองข้างของข้าเอาไว้จนติดผนัง

 “ทำไมต้องปล่อยเล่าขอรับ”

 “เจ้า! อื้มมม” ข้าไม่ได้พูดอะไร ซินเดลก็กดริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็ว ข้าเบิกตากว้างแต่ข้าทำอะไรไม่ได้ ซินเดลจูบข้าอย่างจาบจ้วง ดูดดึงริมฝีปากของข้าเมื่อข้าไม่ยินยอมให้เขาสอดลิ้นเข้ามา ซินเดลใช้ฟันขบปากข้าเบาๆและใช้ลิ้นร้อนๆไล่เลียไปมาอยู่เช่นนั้น ข้าส่ายหน้าไปมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้ซินเดลละความพยายามแม้แต่น้อย ยิ่งข้าดิ้นรนความเหนื่อยยิ่งเพิ่มมาก ลมหายใจข้ายิ่งใกล้จะหมด จนข้ายอมแพ้เปิดริมฝีปากออกเพื่อสูดลมหายใจ แต่ซินเดลที่รอเวลานั้นอยู่ก่อนแล้วจึงสอดแทรกลิ้นร้อนๆเข้าเกี่ยวกระหวัดชิมรสความหวานภายในช่องปาก ข้าหลีเลี่ยงลิ้นร้อนของเขาไปมาแต่กลับเป็นการตอบรับจูบอันดุเดือดเยอย่างนั่น ขาทั้งสองข้างของข้าเริ่มอ่อนแรง แขนแกร่งของเขาไม่ได้จับข้อมือข้าไว้อีกแล้วแต่เลื่อนมากอดเอวบางของข้าเอาไว้แทนเพื่อไม่ให้ข้าล่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น ซินเดลถอนจูบออกน้ำลายของเราทั้งคู่ยืดเป็นสายจนน่าอายแต่ซินเดลกลับเลียมันอย่างอร่อย

 “หน้าแดงเชียว ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้” จากที่มึนงงสติข้าก็กลับมาทนที

 “ปล่อยข้านะ เจ้ากล้าดียังไงมาทำกับข้าเช่นนี้” ซินเดลกลับกดเรียวปากมาดูดดึงริมฝีปากข้าอีกครั้งและปล่อยมันอย่างรวดเร็ว

 “อย่างไรเสียข้าก็จะเป็นคู่ครองของท่าน ทำแค่นี้ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ขอรับ”
ฝ่ามือหนาสอดเจ้าไปภายในกางเกงตัวยาวของข้า เขาจับเข้าที่แกร่นกาของข้าโดยไม่มีความกระดากอายใดๆ ข้าดันร่างเขาออกและเริ่มดิ้นรนอีกครั้ง

 “ปล่อย เจ้าจับอะไรน่ะ เจ้าโรคจิต!”

 “ชู่ว อย่าเสียงดังสิขอรับ เดี๋ยวก็มีคนได้ยินหรอก” ข้านิ่งอึ้งพยายามประมวลผลกับสิ่งที่เขาบอก

 “อื้อ เจ้า อย่าขยับนะ อ๊ะ”

 “ครางเสียงหวานขนาดนี้เชียวหรือขอรับ”

 “ใครคราง อ๊า! เจ้า ปล่อยนะ อย่าจับ อื้อ หยุดนะ” มือหนายังคงขยับตัวตนของข้าอยู่เช่น ไม่สนใจในสิ่งที่ข้ากล่าวแม้แต่น้อย

 “อ๊ะ อ๊า อืม” ข้าพยายามกัดริมฝีปากเอาไว้เพื่อห้ามเสียงร้องของตัวเอง

 “แค่มือ ท่านก็ร้องครางเสียขนาดนี้ แล้วถ้าอย่างอื่น...”

 “เจ้า เจ้าหมายถึง อ๊ะ อะไร” ซินเดลไม่ตอบข้อสงสัยหากแต่เขากลับก้มลงไปแทน

 “อ๊ะเจ้า! หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้!!!” ข้าร้องลั่นเมื่อซินเดลคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วถอดกางเกงของข้าออกอย่างชำนาญ

 “โอว......ตั้งเสียขนาดนี้แล้วหรือ รสชาติจะเป็นเช่นไรนะ ขอข้าชิมสักนิดเถอะ”

 “อ๊า ย๊า!!!” ข้าอ้าปากจะร้องห้ามหากแต่ไม่ทันจะได้ส่งเสียงด้วยซ้ำ ปากร้อนๆก็ครอบครองตัวตนของข้าจนหมด

 จ๊วบ จุ้บ

 “แฮกๆ อ๊า อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ” สติของข้าเลือนหายไปจนหมด ในหัวขาวโพลน แม้แต่ภาพตรงหน้าก็ยังพร่าเลือน มีเพรยงเสียงดูดเลียและเสียงครวญครางของข้าเท่านั้นที่มันชัดเจน ข้ายกมือขึ้นขยุ้มลงบนไหล่กว้างอีกมือยกขึ้นปิดปากเอาไว้

 “ดีใช่ไหมล่ะขอรับ คงทรมานมากสินะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะช่วยให้ท่านสบายตัวเอง” สิ้นเสียงซินเดลก็ครอบครองแก่นกายของข้าอีกครั้งโดยที่ข้าไม่สามารถห้ามอะไรได้เลย

 “อือ อ๊ะ อ๊ะ อา”  ข้าเริ่มไม่มีแรง เริ่มควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ ทำได้เพียงส่ายหน้าไปมา

 “จุ้บ จุ้บ แผล่บ จ๊วบ อา หวานจริงๆ” ซิลเกล เริ่มขยับมากและลิ้นมากขึ้น เขากลืนกินแก่นกายของข้าจนสุดทุกครั้งที่ขยับปากเข้าไป ข้าทรมานจนต้องระบายมันด้วยการจิกเสื้อที่ไหล่หนา ยิ่มเขาเพิ่มความเร็วมากขึ้นข้ายิ่งขยับสะโพกตอบรับตามจังหวะมากขึ้นเช่นกัน

 “ปล่อยๆ ข้าไม่ไหว ปล่อยข้า อื้อ ได้โปรด อ๊ะ ปล่อย” ข้าดันใบหน้าของเขาออก แต่เขาไม่ขยับแม้แต่น้อย

 “พะ พอ ไม่นะ จะถึง อื้อ ไม่ อ๊า!!!” ข้าปลดปล่อยความสุขเข้าในปากเขาจนหมด มาเหลือเรี่ยวแรงที่จะยืนจึงทำได้เพียงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นห้อง

 “แฮกๆๆ”

 “หวานจริงๆ เซนของข้า”

 “จะทำอะไร เอาคืนมานะ!!” ข้ารีบพุ่งตัวเพื่อจะคว้าชั้นในของข้าคืน นี่มันบ้าอะไรกันเรี่ย!!!!

 “ถือว่าเป็นของหมั้นหมาย แล้วข้าจะมาหาท่านแน่นอน” ซิลเดลไม่สนมใจข้าอีกเพราะเขาถือกางเกงและชั้นในของข้าออกไปทันที ทิ้งให้ข้านั่งเปลือยท่อนล่างอยู่ภายในห้อง

      หึย!!!! แล้วข้าจะออกไปยังไงละเจ้าบ้าเอ้ย






             “ตกลงเจ้าจะอธิบายกับพ่อได้หรือยัง ว่าทำไมกางเกงเจ้าถึงหายไป” ข้ามุ่ยหน้าลงทันที

 “ไม่ทราบขอรับ สงสัยสุนัขนิสัยไม่ดีมันคงคาบไปแทะเล่นกระมังขอรับ” คิดแล้วเคือง เพราะเจ้านั่นทำให้ท่านพ่อและท่านแม่มาเห็นข้าในสภาพเช่นนั้น แถมคีทยังยิ้มแบบมีเลสนัยอีกต่างหาก ข้าอยากจะบ้าตาย ผ่านมาจะสามวันอยู่แล้ว ท่านพ่อยังไม่เลิกซักไซร้ถามข้าเรื่องนี้เลย

 “อย่ามาเล่นลิ้นกับพ่อนะ เซน!!”

 “...” เงียบใส่ ทำมึนไปเป็นทางเดียวที่ข้าจะรอดจากเรื่องนี้

 “หากมิว่าอะไร ขอข้าเสนอความคิดได้รึไม่ขอรับ” ข้าหันไปมองคีททันที รอยนิ้มปีศาจนั่นมันอะไรก๊านนนน!!

 “เอาสิ ว่ามาเลยข้ารอฟังอยู่”

 “แต่ท่านพ่อ ข้าว่า...”

 “หยุดเลย ในเมื่อเจ้าไม่อยากบอก พ่อก็จะหาวิธีเอง” ท่านพ่อนกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามให้ข้าหยุดพูดเสีย

 “ข้าคิดว่า เมื่อกางเกงเจ้าชายเซนหายไปนั้น ย่อมหมายความว่ามีคนเอาไปใช่ไหมขอรับ” ท่านพ่อพยักหน้าเห็นด้วย

 “ท่านพ่อ คือข้า..”

 “หมดเวลาของเจ้าแล้วเซน อยู่เฉยๆ” ข้ากัดปากแน่นเมื่อท่านพ่อไม่ยอมฟังข้าอีกแล้ว คีทนะคีท ทำกับข้าได้ ข้าได้แต่ค้อนคีทอย่างขุ่นเคือง

 “หากเช่นนั้น เราลองเสนอไปสิขอรับ ‘ผู้ใดนำสิ่งที่เจ้าชายเซนทำหายไปในงานเต้นรำมาคืนได้ ผู้นั้นจะได้เป็นคู่ครอง’ เท่านี้ก็น่าจะได้แล้วบ่ะขอรับ” จะบ้าเหรอ!!!!! ข้ารั่งมองหน้าคีทด้วยความอึ้ง อึ้งในความคิดของคีทสุดๆ

 “ตกลง เจ้าไปประกาศได้เลย” บ้าไปแล้ว!!!! นี่แม้แต่พ่อข้าก็เห็นดีเห็นงามด้วย

 “ขอรับ!!!” เดี๋ยวสิ ว๊ากกกก ข้าไม่เอาน๊า!!!

 “ท่านพ่อออออออ ข้าไม่ยอมมมมมม”

 “ข้าเป็นราชา ตรัสแล้วไม่คืนคำ”

 “ทำไมท่านพ่อไม่ฟังข้าเลย!” ข้ามองบิดาด่วยสีหน้าง้ำงอ

 “แล้วเวลาที่ข้าจะฟัง เจ้าเล่าไหม!! ช่างมัน ข้าจะทำแบบนี้แหละ หึ!”

 “เดี๋ยวขอรับ ท่านพ่อ ท่านพ่อ กลับมาคุยกันก่อนน!!!!!” ท่านพ่อเดินหนีข้าไปแล้ว โฮ......ไม่จริงใช่ไหม ใครก็ได้บอกข้าทีว่ามันไม่จริง

ในระหว่างที่ข้าตรอมตรม มีมือปริศนามาแตะที่ไหล่

 “ไม่เป็นไรนะขอรับท่านเซน มีผัวไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าเอาใจช่วย แต่ครั้งแรกจะเจ็บหน่อยนะขอรับ” ข้าชะงัก เวสรู้ได้ยังไงเดี๋ยวนะ

 “ใครบอกเจ้ากันว่าข้าจะมีผัวะ..เอ่อ สามี” เวสส่งยิ้มมาให้ ยิ้มของเวส สยองมากกกก

 “มันอาจจะฉีกขาดได้นะขอรับ”

 “........” บอกข้าทำไม?

 “เลือดออกเยอะเลย”

 “......” ข้าไม่อยากรู้!!!

 “นอนซมเลยด้วยนะ”

 “.....” ม่ายฟางงงงงงง

 “ลุกไม่ขึ้น กินไม่ได้ เอาทั้งวันยิ่งแล้วใหญ่”

 “หยุดนะ หยุด!!! ข้าไม่อยากฟังงงงงงง” ข้าวิ่งหนีออกมาด้วยสีหน้าที่น่าสงสาร แต่เวสกลับหัวเราะชอบใจ ไอบ้านั่น ข้าขอแช่งมัน 
 
ขอให้.....

ขอให้......

 ขอให้....คีททำจนลุกไม่ขึ้นนนนน!!!!!!


   
        ความเงียบกลับมาอีกครั้ง กลับมาจริงๆ เงียบเป็นป่าช้า เพราะระหว่างที่ทานอาหารไม่มีใครพูดกันเลยสักคำ
“พระราชาขอรับบบ!!!!” เวสวิ่งและตะโกนมาแต่ไกล

 “มีอะไรสำคัญหรือเวส”

 “สำคัญขอรับ สำคัญมาก” ข้าตักซุปเข้าปาก อืมม วันนี้ช่างอร่อยยิ่งนัก สงสัยต้องไปชมคนปรุง

 “มีชายหนุ่มคนนึงเดินเข้ามาพร้อมกางเกงของเจ้าชายเซนขอรับ”

    พรูดดดดดด!!!

ซุปที่ว่าอร่อย ไปกองรวมกันอยู่บนหน้าท่านพ่อของข้าเรียบร้อย

 “ขออภัยขอรับท่านพ่อ ข้าเพียงตกใจ” ท่านพ่อยกผ้าขึ้นมาเช็ด ใจจริงข้าอยากจะไปเลียให้ เสียดายมันอร่อย แต่เกรงใจ กลัวจะมีรสอื่นปะปนมา

 “ไปพามา”

 “ขอรับ” เวสวิ่งออกไปอีกรอบ

 “ท่านพ่อขอรับ ลูก เอ่อ ลูกปวดท้อง ขออนุญาตไปพัก สามปีขอรับ” ข้ายกมือขึ้นพูดอย่างรวดเร็ว

 “สามปี!!! ปวดท้องหรือเจ้าจะไปนอนตายห้ะ!! ไม่ต้องหนี อยู่รอฟังที่นี้แหละ” ท่านพ่อไม่เข้าใจ ท่านพ่อไม่เข้าใจ!! ข้าได้แต่น้ำตาคลอ เพราะท่านพ่อไม่ฟัง ไม่นาน ร่างสูงอันคุ้นตาก็ก้าวเข้ามานั่นทำให้ข้าต้องเกร็งตัว

 “เจ้าหรือ คือคนที่เก็บได้”

 “ขอรับ อันที่จริง จะเรียกว่าเก็บได้ก็ไม่ถูก” ซินเดลอมยิ้ม ปรายตามองหน้าข้าที่เบนสายตาไปทางอื่น

 “ต้องเรียกว่าหยิบมามากกว่าขอรับ”

 “แล้วเหตุใด เจ้าจึงหยิบไปล่ะ” ท่านพ่อถามต่อด้วยความใจเย็น

“หรือเจ้าไม่มีกางเกงใส่?” พ่อข้าช่างมีอารมณ์ขันจริงๆ ==

 “ข้าหยิบมาเพราะนี่คือของหมั้นหมายของข้ากับเจ้าชายเซนขอรับ”
   
   ปึง!!

 “โกหก ข้าไปหมั้นกับเจ้าตอนไหนกัน!!” ข้าทุบโต๊ะเสียงดังแล้วตะเบงเสียงถามออกไป

 “ท่านต้องการให้ข้าเล่ารายละเอียดหรือขอรับ?” ข้าทำได้เพียงสงบปากสงบคำนั่งลงเช่นเดิม

 “ใส่รายละเอียดก็ดีนะ”

 “ท่านพ่อ!!!”

 “แต่ไม่ต้องก็ได้ เจ้าเอามาคืนก็ดีแล้ว” เหมือนท่านพ่อจะทำมึนให้ซินเดลออกไปจากตรงนี้ แต่ซินเดลกลัยทำมึนกว่า เพราะเจายังอยู่ที่เดิม

 “อาว รออะไรล่ะ เออใช่ เจ้าชื่ออะไรรึ?” ทานพ่อถามเมื่อนึกขึ้นได้

 “ข้าชื่อ ซินเดลขอรับ”

 “อ่อ....ซินเดล งั้นเจ้ากลับไปเถอะ จ้าหมดเรื่องแล้ว” ท่านพ่อลงมือทานอาหารต่ออย่างไม่สนใจ

 “ข้ายังหลับไม่ได้ขอรับ ข้ายังต้องสอบถามพระราชา”

 “อืมม เจ้ามีอะไรก็ว่ามาเถอะ” ท่านพ่อถามขณะตักซุปเข้าปาก

 “งานแต่งของข้ากับเจ้าชายเซนจะจัดขึ้นเมื่อไหร่ขอรับ”
 
   พรวดดด!!

นั่นไง เต็มๆ

 เต็มหน้าข้านี่แหละ!!! ข้ายกมือขึ้นลูบหน้าที่เต็มไปด้วยซุปและน้ำลายของท่านพ่อออก

 “เอ่อ เรื่องนั้น ข้าไม่คิดว่า...”

 “พระราชา ตรัสแล้วมิคืนคำใช่หรือไม่ขอรับ” เมื่อเห็นว่าท่านพ่อของข้าตั้งท่าจะปฎิเสธซินเดลจึงแย้งขึ้นมา

 “ชิส์!! ก็ได้ อีกสองอาทิตย์ข้าจะจัดงานแต่งขึ้น”

 “ขอบพระทัยขอรับพระราชา” ซินเดลยิ้มกว้าง และแลบลิ้นเลียริมฝีปากเมื่อหันมาหาข้าก่อนจะเดินออกไป
     
       


          ก่อนงานแต่งของข้าจะมาถึง ซินเดลเอาแต่มาเฝ้าจ้าราวกับกลัวข้าจะหนีอย่างนั้นแหละ และที่ข้าเพิ่งจะรู้คือ ซินเดลคนนี้ช่างปากหวาน ป้อยอเก่งสุดๆ จนข้าใจสั่น แต่จะให้ข้ายอมรับหรือ หึ!! ไม่มีทางเสียหรอก เหล่าข้ารับใช้สาวเมื่อเห็นหน้าซินเดลเป็นต้องเคลิบเคลิ้มหลอมละลาย จนตัวจ้าชักจะหมั่นใส้ สรุปแล้ว มาจีบข้าหรือมาหาพวกนางกันแน่นะ หึยยยย

 “เป็นอะไรหรือขอรับ” ซินเดลถามเสียงนุ่ม

 “เปล่า” แต่ตาข้านี่แวววาวตามแรงอารมณ์

 “หึหึ หากเช่นนั้น ใยท่านจะต้องหน้าบึ้งด้วยเล่า” มือหนายกขึ้นไล่เกลี่ยแก้มจ้าเล่น

 “บอกว่าเปล่าๆ เจ้าจะตื้อทำไม”ข้าปัดมือหนาออก

 “หึงรึขอรับ”

 “ใครหึงเจ้า!!!” ข้าแหวกลับทันที

 “หากไม่หึง ใยจ้องจะกินเลือดกินเนื้อพวกนางด้วยล่ะ” ข้าเนี่ยนะ ข้ายกมือขึ้นจับหน้าตัวเองดู

 “ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้นเสียหน่อย” ข้าพูดเสียงอ่อนลง

 “อย่ากังวลไปเลย ข้าน่ะ มีตาไว้มองท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น หากไม่ใช่ท่าน ข้าขอไม่มีดวงตาเสียดีกว่า” ความร้อนเกิดขึ้นบนผิวแก้มอย่างช่วยไม่ได้

 “ระ เรื่องของเจ้าสิ มาบอกข้าทำไม” ข้าเชิดหน้าหนี ให้ตายสิ พูดออกมาหน้าตาเฉนเลยนะ

 “จูบได้ไหมขอรับ” ข้าหันกลับมาเพื่อจะปฎิเสธ แต่สายตาของซินเดลที่มองอยู่ก่อนนั้น ทำให้ข้าพูดอะไรไม่ออก ส่ายหน้าก็ไม่ได้ ทำได้เพียงรอรับริมฝีปากที่กดลงมาเท่านั้น สายตาคู่นั่น
สายตาที่ใช้มองคนที่รักอย่างสุดห้วใจ
เอาเถอะ เจ้าก็ใช่ว่าจะแย่นัก ข้าจะรักเจ้าดู
     


           ให้ตาย ไม่เคยมีใครบอกข้าสักคนว่างานแต่งงานมัรยุ่งยากและเหนื่อยขนาดนี้ กว่าข้าและซินเดลจะได้เข้าห้องเพื่อพักผ่อนก็ดึกเอาการ ยิ่งเหนื่อนข้ายิ่งหงุดหงิด

 “ใยเจ้าทำหน้าเช่นนั้นเล่า ยอดรัก” ซินเดลรอบร่างของข้าเข้าไปกอด

 “หึย!! ข้าเหนื่อยแล้ว ปล่อยๆๆ” หงุดหงิดๆๆๆ

 “เจ้าไม่ได้ทำอะไรนี่ นอนเฉยๆเดี๋ยวข้าทำเอง” ข้าหันไปมองหน้าซินเดลตรงๆ

 “เรื่องอะไร ข้าจะทำเอง”

 “มาต้องห่วง หากเจ้าอยากทำ ข้าจะให้ทำจนอิ่มเลยล่ะ” ซินเดลกระซิบใกล้ๆหูจนขนของข้าลุกชันทั้งกาย

 “อื้อ เจ้าขี้โกงข้า”

 “ก็เจ้าอยากน่ารักทำไมล่ะ ข้าทนมานานเกินไปแล้ว มาเถอะ” ซินเดลอุ้มร่างของข้ามาวางยนเตียงใหญ่ มือของข้าสอดคล้องคอของซินเดลเอาไว้ ลมหายใจของเราทั้งคู่ปะทะกันจนให้ความรู้สึกวูบไหวในช่องท้องแปลกๆ ซินเดลกดเรียวปากลงมากับริมฝีปากของข้า สอดปลายลิ้นเข้ามาเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นร้อนๆของข้าจนร่างของข้าสั่นเบาๆ มือหนาไล่ปลดกระดุมออกจนหมดแล้วเลื่อนสาปเสื้อออกจากกัน ซินเดลถอนริมฝีปากออกมามอง ดวงตาคมฉายแววถูกใจเมื่อเห็นว่าผิวขาวๆของข้านั่นไร้สิ่งปกปิด

 “ผิวกายนี้ของข้า”

 “อื้ออ” มือของซินเดลลูบไล้ไปบนแผ่นอกของข้า ก่อนจะหยุดลงที่ยอดสีสวย

 “นี่ก็ของข้า จ๊วบ”

 “อ๊ะ..” ซินเดลก้มลงมาดูดเลีย ตวัดลิ้นวนอยู่ที่ยอดอกทั้งสองข้า

 “และนี่......” มือของซินเดลลากลงไปวางบนกางเกงสีขาวที่ข้าใส่ ส่วนใต้ร่มผ้าโป่งนูนขึ้นเมื่อมือหนาลูบไล้มันอยู่

 “ก็ของข้าเช่นกัน ทุกอย่างของท่านเป็นของข้า เซน” ซินเดลกดริมฝีปากลงไล้เลียยอดอกของข้าอีกครั้ง ในขณะที่มือยังคงพยายามถอดกางเกงของข้าไปด้วย ไม่นานร่างของข้าก็เปลือยเปล่าไร้สิ่งใดปกปิด ซินเดลเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหายในขณะที่ข้าทำเพียวหอบหายใจ

 “ต้องทำท่าไหนนะ เจ้าจึงจะตั้งท้องลูกให้ข้า”

 “จะบ้าหรือ ข้าเป็นชายจะตั้งท้องได้เช่นไร” ข้าพูดออกไปอย่างขุ่นเคือง หากอยากมีลูกจะมาแต่งกับข้าทำไมกัน

 “หึหึ ไม่ลองก็ไม่รู้ วันนี้ไม่ท้อง ก็ทำไปเรื่อยๆจนกว่าเจ้าจะท้องดีหรือไหมยอดรัก ทำทุกวัน ทำบ่อยๆ เดี๋ยวเจ้าก็ท้องเอง”

 “อ๊ะ เจ้ามันบ้า อือ” ซินเดลลูบไล้เซนน้อยเบาๆ จนเซนน้อยของข้าผงกหัวสู้มือ

 “อ๊ะ อ๊ะ ฮา อ๊า อื้อ อ๊ะ” ซินเดลกุมแก่นกายข้าเอาไว้พร้อมขยับมือเนิบนาบและเร่งจังหวะจนตัวจ้าตามแทบไม่ทัน

 “ตัวเจ้าแดงหมดแล้วเซน ดูสิ เจ้าสู้มือข้าดีจริงๆ” บ้าจริง เรื่อน่าอายแบบนี้

 “ยะ อย่าพูด อ๊ะ มันออกมา อื้อ ง่ายๆสิ” ซินเดลก้มลงครอบครองแก่นกายสีหวานด้วยริมฝีปากร้อน ซินเดลกดริมฝีปากลงไปจนมันแก่นกายของข้าเข้าไปจนสุดก่อนจะดึงริมฝีปากออก ลิ้นสากของซินเกลเลียไปตามรอยหยักของส่วนหัว นั่นทำให้ข้าแทบจะอั้นมันไว้ไม่ไหว

 “อ๊า พะ พอแล้ว ข้า”

  จ๊วบ จ๊วบ จุ้บ

ไม่ทันที่ข้าจะได้พูดอะไร ริมฝีปากเรียวก็ดูดเข้ากับส่วนปลายราวกับหิวกระหายสุดๆ สะโพกบางของข้าแอ่นขึ้นมาตามจังหวะของริมฝีปากเรียว จนรู้สึกอึดอัน ยิ่วความร้อนและความเร็วของริมฝีปากเรียวทำให้ข้าเกือบจะไปถึงจุดนั้นในทันที

 “พะ พอ ข้าจะ เสร็จ อื้ออ”

ซินเดลถอนกายของข้าออกจากริมฝีปาก ซินเดลผละออกจากร่างข้าเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าของตนเอง ข้ามองคนตรงกน้านิ่งๆ แต่นั่นกลับทำให้ข้าร้อนมากขึ้น เมื่อสิ่งที่ผงาดตั้งขึ้นมานั้น ช่างใหญ่โตและเยิ้มไปด้วยน้ำสีใสไม่ต่างจากข้า ซินเดลขยับมาคล่อมร่สงกายของข้าไว้อีกครั้ง นิ้วเรียวยาวค่อยๆสอดแทรกเข้าไปยังรอยจีบสีแดงอย่างช้าๆ

 “อื้อ! เจ็บ อึดอัด”

 “ใจเย็นๆเซน แค่นิ้วเท่านั้น”
ซินเดลขยับนิ้วช้าๆเข้าออกภายในกายข้าอย่างแผ่วเบา ร่วงกายของข้าเริ่มร้อนขึ้นอีกครั้งสะโพกของข้าขยับตามจังหวะอย่างเนิบๆ จนเมื่อซินเดลรู้สึกว่าข่องทางนั้นนุ่มขึ้นแล้ว นิ้วเรียวก็สอดเพิ่มเป็นสองและสาม

 “อื้อ อ๊ะ อ๊ะ”
ซินเดลก้มลงตวัดลิ้นบนยอดอกของข้าและดูดดึงมันอย่างแรงจนแดงก่ำ นิ้วเรียวค่อยๆถอนออกไปอย่าช้าๆ จนร่างกายข้าผวาตาม

 “อื้อ ทำอะไร อ๊ะ ไม่ไหวแล้ว”

 “ใจเย็นๆยอดรัก จุ้บ อย่ากังวล”
ซอนเดลกดความใหญ่โตที่มากกว่านิ้วทั้งสามเข้ามายังช่องทางสีสวยช้า แต่เพียงแค่ส่วนหัวเข้าไปเท่านั้นข้าก็ร้องลั่นและพลักร่างแกร่งออก

 “เจ็บ ไม่เอา ปล่อยนะ ถอยไปนะ ข้าเจ็บ!!”

 “ฟู่ว เซน อย่าดิ้น เดี๋ยวข้าทนไม่ไหวแล้วเจ้าจะยิ่งเจ็บ อา แน่นจริงๆ”
ซินเดลฝืนกายกดค้างเอาไว้เพื่อให้ข้าได้คลายความเจ็บปวด มือหนาจึงเอื้อมมาข้างหน้า ชักนำแก่นกายของข้าให้คล้อยตามจนลืมเลือนความเจ็บไป

 “อื้อ อ๊า ขะ ข้า ไม่ อ๊ะ”
ร่างสูงค่อยๆสอดแทรกเข้ามาอีกครั้งอย้างรวดเร็ว จนข้าสะดุ้งสุดแรง น้ำตาไหลลงมาอย่างไม่อาจจะห้ามได้

 “ชู่ว์ อย่าร้องไห้ หากเจ้ายังไม่พร้อมข้าจะไม่ขยับดีไหม” ซินเดลถามอย่างอ่อนโยนมือหนาค่อยลูบไล้ใบหน้าเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ ลิ้นร้อนทำหน้าที่ปรนเปรอจนข้ากลับมาร้องครวญครางอีกครั้ง

 “อืม ดีไหมเซน ข้าขยับได้ไหม จ๊วบ จุ้บ จุ้บ”
ข้าแอ่นอกขึ้นรับริมฝีปากและเรียวลิ้นของซินเดล มือทั้งสองข้ากดศรีษะของเขาให้แนบแน่นกับยอดอกของข้ามากนิ่งขึ้น

 “อื้อ ขยับ อ๊ะ ขยับเอลย ขะ ข้า ไม่เจ็บแล้ว อ๊า”
เมื่อได้ข้าอนุญาต สะโพกหนาก็ขยับกายอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหนักหน่วงขึ้น

 “อ๊ะ อืม โอ๊ะ เดี๋ยว อ๊า!”
ข้ายกมือขึ้นดันกายแกร่งไว้ เมื่อคนตรงหน้าเริ่มเร่งจังหวะจนข้าจะขาดใจ ซินเดลโถมกายด้วยความเร็ว กระแทกกายเน้นๆจนร่างของข้าสั่นคลอน มือของข้าจิกแผ่นหลังกว้างเมื่อความเสียวซ่านทวีคูณมากขึ้นจนข้าใกล้จะแตะขอบสวรรค์

 “อา อ๊ะ หยุด อื้อ หยุดทำไม” ข้าปรือตามองซินเดลอย่างไม่เข้าใจ

 “เจ้าบอกว่าอยากทำเองไม่ใช่รึ”

 “อ๊ะ!!” ซินเดลพลิกกายของข้าขึ้นมาอยู่ด้านบนทั้งที่แก่นกายของเขายังคงเชื่อมต่ออยู่กับช่องทางของข้า

 “ทำสิ” มือหนาขยับสะโพกของข้าขึ้นลงช้าเหมือนเป็นกานสอนข้ากลายๆ มือของข้าค้ำอยู่บนหน้าท้องแกร่งในขฯที่สะโพกของข้าค่อยๆขยับตามจังหวะชักนำ

 “อา แน่นจริงๆเซนของข้า ขยับเร็วอีกยอดรัก” ข้าเร่งจังหวะขึ้นลอบมองใบหน้าหล่อเหลาเป็นระยะ ยิ่งเห็นซินเดลซูดปากลูบไล้ไปตามเอวบางของข้ายิ่งย่ามใจ ข้ากดกายย้ำๆเน้นๆ จนคนที่อยู่ข้างใต้ครางต่ำ

 “อื้อ อ๊ะ อ๊ะ”

 “ดี อูยย ดีอะไรอย่างนี้ เซน อา เซนที่รัก”

 “อ๊า อ๊า ฮะ อ๊ะ เดี๋ยว อ๊ะ ข้า ไม่ไหว อ๊า” เมื่อทนไม่ไหว มือหนาจับเอวของข้าให้ขยับรับแรงกระแทกจากสะโพกหนาอย่างหนักหน่วงรุนแรง ข้าสะบัดหน้าไปมา ลมหายใจหอบถี่และเสียงครวญครางแทบบไม่เป็นภาษา ความเสียวซ่านค่อยๆมารวมกันตรงส่วนปลายจนใกล้จะระเบิด ซินเดลกระแทกอีกไม่กี่ครั้งข้าก็ปลดปล่อยน้ำรักสีขุ่นเต็มหน้าท้องแกร่ง ร่างของข้ากระตุกสองสามครั้ง ภายในช่องทางตอดรัดจนซินเดลใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างเสียวซ่านและเร่งตัวตามมาจนในที่สุดซินเดลก็ฉีดอัดความสุขเข้ามาในร่างข้าจนหมดสิ้นทุกหยาด ข้าเอนกายซบลงบนอดแกร่งมือลูบไล้แผ่นหลังของข้าอ่างปลอบประโลม

 “ยะ ยังไม่พออีกหรือ” ข้าถามขึ้นเมื่อภายในกายนั้นรับรู้ถึงกานตื่นตัวของอีกคน

 “หึหึ เมียข้างามขนาดนี้ จบง่ายๆได้อย่างไรกัน บอกแล้วนี่ ข้าจะทำตนกว่าเจ้าจะท้อง” หมดคำจะโต้แย้งเมื่อซินเดลก้มลงมาปิดปากด้วยริมฝีปากของเขา และแน่นอน เสียงครวญครางยังคงดังอยู่เช่นนั้นทั้งคืนอย่าไม่รู้จักจบสิ้น ข้าก็ทำได้เพียงตามเกมที่ซินเดลชักนำพาข้าไปเท่านั้น กว่าข้าจะได้พักก็เกือบจะเช้า ตกลงแล้วข้าโชคดีหรือโชคร้ายกันนะ ที่มีซินเดลเป็นสามี



   
The End





จบแล้วค่า สนุกกันไหมเอ่ยยย โปรดอย่าแปลกใจ นิทานแบบที่ชาวบ้านเค้าเขียนกัน แมวจะไม่เขียน ฮ่าๆๆๆ ถ้าเขียนแบบที่เขาเขียนกันทั่วไป แมวกลัวทุกคนจะเบื่อนี่นา เอาล่ะค่ะ สถานรต่อไป ลิตเติ้ลเมอร์เมด เนอะ พบกันใหม่อาทิตย์หน้าจ้าา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ซินเดอเรลล่า 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-06-2017 14:12:20
เป็นคู่ที่มุ้งมิ้ง..เรียกเลือดได้ดี  :jul1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ซินเดอเรลล่า 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 13-06-2017 23:15:28
หมดยุครองเท้าแก้วแล้ว
นี่มันยุคของกางเกงแก้ว(????)
ได้สามีฟรีเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ซินเดอเรลล่า 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 18-08-2017 08:20:01
 :m25:นี่มันสุดยอดนิทาน

รอนายเงือก!!!!!  :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 27-09-2017 13:09:04
ลิตเติ้ลเมอร์เมด 1/2


      ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าปลาเล็กปลาน้อนมากมาย และสัตว์ทะเลนาๆชนิด หากแต่สิ่งหนึ่งที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลเช่นกันนั่นก็คือ เหล่าเงือก ผมมีชื่อว่าเซบาสเตียนเป็นเพื่อนกับเจ้าหญิงเฮน่าซึ่งเป็นเงือกสาวแสนสวย พระราชาไม่ค่อยพอใจนักที่เจ้าหญิงเอาแต่เล่นกับผม ไม่ยอมออกไปเล่นกับเหล่าเงือกในอาณาจักร แต่ใครจะรู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงนั้นคืออะไร

 “เซบาสเตียนๆ เร็วๆสิ เดี๋ยวก็ไปไม่ทัน"

 “แฮกๆ ช้าๆหน่อยสิครับ ผมเป็นกุ้งนะ ว่ายเร็วเหมือนเจ้าหญิงได้ที่ไหนกัน” เฮ้ออ เหนื่อยจนแทบสำลักน้ำตาย

 “อ๊ะ ข้าขอโทษๆ ข้าลืมไป” ทำตาเศร้าสร้อยก็ไม่ช่วยหรอก ฮึ!

 “ก็ได้ครับ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เดี๋ยวก็หมดสวยหรอก” ใจอ่อนจนได้สินา

 “เย้!!! นายใจดีที่สุดเลยยย”

 เจ้าหญิงเฮน่าว่ายไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก็ไหนว่าเข้าใจแล้วไงเล่า!! ผมทำได้เพียงว่ายไปเรื่อยๆเท่านั่น จะให้เร็วเหมือนเงือกคงไม่ได้

 “เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าหญิงเฮน่า ทำไมถึง......” ผมมองเธอที่หยุดนิ่งทั้งที่ยังมองตรงไปข้างหน้า

 “ฉันว่า....”

 “..........”

 “ฉันกำลังตกหลุมรัก”

 “!!” นั่นเป็นเรื่องสุดช็อคของผม ทำไมน่ะหรือ ผมจะไม่ช็อคเลยหากว่าคนที่เธอพูดถึงนั้น.....ไม่ใช่มนุษย์

 “ตะ แต่ นั่นมันมนุษย์นะ มันเป็นกฎต้องห้ามของ...”

 “ฉันรู้หรอกน่า” เฮน่าหันมาพูดกับผมด้วยท่าทางหงุดหงิด ปกติเฮน่าจะน่ารัก ยิ้มเก่ง จะมีแค่ไม่กี่เรื่องและไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่จะมำให้เฮน่าหงุดหงิดได้

 “เร็วเซบาสเตียน”

 “เดี๋ยวสิ” เฮน่าไม่ฟังเสียงผมอีกแล้ว เธอลากผมให้ตามไปอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าที่มีความสุขสุดๆ ครับ ผมคงมีความสุขด้วย ถ้าผมมองไม่เห็นหายนะที่จะเกิดขึ้น บอกได้เลยว่าราชาเฮสตันไม่ยืนยิ้มเฉยๆแน่ถ้ารู้เรื่องนี้เข้า

 “บาส.. เซบาสเตียน!!!”

 “ครับ!!” ผมสะดุ้งตัวตอบอย่างรวดเร็ว

 “เหม่ออะไรของนาย กลับกันได้แล้ว” อ้าว????

 “แล้ว ผู้ชายคนนั้นละครับ” เฮน่ากรอกตาไปมา

 “นี่นายเหม่อไปนานมากสินะ เขากลับไปแล้ว และตอนนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย ถ้าไม่รีบกลับละก็ พ่อฉันย่างนายกินแน่ๆ” หึย!! แค่นึกถึงสีหน้าของราชาเฮสตันผมก็สยองแล้ว

 “ไปครับๆ รีบกลับกันเลยครับ” ผมว่ายนำเฮน่าไปโดยได้ยิ้นเสียงหัวเราะคิกๆดังมาจากด้านหลัง  ผมกลัวนี่ ผมผิดหรือ
       



           “ลูกมาช้านะเฮน่า!” นั่นไง ว่าแล้วเชียว

 “โถ่ เสด็จพ่อ ลูกแต่ออกไปว่ายน้ำเล่นกับเซลาสเตียนเองนะคะ ไม่เห็นต้องดุขนาดนี้เลย” เห็นไหมครับ เฮน่าคนนี้น่ะหนือจะสลด ย่นจมูกใส่ราชาเฮสตันอยู่นั่นไง

 “พ่อจะไม่ห่วงเลย หากลูกไปกับชาวเงือก” ราชาเฮสตันปรายตามามองผมก่อนจะกระแทกเสียงตอบลูกสาวตัวเอง

 “ไม่ใช่เจ้ากุ้ง หอย ปู ปลา” ครับ ผมได้สัญชาติเพิ่ม ขอบคุณมาก!!

 “เซบาสเตียนเป็นเพื่อนลูกนะ อย่ามาว่าเขาน่ะ ลูกโกรธจริงๆด้วย!!” เฮน่ายกแขนขึ้นเป็นเกาะกำบังร่างของผมออกจากสายตาอาฆาตของพ่อเธอ

 “ซะที่ไหนเล่าลูกรัก โธ่ พ่อแค่ล้อเจ้าเล่นเอง ไปๆ ทานข้าวกันดีกว่า พี่ๆเจ้านั่งรอที่โต๊ะแล้วละ” ราชาเฮสตันยกยิ้มหวานดันหลังลูกสาวให้เดินเข้าไปข้างใน

 “เอ๊ะ หรือคะ แหมลูกตกใจหมดเลย” เชื่อด้วยหรือ!!!!

 “งั้นไปกันเซบาสเตียน ไปทานอาหารกัน” ผมเหล่มองราชาเฮสตันที่มองมาด้วยสายตาที่บ่งบอกเลยว่า หากผมตอบตกลง ผมคงกลายเป็นอาหารมื้อนี้แน่นอน

 “ผม ผมต้องไป เอ่อ อ๋อใช่ ซื้อของต่อน่ะครับ คงอยู่ทานด้วยไม่ได้ อภัยด้วยครับเจ้าหญิงเฮน่า ราชาเฮสตัน” ผมก้มหัวขอโทษ

 “เห็นไหมลูกรัก เขาไม่ว่าง งั้นเราเข้าไปกันเถอะ”

 “อ๊ะ โอเคค่ะ งั้นไปก่อนนะเซบาสเตียน เจอกันพรุ่งนี้” จึ๋ยย แรงกดดันและออร่าสีดำด้านหลังเธอนี่ ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเลย มีแต่ผมนี่ล่ะที่รู้สึกจนต้องรีบพยักหน้ารับและว่ายออกมา ให้ตายเถอะ อยู่กับเฮน่าสนุกก็จริงแต่รู้สึกเหมือนใกล้ตายเข้าไปทุกวันๆ ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆว่าราชาเฮสตันไม่ชอบอะไรผมนักหนา ถ้าใครบอกผมได้บอกผมทีเถอะ ผมโง่!!
หลังจากออกมาผมก็ว่ายไปเรื่อยๆ ก็แหมผมไม่รู้จะไปไหนนี่ อยู่บ้านตัวเดียวมันเหงานะ ผมเดินไปเรื่อยๆตามพื้นทรายชมความงดงามของท้องทะเล สวยจริงๆ ยิ่งเวลาใกล้ค่ำยิ่งสวย ผมเพลิดเพลินไปกับความงดงามจนลืมเวลา ทว่ากว่าจะรู้ตัวรอบข้างมันก็มืดเสียแล้ว




        “ซวยล่ะ ที่ไหนล่ะเนี่ย”

 ผมมองไปรอบตัวเพื่อหาความคุ้นเคยแต่กลับไม่เจอเลย นี่ผมหลงมาไกลขนาดไหนกันแน่ มืดก็มืด หิวก็หิว ผมจะร้องไห้แล้วนะ

 “นายเป็นใครน่ะ หน้าตาไม่คุ้นเลย ไม่ได้อยู่แถวนี้นี่”

 ผมหันไปมองร่างกายใหญ่โตและหนวดที่ยาว แย่ล่ะ ผมจะโดนกินไหมเนี่ย

 “ชะ ใช่ ผมหลงทางครับ”

 “อ๋อ......มาสิเดี๋ยวฉันจะพาไปส่ง ว่าแต่นายอยู่แถบไหนละ” ผมมองเขาด้วยความหวาดหวั่น คงไม่หลอกผมไปกินเป็นอาหารหรอกนะ

 “เอ่อ...ก็แถวๆแนวปะการังสีฟ้าน่ะ” เขาเลิกคิ้วก่อนที่แววตาของคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไป

 “หึ!! อาณาเขตของราชาเฮสตันล่ะสิ”

 “ครับ” ผมตอบเสียงเบา เพราะความกลัวเข้ามาเกาะกินเมื่อสบดวงตาคมดุ เขาโกรธอะไร ผมทำอะไรผิด

 “ขอ ขอโทษครับ ผะ ผมขอแค่บอกทางก็พอ เดี๋ยวผมกลับเอง”

 “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันไปส่งเอง แถวนี้มันอันตราย มาสิ” เขาว่ายนำผมไปอย่างรวดเร็ว แต่ความเร็วของผมเทียบเขาไม่ได้หรอกครับแต่จะให้บ่นก็คงไม่ได้ ได้แต่เร่งตัวตามให้ทันเท่านั้น

 “ถึงแล้ว” เอ๊ะ??

 “อ๊ะ เอ่อ ขะ ขอบคุณมากนะครับ” ผมก้มหัวให้เขาเล็กน้อยแต่เหมือนจังหวะที่ก้มนั้นผมว่าผมเห็นเขายิ้มมุมปาก หรือผมตาฝาดไปกันแน่นะ

 “ตรงไปทางทิศเหนือเรื่อยๆ ก็จะเจอแล้วล่ะ” ผมมองตามนิ้วเรียวที่ชี้ไป

 “อ่อครับๆ”

 “แล้วก็....”

 “.......”

 “ยินดีที่ได้พบนะ เซบาสเตียน” เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบริมใบหูของผม ยินดีที่ได้พบหรือ ผมส่งยิ้มกว้างไปให้เขาทันที

 “คร๊าบบบ” ผมตรงไปตามทางที่เขาบอกอย่างเร่งรีบเพราะกระแสน้ำที่เริ่มแรงขึ้นนั่นล่ะ ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองควรจะรีกลับได้แล้ว ว่าแต่ว่า....เขารู้จักชื่อผมได้ไงกันนะ??
   


     วันต่อมาผมก็ต้องทำเรื่องเดิมๆ คือการไปเฝ้ามองชายผู้กุมหัวใจของเจ้าหญิงเฮน่า

 “เจ้าหญิงเฮน่า เรากลับกันเถอะครับ” ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ แต่ผมรู้แค่ว่าเรามานั่งมองมนุษย์คนนั้นตั้งแต่อาทิตย์ขึ้น จนอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว

 “แต่ข้าอยากจะมองหน้าเขาอีกสักพักนี่ เฮ้อออ.....คนอะไรหล่อบาดใจจริงๆ” โอ้ย นี่ใช่คำพูดที่ควรออกมาจากปากผู้หญิงไหมเนี่ย ผมส่ายหน้าอย่างระอา

 “กลับเถอะครับ แล้วเราค่อยกลับมาใหม่กันก็ได้”

 “ก็ได้...” เจ้าหญิงเฮน่าทำหน้ามุ่ยอย่างขัดใจ

 “เซบาสเตียน พบกันอีกแล้วนะ” อา คนเมื่อวาน

 “เอ่อ ครับ คุณรู้ชื่อผมได้ยังไงครับ”

 “หึหึ นั่นสิ รู้ได้ไงกันนะ” อ้าว สรุปผมจะได้รู้ไหมเนี่ย แต่ไม่ทันได้ถามซ้ำ ร่างสูงของคนตรงหน้าก็กล่าวทักทายคนข้างๆผมเสียก่อน

 “สวัสดีครับ เจ้าหญิงเฮน่า” แม้เจ้าตัวจะทักทายด้วยรอยยิ้มแต่แววตากลับแข็งกร้าว

 “สวัสดีค่ะ........ใครหรือเซบาสสตียน” ประโยคหลังเธิหันมากระซิบถามผมเบาๆ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะได้ยิน

 “ผมเอสตันครับ เป็นลูกชายของแม่หมอซินเซีย เจ้าหญิงคงรู้จัก” ผมเกลียดสีหน้ายกยิ้มมุมปากของหมอนี่ชะมัด

 “ชื่อของคุณคล้ายๆชื่อของพ่อฉันเลยค่ะ” ผมว่าเธอพึมพำคนเดียวมากกว่า เสียแต่ว่ามันดังเกินจนได้ยินกันทั่วหน้า ผมลอบมองใบหน้ายิ้มแย้มนั่น เพราะอะไรไม่รู้ผมถึงรู้สึกได้ว่า คนๆนี้ไม่น่าไปยุ่งด้วย

 “เอ่อ ผมว่าเรา”

 “คุณเป็นลูกครึ่งหรือคะ” ยังไม่ทันจะพูดผมก็โดนเจ้าหญิงเฮน่าขัดขึ้นเสียก่อน

 “ครับ ผมเป็นลูกครึ่ง แต่ผมอาศัยอยู่กับแม่แค่คนเดียว”

 “ทำไมหรื..”

 “อ๊ะเจ้าหญิง หากกลับช้ากว่านี้ ราชาเฮสตันจะดุเอานะครับ” ผมขัดขึ้น เพราะผมแน่ใจในประโยคถัดไปที่เจ้าหญิจะเอ่ยถามแน่ๆ ผมกลัวเพราะรังสีบางอย่างในตัวเขาทำให้ผมต้องรีบพาเธอออกไป

 “เอ๊ะ จริงด้วย ตายแน่ๆ”

 “ถ้ายังไง ผมกับเจ้าหญิงขอตัวก่อนนะครับ” ผมโค้งลาแล้วรีบว่ายออกไป ผมเชื่อว่าเจ้าหญิงต้องว่ายตามมาแน่ๆ

 “รอด้วยสิเซบาสเตียน!!” เจ้าหญิงว่ายตามมาติดๆ ดีจริงๆที่ออกมาได้ ผมหันไปมองข้างหลังอย่างอยากรู้ แต่สิ่งที่ผมเห็นยิ่งทำให้ผมรีบร้อนว่ายเข้าไปใหญ่ ผมเห็นอะไรร่ะหรือ ผมเห็น ตาคมนั่นจ้องมาทางเราด้วยสายตาแวววาว แต่เพราะมันอยู่ไกลผมจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผมคงต้องดูแลเจ้าหญิงอย่างใกล้ชิดกว่านี้เสียแล้ว เฮ้อออ งานเข้าอีกแล้วสิเรา   พอกลับไปถึงผมก็โดนราชาเฮสตันบ่นจนหูชา ให้ตายเถอะ ลูกสาวท่านต่างหากที่ทำให้กลับช้า ไหงกลายเป็นความผิดผมไปได้ล่ะเนี่ย แต่อย่าคิดนะครับว่ามันจะจบแค่นี้ ไม่เลย มันเพิ่งเริ่มต่างหาก
   



            “โอ๊ยย หล่อบาดใจอะไรขนาดนี้~” ผมมองเจ้าหญิงเฮน่าอย่างระอา เพราะวันนี้ก็อาทิตย์หนึ่งแล้วที่ผมต้องมาเฝ้ามองมนุษย์คนนี้กับเธอ ผมไม่เห็นว่าวันๆเขาจะทำอะไร แค่เดินไปเดินมา พูดคุยกับมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งน่าจะมีฐานะที่ต่างกัน แถมยังมีเสียงแหลมๆของมนุษย์สาวพวกนั้นที่ดังจนแสบแก้วหูอีก ทำไมพวกมนุษย์ผู้หญิงจะต้องร้องราวเจ็บปวดด้วยสีหน้าเพ้อฝันแบบนั้นนะ ไม่เข้าใจจริงๆ

 “เจ้าหญิงเฮน่า พบกันอีกแล้วนะครับ” บุคคลที่ไม่อยากจะพบที่สุด กล่าวทักทายเจ้าหญิงเฮน่าอย่างสนิทสนม(กันตอนไหนวะ??)

 “อ้าว!! เอสตัน มาพอดีเลย เรื่องที่ฉันขอร้องได้เรื่องไหม” ผมขมวดคิ้วมองหน้าทั้งคู่สลับกันอย่างไม่เข้าใจ เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะ ทำไมผมไม่รู้

 “หึหึ ครับ แม่ตกลงจะทำให้”

 “จริงหรือ!!! ดีใจจังขอบคุณมากนะเอสตัน” ไม่ๆ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

 “เจ้าหญิงเฮน่า นี่มันเรื่องอะไรกันครับ”

 “อ๊ะ จริงสิ เซบาสเตียนยังไม่รู้สินะ คือฉันไปขอให้เอสตันเขาคุยกับแม่ของเขาให้หน่อย ..” ผมหรี่ตามองเจ้าหญิงที่มีสีหน้ามีความสุขสุดๆ กับอีกคนที่ทำสีหน้าราวกับว่ามันสนุก

 “ฉันอยากจะเป็นมนุษย์”

 “ไม่ได้นะครับ!!!!” ผมตกใจตาโตจนร้องออกมาเสียงดัง ไม่ได้ๆ ใครๆก็รู้ว่าการขอให้แม่หมอซินเซียช่วยนั่น มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน

 “แต่ฉันตกลงไปแล้วนี่!” เจ้าหญิงเฮน่าเชิดหน้าขึ้น

 “แต่ แต่มันอันตรา..”

 “โอ๊ย ไม่อยากฟังหรอก ฉันตัดสินใจแล้ว และไม่ยอมเปลี่ยนใจแน่” ผมจะบ้าตาย เจ้าหญิงไม่ฟังผมแถมยังว่ายหนีไปอีก ตายๆ ราชาเฮสตันต้องฆ่าผมแน่ๆ

 “คุณ!!! บอกมานะ สิ่งที่เจ้าหญิงต้องแลกคืออะไร!”

 “นั่นสิ อะไรกันน๊า” น้ำเสียงยียวนนี่มันน่า!!

 “บอกผมมาเดี๋ยวนี้นะ!!”

 “หึหึ เสียงไงล่ะ”

 “!!!” ผมช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าหากเจ้าหญิงเฮน่าไม่ได้รับรักตอบแทนล่ะ หากเธอหัวใจสลาย สิ่งที่เธอแลกไปมันจะคุ้มกันหรือ

 “คุณ......ร้าย”

 “หืม??”

 “คุณมันใจร้ายที่สุด!!” ผมตะคอกใส่หน้าเขาก่อนจะรีบว่ายหนี ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้  เสียแรงที่ผมเคยคิดว่าเขาเป็นคนดี




     “เจ้าหญิงเฮน่า อย่าทานเลยนะครับ” ผมบอกเมื่อเธอยกขวดที่บรรจุน้ำสีเขียวอยู่ภายใน

 “โธ่ เซบาสเตียน ฉันต้องไปหาเขา”

 “แต่ ถ้าเกิดว่าเขาไม่” ผมกัดปากพูดคำนั้นออกมาไม่ได้จริงๆ

 “ไม่มีทางหรอก อ้อ!! จริงสิ ของนายก็มีนะ” ผมมองเจ้าหญิงเฮน่าที่ยื่นขวดแบบเดียวกับของเธอมาให้ผม

 “ผมไม่เข้าใจ”

 “นายคงไม่คิดจะให้ฉันไปคนเดียวใช่ไหม” โอ้ยให้ตาย สีหน้าแบบนั้นมันอะไร ทำไมต้องทำตาละห้อยด้วย ผมจึงหันไปมองอีกคนที่ยืนยิ้มอยู่ตลอดเวลาแทน

 “ผมต้องแลกด้วยอะไร” น้ำเสียงของผมติดห้วนด้วยความขุ่นเคือง

 “ไม่ต้องหรอก เจ้าหญิงเฮน่าจ่ายมันแล้วล่ะ” ผมหันไปมองใบหน้าสวยที่ส่งยิ้มน่ารักมาให้ผม ผมทำได้แค่ถอนหายใจและยกขวดขึ้นดื่ม ระหว่างที่ผมยกขวดขึ้นดื่มนั้น สายตาของผมก็เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎบนใบหน้าของเอสตัน ให้ตาย เขาคงไม่วางยาพิษผมหรอกนะ ผมและเจ้าหญิงดื่มมันจนหมดขวด รสชาติอย่าให้ต้องบรรยายเลย ความขมยังคงติดอยู่ปลายลิ้นเลยให้ตายสิ

 “เจ้าหญิงเฮน่า คุณมีเวลาแค่ ‘สามวัน’ เท่านั้น หากคุณทำให้เขารักคุณและจุมพิตคุณไม่ได้แล้วล่ะก็ คุณจะกลายเป็นฟองอากาศ คุณเข้าใจใช่ไหมครับ” ผมหันไปมองด้วยความตกใจ

 “ทำไมคุณถึงไม่บอกก่อนที่พวกเราจะดื่มยาล่ะ” ผมถามด้วยความโมโห

 “เอสตันบอกฉันตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เซบาสเตียน” เจ้าหญิงเฮน่าส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ผมทั้งที่สายตาก้มลงมองบนพื้นทราย

 “ทำไมถึงตกลง อ๊ะ เจ็บ!” อยู่ๆผมก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดราวร่างกายจะแตกสลาย ผมเหลือบมองเจ้าหญิงเฮน่าที่ไม่ต่างจากผมด้วยความเป็นห่วง

 “คุณต้องขึ้นไปเหนือน้ำ นายด้วยเซบาสเตียน” เขาพูดและลากผมและเจ้าหญิงมาบนฝั่ง ความเจ็บปวดทำให้ผมสะลึมสะลือ จึงไม่อาจจะได้ยินประโยคที้ขาพูดใกล้ๆหูของผม

 “แล้วฉันจะมารับนาย เซเบียส”

 เขาพูดว่าอะไร ผมรู้สึกแค่ว่ามีบางอย่างสัมผัสกับริมฝีปากของผม มันนุ่มยุ่นและเปียกร้อน ก่อนที่ผมจะสลบไป



TBC




กราบขออภัยที่แมวได้หายไป แต่แมวบอกเลยว่า แมวไม่รู้จะแต่งเรื่องไหนต่อแล้ว ม๊ายน๊าาาาาาา แต่....ถ้าหากว่า มีผู้ใดเสนอนิทานให้แมวได้จะเป็นพระคุณมากเลยค่ะ จริงๆแมวกะว่า ถ้าจบเรื่องนี้แมวจะปล่อยเรื่องสั้นแล้ว ว่าจะไปแต่งเรื่องยาวเลย หรือถ้ามีการเรียกร้องเยอะๆหรือคิดตอนใหม่ๆได้ เราจะกลับมาลงให้อ่านนะคะ รักทุกคนเลย พบกับบทสรุปของบิเติ้ลเมอร์เมดพรุ่งนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-09-2017 14:14:18
อะไร??ยังไง?? เสนอเรื่อง -ราพันเซล- นานๆเข้ามาต่อก้อได้ คิดตึ๋งๆๆๆๆๆๆ  :เหอะ1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 27-09-2017 15:26:57
ง่า...อดใจรอครึ่งหลังไม่ไหวแล้วสิ

หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 28-09-2017 12:15:35
ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2


      ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อปรับแสง ความสว่างที่ตัวผมไม่คุ้นชินยิ่งทำให้ผมหรี่ตามากขึ้นผมยกมือขึ้นป้องแสงไว้
 
 หืม?? มือ????


 ผมยกมันขึ้นมาให้ชัดๆอีกครั้งและมันใช่ ผมกลายเป็นมนุษย์เต็มตัวแล้ว ผมไล่มองร่างกายของตัวเอง แขน ขา เท้า ว้าว ผมมีเท้าด้วย นิ้มมือ ให้ตายเถอะ มหัศจรรย์จริงๆ ผมยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆ

 แกร็ก!!

 “อ่า ตื่นแล้วหรือครับ” ผมหันไปมองหน้าคนที่เข้ามาใหม่ ผมไม่แน่ใจว่าเขาเป็นใครเหมือนกัน เหมือนเขาเองจะเข้าใจ

 “ผมเป็นคนดูแลเจ้าชายลูอัสครับ ผมและเจ้าชายพบคุณและเพื่อนของคุณที่ชายหาด แต่เราสอบถามเพื่อนของคุณไม่ได้เลย เธอไม่ยอมพูด” จริงสิ สิ่งแลกเปลี่ยนคือเสียงนี่นะ

 “คือเธอพูดไม่ได้ครับ ผม หากไม่รบกวน ผมอยากจะพบเธอ”

 “ได้สิครับ ผมจะพาไป” ผมเลื่อนผ้าห่มออกจากตัวแล้วลงจากเตียง

 “อ๊ะ!!”

 “ระวังครับ” จังหวะที่เท้าทั้งสองข้างรับน้ำหนักตัวผมนั้น ผมกลับไม่มีแรงเสียดื้อๆจนเซล้ม ดีที่อีกคนรับผมไว้ทัน

 “ขอบคุณมากครับ” ผมส่งยิ้มให้เขา แต่เขากลับชะงักและหน้าแดงระเรื่อ อา สงสัยเขาคงจะร้อน ผมไม่ได้สนใจแค่ให้เขาพยุงร่างที่แทบไม่มีแรงของผมไปหาเจ้าหญิงเฮน่าเท่านั้น โดยที่ผมไม่รู้เลยว่า ยังมีสายตาอีกคู่ที่มองมาด้วยโกรธเกรี้ยว สายตาคู่นั้นในมุมมืดที่ไม่นานก็ค่อยๆหายไป

 ผมมองหาร่างของเจ้าหญิงเฮน่าแล้วก็พบว่าเธอก็ไม่ต่างจากผม เพียงแต่คนที่ช่วยเธอคือมนุษย์คนนั้น คนที่เธอปรารถนา

 “นั่นไงครับ นั่นเจ้าชายลูอัสที่อยู่กับเพื่อนของคุณ” ผมพยักหน้าให้เขาแต่สายตายังคงมองไปยังคนทั้งคู่ ผมเป็นคนนอก ในสายตาของผม เจ้าหญิงเฮน่าเธอรักเจ้าชายลูอัสมากแต่.... เจ้าชายคนนั้น เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยและนั่นแหละปัญหา หาเขาไม่รักเธอ เจ้าหญิงจะกลายเป็นฟองอากาศ เจ้าหญิงเฮน่ามองเห็นผมแล้วครับ เธอโบกไม้โบกมือเป็นเด็กๆที่ดีใจมาก ผมรู้ได้ไงน่ะหรือ ก็เล่นยิ้มกว้างเสียขนาดนั้น จะไม่รู้ได้ยังไง ผมยิ้มตอบอ่อนๆ ก็นะ ผมน่ะแพ้เธอเสมอแหละ

 “เป็นไงบ้างครับเจ้า..เอ่อเฮน่า” ผมรีบเปลี่ยนคำคุ้นเคยที่เรียกเธอเพราะสายตาราวกับจะฆ่าผมที่เธอส่งมาให้นั้นแหละครับ

 “เธอไม่เป็นไรหรอก ผมเพิ่งจะทราบชื่อเธอจากคุณนี่เอง เฮน่า เป็นชื่อที่น่ารักมากๆเลยครับ” น้ำเสียงที่กล่าวไม่ได้แฝงสิ่งใดๆ ที่คนฟังอย่าเจ้าหญิงเฮน่ากลับหน้าแดง

 “ขอบคุณที่ดูแลเธอนะครับ เจ้าชายลูอัสและขอบคุณที่ช่วยพวกเราเอาไว้” ผมก้มหัวให้ชายตรงหน้า

 “ไม่เป็นไรครับ เป็นใครก็ต้องทำ” ผมได้แต่ถอนหายใจ ท่าทางจะยากเสียแล้วสิงานนี้ ผมยังคงมองเจ้าหญิงเฮน่าที่มองดูเจ้าชายลูอัสที่เล่าเรื่องราวต่างๆให้เธอฟัง แววตาของเธอช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ผมรู้ดี ว่ามันจะเปลี่ยนไปแน่นอน หากเธอได้รู้ความจริงว่าเจ้าชายลูอัสไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย

 “อ๊ะ!!”

 “ใบไม้น่ะครับ” เขาส่งยิ้มให้ผมพร้อมยื่นใบไม้ให้ผมดูว่าเขาไม่ได้โกหก ผมพยักหน้ารับแล้วหันกลับไปมองเจ้าหญิงเฮน่าต่อ บอกตรงๆว่าผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี หามันเป็นไปตามที่ผมเห็นและรับรู้ล่ะก็ เจ้าชายลูอัสไม่ได้มีท่าทีที่จะสนใจหรือมองเจ้าหญิงเฮน่าเป็นคนพิเศษเลย

 “เฮ้อออ”

 “มีอะไรหรือเปล่าครับ” อาว ผมเผลอถอนหายใจหรือครับเนี่ย ผมส่ายหน้าตอบน้อย

 “ไม่มีอะไรครับ ว่าแต่ คุณชื่ออะไรครับ ผมยังไม่ทราบเลย” คนตรงหน้าผมสางยิ้มบางๆและแววตาอ่อนโยนมาให้

 “ผมชื่อโควครับ แล้วคุณ..”

 “เอ่อ ผมเซบาสเตียนครับ ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยผมไว้นะครับ”

 “ไม่เป็นไรครับเซบาสเตียน”

 ผมและโควคุยกันด้วยเรื่องของเจ้าชายลูอัส ซึ่งผมพยายามหลอกถามจ้อมูลต่างๆให้ได้มากที่สุด ซึ่งผมถึงได้รู้ว่า ผมไม่ควรถามออกไปเลย

 “เจ้าหญิงเฮน่าครับ” ผมเรียกเธอเมื่อเราเข้ามาอยู่ในห้องส่วนตัวซึ่งไม่มีโควและเจ้าชายลูอัสหรือคนอื่นๆ เธอหันมามองผมด้วยแววตาสงสัย ผมลังเลก่อนจะพูดมันออกไป

 “เรากลับบ้านกันไหมครับ ไปหาทางล้างมนตรากันดีไหมครับ หรือให้ราชาเฮสตันช่วยดีครับ” เจ้าหญิงเฮน่ามองผมด้วยแววตาที่ปวดร้าว ผมรู้ รู้ว่าเธอเสียความรู้สึกกับผม แต่ผมไม่อยากให้เธอกลายเป็นฟองทะเล

 “อะ อะ อะ อะ” เธอพยายามสื่อสารกับผมด้วยมือ และท่าทาง

 “ผมไม่ได้ขัดขวาง เพียงแต่” ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนเจ็บ

 “เพียงแต่ผม มองไม่เห็นว่าเจ้าชายลูอัสจะรักคุณเลย”

 “อะ อะ อึก อะ อะ อะ อึก ซู๊ด อะอะ” น้ำตาของเธอไหลตามแนวของแก้ม พยายามสื่อสารให้ผมรู่ว่าผมคิดผิด

 “เจ้าหญิงเฮน่า เชื่อผมเถอะครับ เรากลับบ้านกันเถอะ คุณไม่....”

 เพล้ง!!! เพล้ง เพล้ง เพล้ง!!!!

 “เจ้าหญิงเฮน่า!!” เธอกวาดข้าวของทุกอย่างทิ้งลงพื้น กรีดร้องทัเงๆที่ไม่มีเสียง ผมมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด ก้าวขาไปโอบกอดเธอแต่เธอกลับพลักไสผมออกมา

 “เกิดอะไรขึ้นครับ” โควเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะมาพยุงและปลอบโยนเจ้าหญิงเฮน่าไว้

 “มาครับคุณเฮน่า ผมจะพาคุณไปพักผ่อน”

 ผมมองตามร่างของเจ้าหญิงจนลับสายตา อยากจะโอยกอดก็ทำไม่ได้ ปลอบโยนเธอผมก็ทำไม่ได้ ถ้าจะหาคนผิดในเรื่องนี้ ก็คงมีเพียงแค่ เขา เท่านั้น หากไม่ใช่เพราะเขา เรื่องทัเงหมดคงไม่เป็นแบบนี้ เจ้าหญิงคงไม่กล่ยเป็นมนุษย์ ไม่ต้องถูกสาป เพราะเขา เอสตัน!!!!

 “คิดถึงผมอยู่หรือครับ”

 !!!

 ผมหันกลับไปมองอย่างไม่เชื่อสายตา เอสตัน เป็นเขาจริงๆ เขาในร่างของมนุษย์ แต่ทำไม

 “คุ คุณ คุณมาทำไม ไม่ใช่สิ เพราะคุณ!!!” เอสตันเลิกคิ้วขึ้น ราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดออกไป

 “ผมทำอะไรหรือครับ?”

 “คุณมันเป็นตัวการ คุณวางแผนไว้ใช่ไหมคุณรู้ใช่ไหมว่าเธอไม่มีทางสมหวัง คุณต้องการให้เธอกลายเป็นฟองอากาศใช่ไหม”

 “ อย่ากล่าวหาผมสิ เจ้าหญิงเป็นคนเลือกมันเองต่างหาก” เอสตันยักไหล่ราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตน

 “แต่คุณเป็นคนเสนอมันออกมา คุณมันเลว โอ๊ย!!”

 “อย่าให้มันมากนักนะเซบาสเตียน ผมใจเย็นกับคุณมามากแล้วนะ” มือหนาบีบคางเล็กๆของผมแน่น ดันร่างของผมติดกำแพง ผมสบตาสีแดงฉานด้วยความโกรธนั้นจนร่างของผมสั่นอย่างช่วยไม่ได้

 “ปล่อยนะ ผมเจ็บ”

 “จำเอาไว้ให้ดีนะเซบาสเตียน” เอสตันก้มลงมาจนใบหน้าของเราอยู่ห่างกันเพียงนิดเดียว จนผมสามารถรับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวจากคนตรงหน้าได้

 “อย่าให้ผมเห็นว่าคุณให้ใครแตะต้องร่างกายนี้อีก ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าผมไม่เตือน!!” มือใหญ่ปล่อยผมให้เป็นอิสระ ก่อนจะหายไป ทิ้งผมให้ทรุดกายลงอย่างหมดแรง ผมกลัวเขาจริงๆ ความกดดันจากบรรยากาศรอบตัวเขาเหมือนของใครคนนึง ใครคนนั้น คนที่เป็นราชาแห่งท้องทะเล ราชาเฮสตัน แต่มัน.....ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย




      เช้าวันต่อมา

 ผมและเจ้าหญิงเฮน่าต่างนั่งร่วมโต๊ะอาหารของเจ้าชายลูอัสโดยที่เธอไม่มองแม้แต่หน้าของผม ผมจึงทำได้เพียงก้มหน้าทานอาหารเงียบๆเท่านั้น

 “จริงสิ เฮน่า วันนี้ผมมีคนจะแนะนำให้คุณได้รู้จัก” เจ้าหญิงเฮน่ามองสบตาเจ้าชายลูอัสพร้อมส่งรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจไปให้เขา และพยายามถามด้วยท่าทางของเธอว่าใครที่เจ้าชายอยากให้เธอรู้จัก

 “คู่มั้นของผมเอง”เฮน่าชะงักมองตาลูอัสด้วยความไม่เข้าใจ

 “อ่า ผมอาจจะยังไม่เคยบอก แต่ซีเรียเธอเป็นคนอ่อนโยนมาก เธอต้องดีใจแน่ๆหากได้พบซีเรีย” เจ้าชายลูอัสกล่าวด้วยรอยยิ้ม คอยเล่าเรื่องของซีเรียต่ออย่างไม่ทีสิ้นสุด ผมมองใบหน้างามของเฮน่าอย่างสงสาร ผมไม่อยากให้เธอมารับรู้เลยแม้แต่น้อย เฮน่ากำมือแน่นปากบางเม้มเข้าหากันอย่างอดกลั้น ผมเห็นดวงตาคู่นั้นที่ฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำตาแม้มันจะไม่ได้ไหลลงมาก็ตามที

 “เฮน่า ไปเดินเล่นกันไหม” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปประคองร่างเล็กๆ เธอหันมาสบตาก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ผมจึงพาเธอออกมาเดินเล่นที่ริมทะเล สายลมพัดผ่านไม่ได้ช่วยปัดเป่าความเศร้าหมองในใจของเจ้าหญิงเฮน่าแม้แต่น้อย มันกลับยิ่งตอกย้ำความเจ็บช้ำเสียอีก หยาดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ หลั่งไหลลงมาอย่างไม่อาจจะห้ามอยู่ แต่ผมกลับทำได้เพียงยืนมองเท่านั้น

 “กลับบ้านเรากันเถอะครับเจ้าหญิงเฮน่า” เฮน่าหันมามองผมเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหันกลับไปมองเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งอีกครั้ง

 “ผม ผมจะไปคุยกับราชาเฮสตัน ท่านต้องมีวิธีช่วยแน่ๆ ผมมั่นใจ”
เจ้าหญิงเฮน่าส่ายหน้าพร้อมหันกลับมามองผมอีกครั้ง ก่อนจะส่งยิ้มที่แสนเศร้ากลับมาให้ผม นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เราต่างยืนอยู่ตรงนี้และเหม่อมองไปยังทะเลอันกว้างใหญ่ ที่ซึ่งเราเคยแหวกว่ายมาด้วยกัน

 “อยู่นี่เองหรือ ผมตามหาเสียทั่วเลย” เจ้าชายลูอัสเดินมาพร้อมสาวงามอีกคนข้างกาย

 “ขอแนะนำ นี่คือคู่หมั้นของผมเอง ซีเรีย ซีเรียนี่เฮน่า คนที่ผมเล่าให้คุณฟังไงครับ” หญิงสาวตรงหน้างดงามหยดย้อย สง่าและมีดวงตาที่แสนอ่อนโยน

 “ยินดีที่ได้พบนะคะเฮน่า” ซีเรียส่งยิ้มสวยให้เจ้าหญิงเฮน่าโดยที่เฮน่าเองก็ส่งยิ้มตอบกลับอย่างเสียไม่ได้

 “ไปพบท่านพ่อดีกว่า ท่านบ่นคิดถึงคุณมาตั้งหลายวันแล้ว ยังไงผมขอตัวพาซีเรียไปพบท่านพ่อผมก่อนนะครับ” เจ้าชายลูอัสกล่าวจบก็แยกตัวออกไป ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าเขาเหมาะสมกัน แต่มันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ เจ้าหญิงเฮน่าสะอื้นไห้เมื่อเจ้าชายและคนรักเดินจากไป น้ำตาของเธอไหลลงมาไม่ขาดสาย ผมทำได้เพียงกอดปลอบเธอเท่านั้น เฮน่ากระตุกเสื้อผมเบาทำให้ผมก้มลงมองใบหน้าแสนสวยด้วยความสงสัย

 “อะ อะ อะ” มือบางชี้ไปที่ทะเล นั่นไม่ต้องเดาเลย

 “ครับ กลับบ้านกัน” ผมส่งยิ้มบางเบาให้ พร้อมพาเธอลงทะเลไปเรื่อยๆ คนอื่นเห็นอาจจะเข้าใจว่าเราสองคนกำลังจะฆ่าตัวตาย แค่เปล่าเลย เรากำลังจะกลับบ้านของเราต่างหาก บ้านที่เราควรจะอยู่
เมื่อร่างกายได้สัมผัสกับน้ำทะเลเจ้าหญิงเฮน่าก็กลับกลายเป็นเงือกอีกครั้งแต่...... ทำไมมีแค่ผมละ ที่ไม่เปลี่ยน ทำไมมีแค่ผมที่ยังอยู่ในร่างของมนุษย์ แล้วทำไมผม ถึงยังหายใจในน้ำได้กัน เอสตันทำอะไรกับผมกันแน่ เจ้าหญิงเฮน่าจับมือผมเอาไว้ เพราะเธอรู้ว่าเพียงกำลังขาของมนุษย์นั้นไม่อาจจะสู้ความเร็วของหางเงือกได้เลย เธอจึงเลือกที่จะจับมือผมแล้วพาผมว่ายไปยังบ้านของเธอแทน

 “โอ้วว เฮน่า ลูกกลับมาแล้ว ลูกไปไหนมา” ราชาเฮสตันว่ายตรงมายังเราทั้งสองก่อนจะโอบกอดเจ้าหญิงไว้แน่น ด้วยความรักความอบอุ่นจากพ่อนั้นยิ่งทำให้เจ้าหญิงเฮน่าร้องไห้โฮ

 “เกิดอะไรขึ้น เล่าให้พ่อฟังสิ แล้วนี่ลูกพามนุษย์ลงมาได้อย่างไร”

 “อะ อะ อะ อะ อะ อะ”

 “ผมเซบาสเตียนเองครับราชาเฮสตัน ผมจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังเองครับ” ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ราชาเฮสตันฟัง ทันทีที่ราชาได้ยินชื่อของเอสตันสีหน้าของราชาก็เปลี่ยนไป แววตาของท่านราวกับว่าค้นพบสิ่งที่ตามหามานานแสนนาน กระตือรือร้นถามว่าตัวผมนั้นไปพบเขาที่ไหน ผมจึงบอกสถานที่แกราชาเฮสตันไป

 “ไม่ต้องห่วงลูกรัก พ่อจะช่วยลูกเอง” ราชาเฮสตันก็ว่ายออกไป ผมทำได้แค่คอยปลอบใจเจ้าหญิงเฮน่าและรอคอยด้วยความหวังว่า ราชาเฮสตันจะทำสำเร็จ เราสองคนรอแล้วรอเล่า รอและรอและรอ จนทั้งท้องทะเลปกคลุมไปด้วยความมืดมิด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งน่ากลัวเลยเพราะที่นี่คือบ้านของเรา อย่างน้อยๆเราก็อุ่นใจได้ และแล้วสิ่งที่เรารอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อเห็นร่างของราชาเฮสตันว่ายกลับมายังร่างของผมและเฮน่าแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะปัญหาคือ ราชาเฮสตันพาไอหมอนั่นมาทำไมกัน!!!

 “เฮน่า มาหาพ่อสิลูก” เจ้าหญิงเฮน่ามองหน้าผมก่อนจะว่ายตรงไปยังร่างของบิดา ผมมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ เอสตันหยิบสาหร่ายสีทองออกมาก่อนจะส่งให้เจ้าหญิงเฮน่า เจ้าหญิงรับมาก่อนจะทานมันเข้าไป ไม่นานแสงสีทองจากสาหร่ายก็ประกายอยู่รอบกายของเธอ เฮน่ามองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ซึ่งผมเองก็ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงนั่นเช่นกัน

 “เสด็จพ่อ” เสียงใสเรียกหาบิดาด้วยน้ำเสียงที่สั่นใบหน้าสวยงามของเจ้าหญิงเฮน่านองไปด้วยน้ำตาร่างของเจ้าหญิงโผเข้ากอดผู้เป็นพ่อแน่น

 “โธ่ ลูกพ่อ ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว” ผมยืนมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา มันเป็นน้ำตาแห่งความสุขและปลื้มใจดีใจผสมกันไปหมด

 “คราวนี้ ก็ของแลกเปลี่ยน” ผมหันไปมองใบหน้าของเอสตันที่พูดขัดขึ้น

 “เข้าใจแล้ว.....” ราชาเฮสตันมองหน้าผมด้วยแววตาที่อ่อนแสงลงราวกับต้องการจะกล่าวคำว่าขอโทษ แต่ผม......ไม่เข้าใจ

      หมับ!!!

 “อ๊ะ ปล่อย ทำอะไรของคุณ” ผมสะบัดแขนออกจากฝ่ามือของเอสตันด้วยความตกใจ

 “เสด็จพ่อ นี่อะไรกันคะ” เฮน่าถามเมื่อเห็นว่าผมตกใจจากการโดนจับแขนเข้า

 “เสด็จพ่อของเจ้าหญิง ขอให้ผมถอนคำสาปให้โดยแลกกับ....” ดวงตาดุดันมองมาทางผม

 “เซบาสเตียน”

 “ไม่จริง ไม่ใช่ไหมครับราชาเฮสตัน” ผมพยายามยื้อแขนตัวเองออกจากฝ่ามือหนาแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

 “เสด็จพ่อ บอกลูกสิคะว่ามันไม่จริง”

 “พ่อขอโทษ แต่พ่อไม่มีทางเลือก”

 “กลับกันได้แล้ว” เอสตันพยายามจะกระชากลากถูผมไปโดยที่ผมเองก็พยายามจะดึงแขนออกเช่นกัน

 “ราชาเอสตัน ได้โปรด ช่วยผมด้วย เจ้าหญิงเฮน่า ช่วยผมด้วยครับ ช่วยผมด้วย”

 “เซบาสเตียนนนน” ผมได้แต่มองเจ้าหญิงเฮน่าที่พยายามจะเข้ามาช่วยผมแต่โดนราชาเฮสตันจับเอาไว้

 “จะไม่อยู่ที่นี่ด้วยกันจริงๆหรือเอสตัน” ราชาเฮสตันเอ่ยถาม

 “ผมเพียงมาทำตามคำขอของคุณเพื่อแลกกับเขาเท่านั้นครับ คงต้องกลับไปแล้ว ท่านแม่รอผมอยู่ขอตัวก่อนนะครับ” เอสตันไม่สนใจใยดีที่จะคุยต่อ เขาลากผมออกจากที่นั่นทันที ผมมองภาพรอบข้างที่เปลี่ยนไป จากที่ๆคุ้นตา กลับเปลี่ยนเป็นความเคว้งคว้าง ยิ่งดำดิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ยิ่งมืดมิดและเหน็บหนาวเท่านั้น ผมมองแผ่นหลังของคนตรงหน้า แผ่นหลังกว้างแต่ดูอันตราย เขาจะพาผมไปไหนกันนะ หรือจะเขาจะฆ่าผมกันนะ


 “โอ้ย!!!” ร่างของผมถูกเหวี่ยงเข้าไปในถ้ำที่มีปะการังอยู่ภายใน มีมุมเล็กๆเป็นจุดชมความสวยงามภายนอก แต่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาสำรวจ บ้าจริง

 “พาผมมาทำไม ผมไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ” เขาหันมามองผมด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ

 “ฉันไม่สนใจความคิดของนายหรอก เพราะนี่คือข้อตกลง แต่ฉันไม่ช่วยใครฟรีๆ” ผมได้แค่กอดเข่าตัวเอง มองเขาที่รื้อค้นหาอะไรสักอย่างในห้องอย่างเงียบๆ ยื้อความตายที่จะมาถึงอีกสักนิด ให้ผมได้มีชีวิตอีกสักนาที

 “ผมไม่อยากตาย” ผมพึมพำออกไปเบาๆ

 “นายพูดว่าไงนะ”

 “ผะ ผม ยังไม่อยากตาย”

“แล้วใครบอกละว่านายจะตาย หืมม” ร่างสูงของเอสตันค่อยๆขยับคืบคลานเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ จนผมเองต้องขยับถอยหนี

 “กลับมาแล้วหรือ เอสตัน” เหมือนระฆังช่วยชีวิตเมื่อเสียงหวานของใครบางคนเรียกเขาเอาไว้

 “ครับแม่”

 “ดีแล้ว อาว...นี่ลูกพาใครมาด้วยละ” เอสตันยกยิ้มมุมปากให้ผม

 “เจ้าสาวของผมครับแม่ แม่ชอบไหมครับ” บ้าไปแล้ว เขาต้องบ้าไปแล้ว

 “มะ ไม่ใช่นะครับ ผะ ผมไม่ใช่เจ้าสาวของเขา ผมโดนลากมา ผมไม่เต็มใจจะมานะครับ ได้โปรด ช่วยผมด้วยผมอยากกลับบ้าน โอ้ย!!!”เอสตันมองผมด้วยสายตาดุดัน บีบแขนผมแน่นจนมันเจ็บ

 “จริงหรือเอสตัน ทำไมลูกถึงทำแบบนี้ล่ะ”

 “เขาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนของผมครับ อีกฝ่ายตกลงแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเป็นของผม” เอสตันบอกกับแม่ของเขา ก่อนจะหันมาลากผมไปอีกห้องหนึ่ง

 “ปล่อยผม ช่วยผมด้วย ผมขอร้อง ผมอยากกลับบ้าน”

 “เอสตันแม่ว่า......”

 “เขาเป็นของผม พ่อยกเขาให้ผมแล้ว เพราะงั้นเขาเป็นของผม!!” ร่างของผมถูกยกขึ้นพาดบ่าว่ายไปด้วยความเร็วจนถึงห้องส่วนตัวของเขาเอง

 “อุก”

 “กล้ามากนะ ที่พูดแบบนั้น” มือหนาจับคางของผมไว้แน่นบีบมันอย่างแรง

 “ผมอยากกลับบ้าน” น้ำตาผมไหลอย่างห้ามไม่อยู่

 “กลับไปหาใคร เขายกนายให้ฉันแล้ว หรือจะไปหาไอหน้าอ่อนบนพื้นดินนั่น คิดว่าฉันมองนายมานานแค่ไหน คิดว่าฉันวางแผนพวกนี้เพื่อปล้อยนายไปหรือ ห้ะ!!!ไม่มีทางหรอก ” ผมส่ายหน้าไปมา แต่เขาไม่คิดจะสนใจเลยด้วยซ้ำ

 “ตัวนายของฉัน ริมฝีปากของนายก็เป็นของฉัน” ปลายนิ้วเรียวไล้ไปตามสัดส่วนบนร่างของผมราวกับเป็นเจ้าของ

 “ผมขอโทษ ผมขอโทษครับ ฮื่ออ ผมขอโทษ” ร่างสูงชะงักค้าง ผมสะดุ้งเมื่อปลายนิ้วนั้นเปลี่ยนมาเกลี่ยน้ำตาของผมแทน ผมมองใบหน้าของเขาอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าเขาราวกับเจ็บปวดเมื่อผมร้องไห้

 “ขอโทษทำไม นายทำอะไรผิดกันบ่ะ หืม??”

 “ฮื่ออ คุณโกรธ อึก คุณโกรธผมคุณถึงทำผมเจ็บ”

 “ชู่วๆ ไม่ใช่หรอก ฉันไม่ได้โกรธนาย แต่ที่ฉันโมโห เพราะฉันหึงรู้ไหม ฉันรักนายมากนะ” อะ อะไรนะ

 “คุ คุณรักผมหรือครับ” ฝ่ามือหนาลูบไล้แก้มใสของผมอย่างแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มที่เขาส่งมาให้ผม

 “ใช่สิ รู้ไหมจากนี้ไป ไม่ว่าอะไร ไม่ว่าสิ่งไหน หากนายต้องการแล้วล่ะก็ ฉันจะหามาให้ หากนายอยากไปที่ไหนฉันก็จะพานายไป” ผมมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ

 “นายจะไม่ต้องอยู่คนเดียว ไม่ต้องทานอาหารคนเดียว ไม่ต้องอยู่เดียว เพราะนายจะมีฉันกับแม่อยู่กับนาย เจ้าสาวของฉัน” เอสตันกดริมฝีปากลงจูบผมอย่างแผ่วเบาแล้วผละออก ผมสบตาหวานฉ่ำนั้นอย่างเผลอไผล ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายก้มลงมาจูบผมอีกครั้งเมื่อไหร่ รับรู้แต่ลมหายใจร้อนผ่าวของเราทั้งคู่ และปลายลิ้นที่กวาดไล่ต้อนปลายลิ้นของผม ผมไม่เคยรู้เลยว่าจูบจะหวานขนาดนี้ บางทีผมอาจจะชอบเขาอยู่แล้วตั้งแต่แรกก็อาจจะเป็นได้ เพียงแต่ผมไม่เคยรู้ใจตัวเอง ไม่อย่างนั้น ใจผมคงไม่เต้นระรัวขนาดนี้เพียงแค่เขาจูบผมเพียงแค่เขากระซิบคำว่ารักกับผม

 “ฉันรักนายนะ เซเบียส”

 “ผมก็รักคุณครับเอสตัน” เอสตันยิ้มกว้างเมื่อผมบอกรักเขา เขากอดผมแน่นจนหายใจแทบไม่ออก

 “ขอบคุณ แค่นี้ก็พอแล้ว แค่นี้ฉันก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว” ผมกอดตอบอ้อมแขนแข็งแรงนี้แน่นขึ้น ให้เขารู้ว่าผมไม่ไปไหน อยู่ตรงนี้กับเขาไม่ว่าเมื่อไหร่ เราจะมีกันและกันตลอดไป เขาและผมมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มแม้จะเป็นยิ้มทั้งน้ำตาแต่มันก็ออกมาจากความสุขของเราทั้งคู่ ริมฝีปากของเราสัมผัสกันอีกครั้ง ความเปียกชื้นไม่ได้ทำให้เกิดความขยะแขยงแต่ทำให้เกิดอาการขนลุกซู่หวิวๆในช่องท้อง ยิ่งปลายลิ้นของเขาที่สอดเข้ามานั้นยิ่งทำให้หัวใจเต้นเร็ว ผมตอบสนองปลายลิ้นของอีกฝ่ายอย่างเงอะๆงะๆด้วยความไม่ประสีประสาแต่กลับทำให้อีกคนครางด้วยความพอใจ มือหนาปลดชุดเปียกชื่นในร่างมนุษย์ของผมออกอย่างเร่งรีบทั้งที่ริมฝีปากยังไม่ผละออกจากกัน

 “อื้อ” ผมขยับกายให้มือของอีกฝ่ายทำงานได้ง่ายขึ้นเมื่อต้องถอดชุดของผมออก

 “อา....สวยจริงๆ”

 จุ้บ จุ้บ

 ริมฝีปากสัมผัสไปทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ ไม่นานความเปียกร้อนก็ลากปัดผ่านยอดอกผมอย่างแผ่วเบาก่อนจะดูดดุนมันอย่างหิวกระหายจนเกิดเสียง

 “อ๊า อย่า อื้อ อย่าดูด”

 “ทำไมล่ะ จุ้บ จุ้บ นายออกจะชอบไม่ใช่หรอ”

 “อ๊า ผมจะ อื้อ” ยิ่งห้ามเขากลับยิ่งดูดดุนมันซ้ำๆจนบวมแดง มือหนาเลื่อนลงสัมผัสกับตัวตนเบื้องล่างของผม เขาปลดทุกอย่างดึงมันออกอย่างรวดเร็วจนไม่นานผมก็เปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าเขา

 “อื้อ พอแล้ว” ผมส่ายหน้าไปมาเมื่อเขาเริ่มขยับมือ

 “มันเพิ่งจะเริ่มเท่านั้น อย่ากลัวไป ปล่อยใจเธอตามสบาย มองแค่ฉันก็พอ” ผมพยายามควบคุมตัวเองแต่มันก็ทำได้ยาก เพราะเขาทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง ผมแอ่นอกขึ้นรับริมฝีปากร้อนๆของเขาที่ฉกชิมยอดอกของผมอย่างไม่อิ่มเอม ราวกับรอการหลั่งไหลขอน้ำนมซึ่งผมมั่นใจว่าผมไม่มีแน่นอน ผมมองใบหน้าหล่อเหลาที่ค่อยๆพรมจูบลงต่ำไปเรื่อยๆ จนปลายลิ้นสากแตะลงที่แก่นกายสีสวย

 “อ๊ะ อ๊า” ผมสะดุ้งบิดเร่าใต้ร่างเมื่อแก่นกายของผมผลุบหายเข้าออกอยู่ในปากคนตรงหน้า มือสองข้างของผมคว้าหมับเข้าที่ผมสีดำของอีกฝ่ายเผื่อหาที่ระบายความเสียวซ่าน ขาวผมอ้าออกกว้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเพียงเพราะต้องการให้คนตรงหน้าทำตามใจได้อย่างสะดวก

“อ๊า เอสตัน อืม ผมไม่ไหว พอ อ๊า”
เอสตันยอมปล่อยแท่งร้อนออกจากปากเขา เพียงไม่นานผมก็ต้องตกใจเมื่อปลายนิ้วของเขาสอดเข้ามาในตัวผม

 “อะ อะ อะไรน่ะ เจ็บ!!” ผมดิ้นหนีน้อยๆ

 “ไม่เป็นไรๆ มันจะดีขึ้น มองหน้าฉันสิ” เอสตันไม่ปล่อยผมคิด เขาก้มลงจูบผมอีกครั้ง ในขณะเดียวกันก็ขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ จนมันเริ่มนุ่มขึ้นเขาจึงเพิ่มจำนวนนิ้วเข้าไป

 “อ๊ะ อือ”
ผมหอบหายใจครางแผ่วอย่างลืมตัวเมื่อนิ้วทั้งสามของเข้าขยับเร็วขึ้น ร่างผมร้อนผ่าวความเสียวซ่านทำให้ผมขยับสะโพกตอบรับนิ้วเรียวนั้น

 “นายพร้อมแล้ว” ผมผวาร่างหาเมื่อร่างสูงดึงนิ้วออก ก่อนมันจะถูกแทนที่ด้วยความใหญ่โต

 “โอ๊ย เจ็บ ไม่เอาแล้ว” ผมเริ่มดิ้นรน เมื่อส่วนปลายกดเข้ามาจนผมรับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้น

 “ชู่วๆ นิดเดียว อย่าดิ้นสิ อา” ผมไม่รู้เลยว่าผมทำให้เขาทรมาน หากผมมองหน้าเจาผมก็คงเห็นว่าเจาเองก็อดทนอยู่เช่นกัน เอสตันเลื่อนมือมากอบกุมแก่นกายของผม ขยับมันจนอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงเพราะความเจ็บเมื่อครู่กลับมาอีกครั้ง ร่างสูงดันกายเข้ามาทีละน้อย เมื่อเห็นว่าผมเกร็งเขาก็จะหยุดและก้มลงมาดูดดุนหยอกล้อกับยอดอกที่บวมแดงของผม

 “อ๊า เข้าไปหมดแล้ว พร้อมไหม”

 “ครับ ขยับเถอะ อื้อ” ผมพยักหน้ารับให้รู้ว่าผมไหม เขาค่อยๆขยับกายเข้าออกช้าๆไม่เร่งเร้าผม แต่เป็นผมเองที่อยากให้เขาเร่งเร้ามากกว่านี้ นั่นทำให้ผมเผลอบยับสะโพกยั่วยวนเขาอย่างที่ผมไม่รู้เลยว่าทำอะไรลงไป

 “อา เด็กดี อย่างนั้น” เอสตันครางอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าผมเองก็ทนไม่ไหวแล้ว เขาเร่งจังหวะจนตัวผมโยกไปตามที่เขาใส่แรงลงมา เสียงหอบหายใจและเสียงครางของเราทั้งสองดังระงมอยู่ภายในห้องโดยที่คนภายนอกไม่มีทางรู้เลยว่า ภายในห้องได้มีสงครามแห่งรักที่ดุเดือดอยู่ในขณะนี้

 “อย่า อ๊า ตรงนั้น อื้อ” ผมรู้สึกราวกับถูกไฟช็อต ราวกับผมแทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป

 “เร็วอีก เอสตัน อ๊า เร็ว” เอสตันก้มลงบดจูบลงกับริมฝีปากผมก่อนจะเร่งกายตามที่ผมต้องการจนในที่สุดเราทั้งสองก็ปลดปล่อยออกมาในที่สุด

 “เหนื่อยไหม” ผมสบตากับเขาและพยักหน้าเบาๆ

 “ต่ออีกรอบนะ”

 “อื้อ ไม่เอาแล้ว อ๊ะ อ๊า” ผมไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า มันวิเศษมากกับสิ่งที่เขามอบมันให้ผม และผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้นอกจากรองรับความปราถนาที่เขามอบให้ต่อไป มันก็ไม่แย่นะครับ รักของผม อย่างน้อยผมก็มีความสุขและรู้สึกดีมากด้วยสิ ว่าแต่ ผมจะท้องไหมครับเนี่ย



The End
[/b][/size]






กลัวทุกคนเบื่อ เพราะฉะนั้น มันต้องหักมุมอย่างเดียวเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ หวังว่าจะชอบเรื่องนี้กันนะคะ เรื่องหน้า ราพันเซลค่ะ (ดองไว้นานเกินตั้งแต่ปีเตอร์แพนอ่ะค่ะ)
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-09-2017 20:51:34
แอบรักกุ้งเซเบียสนี่เอง...รอราพันเซล   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 28-09-2017 23:02:16
เฮอร์คิวลิส, หมู 3 ตัว, ราชสูห์กับหมี
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-09-2017 00:20:28
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 29-09-2017 17:34:46
 บวกเป็กบวก1 ให้เลย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 06-10-2017 12:07:10
ขอบคุณค่า สนุกมาก ๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 10-10-2017 01:57:30
สนุกทุกเรื่องเลย แต่งต่อนะ เป็นกำลัง และรออ่านนะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 22-10-2017 19:56:45
เจ้าชายอสูรกับโฉมงาม อยากอ่านเรื่องนี้ครับ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 30-10-2017 09:38:12
       ขอบคุณนะค่ะที่แต่งเรื่องสั่นออกมาได้สนุกมากๆเลยค่ะ
เป็นเรื่องสั่นที่จบลงตัวไม่ค้างค่ะซึ่งเราว่าแนวการจบแบบนี้ดีมากค่ะอย่าจบแบบไม่ชัดเจนเลยค่ะขอแบบจบแล้วชัดเจนทุกตัวละครมีความสุขจะดีมากกก :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
     เพราะในโลกความเป็นจริงปวดหัวปวดตับมากเเล้วอิอิ
     แล้วยิ่งมาอ่านเรื่องสั่นของนักเขียนท่านนี้บอกเลยว่ารู้สึกดีค่ะ o13 o13
รออ่านผลงานชิ้นต่อไปนะค่ะหรือจะใจดีมาลงเรื่องสั้นเรื่องใหม่ก็รออ่านนะค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลิตเติ้ลเมอร์เมด 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-10-2017 12:53:35
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ราพันเซล 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 14-11-2017 15:03:56
ราพันเซล 1/2


           
         กาลครั้งหนึ่งของข้า ผู้มีนามว่าราพันเซล ตัวข้านั้นเป็นชายที่มีผมยาวสลวยและอาศัยอยู่บนหอคอยสูงที่สามารถมองออกไปได้ไกลโพ้น (เห็นแค่ต้นไม้) ข้ามีความสุขในทุกๆวัน ตั้งแต่เด็กจนโต ข้าเฝ้าแต่อ่านหนังสือต่างๆที่แม่ข้าหามาให้ ใช้เวลาไปกับการวาดภาพตามที่ข้าได้จิตนาการ โลกภายนอกนั้นข้าไม่รู้เลยว่าเป็นเช่นไร แต่แม่มักบอกข้าเสมอว่ามันเป็นที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ดุร้ายและคนซึ่งเห็นแก่ตัว

 “เจ้าช่างงดงามจริงๆราพันเซลตัวน้อยของข้า” ข้าได้เพียงส่งยิ้มบางๆให้แม่

 “ข้าก็เหมือนท่านแม่อย่างไรเล่าขอรับ”ท่านแม่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจกับสิ่งที่ข้าพูด

 “ถูกของเจ้า แม่งามจริงๆหรือ” ท่านแม่ใช้มือลูบไล้ไปตามใบหน้าของตนเอง
 
 “ขอรับ หากข้ามิใช่ลูกของท่านแม่ ข้าคงหลงรักท่านแม่ไปแล้วขอรับ”

 ท่านยิ้มอย่างเพ้อฝันโดยที่ข้าได้แต่ยืนมอง แต่เพียงไม่นานท่านแม่ก็กลับมามีสีหน้าจริงจังเช่นเดิม ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด ทำไมมีแต่ท่านแม่ที่ออกไปหาอาหาร ออกไปข้างนอกหอคอยได้ ทำไมข้าถึงออกไปบ้างไม่ได้แต่จ้าก็ไม่สามารถเอ่ยถามสิ่งมดๆที่ค้างคาใจข้าออกไปได้ ทำได้เพียงกักเก็บความสงสัยเอาไว้เท่านั้น

 “แล้วพรุ่งนี้แม่จะมาหาเจ้าใหม่นะ”

 “ขอรับท่านแม่”

ข้าค่อยๆปล่อยผมที่ยาวสีทองของข้าเพื่อส่งท่านแม่ลงไปสู่พื้นดินด้านล่างนั่น ข้ายืนมองท่านแม่ที่โบกมือให้ข้าน้อยๆจากด้านล่างหอคอยก่อนที่ข้าจะยกมือขึ้นโบกตอบกลับไป ท่านแม่เดินหายเข้าไปในป่าซึ่งข้าทำได้เพียงแค่มองตามไปเท่านั้น
จากตะวันที่สาดแสงแรงจนตอนนี้ที่ดวงตะวันคล้อยจนทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มเย็นตากับป่าที่เริ่มส่งเสียงร้องของสัตว์ต่างๆ ข้ามองฝูงนกบินที่เริ่มกลับไปยังรังของตนเอง เป็นนกนี่ช่างอิสระนัก หากคิดจะไปที่ใด เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ เกิดเป็นมนุษย์ดีเช่นไร ข้าเห็นมีแต่ความทุกข์มากมาย จะกายหรือใจก็ไม่ต่างกัน ตัวข้าอยากถลาบินไปดั่งเช่นนกแต่กลับเป็นได้เพียงราพันเซลที่ต้องคอยอยู่แต่ในหอคอยเท่านั้น

 “เฮ้อ....”

คิดไปก็เท่านั้น คิดไปข้าก็ทำได้เพียงถอนหายใจ รอบกายข้าเต็มไปด้วยหนังสือและเหล่ากล่องสีกับพู่กัน หากจะหาอะไรทำมิให้เบื่อ ข้าคงต้องกลับไปวาดรูปหรืออ่านหนังสือพวกนั้นอีกครั้งเสียแล้ว จนล่วงวันเวลาไปอีกวัน

       เสียงนกร้องกับแสงที่สาดเข้ามาปลุกให้ข้าตื่นขึ้นจากการนิทรา เช้าวันใหม่กับสิ่งเดิมๆที่ข้าพบเจอมาตลอดสิบเจ็ดปี มันไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจอีกแล้ว ข้าลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่หากข้าไม่ลุกขึ้นมาแล้วท่านแม่กลับมาข้าอาจจะโดนท่านแม่ดุเอาได้ จำได้ว่าครั้งก่อนที่ข้าตื่นสาย ท่านแม่ตีข้าเสียจนก้นของข้าลายไปหมด แต่ข้าก้เคยสงสัยทำไมตัวข้าและท่านแม่ถึงได้มิคล้ายคลึงกันเลย หนำซ้ำท่านแม่เองก็ชราเกินกว่าที่จะมีลูกด้วย ความสงสัยของข้ามีมากนัก

 “ราพันเซล” เหมือนใครเรียกข้า??

 “ราพันเซล โยนผมของเจ้าลงมาสิจ๊ะ นี่แม่เอง” อ๊ะ.....ท่านแม่มา
ข้าค่อยๆส่งผมลงไปโดยที่เมื่อท่านแม่รับมันเอาไว้ได้ท่านแม่ก็ใช้มันปีนขึ้นมาหาข้าจนได้

 “อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านแม่”

 “โอ้.....เช่นกันลูกรักของแม่ วันนี้แม่นำอาหารมาให้ลูกด้วย” ข้ามองตะกร้าในมือท่านแม่ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายยามได้กลิ่น

 “ท่านแม่ ให้ข้าเป็นคนไปหาอาหารมาให้แก่ท่านไม่ดีกว่าหรือขอรับ” ท่านแม่มองข้าด้วยสีหน้าบึ้งตึง

 “เจ้าพูดอะไร ข้าทำให้ไม่ดีรึ?” ข้าส่ายหน้าไปมา

 “ไม่ใช่นะขอรับ ข้าแค่อยากจะแบ่งเบา ไม่อยากให้ท่านแม่ต้องลำบาก”

 “เจ้าไม่ต้องพูด!!! เจ้าอยากจะออกไปข้างนอกสินะ ใช่ไหม!!!” ข้ามองท่านแม่ด้วยความไม่เข้าใจ

 “ไม่ใช่นะขอรับ ข้าแค่....”

 “ไม่!! จบแค่นี้ ข้าคุยจบแล้ว เจ้าจะไม่มีวันได้ออกไปข้างนอกเด็ดขาด!!” ท่านแม่เดินไปหน้าโต๊ะตัวใหญ่มุมห้องก่อนจะวางตะกร้าเอาไว้

 “ข้าจะกลับแล้ว”

 “เอ๊ะ!! แต่ท่านแม่เพิ่งจะมานะขอรับ ไม่ทานข้าวกับข้าก่อนหรือขอรับ” ท่านแม่ตวัดสายตาดุใส่ข้า

 “ข้าจะกลับ แล้วอย่าให้ข้าได้ยินอีกว่าเจ้าคิดจะออกไปภายนอกหอคอย!!” ข้าก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่ทำท่าว่าจะไหลออกมา

 “ขอรับท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”

 “เฮ้อ....” ท่านแม่ถอนหายใจก่อนที่ข้าจะนับรู้ได้ถึงอ้อมกอดอันคุ้นเคยความอบอุ่นของอ้อมกอดท่านแม่ยังเหมือนเดิม ข้ากอดตอบและซบใบหน้าลงบนไหล่ของท่านแม่

 “แม่ไม่ได้อยากจะดุเจ้าเลย แต่แม่เตือนเจ้าหลายต่อหลายครั้งเจ้าเองก็รู้ดี เพราะฉะนั้น อย่าพูดเรื่องนี้กับแม่อีกนะราพันเซล” ข้ากระชับอ้อมกอดของท่านแม่แน่นขึ้น

 “ขอรับท่านแม่”

 “ดีแล้ว” มือของท่านแม่ลูบผมของข้าอย่างปลอบโยน อบอุ่น สบาย อยากจะอยู่เช่นนี้นานๆ แต่เพียงไม่นานอ้อมกอดตรงหน้าข้าก็ผละออก

 “ส่งแม่หน่อย แม่ต้องไปธุระต่อแล้ว” ข้ากำมือแน่น ขาดความอบอุ่น มันเป็นเช่นนี้เอง ทุกครั้งที่จ้าต้องการอุ่นไอจากท่านแม่ ข้ามักจะได้รับมันเพียงผิวเผินเท่านั้น ข้าส่งท่านแม่ลงไปข้างล่างนั้นโดยที่ข้าทำได้เพียงมองตามแผ่นหลังของท่านแม่ที่ค่อยๆจากไปเท่านั้น เพิ่งจะเช้าอากาศก็ไม่ได้หนาวแสงแดดก็แรง แต่ทำไมตัวข้าถึงได้สั่นเช่นนี้ อะไรกันฝนตกในหอคอยรึ ทำไมหน้าของข้าเปียกเช่นนี้ หึ.....ข้าต้องร้องไห้อีกกี่ครั้งกันนะถึงจะเพียงพอให้ท่านแม่หันกลับมารักข้า ทำไมกันนะข้าจึงไม่รู้สึกถึงความรักของท่านแม่เลยแม้แต่น้อย

ลา ล๊า ลา ลัล ลัล ลา ล๊า ล๊า ละ ละ ลา~

ช่างเงียบสงบจนข้าได้ยินเสียงตัวเองที่ก้องกังวานกลับมา สายลมพัดผ่านจนผมของข้าปลิวสไวไปตามแรงลมจนข้าต้องจับมันทัดเอาไว้ที่ข้างหูระหว่างที่ข้ายังคงส่งเสียงร้องออกไป สุขยิ่งนักเวลาเช่นนี้ ยามใดก็ตามที่ข้าได้กลับกล่อมดนตรีออกไปมักทำให้ข้ายิ้มออกเสมอจนเหมือนคนบ้าที่ยิ้มให้กับฟ้ากับลมกับป่าที่ไร้ผู้คนโดยที่หากข้าได้มองลงไปสักนิด ข้าคงเห็นชายผู้หนึ่งที่ยืนมองข้าอยู่


TBC




มาแล้วค่าาาาา ถึงจะช้ากว่ากำหนด(ไปเยอะ!!!) แต่แมวก็มาน๊า ต้องขอโทษที่เรื่องนี้อาจจะสั้น จริงๆจำนวนหน้าก็เท่าๆกับเรื่องแรกนะคะ แต่พอแบ่งออกมาแล้วมันน้อยๆไงไม่รู้ ถ้าไม่สนุกหรือยังไงแมวขอแก้ตัวเรื่องหน้านะคะ อย่าทิ้งแมวน๊าาาา แมวมาลงตามสัญญาแล้วเนอะๆ ขอให้สนุกกับการอ่านเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ราพันเซล 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-11-2017 21:26:11
พระเอกค่าตัวแพง...ออกมาบรรทัดสุดท้ายเลย รออ่านตลอด..ไม่ทิ้งไปไหนแน่นอน   :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ราพันเซล 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 14-11-2017 23:47:12
โมโมทาโร่,
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ราพันเซล 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 15-11-2017 14:03:55
ราพันเซล 2/2


       “ราพันเซล ราพันเซล นี่แม่เอง ส่งผมของเจ้าลงมา” ข้ารีบวิ่งมายังหน้าต่างเมื่อได้ยินเสียเรียกของท่านแม่ดังขึ้นมาข้าส่งผมลงไปให้ท่านแม่ ไม่นานร่างของท่านแม่ก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาเมื่อสุดปลายผมของข้า

 “วันนี้แม่เอาหนังสือใหม่มาฝากดจ้าด้วยนะ” หนังสือใหม่!! ข้ารีบวิ่งไปหยิบมันมาดูทันที

 “ขอบคุณมากขอรับท่านแม่ ข้าดีใจมากเลย” ท่านแม่ทิ้งกายลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน

 “แม่เหนื่อยจังเลย เจ้าช่วยนวดให้แม่ได้หรือไม่ราพันเซล”

“ขอรับๆ” ข้าเดินไปหาท่านแม่ทันทีโดยไม่สนใจหนังสือสี่เล่มนั้นอีก ข้าค่อยๆนวดเบาๆบริเวณไหล่ของท่านแม่จนท่านแม่ครางออกมาด้วยความสบายตัว

 “ดีหรือไม่ขอรับท่านแม่”

 “ดีๆ ลงมาอีกหน่อย อ๊า นั่นล่ะๆ” ข้าค่อยขยับหาจุดที่ท่านแม่บอกจนไม่นานท่านแม่ก็หลับอยู่บนเก้าอี้ตัวเก่านี้ ข้าจึงละมือออกแล้วกลับไปสนใจหนังสือสี่เล่มก่อนหน้าอีกครั้ง แต่แน่นอนข้าไม่ลืมที่ตะหาผ้าห่มและหมอนมารองคอท่านแม่ให้ได้นอนหลับอย่างสบาย หนังสือๆ

 “ว้าว ผจญภัยในโลกแห่งความฝัน พิชิตดาบศักดิ์สิทธิ์ อันนี้อะไรเอ่ย โอ้...อาณาจักรแห่งแสง นี่ก็ สิบผู้กล้าแห่งแดนปีศาจ ไม่อยากจะเชื่อ!” นี่มันหนังสือที่หายากมาก ท่านแม่หามาได้อย่างไรกันนะ
ข้าเพลิดเพลินกับหนังสือจนหลงลืมเวลาไป ไม่รู้เลยว่าฟ้ามืดตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีท่านแม่ก็ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว

 “ทำไมไม่ปลุกข้า ราพันเซล”

 “ทะ ท่านแม่ตื่นแล้วหรือขอรับ” ข้ารีบลุกขึ้นมานั่งเมื่อท่านแม่มองข้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

 “ขะ ขออภัยขอรับ ข้ามัวแต่อ่านหนังสือจนลืมเวลา”

 “เอาเถอะ อย่าให้มีเช่นนี้อีก ข้าจะกลับแล้ว”

 “ขอรับๆ”

 ข้าปล่อยผมยาวสลวยสีทองลงไปดั่งเช่นทุกวันเพื่อส่งท่านแม่กลับลงไป ท่านแม่โบกให้ข้าก่อนจะเดินลัดเบาะแนวป่าออกไป อยู่ที่สูงมันก็ดี แต่ออกไปไหนไม่ได้ข้าไม่รู้สึกว่ามันดีเลย

 “ราพันเซล ราพันเซล” อะไรกัน เสียงของใคร ท่านแม่หรือ

 “ส่งผมของเจ้ามา นี่แม่เอง” ข้าไม่ได้เอะใจใดๆกับน้ำเสียงที่ไม่คุ้นหูหากแต่คำพูดมันกลับเหมือนดังเช่นทุกวันข้าจึงตัดสินใจส่งผมยาวสลวยลงไปเพื่อรอรับท่านแม่ขึ้นมา
ไม่นานนัก ร่างของผู้ที่เอ่ยวาจาจากด้านล่างก็ปรากฏสู่สายตาของข้า หากแต่คนๆนี้ข้ามิเคยรู้จักเลยแม้แต่น้อย และนั่นทำให้ข้าตกใจจนต้องถอยหนีให้ห่างจากเขา

 “จะ เจ้าเป็นใครกัน!!!”

 “อภัยด้วยเถิดคนงาม ข้าเพียงหลงใหลในเสียงอันไพเราะของเจ้า จนข้าอดไม่ได้ที่จะต้องขึ้นมาเพื่อดูใบหน้าของเจ้าให้เต็มตา” ชายผู้อยู่ตรงหน้าข้าช่างมีรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน การแต่งตัวดูดีและเครื่องประดับที่ตัวข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าเผลอมองจนอีกฝ่ายมีท่าทีเขินอาย

 “เจ้ามองข้าเช่นนี้ ข้าเขินนะ”

 “ขะ ข้าเปล่านะ” ข้าก้มหน้าหลบสายตาไม่กล้าเงยหน้าขึ้น

 “เจ้างดงามจริงๆ ข้ามีนามว่าโจนาธาน เจ้าล่ะ”

 “ขะ ข้าชื่อ....ราพันเซล”

 “รูปก็ช่างงดงาม นามเจ้าก็ช่างไพเราะ ราพันเซล” ข้ารู้สึกแปลกจนไม่สามารถที่จะอยู่เฉยๆได้ จึงทำทีเป็นเดินไปจัดหนังสือ

 “ขะ ขอบคุณ”

 “หากไม่รังเกียจ......ข้าอยากจะขอเจ้า”

 “อะไรหรือ ท่านต้องการสิ่งใด” ข้าหันไปถามเขาอย่างสงสัย

 “เจ้ายินดีแต่งงานกับข้าหรือไม่” คือสิ่งใดกันนะ

 “การแต่งงานคือสิ่งใดหรือ หากข้าตอบตกลงข้าต้องทำเช่นไร”

 “หากเจ้าตอบตกลง เราก็จะได้อยู่ด้วยกัน ข้าจะพาเจ้าไปทุกที่ ที่เจ้าต้องการจะไป และกลับไปยังอาณาจักรของข้า” ทุกๆที่หรือ คนตรงหน้าเสนอให้ข้า......

 “ทะ ท่านจะพาข้าออกไปจากที่นี่หรือขอรับ” ข้ามองหน้าของโจนาธานอย่างตื่นเต้น

 “แน่นอน ข้าขอสัญญา”

 “ถ้าเช่นนั้น ข้ายินดีจะแต่งงานกับท่าน” โจนาธานมองข้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจสองมือจับมือขอข้าขึ้นมากุมไว้

 “พรุ่งนี้ ข้าจะหาทางพาเจ้าออกไปจากที่นี่ รอข้านะ ข้าจะกลับมา”

 ข้าพยักหน้าตอบรับโจนาธาน เขายิ้มให้ข้าก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหลังมือเบาๆ ข้าปล่อยผมยาวของข้าเพื่อส่งโจนาธานให้ลงจากหอคอยนี้ เขาสัญญาแล้ว พรุ่งนี้เท่านั้น พรุ่งนี้ เขาจะพาข้าออกไป

 “ช่างกล้าดีนะ ที่คิดจะไปจากข้าที่เลี้ยงดูเจ้ามา!!!”
ข้าสะดุ้งสุดตัวหันไปมองร่างของท่านแม่ที่นั่งอยู่บนไม้กวาดซึ่งกำลังลอยอยู่เหนืออากาศ

 “ทะ ทะ ท่านแม่!!”

 “อย่ามาเรียกข้าว่าแม่!! ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้า!!!” ท่านแม่ตวาดจนสุดเสียงใบหน้าดำแดงจนน่ากลัว

 “ท่านแม่ ได้โปรดฟังข้าก่อนนะขอรับ”

 “บอกว่าอย่ามาเรียกข้าว่าแม่ เจ้ามันก็แค่ไอเด็กที่ข้าเอามาเลี้ยงเท่านั้น”

 “!!!”

 “ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่เจ้าขโมยผักกาดจากสวนของข้า มีรึข้าจะมาเสียเวลากับเจ้าแบบนี้!!!”

 “มะ ไม่จริง” ท่านแม่มองข้าด้วยสัหน้าเย้ยหยัน

 “จริงสิ!!”

 หมับ!!

 “โอ้ย....ข้าเจ็บขอรับท่านแม่” ท่านแม่คว้าผมที่ยาวสีทองของข้าก่อนจะดึงให้ตัวข้าเข้าไปหาตัวจนใบหน้าของข้าแหงนเงยขึ้น

 “ผมเจ้ายาวไปแล้วราพันเซล มันยาวจนพาเอาผู้ชายแปลกหน้าและคิดจะพากันไปจากข้า!!!”

 “!!!” ข้าเบิกตากว้างไม่เคยสักครั้งที่ข้าคิดจะทิ้งท่านแม่ไป ข้าคิดจะพาท่านแม่ไปกับข้าด้วยซ้ำ

 “ถ้าเจ้าคิดจะไป ก็ไป”

 “ฮื่อๆ ท่านแม่ขอรับ” ข้าเสียใจจนไม่อาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

 “แต่ข้าไม่ให้เจ้าเอาสิ่งที่ข้าเลี้ยงมาไปด้วย!!!”

 ฉับ ฉับ ฉับ

 ผมที่เคยยาวสลวยของข้าถูกตัดออกจนสั้นปลายผมที่ขาดสะบั้นล่วงหล่นลงพื้นข้ามองเส้นผมกองนั้นอย่างหมดแรงจนต้องทิ้งร่างลงบนพื้นนิ่ง

 “ฮื่อๆๆ ท่านแม่ ทำไม ทำไม”

 “เจ้าอยากไปจากข้า ข้าก็จะส่งเจ้าไป ไปไกลๆจนไม่สามารถเจอชายผู้นั้นอีก!!!”

 หลังจบคำแสงก็สว่างจนแสบตาทำให้ข้าไม่สามารถมองเห็นอะไรอีก แต่เมื่อแสงสว่างค่อยๆหายไป ภาพตรงหน้าข้ากลับเป็นผืนทรายที่ร่างกายข้ารับรู้ถึงความร้อนระอุ ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ตรงหน้าทำให้ข้าหมดกำลังจะทำอะไรอีก

 “ท่านแม่ ฮื่อๆ ทำไมต้องทำกับข้าเช่นนี้” ข้าได้แต่ร้องไห้จนหมดแรง ขาของข้าเคลื่อนไหวไปอย่างไร้ซึ่งจุดหมาย จนเบื้อหน้าปรากฎโอเอซิสแอ่งน้ำและต้นไม้ที่ร่มรื่นขึ้นพอให้ข้าได้พักบ้าง

   จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีที่ข้าติดอยู่ที่นี่วันๆข้าทำได้แค่ร้องเพลงเคล้าน้ำตา ไม่มีวันไหนที่ข้าไม่รู้สึกเสียใจไม่มีวันไหนที่ข้าไม่รู้สึกหมดหวัง ความหวังก็เหมือนดั่งดาวที่พร้อมจะถูกเมฆกลบจนสิ้นเช่นเดียวกับความหวังของข้าตอนนี้ที่ดับศูนย์ไป

 “ราพันเซล ราพัเซล เจ้าอยู่ที่ไหน” เสียงนี่มัน!!

 “โจนาธาน ข้าอยู่ทางนี้”

 ข้าตะโกนกลับไปหวังว่าโจนาธานจะได้ยินเสียงข้าเดินทางมาทางที่ข้าอยู่ ไม่นานข้าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าที่ดังขึ้นไม่ไกลและร่างของชายผู้ที่ข้ารอคอยอยู่บนหลังม้า

 “ราพันเซล เจ้าอยู่นี่หรือ” ท่านไม่เห็นข้าหรือ?

 “เกิดอะไรขึ้น ข้ายืนอยู่ตรงหน้าท่าน ทำไมท่านจึงถามข้าเช่นนี้” โจนาธานมีสีหน้าเศร้าสร้อยลงเมื่อข้าเอ่ยถาม

 “โถ่......ราพันเซล ยอดรักของข้า ข้าปรารถนาจะมองหน้าเจ้าอีกสักครั้งเหลือเกิน” มือของโจนาธานลูบไล้สะเปะสะปะไปทั้วใบหน้าของข้าก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะล้มลงตรงหน้าข้า

 “ท่านเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” ข้าจับร่างของโจนาธานให้นอนลงใช้ตักของตัวเองเป็นหมอนเพื่อรองศรีษะของเขาเอาไว้

 “วันนั้นข้าไปหาเจ้า ตะโกนเรียกเจ้าเช่นดังเคย หากแต่เมื่อข้าได้ขึ้นไปคนที่ข้าได้พบกลับไม่ใช่เจ้า แต่เป็นแม่มดชราผู้หนึ่ง” ท่านแม่.....ข้าได้แต่ฟังไปพยายามฝืนตัวเองไม่ให้ร้องไห้ไป

 “นางบอกข้าว่า......แม้ข้าตาย ข้าก็ไม่มีวันจะได้เจอเจ้าอีก”
โจนาธานใช้มือของเขาจับใบหน้าของข้าอย่างแผ่วเบา รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง ช่างเป็นรอยยิ้มที่สวยงามกว่าครั้งก่อน

 “แต่ในที่สุด ข้าก็ได้พบเจ้าราพันเซล” ข้ามองรอยยิ้มตรงหน้าด้วยน้ำตาที่เริ่มไหลนอง เพียงเพราะข้าคนเดียวเรื่องทุกอย่างถึงได้เป็นเช่นนี้ หยาดน้ำตาหนึ่งหยดหล่นลงกระทบดวงตาของโจนาธานจนบังเกิดแสงสว่างสีทองและเพียงไม่นาน โจนาธานยันกายเพื่อลุกขึ้นใช้มือทั้งสองข้างจับแขนของข้า ใบหน้าข้าราวกับต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่าง

 “ราพันเซล!!” ข้ามองดวงตาสั่นระริกของโจนาธานอย่างไม่เข้าใจ

 “หระ หระ หรือว่า”

 “ใช่แล้ว!! ในที่สุดข้าก็ได้เห็นใบหน้าของเจ้าอีกครั้ง ที่รักของข้า” โจนาธานสวมกอดข้าอย่างดีใจและข้าก็เช่นกัน เราสองคนกอดกันอยู่สักพักเสียงหัวเราะด้วยความสุขดังอยู่ไม่ขาดสาย เมื่อความเศร้าได้ถูกปัดเป่าความสุขย่อมมาแทนที่
   
           โจนาธานพาข้าขี่ม้าเดินทางข้ามทะเลทรายสองวันจนเรามาถึงอาณาจักรของเขา ข้ามองเห็นการต้อนรับอย่างดีจากผู้คนมากมาย ทำไมเขาถึงเป็นที่รู้จักของคนมากมายเช่นนี้กันนะ ทุกคนตะโกนโห่ร้องไปมาด้วยความดีใจ ทันทีที่ตัวม้าไปถึงบ้านซึ่งใหญ่มากๆในสายตาข้า ก็มีชายร่างท้วมวิ่งออกมาด้วยสีหน้าตกใจและตามมาด้วยร่างของใครต่อใครอีกหลากหล่ยคน ช่างมากหน้าหลายตาเสียเหลือเกินบ้านของโจนาธาน

 “โจน!!! ลูกหายไปไหนมา รู้ไหมพ่อให้ทหารตามหาเสียทั่วทั้งเมือง” ชายชราตรงหน้าสวมกอดโจนาธานด้วยน้ำตา ทหารคืออะไร???

 “ขอโทษครับท่านพ่อ ข้าหลงทางนิดหน่อย”

 “ไม่เป็นไรๆ แค่เจ้ากลับมาพ่อก็ดีใจแล้ว ว่าแต่.......เจ้าพาใครมา” สายตาของชายผู้นั้นเบี้ยงมามองทางข้าอย่างสงสัย

 “ท่านพ่อข้าขอแนะนำ.......นี่คนรักของข้า ราพันเซล”

 “โอ้......ดีๆ เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ต้องจัดงานฉลอง อีกสามวันเตรียมงามมงคลสมรส!!!”

 “ขอรับ!!!” ทุกคนต่างพร้อมใจกันตอบรับคำสั่งอย่างพร้อมเพียง

 “ฮ่าๆ มาๆ ราพันเซลใช่ไหม” พ่อของโจนาธานถามข้า

 “ขะ ขอรับ”

 “ยินดีต้อนรับเข้าสู่อาณาจักรของเรานะ เจ้าช่างดูงดงามจริงๆ ลูกชายข้านี่ตาถึงจริงๆ ฮ่าๆ”
แม้ข้าจะไม่ค่อยเข้าใจมากนักแต่ข้าก็พร้อมที่จะส่งยิ้มไมตรีให้แก่ท่าน ความนอบน้อมเป็นสิ่งเดียวที่ข้าทำได้ดีเสมอมา

 “ยินดีต้อนรับสู่บ้านของข้านะที่รัก นับจากวินาทีนี้ไป ข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่นอน” ข้ายิ้มรับแก่โจนาธาน มั้นใจในสิ่งที่เขาบอกข้าว่าเขาจะไม่ผิดคำพูดกับข้าแน่นอน

 “ขอบคุณ.....ข้าเชื่อท่าน ข้าจะอยู่กับท่านตลอดไป”


            สามวันต่อมา
   
      หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาสามวันแล้วท่านพ่อของโจนาธาน ไม่ใช่สิ พระราชาท่านช่วยตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงของข้าจนพบ แต่น่าเสียดายพวกท่านทั้งสองตรอมใจตายหลังจากที่แม่มดใจร้ายคนนั้นได้เอาตัวข้าไปจากท่านพ่อและท่านแม่ ข้าเสียใจเหลือเกินที่ไม่ได้พบหน้าท่านทั้งสอง แต่เมื่อผ่านพ้นเรื่องร้ายๆและเรื่องเศร้าใจ งานแต่งของข้าก็ถูกจัดขึ้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มายืนจุดนี้ แต่เพียงข้าได้เห็นหน้าของชายผู้เป็นที่รัก ข้าก็มีความสุขที่สุดแล้ว

 “เจ้าคิดอะไรอยู่ หืม....” โจนาธานสวมกอดข้าจากด้านหลังเมื่อเห็นว่าข้ายืนเหม่อลอยอยู่กลางห้องหอ

 “ข้าแค่มีความสุขที่มีท่านอยู่ขอรับ”

 “อย่ามัวคิดเลยที่รัก คืนนี้เป็นคืนของเรา มาเถอะข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขมากกว่านี้อีกนะ” โจนาธานซุกไซร้ซอกคอของข้าก่อนที่จะเลื่อนขึ้นมาจุมพิศที่ริมฝีปากปลายลิ้นของเราทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันจนเกิดเสียง มือของโจนาธานค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าของข้าออกจนหมดเพียงไม่นานตัวข้าก็เปลือยเปล่า เขาถอนริมฝีปากออกมองร่างกายข้าที่ต้องแสงจันทร์ด้วยแววตาพราวระยับจนข้าอาย

 “เจ้างดงามเหลือเกินเมียข้า”

 ชุดของโจนาธานค่อยถูกปลดออกจนเขาเปลือยเช่นเดียวกับข้า วงแขนเขาค่อยๆอุ้มข้าขึ้นแล้วพาร่างของข้าไปวางบนเตียงใหญ่

 “ข้าจะทำเบาๆ อย่ากลัวไปเลย”

 แม้น้ำเสียงของเขาจะทำให้ข้าสบายใจขึ้นสำหรับข้าครั้งแรกของการเข้าหอย่อมทำให้คิดมาก

 “อื้อ”

 ริมฝีปากของเขาดูดดึงยอดอกสีสวยของข้าจนเกิดเสียง ทำให้ข้ารู้สึกแปลกๆจนต้องแอ่นอกขึ้นรับริมฝีปาก ปลายลิ้นร้อนไล่วนอยู่กับมันราวกับว่าเจอของเล่นที่ถูก มือของเขาลูบไล้ขาเรียวของข้าขึ้นมาจนถึงกลางร่าง ตัวตนของข้าตั้งชูรับฝ่ามือที่จับมันรูดรั้งขึ้นลงตามจังหวะ

 “อ๊ะ อื้อ” ความรู้สึกใหม่ที่เกิดขึ้นมานั้นข้าไม่เคยรู้จักมาก่อนจนไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไรดีข้าจึงเลือกที่จะนอนเฉยๆ แต่อาการเสียววาบทำให้ข้าบิดกายไปมาหลายครั้ง

 “ข้าจะค่อยๆทำนะ” ข้าไม่เข้าใจแม้แต่น้อยจนเมื่อปลายนิ้วของเขารุกล้ำเข้ามายังช่องทางที่ข้าไม่คิดว่าจะมีใครล่วงล้ำ

 “อ๊ะ อย่า ข้าอึดอัด” ข้าส่ายใบหน้าที่ชื้นเหงื่อไปมาเพราะรับไม่ได้กับความรู้สึกแน่นและจุก

 “ข้าต้องเตรียมพร้อมเจ้าราพันเซล มันจะดีขึ้น เชื่อข้านะ”

 “อ๊ะ อื้อ” โจนาธานไม่ปล่อยให้ข้าคิดเพราะเมื่อพูดจบเขาก็ขยับปลายนิ้วเข้าออกและหมุนวนอยู่ภายในราวกับหาอะไรบางอย่าง

 “อ๊า!!” อะไรกัน ความรู้สึกเช่นนี้

 “อา.....ตรงนี้เอง”

 ข้าไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร รู้เพียงว่าเมื่อเขาระบายยิ้มออกมาปลายนิ้วของเขาก็เดิ่มจำนวนขึ้น

 “อ๊ะ อ๊ะ อ๊า”

 ข้าทนไม่ได้กับความอึดอัดที่เกิดขึ้นและความรู้สึกที่ข้าอธิบายไม่ถูกรู้เพียงแค่เมื่อเขาขยับปลายนิ้วสะโพกของข้าก็ขยับตามเช่นกัน

 “อ๊า อย่า ข้าไม่ไหว อื้อ” จำนวนนิ้วมือเพิ่มขึ้นจากสองเป็นสามในระยะเวลาไม่นาน ตัวตนของข้าก็ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา

 “อื้อ แฮกๆ”

 “ข้ารักเจ้า”

 โจนาธานจุมพิตที่หน้าผากข้าแผ่วเบา เขาอาศัยจังหวะที่ข้ายังคงเบลอสอดแทรกสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วมือมาก

 “อ๊า!! เจ็บ ไม่เอา” ข้าได้แต่ดิ้นไปมา มือก็พยายามพลักไสร่างกายที่ทาบทับข้าไว้ให้ออกห่าง แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลย

 “อืม....อย่าดิ้นสิ ข้าจะทนไม่ไหวเอา”

 โจนาธานเม้มปากแน่น กายหนาก็ยังคงพยายามกดแทรกสิ่งแปลกปลอมเข้าในช่องทางของข้าช้าๆ ยิ่งเห็นสีหน้าที่ทรมานของเขาทำให้ข้าเผลอหยุดดิ้นไปชั่ขณะ สายตาของเราสองคนสบกันก่อนที่ริมฝีปากของข้าจะถูกอีกฝ่ายดูดดึง รสจูบของเขาทำให้ข้าล่องลอยไปในอากาศจนหลงลืมความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่จนหมด

 “อื้อ!!!!!”
 
 ข้าสะดุ้งด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลรินอย่างไม่อาจตะห้ามได้เมื่อเขาอาศัยจังหวะที่ข้าเผลอกดกายเข้ามาจนหมด สะโพกของข้ารับรู้ได้ถึงหน้าท้องแกร่งของคนตรงหน้า

 “ไม่เจ็บอีกแล้ว อย่าร้องเลยที่รักของข้า” เขาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าของข้าอย่างแผ่วเบาก่อนจะจูบแก้มใสของข้าอย่างรักใคร่

 “อ๊ะ อื้อ”

 ร่างกายของโจนาธานที่มีน้ำหนักมากกว่าข้าเริ่มขยับกายแผ่วเบาอย่าเชื่องช้า เมื่อเห็นว่าข้าไม่เจ็บอย่างตอนแรกเริ่ม เขาก็เพิ่มแรงมากยิ่งขึ้น

 “ดีใช่ไหมราพันเซล อืม....เจ้าชอบใช่ไหม”

 “อ๊ะ อื้ม ชะ อ๊า ชอบ อ๊ะ อ๊ะ ข้าชอบ”

 ร่างกายข้าตอบรับจังหวะแห่งรักที่เขามอบให้อย่างไม่ยอมแพ้ มือของข้าลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังกว้างอย่างเป็นเจ้าของ ยิ่งเมื่อความรู้สึกเสียวซ่านเพิ่มขึ้น ข้ามักจะเผลอจิกปลายนิ้วไปบนแผ่นหลังตรโจนาธานต้องซี๊ดปาก

 “อ๊ะ แรงๆเลยขอรับ ข้า ข้าไม่ไหว อ๊า แล้ว”

 “ข้าก็ไม่ไหวแล้ว อา เจ้ารัดแน่นเหลือเกิน” ฝ่ามือร้อนทั้งสองข้างจับเอวของข้าไว้แน่นก่อนจะดึงให้ตัวข้ารับแรงกระแทกที่เร็วขึ้นจนตัวข้ารู้สึกราวกับขึ้นที่สูง

 “อ๊า อีก อ๊ะ เร็วอีก อ๊ะ”

 เขาทำตามที่ข้าพูดทุกอย่าง ตัวเขาเร่งจังหวะจนตัวข้าสั่นไปด้วยแรงที่โจนาธานกระแทกเข้า ข้าไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าขยับสะโพกเป็นจังหวะตามเขาเมื่อไหร่

 “ใกล้แล้ว อา....เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”

 “อ๊ะ อ๊า!!!!!”

 ข้าปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าท้องของโจนาธานแต่ตัวเขากลับไม่ได้สนใจยังคงเร่งจังหวะของตัวเองต่อจนข้ารับรู้ได้ถึงความร้อนที่ถูกฉีดเข้าไปภายในร่าง โจนาธานล้มกายลงนอนเคียงข้างข้าเราสองคนนอนมองหน้ากันทั้งๆที่ยังคงหอบหายใจด้วยความเหนื่อย

 “ข้ารักเจ้า ราพันเซล จะรักเจ้าตลอดไป”

 “ข้าก็เช่นกัน ข้ารักท่านโจนาธาน จะรักท่านตลอดไป”

   เราทั้งสองต่างยิ้มให้แก่กัน แค่ความรักที่ส่งผ่านแววตาของเราทั้งสองคนแม้ใครอาจจะไม่เข้าใจเราก็ไม่เป็นไร แค่เราทั้งสองคนเข้าใจซึ่งกันและกันก็พอ ความรักทำให้เราทั้งสองได้พบกันอีกครั้งแม้เราทั้งคู่จะอยู่ห่างไกลกัน หากเรารักกันสักวันเราก็จะได้พบกันอีก ข้าเชื่อมั่นในตัวของโจนาธานและโจนาธานก็เชื่อมั่นในตัวข้าเช่นกัน แสงดาวแม้จะถูกเมฆหมอกปรกคลุมแต่ใช่ว่ามันจะเลือนหายไป เพราะเมื่อเวลาที่เมฆหมอกพัดผ่านพ้นไป ดาวก็จะส่องแสงอีกครั้ง เช่นเดียวกับความรักของเราสองคน



The End
[/b][/size]





แหม.....จริงๆแมวคิดว่าเรื่องนี้จะไม่ใส่ฉาก18+ แล้วเชียวเพราะเนื้อเรื่องมันควรจะจบแบบใสๆ แต่แล้วแมวก็แอบไปเติมมัน อ๊าก!!! สับสนกับตัวเอง เรื่องต่อไป แมวจะพาไปแอบในบ้านลูกหมูทั้งสามกันนะคะ ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามน๊า  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ราพันเซล 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-11-2017 15:54:34
ในที่สุดก้อสมหวัง...รอลูกหมูต่อจ้า   :pigwrite: :pigwrite: :pigwrite:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ราพันเซล 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-11-2017 16:44:20
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ราพันเซล 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 20-11-2017 22:43:04
ตอนแรกแอบกลัวจบไม่สวย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ราพันเซล 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 20-11-2017 23:42:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 1/3
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 21-11-2017 14:16:50
ลูกหมูสามตัว 1/3


            กาลครั้งหนึ่ง ณ หมูบ้านอันไกลโพ้น ยังมีหมาป่ารูปร่างสูงใหญ่สองตัว พวกเขาเป็นพี่ชายของข้าแต่ทำไมกันนะ ตัวผมจึงเป็นเพียงหมาป่าตัวน้อย ผมเกิดมาอ่อนแอ เมื่อแรกเกิดแม่บอกว่าผมนั้นไม่ยอมแม้แต่จะดื่มนมต้องบังคับกันหลายครั้ง ผมจึงได้ตัวเล็กกว่าพวกพี่ๆ
จนเมื่อวันก่อน.........

 “พวกลูกโตแล้ว หาอาหารเองกันได้แล้ว แม่ไม่สามารถเลี้ยงพวกลูกได้ตลอดหรอกนะ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนเมื่อกำลังของแม่เริ่มไม่ไหวที่จะหาเหยื่อมาให้เราทั้งสามด้วย

 “แต่ท่านแม่....” พี่ชาร์สโอดครวญ พี่ชาร์สคือพี่ชายคนโตของผมครับ

 “เจ้าอ่อนแอล่ะสิ ถึงไม่กล้าออกไปหาเหยื่อเอง” พี่ชาเวซพี่คนรองซึ่งชอบหาเรื่องกัดกับพี่ชาร์สเสมอๆ

 “กล้าว่าพี่รึเชส นายเคยเอาชนะพี่ได้หรือเปล่า” พี่ชาเวซยักไหล่ไม่สนใจคำกล่าวยั่วยุของพี่ชาร์สแม้แต่น้อย แม่นั่งกุมขมับด้วยความเครียด

 “ไปๆ แม่อยากจะพักแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปชาร์ส เชสและชาล็อต ลูกทั้งสามต้องออกไปหาอาหารเองเท่านั้น แม่จะไม่หาอะไรให้ลูกอีกแล้ว”

 ปัง!!

 ผมและพี่ๆต่างมองหน้ากันอย่างหมดอาลัยตายอยาก อ้าว.....มีผมคนเดียวนี่ที่หมดอาลัย เพราะพวกพี่ๆของข้ามีสีหน้าที่ปกติไม่ทุกข์ร้อนใดๆเลยแม้แต่น้อย

 “พี่ชาร์สพี่เชสเอาไงดี”

 “เจ้าจะไปกลัวอะไร๊ มีพี่และชาเวซทั้งคน เดี๋ยวพวกพี่จะสอนเจ้าเอง” ข้าว่าความคิดพี่อันตรายกว่าไม่มีอาหารกินเสียอีกนะ แต่ถึงผมจะคิดเช่นนั้นแต่เพื่อปากท้องยังไงๆผมก็ต้องเรียนรู้การล่าจากพี่ชายทั้งสองอยู่ดี พี่ชาร์สยกยิ้มมุมปากใบหน้าปรากฏความคิดอันชั่วร้ายออกมาอย่างชัดเจน ส่วนพี่ชาเวซก็เอาแต่ยิ้มให้กับหมาป่าสาวที่เดินผ่านไปมาทุกตัว ความเจ้าชู้ไม่เคยหมดไปจากพี่ชายคนนี้ของผมเลย สาวๆหลงใหลได้ปลื้มกับพี่ชายผมทั้งสองคนมาก ถึงขนาดยอมตกลงกันเพื่อแบ่งเวลาจะได้อยู่กับพี่ผมกันครบทุกคน ส่วนผมน่ะหรือ คงมีหรอก หมาป่าตัวเล็กที่ราวกับยังโตไม่เต็มที่อย่างข้าสาวไหนที่จะหันมามองกัน คิดแล้วก็น้อยใจเหลือเกิน หากผมกินให้มากกว่านี้คงจะตัวเท่ากับพี่ๆข้าไปแล้ว

 “พี่คิดออกแล้ว!” อยู่ๆพี่ชาร์ทก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นจนผมกับพี่ชาเวซสะดุ้ง

 “อะไร คิดอะไรออกหรือพี่”

 “หมู่บ้านตรงชานป่าพี่จำได้ว่าเป็นหมู่บ้านของพวกหมู เราไปดักล่าแถวๆนั้นกันดีกว่า”

 “ดะ เดี๋ยว!!” คิดว่าฟังไหมล่ะครับ ไม่มีทาง!! คนอย่างพี่ชาร์ทไม่มีสักครั้งที่จะฟังเพราะตอนนี้เจ้าตัววิ่งนำไปก่อนแล้ว เหลือแต่ผมและพี่ชาเวซที่ยืนมองหน้ากัน

 “เอาไงต่อดีครับพี่เชส”

 “ทำไงได้ พี่ใหญ่สั่งมาแบบนั้น แถมออกตัวไปก่อนแล้ว งานนี้คงต้องตามนั้นแล้วล่ะ” พี่ชาเวซยักไหล่ก่อนจะเดินตามพี่ชาร์สออกไป นี่มีผมคนเดียวใช่ไหมครับที่กลัวการไปที่นั่น แต่จะทำไงได้ล่ะครับ สองเสียงยังไงก็ชนะผู้แพ้ก็ต้องยอมรับและตามไป
 
 ผมเดินตามพี่ชายทั้งสองไปเรื่อยๆจนมาถึงหมูบ้านที่อยู่ชานป่า ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นอย่างที่พี่ชายผมพูดจริงๆ หมู่บ้านหมู นะ น่ากินทั้งนั้นเลยครับ เห็นแล้วท้องผมร้องขึ่นมาทันทีเลย

 “พี่เชสพี่ชาร์ส กินเลยได้ไหม ผมหิว!!” ผมบอกพี่ทั้งสองด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นสุดๆ

 “รอก่อน.....เราต้องหาเหยื่อของตัวเองก่อน แล้วเฝ้ารอโอกาสของเรา” พี่ชาร์ทเก่งเรื่องวางแผนเสมอ ทุกๆอย่างสำหรับพี่ชาร์ทแล้วมันคือเกมส์ที่มีไว้เพื่อความสนุก

 “ดูนั่น หนึ่ง...สอง...สาม เจ้าหมูสามตัว เรามีกันสามพวกมันมีสาม ครบจำนวน”

 “เราเข้าไปดูใกล้ๆดีกว่าพี่ชาร์ส” ว่าแล้วพี่เชสก็เดินนำเราไปใกล้ๆกับต้นไม้ใหญ่เพื่อจะได้ดูเหยื่อของพวกเราอย่างใกล้ชิด

 “แต่แม่ ทำไมพวกเราต้องไปสร้างบ้านกันเองด้วยละครับ”

 “นั่นสิครับแม่ ทำไมพบกเราอยู่กับแม่ไม่ได้” เหมือนพวกมันจะเจอสถานการณ์เดียวกับเรา

 “ฟังนะ ลูอิส รีซ ลีออง ลูกทั้งสามโตเป็นหนุ่มกันหมดแล้ว จะมาอยู่แต่กับแม่ได้ยังไง ลูกต้องไปสร้างบ้านสร้างครอบครัวของลูกเอง เข้าใจไหม”

 หมูทั้งสามพยักหน้าให้กับแม่ของตัวเอง ส่วนผมได้แต่มองหน้าพี่ชายว่าจะเอายังไงต่อ สุดท้ายเลยได้แค่เดินตามเจ้าหมูทั้งสามไปเรื่อยๆแทน ผมกับพี่ๆเดินตามลูกหมูมาจนถึงเนินเขาที่มีความอุดมสมบรูณ์มาก อากาศก็สดชื่น หมูทั้งสามนี่เก่งเรื่องการเลือกที่สร้างบ้านจริงๆ

 “เอาไงต่อดีพี่” ผมหันไปถามพี่ชายทั้งสอง

 “ก่อนอื่น เลือกเหยื่อก่อน พี่จองเจ้าหมูตัวนั้น ผิวขาวน่ากินดีจริงๆ”

 “แต่ตัวเล็กแบบนั้นพี่จะกินอิ่มเหรอ” ไม่ได้ห่วงอะไรหรอกครับ แต่ตัวเล็กๆแบบนั้นผมว่าผมน่าจะล่าได้ง่ายกว่าอีกสองตัวที่เหลือ
 
 “ชาล็อตฟังพี่นะ ที่เลือกตัวเล็กๆเพราะตัวโตๆนั่นพี่เหลือไว้ให้นายไง” ผมส่ายหน้าทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

 “ไม่เอา พี่ก็รู้ว่าผมไม่ได้แข็งแรงขนาดที่จะล้มไอหมูยักษ์นั่นได้หรอก”

 “ไม่ลองจะรู้ได้ไง เอาน่าลองดูๆ”

 สุดท้ายเป็นไง ผมก็ได้ไอหมูผิวสีแทนร่างหนาๆตัวใหญ่กว่าพี่ชายผมอีกมั้ง ผมว่าเหตุผลคือพี่ๆผมไม่กล้าไปแหยมกับมันมากกว่าเลยโยนภาระมาหาผมแทนแบบนี้ คงกะว่าถ้าผมล้มไอหมูนั่นได้แล้วพวกพี่ๆไม่อิ่มก็คงมากินกับผมแทนน่ะสิ ผมรู้หรอก ผมกับพี่จึงตกลงกันแยกย้ายกันไปเฝ้าเหยื่อของแต่ละคน

--ชาร์ส--
   
        ผมเดินตามเหยื่อตัวน้อยต้อยๆ ให้ตายเถอะ น่ากินอะไรแบบนี้ นี่แค่ผมเห็น ถ้าได้กลิ่นจะขนาดไหน ตัวของหมอนี่ต้องหอมมากแน่ๆ อา อยากกินจัง

 “ผมขอซื้อฟางได้ไหมครับ” เหยื่อตัวน้อยของผมเดินเข้าไปสอบถามชาวนาที่กำลังขนฟางออกไป

 “นายจะเอาไปทำอะไรล่ะ”

 “เอ่อ ผมกำลังจะสร้างบ้านครับ เลยต้องการฟางจากคุณ” ทำไมตัวสั่นได้น่ากินขนาดนี้นะ

 “อ้อ.....อย่างนั้นเหรอ เอาสิ! เอาไปเลยไม่ต้องซื้อหรอก”

 เจ้าเหยื่อตัวน้อยของผมยิ้มกว้างอย่างดีใจก่อนจะหอบฟางที่ได้มาไปไว้บนเนินเขาอีกครั้ง เจ้าหมูน้อยตัวขาวของผมเดินขึ้นเดินลงเนินเขานับหลายสิบรอบกว่าจะได้จำนวนฟางที่เพียงพอแก่การสร้างบ้านอยู่ โถๆ เจ้าหมูน้อยของพี่ สร้างด้วยฟางแบบนี้ ก็เข้าทางพี่สิครับ หิวจังเลย แต่ต้องอดทน ต้องอดทนรอให้ถึงที่สุดเสียก่อนตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
 
      แดดเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ทำอะไรผมไม่ได้หรอกเพราะผมยืนอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ สายตาของผมยังคงจับจ้องไปยังภาพตรงหน้าที่เจ้าหมูที่มีเหงื่อหยดย้อยไหลไปตามใบหน้าและลำคอ ยิ่งอากาศร้อนมากเท่าไหร่กลิ่นหอมหวานจากตัวเจ้าหมูตัวนี้ก็ยิ่งแรงขึ้นตามไปด้วย กลิ่นยั่วน้ำลายจริงๆ

 “ร้อนชะมัดเลย” มือเล็กๆบาดไล่เหงื่อที่ไหลกวนใจเจ้าตัวออก อีกข้างก็โบกสะบัดให้ลมช่วยคลายความร้อนออกไปบ้าง ก่อนที่จะลงมือสร้างบ้านของตัวเองอีกครั้ง ผมนั่งรอจนถึงเวลาช่วงเย็นของวันนั้น และเห็นแล้วว่าคงไม่ดีหากผมจะล่าเหยื่อวันนี้ เพราะดูท่าทางเหยื่อตัวน้อยของผมเหนื่อยมามากแล้วต้องให้พักผ่อนเสียบ้างให้ได้กินอิ่มๆ จะได้อยู่ท้องผม ผมจึงกลับไปรวมตัวกับน้องๆอีกครั้งเพื่อจะถามเกี่ยวกับตัวเหยื่อของพวกนั้นบ้างว่าเป็นยังไง

 “เป็นไงบ้างวันนี้”

 ท่าทางสบายใจของเจ้าเชสดูไม่น่าจะต้องห่วงอะไรมาก แต่ท่าทางหมดอาลัยตายอยากของชาล็อตน้องคนเล็กของผมเนี่ยสิ ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 “ด้านนายเป็นยังไงบ้างวันนี้เชส” เจ้าน้องชายคนกลางผมยักไหล่ก้วยท่าทางสบายๆ

 “ไม่ไง ดูท่าทางไม่ยาก กลิ่นหอมน่ากินดี” ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันไปหาไอตัวเล็กของพวกผม

 “แล้วเราละชาล็อต วันนี้เป็นไงบ้าง” ชาล็อตเบะปากราวกับจะร้องไห้จนผมชะงัก

 “พี่ชาร์ส ฮื่อๆ ผมไม่อยากได้เหยื่อตัวนี้แล้วอ่ะ ผมกลัว” ผมเห็นใจน้องนะครับ แต่ผมอยากให้น้องเข้มแข็งถึงได้ให้เจ้ายักษ์นั่นกับน้องไป (จะได้กินอิ่มๆตัวใหญ่ๆ)

 “อย่าคิดมาก พรุ่งนี้พี่เชื่อว่าเราทำได้แน่” อาว เขื่อนแตก นี่ผมพูดอะไรผิดครับ ถึงทำให้น้องร้องไห้ขนาดนี้

 “พี่ๆไม่มาเห็นบ้านที่ไอหมอนั่นสร้างอย่างผมนี่!!!”

 “ทำไม....มันสร้างบ้านบนฟ้าเหรอ”

   ป๊าบ!!

 “ไม่เล่นนะ!! โกรธจริงด้วย” ดูสิ ตีผมเสร็จทำหน้างอนต่อ

 “โอ๋ๆ ไหนเล่าสิ หมอนั่นมันสร้างบ้านยังไง”

 “เขาสร้างบ้านกับอิฐ ฮื่อๆ พี่คิดว่าผมจะทำอะไรอิฐแข็งๆแบบนั้นได้ละพี่!!" เวรกรรม นี่ผมโยนงานหนักให้น้องชายตัวน้อยของผมเหรอเนี่ย

 “อะ เอ่อ พรุ่งนี้เราก็ลองเคาะเรียกสิ ถ้าหมอนั่นเปิดก็จับกินเลย!!” ง่ายไหม ง่ายดีแต่ถ้าเปิดประตูมามันก็ง่ายต่อการจับกิน น้องชายผมคงจับไอหมูยักษ์กินได้แหละ เชื่อสิ!!

 “จริงเหรอพี่!!”

 “อื้อ ใช่ไหมเชส แค่เปิดประตูก็กระโดดกัดเลยใช่ไหม”

 “ใช่สิ แค่นั้นชาล็อตก็จะได้กินหมูตัวใหญ่แล้วนะ” ดีมากไอน้อง ในที่สุดน้องชายผมก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที

 “งั้นเรานอนพักกันก่อนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้แยกย้ายไปบ้านใครบ้านมัน” อาว ผมพูดอะไรผิด ทำไมหันมามองผมกันแบบนั้นละ

 “ผิดเปล่าพี่ชาร์ส บ้านเหยื่อใครเหยื่อมันเปล่า” เออวะ พูดผิด

 “ฮ่าๆ โทษทีวะ ตื่นเต้นไป หน่อย”
น้องสองคนส่ายหน้ากับความเป็นเด็กของผมที่เอาแต่เล้นสนุกเสียส่วนใหญ่ เอาเถอะครับ พรุ่งนี้พี่จะฟาดหมูให้ดูเป็นขวัญตา!!

        วันใหม่กับอากาศที่สดชื่นและเหยื่ออันโอชะที่เดินออกมาจากบ้านฟาง สงสัยจะไปหาอาหารมากักตุนไว้ในบ้าน วันนี้ผมก็ยังคงเดินตามเจ้าหมูตัวน้อยๆตัวนี้เหมือนเดิมครับ คอยตามดูว่าวันนี้ไปไหน ทำอะไรบ้าง บอกแล้วไงครับ สำหรับผมการล่ามันคือเกมส์และเมื่อเป็นเกมส์มันต้องรอเวลาที่จะจัดการ

 “รีซ.....บ้านนายสวยจัง” เจ้าหมูตัวขาวของผมพูดทักทาย

 “อ้าวพี่ลูอิส บ้านพี่เสร็จแล้วเหรอ” พี่น้องคู่นี้น่ากินทั้งคู่เลยแหะ

 “อะแฮ่ม.....หวังว่าพี่คงไม่ยุ่งกับเหยื่อผมนะพี่ชาร์ส” หึ หวงจริงนะ

 “แน่อยู่แล้ว ก็แบ่งกันแล้วนี่”

 ผมว่าแต่ตาก็ยังมองเหยื่อตัวน้อยที่ยิ้มแย้มแจ่มใสกับบรรดาพี่น้องด้วยความผ่อนคลาย ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองถูกจ้องมองด้วยสายตาของนักล่าอย่างพวกผมทั้งสาม เอ่อ....สามแหละเนอะ ถึงแม้ว่าเจ้าน้องชายตัวน้อยของผมจะตัวเล็ก แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นหมาป่าอยู่ดี

 “เคาะประตู แล้วกิน เคาะประตู แล้วกิน เคาะประตู แล้วกิน”
ผมเดินตามลูอิที่เดินไปหาหมูอีกตัว ก่อนหันไปมองตามเสียงถึงได้เห็นชาช็อตที่เดินท่องคำที่ผมเพิ่งจะบอกไปเมื่อคืนมาตลอดทาง คงนืนเฝ้าเจ้านี่นานแล้วสินะ

 “เป็นไงบ้างชาล็อต”

 “พี่ชาร์ส ผมรอเวลาอยู่ครับ แต่ผมจำที่พี่บอกได้นะ เคาะประตูแล้วกิน ผมจำได้” โธ่.....ตัวเล็กของพี่ ยิ้มแบบนี้ ถ้าไม่ใช่น้องชาย ไม่พ้นได้ถูกพี่จับกินแน่ๆ

 “ดีแล้วๆ เด็กดี เดี๋ยวพอพระอาทิตย์ตกดินก็เดินเข้าไปจัดการเลยนะ เข้าใจไหม”

 “ครับพี่”

     ชาล็อตพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน คงจะเตรียมตัวพร้อมแล้วสินะ ผมละปลื้มปริ่มกับการเติบโตของน้องคนนี้เหลือเกิน
หึหึ ในที่สุด เวลานี้ก็มาถึง

 ผมเดินเข้าไปยังตัวบ้านที่ถูกทำขึ้นจากฟางเส้นเล็กๆดูก็รู้ว่ามันไม่แข็งแรงแม้แต่น้อย

  ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 “ใครครับ” เสียงหวานดังขึ้นจากในตัวบ้าน

 “ขอฉันเข้าไปหน่อยสิครับ คุณลูกหมูน้อย”

 “หมะ หมาป่า ไม่ได้ครับ ห้ามเข้ามา!!” ผมได้แต่ยิ้มขบขันกับความตื่นตูมของลูอิส น่ารักจริงๆ

 “ถ้าไม่เปิด ฉันจะเป่าให้พังเลยนะ!!” ผมพูดขู่ด้วยน้ำเสียงเข้ม ไม่รู้ว่าป่านนี้จะนอนตัวสั่นอยู่หรือเปล่า

 “อยะ อย่านะ กวะ กว่าผมจะสร้างได้มันนานนะ!!”

 “งั้นก็เปิดให้ฉันเข้าไปสิ” ผมยืนรอคำตอบอย่างสบายใจ

 “ถะ ถ้าผมเปิด คุณก็กินผมน่ะสิ”

 “ไม่หรอก ฉันไม่กินนายหรอก ฉันแค่หนาวมาก ข้างนอกอากาศหนาวจนฉันจะแข็งตายแล้ว” ว่าไปนั่น

 “จระ จริง จริงเหรอครับ เดี๋ยวผมเปิดให้นะ” เสร็จผม

  แอ๊ด...........

 เจ้าลูกหมูค่อยๆโผล่แก้มใสๆออกมาทีละนิดจนผมเห็นแววตาที่หวาดระแวงด้วยความกลัวนั่น ให้ตายเถอะ ผมแทบจะคุมตัวเองไม่ไหวแล้ว

 “เชิญครับ เดี๋ยวผมหาผ้าห่มอุ่นๆมาให้”

 ในระหว่างที่ลูอิหันไปหาผ้าห่มมาให้อย่างที่เจ้าตัวว่า ผมหันไปล็อคประตูอย่างแน่นหนาก่อนจะหันไปกอดรัดร่างขาวเอาไว้ในอ้อมแขน

หมับ!!

 “ปละ ปล่อยผมนะ!!!” ลูอิสดิ้นไปมาอย่างต้องการจะหนีไปจากผม ไม่มีทางหรอกครับ

 “หึหึ หนีไม่รอดหรอกหมูน้อย กลิ่นหอมดีจริงๆ”
ผมก้มลงไปสูดดมแก้มกลมๆนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนที่จะหันไปขบกัดบริเวณลำคอเบาๆ แต่ด้วยผิวที่ขาวของลูอิสจึงเกิดรอยแดงได้ง่ายๆ

 หอม หอมเหลือเกิน

 “อื้อ อยะ อย่ากินผมเลย ผมไม่อร่อยหรอกครับ” ตัวที่สั่นระริกแบบนี้ยิ่งกระตุ้นบางอย่างให้มันทำงานง่ายขึ้น ให้ตายแค่กอดผมก็ตั้งเสียแล้ว

 “อย่ากลัวไป”
ผมวางร่างของลูอิสลงบนที่นอนก่อนจะจับแขนทั้งสองข้างเอาไว้ แรงของหมูตัวเล็กๆหรือจะสู้หมาป่าตัวใหญ่อย่างผมได้

 “เดี๋ยวฉันจะทำให้นายรู้สึกดีที่โดนกิน จนต้องร้องให้กินหลายๆรอบเลยล่ะ หึหึ!!”

  ผมก้มลงปิดปากแดงที่ทำท่าจะร้องออกมาเสียก่อนที่ทันจะได้ออกเสียง ดวงตากลมโตเบิกกว้างจนน่าสงสาร แต่ไม่เป็นไรครับ ผมปลอบเก่ง จากร้องไห้ เดี๋ยวก็ได้ร้องคราง หึหึ ก็ผมมันนักรักนี่ครับ ว่าแล้วก็ขอไปกินหมูขาวก่อนนะครับ หิวแล้ว หึหึ......




TBC



            บอกแล้วว่าแมวจะพาไปแอบดูบ้านลูกหมู นี่แค่ตัวแรกนะค๊าาา สำหรับใครหวังขบวนรถไฟไว้ ต้องขออภัยด้วยที่ทำให้ผิดหวัง ก็แมวเขียนแบบนั้นไม่เป๊นนนน 4P มันยากจริงๆนะคะสำหรับแมว พรุ่งนี้พบกันนะคะ   :katai4:  :katai5:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 1/3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-11-2017 21:34:11
หืม..มมมมมม ข้ามสายพันธุ์กันเลยทีเดียว   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 2/3
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 22-11-2017 11:21:41
ลูกหมูสามตัว 2/3


    --ชาเวซ--
   
              หลังจากที่เราตกลงเรื่องเหยื่อกันเรียบร้อย ผมก็แยกตัวออกมาเดินตามเหยื่อของผม เกิดมายังไม่เคยเจอใครยั่วอารมณ์ได้ขนาดนี้เลย ท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส ความสดใสในตัวหมูน้อยที่ชื่อรีซมันทำให้เนื้อตัวผมสั่นสะท้านไปด้วยความต้องการ หมาป่าสาวๆในหมู่บ้านของผมไม่มีใครกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของผมได้เท่ากับรีซเลย ผมเดินตามดูรีซห่างแต่ก็ไม่ได้ห่างมากมาย เพียงแค่ไม่ให้เจ้าตัวรู้เท่านั้นว่ากำลังถูกตามอยู่
     
    รีซเดินไปลงจากเนินเขาซึ่งผมเดาว่าคงจะไปหาบางสิ่งเพื่อที่จะใช้ในการสร้างบ้าน ผมอยากจะออกไปช่วย แต่ผมรู้นิสัยตัวเองดีถ้าผมออกไป คงไม่พ้นจับรีซกิน

 “คุณลุงครับ คุณลุง”

 “อ้าว.....รีซ ว่าไงมีอะไรให้ลุงช่วยเหรอ” เจ้าหมูแก่ที่กำลังตัดไม้อยู่หันมามอง

 “ผมอยากจะขอซื้อไม้ของคุณลุงหน่อยครับ”

 “เอ้า....เอาสิ ต้องการเท่าไหร่ล่ะ” รีซนิ่งไปสักพัก

 “ไม่ทราบเลยครับ จะสร้างบ้านนี่ผมต้องใช้เท่าไหร่ครับ” รีซถามด้วยความไม่แน่ใจ

 “เอาแบบนี้ ลุงเอาแค่นี้ก็พอ รีซขนไปเท่าที่ต้องการได้เลย” รีซยิ้มกว้างด้วยความดีใจ

 “ขอบคุณครับคุณลุง”

 ผมมองรีซที่ยังคงคุยเรื่องอื่นๆกับเจ้าหมูแก่ตัวนั้นด้วยความไม่สบอารมณ์เลย ผมไม่ชอบที่รีซไปคุยกับใครไม่ชอบที่รีซเอาแต่ยิ้มแบบนี้ให้กับทุกคน และผมไม่ชอบที่ผมเป็นคนที่อยู่ในเงามองเขาอยู่ห่างๆทั้งๆที่จริงๆแล้วผมอยากจะไปดึงเขามาเก็บไว้คนเดียว ไม่ให้ใครได้เห็นเขาอีก

 “กรอด!!! จะคุยกันไปถึงไหนวะ” ผมกำมือทุบต้นไม้อย่างแรงจนมันไหว ไม่รู้หรอกว่ามันทำให้เขาทั้งสองคนสะดุ้งด้วยความตกใจไหม แต่ถ้ามันแยกพวกเขาได้ให้หักมันทั้งต้น ผมก็ทำ!!!
   
       ในที่สุดรีซก็ยอมออกมาจากหมอนั่นเสียทีและมันก็ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นทันตา ผมยังคงใช้เวลาเดินตามรีซอยู่ตลอด กลัวหายครับ ยิ่งน่ากินๆอยู่ด้วย รีซขนไม้ที่ได้ขึ้นเนินเขาไป มือเล็กๆต้องหอบกองไม้คนเดียว ผมแอบเห็นผิวขาวๆเป็นรอยถลอกแดงจากการบาดของกิ่งไม้ อยากจะเข้าไปช่วยเหลือเกิน แต่ก็ได้แต่อดทนเท่านั้น
   
         เมื่อได้เยอะจนพอใจ รีซก็ลงมือสร้างบ้านทันที ผมหลบแดดที่ร้อนด้วยการขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ นั่งมองร่าฃกายขาวบางตรงหน้าที่ขมักเขม่นในการลงมือสร้างที่อยู่อาศัย ก่อเป็นรูปร่างคร่าวๆขึ้นมาให้ได้เห็น รีซใช้มือเล็กหยิบผ้าขึ้นมาซับใบหน้าของตัวเองที่เปียกไปด้วยเหงื่อ ผมนั่งมองรีซอยู่อย่างนั้นจนเย็น เมื่อพระอาทิตย์ตกดินรีซก็เดอนลงจากเนินเพื่อนกลับไปยังบ้านของแม่ตัวเอง ผมเดินตามไปเพื่อให้แน่ใจว่าระหว่างทางรีซไม่ได้โดนใครคาบไปกินก่อนผม เมื่อรีซเดินเข้านไปผมก็เดินกลับไปหาพี่น้องของตัวเอง ผมเห็นชาล็อตที่นั่งหน้าสลดอยู่ตรงหน้าจนผมต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่าฃสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับน้องผมกันเจ้าตัวถึงได้มีสีหน้ากังวลแบบนั้น ผมจึงเลือกที่จะเดินไปหาและทิ้งตัวลงนั่งใกล้ๆอย่างเป็นห่วง ในบรรดาพี่น้องผมเป็นคนที่พูดน้อยที่สุด พี่ชาร์สเป็นคนที่พูดมากที่สุด และชาล็อตจะเป็นเด็กขี้กลัวที่สุด
 
     พอดึกมาขึ้นพี่ชาร์สที่นั่งอยู่ข้างๆก็ชวนชาล็อตคุยให้น้องหายเศร้า ผมรู้ว่าพี่ชาร์สหวังดีอยากให้ชาล็อตเข้มแข็งดูแลตัวเองได้ แต่จากที่ผมดูขนาดตัวของไอหมูยักษ์แล้ว ผมว่ายากที่จะให้ชาล็อตไปสู้มัน ผมนั่งมองพี่ชาร์สไปเรื่อยๆ อยากจะรู้จริงๆว่าพี่ชาร์สจะทำยังไง

 “ทำไม....มันสร้างบ้านบนฟ้าเหรอ”

 ป๊าบ!!

 “ไม่เล่นนะ!! โกรธจริงด้วย” ผมนั่งขำกับมุขของพี่ชายที่พยายามเหลือเกินให้น้องชายขำ แต่แทนที่จะขำน้องกลับฟาดมือลงบนแขนแทน แถมน้องยังงอนใส่อีกด้วย

 “โอ๋ๆ ไหนเล่าสิ หมอนั่นมันสร้างบ้านยังไง”

 “เขาสร้างบ้านกับอิฐ ฮื่อๆ พี่คิดว่าผมจะทำอะไรอิฐแข็งๆแบบนั้นได้ละพี่!!" นั่นไงครับ ไอหมูยักษ์นั่นมันฉลาด พี่ชาร์สตัวดีนั่งหน้าซีดเผือด ผมล่ะอยากจะรู้จริงๆ ระหว่างไอหมูยักษ์กับพี่ชาร์สจอมกระล่อนใครมันจะเหนือชั้นกว่ากัน

 “อะ เอ่อ พรุ่งนี้เราก็ลองเคาะเรียกสิ ถ้าหมอนั่นเปิดก็จับกินเลย!!” เอ้า เอากับพี่ผมสิ แทนที่จะแนะนำวิธีดีๆให้น้องดันเสนอให้ไปเคาะประตู แต่บางทีมันอาจจะดีก็ได้นะสำหรับไอตัวเล็ก วิธีนี้อาจจะดีที่สุด

 “จริงเหรอพี่!!”

 “อื้อ ใช่ไหมเชส แค่เปิดประตูก็กระโดดกัดเลยใช่ไหม”

 “ใช่สิ แค่นั้นชาล็อตก็จะได้กินหมูตัวใหญ่แล้วนะ” ผมยืนยันอีกเสียงจนน้องยิ้มออกมาได้ พวกเราจึงได้แยกย้ายกันไปนอน

         วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมยังคงนั่งเฝ้ารอรีซเช่นเดิม รีซยังเป็นรีซที่แม้จะเหนื่อยและร้อนแค่ไหนก็ยังคงมีรอยยิ้มให้ได้เห็น จนผมเห็นเจ้าหมูอีกตัว ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อลูกอิส หมอนี่มันเหยื่อของพี่ชาร์สนี่ ผมมองทั้งคู่ที่ทักทายกันด้วยรอยยิ้ม

 “รีซ.....บ้านนายสวยจัง”

 “อ้าวพี่ลูอิส บ้านพี่เสร็จแล้วเหรอ” ผมได้ยินเสียงฝีเท้าด้านล่างที่ผมอยู่ผมจึงมองลงไป พี่ชาร์ทยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ มองตรงไปยังหมูน้อยทั้งสองด้วยแววตาที่ทำให้ผมต้องกระโดดลงมา

 “อะแฮ่ม.....หวังว่าพี่คงไม่ยุ่งกับเหยื่อผมนะพี่ชาร์ส” ไม่ได้หรอกครับ สายตาแบบนี้ ผมไม่ไว้ใจ

 “แน่อยู่แล้ว ก็แบ่งกันแล้วนี่”
หึ ให้ในจริงเถอะครับพี่ เพราะต่อให้เป็นพี่ก็ตามผมก็ไม่ยอมปล่อยเอาไว้แน่!!!
พี่ชาร์สเดินตามเหยื่อของตัวเองออกไป ส่วนผมก็ยืนเฝ้าเหยื่อของตัวเองต่อ มันก็แค่รอเวลาเท่านั้น แค่รอให้พระอาทิตย์ตก รีซก็จะเป็นของผมคนเดียว ระหว่างนี้แค่อดทนรอ

 “ในที่สุด ก็ถึงเวลาเสียที หึหึ”
ผมเดินตรงไปยังตัวบ้านที่ถูกทำขึ้นจากไม้ ภายในตัวบ้านนั้นมีสิ่งที่ผมต้องการอยู่ ไม่ว่ายังไงวันนี้ผมก็ต้องได้มา

 “รีซ.......เปิดประตูหน่อย”

 “ใครครับ!” เสียงหวานถามกลับมาอย่างไม่แน่ใจ

 “เปิดสิครับ จะได้รู้ว่าเป็นใคร”

 “เพียซเหรอ ใช่เพียซหรือเปล่า”

   ปัง!!!

 “เปิดเดี๋ยวนี้!!!” ความอดทนผมสิ้นสุดเมื่อได้ยินชื่อของคนอื่นออกจากปากของรีซ นั่นทำให้ผมทุบประตูอย่างแรงโดยไม่กลัวว่ามันจะพังเลยแม้แต่น้อย

 “ออกไปจากบ้านผมนะ!!” เสียตะโกนไล่ดังมาจากข้างใน กับผมนี่ไล่ หรือว่ารอใครอยู่

 ปังๆๆ

 “เปิดประตู!!! ไม่งั้นฉันจะเป่าให้พังไปเลย!!”ผมไม่เคยขู่ และไม่คิดจะขู่ เพราะผมเอาจริงๆ

 “ไม่มีทาง บ้านผมแข็งแรง มันไม่มีทางพังง่ายๆ!!” หึ......สงสัยจพอยากลองดี ได้!!
ผมไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆเพราะผมภนัดทำมากกว่า ในเมื่อเจ้าตัวเขาอยากจะลองของ ผมก็จะจัดให้ ผมถอยออกมาจากตัวบ้านเล็กน้อยก่อนจะหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ๆ

    ผมปล่อยลมออกไปอย่างแรงทำฝห้ตัวบ้านที่ดูไม่ได้แข็งแรงอะไรอยู่แล้วนั่นลู่ไปกับลมจนแทบพัง เสียงร้องของรีซดังเข้ามาในหูผม ผมแค่อยากจะทำให้เจารู้เท่านั้นว่าผมทำได้อย่างที่พูดจริงๆ ผมหยุดเป่าแล้วเดินเข้าไปใกล้ประตูอีกครั้ง

 “เปิด!! ถ้าไม่เปิดคราวนี้จะพังจริงๆ”

 ประตูค่อยๆเปิดออกพร้อมกับรีซที่มีน้ำตานองหน้า ผมมองไปยังร่างของรีซแล้วใจอ่อนยวบ ดวงตารีซเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าผมที่ยืนอยู่หน้าประตูคือหมาป่า และอาจจะด้วยความตกใจทำให้รีบปิดประตูแต่ด้วยความที่ผมเร็วกว่าทำให้รั้งประตูเอาไว้ได้ทัน

 “ออก ออกไปนะ!!” มือเล็กๆพยายามดันประตูให้ปิดอีกครั้งแต่ก็ยังสู้แรงของผมไม่ได้อยู่ดี แน่ละครับ ตัวนิดเดียวจะมาสู้หมาป่าตัวใหญ่อย่างผมได้ยังไง ผมตัดสินใจใส่แรงลงไปให้มากขึ้นจนร่างเล็กๆล้มกองลงไปกับพื้นและนั่นทำให้ประตูเปิดออกกว้างจนผมสามารถเข้าได้ไปผมปิดประตูตาหลังทันทีที่เข้ามาได้

 “อยากินผมเลยนะ ผมไม่อร่อยหรอกนะ ปล่อยผมไปเถอะ” ผมค่อยๆก้าวเข้าไปหาด้วยความเอ็นดู ช่างน่ารักจริงๆ กลิ่นก็ช่างหอมหวาน แปลก.....เพียงแค่ได้กลิ่นก็ทำให้ผมมีอารมณ์ได้ขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับผม

 “จะกลัวทำไม หืม.....มาสิ มานี่มา”

 “ไม่เอา!! ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!!” ผมกัดฟันด้วยความโมโหเมื่อรีซร้องเรียกให้คนมาช่วย ใครก็เข้ามาไม่ได้!!! ผมจับร่างของรีซเหวี่ยงไปบนที่นอนของเจ้าตัวก่อนจะคล่อมร่างรีซเอาไว้ไม่ให้ไปไหน

 “นายร้องหาใคร!! คิดว่าใครมันกล้าเข้ามาช่วยนายงั้นเหรอ!!” รีซได้แต่มองผมอย่างหวาดกลัว ผมไม่สนใจปฏิกิริยาของรีซแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้ผมรู้แค่ว่า รีซเป็นของผม

 “อย่าร้องนะเด็กดี เราจะมีความสุขกันสองคน”

 ผมปิดปากของรีซด้วยริมฝีปากผมไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ส่งเสียงใดๆอีก กลิ่นหอมจากร่างกายยังไม่เท่าควาทหวานจากริมฝีปากที่ผมได้ชิม

 หวานอะไรอย่างนี้

 ผมหลงใหลรสชาติที่ได้ชิมจนไม่อยากผละออกจากร่างบางตรงหน้า ความร้อนรุ่มเล่นงานผมจนปวดไปหมดร่างกายช่วงล่างแทบจะระเบิดและผมคงไม่ปล่อยให้อาหารอันโอชะตรงหน้านี้ไปเป็นของใครเด็ดขาด หึหึ......คนอย่างชาเวซไม่มีวันปล่อยให้ลูกหมูตัวนี้ไปเป็นของคนอื่นอยู่แล้ว หากใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้คงได้ยินเสียงครวญครางของผมและรีซที่ดังตลอดทั้งคืน หึ.....ผมไม่บอกหรอกนะว่ารีซหวานแค่ไหน เพราะผมจะต้องเป็นคนเดียวที่รู้ ว่าแต่.....หาอาหารไม่ได้แต่หาเมียเข้าบ้านได้นี่ แม่จะว่าไงนะ


TBC


ชาเวซรังแกน้องงงงง สงสารรีซเลยใช่ไหมคะ จริงๆถ้าเป็นแมว แมวหมั่นใส้ชาร์สมากที่สุดเลย แล้วทุกคนหมั่นใส้ใครคะ อ๊ะๆ แต่อาจจะยังตัดสินไม่ได้จนกว่าจะได้อ่านเรื่องของชาล็อตสินะคะ วันศุกร์แมวจะมาลงชาล็อตให้อ่านกันนะคะ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์และทุกๆคนที่เข้ามาอ่านค่าาาา    :really2: :pigha2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 2/3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 22-11-2017 11:41:20
สังหรณ์ใจว่าชาล็อต จะเป็นฝ่ายโดนพี่หมูจับกิน  :pigangry2: :pigangry2: :pigangry2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 3/3
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 24-11-2017 10:44:19
ลูกหมูสามตัว 3/3


        —ชาล็อต—


        โอ้ย!!! ทำไมผมต้องซวยได้เหยื่อตัวใหญ่กว่าด้วยนะ ไอดีมันก็ดีที่ได้กินอิ่ม มีกินนานๆ แต่คิดดูสิครับ ผมจะไปล่าหมูยักษ์ยังไง ตัวมันใหญ่กว่าผมตั้งสองเท่า ไม่รู้เป็นหมูหรือตัวอะไรกันแน่ ผมค่อยๆเดินตามหลังไอหมูยักษ์ที่ชื่อลีอองไปเรื่องๆ เห็นมันไปขนหินขนดินมากองรวมๆไว้บนเนินเขา ไม่เข้าใจเลยว่ามันหามาทำอะไร จะด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวหรืออะไรก็ไม่รู้ แต่มันทำให้ไอหมูยักษ์มันถอดเสื้อออกจากตัวไป ผมเห็น.....กล้าม กล้ามทั้งนั้นเลยครับ!! แล้วขี้ก้างอย่างผมมันจะไปงัดกล้ามได้ยังไง!!!! พี่ชาร์สพี่เชส ช่วยชาล็อตด้วยคร๊าบบบบบ

     เจ้าหมูลีอองพยายามก่อรูปร่างของดินและหินที่ตัวเองผสมไว้ให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าก่อนจะนำไปตากแดด อยากจะเดินเข้าไปถามเหลือเกินว่าทำไปเพื่ออะไร เอาเวลาไปสร้างบ้านดีกว่าไหม แต่ก็เท่านั้น ผมกล้าเดินไปที่ไหน แค่วูบหนึ่งที่รู้สึกเหมือนเขามองมาที่ผมก็รู้สึกฉี่จะราดอยู่แล้ว เดินไปหามีหวังอึราดแน่ๆ ผมนั่งเฝ้า นั่งรอจากตะวันตรงหัวจนตะวันเกือบจะลับฟ้ายังไม่เห็นวี่แววว่าหมอนี่จะทำอะไร แต่จู่ๆ....เจ้าหมูยักษ์ลีอองก็หยิบไอสิ่งที่ตากเอาไว้มาก่อเรียงตัวกันขึ้นไปเรื่อยๆจนสูง ให้ตายเถอะ ผมว่าแล้วว่าหมอนี่มันคิดจะทำบ้าอะไรไม่ยอมสร้างบ้าน ที่แท้หมอนี่ก็คิดจะสร้างบ้านจากอิฐนี่เอง แค่ตัวใหญ่ก็ล้มยากแล้วนะนี่ยังจะสร้างบ้านที่แข็งแรงอีก แล้วผมจะเอาปัญญาที่ไหนไปล้มม๊านนน!!!! ชาล็อตเอ้ยชาล็อต เวรกรรมอะไรของแกวะเนี่ย

     พอพระอาทิตย์ตกดิน ผมก็กลับไปหาพี่ชายทั้งสองคนแต่ผมดันมาถึงคนแรกเนี่ยสิ มีใครสนใจผมบ้างไหมว่าเครียดขนาดไหน ผมนั่งจับเจ่าอยู่กับที่ ติดวิธีต่างๆนาๆที่พอจะเอาชนะไอยักษ์ได้ ไม่มีเลย!! ผมคงต้องไปตายสักสองรอบมั้งครับ ถึงจะเอาชนะไอยักษ์ได้

 “แล้วเราละชาล็อต วันนี้เป็นไงบ้าง” ผมเบะปากจะร้องไห้ เมื่อพี่ชาร์สถามจี้จุด

 “พี่ชาร์ส ฮื่อๆ ผมไม่อยากได้เหยื่อตัวนี้แล้วอ่ะ ผมกลัว” แลกกันเถอะนะพี่ แต่ก็พูดไม่ออก

 “อย่าคิดมาก พรุ่งนี้พี่เชื่อว่าเราทำได้แน่” พี่ชาร์สพูดออกมาได้ยังไง ผมปล่อยน้ำตาไหลนองหน้าให้เห็นไปเลยว่าผมร้องไห้เนี่ย

 “พี่ๆไม่มาเห็นบ้านที่ไอหมอนั่นสร้างอย่างผมนี่!!!”

 “ทำไม....มันสร้างบ้านบนฟ้าเหรอ”

  ป๊าบ!!

 “ไม่เล่นนะ!! โกรธจริงด้วย” ผมงอนพี่ชายแล้ว คนกำลังเครียดๆ พูดอะไรก็ไม่รู้

 “โอ๋ๆ ไหนเล่าสิ หมอนั่นมันสร้างบ้านยังไง”

 “เขาสร้างบ้านกับอิฐ ฮื่อๆ พี่คิดว่าผมจะทำอะไรอิฐแข็งๆแบบนั้นได้ละพี่!!" จะใช้ฟันแทะก็กลัวว่าฟันจะหัก จะต่อยให้พังก็กลัวมือหักอีก

 “อะ เอ่อ พรุ่งนี้เราก็ลองเคาะเรียกสิ ถ้าหมอนั่นเปิดก็จับกินเลย!!” จริงด้วย!! ทำไมผมคิดไม่ได้นะ

 “จริงเหรอพี่!!”

 “อื้อ ใช่ไหมเชส แค่เปิดประตูก็กระโดดกัดเลยใช่ไหม”

 “ใช่สิ แค่นั้นชาล็อตก็จะได้กินหมูตัวใหญ่แล้วนะ” นั่นสินะ แค่เคาะประตู พอเจ้ายักษ์นั่นเปิดผมก็กระโดดเขใส่ แค่นี้ก็ได้กินหมูแล้ว พอสบายใจผมก็เริ่มง่วงเลยแยกย้ายกับพี่ๆไปพักผ่อนเอาแรง สบายใจจัง พรุ่งนี้ก็มีหมูตัวใหญ่ๆกินอิ่มท้องแล้ว

          เบื่อจังเลย เบื่อจังเลย อยากกินหมูจังเลย เมื่อไหร่จะถึงเวลานะ ผมอยากกินแล้ว ท้องผมร้องบอกว่าหิว ยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากกิน แต่ใจหนึ่งผมก็กลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะสู้หมูใหญ่ลีอองไม่ได้

 “เคาะประตู แล้วกิน เคาะประตู แล้วกิน เคาะประตูแล้วกิน” ระหว่างที่สองตามองตรงไปยังร่างไอหมูยักษ์ ปากผมก็ท่องวิธีที่พี่ชาร์สบอกกันลืม

 “เป็นไงบ้างชาล็อต”

 “พี่ชาร์ส ผมรอเวลาอยู่ครับ แต่ผมจำที่พี่บอกได้นะ เคาะประตูแล้วกิน ผมจำได้” ผมส่งยิ้มกว้างให้พี่ชายด้วยความตื่นเต้น

 “ดีแล้วๆ เด็กดี เดี๋ยวพอพระอาทิตย์ตกดินก็เดินเข้าไปจัดการเลยนะ เข้าใจไหม”

 “ครับพี่”

 พระอาทิตย์ตก แค่พระอาทิตย์ตกดินผมก็จำด้กินแล้ว ดีใจจัง ตื่นเต้นจังเลย ผมนั่งรอแล้วรอเล่ารอจนเจ้าหมูตัวใหญ่นั่นสร้างบ้านจนเสร็จ สวยชะมัด ผมเห็นแล้วอดทึ่งในความอดทนของมันไม่ได้ คิดๆดูแล้วหมอนี่ก็ฉลาดใช่ย่อยนะ หินเอาดินมาสร้างก่อรูปก่อร่างให้เป็นอิฐแล้วเอามาสร้างบ้านต่อ แข็งแรงทนทานเสียด้วย

 “อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว เย้ พระอาทิตย์ตกแล้ว!!!” ผมเดินตางไปยังตัวบ้านตรงหน้า ตอนเดินมาก็ดีหรอก แต่พอมาถึงนี่สิ ทำไมตัวผมสั่นละ

  ก๊อก ก๊อก ก๊อก

 ผมเคาะประตูเสียงไม่ดังมากนักด้วยมือที่สั่น แต่รอแล้วรอเล่า เจ้าหมูก็ไม่ยอมเปิดประตูให้ผม ทำไงดี ก็พี่ชาร์สบอดให้เคาะพอเปิดแล้วกิน เคาะแล้วไม่เปิดแบบนี้ผมควรทำไงล่ะ ระหว่างที่คิด ผมดันเหลือบไปเห็นปล่องไฟที่หางตา ความคิดชั่ววูบดันขึ้นมาในสมองเสียอย่างนั้น

 “เอาวะ!! ปีนก็ปีน!”

 ผมตัดสินใจปีปล่องไฟ ในเมื่อเจ้าหมูลีอองไม่ยอมเปิดประตู ผมก็ต้องเสี่ยงปีนเข้าไปเท่านั้น โชคดีที่ไม่ได้มีการจุดไฟใดๆ ไม่งั้นผมคงกลายเป็นหมาป่าย่างสดไปแล้ว พอแอบเข้ามาได้ ผมก็ค่อยๆเดินหาไปหมูยักษ์ทันที บ้านก็ไม่ได้กว้างอะไรมากมาย แล้วอยู่ๆหมูยักษ์มันหายไปไหนได้

 “จ๊ะเอ๋....”

 “เฮ้ย!!!” ผมแทบจะกระโดดหนีทันที ติดอยู่ที่ว่า ไอหมูลีอองมันดันกอดผมเอาไว้จากทางด้านหลังเนี่ยสิ

 “ปล่อยนะ ปล่อยนะไอหมูยักษ์ ไม่งั้นจะจับกินนะ!!” ผมขู่มันรู้ดีครับว่าเสียงตัวเองสั่นแค่ไหน

 “หึหึ อยากกินเหรอ”

 “อยากกินสิ จะให้เรากินเหรอ” ผมหยุดดิ้นทันทีที่ไอหมูมันถามราวกับว่าจะให้ผมกินมันง่ายๆ

 “ให้สิ ให้กินแน่นอน” มือใหญ่ค่อยเกลี่ยผมของผมให้ออกไปพ้นหน้า ทำไมไอหมูนี่มองผมด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนเวลาที่พี่ชาร์สมองสาวๆเลย

 “จริงนะ!! เราสัญญาเลยว่าเราจะกินเบาๆ ไม่ให้นายเจ็บเลยนะ!!” ผมยิ้มออกมาอย่างดีใจ ในที่สุดก็จะได้กินแล้ว

 “กินแรงๆก็ได้ เราชอบ” ไอหมูบ้านี่ทำไมมันต้องมากระซิบข้างๆหูผมด้วยนะ ผมย่นคอหนีเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจร้อนที่สัมผัสผิวแก้มของผม

 “กินได้เลยไหมอ่ะ เราหิวแล้ว”

 “ได้สิ แต่ต้องกินส่วนนี้ก่อนนะ” ผมมองตามมือใหญ่ที่ปลดกางเกงลงจนเห็นส่วนสำคัญของความเป็นชายตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า

 “ตะ แต่เราไม่ชอบกินตรงนั้น” ผมไม่อยากกินเลยอ่ะ กินพวกแขนหรือขาไม่ได้เหรอ

 “อร่อยนะ กินๆไปสักพักจะมีน้ำหวานออกมาด้วย” ผมตาโตเมื่อเจ้าหมูยักษ์พูดถึงน้ำหวาน ผมชอบของหวานๆ

 “จริงๆเหรอ”

 “จริงสิ มาสิ มาลองกินมันดู”

 “ก็ได้” ผมคุกเข่าลงไปที่เจ้าตัวใหญ่ที่ใช้สองมือของผมกอบกุมเอาไว้ไม่หมด

 “แต่ว่าเวลากินเนี่ย ห้ามกัดนะ ต้องดูดและอมมันเท่านั้น”

 “ทำไมล่ะ!” ไม่กัดแล้วจะกินยังไง

 “เพราะถ้ากัดละก็ น้ำหวานก็จะไม่ออกมา”

 เอาวะ ไม่กัดก็ไม่กัด เอ่อ.....ต้องทำไงบ้างนะ อมกับดูด ผมค่อยๆเอาความใหญ่โตนั่นเข้าไปในปากอย่างช้าๆ มันใหญ่จนคับไปทั้งปาก ผมอึดอันจนอยากจะเอาออกแต่พอผมดึงออกได้เกือบหมด มือใหญ่ก็กดหัวผมลงไปอีก

 “อา”

 ผมเลยจำใจต้องดูดและอมมันไว้อย่างนั้น แม้ว่ามันจะอึดอัดแค่ไหนก็ตาม ผมดูดส่วนปลายอย่างแรงมือก็ประคองความใหญ่โตนั่นเอาไว้ให้ดูดได้อย่างถนัดๆ

 “ซี๊ด ดี เลียหน่อยสิครับ”

 ผมเหลือบตาขึ้นมองเห็นไอหมูยักษ์เงยหน้าขึ้นซูดปากร้องคราง หรือว่ามันเจ็บ เลยให้ผมเลีย เอาวะ ถือว่าทำบุญ ดันไปบอกมันไว้ด้วยสิว่าจะกินไม่มห้เจ็บ ผมตวัดลิ้นเลียไปรอบๆส่วนปลายสุดก่อนจะใช้ลิ้นเลียไปตามรอยแยกจนได้ยินเสียงครางดังลั่น

  “อ๊า ดีจังเลย ดูดแรงๆเข้าไว้นะครับ น้ำหวานจะได้ออกมาเร็วๆ”
ผมรีบดูดความใหญ่โตนั่นอย่างรวดเร็ว กลัวว่าหากปล่อยไว้นาน น้ำหวานของผมจะแห้งหายไปเสียก่อนเนี่ยสิ

 “อู้ๆ อื้อ” มือหนาจับศีรษะของผมเอาไว้ก่อนจะดันเข้าออกอย่างรวดเร็วจนหายใจไม่ออก ผมพยายามดันร่างของไอหมูยักษ์ออกแต่ก็สู่แรงมันไม่ได้ มือที่จับศีรษะของผมโยกเข้าออกเริ่มแรงขึ้นๆจนผมหายใจไม่ออกและอยากจะอ้วก เพราะรู้สึกว่ามันเข้าไปลึกจนเกือบจะถึงคอหอยผมอยู่แล้ว

 “มันจะออกมาแล้ว กินให้หมดเลยนะ อ๊า!!”
น้ำหวานอุ่นๆถูกฉีดเข้าไปในโพรงปากของผมเป็นระยะๆจนหมด ผมค่อยๆกลืนมันลงคอทั้งๆที่ไอหมูบ้านี่ยังไม่ยอมถอนความใหญ่โตออกจากปากผมไปด้วยซ้ำ

 หวานจริงด้วย

 พอเห็นว่าผมดูดน้ำหวานจนหมดแล้วทุกหยดหยาด ไอหมูลีอองก็เอามันออกจากปากผมไป

“แค่กๆ”

 ผมสำลักความคาวที่คละคลุ้งออกมาจากปากจนแตะจมูก ถึงรสมันจะหวาน แต่กลิ่นแบบนี้ผมไม่เอาแล้ว หมูลีอองจับแขนผมให้ลุกขึ้นทั้งๆที่ยังไม่หยุดไอด้วยซ้ำ

 “ต่อไปก็ได้เวลากินจริงๆแล้วนะ”

ผมตาโตด้วยความดีใจ เนื้อหวานๆ ผมจะได้กินเนื้อหวานๆเสียที หมูลีอองพาผมไปนั่งบนเตียง ผมไม่เข้าใจเลย ทำไมต้องกินบนเตียงด้วย แต่สงสัยได้ไม่นานร่างผมก็ถูดกดให้นอนลงไปตามด้วยร่างของหมูลีอองที่ทับลงมา

 “ทำอะไร!! ไหนบอกมห้เรากินนายไง!!!” ผมโวยวายดิ้นไปมาให้หลุดออกจากการทาบทับนี้

 “ก็กำลังจะให้กินไง อยู่นิ่งสิครับ รับรองว่าคืนนี้ได้กินจนอิ่มแน่ๆ” น้ำเสียงที่ไม่น่าไว้ใจและความเสียเปรียบของผมตอนนี้ทำให้ผมไม่เชื่อที่หมอนี่พูดอีกแล้ว ผมจึงใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีพยายามดึงตัวเองออกมาให้ได้แต่ก็มาไม่สำเร็จ

 “ปล่อยนะ พี่ชาร์ส พี่เชส ช่วยชาล็อตด้วย!!!” มือทั้งสองข้างของผมถูกหมูยักษ์จับเอาไว้ข้างตัวแน่น ดึงเท่าไหร่ก็ไม่ออก ใบหน้าของไอหมูบ้าก้มลงมาจนริมฝีปากของผมกับไอหมูบ้าแตะกัน ผมพยายามเม้มปากแร่ไม่ยอมให้อีกฝ่ายดูดดึงหรือทำอะไรตามใจชอบได้ แต่ไม่ได้ผล เพราะผมโดนปลายลิ้นของไอหมูบ้าไล้เลียกลีบปากบางของผม บ้างก็ดูดดึงมันราวกับว่าถูกใจ

 “อื้อ!!!” เมื่อเห็นว่าผมคงไม่ยอมเปิดปากง่ายๆ เจ้าตัวจึงใช้ฟันกัดลงมาอย่างแรงจนผมต้องยอมเปิดปากรับลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาแทน ความหวานละมุนทำให้ผมตาลาย ในหัวมันขาวโพลนจนผมไม่มีสติพอจะดิ้นรนใดๆอีก ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าจูบตอบอีกฝ่ายไปเมื่อไหร่ ผมมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างกายของผมไม่เหลือแม้แต่เสื้อผ้าสักชิ้นปกปิดร่างกาย

 “ยะ อย่า”

  ผมส่ายหน้าไปมา ส่งเสียงห้ามทัเงๆที่รู้ส่าไม่ได้ข่วยอะไร ไอหมูบ้าดูดเม้มยอดอกผมจนเกิดเสียดัง ความรู้สึกราวกับถูกช็อตทำให้ผมสะดุ้งพยายามแอ่นอกหนีริมฝีปากและลิ้นร้อนๆนั่น แต่มือผมถูกกดเอาไว้จึงทำได้เพียงแค่แอ่นอกขึ้นเท่านั้น

 “หึหึ”

 จุ้บ จ๊วบ

 “อย่า อื้อ พอแล้ว”

 ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมร่างกายผมถึงได้ร้อนรุ่มขนาดนี้ ผมรู้สึกว่ามีบางอย่างในร่างกายของผมตื่นตัวขึ้น มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

 “หึหึ ตั้งเชียวนะ หื่นไม่ใช่เล่น ขอชิมน้ำหวานหน่อยนะครับ”

 “อยะ อ๊า!!!”

 ผมถูกริมฝีปากร้อนๆครอบครองตัวตนเข้าไปจนสุด รู้สึกได้ถึงความร้อนและความนุ่มภายในปากที่ทำให้ผมปลดปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว

 “เสร็จเร็วจัง แต่หวานดีนะ” ไอหมูบ้าเลียปากตัวเองอย่างชอบใจ ปล่อยให้ผมนอนหมดแรงหอบหายใจและมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่ทันจะได้ตั้งตัว นิ้วมือของไอหมูบ้าก็สอดแทรกเข้ามาในพื้นที่ต้องห้ามของผม

 “ทำอะไร เอาออกไปนะ!!”

 ผมดิ้นรนหนีแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มือหนาขยับนิ้วเข้าออกอย่างเร็วจนรับรู้ได้ถึงเสียงตามจังหวะที่มันดังออกมา

 “อื้อ เอาออกไป อ๊ะ!”

 “เด็กดี นิ่งๆสิครับ”

 นิ้วที่ถูกเพิ่มจากสองเป็นสามนิ้วทำให้ผมขยับสะโพกตาม ส่วนที่อ่อนลงไปกลับมาชูชันขึ้นอย่างเช่นก่อนหน้านี้ ทำไมกัน เพียงแค่นิ้วมือของไอหมูบ้านี่กลับทำให้อารมณ์ที่ถูกปลดปล่อยไปของผม กลับมาร้อนรุ่มอีกเช่นอีกครั้ง

 “น่าจะพร้อมแล้วล่ะ ถึงเวลากินแล้วนะ กินให้หมดนะครับ”
ผมไม่เข้าใจ กินอะไรที่เขาหมายถึง จนเมื่อนิ้มมือถูกถอดออกไปความใหญ่โตก็เข้ามาแทนที่

 “โอ๊ย!! เจ็บ ไม่เอานะ เอาออกไปนะ!!!” ผมทุบตีไปตามร่างกายของไอหมูบ้า แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านใดๆเลย

 “ชู่ว์.....เพิ่งจะกินไปได้นิดเดียวเอง อา....แน่นดีจัง”
ผมเจ็บจนร้าวไปถึงกระดูกสันหลัง เพียงแค่ขยับตัวนิดเดียว ความเจ็บปวดก็เข้ามาเล่นงานผม ไอหมูบ้าแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างกระหายในอะไรบางอย่าง ซึ่งผมคิดว่ามันคงไม่ดีกับผมแน่

 “โอ้ย หยุดนะ โอ้ย อ๊ะ!”

 แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิด ไอหมูบ้าหยัดกายเข้ามาในตัวผมทีเดียวจนจุก ผมรับรู้ได้ถึงบริเวณด้านหลังที่กำลังเต้นตุบๆด้วยตวามเจ็บปวด ยิ่งเจ็บผมยิ่งทำทุกอย่างให้คนที่ทาบทับผมอยู่เจ็บไปด้วย

 “อูย.....รัดแน่นไปแล้ว ฮืม!!!!”

 เสียงคำรามดังข้างๆหูจนผมนึกกลัว แต่ไม่มีอะไรทำให้ผมกลัวได้เท่ากับความเจ็บปวดที่เพิ่งเจอไปเมื่อกี้อีกแล้ว

 “เจ็บ หยุดนะ อ๊ะ!!”

 จู่ๆความรู้สึกเจ็บก็แปรเปลี่ยนไปเมื่อไอหมูบ้าลีอองมันขยับให้ความใหญ่โตนั้นเข้าออกภายในร่างผม

 “อะ อะไรน่ะ อื้อ!!”

 “ซี๊ด อา รัดดีจังเลยครับชาล็อต”

 ไอหมูบ้า ไม่อยากได้ยินเสียหน่อย ลมหายใจผมหอบถี่ขึ้นเช่นเดียวกับความร้อนในร่างกาย ยิ่งเมื่อไอหมูบ้าเร่งจังหวะมากขึ้นแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ยิ่งทำให้ผมลืมตัวเผลอครางออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ฝ่ามือของไอหมูบ้าจับหน้าผมให้หันไปรับจูบดูดดื่มที่เจ้าตัวมอบให้ ลิ้นของผกับมันเกี่ยวกระหวัดกันจนไม่รู้ว่าน้ำลายใครเป็นน้ำลายใคร ในขณะที่สะโพกของไอหมูบ้ายังคงเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆจนเราทั้งคู่ปลดปล่อยออกมาเมื่อถึงฝั่งฝัน ผมคิดอะไรไม่ออกได้แต่นอนนิ่งให้ไอหมูบ้ากอดรัดร่างก่ยตัวเองเอาไว้ด้านหลังไม่ได้หลบเลี่ยงแม้แต่ริมฝีปากที่พรมจูบไปตามไหล่บางขอฃผม เหนื่อยจนอยากจะพัก เจ็บจนอยากจะนอน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เมื่อไอหมูบ้าที่ยังอยู่ในตัวผมเริ่มขยายตัวอีกครั้ง การกินของผมเป็นไปตามที่ไอหมูลีอองมันพูดจริงๆ ผมนี่กินจนอิ่มเลยครับ ไม่รู้กี่รอบ ขนาดผมหลับไปแล้วมันยังไม่ยอมหยุด ยังไงขอตัวไปนอนก่อนนะครับ เพลีย!!




         
  The End
[/b][/size]



ของแถมท้ายบท.....

 “แม่!! ผมกับน้องๆกลับมาแล้ว!!” หายไปไหนนะ ไม่นานแม่ก็เดินออกมา

 “อ้าว มาแล้วเหรอลูก ว้าว!! นี่พวกลูกหาหมูได้ตั้งสามตัวเลยเหรอ ดีเลยๆ แม่กำลังหิว ขอแม่กินหน่อย”

 “ไม่ได้//ไม่ได้นะ//กินไม่ได้!!!” ผมกับพี่ๆพูดพร้อมกันทันที พี่ลูอิสกับพี่รีซหลบหลังพี่ชายของผมทั้งสองคน ส่วนลีอองดึงผมเข้าไปกอดไว้ ไม่ใช่เพระกลังหรอกครับ ไอหมูนี่มันชอบแต๊ะอั๋งผม

 “ทำไมล่ะ” แม่คงจะสงสัยมากแน่ๆ

 “แม่ครับ จริงๆพวกผมไม่ได้อาหารกลับมาบ้านหรอกครับ” พี่ชาร์สพูดขึ้น แต่แม่กลับงงหนักเข้าไปอีก

“ก็เห็นๆอยู่นี่ ลูกเล่นอะไรของลูกชาร์ส”

 “คือ จริงๆแล้ว เอาวะ!! แม่ครับนี่ลูอิสเมียผม”

“ห้ะ!!” แม่เหวอไปเลยครับงานนี้ แต่ก็ยังหันไปทางพี่เชส

 “เอ่อ นี่ก็เมียผมครับแม่ ชื่อรีซ” หนักเลยครับ แม่ตาค้างไปแล้ว

 “แม่คร๊าบ นี่ลีออง เป็น...” ผมกัดปากพูดไม่ออก พอเห็นแววตาของแม่แบบนั้น

 “เป็นผัวลูกแม่ครับ”

 “เฮ้ยๆ / เย้ย!! / ว๊าก!!” รีแอคชั่นผมกับพี่ๆนี่แทบจะคนละแนวเลยครับ ไอพี่ชาร์สไม่คิดว้ามันจะพูดออกมา ส่วนพี่เชสตกใจคงนึกว่ามันเป็นเมียผม (พี่เอาอะไรคิดวะ!!) ส่วนผมตกใจที่มันประกาศออกไปโต้งๆแบบนั้น

“มะ เมีย ผะ ผะ ผัว เอิ๊กกกกก”

 ตึง!!

 “แม่!!!!” ผมสามคนเรียกแม่สุดเสียงก่อนจะเข้าไปดูแม่ที่หงายท้องล้มตึงไปกับพื้น ดีจริงๆครับครอบครัวผม แม่ให้ไปหาอาหารมากิน ดั๊นนน ไปหาเมีย(ผัว) อาหารก็ไม่ได้ แถมได้ลูกเขยลูกสะใภ้เข้าบ้านซะงั้นแม่ผมคงช็อคมาก หึหึ ผมขอตัวไปดูแม่ก่อนนะครับ




          ชาล็อตมาแล้วค่าาาา เป็นไงบ้างคะ ถูกใจกันไหม ไหนใครอยากได้พี่น้องคนไหนกันเอ่ย แมวถามหน่อย ถ้าbeauty and the beast เวอร์ชั่นของวอลดิส แล้วแมวเอามาเรียงใหม่มันจะได้ไหมคะ กลัวมีปัญหาจังเลย ถ้ามันโอเค เรื่องหน้าเราเจอ beauty and the beast แน่นอนค่าาา แต่ถ้าไม่......แมวคงมาแจ้งอีกทีนะคะ  :hao5: :o12:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 3/3
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 24-11-2017 11:31:53
ตลกแม่จังเลย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 3/3
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 24-11-2017 12:23:22
ไม่มีปัญหา เอาเลยๆ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 3/3
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 24-11-2017 14:16:34
น่ารักทุกคู่  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 3/3
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-11-2017 21:10:03
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 3/3
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 28-11-2017 20:33:03
กรี๊ดดดดด. ชอบลูกหมูเวอร์นี้มากมาย 

รอเบลนะ เราชอบเบล  :mew3:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน ลูกหมูสามตัว 3/3
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-12-2017 23:26:02
รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ประกาศสำคัญสำหรับวันพรุ่งนี้
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 07-12-2017 22:04:06
และแล้วเราก็เดินทางมาจนถึงปลายทาง เรื่องที่แมวจะลงวันพรุ่งนี้คือเรื่องสุดท้ายของเรื่องสั้นนี้แล้วนะคะ ขอบพระคุณที่ติดตามเรื่องสั้นเรื่องนี้มาตลอด กราบขอบพระคุณทุกท่านจริงๆค่ะ แต่แมวรับรองเลยว่า แมวจะมีเรื่องอื่นๆอีกแน่นอน เพราะตอนนี้ แมวกำลังแต่งอยู่เลย เย้!!~ พบกันพรุ่งนี้กับ beauty and the beast ครัชท่าน!!
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ประกาศสำคัญสำหรับวันพรุ่งนี้
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-12-2017 22:33:33
 :catrun:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 08-12-2017 10:04:35
โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 1/2


          “อ๊ากกกก!!!!” เสียงร้องดังไปทั่วจนทำให้เหล่าฝูงนกบินหนีไปด้วยความตกใจ สัตว์เล็กสัตว์น้อยต่างหาที่หลบซ่อนกายให้พ้นจากสิ่งนั้น ไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร ร่างสูงใหญ่ ฟันที่แหลมคมกับกรงเล็บนั่น ไหนจะดวงตาสีทองคู่นั้นที่หากได้ลองจับจ้องไปที่เหยื่อแล้ว เชื่อว่าไม่มีผู้ใดจะสามารถรอดพ้นไปได้ ชายป่าตะวันตก สิ่งลึกลับนั่นคืออะไรกันนะ


      ยามเย็นของวันอันสดใสของข้าช่างไม่น่าอภิรมย์นัก ชาวบ้านต่างมองข้าด้วยแววตารังเกียจแต่ข้าหาแคร์ไม่ เพราะสิ่งที่ข้าสนใจนั้น.....มันได้มาอยู่ในมือของข้าแล้ว

 “อลิซ อา....ข้าชอบเรื่องนี้จริงๆ”

 ใครจะคิดว่าคนอย่างข้าจะสนใจแต่หนังสือ ทุกๆวันของข้าจะหมดไปกับการใช้เวลาว่างกับหนังสือพวกนี้ ข้าไม่สนใจหรอก หากไม่มีใครคิดจะคุยกับข้า อาจจะเป็นเพราะพ่อข้าเป็นนักประดิษฐ์ที่เก่งแต่ทุกคนกลับไม่เห็นมัน พวกเขาเอาแต่เรียกพ่อข้าว่า ตาแก่สติฟั่นเฟือน ส่วนข้ายิ่งแล้วใหญ่ การที่หมกตัวอยู่แต่กับหนังสือทุกวันๆ มันทำให้ทุกคนมองข้าเป็นตัวประหลาด จะมีเหลือก็แต่เขา......ชายผู้เป็นที่หมายปอง แต่ไม่ใช่ของข้านะ!!!

 “เบลล์ จะไปไหน ให้ข้าไปส่งไหม” สเวน คือผู้ชายร่างใหญ่ที่คอยตามข้าจนน่ารำคาญ

 “ไม่ต้องหรอก ขอบคุณ ข้าเพียงจะกลับบ้านเท่านั้น”

 “ข้าไปส่งเจ้าจะปลอดภัยกว่านะ”

 อยู่กับเจ้าน่ะสิที่อันตราย

 ข้าเพียงส่ายหน้ากับความหวังดี(?)ของสเวนที่ข้าไม่อาจ(สนใจ)จะรับไว้แม้แต่น้อย สเวนกับข้าเราโตมาในหมู่บ้านด้วยกัน ก่อนหน้านี้สเวนไม่แม้แต่จะแลข้าด้วยซ้ำ แต่เมื่อข้าเติบโตจนอายุครบ16ปี ท่าทีของสเวนที่มีต่อข้าก็แปลกไป

 “ไม่เป็นไร เดินแค่ไม่กี่เก้าก็ถึงบ้านข้าแล้ว อีกอย่าง.....ข้าเองก็โตมาจากที่นี่ คงไม่มีอะไรอัตรายกับข้า” นอกจากเจ้าหรอก หลายต่อหลายครั้งที่ข้าถูกสเวนชวนไปขี่ม้าด้วยกันสองคน แค่ข้าหรือจะไป ไม่มีทาง หากข้าต้องการจะขี่ม้า ข้าขี่เองคนเดียวยังสนุกกว่าเลย ข้าเดินหนีสเวนมาโดยไม่สนใจว่าเขาจะมองข้าเช่นไร แต่อย่างน้อยเขาไม่ตามข้ามาก็เพียงพอแล้ว

 “พ่อ.....ข้ากลับมาแล้ว”

 “เบลล์ มาดูนี่สิ้บลล์ พ่อทำสำเร็จแล้วนะ ในที่สุดพ่อก็ทำได้” ข้าเบิกตากว้างดีใจกับสิ่งที่ท่านพ่อบอก

 “จริงหรือครับ!!”

 “จริงสิ คราวนี้แหละ ทุกคนจะต้องตะลึงกับงานของพ่อชิ้นนี้ พ่อจะต้องรีบไปแล้ว” พ่อข้ามองหาบางสิ่งรอบตัวจนข้ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ เก็บเองแท้ๆ กลับลืมเสียได้

 “นี่ครับพ่อ” ข้าส่งเสื้อคลุมให้พ่อ

 “โอ้......ขอบใจมากเบลล์ แล้วพ่อจะรีบกลับ พ่อจะซื้อของมาฝากเจ้านะ” ข้าโบกมือให้ท่านพ่อที่รีบกระโดดขึ้นหลังม้าก่อนจะทยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ต่อไปนี้ก็จะไม่มีใครเรียกพ่อของข้าว่าตาแก่สติฟั่นเฟือนอีกแล้ว
ข้าเดินเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้งหยิบหนังสือเล่มหนาที่เพิ่งได้มาจากตลาดขึ้นมาอ่านฆ่าเวลา ข้าเชื่อว่ามันต้องผ่านไปได้ด้วยดี ความท้าทายของหนัฃสือเล่มใหม่ทำให้เลือดในกายข้าสูบฉีด เพียงแค่อ่านไปได้แค่หนึ่งหน้าเท่านั้น กลับทำให้ข้ารู้สึกราวกับว่าได้หลุดเข้าไปอยู่ในหนังสือเสียเอง ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่ข้าจดจ่ออยู่กับหนังสือนั่นเพราะตอนนี้ข้าเริ่มเห็นตัวหนังสือนั้นเลือนลางไปหมด จนในที่สุดความมืดมิดก็เข้ามาบดบังทุกสิ่ง แต่การผจญภัยของข้ามันเริ่มจากนี้ต่างหาก......


         เสียงนกร้องและแสงแดดสาดร้องเข้ามาจนข้าต้องใช้มือป้องแสงนั้น อา....นี่ข้าหลับคาหนังสือเลยหรือนี่ ดีที่ข้าไม่ได้ทำน้ำลายไหลลงบนหนังสือไม่เช่นนั้นข้าคงเสียดายแย่
แปลกจริง....ทำไมป่านนี้พ่อข้ายังไม่กลับมาอีกนะ
ยิ่งคิดข้าก็ยิ่งแปลกใจ ข้าได้แต่เดอนออกไปรอพ่ออยู่ที่ด้านนอกของตัวบ้าน ชะเง้อคอมองรอคอยให้ร่างของพ่อปรากฏ แต่มันก็เป็นได้แค่สิ่งที่ข้าคิดเท่านั้น เพราะความจริงไม่มีแม้แต่เงาของพ่อข้าเลย เกิดอำรขึ้นหรือเปล่านะ

 “อรุณสวัสดิ์ เบลล์” เฮ้อ....เสียงแบบนี้ สเวนอีกแน่ๆ ข้ากรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย

 “เช่นกันสเวน เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” สเวนยื่นดอกไม้สีแดงให้ข้า ให้ข้าเนี่ยนะ!!

 "อะไร???”

 “ดอกไม้ ข้าซื้อมันมาให้เจ้า” ข้าเพียงแค่มองเท่านั้นไม่ได้รับดอกไม้ตรงหน้ามาถือจนสเวนหัวเราะออกมาอย่างไม่ถือสา

 “ไม่อยากได้หรือเบลล์ ข้าจำได้ว่าเจ้าชอบ” ข้าเลิกคิ้วขึ้นมอง แปลกใจที่เขาจำเรื่องนี้ได้ ข้าคงเชื่อไปแล้วหากสายตาข้าไม่บังเอิญไปเห็นใครอีกคนที่หลบอยู่ตรงพุ่มไม้ เจ้าทึ่มเอ้ย ชอบเขาแล้วไปบอกเขาทำไมเล่าว่าข้าชอบอะไร

 “ขอบใจนะ แต่ข้าเลิกชอบมันไปแล้ว” สเวนดูแปลกใจก่อนจะหันไปคาดโทษใครอีกคนที่หลบอยู่

 “อะแฮ่ม!! เอาตรงๆเลยนะ คือข้าอยากจะขอเจ้าแต่งงาน” นี่คือสิ่งที่ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยิน แน่นอนมันทำให้ข้าแปลกใจ และใครอีกคนเศร้าลงทันตา

 “ข้าไม่แต่งกับเจ้าหรอก”

 “นะ นี่เจ้า เจ้าปฏิเสธข้า?” ทำไมต้องทำเสียงแปลกใจ

 “ใช่สิ คำว่าไม่แต่งแปลเป็นอย่างอื่นได้ด้วยหรือ” ช่างน่าตลกเสียจริง สเวนไม่เคยมองข้างๆเลยว่ามีใครอีกคนที่เฝ้ามองตัวเขาอยู่ ใครบางคนที่ทุ่มเททุกๆอย่างให้ไปจนหมด แม้แต่หัวใจ

 “ข้าคือชายที่ใครๆก็หมายปอง!!! เจ้ากล้าดียังไงถึงปฏิเสธข้า!!”

 “ข้าไม่ได้ชอบเจ้านี่ ทำไมข้าต้องแต่งกับเจ้าด้วย ถ้ามีคนอยากแต่งกับเจ้าเยอะเจ้าก็ไปแต่งกับคนอื่นเสียก็สิ้นเรื่อง” ข้ามองไม่เห็นเลยว่ามันยากเย็นตรงไหน ที่สงสัยมากกว่าคือทำไมสเวนจะต้องโกรธเสียมากมายขนาดนั้น

 “แต่เจ้าคือคนที่งดงามที่สุดของหมู่บ้าน! เพราะแบบนั้นเจ้าจึงเหมาะสมที่สุดที่จะมาเป็นภรรยาของข้า” อ๋อ....แบบนี้เอง

 “เสียใจด้วย คำตอบของข้ายังไงก็ไม่เปลี่ยน”
ข้าไม่สนใจสเวนที่ยืนระบายอารมณ์กับต้นไม้น้อยใหญ่พวกนั้น แต่ข้ากลัวว่าสเวนจะลงมือกับเขา บิลล์ เจ้านั่นตัวก็เล็ก แรงก็ไม่มี สมองยิ่งแล้วใหญ่ ทุกวันนี้ทำได้แค่เดินตามสเวนต้อยๆ ข้าเห็นแววตาอิจฉาทุกครั้งที่สเวนคุยกับข้า จับมือข้า ข้าไม่เข้าใจเลยว่าบิลล์รออะไร ตัวบิลล์เองก็ใช่ว่าจะขี้เหร่เสียเมื่อไหร่ ข้าส่ายหน้ากับความชุลมุนวุ่นวายของหัวใจคนอื่นแล้วตัดสินใจเดินเข้าบ้านไปแทน

 ฮี่~ ฮี่~

 เสียงม้า ข้ารีบวิ่งออกไปดูเผื่อพ่อจะกลับมาบ้าน หากแต่ข้ากลับพบเพียงเจ้าจอร์ชม้าที่พ่อข้าขี่มันออกไป ถ้าจอร์ชอยู่นี่ แล้วพ่อข้าละ พ่อข้าไปไหน!

 “จอร์ช! พ่อข้าละ พ่อข้าอยู่ไหน!!”

 “ฮี่!!” อะไรกัน ไออาการสะบัดหัวสะบัดหางแบบนี้ หรือว่ามันต้องการให้ข้าขึ้นหลังมันไป

 “เจ้าต้องการให้ข้าขี่เจ้างั้นเหรอ”

 “ฮี่!!!”

 ข้าคงบ้าไปแล้วที่ยืนคุยกับม้าแบบนี้ แต่นาทีนี้ต่อให้ใครหาว่าข้าบ้าก็ตาม ข้าขอลองเสี่ยงดูแล้วกัน เสี้ยววินาทีที่ข้ากระโดดขึ้นบนหลัง จอร์ชก็ออกตัวพาข้าวิ่งเข้าไปในป่าทันที ความเงียบสงบมันก็ดี แต่เงียบจนวังเวงแบบนี้ ข้าไม่ชอบเลย อากาศก็หนาว ไหนจะหิมะที่ตกลงมาจนข้าเริ่มมองไม่เห็นทาง ดีหน่อยที่จอร์ชมองเห็นและพาข้ามาได้เรื่อยๆ ข้าพยายามมองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า นั่นอะไรกัน หรือจะเป็นบ้านคน

 “จอร์ช!! เราเข้าไปถามเขากันเถอะ เผื่อพวกเขาจะพบพ่อของข้า”

 “ฮี่!!”

 เหมือนจอร์ชลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมวิ่งตรงไปยังปราสาท ตัวปราสาทดูเก่าแก่ รอบๆข้างเต็มไปด้วยสวนดอกไม้ต่างๆดูท่าทางแล้วเจ้าของที่นี่คงจะชอบดอกไม้เอามากๆเลย ข้าลงจากหลังจอร์ชก่อนจะวิ่งตรงไปยังด้านในของตัวปราสาท

 “มีใครอยู่บ้างครับ ข้ามาตามหาพ่อ” 
ข้ากวาดสายตาไปรอบๆเผื่อจะเจอใครสักคนเดินออกมาให้ข้าได้ถาม แต่ไม่มีเลย ปราสาทใหญ่โตแต่ไร้คนหรือเนี่ย

 “ได้โปรดเถอะครับ ข้าเพียงต้องการจะสอบถามเรื่องของพ่อข้าเท่านั้น”

 “เบลล์ เบลล์หรือลูก” เอ๊ะ นั่นเสียงของพ่อข้านี่

 “พ่อ!! พ่ออยู่ไหนครับ!!” ข้าวิ่งขึ้นบันไดไปตามเสียงร้องเรียกของพ่อข้า ข้ามั่นใจว่านั่นคือพ่อของข้า นี่มันเรื่องอะไรกันนะ

 “เบลล์ อย่ามาที่นี่ กลับไปลูก”

 “พ่อ!!!” สิ่งที่ข้าเห็นมันทำให้ข้าตกใจ ทำไมพ่อข้าจึงต้องไปอยู่ในนั้น นั่นมันคุกไม่ใช่หรือ มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ

 “กลับไปเบลล์ มันอันตราย เชื่อพ่อกลับไป” ข้าจับมือพ่อไว้แน่น มองใบหน้าอิดโรยของพ่อทั้งน้ำตา

 “พ่อ ใครทำแบบนี้กับพ่อ ฮึก”

 “กลับไปเบลล์ กลับไปในตอนที่กลับได้”

 หมายความว่ายังไงกัน ทำไมข้าจะกลับไม่ได้

 “ไม่ครับ ข้าจะพาพ่อกลับไปด้วย” ข้าพยายามจะเปิดประตูแต่มันถูกปิดล็อคแน่นหนาด้วยกุญแจ ทำอย่างไรดี ข้าจะทำอย่างไรดี

 “เขาจะไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น!!!”

ข้าสะดุ้งตกใจเมื่อเสียงทุ้มตะหวาดดังก้อง เสียงใครกัน!!!

 “ท่าน ท่านจับพ่อข้าไว้ทำไม พ่อของข้ากำลังหนาวและป่วย ได้โปรดเถอะครับ ปล่อยพ่อข้าไป” ข้ามองเจ้าของปราสาทที่ยืนอยู่ในเงามืดด้วยแววตาขอร้องให้เขาเห็นใจ

 “แล้วเจ้าจะให้อะไรข้าล่ะ ถ้าข้าปล่อยเขา”

 “แล้วท่านต้องการสิ่งใดเล่า” เขาดูลังเลไม่น้อยเมื่อข้าเอ่ยถามแบบนั้นออกไป

 “เจ้า...”

 อะ อะไรนะ

 “ข้าต้องการให้เจ้าอยู่ที่นี่แทนเขา ไม่ใช่แค่วันเดียว ไม่ใช่แค่อาทิตย์เดียว แต่เป็นตลอดไป”
ไม่นะ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ ข้าเกือบจะส่ายหน้าปฏิเสธออกไปแล้ว แต่เมื่อข้าเห็นพ่อข้าที่อาการหนักมันก็ทำให้ข้าไม่กล้าที่จะปฏิเสธออกไป ชีวิตข้าแลกกับพ่อของข้าสินะ หึ มันก็คุ้มจริงๆนั่นล่ะ

 “อย่านะเบลล์ พ่อแก่มากแล้ว อีกไม่นานก็ตาย เจ้ายังเด็กจะมาติดอยู่ที่นี่ไม่ได้ พ่อไม่ยอม แค่กๆ”

 “ตกลง!! ข้าจะอยู่เอง ปล่อยพ่อข้าไปเถอะ”

 “เบลล์!!!” ข้าหันไปมองหน้าพ่อส่งยิ้มให้พ่อเห็นว่าข้าไม่เป็นไร ดีแล้ว ข้าทำถูกแล้ว แค่ให้พ่อปลอดภัยก็พอแล้ว

 “ดี!! ตกลงตามนั้น”

 “เดี๋ยวสิ พ่อ พ่อ!!”

 เมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการเขาก็ลากพ่อของข้าออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าข้าจะพยายามเดินหรือร้องเรียกเท่าไหร่ก็ตามไม่ทัน เขาไม่สนใจเลยสักนิดว่าข้าอยากคุยกับพ่อบ้างไหม เขาไม่สนใจความรู้สึกของข้าเลย



TBC




            ใกล้แล้วสินะคะ เวลาของการท่องไปในโลกแห่งจิตนาการใกล้จะหมดแล้ว เมื่อติดอยู่ในฝันยังไงก็ต้องตื่น เหมือนกับเรื่องนี้ ย่อมต้องมีวันจบ และเวลานั้นก็มาถึง เรื่องนี้แมวจะเขียนเป็นนิทานเรื่องสุดท้าย แต่แมวบอกเลยนะคะว่า มันใส่ความหื่นลงไปม่ายด้าย!!!!! ทำไมน่ะเหรอคะ คุณต้องเห็นความละมุนของพี่อสูรกับเบลล์เขาก่อน กราบขอบพระคุณที่ติดตามอ่านกันมา พบกันพรุ่งนี้ค่าาาา  :impress3:  :m15:  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-12-2017 12:31:43
แอบใจหาย...เป็นกำลังใจให้เสมอ รอพี่อสูรหวานละมุนกะนุ้งเบลล์ แล้วอย่าลืมหื่นต่อนะ 555  :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 1/2
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 08-12-2017 15:19:37
ม่ายยยยยย
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: llมว_น้oe ที่ 09-12-2017 13:37:00
โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 2/2



          ข้าเดินมาถึงหน้าปราสาทแต่ไม่พบร่างของพ่ออีกแล้ว จอร์ชเองก็หายไปด้วย ร่างกายข้ารู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันใด เมื่อข้าได้เห็นใบหน้าและร่างกายของเจ้าของปราสาท คนที่ข้าจะต้องอยู่ด้วยที่นี่ ไม่สิ จะเรียกว่าคนก็ไม่ถูก เขาคืออสูรชัดๆ! ใบหน้าที่ดุร้าย สายตาที่คมกล้าสีทองกับฟันที่แหลมคม ไหนจะกรงเล็บที่อยู่ใต้อุ้งมือนั่น ตัวจ้าสั่นไปด้วยความกลัว
 
 “ทะ ท่าน ท่านเป็นตัวอะไร” ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหาข้าที่ถดถอยหนี

“ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องรู้!!!”

 “โอ้ย!! ปล่อยนะ!!”

 เขาไม่สนใจเสียงร้องข้าแม้แต่น้อย มือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บคมยังคงลากข้าไปเรื่อยๆเพื่อเข้าไปในตัวปราสาท เขาลากข้าที่ดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดเข้าไปในห้องๆหนึ่งและโยนข้าเข้าไป

 “อ๊ะ!”

 “เจ้าต้องอยู่ในนี้ ห้ามออกไปไหน อยู่ได้เพียงในปราสาทเท่านั้น” อสูรหันหลังปิดประตูออกไป โดยที่จ้าได้แต่ซุกหน้าร้องไห้อยู่กับเข่า พ่อครับ นี่ข้าจะไม่ได้เจอท่านอีกแล้วเหรอ ยังดีที่มีหน้าต่างให้ข้าได้มองออกไปบ้าง ไม่เช่นนั้นข้าคงเหงาตาย ไม่สิ ก็อสูรบอกข้าว่าให้ข้าอยู่เพียงแค่ในปราสาท ห้ามออกไป แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าห้ามไปวุ่นวายห้องอื่นๆ นั่นสิ ถ้าแบบนั้น ข้าก็สามารถจะเดินไปดูให้ทั่วปราสาทได้น่ะสิ

 “จะมีหนังสือบ้างไหมนะ”

 ข้าตัดสินใจค่อยๆเปิดประตูออก แอบมองไปรอบๆว่ามีใครอยู่ไหม เมื่อเห็นว่าปลอดภัยข้าก็แทรกกายออกจากประตูทันที เอาล่ะ จะไปทางไหนก่อนดีนะ ข้าตัดสินใจเดินไตามทางขึ้นของบันได สูงมากเลยไม่ใช่แค่สูงเท่าน้น แต่ละชั้นยังมีห้องอยู่มากมายเข้าไปอีก แต่ที่สะดุตาข้ามากที่สุดเห็นจะเป็นแสงสีชมพูที่ลอดออกมาจากช่องของประตู มันคือะไร นั่นคือคำถามที่ติดค้างในใจข้า ตัวข้ามีนิสัยที่แก้ไม่หาย นั่นคือเมื่อข้าสงสัยสิ่งใด ข้าจะมุ่งตรงไปหาคำตอบมันแม้สัญชาตญาณจะร้องเตือนข้าว่าไม่ควรก็ตามที

 แอด.......

 นั่นมันอะไรกัน!! สิ่งที่ถูกแก้วครอบไว้นั่นมันดอกกุหลาบไม่ใช่หรือ แล้วทำไมดอกกุหลาบถึงเรืองแสงละ ทำไมมันถึงสามารถลอยได้กัน ความพิเศษของมันทำให้ข้าที่ชอบดอกไม้อยู่แล้วสนใจเข้าไปใหญ่และนั่นก็ดึงดูดให้ข้าทั้งสองข้างของข้าก้าวเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว แต่เพียงแค่ชัวอึกใจที่ข้าเอื้อมมือหมายจะสัมผัสมัน เสียงคำรามที่ดังกึกก้องก็ทำให้ข้าสะดุ้งด้วยความตกใจ

 "ใครอนุญาติให้เจ้าเข้ามาในห้องนี้!!!!!"

 "ขะ ข้า ข้าขอโทษ ข้าเพียงแค่..." เขาไม่สนใจเสียงของข้า แขนของเขากวาดข้าให้ออกห่างจากดอกไม้แสนสวยน้นอย่างแรง

 "ออก-ไป" ข้าที่อึ้งจนไม่ได้สติคิดตามไม่ทันและร่างกายก็ไม่ยอมฟังเสียด้วย
 
 "ข้าบอกให้ออกไป!!!! ออกไปให้พ้น!!!!!"

 ทันทีที่สติและเรี่ยวแรงข้ากลับมา ข้าก็ไม่รอช้าวิ่งออกไปสุดชีวิต ความกลัวจากเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ข้าตัดสินใจจะกลับไปที่บ้าน ไม่เอาอีกแล้ว ข้ากลัวเหลือเกิน ทั้งชีวิตนี้ข้าไม่เคยหวาดกลัวสิ่งใดเท่ากลับสิ่งที่เพิ่งพานพบมาเลย กลัว คือสิ่งเดียวที่ข้ารับรู้ ข้าไม่รู้ว่าข้าวิ่งออกมาทางไหน รู้เพียงแค่อยากไปให้พ้นๆ เหตุการณ์เหมือนจะดีที่ข้าออกมาจากที่นั่นได้ แต่เปล่าเลย หิมะตกหนักจนข้ามองทางแทบไม่เห็น ข้ารับรู้ได้เพียงความหนาวที่ต้องกายข้าเท่านั้น

  กรรรจ์!!!!

 มะ ไม่จริง นี่ข้าหนีจากอสูรร้ายมาเจอกับหมาป่าอีกหรือ ชีวิตข้าทำไมถึงพบแต่เรื่องเลวร้ายกันนะ ข้าทำอะไรผิดหรือไรกัน ทำไมสวรรค์ถึงได้ทำเช่นนี้ ข้ามองไปรอบๆอย่างหวาดระแวว สิ่งที่ข้าพบคือหมาป่าดุร้ายที่ค่อยๆย่างกลายเขามาใกล้ๆข้าทีละนิด พวกมันมากันเยอะมาก รุมล้มข้าเอาไว้ไม่ยอมให้หนีไปไหน เมื่อสายตาข้าเห็นว่าตัวหนึ่งกำลังจะกระโดดเข้ามาทำร้ายข้า วิธีเดียวที่ข้าคิดออกคือการเอาแขนปกป้องตัวเองเข้าไว้

กรรรจ์!!!!

 เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมข้าถึงไม่เจ็บปวดอะไรเลย ข้าค่อยๆลดแขนลง สิ่งที่ข้าเห็นมันทำให้ข้ายิ่งตกใจเข้าไปอีก อสูร เขามาช่วยข้าหรือ แต่...ทำไมล่ะ ในเมื่อเขาไล่ข้าไปแล้วนี่ อสูรต่อสู้กับหมาป่าอย่างเหนือชั้น แม้จะได้รับบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่เท่ากับพวกมันที่เจ็บยิ่งกว่าหลายเท่า ไม่นานเมื่อเห้นว่าคงสู้ไม่ไหว พวกมันทั้งหมดก็หนีไป ข้าไม่กล้ามองหน้าเขา ไม่กล้าสบสายตา อาจจะด้วยความน่ากลัวของเขาที่ยังคงติดตาข้า หรือเพราะข้า....ที่ละอายใจกันแน่ก็ไม่รู้

"แฮกๆ เจ้าคิดยังไงถึงวิ่งออกมาแบบนี้ หากข้ามาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น!!" นี่เขาดุข้าหรือ จากที่ละอายใจ ข้ากลับยิ่งโมโหแทน

 "กลับกับข้า"

 ข้าหรือจะขัดขืนสิ่งใดได้เมื่อท่านอสูรสั่งข้าแบบนี้ ข้า็ได้แต่เดินตามร่างของเขาต้อยๆ เหอะ!!! นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาช่วยข้าไว้นะ พ่อจะด่ากลับให้ แต่อย่างว่า ข้าก็ได้แค่คิดเท่านั้น เพราะเพียงเขาส่งสายตาดุๆมาให้ข้าก็หงอแล้ว ไม่ได้กลัวนะ ข้าไม่ได้กลัวเลย เห็นอสูรฟาดฟันกับหมาป่าตรงหน้าเลือดสาดแค่ไหน ข้าก็ไม่กลัวหร๊อกกก

        เมื่อกลับมาถึงปราสาท ข้าต้องไปหายามาทำแผลให้เขา ลำบากข้าไปอีก แต่เอาเถอะ ข้าคงบ่นอะไรไม่ได้ แต่สายตาของอสูรสิ อย่างกับจะกินข้าเข้าไปอย่างนั้นแหละ

 "จ้องข้าทำไม"

"เจ้าทำผิด ไม่คิดจะขอโทษเลยหรือไร" ข้าเม้มปากแน่น ข้าหรือผิด

 "ข้าผิดตรงไหน"

"แล้วเจ้าหนีออกไปแบบนั้นทำไมล่ะ"

 "ก็เจ้าไล่ข้าแล้วนี่ เจ้าตะคอกข้า ข้าตกใจนะ่!!!"

 "ก็แล้วเจ้าเข้าไปในห้องนั้นทำไมล่ะ!!! โอ้ย!!" ข้าหมั่นใส้จึงกดมือให้หนักขึ้น สมน้ำหน้า อยากว่าข้านัก

 "ใครจะไปรู้ว่าห้ามเข้า ทีหลังเจ้าก็ติดป้ายไว้สิ"

 "ต่อให้ข้าติดป้าย เด็กอย่างเจ้าก็เข้าไปอยู่ดี" ข้าได้แต่กัดปาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาพูดมันก็ถูก เพราะต่อให้มีป้ายติดอยู่ ข้าก็ต้องแอบเข้าไปอยู่ดี

 "ก็ได้ ข้าขอโทษ" อย่างไม่เต็มใจ

 "ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือโทษเด็ก" หนอย เจ้าอสูรนี่ ข้าได้แต่กัดฟันด้วยความโมโห แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะในลำคออย่างสบายอารมณ์

 "อย่าโกรธไปเลย มันไม่เหมาะกับหน้าเจ้าหรอก เบลล์"

          ตึกตัก

 เพียงแค่น้ำเสียงทุ้มที่เรียกชื่อข้า มันก็ทำให้ข้าใจเต้นแรง ข้าไม่เข้าใจแต่หนังสือหลายๆเล่มทำให้ข้ารู้ดีว่าสิ่งนี้คืออาการเริ่มต้นของ ความรัก ไม่จริงน่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ นี่ข้า กำลังมีความรักกับอสูรอย่างนั้นเหรอ

       หลายวันที่ผ่านมาอสูรดีกับข้ามากจนแทบไม่อยากจะเชื่อ เขาดูแลข้าอย่างดี อาหารที่ข้าได้ทานล้วนแต่เป็นของดีทั้งสิ้น  ไหนจะบรรดาหนังสือที่เขายกให้ข้าทั้งห้องอีก ชาตินี้ทั้งชาติข้าไม่รูเลยว่าตัวเองจะอ่านมันได้หใดหรือเปล่า อสูรชวนข้าดูพระจันทร์เต็มดวง และหมูดาวที่รายล้อมจันทร์ มันสวยมา สวยจนทำให้ข้าคิดว่า ทำไมกันนะ ก่อนหน้านี้ข้าถึงได้กลัวเขา ทั้งที่เขาไม่ได้น่ากลัวอะไรเลย ข้ากลับคิดว่า เขาช่าง น่ารัก เสียมากกว่า  วันเวลาผ่านไปแล้วผ่านไปเล่า ข้าไม่เคยเบื่อเลยเมื่ออยู่กับเขา มันเป็นความสุขที่ข้าไม่เคยพบแม้แต่กับหนังสือก็ตาม ทุกครั้งที่ข้ามองเขาข้ามักจะยิ้มออกมาบ่อยครั้งที่เราเผลอสบตากันและเราต่างก็หลบตาของกันและกัน มันน่าขันที่เห็นอสูรตัวใหญ่อย่างเขาเขินอาย แต่ความสุขกลับมาได้ไม่ยั้งยืน เมื่อพ่อขอข้าพาคนในหมู่บ้านมาช่วยข้าออกไป แน่นอนวาผู้นำของคนพวกนั้นคือ สเวน

 "พังเข้าไปเลย จัดการเจ้านั่นให้มันรู้ว่า ที่นี่เป็นของใครกันแน่" ข้าวิ่งออกมาห้ามพวกเขาที่พังประตูเข้ามา

 "หยุดนะ หยุด ทำอะไรกัน!!!"

 " โอ้....เบลล์ เบลล์ลูกพ่อ เจ้าเป็นยังไงบ้าง" พ่อข้าพุ่งตัวมากอดข้าเอาไว้

 "พ่อ ข้าดีใจที่ได้พบพ่ออีก ข้าสบายดีครับ อสูรดูแลข้าอย่างดีเลย" ข้าไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าเช่นไร เพราะทุกครั้งที่เอ่ยถึงเขา ข้ามักจะสุขใจ

 "จริงหรือเบลล์"

 "นี่เจ้า!!! เจ้าชอบมันงั้นหรือเบลล์ เจ้าต้องแต่งกับข้าสิ!!!"

 "ข้าจะชอบเขาหรือไม่ไม่ใช่เรื่องอะไรของเจ้าสเวน ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่าข้าไม่แต่งกับเจ้า!!" ข้าไม่เข้าใจเลยสักนิด ทำไมสเวนจะต้องมายุ่งวุ่นวายกับข้านักหนา

 "ข้าคือชายที่รูปหล่อที่สุดในหมู่บ้าน แต่เจ้ากลับเลือกไออสูรอัปลักษณ์นั่นหรือ!!!" ข้ามองสเวนด้วยววตาแน่วแน่

 "ถึงเขาจะเป็นอสูร เขาก็มีจิตใจที่ดี บางที คนที่เป็นอสูร ควรจะเป็นเจ้าเสียมากกว่า"

 "เบลล์"สเวนโมโหมาก เขาพุ่งตัวเข้ามาจะทำร้ายข้า และแน่นอนขาไม่กลัวเลย ในเมื่อสิ่งที่ข้าพูดล้วนแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น

โฮกกกกกกกกกก

 เสียงคำรามดังลั่นตามด้วยร่างของสเวนที่กระเดนไปกระแทกกับตู้ในปราสาท ข้าหันไปมองสิ่งที่ทำให้สเวนกระเดนไปแบบนั้น และแน่นอน ย่อมเป็นเขาเสมอที่มาช่วยข้า อสูร

 "อั๊ก"

 "กล้าดียังไงมาทำร้ายเบลล์!!!"

 "อสูร อสูรจริงๆด้วย" ทุกคนๆในหมู่บ้านต่างมองเขาด้วยแววตาหวาดกลัว

 "ไม่ๆ เขาเป็นคนดี เขาไม่ได้น่ากลัวเลย" ข้าอธิบายเรื่องต่างๆที่ข้าและเขาทำร่วมกันให้ทุกคนฟัง นั่นจึงทำให้ทุกคนค่อยวางใจ

 "อย่าไปเชื่อ!!! ดูสิ่งที่มันทำกับข้าสิ" สเวนยังคงไม่ยอมยังปลุกระดมให้ชาวบ้านฟัง

 "พอเถอะสเวน ที่เขาทำร้ายเจ้าก็เพราะเจ้าจะทำร้ายเบลล์ไม่ใช่หรือ"

 ข้ายิ้มอย่างวางใจ ในที่สุดก็หมดปัญหาแล้ว ทุกคนเชื่อแล้วว่าอสูรไม่ได้เลวร้ายสักนิด ทุกคนทยอยกันกลับหมู่บ้านไปเหลือเพียงแค่สเวน บิลล์ และพ่อของข้า ระหว่างที่ข้าว่างใจ จู่ๆสเวนก็ดึงปืนออกมาแล้วยิงใส่อสูรจนล้มไป

 "ไม่นะ!!!"
 "สเวนเจ้าทำอะไร!!!!" บิลล์จับร่างของสเวนเอาไว้แน่น

 "ข้าจะฆ่ามัน ถ้าไม่มีมัน เบลล์ก็ต้องแต่งกับข้า"

 "เขาไม่แต่งกับเจ้าหรอก เบลล์ไม่ได้รักเจ้า ยอมรับมันเสียที!!!" เสียงตะคอกของบิลล์ทำให้สเวนชะงัก ก่อนจะหันไปมองบิลล์ด้วยแววตาเกรี้ยวกราด

 "กล้าขึ้นเสียงกับข้าหรือเจ้าแหย ดี!! อย่าหาว่าข้าไม่เตือน"

 สเวนลากร่างเล็กของบิลล์ออกไป โดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ของบิลล์แม้แต่น้อย ข้าเป็นห่วงบิลล์ หากแต่อสูรสิน่าห่วงมากกว่า พ่อข้าเหมือนจะเข้าใจดี จึงทำหน้าที่ไปดูบิลล์แทนข้า

 "อสูร อย่าตายนะ ลืมตาสิ ข้าอยู่นี่"

 "อะ แค่กๆ จะ เจ้า ไม่บาดเจ็บใช่ไหม" น้ำตาข้าไหลจนสะอื้น ในตอนนี้ที่เขาบาดเจ็บ ยังห่วงข้าอีกหรือ

 "ไม่ ฮื่อ ข้าไม่เป้นอะไร ฮึก แต่เจ้า"

 "ข้าไม่เป็นไร แค่เจ้าไม่เจ็บก็ดีแล้ว แค่กๆ เบลล์.....เจ้าเป็น อึก อิสระแล้ว" ข้ามองดวงตาสีทองที่ค่อยหลับลง อิสระอะไรกัน ข้าไม่ต้องการเสียหน่อย

 "ไม่เอาหรอก ข้าอยากอยู่กับเจ้าต่างหาก ตื่นสิ ตื่น"
ไมมีสิ่งใดที่ทำให้ข้าเจ็บปวดได้เท่ากับเจ้าจากข้าไป

 "ข้ารักเจ้า"
 จู่ๆ แสงสีทองก็พลันสว่างขึ้นมาจนข้ามองอะไรไม่เห็น เกิดอะไรขึ้นน่ะ แต่เมื่อแสงนั้นหายไป กลับปรากฎชายใบหน้าคมคายดวงตาสีทองและรูปร่างสูงใหญ่ ใครกัน แล้วอสูรล่ะ อสูรของข้าไปไหน

 "เบลล์......" เสียงนี่มัน หรือว่า

 "อะ อสูร" รอยยิ้มหล่อเหล่าถูกส่งมาให้ข้าพร้อมกับอ้อมแขนแข็งแกร่งที่โอบกอดข้า

 "ใช่แล้ว เจ้าถอนคำสาปให้ข้า ขอบคุณนะ" ข้ายิ้มทั้งน้ำตาพร้อกับโอบกอดร่างสูงกลับไป เขาฟื้นแล้ว
 
 "ท่านทำให้ข้ากลัวนะ ฮื่อ" มือหนาเกลี่ยน้ำตาบนผิวแก้มข้า ก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากของข้าอย่างแผ่วเบา

 "ข้าขอโทษ เบลล์ เจ้ารู้ไหม เจ้าคือคนแรกที่ข้ารักและจะเป็นคนสุดท้ายในชีวิตของข้าเช่นกัน" ข้ายิ้มเขินกับคำพูดของเขา

 "ข้าด้วย ข้าจะรักเพียงแค่เจ้าคนเดียว"

 เราสองคนกอดกันด้วยเสียงหัวเราะ ตอนนี้เมื่อมีเขา ข้าไม่กลัวสิ่งใดอีกแล้ว ไม่ต้องการสิ่งใดอีก แค่เขาคนเดียวเท่านั้น ความรักของข้าเป็นของเขาทั้งหมดแล้ว รวมทั้งหัวใจของข้าด้วย




 
The End
[/size][/color]
     

   



                   ฮื่ออออ เจ็บมืออ่ะ ขอโทษที่มาช้านะคะ เพราะมีการบาดเจ็บที่มือข้างซ้ายเลยมาช้าไปหน่อย เป็นไงคะ ถูกใจไหม เรื่องนี้เราควรปล่อยให้เขาสานสัมพันธ์กันไปเรื่อยๆเนอะ ส่วนคู่สเวนกับบิลล์ ไม่แต่งต่อแล้วน๊า ให้ทุกคนจิตนาการเรื่องราวตามแบบที่ตัวเองชอบเลยค่าา นั่นล่ะคือสิ่งที่สนุก แล้วพบกันใหม่เมื่อแมวเปิดม่านเรื่องหน้านะคะ รักและขอบคุณทุกคนมากๆค่าาา
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-12-2017 14:31:27
น่ารักมากเลย ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 2/2
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-12-2017 15:21:29
หว๋าย..วาย รอเรื่องใหม่ (แอบปาดน้ำตา)   :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: เรื่องสั้นสุดวาย(Y)ฉบับนิทานสุดฟิน ตอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร 2/2 (จบแล้ว)
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 23-02-2020 15:25:45
สนุกทุกเรื่องเลยค่า  :katai2-1:
แต่สงสารน้องไม้ขีดไฟที่สุดเลย งื้ออออออ