พิมพ์หน้านี้ - ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 11-03-2017 23:20:09

หัวข้อ: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 11-03-2017 23:20:09
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 




*************************************************************************************


เนื้อห้าตั้งเเต่บทนำถึงตอนที่14  ได้กระทำการRewrite เมื่อวันที่ 16/7/60 : 1.36


*****************************************************************************

บทนำ



     ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่านี่คือความจริงหรือความฝัน มันมืดมิดไปหมดไร้ซึ่งแสงสว่าง รู้สึกเหมือนกำลังตกจากที่สูง จากนั้นก็ลอยขึ้นไปใหม่
   
     ในหัวของผมนั้นหมุนโครงเครงไปมาจนประมวลผลทุกอย่างไม่ได้ รู้แค่ว่าตอนนี้มีความสุขมาก ความรู้สึกบางอย่างกำลังไหลเวียนและปั่นป่วนไปทั่วทั้งร่างกาย ช่องท้องบิดเกร็งด้วยความรู้สึกหลากหลาย เสียวซ่านและตื่นเต้นในคราเดียวกัน

เหมือนตอนนี้กำลังมีสัมผัสบางอย่างที่ชื้นแฉะไล้เล็มตั้งแต่ช่วงลำคอและไล่ลำดับขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงปลายคาง จากนั้นก็เปลี่ยนที่ไปเป็นช่วงแนวสันกรามและไหปลาร้าด้วยความอ้อยอิ่ง  ริมฝีปากถูกสัมผัสเข้าหากัน เรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดหยอกเหย้ากันไปมา  ต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าของริมฝีปากนั้นคือใคร รู้แค่ว่าอยากจะกดเน้นย้ำอยู่ที่ตรงนี้ไม่ไปไหน อยากจะครอบครองเป็นเจ้าของให้รู้แล้วรู้รอด เพราะว่ามันรู้สึกดีเวลาที่ได้สัมผัสและตอบสนอง
     
ริมฝีปากยังคงถูกกดเน้นย้ำและดูดดึงอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน  ต่อมาก็ถูกถอดถอนและเปลี่ยนตำแหน่งไปเป็นช่วงหน้าอกที่ยังคงมีเสื้อผ้าคั่นกลาง  แต่ไม่นานก็ถูกไล่แกะกระดุมไปเรื่อยๆตั้งแต่บนลงล่างจนสาบเสื้อหลุดออกจากกัน พร้อมกับเรียวลิ้นที่ไล้เล็มลงมาตั้งแต่แผงอกถึงแอ่งกลางสะดือ หยอกล้อกับจุดนั้นได้ไม่นานก็ถูกเปลี่ยนตำแหน่งเลื่อนขึ้นไปยังจุดอ่อนไหวต่อสัมผัสทั้งสองข้าง คนถูกสัมผัสแอ่นอกขึ้นรับริมฝีปากและลิ้นร้อนที่กำลังไล้เลียอยู่ตรงนั้นด้วยความกระสัน 

สองมือยกขึ้นมาสอดแทรกและกอบกุมกลุ่มผมนุ่มไว้ในมืออย่างสุดจะทน  ช่วงท้องหดเกร็งและเสียวแปลบมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อปลายลิ้นยังคงหยอกเย้าอยู่กับยอดอกทั้งสองข้าง มือสากลูบไล้ไปตามร่างกายของคนใต้ร่าง ไล่ตั้งแต่แผ่นหลังจนมาถึงช่วงท้อง 

จากนั้นก็ไล่ลงไปเรื่อยๆ และหายลับเข้าไปในขอบกางเกง มืออีกข้างที่กำลังสาละวนอยู่กับผิวนุ่มนิ่มที่ส่วนข้างบนนั้น ก็จัดการย้ายลงมาเพื่อที่จะถอดเข็มขัดเส้นหนาออกจากสะโพกสอบ เนื่องจากมันรัดแน่นจนเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถที่จะล่วงล้ำเข้าไปได้


เมื่อสามารถถอดกางเกงยีนส์ของคนใต้ร่างออกไปแล้ว ก็ไม่รอช้าที่จะสัมผัสยังส่วนที่ไวต่อสัมผัส  ยามที่มือใหญ่ได้สัมผัสส่วนตรงนั้น มันก็ตอบสนองสู้มืออย่างทันท่วงที น้ำสีใสไหลเยิ้มออกมายังส่วนปลาย ค่อยเลื่อนขึ้นลงเพื่อนปลุกอารมณ์คนใต้ร่างอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป เสียงลมหายใจหอบหนักของเขาทั้งคู่ดังสลับกันจนแยกไม่ออกมาว่ามันเป็นของใคร ริมฝีปากพบกันที่กลางทางจากนั้นก็ดูดดันแลกลิ้นกันไปมาด้วยความกระหาย


ในขณะนี้ทั้งสองต่างก็ไม่สนใจแล้วว่าใครจะเป็นใครและมาจากไหน ฤทธิ์ของความมึนเมาจากแอลกอฮอล์กำลังทำให้พวกเขานั้นยากที่จะควบคุมตัวเอง


     เมื่อความต้องการมีมากกว่าสิ่งอื่นใดแล้ว จะมีใครที่ไหนมานั่งสนใจว่าอะไรถูกหรือผิด  อันเป็นที่รู้กันดีว่าความปรารถนาของคนเรานั้นสามารถทำให้ขาดสติยั้งคิดยั้งทำได้แค่เพียงชั่วพริบตา ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้สิ่งที่ต้องการมาตอบสนองความต้องการของตนเอง
เเละเมื่อความกระสันเดินทางมาถึงจุดสูงสุด มือใหญ่ยังคงทำหน้าที่ได้ดีเร่งเร้าจังหวะเร็วขึ้นเพื่อที่จะได้ให้คนใต้ร่างนั้นเสร็จสมอารมณ์หมายล่วงหน้าไปก่อน


     อ๊ะ!!

     ร้องเสียงหลงออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อความร้อนระอุถูกปลดปล่อย   อ้าปากหอบหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ กอบโกยเอาอากาศเข้าปอดราวกับคนกำลังขาดอากาศหายใจ 
จากนั้นก็ถูกทาบทับริมผีปากอีกครั้งอย่างตะกละตะกลามโดยคนอยู่ข้างบน  ไม่นานกางเกงยีนส์ของทั้งคู่ก็ถูกถอดออกมาพร้อมๆกัน 

     ขณะนี้ร่างเปลือยเปล่ากำลังแนบชิดเข้าหาจนแทบจะหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง เหงื่อกาฬผุดซึมขึ้นตามผิวหนัง มือที่เคยใช้ปนเปรอคนใต้ร่างนั้นถูกแปลเปลี่ยนลงมาเป็นช่องทางรักด้านหลัง นิ้วแรกถูกสอดแทรกเข้าไปอย่างช้าๆ

คนถูกกระทำสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ แต่จากนั้นก็ถูกปลุกเร้าจากส่วนอื่นจนเริ่มโอนอ่อนผ่อนตามอีกครั้ง กลิ่นคละคลุ้งของแอลกอฮอล์และบุหรี่ยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น  เมื่อริมฝีปากทั้งคู่สัมผัสกันก็ยิ่งทำให้คนทั้งสองนั้นมัวเมามากขึ้นกว่าเดิม


โลกหมุนวนไปมา รู้สึกราวกับว่ากำลังตีลังกาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเริ่มเวียนหัว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเหมือนกับว่ามันล่องลอยออกไปนอกร่าง จนเรียวนิ้วถูกเพิ่มจำนวนมากขึ้นจากหนึ่งไปสองจากสองไปสามเพื่อขยายช่องทางรัก และเมื่อความต้องการนั้นมีมากขึ้นกว่าเดิมจนเริ่มทนไม่ไหว ส่วนที่แข็งขึงก็ถูกนำจดจ่ออยู่กับทางเข้า


     อ๊ะ!!   

     คนถูกสอดใส่ร้องออกมาเสียงหลง เมื่อถูกบางสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วกำลังจะขับเคลื่อนเข้ามาภายในร่าง ดูเหมือนว่าผู้กระทำนั้นไม่ค่อยได้สนใจว่าคนที่กำลังรองรับความต้องการตนอยู่จะทนไหวหรือเปล่า? และเจ็บมากขนาดไหน เขารู้แค่เพียงว่ามันกำลังตอดรัดและอุ่นแน่นจนแทบอยากจะระเบิดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า


     อ๊า!!!

     ร้องเสียงหลงขึ้นมาอีกครั้ง แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ถูกสอดใส่เข้ามาจนสุดทาง หยาดน้ำตาค่อยๆรินไหลออกมาจากหางตาด้วยความเจ็บอย่างไม่รู้ตัว สองมือขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่น นิ้วเท้าทั้งสองข้างถูกเกร็งและจิกลงยังที่นอนโดยอัตโนมัติ 

ร่างหนาค่อยเคลื่อนสะโพกสอบด้วยความยากลำบาก  เพราะอีกคนนั้นไม่เคยผ่านใครมาก่อน ช่องทางรักถูกเกร็งแน่นเพราะความเจ็บแต่ในทางกลับกันกับเป็นการเร่งเร้าอารมณ์ของอีกฝ่ายได้อย่างมาก 

     ตัดสินใจเคลื่อนสะโพกเข้าออกด้วยความเร็วมากขึ้นกว่าเดิม ความเจ็บนั้นเพิ่มขึ้นพันเท่าทวีคูณ แต่ก็ถูกหลอกหล่อด้วยความเสียวซ่านจากมือหนาที่กอบกุมส่วนแข็งขืนไว้ในอุ้งมือ เลื่อนมันขึ้นลงตามจังหวะที่เขาได้สวนกระแทกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง


     แต่สุดท้ายแล้วงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา  พวกเขาทั้งคู่กำลังจะถึงฝั่งฝัน…


     จังหวะถูกเพิ่มขึ้นอย่างถี่รัว ความเจ็บแสบยังช่องทางด้านหลังนั้นยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังคงสุขสมเพราะถูกเล้าโลมจากส่วนนั้น จนในที่สุดช่วงโค้งสุดท้ายของความหฤหรรษ์เดินทางเข้ามาถึง สองร่างของทั้งคู่กระตุกเกร็ง ธารรักอุ่นร้อนไหลออกมาอย่างรวดเร็วจนถอดถอนออกมาแทบไม่ทัน เลยทำให้มันเลอะเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งช่องทางด้านหลังอย่างห้ามไม่ได้ ในส่วนมือใหญ่นั้นก็เลอะไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นที่ไหลทะลักออกมารอบที่สอง 


     ทั้งคู่ทิ้งตัวลงนอนข้างๆกันอย่างหมดแรง เสียงหอบหายใจในคราแรกที่ดังขึ้นของทั้งสอง ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ และก็เริ่มอย่างสม่ำเสมอในที่สุด พร้อมกับสติอันน้อยนิดที่ค่อยๆเลือนรางไป

● ● ●


     แสงแดดตอนเช้านั้นปลุกผมให้ตื่นลืมตาขึ้นมา อาการปวดเมื่อยเข้าเล่นงานทันทีที่ได้สติ แต่เหนือกว่าสิ่งอื่นใดอาการเจ็บแปลบที่แสดงออกมาจากทางด้านหลัง ทำให้ผมแทบสะดุ้ง ขยี้ตาสองสามครั้งเพื่อขจัดความพร่ามัวของดวงตา มองดูรอบๆห้องจากนั้นก็หยุดลงตรงที่ร่างของใครบางคนที่นอนหันหลังให้อยู่ 


     ฉิบหายแล้ว!! นี่มันอะไรวะ?

     ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนล่ะครับเนี่ย? เพราะเมื่อมองไปรอบๆห้องแล้วหัวคิ้วนี่ถึงกับกระตุก เนื่องจากว่ามันไม่ใช่ห้องของผม

 
     แล้วไอ้ข้างๆผมนี่เป็นใคร?


     ทำไมถึงมาอยู่กันในสภาพแบบนี้ได้?   หน้าผมตอนนี้เครื่องหมายเควสชันคงเด่นหราอยู่แน่ๆ  แต่ก็สงสัยอีกอย่างหนึ่ง…
ทำไมผมถึงได้เจ็บก้นอย่างนี้ครับ?

 
     คิดแล้วก็ก้มลงมองทั่วทั้งร่างกายของตัวเอง สลับกับคนที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ  ห เห้ย ย อย่าบอกนะว่า ว่า…


     ชัดเลย!!  ชัดเลยไอ้เหี้ย!


     อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!


     จะไม่อะไรเลยครับถ้าคนที่นอนข้างๆนี้มันไม่ใช่ผู้ชาย แล้วเป็นผู้ชายไม่เท่าไรผมยังเสือกโดนกระทำ คงไม่ต้องสืบให้มากความเจ็บก้นอย่างนี้จะมีอะไรได้วะนอกจากการเป็นผู้ถูกกระทำ 

     ใจร้ายมากมึงใจร้ายกับกูมาก เกิดมาร้อยวันพันปีไม่เคยแม้แต่จะเสียตัวให้สาวแต่ดันมาเสียตัวให้ผู้ชายซะได้

     โอ้ยยยย รู้ถึงไหนอายถึงนั่น  ฮืออออแม่จ๋าช่วยปิง  ไม่นานผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆก็ได้ขยับตัวไปมาเล็กน้อย เสร็จแล้วก็ก็ค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมาในที่สุด จากนั้นก็หันมามองผมที่นอนอยู่ข้างๆด้วยหน้าตาที่เดาอารมณ์ไม่ถูก แค่เสี้ยววินาที เรียวคิ้วของคนตรงหน้าก็ขมวดมุ่นเข้าหากันเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะงงๆเหมือนกันว่าผมเป็นใครสงสัยสมองที่มีแต่ขี้เรื่อยของคงจะยังประมวลผลไม่ได้ 


     “มองอยู่นั่นแหละไอ้เหี้ย!!  แม่งเอ้ย!”  ด้วยความโกรธผมเลยขยับตัวลุกขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนด้วยความเจ็บ คว้าหมอนใบใหญ่ที่ใช้หนุนอยู่ปาเข้าไปใส่หน้าหล่อๆนั่นอย่างจัง เออเอาทำตัวอย่างกับนางเอกนิยายน้ำเน่าไปได้ อย่าลืมดิว่ามึงแม่งแมนๆเตะบอลนะโว้ย!!   


     จะมีวันไนท์แสตนด์ทั้งที ทำไมต้องเป็นผู้ชายด้วยครับ!? ผมไม่เข้าใจ โอ้ยยยย


     “ออกไปเลยไอ้เหี้ย!!”   เมื่อคนตรงหน้ายังไม่มีท่าทีว่าจะลุก ผมก็เลยต้องคว้าหมอนอีกใบมาระดมตีเข้าใส่คนตัวใหญ่กว่าอย่างไม่ยั้งมือ เลยกลายเป็นนางเอกคูณสองเข้าไปอีก


     “จะออกไปได้ยังไง นี่ห้องผม?”  ตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆทั้งสิ้นพร้อมกับคว้าหมอนที่อยู่ในมือผมออกไป
ก็ลืมไปครับว่านี่ไม่ใช่ห้องผมมัวแต่โมโหจนเผลอปล่อยไก่ไปเล้าใหญ่…เวรกรรมจะโวยวายเค้ายังพลาด


     “ไม่รู้แหละมึงออกไปก่อนเลย กูจะแต่งตัวไอ้เหี้ย!”  ว่าพร้อมกับท่าทางโวยวาย   
ไม่ถึงสามวินาทีเขาก็ลุกขึ้นจากที่นอนทันที อาจจะเป็นเพราะว่าทนผมโวยวายไม่ไหว แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไป เขาก็หันหน้ากลับมาและถามผมว่า “ให้ผมรับผิดชอบดีไหม?”


     “ไม่ต้อง ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ แต่มึงช่วยออกไปก่อนได้ไหม!?” ตอบกลับอย่างทันควัน ด้วยความหงุดหงิดและหัวเสีย   


     “จะให้ออกไปไหน?ห้องก็แค่นี้”   คู่สนทนาถามกลับ เออนั่นสิวะห้องแม่งไม่ได้แบ่งเป็นโซน มันรวมกันไปหมดเลยมีแค่ห้องน้ำที่แยกออกมา


     “ไม่รู้แหละมึงจะออกไปไหนก่อนก็ได้!”  ตอนนี้ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแค่อยากให้มันออกไปพ้นๆหน้าสักที


     “…”  สิ้นประโยคเขาก็ลุกขึ้นจากที่นอน ด้วยสภาพโป๊เปลือยเดินล่อนจ้อนไปเข้าห้องน้ำ ผมซึ่งนั่งอยู่นั้นปิดตาแทบไม่ทัน ขนลุกไปหมดแล้วไอ้สัด!


     ฉิบหายละ.. ทำไมมันเจ็บขนาดนี้วะ ซี้ด!! โอ้โหกูนี่ลุกแทบไม่ได้ มันเจ็บ ฮืออออ เจ็บไปหมดแล้วโว้ยยยยยย


     ตุบ!!


     โอ้ย! เหี้ย! 

     เผลอสบถออกมาด้วยความเจ็บเนื่องจากขณะที่กำลังพาร่างที่โคตรจะระบมของตัวเองคลานลงมาจากเตียง แต่เพราะเรี่ยวแรงที่แทบจะไม่มันเลยทำให้ผมกลิ้งตกลงเตียงซะได้ เจ็บมากไหมถามใจดู นี่อยากจะนอนลงไปบนพื้นให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่านี่ไม่ใช่บ้านตัวเองนะ


     ฮือออ…โคตรทรมาน 

     ไม่เอาแล้วต่อไปนี้จะไม่ไปกินเหล้าเมาที่ไหนอีกแล้ว จะไม่ไปมีวันไนท์แสตนด์กับผู้ชายที่ไหนอีกแล้ว แต่ที่จริงก็ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายนะครับ แล้วก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกันด้วย เพราะผมไม่ใช่เกย์ ไม่ได้เป็นสายเหลือง  ละทำไมผมต้องมาเจอเรื่องเหี้ยไรแบบนี้ด้วยเนี่ย ทำม๊ายยยทำไม!!  อยากจะบ้าตาย โอ้ยยยย!!


     น้ำตาจะไหลแล้วครับ  เนื่องจากว่ามันเจ็บมากจนไม่สามารถที่จะลุกขึ้นเองได้

     นั่งโอดครวญอยู่ในใจได้ไม่นานขณะนี้เจ้าของห้องมันก็เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วพร้อมกับผ้าขนหนูที่ติดตัวมาด้วย สองขายาวก้าวออกมาพร้อมกับมืออีกข้างที่กำลังใช้ผ้าผืนเล็กซับหยดน้ำบนศีรษะไปมา ทันใดนั้นดวงตาเรียวรีของเขาก็มองมาที่ผมซึ่งกำลังนั่งกองอยู่ข้างๆเตียง

     ได้โปรดอย่ามองกูอย่างนั้น กูเจ็บมาก กูลุกไม่ได้ และกูก็อายมากด้วย   นั่นไง! นั่นไง!! มันเดินตรงมาแล้วครับ มันเดินมาแล้ว! หลังจากนั้นก็…


     หมับ!


     พยุงผมขึ้นมา แต่มึงครับมึงใจเย็นครับ กูไม่ได้มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้นเลยนะเว้ย ท้ายที่สุดด้วยความไวว่องก็เลยคว้าผ้าห่มผืนหนาที่อยู่บนเตียงติดมือมาคลุมตัวด้วยความรวดเร็ว ดีนะที่มันไม่มอง
ใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีเขาก็พยุงผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ แต่ก่อนจะไปเขาก็หันมาพูดทิ้งท้ายว่า“เข้าไปอาบน้ำก่อน ถ้าเดินออกมาไม่ไหวก็เรียก” 


     ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่ขอความช่วยเหลือจากมันครับ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดเพราะผมไม่สามารถจริงๆ ตอนนี้เลยได้แต่เจ็บไปทั้งตัวเจ็บทั้งใจเลย แม่งเอ้ย!

     “จะนั่งนั่นอีกนานไหม? พอดีต้องไปทำธุระ จะให้ไปส่งหรือเปล่า? หรืออยากกลับเอง?” มันหันมาถามผมเมื่อเห็นว่าผมยังนั่งเจ็บใจ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ที่เดิมไม่ยอมลุก

 
     แต่เอาจริงๆไหม?  คือกูลุกไม่ได้ กูเจ็บ!!


     “ต้องให้ช่วยไหม?”   ช่วยสิมึงสมควรช่วยมึงคือผู้กระทำกู


     “ก็ช่วยสิวะ!!”  นี่อายจนอยากจะเอาหน้ามุดชักโครกตายอยู่แล้วครับหัวหน้า มีวันไนท์แสตนด์ก็เสือกได้มีกับผู้ชาย โธ่… อยากร้อง


     “อย่าใกล้กูมากกูขนลุก!!”  แค่มันมาโดนตัวภาพเมื่อคืนที่เหมือนจะเลือนรางก็ลอยเข้ามาในหัวเป็นฉากๆเลย ตอนแรกก็คิดว่าความฝัน ที่ไหนได้ตื่นมาแล้วคือความจริง ช่างเป็นเรื่องจริงที่เลวร้ายนัก 


     “งั้นจะเอายังไง? เดินเองไหม?”   สิ้นประโยคผมไอ้คนตัวสูงมันก็หันหน้ามามองผมด้วยสีหน้านิ่งๆ โหยไอ้เหี้ยใจเย็นกูแค่ประชด กระฟัดกระเฟียดไปงั้นมึงก็รู้ว่ากูเดินเองไม่ได้  พูดนิดพูดหน่อยนี่จะปล่อยกันลงพื้นเลยเว้ย!


     “เร็วๆเถอะ กูอยากกลับบ้านแล้ว!”   ผมตอบไม่ตรงคำถามเพราะว่าที่พูดไปนั้นก็แค่ประชดจะให้เอาแรงจากไหนมาเดินถามใจดู  เข้าใจด้วยว่าแค่ประชด!

ระหว่างทางที่เดินลงมานี่มันช่างทรมานหัวใจเหลือเกินมีแต่บันได ลิฟท์ก็ไม่มี สวรรค์ช่างทำร้ายผมมาก แล้วระยะเวลาที่เดินลงมาไอ้ห่านี่มันก็เงียบกริบเลยครับ แต่ก็ดีแล้วถึงมันคุยผมก็จะไม่คุยกับมัน  ชื่อเสียงเรียงนามก็ยังไม่รู้จักกัน แต่ก็ดีแล้วอีกนั่นแหละ เพราะไม่คิดจะเจอมันอีกแน่นอนในชาตินี้


     “เดี๋ยวขับรถไปส่ง”  พูดแล้วก็จะพาผมเดินไปยังลานจอดรถของอพาร์ทเมนต์มัน แต่เดี๋ยวครับไม่ต้องครับกูกลับเองได้ ไม่ต้องมายุ่งกับกู


     “ไม่ต้องเดี๋ยวกูกลับเอง!”   ก่อนที่จะพยุงพาเดินไป ผมก็เลยพูดปฏิเสธขึ้นมาก่อน ดูหน้าด้วยครับเกรี้ยวกราดมาก ถ้าตอนนี้ผมมีแรงอยู่และมีความสามารถมากพอ นะมันโดนไปแล้ว!! โดนขาคู่กูหน่อยเป็นไงครับหัวหน้า


     “อืม..ตามใจ”  ว่าแล้วก็ปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ไม่ได้ช่วยพยุงอีกแล้ว จากนั้นมันก็สาวเท้าเก้ายาวๆเดินออกห่าง ตอนนี้ผมเลยกำลังยืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียวที่หน้าหอ และไม่นานผมก็เห็นมันขับมอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าผมออกไป 


     โว้ยยยยย!


     หัวร้อนโว้ยยย! หงุดหงิดมากด้วย ตอนนี้จะเตะกระป๋องโค้กที่นอนแอ้งแม้งอยู่ตรงหน้าเพื่อระบายความคับแค้นในใจยังทำไม่ได้ เพราะว่าเจ็บไง! แรงจะเดินยังไม่มี สาบานเลยว่าเลิกกินเหล้าตลอดชีวิต!
ไอ้น้ำเปลี่ยนนิสัยคน ไอ้น้ำไม่มีประโยชน์ เพราะมึงแท้ๆ เพราะมึงเลย!


● ● ●


มีต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - อินโทรดัคชัน
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-03-2017 23:27:46
โลกทั้งกลมทั้งแคบเลยนะนี่
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 15-03-2017 22:18:23
ต่อค่ะ


อีกด้านของใครอีกคน…


     กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถามว่ารู้สึกอะไรไหม อยากบอกเหมือนกันว่ารู้สึก…ถ้าถามว่าเคยมีวันไนท์แสตนด์ไหม? เคยมีครับ แต่.. ผมไม่เคยมีกับผู้ชาย 

ผมเองก็ตกใจเหมือนกันที่ตื่นขึ้นมาแล้วก็เจออะไรแบบนี้ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ใช่ไหมครับ เพราะมันเกิดขึ้นมาแล้ว จะย้อนเวลากลับไปก็เห็นทีว่าจะไม่ได้

     ว่าไปแล้วก็สงสารเด็กนั่นเหมือนกัน ที่จริงไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งมันให้รอแท็กซี่คนเดียวที่หน้าหอนะ แต่ดูอารมณ์กับท่าทางของเขาแล้ว ก็ไม่คงไม่ได้สุนทรีสักเท่าไร 

ผมเองก็เข้าใจ เพราะว่าถ้าเป็นผมที่โดนทำแบบนั้นบ้างก็คงทั้งโกรธ ทั้งหัวเสียไม่น้อย เลยเลือกที่จะไม่อยู่ให้มันเห็นหน้าดีกว่า  เขาเองก็คงจะรำคาญใจที่เห็นผมอยู่ใกล้ๆ 
 


     เมื่อคืนจุดเริ่มต้นมันเป็นยังไงก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก จำได้แค่ว่าไปเลี้ยงสายรหัส ตอนแรกก็กะว่าจะแค่ไปเดี๋ยวเดียวแล้วก็กลับ แต่พวกมันดันเร้าหรือให้ผมดื่มมากขึ้น  ยังไงซะผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ชอบเที่ยวและสังสรรค์พอเหล้าเขาปากแล้วก็เลยติดลมซะได้

และยิ่งดึกก็ยิ่งวุ่นวายไม่รู้ว่าใครเป็นใคร  ผมเองก็เมามากด้วย นั่นเลยทำให้จำไม่ค่อยได้นักว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร อาจจะมีคนพาผมมาส่งที่ห้องเพราะแน่นอนว่าผมนั้นขับรถกลับเองไม่ไหว แล้วรถนี่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมายังไง ขนาดเมื่อคืนยังไม่รู้เลยว่าทำอะไรลงไปบ้าง แล้วก็อย่างที่เห็นภาพทุกอย่างมันฟ้องหมดตอนที่ตื่นขึ้นมา
ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง และไม่รู้ว่าควรที่จะเริ่มพูดอะไรด้วยซ้ำ เพราะไอ้ตัวขาวนั่นมันก็เอาแต่โวยวายจนไม่ได้พูดอะไรกันให้มากความ


     คิดว่ามันเองก็คงไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน สงสัยว่าเราต่างก็เป็นครั้งแรกของกันและกัน หมายถึงว่าครั้งแรกที่มีอะไรกับผู้ชาย
แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นผู้ชายแต่ถ้าให้รับผิดชอบผมก็จะทำเพราะว่าเขานั้นเป็นคนเสียหาย แต่ก็ต้องดูเหมือนกันว่าสิ่งที่เขาจะให้รับผิดชอบว่ามันเหลือบ่ากว่าแรงหรือเปล่า ถ้าไม่ก็ทำ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็ต้องพยายาม ตกลงกันให้ได้ในที่สุด


     ผมจอดรถลงที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง เพราะวันนี้ผมนัดไอ้ฟาร์มรุ่นน้องต่างมหาลัยที่รู้จักกันให้มาคุยธุระกันทีนี่


     “หวัดดีพี่”  ทันทีที่เลื่อนเก้าอี้ทางฝั่งตรงข้ามออกมานั่ง รุ่นน้องตรงหน้าก็เอ่ยทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้


     “อืม…”ส่งเสียงตอบรับในลำคอ   
     นี่น่ะมันชื่อฟาร์ม เป็นรุ่นน้องผมเอง ค่อนข้างสนิทกันพอสมควรเพราะแม่ของมันเคยจ้างผมไปสอนพิเศษก่อนที่เจ้าตัวนั้นจะสอบเข้าปีหนึ่ง หลังจากนั้นก็เลยสนิทกันตลอดมา


     “อะนี่ สัญญาเช่าห้อง”  ผมรับกระดาษมาจากคนตรงหน้า ซึ่งมันคือสัญญาเช่าห้อง จากนั้นก็นั่งไล่อ่านทุกตัวอักษร เมื่ออ่านและทำความเข้าใจกับข้อตกลงเสร็จแล้วก็จัดการจรดปลายปากกาเซ็นต์ลงไปทันที

     เป็นสัญญาเช้าบ้านใหม่ผมเอง หอที่อยู่นั้นบรรยากาศมันไม่ค่อยดี อยากจะหาเช่าบ้านที่เขาแบ่งให้เช่า และบ้านหลังนี้มันก็ค่อนข้างถูกใจ บรรยากาศดี มีพื้นที่กว้าง แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ย้ายออกมาก็เพราะเจ้าของหอไม่ค่อยโอเคเท่าไร ก็เลยย้ายออกมาซะยังจะดีกว่า เนื่องจากเขาชอบเอารัดเอาเปรียบแล้วก็โกงค่าน้ำไฟ  แล้วบ้านที่จะย้ายใหม่เข้าไปนี่ก็ราคาถูกกว่าหอเดิมมาก


     “นี่เงิน” ผมพูดแล้วก็ยื่นเงินมัดจำให้คนตรงหน้า แต่ที่เห็นฟาร์มมันคอยมาเอาเงิน คอยเอาสัญญามาให้เซ็นต์เป็นธุระให้น่ะมันไม่ใช่เจ้าของบ้านนะครับ เป็นเพื่อนเจ้าของบ้านต่างหาก


     “โอเค”  “แล้วพี่จะย้ายเข้าไปวันนี้เลยไหม?” 


     “วันนี้เย็น รถกระบะเพื่อนกูว่างพอดี เลยว่าจะยืมมาขนของ รอบเดียวก็น่าจะขนหมดเพราะของไม่เยอะเท่าไร จะมีก็แต่ของน้องกวาง”


     “โอเคๆ ไว้เดี๋ยวตอนเย็นผมมาช่วยย้ายนะ ตอนนี้ขอไปเรียนก่อน”


     “อืมโอเค…”  สิ้นประโยคสุดท้ายของบทสนทนา ผมก็บอกลาและลุกขึ้นเดินออกมาทันที   

ก็หวังว่าเจ้าของบ้านนั้นจะไม่น่ารำคาญ และหน้าเลือดอย่างที่เคยเจอมานะครับ แต่เท่าที่รู้มา ก็รู้แค่ว่าเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง


ตกเย็น


     ขนข้าวของมาหมดแล้วและตอนนี้กำลังอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ก่อนจะเช่าผมเคยมาดูแล้วและบ้านหลังนี้ค่อนข้างถูกใจผมพอสมควร มีพื้นที่กว้างมากที่หน้าบ้านและรอบๆ มีสามห้องนอนสองห้องน้ำ แต่รู้มาว่าเหมือนจะมีอีกคนด้วยที่มาเช่าอยู่ด้วยแต่ก็ยังไม่เคยเห็น


     “แล้วน้องกวางล่ะพี่?” 


     “อยู่กับน้ากูน่ะ เดี๋ยวกะว่าขนของลงเสร็จเดี๋ยวจะไปรับ เมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้ไปรับกลับบ้านคิดถึงฉิบหาย”


     “ฮ่าๆ น่ารักขนาดนั้นเป็นผม ผมก็คิดถึง”  “นั่นไงพี่พอดีเลย เพื่อนผมมันอยู่บ้านพอดี เดี๋ยวแนะนำให้รู้จัก”  รุ่นน้องคนสนิทพูดพร้อมกับเลื่อนประตูรั้วบ้านให้เปิดออกแล้วก็เดินนำเข้าไป


     “ปิงโว้ยยย!!”   ฟาร์มมันตะโกนเรียกเพื่อนเสียงดังลั่น


     “เออๆเข้ามากูลุกไม่ไหวปวดหัว”  จากนั้นก็มีเสียงร้องตอบกลับมาทันควัน และเสียงนี้ทำให้ผมรู้สึกคุ้นๆหูอย่างน่าประหลาด เหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน


     ฟาร์มเดินนำหน้าพาผมเข้าไป ตอนนี้เรากำลังเรากำลังยืนอยู่ตรงกลางบ้านซึ่งเบื้องหน้าผมได้มีโทรทัศน์เครื่องใหญ่ตั้งอยู่มันกำลังฉายรายการตลกอยู่บนหน้าจอและโซฟาหนังสีน้ำตาลขนาดยาว มีร่างของใครบางคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นเข้าของบ้านกำลังนอนอยู่ตรงนั้น แต่เพราะพนักโซฟาบังไว้ผมเลยไม่รู้ว่าเขามีรูปร่างลักษณะอย่างไร จะมีก็แต่ปลายเท้าที่โผล่พ้นออกมาจากปลายโซฟานิดหน่อย


     “ปิงนี่พี่เสือคนที่จะมาเช่าบ้านมึง!”  ฟาร์มร้องบอก และเดินไปหาเพื่อนของเขาซึ่งกำลังนอนอยู่

     คนที่กำลังนอนอยู่บนโซฟาหน้าทีวี ค่อยๆดันตัวลุกขึ้นมา กำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่างจากนั้นก็เงียบหายไป “หวัดดีครั...”

     ยังไม่ทันที่จะพูดจบ อารมณ์แห่งความตกใจของคนตรงหน้านั้นฉายแววขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ผมเองก็ตกใจเช่นกัน แต่ก็ยังคงรักษาสีหน้าไว้ดังเดิม ไม่เหมือนเจ้าของบ้านที่ตอนนี้ยิ่งแสดงความตกใจออกมามากยิ่งขึ้น ดวงตาเบิกโพลง ริมฝีปากที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยก็หยุดชะงักอ้าไว้อย่างนั้น


     จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร เพราะคนตรงหน้านี้คือคนที่เป็นวันไนท์แสตนด์ของผมยังไงล่ะ…


     เพิ่งตระหนักได้ถึงความกกลมของโลกก็วันนี้นี่เอง…


  “ไอ้ฟาร์มกูไม่เอา กูไม่ให้ไอ้เหี้ยนี่มันเช่าบ้าน!”   
 


Rewrite 16/7/60




     



   









รัก
กิงก่องโก๊ะ

11/3/60








หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่หนึ่ง (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-03-2017 21:31:32
มีแววจะได้อยู่แบบพ่อแม่ลูก ว่าแต่แม่แท้ ๆ นี่ยังไง
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่หนึ่ง (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 18-03-2017 23:08:04
   
ตอนที่หนึ่ง : เเขกคนใหม่ ผู้ร่วมเรียง เคียงใต้ชายคา



หลายวันก่อนหน้านี้


     ‘ไอ้เหี้ยฟาร์มกูจะทำยังไงดีวะ แม่งไม่มีเงินใช้แล้วว่ะ!’  ผมนั่งบ่นโอดครวญให้ไอ้เพื่อนรักฟัง หลังจากที่เห็นมันโผล่หน้าลงมาจากตึกคณะรัฐศาสตร์ 

     ‘ก็ทำงานสิวะ! มึงจะมานั่งบ่นทำซากอะไร เดี๋ยวก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมหรอก’ ฟาร์มมันพูดแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนฝั่งตรงข้ามผม พร้อมกับปลดเป้บนบ่าวางไว้ข้างๆตัว

     ‘กูไม่รู้จะทำงานอะไรนี่สิ’ ตอบกลับไปพร้อมกับพรั่งพรูลมหายใจด้วยความปลงตก

     ‘กูว่ามึงไม่รู้จะทำงานอะไรหรอก  มึงแค่ขี้เกียจแล้วก็ทำอะไรไม่เป็น!’   ก็จริงอย่างที่มันพูด 

     ‘อย่าเพิ่งด่า… มึงช่วยกูคิดหน่อยเด้’   

     ‘ไม่รู้โว้ย!! ปัญหาใครปัญหามัน’  สงสัยมันคงจะรำคาญผม เพราะเมื่อสิ้นประโยคแล้วคู่สนทนาก็ลุกเดินหนีผมทันที ไวเท่าความคิดผมก็ไม่รอช้าที่จะรีบลุกขึ้นและก้าวเดินตามมันไป

เมื่อประชิดตัวแล้วเลยคว้าหมับเข้าที่แขนพร้อมกับอ้อนวอนร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักทันที ‘โหยยย ไรว้า ช่วยกูหน่อยนะๆๆ ’ เพราะไอ้ฟาร์มนี่ที่เพิ่งสุดท้ายแล้วนะครับหัวหน้า 


     ป๊าบ!!

     เท่านั้นแหละครับ มือใหญ่ๆของมันก็ตบลงเข้าที่หัวผมทันที ถ้าตบแรงกว่านี้อีกนิดนี่สมองคงจะไหลออกมาแล้วแหงๆ

     ‘มึงน่ะหัดช่วยเหลือตัวเองซะบ้าง!’  จริงๆเรื่องช่วยตัวเองไม่ต้องห่วงหรอกช่วยมาบ่อยแล้ว (อ่าวนั่นมันคนละช่วย!!)‘โว้ยยยยก็เพราะกูช่วยแล้วนี่ไง แต่ว่ามันไม่รู้จะช่วยยังไงนี่สิ’ นี่ก็นั่งคิดนอนคิดมาแล้วนะว่าจะทำยังไงดี ขอพูดตรงๆเลยนะ ว่าถ้าให้ไปทำงานคงไม่ไหว เพราะผมทำอะไรไม่เป็นเลยแหะๆ

     ‘ที่จริงกูก็คิดไว้แล้วแหละว่าจะทำยังไง…’ พูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ และมองมาที่ผมอย่างใช้ความคิด

     ‘จริงเหรอวะ!?’

     ‘อือ’

     ‘แล้วทำไงล่ะ?’

     ‘คืองี้…บ้านมึงมีสามห้องนอนสองห้องน้ำใช่ไหม?’
 
     ‘อือฮึ… แล้ว?’  พยักหน้ารับด้วยความสงสัย เกี่ยวอะไรกับบ้านผมวะ?

     ‘มึงก็แบ่งอีกสองห้องให้คนมาเช่าดิ’ จบประโยคของคนตรงหน้าผมก็ถึงบางอ้อทันที

     ‘เฮ้ยเดี๋ยวนะ!?  มันจะดีเหรอวะ?’ นั่นสิมันจะดีเหรอ นี่คิดว่าเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำนะ เพราะไม่ชอบอยู่ร่วมกันกับใครมันน่าอึดอัด

     ‘ก็แล้วแต่มึงแล้วกัน กูก็ช่วยมึงได้แค่นี้แหละ’  ฟาร์มพูดทิ้งท้ายไว้จากนั้นก็เดินออกไปปล่อยให้ผมยืนคิดหนักอยู่ตรงที่เดิม
นี่คิดหนักจริงๆนะครับ

     แต่ก็ถูกของมัน… บ้านของผมมีสามห้องนอนสองห้องน้ำ แล้วแบ่งสัดส่วนได้ดีมาก อีกอย่างก็มีแค่ผมที่อยู่บ้านนี่นา มันคงไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้ง? 

     เพราะถ้ามาเช่าผมจะเก็บเงินเดือนละสี่พัน ถ้ามาเช่าสองคนหนึ่งเดือนก็จะตกแปดพัน บวกลบคูณหารแล้วมันก็จะเข้าท่าอยู่หน่อยๆ… จะได้เดือนละแปดพันโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วเดี๋ยวค่อยๆหางานทำทีหลังก็ได้

     ทันเท่าความคิดเมื่อสมองประมวลผลได้แล้วผมก็รีบวิ่งตามไอ้ฟาร์มไปด้วยความไวว่อง‘ฟาร์มโว้ยยยย!! รอด้วยย’  เกาะบ่ามันไว้และหอบหายใจแฮ่กๆเนื่องจากเมื่อครู่ได้วิ่งสี่คูณร้อยตามมันมา

     ‘กูยอมก็ได้!’  จะไม่ยอมได้ยังไงพอนึกถึงเงินที่จะได้ในแต่ละเดือนแล้วมันก็ตาลุกวาว ‘ว่าแต่กูจะไปหาใครที่ไหนมาเช่าล่ะวะ?’  เออนั่นสิ จะรู้ได้ไงว่าใครจะอยากมาเช่า

     ‘ที่จริงกูก็พอจะหาให้ได้ เพราะรุ่นพี่ที่กูรู้จักมันกำลังหาบ้านเช่าอยู่’   

     ‘นี่มึงมีคนคบด้วยเหรอ นอกจากกูเนี่ย?’  เออนี่สงสัยนะ เพราะนอกจากผมแล้วไอ้ฟาร์มมันไปคบใครที่ไหนอีกวะ

     ‘เอ้า! ไอ้นี่ กูก็ต้องมีดิ’ เป็นเรื่องน่าแปลกใจมาก อยากจะจารึกไว้ที่ไหนสักที่ให้โลกได้รู้เลย เพราะคนอย่างไอ้ฟาร์มเนี่ย ไม่ค่อยมีใครอยากคบมันหรอก แล้วอีกอย่างไม่ใช่อะไรไอ้นี่น่ะมันแปลกๆเข้ากับคนยากมาก นี่ก็ไม่รู้มาสนิทกับมันได้ยังไงตั้งนาน

     ‘แล้วจะมาเช่ากี่คน?’

     ‘ก็อาจจะสอง  เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้พี่มันได้ห้องเช่าหรือยัง’

     ‘พี่มึงนี่ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ?’

     ‘ผู้ชายสิ หน้าอย่างกูเคยมีผู้หญิงมายุ่งเหรอ?’   เออกูก็ลืมไปว่ะ…  แต่ว่ามันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ขนาดที่ไม่มีใครคบนะครับ เป็นเพราะมันต่างหากที่ไม่ยอมคบใคร

     ‘เออๆ ขอบคุณมึงมากนะเพื่อนรัก ปะเดี๋ยวกูเลี้ยงเหล้า’

     ‘เอาเงินแดกเหล้าของมึงเก็บไว้เถอะ ไม่มีจะแดกอยู่ละ’ 


     จึก!

     เจ็บดีครับ โดนใครด่าก็ยังไม่เจ็บเท่าเพื่อนด่า ก็แปลกทั้งที่มันด่าผมก็ออกจะบ่อย ทำไมถึงยังไม่ชินสักที
 และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของผู้เช่าบ้านรายนี้…

● ● ●


ปัจจุบัน


     “ไอ้ฟาร์มกูไม่เอา กูไม่ให้ไอ้เหี้ยนี่มันเช่าบ้าน!” ผมตอบกลับขึ้นมาโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้เห็นหน้าของคนที่จะมาเช่า จะไม่อะไรเลยครับถ้าหากเขาไม่ใช่คนที่เป็นวันไนท์แสตนด์ของผม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไอ้ฟาร์มมันรู้จักกับไอ้คนนี้ได้ยังไง   

     “อะไรของมึง? เสียมารยาทนะมึงน่ะ” ถามขึ้นมาด้วยความฉงนจนคิ้วนั้นขมวดเป็นปม และพูดขึ้นต่อว่า “ทำความรู้จักกับพี่กูซะสิ”

     “ไม่ได้!” ผมตอบปฏิเสธ นี่ค้านหัวชนฝาเลย คิดว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอกันแล้วนะ ทำไมยังถึงต้องมาเจอมันอีกเนี่ย!
ผมแอบเหลือบตามองไอ้คนนั้นเล็กน้อย มันก็ยังคงรักษาสีหน้าเรียบเฉยไว้ดังเดิม

     “อะไรของมึงวะ!?”  “มานี่ดิ!”  ว่าแล้วมันก็เดินนำหน้าผมเพื่อที่จะได้ออกไปคุยกันข้างนอก แต่มึงครับเข้าใจกูด้วยนี่เจ็บก้นมาก กูไม่ยากเดิน ไม่อยากขยับตัวเว้ย!   

     “ไหนมึงเป็นไรพูดมาดิ! ทำไมถึงไม่ให้พี่เขาเช่าบ้าน?”  เมื่อเดินออกมาคุยกันยังจุดที่คิดว่าไอ้คนนั้นมันจะไม่ได้ยินแล้วตอนนี้เพื่อนรักมันเลยยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าแล้วยิงคำถามใส่ผมทันที

     “ค คือ…”   ใครจะกล้าพูดล่ะวะ ว่าเสียตัวให้มัน

     “…”
     แล้วเอาไงดีล่ะเนี่ย มันเล่นยืนเงียบกดดันรอคำตอบผมฉิบหายเลย

     “คือ ก กู…” 

     “คืออะไร?” ถามเสียงเรียบ และยังคงตั้งหน้าตั้งตารอฟังเหมือนเดิม 

ตอนนี้เหงื่อกำลังไหลตามฝ่ามือและไรผมจนมันเปียกชื้น หัวใจผมเต้นตุบตับเพราะกำลังวิตกกังวล ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงให้มันสมเหตุสมผลที่สุด “กูไม่รู้โว้ย เอาเป็นว่ากูไม่อยากให้มันมาเช่า!” ท้ายที่สุดแล้วก็หลับหูหลับตาตอบ โวยวายและแถๆไปอย่างจนปัญญา

     “มึงเคยเจอกับพี่กูก่อนเหรอวะ?”  ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างใช้ความคิด และมันก็จ้องมาที่ผมอย่างจับผิด

     “บ บ้ากูจะไปเคยเจอมันได้ยังไง”   แล้วผมจะเสียงสั่นทำห่าอะไรล่ะวะเนี่ย!

     “แล้วทำไมมึงถึงเรียกพี่กูว่าไอ้ แล้วก็มัน”  “แสดงว่าเคยมีเรื่องกัน?”  โอ้ยยยยย อย่าถามกูเยอะนักสิครับเพื่อรัก

     “ก กูจะไปเคยมีได้ยังไง ก็เพิ่งเคยเจอกันนี่แหละ”

     “ถ้าเพิ่งเคยเจอกันแล้วมึงมีปัญหาอะไร? ทำไมถึงให้พี่มันเช่าไม่ได้” คราวนี้ไม่พูดเปล่า มันกำลังเดินวนไปวนมาอยู่รอบๆตัวผมอย่างจับผิด  เหงื่อกาฬยังคงแตกพลั่กออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ส่วนไอ้ขาเจ้าปัญหานี่มันก็ติดสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่อะไรเนื่องจากตอนนี้มันเริ่มจะทรงตัวไม่ค่อยอยู่แล้ว  เพราะมันก็เริ่มจะเจ็บแผลหน่อยๆ 


     “กู ม มีเหตุผลส่วนตัว”  ยังมาหายปากสั่นเลยครับ พอดีเป็นคนควบคุมอารมณ์ตอนตื่นเต้นไม่ได้

     “มึงก็บอกเหตุผลมาสิ ว่ามันเรื่องอะไร?” ไอ้ฟาร์มตอนนี้ยังคงกดดันผม แถมยังเลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความสงสัย แสดงว่าอยากรู้มาก เพราะปกติไอ้นี่มันหน้าเดียว ไม่ค่อยแสดงอารมณ์หรอก คิดแล้วก็อยากถ่ายรูปไว้เลยนานๆทีจะได้เห็น  พอๆออกทะเลไปไกลแล้ว

     เอาไงดีล่ะครับ ตอนนี้เลยได้แต่ยืนกัดปากตัวเองจนเลือดแทบจะไหลอยู่แล้ว


     คิดสิคิด…


     คิด


     คิด


     คิด…ไม่ออก

     “ว่าไง?”   ห่านนน!! เสียงทุ้มต่ำของเพื่อนฟาร์มถามย้ำขึ้นอีกครั้ง ทำให้ผมที่กำลังจมอยู่ในภวังค์สะดุ้งขึ้นมาดวยความตกใจ ยังอีกยังไม่เลิกกดดันกูอีก

     “ก กูแค่ไม่ชอบหน้ามัน!”   ตอนนี้สีข้างถลอกหมดแล้ว เสร็จแล้วพาไปหาหมอด้วยนะครับ

     “แค่นี้?”

     “อ อือ”

     “ใช่เหรอวะ? กูว่าไม่นะ”  ถามขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ยังคงแสดงออกมาว่ายังไม่ได้ปักใจเชื่อสักเท่าไร

     “ก ก็แค่นี้เหละ!”  ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ขมับด้วยความรวดเร็วอาศัยตอนนี้ไอ้ฟาร์มมันไม่ได้จ้องหน้าจับผิดผมเหมือนตอนแรกๆ

     “มึงอย่าเรื่องมากสิ เลือกเอาจะยอมไม่มีแดกหรือจะยอมให้พี่มันเช่าบ้าน กูบอกเลยนะถ้ามึงฉีกสัญญาตอนนี้มึงต้องจ่ายค่ามัดจำคืนให้มันสองเท่า ระบุไว้แล้วในสัญญา”  “แล้วอีกอย่างกูก็เอาเงินค่ามัดจำมาแล้วด้วย”   

     โคตรซวย นี่กูต้องยอมอย่างเดียวเลยใช่ไหม

     “…”  เอาไงดีวะ

     ปากกูห้อเลือดเรียบร้อยแล้วครับ กัดมันเข้าไป

     “เอาไง?” 

     ถามมาได้ว่าเอาไง ขนาดนี้แล้วก็ต้องยอมสิวะ!

     “เออแล้วแต่มึง!!”   

     พูดเสร็จแล้วผมก็เดินหนีเข้าห้องด้วยความหงุดหงิด  แล้วนอกเหนือจากนั้นเดี๋ยวไอ้ฟาร์มมันจะซักไซ้เหตุผลมากกว่านี้ แล้วนี่อะไรเดินผ่านไอ้คนนั้นแล้วมันก็ยังยืนทำหน้าเรียบเฉยไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีก 
เหอะ! เบื่อโว้ยย เจอแต่พวกหน้าเดียวตอนแม่พวกมันท้องคงจะไม่ค่อยยิ้มแน่ๆ พอคลอดออกมาแล้วหน้าเลยเป็นแบบนี้!

● ● ●


     เวลาล่วงเลยมาจนเกือบสองทุ่ม ผมก็ยังคงนอนแห้งเป็นผักเหี่ยวอยู่ในห้อง หลังจากไอ้ฟาร์มมันช่วยรุ่นพี่มัน หรือไอ้คนนั้นขนของเสร็จแล้ว มันก็กลับเลยเห็นบอกว่าวันนี้ม๊าจะพาไปทานข้าวก็เลยขัดไม่ได้ต้องกลับก่อน
ก่อนไปมันก็เข้ามาบอกแต่ผมนอนหลับอยู่ เลยไม่ได้คุยอะไรกันมาก ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน ดีนะที่มันไม่ได้ซักไซ้อะไรมากมาย 

ถ้าเยอะไปกว่านี้ก็กลัวว่าความลับจะแตกเอา เพราะเป็นคนที่ค่อนข้างจะเก็บความลับและซ่อนอาการไม่อยู่ เวลาโกหกมันทีไรนี่โดนจับได้ตลอด  ก็คิดอยู่ว่าทุกวันนี้มันเป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อ รู้ใจผมดีซะยิ่งกว่าใคร

แต่ตอนนี้เนี่ย แล้วก็ต่อๆไปนี้ควรจะเอายังไงดี โลกมันกลมไปไหม? ทำไมผมกับเขาต้องโคจรมาเจอกันอีกด้วย พูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็หงุดหงิดทุกที เมื่อคืนไม่รู้เลยว่าอะไรยังไงกับไอ้คนนั้นที่สุดท้ายถึงได้มาลงเอยกันในสภาพนี้ จำได้แค่ว่าไปกินเหล้ากับเพื่อนอีกกลุ่มที่อยู่ในคณะเดียวกัน แถมยังเมามากไม่รู้ว่ามาคุยกันได้ยังไง จำได้แค่… แค่ตอนที่นั่งคุยกันแล้วแม่งก็มีคนพามาที่ห้อง จากนั้นก็จำอะไรไม่อีกเลย ขนาดเมื่อคืนตอนที่… ตอนที่… นั่นแหละตอนนั้นแหละ ผมยังไม่รู้เรื่องเลย รู้แค่ว่ามันรู้สึกดี

     เออยอมรับก็ได้วะว่ารู้สึกดี แต่ก็เจ็บฉิบหาย คิดว่าแต่มันคือความฝัน ที่ไหนได้แม่งเอ้ย!! เรื่องจริง

คิดแล้วก็แค้น ไม่ใช่แค้นอะไรหรอก แค้นที่ว่าทำไมผมถึงต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบด้วยต่างหาก พระเจ้าช่างไม่เข้าข้างถ้าเมื่อคืนนี้นี่เป็นฝ่ายกดมันจะไม่อะไรเลยนะ!

     “แง๊!!”  เอ๊ะ? มือที่กดโทรศัพท์อยู่ถึงกับชะงัก… เสียงเด็กที่ไหนมาร้องแถวนี้วะ…ถ้าของคนข้างบ้านก็ไม่น่าจะดังมาถึงบ้านผมนี่นา

ทันเท่าความคิด ผมวางโทรศัพท์ไว้แล้วลุกขึ้นมาจากที่นอนด้วยสภาพที่ทุลักทุเลมาก ไม่ใช่อะไรหรอกผมไม่ชอบเด็กน่ะ แค่ได้ยินเสียงก็หงุดหงิดจะแย่อยู่แล้ว 

และนี่ทำไมมันถึงปวดหัวอย่างนี้วะตอนผมลุกพรวดจากที่นอนก็แทบจะล้มพับลงไป รู้สึกเหมือนว่าโลกกำลังหมุนตีลังกาไปมา แต่ก็ได้อยู่ผมยังประคองตัวเองไว้ได้อยู่


     “แง๊!!”  นั่นไงชัดเลย ยิ่งผมเดินออกมาเสียงของเด็กนี่ยิ่งชัดเจนขึ้นในโสตประสาท อย่างกับอยู่ในบ้านของผม 

     เดี๋ยวนะ… บ้านผม?

     “แง๊!!!!!!”   
     จริงๆด้วย ต้นตอขอเสียงนั้นอยู่ในบ้านผม  ทันทีที่เปิดประตูออกมา ก็เจอเข้าเด็กคนหนึ่งที่ไอ้คนนั้นมันกำลังอุ้มอยู่ เขาหันมามองหน้าผมแค่เพียงแวบหนึ่ง 


     ผมกำลังจะอ้าปากขึ้นถามแต่แล้ว…

     ก็รู้สึกเหมือนว่าโลกของผมค่อยๆถูกความมืดมิดคืบคลานเข้ามา

     แล้วมันก็ดับวูบไป

     เฮ้ย!!!

● ● ●


บันทึกของเสือ   


     เฮ้ย!!

     ด้วยความตกใจผมเลยเผลออุทานออกมาเสียงดังลั่น ก็เพราะว่าคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องและกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างนั้นอยู่ๆก็เป็นลมล้มพับไปเลย ทำให้ตอนนี้ผมไม่สามารถเข้าไปช่วยไว้ได้ทันเนื่องจากว่ากำลังอุ้มน้องกวางที่กำลังร้องไห้งอแงด้วยความเจ็บเนื่องจากเจ้าตัวดันปีนขึ้นเล่นบนโซฟาที่ตั้งอยู่กลางบ้าน คาดสายตาผมนิดเดียวเจ้าเด็กอ้วนนี่ก็นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้นซะแล้ว

     “แง๊!!” 

     “โอ๋ๆๆๆ  เงียบนะครับคนเก่ง พ่อมาแล้วๆๆ”   พูดปลอบเด็กอ้วนพร้อมกับลูบศีรษะเล็กอย่างปลอบประโลม จากนั้นก็รีบพาไปนั่งไว้บนรถโดนัทล้อเลื่อนซึ่งเอาไว้ให้หัดเดิน  เพราะมีไอ้เด็กอีกคนที่น่าห่วงด้วยเช่นกันและเขากำลังนอนเป็นลมอยู่หน้าห้อง

     “แง๊!!” เด็กน้อยร้องไห้ งอแงหนักมากกว่าเดิม จนมันทำให้ผมสับสนว่าควรจะช่วยใครก่อนดี!

     “โอ๋ เดี๋ยวพ่อมานะคะคนเก่ง พ่อขอช่วยคุณเจ้าของบ้านเขาแป้บนึง”   ก็ได้แต่พูดไปเท่านั้น ดูเหมือนว่าลูกผมคงจะไม่รู้เรื่องอะไรหรอก  แต่ด้วยความที่ชอบพูดกับลูกอยู่แล้ว ตอนนี้มันก็เลยติดเป็นนิสัยไปโดยปริยา ไม่ว่าจะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องผมก็ชอบพูดกับเธอเอาเรื่องราวต่างๆนาๆ สัพเพเหระดินฟ้าอากาศมาพูดด้วย

     หลังจากนั้นแล้วผมก็จัดการอุ้มไอ้ตัวขาวนี่เข้าไปในห้องมันทันทีและพาน้องกวางเข้ามาในห้องพร้อมกัน เพราะไม่อยากที่จะให้คลาดสายตา  เอามืออังหน้าผากเจ้าของบ้านเพื่อวัดอุณหภูมิ เลยทำให้ได้รู้ว่าเขาตัวร้อนมาก สงสัยว่าจะโดนพิษไข้เล่นงานเข้าให้แล้ว ส่วนสาเหตุก็คงมากจาก… เรื่องเมื่อคืน 


     ทันเท่าความคิดผมก็รีบจัดการหาผ้า หาน้ำเอาน้ำใส่กะละมังเพื่อที่จะได้เอามาเช็ดตัวให้ ส่วนน้องกวางก็ยังคงไม่หยุดร้อง จนต้อนนี้ผมนี่วิ่งวุ่นไปหมด ไหนจะคอยโอ๋ลูกไหนจะคอยเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ไอ้หน้าอ่อนนี่เลยยังไม่เสร็จสักที เพราะกลัวว่าถ้าปล่อยไว้เดี๋ยวไข้จะขึ้นสูงกว่าเดิมแล้วช็อคเอาได้


     เฮ้อออออ!!

     แล้วก็จัดการคนป่วยเสร็จในที่สุด หลังจากที่เช็ดตัวและเอายาให้ทาน สถานีต่อไปก็คือเจ้าเด็กอ้วนที่ร้องไห้งอแงจนหน้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำหูน้ำตา ทำให้เป็นคราบเต็มหน้า แป้งเด็กที่ทาให้ในตอนแรกก็หายหมด เลยต้องเอาผ้าชุบหน้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้ใหม่  คงจะใช้พลังไปมากหลังจากที่ชงนมให้ดื่มน้องกวางก็ดูดไปซะเกือบหมดขวดและผล็อยหลับคาขวดนมไปเลย 


     เฮ้อออออ ซิงเกิ้ลแด็ดนี่ไม่ได้ง่ายๆเลย แต่ก็รู้สึกดีนะที่เขาได้มีเขามาเป็นลูก เหมือนได้ของขวัญชิ้นใหญ่จากพระเจ้าเลยอะไรประมาณนั้น

     ที่จริงยังไม่ได้แนะนำตัวอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะครับ ผมชื่อเสือ เรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์ปีสาม และผมมีลูกแล้วครับ…
เธอชื่อน้องกวางอายุหนึ่งปีแปดเดือนแล้วถ้าจำไม่ผิดนะครับ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าเท่าไรเพราะทำงานจนลืมวันลืมคืน จำเวลาและวันที่ไม่ค่อยได้  น้องเป็นเด็กน่ารัก แล้วก็อารมณ์ดีมากด้วย แถมยังเลี้ยงง่ายอีกต่างหาก

ถามว่าเลี้ยงลูกไปด้วยเรียนไปด้วยยากไหมน่ะเหรอ? อืม… ก็ยากนะ ยากมากด้วย เหนื่อยมาก แต่ก็มีความสุขดี ก็นั่นลูกผมทั้งคน
ไม่ได้เลี้ยงคนเดียวจัดการเองคนเดียวทั้งหมดหรอก ยังมีน้าเล็กน้องสาวของคุณแม่ผมเองที่ท่านช่วยเลี้ยงในเวลาที่ผมไปเรียนหรือไปทำงาน โชคดีหน่อยที่เขารักเด็กมาก  เลยได้น้าเล็กคอยช่วยผมดูแลน้องกวางเป็นอย่างดี…


     ผิดกับพ่อของผม… ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าในส่วนของภรรยาและพ่อของผม ควรจะเก็บไว้อย่างนี้แหละอย่าสนใจมันเลย คิดว่าไม่น่าจะใช่เรื่องที่น่าให้ความสนใจสักเท่าไร และผมเองก็ไม่ได้อยากสนใจหรือรื้อฟื้นขึ้นมาเหมือนกัน 


     ตอนนี้น้องกวางก็หลับไปแล้ว ผมก็เลยออกมาดูเจ้าของบ้านที่ชื่อว่าปิงสักหน่อยเดี๋ยวมันจะตาย… เห็นแบบนี้ก็มีความรับผิดชอบมากพอนะครับ ถึงแม้ว่า… เขาจะเป็นผู้ชายไม่ได้เป็นผู้หญิงก็ตาม แต่ยังไงก็เป็นผู้ถูกกระทำอยู่ดี 

จริงๆมันก็นานแล้วที่ไม่ได้ไปมีเวลาทำเรื่องอย่างว่ากับใครที่ไหน ก็ตั้งแต่มีลูกเรื่องแบบนั้นก็ไม่ได้อยู่ในหัวอีกเลย วันๆก็เอาแต่ทำงาน ไหนจะเรื่องเรียนแล้วก็ต้องเลี้ยงลูก จะเอาเวลาที่ไหนไปคิด เมื่อคืนเลย.. เลย.. อาจจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย และเป็นเหตุทำให้ปิงมันไม่สบายเอาได้

จากอุณหภูมิร่างกายที่ลดลงแล้ว ก็ค่อยวางใจหน่อย ไม่อยากให้เป็นอะไรไปมากกว่านี้ เพราะก็รู้สึกผิดเหมือนกัน ไม่รู้ว่าโลกนี้กำลังเล่นตลกอะไรกับผมอยู่ ถึงได้เหวี่ยงให้ผมกับไอ้เด็กนี่มาเจอกันอีกครั้ง 


     แต่จะว่าไปโลกมันก็เป็นแบบนี้แหละครับ มักจะมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นเสมอ อาจจะดีบ้างร้ายบ้าง ส่วนเราก็แค่เตรียมตัวตั้งรับกับมันแค่นั้นเอง และจะรับได้หรือไม่ได้นั่นก็อีกเรื่องเพราะเราไม่รู้ว่าเรื่องที่มันจะเกิดขึ้นกับเราจะหนักหนาสาหัสมากขนาดไหน
และผมก็เคยเจอเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่สุดท้ายผมก็ยังคงอยู่ อยู่เพื่อลูกของผม 


จบบันทึกของเสือ


● ● ●


เหตุเกิดจากบุหรี่…


     เหยดดดดแม่ม!!  นี่โลกหรือม้าหมุนครับหัวหน้าทำไมมันโคลงเคลง หมุนไปหมุนมาขนาดนี้
สงสัยว่าตอนนี้กำลังโดนความเมาเข้าเล่นงานแล้วแน่ๆ รู้สึกโลกเริ่มโคลงเคลง ไม่อยู่กับที่ เนื่องจากวันนี้ไอ้เจมส์เพื่อนที่คณะ มันอกหักเลยลากคอผมกับเพื่อนมาฉลองในความโสด แล้วนี่ไม่รู้พวกมันหายไปไหนกันหมด ผมก็เลยแอบเดินออกมาข้างนอกเพื่อที่จะสูบบุหรี่สักหน่อย 


     อ่า… โคตรเมาเลย มึนหัวฉิบหาย จะกลับบ้านยังไงล่ะคราวนี้

     ทันทีที่เคาะเอาบุหรี่ออกมาจากซองเตรียมที่จะดูดแล้วนั้นกลับต้องสะดุดลงเพราะสองมือที่คลำหาไปแช็คตามตัวแล้วไม่พบ 

     โว๊ะ!! แล้วจะสูบยังไงล่ะวะ ลืมไปว่าไอ้โก้มันเอาไฟแช็คไป

     ว่าแล้วก็มองซ้าย มองขวาสักหน่อย 

     เอาวะ…

     “พี่ๆ ขอต่อไฟหน่อยได้ไหม?”   หลังจากที่มองซ้ายมองขวาแล้วก็เลยตัดสินใจเดินไปขอต่อไฟกับไอ้หน้าหล่อที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากผม   

     “เอาดิ”  ว่าแล้วมันก็ยื่นปลายบุหรี่หันมาทางผม  จากนั้นก็เลยเอาปลายบุหรี่ที่ยังไม่ได้ติดไฟ ไปต่อชนวนไฟจากคนตรงหน้าที่กำลังคาบไว้ในปาก

     “ขอบคุณพี่”    พูดพร้อมกับพ่นกลุ่มควันออกมา เมื่อต่อไปสำเร็จ

     “นี่มึงเข้าผับมาได้ยังไงเนี่ย การ์ดไม่กันออกเหรอ?”  อยู่ๆคนตัวสูงกว่าก็พูดขึ้น ในขณะที่เราสองคนกำลังยืนสูบบุหรี่เงียบๆอยู่ข้างๆกัน

     “เพื่อนมันเป็นหลานเจ้าของผับน่ะพี่ เลยเข้าได้”     

     “ก็ว่าอยู่หน้ามึงเหมือนเด็กมอต้นหนีพ่อเที่ยว”  ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างติดตลก

     “แหม…พี่ก็ว่าไป ผมนี่อายุสิบเก้าแล้วนะ ปีหน้าก็ไม่ต้องใช้เส้นละ”   “ว่าแต่พี่เถอะนี่อายุเท่าไรละ?”   

     “ยี่สิบสอง” เสียงทุ้มตอบกลับมาและขยี้ปลายนิโคตินลงบนจานที่ใช้สำหรับทิ้งเศษซากของบุหรี่ 

     “โห…ถ้าไม่บอกนี่คิดว่าสามสิบ”

     “กวนตีนละ”  พี่มันพูดและก็หันหน้ามามองผม   

     เช้รดดดดโด้! พอได้มองหน้ามันชัดๆแล้วนี่… หล่อว่ะสาดดดด นี่ขนาดผมเป็นผู้ชายด้วยกันยังขอชมเลย   

     เอ๊ะ หรือว่ากูเมาเกินวะ…

     แล้วนี่ก็ลืมไปว่าไม่ได้รู้จักกันกับเขาทำไมผมยังยืนคุยอยู่ได้ล่ะเนี่ย 

     “หยอกน่ะพี่”   “ว่าแต่พี่เรียนที่ไหนวะ?”   เออครับเลยคุยกันแบบไม่ต้องรู้จักหรอกกันหรอก 

     “เรียนมอXXน่ะ… มึง?”   คนตัวสูงถามกลับพร้อมกับคิ้วเข้มที่เลิกขึ้นเล็กน้อยในเชิงถาม 

     “ใกล้กับพี่นั่นแหละ นี่เรียนXX”    ก็ถามไปงั้นแหละครับคงไม่ได้เจอกันหรอก

     “แล้วมึงเรียนคณะอะไร?”   

     “เรียนวิด’วะ… แล้วพี่?”   

     “กูเรียนรัฐศาสตร์”   

     “มึงนั่งแถวไหน?ไปนั่งกับกูไหม?”   อ้าวเชี่ยชวนผมเฉย นี่รู้จักกันยังมาชวนกันแบบนี้?

     “พี่ชวนผมนี่รู้จักกันยัง?” 

     “ไม่ต้องรู้หรอก คุยกันแบบนี้แหละ”  คนข้างๆตอบกลับ และผินหน้ามองไปรอบๆ

     “ฮ่าๆ โอเคตามนั้น”  “แล้วมาคนเดียวไง๊ ถึงมาชวน?”   

     “มากับเพื่อนแล้วก็รุ่นน้อง มาเลี้ยงสายรหัส”   

     “โว๊ะ! ใครจะกล้าไปนั่งล่ะ เราไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย”

     “ไปเถอะ  ไปนั่งกับกูหน่อยแม่งคุยกับใครไม่รู้เรื่องสักคน พวกมันเริ่มเมาละ” 

     “แล้วพี่คุยผมรู้เรื่องไง๊?” เพราะนี่ก็เมาเหมือนกัน

     “ก็รู้เรื่องกว่าคนในโต๊ะ ว่าไงไปไหม?”  “ถือว่ากูขอ แลกเปลี่ยนกันกับค่าต่อไฟ”    หืม… ได้เหรอ? แบบนี้ก็ได้เหรอ…

     “เออๆ ก็ได้…” 


และคืนนั้นถ้าไม่มีใครชวนหรือมีคนปฏิเสธไป เหตุการณ์วันไนท์แสตนด์ก็คงไม่เกิดขึ้น…  เพราะอย่างนั้น ครั้งหน้าที่คิดจะเมาก็ควรเมาอย่างมีสติ… และอย่าใจง่ายเพียงเพราะเขาทวงเรื่องค่าต่อไฟ!


TBC...

   









     
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สอง (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 18-03-2017 23:19:48
รักของเสือตอนที่สอง : สมาชิกใหม่

 
     แง๊!!   

 
     แง๊!!


     ไอ้เสียงนี้นี่มันตามมาหลอกหลอนผมถึงในความฝันเลยรึไง ทำไมมันยังคงวนเวียนอยู่อย่างนี้ เอาหมอนอุดหูก็แล้ว พลิกซ้ายก็แล้ว พลิกขวาก็แล้ว แต่ก็ยังคงได้ยินอยู่ และตอนนี้ก็ยิ่งดังเข้ามาเรื่อยๆ  เรื่อยๆ และเรื่อยๆ


     แม่งเอ้ย!!


     ในที่สุดผมก็ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรำคาญ ถ้าปวดหัวหนักเหมือนเมื่อคืนนี่กูลุกไปด่าแน่ๆเพราะรำคาญ แล้วนี่ทำไมผมถึงมานอนตรงนี้ได้วะ จำได้ว่าเมื่อคืนเดินออกมาจากห้อง… 

     เดินออกมาจากห้อง…

     เดินออกมาทำไมวะ!?    เออนั่นสิแล้วผมเดินออกมาทำไมวะ?   

     อ่อ… เมื่อคืนได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องไห้  ก็เลยเดินออกมาดูแล้วก็… ดับวูบไปเลย  สติกูเนี่ยครับดับวูบไปเลย อย่างกับกดชัตดาวน์

     แล้วต่อจากนั้นล่ะวะ? 

แต่ก่อนหน้านั้นที่จะเป็นลมเห็นไอ้คนนั้นมันยืนอุ้มเด็กน้อยที่ไหนไม่รู้อยู่นี่หว่า…   หรือว่าผมฝันไปเพราะมันก็คลับคล้ายคลับคลาไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือเปล่า เดี๋ยวนะ เด็กน้อยเหรอ? 


     แล้วมันเด็กน้อยที่ไหนล่ะครับ?

     ทันเท่าความคิดผมรีบติดเกียร์หมาลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความไวว่อง ไม่ห่วงสภาพตัวเองเลยว่าดีขึ้นหรือยัง เพราะความสงสัยมันมีมากกว่า   เปิดประตูออกมาแล้วรีบตรงดิ่งไปหาไอ้คนนั้นทันที นี่ก็ยังเช้าอยู่เลยมันคงจะยังไม่ไปไหน

แล้วก็นั่นไงครับ มันกำลังนั่งทำอะไรสักอย่างอยู่ที่เก้าอี้ตรงลานหน้าบ้าน และไอ้อะไรสักอย่างที่ผมว่านั้นก็คือการป้อนข้าวเด็ก
จริงๆด้วยเมื่อคืนไม่ได้ฝันไปจริงๆด้วย  นี่บ้านผมมีเด็กจริงๆเหรอ!


     “เด็กที่ไหนน่ะ?”  ถามขึ้นทันทีที่ดวงตาเรียวรีของอีคนมองมา เขาหยุดการกระทำในขณะนั้นลงพร้อมกับตอบว่า “ลูกกูเอง” 

     “อ๋อลูก…”   เห้ยอะไรวะเนี่ย!?

     ขอตกใจก่อนแล้วก็ขอตั้งสติแป้บนึงคือไม่รู้จะช็อคเพราะเหตุผลอะไรก่อนดี หนึ่งคือมีอะไรกับผู้ชายด้วยกันแถมยังมีลูกแล้ว สองต้องอยู่ในบ้านที่มีเด็ก ลำพังอยู่กับมันก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว นี่ต้องมีเด็กมาอยู่ด้วยเหรอวะ

     “แล้วดีขึ้นหรือยัง?  เมื่อคืนมึงเป็นลม” 

     ดีกับผีน่ะสิเป็นหนักว่าเดิมอีกเนี่ย  จะอะไรซะอีกล่ะ? ก็เพราะผมเป็นคนที่ไม่ชอบเด็กน่ะสิ ถ้าเลี่ยงได้คือเลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ก็จะเลี่ยง เพราะโคตรไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบเอามากๆ

     “นี่ลูกกูนะชื่อน้องกวาง”   เสียงทุ้มเอ่ยแนะนำ และจัดการป้อนข้าวเด็กน้อยตรงหน้าต่อ
แต่ประทานโทษนะครับ…กูไม่ได้อยากรู้ กูอยากให้มึงย้ายออกจากบ้านกูเดี๋ยวนี้ และเวลานี้เลย!!!

     “มีอะไรหรือเปล่า?”   ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมยังคงทำท่าทีอ้ำอึ้ง อยากจะพูดแต่ไม่พูด ไอ้เรื่องที่จะพูดก็คือเรื่องลูกมันนี่แหละ แล้วถ้าพูดออกไปแล้วผลลัพธ์ที่ออกมามันจะเป็นยังไงเหรอครับ ผมควรที่จะพูดดีไหม?


     พูด


     ไม่พูด


     แล้วถ้าพูด ควรจะเริ่มที่อะไรดี?  คือเด็กมันก็ไม่ได้มีความผิดอะไรเลยไง แต่มันผิดที่ผมเอง เพราะผมไม่ชอบเด็ก
ตายแน่ๆกูตายแน่ๆ


     เอายังไงดีวะ!!!

     “ว่าไง? มีไร? หรือยังไม่ดีขึ้น?” เจ้าของเสียงทุ้มถามย้ำขึ้นมาอีกครั้ง

     “อะ เอ่อ กะ กู… ไม่มีไร” สุดท้ายคำพูดที่อยู่ในใจก็ต้องเก็บพับเข้าไว้ที่เดิม ถึงแม้ว่าเกลียดเด็กขนาดไหนแต่พอได้เห็นความไร้เดียงสาของเขาผมก็ไม่กล้าพูดเลยครับ

     กูนี่แม่งดูใจร้ายมากเลยว่ะ 

     แต่ก็นะเรื่องนี้ไอ้ห่าฟาร์มต้องรับผิดชอบ เพราะมันก็รู้ว่าผมไม่ชอบเด็กน้อย แล้วยังจะเสือกพามันมาเช่าบ้านผมอีก 


     “เดี๋ยว!”  อยู่ๆมันเรียกผมขึ้นมา ก่อนที่ผมจะเดินออกไป

     “อะไรวะ?”

     “กูชื่อเสือนะ เผื่อจะจำไม่ได้” 

     “แล้ว?”  เออนั่นสิ แล้วไงวะคือกูจำได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยอยากจะจำซักเท่าไร

     “ไม่มีไร กูคิดว่าเรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันจริงๆจังๆสักที”

     “กูไม่อยากรู้โว้ย!”   

     กูไม่อยากรู้จักกับมึ๊งงงงงงง รู้เอาไว้ซะ!!

     ว่าแล้วผมก็เดินหนีเพื่อที่จะได้รีบอาบน้ำแต่งตัวไปมหาลัย ต้องไปเคลียร์กับไอ้ฟาร์มมันสักหน่อย เปล่านั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก  ที่จริงลืมไปเลยว่าวันนี้มีควิซคาบแรกก็เลยต้องระเห็จมาอาบน้ำด้วยความเร่งรีบแบบนี้ไงครับ มัวแต่อึ้งเรื่องน้องกวางอยู่จนลืมว่ามีควิซ   


ใช้เวลาในการจัดการร่างกายตัวเองไม่ถึงห้านาที เพราะอาบน้ำก็อาบแบบวิ่งผ่านเอา แต่งตัวก็ใช้เวลาแค่ไม่เท่าไร ผมนี่ไม่มีคำว่าเซ็ทหรอกครับ พอดีหัวเถิกเลยไม่อยากเซ็ทขึ้นเดี๋ยวเขาจะว่าพระอาทิตย์ดวงที่สองของโลก  เสร็จแล้วก็รีบติดเกียร์หมาออกจากบ้านเลยเดี๋ยวไม่ทันรถเมล์คนยิ่งเยอะๆอยู่ แถมรถตอนนี้ก็โคตรติด ตายแน่จะทันไหมวะเนี่ย!?   


     “ไปด้วยกันไหม?” ผมที่กำลังนั่งใส่รองเท้าผ้าใบอยู่หน้าบ้านด้วยความเร่งรีบ เงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงเพียงครู่หนึ่งซึ่งมันกำลังยืนอุ้มลูกอยู่ตรงหน้า แต่ผมไม่สนใจครับก้มหน้าก้มตาใส่รองเท้าเหมือนเดิม

     ถ้าให้ไปกับมันผมยอมนั่งรถติดๆไปดีกว่าคือแบบ กูไม่ชอบเด็กโว้ยยยยย ไม่ชอบพ่อมันด้วย! 

     “ถามได้ยินหรือเปล่า? ช่วงนี้รถกำลังติดนะ แล้วรถเมล์ก็คงจะแน่น”

     “ไม่ไปโว้ยยยย!!”    จะเซ้าซี้ทำอะไร? ไม่ไปก็ไม่ไปสิวะ 
     เมื่อใส่รองเท้าได้แล้วผมก็รีบเดินหนีซะเลยไม่อยากอยู่นานเหม็นขี้หน้า(เปล่าที่จริงรีบ) ไล่มันออกจากบ้านก็ไม่ได้ด้วยเบื่อโว้ยยย 

     “ล็อคประตูรั้วบ้านด้วยกุญแจอยู่ใต้กระถางต้นโป๊ยเซียน!!”   ผมตะโกนบอกมันก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาทันที ไม่อยากอยู่ใกล้ เพราะมันจะรู้สึกคันๆและขนลุกเวลาอยู่ใกล้เด็ก


     ฟิ้ว!! 

     ระหว่างที่กำลังทั้งเดินทั้งวิ่งสองพ่อลูกก็ขับรถผ่านหน้าผมไปแล้ว  ตอนแรกก็แอบสงสัยว่ามันจะเอาลูกมันไปยังไง เพราะเด็กยังนั่งเบาะหลังไม่ได้ แต่ก็ถึงบางอ้อเมื่อกี้แล้วล่ะ เพราะมันเอากระเป๋าเป้ที่ไว้ใช้อุ้มเด็กสะพายลูกมันไว้ข้างหน้า

     ดูท่าทางมันจะรักลูกมันมากนะ นี่แหละพวกชอบไม่ป้องกัน เป็นยังไงล่ะก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองน่ะสิ ว่าแต่แม่ของลูกเขาไปไหนล่ะครับ ทำไมไม่เห็น  แต่ก็ช่างมันเถอะไม่ยุ่งหรอกเพราะไม่ใช่เรื่องของผม มันไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรในชีวิตสักหน่อย มีก็แต่ค่าบ้านนี่แหละที่มันต้องเสียให้ผม 

     นี่ก็เกือบลืมไปเลยนะครับว่าจะมีเพื่อนบ้านอีกคนมาเช่า ไม่รู้ว่าเป็นใครรู้แค่ว่าเป็นรุ่นพี่ของไอ้ฟาร์ม ว่าไปแล้วไอ้นี่มันก็คบคนอื่นด้วยว่ะ แปลกใจฉิบหาย

     แต่ผมว่าก่อนจะแปลกใจเรื่องไอ้ฟาร์มเนี่ย ผมขอแปลกใจกับตัวผมก่อนเถอะ…ก็แปลกใจว่าทำไมกูไม่ได้ขึ้นรถสักทีวะ!

     ห่านนนนน!! 

     นี่แม่งก็คันที่สามละขึ้นไม่เคยทันสักที แล้วนี่อะไรกำลังโคฟเวอร์เป็นเทรนทูปูซานอยู่หรือยังไง วิ่งกรูกันขึ้นรถอย่างกับหนีซอมบี้  ทำอย่างกับไม่เคยขึ้นรถกันไปได้  แล้วจะเอายังไงดีล่ะเนี่ยเดี๋ยวปั๊ดเดินไปมหาลัยแม่ง ท่าทางจะถึงเร็วกว่า


     ประชดครับประชด!!

     อย่าอินเกินก็แค่ประชด!!  หมายถึงกูเนี่ยอย่าอินเกิน 

     ยังไงถ้าขึ้นรถตอนนี้มันต้องไม่ทันแน่ๆเลย เอาไงดี?  เมื่อกี้ก็คีพลุคจังเลยกูเนี่ย น่าจะยอมขึ้นๆไปจะได้ไม่สาย

   

     “จะไปด้วยกันไหม?”   ขุ่นพระ!! 
 
     เชี่ย!! ตกใจหมดจนเกือบอุทานออกมาเสียงดังแล้วไหมล่ะ? หัวใจนี่แทบร่วงหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม  เพราะอยู่ๆไอ้พ่อลูกอ่อนมันก็ขับรถมาจอดอยู่ตรงหน้าผมซึ่งกำลังยืนรอรถอยู่ป้ายรถเมล์อยู่น่ะสิครับ                                                               

แล้วลูกมันก็ยังอยู่ที่เดิมนั่นเหละ อยู่ในเป้สะพายเด็ก มึงนี่พาลูกตากลมตากฝนมากเดี๋ยวก็ไข้แดกหรอก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่รู้เรื่องอะไร ก็เล่นหลับคาอกพ่อเธออยู่อย่างนั้น

     แล้วเอาไงดีวะ จะหยิ่งในศักดิ์ศรีหรือจะยอมให้มันไปส่งดี? 

     “แล้วกลับมาทำไมอีกวะ?”   เออนั่นสิกลับมาทำไม คงไม่ใจดีขนาดย้อนรถกลับมาดูกูหรอกมั้ง

    “ลืมของไว้ที่บ้านเลยกลับมาเอา”   มันตอบเสียงเรียบๆ และถามผมขึ้นอีกครั้งเพราะเห็นว่ายังลีลา “สรุปจะไปไหม พอดีทางที่กูไปมันต้องผ่านทางมหาลัยมึงพอดี”


     เดี๋ยวนะมันรู้ได้ยังไงว่าผมเรียนมหาลัยไหน?  อ่อ…ลืมไปมันรู้นี่หว่าว่าไอ้ฟาร์มนั้นเรียนที่ไหน


     สรุปเอาไงดี?…

     เออๆ!!ก็ได้ ไปก็ไป


     “อ อือ.. ไป”   “ขอหมวกด้วย”  พูดแล้วก็พยักพเยิดหน้าไปยังหมวกนิรภัยซึ่งห้อยอยู่ตรงที่ห้อยของรถมอเตอร์ไซค์ ผมกระโดดขึ้นรถฮอนด้าซูโม่เอ็กซ์สีดำของมันด้วยความไวว่องพร้อมกับการสวมใส่หมวกกันน็อค จะไม่ให้ว่องได้ยังไงก็คีพลุคไปงั้นแหละที่จริงกูรีบจะตายห่าอยากให้มันบิดจนมิดคันเร่งเลยด้วยซ้ำ แต่เห็นท่าว่าจะไม่ได้มันมีลูกอยู่ด้วย                                                             
แล้วนี่ซ้อนรถกันสามคนอย่างกับพ่อแม่ลูกเลยนะครับหัวหน้า คงไม่มีใครจังไรคิดว่าเป็นครอบครัวสุขสันต์หรอกนะ   

     แหม… บอกเลยถ้าไม่จำเป็นนี่จะไม่นั่งนะโว้ย!!

     กูรีบครับ จำไว้ให้แม่นๆว่ากูรีบ

     ขับรถแซงซ้ายแซงขวาบนถนนใหญ่ได้ไม่นานก็พาผมลัดเลาะมายังตรอกซอยเล็กๆซึ่งผมไม่แม้แต่จะรู้จักหรือเคยผ่านมา


     “เรากำลังจะไปไหนวะ?”  ถามครับกูสงสัยเดี๋ยวแม่งหมั่นไส้แล้วแกล้งพาผมขับรถอ้อมเสียเวลา ให้เข้าเรียนสายอีก

     “ไปส่งที่มหาลัยนั่นแหละ นี่มันทางลัดคงไม่เคยมา”



     “แง๊!!”   


     โป๊ก!! 


     เชี่ย! อยู่ๆก็เบรกรถกะทันหันจนผมนี่ไหลลื่นไปตามแนวเบาะเลยทำให้ด้านหน้าทั้งหมดของผมชิดกับแผ่นหลังของมันพอดี ดีนะใส่หมวกกันน็อคไม่งั้นหน้าผากโนแน่ๆ  แล้วนี่อะไรจะแกล้งกูไง๊! 


     “มีไรวะอยู่ๆก็เบรก!?” 

     “ชู่ว!”  “ขอเวลาแปปนึง”

     “แต่...”

     “ไม่พาสายหรอก”   


     แง๊!! 

     นั่นไงตัวการที่ทำให้มันต้องเบรกรถกะทันหันขนาดนี้    ลูกมันยังไงล่ะครับ


     “โทษทีว่ะ น้องกวางนอนละเมอร้องไห้น่ะ”   มันพูดพร้อมกับกอดปลอบและโอ๋ลูกทั้งในท่าเดิม ไม่ได้อุ้มออกจากเป้ 


     แอ๊!!!!!   

     “โอ๋… พ่ออยู่นี่แล้วครับ”  ทั้งพูดแล้วก็โอ๋เด็กในอ้อมอกอยู่อย่างนั้น   

     ยิ่งเห็นยิ่งขนลุก อยากจะบอกสักล้านรอบแหละว่าเด็กมันไม่ได้ผิดอะไร มันผิดที่ผมเองที่ไม่ชอบเด็ก แล้วนี่ยิ่งเสียงร้องของเด็กผมยิ่งเกลียด มันหงุดหงิดโว้ยย!! 

     “น้องเป็นไรวะ?” ถามไปงั้นแหละคืออยากไปมหาลัยแล้วโว้ยยยย กูรีบ

     “น้องกวางชอบนอนละเมอร้องไห้ สงสัยจะฝันร้าย”   สงสัยฝันว่าตกรถหรือเปล่า เพราะนอนหลับบนรถไง แล้วก็รถมอเตอร์ไซค์ด้วย  คิดได้นะกูเนี่ย

     “อ่อ… ”  อ่อไปงั้นแหละกูแสดง และตอนนี้อยากหนีจากจุดจุดนี้มาก แล้วนี่เสียงร้องแม่กวางน้อยก็โคตรทำให้ผมรำคาญจนเริ่มทนไม่ไหว เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาแล้วย้อนศรกลับเข้ามาเหมือนเดิม


     แอ๊!!

     “ชู่ว! พ่ออยู่นี่แล้ว” เจ้าของเสียงทุ้มต่ำพูดเบาๆพร้อมกับมือหนาที่ทั้งกอดและลูบที่ศีรษะและหลังของน้องกวางไปมาอย่างปลอบประโลม

     แต่ตอนนี้ยิ่งกว่าเสียงของเด็กที่ทำให้เริ่มหงุดหงิดก็คือสายตาของคนที่ไม่ว่าจะเดินหรือขับรถผ่านมาก็ต่างมองกันเป็นตาเดียว  โอ้ยยยยกูอายโว้ย ก็เลยได้แต่ทำตัวลีบอยู่ข้างๆรถนี่แหละ                                                                                           
 
     ยิ่งได้เข้าใกล้เด็กมากเท่าไรยิ่งคิดได้และขอปฏิญาณเอาไว้เลยว่า ชาตินี้ผมจะไม่ขอมีลูกผมพูดเลย!!

● ● ●


     สุดท้ายก็มาถึงมหาลัยในเวลาอันรวดเร็วแล้วครับ ดีนะที่เข้าห้องทัน ไม่งั้นวันนี้ควิซไม่ทันแน่ จนตอนนี้ก็กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนแถวตึกวิศวะ ยังไม่ได้กินข้าวหรอกครับ ได้แค่มาม่าคัพคนละกระป๋องมานั่งซัดกันอยู่นี่แหละ   


     “ไอ้ปิงทำไมเมื่อวานมึงไม่มาเรียนวะ?  อย่าบอกนะว่าเมาจนแฮงค์”  ไอ้เจมส์เพื่อนอีกกลุ่มในคณะผมเอง  มันถามขึ้นมาหลังจากนั้นก็ยกกระป๋องมาม่าขึ้นมาซดน้ำจนเกิดเสียงดังบางคนอาจจะว่ามันน่ารังเกียจแต่ด้วยความอร่อยแล้วไอ้ปิงได้หาแคร์ไม่

     อร่อยมากไหมถามใจดู…

     “เออ กูปวดหัวนิดหน่อยว่ะ”  ถ้าจะให้บอกว่าไม่สบายเพราะโดนอะไรๆมามันคงจะไม่ใช่เรื่องดี

     “เออ ว่าแต่วันนั้นมึงกลับยังไงวะ?”  ไอ้โก้ครับ เพื่อนของผมอีกคนเองมันถามผมขึ้นหลังจากที่ผมตอบคำถามของไอ้เจมส์

     “กูให้ไอ้ฟาร์มมันมารับน่ะ”  ฟาร์มห่าอะไร แม่งตื่นขึ้นมาก็นอนแก้ผ้าอยู่ข้างๆผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ซึ่งตอนนี้มันมาเช่าบ้านกูอยู่นี่ไง!

     “กูก็คิดว่าแต่มึงให้ไอ้พี่หล่อคนนั้นไปส่ง ก็เห็นคุยกันถูกคอดีนี่หว่า”   เดี๋ยวนะ?  ไอ้เจมส์มึงจำได้ด้วยเหรอวะ มันเห็นไอ้ห่าเสือด้วยเหรอวะ     

ฉิบหายแล้ว แล้วมันจะสงสัยอะไรไหมวะเนี่ย! แต่ผมว่าคงไม่หรอก  แล้วนี่อะไรทำไมกูต้องเป็นคนแบบนี้วะ? กินเหล้าเยอะเมาหนักๆทีไรจำอะไรก็ไม่ได้ทุกที


     “ใครวะ? จำไม่เห็นได้เลย”   ขอถามลองเชิงมันไปก่อน เผื่อมันจะรู้อะไรไปมากกว่านี้

     “กูก็ไม่รู้ กูเห็นแต่มึงเสนอหน้าไปนั่งโต๊ะเขาว่ะ ทั้งที่คนในกลุ่มเขาก็มีตั้งเยอะมึงก็ยังหน้าด้านไปนั่ง” ไอ้เจมส์ตอบ
เออนั่นสิ แล้วผมไปรู้จักมันได้ยังไง?  ถึงได้เสนอหน้าไปนั่งกับมันได้ นี่จำไม่ได้จริงๆนะเนี่ย  มันแบบเหมือนจะจำได้แต่ก็ไม่

     “กูว่าถ้ากูจำไม่ผิด นั่นมันชื่อพี่เสือที่เรียนอยู่มหาลัยXX”   โห… ไอ้โก้มึงยังเสือกรู้จักอีกเหรอ แล้วนี่ถ้าวันไหนมันไปบ้านผมแล้วเจอไอ้เสือล่ะวะ?  ไม่รู้แหละร้อนรนไว้ก่อนเดี๋ยวถ้าเกิดมันจับผิดได้ขึ้นมาคนซวยมันคือกู รู้ถึงไหนอายถึงนั่น แถมไอ้นี่มันยังมีลูกแล้วด้วย   

     “แล้วมึงรู้ได้ไงวะ?”  เจมส์

     “อ๋อ… เคยเจอเมื่อหลายปีก่อนนี้ สองปีเห็นจะได้มั้ง ตอนนั้นพี่มันมาเตะบอลที่โรงเรียนกูไง ทีเด็ดยิ่งกว่านั้นนะเว้ย!แฟนพี่เขาแม่งโคตรสวย สวยฉิบหาย!!”

     “แล้วแฟนเขาไปไหนล่ะวะ?”    ผมถามเองครับ คือก็อยากเสือกนิดนึงนั่นแหละ ถ้าเดาไม่ผิดผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นแม่ของลูกมันก็ได้ 

     “ไม่รู้ว่ะ กูก็ไม่ค่อยได้เห็นพี่เค้าด้วย เพิ่งมาเห็นล่าสุดก็คืนนั้นแหละที่มึงเสนอหน้าไปนั่งโต๊ะเขา กูก็ว่าอยู่ทำไมหน้าคุ้นๆ” 

     “แล้ววันนั้นพวกมึงกลับไงวะ ก็เมามากเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”  ผมแกล้งทำเนียนเปลี่ยนเรื่อง วันนั้นแบบสุดเหวี่ยงมากขอบอก กินเหล้าอย่างกับไม่เคยกิน ไม่ใช่อะไรไอ้เจมส์มันอกหักครับ เลยพาเพื่อนมากินเหล้าย้อมใจ แต่ก็ไม่ได้ไปกันแค่สามคนนะ
ยังมีอีกสามสี่ห้าคน เมาเป็นหมาเลยวันนั้น 

เพราะมึงไอ้เจมส์ถ้ามึงไม่ชวนกูไปกูก็ไม่เมา พอกูไม่เมาแล้วกูก็จะได้ไม่เสียตัว เรื่องนี้แค้นจนตายเลยครับ แค้นสุดก็ไอ้คนนั้นนั่นแหละ!


     ฮึ่ยยย!   


     โว้ยคิดแล้วก็หงุดหงิด พอๆเลิกคิดๆ เดี๋ยวจะอดไล่มันออกจากบ้านไม่ได้ แถมยังมีลูกมาอยู่ด้วย นี่กำลังอดกลั้นอยู่นะ เดี๋ยวยังไงก็ต้องไปเคลียร์กับไอ้ฟาร์มมันให้รู้เรื่อง 

     “กูไม่รู้ว่ะ ตื่นมาอีกทีกูนี่นอนอยู่ในตู้โทรศัพท์ ส่วนไอ้เจมส์แม่งหลับอยู่ตรงป้ายรถเมล์  น่าอายฉิบหายตอนตื่นขึ้นมาแล้วมีแต่คนมอง”   

ไอ้โก้นี่ก็พูดออกมาซะเห็นเป็นฉากๆเลย แต่ถ้าเป็นกูนะโก้กูขอเลือกแบบมึงสองคนเถอะ ตื่นขึ้นมาในตู้โทรศัพท์หรือไม่ก็เก้าอี้ตรงป้ายรถเมล์ดีกว่าตื่นมาในห้องใครสักคนแบบกูล่ะไอ้เหี้ย

     “พวกมึงๆ ดูแก้วเด็กนิเทศดิวะ แม่งทีเด็ดว่ะ”   ไอ้เจมส์มันพูดพร้อมกับท่าทางที่โคตรจะไม่คีพลุคสักนิดเลยครับ ปากนี่อ้ากว้างจนขากรรไกรค้างแล้วมั้งนั่น   นี่เพื่อนผมมันกระเหี้ยนกระหือรือขนาดนี้เลยเหรอ?
 
     “แหม…ไอ้ห่ากูได้ข่าวว่ามึงเพิ่งอกหักมาไม่ใช่ไง…?”  ถามและเบะปากใส่มันด้วยความหมั่นไส้
อาการที่จะเป็นจะตายวันนั้นอย่าบอกนะว่ามึงแสดง 

     “โอ้ยยย คนอย่างไอ้เจมส์มันก็ทำไปงั้นแหละมึง หาข้ออ้างแดกเหล้า!”  โก้พูดขึ้นมาอย่างรู้ทาง ก็มันสองคนนั้นสนิทกันม๊ากกกมากอย่างกับเป็นเพื่อนกันมาเป็นสิบปี


 ไลน์!!   เสียงไลน์ผมเองแหละ  นี่ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นไอ้ฟาร์ม

     ใช่จริงๆด้วย ไม่ถูกแต่หวย
     กำลังอยากคุยด้วยพอดี ว่าแล้วก็นัดเจอมันสักหน่อยแล้วกัน ก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ ร้านน้ำปั่นหลังมอนั่นแหละ

     “พวกมึง เดี๋ยวกูไปหาไอ้ฟาร์มก่อนนะ ไว้เจอกันคาบบ่าย”   ทันทีที่พูดจบแล้ว ผมก็เดินออกมาจากโต๊ะเลย  ปล่อยให้พวกมันกัดกันตายอยู่สองคน วันๆไม่ทำไรหรอกนั่งส่องแต่สาวแล้วก็ตีกันเอง ตีกันว่าใครจะจีบติดก่อน แต่ก็แห้วรับประทานทั้งคู่   

● ● ●


     ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่ร้านน้ำปั่นหลังมอแล้ว ชื่อร้านว่าไอ้เบิ้มปั่นแหลก!! เป็นร้านไม่ได้หรูอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้นนะ เป็นที่สำหรับนั่งคุยนั่งทำงาน หรือจับกลุ่มเม้ากันได้สบายเลย  บรรยากาศนี่ก็ดีสุดๆมีแต่ต้นไม้ ดอกไม้                     

ทีเด็ดนี่อยู่ที่น้ำปั่น แม่งโคตรไม่อร่อยปั่นอย่างกับเอาตีนปั่น มันเด็ดตรงที่ไม่อร่อยนี่แหละฮ่าๆ สิ่งสำคัญคนปั่นนี่ปากหมาฉิบหาย ปั่นแบบตามใจคนปั่น สั่งน้ำส้มปั่นเสือกได้น้ำส้มปั่นใส่ละมุด คิดเอาดูละกัน ไม่กินก็ไม่ได้ เดี๋ยวพ่อค้ามันด่า ก็ไม่รู้ทำไมว่าคนก็ยังเข้าร้านมันเย๊อะเยอะ แถมยังเปิดมานานแล้วด้วย เหมือนจะเจ๊งแต่ก็ไม่ แม่งเสือกขายได้เฉยเลย 


     “พี่เบิ้มเอาน้ำแตงโมปั่นแก้ว”   ร้านนี้มีธรรมเนียมครับ เดินเข้ามาก็ต้องมาสั่งไม่สั่งก็ห้ามเข้าร้านไม่ว่าจะมีเพื่อนนั่งอยู่ก่อนแล้วก็ตามก็ต้องสั่งห้ามเข้ามาเฉยๆเพราะงี้มั้งเลยไม่เจ๊ง นั่นอาจจะไม่ใช่ประเด็นเพราะพี่มันถึงจะปากหมาแต่นิสัยดีนะ แล้วก็มาคอยดูกันครับว่าจะได้น้ำแบบไหนมาดื่ม

     “วันนี้ลูกค้าเยอะรอนานนะกูบอกก่อน”    นั่นแหละครับก็ไม่ได้สนิทอะไรกันนี่ยังเรียกมึงๆกูๆ  นี่แค่ความปากหมาระดับเริ่มต้นนะครับ   

     “โอเคพี่!”   

     ว่าแล้วก็เดินไปที่มุมประจำร้าน เห็นไอ้ฟาร์มหัวโล้นนั่งทำหน้าไม่เข้าใจโลกอยู่ที่โต๊ะนั่นแหละครับ แต่ห้ามเรียกมันว่าหัวโล้นนะไม่งั้นมันโกรธ มันบอกให้เรียกว่าสกินเฮ้ด แต่สกินเฮดยังไงมันก็เกือบโล้นอยู่ดีไหมล่ะ เหมือนมีเส้นบางๆกันอยู่ระหว่างโล้นกับสกินเฮ้ด


     “กูมานั่งคิดๆดูแล้ว มึงกับกูจำเป็นต้องมาเจอกันตอนนี้ด้วยเหรอ? ไว้เจอกันตอนเลิกเรียนก็ได้”   แหม… อย่าบอกนะว่าไอ้ที่นั่งทำหน้าไม่เข้าใจโลกเพราะนั่งคิดเรื่องที่กูนัดมึงออกมาเจอ   

     “ช่างแม่งเถอะ กูมีเรื่องจะคุยกับมึงเนี่ย!”   ตอบปัดๆไปพร้อมกับนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเพื่อนรัก

     “เรื่องไรวะ?”  มันถามตอบกลับมา โทษนะมึงช่วยทำหน้าเหมือนคนอยากรู้จริงๆได้ไหมวะ? ให้เหมือนเมื่อวานตอนซักไซ้กูหน่อยไม่ได้ไง หน้าไอ้ห่านี่โคตรไร้อารมณ์สุดๆ   

     “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเด็ก?”  ผมพูดเปิดประเด็น

     “แล้วไง?”   แอบเห็นมันกระตุกหัวคิ้วนิดหนึ่ง หน้ามันคงจะเริ่มมีปฏิกิริยาความสงสัยแล้วครับ

     “ทำไมมึงไม่บอกกูวะ!? ว่าไอ้ห่านี่มันมีลูกแล้ว รู้งี้กูจะไม่ให้มาเช่าบ้านกูเลย”   

     “อ่อ…เรื่องนี้”    พูดแล้วก็ยกแก้วน้ำปั่นมันขึ้นมาดูดแบบหน้าตาเฉยเหมือนไม่รู้สึกรู้สา

     “เออเรื่องนี้!”  ผมย้ำคำตอบของมัน แหม…พูดมาแค่นี้กูนี่ไปต่อไม่เป็นเลยครับหัวหน้า
 
     “ก็เรื่องนี้ไง” ฟาร์มมันตอบกลับมา จากนั้นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเฉยเลย

     “เรื่องนี้แล้วยังไงต่อล่ะวะ!?”  เริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะครับ ก็รู้ว่ามันเป็นคนยังไงแต่มันก็อดไม่ได้ เวลาซีเรียสล่ะชอบทำเล่นน่าตบนัก

     เวลาคุยกับมันนี่เหมือนคุยกันคนละเรื่องเดียวกันเลย เหมือนจะสื่อสารกันเข้าใจ แต่แม่งก็ไม่เข้าใจ

     “ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า แค่พี่เสือมันมีลูก” แค่เหรอวะ? มึงใช้คำว่าแค่เหรอ! แล้วตอบกูได้แบบหน้านิ่งมาก ก็เพราะว่ามันมีลูกนี่ไงไอ้ควายกูเลยจะมาพูดกับมึง

     “โว้ยยย ไอ้เหี้ยช่วยตั้งใจฟังที่กูจะพูดด้วย!!” ด้วยความรำคาญผมเลยหลุดเสียงดังใส่มันไปด้วยความหงุดหงิด เวลาแบบนี้ยังจะมากวนตีนได้อีกนะมึง!   

     “…” เมื่อจบประโยคที่ผมพูดมันก็ยังคงเงียบ แต่เงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมามองผมเล็กน้อย

     “มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเด็ก แล้วทำไมมึงยังให้มันมาเช่าบ้านกูอีก!” 

     “แล้วยังไงวะ หรือมึงจะยอมอดตาย”  “คนอย่างมึงมันจะไปทำอะไรได้อย่าเรื่องมาก” มันตอบและก็กลับไปกดโทรศัพท์เล่นต่อ 


     “แต่...”   

     “มึงไม่ต้องมาแต่!”  มันเองก็ตอบกลับมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังไม่แพ้กัน  ใจเย็นครับตอนนี้คนในร้านเริ่มมองเราแล้ว 

     “ก็...”

     “ไม่ต้อง ก็ แล้วก็ไม่ต้องเถียงกูด้วย”  ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคมันก็พูดแทรกผมขึ้นมาทันที

     “ฟังกูนะ” คนตรงหน้าผมพูดแล้วก็ทำหน้าตาจริงจัง และวางโทรศัพท์ในมือลง


     -_-  ส่วนผมก็ได้แต่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่

     “ถ้ามึงได้รู้เรื่องของพี่เสือมึงจะรู้ว่าพี่มันกับลูกน่ะ--”   


     มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สอง (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 21-03-2017 19:00:22
ต่อค่ะ


 Rrrrrrrrr!!   

     โทรศัพท์ของไอ้ฟาร์มดังขึ้นขัดจังหวะ แต่ก็ดีแล้วไม่ได้อยากมานั่งฟังมหากาพย์ชีวิตของใคร ลำพังเรื่องตัวเองกูยังเอาไม่รอดเลย  แหม… พูดแล้วก็หัวใจกระตุก 

มันคุยโทรศัพท์แค่สองสามประโยคแล้วก็กดวาง หลังจากนั้นก็หันมาพูดกับผมต่อว่า “คนที่จะมาเช่าบ้านมึงอ่ะ เค้าบอกเดี๋ยวดึกๆจะย้ายเข้ามานะ”   

ผมพยักหน้าตอบรับ แต่ถึงมันจะบ่นจะด่ายังไงก็ไม่ได้โกรธหรอกครับ ก็ดูมันสิช่วยผมทุกอย่างทุกเรื่อง เรื่องคนที่มาเช่าบ้านผมเหมือนกัน ก็มีแต่มันนี่แหละที่เป็นธุระให้คอยหาให้ ว่าแล้วก็หัวใจกระตุกอีกรอบเลย ซึ้งไงมีเพื่อนแบบมัน 

     แต่มึงครับกูรู้ว่ามึงหวังดีและเป็นห่วง แต่กูไม่ได้อยากให้สองพ่อลูกมันมาเช่าบ้านไง!!

     “อ่อ…ว่าแต่พี่เขาเป็นใครมาจากไหนวะ?”   ขอถามหน่อยก็แล้วกัน นี่ไม่เคยรู้เรื่องผู้ร่วมบ้านทั้งสองเลย แต่ไอ้อีกคนเนี่ยไม่ต้องก็ได้ไม่อยากรู้

     “เป็นรุ่นพี่กูนี่แหละ อยู่หมู่บ้านถัดไปจากกูสองซอย  ชอบมานั่งกินข้าวที่บ้านกูก็เลยรู้จักกัน”  มันพูดขึ้นแล้วก็ยกแก้วน้ำปั่นขึ้นมาดูด

     อ้อ…พอดีบ้านไอ้ฟาร์มมันเปิดร้านอาหารตามสั่งด้วยน่ะครับ     

     “แล้วทำไมต้องย้ายมาอยู่บ้านกูด้วยวะ ในเมื่อก็มีบ้านอยู่นี่หว่า…”

     “มีปัญหากับครอบครัว ก็เลยจะย้ายออกมาอยู่ข้างนอกและกูก็เลยไซโคให้เขามาเช่าบ้านมึงเลย” 


     แหม… ดีมากทำดีแล้ว…               

     “เฮ้ยๆ!!! ไอ้หน้าอ่อนที่นั่งตรงโต๊ะสุดท้ายมึงเดินมาเอาน้ำปั่นดิ!” อยู่ๆเสียงเจ้าของร้านก็ดังขึ้นบอกให้ผมลุกไปเอาน้ำที่สั่งไว้
นี่ไงครับ บริการของร้านพี่เบิ้มแม่งติดลบสัดๆ  แต่ก็ต้องลุกไปเอานั่นแหละ

     “เท่าไรพี่?”   ถามพร้อมกับรับแก้วน้ำปั่นมาถือไว้ นี่มันน้ำแตงโมเวอร์ชันอะไรล่ะเนี่ย ทำไมสีมันเละแบบนี้

     “เท่าเดิม”

     “ยี่สิบน่ะนะ” 

     “กูเพื่อนเล่นมึงเหรอ?” 

     ก็ไม่นะ  พี่มึงแก่กว่าผมตั้งเยอะ

     “แหะๆ ล้อเล่น”  ว่าแล้วก็ควักเงินออกมาสามสิบแล้วยื่นให้  จากนั้นก็เดินมานั่งที่เดิม

     “มึงสั่งน้ำเหี้ยไรมาวะ?”  ไอ้ฟาร์มมันถามขึ้นทันทีที่ผมทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิม

     “กูสั่งแตงโมปั่น แต่มึงดูสิ่งที่กูได้”  พูดและยกแก้วน้ำขึ้นโชว์ไอ้ฟาร์ม แต่ดูๆแล้วของมันเองก็ไม่แพ้กันกับผมหรอก  ว่าแล้วก็ลองชิมเลยครับ ดูดขึ้นมาชิมนิดๆพอได้แตะปลายลิ้นจะได้รู้ว่าเป็นยังไง 

อืม…ก็ไม่ค่อยเท่าไรนะ พอได้อยู่อร่อยแบบแปลกๆ เหมือนแตงโมผสมมะม่วงแล้วก็ แล้วก็อะไรวะ มันติดอยู่ที่ปากนี่แหละเรียกชื่อไม่ถูก


     “เดี๋ยวกูเล่าเรื่องพี่เสือต่อ...” 

     “เฮ้ย!! ได้เวลาเข้าเรียนกูแล้วว่ะ เดี๋ยวกูไปก่อนนะ”  ทันทีที่ไอ้ฟาร์มมันจะพูดขึ้นต่อผมก็เลยพูดแทรกขึ้นมาทันทีเพราะไม่ได้อยากรู้แล้วก็ไม่ได้อยากฟังเท่าไร

ผมลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แทบไม่ทัน แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหยิบน้ำปั่นรสแปลกติดมือมา จากนั้นแล้วก็ติดเกียร์หมา แต่ก่อนจะไปก็พูดทิ้งทายว่า…   “ไว้เจอกันที่บ้านกูนะมึง!”   


     “เออๆ” และเราสองคนก็แยกย้ายกัน
เหตุผลที่ไม่อยากนั่งต่อนี่ก็เรื่องของไอ้นั่นน่ะแหละครับ  ไม่อยากรับรู้น่ะเข้าใจใช่ไหม? ถ้ายกเลิกสัญญาได้แล้วไม่มีอะไรเสียหาย
ผมนี่จะรีบฉีกสัญญาทันที แล้วก็หงุดหงิดไอ้ฟาร์มตรงนี้แหละ คือมึงจะทำสัญญาเช่าหาหอกอะไรวะ มันยากกูไหมล่ะ?
แต่ก็ช่างมันเถอะ ทนๆเอาก็ได้วะ เดี๋ยวสักวันมันก็ต้องย้ายออกแต่ไอ้ที่ต้องทนนี่ไม่รู้ว่าต้องทนนานเท่าไรนี่สิ ถ้ามันเช่าก็ดี ดีตรงที่ได้เงิน แต่ถ้ามันออกก็ดี ดีที่ไม่ต้องมาเห็นหน้ามันแล้วก็ลูก แต่ไม่ว่าจะอย่างไหนก็มีผลต่อผมหมดเลยว่ะ ทั้งผลร้ายและผลดีไปพร้อมๆกัน

     ร้องไห้….

● ● ●


     ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดและผมก็กลับมาจากมหาลัยได้สักพัก วันนี้ก็เพิ่งได้เงินค่ามัดจำบ้านจากพี่อีกคนที่โอนมาให้ เลยอยากจะเลี้ยงข้าวไอ้ฟาร์ม ตอบแทนอะไรให้มันสักหน่อย  ขณะนี้ก็อยู่โลตัสใกล้บ้านครับว่าจะซื้อของไปทำสุกี้กินกับไอ้ฟาร์มดีกว่า                              ว่าแล้วก็โทรหามันก่อนไม่รู้ตอนนี้จะถึงบ้านผมหรือยัง เนื่องจากจะให้มันแวะมารับที่โลตัสด้วย วันนี้ฟาร์มจะแวะเข้ามาหาผมเพราะรุ่นพี่มันจะย้ายมาคืนนี้ และบางทีอาจจะนอนบ้านผมเลยก็ได้

     ตู๊ด…

     “มึงอยู่ไหน?”  ต่อสายหามันได้ไม่นานก็กดรับ ผมเลยถามขึ้นทันที

     [กำลังขับรถไปบ้านมึงเนี่ย] ปลายสายตอบกลับมา

     “ใกล้ถึงยังวะ?”

     [ใกล้แล้ว]

     “มึงจอดรับกูที่โลตัสตรงหน้าตลาดบ้านกูหน่อยนะ พอดีแวะมาซื้อของ”

     [เออๆ รอแป้บแล้วกัน]   มันตอบกลับมาเพียงเท่านี้จากนั้นการสนทนาก็สิ้นสุดลง
ใช้เวลาซื้อของรอมันไปพลางๆและไม่ถึงสิบห้านาทีเพื่อนรักก็มาจอดรถมอเตอร์ไซค์รอผมอยู่ทางฝั่งตรงข้ามของโลตัส

     “มึงซื้ออะไรเยอะแยะวะ?” ถามขึ้นทันทีที่ผมข้ามฝั่งมาแล้วกำลังยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับของที่พะลุงพะลังเต็มมือ เพราะมันยังคงไม่รู้ว่าผมจะทำสุกี้ให้กิน จริงๆไม่ใช่ผมที่ทำหรอกครับ เพราะเป็นแค่คนซื้อและคนที่ทำก็คือไอ้ฟาร์ม

     “ซื้อไปทำสุกี้”  ผมชูของในมือให้มันดู จากนั้นก็กระโดดขึ้นสกู๊ปปี้ไอสีขาวของมัน

     “มึงจะทำให้กูกินจริงๆเหรอ?”  ถามขึ้นมาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

     “ไม่ๆ กูแค่ซื้อมึงอ่ะทำ”

     “กูว่าแล้ว”  เราคุยกันเพียงแค่เท่านี้  จากนั้นสกู๊ปปี้สีขาวก็เคลื่อนตัวออกไปทันที   


     ไม่ถึงห้านาทีก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านผม ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง เป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวที่มีพื้นที่รอบๆค่อนข้างเยอะ เพราะแม่ไม่ได้ต่อเติม แต่กลับตกแต่งไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิดที่ผมไม่ค่อยจะรู้จักและสันทัดเท่าไร

แม่ผมท่านเป็นคนชอบต้นไม้และดอกไม้มากเลยไม่ต้องแปลกใจถ้าหากบ้านจะเต็มไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้และความสดใสจากดอกไม้ ว่าแล้วก็คิดถึงแม่นะครับ เก้าอี้ชิงช้าตรงสนามหญ้าขนาดย่อมที่แม่ชอบนั่งเห็นแล้วก็ยิ่งคิดถึง

แม่ของผมเป็นพนักงานบริษัทและตอนนี้ท่านก็เสียไปแล้ว ด้วยโรคมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย จริงๆตอนเป็นแม่ไม่ได้บอกให้ผมรู้เลยด้วยซ้ำ ผมมารู้เอาตอนสุดท้ายที่อาการแม่หนักๆ ผมช่างเป็นลูกที่แย่เอาซะจริงๆ ที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไร… และหัวใจผมแทบสลายเมื่อรู้ว่าแม่มีเวลาแค่อีกไม่นานที่ได้อยู่ด้วยกัน  ผมต้องฝืนข่มตานอนหลับในทุกๆคืน เพราะมันเครียด สมองว้าวุ่นไม่รับอะไรทั้งนั้น ไม่อยากจะไปเรียนเลยด้วยซ้ำอยากจะอยู่กับแม่ตลอดเวลาเพื่อที่จะได้ใช้เวลากับท่านให้นานที่สุด แต่แม่กลับบอกมาว่า

     ไม่เป็นไร…

     ผมยังจำวันนั้นได้ดี… วันที่กลับมาจากโรงเรียนแล้วไม่เห็นแม่

     และนั่นเป็นวันสุดท้ายที่เราได้พบกัน

     ผมเกือบไปไม่ทันก่อนที่ลมหายใจของแม่จะหมด…

     ส่วนพ่อ ผมเสียท่านไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่ที่ยังอยู่ในท้อง ไม่ได้ลืมตาออกมาดูโลกเลยด้วยซ้ำ มีเพียงแค่รูปใบเก่าที่แม่มักจะเอามาให้ว่าหน้าตาของพ่อเป็นอย่างไร ผมเห็นรูปใบนั้นอยู่ในมือแม่จนนาทีสุดท้ายของลมหายใจ
ตอนนี้ผมว่าพ่อกับแม่คงจะกำลังมีความสุขกันอยู่บนสวรรค์แน่ๆ


     จริงๆผมก็แค่คิดถึง…


     “พี่เสือมันยังไม่กลับมาเหรอวะ?”  แล้วบรรยากาศของการลำลึกนึกถึงความหลังของผมก็ถูกขัดจังหวะด้วยคำถามที่มีชื่อของไอ้คนนั้น

    “กูจะไปรู้เหรอ ตัวไม่ได้ติดกัน”  ตอบพร้อมกับเลื่อนประตูรั้วบ้านออกมา จากนั้นก็เดินเปิดประตูบ้านเข้าไปและเอาของวางไว้ตรงโซนครัว


     “กูก็เห็นอยู่บ้านเดียวกัน”  “อีกอย่างนะ เขาอายุเยอะกว่ามึงนะ มึงก็เคารพเขาหน่อย”  มันเดินตามผมเข้ามาติดๆและก็ยังคงพูดเรื่องไอ้เสืออยู่

     “เลิกบ่นเถอะกูขอ รีบๆไปทำของเลยไปกูหิวแล้ว!” ผมพูดและดันหลังให้มันเข้าไปในครัว เพื่อที่จะได้เป็นการตัดบทสนทนาเรื่องที่ไม่ค่อยจะรื่นหูซักเท่าไร  เพราะงั้นเลยต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่งั้นหูชาแน่ๆ 


     หลังจากยัดทุกสิ่งอย่างลงท้องเสร็จแล้วก็ได้เวลาอันสมควรแก่การนอนตีพุงอยู่บนโซฟาและเข้าสู่โหมดสังคมก้มหน้าไปตามระเบียบ  นี่ก็จะสี่ทุ่มแล้วยังหนังสือหนังสือหาไม่แตะสักนิดยังนอนใจเย็นเล่นโทรศัพท์อยู่ได้  ไม่ใช่อะไรครับหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน จะว่าไปนี่ก็ดึกแล้วนะสองพ่อลูกมันยังไม่กลับมาอีก แต่ก็ดีแล้ว ที่พูดถึงนี่ไม่ได้อยากเจอนะ แต่ดีใจอยากให้ไปนานๆเลยได้ยิ่งดี


     ติ๊งต่อง!!

     สองมือที่กำลังไถอยู่หน้าจอโทรศัพท์นั้นหยุดชะงัก เพราะเสียงกริ่งหน้าบ้านได้ดังขึ้น

     ใครมากดอะไรตอนนี้วะ? 

     เลยต้องระเห็จลุกขึ้นมาจากโซฟาที่กำลังนอนได้ที่ บิดขี้เกียจสองสามครั้งไล่ให้ความเมื่อยออกไป จากนั้นก็เดินออกไปเปิดประตู  ไม่ใช่อะไรครับ ไม่อยากใช้ไอ้ฟาร์มเดี๋ยวมันบ่นอีก


     ทันทีที่เดินออกมาผมก็พบกับผู้ชายตัวสูงคนหนึ่งท่าทางเซอร์ๆซึ่งเข้าขั้นคนหน้าตาดีเลยก็ว่าได้ กำลังยืนหอบอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดและเขาอยู่ในชุดนักศึกษาของมหาลัยXXX  หน้าตาก็เป็นมิตรอยู่หน่อยๆ


     “ใช่ปิงหรือเปล่าครับ?”   เขาถามขึ้นเมื่อผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าซึ่งมีรั้วบ้านกั้นอยู่ แต่ดูจากสัมภาระที่หอบมาแล้วผมว่าต้องเป็นรุ่นพี่ไอ้ฟาร์มที่มาเช่าบ้านแน่ๆ

     “ใช่ครับ” “พี่คงเป็นรุ่นพี่ของไอ้ฟาร์ม”   พูดพร้อมกับเปิดประตูเข้าให้พี่มันเข้ามาในบ้าน

     “ใช่ พี่เป็นรุ่นพี่ของไอ้ฟาร์มที่จะมาเช่าบ้านน้อง”   

     “อ่อ…งั้นเข้ามาก่อนครับ” พูดและหลีกทางให้พี่มันเข้ามา “มาพี่ผมช่วย”  ว่าแล้วก็ช่วยเอากระเป๋าของพี่เขามาถือไว้ จากนั้นก็เดินนำเข้ามาในบ้าน


     ครืด!!

     ผมเลื่อนประตูมุ้งลวดให้เปิดออก พาคนเช่าบ้านคนใหม่เดินเข้ามาและร้องบอกไอ้คนที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟากลางบ้าน

     “ฟาร์ม พี่มึงมาแล้วเนี่ย!”

     “เอ้าพี่หมากหวัดดีพี่!”   พอได้ยินประโยคที่ผมพูดไอ้ฟาร์มมันก็ดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาทันที พร้อมกับยกมือไหว้คอายุเยอะกว่า

     “เออๆ หวัดดี” พี่มันตอบรับและยกมือขึ้นเป็นเชิงไม่อะไร จากนั้นก็แนะนำให้ผมกับรุ่นพี่ของมันให้ได้รู้จักกัน

     “พี่นี่ไอ้ปิงแล้วก็ไอ้ปิงนี่พี่หมาก” 

● ● ●


ตกดึก…


     นอนหลับตาไปได้ไม่นานดิ้นแล้วดิ้นอีก พลิกซ้ายก็แล้วพลิกขวาก็แล้วก็ยังไม่หายปวดฉี่สุดท้ายก็เลยต้องลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องของผมเอง เมื่อเสร็จแล้วก็เลยเดินออกมาข้างนอกตรงตู้เย็นเพื่อนที่จะได้หาน้ำดื่มดับความกระหายซักหน่อย ขณะที่กำลังกระดกน้ำเข้าปากก็ได้ยินเสียงของรถมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงประตูรั้วที่ถูกเปิดออก

     ก๊อกๆ!

     สงสัยไอ้เสือมันคงจะมาแล้ว แต่ทำไมมันมาดึกงี้วะครับ? แล้วใครดูลูกให้มันล่ะเนี่ย ละนี่กูจะไปยุ่งเรื่องของเขาทำไมล่ะครับหัวหน้า!?

     ผมวางขวดน้ำอยู่ในมือลงในตู้เย็นดังเดิม จากนั้นก็เดินมาเปิดประตูบ้านให้เพราะว่ายังไม่ได้เอากุญแจประตูบ้านข้างในไปปั๊มให้มันเลย

     “ยังไม่นอนเหรอ?”  พอเปิดประตูออกมาแล้วเห็นว่าเป็นผม คนตัวสูงตรงหน้าก็ถามขึ้นมา

     “ถ้านอนเเล้วจะมาเปิดประตูให้ได้ไหมล่ะ?”  ไม่ได้กวนตีนนะครับ แค่ไม่อยากพูดดีด้วย เลยพูดพร้อมกับหลีกทางให้มันเดินเข้ามา

แล้วดูแบกน้องกวางใส่เป้อุ้มเด็กมาในสภาพหลับปุ๋ย มือก็ถือของและสัมภาระพะรุงพะรัง เลยอดไม่ได้ที่จะแย่งของจากมือมันมาถือไว้  “เดี๋ยวถือให้” 

     “ขอบคุณ”  เสียงทุ้มตอบกลับจากนั้นก็เดินนำหน้าเข้าไปในห้องของตัวเองทันที   
เดิมทีนี่น่ะเป็นห้องเก่าของผม แต่พอแม่เสียแล้วจะให้คนเข้ามาเช่าก็เลยย้ายไปห้องแม่แทน  และสภาพของห้องเก่าผมตอนนี้นี่
ไม่เหลือเค้าเดิมเลย เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ของเด็ก มีแต่ของเล่นเด็กหรืออะไรที่มันเกี่ยวกับเด็กอยู่เต็มไปหมด  ข้างๆเตียงหลังขนาดพอดีที่ผมเอาไว้ให้ก็มีเปลสีฟ้าสวยตั้งอยู่  และทันใดนั้นก็มีร่างของเด็กอ้วนที่พ่อมันเพิ่งเอานอนลงไป   
ขี้เซานะครับไม่แม้แต่จะขยับตัวลืมตาขึ้นมาสักนิดเลย   

     เตรียมตัวจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้อง แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีเรื่องต้องบอกก่อน

     “วันนี้มีเพื่อนร่วมบ้านคนใหม่ย้ายเข้ามานะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะแนะนำให้รู้จัก”

     “อืม..”  และเขาก็ตอบแค่เพียงสั้นๆ ก็สั้นๆนี่แหละครับจะเอายาวขนาดไหน


     TBC
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สาม (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-03-2017 01:05:09
 :katai1:
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สาม (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 23-03-2017 09:41:12
สงสารพี่เสือกับน้องกวาง
ปิงใจร้าย


 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สาม (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-03-2017 15:40:40
ปิง มีความอึมครึมมาตลอด
มีปัญหาการเงิน ให้ฟาร์มช่วย
เลยได้พี่เสือ กับพี่หมาก มาเช่าห้อง
แต่ก็ยังไม่วายเจอคู่กัด วันไนท์แสตนด์ซะอีก
เท่าน้นไม่พอ พี่เสือมีลูกเล็กเด็กอ้วนน้องกวางมาด้วย
ปิงก็เกลียดเด็ก มาแต่ไหนแต่ไร แถมไม่ชอบพ่อ
ไปๆมา ตัวปัญหาคือปิงเองน่ะแหละ ที่เรื่องมาก
งานพิเศษ ก็หาไม่ได้ รายได้ไม่มี
ฟาร์มช่วยจนมีรายได้ ก็ยังเรื่องมาก
คราวนี้เอาไงล่ะ พี่เสือได้ยินหมดละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สาม (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 23-03-2017 16:54:28
ปิง มีความอึมครึมมาตลอด
มีปัญหาการเงิน ให้ฟาร์มช่วย
เลยได้พี่เสือ กับพี่หมาก มาเช่าห้อง
แต่ก็ยังไม่วายเจอคู่กัด วันไนท์แสตนด์ซะอีก
เท่าน้นไม่พอ พี่เสือมีลูกเล็กเด็กอ้วนน้องกวางมาด้วย
ปิงก็เกลียดเด็ก มาแต่ไหนแต่ไร แถมไม่ชอบพ่อ
ไปๆมา ตัวปัญหาคือปิงเองน่ะแหละ ที่เรื่องมาก
งานพิเศษ ก็หาไม่ได้ รายได้ไม่มี
ฟาร์มช่วยจนมีรายได้ ก็ยังเรื่องมาก
คราวนี้เอาไงล่ะ พี่เสือได้ยินหมดละ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:




ฮือออออ อย่าว่าลูกเราาาาาาาาา  55555555555555555555555555  :monkeysad:
ขอบคุณมากนะคร้าบบบบ ที่อ่านนนนนน   :pig4:
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สาม (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: PKT ที่ 26-03-2017 19:00:48
ฮาาาาาาาาาาา ๏0๏ พี่เสือได้ยินแล่วววว
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สาม (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 27-03-2017 22:08:15
ตอนที่สาม : ซวยเเล้ว



     เช้าแล้ววันนี้ยังไม่สายตื่นมาก็ร้องเพลง…

     ร้องห่าอะไรล่ะครับสังคม!!! 

     โธ่เว้ยย!
     คือผมจะไม่หงุดหงิดเลยถ้าไม่มีเสียงยัยน้องกวางเนี่ยลอยดังเข้ามาในหู เอาหมอนอุดก็แล้วพลิกซ้ายพลิกขวาก็แล้วก็ยังได้ยิน

    โว้ยยยย จะตายอยู่แล้ว!!
     ไม่ใช่เสียงร้องไห้งอแงหรืออะไรหรอก มันเป็นเสียงหยอกกันของพ่อลูกมันไง  คือแค่ได้ยินเสียงเด็กก็หงุดหงิดแล้วว่ะ ผมจะบ้าตาย!! 

สุดท้ายก็ทนไม่ไหวไปตามระเบียบต้องแหกขี้ตาลุกขึ้นมาตั้งแต่หกโมงจนได้ ทั้งที่วันนี้มีเรียนสายก็ว่าจะเข้าเรียนสายสักหน่อย แล้วนี่อะไรก็ไม่รู้! รบกวนเวลานอนกูเหลือเกิน 


     แล้วไอ้ฟาร์มมันไปไหนของมันเนี่ย? 

     นี่ตื่นมาก็ไม่เห็นหัวอยู่ในห้องเลย…

     ฮ้าวววว!!  หาวยาวไปถึงดาวอังคารเลย 

     กูง่วงครับหัวหน้า!!!

วันนี้มีเรียนสี่โมง แล้วกูตื่นขนาดนี้ควรจะทำอะไรดีล่ะ? ปกติตื่นเช้าแบบนี้ที่ไหน สุดท้ายก็ลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน  เดี๋ยวว่าจะออกไปหาอะไรกินที่ตลาดเช้าแถวบ้านสักหน่อย   

     “โอ้โ!ห วันนี้เพื่อนกูตื่นเช้าได้ กูว่าฝนต้องตกแน่ๆ”   ทันทีที่ออกมาไอ้ฟาร์มที่กำลังนั่งคุยอยู่กับพี่เสือและพี่หมากของมันนั้นก็พูดแซวผมขึ้นอย่างเหลือเชื่อ

     ทำไมวะนี่ตื่นเช้าถึงกับแปลกใจเลยหรือไง 
     แหม…จะไม่ให้กูตื่นเช้าได้ยังไงก็มีเสียงเด็กผีดังลั่นบ้านขนาดนี้ แถมยังทะลุเข้ามาในห้องอีก ไม่ตื่นก็ให้มันรู้ไป 

     “…”   ไม่ตอบมันหรอกครับ เบื่อไม่มีอารมณ์ไม่อยากคุยกับใครทั้งนั้น เงียบแล้วก็เดินหนีออกมาเลย ถ้ามองไม่ผิดก็แอบเห็นไอ้ที่นั่งอยู่สามคนกับอีกหนึ่งชีวิตเล็กนั่นถึงกลับมองตามด้วยความสงสัยกันเลยทีเดียว  แหม่… เดดแอร์สัดๆ   

ไอ้ฟาร์มมันคงจะแนะนำไอ้เสือกับพี่หมากให้รู้จักกันแล้วแหงๆ  ถ้าจำไม่ผิดเมื่อวานเห็นตรามหาลัยของพี่หมากมันตราเดียวกับไอ้เสือเลยนะ คงจะอยู่มอเดียวกันแน่ๆ…  แต่ก็ช่างมันเถอะไม่เกี่ยวอะไรกับผมนี่หว่า


     สุดท้ายก็ไปนั่งกินโจ๊กท้ายตลาด แล้วตบท้ายด้วยน้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือยของโปรด พอเสร็จแล้วก็เดินกลับบ้านมาด้วยความจุกจนแทบอยากคลาน  ทันทีที่เข้ามาในบ้านก็ไม่เห็นพวกมันนั่งอยู่กันแล้ว เห็นก็แต่ไอ้เสือที่มันอุ้มลูกออกมาจากห้องน้ำ ก็คงจะเพิ่งอาบน้ำให้ลูกเสร็จนั่นแหละ  พอเห็นหน้าผมมันก็มองเล็กน้อย  ตอนแรกก็เหมือนมันจะไม่พูดอะไรแล้ว แต่อยู่ๆมันก็หยุดตรงหน้าและบอกผมว่า “กับข้าววางอยู่บนโต๊ะนะ  จะกินก็ได้” สิ้นประโยคแล้วก็เดินอุ้มลูกผ่านหน้าผมเข้าห้องไป


     “มึงไปไหนมาวะ?”   เมื่อเดินเข้ามาในห้อง ไอ้ฟาร์มที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนที่นอนก็ถามขึ้นทันที   

     “ไปหาไรกินมา”   พูดพร้อมกับเดินไปหยิบผ้าขนหนูติดมือเพื่อที่จะได้เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว นี่ก็เหลือเวลาอีกสามชั่วโมง ไปหาเดินดูงานดีกว่า     

     “มึงเป็นไรป้ะเนี่ย?”  ก่อนที่ผมจะเดินเข้าห้องน้ำไป ฟาร์มมันก็ถามขึ้นมา
เอาจริงๆมันก็คงจะสงสัยแหละ ว่าผมเป็นอะไร ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็นแบบนี้   แต่ก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ แค่ไม่มีอารมณ์นิดหน่อย ไหนจะต้องมาเจอเด็กนั่นอีก เสียอารมณ์เปล่าๆ แล้วตกลงกูเป็นหรือไม่เป็นวะเนี่ย!?  สังสัยตัวเองเหมือนกัน

     “ไม่ได้เป็นไร” ผมตอบกลับ

     “แน่นะ?” 

     “ก็เออสิวะ จะให้กูเป็นอะไรล่ะ?”   

     “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เป็นอะไรก็บอกกูไม่ใช่มาเงียบใส่แบบนี้” 

     “เอออ กูรู้แล้ว หน้าอย่างกูมันเคยเป็นอะไรด้วยหรือไง!?”   ถึงมีก็ไม่พูดหรอก  พูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจ อีกอย่างผมคงจะกล้าพูดหรอกว่าที่ไม่ชอบไอ้เสือเพราะเคยมีอะไรกันมาก่อน   

     “แล้วนี่มึงจะไปไหนแต่เช้า วันนี้มึงไม่มีเรียนเช้านี่หว่า”   รู้จังนะมึง เห็นไหม? ไอ้นี่น่ะมันพ่อผมชัดๆ ไม่ใช่เพื่อนหรอก

     “ไปนั่งรอที่มอแหละ กูไม่อยากอยู่บ้าน”    ที่จริงก็ว่าจะไปหาสมัครงานด้วย  ดูๆไว้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่อยากทำเท่าไรก็เถอะ

     “เออๆ ไปๆ ไปอาบน้ำไปมึง”   พอหมดคำพูดที่จะถามมันก็โบกมือไล่ผมทันที พร้อมกับหันไปสนใจโทรศัพท์อย่างเดิม


     อาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็ระเห็จออกมาจากบ้านทันที ทิ้งไว้ให้ไอ้ฟาร์มมันอยู่กับรุ่นพี่ของมันซะเลย เพราะวันนี้ไอ้ฟาร์มมันมีเรียนสายกว่าผม เลยไม่ได้กระตือรือร้นที่จะไปเท่าไร
พอเดินมาถึงป้ายรถเมล์นั่งรอได้ไม่นานรถก็มาทันที และไม่ว่าจะยังไงคนแม่งก็ยังเต็มรถตลอดเวลา นี่ก็ยืนจนขาแข็งหมดแล้วไหมล่ะ? เมื่อยเหมือนกันนะครับ   เห็นหน้าตาแบบนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นคนอดทนนะ ยอมรับก็ได้ว่าเหยาะแหยะ  บางครั้งก็ไม่อยากหลอกตัวเองหรือหาข้ออ้างสักเท่าไร ก็เลยต้องยอมรับมันทั้งแบบนั้นเลย แต่ถึงจะรู้จักนิสัยตัวเองดีกว่าใครก็ใช่ว่ามันจะแก้หายนี่หว่า… รู้แต่มันทำไม่ได้!! 
    

    เมื่อรถมาจอดถึงป้ายสุดท้ายผมก็ลงทันที ยกนาฬิกาขึ้นมาดูก็เหลืออีกเกือบสองชั่วโมงที่จะเข้ามอ แถวนี้เป็นย่านร้านอาหารแหล่งที่เที่ยวที่คนชอบมา ตอนกลางวันก็เป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟทั่วๆไป แต่ตอนกลางคืนบ้างก็เปลี่ยนเป็นร้านเหล้านั่งชิลมีดนตรีสด  แล้วผมควรที่จะทำงานอะไรดีครับ อะไรก็ทำไม่เป็นสักอย่าง

     อืม… ถ้าพูดถึงร้านอาหารร้านเหล้า ง่ายๆก็คงจะเป็นเสิร์ฟ   

     อ่า… ทำเป็นเด็กเสิร์ฟสินะ คงไม่ยากเกินไปหรอก (มั้ง?)   มันก็งานง่ายๆนี่หว่า ไม่น่าจะมีอะไรยุ่งยาก 


     ไม่ยุ่งยากแต่… แม่งเด้ยยยยย   ทำไมงานมันหายากจังวะ นี่ก็เดินเข้าเดินออกสมัครเป็นว่าเล่นแต่ก็ไม่ได้สักร้าน ที่สมัครนี่ก็สมัครเป็นเด็กเสิร์ฟแหละครับ ไอ้ร้านที่เปิดร้านอาหารกึ่งร้านเหล้าก็ไม่รับ   

อยากกว่างมเข็มในมหาสมุทรก็หางานนี่แหละ ชีวิตที่ไม่มีแม่คอยอยู่ด้วยนี่มันลำบากยากเย็นเหลือเกิน ไม่อยากสกิปตัวเองไปข้างหน้าหรอกครับเผื่ออนาคตมันอาจจะยุ่งยากมากกว่าเดิม เพราะงั้นขอย้อนเวลากลับไปตอนเกิดดีกว่า  เพราะถ้ารู้ว่าเกิดมาแล้วมันจะใช้ชีวิตยากขนาดนี้ก็ขอไม่เกิดเลยซะยังดีกว่า 


ผมเบื่อ ผมเซ็งมากในวันนี้ ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆถึงเป็นได้ ไม่รู้ว่าโชคชะตาจะเหวี่ยงบทเรียนแบบไหนมาให้เราเจอ บทเรียนที่หนักที่สุดในชีวิตของผมก็คงจะเป็นเรื่องแม่…อยู่ๆก็มาเสียแม่ไปใครมันจะไปทำใจได้   
ส่วนบทเรียนที่สองนี่ขอยกให้เรื่องไอ้เสือก็แล้วกัน คือแบบจะเหวี่ยงอะไรมาก็ได้นะ แต่ขอแหละ อย่าเหวี่ยงมันกับลูกเข้ามาหาผมเลย   


     เห้อ…เหนื่อยนะครับการใช้ชีวิตเนี่ย

● ● ●



     ฮ้าววววววว

     จะไม่ให้อ้าปากหาววอดๆได้ยังไง  ก็โดนรบกวนตั้งแต่เช้า  ไอ้คนที่ตื่นสายอย่างผมพอได้มาตื่นเช้าๆแล้วนั่งสับพะหงกอยู่อย่างนี้ก็คงไม่แปลก 

และตอนนี้ก็กำลังนั่งอยู่บนรถสองแถวเพราะเพิ่งเลิกเรียนกำลังจะกลับบ้าน ตอนแรกก็ว่าจะให้ไอ้ฟาร์มมันมาส่งสักหน่อย แต่พอโทรหามันแล้วดันโทรไม่ติดก็เลยนั่งรถสองแถวกลับเอง

ใช้เวลาสักพักก็มาถึงบ้านในที่สุด  คิดว่ากลับมาแล้วบ้านจะเงียบเหงา แต่ก็เปล่าเลยครับพี่หมากกำลังยืนรถน้ำต้นไม้ของแม่ผมที่ท่านเคยปลูกไว้ให้อยู่  ส่วนอีกคนน่ะเหรอ…ก็กำลังนั่งเล่นกับลูกมันอยู่ยังไงล่ะ  แล้วนี่ไม่รู้จักมีงานมีการทำหรือไงถึงได้มานั่งเสนอหน้าอยู่นี่ 

     “อ้าว กลับมาแล้วเหรอปิง?”   พี่หมากมันพูดขึ้นเมื่อผมเดินผ่านประตูรั้วบ้านเข้ามา 

     “หวัดดีพี่”  พูดทักทายตามมารยาทของคนอายุน้อยกว่า  แต่ไอ้อีกคนน่ะเหรอ… เหอะ!! ผมเมินครับไม่อยากมองหน้าไม่อยากคุยด้วยไม่อยากได้ยินเสียง ก็เลยเดินผ่านมันกับลูกเข้ามาในบ้านเลย แต่ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้สนใจหรอกครับว่าผมจะมีอาการยังไง จะมีก็แต่พี่หมากที่มองมาด้วยความสงสัย  คงจะแปลกใจมั้งครับที่ว่าทำไมผมถึงเมินใส่ไอ้นี่  แล้วผมจะไม่อะไรเลยถ้าตอนเดินเข้ามาแล้วไม่ได้ยินเสียงของเด็กนั่นกำลังหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างมีความสุข
โว้ยยย กูหงุดหงิด!!


ตอนนี้ง่วงนอนมากไม่ไหวแล้ว เพิ่งหกโมงอยู่เลย น้ำท่ายังไม่อาบเสื้อผ้ายังไม่เปลี่ยนหรอก พอเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วก็ทิ้งตัวลงที่นอนในทันที  ของีบสักหน่อยแล้วกัน แล้วจะลุกขึ้นมาอ่านหนังสือทำการบ้านต่อ
สี่ทุ่มสามสิบห้า 


     โอ้ยยยยย  ไม่รู้ว่านี่หลับหรือซ้อมตาย อยากจะบอกว่าหลับลึกจริงๆแม้แต่ตอนนอนก็ยังไม่ฝัน ถึงกลับหลับสนิทไม่รู้เวล่ำเวลา คว้าโทรศัพท์ที่วางไว้อยู่บนหัวเตียงขึ้นมาเช็คสักหน่อย จากนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นอนบิดขี้เกียจสองสามครั้งและเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระล้างร่างกาย

     หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ออกมาหาอะไรกินในครัวสักหน่อย จำได้ว่าซื้อมาม่ามาตุนไว้อยู่นี่หว่า

     เจ๊ดดแหมงงง!! กะว่าจะออกมาต้มมาม่ากินก่อนอ่านหนังสือให้อารมณ์ดีสักหน่อยตอนนี้กลับอารมณ์เสียไปโดยปริยา     ก็เพราะ ไอ้เสือมันกำลังยืนล้างขวดนมให้ลูกมันอยู่ตรงอ่างล้างจานนั่นไง   

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆร่างสูงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรหรือส่งเสียงให้รู้ว่ามีคนมา ที่จริงก็ตั้งใจจะทำให้มันไม่อยู่ในสายตา เขามองมาแค่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันหน้าหนีไป   

ผมเดินหามาม่าตามชั้นตามที่ต่างๆแต่ก็ยังไม่เจอ  จนที่สุดท้ายที่คิดว่าจะมีก็คือชั้นข้างบนสุดของตู้เก็บอุปกรณ์ครัวที่อยู่พอดีกับที่ไอ้เสือกำลังยืนอยู่ เป็นไปตามคาดเพราะตอนนี้นั้นมาม่ารสต้มยำกุ้งน้ำใสเจ้าเก่าเจ้าเดิมรสโปรดและรสเดียวที่ชอบกินกำลังอยู่ในมือผม  พอได้ของมาแล้วก็มองหาหม้อต้ม แต่ก็ไม่มีหม้อใบเล็กๆสักใบเลยวุ้ย!

ท้ายที่สุดก็เลยต้องปีนเอาหม้อที่เก็บไว้บนตู้สูงๆ คือแบบผมไม่เข้าใจทำไมต้องเก็บสูงขนาดนี้ มันลำบากคนเอาไหมล่ะ?  แต่เรื่องนี้ก็ต้องถามแม่ผมคนเดียวนั่นแหละเพราะแม่เป็นคนเก็บ แต่จะถามได้ยังไงแม่ไม่อยู่ให้ถามแล้ว 

ตอนนี้ก็เลยต้องไปลากเก้าอี้ตรงโต๊ะอาหารมาเป็นขาต่อเพื่อปีนขึ้นไปเอาหม้อใบเล็กซึ่งถูกเก็บไว้อยู่ข้างบน คือแค่มาม่าห่อเดียวจะให้ผมใช้หม้อเบอร์สามสิบสองต้มก็ยังไงๆอยู่     

     แต่แม่มมม! ทำไมมันหยิบยากหยิบเย็นอย่างนี้วะเขย่งเอาจนสุดแล้วแต่ก็ยังหยิบไม่ได้ถ้ากูตกเก้าอี้ขึ้นมา

     เหี้ยยยยยยย!!!

     ตุบ!!

     เหี้ยแล้ว  ตายแล้วหัวต้องแตกแน่ๆแล้วแข้งขาจะหักจะเสียความทรงจำเหมือนในหนังไหมครับ!! เนื่องจากเมื่อกี้ผมดันพลาดท่าเลยตกจากเก้าอี้แบบไม่ทันตั้งตัว ยังไม่ทันที่จะพูดจบเลยแหม่… สมพรปากกูดีจังไอ้ห่า 
แต่เอ้ะ!?   ทำไมผมไม่รู้สึกเจ็บเลยวะ?   

     ทำไมปูนมันไม่แข็งอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับออกไปทางนิ่มๆเสียด้วยซ้ำ แล้วนี่อะไรปูนมันมีมือวิเศษหรือไงถึงได้เลื้อยมารัดพันเอวผมซะแน่น  เลยค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆเพราะก่อนหน้านี้ตอนตกลงมาจากที่สูงผมปิดตาลงด้วยความกลัว

     พอลืมตาขึ้นมาดูผมนี่แทบจะเด้งตัวออกมาไม่ทันเพราะพื้นปูนที่ควรจะเป็นมันกลับไม่ใช่!


     เจ๊ดดดดแหมงงง! 

     อ อ ไอ้เสือครับหัวหน้า ไอ้เสือมันเป็นคน ม มารับผมไว้และตอนนี้ก็เป็นมันที่เป็นฝ่ายอยู่ข้างล่างรองรับตัวผมไว้ทั้งหมด ก็ว่าอยู่ทำไมไม่ได้รู้สึกเจ็บเลย 

     “ม มึงเป็นอะไรมากไหม!?”   ผมถามด้วยความร้อนรน มันจะเป็นอะไหมวะเนี่ย อย่ามาตายในบ้านกูนะถึงมึงจะช่วยกูก็เถอะ

     “ฮ เฮ้ยย!!”   ผมเขย่าตัวมันยิกๆพร้อมกับส่งเสียงเรียกกลัวว่าจะเป็นอะไรไป เพราะแม่งเล่นนอนอยู่เฉยๆไม่มีท่าทีอะไรเลย

     “กูรู้แล้ว กูขออยู่ท่านี้สักพักนะมันยังขยับไม่ได้”  ตอบกลับมาด้วยเสียงเบาๆ คงเพราะว่าผมกำลังรนรานอยู่
ฟู่!  ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง คิดว่ามันจะเป็นอะไรซะแล้ว นี่ถ้าเป็นอะไรมาผมก็รู้สึกผิดเหมือนกันนะครับ อุตส่าห์ยอมเจ็บตัวเอาตัวเองมารับผมไว้เนี่ย
ราวประมาณหนึ่งนาทีได้ ไอ้เสือมันก็ค่อยๆลุกขึ้นมาจากพื้นกระเบื้องอย่างช้าๆ  แอบได้ยินมันซี๊ดปากซี๊ดคอด้วยความเจ็บ

     “ใครบอกให้มึงเข้ามารับกูล่ะวะ!?”   อยากจะด่าให้ คิดว่าทำแบบนี้แล้วเป็นฮีโร่ไง๊?   เปล่าเลยถ้าเป็นไรขึ้นมาก็ผมไงครับที่รู้สึกผิดไอ้สัด

     “ไม่ขอบคุณแล้วยังจะซ้ำเติม”   มันพูดเบาๆพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกจากจุดนั้นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  นี่แอบเห็นมันนวดหลังนวดไหล่ในขณะที่กำลังเดินเข้าห้องด้วยแหละ   

     เอาไงดีวะ… ถึงจะยังเหม็นขี้หน้ามันอยู่แต่มันก็ช่วยผมเลยนะเว้ย!   
     สุดท้ายไอ้ความรู้สึกผิด สามัญสำนึกที่พอจะมีอยู่บ้างก็สั่งให้ผมเดินไปหยิบยาทาแก้ฟกช้ำที่อยู่ในห้องไปให้

     ยืนอยู่หน้าห้องตั้งนานสองนานกว่าจะทำใจให้เคาะประตูได้ก็หลายต่อหลายครั้งบางครั้งมันก็กล้าแต่มันก็ไม่กล้าจนต้องลดมือลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดก็กล้าเคาะนี่แหละ


     ก๊อกๆ!
     ไม่นานคนที่อยู่ภายในห้องก็เปิดประตูออกมา 


     “อะไร?”  เจ้าของเสียงทุ้มถามขึ้น พร้อมกับเรียวคิ้วที่เลิกขึ้นน้อยๆ

     “ก กูเอายามาให้”   พูดพร้อมกับยื่นยานวดแก้ปวดแก้ช้ำให้คนตรงหน้า   แล้วก็พูดต่อไปว่า “ข ขอบคุณ ท ที่ช่วยกูนะ”   แล้วนี่เสียงจะสั่นทำห่าอะไรวะ กะไอ้แค่พูดขอบคุณ

     “อือ…”  ตอบรับแค่สั้นๆจากนั้นก็เดินแทรกตัวออกมาจากหลังประตูแล้วมานั่งตรงโซฟาหน้าทีวีกลางบ้าน
ทันทีที่นั่งลงคนเจ็บก็ถอดเสื้อออกพร้อมกับบีบยาลงบนฝ่ามือเพื่อที่จะได้เอาทาหลังตรงบริเวณที่ฟกช้ำ   

     “แล้วทำไมไม่เข้าไปทาข้างในดีๆกลัวคนอื่นไม่เห็นเหรอ?”  ผมตั้งคำถามและยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน อยากอวดหุ่นตัวเองล่ะสิ


     ชิชะ!


     “กลิ่นยามันแรง กูไม่อยากให้น้องกวางได้กลิ่น” คนที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่ตอบกลับมา 

      อ้าว! นี่กูก็คิดไปเองซะไกลเลย 

     พอตอบคำถามผมแล้วมันก็ตั้งอกตั้งใจทายาต่อ แต่ดูท่าว่ารอยช้ำนั้นจะอยู่ไกลเกินกว่าที่มือมันจะเอื้อมถึง 
     เห็นแล้วก็อดที่จะเข้าไปช่วยไม่ได้ ยืนคิดอยู่นานสองนานว่าจะเข้าไปช่วยดีไหม แต่สุดท้ายแล้ว…
 

     เอาก็เอาวะ!   คิดซะว่าตอบแทนที่มันยอมเจ็บตัวเพื่อผมก็แล้วกัน   

     “มากูทาให้”   ผมเดินเข้ามานั่งใกล้คนตัวสูงที่นั่งหันหลังอยู่ แล้วก็แย่งหลอดยามาจากมือของเคนเจ็บจากนั้นก็ป้ายยาลงยังบริเวณที่กำลังขึ้นรอยช้ำซึ่งปรากฏอยู่บนผิว 

     “…”

     “…”

     “…”
     ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากปากผมและเขา มีแค่เสียงลมหายใจเท่านั้นที่คงอยู่ให้ได้ยิน

     “กูขอโทษนะ สำหรับเรื่องนั้น” อยู่ๆในขณะที่กำลังตั้งใจทายาให้ ไอ้เสือก็พูดขอโทษผมขึ้นมา ที่จริงควรเป็นผมไหมครับที่ต้องขอโทษมัน  อะไรครับงงในงง

     “…”  แต่ก็เงียบก่อนรอดูว่ามันจะพูดอะไรต่อ

     “วันนั้นกูยอมรับว่าเมามาก ขอโทษจริงๆไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้” 

     “…”   อ่อออ ไอ้สัด!! ที่จริงก็เรื่องนี้ กูก็งงอยู่ว่ามึงมาขอโทษกูเรื่องอะไร แล้วนี่มึงจะมารื้อฟื้นหาพระแสงอะไรครับ กูว่าจะไม่คิดแล้วเชียว!!

     “ถ้ามึงอยากให้กูรับผิดชอบก็ได้นะ”   

     “มึงจะบ้าเหรอ! จะมารับผิดชอบกูทำไมกูไม่ได้ท้องสักหน่อย”   ผมเถียงขึ้นมาทันควัน แหม่…จะมารับผิดชอบห่าอะไรกู รับผิดชอบตัวเองกับลูกมึงดีกว่าอย่ามายุ่งกับกูเลย

     “ก็ถ้าอยากให้กูทำอะไรก็บอกนะ เพราะ… มึงเองก็เป็นฝ่ายเสียหายนี่ ”   ไอ้ห่านถ้ากูจะขอให้มึงย้ายออกจากบ้านกูได้ไหมล่ะ ไสหัวมึงกับลูกออกจากบ้านกูไปเพื่อเป็นการรับผิดชอบได้ไหมล่ะ!?     

      ก็ได้แค่คิดนั่นแหละ ไม่กล้าพูดหรอกครับ 

     “กูขออย่างเดียว…ขอให้มึงอย่าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง”  พูดไปแบบนั้นก็คงจะเป็นการดีที่สุด

     “อืม…จะไม่เล่า”     

     “อย่างนั้นก็ดี”   “อะเสร็จแล้ว”  และบทสนทนาก็จบลงแต่เพียงเท่านี้พร้อมกับการทายาที่เสร็จพร้อมกันพอดี
และในจังหวะนั้น…

     “ขอบใจ”   


     ที่มันพูดขอบคุณ

     เชี่ย…สตันท์สัด!!

     กูเนี่ยสตันท์  อยู่ๆก็หันหน้ามา หน้าเราเลยอยู่ใกล้กันแค่คืบจากนั้นก็เผลอสบตากันโดยบังเอิญ ผมไม่ได้ขยับตัวหนีไอ้เสือเองก็เช่นกัน…อย่างกับตกอยู่ในภวังค์ 


     ตึกตักๆ…
     แล้วมึงจะเต้นแรงทำห่าอะไรวะไอ้หัวใจไร้ประสิทธิภาพ!
   

     ฮึ่ยยยย!! ควบคุมตัวเองไม่ได้สักพักหนึ่งพอได้สติแล้วก็เลยพูดแทรกความเงียบขึ้นมาทันที “ก กูไปนอนละ”  เสร็จแล้วก็รีบติดเกียร์หมาเข้าห้องไป 

     ที่สตันท์นี่ไม่ได้ว่าเพราะพิศวาสหรืออะไรเลยนะอย่าเข้าใจผิด คือไม่ค่อยได้เข้าใกล้มันระยะเผาขนแบบนี้ไง (ถ้าไม่นับรวมวันนั้น)   มันเลยขนลุกขนชันขึ้นมาโดยปริยา

● ● ●


     หลังจากวันนั้นมาเราก็ไม่ได้คุยกันสนิทอะไรกันมากขึ้นกว่าเดิมหรอกนะ ตอนนี้เรื่องวันไนท์แสตนด์ของผมกับมันน่ะก็จบลงไปแล้ว ถึงแม้บางครั้งจะมีคิดๆบ้างก็ตาม  แต่ยังไงซะมันก็เป็นเพราะความเมาและไอ้ความเมานั้นมันก็มาจากตัวผมทั้งสองคน
ก็เลยโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองที่ยอมปล่อยให้แอลกอฮอล์กับความต้องการมันอยู่เหนือการควบคุม แต่ถามว่ายังเกลียดขี้หน้ามันอยู่ไหม? ก็คงจะขอตอบว่ามีบ้าง จะทำไงได้ความคิดความรู้สึกใช่ว่ามันจะเปลี่ยนกันได้วันสองวันนี่ครับ แต่ตอนนี้เรื่องนั้นค่อนข้างที่จะไม่ใช่ปัญหาหลักแล้ว

     ปัญหาของผมที่คิดว่ามันควรกำจัดออกตอนนี้ก็คือเรื่องลูกของมันนั่นแหละ!

     ต้องให้พูดอีกสักกี่ล้านรอบดีว่าไม่ชอบเด็ก ไม่ชอบเอามากๆ ไม่ช๊อบบบไม่ชอบบบ 
     เหตุผลที่ไม่ชอบนี่ก็คงจะเป็นแต่ก่อนตอนที่แม่พาไปบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด  คือเพื่อนแม่ผมเขามีลูกสองคนผมจำได้ดี คนน้องสามขวบคนพี่ห้าขวบ แล้วรู้อะไรไหมครับ?   ระหว่างที่แม่ไปคุยธุระกับเพื่อนของเขาอยู่ เด็กผู้หญิงสองคนนี้ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานในตอนแรกแม่งก็ตีกันเฉยเลย  แล้วดันเป็นเด็กที่เอาแต่ใจตัวเองกันทั้งคู่  พอตีกันเสร็จก็ร้องไห้โวยวายจนกูรำคาญ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไรสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมแล้วก็คนมันไม่ชอบไปแล้วน่ะนะ ตั้งแต่เจอฤทธิ์เดชของมนุษย์เด็กเข้าไปจากนั้นก็ไม่เคยชอบอีกเลย  และประสบการณ์เรื่องการเจอเด็กเปรตก็มีมากขึ้นเรื่อยๆจนมันสะสมมานานและมากพอสมควรที่จะทำให้ผมไม่ชอบเด็กเอาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะลูกเล็กเด็กแดงที่ไหนก็ตาม


    มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สาม (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 27-03-2017 22:15:35
ต่อค่ะ




 นี่มันก็อยู่กับผมมาได้สองอาทิตย์แล้ว พยายามหลบหลีกให้ได้มากที่สุดก่อนที่ความอดทนจะหมดลง เคยคิดและคิดมาตลอดว่ายังไงเด็กก็คือเด็กไม่อยากจะอะไรให้มากความ แต่จนแล้วจนรอด… ก็ทำไม่ได้สักที พยามที่จะระงับอารมณ์ตัวเองเสมอๆไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ความอดทนของผมมันกำลังจะระเบิดออกมา เพราะปัญหาเดิมๆเรื้อรังของผมเอง ยอมรับและรับผิดมากว่าไม่สามารถที่จะปรับตัวเข้ากับเด็กได้เลยจริงๆ  ทุกวันนี้ซะส่วนมากไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุกก็มีลูกไอ้เสือมันคอยปลุกให้  ที่จริงไม่ใช่แค่เรื่องนี้หรอกแต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ทำให้ผมหัวใจกระตุกอยากไล่มันออกจากบ้านแล้วเหลือเกิน


     วันนี้ก็เป็นอีกวันที่โดนปลุกให้ลุกแหกขี้ตามาตั้งแต่เช้า และก็ไม่รู้ว่าไอ้เสือไปไหนถึงได้ปล่อยลูกไว้อย่างนี้ นี่ก็ตื่นมาแล้วยังไม่เห็นใครเลย จะมีก็แต่ไอ้เด็กอ้วนซึ่งกำลังนั่งอยู่ในรถล้อเลื่อน ไอ้พี่หมากก็ไม่เห็นสงสัยจะยังไม่เข้าบ้าน เพราะเมื่อคืนตีสามลุกมาเข้าห้องน้ำก็ยังไม่เจอเลย 

     “แง๊!!”  เอาอีกแล้ว เด็กมันแหกปากร้องอีกแล้วครับหัวหน้า!!   
พอเห็นผมเดินออกมาจากห้องก็ร้องซะดังลั่นเลย  แล้วนี่พ่อเธอหายไปไหนวะ คิดว่าร้องแบบนี้แล้วกูจะทำอะไรได้!

     “แง๊!!”
     แน่ะ! ยังอีก พอเห็นหน้าผมเจ้าเด็กนี่มันก็ยิ่งร้องไห้งอแงใหญ่เลย พร้อมกับยกแขนสั้นๆป้อมทั้งสองข้างเหมือนกับว่าจะให้ผมอุ้ม

     “แง๊!!!”

     เชร้ดดด แล้วผมควรทำไงดีครับ คราวนี้น้องกวางร้องพร้อมกับเดินเตาะแตะๆในรถล้อเลื่อนเข้ามาหาผม   

     โว้ยย อย่าเข้ามาใกล้นักสิวะ 

     “แง๊!!”   
     สุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าผม สองมือป้อมๆน้อยๆก็พยายามไขว่คว้าเข้าหาผม   

     และครั้งนี้เสียงเล็กๆก็ยิ่งร้องไห้กระจองอแงมากกว่าเดิม น้ำตาหยดน้อยๆไหลกลิ้งบนแก้มอวบอูมนั่นอย่างน่าสงสาร อ้าปากร้องซะจนเห็นฟันหน้าสองซี่บนล่าง   

     แล้วกูควรเอาไงดีฟระ!!!   

     แม่งเด้ยยย

     สุดท้าย แล้วก็ท้ายสุดด้วยก็ต้องยอมจำใจอุ้มน้องกวางขึ้นมาจากรถนั่น 
โอ้ยย หัวใจกูจะวาย เกิดมายังไม่เคยเข้าใกล้เด็กระยะประชิดขนาดนี้  หัวใจกระตุกเลยครับจนกลิ่นแป้งเด็กลอยมาแตะจมูก นี่ผมก็ยอมอุ้มขึ้นมาจากรถแล้วนะ ทำไมน้องมันยังไม่หยุดร้องอีก 


     แง๊!!

     มาร้องใกล้ๆหูผมด้วย  เริ่มหงุดหงิดแล้วนะ!    พออุ้มแล้วเธอก็ดิ้นๆไม่รู้จะดิ้นทำไม  แล้วจะเอาอะไรอีก แค่อุ้มขึ้นมานี่ก็ดีแค่ไหนแล้วรู้ไหมไอ้เด็กอ้วน

     จะทำยังไงล่ะครับทีนี้   ไอ้ห่าเสือตอนนี้มึงไปไหนของมึง!!

     “แง๊!!!”    ครั้งนี้น้องมันร้องแหกปากเสียงดังมากกว่าเดิมอีก  และรู้สึกเหมือนจะมีอะไรบางอย่างนั้นเปียกๆอยู่ที่ตัวของเธอมันส่งมาถึงผม 

     เห้ยยยย อะไรมันเปียกๆวะ  ทันเท่าความคิดผมยกร่างเล็กที่กำลังอุ้มอยู่ออกห่างตัวเล็กน้อยเพื่อสำรวจดูความผิดปกติ
ฉิบหายไหมล่ะครับ! เยี่ยวแตกใส่ผมอีก   

     แล้วนี่ทำไมไม่รู้จักใส่แพมเพิร์สให้ลูกมึงเลยวะไอ้เสือ! 

     ปู้ดดดดด! 

     นั่นไง… เยี่ยวไม่พอยังขี้ใส่กูอีก 

     น้องกวางงงงงง!!!

     ฮึ่ยยยยยยย
     ผมหงุดหงิดแบบเต็มแม็กซ์แล้วนะ เมื่อไรไอ้ห่านั่นมันจะมาสักทีเล่า!

     “เฮ้ยยยย!”  ชาตินี้คงจะตายยากนะครับขนาดด่าอยู่ในใจเพียงแค่ไม่กี่นาทีมันก็โผล่มา สองสามนาทีได้มั้ง ถ้านับไม่ผิดน่ะนะ

     “มึงไปไหนมาวะ ทำไมปล่อยให้ลูกมึงร้องอยู่อย่างนี้!”  ผมโวยวายใส่มันทันทีเมื่อพ่อของเด็กที่กำลังอุ้มอยู่นั้นเดินตรงมาทางผม

    “โทษที พอดีนัดให้เค้ามารับงานบ้านที่หน้าหมู่บ้าน ว่าจะออกไปแค่แป้บเดียวเอง” มันพูดพร้อมกับรับตัวน้องกวางไปอุ้มแทน   
ไงล่ะเกลียดยังไงก็ได้อย่างนั้นไหมล่ะกู  ทั้งขี้ทั้งเยี่ยว... มาเต็มมาก เอาซะนี่เข็ดขยาดเด็กน้อยไม่กล้าเข้าใกล้อีกนานเลย


     ฮืออ…หัวหน้าครับช่วยผมด้วย!
   
     “โอ๋ๆๆ พ่อมาแล้ว”  เขาเดินอุ้มน้องกวางที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอกพร้อมกับพูดปลอบประโลม จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำทันที
ผมเองก็ไม่ต่างกันครับ…ต้องหอบสาระร่างเข้าไปล้างตัวเหมือนกัน เหม็นขี้เหม็นเยี่ยวหมดแล้วสาด! 

● ● ●

     ขณะนี้ทั้งบ้านก็ไม่เหลือใครแล้วนอกจากผม ไอ้เสือมันก็ขับรถออกกับลูกได้เมื่อห้านาทีที่แล้วนี่เอง พอทางโล่งโปร่งสบายก็รีบต่อสายหาไอ้เพื่อนรักด้วยความเร่งรีบ  ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องโทรหาตอนนี้รู้แค่ว่าอยากพูดมากไม่ไหวแล้ว กูอัดอั้น!
 

 “ไอ้เหี้ยฟาร์ม มึงช่วยกูหาทางไล่รุ่นพี่มึงออกจากบ้านกูไปเลยนะ กูทนไม่ไหวแล้วโว้ยยย มึงก็รู้ว่ากูเกลียดเด็ก กูทนไม่ไหวแล้วที่กูจะต้องมาอยู่ร่วมกับเด็ก!!”

     เมื่อปลายสายกดรับผมก็กรอกเสียงลงไปด้วยความสุดจะทน 
เพราะตอนนี้ได้ทนสุดความสามารถแล้ว เมื่อเช้าก็อยากจะโวยวายครั้งละหลายๆรอบมาก ผมไม่ทนแล้วผมเบื่อแล้ว หาคนเช่าคนใหม่ก็ได้

     แต่...ในนาทีนั้นขณะที่ผมกำลังจะพูดขึ้นต่อ กลับต้องอ้าริมฝีปากค้างไว้กลางอากาศจนแมลงวันแทบจะบินเข้ามาไข่อยู่รอมร่อเมื่อผมหันหน้ามาทางประตู

     เหี้ยย!!   

     ซ ซวย ล แล้ว… 

     ฉิบหายแน่ๆ เมื่อต้นเหตุที่ทำให้ผมต้องอาปากค้างนั้นกำลังอยู่ตรงหน้าประตู  นอกจากจะอ้าปากค้างแล้วหัวใจยังเต้นแรงอีกด้วย 

     ไม่ได้เขินหรืออะไรนะ… มันตกใจ
     เพราะคนที่กำลังยืนต่อหน้าผมนั้นคือ… ไอ้เสือ

     ท ทำไม อ ไอ้เสือมันมา ย อยู่ตรงนี้ ด ได้วะ   

     สายตาและสีหน้าของคนตัวสูงตอนนี้นั้นโคตรนิ่ง เดาไม่ได้เลยว่ากำลังอยู่ในภาวะอารมณ์แบบไหน ผมจะโดนมันตีหัวไหมครับ…

     เงียบอย่างนี้แสดงว่าได้ยินหมดสินะ…

     “อ เอ่อ” 

     “ตอนแรกคิดว่าที่มีท่าทีใส่กัน ก็คิดว่าเรื่องที่เรามีอะไรกันซะอีก…”  ยังไม่ทันที่ผมจะค้นหาเสียงของตัวเองเจอ เจ้าของเสียงทุ้มก็พูดขึ้นมาก่อนด้วยความราบเรียบ “แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด…มึงไม่ชอบน้องกวาง”   

     “…”  ผมหลบสายตาคู่นั้นไม่กล้าแม้แต่จะมอง คำพูดแก้ตัวก็ไม่แม้แต่จะพูดออกไป ฝ่ามือที่เริ่มชื้นเหงื่อกำโทรศัพท์ที่ยังคงไม่ได้วางสายจากไอ้ฟาร์มไว้แน่น  คาดว่ามันคงจะได้ยินหมดแล้ว

     แข้งขาสั่นพับๆ เหงื่อผุดซึมขึ้นมากกว่าเดิมอย่างห้ามไม่ได้

     “ไม่ต้องหาเรื่องไล่ออกหรอก เดี๋ยวจะไปเอง…”  พูดจบคนตรงหน้าก็เดินหายเข้าไปเอาของอะไรสักอย่าง จากนั้นก็เดินออกมา และก่อนจะไปทิ้งท้ายให้ผมรู้สึกผิดด้วยคำว่า   “ขอโทษอีกทีนะ ที่กูกับลูกอยู่ให้มึงอึดอัดใจมาตั้งหลายอาทิตย์








     TBC


     rewrite 16/7/60


หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สี่ (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 30-03-2017 22:30:12
ชอบๆๆๆ กำลังไล่อ่านอยู่น่ะ
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สี่ (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-03-2017 22:55:41
ปิง ปากเบา ไม่มีความอดทน
แต่ตอนนี้คงรู้สำนึก เสียใจที่พูดออกไปไม่คิด
เลยได้แต่ขอโทษเสือ
ว่าแต่ไฟดับตัวเปียก ลื่นล้มกอดกัน
เสือจะยกโทษ หรือยกอย่างอื่น
เพราะเสียงเสือ เอ่อ....แปลกๆนะ
แต่คนอ่าน ใจสั่น แบบชอบบบ นะ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สี่ (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: rainiefonnie ที่ 31-03-2017 00:08:43
ปิงนี่สันดานเสียมาก  อ่านอืมมมมไม่ควรมีเพื่อนคบ  ปากเปราะ พูดไม่คิด
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สี่ (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 31-03-2017 04:40:23
ปิงนิสัยไม่ดีในเรื่องตรงนี้ แต่ปิงมีการปรับปรุงตนค่ะ เรารู้ เพราะเราก็นิสัยไม่ได้ดี ในหลายๆอย่างก็เคยทำผิด อารมณ์ร้อนยิ่งกว่าอากาศประเทศไทย เราเข้าใจอารมณ์แบบนี้นะเว้ย
ดีที่ปิงคิดได้ แบบคิดได้จริงๆอ่ะนะ
ส่วนพี่เสือนั้นเขามีควาทเป็นสามีสูงมาก..(อาจจะเป็นเพราะมีลูกหนึ่ง) นี่สงสัยในตัวเมียเก่าพี่เสือสุดๆอ่ะ ได้แต่อุทานว่าใครวะ อืม
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สี่ (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: fyfh34 ที่ 31-03-2017 10:56:44
สนุกดีค่ะ จะตอยติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สี่ (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 03-04-2017 15:43:04
ตอนที่สี่ : รู้สึกผิด



     เช้าแรกของวันที่ไม่มีน้องกวาง

     ฮ้าวววววว  หาวยาวไปถึงดาวอังคารเลยไหมล่ะ?

     กี่โมงกี่ยามแล้วครับทำไมนาฬิกามันยังไม่ปลุกหรือว่าถ่านจะหมด ทันเท่าความคิดผมคว้านาฬิกาบนหัวเตียงขึ้นมาดูว่าตายหรือยัง อ้าว… ยังหกโมงยู่เลยนี่หว่า…  แล้วทำไมผมต้องตื่นเช้าขนาดนี้ด้วยล่ะเนี่ย


     อ่า…
     คงจะเคยตัวมาจากที่ลูกของไอ้เสือมันชอบปลุกแน่ๆ  ขนาดว่าย้ายออกไปแล้วก็ยังชินที่จะตื่นเช้าเลย นี่กลายเป็นคนแบบนี้
ตั้งแต่เมื่อไร  เหลือเชื่อฉิบหาย

    เมื่อวานตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้เห็นหน้าไอ้เสืออีกเลย มารู้อีกทีก็ตอนกลับบ้านมาข้าวของในห้องไม่มีเหลือเลยสักอย่าง เห็นก็แต่โพสอิทสีเขียวมะนาวที่แปะไว้ว่า ไม่ต้องหาค่ามัดจำบ้านมาให้กูหรอก ถือว่าเป็นค่าขอโทษที่กูกับลูกทำให้มึงอึดอัดใจซะนาน เล่นเอาซะผมรู้สึกผิดเลยไหมล่ะ… ไอ้ฟาร์มมันก็ยังไม่รู้เรื่องนะครับ เพราะเมื่อวานตอนอยู่ในสายดันโดนม๊าเรียกใช้เลยไม่ได้ยินถือว่าเป็นโชคดีไป แต่ก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้ามันรู้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น…


     แต่ที่แน่ๆผมต้องตายศพไม่สวยแหงๆ!!

     “มึงตื่นเช้าจังเลยวะปิง?” ทันทีที่ก้าวเท้าออกมาจากห้อง  คนที่นั่งอยู่หน้าทีวีก่อนแล้วอย่างพี่หมากก็เอ่ยทักขึ้น

     “ผมก็ตื่นเช้าทุกวันไหมล่ะพี่?”

     “นั่นเพราะน้องกวางปลุกมึงหรือเปล่า ฮ่าๆ”  “ว่าแต่นี่ไอ้สองพ่อลูกมันไปไหนวะเช้านี้ยังไม่เห็นหน้าเลย?” 

     “ม ไม่รู้อ่ะ”    กูโกหกที่จริงนี่รู้อยู่เต็มอกว่าไปไหน แล้วทำไมถึงไป

     “เดี๋ยวเย็นๆก็คงกลับมาแหละมั้ง”  พี่มันพูดแล้วก็หันไปสนใจข่าวในโทรทัศน์ต่อ 

     “อ อือ”  ผมตอบเสียงรับในลำคอ ซึ่งมันค่อนข้างเบาหวิวเหมือนกับขนนกที่กำลังล่องลอย เมื่อตระหนักได้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น

มันคงจะกลับมาอยู่หรอก  ย้ายข้าวของออกไปซะหมดแบบนี้  เฮ้อออ ก็ควรรู้สึกดีไม่ใช่เหรอวะ ทำมันกลับรู้สึกแปลกๆแบบนี้ จะดีใจก็ดีไม่สุด…

     โว้ยยยย!

   
  เช้าที่สองของการไม่มีน้องกวาง 

     ก๊อกๆ!!

     “ปิง!”     
     และเช้านี้ก็ตื่นด้วยเสียงเคาะประตูห้องผม โดยไอ้พี่หมาก แล้วนี่มีอะไรมาเรียกแต่เช้าขนาดนี้!? 

     “ฮ้าวววว  มีไรอ่ะพี่?”    ลุกขึ้นมาเปิดประตูพร้อมกับหาววอดๆใส่คนตรงหน้า

     “รู้ยังว่าไอ้เสือมันขนของออกไปแล้ว”   
 
     อ่อ…เรื่องนี้นี่เอง

     “ก็.. อ อืม รู้แล้ว” 

     “แล้วมันย้ายไปไหนวะ?” พี่หมากถามขึ้นด้วยความสงสัย พร้อมกับเท้าแขนลงที่กรอบประตูห้องผม

     “ม ไม่รู้เหมือนกัน”   กูคงกล้าพูดหรอกว่าย้ายไปเพราะกู

     “พี่มีไรหรือเปล่า?”   

     “ก็ไม่หรอก แค่รู้สึกว่าขาดน้องกวางไปแล้วบ้านมันเงียบมากก็เท่านั้นเอง”  “กูไปละมึงนอนต่อซะ แค่อยากรู้เฉยๆว่ามันย้ายไปไหน” 

     “อ่อ… โอเคๆ” 

     และบทสนทนาก็สิ้นสุด พร้อมกับพี่หมากที่เดินเข้าห้องของตัวเองไป

     บ้านมันก็เงียบจริงๆนั่นแหละ… แต่ก็ดีแล้วไม่หนวกหูดี แล้วก็ไม่ต้องทนอยู่กับเด็กด้วย 
     แต่ถ้ามันดีอย่างที่ว่าแล้วทำไมผมถึงไม่ดีใจอย่างที่ควรจะเป็นล่ะครับ…!? 

● ● ●



     ยังไงซะตอนนี้ความรู้สึกผิดมันก็มีมากว่าความรู้สึกดี ไม่น่าเลยกู โธ่…
     เมื่อได้นั่งคิดทบทวนแล้วก็ได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ก็จะอดทนมากกว่านี้  จะให้ตัวเองใจเย็นลงกว่านี้ไม่วู่วาม ฮือออ.. แต่ใครมันจะไปรู้ล่ะวะว่าแม่งจะกลับเข้ามาเอาของที่บ้าน   


     ป๊าปปปป!!

     “กว่าจะหาตัวเจอนะมึง!”  นั่นไง เสียงที่กูไม่อยากได้ยิน… ไอ้ห่าฟาร์ม นี่อุตส่าห์หลบหน้ามันมาตั้งแต่ที่ไอ้เสือมันย้ายออกจากบ้านไป  สุดท้ายก็ไม่พ้นว่ะเจอตัวจนได้ 

     “…”  เงียบก่อนไม่กล้าตอบเดี๋ยวพ่อตบ

     “มึงจะเงียบหาอะไร!!”   “มึงรู้ใช่ไหมว่ามึงผิด!”    มันพูดแล้วก็นั่งลงเก้าอี้ข้างๆผม ส่วนพวกไอ้เจมส์ ไอ้โก้นี่ก็งงเป็นไก่ตาแตกที่อยู่ๆไอ้ฟาร์มมันก็มาเกรี้ยวกราดใส่แบบนี้

     “ก กูรู้”  ผมนี่กูตอบเสียงเบาหวิวมาก  ใช้เงินประกันแม่หมดยังไม่รู้สึกผิดเท่าเรื่องนี้เลย  นี่กูทำอะไรลงไปวะ

     “รู้แล้วก็ดี!”   แล้วมึงจะตะคอกหาอะไรพูดเบาๆก็ได้   

     “เฮ้ยย เดี๋ยวกูมานะมึง”   ไอ้สองคนที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์ตอนนี้ก็พูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆแล้วก็ลุกออกไปเลย

     “…” 

     “กูเข้าใจนะ ว่ามึงเกลียดเด็กมาก”  “แต่มึงทำเกินไปไหม? นั่นมันเด็กตัวเล็กๆที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยนะเว้ย!”
     ทันทีที่ไอ้สองคนนั้นเดินออกไปแล้วไอ้ฟาร์มมันก็โพล่งขึ้นมาทันที 

     “…”  ผมยังคงเงียบแล้วไม่กล้าตอบ

     ก ก็กูผิดไปแล้ว

     “มึงรู้อะไรไหม?  พี่เสือมันน่าสงสารนะ กูจะบอกให้มึงได้ฟัง เผื่อมึงจะได้เห็นใจเขาบ้าง” 

     “มึงไม่ต้องลุกไปไหนเลย!”    ฟาร์มมันพูดขึ้นเสียงดังทันควันเมื่อเห็นว่าผมทำท่าจะลุกหนี   

     “ก กูแค่จะเขยิบไปนั่งตรงนู้น”  เปล่าที่จริงกูจะลุกหนี แม่งโมโหเกินจริงว่ะ กูกลัวนะไอ้เหี้ย 

     “มึงนั่งนี่แหละ!”  “นั่งแล้วก็ฟังเรื่องที่กูจะพูดให้ดี!” 

     “…”   ตอนนี้แม่งก็นั่งแกะขี้เล็บจนจะไม่มีให้แกะแล้วสัด

     “จริงๆแล้วถึงพี่เสือมันจะดูเหมือนไม่มีอะไรแต่มันน่าสงสารมากนะ”

     “…”

     “ต้องเลี้ยงลูกตัวคนเดียว แถมเมียก็ยังมาทิ้งไปอีก”

     “…”

     “ทั้งที่บ้านก็รวยมีเงินพ่อเป็นถึงนายทหารยศใหญ่ แต่ก็ไม่เคยหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้”  “แม่ก็หนีไปอยู่ที่เมืองนอกไม่เคยติดต่อกลับมา”

     “…”

     “พี่มันหนีออกมาจากบ้านเพราะมีปัญหากับพ่อเรื่องลูก เพราะแม่เลี้ยงที่บ้านคอยเป่าหูให้พ่อทะเลาะกับพี่เสือตลอดเวลา”

     “…”

    “ทำทุกอย่างเพื่อลูก ทำงานหามรุ่งหามค่ำงานหนักงานเบาพี่มันเอาหมด… ก็เพราะว่าลูก” 

     “…”

     “ที่จริงกูก็ไม่มีอะไรจะพูดมากหรอก แต่กูอยากบอกแค่ว่ามึงแม่งโคตรแย่เลยว่ะไอ้ปิง”

     “…” 

     “กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงมีปัญหาอะไรกับพี่มัน ถึงมึงจะบอกว่าไม่มีอะไรแต่กูก็ดูออก มึงอย่าลืมว่าเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งกี่ปี” 

     “…”

     “แต่มันใช่เรื่องเหรอวะ?  น้องกวางเป็นแค่เด็กนะเว้ย เด็กที่เพิ่งเกิดมายังไม่ถึงสองปีด้วยซ้ำ!” 

     “…”

     “กูไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนกูจะเป็นคนแบบนี้…น้องกวางน่าสงสารมากนะ ถ้ามึงเปิดใจบ้างมึงคงจะได้รู้อะไรมากกว่านี้ เพราะที่กูพูดไปมันก็คงจะไม่เข้าหูมึงเท่าไร ลองมึงได้รู้จักพี่มันมากกว่านี้แล้วมึงจะเข้าใจเอง”   

     “…”

     “ก็คิดเอาแล้วกันนะว่าควรทำยังไง…”

     “…”

     “ถึงมึงจะไม่ได้ให้พี่มันเช่าบ้านต่อ แต่มึงก็ควรที่จะขอโทษเขา…”

     “…”

     “ไม่มีพ่อคนไหนหรอกนะเว้ย ที่อยากเห็นคนอื่นเกลียดลูกตัวเอง”  “ก็ลองนึกสภาพตอนที่มึงมีลูกดู”   
   
     ใครบอกกูอยากมีลูก จ้างให้กูก็ไม่มี คิดในใจไหมล่ะ?  ถ้าคิดออกเสียงนี่ไอ้ฟาร์มมันตบกะโหลกแตกแน่ 
   
     “เข้าใจที่กูพูดไหม?”   

      “อือ” 
     ถึงขนาดนี้แล้วกูจะไม่เข้าใจได้ยังไงล่ะ รู้สึกผิดเหี้ยๆเลยครับ

● ● ●


     นั่งคิดมาแล้วทั้งวันจนไม่มีกระจิตกระใจเรียน สุดท้ายคำตอบที่ได้ก็คือจะไปขอโทษมันแล้วก็ตามกลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม หลังจากที่เลิกเรียนแล้วก็เลยระเห็จมาอยู่หน้ามหาลัยของไอ้เสือ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะอยู่หรือเปล่า กลับบ้านหรือยัง

ผมเอาโทรศัพท์ออกมากดโทรหาไอ้ฟาร์มเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มตามหาหรือติดต่อไอ้เสือได้ยังไง เบอร์โทรก็ไม่มี แต่ทันใดนั้นที่ต่อสายไป เสียงสัญญาณของการฝากข้อความเสียงก็ดังขึ้น

     เฮ้อ… มันปิดเครื่องครับ แล้วผมควรทำยังไงดี

     อ่า!!! คิดออกละ! 

     พี่หมากไง พี่หมากมันอยู่มหาลัยเดียวกับไอ้เสือนี่หว่า… 

     ไม่รอช้าที่จะรีบต่อสายหาคนที่กำลังอยู่ในความคิด

     [ว่าไงปิง?] ปลายสายถามขึ้นทันทีที่กดรับ

     “พี่อยู่มหาลัยเดียวกับไอ้เสือใช่ไหม?”

     [อือ..  มีอะไรหรือเปล่า?]   

     “ตอนนี้พี่พอจะเห็นมันบ้างไหม?”   

     [ก็เห็นผ่านๆอยู่คณะมันอยู่นะแต่ก็ยังไม่ได้คุยด้วยสักที  ตอนนี้กูว่ามันคงจะกลับแล้วแหละ เพราะมันเคยบอกว่าตอนเย็นต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร]

     “แล้วร้านอาหารนี่มันแถวไหนล่ะพี่?” 

     [แถวXXXน่ะ…มีเรื่องอะไรรึเปล่า? จะให้กูช่วยอะไรไหม?]

     “อ๋อ…ไม่มีฮะ”   “ขอบคุณมากพี่”  การสนทนาจบลงพร้อมกับเส้นทางที่เปลี่ยนไป 


     สุดท้ายตอนนี้ก็เลยหอบสารร่างมาถึงร้านอาหารที่ไอ้เสือมันทำในที่สุด แต่ยังคงไม่กล้าเข้าไปถามหาก็เลยนั่งรออยู่แถวๆร้านไม่ไปไหน ว่าจะรอดักเจอเอาตอนเลิกงาน



     21:05 pm

     ฮ้าววววว   ง่วงนอนฉิบหายเลย ทำไมวันนี้มันง่วงนอนอย่างนี้วะ  ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้วไอ้เสือก็ยังไม่เลิกงานเลย แม้แต่หน้าก็ไม่โผล่ออกมาบ้าง นั่งรอจนรากงอกแล้ว


     23:00 pm   

     ฮ้าววววว  ขณะนี้กาแฟหมดสองแก้วแล้วครับ ตามันเลยสว่างขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงแอบง่วงอยู่หน่อยๆ อ้าปากหาววอดๆแล้วก็เลยยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู  เข็มสั้นและเข็มยาวที่ปรากฏบนหน้าปัดนั้นก็ทำให้ผมถึงบางอ้อเลยทันที ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงง่วงเหงาหาวนอนขนาดนี้ 

ก็มันจะห้าทุ่มแล้วนี่ครับ  ทำไมเดี๋ยวนี้รู้สึกตัวเองดัดจริตยังไงก็ไม่รู้เลย ง่วงนอนตั้งแต่หัวค่ำตลอดทั้งที่แต่ก่อนก็นอนดึกจนบางวันนี่นอนเช้า  ไม่ต้องแปลกใจนะครับว่าทำไมห้าทุ่มสำหรับผมถึงถือได้ว่าเป็นหัวค่ำ ก็อย่างที่บอก ไม่ดึกเราไม่นอน

ว่าไปแล้วตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวอีกเลย ไม่ใช่ว่าเข็ดเรื่องไอ้เสือเลยไม่อยากไป  แต่เพราะพอจะไปเที่ยวทีไรก็เหนื่อยหลับคาชุดนักศึกษาเลยคิดเอา  การบ้านก็เยอะหนังสือก็แยะ ต้องพยายามลากคอตัวเองให้ลุกขึ้นมาอ่านให้ได้ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยได้เข้าหัวซักเท่าไร  สุดท้ายก็เลยนอนอยู่บ้านไม่อยากออกไป วันไหนพอมีเวลาหน่อยก็แค่ไปนั่งกินเหล้ากับพวกไอ้โก้ที่หอ หรือไม่ก็ไปนั่งกินกับไอ้ฟาร์มที่บ้าน  ชีวิตก็วนเวียนอยู่แค่นี้แหละครับ ในตอนนั้นตื่นมาก็จะมีเสียงน่ารำคาญคอยปลุก  ส่วนตอนนี้มันก็เงียบแปลกๆ 

     “โทษนะคะ น้องมารอใครหรือเปล่าคะ?” สมองที่กำลังล่องลอยปล่อยความคิด และสายตาที่ทอดมองไปเรื่อยๆกลับต้องหยุดชะงักลงเพราะอยู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกดังขึ้นมา

     “อ อ เอ่อมารอไอ้เสือน่ะครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับหันหน้าไปทางเจ้าของเสียง  เพื่อที่จะได้คุยกันและตามมารยาทผมก็ต้องมองหน้าเธอ 

     “อ๋อ… เสือออกไปนานแล้วนะวันนี้เขามาทำแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง”

     “ฮะ!! จริงเหรอครับ มันออกไปตั้งแต่ตอนไหน”  หน้าผมตอนนี้คงเหวอมากน่าดู  ผมก็นั่งเฝ้ารอมันตลอดนะครับ ไม่ได้เผลอหลับในเลยแต่อย่างใด ทำไมถึงไม่รู้ว่าไอ้เสือมันกลับไปแล้ว

     “ก็ชั่วโมงที่แล้วเอง สงสัยออกทางหลังร้านเราเลยไม่เห็น”   

     “ล แล้วมันจะกลับมาไหมครับ?”  แล้วคำถามโง่ๆก็หลุดออกมาจากปากกผมจนได้ 

     “ไม่กลับมาแล้วจ้า  ร้านปิดแล้ว
     เออนั่นสิร้านก็ปิดแล้ว จะกลับมาได้ยังไงตลกอีกแล้วกูเนี่ย

     “แล้วพรุ่งนี้มันจะมาทำงานที่นี่ไหมครับ?”   

     “มาสิ เสือมาทำงานที่นี่ทุกวันแหละ” 

     “อ๋อ… โอเคครับขอบคุณครับ”

     “ว่าแต่ให้พี่บอกเสือไหมว่าเรามาหา?” 

     “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาอีกที”   

     “โอเคจ้า” 

     เมื่อคุยเสร็จแล้วผมก็บอกลาและเดินออกมาทันที เฮ้อ…ง่วงก็งวงเหนื่อยก็เหนื่อย  ผมก็นั่งรอได้นะครับตั้งนานสองนาน
แต่ก็ไม่เป็นไร…เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่!


     หลายวันต่อมา…

     “น้องคะ…”  “น้อง”   

     ฮึ้ยยย 
     ผมเปิดเปลือกตาขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือ ขยี้ตาสองสามครั้งเพื่อไล่ความพร่ามัวและใช้แขนเสื้อเช็ดคราบน้ำลายที่ไหลออกมาเปื้อนแก้ม… นอนกำลังอร่อยเลยครับหัวหน้า

     “ค ครับ”

     “มาหาเสือหรือเปล่าคะ?”  พี่คนเดิมที่ได้เจอกันครั้งแรกครับ ตอนนี้เรากำลังสนทนากันอยู่ 

     “ครับ” “ตอนนี้มันอยู่ไหนเหรอครับ?”  พูดพร้อมกับมองซ้ายมองขวาและรอบๆเพื่อหาเจ้าของชื่อที่ผมถามหาอยู่กับคนตรงหน้า

     “วันนี้เสือไม่ได้มาทำงานนะ”   “ว่าแต่เรามีอะไรรึเปล่า…พี่เห็นมาหลายวันแล้ว” 

     “อ เอ่อ ป เปล่าครับถ้ายังไงเห็นไอ้เสือแล้วก็บอกมันหน่อยนะครับว่าปิงมาหา” 

     “ได้จ้ะ โอเค”  เสร็จแล้วผมกับพี่เขาเราก็แยกกันเมื่อสิ้นสุดบทสนทนา ยิ้มให้น้อยๆอย่างขอบคุณและเป็นการแก้เก้อของตัวเอง


     นี่ก็สี่วันแล้วที่มาดักรออยู่ที่ทำงาน  พอไปหาที่มหาลัยก็ไม่ได้เจอสักครั้งพอถามหากับไอ้ฟาร์มก็บอกว่าไม่รู้ แต่ผมไม่เชื่อหรอกครับ ผมว่ามันรู้ แต่ไม่ยอมบอกมากกว่า ว่าจะถามหากับพี่หมากนี่ก็ยังไม่ได้เจอหน้าสักที  พอโทรหาก็โทรไม่ติด รอเจอที่บ้านก็คลาดกันตลอดทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ นี่แหละครับพอตั้งใจจะทำอะไรเข้าหน่อยทุกอย่างมันก็ยากไปหมดเลย 
     
     ตอนนี้จะไปตามหาไอ้เสือได้ที่ไหนล่ะเนี่ย… เฮ้อ

     แล้วทำไมผมต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้ด้วยไม่เข้าใจ เอาเวลาที่เสียไป ไปหาอ่านหนังสือหรือไม่ก็หางานทำไม่ดีกว่าเหรอวะ  หรือว่ามันจะรู้ครับว่าผมกำลังตามหามันอยู่เลยเล่นตัว 

     แหม…  ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะมึง! 
     โว้ยยย เบื่อ แค่จะมาขอโทษคนทำไมมันต้องยุ่งยากขนาดนี้ ทีตอนมันมาได้ยินที่ผมคุยโทรศัพท์นี่บังเอิญจังเลยนะครับ แล้วทำไมตอนนี้ที่ผมอยากเจอมันถึงไม่บังเอิญบ้าง! 



     เห้ย! นั่นมัน…
     เหมือนสวรรค์จะได้ยินเสียงตัดพ้อของผมเลย

     ตลกเกินไปไหมวะ…
     ก็นั่นมัน…

     เชร้ดดดดดด ในที่สุดความบังเอิญก็เข้าข้างผม!  ถ้ารู้ว่าบ่นแล้วได้เจอมันนี่บ่นไปตั้งนานแล้ว  ในขณะที่ผมกำลังข้ามฝั่งไปรอรถอยู่ตรงป้ายรถเมล์อีกฝั่งซึ่งตั้งอยู่แถวกับร้านที่ไอ้เสือมันทำงาน ด้วยความตาดีหรือเพราะโลกกำลังเล่นตลกผมก็ไม่รู้นะครับ เพราะดันหันหน้าเข้าไปเจอกับร่างสูงคุ้นตาที่กำลังนั่งใส่หมวกกันน็อคอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์เพื่อเตรียมตัวที่จะขับออกไป 
เสี้ยววินาทีนั้น ผมก็รีบวิ่งสี่คูณร้อยไปหาคนที่กำลังจะขับรถออกไปด้วยความรวดเร็วแบบไม่คิดชีวิต


     “เดี๋ยวก่อนนนนน!!!!”     

     หมับ! 

     พอประชิดตัวได้เท่านั้นก็คว้าหมับเข้าที่แขนไอ้เสือไว้แทบไม่ทัน  แล้วเมื่อครู่ผมก็เล่นตะโกนซะเสียงดังลั่น ไม่ต้องแปลกใจเลยคนถึงมอง  ก็แอบอายอยู่หน่อยๆ

     “…”   
     ตอนแรกสีหน้ามันก็ดูตกใจเล็กน้อยที่ได้เห็นผม แต่ตอนนี้นั้นก็ได้กลับกลายมาเป็นหน้าตาที่ไร้ความรู้สึกเหมือนเดิมเพียงเสี้ยววินาที

     แฮ่กๆ   ผมยังคงเกาะท่อนแขนมันไว้อยู่อย่างนั้นพร้อมกับยืนพักหอบหายใจแฮ่กๆอยู่ข้างๆ ยังไม่สามารถที่จะรวบรวมคำพูดให้เป็นประโยคขึ้นมาได้ เมื่อครู่ตอนวิ่งมานี่ก็สี่คูณร้อยหน้าเกือบคว่ำทิ่มฟุตบาท 

     “… ”

     “ม มึงหายไปไหนมาวะ?” และพอได้เงยหน้าขึ้นมามองคนที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายวันเต็มๆตา คำพูดที่ได้เตรียมไว้นั้นก็หายไปในบัดดล รู้สึกเหมือนปากมันจะหนัก สมองไม่ประมวลผลเลยกลับกลายมาเป็นการถามอะไรโง่ๆแทน

     “มาทำไม?”  แทนที่จะตอบคำถามกลับกลายเป็นเสียงทุ้มที่ถามกลับมาแทน     

     “ก ก็”  อ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้นไม่กล้าพูด  ยิ่งตอนนี้ได้สบตากันก็รู้สึกราวกับว่าสมองไม่ทำงาน อย่างกับว่ามันกดชัตดาวน์ตัวเองไปแล้ว

     “…”   

     “ถ้าไม่มีอะไรจะกลับแล้วนะ” คนตัวสูงพูดขึ้นมาอีกครั้งจากนั้นก็ขยับแขนของมันเล็กน้อยให้หลุดออกจากการเกาะกุมอันละหลวมของผม   

     “ห เห้ยยย เดี๋ยว!”  รั้งไว้แทบไม่ทัน  พูดห้ามขึ้นมาพร้อมกับสองมือที่จับยึดท่อนแขนของคู่สนทนาไว้อีกรอบ

     “มีอะไรก็พูดสักที”  เสียงทุ้มพูดขึ้นมาด้วยโทนเสียงปกติไม่ได้รำคาญหรือเกรี้ยวกราดแต่อย่างใด พร้อมกับสีหน้าที่เรียบเฉย ซึ่งมันยากมากต่อการเดาอารมณ์ ผมไม่สามารถรู้เลยว่าคนตรงหน้านั้นกำลังคิดอะไรอยู่และอยู่ในอารมณ์ไหน

     “ก กู ขอโทษ!!”  ท้ายที่สุดแล้วก็เลยโพล่งขึ้นมาได้ในที่สุด  “ย้ายกลับไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ”

     “…”
     ไร้ซึ่งเสียงใดๆตอบกลับมา มีแค่เพียงดวงตาทั้งสองข้างที่ยังมองมาที่ผมอย่างเรียบเฉย ดูไม่ออกเลยว่ากำลังมองมาที่ผมด้วยความรู้สึกแบบไหน

     แล้วนี่มันจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับ ผมอุตส่าห์ตามหาตั้งหลายวันเพื่อขอโทษมันเลยนะเว้ย!

     “จะไม่พูดไรหน่อยเหรอวะ?”  และก็เป็นผมที่โพล่งถามขึ้นมาเพื่อทำลายบรรยากาศตอนนี้ที่มันค่อนข้างจะออกไปทางอึดอัด

     “ก็ไม่มีอะไรจะพูดไง เพราะไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องยกโทษให้”  ไอ้เสือตอบกลับ และยังไม่ละสายตาที่โคตรจะเย็นชาไปจากผม 

     “น นี่มึงโกรธกูมากเลยเหรอวะ?”   เวลาง้อคนนี่ทำไมมันจะต้องยากเย็นอะไรขนาดนี้ครับ  ไม่เข้าใจ

     “กูไม่ได้โกรธมึงเลย กูเข้าใจคนเรามันก็มีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ได้ทั้งนั้น อีกย่างกูไม่ขอกลับไปหรอกเพราะมันก็คงไม่ดีซักเท่าไร มึงเองก็จะอึดอัด กูเองก็เหมือนกัน เข้าใจใช่ไหม”  “อีกอย่างนะถ้าไอ้ฟาร์มมันบอกกูซักนิดว่ามึงไม่ชอบเด็กก็จะไม่ย้ายเข้าไปเลย” 

     “ถ้าไม่โกรธแล้วทำไมไม่ย้ายกลับมาล่ะ!” ผมแย้ง

     “อย่าเลย อย่าพยายามอยู่กับสิ่งที่ตัวมึงเองไม่ชอบ ก็บอกแล้วไงมันจะอึดอัดใจเปล่าๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดนะไม่เป็นไร”

     “…”   ผมจุกในคำพูดเพราะผมไปต่อไม่เป็น ไม่รู้ว่าควรที่จะพูดยังไงต่อไปดี ยิ่งที่มันบอกไม่ให้ผมรู้สึกผิด ที่มันบอกว่าไม่เป็นอะไร ความรู้สึกตอนนี้นั้นกลับสวนทางกับสิ่งที่คนตรงหน้าบอกผมมาเป็นอย่างมาก


     ผมรู้สึกผิด…

     “กูไปแล้วนะ”  พูดพร้อมกับขยับมืออกจากการเกาะกุมของผมอีกครั้ง   

     “ไม่ต้องคิดมากนะ กูเข้าใจ”   ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ก่อนจะขับรถออกไปจากตรงนี้  ปล่อยให้ผมยืนเอ๋อและรู้สึกผิดตรงหน้าเซเว่นดังเดิม ไม่นานก็ขยับเท้าก้าวขาเดินออกมาด้วยความรู้สึกผิดที่ติดตามตัว เหมือนมันรั้งผมไว้ทำให้การก้าวเท้าเดินในแต่ละก้าวมันช่างยากลำบากนัก

     ทำไมไอ้คำที่บอกว่าไม่เป็นไร ไม่โกรธ กูเข้าใจ ของมันเมื่อครู่ถึงทำให้ผมหน่วงๆแปลกๆแบบนี้ ทั้งที่ตอนแรกยอมรับเลยก็ได้ว่าอยากให้มันกับลูกย้ายออกไป แต่ทำไมขณะนี้ผมถึงรู้สึกว่าอยากให้มันย้ายกลับมา… 

     นั่นสิ…ทำไมวะ?   



  มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่สี่ (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 03-04-2017 15:43:50
ต่อค่ะ 



   วันต่อมา

     “มึงอยู่ไหน”   ทันทีที่เลิกเรียนผมก็ต่อสายหาไอ้ฟาร์มทันที เนื่องจากไม่ได้เห็นหน้ามันมาหลายวันแล้ว พอมาหาที่คณะก็ไม่เจอ โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องจะไปหาที่บ้านก็ไม่มีเวลา  เพราะมัวแต่ไปตามง้อคนนั่นแหละ แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่จะไปก็เลยต้องโทรขอความช่วยเหลือจากไอ้ฟาร์มสักหน่อย

     ใช่ครับ…ผมยังคงไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะง้อ เพราะนอนคิดนั่งคิดมาแล้วทั้งคืนว่าไม่ควรปล่อยให้เป็นแบบนี้

     [อยู่ข้างนอกมึงมีไร?]   ปลายสายตอบและถามสวนกลับมา

     “มีเรื่องจะคุยด้วย”

     [ว่ามา]

     “บ บ้านรุ่นพี่มึงอยู่ตรงไหนวะ?”  เสียงที่เปล่งออกไปมันดันแปล่งๆขึ้นซะได้ เพราะความไม่มั่นใจที่ยู่ๆก็โผล่มาเอาดื้อๆ นิ้วชี้เคาะไปมาที่หลังโทรศัพท์ด้วยความกระวนกระวาย

     [พี่หมากมันก็อยู่กับมึงไง มึงถามเหี้ยอะไรเนี่ย!?]

     “มึงนั่นแหละตอบเหี้ยอะไรเนี่ย! กูหมายถึงไอ้เสือ”   ผมแทบจะพ่นลมหายใจออกไปด้วยความปลงตก ไม่รู้ว่ามันแกล้งหรือไม่รู้นะครับ

     สาดดดดด

     [แล้วนี่มึงสนิทกันเหรอมึงเรียกเค้าไอ้ๆ?]    โว้ยยยยไอ้ควายแทนที่จะตอบแต่เสือกถามกูกลับ ตอนนี้จากความกระวนกระวายเลยเปลี่ยนมาเป็นอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิด

     “เอออช่างมันเถอะ ตอนนี้มึงควรตอบคำถามกูมาเร็วๆ”  ก็เลยตอบปัดๆกลับไป และเร่งเร้าคำตอบจากคนปลายสายแทน

     [ตอนนี้กูไม่รู้ ตั้งแต่ที่พี่มันย้ายออกไปกูก็ไม่ค่อยได้คุยกับพี่มันเลย เพราะมึงนั่นแหละ!]

     “เออๆ ก็เพราะกูนี่แหละ”

     [แล้วมึงไปขอโทษเขายัง?’]

     “ขอโทษแล้ว”

     [แล้วพี่มันว่าไง?]

     “ว่าไงไม่รู้ตอนนี้ช่างแม่งก่อนเดี๋ยวค่อยคุยกัน” 

     [เอ้า!ไอ้ห่า]

     ยังไม่ทันที่ฟาร์มจะพูดจบผมก็ลดโทรศัพท์ลงและกดตัดสายทันที บางทีมันอาจจะรู้ก็ได้ว่าอยู่ไหน แต่ก็ไม่บอกไงมันอยากแกล้งผม ไอ้นี่น่ะมันร้ายยยยยย

     เฮ้อ แล้วควรไปทางไหนดีล่ะครับ หรือว่าจะไปหาไอ้เสืออยู่ที่ทำงานอีกที

     สุดท้ายก็ระเห็จมาอยู่แถวๆร้านอาหารที่ไอ้เสือทำงานจนได้ ที่เห็นมาตามง้อมันอยู่นี่ใช่อะไร ถึงจะบอกว่าไม่โกรธ ไม่อะไร แต่ผมกลับรู้สึกว่าเหมือนว่าจะมีเส้นบางๆกั้นอยู่ตลอดเวลา แต่นี่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลักๆหรอก ที่จริงก็จะมาตามให้มันย้ายกลับไปอยู่บ้านด้วยกันน่ะครับ  เพราะตอนนี้มันไม่ได้แค่รู้สึกผิดอย่างเดียว มันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง บ้านมันโล่งๆ

     เอออก็คิดถึงนั่นแหละ!  คนเคยอยู่ๆด้วยกันนี่หว่า ไม่ใช่แค่สองคนพ่อลูกหรอก ลองพี่หมากย้ายออกไปนี่ก็คิดถึงเหมือนกัน  ตอนนี้เลยได้แต่รอเวลายืนรอพี่มันเลิกงานเหมือนเดิม ด้วยการนั่งรอยู่ข้างร้านที่เก่าที่เคยนั่ง  และก็ฆ่าเวลาด้วยการล้วงเอา
โทรศัพท์ในกระเป๋าออกมากดเล่นเกมส์รอ 


     เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วหลายชั่วโมง จนในขณะนี้ที่ทำงานของไอ้เสือมันปิดแล้ว ผมหยุดการกระทำทุกอย่างในโทรศัพท์แล้วก็เก็บมันลงไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิม   

     นั่นไงครับ…นั่นไง

     ไอ้เสือออกมาเล้ว…

     “ไอ้เสือ!”  ผมตะโกนเรียกเสียงดังลั่นพร้อมกับวิ่งสี่คูณร้อยเข้าไปหา จนพนักงานของร้านที่เดินออกมาพร้อมๆนี่หันมามองผมกันเป็นตาเดียว

     “อ้าวน้องคนนั้นนี่ คนที่ก้อยเล่าให้เสือฟังน่ะ ที่ชอบมานั่งรอเสือแต่ก็คลาดกันทุกที”   ทันทีที่มาหยุดอยู่ตรงหน้ามัน พี่สาวคนที่ผมเห็นทุกครั้งที่มาที่นี่ ก็พูดขึ้น

     “อ่อ..นี่ปิงรุ่นน้องเสือเอง  ปิงนี่ก้อย”  เจ้าของเสียงทุ้มพูดแนะให้ได้รู้จักกันเสร็จแล้วก็หันมาถามผมต่อว่า “มีไรหรือเปล่า?”   

     “อ เอ่อๆ…มีเรื่องจะคุยด้วยว่ะ”  แล้วจะเสียงสั่นทำไมวะครับ เดี๋ยวปั๊ดตบปากแตก หมายถึงปากผมน่ะ

     “เรื่องด่วนไหม? พอดีวันนี้มีธุระ”    ไหนมันบอกไม่โกรธไงวะแล้วไอ้ท่าทีแบบนี้แม่งอย่างกับโกรธกูเป็นสิบชาติเลยนะครับหัวหน้า

     “อ เอ่อ…ไม่ด่วนหรอก มึงไปทำธุระเถอะ”  ไม่รู้ว่าทำไมต้องพูดออกไปแบบนั้นทั้งที่ในใจอยากจะล็อคคอมันไว้แล้วคุยกันให้รู้เรื่องไปเลย 

     “โทษทีนะ ไว้ค่อยคุยกัน”  เสียงทุ้มกลับมาด้วยความราบเรียบเหมือนอย่างเคยและหน้าตาที่เดาอารมณ์ไปถูก จากนั้นก็หันไปพูดกับคนข้างๆว่า “ป้ะก้อย  ไปกันเลยไหม?”   

     และธุระของมันก็คือการไปส่งพี่สาวคนนั้น… นี่ผมควรจะง้อมันต่อดีไหมครับเนี่ย ไอ้ฟายยยยย เล่นตัวจังนะมึง! 

● ● ●

     เปรี้ยง!!!!!

     ไอ้ฉิบหาย ยังไม่ทันได้ออกจากตรงนี้เลย  เสียงฟ้าร้องก็ส่งสัญญาณมาว่าอีกไม่นานฝนจะต้องตกแน่ๆ แล้วก็นั่นไงยังไม่ทันขาดคำฟ้าร้องยังไม่ถึงหนึ่งนาทีฝนแม่งก็เล่นเทลงมาอย่างไม่ให้ได้ตั้งตัว  ตอนนี้ผมก็เลยต้องติดแหง็กอยู่ที่ป้ายรถเมล์แถวๆร้านมัน จริงๆคราวหลังถ้าจะให้สัญญาณกูไม่ถึงหนึ่งนาทีแบบนี้แล้วไม่ต้องก็ได้เว้ย มึงตกลงมาเลย!

     แล้วนี่อะไรครับพายุเข้าหรือไง ตกแรงฉิบหายจนปอยฝนมันกระเด็นมาโดนตัวผมจนหนาวไปหมดละ!



     สามสิบนาทีผ่านไป

     มึงจะหยุดหรือไม่หยุด ถ้าไม่หยุดกูจะเกรี้ยวกราดแล้วนะ!  คือตอนนี้อยากกลับบ้านมาก กูง่วง! 
     โอยยยยยย ตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันหนาว!!  ฟันกระทบกันเสียงดังกึกๆแล้วสาดด ปากนี่ก็สั่นอย่างกับแผ่นดินไหว  เสื้อกันหนาวก็ไม่มี ร่มก็ไม่มี อะไรก็ไม่มี มีแต่กระเป๋านั่งกอดอยู่เนี่ย   

     ฮือออ แม่จ๋าปิงหนาวววววววววววววว

     ง่วงก็ง่วงหนาวก็หนาว รันทดจริงจริ๊งงงงมีใครให้ได้มากกว่านี้อีกไหมครับหัวหน้า!
 
     แหมะ… 

     เฮ้ยยยย!
     ทันใดนั้นที่กำลังนั่งกอดเข่าด้วยความหนาว อะไรบางอย่างที่มันค่อนข้างชื้นแฉะก็ถูกโยนมาวางไว้ข้างๆกับตัวผม และมีเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคยพูดขึ้นมาว่า “รีบใส่ซะ จะได้กลับบ้าน”  ถึงบางอ้อเลยครับ จะใครซะอีกล่ะก็ไอ้เจ้าของซูโม่เอ็กซ์นั่นไง

     “ม มา ด ได้ ง ไงวะ?”   ไม่ใช่อะไรตอนนี้ที่เสียงสั่นไม่ใช่เพราะผมประหม่านะครับ แต่ะมันหนาว 

     “รีบใส่ซะจะกลับไหมบ้าน?”  ไอ้เสือนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม สภาพมันตอนนี้คือใส่เสื้อกันฝนลายทหาร กำลังยืนตีหน้านิ่งไร้ซึ่งอารมณ์เช่นเคย

     ผมหยิบเสื้อกันฝนขึ้นมาสวมใส่ จัดแจ้งทุกยอย่างให้มิดชิดจากความเปียกถ้าหากว่าลุยน้ำไปแล้วก็จะได้ไม่โดน

     “มึงจะไปส่งกูเหรอ?”  เมื่อใส่เสื้อกันฝนเสร็จเลยดินตามคนตัวสูงไปที่มอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดอยู่ตรงริมฟุตบาทท่ามกลางสายฝน

     “ขึ้นมาเร็วๆ”    มันไม่ตอบแต่กลับเร่งให้ผมขึ้นรถ เลยต้องกระโดดขึ้นซูโม่เอ็กซ์ด้วยความไวว่อง  เอาวะก็ดีกว่าต้องอยู่แถวๆนี้คนเดียวเยอะเลย

     ไม่ถึงห้านาทีไอ้เสือมันก็ขับรถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ไม่ได้เล็กจนเกินไป  ผมเลยกระโดดลงจากรถไปเปิดประตู้รั้วบ้านให้อย่างรู้งาน เพื่อที่มันจะได้เอารถเข้าบ้านไป 

     พอจอดรถอะไรเรียบร้อยแล้วก็จัดการถอดเสื้อกันฝนที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝนออก แต่แม่ง…ใส่เสื้อกันฝนก็ไม่ได้ช่วยอะไรกูเล้ยยยย  มันก็เปียกอยู่ดี 

     “อยู่นี่ก่อนแล้วกัน มันดึกแล้วถ้าจะไปส่งที่บ้านมึงมันก็ไกลไป”   คนหน้าไร้อารมณ์พูดแล้วเดินนำหน้าผมเข้าบ้านไป ก็เลยเดินตามมันเข้าไปแบบติดๆ

     “บ้านใครวะ?” เมื่อมองไปรอบอย่างสำรวจแล้วก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ 

     “…”  เอ้า! ถามแล้วก็ไม่ตอบว่ะครับ

     “เสือมาแล้วเหรอลูก…พาใครมาด้วยล่ะนั่น?”  พอเดินเข้ามาในตัวบ้าน ก็มีคุณป้าเดินออกมาจากห้องห้องหนึ่งและทักทายขึ้นพร้อมกับหันมามองผมที่ยืนอยู่ข้างหลังไอ้คนตัวสูงกว่า

     “รุ่นน้องครับน้า ชื่อปิง” เสือพูดและหันมาพูดต่อว่า “ปิงนี่น้าเล็ก” 

     “สวัสดีครับน้าเล็ก”  ผมยกมือขึ้นไหว้น้าเล็ก เขาเองก็รับไหว้และส่งยิ้มตอบกลับมาให้

     “พอดีฝนตกน่ะครับ  กลับบ้านไม่ได้ให้มันค้างคืนหน่อยนะ” 

     “ได้เลย ตามสบาย บ้านน้าก็เหมือนบ้านเสือนั่นแหละจะมาขอกันทำไม น้าชวนมาอยู่ด้วยก็ไม่ยอมมาอยู่ ไอ้หลานคนนี้นี่”

     “เอาน่าผมไม่อยากรบกวนน้า ว่าแต่น้องกวางหลับหรือยังครับ?”

     “หลับอยู่จ้ะ วันนี้พาเดินเล่นที่หน้าหมู่บ้านมา ดื้อมากๆเลย  คงจะเล่นซะเพลินจนหมดแรง หลับแต่หัวค่ำเลย” 

     “ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวน้าดูให้ ตอนนี้พาปิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม?เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ เสร็จแล้วค่อยไปดูน้องกวาง”

     “ก็ได้ครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะออกมาดูน้องกวางหน่อย”   พูดกับน้าเล็กเสร็จมันก็หันหน้ามาบอกกับผมว่า“ตามมานี่”   เออน่าจะพากูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งนานแล้วไหมล่ะไอ้ห่า หนาวก็หนาว…ปล่อยให้ผมยืนไข่สั่นอยู่นั่นแหละ

     “นี่ห้องกู เสื้อผ้าก็หาเอาในตู้เลยนะ ส่วนห้องน้ำอยู่ข้างนอกมีห้องเดียว วันนี้มึงก็นอนกับกูก่อนแล้วกัน ห้องรับแขกตอนนี้มันกลายเป็นห้องเก็บของไปแล้ว”    พอเดินเข้ามาในห้องมันก็แนะนำเสร็จสรรพ 
จากนั้นก็เดินออกไปทันทีแบบไม่ได้เปิดโอกาสให้ผมได้ถามอะไรต่อ ก็เลยจัดการหาใส่เอาเองแบบที่มันบอก เมื่อได้ชุดที่จะใส่แล้วก็จัดการเปลี่ยนไปตามขั้นตอน 

     พอเสร็จแล้วผมก็กำลังยืนวนเวียนอยู่ในห้องด้วยความรู้สึกบางอย่าง บางอย่างที่เรียกว่าหิว… ท้องรองดังมาก ดังแข่งกับเสียงฟ้าเลย แล้วนี่ไอ้เสือมันไปไหนของมันทำไมถึงนานอย่างนี้  ที่ถามหาไม่ใช่อะไรนะมันหิวแต่ก็นะ บ้านเค้าใครจะกล้าออกไปรื้อค้นหาอะไรกิน  ยิ่งมีวีรกรรมกับหลานเจ้าของบ้านเขาไว้อยู่


     โว้ยยยยยย!
     หิวจริงหิวจังมากตอนนี้ และพายุฝนก็ยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย

     เปรี้ยง!!

     แค่เสี้ยววินาทีที่มีเสียงฟ้าผ่าลงมาดังลั่น หลอดไฟที่กำลังเปิดอยู่นั้นถึงกับหยุดการใช้งานลงไปทันที

     พรึบ!!

     เชี่ย!!

     ไฟดับครับหัวหน้า…มองไม่เห็นอะไรเลย มันมืดไปหมด ได้ยินแค่เสียงประตูที่เปิดเข้ามา

     ตุบ!!!
     จากนั้นก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ชนเข้ากับผมอย่างจัง

     โอ้ยยยยย

     หลังผมหักแล้วไหมล่ะ ชนเข้ากับอะไรวะ เอาซะผมหงายเลยดีนะหัวไม่กระแทกพื้น แล้วนี่อะไรมันมาทับผมอยู่วะ ไม่ได้เบาๆเลยนะ หรือว่าจะเป็น…

     “มึงเป็นอะไรหรือเปล่า?”   นั่นไงคิดไม่มีผิด อย่างกับละครหลังข่าว ไอ้ห่าเสือจริงๆด้วย ตอนนี้มันกำลังทับผมอยู่  ไอ้ฟายยยย ตัวก็ไม่ได้เล็กๆล้มลงมาได้

     “จะเป็นก็ตอนนี้แหละ ล้มลงมาได้ตัวมึงเบาซะที่ไหน!”    พูดพร้อมกับผลักตัวเปียกๆของมันให้พ้นๆไป แล้วมันก็ยอมลุกขึ้นแต่โดยดี   

     “มึงไปเล่นน้ำที่ไหนมาวะ? เปียกเชียว!”     ตอนนี้ผมมองไม่เห็นมันมืดไปหมด แต่ก็สัมผัสได้ถึงความชื้นแฉะจากคนตัวสูง

     “กูไป”
     เห้ยยยย!!!

     ตุบ!!

     ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยคเหตุการณ์แบบเดิมก็เกิดขึ้นมาอีกครั้ง  เพียงแต่ครั้งนี้เป็นผมที่อยู่ข้างบนไม่ใช่ข้างล่าง
และสาเหตุของครั้งนี้ก็มาจากความเปียกปอนของไอ้เสือมันเอง  สภาพที่เปียกมะลอกมะแลกหยดนำที่ยังคงเกาะตัวจนเปียกชุ่มนั้นส่งผลให้พื้นกระเบื้องตรงที่เรากำลังยืนอยู่นั่นลื่นขึ้นมาทันควัน

     สภาพก็เลยเป็นอย่างที่เห็น…
 
     “…”   แต่ทำไมคราวนี้กลับเงียบ หรือว่าไอ้เสือมันจะหัวแตกตายไปแล้ววะ!?   

     “เฮ้ยยย ไอ้เสือมึงเป็นไรเปล่าเนี่ย!?”   

     “ม เป็นไร อยู่แบบก่อนแป้บนึง มันลุกไม่ได้”   เสียงทุ้มพูดออกมาเบาๆ มันคงจะเจ็บจริงๆ  ขนาดเมื่อครู่ยังเล่นทำเอาผมแทบตายเลย
     อยู่ๆไอ้เสือมันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้…ใกล้จนผมรู้สึกลมหายใจ เหมือนว่าหน้าเราอยู่ห่างกันไม่กี่คืบ

     เฮ้ยย!! ไม่ได้ๆ จะยอมให้เป็นแบบนี้ไม่ได้

     “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาถึงนี่กูมีเรื่องอยากคุยกับมึง…แต่ตอนนี้เนี่ยช่วยลุกขึ้นก่อนได้ไหม?” รีบหาทางเอาตัวรอดทันควันด้วยการพูดทำลายสถานการณ์     

     “โทษที” ไอ้คนตัวใหญ่มันพูดเสียงตะกุกตะกัก “จะคุยเรื่องอะไร?”  ไอ้เสือถามขึ้นเมื่อเราสองคนต่างก็ลุกขึ้นจากพื้นและกำลังยืนประจันหน้ากันท่ามกลางความมืดจนแทบมองไม่เห็น  แต่รู้สึกว่าผมกำกับมันกำลังยืนหันหน้าเข้าหากัน   

     “มึงย้ายกลับไปอยู่กับกูได้ไหมวะ?…” พูดแทรกขึ้นมาอยู่ท่ามกลางของความมืด

     “บอกแล้วไง ว่าอย่าฝืนใจอยู่กับอะไรที่ไม่ชอบ มึงไม่ได้ชอบเด็กมึงจะอึดอัดใจเปล่าๆ ถ้ามึงมาเพราะไอ้ฟาร์มมันสั่งมึงก็ไม่ต้องหรอก บอกแล้วว่าไม่เป็นไร” มันตอบเสียงเรียบ ปรกติก็เดาอยากอยู่แล้วว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ ตอนนี้เดาอยากกว่าเดิมอีกได้ยินแต่เสียง

     “มึงฟังนะ…วันนั้นกูตั้งใจพูดแบบนั้นจริงๆกูไม่มีอะไรจะแก้ตัว แล้วอีกอย่างที่กูมาขอโทษมึงแบบนี้ไม่ใช่ไอ้ฟาร์มสั่งแต่เป็นเพราะกูเอง กูรู้สึกผิดกูพูดตรงๆ   จริงอยู่ที่กูไม่ชอบเด็กแต่กูก็ทำเกินไปทั้งที่น้องกวางเป็นแค่เด็กที่เกิดมายังไม่ถึงสองปี กูน่าจะใจเย็นมากว่านี้ ”   ที่พูดมาเนี่ยจริงๆนะครับ ไม่ได้แสดง

     “…” 

     “แต่ที่กูมาในวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดทั้งหมดทีเดียว… ก กูรู้สึกว่าบ้านกูมันเงียบเหงาแปลกๆไม่มีเสียงเด็กคอยปลุกกูตอนเช้า  พี่หมากมันก็คิดถึงน้องกวางเหมือนกัน”

     ก็คนมันเคยอยู่ด้วยกัน ถามว่าคิดถึงไหมบอกเลยว่าคิดถึง

     “แล้วถ้ากูย้ายกลับเข้าไปมึงจะอยู่กับน้องกวางได้ยังไง ในเมื่อมึงไม่ชอบเด็ก กูเองก็ลำบากจะนะที่ต้องทำให้คนอื่นอึดอัด ไม่อยากเห็นใครเกลียดลูกตัวเองมึงคงเข้าใจนะ”

     “กูก็จะพยายามปรับตัวไง…ไม่ว่ามันจะช้าหรือเร็วแต่กูก็จะพยายามทำให้ได้”

     “…”

     “เพราะงั้นมึงย้ายกลับคืนเถอะนะ”     



     Rewrite 16/7/60
 








หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 04-04-2017 21:21:38
บทพิสูจน์ปิงมาแล้ววววว
พี่เสือน้องกวางย้ายไปอยู่ด้วยแล้ว
แบบนี้ก็ได้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น อิอ
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-04-2017 22:17:56
รบกวนไรท์ ช่วยลงวันที่กำกับเวลาลงตอนใหม่  คือสับสนว่าเก่าใหม่
แบบ  ❤️ รักของเสือ ❤️ - ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ) ☆☆☆☆P.1☆☆☆☆5/04/2560

เสือ ยอมย้ายกลับไปอยู่กับปิง และ
ปิงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองแล้ว
น้องกวาง น่าจะเป็นขวัญใจทั้งบ้าน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รักของเสือ - ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 04-04-2017 22:56:19
รบกวนไรท์ ช่วยลงวันที่กำกับเวลาลงตอนใหม่  คือสับสนว่าเก่าใหม่
แบบ  ❤️ รักของเสือ ❤️ - ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ) ☆☆☆☆P.1☆☆☆☆5/04/2560

เสือ ยอมย้ายกลับไปอยู่กับปิง และ
ปิงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองแล้ว
น้องกวาง น่าจะเป็นขวัญใจทั้งบ้าน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:




ได้เลยคร้าบบบบบบ  ขอบคุณนะคร้าบที่เเนะนำ   :mew1:  :mew2:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 03/04/60
เริ่มหัวข้อโดย: pearlypear ที่ 05-04-2017 00:15:59
ปิงต้องรักน้องกวางนะ จะได้เลื่อนขั้นเป็นภรรยาของพี่เสือ o13
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 03/04/60
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 05-04-2017 00:59:53
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 07-04-2017 15:42:38
ตอนที่ห้า : กลับไม่กลับ?

 บันทึกของเสือ

     “เสือ…น้องคนนั้นมาหาเสืออีกแล้ว จะไม่ออกไปหาหน่อยเหรอ?”   ก้อยเพื่อนร่วมงานของผม เธอเดินเอาของมาวางไว้ และร้องบอกผมที่กำลังยืนเตรียมของอยู่หลังครัว 

     “ไม่หรอก”  ผมตอบแค่เพียงสั้นๆ ไม่อยากจะพูดอะไรให้มากความ 

     “ทำไม” เธอถาม

     “พรุ่งนี้เสือไม่เข้ามาทำงานนะ แต่ก็บอกพี่บีมไว้แล้ว” ผมรีบตัดบทเธอขึ้นมาดื้อๆ เพราะว่าไม่ได้อยากที่จะพูดเท่าไร ลำพังแค่น้าเล็กถาม ว่าทำไมถึงย้ายออกมา ก็หาข้ออ้างมาพูดจนเหนื่อยแล้ว เพราะไม่อยากให้เขาต้องมาคิดมากกับปัญหาของผม เลย
เลือกที่จะโกหกไปไม่ต้องให้น้าเล็กได้รับรู้ เขาจะได้สบายใจ

     “อ่อ…โอเค” เธอพูดเสียงเยา พยักหน้าน้อยๆเหมือนเข้าใจ  ทั้งที่สีหน้าเธอแสดงความมึนงงออกมาเล็กน้อย “แล้ววันนี้จะให้ไปบอกน้องเขาว่ายังไงล่ะ?”

     “บอกอะไรก็ได้บอกไปเถอะ”
     ไม่ได้โกรธอะไรนะครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมาเจอกันทำไม ในเมื่อไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพบกันแล้ว เพราะยังไงไหนๆออกมาแล้วก็ออกมาเลย ไม่ต้องมารู้จักและเกี่ยวข้องกันอีกจะดีกว่า…  ไม่ได้โกรธจริงๆนะ


     วันต่อมา

    วันนี้ที่ผมหยุดเพราะตอนเย็นต้องไปทำธุระ มีนัดคุยงานที่ผมหาทำเสริมเพิ่มเติมกันไป และไหนๆเลยก็หยุดซะนี่ ดีหน่อยงานพาร์ทไทม์ที่ทำอยู่ร้านอาหารผมไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญอะไร เลยไม่ต้องมีคนมาทำแทนก็ได้เลยหยุดได้ง่ายหน่อย

ตอนนี้คุยธุระเรื่องงานเสร็จแล้ว  งานที่ว่านี่ก็คือผมรับจ้างติวหนังสือ มีกลุ่มรุ่นน้องที่กำลังจะสอบเข้ามหาลัยติดต่อให้ผมไปช่วยติวให้  เลยนัดกันมาจัดตารางสอน ทำความรู้จักพบปะพูดคุยและแนะนำตัวกันหน่อยก่อนที่จะเริ่มสอน  ซึ่งตอนนี้ก็เสร็จหมดแล้วได้เวลากลับบ้าน เลยแวะไปบ้านของที่บ้านไอ้โอ๊ดเพื่อนของผมที่มหาลัย และไปคุยเรื่องงานที่ต้องพรีเซนต์ในอีกไม่กี่วันนี้ด้วย 

ผมจอดรถแวะเข้าเซเว่นแถวที่ทำงานสักหน่อย เนื่องจากมันเป็นทางผ่านไปบ้านน้าเล็กพอดี  เมื่อได้ของที่ต้องการแล้วก็เตรียมตัวจะขับรถออกไป แต่แล้ว…


     “เดี๋ยวก่อนนนน!”  อยู่ๆก็มีเสียงคุ้นหูดังขึ้น พร้อมกับมือปริศนาที่มาคว้าหมับไว้ที่แขนผมอย่างรวดเร็วจนตกใจก็เล่นมาด้วยความรวดเร็วเลยไม่ทันไม่ได้มองว่านั่นคืออะไร 

     และใครคนนั้นที่ทำให้ผมค่อนข้างตกใจนิดหน่อยก็คือ…ปิง

     “ม มึงหายไปไหนมาวะ?”
     ปิงยืนหอบแฮ่กๆอยู่ต่อหน้าผม หลังจากนั้นก็เอ่ยปากถามขึ้น แล้วผมจะไปไหนเกี่ยวอะไรกับมันล่ะ?

     “มึงมาทำไม?”  ผมเลี่ยงที่จะตอบแต่กลับเป็นฝ่ายถามแทน

     “ก ก็”  มันดูอ้ำอึ้ง  เห็นอ้าปากน้อยๆอย่างกับว่าพูดไม่ออก

     “…”  ผมยังคงเงียบรอฟังคำตอบอยู่ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่พูดสักที

     “ถ้าไม่มีอะไรจะกลับแล้วนะ”  ผมขยับแขนเล็กน้อยเพื่อให้หลุดจากฝ่ามือของปิงที่จับผมไว้หลวมๆ

     “ห เห้ย เดี๋ยว!!”  แต่พอผมกำลังจะเตรียมตัวขับรถออกไปเท่านั้นแหละ เจ้าตัวก็รีบรั้งแขนผมไว้ด้วยความรวดเร็ว

     “มีอะไรก็พูดสักที”    จริงผมก็เริ่มรำคาญเล็กน้อย แต่หน้าคงนิ่งไปเลยดูไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกยังไง

     “ก กูขอโทษ!”   คนตรงหน้าพูดออกมาอย่างรวดเร็วจนผมฟังแทบไม่ทัน  “ย้ายกลับไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ”
หะ? อะไรนะ… ขอโทษเหรอ?  มันเนี่ยนะ?  แถมยังชวนผมกลับไปอยู่ด้วย

     “…”  ผมเงียบและไม่ได้ตอบอะไรกลับไป จริงๆผมก็ไม่มีอะไรจะพูดนะ  แล้วผมควรจะพูดอะไรล่ะ? 

     “จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอวะ?”  อืม…ก็คิดว่าจะไม่พูดนะ

     “ก็ไม่มีอะไรจะพูด เพราะไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องยกโทษให้”   ผมไม่ได้โกรธมันนะ จริงๆโกรธก็ได้ แต่มันก็แค่วันแรกเท่านั้นแต่ตอนนี้ผมเข้าใจ ก็คนมันไม่ชอบเด็กนี่  จะไปโทษเขาอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน

     “นี่มึงโกรธกูมากเลยเหรอ?”  สีหน้าปิงดูซีดลงนะ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันน้อยๆ ไม่รู้ว่าเพราะสงสัยหรือยังไง

     “กูไม่ได้โกรธมึงเลย กูเข้าใจคนเรามันก็มีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบอะไรก็ได้ทั้งนั้น อีกย่างกูไม่ขอกลับไปหรอกเพราะมันก็คงไม่ดีซักเท่าไร มึงเองก็จะอึดอัด กูเองก็เหมือนกัน เข้าใจใช่ไหม”  “อีกอย่างนะถ้าไอ้ฟาร์มมันบอกกูซักนิดว่ามึงไม่ชอบเด็กก็จะไม่ย้ายเข้าไปเลย”   ถ้ารู้สักนิดจะไม่ทำให้ลำบากใจเลย 

     ผมพูดความในใจออกมาจนหมด และทั้งหมดนั่นก็คือสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่ในตอนนี้จริงๆ  ผมคิดแบบนั้น

     “ถ้าไม่โกรธแล้วทำไมไม่ย้ายกลับมาล่ะ!”   ปิงพูดแย้ง
     ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากทำให้ลำบากใจ ไม่เขาใจหรือยังไง

     “อย่าเลย อย่าพยายามอยู่กับสิ่งที่ตัวมึงเองไม่ชอบ มันจะอึดอัดใจเปล่าๆ ไม่ต้องรู้สึกผิดนะไม่เป็นไร” 
     ไม่เป็นไรจริงๆนะ แต่ในทางกลับกันถ้าหากย้ายกลับไปคืน ตอนนั้นมันคงจะเป็นผมที่รู้สึกผิดและอึดอัดแทน เพราะยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว ก็เหมือนแก้วนั่นแหละ พอมันแตกแล้วถ้าจะให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ความรู้สึกผมก็เช่นกัน

     “…”  ปิงยังคงเงียบและไม่พูดอะไรออกมา
     ตอนนี้มันก็คงถึงเวลาแล้วที่ผมต้องกลับบ้าน ก็เลยบอกลาคนตรงหน้าด้วยคำพูดที่ราบเรียบตามประสา

     “กูไปแล้วนะ” ผมบอก

     “…”

     “ไม่ต้องคิดมากกูเข้าใจ”  และทิ้งท้ายไว้ ไม่อยากให้มันคิดมากนะ   
     ผมเข้าใจจริงๆนะ จะต้องให้พูดอีกสักกี่ครั้ง เพราะดูเหมือนว่ามันยังจะไม่เชื่อ พูดได้เลยว่าถ้าหากผมไม่เข้าใจ ตอนนั้นคงต้องมีเรื่องแล้วแน่ๆ  อาจจะถึงขึ้นเจ็บตัวไม่คนใดก็คนหนึ่ง

● ● ●

     “น้าเล็กน้องกวางหลับยังครับ”  ถามพร้อมกับวางถุงเซเว่นที่บรรจุของใช้และของกินไว้ในนั้นลงบนโต๊ะอาหาร และเดินไปหาน้ำในตู้เย็นดื่มเพื่อดับกระหายให้ชื่นใจ

     “นอนแล้ว เพิ่งนอนเมื่อครู่นี้เอง ก่อนหน้านี้น้องกวางไม่ยอมนอนเลยตั้งท่าจะรอเสืออยู่ท่าเดียว แต่เพราะตอนเย็นซนไปหน่อย เล่นจนเหนื่อยหันมาอีกทีก็เห็นหลับคาขวดนมซะแล้ว”

     “งั้นวันนี้เสือเอาน้องกวางมานอนด้วยนะ” ผมบอกและวางแก้วน้ำลง

     “จ้าพ่อคนหลงลูก…แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยังจ๊ะ?”  น้าเล็กถาม

     “เรียบร้อยแล้ว…แล้วน้าล่ะ?”

     “เรียบร้อยตั้งแต่เย็นแล้ว…ไปอาบน้ำไปลูกไปจะได้เข้านอนเร็วๆ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

     “เอางั้นก็ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวเข้าไปหาน้องกวางนะครับ”

     เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืน หลังจากอาบน้ำชำระล้างจนความสกปรกและความเหนื่อยล้าออกไปจนหมด ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
     ผมค่อยๆเปิดประตูห้องน้าเล็กด้วยความเบามือ เพราะกลัวว่าเสียงดังแล้วน้องกวางจะตื่นเอาได้ 

     “น้าครับ ผมเอาน้องกวางไปแล้วนะ” ผมกระซิบเสียงเบาบอกให้น้าเล็กที่กำลังหลับอยู่ได้รู้ว่าผมเข้ามาแล้ว และกำลังจะออกไป

     “เบาๆนะลูกเดี๋ยวน้องกวางจะตื่น”  น้าเล็กหันมาตอบเสียงเบาเช่นกัน
     ผมค่อยๆอุ้มน้องกวางออกมาจากเปลด้วยความเบามือ แต่ก็ยังไม่วายที่เจ้าเด็กอ้วนจะส่งเสียงอ้อแอ้ๆออกมาอยู่ดี 
ผมประคองศีรษะเล็กนั่นไว้ในฝ่ามือ ส่วนอีกมือหนึ่งก็ประคองหลังไว้ด้วยความถะนุถนอม ทำทุกอย่างให้เบามือที่สุด เพราะถ้าน้องกวางตื่นขึ้นมาแล้วรับรองได้เลยว่าผมคงไม่ได้นอนทั้งคืน  เธอจะร้องโวยวายและงอแงเนื่องจากโดนขัดตอนกำลังนอน
ค่อยๆวางน้องกวางลงบนที่นอนเล็กของเธอที่ผมเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ปากเล็กขยับสองสามครั้งเหมือนกับกำลังดูดขวดนมอยู่ ก็คงจะฝันน่ะ 


      ตอนนี้ผมยังคงไม่ปิดไฟ เพราะกำลังนั่งมองหน้าลูกสาวคนเดียวอยู่ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแก้วตาดวงใจของผมที่กำลังหลับปุ๋ยด้วยความสบาย

     เห็นแล้วก็คิดถึงพ่อกับแม่… 
     น้ำตามันพาลจะไหลออกมาทุกทีเลยว่ะ

     ถ้าพูดถึงเรื่องครอบครัวผมค่อนข้างอ่อนไหวนะ

     ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี  มัน…มันจุกไปหมด สมองประมวลผลออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย แต่สามารถรู้สึกและรับรู้ถึงมันได้  และตอนนี้เองผมก็รู้อยู่หนึ่งอย่าง… ผมอยากร้องไห้ 

     อ่อนแอสิ้นดี...
     มันอาจจะดูไม่เข้มแข็งที่เป็นถึงผู้ชายอกสามศอกแต่มานั่งร้องไห้เพียงเพราะแค่ว่านั่งมองหน้าลูกและมันทำให้ผมคิดถึงครอบครัวที่เคยอบอุ่นของผม แต่คิดว่าบางครั้งน้ำตาก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นนะ


     เราแค่ต้องผ่านจุดที่อ่อนแอที่สุดมาก่อน ถึงจะก้าวสู้ความเข้มแข็งนี้ได้
     เห็นลูกแล้วก็ได้แต่นึกโทษตัวเอง ทำให้เขาเกิดมาแล้วยังให้ชีวิตดีๆกับเขาไม่ได้อีก

     พ่อขอโทษนะน้องกวางที่พ่อให้ครอบครัวที่อบอุ่นและพร้อมหน้าพร้อมตากับลูกไม่ได้ แต่พ่อสัญญานะ ว่าพ่อจะทดแทนทุกอย่างด้วยตัวของพ่อเอง 

     ผมจะเป็นทุกอย่างให้ลูก ไม่ว่าจะเป็นแม่หรือพ่อ ผมจะทำให้เขาไม่รู้สึกว่ากำลังขาดอะไรเลย ผมรักน้องกวางมาก เวลาท้อหรือหมดแรงที่จะก้าวต่อไป ผมยังคงมีน้องกวางเป็นกำลังใจ เหมือนน้องกวางคอยเตือนผมและบอกผมเสมอว่าผมอยู่เพื่ออะไร และทั้งหมดนี้ผมทำเพื่อใคร

     ครอบครัวของผมประกอบไปด้วยพ่อแม่และบ้านหลังหนึ่ง  บ้านที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าทั้งหมดนั่นมันจะไม่คงอยู่ตลอดไป

     เมื่อนานวันเข้ายิ่งผมได้เติบโตขึ้นทุกอย่างก็ค่อยๆหายไปและความร้าวฉานเริ่มเข้ามาเยือน  ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้  ผมไม่เคยรู้อะไรเลย…

     จากความรักความอบอุ่นก็กลายเป็นความอึดอัด พ่อกับแม่ก็แยกทางกันในที่สุด ซึ่งตอนนั้นผมเองก็อายุราวๆสิบห้าปีได้ กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ผมเองก็เขวไปพักใหญ่ แม่หนีไปไหนซึ่งไม่มีใครรู้ แม้แต่น้าเล็กเองก็ยังไม่ทราบ  ผมไม่สามารถติดต่อ
หาแม่ได้เลย ไม่ว่าจะหนทางไหน ส่วนพ่อนั้นก็พาผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในบ้านมาแทนที่ของแม่ แถมยังพ่วงลูกติดมาอีกหนึ่งคน และแน่นอนว่าผมกับเธอเรามีปัญหากัน 

ปัญหาของแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงคาราคาซังมาอยู่นานสองนาน ผมทะเลาะกับพ่อแทบทุกวันก็เพราะเธอ และตอนนั้นถ้าหากไม่มีแก้ม ผมก็คงจะเหลวแหลกมากกว่านี้

     แก้มคือแฟนของผม เราคบกันมาตั้งแต่มอปลาย แรกๆเราก็เป็นแค่เพื่อนกัน ด้วยความที่สนิทกันมากจากความเป็นเพื่อนก็พัฒนากลายมาเป็นคนรู้ใจ 

     เราคบกันตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปีหนึ่ง  และไม่นานความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตของผมก็เกิดขึ้น
 
     แก้มท้อง…

     ผมพาแก้มเข้าไปหาพ่อแต่สิ่งที่ได้กลับมามันช่างน่าเสียใจ พ่อบอกผมว่า ให้ไปเอาเด็กออกหรือไม่ก็ย้ายออกจากบ้านไป อย่ามาอยู่เป็นความอับอายของบ้านให้เสียชื่อเสียงของพ่อ

     และนั่นก็เป็นประโยคสุดท้ายที่ผมกับพ่อได้คุยกัน

     ผมเลือกที่จะเก็บเด็กไว้

     ผมไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของพ่อ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ตั้งแต่ที่ผู้หญิงคนนั้นย้ายเข้ามาอยู่บ้านและมาแทนที่ของแม่

     ผมเหมือนขอนไม้ที่ลอยอยู่กลางทะเล ตอนนั้นทุกอย่างมันน่ากลัวไปหมดสำหรับผมที่อายุแค่เพียงสิบเก้าปี  ต้องออกมาใช้ชีวิตข้างนอกไร้ซึ่งความช่วยเหลือจากพ่อแม่ แถมยังมีภรรยาที่ต้องรับผิดชอบกับอีกหนึ่งชีวิตที่ยังไม่แม้แต่จะลืมตาดูโลก

แก้มต้องออกเรียนกลางคันระหว่างที่กำลังตั้งท้องและจะกลับไปเรียนใหม่เมื่อคลอดลูกเสร็จ ในทีแรกผมเองก็จะออกเหมือนกัน จะได้ทำงานอย่างเต็มที่ แต่เพราะเจ้าตัวดันขอไว้ไม่อยากให้ผมออกจากมหาลัยเลยต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบมากกว่าเดิมหลายร้อยพันเท่า กับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบนี้ ทั้งชีวิตแก้ม ชีวิตผมและชีวิตลูก 

     ถึงแม้เขาจะเกิดด้วยความไม่ตั้งใจ แต่ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะตั้งใจเลี้ยงเขาด้วยความรักทั้งหมดที่พ่อคนหนึ่งจะมอบให้ได้

     จริงอยู่ที่ผมมีน้าเล็กที่คอยอ้าแขนต้อนรับพร้อมจะช่วยเสมอ แต่ผมก็ไม่สามารที่จะรับมันไว้ได้ทั้งหมด ในเมื่อในเมื่อชีวิตมันเป็นของผม ผมก็ต้องดูแลและจัดการเอง ไม่ควรที่จะลากใครมาลำบากด้วย แต่ถ้ามันสุดความสามารถที่ผมพึ่งตัวเองไม่ได้จริงๆความช่วยเหลือของเขาผมก็จะรับไว้

     เมื่อวันนั้นมาถึง วันที่ผมเฝ้านับวันรอที่จะได้เห็นหน้าลูกและเรียกตัวเองว่าพ่อได้อย่างเต็มปาก

     จำได้ว่าวินาทีนั้นน้ำตาของผมมันไหลออกมาด้วยความดีใจ น้องกวางเป็นเหมือนสิ่งสวยงามท่ามกลางเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามของชีวิตผม

     ผมไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดเลย มันอาจจะเพราะผมพูดไม่เก่ง หรือตื้นตันจนพูดไม่ได้ก็ไม่แน่ใจ แต่ผมพูดได้อย่างหนึ่งว่า…แม้จะทุกข์แต่ก็มีความสุขมาก

     คิดกันไว้แล้วว่าหลังจากคลอดลูกเราจะไปหาพ่อกับแม่ของแก้มที่ต่างจังหวัด…แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับผมอีกครั้ง หลังจากที่น้องกวางลืมตาดูโลกได้แค่เพียงหนึ่งเดือน แก้มก็มาทิ้งไป…โดยที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไม  หรือเขาจะทนความลำบากกับผมไม่ได้ซึ่งก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่สามารถเอาอะไรมาตัดสินเธอได้เลย เธอเล่นหายไปแบบไร้ร่องรอย ไร้ซึ่งการติดต่อใดใดทั้งสิ้น


     ไม่มีคำบอกลา

     ไม่มีเหตุผล

     ไม่มีอะไรเลย   

     วันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้นผมเกือบทำลายชีวิตของผมด้วยการฆ่าตัวตาย แต่แล้วเสียงร้องไห้ของน้องกวางก็ดังขึ้น เหมือนเป็นเสียงระฆังของชีวิต ผมรีบทิ้งมีดในมือลงด้วยความรู้สึกผิดและอุ้มลูกมากอดไว้ในมือทั้งน้ำตา รู้สึกผิดต่อลูกมาจนถึงทุกวันนี้  คิดไม่ออกเลยว่าถ้าผมตัดสินใจไปในตอนนั้น  ลูกที่น่ารักของผมจะอยู่ยังไงในตอนนี้   ไม่มีใครรักลูกเราและดูแลลูกเราดีได้เท่ากับตัวเรา นั่นคือสิ่งที่ผมตระหนักได้ 

     เอาล่ะผมคงจะดราม่ามากเกินไปแล้ว นี่เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบตีหนึ่งผมควรนอนได้แล้วสินะ เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเจอเรื่องอะไรบ้าง ต้องเตรียมตัวตั้งรับกันต่อไป…

     ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนกอดลูกเหมือนอย่างทุกวัน 

     ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดี

● ● ●



    มีต่อนะคะ


หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่หก (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 07/04/60
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 07-04-2017 16:03:16
คืออะไร... ค้างค่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่หก (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 07/04/60
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 07-04-2017 21:30:10
คือ........ค้างเลยอ่ะ
หนูกวางน่ารัก ปิงหลงอ้วนแล้วอ่ะดิ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่หก (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 07/04/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-04-2017 01:39:12
 :katai3:


อ้วนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่ห้า (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 11-04-2017 17:58:15
ต่อจากตอนที่ห้าหน้าที่หนึ่งค่ะ

 ได้เวลาเลิกงานแล้ว หลังจากเลิกงานก็ว่าจะไปส่งก้อยเพราะรถของเธอส่งซ่อมอยู่เธอเลยไม่มีรถขับ ด้วยความที่เป็นคนปฏิเสธคนไม่เป็นเลยต้องไปส่ง อย่างน้อยเธอก็เป็นผู้หญิงหรอกน่า ปล่อยให้กลับคนเดียวมันก็อันตรายด้วย ช่วยได้ก็ช่วยกันไป

     “ไอ้เสือ!”  เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้น…และคนคนนั้นก็คือไอ้ปิง

     “อ้าวนั่นน้องคนนั้นนี่ คนที่ก้อยเล่าให้เสือฟังน่ะ ที่ชอบมานั่งรอเสือแต่ก็คลาดกันทุกที”   ก้อยเดินตามผมมาติดๆ ทันทีที่เห็นหน้าไอ้ปิงเธอก็พูดขึ้น 

     อืม…ช่างรับมุขจริงๆ  ทั้งที่ก้อยเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมให้เธอเป็นคนมาบอกไอ้ปิงว่าผมไม่อยู่

     “อ่อ..” ผมครางรับในลำคอเบาๆก่อนจะเอ่ยแนะนำให้เขาสองคนรู้จักกันสักหน่อย “นี่ปิงรุ่นน้องเสือเอง ปิงนี่ก้อย”   

     “มึงมีอะไรหรือเปล่า?”   ผมถาม ทั้งที่วันนั้นก็คุยรู้เรื่องแล้วนะ หรือมันยังคิดว่าผมยังโกรธอยู่

     “อ เอ่อมีเรื่องจะคุยด้วยว่ะ” คนตรงหน้าพูดเสียงเบา

     “เรื่องด่วนไหม? พอดีวันนี้มีธุระ”   ก็ต้องไปส่งก้อยไง  ผมก็ไม่อยากให้เธอรอ ทำงานมาก็เหนื่อยใครๆก็อยากพักกลับบ้านนอน

     “อ เอ่อ…ไม่ด่วนหรอกมึงไปทำธุระเถอะ”  ปิงตอบ  ฟังแล้วเสียงดูแปร่งๆนะ

     “โทษทีนะไว้ค่อยคุยกัน”    ทำแบบนี้แล้วมันจะคิดว่าผมโกรธมันอยู่หรือเปล่าวะ  แต่มันมีธุระจริงๆ อีกย่างฝนก็กำลังจะตกแล้วด้วย ถ้าไปส่งก้อยไม่ทันเดี๋ยวได้ขับรถตากฝนกลับบ้านแน่

     “ป้ะก้อยเสร็จแล้ว เดี๋ยวเสือไปส่ง”




     เปรี้ยง!!
     ฉิบหายแล้วไหมล่ะ สุดท้ายก็ไม่ทันฝนซะได้ก็เลยเปียกไปตามระเบียบ 
     ยังส่งก้อยไม่ถึงบ้านเลย


     แหมะ…
     ฟ้าร้องยังไม่ทันไรฝนก็ตกลงมาทันที ลำบากให้ผมต้องจอดรถข้างทางและเปิดเอาเสื้อกันฝนออกมาสวมใส่พร้อมกับก้อยด้วยความรวดเร็ว  จริงๆมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักหรอก แต่ก็ดีกว่าเปียกหมดตัวก็แล้วกัน

ตอนนี้เม็ดฝนก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแล้ว แถมยังสาดซัดลงมาอย่างแรงจนแสบหน้าไปหมด นี่ก็ไม่ได้เอาหมวกกันน็อคมาซะด้วยสิ แสบหน้าฉิบหายเลย

     “ขอบคุณนะเสือ เข้ามาหลบฝนในบ้านก่อนไหม?”  ทันทีที่ส่งเธอถึงหน้าบ้านก็เอ่ยขอบคุณและชวนผมเข้าบ้าน

     “ไม่เป็นไร ก้อยรีบเข้าไปเถอะ”  ผมปฏิเสธ และรีบหันทิศทางรถกลับทันที เชื่อเถอะว่าบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสายฝนแบบนี้คงไม่มีใครอยากมาคุยกันเท่าไรหรอก

     ครึ่งชั่วโมงให้หลัง
     แล้วป่านนี้ไอ้เด็กนั่นมันจะกลับไปหรือยัง ไม่ใช่ไปติดฝนที่ไหนหรอกนะ

     เดี๋ยวนะ?   

     นั่นมันไอ้ปิงหรือเปล่าที่กำลังนั่งกอดเข่าหลบฝนอยู่ตรงนั้น แล้วนี่มันมาทำอะไรแถวนี้ไม่กลับบ้านหรือไง?   แค่มองก็รู้เลยลักษณะท่าทางของมันผมจำๆได้ 

      อ่า…ใช่จริงๆด้วย 
      เอาไงดี? จะให้มันติดรถกลับดีไหม?  นี่ขับรถอีกห้านาทีก็ถึงบ้านผมแล้ว 
สุดท้ายก็จอดที่ข้างทางก่อนจะเปิดเอาเสื้อกันฝนอีกอันออกมา เพื่อที่จะได้เอาไปให้มันใส่ 

     “ม มา ด ได้ไงวะ?”  ทันทีที่ผมโยนเสื้อกันฝนไปให้มัน ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้สังเกตว่าผมจอดรถอยู่ตรงนี้ พอมันเงยหน้าขึ้นมา หน้ามันฉายแววความตกใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเลย 

     “รีบใส่ซะจะกลับไหมบ้าน?”  ไอ้นี่มันเด็กจริงๆนะ คิดว่าตัวเองโตแล้วขนาดไหนเชียวอยากด่าให้นัก ดึกๆมาเดินอะไรแถวนี้ ดีนะมันเป็นทางผ่านของบ้านผมพอดี!

     “มึงจะไปส่งกูเหรอ?”  ปิงใส่เสื้อกันฝนเสร็จแล้วก็เดินตามผมมาที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่กลางสายฝน

     “ขึ้นมาเร็วๆ” ผมไม่ตอบคำถามแต่เร่งให้มันขึ้นรถเร็วๆ เพราะเดี๋ยวตากฝนนานกว่านี้มีหวังไข้หวัดถามหาแน่ 
ห้านาทีต่อมาผมก็ขับรถถึงบ้านในที่สุด ดีหน่อยที่บ้านน้าเล็กกับที่ทำงานผมมันอยู่ไม่ไกลกันเท่าไร

พอผมจอดรถที่หน้าประตูบ้านคนซ้อนอยู่ข้างหลังก็ลงไปเลื่อนเปิดประตูบ้านทันทีโดยที่ผมยังไม่พูดอะไร  จอดรถเสร็จสรรพผมกับมันก็ถอดเสื้อกันฝนที่ชุ่มน้ำออก  ใส่ยังไงก็ยังเปียกอยู่ดี แต่แค่เปียกน้อยกว่าเดิมก็เท่านั้น 

     “อยู่นี่ก่อนแล้วกัน มันดึกแล้วถ้าจะไปส่งที่บ้านมึงมันก็ไกลไป”    เพราะมันคนละทางเลยไง  ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าจากมหาลัยมันมาที่ทำงานผมมันก็ไกลอยู่ ทำไมมันถึงได้มาหาผมอยู่ได้ทุกวัน  ว่าแล้วก็เดินนำเข้ามาในบ้าน

     “บ้านใครวะ?” ปิงเดินตามผมเข้ามาติดๆพร้อมกับเอ่ยถาม

     “…” จริงๆก็ไม่อยากตอบคำถามนี้เลยถามมาได้ว่าบ้านใคร ผมคงจะแอบเข้าบ้านคนอื่นหรอก

     “เสือมาแล้วเหรอลูก…พาใครมาด้วยล่ะนั่น”   พอเห็นหน้าผมน้าเล็กก็เดินออกมาหาทันที 

     “รุ่นน้องน่ะครับน้า ชื่อปิง” และหันไปมองหน้าคนด้านหลัง “ปิงนี่น้าเล็ก”

     “สวัสดีครับน้าเล็ก”   พอผมแนะนำเสร็จมันก็ยกมือขึ้นไหว้น้าเล็ก 

     “พอดีฝนตกน่ะน้า กลับบ้านไม่ได้ให้มันค้างคืนหน่อยนะ”

     “ได้เลย ตามสบายบ้านน้าก็เหมือนบ้านเสือนั่นแหละจะมาขอกันทำไม น้าชวนมาอยู่ด้วยกันก็ไม่ยอมมา ไอ้หลานคนนี้นี่”   น้าเล็กก็เป็นแบบนี้แหละครับอยากให้ผมมาอยู่ด้วยตลอด ลำพังแค่ฝากน้องกวางไว้กับเขาผมก็เกรงใจจะแย่ ลูกน้าเล็กก็มีนะครับแต่
เขาไปทำงานที่เมืองนอกนานๆทีจะกลับมา สงสัยน้าเล็กเองก็คงจะเหงา เลยอยากให้มาอยู่ด้วยกัน แต่ผมไม่มาหรอกนะ  แค่นี้ก็รบกวนเขาจะแย่อยู่แล้ว นี่ก็อยู่รอเฉยๆรอให้มีเวลาไปหาห้องใหม่สักที

     “เอาน่าผมไม่อยากรบกวนน้า” ปฏิเสธอย่างเช่นทุกครั้ง “ว่าแต่น้องกวางหลับหรือยังครับ?” 

     “หลับอยู่จ้ะ วันนี้พาเดินเล่นที่หน้าหมู่บ้านมา ดื้อมากๆเลย  คงจะเล่นซะเพลินจนหมดแรง หลับแต่หัวค่ำเลย” 

     “ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวน้าดูให้ ตอนนี้พาปิงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม? เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้ เสร็จแล้วค่อยไปดูน้องกวาง” 

     “ก็ได้ครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะออกมาดูน้องกวางหน่อย”  และหันไปบอกคนข้างหลัง “ตามมานี่”  ว่าแล้วผมก็เดินนำปิงเข้าห้อง   

     “นี่ห้องกูเสื้อผ้าก็หาเอาในตู้เลยนะ ส่วนห้องน้ำอยู่ข้างนอกมีห้องเดียว วันนี้มึงก็นอนนี่กับกูก่อนแล้วกัน ห้องรับแขกตอนนี้มันกลายเป็นห้องเก็บของไปแล้ว”

     หลังจากผมแนะนำมันเสร็จสรรพก็เดินออกมาจากห้องทันทีปล่อยให้มันจัดการเอาเอง เสร็จแล้วผมก็เดินเข้ามาห้องน้าเล็กแง้มประตูเปิดออกอย่างเบามือก่อนจะเข้าไปดูน้องกวางที่กำลังหลับสนิทอยู่ในเปล บรรยากาศดีอย่างนี้แล้วไม่หลับยาวก็ให้มันรู้ไปสิ… 

     ตอนนี้ปิงมันคงจะแต่งตัวเสร็จแล้วไม่รู้ว่ามันกินอะไรมาหรือยัแต่ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยหิวมาก ก็เลยว่าจะทำไปเผื่อมันสักหน่อยเดี๋ยวจะหาว่าไม่มีน้ำใจ แล้วนี่ถ้าไม่ใช่เพราะหิวไม่มาอยู่แถวหลังครัวให้น้ำฝนมันสาดใส่แน่ๆ  พอดีครัวอยู่หลังบ้านก็เลยต้องลำบากแบบนี้แหละ ดีหน่อยที่ไฟไม่ดับ   


     พรึบ! 
     นั่นไง…พูดยังไม่ทันขาดคำ 

     ไฟดับอีกแล้ว พอฝนตกหนักทีไรเป็นอย่างนี้ทุกทียังต้มมาม่าไม่เสร็จเลย   ไอ้ปิงมันคงไม่ตกใจหรอกมั้ง 
ผมละมือจากการทำอาหารตรงหน้าและค่อยๆคลำทางเข้าไปที่ห้องของตัวเองเพื่อที่จะได้ไปเอาไฟฉาย เผื่องูเงี้ยวเขี้ยวขอจะเข้ามาในบ้าน เนื่องจากมันเคยเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง ดีนะที่ตอนนั้นผมอยู่กับน้าเล็กด้วยไฟดับแบบนี้เลย พอไฟติดเท่านั้นแหละ งูนอนขดอยู่หน้าบ้านแล้ว
     
     ค่อยๆคลำทางเอา เพราะมันโคตรจะมืด   แต่แล้ว..

     ตุบ!!!

     โอ้ยยยยย   

     ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเข้ามา ก็ดันลื่นล้มซะได้และชนเข้ากับอะไรบางอย่างและนั่นก็คือไอ้ปิง ลืมไปตัวผมมันเปียก น้ำเลยหยดลงพื้นกระเบื้องนี่ก็เลยลื่นล้มซะได้ ดีนะที่ผมยั้งแรงไว้ทัน ไม่งั้นคนที่อยู่ใต้ร่างนี้มันขี้แตกแน่

     “มึงเป็นอะไรหรือเปล่า?”   ถึงจะยั้งแรงไว้ทันแต่ผมก็กลัวมันเป็นอะไรเหมือนกันนะ ยังไงตัวเรามันก็ต่างไซส์กันเยอะ ถึงแม้ว่าความสูงจะไล่เลี่ยกันน่ะนะ

     “จะเป็นก็ตอนนี้แหละ ล้มลงมาได้ตัวมึงเบาซะที่ไหน!”   จริงๆมันพูดได้ขนาดนี้ ก็แสดงว่าไม่เป็นไรมาก ยังคงความปากหมาไว้เหมือนเดิม   

     ผมก็เลยลุกขึ้นมาทันทีกลัวมันจะตายซะก่อน 

     “มึงไปเล่นน้ำที่ไหนมาวะ? เปียกเชียว!”

     “กูไป” 

     เห้ยยยย!!!

     ตุบ!!

     นั่นไงเอาอีกแล้ว ลื่นอีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่ใช่ผมนะ เป็นไอ้ปิงต่างหากด้วยอารมณ์ตกใจผมเลยรีบคว้าตัวมันไว้แต่ดันผิดท่าเลยล้มลงมาทั้งคู่และตอนนี้ก็เป็นมันที่กำลังนอนทับผมอยู่

     “…”

     “เฮ้ยยยย ไอ้เสือมึงเป็นไรเปล่าเนี่ย!?”   

     อืม…ก็ค่อนข้างเจ็บ แต่ผมก็ยังตอบกลับไปว่า “ม เป็นไร อยู่งี้ก่อนแปปนึง อย่าเพิ่งลุก”  เพราะมันยังลุกไม่ได้ขอเวลาปรับตัวครู่หนึ่ง

     ผมรู้สึกแปลกๆ ตอนแรกผมก็รู้สึกหนาวๆเย็นๆเพราะเสื้อผ้าของผมมันเปียก แต่ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันร้อน พอได้มีไอ้ปิงมันมานอนทับอยู่ข้างบน  และที่ผมเสียงสั่นตอบกลับไปนั่นไม่ใช่เพราะผมเจ็บแต่เป็นเพราะผมกำลังประหม่า 

     กลิ่นของมันหอมจนติดจมูก… ที่จริงกลิ่นนี้มันก็ตามหลอนผมมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว
     ทันเท่าความคิดผมก็เผลอยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆมันซะแล้ว ผมอยากจะดมกลิ่นนี้ให้มันเต็มปอดสักครั้ง แต่ทำไมยิ่งเข้าใกล้กลับยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังโดนดึงดูด

     อ่า…ความรู้สึกนี้กลับมาอีกแล้วสินะ

     “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาถึงนี่กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง” และก่อนที่ผมจะเผลอทำอะไรไปมากกว่านี้คนบนร่างก็พูดขัดขึ้นมา
และผมก็ได้สติขึ้นมาตอนนั้น

     ไม่แน่…ไม่ดีแน่ๆถ้าทำแบบนั้น

     “โทษที” ผมปล่อยให้มันเป็นอิสระหลังจากที่เผลอตัวเองไปครู่หนึ่ง  ผมจะให้อารมณ์มาอยู่เหนือการควบคุมไม่ได้ปิงมันเป็นผู้ชายไม่มีอะไรเสียหายก็จริง ถ้าเสียหายก็มีต้องเป็นความรูสึกของมันและนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมควรทำ

     “จะคุยเรื่องอะไร?” ทันทีที่ต่างฝ่ายต่างทรงตัวได้แล้วผมก็ถามขึ้น   

     “มึงย้ายกลับไปอยู่กับกูได้ไหมวะ?”   
     นั่นไงเอาอีกแล้ว มันคงคิดว่าผมยังโกรธอยู่สินะ จะโกรธก็ตอนนี้แหละ พูดอะไรไม่เคยรู้เรื่องเลยหรือไง

     “บอกแล้วไง ว่าอย่าฝืนใจอยู่กับอะไรที่ไม่ชอบ มึงไม่ได้ชอบเด็กมึงจะอึดอัดใจเปล่าๆ ถ้ามึงมาเพราะไอ้ฟาร์มมันสั่งมึงก็ไม่ต้องหรอก บอกแล้วว่าไม่เป็นไร”

     “มึงฟังนะ…วันนั้นกูตั้งใจพูดแบบนั้นจริงๆกูไม่มีอะไรจะแก้ตัว แล้วอีกอย่างที่กูมาขอโทษมึงแบบนี้ไม่ใช่ไอ้ฟาร์มสั่งแต่เป็นเพราะกูเอง กูรู้สึกผิดกูพูดตรงๆ   จริงอยู่ที่กูไม่ชอบเด็กแต่กูก็ทำเกินไปทั้งที่น้องกวางเป็นแค่เด็กที่เกิดมายังไม่ถึงสองปี กูน่าจะใจเย็นมากว่านี้ ”

     “…”   ผมไม่รู้ว่าที่มันพูดออกมานั้นจะมาจากใจจริงมากน้อยขนาดไหน  เพราะผมมองไม่เห็นสีหน้าและท่าทางของมัน แต่ผมว่าผมสัมผัสได้จากน้ำเสียงของมันที่กำลังเอื้อนเอ่ย 

     มันคงจะสำนึกผิดจริงๆ 
     แต่ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้โกรธมันแล้ว

     “แต่ที่กูมาในวันนี้ก็ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดทั้งหมดทีเดียว… ก กูรู้สึกว่าบ้านกูมันเงียบเหงาแปลกๆไม่มีเสียงเด็กคอยปลุกกูตอนเช้า  พี่หมากมันก็คิดถึงน้องกวางเหมือนกัน”

     “แล้วถ้ากูย้ายกลับเข้าไปมึงจะอยู่กับน้องกวางได้ยังไง ในเมื่อมึงไม่ชอบเด็ก กูเองก็ลำบากจะนะที่ต้องทำให้คนอื่นอึดอัด ไม่
อยากเห็นใครเกลียดลูกตัวเองมึงคงเข้าใจนะ”

     “กูก็พยายามปรับตัวไง…ไม่ว่ามันจะช้าหรือเร็วแต่กูก็จะพยายามทำให้ได้”

     “…”   ผมจะเชื่อมันได้มากน้อยแค่ไหนกันนะ

     “เพราะงั้นมึงย้ายกลับคืนเถอะนะ” 
      แล้วผมควรจะทำยังไงดีล่ะ ผมกลัวจะซ้ำรอยรอบสองนี่สิ

     “ให้โอกาสกูนะ กูโคตรผิดกูรู้ตัว”

     ควรจะให้โอกาสมันดีไหม…?     
     ก็ได้…จะลองให้โอกาสดูสักครั้ง

     “กูยอมลดค่าบ้านให้หนึ่งพันเลยอะ!” ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากตอบกลับไป คนตรงหน้าก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน   
นี่เห็นผมหน้าเงินมากเลยหรือไง…?

     “กูย้ายกลับก็ได้”    เออกลับก็ได้ ไม่ได้หน้าเงินนะแค่ไม่อยากห้าบ้านเช่าใหม่เหมือนกัน   

     “แหม…ไม่ค่อยเท่าไรเลยนะมึง รู้งี้กูลดให้ตั้งนานแล้วไหมล่ะ!?”  มันแซะ 

     ที่จริงก็ไม่ใช่คนแบบนั้นแค่อยากลองดูอีกสักครั้ง ตอนแรกก็จะตอบตกลงแล้วไง แต่เพราะมันยื่นข้อเสนอให้ก่อน เลยรู้สึกคุ้มหน่อยก็เลยตกลง นี่ไม่ได้เห็นแก่เงินเลยยยยย สาบานได้จริงๆนะครับ

จบบันทึกของเสือ


Rewrite 16/7/60

หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่หก (อัพเเล้วคร้าบบบบ)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 11-04-2017 18:01:30
ตอนที่หก : ชีวิตดีๆ...มันดีจริงๆเหรอวะ?


   
     ถ้าถามว่าชีวิตช่วงนี้เป็นยังไงน่ะเหรอ…ก็เรื่อยอ่ะนะ  อะๆสงสัยกันล่ะซี๊ว่ากับน้องกวางเป็นยังไงบ้าง
     อืม…ก็กำลังพยายามปรับตัวอยู่นั่นแหละ แม่งเหมือนบททดสอบความอดทนกูดีๆเลยครับ  มันก็มีบ้างบางครั้งที่ยังหงุดหงิดโมโห และวิธีการแก้ปัญหานี่ก็คือการถอยออกมาห่างๆ ถ้าไม่จำเป็นจะไม่พยายามเข้าใกล้เลย แต่ก็ไม่ได้ไม่อะไรเหมือนตอนแรกๆนะ นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะนั่งเล่นกลางบ้านร่วมกับไอ้เสือแล้วก็น้องกวางได้แล้ว   

     เออ…ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ดีฮ่าๆ 
     นี่ก็เป็นอีกวันที่เหมือนว่าพระเจ้าจะขว้างบททดสอบมาให้อีกแล้วครับหัวหน้า…  ก็ไม่รู้ตอนนี้ไอ้ห่าเสือมันไปไหนนี่สิ ทิ้งลูกไว้ให้นอนหลับอยู่ในเปลแล้วตอนนี้เป็นไง กูเลยต้องจิกหัวตัวเองลุกขึ้นมาจากที่นอนเพื่อที่จะได้มาดูน้องกวางเพราะน้องมันแหกปากร้องเสียงดังลั่นบ้านเลย สงสัยว่าจะตื่นมาแล้วไม่เห็นใคร นี่ก็ยืนทำใจอยู่นานมากกว่าจะอุ้มขึ้นมาโอ๋ให้หยุดร้อง ดีนะที่
วันนี้มันเสาร์ไม่มีเรียน

     แล้วนี่ไอ้พี่หมากก็หายหัวไปไหนเนี่ยไม่เห็นหน้าเห็นตาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่ก็ช่างหัวพี่มันเถอะครับตอนนี้กูควรถามตัวเองว่าจะเอายังไงกับน้องกวางดีกว่า ดูสิพอหยุดร้องแล้วก็หันหน้ามามองผมตาแป๋วเลย

พอถึงตอนนี้แล้วก็ขอแอบยอมรับแบบสักนิดนึงเลยว่า น้องกวางแม่งก็เป็นเด็กที่น่ารักดี อ้วนๆตัวนี่ขาวจั๊วะเหมือนพ่อมันเลย แก้มนี่ย้วยจนอยากจะฟัดหลายๆรอบ

จริงๆก็อยากจะฟัดน่ะนะ แต่ก็กลัวพ่อน้องด่าอีกอย่างยังทำใจไม่ได้เท่าที่ควร เออเอ้าย้อนแย้งดีจังเลย ก็นั่นแหละอยากจะหยอกอยากจะฟัดแต่ก็ยังทำใจคลุกคลีกับเด็กไม่ได้ เอาเป็นว่าจะพยายามให้มากกว่านี้แล้วกันได้แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้วสาดดด ปรกติกูไม่เคยทำอะไรที่มันฝืนใจตัวเองเลยนะเนี่ย

     เอ้า!!ดีใจกับกูหน่อยครับหัวหน้า

     แล้วน้องมันกินข้าวกินนมหรือยังอ่ะตื่นมาแบบนี้แล้วกูควรจะทำยังไงล่ะ? นี่เวลาก็ล่วงเลยมาจนบ่ายโมงแล้วนะ  ต้องอาบน้ำไหม? หรือยังไง แต่ยังไงก็ช่างตอนนี้กูควรโทรหาไอ้พ่อของน้องกวางก่อนว่ามันอยู่ไหน 

     ว่าแล้วก็ทั้งกระเตงอุ้มน้องกวางเดินไปเอาโทรศัพท์ในห้อง ดีนะที่เจ้าตัวหยุดร้องแล้วไม่งอแง ไม่งั้นผมตายแน่ๆ แล้วไม่ใช่อะไรวันนี้ดันมีงานกลุ่มที่ต้องทำด้วยนะ ตอนเย็นนัดกันไว้แล้วแต่ไอ้เสือมันคงจะมาทันอยู่หรอกมั้ง? 

     “มึงอยู่ไหน?” พอมันรับโทรศัพท์ยังไม่ถึงสองวิ ผมนี่ก็ถามมันอย่างกับกลัวว่าเครือข่ายจะล่ม สัญญาณจะหายทันที

     [ออกมาข้างนอกแป้บนึง มึงมีไร?]   
     ไอ้ควายเผือกมึงถามมาได้ว่ามีอะไร นี่มึงลืมไปหรือไงว่าทิ้งลูกไว้นี่

     “น้องกวางตื่นแล้วเนี่ยมึงจะกลับมาตอนไหน?”   

     [อ๋อ… เมื่อกี้นี้ฝากน้องกวางไว้กับไอ้หมากนะ มันไม่อยู่เหรอ?]
     หมากกับผีน่ะสิครับมีแต่ไอ้ปิงเนี่ย!

     “ไม่รู้ตื่นมาก็ไม่เห็นแล้ว เห็นแต่น้องกวางนอนร้องไห้อยู่ในเปล”

     [เออๆ ขอบคุณมาก กูขอฝากน้องกวางก่อนได้ไหม?  รอเขาบรีฟงานอยู่ไม่คิดว่าจะนานขนาดนี้]

     “เออๆ ตามสบาย แต่รีบกลับมาก่อนสี่โมงนะมึง”

     [โอเค] 

     “เฮ้ยยย! เดี๋ยวอย่าเพิ่งวาง”   รีบพูดห้ามไว้ก่อนหลังจากบทสนทนาหลักๆ เพราะกลัวว่าจะวางสายไปก่อน 

     [ทำไม?] 

     “นี่น้องกวางก็ตื่นเเล้ว  ต้องทำไงต่อ? ป้อนข้าว? อาบน้ำ? หรือกินนม หรือไม่ต้องทำอะไร” 

     [อ๋อ… มึงเอาน้ำให้น้องกวางดูดหน่อย แล้วก็ชงนมไว้ให้ เพราะหลังจากตื่นนอนน้องกวางจะหิว เสร็จแล้วก็ปล่อยให้เล่นอยู่แถวนั้นแหละ ไปเอาของเล่นในห้องออกมาก็ได้ อ้อ…อีกอย่างฝากเอาผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าเช็ดตาให้น้องกวาง ทาแป้งเปลี่ยน
เสื้อผ้าให้ด้วยนะ แล้วก็อีกอย่างนี่สุดท้ายจริงๆละ ดูแพมเพิร์สที่ใส่ด้วยว่าเต็มรึยัง ถ้าเต็มแล้วก็ฝากเปลี่ยนด้วยเวลาน้องจะอึ๊หรือฉี่จะได้ไม่ลำบากมึง  เฮ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะ] 

     ติ๊ด!!
     ยังไม่ทันที่จะได้ทวนซ้ำเลย…
     แล้วแม่งก็วางสายไป สั่งงานกูอย่างกับกูจะจำได้ไอ้เหี้ยแล้วแต่ละอย่างนี่กูทำเป็นทั้งนั้นเลย… ไอ้ฟายยยยยย!! 

     เห็นไหมยังไม่ทันสามวิกูก็ลืมแล้ว  สมองปลาทองจริงๆ ไอ้ที่เห็นว่าสอบเข้าวิด’วะได้ไม่ใช่ว่าเก่งนะ แต่เพราะโชคช่วย
รู้อะไรไหมครับว่าถึงสอบเข้าได้แต่ชื่อกูเนี่ยอยู่รั้งท้ายเขาเลย ท้ายสุดแบบสุดเลย เออเอาช่างมันเถอะตอนนี้มาเรียบเรียงงานที่ไอ้เสือมันสั่งก่อนดีกว่า เอ…อย่างแรกนี่ได้ทำอะไรวะ กินนม หรือ กินน้ำวะ?   

     สงสัยจะกินนม เดี๋ยวนะ…แล้วนมมันชงยังไงล่ะเนี่ย กูทำเป็นที่ไหน ห่ารากสั่งมาแต่ละอย่างนี่กูทำเป็นทั้งนั้นเห็นกูเคยทำงานพาร์ทไทม์เป็นพี่เลี้ยงเด็กหรือไงสาดดด

     งั้นเอาน้ำให้น้องกวางดูดก่อนแล้วกัน รองท้องไปก่อน ว่าแล้วก็เอาน้องกวางไปนั่งลงบนเบาะอันเล็กที่วางกางไว้ข้างๆเปล แล้วก็เดินไปเอาของเล่นจากในห้องไอ้เสือเอาออกมาให้ 

เอออออ…ไอ้เด็กคนนี้มันเลี้ยงง่ายเว้ย นี่พอวางไว้ก็มองมาที่ผมตาแป๋วเลย ก่อนจะไปคว้าของเล่นที่ผมเอามาให้ถือไว้ในมือน้อยๆนั่น แถมยังหันหน้ามามองแล้วก็ส่งเสียงอ้อแอ้ๆหาผมอีก

เสร็จแล้วก็กดโทรศัพท์ไลน์หาไอ้เสือมันก่อน  เดี๋ยวนี้นี่มีพัฒนาการแลกไลน์แลกเบอร์โทรกันไว้นะขอบอก บอกแล้วว่ามันเป็นสัญญาณที่ดี

     เหรอวะ?  ฮ่าๆ


     ปิง : ชงนมไม่เป็น?
     
     ไลน์! 
     เสือ : ลืมบอกๆ โทษที แป้บนึงนะ
     เสือ : นมผงสี่ช้อน เอาน้ำร้อนใส่เข้าไปหนึ่งออนซ์เสร็จแล้วเขย่าๆให้นมผงมันแตกไม่เป็นก้อน แล้วก็ตามด้วยน้ำอุ่นอีกสี่ออนซ์ แล้วก็ดูด้วยว่ามันร้อนเกินไปไหม 

     โอเคครับกูเข้าใจ

     .
     .
     .
     เข้าใจว่าต้องทำไม่เป็นแน่ๆ  ช่างแม่งงมๆเอาเดี๋ยวก็ได้เอง

     พออ่านข้อความมันเสร็จก็จัดการเสียบกระติกน้ำร้อน  เอ… นมเท่าไรนะ  สี่หรือห้าช้อนวะ? 

     อ่อ สี่ช้อน
     แล้วก็ตามด้วยน้ำร้อน แต่น้ำยังไม่ร้อนเพราะงั้นรอก่อน ว่าแล้วก็วางขวดนมไว้ แล้วเดินมาดูน้องกวางที่กำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่ที่เดิม

     “หิวนมไหมอ้วน”
 
     “แอ๊!! จะจะจ้า!”   นั่นไงครับพอเธอได้ยินเสียงผมก็หันหน้ามาทางผม พร้อมกับชูของแล่นในมือเธอใส่ผม ส่งเสียงอ้อแอ้ๆมาหาผม

     “ไรอ้วน?  ให้เหรอ?”   ผมนั่งลงข้างๆน้องกวางแล้วก็รับของในมือเธอมาถือไว้

     “จะจะจ้า!!”  สงสัยจะบอกว่าให้ผมจริงๆนั่นแหละ  พยายามยัดใส่มือผมจัง

     “โอเคๆ ให้แล้วจะเล่นอันไหน” 

     “จะจ้า”  นั่นไงแล้วก็แย่งของในมือผมไป 

     เฮ้ยยยยย!! เดี๋ยวนะ… ท ทำไมผมนั่งอยู่กับน้องกวางได้ขนาดนี้วะเฮ้ยยยยย!!  เดี๋ยวๆผมตกใจคือแบบก่อนหน้านี้มันลืมตัวไปหมดเลยอ่ะ

     เชร้ดดดดด 
     เอ้าปรบมือแสดงความยินดีกับกูสิครับหัวหน้า!

     “รอนี่ก่อนนะอ้วน เดี๋ยวไปชงนมให้” 
     ดีนะที่อ้วนมันไม่ร้อง ถ้าร้องล่ะมึงเอ้ยยยยยยยย  ต้องตายแน่ๆ!    นี่น้ำท่าก็ยังไม่ได้อาบเลยนะ ฟันก็ยังไม่ได้แปรง ข้าวก็ยังไม่ได้กิน  หิวมากไหมถามใจดู

     คร่อก…  นั่นไงเสียงท้องผมเอง
     ว่าแล้วก็จัดการชงนมให้น้องมันก่อน ผมหิวน่ะไม่เป็นไรพอทนได้อยู่ แต่ถ้าอ้วนมันหิวนี่สิ ไม่ดีแน่ๆ จริงๆอยากมีกล้องถ่ายรูปบันทึกภาพตัวเองไว้ในประวัติศาสตร์ของตัวเองจังครับ คือแบบ…ไม่เคยทำอะไรแบบนี้น่ะนะ  มันรู้สึกแปลกๆ ไม่ต้องมาบอกให้ฝึกไว้เผื่อเลี้ยงลูกในอนาคตนะ คือคิดไว้แล้วว่าจะไม่เอาลูก ยังไงก็ไม่เอาแน่ๆ

เมื่อชงนมเสร็จสรรพผมก็เดินออกมายังจุดเดิมที่เจ้าอ้วนนั่งอยู่ “อ้วนมากินนม”   ว่าแล้วก็ยื่นขวดนมให้น้องกวาง  เอ่อ…คือก็ลืมไปว่าต้องป้อนให้ไหม 

     “จะจะจ้า”  แหม…นี่ขนาดยังพูดไม่ได้นะเนี่ยส่งซิกส์ หาทางสื่อสารกับกูตลอด  ฟันกระต่ายน้อยๆสองซี่บนล่างนั่นก็น่าหมั่นไส้เหลือเกิน แก้มก็ย้วยๆ ตัวอ้วนๆ  กินเก่งจริงๆนั่นแหละครับ แล้วพ่อมันหาแต่ของดีๆมาให้ลูก สังเกตุดูมาแล้วว่าไม่ว่าจะยังไงลูกมันต้องได้กินก่อน และของทุกอย่างที่หามาให้น้องกวางต้องเป็นของดีๆไม่ว่าจะของใช้เสื้อผ้า ของกิน มันก็รักลูกของมันจริงๆนั่นแหละ…   
 
แล้วนี่อะไรล่ะเนี่ยอ้วน!!  เธอไม่รับขวดนมนะครับแต่ดันคลานเข้ามานั่งในตักผมก่อนจะเอาขวดนมที่ยื่นให้จับมาดูดเอง  แล้วก็นอนในตักผมอยู่อย่างนี้แหละ แหม…เหิมเกริมไปแล้วนะอ้วน นี่อยู่ด้วยแค่วันเดียวเข้ามานอนตักกันเลยหรือไง?  ถ้าเป็นเด็กคนอื่นด่าพ่อมันไปแล้วนะเว้ย! 

หลังจากอ้วนมันซัดนมหมดไปหนึ่งขวดก็กลิ้งลงจากตักผมก่อนจะคลานไปกองของเล่น หาของเล่นตามประสาเขาแหละ เล่นไปเล่นมาสักพักผมก็เลยจัดการเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ ตอนแรกก็จะแหกปากร้องอยู่หรอก แต่ไปๆมาๆก็ยอมเฉยเลย

แล้วด่านสุดท้ายก็มาถึงการเปลี่ยนแพมเพิร์สนี่แหละครับ แล้วแบบไหนที่เรียกเต็มไม่เต็มล่ะ  สุดท้ายด้วยความไม่มั่นใจก็จัดการเปลี่ยนแพมเพิร์สให้อ้วนมันเลย  ใส่ผิดด้านติดผิดติดถูกบ้างตามประสาคนทำไม่เป็น  หลังจากนั้นก็จัดการใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้ แล้วก็เป็นอันว่าเสร็จสิ้น แต่พอคิดสภาพดูนะครับ ว่ากองผ้าเกลื่อนกราดรอบตัว แป้งหกเต็มที่นอนแถมยังเพิ่มเอฟเฟ็คด้วยการลอยคละคลุ้งอยู่กลางอากาศ จำเริญล่ะพ่อคุณทั้งตัวมีแต่กลิ่นแป้งเด็ก 

     แล้วตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้วล่ะเนี่ย ทำไมไอ้เสือมันยังไม่มาอีก!


     นั่นไงบ่ายสามแล้ว แล้วคือต้องไปหาเพื่อนที่คอนโดตอนสี่โมง  หมายถึงให้ถึงนู่นสี่โมงนะไม่ใช่ออกจากบ้านสี่โมง 

     ตู๊ด…
     กำลังต่อสายหามันอยู่ครับ จะโทรถามว่าถึงไหนแล้ว คือมีธุระ

     แต่…จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่รับครับ โว้ยยสายที่เท่าไรแล้ววะเนี่ย!  เอาไงดีวะ?
     เออใช่!! ต้องให้พี่หมากมันมาเอาน้องกวาง แล้วพี่มันจะว่างไหมวะ? ขนาดไอ้เสือฝากไว้พี่มันยังออกไปข้างนอกเลย
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก  นั่นประไร กูว่าแล้ว อย่าบอกนะว่าเบื้องบนกำลังจะส่งบททดสอบมาให้กูอีกเนี่ย
   
     บร๊ะ!!   
     เออ!! ไอ้ฟาร์มไง

     [ว่าไง] แหม…ทำลายสถิติกูอีกแล้ว  รับกูด้วยเวลาหนึ่งวิ มึงเจ๋งมากสาดดด

     “อยู่ไหนวะ?”  ผมถาม

     [อยู่ต่างจังหวัดไง มาทำธุระกับม๊า]   กูก็ลืมไป…

     [ทำไม มีปัญหาอะไร?] 

     “ไม่มีๆ แค่นี้แหละ!”   

     เห้อออออ…กูล่ะเหนื่อยใจ แล้วจะเอาไงฟระ!  นี่นัดกันแกล้งกูหรือเปล่าเนี่ย?  แต่กูขอร้องแหละอย่าคาดหวังอะไรจากตัวกูเยอะนักเลย  ได้แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว 

     เห้อออออออ… ถอนหายใจยาวๆออกมาจนไปถึงดาวอังคารเลยได้ไหม? 

     .
     .
     .

     เชร้ดดดด คิดออกแล้วว่าต้องทำไง  นั่งคิดไปคิดมาถอนไปใจไปรอบระบบสุริยะแล้วจึงได้คำตอบมาว่า ทำไมกูต้องไปหาพวกมันด้วยล่ะ  ให้มันมาหาไม่ดีกว่าเหรอ? 

     จัดการต่อสายหาก๊วนเพื่อนวิศวะที่ต้องทำรายงานด้วยกันทันที เมื่อมันกดรับเลยพูดสิ่งที่อยู่ในใจขึ้นมาว่า

     [ฮัลโหล!!  พวกมึงย้ายฐานทัพมาบ้านกูด่วนเลย]   



บันทึกของเสือ

     ผมรีบบิดคันเร่งฮอนด้าซูโม่เอ็กซ์มาด้วยความรวดเร็ว นี่ต้องนั่งฟังเขาบรีพงานใหม่ทั้งหมด เพราะไอ้ที่ทำไปมันดันไม่ถูกใจคนจ้างเลยต้องมาโดนสั่งให้มาแก้งานใหม่ทั้งหมด ลำพังที่มาคุยเรื่องรายละเอียดนี่มันไม่ค่อยนานหรอก แต่รุ่นพี่ผมที่มันหางานมาให้อีกทีนี่สิ บ่นจบหูดับตับไหม้เพราะพี่มันบอกว่า กูต้องนั่งฟังเขาบ่นอีกที เพราะงั้นมึงต้องมารับกรรมต่อจากกูด้วย เดี๋ยวกูจะบ่นทุกอย่างที่เขาพูดมาให้มึงฟัง   

นั่นแหละครับ…มันเลยนานอย่างที่เห็น ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาทุ่มกว่าๆแล้ว  รู้ตัวครับว่าผิดมากๆ แต่ก็ไม่รู้ไงว่าไอ้หมากมันจะไปไหน คือที่จริงผมฝากน้องกวางไว้กับไอ้หมากนะ  ก่อนออกมาก็รับปากซะดิบดีแล้วว่าจะดูให้ ถ้ามันไม่ว่างผมก็จะได้เอามาฝากไว้กับน้าเล็ก แต่เพราะมันบอกว่าว่างไม่มีธุระอะไร แต่ก็ไม่ได้โกรธมันหรอก ก็เข้าใจแหละ มันน่าจะมีธุระจริงๆ คงจะคิดว่าปิงมันอยู่บ้านแล้วจะไม่เป็นไร 

     ไม่ใช่มันจะกินหัวลูกผมไปแล้วเหรอ?  น้องกวางจะช้ำตรงไหนบ้างไหมวะ อยากจะบิดรถไปหาอย่างสุดพลังแสง แต่ก็เพราะรถติดเลยทำไรไม่ได้  ที่มานั่งฟังรุ่นพี่ผมบ่นนี่ก็ไกลจากบ้านเหลือเกิน รถยังเสือกมาติดผมก็เลยได้แต่รอต่อไป   

     ทั้งที่จริงจิตใจนี่ลอยไปอยู่ที่บ้านแล้ว เพราะเตรียมตัวโดนรับคำด่าจากไอ้ปิง เชื่อว่ามันต้องปล่อยหมาในปากออกมาเพ่นพ่านข้างนอกแน่ๆถ้าเห็นผมโผล่หน้าไปที่บ้าน  เพราะตอนสี่โมงมันมีธุระนี่  ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้ว

     เห้ออออออ… ทำไงดีวะ โทรศัพท์ก็แบ็ตหมดด้วยเลยติดต่อมันไม่ได้
     ก็ภาวนาขอให้มันไปล่อยหมาออกมาจากปากมากจนเกินไปก็แล้วกัน… แล้วอีกอย่างเลยสำคัญมาก อย่าให้น้องกวางเป็นอะไรเถอะ! 


     เวลาต่อมา…   
     ในที่สุดก็ฝ่ามรสุมรถติดมาได้พอมองเข้าไปในบ้านก็รู้สึกเหมือนว่าบ้านจะเงียบและมืดมาก มีแสงไฟจากหน้าบ้านเท่านั้นที่เปิดไว้

     ปิงมันออกไปไหนของมัน  แล้วมันได้ปล่อยน้องกวางไว้ที่นี่หรือเปล่า?   ไม่ได้ว่ามันเป็นคนไม่ดีหรืออะไรอย่างนั้นนะ แต่อย่างปิงอะไรๆก็เกิดขึ้นได้  กลัวจังเลยกลัวว่ามันจะทิ้งลูกผมไว้ที่บ้านคนเดียว   
   
     ทันเท่าความคิดเลยผมรีบเดินเข้าบ้านด้วยความรวดเร็ว
     พรึบ!! 

     แต่แล้วทันทีที่ผมเปิดประตูบ้านออกพร้อมกับกดสวิชต์เปิดไฟ  เมื่อความสว่างปรากฏขึ้น ภาพตรงหน้าก็ฉายชัด…
และนั่นคือภาพของปิงที่กำลังนอนหลับอยู่กลางบ้าน รอบตัวมันเต็มไปด้วยของเล่นของน้องกวางที่วางเกลื่อนกราด กลิ่นแป้งลอยคละคลุ้งตลบอบอวนไปทั่ว ดูเหมือนว่าแป้งจะหกเลอะเทอะไปทั้งบ้านเลย ทั้งบนเบาะนอนของน้องกวาง ตามพื้นและตามตัวของทั้งสอง

     และที่สำคัญ…น้องกวางนอนหลับคาอกปิงอยู่

     เป็นภาพที่อยากจะบันทึกไว้ซะจริง…

     เห้ออออ…ผมก็ดันคิดมากไปต่างๆนาๆว่ามันจะปล่อยให้น้องกวางอยู่คนเดียว  สรุปคิดมากไปเอง…  โทษทีก็คนมันกลัวนี่หว่า…

จบบันทึกของเสือ



     ฮ้าววววววววววว
     เสียงหาวกูเองครับหัวหน้า หาวยาวไปถึงดาวอังคารพร้อมกับหมุนวนรอบดวงอาทิตย์อีกสองรอบ นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ววะ
ไม่รู้เผลอหลับไปตอนไหน จำได้แค่ว่าพอทำงานกันเสร็จเพื่อนมันก็กลับไปเลย นั่งเฝ้าน้องกวางมันเล่นสักพัก ก็ดันเผลอหลับเอาซะได้ ข้าวก็ยังไม่ได้ป้อนน้อง นี่ก็ให้กินแค่นม จะให้มานั่งป้อนได้ยังไงงานก็ต้องทำ และอีกอย่างผมทำอาหารเด็กไม่เป็นนะสิ 

     ว่าแต่…ก้อนอะไรหนักๆมันมานอนทับหน้าอกอยู่วะ

     เชร้ดดดดด!! ไอ้เด็กอ้วนนี่หว่า! ฉิบหายก็คิดว่าแต่ผีอำ แล้วไปไงมาไงมานอนทับผมได้วะ แต่ก็ช่างเถอะ
แล้วไอ้เสือมันกลับมายังล่ะเนี่ย? 

ดีนะที่เปลี่ยนแผนทันให้เพื่อนมันมาหาที่บ้าน  ไม่งั้นคงไม่ได้ทำงานแน่ อีกอย่างนี่ต้องโดนพวกเพื่อนสวดยับแหงๆ… เพื่อนก็ไม่ค่อยมีใครหรอกครับถ้าในคณะก็มีแค่ไอ้โก้กับไอ้เจมส์ ตอนพวกมันมานี่ก็ถามกันซะยกใหญ่ซักไซ้จนน่ารำคาญว่านี่ลูกใครๆ ก็เลยบอกไปว่าเพื่อนที่มาเช่าบ้านเขาขอฝากไว้ แต่ไม่ได้บอกนะว่าคนที่เช่านั้นคือใคร จำได้ไหมครับที่ไอ้โก้มันเคยบอกว่ารู้จักไอ้เสือ ถึงจะไม่ได้รู้จักกันจริงๆจังๆน่ะนะ  แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ไม่อยากจะบอกมันด้วย  ขืนถ้ามันรู้เรื่องที่ผมกับไอ้เสือมันเคย…  ก็นั่นแหละ เคยนั่นแหละ ทั้งที่ไม่มีทางที่มันสองคนหรือใครคนไหนจะรู้ได้ แต่ผมก็กลัวไว้ก่อนแหละ บอกแล้วไงว่ารู้ถึงไหนอายถึงนั่น…

     “ตื่นแล้วเหรอ?”   
     ผีหลอก!! 
     ไอ้ฉิบหาย อยู่ๆก็เดินโผล่ออกมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง กูตกใจไหมล่ะไอ้ควายยย คิดว่าแต่ผีห่าราก คนกำลังเพิ่งตื่นนอนสมองเพิ่งประมวลผล คิดอะไรเพลินๆ 

     “เฮ้ยยๆ มึงจะทำไรเฮ้ย!!”   ผมแม่งรีบถามมันขึ้นมาทันควัน เพราะว่ามันก้มหน้าโน้มตัวลงมาใกล้ผมซะจนขนลุก

    “กูแต่จะอุ้มน้องกวางออกมึงจะได้ลุกสักที…คิดอะไรอยู่เนี่ย?”  อ้าวหน้าแตกเฉยสัด ก็เล่นโน้มตัวมาหากูซะขนาดนี้กูก็กลัวสิวะ  ไม่รู้ว่าจะทำอะไรนี่มันตัวกู กูก็มีสิทธิ์กังวลนะว้อยยยย

     “ไปกินข้าวไปกูทำไว้ให้… มึงคงยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหม?”    มันพูดพร้อมกับอุ้มน้องกวางออกจากตัวผม  และก็หายเข้าไปในห้อง


     คร่อก… 
     เสียงท้องกูเองแหละครับพี่น้อง ร้องดังไปจนถึงหน้าปากซอยเลย   

     โอ้ยยยยยยยยยย!! เมื่อยโว้ยยยยย ปวดหลังฉิบหายเลย ตอนที่พวกไอ้โก้มันมานี่ไม่รู้แม่เจ้าประคุณรุนช่องเขาไปดีดอะไรมา เปลี่ยนจากลูกหมูเป็นลูกลิงได้ภายในพริบตา จนผมนี่อยากจะตะโกนออกมาด้วยความรำคาญ แต่ก็ดีนะที่ไอ้เจมส์มันรักเด็กชอบเล่นกับเด็กมันเลยช่วยผมได้เยอะเลย  แถมผมยังต้องมารับมือกับเจ้าหล่อนหลังจากที่เพื่อนผมกลับแล้วด้วย เลยหมดสภาพอย่างที่เห็นนี่ไง วันนี้เลยรู้สึกทึ่งตัวเองมากที่ทำได้ขนาดนี้ กูไม่ได้ดีใจ…กูเหนื่อย 


     ฮือออออ ไม่เอาแล้วชาตินี้กูจะไม่เอาลูกแน่ๆ!! จะไม่เข้าใกล้เด็กที่ไหนให้มากเกินไปด้วย (ยอมยกเว้นน้องกวางให้คนหนึ่ง)   
แล้วไอ้ห่าเสือนี่มันเป็นผู้ชายที่โคตรครบเครื่องเลย ดูสิอาหารก็ทำเป็น โหยยยยยปรบมือให้มันหน่อยครับหัวหน้า!!
ถึงมันจะเป็นกับข้าวเบสิกอย่างกระเพราไก่ ไข่เจียว ต้มจืดตำลึง แต่แม่งโตรอร่อยเหาะ นี่กินไปกินมาจนจะหมดแล้วเนี่ย ไม่รู้ว่ามันกินข้าวมาหรือยังเลยไม่ได้เรียกเลย เวรกรรม!!   

     ตะกละเองครับ ขอโทษด้วย นี่สันดานไม่ใช่นิสัย…

    “อร่อยล่ะสิมึง ล่อซะเกลี้ยงเลย”   นั่น! พูดชื่อมันอยู่ในใจได้ไม่นานแม่งก็โผล่หน้าออกมา แล้วก็นั่งลงตรงเก้าอีกฝั่งตรงข้ามผม

     “กูหิวเฉยๆหรอก…”  ด้วยความปากหมาของตัวเองเลยพูดออกไปซะ ของเขาอร่อยจริงก็ยังไปกวนตีนเขาอยู่ได้

     “เออๆ หิวกูไม่เถียง”   มันพูดติดตลกนิดหน่อย พร้อมกับรอยยิ้มบางๆ   
     ขุ่นพระ!! ไอ้หน้าเดียวมันยิ้ม!   กูตกใจ! 

     “เอาข้าวอีกไหม?”

     “เอา!”  พอมันถามก็ตอบด้วยความเร็วแสงแบบไม่ต้องคิดเลย  ไม่ใช่อะไรเสียดายของ เขาอุตส่าห์ทำให้กินเนี่ย เออแล้วก็ลืมถามมันไปเลยว่ามันกินไรมายัง “แล้วมึงกินไรมายัง?”   ถามทั้งๆที่ข้าวยังเต็มปากนี่แหละ เรื่องซกมกขอให้บอก ไอ้ปิงกินขาด พี่หมากก็ทำไม่ได้ ไอ้เสือเหรอ? อย่าหวังเลย

     “ไม่ค่อยหิว เดี๋ยวกินผลไม้เอา”   มันพูดพร้อมกับส่งจานข้าวกลับคืนมาให้ผม จากนั้นก็ลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นหยิบเอาแอปเปิ้ลแดงขึ้นมากัด พร้อมกับถือกล่องนมจืดออกมา  “มึงเอาด้วยไหม?”  มันถามพร้อมกับยกกล่องนมขึ้นโชว์ นี่ก็เลยส่ายหน้าปฏิเสธไปเพราะพูดไม่ได้ เนื่องจากข้าวเต็มปาก ยอมรับครับว่าหิวมาก…วอนคนอ่านอย่าด่าเยอะ เพราะหิวไปแล้ว

     “มึงนี่กินข้าวมูมมามจังวะ?”   

     เอ้า!!  ไอ้ควาย
     ยังด่าในใจไม่ทันเสร็จ คนตรงหน้าอยู่ๆก็ยื่นมือมาและการกระทำหลังจากนั้นทำให้ผมตกใจยิ่งกว่า ปากที่กำลังเคี้ยวข้าวกลับต้องหยุดชะงัก เพราะมันกำลังเช็ดบางอย่างออกจากมุมปากให้ผม

     เดี๋ยวขอสตันท์ก่อนสักครึ่งชั่วโมง 
     ตึกตักๆๆๆ… แล้วทำไมหัวใจถึงเต้นแรงอย่างนี้     
ไอ้สัดนี่ผู้ชายด้วยกันนะเว้ย!! มึงจะมาใจเต้นแบบนี้ไม่ได้  รู้สึกเหมือนว่าตอนนี้ทุกอย่างมันหยุดหมุนไปหมดเลย มีแต่หัวใจของผมที่ยังคงทำหน้าที่ต่อไป… แถมยังทำเกินกว่าหน้าที่ด้วย รู้สึกว่าเต้นแรงเกินไป 

     นี่กูเป็นโรคหัวใจเหรอวะ
     ผมนิ่งอ้าปากค้างจนข้าวในปากแทบร่วงออกมา ช้อนที่กำลังตักน้ำแกงขึ้นมาซดก็ค้างอยู่อย่างนั้น  รู้สึกว่ามันเองก็เหมือนกัน ผมมองคนตรงหน้าด้วยความอึ้งๆ ปะปนด้วยความสับสนมึนงง  เมื่อเราได้สบตากันไอ้เสือก็หยุดทุกอย่างลง มือมันหยุดที่มุมปากผมอยู่อย่างนั้นไม่ยอมเอาออกไป 

     สายตาเราประสานเข้าหากันโดยอัตโนมัติ แต่เพียงแค่ไม่นานเราก็ผละออกจากกันด้วยความรวดเร็ว เหมือนกับว่าเมื่อครู่นี้เวลาแม่งหยุดหมุนไปทันที ทั้งที่เราเผลอสบตากันไม่ถึงห้าวินาทีด้วยซ้ำ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันนานราวกับว่าเป็นชั่วโมง

     “โทษที ข้าวมันติดปากนะ กูชินกูคิดว่ามึงเป็นลูกกู”   พูดพร้อมกับโชว์หลักฐานที่ติดอยู่ตรงหัวแม่มือที่ใช้เกลี่ยข้าวออกจากปากให้ดู

     โธ่… ไอ้สัด คิดว่ากูเป็นลูก ไอ้ห่ารากกกกก! กูแค่เป็นคนซกมกไม่ใช่เด็กน้อยโว้ยยยย
     แล้วหัวใจกูนี่มันเป็นอารายยยยย มึงจะเต้นแรงทำไมไอ้สาดดด  สองครั้งแล้วนะมึง สองครั้งแล้ว

● ● ●


     “ปิงๆ มึงไปแถวๆตึกนิเทศเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ”   เสียงไอ้เจมส์มันพูด พออาจารย์ปล่อยลงมามันก็เดินกออดคอผมแล้วลากไปเฉยเลย  คือต่อไปมึงไม่จำเป็นต้องถามกูก็ได้เว้ย 

     “ไปทำไมวะ?”   

     “ไปหาเด็ก  อิอิ”   ว่าแล้วก็มาทำหน้าตาทุเรศๆใส่ผม  ไหนตอนนั้นมึงยังอกหักอยู่เลยวะ…  บอกว่าจะไม่มีความรักอีกตลอดไป  โธ่!!!  ไอ้ตอแหล!

     และแล้วมันก็ลากคอผมมาจนถึงตึกคณะนิเทศศาสตร์

     “เด็กมึงคนไหนวะ?”     ไม่ใช่อะไรเพราะตั้งแต่มันอกหักตอนนั้นมันก็ไม่ได้อัพเดตเรื่องหัวใจให้ฟังเลย อยู่ๆแล้วมาบอกว่ามีดงมีเด็กผมก็ตกใจสิครับหัวหน้า!

     “นู่นไงๆ เดินมาแล้ววว”   

     “ไหนกูไม่เห็น!”  จะไปเห็นได้ยังไงล่ะไอ้เหี้ย!   แม่งเดินออกมาจากตึกเป็นร้อยๆคน ไอ้ควายยยยยยยย 

     “นั่นไง ในกลุ่มนั้นน่ะ!!”   มันพูดพร้อมกับชี้มือไปที่กลุ่มผู้หญิงที่มีประมาณที่ห้าคนได้  “คนนั้นน่ะ ที่สะพายกระเป๋าสีแดงน่ะ ตัวเล็กๆ เห็นยัง?”  “ทีเด็ดไหมมึง?”  มันถามต่อ 

     แต่สิ่งที่มันถามไม่ได้เข้าหูผมแม้แต่น้อยเพราะ… ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มนั้นต่างหาก

     น นั่น ม มัน

     “อ เออ..เห็นแล้ว…ทีเด็ดมากด้วย…”   ถึงแม้จะบอกว่าทีเด็ด แต่สายตาของผมกลับไม่ได้ไปยังคนที่ไอ้เจมส์กำลังพูดถึงเลย

     นั่นไง…เจอแล้ว… ในที่สุดผมก็เจอเขา

     แม่ครับผมเจอเขาแล้ว

     ก กู จ เจอเขาแล้วโว้ยยยยยยยย  สงสัยมันเป็นพรหมลิขิต ใช่มันต้องใช่ เขาเป็นเนื้อคู่ เป็นคนเดียวในใจที่กูตามหามานาน

     และใครคนนั้นเขาคือพี่เพลง…

     คนที่ผมแอบชอบมานานแสนนาน…

     และไอ้คคนที่ว่าเป็นเด็กของไอ้เจมส์ก็เดินแยกอกมาจากกลุ่มของพี่เพลง ตรงมาหาพวกผมทั้งสองคน แต่ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจเธอที่เดินมาเลย ผมสนใจคนที่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นมากกว่า 

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีๆ ก็ทำให้ผมละสายตาออกจากเขาไม่ได้เลย คิดมาเสมอว่าตัวเองเลิกชอบแล้ว แต่ทำไมพอได้มาเห็นพี่เพลงในวันนี้ผมถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่เลย  ในหัวใจผมยังคงมีพี่เพลงเสมอมา เพียงแค่มันถูกซ่อนไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด

     “หวัดดีค่ะเจมส์ เอ่อแล้ว…นี่?”   

     “เพื่อนเจมส์เอง ชื่อปิง”   เจมส์มันแนะนำผมให้เด็กมันรู้ แต่คือตอนนี้จิตใจผมมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว มันลอยตามพี่เขาไป 

     “หวัดดีปิง เราแยมนะ” 

     “ไอ้ปิง!!”   พอเห็นผมไม่ตอบอะไรเจมส์มันก็กระทุ้งศอกใส่สีข้างผมยิกๆ 

     “หะๆๆ อะไร?”   เอออ กูกำลังล่องลอยอยู่อย่าเพิ่งขัดอารมณ์กู

     “นี่แฟนกู ชื่อแยม!!” 

     “อ๋อออ… เอ่ออสวัสดีแยม เราปิงนะ”   แหะๆ  ว่าแล้วก็ยิ้มแห้งๆไปให้เธอ  ไม่ใช่อะไร ตอนนี้สมองไม่สั่งการว่ะไม่ค่อยรับรู้เรื่องอะไรเลย  เหมือนมันประมวลผลไม่ทัน  เหมือนเครื่องมันรวน เพราะมันเอาแต่พูดชื่อพี่เพลงซ้ำไปซ้ำมา สายตาหยุดที่พี่เพลงคนเดียว

     เขากำลังยืนยิ้มยืนหัวเราะกับเพื่อนอยู่… แม่งโคตรน่ารัก ฮาร์ทแอทแทคสัดๆ 

     สงสัยใช่ไหมว่าพี่เพลงคือใคร…?

     พี่เพลงน่ะคือ…

     TBC...


     Rewrite 16/7/60
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เจ็ด (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 11/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 11-04-2017 18:43:12
อนาคตปิงจะกลายเป็นคุณแม่เอง :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เจ็ด (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 11/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 11-04-2017 21:37:28
รู้ไวๆๆดีแล้วปิง พี่เสืออยู่นี้ไง อิอิ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เจ็ด (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 11/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 11-04-2017 22:52:49
โธ่!!!! ปิง  :hao4: :hao4: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เจ็ด (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 11/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-04-2017 22:56:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เจ็ด (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 11/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-04-2017 23:46:09
        แสนสงสารปิง          หญิงเพลงรักลวง
แฟนเก่าเขาหวง               รุมกันซ้อมปิง
        เสือมารับทัน            มั่นคงคนจริง
อีกคนช่วยปิง                   พาไปโรงบาล

ชะนีเพลงทำแสบ
ปิงน้อยแสนซื่อ เลยโดนหลอก
พี่เสือ มีแวบๆกับปิง รู้ใจเร็วๆหน่อย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เจ็ด (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 11/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-04-2017 01:00:23
 :hao4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เจ็ด (อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 11/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 12-04-2017 01:40:05
        แสนสงสารปิง          หญิงเพลงรักลวง
แฟนเก่าเขาหวง               รุมกันซ้อมปิง
        เสือมารับทัน            มั่นคงคนจริง
อีกคนช่วยปิง                   พาไปโรงบาล

ชะนีเพลงทำแสบ
ปิงน้อยแสนซื่อ เลยโดนหลอก
พี่เสือ มีแวบๆกับปิง รู้ใจเร็วๆหน่อย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ขออนุญาติโควทนิดนึงนะคะ  คือชอบกลอนนี้จังเลยค่ะ 555555555555555555   
ขอบคุณนะคะ  o13 

*กระโดดกอด 
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เจ็ด (อัพเเล้วคร้าบบบบ) หน้าที่สอง
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 16-04-2017 22:51:43
ตอนที่เจ็ด : my first love is coming back to me



     ถ้าหากพูดถึงรักแรก…ผมเชื่อว่าทุกคนต้องมีกันทั้งนั้น บางคนอาจจะยังรู้สึกคิดถึงเขาอยู่ บางคนก็ไม่คิดถึงมันแล้วแต่ยังคงเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้เป็นความทรงจำ ตอนแรกผมเองก็เลือกที่จะเก็บมันไว้ แต่ตอนนี้…ความทรงจำของผมทั้งหมดกำลังถูกรื้อค้น ถอนรากถอนโคนออกมาจนหมด  ความทรงจำที่มาจากสมอง และความรู้สึกที่มาจากหัวใจกำลังจะกลับมา

ตอนนี้เหมือนโลกของผมกำลังหยุดหมุนด้วยรอยยิ้มของใครบางคน  หัวใจของผมผลิบานราวกับดอกไม้แรกแย้มที่กำลังบาน
สะพรั่ง 

     โอ้ยยยย…หยุดคิดถึงพี่เพลงไม่ได้เลยครับหัวหน้า คิดถึงแม่งมันทั้งวัน หลังเวลาอาหารสามมื้อ แล้วตอนนี้รู้อะไรไหมครับ?  ผมได้มีโอกาสคุยกับพี่เพลงแล้ว ก็เดือนที่แล้วหลังจากที่เจอพี่เพลงพอตกคืนนั้นไอ้เจมส์ไอ้โก้มันลากคอผมไปร้านเหล้า
ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าแยมเขาไปด้วย  รู้สึกเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างมาก เพราะพี่เพลงก็ไปด้วยน่ะสิ นั่นแหละครับเลยเป็นโอกาสที่ได้คุยกัน  แล้วที่โคตรดีใจที่สุดก็คือ… พี่เพลงแม่งจำผมได้เว้ย!!   


     หัวใจผมนี่ลิงโลดดีใจยิ่งกว่าถูกหวยอีกไม่ต้องถามว่าผมเวอร์ไปมั้ย เออครับยอมรับว่าเวอร์ จะไม่ให้เวอร์ได้ยังไงนี่รักแรกเลยนะครับแล้วก็ไม่สมหวังด้วย… จำได้ว่าตอนนั้นโคตรเฮิร์ท ไม่ใช่อะไรเพิ่งมารู้ว่าพี่เขามีแฟนแล้ว เหี้ยมากกก!!

     วันนั้นที่ได้คุยกับพี่เขานะ หลังจากที่กลับบ้านแล้วนี่โทรหาไอ้ฟาร์มแทบไม่ทัน โทรไปพร่ำเพ้อพรรณนาถึงพี่เพลงให้มันฟัง เพราะมันเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเรื่องราวและความรู้สึกของผมมันเป็นยังไง คุยไปคุยมาแม่งน้ำตาแทบไหล…ไมใช่เพราะซึ้งนะ แม่งหลับคาโทรศัพท์ใส่กู สันดานมากกกกก  กูอุตส่าห์ไม่หลับไม่นอนมานั่งพูดจนน้ำลายเหนียว

     แต่ก็นั่นแหละครับหลังจากนั้นมาผมก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่เพลงมากขึ้นจนเดี๋ยวนี้ถึงขั้นไปไหนมาไหนด้วยกัน อย่างเช่นทานข้าว ดูหนัง พาไปซื้อของ ไปเที่ยวบ้างเป็นบางครั้ง นั่นแหละครับชีวิตแฮปปี้ดี มีความสุข สุขจนลืมไปว่าพี่เขามีเจ้าของหัวใจแล้วหรือยัง แต่ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี่ก็ยังไม่เห็นพี่เพลงเขามีท่าทีเลยว่าจะมีแฟน หรือมีคนในใจบ้างแล้วเลยนะครับ แต่ก็ช่างมันเถอะ  ถ้ายังไม่มีอะไรชัดเจนผมก็ยังคงจีบพี่เขาได้อยู่  คราวนี้แหละรักแรกของผมจะต้องสมหวังแน่นอน  อาจารย์ปิงฟันหัก!! 


     ครืดๆๆ   

     นั่นไง…..คิดถึงรัก รักก็โทรมาหา ชื่อของคนในใจปรากฏขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้ผมฉีกยิ้มออกมาแบบว่าปากนี่แทบจะฉีกถึงหู จนพี่หมากกับไอ้เสือที่นั่งอยู่ข้างๆมองตามด้วยความสงสัย พากันขมวดคิ้วเป็นปมจนนี่อยากจะเอานิ้วโป้ตีนไปนวดคลายปมให้

     ไม่ต้องสงสัยหรอกครับพี่น้อง คนกำลังมีความรักก็งี้ แค่เห็นชื่อเขาโชว์อยู่บนหน้าจอก็มีความสุขแล้ว   ฮิ้วววววววววว 

     “ฮัลโหลครับเพลง”   นั่นไง พอมีความรักอะไรๆก็เกิดขึ้นได้กับกูอย่างเช่นเสียงที่สอง

     [ปิงอยู่ไหน? วันนี้ว่างไหม?] 

     “ว่างครับ เพลงมีอะไรหรือเปล่า?”     

     [ช่วยไปเลือกของขวัญเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม?  แล้วก็ว่าจะชวนไปงานวันเกิดเพื่อนเพลงน่ะ ว่างไหม? ถ้าไม่ก็ไม่เป็นไรนะ]   

     “ได้ๆ แล้วจะเจอกันที่ไหน?”  นั่น!! เรื่องทำคะแนนจีบสาวขอให้บอก แต่เรื่องทำคะแนนสอบไม่ต้องมาคุยกับกู!

     [อีกหนึ่งชั่วโมงเดี๋ยวเพลงไปรับที่บ้านนะ โอเคไหม?]   

     “โอเคครับ ถึงแล้วโทรมาบอกนะ”   
     เสร็จแล้วก็วางสายไป เรื่องเรียนอ่านหนังสือหนังหาเคยจริงจังแบบนี้ไหมถามใจดู… คุยโทรศัพท์เสร็จก็รีบดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาแทบไม่ทัน   ไอ้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาที่กำลังกินขนมอยู่นี่คว้าถุงขนมไว้แทบไม่ทัน อีกคนที่กำลังเล่นกับลูกอยู่ก็แทบทำลูกล่วงจากมือ พอเห็นผมลุกพรวดแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย   

     “มึงเป็นห่าอะไรของมึงวะ?  เดี๋ยวนี้ทำตัวแปลกๆนะมึง”   

     “แปลกไรพี่ช่วงนี้ก็เหมือนเดิม”   

     “ใช่เหรอวะ?”  นั่นไงผสมโรงด้วยไอ้พ่อลูกอ่อน แล้วนี่ไม่มีการไม่มีงานทำหรือยังไง มานั่งรวมหัวกันถามกูเนี่ย เดี๋ยวปั๊ดขึ้นค่าเช่าเลยนี่   

     “ก็ใช่สิวะ เป็นไรกันเนี่ย ยุ่งกับผมทำแมะ?”  อย่างพี่มันและไอ้เสือนี่ต้องเปิดเสียงโหมดที่สามออกมาใช้เพื่อตอบสนองความเสือกของพี่มันแล้วก็มัน 

     จนถึงตอนนี้ต้องขอประทานอภัยที่ยังทำใจเรียกไอ้เสือว่าพี่ไม่ได้  คือมันชินปาก แหะๆ 

     “เอ้าไอ้นี่ ถ้าจะตอบแบบนี้มึงจะไปไหนก็ไปปะ”  พูดแล้วก็โบกมือไล่กูชิ่วๆเลย สรุปนี่บ้านใคร? ส่วนไอ้อีกคนนี่ก็เดินหนีด้วยการอุ้มเด็กอ้วนเข้าไปในห้อง   

     บทจะเสือกก็รวมหัวกันเสือก บทไม่เสือกก็ทิ้งกูแบบล่องลอยมาก  กูก็อยากอวดเหมือนกันนะว่ากำลังมีความรัก!



     ถึงห้างชื่อดังโดยเวลาประมาณที่พระอาทิตย์ตรงอยู่กลางหัว ก็ตอนเที่ยงนั่นแหละแล้วจะพูดทำไมให้มันยาวๆจังวะ พี่เพลงคนสวยเธอขับรถมารับผมในเวลาที่กำลังเป่าผมพรมน้ำหอมอยู่พอดี  ผมนี่วิ่งสี่คูณร้อยออกจากบ้านแทบไม่ทัน แต่พอถึงรถแล้วก็ต้องคีพลุคไว้นิ่งๆไว้ เดี๋ยวเขารู้ว่าเป็นคนยังไง

     เอาล่ะตอนนี้ขอออกทะเลสักหน่อย เพื่อไขข้อข้องใจของใครหลายๆคน   สงสัยกันใช่ไหมว่าทำไมก่อนหน้านี้ที่ผมคุยโทรศัพท์แล้วเรียกพี่เพลงด้วยชื่อเฉย  คือไม่ได้ปีนเกลียวแต่อย่างใดนะครับขอแถลงการณ์ตรงนี้เพื่อให้ประชาชีได้ทราบ ที่ต้องเรียกพี่เพลงด้วยชื่อแบบนี้เพราะพี่เขาขอมา  คืองี้เรื่องมันมีอยู่ว่า… พี่เพลงซิ่วจากมหาลัยอื่นมาเรียนที่มหาลัยนี้ ซึ่งเหตุผลว่าทำไมถึงซิ่วผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้ขี้เสือกขนาดนั้นถึงแม้ว่าลึกๆแล้วในใจก็อยากที่จะรู้เรื่องของเขาใจแทบขาดน่ะนะ   
อ่าว…ย้อนแย้งสัดๆ


     นั่นแหละสรุปก็คือยากรู้แต่ไม่อยากถาม  และนั่นเลยเป็นที่มาให้พี่เพลงมาเรียนปีหนึ่งใหม่ ด้วยความที่ไม่อยากให้ผมเรียกผิดแปลกไปจากใครพี่เขาเลยให้ผมเรียกว่าเพลงเฉยทั้งที่ผมเองก็ค้านหัวชนฝาว่าไม่เอา  สุดท้ายก็ต้องตามน้ำครับเพราะพี่แม่งบอกว่าถ้ายังเรียกพี่อยู่จะไม่คุยด้วยอีกเลย ตอนนั้นกูนี่กระดกลิ้นกลับลำคุยกันด้วยสรรพนามที่เหมือนเพื่อนกันแทบไม่ทัน   
เรื่องที่ขอออกทะเลมาก็เป็นอย่างนี้นี่แหละครับ ไม่ได้มีอะไรมากแค่อยากเล่าให้ฟังเฉยๆ 

     “ปิงว่าเพลงจะซื้ออะไรไปให้เพื่อนดี?”   เธอหันมาถาความเห็น ในขณะที่เรากำลังย่างเท้าก้าวเข้ามาในห้างจนแอร์เย็นๆตีแสกกลางเข้าหนังหน้า

     “แล้วเพื่อนของเพลงชอบอะไรหรือมีอะไรอยากได้เป็นพิเศษไหมล่ะ?”   ถามไปงั้นแหละจริงๆก็ไม่ค่อยเป็นคนมีรสนิยมเท่าไรไม่ค่อยอะไรกับเรื่องพวกนี้ด้วย แต่คือพี่ต้องคีพลุคไงครับหัวหน้า!   ต้องทำเป็นคนมีสาระเข้าไว้ ให้ความช่วยเหลือกับพี่เพลงได้เสมอในทุกๆเรื่อง ทั้งที่จริงแล้วนี่มีความรู้เท่าหางอึ่ง… ช้ำสัดดดด 

     “อืม…”   

     “อ๋อออออ คิดออกแล้ว เห็นเฟิร์นมันบอกเคยบอกว่าอยากได้น้ำหอมของวิคตอเรียซีเคร็ท…ไปดูกันเถอะ”   พี่เพลงพูดแล้วก็ลากแขนผมเดินตามไปเลย…แหม ต้องยกความดีความชอบให้ผมนะครับหัวหน้า  อุตส่าห์จุดประกายความคิดให้เขา  ถึงแม้ว่ามันจะน้อยนิดก็ตามน่ะนะ 

     สุดท้ายของที่ได้ก็คือน้ำหอมของ วิค วิคอะไรนะชื่อแม่งโคตรยาว ที่ราคาเท่ากับค่าข้าวหนึ่งเดือนของกูเลยครับ…ขานี่อ่อนทันทีพอได้เห็นราคาแล้ว 

แต่ถึงราคาแพงนี่ก็ไม่ได้ช่วยจ่ายนะคร้าบบไม่ใช่สายเปย์ แล้วอีกอย่างพี่เพลงเธอไม่ให้ยุ่งด้วย ตอนแรกก็ทำทีใจป๋าจะควักเงินจ่ายให้ ในใจก็ภาวนาให้พี่เพลงไม่ตอบตกลง แล้วก็เหมือนสวรรค์แม่งเป็นใจให้คนจนๆอย่างกูที่คิดจะเด็ดดอกฟ้าครับ ด้วยพลังแต้มบุญทั้งหมดที่มี พี่เพลงเลยตอบปฏิเสธกลับมา แถมยังบอกอีกว่าคราวหลังอย่าทำอย่างนี้นะ ถ้าทำแบบนี้อีกจะไม่ชวนไปไหนมาไหนด้วยอีก นั่นปะไร! กูนี่เก็บประเป๋าเงินเน่าๆทั้งเก่าทั้งแบนเข้าไปคืนด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องแทบไม่ทัน 

พอเลือกของเสร็จแล้วยังมีเวลาเหลือเฟือก็เลยชวนพี่เพลงกินข้าวเที่ยงด้วยกัน  แล้วก็ตบท้ายด้วยการดูหนังเพื่อฆ่าเวลา และเรื่องที่ดูก็เป็นหนังรักซะด้วย คนกำลังมีความรักก็ดูหนังรักแบบนี้เป็นธรรดา… แต่หนังรักที่ว่าแม่งตอนจบพระเอกตายสัด
แบดเอนด์ มากก ออกมาจากโรงพี่เพลงนี่ยื่นผ้าซับน้ำตาให้แทบไม่ทัน 

     หมดกันภาพลักษณ์ที่สั่งสมมานาน

     เสร็จแล้วเวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงห้าโมงเย็นก็เป็นอันว่ากลับบ้านเข้ามาแต่งตัว พี่เพลงเองก็กลับบ้านเพื่อไปแต่งตัวเหมือนกัน เห็นบอกว่าเสร็จแล้วจะขับรถมารับ…   

     จริงๆช่วงนี้เองก็แอบแปลกใจเหมือนกันนะว่าทำไมพี่เพลงถึงเข้าหาผมแปลกๆทั้งที่พอได้คุยกันในช่วงแรกๆเป็นผมซะมากกว่าที่จะชวนพี่เพลงไปไหนมาไหน แต่ตอนนี้มันกลับสวนทางกันอย่างชัดเจน  ทุกครั้งที่ไปไหนมาไหนจะเป็นพี่เพลงที่ชวนเสมอ เวลาจะทำอะไรก็ชอบโทรมาชวนผม อย่างเช่นกินข้าวดูหนังและอีกบลาๆ  แต่ถามว่าดีใจไหม?...บอกเลยครับว่าดีใจมากกก

     แหม…ไม่ใช่พี่เพลงเขาเริ่มชอบผมบ้างแล้วเหรออออออออออออ ถึงแม้ผมจะไม่ได้พูดมันออกไปแต่ผมมั่นใจว่าการกระทำของผมมันต้องแสดงออกมาแน่ๆว่าผมชอบเขามากแค่ไหน… 

   

     “ไปไหนวะ แต่ตัวซะหล่อเชียว กลิ่นตัวหอมฟุ้งเหมือคนกำลังมีความรัก”   เสียงเสือกของคนที่หนึ่งจากพ่อลูกอ่อน

     “เดี๋ยวนี้มีฟามรักเหรอมมมมน้องปิงงงงง”   เสียงของคนเสือกสองพันสิบเจ็ดคนที่สอง 

     “ว่าจะไปงานวันกิเดเพื่อน”  นี่ตอบแล้วก็เดินเข้าไปหาผู้ชายตัวยักษ์ทั้งสองที่กำลังนั่งโซ้ยข้าวเย็นกันอย่างเอร็ดอร่อย  อ้ออมีเด็กอ้วนด้วยอีกคนที่พ่อมันกำลังจับป้อนข้าวไปพร้อมๆกัน   

     “อ้วน!!”  พูดแล้วก็ยื่นมือไปจับแก้มย้วยๆของน้องกวาง  อ้อ! ลืมอัพเดตหลังจากวันนั้นไปก็ดูเหมือนว่าทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเด็ก
     มันมีสัญญาณที่ดีขึ้นคอยแจ้งเตือน  คือสามารถเข้าใกล้เด็กน้อยในประยะประชิดได้แล้วนะครับ  ค้นพบว่าเด็กบางคนก็ไม่ได้เปรตเสมอไป กูขออย่างเดียว อย่างเดียวที่ขอ  คือย่ามาร้องแหกปากโวยวายให้กูได้ยิน ไม่งั้นเด็กก็เด็กเถอะพ่อจะตบบ้องหูให้นับดาวแทบไม่ทันเลย 

     “อย่าไปจับแก้มสิวะ น้องกินข้าวอยู่!”    แหม…พูดเสียงดังซะกูตกใจเลยนะห่าราก แถมยังปัดมือกูออกแบบไม่ใยดีด้วย 

     “เออมึงนี่ไม่รู้เรื่อง!”   โห...แล้วนี่ไปสนิทกันตอนไหนวะ สุมหัวรวมกันแกล้งกูจัง อย่าให้กูเรียกเพื่อนฟาร์มกูมานะครับ แต่โทษทีวันนี้พี่ไม่ว่าง 

     “อะไรเนี่ย รุมเหรอ?”   นี่ยืนค้ำหัวถามเลย ให้รู้บ้างว่าที่นี่ใครใหญ่   


     ปิ๊น!!!!
     พี่หมากมันกำลังอ้าปากพูดขึ้นแต่ก็ต้องถูกขัดด้วยเสียงแตรรถ และนั่นก็คงจะเป็นเสียงจากรถของพี่เพลง ว่าแล้วก็ไปดีกว่า เดินออกมาทิ้งให้มันสองคนสงสัยกันเล่นๆ

     ตอนออกมาก็แอบได้ยินเสียงไล่ตามหลังมาของคนในบ้านทั้งสองคน แต่ก็จับใจความไม่ได้ว่าอะไร เพราะตอนนี้สติและหัวใจไปอยู่กับคนบนรถหน้าบ้านหมดแล้ว


     เห็นพร่ำเพ้อถึงพี่เพลงแบบนี้ถามว่ารักจริงไหม? บอกเลยว่ารักจริงมาก  จริงจังมากด้วย ก็นี่รักแรกเลยนะถึงก่อนหน้านี้ที่จะไม่ได้เจอกันพี่เขาก็ยังอยู่ในใจตลอดเลยนะ แค่ไม่พูดถึงเท่านั้นเอง…เพราะแม่งเดี๋ยวจะฟีลแบบเพลงเกือบของพี่บุรินทร์ 

ผมแอบชำเรืองมองพี่เพลงนิดหน่อยระหว่างที่พี่กำลังขับรถอยู่ วันนี้เธอมาในชุดเดรสสีแดงเพลิงที่เปิดเปลือยโชว์ลาดไหล่ขาวเนียน แล้วพี่เพลงเป็นคนผิวขาวมากพอได้เดรสสีแดงมาใส่แล้วยิ่งโคตรดูขลับผิวให้สว่างขึ้น…หวงงงง                         

แต่มีอีกหนึ่งเรื่องที่ได้โปรดอย่าถามว่าทำไมกูถึงไม่ขับรถ…เพราะใดใดในโลกนี้ที่เป็นรถยนต์ทุกชนิดกูล้วนขับไม่เป็น  เลยต้องนั่งหน้าบางอยู่แบบนี้ไง คิดอยู่ว่าเดี๋ยวจะไปเรียนขับรถ ทุกวันนี้ขับจักรยานให้ไม่ล้มได้ก็ถือว่าเก่งมากโข 


     และแล้วก็มาถึงร้านเหล้าชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่เปิดเป็นทั้งโซนผับโซนร้านเหล้าในพื้นที่เดียวกัน แต่สงสัยว่างานของเพื่อนพี่เพลงจะจัดที่โซนฝั่งผับ เพราะตอนนี้เรากำลังเดินเข้ามานี่ไง 

     “วร้ายยยย นั่นไงนังเพลงมาแล้ว แหม…จะแต่งตัวมาแย่งซีนเจ้าของงานเหรอยะ”  พอเดินเข้ามาถึงโต๊ะของเพื่อนพี่เพลง ผู้หญิงคนหนึ่งก็ลุกจากเก้าอี้ออกมาทักทายพี่เพลงทันที ก่อนจะหันมามองผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เห็นสีหน้าพี่เขาแล้วกูรู้เลยว่าอยากแซว   


     “อ้อ เฟิร์นนี่ปิง ส่วนปิงนี่เฟิร์น” 

     “หวัดดีจ้ะปิง”

     “หวัดดีครับ”แหะๆ  ผมก็ได้แต่ส่งยิ้มแบบเป็นมิตรให้ไปนี่แหละ 
นี่แก๊งนี้ไม่ใช่แก๊งที่มหาลัยนะ  เห็นพี่เพลงบอกว่าเพื่อนจากมหาลัยเก่าที่ซิ่วมา  นี่ก็เลยต้องทำตัวไม่ปีนเกลียวเรียกพวกเขาว่าพี่ 
แต่ถ้าเจอกันที่มอผมก็จะเรียกเพลงเฉยๆ 

     “เเล้วนั่นก็ปรางกับอ้อม”  พี่เพลงแนะนำเพื่อนอีกสองคนต่อ ส่วนผมก็ยิ้มแบบคนที่มาอย่างเป็นมิตรจนปากแทบจะฉีกถึงหูเห็นฟันครบทุกสามสิบสองซี่ยันฟันคุด  และน้ำลายกูก็เริ่มแห้ง…

     “มาๆนั่งค่ะน้องปิง มานั่งข้างพี่นี่มะ”  ผู้หญิงคนสวยๆที่ชื่ออ้อมพูดพร้อมกับตบลงบนเก้าอี้ที่ว่างข้างกายเธอเบาๆ 

     “อะไรของพวกเธอเนี่ย ปิงนั่งนี่แหละ”  พี่เพลงพูดแล้วก็เลื่อนเก้าอี้อีกตัวมาให้ผม และกลายเป็นพี่เพลงที่นั่งลงข้างพี่อ้อมแทน   


     นั่นแน่!!! หวงอ่ะดิ๊ 
     ให้พื้นที่กูมโนหน่อยครับหัวหน้า


     “แหม… เบื่อจริงๆพวกหวงของเนี่ย”  พี่ปรางเธอพูดแล้วก็เบะปากจนหน้าเบี้ยวเลยครับ ถ้าทางจะหมั่นไส้จริงๆ

     “พอเลิกคุยกะพวกเธอละ  ชั้นคุยกับนังเฟิร์นดีกว่า”  ว่าแล้วพี่เพลงก็หยิบกล่องของขวัญในกระเป๋าออกมาให้เพื่อน   
แล้วบทสนทนาของบรรดาสาวๆที่กูไม่ค่อยได้มีส่วนร่วมก็เกิดขึ้นภายในบัดดล…  จนทำให้กูนึกคิดขึ้นมาได้ว่านี่กูมาทำอะไรอยู่ที่นี่ฟระ!



     หนึ่งชั่วโมงให้หลัง

     ตอนนี้ยังไม่เมาเลยครับเพราะไม่ได้ดื่มเยอะเท่าไร แต่สาวๆตอนนี้นี่กำลังได้ที่ โดยเฉพาะคนข้างๆกูเนี่ยเมาแล้วเลื้อยมาก ไซร้คอ ซบไหล่กูตลอด คือก็ไม่ได้อยากจะยอมน่ะนะแต่ไหนๆก็ไหนๆยอมก็ได้  เอะอะก็มากระซิบข้างหูกูมั่ง จับไม้จับมือกูมั่ง 
คือนี่ถ้าพี่เพลงเมาแล้วเป็นแบบนี้ไม่กล้าปล่อยให้ไปกินเหล้ากับใครเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าแต่ก่อนที่เวลาไปกินเหล้าเป็นแบบนี้หรือเปล่า
คือยากถามมากรอดมาได้ยังไง?   

     “อีเพลง!!”  นั่นไงพอเมาแล้วสรรพนามก็เริ่มเปลี่ยนจากเธอจากเราเป็นอีเป็นมึง 

     “ไรของมึง!”    พี่เพลงตอบกลับด้วยเสียงดังพอๆกับลิ้นที่พันกัน 

     “มึงดูนู่น”  พี่เฟิร์นเธอพูดพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปยังโต๊ะที่อยู่เยื้องๆกัน

     “ช่างมันดิ”  พอหันกลับไปดูก็พบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่กำยำสมชายชาตรีผิดกับกูมาก  ว่าแต่เกี่ยวไรกับพี่เพลงวะ  แล้วไอ้ผมที่เหงี่ยหูรอฟังแม่งก็นกสิครับ พอพี่เพลงบอกช่างมันทุกเสียงในโต๊ะก็เงียบลงถนัดถี่..คือมีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกวะเนี่ย


     หลังจากนั้นได้ไม่นานประมานสองนาทีได้พี่เพลงก็ฝากกระเป๋าสะพายไว้กับผม และลากพี่เฟิร์นไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนด้วยทันที  ด้วยความเสือกของกูก็เลยแอบหันกลับไปมองไอ้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ แต่พอกูมองกลับไปเท่านั้นแหละครับหัวหน้า แม่งเล่นส่งสายตาพิฆาตอำมหิตมาให้กูเฉย…นี่คือเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกไหม? 


     “พี่ปรางครับ ขอถามได้ไหมว่านั่นใคร?” ด้วยความสงสัยหรือเรียกแบบหยาบคายสไตลส์กูว่าเสือกนั่นแหละ มันอดไม่ได้ก็เลยที่จะถามพี่เขา 
 
     “อย่าว่างั้นงี้เลยนะ พี่ก็ไม่ค่อยอยากตอบเท่าไรอ่ะ”   เธอพูดแล้วก็ส่งยิ้มเจื่อนๆมาให้ผม 

     “มึงจะกลัวอะไรวะกับไอ้แค่แฟนเก่าอีเพลงมัน!!”   

นั่นประไร!! ว่าแล้วทำไมมันแหม่งๆ  สงสัยพี่อ้อมจะเมาถึงพูดออกมาได้ เลยโดนพี่ปรางคนที่มีสติอยู่ครบกว่าปิดปากไว้แทบไม่ทัน 


     “แล้ว”
 
     ครืดๆ   พอกำลังจะถามต่อเสียงโทรศัพท์พี่เพลงที่ฝากไว้กับผมก็สั่นขึ้น  และชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอนั่นก็คือ ป๊า  ของพี่เพลง 
เอาไงล่ะ…กูคงจะกล้ารับอยู่หรอก แล้วนี่ทำไมไปเข้าห้องน้ำกันนานจังเลยล่ะเนี่ย   ทำยังไงดี…

     “เดี๋ยวผมมานะ เอาโทรศัพท์ไปให้พี่เพลงก่อน”  สุดท้ายก็ตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหาพี่เพลงที่ห้องน้ำ เพราะดูท่าทีว่าโทรศัพท์มันจะไม่หยุดสั่นสักที   

     ยืนรออยู่หน้าห้องน้ำได้ไม่เกินสองนาทีผมก็เห็นร่างคุ้นตาของพี่เพลงแล้วก็พี่เฟิร์นเดินออกมา  “พี่เพลง”   แต่…พอผมเรียกแล้วสงสัยจะไม่ได้ยินกันแน่ๆ  เพราะว่าเห็นเดินออกมานอกร้านกันเฉยเลย แล้วนี่ทำไมคนตรงนี้มันแออัดจังเลยวะ ดูดิเนี่ยเดินตามพี่เพลงไม่ทันแล้ว  ไอ้โทรศัพท์นี่ก็สั่นรอบที่สามสิบแปดแล้วมั้ง  ไม่ใช่อะไร คือกลัวพี่เขาโดนพ่อด่า 

     “มึงคิดดีแล้วเหรอวะที่ทำแบบนี้?”   ทันทีที่เดินตามมาจนทัน ผมเห็นพี่เพลงกับพี่เฟิร์นยืนคุยกัน อยู่ข้างๆร้านที่มันเป็นตรอกซอย มีรถจอดอยู่บ้างประปราย แถมยังไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาด้วย มันเลยทำให้ผมได้ยินบทสนทนาของเขาชัดเจนหน่อย

     “อืม…กูเองก็อยากรู้ว่าไอ้เปอร์มันยังรักกูอยู่ไหม?”   พี่เพลงพูดพร้อมกับจุดบุหรี่สูบ   
   
     พี่เพลงสูบบุหรี่ด้วยเหรอวะ?   

     แล้วนี่เขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ล่ะเนี่ย เปอร์นี่คือใคร…
และแล้วความเสือกก็ไม่เคยยอมแพ้ให้กับความถูกต้อง นี่เลยแอบขยับเข้าไปใกล้ๆพร้อมกับหลบอยู่ข้างๆถังขยะเพื่อแอบฟังเขาคุยกัน 

     “แล้วความรู้สึกของน้องเขาล่ะวะ ดูก็รู้ว่าน้องมันชอบมึงมันกำลังจีบมึงอยู่!”   

     “ไม่รู้ แต่มึงก็เห็นนี่ตอนที่กูแกล้งเมาแกล้งนัวเนียปิงไอ้เปอร์แม่งก็ทำท่าทีหึงกูใหญ่เลย แสดงว่ามันยังรักกูอยู่” 

     “เรื่องนั้นมันสำคัญกับมึงกูก็พอรู้ แล้วปิงล่ะวะ เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยนะเว้ย มึงจะเอาน้องเขาเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้!”   

     “เหอะ!! กูไม่สนใจหรอก คนที่กูสนใจมีแค่ไอ้เปอร์ กูอยากให้มันกลับมา!”   

     ฮะ…  ด เดี๋ยวนะ น นี่ผมหูฝาดเหรอวะ…หรือว่ากำลังเมา  ค คือเรื่องมันเป็นยังไง นี่งงไปหมดแล้ว   

     “อีเพลงมึงอย่าเห็นแก่ตัว!!” 

     “ทำไม! กูแค่รักไอ้เปอร์มันมากอยากให้มันกลับมากูผิดมากนักรึไง!  ฮือออ…”   ผมได้ยินเสียงสะอื้นของพี่เพลง พี่เพลงกำลังร้องไห้…และน่าจะร้องไห้เพราะผู้ชายคนนั้น   

     “มึงไม่ต้องร้อง! มึงจะทำยังไงก็ได้ให้ไอ้เปอร์กลับมานั่นเป็นสิทธิ์ของมึง แต่มึงจะใช้น้องปิงมันเป็นเครื่องมือไม่ได้ เพราะเขาก็มีหัวใจเหมือนกันกับมึง เจ็บได้ร้องไห้เป็น แค่กูเห็นสายตาที่น้องเขามองมึงกูก็รู้แล้วว่าน้องเขารักมึงมาก!”   

     อึก…


     ผมพอที่จะเข้าใจและประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว หลังจากที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่ออกมาจากปากของพี่เฟิร์น 
ผมเป็นแค่คนที่พี่เพลงใช้เป็นเครื่องมือสินะ…

     เจ็บว่ะ…

     ทำไมมันเจ็บแบนี้

     “ปิง…”  สุดท้ายผมก็ทนหลบซ่อนไม่ไหว เลยตัดสินใจค่อยๆโผล่ออกมาจากหลังถังขยะนี่  พี่เพลงที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ถึงกับหน้าถอดสี พร้อมกับเรียกชื่อผมออกมาด้วยเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้เบาพอที่ผมจะไม่ได้ยิน   

     “พ่อพี่โทรมาครับ”   ผมกลับมาเรียกเธอว่าพี่เหมือนเดิม ก่อนจะเดินเอากระเป๋าสะพายและโทรศัพท์ยื่นให้เธอไป

     “ป ปิง  พ พี่”   เธอพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นๆ

     “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” ผมพูด เม้มริมฝีปากแน่น “ยังไงก็…ขอให้พี่เขากลับมานะครับ”


     จากนั้นผมก็เดินออกมาพร้อมกับหัวใจที่กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ   จนคิดว่าถ้ามันเป็นแก้วมันก็คงจะร่วงหล่นลงพื้นกระจัดกระจายแตกละเอียดไปหมด  ที่ผมไม่ได้พูดสิ่งที่ใจกำลังคิดอยู่ออกมา ทั้งที่จริงอยากพูดใจแทบขาดแต่เพราะว่าทั้งความรู้สึกและความคิดมันกำลังตีกันให้วุ่น ทั้งสับสนและเจ็บแปลบจนคำพูดที่อยากจะพูดมันเรียบเรียงออกมาเป็นประโยคไม่ได้ 

     งี่เง่าสิ้นดี…
     
     เลยได้แต่เดินหันหลังออกมาพร้อมกับความเงียบ 
     ผู้ชายคนนั้นคงจะชื่อเปอร์สินะ… ก็หลงผิดคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าพี่เพลงจะมีใจให้กันบ้าง คิดไว้ว่าไม่สักวันใดก็วันหนึ่งพี่เขาจะรู้ถึงความจริงใจและความรักที่ผมมีให้ ตั้งแต่ที่เรียนมอปลายจนตอนนี้เรียนมหาลัย แต่ก็เปล่าเลย


     หนึ่งเดือนเต็มๆสำหรับคนอื่นอาจจะน้อยไป แต่สำหรับผมคนที่แอบรักเขามาตลอดอย่างผมขอพูดเลยว่ามันมีค่ามาก สำหรับผมไม่ว่าจะหนึ่งนาที สองนาที หรือไม่กี่วินาทีมันก็มีค่ามาก แล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคิดว่าผมจะรู้สึกยังไงถึงจะเป็นคนตลกโปกฮา ดูเหมือนเป็นคนไม่มีอะไรแต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลย

     การที่ได้มีพี่เพลงเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง ผมไม่ได้เผื่อใจไว้เลย…ตอนนั้นก็แค่อกหักไปตามประสาเด็กน้อย คิดว่าอีกไม่นานคงจะเลิกชอบได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ พอได้เจอหน้าเขาอีกครั้งมันยิ่งทำให้ผมตัดใจไม่ได้

     ผมอยากถามพี่เพลงมากว่า   

     แล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันคืออะไร…?

     แต่ผมก็มีความกล้าไม่มากพอ ผมกลัวคำตอบที่จะได้ฟัง สู้หันหลังหนีออกมาเงียบๆดีกว่า

     ยอมแล้ว ผมเข็ดแล้ว ไม่คิดเลยว่าความรักมันจะน่ากลัวขนาดนี้… 



มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เจ็ด(อัพเเล้วคร้าบบบบ) หน้าที่สอง
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 16-04-2017 22:59:40
ต่อจากตอนที่เจ็ดค่ะ


บันทึกของเสือ


     ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืน น้องกวางนี่ก็หลับปุ๋ยไปแล้ว ส่วนผมหลังจากเคลียร์อะไรๆเสร็จแล้วทั้งหมดก็เพิ่งได้มีเวลาเข้าไปอาบน้ำล้างตัวหน่อย เสร็จแล้วก็ว่าจะมานั่งยิงยาวเคาท์ดาวน์ทำงานจนถึงเช้าเหมือนเดิม ทั้งงานราษงานหลวงไม่เคยขาด เรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องลูก  เครียดพอตัวเลยครับ

     ครืดๆ 

     และอยู่ๆเสียงสั่นของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาขัดความเครียดที่กำลังบังเกิด  คนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน…ไอ้ปิง 

     “ฮัลโหล”  ผมกรอกเสียงลงไปทันทีที่กดรับ ปกติถ้าไม่มีอะไรก็จะไม่โทรมานี่   อืม…หรือว่าจะมี

     [อยู่ไหนวะ?]   น้ำเสียงของปิงที่ใช้ถามผมมันติดสั่นเครือนิดๆ   
     มันเป็นอะไรของมัน?

     “อยู่บ้านสิ จะให้ไปไหนล่ะ” ก็ตอบกวนตีนมันแบบที่ทุกทีมันชอบกวนตีนผมนั่นแหละ

     [มารับหน่อยได้ไหม]  แต่ทำไมวันนี้มาแปลก ปกติถ้าไม่ด่าก็จะกวนตีนผมกลับนี่

     “รับที่ไหน?”   สงสัยจะไม่มีอารมณ์เล่น ผมเองก็เป็นพวกที่พอจะรู้กาลเทสะอยู่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรุ่นน้องก็ตาม  ยังไงซะ เราก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง ลองนึกสภาพตอนที่เรากำลังไม่มีอารมณ์ที่จะเล่นอะไรสิ แล้วมาเจอคนที่กวนตีนใส่เรามันน่าหงุดหงิดขนาดไหน

      [ที่XXX] 

     “โอเคๆ”   ว่าแล้วก็กดวางสายไป  แต่วันนี้มาแปลกจริงๆนะมันต้องเป็นอะไรแน่ๆ ตอนเย็นยังเห็นอารมรณ์ดี ดี๊ด๊าอยู่เลย
ก๊อกๆ  “หมาก!”   


ก่อนผมจะออกไปก็เดินมาเคาะประตูห้องไอ้หมากมันก่อน ว่าขอฝากน้องกวางไว้สักแป้ปไปรับไอ้เจ้าของบ้านตัวปัญหาก่อน สงสัยว่าคงจะมีปัญญาเที่ยวแต่ไม่มีปัญญากลับ

     “อะไร?”    พอมันเปิดประตูห้องออกมา เสียงเพลงร็อควงโปรดของมันก็ดังออกมาทันที 

     “ฝากน้องกวางหน่อย เมื่อกี้ปิงมันโทรมาบอกว่าให้ออกไปรับ” 

    “มันอยู่ไหน?”   

     “อยู่XXXน่ะ  สังสัยหารถกลับไม่ได้”   

     “เออๆ  ไปๆรีบไปรับมันเดี๋ยวแม่งโดนฉุดเอาถึงมันจะเป็น ผู้ชายแต่แม่งก็สเป็คเกย์เลยไอ้สัด!” เสียงไอ้หมากดังไล่ตามหลัง     
หือ…ตอนเดินออกมาขาแทบเดินสะดุดกัน

     แล้วแบบผมนี่ถือว่าเป็นเกย์ไหมนี่ยังไม่รู้เลย เพราะจริงๆก็ไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนนะครับ ไม่เคยมีอะไรด้วยเลย(ก็ยกเว้นปิงไว้คนหนึ่ง) ส่วนสาวสวยๆนี่ก็ยังมีใจสั่นอยู่นะ แต่ก็ไม่ได้คิดจะอะไรกับเขานะครับ  ยังไงซะผมก็มีลูกแล้วแค่น้องกวางคนเดียวก็พอ สาวๆคนไหนผมก็ไม่ต้องการแล้ว



     สิบนาทีให้หลัง

     ผมขับรถมาถึงผับที่ไอ้ปิงมันบอกแล้ว ดีหน่อยที่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไรแต่แถวนี้ถ้าเป็นตอนกลางวันแล้วรถติดนี้เผื่อเวลาไว้เลยเป็นชั่วโมง

     ผมขับซูโม่เอ็กซ์ลูกรักมารอไอ้ปิงอยู่หน้าผับได้ห้านาทีแล้ว  เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูนาฬิกาก็ปรากฏว่าเพิ่งเตลิดเที่ยงคืนมาหน่อยๆ  หลังจากนั้นผมก็กดโทรศัพท์โทรหาปิงมันทันที 

     “ถึงแล้ว”  พอมันกดรับสายผมก็บอกมันให้ได้รู้ว่ามาถึงแล้ว

     [ขับรถเตลิดจากร้านมาหน่อยนะ  นี่กำลังเดินรออยู่]   
     เดี๋ยวนะเป็นคนบอกให้ผมมารับแล้วมันจะไปเดินรอทำไม?   

     “อืม”  ผมตอบรับเสียงในลำคอ
     ก็ได้แต่เก็บความแปลกใจไว้ ขับรถออกมาจากหน้าผับตามที่มันบอก  มองหาร่างคุ้นตาของมันที่คงจะกำลังเดินอยู่บนฟุตบาท 


     แล้วก็เจอครับ…

     เจอใครก็ไม่รู้สองสามคนที่กำลังยืนทำอะไรกันสักอย่างอยู่ที่ข้างทาง ตอนแรกก็คิดว่าเป็นไอ้ปิงมัน เพราะลักษณะท่าทางและรูปร่างนี่โคตรเหมือน… เดี๋ยวนะ เหมือนจริงๆว่ะ   

     เหมือนจนผมที่ขับรถเตลิดผ่านมาแล้วต้องรีบจอดรถไว้ข้างฟุตบาทแล้วหันไปดูแทบไม่ทัน 

     นั่นไง ไอ้ปิงจริงๆด้วย!!   

     เฮ้ยยยยยยย!!   แล้วทำไมมันถึงโดนเขารุมกระทืบแบบนี้

     ทันเท่าความคิดผมกระโดดลงจากรถมอ’ไซค์ด้วยความรวดเร็วไม่สนใจอะไรทั้งนั้น  เพราะปิงมันกำลังโดนทำร้าย ถึงมันจะปากหมานิสัยไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้ใครมาทำมันแบบนี้นะ 

     “เห้ยยย!! ปล่อยมันนะเว้ย!!”   ผมวิ่งเข้าไปทันในขณะที่อีกคนมันกำลังล็อคแขนปิงไว้จากทางด้านหลัง และอีกคนตรงหน้าก็กำลังระดมหมัดเข้าใส่ใบหน้าของปิง

     “มึงเป็นใคร!!!”   มันหันมาถามผมด้วยความเกรี้ยวกราด แต่คิดเหรอว่าผมจะกลัว 

     “มึงนั่นแหละเป็นใคร มาทำเหี้ยอะไรน้องกู!?”   ผมพยายามตอบกลับไปด้วยความใจเย็น  ถึงปิงมันจะเคยทำไม่ดีกับผมและน้องกวางไว้แต่ผมก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับมันนะ เพราะตอนนี้มันดีขึ้นมากแล้วจริงๆ  ผมไม่อยากเห็นคนใกล้ตัวมาเจอเรื่องแบบนี้

     “อ้อ!! นี่น้องมึงเหรอ? คราวหลังก็สั่งสอนมันหน่อยนะว่าไม่ควรมายุ่งกับเมียคนอื่น!”   
ฮะ…เมีย?

     พอได้ฟังคำตอบก็อดมองไปหาปิงที่เริ่มจะสลบยืนคอหักคอห้อยรอยเลือดและรอยช้ำกระจายไปทั่วใบหน้า  มองสลับกันกับไอ้คนตัวใหญ่ตรงหน้า เผื่อว่ามันจะเล่นผมทีเผลอ 

     “กูไม่รู้หรอกนะว่ามันทำอะไรกับมึงไว้ แต่มาทำมันอย่างนี้ก็ไม่เกินไปหน่อยเหรอ? คนนะเว้ยไม่ใช่สัตว์ที่คิดจะทำร้ายกันแบบนี้”   แต่ถึงเป็นสัตว์แม่งก็ไม่ควรว่ะ  มันเกินไปจริงๆ 

     “หรือมึงจะเอาด้วย มึงอยากเจ็บตัวใช่ไหม!!”   คราวนี้มันพูดพร้อมกับชี้หน้าผมและเดินเข้ามาหมายจะต่อย  แต่แล้ว…

     “เฮ้ยน้องทำไรกัน นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจนะครับ!!” 
     สิ้นเสียงคำพูดเสียงดังของชายคนหนึ่ง ไอ้คนที่กำลังล็อคตัวปิงไว้ถึงกับปล่อยลงแทบไม่ทัน จนร่างมันนี่เกือบจะลงไปนอนกองที่พื้น ดีที่ผมวิ่งเข้าไปรับไว้ทัน   มันสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่ถึงสองวินาทีก็วิ่งไปขึ้นรถตัวเองในทันที และรีบขับออกไปด้วยความรวดเร็ว 

     “น้องเป็นไรหรือเปล่าครับ?”   ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาดูอาการไอ้ปิง และถามอาการผม

     “ผมไม่เป็นไรครับ แต่น้องผม…”   

     “ไปโรงพยาบาลไหม เดี๋ยวพี่พาไป” 

     “ไปครับไป ขอบคุณมากครับ”   ว่าแล้วผมก็อุ้มร่างปวกเปียกที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและรอยช้ำของไอ้ปิงไปขึ้นรถพี่เขาทันที 

โดนขนาดนี้ไม่สลบก็ให้มันรู้ไป ไม่รู้ว่าจะช้ำในตรงไหนบ้าง แต่ก่อนตอนอยู่ปีหนึ่งก็เคยมีเรื่องมาบ้างเจ็บเอาการเลย ขนาดไม่ได้โดนเยอะขนาดนี้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอย่างไอ้ปิง 

     “เดี๋ยวมอ’ไซค์ของน้อง พี่จะให้น้องชายพี่ขับตามไปนะไม่ต้องห่วง”  เขาหันมาพูดกับผม และหันไปพูดกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้ารถข้างๆเขาว่า “มึงไปขับมอ’ไซค์คันนั้นตามมาหน่อยนะ”   

     ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวออกทันที  ที่จริงผมก็เป็นห่วงรถเหมือนกันแต่ที่ห่วงมากกว่ารถตอนนี้คือปิง  มึงอย่างเป็นอะไรนะไอ้เด็กปากดี   ก็ได้แต่ภาวนาในใจ ผมลูบศีรษะมันด้วยความปลอบประโลม อย่างน้อยก็มันได้รู้สึกตัวว่าเป็นผมที่อยู่ข้างๆมัน ซึ่งตอนนี้มันเอนลงมาซบไหล่ผมอย่างไร้สติ       

     “ขอบคุณพี่มากนะครับ”   ถึงน้ำเสียงและสีหน้าของผมมันจะดูราบเรียบแต่คำขอบคุณผมก็พูดมันออกมาจากใจจริง

     “ไม่เป็นไร แต่พี่ก็ไม่เข้าใจคนอื่นเขาขับรถผ่านไปได้ยังไงไม่คิดจะช่วยกันเลยหรือยังไง”  พี่เขาบ่นด้วยความโมโห

     “แล้วพี่เป็นตำรวจจริงๆหรือเปล่าครับ?”   ถ้าเป็นตำรวจจริงๆนี่ต้องทำอะไรบ้างสิ

     “ไม่ใช่หรอก พี่ขู่มันเฉยๆ ดีที่มันเชื่อ นี่ก็คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้ามันไม่เชื่อจะทำยังไงดี”   
 

     แม่ครับผมเจ็บ…

     ปิงมันละเมอขึ้นมาเสียงเบาผะแผ่ว และสิ่งที่ผมสัมผัสได้ในตอนนี้คือสัมผัสที่ชื้นแฉะตรงบริเวณไหล่ผม มันคงจะละเมอออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลซึม  ท่าทางจะเจ็บมาจริงๆ แล้วไม่รู้ว่ามันโดนเรื่องอะไรกระทบจิตใจมา ถึงละเมอหาแม่และร้องไห้ขนาดนี้

     “ปิงกูอยู่นี่”  ผมรวบตัวปิงเข้ามากอด กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น เพื่อให้มันรู้ว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้ 
ผมไม่สนว่าจะมีคนอยู่ในรถ ไม่ได้สนว่าคนอื่นจะคิดยังไงที่ผู้ชายด้วยกันมานั่งกอดปลอบกันแบบนี้ ยังไงซะมันก็เหมือนน้องผม
คนหนึ่ง

     ตอนนี้ถ้าใครได้เห็นสภาพของปิงแล้วก็คงจะอยากทำแบบผมเหมือนกัน… มันเป็นเด็กที่น่าสงสารนะ ถ้าถูกขัดเกลานิสัยมีคนคอยบอกคอยสอนอีกสักหน่อยมันก็จะเป็นผู้ชายนิสัยดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถึงมันจะกวนตีน ปากหมา กะโหลกกะลา พูดไม่คิดก็เถอะ คนเคยอยู่ด้วยกันทุกวันมันก็ได้เห็นได้สัมผัสอะไรๆที่มากกว่าคนอื่นได้เห็น และความคิดที่ล่องลอยไปไกลก็คืนกลับมาด้วยเสียงละเมอกับการตอบสนองของปิงด้วยการกอดตอบผมแน่นขึ้น     

     อ่า…ไอ้เด็กปากหมา มึงรีบตื่นขึ้นมาเลยนะ อย่าใจเสาะ  กูยังอยากฟังเสียงมึงคอยกวนตีนกูอยู่

     “นี่แฟนน้องหรือเปล่า?”   อยู่ๆพี่เขาก็ถามขึ้น สงสัยจะเห็นว่าผมทำกับมันเกินกว่าที่คนเป็นพี่น้องเขาจะทำกัน

     “ไม่ใช่หรอกครับ รุ่นน้องผมเอง” 

     “ไม่ต้องอายหรอกน่า  สมัยนี้แล้วรู้สึกยังไงก็พูดออกมา พี่ก็มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งอายุก็เข้าขั้นหลักสี่แล้วแต่เพิ่งมารู้ใจตัวเองว่าเป็นคนยังไง”   

     “ตะ แต่”

     “เอาน่า ถ้ายังไม่รู้ใจตัวเองอยู่ต่อไปเดี๋ยวก็รู้ ลองปล่อยใจให้ทำตามที่มันเรียกร้องซะบ้าง”

     “เอ่อ…”   ก็ได้แค่เอ่อ…ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง พูดไปก็คงไม่เข้าใจ ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดไปซะยังไงก็คงไม่ได้เจอกันหรอก  อีกย่างผมมีลูกแล้วผมคงจะมานั่งทำตามใจตัวเองเหมือนที่เขาบอกไม่ได้หรอก ถ้าเกิดน้องกวางโตขึ้นมาแล้วรู้ว่าเขามีพ่อที่มีรสนิยมไม่เหมือนใคร ชอบผู้ชายด้วยกัน เขาคงจะอายน่าดู อาจจะรับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ 

     แต่คงไม่ใช่หรอกมั้ง…ผมว่าผมไม่ได้ชอบปิงมันหรอก   ถึงบางครั้งอาจจะมีใจเต้นแรงบ้างบางครั้งที่ได้เข้าใกล้ ยอมรับเลยก็ได้ว่าพักหลังๆนี้เป็นบ่อย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม  แต่ก็ช่างมันเถอะ เดี๋ยวความรู้สึกมันก็คงจะหายไปเอง อาจจะเป็นเพราะครั้งแรกที่เราเจอกันมันคือวันไนท์แสตนด์ ก็คงเป็นเพราะแบบนั้นที่ทำให้ผมแอบไขว้เขวไปบ้าง 

     แต่ก็หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกนะ ไอ้ความรู้สึกแบบนี้  มันคงจะเป็นไปไม่ได้แน่ๆ…


จบบันทึกของเสือ




 Rewrite 16/7/60
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เเปด(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 16/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-04-2017 00:03:44
 :hao7:


แอร้ยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เเปด(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 16/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 17-04-2017 07:54:51
 :impress2: รอออ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เเปด(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 16/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 17-04-2017 08:55:27
ใจเย็นๆๆๆเสือ ปล่อยปิงไปก่อน ถ้าได้ตอนนี้อีกมีหวังบ้านแตก
ช้าๆๆแล้วค่อยตะครุบจับกินทั้งตัวทั้งหัวใจ อร่อยสุดๆๆๆน่ะ อิอิ
ฉากที่รอคอย หึหึ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เเปด(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 16/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 17-04-2017 17:43:06
 o13
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เเปด(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 16/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-04-2017 20:12:00
ปิงเอ๊ย......ไปคิดถึงนาง ทำไม  :fire:
สงสัยนาง ไม่รู้ด้วยว่า เปอร์ แฟนเก่า ที่ได้มาใหม่ ซ้อมปิง
ด้วยวิธีพิสูจน์บ้าๆบอๆ เล่นกับความรู้สึกคน นางเลวววววว
ปิง ตั้งตัวใหม่ได้และ เลิกรักคนที่เขาไม่เห็นคุณค่าเรา
คิดด้วยว่าใครที่ดีกับปิง ยังไงก็ดีเสมอ
เสือ อย่าตบะแตก เดี๋ยวความสัมพันธ์จะเลวร้าย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เเปด(อัพเเล้วคร้าบบบบ) หน้าที่2
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 21-04-2017 15:08:21
ตอนที่แปด : stay high
 



     ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวไปทั้งตัวอย่างกับว่าร่างมันกำลังจะแหลกสลายไปให้ได้  เมื่อปรับโฟกัสสายตาแล้วสิ่งที่พบก็คือฝ้าเพดานสีขาวและรอบๆห้องนั้นก็มีแต่สีขาว 

     นี่มันไม่ใช่ห้องผมนี่หว่า… 
     
     โอ้ยยยยยยย!! 

     พอกำลังจะลุกเท่านั้นแหละรู้สึกหมดแรงและเจ็บไปตามเนื้อตามตัวหมดเลย

     เดี๋ยวนะขอประมวลผลสักครู่…

     เมื่อคืนนี้หลังจากเล่นใหญ่ทำซึ้งเป็นพระรองต่อหน้าพี่เพลงนี่ก็เดินออกมา มาเรื่อยๆ แล้วก็เรื่อยๆ  แล้วกูก็มานึกได้ว่า จะมาเดินทำห่าอะไร โทรให้แม่งคนมารับสิวะ! สุดท้ายก็เลยเลือกที่จะโทรให้ไอ้เสือมันมารับแล้วหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีใครไม่รู้อยู่ๆก็
ลงจากรถมาล็อคตัวผมไว้ เออเออง่ายๆแม่งโดนรุมกระทืบสัด!  ทีแรกก็งงว่าใครไอ้ฉิบหายแฟนเก่าพี่เพลง ผีมากกก ตั้งแต่เกิดมากูยังไม่เคยตีกับใครเลยครับหัวหน้า แล้วนี่เสือกมาโดนรุมกระทืบ คือที่ตื่นมาได้แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้วอ่ะ 


     เฮ้ออออ   พูดแล้วอยากจะร้องไห้  เรื่องมันเศร้าขอเหล้าเข้มๆหน่อยดิ

     เดี๋ยวนะ…ว่าแต่เมื่อคืนนี้รอดมาได้ยังไงวะ หรือว่าไอ้ห่านั่นพอมันซ้อมเสร็จก็เอากูมาทิ้งไว้หน้าโรงพยาบาล…ตลกละใครจะมาใจดีขนาดนั้น


     “ตื่นแล้วเหรอ?”   
     อ่าว…ไอ้เสือนี่หว่า แล้วมันมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ ทำไมมันถึงเดินออกมาจากห้องน้ำในห้องนี้ได้

     “…”   ผมไม่ได้ตอบแต่ตอนนี้กำลังอ้าปากช้ำค้างไว้อยู่เพราะว่างง 
 
     “ไม่ต้องทำหน้าหมางงขนาดนั้นหรอก กูเป็นคนไปช่วยมึงไว้เอง”  มันตอบเพื่อไข้ข้อข้องใจผมจากนั้นก็ลากเก้าอี้ไม้มานั่งข้างๆเตียง

     “อ่อ…” ผมตอบรับไปเพียงแค่เท่านั้น ไม่ได้ถามอะไรให้มากความผิดกับนิสัยที่ชอบเป็น 

     “เห็นหมอบอกว่าจะเข้ามาตรวจอีกที ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากก็กลับบ้านได้เลย”

     “อือ…” 

     “หิวอะไรไหม?” 

     “หึ…”

     “มึงโอเคใช่ไหม?” 

     “อือ…” 

     “แต่กูว่าไม่ว่ะ” 

     “อือ…”

     “สรุปมึงโอเคหรือไม่โอเค” 

     “อือ…” 

     “ปิง!” 
     กำลังใจลอยเรื่องพี่เพลงอยู่แล้วนี่แม่งมาตะคอกกูหาพระแสงอะไรวะ! 

     “อะไร”   แม้ในใจกำลังจะคิดอะไรที่แม่งโคตรเกรี้ยวกราด แต่เอาเข้าจริงๆแล้วก็ตอบกลับไปได้แค่นั้นแหละ  มันไม่มีอารมณ์ไม่มีแรง ยังไม่อยากจะคุยกับใคร 

     “ถามว่าโอเคไหม?”   คราวนี้ไอ้เสือมันมาแปลกๆนะ ถามแล้วก็ทำหน้าตาจริงจังใส่ปกติเห็นทำแต่หน้าไร้อารมณ์

     “โอเคเรื่องอะไร?”  ก็ถามกลับทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจ ไม่รู้ว่ามันจะรู้เรื่องของผมไหมแต่ดูจากท่าทางแล้วน่าจะรู้ว่ะ 

     “ทุกเรื่อง”  ตอบเสียงเรียบๆ พอๆกับสีหน้าที่กลับมาเป็นปกติเลย เสือคนเดิมอิสคัมแบ็ค   

     “คงจะโอเคแหละ”   

     “กูไม่รู้หรอกนะว่าเพราะอะไรมึงถึงโดนเขากระทืบมาแบบนี้  แต่กูเป็นห่วงมึงนะ… ไอ้หมากก็ห่วง ไอ้ฟาร์มก็ห่วง มีแต่คนห่วงมึง เมื่อคืนพอมันสองคนรู้เรื่องว่ามึงโดนกระทืบก็จะออกมาหามึงกันท่าเดียวดีที่กูห้ามไว้ได้ นี่เดี๋ยวมันสองคนก็คงจะมาหามึงแล้ว เตรียมตัวตอบคำถามเอาก็แล้วกัน” 

     “…”

     “ถ้ามีอะไรอยากจะเล่าให้กูฟังก็ได้นะไม่ต้องเก็บไว้คนเดียว ถึงกูจะช่วยอะไรได้ไม่มากแต่อย่างน้อยกูก็อยู่ข้างๆคอยรับฟังเสมอ” 

     “…”

     “เข้าใจที่กูพูดหรือเปล่า…”  คนข้างๆเอ่ยถามผมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิม 

     “ปิง…”  และน้ำเสียงทุ้มๆก็ถูกกดต่ำเพื่อนเรียกชื่อผมอีกครั้ง

     “อือ…เข้าใจแหละ”  เพิ่งเข้าใจจริงๆถึงการอกหัก ไอ้ตอนอกหักตอนนั้นแม่งสู้ตอนนี้ไม่ได้เลยสักนิด 

     ใครก็ได้พาผมออกไปจากตรงนี้ที ไม่โอเคเลย…

     ตอนนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับมาถึงบ้านก็นอนหมดสภาพเป็นผักเหี่ยวๆที่แม่ค้าขายไม่หมด อย่างที่ไอ้เสือมันพูดจริงๆด้วย พอพี่หมากกับไอ้ฟาร์มมันเข้ามาเท่านั้นแหละ โดนง้างปากตอบคำถามแทบไม่ทัน  แล้วตอนไอ้ฟาร์มรู้เรื่องนะแทบจะรั้งตัวไว้ไม่ทัน ไม่ใช่อะไรมันจะไปต่อยไอ้เปอร์แฟนเก่าพี่เพลงยังไงล่ะ ดีนะที่ห้ามไว้ได้

จริงๆก็แอบเคืองๆพี่เพลงเหมือนกันนะ ทำไมกับไอ้แค่จะพิสูจน์ว่าเค้ายังรักอยู่ไหม? นี่ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?ใจคนทั้งคนเลยนะเว้ย หมายถึงใจกูเนี่ย!ความรู้สึกกูด้วยเสียไปหมดแล้ว  ถ้าเขาบอกผมสักนิดว่ามีคนในใจแล้วก็ยังดี  ผมจะได้เผื่อใจไว้บ้าง จะได้ยับยั้งชั่งใจตัวเองสักหน่อย 

     แต่ก็นั่นแหละครับ คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง…โทษใครไม่ได้ 

     “ปิงโว้ยยยย แดกข้าว!”   เสียงไอ้ฟาร์มครับไม่มีใครหรอก มันยังไม่กลับเห็นมันบอกว่าจะกินข้าวอยู่นี่ก่อนค่ำๆค่อยกลับ 

     “กินข้าว!”  มันเดินเข้ามาเปิดประตูห้องผม

     “ยังไม่หิว…กินก่อนเลย”   นี่ก็ได้แต่ตอบเสียงเบาหวิว เพราะขยับปากมากไม่ได้ไงเดี๋ยวแผลปริ

     “มาแดกเร็วๆอย่ามาใจเสาะ กูซื้อโจ๊กมาให้ด้วยเนี่ย”   

     “ใจเสาะห่าอะไร ก็กูไม่หิวจริงๆ” 

     “อย่างมึงแค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว มาแดกเร็วๆอย่าให้กูลาก”   
     เออครับ…สรุปจะเป็นพ่อจริงๆไม่ได้เป็นเพื่อนใช่มั้ย  ครุ่นครีสสสส
 
     สุดท้ายก็เสนอหน้าแห้งๆของกูมานั่งตรงโต๊ะอาหารนี่แหละ เพราะไอ้ฟาร์มแม่งคนจริงถ้ามันบอกจะลากนี่คือลากไม่มีการพยุงแต่อย่างใด ส่วนสองพ่อลูกนั่นก็ไม่อยู่หรอกสงสัยจะไปทำงานแล้ว พี่หมากนี่ก็ไม่เห็นไปไม่รู้ไปไหน เลยมีแค่ผมกับไอ้ฟาร์มที่อยู่กันแค่สองคน

และการแดกข้าวที่ทรมานที่สุดในโลกก็สิ้นสุดลงตบท้ายด้วยยาหลังอาหารที่โรงพยาบาลจัดมาให้ เสร็จสิ้นกิจทุกอย่างก็ได้เวลาอันขออันเชิญตัวเองไปเข้าเฝ้าพระอินทร์แล้ว… ง่วงบรรลัย ระทมสุดชีวิต



     สองวันต่อมา…

     ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้วพอสมควร วันนี้ก็เพิ่งหอบสารร่างมามหาลัยได้นี่แหละ  พวกไอ้โก้ไอ้เจมส์มันก็พอรู้เรื่องอยู่บ้างมันเลยคอยช่วยจดเลกเชอร์และตามงานไว้ให้อยู่

     “สรุปเรื่องพี่เพลงนี่ยังไงวะ?”   โก้มันเดินมาถึงวางกระเป๋าสะพายไว้บนโต๊ะจากนั้นก็ถามขึ้นทันที เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้เล่าให้มันสองคนฟังไงคงจะอยากรู้กันใจจะขาดแล้วล่ะมั้งนั่น

     “เออๆไหนๆเล่ามาสิเพื่อนอุตส่าห์อดกลั้นไว้รอฟังกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา”  เจมส์ครับไม่ค่อยเสือกเลยนะครับเพื่อน

     “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ตอนแรกก็คิดว่าพี่เพลงแม่งก็คงจะชอบกูบ้างแหละแต่สุดท้ายที่ทำไปทั้งหมดก็แค่อยากประชดแฟนเก่า อยากจะพิสูจน์ความรักบ้าบออะไรนั่นก็ไม่รู้ แล้วแฟนเก่าเขาแม่งก็เสือกหึงไงมารุมกระทืบกูตอนทีเผลอก็แค่นั้น…” 

     “ไม่แค่แล้วนะกูว่า…ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนใสใส ไหงทำไมเป็นงี้วะ?”  เจมส์

     “กูจะไปรู้เหรอ…ช่างแม่งเถอะเรื่องมันผ่านมาแล้ว” 

     “แล้วใครเป็นคนช่วยมึงวะ?”  โก้ 

     แหม…เอาซะกูไม่อยากพูดเลย 

     “ไอ้เสือน่ะ”   สุดท้ายก็พูดนั่นแหละครับ...ก็มันไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้วนี่นา อีกอย่างเรื่องนั้นถ้าผมไม่พูดมันไม่พูดก็ไม่มีใครรู้หรอก…

     ”เสือไหนวะ?”  เจมส์

     “เออ…เสือไหนวะ?”  โก้ 
     โว้ยยยยยยพวกควายทีอย่างนี้ละทำมาเป็นไม่รู้ ห่านนนนนนนน

     “ก็เสือคนที่กูเมาแล้วเสนอหน้าไปนั่งกินเหล้ากับเขาตอนนั้นไง ที่มึงบอกว่าเมียแม่งสวยๆไง  ไอ้โก้มึงจำได้ไหม?”   ว่าแล้ว
ไอ้โก้มันก็ทำหน้าตาครุ่นคิดสักพักก่อนจะร้องอ๋อออกมา อารมณ์แบบว่าถึงบ้างอ้อออออออออ

     “แล้วเขาไปช่วยมึงได้ไงวะ?”   เจมส์ 
     บางครั้งนี้ก็เป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยอยากจะเล่าด้วยน่ะนะ ไม่อยากตอบเยอะพวกมันชอบถามแบบล้วงลึกเจาะลึกไง

     “จำที่กูเคยบอกได้ไหมว่าจะแบ่งบ้านให้คนมาเช่า”  แต่สุดท้ายก็ต้องเล่า จะเล่าแบบคร่าวๆแล้วกัน

     “อาหะ…จำได้”  เจมส์

     “นั่นแหละ เป็นไอ้เสือเป็นคนที่มาเช่า แล้ววันนั้นกูเห็นว่ามันมีรถก็เลยโทรมันมารับไง ก็แค่นั้น…”

     “อ๋อออออออออออ” 
     แล้วมันก็ถึงบางอ้อด้วยกันอย่างพร้อมเพียง


     วันนี้อาจารย์ยกคลาสเลยเป็นอะไรที่โคตรดี แต่แม่งก็เหงาเพราะไม่รู้จะทำอะไรไงไอ้ฟาร์มก็ติดเรียนไอ้โก้ไอ้เจมส์ก็ไม่รู้ไปตายห่าที่ไหนสุดท้ายด้วยความฟุ้งซ่านเลยหนีมานั่งดูหนังอยู่คนเดียวนี่แหละ  สภาพช่วงนี้อาจจะหมดอาลัยตายอยากมากก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ…แม่งยังทำใจไม่ได้เลย 

     คนรอบข้างอาจจะมองว่าผมเหมือนเดิมไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนไปไม่ได้มานั่งเศร้าร้องไห้ฟูมฟายในทางกลับกัน กลับหัวเราะและปล่อยมุขทำตัวเฮฮาปาร์ตี้เหมือนเดิม แต่อยากจะบอกว่าที่จริงแม่งไม่ใช่เลยยอมรับก็ได้ว่าฝืน… แม่งฝืนโคตรๆ 
     เพราะไม่อยากที่จะให้ใครมาห่วง มายุ่งวุ่นวายมาปลอบใจ แม่งมันไม่คูล…เจ็บเองก็ต้องหายเองสิวะ 
     แต่ตอนนี้หัวใจผมกำลังถูกเหยียบย่ำลงที่พื้นดินอีกครั้งเข้าจนได้…
   
     ในระหว่างที่กำลังนั่งรอรอบหนังด้วยสภาพแห้งเหี่ยวไม่มีชีวิตชีวาอย่างกับผีตายซากอยู่ที่หน้าโรงหนังผมก็ได้เจอกับชายหญิงคู่หนึ่ง…

     พี่เพลงกับแฟนเก่าที่ท่าทางตอนนี้จะกลายมาเป็นแฟนใหม่แล้ว   
     ท่าทางพี่เพลงตอนนี้ดูมีความสุขมากเขาเดินเคียงคู่กันมาพร้อมๆกับรอยยิ้มที่กำลังประดับอยู่บนใบหน้า และรอยยิ้มนั่นก็ทำให้ผมแทบละสายตาไม่ได้เลย…เหมือนกับเฉกเช่นทุกครั้ง

     เจ็บไปถึงขั้วหัวใจ แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะรับรู้… 
     ทำไมเขายังคงมีความสุขได้ทั้งที่ผมแม่งเจ็บจะตายห่าอยู่แล้ววะ…
     
     ทำไม…
 

   บันทึกของเสือ

     ผมเพิ่งกลับมาจา
กร้านอาหารที่ไปทำงานพาร์ทไทม์ด้วยสภาพที่โคตรสะบักสบอม ไม่ใช่ว่าไม่ตีกับใครมานะครับแต่เพราะวันนี้งานมันเยอะมากต่างหากอีกอย่างมีงานที่มหาลัยที่ต้องรับผิดชอบ โห...กะจะเล่นกันให้ตายไปข้าง แถมวันนี้ต้องมานั่งทบทวนความรู้ที่จะต้องเอาไปติวให้รุ่นน้องที่มาจ้างไปติวพรุ่งนี้ด้วย เอาเวลาไหนนอนถามใจดู…ตอนนี้เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการให้หนึ่งวันไม่ได้มีแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงอยากจะให้มีสักร้อยชั่วโมง เพราะยี่สิบสี่ชั่วโมงสำหรับผมเห็นได้ว่ามันคงไม่พอ 

วันนี้เนื่องจากทั้งงานราษงานหลวงต่อแถวเรียงรายมาไม่ขาดสายผมเลยต้องฝากน้องกวางไว้กับน้าเล็กแทน คืนนี้เลยกะว่าจะรีบเคลียร์งานให้หมดและเริ่มรับงานใหม่ที่กำลังจะเข้ามา เพราะนี่ก็ใกล้สิ้นเดือนแล้วค่าบ้าน ค่านมลูกแพมเพิร์สและอีกมากมาย ไหนจะของผมอีกต่างหาก  ไอ้เงินที่หามาได้ทุกวันนี้ก็เหมือนเป็นเพียงแค่ตัวเลขเห็นด้วยตาแต่สัมผัสไม่ได้ เข้ามาแล้วก็ไหลออกไป เดือนนึงจะเจียดมาเก็บก็ยังยาก

แต่ก็ต้องเก็บให้ได้เพราะอนาคตมองๆดูแล้วก็นั่นแหละครับ…ภาระอันหนักหน่วงมันกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เพราะอีกสองปีน้องกวางก็ต้องเริ่มเข้าเตรียมอนุบาลแล้ว แต่ถ้าถึงตอนนั้นผมก็คงจะดีหน่อยเพราะคงจะใกล้เรียนจบแล้ว ก็จะได้มีงานเป็นหลักเป็นแหล่งสักที…  ก็คิดไว้เหมือนกันแหละว่าถ้าทำงานได้สักพักมีเงินเก็บสักก้อนก็อยากจะออกมาเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองหรือธุรกิจอะไรสักอย่างอยากเป็นนายตัวเอง  อยากจะสร้างรากฐานไว้ให้ลูก โตขึ้นมาจะต้องไม่ได้มาลำบากแบบผม แต่ก่อนนั้นผมก็คงจะสอนเรื่องความลำบากในชีวิตให้เขาได้รู้ให้เขาต้องเผชิญบ้าง ไม่งั้นก็คงจะทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง  อดทนไม่ได้  อยู่ที่ไหนก็ไม่รอด… 

แต่ตอนนี้ผมควรปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคตไว้ก่อนดีกว่า  เพราะคงต้องขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เนื่องจากชุดนักศึกษาตอนนี้โคตรเหม็นเหงื่อและก็เหนียวตัวขั้นสุดยอด 


บ้านเงียบอย่างนี้ไอ้ปิงคงยังไม่กลับมาแน่ๆ ไอ้หมากเองก็เหมือนกัน ทั้งบ้านตอนนี้ก็มีแค่ผมนี่แหละ จะว่าไปไอ้หมากมันก็ค่อนข้างเป็นเพื่อนร่วมบ้านที่ดีเหมือนกันพอว่างๆมันก็ชอบมาช่วยนั่งเลี้ยงน้องกวาง  มันเคยบอกว่าปกติจะไม่ค่อยสันทัดกับเด็กน้อยเท่าไร แต่กับน้องกวางนี่คือข้อยกเว้น กลับกันมันชอบมาเล่นกับน้องกวางมากวันไหนนึกคึกนี่ถึงกับขอน้องกวางไปนอนด้วยเลย แต่ก็ให้ไปนอนนั่นแหละเพราะยัยเด็กอ้วนก็ดูเหมือนว่าจะถูกคอกับไอ้หมากไม่น้อยเลย จนตอนนี้คงลืมไปแล้วมั้งว่าใครเป็นพ่อ…พูดแล้วก็แอบน้อยใจลูก 


ส่วนไอ้อีกคนน่ะเหรอ…หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ไม่สิตั้งแต่ที่อยู่ในโรงพยาบาลต่างหากก็ดูเหมือนว่ามันแม่งโคตรจะใจลอย ข้าวน้ำไม่กินพูดน้อยกว่าปกติเหมือนว่ามันพยายามทำให้ตัวเองมีความสุขแต่ใครมันจะไปเชื่อวะ ถ้าให้มันเป็นแบบนี้สู้ขอฟังเสียงมันตอนเวลามันปากหมาซะยังจะดีกว่า  ช่วงนี้เลยเป็นช่วงของคนอกหักอย่างเต็มรูปแบบมันก็คงจะเฮิร์ทพอตัว ได้ข่าวว่า
นี่เป็นรักแรกของมันด้วยนี่…

ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดี ก็บอกมันเสมอว่าจะคอยอยู่ข้างๆไม่ไปไหน ที่บอกว่าจะอยู่ข้างนี่พูดจริงๆนะครับไม่ได้สักแต่จะพูดเอาแค่ปลอบใจ ขอแค่มันพูดมาผมก็พร้อมจะรับฟัง  ปิงน่ะถึงจะนิสัยแย่ยังไงแต่ตอนนี้มันก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วนะ ผมมีความรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมือนช่วงแรกๆที่ผมได้เจอแล้ว แต่อาจจะต้องใช้เวลาขัดเกลามันสักหน่อยเพื่ออะไรๆที่ดีกว่าเดิม

แต่ก่อนมันแม่งโคตรน่าหมั่นไส้อันนี้ยอมรับ แต่พอมาเห็นสภาพมันตอนนี้แล้วโคตรน่าสงสาร…ก็คนมันเคยเป็นมาก่อนไง โคตรเข้าใจความรู้สึก ถึงแม้ว่ามันจะคนละรูปแบบคนละเหตุการณ์แต่ยังไงซะถ้ามันเป็นเรื่องที่มีสาเหตุมาจากความรักมันก็ต้องลงท้ายความเจ็บปวดดีๆนี่เอง ซึ่งมันบอกไม่ได้เลยว่าแบบไหนเจ็บมากกว่ากัน บางเรื่องสำหรับเรามันอาจจะเล็กน้อยแต่สำหรับเขามันคือเรื่องใหญ่ เพราะงั้นผมเลยมักจะเลี่ยงคำพูดที่ประมาณว่า ‘กูโดนมากนักกว่ามึงเยอะ แค่นี้ชิลๆ  ’  ซึ่งผมจะไม่พูดมันออกมาเลย  เอาล่ะครับตอนนี้ผมควรที่จะเลิกพูดมากสักทีแล้วไปจัดการตัวเองเพื่อที่จะได้มานั่งเคลียร์งานให้เสร็จได้แล้วนะผมว่า


     Rrrrrrrrrrrrrr
     พอกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาทันที... ทำไมก่อนหน้านี้ไม่โทรมาวะ พอถึงจุดไคลแม็กซ์ทีไรนี่โดนขัดจังหวะตลอด…

     เบอร์ไอ้ปิงนี่หว่า…   มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่าเนี่ย? 

     [ฮัลโหลใช่คุณเสือรึเปล่าครับ]  พอผมกดรับคนที่โทรมาก็ถามขึ้นทันที  แต่เสียงนั้นแปลกไปรู้เลยว่าไม่ใช่ปิงแน่ๆ 
 
     “ใช่ครับนั่นใครครับ…ทำไมโทรศัพท์น้องผมถึงได้” 

     [อ๋อ ผมไม่รู้จักน้องคนนี้หรอกครับพอดีผ่านมาแล้วเห็นเขากำลังนอนอยู่ตรงสวนสาธารณะซอยชื่นฤดี ดูท่าทางว่าเขาจะเมาด้วย ผมปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่นคุยยังไงก็คุยไม่รู้เรื่องเลยถือวิสาสะเอาโทรศัพท์น้องเขาโทรมานี่แหละครับ ไม่รู้จะโทรเบอร์ใครเลย
กดโทรออกเบอร์ล่าสุดเลย]

     “อ่า…ขอบคุณมากครับเดี๋ยวผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
     เป็นบ้าอะไรอีกวะเนี่ยทำไมไปนอนเมาไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างนั้นได้
   
     ทันเท่าความคิดหลังจากวางสายแล้วผมก็รีบวิ่งออกมาเพื่อที่จะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ทันที…แต่แม่ง
     
     สตาร์ทไม่ติดว่ะ…น้ำมันหมด 
     ขับมาเมื่อกี้แม่งก็ลืมเติม ฉิบหายแล้วจะทำยังไงล่ะไอ้ซอยชื่นฤดีนี่ก็ไม่ได้ใกล้ๆนะถ้าสำหรับคนเดินไปแต่ถ้าขับรถแม่งก็แป้บเดียวไง  ดึกขนาดนี้แล้วร้านค้าขนาดย่อมที่จะขายน้ำมันเป็นขวดๆก็ปิดแล้วซะด้วย


     ก็มีทางเดียวนั่นแหละ…เดิน 

     ก็ได้วะเดินก็เดิน!!



     อย่าเรียกว่าเดินเลยครับเรียกว่าวิ่งดีกว่าเพราะว่าก็กลัวจะมีใครมาทำอะไรมันเข้า เมาที่ไหนไม่เมาเสือกมาเมาที่สวนสาธารณะ
โว้ยยย จะบ้าตายถ้าเมาที่บ้านนี่จะไม่อะไรเลยนะ เมาๆแล้วก็นอนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง แล้วนี่ดูดิ! ทำตัวแม่งให้เป็นห่วงตลอด ให้ตายสิวะ! ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวจะสวดให้ยับเลยคอยดู!

     แฮ่กๆ! เหนื่อยฉิบหายหอบแดกเลย ทำไมต้องมาคอยทำอะไรแบบนี้ด้วยวะเนี่ยเป็นลูกกูหรือไง? 

     “น้องใช่คนที่ชื่อเสือหรือเปล่าครับ”  พอมาถึงตรงสวนสารธารณะซอยชื่นฤดีก็มายืนเกาะอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่เพื่อหายใจหายคอก่อน  แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาถามท่าทางจะอายุเยอะกว่าผมอยู่พอตัว

     “ค ครับ” 

     “โอเค…ดูแลน้องดีๆล่ะท่าทางจะอกหักมานี่ก็เพ้อใหญ่เลย”
     เขาพูดพร้อมกับเดินมาตบไหล่และยื่นโทรศัพท์ไอ้ปิงให้ผม

     “คราวหลังก็อย่าปล่อยให้มาเมาแบบนี้ล่ะ ถ้าโชคไม่ดีเจอพวกเลวๆก็ซวยเลยนะ” 

     “ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่” ผมพูดแล้วก็ยกมือไหว้เขาก่อนที่เขาจะเดินออกไป
     ต้องขอบคุณเขาจริงๆ ขอบคุณที่คนดีๆแบบพี่แม่งมาเจอไอ้ปิงมันได้ คิดไม่ออกเลยว่าถ้าพวกเหี้ยๆมันมาเจอจะเกิดอะไรขึ้น…
 
     “ปิง”  ผมเรียกชื่อมันพร้อมกับเดินมานั่งยองๆใกล้มันซึ่งกำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นหญ้า รอบๆตัวเกลื่อนกราดไปด้วยขวดเบียร์ 

     “ฮือออออออ”  มันพลิกตัวหนีทันทีที่ผมจับและครางอื้ออึงออกมาด้วยท่าทีที่โคตรจะบ่งบอกว่ารำคาญ

     “ปิงลุกขึ้นมาก่อน…”   ผมดึงแขนมันให้ลุกขึ้น แต่มันก็ยังคงนอนทำตัวอ่อนปวกเปียกอยู่เหมือนเดิมเลยจัดการเอากระเป๋าเป้ของมันมาสพายไว้ข้างหน้าและดึงไอ้ปิงให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง  อย่าหาว่าตัวมันเบาเชียวไอ้นี่แม่งตัวโคตรหนัก!

     “ฮืออออ แม่จ๋าปิงจานอนนนนนน”   มันบ่นเสียงยานคางอื้ออึงในลำคอแต่ผมก็พอที่จะจับใจความออกว่ามันพูดว่าอะไร 
พอไม่ได้สติทีไรแล้วคิดถึงแม่ทุกทีเลยมันเนี่ย แต่ก็เข้าใจแหละมันคงจะคิดถึงแม่มากจริงๆผมเองก็ยังคิดถึงเลย

     “ลุกมานี่ก่อน เดินไหวไหม?”  พอผมจับมันลุกขึ้นมาได้ก็ประคองร่างอันปวกเปียกของมันไว้แทบจะจมอก สูงเกือบพอๆกันก็จริง แต่ตัวมันบางกว่าเลยดูเล็กกว่าไปอย่าถนัดตาเลย 

     “ปิงเดินดีๆ”   เห็นท่าว่าพยุงมันเดินกลับจะไม่เวิร์คเอาซะแล้ว…

     “จานอนแล้ววว อย่ามากวนนนนน”   แม้ลิ้นจะพันกันขนาดไหน แต่ก็ยังไม่ยอมที่จะหยุดพูด   

     “มานี่มา!” 


     ฮึบบบ! 
     ผมตัดสินใจอาศัยตอนที่ปิงกำลังเคลิ้มๆและไม่มีแรงพลิกเอามันมาอยู่ข้างหลัง จากนั้นก็จัดการอุ้มให้อยู่บนหลังผมพอดี 
อืม…สุดท้ายก็ต้องแบกเด็กขี้เมากลับ บอกแล้วไงซอยชื่นฤดีเวลาที่ขับรถมาน่ะมันก็ใกล้แต่ถ้าได้เดินแล้วนั้นแม่งโคตรไกล 

     “ฮืออออออ ทามมายมานแข็งจางกูนอนอยู่โบนปูนนนเหรอออออ”  ขี้เมาแล้วก็ยังคงปากหมาเหมือนเดิม หลุดมาจนได้สิน่า สำนึกไว้บ้างนะมึงว่ากูอุตส่าห์มาแบกมึงกลับบ้านเนี่ย 

     “แข็งแต่แม่งงงงงก้อออออู่นนนนนนนนนน”   คราวนี้มันไม่พูดเฉยแต่กับอ้าสองแขนที่แทบจะไม่มีแรงของมันให้กว้างขึ้นแล้วเปลี่ยนมาเป็นโอบรอบลำตัวตรงช่วงหน้าอกผมแทน…  มันใช้สองแขนนั่นโอบรัดตัวผมจนเกือบมิด

     ผมรู้สึกถึงอัตราการเต้นแรงหัวใจของตัวเองที่มันมีมากขึ้นกว่าปกติ   
     และมันก็เต้นแรงมากว่าเดิมเมื่อลมหายใจร้อนๆที่มีกลิ่นของแอลกอฮอลล์ผสมปนเปอยู่กำลังรินลดลงบนต้นคอผม…

     “ป ปิงมึงเอาหน้าออกไปไกลๆดิ”   ผมไม่ปล่อยให้ตัวจมอยู่กับความคิดแปลกๆนี้โดยเด็ดขาด ยิ่งอยู่อย่างนี้ยิ่งคิดเตลิดเปิดเปิง กลัวว่าถ้ามันไกลออกไปมากว่านี้มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ… จะทำอะไรก็คิดถึงหน้าลูกเข้าไว้


     ฮึกกกก… ฮืออออออ
     และความคิดที่กำลังฟุ้งซ่านที่ตีรวนอยู่ภายในอกก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงสะอื้นของคนบนหลังที่กำลังแบกอยู่ 

     “ปิงเป็นอะไร?”   ก็ยังคงถามมันทั้งที่คิดอยู่แล้วว่าคงจะไม่ได้คำตอบ

     “ฮืออออออ…”  เอาแล้วครับมันร้องไห้ใหญ่เลย น้ำตานี่เปื้อนเต็มหลังผมแล้ว 

     “น เหนื่อย…”  นี่เป็นคำตอบหรือว่ามันละเมอกันนะ…

     “เหนื่อยก็พักสิ”  พอผมตอบกลับไปเสียงสะอื้นนั้นก็หยุดลง…อืมละเมอสินะ
ดูท่าว่ามันจะหลับไปแล้ว…ตอนนี้ก็คืองงใจมากว่าทำไมมันถึงไปนั่งกินเหล้าอยู่ที่สวนสารธารณะข้างนอกได้ ทำไมไม่กลับมากินที่บ้านดีๆ ถ้าเครียดมากถึงกับขนาดต้องพึ่งเหล้าน่ะนะ


ผมแบกมันมาถึงบ้านแล้วตรงดิ่งเข้าไปในห้องเลยทันที สภาพตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงทั้งผมและทั้งมันบอกได้คำเดียวว่า…เละ!เหงื่อท่วมตัว ทั้งเหม็นทั้งเหนียวตัวไปหมดแล้ว โคตรร้อนอยากอาบน้ำ แต่ก็ยังทำไม่ได้ต้องจัดการไอ้คนที่กำลังนอนเมาอยู่บนเตียงนี่ก่อน รู้สึกเหมือนได้ลูกเพิ่มอีกคนเลย

      “ปิงนอนดีๆ จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้”   พูดออกมานี่ก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เหมือนผมกำลังนั่งพูดคนเดียวหันหน้าเข้ากำแพงอะไรทำนองนี้ เพราะมันไม่ฟังผมเลยตั้งท่าจะดิ้นหนีอย่างเดียว

     สุดท้ายจับไปจับมาเสือผ้าก็หลุดออกหมดจากตัวเหลือไว้แค่บ๊อกเซอร์เก่าๆสีซีดๆที่มันชอบใส่เป็นประจำ ปล่อยให้ปิงนอนอยู่อย่างนั้นได้ไม่นานผมก็ออกมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำที่เอาเช็ดตัวให้อย่างน้อยก็จะได้ไม่เหนียวตัว   

     ฮือออ…ฮึก…

     นั่นไงเสียงสะอื้นมันมาอีกแล้ว ผมที่กำลังไล้ผ้าชุบน้ำเปียกๆไปตามตัวมันจนเกือบจะเสร็จแล้วกลับต้องหยุดชะงักเพราะมันเล่นสะอื้นออกมาอีกแล้ว


     อย่าร้องไห้ได้ไหมวะ… 

     “ปิง…เป็นอะไร?”  ผมหยุดการกระทำทุกอย่างลงและเอื้อมมือไปเช็ดน้ำสีใสที่กำลังไหลออกมาจากหางตาให้ 

     “เหนื่อยจังเลย ทำไมมันเหนื่อยแบบนี้”  มันพึมพำเสียงเบามากแต่เพราะห้องนี้เงียบเกินไปได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศมันก็เลยทำให้ผมได้ยินประโยคเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจน

     “บอกแล้วไงว่าเหนื่อยก็ให้พัก”   

     “ทำไม…มันเจ็บแบบนี้”  คราวนี้ไม่พูดเปล่า มือนิ่มนั่นก็คว้าหมับเข้าที่มือของผมซึ่งตอนนี้กำลังคอยเช็ดน้ำตาให้อยู่แล้วเอาเข้าไปแนบที่ข้างแก้มของเจ้าตัว

     ฮึก… 

     มีแค่เสียงสะอื้นของมันที่ยังคงอยู่ คราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าผมเลยอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมืออีกข้างไปเช็ดออกให้

     “ไอ้เสือ…”   

     “อยู่นี่…”  ผมตอบกลับไปซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหูมันรึเปล่า ตอนนี้มือของผมทั้งสองข้างเปลี่ยนจากที่กำลังเช็ดน้ำตาและให้มันได้จับไว้มาเป็นกำลังกอบกุมใบหน้าน่ารักไว้ในมืออุ้งมือทั้งสองข้างแทน


     ฮืออออออ…

     หมับ! 

     ในเมื่อมันยังไม่หยุดร้องผมก็คว้ามันเข้ามากอดและกดหน้ามันเข้าที่แผงอกจนน้ำตาที่กำลังไหลซึมออกมานั้นเปรอะเปื้อนเต็มเสื้อนักศึกษาผมเลย พอเสียงสะอื้นนั้นหยุดลงผมก็ปล่อยให้มันเป็นอิสระทันที

     เจ็บมากล่ะสิมึง...ทนหน่อยก็แล้วกันเดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้ว  ผมก็ได้แต่บอกมันในใจเพราะถึงตอนนี้บอกมันไปยังไงก็คงไม่รับรู้ 

     แต่สิ่งหนึ่งในตอนนี้ผมก็ได้รู้ว่า… ผมละสายตาจากปิงไม่ได้เลย

     ทำไมยิ่งมองก็ยิ่งอยากครอบครอง…

     และทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้…

     หรือผมจะชอบผู้ชายงั้นเหรอ?…เพราะว่าตอนนี้ผมรู้สึกอยากจูบไอ้ปิงมาก

     ไม่รอช้าที่จะนั่งให้ความอยากมันครอบครอง  ตอนนี้ความปรารถนาของผมมันสั่งให้ผมทำตามที่ใจต้องการให้ได้ในที่สุด ผมประกบปากจูบริมฝีปากบางนั่นอย่างอดไม่ได้ บดขยี้มันลงไปด้วยความกระหายแต่ก็ยังคงไม่ได้ลุกล้ำมันเข้าไป

     ทั้งที่บอกตัวเองไว้แล้วว่าแค่จูบแต่ตอนนี้ทำไม ไอ้สิ่งที่ทำอยู่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่พอ…อยากจะกลืนกินให้หมดทั้งตัวเดี๋ยวนี้เลยได้ไหม กลิ่นและฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงคั่งค้างอยู่ภายในโพรงปากและปลายลิ้นของปิงมันทำให้ผมเคลิบเคลิ้มและมัวเมายิ่งกว่ากินเหล้าเพรียวๆซะอีก


      อือ… 

     คนใต้ร่างที่กำลังโดนครอบครองริมฝีปากอยู่นั้นครางอื้ออึงออกมาด้วยความขัดใจ และไอ้ปฏิกิริยาแบบนี้มันยิ่งทำให้ผมโคตรมีอารมณ์ ตอนนี้ทุกสิ่งอย่างมันเตลิดเปิดเปิงไปหมดยากที่จะควบคุม ยิ่งนึกถึงลมหายใจร้อนๆของมันที่เคยรินรดตรงต้นคอ มันยิ่งทำให้จินตนาการตอนนี้ก้าวไปไกลมากกว่าเดิม…คิดไม่ออกเลยว่าถ้ามันมารินรดอยู่บนตัวผมอีกครั้งมันจะเป็นยังไง  มันจะร้อนมากขนาดไหน…


     จากจูบที่แค่บดขยี้แต่ไม่รุกล้ำตอนนี้นั้นผมส่งเรียวลิ้นซอกซอนเข้าไปในโพรงปากของคนใต้ร่างอย่างอดไม่ได้ เจ้าตัวที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้สติเท่าไรก็จูบตอบรับผมกลับมาด้วยความเงอะงะไม่ประสีประสา ผมสำรวจภายในโพรงปากนั่นจนทั่วทุก
ซอกมุมดูดดึงคราบแอลกอฮอล์ออกมาจนเกือบหมดสิ้นกลับกลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังมัวเมาซะเอง 

มือไม้ของปิงตอนนี้ก็ไม่อยู่นิ่งมันปัดป่ายและลูบไร้ไปทั่วแผงอกและแผ่นหลังของผมก่อนจะวกกลับเข้ามากอดที่ลำคอผมไว้แน่น บดเบียดแนบชิดแผ่นอกของมันที่ว่างเปล่าไร้ซึ้งสิ่งปิดกั้นเข้าหาผมอย่างแนบชิด


     อ่า…ผมทนไม่ไหวแล้ว




     TBC...

      Rewrite 16/7/60











 

   
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เก้า(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 21/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-04-2017 23:02:22
ใช่แล้ว ปิง หมดเวลาเศร้าโศกเสียใจแล้ว
ไม่ดีทั้งกับตัวเอง เพื่อน คนรอบข้าง
ชะนีเพลง ก็ไม่ได้มารับรู้อะไรเลย
ฟาร์ม ก็อยากให้ปิง ดีขึ้นก็เฮิร์ทไปและ
เพราะปิง เก็บตัว ไม่บอกเพื่อน ถอยห่างเพื่อนๆ
การเรียนก็เสีย ไม่ไปเรียน เรียนไม่รู้เรื่อง
พี่เสือ เก่งมากควบคุมอารมณ์หวั่นไหวได้
ให้คำแนะนำที่ดีกับปิง การสู้ชีวิต
การก้าวผ่านความทุกข์ จนปิงยอมรับความดี
ยอมเรียกเสือ ว่า "พี่เสือ" แล้ว
จริงควรเรียกพี่เสือตั้งนานแล้ว เพราะวัยวุฒิ คุณวุฒิ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เก้า(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 21/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-04-2017 00:13:21
 o13


ว้าวววว
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เก้า(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 21/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-04-2017 01:15:42
สงสารน้องจังแต่ก็เข้าใจอารมณ์นี้นะว่าเป็นยังไง ขอให้ดีขึ้นไวๆ นะน้องปิง
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เก้า(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 21/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 22-04-2017 09:56:36
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่เก้า(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 24-04-2017 16:03:20
ตอนที่เก้า : ยอมรับ ก้าวผ่าน เเละเริ่มต้นใหม่




     อ้วกกกก!!

     ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาสมองที่กำลังประมวลผลอยู่นั้นก็ถูกขัดขึ้นมาด้วยอาการบางอย่างที่เรียกว่าอาเจียน… แหม่หมดไส้หมดพุงเลยครับหัวหน้า

     อ้วกกกก!!

     ยังอีก…ยังไม่หยุดอ้วกอีก
     โอยยยยยย…หมดแรงเลยสภาพตอนนี้ไม่ต้องบรรยายเลยอยากให้นึกถึงความเหี้ยเข้าไว้นั่นแหละไอ้ปิงในตอนนี้  นี่ก็นั่งกอดโถส้วมประหนึ่งว่ามันคือคู่ชีวิต โอยยยยยกูเกลียดการอ้วกที่สุดในโลก ช่วยด้วยยยยยยยยย

     อ้วกกกกกก!!

     และในที่สุดอะไรต่างๆที่กินมาเมื่อวานก็ขย้อนอกมาจนหมดไส้หมดพุงจนตอนนี้นี่ขมคอไปหมดน้ำหูน้ำตาไหลออกมาจนเช็ดแทบไม่ทัน

     เมื่อวานพอกลับมาจากไปดูหนังก็เลยหอบสารร่างมานั่งเหงาๆคนเดียวที่สวนสาธารณะซอยชื่นฤดีซึ่งมันอยู่ใกล้ๆแถวบ้านผมนี่แหละ ตอนแรกนั่งไปนั่งมาก็ดันมาฟุ้งซ่านสาเหตุไม่ต้องถามมากก็เพาะคิดถึงพี่เพลงไง ภาพตอนที่เขาเดินมาพร้อมกับแฟนของเขานั้นลอยวนเวียนอยู่ในหัวผมไม่ไปไหนก็เลยต้องหาอะไรทำให้ตัวเองเลิกคิดเลิกฟุ้งซ่านสักที แต่พอฟังเพลงก็แล้วเอาหนังสือเรียนในกระเป๋ามาอ่านก็แล้ว สมองโง่ๆของผมก็ยังไม่หยุดคิดสักทีและที่พึ่งสุดท้ายที่หวังว่าจะพึ่งนั่นก็คือแอลกอฮอล์ เลยเดินไปหาซื้อเบียร์มากระแทกปากซะเลยตอนแรกก็กะไว้ว่าขวดเดียวไปๆมาๆ อ่าว…นับไม่ถ้วนเลยครับหัวหน้า หลังจากนั้นคือจำอะไรไม่ได้คือแบบๆนั่งๆอยู่งี้แล้วก็ดับวูบไปเลย…สมองกูเนี่ยดับวูบไปเลย พอตื่นขึ้นมาอีกทีนี่ก็อยู่…


     อยู่ไหนล่ะเนี่ย!?
     พอมองสำรวจไปรอบๆแล้วก็พบว่า…

     อ่อบ้านกูเอง
     เฮ้ยยยยย!! เดี๋ยวนะ!? ผมกลับมาอยู่ที่บ้านได้ยังไงวะ? นี่คงไม่เดินละเมอมาหรอกนะ?

     คิดสิ…คิดสิ
     สาดดดดดดคิดไม่ออก!

     แต่ก่อนที่จะคิดเนี่ยขอจัดการล้างหน้าล้างตาล้างปากตัวเองก่อนนะ  แต่เอ๊ะ? นี่ผมละเมอเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยเหรอวะเมื่อวานจำได้ว่ายังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลยนี่หว่า…

     แต่ก็ช่างมันก่อนเถอะตอนนี้ขมคอมากขอจัดการตัวเองแป้บ



     ห้านาทีต่อมา
     พอขย้อนของเก่าออกมาจนหมดไส้หมดพุงแล้วนั้นก็ถึงเวลาไปหาของมาประทังชีวิตสักหน่อยเพราะตอนนี้ท้องมันกำลังร้องออกมาประหนึ่งว่ามันคือสัญญาณกันขโมยยังไงอย่างนั้น

     “ตื่นแล้วเหรอ?” 
     พอเดินออกมาเท่านั้นแหละเสียงคุ้นหูของใครบางคนมันก็พูดขึ้นมา  ไม่ต้องสงสัยมีคนเดียวนั่นแหละ…ก็เสือไงจะใครล่ะ?

     “อือ”

     “ทำผัดกระเพราไก่ไว้ในจานนะถ้าจะกินก็กิน” 

     “อือ…ขอบใจ”  ผมพูด “ว่าแต่เมื่อวานกูกลับมาได้ยังไงวะ?”  และถามในสิ่งที่คั่งค้างภายในใจ 

     “กูเป็นคนไปรับเองแหละ…ไปก่อนนะเดี๋ยวค่อยคุยกัน”   พอพูดจบประโยคมันก็ขนสัมภาระอะไรของมันก็ไม่รู้รีบเดินออกไปไม่นานเสียงรถมอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นและก็ค่อยๆหายไปทันที 

 
     Rrrrrrr
     ยังไม่ทันที่จะตักข้าวใส่จานมากิน เสียงโทรศัพท์ของผมที่อยู่ไหนก็ไม่รู้มันก็แผดเสียงดังขึ้นทันที ให้ตายสิวะ!ขัดจังหวะจริงๆ!

     และคนที่โทรมาก็คือ…ไอ้ฟาร์ม

     [ตายยัง?] พอกกดรับสายเท่านั้นแหละแม่งก็ถามกูด้วยความเป็นสิริมงคลมาก

     “ตายห่าอะไรยังอยู่”  ผมตอบกลับมันไปด้วยเสียงเนือยๆ ถึงแม้จะยังอยู่แต่สภาพตอนนี้กูพร้อมตายมากครับหัวหน้า

     [ไม่ตายแล้วทำไมไม่มาเรียนเดินมาหาที่ตึกคณะมึงก็ไม่เห็น] เออ…เตลิดเวลาเรียนภาคเช้ามามากแล้วไงก็เลยโดดแม่งเลย

     “ตื่นไม่ทัน…แฮงค์” 

     [ไปแดกเหล้าที่ไหนมาอีกนี่มึงอกหักจนถึงกับต้องทำตัวเหลวไหลแบบนี้เลยหรือไง!?]   

     “อย่าพูดถึงเรื่องนี้ได้ไหม? กูมีเรียนตอนบ่ายเดี๋ยวกูเข้าไป”

     [มึงก็เป็นอย่างนี้แหละเป็นเหี้ยอะไรก็ไม่อยากพูดไม่อยากเล่าเก็บไว้แบบนี้แล้วมันดีขึ้นไหมล่ะ!?] 

     “ให้กูอยู่คนเดียวสักพักเถอะ กูยังไม่อยากคุยกับใครว่ะ”  ผมยังไม่อยากคุยจริงๆนะ ยิ่งกับเรื่องนี้แล้วยิ่งไม่อยากพูดถึง

     [ไม่อยากคุยกับใครแม้กระทั่งกูเลยหรือไง? ทำไมกูไม่ใช่เพื่อนมึงเหรอ?] 

     “มันไม่ใช่อย่างนั้นเว้ย…”  โอยยยย กูเหนื่อย

     [ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วมันอย่างไหน? กูก็แค่เป็นห่วงมึงเนี่ยกลัวมึงจะตายเอาได้ เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยใช่ไหม!?]   


     คือกูปวดหัวจริงๆนะ…

     “ก็เพราะว่าแม่งเป็นเพื่อนกูไง!กูเลยไม่อยากพูดไม่อยากเอาเรื่องเหี้ยๆ ปัญหาเหี้ยๆพวกนี้ไปยัดใส่สมองมึงเข้าใจไหม!?”
นั่นแหละเหตุผลของผม…

     [ถ้ามึงจะคิดอย่างนี้ก็ตามใจมึงนะปิง]


     ติ๊ด! 
     แล้วแม่งก็ตัดสายไป

     เออเอา…ช่วงนี้มันเป็นห่าอะไรนักหนาวะ มีแต่เรื่องบ้าอะไรก็ไม่รู้เบื่อโว้ยยยยย!

     ตอนแรกก็หมดอารมณ์มานั่งเรียนก็กะว่าจะโดดเรียนภาคบ่ายไปด้วยเลยแต่เพราะไอ้โก้กับไอ้เจมส์มันโทรตามก็เลยมานั่งหน้าแห้งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในห้องเรียนนี่แหละ แต่ถึงมาเรียนก็สารภาพเลยว่าไม่ได้สนใจเรียนเลย เวลาที่อาจารย์สอนนี่พูดเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาตลอดทั้งชั่วโมงทั้งวันเลยก็ว่าได้ จนตอนนี้ก็เลิกเรียนแล้วว่าจะโทรชวนไอ้ฟาร์มไปหาอะไรกินให้ใจเย็นๆสักหน่อยเพราะตอนนี้มันกำลังโกรธผมอยู่ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหายหรือยัง

      แต่…จนแล้วจนรอดมันก็ไม่รับโทรศัพท์ผม เออ!มึงจะเออย่างนี้ใช่ไหม!  อยากโกรธอะไรก็โกรธไปเลยก็เหนื่อยเหมือนกันล่ะวะ ว่าแต่กูไม่เข้าใจๆๆๆ แล้วมึงแม่งเข้าใจกูขนาดไหนกัน?   ผมก็แค่ไม่อยากให้มันต้องมาคอยเป็นห่วงคอยช่วยทั้งที่เรื่องของมันก็ปวดหัวมากพอแล้ว เวลาเจอกันคุยกันก็อยากให้คุยอะไรที่มันเจริญหูหน่อยไม่ต้องมานั่งพูดเรื่องอะไรที่มันไม่จรรโลงใจอย่างเช่นเรื่องของผมไงล่ะ สรุปก็คือไม่อยากเอาเรื่องของตัวเองไปยัดใส่สมองของใครนี่ไง!

     โดนเทมายังไม่พอต้องมาทะเลาะกับเพื่อนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก!

     บัดซบจริงๆ!

     แล้วสุดท้ายจะไปไหนได้ล่ะครับพระอาทิตย์ตกดินแล้วก็กลับเข้าบ้านสิมานอนแห้งเหี่ยวเป็นผักอยู่เหมือนเดิมทีแรกก็ว่าจะชวนไอ้โก้ไอ้เจมส์ไปเตะบอลพวกมันก็ไม่ว่างอีกไง ไอ้ฟาร์มนี่ไม่ต้องไปพูด นี่ถึงจะโกรธมันยังไงทะเลาะกันยังไงไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกผมก็มักจะเข้าไปง้อมันเสมอก็เลยตัดสินใจไปง้อมันในที่สุด พอไปรอถึงที่บ้านมันก็ไม่อยู่นั่งรอจนนานสองนานก็ยังไม่กลับ  โทรไปหาก็ไม่รับ ไลน์ไปแล้วก็อ่านไม่ตอบ เอออ…เอาที่มึงสบายใจเลยกูอยู่คนเดียวได้ไม่ต้องมีเพื่อน กูอยู่คนเดียวได้ตามสบายเลย

     สบายมาก…

     กูโคตรสบาย!!

     ไม่เป็นเหี้ยอะไรเลย ไม่เหงาเลย กูโอเคทุกอย่าง

     ฮึก… ก กู โอ ค เค

     โอเคเหี้ยอะไรกูหลอกตัวเอง… กูประชด!ตอนนี้อยากจะประชดให้แม่งหมดทุกอย่าง…โคตรเบื่อ เหี้ยอะไรแม่งก็มีอุปสรรคตลอด เกลียดตัวเองเบื่อตัวเองที่แม่งทำเหี้ยอะไรก็เป็นไม่ได้สักอย่าง เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อไม่ได้เรื่องห่าอะไรเลย!

     แม่งเอ้ยย!!


     เพล้ง!!

     อดไม่ได้ที่ระบายอารมณ์ตัวเองออกมาด้วยน้ำตาและการทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะไม่ได้ทำร้ายตัวเอง
     ขอหน่อยเถอะ ขอให้ผมได้ร้องหรือได้ระบายออกมาหน่อยเถอะตอนนี้แม่งโคตรอัดอั้น เป็นแบบนี้แล้วก็คิดถึงแม่ฉิบหายถ้าแม่ยังอยู่ก็คงจะเดินเข้ามากอดผมและปลอบว่า ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเรามาเริ่มกันใหม่…

ตอนเป็นเด็กที่เริ่มหัดขับจักรยานใหม่ๆผมยังจำได้ที่ขับรถล้มเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้และผมก็ร้องไห้ออกมาเมื่อมันไม่ได้ดั่งใจ ไม่เป็นอย่างที่ใจคิดถอดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จะหัดขับจักรยานแต่แล้วแม่ก็เดินเข้ามาปลอบด้วยคำพูดที่ว่า…ไว้เรามาเริ่มใหม่ด้วยกันนะลูก

     แต่ตอนนี้ไม่มีแม่แล้วผมจะเริ่มใหม่ได้ยังไง…
 
     ฮึก… ฮือ

     เรื่องเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ทำเกิดมาแล้วต้องมีปัญหาด้วยผมไม่เข้าใจ  เราเกิดมาเพื่อแก้ปัญหาและฝ่าฟันอุปสรรคงั้นเหรอ? แต่ถ้าผ่านมันไปได้แล้วยังไงสุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี   เค้าบอกว่าคนเราอยู่ได้เพราะความหวังแต่ผมในตอนนี้มันไม่มีหวังแล้ว

     ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายนะ…แต่กำลังคิดว่าจะทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร

     แต่ก่อนเคยคิดว่าถ้าเรียนจบก็อยากที่จะรีบหางานดีๆทำเพื่อที่จะได้หาเลี้ยงแม่ได้อย่างสบายๆ แต่เพราะแม่ไม่อยู่ทุกวันนี้เลยดูเหมือนว่าจะเริ่มใช้ชีวิตไปวันๆ  ไม่ได้มีความฝันหรือความหวังมาหล่อเลี้ยงจิตใจเลย

ที่มาเสียศูนย์แบบนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะพี่เพลง พอเสียศูนย์แบบนี้แล้วเรื่องเหี้ยอะไรไม่รู้ที่คั่งค้างอยู่ภายในใจที่ถูกเก็บไว้ในซอกลืบตามส่วนต่างๆของความรู้สึกก็ไหลเทมารวมกันจนตอนนี้มันตีรวนกันไปหมด


     โธ่เว้ย!!!

     ก๊อกๆ!!

     “ปิง” อยู่ไอ้เสียงที่แม่งโคตรจะคุ้นเคยก็มาดังขึ้นอยู่ที่หน้าห้องผมพร้อมกับเสียงเคาะประตู

     “มีอะไร”  ผมเดินมาถึงตรงบานประตู แต่ก็ยังคงยืนอยู่อย่างนั้นไม่ได้เปิดออกไป…ออกไปสะภาพนี้แม่งโคตรน่าอาย ยอมให้ทุกคนเห็นสภาพตอนที่ทำตัวไร้สาระยังดีกว่าให้มาเห็นตอนนี้ซะอีก 

     “มากินข้าว…”
     มันตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงไม่เหมือนกับทุกครั้งที่มันชอบพูด

     ไม่รู้ว่าคิดไปเองมไหมแต่ทำไมถึงสัมผัสได้ถึง…ความเป็นห่วงที่ซ่อนไว้ภายในน้ำเสียงที่เอ่ยถาม 

     “มะ ไม่หิว”  ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือมันยากเกินกว่าผมจะควบคุม

     “งั้นรอยู่ข้างนอกนะ”  มันเองก็คงจะพอรู้ว่าผมนั้นอยู่ในอารมณ์ไหนเลยไม่ได้เซ้าซี้ผมให้มากความ
ทำไมคำว่า ‘รอ’ ของมันถึงได้ทำให้ผมคิดตามได้ขนาดนี้ มันจะดีกับผมไปถึงไหน ผมไม่เคยทำอะไรให้มันเลยตั้งแต่ที่รู้จักกันมา 

     ขอยอมรับแบบไมบ่ายเบี่ยงเลยว่าเป็นคนที่โคตรแย่แต่ดูสิ่งที่มันตอบแทนมาให้ผมสิ มีแต่สิ่งดีๆทั้งนั้น…ทำไมวะ 
     แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้ที่จะไม่ออกไปเพราะไอ้คำว่า ‘รอ’ ของไอ้เสือทำให้ผมคิดแล้วคิดอีกเลยตัดสินใจเปิดประตูออกมาในที่สุด


     แต่…

     หมับ!

     ทันทีที่เปิดประตูออกมาไอ้คนที่ผมคิดว่ามันจะเดินออกไปจากหน้าห้องแล้วกลับยังคงอยู่…และมันก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดไว้แบบไม่ทันตั้งตัว

     ไม่มีคำพูด…ไม่มีคำใดๆหลุดออกมา มีแค่เพียงมือหนาที่คอยลูบศีรษะผมอยู่

     เอาอีกแล้วสิน่า…

     ฮึก…

     กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว

     ฝ่ามือใหญ่จากที่คอยลูบศีรษะก็เปลี่ยนมาเป็นลูบแผ่นหลังผมไว้อย่างปลอบประโลม

 บันทึกของเสือ

     วันนี้เป็นอีกวันที่ผมฝากน้องกวางไว้กับน้าเล็กเพราะว่างานที่มีมันเยอะเกินไปผมเคลียร์ไม่ทันและกำหนดเวลาผิด ขอย้อนรอยเรื่องเมื่อวานในตอนนั้นสักหน่อยนะ คือผมไม่ได้ทำอะไรไอ้ปิงมันผมยังคงห้ามความรู้สึกตัวเองได้ฝืนออกมาทั้งที่อยากจะเข้าไปขยี้มันใจแทบขาด แต่แล้วก็ต้องใช้สติอันน้อยนิดเตือนขึ้นมาว่าถ้าพรุ่งนี้มันตื่นขึ้นมาอะไรๆก็จะไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะความรู้สึกของปิงซึ่งมันคงจะรับไม่ได้แน่ๆ

เพราะตอนนี้คงไม่ต้องบอกว่ามันกำลังอยู่ในสภาวะไหนถ้าผมทำลงไปจริงๆก็คงจะเป็นคนที่เหี้ยพอตัว แต่ถึงจะอยู่ในสภาวะที่โอเคผมก็ไม่ควรที่จะทำ เนื่องจากมันก็ควรมาจากความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายอยู่ดี

ขอบคุณสติอันน้อยนิดที่ยังมีอยู่ จะพยายามไม่เข้าใกล้ปิงให้มากเพื่ออะไรหลายๆอย่างโดยเฉพาะความรู้สึกของผม คงไม่ดีแน่ๆถ้าหากผมคิดกับมันเกินเพื่อนร่วมบ้าน รุ่นน้องหรืออะไรก็ตามแต่เพราะฉะนั้นผมควรที่จะหยุดความรู้สึกตัวเองไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ  ไอ้อาการใจเต้นแรงบ้างเป็นบางครั้งตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ใจผมนั้นเต้นแรงทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้มัน     

ช่วงที่ปิงมันกำลังแย่ๆแบบนี้ก็อยากจะเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้าง คอยช่วยและคอยดูแลแต่ด้วยอะไรหลายๆอย่างซึ่งประเด็นหลักก็คือผมมีลูกแล้ว…ผมควรที่จะห้ามความรู้สึกตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะถลำลึกไปกว่านี้  เพราะถ้าน้องกวางเติบโตขึ้นมามากกว่านี้แล้วเขาสามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆได้ และมารู้ว่าผมชอบผู้ชายด้วยกัน ก็กลัวว่าเจ้าตัวยังคงจะรับไม่ได้และ จะอายเพื่อน อายผู้คนที่มีพ่อเป็นแบบนี้เพราะฉะนั้นและไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามผมควรที่จะหยุดได้แล้ว หยุดความรู้สึกที่เอาแต่ทำตามใจตัวเองไม่ใช่ความถูกต้อง หลังจากเมื่อวานมาก็ได้แต่บอกตัวเองว่าให้เลิกคิดๆ จนมาถึงตอนนี้…


     พอผมเดินเข้ามาในบ้านที่ไม่รู้ว่ามีใครอยู่หรือเปล่าเพราะมันทั้งเงียบและมืดไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยจนกระทั่งสองขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปในห้องกลับต้องหยุดชะงักเมื่อ


     เพล้ง!!
     และเสียงของอะไรสักอย่างที่ผมคิดว่าปิงมันน่าจะขว้างเพื่อระบายอารมณ์… คนหนอคนดูเหมือนจะไม่อะไรแต่ก็มาตกม้าตายเอาได้เพราะเรื่องความรัก

     ผมยืนอยู่ตรงหน้าห้องมันรอตั้งนานสองนานแต่ก็ดูเหมือนว่าพายุอารมณ์ของมันจะยังไม่หมดไป
 

     ก๊อกๆ!   
     จนกระทั่งผมตัดสินใจเคาะประตูห้องของเจ้าของบ้านในที่สุด

     “ปิง”

     “มีอะไร”  มันตอบผมกลับมาด้วยเสียงเรียบๆ เหมือนจะพยายามทำเองให้เป็นปกติซึ่งผมรู้ว่ามันไม่ใช่

     “มากินข้าว…”  ผมตอบเสียงอ่อนลงมากกว่าทุกครั้ง ผมรู้ว่าตอนนี้มันต้องยืนอยู่ตรงประตูแต่ก็ยังคงไม่เปิดออกมา
ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะคุยกับมันเรื่องอะไรผมเลยพูดประโยคโง่ๆออกมาจนได้ทั้งที่ไม่ได้มีอาหารรออยู่อย่างที่บอกไว้เลย เพราะตอนนี้รู้แค่ว่าอยากจะได้ยินเสียงมันอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงอยากที่จะคว้าตัวมันเข้ามากอดเพื่อให้กำลังใจ

     “มะ ไม่หิว” คนที่อยู่หลังประตูตอบผมกลับมาด้วยเสียงที่สั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด
อย่าร้องสิวะ! 

     “งั้นรออยู่ข้างนอกนะ”   

     รอของผมก็คือรอถึงบางครั้งมันจะชอบพูดว่าอยากอยู่คนเดียวแต่ผมเชื่อว่าลึกๆแล้วมันก็ต้องการใครสักคนให้มาอยู่ข้างๆ ซึ่งวันนี้ไอ้ฟาร์มมันก็โทรมาหาผมบอกว่าฝากเพื่อนมันหน่อยตอนนี้ทะเลาะกันอยู่ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าปัญหาอะไร แต่ถึงมันไม่บอกผมก็ทำอยู่แล้ว… เพราะว่าหัวใจมันสั่ง

     ผมยืนรออยู่นานสองนานยังไม่ไปไหนและก็จะไม่ไปไหนจะรอจนกว่ามันจะออกมา

     จนกระทั่ง…

     แอด…

     ประตูไม้ถูกเปิดออกมาโดยคนที่กำลังยืนหลบอยู่ข้างหลัง

     หมับ!

     และผมก็ไม่รอช้าที่คว้าตัวมันเข้ามากอดไว้อย่างเต็มอก ลูบศีรษะทุยนั่นอย่างปลอบประโลมและให้กำลังใจ ไม่มีคำพูดหลุดออกมาจากปากผม มีแคเพียงสัมผัสที่ผมใช้ถ่ายทอดทุกคำพูดและความรู้สึกออกมาให้มันได้สัมผัสว่ายังมีผมอยู่ข้างๆ 

     ฮึก…

     คนในอ้อมกอดผมสะอื้นไห้อีกครั้งจนลาดไหล่วูบไหว น้ำตาเริ่มรินไหลออกมาจนเปรอะเปื้อนชุดนักศึกษาของผม
เลื่อนมือออกจากศีรษะและเปลี่ยนมาเป็นลูบแผ่นหลังบอบบางนั่น

     ไม่รู้ว่าตอนนี้มึงจะรู้สึกอะไรอยู่ จะเหนื่อย จะเหงา จะเศร้า จะอ้างว้างโดดเดี่ยวหรือยังไงก็ตามอยากให้รู้ไว้นะว่ายังมีกูคอยอยู่ตรงนี้เสมอ…



     สามชั่วโมงต่อมา

     ชั่วโมงของคราบน้ำตาได้หมดไปทิ้งไว้ก็เพียงแต่ความเงียบงันตอนนี้เราสองคนผมกับปิงกำลังนั่งเงียบๆกันอยู่ข้างนอกซึ่งก็ไม่รู้ว่าที่ไหนมันบอกว่าไม่อยากอยู่บ้าน  ผมก็เลยพามันขับรถมาเรื่อยๆและเรื่อยๆแบบไม่มีจุดมุ่งหมายจนมาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าบรรยากาศมันดี ดีจนคนข้างๆผมตอนนี้น่าเริ่มจะโอเคขึ้นแล้วแต่ก็ยังคงไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม มีแค่เพียงกระป๋องเบียร์ที่ถูกยกเอาๆ

     “ไงสบายใจหรือยัง?”  ดูท่าทางมันคงจะดีขึ้นแล้วผมเลยกล้าถามมันออกมา

     “ก็ดี…”  มันตอบแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นจิบ ก่อนจะลดกระป๋องเบียร์ลงแล้วพูดต่อขึ้นมาว่า “ขอบใจมึงนะ”   
     ผมเองก็อดที่จะหันไปมองคนข้างๆไม่ได้ แต่เพราะว่ามันไม่ได้มองมาทางผมก็เลยได้แต่ลอบมองเสี้ยวหน้าของเจ้าตัวอยู่

     “ไม่เป็นไร”  ผมตอบแล้วก็กระดกเบียร์ที่ไปซื้อมากันคนละกระป๋องขึ้นมาดื่มบ้าง

     “มะ มึงดีกับกูจังเลยวะดีจนกูแม่งอายตัวเองที่เคยทำไม่ดีกับมึงแล้วก็ไม่เคยช่วยอะไรมึงเลย” 

     “กูไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก กูยังไม่เคยช่วยอะไรมึงเลย”

     “อย่ามาพูดปลอบใจหน่อยเลย รู้อยู่แก่ใจนี่ว่าช่วยอะไรกูบ้าง”

     “…”

     “กูอยากเป็นแบบมึงบ้างจัง”

     “ทำไมถึงอยากเป็นแบบกูล่ะ มันไม่ได้มีอะไรดีเลยนะ?”   อย่างผมน่ะ…ไม่ได้มีอะไรดีเลยนะ 

     “มึงแม่งอยู่มาได้ยังไงวะ? เลี้ยงลูกตัวคนเดียวรับผิดชอบชีวิตตัวเองแล้วก็ลูกได้ เรียนก็ต้องเรียนงานก็ต้องทำลูกก็ต้องเลี้ยงแม่งโคตรเก่ง”  พอปิงพูดจบก็วางกระป๋องเบียร์ลงข้างๆ ล้วงเอาบุหรี่จากในกระเป๋ากางเกงมันออกมาจุดสูบ

     “กูไม่ได้เก่งหรอกนะ…ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี” 

     “…”  คู่สนทนาข้างๆเงียบเพราะรอฟังผมพูด ปล่อยควันบุหรี่ออกมาจากริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง จนกลุ่มควันลอยคละคลุ้งอยู่กลางอากาศ

     “ในเมื่อมึงมีชีวิตเป็นของมึงแล้วมึงก็ต้องรับผิดชอบตัวเองให้ได้”   

     “…”

     “ตัวมึง ชีวิตมึงมันเป็นของมึงถ้ามึงไม่ทำแล้วใครจะมาทำให้ ไม่มีใครมาประเคนทุกอย่างในชีวิตหรอกนะ ก็ไม่ได้จะสอนให้มองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรอก แต่สำหรับกูแล้วโลกใบนี้ไม่ได้มีพื้นที่สำหรับคนอ่อนแอ”

     “หึ…กูคงอ่อนแอเกินไป”   

     “โทษที…ไม่ได้ว่ามึงนะแต่มันเป็นวิธีการฮีลตัวเองของกูอย่างหนึ่ง เลาท้อกูมักบอกตัวเองเสมอว่าห้ามท้อ”  เว้นจังหวะไว้ครู่หนึ่ง “เพราะฉะนั้นมึงท้อก็ต้องรีบหายแล้วกลับมาสู้ใหม่ถึงแม้มันจะผ่านไปได้ยากแต่สักวันมึงจะผ่านไปได้และปัญหาต่อๆไปมันจะเล็กนิดเดียวสำหรับมึง” 

     “ขอบใจ…”  “ที่จริงมันไม่ใช่แค่เรื่องความรักหรอกนะที่ทำให้กูเป็นถึงได้ขนาดนี้”

     “…”  ผมเงียบรอฟังคำต่อมาที่ปิงมันจะพูด
     
     “แต่มันก็มีส่วนด้วยนั่นแหละ จะพูดยังไงดีวะ… กูเองที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เอาเรื่องราวทุกสิ่งอย่างมาผสมปนเปตีกันไปหมดจนแม่งออกมาเป็นอย่างที่เห็น”  “ทั้งท้อทั้งเหนื่อยทั้งเหงาแล้วก็เบื่อ เบื่อที่ตัวเองแม่งไม่มีอะไรดีสักอย่าง”

     “ถ้าอยากมีอะไรดีๆมึงก็ทำสิวะจะไปยากอะไร มึงอยากฉลาดมึงก็ตั้งใจเรียนขวนขวายหาความรู้ อยากมีเงินก็ทำงานอยากเป็นแบบไหนก็ทำแบบนั้น ต้องหัดที่จะเรียนรู้ถ้ารู้ว่าตัวเองไม่เก่งสิ่งไหนทำอะไรไม่ได้แต่อยากทำมึงก็แค่เรียนรู้” 

     “…”

     “ส่วนเรื่องความรักมึงก็อย่าให้มันเป็นทั้งหมดของชีวิต เมื่อความรักพังชีวิตมึงจะพังด้วย ไม่ได้จะบอกให้ไม่ต้องมีความรัก แต่จะบอกว่ารู้จักรักให้เป็น เดี๋ยวโตขึ้นมาหน่อยได้เจออะไรมากมายพอมึงย้อนกลับมามองตัวมึงในอดีตกับเรื่องราวที่ผ่านมาแม่งจะตลกตัวเองมากกูพูดเลย”   “อยู่กับความจริงซะ ยอมรับก้าวผ่านและเริ่มต้นใหม่”

     “อือ…เข้าใจแล้ว” 
     ก็หวังว่ามันจะเข้าใจจริงๆ ผมเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์อะไรมากมายที่จะมาสอนใครต่อใครหรอก แต่ก็อยากจะช่วยได้เท่าที่ช่วยอย่างน้อยได้เปิดอกคุยกันก็ยังดี

เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องได้รับการระบายบ้างไม่งั้นมันก็คงจะเน่าเสียส่งผลกระทบต่ออย่างอื่นมากมาย เหมือนกับการถ่ายอุจจาระนั่นแหละถ้าเราท้องผูกก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไร

     “เห้ออออออ…คุยเรื่องมึงดีว่าขอถามบ้างได้ไหม?”   ปิงหันหน้ามาถามผมพร้อมกับขยี้ปลายบุหรี่ลงพื้น

     “ว่ามาสิ” 

     “แม่น้องกวางไปไหนวะ?” 

     “ไม่รู้สิอยู่ๆก็ทิ้งกันไป”   จะว่าไปก็นานแล้วนะที่ไม่ได้คิดถึงแก้มเลย จนไอ้ปิงมันมาถามเนี่ยแหละ

     “ทำไมทิ้งล่ะ?”

     “ไม่รู้สิ”

     “แล้วตอนนั้นทำยังไงวะ? อยู่ไหวเหรอ?” 

     “ไม่ไหวก็ต้องไหว ทำยังไงได้เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว ถ้ามัวมานั่งเสียใจแล้วชีวิตกูกับลูกจะเดินยังไงต่อไปได้” 

     “อ่อ..” มันพยักหน้าไปมาและถามต่อว่า“ไม่คิดถึงพ่อกับแม่บ้างเหรอ?” 

     “ก็คิดถึงแต่ทำยังไงได้ ไม่ได้มีใครต้องการกูเลยนี่นา” 
     ถ้าต้องการแม่คงไม่มาทิ้งไปแบบนี้  ส่วนพ่อก็คงต้องมาดูดำดูดีผมบ้างแต่นี่หายเงียบไปเลยเขาคงจะมีความสุขอยู่กับครอบครัวใหม่ของเขา ส่วนผมก็มีความสุขอยู่กับครอบครัวผมที่มีแค่น้องกวาง 

     แค่น้องกวางก็พอแล้ว…

     หรืออาจจะมีใครบางคนเพิ่มเข้ามาอีก ก็แค่อาจจะน่ะนะ…

     “ใช้ชีวิตแบบนี้แล้วเป็นยังไงบ้าง?” 

     “ก็ไม่ได้เป็นอะไรนะ ดีบ้างร้ายบ้าง เหนื่อยบ้างท้อบ้างบางเวลา” 

     “เวลาท้อทำยังไงวะ?” 

     “มองหน้าลูก”

     “เอ้า! แต่กูไม่มีลูกกูต้องทำไงอ่ะ?”

     “มึงก็หาอะไรทำสิวะ ให้รางวัลตัวเองบ้างหรือไม่ก็ฮีลตัวเองเข้าไว้ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตามอย่าไปคิดในแง่ลบ เปิดใจคุยกับคนอื่นบ้างเก็บไว้คนเดียวน่ะมันไม่ดีหรอกนะอึดอัดใจตัวเองเปล่าๆ”

     “…”

     “กูจะบอกให้นะ บางครั้งหรือบางอย่างก็อย่าไปคาดหวังกับมันให้มากเพราะยิ่งสูงก็ยิ่งตกลงมาเจ็บแต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีหวังเลย เวลาจะทำอะไรก็ให้นึกถึงผลกระทบที่มันจะตามมาในภายหลังด้วยว่ามึงจะเจ็บมากน้อยแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วบางครั้งความ
เจ็บปวดมันก็ทำให้เราโตขึ้น มันก็ขึ้นอยู่กับทางที่เราจะเลือกเดิน” 

      ซึ่งข้อนี้ผมก็คอยบอกตัวเองเสมอและย้ำซ้ำๆให้จำขึ้นใจ

     “อือ…”

     “หมดเรื่องจะถามแล้วว่ะ แต่ก็ขอบคุณมากนะสำหรับวันนี้และทุกอย่างก่อนหน้านี้”

     “…”

     “พี่เสือ



      TBC...

     rewrite 16/7/60


   

     
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบ(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 24/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 24-04-2017 16:16:23
มีความครอบครัว :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบ(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 24/04/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 24-04-2017 17:54:10
หวั่นไหว หวั่นไหว  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบ(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 02-05-2017 00:42:45
ตอนที่สิบ : ลมหายใจ...



     “แล้วเรื่องฟาร์มจะเอายังไง ไปขอโทษมันหน่อยไหม?”   อยู่ๆไอ้พี่เสือที่กำลังขับรถอยู่เงียบๆก็ถามขึ้นมา 

     “ก็ต้องไปสิ ก่อนหน้านี้ก็ไปมาแล้วแต่ไม่เจอโทรไปก็ไม่รับไลน์ไปก็ไม่ตอบ”   มันคงโกรธผมจริงๆแหละ ต่อไปนี้จะพยายามไม่ให้ตัวเองเป็นแบบนี้เลย จะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองมากขึ้น

     “แล้วจะทำยังไงล่ะ?”   

     “ไม่รู้”  ผมตอบเสียงดังโต้กับลมที่กำลังตีเข้าหน้า เพราะว่าตอนนี้เรากำลังขับรถกลับบ้านกันหลังจากที่ได้พร่ำเพ้อพรรณาความในใจออกมาจนหมดกับไอ้พี่เสือ 

     ไม่ต้องสงสัยครับกูเรียกมันพี่ก็จริงแต่ก็ขอมีสักนิดสักหน่อยด้วยการเรียกว่าไอ้พี่เสือ พอดีกูไม่ชินปากครับหัวหน้า
     นั่นไงปิงคนเดิมอิสคัมแบ็คหยาบคายปากหมาและกากกรัง… คนก่อนหน้านี้คือใครไม่รู้จัก 

     “ให้ช่วยไหม?”   ไอ้คนที่กำลังขับรถอยู่มันถามกลับมา ด้วยความที่กลัวว่ามันจะไม่ได้ยินนี่ก็เลยต้องเอาหนังหน้าเข้าไปใกล้ๆหูมันแล้วตอบกลับไปว่า “ช่วยยังไง?” 

     “ก็มันหนีหน้าไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวจะเรียกมันออกมาให้”

     “อ่อ…โอเคๆ!”  ผมตะโกนตอบกลับไป


     และแล้วก็มาถึงบ้านหลังเดิมที่ผมมาเมื่อตอนเย็นแต่ก็ไม่เจอไอ้ฟาร์ม ไอ้พี่เสือมันจอดรถตรงหน้าบ้านไอ้ฟาร์มจากนั้นก็เอาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาโทรหาเพื่อนรักของผม 

     “มึงอยู่ไหน?” คนช่างคิดแผนการถามขึ้น  เมื่อปลายสายกดรับ

     “ออกมาหาหน่อยดิ มีเรื่องให้ช่วย”

     “ไม่ต้องกูอยู่หน้าบ้านมึงแล้วเนี่ย เออๆแค่นี้” 


     ติ๊ด
     แล้วก็วางสายไป

     “ที่เหลือเป็นหน้าที่ของมึงแล้วจัดการเอาเอง”   ว่าแล้วพี่มันก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม เหลือพื้นที่และความเป็นส่วนตัวให้ผมเพื่อที่จะได้คุยกับไอ้ฟาร์ม

     ไฟหน้าบ้านถูกเปิดขึ้นและไม่นานก็เห็นร่างคุ้นตาเดินออกมาจากข้างใน 

      “มึงมาทำไม?”  ทันทีที่มันเดินมาถึงหน้ารั้วแล้วเห็นผมก็ถามขึ้นทันที แต่ก็ยังคงไม่ได้เปิดประตู้รั้วบ้านออกมา

     “ก กูมาหามึงไง”  อดเสียงสั่นไม่ได้เลยโว้ยยยย ปกติผมกับไอ้ฟาร์มไม่ค่อยมีปัญหากันหรอก พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง

     “แล้วมาทำไมล่ะ?”   นั่น! งอนเหมือนเมียกูเลยห่านนนนน

     “กูมาขอโทษ”
 
     “…”

     “กูรู้แล้วว่ากูผิด กูเอาแต่อารมณ์ตัวเองมากเกินไปกูคิดว่าการอยู่คนเดียวมันอาจจะทำให้อะไรๆดีขึ้น แต่สำหรับกูแล้วมันไม่ใช่เลย” เม้มริมฝีปาก ชั่งใจเพียงแค่ไม่กี่วินาทีและพูดประโยคที่มันคั่งค้างอยู่ในใจ “กูขอโทษนะมึง กูไม่มีคำแก้ตัวหรอกมีแต่คำขอ
โทษที่จะให้เพราะกูยอมรับว่ากูผิด มึงอย่าโกรธกูนะ” 

     “…”  คนตรงหน้าที่อยู่ข้างหลังรั้วบ้านก็ยังคงไม่ตอบผมเหมือนเดิมได้แต่มองหน้าผมนิ่งๆซึ่งเดาอารมณ์ไม่ได้เลย และไม่ถึงหนึ่งนาทีที่มันยืนมองผมอยู่อย่างนั้น อยู่ๆมันก็หันหลังและเดินหนีเข้าบ้านไปเฉยเลย

     “ไอ้ฟาร์ม”   ผมเรียกชื่อมันเสียงเบา ที่จริงอย่าพูดว่าเรียกเลยเรียกว่าพึมพำดีกว่าเพราะมันเบามาก

     โห….หน้าสั่นเลยครับหัวหน้า     
     น้ำตาแทบคลอ…นั่นมันเพื่อนที่สนิทกันมาเป็นสิบๆปีรู้ไส้รู้พุงกันเลยนะเว้ยยยยยย จะไม่หายโกรธกูจริงๆเหรอ 
ตัดสินใจยืนรอมันไม่ถึงหนึ่งนาทีนี่ก็เลยหันหน้าไปหาไอ้พี่เสือที่ยืนรออยู่ไม่ไกลแล้วทำหน้าหงอยใส่มัน


     ครืดดดดดดดดด!! 

     แต่…

     ทันทีที่หันหลังเตรียมจะเดินกลับไปทางคนตัวสูงที่ยืนรอผมอยู่ที่รถตรงฝั่งตรงข้ามกับบ้านไอฟาร์ม เสียงประตูรั้วจากทางข้างหลังก็ดังขึ้น

     ไม่รอช้าที่ผมจะรีบหันหลังกลับไป “ไอ้ห่า กูหายไปหากุญแจมาไขบ้านแป้บเดียวเองจะกลับแล้วหรือไง!”

     “…”

     “กูเองก็ผิด ผิดที่เอาแต่เซ้าซี้มึงมากเกินไปจนลืมไปว่ามึงเองอาจจะอยากอยู่คนเดียวก็ได้ กูก็ขอโทษเหมือนกันแต่ทุกอย่างที่กูทำไปกูอยากบอกให้มึงรู้ไว้ว่ากูเป็นห่วงจริงๆ เพราะถ้ากูไม่ห่วงจ้างให้กูก็ไม่เข้าไปยุ่งกับมึงหรอก”   

     ใช่ครับไอ้ฟาร์มน่ะมันเป็นคนแบบนี้  ถ้ามันไม่ห่วงมันจะไม่แม้แต่เหลียวแลเลย

     “มึงเองก็ยกโทษให้กูด้วยได้ไหมล่ะ?” เพื่อนรักผมถาม

     ฮือออออออออออออออ!!!
     เลยไม่รอช้าที่จะกระโจนเข้าไปกอดมัน  กอดแบบที่เพื่อนกอดกันน่ะนะ อย่าคิดลึกไม่เหมือนกับกอดใครบางคน
นั่นแหละคนที่คุณก็รู้ว่าใคร..

     “ฮึ่ยยยย!ออกไปได้แล้วกูขนลุก!”   ว่าแล้วมันก็ผลักอกผมอกมาเบาๆ แหม…เมื่อกี้ยังกอดกูแน่นอยู่เลยนะมึงน่ะ

     “ไอ้ห่า! กูตกใจแทบแย่คิดว่าแต่มึงจะโกรธกูจนจะตัดเพื่อนแล้ว”   ผมพูดพร้อมกับตบเข้าที่ไหล่มันอย่างแรง

     “ตอนแรกก็โกรธแต่ตอนหลังกูโกรธตัวเองมากกว่าที่เข้าไปยุ่งกับชีวิตมึงมากจนเกินไป”

     “เฮ้ยยยย ไม่เป็นไรเว้ยยสำหรับมึงน่ะจะเยอะกับกูขนาดไหนก็ได้ กูเองก็เอาอารมณ์เป็นใหญ่มากเกินไปยังไงกูก็ขอโทษมึงอีกทีนะ” 

     “ไม่หรอก… กูต่างหากที่ต้องขอโทษ” 

     “เห้ยยย ไม่เอาน่ากูเอง” ผมแย้ง 

     “ก็บอกว่ากูไง”  และไอ้ฟาร์มมันก็ยังเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

     “บอกว่ากูก็กูสิวะมึงจะ”

     “เฮ้ยยยยย  ขอโทษกันเสร็จยังพวกมึงเนี่ย! กูมีงานต้องทำอีกนะเว้ย!”   ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ก็มีเสียงตะโกนดังแทรกขึ้นมา เป็นเสียงไอ้พี่เสือเอง

     แหม…นานๆทีพวกกูจะทะเลาะกันหรอกครับหัวหน้า  เวลาขอโทษกันเลยรู้สึกแปลกๆ

     “เอ้า! หวัดดีตอนดึกๆนะพี่ ผมเลยลืมธุระของพี่ไปเลยว่ะ”  ไอ้ฟาร์มตะโกนโต้ตอบพร้อมกับยกมือไว้รุ่นพี่มัน

     “ที่จริงธุระน่ะไม่มีหรอกกูอยากให้มึงสองคนได้คุยกัน”   ไอ้พี่เสือมันตะโกนตอบกลับมา แล้วมึงจะตะโกนหาหอกอะไรวะ เดินมาคุยกันดีๆก็จบไหม… หมาเห่ากันเกรียวกราวแล้วนั่น

     “โห…แผนพี่อ่อ?”  ฟาร์มเท้าเอว 

     “กูไม่ได้วางแผนอะไร แค่โทรให้มึงออกมาหาเฉยๆ”  ”แล้วมึงจะกลับกันได้ยังกูมีงานต้องทำอีกนะเว้ย”   
     นั่นแหละครับหลังจากจบประโยคนั้นผมก็รีบบอกลาไอ้ฟาร์มและรีบข้ามถนนไปหามันแทบไม่ทัน 



     ไม่ถึงยี่สิบนาทีเราก็มาถึงบ้าน เห็นรองเท้าไอ้พี่หมากมันถอดอยู่ตรงตู้รองเท้าหน้าบ้านนั่นก็แสดงว่าพี่มันกลับมาแล้วและก็คงจะนอนแล้วด้วยเพราะพอมองไปตรงที่หน้าต่างห้องก็มืดสนิท จะว่าไปเหมือนว่าไอ้พี่หมากจะดูเข้าถึงง่ายน่าสนิทมากกว่าไอ้เสือแต่ทำไมเอาเข้าจริงๆแล้วผมกลับรู้สึกว่าไอ้พี่เสือน่ะกลับดูเข้าถึงง่ายมากกว่าวะ
เอ๊ะ! หรือว่าจะคิดไปเอง

     “ฝันดีนะมึงเอ้ย!พะ พี่เสือ”  ก่อนจะแยกย้ายกันตรงหน้าห้องผมก็ไม่ลืมที่จะบอกฝันดีไอ้พี่มัน

     “จริงๆจะเรียกเหมือนเดิมก็ได้นะกูไม่ว่า” 

     “เอ่อ…”   ใครจะกล้าวะ เห็นอย่างนี้ก็เป็นคนมีมารยาทสัมมาคาราวะอยู่นะเว้ยยยยย (เหรอออออ)  ถึงแม้ว่ามันจะน้อยมากก็ตาม

     “เรียกได้ไม่เป็นไร”  มันตอบกลับมาด้วยเสียงติดตลก คือมึงโอเคเหรอที่จะให้กูเรียกแบบเพื่อนเนี่ย

     “เออองั้นกูไม่เกรงใจนะเว้ย  นอนละฝันดี” 

     “เออ ฝันดีอย่านอนร้องไห้ล่ะมึง มีไรอยากพูดก็พูดรับฟังเสมอ”  ไอ้เสือมันพูดแล้วก็ตบเข้าที่ไหล่ผมปุๆ หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายกันเข้าห้องใครห้องมัน จนตอนนี้ผมอาบน้ำเสร็จแล้วกำลังจะคลานขึ้นเตียงเพื่อไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ตามนัดหมายเมื่อได้เวลา

     เห้อออออออออ…
     ขอสารภาพเลยว่าตอนอยู่กับไอ้เสือแม่งโคตรโล่งสบายใจมาก หมายถึงพอได้ระบายอะไรออกไปแล้วน่ะนะต้องขอบคุณมันมากที่คอยอยู่ข้างๆผมในวันนี้   

     อย่าว่างั้นงี้เลยนะครับหัวหน้า… ตอนนี้รอยสัมผัสตรงหัวไหล่ผมที่ไอ้เสือมันตบปุเมื่อกี้นี้มันยังอยู่อยู่เลย และแน่ๆที่สำคัญ…ทำไมรอยกอดของไอ้เสือเมื่อตอนเย็นมันยังคงอยู่แบบนี้… รู้สึกเหมือนมีรอยอุ่นๆอยู่ตรงที่ผิวเราสัมผัสกันในตอนที่มันคว้าผมเข้าไปกอด

      บ้าน่า… ผมคงจะอุปประทานหมู่ไปเอง
     โอ้ยยยยกูอ่ะคิดมากกกกกกก นอนแล้วนอนแล้ว!! 

     .
     .
     .

     สัด! นอนไม่หลับ!!!   นอนไม่หลับก็เพราะนึกถึงแต่ตอนที่มันคว้าตัวผมเข้าไปกอดนี่ไง ภาพเหตุการณ์ตอนนั้นมันฉายชัดซ้ำไปซ้ำมาจนข่มตานอนไม่ได้เลยเนี่ยพลิกซ้ายก็แล้ว พลิกขวาก็แล้วนับแกะจนมันจะตัวที่ล้านแล้วครับหัวหน้าก็ไม่มีท่าทีว่าความง่วงจะเข้ามาครอบงำได้เลย

     ทำไมอัตราการเต้นของหัวใจผมมันถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ แล้วก็เสียวแปลบที่ช่องท้องแปลกๆตอนที่ภาพนั้นมันฉายซ้ำวนกลับมา

เป็นบ้าไปแล้วววว กูเนี่ยเป็นบ้าไปแล้ววววววว สงสัยอกหักจนเป็นบ้ากูจะไปใจเต้นแรงกับมันได้ยังไงเพิ่งช้ำรักมานะว้อยยยย  อีกอย่างมันเป็นผู้ชายด้วย ผู้ชายไม่เท่าไรผู้ชายลูกหนึ่งไอ้สาดดดด จะคิดอะไรก็นึกถึงหน้าลูกเขาเข้าไว้ ถึงจะเคยเป็นวันไนท์แสตนด์กูก็เถอะนะ เห้ยยยยไม่เอาอย่าพูดถึงเรื่องนี้ ไม่พูดๆๆๆ 

     เฮ้ออออออนี่เวลาล่วงเลยมาถึงตีสี่แล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหลับ  โอยยยยยหัวหน้าครับช่วยผมด้วย!!



      เช้านี้ที่ไม่ค่อยโอเคหน้าตาไม่แจ่มแจ้งสดใสเหมือนแสงแดดเลยรู้สึกเหมือนราหูจะอมขอบตาเพราะตาดำมาก ก็นอนไม่ถึงห้าชั่วโมงมันคงจะดีอยู่หรอก…   

     ฮร่อววววว ง่วงงงงงงเด้ง่วงเด้

     วันนี้ภาคเช้าเสือกมีสอบย่อยด้วยไงเลยต้องหอบสารร่างที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนซอมบี้มามหาลัย! และตอนนี้ก็เพิ่งได้ออกจากห้องเรียน ไม่ได้ตรงไปหาของกินนะครับตรงมาหาที่นอน เมื่อได้ที่เหมาะเจาะแล้วจากนั้นก็ฟุบหน้าลงตรงม้าหินอ่อนที่ประจำเลย

     “ตื่นๆๆๆๆๆๆ!!”  พักสายตายังไม่ถึงห้านาทีมารผจญอย่างไอ้เจมส์มันก็เสนอหน้ามาทันที…
     โอยยยย อย่ากวนกู 

    “ตื่นโว้ยยยยยยยยย!”   เมื่อเห็นว่าผมยังไมเงยหน้าขึ้นมาไอ้เจมส์มันก็ก่อกวนด้วยการตะโกนใส่หูผมดังๆ 
     ป๊าบบบบบบบบ!!
   
     “ไอ้ควายยยยกูจะนอนนน!!”   ไม่รอช้าที่จะประเคนฝ่ามืออรหันต์ใส่หัวสมองขี้เรื่อยของมันเพื่อสั่งสอน

     “ฮ่าๆๆๆๆ”  “มึงก็ไปหาแกล้งมัน เป็นยังไงล่ะสมองไหลเลย”  เสียงไอ้โก้หัวเราะลั่นอย่างถูกอกถูกใจจนถึงกับที่ผมต้องเงยหน้าขึ้นมาจากกระเป๋าที่ใช้รองตอนฟุบและมองหน้ามันประมาณว่า เงียบสัดกูจะนอน!

     “แกล้งห่าอะไรกูแค่จะมาชวนไปซื้อหนังสือมาอ่านเฉยๆ เพราะถ้าคะแนนสอบเทอมนี้กูเหี้ยนะโดนม๊าตัดค่าขนมแน่!”   
ผมยังคงฟุบหน้าอยู่แต่หูก็ยังคงได้ยินเพราะไม่ได้เข้าไปเฝ้าพระอินทร์อย่างในตอนแรก

     “โหหหห…เดี๋ยวนะนี่คือกูหูฝาด…” 
     แต่สุดท้ายแม่งก็ข่มตาให้หลับเหมือนในตอนแรกไม่ได้ ห่านนนนน!! กูต้องบิวด์อารมณ์ใหม่หมดเลยสัดเจมส์ 

     “เฮ้ยยย มึงตื่นขึ้นมาตกใจกับกูหน่อยสิวะปิง”   ว่าแล้วไอ้โก้มันก็มาสะกิดแขนผมยิกๆ

     “โว้ยยยยยกูไม่นอนแล้วโว้ยยยย!” 
     นั่นแหละครับ…กูไม่นอนแล้วก็ได้ 

     “ไหนมึงจะไปซื้อหนังสืออะไร มึงลุกขึ้นมาเลยเดี๋ยวกูพาไปซื้อ!”   ผมนี่โวยวายเลยครับประชดแม่ง อยากกวนกันดีนัก ก็รู้ๆอยู่ถ้ามากวนผมเวลานอนแม่งจะโคตรหงุดหงิดเลย

     “ไปสิวะ! นั่งทำห่าอะไรอยู่”   จนนี่ต้องเป็นฝ่ายเร่งมันแทนเพราะพวกมันยังนั่งทำหน้างงๆกันอยู่ 

     “มึงไม่ต้องมานั่งงงกันแม่งทำให้กูตื่นแล้วก็มารับผิดชอบด้วยสัด!” 
     และวันนี้ก็ผ่านความง่วงๆมาด้วยการอัดกาแฟกระป๋องมันทั้งวัน  เห็นหน้าอย่างนี้ก็กินแค่กาแฟกระป๋องครับช่วงนี้ไม่มีปัญญาไปกินสตาร์บัค พอดีการเงินมันมีปัญหาใสชุดนักศึกษาไปหาใครก็ไม่ได้ก็เลยต้องประหยัดๆเอา  เห็นไม่พูดถึงเรื่องเงินน่ะไม่ใช่ว่าจะมีนะครับ…จนเหมือนเดิม ไอ้หอกหัก

      จนตอนนี้ก็กลับมาถึงบ้านในเวลาสี่ทุ่มเศษๆไม่ใช่อะไรไปหาไอ้ฟาร์มให้มันเลี้ยงข้าว บอกแล้วว่าจนจริงๆไม่ติงนัง ก็คิดไว้อยู่ว่าจะหางานทำแล้วรอเงินค่าเช่าบ้านจากพี่มันอย่างเดียวคงไม่พอไหนจะค่าเทอมอีก แต่ตอนนี้ขอตั้งตัวก่อน 

อะๆ เห็นไม่พูดถึงพี่เพลงก็ใช่ว่าจะลืมนะครับก็ยังเจ็บอยู่นั่นแหละ…เรื่องมันก็เพิ่งผ่านมาเนอะยังลืมไม่ลงหรอกแต่ก็ไม่รู้จะเอามาคิดทำไม หาทางเริ่มต้นใหม่ดีกว่า นั่นไงพอแล้วๆเลิกพูดถึงพี่เขาได้แล้ว 

แล้วนี่ทั้งบ้านก็เงียบอีกเหมือนเคยยังไม่มีใครกลับมาเลยไอ้เสือมันคงยังไม่เลิกจากงานพาร์ทไทม์จะว่าไปก็หลายวันแล้วนะเนี่ยที่ไม่ได้เห็นเจ้าเด็กอ้วน ก็แอบคิดถึงเหมือนกันนะไม่ได้หยอกหลายวันแล้ว ยังหรอกครับก็ยังไม่เลิกเกลียดเด็กหรอกแต่มันก็ลดลงบ้างก็แค่นั้น

แต่น้องกวางนี่ให้สิทธิพิเศษที่จะเข้าใกล้มากกว่าเด็กคนไหน ไม่ใช่เพราะว่าเป็นลูกไอ้พี่เสือมันหรอกนะ  เพราะน้องกวางน่ะน่ารักกว่าที่คิดไว้อีกไง  ส่วนไอ้พี่หมากน่ะเหรอ…หายครับ คือตั้งแต่ที่พี่มันมาอยู่เนี่ยไม่ค่อยเห็นยู่บ้านสักเท่าไรเลย ไม่รู้วันๆออกไปไหนนักหนา แต่ก็เคยได้ยินไอ้ฟาร์มมันพูดนะว่าพี่หมากมันก็ทำงานเหมือนกัน ส่วนทำอะไรนั้นผมก็ไม่ค่อยรู้หรอก ทั้งบ้านก็คุยกับไอ้พี่เสือมากที่สุดแล้ว


     ครืด…
     และเสียงประตูรั้วบ้านก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงมอเตอร์ไซค์ในขณะที่ผมกำลังยืนดื่มน้ำอยู่ตรงหน้าตู้เย็น ไม่มีใครหรอกครับ…ก็
เสือไงจะใครล่ะ?


     ไม่นานก็ปรากฏร่างคุ้นตาที่โผล่มาทางประตูบ้าน  “น้องกวางเป็นไรวะนั่น”  ทันทีที่มันอุ้มน้องกวางเดินเข้ามาผมก็อดที่จะถามไม่ได้ เพราะว่าแอบเห็นแผ่นคูลฟีเวอร์ติดอยู่ตรงหน้าผากของเธอ

     “ไม่สบายนิดหน่อยน่ะ”  มันตอบแล้วก็รีบเดินเข้าห้องไป  ส่วนผมก็เคลื่อนย้ายร่างมานั่งตรงหน้าทีวีเพื่อย่อยเนื้อย่างสักหน่อยก่อนที่จะไปอาบน้ำ  และไม่นานคนตัวสูงก็ออกมาพร้อมกับถามว่า “มึงกินอะไรหรือยัง?”  แล้วก็เดินผ่านหน้าผมไปเสียบปักน้ำร้อนตรงโต๊ะกินข้าว

     “เรียบร้อยแล้วนั่งย่อยอยู่”   ผมตอบแล้วก็แอบไปมองมันนิดๆ เอ๊ะ! แล้วทำไมต้องแอบมองด้วยวะ!  “ทำไมมีไรจะเลี้ยงข้าวเหรอ?”   ตอนนี้ไม่แอบมองแล้วแต่มองเต็มๆเลย ที่มองเต็มตาเพราะมันหันหลังทำอะไรสักอย่างอยู่แถวนั้นน่ะสิ

     “พอดีน้าเล็กเอาแกงฝากมา ถ้าอยากกินก็อุ่นเอานะอยู่ในตู้เย็น”  เสร็จแล้วก็เห็นมันเอาถุงแกงไปใส่ไว้ในตู้เย็น 

     “อ่อ…”   คิดว่าแต่จะเลี้ยง

     “กินกาแฟแบบนี้แล้วจะนอนตอนไหนล่ะวะ?”   ก็อดที่จะถามไม่ได้เหมือนเดิม จัดกาแฟดำขนาดนี้วันนี้มึงได้ไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก็ให้มันรู้ไป

     “ต้องเร่งงานน่ะ เมื่อวานงานยังทำไม่ถึงไหนเลย”
     ไอ้ฉิบหาย…รู้สึกผิดเลยว่ะครับ

     ก็เมื่อวานมันมาคอยอยู่เป็นเพื่อนผมไง แล้วอีกอย่างกว่าจะได้กลับบ้านก็ตีหนึ่งแล้ว สงสัยเมื่อวานงานไม่เดินเพราะผมแน่เลย เอาไงดีวะ?  ช่วยอะไรมันได้บ้างไหมเนี่ย 

     “ให้กู”   ช่วยอะไรไหม?

     “เดี๋ยวไปอาบน้ำก่อนนะเหนียวตัวฉิบหายเลย”  ยังไม่ทันที่จะได้พูดต่อเลยมันก็ยกกาแฟรสเข้มขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป  ก็เลยต้องกลืนคำถามทั้งหมดนั่นลงคอไปดังเดิม



     เที่ยงคืนสี่สิบห้านาที


     แอ๊!! 
     และเสียงคุ้นเคยก็ส่งเสียงดังลั่นบ้านจนมันทะลุออกมาถึงห้องผม   
     เอ…น้องกวางเป็นอะไรน่ะ ปกติไม่เคยร้องไห้ตอนกลางคืนแบบนี้เลยนี่หว่า 

     แอ๊!!   
     และเสียงร้องก็ดังขึ้นอีกครั้งทำให้ผมที่กำลังนอนไถโทรศัพท์โง่ๆอยู่บนที่นอนนั้นอดที่จะลุกไปดูไม่ได้   
     แต่… พอเปิดประตูออกมาแล้วก็ไม่พบใครเห็นก็แต่น้องกวางที่เอาแต่ร้องไห้โยเยอยู่บนที่นอน 
ไอ้เสือมันไปไหนของมันทำไมปล่อยให้น้องกวางนอนร้องไห้อยู่แบบนี้


     “โอ๋ออออๆ มาแล้วมาแล้ว”   สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงเลยเดินเข้าไปอุ้มน้องกวางงขึ้นมาอุ้มไว้ จนรู้สึกได้ว่าน้องกวางไม่ได้ไม่สบายแค่นิดหน่อยแล้วมั้ง เพราะไอร้อนจากตัวมันส่งมาถึงผมนี่ไง 

     ฉิบหายแล้ว ทำไงล่ะทีนี้พ่อน้องมันก็ไม่อยู่อีกแล้ว


     บื้นนนนน! 
     นั่นไงแค่คิดก็มาพอดี ดึกขนาดนี้แล้วมันขับรถไปไหนมาวะ ลูกมึงไม่สบายก็รู้อยู่ยังจะออกไปคือบอกกูก็ได้ไหม? เดี๋ยวดูให้ไม่ได้ใจดำขนาดนั้น

     แอ๊!! 

     “โอ๋ๆ อยู่นี่แล้ว”  ผมปลอบเด็กอ้วนในอ้อมอกที่กำลังร้องไห้งอแง  ขนาดเวลาผู้ใหญ่อย่างเราๆไม่สบายก็ยังแทบตายเลยแล้วนับประสาอะไรกับเด็กที่ช่วยอะไรตัวเองไม่ได้วะ 

     “มาแล้วๆ!”   เสียงของไอ้เสือมันดังขึ้นพร้อมกับรางใหญ่ๆของมันที่พรวดพราดเข้ามาในห้อง 

     “ไปไหนมาวะ?”  ผมหันมาถามทั้งที่ยังลูบหลังปลอบน้องกวางอยู่แล้วยิ่งที่เธอได้ยินเสียงของพ่อ เธอก็ยิ่งร้องไห้ใหญ่เลยจนน้ำตานี่ไหลออกมาชนิดที่ว่าเช็ดแทบมาทัน   


     แอ๊!!!

     “ไปซื้อยามาน้องกวางไม่สบาย มาเดี๋ยวอุ้มเอง”  มันพูดแล้วก็ยื่นมือทำท่าจะอุ้มน้องกวาง ผมก็เลยพูดไปว่า “เดี๋ยวกูอุ้มให้ มึงจะทำอะไรก็รีบทำ ป้อนยาไหม? หรือเช็ดตัว?” 

      “มันจะลำบากมึงเปล่าๆมานี่เดี๋ยวอุ้มเอง”  ยังอีกมันยังไม่หยุดอีก เดี๋ยวปั๊ดตีแขนขาด

     “มึงจะไปทำไรก็ทำ เดี๋ยวช่วยดู เร็วๆไข้ขึ้นขึ้นมาแล้วจะลำบาก”  ขอดีใจสักนิดหนึ่งคือว่านานๆทีจะได้เป็นคนแบบจริงจังต่อหน้ามันขึ้นมาบ้าง

     “งั้นฝากแป้บนึงนะ”  ว่าแล้วมันก็เดินออกไปไหนก็ไม่รู้กลับมาพร้อมกับผ้าชุบน้ำหมาดๆ จากนั้นก็เอามาเช็ดตามตัว เสร็จแล้วก็เอาแผ่นคูฟีเวอร์มาติดหน้าผากน้อยๆนั่นไว้  แล้วก็ตบท้ายด้วยการป้อนยาแก้ไข้  ตอนแรกก็ปล้ำกันอยู่นานสองนานกว่าจะได้โดยที่มีผมเป็นคนอุ้มและแน่นอนว่าไอ้เสือมันเป็นคนป้อน อะๆไม่ต้องกังวลครับนี่ไม่ใช่คนป้อนเพราะกูป้อนไม่ได้แน่ๆครับหัวหน้า ไปทำลูกเค้าสำลักยาขึ้นมาจะทำยังไง ลำพังทุกวันนี้จะตักข้าวเข้าปากตัวเองไม่ร่วงออกจากปากก็ดีแค่ไหนแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับการป้อนยาหรือป้อนข้าวเด็ก   

     “มาเดี๋ยวกูดูต่อเอง มึงไปนอนเถอะ”   เสร็จภารกิจแล้วมันก็ทำท่าจะเข้ามาอุ้มน้องกวาง 

     “มึงทำงานเสร็จยังถ้ายังไม่เสร็จก็ไปทำซะเดี๋ยวดูให้เอง”   เพราะตอนนี้น้องกวางก็ไม่ได้งอแงแล้ว แต่กำลังเริ่มเคลิ้มหลับด้วยฤทธิ์ยาที่เพิ่งป้อนเข้าไป

     “ไม่เป็นไร มึงน่ะไปนอนเดี๋ยวจะพักผ่อนไม่พออีก”   จ้าพ่อคุณคนนอนครบแปดชั่วโมงงงงง ถุยยยย

     “มึงไปทำงาน เดี๋ยวจะดูให้โอเค๊ ถ้าไม่โอเคกูจะปลุกให้น้องกวางตื่นแม่ง!”   กูโหดครับ ก็อยากจะช่วยมันดูด้วยนั่นแหละ เมื่อวานมันก็ยังทิ้งงานแล้วมาคอยอยู่ข้างๆผมนี่ แล้วทำไมผมจะช่วยมันบ้างไม่ได้ล่ะ

     “เอออ!!” มันตอบเสียงค่อนข้างประชดหน่อยเสร็จแล้วก็นั่งลงตรงโต๊ะญี่ปุ่นปลายเตียงที่มีโน้ตบุ๊คตั้งไว้อยู่  ผมเลยเลือกที่จะไม่กวนมันแต่เดินอุ้มน้องกวางออกมาข้างนอก น้องกวางเองก็เริ่มมีท่าทีเคลิ้มไปแล้ว ผมไม่รู้วิธีการกล่อมแต่ก็เอาวิธีการที่แม่เอามาใช้กับผมในตอนเด็ก ถึงแม้ว่าจะจำแทบไม่ได้ก็ตามแต่ก็จะนึกออกให้ได้เท่าที่จะนึก ตอนนี้ผมก็เลยอุ้มน้องกวางอยู่เดินไปเดินมามือข้างที่ว่างก็ลูบหลังและศีรษะเล็กไปมา บางครั้งก็เปลี่ยนจาการเดินมาเป็นการโยกตัวบ้าง  สุดท้ายเจ้าเด็กอ้วนก็หลับไป 



     ฮ้าวววววว!

     กูหาวเองครับหัวหน้า หาวยาวจนเป็นสะพานทอดไปถึงแอสการ์ดได้เลยมั้งครับ ดูท่าว่าน้องกวางจะหลับแล้วผมก็เลยพาเดินเข้ามาในห้องของอไอ้เสือ “นอนแล้วเหรอ?”  มันเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อเห็นว่าผมเดินเข้ามา

     “อือ…ให้เอาน้องนอนตรงไหน?  เอานอนลงที่เดิมเลยนะ”  ถามไปงั้นแหละกูไม่รอฟังคำตอบหรอกครับเอาวางลงเลย
อ่า…เหน็บกินครับหัวหน้า!

     “ขอบใจมึงมาก” 
   
     “ไหนผ้าชุบน้ำล่ะ?” 

     “มึงไปนอนได้เลย เดี๋ยวกูดูเอง” 

     “ผ้าชุบน้ำ?”   นั่น!! เก่งเข้าไปอีกกูเนี่ย

     “บอกให้ไปนอน”   ห่านนนเก่งไม่ได้แล้ว พอมันกดเสียงต่ำลงแล้วมองมานิ่งๆใจกูนี่บ่ดีเลย

     “เออๆจะไปนอนแต่เอาผ้าชุบน้ำมาก่อนแล้วจะไปนอน”   
พอได้ฟังคำตอบผมแล้วมันก็โยนผ้าชุบน้ำสีขาวมาให้ผม นี่ก็เลยถือวิสาสะปีนขึ้นมาบนเตียงของไอ้เสือ(ที่มีกูเป็นเจ้าของ)แล้วก็มานั่งข้างน้องกวางที่นอนฝั่งติดกำแพง จากนั้นก็ค่อยๆใช้ผ้าเปียกคอยเช็ดไปตามแขนตามขาของน้องไปเรื่อยๆ

     เรื่อยๆ และ เรื่อย…


     เช้าต่อมา…


     ฮ้าวววววววววววววววว

     คราวนี้เสียงหาวนี่ยาวไปถึงดวงอาทิตย์เลยมั้ง ไม่ใช่อะไรพระอาทิตย์มันขึ้นแล้วนี่ไงเลยได้เวลาที่ต้องตื่น แต่ไม่เป็นไรวันนี้มีเรียนสาย 

     กี่โมงแล้วล่ะเนี่ย… พอกำลังควานมือไปหานาฬิกาที่ชอบวางไว้หัวเตียงแต่กลับไม่เจอนั่นก็เลยทำให้ผมสำนึกได้ว่า… 
เดี๋ยวๆ นี่ไม่ใช้ห้องกูนี่หว่า 

     ห้องใครวะ?   
     อ่อห้องไอ้เสือ   ใช่แล้วเมื่อคืนมาคอยดูน้องกวางให้มันนี่หว่า แล้วก็…หลับไปตอนไหนก็นึกไม่ออกเลยครับหัวหน้า 


     ฮ้าวววววววว ขอหาวอีกรอบก่อน ง่วงขนาดเลย

     เห้ย!! 
     ว่าแต่อะไรมันหนักๆวะ…อย่าบอกนะว่าผีอำ!

     นี่ยังไม่ตื่นดีเหรอ ใช่แน่ๆต้องเป็นผีอำแน่ๆรัดคอกูแน่นขนาดนี้ 
     
     แต่… เดี๋ยวนะ?  ผีมีลมหายใจด้วยอ่อ?   

     ห่านนนนนน!!   ตกใจแทบตายกูเกือบยันตกเตียงแล้วไหมล่ะ?  ก็ไอ้ห่าเสือมันนอนอยู่ข้างๆผมนี่ไงเตียงก็ไม่ได้หลังใหญ่นะยังจะเบียดมานอนอีก ทำไมจะขึ้นมานอนแล้วไม่ปลุกกูดีๆวะ ดีนะไม่ทับน้องกวางเอาได้

     มีแต่กูเนี่ยแหละหนักสุดนอนตรงกลางไงตอนนี้เลยโดนทั้งพ่อทั้งลูกมันเบียดจนกูคิดว่าแต่ผีอำ 
     น้องกวางก็เล่นเข้ามาเบียดแล้วเอาเท้าพาดช่วงท้องผมอย่างสบายใจ ส่วนไอ้เสือนั้นไม่ต้องพูด แขนยาวๆของมันพาดตรงลำคอผมไว้แล้วกอดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ขาข้างหนึ่งก็พาดเข้ามาเกาะมาก่ายอยู่ที่ขาผมนี่เกาะกูไว้อย่างกับกลัวจะตกเตียง   
แต่มองๆดูแล้วแม่งก็น่าตกจริงๆนั่นแหละ เหลือพื้นที่แค่นิดเดียวเอง ยังมองไม่เห็นครับแต่กูสัมผัสได้

     “ไอ้เสือ”  ผมกระซิบเรียกมันเสียงเบาๆ เพราะกลัวว่าน้องกวางจะตื่นเอาได้ สงสัยมันต้องพึ่งได้นอนแน่ๆ 

     “เสือ…”  ผมยังคงกระซิบเรียกมันใกล้ๆหู  คือกูจะได้ลุกแล้วมึงจะได้นอนดีๆไง

     “ฮือออออออ” มันครางฮือในลำคอตอบรับผม แต่ยังก็ไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมา  หนำซ้ำยังเอาหน้ามาซุกตรงซอกคอผมอีก…

     ตึกตักๆ…

     แล้วทำไมต้องใจเต้นแรงด้วย…แค่ลมหายใจอุ่นๆเอ๊งงงงงงงง

     อุ่นจนจะเผากูไหม้แล้วไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย




    TBC...

     rewrite 16/7/2560
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบเอ็ด(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 2/05/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Bronc ที่ 02-05-2017 01:16:23
พี่เสือเริ่มทำให้น้องหวั่นไหวแล้วสินะ อิอิ ลุ้นๆ เวลาแห่งครอบครัว
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบเอ็ด(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 2/05/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 02-05-2017 01:39:37
ค่อยๆสนิทใจกันมากขึ้นแล้วว
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบเอ็ด(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 2/05/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-05-2017 02:49:06
 :-[
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบเอ็ด(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 2/05/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-05-2017 06:19:15
เวลาไม่สบาย จะเห็นน้ำใจจากคนใกล้ตัว
และเห็นความรู้สึกแท้จริงของคนป่วย
เสือ แสดงออกให้เห็นว่าต้องการสัมผัสจากปิง ซึ่งมาจากส่วนลึกในใจของเสือ
และเสือก็เห็นน้ำใสใจจริงของปิงเช่นกัน
เห็นความน่ารักของปิง การดูแลลูกกวาง ทั้งที่ปิงเป็นคนไม่ชอบเด็ก
ก็น่าที่ทั้งคู่จะรู้ใจกัน  รอดูตอนตื่นละกัน
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบเอ็ด(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 06-05-2017 00:11:26
รักของเสือ ตอนที่สิบเอ็ด : ไม่สบาย




     เพี๊ยะ!!

     “ไอ้เสือ!!”   สะกิดก็แล้วอะไรก็แล้วเจ้าของอ้อมกอดมันก็ยังไม่ปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ เลยฟาดเข้าที่แขนยาวๆของมันจนเกิดเสียง และตอนนี้เจ้าตัวก็ลืมตาปรือๆตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย สภาพตอนนี้ของไอ้เสือนี่แทบดูไม่ได้ผมเผ้ายุ่งเหยิงคราบน้ำลายเต็มแก้ม ไม่ใช่ว่ามันไหลโดนผมไปแล้วเรอะ!

     อี๋!! ไม่ได้ไม่ชอบนะแต่รังเกียจ 

     ขนาดแค่นั่งทำงานเฉยๆนะ เมื่อคืนนี้ล่ะทำเก่งบอกจะดูน้องกวางเอง ผมว่าถ้าเป็นอย่างนั้นตอนนี้มันคงมีสภาพไม่ต่างกับคนที่เพิ่งโดนรุมโทรมมาแหงๆ ขอบตานี่ดำอย่างกับกำลังปลอมตัวเป็นหมีแพนด้า ปากซีดเซียวหน้าโทรมขนาดหนัก   

     “อะไร…” เมื่อเพื่อนร่วมเตียงเปิดเปลือกตาขึ้น มันก็ถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย 

     “ทำไมเมื่อคืนไม่ปลุกให้กูไปนอนห้อง?” 

     “เห็น… เออช่างมันเถอะ”  เหมือนว่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด เดี๋ยวปั๊ดโบกหลังแหวนเลยนี่!   

     “ปล่อยได้แล้วกูจะลุกแล้ว” ผมเอ่ยบอกคนที่เอาแต่กอดไม่ยอมปล่อย
เออมึงปล่อยกูได้แล้วว้อยยยนี่ไม่ได้กำลังถ่ายโฆษณายาสีฟันเดนทิสเต้นะที่จะได้เอาหน้ามาใกล้แล้วพ่นกลิ่นปากให้กันฟังตอนเช้าเนี่ย   

     “โทษที…”  คุณพ่อลูกอ่อนตอบเสียงเนือยๆแล้วก็เอาแขนขาออกจากตัวผม เลยไม่รอช้าที่จะเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนโดยอัตโนมัติตอนนี้เลยกำลังยืนอยู่ข้างๆเตียงแทน   

     “นอนต่อซะเดี๋ยวถ้าน้องกวางตื่นแล้วจะมาดูให้”  พอเห็นสภาพมันแล้วก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร มันยังนอนอยู่ที่เดิมแล้วใช้มือนวดขมับและกระบอกตา

    “ไม่มีเรียนหรือไง?”   

     “มีสายๆนี่ก็หกโมงอยู่เลย” ผมพูดและหันไปมองคนที่เอาแต่นวดกระบอกตาไปมา “มึงก็นอนซะเดี๋ยวถ้าน้องตื่นจะมาดูให้ถ้าไปมอแล้วจะมาปลุก” 

     “ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ลุกแล้ว”  ว่าแล้วไอ้เสือมันก็ทำท่าจะลุกขึ้นมา จนผมอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปผลักอกให้มันล้มลงที่เดิม

     “นอนเถอะมึง สภาพอย่างกับคนโดนรุมโทรมมา”

     “ไม่เป็นไรกูไหว”  นั่น! หน้ามึนอีก! (อย่างมันน่ะไม่เหมาะกับคำว่าดื้อครับ หนังหน้าไม่ให้กร๊ากกกก)  แล้วก็ทำท่าจะลุกขึ้นมาจากที่นอนอีกครั้ง

     ถ้ารุ่นเดียวกันนี่กูตบหัวคว่ำคะมำลงพื้นไปแล้วนะครับหัวหน้า บอกอะไรก็ไม่รู้จักฟัง

     “เมื่อคืนนอนตอนไหน?”  ผมถาม

     “ตีสาม…ทำไม”


     ตุบ! 
     ไม่รอให้คนหน้ามึนบนเตียงได้พูดจบผมจัดการผลักศีรษะที่มีเส้นผมฟูฟ่องละอองซิ่วของมันให้ล้มลงบนหมอนอีกครั้ง   

     “นอน!”  เปิดโหมดเสียงแข็งใส่คนบนเตียง

     “…”

      คราวนี้ไอ้เสือไม่ตอบแต่ก็ไม่ได้หลับตานอนลงไป แต่กลับมองผมกลับมานิ่งๆ นิ่งซะจนแบบว่าไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ คือบับ…


     ตึกตัก…
     ใจกูสั่นอีกทำไมล่ะครับสังคม…
 
     “นอน…” ผมพูดอีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ได้เสียงแข็งอย่างตอนแรก ก็… ก็เพราะ… มันมองหน้าผมไง ไม่รู้จะมองทำไมก็เลยรู้สึกแปลกๆ

     อดไม่ได้ที่จะเม้มริมฝีปากไว้เพราะความประหม่าเมื่อคนบนเตียงยังไม่เลิกมอง สุดท้ายก็เลยจัดการเอื้อมมือไปตรงหน้าพร้อมกับปิดตาของไอ้เสือไว้ราวกับว่าคนที่นอนตายตาไม่หลับแล้วเอามือไปลูบลงอะไรทำนองนี้

คราวนี้มันยอมผมง่ายๆแต่โดยดี ใต้ฝ่ามือผมสัมผัสได้ถึงการที่เปลือกตาได้ปิดลงเนื่องจากเส้นขนตานั้นสัมผัสเข้ากับผิวเนื้อที่มือของผม 


     ฮือ…

     กูจั๊กจี้…

     แต่ทว่า…

     หมับ!
     อยู่ๆผมที่กำลังจะละมือออกจากตรงนั้นกลับต้องหยุดชะงักทันที ไม่ใช่ว่าเพราะหยุดเอง…แต่เพราะคนบนที่นอนต่างหากที่หยุดไว้ ฝ่ามือของไอ้เสือใหญ่กว่าผมนิดหน่อยและมันก็อบอุ่นไม่น้อยเลยทีเดียว 

     รอบข้อมือของผมรู้สึกถึงความอุ่นร้อนน้อยๆ เพราะเจ้าตัวกำจับอยู่ที่ส่วนนั้นไม่ยอมปล่อย
ไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมาไม่ว่าจะผมหรือจะไอ้เสือ แม้ว่ามันได้ปิดเปลือกตาไว้อยู่แต่ผมก็รู้…ว่ามันน่ะ ยังไม่ได้หลับหรอก!


     แหม…

     หกโมงเช้านั้นฉันตาย!!

     .
     .
     .


     ถ่อสังขารตัวเองออกมาจากห้องไอ้เสือได้แล้วก็จัดการล้างหน้าแปรงฟันสักนิดเพื่อว่าจะได้ไปตลาดไปหาอะไรมากินแล้วก็หาเผื่อไอ้คนที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียงนั่นด้วย

     แต่เดี๋ยว!!

     หมดสภาพนั่นไม่ใช่เพราะนี่ไปกระทำชำเราอะไรมันนะ หมายถึงมันโหมงานหนักจนหมดสภาพเนี่ย พอเห็นแล้วก็มองย้อนกลับมาที่ตัวเองแล้วก็หน้าสั่นแปลกๆ ทุกคืนผมนอนก็ดึกดื่นแต่กลับไม่ได้เรื่องอะไรเลย ผิดกับไอ้เสือที่นอนดึกไม่มีเวลานอนก็เพราะว่าทำงาน…

     ทำไมมันละอายใจแปลกๆวะ ว่าไหมครับหัวหน้า…

     ก๊อก!!

     “พี่หมาก!”  พอดีแอบเห็นรองเท้าพี่หมากมันถอดอยู่ที่ประตูหน้าบ้านเลยจะเข้ามาถามว่าจะเอาอะไรไหม? พอดีจะออกไปซื้อของกิน ไอ้พี่คนนี้ก็เหมือนกันไม่ค่อยเห็นหน้าเห็นตาหรอก ทำแต่งาน ทั้งบ้านมีกูคนเดียวมั้งที่รู้สึกว่าจะไม่ค่อยมีอะไรกับเขาเนี่ย  หน้าสั่นไปตามระเบียบ… 

     “ไร…”   มันตอบเสียงกลับมางัวเงียจนผมแทบไม่ได้ยิน นี่ประตูก็ยังไม่ออกมาเปิดให้ก็เลยถือวิสาสะลองหมุนลูกบิดดูปรากฏว่ามันไม่ล็อคก็เลยเปิดเข้าไปซะเลย

     “จะเอาอะไรไหมจะออกไปตลาด?” 

     “ไม่เอา…”  นั่นและครับแล้วบทสนทนาของเราก็จบแต่เพียงเท่านี้

     เดี๋ยวนะ…

     เหมือนลืมอะไรไปเลยหว่า…

     นั่นไง!

     ลืมน้องกวางไปสนิทเลย อุตส่าห์บอกพ่อเขาว่าจะดูให้ ไม่ใช่ป่านนี้ตื่นแล้วเหรอวะ?

     ทันเท่าความคิด ผมรีบสาวเท้ายาวๆก้าวไปยังหน้าประตูห้อง คงไม่ต้องบอกนะว่าห้องใคร…
     นั่นไง…จริงๆด้วยพอเปิดประตูเข้ามาแล้วก็เห็นน้องกวางนอนลืมตาแป๋วอยู่บนที่นอน ส่วนไอ้คนเป็นพ่อนั้นก็นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ใกล้ๆเด็กอ้วนไม่ไปไหน

ชะชะชะปานนั้นแล้วยังจะตีมึนบอกไม่นอนๆ ขอเบะปากแรงๆสักทีหน่อยเถอะ คิดว่าตัวเองเก่งมาจากไหนวะคนเรามันก็ต้องพักผ่อนกันบ้างสิน่า!  ทำอย่างกับโลกทั้งใบนี่อยู่แค่กับลูกสองคน ชิชะเดี๋ยวปั๊ดตบให้กะโหลกแตก เรื่องของคนอื่นนี่ช่วยจังแต่เรื่องของตัวเองแล้วไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่ง


     “ตื่นแล้วเหรออ้วน!”  ว่าแล้วก็คลานขึ้นเตียงไปหาน้องกวางที่กำลังนอนเล่นยิ้มแย้มให้เพดานบนห้องอยู่ ดูท่าแล้วจะเป็นเด็กยิ้มง่ายไม่เหมือนพ่อมันที่เอาแต่ทำหน้าเดียวหน้าไร้อารมณ์ที่แบบว่ามองทีไรแล้วหมดอารมณ์น่ะนะ

     หมายถึงอารมณ์สนทนาด้วย

     จะคิดลึกอะไรกัน

     “ไหนดูสิหายไม่สบายหรือยัง”  อืม…ดีขึ้นเยอะกว่าเมื่อวานเยอะเลยนะ ตอนนี้ตัวก็อุ่นๆขึ้นแล้วแต่ก็ยังเห็นมีน้ำมูกไหลอยู่

     “ดีขึ้นแล้วนี่หว่า…มานี่มาเดี๋ยวพาไปเที่ยว”   ผมอุ้มน้องกวางลุกขึ้นมาจากเตียงจากนั้นก็จัดการทุกอย่างตามลำดับขั้นตอนที่ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้าล้างตาซึ่งก็ทำไม่เป็นหรอกแต่เห็นไอ้เสือมันเคยทำก็เลยลองๆทำดูผิดบ้างถูกบ้างตามประสา 

เอาน้ำเอานมให้ดื่มรองท้องก่อนส่วนให้กินอาหารเช้ายังไงนั้นผมไม่รู้เดี๋ยวรอให้พ่อน้องมันตื่นขึ้นมาป้อนดีกว่า ก็บอกแล้วไงทุกวันนี้ป้อนข้าวใส่ปากตัวเองแล้วมันไม่ร่วงออกมาก็ดีเท่าไรแล้ว

     หลังจากนั้นก็เอากระเป๋าเป้สะพายเด็กเอามาใช้สะพายน้องกวางไว้เพราะถ้าให้อุ้มคงไม่ไหว  เดินเตร็ดเตร่หาของกินตอนเช้าไปมาสุดท้ายเลยได้พะแนงมาหนึ่งถุงผัดกระเพราะปลาดุกกรอบแล้วก็แกงจืด แถมยังได้ของหวานติดไม้ติดมือมาอีกหนึ่งอย่าง เพราะผมถือคติกินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่..  เปล่าที่จริงมันนิสัยกูเองครับหัวหน้ากินคาวแล้วไม่กินของหวานตบท้ายคือจะอยู่ไม่ได้  มันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง

แล้วตอนที่พาน้องกวางเดินออกมาซื้อของนะคนนี่ก็มองใหญ่เลยส่วนป้าคนไหนที่คุ้นหน้ากันหน่อยก็แซวผมตลอดว่าไปทำใครเขาท้องมา  คิดเหรอครับว่าคนอย่างไอ้ปิงนั้นจะเอาลูกในอนาคต เมียน่ะเอาอยู่แต่ที่แน่ๆไม่เอาลูกแน่ๆ

ผมว่ามันก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์ดีนะที่เราได้มีลูก แต่ยังไงซะก็ขอค้านหัวชนฝาเลยครับ ยังไงก็ไม่เอา!  ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเด็กมากมายอะไรขนาดนั้นเหมือนแต่ก่อนหรอกนะ แต่ก็…ไม่รู้ว่ะ  ไม่อยากได้ลูก สรุปคือไม่อยากมีภาระ ฮ่าๆๆๆ

     “ไปไหนมา?”  พอเดินเขามาในบ้านเท่านั้นแหละไอ้พ่อลูกอ่อนมันก็เดินหน้าซีดโซซัดโซเซออกมาจากห้องแล้วก็ถามด้วยอาการเมาขี้ตาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

     “ไปซื้อกับข้าวมา” ผมตอบและชูของในมือให้ดู 

     “จะไปข้างนอกแล้วทำไมไม่ปลุก เอาน้องกวางไปทำไม?”  คู่สนทนาพูดแล้วก็หาววอดๆสองมือก็เกาหัวตัวเองไปมา 

     “สภาพอย่างนี้อย่าว่าแต่ดูน้องกวางเลย ดูตัวเองให้ได้ก่อนเถอะมึง” ขอแซะหน่อยเถอะ เกลียดดดดดดดดด

     “ก็ไม่อยากให้หอบกันไป” มันพูด “ลำบากไหมล่ะดูดิ” พยักพเยิดหน้ามาทางน้องกวาง ที่ผมกำลังกระเตงๆอยู่ 

     “ลำบากห่าอะไรไร้สาระ ไป๊ๆ ไปทำข้าวมาให้ลูกมึงกินไปดูดิดูดนิ้วเล่นจนน้ำลายหกเต็มแล้วเนี่ย”  สุดท้ายก็เลยตัดบทด้วยการไล่ให้มันไปหาข้าวให้น้องกวางกิน ไม่ใช่อะไรเดี๋ยวเรื่องจะไม่จบ  ก็บอกแล้วไงไอ้เสือน่ะมันเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบขอความช่วยเหลือใคร หรือไม่ชอบให้ใครมายิบยื่นความช่วยเหลือให้ด้วย 

     อะๆ!! ไม่ต้องสงสัยครับทำไมถึงรู้เพราะว่าก็อยู่ด้วยกันมานานพอสมควรไง ก็พอที่จะรู้นิสัยมันบ้าง  มันน่ะเป็นคนอีโก้สูง ศักดิ์ศรีค้ำคอเลยแปลกที่จะไปแบกหน้ากลับบ้านไปหาพ่อยังไงล่ะ ไม่ต้องสงสัยอีกเช่นเคยว่าทำไมถึงรู้ ก็เพราะว่าเคยเสือกเรื่องของมันมาเหมือนกัน  แหะๆ

     ทานข้าวเช้าเสร็จอะไรเรียบร้อยก็ได้เวลาถ่อมามหาลัยในที่สุด มานั่งเสนอหน้ากันที่เก่าเจ้าเดิมพร้อมกับพักพวกอีกสามคนที่เพิ่มเติมเสนอหน้ามานั่งด้วยคือไอ้ฟาร์มสงสัยยังไม่ถึงเวลาเรียน

     “ปิดเทอมนี้ไปไหนดีว๊า!?”  ขณะที่แต่ละคนกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาเข้าสู่โลกสังคมก้มหน้าไอ้เจมส์มันก็ถามขึ้นมาทำลายความเงียบ

     “ไม่รู้ว่ะ…มึงถามทำไม?”   โก้

     “หางานทำมั้ง?” คือก็คิดๆไว้อยูนะว่าจะหางานทำเดี๋ยวค่าเทอมมาแล้วไม่มีจ่ายจะโดนไล่ออก

     “หึ…ไม่รู้”   ฟาร์ม

     “ไม่ไง…คือกูเนี่ยมีบ้านพักต่างอากาศอยู่ที่เสม็ดคือบับ…ก็อยากชวนพวกมึงไปไง…ป๊าม๊าไม่อยู่ช่วงปิดเทอม อยากไปปล่อยผี”

     อืม…เหตุผลที่แท้ทรู   

     “เออๆๆน่าสน”   ไอ้โก้เออออห่อหมกพยักหน้าเห็นด้วย อย่างมึงเนี่ยเรื่องเที่ยวไม่เคยไม่เห็นด้วยเหรอ?ถามใจดู

     “มึงสองคนว่าไง…” นั่นไงแล้วก็หันมาถามผมกับไอ้ฟาร์ม คราวนี้ก็เลยมองหน้ากับไอ้ฟาร์มแบบงงๆ คือแบบว่าก็ยังไม่รู้น่ะนะว่าจะไปดีรึเปล่า

     “หึ…ยังไม่รู้ว่ะ”  คราวนี้ก็ส่ายหัวแล้วตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

     “โด่!! ไรว๊านอกจากรับน้องนอกสถานที่แล้วก็ยังไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัดกับมึงเลยนะโว้ยยยย”  แหม…ตัดพ้อกูอีกนะไอ้เจมส์ 

     “ยังไม่รู้บอกแล้วไงว่าจะหางานทำเดี๋ยวบอกอีกทีก็แล้วกันไม่คอนเฟิร์ม”  อย่าชวนกูหลายเพื่อน…เดี๋ยวจะตะบะแตก ก็อยากไปเหมือนกัน แต่ก็แอบบอกตัวเองในใจไว้แล้วว่าต้องหางานทำให้ได้ ไรสาระมาพอแล้ว (เหรอวะ?)

     “ไว้ไปแล้วค่อยกลับมาหางานก็ได้ไง…ทำอย่างกับจะไปอยู่นู่นเป็นเดือน แล้วมึงอ่ะไอ้ฟาร์มไปด้วยกันป้ะ?”  บักอันนี้แหม…ยังไม่หยุดไซโคพวกกูอีก

     “จริงๆก็ไม่ได้มีแพลนอะไรน่ะนะ แต่ถ้าไอ้ปิงมันไปกูก็ไป” 
     นั่นไง… สุดท้ายความกดดันก็มาตกอยู่ที่กู

     สารเฬววววว

     แล้วไอ้ตัวยุแยงคอยอยากให้ผมไปมันก็หันหน้ามามองมาจ้องผมอย่างคาดคั้นรอเอาคำตอบ กูบอกแล้วไงว่าขอดูก่อนนนนนน

     “เออๆๆ ไปก็ได้!” 

     ไม่ดูแม่งละหน้าตานี่จริงจังกว่าตอนฟังผลสอบอีกผีปอบ

     .
     .
     .
     และวันนี้พวกเราก็วางแพลนไว้กันเรียบร้อยแล้วว่าหลังจากปิดเทอมสอบไฟนอลนั้นฉันตายได้ผ่านพ้นไปพวกเราก็จะไปเสม็ดสามวันสองคืน ไม่รู้มานึกคิดผีบ้าผีบออะไรของมันที่อยู่ๆก็อยากไปทะเล นี่ก็ว่าจะเอารถของไอ้เจมส์ไปสงสัยกระสันอยากที่จะเที่ยวขนาดหนัก ตัวสั่นริกๆเลยเวลาพูดถึงแพลนที่วางกันไว้

     ยังไม่ได้ไปเที่ยวแต่ก็วางแพลนล่วงหน้าไว้ตั้งนาน ถึงเวลาแล้วต่างคนต่างติดธุระไม่ได้ไปแล้วกูจะหัวเราะให้ฟันหัก 
ขณะนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบสองทุ่มแล้ว มองเข้ามาในบ้านก็แอบเห็นไฟเปิดไปทั่วบ้านเลย สงสัยไอ้เสือมันคงจะอยู่นี่ก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์จอดอยู่แต่พี่หมากอยู่ไหม?นี่ไม่รู้


      แอ๊!
     ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านเสียงคุ้นหูก็ดังเข้ามาในโสตประสาททันที  ก็เสียงน้องกวางไงจะใครล่ะครับหัวหน้า ผมเลยอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดูสักหน่อย…

     แอด…
     แต่สิ่งที่ได้พบหลังจากเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วภาพที่ฉายชัดอยู่ตรงหน้าคือน้องกวางกำลังนอนร้องไห้งอแงอยู่บนเปล ส่วนพ่อของเธอนั้นก็นอนอยู่บนเตียงเหมือนไม่สนใจลูกไม่ได้ยินเสียงร้องไห้อะไรเทือกๆนี้
นั่นเลยยิ่งทำให้หัวคิ้วผมขมวดมุ่นมากกว่าเดิม แต่ก่อนที่จะผูกโบว์ให้คิ้วตัวเองผมก็รีบจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องตรงดิ่งไปยังเปลของเจ้าเด็กอ้วนทันที 

     แอ๊!!
     เสียงร้องไห้ดังออกมาไม่ขาดสายไอ้เสือมันก็ยังไม่ตื่น

     “เป็นไรอ้วนนนนน”  ว่าแล้วก็วางกระเป๋าลงข้างตัวก่อนจะอุ้มน้องกวางลุกขึ้นมาจากเปล สภาพนี่ไม่ต้องพูดถึงไม่รู้ว่าร้องมานานขนาดไหนแล้วเพราะน้ำหูน้ำตานี่ไหลนองหน้าเลย แล้วนี่อะไรทำไมไอ้เสือมันยังไม่ลุกอีก? แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญปล่อยมันไปก่อนเพราะตอนนี้นี่ควรจัดการน้องกวางก่อน ดูสิเนี่ยฉี่ล้นเต็มแพมเพิร์สหมดเลย เดี๋ยวเอาไปจัดการก่อนแล้วจะมาดูคนหน่อยว่ามันเป็นอะไร

     นอกจากจะฉี่ล้นแพมเพิร์สแล้วยังขี้แตกเต็มแพมเพิร์สอีกครับหัวหน้า!!  โอยยยยยยยยยยยยย คือบับ…เข้าใจไหมครับคนไม่เคยทำมันก็จะไม่โอเคหน่อยๆ 

     แต่ก็ช่างมันเถอะได้อะไรละ ก็นั่นแหละพอเปลี่ยนแพมเพิร์สเสร็จแล้วไม่รู้ว่าเด็กอ้วนมันหิวรึเปล่าแต่พอลงเอานมให้ดื่มก็คว้าหมับเข้ามาดื่มแบบทันท่วงที จ้า…ไม่ค่อยหิวเลย  นี่ก็เลยเอาเบาะนอนของน้องมาปูให้นอนเล่นในห้องไปก่อนเสร็จแล้วก็เลยมาจัดการไอ้เด็กโข่งที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียง 

     “ไอ้เสือ” ผมพูดและยืนค้ำหัวคนตัวสูงที่นอนอยู่บนเตียง   

     “…”  ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

     “ไอ้เสือ…”  พอใช้เสียงอย่างเดียวแล้วไม่ตื่นไงนี่ก็เลยต้องเขย่าตัวมันสักนิดพอเป็นพิธี
 
     แต่…ไอ้ฉิบหายทำไมตัวมันร้อนขนาดนี้วะเนี่ย!? 

     อย่าถามว่าทำไมตกใจ…คือก็ไม่ได้คิดว่าผู้ชายถึกแบบมันจะไม่สบายน่ะครับ แล้วแม่งก็ตัวร้อนมากด้วย จะทำยังไงดี… 

     “ไอ้เสือ!!!”  คราวนี้ไม่ได้ทำใจเย็นเรียกเสียงเบาแล้วนะ ผมนี่ตะโกนเลยครับหัวหน้าแล้วก็เขย่าตัวมันเร่าๆ ไม่ใช่ไรกลัวว่ามันจะตาย

     “อือ…”  มันครางตอบรับในลำคอแล้วก็ปรือตาขึ้นมาช้าๆ

     “ไม่สบายเหรอมึง?” 

     “อืม…ปวดหัวนิดหน่อย” เจ้าตัวขยี้ตาไปมาและตอบด้วยเสียงที่แหบพร่า ที่ผมคิดว่าเพราพิษไข้แน่ๆที่ทำให้เป็นแบบนี้
แต่ก็แหม…ไอ้ฟายตัวร้อนอย่างกับกองไฟ ยังบอกว่านิดหน่อย ทำตัวให้อ่อนแอบ้างก็ได้หรอกไม่ได้มีใครว่า เดี๋ยวปั๊ดตบกะโหลกแตก


     “ไม่นิดแล้วมั้ง ตัวร้อนฉิบหายเลย”  อดไม่ได้ที่จะเอามือไปอังหน้าผากมันเพื่อวัดไข้อีกรอบ

     “ไม่เป็นไรมากหรอก”  แล้วมันก็เลื่อนศีรษะออกจากมือของผมที่กำลังกระทำการวัดไข้

     “โว๊ะ! ลุกมากินข้าวกินยาหน่อยมานี่ซื้อมาพอดี”     

     “ไม่เป็นไร…”  ยังอีกถ้ามึงจะพูดคำนี้อีกเดี๋ยวกูตบปากแตกนะครัชชชชช

     “แล้วน้องกวางล่ะ?”   

     “นอนกินนมอยู่”

     “อืมขอบใจ…แล้วมึงกลับมานานยัง?”

     “ก็สักพักแล้ว กลับมาก็เห็นน้องกวางนอนร้องไห้อยู่ในเปลเนี่ย ไปหาหมอไหมมึงท่าทางจะเป็นหนักนะ!?” 

     “ไม่เป็นไรมากหรอกน่า กินยาเดี๋ยวก็หาย”

     “งั้นมึงลุกไปกินข้าวจะได้กินยา เดี๋ยวจะดูน้องกวางให้”

     “ไม่เป็นไรเดี๋ยวดูเอง มันจะรบกวนเวลามึงเปล่าๆ”

     “จะปฏิเสธกูอะไรนักหนา!? ถ้าน้องกวางติดไข้มึงอีกจะทำยังไงถึงกูจะไม่ค่อยได้เรื่องแต่ก็ดูน้องกวางให้ได้อยู่นะเว้ยอย่าดูถูก”

     “ไม่ใช่แบบนั้น…”  มันพูดเสียงอ่อนลง 

    “แล้วมึงหมายความแบบไหน ตกลงจะไปกินข้าวกินยาดีๆหรือจะไปกินด้วยน้ำตา!?”   นี่ไงขู่แม่งมันเลย อ่อนแอแบบนี้แหละกูชอบ ข่มง่ายดีกร๊ากกกกก

     “เออ!...”  แหมดูตอบเข้า ประชดประชัน


     นั่นแหละครับหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วบังคับให้ไอ้คนหน้ามึนกินข้าวกินยาแล้วไสหัวกลับเข้าไปนอนในห้อง จากนั้นก็มาดูแลน้องกวางต่อกว่าจะเอาเข้านอนได้ก็ปาไปแล้วเกือบตีหนึ่ง ไม่ใช่อะไรหรอกอาจจะเป็นเพราะว่าคุณเธอเล่นตื่นตั้งแต่หัวค่ำก็เลยตาสว่างกว่าจะนอนหลับก็เล่นเอาแทบแย่เหมือนกัน การเลี้ยงเด็กมันเป็นอะไรที่โคตรยาก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้เสือมันเลี้ยงลูกคนเดียวได้ยังไงวะกูนี่ขอชาบู!

ก็อดที่จะมองย้อนลับมาดูตัวเองทุกครั้งไม่ได้เลยสิน่า… จริงๆก็แอบเอามันเป็นไอดอลในการใช้ชีวิตนะ ไอ้เสือแม่งเจ๋งสัดอาจจะไม่ได้เจ๋งไม่ได้ดีสำหรับใครนะแต่สำหรับผมมันใช่ไง คือแบบ…มึงแม่งโคตรสู้ ยกนิ้วเลย เอาสี่นิ้วโป้จากมือทั้งสองข้างและบาทาทั้งสองข้างของกูไปเลยขอคาราวะ! 

นี่เลยเอาน้องกวางเข้ามานอนด้วยในห้องเพราะกลัวว่าถ้าเอาเข้าไปนอนในห้องไอ้เสือเดี๋ยวจะติดไข้ อีกย่างน้องก็เพิ่งหายจากไข้หวัดนะ ถ้าป่วยทั้งพ่อทั้งลูกแล้วคือนี่ก็อาจจะแย่กว่าเดิม ส่วนสาเหตุของไอ้เสือที่ป่วยนี่ไม่ใช่อะไรหรอกผมว่ามันมีสองประเด็นรวมกัน หนึ่งโหมงานหนักไป สองติดไข้จากน้องกวางด้วยแต่ผมว่าน่าจะสองประเด็นรวมกันนะ 

ก่อนจะขอตัวลาไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก็เลยขอตัวมาดูไอ้เสือมันสักหน่อย เห็นสภาพละก็อดสงสารไม่ได้เลยนอนขดเป็นกุ้ง กลายเป็นเสือหมดสภาพไปโดยปริยา


     ไหนดูดิว่าตัวยังร้อนเหมือนเดิมหรือเปล่า…

     ว่าแล้วก็ใช้ฟหลังมืออังที่หน้าผากคนป่วยอีกรอบ แต่อุณหภูมิที่ส่งผ่านมายังผิวผมนั้นทำเอาผมแทบสะดุ้ง 

     ฉิบหาย…ยังไม่หายร้อนเลยว่ะ ทำไงล่ะคราวนี้!?

     “ไอ้เสือ…”   

     “…” 

     “เสือ…”

     “อืม…”  พอเรียกมันครั้งที่สองถึงจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ คือแบบก็กลัวมันไข้ขึ้นจนช็อคว่ะครับ   

     “ได้ยินกูหรือเปล่า?”

     “มีไร…”  พอได้ยินเสียงมันแล้วนี่ก็แทบจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแทบไม่ทัน จากเสียงทุ้มกลายเป็นเสียงคัฟเวอร์ศิริพร อำไพพงษ์กันเลยทีเดียว   อ๋ออเสียงมันแหบน่ะ

     “มึงตัวร้อนอีกแล้วไปหาหมอไหม?” 

     “ไม่ไป…”   ไอ้หานี่สงสัยมันกลัวหมอนะครับผมว่า

     “งั้นลุกมากินยาก่อน”

     “…”  อ้าวฉิบหายแล้วแม่งก็เงียบไม่ หลับใส่กูเฉยเลย


     ฮัลโหลๆๆๆ!
     ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเอิ้นค่ะ  ซอรี่!!

     แล้วมันจะตายไหมวะเนี่ย คือกูไม่เคยดูแลคนป่วยโว้ยยยยยยยยยยยยย 
     สุดท้ายก็เลยได้ผ้าชุบน้ำมาหนึ่งผืนมาคอยเช็ดตามตัว เช็ดหน้าเช็ดตา คราวนี้ก็ถึงที่จะเอายามาให้มันกินแต่กินยังไงนี่สิตอนนี้ ก็มันไม่ลืมตาขึ้นมาคุยกับผมเลย โอยยยยยย คือกูไม่เอานะแบบที่ในนิยายเขาจะใช้ปากป้อนยากันเนี่ย!!

     “ไอ้เสือ…”
     ลองเรียกมันอีกสักครั้ง แต่…จนแล้วจนรอดก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่น 

     เอาวะ!!  ก็ได้กูยอมก็ได้ เห็นว่าเป็นมึงเฉยหรอกนะ!


     อะๆ อย่าคิดว่าจะเอาปากป้อนยาครับ ไม่มี๊ไม่มีไม่ได้เซียนขนาดนั้น นี่ก็แค่เอาเม็ดยาไปละลายน้ำเฉยๆจากนั้นก็จัดการแหกปากมันออกมาแล้วค่อยๆใช้ช้อนตักน้ำให้ไหลเข้าไปในลำคอนั่นแหละครับจนมันหมด…
ต่อมาก็เลยนั่งเช็ดตัวให้สักพักหนังตาของผมก็เริ่มหย่อนแล้ว คือจะไม่หย่อนได้ยังไงเวลาก็ปาเข้าไปแล้วตีสอง


     ฮ้าวววววววววว!!

     คราวนี้หาวจากโลกไปสู่ดวงจันทร์แล้วอ้อมไปเดินเล่นที่ทางช้างเผือกอีกรอบ
     สัญญาณเตือนนั้นมาแล้วว่าผมควรที่จะไปนอนได้ละ แต่พอกำลังจะลุกเท่านั้นแหละ…


     หมับ!!
     ฝ่ามือใหญ่ๆของคนที่กำลังนอนอยู่ก็มาจับข้อมือผมไว้เฉยเลย…

     มาเป็นพล็อตน้ำเน่าเลยนะเอ็ง

     “อะไรของมึง?”  ผมถามทั้งที่รู้ว่ายังไงก็ไม่ได้คำตอบ แต่ก็ยังคงพูดออกไป

     “…”   
     นั่นไงไม่จับเปล่ามันเอามือของผมไปกอดไว้จนผมที่ลุกขึ้นมาจากที่นอนแล้วต้องกลับไปนั่งแหมะลงที่นอนมันเหมือนเดิม เอามือนี่ไปกอดไว้ไม่พอนะครับหัวหน้าริอาจเอาไปซุกไซร้ไว้ที่ซอกคอของมันจนไอร้อนๆนั้นส่งผ่านมาถึงมือผม

     ส่งถึงมือแล้วก็ลามไปถึงหนังหน้ากูเนี่ย…ร้อนตามเลยสาดดดดด

     ฮ้าวววววววววว!!

     สุดท้ายแล้วก็ลุกไปไหนไม่ได้ก็เลยต้องเอนตัวลงนอนข้างๆคนป่วยมันซะเลย อะๆนอนแต่ก็พยายามหันหน้าหนีนะครับไม่ได้หันหน้าไปหามัน เดี๋ยวถ้างานนี้กูเป็นไข้ขึ้นมามึงต้องรับผิดชอบนะไอ้เสือ!!   

     ที่ยอมนอนเพราะเอามือออกไม่ได้เฉยหรอกนะไม่มีอะไรเล๊ยยยยยยยยยยย *เสียงสูง

     ฮ้าววววววววว
     หาวยาวขนาดที่ว่าวนอ้อมโลกได้แล้วสองสามรอบแล้ว ง่วงแค่ไหนถามใจดู เพราะงั้นขอตัวไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก่อนแล้วกัน…


     คร่อก…



     TBC...

     rewrite 16/7/60
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสอง(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔(หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 06-05-2017 00:12:22
ตอนที่สิบสอง : กอด กอด กอด



     ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย! ฉิบหายแล้วกูโดนผีอำครับหัวหน้า!!

     ดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ ร้องก็ร้องไม่ออก ฮืออออพุทโธ ธัมโม สังโฆ แม่จ๋าช่วยปิงด้วยปิงยังไม่อยากตายยยยยย

     เฮือกกกก!!!

     และแล้วความจริงตรงหน้าก็ปรากฏเมื่อผมสะดุ้งลืมตื่นขึ้นมาเพราะความอึดอัดที่กำลังก่อเกิด แต่แท้จริงแล้วนั้น…คือแบบว่าไม่ได้โดนผีอำครับแต่โดนควายทับ…

     ไอ้ห่าเสือครับสังคม ไอ้ห่าเสือ!!
     จะไม่ให้ผมคิดว่าโดนผีอำได้ยังไงดูสิดู เล่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงแน่นอย่างกับกำลังโคฟเวอร์เป็นงูเหลือมยังไงอย่างนั้น แขนนี่ก็
     ล็อกคอกูแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ขาหนักๆของมันนี่ก็ก่ายกอดมาที่ตัวผมจนขยับตัวแทบไม่ได้ คิดว่าตัวเองตัวเบาหวิวมากเลยหรือไง

     อะๆเลิกบ่นก่อนก็แล้วกัน ลืมไปว่ามันเป็นไข้อยู่ว่าแล้วก็ขอดูอาการหน่อยสิว่าเป็นยังไงบ้าง

     เสี้ยววินาที ผมใช้หลังมืออังที่หน้าผากของคนป่วยเพื่อวัดอุณหภูมิว่ายังร้อนอยู่ไหม
     อืม…ตัวไม่ร้อนแล้วนี่หว่า แค่อุ่นๆ

     เพราะงั้น…

     “เสือ”  จัดการปลุกซะเลย ไม่ได้เป็นหนักแล้วอย่าสำออย

     “…”  ขอโทษค่ะ ไม่มีสัญญาตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียกค่ะ 
     ก็นั่นแหละไม่ตอบรับอะไรกูเลยครับหัวหน้า ไม่แม้แต่จะขยับตัวด้วย

     “ตื่นได้แล้วโว้ยยยยยย!!”  คราวนี้ไม่ว่าเปล่า ไม่ได้เรียกด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มไพเราะเสนาะจับใจแล้ว ตะโกนใส่ซะเลยไม่ตื่นให้มันรู้ไป
      เป็นไปตามคาด ว่าแล้วคนตรงหน้าก็ปรือขึ้นมาน้อยๆกะพริบตาปริบๆและมองหน้าผม จากนั้นก็…
เอาหน้ามามุดตรงซอกคอกูเฉยเลย

     โอยยยยยยยยยยยยยย กูละเหี่ยใจ…
     ลมหายใจอุ่นๆนั้นก็รินรดซอกคอผมจนขนลุกหมดแล้วเนี่ย!!

     จะทำอะไรก็เกรงใจกูบ้างนะครับ เห็นกูไม่พูดละเอาใหญ่เลยถึงจะเคยมีอะไรกับกูก็ใช่ว่ากูจะยอมนะโว้ยยยยยย

ไม่ใช่อะไรหรอก…พอเป็นแบบนี้ทีไรได้ใกล้ชิดมันแล้วหัวใจผมจะเต้นไม่เป็นส่ำไม่รู้เป็นเพราะอะไรสงสัยต้องไปหาหมอหน่อยแล้วกลัวเป็นโรคหัวใจ เห็นไหมๆๆๆ ตอนนี้หน้าผมร้อนและแดงไปถึงกกหูแล้วมั้งเนี่ย  เพราะงั้นการที่จะหยุดอาการแบบนี้ได้มันต้อง…


     “ไอ้เสือตื่นได้แล้วโว้ยยยยยยยยย!”   ครั้งนี้ไม่ได้มาแค่เสียง แต่มาพร้อมกับการตะลมต่อยอากาศ เนื่องจากว่ากำลังดิ้นๆๆแล้วก็ดิ้นเพื่อปลุกให้คนที่กำลังเอาหน้ามาซุกอยู่ตรงซอกคอผมนั้นตื่น จะได้หลุดจากการกอดรัดของมันสักที 

     ไม่นานเกินรอ เปลือกตาสีไข่ก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
     เห็นไหม… มันตื่นแล้ว
     และเราสองคนก็…

     อายส์คอนแท็คเลยไอ้สาดดดดด

     หน้าของเราอยู่ใกล้กันแค่คืบ มันใกล้ชิดมาก…มากจนลมหายใจของผมกับคนตรงหน้านั้นประทะเข้าหากันจนตอนนี้มันร้อนไปหมดแล้ว…หน้ากูเนี่ยร้อน ฮืออออช่วยกูด้วยครับสังคม

     “ปล่อยกูได้แล้ว”   ผมพูดด้วยเสียงที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก เพื่อที่จะได้ทำลายบรรยากาศในตอนนี้ด้วย ดูเหมือนว่เจ้าตัวเองก็เพิ่งได้สติเหมือนกัน รีบปล่อยแขนขาออกจากตัวผมอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจเหมือนกับว่าผมเป็นของร้อนอะไรทำนองนั้น

     แหม…ทีเมื่อกี้ล่ะรัดกูซะแน่นเชียว
     เหยยยย…แต่เมื่อครู่นี้น่ะ… ผมเห็นนะ เห็น…มันหูแดงว่ะครับ กร๊ากกกกก!

     “ไข้ขึ้นเหรอทำไมหูแดงๆ”  ผมก็แซวสิครับหัวหน้า ฮ่าๆๆๆ
     ก็แค่แซวเฉยๆน่า คนอ่านอย่าคิดมาก…

     ไม่ไงนานๆทีจะเห็นมันมีปฏิกิริยาแบบนี้ นี่กูควรบันทึกลงกินเนสบุ๊คดีไหมเนี่ย

     “เปล่า…ไม่มีอะไร”  คนป่วยตอบอ้อมแอ้มแล้วก็พลิกตัวหันหลังให้ผมเลย แน่นอนว่าคนอย่างไอ้ปิงก็ไม่ยอมแพ้ตามไปแซวมันให้ถึงที่สุด แหมๆ…หูแดงขนาดนี้แต่หน้ายังนิ่งเหมือนเดิมเลยนะเอ็งเนี่ย ไม่เขินเล๊ยยยยยย

     “ไหนๆมาดูดิเผื่อไข้กลับทำไง”  ยังอีกผมยังไม่หยุดแกล้งมัน  จากนั้นก็เลยแกล้งยื่นมือหมายจะไปวัดไข้ไอ้ควายเผือกที่นอนหันหลังให้อยู่
     ก่อนที่มือจะได้แตะที่หน้าผาก คนโดนแกล้งก็พูดขึ้นมาซะก่อน “น้องกวางล่ะ?”  แหม…ทำเนียนเปลี่ยนเรื่อง

     เออออ!! เฮ้ยยยน้องกวาง 

     “อ๋ออ อยู่ในห้องกูเอง” 

     พรึบ!!
     ตอบไอ้เสือไปยังไม่ทันจบประโยคดีผมก็รีบหุนหันพลันแล่นลุกขึ้นจกที่นอนทันที ไม่ใช่อะไรเมื่อคืนก็เอาลูกเค้ามานอนด้วยกะว่าจะดูให้แล้วก็ดันไม่ได้ดูให้ซะนี่ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวซวยอีก

     ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาทีก็มาถึงตรงหน้าห้องผม ไม่รอช้าผมรีบเปิดประตูเข้าไปด้วยความไวว่อง แต่…ภาพที่ปรากฏต่อหน้านั้น
     
     แม่ง…

     น้องกวางยังหลับอยู่ครับ…

     ฟู่ววววว!

     โล่งงงงง!

     ผมนี่ถึงกับถอนหายใจออกมาแรงๆอย่างโล่งอกเลยครับสังคม

     คนตัวสูงเดินตามผมมาติดๆและยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง “ทำไมให้มานอนนี่ล่ะ?” เจ้าตัวเอ่ยถามและเดินเบียดผมซึ่งยืนอยู่หน้าประตูเข้าไปในห้อง

     “ก็ตอนแรกว่าจะเอามาดูให้เนี่ยแหละ เห็นมึงไม่สบายถ้าเอาไปนอนด้วยเดี๋ยวไข้จะกลับอีก…แล้วเมื่อคืนมีหมาที่ไหนไม่รู้มาดึงกูลงไปนอนด้วยเฉยเลย” 

     เออแม่งเป็นหมาขาดความอบอุ่นด้วย หมาชอบสกินชิพอีกต่างหาก
     เอ่อ…ที่พูดขึ้นมาไม่ได้อะไรนะคร้าบบบ แค่อยากบอกให้มันรู้เฉยๆว่าไม่ได้เป็นคนเสนอตัวไปนอนข้างๆมันแบบนั้น

     “อ่า…เหรอ” คู่สนทนาตอบเสียงเบาๆที่จริงมันพึมพำในลำคอต่างหากแต่ผมได้ยิน นั่นๆหูมันแดงอีกแล้ว ฮ่าๆๆ ขำว่ะ

     “แล้วนั่นจะทำอะไร” ถามสวนขึ้นมาเมื่อเห็นว่าไอ้เสือมันกำลังทำท่าจะเข้าไปอุ้มน้องกวางออกจากเปล

     “ก็อุ้มน้องกวางไง” หันหน้ามาตอบ

     “อุ้มทำไปทำไม? ไม่เห็นไงว่าน้องกวางยังนอนอยู่” 

     “ก็เห็น แต่เดี๋ยวจะรบกวนมึงไง” 

     “รบกวนอะไร ก็ให้นอนไปสิวะทำไมกลัวกูจะกัดหัวลูกมึงเหรอ?” 

     “ไม่ใช่”

     “ไม่ใช่งั้นก็ปล่อยให้นอนอยู่ตรงนั้นแหละ!”  แหมผมล่ะอยากเกรี้ยวกราดจังครับหัวหน้า ทำไมเห็นกูใจร้ายขนาดนั้นเลยหรือไง!!

     “ก็ได้ ไว้ถ้าน้องกวางตื่นเดี๋ยวกูมาอุ้มออกไปนะ”  สุดท้ายมันก็ยอมจำนนท์และเคลื่อนย้ายตัวออกหากจากเปลน้องกวาง

     “มึงก็ต้องมาอุ้มออกไปอยู่แล้วสิวะ หรือมึงจะปล่อยให้ลูกมึงเดินออกไปเอง”

     “ห่า…กวนตีน”  มันพูดแล้วก็ผลักหัวผมแรงๆจนหน้าแทบคว่ำลงพื้นแล้วก็เดินออกไปเลย 
     ชะชะชะเดี๋ยวนี้ชักหาญกล้า ริอาจมาผลักหัวกู เดี๋ยวๆ เดี๋ยวปั๊ดตบให้กะโหลกแตกซะหรอก!

     ขณะนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบสามโมงเช้าแล้ว ตอนนี้ก็อาบน้ำแต่งตัวทานเข้าเช้ากันเสร็จ ผมเองก็กำลังนั่งเช็คโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าโทรทัศน์ ส่วนน้องกวางนั้นก็ตื่นนานแล้วเธอกำลังโดนพ่อของเธอจับแปลงโฉมเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยๆ

     “รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม? ไม่ได้ปวดหัวแล้วนะ?”    ผมถาม… ที่จริงก็ถามไปงั้นแหละกลัวว่าจะป่วยขึ้นมาอีก ลำบากใครถ้าไม่ใช่ผม

     “อืม…ก็ดีขึ้นแล้วแหละ ขอบใจนะ”

     “ไม่เป็นไร คราวหลังก็อย่าโหมงานหนักนักสิวะ ตายขึ้นมาแล้วใครจะดูแลน้องกวางมึงยังไม่ได้เห็นเขาเป็นฝั่งเป็นฝาเลยนะโว้ย”

     “ไม่ตายง่ายๆหรอกน่า…กูไหว…” 

     “คร้าบบบบ ไหวคร้าบบบบบบ”    ประชดแค่ไหนถามใจดู ผมนี่ตอบเสียงลากยาวจนไปถึงดาวอังคารได้แล้วมั้งเนี่ย
     จ้าไอ้คนเก่ง ไอ้คนขยัน ไอ้มนุษย์เหล็ก อยากจะเบ้ปากแรงๆสักทีสองทีให้หน้าเบี้ยวกันไปข้าง

     “มันก็ต้องทำแบบนี้แหละไว้มึงมีภาระแล้วมึงจะเข้าใจ  คือถ้าเราไม่ทำเองแล้วใครจะมาทำให้วะชีวิตมึงก็ต้องรับผิดชอบดิ”

     “เออ…กูเข้าใจ แต่กูหมายถึงทำงานน่ะก็ต้องพักผ่อนบ้างไม่ใช่โหมงานหนักอยู่ท่าเดียว ตัวมึงเองถ้าไม่ดูแลแล้วใครจะมาดูแลล่ะ คร้าบบบบบบ”    ขอแซะหน่อยเถอะ ก็เข้าใจฟีลคนต้องเร่งหาเงินแหละ แต่มึงครับหาเงินกว่าจะได้เอามาใช้นี่คงต้องจ่ายค่ายารักษาตัวเองก่อนแหงๆ  เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย

     “ไม่เอาหรอกคนดูแล ไม่รู้ว่าถ้ามีแล้วใครจะได้ดูแลใครกันแน่”

     “ก็หาคนที่มันดูแลมึงได้สิวะ จะเอามาเป็นภาระทำไม!?”  เออกูไม่เข้าใจมึงเนี่ย!   

     “แต่บางครั้งก็อยากเป็นคนมีภาระเพิ่มว่ะ” มันละสายตาจากน้องกวางและหันมาตอบผม แอบเห็นมุมปากนั้นยกยิ้มน้อยๆ   
     บ้า!...เป็นไข้จนประสาทกลับเลยหรือไงมึง

     “โว้ะ! ผีบ้า!”  คนดีที่ไหนอยากจะหาภาระเพิ่ม อยากได้เพิ่มนี่มารับเลี้ยงกูเป็นลูกอีกคนนี่มา ฮ่าๆๆๆ   

     ตลกละ…? 
     แค่ประชะครับหัวหน้า อย่าคิดมาก
     “แล้วนี่ไอ้หมากมันไปไหน ไม่ค่อยเห็นเลยเดี๋ยวนี้” คู่สนทนาเปลี่ยนเรื่อง ถามขึ้นมาทั้งที่มือก็ยังง่วงอยู่กับการแต่งตัวให้ลูก

     “ไม่รู้นะ แต่เห็นไอ้ฟาร์มมันเคยบอกว่าพี่หมากทำงานกลางคืน”  จริงๆพี่มันก็กลับบ้านนะ แต่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร ผมตื่นพี่มันนอน ผมนอนพี่มันไม่อยู่ไรงี้มากกว่า หรืออาจจะเข้ามาเวลาที่ผมไม่อยู่บ้าน 

     “อ่อ…แล้วมึงล่ะไม่ทำงานบ้างเหรอ?”
     แหม…พอถามมาอย่างนี้แล้วอดหน้าสั่นไม่ได้เลย ทำไมผมดูเป็นคนไร้แก่นสารอย่างนี้วะ ไม่เป็นหลักเป็นแหล่งล่องลอยไม่มีอนาคต

     “ปิดเทอมว่าจะหาทำอยู่ อยากหาที่ที่ทำเป็นพาร์ทไทม์ตอนเปิดเทอมได้ด้วยน่ะ”
 
     “อืม…แล้วจะไปมหาลัยเลยไหม? ติดรถกูไปก็ได้”   

     “ไปด้วย…ไม่อยากเสียเงินค่ารถ แหะๆ”  คือก็งงนะกำลังคุยเรื่องทำงานแล้วเปลี่ยนมาเป็นเรื่องไปมหาลัย  ขอจูนสมองแป้บ!



     เมื่อเช้าผมซ้อนรถมากับไอ้เสือแบบที่เคยซ้อนในวันนั้นที่ติดรถมันมาครั้งแรก ใครมองก็คงว่าครอบครัวสุขสันต์แต่…ใจเย็นครับหัวหน้านี่แค่คนรู้จัก พี่น้องกัน

     “ไอ้ปิง”  อยู่ๆไอ้โก้มันก็กระซิบเรียกพร้อมกับสะกิดผมที่กำลังตั้งใจฟังอาจารย์สอนอยู่

     “อะไร?”  เลยตอบแบบกระซิบๆกลับไป

     “เย็นนี้ไปกินหมูกระทะบ้านมึงได้ไหม?”
 
     “ทำไมต้องบ้านกู?”  ผมเลิกคิ้วขึ้นในเชิงถาม นั่นสิอยากกินหมูกระทะก็ไปกินที่ร้านสิวะ มาบ้านกูทำไมขี้เกียจเก็บจานโว้ยยยย

     “ก็หอกูมันกินเนื้อย่างไม่ได้”

     “แล้วทำไมไม่ไปร้าน?”

     “อยากเปลี่ยนบรรยากาศ”

     “แล้วทำไมไม่ไปบ้านไอ้เจมส์?” บ้านไอ้นั่นยิ่งครบเรื่อง สบายกว่าบ้านผมเยอะ

     “ไม่เอา บ้านมันกว้างไป”   โอยยยย ไอ้บ้า! แบบนี้ก็ได้เหรอออ?

     “ไม่เอาขี้เกียจเก็บจาน!” 

     “โว้ะอะไรวะ แค่นี้ก็ไม่ได้” นั่นไงทั้งกระซิบแล้วก็ตัดพ้อกูอย่างกับว่ากูไม่ให้ข้าวมึงกินยังไงอย่างงั้นแหละ

     “เออๆแล้วแต่มึง อยากไปก็ไปแต่ช่วยล้างจานให้กูด้วย”   สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะไม่ให้มันไป หนึ่งเลยก็แบบเพื่อนน่ะนะเลยไม่อยากอะไรมาก ส่วนข้อสองนี่สำคัญสุด ได้กินของฟรี กร๊ากกกกก!! 

      และเย็นวันนั้นปาร์ตี้หมูกระทะที่บ้านผมก็ประกอบไปด้วยผม ฟาร์ม เจมส์แล้วก็ไอ้โก้ตัวตั้งตัวตีของเรื่องนี้  เพราะฉะนั้นงานนี้ไอ้โก้เลยเป็นคนออกหมดเลยเพราะมันอยากเสนอมาดีนักพวกผมเลยพร้อมใจกันสนองเทคะแนนเสียงออกมาว่าไอ้โก้ต้องเป็นคนเลี้ยงเพราะมันเป็นคนชวน เลยได้เนื้อย่างชุดใหญ่มาสี่ชุดครับ มันเป็นสองแถมหนึ่งทั้งหมดเลยเป็นหกชุด อะๆกำลังคิดล่ะสิว่ามันเยอะ กับคนอื่นอาจจะเยอะนะแต่กับพวกผมมันไม่ใช่ไง กินแต่ละทีนี่อย่างกับพายุลง  ฮ่าๆๆๆ พอดีว่าช่วงนี้ปอบลง 


     “ไอ้เหี้ยเจมส์มึงแย่งหมูกูไปอีกแล้วสันดาน!”   ขณะนี้สงครามขนาดย่อมๆกำลังเกิดขึ้นโดยผมกับไอ้เจมส์ไอ้จอมมารวายร้ายที่จะมาแย่งสามชั้นย่างแบบเกรียมๆไปจากผม

     เออเอาผมก็เลยทำตัวปัญญาอ่อนไปเลยนะครับหัวหน้า  ไม่ต้องแซะผมครับนี่แซะตัวเองได้

     “ของมึงอะไรอันนี้ของกู กูถ่มน้ำลายจองไว้แล้วกูจำกลิ่นได้”   โห…ต่ำตมแค่ไหนถามใจดู สารเฬววววว

     “ไอ้สัด มึงมันเลวชิ้นนี้กูจำได้ว่ากูเป็นคนย่าง อีกอย่างเนื้อชิ้นนี้กูเอามาอมก่อนไปย่างมึงจะมาโมเมว่าเป็นของมึงไม่ได้!”   แต่กูต่ำตมกว่าครับ กร๊ากกกก

     “มึงสิเลว” 

     พรึบ!

     “ไอ้เหี้ยฟาร์ม!!”  ยังไม่ทันที่ผมจะพุดจบประโยค หมูชิ้นนั้นก็ลอยวับผ่านหน้าไป ผมกับไอ้เจมส์ถึงกับตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย เพราะไอ้ห่าตัวแย่งหมูที่แท้จริงนั้นแม่งมาชุกมือเปิบไปเฉยเลย เถียงกันตั้งนานสุดท้ายมาโดนไอ้ฟาร์มมันแย่งไปซะได้ผีปอบ…

     “เถียงกันอยู่นั่นแหละรำคาญ!”  มันทำเสียงแข็งกลบเกลื่อน

     “เลว!!”  แล้วก็รวมหัวกันด่าไอ้ฟาร์มแบบประสานเสียงอีกครั้งพร้อมกันสามสี่!
     ขโมยหมูผมไปแบบหน้าด้านๆหนาเท่าถนนคอนกรีตยังไม่พอยังมาเบ้ปากมองบนใส่กูอีก ชะชะช่าเดี๋ยวตบให้หน้าเบี้ยวแบบไม่ต้องเบ้ปากเลยไอ้นี่


     บื้นนนนน!!
     พอกำลังจะอ้าปากด่ามันต่อแต่ก็ยังไม่ได้ด่าแขกคนใหม่ก็เข้ามาขัดคำพูดของผมซะแล้ว  คือตอนนี้เรากำลังปูเสื่อนั่งกินตรงหน้าบ้านผมกัน ส่วนไอ้คนที่มานั้นก็ไม่ต้องแปลกใจ  คนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นแหละ…ก็เสือไงจะใครล่ะ แต่เอ๊ะ! นั่นมันเสือคนเดิม
เพิ่มเติมคือไอ้พี่หมากนี่หว่า… ทำไมซ้อนรถมาด้วยกันได้ล่ะนี่

     “เอ้าพี่มาพอดีเลย มาๆนั่งๆ”  เป็นเสียงไอ้ฟาร์มคนดีคนเดิมเองครับก็พี่ชายสุดที่รักของมันทั้งสองมาพร้อมกันเลยนี่

     “นี่ปาร์ตี้อะไรกันเนี่ยพวกมึง!?”   ไอ้พี่หมากผู้ที่ตามตัวหายากมากกว่าใคร ทำตัวราวกับว่าเป็นนักฆ่าไร้เงาตอนนี้เพิ่งลงมาจากการซ้อนท้ายไอ้เสือแล้วก็เดินตรงมาทางพวกผมที่กำลังนั่งสวาปามกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

     “ไอ้โก้มันเลี้ยงน่ะพี่” ผมพูด  “อ้อพี่หมาก พี่เสือนี่เพื่อนไอ้ปิงมัน เพื่อนผมด้วยก็ได้ ชื่อโก้กับเจมส์” จากนั้นก็หันไปแนะนำไอ้เพื่อนทั้งสอง

     “หวัดดีคร้าบบบบ”  ว่าแล้วมันสองคนก็ยกมือไหว้กันไปตามระเบียบ ส่วนไอ้เสือนี่ก็เดินหน้าไร้อารมณ์มาเหมือนเคย สองมือก็ถือตะกร้าผ้าอ้อมน้องกวางอย่างพะลุงพะลัง 

     “แอ๊!!”  นั่นไงเสียงยัยเด็กอ้วนเองแหละครับ พอไอ้เสือมันพาเดินเข้ามาในบ้านเท่านั้น อาจเป็นเพราะว่าเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาเธอเลยส่งเสียงออกมาจนพ่อมันนี่มองหน้าลูกอย่าตกใจ
ไม่ใช่อะไรนะ ที่ร้องออกมานี่ไม่ได้ว่าร้องไห้นะสงสัยว่าเธอยากลงมาเล่นด้วยอะไรประมานนี้

     “กินอะไรกันมายัง?”  ผมหันไปถามไอ้พี่ทั้งสองคนที่เพิ่งมาใหม่

     “ยังเลยกำลังหิว”   อันนี้ไม่ต้องชวนหลายรอบเลยครับหัวหน้า ไอ้พี่หมากมันตอบแล้วก็นั่งข้างๆไอ้ฟาร์มทันที

     “มาๆพี่มานั่งกินด้วยกันก่อนครับ”  ไอ้โก้เจ้ามือประจำมื้อนี้ร้องเรียกไอ้เสือที่ยังจะอุ้มลูกเดินเข้าไปในบ้าน

     “อ่อ…เดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บก่อนเดี๋ยวออกมานั่งด้วย”  พูดเสร็จแล้วร่างใหญ่ๆของมันก็หายเข้าไปในบ้านทันที นี่ก็ตกใจหมด
คิดว่าเป็นอะไรที่ทำหน้านิ่งๆไม่ค่อยพูด ตอนแรกก็คิดว่าโกรธที่ไหนได้ไอ้ห่านนน ก็ลืมไปครับว่าหน้ามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

     “พี่ไปไหนมาวะทำไมช่วงนี้ไม่เห็นหน้าเลย?”  ผมอดที่จะถามไม่ได้ คนอยู่ด้วยกันไม่เห็นหน้ากันไม่ถามสิแปลก

     “กูไปทำงานมา  บางทีขี้เกียจกลับก็นอนห้องกิ๊ก”   พี่หมากตอบแล้วก็จัดการคีบเนื้อในกระทะออกมาเป่าและก็ยัดเข้าปากทันทีหลังจากที่ตอบคำถามผม

     “ว่าอยู่ทำไมหายไปไหน” 

     “ที่จริงก็กลับมานะ แต่พอกลับมาแล้วมึงไม่อยู่ เวลาไม่ตรงกันเลยไม่ได้เจอหน้าไง” 

     “เฮ้ยยยย!!”   

     “อะไรของมึงไอ้เจมส์!?” ไม่ใช่แค่ผมที่เป็นคนถามครับ ไอ้ฟาร์มกับไอ้โก้ก็ประสานเสียงถามออกมาด้วยความพร้อมเพียง  ก็อยู่ๆมันเล่นอุทานขึ้นมาจนเนื้อหมูที่กำลังคีบเข้าปากผมนี่หล่นลงพื้น ส่วนไอ้โก้ที่กำลังกินน้ำอยู่ก็สำลักออกมาแทบไม่ทัน

     “กูว่าแล้ว…” 

     “ว่าอะไรของมึง?”   ไอ้โก้ถามพร้อมกับสีหน้าที่โคตรสงสัย เออกูเชื่อแล้วว่ามึงสงสัยจริง คิ้วนี่ขมวดเป็นปมจนแก้ไม่ออกละ ส่วนผมสามคนก็กำลังอ้าปากตั้งใจรอฟังจนยุงจะบินเข้าไปไข่ในปากแล้ว เพราะไอ้เจมส์มันยังคงลีลาลวดลายท่ามากไม่ยอมพูด

     “ลืมซื้อเบียร์เข้ามาว่ะ…แหะๆ” มันตอบและยิ้มแห้งๆกลับมา

     “โอ้ยยยยไอ้สัดดด!!!” แล้วก็พร้อมใจกันด่ามันออกมาโดยพร้อมเพียง

     “แล้วไง?”   ฟาร์ม

     “ก็เดี๋ยวกูมาแป้บนึง ไปซื้อเบียร์ก่อนไอ้โก้ไปช่วยกูยกลังเบียร์ดิ”   แหม…คือแบบมึงแค่พูดว่าลืมซื้อเบียร์ก็พอแล้วไหม มาทำเป็นท่าทำทางรีแอ็คชันใหญ่โต เดี๋ยวปั๊ดดดดด!!

และค่าเบียร์ครั้งนี้ก็ฟรีไปอีกเพราะถูกสมนาคุณ โดยไอ้พี่หมากจากมันหนึ่งลัง แต่รู้อะไรไหมครับ? มันแม่งพากันยกมาสองลัง โอยยยยจะพากันอาบเบียร์หรือไงพวกมึง!!


     “แอ๊!!” และคนที่หายไปมันก็กลับมาพร้อมกับเสียงที่ผมโคตรจะคุ้นหู
     หายเข้าไปสักพักก็ออกมาพร้อมกับไอ้เด็กอ้วนที่ท่าทางนี่โคตรจะดี๊ด๊ากว่าทุกครั้งที่เคยเป็น

     “พี่เอาไรให้น้องกวางกินป้ะเนี่ยทำไมดูดีดๆอย่างนี้วะฮ่าๆๆๆ”  ฟาร์มพูด 

     “ไม่รู้ว่ะ สงสัยเห็นคนเยอะมั้งเลยดีด”   มันตอบแล้วก็นั่งลงข้างผม ส่วนน้องกวางนี่ก็จับนั่งลงรถโดนัทที่นั่งประจำตำแหน่งของเธอ

     “พี่เอาเบียร์ไหมครับ?”   ไอ้เจมส์คนที่นั่งกอดถังน้ำแข็งถังเบียร์ไว้ก็ชะโงกหน้ามาถามไอ้เสือที่เพิ่งได้นั่งกินหมูกระทะ

     “สักแก้วก็ได้” 
ส่วนผมนี้ก็ไม่ได้แตะอะไรมากมายสักเท่าไร เพราะเดี๋ยวมันจะเปลี่ยนนิสัยผมอีก ความไม่ปลอดภัยยิ่งอยู่ใกล้ๆตัวด้วย อยู่ในบ้านเลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดผมเมามันเมาแล้ว…


     เออนั่นก็แหละครับก็…นั่นแหละ

     เพราะฉะนั้นเราต้องปลอดภัยกันไว้ก่อน

     และแล้วช่วงเวลาของความสุขก็หมดไป…แต่แทนที่ด้วยความทุกข์แทนไอ้สาดดดดดดดด


     เหยดดแม่มมมมมมมม!! คือแบบพี่หมากมันก็เมาแล้วเข้าห้องนอนเลยไง ส่วนไอ้สามตัวนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย ตอนนี้ไอ้ฟาร์ม ไอ้เจมส์ ไอ้โก้ก็กำลังนอนสลบกันอยู่ตรงพื้น ไม่ต้องสงสัยเลยครับ สองลังไม่ได้ทำให้พวกมันเป็นแบบนี้ แต่เป็นเพราะเสนอหน้าไงกระแดะอยากกินกันต่อเลยไปจัดมาอีกหนึ่งลัง แล้วเป็นไงคนลำบากนี่ใครถ้าไม่ใช่คนไม่เมาแบบกู… โอยยยยจิครายยยยย

     “เอายังไงล่ะทีนี้?”   ไอ้เสือเดินมาถามผมและพยักพเยิดหน้าไปทางหมาสามตัวที่กำลังนอนกองกันอยู่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เป็นไงล่ะติดลมแล้วลำบากใครไอ้พวกนี้นี่อย่าให้ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้นะ นี่จะตบหัวเรียงตัวเลย ชิชะ!

อ้อลืมบอกไป คือก็ไม่ได้รับชะตากรรมไปคนเดียวนะครับ ยังมีไอ้เสือด้วยอีกคนที่ช่วยกันเก็บช่วยกันกวาดจนตอนนี้ก็ต้องมาช่วยกันลากพวกมันสามคนเข้าไปในบ้าน

ดีหน่อยที่น้องกวางนอนแล้วก็คุณเธอนั้นเล่นกับผมจนเหนื่อยนั่นแหละ เพราะระหว่างที่ไอ้เสือมันกินอยู่ผมเลยอาสาดูน้องกวางให้ จะได้เต็มที่ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

     “ก็ต้องลากพวกมันเข้าไปนอนในบ้านแหละ”  ผมตอบอย่างหมดแรงพร้อมเกาหัวแกรกๆไปมา  เห้อ…เห็นสภาพแล้วผมล่ะเหนื่อยรอตั้งแต่เนิ่นๆเลย คือแบบ…แต่ละคนนี่ตัวไม่ได้เบาๆเลยนะ


     ฮึบบบบ!!

     ฟู่ววววว!! 

     ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง เพราะตอนนี้ผมกับไอ้เสือก็ได้ช่วยกันแบกไอ้สามตัวบาทเข้ามานอนในห้องผมได้แล้ว ถ้าจะให้นอนข้างนอกก็สงสารเพราะว่าไม่มีแอร์มีแต่พัดลมก็กลัวมันจะร้อนกันจนตายน้ำก็ยิ่งไม่ได้อาบกันอยู่

     “ขอบใจ…”  ผมพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจหอบๆออกมา ถ้าไม่ได้ไอ้เสือผมนี่ตายแน่ๆ

     “ไม่เป็นไร แล้วจะนอนกันได้เหรอ?” 

     “ก็ได้แหละ ไม่อยากปล่อยให้นอนข้างนอกไงเดี๋ยวยุงหามพวกมันไปกินอีก”

     “อ่อ…” มันตอบรับเสียงในลำคอ “เดี๋ยวกูไปนอนก่อนนะจะให้ช่วยไรก็บอก” พูดทิ้งท้ายไว้จากนั้นก็เดินออกไป

     “โอเค…”  หลังจากที่ไอ้เสือมันออกไปแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องชำระล้างร่างกายซักทีเหนื่อยมาทั้งวันละ เพราะถ้าไม่งั้นเดี๋ยวจะได้นอนแบบเน่าๆเนื่องจากตอนนี้ก็ง่วงเหมือนกัน เพราะเวลานี่ก็ล่วงเลยไปแล้วเกือบตีสอง  ง่วงแค่ไหนถามใจดู

     ฮ้าวววววววววววว

     อาบน้ำยังไม่ทันเสร็จดีแทนที่ตาจะเปิดแต่กลับง่วงมากกว่าเดิมอีก เลยไม่รอช้าที่จะล้มตัวลงนอน หมายถึงล้มตัวลงนอนพื้นข้างล่างนะครับ เพราะพวกมันเล่นนอนยึดเตียงกันซะหมดเลย อีกอย่างถึงนอนได้ก็ไม่นอนกับพวกมันหรอก น้ำไม่อาบอย่างนั้นใครจะไปนอนเบียดด้วย กลิ่นเหล้ากลิ่นเบียร์กลิ่นควันหมูย่างนี่ไม่ต้องพูด ถ้าพวกมันตื่นขึ้นมานะจะไล่ให้เอาผ้าปูที่นอนผมไปซักเลย เพราะกลิ่นนี่ต้องติดแล้วแน่ๆ 


     ฮ้าวววววววว
     หาวยาวขนาดนี้ที่จริงก็ควรจะนอนได้แล้วนะครับ…  เพราะฉะนั้นขอตัวไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก่อนนะครับหัวหน้า…


     คร่อก…


     แต่…ยังไม่ทันที่จะได้หลับตาลงเลยเสียงแปลกประหลาดก็เข้ามารบกวนบรรยากาศดีๆของผมเสียหมด อันเนื่องมากจากว่า…ไอ้สามตัวนั้นมันกำลังนอนแข่งกันกรนอยู่น่ะสิวะ!


     บัดซบที่สุด!! 

     คร่อกกกกก!!!

     เอาน่าเดี๋ยวก็หลับ ข่มตาไว้ข่มตาไว้… ผมปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่านับแกะตัวที่ร้อยถึงพันแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเข้าสู่ห้วงนิทราบ้างเลย

     โอยยย ยิ่งนานเข้ายิ่งทวีคูณจนตอนนี้ตามันปิดแทบไม่ลงแล้วครับ ช่วยด้วยยยยยย

     คร่อกกกกก!!

     ยังอีกยังไม่หยุดอีก…ได้พวกมึงจะเอาอย่างนี้ใช่ไหม!?


     ได้!!

     .
     .
     .


     กูไปนอนข้างนอกก็ได้โว้ยยยยยย

     หนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากเสียงกรนนรกได้ก็ต้องเป็นผมนี่แหละที่ต้องหนีออกมานอนข้างนอกคนเดียวตรงโซฟาหน้าทีวี… แล้วแม่งก็ร้อนฉิบหายเลย ยุงก็กัดด้วย

     คอยดูนะพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะเช็คบิลเก็บต้นทบดอกกันให้ครบทุกคนเลย!

     “ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะ?” 

     ฉิบหาย! ตกใจหมดคิดว่าแต่ผีที่ไหนเล่นเข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงเพราะอยู่ดีๆในขณะที่ผมกำลังพลิกซ้ายพลิกขวากลิ้งมากลิ้งไปอยู่บนโซฟาเสียงทุ้มแสนคุ้นหูก็พูดแทรกขึ้นมาซะได้   

     “พวกมันกรนเสียงโคตรดังนอนไม่หลับ”  ผมตอบ
     ตอนนี้คือง่วงมาก แต่ก็นอนไม่หลับ ร้อนก็ร้อนยุงก็กัดทรมานมาก

     “ไปนอนห้องกูดิ”

     หะ! อะไรนะ?   

     “…” 

     “ก็แค่ชวนเข้าไปนอน เห็นนอนร้อนๆให้ยุงกัดกูก็เวทนา” 

     อ๋อออออ… ถึงบางอ้อเลยครับ!!

     “แล้วน้องกวางล่ะ?”

     “น้องนอนในเปลไม่ได้นอนบนที่นอน”

     “อ่อ…งั้น…วันนี้กูนอนด้วยนะ”

     พรึบ!!

ว่าแล้วก็ไม่รีรอที่จะหอบผ้าห่มหอบหมอนเข้าไปนอนตากแอร์ให้เย็นฉ่ำสบายใจ เลือกที่จะนอนฝั่งที่ติดกำแพงตอนนี้ก็เลยหันหน้าเข้ากำแพงซะเลย

     ฮ้าววววแอร์เย็นๆแบบนี้ที่ปารถนา นอนแล้วครับ


     คร่อก…


    มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสอง(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 5/05/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 06-05-2017 04:30:55
พี่เสือรู้ตัวเเล้วว รอน้องรู้ตัวบ้างง
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสอง(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 5/05/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 06-05-2017 07:20:30
เอาแล้วพี่เสือรู้ตัวว่าชอบปิงแล้ว เหลือแต่ปิงว่าจะรู้ตัวเมื่อไหร่
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสอง(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 5/05/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 06-05-2017 07:45:15
เอาแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสอง(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 5/05/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 06-05-2017 11:08:17
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสอง(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 5/05/60 (หน้าที่2)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-05-2017 16:19:37
พี่เสือชัดเจนกับความรู้สึกมาแล้วอ่ะ
รอลุ้นปิงจะคิดเหมือนกันตอนไหน
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสอง(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 08-05-2017 00:10:33
ต่อจากตอนที่สิบสองค่ะ

 บันทึกของเสือ


     หลังจากออกไปกดน้ำร้อนมาไว้ในกระติกเสร็จแล้วผมค่อยๆเดินย่องเข้ามาในห้องเพราะกลัวว่ามันจะเกิดเสียงดังเป็นการรบกวนคนที่อยู่ในเปลและบนเตียง จากนั้นก็ค่อยหย่อนตัวลงบนที่นอนไม่มันเกิดแรงสั่นสะเทือนมาก  แต่ตอนนี้ปิงมันก็คงหลับเป็นตายไปแล้ว เมื่อครู่นี้ท่าทางของมันนั้นไม่ต้องพูด ตาก็จะปิดอยู่รอมร่อแต่ก็นอนไม่หลับเพราะร้อนแล้วไหนจะยุงที่จ้องจะมาดูดเลือดอีก ก็ด้วยความที่สงสารก็เลยอดไม่ได้ที่จะชวนให้เข้ามานอนด้วยกัน

แต่ว่าตอนนี้ผมไม่รู้ว่าคิดผิดหรือเปล่าที่ชวนมันมานอนในห้องแบบนี้  เนื่องจากตอนนี้ก็ได้กลายเป็นผมซะเองที่นอนไม่หลับ เพราะไอ้กลิ่นหอมประจำตัวของปิงที่มันลอยเข้ามาแตะปลายจมูก จนตอนนี้ดันเกิดอาการแปลกๆยอมรับก็ได้ว่าปั่นป่วนพอสมควร
ก็คนมันไม่ได้รู้สึกแค่เพื่อนร่วมบ้านแล้วนี่หว่า…   


     ผมยอมรับแบบลูกผู้ชายเลยว่าตอนนี้ผมชอบปิง แต่ผมก็ต้องหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ว่าไม่ให้พูดคำคำนั้นออกไป เพราะถ้าหากพูดออกไปแล้ว ผมคิดภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร  แต่ที่แน่ๆมันก็คงไม่ใช่อะไรที่ดีแน่ๆ อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่าลูกผมเขาจะรับได้ไหม?ถ้าโตขึ้นมาแล้วรู้ว่าพ่อของตัวเองชอบผู้ชาย และเรื่องนี้ที่ผมโคตรกลัว…

แต่สิ่งอื่นนอกจากนี้คือ…ปิงมันจะชอบผม รู้สึกเหมือนกันกับผมหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ผมกลัว เพราะถ้าหากผมพูดออกไปแล้วมันไม่ใช่ ความสัมพันธ์ทุกอย่างอาจจะเลวร้ายมากว่าเดิมซึ่งนั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ผมกลัว เพราะฉะนั้นผมควรที่จะรักษาความสัมพันธ์ไว้แบบนี้ซะยังจะดีกว่า

ก็เลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป แล้วก็คอยห้ามใจตัวเองเอาไว้ว่าอย่าคิดไปมากกว่านี้ ปรกติแล้วผมเป็นคนซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองมากนะ พอต้องมาทำแบบนี้แล้วมันก็อึดอัดหัวใจตัวเองเหมือนกัน  เพราะฉะนั้นผมควรที่จะตัดใจไปแบบเงียบๆเสียยังจะดีกว่า


     หลายวันมานี้ที่ผมได้ใกล้ชิดปิงมากจนมันผมแทบคลั่ง อดใจไม่ให้รู้สึกมากกว่าเดิมแทบไม่ไหว หัวใจเจ้ากรรมมันดันแต่จะถลำลึกไปมากกว่าเดิมซะอีก

ผมกลับมารู้สึกแน่ชัดก็เมื่อสองวันก่อน  วันนั้นที่น้องกวางไม่สบายแล้วช่วยผมดูลูก ส่วนครั้งที่สองก็ตอนที่ผมไม่สบายแล้วมันมาดูแลผม…ผมรู้สึกดีอย่างช่วยไม่ได้  ผมบอกไม่ถูกว่าเป็นยังไงแต่มันรู้สึกดีมาก การที่มีใครสักคนคอยดูแลเราตอนที่เราป่วย หรือใครสักคนที่อยู่ข้างๆเราตอนที่ลำบากมันเป็นอะไรที่โคตรดี… เลยไม่แปลกที่ผมจะห้ามไม่ให้หัวใจตัวเองเต้นแรงในทุกๆครั้งที่อยู่ใกล้ๆปิง ยิ่งใกล้ผมก็ยิ่งรู้สึก…เหมือนอย่างกับตอนนี้

ผมกำลังค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆตัวปิง ถึงตอนนี้จะหลับไปแล้วแต่ผมก็กลัวอยู่ดี กลัวว่ามันจะตื่นขึ้นมา แต่เสียงของความต้องการของผมมันคอยสั่งให้ผมขยับเข้าไปใกล้ๆและใกล้ๆ จากนั้นก็รวบร่างโปร่งเข้ามากอดไว้อย่างเต็มรักจากทางด้านหลัง 

กลิ่นหอมอ่อนๆประจำตัวคนในอ้อมกอดลอยมาแตะปลายจมูกผมมากกว่าเดิม จนอดไม่ได้ที่จะสูดดมเข้าไปแรงๆ ผมซบหน้าลงที่หลังคอของปิงอย่างอดไม่ได้ 

นึกถึงเช้าสองวันนั้นที่ปิงมันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของผม และนั่นก็เป็นอ้อมกอดที่ผมตั้งใจจะให้มันเกิด ผมเป็นคนคว้าตัวมันเข้ามากอดไว้เอง วันแรกแค่อยากที่จะพิสูจน์ว่ารู้สึกยังไง ส่วนวันที่สอง…ผมคิดว่าผมโหยหาการที่มีอีกคนอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้งเลยห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่ ห้ามสองมือที่คอยแต่จะคว้าตัวมันเข้ามากอดไว้ไม่ได้

หลังจากวันนั้นผมก็คิดมาเสมอว่าอยากที่จะมีอีกคนอยู่ในอ้อมกอดผมในทุกๆเช้าเวลาที่ตื่นนอนขึ้นมา…แต่นั่นก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกจริงไหม…เรื่องนี้ผมรู้ดี


     เพราะว่าผมควรที่จะหยุดทำแบบนี้ได้แล้ว หยุดรู้สึกหยุดทุกอย่าง…

     แต่ก่อนที่จะหยุด…อย่างน้อยวันนี้ผมขอมีปิงอยู่ในอ้อมกอดอีกสักคืนก็ยังดี  ขอมีช่วงเวลาที่ปิงตื่นขึ้นมาแล้วอยู่ในอ้อมกอดผมอีกสักครั้ง…

     ผมแค่…อยากให้มันเห็นหน้าผมเป็นคนแรก…
     และนอกจากหน้าของลูกผมแล้ว ปิงก็คือคนที่ผมอยากเห็นหน้าในทุกๆเช้าด้วยเช่นกัน

 จบบันทึกของเสือ


     TBC...

     Rewrite 16/7/60




   
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสาม(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 08-05-2017 00:12:11
ตอนที่สิบสาม : งานวันเเรก




     เช้านี้ที่โคตรไม่สดใส…
     ห่านจิก! จะให้มันสดใสได้ยังไงล่ะ!พอตื่นมาแล้วก็โดนไอ้ควายเผือกที่นอนอยู่ข้างๆก่ายกอดผมไว้อย่างเฉกเช่นทุกครั้ง แหม…แทบตายเมื่อเช้าหายใจเกือบไม่ออกเลยครับหัวหน้า อะๆ ไม่ต้องมาบอกให้หายใจเข้าก่อนนะ มุขห้าบาทสิบบาทปิงไม่นิยม

     “พวกมึงแดกเสร็จแล้วก็เอาผ้าปูที่นอนกูไปซักให้ด้วย เหม็นกลิ่นตัวพวกมึงฉิบหาย อ้อแล้วก็ไปล้างจานที่กินเสร็จเมื่อคืนด้วย โทษฐานที่เมาแล้วชิ่งหลับกันก่อน ลำบากกูเก็บจานไม่พอยังต้องแบกร่างควายๆของพวกมึงมานอนด้วยเนี่ย!” 

หลังจากที่พวกเราเพิ่งทานข้าวเช้ากันเสร็จแล้วผมก็ถือโอกาสสั่งงานพวกไอ้สามตัวบาทสักหน่อย โทษฐานที่เมื่อคืนเมาแล้วเป็นภาระคนอื่น 

     “ทำมาเป็นบ่นทีตอนนั้นมึงเคยอ้วกใส่ที่นอนกู ยังเห็นไม่เคยพูดเลย”  ไอ้ฟาร์มพูดพร้อมกับผลักหัวผมจนหน้าเกือบทิ่มลงพื้น ชิชะ!ไอ้ห่าฟาร์มมันทวงบุญคุณผมครับหัวหน้า

     “ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันโว้ย!” ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้  “กูต้องรับผิดชอบพวกมึงตั้งสามคน แต่พวกมึงนี่ดูกูแค่คนเดียวนะ! แถมยังนอนกรนกันจนบ้านแทบแตกทำให้กูนอนไม่หลับทั้งที่ง่วงจะตายห่าเลยต้องหอบผ้าหอบผ่อนมานอนร้อนๆให้ยุงหามกูไปแดกอีก” 

     “ตอแหล!”  สิ้นประโยคพวกมันทั้งสามคนก็พร้อมใจกันด่าผมออกมาด้วยความพร้อมเพียง ชิชะทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปแท้เลย ไม่น่าช่วยพวกมันเลยเนี่ย 

     “กูได้ข่าวว่ามึงไปนอนห้องพี่เสือไม่ใช่ไง๊!?” ไอ้หัวโล้นมันพูดและเลิกคิ้วขึ้นถาม
 
     รู้ทันกูอีกนะไอ้ฟาร์ม!!

     “แล้วไง แต่กว่ากูจะได้เข้าไปนอนห้องมันนี่ก็เกือบโดนยุงหามตัวไปแล้วเหมือนกันนะเว้ย!”  และผมก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะเถียงกลับ
     เปล่าครับกูโกหก ที่จริงออกมานอนยังไม่ถึงยี่สิบนาทีไอ้เสือมันก็ชวนไปนอนในห้องแล้ว

     “น้ำหน้าอย่างมึงน่ะอมพระมาพูดกูก็ไม่เชื่อหรอกสัด!”   ไอ้โก้…มึงมัน!! ไม่พูดเปล่ามันแม่งยังตบหัวผมอีกจนหน้าเกือบคว่ำสมองเกือบแตก  สมองกูไหลทำไงเนี่ย วันนี้โดนตบหัวสองรอบแล้วนะว้อยยยยย

     “รู้งี้ปล่อยให้พวกมึงนอนอยู่ข้างนอกดีกว่า ทำคุณบูชาโทษแท้ๆเลยกู…”  เมื่อเถียงไม่ได้ก็ตัดพ้อมันซะเลย พวกมันมีสามผมมีแค่ตัวคนเดียว ไอ้พี่หมากไอ้เสือก็ออกไปแล้ว จะเอาอะไรไปสู้เขาล่ะครับ

     “แหม…อย่ามาดึงดราม่าเดี๋ยวกูตบคว่ำแล้วไหนผ้าอยู่ไหนจะเอาไปซักให้!” ไอ้เจมส์พูด เนื่องจากว่ามันเป็นผู้ที่กำลังแฮงค์เหล้าแฮงค์เบียร์(ขนาดหนัก)มันเลยเป็นหนึ่งในสามที่ยอมผมง่ายสุด

     เห็นไหม!! สุดท้ายก็ต้องยอม ลองไม่ยอมดูสิรู้เรื่องเลย!!


     เย็นวันนั้น…ช่างแสนวุ่นวาย ตอนนี้ผมกำลังเดินหางานอยู่จนแทบพลิกแผ่นดินหลังจากที่กลับมาจากมหาลัยแล้วก็แจ้นมาหางานเลยทันที

     เฮ้อออออกูท้อจังเลยครับ งานห่าอะไรทำไมมันหายากหาเย็นแบบนี้ครับหัวหน้า นี่ก็ไปสมัครเซเว่นไว้แล้วไม่รู้จะได้หรือเปล่า พอผู้จัดการร้านเขาบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับไป ใจกูนี่ก็ห่อเหี่ยวไปแล้วแปดสิบเปอร์เซ็นต์ คือเขาต้องไม่รับแน่เลย นอนรอโทรศัพท์ไปเถอะครับกู  ตอนนี้ก็ใกล้สอบไฟนอลแล้วรายงานหรืองานก็ที่คั่งค้างอยู่ก็ต้องเร่งทำสุดพลังเกิด 

ตอนแรกก็คิดไว้ว่าปิดเทอมแล้วค่อยหางานทำ แต่ผมมานั่งคิดไปคิดมาแล้วรีบหาตอนนี้เลยจะดีกว่า  งานยิ่งหายากๆอยู่ด้วย เดี๋ยวเจอตัดหน้าไปแล้วจะทำยังไง

เดี๋ยวก็ถึงเวลาที่ต้องได้จ่ายค่าเทอม ถ้าไม่มีจ่ายเดี๋ยวจะโดนไล่ออกซวยฉิบหายกว่าเดิมแน่ครับ  นี่สิคือสิ่งสำคัญเพราะฉะนั้นไม่ต้องถามว่าทำไมถึงมาเร่งหางานแบบนี้ทั้งที่ควรจะตั้งใจอยู่กับการอ่านหนังสือเพื่อเอาไปไฟท์ในไฟนอล 

     ฮืออออ…ผมตายแน่เลย เงินมีปัญหาใส่ชุดนักศึกษาไปหาใครได้บ้างครับ


     ฟู่วววววว!!

     เหนื่อยชะมัด ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังครึกครื้น แถวนี้เป็นย่านที่ค่อนข้างเจริญ ร้านอาหาร  และร้านต่างๆมากมายเซเว่นหรือร้านสะดวกซื้อก็เยอะ ก็เลยเลือกที่จะมาลองหางานแถวนี้ทำดู ซึ่งมันก็ไม่ได้อยู่ไกลบ้าน
ผมเท่าไรเดินทางไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว ในกรณีรถไม่ติดน่ะนะ แต่ถ้ารถติดนี่ก็รอไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้

ตอนนี้กำลังตั้งใจหางานจำพวกพนักงานเซเว่น พนักงานโลตัสอยู่ ผมได้แต่ไปกรอกใบสมัครเอาไว้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไหม เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมคิดได้ในตอนนี้คือการหางานอื่นๆทำรอไปพลางๆ แต่…จะทำงานอะไรได้ล่ะครับหัวหน้า

     อืม…ถ้างานเสิร์ฟก็พอไหวนะ  แต่ก็นั่นแหละครับเกรงว่าจะสมัครไม่ได้เพราะกลัวว่าเขาจะรับแต่พนักงานผู้หญิง

     เฮ้ออออ…

     อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เดินเตะฝุ่นไปเรื่อยๆหวังว่าจะมีงานงอกมาบ้าง

    ตลกละ…

    ตะวันตกดินแล้ว ผมว่าผมควรกลับบ้านดีกว่าไว้พรุ่งนี้ค่อยไปหาใหม่เพราะวันนี้ก็เดินจนขาลากแล้วรองเท้าคงจะสึกหมดแล้วมั้งสัด

    -รับสมัครพนักงานเสิร์ฟไม่จำกัดเพศ

     เหยดแม่มมมมม!! คล้ายกับว่าฟ้าฝนจะเป็นใจยังไงรู้ ในขณะที่ผมกำลังเดินไปรอรถเมล์เพื่อที่จะกลับบ้าน แต่ดวงตาน้อยๆของผมก็ดันเหลือบไปเห็นป้ายรับสมัครพนักงานของร้านอาหารเวียดนามร้านหนึ่ง

     เชร้ดโด้วววว เจ๋งว่ะ! ไม่จำกัดเพศด้วย พุ่งเลยครับพุ่งเลย!

     ตัวกูเนี่ยพุ่งเข้าร้านเขาไปเลย…

    “สวัสดีครับเชิญครับ!”   พอเปิดประตูร้านเข้ามาพนักงานผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาชาร์ตตัวกูทันที   สัด!!ตกใจหมด

    “ลูกค้ามากี่ที่ครับ?”

    “อ เอ่อ…ผมมาสมัครงานน่ะครับ” 

    “อ๋อ..สมัครงานเชิญด้านนี้ครับ”  ว่าแล้วพนักงานเสิร์ฟก็เดินนำผมมานั่งตรงโต๊ะอาหารโต๊ะหนึ่งที่มีของอะไรไม่รู้วางเกะกะ ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นโต๊ะที่เขาเอาไว้ใช้วางของมากกว่าให้ลูกค้านั่ง 

     “รอสักครู่นะครับ”  ว่าแล้วพนักงานเสิร์ฟที่รูปร่างโคตรอ้อนแอ้นบอบบางก็เดินหายลับเข้าไปข้างในซึ่งผมคิดว่ามันคือในครัว  ตอนนี้ก็เลยได้แต่นั่งทำตัวลีบๆมองพนักงานคนอื่นๆที่กำลังเดินกันให้วุ่นเพื่อเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าอยู่

     “น้องที่มาสมัครงานใช่ไหมคะ?”    นั่งรอไม่นานเกินสิบนาทีก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุน่าจะประมาณสามสิบต้นๆเดินเข้ามาถาม ดูจากลักษณะการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นเจ้าของร้านแน่ๆผมว่า

     “สวัสดีครับ”   

     “มาสมัครตำแหน่งอะไรจ๊ะ?” 
 
     “เด็กเสิร์ฟน่ะครับ…” 

     “อ่อ…ตอนนี้เด็กเสิร์ฟที่ร้านพี่เต็มแล้วน่ะค่ะ ยังไงกรอกใบสมัครไว้ก่อนไหม?”  นั่นไง…กูว่าแล้ว หัวใจเลยห่อเหี่ยวไปตามระเบียบ ยิ้มแห้งตอบกลับเขาไปอย่างฝืนๆและตอบไปว่า…

     “ได้ครับ”   
     ก็ได้นั่นแหละครับไอ้สัด!! บอกจะโทรกลับร้อยทั้งร้อยแม่งไม่เคยโทร

     “นี่จ้ะ”  ว่าแล้วเขาก็ยื่นใบสมัครงานมาให้ผม ผมใช้เวลาในการเขียนประมาณสิบนาทีได้เสร็จแล้วก็ยื่นให้เขาและยิ้มแห้งๆตอบกลับไปตามประสาคนนก

     “ยังเรียนอยู่เหรอคะ?”  แหม…พี่ครับเห็นผมใส่ชุดนักศึกษาขนาดนี้ คงจะเพิ่งกลับมาจากเลี้ยงควายหรอกครับ

     “ครับ”  ถึงแม้ในใจจะเกรี้ยวกราดแต่ภายนอกนั้นกลับตอบออกมาด้วยเสียงสุภาพอ่อนหวานจนหัวใจแทบกระตุก

     “อืม…เเล้วใกล้ปิดเทอมยังคะ?”   

     “ก็ใกล้แล้วครับ”

     “อ่อ…แล้วถ้าเปิดเทอมนี่จะยังไง จะเอาเวลาไหนมาทำคะ พอดีที่ร้านพี่เปิดตั้งแต่เที่ยงจนถึงเที่ยงคืนเลยนะ?” 

     “เอ่อ…ผมก็ไม่ทราบเหมือกันครับ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะมาทำทุกวันหยุดนั่นแหละครับ”
จะตอบยังไงดีล่ะครับหัวหน้า ถ้าพี่จะรับจริงๆนั่นมันก็ต้องแล้วแต่พี่นะครับ

     “งั้นพี่ว่าพี่รับน้องเข้าทำงานดีกว่า”
     หะ! อะไรนะ!?
     อยู่ๆคำตอบของพี่เขาก็เปลี่ยนไป
     ทำไมมันเร็วอย่างนี้ล่ะ ไหนบอกพนักงานเต็มไง? 

     เอ๊ะ! หรือผมจะหูฝาดครับ!?

     “ที่ร้านเด็กเสิร์ฟยังเต็มก็จริงแต่เดี๋ยวเดือนหน้ามันจะมีคนออกพอดีน่ะจ้ะ ก็เลยหาคนมาแทนเหมือนกัน ส่วนเรื่องพาร์ทไทม์พี่ก็กำลังอยากได้อยู่พอดี เพราะว่าเสาร์อาทิตย์ต้องเอามาสลับกับเด็กเสิร์ฟที่ทำงานประจำ เนื่องจากพี่จะหาวันหยุดให้พนักงานที่ร้านบ้างน่ะ”

     “อ่อ…ครับ” ผมตอบรับ

     “งั้นระหว่างที่ปิดเทอมก็มาทำให้พี่ประจำ ถ้าเปิดเทอมแล้วก็มาทำตอนเย็นให้พี่นะ เสาอาทิตย์ถ้าว่างก็มาทำ”

     “ครับ”

    “สามารรถเริ่มงานได้วันไหนจ๊ะ?”

     “พรุ่งนี้ก็ได้ครับ”

     “โอเคงั้นพรุ่งนี้น้องมาเริ่มงานได้เลย” “ถ้าน้องมาทำตั้งแต่เลิกเรียนพี่ให้วันละสองร้อยนะ แต่ถ้าวันไหนมาทำเต็มวันพี่ให้สามร้อยห้าสิบโอทีต่างหากแล้วทิปนี่ก็จะเป็นทิปแยก  ตามนี้แหละจ้ะโอเคไหม?” 

     “อ โอเคครับ” 

     “ชื่อเล่นชื่ออะไรคะ?”

     “ปิงครับ…”

     “อ่ะ…โอเค น้องปิงเดี๋ยวพรุ่งนี้เข้ามาเริ่มงานได้เลยนะเดี๋ยวยังไงพี่โทรตามอีกที”

    “ครับ สวัสดีครับ” 

     เยสสสส!! ในที่สุดก็ได้งานแล้วโว้ยยยยยยย บทจะได้แม่งก็ได้มาง่ายๆ ตอนแรกนี่ถอดใจไปแล้วยังไงก็คิดว่าไม่ได้แน่ๆ แต่พอหลังจากนั้นแหละ หัวใจผมนี่ลิงโลดสุดๆ โอยยย ขอบคุณครับที่ให้โอกาสผม
   



     ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วเกือบเที่ยงคืนโดยและทั้งบ้านก็มีผมอยู่แค่คนเดียวกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟากลางบ้าน รอบๆก็เต็มไปด้วยกองหนังสือที่ต้องพยายามจิกหัวตัวเองให้ขึ้นมาอ่านให้ได้  ส่วนไอ้นี่เสือสงสัยกำลังไปรับน้องกวางกลับมาจากบ้านน้าเล็กแหงๆ และไอ้พี่หมากนี่ไม่ต้องพูดถึง หายเข้ากลีบเมฆไปแล้วครับเป็นเซเลบตามจับตัวยากอีกเหมือนเคย 


     บื้นนน!!
     แหม…พูดถึงยังไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงรถไอ้เสือมันขับเข้ามาแล้วครับไม่ตายง่ายหรอกผมว่า พูดปุ๊บมาปั๊บ

    ครืด…และไม่นานเสียงประตูมุ้งลวดในบ้านก็ถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของสองพ่อลูก


     ”กลับดึกจังวะ!?”  พอมันเดินเข้ามาในบ้านผมเลยถามขึ้นตามประสาคนอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอน เอ้ย! ใต้ชายคา

     “เพิ่งเลิกงานน่ะ แล้วก็ไปรับน้องกวางมาจากบ้านน้าเล็กด้วย”  คนตัวสูงตอบแล้วก็เดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางเหนื่อยๆ 
ก็คงจะเอาน้องกวางไปนอนนั่นแหละครับเพราะเธอกำลังนอนหลับอย่างอร่อยเลย จะมีก็แต่ผมนี่แหละที่ยังคงนั่งง่วงหงาว
หาวนอน เอาไม้จิ้มฟันถ่างตาไว้เพราะต้องอ่านหนังสือให้จบ เดี๋ยวพอไปสอบแล้วจะไม่มีอะไรติดสมองไปเลยน่ะนะ ต้องเตรียมตัวไว้เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว


     “กินอะไรหรือยัง?”   ไม่นานถึงยี่สิบนาทีไอ้เสือมันก็เดินออกมาจากห้องแล้วก็ถามผม สองขายาวๆก็ก้าวไปตรงตู้เย็นจากนั้นก็เอาน้ำออกมารินใส่แก้วเเล้วยกขึ้นดื่ม

     “กินแล้วแต่ก็หิวอีก…พอดีมันใช้สมองเยอะ” ผมตอบและยิ้มโชว์ฟันทั้งสามสิบสองซี่

     “ไม่ใช่ว่าตะกละหรอกเหรอ?”   แล้วสิ่งที่มันตอบมาก็ทำเอาผมแทบหุบยิ้มลงในบัดดล แหม…เห็นกูเป็นคนยังไงกัน!

     “แล้วถามทำไมจะทำอะไรให้กินเหรอ?” เลิกคิ้วขึ้นถาม 

     “จะต้มมาม่าเอาด้วยไหม?” 

     “เอา!! ขอต้มยำกุ้งนะ” 

    “ลุกมาช่วยกู!”   เสือมันพูดแล้วก็กระดิกนิ้วเรียกผมยิกๆ ก็คิดว่าแต่จะทำมาให้กินเลย คิดดีแล้วเหรอที่จะให้กูช่วย
     เนี่ยหืมมมมม…มึงคิดดีแล้วใช่ม้ายยยยยยย

     “เออๆ”  สุดท้ายก็ต้องพาสารร่างตัวเองลุกมายืนข้างๆมันตรงหน้าเตา

     “ไหนให้ทำไร?”   

    “ไปต้มน้ำร้อน”   
     ว่าแล้วก็เดินไปหาหม้อน้อยๆมาใส่น้ำร้อนเอาไปต้ม

     “แค่นี้พอไหม?”    แต่ก่อนจะต้มก็หันไปถามคนข้างๆสักหน่อยว่าพอแล้วหรือยัง แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้น…

     “บ้านมึงต้มมาม่าแบบนี้เหรอ? น้ำเยอะขนาดนี้ก็กินมาม่าต้มน้ำเปล่าเถอะเพราะมันคงจะมีรสชาติให้อยู่หรอก”   

    สัด! กูจะรู้ไหมล่ะไอ้ฟายยยยยยยยยยยยย

    “เอ้า! แล้วกูจะรู้เรอะ!? ทำไมไม่บอกว่าจะเอาขนาดไหนก็คิดว่าแต่จะต้มของมึงกับกูรวมกัน”  บ่นมันไปมือก็จุดไฟต้มน้ำร้อน เดี๋ยวกูจุดไฟเผาหัวแม่งงงงพูดมากดีนัก!

     “ไม่รวม! กูกินหมูสับ มึงกินต้มยำ” 

     ชิชะ เถียงคำไม่ตกฟากเลย

     “แล้วไงก็ต้องเอาน้ำร้อนลวกเหมือนกันไหมล่ะ? ทำไมต้องต้มแยก?”

     “ก็กูจะใส่หมูใส่ผักให้มึงนี่ไง ยิ่งๆโง่ๆอยู่จะเอาให้บำรุงสมอง!” 

    โธ่…ไอ้ ไอ้ ไอ้ แม่งเอ้ยด่าไม่ออก เห็นแก่ความดีหรอกนะ

     เดี๋ยวเถอะมึงเดี๋ยวนี้ชักลามปาม
 
     “เออเอาแล้วแต่มึง  ทำเองแล้วกันกูไปละ”    เรื่องมากดีนักมึงทำเองเลย วันนี้มันปากดีกว่าปกตินะครับหัวหน้า เห็นหรือยังว่าใครร้ายกว่ากัน!!

     “ไปไหน มานี่เลยมึง ไม่งั้นไม่ต้องกิน”  แต่ยังไม่ทันที่จะได้ไสหัวตัวเองออกมาจากครัวมันก็ลากคอเสื้อผมกลับมายังที่เดิม

     “โวะ!!” 
     แต่พอกำลังจะอ้าปากบ่นมันเท่านั้นเหละ…


     ฟู่ววววว!!

     “เฮ้ยยยยย!!” 

    “โอ้ยยยยยยย!!”   
 
     เชร้ดดดแม่มมมมมมมมม!!

     ฉิบหายเอ้ยยยย!!!

     ร้อนโว้ยยยยย!!

     “เฮ้ยยเป็นอะไรมากหรือเปล่า!?”   

    ไม่ต้องตกใจครับ คือเมื่อกี้น้ำมันเดือดจนล้นออกมาจากหม้อนผมก็เลยเผลอเอามือไปจับหูหม้อออกมาเฉยเลย ลืมไปว่ามันร้อนและน้ำร้อนที่กำลังเดือดๆมันก็กระเด็นออกมาโดนมือผม 


     เลววววววววว เลวที่สุด

     “ทำไมโง่อย่างนี้วะมึงเนี่ย!?”     มันจับมือผมไว้และพาเอาไปล้างน้ำที่เปิดออกมจากก๊อก แล้วก็ทั้งด่าแล้วก็บ่นกูไปพร้อมๆกันเลยครับหัวหน้า

     ห่านนนน!! ก็กูตกใจไหมล่ะ คิดอะไรไม่ทันเลยหน้าโง่เอามือไปยกหม้อน้ำร้อนออกจากเตาด้วยมือเปล่าไง… อะๆเขาไม่ได้เรียกโง่เขาเรียกแตกตื่นต่อสถานการณ์ตรงหน้าจนไม่มีสติ จำไว้!!

     “เอ้าก็คนมันตกใจนี่หว่า…” ผมตอบเสียงอ่อย ไม่กล้าสบตาคนข้างๆก็เลยเอาแต่มองฝ่ามือใหญ่ของไอ้เสือที่กำลังล้างมือข้างที่โดนน้ำร้อนให้ผม

    “แทนที่มึงจะปิดไฟก่อน เป็นไงล่ะคราวนี้”    บ่นผมต่อแต่สายตาก็ยังคงไม่ละออกจากการกระทำตรงหน้า 

    “ก็มึงแหละชวนกูคุย เป็นไงล่ะคราวนี้?”    ยอกย้อนมันซะเลย ก็เพราะมันจริงๆนั่นแหละ ถ้าไม่ชวนคุยก็จะได้รู้ว่าน้ำกำลังเดือดและต้องลดแก๊ซลง

    “ยอกย้อนเหรอมึง?” 


     โป๊ก!!

    โอ้ยยยย!!

     ไอ้ห่าเสือไม่พูดเปล่าครับมันดีดเข้าที่หน้าผากผมเต็มๆ  เดี๋ยวๆอย่าให้กูเกรี้ยวกราดนะครับไอ้สาดดดดด

    “อยู่ตรงนี้แหละเดี๋ยวเอาน้ำแข็งมาประคบให้”  จากนั้นมันก็เดินหายไปก้มๆเงยๆตรงตู้เย็นและบริเวณใกล้เคียง ไม่นานก็ได้น้ำแข็งแล้วผ้าขนหนูผืนเล็กติดไม้ติดมือมา

     จากนั้นก็จับเอามือผมทั้งสองข้างไปประคบน้ำแข็งให้อย่างเบามืออยู่นานสองนาน อืม…ก็รู้สึกประทับใจอยูหน่อยๆเพราะนอกจากแม่แล้วก็ไม่เคยมีใครทำอะไรแบบนี้ให้ไง…หัวใจกระตุกเลยไอ้สัด! แต่ตอนนี้เนี่ยเหนือสิ่งอื่นใดกว่าการเจ็บแผลและ
ความประทับใจก็คือความหิว…


ห่านนนนน!! ท้องกูร้องออกมาเป็นดนตรีเพลงหนูมาลีมีลูกแมวเหมียวแล้วเนี่ย มึงควรที่จะไปต้มมาม่ามากกว่ามาประคบน้ำแข็งให้กูนะโว้ย นี่แค่โดนน้ำร้อนลวกไม่ได้เป็นง่อย!!


     “มึง…” ผมเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

     “อะไร?”  คนที่กำลังตั้งใจปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ผมตอบกลับมาทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาแม้แต่น้อย มัวแต่ดูมือกูนี่แหละ ตัดเอาไปประคบต่อในห้องเลยไหมครับสังคม!?

     “กูว่ามึงไปต้มมาม่าต่อเถอะ…กูหิวแล้ว” ผมพูด  “ไม่เชื่อฟังเสียงท้องกูร้องดิ…”  ว่าแล้วก็เอามือลูบท้องเหี่ยวๆของตัวเอง


     จ๊อก…
     อย่างกับเสียงฟ้าผ่าแน่ะ

     “อ เอ่อโทษที” 

     ไอ้เสือันเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างตะกุกตะกัก… เอ๊ะ! มันเป็นไรของมันวะ?   

     “ขอบใจ” 

     “ไม่เป็นไร” แล้วทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยความรวดเร็ว ราบเรียบทั้งน้ำเสียงและสีหน้า
     เฮ้ยยย…สงสัยผมคิดมากไปเอง



     สิบห้านาทีต่อมา มาม่าทั้งสองถ้วยของผมกับไอ้เสือก็ถูกเอามาเสิร์ฟในที่สุด กลิ่นนี่หอมฉุยจนพยาธิในท้องมันดิ้นกันแบบไม่เกรงใจเลย

ขณะนี้เราสองคนกำลังนั่งกินมาม่าแล้วก็ดูหนังไปพร้อมๆกัน ต่างคนกำลังตั้งใจดูจนมีแค่เสียงจากโทรทัศน์เท่านั้นที่ดังอยู่ในตอนนี้ อ้อมีเสียงเอฟเฟ็คต์การดูดเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าปากด้วยที่ดังคลอๆกันไป

     “มึง…กูได้งานทำแล้วนะ”  แต่เงียบได้ไม่นานก็ถูกผมพูดทำลายมันซะ เพราะนึกได้ว่ามีเรื่องจะมาเล่าให้ไอ้เสือฟังพอดี  ก็ไม่รู้เป็นอะไร ทำไมช่วงนี้เวลาที่มีอะไรเข้ามาในชีวิตนี่จะต้องเล่าให้มันฟังด้วยตลอดเลย

     “เหรอ…งานอะไรล่ะ?”  คู่สนทนาถาม สองตาก็ดูหนังตรงหน้าปากก็กำลังจัดการอาหารตรงหน้า

    “เด็กเสิร์ฟน่ะ ที่ทำงานก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไร” ผมตอบ…สายตาของไอ้เสือไม่ละจากโทรทัศน์ยังไง ผมเองก็ยังคงไม่เลิกมองมันอย่างนั้น 
     แล้วทำไมต้องมองมันด้วยฟระ!

     “อ่อ…” คู่สนทนาพึมพำในลำคอ “แล้วเริ่มงานวันไหนล่ะ?” และถามกลับ 

     “พรุ่งนี้” 

     “เลิกงานกี่โมง?”

     “ประมาณเที่ยงคืนมั้ง?”

     “แล้วจะกลับยังไง?” ครั้งนี้มันละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์และหันกลับมามองหน้าผมด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งอย่างเคย

     เออแฮะ…แม่งลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลยว่ะครับ

     “ไม่รู้…ลืมคิดไปเลยว่ะ  แหะๆ” เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไปตามระเบียบ   

     “มึงนี่น้า…เวลาทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังดีๆ” ว่าแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆ  สงสัยมันจะเอือมระอาผมมาก

     “ก็คนมันลืม ตอนนั้นมันแค่อยากจะได้งานทำอย่างเดียวนี่หว่า”
     เอาไงดีวะ…ถ้ากลับวินมอ’ไซค์มันต้องแพงมากแน่ๆไม่คุ้มค่าจ้างแน่เลย

     “…”

     “พรุ่งนี้ถ้าเลิกงานแล้วก็โทรมาเดี๋ยวไปรับ…”    และจากที่เงียบอยู่สักพักหนึ่ง  ไอ้เสือมันก็พูดขึ้นมา
     นี่แหละ…สิ่งที่กูอยากได้ยิน ฮ่า ฮ่า ฮ่า

     ทำดีมากไอ้พี่!!

     “ว่าแล้วมึงต้องใจดีมารับกูอิอิ”   หืม…เกลียดเสียงตัวเองจังเลยครับ ดูเป็นคนตอแหลยังไงก็ไม่รู้   

     “รู้ดี” 

     ไม่ว่าเปล่ามันตอบกลับมาแล้วก็เอาตะเกียบด้านที่ไม่เปื้อนมาเคาะหัวผมเบาๆ

     นี่เพื่อนเล่นเหรอ? กูอายุน้อยกว่ามึงตั้งเยอะนะโว้ย!! เดี๋ยวๆ  เดี๋ยวโดน!!

     “เอ้อ!!ปิดเทอมแล้วไปไหนป้ะ?”  ผมเปลี่ยนเรื่องกะทันหันเพราะอยู่ๆก็นึกถึงเรื่องที่จะพูดกับมันขึ้นมาได้ 

     “ไม่รู้สิ มีอะไร?”

     “คืองี้…ไอ้เจมส์เนี่ยมันชวนพวกกูไปเที่ยวทะเล พอดีบ้านมันมีที่พักก็เลยชวน นี่ก็เลยมาชวนมึงด้วยอยากพาน้องกวางไปเที่ยวน่ะ”

     “อ่อ…ไม่รับปากนะขอดูก่อน” 

     “โอเคได้ ว่าจะชวนพี่หมากมันเหมือนกัน”

     “แล้วไปกันกี่คน?”

     “ตอนนี้ทั้งหมดสี่ กู ไอ้ฟาร์ม ไอ้เจมส์ ไอ้โก้ ถ้ามึงกับพี่หมากไปก็เป็นหกรวมน้องกวางก็เจ็ด”

     “อืม…โอเค”

     เส้นมาม่าคำสุดท้ายถูกผมจัดการด้วยความรวดเร็ว  เพราะว่าต้องจัดการกองหนังสือตรงหน้าต่อ “เดี๋ยวกูว่าจะอ่านหนังสือต่อนะ มึงจะทำอะไรอีกไหม?”  เลยหันไปถามคนข้างๆเผื่อว่าจะทำอะไรอีก

     “ก็ว่าจะนั่งทำงานต่อสักหน่อย เดี๋ยวกูขอเอาคอมออกมาทำข้างนอกนะไม่อยากทำข้างในเดี๋ยวน้องกวางตื่น”   

     “เออๆ” พูดแล้วก็ลุกเอาถ้วยเอาแก้วน้ำไปเก็บตรงอ่างล้างจาน ก่อนจะมานั่งขัดสมาธิตั้งใจกับหนังสือตรงหน้าก่อน พลันสมองที่เพิ่งประมวลผลได้ มันก็คิดได้อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ… 

     เดี๋ยวก่อนนะ…แต่ก่อนก็นั่งทำข้างในได้ไม่ใช่เหรอ  ทำไมวันนี้มาบอกกลัวน้องกวางตื่น งงในงง

     อะๆ แต่ก็ช่างมันเถอะตอนนี้ขอคนโดเนทไม้จิ้มฟันมาให้สักโหลได้ไหมครับจะเอามาง้างตาตัวเอง เพราะอยู่ๆนั่งไปนั่งมาก็รู้สึกถึงหนังตาที่มันหนักๆและเริ่มจะปิดลงเอาซะได้

     ก็หนังท้องมันตึงหนังตาก็เลยหย่อนน่ะสิ!




     






     มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสาม(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 7/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 08-05-2017 07:59:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสาม(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 7/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 08-05-2017 10:14:46
พี่เสือระวังใจตัวเองหน่อย ไหนบอกว่าจะไม่ไง แล้วนี่แอบจุ๊บเหม่งน้องคืออะไรค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสาม(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 7/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-05-2017 11:41:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสาม(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 7/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-05-2017 12:15:23
เสือ เผยความในใจออกมาแล้ว
จุ๊บ ที่หน้าผากหนึ่งที ปิง นอนไม่หลับเลย

ปิงไม่เหมาะกับอาชีพบริการเลย
ไม่เคยบริการใคร กับข้าวทำไม่เป็น
ขนาดต้มมาม่า ยังกะน้ำไม่ถูกทำตัวเองเจ็บตัวอีก
แล้วไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่ดูง่ายๆ ยังเดินขาพันหกล้มแก้วบาดมืออีก
รอดูการพัฒนาของปิง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสาม(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 7/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-05-2017 21:25:01
 :m20:


เสือนี่ร้ายน่ะคะ หัวหน้า !
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสาม(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 7/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 09-05-2017 00:16:58
:m20:


เสือนี่ร้ายน่ะคะ หัวหน้า !



ใช่ค่ะหัวหน้า พี่เสือมันร้ายนะคะ!!!
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสาม(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 7/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: TEEMOMO ที่ 09-05-2017 14:42:13
อรั้ย พึ่งได้อ่านชอบมากๆเลยค่า แมนๆฟัดกัน 5555 พี่เสือแอบกอดแอบหอมไปๆมาๆเผลอลักหลับทำไง
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสาม(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 7/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: ujen ที่ 09-05-2017 15:46:41
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ต่อจากตอนที่สิบสาม↔ (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 09-05-2017 17:05:05
ต่อจากตอนที่สิบสามนะคะ


 “ปิงๆรับออเดอร์ลูกค้าโต๊ะ104หน่อย!”   ในขณะที่ผมกำลังรินน้ำใส่แก้วเพื่อที่จะได้เอาไปเสิร์ฟลูกค้าที่เพิ่งรับออเดอร์มาเมื่อครู่ ก็มีเสียงสั่งงานมาว่าให้ไปรับลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ 

     ไอ้ฉิบหายน้ำที่เทอยู่ในแก้วก็ยังไม่เสร็จเลยครับ ให้กูไปรับลูกค้าอีกแล้ว แล้วนี่เด็กเสิร์ฟมันหายไปไหนกันโหม๊ดดดดด!! ถึงได้มาปล่อยให้ผมกับพี่ฟ้าเด็กเสิร์ฟอีกคนมารับลูกค้าชั้นล่างกันอยู่แบบนี้!!

     “สักครู่นะครับ”  ผมตอบรับพี่ฟ้าที่กำลังเดินเสิร์ฟจนขาแทบพันกัน ก่อนจะเร่งเทน้ำใส่แก้วตรงแล้วก็รีบเอาไปเสิร์ฟโต๊ะที่เพิ่งรับออเดอร์มา 

     แต่…

     เพล้ง!!

     “เฮ้ยยยยย!!”

เหยดแม่มมม!ผมเองครับ ผมเองที่มัวแต่รีบจนเดินจนขาแทบพันกันผลที่ได้เลยออกมาเป็นแบบนี้ สารเลวหน้าทิ่มล้มคะมำตรงพื้นไม่พอแก้วที่ยกมาจะเอาไปเสิร์ฟนั้นหล่นลงพื้นจนเศษแก้วมันกระจัดกระจายเต็มไปหมดเลย โอยยยยยยย กูอายจังครับสังคม…


     “เฮ้ยยย! เป็นอะไรมากไหม?!”  พี่ฟ้าถามขึ้นเสียงดังลั่น สงสัยพี่จะตกใจมากเพราะมันเล่นแสดงออกมาอย่างชัดเจนบน
ใบหน้า ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาดูผมที่กำลังพยายามลุกขึ้นมา

     แต่…

     เช้รดดดดแม่มมมม

     ด้วยความที่รับลุกขึ้นมาอย่างพรวดพราดแล้วไม่ทันได้ดูเศษแก้วที่แตกอยู่ตรงพื้นเลยบาดเข้าที่ฝ่ามือผมจังๆ

     “โอ้ยยยย…” เผลออุทานออกมาเบาๆ ฮือออออ แม่จ๋าปิงเจ็บบบบบบ!!

     “เฮ้ยแก้วบาดมือด้วยนี่! ไปๆ ไปทำแผลก่อน”  ว่าแล้วพี่ฟ้าก็ดันหลังให้ผมเดินเข้าไปในหลังครัว

     “พี่โบคะช่วยรับลูกค้าให้หน่อยได้ไหมคะ พอดีข้างหน้าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ”  พอเข้ามาในหลังครัวแล้วพี่ฟ้าก็บอกพี่โบซึ่งเป็นเจ้าของร้านนี้ทันทีว่าให้ไปช่วยรับลูกค้าข้างหน้าหน่อย 

     “เฮ้ยยย ปิงเป็นอะไรเนี่ย!?” เจ้าของร้านคนสวยของผมที่กำลังยืนทำออเดอร์อยู่หน้าเตาถามออกมาด้วยสีหน้าที่ตกใจพอๆกับพี่ฟ้าเมื่อครู่นี้เลย หลังจากที่เห็นว่าฝ่ามือผมมีเลือดไหลออกมา

     “อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ ผมขอโทษครับ”  ตอบและยิ้มเจื่อนๆกลับไปให้
      มาวันแรกก็ก่อเรื่องเลยครับหัวหน้า โอยยยยย จิครายยยยยย

     “ไปๆ ไปทำแผลก่อน ทำเองได้ใช่ไหม? เพราะตอนนี้พี่ติดทำออเดอร์เลยไปช่วยรับไม่ได้ เดี๋ยวฟ้าไปรับก่อนก็แล้วกัน”    เออนั่นแหละครับแม่งยุ่งจริงๆ สุดท้ายก็ต้องได้เสนอหน้ามานั่งทำแผลอยู่หลังร้าน 


     ฮืออออ มันเจ็บ…

     กะไอ้แค่เด็กเสิร์ฟมันจะยากอะไรขนาดนี้วะ…
 




     Rrrrrr Rrrrrr

     ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงคืน แน่นอนว่าเพิ่งเลิกงานครับ ทันทีที่ก้าวขาออกมาจากร้านโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาทันที  ไม่ต้องสงสัยกันครับหัวหน้า คนที่คุณก็รู้ว่าใครโทรมา แหม…เดินออกมาจากร้านยังไม่ทันไรก็โทรมาอย่างรู้งาน ไม่ต้องรอให้ผมโทรไปให้เปลืองเงินเลย 


     [เลิกงานยัง?] 

     ทันทีที่กดรับ ปลายสายก็ถามขึ้นเสียงเรียบ 

     “เลิกแล้ว”

     [ที่ทำงานมึง ใช่ร้านอาหารเวียดนามตรงXXXหรือเปล่า?]

     “อือ…”

     [นี่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านมึงแล้ว อยู่ตรงไหนเดินออกมาดิ]
     โหยยยย  อย่าบอกนะว่ามานั่งรอกูเนี่ย

     “แป้บนะ”

     ว่าแล้วผมก็เดินออกมาตรงริมฟุตบาทหน้าร้านแล้วก็สอดส่องสายตาหาไอ้เสือ

     [กูเห็นมึงแล้ว มึงเห็นกูยัง?]

     ไหนวะ…

     อ่อ…นั่นไง

     “เห็นแล้วๆ!”   


     ติ๊ด!   
     พอเจอแล้วก็กดตัดสายมันก่อนจะรีบวิ่งข้ามถนนไปหาไอ้เสือที่กำลังยืนรอยู่ตรงซูโม่เอ็กซ์ของมัน พร้อมกับน้องกวางที่อยู่ในกระเป๋าสะพายเป้ประจำตำแหน่ง  คงไม่ต้องให้บรรยายนะครับว่าสภาพตอนนี้ของเธอเป็นยังไง ก็หลับปุ๋ยคาอกพ่อเธอเลยน่ะสิ


     “มารอนานยังวะ?”   

     “ไม่นาน ห้านาทีได้…แล้วนั่นมือไปโดนอะไรมา?”  มันคงจะเห็นแผลที่มือผมซึ่งถูกพันด้วยผ้าก็อซอยู่เลยถามขึ้นมา

     “แก้วบาดว่ะ” ผมตอบพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ  ซึ่งวันนี้นับไม่ถ้วนแล้วว่าผมทำสีหน้าแบบนี้กี่ครั้ง

     “เฮ้ออ…กูว่าแล้วเชียว”   คนตรงหน้าถอนหายใจออกมาและพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

     “อะไรของมึง…ไปๆกลับบ้านเถอะกูอยากนอนแล้ว”   ด้วยความเหนื่อยและความง่วงที่เริ่มเข้าครอบงำเลยไม่อยากที่จะเถียงให้มาก คือแบบ มันเหนื่อยมากเลยครับ ร่างนี้แทบแหลก มาทำงานวันแรกก็จัดหนักจัดเต็มกูซะแล้ว เฮ้ออออออ 


     ไม่นานไอ้เสือก็พาเราทั้งสามคนมาถึงบ้านในที่สุด ตอนนี้แทบจะคลานเข้าบ้านแล้วครับหัวหน้า  น้ำท่าแม่งไม่ต้องอาบมันหรอกซักแห้งมันเลย เนื่องจากร่างกายนั้นโหยหาที่นอนเอาอย่างเดียวพอเดินเข้ามาในบ้านแล้วเลยตรงดิ่งเข้ามาในห้องแล้วล้มตัวลงนอนทันที


     ฮร่อวววววว

     ขอลาไปเข้าเฝ้าพระอินทร์แล้วนะครับสังคม…คร่อก

     “ปิง…”   แต่หลับตาไปได้ไม่ทันไร เสียงหนึ่งที่แสนคุ้นหูก็ดังขึ้นมาพร้อมกับสัมผัสบางอย่างที่กำลังวุ่นวายอยู่มือของผม

     “ฮืออออ”   ด้วยความที่รู้สึกว่าเปลือกตามันหนักเกินไปเลยไม่แม้แต่ที่จะลืมตาขึ้นมาดูว่าใครมาเรียกและกำลังทำอะไรอยู่ที่มือของผม แต่สัมผัสนี่มันคุ้นๆและผมคิดว่าผมจำได้

     ไอ้เสือ…

     “ทำไมไม่รู้จักระวังเลยมึงเนี่ย!” ได้ยินไอ้เสือบ่นด้วย
     เออ…ถึงกูจะตาจะหลับแต่หูกูได้ยินนะไอ้สาด นี่หูไม่ได้ดับไปด้วย

     “…” 
     แต่ก็นั่นแหละครับ ไม่ตอบหรอกเพราะผมไม่มีอารมณ์ ง่วง…


     ตอนนี้ผมไม่ได้ยินเสียงทุ้มๆนั่นแล้ว แต่กลับยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสตรงฝ่ามือข้างที่เป็นแผลอยู่  รู้สึกเหมือนว่าเจ้าตัวกำลังทำแผลให้ผมและมันเบามือมาก ไม่นานถึงห้านาทีทุกอย่างก็เสร็จสิ้น  แอบได้ยินเสียงมันถอนหายใจออกมาหน่อยๆ จากนั้นก็…


     จุ๊บ…

     หืม…เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มัน?

     ไอ้สัด นี่มันอะไรวะ!?

     ตื่นเลย ตากูเนี่ยตื่นเลยหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง จากนั้นเสียงประตูห้องก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณได้ว่ามันออกไปแล้ว ผมเลยลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด

     เดี๋ยวนะ ขอจูนสมองตัวเองแป้บ เมื่อกี้นี่กูฝันไปเหรอครับหัวหน้าทำไมมัน…

     เฮ้ยยย!!... ไม่ฝันแน่ๆเพราะเมื่อกี้ผมรู้สึกได้ รู้สึกได้ว่ามันจุ๊บหน้าผากผม และรอยอุ่นๆจากริมฝีปากนั้นก็ยังคงอยู่จนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาคลำหน้าผากตรงรอยที่มันฝากความอบอุ่นไว้ให้เมื่อครู่ 

     แล้วไอ้เสือมันจุ๊บหน้าผากผมจริงๆเหรอครับ? ผมไม่ได้ฝันไปแน่ๆใช่ไหมวะ  คือ…แบบ

     บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้กำลังรู้สึกยังไง รู้แค่ว่าตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงจนอดที่จะเอามือไปทาบทับมันไว้ไม่ให้เป็นไปมากกว่านี้ เพราะถ้ามากกว่านี้มีหวังมันทะลุออกมานอกอกแน่ๆ


     ไม่รู้ว่าเพราะตกใจหรือรู้สึกดี เพราะเหมือนมีเส้นบางๆกั้นอยู่ยังไงไม่รู้เลย…

     เป็นไงล่ะครับ จุ๊บเมื่อกี้ทำผมตื่นยิ่งกว่ากินกาแฟซะอีก…


     โอยยยยยย นอนไม่หลับเลยครับหัวหน้า!!!!


 

     TBC...


     Rewrite 16/7/2560
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสี่(อัพเเล้วคร้าบบบ) (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 09-05-2017 17:06:22
ตอนที่สิบสี่ : เพราะว่ามันคือชีวิต




     “เฮ้ยยย ได้ข่าวว่าเพิ่งได้งานทำเหรอวะ?”  นมและขนมปังที่เพิ่งกินเข้าไปนั้นแทบจะสำลักออกมาเมื่อไอ้โก้และไอ้เจมส์มันเดินเข้ามาพร้อมกับตบเข้าที่หลังผมดังปุๆ 

     ไอ้สัด! ถ้าขนมปังติดคอกูขึ้นมาเดี๋ยวจะด่าให้

     “ใครคาบข่าวไปบอกมึงสองคนเนี่ย?” 
     แหม..รู้ข่าวไวจังนะพวกมึง

     “นี่เลย!”  ว่าแล้วมันสองคนที่เพิ่งนั่งลงตรงเก้าอี้ม้าหินอ่อนข้างๆผมก็พร้อมใจกันชี้เป้าไปที่ไอ้ฟาร์มซึ่งกำลังนั่งหน้านิ่งๆอยู่ตรงข้ามกับผม เดี๋ยวนี้ไม่รู้มันเป็นอะไรนะครับ มานั่งกับพวกผมบ่อยมาก สงสัยเพื่อนคณะมันไม่ยอมคุยด้วยมั้งฮ่าๆ

     “กูเพิ่งเล่าให้มึงฟังเมื่อคืนแล้วมึงไปเล่าให้มันสองคนฟังตอนไหนวะ!?”  ใช่ครับเมื่อคืนนี้ไอ้ฟาร์มมันมานอนด้วยน่ะ ก็เลยเพิ่งมีเวลาเล่าให้ฟัง สองสามวันมานี้ก็ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเพราะมัวแต่ทำงานกลับบ้านแล้วมีแรงลุกไปอาบน้ำนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่า
ว่าแต่จับหนังสือขึ้นมาอ่านเลย โทรศัพท์ยิ่งแล้วใหญ่ แบตนี่ไม่เคยลดเลยเนื่องจากไม่ค่อยได้เล่น หน้าไทม์ไลน์เฟซบุ๊คนี่ก็แทบไม่ได้อัพเดทสักสเตตัส 

     “โทรศัพท์มี ก็ต้องโทรสิวะ มึงจะให้พวกกูใช้นกพิราบในการสื่อสารหรือไง!!”  บร๊ะ…กูถามแค่นี้ทำไมมึงต้องเกรี้ยวกราดด้วยครับไอ้ฟายยยยย

     “เออๆช่างมันเถอะ แล้วว่าแต่มึงทำงานอะไรที่ไหนยังไงวะ?”  ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงไอ้ฟาร์มนั้นก็ถูกไอ้เจมส์มันก็ขัดขึ้นมาเลี่ยงไปประเด็นอื่นแทน 

     “กูทำร้านอาหารเวียดนามน่ะ แถวXXX เป็นเด็กเสิร์ฟ”  ว่าแล้วก็จัดการขมปังที่อยู่ในมือต่อหลังจากที่เมื่อครู่มันเกือบจะสำลักเพราะโดนพวกเพื่อนเวรมันตบเข้าที่กลางหลัง

     “แล้วงานเป็นไงวะ เหนื่อยไหม!?”   ไอ้โก้มันถาม และก็มีไอ้ฟาร์ม ไอ้เจมส์ที่คอยนั่งฟังด้วยสีหน้าที่โคตรอยากรู้อยากเห็น
     คือแบบ…ก็แค่ทำงานไหมวะ?  หรือเป็นเพราะว่าผมทำงานมันเลยเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับทุกคน 

     มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆเลยครับหัวหน้า…

     “สุดตีนกูพูดเลย!  นี่ๆมึงดู กูไปทำงานวันแรกนะแม่งก็เกิดเรื่องเลยสัด!” ว่าแล้วก็อดที่จะโชว์มือข้างที่เป็นแผลให้พวกมันดูไม่ได้ อย่าว่าแต่พวกมันเลยที่อยากรู้เรื่องของผมประหนึ่งว่าไม่เคยพบไม่เคยเจอ เพราะผมเองก็อยากที่จะเล่าให้พวกมันฟังไม่แพ้
กัน

     “กูว่าแล้ว น้ำหน้าอย่างมึงคงทำอะไรแบบที่คนธรรมดาเขาทำกันไม่ได้แน่ๆ อย่างน้อยๆนี่ก็ต้องมีอะไรที่ทำให้แม่งเกิดเรื่อง”   
     แหม…ไอ้ฟาร์มมึงมันดูถูกกูมากกกก
 
     เพราะมึงดูไม่ผิดเลยไง กร๊ากกกกกก!!
     ก็อย่างที่มันพูดนั่นแหละครับ น้ำหน้าอย่างผมนี่เป็นอะไรแบบที่คนธรรมดาเขาเป็นกันไม่ได้หรอก เวลาที่จะทำอะไรก็จำต้องมีเหตุเสมอ

     “แล้วนี่มึงจะทำงานถึงตอนไหนวะ?”  โก้

     “ก็เลิกเรียนถึงเที่ยงคืน”

     “ไม่ใช่ๆกูหมายถึงว่ามึงจะทำไปนานแค่ไหน?”  โก้
      อ่อ…สงสัยเมื่อกี้กูเข้าใจความหมายผิดสินะ

     “ก็ไม่รู้ว่ะ อาจจะทำไปเรื่อยๆ ปิดเทอมก็จะทำ” 

     “อ้าวแล้วงี้มึงจะไปทะเลด้วยกันได้ไหมวะเนี่ย!?”  และไอ้เจมส์มันก็ถามขึ้นมาแทบทันควัน สงสัยกลัวว่าผมจะไปไม่ได้แหงๆ

     “ไปได้ดิวะ เดี๋ยวก็ขอลาหยุดเขาไง!”

     “เอองั้นก็แล้วไป…”   

     “เฮ้ยมึงได้เวลาเรียนแล้วรีบแดกเร็วๆ”   ไอ้โก้มันยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะ เร่งรัดผมให้รีบกินเร็วๆ  เพราะวันนี้มีส่งรายงานน่ะสิครับ 

     บอกเลยว่ารายงานแทบจะไม่มีเวลาทำ ดีที่ไอ้เพื่อนสองตัวบาทอย่างไอ้เจมส์ไอ้โก้มันช่วยไว้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ทำเลยนะครับ

     “ไปเลยก็ได้ กูเดินด้วยแล้วก็แดกไปด้วยได้”   ว่าแล้วก็จัดการเก็บสัมภาระของตัวเองทั้งหมดลงกระเป๋าไม่ว่าจะหนังสือที่กองอยู่ ส่วนขยะที่อยู่บนโต๊ะนั้นก็ว่าจะให้ไอ้ฟาร์มมันเอาไปทิ้งให้ 

     “ฟาร์มๆ กูไปก่อนนะเว้ย วันนี้มีส่งรายงานว่ะ” 

     “เออๆ ไว้เจอกัน” 

     แล้วพวกผมก็รีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นตึกไป ขนมปังที่จัดการยัดเข้าปากคำสุดท้ายนั้นก็เล่นทำให้ผมแทบสำลัก เลยได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวๆของตัวเองแทนน้ำไปก่อน

     





     “พี่โบสวัสดีครับ  พี่ฟ้าสวัสดีครับ”  หลังจากเลิกเรียนผมก็ตรงดิ่งมาที่ร้านอาหารเลย โดยมีไอ้ฟาร์มที่เป็นสารถีคอยขับรถมาส่ง พอเดินเข้ามาในร้านแล้วก็กล่าวสวัสดีทักทายทุกคนตามมารยาท จากนั้นก็เดินไปหลังร้านเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บไว้ แล้วก็เอาผ้ากันเปื้อนสีดำที่สกรีนชื่อร้านอยู่ขึ้นมาผูกเอว

     “ทำไมวันนี้มาเร็วจัง?”  น้องนนท์เด็กผู้ชายคนนั้นที่ผมเจอตอนมาสมัครงานเดินออกมาจากห้องน้ำพอเห็นหน้าผมเท่านั้นก็เข้ามาทักทายผมทันที

     “เพื่อนมาส่งน่ะ เลยเร็ว ไม่ต้องไปรอรถให้เสียเวลา แล้วนี่เป็นไงลูกค้าเยอะไหม?”   ผมถามไป แล้วก็ทำงานที่อยู่ตรงหน้า นั่นก็คือการเอาแก้วที่เพิ่งล้างเสร็จมาเช็ดแล้วก็เรียงไว้ให้เป็นระเบียบตรงชั้นวางแก้ว

     “อ่อ..พอได้อยู่ แล้วนี่กินอะไรมายังครับ”   น้องมันถามแล้วก็ช่วยผมเช็ดแก้ว

     “กินมาแล้ว…เฮ้ยเดี๋ยวพี่ทำเองนายไปนั่งเถอะ”  งานก็เพิ่งมาทำไม่ต้องมาช่วยพี่ก็ได้ครับน้อง ไม่อยากเห็นแก่ตัวทั้งที่ในใจนั้นอยากจะไปนอนตีพุงตากแอร์เล่นอยู่ในร้านก็ตาม

     “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมช่วย จะได้เสร็จเร็วๆ”  แล้วน้องมันก็ยังหน้ามึนที่จะช่วยผมต่อไป แต่ก็นะ…น้องอยากเสนอพี่เองก็จะสนองให้ เชิญเลยครับถ้าอยากช่วยพี่  พี่ชอบบบบบ…


หลังจากเช็ดแก้วเสร็จแล้วผมจัดการเอาช้อนเล็กช้อนน้อยที่อยู่ในตะกร้าใหญ่ๆ ซึ่งเพิ่งจะล้างเสร็จมาเช็ดเก็บไว้และเรียงเข้าที่ให้เรียบร้อย  วันนี้เป็นวันที่ห้าที่ผมทำงานมาแล้วครับ อยากจะบอกว่าสุดตีนมากกกกกก!


คิดมาตลอดว่างานเด็กเสิร์ฟมันง่ายๆ ที่ไหนได้ไอ้ฉิบหายครับแม่ง! โคตรเหนื่อย อยากจะร้องไห้ออกมาตลอดเวลาแต่ก็ต้องเก็บมันไว้ แล้วตั้งแต่ที่ทำงานมานี้ไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่โดนพี่โบเรียกไปดุ ก็นั่นแหละครับยังคงทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ผิดพลาดตลอดรับออเดอร์ก็ผิด ทำข้าวของในร้านเสียหายประจำ


เฮ้ออออ แต่ก็ไม่กล้าที่จะบ่นให้ใครฟังหรอก มันน่าอายเกินไป…ต่อหน้าเพื่อนหรือไอ้เสือผมก็ทำไม่มีอะไรไปงั้นแหละ ทั้งที่แม่งนอยด์เรื่องงานสัดๆ นอยด์ที่โดนด่านี่ไง… เบื่อตัวเองมากด้วยที่ยังทำอะไรได้ไม่ดีเท่าที่ควร ต้องพยายามมากขนาดไหนวะ เกิดมายังไม่เคยพยายามอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย   การใช้ชีวิตที่แท้จริงมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ…ยากสัดๆ


     “ปิงๆมารับออเดอร์ลูกค้าหน่อย!”   พี่ฟ้าเปิดประตูแล้วโผล่หน้าเข้ามาบอกผมที่กำลังยืนเช็ดช้อนอยู่ตรงโต๊ะไม้ที่หลังครัว

     “ครับ”  ตอบรับและวางงานทุกอย่างตรงหน้าลงเพื่อที่จะได้ออกไปรับลูกค้า 

     “สั่งอาหารเลยไหมครับ?”  พอเดินออกมาแล้วผมก็หยิบกระดาษรับออเดอร์ติดมือมา จากนั้นก็ถามลูกค้าโต๊ะที่กำลังนั่งเลือกอาหารอยู่ ส่วนพี่ฟ้าและพนักงานคนอื่นๆนั้นก็กำลังรับลูกค้าที่เพิ่งเข้ามากันให้วุ่น เดินสวนกันอย่างกับกำลังสวนสนามแปลขบวน
กันอย่างนั้นแหละ

     “เอาแหนมเนืองหนึ่งชุดค่ะ” 

     “เล็กหรือใหญ่ครับ?”

     “ใหญ่ค่ะ แล้วก็เปาะเปี๊ยะทอดชุดเล็ก กุ้งพันอ้อย หมูย่างใบชะพลู…แค่นี้แหละค่ะ” 

     “เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีครับ?” 

     “น้ำเปล่าค่ะ”

     “รับน้ำแข็งไหมครับ?”

     “ไม่ค่ะ”

     “รอสักครู่นะครับ”
     พอรับออเดอร์เสร็จแล้วก็เดินมาลอกเมนูอาหารเพื่อที่จะได้เอาไปติดในครัว

     “ครัวหนึ่งแหนมเนืองเล็กหนึ่งครับ ครัวสองเปาะเปี๊ยะทอดเล็ก กุ้งพันอ้อยหมูย่างใบชะพลู”  ผมเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับไล่อ่านเมนูอาหารให้เชฟทั้งสามที่กำลังยืนวุ่นวายกันอยู่ตรงครัวใครครัวมัน

     ยังไม่ทันที่ผมจะเดินออกไปพวกพนักงานเสิร์ฟคนอื่นก็เอาใบออเดอร์มาเสียบพร้อมกับไล่อ่านเมนูเหมือนที่ผมทำเมื่อครู่

    “นนท์โต๊ะหนึ่งศูนย์สองมีน้ำอะไรบ้าง”   พอผมเสิร์ฟน้ำโต๊ะอื่นเสร็จก็เลยต้องมาช่วยคนอื่นที่กำลังวุ่นๆกันอยู่

    “โค้กลิตร น้ำแข็งหนึ่งถัง น้ำมะพร้าวอัญชัน ชามะนาวหนึ่งแก้วครับ งั้นเดี๋ยวผมขึ้นไปเสิร์ฟอาหารที่ชั้นสองก่อนนะครับ”   

     แหม…ไล่เมนูน้ำมายาวขนาดนี้สมองปลาทองแบบกูจะจำได้ไหมถามใจดู…
   
     เดี๋ยวนะ มันมีน้ำอะไรบ้างหว่า…

     ปิ๊งป่อง!!
     นั่นไง…ยังไม่ทันได้เทน้ำลงแก้วเสียงกดเรียกไปรับอาหารก็ดังขึ้น เลยต้องผละออกมาจากบาร์น้ำแล้วเดินเข้าครัวไป


     “ก๋วยจั๊บหมูสองโต๊ะไหนครับ?”   ผมตะโกนถามเชฟครัวสองที่กำลังวุ่นอยู่กับการทำออเดอร์  แต่สิ่งที่เชพตอบกลับมานั้น…

     “เดินมาดูเองไม่เป็นหรือไง? กำลังทำออเดอร์อยู่หันหลังไปดูไม่ได้!”   
     โอยยยยไอ้สัด!! ถ้าไม่ติดว่าอายุรุ่นราวคราวพ่อกูนะ กูด่าแม่งละ! คิดว่าตัวเองยุ่งคนเดียวหรือไงกูก็ยุ่งเหมือนกันแหละครับ!!
 
     แต่สุดท้ายก็นั่นแหละ ยังไงก็ต้องเดินไปดูโต๊ะเอง อย่างว่าแหละเขาทำงานที่มานานแล้วอาวุโสสุด ไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะมีปากมีเสียงด้วยหรอก แต่ลุงครับ…ระวังไว้นะ วันไหนกูหมดความอดทนเดี๋ยวเอาไข่เน่าไปปาใส่บ้านแม่งเลย!!

     อารมณ์เสีย

     หงุดหงิดโว้ยยยย!

     “น้องคะ เช็คบิลด้วยค่ะ”  พอเดินเอาอาหารออกมาเสิร์ฟยังไม่ถึงสองนาที ลูกค้าโต๊ะข้างๆก็เรียกเช็คบิลทันที

     “ลูกค้ามีบัตรสมาชิกไหมครับ?” 

     “ไม่มีค่ะ” 

     “พี่โบครับ หนึ่งศูนย์สี่เช็คบิลครับ”   และผมก็เดินมาตรงเคาท์เตอร์เพื่อที่จะเช็คบิลลูกค้าโต๊ะเมื่อครู่ 

     “น้องคะ ขอน้ำจิ้มแหนมเนืองกับผักยี่หร่าหน่อยค่ะ”  แต่ยังไม่ทันที่จะได้เช็คบิลลูกค้าโต๊ะอื่นก็เรียกเอาของเพิ่ม 

     ไอ้ห่าแล้วนี่แม่งเด็กเสิร์ฟมันหายไปไหนกันหมดดดด โอ้ยยยยยย น้ำก็ยังไม่ได้เสิร์ฟลูกค้าก็จะเอานู่นนี่นั่น

     เจ๊ดดดดดแหมงงงงงงง!

     ไม่ต้องห่วงว่าจะด่าออกเสียง กูแค่ด่าในใจครับหัวหน้า จากนั้นก็ตอบเขากลับไปว่า “ได้ครับ รอสักครู่นะครับ!”  และฉีกยิ้มอย่างผูกมิตรพร้อมบริการไปให้เขา


     “ปิง! ยังไม่ได้เสิร์ฟน้ำให้ลูกค้าโต๊ะหนึ่งศูนย์หนึ่งเหรอ?”   นั่นไง…เดินออกมาจากการไปเพิ่มผักเพิ่มน้ำจิ้มให้ลูกค้ายังไม่ทันไร พี่โบเจ้าของร้านแม่งก็ถามขึ้นมาทันที 

     คือแบบ…จะให้กูแยกร่างไปเสิร์ฟเหรอครับสังคม… คนนู้นก็จะเอาอันนี้ คนนั้นก็จะเอาอันนู้น  แม่งเอ้ยยยยยย!!

     “ยังครับ!!”   และก็เหมือนเดิม พยายามตอบกลับไปทั้งที่หน้าแม่งโคตรจะตอแหลว่ากำลังยิ้ม ส่วนในใจก็นี้โคตรเกรี้ยวกราด โคตรเหนื่อย  ไม่ใช่อะไรหรอก ไอ้พวกพนักงานเสิร์ฟที่เหลือแม่งก็ไปออกันอยู่ชั้นสองไง พอดีมีลูกค้าชั้นสองอยู่เลยพากันไปหลบอยู่แถวนั้น ส่วนกูก็ทำงานชั้นล่างไปคนเดียวสิครับ สาระเลวววววว 

      แล้วพี่โบเจ้าของร้านกูนี่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเล๊ยยย คอยแต่จะด่ากูอย่างเดียว เดี๋ยวกูตบเรียกสติหน่อยดีไหม!!

     พูดเล่น ผมไม่นิยมตีผู้หญิง

     “ไปเสิร์ฟน้ำก่อนไปเดี๋ยวพี่เช็คบิลเอง” พี่เธอเลยตอบกลับมา   
นั่นแหละครับกูอยากได้ยินพี่พูดแบบนั้นนานแล้ว ฮ่วยยยย!!

     “โทษนะครับ ผมยังไม่ได้ปากหม้อญวนที่สั่งไปเลยนะครับ”  ในขณะที่ผมกำลังเสิร์ฟน้ำให้ลูกค้าอยู่ ไอ้ลูกค้าโต๊ะที่เช็คบิลนั้นก็บอกมาว่าได้อาหารไม่ครบ 


     นั่นไง…
     กูว่าแล้ว…พี่โบต้องหันมามองหน้ากูแน่เลยว่ะ

     นั่นไง…เป็นไปตามคาด ฮืออออ ตอนนี้ขนลุกขนพองไปหมดแล้ว

     “โทษทีนะคะ ไม่ทราบว่าลูกค้ายังจะรับอยู่ไหมคะ?”

     “อ่อ…ไม่แล้วครับ” 

     “ค่ะ..ขอโทษทีนะคะ”  พี่เธอตอบกลับและส่งยิ้มขอโทษไปให้ลูกค้า ที่จริงในใจแม่งต้องเกรี้ยวกราดมากแน่ และผมว่าวันนี้
     ผมโดนอีกแหงๆเลย ก็ลูกค้าโต๊ะนั้นผมเป็นคนรับเอง 


     ฮือออออออ 

     หัวใจกูห่อเหี่ยวอีกแล้ว…

     “ปิงอย่าเพิ่งไปมานี่ก่อน” และเสียงที่ไม่อยากได้ยินที่สุดก็ดังขึ้นในขณะที่กำลังเดินออกมาจากร้าน ก็เลยต้องหอบสารร่างมานั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานของพี่โบ ทั้งที่คนอื่นนั้นออกจากร้านไปกันหมดแล้ว ขณะนี้ก็เลยมีแค่ผมกับเจ้าของร้าน 


     “ครับ”  ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากนั่งทำหน้าสำนึกผิด และตอบรับเขาด้วยเสียงเหนื่อยๆ

     “รู้ใช่ไหมว่าพี่เรียกมาเพราะอะไร?” เจ้านายพูดเสียงเข้ม สองมือยกกอดอกและมองมาที่ผมแบบไม่วางตา

     ที่จริงผมไม่อยากรู้เลยครับ

     “ครับ”  ถึงจะไม่อยากรู้แต่ก็พยักหน้าตอบรับเขากลับไป

     “ซึ่งนั่นมันก็เรื่องเดิมๆที่พี่เคยบอกปิงไปหลายครั้งหลายหนแล้วนะ”
     หลายครั้งอะไร แค่สามครั้งเอง ชิลๆ

     “ครับ”

     “ปิงเพิ่งมาทำงานพี่เข้าใจนะ ยังทำอะไรไม่เป็นพี่ก็เข้าใจ  สองสามวันแรกพี่อนุโลมให้ แต่นี่มันห้าวันแล้วนะ ทำไมยังไม่ดีขึ้นอีก”

     “…” 
     แดกจุดเลยสิครับสังคม…

     “พี่ก็สงสารเรานะไม่อยากจะพูดอะไรให้มาก แต่ในฐานะที่พี่เป็นเจ้าของร้านก็ขอดุสักหน่อยแล้วกัน พี่บอกเลยนะถ้าอีกหนึ่งอาทิตย์ปิงยังไม่พัฒนาขึ้นพี่ก็คงต้องให้ปิงออกแล้วแหละ… พี่ไม่ได้อยากใจร้ายนะ แต่ในฐานะที่พี่เป็นคนจ้างพี่ก็อยากได้ลูกจ้างที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้  คนไม่เป็นพี่สอนให้ แต่ถ้าพี่สอนแล้วก็ต้องช่วยจำด้วยไม่ใช่ปล่อยให้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา”

     “ครับ”  ผมว่าเสียงของผมมันแทบเบาหวิวเลยล่ะ

     “เข้าใจพี่ใช่ไหม?”

     “ครับเข้าใจครับ ผมขอโทษนะครับ ผมจะปรับปรุงตัวเองให้ดีกว่านี้ครับ” 
     เออ…ทำไมมันรู้สึกไม่ดีแบบนี้วะ โดนเจ้านายดุมันเป็นแบบนี้นี่เอง นี่ขนาดงานแค่นี้นะ แล้วถ้าหลังจากเรียนจบแล้วผมไปทำงานที่บริษัทแล้วโดนเจ้านายด่าจะทำยังไงกันล่ะทีนี้ หัวใจยิ่งกระตุกง่ายอยู่ด้วย


     “ก็ดีแล้ว พี่หวังว่าพี่จะไม่ได้ไล่ปิงออกนะ เพราะพี่ก็ไม่ได้อยากเป็นคนใจร้ายขนาดนั้น”

     “ครับ ผมขอโทษนะครับ”  ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นไหว้พี่โบ

     “ไม่เป็นไร กลับบ้านเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยแค่นี้แหละ” 

     “ครับ…สวัสดีครับ” 
     จากนั้นผมก็เดินออกมาหน้าร้านพร้อมกับน้ำตาที่ปริ่มๆอยู่ตรงหน่วยตาและมันก็กำลังจะไหลออกมา
 
     เป็นบ้าอะไรวะ…จะร้องทำไม
     ผิดก็ต้องยอมรับดิวะ



     ปริ๊น!!
 
     แต่แล้วมันก็หายกลับเข้าไปเหมือนเดิม เพราะเสียงแตรรถที่ดังขึ้นจากที่ไหนสักที่ เลยอดไม่ได้ที่จะมองหาว่าเป็นใคร…และคนคนนั้นก็คือไอ้เสือ มันกำลังนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ของมัน  โบกมือส่งให้ผมมาจากทางถนนฝั่งตรงข้ามเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่ามันอยู่ตรงนั้น วันนี้มันมาคนเดียวไม่มีน้องกวางมาด้วยเหมือนอย่างทุกๆวัน ผมเลยรีบข้ามถนนเข้าไปหามันที่กำลังนั่งรอยู่บนรถ


     “ทำอะไรอยู่ตั้งนานสองนาน?”  ทันทีที่ผมกระโดดขึ้นรถก็ถามผมขึ้นมาทันที พร้อมกับซูโม่เอ็กซ์ที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป จากนั้นความเร็วกอยู่ที่ประมานหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง

     “มีธุระนิดหน่อยน่ะ”  ตอบมันกลับไปด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ  ก็โดนดุมานะครับ จะไม่เซ็งได้ยังไง แม้ว่ามันจะเป็นเพราะตัวผมเองก็เถอะ แต่มันก็อดที่จะนอยด์ไม่ได้ไง เกิดมายังไม่เคยโดนอะไรแบบนี้เลย…

     เห้อ…..

     “…”

     “…”
     ผมกับไอ้เสือเงียบไปสักครู่หนึ่ง เหมือนกับว่ามันก้เอาแต่ตั้งใจขับรถส่วนผมก็เอาแต่คิดเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา ที่จริง…มันไม่ใช่การดุด่าอะไรที่แรงมากนักหรอก แต่ผมแค่… แค่รับไม่ได้เพราะไม่เคยโดนแบบนี้


     “เป็นไงเหนื่อยไหมมึง?”  หลังจากที่เงียบได้สักพักคนที่กำลังตั้งใจขับรถก็เอ่ยถามแทรกขึ้นท่ามกลางเสียงลมที่กำลังตีกลับใส่หน้าเราทั้งสอง

     ทันทีที่ได้ยินประโยคคำถามเมื่อครู่นี้พลันน้ำตาที่ผมพยายามกักเก็บไว้มันก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก เพราะอดกลั้นไว้ไม่ได้อีกต่อไป   

     “น เหนื่อย… ฮึก น เหนื่อยมากเลย”   ผมตอบกลับไปเสียงสั่นๆอย่างห้ามไม่อยู่   
     แล้วทำไมผมต้องร้องไห้แค่เพราะเขาถามผมว่า ‘เหนื่อยไหม’ ด้วย 

     ถ้าคนอื่นถามผมอาจจะมีอาการปกติ แต่กับไอ้เสือ…ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้ามันผมต้องดูเป็นคนอ่อนไหวง่ายอะไรแบบนี้ด้วย

     “เป็นอะไร…” 
 
     “ป เปล่า ฮึก…” 

     “เปล่าแล้วร้องไห้ทำไม…”

     “ม ไม่ ฮึก ได้ร้อง”   ใครเชื่อก็ควายแล้วครับ

     “ไม่ร้องก็ไม่ร้องสบายใจแล้วค่อยพูดออกมา” 


     และจากนั้นบทสนทนาของเราสองคนก็จบลงไป ผมปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้งสายลมที่กำลังพัดอยู่ๆรอบๆตัวยิ่งทำให้ผมจมอยู่ในความคิดของตัวเองมากกว่าเดิมเสียอีก คำพูดของพี่โบต่างๆนาๆก็กำลังลอยวนเวียนอยู่ในหัวไม่ไหน
 
     เกลียดตัวเองฉิบหายเลย…ทำไมไม่ถึงเอาไหนแบบนี้วะ!


     “หิวข้าวไหม?”  ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน ผมก็ทิ้งก้นนั่งลงตรงโซฟาพร้อมกับปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยล้า แต่ที่จริงแล้วผมแค่ต้องการที่จะซ่อนรอยแดงๆจากดวงตาไว้ต่างหาก

     หน้าแตกกันพอดีถ้ามันเห็นเข้า แค่มันได้ยินเสียงสะอื้นกูนี่ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหนแล้วครับสังคม…

     “ปิง…”

     “อะไร…”

     “หิวข้าวไหม?”

     “ไม่หิว เหนื่อย…แล้วน้องกวางไปไหนอ่ะ?”

     “อยู่กับน้าเล็กน่ะ  ติดน้าเล็กงอมแงมเลย ไม่ยอมมากับกู”

     “อ่อ…”

     “ไม่หิวแน่นะ?” ถามย้ำอีกครั้ง

     “อือ…ไม่หิว”
     อย่าถามกูมากไอ้ห่า เสียงกูยังไม่หายสั่นเลย…


     ฮ้าววววววววว…  หาวไปจนถึงดาวอังคารอีกแล้วครับสังคม เฮ้ออออนอนละเดี๋ยวดึกๆลุกขึ้นมาอาบน้ำ
 

     แต่…



     มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสี่(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 9/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 09-05-2017 17:44:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสี่(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 9/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-05-2017 18:34:15
เสือ สอนปิง ให้สู้ชีวิต ที่ไม่ดีก็ให้แก้ไข
ให้คำแนะนำให้กำลังใจในการทำงานดีมาก

คราวนี้ เสือ คงไม่แอบจุ๊บแค่หน้าผากเท่านั้นนะ
แต่เรียกน้องกวางแล้วดึงปิงไปกอดนี่ มันยังไง  :katai1:
ก็ขนาดตัวมันต่างกันลิลลับเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสี่(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 9/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 09-05-2017 21:57:51
รู้ตัวตลอดแต่ยอมให้กอดให้จุ๊บ อิอิ คิดๆๆๆ
เสร็จพี่เสืออีกรอบในไม่ช้านี้ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสี่(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 9/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-05-2017 01:14:10
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสี่(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 9/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-07-2017 07:43:08
ยังไม่มาหรอ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ตอนที่สิบสี่(อัพเเล้วคร้าบบบบ)↔ 9/05/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 08-07-2017 10:35:28
เอาใจช่วยปิงนะ แถมเห็นใจเสือด้วย นอกจากเลี้ยงน้องกวางแล้ว ยังต้องมาเลี้ยงลูกปิงอีก 5555555
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ต่อจากตอนที่สิบสี่(หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 16-07-2017 14:28:20
ต่อจากตอนที่สิบสี่ค่ะ


สิบนาทีผ่านไป

     หลับตาลงไปประมาณสิบนาทีได้กลิ่นหอมฉุยมันก็ลอยเข้ามาแตะจมูกจนต้องลืมตาขึ้นมาดู  แหม…มานั่งแดกล่อตาล่อใจกูแบบนี้น้ำย่อยกูก็เดินสิครับ 


     จ๊อก…

     อุ้ยยยย!! เสียงฟ้าร้องอีกแล้ว

     เอ๊…สังสัยฝนจะตกนะครับ

     “หิวก็ลุกขึ้นมากิน!”  เมื่อเห็นว่าผมแอบเหลือบตาไปมอง คนตัวสูงที่อาหารมาวางไว้ตรงโต๊ะตัวเล็กตรงหน้าก็พูดขึ้นมาอย่างรู้ทัน


     “เดี๋ยวมึงกินไม่อิ่ม เอาเถอะตามสบาย”

     จ๊อก…
     อิท้องมึงอย่ามาทำกูขายหน้าแบบนี้สิวะ อุตส่าห์คีพลุค!


     “จะมากินก็มากิน!”   เอ่ยเสียงเข้มขึ้น
     แม่ง…เสียงดุของมึงนั้นทำกูหัวใจกระตุกเลยครับ  อะไรวะ! ทำไมวันนี้มันมีแต่คนดุกูเนี่ย
     นี่เลยต้องคลานลงจากโซฟาประหนึ่งว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นงู จากนั้นก็ย้ายตัวเองไปนั่งที่ฝั่งตงข้ามกับไอ้เสือ ตอนนี้เรากำลังนั่งกันอยู่ตรงโต๊ะหน้าโซฟาน่ะครับ ไม่ใช่โต๊ะกินข้าว

     “ลุกไปเอาตะเกียบมา!” 

     “เอาให้หน่อยดิ…ลุกไม่ไหว…”   เลยงัดไม้แข็งออกมาใช้ซะเลย น้ำเสียงแม่งอ้อนสุดฤทธิ์ หมายถึงอ้อนตีนนะครับ

     “มึงนี่!”   ถึงแม่งจะบ่นแต่ก็ลุกขึ้นไปเอาให้ผมครับ จากนั้นมันก็ยื่นมาให้ผม เลยไม่รอช้าที่จะจัดการมาม่าอยู่ในถ้วยเข้าปากด้วยความรวดเร็ว 

     เห็นไหม…บอกแล้วว่าไม่หิว 
     ไม่หิวน้อยแต่หิวมากไอ้สัด!!!

     และมาม่าถ้วยใหญ่ก็ถูกผมซัดเรียบไปจนเกือบค่อนถ้วย จนกินเกือบหมดแล้วเลยลืมไปว่าคนตรงหน้านั้นมันทำมากินเองนี่หว่า ก็เลยเงยหน้าขึ้นมองมันนิด แต่ด้วยความที่เจ้าตัวมองอยู่ก่อนแล้วผมก็แทบจะเอาหน้ามุดลงพื้นแทบไม่ทัน เพราะแอบเห็นมุมปากของไอ้เสือยกยิ้มน้อยๆ

     “อะไรของมึง?”   ก็เลยถามมันขึ้นมาทั้งที่เส้นมาม่ายังอยู่ในปาก ไม่ค่อยตะกละเลยกูเนี่ย!

     “กูแค่มองคนไม่หิว” 

     “แล้วไม่กินหรือไง ต้มมากินแล้วทำไมไม่กิน?”   นั่นสิเดี๋ยวแม่งก็มาบ่นกูอีกครับว่าแย่งกินอย่างนู้นอย่างนี้

     “ไม่อ่ะ ก็ตั้งใจทำมาให้มึง”   

     เชี่ยอะไรของมึงเนี่ย…
     พูดแล้วยิ้มออกมาแบบนี้หมายความว่ายังไง?   

     “ไม่กินละ อิ่มละ” 


     ซูดดดด!
     เสียงซูดมาม่าผมครั้งสุดท้ายดังขึ้นก่อนจะเลื่อนถ้วยไปตรงหน้ามัน

     “ก็ไม่แปลกที่จะอิ่ม…เกลี้ยงถ้วยซะขนาดนี้”  มันว่าแล้วก็เหลือบตาเข้ามามองในถ้วยที่ผมเพิ่งเลื่อนไปให้ตรงหน้า

     อ้าว…ฉิบหาย นี่ก็คิดว่ามันยังเหลือไง ที่ไหนได้หมดแล้ว ซอรี่..

     “มึงนี่เหมือนเด็กจริงๆเล๊ย” 

     “เหมือน…”

     ยังไม่ทันที่จะพูดจบมือหนาของคนตรงหน้ามันก็หยิบเอาทิชชู่มาเช็ดคราบน้ำมาม่าที่เปื้อนอยู่รอบริมฝีปากให้ผม

     

     ตึกตัก…
     พลันจังหวะการเต้นของหัวใจก็เร็วมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย

     มึงทำกูใจเต้นแรงอีกแล้วนะไอ้สัด!

     “ทำตัวเหมือนเด็กจนกูคิดว่ามึงเป็นลูกอีกคนแล้ว!”   
     แล้วหัวใจที่กำลังเต้นแรงและทุ่งลาเวนเดอร์ที่กำลังเบ่งบานอยู่ภายในท้องนั้นก็หายวับไปกับตา 

     ไอ้ฟายยยย รับกูเลี้ยงเป็นลูกอีกคนเลยไหมล่ะ!?

     ชิชะ!!

     “ไอ้ห่า!!”  พอมันเลื่อนมือออกไปเท่านั้นแหละ ด้วยความที่เป็นคนปากเร็วเลยด่ามันไปทันควัน 

     “ฮ่าๆๆ พูดไม่เพราะเลยนะลูกปิง!!”   แล้วแม่งก็ระเบิดหัวเราะใส่กูยกใหญ่เลยครับหัวหน้า ด้วยความหมั่นไส้เลยคว้าหมอนบนโซฟามันปาใส่มันซะเลย

     “กวนตีน!!” 

     “ฮ่าๆๆๆ!!”  ยังอีก มันยังไม่หยุดหัวเราะผมอีก นี่มันน่าขำตรงไหนวะไอ้หมาบ้านี่!!

     “อะๆ ไม่ล้อละ…ฮ่า”  มันพูดแล้วก็พยายามกลั้นขำไว้ เออนี่ตั้งแต่อยู่กันมาก็เพิ่งเห็นมันหัวเราะหนักๆก็วันนี้นี่แหละ แม่งอัศจรรย์ใจกูจริงๆ 

     “เออ!! หัวเราะให้สบายใจไปเลยมึง!!” 

     “กูอ่ะ สบายใจแล้ว…แล้วมึงล่ะสบายใจหรือยัง?” 



     จึก…

     ยอกย้อนกูอีก เดี๋ยวปั๊ดตบให้กะโหลกแตกเลย แล้วตอนนี้หน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ของมันนั้นก็หายไป กลับมาเป็นหน้าตาที่เรียบนิ่งเช่นเคย แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ดูไร้อารมณ์อย่างเช่นทุกครั้ง
เพราะผมสัมผัสได้ถึงดวงตาคู่นั้นที่มองมา  รู้สึกว่ามันทั้งอ่อนโยน…และกำลังบอกว่าเป็นห่วงอยู่…


     “ก ก็ไม่ค่อยเท่าไร”  เพราะดวงตาคู่นั้นของมันแท้ๆ เหมือนเป็นเครื่องง้างปากให้กูพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้

     “มึงเป็นอะไร เหนื่อยเหรอ?” 

     “ก็ประมาณนั้น” มันคงจะรู้ว่าผมไม่รู้ที่จะเริ่มต้นพูดยังไง

     “งานก็งี้แหละ กว่าจะได้เงินเขาแต่ละบาท…”

     “…”

     “…”

     “ที่จริงวันนี้กูโดนเจ้านายตักเตือนมา…” และผมก็เริ่มต้นเล่าในที่สุด

     “…”

     “เขาบ่นเรื่องที่กูไม่พัฒนาตัวเองสักที..  ก็ตั้งแต่ที่ทำงานมานั่นแหละ เขาก็พูดตลอด”

     “…”

     “เขาบอกว่าถ้าอีกหนึ่งอาทิตย์กูยังไม่ดีขึ้นเขาจะให้กูออก”

     “…”

     “ที่จริงกูก็เข้าใจเขาแหละ…กูก็พอจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไง…ก กูแค่…ไม่รู้ว่ะ กูอาจจะรับไม่ได้ก็แค่นั้น กูเหนื่อยๆท้อๆยังไงก็ไม่รู้” 

     “ในเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นยังไงแล้วทำไมไม่แก้ไขล่ะ? มานั่งท้อแบบนี้สุดท้ายแล้วถ้ามึงไม่ยอมแก้ไขมันก็มีค่าเท่าเดิม?”

     “…”
     พอพูดมาแบบนี้ผมเลยไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี จริงๆมันไม่ใช่แค่นิสัยหรอกครับ มันคงเป็นสันดานเลย

     “นิสัยมันแก้ยากกูเข้าใจ แต่ถ้าไม่ลองสู้กับใจตัวเองสักครั้งดูมึงจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะเปลี่ยนไปได้หรือเปล่า…”   

     “…”

     “มึงก็ลองค่อยๆหัดทำไป แต่ในขณะที่ทำก็ตั้งใจด้วย งานจะได้ออกมาดีๆ นึกถึงใจเขาใจเรา เราอยากได้เงินเราก็ต้องเอาผลงานดีๆเข้าแลก ไม่มีนายจ้างคนไหนหรอกที่อยากเสียเงินไปเปล่าๆ ในเมื่อเขาจ่ายมันไปแล้วเขาก็ต้องอยากได้อะไรที่ดีๆตอบกลับมา ก็ลองคิดดูว่าถ้ามึงเป็นเจ้านายคนมึงจะอยากได้ลูกน้องแบบไหน?”

     “…”

     “นี่แหละ…ชีวิตก็แบบนี้แหละ ลองผิดลองถูกกันไป ทุกข์บ้างสุขบ้างเพราะแม่งมันคือชีวิต”

     “…”

     “อยากให้มึงลองสู้ดูสักครั้งนะ ถือว่าเป็นประสบการณ์เวลาที่เริ่มทำอะไรใหม่ๆ ถ้ามึงตั้งใจซะอย่าง มันก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถมึงหรอก…” 

     “อือ…ขอบใจ” ผมตอบและพยักหน้ารับฟังคำสอนของมัน “มึงนี่ก็คอยให้กำลังใจกูตลอดเวลาเลยนะ อยู่ข้างๆกูตลอดเลย” 
ไม่ว่าจะมีเรื่องร้ายดีเข้ามาในชีวิตผมยังไง ผมเองก็รู้สึกว่าไอ้เสือก็จะคอยอยู่ข้างผมตลอดเลย 

     พอผมได้พูดแล้วมันก็สบายใจขึ้นมาหน่อย

     อยากขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันแบบนี้… 

     




      หลายวันต่อมา

     เสียงเพลงจากวงดนตรีสดที่กำลังเล่นอยู่บนเวทีดังคลอไปทั่วทั้งร้านเหล้า นั่นแหละครับ…ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง วันนี้วันเสาร์ผู้คนเลยเยอะมากเป็นพิเศษ หลังจากที่ผมเลิกงานแล้วไอ้เสือมันก็มารับผมทันที จากนั้นก็ลากผมมาด้วยที่ร้านเหล้าร้านหนึ่งตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วเกือบตีหนึ่ง ไอ้พี่เสือที่กำลังนั่งอยู่ในโต๊ะนั้นโดนเพื่อนมอมเหล้าใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงพี่มันก็ลิ้นพันกันเรียบร้อยแล้ว…

     “พวกเมิง…กูกลาบก่อนนา แม่งมึนหัว…”   ผมเองก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ตอนที่มันกำลังพูดออกมาด้วยสภาพที่โคตรย่ำแย่…ไม่เคยเห็นมันเมาหนักขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ขำว่ะ กร๊ากกกกกก!!

      “มึงจะรีบไปไหนว๊า!! นานๆทีจะมีเวลาออกมากินเหล้ากับเพื่อนกับฝูง!”  คนที่พูดลิ้นพันกันไม่ต่างกันกับไอ้เสือนี่ก็เพื่อนมันเองแหละครับ กะจะมอมพี่เสือแต่ตัวเองก็ดันเมาด้วยซะงั้น

     “น้องมานมาด้วย พรุ่งนี้น้องมานสอบเลยต้องรีบกลาบ”   และนี่ก็คือเหตุผลที่แท้จริงที่ไอ้เสือพาผมมาด้วย เนื่องจากจะเอามาเป็นไม้กันหมา เพราะวันนี้เป็นวันเกิดเพื่อนมันแล้วมันต้องมาเลยคิดว่าต้องโดนมอมเหล้าแน่ๆ ก็เลยให้ผมมาด้วยเพื่อมาเป็นข้อ
อ้างที่จะขอตัวกลับบ้าน  แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่รอดครับ เมาจนคอพับคอหักคอห้อยแล้วเนี่ย

     “เออๆ เมิงจาปายหนายก็ปายเลยปะ!  น้องคร้าบบพี่ฝากเพิ่ลพี่โด้ยยนะคร้าบบบ มานมาวววแล้วชอบเลื้อนนนนนราวางงมันปายยเลื้อนส่ายยโคนนอื่นนนน”     


     กว่าพี่เค้าจะพูดจบประโยคผมนี่แทบกลั้นหายใจตามให้ได้ อะไรมันจะเมาขนาดนั้น นี่มาผมก็ไม่ได้ดื่มนะครับ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยว๊อนท์มันเหนื่อยแล้วอยากนอนอย่างเดียวเลย  ตอนแรกมันก็บอกแค่มานั่งแป้บเดียว  มันก็แป้บเดียวจริงๆนั้นแหละครับ แต่เล่นโดนเพื่อนชงเหล้าเข้มๆให้หลายแก้วติดแล้วเชียร์ให้ยกเอาๆ ไม่เมาก็คงไม่แปลก 


วันนี้ไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์มา  เพราะถ้าเอามาผมคงขับกลับไม่ไหวแน่ ลำพังขับจักรยานยังไงไม่ให้ล้มแม่งก็โคตรยากเลย แล้วไอ้คนที่ขับรถทุกประเภทไม่ค่อยแข็งมันจะไปรอดอะไรแถมยังต้องแบกร่างควายๆของไอ้เสือมันขึ้นรถมาอีก  เพราะฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของผมนั้นก็คือการนั่งแท็กซี่กลับ


และขณะนี้เราก็กำลังนั่งอยู่บนแท็กซี่ไอ้คนโดนมอมเหล้าแม่งก็เมาจนไม่ได้สติเลยครับหัวหน้า  ศีรษะที่กำลังพิงอยู่บนไหล่ของผมนั่นเลื่อนลงมาเรื่อยๆจนสุดท้ายก็มาอยู่บนตักผม แหม…เมาเป็นหมาหมดสภาพเลยมึง ก็นั่นแหละครับ ถึงจะหน้าหล่อยังไงแต่พอตอนเมานี่ก็ดูแทบไม่ได้กันเกือบทุกราย   ถ้าสาวๆที่แอบชอบมันมาเห็นมันสภาพนี้แล้วคงฮาน่าดู ว่าแล้วก็ขอถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์มันหน่อยแล้วกัน จะเอาไว้ล้อมันยันลูกบวชเลย 

     แต่น้องกวางบวชไม่ได้นี่หว่า ก็นั่นแหลจะเอาไว้ล้อมันจนกว่าน้องกวางจะแต่งงานเข้าเรือนหอไปเลยก็แล้วกันหุหุ

     อะๆ ลืมไปเลย ขออัพเดทเรื่องราวชีวิตตอนนี้หน่อยก็แล้วกันนะครับ หลังจากวันนั้นวันที่แม่งโคตรจะนอยด์กับชีวิต ทุกอย่างมันก็โอเคขึ้นแล้ว ก็อย่างที่ไอ้เสือมันเคยบอกผมเลยว่าแม่งต้องลองสู้กับใจตัวเองดู เลยลองพยายามทำดู แต่กว่าจะผ่านมันมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมนั้นจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ในพริบตาหรอกนะ มันก็แค่ดีขึ้นมาหน่อย ไม่ได้ย่ำแย่เหมือนอย่างช่วงแรก จนพี่โบเจ้าของร้านนี่ถึงกับเอ่ยปากขึ้นมาว่าผมทำงานดีขึ้น ไม่เหมือนกับตอนแรกๆ

ก็ดีใจแหละครับ…ถือว่าการสู้กับตัวเองในครั้งแรกเป็นเรื่องที่ดี  ทุกวันนี้ก็เลยคิดซะว่ามันเป็นประสบการณ์ในการทำงานเพื่อที่จะได้เอาจำไว้และเอาไปใช้ในอนาคต  เพราะผมคิดว่า อนาคตผมต้องเจออะไรที่มันยากกว่านี้แน่ๆ


     แต่ตอนนี้เนี่ยสิ่งที่หนักกว่าอนาคตก็คือไอ้คนที่โดนมอมเหล้านี่แหละครับหัวหน้า!!

     เหยดแม่มมมม!! ตัวหนักฉิบหายเลย!!

     เพราะในขณะนี้ผมกำลังลากมันลงมาจากระแท็กซี่หลังจากที่มาจอดตรงหน้าบ้านผมไม่ถึงห้านาที

     อึ๊บบ!!

     พยุงมันแต่ทีละทีแม่งต้องมีรีแอคชั่นตลอดเวย์เลย

     ก็คนมันหนักนี่หว่า…

     พลั่กก!! และกว่าจะลากมันเข้ามาในห้องได้ก็เล่นเอาเกือบตาย พอถึงตรงปลายเตียงเท่านั้นแหละ จัดการปล่อยมันลงบนที่นอนเต็มที่ จากนั้นก็เดินไปเปิดแอร์ให้ ด้วยความที่เมื่อครู่ตอนลากมันเข้าในห้องนี่เล่นเอาเหงื่อซกไปทั้งตัว หอบแฮ่กหิวน้ำจนต้องเดินออกมาหาน้ำกินอยู่นี่ไง


     “ไปไหนมากันดึกๆดื่นๆ” 
     พรวดดด!!

     “แค่กๆ”   
     น้ำที่เพิ่งยกกรอกเข้าปากนั้นกลับพุ่งพรวดออกมาจนละอองน้ำเต็มเข้าหน้าของไอ้พี่หมาก…

     แหม…อยู่ๆก็เล่นโผล่มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง ไอ้ผมก็คิดว่าแต่ผีเลยพ่นน้ำมนต์ใส่มันซะเลย
     เปล่าครับ…ที่จริงผมสำลัก

     “ใจเย็นๆ”  พี่มันพูดแล้วก็ลูบหลังให้ผมขึ้นลง

     “มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงตกใจหมดเลย!”

     “ฮ่าๆ โทษทีไม่คิดว่ามึงจะตกใจนี่หว่า…แล้วนี่ไปไหนกันมา?”

     “พาไอ้เสือมันไปงานวันเกิดเพื่อนมาน่ะพี่ แล้วเสือกโดนมอมไง เมาเหมือนหมาเลย!”

     “อ่อ…แล้วเดี๋ยวนี้มึงไปไหนวะ กลับบ้านดึ๊กกกดึก บางวันกูกลับมาแต่หัวค่ำก็ยังไม่เห็นหน้ามึงเลย”

     “ไปทำงานมา”

     “แล้วทำที่ไหน?”

     “ทีร้านอาหารเวียดนาม ตรงXXX”   “เดี๋ยวค่อยคุยกันนะพี่ ตอนนี้แม่งโคตรง่วงเลย แต่เดี๋ยวจะเข้าไปดูไอ้คออ่อนมันซักหน่อย”

     “เออๆ ไปซะ นอนละฝันดี”   


     หลังจากจบบทสนทนาเราสองคนก็ต่างแยกเข้าห้องใครห้องมัน แต่ยังหรอกผมยังไม่ได้เข้าห้องตัวเอง แต่ต้องเข้ามาดูไอ้เสือมันก่อน  ว่าจะเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มันหน่อย จะได้นอนสบายๆ


     แต่ว่า…


     ตอนนี้คงไม่ต้องเปลี่ยนให้แล้วแหละครับ…ก็ดูสิเล่นนอนถอดเสื้อตากแอร์เองเลย แล้วนี่มันถอดเสื้อไปตอนไหนวะ กางเกงด้วยตอนนี้ทั้งตัวมันก็เหลือแค่บ็อกเซอร์ติดตัวแล้วก็รองเท้าผ้าใบที่ยังไม่ได้ถอด ผมเลยเดินเข้าไปถอดถุงเท้าและรองเท้าออกไปให้คนเมาที่นอนหมดสภาพ เสร็จแล้วก็ไปหารื้อเสื้อผ้าจากตู้เพื่อที่จะได้เอาออกมาใส่ให้ร่างควายๆที่กำลังนอนแผ่หราอยู่บนเตียง

แต่กว่าจะใส่ให้มันได้ก็เล่นเอาเหงื่อแทบไหลออกมาท่ามกลางอากาศเย็นๆจากแอร์อีกระรอก หลังจากที่ใส่เสื้อให้มันเสร็จแล้วไม่ถึงหนึ่งนาทีผมที่กำลังคลานลงจากเตียงอยู่ๆก็ถูกคว้าตัวเข้าไป…


     หมับ!!
     ดึงตัวกูเข้าไปกอดเฉยเลยครับหัวหน้า… อีกแล้วนะมึง พักนี้รู้สึกว่าจะกอดกูเยอะไปแล้วนะมึง!! 


     “ปล่อยโว้ยยยยยย!!”  ผมโวยวายพร้อมกับพยายามดิ้นออกมาจากอ้อมแขนของมันที่กำลังรัดตัวผมไว้แน่นประหนึ่งว่าเป็นคีมเหล็ก

     “ฮืออ…นอนนะน้องกวาง…นอน”   
     น้องกวางพ่องงงงง!!

     โอยยยย กูล่ะอยากตบเรียกสติมันจังเลยครับหัวหน้า!… น้องกวางห่าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้

     “ปล่อยกู!!”  ตอนนี้ผมเลยดิ้นๆ และพยายามมุดออกมาจากอ้อมแขนนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไง ดิ้นจนหอบแดกอีกครั้ง เหงื่อไคลก็เริ่มไหลออกมาตามแผ่นหลังและไรผม จนผมแม่งเหนื่อยเลยหยุดทุกอย่างไว้ให้เป็นอย่างนี้ 


     ก็ได้!! มึงอยากนอนแบบนี้ใช่มไหม!!

     ได้!

     มึงนอนเลยแต่ถ้าตื่นมาพรุ่งนี้นะ! มึงเตรียมตัวรอกูสวดมึงยับได้เลยไอ้เสือ!!


     เพราะผมก็ไม่รู้ว่ามันตั้งใจหรือเมากันแน่ เนื่องจากวันนั้นยังจำได้ดี วันที่ผมหนีไอ้พวกขี้เมาสามตัวบาทมานอนห้องไอ้เสือไง คืนนั้นผมจำได้เลยว่ามันค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆผม จากนั้นก็กอดผมไว้  รู้มาตลอดนะแต่ผมก็ยังเลือกที่จะไม่ขยับตัวหนีออกมาซึ่งมันเป็นเพราะอะไรผมเองก็ไม่รู้ รู้แค่ว่ามันรู้สึกดีจนอยากจะให้มันนอนกอดผมไปถึงเช้าเลย


     อ้อมกอดอุ่นๆ กลิ่นหอมๆของไอ้เสือ

     รวมๆแล้วดีมาก

     ถ้าถามว่าชอบไหม…ชอบนะ

     ชอบที่ให้มันกอด

     แล้วไอ้การที่มันทั้งแอบกอดและแอบจุ๊บผมทั้งหมดนี่มันหมายความว่ายังไงวะครับหัวหน้า… หรือว่ามันจะชอบผม…? 
แล้วการที่ผมชอบให้มันกอดแบบนี้นั่นแสดงว่าผมชอบมันเหรอ…   เห้ยยยย! ไม่ม้างงง ผมไม่ได้เป็นเกย์นะ ยังรู้สึกกับผู้หญิงอยู่เลย


     แต่ผมว่าไม่หรอก ไอ้เสือมีลูกแล้วนะมันคงไม่คิดอย่างนั้น เหตุผลที่ทำแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบแน่ๆผมว่า ก็รู้ๆกันอยู่หนิว่าผมกับมันเราเคย…ก็นั่นแหละ เคย…
 
     เคยที่คุณก็รู้ว่าเคยอะไร!!

     ผมกับมันอาจจะรู้สึกไม่ต่างกันก็ได้

     เพราะเราเคยเป็นวันไนท์สแตนด์ของกันและกัน

     ชั่ววูบที่มันอยากกอดผม เละชั่ววูบที่ผมอยากอยู่ในอ้อมกอดนั้น

     ก็ขอให้มันเป็นแค่ชั่ววูบนะ ไม่ใช่ชั่ววูบที่ยาวนานเพราะมันคงไม่ดีแน่ๆ


     TBC...


     rewrite 16/7/2560
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ ผักกาดค่าผักกาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด 16/7/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 16-07-2017 14:38:31
ผักกาดนะคะผักกาดดดดดดด


:impress2: :impress2:




นิยายเรื่องรักของเสือ ก๋อมได้กระทำการRewrite ตั้งเเต่บททนำจนถึงตอนที่สิบสี่  ถ้าหากหน้ากระทู้ที่อ่านเเล้วเเปลกๆไปบ้างต้องขออภัยเพราะมันมีหน้านึงที่อักษรเยอะเกินเเล้วอัพไม่ได้ ก๋อมก็เลยต้องเเทรกในหัวข้ออื่นซะเลย   ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนคะ

ที่ทำการRewrite ไปบ้างก็จะมีในเรื่องของสำนวน รายละเอียดเล็กๆน้อยเเละเรื่องของคำผิด 

หวังว่าคนอ่านอาจจะหาตอนอ่านได้อยู่นะคะ  (เนื่องจากว่ายังไม่มีเวลาทำสารบัญเลยค่ะ) หรือถ้าหากใครหาตอนไหนไม่พบหรือสงสัยตอนไหนก็เข้าไปถามในเพจได้เลยนะคะ หรือจะเป็นทวิตเตอร์ก็ได้ (แปะไว้เเล้วที่ด้านล่าง)

ก็...ตอนที่สิบห้ากำลังจะมาในเร็วๆนี้ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอัพวันนี้เเน่นอน

ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่อ่าน หรือบางคนที่ยังรอ
สำหรับใครที่เข้ามาอ่านใหม่ก็ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

ใครเล่นทวิตเตอร์ก็อย่าลืมติดเเท็ก #รักของเสือ  นะคะ 

อีกเรื่องหนึ่งค่ะ
ตอนนี้ก๋อมกำลังเขียนเรื่อง Sleep with me free break fast เป็นวายเรื่องใหม่ ก็อัพมาได้สักพักเเล้ว ฝากติดตามด้วยนะคร้าบบบบบบบ

อย่าลืมเข้าไปถูกใจเพจน้าาา  เพราะว่าส่วนมากก๋อมจะไม่มาเเจ้งในเล้าสักเท่าไรค่ะ



รัก

กิงก่องโก๊ะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ผักกาดค่ะผัดกาดดดดดด #เเจ้งข่าว (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 16-07-2017 15:05:28
 :mc4: :mc4: :mc4: กลับมาแล้วววว รู้มั้ยว่ารอพี่เสือกับน้องปิงอยู่ตลอดเลยคร่าา กลัวว่าคนเขียนจะทิ้งไปแล้วซะอีก ในที่สุดก็มาได้ซะที
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ผักกาดค่ะผัดกาดดดดดด #เเจ้งข่าว (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 16-07-2017 15:27:02
ปิงหนีพี่เสือไม่พ้นหรอก พี่เสือกอดบ่อยๆๆๆเลย
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥ผักกาดค่ะผัดกาดดดดดด #เเจ้งข่าว (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-07-2017 16:55:08
:mc4: :mc4: :mc4: กลับมาแล้วววว รู้มั้ยว่ารอพี่เสือกับน้องปิงอยู่ตลอดเลยคร่าา กลัวว่าคนเขียนจะทิ้งไปแล้วซะอีก ในที่สุดก็มาได้ซะที

รออยู่เหมือนกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 17/6/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 17-07-2017 13:15:48
ตอนที่สิบห้า : หงุดหงิดเพราะใคร?



     ปิดเทอมแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย!

     อิอิ อยากจะหัวเราะให้ยาวไปถึงดาวอังคาร

     ในที่สุดการสอบไฟนอลที่สุดแสนทรมานหฤโหดก็ได้จบลงแล้ว อยากจะบอกว่าไฟนอลนั้นฉันตายยย แอ่ก!!
ตายอย่างเขียดเลยครับหัวหน้า… ไอ้ที่อ่านๆไปนี่ก็จำแทบไม่ได้เลยอาศัยดวงล้วนๆขอให้ทุกย่างผ่านไปได้ด้วยดี สาธุ…

ตอนนี้ก็เพิ่งปิดเทอมได้สี่ห้าวันอยู่เลย วันทั้งวันก็เลยอยู่แต่กับการทำงานที่ร้านอาหารไม่ได้ไปไหน อีกย่างต้องรีบปั๊มเงินไว้ด้วย เพราะไม่กี่วันนี้ก็ต้องไปทะเลกับพวกสามตัวบาทแล้วถ้าไอ้เสือกับพี่หมากไม่ได้ไปด้วยก็ไปกันแค่สี่คนครับ เพราะไอ้พี่ทั้งสองมันยังไม่ให้คำตอบเลย

     “พี่โบครับวันศุกร์อาทิตย์นี้ผมขอลาหยุดนะครับ”  ก่อนที่จะกลับบ้านตอนเย็นผมก็ถือโอกาสเดินมาบอกพี่โบล่วงหน้า

     “หยุดกี่วันล่ะ?” พี่เธอเงยหน้าขึ้นมาจากหลังเคาท์เตอร์แล้วเอ่ยถาม 

     “เอ่อ…สามวันครับ” 

     “แป้บนึงนะ”  พาโบพูดแล้วเอาปฏิทินขึ้นมาดู “อืม…หยุดได้ แล้วจะไปไหนล่ะ?” 

     “คือผมมีธุระน่ะครับ”  ผมโกหก เพราะถ้าบอกว่าไปเที่ยวต้องโดนดุแน่ๆ

     แฮ่ๆ

     ขอโทษนะพี่ผมไม่ได้ตั้งใจโกหก

     “พี่ไม่ถามหรอกนะว่าธุระอะไร อยากหยุดก็ได้พี่ไม่ว่า” 

     “ขอบคุณคร้าบบบบบ”  ผมลากเสียงยาวและยกมือไหว้เจ้านายคนสวย จากนั้นก็เดินออกมายังนอกร้านซึ่งมีใครบางคนรออยู่
     
     ก็ใครคนนั้นนั่นแหละ…
     ตลอดระยะเวลาที่ทำงานผมก็มีไอ้เสือที่คอยมารับตลอดเวลาเลย อ้อ…น้องกวางด้วย

     “กินอะไรมาหรือยัง?”   เมื่อเดินข้ามถนนมาถึงฝั่งทางไอ้พ่อลูกอ่อนที่มารออยู่ก่อนแล้วผมก็ถามขึ้นอย่างเช่นทุกวัน ซึ่งบางครั้งก็เป็นไอ้เสือที่เป็นฝ่ายถาม

     “ยัง รอกินพร้อมมึง” 

     “แล้วทำไมไม่กินไปเลย รอทำไม”  เลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความไม่เข้าใจอย่างแท้จริง “แล้วน้องกวางหลับขนาดนี้แล้วจะพามาทำไมวะ ตากลมเดี๋ยวก็ไม่สบาย”   อดไม่ได้เลยที่จะบ่นหน่อย ก็เกรงใจเหมือนกันนะว้อยยยยยย ที่ทำให้มันลำบากหอบลูกมารับแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้มาทุกวันนะครับ แค่บางครั้งน่ะเพราะถ้าพี่หมากอยู่ก็ฝากไว้กับพี่มันนั่นแหละ 

     “ก่อนจะพูดเนี่ยดูด้วยว่าเพิ่งกลับมาจากบ้านน้าเล็ก ไม่ได้มาจากบ้าน”  คนบนรถแย้งขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ แต่พอมองดูสภาพของมันแล้วก็ได้แต่เก็บกลืนคำพูดลงคอกลับไปเหมือนเดิม


     จริงด้วยแฮะ… ปล่อยไก่ไปเล้าใหญ่เลย

     แหะๆ…

     ไม่ใช่อะไร ก็หลายวันที่ผ่ามานี้ตอนมาทำงานไอ้เสือมันเคยหอบลูกมาจากบ้านกระเตงๆกันมารับผมทั้งที่ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ที่ร้านจะไปส่ง มันก็ไม่ยอมตอนนั้นผมเลยด่าซะให้หูดับเลย ว่าจะมาทำไมเพราะน้องกวางก็นอนหลับแล้วยังจะมาอยู่

     วันนั้นแหละเลยเป็นวันที่รู้สึกว่าตัวเองคือผู้ชนะมาก เพราะผมด่ามันได้ไงครับหัวหน้า!
ผมกระโดดซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์  “แล้วจะกินอะไร” และถามขึ้นพร้อมกับขยับตัวนั่งดีๆ

     “ไม่รู้ ข้าวมันไก่ไหม?”  เจ้าตัวถามและขับเคลื่อนรถออกไป

     “ก็ดี”  ผมตอบ “เดี๋ยวพาไปกินเจ้าอร่อย” 

     “อร่อยแน่นะ ถ้าไม่อร่อยมึงโดนแน่”   แหม…คาดโทษไว้ซะกูกลัวเลย
ไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงที่หมายนั่นคือร้านข้าวมันไก่เจ้าประจำที่ผมชอบมากิน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขี้โม้กับมันไว้ว่าอร่อยนักอร่อยหนา

     “ไก่ต้มหรือไก่ทอด?”  เมื่อรถจอดอยู่ตรงริมฟุตบาทเยื้องๆมาจากร้านข้าวมันไก่นิดหนึ่งแล้วผมก็กระโดดลงรถด้วยความไวว่อง ไม่ให้ว่องได้ไง หิวมากกกกกก… หิวจะแดกหัวคนได้แล้วครับเนี่ย

     “เอาผสม พิเศษด้วยนะ”   ไอ้เสือเปิดหมวกกันน็อคขึ้นพร้อมกับล้วงเงินในกระเป๋ากางเกงออกมาให้ผม

     “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวจ่ายเอง”  ผมตอบปฏิเสธและผลักฝ่ามือหนาที่ถือเงินจำนวนหนึ่งร้อยบาทให้ออกไปจากหน้า

     “ทำไม” 

     “ไม่ทำไมหรอก แต่เดี๋ยวกูจ่ายเอง”  เมื่อคนตรงหน้าขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยๆ และกำลังจะอ้าปากพูดต่อ ผมเลยขัดไปว่า “โอเค๊!?”  ที่พูดนี้ไม่ได้ต้องการคำตอบตกลง แต่จะบอกว่ายังไงกูก็จะจ่ายเอง จบไหม!

     “ป้าข้าวมันไก่ทอดแล้วก็ไก่ต้มรวมกันครับ พิเศษสองห่อ”  ผมเดินมาสั่งป้าที่กำลังขะมักเขม้นกับการสับไก่ตรงหน้า

     “รอแป้บนะหนูลูกค้าเยอะมาก” ป้าแกตอบและพยักพเยิดหน้าไปทางข้างหลังซึ่งมีลูกค้าที่ทั้งนั่งรออยู่ตรงโต๊ะ และคนที่กำลังยืนรอแบบผมเช่นกัน   

     “ครับป้า”  ผมตอบรับ
 
ร้านป้าแกคนเยอะจริงๆขายดีมากด้วย บอกแล้วว่าอร่อยจริงๆแต่ก็ไม่เข้าใจป้าเขานะว่าทำไมขายดีขนาดนี้แล้วไม่จ้างคนมาช่วยวะ! 

     “รอนานหน่อยนะ คนเยอะฉิบหาย”  เมื่อเดินมาถึงคนตัวสูงที่กำลังนั่งรออยู่ตรงรถมอเตอร์ไซค์พร้อมกับลูกสาวของมัน ผมก็ชี้ไปทางร้านซึงจะบอกว่าคนแม่งเยอะจริงๆ

     “เออๆ”  มันตอบแต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผม เพราะกำลังสนใจเจ้าเด็กอ้วนที่อยู่ในอ้อมอกของตัวเอง

บอกไว้อย่างหนึ่งเลยว่าไอ้ห่าเสือแม่งเป็นคนที่โคตรอบอุ่น…นึกถึงหน้ามันตอนทำเรื่องเหี้ยๆไม่ออกเลย ก็ไม่ได้หมายถึงเรื่องเหี้ยขนาดที่ว่าเตะหมาด่าผู้หญิงตีคนชรานะ   

     ยังไงดี…

     แบบนึกถึงตอนที่มันเปลี่ยนอารมณ์ไม่ถูกเลย โกรธ หึง โมโห เกรี้ยวกราดอะไรแบบนี้น่ะ อาจจะเพราะว่าแม่งชอบทำหน้านิ่งๆอารมณ์เดียวตลอดเวลามั้ง แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้มันก็ไม่ใช่พวกเย็นชานะครับ เพราะงั้นผมเลยมองว่ามันดูเป็นคนอบอุ่นล่ะมั้ง?

     “วันนี้วันห่าอะไรวะ ทำไมมันร้อนอย่างนี้”  ผมบ่นแล้วก็ไถโทรศัพท์ในมือเล่นไปพลางๆ เพราะคนตรงหน้ามันก็เอาแต่ดูลูกที่กำลังนอนหลับคาอก

     “ไม่เห็นร้อน”  มันตอบ “มึงน่ะพวกมันขี้ร้อน”  แล้วก็เอื้อมมือมาปัดผมข้างหน้าให้ ซึ่งตอนนี้มันยาวจนจะปรกตาแล้ว


     อ อ อไอ้สัด…
     ใครเขาสั่งสอนให้ทำแบบนี้ไอ้เหี้ย!!

     “เหงื่อก็ออกอย่างกับเพิ่งล้างหน้ามา”  คนตรงหน้าบ่นแล้วก็เอาผ้าอ้อมของน้องกวางที่มันพาดบ่าไว้อยู่มาเช็ดเหงื่อตามไรผมและหน้าผากให้ผม

     รู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงอะไรสักอย่างที่มีเราอยู่แค่สองคน ในสายตาผมเห็นแค่ไอ้เสือคนเดียวเท่านั้น รถราที่กำลังพากันขับเคลื่อนวินาทีนั้นมันแทบหยุดลงในโลกของผม 

     ถึงไม่ได้สบตากัน แต่โลกของผมก็หยุดหมุนได้ 

     ไม่ดีๆ…แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ

     โลกหยุดหมุนเพียงเพราะใครสักคนมันก็เป็นเรื่องดี แต่สำหรับผมตอนนี้แล้วมันไม่ใช่เพราะใครคนนั้นแม่ง…เราไม่สมควรรู้สึกแบบนี้ด้วยเลย 

     ผมไม่ได้อยากให้เป็นชั่ววูบที่ยาวนาน

     เพราะฉะนั้น…

     “ด เดี๋ยวกูเช็ดเอง!” ผมเบี่ยงองศาหลบผ้าอ้อมที่มันกำลังเอามาเช็ดให้อยู่  “ชอบเห็นกูเป็นลูกอีกคนนะมึงน่ะ!” เลยแกล้งเปลี่ยนเรื่องๆกลบเกลื่อนไปตามระเบียบ 


     มันเงียบไปครู่หนึ่งและมองหน้าผม “ก็รู้ตัวนี่ฮ่าๆๆๆ”  จากนั้นแม่งก็หัวเราะออกมา   

     ทุ่งลาเวนเดอร์กูหายหมดเลย…

     ไอ้สัดดดดด!!!

     เดี๋ยวๆ นี่มันหัวเราะอีกแล้วครับหัวหน้า!!

     ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมานี่เห็นมันหัวเราะและยิ้มนับครั้งได้เลยนะ

     “หัวเราะดังเดี๋ยวน้องกวางตื่น!”  ผมชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ อย่าให้กูมีโอกาสนะมึงโดนแน่ๆ ไอ้เสียยยยยยยยยยยยยยย
หัวเราะไปเถอะมึง รู้ไหมว่าเมื่อกี้ที่ทำเนี่ยเล่นเอาหัวใจกูเกือบวาย!!




วันต่อมา…


     “ปิงเอาน้ำไปเสิร์ฟให้ลูกค้าโต๊ะข้างบนหน่อย!!”  เสียงพี่ฟ้าดังไล่มาจากทางข้างหลังครัว อันเนื่องมาจากว่าพี่แกกำลังยุ่งอยู่กับการเอาอาหารออกมาเสิร์ฟแล้วอีกอย่างวันนี้พนักงานเสิร์ฟที่ร้านลากันตั้งสองคนเลยมีแค่ผมกับพี่ฟ้าที่กำลังวุ่นวายกันอยู่มากกกกก ขอย้ำว่ามากกกกกกก

     พี่โบนี่ก็ไม่ได้ลงมาช่วยครับเพราะเธอกำลังง่วนอยู่กับการทำครัวข้างหลังร้าน

     ไอ้ฉิบหายเอ้ยยยยย  นี่มันวันโลกแตกอะไรวะเนี่ยลูกค้าเต็มทั้งชั้นบนชั้นล่างเลย

     ถึงในใจจะบ่นขนาดไหนแต่มือนี่ก็จัดการงานตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว สองเท้าก็ทั้งรีบวิ่งรีบเดินขึ้นบันได้ด้วยความไวว่องหน้าดำหน้าแดงขนาดไหนถามใจดู ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กินตอนนี้เที่ยงแล้วยิ่งไม่ได้กินเพราะช่วงนี้ลูกค้ากำลังเข้า

     ฮือออออ แม่จ๋าไอ้ปิงต้องตายแน่ๆ!!


     “ขออนุญาตเสิร์ฟน้ำครับ” ผมพูดตามมารยาทก่อนที่จะต้องเอาน้ำเสิร์ฟให้ลูกค้า จากนั้นก็หันหลังหนีกำลังจะวิ่งลงไปข้างล่างต่อ แต่ว่า…

     “น้องคะ สั่งอาหารหน่อยค่ะ”   
     ฮืออออออออ ยังไม่ได้ก้าวไปไหนเลย

     “ครับ สักครู่นะครับ”  ผมตอบกลับและเดินถือสมุดเมนูไปให้ลูกค้าเลือกดู

     “ลูกค้ากี่ที่ครับ?”  และหยิบเอาใบจดเมนูในกระเป๋ามารอ เตรียมพร้อมที่จะจดเต็มที่!

     “สองค่ะ เดี๋ยวอีกคนยังไม่มา” ตอบกลับและยิ้มให้ผมน้อยๆ  โอ้ยยยยยแม่โว้ยยยยย แม่งโคตรสวยเลยครับบบบบบ!!
ลูกค้าคนสวยพลิกหน้าเมนูไปมา “แหนมเนืองชุดเล็กหนึ่งชุดค่ะ แล้วก็…”

     เมื่อได้ยินอาหารที่สั่งมาผมก็จดลงในสมุดเล่มเล็กในมือ

     “ปิง…”

     หะ…ลูกค้าอยากกินผมเหรอครับ…แหมมมมมม เขินนะครับอย่าพูดงี้สิ

     “ค…” ความตลกที่ผมคิดในใจเมื่อครู่หายวับไปกับตา เมื่อคนที่เรียกชื่อผมเมื่อครู่ไม่ใช่ลูกค้าตรงหน้าแต่กลับเป็น…

     พี่เพลง…
     เธอพึมพำชื่อผมเบาๆจากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทางฝั่งตรงข้ามของเพื่อนตัวเอง

     “ครับ” ผมตอบรับกลับไปเสียงแผ่ว


     พลันหัวใจมันก็กระตุกวูบจนเจ็บแปลบ จากวันนั้นที่ผมเห็นพี่เพลงกับแฟนเก่าของเธอซึ่งได้กลายมาเป็นแฟนใหม่อยู่ที่โรงหนัง นั่นก็คือครั้งสุดท้าย เป็นเพราะผมเลี่ยงมาตลอดแต่ไม่คิดว่าโลกจะแคบขนาดนี้ ที่ทำให้ผมมาเจอกับพี่เพลงอีก

     “ทำงานที่นี่เหรอ?” 

     “ค ครับ” เสียงที่ตอบกลับไปนั้นไม่ค่อยหนักแน่นนัก
      เกลียดตัวเองจังวะ!

     “รู้จักกันเหรอ?”  ลูกค้าคนสวยที่น่าจะเป็นเพื่อนของพี่เพลงเธอถามขึ้น

     “…” ผมเงียบ  เพราะไม่รู้ว่าอย่างเราถือว่าเป็นคนรู้จักได้ไหม

     “ทำนองนั้น” และเป็นพี่เพลงที่ตอบแทน

     “สั่งอาหารเลยไหมครับ?”  เพราะไม่อยากที่จะอยู่ตรงนี้ให้นานนักเลยเร่งที่จะให้เขาสั่งอาหารกันมากกว่า 

     เพราะจริงๆแล้วมันไม่ค่อยโอเค

     “อืม…” และถามเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้ามของเจ้าตัว “เธอสั่งอะไรไปแล้วบ้าง”

     “แหนมเนือง”
     พี่เพลงเปิดหน้าเมนูไปมาสองสามครั้ง ไม่นานก็เอ่ยปากขึ้นสั่งอาหาร “งั้นเอาปากหม้อญวณ พิซซ่าเวียดนาม เปาะเปี๊ยะสดกุ้ง”   เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนใช้ความคิด “เอาแค่นี้แหละ” 

     “ครับ… เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีครับ?” 

     “น้ำเปล่า”

     “รับน้ำแข็งไหมครับ?”

     “รับค่ะ”

     “ครับ รอสักครู่นะครับ”  ผมรีบจดเมนูยิกๆแล้วก็รีบเดินออกมาจากโต๊ะนั้นทันที

ไม่ไหวๆ ผมว่าผมยังรู้สึกอยู่ ผมว่าผมทำใจได้แล้วนะแต่ทำไมยังรู้สึกอยู่… รู้สึกเจ็บเวลาเห็นหน้าน่ะ มันอึดอัด มันปั่นป่วนไปหมดเลย

     ตายๆๆ ทำยังไงดีครับ

     แต่…คงไม่ได้เจอกันอีกหรอกมั้งครับ ก็พี่เพลงไม่ได้อยากยุ่งกับผมตั้งแต่แรกหนิ เธอคงไม่มาให้ผมเห็นหน้าอีกหรอก…นี่มันก็แค่ความบังเอิญ



หลังเลิกงาน


     เฮ้ออออออ

     เลิกงานแล้ววววว!!

     สุดตีนมากครับวันนี้  ผมรู้สึกเหมือนจะตายให้ได้เลยครับหัวหน้า!

     ฮืออออ แทบคลานออกจากร้านถ้าวันนี้พนักงานไม่ขาดก็คงไม่เป็นอะไรหรอกแต่วันนี้มันไม่มีคนไงครับแถมลูกค้าก็เยอะแสนเยอะ สภาพตอนนี้เลยแทบจะกลายเป็นศพอยู่รอมร่อ

     เอ๊ะ!... แต่ทำไมวันนี้ไอ้เสือมันยังไม่มาอีก รู้ไหมว่าตอนนี้กูโหยหาที่นอนมากกกก ฮือออไม่ไหวแล้ว
     ว่าแล้วก็เอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาคนในความคิด คือ…มึงจะไม่มาหรือมาช้าก็โทรมาบอกหน่อยสิวะ กูจะได้หาทางกลับกูอยากนอนแล้วว้อยยยย หิวก็หิวงั้นขอทำทั้งสองอย่างพร้อมกันเลยได้ไหม

     ตู๊ด….

     เสียงสัญญาณดังขึ้น แต่… ไม่รับสายกูครับ  เหยดดดดดแม่มมมม
     สองสายก็แล้ว สามสายก็แล้วจนตอนนี้จะสิบสายแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืนครึ่งผมเองก็ยืนอยู่หน้าร้านตัวคนเดียวเปลี่ยวเหลือเกิน

ถึงจะเป็นผู้ชายก็กลัวนะครับ กลัวโดนปล้นอะไรทำนองนี้ เงินน่ะไม่มีหรอกแต่เพราะไอ้ความไม่มีนี่สิโจรมันอาจจะหมั่นไส้แล้วฆ่าปาดคอทิ้งงี้ หรืออาจจะซ้อมจนถึงขั้นปางตาย 

     ไม่ไหวๆๆ คือตอนนี้ยังไม่อยากตายนะ
     ตาก็กำลังจะปิดอยู่ทุกชั่วขณะท้องก็ร้องส่งเสียงประหนึ่งว่าฟ้าผ่า


     จ๊อก…
     ถ้ายังไม่มาอีกจะกลับเองแล้วนะ แล้วอย่ามาโวยวายกูนะไอ้เสือ!

     ไม่ใช่อะไรมันเคยบอกผมว่า ไม่ว่าจะยังไงมันจะมารับเองทุกวันแถมยังบอกอีกด้วยว่าห้ามให้ผมกลับเองหรือกลับกับใคร เออครับ ถ้างั้นแม่งมารับกูตอนเช้ากูก็ต้องรอมึงถึงเช้าเลยสิ!
แต่ไม่ไง ปกติมันไม่เป็นแบบนี้ ไอ้เสือไม่เคยมารับช้าแบบนี้อีกอย่างถึงจะมาช้ามันก็จะโทรมาบอกว่าอะไรยังไง แต่ทำไมวันนี้มันกลับ…

     ฮึ้ยยยยยย!!
     หงุดหงิดโว้ยยยย
     อย่าให้เห็นหน้านะเดี๋ยวกูแดกหัวแม่ง ยิ่งหิวๆอยู่




     ปี๊นนนนนน!!
     แต่แล้วความหัวร้อนภายในใจนั้นกลับหยุดลงเพราะเสียงแตรจากที่ไหนสักที่…คิดว่าไอ้เสือมันคงมาแล้ว


     แต่ว่า…


     ไม่ใช่
     นั่นไม่ใช่เสียงรถของมัน แต่เป็นเสียงรถของ…พี่เพลง

     เธอขับรถมาจอดยังที่ว่างตรงหน้าผม พร้อมกับเลื่อนกระจกลง “ยังไม่กลับเหรอ?   และชะโงกหน้ามาถามผมซึ่งกำลังยืนอ้ำอึ้งอยู่

     “อ อืม..ครับ”  สองมือก็บีบเข้าหากันแน่น ไม่รู้ว่าทำไมต้องบีบ อาจจะเพราะประหม่าก็ได้

     “มาด้วยกันสิ เดี๋ยวไปส่ง” พี่เพลงยิ้มตอบกลับมา 

     “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ผมมารับ” ผมเลือกที่จะใช้คำพูดที่ไม่สนิทกันสักเท่าไร ไม่ได้มีเหตุผลอะไรแอบแฝงเลยก็เพราะไม่ได้สนิทกันจริงๆน่ะสิ

     “ไม่เอาน่า มันดึกแล้วไปเถอะ”  และเธอก็ยังคะยั้นคะยอให้ผมไปด้วยให้ได้

     “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ…” 

     “ปิง…”   



     ปี๊นนนน!!
     
     ในขณะที่พี่เพลงกำลังจะอ้าปากพูดขึ้นต่อ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงแตรรถจากที่ไหนสักที่ และไอ้เสียงที่เกิดขึ้นมันก็เพราะคนที่ผมโทรหาเป็นสิบๆสายแล้วไม่รับ ในที่สุดก็โผล่มาจนได้ มาได้ทันเวลาเป๊ะ!

     ดีมาก…มาได้ถูกเวลามากถ้าช้ากว่านี้กลับบ้านไปมึงโดนแน่ไอ้เสืออออออออ!

     “เอ่อ…พี่ผมมารับแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”  ตอบปฏิเสธคนสวยในรถหรูอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆที่มอบให้ไป

     “อืม…ไว้เจอกันใหม่”  และพี่เธอก็ยิ้มตอบกลับมา จากนั้นรถยนต์คันสวยก็เคลื่อนตัวออกไป

     ไว้เจอกันใหม่…อะไรของพี่?

     นี่ต้องการอะไรจากผมอีกวะ ผมไม่อยากเป็นเครื่องมือในการใช้วัดความรักของใครอีกแล้วนะ

     “ใครน่ะ?”   ไอ้เสือจอดรถที่ตรงหน้าผมแทนที่พี่เพลงเมื่อครู่

     “ไม่มีอะไรหรอก..แค่ถามทาง”  ผมตอบแบบปัดๆ ไม่อยากจะเล่าอะไรมากนักเพราะขี้เกียจเนื่องจากว่าตอนนี้มันง่วงนอนแล้วก็หิวมากกว่า

     “อ่อ…”

     “แล้วทำไมวันนี้มารับช้าจังวะ โทรไปก็ไม่รับ!” ผมกระโดดขึ้นซูโม่เอ็กซ์ด้วยความรวดเร็วและเสียงบ่นที่ดังขึ้นพร้อมๆกัน

     “รถยางรั่ว โทรศัพท์ลืมไว้ที่บ้านน้าเล็ก”  มันตอบแล้วก็เคลื่อนรถออกไปทันที 

     “แล้วน้องกวางไปไหน นอนบ้านน้าเล็กเหรอ?”  ก็ลืมไปว่าไม่เห็นมันหอบน้องกวางมาด้วย พอนึกได้ก็เลยถาม

     “อือ…แล้วกินอะไรหรือยัง?”
     ไอ้เหี้ยยยยยย! ถามมาได้ว่ากินอะไรยัง

     “ยัง! กูจะแดกควายได้เป็นตัวแล้วเนี่ย!”

     “เอออ เดี๋ยวพาไปกิน”  ว่าแล้วซูโม่เอ็กซ์ก็ถูกขับเคลื่อนไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมจนผมอดไม่ได้ที่จะคว้าชายเสื้อที่หลุดออกมาจากกางเกงนักศึกษามันมาเกาะไว้

     “ขับช้าๆก็ได้”  ผมตะโกนใส่หูคนขับรถเพราะกลัวว่ามันจะไม่ได้ยิน

     “ก็เห็นมึงบอกจะกินควายได้ทั้งตัวแล้วไง กูกลัวว่าถ้านานกว่านี้แล้วมึงจะกินหัวกู”

     “เอออ! เพิ่งรู้หรือไง กูจะกินหัวมึงตั้งแต่สายแรกที่โทรไปแล้วไม่รับละสัด!” 




มีต่อข้างล่างนะคะ


     

หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 17/6/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 17-07-2017 13:16:45
ต่อค่ะ



 บันทึกของเสือ


     หลังจากที่ผมพาไอ้ขี้โมโหไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้วก็พากันกลับถึงบ้านในเวลาตีหนึ่งกว่าๆ วันนี้น้องกวางเธอไม่ยอมกลับกับผมงอแงจะอยู่กับน้าเล็กให้ได้ก็เลยไม่ขัดใจ อยากนอนก็นอนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ถึงจะรับกลับ


     “เพิ่งเลิกงานเหรอปิง?”   หมากมันเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเอง เมื่อเห็นว่าใครมามันก็ทักทายตามประสา

     “เลิกนานละ แต่กว่าจะรอคนมารับกว่าจะได้กินข้าวน่ะพี่” หน้าตาของปิงตอนนี้บอกได้เลยว่าพร้อมไฟท์มาก ถ้าผมกวนมันอีกนิดหนึ่งนี่รับรองว่าปรี๊ดแตกแน่ๆ  ฟาร์มหมาในปากมันคงเดินออกมาเพ่นพ่านกันเป็นว่าเล่น

     “กูว่าวันนี้มึงต้องซักแห้งอีกแน่เลย”  ไอ้หมากพูดอย่างรู้ทัน 

     “รู้ดี ไปละผมไปนอนละ”  ท่าทางมันจะเหนื่อยมากถึงกับเดินคอตกตาก็แทบจะปิดเข้าห้องไปเลย

     “แล้วน้องกวางไปไหนล่ะ?” ไล่หลังจากที่ปิงมันเดินเข้าห้องไปหมากมันก็หันมาถามผมที่กำลังจะเดินเข้าห้องตัวเองบ้าง

     “นอนบ้านน้าเล็ก แล้ววันนี้ไม่ทำงานไง๊?” 

     “ไม่อ่ะ กูหยุด…เหนื่อย”  แล้วก็ยิ้มแห้งๆตอบกลับมา 
     เออ ก็สมควรเหนื่อย ผมทำงานเยอะยังไงไอ้หมากนี่ก็ไม่ต่างกันหรอกครับ

     “เออ…กูไปนอนละ” 



 เช้าต่อมา…


     ผมตื่นเช้าอย่างเช่นทุกครั้งถึงวันนี้จะเป็นวันเสาร์ไม่มีเรียน แต่ก็ต้องไปทำงานว่าจะแวะเข้าไปหาน้องกวางที่บ้านน้าเล็กด้วย ผมชงกาแฟกินตามปกติ ค่อนข้างที่จะติดเลยก็ว่าได้ถ้าไม่ได้ก็จะหงุดหงิดอยู่หน่อยๆ




 ติ๊งต่อง!

     แก้วกาแฟซึ่งกำลังจ่ออยู่ที่ริมฝีปากกลับต้องลดลงและเอาไปวางไว้ที่โต๊ะตั้งกระติกน้ำร้อนก่อน เพราะเสียงออดหน้าบ้านนั้นดังขึ้นขัดจังหวะพอดี

     ใครมันมาทำอะไรแต่เช้า…?
     อาจจะเป็นไอ้ฟาร์มก็ได้ เพราะที่นี่น่ะไม่ค่อยมีใครมาหรอกนอกจากเพื่อนของไอ้เจ้าของบ้าน ส่วนผมกับหมากก็ไม่ค่อยพาใครมาที่นี่หรอก



     แต่…

     ไม่ใช่ครับ

     ผิดคาด

     เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าบ้านนั้นไม่ใช่ไอ้ฟาร์มหรือเพื่อนของปิง แต่เป็น…

     ผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาสะสวยเอาการ
     เมื่อเห็นหน้าผมโผล่ออกไปเธอก็ส่งยิ้มมาให้น้อยๆ “ปิงอยู่ไหมคะ?” และถามผมซึ่งหยุดอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว แต่มีรั้วบ้านกั้นเราไว้อยู่

     “อยู่ครับ…คุณ?” 

     “เพลงค่ะ” 

     หือ…? เพลง
     อ่า…เพลง คนที่เคยทำไอ้ปิงเสียใจใช่ไหม?

     และรถยนต์คันสวยของเธอที่จอดอยู่ทางเบื้องหลังทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้… ก็นั่นมันรถคันเมื่อคืนที่จอดถามทางไอ้ปิงนี่

     แสดงว่า…ปิงโกหกผมเหรอ
     แล้วผมควรที่จะทำยังไงดีล่ะ? เชิญเธอเข้าบ้านดีไหมหรือยังไง? 


     “เข้ามารอก่อนสิครับ เดี๋ยวไปตามปิงให้” 
     สุดท้ายก็ให้เข้ามารออยู่ดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยากให้เข้ามาสักเท่าไร
     ก็เธอคือคนที่ทำให้ไอ้ปิงเจ็บแล้วเป็นบ้าเป็นหลังอยู่นานสองนานนะ ไม่อยากให้เข้ามาก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก  อีกย่าง…

     นี่ไปคุยกันตั้งแต่ตอนไหนวะ!?

     “รอตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมเรียกปิงให้”   บอกให้เธอนั่งรออยู่ตรงโซฟากลางบ้าน เธอยิ้มตอบกลับมาพร้อมกับหย่อนก้นนั่งลงตรงนั้น

     เฮ้ออออ…ยิ้มพิมพ์ใจอีกแล้ว ไม่แปลกที่ไอ้ปิงมันจะหลงเขาอะไรขนาดนั้น ได้ข่าวว่าเป็นรักแรกตั้งแต่ที่เรียนมัธยมนี่? 
     ข้อดีของการที่ชอบตีสีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลาคือไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่และอยู่ในช่วงอารมณ์ไหน…เพราะ ตอนนี้ผมแม่ง โคตรหงุดหงิด

     ไม่รู้ว่าเพราะเธอหรือเพราะว่ายังไม่ได้กินกาแฟ




     ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องไอ้ปิงอย่างถือวิสาสะเนื่องจากว่ามันไม่ได้ล็อคเพราะขี้เกียจมายืนเคาะให้เสียเวลาไอ้นี่มันขี้เซาต้องเข้ามาปลุกด้วยตัวเอง ถ้ามาแค่เสียงจ้างให้มันก็ไม่ตื่น

     “ปิง…” และเดินเข้าไปหาไอ้เจ้าของห้องที่กำลังเอาหน้ามุดอยู่กับหมอน

     “…”  แต่ก็ไม่ได้มีเสียงตอบรับใดๆนอกจากการนอนหลับเป็นตายไม่แม้แต่จะขยับตัว

     “ไอ้ปิง”  เรียกอีกครั้งพร้อมกับการดึงผ้านวมผืนเน่าๆของมันซึ่งกำลังคลุมตัวไว้อยู่ออกมา

     “อืออออออ”   เจ้าตัวพึมพำเสียงในลำคอ พลิกตัวหันไปทางอื่นแล้วก็นอนต่อ

     “ไอ้ปิงมีคนมาหา!!”  ใช้ระดับเสียงที่ดังมากขึ้นว่าเดิม ไม่ใช่แค่เพียงเรียกเปล่า ผมดึงแขนมันให้ตัวลุกขึ้นจากที่นอน
มันอิดออดยังไม่ยอมลุก แต่… “โว้ยยยยยย ไอ้เหี้ยนหนิ! กูจะนอน!!!” สุดท้ายก็ลุกได้
ตื่นทั้งคนทั้งหมาในปากเลย ก็มันไม่ชอบให้คนปลุกตอนนอนยิ่งนอนไม่เต็มอิ่มมันยิ่งไม่ชอบ  เมื่อวานท่าทางงานจะหนักมันไม่ยอมอาบน้ำจริงๆด้วย ยังคงสภาพชุดเดิมไว้เปลี่ยนแค่กางเกงเป็นบ๊อกเซอร์เน่าๆที่ชอบใส่


     “กูจะนอนนนนนนน”  หน้าตามันบิดเบี้ยว และดิ้นเร่าๆบนที่นอน
     
     โห…อะไรมันจะขนาดนี้วะ
     
     งอแงเหมือนเด็กน้อยเลย
     
     เป็นลูกกูอีกคนเลยดีไหมเนี่ย!? 

     “มีคนมาหา มึงลุกออกไปหาเขาก่อน” ดึงแขนมันให้ลุกขึ้นมาจากที่นอนอีกครั้ง

    “โว้ยยยย” แล้วแม่งก็โว้ยวายใส่ผมเฉยเลย
     บางทีมึงอาจจะชอบก็ได้นะ…ถ้ารู้ว่าคนที่มาหาแม่งเป็นใคร

     สุดท้ายมันก็ลุกขึ้นมาจากที่นอนเดินออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องด้วยสภาพหน้าที่ยับยู่ยี่ไม่พร้อมรับแขกผมเผ้านี่กระเซอะกระเซิงชี้ไปคนละทิศคนละทาง ปากหาววอดๆจนแมลงวันจะบินเข้าไปไข่ได้แล้ว




     “ปิง…”   

     “พี่เพลง…” 



     เมื่อมองดูแล้วจากหน้าตาที่นอนไม่เต็มอิ่มง่วงหงาวหาวนอนนั้นหายไปในทันที แต่แทนที่ด้วยความมึนงงสับสนแทน ผมเดินเลี่ยงออกมาหาแก้วกาแฟของผมซึ่งวางไว้อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น  แต่ก็ยังไม่พ้นที่จะได้ยินเสียงสนทนาของทั้งคู่

     ไม่ได้ตั้งใจฟังนะ แต่มันเข้าหูเอง
     และเสียงนั้นก็ค่อยๆหายไปเมื่อเขาทั้งสองเดินออกไปคุยกันอยู่ข้างนอกบ้าน  ผมว่าร้อยทั้งร้อยที่กลับมาแบบนี้ต้องมาขอคืนดีแน่ๆ… มึงจะคืนดีกับเขาจริงๆเหรอวะปิง?


     กาแฟก็กินแล้วแต่ทำไมมันถึงหงุดหงิดอยู่แบบนี้?

     ผมว่าไม่ใช่เพราะกาแฟแล้วล่ะ เพราะไอ้ปิงนั่นแหละ…


    จบบันทึกของเสือ




     TBC...



     เเอร้ยยยยยย สวัสดีคร้าบบบบบบบบบบบ /คลานมารับโทษเเต่โดยดี 
     ขอโทษที่หายไปนานนะค้า เเต่ก็อย่างที่บอกน้องกลับไปรีไรท์ตั้งเเต่เเรกเลย รีไรท์กินเวลาเค้าเป็นอย่างมากกกก ฮ่าๆๆๆ ที่จริงก็ไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไรค่ะ  งานเยอะเเถมยังสามวันดีสี่วันไข้ป่วยบ่อยมากกก TwwwT (เเต่ก็ยังมีเวลาไปเขียนเรื่องใหม่ แหะๆ) 

ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ยังรอกัน ก๋อมไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้เเน่นอนสบายใจได้เลยยยยย(มีเเพลนอยากทำเล่มด้วยซ้ำ เเต่ไม่รู้ว่ามีใครอยากได้กับน้องมั้ย? คือน้องเเค่อยากมีผลงานของตัวเองเก็บไว้ดอมดมTwwT) ขอเเค่คนอ่านอยู่กับก๋อมไปนานๆนะคะ  ขอบคุณค่ะที่ยังติดตามกันนน

ก็...ขอโอกาสฝากนิยายเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ  ชื่อเรื่องว่า sleep with me free breakfast  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59929.0

สุดท้ายเเล้วหนึ่งคอมเมนท์หนึ่งล้านกำลังใจนะคะ
โอเคหรือไม่โอเคยังไงติเตียนเราได้ตลอดเวลาเลยนะคะ 

ส่วนตอนนี้นั้น...ขอไปปั่นนิยายอีกเรื่องก่อนนะคะ 
ใครเล่นทวิตเตอร์ก็อย่าลืมติดเเท็ก #รักของเสือ เป็นกำลังใจให้น้องด้วยนะคะ  :mew2:

สุดท้ายท้ายสุดค่ะ
เอ็นจอยรี้ดดิ้งค่ะ

รัก
กิงก่องโก๊ะ
17/7/60
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 17/6/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-07-2017 16:07:53
งานนี้อยากจะร้องเพลง กลับมาทำไมมมม ฉันลืมเธอไปหมดแล้วววว ชะมัดเลย
ไม่รู้เพลงจะมาหาปิงทำไม คราวนั้นก็เห็นอยู่ว่าไม่ไยดี
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 17/6/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-07-2017 17:47:00
ดีใจ ไรท์ มาต่อ คิดถึงงงงง  :mew2:

ต้องร้องเพลงด่านังเพลงเลย
กลับมาทำม้าย นังคนร้อยเล่ห์ ......นังคนหลอกลวง

ปิง ยังจะดีกับชะนีเพลงที่หลอกลวง
จนตัวเองโดนผัวเขายำ
ไล่ไปเลย นีนิสัยเสีย
มาเอาอะไรจากปิงอีกล่ะ ยั่วผัวอีกครั้งหรือไง
ปิงเลี้ยงหมาก็ปล่อยหมาไปกัดนางซะสิ

โถ......เสือ ใจรอนๆเลย
เห็นนีมาหาปิง แล้วปิงก็ออกไปกับนี
ไม่ใช่ นีพาปิงไปเลี้ยงฉลองที่ได้คืนดีกับผัวนางนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 17/6/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: dahlia ที่ 17-07-2017 18:18:52
พี่เสือเริ่มออกอาการมากแล้ว ว่าแต่เพลงกลับมาทำไมอีกเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 17/6/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-07-2017 20:50:49
นั่นสิเพลงเธอจะกลับมาทำไม ทุกอย่างมันกำลังดีอยู่แล้วแท้ๆ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 17/6/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 25-07-2017 20:39:50
เมื่อไหร่จะมาซะทีค้าาา หายไปนานๆนี่ ขออย่างเดียวตอนต่อไปมายาวๆให้สมคิดถึงหน่อยก็พอ  :hao3: :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 17/6/60 (หน้าที่3)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-07-2017 01:47:54
กำลังจะไปได้ด้วยดี ทำไมต้องมีคนมาขัดขวางด้วย
ไรท์เตอร์ อย่าหายไปนานนะ ใจคอไม่ดี555
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 19/7/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 29-07-2017 22:46:40
ตอนที่สิบหก : เราสองสามสี่ห้าหกเจ็ดแปดเก้าคน



 

     “ปิง…” 
     เสียงใครก็ไม่รู้คุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหนสักที่ดังเข้ามาในหู

     แต่…กูไม่ตอบหรอกครับกูจะนอน

     “ไอ้ปิง”   น้ำเสียงแบบเดิมยังคงเรียกผมอีกครั้ง พร้อมกับสัมผัสที่หนาวเย็นสัมผัสเข้าที่ผิวเนื้อ

     “อืออออออ”   อย่ามาดึงผ้าเน่ากูนะ

     “ไอ้ปิงมีคนมาหา!!” ไม่ว่าเปล่าเจ้าของเสียงนี้พูดกวนอารมณ์ยังไม่พอ หนำซ้ำยังมีหน้ามาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นมาจากที่นอน 


     ไอ้สัดดดดดดด!! กูจะนอนนนนนน
     ได้แค่ก่นด่าอยู่แค่ในใจ เพราะครั้งนี้ยังพอให้อภัยได้เนื่องจากขี้เกียจเปิดตาเปิดปากลุกขึ้นไปด่าจริงๆ

     แต่… “โว้ยยยยยย ไอ้เหี้ยหนิ! กูจะนอน!!!”  ไม่ถึงหนึ่งนาที แม่งสุดท้ายก็ทนไม่ไหวเป็นอันต้องลุกขึ้นมาในที่สุดเพราะไอ้เจ้าของเสียงนี้มันยังคงส่งเสียงรบกวนการนอนของผมอยู่แล้วคนที่ปลุกนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ… ไอ้เหี้ยเสือ!

     มึงมัน…

     ฮึ่ยยย!!

     ไอ้ฉิบหายไม่รู้หรือไงวะว่ากูไม่ชอบให้ใครมากวนเวลานอน มึงนะมึงนะ! เดี๋ยวมึงโดน


     “กูจะนอนนนนนนน” ไม่ยอมครับผมไม่ยอม ดิ้นเร่าๆใส่มันด้วยความขัดใจ เอาสิกล้าปลุกกูอีกก็เอาสิไม่ด่าก็บุญหัวแค่ไหนแล้ว!

     “มีคนมาหา มึงลุกออกไปหาเขาก่อน” แต่ไอ้เสือมันไม่ยอม พูดอีกพร้อมกับดึงแขนผมให้ลุกขึ้นมาจากที่นอนอีกครั้ง

     “โว้ยยยย” ฮืออออ กูง่วงจะตายแล้ว
     
     
     สุดท้ายก็ต้องยอมลุกขึ้นมาจากที่นอนด้วยหน้าตาที่ไม่สบอารมณ์ยับยู่ยี่บูดเบี้ยวไปตามอารมณ์
     ฮ้าวววว… อ้าปากหาววอดๆออกมาเพราะแม่งโคตรง่วง 

     ใครวะแม่งมาหาแต่เช้าวะ ถ้าพวกไอ้โก้ไอ้เจมส์คงไม่ใช่ไอ้ฟาร์มยิ่งไม่ใช่แน่นอนเพราะรายนั้นน่ะเข้ามาแบบไม่ต้องให้ใครมาเรียกแน่ๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครมาหาแล้วนี่มันเป็นใครกันล่ะหนอ


     “ปิง…” 
     หืมเสียงคุ้นๆ 

     เปลือกตาผมที่แทบปิดลงนั้นกลับเปิดมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้งเพราะเจ้าของเสียงที่เรียกผมเมื่อครู่นี้ก็คือ…


     “พี่เพลง…” 
     ผมไม่ได้ตอบรับ แต่เพียงแค่เอ่ยชื่อเธอเบาๆในลำ ค่อนข้างจะไปทางพึมพำเสียมากกว่าด้วยซ้ำ

     สติที่ค่อนข้างกระเจิดกระเจิงได้กลับเข้าที่ดังเดิมเมื่อเห็นว่าไอ้เสือมันขยับตัวหนีออกไปและทำอะไรสักอย่างจนเกิดเสียงเข้ามาในโสตประสาท นั่นเลยทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ 


     ว่าแต่พี่จะกลับมาทำไมครับพี่เพลง…?
     ผมเดินเข้าไปหาผู้หญิงที่ผมแอบชอบซึ่งเมื่อหลายเดือนมานี้เธอทำให้ผมเจ็บแทบบ้า


     “พี่เพลงมีอะไรครับ?”  ผมถามและนั่งลงตรงโซฟา ฝั่งตรงข้ามกับเธอ

     “พี่อยากมาขอโทษ”  สีหน้าของคู่สนทนาดูเศร้ากว่าที่ผมคิด  พี่เพลงพูดพร้อมกับเอื้อมมาจับมือของผมไปกุมไว้ แววตาที่ฉายออกมานั้นดูจะเอ่อคลอไปด้วยน้ำสีใส

     “ผมไม่เป็นอะไรครับ”  ผมตอบเสียงเรียบ กำลังใช้ลักษณะน้ำเสียงท่าทางและหน้าตาแบบไอ้เสือเป้ะๆ

ถ้าถามว่าโกรธไหม? โกรธครับ โกรธมากด้วย แต่…โกรธแล้วทำยังไงได้ ก็แค่ต้องปล่อยผ่านไปจนตอนนี้ความโกรธมันก็หายไปแล้วเหลือแต่ความว่างเปล่าที่ผมจะมอบให้ ก็เท่านั้น…


     “พี่…เพิ่งรู้ว่าวันนั้นเปอร์เค้าไปรุมทำร้ายปิง”  พี่เพลงยังคงไม่ปล่อยมือผมแถมยังบีบแน่นมากขึ้นกว่าเดิม

     “ครับ”

     “ทำไมปิงไม่บอกพี่?”
     โห…พี่ครับ ผมจะบอกพี่ได้ยังไงวันนั้นก็เห็นไปดูหนังด้วยกันอยู่เลย


     “ผมไม่เป็นไรหรอก เรื่องมันผ่านมาแล้วอีกอย่างผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วด้วย”  สบตาคนตรงหน้ากลับไปบ้าง
     ตอนนี้ผมค่อนข้างแปลกใจ คือพี่เพลงกลับมาแบบนี้นั้นต้องการอะไร ที่จริงแค่ปล่อยให้มันผ่านไปก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ? 

     “อย่าโกรธพี่เลยนะปิง”   ช่วงหนึ่งที่เราสบตากัน

แววตาของพี่เพลงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ส่วนของผมแววตานี้คงสับสนพอตัว… ถึงปากจะบอกว่ามีแต่ความว่างเปล่าที่มอบให้แต่ลึกๆแล้วปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าหัวใจมันยังคงรู้สึกอยู่เสมอ

แผลเป็นยังใช้เวลาตั้งนานกว่ารอยจะจางลงไปบ้าง แล้วผมที่เคยแอบชอบพี่เพลงมาตั้งหลายปีจะให้ใช้เวลาแค่ไม่เท่าไรตัดใจ …แม่งทำไม่ได้หรอก


     “ผม…”

     “ยกโทษให้พี่ได้ไหม?” ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรพี่เพลงก็พูดแทรกขึ้นมา อย่างกับว่ากลัวคำตอบที่ผมกำลังจะตอบออกไป

     และยังคงมองมาที่ผมอย่างคาดหวังในคำตอบ

     “ตอนแรกผมโกรธพี่…”

     “แล้วตอนนี้ล่ะ?”  อีกครั้งที่ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคพี่เพลงก็พูดแทรกขึ้นมา 

     “ไม่แล้ว”

     “งั้นยกโทษให้พี่ได้ใช่ไหม?”  แววตาของคนตรงหน้าสั่นระริกด้วยความหวัง มือนุ่มก็ยังไม่ปล่อยจากมือผมจนมันเริ่มชื้นเหงื่อ
ไม่รู้ว่าพี่คาดหวังอะไรจากผมนักหนาชอบก็ไม่ได้ชอบแล้วมาทำแบบนี้ทำไม แววตาที่แสดงถึงความหวัง สีหน้าที่ลุ้นเต็มที่ว่าผมจะยกโทษให้หรือเปล่า

     “แน่นอนว่าได้”  ผมยิ้มให้น้อยๆ
     ใช่แล้วผมตอบไปแบบนั้น

     ไม่ใช่ว่ายังอาลัยอาวรณ์ ที่บอกว่าตัดใจยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตัดไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นที่บอกไปแบบนั้นก็เพราะยังไงเราก็ยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้

     
     ก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรนี่นา…

     “ขอบคุณนะปิง…”  คู่สนทนาฉีกยิ้มอีกครั้งก่อนจะเอามือผมแนบลงไปที่แก้มตัวเองและหลุบตาต่ำลง


     เฮ้…พี่ไม่สมควรทำแบบนี้

     
     “ผ ผมว่า พี่กลับไปก่อนเถอะ”  ผมพยายามดึงมืออกมากจากตรงนั้น ยังไงมันก็ไม่เหมาะสม จนทำให้ผมอดเหลือบตาไปมอง
ใครอีกคนที่กำลังยืนดื่มอะไรสักอย่างอยู่ตรงครัวไม่ได้ มันยืนหันหลังแผ่นหลักว้างใหญ่นั้นตึงเรียบไม่แม้แต่จะขยับ

     เอ๊ะ?…แล้วกูจะมองมันทำไมล่ะเนี่ย!

     “ปิงไม่โกรธพี่แล้วแน่นะ?”  พี่เพลงช้อนตามอง

     “ไม่หรอก เราเป็นพี่น้องกันได้” 

     “ก็ได้” และฉีกยิ้มกว้าง “ขอบคุณนะ”  พร้อมกับลุกขึ้นยืน
 


      ผมพาพี่เพลงเดินออกมาส่งที่หน้าบ้านเงียบๆ  ไม่ได้พูดอะไรกันมากนักนอกเหนือจากนั้น เราแค่ส่งยิ้มให้กันน้อยๆก่อนจะจากลา

      เหตุผลที่พี่เพลงกลับมาทำไมนั้นผมไม่รู้หรอก แต่เหตุผลที่ผมยกโทษให้ มันไม่มีอะไรมากหรอก ผมไม่ใช่คนมีความคิดซับซ้อนสักเท่าไร ไม่ใช่คนเข้าใจยาก ก็อย่างที่บอกไป อย่างน้อยก็ยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันได้เสมอ



      ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านตอนนี้เห็นไอ้เสือมันกำลังนั่งกดโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟากลางบ้านที่ซึ่งก่อนหน้านี้ผมกับพี่เพลงได้นั่งคุยกัน  ขจัดความคิดต่างๆนาๆออกจากความคิดก่อนจะแกล้งเดินไปนั่งข้างๆมัน

     เออ…ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องแกล้ง แค่ตอนนี้อยากคุยกับมันเฉยๆ ก็ไม่เข้าใจอีกเหมือนกันว่าทำไมต้องคุยแค่รู้ว่ามันต้องคุยดูจากท่าทางและสายตาก่อนหน้านี้แล้วก็ต้องคุยกับมันหลังจากพี่เพลงกลับไปให้ได้ ส่วนคุยอะไรนั้นก็ยังไม่รู้หรอก เออเอาเป็นบ้าเหรอวะ


     กูเนี่ยเป็นบ้าเหรอ!!

     “มึงไม่รับน้องกวางเหรอ?”  รู้สึกเหมือนตอนนี้ตัวเองไม่ปกติยังไงอย่างนั้น ท่าทางแม่งแปลกไปหมดหวังว่ามันจะมองไม่ออกนะ

     “เดี๋ยวก็ไป”  ไอ้เสือยังคงไม่เงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์ ผมทิ้งตัวนั่งลงในขณะเดียวกับที่เจ้าตัวตอบพอดี

     “ฮ้าวววว ง่วงว่ะ”  อยู่ๆก็หาคำมาพูดไม่ได้ซะงั้น

     “ก็นอน”  แต่คนข้างๆก็ตอบกลับมาแค่เพียงสั้นๆ ปกติมันก็ไม่ใช่คนพูดยาวอยู่แล้ว แต่ทำไมครั้งนี้มันรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย



     ฮืออออ แม่จ๋า ปิงไม่รู้ปิงเป็นอะไร ช่วยปิงด้วยยยยย!!



     “มันนอนต่อไม่ได้ มึงแหละปลุกกู!”  ก็เลยแกล้งโมโหใส่มันไปตามแบบนิสัยของตัวเอง แต่กลับรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองซะงั้น

     “ก็มีคนมาหาจะให้เขานั่งรอหรือไง?”  ยังอีก แม่งยังไม่หันมามองกูอีก!

     “ก็…” 

     “มึงจะกลับไปคืนดีกับเขาเหรอ?”  ยังพูดไม่ทันจบคนข้างๆก็พูดแทรกขึ้นมา 

     “ไม่ เขาแค่มาขอโทษ” 

     “ก็เลยให้อภัย?”  คราวนี้ไอ้เสือมันเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ และหันมาทางผมพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ

     “อืม…กูก็ไม่รู้ว่าโกรธไปแล้วได้อะไร ถ้าได้เงินก็จะโกรธต่ออยู่หรอก ฮ่าๆๆ”  แกล้งพูดติดตลกเข้าไว้

     “อ่อ…” ส่งเสียงในลำคอตอบกลับมาแค่เพียงสั้น  และประโยคต่อมาก็ถูกพูดต่อ “จะทำอะไรก็คิดดีๆ”  แล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟาเฉยเลย

     “เดี๋ยวกูไปหาน้องกวางละ เจอกันตอนมึงเลิกงาน” 

 
     ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้แล้วก็เดินออกไป

     ไม่ชอบเลย ผมไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย!!!







คืนวันนั้น…


     โอ้ยยยยยย

     เหนื่อยยยผมเหนื่อยมากช่วยด้วยยยยยยย

     เมื่อวานเหนื่อยยังไงตอนนี้ก็เหนื่อยแบบนั้น ไม่ไหวแล้วจะตายคาถนนให้ได้เลยครับหัวหน้า!
ตอนนี้ผมเพิ่งเลิกจากงานได้ประมาณห้านาทีได้ รอไอ้เสือได้สักพักก็เห็นขับรถมาแล้วจอดอยู่ตรงถนนฝั่งตรงข้าม ผมก็เลยวิ่งข้ามถนนไปหาด้วยความรวดเร็ว ไม่ใช่อะไรอยากกลับบ้าน


     “วันนี้ไม่พาน้องกวางมาด้วยเหรอ?”  ผมกระโดดขึ้นรถทันทีพร้อมกับถามคนตัวสูงที่นั่งค่อมรถรออยู่ก่อนแล้ว 

     “ไม่มา” ตอบแค่เพียงสั้นๆจากนั้นก็ขับซูโม่เอ็กซ์ออกไปด้วยความเร็วที่ห้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง   

     ผมว่าเหตุการณ์ตอนนี้ออกจะแปลกๆ ก็มันไม่ถามผมอย่างเช่นทุกครั้งที่เคยถามว่า ‘กินข้าวหรือยัง’  อะไรทำนองนี้
มันเงียบและผมก็เงียบ

     ความเงียบของเราครั้งนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเท่าที่ควร ปกติที่เงียบก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนี้แต่ครั้งนี้ทำไมถึง…
ถึงรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังมีเรื่องบาดหมางใจกันยังไงอย่างนั้น




สิบนาทีผ่านไป…


     ความฟุ้งซ่านถูกปัดเป่าออกไปเพียงแค่ส่วนหนึ่งเมื่อเจ้าของรถได้หยุดลงอยู่ตรงหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตกเจ้าประจำที่ชอบพากันมากินเสมอ


     “ไม่ลงมาล่ะ นั่งอยู่ได้ อย่ามาแดกหัวกูทีหลังนะ!”  อาจเป็นเพราะผมกำลังมึนๆงงๆ ไม่รู้ว่าไอ้เสือมันจอดรถแล้วลงไปนานแค่ไหนรู้ตัวอีกทีก็เป็นอย่างที่เห็น รู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังกลับมาเป็นปกติ
 
     “ก กินๆ”  ตอบรับด้วยเสียงตะกุกตะกัก ก็คงมีแต่ผมมั้งที่ไม่ปกติ

วูบหนึ่งที่ความรู้สึกใหม่ได้เกิดขึ้นมาและมันบอกว่า ‘เราอาจจะคิดมากไปเอง’  อืม…คงจะคิดมากไปเองไอ้ตัวสูงตรงหน้ามันคงไม่มีอะไรหรอก อีกอย่างจะมีได้ยังไงเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย

เพราะจริงๆแล้วเรื่องที่ผมคิดสาเหตุมันก็มาจากเมื่อเช้า แต่พอคิดดูดีๆแล้วมีเหตุผลอะไรที่เราต้องแปลกไปเพียงเพราะพี่เพลง เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย


     ใช่…
     คิดถูกแล้ว มึงคิดถูกแล้วไอ้ปิง


     กลิ่นก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ใบโหระพาหอมฉุยลอยมาแตะจมูกจนทำเอาท้องน้อยๆของไอ้ปิงคนนี้ส่งเสียงออกมาอย่างกับฟ้ากำลังผ่า 

ตอนแรกก็ไม่หิวหรอกเพราะกำลังคิดมาก…แต่ตอนนี้เนี่ย ฮือออออ  กูหิวว้อยยยยยยยย 


     “บะหมี่เนื้อน้ำตกพิเศษเส้นเล็กด้วยอย่างละหนึ่งครับ”  คนตัวสูงเดินนำหน้าเข้ามาในร้านจากนั้นก็ออกปากสั่งของอย่างรู้งาน  ก็ผมน่ะชอบกินบะหมี่ร้านไหนไม่มีบะหมี่ก็ไม่กินเลยเพราะเส้นอื่นไม่ชอบ ใดๆในโลกล้วนแล้วแต่มาแทนที่บะหมี่ไม่ได้!
     เมื่อดูในร้านรอบๆเพื่อหาที่นั่งแล้วกลับพบว่า โต๊ะแม่งเต็มสัด!
     ก็เล้ยยยก็เลยระเห็จกันมานั่งตากลมแรงๆยังโต๊ะข้างนอกร้านซึ่งยังมีที่ว่างอยู่บ้าง


     “วันนี้มึงแปลกๆนะ”  หลังจากที่พากันหย่อนก้นนั่งลงและเงียบได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมมันก็พูดขึ้น

     “ฮะ… กูเหรอ?”  ผมที่ยังคงมึนๆงงๆถามขึ้นพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นถามหน้าตาตอนนี้ต้องเหรอหรามากแน่ๆ 

     “ก็มึงสิ จะให้เป็นป้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวหรือไง”   



     ชะชะชะแหมมมม…!!

     ไอ้สัดกวนตีนนนนนน


     “ไม่รู้สิ แต่กูว่ากูไม่แปลกนะ”  มึงต่างหากที่แปลกไอ้เสือก็หลังจากที่เจอพี่เพลงตอนเช้าแล้วท่าทีมึงก็เปลี่ยนไป จนกูรู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยเนี่ย เหมือนเด็กที่ทำความผิดมาแล้วพ่อแม่แต่ถูกลงโทษด้วยการไม่ยอมคุยด้วยยังไงอย่างนั้น

     “เหรอออออ…” มันลากเสียงยาวด้วยสีหน้านิ่งๆของตัวเอง “ทำไมมึงคิดเรื่องผู้หญิงคนนั้นเหรอ?” 

     “อ …เออ”  ใช่ที่ไหนกูคิดเรื่องมึงตางหากเนี่ย! แต่ใครจะกล้าพูดวะ

     “ทำไมยังรักอยู่เหรอ?” 

     “ไม่ใช่ว่ารักอยู่ แต่มันก็ยังไม่ได้เลิกรู้สึก”  เอ้ะ! หรือนี่จะคือรัก?

     “อ่อ…ก็” คนตรงหน้าเงียบไปครู่หนึ่ง “จะทำอะไรก็คิดดีๆละกัน” ประโยคแนวเดิมๆกลับมาอีกครั้ง

     “อือ”

     “…”

     “ว่าแต่เรื่องที่ไปทะเลนี่ว่าไงจะไปไหม?” อยู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่าต้องไปทะเล อีกอย่างคนตรงหน้ามันยังไม่ให้คำตอบเลยว่าจะไปหรือเปล่า ส่วนพี่หมากนี่เดี๋ยวถามอีกทีเพราะไม่ค่อยได้คุยกันเลย

     “ไปวันไหนนะ?”   

     “ยี่สิบเดือนนี้ อีกไม่กี่วันแล้วเนี่ยยังไม่ได้เตรียมตัวเลย”  ก็มัวแต่ทำงานเลยยังไม่มีเวลาเตรียมตัว แต่ที่จริงก็ไม่มีอะไรต้องเตรียมมาก เสื้อผ้าก็เดี๋ยวเอาตัวใส่สบายๆที่มีอยู่จากบ้านไปแล้วกันไม่ต้องเสียเวลาซื้อใหม่ เสียเวลาไม่เท่าไรเสียเงินนี่สิ แหม…ยังมีค่าเทอมรออยู่นะ ใช้เงินฟุ่มเฟือยได้ไง

     “แป้บนะ” คนตรงหน้าตอบ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมานับอะไรสักอย่างของมัน น่าจะเป็นวันที่ล่ะมั้ง

     “อือ ไปก็ได้”  และคำตอบที่ได้มาก็ช่างง่ายดาย นอกจากการนับนิ้วมือแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรให้วุ่นวาย

     เออเร็วดี

     “โอเค”  ว่าแล้วก็ล้วงเอาโทรศัพท์ของตัวเองมากดบ้าง กดเข้าไปในไลน์กลุ่มเพื่อจะได้บอกให้พวกสามตัวบาทมันรู้ด้วยว่าไอ้เสือจะไปด้วย ครั้งนี้ก็เป็นการเดินทางทั้งหมดหกคน ผม ไอ้เสือ น้องกวาง ไอ้เจมส์ ไอ้โก้ ไอ้ฟาร์ม ส่วนพี่หมากก็รอดูก่อนว่าจะได้ไปไหม และนอกเหนือจากนั้นจะมีใครไปเพิ่มอีกหรือเปล่า


     แต่…คงไม่มีหรอก(มั้ง) 

     ทำไมลางสังหรณ์มันแปลกๆวะ!?


● ● ●






วันไปทะเล



     วันนี้วันดีวันที่เรากำลังจะไปทะเล๊ทะเล อิอิ

     ก็ขอตื่นเต้นบ้างอะไรบ้างนานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ไปเที่ยวแบบนี้  หัวใจเต้นตุ้มๆต่อมๆอย่างกับว่ากำลังจะไปออกเดทยังไงอย่างนั้น ทั้งที่จริงก็แค่ไปเที่ยวทะเล

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าร่างกายต้องการทะเล ถึงมันจะเป็นที่เที่ยวที่โคตรเบสิคที่สุด แต่ก็น่าแปลกที่ในความเบสิคของมันทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นส่ำได้เสมอ


     ทะเลจ๋าปิงมาหาแล้ววววววววว

     อะๆๆ ยังหรอก อย่าเพิ่งนึกถึงภาพที่ว่าผมกำลังอ้าแขนรับลมพร้อมกับวิ่งลงทะเลด้วยหน้าตาชื่นมื่น ถ้าคุณคิดแบบนั้นรบกวนตัดออกไปไดเลย ฮ่าๆๆ 

เพราะตอนนี้ยังไม่แม้แต่จะได้ขับรถออกจากจังหวัดเลยน่ะสิครับ แหมมมม จะเอาน้ำทะเลจากไหนมาให้กระโดดลง
ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่เรากำลังช่วยกันขนของ ขนกระเป๋าและสัมภาระต่างๆขึ้นรถ ฝั่งๆไอ้สามตัวบาทมันเสร็จหมดแล้วตอนนี้ก็เหลือพวกผมทั้งสี่คนซึ่งมีผมไอ้เสือน้องกวางไอ้พี่หมาก


     ใช่แล้ว!

     ไอ้พี่หมากมันไปด้วยเฉยเลย ที่ถามไปก่อนหน้านี้พี่มันบอกไม่ไปหรอก จนเมื่อเช้าอยู่ๆแม่งก็เสือกเปลี่ยนใจไปเฉย ก็เลยตอบพี่มันกลับไปว่า ‘ไม่รอให้พากันขับรถออกไปก่อนเลยล่ะค่อยบอก’ 


รถที่พวกเราใช้ขับไปเป็นรถจากทางบ้านไอ้เจมส์นั่นแหละครับ ไอ้คนตัวตั้งตัวตีอยากไปทะเลมันยืมฟอร์จูนเนอร์ของพี่มันมาขับ ส่วนบ้านที่พักก็อย่างที่มันเคยบอกว่ามีให้อยู่แล้ว พวกผมเลยสบายไปมีแค่เงินอันน้อยนิดและรอยยิ้มไปเท่านั้นก็พอ


     “เราไปกันแค่นี้ใช่ไหมวะ?”  พี่หมากยกลังเบียร์ขึ้นรถเป็นอย่างสุดท้าย จากนั้นก็เดินเปิดประตูเข้ามานั่งฝั่งคนขับและเอ่ยถาม ถามใครสักคนซึ่งไม่ใช่ผมกับไอ้เสือแน่นอน 

     “เอ่อ…ก็” 

     “รอด้วยค่า!!”    ไอ้เจมส์ที่กำลังจะอ้าปากตอบก็ถูกเสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้น ดีที่ยังขึ้นรถกันไม่หมดถ้างั้นก็คงไม่ได้ยิน

     “ล แล้วก็ ย แยมแฟนผมอ่ะพี่”  เจ้าของรถตอบเสียงตะกุกตะกัก ไม่เต็มเสียงนักเมื่อเห็นว่าใครสักคนที่กำลังวิ่งมาด้วยความกระหืดหระหอบ   


     หืม…

     แยม?

     เพื่อนที่คณะพี่เพลงอ่ะนะ?     

     ไม่แปลกที่มันจะตอบไม่เต็มเสียงแบบนี้ ไอ้ฉิบหายยยยยยย!!


     “ก กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ยไอ้ปิง!”  แล้วแม่งก็รีบตารีตาเหลือกโผล่หน้าเข้ามาในรถเพื่อแก้ตัวกับผมใหญ่เลย ไอ้เสือที่นั่งอยู่ตรงส่วนโล่งท้ายรถด้านหลังกับผมถึงกับหันมามองหน้าและเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างด้วยความสงสัย เพราะพี่มันสองคนไม่รู้ไงว่าแยมกับพี่เพลงเป็นเพื่อนกัน

     “ช่างเถอะ” ผมตอบปัดๆ 
     ก็เพื่อนเขามาหนิ ไม่ใช่พี่เพลงมาสักหน่อย

     “โทษทีรอนานไหม?” ผมได้ยินเสียงเธอคุยกับไอ้เจมส์แต่ไม่ได้เห็นตัวเพราะนี่กำลังเล่นกับยัยเด็กอ้วนอยู่ ส่วนไอ้เสือนี่กำลังนั่งพิมพ์อะไรของมันก็ไม่รู้อยู่ในโน๊ตบุ๊ค สงสัยว่าจะทำงานนั่นแหละ แหมมม…ไอ้คนขยันมาเที่ยวก็ยังไม่แม้แต่หยุดทำงาน

     “ขึ้นรถกันเถอะ” เสียงไอ้เจมส์มันคุยกับแฟนของมัน
   
     ไวไฟกันเจร๊งงงงงงงง โสดยังไม่นานเท่าไรนี่มีแฟนละ เกลียดดดด

     “เดี๋ยวแป้บนึงนะคะ”  บทสนทนากับแฟนของมันดังเข้ามาในหูอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งรถตอนนี้ก็เหลือแค่ไอ้เจมส์กับแยมที่ยังไม่ได้ขึ้นมานั่ง ไอ้ฟาร์มนี่นั่งข้างพี่หมากซึ่งรับหน้าที่เป็นคนขับเรียบร้อยแล้วไอ้โก้ก็นั่งอยู่ตรงเบาะข้างหน้าผม

     “อะไรครับ?”

     “คือ…” 

     “แยม เดินไม่รอกันเลย!” 


     ทำไม…นอกจากบทสนทนาของสองคนมันเหมือนมีเพิ่มมาสามแล้วเลยวะ?


     “พอดีเพลงมันของไปด้วยน่ะค่ะ”  เป็นเเยมที่พูดขึ้น   

     หืม…?เพลง

     เมื่อชื่อนี้ดังขึ้นไอ้เสือมันถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยความสงสัยทันที ประมาณว่า  เพลงไปด้วยเหรอ อะไรทำนองนี้ แต่มึงครับได้โปรดอย่ามองกูแบบนั้นครับกูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

ไม่รอช้าผมหันไปมองยังต้นเสียงทั้งสาม ไอ้เจมส์ยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ส่วนพี่เพลงเมื่อเห็นว่าผมมองไปเธอก็ฉีกยิ้มมาให้



     จ้า… กูขอถอนตัวตอนนี้ทันไหมวะ!!




     ทุกคนตอนนี้ทั้งในรถและนอกรถต่างก็หันมามองหน้าผมกับพี่เพลงสลับกัน เว้นไอ้พี่หมากไว้คนหนึ่งเพราะพี่มันรู้ว่าพี่เพลงคือแฟนของไอ้คนที่มันมารุมกระทืบผม


     “หวัดดีปิง”  และโบกมือมาให้ผมน้อย ก่อนจะทักทายไอ้เสือพี่หมากแล้วก็ไอ้โก้

สภาพทุกคนตอนนี้คงต้องบอกว่ายิ้มแห้งกันไปตามระเบียบไอ้เสือมันก็ไปตามแนวของมัน หน้านิ่งเดาอารมณ์ไม่ถูก ส่วนพี่หมากนี่ไม่ต้องพูดฉีกยิ้มกลับจนแทบจะถึงหูอยู่แล้ว


     “ขอไปด้วยนะคะ ไม่ได้ไปทะเลนานแล้วเหมือนกัน” เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่ได้ตอบอะไรพี่เพลงก็เลยพูดขึ้นพร้อมกับเข้ามานั่งในรถทันที 

     “แน่นอน มีแต่ผู้ชายไปมันก็ดูดิบเถื่อนไป”  เป็นไอ้พี่หมากอีกนั่นแหละ

     แหมมมมมมม  ไอ้ห่าพี่หนิเห็นคนสวยไม่ได้เลยนะมึง




     จากนั้นฟอจูนเนอร์ที่คล้ายว่าจะเริ่มเต็มไปด้วยความอึดอัดก็เคลื่อนตัวออกไปทันที โดยที่มีไอ้เจมส์พยายามชวนทุกคนคุย เอนเตอร์เทรนคนบนรถไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไป  ส่วนมากกก็มีแต่มันกับพี่หมากนั่นแหละที่ดูท่าว่าจะพูดกันเป็นต่อยหอย
ไอ้ฟาร์มไอ้โก้ตัวผมเองก็มีพูดขึ้นมาบ้าง พอไม่ให้คนถามมันหน้าแตก ส่วนไอ้อีกคนน่ะเหรอ?


     กริบ…

     ขอใช้คำว่าเงียบกริบกริบกริบ เสียงลมหายใจก็ไม่แม้แต่จะได้ยิน ไม่ได้ว่ามันตายนะครับแค่จะเปรียบเทียบให้ฟังแล้วไอ้ผมที่นั่งข้างๆมันก็รู้สึกร้อนๆหนาวๆแปลกๆ ฮืออออสงสัยจะไม่สบายแน่ๆเลย
 
จะมีก็แต่ยัยเด็กอ้วนที่สบายอยู่คนเดียว ซึ่งผมกำลังจับขวดนมป้อนให้นี่แหละมีเธอนอนอยู่บนตัก สภาพนี่บ่งบอกเลยว่าง่วงมากขนาดไหนตาปรือกำลังได้ที่

     อยากไปเป็นเด็กก็ตอนนี้นี่แหละครับหัวหน้า!

     “เด็กที่ไหนเหรอปิง?” อยู่ๆพี่เพลงที่นั่งเบาะหน้าผมก็หันหน้ามาคุยกับผม

     “อ๋อ…ลูกไอ้เสือน่ะ”  พยักพเยิดหน้าไปทางคนตัวสูงที่กำลังนั่งพิมพ์งานยิกๆ ถึงแม้ว่าเรื่องที่กำลังพูดถึงอยู่จะเกี่ยวกับมัน เจ้าตัวก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองกันบ้างเลย ดูท่าว่ามันจะเงียบแสนเงียบตั้งแต่ที่พี่เพลงขึ้นรถมาแล้วนะ 

     “อ๋ออ…”  เธอตอบรับ “น้องน่ารักจังชื่ออะไรเหรอ?” 

     “น้องกวาง” 

     “กี่ขวบแล้วนั่น” เธอยังคงถามต่อ ดูท่าบทสนทนานี้ยังต้องอีกนานแน่ๆ

     “ขวบกว่าๆแล้ว”   

     “อ่า…” พี่เพลงพึมพำ พยักหน้ารับเล็กน้อย “กินข้าวมายัง?” 
     ยังอีก ยังชวนผมคุยอีกถ้าเป็นเมื่อก่อนนี่จะดีใจมากแน่ๆ แต่ตอนนี้มันอึดอัดไปหมดเลย อึดอัดจนไม่สามารถเค้นคำพูดออกมาได้

     “ยัง” 

     “เพลงมีขนมปัง เอาไหม?”   เธอถาม

     เอ๊ะ!?  ดูเหมือนว่าสรรพนามที่เคยใช้เรียกมันจะเปลี่ยนไปนะ ดูเธอสิแทนตัวเองว่าเพลงด้วย

     “ก็ดีครับ”  ไม่ปฏิเสธหรอกครับ ก็คนมันหิว!

      อึดอัดยังไงก็แพ้ให้ความหิวนะ  แหม…เขารู้หมดเป็นคนยังไง

ว่าแล้วพี่เพลงก็ยื่นครัวซองค์ที่ซื้อจากเซเว่นมาให้ผม พร้อมกับนมจืดขวดใหญ่ ผมวางมันไว้ก่อนเพราะต้องเอาเด็กอ้วนที่หลับคาตักนั้นนอนลงบนเบาะข้างดีๆ ไอ้เสือหันมามองน้อยๆ ก่อนจะเอาโน๊ตบุ๊คลงจากตักและเป็นฝ่ายมาจัดท่าทางให้น้องกวางแทน เมื่อเสร็จแล้วมันก็กลับเข้าโลกของมันไปด้วยความเงียบงัน



     โอย…ใจไม่ดีเลยครับหัวหน้า

     ระหว่างทางพี่เพลงชวนผมคุยตลอดเรียกได้ว่าแทบไม่เปิดโอกาสให้เงียบกันเลยทีเดียว ที่จริงผมไม่ได้อยากคุยสักเท่าไรนะแต่มันคงเสียมารยาทถ้าหากทำปั้นปึ่งใส่กัน


     แต่รู้อะไรไหมครับ…

     พรึ่บ!!


     ไอ้เสือที่แทบจะอยู่ในสายตาผมตลอดผมเห็นมันขยับตัวไปมาทำอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ และไม่กี่อึดใจถึงได้รู้ว่ามันเอาหูฟังในกระเป๋ามาเสียบต่อเข้าโน๊ตบุ๊คจากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป


     ฉิบหายแล้ว…

     เหมือนลางสังหรณ์แปลกๆของหลายๆอย่างกำลังลอยเต็มอยู่ในรถยังไงอย่างนั้นเลย

     หรือผมจะคิดไปเองเหมือนตอนนั้นวะครับ

     สงสัยต้องคิดไปเองแน่ๆ ไอ้เสือมันก็ปกตินะคงจะมีแค่ผมที่ไม่ปกติ

     ใช่แน่ๆผมต้องคิดไปเองแน่ๆ…
   
 

     TBC...








หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 29/7/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 29-07-2017 22:47:52
Talk with gom



สวัสดีค่าาาาา หายหน้าหายตาไปนานเลย แฮ่ๆๆ ขอโทษนะค้าาาาาา ก็ก๋อมกลับมาเล้ววววววว  :mew2:  คิดถึงน้องงงมั้ยยยยน้องคิดถึงคนอ่านม๊ากกกกมากกกกก


หลายคนอาจจะกลัวก๋อมเทนิยายเรื่องนี้ ไม่เเน่นอนก๋อมไม่เทนิยายเรื่องนี้เด้อออออ

เหตุผลที่หายไป ก็คือเหนื่อยค่ะเหนื่ยอจากการทำงานเหนื่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เเถมยังต้องอ่านหนังสือเรียนอีก ฮ่อยยยย ช่วยน้องด้วย 
พอมันเหนื่อยเเล้วก็ไม่มีอารมณ์จนมาสามวันนี้เป็นวันหยุดเลยเคี่ยวเข็ญให้ตัวเองมาเขียนนิยายให้ได้สักตอน ซึ่งก็ได้เเค่เรื่องเดียว ก็คือรักของเสือ ส่วน sleep with me free break fast ก็ต้องขอเลื่อนไปก่อนค่ะ ฮือออออ ไม่ไหวจริงๆ

เห็นคนอ่านบอกอว่าหายไปนานได้เเต่กลับมาก็ให้ยาวสมกับคิดถึงหน่อย (ซึ่งก็ขอบคุณมากนะค้าาา ที่คิดถึงกัน)  เเต่จะมาเเจ้งตรงนี้ว่า คือเเต่ก่อนก๋อมอัพเรื่องนี้ยาวมากกก  ตอนนึงใช้คำไปประมานเกือบเจ็ดพัน เเต่ตอนนี้ก่อมลดลงมาเหลือสี่พันกว่าเเล้วค่ะ จริงๆไม่อยากให้เกินนี้เดี๋ยวมันอืดดดดด

ฮืออออเเค่นี้ก็เรื่อยๆเอื่อยๆพอเเล้ว เเต่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องตื่นเต้นนะคะ มีเเน่นวนนนนน อิอิ ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นเเบบไหนไว้รอดูกัน อิอิ น้ำจิ้มมันอยู่เกือบท้ายเรื่อง

ก็อ่านกันเเล้วจะด่านังเพลงยังไงก็ได้นะคะ ฮ่าๆๆๆ เขียนไปยังหมั่นไส้ไป หล่อนนั่งข่นเฬวววววว!!
เเต่นังมีเหตุผลของนางเด้ออออออ 
อีกอย่างพี่หมากไม่ได้เป็นเเค่ตัวละครเสริมนะคะ  พี่หมากมีบทนาาจาาาาา ไว้เดี๋ยวจะพามาให้ทุกคนรู้จักนาาาาาา

เรื่องนี้ดำเนินมาอยู่ที่ประมาณ 60%เเล้วน้าาาาา จริงตั้งใจจะเขียนประมาณยี่สิบตอน เเต่เห็นทีว่าคงต้องยี่สิบนิดๆเเล้วล่ะค่ะ 

ก็กลัวคนอ่านว่าตอนนี้มันอาจจะสั้นไป ไว้ยังไงเดี๋ยวก๋อมเอาตอนพิเศษมาฝากนะคะ ซึ่งไม่ได้เขียนเกี่ยวกับเนื้อเรื่องเด้ออออ  ฟีลเเบบ short fic  อะไรทำนองนี้ เดี๋ยวขอดูคอมเม้นก่อนนนน ถ้าใครอยากอ่านก็อย่าลืมเม้นเด้ออออ ขอเเค่นี้เองงงง เป็นกำลังใจให้กันด้วนะคะ 

ฮือออ talkยาวเลยยยยย ก็คนมันคิดถึงคนอ่านนี่เนาะ 

ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะค้าาาาา


รัก 

กิงก่องโก๊ะ

29/7/60

     



 

 
 


หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 29/7/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 29-07-2017 23:02:49
ลำไยชะนี พวกหล่อนจะจับละสิแหม  :เฮ้อ: :angry2:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 29/7/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-07-2017 01:29:28
ปิงหนูจะไม่ชัดเจนไม่ได้แล้วนะคะลูก พี่เสือจะแดกหัวแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 29/7/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 30-07-2017 07:59:15
โถถถถถ พี่เสือมีความงอน น้องปิงรีบๆง้อแบบ exclusive ด่วนลูก เอาร่างกายเข้าแลก รับรองคนขี้งอนหายเป็นปลิดทิ้ง  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 29/7/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-07-2017 09:25:44
น่าโมโห ยกโทษก็ยกโทษให้แล้ว ยังจะตามมาตอแยอีก
ส่วนความสัมพันธ์ของพี่เสือกับปิงก็ยังไม่ชัดเจนนะ คือยังไม่ได้เป็นแฟนกันอะ พี่เสือจะหวงจะงอนอะไร ทำได้เหรอ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 29/7/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-07-2017 18:14:43
นังเพลงแกจะกลับมาทำไมมมมมมมมว่ะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบห้า - 29/7/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 15-08-2017 23:51:20
ืทำไม่ดีกับปิงไว้ แล้วยังมาทำท่าที่จะขอคืนดีอีกก ฮึ่มมมม ใจแข็งไว้นะคะน้องปิง!! :m16: :m16: :m31:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 04-09-2017 23:53:42
ตอนที่สิบเจ็ด: ทะเล จูบ ความรู้สึก





     ทันทีที่ได้ก้าวเท้าลงมาจากรถ กลิ่นทะเล เสียงคลื่นเสียงลมที่ไม่ค่อยได้สัมผัสเท่าไรกำลังตีเข้าประทะหน้าผมอย่างจัง

     สดชื่นจังว้อยยยยยย

     ทะเลจ๋า…ปิงมาหาแล้วววววววว

     ในที่สุดก็สามารถพูดคำนี้ได้เต็มปากเต็มคำสักทีเพราะตอนนี้พวกเรามาถึงกันแล้วววววว 

 
     วู้วววววว!

     เราเดินทางมาถึงที่พักกันประมาณสี่โมงเย็นได้ นั่งรถกันแทบเมื่อตูดเลยทีเดียวแต่เห็นทีว่าไอ้ที่เมื่อยกว่าตูดก็คงจะเป็นเบ้าหน้าผมนี่แหละครับ ไม่รู้จะปั้นหน้ากับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจบนรถนี้ยังไงดี แหม…ไม่อยากจะพูด

     แต่ไหนๆก็ไหนๆละขอพูดสักหน่อยก็แล้วกัน

มันก็ไม่ได้อะไรมากหรอกครับหัวหน้า แต่ผมแค่รู้สึกแปลกๆบวกกับอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ ครั้นว่าจะปรึกษาพวกไอ้สามตัวบาทแม่งต้องไม่ได้อะไรกลับมาแน่ ก็ดูสิหลังจากที่พวกเราลงจากรถมาแล้วพวกมันก็แจ้นเอาของไปเก็บไม่นานก็ลงมาพร้อมและเตรียมวางแพลนกันว่าจะเอายังไงต่อ  และดูกระเหี้ยนกระหือรือกับการเที่ยวครั้งนี้มาก เลยคิดว่าไม่น่าจะพูดกับพวกมันหรอก
ครั้นจะไปหาไอ้พี่หมากก็ดูท่าว่าจะไม่โอเคเพราะแม่งกำลังติสท์แตกไม่สนใจโลกตอนนี้เลย

 
     เห้ออออ ปิงเหนื่อย

     เอ้าๆออกทะเลไปไกลจากที่จะเล่าเยอะเลย ก็ไม่ใช่อะไรหรอกตอนอยู่บนรถน่ะผมพยายามเลี่ยงที่จะไม่คุยกับพี่เพลงเท่าไรและพยายามชวนไอ้เสือคุยมากกว่า แต่…ไอ้ฉิบหายเอ้ยยยยย

คนที่อยากคุยด้วยแม่งก็เสือกไม่คุยกับผม ไอ้คนที่ไม่อยากคุยด้วยก็คุยกับกูจัง นี่แหละครับมันก็จะอึดอัดใจตรงนี้นี่แหละ บอกแล้วไงถึงยังไม่ได้เลิกรู้สึกกับพี่เพลงแต่ก็ใช่ว่าความรู้สึกมันจะยังเพิ่มมากขึ้นไปอีก มีแต่มันจะลดลงมากกว่า


     เดี๋ยวนะ…รู้สึกว่ามันแปลกๆไหมครับ? 
     ทั้งที่บอกว่ายังรู้สึกอยู่แต่มันกลับไม่รู้สึก แถมยังจะลดน้อยลงอีก เอ๊ะ? ยังไง? ทำไมมันย้อนแย้งแบบนี้ ผมว่าผมควรที่จะคิดทบทวนใหม่ได้แล้วว่ะ ว่าที่จริงแล้วมันเป็นยังไง

     บางที…ผมอาจจะไม่รู้สึกแล้วก็ได้ที่บอกว่ายังรู้สึกอยู่มันอาจจะเป็นแค่ความเชื่อ 

     เชื่อว่าตัวเองยังคิดอย่างนั้น   




     บรรยากาศตรงบริเวณกลางบ้านตอนนี้ค่อนข้างครึกครื้นพอสมควร พวกมันสามคนวิ่งไปลากคอพี่หมากที่กำลังนั่งทำเอ็มวีให้เดินเข้ามานั่งรวมกันกับแยมและพี่เพลง จากนั้นก็เริ่มปรึกษาว่าจะทำอะไรกันต่อไปดี เรื่องอาหารหารกินจะทำอะไรกิน จะมีก็แต่แค่นั้นที่ออกความคิดเห็นกัน ไร้ซึ่งผมแถมยังไร้ซึ่งไอ้เสืออีก เพราะตอนนี้มันยังไม่ลงมาจากข้างบนน่ะสิ ส่วนผมที่ไม่ได้ออกความคิดเห็นเพราะไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไร เวลาถูกถามเลยมักจะตอบไปว่า ‘แล้วแต่พวกมึงเลย’ หลังจากนั้นพวกมันเลยไม่ได้หันมาขอความคิดเห็นจากผมเท่าไร


     ทำไมมันเป็นแบบนี้วะ…มันรู้สึกว้าวุ่น มันรู้สึกไม่สบายใจ อึดอัดยังไงก็ไม่รู้ นี่กูเป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย!

     แล้วสาเหตุมันก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน ก็…ไอ้เสือไงเล่า!

     ต้องเป็นไอ้เสือแน่ๆ! 

     “ปิง จะไปไหน?”  ทันเท่าความคิดเลยครับ  เมื่อรู้ว่าใครเป็นสาเหตุผมก็ไม่รอช้าที่จะแจ้นไปหามัน แต่ขาสองข้างก็ต้องหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อพี่เพลงที่นั่งอยู่ข้างๆแยมนั้นเอ่ยขัดขึ้นมาพอเห็นว่าผมกำลังจะก้าวเท้าขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านพัก



      อ่อ…พอดีว่าบ้านพักของไอ้เจมส์มันเป็นบ้านสองชั้น ไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ไม่ได้เล็กจนเกินไปมีหลายห้องนอนพักสิบคนก็ยังได้ ตกลงมันจะใหญ่หรือไม่ใหญ่ดีครับ แหมมม ขอโทษอย่างมากถ้าช่วงนี้มันจะย้อนแย้งไปหน่อย แต่ที่จริงช่วงนี้รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองย้อนแย้งหลายเรื่องมากพอสมควร   

     “ไปข้างบนน่ะ” ผมตอบแบบไม่ได้รอฟังคำพูดของพี่เพลงสักเท่าไร แอบเห็นว่าเธอกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ฟัง 


     เฮ้อออออ…ไม่ได้เล่นตัวนะครับ ก็ไม่อยากยุ่งนี่หว่า

     ผมรีบก้าวเท้ายาวๆขึ้นมาข้างบนบ้านแทบจะวิ่งเลยก็ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องรีบ



     ก๊อกๆ!

     เมื่อหยุดอยู่ตรงหน้าห้องที่ไอ้เสือมันพักกับน้องกวาง ก็ไม่รอช้าที่จะเคาะประตูโดยเร็ว แต่ก็แค่เคาะให้พอเป็นพิธีแค่นั้นแหละไม่ถึงเสี้ยววินาทีก็เลยลงมือเปิดมันออกไปแบบไม่ต้องคำอนุญาตจากใคร


     “ไอ้เสืออออออออออ”   พร้อมกับเรียกชื่อมันด้วยเสียงที่สอง 
      ฮือออออ ทำไมกูต้องมทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย!?

     เออนั่นสิ ทำไม!!

     รู้แค่ว่าตอนนี้ไม่ควรกวนตีนมันเท่าไรน่ะนะ หน้าตึงๆของมันทำเอาผมแทบขนลุกไปทั้งตัว คนบ้าอะไรมันจะเรียบตึงได้ขนาดนี้ เย็นชาฉิบหายด้วย แล้วมันเป็นอะไรของมันวะ! ตั้งแต่อยู่บนรถแล้วนะ อย่าว่าแต่บนรถเลยหลายวันก่อนหลังจากที่เจอพี่เพลงมันก็เป็นแบบนี้ 


     เห้ย! เดี๋ยวนะ!

     อย่าบอกนะว่า…

     ว่า…

     ว่ามันจะ ชะ ชอบ พะ พี่เพลง…

     เลยต้องเก๊กตลอดเวลา 

     ใช่แน่มันต้องใช่แน่ๆ!

     แหมมมม ก็ทำเป็นเข้มมาตั้งนาน ไม่สิๆอย่าว่าทำเป็นเข้มต้องว่าทำเป็นเย็น เพราะแม่งเย็น(ชา)ตลอดทางเหลือเกิน!

     แต่มันจะชอบจริงๆเหรอ…คนที่แอบชอบไมน่าจะเย็นชานี่หว่า อะๆ ช่างมันก่อนเถอะครับตอนนี้ถ้ามันยอมตอบสนองผมสักนิดก็คงจะดี เนื่องจากแม่งยังไม่แม้แต่จะพูดกับผมบ้างเลย


     “มีอะไร?”  คนตัวสูงหันหน้ามาถาม เพราะกำลังก้มๆเงยๆทำอะไรสักอย่างอยู่บนเตียงกับน้องกวาง ซึ่งผมขอเดาว่ามันกำลังเปลี่ยนแพมเพิร์สและเสื้อผ้าให้น้องแน่ๆ   

     “คะ คือ”  แล้วกูจะเสียงสั่นทำไมวะ “อ้อออ เปล่าแค่ขึ้นมาดูน่ะว่ามึงทำอะไรอยู่ ไม่เห็นลงไปสักที”

     “เปลี่ยนแพมเพิร์สกับเสื้อผ้าให้น้องกวางอยู่ เดี๋ยวตามลงไป” ตอบแล้วมันก็หันหน้ากลับไปเหมือนเดิม


     ไม่เคยรู้สึกไร้ตัวตนอย่างนี้มาก่อนเลยครับหัวหน้า!

     “ให้กูช่วยอะไรไหม?”  แหม…จริงๆมันทำคนเดียวก็ได้แล้วไง ที่พูดออกไปนี้เพราะอยากหาเรื่องชวนคุยมากกว่า

     “ไม่เป็นไร”   เจ้าตัวตอบเสียงเรียบ

     “มาน่าเดี๋ยวช่วย”  ไม่ยอมครับ ศึกครั้งนี้ไอ้ปิงไม่มีวันแพ้! ยังไงก็ต้องหน้าด้านไปนั่งข้างๆมัน 

     “บอกว่าเดี๋ยว…” ไอ้เสือพูด 

     “ว่าไงเจ้าอ้วน!” แต่ยังพูดไม่ทันจบผมก็พูดขัดมันขึ้นมาด้วยการกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงพร้อมกับเข้าไปเล่นกับน้องกวางซึ่งกำลังนอนยิ้มหัวเราะเอิ้กอ้ากตอบสนองผม   

     “แอ๊ะ!”   เป็นเสียงน้องกวางที่ตอบกลับมาเมื่อผมใช้นิ้วเขี่ยที่พุงเธอเล่น พ้อมกับก้มหน้าลงไปฟัดพุงขาวๆของเธออย่างมันเขี้ยว 

เจ้าเด็กอ้วนหัวเราะชอบใจ “มัม มัม ม่า”  จากนั้นก็พลิกตัวกลับขึ้นมาจากที่นอนและคลานมาหาผม

 
     “น้องกวาง”  ไอ้เสือถึงกับเรียกเสียงเข้มเพราะเสือผ้าที่กำลังจะเอาใส่ให้นั้นยังไม่ทันได้ใส่เลย  แต่เด็กก็ยังคงเป็นเด็กน้องกวางไม่ได้รู้เรื่องอะไรหรอก เธอคลานเข้ามาหาผมเพื่อหวังว่าจะเล่นด้วยกัน

     “เมื่อไรน้องกวางจะพูดได้สักทีวะ”  ผมแกล้งเปลี่ยนเรื่อง พร้อมกับยกตัวน้องกวางที่อยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนและร่างขึ้นมาอุ้ม  ไอ้ที่ว่าเปลือยนี่หมายถึงไม่ได้ใส่แค่กางเกงกับเสื้อนะครับ ส่วนแพมเพิร์สน่ะใส่แล้ว

     “ไม่รู้ แต่น้าเล็กเคยบอกว่าแล้วแต่เด็กบางคน”  มันตอบเสียงเรียบเหมือนเดิม พร้อมกับพยายามจับเสื้อตัวสวยมาใส่ให้น้องกวางซึ่งผมกำลังอุ้มอยู่  แต่เจ้ากรรมเธอดันดิ้นไปมาไม่ยอมให้ใส่

     “แอ๊ะ!”  เสียงน้องกวางเองแหละครับ เธอส่งเสียงออกมาจากลำคอพร้อมกับใช้แขนป้อมๆสองข้างปัดป่ายไปทั่วจนกำปั้นน้อยๆโดนหน้าผมไปหลายรอบละ

     “น้องกวาง”   อีกครั้งที่คนตัวสูงเอ่ยเสียงเข้ม แต่ยังง๊ายยยยยยยังไง เด็กแม่งก็เป็นเด็กครับ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรหรอกว่าพ่อตัวเองกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

     “นี่มึงเข้ามาช่วยหรือเข้ามาทำให้มันยุ่งยากกว่าเดิมวะ”  หันมาโวยวายใส่ผมเฉยเลย


     ผัวะ!   

     ไอ้ฉิบหายยยยยย

     ไม่ว่าเปล่าครับ มันพูดแล้วก็ตบเข้าที่หัวผมจังๆเลย  สงสัยว่าถ้าไม่ติดว่าอุ้มน้องกวางอยู่มันคงตบผมคว่ำมากกว่านี้แน่

     ไอ้สัดดดด อย่าให้กูเอาคืนนะว้อยยยยยย


     “ไอ้เชี่ยหนิ ตบมาได้มันเจ็บไหมล่ะ!?”  ผมบ่นและส่งตัวน้องกวางกลับคืนไปให้มัน

     “อะไร?”  แต่เจ้าตัวกลับถามเสียงเรียบ แถมยังไม่ยอมรับตัวน้องกวางไปอีก

     “ก็ไหนจะแต่งตัวให้น้องกวางไง กูจะลงไปข้างล่างละ”   

     “ไม่ต้อง อุ้มไว้อย่างนั้นแหละ”

     “อะไรของมึงครับไอ้คุณเสือ พอกูอยู่ก็บอกว่ายุ่งพอจะออกไปก็บอกให้อยู่?” 

     “ทำอะไรไว้ก็รับผิดชอบ  อุ้มน้องกวางดีๆเลย” 

     ครั้งนี้ไม่รอให้เสียเวลาไอ้เสือจัดการเอาเสื้อสวมเข้าทางศีรษะน้องกวางด้วยความรวดเร็ว และน้องกวางก็ร้องโวยวายออกมาด้วยความรวดเร็วเช่นกัน ชนิดที่ว่าใส่เสื้อให้ปุ้บร้องปั้บ!

     เอ้…ไอ้เด็กอ้วนมันเป็นอะไรหว่า…?   ดูท่าทางวันนี้จะงอแงผิดปกตินะ

     “วันนี้น้องกวางเป็นอะไรวะ ทำไมดูงอแงผิดปกติ?”  ไม่ปล่อยให้ความสงสัยครอบงำอยู่นานเท่าไร ผมก็เอ่ยถามไอ้คนที่กำลัง
จับแขนน้องกวางยัดใส่เข้าไปในช่องแขนเสื้อ

     “นอนไม่เต็มอิ่มน่ะ”  มันตอบพร้อมกับจดจ้องอยู่แต่กับการกระทำตรงหน้า ส่วนผมน่ะ…ก็จดจ้องอยู่แต่กับ 


     กับ…


     “มองหน้ากูอยู่นั่นแหละ ถ้าน้องกวางตกลงพื้นนะมึงโดนแน่!”  สงสัยว่าคนตรงหน้าจะรู้ตัวหลังจากที่มันใส่เสื้อให้น้องกวางเสร็จแล้วก็พูดขึ้น พร้อมกับจิ้มเข้าที่หน้าผากผมหนึ่งที


     โถ…ไอ้เหี้ยยยยยย ถ้าหน้าผากกูยุบนะมึงโดนแน่!


     “มึง!”  ผมขึ้นเสียง

     “อะไร!?”  มันถาม เลิกคิ้วขึ้นพร้อมหาเรื่องเต็มที่

     เดี๋ยวนะ? วันนี้มันเป็นวันอะไรวะ เกรี้ยวกราดงอแงกันทั้งพ่อทั้งลูกเลย ปกติก็ไอ้เสือมันไม่เคยเป็นแบบนี้นะ


     แปลก…



     แปลกมาก…


     ตัวผมเองก็แปลกครับ แปลกที่ว่าทำไมตอนนี้ถึงต้องให้ความสนใจมันมากขนาดนี้ด้วย 



     บันทึกของเสือ


     เขาว่ากันว่าคนหน้านิ่งและชอบทำหน้าไร้อารมณ์นั้นสามารถปกปิดความรู้สึกตัวเองในขณะนั้นได้ดีเป็นพิเศษ และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าขณะนั้นเรากำลังคิดอะไรอยู่และอยู่ในอารมณ์ไหน แต่สำหรับผมแล้ว ผมว่ามันไม่ใช่ ผมรู้สึกเหมือนอาการเหล่านั้นของผมมันกำลังย้อนกลับมาทำร้ายผมมากกว่าแทนที่จะปกป้อง  เนื่องจากว่าเงียบเกินเหตุและสีหน้าจากเรียบเฉยมากๆจนผิดสังเกต
     
     จริงๆก็พอจะรู้ตัวเอง รู้สาเหตุ แต่มันไม่สามารถห้ามได้จริงๆ
     ผมหึงไอ้ปิงกับน้องเพลงเขามากเกินไปใช่ไหมครับ ?

     ผมเคยบอกไว้ว่าผมจะตัดใจจากปิง แต่เห็นทีว่ามันคงยาก ตอนแรกก็คิดว่าคงตัดใจได้แล้วแต่เอาจริงๆแล้วกลับไม่ใช่ พอเห็นมันอยู่กับผู้หญิงที่มันรักมันทำให้ความรู้สึกผมชัดมากขึ้นกว่าเดิม ว่าผมยังรู้สึกกับมันอยู่แถมยังมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ 

ความรู้สึกที่ผมมีต่อปิงมันล้นจนเต็มอกอยากพูดออกไปใจแทบขาดว่าชอบ ว่ารู้สึกยังไง ว่ายากให้มาอยู่ข้างๆกัน อยากเป็นมากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ 

     แต่ผมทำไม่ได้…

     ไม่ว่าจะเพราะลูกหรือเพราะตัวไอ้ปิงเอง ถ้าบอกไปแล้วเจ้าตัวไม่ได้ชอบ ไม่ได้รู้สึกเหมือนกันทุกอย่างก็จบและอะไรหลายๆอย่างมันก็ยากที่จะเป็นเหมือนเดิมได้อีก

     ถึงแม้จะไม่สามารถบอกความรู้สึกออกไปได้ แต่ภายในใจก็นิ่งอยู่เฉยไม่ได้เช่นกัน

     ผมโคตรสับสน

     อย่างตอนนี้ที่จริงผมพยายามหลบหน้ามันเพื่อจัดการกับอารมณ์ของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยเริ่มใหม่ แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย มันก็ยังตามผมขึ้นมาบนห้อง มาลอยหน้าลอยตาให้เห็น ทำแบบนี้แล้วผมจะทำให้อารมณ์ตัวเองอยู่ในระดับปกติได้ยังไง ยิ่งตอนที่มันกับน้องเพลงอยู่ใกล้กันผมยิ่งห้ามอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
ผมขี้หึงและหวงมากซึ่งนิสัยข้อนี้ผมไม่สามารถแก้ให้หายได้ผมรู้ดี  และรู้ด้วยว่าไม่มีสิทธิ์ในตัวมันแต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่อยู่จริงๆ

อย่างเช่นตอนอยู่บนรถ ที่ผมเงียบไม่ใช่ว่าไม่อยากคุยด้วยแต่ผมแค่ทนเห็นภาพมันกับน้องเพลงไม่ไหว ผมเลยเลือกที่จะอยู่แบบนั้นเพราะถ้าหากได้พูดออกไปแล้วความขี้หวงของผมมันคงแสดงออกมาไม่น้อย

หลังจากที่จัดการเสื้อผ้าให้น้องกวางเรียบร้อยแล้วผมกับไอ้ปิงก็เดินลงมาข้างล่างพร้อมกัน และทุกคนก็ต่างกำลังเตรียมตัวไหนกันสักที่


     “แหม…กว่าจะลงกันมาได้นะครับท่านชายทั้งสองงงงงง”  แล้วก็เป็นเสียงไอ้ฟาร์มที่พูดขึ้นหลังจากที่พวกผมโผล่หน้าลงมาจากข้างบน

     “มึงก็ลองมาจับน้องกวางแต่งตัวสิจะได้รู้ว่าลำบากขนาดไหน” ปิงพูด


      มันนี่เป็นประเภทเถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ ไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็จะต้องตอบกลับซะทุกอย่าง

   
      “แล้วจะไปไหนกัน?”  ผมถาม แล้วก็เดินไปหาไอ้หมากที่นั่งตรงโซฟาเพราะมันยื่นมือมาขอรับน้องกวางไปอุ้มต่อ
     จะว่าไปไอ้หมากกับน้องกวางก็มีส่วนคล้ายกันนิดหน่อยนะ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าอยู่ด้วยกันบ่อย


     “ก็ไปหาเดินดูของมาทำบาร์บีคิวกันน่ะพี่ เดี๋ยวจะไปเดินดูของแถวสตรีทวอล์คด้วย”   ฟาร์มพูด “แล้วพี่จะไปด้วยกันป้ะ?”

     “เอาดิ จะพาน้องกวางไปเดินเล่นด้วย”

     “ไอ้เสือ มึงขับรถนะ เดี๋ยวกูดูน้องกวางให้”  ระหว่างที่มันกำลังเล่นอยู่กับน้องกวาง ไอ้หมากก็โพล่งขึ้นมาทันที

     “ก็ได้”   

     “เราจะไปกันได้หรือยังคะ?”   เสียงหวานๆของใครสักคนในนี้พูดขึ้น และแน่นอนว่าไม่ใช่พวกผมซึ่งเป็นผู้ชายแน่
      นั่นเป็นเสียงของน้องเพลง ซึ่งมองไปอีกทีตอนนี้ก็ไปยืนเกาะแขนไอ้ปิงแจซะแล้ว

     ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันรู้สึกยังไง แต่ถ้ามันอยากกลับไปผมเองก็คงต้องยอมรับในความรู้สึกและบอกให้ตัวเองทำใจได้แล้ว มีสิทธิ์ชอบแต่ไม่มีสิทธิ์บอกมันเจ็บแบบนี้นี่เอง

     “ไปๆ”  และพวกชอบเอนเตอร์เทรนอย่างไอ้โก้ ไอ้เจมส์ ก็เปลี่ยนเรื่องทันทีรีบดึงดันให้ทุกคนออกไป

     พวกเราใช้เวลาขับรถไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงที่หมายแต่ผมเลือกที่จะเดินเล่นทางโซนสตรีทวอล์คซึ่งอยู่ทางฝั่งตรงข้ามกับตลาดสดมากกว่าขณะนี้เวลาก็ล่วงเลยมาประมาณเกือบหกโมงเย็นแล้วผู้คนเองก็เริ่มพลุกพล่าน 
เพราะงั้นเลยมีผมกับไอ้หมากและน้องกวางที่เฟดตัวออกมาจากการเดินหาซื้อของสด ไม่ใช่ว่าไม่ถนัดซื้อของพวกนี้ แต่แค่ไม่อยากเห็นอะไรบางอย่างก็เท่านั้น 

     แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้…

     เพราะไอ้ปิงมันตามมาด้วยเดินเกาะแกะผมอย่างกับหมาน้อย แถมยังไม่ได้มีไอ้ปิงคนเดียวนะ มีน้องเพลงตามมาด้วย


     บรรเทิงเลยครับ!

     แล้วพักนี้รู้สึกว่าไอ้ปิงมันตามติดผมอย่างกับอะไรดี  นี่สินะที่เขาว่ายิ่งหนีก็ยิ่งเจอ



     หมับ!






  มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 05-09-2017 00:02:41
ต่อค่ะ


     “มึงจะรีบเดินไปไหนวะ?” ผมแทบสะดุ้งเมื่ออยู่ๆก็มีมือปริศนาจับเข้าที่ช่วงไหลผมจังๆ ยังดีที่ไม่ได้แสดงความตกใจนั้นออกไป และเจ้าของมือปริศนาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือคนที่คอยมาเกาะแกะผมอยู่ตลอดเวลานั่นไง

     “ก็ไม่ได้รีบไปไหน?”  ผมตอบและหันเสี้ยวหน้ามามองคนที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ

ตอนนี้น้องกวางไม่ได้อยู่กับผม เป็นเพราะไอ้หมากมันอาสาที่จะดูแลให้ แล้วช่วงนี้ก็ไม่รู้มันเป็นอะไรกัน ไอ้หมากเองมันก็ติดน้องกวางอย่างกับอะไรดี ส่วนลูกสาวผมน่ะไม่ต้องพูดถึง ติดไอ้หมากพอๆกัน

     “ไม่เร็วห่าอะไรเดินอย่างกับจะไปไล่ควาย!”   มันพูดประชดเสียงดัง

     “ปิง มาช่วยเพลงเลือกของหน่อยสิ” ยังพูดจบประโยคไม่ถึงเสี้ยวนาที น้องเพลงเธอก็พูดขึ้นพร้อมกับลากแขนไอ้ปิงให้เดินตามไป และไอ้ผมที่กำลังจะเดินหนีก็ถูกไอ้ปิงมันลากแขนให้เดินตามไปเช่นกัน 

     อะไรของเขาสองคนเนี่ย!? 

     “ไอ้เสือเดี๋ยวกูพาน้องกวางๆไปเดินเล่นแถวนู้นนะ ถ้าจะกลับแล้วยังไงก็โทรมาด้วย”  ช่วงที่ผมกำลังโดนลากไปไอ้หมากมันก็บอกผมอีกครั้ง ยังไม่ทันได้ตอบอะไรมันก็รีบเดินหนีไปแล้ว


     และตอนนี้เรา สอง เอ่อ…สามคนก็กำลังยืนอยู่ภายในร้านบิกินี่ร้านหนึ่งซึ่งน้องเพลงเป็นคนลากเรามา

     แน่นอนว่าผมค่อนข้างไม่โอเคน่ะนะกับการอยู่แบบนี้…

     “ปิงว่าแบบไหนดี?”  เธอถามพร้อมกับชูบิกีนี่สีแดงสด สีดำและอีกหนึ่งแบบที่มีลายเป็นวิวทะเล

     “อ เอ่อ…” คนข้างๆผมที่ถูกตั้งคำถามมันอึกอักไม่กล้าตอบ “มึงว่าอันไหนสวยวะ?” แม่งก็เลยหันมาถามผมแทนนี่ไง

     “ไม่รู้ไม่ใช่คนใส่” ผมตอบโดยใช้โทนเสียงรายเรียบแบบที่มักจะใช้เสมอ “เดี๋ยวไปรอข้างนอกนะ”  และหนีออกมารอข้างนอกร้านคนเดียวปล่อยให้มันอยู่กับเขา แม้ว่าใจจริงจะอยากลากคอมันออกมาแค่ไหนก็ตาม

     “เฮ้ยย รอกูด้วย”  ว่าแล้วมันก็แทบจะวิ่งตามผมมาติดๆ “พี่เพลงเลือกไปเลยนะ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไร ยังไงเดี๋ยวจะรอข้างนอก”  ก่อนจะออกมาก็หันไปพูดกับน้องเพลงแล้วออกมายืนรอกับผมอยู่ที่ข้างนอก

บางครั้งมันก็ดูเหมือนจะชอบนะที่น้องเพลงเขากลับมาแบบนี้ แต่ทำไมบางครั้งถึงรู้สึกว่ามันก็ดูเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรแถมพยายามหลบหลีกด้วยซ้ำ



     เราเงียบกันไปประมาณสามนาทีได้ ผมปล่อยสายตาไปกับผู้คนรอบๆที่กำลังเดินพลุกพล่านไปมาผู้คนเดินผ่านหน้าและรอบตัวเรา เสียงเพลงที่เปิดจากร้านเสื้อผ้าดังขึ้นเข้ากับบรรยากาศ แถมผมยังปล่อยใจไปกับคนข้างๆด้วยเช่นเดียวกัน

ผมลอบมองเสี้ยวหน้าของอีกคนอย่างอดไม่ได้ ยิ่งมองก็ยิ่งอยากมองอีกไม่อยากละสายตาเลย มันไม่ได้ดูดีอะไรขนาดนั้น แน่นอนว่าหน้าตาไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไรสำหรับผม แต่ที่สำคัญคือเวลาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกดีต่างหาก

     และตอนที่ผมอยู่กับไอ้ปิงไม่ว่าจะตอนไหนๆมันก็ทำให้ได้รู้ว่าไอ้ความรู้สึกดีที่ว่ามันเป็นยังไง



     “ม มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ?”  อยู่ๆไอ้ที่มันเงียบมานานก็เอ่ยถามผมขึ้น 

     “ทำไมอ่ะ? กูดูเหมือนคนเป็นอะไรมากเลยเหรอ?”  ไม่แปลกที่มันจะถาม ขนาดตัวผมเองก็ยังคงรู้สึกถึงอารมณ์นั้นๆที่กำลังเกิดขึ้น

     “ไม่รู้สิ มึงรู้ตัวไหมเนี่ยว่าช่วงนี้มึงแม่งไม่ค่อยปกติเลย?” 
     นี่มันสังเกตผมถึงขนาดนั้นเลยหรอ? หรือว่าอาอาการผมมันแสดงออกไปจนเกินไป

     “แล้วปกติของกูมันเป็นยังไงล่ะ?” 

     “ก็…”  มันพูดเสียงในลำคอ จากนั้นก็เงียบไปพักหนึ่ง
     
     จนผมต้องเอ่ยถามอีกครั้ง เพราะก็อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นยังไง “ก็… อะไร?” 

     “ไม่รู้ว่ะ กูอธิบายไม่ถูกมึงเข้าใจใช่ไหม?”

     “ไม่เข้าใจ” 

     “เออ ช่างมันเถอะ” แล้วมันก็ตอบแบบปัดๆไป พร้อมกับโบกมือไล่ว่าไม่เป็นไร ประมาณว่าปล่อยมันไปเถอะ

     แต่ที่จริงก็เข้าใจนะ ไอ้ปิงมันเป็นคนเข้าใจง่าย ไม่ว่าจะคิดอะไรพูดอะไรก็ตรงไปหมดเข้าถึงได้ง่ายไม่ได้ซับซ้อนเหมือนใคร

     “ไปหาไรกินดีกว่า”  ว่าแล้วมันก็ลากแขนให้ผมเดินตามไป

     “แล้วน้องเพลงล่ะ?”  เจ้าตัวยังเลือกชุดว่ายน้ำไม่ได้เลยหนิ จนป่านนี้ก็ยังไม่ออกมา

     “เขายังเลือกไม่เสร็จหรอก เดี๋ยวค่อยไปเจอกันที่รถก็ได้”  มันตอบแล้วก็ยังคงลากแขนผมให้ตามไปโดยไม่แม้แต่จะหันไป
  มองน้องเพลงเขาสักนิด เพราะผมแอบเห็นว่าเธอมองมาทางเรา ด้วยสายตาบางอย่างที่ผมไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเธอมองเราสองคนว่ายังไง


     “มึงกินอันนี้ป้ะ?”  และเราก็หยุดอยู่ที่หน้าร้านร้านหนึ่งซึ่งเขาเรียกกันว่าไอศกรีมผัด

     “ไม่ชอบกินของหวาน”  ผมตอบ
     และปฏิกิริยาที่คนตรงหน้าทำหลังจากที่ได้ฟังคำตอบจากผมก็คือการกรอกตาไปมาและเบ้ปากน้อยๆอย่างที่มันชอบทำ
ซึ่งดูแล้วสำหรับผมก็น่ารักดี แต่สำหรับคนอื่นผมคิดว่ามันคงน่าตบน่าดู

     “แต่กูจะกิน” มันแย้ง

     “ก็กินสิใครห้าม”  ผมไม่กินก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้มันกินนี่นา 

     “แต่มึงต้องรอกูด้วย” 

     อ้อ…ประเด็นสำคัญสินะ มันคงจะกลัวผมเดินหนีมั้ง

     “รีบๆสั่งก่อนที่คิวมันจะยาว” ว่าแล้วผมก็ดันหลังมันน้อยๆให้เดินเข้าไปใกล้หน้าร้านมากขึ้นกว่าเดิม
 
     จากนั้นไม่นานของที่มันสั่งก็ได้มาอยู่ในมือเรียบร้อยพร้อมกับหน้าตาของเจ้าตัวที่บ่งบอกว่ามีความสุขแค่ไหนที่ได้กิน

     “ลองไหม?” ยืนถ้วยไอศกรีมมาตรงหน้าผม และก็พูดต่อว่า “อร่อยนะ” 

     “ไม่อ่ะ”  ผมตอบปฏิเสธ

     ก็ผมไม่ชอบกินของหวาน

     “ลองดูหน่อยน่า” และมันก็ยังคงเร้าหรือผมไม่เลิก “นิดนึงๆ”  แถมยังตักไอศกรีมมาจ่ออยู่ที่ปากผมอีก

     “ไม่กิน” 

     “เร็วๆ”   มันเร่ง และยังขยับช้อนเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมจนชิดริมฝีปาก รสชาติหวานๆของไอศกรีมซึมซาบข้ามาในปากผมเล็กน้อย สุดท้ายก็เลยต้องยอมกินเข้าไปเพื่อที่จะได้ให้มันจบๆ

     “เป็นไง อร่อยไหม?”  มันถาม พร้อมกับแววตาที่สั่นระริกรอฟังคำตอบสุดๆ

     “อือ แต่มันหวานไป” 

     “คนไม่ชอบกินหวานแบบมึงก็บอกว่ามันหวานไปสิวะ!”  มันบ่น และตักไอศกรีมเข้าปากต่อ


     แต่ผมว่าที่มันหวานไปไม่ใช่เพราะไอศกรีมหรอกนะ… อาจเป็นเพราะผมกินช้อนเดียวกัน กินแก้วเดียวกันกับมันต่างหาก


     “จะเอาอะไรอีกไหม?”  ผมถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

     “เอาดิ กูยังเดินแดกไม่ครบซอยเลย” ว่าแล้วมันก็เดินนำหน้าผมไป  เดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ดูมีความสุขมาก ถ้ามันเป็นหมาตอนนี้หูมันคงตั้งหางสั่นดุกดิกไปมา เดินไปทั่วเหมือนหมาดีดอะไรทำนองนั้น


     เราเดินกันสักพักให้มันหาของกินทุกอย่างจนหนำใจและเราก็เป็นสองคนสุดท้ายที่เดินมาถึงรถที่จอดไว้ และตอนนี้ทุกคนก็พร้อมใจกันบ่นเราสองคนมากโดยเฉพาะไอ้ฟาร์มกับไอ้หมาก “คิดว่าแต่เดินซื้อของกันแถวดาวอังคาร”

     “เพราะไอ้ปิงเลย มันมัวแต่หาของกินเนี่ย”  ผมโยนความผิดไปให้มันเต็มๆ จะเรียกว่าโยนก็ไม่ได้ผมพูดความจริงล้วนๆ 

     “หาของกินจนทิ้งเพลงไว้เลยนะคะ”  และบรรยากาศก็เปลี่ยนไปเมื่อน้องเพลงเธอพูดขึ้นบ้าง หน้าตาเธอถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นว่ากำลังรู้สึกยังไง แต่น้ำเสียงเธอนั้นฟังดูแล้วสัมผัสได้มากว่าเธอตัดพ้อมากแค่ไหน

     “อ เอ่อกูว่าเราไปกันเถอะ”  ไม่ปล่อยให้บรรยากาศอึดอัดอยู่นาน ไอ้ฟาร์มมันก็พูดขึ้นทันที




     อาหารเย็นวันนี้พวกเราเลือกตั้งวงกันที่ลานโล่งหน้าบ้านซึ่งติดกับผืนทราย ข้างหน้าก็เป็นทะเลสีสวยซึ่งตอนนี้โดนความมืดบดบังไปหมดแล้ว
พวกมันจัดการทำอาหารกันเองแบบงูๆปลาๆ  พอกินได้ซึ่งมีผมคอยช่วยอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เต็มที่นักเพราะต้องจัดการกับน้องกวางที่ชอบมาก่อนกวนด้วย

และวันนี้น้องกวางดูมีความสุขมาก แต่เห็นทีมากกว่าความสุขก็จะเป็นความเหนื่อยเพราะไม่กี่นาทีที่ผ่านมานี้เธอถึงกับผล็อยหลับไปในขณะที่ผมกำลังป้อนข้าว เลยต้องขอตัวเอาลูกเข้ามานอนในบ้านก่อน จัดที่หลับที่นอนให้เรียบร้อยจากนั้นก็ออกมานั่งที่เดิม

อาหารวันนี้ก็คือบาร์บีคิว และอาหารทะส่วนสิ่งที่สำคัญมากๆอย่างแอลกอฮอลล์นั้นก็ขาดไม่ได้เช่นกัน เบียร์สามลังถูกเอามาตุนไว้อย่างรู้งานโดยฝีมือไอ้หมาก 


ผมขอเลี่ยงออกมาช่วยย่างของมากกว่าที่จะนั่งกิน  เพราะว่าพยายามลีกเลี่ยงสถานการณ์บางอย่างมากกว่าแต่ก็นั่นแหละไอ้ปิง
มันก็ยังคงตามมาคอยวนเวียนช่วยผมย่างนู่น นี่ นั่น  ใบหน้าของมันเริ่มออกสีแดงระเรื่อนิดๆเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ และไอ้อาการพูดมากของมันนั้นก็ค่อนข้างเป็นเยอะกว่าเดิมนั่นคงเป็นเพราะเริ่มเมาแล้วแน่นอน


มันลุกเดินไปมาช่วยผมย่างบ้างนั่งกินบ้าง อ้อ…แถมคนเมาอย่างมันยังดูแลสาวได้ดีซะด้วยสิ คอยแกะกุ้งแกะปูให้น้องเพลงกินจนเธอไม่ต้องทำอะไรเลย 


     แล้วก่อนหน้านี้ที่มันลากผมออกไปกับมันสองคนแล้วทิ้งน้องเพลงไว้นี่คืออะไรวะ…

     บางครั้งก็เหมือนมันพยายามจะไม่เข้าใกล้น้องเพลง แต่บางครั้งก็ทำดีกับเขาเหมือนว่ายังรักเขาอยู่ 

     แต่ก็ช่างเถอะไม่ว่ามันจะรู้สึกหรือไม่รู้สึกกับน้องเพลงยังไง สุดท้ายแล้วผมก็ได้เป็นแค่คนคอยมองมันอยู่อย่างนี้

     “แดกเปล่า?”   ไอ้หมากเดินมาพร้อมกับแก้วเบียร์ที่ยื่นมาให้ผม

     “ใจ” ผมรับมาไว้พร้อมกับยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนเกือบครึ่งแก้ว

     “ช่วงนี้มึงแปลกๆนะเนี่ย มีไรเล่าได้นะ”   มันพูดพร้อมกับขยับตัวเข้ามาช่วยผมย่างของในเตา

     “แปลกตรงไหนวะ?” ที่ถามไปทั้งที่รู้อยู่แก่ใจตัวเอง ก็เพราะว่าอยากจะรู้ว่าคนอื่นจะพอเดาออกหรือเปล่าว่ามันคือเรื่องอะไร

     “มึงดูนิ่งกว่าทุกครั้งนะ ดูเงียบเหมือนมีเรื่องในใจ” 

     “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” 

     “เออสิ”

     “…”  ผมเงียบมาได้ต่อประโยคของมัน แต่มือก็ยังคงไม่วางจากการย่างของ

     “มึงเคยมีวันไนท์แสตนด์ไหมวะ?”  สุดท้ายผมก็ถามขึ้น

     “เคยแต่ก่อนบ่อยจะตาย แต่เดี๋ยวนี้ไม่ละ”  ไอ้หมากตอบด้วยน้ำเสียงที่โคตรชิล พร้อมกับท่าทางสบายๆ

     “แล้วมึงเคยชอบเขาไหม?” 

     “ก็…มีคนหนึ่งนะ คนที่ทำให้กูไปชอบใครไม่ได้อีก” 
 
     “จริงเหรอวะ?”   จริงๆอดตกใจไม่ได้ว่าคนอย่างมันเนี่ยนะชอบใครเขาก็เป็นด้วย

     “จริง รู้ตัวอีกทีแม่งก็คิดถึงแต่เขา”

     “แล้วนั่นมันแปลว่าชอบเหรอ?” 

     “เรื่องของความรู้สึกกูอ่ะ กูรู้ดีกว่าใครเพราะงั้นก็เลยมั่นใจมากว่าชอบเขา”

     “แล้วทำไมไม่คบกันล่ะ?” 

     “ตอนแรกกูก็คิดแบบนั้น คิดไว้แล้วว่าจะบอกเขาว่ากูชอบหลังจากที่ชั่งใจอยู่นาน” 

     “แล้ว…?” 

     “เขาหายไป” 

     “หายไปไหนวะ?” 

     “กูไม่รู้ ถ้ารู้กูก็ตามหาเขาแล้วไหม?” 

     “เขาเป็นใครมาจากไหน?”

     “ตอนแรกก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มารู้ตัวอีกทีตอนเห็นเขาเดินผ่านในมหาลัย”

     “อ่อ.. ”

     “แล้วไงถามกูแบบนี้นี่อย่าบอกนะว่าไปมีอะไรกับใครแล้วชอบเขาเข้า?” 

     “ทำนองนั้น”  ผมตอบ และยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ

     “แล้วไง? เขาไม่ชอบมึงเหรอ”

     “ไม่ใช่”

     “มึงไม่กล้าบอก?” 

     “เออ” 

     “ชอบก็บอกไปดิวะ ระวังเขาหนีไปเหมือนเคสของกูนะเว้ย” 

     “ไม่ได้หรอก กูกลัวน้องกวางจะมีปมด้อยเรื่องแม่”  ผมบอกความจริงมันไม่หมดนั่นก็คือไม่ได้บอกว่าใครคนนั้นเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง

     “อ่า…มันก็แล้วแต่มึงนะ กูไม่รู้จะแนะนำยังไงหรอก แต่ถ้าเป็นกูนะกูจะพูดมันออกไปเพราะอย่างน้อยก็ให้เขาได้รู้ไปเผื่อเขาเองก็จะได้รู้สึกตรงกันกับเรา” 

     “แต่…”

     “กูไม่ได้ยุให้มึงไปบอกชอบเขานะ” 

     “…”

     “ถ้ามึงตัดใจไม่ได้ก็ชอบต่อไป เพราะยังไงก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่” มันพูดและยกแก้วเบียร์ที่ถือติดมือมาขึ้นมาจิบบ้าง“ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้นะเว้ย” และพูดต่อ

     ขนาดมันบอกว่าไม่ได้ยุนะครับ แต่ดูแต่ละอย่างที่มันพูดสิ ทำเอาซะผมแทบอยากเดินเข้าไปบอกไอ้ปิงเลย

     “ย่างเสร็จแล้วก็มานั่งแดกบ้างนะมึง”   มันพูดพร้อมกับเอาจานบาร์บีคิวไป 



     ไม่นานนักผมก็เลยเดินตามมาสมทบนั่งร่วมวงบ้าง ทุกคนตอนนี้ดูกำลังสนุกสนานกันได้ที่เลย ไม่ได้มีเหตุการณ์ให้น่าอึดอัดใจเหมือนอย่างหลายๆรอบ อาจเป็นเพราะน้องเพลงเธอไม่ค่อยพูด 



     เวลาลวงเลยไปนานจนตอนนี้ทุกคนเมาและเข้าไปหลับกันในบ้าน ส่วนผมที่สติยังคงดีอยู่ที่สุดก็เลยต้องจัดการเคลียร์ของตรงหน้าบ้านก่อนเข้านอนสักหน่อย  กับไอ้ปิงนี่ไม่ต้องพูด เพราะมันเป็นคนที่เข้าไปนอนคนแรกและต่อมาก็ตามด้วยใครหลายๆคน

ผมใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงในการจัดการของทุกอย่าง และขั้นตอนสุดท้ายก็คือการเก็บจานเข้าไปล้าง ผมใช้กะละมังใบขนาดพอดีมือมาขนทุกอย่างเข้าไปตรงโซนครัวหลังบ้านซึ่งจะเป็นที่เก็บจานและมีซิงค์ล้าง


     ขณะที่กำลังเดินเข้าไปในโซนครัวสองขาผมกลับต้องหยุดชะงักเพราะเสียงบางอย่างซึ่งมันเป็นเสียงของคนสองคนกำลังสนทนากัน แต่ผมได้ยินไม่ชัดว่ากำลังคุยเรื่องอะไร แต่สิ่งที่แน่ใจมากนั้นว่าจะต้องเป็นเสียงของผู้ชายกับผู้หญิง และในทริปนี้
 
     ไม่มีใครที่ไหนนอกจากน้องแยมแฟนไอ้เจมส์กับน้องเพลง 
     และถ้าเป็นน้องแยมก็คงต้องคุยกับเจมส์ แต่ถ้าไม่ใช่ก็คงเป็นน้องเพลงกับ… ไอ้ปิง

     อยู่ๆก้อนเนื้อด้านซ้ายมันก็เต้นแรงขึ้นด้วยความรู้สึกบางอย่างคลายว่าจะตื่นเต้นแต่ก็ไม่ หรือว่าจะเพราะกลัวก็ไม่เชิง เมื่อคิดว่าถ้าหากเป็นน้องเพลงกับปิงคุยกันจริงๆ…

     ถ้าจะกลัวก็คงกลัวในเรื่องที่เขาสองคนกำลังคุยกัน  จริงอยู่ที่ผมบอกว่าปิงมันมีสิทธิ์ที่จะกลับไปหาน้องเพลง ผมห้ามอะไรไม่ได้

     แต่ผมก็แค่หวง…  ใช่ผมทำได้แค่หวงและความหวงของผมมันไม่สามารถแสดงออกไปได้

     ถึงปากจะบอกว่ากลัว แต่ลึกๆแล้วผมก็ยังอยากรู้ว่าน้องเพลงกับไอ้ปิงนั้นคุยอะไรกัน เลยค่อยๆโผล่หน้าไปเพียงเล็กน้อยและขยับเท้าเข้าไปใกล้หลังบานประตูครัวที่เปิดแง้มไว้แค่เพียงเล็กน้อย



     “อื้อ” 

     บทสนทนาหยุดไปแต่กลายเป็นภาพสุดร้อนแรงตรงหน้า เขาสองคนกำลังจูบกัน… 
 

     ไม่ควรมองสินะ

     ผมพอจะเดาได้แล้วว่าบทสนทนาของทั้งคู่คืออะไร และมันจะลงเอยไปในทิศทางไหน

     สุดท้ายผมเลือกที่จะเดินออกมา เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้มีความอดทนมากขนาดที่จะยืนดูคนในใจของผมจูบกับคนอื่นได้ ผมเอากะละมังที่ใส่ถ้วยจานออกไปวางไว้ข้างนอกตามเดิม ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยล้างก็คงไม่สาย



ผมเดินผ่านพวกไอ้ฟาร์มแล้วก็เพื่อนมันที่นอนกองอยู่ตรงกลางบ้าน เพื่อที่จะได้ขึ้นไปนอนบ้าง ส่วนน้องกวางเธอก็หลับยาวตั้งแต่ตอนนั้นก่อนจะเก็บของหน้าบ้านผมก็เลยย้ายให้เธอขึ้นไปนอนข้างบน
เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของน้องกวางทำให้รู้ว่าเธอคงจะหลับยาวไม่ตื่นแล้วแน่นอน  ผ้าห่มผืนเล็กที่ลูกสาวผมชอบนอนก่ายกอดเลื่อนหล่นลงไปอยู่ที่ปลายเท้า เลยจัดการเลื่อนมันขึ้นมาคลุมให้ถึงตรงหน้าอก ตุ๊กตาตัวเล็กที่เธอชอบกอดนั้นก็อยู่ในอ้อมแขนไม่ไปไหน


     ฟี้…

     เป็นเด็กก็สบายดีนะครับ ไม่ต้องคิดอะไรมาก…



มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 05-09-2017 00:05:26
ต่อค่ะ


ผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆนอนกวาง ซึ่งผมให้เธอนอนฝั่งเตียงที่ติดกับผนังห้อง ภายในห้องมืดมิด ได้ยินเสียงคลื่นทะเลเบาๆคลอเคลียมาพร้อมกับสายลม และผมพยายามจดจ่ออยู่กับเสียงของคลื่นทะเลมากกว่าภาพบางภาพที่ยังคงติดตาและวนเวียนอยู่ภายในหัว

     แต่ก็เปล่าประโยชน์ ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถลบภาพนั้นออกไปได้เลย

     มันคงจะถึงไหนต่อไหนแล้วสินะ… แล้วความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองหลังจากวันนี้ไปคงจะดีขึ้น ต่อจากนนี้ผมก็ควรเริ่มทำใจบ้างแล้ว


     เฮ้อ…


     ผมเอาโทรศัพท์ตรงหัวเตียงมากดดูเวลาซึ่งขณะนี้มันล่วงเลยมาแล้วถึงตีสาม แต่เปลือกตาก็ยังคงไม่แม้แต่จะปิดเลยด้วยซ้ำ พลิกซ้ายก็แล้วขวาก็แล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหลับ สุดท้ายก็เลยตัดสินใจออกมาเดินเล่นข้างนอกตากลมทะเลพร้อมกับเบียร์ขวดหนึ่งที่เหลืออยู่ เพราะกลัวว่าขืนยังดิ้นไปดิ้นมาแบบนั้นน้องกวางจะตื่นเอาได้


     ลมทะเลตีพัดเข้ามาที่ใบหน้าและมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแต่ก็ไม่ทั้งหมด ผมเลือกที่นั่งซึ่งไกลออกมาจากตัวบ้านแค่เพียงเล็กน้อย แถมยังแอบขโมยกีตาร์ไอ้หมากมันออกมาเล่นด้วย

ผมทิ้งตัวนั่งลงพร้อมกับวางขวดเบียร์ไว้ข้างกายพร้อมกับนำกีตาร์ขึ้นมาดีดจับคอร์ดไปพลางๆ และไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดจะเล่นจริงจังเพราะยังนึกเพลงไม่ได้  สมองเองก็ยังคงไม่ว่างสักเท่าไร มันอดไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพภายในบ้านหลังนั้นว่าเป็นยังไงต่อ

ผมจับคอร์ดลองเสียงไปเรื่อยๆ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนกระทั่งนึกเพลงหนึ่งขึ้นมาได้ มันเป็นเพลงจากหนังเรื่องหนึ่งที่เมื่อนานมาแล้วผมได้มีโอกาสนั่งดูกับแก้ม  คนที่เป็นแม่ของน้องกวาง

เสียงกีตาร์ที่ฟังแล้วค่อนข้างรู้สึกเหงาหน่อยๆถูกผมเล่นมันขึ้นมา

So you find yourself at this subway

When your world in a bag by your side

And all at once it seemed like a good way

You realized it’s the end of your life

For what it’s worth

Here comes the train upon the track

And there goes the pain it cuts to blak

Are you ready for the last act




     “มานั่งทำอะไรคนเดียวตรงนี้วะ?”   เสียงของใครคนหนึ่งดังขัดขึ้นมาในขณะที่กำลังเล่นเล่นเพลง
 
     และเสียงนั้นไม่ใช่ของใครที่ไหน เพราะไม่ต้องหันไปมองผมก็พอจะรู้ว่าใคร



     ไอ้ปิง…

     เจ้าตัวพูดแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ สายลมที่พัดผ่านทำเอาผมได้กลิ่นแอลกอฮอลล์อ่อนๆจากตัวไอ้ปิงลอยเข้ามากระทบที่ปลายจมูก


     “นอนไม่หลับ”  ผมตอบแค่เพียงสั้นๆ ตอนนี้ยังไม่แม้แต่จะกล้ามองหน้ามันด้วยซ้ำ

     “นี่มึงเล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอวะ?”  มันถาม และวางมือหมับเข้าที่ไหล่ผม

     “พอได้”

     “อ่อ…”  มันตอบรับเสียงในลำคอ




     เราเงียบกันไปพักใหญ่ราวกับว่าต่างคนต่างก็กำลังใช้ความคิด จมอยู่กับภวังค์ของตัวเอง มีแค่เพียงเสียงคลื่นทะเล เสียงลมที่ส่งเสียงอยู่ทุกขณะ และมีเสียงกีตาร์ที่ผมเล่นคลอเบาๆ

ผมปล่อยมือออกจากเครื่องดนตรีครู่หนึ่งก่อนจะยกขวดเบียร์ขึ้นมาดื่ม เผื่อว่ามันจะทำลายให้ความรู้สึกบางอย่างหายไปบ้าง “กูแดกด้วยนะ”  พอดื่มเสร็จ ยังไม่ทันที่จะวางขวดลงด้วยซ้ำไอ้ปิงมันเลยพูดพร้อมกับแย่งขวดเบียร์ผมไปจัดการต่อ

ผมอดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองคนข้างๆ  ด้วยความที่ไม่กล้ามองมันเต็มตาเลยเห็นได้แค่เพียงเสี้ยวหน้าเท่านั้น แก้มของมันแดงระเรื่อนิดหน่อย อาจจะยังไม่สร่างเมาดี


     “มองไร?”   เหมือนผมจะตกอยู่ในภวังค์เลยหลบหน้าหนีไม่ทัน คนข้างๆเลยถามขึ้นหลังจากที่วางขวดเบียร์ลงไว้ข้างกาย

     “เปล่า”  ผมปฏิเสธ

     “เล่นต่อดิ กำลังได้บรรยากาศเลย”

     “บรรยากาศไร”

     “เอ้า ก็ฟ้าสวย เพลงเพราะ เบียร์อร่อย”

     “เหรอ?” 

     “เออสิวะ”

     “อยากฟังเพลงไรล่ะ?”

     “อะไรก็ได้ เล่นมาเถอะ”

     สิ้นประโยคของมันผมก็นั่งคิดอยู่พักหนึ่ง 

     เพลงอะไรก็ได้เหรอ?   

     “ไม่รู้ คิดไม่ออก” ด้วยความที่คิดไม่ออกจริงๆเลยต้องเอ่ยปากบอกมันไป เผื่อว่าเจ้าตัวจะมีเพลงอะไรมาให้เล่น 

     “อืม…งั้นลองเอาเพลงตามความรู้สึก ตามอารมณืมึงตอนนี้ดิวะ”  ปิงตอบ

     เพลงตามอารมณ์งั้นเหรอ…?

     งั้นคงต้องเป็นเพลงนี้แล้วล่ะ



ก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ถึงไม่ลืมเธอ

มีเธอในใจฉันเสมอ…ไม่เข้าใจ

อยากกอดเธอเอาไว้ สักเท่าไร

แต่หัวใจ ฉันก็รู้ดี จูบเธอได้ในฝัน

เท่านี้…แค่นี้…เพียงข้างในใจ



     เสียงกีตาร์ดังคลอ และผมเปล่งเสียงร้องเพลงออกมาเบาๆ เบาจนเสียงของคลื่นทะเลรอบๆนั้นเกือบจะกลบไปหมด แต่ผมเชื่อว่าคนข้างๆมันต้องได้ยิน เพราะเรานั่งใกล้กันในระดับหนึ่ง


รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว

รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง

ชอบเขาเท่าไรก็ต้องหยุดไว้เอง

เป็นบททดสอบของเบื้องบน ให้ค้นหาหัวใจ

ส่งมาให้ตัวฉันข้ามไป

อยากจะลองใจฉันหรือเปล่า

จะได้รู้ว่ารัก ลึกแค่ไหน

ให้เห็นเงา สะท้อนหัวใจ

เก็บเธอไว้แค่ฝัน ได้ไหม

เพราะหัวใจฉันก็เสียดาย

รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว

รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง

ชอบเขาเท่าไรก็ต้องหยุดไว้เอง

รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว

รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง

ชอบเขาเท่าไร ก็รักเขาไม่ได้

บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง ต้องห้ามตัวเอง บอกมันอย่าหวั่นไหว

รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง

ชอบเขาเท่าไรก็ต้องหยุดไว้เอง




     “นี่มึงกำลังอยู่ในอารมณ์นี้เหรอเนี่ย! ว่าแต่ใครคนนั้นของมึงวะที่รักไม่ได้น่ะ?”  คนข้างกายผมเอ่ยถามหลังจากที่เล่นจบยังไม่ถึงสิบวิด้วยซ้ำ และเจ้าตัวยังคงพูดต่อว่า “แม่งเจ๋งสาดดด คราวหลังสนกูเล่นบ้างด…” 



     หมับ!


     ผมไม่รอให้ปิงได้พูดจบประโยค ยิ่งได้อยู่ใกล้ก็ยิ่งห้ามใจตัวเองไม่อยู่ ห้ามหัวใจที่มันร่ำร้องอยากจะบอกความในใจไม่ได้ สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะยังไง วันนี้สิ่งที่ผมตัดสินใจทำไปผมขอน้อมรับผลลัพธ์ทั้งหมดที่มันจะตามมาย้อนหลังอย่างไม่มีข้อกังขา
     เพราะวันนี้ความรู้สึกของผมมันเกินทนแล้วจริง ไม่สามารถเก็บความรู้สึกนี้ต่อไปได้แล้ว

     มือข้างหนึ่งของผมจับกีตาร์ไว้ ส่วนมืออีกข้างคว้าหมับเข้าที่ต้นคอของอีกฝ่ายไว้หลวมๆก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ เพื่อที่จะได้ใช้ริมฝีปากตัวเองฉกฉวยริมฝีปากของอีกคนไว้อย่างรวดเร็ว


     อื้อ…


     เสียงเป็นเสียงของปิงที่ร้องดังอื้ออึงอยู่ในลำคอ ไม่รู้ว่าปฏิเสธหรือเพราะตกใจ แต่ผมว่าน่าจะอย่างหลังเพราะถ้ามันปฏิเสธมันคงจะไม่ปล่อยให้ผมจูบอย่างนี้ เนื่องจากมือข้างเดียวขงผมไม่สามารถล็อคคอเจ้าตัวไว้ได้แน่

     จูบของผมไม่ได้ลุกล้ำ ทำแค่เพียงเน้นคลึงริมฝีปากนุ่มหยุ่นนั้นด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ใช่…ผมถ่ายถอดความรู้สึกนั้นผ่านไปในการกระทำครั้งนี้  เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้ปฏิเสธ ผมเลยปรับองศาใบหน้าของเราให้ถนัดขึ้นด้วยการเอียงเล็กน้อย ให้เราสัมผัสกันได้มากขึ้นกว่าเดิม

กลิ่นแอลกอฮอลล์ของเราทั้งคู่ลอยคละคลุ้งอยู่ภายใน มันทำให้ผมมัวเมายิ่งกว่าดื่มเป็นลังซะอีก เผลอขบกัดริมฝีปากของอีกคนไปมาอย่างอดไม่ได้


     อื้อ…

     และก็เป็นสียงของอีกคนที่ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับริมฝีปากของเราที่ผละออกจากกันโดยฝีมือของมันเอง

     เสียงลมหายใจของเราทั้งสองดังแข่งกับเสียงคลื่นทะเล ผมยังคงจับต้นคอของอีกฝ่ายไว้แน่นก่อนจะแนบหน้าผากลงบนหน้าผากมนของอีกฝ่าย  ผมหลับตารอฟังคำพูดหลังจากนี้ที่คิดว่ามันต้องมี 


แต่ผ่านไปห้านาทีได้ก็ยังไม่แม้แต่จะมีอะไรเกิดขึ้น มีแค่เพียงเสียงลมหายใจเท่านั้นที่ดังอกมาเป็นระยะๆ ไม่สิพร้อมกับเสียงหัวใจของผมที่มันเต้นอยู่ภายในอกอย่างบ้าคลั่ง


      “ม มึง ช ชอบกูเหรอวะ?”  นานพอสมควรกว่าที่อีกคนจะยอมปริปากพูด

     ผมผละใบหน้าออกมา จากนั้นก็จ้องงลึกเข้าไปในตาของอีกฝ่าย


     อื้อ…

     อีกครั้งที่ผมไม่อยากใช้คำพูดเป็นการตอบคำถาม เลยเลือกแสดงออกจาการกระทำ
     ครั้งนี้ผมไม่แค่จูบเฉยๆ ไม่ได้แค่บดคลึงริมฝีปากนุ่มหยุ่น ผมสอดเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างจาบจ้วง
และมันเป็นความจาบจ้วงที่หอมหวาน ปิงไม่ได้จูบตอบผม นั่นมันทำให้ผมใจแป้วนิดๆ

     ผมกัดย้ำที่ริมฝีปากล่าง ครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะอยากหยอกล้อ แต่มันเป็นเพราะผมกำลังอ้อนวอน

     อ้อนวอนให้อีกฝ่ายตอบความในใจออกมาว่าได้รู้สึกแบบเดียวกันกับผมหรือเปล่า



     อื้อ…

     อาจเป็นเพราะผมเอาแต่ใจมากเกินไป เลยทำให้อีกคนหายใจไม่ทัน เลยต้องผละออกมาอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่ปิงมันยังไม่ได้จูบตอบผมแม้แต่น้อย


     มันคงไม่ได้รู้สึกสินะ...

     ผมอ้อยอิ่งอยู่กับริมฝีปากนั่นแค่เพียงครู่หนึ่ง


     “เออ กูชอบ”   ผมพูดออกไป


     “…”


     “แล้วมึงล่ะ ชอบกูไหม?”




จบบันทึกของเสือ




TBC...




กิ้สสสสส เเม่ขาพี่เขา ฟฟหทหดสาฟดสาดสกดายาดวสดวส แอ่กกกกก เขียนไปกัดลิ้นตัวเองไปค่ะ 55555555555

ตายเเล้นน สุดท้ายอีพี่เสือก็ทนความรู้สึกตัวเองไม่ไหว ฮ่าาาาาาาาาาาา 
เดี๋ยวยังไงตตอน  ทะเลจูบความรู้สึก จะมีพาร์ทของปิงให้ด้วยนะ รออ่านกันเด้อออ ในส่วนของวันนี้ ขอลาก่อยนะคะ เเอ่กกก


ฮืออออ ถึงกับสามReเลย เเง้งงง หวังว่าจะหายคิดถึงกันนบ้างนะคะ (ไม่รู้ง่าจะมีใครคิดถึงน้องอะเปปล่า  :mew2:) 


ปอลิง เพลงเเรกคือเพลง A step you can't take back จากหนังเรื่อง begin again นะคะ
เพลงที่สองคือเพลง รักไม่ได้ ของgroove rider
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-09-2017 00:31:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-09-2017 09:00:08
ปิงอย่าทำให้พี่เสือผิดหวังนะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 05-09-2017 11:49:24
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 05-09-2017 14:45:01
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-09-2017 16:39:03
ตอนนี้ความกดดันมาอยู่ที่ปิงหมดละ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 05-09-2017 17:21:24
อร๊ายยยยยยย ตัดจบแบบละครไทยยยยยย

ฮือ ปิงก็ชอบเสือ เสือก็ชอบปิง น้องกวางกำลังจะมีแม่แล้ววปรบมือดัง ๆ ฮิ้วววววว :mc4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-09-2017 20:41:27
เสือ บอกชอบปิงแล้ว
แถมถามปิงกลับอีกด้วย

ว่าแต่สงสัย ใครนะที่ทำบทรักกันที่เสือได้ยิน
ไม่น่าใช่ปิง กับเพลง
ไม่น่าใช่เจมส์ กับแยม
หรือเป็นหมาก กับ เพลง  :z3: :z3: :z3:
เพลง คือคนที่หมากเคยมีวันไนท์สแตนด์ด้วย  o22 o22 o22
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 10-09-2017 23:44:45
เสิร์ฟตอนต่อไปมาด่วนๆๆ เลยจ้า รอไม่ไหวล้าววว  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 08-10-2017 18:10:03
หวังว่าคงไม่มีหักมุมประมาณว่า พี่หมากคือพ่อจริงๆของน้องกวางนะคะ ประมาณว่าแม่น้องกวางไปเผลอมี one night stand กับพี่หมากประมาณนั้น รู้สึกเนื้อเรื่องมันชงให้มี drama เรื่องนี้ไงพิกล ถ้าอย่างนั้นมันทำร้ายจิตใจพี่เสือเกินไปค่ะ พ่อแม่ก็ไม่ต้องการ ชีวิตปากกัดตีนถีบเลี้ยงลูก เมียมาทิ้ง แล้วถ้าลูกยังเป็นของคนอื่นอีกเนี่ย จะไม่แปลกใจเลยถ้าพี่เสือจะฆ่าตัวตาย ยังมีโชคอยู่บ้างที่ยังมีน้องปิงอยู่ด้วยกัน
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเจ็ด - 4/9/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-10-2017 19:18:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบแปด - 28/10/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 28-10-2017 16:48:38
ตอนที่สิบแปด  คนเดิมๆแต่ทำไมไม่เหมือนเดิม
(18.1)



    ฮือออ ปวดฉี่…

     แต่…ขี้เกียจลุกว่ะ คือคนมันกำลังนอนได้ที่เข้าใจไหม…

     ลองนอนๆไปก่อนเเล้วกัน เดี๋ยวคงหายปวดเอง


     สามนาทีผ่านไป…

     โอ้ยยย ไม่ไหวแล้วว้อยยยย ทำไมมันจะต้องมาปวดอะไรตอนนี้ด้วยวะ ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะไม่ลุกเพราะขี้เกียจแต่สงสัยวันนี้ร่างกายจะรับของเหลวมากเกินไปเลยรู้สึกเหมือนเขื่อนกำลังจะแตกอยู่รอมร่อ

แล้วนี่กูนอนอยู่ไหนล่ะเนี่ย งงไปหมดแล้วมืดก็มืดมองไม่เห็น ที่สำคัญแม่งโคตรมึนหัวเลย อ่อ...นึกออกแล้วบ้านพักส่วนบนของไอ้เจมส์ไง และตอนนี้นอกจากมึนหัวก็รู้สึกเหมือนของเก่าในท้องมันกำลังจะขย้อนออกมายังไงอย่างนั้นเลย

     ระหว่างอ้วกกับปวดฉี่ผมควรทำอะไรก่อนดี…?

     แต่ก็นะ…ตอนนี้ผมว่าผมควรวิ่งไปเข้าห้องน้ำก่อนดีกว่า ไม่ไหวแล้วว้อยยยย  ทันเท่าความคิด ผมรีบลุกขึ้นจากที่นอนด้วยความทุลักทุเล


     แต่…

     ไอ้ฝัดเอ้ยยยย! นี่มันเคราะห์ซ้ำกำซัดอะไรของกูวะเนี่ย! ห้องน้ำด้านบนเสือกปิดไม่ให้ใช้อีก ไอ้ฉิบหายแล้วจะวิ่งลงไปทันก่อนอ้วกจะออกมาไหมล่ะเนี่ย!?

แต่สุดท้ายและท้ายสุดก็ต้องจำยอมวิ่งสี่คูณร้อยมาด้วยความมึนๆเมาๆลงมาเข้าห้องน้ำที่ชั้นล่าง วิ่งไปก็จะล้มไป โลกทั้งโลกของผมตอนนี้หมุนเคว้งคว้าง ปวดฉี่ก็ปวด อยากอ้วกก็อยากอ้วก อาศัยเกาะราวบันไดเอาเพื่อพยุงตัวไม่ให้สะดุดขาหรือลื่นล้มลงไปได้ เพราะตอนนี้รู้สึกหัวหมุนโคตรๆ   

     ไอ้ฉิบหาย! นี่ต้องเจออะไรอีกไหมเนี่ย!

     อุ้บบบบ!

     นั่นไงมันมาแล้ว มันออกมาแล้ว มันมาจ่ออยู่ที่คอหอยแล้วครับหัวหน้า!


     พลั่ก!

     
     ไม่รอช้าที่จะผลักประตูห้องน้ำออกด้วยความว่องไว จะไม่ไวได้ไงก็ข้าศึกบุกจนถึงคอหอยแล้ว สรุปไม่ต้องเลือกแล้วครับว่าจะฉี่ก่อนหรือจะอ้วกก่อน  เพราะว่าไอ้ช้อยส์สุดท้ายมันดันด่วนอยากออกมาก่อนใครเขาก็เลยต้องจัดการมันก่อน 


     อ้วกกก!


     เข้ามาถึงห้องน้ำยังไม่เสี้ยววินาทีผมนี่แทบโก่งคออ้วกขย้อนของเก่าที่อยู่ในท้องลงไปในโถส้วมแทบไม่ทัน   


     อ้วกกก!


     แล้วก็กอดมันไว้ประหนึ่งว่าเป็นคู่ชีวิต เปล่าครับที่จริงมันหมดแรงแม้แต่จะนั่งยังไม่มีเลยไม่สามารถทรงตัวได้


     อ้วกกก!


     โว้ยยยย ทำไมมันทรมานอย่างนี้ครับหัวหน้า!  ฮืออ ไม่เอาแล้วไม่เอาแล้ว ช่วยด้วย… ต่อไปนี้จะไม่แตะแอลกอฮอล์เลย ไม่สิ แตะอยู่แต่จะแตะให้น้อยลงกว่าเดิม
นี่ก็จำได้แค่ว่าคลานกลับเข้ามานอนก่อนคนแรกเลย แล้วตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ววะเนี่ย ไม่รู้เป็นบ้าอะไรถึงได้จังไรลุกขึ้นมาอ้วกแบบนี้

อ้อที่จริงปวดฉี่ก่อน หลังจากนั้นก็อยากอ้วก


     อ้วกกกก!

     ก๊อกสุดท้ายหมดไปพร้อมกับเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ฮือออ ค่อยโล่งหน่อย

     ผมนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นประมาณสองนาทีได้ จากนั้นก็จัดการกดชักโครกและคลานไปเกาะขอบอ่างล้างหน้าเพื่อที่จะได้บ้วนปากแปรงฟังล้างกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ให้ออกไป  พร้อมกับล้างหน้าล้างตาเผื่อจะได้สดชื่นขึ้นมาหน่อยเพราะที่จริงรู้สึกว่ายังไม่ได้สร่างเมาสักเท่าไร ยังคงมึนๆหัวอยู่ จริงๆอย่าเรียกว่ามึนๆ ให้พูดและลากเสียงยาวๆว่ามึนนนนนนนนนนน

แต่ไม่ถึงขั้นไม่มีสตินะรับรู้ทุกอย่างได้ แต่อาจจะควบคุมไม่ได้ ฮือออ เพราะตอนนี้โลกมันยังหมุนอยู่เลย  นี่ก็คิดว่ายืนอยู่บนม้าหมุนซะอีก 

พอเอาของเก่าออกไปหมดแล้วก็ถึงในส่วนของการปลดทุกข์สักทีทุกข์เบานะไม่ใช่ทุกข์หนัก เพราะถ้าช้ากว่านี้มีรายการคนฉี่แตกแน่ๆ

     เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นสมองมันก็สั่งการมาว่าให้ไปหาของเย็นๆดื่มแก้โลกหมุนซะหน่อย ว่าแล้วก็จัดการหอบสังขารตัวเองมาหยุดอยู่ตรงตู้เย็นตรงส่วนข้างในครัว คลำหาสวิตช์เปิดไฟเพื่อเปิด จากนั้นพื้นที่ตรงนี้ก็ไม่มืดอีกต่อไป  แล้วห้องครัวบ้านมันเนี่ยไม่รู้จะทำประตูปิดทำไม จริงๆเป็นคนไม่ชอบอยู่ที่แบบนี้คนเดียวผมเลยเปิดประตูค้างไว้อย่างนั้น

ถึงบ้านนี้จะไม่ค่อยมีคนมาพักแต่ก็มีคนคอยดูแลนะ เป็นพ่อบ้านที่ป๊าไอ้เจมส์เขาจ้างมาดูแล ซึ่งก็เป็นคนรู้จักแถวๆนี้แหละ บ้านเลยไม่ร้างเท่าไร ยังพอมีของที่สามารถใช้ได้อยู่บ้าง

     ผมเปิดตู้เย็นออกมายืนนึกคิดพิจารณาอยู่นานสองนาน ว่าจะเอาอะไร… เอ้ออ นี่ผมจะเอาอะไรวะ?


     อ๋อออ หาอะไรดื่ม นี่ก็ยืนนึกตั้งนานว่าจะเอาอะไร บ้าจริง!

     หลงลืมไปชั่วขณะว่าจะมาเอาอะไร พอนึกได้ก็เลยคว้าโค้กกระป๋องหนึ่งในตู้เย็นติดมือมา ป๊อก!  จัดการเปิดกระป๋องโค้กและยกขึ้นดื่มด้วยความรวดเร็ว


     อ่าซ์…

     ซ่าดีจริงๆ

     แต่…


     “ปิง”

     ขุ่นพระ!!

     อื้อหือ โค้กในปากนี่แทบพุ่ง ก็จะอะไรซะอีกล่ะ พี่เพลงไงครับ! แหมมไอ้เราก็คิดว่าผีที่ไหน  มาเงียบๆเชียว ตกอกตกใจหมดเลย ว่าแต่มาตั้งแต่ตอนไหนวะเนี่ย ทำไมไม่ได้ยินเสียงเลย   พี่เพลงลุกขึ้นมาทำอะไรตอนนี้วะจำได้ว่าดื่มเข้าไปเยอะเหมือนกันนี่หว่า


     “โห…ตกใจหมดเลย”  ผมพูดเมื่อสมองอันน้อยนิดประมวลผลสำเร็จแล้ว แต่เธอไม่ตอบกลับยืนจ้องผมอยู่อย่างนั้นไม่วางตา

     “…”
      หืม…อะไรเนี่ย?  หรือพี่เพลงจะละเมอเดินลงมา

     “พี่เพลงมีอะไรเหรอ?”  ถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าพี่เพลงยังคงเงียบและค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ผมช้าๆ   จนตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกำลังจนมุมเข้าทุกที

     กูว่าไม่ละเมอละ

     “พี่เมาหรือเปล่า ไปนอนไหม?” ครั้งนี้พี่เพลงเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นกว่าเดิมจนแผ่นหลังมันแนบสนิทเข้ากับตู้เย็นและร่างกายส่วนด้านหน้าของเราสัมผัสกันมากขึ้น ชนิดที่ว่าแทบไม่พื้นที่ให้อากาศผ่านไปได้เลย

     “ปิง”  เสียงคนตรงหน้าแหบพร่าและเบาหวิวเมื่อเรียกชื่อผม แบบว่าถ้าไม่ได้ใกล้กันระดับนี้จะไม่ได้ยิน 

     “พี่…”  ครั้งนี้ไม่พูดเปล่า พี่เพลงเอื้อมแขนทั้งสองข้างมาคล้องคอผมไว้ ไม่ได้แน่นมากเท่าไร แต่ก็ทำให้ร่างกายของเราชิดกันมากกว่าเดิม

     “พี่เพลง ป เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” 

     “ไม่ ไม่เลย…” เธอตอบอ้อมแอ้มท่าทางยังคงดูมึนเมาเหมือนเดิม “แค่อยากกอดปิงก็เท่านั้นเอง”  และซุกใบหน้าลงตรงอกผม จากนั้นผมก็รับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นที่กำลังไหลซึมผ่านเสื้อตัวบางมาถึงผิวเนื้อตรงช่วงอกของตัวเอง ซึ่งผมไม่ได้กอดตอบแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธทำได้เพียงแค่คลำๆหาพื้นที่ข้างหลังเพื่อที่จะได้เอากระป๋องโค้กวางไว้

     “พี่ร้องไห้ทำไมครับ” 

     “ไม่ได้ร้องสักหน่อย”  เธอตอบเสียงอู้อี้ทั้งที่ใบหน้ายังคงซุกอกผมอยู่อย่างนั้น

     “…”  ผมเงียบ เพราะไม่รู้จะพูโอะไรต่อไปดี ถ้าเธอตอบมาว่าไม่ร้องนั่นแสดงว่าอาจจะเป็นน้ำลาย


     อะล้อเล่น…

     “ปิงยังรู้สึกกับพี่เหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า?”  หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็ถามขึ้น และมันเป็นคำถามที่ผมไม่รู้จะตอบยังไงดี

     “อะ เอ่อ…” 

     “พี่ขอโทษนะ”  ยังไม่ทันที่จะตอบคำถามด้วยซ้ำพี่เพลงก็พูดแทรกขึ้นมาดื้อๆ

     “…”

     “พี่ไม่รู้จริงๆว่าเปอร์มันทำแบบนั้นกับปิง”

     “ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันนานมาแล้วช่างมันเถอะ”  แม้ช่วงแรกจะเจ็บเหมือนตายผมยังจำได้ไม่เคยลืม แต่น่าแปลกที่พอมาวันนี้ผมกลับรู้สึกเฉยๆและไม่ได้อะไรแล้ว

     “แล้วเรื่องที่เคยรู้สึกกับพี่ล่ะ ปิงจะปล่อยมันไปอย่างนี้เหรอ?”   
 
     หืม…ที่ถามแบบนี้นี่คือยังไงวะ พี่ต้องการคำตอบแบบไหนกัน?  แต่ผมให้ไม่ได้หรอกนะขนาดตัวเองยังตอบไม่ได้เลย

     “ผม…”

     “ไม่ได้รู้สึกแล้วใช่ไหม?”    อีกครั้งที่พี่เพลงพูดแทรกขึ้นมาและรอบนี้เธอเลิกเอาหน้าซุกที่อกผมพร้อมกับช้อนตาขึ้นมองราวกับว่ากำลังคาดหวังในคำตอบนี้มาก

     “ผม…”  รอบนี้ไม่มีการพูดแทรกอะไรทั้งนั้น แต่มันติดอยู่ที่ผมเอง ที่ไม่รู้จะตอบยังไงเพราะคำตอบนั้นไม่ได้มีตั้งแต่แรก
 
     “ผม…” 

     “…”

     “มะ  ไม่รู้สิ”   

     ใช่…ตอนนี้ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้แค่ว่าความรู้สึกมันได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนพอสมควร ยังรักไหม?ผมไม่รู้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังรู้สึกดีด้วย  ทำไมดูเป็นคนย้อนแย้งแบบนี้วะ 

     “ผม…” 


     อื้ออ

     ว่าจะต่อประโยคให้จบแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกไปพี่เพลงก็เขย่งปลายเท้าให้ความสูงเราอยู่ในระดับเดียวกันก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาเอาซะผมตั้งตัวแทบไม่ทัน

การโดนกอดและโดนจูบจากพี่เพลงผมก็ยังคงปฏิบัติเช่นเดิม นั่นคือการไม่ตอบสนองแต่ก็ไม่ได้ผลักใส ผมไม่เคยจูบใคร…ไม่สิอาจจะเคย แต่ตอนนั้นไม่ได้สติ พอโดนอย่างนี้เลยรู้สึกเหมือนเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก   

พี่เพลงยังคงจูบผมอย่างไม่ยอมลดละ เธอไม่ได้รุกล้ำหรืออะไรแค่บดคลึงเบาบ้างหนักบ้าง ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเจ้าตัวพยายามถ่ายทอดความรู้สึกบางอย่างให้ได้รับรู้และแน่นอนว่าเธอเองก็ต้องการคำตอบอะไรสักอย่างจากผม ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจนักว่าการจูบมันทำให้เรารู้อะไรมากขนาดนี้เลยเหรอ
ผมไม่ใช่คนลึกซึ้ง แถมยังเป็นคนเข้าใจอะไรยากเพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้มันเลยทำให้ผมยากที่จะเข้าใจพอสมควร 


     “ปิงรู้สึกอะไรบ้างไหม?”   เธอเอ่ยถาม หลังจากที่ถอนริมฝีปากออกมา
     ที่จริงผมก็ยังไม่รู้นะ ว่ามันต้องรู้สึกยังไง  รู้สึกกับไม่รู้สึกมันต้องสื่อสารกันจากการสนทนาสิถึงจะรู้ มาจูบแบบนี้แล้วผมจะรู้เหรอ

     “ผม…”

     “ผมไม่ได้รู้สึกใช่ไหม?”  พี่เพลงว่า

     “เปล่า… ผมแค่ไม่รู้”

     “แต่พี่รู้…” 

     “หะ?” 

     “ปิงไม่ได้รู้สึกแล้วใช่ไหม?” 

     “…”

     “พี่รู้…แค่เมื่อครู่พี่ก็รู้แล้ว”   

     “…”  แค่จูบก็สามารถรู้ได้เลยเหรอวะ ว่าใครรู้สึกอะไรกับเรา?

     “จริงๆพี่ไม่น่าถามเลยเนอะ” 

     “พะ พี่เพลง” 

     “พี่ไปนอนก่อนนะ มึนหัวมาก”  ผมทำได้แค่เพียงเท่านี้  แม้ปากจะเรียกชื่อแต่มือกลับไม่คว้าตัวเธอไว้ ท้ายที่สุดพี่เพลงก็เดินออกไป 


     หรือผมจะไม่รู้สึกแล้วจริงๆ…

    ส่วนตัวผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพราะกำลังรู้สึกสับสนกับความคิดและความรู้สึกตัวเอง ไม่แน่ใจมากนักว่ายังรู้สึกกับพี่เพลงหรือเปล่าใจหนึ่งก็บอกว่าใช่ แต่อีกใจหนึ่งกลับบอกว่าไม่ แล้วผมกำลังรู้สึกกับใครอยู่กันแน่ เพราะตอนนี้ผมรู้ว่ามันไม่ได้ปกติอย่างที่เคยเป็น

ส่วนสมองมันก็คิดไปหลายๆอย่าง อย่างเช่นเรื่องแรกก็คือเรื่องที่พี่เพลงทำแบบนี้ คือยากรู้ว่าพี่ทำเพื่ออะไร แน่นอนว่าความคิดกับความรู้สึกมันสัมพันธ์กันพอคิดแล้วก็ต้องรู้สึกตอนนี้เลยเหมือนทุกอย่างกำลังผสมปนเปตีกันไปหมด เหมือนคนที่กำลังกินแอลกอฮอล์เข้าไปหลายขนานจนมันทำให้หัวหมุนจนแทบเวียนหัว

ผมว่าผมอาจจะยังมึนๆอยู่เลยไม่สามารถจัดความคิดของตัวเองและไตร่ตรองมันไม่ได้ เพราะงั้นเลยเลือกที่จะขึ้นไปนอนพักสักหน่อยไว้พรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยว่ากัน



(บันทึกของเพลง)
 

     ฉันอาจจะเป็นผู้หญิงที่แย่มากคนหนึ่งในสายตาของปิง ฉันรับรู้มาโดยตลอดว่าน้องชอบฉัน และชอบมาตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนมัธยมโรงเรียนเดียวกัน และยังมีโอกาสได้มาเรียนมหาลัยเดียวกัน ครั้งแรกที่เจอฉันเองก็ตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้อะไรมากนัก
จนมาเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ ที่…

ที่ฉันได้ทำร้ายความรู้สึกของน้องไปอย่างไม่ใยดี  ตอนนั้นจะเรียกได้ว่าฉันหลงเปอร์แบบหัวปักหัวปำ ขาดเขาไม่ได้จนใช้น้องเป็นเครื่องมือเพื่อประชดแฟนเก่า

ฉันมันเลวฉันรู้ดี และตอนนี้ผู้หญิงเลวๆแบบฉันก็ไม่เหลือใครแล้ว  หลังจากที่กลับไปคบกับเปอร์เขาก็ยังคงไม่เลิกนิสัยแบบเดิม นั่นคือการไม่รู้จักพอและบวกเพิ่มมาด้วยการที่ชอบทำร้ายร่างกาย เขาทำร้ายฉันในเวลาที่เราทะเลาะกันแทบจะทุกครั้งเลยก็ว่าได้
จนตอนนี้ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ได้จบลงในที่สุด น่าแปลกที่ฉันกลับนึกถึงปิงขึ้นมาเป็นคนแรก ทั้งที่ในชีวิตฉันมีผู้คนมากหน้าหลายตาผ่านเข้ามา มีทั้งเพื่อนสนิทและไม่สนิทคนที่พร้อมจะดูแลฉันก็มีมากมายแต่ไม่รู้ทำไมหัวใจเจ้ากรรมมันดันมานึกถึงน้องซะได้ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฉันอยากกลับมา แต่ฉันคิดว่ามันสายไป..น้องคงไม่ได้มีฉันอยู่ในหัวใจอีกแล้วล่ะ

ถึงก่อนหน้านี้ฉันจะไม่ได้จูบกับปิงเพื่อพิสูจน์ความในใจหรือพิสูจน์เรื่องของความรู้สึกบ้าบออะไรนั่น ฉันก็พอที่จะมองออกได้ว่าในใจของปิงตอนนี้กำลีงมีใครอยู่และใครคนนั้นฉันเองก็พอจะรู้


     เขาคือ…


     พี่เสือ


     ฉันเเค่คิดว่าน่ะนะ สองคนนี้อาจจะมีความรู้สึกดีๆให้กัน แน่นอนว่ามันต้องมากกว่าที่รุ่นพี่รุ่นน้องจะมีให้กันได้ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สงสัยอะไรแต่พอมาวันนี้ฉันแน่ใจมากว่าต้องใช่ ฉันไม่ได้รังเกียจหรอกนะว่าน้องจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิง และรสนิยมจะเป็นยังไง
แต่ฉันก็ตกใจเล็กน้อยตอนที่ตัวเองคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ฉันก็แค่คิดไม่ถึงน่ะ  เพราะปิงดูไม่มีแนวโน้มแต่ก็นั่นแหละสุดท้ายแล้วเขาจะชอบใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเขานี่นะ ส่วนฉันนะมันเป็นแค่คนที่น้องเคยชอบก็เท่านั้น 

แต่ก็คิดไว้แล้ว ถ้าน้องชอบพี่เสือจริงๆ ฉันก็คงจะช่วยให้ทั่งคู่ได้คบกันจริงๆ ถึงแม้ว่าในใจมันจะค้านมากก็ตามเพราะที่จริงฉันอยากแย่งน้องมาเป็นของฉันไม่อยากให้เขาไปเป็นของใคร แต่ก็นะฉันเคยทำไม่ดีกับน้องไว้พอสมควรความคิดชั่วร้ายทั้งหมดที่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหนเลยหยุดลง

เมื่อครู่นี้ ตอนที่ฉันจูบกับปิงฉันแอบเห็นพี่เสือด้วยล่ะ   จริงๆมันก็เป็นแผนของฉันด้วยเหมือนกัน ก็กะจะยิงปืนนัดเดียวให้ได้นกสองตัว

คือหนึ่งถ้าปิงไม่ได้ชอบฉันแล้วก็ถือว่าแค่พิสูจน์ถ้ายังชอบอยู่ก็อาจจะได้สานต่อแต่ถ้าไม่… พี่เสือที่แอบดูอยู่ตรงบานประตูนั้นจะได้ชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองและน้องมันสักที เพราะฉันคิดว่าสองคนนี้ต้องรู้สึกดีๆให้กันแต่อาจจะไม่กล้าพูดมันออกมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ฉันก็อยากช่วยให้น้องสมหวังนะ

ถือว่าเป็นการไถ่โทษก็แล้วกัน แม้ใจฉันจะคัดค้านมากขนาดไหน 

(จบบันทึกของเพลง)



     ฮืออออ 

     ช่วยด้วย ช่วยผมด้วยครับหัวหน้า…

     พลิกซ้ายก็แล้ว พลิกขวาก็แล้วก็ยังนอนไม่หลับจนตอนนี้มันเริ่มจะสร่างเมาแล้วเนี่ย 

     เฮ้อออ… เพราะหลายๆเรื่องกำลังตีกันในสมองให้ว้าวุ่นรบกวนจิตใจผมฉิบหายมันเลยเกิดอาการอย่างที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ 
โว้ยยยย!!

     เออ! ไม่อยากนอนนักใช่ไหม! ได้กูลุกก็ได้!


     ในเมื่อไอ้ร่างกายไม่รักดีมันไม่อยากพักผ่อน สุดท้ายก็เลยต้องหอบสารร่างตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากที่นอน จากนั้นก็เปิดเครื่องวาร์ปให้ลงมาอยู่ที่หน้าชายหาดหน้าบ้านสักหน่อย  มารับบรรยากาศอื่นๆบ้างเผื่อสมองจะโล่ง เผื่อเลิกคิดเรื่องอะไรต่อมิอะไรได้ จากนั้นจะได้ขึ้นไปนอน


เรื่องที่คิดก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็เรื่องของพี่เพลงนั่นแหละ แถมยังเรื่องความรู้สึกผมในตอนนี้ที่มันค่อนข้างไม่ชัดเจน ไม่รู้สิ…จะว่าผมไม่รู้ใจตัวเองก็ได้นะ แต่ทำไงได้ ก็มันสับสนจริงๆ สับสนแบบสาเหตุไม่แน่ชัดด้วย ตอนนี้รอบตัวเหมือนอะไรต่างก็มืดๆมัวๆเหมือนมีหมอกบังอยู่ เออเอารอบตัวตอนนี้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ต่างสับสน ไอ้ฉิบหาย!


     หืมมม…ละนั่นใครวะน่ะ? เห็นแล้วก็รู้สึกคุ้นๆ

     ผมเห็นใครบางคนนั่งทำอะไรไม่รู้อยู่ใกล้ๆกับทะเล ซึ่งเกือบโดนน้ำทะเลที่กำลังสาดซัดเข้ามาเป็นระรอกๆแต่ก็ไม่โดน

     ท่าทางคุ้นๆ
     เสื้อผ้าก็คุ้นๆ

     ไม่รอช้าที่คนอยากรู้อยากเห็นอย่างผมจะเดินเข้าไปใกล้ๆ

     และแล้ว…


     อ่านต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเเปด - 28/10/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 28-10-2017 16:50:22
อ่อ ไอ้เสือเองครับหัวหน้า คิดว่าแต่ใครที่ไหน ก็ว่าอยู่ทำไมท่าทางคุ้นๆ แหนะ! มันไม่ได้นั่งเฉยนะ ยังพ่วงด้วยการเล่นกีตาร์คลอกับบรรยากาศตอนนี้อีก แหมมมมม เพิ่งรู้เลยนะครับว่ามันก็เล่นกีตาร์กับเขาก็เป็นด้วย แอบเห็นขวดเบียร์วางไว้ข้างกายอีกต่างหาก  นี่เอ็งติสท์แตกเหรอวะหรือยังไง

ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้คนตัวสูงที่กำลังนั่งเล่นกีตาร์อย่างไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง และผมใกล้มันมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆจนได้ยินเสียงทุ้มนั้นร้องเพลงคลอกับเสียงกีตาร์ที่เจ้าตัวกำลังเล่น สงสัยว่ายังคงไม่รู้ตัว เพราะผมเองก็ตั้งใจจะมาแบบไม่ให้มันรู้ตัว 

อืม…เพลงอะไรวะ ทำไมฟังแล้วเหงาแบบนี้  ผมก็ไม่แน่ใจน่ะนะ ว่านี่เพลงอะไรรู้แค่ว่ามันคือเพลงสากล ปกติจะไม่ค่อยฟังเพลงแบบนี้เท่าไร เพราะไม่ใช่แนว แต่…ผมกลับรู้สึกว่าเพลงที่มันกำลังร้องอยู่เพราะจนอยากไปหาต้นฉบับฟังเลย


     “มานั่งทำอะไรคนเดียวตรงนี้วะ?”   เมื่อได้ฟังมันร้องได้สักพักผมก็เอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆ ไม่ได้ห่างกันมากแต่ก็ไม่ได้ชิดกันเกินไป

     “นอนไม่หลับ”  เจ้าตัวตอบ และทำท่าทีจับคอร์ดกีตาร์ สนใจแต่กีตาร์ไม่หันมามองผมบ้างเลย 

     “นี่มึงเล่นกีตาร์เป็นด้วยเหรอ?”  เพราะมันไม่ยอมหันมาสนใจ ผมก็เลยทำเนียนเอามือไปวางไว้ที่ไหล่มันซะเลย พร้อมกับทำหน้าตาเหมือนคนยากรู้อยากเห็น  เออเอาไหนๆก็ไหนๆละแกล้งเมามันซะเลยจะได้ไม่ถือสาถ้าผมเผลอทำหรือพูดอะไรที่บ้าๆออกไป

     “พอได้”  แต่เจ้าตัวกลับตอบเสียงเรียบ
     เฮ้! นี่หันมาสนใจกูบ้างดิวะ มานั่งด้วยทั้งทีนะเว้ย!

     เดี๋ยวนะ? แล้วทำไมผมถึงต้องอยากให้มันมาสนใจอะไรขนาดนี้ด้วย

     “อ่อ”  ด้วยความที่กำลังเกิดความเบลอชั่วขณะ เลยตอบมันไปแค่เท่านั้น มือข้างที่จับไหล่มันอยู่ตกลงมาที่เดิมซึ่งคือข้างกายของผม เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย มันจะสนใจหรือไม่สนใจทำไมผมต้องเป็นเดือดเป็นร้อนด้วย?

     เฮ้! ไม่เอาน่าจะคิดอะไรนักหนายังมีเรื่องให้สับสนไม่พออีกหรือไง!

     ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ความเงียบกำลังกลืนกินบรรยากาศรอบตัวของเราสองคนไป เพราะต่างคนต่างก็ตกอยู่ในห้วงความคิดที่เตลิดไปไกล เสียงคลื่น เสียงลม เสียงกีตาร์ที่ดังคลอคอยกล่อมให้บรรยากาศตอนนี้ดีมากขึ้นกว่าเดิม   

ทำไมผมกำลังรู้สึกมีความสุขมากขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เรื่องพี่เพลงก่อนหน้านี้ก็ถูกปัดเป่าออกไปเพราะคนข้างๆ น่าแปลกที่เวลาผมกำลังว้าวุ่นแต่พอได้อยู่ใกล้มันกลับรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจจนน่าประหลาด เพราะอะไรกันวะ?


เสียงกีตาร์หยุดลงพร้อมกับความคิดของผมที่กำลังเตลิดไปไกล แอบเห็นการเคลื่อนไหวของคนข้างกาย ซึ่งเจ้าตัวกำลังยกเบียร์ขึ้นมาดื่มและยังไม่ทันวางลงด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าด้วยความมือไวหรือเพราะอะไรผมถึงได้แย่งขวดเบียร์ในมือไอ้เสือมาดื่มทั้งที่ไม่ได้
อยากดื่ม “กูแดกด้วยนะ” 

     ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าอะไรที่เป็นมันหรือเกี่ยวกับมันผมอยากเข้าใกล้อยากสัมผัสอยากมีส่วนร่วม ไม่เว้นแม้แต่การดื่มเบียร์ขวดเดียวกัน   
     ตลกว่ะ! นี่ผมเป็นบ้าอะไรวะ ทำไมคิดอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้ได้

ทันทีที่ปากขวดสัมผัสกับริมฝีปาก ผมกลับรู้สึกร้อนขึ้นมาอย่างน่าประหลาดเพราะเมื่อครู่ไอ้เสือเองก็ดื่มเบียร์ขวดนี้ แน่นอนว่าปากมันก็ต้องโดนกับปากขวด ทั้งที่มันควรจะรู้สึกเย็นสิ แต่ทำไม… ผมกลับรู้สึกร้อนแปลกๆ 

หรือว่าแอลกอฮอล์ในร่างกายผมมันยังไม่หายไปนะ ดูดิรู้สึกเหมือนความร้อนกำลังรามมากองรวมอยู่ที่หน้ายังไงอย่างนั้น   
ผมทอดสายตามองออกไปข้างหน้ายังผืนทะเลที่ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด มันมืดสนิทและไกลสุดลูกหูลูกตาจนให้ความรู้สึกโหวงเหวงในช่องท้องแปลกๆ เห้ออ…ไม่รู้ว่าทะเลกับอนาคตผมอันไหนมันจะยาวกว่ากัน คิดแล้วก็ขำ วันพรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อไปนะ ผมจะยังรู้สึกมีความสุขเหมือนอย่างกับตอนนี้อยู่หรือเปล่า…
แต่ผมว่าคงจะมีความสุขแหละ ถ้าข้างๆผมยังมีคนที่ชื่อเสืออยู่ด้วยกัน


เอ…จำได้ว่าก่อนหน้านี้ยังคิดเรื่องพี่เพลงนี่หว่า แล้วทำไมตอนนี้มาคิดเรื่องไอ้เสือซะได้ รู้ตัวอีกทีก็มีแต่มัน มัน และมัน อยู่ในหัวผมแล้วเนี่ย


     “มองไร?”  ผมตั้งคำถามทันทีที่หันไปแล้วพบว่าคนที่ลอยวนอยู่ในความคิดกำลังมองหน้าผมอยู่
จะบอกว่ารู้สึกแปลกๆกับสายตามันยังไงก็ไม่รู้ครับกับสายตาที่มันมองผมอยู่ตอนนี้

     “เปล่า”  มันตอบและหันหน้าไปยังทิศทางเดิม พร้อมกับวางกีตาร์ไว้ข้างกาย 

     “เล่นต่อดิ กำลังได้บรรยากาศเลย” 

     “บรรยากาศไร?”

     “เอ้า! ก็ฟ้าสวย เพลงเพราะ เบียร์อร่อย”   …แล้วก็มึง
     ไอ้อย่างสุดท้ายผมไม่ได้พูดออกไป เพียงแค่เป็นสิ่งที่คิดได้อยู่ในใจเท่านั้น ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงคิดได้

     “เหรอ” 

     “เออสิวะ!” ผมตอบ พลางสะบัดศีรษะน้อยๆเพื่อไล่ความคิดบ้าบอที่กำลังอยู่ในหัวให้หายไปสักที

     “อยากฟังเพลงอะไรล่ะ?”    คนข้างๆถามพร้อมกับนำกีตาร์ที่วางไว้เมื่อครู่กับมาอยู่ในมือและจับคอร์ดไปเรื่อยๆเตรียมพร้อมเพื่อเล่นเพลง

     “อะไรก็ได้ เล่นมาเถอะ”   ตอนนี้อะไรก็ได้ เพลงที่แม่งจะมากลบเสียงความคิดของกูไปเนี่ย
เจ้าตัวนั่งนิ่งไปพักหนึ่ง “ไม่รู้ คิดไม่ออก”  และพูดออกมาว่าคิดไม่ออก


     เออครับ… กูก็คิดไม่ออก

     “อืม…งั้นลองเอาเพลงตามความรู้สึกตามอารมณ์มึงตอนนี้ดิวะ” ก็เลยตอบไปแบบนี้ แทนที่จะเป็นชื่อเพลง
ก็คิดไม่ออกเหมือนกันนี่หว่า… หวังว่ามึงจะไม่นึกคึกลุกขึ้นมาร้องบัวลอยหรอกนะ

ก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ถึงไม่ลืมเธอ
มีเธอในใจฉันเสมอ… ไม่เข้าใจ
อยากกอดเธอเอาไว้ สักเท่าไร
แต่หัวใจ ฉันก็รู้ดี จูบเธอได้ในฝัน
เท่านี้…แค่นี้…เพียงข้างในใจ



     เพลงรักไม่ได้ ของGroove rider  นี่มันกำลังรู้สึกและอยู่ในอารมณ์แบบนี้เหรอ?  เพิ่งรู้นะว่าไอ้เสือมีคนในใจแล้ว ใครกันวะที่มันรักไม่ได้ น่าสงสารนะ แต่ก็น่าอิจฉาใครคนนั้นมากกว่า

     อิจฉาที่ได้มาอยู่ในใจคนดีๆแบบมึงไง

     มันไม่ได้ร้องเพลงเพราะอะไรมากหรอก แต่เสียงทุ้มๆบวกกับเสียงกีตาร์ที่ดังคลอช่างเข้ากันดีและน่าฟังจนอยากให้มันร้องแบบไม่ต้องหยุด 


รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง ต้องห้ามตัวเอง บอกอมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง
ชอบเขาเท่าไรก็ต้องหยุดไว้เอง

เป็นบททดสอบของเบื้องบน ให้ค้นหาหัวใจ
ส่งมาให้ตัวฉันข้ามไป
อยากจะลองใจฉันหรือเปล่า
จะได้รู้ว่ารัก ลึกแค่ไหน
ให้เห็นเงา สะท้อนหัวใจ
เก็บเธอไว้แค่ฝัน ได้ไหม
เพราะหัวใจฉันก็เสียดาย

รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง ต้องห้ามตัวเองบอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง
ชอบเขาเท่าไรก็ต้องหยุดไว้เอง

รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง ต้องห้ามตัวเองบอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง
ชอบเขาเท่าไรก็ต้องหยุดไว้เอง

รักไม่ได้บอกกับตัวเอง หัวใจตัวเอง ต้องห้ามตัวเองบอกมันอย่าหวั่นไหว
รักเขาไม่ได้ เขาดียังไง
ชอบเขาเท่าไรก็ต้องหยุดไว้เอง



     เสียงร้องและดนตรีหยุดลง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่หยุดคือความคิดความสงสัยของผม   มันอยากจะรู้แบบใจจะขาดว่าคนคนนั้นที่แม่งทำให้มันต้องร้องเพลงรักไม่ได้นี้เป็นใคร “นี่มึงกำลังอยู่ในอารมณ์นี้เหรอเนี่ย! ว่าแต่ใครคือคนนั้นของมึงวะที่รักไม่ได้น่ะ?”

ผมพูดติดตลก พร้อมกับหันหน้าไปมองคนข้างๆที่ตอนนี้มันได้มองผมอยู่ก่อนแล้ว  เมื่อเห็นว่ามันยังไม่มีท่าทีที่จะตอบก็เลยพูดขึ้นว่า “แม่งเจ๋งสาดดด คราวหลังสอนกูเล่นบ้างด…”


     หมับ!

     อื้อ…

     แต่แล้วผมกลับถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว

     เหมือนกับโลกของผมกำลังหยุดนิ่ง รอบตัวไม่มีอะไรที่กำลังเคลื่อนไหว เมื่อการกระทำของคนข้างๆเล่นทำซะผมแทบหยุดหายใจ และตั้งสติไม่อยู่  เพราะอยู่ๆขณะที่ผมกำลังเอ่ยปากถามและยังไม่ทันได้จบประโยคดีด้วยซ้ำ ไอ้เสือมันก็รั้งต้นคอผมเข้าใกล้จากนั้นก็ทาบทับริมฝีปากลงมาด้วยความรวดเร็ว 


     มะ มัน จะ จูบผมทำไมวะ…

     ความสงสัยและคำถามตั่งต่างมากมายเกิดขึ้นจนนับไม่ถ้วน แต่กลับพูดอะไรได้ไม่มากนอกจากคำว่า ช็อค ช็อค และช็อค
ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ในทางกลับกันมันเกิดความรู้สึกดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด  บรรยายไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกยังไงกับริมฝีปากที่
คลอเคลียและขบเม้มจนทำให้ผมรู้สึกโหวงเหวงที่ช่องท้องเหมือนกับมีผีเสื้อนับล้านที่กำลังบินว่อน

ไอ้เสือไม่ได้พันธนาการผมไว้แน่นหนาอะไรขนาดนั้น ซึ่งผมสามารถขยับตัวหนีได้ แต่ผมเลือกที่จะไม่ทำ เพราะผมเหมือนกำลังรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง  บางอย่างที่กำลังสื่อสารมาถึงผม... เเต่เเค่ไม่เเน่ใจ 


     อื้อ…

     แต่สุดท้ายก็เป็นผมที่ดันหน้าของอีกคนให้ออกห่าง เป็นผมที่เป็นฝ่ายผละออกมา ไม่ใช่ผมไม่รู้สึกดี แน่นอนว่ามันดี ดีกว่าตอนที่พี่เพลงทำแบบนี้กับผมซะอีก แต่ผมก็ยังเป็นผม ผมมันคนเข้าใจอะไรยากผมไม่รู้หรอกว่ามันหมายความว่าอะไร ยังไงซะ
การสื่อสารที่ดีที่สุดสำหรับผมคือการสนทนา ไม่ใช่การที่จะมาจูบกันแบบนี้

เราต่างก็เงียบไปพักหนึ่ง หอบหายใจกันเป็นว่าเล่น ก็จูบเมื่อครู่นี้เล่นเอาผมแทบหายใจหายคอไม่ทันจนไม่รู้ว่าตอนนี้ระหว่างเสียงลมกับเสียงลมหายใจของผมกับมันอันไหนดังกว่ากัน

ฝ่ามือที่จับต้นคอผมไว้ในครั้งแรกยังไม่ได้ละออกไป จนตอนนี้ไอ้เสือมันออกแรงมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยจากนั้นก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมอีกครั้งจนต้องหลับตาปี๋คิดว่ามันจะทำแบบเดิม แต่ที่ไหนได้เจ้าตัวกลับแนบหน้าผากตัวเองลงมาให้ชิดกับหน้าผากผม ใกล้กันมากจนลมหายใจนั้นรินรดใบหน้า

ผมเงียบไปเพราะยังหาเสียงและคำพูดของตัวเองไม่เจอ หัวใจผมเต้นแรง สติที่เคยมีมันวิ่งหนีหายไปไหนไม่รู้จนตอนนี้ก็หาไม่เจอ ผมทั้งตกใจและตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน ถ้าให้พูดตอนนี้ปากและเสียงมันคงสั่นจนน่าอาย


     “มะ มึง ชะ ชอบกูเหรอวะ?”  ห้านาทีผ่านไปจนผมรวบรวมสติที่หายไปให้กลับมา  นี่ขนาดว่ามีสติขึ้นมาหน่อยแล้วนะ ขณะที่พูดไปเสียงมันยังสั่นๆอยู่เลย

     สั่นพอๆกับหัวใจที่เต้นแรงมากจนแทบจะทะลุออกมาจากอก

     ไอ้เสือผละหน้าผากที่กำลังแนบชิดกับหน้าผากผมให้ออกห่างพอประมาณ   มันจ้องเข้ามาในตาทำเอาผมแทบอาย อยากจะมุดลงไปในดินทรายให้มันรู้แล้วรู้รอด 

     อื้อ…

     มันจูบผมอีกครั้ง…

     และครั้งนี้กลับทำให้คนเข้าใจยากอย่างผมรู้ว่าทำไมถึงต้องจูบ จูบแล้วได้คำตอบยังไง…

    ผมรู้แล้วว่าจูบนี้นั้นต่างกับของพี่เพลงยังไง จริงอยู่ที่ครั้งหนึ่งเราน่าจะเคยจูบกันหรืออาจะไม่ก็ได้ ก็เพราะตอนนั้นเรามีอะไรกันทั้งที่ไม่มีสติ แต่ครั้งนั้นผมเมาและจำความรู้สึกไม่ได้ แต่ที่แน่ๆมันไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้แน่นอน

ครั้งนี้ผมรู้สึกบิดเกร็งในช่องท้องมากกว่าเดิมเป็นล้านเท่าเพราะเรียวลิ้นที่เคลือบไปด้วยแอลกอฮอล์นั้นได้สอดแทรกเข้ามาอย่างจาบจ้วง จนทำให้ผมแทบจะมัวเมายิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ ผมไม่ได้จูบตอบเพราะไม่ประสาเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าถ้าอีกฝ่ายทำแบบนี้แล้วต้องทำยังไง


จูบครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งแรก ไม่ว่าจะในเรื่องของความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดมาอย่างชัดเจน แรงกระขบเม้มที่ส่งมาให้ซึ่งมันมากจนผมคิดว่าปากแม่งต้องบวม เจ่อมากแน่ถ้ายังไม่หยุดจูบ

จูบครั้งนี้ดูเอาแต่ใจจนผมแทบจะไม่ไหว และยิ่งหนักเข้าไปอีกเมื่อองศาของใบหน้าถูกปรับเอียงเล็กน้อยเพื่อให้สัมผัสกันมากขึ้น ลมหายใจของเรารุนแรงร้อนฉ่า เป่ารดที่ใบหน้าของกันและกัน


     หน้ากูแม่งต้องแดงมากแน่เลยครับหัวหน้า…

     เหมือนกับว่าอารมณ์ตั่งต่างกำลังประทุ จนตอนนี้ลมหายใจผมเริ่มติดขัด  ไอ้ฉิบหายกูเริ่มหายใจไม่ออกแล้วโว้ยยยย
สงสัยว่ามันคงรู้ว่าผมเริ่มอยู่ในอาการแบบไหน สุดท้ายเราต่างก็ผละริมฝีปากออกจากกันในที่สุด แต่ดูเหมือนว่าไอ้เสือมันจะเสียดายเพราะยังคงอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย

     ไอ้เหี้ยตัดหัวกูเอาไปครองไว้เลยไหม ถ้าจะเสียดายขนาดนี้!

     แต่ผมไม่ได้จูบตอบมันเลยนี่นะ มันจะเป็นอะไรไหม คือกูไม่รู้ไงว่ามันต้องทำยังไง


     “เออ กูชอบ”   เสียงทุ้มตอบกลับมา จนผมแทบลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ถามมันว่าอะไร

     “…”  ผมเงียบเพราะยังไม่เลิกอึ้ง ทึ่งและช็อค

     คือตอนนี้สติก็ยังกลับมาไม่ครบถ้วนสักเท่าไร ในสมองมันมีแต่อะไรก็ไม่รู้เหมือนทุกอย่างกำลังรวนระบบกำลังร่ม  แม้แต่คำถามที่เกิดขึ้นมากมายก็ยังไม่ได้ถูกถามออกไป  ภายในใจนี่ยิ่งแล้วใหญ่สับสนตีรวนกับความรู้สึกตั่งต่างจนแทบอยากจะกดรีสตาร์ทให้มันสักหน่อย

     “แล้วมึงล่ะชอบกูไหม?” 

     เหมือนว่าหูจะอื้อไม่ได้ยินเสียงอะไร แม้แต่เสียงลมทะเล แต่น่าแปลกที่เสียงทุ้มๆของมันกลับดังเข้ามาในโสตประสาทซะได้ อย่าเพิ่งถามกันตอนนี้เลย ขอประมวลผมสักครู่ ตอนนี้กูตอบอะไรไม่ได้จริงๆ 

     “กะ กู มะ ไม่รู้”  นานมากกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ แต่ไอ้เสือแม่งก็ยังรอคอยคำตอบจากผม ผมไม่กล้ามองหน้ามันเพราะตอนนี้รู้สึกว่าถ้ามองคงต้องละลายจมไปกับทรายแน่ๆ  เพราะจากความรู้สึก เหมือนว่ามันกำลังมองผมด้วยความร้อนแรง  มันคงจะร้อนแรงชนิดที่แบบว่าเผากูไหม้ได้แน่ๆ

ผมเกร็งเท้าจิกปลายเล็บลงบนพื้นทรายอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ ส่วนมือทั้งสองข้างก็ไม่รู้ว่าเผลอกำเข้าหากันตอนไหน จนตอนนี้ทรายมันเปื้อนมือแทบจะทุกตารางนิ้ว


     ตึกตัก…

     หัวใจกลับมาเต้นระรัวอีกครั้งเมื่อคนข้างๆอยู่ก็จับเข้าที่มือผมเอาดื้อๆ ตอนแรกจากเกร็งๆพอเจอฝ่ามือใหญ่ของมันจับเข้าหน่อยกลับปล่อยออกแทบไม่ทัน นิ้วทั้งห้าสอดประสานเข้ากับมือผม ความอบอุ่นแผ่ซ่านผ่านเม็ดทรายที่ติดอยู่ตรงมือผ่านสู่ผิวเนื้อและหัวใจจนสัมผัสได้

แบบนี้เรียกว่าชอบได้ไหม… นี่เรียกว่าคำตอบได้หรือเปล่า  ถ้าถามว่ารู้สึกดีไหม คงตอบว่ามาก… รู้สึกดีจากหลายๆอย่างที่มันทำให้ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา และรู้สึกดีมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้อยู่กับมัน


     แต่… ผมชอบผู้ชายจริงๆเหรอ 

     ผม… เป็นเกย์จริงๆใช่ไหม?

     แล้วลูกมันล่ะ? ถ้าน้องกวางโตพอที่จะรับรู้เรื่องราวได้  น้องจะรู้สึกยังไงที่รู้ว่าพ่อของตัวเองเป็นเกย์

     “ว่าไง สรุปแล้วมึงรู้สึกเหมือนกันกับกูหรือเปล่า?”    ไอ้เสือถามย้ำอีกครั้ง ผมยิ่งสับสนมากพอตัว เพราะไม่สามารถให้คำตอบแก่มันได้ ผมไม่รู้…ไม่รู้อะไรทั้งนั้น

     “มะ ไม่รู้จริงๆว่ะ กูขอเวลาสักพักนะ”  เสียงของผมมันอาจจะเบามากจนไม่ได้ยิน

     แม่งโคตรสับสน สับสนฉิบหายจนไม่รู้จะทำยังไง เลยเลือกที่จะเอามือออกมาจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายและรีบลุกขึ้นเดินเข้าบ้านพักไป 


     หัวใจตอนนี้มันก็ยังเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นผสมปนเปกับตกใจ  มือไม้แข้งขารู้สึกอ่อนแรงจนแทบเดินไม่ไหว


     ฮืออออ   ช่วยกูด้วยครับ กูสับสนโว้ยยยยยยยยยยยยย!



   TO BE CONTINUDE...




 อะๆ อย่างเพิ่งว่าทำไมมาเเค่นี้นะคะ  คืออยากเขียนในด้านของความรู้สึกของปิงบ้างว่าเป็นยังไง เเละตอนที่สิบแปดที่จริงๆเเล้วยาวพอสมควรเลยเเบ่งเป็นสองพาร์ท ยังไงจะรีบเขียนเเละเอามาลงให้น้า  ขอบคุณที่ติดตามค่ะ  ขอกอดเเรงๆสักทีนะคะ เหนื่อยเหลือหลาย TwwwwT


ปอลิง ฝากกดถูกใจเพจหน่อยนะคะ แฮ่ๆ :P
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเเปด - 28/10/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 28-10-2017 17:29:47
เย่!!!! มาแล้ววว ดีใจมากมาย ขอบคุณก๋อมที่ยังไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้นะคะ
ปอลิง เสียดายย คิดว่ารอบนี้ปิงจะยอมสารภาพว่าชอบเสือเหมือนกันแล้วซะอีก ฮือออ  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเเปด - 28/10/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-10-2017 19:10:39
โธ่ ปิงมันชัดเจนซะขนาดนี้แล้ว เลิกสับสนได้แล้วนะเดี๋ยวพี่เสือจะรอไม่ไหวนะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเเปด - 28/10/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-10-2017 20:00:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเเปด - 28/10/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: TEEMOMO ที่ 29-10-2017 16:26:56
กอดน้าา ชาร์ตแบตๆ  :กอด1: สนุกมากเลย ชอบคู่นี้มาก พี่เสือน้องปิง พี่เสือนี่บทจะโรแมนติกทำเอาใจละลาย เราดีใจมากที่มาอัพน้า ติดตามเสมอ รอพาร์ทหลังอย่างใจจดใจจ่อจ้า
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเเปด - 28/10/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-10-2017 21:18:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเเปด - 28/10/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-10-2017 21:36:01
ดีใจ ไรท์มา  :hao5:

ปิง ก็ไรๆพักนี้ก็รู้สึกดีกับพี่เสือนี่นะ

แถมความรู้สึกกับเพลง ก็ชัดเจน
ขนาดเพลงจูบปิง ปิงยังไม่รู้สึกยินดีกับการสัมผัส
เพลงยังรับรู้การไม่รู้สึกว่าปิงชอบเลย

แต่จูบกับเสือ ปิงรู้สึกดีด้วย  :ling1: :ling1: :ling1:
รีบรู้ใจตัวเองได้แล้วปิง  :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่สิบเเปด - 28/10/60 (หน้าที่4)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 30-10-2017 07:04:07
 :z2:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(18.2) - 25/11/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 25-11-2017 03:54:51
ตอนที่สิบแปด:คนเดิมๆแต่ทำไมไม่เหมือนเดิม
(18.2)


     เช้านี้เริ่มต้นด้วยความไม่สดใสเพราะผมง่วงนอนเป็นอย่างมาก และมันไม่ได้มากธรรมดาเพราะมันมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 

     เมื่อคืนหลังจากตอนนั้นกว่าจะได้นอนก็ปาไปแล้วเกือบหกโมงเช้า แถมยังต้องมาตื่นอีกทีคือสองโมงเช้าเพราะว่าไอ้โก้มันมีเรื่องด่วนกะทันหันทำให้พวกเราต้องล้มเลิกแพลนทั้งหมดและขนของขึ้นรถกลับบ้านเรารักรออยู่ ทั้งที่มีแพลนเที่ยวต่ออีกหนึ่งวัน และเป็นเช้าของวันพรุ่งนี้ค่อยกลับ

แต่ยังไงทุกคนก็เข้าใจไม่ได้โกรธมัน โดยเฉพาะผม รีบกลับได้ยิ่งดีเพราะตอนนี้ไม่ได้มีกระจิตกระใจจะเที่ยวแล้วต่างหาก

ถ้าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือลืมๆเรื่องนั้นไปได้ก็คงไม่เป็นอะไร แต่ประเด็นคือมันทำไม่ได้นี่สิ จะได้ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ และความรู้สึกที่ว่านี้มันไม่ได้เกิดกับพี่เพลง แต่เกิดกับไอ้เสือต่างหาก 

     โว้ยยยย…! ไม่ได้รู้สึกไม่ดีนะแค่รู้สึกอึดอัดเพราะทำอะไรไม่ถูกไม่รู้จะวางตัวยังไง จะต้องพูดกับมันปกติหรือเปล่า แล้วถ้าตอนนี้ในสายตาคนอื่นผมไม่ได้เป็นเหมือนเดิมทุกคนจะรู้ไหม จะสงสัยกันหรือเปล่า? 


     โอ้ยยย! หงุดหงิดว้อยยยยย!!

     เมื่อตอนที่กำลังเดินทางกลับกันโชคดีหน่อยที่ผมโคตรง่วงนอนเลยนั่งหลับมาตลอดทางเลยทุกคนคงยังไม่ได้รู้สึกถึงความแปลกไปส่วนไอ้เสือมันก็ดูปกติอาจเป็นเพราะความหน้านิ่ง และชอบซ่อนความรู้สึก เลยทำให้ไม่มีใครแปลกใจหรือสงสัยว่าทำไมวันนี้เราสองคนถึงไม่เหมือนเดิม แต่ก็นั่นแหละครับถึงในสายตาของคนอื่นๆผมกับมันจะดูปกติ แต่ในสายตาผมแม่งโคตรไม่ปกติ!




     เรามาถึงที่บ้านในเวลาประมาณสี่โมงเย็นโดยประมาณ จากนั้นก็แวะส่งสองสาวพี่เพลงกับแยม น่าแปลกที่กับพี่เพลงผมไม่ได้อึดอัดอะไรมากมายหนำซ้ำก่อนกลับเรายังบอกลากัน คุยกันได้เหมือนปกติ ราวกับว่าเธอจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้ แต่พอกลับมากจากช่วยพี่เพลงเธอขนของลงและกลับขึ้นมาจากรถเท่านั้นแหละ…

     วินาทีที่ผมกับไอ้เสือสบตากันโดยบังเอิญ…หรือเปล่า? ก็ไม่รู้นะ ผมสัมผัสได้ถึงความร้อนวูบวาบดูคุกรุ่นและฉุนเฉียว แต่ก็ไม่นานเท่าไร มันเป็นแค่เพียงครู่หนึ่งที่รู้สึกได้ หลังจากนั้นเหมือนว่าความรู้สึกจะถูกฉาบฉวยไว้ด้วยความเรียบนิ่งแต่ไม่เย็นชาอย่างที่มันชอบทำ


     ไอ้ฉิบลอส…

     ร้อนๆหนาวๆแปลกๆวุ้ยสงสัยจะไม่สบายแน่ๆ

     “ขอบใจมากมึง ขับรถกลับดีๆ”  เมื่อมาถึงคิวที่พวกผมต้องลงบ้างแล้วก็เลยบอกลาไอ้พวกสามตัวบาท และบอกให้มันขับรถดีๆ กลัวมันจะเพลียจนเผลอหลับในเข้า

     “ไอ้ฟาร์มวันนี้มึงไม่นอนกับกูเหรอ?”  ในขณะที่พวกพี่หมากกับไอ้เสือกำลังช่วยกันขนของลงก็เลยชะโงกหน้าเข้าไปในรถถามไอ้เพื่อนรักที่ไม่รู้มันเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะตั้งแต่เมื่อเช้าจนตอนนี้หน้ามันบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ยังไงไม่รู้  ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานานพอสมควรก็เลยพอเดาได้ว่ามันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ คือต้องมีแน่ๆเว้ย ถ้ามันปฏิเสธนี่แม่งแสดงว่ากำลังโกหกแบบหน้าด้านๆอยู่


     “หึ”  มันตอบพึมพำในลำคอ จากนั้นก็หลับตาลง เหมือนกับเป็นการตัดบทสนทนาดีๆนี่เอง

     ไม่หรอกน่า…กูอาจจะคิดมากไปเอง มันคงไม่เป็นอะไรหรอกอาจจะเหนื่อยจนไม่มีอารมณ์ก็ได้
     ไม่สิ! มันต้องมี
     ไม่หรอกมันแค่ง่วง


     “กูไปแล้วนะปิง”  ไอ้เจมส์ตะโกนออกมาจากในรถ ผมที่กำลังยืนถกเถียงกับความคิดตัวเองเลยโบกมือลามัน จากนั้นกระจกก็เลื่อนปิดขึ้นพร้อมกับรถที่ค่อยเคลื่อนตัวออกไปจนหายลับตาในที่สุด



     …

     เช้าวันต่อมา

     06:30

 
     ฮ้าววววววว…


     ระหว่างตลับเมตรกับเสียงหาวผมอันไหนยาวกว่ากันครับหัวหน้า รู้สึกเพลียๆร่างยังไงก็ไม่รู้ วันนี้ก็ได้ฤกษ์เสนอหน้าไปทำงานแล้วครับหยุดมาหลายวันเดี๋ยวจะโดนไล่ออก  ไม่ต้องไล่ให้ไปกินแกลบนะเพราะไม่มีเงินซื้อ ฮ่าๆๆ

เมื่อวานโชคดีหน่อยที่พอกลับมาจากทะเลไอ้เสือมันก็พาน้องกวางไปหาน้าเล็ก เลยมีแค่ผมกับไอ้พี่หมากที่อยู่บ้าน เลยไม่ได้อึดอัดอย่างที่เป็นเหมือนเมื่อวาน แต่…แม่งหวิวๆในใจแปลกๆ
     
     เดี๋ยวนะ…? คือปกติมันก็ไปบ้านน้าเล็กอยู่แล้วป้ะวะ? และทุกครั้งก็ไม่เคยหวิวในใจแบบนี้แล้ววันนี้กูเป็นอะไรล่ะไปเนี่ย!
     สงสัยจะฟุ้งซ่านเกินไป  ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาดีกว่า เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้น




     หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วก็แต่งตัวเตรียมไปทำงาน  เผื่อไปช้ากว่านี้แล้วรถจะติด พอรถติดแล้วก็จะไปทำงานสาย ไม่ใช่อะไรครับ หยุดไปหลายวันแล้วยังไปทำงานสายอีกเดี๋ยวจะโดนสวด

     “ตื่นเช้าจังนะมึง!”  “มาๆแดกข้าว ไอ้เสือมันเอาข้าวต้มจากบ้านน้ามาฝาก” ทันทีที่เปิดประตูห้องออกมายังไม่ทันได้ก้าวขาพ้นประตูด้วยซ้ำ ไอ้พี่หมากมันก็ร้องท้วงประหนึ่งว่าไม่เคยเห็นผมตื่นเช้า

     ไม่หรอก…แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือใครบางคนกำลังยืนตักข้าวต้มอยู่ตรงหัวโต๊ะต่างหากและมันเงยหน้าขึ้นมามองนิดหน่อย และเสี้ยววินาทีในความนิดหน่อยนั้นเราดันเผลอสบตากันโดยบังเอิญ 


     ตึกตัก…
     ฉิบหาย…
     ใจกูกระตุกเลยสาดดด


     “อะ เอ่อ… พอดีวันนี้จะไปทำงานไงเลยต้องตื่นเช้านิดหน่อย” แล้วกูจะตะกุกตะกักทำพระแสงอะไรวะ!

     “เออ พอดีเลยไอ้เสือมันกินเสร็จก็จะออกไปละ มึงก็ติดรถมันไปดิ”  ไอ้เชี่ยพี่หมากแม่งพูดจัดแจงให้ทุกอย่างไม่ถงไม่ถามเรื่องหัวใจ เอ้ย!สุขภาพผมสักคำ
 
     “อะ เอ่อ”  ผมเลื่อนเก้าอี้ออกมานั่งฝั่งตรงข้ามกับไอ้เสือซึ่งมีพี่หมากมันนั่งหัวโต๊ะ

     “อะไรของมึง?”   พี่หมากเลิกคิ้วถาม พร้อมกับดันถ้วยข้าวต้มกลิ่นหอมๆมาวางไว้ตรงหน้าผม

     “ปะ…”   


     ตู้มมมม!!

     และวินาทีที่กำลังจะอ้าปากตอบ คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามดันมองมาที่ผม ใช่! มันมอง คือมันตั้งใจมองเลยนะครับหัวหน้า!  เลยทำให้ประโยคที่กำลังจะพูดนั้นหยุดกลางอากาศ

แววตาเรียบนิ่งแต่ไม่เย็นชาทำเอาผมแทบบ้าหัวใจกระตุกวูบจนกลัวว่ามันจะเจ็บ  เฮ้ยยย! ไม่ได้ดิไม่ได้ มึงจะหัวใจกระตุกแบบนี้ไม่ได้!


     “อะไรของมึง วันนี้มึงเป็นไรของมึงไอ้ปิง?”   

     “มะ ไม่ได้เป็นไรหนิ”  ผมตอบปฏิเสธพร้อมกับก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มเข้าปาก


     แต่…


     โอ้ยยย!


     เคร้ง!


     ลืมไปว่ามันร้อน แล้วไงครับ…ก็ลวกปากไอ้ปิงนี่ไง! ไอ้ฝัด! ร้อนโว้ย ปากพองแล้วมั้งเนี่ย 


     “ไอ้เชี่ยปิ…”  ยังไม่ทันที่พี่หมากจะพูดจบสัมผัสของคนตรงข้ามผมพร้อมกับกระดาษทิชชูก็ถูกซับเบาๆที่ริมฝีปากผม อย่าว่าแต่พี่หมากยังพูดไม่จบประโยคเลย ตัวผมเองก็ได้แต่อ้าปากค้างอยู่แบบนั้นจนทิชชูจะเข้าปากอยู่แล้ว   

     “เอามาให้กินแล้วยังต้องให้เป่าให้ด้วยไหม?”   ไอ้เสือพูดพร้อมกับผละมือออกไป ระหว่างนั้นเราสบตากันตลอดจนความร้อนจากข้าวต้มเริ่มมากองรวมอยู่บนหน้ากูแล้วไอ้ฉิบหาย! 

     “สงสัยมันจะหิวจนลืมตัว”  พี่หมากพูด และตักข้าวต้มกินต่อ ท่าทางเหมือนไม่มีอะไรหลังจากที่เมื่อครู่รีแอคชันพี่มันดูอึ้งๆ

     “อะ เอ่อ…ขอตัวก่อนแล้วกันนะพี่”  คือไม่รู้จะตอบอะไร เลยรีบขอตัวลุกขึ้นมาก่อน  “เอ้า! เดี๋ยวสิวะไอ้ปิง” พี่หมากเรียก
จ้างให้ก็ไม่หันเว้ย ผมนี่รีบติดเกียร์หมาออกไปเลยครับ  และเดินยังไม่ทันพ้นประตูบ้านด้วยซ้ำบทสนทนาของพี่มันทั้งสองก็ดังเข้ามาให้ได้ยินอย่างไม่ได้ตั้งใจ

     “มึงไม่ไปส่งมันเหรอวะ?”   

     “มันคงอยากไปเอง” 

     “คนอย่างมันน่ะนะถ้าให้เลือกมีคนไปส่งกับนั่งสองแถวมันคงจะเลือกอย่างหลัง” 

     “ไม่รู้สิ มันอาจจะไม่อยากนั่งมอ’ไซค์ก็ได้ใครจะรู้”
   
     กูไม่ได้ไม่อยากนั่งรถมึง แต่กูแค่ไม่อยากปล่อยให้ตัวเองอยู่ใกล้มึงเว้ย!  ยิ่งนานวันเข้ายิ่งรู้สึกแปลกๆ แม่งเด้ยย!

     ….


     หลังเลิกงาน


     “ผมกลับแล้วนะ หวัดดีครับพี่โบว์ หวัดดีครับพี่ๆ”   และแล้วเวลาเลิกงานก็มาถึง ผมบอกบอกลาพี่ๆที่ทำงานก่อนจะเดินออกมาด้วยสภาพที่อิดโรยเต็มทน

โห…วันนี้เหนื่อยแบบเหนื่อยเชี่ยๆ เหนื่อยสุดตีน เหนื่อยจนต้องร้องขอชีวิตกว่าจะเอาชีวิตรอดมาได้นี่เล่นเอาเกือบตาย สงสัยว่าลูกค้าคงอยากต้อนรับการกลับมาของไอ้ปิงแน่ๆเลยครับหัวหน้า!

     เอ๊ะ…?  เดี๋ยวนะ

     เหมือนผมจะลืมอะไรบางอย่างเลยครับ…
 
     คือ…ผมจะกลับบ้านยังไงวะ?   ก็ปกติไอ้เสือมันจะมารับนี่หว่าแล้วเมื่อเช้า แต่ว่า…ก็นั่นแหละ ความรู้สึกของเราตอนนี้มันก็เปลี่ยนไปแล้วอะไรๆมันก็ไม่เหมือนเดิมน่ะนะ มันคงไม่มารับหรอก (มั้ง?)  เฮ้อ…เมื่อเช้าก็ลืมคิดไปเลยว่าจะกลับยังไง 

     เอาไงดีวะ มันเองก็คงไม่มารับผมแล้วแหละเพราะปกติมันจะมารอไม่ก็มาถึงพอดีตอนที่ผมเลิกงานโดยที่ไม่ต้องรอ

     เหอะ!  ไหนบอกชอบกูไงสาดดด นี่จะปล่อยให้กูเดินกลับจริงดิ?

     โอ้ยยย แล้วผมจะพูดเรื่องนี้ทำไม!   
     เออครับจะกลับยังไงก็ยังไม่รู้มัวแต่มายืนทะเลาะกับจิตใต้สำนึกตัวเองอยู่นั่นแหละ


     เอาไงดีวะ…?

     อ้อ!นึกออกแล้ว…ไอ้ฟาร์ม 

     ทันเท่าความคิด ผมล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาโทรหาไอ้เพื่อนยากด้วยความรวดเร็ว ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะหลับไปหรือยัง 


     ตู๊ด… ตู๊ด…ตู๊ด… และตู๊ด  โว้ยยย  นี่มึงมีโทรศัพท์ไว้ทำห่าอะไรกันวะ!?

     [ว่า?]   และในที่สู๊ดดดด ในที่สุดก่อนสัญญาณจะถูกตัดไปปลายสายก็กดรับ

     “มึงทำไรอยู่วะ มารับกูหน่อยได้ไหม” 

     [วันนี้รถไม่อยู่]

     “อ้าว… อือๆไม่เป็นไรเดี๋ยวกูกลับเอง”

     [เออ...กลับดีๆ]


     ซวยที่สุดในสามโลก สงสัยคืนนี้จะได้นอนที่หน้าร้านนี่แหละครับ!  ขณะที่ผมกำลังกดวางสายเสียงหนึ่งกลับดังขึ้นเล็ดรอดมาจากฝั่งไอ้ฟาร์ม ปกติผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะเพราะมันคือบทสนทนาของม๊ากับไอ้ฟาร์ม หากแต่ประโยคที่ได้ยินนั้นบอกว่า
ฟาร์มเสร็จแล้วขับรถไปซื้อข้าวสารให้ม๊าหน่อย’ 


     ติ๊ด!
     และสายก็ถูกตัดไปโดยไอ้เพื่อนรักของผม  แล้วทำไมมันต้องโกหกผมด้วยครับ? 
 

     “จะยืนทำหน้าขี้เร่อีกนานไหม?”   และแล้วความคิดเรื่องไอ้ฟาร์ม และอาการสงสัยต้องสะดุดลงเพราะเสียงทุ้มๆที่โคตรคุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลังของผม คือไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าใคร

     “อะ เอ่อ…”   ผมเริ่มพูดตะกุกตะกักเมื่อหันหน้าไปหาเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ด้านหลังผม

     อะไรวะ? เมื่อครู่หัวผมยังอยู่ในโหมดขี้สงสัยอยู่เลย ตอนนี้กำลังอยู่ในโหมดหัวหมุนได้ จนเริ่มลืมเรื่องเมื่อครู่ไปเกือบหมด 

     “มะ มาไงวะ?”   แล้วคำถามบ้าบออะไรกันล่ะเนี่ย?

ไอ้เสือไม่ตอบแต่หันหน้าไปทางริมฟุตบาทที่ผมยืนหันหลังให้ มันคงอยากจะบอกประมานว่า กูเอารถมอ’ไซค์มาสิ จะให้กูเดินมาไง๊?   

เจ้าตัวไม่ได้กล่าวครับ เป็นผมที่กล่าวเอง เพราะรู้สึกว่ามันต้องคิดแบบนั้นแน่     


     “ไม่กลับบ้าน?”  สงสัยจะยืนนิ่งนานเกินไป เจ้ารถซูโม่เอ็กซ์เลยเลิกคิ้วขึ้นถาม

     “กะ กลับ”   เบื่อไอ้อาการตะกุกตะกัก แขนสั่นใจเต้นแรงแบบนี้ว่ะ!

     “…”

     “…” 

     ระหว่างที่กระโดดขึ้นนั่งมอ’ไซค์อย่างชำนิชำนาญและจนกกระทั่งรถเคลื่อนตัวออกไปเราสองคนก็ยังคงอยู่ในความเงียบ ผมรักษาระยะห่างของเราเอาไว้ไม่ให้มันชิดกันมากนัก แต่… 

ทำม๊ายยยยยยย ทำไมวันนี้เบาะมันลื่นจังวะ ผมคิดว่าไอ้เสือมันต้องเพิ่งล้างรถมาแน่ๆ แล้วมึงก็เอาน้ำยามาขัดเบาะให้มันลื่น เวลากูนั่งรถจะได้ไถลไปหามึงใช่ไหมล่ะ! แหมมมม…ไอ้นี่มันร้ายนะครับหัวหน้า!


     วืด….

     นั่นไง! พูดยังไม่ทันขาดคำ พอมันจอดรถเพราะตรงแยกไฟแดงเท่านั้นและวันแพ็คผมนี่ถึงกับไปกระแทกหลังมันอย่างจัง

     “โทษทีวันนี้เพิ่งล้างรถน่ะ”  แหม…รีบแก้ต่างให้ตัวเองเลยนะ 

     “…”  เงียบครับไม่รู้จะตอบอะไรดี ได้แต่ไถลตัวให้ห่างออกมาจากหลังมันให้มากที่สุด


     บรื้น!

     ไอ้ฉิบหาย!

     แต่พอไปเขียวแล้วรถออกตัวเท่านั้นแหละ…

     ผมก็ไถลตัวเอาพุงน้อยไไปกระแทกหลังมันอีกครั้ง  โว้ยยย! ไอ้เบาะเฮงซวย อย่าให้มีโอกาสนะพ่อจะเลาะออกมาสับเป็นชิ้นๆเลย ไม่สิผมไม่ควรโทษเบาะแต่ควรโทษไอ้เจ้าของรถที่มันเอารถไปล้างแล้วจังไรขัดเบาะมาต่างหาก!


     “ไม่ต้องขยับห่างหรอก ใกล้กันบ้างก็ได้” 

     เจ้าของรถนั้นพูดขึ้น และไม่พูดอย่างเดียวกลับดึงแขนผมให้เอื้อมไปกอดเอวเจ้าตัวไว้ด้วย ตัวผมเลยต้องไถลลงไปใกล้ชิดแผ่นหลังของไอ้เสืออีกครั้ง ในขณะที่กำลังเลื่อนตัวเองให้ออกห่างไปจากมัน 

ฝ่ามือใหญ่กุมมือของผมแน่นไม่ยอมปล่อย นิ้วทั้งห้าของเราสอดประสานเข้าหากันตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้เลย  แน่นอนว่าตอนนี้มันต้องขับรถด้วยมือข้างเดียว


     เดี๋ยวนะ…?  ฉิบหายละรถล้มขึ้มาทำไงเนี่ย!

     “เฮ้ย! ปล่อยมือกูก่อนแล้วขับรถดีๆ”  เมื่อคิดขึ้นได้ว่ามันต้องขับรถมือเดียวผมเลยยอมพูดกับมันพร้อมกับชักมือออกมาจากการเกาะกุมนี้ให้ได้

     “ถ้ากูจับมึงก็อย่าปล่อยสิ”  มันตอบกลับมา

    “เป็นบ้าเหรอ มึงขับรถดีๆดิ”   ผมสวนกลับและยังคงไม่ละความพยายามที่จะดึงมือกลับมา แต่ทำไมยิ่งรู้สึกว่ามันจะจับมือผมแน่นมากกว่าเดิม

     “…”  เงียบครับ มันเงียบครับหัวหน้า!

     “เออๆ กูไม่ปล่อย”  ท้ายที่สุดก็ต้องยอม ไม่ได้อยากกอดหรืออะไรนะ แต่เพราะกลัวตายครับ ไม่อยากเจ็บตัว ถึงมันจะขับรถแข็งยังไงก็เถอะ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอถ้าเราประมาท

     “แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” 

     มันตอบกลับครับ แต่เสียงมันเบาเหมือนรำพึงรำพันกับตัวเอง 


     ผัวะ!

     ไม่ต้องสงสัยครับ หลังจากที่จบประโยคมันรำพึงรำพันกับตัวเองผมก็จัดการต่อยเข้าที่ลาดไหล่ของมันจังๆ เพราะจะตบหัวมันก็ใส่หมวกกันน็อคเดี๋ยวเจ็บมือ “อย่าคิดว่ากูไม่ได้ยิน” 


     “ก็ดี จะได้รู้ว่าเสียงกูอยู่ในหูมึงตลอดเวลา” 

     “…” 

     จึก!

     ไอ้ฝัด! ใครใช้ให้พูดแบบนี้วะ!



     …


  อ่านต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(18.2) - 25/11/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 25-11-2017 03:56:05
ต่อค่ะ




(บันทึกของเสือ)

     ‘ก็ดี จะได้รู้ว่ากูอยู่ในหูมึงตลอดเวลา’ 


     หึ…คิดแล้วก็ตลกตัวเองจริงๆ เกิดมาผมยังไม่เคยพูดอะไรแบบนี้เลย ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้พูดออกไปแบบนั้น ขนาดกับแก้มผมยังไม่เคยพูด     

ไม่ได้ตั้งใจจะรุกหนักอะไรขนาดนั้นนะ แค่อยากคุยด้วยอยากอยู่ใกล้เฉยๆเพราะตั้งแต่หลังจากเหตุการนั้นระหว่างเรามันก็ไม่เหมือนเดิม 

ใจหนึ่งก็อยากด่าตัวเองที่ทำอะไรโดยไม่ยับยั้งชั่งใจ แล้วเป็นยัง? ไงสุดท้ายปิงมันก็เปลี่ยนไป  เพราะตอนนี้รู้สึกเหมือนระหว่างเราจะมีเส้นบางๆกันอยู่ และเป็นเส้นที่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่สัมผัสได้ 

แต่ก็นะ…. ใจหนึ่งผมก็รู้สึกดี ผมโล่งมากที่ได้พูดมันออกไป เอาจริงๆแล้วผมก็ไม่ได้เสียใจหรอก  แค่รู้สึกประหม่าทำตัวไม่ถูกเพราะปิงไม่เหมือนเดิมแค่นั้นเอง


     วันนี้น้องกวางไม่ได้อยู่กับผมเพราะเธองอแงไม่ยอมกลับจากบ้านน้าเล็กท่าเดียวเลยต้องปล่อยให้นอนที่นั่นไป และวันนี้ดันมารับไอ้ปิงช้าเพราะติดสอนน้องที่มาติวกับผม พอดีว่าผมหยุดไปทะเลเลยจัดหนักจัดเต็มให้น้องเล่นเอาซะเกือบอ้วกทั้งคนสอนแล้วก็คนเรียนไปเลย พอดูนาฬิกาอีกทีก็นึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาไปรับไอ้ปิงซะแล้ว

เราสนทนากันนิดหน่อยระหว่างขับรถ พอกลับถึงบ้านเราต่างก็เงียบแล้วก็เงียบ และแยกย้ายกันเข้าห้องไปจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้คุยกันเลย 

วันนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองดูงุ่นง่านมากเป็นพิเศษ นี่ก็เดินเข้าออกห้องเป็นสิบรอบได้แล้ว เพราะหวังว่าถ้าออกมาแล้วจะเจอไอ้ปิงมันนั่งอยู่ตรงโซฟาข้างนอกแต่ก็ไม่มี             

ผมวนเวียนอยู่หน้าห้องมันประมานห้ารอบได้ ชั่งใจอยู่นานสองนานว่าจะเคาะประตูห้องมันดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่กล้า เลยได้แต่เดินวนไปวนมาทั่วบ้านอยู่แบบนี้  คือถ้ามันเปิดประตูมาผมไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน เพราะแค่อยากเห็นหน้าเท่านั้นเอง  และเพราะวันนี้ไอ้หมากไม่อยู่บ้านเลยเงียบเป็นเท่าตัว ถ้ามันอยู่สถานการณ์คงไม่ดูอึมครึมขนาดนี้


     สุดท้ายผมเลยขนงานที่ต้องทำต่อออกมานั่งทำข้างนอกให้มันรู้แล้วรู้รอดเพราะขืนมัวแต่เดินเข้าเดินออกมีหวังงานไม่เสร็จแน่ๆ

     แอด… นั่งได้ไม่นานเสียงประตูที่ผมอยากได้ยินมานานก็ดังขึ้น   


     เห็นไหม! ในที่สุดไอ้ปิงก็ออกมา


     ปัง!  แล้วก็ปิดไป


     พร้อมกับเจ้าตัวที่หายเข้าไปในห้องเหมือนเดิม
อะไรของมัน? 
 

     แอด…


     และประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับร่างสูงโปร่งที่เดินออกมา “เอ่อ…”  ผมว่าผมดูงุ่นง่านแล้วนะ ไอ้ปิงมันดูยิ่งกว่าผมอีก
ก็ดูสิมันเดินออกมาเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด เหมือนจะทำตัวไม่ถูกนะ

ผมเองก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน เพียงแค่ไม่ได้แสดงออกมาเท่านั้น เลยแกล้งทำเป็นนั่งทำงานต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ภายในใจรู้สึกดีจนอยากจะฉีกยิ้มออกมากว้างๆ


     “อ เอ่อ…”  และเจ้าตัวก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม จะพูดอะไรก็ไม่พูดสักที  ไม่ใช่อะไรนะ ผมก็อยากคุยด้วยไม่เข้าใจหรือไง!?

     “เอ่อ?”  ผมเลยเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง และละสายตาจากงานตรงหน้าหันไปมองไอ้ปิงเต็มๆตา ซึ่งตอนนี้มันกำลังยืนเกาท้ายทอยไปมาแก้เก้อ หน้าตาเหรอหราตามแบบฉบับของมัน 

     “คือ…”   

     “เป็นอะไร?”  ผมเลยเปิดประเด็นถาม เพราะถ้าไม่ถามวันนี้คงไม่รู้เรื่องแน่ๆ 

     “คะ คือ… หิวข้าวว่ะ” 

     จะให้ทำอะไรให้กินว่างั้น?

     “แล้ว?”   ผมก็รู้นะว่ามันต้องการจะสื่ออะไร แต่แค่อยากแกล้งเท่านั้นเอง

     “ทะ ทำอะไรให้กินหน่อยดิ”  มันพูดติดๆขัดๆพร้อมกับเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าตู้เย็น แล้วก็เปิดหาอะไรไม่รู้

     “เดี๋ยวทำให้”  ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นไปตรงโซนครัวที่อยู่เยื้องๆกับทางตู้เย็นที่ปิงมันกำลังก้มๆเงยๆทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ “แล้วนั่นทำอะไร?”  เลยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป   

     “ก็หาดูไงว่าในตู้มีอะไรให้ทำกินได้บ้าง”   

     “กับข้าวมึงยังทำไม่เป็นแล้วมึงรู้เหรอว่าต้องใช้อะไรทำอะไร?”   ไม่แปลกใจที่มันจะใช้ให้ผมทำอาหาร เพราะมันทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง ถึงทำได้ก็คงไม่พ้นที่ผมต้องเข้าไปช่วย เพราะไม่อย่างนั้นครัวอาจจะเละก่อนก็ได้   

     “มะ ไม่รู้”  เจ้าของบ้านตอบพร้อมกับปิดตู้เย็นลง
     ปกติเวลาให้ผมทำอะไรให้กินมันก็ไม่เคยช่วยหาอะไรหรอก ทำไมวันนี้ถึงเป็นแบบนี้ได้

     “ไปนั่งรอหน้าทีวีไป เสร็จแล้วเดี๋ยวบอก” 

     “อะ เออ” 



     สิบห้านาทีผ่านไป…

     ผมเดินถือถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกลิ่นหอมฉุยออกมาจากห้องครัวและวางลงตรงหน้าคนที่กำลังตั้งใจดูหนังที่เอามาฉายทางช่องเคเบิลมากเป็นพิเศษ เรื่องนี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเรื่อง shutter island 

     “ได้แล้ว”  เมื่อเห็นว่าคนหิวไม่ยอมละสายตาจากโทรทัศน์ผมเลยใช้เท้าเขี่ยขามันให้รู้สึกตัว

     “…” 

     “ปิง” 

     “เออ…รู้แล้วกำลังสนุก อย่าขัดดิ” 


     เหมือนบรรยากาศกำลังจะกลับมาเป็นปกตินะครับ

     คำพูดของมันที่ใช้พูดต่อผมก็เริ่มจะเหมือนก่อนๆแล้ว ไม่แน่ใจว่าเพราะตั้งใจหรือมัวแต่ดูหนังจนลืมตัว 

     หลังจากนั้นเลยปล่อยให้คนหิวตั้งใจดูหนังต่อไป ส่วนผมก็พยายามที่จะนั่งทำงานตรงหน้าอย่างมีสมาธิที่สุด ย้ำนะครับว่าพยายามตั้งใจ เพราะไอ้คนข้างๆนี่มันหลอกล่อสายตาผมดีเหลือเกิน คือมันยากมากที่จะพยายามให้สายตาจดจ้องอยู่หน้าจอคอมไม่ใช่คนข้างๆ และขาของคนข้างๆ

     เอ่อ… ไม่ได้กำลังคิดไม่ดีหรืออะไรนะ แค่เป็นช่วงหนึ่งที่มันนั่งชันขาแล้วขากางเกงย้วยๆของมันดันร่นไปกองรวมกันข้างล่าง

     ไม่ได้คิดอะไรจริงๆครับ แค่บังเอิญเหลือบไปเห็นพอดี

     แค่รู้สึกว่ามันขาวมากแค่นั้นเอง   เห็นไหมนี่ไม่ใช่ความคิดมันเป็นความรู้สึก แต่ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าจิตใต้สำนึกกับผมกำลังตีกันด้วยความบ้าคลั่งยังไงก็ไม่รู้


     “กินได้แล้วมั้ง มาม่าอืดหมดแล้ว”  ผมเตือนคนข้างๆอีกครั้งที่เวลานี้ก็ยังไม่แม้แต่จะตักบะหมี่เข้าปากจนตอนนี้มันจะกลายเป็นเส้นอูด้งแล้ว
     ไหนบอกหิวไง?

     “แป้บ ใกล้จบแล้ว”  มันตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากจอโทรทัศน์ 

เมื่อมันว่าอย่างนั้นผมเลยไม่ยุ่ง กลับมาเรียกสมาธิตัวเองให้ตั้งใจทำงานเหมือนเดิม  จนเวลาผ่านไปได้สักพัก ถ้วยบะหมี่ที่ตอนนี้เส้นอืดในระดับหนึ่งถูกมันเลื่อนไปไว้ตรงหน้า และจัดการมันทั้งที่สายตายังไม่ละออกจากจอ

     ถ้าจำไม่ผิด…ปิงมันไม่ใช่พวกตั้งใจดูหนังอะไรขนาดนี้นะ  หรือว่าผมจะจำผิด?


     สักครู่หนึ่งซึ่งนานพอสมควร…ผ่านไปแล้วบะหมี่ก็ยังไม่หมดถ้วย

     “เมื่อไรจะกินหมด อมเส้นอยู่รึไง?”  และเวลาผ่านไปพักหนึ่งก็ยังไม่หมดจนผมออดที่จะถามไม่ได้

     “แป้บ จะจบแล้วอย่ากวน”   เจ้าตัวตอบและหันไปตั้งใจดูต่อ จนกระทั่งไม่ถึงห้านาทีหนังเรื่องนั้นก็จบลง มันเลยเอารีโมทไปเลื่อนช่องเปิดดูเรื่อยๆ 

     รู้สึกว่าวันนี้จะสนใจดูหนังเป็นพิเศษนะ…

     “นี่เรื่องอะไรวะ”  เสียงพึมพำของคนข้างๆดังเข้ามาในหู แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไรเพราะกำลังเร่งปั่นงานตรงหน้าให้เสร็จ


     แต่…


     ผ่านไปสักพักหนึ่งเสียงเพลงในภาพยนตร์ที่ดังขึ้นทำเอาผมต้องละสายตาจากหน้าคอมไปหาหน้าจอโทรทัศน์


     นี่มัน…


     Fifty shades of gray



     แล้วจะมาฉายอะไรตอนนี้วะ?


     มันไม่ได้แปลกอะไรหรอกครับถ้าจะเอามาฉาย  แต่เพราะตอนนี้ดันมีไอ้ปิงนั่งอยู่ด้วย แถมยังเป็นไอ้ปิงที่ผมชอบ และหนังอีโรติคที่กำลังเล่น


     “เปลี่ยนช่องเถอะ”  ผมบอก

     “ทำไม?”  มันเอียงหน้ามาถามผม  จริงๆตั้งแต่นั่งมาครั้งนี้เราเพิ่งจะได้สบตาและ มองหน้ากันเต็มๆตา

     “เออ…เปลี่ยนเถอะน่า”  เข้าใจนะว่ามันก็แค่ภาพยนตร์ แต่… ผมว่ามันไม่โอเคแน่ๆถ้าเลิฟซีนดันโผล่มาตอนนี้

     “ไม่!กูจะดูนางเอก”  “แม่งโคตรสวย”  ว่าแล้วมันก็หันไปสนใจหนังต่อ แต่ว่า…



       พรวด!   และเพียงแค่เสี้ยววินาทีเส้นบะหมี่ที่มันกำลังจัดการเข้าไปในปากก็พุ่งพรวดกลับลงถ้วยทันควัน   


     แค่กๆ!  พร้อมกับอาการสำลักจนเจ้าตัวหน้าดำหน้าแดง

   
     สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเลิฟซีนที่ผมไม่อยากให้มาถึง มันดันมาถึงพอดี   
     เพราะมันเป็นซีนที่คริสเตียนมาหาอนาตเซียที่บ้านเนื่องจากทนความคิดถึงไม่ไหว หลังจากที่ให้เวลาตัดสินใจในเรื่องสัญญา
และไอ้คนหน้ามึนมันดันหันไปเห็นพอดี  รีแอคชันเลยเป็นอย่างที่เห็น


     แค่กๆ!   

     เมื่อมองหาแก้วน้ำตรงหน้าแล้วไม่มีผมเลยรีบลุกขึ้นไปเอาน้ำมาให้เจ้าตัวก่อนที่มันจะขาดใจตายซะก่อน “กินน้ำก่อน” 
แค่กๆ! 

     ไม่รอช้าที่มันยื่นมือมารับแก้วน้ำจากผมไปดื่มด้วยความรวดเร็ว “แค่กๆ!”  ขณะที่ดื่มน้ำมันก็ยังไม่หยุดไป เลยทำให้สำลักไปยิ่งกว่าเดิมจนตอนนี้น้ำหกเลอะเต็มพื้นหมดแล้ว


     แค่กๆ!

     “หายใจเข้าลึกๆ”  พูดและเอื้อมมือไปลูบหลังคนสำลักให้มันเย็นลง ไม่รู้ว่าจะได้ผลไหมนะเพราะผมมักจะใช้วิธีนี้กับน้องกวาง
ประมาณเกือบสองนาทีกว่ามันจะกลับมาสู่โหมดปกติ  “กูบอกแล้วให้เปลี่ยนช่องใหม่” ผมบ่น

     “กะ กูไม่ได้สำลัก พะ เพราะหนังสักหน่อย กะ กูแค่…” 

     “แค่…?”  ผมถามย้ำเมื่อเห็นว่ามันยังไม่ตอบ ยังคงหยุดที่คำว่าแค่

     “แค่ไรก็ช่างมันเถอะ”  “กูไปนอนละ”  มันพูดพร้อมกับเตรียมตัวจะลุกขึ้น แต่ก็ไม่ไวไปกว่ามือผมที่คว้าแขนมันไว้ก่อน

     “เดี๋ยวสิ” 

     “อะไร?”  ปิงมันถาม สีหน้าของมันดูตกใจเล็กน้อย

     นั่นสิ?  แล้วอะไรของผมล่ะเนี่ย ก็แค่ยังไม่อยากให้เข้าไป นั่งก่อนไม่ได้หรือไง จะนั่งหลับหรืออะไรก็ได้

     “ไปเอาผ้ามาเช็ดพื้นด้วย เปียกหมดละ แล้วก็เอาถ้วยไปเก็บให้เรียบร้อย”  ตอนแรกก็หาเหตุผลที่รั้งให้มันอยู่ต่อไม่ออก แต่พอเหลือบไปเห็นเศษซากที่มันทำไว้เลยใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง

     “เออๆ”  แล้วก็บิดแขนออกจากมือผมที่ยังคงจับไว้อยู่ 

     จริงๆเดี๋ยวเก็บให้ ทำให้ก็ได้ แค่อยากให้อยู่ต่ออีกนิดเท่านั้นเอง

     แปลกใจตัวองเหมือนกันนะ ทำไมถึงชอบมันได้ขนาดนี้? 



     อีกนานไหมนะ กว่าทุกอย่างจะโอเค และมันจะอีกนานแค่ไหนที่คำตอบของอีกคนจะชัดเจนมากกว่านี้ นอกคำว่าไม่รู้
หรือมันอาจจะรังเกียจที่ผมมีลูก จริงๆมันก็น่าคิดเพราะปิงเองก็ไม่ได้ชอบเด็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆผมคงทำอะไรไม่ได้เลย จะให้ทิ้งลูกไปหาคนที่ชอบมันก็ไม่ใช่ จะให้ตัดใจจากคนที่ชอบมันก็ยาก สำหรับผมแล้วไม่ว่าทางไหนมันก็เจ็บ สุดท้ายแล้วผมก็ต้องเลือกลูก ทั้งที่จริงผมอยากเลือกทั้งสองอย่าง แต่มันคงไม่ได้เรื่องนั้นผมรู้ดี…


     “เมื่อไรกูจะได้คำตอบที่ชัดเจนสักที?”   ท้ายที่สุดผมก็ทนคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวไม่ไหว ก่อนที่มันจะเดินเอาถ้วยไปเก็บก็เลยเผลอตั้งคำถามออกมา และมันเป็นอีกครั้งที่ผมทำอะไรตามใจตัวเองมากเกินไป ไม่มีแม้แต่การหักห้ามใจหรือชั่งเหตุผลว่าสมควรทำหรือไม่


     “คะ คำตอบอะไรของมึง?”   เจ้าตัวย้อนถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก
ทำไมต้องย้อนถามทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจ ถ้าครั้งนี้ไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดหรือมันพูดออกมาว่า ไม่ ผมเองก็คงต้องลาจากกันกับมัน หนึ่งเลยคือย้ายออกจากที่นี่ เพราะถ้าให้ผมทนอยู่ต่อคงทำไม่ได้


     “จริงๆมันก็ผ่านมายังไม่ถึงอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ กูอาจจะเร่งรัดมึงเร็วไป”

     “…” 

     “แต่มึงรู้ไหม ไอ้ไม่กี่วันที่ผ่านมา สำหรับกูมันเหมือนเวลามันเดินช้ามากจนกูเริ่มทรมาน” 
ใช่ผมทรมานมาก... ใช่ผมเร่งรัดที่จะเอาคำตอบ ผมอยากรู้ ผมเป็นคนใจเย็นนะ แต่ก็มีบางเรื่องที่ทำให้ใจร้อนอย่างเช่นเรื่องของปิง 


     “…” แต่ปิงยังคงเงียบไม่ยอมตอบอะไร

     “เฮ้อ… อะไรทำให้กูชอบมึงได้ขนาดนี้วะ?”   


     ปิงมองมาที่ผมด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย หนึ่งในนั้นผมสัมผัสถึงได้ความสับสน  อยากบอกว่าผมเองก็สับสนไม่แพ้กัน เราสบตากันเนิ่นนาน  แต่จนแล้วจนรอดคำตอบก็ยังคงไม่ได้ มีแค่เพียงความเงียบที่ล้อมรอบ


     “ขะ ขอเอาถ้วยไปเก็บก่อนนะ” 


     และได้ประโยคบอกเล่ามาแทนประโยคคำตอบ


     ให้ตาย!  ทำไมผมถึงได้ใจร้อนขนาดนี้ จริงๆไม่สมควรถามเลยด้วยซ้ำ!   




     TBC.



     กราบสวัสดีค่า มาดึกมากวันนี้ทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาตั้งเเต่หัวค่ำ เเต่เพราะความที่ยังไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยเผลอหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ดึกเเล้ว เกือบเที่ยงคืน นั่งเขียนต่ออีกนิดหน่อยเเละเเก้ไขลบเเล้วลบอีกจนรำคาญตัวเอง ฮ่าๆ 

ขอโทษด้วยนะคะไม่มีคำเเก้ตัวที่หายไปนานค่ะ ได้เเต่ส่งตอนล่าสุดมาให้คนอ่านด้วยความสำนึกผิด เเง้งงงง ตีน้องได้นะคะ เเต่อย่าทิ้งกันน้าาาาาาาา   

ก็ไม่มีอะไรจะบอกเลย นอกจากคำว่าคิดถึงนะคะ เเละรักเสมอ ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ 
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(18.2) - 25/11/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 25-11-2017 07:09:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(18.2) - 25/11/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 25-11-2017 07:36:25
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ยาวมาก สะใจเลย แต่จริงๆเรื่องนี้ก็ใกล้จะจบแล้ว ตามที่คนเขียนบอก อยากให้มีช่วงสวีท หวาน กันหลายๆตอนหน่อย แต่จนบัดนี้ความสัมพันธ์ก็ยังคลุมเครืออยู่เลย กลัวว่าสถานะของสองคนจะไปชัดเจนเอาตอนจบเรื่องเลยน่ะสิ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(18.2) - 25/11/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-11-2017 09:48:37
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(18.2) - 25/11/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-11-2017 12:18:17
ดีใจ ไรท์มา  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ทั้งเสือ ทั้งปิง ต่างพะวักพะวน
ทั้งที่ใจตรงกัน
รอวันปิง เสือพร้อม
เสือ   ปิง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(18.2) - 25/11/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 26-11-2017 21:59:05
มารอคำตอบจากปิงนะ

 :katai5:   :katai5:  :katai5:  :katai5:  :katai5:

......

หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(18.2) - 25/11/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 27-11-2017 09:23:30
คิดถึงคนแต่งจังง ก็เข้าใกล้กันไปทีละนิดเนอะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(19) - 31/12/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 31-12-2017 17:52:16
ตอนที่สิบเก้า : ตัดใจ หรือ รอต่อไป



     ผมไม่ได้ตอบคำถามไอ้เสือที่ถามมา เพราะไม่รู้จะตอบว่าอะไร หนึ่งเพราะผมสับสน สองเพราะผมคิดว่ามันไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้องในที่นี้ไม่ใช่ว่ามันเป็นผู้ชายด้วยกันแต่เพราะว่ามันมีลูกแล้วต่างหาก และที่ว่าสับสนก็เพราะว่าไม่รู้ใจตัวเองเหมือนกันว่าที่จริงแล้ว ไม่ชอบหรือชอบมันจริงหรือเปล่า

     เพราะถึงจะบอกตัวเองว่าไม่แต่ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่อยู่ใกล้กันผมต้องหวั่นไหว  และความรู้สึกหวั่นไหวของผมมันไม่ได้รู้สึกหลังจากที่ไอ้เสือบอกชอบ แต่มันรู้สึกมานานแล้วต่างหาก  และหลังจากนั้นมันก็แค่หนักขึ้นเรื่อยๆ  เลยยังไม่ให้คำตอบอะไรทั้งนั้น  เพราะถ้าหากว่าผมตัดสินใจพลาดไป อะไรต่ออะไรก็คงไม่ดีสักเท่าไร

สุดท้ายเลยเลือกที่จะเดินเข้าห้องตัวเองมาอย่างเงียบๆ และทั้งบ้านก็ตกอยู่ในความเงียบ จะมีก็แค่เสียงความคิดของผมที่กำลังทะเลาะกันอย่างหนัก 



     …


     (หลายวันต่อมา)


  บันทึกของหมาก

     เช้านี้ของผมมันโคตรไม่สดใส เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันน่าอึดอัดจนผมเริ่มจะอึดอัดตาม แม้จะพยายามพูดให้มันหายตึงเครียดมากแค่ไหน แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม และพวกที่ทำให้สถานการณ์ตอนนี้อึดอัดก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก…
ไอ้เจ้าของบ้าน และเพื่อนร่วมบ้านของผม ที่ตอนนี้มันกำลังสร้างความอึกอัดเป็นอย่างมาก 
เพราะต่างคนก็พากันไม่พูดไม่จาแต่ก็ยังตักกับข้าวให้กัน จะมีก็แต่เสียงผมกับน้องกวางนี่แหละที่คอยทำให้การทานอาหารเช้าในแต่ละวันไม่เงียบจนเกินไป

     แต่ก็…อะไรของพวกมันวะ!?

     แบบนี้มันคืออะไรผมไม่เข้าใจ พอชวนมันสองคนคุยก็ไม่ยอมคุยด้วย ไม่รู้เป็นอะไรกัน
แต่จริงๆไม่ต้องบอกก็ขอเดานะ เดาตามความรู้สึกก็แล้วกัน  ผมคิดว่าพวกมันสองคนต้องมีอะไรกันสักอย่างซึ่งถ้าผมเดาไม่ผิดก็คงไม่พ้นเรื่องความรัก เพราะถ้าจะให้บอกว่าพี่น้องก็ขอเถียงขาดใจเลยว่า พี่น้องเหี้ยอะไรทำแบบนี้?


     เอ๊ะ? หรือว่าพี่น้องจะทำแบบนี้

 
     แต่ถึงจะสงสัยมากขนาดไหนผมก็ไม่ถามหรอก เพราะถ้าพวกมันสองคนไม่ใครก็ใครอยากที่จะเล่าเดี๋ยวก็เล่ามาเอง ผมจะไม่ยุ่งครับ เพราะเรื่องของตัวเองก็ยังคิดไม่ตกเหมือนกัน 

     เนื่องจากว่าล่าสุดที่ย้ายออกมาจากบ้านก็เพราะว่าทะเลาะกับแม่ แล้วท่านก็ล้มป่วย จริงๆก็รู้สึกผิด ผิดจนผมไม่กล้าที่จะไปสู้หน้า 

เหตุผลที่ทะเลาะกับแม่เพราะแม่ต้องการให้ผมแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนแม่ที่คบกันมานาน  ผมว่าสมัยนี้น่าจะหมดยุคของการคลุมถุงชนไปแล้วนะ และปัญหาเรื่องนี้มันเรื้อรังจนวันหนึ่งเริ่มลุกหลามใหญ่โต ผมโกรธมากที่แม่ทำให้เรื่องพวกนี้มาทำให้เราทะเลาะกัน ผมไม่รู้ปัญหาของแม่นะว่าทำไมถึงรบเร้าให้ผมแต่งงานขนาดนี้ แต่ปัญหาของผมน่ะคือ… ผมมีคนในใจแล้ว

แต่คนในใจของผมคนนั้นเขากลับไม่อยู่ตรงนี้และตอนนี้ ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกตอนไหน เลยทำได้แค่รอ ผมรอเขาเสมอตั้งแต่คืนนั้น จะว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมไม่อยากตามใจแม่ในเรื่องการแต่งงานก็ได้

เมื่อคิดถึงแล้วก็ปวดหนุบหนับตรงอกข้างซ้าย บวกกับบรรยากาศน่าอึดอัดในตอนนี้เลยเลือกที่จะรวบช้อนซ้อมรวมกันเอาจานเข้าไปเก็บในครัว และหนีไปอาบน้ำ เพราะมีธุระที่ต้องไปทำข้างนอก


     หนึ่งชั่วโมงต่อมา…

     อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังจะออกไปทำธุระข้างนอกแต่สองเท้าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเปิดประตูห้องออกมาแล้วเห็นไอ้เจ้าของบ้านมันนั่งทำหน้าเหมือนคนคิดไม่ตกอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวี


     “มึงไม่ไปทำงานเหรอ?”  ผมเดินผ่านโซฟาที่ไอ้ปิงนั่งอยู่พร้อมกับถามมัน


     “ไม่อ่ะ วันนี้ร้านหยุด”   เจ้าตัวตอบเสียงเหนื่อยๆ หน้าตานี่อย่างกับคนไม่มีแรงจะเดิน  นี่เดี๋ยวก็เปิดเทอมแล้วมันจะมีแรงไปเรียนไหมให้ทาย


     “เออๆ งั้นกูไปละ อยู่บ้านดีๆล่ะมึง”   ที่บอกเพราะกลัวมันจะไปล้มลุกคลุกคลานที่ไหนต่างหาก ดูสภาพแล้วไม่น่ารอด
 

     “อือ…” 



     ตกเย็น…


     วันนี้ผมไม่ต้องไปทำงานที่ไหน ซึ่งก็คือการร้องเพลงตอนกลางคืนตามร้านเหล้า วงพวกผมมีกันสามคนมีผมเป็นมือกีตาร์ เราร้องเพลงแบบนี้มาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว หารายได้เล็กๆน้อยๆจากสิ่งที่ตัวเองชอบ จนตอนนี้มันไม่ใช่เล็กๆน้อยๆแล้วเพราะมันเลี้ยงทั้งชีวิตของผมเลย  ในบ้านดูเงียบและมืดมากสงสัยปิงมันจะออกไปข้างนอกแล้ว ส่วนไอ้เสือกับน้องกวางก็ยังคงไม่กลับมา


     แต่…


     ทุกอย่างก็ผิดคาดเมื่อเมื่อผมเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้วก็เจอกับไอ้ปิงที่ยังคงอยู่ที่เดิม แต่ครั้งนี้มันกำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาด้วยสภาพเดิมของเมื่อเช้า ขอบตาดำคล้ำโทรม แถมยังทำตัวรุงรังน้ำท่าไม่รู้อาบน้ำบ้างหรือยัง 


     “เฮ้ยยย!”  ผมตะโกนเสียงดังใส่เผื่อว่ามันจะตกใจ แต่ก็เปล่าเลย เหมือนสิ่งที่ทำไปนั้นไม่มีผลต่อฟังก์ชันเท่าไร

 
     “…”


     “ปิงโว้ยย!”   เมื่อยังเห็นมันเงียบเลยเรียกชื่อพร้อมกับเขย่าตัวไปมาเพื่อเรียกสติสะตัง ให้กลับมาหน่อย


     “รู้แล้ว จะเรียกทำไมนักหนาวะพี่!?”  โห…ไอ้ปิงโหมดหงุดหงิดครับ มันถึงขั้นกับขึ้นเสียงใส่ผมเลย  นี่กูพี่มึงนะโว้ย!


     “กูแค่จะถามว่ากินอะไรหรือยัง?”  ผมถาม


     “ยังอ่ะ” 


     “เออ…ก็แค่นั้น พอดีจะชวนไปกินบุพเฟ่ต์”   


     “ไม่อ่ะ ไม่มีเงิน”


     “แหม…ไม่มีอะไรกูเพิ่งจ่ายค่าเช่ามึงไปนะ” 


     “ก็ต้องเก็บไหมล่ะพี่”


     “งั้นกูเลี้ยง”


    “งั้นไปก็ได้”

     ถึงช่วงนี้มันจะไม่ค่อยเหมือนเดิมเท่าไร แต่ก็ยังคงหลงเหลือความเป็นไอ้ปิงครับ ที่ชอบเห็นแก่กินและของฟรีเสมอ


     “ของฟรีนี่รีบเลยนะมึง!”


     ครึ่งชั่วโมงต่อมา…


     เรามาถึงร้านบุพเฟ่ต์ด้วยเวลาประมาณสิบห้านาที ซึ่งมันอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไร ขับรถครู่เดียวก็ถึง แต่ไอ้สิบห้านาทีหลังนั้นเป็นเพราะคุณชายเขาต้องอาบน้ำแต่งตัว เนื่องจากว่าเน่ามาตั้งแต่เช้าแล้ว


     “ไอ้เสือมันยังไม่กลับเหรอวะ?”  ถ้ามันอยู่ก็ว่าจะมา แต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าผมจะมีอาการเวลาที่พูดถึงไอ้เสือนะเพราะขณะที่กำลังคีบเนื้อลงหม้อต้มถึงขั้นกับชะงักมือนิดหน่อย ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็นหรอก แต่เพราะความตาดีของผมมั้ง?เลยทันได้เห็น


     “มาก็เห็นดิ”  มันตอบแต่ไม่กล้ามองหน้าผม จับพิรุธได้หรอกน่าว่าพยายามทำเสียงแข็งกลบเกลื่อนปฏิกิริยาของตัวเอง


     “กูก็ถามดู” 


     “…”


     “กูถามจริงๆนะ… พวกมึงสองคนมีอะไรกันหรือเปล่า?”   ท้ายที่สุดที่ว่าไม่อยากยุ่งก็ต้องยุ่งจนได้ เพราะไม่อยากตื่นมาร่วมโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยความอึดอัดของพวกมัน และไม่อยากเห็นแต่ละคนหน้าตาเหมือนคนอมทุกข์ เพราะคนข้างๆเขาจะอมทุกข์ตาม


     “บะ บ้า…จะให้มีอะไรล่ะ?”   ตอบปฏิเสธแบบไม่กล้าสบตา  ให้ตายก็ไม่เชื่อหรอกว่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องรักๆใคร่ๆมันก็ต้องมีสักเรื่องสิวะ แค่ประเด็นแรกมันมีแนวโน้มมากกว่าเท่านั้น


     “ถ้าคิดว่าโกหกแล้วสบายใจก็ตามใจมึง”   และสถานการณ์ตอนนี้ก็กำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤต นั่นก็คือมีความเงียบเข้าปกคลุม จะโทษความปากหมาของตัวเองก็ได้ที่ดันอยากพูด 


     “ที่จริงมันก็มี…”   อยู่ๆจากที่ก้มหน้าก้มตาคีบเนื้อเข้าปากและเงียบมาพักหนึ่งผมก็ได้ยินเสียงปิงพูดขึ้นในที่สุด


     “ผมไว้ใจพี่ได้ใช่ไหม?”  เจ้าตัวถามต่อ


     “แน่นอน เอาเรื่องมึงไปนินทาก็ไม่ได้เงินหรอก”


     “ไอ้เชี่ยพี่หมาก!”   


     “อะไรมึงจะโวยวายทำไม?” 


     “สาระสิวะ นี่ผมจริงจังนะเว้ย!”   นี่คือเหตุผลที่โวยวายสินะ  ผมเหมือนคนไม่จริงจังตรงไหน


     “กูก็จริงจังอยู่นี่ไง กูบอกกตรงไหนว่าเล่น”  ผมเถียงกลับ อาจเป็นเพราะผมเหมือนพวกขี้เล่น ปิงมันเลยไม่อยากเชื่อใจ แต่เชื่อเถอะว่าผมไม่เอาไปพูดหรอก


     “แน่ะนะ”   ปิงถามย้ำ


     “เออ”  หมดคำจะมายืนยัน ไม่รู้จะสันหาคำไหนมาทำให้เชื่อใจดี


     “คือ…” 
     แต่ดูท่าว่ามันเชื่อใจผมนะ เพราะความลับกำลังถูกเล่าออกมาแล้ว


     “พี่เคยมีวันไนท์แสตนด์ไหมวะ?” 
     สองครั้งแล้วนะที่มีคนถามผม หนึ่งไอ้เสือ สองปิง


     “ก็เคยอยู่”  ผมตอบ พร้อมกับสามชั้นสไลด์ตรงหน้าที่ถูกผมนำไปลงหม้อต้ม


     “ล แล้วพี่เคยรักเคยชอบ หรือรู้สึกดีกับวันไนท์แสตนด์คนนั้นไหม?” 


     “ก็เคย”  ไม่ใช่เคยสิ ยังเป็นอยู่เพราะผมยังรู้สึกดีต่อเขาอยู่ไม่ว่าจะเรียกว่ารัก ว่าชอบ หรือจะอะไรก็ตามแต่ ความรู้สึกเหล่านั้นที่พูดมาผมมีมันต่อเขาทุกอย่าง มันคงเป็นบาปของพวกที่ชอบทำตัวเหลวไหลอย่างผม ที่เหมือนโดนสาปให้ตกหลุมรักวันไนท์แสตนด์ของตัวเอง และไม่มีโอกาสได้สานสัมพันธ์ต่อ เพราะเธอนั้นหายไป  เหมือนจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่กลับสัมผัสไม่ได้


     “แล้วพี่ทำยังไง?” 


     “ก็ไม่ทำยังไง เพราะหลังจากนั้นกูก็ไม่ได้เจอเธออีก” เหมือนมันหลอกถามผมมากกว่าที่ผมถามมันยังไงไม่รู้ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่มึงจะเล่าวะ?”


     “เกี่ยว…เพราะเมื่อไม่นานมานี้ผมไปปมีวันไนท์แสตนด์กับใครคนหนึ่งมา”


     “…”


     “และผมคิดว่าผมรู้สึกดีกับเขา”


     “แต่ผมสับสน”


     “…”

 
     “และวันไนท์แสตนด์คนนั้นก็คือ…”


     “…”


     “คือ”


     “…”


     “คือไอ้เสือ…”
     นั่นไง ผมว่าแล้วแต่คิดไม่ถึงว่ามันจะถึงขั้นลึกซึ้งขนาดนี้


     “พะ พี่ รังเกียจผมไหม?”


     “กูจะรังเกียจมึงเรื่องอะไรวะ?”   


     “เรื่องที่ผมมีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน มะ ไม่สิ ผมไม่ใช่เกย์นะ ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย ไม่สิผมชอบไอ้เสือ ไม่สิอาจจะชอบผู้ชาย ไม่ๆผมยังไม่รู้รสนิยมตัวเองด้วยซ้ำ ว่าที่จริงแล้วเป็นยังไง”


     “กูไม่รังเกียจมึงหรอก มึงไม่ได้เป็นฆาตกรนี่ และมึงไม่ได้ทำอะไรผิดความรักความชอบมันไม่เคยผิด รสนิยมก็คือรสนิยมของใครของมัน กูไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอยู่แล้ว”


     “…”


     “แล้วไง มึงชอบมันนี่มึงแน่ใจจริงๆแล้วใช่ไหม ถามใจตัวเองดูแล้วแน่นะ”


     “ผม… ไม่รู้สิ ผมรู้สึกดีกับมันแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายคนไหน แบบนี้เรียกว่าชอบได้ไหม?”


     “…”  ยอมรับเถอะปิงว่ามึงชอบไอ้เสือเข้าจริงๆแล้ว


     “แล้วอีกอย่างนะ…ตอนนั้นตอนที่ไปทะเลไอ้เสือ ม มันบอกชอบผม”


     “ก็ดีสิมึงก็ชอบ เอ้ย!รู้สึกดี” “แล้วมึงตอบไปว่าไงล่ะ?”


     “ผมยังไม่ได้ให้คำตอบ”


     “ทำไมวะ?” 


     “พี่จะให้ผมตอบได้ยังไงไอ้เสือมันมีลูกแล้วนะ”


     “เออกูลืมไป”


     “เพราะมันมีลูกผมเลยไม่อยากให้คามสัมพันธ์ขอเราก้าวไกลไปมากกว่านี้” 


     “พูดอีกก็ถูกอีก”


     “เพราะถ้าเราคบกันได้นาน หรือนานมากขนาดที่น้องกวางโตพอจะรู้เรื่อง” ปิงเงียบไปครู่หนึ่ง “มันคงไม่ดีแน่”  ในประโยคสุดท้ายเสียงนั้นเบาหวิว มันเขี่ยเนื้อที่อยู่ในจานตัวเองไปมา


     “ก็ถูกของมึงน่ะนะ เว้นเสียแต่ว่าน้องกวางจะรับได้แต่มึงไม่สามารถรู้ได้ไงว่าโตขึ้นมาแล้วน้องกวางจะยอมรับได้จริงหรือเปล่า” 


     “…” 

     น่าสงสารมันนะ แต่จะทำยังไงได้ เลือกทางไหนก็เจ็บทั้งนั้น แต่ผมว่าควรแนะนำให้มันเลือกทางที่ไม่ส่งผลเสียต่ออะไรต่อมิอะไรจะดีกว่า


     “กูว่าถ้ามึงไม่รีบตัดใจหรือมึงชอบมันจริงๆแบบตัดใจไม่ได้ มึงก็ต้องรอเวลา รอเวลาที่น้องกวางจะโตพอและเขาจะรับรู้และยอมรับได้ แต่ถ้ายอมรับไม่ได้มึงก็ต้องถอยออกมานะ”


     “…”  มันไม่ตอบแต่สีหน้าดูหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด 


    “กูรู้ว่ามึงไม่ผิดและในทีนี้ไม่มีใครผิด”


     “ผมว่า…ผมตัดใจดีกว่าจะได้ไม่เจ็บไปมากกว่านี้”


     อาจจะดีเพราะถ้าอนาคตมันไม่เป็นอย่างที่คิดไว้มันคงเจ็บมาก ถึงจะรักกันแต่ไม่สามารถรักได้เต็มอกเพราะความถูกต้องที่ควรจะเป็น บางครั้งโลกแม่งก็ตลกกับร้าย อยากรู้นักความผิดถูกบ้าบอนั่นใครเป็นคนตั้งมันขึ้นมา!



     …


    อ่านต่อข้างล่างนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(19) - 31/12/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 31-12-2017 17:54:00
 เราออกจากร้านบุพเฟ่ต์กันมาได้ครู่หนึ่งตอนนี้กำลังขับรถกลับบ้าน  ปิงเงียบมาตลอดทางเลยปล่อยให้มันอยู่กับโลกของตัวเองไปสักพัก ปิงในโหมดนี้น้อยนักที่จะได้เห็นแต่พอเห็นมันเป็นแบบนี้แล้วก็อดสงสารมันไม่ได้  ถ้าเลือกได้ก็ไม่ขอให้มันเป็นแบบนี้ แต่ไม่ใช่แค่กับปิงนะ จะกับใครก็ช่างรอยยิ้มไม่ควรหายไปจากที่ที่มันเคยอยู่


     “เป็นอะไรกันวะนั่น!?”  ผมแทบจะเบรครถไม่ทัน ตอนขับรถผ่านทางสี่แยกที่จะกลับบ้าน ซึ่งตอนนี้กำลังมีรถฮุกกู้ภัย และสัญญาณไฟน้ำเงินแดงที่เปิดเป็นสัญลักษณ์จอดอยู่กลางไฟแดง ผู้คนประมาณสิบชีวิตได้ยืนมุงดูอยู่แถวนั้น
     ที่จริงมันไม่เกี่ยวกับผมนะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงอยากลงไปดูนัก? 



     (จบบันทึกของหมาก)




     อยู่ๆไอ้พี่หมากมันก็หยุดรถลงพร้อมกับเดินลงไปยังเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นตอนแรกผมก็เหมือนว่าไม่มีอะไร แต่พอพี่มันเดินลงไปรวมกับผู้คนเหล่านั้น ก็เห็นมันพุ่งเข้าไปได้สักพักก็เดินมาหาผมด้วยสีหน้าตื่นๆ 


     “เป็นไรวะพี่?”  สีหน้าพี่มันทำเอาผมใจคอไม่ดีฉิบหายเลย!


     “มึงเดินลงไปดูเองดีกว่า” 

     ยิ่งพูดแบบนี้ยิ่งทำเอาผมใจคอไม่ดีเข้าไปใหญ่  นี่อำอะไรกูอีกล่ะเนี่ย!?   


     แต่…


     ผมว่าพี่มันไม่ได้อำแล้วล่ะ ทันทีที่เดินมาดูตามที่พี่มันบอกภาพตรงหน้าก็เล่นทำเอาผมหัวใจแทบหยุดเต้น เพราะ…
ตรงหน้าได้เกิดอุบัติเหตุทางท้องถนน อาจจะรถล้ม รถชน หรืออะไรก็ตามแต่ ผมไม่รู้หรอก แต่รถที่นอนอยู่บนพื้นถนนคันนี้คือซูโม่เอ็กซ์สีดำคันที่ผมคุ้นเคย และเจ้าของรถก็กำลังถูกหามขึ้นไปในรถ ถึงแม้จะมองได้ไม่เต็มตาเท่าไร
แต่ด้วยความรู้สึกผมมั่นใจว่าคนนั้นต้องเป็น… ไอ้เสือ


     ทะเบียนรถก็ใช่ รองเท้ามันที่แค่เห็นแค่ผ่านตาผมยังจำได้ว่าเป็นของมัน 


     นี่คือเหตุผลที่บางครั้งผมก็อยากบอกความรู้สึกให้มันได้รับรู้ให้รู้แล้วรู้รอดแบบไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น เพราะด้วยเหตุผลนี้ จากกันทั้งที่ยังตัวเป็นๆนั่นถึงจะเจ็บแค่ไหนแต่อย่างน้อยก็ยังได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่บนโลกเดียวกัน  แต่ถ้าในกรณีแบบนี้ผมคงทำใจได้ยากกว่าจากกันทั้งเป็นซะอีก ผมจะทำยังไงถ้าเราไม่ได้อยู่บนโลกเดียวกันแล้ว ไม่รู้หรอกนะว่ามันจะเจ็บมากเจ็บน้อยถึงขึ้นไหน แต่ตอนนี้ผมน่ะ…เจ็บมาก


     …


     พี่หมากพาผมขับรถมายังโรงพยาบาลที่เจ้าหน้าที่พาไอ้เสือมาส่ง เรานั่งรอกันสักพักใหญ่ๆพยาบาลก็ให้เราเข้าไปเยี่ยมมันได้ โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แขนหักและรอยถลอกขนาดใหญ่ตามร่างกาย นั่นทำเอาผมถอนหายใจออกมาด้วยความ       โล่งอก  เพราะมันไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่คิดไว้ก่อนหน้า


     ไอ้บ้าเอ้ย!


     ถ้าเป็นหนักกว่านี้ขึ้นมาจะทำยังไงวะ!?  แล้วอีกอย่างโชคดีมากที่น้องกวางไม่ได้นั่งรถมาด้วย ดีที่น้องกวางอยู่กับน้าเล็ก       ที่รู้นี่ไม่ใช่เพราะผมถามมันหรอกนะ แต่ได้ยินที่มันคุยกับพี่หมากต่างหาก  มันจะมีก็แค่ครู่หนึ่งที่เราเผลอสบตากัน เราเป็นแบบนี้มาทั้งอาทิตย์จนถึงตอนนี้ มันอึดอัดมากนะกับอะไรที่เป็นอยู่ ไม่รู้สิมันอาจจะไม่ยาก แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะทำให้เรื่องนี้จบลง


     เช้าต่อมา ผมมาทำงานโดยมีพี่หมากมาส่งและพี่มันบอกว่าเดี๋ยวจะเป็นคนไปรับไอ้เสือเอง และตอนเลิกงานผมก็มีพี่หมากมารับ ในบ้านเงียบมากเราต่างคนต่างก็แยกย้ายกันเข้าห้องตัวเอง ส่วนน้องกวางเห็นพี่หมากบอกว่าน้าเล็กเป็นคนดูแลให้ในช่วงนี้ แน่ล่ะเจ็บขนาดนี้ถ้ายังดั้นด้นจะดูน้องกวางเองมันก็เกินไปละ

แล้วไอ้ที่มันโดนรถชนมาแบบนี้ก็เพราะคู่กรณีของมันดันฝ่าไฟแดงมาเพราะที่จริงไฟเหลืองก็ต้องหยุดรถแล้วแต่เขาดันขับฝ่ามาคิดว่าจะทันแต่ก็ไม่  แต่ก็ยังดีอีกอย่างที่คู่กรณีของมันไม่ได้หนี ค่ารักษาทั้งหมดเขาเลยรับผิดชอบ

ที่รู้มาเนี่ยก็เพระพี่หมากมันเล่าให้ฟังทั้งนั้นผมกับมันยังไม่ได้คุยกันเลยสักคำ ถ้าจะคุยก็กลัวมันจะถามหาคำตอบจากผม  ยอมรับว่าชอบ แบบไม่มีข้ออ้างอะไรแล้ว  เพราะรู้สึกจะเป็นจะตายก็เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวานนี้เอง แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อสิ่งที่จะทำลงไปมันอาจจะส่งผลดีหรือไม่ดีก็ได้สำหรับน้องกวาง เพราะฉะนั้นการตัดใจจากไอ้เสือเลยเป็นสิ่งที่ผมจะเลือกทำ ถึงมันจะตัดยาก แต่ผมว่าผมตัดได้…


     หรืออาจจะไม่ได้… ถ้าได้คืออาจจะอยู่กับความเจ็บสักระยะแต่ถ้าไม่ก็แค่อยู่กับความเจ็บตลอดไป

 

     เป็นอีกคืนที่รู้สึกว่าตัวเองจะนอนไม่หลับ เพราะรู้สึกว่าอึดอัดกับอะไรที่เป็นอยู่อย่างมาก จะโทรหาไอ้ฟาร์มก็ไม่กล้า เพราะรู้สึกเหมือนกับมันจะโกรธอะไรผมสักอย่าง เหตุผลมันไม่แน่ชัดหรอก แต่เป็นเพื่อนกันมานานนะ ทำไมจะไม่รู้ว่าโดนโกรธ จริงอยู่ที่เคยพูดกับพี่หมากไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่หายอึดอัดอยู่ดี ผมควรทำยังไงเหรอ?มันยากมากเลยนะกับการที่ต้องอยู่ในสภาวะสับสน งุ่นง่าน อึดอัด หรือจะอะไรก็ตามแต่นั่นแหละ  เรื่องพี่เพลงยังไม่ทำให้ผมเป็นหนักได้ขนาดนี้เลย


     โว้ยยย! ไอ้บ้าเอ้ย! ไม่น่าเลยกูไม่น่ารู้สึกเลยกู  ไม่น่าให้มันมาเช่าบ้านแต่แรก ถ้าวันนั้นไม่ไปขอโทษไม่ไปง้อให้มันกลับมาตอนนี้คงไม่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้เลย  หรือไม่ก็ถ้าวันนั้นมันไม่บอกชอบผมก็คงไม่เป็นแบบนี้ ตอนนั้นมันแค่คลุมเครือยังไม่รู้ใจตัวเอง ตอนนี้เป็นยังไง พอรู้ใจตัวเองแล้วแต่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้มันเจ็บขนาดไหนล่ะ


โทรศัพท์หยิบมาเล่นแล้วก็ยังไม่เลิกคิด และถ้านอนอยู่เฉยๆบนที่นอนทั้งที่ไม่ยอมหลับตอนนี้ผมว่าผมต้องเป็นบ้าในอีกไม่ช้า และก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเหมือนกันหลังจากที่ออกมาจากห้อง ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาเปิดโทรทัศน์ดู กดรีโมทเลื่อนช่องดูแล้วดูอีกก็ยังหาช่องที่อยากดูไม่ได้  ว่าจะชวนไอ้พี่หมากไปหาอะไรกินตรงสี่แยกหน้าบ้านก็ดูเหมือนพี่มันจะนอนแล้ว ตอนไปรับเห็นบ่นว่าเหนื่อยๆ 


     และสุดท้ายจะทำยังไงได้นอกจากไปเอง รถก็ขับไม่เป็น ไอ้บ้าเอ้ย!   


     จริงๆตอนนี้มันก็น่ากลัวนะ จะออกไปดีไหมวะ พอมองออกไปข้างนอกบ้านแล้วรู้สึกน่ากลัวแปลกๆ ทั้งที่จริงเดินไปไม่เท่าไรก็ถึงสี่แยกแล้วผู้คนก็จะเยอะหน่อย คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง…?


     “จะไปไหน?” แต่ยังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูบ้าน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น  หันไปเห็นก็เจอคนแขนเจ็บที่เดินออกมานอกห้องด้วยสภาพของคนเพิ่งตื่นนอน ผมเผ้ายุ่งเหยิงหน้าตานี้งัวเงียจนอยากจะเดินเข้าไปตบกะโลก แล้วถามว่าใครสั่งใครสอนให้ทำหน้าแบบนี้ 

     หัวใจกูไม่ปกติเลยไอ้สัด!

     เฮ้ย! ไม่ได้สิวะ จะมาไม่ปกติไม่ได้นะโว้ยยยย  อุตส่าห์คิดแล้วว่าต้องตัดใจ


     “ไปข้างนอก เอาอะไรไหม?”  ที่ถามเพราะเห็นว่าเจ็บดูแลตัวเองไม่ได้เฉยๆหรอกน่า


     “เอา” มันตอบพร้อมกับเดินกะเผลกๆมันหาผม จำได้ว่ามันมีแผลถลอกรอยใหญ่ตรงต้นขาด้วยนะ แผลมันคงจะตึง แต่มันก็มันก็ยังเดินได้เกือบปกตินะ ไม่ถึงกับขยับขาไม่ได้


     “ตังมา”  ผมแบมือขอเงินมัน แต่สิ่งที่ได้คือฝ่ามือข้างที่แขนไม่ได้ใส่เฝือกของมันวางลงทาบกับมือผม 

     มัน… ทำไมอุ่นแบบนี้วะ

    ไม่ได้! จะมารู้สึกอุ่นบ้าอุ่นบออะไร!
 

     “กูจะเอาเงิน ไม่ได้เอาขาหน้า” 


     “จะไปด้วย กลัวซื้อมาไม่ถูกใจ” 

     เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะกูรู้ว่ามึงชอบหรือไม่ชอบอะไร
     แล้วจำเป็นต้องจำได้ด้วยเหรอวะ ลืมเดี๋ยวนี้เลยไอ้ปิง!


     “จะไปก็เดินดีๆไม่ต้องจับมือเว้ย!”  ว่าแล้วก็สะบัดมือมันทิ้ง ถึงแม้จะไม่อยากปล่อยก็เถอะ  มีโอกาสจับมือมันบ่อยอย่างนี้ที่ไหนล่ะ


ตอนแรกคิดว่าน่าจะอึดอัดใจมากกว่านี้นะเวลาเจอกัน แต่ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกดีแบบนี้ก็ไม่รู้… หรืออาจจะเพราะผมยอมรับกับตัวเองมากขึ้น (มั้ง?)


     “ก็เจ็บขา เดินไม่ถนัด” 
     ลองคิดสภาพคนหน้านิ่งแล้วพูดอะไรทำนองนี้นะครับ  หมั่นไส้จนอยากจะตีแผลให้มันเจ็บยิ่งว่าเดิม


     “งั้นก็ไม่ต้องไป”


     “ไป รอด้วย”


     “งั้นก็เร็วๆ”  พอเห็นว่ามันยังลวดลายผมเลยเร่ง แต่จริงๆก็พอรู้ว่ามันเจ็บเลยอาจจะเคลื่อนย้ายตัวไม่สะดวก เห็นมันจะก้มหยิบรองเท้าที่กะจัดกระจายไปอยู่ทางอื่นด้วยความยากลำบาก สงสัยว่าแผลถลอกของมันจะตึง ซึ่งก็ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นตรงไหหนบ้าง ทำไมถึงได้เคลื่อนตัวยากขนาดนี้

ด้วยความมีน้ำใจของเจ้าของบ้านและผู้เช่าเลยใจดีนิดหน่อยด้วยการก้มไปหยิบรองเท้าให้มันแล้วเอาไปวางไว้ให้ที่เท้าตรงหน้า ถ้ายังใส่ไม่ได้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ขณะที่ใส่รองเท้ามันก็เกาะไหล่ผมไว้ประหนึ่งว่ากลัวล้ม ขนาดนี้คงไม่ล้มแล้วมั้ง เห็นเงียบๆไม่คิดนะว่าจะเป็นพวกมือไม้เร็ว!

เอะอะนี่จำเป็นต้องโดนตัวกูตลอด!


     “เห็นว่าเจ็บเฉยๆหรอกนะ ถ้าไม่เจ็บนี่กูตีแขนให้หักอีกข้างเลย”   ขณะที่เดินออกมาก็อดบ่นไม่ได้ เพราะเดี๋ยวมันจะได้ใจคิดว่าผมจะชอบอะไรแบบนี้


     “ยอมกูหน่อยก็ได้ นี่เจ็บอยู่นะ”  ว่าแล้วมันก็เปลี่ยนจากการเกาะไหล่ผมเป็นการกอดคอแทนจนทำให้ช่องว่างระหว่างเราเหลือน้อยเต็มที


     “อย่าเยอะ!”  กำลังจะจับแขนข้างที่ไม่ได้ใส่เฝือกของมันออกจากคอ แต่ก็ต้องหยุดเพราะ…


     “ขอเถอะ แค่วันนี้เอง…”


     “…” ผมเงียบ


     “…” และมันก็เงียบ


     “ถือว่าอนุญาตแล้วนะ”  คนเจ็บพูด  มือผมที่จับแขนมันอยู่เลยปล่อยลงข้างกายแทน 



     เพราะเจ็บหรอกเว้ย!… เลยยอม



  TBC...





สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอถือโอกาสสวัสดีปีใหม่กับคนอ่านเลยนะคะ เหมือนเดิมค่ะ คิดถึงคนอ่านมากนะคะ ปีใหม่เเล้ว อีกไม่นานนิยายเรื่องนี้้ก็จะครบหนึ่งปีแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ  เขียนนานอะไรขนาดนี้  ขอให้คนอ่านมีวามสุขมากๆนะคะ  เอาพี่เสือน้องปิงมเป็นของขวัญส่งท้ายปี  ขอบคุณที่รอกันนะคะ ขอบคุณที่อ่านค่ะ 

รักนะคะ คิดถึสัมเหมออออออออออ    / กอด


ปล.ปิงก็ยังคงเป็นปิงนะคะ เศร้าขนาดไหน ก็บ้าเหมือนเดิม ฮ่าาาๆๆๆ /อย่าว่าน้อง!
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(19) - 31/12/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 09-01-2018 21:35:00
 :a5: เพิ่งเห็นว่ามาอัพตอนใหม่แล้วว  สวัสดีปีใหม่แบบสายๆกับคนเขียนเด้อ
ชอบความตลกในความเศร้าของน้องปิงเช่นเดิม
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(19) - 31/12/60 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-01-2018 22:12:55
สวัสดีปีใหม่ ให้ไรท์สุขสันต์.....♪♪♪♪♪

คิดถึงเสือ ปิง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ปิง รู้ใจตัวเองแล้ว และยอมรับได้แล้วว่าตัวเองก็ชอบเสือ
ต่างฝ่ายต่างไม่มีใคร อย่ากั๊กตัวเองเลย
ยอมให้ตัวเองมีความสุขเถอะ
ในเมื่อรู้สึกดีๆต่อกัน  :mew1: :mew1: :mew1:

เอาใจช่วยหมาก  :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพ รักของเสือตอนที่(20) - 13/1/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 13-01-2018 17:54:50
ตอนที่ยี่สิบ: เสือคะ…




     เมื่อคืนมีความสุขมากจะพูดแบบนี้ได้เต็มปากก็ได้ แต่ก็อายตัวเองไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม มันเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่เราใกล้กัน ได้คุยกันมากขนาดนี้ จริงอยู่ที่ผมยอมรับกับตัวเองว่าชอบไอ้เสือ แต่ผมไม่ได้ยอมรับกับมันว่ารู้สึกยังไง มันคงยังไม่รู้ และผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะรู้สึกได้หรือเปล่าว่าผมคิดยังไง

วันนี้เป็นวันแรกของภาคเรียนที่สอง พวกไอ้โก้ไอ้เจมส์ก็เจอกันครั้งแรกหลังกลับมาจากทะเล จะมีก็แต่ไอ้ฟาร์มที่ผมยังไม่ได้เจอ และไม่รู้ว่ามันเป็นบ้าอะไรถึงไม่ยอมคุยกับผม โกรธอะไรก็ไม่ยอมพูด ผมยอมง้อคนก็จริงแต่ในเมื่อเรื่องที่ผมไม่ผิดให้ตายก็ไม่ง้อ ถึงจะเหงาๆบ้างก็เถอะเวลาที่ไม่ได้คุยกับมัน 

เลิกเรียนผมกลับจากมหาลัยและตรงไปยังที่ทำงาน และเลิกงานตามเวลาเดิมและคนที่มารับก็คือไอ้พี่หมาก เพราะตอนนี้ไอ้เสือมันยังขับรถเองไม่ได้ ถึงมันขับได้ก็ไม่ให้ขับ
จะขับรถแข็งขนาดไหนก็ไม่ไว้ใจ เพราะถ้าเราไม่ชนเขา เขาก็ชนเรา อันตรายทุกทาง ทางที่ดีรอให้ร่างกายหายเป็นปกติก่อนแล้วค่อยขับจะดีกว่า และคงต้องหยุดขับรถไปอีกนานเพราะกว่าจะได้เอาเฝือกออกก็คงเป็นเดือน 

มันคงต้องคิดถึงน้องกวางแน่ๆ ไม่ใช่แค่มัน ผมกับพี่หมากก็คิดถึง บ้านมันเงียบมากเพราะจากที่เคยมีเด็กน้อยตอนนี้กลับไม่มี
ผมกลับมาจากที่ทำงานก็ถึงบ้านประมาณเกือบตีหนึ่ง พี่หมากเข้าห้องของมันไปแล้วหลังจากที่นั่งกินข้าวด้วยกันครู่หนึ่ง ตอนนี้เหลือไอ้เสือที่ไม่รู้ว่ามันกินอะไรไปแล้วหรือยัง ไม่ใช่ว่ากำลังนั่งทำงานงกๆอยู่หรอกนะ ถึงมันจะเจ็บ ก็แอบเห็นว่าเอางานมาทำต่ออีกด้วย แม่งจะขยันไปไหนวะ!?



     ก๊อกๆ! 


     ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วกำลังจะเอาหนังสือมาอ่านนิดหน่อย เพราะสงสัยว่าพรุ่งนี้งานตั่งต่างมันจะไหลลงมาทับหัวบี้แน่  ผมไม่ได้ยินเสียงตอบรับเลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปซะเลย 
กำลังตัดใจอยู่จริงๆ แต่เพราะกลัวว่ายังไม่ได้กินข้าวเฉยๆหรอกเลยเข้ามาถาม เพราะมีข้าวมันไก่ที่ซื้อมาเกินอยู่หนึ่งห่อแล้วไม่มีใครกิน

ถึงกำลังอยู่ในโหมดตัดใจก็ใช่ว่าเราจะห่วงเขาไม่ได้ หนำซ้ำมันยังเจ็บอีก สาบานได้ว่ากูไม่ได้ออยากห่วงมึงเล้ยยยย! ไอ้เสือ
เมื่อประตูเปิดออกภาพตรงหน้าที่ปรากฏคือคนแขนหักที่พยายามใช้มือเดียวพิมพ์งาน  ไอ้เสือเหลือบตาขึ้นมามองผมนิดหน่อย จากนั้นก็ก้มหน้าพิมพ์งานต่อ “มีไร?”   เขาถาม


     “กินข้าวกินยาหรือยัง”  ผมยืนพิงกรอบประตูที่ภายในห้องเปิดแอร์เย็นจัด จนกางเกงบอลตัวเก่าของผมก็ช่วยบดบังความเย็นไม่ค่อยจะได้  คือมึงจะร้อนอะไรขนาดนี้วะ


     “เอ้อ!…ลืมไปเลย” ถึงเสียงจะดูตกใจขนาดไหน แต่ก็ยังคงพิมพ์งานหน้านิ่งๆไม่ได้รู้สึกตกใจเหมือนน้ำเสียงเลย   “ตอนนี้กี่โมงแล้ว” 


     “ตีหนึ่งกว่าแล้ว!” 
 
     ห่าเอ้ย! คนบ้าอะไรลืมกินข้าวจนถึงตอนนี้ คือแบบ…มึงไม่รู้สึกว่าท้องมันว่างจนหิวบ้างเลยหรือไง


     “ทำไม จะทำอะไรให้กิน”   


     “มีข้าวมันไก่เหลืออยู่หนึ่งห่อจะกินไหม?” 


     “ถ้าเอาใส่จานมาให้ก็กิน”


     “เออ! ก็จะเอามาให้นี่ไงเลยถาม”   ก่อนจะรู้สึกอยากตีไอ้เสือมากกว่านี้เลยหมุนตัวออกมาจากหน้าห้องมันด้วยความรวดเร็ว ไม่ได้หงุดหงิดมันมากขนาดนั้นหรอก แค่แกล้งทำไปเฉยๆ คือมันต้องคีพลุคไงครับหัวหน้า ถ้าแสดงออกมาว่าเป็นห่วงเดี๋ยวมันจะได้ใจ เพราะผมบอกแล้วไงว่าจะตัดใจ!


     ไม่นานข้าวมันไก่ก็ถูกแกะใส่จานเรียบร้อยพร้อมกับราดน้ำจิ้มใส่ในข้าวให้เสร็จสรรพ ผมรู้ครับมันชอบกินแบบนี้


     “ข้าว”  ผมวางจานข้าวลงบนโต๊ะญี่ปุ่นที่มันใช้ตั้งคอม “แล้วยาอยู่ไหน”


     “อยู่บนหัวเตียง” 

      ผมเดินไปหยิบยาตรงตำแน่งที่มันว่า จากนั้นก็ดูว่าต้องทานตัวไหนอะไรยังไงบ้าง จัดทุกอย่างให้พร้อมและตบท้ายด้วยการเอาน้ำดื่มขวดเล็กมาวางไว้ให้ข้างกาย คือทำให้ถึงขนาดนี้แล้วไอ้เสือมันก็ยังไม่แม้แต่จะหันมาสนใจข้าวตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย มัวแต่พิมพ์งานจนผมเริ่มรำคาญ เข้าใจครับว่าเร่งแต่สละเวลามากกินข้าวสักห้านาทีมันจะตายไหมวะ!  ยาก็ยังไม่กินแล้วชาติไหนมึงจะหาย! 


     “กินข้าวก่อนแล้วค่อยทำก็ได้มั้ง?”  ตอนแรกคิดว่าจะเดินออกไปแบบไม่สน แต่คือมันอดไม่ได้ อยากจะตบให้กะโหลกร้าวซะจริง


     “เดี๋ยวใกล้เสร็จแล้ว”


     โอเค…ใกล้เสร็จ


     ผมยืนรอดู อยากรู้ว่าไอ้คำว่าใกล้เสร็จของมันน่ะนานแค่ไหน แต่จนแล้วจนรอดตอนนี้สิบนาทีเข้าไปแล้วมันก็ไม่ยอมมากินข้าวสักที และขณะที่ยืนดูมันก็ยังทำเหมือนทองไม่รู้ร้อน ไม่รู้สึกตัวใดๆทั้งสิ้นจนเริ่มหงุดหงิดเข้าไปทุกที ง่วงก็ง่วง ให้ตายเถอะไอ้ฝัด!


     สุดท้าย…


     เป็นตัวผมเองที่ทนไม่ไหว  เดินไปทิ้งตัวนั่งลงข้างๆมันพร้อมกับถือจานข้าวมันไก่มาไว้ในมือ “อ้าปาก”  และตักข้าวจะป้อนเข้าปากคนเจ็บ ที่มัวแต่บ้างานจนไม่ยอมกินข้าว

ช้อนที่จ่ออยู่ใกล้กับริมฝีปากของไอ้เสือมาก จนเจ้าตัวถึงกับเหลือบตามองผมนิดหน่อย เหมือนจะถามอะไรแต่ก็ไม่และก็ยอมเปิดปากทานข้าวที่ผมป้อน จากคำแรกจนคำที่สองมาเรื่อยๆระหว่างนั้นเราเงียบมาก จนมีแค่เสียงเครื่องปรับอากาศและแป้นพิมพ์จากโน๊ตบุ๊คเท่านั้น ข้าวในจานตอนนี้เริ่มหมดและผมก็เริ่มง่วงรู้สึกเหมือนเปลือกตากำลังจะปิดอยู่รอมร่อ   


     “กินยา”  แต่ยังคงมีสติอยู่   พอข้าวหมดจานเลยยื่นยาที่เตรียมไว้ให้มัน เสร็จแล้วจะได้เข้าไปนอนสักที เป็นไงหนังสือก็ยังไม่ได้อ่าน เหลือบมองดูนาฬิกาก็เกือบตีสองแล้ว   
ไอ้เสือรับยาไปกินอย่างว่าง่าย “ง่วงก็นอน”   สงสัยมันเห็นว่าผมอาปากหาวจนแทบจะกินหัวคนได้เลยพูดขึ้นหลังจากที่ทานยาเสร็จ


     “ก็กำลังจะไปนอนนี่ไง”  ผมกำลังจะลุกขึ้นแต่ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะๆไอ้เสือใช้มือข้างที่กำลังพิมพ์งานมารั้งแขนผมไว้


     “นอนนี่แหละ”  พูดเสียงเรียบ ก่อนจะออกแรงดึงให้ผมนั่งลงที่เดิม


     “ไม่เอา”


     “…”  มันไม่ตอบแต่หันมามองหนาผมนิ่งๆ มือก็ยังไม่ปล่อยจากแขนผม “ถ้าไม่นอนกูก็จะจับมึงไว้อย่างนี้แหละ”


     “มึงลองคิดดูนะ มึงกับกูใครได้เปรียบ”  แหม…คิดจะออกคำสั่งกับกู  ง่ายไปหรือเปล่า!?


     “อย่าคิดว่ามีมือเดียวแล้วจะทำอะไรไม่ได้”  ไอ้เสือพูดเสียงเรียบ “แต่ก็ดี ถ้าเจ็บกว่าเดิม กูจะได้มีคนดูแล” 

     โธ่… ไอ้ฟายยยยยย!! แค่นี้กูยังไม่ดูแลมึงหรือไง!?


     “แล้วที่กูทำอยู่นี่ไม่ได้กำลังดูแลหรือไง?”  อ้าวฉิบหายแล้ว มันรู้หมด แอบเห็นนะว่าครู่หนึ่งมันอมยิ้ม


      ร้ายกาจ!


     “หมายถึงดูและตลอดชีวิต เพราะถ้าแขนกูใช้การอีกไม่ได้มึงต้องดูแลกูตลอดชีวิต” 


     แค่กๆ! ไอ้ฝัด! คำพูดมึงนี่ทำกูแทบสำลักน้ำลายตัวเอง


     “กูรู้มึงไม่กล้าทำหรอก มึงมันขี้สงสาร”  แหม… ยังมีหน้ามารู้ใจกูอีกนะ! 


     “งั้นก็ปล่อย จะได้นอนสักที!” 

     เออ! กูมันคนขี้สงสารที่ชอบมึงไง! 

     ไว้เดี๋ยวรอมันหลับแล้วค่อยหนีออกไปก็ได้

     มันยอมปล่อยแต่โดยดี ผมเลยกระโดดขึ้นเตียง และเลือกที่จะนอนฝั่งติดกำแพง นอนเคลิ้มไปมาได้สักสิบนาทีก็รู้สึกเหมือนมีคนขึ้นมาบนที่นอน ถึงกำลังจะเคลิ้มหลับแต่ก็พอรู้ว่ามันเป็นใคร แล้วไม่นานความมืดก็เริ่มโรยตัวเข้าครอบครองภายในห้อง ผ้าที่ใช้ห่มโดนขยับไปมาไอ้เสือคงเอาไปห่มด้วย เพราะในห้องมีผ้าแค่ผืนเดียว


     ช่างมันเถอะตอนนี้ไม่ได้สนอะไรแล้ว เนื่องจากง่วงมาก… แต่ก่อนจะหลับสนิทจริงๆ รู้สึกว่าบางอย่างที่อบอุ่นกำลังคืบคลานเข้ามาเกาะกุมมือผม 


     “ขอจับมือได้ไหม?”  ไอ้เสือถามผมหลังจากนั้น

     จริงๆจับขนาดนี้แล้วไม่ต้องขอก็ได้หรอกไอ้ห่า! 

     ไม่สิ! จริงๆผมไม่น่ายอมนอนในห้องมันเลย!




     หกอาทิตย์ต่อมา…

     จากวันกลายเป็นอาทิตย์และหลายอาทิตย์ก็กลายเป็นเดือน สาบานได้ว่าชีวิตผมวนลูปอยู่กับไอ้เสือในทุกๆวันเราตัวติดกันแทบจะตลอดเวลาที่เจอหน้า เว้นก็แต่ตอนไปเรียน และบางอาทิตย์ผมก็ต้องช่วยมันดูน้องกวาง เราค้างบ้านน้าเล็กบ้างในบางครั้ง 
และเชื่อเถอะว่าผมกำลังตัดใจ แต่พอเป็นอย่างนี้แล้วรู้สึกได้ว่ามันน่าจะใช้ความพยายามมากกว่าเดิมมาก   


     โธ่เว้ย!


     โชคดีหน่อยที่วันนี้มันต้องไปเอาเฝือกออกแล้วเลยคิดว่าไม่ต้องดูแลอะไรอีก วันนี้เป็นวันเสาร์ ผมกลับมาจากที่ทำงานด้วยสภาพที่อ่อนล้าเต็มที ในตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ผมต้องทั้งเรียน ทำงาน พ่วงด้วยการดูแลไอ้เสืออีก คิดว่าผมจะมีสภาพเหมือนศพขนาดไหน  เดินผ่านกระจกทียังแทบไม่กล้ามอง

มีอีกเรื่องนะ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมยังไม่ได้คุยกับไอ้ฟาร์มเลย จำได้ว่าเดินสวนกับมันที่แคนทีน ไอ้ฟาร์มมันเดินมากับเพื่อน มันเห็นผมแต่เราไม่ได้ทักกัน  ไอ้เชี่ยฟาร์มมันทำผมหงุดหงิดมาก อยากจะเดินเข้าไปถามให้รู้แล้วรู้รอด แต่ไม่ทำหรอก เพราะถ้าผมถามแสดงว่าผมแพ้ แพ้ให้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ที่ผมไม่ได้ทำผิด

และวันนี้คนที่มารับจากที่ทำงานก็คือไอ้พี่หมาก ช่วงนี้นี่ว่างรับผมเหลือเกิน มันเลยทำให้ผมมีเวลาคุยกับพี่มันมากขึ้นนะ   พอเรากลับมาถึงบ้านต่างคนก็ต่างแยกย้ายและไอ้เสือผมก็ยังไม่เห็นหน้าเลยตลอดทั้งวันนี้ คงไปไหนไม่ได้ไกลหรอกนอกจากบ้านน้าเล็ก และวันนี้มันคงไม่กลับ

หลายอาทิตย์ที่ผ่านมานี้อยู่กับมันตลอดจนรู้สึกเหมือนหลายเดือน   มันก็รู้สึกดีนะ แต่รู้สึกผิดมากกว่า จะสุขก็สุขไม่สุด ทั้งกับตัวเองและน้องกวาง  หวังว่ามันจะไม่มีอะไรแบบนี้อีกนะ… แต่มันจะได้เหรอวะ อยู่บ้านเดียวกันเจอหน้ากันทุกวัน ผมจะทำได้จริงๆเหรอ…?



     วันต่อมา…


     วันนี้ตื่นค่อนข้างสายเพราะเป็นวันอาทิตย์ ไม่ต้องไปทำงานเพราะร้านหยุดแต่วันนี้พวกไอ้โก้ ไอ้เจมส์ชวนไปร้านกาแฟไปอ่านหนังสือ คือ…มึงมาอ่านที่บ้านกูก็ได้ไหม  จะเหาะไปทำไมที่ร้านกาแฟ เปลืองเงินกูไหมล่ะไอ้ฝัด!  แต่ก็นั่นแหละถึงจะแอบบ่นพวกมันในใจผมก็ต้องไปอยู่ดี คือพวกมันเรียนเก่งกว่าผมนิดหน่อยเลยจะไปอาศัยให้ติวให้ด้วย  ไม่งั้นอย่าหวังว่าคนขี้เกียจแบบผมจะไป


ผมอาบน้ำแต่งตัวว่าจะออกไปหาอะไรกินสักหน่อยเพราะกว่าจะไปหาเพื่อนก็ตอนเย็นๆ ตอนนี้ก็ยังไม่เที่ยงเลยหาอะไรลองท้องก่อนน่าจะดีกว่า และว่าสงสัยพี่หมากยังไม่ตื่น เห็นว่ารถมอเตอร์ไซค์ยังจอดอยู่หน้าบ้าน ส่วนไอ้เสือนี่คงยังไม่กลับเพราะไม่เห็นซูโม่เอ็กซ์จอดอยู่ที่ของมัน 


     แต่… อยู่ๆเสียงรถคุ้นหูก็ดังขึ้น ไม่มีคันไหนหรอกนอกจากไอ้ซูโม่เอ็กซ์ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินมานานเป็นเดือน ไม่นานเจ้าของรถก็โผล่มาพร้อมกับลูกสาวเขา “อ้าว! ไม่ได้ไปทำงานเหรอ?”  คงเห็นว่าผมยังอยู่บ้านทั้งที่น่าจะไปทำงานแล้ว


     “ไม่”  ผมไม่ได้ตอบอะไรมาก และกำลังจะเดินออกไปข้างนอก เพื่อหาอะไรกิน


     “กินข้าวยัง น้าเล็กทำจับฉ่ายมาฝาก” 
 
     และสุดท้ายเลยพับเก็บโครงการที่ว่าจะออกไปหาอะไรกิน เปลี่ยนมาเป็นการกินจับฉ่ายที่น้าเล็กเอามาฝาก


     “ไอ้หมากล่ะ?” มันเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับส่งน้องกวางให้ผมอุ้ม “ฝากก่อน”   


     เดี๋ยวนะ…?

     และมันก็หายไปในห้องพร้อมกับสัมภาระของน้องกวาง มันคงยังยกของหนักไม่ได้เท่าไร คือแค่ใช้งานแขนได้นิดหน่อยเพราะเมื่อครู่เห็นอุ้มน้องกวางด้วยแขนข้างเดียวนะ 


     “ว่าไงอ้วน” 


     “จะ จ้า…” ดูว่าเด็กอ้วนจะอารมณ์ดี เพราะพอหยอกแล้วเธอมีปฏิกิริยาตอบโต้


     “ไปปลุกอาหมากกัน”    ผมพาเด็กอ้วนเดินเข้ามาในห้องของพี่หมาก โชคดีที่ไม่ได้ล็อคเลยถือวิสาสะเดินเข้าไป  ผมปล่อยให้น้องกวางปลุกไอ้พี่หมากด้วยการให้เธอขึ้นไปเล่นบนเตียงพี่มัน จากนั้นไม่ถึงห้านาทีคนบนเตียงก็ตื่นขึ้นมา


     พวกเราใช้เวลาทานข้าวด้วยกันหลังจากนั้น เหมือนมันเป็นความเคยชินไปแล้วนะ ถ้าเราทานข้าวกันที่บ้านแล้วอยู่กันครบก็ต้องมานั่งทานด้วยกัน ขนาดตอนนั้นที่อยู่ในสถานการณ์ค่อนข้างอึดอัดระหว่างผมกับไอ้เสือ เรายังต้องมานั่งทานข้าวด้วยกันเลย 
เสร็จแล้วหลังจากนั้นเราก็แยกย้าย พี่หมากมันกลับไปนอนต่อ ส่วนไอ้เสือก็ไปนั่งทำงานอะไรของมันต่อก็ไม่รู้ และมันจะมีใครดูน้องกวางถ้าไม่ใช่ผม

พาน้องกวางเล่นอยู่ตรงกลางบ้าน  ตรงส่วนของพื้นที่นั่งเล่น นั่งไปนั่งมาสักพักเป็นผมเองที่เริ่มง่วงทั้งที่นอนเพิ่งตื่น อาจเพราะเพิ่งกินข้าวเสร็จหนังตามันเลยเริ่มหย่อน


     “จะ…จ้า”  “ป ปิ ปิน” หืม… เหมือนน้องกวางจะเรียกชื่อผมเลย 

     น้องกวางส่งเสียงจ้อ พร้อมกับพยายามปีนขึ้นมาเล่นบนตัวผม ที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่บนพื้น “อะไรอ้วน”   


     “จ้ะ จ้า”   น้องกวางพยายามให้ผมเล่นกับเธอ เอาของเล่นที่เกลื่อนกลาดบนเบาะนอนมาให้ผม แต่ขอโทษนะอ้วนตอนนี้ไม่มีอารมณ์เล่นเลย ง่วงมาก…


     ถึงน้องกวางจะกวนมากขนาดไหน ยังไงก็ไม่มีผลต่อฟังก์ชันเพราะมันง่วงมากจริงๆ




     (บันทึกของเสือ)


     งานที่ทำค้างไว้ยังไม่เสร็จหนังสือก็ต้องอ่าน เทอมหน้าก็ต้องเตรียมหาที่ฝึกงาน อ่า…แค่มองอนาคตก็เหนื่อยแล้ว  ผมพักสายตาจากคอมตรงหน้าและออกจากห้องมาข้างนอก ดูน้องกวางว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง และภาพตรงหน้าที่ปรากฏคือน้องกวางกำลังนั่งเล่นข้างๆปิง ซึ่งตอนนี้หลับไปแล้ว มันก็เป็นอย่างนี้แหละกินอิ่มหน่อยไม่ได้ชอบหลับตลอด ถ้าอาหารไม่ย่อยขึ้นมาจะหัวเราะให้


ผมเอาผ้าผืนบางมาคลุมตัวให้คนหลับ ผมรู้ว่ามันขี้หนาว และถ้านอนก็ต้องมีผ้าสักผืนมาห่ม ผมเอาน้องกวางไปนั่งเล่นต่อในห้อง พร้อมกับนั่งทำงานไปด้วยจนสักพักเธอก็ผล็อยหลับไป ผมอุ้มน้องกวางไปนอนบนเปลที่ตั้งอยู่ข้างเตียง

จากนั้นเลยออกไปดูคนข้างนอกว่ามันตื่นหรือยัง และก็ยังเหมือนเดิม ไอ้ปิงยังนอนอยู่ที่เดิมจนกลัวว่ามันจะปวดหลังเลยคิดว่าจะปลุกให้มันเข้าไปนอนในห้องดีๆ


      “เฮ้ยย”   ผมแกล้งดึงผ้าห่มผืนบางที่มันนอนกอดอยู่ออกมา  ปิงส่งเสียงพึมพำออกมาด้วยความหงุดหงิด “ไปนอนในห้องดีๆ”  พร้อมกับดึงแขนยาวๆของมันให้ลุกขึ้นตาม ถึงตัวจะมาตามแรงที่ผมดึงแต่เปลือกตาก็ยังไม่เปิดขึ้น 
มันจะรู้ตัวไหมครับว่าตอนนี้มันแม่งโคตรน่ารักเลย!


     “ฮือ…อย่ากวนกู”  ครั้งนี้เจ้าตัวพูดพร้อมกับปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย 


     “ไปนอนดีๆ เดี๋ยวไอ้หมากมันเดินเหยียบหัวมึงหรอก”  และครั้งนี้ผมดึงแขนให้มันลุกขึ้นตามได้สำเร็จ ก่อนจะล็อคคอมันไว้แล้วให้เดินตามเข้ามาในห้องผม เพราะมันขัดขืนที่จะไม่เข้าไป   ก็แค่เข้าไปนอนน่า…ใครมันจะไปทำอะไร


     “ทำไมมันมึงชอบกวนกูจังวะ!” ปิงเริ่มแสดงท่าทางหงุดหงิดออกมาในขณะที่ผมลากคอมันตามเข้ามาในห้องได้สำเร็จ


     “เบาๆเดี๋ยวน้องตื่น” ผมเตือน ไม่ได้แกล้งนะ แต่กลัวน้องกวางตื่นจริงๆ

     หน้ามันเริ่มงอแล้วครับ แบบบูดเบี้ยวมาก ตลกจนอย่างถ่ายคลิปไว้ ฮ่าๆ 


     “อ้ะ!”   ผมร้องออกมาแทบไม่ทันตอนที่มันใช้ฝ่ามือทั้งใหญ่ทั้งหนักของมันฟาดเข้าที่กลางหลังผมเต็มๆจนเกิดเสียง         


     โห…ธรรมดากลัวไม่เป็นที่จดจำหรือไง ฟาดลงมาได้เป็นรอยมือแล้วมั้ง  จริงๆไม่อยากเล่นแรงกับมันมากเท่าไร แขนยังดามเหล็กไว้อยู่มันเสียง แต่ก็เอาคืนมันได้เล็กน้อยๆ โดยการเอาข้ออ้างตรงนี้มาเล่น


     “โอ้ย! กระทบไปถึงแขนเลย”  ผมแกล้งพูด ทำท่าทางให้สมจริงด้วยการปล่อยแขนจากคอมันและจับที่แขนตัวเอง ถ้ามันไม่สังเกตก็คงไม่รู้แต่ถ้าสังเกตครั้งนี้คงไม่โดนตบแต่เป็นโดนต่อยแทน


     “เฮ้ย! เป็นไงบ้างวะ?”  สุดท้ายก็เป็นไปตามแผน  ปิงมันรีบจับแขนผมขึ้นมาสำรวจ  ผมไม่ตอบแต่เลือกที่จะมองดูการกระทำของคนตรงหน้าแทน


      มันไม่เคยบอกนะว่ารู้สึกยังไงกับผม…แต่รู้สึกว่าระหว่างเรามันมีเส้นบางๆกั้นอยู่เหมือนจะไม่ชอบแต่บางครั้งก็ไม่ใช่
วินาทีนั้นที่ปิงเงยหน้าขึ้นมาจากการสำรวจความเจ็บของผม มันดูอึ้งไปครู่หนึ่ง “ ม มองไร?” จากนั้นก็เอ่ยถามผมด้วยเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบหันหลังหนีพร้อมจะเดินออกไปจากห้อง  “ก กูกลับห้องก่อน” 


     “เดี๋ยวดิ” แต่ก็ไม่ทันผมที่จับข้อมือเจ้าตัวไว้ได้ทัน


     “อ อะไร?”  ถามทั้งๆที่ยังไม่หันหลังกลับมา


     “…”   เหตุผลที่ผมรั้งให้มันอยู่น่ะค่อนข้างฟังยาก จนผมไม่กล้าพูดสุดท้ายเลยรู้สึกอ้ำอึ้งพูดไม่ถูก
เหตุผลก็คือ อยากให้อยู่ข้างๆ อยากเห็นในสายตาตลอดเวลา ไม่อยากให้ไปไหน


     “ก กูจะไปอ่านหนังสือ” 


     “…”


     “ปล่อยกูได้แล้ว” 


     “…”

     และผมไม่ได้ตอบออกไป เพียงแค่จับแขนมันไวอย่างนั้นไม่ปล่อย และปิงก็ยังไม่ขยับตัวไปไหนเช่นกัน


     “ไอ้เสื…”


     หมับ!


     ผมกอดปิงจากทางด้านหลัง จากที่กำลังเรียกชื่อผมเสียงนั้นกลับหายไปในลำคอ “เมื่อไรกูจะได้คำตอบจากมึงสักที” 
ไอ้การกระทำแบบนี้บอกเลยว่าไม่เคยทำกับใคร ผมไม่เคย เอ่อ… อ อ้อน  ใช่มันคือการอ้อน ผมไม่เคยอ้อนใครมาก่อนมันเลยอายกับการกระทำของตัวเองนิดหน่อย


     “ก กู ขอพูดตรงๆเลยนะ”  ปิงพูดพร้อมกับที่ผมซบหน้าผากลงตรงลาดไหล่ของอีกฝ่าย


     “…”


     “มึงทำอย่างนี้ไม่ห่วงอะไรที่มันจะตามมาในอนาคตบ้างเหรอ?”  คำถามของปิงที่เอ่ยออกมาเหมือนมีดที่แทงเข้ากลางใจผมจนรู้สึกเจ็บ  นี่คือความจริงที่ผมพยายามหนีมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ตัดสินใจบอกความรู้สึกกับปิง


     “…”  เริ่มรู้สึกตัวเองงี่เง่าก็วันนี้ ผมไม่ตอบแต่กระชับอ้อมกอดที่กอดรอบตัวของปิงไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม


     “มึง… ไม่สงสารน้องกวางเหรอ ถ้าวันนี้น้อง…โตขึ้นแล้วสามารถรับรู้เรื่องราวทั้งหมดได้” 


     “…”


      “กู… ท ทำไม่ได้จริงๆว่ะ” ความเปียกชื้นหนึ่งหยด ไหลลงประทบแขนผม


     “…”

     มันกำลังร้องไห้…


     “กูเองก็ชอบมึงเหมือนกันนะ ทุกวันนี้กูรู้สึกทรมานเหมือนกัน ว่าเราต่างก็รู้สึกดีเหมือนกันแต่ทำไมถึงรักกันไม่ได้”


     “…”
 

     “เพราะกูไม่อยากให้เราทำลายอนาคตเด็กคนหนึ่ง มึงก็รู้ว่าตอนนี้ที่เราอยู่มันเป็นยังไงคนที่ยอมรับก็มี แน่นอนว่าคนที่ไม่ยอมรับก็ต้องมีด้วย”


     “…”


     “นั่นแหละสิ่งที่กูกลัว…ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ วันที่น้องกวางเติบโตขึ้นและโดนเพื่อนล้อว่าพ่อมีแฟนเป็นผู้ชายมึงไม่สงสารลูกมึงเหรอ…”


     “…”


     “กูไม่อยากสร้างรอยร้าวในความทรงจำของใคร ยิ่งกับเด็กที่เป็นเหมือนผ้าขาวด้วยแล้ว…”


     “…”


     “กูเจ็บนะ ไม่ใช่กูไม่เจ็บ” 

     อย่าร้องได้โปรด…
     ผมทำได้แค่เพียงพูดปลอบมันในใจ ไม่กล้าพูดออกไปเพราะปากหนักเกินไป


     “ที่มึงพูดมาก็ถูก…แต่มึงรู้ไหมบางครั้งกูก็ไม่อยากสนใจอะไรเลย กูมีความสุขมากในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา มันเหมือนกูอยู่ในความฝัน ฝันว่ามีมึงอยู่ข้างๆ มีน้องกวาง  กูมีความสุขมากจนไม่อยากให้ช่วงเวลาของความฝันหมดไป…แต่แล้วกูก็ต้องตื่น” 


     “…”


     “กูอยากเห็นแก่ตัวบ้างแต่กูก็ทำไม่ได้ แค่คิดก็รู้สึกผิดกับน้องกวางจนจะตายอยู่แล้ว”


     “…”


     “มีใครให้ทางออกนี้กับกูได้บ้าง”  “ก กูไม่อยากเสียมึงไปเลย”


     “มึงไม่ได้เสียกูไปสักหน่อย  ถ้าทางนี้มันไม่โอเค เราเลือกทางอื่นก็ได้ เราเลือกที่จะเป็นพี่น้อง หรือ เจ้าของบ้านกับผู้เช่าที่ดีต่อกันได้”   


     “…”

     ไม่ กูไม่ได้อยากเป็นแบบนี้


     “อย่างน้อยเราก็ไม่ได้เกลียดกัน”


     ต่อง! 


     หลังจากที่ผมเงียบไปพักใหญ่  เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ผมเลยจำเป็นต้องปล่อยปิงไป ทั้งที่ไม่ได้อยากปล่อยเลย มันเหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเราจะไม่อยากปล่อยเขาไปขนาดไหน สุดท้ายวันหนึ่งเขาก็ต้องออกกจากพันธนาการของเราอยู่ดี


     “เดี๋ยวกูไปดูก่อนใครมา” เสียงของปิงเบาจนแทบไม่ได้ยิน  เจ้าตัวบอกผมก่อนที่จะเดินออกไป
ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากนั้นปิงก็เดินมาหาผมที่ยังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน “มีคนมาหา” 

ผมไม่ได้ถามว่าเป็นใคร แต่เลือกที่จะเดินออกไปดูด้วยตาตัวเอง 

รู้สึกทุกก้าวที่กำลังก้าวออกไปมันหนักอึ้งจนอยากจะหยุดเดิน อยากวางความรู้สึกแย่ๆและภาระทั้งหมดที่แบกไว้ลงข้างกาย  ผม… ผมรู้สึกเหนื่อยจนไม่สามารถพาเท้าคู่นี้เดินออกไปไหน


     “เสือคะ…” 


     แต่แล้วหัวใจผมเต้นระรัวด้วยความรู้สึกหลากหลายปะปนกัน เมื่อเสียงคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับภาพตรงหน้าที่ปรากฏในม่านตา

     ผู้หญิงคนหนึ่งผมดำขลับ  เธอมีรูปร่างค่อนข้างผอมบางกว่าเมื่อก่อนในความทรงจำมาก ส่วนสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบที่ครั้งหนึ่งในอดีตเวลาเดินเคียงข้างผม ส่วนสูงเราจะไล่เลี่ยกัน ผิวขาวซีดน่าถะนุถนอมนั้นผมจำได้ และแน่นอนยิ่งกว่าสิ่งไหนที่ยังคงเป็นภาพติดอยู่ในมโนของผมคือ ดวงตา   

ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสวย ที่สวยหวานน่ามอง จนไม่อยากละสายตาและแน่นอน น้องกวางถอดแบบดวงตานั้นมาจากเธอราวกับว่าเป็นดวงตาเดียวกัน


     ผู้หญิงตรงหน้าบ้านที่ยืนอยู่ตรงรั้วนั้นคือแม่ของน้องกวาง


     แก้ม…



     TBC...




     สวัสดีค่ะ น้องมาแล้ว เย่!   

    คิดถึงกันมั้ยคะ  น้องคิดถึงคนอ่านมากเยยยยยย  ก็ไม่มีอะไรมาก เอามาม่าชามน้อยมาเสิร์ฟจ้า 
    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ เวลาไม่แรงก็ลุกขึ้นมาอ่านคอมเม้น จากนั้นแรงมาเลยจ้า
   
    รักเสมอนะคะ
 


 




 



หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(20) - 13/1/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-01-2018 23:59:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(20) - 13/1/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 14-01-2018 00:25:52
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(20) - 13/1/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-01-2018 00:54:58
จะกลับมาทำไม ไปไม่รอดซินะถึงกลับมาหาเสือแบบนี้นะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(20) - 13/1/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: อิ๊อ๊ะชะเอิงเอย ที่ 14-01-2018 16:00:48
หมากใช่พ่อน้องกวางมะ :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(20) - 13/1/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-01-2018 19:44:54
            กลับมาทำม้ายหญิงโลเล         หันเหหัวใจมีใหม่
    ทิ้งลูกทำ ผัวช้ำใจ                          ไปก็ไปไม่ต้องกลับมา


เหอะ.....ไม่ใช่ผัวไหม่ไม่ดี
เลยกลับมาหาผัวเก่านะ  :fire: :fire: :fire:

เสือเจ็บแล้วจำ อย่าหันหลังกลับไปหานางนะ
ปิง คิดมากคิดเผื่อไปถึงตอนที่กวางโตด้วย
ไม่น่าคิดไปถึงขนาดนี้  o22 o22 o22
ทุกข์ กังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิด
เลยชาตินี้ไม่ต้องมีความสุขกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(20) - 13/1/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-01-2018 20:06:24
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 18-04-2018 22:24:17
รักของเสือตอนที่ ยี่สิบเอ็ด: อดีตนั้น…มันยากที่จะลืม










หลายปีก่อนหน้านี้…







     “ทะเลาะกับพ่ออีกแล้วเหรอเสือ?”  หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นขณะที่กำลังทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนซึ่งได้มีแฟนของเธอนั่งอยู่ก่อนแล้ว  เขามีสีหน้าที่เรียบเฉยแต่ทว่าแววตานั้นบ่งบอกความหลากหลายของอารมณ์ที่กำลังประทุ 


     “อือ…”  ด้วยความไม่ชอบพูดเจ้าตัวเลยตอบกลับไปสั้นๆ


     “มา เดี๋ยวแก้มทำแผลให้”   ว่าแล้วก็จับใบหน้าของแฟนหนุ่มให้หันไปทางตน จากนั้นก็นำน้ำเกลือขวดเล็กกับสำลีที่มักจะพกติดตัวไว้เสมอออกมา และลงมือทำตามขั้นตอนจากนั้นก็บรรจงติดพลาสเตอร์ลงตรงแผลที่หัวคิ้วให้อย่างเบามือ   


มันเป็นเรื่องเคยชิน เธอรู้ดีว่ามันต้องเกิดขึ้นในทุกครั้งที่พ่อลูกคู่นี้ได้เจอกัน เขาทั้งคู่มักจะมีปากเสียงกันเสมอ บางครั้งก็ถึงขั้นลงไม้ลงมืออย่างเช่นวันนี้ 


     “คราวนี้เรื่องอะไรล่ะ?” เธอถามต่อหลังจากแปะพลาสเตอร์เสร็จ  จริงๆแล้วก็ไม่น่าถามเพราะมันคงไม่ห่างไกลจากเรื่องเดิมเท่าไรนัก


     “เรื่องเดิม”  เขาตอบอย่างคนไร้ความรู้สึก คล้ายกับว่าชินชาเรื่องพวกนี้ไปเสียแล้ว แต่ก็เปล่าหรอก…เขายังคงเป็นมนุษย์ และมนุษย์ก็มีความรู้สึก

     ที่ทะเลาะกับพ่อนั้นสาเหตุทั้งหมดก็มากจากแม่เลี้ยงซึ่งเพิ่งเข้ามาในชีวิตพวกเขาไม่กี่ปี 
     เขามีความโกรธ ความเกลียด ความน้อยใจอยู่เต็มไปหมดที่พ่อปล่อยให้คนที่เพิ่งเข้ามาในชีวิตแค่ไม่กี่ปีมามีอิทธิพลต่อคนในครอบครัวอย่างเขา


แต่มันก็เยอะเกินไปจนยากที่จะแสดงออก  เหตุการณ์ต่างๆมันสอนให้เขาเลือกที่จะปกปิดไว้ดีกว่าเปิดเผยจนถึงตอนนี้คลับคล้าย คลับคลาว่าจะกลายเป็นมนุษย์เย็นชาไปโดยปริยา     



     “เอาน่า ใจเย็นๆนะ” แฟนสาวพูดและจับมือเขามากุมไว้ ไม่น่าเชื่อว่าฝ่ามือบางๆคู่นี้จะมาสามารถสร้างความอบอุ่นให้ได้เสมอ 

   
     “แก้มอยู่ตรงนี้เสมอนะ”   เธอส่งยิ้มบางๆให้เขา 

     ใช่เธออยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ถ้าไม่มีแก้มเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงเหมือนกัน 
     ในความโชคร้ายมักมีความโชคดีเสมอ อย่างน้อยก็ยังมีเธอคนนี้ที่รักมาก คอยอยู่ข้างๆเขาไม่ไปไหน ไม่ว่าจะมีเรื่องดีหรือร้ายผ่านเข้ามา และเขาเชื่อว่าเธอจะไม่ผ่านไป 







     …




     “แก้มเย็นนี้เสือไม่ว่างนะต้องไปทำงาน”  เขาบอกเธอหลังจากที่ลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่ม พร้อมกับหยิบบ๊อกเซอร์ตัวโปรดขึ้นจากพื้น เพราะหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้มันถูกโยนทิ้งไปที่ไหนสักที่บนพื้นในห้องนี้ จากนั้นเตียงนอนแสนนุ่มก็เป็นสังเวียนรักร้อนระอุของชายหญิง



     “อ่าว..? ซะงั้น”  เธอตอบกลับและลุกขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมตัวเองบ้าง


     “โทษที ไว้ไปกินข้าวกันวันหลังนะ”    คนตัวสูงนั่งลงบนเตียงนอนพร้อมกับขยับร่างเข้าไปใกล้แฟนสาวมากขึ้น เพราะตอนนี้เธอกำลังนั่งหน้าตึงเนื่องจากโดนเบี้ยวนัดกะทันหัน



     “ขอโทษนะ” พร้อมกับจรดปลายจมูกลงบนกลุ่มผมหอมนุ่มที่กลางศีรษะหนึ่งครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำชำระร่างกายที่เต็มไปด้วยคราบเหงื่อไคล

   

     ถ้าเขาจะขี้ลืมขนาดนี้และลืมว่าวันนี้เป็นวันสำคัญของเธอ เธอก็คงทำอะไรไม่ได้นี่นะ นอกจากนั่งหน้าบูดเบี้ยวอยู่ที่เดิม
     เธอคิดอย่างนั้น 


     แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นแค่เพียงการแสดงของแฟนหนุ่มก็เท่านั้น วันสำคัญของคนสำคัญใครจะไปลืมลง






     เย็นวันนั้น



     เสือไม่ได้ไปทำงานอย่างที่ว่าไว้ เขาอุตส่าห์ลางานนายจ้างหนึ่งวันเพื่อนระการฉะนี้โดยเฉพาะ ซึ่งตอนนี้แก้มคงจะออกไปปาร์ตี้ที่ไหนกับเพื่อนสักที่ และก่อนเธอจะกลับมาเสือต้องจัดเตรียมสถานที่ให้พร้อม เขาคิดว่าจะเซอร์ไพรส์แฟนสาวด้วยกุหลาบช่อใหญ่ เค้กช็อกแล็ตที่เธอโปรดปราน แถมยังเพิ่มอ็อฟชันเสริมอีกคือลูกโปร่งสีฟ้า และชมพูอ่อนลอยเต็มบนเพดานห้อง ไหนจะรูปถ่ายของทั้งคู่ที่เอาติดไว้ที่ปลายเชือก



เขารอแก้มมาได้สักพักแล้ว ตั้งแต่สองทุ่มได้ จนตอนนี้เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเที่ยงคืนแก้มก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้โทษเธอหรอกนะ ไม่ได้โกรธเลยด้วยซ้ำที่ต้องรอนานขนาดนี้


ที่จริงเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย ด้วยความที่พูดอะไรหวานๆไม่เป็น และไม่ชอบทำอะไรจุกจิกอย่างเช่นเรื่องเซอร์ไพรส์วันเกิด หรือจะอะไรก็ตามที่คู่รักอื่นเขาทำกัน



     ก็นะ… เข้าอิหรอบพูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ อะไรประมาณนี้มั้ง?


     ให้ตายเถอะ! ถึงใครจะว่าเขาเป็นพวกไร้ความรู้สึกและดูเหมือนจะตายด้านแต่บอกได้เลยว่าตอนนี้โคตรตื่นเต้น



     แก้มจะดีใจมากขนาดไหนกันนะ…



     และเวลาที่รอคอยก็มาถึง เมื่อมีเสียงกุกกักๆดังอยู่หน้าประตูห้อง เขาคิดว่าต้องเป็นแก้มแน่ๆ เทียนที่ปักบนเค้กประมาณสี่เล่มเลยถูกจุดไฟขึ้น 



     จากนั้น…




   แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู…


     เสียงทุ้มรองเพลงอวยพรวันเกิดแฟนสาว



     เปลวไฟสีส้มสาดส่องอยู่ต่อหน้าเธอ แก้มนิ่มกำลังขึ้นสีระเรื่อเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ผสมปนเปกับความเขิน



   แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู




     ตอนนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ในกระแสเลือด เธอดื่มมันเยอะนิดหน่อยเพราะเกิดอาการเซ็งที่แฟนหนุ่มจำวันเกิดตัวเองไม่ได้




   แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู…



     แต่เธอรู้แล้วว่าคิดผิดไป
     เขาจำได้

     และกำลังทำเรื่องแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน 



     น่ารักอะไรอย่างนี้…



     ความรู้สึกมึนๆเบลอๆถูกแทนที่ด้วยความดีใจและตื่นเต้น



     เธอฉีกยิ้มกว้าง



     “อธิฐานครับ”  เพลงอวยพรจบลง เค้กขนาดสองปอนด์ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า เขาบอกเธอให้อธิฐานขณะที่เธอเอาแต่ยิ้มทั้งที่เพลงอวยพรจบลงแล้ว



     รอยยิ้มกว้างๆกับดวงตาสวยๆนั้นน่ามองเสมอ
 


     เธอหลับตาลงและอธิฐานออกเสียงว่า “ขอให้แก้มกับเสือมีความสุขมากๆ…และตลอดไป”

     จากนั้นเปลวไฟจากแสงเทียนดับลง  แค่เสี้ยววินาทียังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะวางเค้กลงดีๆด้วยซ้ำเธอก็พุ่งเข้ากอดร่างสูงใหญ่ด้วยความสุข “คิดว่าจะลืมแล้ว”  เสียงเธออู้อี้อยู่ตรงช่วงลาดไหล่เขาเพราะกำลังซบหน้าลงตรงนั้น
รู้สึกถึงความเปียกชื้นเล็กน้อย   


     ถ้าให้เดา เธอกำลังร้องไห้อยู่แน่ๆ



     “ไม่ลืม จะลืมวันสำคัญของคนสำคัญได้ยังไง”  เขากระซิบข้างหู



     หญิงสาวเลยมอบจูบที่แสดงถึงคำขอบคุณให้ไป  และแค่จูบมันคงไม่พอทั้งคู่ต่างก็รู้ดี พวกเขาแสดงความรักที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น



ในตอนนั้นความรักเอ่อล้นเต็มอก ถึงครั้งหนึ่งจะเคยโทษฟ้าว่าทำไมถึงได้มอบแต่ความโชคร้ายให้ชีวิตเขา แต่ตอนนี้กลับขอบคุณที่ส่งความโชคดีแฝงมาให้ด้วย 



     เขารักผู้หญิงคนนี้มากเหลือเกิน…





     …






     สามเดือนผ่านไป





     “ฉันไม่อนุญาตให้แกสองคนแต่งงานกัน!”   เสียงเข้มของคนเป็นพ่อพูดดังลั่นด้วยความโกรธ ก่อนจะเอ่ยประโยคที่เสือไม่คาดคิดว่าจะได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต 



     “ไปเอาเด็กออกซะ!”



     รู้ว่าตัวเองกับพ่อไม่ค่อยจะลงลอยกัน แต่… ไม่คิดว่าจะใจร้ายกับหลานที่ยังไม่แม้แต่จะลืมตาดูโลกได้ขนาดนี้
แก้มนั่งก้มหน้างุดเพราะไม่กล้าสบตากับผู้ใหญ่ทั้งสอง คนหนึ่งคือแม่เลี้ยงของแฟนนุ่มและอีกคนคือพ่อของเขา เธอบีบฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่น เม้มริมฝีปากแรงพอๆกับฝ่ามือที่กำลังบีบเพราะเครียดกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
ภายในสมองคิดหนักกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นจนหลายวันที่ผ่านมานี้ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว




     ‘เสือคะ…แก้มท้อง’ 



     ประโยคบอกเล่าคำว่า ‘ท้อง’ ที่เอ่ยออกไปก่อนหน้านี้ลอยวนเวียนอยู่ในหัวเต็มไปหมด  มันเป็นคำสั้นๆที่คอยตอกย้ำความผิดพลาดของตัวเองอยู่ทุกชั่วขณะ ความผิดหวังประเดประดังเข้ามาในชีวิตจนเธอเริ่มจะรับไม่ไหวเข้าไปทุกที



     ไม่โทษใครทั้งนั้น…นอกจากตัวเอง



     รู้สึกผิดหวังกับตัวเองมากจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ หากแต่เด็กที่เกิดมาทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยนั้นน่าสงสารเกินกว่าที่จะมาจบชีวิตลงพร้อมกับตัวเอง




     ไหนจะพ่อ?



     ไหนจะแม่?



     ไหนจะคนรอบข้างที่ต่างก็คาดหวังให้เธอมีอนาคตที่ดี เรียนจบสูง มีครอบครัวและอาชีพที่ใฝ่ฝัน
แต่ดูตอนนี้สิ มันตรงกันข้ามแทบจะทุกอย่าง พ่อแม่ของเสือไม่แม้แต่จะยอมรับเธอด้วยซ้ำแล้วจะมีครอบครัวดีๆได้ยังไงกัน?
ฝ่ามือทั้งสองข้างที่เริ่มบีบเข้าหากันแน่นด้วยความกดดันหลังจากที่ได้ยินประโยคที่ว่า… ‘ไปเอาเด็กออกซะ




     ไม่ได้… ทำไม่ได้จริงๆ



     เธอร่ำร้องอยู่ภายในใจ กรีดร้องให้กับความน่าสมเพชของชีวิตนี้



     มองไปทางไหนก็ดูมืดมน จะกลับบ้านไปบอกพ่อกับแม่ก็ไม่กล้าพอ  เรียนก็ยังไม่จบไม่รู้ว่าจะหาเงินมาเลี้ยงชีพตัวเองและครอบครัวได้ยังไง ไหนจะสายตาของใครๆที่มองมาอีก



     เธอ… รับไม่ได้จริงๆ และยังตัดสินใจไม่ได้อีกต่างหาก



     หากแต่ก็มีฝ่ามือใหญ่ของคนที่นั่งอยู่ข้างๆเอื้อมมาสัมผัสด้วยความแผ่วเบา 



     สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ว่า ‘เสือจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน’  มันส่งผ่านมาจากความอบอุ่นใต้ฝ่ามือนั้น จนน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้เริ่มทะลักออกมาคล้ายกับเขื่อนแตก


เสือเป็นคนไม่ชอบแสดงออก ข้อนั้นเธอรู้ดี เวลาที่งอแงงี่เง่าอยากให้เขาทำแบบนั้นแบบนี้ให้ น้อยนักที่จะได้อย่างใจหวัง แต่ครั้งนี้เขากลับมอบมันให้เธอโดยที่ไม่ต้องร้องขอ แม้รู้ทั้งรู้ว่าเขาแสดงออกไม่เก่ง



เธอกำลังต้องการกำลังใจ ต้องการทุกคำปลอบประโลมของเสือ ต้องการมันทั้งหมดไม่ว่าอะไรก็ตามที่เสือจะช่วยให้เธอรู้สึกดีได้ในขณะนี้ เพราะเธอกำลังรู้สึกผิดมากๆ  เพราะสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปเธอรู้ดีว่ามันผิดมหันต์หนำซ้ำยังทำลายอนาคตของแฟนหนุ่มที่เธอรักมากอีกต่างหาก 



     “แต่...นั่นหลานพ่อนะครับ?”  คนพูดน้อยถามขึ้นด้วยความเหลือเชื่อ 



     “ฉันยอมไม่ได้หรอกนะ! ที่จะต้องให้ชื่อเสียงที่สั่งสมมานานป่นปี้ไปเพราะแก”



     “…”  คนเป็นลูกหมดคำจะพูดแล้วจริงๆ  ถ้าพ่อจะกลัวเสียชื่อเสียงจนถึงขั้นคร่าหนึ่งชีวิตไปจากโลกนี้เขาคงยอมไม่ได้


     ขอบคุณสำหรับการตัดสินใจนี้ 



     ถ้ากลัวว่าชื่อเสียงที่ว่านี้จะเสียไปจริงๆเขาก็จนปัญญา



     “ถ้าแกเก็บเด็กคนนี้ไว้ก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”



     “…”



     อีกครั้งที่คุณพ่อตวาดเสียงดังลั่น จนแฟนสาวที่กำลังปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเงียบๆถึงกับช่วงลาดไหล่สั่นแรงขึ้นกว่าเดิมเพราะแรงสะอื้น


     แม่เลี้ยงนั่งยิ้มเยาะให้กับเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสะใจที่ได้เห็นว่าในที่สุดสองพ่อลูกนี้ตัดขาดกันสักที!
     ก็ดี…ออกไปได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องอยู่เป็นเห็บหมัดคอยกวนใจกันแบบนี้



     “ครับ…”  คำพูดสั้นๆหลุดออกมาจากปากของคนเป็นลูก 


     “ขอให้พ่อมีความสุขกับครอบครัวของพ่อนะครับ” 


     และประโยคบอกอวยพรนั้นเขาพูดมันจากใจด้วยเสียงราบเรียบที่ยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ



     ต่อไปนี้…ครอบครัวเขาก็คงจะมีแค่แก้มและลูกเท่านั้น

     สัญญาจากใจว่ารักษาไว้อย่างดี จะดูแล และทำทุกอย่างเพื่อสองคนที่เหลืออยู่ในครอบครัวอย่างสุดหัวใจ จะรับผิดชอบไม่ทอดทิ้ง 
 



     เขาสัญญา





     หลายเดือนต่อมา




     นับจากวันนั้นชีวิตของเสือเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า แต่ถึงเหนื่อยขนาดแทบขาดใจชนิดที่ว่าแม้แต่จะหลับตาลงนอนก็ยังทำไม่ได้  แต่เขาก็ยังคงสู้ต่อไปอย่างไม่เคยปริปากบ่นแม้ว่าจะเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดก็ตาม


เขาเคยคิดฝันว่าอนาคตอยากจะสร้างครอบครัวกับแก้มเมื่อมีทุกอย่างที่เพียบพร้อม หากแต่ตอนนี้แค่ทุกอย่างถูกเร่งเข้ามาเร็วกว่าเดิมหน่อยก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นรางวัลของชีวิตแม้ว่าจะเหนื่อยขนาดไหนก็เถอะ และสิ่งที่ทำลงไปเขาไม่เคยคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่ควรจะรับผิดชอบหลังจากที่ทำพลาดไปแล้ว  แต่ทั้งหมดนั้นเขาทำลงไปด้วยความรัก มันคือสิ่งที่หัวใจเลือกให้ทำไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนเขาก็ยังจะมีมันให้เธอเสมอ



     แต่แล้วความรักที่เขามอบให้เธอดูคล้ายว่าจะไม่จำเป็นอีกต่อไปเพราะ… อยู่ๆวันหนึ่งเธอก็เดินออกไปจากชีวิตเขาอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีแม้แต่คำบอกลา ไม่มีคำอธิบายว่าทำไม ทิ้งไว้แค่เพียงลูกน้อยที่นอนร้องไห้งอแงเพราะความหิวอยู่ในเปล
หลังจากนั้นชีวิตก็ดำเนินต่อมาด้วยความย่ำแย่  มันแย่มากจนคิดว่าจะก้าวเดินต่อไปไม่ไหว กำลังใจที่คอยผลักดันให้เขาสู้และก้าวเดินไปในแต่ละวันมันหมดลงตั้งแต่วันที่แก้มหายไป



การหาเงินคนเดียวและรับผิดชอบทุกอย่าง การได้ใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ เติบโตแบบเต็มตัว ได้สัมผัสโลกกว้างมากขึ้นกว่าเดิมมันไม่ได้ง่ายเลย


เงินกว่าจะมาอยู่มือได้แต่ละบาทกก็ต้องแลกกับเม็ดเหงื่อจำนวนมหาศาลที่เสียไป บางครั้งข้าวสักเม็ดเขาก็ไม่ได้แตะเพราะว่าเงินที่หามาได้ต้องเก็บไว้ให้ลูก เพราะถ้าคิดคำนวณดูแล้วก็แทบจะไม่พอค่านมค่าของใช้ลูกด้วยซ้ำ เขาหมดไฟ เขาท้อแท้ เขาคิดว่าตัวเองไม่เหลือใคร จนลืมไปว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตเล็กๆที่ลืมตาขึ้นมาดูโลกไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำที่ต้องดูแล



วินาทีที่กำลังจะกดปลายมีดลงบนข้อมือตัวเอง เสียงร้องไห้โยเยหลังจากการตื่นนอนของลูกน้อยก็ทำให้เขาได้สติ คนที่ขึ้นชื่อเรื่องของการเก็บความรู้สึกอย่างเสือถึงกับปล่อยให้น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายเมื่อคิดถึงการกระทำของตัวเองเมื่อครู่



     เขาเกือบพลาดไปแล้ว



     เกือบแล้วจริงๆ




     แม้ชีวิตจะทุกข์ทรมานมากขนาดไหน เขาก็ยังไม่เลิกดิ้นรน ตะเกียกตะกายเพื่อตัวเองและลูก เขาทำยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงินทุกบาททุกสตางค์มาประทังชีวิต จนวันหนึ่ง คล้ายกับพระเจ้าได้ประทานความโชคดีมาให้ในรอบหลายปีที่เขาไม่ได้รับ นั่นคือการที่ได้พบกับน้าเล็ก

น้องสาวของแม่ตัวเองที่โผล่เข้ามาในชีวิตเขา น้าเล็กไม่เคยถามเรื่องแม่ของเด็ก ท่านบอกแค่ว่าจะอยู่ข้างๆเสมอ ช่วงแรกๆเลยมีน้าเล็กคอยช่วยดูแลน้องกวางให้ หลังจากนั้นที่น้องเริ่มโตขึ้นและเขาพอที่จะมีเงินอยู่บ้าง เลยเริ่มไม่อยากเป็นภาระให้น้าเล็กมากกว่านี้ แม้ว่าท่านจะบอกว่าไม่เป็นไร และ เต็มใจมาก ก็ตามที  แต่ถึงอย่างนั้นเสือก็ไม่ได้หายไปซะเลย เขาและลูกก็ยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตน้าเล็กอยู่อย่างนั้น 




ชีวิตเขาดำเนินมาอย่างเรื่อยๆไม่ได้มีอะไรหวือหวา แผลในใจก็เริ่มตกสะเก็ดกลายเป็นแผลเป็นอยู่ไม่จางหาย จนกระทั่งเขาได้มาพบกับเด็กคนหนึ่ง  ที่เป็นวันไนท์แสตนด์ของเขา และกลายมาเป็นเจ้าของบ้านที่เขากำลังเช่าอยู่  เด็กคนนั้นชื่อว่าปิง จนตอนนี้เจ้าตัวไม่ได้เป็นแค่วันไนท์แสตนด์  ไม่ได้เป็นแค่ผู้ให้เช่า แต่กลับกลายเป็นคนในใจของเขาเรียบร้อยแล้ว



แรกเริ่มเดิมทีสารภาพว่าไม่ได้ชอบนิสัยของเด็กคนนี้เท่าไร หากแต่ได้สัมผัสไปนานๆกลับคิดว่าปิงเองก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรมากนัก ถ้าโดนขัดเกลานิสัยให้ได้มากกว่านี้ก็คงจะดีขึ้น


ปิงเข้ามาสร้างสีสันให้กับชีวิตเขาเป็นอย่างมาก จากที่จืดชืดก็ออกรส เปรี้ยว ขม หวานบ้างปนกันไป
เขากับปิงนิสัยค่อนข้างต่างกัน  ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือเส้นทางชีวิต 


เขาทั้งคู่ต้องได้ใช้ชีวิตในแบบฉบับของผู้ใหญ่ทั้งที่ยังไม่พร้อม ได้หลุดออกจากกรอบของวัยรุ่นมาสัมผัสโลกที่แท้จริงและที่เป็นอยู่ ไม่ใช่โลกในรั้วมหาลัย มัธยมที่เคยเจอ หรือแม้แต่กระทั่งโลกที่มีปีกกว้างของพ่อแม่คอยกางปกป้อง 

เรื่องราวต่างๆมากมายของเขาทั้งคู่ที่เกิดขึ้นเริ่มหล่อหลอมให้เกิดความรู้สึก 
ความรู้สึกที่เรียกว่าความรัก




     ‘รัก’ เกิดขึ้นตอนไหนไม่มีใครรู้ รู้แค่ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว  แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปเพราะรู้ว่ารักครั้งนี้มันไม่ถูกต้อง หนำซ้ำมันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่ใครจะห้ามความรู้สึกได้เพราะความรักไม่เลือกเวลาเกิด 



     บางครั้งเสือก็อยากที่จะฉีกทึ้งคำว่า ‘ถูกต้อง’ นั้นออกมาเป็นชิ้นๆให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ก้าวผ่านตรงนี้ไปเสียที 



     แต่ก็นั่นแหละ… บางอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างใจคิด



     พูดง่ายแต่ทำยาก


     ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นอกจากแก้มแล้วก็มีปิงที่ทำให้เขารู้สึกดีในทุกๆวันที่มีชีวิตอยู่ จนกระทั่งตอนนี้…คนที่ เคยทำให้เขารู้สึกดีในและวันได้หวนกลับคืนมา…



     เธอกำลังยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับปะโยคบอกเล่าที่ทำเอาเขาแทบล้มทั้งยืน


มีต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: กิงก่องโก๊ะ ที่ 18-04-2018 22:25:36
ต่อค่ะ


     “แก้มจะมาพาน้องกวางกลับบ้าน”



     คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ของน้องกวางพูดขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากที่ผมเชื้อเชิญเธอเข้ามาในบ้าน เพราะดูท่าแล้วถ้ารอไอ้เสือคงได้ยืนคุยกันที่หน้าบ้านจนตะคริวกินขาแน่ เพราะตอนนี้เรียกได้ว่าไม่มีคำไหนหลุดออกมาจากปากมันสักคำ 



ไอ้เสือไม่ได้นั่งลงตรงโซฟาอย่างที่ควร มันกลับยืนค้ำหัวผมที่นั่งลงอยู่ก่อนแล้ว  เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกลับพบว่าใบหน้านั้นเรียบตึงไร้ความรู้สึกเฉกเช่นคนตายด้าน แต่ผมรู้ว่ามันแค่กำลังปกปิดความรู้สึกตัวเองอยู่ด้วยการสร้างหน้ากากน้ำแข็ง และผมก็รู้ว่าพี่แก้มเขาเองก็น่าจะรู้ดีกว่าใครๆ



พอคิดถึงตรงนี้แล้วทำไมผมรู้สึกเจ็บแปลบๆที่หัวใจกันนะ…




     “ผมขอตัวก่อนนะครับ”  ผมว่ามันไม่ควรถ้าหากจะมานั่งหน้าสลอนฟังเขาคุยกันแบบนี้ เลยเลือกที่จะเอ่ยขอตัวไปดีกว่า แต่ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นไอ้คนที่ยืนค้ำหัวผมอยู่มันกลับดันไหล่ผมให้นั่งลงเช่นเดิม



ฝ่ามือใหญ่ที่สัมผัสอยู่ตรงลาดไหล่ผมมันให้ความรู้สึกเย็นเฉียบมากกว่าทุกครั้ง หาความอบอุ่นเหมือนครั้งก่อนแทบไม่ได้
คล้ายกับว่ามันต้องการให้ผมอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องไปไหน



แอบเห็นว่าสายตาของพี่แก้มที่มองมามันดูเศร้าสร้อยมากกว่าเดิมเมื่อเห็นท่าทางของพี่เสือต่อผมเมื่อครู่  เธอมองที่ฝ่ามือตรงไหล่ผมครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นไปมองพ่อของลูกตัวเอง  คล้ายกับว่ารอให้มันพูดอะไรสักอย่างออกมาจากปาก



     “ทำไม?” 
     และหนึ่งคำที่รอคอยก็หลุดออกมาสักที


     “แก้ม…”  เธอเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง และก้มหน้าลงคล้ายกับว่ากำลังกลัว  เห็นว่าฝ่ามือของเธอทั้งสองข้างบีบเข้าหากันแน่น


     “เสือคงให้ไม่ได้”  แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อประโยคให้จบ ไอ้เสือก็พูดแทรกขึ้นมา ส่วนตัวผมเองก็นั่งเงียบระหว่างบทสนทนาที่แสนตึงเครียด ทั้งที่พูดกันแค่ไม่กี่ประโยคด้วยซ้ำ


ดวงตาสีอ่อนของพี่แก้มที่สวยมากๆ  แต่กลับมองดูแล้วโศกเศร้าตามอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งในตอนนี้ความเศร้าสร้อยยิ่งฉายแววออกมาอย่างเห็นได้ชัด   
ส่วนคนตัวใหญ่ข้างหลังผมก็ยังคงวางฝ่ามือไว้ที่ลาดไหล่ผมเช่นเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคืออารมณ์ที่มันถ่ายทอดออกมาจากฝ่ามือนั้นสู่ลาดไหล่ผม จนรู้ได้ว่าตอนนี้มันกำลังรู้สึกแย่มากขนาดไหน



     “แต่…”  พี่แก้มเม้มริมฝีปากแน่น พร้อมกับก้มหน้าลงมองฝ่ามือที่บีบเข้าหากันแน่นที่วางไว้ตรงตัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพ่อของลูกตัวเอง หยาดน้ำตาที่ตอนแรกมันเอ่อคลอตอนนี้กลับไหลออกมาหนึ่งหยด จากนั้นก็ไหลออกมาเรื่อยๆอย่างไม่ขาดสาย  “แต่น้องกวางไม่ใช่ลูกของเสือนะ…”   







     บันทึกของเสือ   




     “แต่น้องกวางไม่ใช่ลูกของเสือนะ…”    ประโยคนี้ดังสะท้อนอยู่ในหูผมเป็นร้อยรอบหลังจากที่ได้ยิน  แข้งขาผมแทบอ่อนแรงเมื่อเธอพูดประโยคเมื่อครู่นี้ออกมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า




     บ้าน่า… นี่แก้มกำลังเล่นตลกอะไรกับผมอยู่ ?



     ใช่…แก้มต้องล้อผมเล่นแน่ๆ




     “แก้มอย่าล้อเล่นกับเสือแบบนี้”   



     ใช่… มันไม่ตลกเลยสักนิด
     น้องกวางจะเป็นลูกของคนอื่นไปได้ยังไง  และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมยอมไม่ได้เด็ดขาด 



     “แก้มไม่ได้โกหก”  เธอพูดทั้งน้ำตาพร้อมกับแรงสะอื้น



     ให้เธอกลับมาแย่งน้องกวางดีกว่ากลับมาบอกว่าน้องกวางไม่ใช่ลูกผมยังดีกว่าซะอีก


     แต่เอาเข้าจริงๆแล้วแบบไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น



     ในใจผมขอร้องอ้อนวอนให้คำพูดนั้นเป็นแค่เพียงฝันร้าย หรือให้มันเป็นแค่มุขตลกหลังจากที่เราไม่ได้พบกันมานาน
แต่เหมือนว่าคำภาวนาจะยิ่งไกลห่างออกไปเรื่อยๆ เมื่อท่าทีของแก้มในตอนนี้ไม่ได้ดูล้อเล่นเลยแม้แต่นิด หนำซ้ำเธอกลับร้องไห้จนน้ำตาแทบจะกลายเป็นสายเลือดมากขึ้นกว่าเดิม



     เธอไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ…
 



     อยู่ๆฝ่ามือผมที่วางไว้ตรงลาดไหล่ของปิงก็ถูกทาบทับโดยฝ่ามือของอีกฝ่าย เจ้าตัวบีบกระชับแน่น เหมือนกับบอกว่าจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน



     มันอบอุ่น…
     แต่ไม่ว่าจะอบอุ่นขนาดไหนก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสู้ความเย็นเฉียบที่กำลังคืบคลานเข้ามาในหัวใจผมไม่ได้


     แต่ก็ขอบคุณที่ยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน



     ในตอนนี้ที่ผมรู้สึกมืดแปดด้าน เหมือนนักมวยที่โดนน็อคกลางอากาศยังไรอย่างนั้น  ทั้งความคิดและอารมณ์ของผมมันกำลังสับสนเป็นอย่างมาก



     ผม… ทำอะไรไม่ถูกแล้ว



     “แก้มโกหก!”   ตั้งแต่คบกันมา จนถึงตอนนี้ที่เลิกราสาบานได้ว่าผมไม่เคยขึ้นเสียงใส่เธอ
 
     แต่ครั้งนี้อารมณ์มันยากเกินที่จะควบคุม ก็เลยเผลอทำตัวแบบนั้นออกไปในที่สุด


     “เสือ…”  เธอร้องเรียกชื่อผมเบาๆในลำคอ พร้อมกับมองมาอย่างเหลือเชื่อในกิริยาที่แสดงออกไป


     “แก้มกลับไปได้แล้ว ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมาให้เสือเห็นหน้าอีก ส่วนเรื่องวันนี้เสือจะถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น”


     “แต่เขาไม่ใช่ลูกของเสือนะ”  เธอว่าอย่างนั้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองหน้าจนแก้มทั้งสองข้างเปียกชื้น


     “แล้วเขาเป็นลูกของใคร!?”  ผมเป็นพวกอยากรู้แต่ก็กลัวความจริง  แม้ใจหนึ่งจะกลัวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอยากรู้เหมือนกัน




     และไม่ว่าพ่อน้องกวางจะเป็นใคร เขาก็ยังคงเป็นลูกของผมเหมือนเดิม



     “ไม่รู้ ฮึก…”   เธอส่ายสั่นหน้าไปมาเป็นการตอบปฏิเสธ “แก้มไม่รู้จริงๆ”   ฮือ…
     และร้องไห้โฮออกมาอย่างหนัก จนปิงถึงกับรีบยื่นทิชชู่ตรงหน้าไปให้เธอ



     “คุยกันดีดิวะ อย่าใช้อารมณ์”    ปิงเอ่ยเตือน


     แต่เชื่อเถอะ…  ถ้าใครลองได้มาอยู่ในจุดจุดนี้ไม่มีใครไม่ใช้อารมณ์ได้หรอก



     “แก้มไม่รู้แต่ก็ยังมาบอกว่าน้องกวางไม่ใช่ลูกของเสือเนี่ยนะ?”



     “แต่เขาไม่ใช่ลูกของเสือจริงๆ…”   



     “ไม่! แก้มโกหก!”    ตอนนี้ผมคงเป็นไอ้สติแตกตัวหนึ่งที่กำลังยืนเถียงกับผู้หญิงคนหนึ่งปาวๆว่ายังไงนั่นก็คือเรื่องโกหก 



     “แก้มกลับไปได้แล้ว!”  อีกครั้งที่ผมเผลอตวาดเสียงดังลั่น จนน้องกวางที่นอนอยู่ในห้องถึงกับร้องไห้ออกมาเสียงดัง
และก็เป็นเสียงนั้นที่ดึงสติผมให้กลับมา



     “แล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีก”  ผมกัดฟันพูด เพื่อสกัดกั้นอารมณ์ตัวเองไม่ให้พุ่งสูงไปมากกว่านี้  ก่อนจะเดินหนีเข้าห้องไปและกดล็อคประตูไว้ไม่ให้ใครได้เข้ามา



     เพราะผมไม่รู้ว่าถ้าให้ใครเข้ามาแล้วเขาจะมาพาน้องกวางไปจากผม




     “เสือ!”




     ปังๆ!



     ดูท่าว่าแก้มก็คงจะไม่ยอมให้ง่ายๆเหมือนกัน เพราะเธอกำลังยืนทุบประตูอยู่ที่หน้าห้องผม  และยิ่งได้ยินเสียงดังจากการทุบประตูน้องกวางก็ยิ่งร้องไห้งอแงมากขึ้นกว่าเดิม



ผมเข้าไปอุ้มลูกออกมาจากเปลพร้อมกับกอดปลอบประโลมให้หยุดร้อง แต่เสียงทุบประตูก็ยังคงดังอยู่มันเลยยากที่จะโอ๋น้องกวางให้กลับมาอยู่ในโหมดปกติ


แต่นั่นก็ไม่ถึงห้านาที ผมได้ยินเสียงของปิงเล็ดลอดออกมาจากประตูหน้าห้อง และเสียงของแก้มก็หายไป
ก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่าจะกลับมาใหม่…
โอเค…ผมอาจจะยังไม่ตื่นจากฝันร้าย ใครก็ได้ช่วยปลุกผมที
เพราะมันร้ายเกินไป… ผมรับไม่ไหวแล้ว




จบบันทึกของเสือ






     “ไอ้เสือ”  ผมยืนเรียกมันอยู่หน้าประตูหลังจากที่ไปส่งพี่แก้มที่หน้าบ้าน



     แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับกลับมา



     “พี่เขากลับแล้ว” 


แต่ถึงอย่างนั้นไอ้เสือมันก็ยังไม่โผล่หน้าออกมาจากห้อง เลยเลือกที่จะปล่อยให้มันอยู่ในนั้น เมื่อพร้อมแล้วค่อยคุยกันก็คงไม่เป็นไร





     ขณะนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบจะเป็นเช้าวันใหม่อยู่รอมร่อไอ้เสือมันก็ยังไม่ออกมาจากห้องสักที ไม่รู้ว่าได้กินอะไรบ้างหรือยัง ดีหน่อยที่ตอนเย็นผมเดินไปตลาดใกล้บ้านเลยได้กับข้าวติดไม้ติดมือมาเผื่อมันบ้าง ผมเทอาหารใส่จานรอมันตั้งแต่หัวค่ำ จนตอนนี้มันก็ยังอยู่อย่างนั้นไม่หายไปไหน



     “ไอ้เสือ!”  อีกครั้งที่ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องมันพร้อมกับเคาะประตูเรียกให้มันออกมา



     “ออกมากินข้าวกับกูหน่อยสิ” 



     หลังจากจบประโยค ผมก็ยืนรออยู่อย่างนั้นประมาณห้านาทีได้ไอ้คนในห้องมันถึงได้โผล่หน้าออกมาช้าๆ



     สาบานได้ว่าสภาพนี้ของมันไม่ได้น่ามองเลย
     ดวงตาบวมแดงที่บ่งบอกได้ว่าก่อนหน้านี้ได้ผ่านการเสียน้ำตาอย่างหนัก
     ผมรู้ว่ามันเสียใจ เพราะมันรักน้องกวางมากขนาดไหนผมเองก็รู้ดี



     “ยังไม่หิว…”   ไอ้เสือว่าเสียงเรียบ ก่อนจะดึงผมให้เข้าไปในห้องมันอย่างรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน “แต่อยู่เป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ย?”   แม้สีหน้าจะราบเรียบขนาดไหน แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าในแววตานั้นโคตรเว้าวอน

ผมพยักหน้าตอบตกลงแทนคำพูด ก่อนจะหันไปปิดประตูห้องและเดินไปนั่งบนเตียงมันเงียบๆ




     “ถ้ายังคิดไม่ออกก็นอนพักก่อน”   สักพักใหญ่ๆกว่าผมจะพูดออกมา  อาจจะเพราะการกระทำของคนตรงหน้าที่กำลังนั่งพิมๆพ์ลบๆ งานในคอมอยู่อย่างนั้นตั้งแต่ที่ผมเข้ามา 
ผมว่าอย่างนั้นพร้อมกับไกวเปลน้องกวางไปมาเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มขยับยุกยิก


ไอ้เสือนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปปิดไฟ ทั้งห้องเลยเริ่มเข้าสู่ความมืด  หลังจากนั้นผมถึงได้รู้สึกถึงเตียงนอนที่ยวบลง เพราะไอ้เสือได้ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ
ในส่วนของผมก็ทิ้งตัวลงนอนบ้างหากแต่ไม่ได้หลับตานอนอย่างที่ควรจะเป็น 



     “มึงคิดเหมือนกูมั้ย? ว่าแก้มเขาแค่พูดเล่น”   นานพอสมควรกว่าที่เสียงทุ้มพูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ


     “ไม่รู้สิ”  ผมรู้ว่ามันก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่จะให้ตอบไปโต้งๆเลยว่า พี่แก้มเขาไม่น่าจะล้อเล่นก็กลัวมันจะเสียใจมากกว่าเดิม
ชีวิตคนเรามันจะทนรับเรื่องร้ายๆได้มากขนาดไหนกัน ต่อให้เคยผ่านมันมาแล้วก็เถอะนะ  บทเรียนที่ได้เจอในแต่ละวันมันเหมือนกันเสียที่ไหน



     ผมรู้ว่าไอ้เสือมันเป็นคนเก่ง เข้มแข็ง และจัดการกับชีวิตตัวเองได้



     แต่ก็ใช่ว่าคนเก่งจะไม่มีจุดอ่อน…  คนเราล้มได้ตลอดเวลา



     และคนเก่งคนนี้กำลังหลงทาง  ไอ้เสือขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น ช่วงแขนยาวโอบกอดรอบเอวผมอย่างแน่นหนาพร้อมกับซุกหน้าลงที่อกผมอย่างหมดแรง 



     “ถ้าอยากแน่ใจ พาน้องกวางไปตรวจ DNA สิ”   ผมว่าอย่างนั้นพร้อมกับลูบศีรษะมันไปมาเพื่อปลอบประโลม เนื่องจากสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่กำลังแผ่กว้างตรงอกผม   



     “ไม่เอา”  มันส่ายศีรษะไปอยู่สองครั้งพร้อมกับตอบปฏิเสธ “กูอยากรู้… แต่ก็กลัวเกินกว่าที่รู้ได้”



     “แต่มันก็ถึงขั้นนี้แล้วมึงจะทำยังไง? กูรู้ว่ามึงรักน้องกวางมากแน่นอนว่าพี่เขาเองก็รักน้องกวางไม่แพ้กัน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเหตุการณ์แบบวันนี้เกิดขึ้น”   



จากคำบอกเล่าของพี่แก้ม เธอบอกว่าในตอนนั้นก่อนที่จะรู้ตัวเองว่าท้อง เธอเผลอไปมีวันไนท์แสตนด์กับใครคนหนึ่งเข้า ด้วยความเผอเรอเธอดันลืมป้องกัน ไม่ว่าจะทางไหนเธอก็ลืมไปหมด


ช่วงนั้นที่เธอเที่ยวหนักก็เพราะว่าไอ้เสือมันไม่มีเวลาให้ ทะเลาะกันบ้างงอนกันบ้าง ตามประสาผู้หญิงเลยออกไปเที่ยวกับเพื่อนเพื่อประชดแฟน แต่ใครจะรู้ว่าการประชดครั้งนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเธอในอีกสามเดือนต่อมา


เธอจะกลับบ้านทั้งที่ท้องโย้ก็ไม่กล้า ครั้นจะไปหาผู้ชายคืนเดียวของเธอคนนั้นก็ยาก เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน แม้จะจำหน้าได้ในตอนเช้าหลังจากที่ได้สติ แต่เธอก็ไร้หนทางจริงๆที่จะตามหา


พี่แก้มบอกว่าในตอนนั้นเธออาจจะผิด แต่มันก็เป็นหนทางเดียวที่จะทำได้จริงๆ นั่นคือการบอกไอ้เสือว่าท้อง ระหว่างที่ตั้งท้องเธอตระหนักได้ว่าทำให้ชีวิตคนคนหนึ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม  ในตอนนั้นที่คลอดน้องกวางแล้ว เธอทั้งรู้สึกผิดและสับสนมากกว่าเดิมเป็นล้านเท่า ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อดีกับชีวิต และสุดท้ายท้างที่เลือกเดินคือการเดินหนีออกมาจากชีวิตของทั้งคู่ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าน้องกวางไม่ใช่ลูกของไอ้เสือ แต่เธอก็ยังคงทิ้งลูกไว้กับคนอื่น 

เธอเห็นแก่ตัวมากเธอรู้ดี  แต่ตอนนั้นที่หนทางมันมืดมนมากกว่าตอนนี้ ด้านมืดในความคิดเลยสั่งให้เธอทำเรื่องเห็นแก่ตัวอย่างไม่น่าให้อภัย



ผมเองก็ไม่รู้จะปลอบเธอยังไง ในเรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้หรอกนะว่าผมเข้าข้างไอ้เสือ อาจจะเพราะผมรักมัน แต่ในเรื่องของความเห็นใจ ผมเองก็เห็นใจทุกคน มันช่างเป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก




     “ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไง…”  มันตอบเสียงแผ่ว แต่หยดน้ำตาที่กำลังไหลไม่ได้แผ่วลงเหมือนน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย



     “ไม่เคยกลัวอะไรมากขนาดนี้มาก่อนเลย”  ไอ้เสือว่าอย่างนั้น



     “ถ้าไม่รู้ว่าจะทำยังไง กูว่าตอนนี้มึงนอนก่อนดีกว่ามั้ย?…” ไอ้เสือส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง



     “อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เป็นวันใหม่แล้ว”    ว่าอย่างนั้นก็ลูบศีรษะมันไปมา อ้อมแขนนั้นก็กออดกระชับรอบเอวผมมากยิ่งขึ้น เหมือนกลัวว่าผมจะหายไปไหน



     แต่ผมไม่หายหรอกนะ… จะอยู่ตรงนี้ข้างๆมันเสมอ

     และไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของชีวิตมันผมก็จะอยู่

     ทุกครั้งที่มองหา ไอ้เสือจะได้เจอผมเป็นคนแรก



     จนในที่สุดคนที่ปฏิเสธการพักผ่อนก็หลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด 





     TBC...




     เห้อออออ โล่งมากกกก ในที่สุดก็มีเวลามาต่อสักที  ไม่มีอะไรจะพูดเลยค่ะ เพราะมันเยอะมากจนจะกลายเป็นนิยายอีกหนึ่งเรื่องไปแล้ววว งื้ออออ

เอาเป็นว่าขอบคุณนักอ่านทุกคนมากเลยนะคะ ที่ยังคงติดตามกัน ฮืออออ ขอโทษมากๆที่เหลวไหลไม่ยอมมาต่อนิยาย
แต่ก้ใจหายเหมือนกันนะคะ เพราะว่าตอนหน้าก็จบแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะเขียนสัก ยี่สิบสี่ตอนแต่คิดว่ามันยืดเยื้อไป  ตอนที่ว่านั้นเลยว่าจะเอาไปไว้ในตอนพิเศษ

เจอกันตอนหน้านะคะ

รัก
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-04-2018 22:41:00
ห๊ะ!!!จะจบแล้ว คู่นี้สถานะยังอึนๆอยู่เลย :ling1:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: Destiny ที่ 18-04-2018 22:57:39
แล้วก็เป็นไปตามที่คาด น้องกวางเป็นลูกของหมาก บอกตรงๆผิดหวังมาก ชีวิตของเสือมันเหี้ยมาตลอดตั้งแต่ต้นเรื่อง แม่ตาย พ่อมีเมียน้อย เมียท้องทั้งที่ยังเรียนไม่จบ ถูกไล่ออกจากบ้าน เมียหนี ทำงานเลี้ยงลูกคนเดียว ไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าว เกือบจะฆ่าตัวตาย มีความรักครั้งใหม่ก็ต้องทำใจว่าจะไม่สมหวังเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน สุดท้ายเหมือนกับว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นยังไม่สาแก่ใจคนแต่ง ต้องเหยียบซ้ำให้จมดิน ด้วยความจริงที่ว่าลูกก็ไม่ใช่ลูกตัวเองอีก แปลกใจจริงๆว่าตอนหน้าจะตัดจบไปได้อีท่าไหน ชีวิตคงไม่ง่ายแบบนั้น ให้เสือฆ่าตัวตายประชดชีวิตไปเลยรึเปล่า อ่านแล้วหดหู่จริงๆ ถ้านี่เป็นความตั้งใจของคนเขียน ที่จะทำให้เป็นนิยายสายดาร์ค ก็ถือว่าคุณประสบความสำเร็จนะคะ
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-04-2018 22:58:54
บอกได้คำเดียวสงสารเสือ :sad4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: Blue ที่ 19-04-2018 06:20:25
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-04-2018 09:30:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
เริ่มหัวข้อโดย: A_bookworm ที่ 19-04-2018 21:17:37
ลูกพี่หมากหรือป่าววว :ling3: