พิมพ์หน้านี้ - (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 13 แค่คืบ (25/2/2560) #ตอนจบ#

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: maneethewa ที่ 09-02-2017 19:14:27

หัวข้อ: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 13 แค่คืบ (25/2/2560) #ตอนจบ#
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 09-02-2017 19:14:27
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

 :L2:



“เริ่มที่รัก”

ประตูสื่อรัก???

   ผมปั่นจักรยานคู่ชีพมาด้วยความเร่งรีบ เมื่อมาถึงจุดหมายก็จอดรถอย่างรวดเร็ว แล้วรีบพุ่งเข้าไปในร้านเช่าหนังสือร้านประจำ แต่ยังไม่ทันได้เอื้อมมือไปเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงอุทาน ก่อนประตูเจ้ากรรมจะเปิดผลัวะเข้ามากระแทกหน้าซะจนผมหงายหลังล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น รู้สึกเหมือนจะเห็นดาวระยิบระยับขึ้นมาบนหัวเลยทีเดียว
   “น้อง เป็นไงมั่ง” เสียงคู่กรณีของผมถามขึ้น พร้อมกับนั่งลงมาดูสภาพผม
   สาดดดดด ดั้งกูยิ่งไม่มีอยู่ ยุบไปแล้วมั้งเนี่ย ผมนึกในใจด้วยความโมโหก่อนจะคลำจมูกน้อยๆ ของผมแล้วก็ถอนใจด้วยความโล่งใจที่มันไม่หัก ไม่บิด ไม่ยุบ นี่ถ้าดั้งผมเป็นอะไรนะ ผมจะฟ้อง อย.?, สคบ.? ฟ้องมูลนิธิปวีณา? แล้วก็ฟ้อง...ความคิดจะฟ้องสะดุดกึก ตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง เมื่อตั้งใจจะหันไปโวยตัวต้นเหตุทำร้ายดั้ง แต่...เฮือก คนอะไรหล่อมากกกก หล่อลากแม่งทั้งหิน ดิน ทราย (นั่นกรรมกรไหมมึง) หล่อจนบรรยายไม่ถูก
   ผู้ชายตรงหน้ามีคิ้วเข้มพาดเหนือดวงตาคมกริบเป็นประกาย จมูกโด่งเป็นสันได้รูปสวยจนน่าอิจฉา ริมฝีปากหนาได้รูป หน้าใสเหมือนจะเปล่งออร่าจนผมตาพร่าไปชั่วขณะ ยิ่งมองหัวใจยิ่งเต้นเป็นจังหวะรุมบ้าอย่างน่ากลัวหัวใจจะวายตายไปซะก่อน
   “เอ่อ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เจ็บมากไหม หน้าน้องแดงมากเลย” เสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายตรงหน้าผมถามขึ้น
   ฮือ! หน้ากูแดงเพราะมึงแหละพี่มึ้ง ผมส่ายหัวจนคอแทบเคล็ด เพราะถ้าขืนพูดอะไรออกไปตอนนี้ รู้เลยว่าเสียงต้องสั่นแน่ๆ
   “ไปโรงพยาบาลดีไหม เดี๋ยวพี่พาไป” ผมส่ายหัวอีกครั้ง
   “แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร” ผมเผลอส่ายหัว แต่พอนึกขึ้นได้ก็ผงกหัวอีกที
   “น้องเป็นใบ้เหรอ” ผมหันขวับไปค้อนด้วยความลืมตัว จนพี่มันหัวเราะ ผมเผลอมองตาค้าง คนบ้าอะไรหัวเราะแล้วโลกสดใสได้อีก
   “อ้าว! หน้าแดงอีกแล้ว” เพราะใครล่ะ? ผมต้องรีบก้มหน้าหลบตาทันที เห็นพี่มันค้นกระเป๋า แล้วก็บ่นงึมงำอยู่คนเดียว
   “ว้า! นามบัตรหมด” แล้วก็ฉีกกระดาษเขียนอะไรยุกยิก สักพักก็ยื่นมาให้ผม
   “อ่ะ เบอร์พี่ ถ้ามีอาการอะไรผิดปกติ โทรหาพี่ได้ เดี๋ยวพี่รับผิดชอบเอง ถ้าไม่มีใครพาไปหาหมอ เดี๋ยวพี่พาไป โทรหาได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจ ขอโทษอีกทีนะครับที่ไม่ทันได้ระวัง” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือมาให้ เออ! เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังนั่งเล่นอยู่บนพื้น ผมยื่นมือไปจับ พี่มันก็ช่วยฉุดผมยืนขึ้น มืออุ่นชะมัด โห! พอมายืนเทียบกันแล้ว พี่มันสูงชะมัดเลยครับ ขนาดผมสูงได้มาตรฐานชายไทยแล้วยืนใกล้ๆ แล้วดูแคระไปเลย
   “ให้พี่ไปส่งไหม” พี่มันถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นผมยังยืนเอ๋ออยู่
   “ไม่เป็นไรครับ” พอสงบสติอารมณ์ได้ก็ตอบพี่มันไป
   “ก็พูดได้นี่นา” พี่มันแซวยิ้มๆ มันเพราะใครกันล่ะที่ทำให้ผมพูดไม่ออก
   “งั้นพี่ไปก่อนนะ อย่าลืมล่ะ ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมา” พูดจบก็ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซต์แล้วขี่ออกไป ผมมองตามจนลับสายตา หันกลับมาก้มดูเบอร์โทรศัพท์ในมือ อุณหภูมิ 089-XXXXXXX เดาว่าข้างหน้าคงเป็นชื่อ
   “หึ คนบ้าอะไรวะชื่ออุณหภูมิ” ชื่อคุ้นๆ แฮะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ถึงจะว่าอย่างนั้น แต่ปากก็ฉีกยิ้มไม่หุบ ผมเก็บกระดาษใส่กระเป๋าเรียบร้อยก็เดินไปคว้าจักรยานปั่นกลับบ้านอย่างล่องลอย โชคดีที่รถไม่สอยไปรับประทาน กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตั้งใจจะไปเช่าการ์ตูนเรื่องโปรดเล่มใหม่ที่จะเข้าร้านวันนี้ แต่ดันกลับมามือเปล่า กลับไปตอนนี้ก็คงไม่ทัน ป่านนี้คงจะมีคนยืมตัดหน้าไปแล้ว ฮือ!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก บทที่ 2 ที่ปรึกษา (9/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 09-02-2017 19:26:15
ที่ปรึกษา

   ผมว่าผมกำลังป่วย
แถมอาการหนักอีกด้วย
ช่วงนี้ผมเบื่ออาหารจนแม่แปลกใจ พี่สาวคนเดียวก็เป็นห่วง เจ๊แกบอกปกติผมกินเหมือนยัดห่า อ่า พี่ผมหยาบคายเป็นปกติเวลาลับหลังพ่อแม่ อย่าถือสาเลยครับ
นอกจากนี้ผมก็ยังนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ผมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้ากองเอกสารและงานที่อาจารย์สั่งให้ทำ ก่อนจะหงายเงิบเมื่อหมอนใบใหญ่พุ่งมาปะทะหน้า
“ไอ้รง!!!!” ผมเรียกมือปาหมอนเสียงดังเมื่อลุกขึ้นกลับมานั่งได้
“รงพ่อง กูชื่อวิรงรองค่ะน้องกีฏะ” ชื่อมันผมรู้จักดีครับ แต่เชื่อเหอะ เหี้ยม เอ๊ย! ห้าวๆ อย่างมันเหมาะกับชื่อรงมากกว่าเยอะ
“กูจะฟ้องพ่อว่ามึงลามปาม แถมยังทำร้ายร่างกายกูอีก” อย่าหาว่าผมหยาบคายพูดมึงกูกับผู้หญิงเลยครับ ไอ้รง เอ๊ย! ไอ้วิ มันเป็นลูกพี่ลูกน้องของผม หาความเป็นกุลสตรีไม่เจอ แถมหยาบคายกว่าผมเป็นล้านเท่า มันนั่นแหละ สอนผมให้พูดมึงกูตั้งแต่เด็ก แถมชอบกลั่นแกล้งผมเป็นที่สุด ยิ่งเข้าคู่กันกับเจ๊รตี – กีรติ พี่สาวผม ผมยิ่งโดนหนักเข้าไปใหญ่ครับ ไม่อยากจะฟ้อง
“ก็กูเรียกมึงตั้งหลายรอบแล้วมึงไม่หือไม่อือสักที”
“หือ เรียกตอนไหน ทำไมกูไม่ได้ยิน นั่งใกล้ขนาดนี้ถ้าเรียกต้องได้ยินสิ”
“เหรออออออออ คงได้ยินหรอกมั๊ง มึงนั่งเหมือนวิญญาณออกจากร่างตั้งนานสองนานขนาดนั้น” มันลากเสียงยาวก่อนจะปิดท้ายอย่างประชดประชัน
ผมกระพริบตาปริบๆ ไม่แน่ใจว่ามันอำหรือเปล่า วิรงรองมันไว้ใจไม่ได้เป็นอันดับสองรองจากเจ๊กีรติเลย
“กูไม่ได้อำ ถามจริง มึงเป็นอะไรวะ หลายวันมานี้มึงเหม่อๆ ซึมๆ เจ๊รตีบอกมึงแดกไม่ค่อยได้ด้วย” เห็นไหม ไม่ทันขาดคำมันก็หยาบคายละ
“แถมดูท่าจะตายตาไม่หลับด้วย ขอบตาคล้ำยิ่งกว่าแพนด้าขนาดนั้น” นอนไม่หลับก็พอมั้งวิ ถ้าตายนี่กูคงขึ้นอืดขอบตาไม่น่าจะคล้ำ ผมเถียงมันในใจ ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียงกับมัน ผมพยายามนึกหาสาเหตุอาการของตัวเอง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เลยถอนหายใจแล้วตอบมันไป
“กูไม่รู้”
“อ้าว!”
“เป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่” มันซักอย่างกับซักประวัติคนไข้ เห็นโหดๆ ห้าวๆ อย่างนี้มันเรียนแพทย์นะครับ เรียนเก่งมากด้วย มันเลียนแบบเจ๊รตีไอดอลของมันนั่นแหละ สองคนนี้นิสัยเหมือนกันยิ่งกว่าน้องแท้ๆ อย่างผมซะอีก ส่วนผมเลือกเรียนคหกรรม เพราะชอบทำอาหาร และตั้งใจจะสืบทอดร้านอาหารกิจการของพ่อแม่ ปล่อยให้พี่สาวไปทำตามความฝันของตัวเองไป
“บอกอาการหมอไม่เคลียร์นี่หมอถีบนะคะคนไข้” ไอ้โหดดดดดด มึงจะรักษาหรือจะฆ่ากูเนี่ย
“ก็ตั้งแต่หลังจากที่เจอพี่มันนั่นแหละ”
“หืมมมม พี่ไหน” ผมหุบปากฉับ งับปากเหมือนหอยกาบ ซวยแล้ว ลืมตัว คงเป็นเพราะช่วงนี้ร่างกายขาดสารอาหารแน่เลย ปากถึงไปไวกว่าสมอง
“กี พี่ไหน เขาคือใคร บอกมา อย่าให้ต้องเค้นคอ พูด!!! ไม่งั้นจะให้เจ๊รตีมาซักฟอกแทน รับรองว่าขาวสะอาดเอี่ยมอ่องแน่!” มึงจะขู่กูทำม๊ายยย แค่นึกถึงพี่สาวตัวเองในโหมดซักฟอก ก็นึกถึงนักโทษถูกแสงไฟส่องหน้า ขนแขนก็แสตนอัพขึ้นมาทันที
“ไม่มีอะไรหรอกน่า” ผมหลบสายตามัน เสไปหยิบเอกสาร ทำท่าจะทำงานต่อ
“ไม่ต้องมาเฉไฉนะกี” มันพูดพลางดึงกระดาษไปจากมือผมวางลงบนพื้น ก่อนจะใช้มือทั้งสองจับแก้มไว้ให้หันมาสบตา
“กี วิเป็นห่วงนะ พี่รตีก็เป็นห่วง ยิ่งป้ามาลี ยิ่งเป็นห่วงกีมาก มีปัญหาอะไรบอกวิมาเถอะ เดี๋ยววิช่วยเคลียร์เองนะกีนะ” จบครับจบ เจอไม้นี้ทีไรผมอ่อนเหมือนขี้ผึ้งลนไฟทุกที สุดท้ายก็ต้องคายความลับให้มันฟัง
ผมเล่าตั้งแต่เจอได้พี่อุณหภูมิครั้งแรก แล้วภาพพี่มันก็ติดตา จนวันต่อมาต้องไปยืนรอที่หน้าร้านเผื่อจะเจออีกครั้ง แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะพี่มันไม่มา พอบ่ายวันอาทิตย์ ผมไปรอก็ยังไม่เจอเหมือนเดิมจนถึงเวลานัดกลับไปมหาวิทยาลัยเลยต้องตัดใจ
อาทิตย์ไหนที่ไม่มีเรียนหรือไม่มีงานกลุ่ม ผมกับวิจะกลับบ้านกันหลังเลิกเรียนในวันศุกร์ ก่อนจะกลับไปมหาวิทยาลัยตอนเย็นๆ วันอาทิตย์ พอกลับไปเรียนผมทั้งรู้สึกสับสน และวุ่นวายใจจนจะบ้า จะโทรหาก็ไม่กล้าเพราะไม่รู้จะคุยอะไรแถมยังปอดแหกเกินกว่าจะกดโทรออก พอเล่าจบผมก็รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยที่ได้ระบายออกมาบ้าง
ไอ้วินั่งกอดอกหน้านิ่วคิ้วขมวดเลียนแบบผมบ้าง มันหันมามองหน้าผมที่นั่งมองมันลุ้นๆ เหมือนกัน เออ กูจะลุ้นทำไมวะ
“กี” น้ำเสียงมันเคร่งเครียดเหมือนผมเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จนผมเผลอเกร็งไปด้วย
“มึงกำลังตกหลุมรัก”
“ห๊ะ!!!”
“กูก็นึกว่าเป็นอะไร มึงแค่ตกหลุมรัก ฟายเอ๊ย!” ยังมีหน้ามาด่ากูอีก
“เชี่ย! พี่มันเป็นผู้ชายนะวิ” ผมค้านอย่างเสียจริต
“ก็เออ มึงก็รักผู้ชายไง” มึงก็พูดง่ายเนอะ
“กูไม่ใช่กระเทย”
“กูก็ไม่ได้ว่ามึงเป็นกระเทย แต่มึงเป็นเกย์ แถมน่าจะเป็นเคะด้วย” ประโยคหลังเหมือนพูดกับตัวเองจนผมได้ยินไม่ชัด
“แคะอะไรนะ”
“แคะพ่อง!” ได้ข่าวว่าพ่อกูเป็นลุงมึงนะวิ
“ลามปามพ่อกูอีกแล้วนะ กูจะฟ้องพ่อ”
“ก็เอาซี๊ กูก็จะฟ้องลุงกฤษณ์เหมือนกันที่มึงชอบผู้ชาย” พอมันพูดจบผมก็เงียบกริบ
“นั่นสินะ ถ้ากูชอบผู้ชาย พ่อแม่ก็คงผิดหวัง กูควรตัดใจใช่ไหมวิ” ไอ้วิถอนหายใจเฮือก
“มึงยอมรอบแล้วใช่ไหมว่าชอบพี่เขา” ผมก้มหน้าน้ำตาคลอด้วยความละอายใจ
“กูขอโทษ” เสียงผมเริ่มสั่นพร่า
“เฮ้ย! ขอโทษทำไม มึงไม่ได้ทำอะไรผิด”
“กูวิปริต” พูดจบน้ำตาก็ร่วงจนไอ้วิตกใจ มันดึงผมเข้าไปกอด ที่จริงผมยอมรับว่าวิมันเป็นเหมือนพี่สาวคนที่สองของผมมากกว่าจะเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกครับ
“อย่าร้องสิ กูขอโทษนะกี กูปากไวไปหน่อย แต่กูรักมึงนะ ต่อให้มึงจะเป็นอะไรก็ตาม ความรักมันไม่ใช่เรื่องผิด ต่อให้รักเพศเดียวกันก็เถอะ กูเชื่อว่าลุงกฤษณ์กับป้ามาลีต้องเข้าใจแน่ๆ พี่รตีก็ด้วย มึงไม่ต้องเครียด กูจะไม่ทิ้งมึงเด็ดขาด มีอะไรเราจะผ่านไปด้วยกัน โอเคนะ”
ผมผงกหัวหงึกหงัก เพราะพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กลั้นสะอื้น รู้สึกว่าตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบผู้ชายนี่ แต๋วแตกเลยกู ฮือ!!! เอาความแมนของกูคืนมานะไอ้พี่อุณหภูมิ
แล้วไอ้วิก็ทำอย่างที่มันว่าครับ มันจูงมือผมไปคุยกับพ่อแม่ รู้สึกเหมือนย้อนไปตอนที่มันจูงมือไปเรียนอนุบาลด้วยกันวันแรกเลย มันจับมือผมไว้ตลอดตอนที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟัง
แต่เรื่องมันไม่ดราม่าอย่างที่ผมคิดสักนิด พ่อกับแม่ผมน่ารักที่สุดในโลก ท่านบอกว่าแค่ผมรอดตายจากอาการป่วยตั้งแต่ตอนเด็กๆ มาได้ ท่านก็ไม่คาดหวังอะไรอีกแล้วครับ แค่ผมเป็นคนดี ตั้งใจเรียน ไม่เกเร ท่านก็ภูมิใจที่สุดแล้ว ได้ฟังแบบนี้น้ำตาผมก็ยิ่งไหล ผมก้มลงกราบเท้าท่านทั้งสอง แม่ก็ดึงผมไปกอดแล้วลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยน ส่วนพ่อก็หัวเราะแล้วลูบหัวอยู่ข้างๆ บอกว่าดีออกไม่ต้องเสียค่าสินสอดไปขอสาวบ้านไหนจะได้ไม่ขาดทุน ผมภูมิใจที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่ครับ ส่วนเจ๊รตี ก็เดินมาลูบหัว แล้วตบหลังผมดังป้าบ ซึ้งๆ อยู่นี่จุกเลย ฮือ! เจ๊จะปลอบหรือจะฆ่าผมกันแน่ ปลอบเสร็จ? เจ๊แกก็พูดว่า
“ก็นึกแล้วละว่าหน้าอย่างนี้น่าจะได้ผัวมากกว่าได้เมีย”
เอ่อ! ผมก็หวังว่าเจ๊แกจะได้ผัวเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ไปเป็นผัวใครเขาล่ะ ไม่งั้นละสงสารพ่อกับแม่แย่เลย ผมหันไปมองไอ้วิที่ยืนน้ำตาไหลอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มให้มันอย่างสดใส ผมบอกหรือยังว่าผมรักมันมากเลยครับ

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-02-2017 21:46:01
น้องกีแลดูน่ารัก ว่าแต่เมื่อไหร่จะได้เจอพี่อุณหภูมิ....ลุ้น....นนนนนนนนนนนน    :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 09-02-2017 22:51:28
น้องกีแลดูน่ารัก ว่าแต่เมื่อไหร่จะได้เจอพี่อุณหภูมิ....ลุ้น....นนนนนนนนนนนน    :o8:

ดีใจที่ชอบน้องกีค่ะ ไม่นานเดี๋ยวคุณพี่อุณหภูมิก็มาค่ะ

 :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-02-2017 23:18:00
คิดถึงแต่ไม่กล้าโทรหาสินะ ลืมไปหรือเปล่าว่ามีเบอร์โทรน่ะกี

ปล. ลงกฏด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 10-02-2017 08:32:31
คิดถึงแต่ไม่กล้าโทรหาสินะ ลืมไปหรือเปล่าว่ามีเบอร์โทรน่ะกี

ปล. ลงกฏด้วยนะคะ

ลงกฎ??? ขอไปดูวิธีก่อนค่ะ เพิ่งลงครั้งแรกยังงงอยู่ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก บทที่ 3 สบตาทีไรหัวใจเต้น! (10/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 10-02-2017 08:46:34
สบตาทีไรหัวใจเต้น!
(ถ้าไม่เต้นก็ตายห่าแล้วมึง : ว่าที่แพทย์หญิงวิรงรองกล่าวไว้)

พอเคลียร์ปัญหาครอบครัว? เอ่อ! ปัญหาจากผมคนเดียวนั่นแหละ จบแล้ว ที่ปรึกษาว่าที่แพทย์หญิงวิรงรอง (มันสั่งให้เรียกมันว่างี้ครับ) มันก็สั่งให้ผมรุก โหย! หน้าพี่มันยังไม่ได้เจอ มึงจะให้กูรุกอะไรครับ มันตบหลังผมเรียกสติ (มันจงใจทำร้ายร่างกายผมมากกว่า ผมรู้ทัน) แล้วถามว่าเบอร์โทรศัพท์ที่ได้มาจะเก็บไว้ทำซากอะไร คิดว่าผมจะกล้าโทรไหมครับ จ้องเบอร์จนสีหมึกซีด ถ้าตัวเลขเป็นปลากัด คงออกลูกออกหลานเป็นล้านๆ ตัวแล้ว ผมปอดแหกครับ ยอมรับแมนๆ เลย
วันศุกร์หลังเลิกเรียนพอกลับมาถึงบ้าน ผมก็รีบปั่นจักรยานเจ้าเก่าไปที่ร้านเช่าหนังสือ เพื่อไปยืมการ์ตูนมาอ่านแก้เครียดช่วงวันหยุด พอไปถึงสิ่งแรกที่มองหาคือรถมอเตอร์ไซต์ของพี่มัน พอไม่เจอก็มองหาตัวคนแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง เดินคอตกเข้าร้านไปเลือกหนังสือก่อนค่อยออกมารอก็แล้วกัน
ผมเดินไล่ดูหนังสือบนชั้นด้วยความเพลิดเพลิน ไอ้วิมันอนุญาตให้อ่านการ์ตูนแค่อาทิตย์ละเรื่องครับ ถ้าจบแล้วต้องทำงานส่งอาจารย์หรือไม่ก็ต้องทบทวนบทเรียน บางทีผมก็สงสัยว่าตกลงมันเป็นเพื่อน เป็นพี่หรือเป็นแม่กันแน่ เอ? แต่ผมว่ามันเหมาะจะเป็นพร้อมๆ กัน เอ๊ย! เป็นทุกๆ อย่างสำหรับผมนั่นแหละครับ คิดถึงเรื่องวันนั้นก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ ก็ได้ยินสียงคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเรียก
“น้องครับ” ผมชะงักกึก ยืนตัวแข็ง พี่มึ้งงงงงงงงง
เคยไหมครับที่เจอใครสักคนแค่ครั้งเดียว แต่จำได้ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณ? เสียงพี่มัน ผมจำได้ จะทำยังไงดี แกล้งตายดีไหม?
“เฮ้! เป็นอะไรหรือเปล่า? ยืนตัวแข็งเลย” พูดจบก็เอานิ้วจิ้มหลังจึ้กๆ พี่ครับ คนครับไม่ใช่ขี้ โว๊ะ! ผมพยายามรวบรวมลมปราณ สติสตัง ขวัญและกำลังใจให้กลับเข้าร่าง ก่อนจะค่อยๆ หันมาเผชิญหน้า
เฮือก! พี่ครับ มึงจะยิ้มทำม๊าย ยิ้มซะเจิดจ้า จนกูหัวใจจะวายอยู่แล้วเนี่ย ฮือ! รู้สึกเลยว่าหัวใจเต้นกระหน่ำจนหูอื้อไปหมด คาดว่าหน้าคงแดงจัดแน่ๆ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว ดีนะที่ตรงนี้แสงน้อย เนื่องจากอยู่ลึกเข้ามาในร้าน ไม่งั้นได้อับอายขายขี้หน้ามากกว่านี้แน่!
“หือ เหงื่อออกเต็มเลย เป็นอะไรหรือเปล่า” ไม่พูดเปล่า ยังเอื้อมมือมาเช็ดหน้าผากให้ด้วย เพราะมึงแหละ เพราะมึงคนเดียว ถ้าผมหัวใจวายตาย ผมจะมาขี่คอพี่มันเหมือนชัตเตอร์
“มะ..ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ร้อน”
“แอร์เย็นเฉียบขนาดนี้นะ” พูดจบก็เงยหน้ามองแอร์ที่เป่าลงมารดหัวเราทั้งคู่แล้วทำหน้างง ไอ้แอร์ทรยศ มึงมาอยู่ตรงนี้ทำไม
“พอดีผมขี้ร้อนครับ ฮะๆๆๆๆ” ผมหัวเราะกลบเกลื่อน แล้วยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อเอง เดี๋ยวพี่มันจะเช็ดให้อีก ผมจะหัวใจวายไปก่อนที่จะได้รุก?
“ว่าแต่ ที่ชนประตูเมื่อวันก่อนไม่เป็นไรใช่ไหม ไม่เห็นโทรหาพี่เลย” พี่มันพูดแล้วก็ชี้มาที่จมูกน้อยๆ ของผม
“ครับ ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดี” ผมพูดเสียงเบาจนพี่มันชะโงกเข้ามาฟังใกล้ๆ ฮือ! เอาหนังหน้าหล่อๆ ถอยไป ผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
“ดีแล้ว พี่เป็นห่วงอยู่ ลืมขอเบอร์ไว้โทรถามอาการด้วย” ขอเลยไหมครับ ผมพร้อมให้มากๆ
“ไหนๆ เราก็รู้จักกันแล้ว” หืม
“พี่ชื่อปรอท น้องชื่ออะไรครับ” พี่แกรวบรัดผมเลยเผลอตอบกลับแบบงงๆ
“ผมชื่อกีครับ”
“น้องกี” อื้อหือ จั๊กกะจี้หัวใจมาก บอกเลย
“คะ...ครับพี่ปรอท” พอผมขานรับพี่ปรอทก็ยิ้มหวาน ผมแทบละลาย ขอตายอย่างสงบ เก็บศพผมด้วยครับ
“ไปคุยกันข้างนอกดีกว่า เดี๋ยวรบกวนคนอื่นเขา” เพิ่งรู้ตัวเหรอพี่ คุยกันนานจนจะได้เสียกันอยู่ในซอกนี้แล้ว?
พูดจบพี่ปรอทก็เดินนำไป ผมก็เดินตามต้อยๆ จะหาว่าผมใจง่ายไม่ได้นะครับ เพราะ...ผมใจง่ายจริงๆ แหะๆ
พอออกไปข้างนอกพี่ปรอทก็ยืนยิ้มรอผม เชื่อว่าหลายๆ คนแถวนั้นคงแสบตาเพราะออร่าพี่มันแน่ๆ ผมเข้าใจแล้วว่า ความรักทำให้คนตาบอดได้ มันหมายถึงยังไง (แม่ว่าไม่น่าจะใช่นะลูก)
“น้องกี เดี๋ยวพี่ขอเลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษแล้วกันนะครับ” ผมอึ้งไปอีกรอบ เมื่อกี๊รู้จักอย่างเป็นทางการ ยังไม่ทันข้ามวันเลี้ยงข้าว เร็วไปไหม? พอเห็นผมเงียบพี่ปรอทก็พูดต่อ
“ให้พี่เลี้ยงข้าวไถ่โทษที่ทำน้องเจ็บเถอะนะ ไม่งั้นพี่คงไม่สบายใจ นะครับ” คิดว่าผมจะปฏิเสธลงไหมครับ อ้อนซะขนาดนั้น ผมขอละลายแป๊บ
พี่ปรอทพาผมไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ พี่มันเป็นคนคุยสนุก ชวนคุยนั่น คุยนี่จนผมจำไม่ได้แล้วว่าตอบอะไรไปบ้าง พอกินข้าวเสร็จก็พากลับมาที่ร้านหนังสือ ก่อนจะขอโทรศัพท์ผม โดยที่ผมยื่นให้งงๆ (มึงยังไม่หายงงอีกเหรอ) พี่มันก็เอาไปกดยิกๆ กดโทรออก แล้วก็ส่งคืนให้ผม ยกโทรศัพท์ขึ้นโบกแล้วบอก
“เบอร์พี่นะครับ” ผมก็ได้แต่ผงกหัวหงึกหงักรับทราบ พี่ปรอทเอามือมาขยี้หัวด้วยความเอ็นดู เอ่อ เราสนิทกันถึงขนาดเล่นหัวกันได้แล้วเหรอครับ ผมคิดในใจ แต่ไม่ได้ค้าน ไม่ปฏิเสธสักคำ ทำไงได้ล่ะหัวใจมันสั่งให้ยอม อ้วก! เล่นเอง เลี่ยนเองครับ ฮ่าๆๆๆ
ผมรอให้พี่ปรอทขี่รถออกไปจนลับตา ก็ปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ อ้อ อิ่มท้องด้วย หน้าบานยิ่งกว่าบัววิกตอเรียที่แม่ปลูกไว้ในบ่อที่สวนผลไม้อีกครับ
เมื่อมาถึงบ้านไลน์ชื่อพี่ปรอทก็เด้งขึ้นมา พี่มันส่งสติ๊กเกอร์รูปลิงโบกมือทักมา แล้วพิมพ์ตามมาว่า
“พี่ปรอทนะครับ” จากที่หน้าบานเท่าบัวกระด้ง (อันเดียวกับบัววิกตอเรียแหละครับ แต่ผมเบื่อชื่อไฮโซมัน) ตอนนี้บานยิ่งกว่าจานดาวเทียมอีกครับ
ผมวิ่งไปบ้านข้างๆ ถามหาไอ้วิจากน้ามาลัย แล้วก็วิ่งขึ้นบันไดทีละสองขั้นอย่างไม่กลัวตกลงมาคอหักตาย คนมันกำลังมีความสุข อะไรก็ห้ามไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ครับ
“วิ๊” ผมตะโกนเรียกชื่อมันตั้งแต่หน้าประตู
“มึงจะแหกปากทำไมคะน้องกี” ตั้งแต่รู้ว่าผมชอบผู้ชาย มันก็เรียกน้องกีมาตลอด กูรุ่นเดียวกับมึงนะวิ แต่เรื่องนี้ปล่อยไปก่อน ผมเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มันที่กำลังนอนคว่ำอ่านนิยายปกวาบหวิวอยู่
“กูเจอพี่ปรอทด้วยละมึง” ไอ้วิมันทำตาโตก่อนละลุกขึ้นนั่ง วางหนังสือลงอย่างทะนุถนอม ถ้ามึงถนอมกูได้ครึ่งของหนังสือนิยายกูจะดีใจมากเลยนะวิ
“เล่ามาค่ะน้องกี เล่ามาเลย”
ผมก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังด้วยความตื่นเต้น ไอ้วิมั่นนั่งฟังอย่างตั้งใจ พอฟังจบมันก็นิ่งไปก่อนจะบอก
“กูอยากเห็นพี่มึงว่ะ”
“ทำไมล่ะ กูทำอะไรผิดไปรึเปล่าวะวิ” ผมถามอย่างไม่มั่นใจ
“ไม่ๆ มึงไม่ได้ทำอะไรผิด แค่บื้อ เฮ้อ! ช่างเถอะ เรื่องของผู้ใหญ่ มึงไม่ต้องยุ่งหรอก” รู้สึกว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องหัวใจกู แล้วกูต้องย้ำอีกทีไหมว่าเราอายุเท่ากัน พอพูดจบมันก็ยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วตบบ่าหนักๆ
“กูดีใจด้วยนะในที่สุดความรักมึงก็พัฒนาไปอีกขั้น มีเลี้ยงข้าวกันด้วยโว๊ย! อีกไม่นานมึงคงเป็นฝั่งเป็นฝา กูละอดใจหายไม่ได้” เอ่อ วิ กลับมาก่อน อย่าเพิ่งคิดไปไกล กูเพิ่งเจอพี่ปรอทครั้งที่สองเองนะ
“ละ...แล้วถ้าพี่มันมีแฟนแล้วล่ะ”
“มึงก็แย่ง”
“ห๊ะ!”
“กูพูดเล่น” พอเห็นผมทำหน้าเหวอมันก็หัวเราะ
“ดูท่าแล้วน่าจะไม่มีหรอกน่า เซ้นส์กูบอก” พูดจบก็ไล่ให้ผมไปอ่านหนังสือ ทำให้นึกขึ้นได้ว่าวันนี้กลับมามือเปล่า ไม่ได้การ์ตูนติดมือมาสักเรื่อง ฮือ! อาทิตย์นี้อดอ่านอีกแล้ว แต่เอาวะแลกกับการได้เจอพี่ปรอทถือว่าโคตรคุ้ม!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-02-2017 09:40:58
สงสัยปรอท (ชื่อแปลกมาก) จะเล็งน้องกีไว้อยู่แล้วนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก บทที่ 4 ผิดไหมรักเขา (10/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 10-02-2017 13:18:22
ผิดไหมรักเขา

   หลังเลิกเรียน ผมเดินไปรอไอ้วิที่ใต้ตึกคณะแพทย์ ไอ้วิมันเรียนหนักมากครับ ยิ่งตอนนี้เรียนปีสามก็ยิ่งเรียนหนักขึ้น ยิ่งใกล้สอบปลายภาคมันยิ่งยุ่งซะจนหัวปั่น ไหนจะงานที่ต้องทำส่งอาจารย์ ไหนจะสอบยิบ สอบย่อย สอบน้อย สอบใหญ่ สอบปิดวิชาอะไรของมันไม่รู้ ช่วงนี้อย่าบังอาจกวนประสาทมันเชียว เพราะอาจชะตาขาดได้
   ผมหยิบโทรศัพท์มือถือมานั่งเล่นรอเงียบๆ เพราะเคยชินกับบรรยากาศอึมครึม เคร่งเครียดของคณะนี้ในช่วงนี้เป็นอย่างดี ผมนั่งอ่านไลน์ที่คุยกับพี่ปรอทแล้วก็นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว ตั้งแต่วันที่แลกเบอร์กันพี่มันก็ทักมาทุกวัน ทั้งทักทายในตอนเช้า ชวนคุยเรื่องนั้น เรื่องนี้ตลอด ก่อนนอนก็แวะมาบอกราตรีสวัสดิ์ทุกคืน จนผมอยากจะเข้าข้างตัวเอง แต่ก็เผื่อใจไว้ว่าอาจจะเป็นความเคยชินของพี่มันก็ได้ ได้แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ ผมมันพวกมักน้อย
   พอใกล้เวลาหมดคาบเรียนก็วิ่งไปซื้อน้ำผลไม้กับน้ำอัดลมเย็นๆ มานั่งรอที่โต๊ะเดิม นั่งดูโทรศัพท์ไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า จนเห็นซอมบี้นักศึกษาแพทย์เริ่มทยอยลงมาจากตึกถึงได้เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วชะเง้อหาไอ้วิทันที พอมองเห็นมัน ผมก็โบกไม้โบกมือให้มันเห็น ก่อนที่มันจะลากสังขารที่หมดสภาพเดินมาหาผม
   “ใกล้ตายยังมึง” ถามพร้อมยื่นน้ำผลไม้เย็นๆ ให้มัน มันรับไปดูดเหมือนแค้นน้ำผลไม้มาแต่ชาติปางไหน
   “เดี๋ยวก็สำลัก”
   “แค่กๆๆๆ” นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ ผมขยับไปลูบหลังให้มัน
   “กีกี้” เสียงยียวนกวนประสาทดังขึ้นมาจากข้างหลัง
   “กีกี้พ่อง!” ผมหันไปตอบกลับทันควัน คนที่เรียกผมอย่างนี้มีอยู่คนเดียวครับ ไอ้มุม หรือองศา เดือนคณะแพทย์ เพื่อนสนิทไอ้วิ อ้อ ลืมไป ตอนนี้มันกลายมาเป็นเพื่อนสนิทผมด้วย
   “โหย กีกี้หยาบคายว่ะ เมื่อไหร่จะเลิกด่าพ่อกูสักที” มันโอดครวญอย่างน่าถีบ
   “กูจะเลิกก็ต่อเมื่อมึงเลิกเรียกกูว่ากีกี้นั่นแหละไอ้แมงมุม” มันน่าจะชื่อนี้มากกว่าครับ เพราะมันน่ะรุงรัง ดูมันเอาแขนมาพาดคอผม ผมพยายามปัดออกแต่มันเกาะแน่นหนึบยิ่งกว่าตุ๊กแก
   “คงไม่มีวันนั้นหรอกกีกี้ ชื่อนี้เหมาะกับมึงที่สุดแล้ว” ผมเบ้ปากให้มัน ก่อนจะหยิบน้ำอัดลมส่งให้มัน
    “อ่ะ แดกๆ ไปจะได้เงียบสักที”
   “กีกี้ของกูน่ารักที่สุด” มันยิ้มหน้าบาน ตาวาวทำท่าจะกอดผม
   “พอๆ เลิกคุยกันได้แล้ว กูหิวข้าว” ไอ้วิมันเดินมาดึงแขนไอ้มุมออก แล้วถลึงตาใส่เป็นเชิงปราม มันน่ารักก็ตรงนี้แหละครับ ใครแตะผมไม่ได้ มันไม่ยอม มันบอกมีแค่มันกับพี่รตีเท่านั้นที่มีสิทธิ์แกล้งผม ฟังแล้วไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี
   “มึงแตะตัวน้องกีของกูพร่ำเพรื่อไม่ได้อีกแล้วนะมุม” ไอ้วิพูดยิ้มๆ แล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์
   “ทำไมวะ” ไอ้มุมมันทำหน้างง
   “กีกี้มึงน่ะมี...” ผมตะครุบปากมันไว้ก่อนจะรีบกลบเกลื่อน
   “จะแดกข้าวไหม ถ้าไม่แดกกูจะกลับหอ” ไอ้มุมมันหรี่ตามองผม
   “กีกี้นอกใจกูเหรอครับ” กล้าพูดนะมึงกูขนลุก
   “นอกใจพ่อง!” ผมลูบแขนตัวเองแสดงอาการรังเกียจอย่างเปิดเผย
   “เฮ้อ! เขินทีไรลามปามพ่อกูตลอด” ยัง มันยังไม่เลิก ผมรีบลากไอ้วิเดินนำ ก่อนที่มันจะเปิดประเด็นขึ้นมาใหม่
   เราตัดสินใจเดินไปกินก๋วยเตี๋ยวหน้ามอ เพราะไอ้วิมันบอกว่าหิวมาก ถ้าช้ากว่านี้มันจะกินหัวเราสองคนแทนอาหาร โดยมีไอ้มุมติดสอยห้อยตามไปด้วย
   คู่นี้มันตัวติดกันตลอดจนคนคิดว่าเป็นแฟนกัน แต่วิมันบอกว่าถ้าให้เป็นแฟนกับไอ้มุม มันคงกลั้นใจตายวันละหลายๆ รอบ เพราะมันฮ็อตสมกับดีกรีเดือนของมันนั่นแหละครับ ส่วนไอ้มุมมันก็ส่ายหัวจนคอแทบหลุด มันบอกว่าไม่อยากได้แม่เพิ่มมาอีกคน (อันนี้มันบอกลับหลังไอ้วิ มันยังกลัวตายอยู่ครับ ฮ่าๆๆๆ) แต่มันบอกว่าอยู่กับไอ้วิแล้วสบายใจดี ไม่ต้องเก๊ก ไม่ต้องสร้างภาพ เป็นตัวของตัวเองได้ มันเลยเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงบัดนี้
   หลังจากเบิ้ลก๋วยเตี๋ยวหมดคนละสองชาม ผมกับวิก็แยกกลับหอ แต่ไอ้วิมันนึกขึ้นได้เลยหันไปถามไอ้มุม
   “เออ! รถมึงเสียอยู่นี่ กลับไงวะมุม”
   “อ๋อ! วันนี้พี่กูมารับว่ะ”
   “หือ พี่มึงที่เป็นวิศวะนั่นนะ ไหนว่าทำงานอยู่นอกโลก” นอกประเทศ เอ๊ย! ต่างประเทศก็พอมั้งมึง แต่ไอ้มุมมันก็ไม่ถือสา มันยิ้มแล้วตอบ
   “พี่กูเพิ่งได้ย้ายกลับมาเมื่อไม่นานมานี้เอง พ่อกับแม่ดีใจใหญ่ ที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสักที” มันก็คงดีใจไม่แพ้กัน ยิ้มหน้าบานซะขนาดนั้น
   “พวกมึงกลับไปก่อนเลย ป่านนี้พี่กูคงใกล้ถึงแล้วละ” พูดจบโทรศัพท์มันก็ดังขึ้น แค่เห็นชื่อมันก็ยิ้มก่อนกดรับ
   “ครับ อยู่ตรงไหน ครับๆ เดี๋ยวไปหา” พอมันคุยเสร็จมันก็หันมาโบกมือลาแล้วยังไม่วายทิ้งท้ายไว้
   “ไปละ กูยังไม่ลืมเรื่องที่มึงมีชู้นะกีกี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูมาซักใหม่” ผมได้แต่ส่ายหัวระอากับมัน ก่อนจะหันมาค้อนไอ้ตัวเปิดประเด็นที่ยืนหัวเราะหึๆ อยู่ข้างๆ
   ผมหันไปมองไอ้มุมที่วิ่งไปที่รถสปอร์ตสีดำที่จอดอยู่ข้างทางก่อนจะอ้าปากค้างเมื่อเห็นคนที่ออกมาจากรถ ผมรีบดึงไอ้วิหลบข้างต้นไม้จนมันอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะค่อยๆ โผล่หัวไปมองสองพี่น้องที่ยังยืนทักทายกันอยู่ข้างรถ
   “มึงเป็นไรวะกี” ผมสะดุ้งโหยง เมื่อได้ยินเสียงไอ้วิ
   “นั่นพี่ปรอท” พอผมพูดจบไอ้วิก็ตาโต ก่อนจะชะโงกหน้าออกไปดูบ้าง
   “พี่ปรอทเป็นพี่ไอ้มุมเหรอ” มันถามด้วยความสงสัย อย่าว่าแต่มันเลย ผมก็เพิ่งรู้พร้อมกับมันนี่แหละ
   “อื้อหือ! พี่แกหล่อมาก หล่อลากกระชากใจ หล่อวัวตายควายล้ม หล่อยิ่งกว่าไอ้มุมอีกว่ะ” มันตาวาว เอ่อ เก็บอาการหน่อยมึง น้ำลายจะไหลแล้วนั่น ผมไม่ได้หวงพี่มันเลย จริงๆ นะ
   “หึๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะโรคจิตของมันทำให้ผมระแวง
   “คนใกล้ตัวแบบนี้สืบไม่ยากแล้วละ พรุ่งนี้จัดการถามจากไอ้มุมเลย”
   “กูกลัวไอ้มุมรังเกียจ” ไอ้วิหุบยิ้มฉับ
   “ถ้ามันใจแคบแบบนั้น กูจะเลิกคบ” ผมยิ้มให้มัน ดีใจที่มันเห็นผมสำคัญเสมอ ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วหุบยิ้มอีกครั้ง
   “แล้วถ้าพี่มันไม่ชอบผู้ชายล่ะวิ”
   “ก็ทำให้ชอบซะ น่า อย่าเพิ่งกังวลไปเลยกี ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป อย่างมึงนี่ผู้ชายชอบไม่ยากหรอก ตัวเท่าลูกหมา หน้าตาก็น่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย น่ารักยิ่งกว่ากูอีก” พูดจบก็มาหยิกแก้มผมเล่น เอ่อ ฟังเหมือนจะเป็นคำชม ผมควรดีใจใช่ไหมครับ
   “แล้วต่อให้มึงผิดหวัง ก็ให้รู้ไว้ว่า กูจะอยู่ข้างมึงเสมอ ไหนจะครอบครัวของเราอีก ป่ะ กลับไปนอน พรุ่งนี้กูจัดการให้เดี๋ยวได้รู้กัน”

(ชื่อตอนลูกทุ่งมาเลย ฮ่าๆๆๆๆ แม่มันสายลูกทุ่งค่ะ ถถถ)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 10-02-2017 19:39:39
รอน้า :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-02-2017 21:33:44
สนุก..กกกกกก เอาใจช่วยหนูกี
ปล. ช่วยลงวันที่อัพห้อยท้ายให้หน่อยนาจา ตามอ่านง่ายกว่าครัช   :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-02-2017 21:58:15
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก บทที่ 5 เคลียร์ (10/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 10-02-2017 23:27:01
เคลียร์

   ผมมาเรียนด้วยสภาพเหมือนญาติหมีแพนด้า ขอบตาดำคล้ำ สติสตังไม่ค่อยจะมี เรียนก็ไม่รู้เรื่อง ชีวิตตตต กูยิ่งฉลาดน้อยๆ อยู่
   เมื่อคืนผมนอนไม่หลับทั้งคืนเลยครับ เพราะในหัวมันคิดแต่เรื่องของพี่ปรอทกับไอ้มุมทั้งคืน ผมไม่ได้แคร์มันเล้ย เอ่อ กูจะเสียงสูงทำไม แค่กลัวว่าไม่มีมัน แล้วจะไม่มีใครคอยกวนตีนแค่นั้นเอ๊งงงงง! ตบปาก เสียงสูงขึ้นไปอี๊ก เฮ้อ! ยอมรับก็ได้ครับว่าผมแคร์ไอ้มุมมัน
   ไอ้มุมเป็นเพื่อนที่ดีครับ นอกจากไอ้วิแล้วก็มีมันนี่แหละที่คอยเป็นห่วงเป็นใย ถึงมันจะกวนตีนไปบ้าง แต่พึ่งพาได้เสมอ เวลาลำบากหรือเดือดร้อนถึงไม่พูดมันก็เสนอตัวมาช่วยโดยไม่ต้องร้องขอ
   ผมนั่งรออยู่ใต้ตึกคณะแพทย์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหน้านิ่วคิ้วขมวด อารมณ์ผิดกับเมื่อวานราวฟ้ากับเหว
    ผัวะ!!!
   “เย้ยยยย!” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อโดนตบหลัง
   “นั่งเหม่ออะไรคะน้องกี เรียกหลายทีแล้วไม่ได้ยิน” ไอ้วิเจ้าเก่า เจ้าเดิม ทำร้ายร่างกายกูตลอด
   “ทีหลังสะกิดเบาๆ ก็พอมั้งวิ มือหนักชิบหาย” อูย แสบหลังเลย
   “กูกลัวมึงไม่รู้สึก”
   “หนังกูไม่ได้หนาขนาดนั้น”
   “อื้อหือ สภาพมึง ทำไมขอบตาดำงี้ฮึ นอนไม่หลับ?” มันถามเมื่อเห็นสภาพของผมชัดๆ
   “เออ!”
   “เฮ้อ! กูบอกแล้วว่าไม่ให้คิดมาก แต่ก็นั่นแหละ ถ้าทำได้ก็คงไม่ใช่มึง” เมื่อเห็นผมทำหน้างงมันก็จับหน้าผมแล้วส่ายไปมา เอ่อ กูไม่ใช่ตุ๊กตานะครับวิ
   “มึงมันแคร์แต่คนอื่น”
   “คนอื่นที่ไหน ไอ้มุมมันเป็นเพื่อน” ไอ้วิมันเลิกคิ้วแปลกใจ
   “สรุปมึงแคร์ไอ้มุมมากกว่าเรื่องเฮียปรอท” เรียกซะสนิทเชียวนะมึง
   “งั้นวันนี้ก็ถามให้เคลียร์ไปเลย มึงจะได้เลิกคิดมากสักที” พูดจบก็หันไปมองหาไอ้มุม
   “เชี่ยนี่ก็แรดจริง ทักชาวบ้านแม่งตั้งแต่ห้องเรียนยันบันไดขึ้นตึก ป่านนี้ยังมาไม่ถึงอีก” ไอ้มุมมันเฟรนด์ลี่ครับ เป็นที่รู้จักทั้งมหาวิทยาลัยจนน่ามอบตำแหน่งขวัญใจมหาชนให้อีกตำแหน่ง
   “กีกี้” เสียงเดินทางเร็วกว่าสสารฉันใด เสียงไอ้มุมก็มักจะมาก่อนตัวมันฉันนั้น เบื่อมันจริงๆ ครับ พอมาถึงก็คว้าคอไปกอดหมับ
   “เอ๊ะ! ไปทำอะไรมาขอบตาคล้ำเชียว แต่ไม่เป็นไร ยังน่ารักเหมือนเดิม”
   “น่ารักพ่อง!” แต่ละคำที่ทักไม่เคยสร้างสรรค์สักคำ
   “มึงนี่ท่าจะโรคจิต วันไหนไม่โดนด่ามึงจะขาดใจตายรึไง” มันหัวเราะชอบใจ
   “เออ! วันไหนไม่ได้ยินเสียงด่าก็เหมือนชีวิตจะขาดอะไรไปสักอย่าง” ผมเงียบไป นั่นสินะ ถ้าวันไหนไม่ได้ด่ามัน ชีวิตผมก็คงรู้สึกขาดอะไรไปสักอย่างเหมือนกัน เมื่อเห็นผมเงียบ ไอ้วิที่นั่งฟังมานานก็อ้าปากจะพูดขึ้นบ้าง
   “เออ!” อ้าว! พวกมันประสานเสียงกันครับ แล้วต่างก็เลิกคิ้วแปลกใจเหมือนกันเป๊ะ ท่านี้มึงก็อปกันมาใช่ไหม?   “มึงพูดก่อน” ไอ้วิบอก
   “กูมีเรื่องจะบอก”
   “พวกกูก็เหมือนกัน” ไอ้มุมหันไปมองหน้าไอ้วิ แล้วก็หันมามองหน้าผม แล้วกระพริบตาปริบๆ เพราะนานๆ มันจะเห็นผมทำหน้าเครียดสักที
   “ไปคุยกันตรงโน้นดีกว่า” พูดจบไอ้วิก็เดินนำไปที่โต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้ห่างไกลผู้คน
   เมื่อถึงที่ไอ้วิก็ฉุดผมลงนั่งข้างๆ แล้วชี้ให้ไอ้มุมนั่งฝั่งตรงข้าม จ้องตากันได้สักพัก ไอ้วิก็กระทืบเท้าผม อูย! มึงบอกดีๆ ก็ได้ครับ ผมอดจะหันไปค้อนมันไม่ได้ ขอเวลาทำใจหน่อยสิครับ มันใช่เรื่องที่จะบอกได้ง่ายๆ ที่ไหน
   “มุม”
   “ว่า” มันจ้องตา ตั้งใจฟังเต็มที่
   “คือ...คือว่ากู..คือ...คือ”
   “มึงจะคืออีกหลายคือไหมกี กูลุ้นจนปวดขี้แล้วเนี่ย” ไอ้มุมมันโวยวาย ส่วนไอ้วิก็ส่ายหน้าเพลียๆ
   “ก็เรื่องของกูมันพูดยาก พูดไปแล้ว มึงอาจจะรังเกียจกูก็ได้”
   “มึงเป็นเอดส์หรือไง”
   “เชี่ย! กูไม่ได้เป็น”
   “งั้นสังคัง”
   “สังคังพ่อง!”
   “เป็นเห็บ”
   “กูไม่ใช่หมา”
   “เป็นห่า”
   “กูไม่ใช่ไก่”
   “มึงเป็นเหี้ยอะไร?”
   “กูไม่ใช่มึง!!”
   “หยุด!!!! พวกมึงจะต่อมุกกันอีกนานไหม” ไอ้วิมันเบรก หลังจากทนฟังมานาน ผมกับไอ้มุมหัวเราะแหะๆ
   ก่อนที่ผมจะสูดหายใจเรียกกำลังใจ กลืนล้ำลายอีกอึก เม้มปากแน่นก่อนจะบอกออกไปตรงๆ
   “กูเป็นเกย์”
   “อืม” ไอ้มุมตอบกลับมา
   “กูชอบผู้ชายนะ”
   “ก็เออ”
   “ห๊ะ! กูเครียดแทบตายมึงพูดแค่เนี๊ยะ”
   “แล้วมึงจะให้กูพูดอะไรล่ะ โอ้! ว้าว! พระเจ้าจอร์จมันยอดมากเหรอ”
   “ดูมึงไม่แปลกใจเลยนะ”
   “ไม่นะ ถ้ามึงชอบผู้หญิงสิ กูถึงจะแปลกใจ”
   “สัด มึงมองกูยังไงวะ กูชักสงสัย” มันหัวเราะชอบใจ
   “แล้วมึงไม่รังเกียจกูเหรอ” ผมถามอย่างไม่มั่นใจ
   “กูจะรังเกียจทำไม มึงชอบผู้ชายแล้วมึงจะเปลี่ยนไปจากเดิมเหรอ?” ผมส่ายหัวด็อกแด็ก
   “นั่นไง มึงก็ยังเป็นกีกี้ของกูเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือชอบผู้ชาย กูมันวัยรุ่นสมัยใหม่โว๊ย! ใจกว้างงงงง” มันเน้นคำว่ากว้างยาวๆ เดี๋ยวขากรรไกรก็ค้างหรอกมึง แต่ฟังแล้วซึ้งจนน้ำตาจะไหล รู้สึกรักมันขึ้นจมเลยครับ
   “ขอบใจนะมุม” ผมยิ้มให้มัน มันก็ยิ้มกว้างกลับมา
   “โอเค เคลียร์แล้วนะ น้องกีของกูจะได้ตายตาหลับซะที” นอนหลับก็พอมั้งวิ
   “ว่าแต่มึงเถอะ มีอะไรจะบอกเหรอ”
   “เออ! กูก็ลืมไปเลย พอดีพ่อกับแม่กูจะจัดงานวันเกิดควบงานเลี้ยงต้อนรับพี่กูอาทิตย์หน้า เลยจะชวนพวกมึงไปด้วย”
   “ไป” ผมเผลอหลุดปากจนไอ้มุมมันแปลกใจ เพราะปกติผมไม่ค่อยชอบงานสังสรรค์สักเท่าไหร่ ส่วนไอ้วิก็หัวเราะหึๆ ชอบใจ
   “ว่าแต่พี่มึงหล่อไหมมุม แล้วยังโสดอยู่ไหม?”ไอ้วิถามเบี่ยงเบนความสนใจ จนไอ้มุมมันหันไปหรี่ตามองไอ้วิแทน
   “ทำไม? ถ้าหล่อแล้วมึงจะจีบพี่กูเหรอครับวิรงรอง” มันถามกวนๆ
   “เออ! หน้าตามึงก็พอดูได้”มันยักไหล่อย่างน่าหมั่นไส้
   “ถ้าพี่มึงหล่อ กูจะได้ขอเลยไง ขี้เกียจหาแล้ว เอาคนใกล้ตัวนี่แหละ ง่ายดี”
   “พี่กูหล่อมากๆๆๆ ยังโสด” คำว่าโสดทำให้ผมหลุดยิ้ม
   “แต่...” มันเว้นช่วงให้ใจหายเล่น กูนี่แหละใจหายอยู่คนเดียว เชี่ยมุม ลีลาอยู่ได้
   “พี่กูไม่มีวันมองมึงหรอก ถ้าเป็นกีกี้ของกูก็ว่าไปอย่าง”
   “พี่มึงเป็นตุ๊ดเหรอ?” ไอ้วิมันกวนตีน
   “ตุ๊ดพ่อง! พี่กูเป็นเกย์” ไอ้วิมันยิ้มแบบมีเลศนัย
   “แล้วพี่มึงเป็นเมะหรือเคะ”
   “ห๊ะ! แคะอะไร”
   “แคะพ่อง! แคะอีกคนละ มึงไม่ช่วยกันแคะไป” มันหันมาแดกดันผมอีกคน มันเป็นศัพท์เฉพาะทาง มึงคิดว่าผู้ชายแมนๆ อย่างกูสองคนจะรู้ด้วยไหมวิ
   “กูหมายถึงพี่มึงเป็นรุกหรือรับ”
   “แมนๆ อย่างพี่กูต้องรุกสิวะ” พูดจบก็ยืดออกอย่างภูมิใจ คือมันเป็นเรื่องที่ควรภูมิใจไหมมุม
   “แล้วที่บ้านมึงไม่ว่าอะไรเหรอ?” ผมอดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นไอ้มุมมันชิลกับเรื่องนี้เหลือเกิน
   “ไม่นะ พี่กูชัดเจนตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่น เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว อย่างที่บอก ถึงจะชอบผู้ชาย แต่พี่ปรอทก็ทำหน้าที่ของตัวเองไม่เคยขาดตกบกพร่อง พ่อแม่กูทันสมัย เข้าใจดี มึงก็รู้พ่อแม่กูใจดีจะตาย”
   ผมหันไปยิ้มหน้าบานกับไอ้วิด้วยความโล่งใจ ไอ้วิก็หัวเราะหึๆ ไอ้มุมเลยหรี่ตามองเราสองคนก่อนจะถาม
   “มีเรื่องอะไรที่กูยังไม่รู้อีกไหมเนี่ย” แสนรู้จริงๆ ไอ้นี่
   “เปล๊า!” ผมปฏิเสธมัน ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะบอกมันครับ กลัวมันจะล้อ รอดูปฏิกิริยาจากพี่ปรอทชัดๆ ก่อนค่อยว่ากันอีกที ถ้าชัวร์เมื่อไหร่ ผมเชื่อว่าไอ้มุมจะเป็นกองหนุนชั้นดี ภารกิจเปลี่ยนพี่เพื่อนให้เป็น...(สถานะรอสรุปอีกที) คงจะง่ายขึ้น ทีนี้ละพี่ปรอทเสร็จผมแน่ วะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (10/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 11-02-2017 09:33:19
ทางสะดวกโล่ง จีบพี่ปรอทเลยกีกี้ 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก บทที่ 6 แค่ฝัน (11/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 11-02-2017 11:36:44
แค่ฝัน

   และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง ผมกับไอวิยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังงามของคุณชายองศา ฟังชื่อจริงมันแล้วไม่ชิน บ้านของไอ้มุมนั่นแหละครับ
   ป้าบ!!!
   “โอ๊ย!” ผมหันไปค้อนไอ้วิที่ซัดฝ่ามือมาเต็มหลัง นี่ถ้าเปิดเสื้อออกคงเห็นหลังผมแดงเถือกแน่ๆ แม่งมือหนักชิบ
   “มึงทำร้ายกูทำมายยย”
   “มึงจะยืนจ้องประตูบ้านอีกนานไหม จ้องไปเลขมันก็ไม่ขึ้น แต่ถ้าถูละก็ ไม่แน่ หึๆ”
   “เออ! เข้าท่านะ ใกล้วันซวย เอ๊ย! วันหวยออกแล้วด้วย พรุ่งนี้รวยครับ พรุ่งนี้รวยยยย” พูดจบก็ปรี่ไปถูประตูอัลลอยด์
   ป้าบ!!!
   “โอ๊ย!!! มึงจะตีกูทำไมอี๊กกกก” น้ำตาคลอเบ้าเลยครับรอบนี้ ไอ้โหดดดด
   “ไร้สาระ” ผมหันไปค้อนมันอีกรอบ รู้สึกว่ามึงเป็นคนพากูออกทะเลก่อนนะวิ เกิดเป็นน้องกีนี่ผิดตลอด
   “กูก็ขอเวลาทำใจบ้างเหอะ กูตื่นเต้นจนฉี่จะราดอยู่แล้วเนี่ย”
   “นานไป กูเมื่อย” พูดจบก็ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ มึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปนะวิ
“แหมๆๆๆ ตื่นเต้นที่จะได้ไปฝากตัวกับพ่อแม่ผัว เอ๊ย! สามีเหรอจ๊ะน้องกี”
   “สามีพ่อง! มึงไม่คิดว่ากูจะเป็นสามีพี่มันบ้างหรือไง”
   “อย่างมึงเนี่ยนะ” พูดจบมันก็กวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมทำหน้าเหยียดหยามสุดฤทธิ์ ถ้ามึงจะมองอย่างนี้ มึงเอามีดมาแทงกูเลยเหอะ
   “ไปๆ เข้าไปได้แล้ว กูทั้งเมื่อย ทั้งหิว จนจะแดกผู้ชายได้ทั้งตัวแล้ว” แร้งงงส์ได้อีกญาติกู พูดจบมันก็ทั้งผลัก ทั้งดันให้เดินเข้าไปในบ้าน
   ที่จริงเราสองคนก็เคยมาที่บ้านของไอ้มุมครับ แต่เข้าไปในตัวบ้านแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่เข้าครัวไปทำอะไรกินก็เข้าห้องไอ้มุมไปเลย บ้านมันทั้งกว้าง ทั้งใหญ่ จนผมต้องเดินตัวลีบเพราะกลัวเผลอไปโดนอะไรแตกคงไม่มีปัญญาใช้ รีบจ้ำๆ ตามไอ้มุมตรงเข้าห้องมันเพราะกลัวหลง จะสร้างให้ใหญ่ไปไหน แทบไม่มีใครได้อยู่บ้านเลย ส่วนไอ้วิมันติดใจศาลาริมน้ำตรงสวนหลังบ้านมากกว่าครับ ตรงนั้น สงบ ร่มรื่น บรรยากาศดีมาก หลังๆ มาพวกเราเลยยึดที่นั่นเป็นฐานทัพ ผมก็พยายามไม่เข้าไปในตัวบ้านถ้าไม่จำเป็น (บ้านเพื่อนนะมึง ไม่ใช่บ้านผีสิง)
อีกอย่างไอ้มุมมันชอบไปขลุกอยู่บ้านผมมากกว่า มันบอกหากันเจอง่ายดี ฟังดูน่าสงสารเชียว ตอนที่ไปบ้านมันได้เจอพ่อแม่มันแทบนับครั้งได้เลยครับ มันบอกพ่อแม่มันยุ่ง มาบ้านผมทีไรก็ชอบมาอ้อนพ่อแม่ผมจนผมกลายเป็นหมาหัวเน่า (เอาความสงสารกูคืนมา) แถมยังชอบไปกวนประสาทเจ๊รตี เจอกันทีไรกัดกันตลอด จะไม่ว่าอะไรเลยถ้าทั้งคู่จะไม่ใช้ผมเป็นเครื่องมือในการเอาคืนอีกฝ่าย ชีวิตผมมันเศร้าครับ
เราสองคนเดินอ้อมมาถึงสวนหลังบ้าน บริเวณที่จัดงานประดับไฟจนสว่างไสว สนามหญ้าโล่งๆ มีเวทีเตี้ยๆ และโต๊ะสำหรับให้แขกผู้ใหญ่นั่งตั้งอยู่ด้านหน้า ตรงกลางเว้นว่างไว้เหมือนจะใช้เป็นเป็นฟลอร์เต้นรำ มีซุ้มอาหารแบบบุฟเฟต์จัดไว้ตรงท้ายสนาม นอกจากนี้ก็มีโต๊ะกับเก้าอี้กระจายไปตามมุมต่างๆ ของสวน และตอนนี้บางส่วนก็ถูกจับจองโดยหนุ่มๆ สาวๆ หลายกลุ่ม คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนพี่ปรอทกับลูกๆ หลานๆ ของผู้ใหญ่ที่มาร่วมงาน
ผมกวาดสายตามองหาไอ้มุม ยืนอยู่อย่างนี้มันเขินชอบกล เพราะเราสองคนแทบไม่รู้จักใครสักคน เห็นไอ้มุมมันยืนคุยอยู่กับคนกลุ่มหนึ่ง ดูท่าจะเป็นเพื่อนๆ พี่ปรอท พอเห็นพวกผมมันก็ขอตัวเดินมาหาทันที
“กีกี้” ผมกลับตอนนี้ทันไหม เรียกจนคนใกล้ๆ หันมามอง กูอายครับ พอเห็นผมทำหน้าเซ็งใส่มัน ไอ้มุมก็หัวเราะโรคจิต
“ป่ะ ไปหาพ่อแม่กูกัน” พูดจบก็ลากแขนเราทั้งคู่ไป ผมกับไอ้วิดึงออกพร้อมกันแล้วถลึงตาให้มัน ไม่ใช่เด็กอนุบาลนะมึง กูอายคนมั่งเหอะ มันก็ยักไหล่หัวเราะแล้วเดินนำไป วันนี้ดูไอ้มุมมันอารมณ์ดีเหมือนพี้กัญชามาครับ สงสัยดีใจที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า โถ ไอ้เด็กขาดความอบอุ่น
“คุณพ่อคุณแม่ครับ” พอไปถึงไอ้มุมก็เรียกพ่อแม่มัน เมื่อท่านทั้งสองหันมามอง ผมกับไอ้วิก็ยกมือไหว้อย่างสุภาพเรียบร้อย พ่อแม่สอนมาดีครับ ไม่อยากจะคุย
“น้องกี น้องวิ สวัสดีลูก ไม่เจอกันนานเลย แม่คิดถึง” พูดจบก็ดึงพวกผมไปกอดคนละที ส่วนคุณพ่อก็รับไหว้แล้วยืนมองยิ้มๆ
   “คุณพ่อคุณแม่ยังหล่อยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ” อวยไว้ก่อนครับเผื่อจะได้คะแนนพิศวาสเพิ่ม
   “น้องกีก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ส่วนน้องวิก็ยังสวยไม่เปลี่ยนเลยนะจ๊ะ” เอ่อ คุณแม่ครับ ผมเป็นผู้ชาย ขอหล่อดีกว่าไหมครับ ไอ้วิหัวเราะชอบอกชอบใจอยู่ข้างๆ
   “น้องมุมพาเพื่อนไปหาอะไรทานนะคะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ไปรับแขกก่อน ตามสบายนะลูก”
   “ครับ,ค่ะ” เราสามคนขานรับ แล้วพากันเดินออกมา โดยมีไอ้วิเดินนำพุ่งเข้าหาซุ้มอาหาร พอตักอาหารเสร็จก็เดินไปนั่งโต๊ะที่ยังว่างอยู่
   ผมกวาดสายตามมองไปทั่วงาน ตั้งแต่มาถึง ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่ปรอทเลย พี่ปรอทของผมหายไปไหน
   “มึงมองหาอะไร” ไอ้มุมถามขึ้นเมื่อเห็นผมยังไม่เลิกชะเง้อคอมอง
   “เปล๊า! กูก็มองบรรยากาศทั่วๆ ไปนั่นแหละ” เสียงหัวเราะหึๆ ดังมาจากไอ้คนที่นั่งซัดอาหารเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน ไอ้วิเงยหน้าจากอาหารมาถามให้อย่างรู้ใจ
   “พี่มึงล่ะมุม ไม่เห็นมึงพาไปแนะนำเลย”
   “อ๋อ พี่กูเพิ่งเลิกงาน ตอนนี้ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวอยู่ เดี๋ยวก็คงลงมา พี่กูมาเมื่อไหร่เดี๋ยวพาไปแนะนำ คบกันมาตั้งนานยังไม่เคยเจอกันสักที เพราะพวกมึงแหละพี่กูกลับมาทีไร ชวนมาบ้านก็ไม่มาด้วยสักที” ถ้ารู้ว่าพี่มึงหล่อขนาดนี้กูมานานแล้วครับมุม ผมเลื่อนอาหารให้ไอ้วิอย่างเอาใจ มันส่งยิ้มล้อเลียนกลับมาก่อนจะรับไปเขมือบแต่โดยดี ไอ้มุมมองเราสองคนอย่างสงสัย
   “นี่กูพลาดอะไรไปหรือเปล่าวะ พวกมึงดูมีลับลมคมในพิกล”
   “ไม่มี๊ แฮ่ม ไม่มีอะไรหรอกน่า” ผมเสยกน้ำขึ้นจิบกลบเกลื่อน
เสียงพูดคุยในดังขึ้น เมื่อหันไปมองก็เห็นพี่ปรอทเดินเข้ามาในงาน พี่มันยังคงหล่อ ออร่ากระจายเหมือนเดิมครับ ยิ่งเดินมาพร้อมรอยยิ้มก็ยิ่งเจิดจ้าจนตาพร่า เห็นสายตาสาวๆ ในงานแล้วผมไปทุบหัวแล้วลากกลับบ้านเลยได้ไหม
พี่ปรอทเดินไปหาพ่อกับแม่ ท่านพาไปทักทายแขกผู้ใหญ่ในงานจนครบทุกโต๊ะ พี่มันก็เดินไปทักทายกลุ่มเพื่อนๆ ก่อนใครบางคนจะลุกขึ้นมาคล้องแขนอย่างสนิทสนม หัวใจที่เต้นกระหน่ำด้วยความยินดีเมื่อครู่ก็เต้นช้าลงทันที แถมยังรู้สึกเสียดๆ ในอกพิกล
“นั่นไง พี่กูมาแล้ว ป่ะ กูจะพาไปแนะนำ” พูดจบไอ้มุมก็ลุกขึ้นแล้วเดินนำไป สงสัยมันจะตื่นเต้นจนไม่ได้สังเกตสีหน้าของผม
ไอ้วิลุกขึ้นมาตบไหล่เบาๆ ก่อนจะดึงมือผมลุกขึ้นแล้วจูงตามไป
“พี่ครับ” ไอ้มุมมันเรียกก่อนจะเบี่ยงตัวให้เราสองคนไปยืนข้างๆ
“นี่เพื่อนสนิทที่มหาลัยมุม ไอ้วิกับกีครับ” เราสองคนยกมือไหว้พี่ปรอทอย่างสุภาพ
“น้องกี” พี่ปรอททำหน้าตกใจเมื่อเห็นผม ผมเสไปมองคนที่เกาะแขนพี่มันอยู่ สวยมากครับ ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็อดจะใช้คำนี้ไม่ได้ คนข้างๆ พี่ปรอทเป็นผู้ชายรูปร่างบอบบาง แต่หน้าสวยมาก ตากลมโตเฉี่ยวเป็นประกายวาววับ จมูกรั้นๆ น่ารัก รับกับริมฝีปากอิ่มแดงเรื่ออย่างเป็นธรรมชาติ ยืนคู่กันแบบนี้ดูเหมาะสมกับอย่างกับกิ่งทองใบหยก
ไอ้มุมเห็นปฏิกิริยาของเราก็ทำหน้าสงสัย แต่ยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไร คนข้างๆ ก็พูดมาซะก่อน
“ไปหาพี่ๆ กันเถอะพี่ปรอท ป่านนี้รอกันแย่แล้วครับ” พูดจบก็ลากพี่ปรอทเดินไปโดยพี่มันยังหันกลับมามองผมอยู่ ไอ้มุมมองตามพี่มันไปงงๆ ก่อนจะหันมาถามพวกผมสองคน
“อะไร ยังไง นี่รู้จักกันด้วยเหรอ เล่ามาเลย”
ผมถอนหายใจ ก่อนจะเดินกลับไปที่ซุ้มแล้วขอไวน์สองแก้วติดมือกลับไปที่โต๊ะ แล้วซดแม่งจนสำลัก
“แค่กๆๆๆ”
“เฮ้ย!” พวกมันร้องอย่างตกใจ
   “เดี๋ยวก็เมาตายห่ากันพอดีหรอกกี” ไอ้วิมันนั่งลูบหลังให้ ผมหันไปมองหน้าแล้วอ้อนมัน
   “ขอกีเมาสักวันนะวินะ” เจอไม้นี้ทีไรไอ้วิมันก็ไม่รอดเหมือนกันครับ เพราะนานๆ ผมจะอ้อนมันสักที
   “ได้ ให้แค่วันนี้วันเดียวนะกี ไหนๆ ก็ขอพ่อแม่ค้างที่นี่แล้ว ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่” สงสัยมันจะสงสารเลยยอมผม ไอ้วิมันถอนหายใจแล้วตบบ่าผมเบาๆ ผมเลยไปขอไวน์มาตุนแล้วก็นั่งกินไปเรื่อยๆ จนมึน ได้ยินเสียงไอ้วิกับไอ้มุมมันคุยกัน แต่จับใจความแทบไม่ได้แล้ว จนผมวูบหลับไป
   ในความฝันอันเลือนราง ผมเห็นหน้าพี่ปรอท พี่มันก้มลงจูบริมฝีปากผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะทวีความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากลากไล้ไปทั่วร่างกาย ไม่เว้นแม้กระทั้งจุดที่น่าอายที่สุด จุดความปรารถนาของผมให้ลุกขึ้น ผมปล่อยกาย ปล่อยใจไปกับสัมผัสที่ปลุกเร้า รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เหมือนจะดึงสติสัมปชัญญะกลับมาได้เพียงครู่เดียว ก่อนจะถูกปลอบประโลมด้วยจูบที่อ่อนหวาน ดึงกลับไปสู่ความฝันอันยาวนานอีกครั้ง
   ผมฝืนลืมตาขึ้นมาตามเวลาของนาฬิกาชีวิต ต่อให้นอนดึกแค่ไหนผมก็ตื่นมาเวลาตีห้าทุกๆ วัน เพื่อมาทำกับข้าวให้ที่บ้าน ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน พอมาเรียนมหาวิทยาลัยเลยติดนิสัยนี้ไปด้วย
   ผมมองเพดาน รวบรวมความจำอยู่สักครู่ ก็นึกได้ว่าเมื่อคืนมางานเลี้ยงบ้านไอ้มุมก่อนจะเมาแล้วหลับไป ผมขยับตัวหมายจะลุกขึ้นแต่แล้วก็ต้องทิ้งตัวลงใหม่ แค่เมาเหล้า ไหงระบมไปทั้งตัวอย่างงี้วะ ผมยกผ้าห่มขึ้นแล้วก็ต้องตกใจเมื่อรู้ว่าตัวเองเปลือยเปล่า แถมตามตัวยังเต็มไปด้วยรอยจูบ ขยับตัวอีกที ชัดเลย เจ็บเฉพาะจุดชัดเจน
   ผมหน้าซีดก่อนจะกวาดสายตาหาตัวต้นเหตุ พอหันไปด้านขวาก็เห็นพี่ปรอทนอนหลับสบายอยู่ไม่ห่าง ผมทั้งโล่งใจและเสียใจ โล่งใจที่อย่างน้อยก็เป็นพี่มัน ยังดีกว่าเจอคนแปลกหน้า แต่เสียใจที่พี่มันทำกับผมแบบนี้ ทั้งๆ ที่มีคนข้างๆ อยู่แล้ว ถึงผมจะเป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไร แต่โคตรเสียความรู้สึกเลยครับ เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจจนน้ำตาจะไหล ไม่อยากจะเห็นหน้าแม่งอีกแล้ว
   ผมกัดฟันฝืนลุกขึ้นแต่งตัว แล้วออกจากบ้านไปก่อนที่จะมีใครเห็น เมื่อถึงหอก็ส่งข้อความให้วิมันอีกที ก่อนจะล้มตัวนอนคว่ำหน้าแล้วปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมา
   ผมสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ หยิบขึ้นมาดูก็ถอนหายใจก่อนกดรับ   
   “ว่าไงวิ “
   “กีเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงห่วงใยจนน้ำตาแทบจะไหลอีกรอบ
“ไม่เป็นไร สบายดี ขอโทษนะที่กูหนีกลับมาก่อน พอดีกูนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ”
   “ทำไมเสียงมึงอู้อี้งั้นล่ะ”
   “สงสัยจะแฮงค์มั้งมึง”
   “เดี๋ยวกูไปหา”
   “ไม่ต้องเลยวิ มึงอยู่ห้องอ่านหนังสือไปเถอะ กูไม่เป็นจริงๆ เดี๋ยวก็ใกล้สอบแล้ว แค่กูขอให้มึงไปเป็นเพื่อนเมื่อคืน ก็เสียเวลาอ่านหนังสือมึงมากแล้ว รีบไปอ่านหนังสือไป ไม่ต้องมาเลยนะ ถ้าคะแนนตกไปจะหาว่าไม่เตือน” ผมขู่มันไว้ก่อน เพราะถ้ามันมาเจอผมในสภาพนี้ มันต้องซักผมจนรู้เรื่องแน่ แล้วก็มันก็ต้องห่วงจนไม่เป็นอันอ่านหนังสือ คณะมันเรียนก็หนัก การแข่งขันก็สูง ผมไม่อยากจะเป็นภาระให้มันเป็นห่วง
   “มึงโอเคแน่นะ”
   “อือ กูโอเค”
   “ถ้ามีอะไรโทรหากูนะ”
   “อือ”
   “กี”
   “หืม”
   “มึงยังมีกูอยู่นะ”
   “กูรู้”
   “กูรักมึงนะ”
   “กูก็รักมึงเหมือนกัน”
   วิมันวางสายไปแล้ว ผมก็ยิ้มทั้งน้ำตา ผมอาจจะไม่สำคัญสำหรับคนอื่น แต่สำหรับคนในครอบครัว ผมมั่นใจว่าผมมีค่าและเป็นที่รักเสมอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (11/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 11-02-2017 13:02:18
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (11/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 11-02-2017 13:06:38
อะไร? ยังไง?
กีตีตนไปก่อนไข้หรือเปล่า

แค่เห็นผู้ชายหน้าสวยคนนั้นคล้องแขนพี่ปรอท
ก็ทำให้กีเข้าใจว่าเป็นแฟนกัน มีคนรักแล้ว
คิดเข้าใจไปเองปล่าวววว มุมก็เคยบอกนี่ว่าพี่ชายโสด

จะรออ่านตอนหน้านะ หวังว่าพี่ปรอทคงจะมาเฉลยอะไรบ้าง
+1 ให้คนแต่ง สนุกดีเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (11/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-02-2017 13:34:08
เห้ย..ยยยยยยยยยยย น้องกีโดนพี่ปรอดวัดไข้ซะงั้น    :oo1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก บทที่ 7 ไอ้รง (12/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 12-02-2017 06:10:23
‘ไอ้รง’
เรียก ‘รง’ อีกทีมีตบนะคะ : วิรงรอง
กลัวแล้วจ้า T^T
………
ที่ปรึกษาว่าที่แพทย์หญิงวิรงรอง

ฉันวิ - วิรงรองไงจะใครล่ะ
   ฉันมีสถานะเป็นทั้งเพื่อนและลูกพี่ลูกน้องของน้องกี-กีฏะ เพราะแม่ของเราเป็นพี่น้องที่รักกันมาก  เลยสร้างบ้านอยู่ติดกัน น้องกีเป็นเหมือนน้องเล็กของบ้าน เรียกได้ว่าเป็นแก้วตาดวงใจของทั้งสองบ้านเลยละ
   น้องกีมันขี้โรคมาตั้งแต่เกิด เดี๋ยวป่วย เดี๋ยวป่วย จนลุงกฤษณ์กับป้ามาลีวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น อาการหนักจนเกือบตายมาหลายรอบ เลยได้รับการประคบประหงมจากทุกคนในบ้านยิ่งกว่าไข่ในหิน
   ตอนเด็กๆ น้องกีมันน่ารักมาก ผิวขาวจัดเพราะอยู่แต่ในร่ม ปากนิดจมูกหน่อย ตาโต แก้มแดง ปากแดงเหมือนเด็กผู้หญิง แทนตัวเองว่าน้องกีทุกคำ ใครเห็นก็เอ็นดู น่ารักจนอดจะแกล้งไม่ได้ เลยพาไปวิ่งเล่นในสวนผลไม้ที่อยู่ท้ายหมู่บ้านบ่อยๆ ทั้งพาปีนต้นไม้แล้วปล่อยไว้แบบนั้น ทั้งปล่อยให้ไต่สะพานแล้วตกลงโคลน สารพัดจะแกล้ง แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยโกรธเลยสักครั้ง ถ้าเจ็บก็แค่ร้องไห้ พอหายก็มองตาแป๋ว วิ่งตามไปเล่นด้วยใหม่เหมือนเดิม
   มีอยู่วันหนึ่ง ระหว่างทางกลับบ้าน ฉันก็แกล้งผลักมันใส่หมาที่เห่าอยู่ในรั้วแล้ววิ่งหนี น้องกีก็วิ่งตามมา แต่วันนั้นเจ้าของบ้านดันลืมล็อคประตูรั้วข้างๆ มันเลยวิ่งออกมาไล่เราทั้งคู่ ฉันสะดุดก้อนหินล้มลง แต่แทนที่กีจะวิ่งหนีไป กลับมายืนบังฉันไว้ แล้วกางแขนปกป้องฉันทั้งที่กลัวจนขาสั่นน้ำตาไหลพราก
   “มะ...ไม่ต้องกลัวนะ น้องกีจะปกป้องวิเอง ฮือออออออ”
   โชคดีที่เจ้าของหมาวิ่งตามออกมาห้ามหมาไว้ทัน แล้วหมาตัวนั้นก็ยังเป็นโกลด์เด้น รีทรีฟเวอร์ที่เจ้าของบอกว่าเป็นมิตร ไม่งั้นถ้ามันเป็นอะไรไปฉันคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
   ตั้งแต่นั้นมา นอกจากลุงกฤษณ์ป้ามาลี พ่อกับแม่ พี่รติและพี่รัชต์ (พี่ชายของฉัน) ฉันก็ตั้งตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์กีฏะอย่างเป็นทางการอีกคน
   น้องกีเติบโตมากับความรักความอบอุ่นของทั้งสองบ้าน ทั้งๆ ที่ทุกคนตามใจ แต่มันกลับไม่เอาแต่ใจเลยสักนิด ทั้งจิตใจดี มองโลกในแง่ดี และอ่อนโยน แต่ปากหมา (อันหลังนี่มันบอกว่าติดเชื้อมาจากฉัน แหม่ เรื่องดีๆ นี่ไม่รู้จักจำและนำไปใช้เลยนะ)
   ถึงร่างกายจะไม่ค่อยแข็งแรง แต่จิตใจมันเข้มแข็งมาก พอรู้ว่าพี่รตีเลือกเรียนแพทย์ทั้งที่บ้านมันมีกิจการร้านอาหาร มันก็บอกว่ามันจะเรียนด้านอาหาร เพื่อมาสืบทอดกิจการของที่บ้านเอง แล้วสนับสนุนให้พี่รตีตั้งใจเรียนและตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อทำตามฝันตัวเองได้อย่างเต็มที่ มันรับผิดชอบงานบ้านแทนพี่รตีทุกอย่าง เลิกเรียนมาก็รีบกลับไปช่วยงานที่ร้านอาหารเกือบทุกวัน จนร่างกายมันแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาก พอกิจการที่ร้านดีขึ้น ลูกจ้างเพิ่มมากขึ้น ป้ามาลีเลยบังคับให้มันตั้งใจเรียนเพื่อสอบเข้าคณะที่มันตั้งใจอย่างเดียว
   พอฉันบอกว่าอยากเรียนแพทย์เหมือนพี่รตี มันก็คอยเป็นกำลังใจให้ พองานที่บ้านตัวเองเสร็จก็มาช่วยงานที่บ้านฉันด้วย จนแม่หลงมันเข้าไปใหญ่ ตอนกลางคืนก็มาอ่านหนังสือเป็นเพื่อน คอยถามว่าอยากกินอะไรแล้วก็เข้าครัวไปทำให้กิน แต่ก็หลับไปก่อนเสมอด้วยความอ่อนเพลีย
   ฉันเลยบังคับให้มันสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน จะได้ดูแลได้ง่ายๆ ไม่อยากให้มันอยู่ห่างสายตา เพราะกลัวว่าจะมีใครมาหลอก มันยิ่งซื่อบื้ออยู่ด้วย พอผลสอบออกมันดีใจที่ฉันสอบเข้าได้ยิ่งกว่าที่ตัวเองสอบได้ซะอีก จะไม่ให้รักมันได้ยังไง ในเมื่อกีมันน่ารักออกขนาดนี้
   พอเข้ามหาวิทยาลัยก็บังคับให้มันอยู่หอใน แล้วสั่งไอ้มุมให้หาคนช่วยเป็นหูเป็นตาให้ป้องกันไม่ให้มีคนรังแกมัน ถ้าวันไหนมันเรียนเสร็จก่อนก็บังคับให้มันมานั่งรอ ถึงมันจะบ่นหงุงหงิง แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย มานั่งรอเงียบๆ ประจำ จนเป็นที่รู้จักทั้งคณะแพทย์ ส่วนฉันถ้าเลิกเรียนก่อนก็ไปเฝ้ามันจนเป็นที่รู้จักของฝั่งคหกรรมศาสตร์เหมือนกัน
   อย่างที่บอกว่าน้องกีมันหน้าตาน่ารัก แต่มันไม่ค่อยยอมรับสักเท่าไหร่ ถึงผิวจะคล้ำขึ้นกว่าตอนเด็กๆ แต่ก็ยังขาวกว่าผู้ชายทั่วไปอยู่ดี มีคนเข้ามาจีบมันบ้าง แน่นอนว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย แต่มีฉันกับไอ้มุมคอยสกรีนและคอยกันให้ มีบ้างที่แอบไปจีบมันโดยที่ฉันไม่รู้ แต่มันก็ซื่อบื้อเกินกว่าจะเข้าใจ มันมาเล่าให้ฟังทุกทีว่ามีเพื่อนใหม่มาทำความรู้จัก ทั้งขำทั้งสงสารและสมน้ำหน้าไอ้คนๆ นั้นไปพร้อมๆ กัน
   จนวันหนึ่งมันออกอาการแปลกๆ กินได้น้อยลง เหม่อๆ เบลอๆ เอ๋อยิ่งกว่าปกติ จนทุกคนเป็นห่วงกันทั้งบ้าน พี่รตีเลยให้ฉันไปเค้นคอมันในฐานะใกล้ชิดมันที่สุด ทำให้รู้ว่ามันเริ่มมีความรัก แถมคนที่มันตกหลุมรักก็เป็นผู้ชายอีก ให้ตายสิ กันคนในมหาลัยแทบตาย ไปเจอข้างนอกซะอย่างงั้น นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าพรหมลิขิต
   พอมันรู้ตัว มันก็เครียดกลัวว่าพ่อกับแม่จะผิดหวัง ต้องคอยปลอบแล้วพาไปคุยกับพวกท่าน โอ๊ย! ลุงกฤษณ์กับป้ามาลีรักมันจะตาย แค่มันอยู่ดีมีความสุขท่านก็พอใจแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้มันก็เป็นเด็กดีมาตลอด ยังไม่เคยทำให้เราผิดหวังเลยสักครั้ง
   ฟังจากที่มันเล่าให้ฟังแล้ว รู้สึกเหมือนพี่ของมันก็ดูจะมีใจให้มันเหมือนกัน จนชักอยากจะเจอตัวเป็นๆ จะได้ซักฟอก เอ๊ย! จะได้ทำความรู้จักและจะได้ดูว่าไว้ใจได้ไหม (แต่ชื่อพี่มันคุ้นๆ นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน มันติดที่ปลายลิ้นนี่แหละ นึกยังไงก็นึกไม่ออก)
   ไม่คิดมาก่อนว่าพี่มันจะเป็นคนใกล้ตัวมากๆ ก็ว่าอยู่ว่าชื่อคุ้นๆ พี่ปรอท อุณหภูมิเป็นพี่ชายแท้ๆ ของไอ้มุมที่ไปทำงานอยู่ต่างประเทศ เพิ่งได้ย้ายกลับมาประเทศไทย พี่แกกลับมาบ้านทีไรไอ้มุมมันก็ชวนให้ไปทำความรู้จักตลอด แต่ก็มีเหตุให้ต้องคลาดกันทุกที
   ได้มารู้จักอย่างเป็นทางการก็ในงานวันเกิดและงานเลี้ยงต้อนรับของพี่มันนี่แหละ แต่พี่ปรอทดันมีปลิงมาเกาะ หน้าตาน่าหมั่นไส้จนอยากจิกมาตบ สงสารก็แต่น้องกีของฉันที่ต้องเสียใจ เลยแดกเหล้าเมาจนหมดสภาพ ต้องให้ไอ้มุมพาไปส่งที่ห้องพัก พอกลับมาฉันก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ไอ้มุมฟัง
   ตอนแรกก็นึกว่าเรื่องจบแค่นั้น จนผ่านมรสุมช่วงสอบปิดสารพัดวิชาไปได้ ถึงได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจากไอ้มุมอีกที ได้ยินแล้วปรี๊ดแตก โกรธจัดจนต้องไปตบพี่ปรอทแรงๆ สองทีที่บ้าน พี่มันก็ยืนให้ตบแต่โดยดี แล้วก็ขอโอกาสอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง รวมทั้งขอโอกาสในการเข้าใกล้กีอีกครั้ง แต่ฉันไม่รับปาก เพราะยังไม่หายโกรธ
   อีกอย่างเรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับตัวกีมันเองด้วย เลยสะบัดหน้าจากมาอย่างไร้เยื่อใย เพราะเป็นห่วงกีมันมาก ฉันเสียใจที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างมันในช่วงเวลาแย่ๆ จะไปหามันหรือโทรหามันทีไรมันก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่น่าไว้ใจคำพูดมันเลย ทั้งๆ ที่น่าจะรู้แท้ๆ ว่ามันเป็นห่วงคนอื่นยิ่งกว่าตัวเองเสมอ
   ไอ้มุมมันวิ่งตามมาและขอขับรถไปส่งฉันที่บ้าน มันบอกว่าอยากจะไปหากีด้วย ระหว่างทางยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจนน้ำตาไหล มุมมันก็คงเห็นแต่มันไม่พูดอะไร แค่ขับรถไปเงียบๆ เท่านั้น
   พอไปถึงบ้านก็ตรงดิ่งเข้าบ้านกีก่อน เจอป้ามาลัยกำลังจะออกไปข้างนอก ป้าแกทำท่าโล่งใจ แล้วเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่กลับมากีมันดูซึมๆ ไป ไม่ร่าเริงเหมือนเดิม ถามก็บอกไม่เป็นไร ต่อหน้าพยายามทำตัวร่าเริงให้เห็น พอลับหลังก็เหม่อลอย ป้ามาลัยเป็นห่วงมาก แถมช่วงนี้พี่รตีก็ยุ่งมาก ขึ้นเวรที่โรงพยาบาลตลอด ยังไม่ได้กลับบ้านเลย จะโทรไปหาฉันก็กลัวรบกวนเพราะเป็นช่วงสอบ ได้แต่รอให้ฉันหรือพี่รตีกลับมาก่อน
   ฉันบอกป้ามาลัยว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวฉันคุยกับกีให้เอง ป้ามาลัยก็วางใจแล้วก็ออกไปทำธุระต่อ
ฉันเดินขึ้นบันไดบ้านไปถึงหน้าห้องมัน เคาะประตูสักพักมันก็เดินออกมาเปิด แค่เห็นสภาพมันน้ำตาก็ไหลด้วยความรู้สึกผิดอีกครั้ง กีมันซูบลงจนน่าตกใจ ตาบวมขอบตาดำคล้ำ แววตาก็ไม่เป็นประกายสดใสเหมือนอย่างเคย ขอกลับไปตบพี่ปรอทอีกหลายๆ ทีจะได้ไหม
   “เฮ้ย! วิเป็นอะไร” พอเห็นฉันร้องไห้ มันก็ก้าวมาคว้าตัวฉันไปกอด
   “มุม บอกมาสิใครทำอะไรวิ” มันหันไปถามไอ้มุมที่ยืนมองอยู่ข้างๆ
“โอ๋ๆๆ นิ่งซะนะ ใครทำอะไรวิบอกมา เดี๋ยวกีจัดการให้” ได้ยินแค่นั้นฉันก็ปล่อยโฮออกมาทันที
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก บทที่ 8 แมงมุมเพื่อนรัก (12/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 12-02-2017 06:11:56
แมงมุมเพื่อนรัก

   กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีแมงมุมรูปหล่อตัวหนึ่ง หมาน้อยจอมโหดตัวหนึ่ง กับหมูน้อยน่ารักอีกตัวหนึ่ง ทั้งสามเป็นเพื่อนรักกัน
อยู่มาวันหนึ่ง...
   หยุ๊ดดดดดด!
โว๊ะ! มันไม่ใช่นิทานคร๊าบบบบบ ใครก็ได้ช่วยไปตบเรียกสติคนเขียนให้ที
(ง่ะ น้องมุมของพี่ติดเชื้อจากไอ้วิมาใช่ไหม ตอบ! ลากเรือกลับมาจากทะเลหงอยๆ : เข้าเรื่องก็ได้วะ)
(มุม : เหล่ตามองคนเขียน ดูท่าช่วงนี้จะอาการหนัก จบเรื่องเดี๋ยวผมพาไปส่งศรีธัญญาเองครับ ไม่ต้องเป็นห่วง)

   กลับมาเข้าเรื่องของเราดีกว่า ผมมุม หรือนายองศาว่าที่แพทย์สุดหล่อมารายงานตัวครับผม
ผมเป็นเพื่อนสนิทของไอ้วิกับกีกี้ครับ หึๆ ผมชอบเรียกกีว่าอย่างนี้ เพราะเวลาเห็นกีมันหงุดหงิดแล้วทั้งตลกและสนุกดี คนที่โดนแกล้งแล้วตอบโต้ไม่ได้ ได้แต่ค้อนนี่ โคตรน่ารังแกครับ ฮ่าๆๆๆๆ อย่า อย่าเพิ่งด่าว่าผมเลวครับ ถ้ายังไม่รู้จักผมดี ถ้าจะให้รู้จักกันดี ต้องมาศึกษากันก่อน แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น ก็ต้องลองมาคลุกวงใน เอ๊ย! ดูใจกันก่อนครับถึงจะเรียกได้ว่า “รู้จัก” กันอย่าง “ลึกซึ้ง” หึๆๆๆๆๆ (ชั่วกว่าเดิมอีกมึง)
ผมเรียนคณะเดียวกับไอ้วิ ได้ร่วมกิจกรรมกับมันตั้งแต่ช่วงรับน้อง ทำให้รู้ว่าไอ้วิเป็นผู้หญิงปากหมาไม่เข้ากับหน้าตาน่ารักๆ ของมันเป็นอย่างยิ่ง ปกติมันก็อยู่นิ่งๆ ของมันนั่นแหละครับ แต่ถ้ามีใครเผลอไปแซวหรือกล้าไปหาเรื่องมันก่อนล่ะก็ มันไม่ปล่อยไปแน่ครับ มันกัดจมเขี้ยว ดับอนาถไปหลายรายแล้ว
วิมันเป็นคนหัวดีมาก สอบทีไรคะแนนอยู่ในอันดับต้นๆ ตลอด ใครไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามมันได้ มันไม่เคยหวงวิชา ตอนใกล้สอบมันก็ช่วยติวให้เพื่อนๆ ประจำ อีกทั้งยังมีน้ำใจ ใครมีเรื่องเดือดร้อน ถ้าช่วยได้มันก็ช่วยเต็มที่ ไม่เห็นแก่ตัวเหมือนเด็กเรียนบางคน ทำให้มันเป็นที่รักของอาจารย์ รุ่นพี่และเพื่อนๆ ในคณะ
ผมชอบนิสัยซื่อตรง จริงใจของมัน มันเป็นผู้หญิงที่ไม่เรื่องมาก อยู่ด้วยแล้วไม่ต้องสร้างภาพ คบแล้วสบายใจ รู้ตัวอีกทีก็สนิทกันไปแล้ว ผมรู้ว่ามีคนคิดว่าเราเป็นแฟนกัน เพราะมักจะเห็นเราตัวติดกันตลอด แต่บอกเลยว่าลุ้นไม่ขึ้นครับ เพราะผมมีเป้าหมายของผมอยู่แล้ว หึๆๆ
ส่วนกี ผมมารู้จักหลังจากเริ่มเรียนเทอมแรกได้สักพัก  รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่แรกเจอ ตอนที่ไอ้วิมันจูงมือมาแนะนำให้รู้จักครั้งแรกก็ได้แต่นึกในใจ ผู้ชายอะไรน่ารักชะมัด ไอ้วิมันก็หวงและห่วงของมันมากครับ กว่าจะไว้ใจปล่อยให้ผมอยู่ใกล้กีตามลำพังได้ก็ผ่านไปเป็นเทอม มันก็น่าห่วงอยู่หรอกครับ คนบ้านนี้หน้าตาคล้ายๆ กันหมด ผิวขาว ตาโต ปากนิดจมูกหน่อย แต่ดูแล้วกีน่ารักที่สุดและเรียบร้อยที่สุดในบ้านทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายแท้ๆ จนผมอดจะเอ็นดูไม่ได้ อย่าคิดลึกครับ ผมเอ็นดูกีเหมือนเอ็นดูน้อง เพราะผมเป็นน้องคนเล็กของบ้าน กีเป็นเหมือนน้องชายที่ผมเคยอยากได้ เห็นแล้วรู้สึกอยากปกป้องคุ้มครอง สุดท้ายผมก็เลยกลายเป็นองครักษ์พิทักษ์กีฎะตามไอ้วิไปอีกคน
กีมันเป็นคนช่างดูแลเอาใจใส่คนใกล้ชิด พอรู้ว่าผมเป็นเพื่อนสนิทวิ ผมก็เลยพลอยได้รับการดูแลไปด้วย เวลาเลิกเรียนดึกหรือต้องทำงานอยู่ที่คณะมันก็คอยส่งเสบียงเผื่อแผ่มาให้ผมด้วยเสมอ คอยเป็นห่วงเป็นใยถามไถ่ คอยมาดูแลเวลาไม่สบาย เพราะไอ้วิมันก็เป็นผู้หญิงไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่
วันไหนไม่ติดงานที่มหาวิทยาลัยมันก็ลากผมกลับบ้านด้วยตลอด มันบอกว่าสงสารกลัวผมเหงา เพราะบ้านผมวังเวงอย่างกับบ้านผีสิง ผมก็เลยยึดบ้านมันเป็นบ้านอีกหลัง แล้วก็ยึดพ่อกับแม่มันซะเลย ฮ่าๆๆๆๆๆ
อีกอย่างผมชอบไปหาเรื่องกับเจ๊โหดพี่สาวของมันด้วยครับ คนอะไรยั่วขึ้น ตอนแรกเจ๊ออกอาการหวงน้องแล้วก็ไม่ใจผม ผมก็เลยใช้กียั่วโมโหเจ๊ตลอด มีความสุขดีพิลึกครับ ไอ้วิมันแดกดันว่าผมชอบรนหาที่ตาย ผมก็ได้แต่หัวเราะขำแล้วก็ทำเหมือนเดิม เพราะช่วงไหนไม่ได้เจอเจ๊ ไม่โดนด่าโดนทุบแล้วรู้สึกไม่มีความสุขครับ มันเหมือนชีวิตอะไรไปสักอย่าง สงสัยผมจะเป็นมาโซฯ หึๆ เดี๋ยวว่างๆ ผมค่อยมาเล่าเรื่องของผมกับเจ๊ให้ฟังแล้วกันครับ
ผมมีพี่ชายสุดหล่ออยู่กับเขาคนหนึ่ง ชื่อพี่ปรอท - อุณหภูมิ บ้านเราหน้าตาดีกันทั้งบ้านครับ ไม่อยากจะคุย (ยืดอกพกถุง เอ๊ย! ยืดอกอวดได้ไม่อายใคร) พี่ชายของผมเป็นวิศวกร  พอเรียนจบก็เปิดบริษัทร่วมกับเพื่อนที่ต่างประเทศ พี่ปรอทงานยุ่งมาก นานๆ กว่าจะได้กลับบ้านมาสักที
มีพี่ชายโปรไฟล์ดี ผมก็อยากอวดกับเพื่อนบ้าง แต่พอพี่ปรอทกลับมาบ้านแล้วชวนพวกมันมาที่บ้านทีไร ก็มีเหตุให้ต้องคลาดกันตลอด จนจะจบปีสามแล้วก็ยังไม่ได้เจอกันสักที
พอบริษัทที่ต่างประเทศเริ่มอยู่ตัว พี่ปรอทก็ได้ฤกษ์ย้ายกลับมาบ้าน มาสืบทอดกิจการของครอบครัว พ่อกับแม่ผมดีใจมากครับ เลยถือโอกาสจัดงานวันเกิดฉลองที่พี่ได้อยู่บ้านในวันเกิดตัวเองปีแรกควบกับงานเลี้ยงต้อนรับไปในตัว ผมเลยชวนเพื่อนสนิททั้งสองคนมาด้วยเพราะอยากให้คนที่ผมรักได้รู้จักกัน แต่ดันเจอเซอร์ไพรซ์ซะเอง ปรากฏว่าพี่ปรอทกับกีรู้จักกันแล้ว แถมวิยังบอกว่ากีแอบชอบพี่ชายของผมอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ผมมั่นใจมาตลอดว่าพี่ปรอทยังโสด แต่วันงานพอเห็นปลิง เอ๊ย! ขอโทษครับ ติดไอ้วิมา พอเห็นคนที่เกาะแขนพี่ปรอทไม่ห่างก็ต้องคิดใหม่ เด็กผู้ชายคนนั้นหน้าตาดีมากครับ เป็นคนละแบบกับกี กีมันน่ารักน่าเอ็นดู ส่วนเด็กนั่น หน้าสวย เฉี่ยว ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล ยอมรับเลยว่าเวลายืนอยู่ข้างพี่ปรอทแล้วสมกันมาก
สงสารก็แต่กี ตั้งแต่รู้จักกันมาก็ไม่เคยเห็นมันสนใจใครเลย พอสนใจครั้งแรกก็ผิดหวังแบบนี้คงจะเสียใจมาก มันอ้อนขอไอ้วิกินเหล้าจนเมาหัวทิ่ม ไอ้วิต้องวานให้ผมช่วยพยุงมันไปส่งห้องรับแขกที่ผมจัดไว้ให้พวกมันพักคนละห้อง เพราะเป็นห่วงไม่อยากให้กลับบ้านดึกๆ
หลังจากนั้นก็เป็นเทศกาลสอบปลายภาคของมหาวิทยาลัยครับ พวกผมก็ต้องสอบปิดวิชาอีกหลายวิชา ก่อนสอบผมก็ตั้งใจอ่านหนังสือ ติวกับไอ้วิและเพื่อนที่คณะอย่างหนัก แทบจะสิงกันอยู่ที่คณะเลย ผมแวะไปดูกีที่หอบ้าง ดูมันซึมๆ ไป ถึงจะพยายามทำตัวให้ร่าเริงยังไงก็ยังไม่เหมือนเดิมอยู่ดี เพราะรอยยิ้มมันยังไปไม่ถึงดวงตา ผมก็ได้แต่ให้กำลังใจ พอหลังๆ มาก็แทบจะปลีกตัวไปไม่ได้ เลยอาศัยโทรไปคุยและให้กำลังใจเป็นระยะแทน
สอบเสร็จก็กลับมาบ้านแล้วหลับเป็นตาย พอตื่นขึ้นมา พี่ปรอทก็มาขอคุยด้วยแล้วเล่าให้ฟังว่าคืนวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ผมต่อยพี่ชายตัวเองหนักๆ ไปครั้งหนึ่ง เสียใจที่พี่ทำร้ายเพื่อนที่ผมรัก เสียใจที่เป็นต้นเหตุทำให้เพื่อนเจอเรื่องแบบนี้ ถ้าผมไม่ชวนมันมาก็คงไม่เกิดเรื่อง โกรธที่พี่ปรอทไม่ยอมบอกก่อนหน้านี้ ถึงจะเป็นเพราะเป็นห่วงกลัวว่าผมจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องก็เถอะ ไม่อย่างนั้น ผมจะไม่ปล่อยให้กีต้องเสียใจอยู่คนเดียว
พี่ปรอทปล่อยให้ผมต่อยโดยไม่ว่าอะไรสักคำ แต่ขอโอกาสเคลียร์กับผมเรื่องกี พี่ปรอทเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แล้วบอกว่าจริงใจกับเพื่อนผมจริงๆ และขอโอกาสได้เจอกับกีสักครั้ง เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องก็พยายามติดต่อกับกีมาตลอด แต่กีตัดช่องทางการติดต่อทั้งหมด พี่ปรอทไปดักเจอที่มหาวิทยาลัยก็ไม่เคยเจอ สงสัยจะโดนหลบหน้านะผมว่า
ผมแค่รับปากว่าจะช่วยพูดให้ แต่ไม่รับปากว่าจะสำเร็จไหม ถึงจะโกรธยังไงผมก็ยังรักพี่ปรอทอยู่ดี อีกอย่างได้กีเป็นพี่สะใภ้ก็น่าจะดีกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ
แต่คนแรกที่ผมต้องไปเคลียร์ด้วยคือไอ้วิ แม่อีกคนของกีมัน ผมไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ไอ้วิฟัง พอไอ้วิรู้เรื่องมันก็โกรธมาก แล่นมาตบพี่ปรอทแรงๆ สองทีถึงที่บ้าน พี่ชายผมก็ยืนให้ตบแต่โดยดี ส่วนผมได้แต่ส่งสายตาให้กำลังใจพี่อยู่เงียบๆ และไม่ได้ห้ามมัน เพราะอยากให้มันได้ระบายความโกรธบ้าง ไม่งั้นเรื่องที่จะให้มันช่วยเป็นแนวร่วมสนับสนุนพี่ปรอท คงเป็นไปได้ยาก
พี่ปรอทขอโทษมันอีกครั้ง แล้วก็ขอโอกาสไถ่โทษและแสดงความจริงใจในความรู้สึกที่มีต่อกี แต่วิมันไม่พูดอะไร ดูท่าจะยังไม่หายโกรธ แล้วมันก็หันหลังเดินออกจากบ้านไปเฉยๆ จนผมวิ่งตามแทบไม่ทัน
ผมขับรถไปส่งมันที่บ้าน เพราะมันบอกว่าอยากจะกลับไปหากีให้เร็วที่สุด ผมเห็นว่ามันแอบเช็ดน้ำตา ผมรู้ว่ามันรักกีมาก ตอนนี้มันคงรู้สึกผิดและโทษตัวเองอยู่ กีไม่ได้เป็นแค่เพื่อน กีเป็นคนในครอบครัวที่มันแสนรัก ผมได้แต่ลุ้นให้กีไม่ใจแข็งมากนัก ไม่งั้นพี่ปรอทเจอศึกหนักแน่ ตอนนี้เจ๊โหดยังไม่รู้เรื่อง ถ้ารู้ว่าน้องชายสุดที่รักโดนทำร้าย ผมละไม่อยากจะนึกถึงสภาพพี่ชายตัวเอง เฮ้อ!

THE END (นี่มึงยังไม่เลิกเล่นเหรอครับ คนอื่นเขาเครียดกันอยู่เห็นไหม)

 :really2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (12/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-02-2017 09:22:57
+เป็ด ให้น้องกีอย่าลืมเอาคืนพี่มันนะจ้ะน้องกี  :m26: :m26:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (12/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 12-02-2017 11:45:03
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (12/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 12-02-2017 12:08:48
ก็ดี..ไปแสดงตัว สารภาพความผิด
รับผิดชอบที่ปล้ำกีกี้เลยนะพี่ปรอท

แล้วไอ่น้องหน้าสวยคนนั้นล่ะ
พี่ปรอทจะว่ายังไง..ใช่หรือไม่ใช่แฟน
ไม่เห็นจะมีใครพูดถึงความสัมพันธ์กันเล๊ยยยย

มุมจ๋า..กิ๊กกับเจ้โหดของกี
อยู่ใช่ป่ะ..เค้ารู้นร้าาาา
อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (12/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 12-02-2017 13:35:28
น้องกีเป็นสุดรักสุดดวงใจของครอบครัว อิพีปร๊อท..ทททททท เล่าเรื่องคืนนั้นให้ฟังด้วย #สายหื่น  :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (12/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-02-2017 07:34:35
คือปล่อยเรื่องค้างไว้จนสอบเสร็จนี่นะ? ไม่คิดถึงใจน้องกีเลยว่างั้น ว่าน้องจะเอาสภาพแบบนั้นน่ะเหรอไปอ่านหนังสือสอบ คิดแต่เรื่องของตัวเองของน้องตัวเองเหรอพี่ปรอท เป็นผู้ใหญ่กว่าแท้ ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 9 นับหนึ่ง (13/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 13-02-2017 07:56:04
นับหนึ่ง

   แม่เคยสอนผมไว้ว่า คนเราเจ็บได้ ท้อได้ ล้มได้ แต่ต้องพยามยามลุกให้ได้ด้วยตัวเอง แล้วเราจะเข้มแข็งขึ้น ตอนแรกผมเหมือนล้มลงจนหน้าคว่ำ อยากจะเอาหน้าซุกดินอยู่อย่างนั้นนานๆ แต่สถานการณ์มันไม่เอื้ออำนวย จะอะไรล่ะครับ ถ้าไม่ใช่เทศกาลสอบปลายภาค
   ผมพยายามรวบรวมสมาธิ สติ และปัญญาอันน้อยนิดของผมอ่านหนังสือ จนการสอบผ่านพ้นไปด้วย D เฮ้ย! ไม่เอาตัวนี้สิ แค่นึกถึงคะแนนที่จะออกมาแล้วอยากจะร้องไห้ล่วงหน้า อยากจะไปอัดไอ้พี่ปรอทหลายๆ ที กูยิ่งหัวไม่ดีอยู่ มึงยังจะมาทำให้กูเครียดอีกนะ ไอ้พี่เชี่ย!!!
   พอสอบเสร็จผมก็โทรหาไอ้วิ บอกมันว่าจะกลับบ้านก่อน มันคงเป็นห่วงผม เลยบอกให้รีบกลับไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอมัน เพราะมันยังติดสอบอีกหลายวิชา
   ผมนอนแผ่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บนเตียง หลังจากวันนั้นผมเห็นรถพี่ปรอทวนเวียนอยู่ในมหาลัยหลายครั้ง แต่ผมก็พยายามหลบหลีกได้ทุกครั้ง ผมบล็อกทั้งไลน์ ทั้งเบอร์โทรศัพท์ ตัดทุกช่องทางการติดต่อ พี่มันอาจจะไม่คิดอะไร แต่พอกันทีครับ เจ็บครั้งเดียวก็เกินพอ อกหักครั้งแรกถือเป็นประสบการณ์ชีวิต อกหักไม่ยักกะตาย แค่เจ็บชิบหายแค่นั้นเอ๊ง! โว๊ะ! มึงจะไหลมาทำไมครับน้ำตา
   ผมรีบปาดน้ำตาออกเมื่อได้ยินเสียงไอ้วิกับไอ้มุมคุยกับแม่อยู่ข้างล่าง หือ คุยอะไรกันนานจริง ผมสงสัยเลยเดินไปชะโงกดูที่หน้าต่างก็เห็นทั้งคู่ยังคุยกับแม่อยู่แถมทำหน้าเคร่งเครียดเชียว แล้วแม่ก็ออกไปทำธุระข้างนอก ไอ้วิกับไอ้มุมก็เดินเข้าบ้านมา ผมเข้าไปดูความเรียบร้อยของตัวเองในห้องน้ำ กลัวไอ้วิมันจะเห็นคราบน้ำตา พอได้ยินเสียงเคาะประตูก็เดินไปเปิดให้ แค่เปิดประตูออกไป พอเห็นหน้าผมไอ้วิก็น้ำตาไหลพรากจนผมตกใจ
   “เฮ้ย! วิเป็นอะไร” ผมคว้าไอ้วิมากอดไว้ทันที
   “มุม บอกมาสิใครทำอะไรวิ” ผมหันไปถามไอ้มุมที่ยืนทำหน้าลำบากใจอยู่ข้างๆ แต่มันก็ไม่ยอมตอบอะไร
“โอ๋ๆๆ นิ่งซะนะ ใครทำอะไรวิบอกมา เดี๋ยวกีจัดการให้” ได้ยินแค่นั้นมันก็ปล่อยโฮจนผมลนลานทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลูบหลังลูบไหล่ปลอบมัน ผมไม่เคยเห็นไอ้วิร้องไห้แบบนี้มานานแล้วครับ ปกติวิมันเข้มแข็งมาก ครั้งสุดท้ายที่ร้องหนักขนาดนี้ก็คือตอนเด็กๆ ที่ผมป่วยแล้วอาการหนักเพราะมันพาไปเล่นน้ำฝน
พอมันทำท่าจะไม่หยุดร้องง่ายๆ ผมก็จูงมือไปนั่งที่เตียงแล้วก็โอบตัวให้มันซบบ่า แล้วโยกเบาๆ พอมันร้องจนพอใจ เหลือเพียงเสียงกลั้นสะอื้น ผมก็ดันตัวออกแล้วเอาหน้าผากชนหน้าผากจ้องตามัน
“บอกได้หรือยังว่าใครมันกล้ารังแกวิ กีจะไปเอาคืนให้ เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าน้องกีจะปกป้องวิเอง” ผมยังไม่ลืมคำพูดในตอนเด็กๆ ของตัวเองนะครับ และคิดว่าวิก็คงจะไม่ลืมเหมือนกัน มันเม้มปาก แล้วก็เบ้หน้าทำท่าจะร้องออกมาอีกรอบ ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้มันแล้วส่งสายตาขอร้องให้มันหยุดร้องเสียที ผมรู้สึกเหมือนใจจะขาดไปด้วย
“วิรู้เรื่องแล้ว” ผมดันตัวออกมาอีกครั้งแล้วทำหน้างง งงทั้งสรรพนามแทนตัวของมันที่นานๆ จะใช้ที และงงกับเรื่องที่มันพูดด้วย
“เรื่องพี่ปรอท” ผมสะดุ้งโหยงอย่างไม่รู้ตัว เผลอเบือนหน้าหลบตามัน ไม่รู้ว่ามันรู้มาจากไหน แต่พอหันไปสบตากับไอ้มุมก็คิดว่าพอจะรู้ที่มาละ
“วิขอโทษนะกี”
“หือ” ผมหันมามองหน้ามันด้วยความแปลกใจว่ามันจะมาขอโทษผมเรื่องอะไร
“ขอโทษที่ทิ้งให้อยู่คนเดียวในช่วงเวลาที่กีกำลังเสียใจ ขอโทษที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างในช่วงที่กีเป็นทุกข์” คราวนี้กลับเป็นผมเองที่ซึ้งจนน้ำตาแทบไหล จนต้องกอดมันไว้อีกที แล้วบอกเสียงสั่นพร่า
“ไม่เป็นไรเลยวิ วิอยู่เคียงข้างกีเสมอ อยู่ตรงนี้ไง” ผมจับมือมันมาวางไว้ที่อกตรงตำแหน่งของหัวใจ น้ำตาไอ้วิมันไหลออกมาอีกครั้ง ผมก็น้ำตาไหลพรากไม่แพ้กัน แต่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความสุขครับ
“กูก็ต้องขอโทษด้วยนะกี ที่เป็นต้นเหตุทำให้มึงต้องไปเจอเรื่องแย่ๆ ถ้ากูดูแลมึงดีกว่านี้ก็คงไม่เกิดเรื่อง” ไอ้มุมมันพูดขึ้นมาบ้าง หลังจากปล่อยให้ผมกับไอ้วิดราม่ากันอยู่สองคนตั้งนาน
“มันไม่ใช่ความผิดของมึงเลยมุม อย่าคิดมาก เรื่องมันจะเกิด ยังไงมันก็ต้องเกิด กูไม่เป็นไรสักหน่อย” ไอ้นี่ก็อีกคนคิดมากเกินเหตุ
“ไม่เป็นไรได้ไง มึงผอมลงตั้งเยอะ แก้มป่องๆ ก็ตอบลง หน้าก็ซีดๆ เซียวๆ ตาก็บวม ขอบตาก็คล้ำ หัวก็โต สภาพเหมือนร่างไร้วิญญาณแบบนี้เนี่ยนะไม่เป็นไร” เอ่อ วิครับ มึงพูดเหมือนกูใกล้ตายเลย แถมใช้คำว่ามึงๆ กูๆ นี่มึงเลิกดราม่าแล้วเหรอครับ ผมอดจะหันไปค้อนมันไม่ได้
“กูเครียดเรื่องสอบ” มึงเลิกกูก็เลิกเหมือนกัน กูเบื่อดราม่าเต็มทีแล้ว
“เหรอออออออออออออ” ลากยาวขนาดนั้นเดี๋ยวก็หมดลมก่อนหรอกมึง
“กี”
“หือ ว่าไงมุม” ผมหันไปถามไอ้มุมเมื่อมันเรียกแล้วไม่ยอมพูดอะไร แต่กลับหันไปมองไอ้วิที่นั่งกอดอกแล้วเมินไปทางอื่นแทน
“วิ” มันเรียกไอ้วิแล้วก็จ้องอยู่อย่างนั้น
“กูขอนะ” เฮ้ย! ต่อหน้ากูมึงขอกันดื้อๆ อย่างนี้เลยเหรอ
ป้าบ!
“โอ๊ย! มึงจะตีกูทำไมครับ” ไอ้วิมันชี้หน้าผมก่อนบอก
“กูรู้นะมึงคิดอกุศลอยู่ กูรู้ กูเห็น” มึงเล่นของเหรอวิ ไอ้มุมมันถอนหายใจ
“ถือว่ากูขอร้อง นะวินะ” มันยังสื่อสารกันโดยที่ผมไม่เข้าใจอยู่เหมือนเดิม ไอ้วิมันถอนหายใจเฮือกแข่งกับไอ้มุม นี่ถ้าถอนหายใจแล้วอายุสั้นลงนี่ผมคงอายุยืนอยู่คนเดียว หึๆ
“เออออออ กูเห็นแก่กีหรอกนะ” อ้าว เรื่องของกูเองเหรอ
“กี กูมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง มึงช่วยรับฟังหน่อยได้ไหม” พอเห็นมันทำหน้าจริงจัง ผมก็ตัดสินใจพยักหน้า
ไอ้มุมมันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในมุมของพี่ปรอทให้ผมฟัง ผมก็นั่งเงียบๆ ตั้งใจรับฟังมันพูดจนจบโดยไม่ขัดสักคำ มันบอกว่าพี่ปรอทอยากเจอผม อยากขอโทษ อยากขอโอกาสอีกสักครั้ง
“มึงจะตัดสินใจยังไงก็เรื่องของมึงนะกี กูเคารพการตัดสินใจของมึง เพราะเรื่องนี้พี่กูผิดจริงๆ และกูก็โกรธพี่มันมากเหมือนกัน แต่กูต่อยพี่ปรอทให้ทีนึงแล้วนะ ส่วนไอ้วิก็ตบให้หนักๆ ไปสองทีแล้วด้วย”
“น่าจะกลับไปตบอีกหลายๆ ที ทำน้องกีของกูตรอมใจ” เอ่อ ไม่ดีมั้งวิ อย่ามองผมแบบนั้นครับ ผมไม่ได้ห่วงพี่มันเลย จริงๆ นะครับ ผมแค่ห่วงไอ้วิกลัวจะติดคุกฐานทำร้ายร่างกายต่างหาก
“กูไม่ได้ตรอมใจ กูบอกแล้วไงว่ากูเครียดเรื่องสอบ”
“หูย เชื่อมึงก็ออกลูกเป็นควายแล้วค่ะ”
“มึงไปหาคนมาทำให้มึงมีลูกได้ก่อนเถอะวิ”
ป้าบบบบ!
“โอ๊ย! เจ็บนะวิ” ทำร้ายร่างกายกูตลอด ตกลงมึงรักกูหรือเกลียดกูกันแน่ เมื่อกี๊เพิ่งจะปลอบไปหยกๆ ตอนนี้จะฆ่ากูซะแล้ว กูสับสนนะครับ
“ก็ตีให้เจ็บ มึงจะได้เลิกแดกดันกูสักที คอยดูนะกูจะหาผัว เอ๊ย! หาสามีที่หล่อกว่าฮั่วเจี้ยนหัวให้ได้”
“ใครวะ” ผมกับไอ้มุมประสานเสียงกัน
“เรื่องของกู” อ้าวววววววววววว
ตอนนี้ผมยังไม่มีคำตอบให้ไอ้มุมหรอกครับ ผมขอเวลาจัดระเบียบความคิด และความรู้สึกของหัวใจหน่อย ตอนอยู่คนเดียวเงียบๆ พอมีเวลาทบทวนเรื่องราวแล้วทำให้รู้สึกว่าเรื่องของเราสองคนมันเร็วเกินไป ต่อจากนี้ผมจะลองปล่อยให้มันค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดู
ตอนเย็นไอ้มุมก็อาศัยอยู่กินข้าวมื้อเย็นกับที่บ้านของผมน้ามาลัยกับน้าเขยก็มาด้วย ถือโอกาสฉลองสอบเสร็จไปในตัว กรุณาอย่าพูดถึงผลสอบครับ ผมสะเทือนใจ พี่รตียังกลับบ้านมาทันกินข้าวด้วยกันเลย ผมรู้สึกมีความสุขมากจนกินข้าวได้หลายจาน แม่นี่ยิ้มแก้มแทบปริ ผมลืมไปได้ยังไงว่าเวลาผมทุกข์คนที่รักผมก็พลอยเป็นทุกข์ไปด้วย ต่อไปผมจะระวังครับ จะพยายามมีความสุขให้ได้มากที่สุด ทุกคนจะได้ไม่เป็นห่วง ผมนี่โชคดีจริงๆ ที่มีครอบครัวที่อบอุ่น และมีเพื่อนที่ดีคอยเคียงข้าง

ปล.กินข้าวเสร็จผมเห็นเจ๊รตีลากไอ้มุมไปคุยอย่างเคร่งเครียด เอ่อ น่าจะตีกันด้วย (ที่จริงพี่รตีตีอยู่ฝ่ายเดียว ไอ้มุมได้แต่หลบ) เพราะแอบเห็นพี่รตีซัดไอ้มุมไปหลายที พอไอ้มุมกลับมา พี่รตีก็หายไปโทรศัพท์ตั้งนานสองนาน เจ๊แกแอบมีกิ๊กหรือเปล่าวะ พอโทรเสร็จก็เดินหน้าเครียดกลับมานั่งคุยกันต่อ แต่ตอนที่ขึ้นไปนอน พอถึงหน้าห้องพี่รตีก็เรียกแล้วดึงไปกอด แล้วบอกว่า “พี่รักกีนะ” ผมได้แต่ยิ้มกว้างแล้วบอกกลับว่ารักพี่รตีมากที่สุดเหมือนกัน
------

ปล. ฮั่วเจี้ยนหัวนี่สามีแม่มันค่ะ เอร๊ยยยย
 :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (13/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 13-02-2017 11:03:43
พระเอกค่าตัวแพง
ให้ออกมาบ่อยมากไม่ได้

คนเขียนจ่ายค่าตัวไม่ไหว
ตังค์หมด ฮาาาาาาา

รอบตัวกีมีแต่คนดีดี
พ่อแม่ พี่น้อง ผองเพื่อน

มีไม่ดีก็แค่ไอ่คนไกลตัว
ชิสสสส ยังจะแอบมาเป็นผัวอีกน่ะ
อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (13/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 13-02-2017 11:20:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (13/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-02-2017 12:58:41
น้องกีจะใจอ่อนมั้ย..รอลุ้น..นนนนนนนนนนนนนน     :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (13/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-02-2017 19:19:36
อย่ายอใพี่มันง่ายๆนะน้องกีกี้ เอาคืนให้หนักๆ o3 o3
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 10 ไวยิ่งกว่าปรอท (14/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 14-02-2017 00:12:31
ไวยิ่งกว่าปรอท

สวัสดีครับ ผมพี่ปรอท อุณหภูมิเองครับ
ผมมีเรื่องจะมาสารภาพ
ผมหลงรักเด็กคนหนึ่งตั้งแต่แรกเห็น
เด็กคนนั้นเป็นเพื่อนของน้อง
และเด็กคนนั้นเป็นผู้ชาย
   
   ผมเรียนจบวิศวะโยธาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ ก็มหาวิทยาลัยเดียวกับองศาหรือน้องมุมนั่นแหละครับ พอเรียนจบก็ไปร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ต่างประเทศเพื่อหาประสบการณ์ ก่อนจะกลับมารับช่วงต่อกิจการของครอบครัว

   ในช่วงแรกที่เปิดบริษัท ผมยุ่งมากจนแทบจะไม่ได้กลับบ้านเลย เพราะต้องเริ่มต้นอะไรใหม่ทั้งหมด ทั้งเหนื่อย ทั้งท้อมาก็หลายรอบ แต่ผมกับเพื่อนๆ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ที่บ้านทั้งพ่อแม่และน้องชายก็โทรมาให้กำลังใจเป็นระยะ

   มุมเป็นน้องชายคนเดียวของผมครับ เราห่างกันหลายปี พอผมเรียนจบ มุมก็เพิ่งจะเข้าเรียนปีหนึ่ง ผมเลือกเรียนวิศวะ เพื่อมาดูแลธุรกิจของที่บ้าน แล้วปล่อยให้มุมไปเรียนหมอตามที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก มุมค่อนข้างจะติดผม เพราะพ่อกับแม่เรางานยุ่ง ปล่อยให้ผมเป็นคนดูแลมันมาตั้งแต่เด็ก มาอยู่ไกลแบบนี้ก็สงสารมันเหมือนกันครับ มันคงจะเหงา อย่าว่าแต่มันเลย ผมก็เหงาจับใจเหมือนกัน

   มีเรื่องอะไรมุมจะโทรปรึกษาและเล่าให้ผมฟังเสมอ ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องเพื่อน ตอนแรกๆ มุมเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนสนิทชื่อวิรงรอง แล้วก็ส่งรูปมาให้ดู น้องวิเป็นคนน่ารักครับ แต่อย่างที่มุมบอก ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง ผมรู้ตัวเองตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่น และเคลียร์ตัวเองกับพ่อแม่เรียบร้อย ซึ่งท่านก็ใจกว้าง ยอมรับได้ และเข้าใจดี ผมก็เลยเลือกเรียนสายนี้ และตั้งใจเรียนเพื่อทดแทนที่ไม่สามารถมีหลานสืบสกุลให้ท่านได้

   หลังจากสนิทกับน้องวิไปสักพัก ก็เริ่มมีชื่อเพื่อนอีกคนแทรกมาในบทสนทนา ฟังน้ำเสียงก็รู้ว่ามุมมันเอ็นดูเพื่อนคนนี้มาก จนผมชักอยากจะเห็นหน้า ยิ่งมุมเล่าให้ฟังเรื่องนิสัยใจคอของเพื่อนกับคนในครอบครัวผมก็ยิ่งประทับใจและดีใจที่มีคนช่วยดูแลน้องระหว่างที่ผมไม่อยู่

    แล้ววันหนึ่ง มุมมันก็ส่งรูปเด็กผู้ชายที่กำลังนั่งหันข้างก้มหน้าเขียนอะไรสักอย่างอยู่บนโต๊ะมาให้ดู
น้องกี กีฏะ

    แค่เห็นครั้งแรกก็ “ติดตา ตรึงใจ”

    คนอะไรแค่มองข้างๆ ยังน่ารักมากขนาดนี้ ผมบันทึกรูปนั้นแล้วตั้งเป็นภาพหน้าจอ มองเห็นทีไรก็รู้สึกอารมณ์ดีทุกครั้ง ฟังน้องพูดถึงทีไรก็มีความสุข เป็นเอามากแล้วครับผม ผมเปรยๆ กับมุมว่าอยากเจอเพื่อนสนิทของมัน แต่นัดกันทีไรเป็นอันล่มทุกที เลยไม่ได้เจอตัวจริงสักทีจนผมแทบจะถอดใจ
แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็เข้าข้างผม

   หลังจากบริษัทเริ่มอยู่ตัว ผมก็ปล่อยให้เพื่อนลุยเดี่ยว แล้วขอกลับมาช่วยงานที่บ้าน แต่กว่าจะได้กลับมาจริงๆ ก็ต้องใช้เวลาเพื่อเคลียร์อะไรหลายๆ อย่างนานพอดู

   พอกลับมาถึงผมก็ตระเวนกลับไปเยี่ยมเพื่อนสนิทสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและมัธยม

   มีอยู่วันหนึ่งผมไปเยี่ยมจักรเพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัยอีกคนของผม ระหว่างที่มันทำกับข้าวให้ผมกิน มันก็ไล่ให้ผมไปส่งการ์ตูนให้มันที่ร้านเช่าร้านเดิม ซึ่งผมรู้จักดี เพราะเคยไปนอนกับมัน และเคยไปเช่าหนังสือกับมันบ่อยๆ

   ผมคว้ารถมอเตอร์ไซต์ของมันแล้วขี่ไปที่ร้าน พอคืนหนังสือเสร็จ ผมก็ผลักประตูออกมาด้วยความลืมตัว (แต่ก่อนมันเป็นแบบเลื่อนปิดครับ ผมยังไม่ชิน) โดนคนที่กำลังจะก้าวเข้ามาจังๆ ผมรีบทรุดตัวลงนั่งถามอาการน้องมัน เรียกว่าน้องเพราะมันยังอยู่ในชุดนักศึกษาเลยครับ แต่พอน้องมันเงยหน้ามาให้เห็นชัดๆ แค่นั้นแหละ หัวใจผมก็เต้นกระหน่ำด้วยความยินดีเพราะผมจำได้ทันที
   ‘น้องกี’

    เห็นในรูปคิดว่าน่ารักแล้ว แต่พอมาเห็นตัวจริงนี่ โคตรน่ารักเลยครับ ผมต้องพยายามเก็บอาการไม่ให้เผลอคว้าตัวน้องมากอด เนียนแจกเบอร์กับเขียนชื่อให้ไป เพราะหวังว่าน้องมันจะโทรกลับมาหาบ้าง ตื่นเต้นมากจนลืมขอเบอร์น้องกลับ พลาดที่สุด!
วันต่อๆ มาผมก็ติดธุระหลายอย่างซะจนไปดักเจอน้องไม่ได้ กว่าจะได้กลับไปก็ผ่านไปอีกหลายวัน เนียนถามเรื่องน้องกับมุมก็รู้ว่าน้องยังโสด ถ้ายังไม่เจอกันอีกผมก็ว่าจะบอกเรื่องนี้กับมุมแล้วขอให้น้องช่วยครับ อยู่ใกล้แค่นี้แล้ว ผมไม่ปล่อยหลุดมือไปง่ายๆ แน่

    ผมกลับไปบ้านไอ้จักรอีกครั้งเพื่อไปดักเจอน้องที่ร้านหนังสือ แล้วก็ได้เจอครับ ผมทำเนียนถามชื่อน้อง แค่น้องมันเรียกแทนตัวเองว่าน้องกีผมก็แทบละลาย น้องมันเขินได้น่ารักจนอยากจะจับมาฟัดแรงๆ ผมกลัวใจตัวเองเลยชวนออกจากร้านมายืนคุยกันข้างนอก

    ผมทำมึนขอเลี้ยงข้าวน้องเป็นการขอโทษ ซึ่งน้องก็ตามไปอย่างว่าง่าย พอไปถึงผมก็แอบถามนั่นถามนี่ น้องกีก็ตอบกลับมาอย่างมึนๆ น่ารักที่สุด ผมอาศัยช่วงที่น้องกำลังงงขอโทรศัพท์มากดเบอร์ของตัวเองลงไป ในที่สุดก็ได้เบอร์น้องมาครอบครองแล้วครับ หึๆ พอไลน์ของน้องเด้งมาผมก็ทักกลับไป แล้วยืนยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้า
ผมไปบ้านจักรบ่อยจนมันแปลกใจ มันถามว่าติดใจอะไรแถวนี้หรือเปล่า น้องเจ น้องของมันก็คงเข้าใจผิด คิดว่าผมไปที่บ้านบ่อยๆ เพราะน้อง ถ้าผมไม่มีน้องกีอยู่ในใจ ผมก็อาจจะสนใจน้องครับ แต่นี่ผมมีน้องกีเต็มหัวใจมาหลายปี ถึงไม่เห็นหน้าก็ใช่ว่าจะลืม มารู้ตัวว่าปล่อยน้องให้หลุดมือไม่ได้ก็ตอนที่ได้เห็นตัวจริงครั้งแรกนั่นแหละครับ ผมไม่อยากให้ความหวังน้องเจเลยพยายามถอยห่างออกมา

    ผมคุยกับน้องกีมาตลอดทั้งทักทายตอนเช้า คุยสัพเพเหระระหว่างวัน แล้วก็บอกฝันดีก่อนนอน ผมคิดว่าน้องมันน่าจะเข้าใจนะครับว่าไอ้ที่ผมทำอยู่นี่ เขาเรียกว่าจีบ

    ผมเคยแอบถามน้องกีแล้วว่าวันเกิดผม น้องจะไปไหนหรือเปล่า น้องมันบอกว่าจะไปงานวันเกิดพี่เพื่อน ผมดีใจมากที่จะได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการสักที ผมจะได้รุกได้เต็มที่ แต่ในวันงานมันพลาดตรงไอ้จักรพาน้องเจมาด้วย แล้วน้องเจก็เกาะติดผมแจจนน้องกีเข้าใจผิด ผมไม่กล้าปัดแขนน้องเจออก เพราะกลัวน้องเจเสียหน้า

    ผมกลับไปพูดกับไอ้จักรตรงๆ ตอนมันปลีกตัวเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วขอเคลียร์กับน้องเจให้รู้เรื่อง กว่าจะเคลียร์กันจบ ผมก็ต้องปลอบน้องเจที่ร้องไห้เสียใจอยู่ตั้งนาน

    พอกลับไปไม่เห็นน้องกีก็ได้แต่ถอนหายใจ คงต้องอาศัยความช่วยเหลือจากมุมทีหลังแล้วล่ะครับ แล้วพวกเพื่อนเวรก็พากันมอมเหล้าผมซะจนเมา มันพยุงผมไปส่งถึงบนบ้าน พอพ้นบันไดแล้วก็บอกให้มันกลับไปกินต่อ ผมเดินกลับห้องเองไหว
แต่ด้วยความเมา ทำให้ผมเดินกลับเข้าห้องเดิมของตัวเอง พอไปถึงก็ล้มตัวลงนอนทันที นอนไปได้สักพัก ผมก็พลิกตัวไปเจอคนที่นอนอยู่ข้างๆ น้องกี ผมต้องฝันไปแน่ๆ น้องกีจะมาอยู่ในห้องผมได้ยังไง ด้วยความเมาและความรู้สึกในหัวใจ ทำให้ผมแตะต้องน้องกีไป เพราะคิดว่ากำลังอยู่ในความฝัน แต่พอตื่นมาเท่านั้นแหละครับ ผมก็รู้ว่าเรื่องเมื่อคืนมันคือความจริง เพราะหลักฐานยังอยู่บนเตียง

    ผมแน่ใจมากยิ่งขึ้นเมื่อโทรหาและไลน์หาน้องกีไม่ได้ น้องมันตัดทุกช่องทางการติดต่อจนผมกระวนกระวายใจอยากจะเคลียร์กับมุมใจจะขาด แต่ช่วงนี้มันใกล้สอบ  แทบจะไม่ได้กลับมาบ้านเลย  โทรไปก็แทบจะไม่ว่างคุยเพราะติวกับเพื่อนอยู่  อีกอย่างผมก็ไม่อยากจะรบกวนเวลาอ่านหนังสือมัน กลัวมันจะไม่มีสมาธิ ผมเลยไปดักรอแถวคณะของน้องกีและคณะของมุมที่มหาวิทยาลัยเองในทุกเวลาที่ว่าง แต่ก็ไม่เคยเจอน้องเลยครับ หลบเก่งมาก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ละความพยายาม ยังคงตั้งหน้าตั้งตาโทร  ส่งข้อความ ไลน์หา และไปดักรอทุกครั้งที่มีโอกาสเหมือนเดิมแต่ก็ยังไม่เจอ

    ผมรอเวลาอย่างใจจดใจจ่อกระวนกระวายใจแทบบ้า จนมุมสอบเสร็จผมถึงได้ไปเคลียร์กับน้อง โดนมุมมันต่อยมาครั้งหนึ่ง ผมก็ไม่ว่าอะไร เพระผมรู้ว่ามุมมันรักน้องกีเหมือนน้องตัวเอง เคลียร์เสร็จก็ขอให้มุมช่วย มุมมันก็รับปาก แต่มันขอไปคุยกับน้องกีก่อนแล้วให้น้องตัดสินใจเอง

    แต่คนที่ผมได้เจอก่อนคือน้องวิ พอเจอตัวผมก็ตบหน้าผมไปสองทีจนผมหน้าหัน ก็สมควรครับ ผมเป็นคนผิดจริง จะโดนตบ โดนต่อยอีกกี่ทีก็ได้ ขอแค่ผมได้เจอน้องกี ขอโอกาสให้ผมได้ดูแลน้องกีบ้าง น้องคือคนที่ใช่ของผมจริงๆ ผมคงทนไม่ได้ถ้าต้องเสียน้องไป

    พอตอนเย็นผมก็ได้รับโทรศัพท์จากแพทย์หญิงรตีพี่สาวของน้องกี ผมจำรตีได้ เพราะเรียนรุ่นเดียวกัน รตีก็คงจำผมได้เหมือนกัน เราเคลียร์กันยาวมาก และผมก็โดนรตีเหน็บไปหลายที แต่ตอนนี้จะด่าจะว่าอะไรผมยอมหมดครับ ขอแค่ทุกคนให้โอกาสผมก็พอ

    มุมมันบอกให้ผมรอไปก่อน น้องกียังไม่พร้อมจะเจอ ผมก็ได้แต่อดทนรอ น้องกีเห็นใจพี่เถอะครับ ตอนนี้พี่ใจจะขาดแล้ว

------

เอาพี่ปรอทมาทิ้งไว้ก่อนค่ะ

ที่จริงตอนหน้าคือตอนจบแล้วค่ะ ตอนเขียนรีบมากกกก แหะๆ ขอเวลาเพิ่มอีกนิด ปรับอีกหน่อย แล้วจะมาลงต่อนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตอนนี้ค่ะ กราบงามๆ

 :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (14/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 14-02-2017 01:19:06
รอให้พี่ปรอทเคลียร์กับน้องกีเร็วๆ   :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (14/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-02-2017 07:55:52
ศาลลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่ง เพราะรักแรกพบ อร๊าย..ยยยย พี่มันโรแมนติก  :L1:
+1เป็ด ฮะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (14/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 14-02-2017 13:11:49
 :mc4:
พระเอกมาแว๊ววววว

น่าจะไปทำประกันนะ
มาเร็วไปเร็ว
 :t2:

ไวเหมือนปรอท
พี่ปรอทไวทุกเรื่อง จริงง่ะ

คืนนั้นก็ไว แป๊บเดียวเอ๊งงง ไวจริงๆนะ#น้องกี
ก๊ากกกกกกกก  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (14/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 14-02-2017 13:24:00
:mc4:
พระเอกมาแว๊ววววว

น่าจะไปทำประกันนะ
มาเร็วไปเร็ว
 :t2:

ไวเหมือนปรอท
พี่ปรอทไวทุกเรื่อง จริงง่ะ

คืนนั้นก็ไว แป๊บเดียวเอ๊งงง ไวจริงๆนะ#น้องกี
ก๊ากกกกกกกก  :laugh:

กร๊ากกกก ใจร้ายยยยยย 555555555

 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก (14/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 17-02-2017 13:14:02
ปรอทไหล
55+++
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 11 อีกไกลแค่ไหน (14/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 21-02-2017 01:01:33
อีกไกลแค่ไหน

   ระหว่างที่รอคำตอบจากน้องกีด้วยความทุรนทุรายได้ไม่กี่วัน  ผมก็ไม่อาจทนอยู่เฉยๆ ได้  เลยต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวเองบ้าง  ผมขอร้องมุมให้บอกเส้นทางไปบ้านน้องกีให้จนสำเร็จ  พอมุมเขียนแผนที่ให้เสร็จ  ผมก็ขับรถออกไปที่บ้านน้องกีในตอนนั้นเลย

   ผมจอดรถอยู่ข้างรั้วบ้านน้องกีตอนเที่ยงคืนในตัวบ้านมืดสนิท  มีเพียงแสงไฟบริเวณรั้วและหน้าบ้านเท่านั้นที่ยังสว่างอยู่  ผมได้แต่นั่งมองอยู่ในรถเงียบๆ เพิ่งเข้าใจสำนวนที่ว่าไม่เห็นหน้า  เห็นหลังคาบ้านก็ยังดีก็ตอนนี้แหละครับ  แค่รู้ว่าน้องกีอยู่ในนั้น  อาจจะกำลังหลับฝันอยู่  แค่นี้ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย  นั่งอยู่สักพักผมก็ขับรถกลับบ้าน  ระหว่างทางก็คิดหาวิธีในการขอโทษน้องกีไปตลอดทาง

   ผมรีบตื่นมาตั้งแต่เช้าเพราะตั้งใจจะเริ่มปฏิบัติการไปง้อน้องกีที่บ้านตามที่คิดมาตั้งแต่เมื่อคืน  เมื่อวานได้เห็นหลังคาบ้าน  วันนี้แค่ขอให้ได้เห็นหน้าสักนิดก็ยังดี  เมื่อลงมาที่โต๊ะอาหารก็เจอกับคุณพ่อคุณแม่ที่นั่งอยู่พอดี  ท่านทั้งสองทราบเรื่องของผมกับน้องกีตั้งแต่วันที่ผมเคลียร์กับมุมแล้วโดนต่อย  พอเห็นหน้าผมก็เลยโดนซักจนสะอาด  ผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง  คุณพ่อท่านผิดหวังและตำหนิในเรื่องที่ผมไม่ประมาณตนจนคุมสติตัวเองไม่ได้  ผมก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด  เพราะถ้าคนที่ผมตื่นมาเจอไม่ใช่น้องกี  ผมก็คงเหมือนตกนรกทั้งเป็น 

   ส่วนคุณแม่  ด้วยความที่เอ็นดูน้องกีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว  ก็แทบจะแล่นไปสู่ขอน้องให้ผมซะเดี๋ยวนั้น  แต่มุมห้ามไว้ก่อน  เพราะน้องกียังไม่ให้อภัย  ยังไม่อยากเจอหน้าผม  และขอเวลาในการตัดสินใจก่อน  ซึ่งผมก็เคารพการตัดสินใจของน้องโดยดี  แต่ต่อให้น้องกีตัดผมออกจากชีวิต  ผมก็จะไม่ยอมแพ้  จะพยายามจนกว่าจะได้น้องมาอยู่ใกล้ๆ ทั้งตัวและหัวใจให้ได้

   พอรู้ว่าผมจะไปหาน้องกีที่บ้าน  คุณแม่ก็รีบไปหยิบขนมที่ซื้อมาจากต่างประเทศถุงใหญ่มาให้ผมเอาไปฝากน้องด้วย  ระหว่างทางผมแวะซื้อขนมจากร้านโปรดของน้องเพิ่มอีกถุงตามคำแนะนำของมุมที่ขอตามไปด้วย

   เมื่อไปถึงบ้านน้อง  ผมก็ให้มุมถือขนมลงจากรถเข้าบ้านไปบอกน้องกีก่อนว่าผมมาด้วยและขออนุญาตเจอน้องบ้าง  ถ้าน้องยังไม่พร้อมจะเห็นหน้า  ผมก็ขอจะรออยู่บนรถขอมองน้องจากตรงนี้ก็พอ

   ผมได้แต่นั่งมองมุมเดินเข้าประตูรั้วไปในสวนข้างๆ บ้านด้วยความตื่นเต้น  สักพักมุมก็เดินออกมาจากสวนพร้อมกับน้องกี  แค่ได้เห็นหน้า  หัวใจก็เต้นกระหน่ำด้วยความยินดี  มุมคุยกับน้องแล้วก็บุ้ยใบ้มาทางผม  น้องกีมองมาที่รถก่อนที่จะเบือนหน้ากลับไปส่ายหัวกับมุมจนผมใจแป้ว  ระหว่างที่มุมกำลังเดินกลับมาที่รถ  ก็มีผู้ชายในชุดทหารคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านแล้วตรงมาหาน้องกี  น้องยิ้มกว้างให้เขา  ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะจับหัวน้องโยกด้วยความเอ็นดู  แล้วจูงมือกันเดินเข้าบ้านไป  ตอนนี้รอยยิ้มของผมหายไปพร้อมกับหัวใจที่เหมือนจะหยุดเต้นไปแล้ว


------------------------------------------------

ใครรอสมน้ำหน้าอยู่เชิญค่ะ ถถถ ใครๆ ก็ไม่รักลูกกรอก เอ๊ย! ลูกปรอทของแม่ มาหาแม่มา เดี๋ยวแม่ซ้ำให้ ฮ่าๆๆๆ

 :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 11 อีกไกลแค่ไหน (21/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 21-02-2017 15:00:20
 :m4:
สมน้ำหน้า



แค่นี้ถ้าจะทำให้พี่ปรอท
เสียใจมากแล้วล่ะก็
กลับไปง้อน้องเจดิ
ยังจะทันนะ
 :m14:

+1 ฮับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 11 อีกไกลแค่ไหน (21/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-02-2017 16:43:27
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าฉันจะใกล้..บอกที
สมน้ำหน้า จนกว่าน้องจะใจอ่อน หุหุ   :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 11 อีกไกลแค่ไหน (21/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 21-02-2017 17:51:10
สมน้ำหน้าดีไหม 55
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 12 คนเคียงข้าง (21/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 23-02-2017 14:05:32
คนเคียงข้าง

   ตั้งแต่ที่ไอ้วิกับไอ้มุมมาเคลียร์กับผมในวันนั้น ผมก็นั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองว่าที่รู้สึกกับพี่ปรอทมันเป็นความรู้สึกหลงใหลเพียงชั่ววูบหรือว่าเป็นความรักกันแน่ 

   ผมค่อยๆ คิดอย่างใจเย็น  พอตรองตกก็รู้สึกอารมณ์ดีจนทำให้ตื่นมาตั้งแต่เช้า  ว่าจะไปบอกเรื่องที่ตัดสินใจและปรึกษากับไอ้วิอีกที  แต่พอลงมาจากห้องก็เจอคนที่ไม่เจอมานานมาก  ‘พี่รัชต์ - วิรัชต์’ พี่ชายของไอ้วิลูกพี่ลูกน้องอีกคนของผมนั่งส่งยิ้มมาให้  ผมรีบวิ่งไปหา  ยกมือไหว้เรียบร้อย  ก่อนจะโผเข้าหาอ้อมแขนที่อ้าไว้รอด้วยความคิดถึง  พี่รัชต์จับผมฟัดจนไอ้วิเอ่ยปากแซวถึงได้ยอมปล่อย

   “แหมพี่รัชต์  เกรงใจน้องแท้ๆ บ้างค่ะ  กับวิไม่เห็นกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างนี้เลย” วิรงรองมันมองเราทั้งสองด้วยความหมั่นไส้

   พี่รัชต์หัวเราะขำๆ ยีหัวผมด้วยความเอ็นดูก่อนจะตอบน้องบังเกิดเกล้าไป

   “ก็เรามันไม่น่ารักเหมือนน้องกีนี่” ไอ้วิหันไปค้อนพี่ชายตัวเองงอนๆ

    ถ้าไอ้วิเหมือนน้องแท้ๆ ของเจ๊รตี  ผมก็เหมือนน้องแท้ๆ ของพี่รัชต์นี่แหละครับ  ตั้งแต่เด็กๆ ในขณะที่วิมันติดเจ๊รตีแจจนก็อปนิสัยกันมา  ผมก็ตามพี่รัชต์ต้อยๆ ไม่ห่าง  เพราะพี่รัชต์ชอบออกโรงปกป้องและตามใจผมมากกว่าใครในบ้าน 

    พี่รัชต์เป็นเหมือนพี่ชายคนโตของทั้งสองบ้าน  ด้วยอายุที่มากกว่าเราสามคนและนิสัยที่อบอุ่นอ่อนโยน  ใจดีและพึ่งพาได้  ทำให้เราทั้งสามคนทั้งรักเคารพและเชื่อฟังพี่ทุกอย่าง  พี่รัชต์มีอาชีพเป็นทหาร  นานมากกกกถึงจะกลับมาบ้านสักที  พี่แกชอบอยู่ตามตะเข็บชายแดนยิ่งกว่าบ้านของตัวเองซะอีก  จนบางทีเราแทบจะลืมไปแล้วว่ามีพี่ชายกับเขาอีกหนึ่งคน

    มีแต่คนบอกว่าพี่รัชต์หน้าตาผ่าเหล่า  เพราะในขณะที่เราทั้งสามคนรูปร่างและหน้าตาแทบจะก็อปกันมาคือผิวขาวๆ ตาโตๆ ปากแดงๆ  พี่รัชต์กลับมีรูปร่างสูงใหญ่  หน้าตาคมเข้ม  ยิ่งทำงานกลางแจ้งผิวยิ่งคร้ามแดด  หน้าดูดุขึ้นกว่าเดิมจนไอ้วิมันแซวว่าเป็นทหารหรือผู้ก่อการร้ายกันแน่  น้ามาลัยบอกว่าพี่รัชต์หน้าตาเหมือนคุณปู่มากกว่าพ่อตัวเองอย่างน้าทักษ์อีก

    พี่รัชต์กับวิมากินข้าวที่บ้านผม  ส่วนน้ามาลีกับน้าทักษ์เข้าสวนไปแล้ว  พอกินข้าวเสร็จพ่อกับแม่ก็ตามน้าทั้งสองเข้าสวนไป  เหลือแค่เราสี่คนที่มานั่งคุยกันที่ห้องรับแขก  ผมเดินออกไปรดน้ำต้นไม้ที่สวนข้างๆ บ้านก่อนตามที่แม่ฝากไว้  ระหว่างที่รดน้ำอยู่ไอ้มุมก็ไลน์มาบอกในไลน์กลุ่ม (มีผม, ไอ้มุมกับไอ้วิ) ว่าตอนนี้อยู่หน้าบ้าน  ผมเลยบอกมันไปว่าอยู่ที่สวนให้เข้ามาเลย     

    ไอ้มุมเดินถือขนมหอบใหญ่มาหาบอกว่าแม่กับพี่ปรอทซื้อมาฝาก  เราสองคนเดินออกมาหน้าบ้าน  มุมก็บอกว่าพี่ปรอทมาด้วยแต่คอยอยู่ที่รถ  พี่ปรอทขอเจอผมหน่อยได้ไหม  ผมหันไปมองที่รถ  แค่รู้ว่าพี่มันอยู่ในนั้น  หัวใจก็เต้นกระหน่ำด้วยความตื่นเต้น  ถึงจะตัดสินใจแล้ว  แต่ผมดันปอดแหกเลยปฏิเสธไป  ความรู้สึกมันบอกไม่ถูก  อยากเจอก็อยาก  อีกใจก็รู้สึกว่ายังไม่พร้อมจะเจอพี่มันตอนนี้  ให้ผมได้ตั้งตัวอีกนิดเถอะ  มันกะทันหันเกินไปผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ

    ระหว่างที่มุมเดินกลับไปบอกพี่ปรอทที่รถ  พี่รัชต์ก็เดินออกมาหา  บอกว่าเจ๊รตีให้มาตาม  ผมยังไม่ทันได้บอกไอ้มุม  ก็โดนพี่รัชต์ลากเข้าบ้านมาซะก่อน

    พอมาถึงห้องรับแขกก็เห็นเจ๊รตีนั่งกอดอกเหยียดยิ้มอยู่  ส่วนไอ้วินั่งทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้อยู่ข้างๆ หันมามองหน้าพี่รัชต์ถึงปากจะยังยิ้มแต่ตาดุๆ นั้นฉายแววคาดคั้นจนผมขนลุก ฮือ ไอ้วิเล่นผมซะแล้วไหมล่ะ  พี่รัชต์ดึงผมไปนั่งที่โซฟาแล้วก็นั่งกดดันจากฝั่งตรงข้าม

    “เล่ามาครับ” คะ... ใครก็ได้ช่วยด้วย  พี่รัชต์เวอร์ชั่นนี้ผมกลัววววว  ขนาดเจ๊รตียังไม่กล้าหือ  นับประสาอะไรกับผมที่อ่อนที่สุดในบ้านล่ะครับ  ระหว่างที่รวบรวมกำลังใจอยู่  ไอ้มุมก็เดินเข้ามาในบ้านซะก่อน  ผมถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งอกแล้วหันไปมองไอ้มุมแทน  ขอเวลาตั้งตัวแป๊บนึงก็ยังดีครับ

    “สวัสดีครับ  ผมมุมครับเป็นเพื่อนวิกับกี  พี่...” ไอ้มุมยกมือไหว้  สายตาจ้องไปที่พี่รัชต์  พี่รัชต์ก็ยกมือรับไหว้ก่อนตอบ

    “พี่ ‘เสือ’ ครับ” หือ พี่รัชต์เล่นอะไร ‘เสือ’ เป็นฉายาตอนเด็กๆ ของพี่รัชต์  ด้วยความที่หวงพวกเราสามคนมากยิ่งกว่าจงอางหวงไข่  ใครกล้ามาแกล้งนี่เป็นเรื่อง  มีแต่คนบอกว่าตอนเด็กๆ พี่รัชต์ดุอย่างกับเสือ  พวกผู้ใหญ่จึงเรียกว่า ‘ไอ้เสือ’ ซึ่งเหมาะกับหน้าตายิ่งกว่าชื่อจริงซะอีก (ผมว่าชื่อพี่รัชต์ฟังดูมุ้งมิ้งขัดกับหน้าตาพิกล)

    ไอ้มุมหันมามองหน้าผมที่กำลังนั่งเอ๋ออยู่อย่างต้องการคำอธิบาย  แล้วก็หันไปมองไอ้วิกับเจ๊รตีที่นั่งเฉยๆ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้โดยไม่มีคำอธิบายหรือขยายความเกี่ยวกับพี่รัชต์เพิ่มแต่อย่างใด  มันก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกลากลับบ้าน 

    ผมไม่แปลกใจที่ไอ้มุมมันไม่รู้จักพี่รัชต์  เพราะอย่างที่บอกนานๆ พี่แกจะกลับมาบ้านซะที  กลับมาทีก็ไปขลุกอยู่บ้านเพื่อน  ทำให้ไม่ได้เจอกันซะทีพอๆ กับพี่ปรอทนั่นแหละ  แถมพี่รัชต์ยังไม่ชอบถ่ายรูป  ชอบเป็นตากล้องให้ซะมากกว่า  รูปหมู่ครอบครัวจึงขาดรูปพี่รัชต์ตลอด

    สักพักก็มีเสียงไลน์จากโทรศัพท์ดังขึ้น  ไอ้มุมมันไลน์มาถามว่าพี่รัชต์เป็นใคร  เจ๊รตีชะโงกไปดูของไอ้วิแล้วก็แสยะยิ้ม  ทั้งคู่กระซิบกระซาบคุยอะไรกันสักอย่าง  ไอ้วิก็กดตอบไลน์ยิกๆ  ส่วนพี่รัชต์ก็หันหน้ามากดดันผมเหมือนเดิม  จนผมต้องวางโทรศัพท์ไว้ไม่ได้ดูต่อว่าไอ้วิตอบไอ้มุมว่ายังไงอีก เฮือก! ผมพยายามหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมกำลังใจ

    ผมเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่รัชต์ฟังทั้งหมด  พี่รัชต์นั่งฟังเงียบๆ สงสัยตรงไหนก็ถามเป็นระยะๆ มีไอ้วิคอยเล่าแทรกในส่วนที่ผมทำลืมๆ ไป  มึงไม่ต้องให้ความร่วมมือมากขนาดนี้ก็ได้นะวิ  พี่รัชต์ถามว่าผมรู้สึกยังไงกับพี่ปรอท  ถามถึงขั้นที่ว่าผมจะทำยังไงต่อไป  พอซักฟอกจนสะอาดพี่รัชต์นิ่งไปสักพักก็โน้มตัวมาข้างหน้า  ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแต่ตาเป็นประกายวาววับจนทำเอาผมขนลุกไปทั้งตัว

    “กีจะว่าอะไรไหม  ถ้าพี่จะขอทดสอบพี่ปรอทของกีหน่อย” ฟังดูเหมือนประโยคคำถาม  แต่ที่จริงมันเป็นประโยคบอกเล่า  บอกให้รับรู้ไว้เฉยๆ มากกว่า  ซึ่งผมจะไปว่าอะไรได้ครับ  ในเมื่อเจ๊รตีกับไอ้วิยิ้มชั่วร้ายเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างนั้น  เสียงส่วนน้อยอย่างผมก็ได้แต่จำใจยอมรับ  (โชคดีนะครับพี่ปรอท)

   ผมนั่งอ่านไลน์ที่ไอ้วิมันโต้ตอบกับไอ้มุมก็ได้แต่งง  ไอ้วิมันบอกว่าพี่รัชต์ชื่อเสือเป็นลูกชายของเพื่อนพ่อที่แวะมาเยี่ยมแล้วมันก็บอกว่าพี่เสือกำลังตามจีบผม  แถมพ่อกับแม่ก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยพร้อมเปิดทางให้เต็มที่  มันแต่งเรื่องเป็นตุเป็นตะสมกับที่มันชอบอ่านนิยายจริงๆ  แถมไอ้วิมันยังห้ามไม่ได้ผมตอบไลน์กลุ่ม  ไลน์ส่วนตัวกับไอ้มุมก็ห้าม  ให้ผมอยู่เฉยๆ เผด็จการจริงๆ คนบ้านนี้  แต่ผมก็ทำตามแต่โดยดี  เพราะอยากจะรู้ว่าทั้งสามคนคิดจะทำอะไรกันแน่

   วันรุ่งขึ้นพี่รัชต์มาที่บ้านแต่เช้าบอกว่าอยากไปดูหนัง  เราสี่คนนั่งรถไปที่ห้างใกล้บ้าน  พอซื้อตั๋วหนังเสร็จกว่าหนังจะเริ่มก็อีกนาน  เลยเดินดูของรอเวลากันเรื่อยๆ ระหว่างที่ดูเสื้อผ้ากันอยู่  ไอ้มุมก็เข้ามาทักพร้อมกับพี่ปรอทที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วส่งสายตาเว้าวอนมาให้จนผมต้องหลบตาวูบ  เพราะรู้สึกว่าหน้ามันร้อนผ่าวแถมหัวใจยังเต้นกระหน่ำจนเหมือนหัวใจจะวายซะให้ได้  พอยกมือไหว้พี่มันแล้วพี่รัชต์ก็เดินเข้ามาบัง  ยกมือรับไหว้ทั้งคู่แล้วก็ชวนพี่ปรอทกับไอ้มุมไปดูหนังด้วยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   ระหว่างเดินดูของ  ผมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก  พี่รัชต์จูงมือผมตลอดอย่างกับเด็กอนุบาล  พอจะดึงมือออกพี่ก็กำแน่นขึ้นแถมส่งสายตาดุๆ มาให้ ฮือ ยอมแล้วครับ  อย่ากินหัวผมเลย  ผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลย  ผมเคยขัดพี่แกได้ที่ไหนล่ะครับ  พอเผลอไปสบตาพี่ปรอทก็ได้รับสายตาตัดพ้อมาให้ตลอด  โอย! ผมจะบ้า  อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้มากครับบอกตรงๆ

   พอถึงเวลาเข้าโรงหนังผมค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อย  แต่โล่งได้แป๊บเดียว  พอจะเข้าที่นั่งผมโดนดันไปดันมาไม่รู้อีท่าไหนได้เข้าไปนั่งติดกับพี่ปรอทพอดี (ซื้อตั๋วไม่พร้อมกันแล้วได้มานั่งติดกันได้ยังไงหว่า  บังเอิญจริงๆ) ไอ้นั่งข้างกันนี่ไม่เท่าไหร่  ปัญหาคือพี่มันไม่ได้มองจอหนังเลยนั่งจ้องแต่หน้าผมเนี่ย  นี่หน้าคนครับพี่ไม่ใช่หนังหน้า เอ๊ย! หน้าหนัง  มองกันขนาดนี้คิดว่าผมจะดูหนังรู้เรื่องไหมครับ  ส่วนพี่รัชต์ก็เรียกร้องความสนใจสะกิดชวนกินป๊อบคอร์นกับน้ำอัดลมตลอด  เล่นเอาผมเหงื่อแตกพลั่กๆ ทั้งที่แอร์เย็นๆ นี่แหละ   

   ออกมาจากโรงหนังก็เที่ยงกว่าๆ พอดี  พี่รัชต์ชวนทุกคนไปกินข้าวด้วยกัน  ระหว่างกินข้าวพี่แกมานั่งข้างๆ ผมแล้วก็ตักนั่นตักนี่ให้ใส่จานให้พร้อมยิ้มหวานเจี๊ยบจนผมแทบจะเป็นเบาหวานตายคาจานข้าว  ถามจริงๆ นี่พี่เมาน้ำอัดลมหรือเปล่าครับ  ส่วนพี่ปรอทที่นั่งตรงข้ามก็ได้แต่มอง  พอสบตากับพี่รัชต์ก็แทบจะมีกระแสไฟแล่นเปรี๊ยะๆ แล้วคิดว่าผมจะกินข้าวลงไหมครับ  ผมอยากจะร้องไห้  ได้แต่ก้มหน้าก้มตามองจานข้าวเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน  ตอนพี่รัชต์เรียกเก็บเงินนี่ผมแทบจะถอนหายใจเฮือก  เดินออกมาจากร้านได้ผมก็รีบจ้ำกลับรถ  ไม่ไหวครับ  โดนอำนาจมืดกดดัน  ผมรับมือไม่ไหว  ขอกลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อน  แต่พอลงไปถึงลานจอดรถ  พี่ปรอทก็รั้งพี่รัชต์ไว้

   “ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ” พี่รัชต์ยิ้มรับ  แล้วหันมาโยกหัวผมด้วยความเอ็นดูกว่าปกติ  พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเกินความจำเป็น

   “น้องกีไปรอที่รถก่อนนะครับ  เดี๋ยวพี่ตามไป” ผมมองหน้าพี่รัชต์แล้วเหลือบไปมองพี่ปรอทด้วยความกังวล

   “ไปสิครับ” อูย ย้ำเสียงหนักๆ แบบนี้ต้องรีบหนีอย่างไวครับ  ไอ้วิมันลากผมไปพอพ้นสายตามันก็พาไปแอบฟังอยู่ข้างเสาใกล้ๆ แล้วหัวเราะคิกคักกับเจ๊รตีสองคน  ส่วนไอ้มุมก็ตามมางงๆ เออ  มึงไม่ได้งงคนเดียวหรอกมุม  ณ ตอนนี้กูก็งงเหมือนกัน
   
   “มีธุระอะไรกับพี่เหรอครับ” พี่รัชต์ยืนกอดอกถามพี่ปรอทยิ้มๆ

   “พี่คิดยังไงกับน้องกีครับ” พี่ปรอทถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

   “อืม... น้องกีเหรอ  ก็น่ารักดีนะ  ทั้งซื่อ  ทั้งน่าฟัด  ทั้งน่ากอด” ท้ายประโยคลากเสียงยาวแล้วเหยียดยิ้มด้วยสีหน้าที่กวนอวัยวะเบื้องล่างสุดๆ ท่าทางเหมือนจะยังไม่หายเมาน้ำอัดลม  ผมละเป็นห่วงพี่ผมจริงๆ นะ

   “พี่เสือ! ถ้าพี่ไม่คิดจริงจังก็อย่ามายุ่งกับน้องกี” พี่ปรอทเริ่มพูดเสียงดังขึ้น

   “แล้วปรอทมีสิทธิ์อะไรมาห้ามพี่” พี่รัชต์ยังมีสีหน้ายียวน  แต่เปลี่ยนท่าจากกอดอกเป็นเอามือเกี่ยวกระเป๋ากางเกงไว้  แต่ละท่าน่าหมั่นไส้หมั่นพุงจนผมอยากจะซื้อไปทิ้ง  พี่รัชต์เวอร์ชั่นนี้นี่ผมไม่เคยเห็นเลยจริงๆ

   “ตอนนี้ผมอาจจะยังไม่มีสิทธิ์  แต่บอกให้พี่รู้ไว้ก่อนว่าผมรักน้องกี  และผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายน้องเด็ดขาด  ถ้าพี่ไม่จริงจังกับน้อง  ผมก็จะขัดขวางให้ถึงที่สุด”

     อ๊ากกกก ฟังแล้วเขินจนอยากจะมุดพื้นคอนกรีต  ไอ้วิกับไอ้มุมส่งยิ้มล้อเลียน  ส่วนเจ๊รตีนี่ทำท่าเหมือนอยากจะอ้วก  ผมถลึงตาใส่ทั้งพี่ทั้งเพื่อนแก้เขิน  ก่อนจะหันไปฟังต่อ

    “หึๆ เรื่องแบบนี้ใครดีใครได้สิครับ  น้องกีทั้งน่ารัก” ทอดเสียงไว้สักพัก  “แล้วก็น่ากิน  แถมป้ามาลีกับลุงกฤษณ์ก็เปิดทางให้ขนาดนี้  ถ้าพี่ปล่อยให้หลุดมือ  ไม่ได้ชิมสักครั้ง  พี่ก็โง่สิครับ” หน้าพี่รัชดูชั่วช้ายิ่งกว่าตัวร้ายละครหลังข่าวซะอีก  นะ... น่ากลัว  ใครก็ได้เอาพี่รัชต์ที่แสนดีคนเดิมมาคืนผมที

    “พี่เสือ!!”  พี่ปรอทเรียกพี่รัชต์เสียงดังด้วยความโมโห  ทำท่าจะพุ่งเข้าไปต่อยพี่รัชต์  จนผมต้องวิ่งออกจากหลังเสาเข้าไปห้าม

    “หยุดนะพี่ปรอท!” พี่ปรอทชะงัก  แต่พี่รัชต์ดันมือไวสวนไปหนึ่งหมัดจนพี่ปรอทล้มลง

    “พี่ปรอท” ผมกำลังจะวิ่งไปดูพี่ปรอทแต่โดนพี่รัชต์ดึงกลับมา  พี่ปรอทเช็ดเลือดที่มุมปาก  ไอ้มุมที่วิ่งตามมาก็มาพยุงพี่ปรอทลุกขึ้น

   “น้องกีบอกไปซิ  ว่าน้องกีจะเลือกใคร” พี่รัชต์ถามผมที่กำลังยืนมึนกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่

    “พี่...”

    “ได้ยินแล้วใช่ไหม  ว่าน้องเลือกพี่” คือ ผมไม่ได้เลือกใครคร้าบ ผมจะเรียกชื่อพี่  ทำไมพี่ผมเป็นคนแบบนี้วะ

    “ในเมื่อน้องกีเลือกพี่แล้ว  ต่อไปห้ามปรอทมายุ่งกับน้องกีอีก  เข้าใจนะ” พูดจบก็ลากผมเดินออกไป

    “ไม่ครับ  จนกว่าพี่จะรับปากว่าจะไม่ทำร้ายน้องกี  ไม่งั้นผมก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด”

    พี่รัชต์แอบยิ้มขำๆ สมใจแล้วล่ะสิ  ต่อยเค้าจนปากแตกขนาดนั้น  แต่พี่แกก็แค่ยักไหล่อย่างยียวน  แล้วเราก็เดินจากมา  ผมหันไปมองพี่ปรอท  พี่มันมองมาด้วยสายตาห่วงใยจนผมใจอ่อนยวบ

    พอขึ้นรถได้  ทั้งสามคนก็แปะมือกัน  ผมได้กระพริบตาปริบๆ มอง

    “พี่รัชต์น่าจะต่อยเผื่อรตีอีกสักหมัด” เจ๊รตีสายโหดพูดขึ้นมาเป็นคนแรก  ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วละว่าทั้งสามคนเล่นอะไรกัน (ความรู้สึกช้าไปนะลูก)
 
    “ฮ่าๆๆๆ พอเถอะ  นั่นก็โดนไปเต็มๆ แล้ว  เดี๋ยวคนแถวนี้จะร้องไห้ซะเปล่าๆ” อยู่ดีๆ ก็โดนแซวจนผมหน้าร้อนขึ้นมาทันที

    “เหอะ  รตียังไม่สะใจเลย”

    “จะว่าไปก็สงสารพี่ปรอทเหมือนกันนะคะพี่รตี  ที่ผ่านมาก็โดนไปหลายดอกแล้ว  โดนวิตบไปสองที  ไอ้มุมอีกหนึ่งหมัด  บวกกับหมัดหนักๆ ของพี่รัชต์อีกหมัด” ไอ้วิมันเสริมให้  พอได้ยินอย่างนั้นเจ๊รตีก็ทำท่าพอใจขึ้นมาอีกหน่อย

    พี่รัชต์หันมายิ้มให้ผม  โยกหัวเบาๆ แล้วบอก

    “พี่ให้ผ่าน” หือ  ผ่านอะไร  อะไรผ่าน  ผมงง  พอเห็นผมทำหน้าเอ๋อใส่พี่รัชต์ก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู

    “พี่ปรอทของกีน่ะ  พี่ให้ผ่าน  พี่ยอมรับแล้ว  หนักแน่น  จริงใจดี  อนุญาตให้กีคบด้วยได้  แต่ถ้าทำกีเสียใจเมื่อไหร่  บอกพี่  พี่จะกลับมาจัดการให้ทันที” ผมยิ้มกว้างยินดีที่พี่รัชต์ยอมรับ  แล้วก็ยินดีที่ผมเลือกคนไม่ผิด


    เราแวะตลาดสดซื้อของมาทำอาหาร  เพราะเย็นนี้จะมีเลี้ยงต้อนรับพี่รัชต์กันนิดหน่อยที่นานๆ พี่แกจะยอมห่างจากตะเข็บชายแดนสุดที่รักมาได้  เรามาตั้งเตาย่างกันที่สนามหน้าบ้าน  ทั้งกินทั้งเม้าท์กันจนคอแห้งเพราะไม่ได้เจอกันมานาน  ในบ้านมีแต่เสียงหัวเราะ  ได้อยู่ท่ามกลางคนที่รัก  ผมมีความสุขมากที่สุด  พอผู้ใหญ่แยกย้ายกันไปนอน  ก็เหลือแต่เราสี่คน  แต่ละคนเผากันเองให้พี่รัชต์ฟังเต็มที่  เสียดายที่เจ๊รตีมีคนไข้ด่วน  ทำให้ต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยมีพี่รัชต์ไปส่ง  ดีที่งานเลี้ยงเราปลอดแอลกอฮอล์เลยไม่ต้องเป็นห่วงมาก

    ผมกับไอ้วิคุยกันอีกนิดหน่อยก่อนที่ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับห้อง  พออาบน้ำเสร็จ  ผมก็มานั่งปลดล็อคเบอร์โทรศัพท์  ปลดล็อคไลน์พี่ปรอท  แล้วก็โทรหาไอ้มุม  เพราะรู้ว่าป่านนี้มันก็ยังไม่นอนหรอก  น่าจะยังเล่นเกมอยู่  ผมโทรไปอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ไอ้มุมฟัง  แล้วก็ฝากบอกไปถึงพี่ปรอทว่าถ้ายังมั่นใจในความรู้สึกที่มีต่อผม  ก็ให้รู้ว่าผมขอให้โอกาสพี่ปรอทอีกครั้ง  ทำไมผมไม่โทรหาพี่ปรอทเลยเหรอครับ  โธ่! ก็ผมมันปอดแหกไง  จะอะไรล่ะ แหะๆ (ตอนหลังไอ้มุมมันมาเล่าให้ฟังว่าพี่มุมขับรถมาที่บ้านผมตอนตี 1 เอ่อ! พี่จะมาปล้นบ้านผมเหรอครับดึกขนาดนี้)

   พอรุ่งเช้าพี่ปรอทกับไอ้มุมก็มานั่งเรียบร้อยอยู่ที่โต๊ะรับแขกกับคุณพ่อคุณแม่  เข้ามาพูดคุยทำความรู้จักและขอโอกาสคบกับผม ที่จริงพี่มันแทบจะยกพานดอกไม้ธูปเทียนแพมาขอขมาพ่อแม่ผมด้วย แต่ผมไม่อนุญาต เวอร์ไปไหมครับพี่ กูอายครับ อีกอย่างผมไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดในคืนนั้นให้พ่อกับแม่ฟังครับ ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ เจ๊รตีที่หยุดอยู่บ้านพอดีถามผมว่าจะให้วางยาในแก้วน้ำเลยไหม เดี๋ยวพี่จัดให้ เอ่อ พี่ครับ ได้ข่าวว่าพี่เป็นแพทย์ไม่ใช่ฆาตกร  โหดจริงจัง  พี่ใครวะ  ส่วนพี่รัชต์ก็ขู่พี่ปรอทไว้ก่อนกลับไปทำงานว่าถ้าทำให้ผมเสียใจ  จะกลับมาจัดการเอง  พี่ปรอทก็ยิ้มหน้าบานรับคำอย่างหนักแน่นว่าจะไม่มีวันทำให้ผมเสียใจแน่  ผมก็ได้แต่เขินเมื่อได้รับสายตาล้อเลียนจากทุกคนในบ้าน  เอาที่สบายใจเลยครับ  ล้อได้ล้อไป  ไม่คิดว่าผมจะอายเลยรึไง  ฮึ่ย!

   หลังจากนั้นมาพี่ปรอทก็อัญเชิญตัวเองมาที่บ้านผมแทบทุกวัน เช้าถึงเย็นถึงเลยทีเดียว เช้าแวะมาหาก่อนออกไปทำงาน พอเย็นๆ หลังเลิกงานก็ลากไอ้มุมมาหาผมที่บ้าน มากินข้าวบ้านผมแทบทุกวัน คิดเงินได้ไหมครับ มันเปลือง ฮ่าๆๆ ผมบอกว่าไม่ต้องมาบ่อยขนาดนั้นก็ได้  ผมกลัวจะเหนื่อย  แต่พี่ปรอทบอกไม่เป็นไร  มันเป็นความสุขของพี่  พี่พูดโดยไม่อาย  แต่คนฟังอย่างผมอายครับ งื้อ  ส่วนไอ้มุม วันไหนเจ๊รตีอยู่บ้านก็ชอบไปกวนประสาทพี่ผม แถมสายตาที่มองกันก็...หึๆ คู่นี้ชักจะยังไงๆ แล้วครับ สักวันผมจะง้างปากไอ้มุมให้ได้ ไม่บังอาจไปง้างปากเจ๊รตีหรอกครับ ผมกลัวตาย

   แต่แบบนี้ก็ดีครับ ได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันจริงๆ แถมอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ เพราะพ่อกับแม่ผมก็เป็นห่วง กลัวว่าความรักของเพศเดียวกันมันจะไม่ยืนยาว ท่านกลัวผมจะเสียใจ พอได้โอกาสพี่ปรอทก็แสดงความจริงใจให้เห็นอย่างเต็มที่ ว่างๆ ก็ไปช่วยพ่อดูแลต้นไม้ ช่วยแม่ถือของที่ตลาด มาช่วยผมทำกับข้าว จนตอนนี้กลายเป็นขวัญใจของผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านไปแล้วครับ อะไรก็ลูกปรอท ลูกปรอทจนผมหมั่นไส้ แอบหยิกพุงพี่มันไปหลายที ช่วงนี้ชีวิตดี๊ดีครับ อิจฉาผมล่ะสิ ฮ่าๆๆๆๆ


**************************
คืนนี้มีนัดกับหน้ากากนักร้องค่ะ เลยเอาน้องกีมาฝากไว้ก่อน ฝากลูกสาว เอ๊ย! ลูกชายไว้ด้วยนะคะ

:mew3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 12 คนเคียงข้าง (23/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Pittabird ที่ 23-02-2017 15:25:42
 แหม แหม.  ดูรายการเดียวกันเลย.   อยากเห็นแบบ. "หน้ากากสาววาย". จะมีมั้ยนะ.   :pigha2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 12 คนเคียงข้าง (23/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-02-2017 15:37:44
แต่ละคนเล่นใหญ่รัชดาลัยเธียเตอร์ทั้งนั้น  ดีที่ทุกอย่างลงตัว  o13 #ทีมหน้ากากทุเรียน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 13 แค่คืบ #ตอนจบ# (25/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 25-02-2017 08:59:51
แค่คืบ

   ปิดเทอมยาวๆ แบบนี้ มันต้องไปเที่ยวครับ ผมอ้อนชวนคนที่บ้านหนีเที่ยวกัน ซึ่งทุกคนก็ยอมแต่โดยดี ทั้งพ่อแม่ น้าๆ กับเจ๊รตีเคลียร์งานกันหัวปั่น  ที่จริงก็คุยกันมานานแล้วครับว่าจะหาโอกาสไปเที่ยวด้วยกันบ้าง  เสียดายที่พี่รัชต์รีบกลับซะก่อนไปด้วยไม่ได้  ไม่งั้นถ้าได้ไปพร้อมหน้าพร้อมตากันคงจะดีกว่านี้

   พอได้ฤกษ์ผมจัดข้าวของเตรียมอาหารอย่างมีความสุข เมื่อถึงเวลาออกเดินทางก็ลงมาจากห้องเจอพี่ปรอทนั่งเรียบร้อยอยู่ที่ห้องรับแขก ดูท่าทางแล้วไม่น่าจะมานั่งเล่นเฉยๆ เอ่อ ใครชวนพี่ไม่ทราบครับ ได้ข่าวว่าเขาไปเที่ยวกันตามประสาครอบครัว

   พอเห็นผมเดินลงมาพี่มันก็ลุกขึ้นมาหาแล้วคว้ากระเป๋าไปถือให้ ผมยกมือไหว้ตามมารยาท

   “พี่ช่วยถือครับ” พูดจบก็ยิ้มกว้างกลับมาให้ จนผมต้องหันหน้าหนี กลัวเผลอปล้ำพี่มัน แหะๆ

   ผมเลือกไปเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรีครับ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไหร่ เดินทางไม่เหนื่อยมาก จุดหมายคือน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น เพราะผมเห็นในรีวิวการท่องเที่ยวแล้วอยากไป ซึ่งทุกคนก็ตามใจและเห็นด้วย

   ตอนแรกที่วางแผนการเดินทาง ก็คิดว่าจะขับรถไปกันเอง แต่พี่ปรอทเอารถตู้กับคนขับรถมาแล้วพาพ่อแม่มาด้วย เลยไปรถคันเดียวกันเลย เด็กๆ อย่างพวกผมก็ไปนั่งข้างหลัง พี่ปรอทมันนั่งมองผมแล้วส่งยิ้มให้ตลอดเวลา หัวใจผมก็เต้นกระหน่ำไปสิ พี่มันกะจะไม่ให้หัวใจผมได้พักได้ผ่อนกันเลยรึไงครับ ถ้าผมเป็นโรคหัวใจไปใครจะรับผิดชอบ

   ระหว่างทางมันต้องขึ้นแพขนานยนตร์ข้ามเขื่อนศรีนครินทร์ไป บรรยากาศดีมากครับ ลมพัดมาอากาศเย็นสบาย พ่อกับแม่ของเราก็นั่งคุยกันไป พี่รตีก็นั่งทะเลาะกับไอ้มุม ส่วนผมกับไอ้วิก็เดินไปหามุมถ่ายรูป โดยมีพี่ปรอทเป็นตากล้องให้ พอถ่ายเสร็จผมก็เดินไปหาพี่มันเพื่อขอดูรูป

   “ไหนขอกีดูหน่อยครับว่าสวยไหม” ผมชะโงกเข้าไปดูใกล้ๆ

   อะแฮ่ม! พอได้ยินเสียงไอ้วิกระแอมผมก็เงยขึ้นมองหน้าพี่ปรอทก็เห็นพี่มันมองมาตาเยิ้ม คือ มึงเพลาๆ ลงบ้างก็ได้ครับสายตาเนี่ย มองยังกับจะแดกกันไปทั้งตัว งื้อ ผมเขิน

   ผมถอยห่างออกมา รู้สึกว่าหน้าร้อนๆ สงสัยแดดจะแรงไปหน่อย

   “ทำอะไรเห็นใจคนโสดบ้างเท้อ ยืนหัวโด่อยู่นี่ เห็นหัวกันบ้างไหมคะพี่” ไอ้วิมันแซวขึ้น ส่วนพี่ปรอทก็หัวเราะชอบใจ

   “จะเห็นได้ยังไงครับ สายตาพี่มีแต่น้องกี” อื้อหือ เสี่ยวมากพี่มึ๊ง

   “อ้วกกก ขออ้วกแป๊บนะกี กูเมาคลื่น” ส่วนผมจะทำอะไรได้ครับ ยืนเขินไปสิ

   เราไปถึงจุดหมายช่วงบ่ายๆ พอไปถึงก็ช่วยกันขนของเข้าไปเก็บในบ้านพัก ถ้ามากันเองผมก็อยากจะลองกางเต็นท์อยู่หรอก แต่นี่มีผู้ใหญ่มาด้วย กลัวท่านไม่สะดวกเลยจองเป็นบ้านพักแทน

   หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จ เราก็ออกไปเดินเล่นถ่ายรูปชมบรรยากาศกัน กะว่ารอให้เย็นๆ กว่านี้หน่อยค่อยออกมาเล่นน้ำ ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็ขอแยกไปนั่งจิบกาแฟคุยกันสบายๆ ที่ร้านค้าสวัสดิการของอุทยาน เราไปเดินถ่ายรูปกันที่น้ำตกตั้งแต่ชั้นที่เป็นชั้นเดียวกับบ้านพักคือชั้นที่ 4 ฉัตรแก้ว ชั้นนี้น้ำตกสวยมาก สายน้ำทิ้งตัวจากหน้าผาลงสู่พื้นดินเป็นสาย

   เก็บภาพตรงป้ายได้ไปหลายภาพ  โอ้เอ้ตรงจุดนี้อยู่นาน จึงตัดสินใจเดินไล่ขึ้นไปข้างบนก่อน ชั้นที่ 5 ไหลจนหลง ชั้นที่ 6 ดงผีเสื้อ พอถึงชั้นที่ 7 ร่มเกล้า ก็ค่อยเดินย้อนกลับมา เพื่อลงไปที่ชั้นที่ 3 วังหน้าผา ชั้นที่ 2 ม่านขมิ้น และชั้นที่ 1 ดงว่าน ชั้นล่างๆ มองเห็นน้ำเป็นสีเขียวมรกต น้ำใส น่าเล่นมาก จนผมอยากจะกระโดดลงไปเล่นตอนนั้นเลย แต่ไอ้วิห้ามไว้กลัวว่าผมจะไม่สบาย วิกูแข็งแรงแล้วเหอะ ผมก็ได้แต่มองตาละห้อยฝากไว้ก่อนเถอะน้องน้ำ  เย็นนี้เจอกันครับ

   เดินกันจนเมื่อยขา ก็เดินกลับขึ้นมาที่บ้านพักเหมือนเดิม บ้านพักมีอยู่ 3 ห้อง ห้องละ 3 เตียง หลักๆ เราแบ่งกันพักโดยยึดผู้ใหญ่เป็นหลัก ห้องแรกเป็นของพ่อแม่  เจ๊รตีกับผม ห้องที่สองเป็นของน้าๆ กับไอ้วิ อีกห้องก็เป็นของพ่อแม่พี่ปรอท ส่วนพี่ปรอทกับไอ้มุมก็ไปเช่าเต็นท์มาตั้งใกล้ๆ พี่ปรอทมองผมเดินเข้าห้องมาตาละห้อย ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะครับ อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง ผมก็ได้แต่หัวเราะขำ กลับมารื้อของในห้องเตรียมตัวเล่นน้ำด้วยความตื่นเต้น พอจัดของเสร็จก็ชวนไอ้วิไปหาอะไรกินที่ร้านสวัสดิการ พี่ปรอทกับไอ้มุมก็ช่วยกันกางเต็นท์ต่อ

   พอแดดเริ่มหุบผมก็เปลี่ยนชุดใส่เล่นน้ำ ก็เสื้อยืดกางเกงขาสั้นนั่นแหละครับ ตอนแรกผมใส่เสื้อสีขาวไป แต่โดนทั้งไอ้วิและพี่ปรอทไล่ให้ไปเปลี่ยน ลืมกันไปรึเปล่ากูผู้ชายครับ ไม่มีหน้าอกเหมือนสาวๆ ซะหน่อย วู้!

   หลังจากเปลี่ยนเสื้อตามใจท่านๆ เสร็จแล้ว ผมก็รีบเดินไปยังน้ำตกชั้นที่หมายตาไว้ทันที ผมไปชั้นที่ถัดลงมาจากชั้นบ้านพักครับ เพราะขี้เกียจเดินไกล เล่นน้ำหมดแรงจะได้เดินกลับไหว

   ตอนนี้ไม่มีใครมาเล่นแล้วครับ สงสัยคนอื่นจะเล่นกันเต็มที่แล้ว ผมจูงมือไอ้วิก้าวลงไปในน้ำ ไม่กล้ากระโดดลงกลัวหัวไปฟาดหินแล้วอาจจะตายโดยใช่เหตุ มีพี่ปรอทกับไอ้มุมตามลงมาติดๆ ส่วนพี่รตีเจ๊แกแก่แล้วครับ ปล่อยให้อยู่กับผู้ใหญ่ไป ชู่ววว อย่าไปบอกเจ๊นะว่าผมนินทา

   เจอน้ำเย็นๆ บรรยากาศดีๆ แล้วรู้สึกสดชื่นมากครับ เราซัดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน ผมดำน้ำไปดึงขาพี่ปรอทแล้วก็โผล่ขึ้นมา พี่ปรอทก็ดึงแขนผมไว้ไม่ให้ดำหนีไปอีก พอลืมตาขึ้นมาผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าหน้าเราอยู่ใกล้กันในระยะประชิด พี่ปรอทอมยิ้ม มองตาผมนิ่งๆ ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

   “อะแฮ่มมม” ผมแทบหงายหลังเมื่อได้ยินเสียงกระแอมของก้าง เอ๊ย! ของเพื่อนทั้งสองคน

   “เอ่อ ลืมไปหรือเปล่าครับว่าตรงนี้ยังมีมนุษย์อยู่ด้วยสองคน” ไอ้มุมมันแซวขำๆ

   “นั่นสิ โลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองกับผองปลานะคะพี่ปรอท หวานไม่แคร์สื่อเลย เกรงใจกันหน่อยก็ดีนะ” ไอ้วิก็ไม่ยอมน้อยหน้า

   ผมขอดำน้ำหนีอายได้ไหมครับ พี่ปรอทก็เอาแต่หัวเราะแล้วก็ดึงตัวผมเข้ามาโอบเอวไว้

   “ทำไมครับ อิจฉาเหรอ” ยังมีหน้าไปถามเขาอีกนะ

   “ไม่อิจฉาเลยค่ะ แค่ตาลุกเป็นไฟแค่นั้นเอ๊ง อีกอย่างวิเป็นห่วงกลัวว่าปลาแถวนี้จะเป็นเบาหวานตายหมดซะก่อน” มันส่งสายตาล้อเลียนกลับมา แล้วทั้งสามคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน

   ถามกันบ้างไหม ว่ากูอายหรือเปล่า ณ จุดๆ นี้ผมอยากดำน้ำหนี ไปโผล่อีกทีที่กรุงเทพฯ เลยครับ ฮือออออ

   เล่นน้ำกันจนตัวซีดได้ที่ ท้องก็ร้องพอดี พี่รตีมาเรียกเราขึ้นไปกินข้าวกันครับ บอกว่าพวกพ่อๆ แม่ๆ สั่งอาหารไว้รอแล้ว ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วตามไปที่ร้านได้เลย

   อาหารที่นี่อร่อยใช้ได้เลยครับ ปลาตัวใหญ่ๆ ต้มยำรสแซ่บ ผัดเผ็ดไก่รสจัด หลังจากใช้พลังงานในการเล่นน้ำไปเยอะ เราก็ซัดกันเต็มที่ อาหารที่สั่งมาหมดเกลี้ยง อิ่มจนแทบจะคลานกลับบ้านพักไปเลยครับ

   กินข้าวเสร็จพี่ปรอทก็ขออนุญาตชวนผมไปเดินเล่น เราเดินคุยกันไปเรื่อยๆ จนไปถึงจุดชมวิว ก็นั่งลงแล้วแหงนหน้ามองดาวกันเงียบๆ

   “น้องกีครับ” ผมหันไปมองหน้าพี่ปรอท พอสายตาเริ่มชินกับความมืดก็เห็นหน้าพี่มันชัดเจน ที่จริงต่อให้หลับตาหน้าพี่ปรอทก็ชัดอยู่ดี เพราะภาพของพี่มันอยู่ทั้งในสายตาและในหัวใจของผมตลอดเวลาอยู่แล้ว

   “พี่อยากจะรู้ ว่าตอนนี้น้องกียกโทษให้พี่หรือยัง” ผมหัวเราะเบาๆ

   “ถ้ายังไม่ยกโทษให้ พี่ปรอทคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้หรอกครับ” พี่ปรอทยิ้มออกมาด้วยความดีใจ

   “ถ้าอย่างนั้น เราเป็นแฟนกันแล้วนะ” เรื่องโมเมนี่พี่แกถนัดมากครับ ผมละยอมใจ ผมแกล้งแหงนหน้าขึ้นมองดาวบนท้องฟ้าแล้วเงียบไป

   “โธ่ น้องกีครับ อย่าแกล้งพี่เลย พี่ใจจะขาด” อ้อนขนาดนี้ คิดว่าผมยังจะใจแข็งอยู่ไหมครับ ผมหันมายิ้มให้พี่ปรอท แล้วก็ผงกหัวให้อย่างเขินๆ

   “ครับ” แค่ได้ยินคำตอบพี่ปรอทก็ยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ สวยยิ่งกว่าดาวบนฟ้าเป็นไหนๆ

   “ขอบคุณครับ พี่จะไม่ทำให้น้องกีผิดหวัง” เราสบตากันเงียบๆ ในสายตาต่างก็สื่อความรู้สึกในหัวใจของกันและกันอย่างชัดเจน ก่อนที่พี่ปรอทจะขยับเข้ามาใกล้ ผมหลับตาลงรับสัมผัสจากพี่ปรอทด้วยความเต็มใจ พี่ปรอทค่อยๆ จูบลงมาอย่างนุ่มนวล อ่อนหวาน คลอเคล้าริมฝีปากของผมเนิ่นนานจนแทบหายใจไม่ออก

   จูบจนพอไปก็ผละตัวออกมาสบตา แล้วดึงตัวผมไปกอดแนบอก ผมรู้สึกเลยว่าหัวใจพี่มันเต้นแรงพอๆ กับหัวใจของผม เรายังคงนั่งดูดาวกันต่อเงียบๆ ปล่อยให้หัวใจสื่อถึงกัน คืนนี้ฟ้าโปร่ง ดาวบนฟ้าสวยจับใจ อาจจะเพราะคนที่อยู่ใกล้ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่า ดาวในวันนี้สวยยิ่งกว่าทุกๆ วัน

จบ...
[/b]


จบแล้วค่า  เป็นนิยาย/เรื่องสั้นขนาดยาวที่สุดเรื่องแรกที่แต่งจบ แถมเป็นวายด้วย ขอบคุณที่ติดตามมาถึงตอนนี้ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์กับ +เป็ดที่เห็นทีไรก็ทำให้ยิ้มจนแก้มปริ เป็นกำลังใจให้อย่างดีเลยค่ะ ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ด้วยค่ะ
ฝากน้องกี ลูกชายคนแรกไว้ด้วยนะคะ

ขอเวลาฝึกปรือฝีมือสัก 3 ปี แค่กๆ แล้วจะเข็นเรื่องอื่นๆ มาให้ลองอ่านกันนะคะ  ขึ้นบทนำไว้หลายเรื่องแล้ว เอิ้กกกก

ตอบ คห.บน #ทีมหน้ากากทุเรียนค่ะ หุๆ

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น #ถ่ายเองค่ะ แต่แนบไม่เป็น ถถถ

https://www.mx7.com/view2/zHh708AWGkIg09s1

(http://url=https://www.mx7.com/view2/zHh708AWGkIg09s1][img]https://www.mx7.com/t/dc6/YloOhd.jpg)

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยค่า ลูกชายคนใหม่ เพิ่งจะเริ่มต้วมเตี้ยม แหะๆ

"ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ" แนวแฟนตาซีนะคะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.0
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 13 แค่คืบ #ตอนจบ# (25/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 25-02-2017 12:37:35
น่ารัก มากคะ น้องกี ขอใส่กระเป๋าหิ้วกลับบ้านได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 13 แค่คืบ #ตอนจบ# (25/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-02-2017 21:00:00
ขอตอนพิเศษด่วนๆคร๊าบ..บบบบบบบบบบบบบบบ   :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 13 แค่คืบ #ตอนจบ# (25/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 26-02-2017 00:50:20
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 13 แค่คืบ #ตอนจบ# (25/2/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-03-2017 10:55:20
น้องกีน่ารัก อยากให้มีตอนพิเศษต่ออีก :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 13 แค่คืบ (25/2/2560) #ตอนจบ#
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 14-03-2017 06:53:43
สนุกดีค่ะ เอาไปเขียนเป็นเรื่องยาวได้เลยนะเนี่ย  o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 13 แค่คืบ (25/2/2560) #ตอนจบ#
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-03-2017 15:04:45
พี่ปรอท น้องกี  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
น้องกี น่ารักมาก
พี่ปรอท ก็ทั้งหล่อ ทั้งอบอุ่น
จบแบบสมหวังและ
แมงมุม พี่รตี  :mew1: :mew1: :mew1:
ขอตอนพิเศษหวานๆ เอ่อ......nc ยิ่งดีใหญ่   
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) เริ่มที่รัก ตอนที่ 13 แค่คืบ (25/2/2560) #ตอนจบ#
เริ่มหัวข้อโดย: yunnutjae ที่ 18-11-2018 23:38:48
 o13 แฮปปี้ สนุกค่ะตัวละครทุกตัวมีบทเด่นรักน้อง หวังดีกัยน้องทุกคน น้องกีน่ารักกกกกกก