พิมพ์หน้านี้ - [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: KATAWOOT ที่ 05-02-2017 17:02:46

หัวข้อ: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 05-02-2017 17:02:46
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
* * * *
หยุด! นี่คือการปล้น ส่งหัวใจหมวดมาซะดีๆ
ทำยังไงได้ เห็นบั้นท้ายหมวดแล้วถูกใจมาก ขอเสี่ยงตายจีบนายตำรวจจอมกวนคนนี้หน่อยเถอะ
เรื่องรักกุ๊กกิ๊กของ ศรันย์ ประชาชนเจ้าปัญหา ขอท้าทายอำนาจตำรวจจีบหมวดหนุ่มให้หายเบื่อ
กับหมวดเรียว ตำรวจเจ้าเล่ห์ แต่เท่ จนถูกประชาชนไล่ตามพิชิตกายและใจ

หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 05-02-2017 17:07:46
บทที่ 1

นายตำรวจหนุ่มผิวขาวใบหน้าคมเข้มกระโดดลงจากรถประจำทางอย่างคล่องแคล่ว ร่างสูงกว่า 183 เซ็นติเมตรวิ่งข้ามถนนช้าๆ พร้อมกับโบกมือทักทายตำรวจจราจรซึ่งกำลังยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่ใกล้ๆ
ร.ต.ท. เรียว หยุดยืนอยู่ที่เชิงบันไดครู่หนึ่งแล้วอมยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “สมใจพ่อแล้วนะ ตอนนี้ไอ้เรียวของพ่อได้เลื่อนยศเป็นร้อยตำรวจโทแล้วนะครับ” จากนั้นจึงเดินขึ้นบันไดเพื่อตรงไปยังห้องทำงานบนชั้นสอง
เมื่อเดินเข้าไปในห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษซึ่งเรียวสังกัดอยู่ ร.ต.ท. ชินวัฒน์ เพื่อนสนิทยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้และกวักมือเรียกพร้อมทำหน้าตาตื่นเช่นเคย
“สารวัตรองค์ลงตั้งแต่เช้าแล้ว ระวังตัวให้ดี” ชินวัฒน์เตือน
“เรื่องอะไร” เรียวถอนหายใจเบาๆ ถามเพื่อนทั้งที่พอจะเดาออกว่าเป็นเรื่องวีรกรรมดันทุรังของตัวเอง
“อ๋อ คงเรื่องที่เมื่อคืนนี้ทีมเราจับเอเยนต์ค้ายาไอซ์ได้มั๊ง” หมวดชินวัฒน์แดกดัน “เพราะคุณทีเดียว ซวยตั้งแต่เช้า คุณท่านสารวัตรเรียกผมเข้าไปด่าจนหูอื้อ นี่ขี้หูยังเต้นระริกระรี้อยู่เลย อะไรนักหนาก็ไม่รู้ ผมไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเล๊ย ท่านกลับด่าว่าคอยสอนให้คุณแหกคอก หารู้ไม่ว่า หมวดเรียวดันทุรังเขาเป็นของเขาอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร”
“หุบปากได้แล้วไอ้หมวดลูกชิ้น” เรียวทำเสียงดุใส่เพื่อนคู่หู “พูดมากมากอยู่ได้ แล้วนี่จะโดนด่าเมื่อไหร่”
“คงอีกไม่นานหรอก” ชินวัฒน์ตอบเสียงสะบัด แต่ทันใดประตูห้องทำงานของพันตำรวจตรีธันว์ก็เปิดออก ร่างสูงใหญ่ก้าวสองก้าวออกมายืนหน้าประตู มองตรงมายังหมวดทั้งสองซึ่งนั่งอยู่ติดกันก่อนจะหันหลัง เดินกลับเข้าไปในห้องโดยเปิดประตูทิ้งไว้
“ไปเร็วหมวดเรียว เดี๋ยวท่านสารวัตรเคือง ท่านส่งสายตาพิฆาตข้ามห้องโถงกว้างสิบคูณสิบห้าเมตรมาโน่นแล้วว่าเข้าไปให้ถูกด่าซะดีๆ”
เรียวไม่พูดตอบโต้เพื่อนปากมาก หมวดหนุ่มลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของผู้บังคับบัญชา
/// ///
“คุณขัดคำสั่งผม” สารวัตรธันว์พูดขึ้นเสียงเข้มเมื่อหมวดเรียวเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน “ผมสั่งยกเลิกภารกิจ คุณก็ยังดันทุรัง รู้ไหม จะเกิดอะไรขึ้นถ้าทุกอย่างผิดพลาด ถ้าโชคไม่เข้าข้าง ถ้าผู้กองคมกริชตามคุณไปไม่ทัน”
“ผมเข้าใจครับ” เรียวตอบ
“ผมเป็นห่วงผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน ผมไม่ต้องการเสียใครไปแม้แต่คนเดียว” ธันว์เสียงเข้ม
“ผมกำลังจะได้หลักฐาน พวกนั้นมันกำลังจะยื่นของให้ผมครับ”
“นั่นไม่สำคัญ ชีวิตสำคัญกว่า ไม่ได้คราวนี้คราวหน้าเราก็หาทางใหม่”
“แต่กว่าจะเข้าถึงตัวไอ้ตัวหัวหน้าได้ สารวัตรก็รู้ว่ามันยากขนาดไหน เหลืออีกแค่คืบเดียวเท่านั้น” เรียวยกมือขึ้นมาทำท่า 'คืบเดียว' ประกอบ
“แล้วไง”
“ผมอุตส่าห์ตามมันไปจุดสุดซอย”
“ไปเจอพวกมันรออยู่เป็นโขยง” ผู้บังคับบัญชาแทรก “แล้วคุณก็ไปคนเดียว”
“ผมรอกำลังสนับสนุนอยู่” หมวดเรียวพูดเสียงค่อย
“แต่ผมสั่งยกเลิกภารกิจแล้ว” สารวัตรธันว์สวนกลับเสียงเข้ม “ได้ยินชัดไหมหมวดเรียว ผู้บังคับบัญชาคุณสั่งยกเลิกภารกิจ เมื่อคุณไม่ทำตาม หมายความว่าคุณขัดคำสั่ง”
“แต่ว่า...”
“แล้วเป็นไง คุณเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง” ธันว์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ช้าๆ ส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“แต่ผมก็รอดมาได้”
“ใช่ รอดมาได้ แต่ก็เพราะคุณโชคดีที่ผู้กองคมกริชตามไปทัน คุณนี่ดันทุรังจริงๆ เหมือนอย่างที่หมวดชินพูดไม่มีผิด” สารวัตรธันว์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
...เป็นหัวหน้าทีมมาได้หลายเดือนเขาเพิ่งรู้ว่าหมวดเรียวได้ฉายาหมวดเรียวดันทุรังมาจากที่เพื่อนๆ ในหน่วยตั้งให้...
...ชินวัฒน์คือหมวดลูกชิ้นปิ้งเพราะชอบทานลูกชิ้นปิ้งเป็นชีวิตจิตใจและรูปร่างท้วมขึ้นทุกวันจนถูกล้อว่ากำลังจะกลมเหมือนลูกชิ้น ส่วนหมวดณฤมลนั้นได้ฉายาค่อนข้างทะลึ่งเพราะเป็นผู้หญิงห้าวรูปร่างเพรียวบางแต่หน้าอกค่อนข้างใหญ่...
...คนอื่นๆ ต่างก็มีฉายากันหมด ธันว์รู้ว่าตัวเองกับผู้กองคมกริชก็คงได้รับฉายาเหมือนกัน แต่ไม่มีใครยอมปริปากบอกซึ่งเขาคาดว่าเพราะกลัวถูกดุ...
“หมวดเรียว คุณมาทำงานกับหน่วยผมได้หนึ่งเดือนครึ่ง รู้ไหมคุณทำให้ผมถอนหายใจกี่ครั้ง”
“ไม่ทราบครับ ผมไม่ได้นับ” เรียวอดประชดไม่ได้
สารวัตรธันว์นั่งนิ่ง ใบหน้าเรียบตึง นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ แล้วพูดว่า “อย่างน้อยห้าสิบครั้งเพราะผมต้องถอนหายใจทุกวัน วันละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย บางวันก็หลายครั้ง”
“ผมขอโทษครับผมที่ทำให้สารวัตรเหนื่อย” เรียวทำเสียงขึงขัง ยกมือขึ้นวันทยหัตถ์ผู้บังคับบัญชา
“เหนื่อยอะไร” ธันว์ถาม
“เหนื่อยที่ต้องมาถอนหายใจเพราะผมครับ” เรียวพยายามทำหน้าจริงจังทั้งที่อยากจะหัวเราะขณะที่พูดประโยคนี้
“หมวดเรียว” ธันว์เสียงเข้ม ขมวดคิ้ว ชักจะรู้สึกฉุนกับความขี้เล่นแบบหน้าเรียบๆ ของร้อยตำรวจโทคนใหม่ “ผมไม่ได้ล้อเล่น”
“ผมทราบครับ”
“ไปได้แล้ว” ธันว์โบกมือ
“เอ่อ ขออนุญาตครับ คือว่า...” เรียวแกล้งทำเป็นอ้ำอึ้ง
“อะไรอีกล่ะ”
“หัวผม” เรียวชี้ไปที่ศีรษะของตัวเอง “ไปย้อมคืนเป็นสีดำได้หรือยังครับ”
“เชิญ จะทำอะไรก็ตามใจ” ธันว์ผายมือไปที่ประตูแล้วก้มลงสนใจเอกสารบนโต๊ะ และรอจนกระทั่งตำรวจคนใหม่ประจำหน่วยเดินออกพ้นประตูห้องแล้วจึงเงยหน้ามองตามร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินตรงกลับไปที่โต๊ะทำงานซึ่งเขารู้ดีว่าทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ 'คู่หู' ของ ร.ต.ท. เรียวจะต้องยื่นหน้าข้ามโต๊ะมาถามผลของการที่เขาเรียกเข้ามาพบ จากนั้นตำรวจทั้งสองนายก็จะต้องนินทาเขาอย่างแน่นอน
...ซักวันเถอะ เขาจะติดเครื่องดักฟังสองคนนี้...
/ / / / /
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ร.ต.ท. เรียวเดินขึ้นบันไดด้านข้างของสถานีตำรวจพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี วันนี้ไม่มีภารกิจพิเศษ เขากับเพื่อนประจำหน่วยตกลงกันว่าจะสะสางงานเอกสารจนเสร็จ จากนั้นจึงจะออกหาข่าวในตอนเย็น
เมื่อขึ้นบันไดถึงชั้นสอง เรียวตั้งใจจะแวะเข้าไปในในห้องโถงซึ่งอยู่ด้านหน้าเพื่อทักทายร้อยตำรวจโทมาโนชเพื่อนร่วมรุ่นที่ได้รับการเลื่อนยศพร้อมกัน ขณะที่เปิดประตู เรียวก็ได้ยินเสียงดังและเห็นความวุ่นวายซึ่งเป็นสภาพปกติของทุกวันในห้องนี้ แต่เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งกำลังโวยวายลั่นห้องทำให้เขาต้องชะงัก
...ผู้ชายคนเมื่อคืนนั่นเอง!...
“จะให้ผมรอนานแค่ไหน ผมมีธุระด่วนจะรีบไป ชีวิตผมต้องเดินไปข้างหน้านะครับ นาฬิกาผมมันไม่หยุดรอนะจ่า นี่ผมเสียเวลาไปเกือบจะเท่าเวลาชั่วนิรันดรบวกกับอีกหนึ่งชั่วโมงอยู่แล้ว” เสียงห้าวๆ ของผู้ชายคนนั้นแสดงความหงุดหงิด
“อีกเดี๋ยวเดียวก็เสร็จครับ” ร้อยเวรตอบ
“ความจริงผมไม่ผิด จะต้องให้ผมบอกกี่ครั้ง ไอ้เครื่องหมายจราจรอะไรนั่นมันก็ไม่ชัด ใครจะไปเข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง”
“มันหมายความว่าห้ามจอดครับ” ร้อยเวรตอบ เน้นเสียงทุกคำ
“คนอื่นก็จอด” ผู้ชายคนนั้นเถียง
“คนอื่นก็ถูกจับเหมือนกัน”
“แล้วทำไมมีแต่ผมที่ต้องมาโรงพัก” ชายหนุ่มที่โดนตำรวจจับโวยวายเสียงดังขึ้น
“คุณไม่มีใบขับขี่ และคุณก็ฉีกใบสั่งต่อหน้าตำรวจ” ร้อยเวรเสียงดังขึ้นเหมือนกัน
“คุณรู้ไหมว่าผมเป็นใคร ผมใหญ่นะคุณตำรวจ ผมเป็นคนมีหน้ามีตา คุณจะมากักตัวผมเอาไว้แบบนี้ไม่ได้”
“ไหนล่ะบัตรประชาชน ผมจะได้รู้ว่าคุณใหญ่จริง บัตรอะไรคุณก็ไม่มี”
“ผมลืมกระเป๋าเงิน” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กระแทกเสียงหนัก หันซ้ายหันขวาอย่างหงุดหงิด ยกมือขึ้นเท้าเอว เดินไปเดินมาอยู่หน้าโต๊ะของร้อยเวร
เรียวเบิกตากว้าง นึกภาพใบหน้าของชายหนุ่มคนเมื่อคืนซึ่งโดนเขาเอาปืนขู่ให้ขับรถพาหนีจากการไล่ล่าของแกงค์ค้ายาเสพติด
“คุณโทรเรียกคนมาประกันได้เลย ยังไงคุณก็ไปไหนไม่ได้หรอก” ร้อยเวรโบกมือ แสดงท่าทางอยากจะเลิกคุยกับคนเจ้าปัญหา
“แหม เรื่องแค่นี้เองจ่า อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่น่า...” เสียงชายคนนั้นอ่อนลง
“หมวด ผมเป็นร้อยตำรวจตรี คุณไม่เห็นดาวบนบ่าหรือไง” ร้อยเวรทำหน้าฉุน
“ผมตาไม่ดีครับคุณหมวด มองอะไรไม่ชัด เหมือนกับตอนที่ผมมองเห็นเครื่องหมายจราจรข้างถนนไม่ชัดไง แล้วก็มีคนตาไม่ดีแบบผมอีกเยอะแยะ แต่คุณก็ไม่เห็นจะปรับปรุงสีเครื่องหมายจราจรให้มันชัดเจน แล้วจะมาจับผมแบบนี้ มันแฟร์ที่ไหน”
“ตำรวจไม่ได้ทาสีเครื่องหมายจราจร” ร้อยเวรแก้ไขความเข้าใจผิด
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมแค่เปรียบเทียบว่ามันไม่ใช่ความผิดของผมซะทีเดียว ถ้าเครื่องหมายมันไม่ชัด คนขับรถเขาก็มองไม่เห็นใช่หรือเปล่า ยิ่งพวกตาไม่ดียิ่งมองไม่ชัดใหญ่ ทีนี้จะมาจับผมข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด มันก็ไม่ยุติธรรมสิครับคุณหมวด”
เรียวอดส่ายหน้าแทนร้อยเวรไม่ได้กับคำพูดยียวนของชายหนุ่มคนนี้ ความจริงเขาอยากจะเดินเข้าไปช่วยคลี่คลายสถานการณ์เพราะความสงสาร
ไม่ใช่สงสารคนที่โดนจับมาหรอกนะ แต่สงสารเพื่อนร่วมอาชีพ
ร้อยเวรคงจะต้องปวดหัวอยู่อีกนานหากไม่ปล่อยผู้ชายคนนี้ไป ท่าทางพูดไม่ค่อยรู้เรื่องและไม่ยอมรับอะไรง่ายๆ
“ว่าไงคุณ กระเป๋าตังค์ก็ไม่มี จะเรียกใครมาช่วยจ่ายเงินได้หรือยัง” ร้อยเวรพยายามสรุป
“โทรศัพท์ผมแบตหมด ที่ชาร์ตแบตก็ไม่มี หมวดก็คงรู้ว่าไม่มีใครจะพกที่ชาร์ตแบตไปไหนมาไหนหรอกนะ แล้วอีกอย่าง ผมจำเบอร์ใครไม่ได้หรอก มันอยู่ในเครื่อง ตั้งแต่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนผมก็เลิกจำโทรศัพท์ ไม่ได้จดเบอร์ใครเอาไว้ซะด้วย เอางี้ คุณตำรวจ คุณให้ผมไปก่อน แล้วค่อยส่งอินวอยซ์ตามไปเก็บเงินผม”
“ส่งอะไรนะ” ร้อยเวรถามเสียงสูง
“ส่งบิล” ชายหนุ่มผู้ทำผิดกฎจราจรตอบ
“คุณนี่พูดไม่รู้เรื่อง อะไรก็ไม่รู้เรื่อง” ร้อยเวรถอนหายใจ “เอางี้ คุณเสียค่าปรับแล้วก็ไปซะ”
“คุณนั่นล่ะไม่รู้เรื่อง พูดกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ยังไม่เข้าใจ ผมจะเสียค่าปรับได้ยังไงครับ เหตุผลง่ายๆ ถ้ามีเงินถึงจะจ่ายได้ ถ้าผิดถึงจะต้องถูกปรับ แต่ผมไม่มีเงินเพราะผมลืมเอากระเป๋าตังค์มา แต่ที่สำคัญมากว่าการที่ผมไม่มีเงินก็คือผมไม่ผิด ผมบอกผู้กองแล้ว”
“หมวด ผมเป็นแค่หมวด ไม่ต้องมาเพิ่มยศให้” ร้อยเวยส่ายหน้า “แล้วคุณจะไม่ผิดได้ยังไง คุณจอดรถในที่ห้ามจอด หนำซ้ำยังฉีกใบสั่งต่อหน้าตำรวจ”
“ตกลงนี่จะให้ผมผิดให้ได้ใช่ไหม”
“ก็คุณผิดจริง” ร้อยเวรถอนหายใจเฮือกใหญ่ “จ่ายค่าปรับแค่นี้ก็จบ”
“ผมไม่มีเงิน ลืมกระเป๋าตังค์”
“ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็ถูกขังแทนค่าปรับ เอาไหมล่ะ” ร้อยเวรชักจะหมดความอดทน
“อ้าว พูดแบบนี้ไม่น่าฟังเลยนะหมวด จะมาขังผมได้ยังไง ถ้าขังผม ผมก็ต้องมาเสียเวลาที่โรงพักสิ” ชายเจ้าปัญหาส่ายหน้า แต่พลันสายตาหันมามองยังประตูด้านข้างขวาของห้องแล้วเห็นว่ามีใครคนหนึ่งยืนมองอยู่จึงรีบอุทานขึ้นว่า
“เฮ้ คุณ คุณนั่นเอง”
เรียวรีบหันหน้าหนีทันทีแล้วเดินตรงรี่ไปที่ประตู แต่ชายหนุ่มเจ้าปัญหารีบวิ่งตามมา โดยมีร้อยเวรตามมาติดๆ
“นี่คุณ บนโรงพักยังจะหนีอีกหรือ” ร้อยเวรส่งเสียงลั่น
“ผมไม่ได้หนี ผมมาหาเงินเสียค่าปรับ” ชายหนุ่มร่างสูงตอบแล้วรีบวิ่งไปขวางทางหมวดเรียว “เดี๋ยวก่อนสิคุณ ผมจำคุณได้ คุณคือคนที่จี้ผมเมื่อคืน”
“ใครจี้ใคร” เรียวตีหน้าซื่อ
“นี่คุณตำรวจ เมื่อคืนผู้ชายคนนี้เอาปืนขู่บังคับผม จับเลยสิ อ้อ ไม่งั้นก็ให้เขาเสียค่าปรับแทนผม เป็นการชดเชยที่ไม่ต้องถูกจับ” ชายหนุ่มเจ้าปัญหาหันไปฟ้องร้อยเวร
“คุณนี่จะบ้าหรือไง” ร้อยเวรโคลงศีรษะ
“ผมไม่รู้จักกับคุณ” เรียวปฏิเสธ
“ผมจำหัวคุณได้ ย้อมผมเป็นเฉดสีเห็นเด่นชัดระยะห้าร้อยเมตร แต่งตัวเหมือนเด็กแร็ฟแบบนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก รูปร่างหน้าตาผมก็จำได้ เสียงก็จำได้ เมื่อคืนคุณทำอะไรกับผมบ้างผมก็จำได้”
“แล้วไง จำได้แล้วไง” เรียวเอียงหน้าท้าทาย
“คุณตำรวจ ได้ยินหรือเปล่า เขายอมรับแล้ว” ชายหนุ่มจอมโวยวายหันมาฟ้องร้อยเวร
“ผมก็ไม่เห็นว่าหมวดจะยอมรับอะไรตรงไหน” ร้อยเวรส่ายหน้า
“หมายความว่าไง” ชายหนุ่มเจ้าปัญหาขมวดคิ้ว
“นี่คุณ เลิกเรื่องมากซะที ผมเสียเวลากับคุณมานานแล้ว เดี๋ยวเปลี่ยนจากเสียค่าปรับเป็นขังคุกแทนจริงๆ ซะหรอก” ร้อยเวรชักจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ผมก็เสียเวลาเหมือนกัน คุณรู้ไหมว่าผมมาเสียเวลาที่นี่ไปกี่นาที ธุรกิจผมเสียรายได้ไปกี่บาทกี่สตางค์ แล้วนี่ผมก็กำลังแจ้งความว่าเมื่อคืนคุณคนนี้เอาปืนขู่ผม บังคับให้ผมขับรถบ้าระห่ำหนีพวกบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ เกือบโดนยิงตายอีกต่างหาก ผมกำลังจะไปสวรรค์ แต่เกือบได้ไปนรกแทน”
“หมวดครับ” ร้อยเวรทำหน้าอ่อนใจ หันไปพูดกับเรียวด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายเต็มทนกับผู้ต้องหารายนี้
“ปรับกี่บาท ผมจะบริจาคเงินให้เอง” เรียวตัดบท
“บริจาค ฮ่า ฮ่า ฮ่า บริจาค พูดแบบนี้ได้ยังไง ผมไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกที่ไหนจะต้องรับเงินบริจาคใคร”
“แล้วคุณจะเอายังไง๊” ร้อยเวรลากเสียงสูง ใกล้จะหมดความอดทนเต็มที
“ผมต้องการเรียกร้องค่าเสียหาย” คนเจ้าปัญหาเปลี่ยนเรื่อง
“พูดมาเลยจะเอากี่บาท ไม่เรียกว่าเป็นเงินบริจาคก็ได้” เรียวทำท่าทางใจเย็น
“ปรับห้าร้อยครับ” ร้อยเวรพูดกับเรียวเบาๆ
“โอ้โหคุณ แค่จอดรถหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวจะเอาห้าร้อยเลยหรือ” หนุ่มร่างสูงโวยวายแทรกขึ้นมาทันที “รู้ไหม ห้าร้อยไปสวรรค์ได้ตั้งรอบนึง”
เรียวควักเงินออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งรีบดึงธนบัตรสีม่วงไปทันที
“ให้ยืม” เรียวพูดเสียงเรียบ “ไม่ใช่ค่าเสียหายนะ และจำเอาไว้ว่าผมกับคุณไม่เคยพบกัน ที่ให้นี่ก็เพราะสงสารร้อยเวรหรอก”
“เคยสิ ทำไมจะไม่เคย” ชายหนุ่มเรื่องมากรีบพูดและห้ามเรียวไม่ให้เดินจากไป “เดี๋ยวก่อนสิ คุณอย่าเพิ่งไป คุยกันให้รู้เรื่องก่อน”
“คุณมาจ่ายค่าปรับทางนี้ เราจะได้จบกันซะ” ร้อยเวรพูดเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
“ขอเวลาเดี๋ยวได้ไหมคุณผู้หมวด ขอผมคุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อน เดี๋ยวเขาหนีไปจะยุ่ง นี่ผมยังเจ็บใจไม่หาย ไม่เคยมีใครทำอะไรกับผมแบบนี้มาก่อน เมื่อคืนนี่นะเหมือนกับฝันร้าย อยู่ดีๆ ก็โดนเอาปืนขู่”
“เขาไม่หนีไปไหนหรอก คุณมาจ่ายค่าปรับให้จบเรื่อง ผมรับรองว่าเขาไม่หนีไปไหน” ร้อยเวรรับรอง
“แนใจหรือ คุณโกหกผมระวังจะโดนผมฟ้องนะคุณตำรวจ”
“เอาเลย เชิญได้เลย แต่ตอนนี้เสียค่าปรับก่อน แล้วผมจะพาคุณไปหาหมวดเรียวเอง”
“อะไรนะ หมวดงั้นหรือ” ประชาชนเจ้าปัญหาอุทาน เบิกตากว้าง
“หมวดเรียว ร้อยตำรวจโทเรียว หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ห้องทำงานอยู่ตรงโน้น หมวดเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ” ร้อยเวรอธิบาย “คราวนี้คุณจะมาจ่ายค่าปรับได้หรือยัง”
“รังแกประชาชน” ประชาชนรูปหล่อพึมพำเบาๆ ตามองไปตามทางเดินซึ่งอีกฟากหนึ่งเป็นประตูห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
...หมวดเรียว ตำรวจอะไรชื่อเท่ซะด้วย รูปร่างหน้าตาเหมาะจะไปเป็นดาราหนังวัยรุ่นมากกว่าจะมาเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นึกภาพหมวดหน้าตาเป็นตี๋ญี่ปุ่นคนนี้วิ่งไล่จับโจรไม่ออกเลย ให้ตายสิ...
...แต่ที่แน่ๆ ภาพที่ไม่ต้องจินตนาการเลยก็คือ ขณะที่กำลังเปิดประตูจะขึ้นรถ หมวดตาตี่คนนี้ ขับรถปาดหน้ารถเขาจนไปไม่ได้ ใช้ปืนขู่ บังคับให้เขาขับรถพาหนี...
...ตำรวจอะไรวะ ให้ขับรถหนีโจร ตัวเองก็มีรถ ทำไมไม่ขับหนีเอง...

::: End of Chapter 1 :::
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-02-2017 19:54:00
หมวดเรียว รังแกประชาชน  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 05-02-2017 20:45:16
ถ้านายเอกเป็นตำรวจ ก็ต้องนิยายของคุณ Katawoot นีแหละ Signature จริงๆ
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 05-02-2017 21:27:46
ดีใจที่ได้อ่านเรื่องของคุณอีกนะคะ  ปลาบปลื้มค่ะ
ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 06-02-2017 10:30:23
บทที่ 2

ศรันย์เดินตามร้อยเวรกลับไปยังโต๊ะทำงานเพื่อจ่ายค่าปรับแต่ก็อด ‘กวนประสาท’ ร้อยเวรร่างท้วมต่อไม่ได้
“คุณผู้หมวดครับ ผมขอจ่ายสี่ร้อยก่อนได้หรือเปล่า เหลือหนึ่งร้อยผมจะเอาไว้เป็นเงินติดกระเป๋ากลับบ้าน เผื่อมีเหตุฉุกเฉินระหว่างทาง”
“นี่คุณ” นายตำรวจกรอกตา
“โอเคๆ ไม่ได้ก็ไม่ได้ ไม่ต้องทำหน้าดุ ผมกลัวแล้ว ว่าแต่ว่า คนเมื่อกี้เป็นตำรวจจริงๆ หรือครับ ผมว่าไม่น่าจะใช่นะ เมื่อคืนนี้คุณหมวดรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของผม คุณคนนั้นเขาขับรถปาดหน้าผม เบียดจนผมแถลงข้างทางเกือบไปชนเสาสะพานข้ามแยก แล้วยังทิ้งรถตัวเองมาเปิดประตูขึ้นนั่งรถผมแบบหน้าตาเฉย แล้วบังคับให้ผมซิ่งรถหนีใครที่ไหนก็ไม่รู้ ทีนี้ก็...” ศรันย์พยายามอธิบาย ออกท่าทางประกอบ หน้าตาและน้ำเสียงฟังดูตื่นเต้น
“พอแล้วคุณ ไม่ต้องเล่า” ร้อยเวรยกมือขึ้นห้าม “เอาเงินค่าปรับมา”
“พอผมขัดขืน พี่แกเล่นควักปืนออกมาขู่หน้าตาเฉย” ศรันย์ไม่ยอมหยุด “ตำรวจทำแบบนี้กับประชาชนนี่มันผิดกฎหมายนะครับ เป็นตำรวจต้องดูแลสารทุกข์สุกดิบให้ประชาชนถึงจะถูกใช่ไหม แต่ทำแบบนี้ถือว่ารังแกประชาชนตาดำๆ ผมขอแจ้งความด้วยเลยได้ไหม”
“คุณมีพยานหลักฐานหรือเปล่า”
“ผมโดนจี้ให้ขับรถหนีพวกโจร จะหาพยานที่ไหนได้ล่ะคุณตำรวจ จะให้ไปตามโจรพวกนั้นมาเป็นพยานหรือไง” ศรันย์ใส่อารมณ์
“ถ้างั้นคุณก็ยังแจ้งความไม่ได้” ร้อยเวรพยายามสะกดอารมณ์ แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าทุกข์กำลังอ้าปากจะอุทธรณ์จึงรีบพูดตัดบทขึ้นว่า “คุณไปคุยกับหมวดเรียวก่อนเถอะ คงเกิดการเข้าใจผิดอะไรขึ้น นะคุณนะ ใจเย็นๆ ถ้าหมวดเรียวไม่ยอมรับ คุณค่อยกลับมาหาผม ผมจะรับแจ้งความ”
“คงพูดรู้เรื่องหรอก ตำรวจพรรค์นั้นคงพูดด้วยปืนอย่างเดียวละสิ” ศรันย์พูดกระแทกกระทั้น
“อ้าว ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ระวังจะโดนแจ้งข้อหานะครับ” ร้อยเวรขู่แล้วรีบพูดต่อเมื่อเห็น ‘ประชาชนเจ้าปัญหา’ ทำท่าจะเถียง “เถอะน่า ลองไปคุยกับหมวดก่อน ถามให้รู้เรื่องว่าหมวดทำแบบนั้นทำไม เผลอๆ คุณอาจจะได้รางวัลประชาชนดีเด่นที่ให้การช่วยเหลือตำรวจก็ได้นะ บอกแล้วไง ถ้าคุยแล้วไม่รู้เรื่อง ค่อยกลับมาแจ้งความ ตอนนี้เอาเงินมาก่อน จ่ายค่าปรับให้เสร็จๆ ซะ”
ร้อยเวรเริ่มจะจับทางได้จึงพยายามโน้มน้าวคนที่อยู่ตรงหน้า เพราะตอนนี้ตระหนักแล้วว่าใช้ไม้แข็งไม่เป็นผล รวมถึงหากใช้เหตุผลปรกติธรรมดากับชายหนุ่มคนนี้ก็คงต้องเสียเวลาคุยอีกนานเพราะอีกไม่กี่นาทีตัวเองก็จะออกเวรแล้ว
ส่วนเรื่องชายหนุ่มคนนี้จะหวนกลับมาแจ้งความเอาเรื่องหมวดเรียวก็ขอให้ร้อยเวรคนใหม่ที่จะเข้าเวรต่อจากเขาเป็นคนรับกรรมไปเองก็แล้วกัน
“ขอใบเสร็จด้วยนะครับคุณตำรวจ จะได้มีหลักฐาน เกิดส่งบิลไปเก็บเงินผมอีกจะได้เอาใบเสร็จมายืนยันได้ เงินไม่ใช่น้อยๆ” ศรันย์ทำหน้ามุ่ย
“นี่ครับใบเสร็จ” ร้อยเวรรีบยื่นหลักฐานการรับเงินให้
“ขอถามหน่อย หมวดเรียวนี่เป็น...” ศรันย์ถามร้อยเวรยังไม่ทันจบแต่อีกฝ่ายรีบชิงพูดแทรกขึ้นเสียก่อน
“เอาล่ะ เชิญคุณไปได้” ร้อยเวรตัดบทและเชิญให้ชายหนุ่มผู้ยืนทำหน้าครุ่นคิดอยู่ให้ออกไปพ้นจากหน้าโต๊ะเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นกำลังเริ่มจะคุยต่อ
ศรันย์เก็บใบเสร็จค่าปรับใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินตรงไปยังห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ในหัวพยายามนึกเตรียมคำพูดกับ ‘หมวดเรียว’ ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นคนที่คุยด้วย ‘ยาก’ พอสมควรเพราะเมื่อครู่ที่ผ่านมานั้น นายตำรวจหน้าอ่อนแสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นคนแบบ ‘กวนๆ’ ไม่ใช่เล่น
  // / / / / /

ศรันย์เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษแต่กลับไม่เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่ในห้องแม้แต่คนเดียวจึงถอนหายใจอย่างหงุดหงิด แต่เมื่อกำลังจะเดินออกจากห้องก็ต้องสะดุดกึกเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามา ชายร่างสูงใหญ่ก้มมองเขาด้วยสายตาดุๆ เลิกคิ้วเล็กน้อยแสดงอาการสงสัยเขาจึงบอกเหตุผลว่าเข้ามาในห้องนี้ทำไม
“อะไรนะ หมวดเรียวนั่นหรือจี้คุณ” พันตำรวจตรีธันว์ถาม
“ก็ใช่นะสิครับ แต่อย่าบอกให้ผมหาหลักฐานมายืนยันนะ เพราะในรถมีแต่ผมกับหมวดแร๊ปคนนั้น ผมหาพยานมายืนยันไม่ได้หรอก ถ้ามีพยานเห็นเหตุการณ์จะเรียกว่าจี้ได้ยังไงใช่ไหมครับ ตอนอยู่ในรถ เขาสั่งให้ผมขับพาหนีใครก็ไม่รู้ พอผมไม่ยอมก็เอาปืนขู่ผม พอผมขัดขืนเขาก็ทำท่าจะทำร้าย ทีนี้ผมก็ต้องยอมขับรถพาหนี คุณรู้ไหม ไอ้พวกที่ไล่ตามมามันยิงรถผม เสียงดังโป้งป้างจนแสบแก้วหู แต่ดีนะฝีมือขับรถระดับผมหักหลบทัน ไม่งั้นบีเอ็มลูกรักผมได้แผลแน่ๆ” ศรันย์อธิบายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นพร้อมทำท่าทางประกอบคำบอกเล่า
“พอก่อน คุณไม่ต้องเล่า” พตต. ธันว์ยกมือขึ้นห้าม “ผมจะจัดการให้เอง”
“คุณเชื่อผมหรือ” ศรันย์เลิกคิ้ว รู้สึกประหลาดใจยิ่งนักที่อีกฝ่ายเชื่อง่ายๆ
“คุณกลับไปก่อน แล้วผมจะติดต่อกลับไป”
“แต่ว่า...”
“ผมสารวัตรธันว์ เป็นหัวหน้าหน่วย หมวดเรียวเป็นลูกน้องผม คุณเชื่อใจผมได้” ธันว์พูดเสียงเรียบ ใบหน้าเคร่งขรึม มองตาชายหนุ่มตรงหน้า
“คุณสารวัตรต้องจัดการให้ผมนะ” ศรันย์ย้ำ
“ขอผมสอบสวนว่าเรื่องราวเป็นยังไงเสียก่อน ตอนนี้กำลังจะเรียกประชุมเรื่องสำคัญ ผมจะจัดการ เบอร์โทรคุณเบอร์อะไร” ธันว์ถาม
“...” ศรันย์บอกหมายเลขโทรศัพท์ตัวเอง แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อยและไม่จดบันทึกจึงถามขึ้น “ไม่จดเอาไว้หรือครับ”
“ผมจำได้” ธันว์ตอบเสียงเรียบแล้วผายมือไปยังประตู “ขอเวลานิด เชิญครับ”
ธันว์ตัดบทสนทนาแล้วเดินตรงไปยังห้องประชุมของหน่วยซึ่งอยู่ด้านหลังห้องทำงานของเขา ซึ่ง ‘พ่อตัวดี’ คงนั่งรวมอยู่กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยคนอื่นๆ เพื่อรอเขาเข้าไปเปิดการประชุม
...คุณเชื่อผมหรือ...
เชื่อสิ ทำไมจะไม่เชื่อ หมวดเรียวตัวดีทำอะไรห่ามๆ ได้อยู่แล้ว แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือ ทำไมต้องขับรถปาดหน้ารถคันอื่น บีบบังคับให้ชายหนุ่มคนนี้ให้พาหนี
/ / / / /

การประชุมวางแผนเพื่อเข้าจับกุมผู้ค้ายาเสพติดชาวฮ่องก่งซึ่งใช้ไทยเป็นแหล่งกบดานเสร็จสิ้นลงภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง ปิดท้ายด้วยคำสั่งของสารวัตรธันว์ซึ่งพูดสั้นๆ ว่า
“หมวดเรียว ไปพบผมที่ห้อง”
ร้อยตำรวจเอกคมกริชปรายตามองหมวดคนใหม่และหัวหน้าหน่วยก่อนจะลุกขึ้น เดินตัวตรงออกไปจากห้องก่อนใครเช่นเคย กิริยาอาการของผู้กองหนุ่มผู้เคร่งขรึมไม่รอดพ้นสายตาของ ‘เจ้ากรมข่าว’ ประจำหน่วยอย่างหมวดชินวัฒน์ไปได้
“มีคนสงสัย” ชินวัฒน์กระซิบข้างหูเรียว
“อะไรอีกล่ะ”
“ไปทำอะไรมาล่ะคราวนี้ ความวัวไม่ทันหายความฟายก็เข้ามาแทรก ขยันหาเรื่องจริงนะเพื่อนเรา” ชินวัฒน์ทำเสียงอ่อนใจแต่นัยน์ตาระยิบระยับอย่างขบขัน
“เรื่องอะไรยังไม่รู้เล๊ย” เรียวแบะปาก “โดนทั้งปี นี่ทำไมรู้สึกว่าสารวัตรชอบหาเรื่องด่าผมอยู่เรื่อย เขาไม่ชอบที่ผมย้ายเข้ามาอยู่หน่วยนี้หรือไงวะ”
“ไม่ใช่หรอก” ชินวัฒน์ส่ายหน้า “มันมีอะไรในกอไผ่มากมายกว่าหน่อไม้ทีเดียวเชียวล่ะ แล้วอีกอย่าง มีคนไม่ชอบใจในคำสั่งท่านผู้บังคับบัญชาการด้วยล่ะ”
“ใคร” เรียวเลิกคิ้ว “ใครไม่พอใจ”
“ก็ใครที่คอยหรี่ตามองหัวหน้ากับลูกน้องอยู่บ่อยๆ” ชินวัฒน์ยักคิ้ว “แต่หารู้ไม่ ตาเราไวยิ่งกว่าพญาเหยี่ยว ใครทำอะไร หรืออย่างไรในห้องนี้ ไม่รอดพ้นสายตาตี่ๆ ของอาตี๋ชินวัฒน์อย่างเราได้หรอก”
“งั้นนั่งทางในให้หน่อยสิว่าจะโดนท่านด่าเรื่องอะไร” เรียวถาม
“จะเรื่องอะไรซะอีกล๊า” ชินวัฒน์ลากเสียงยาว ทำหน้ารู้ดี
“เรื่องอะไร” เรียวเอียงหน้าเข้ามารอฟังใกล้ๆ
“ก็เรื่องที่คุณไปสร้างปัญหาเอาไว้นะสิ” ชินวัฒน์ตอบ
“ไอ้...” เรียวยกศอกขึ้น” แหม ทำเป็นรู้ดี แบบนี้ไม่ต้องมาพูดเลย ตอบแบบนี้ สุกรที่ไหนก็ตอบได้”
“ขอให้โชคดีนะเพื่อนเรียว Have a good day ได้ยินแต่เรื่องดีๆ เป็นขวัญหู” ชินวัฒน์หัวเราะตาหยี
“เดี๋ยวจะเอาโชคมาฝาก” เรียวลุกขึ้นอย่างเบื่อๆ “ไม่ว่าสารวัตรจะด่าอะไร จะลากเอ็งเข้าไปเกี่ยวด้วยทุกประเด็น ประมาณว่าเป็นคนช่วยคิด แบ่งกันโดนลงโทษห้าสิบห้าสิบ”
“เฮ่ย ไอ้เรียว อย่านะโว้ย” ชินวัฒน์โวยวาย แต่เรียวเดินออกไปจากห้องเสียก่อน ทิ้งให้คนที่ชอบแกล้งล้อเพื่อนนั่งหน้ามุ่ยอยางไม่สบอารมณ์
“โดนอีกแล้วตู ไอ้เรียวทำผิดอะไรเป็นได้โดนด่าตามมันทุกที เฮ้อ เวรกรรม”
// //  //

ศรันย์จอดรถหน้าอู่ซ่อมรถของตัวเองอย่างอารมณ์สียเพราะขากลับถูกเรียกตรวจใบขับขี่ทั้งที่เพิ่งเลี้ยวรถออกจากสถานีตำรวจได้ไม่กี่ร้อยเมตร โชคดีที่มีใบเสร็จค่าปรับตำรวจเลยยอมปล่อย
ข้อหาฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจรอีกแล้ว
ศรันย์โยนกุญแจรถลงบนโต๊ะทำงานพลางบ่นไปด้วย “ตั้งแต่เจอตำรวจแร๊ปคนนั้นมีแต่เรื่องซวย หนอย ปฏิเสธหน้าตาเฉยว่าไม่เคยพบกัน เมื่อคืนก่อนเอาปืนจี้เราเห็นๆ แล้วนี่มาบอกว่าให้ยืมเงิน แทนที่จะชดใช้ค่าเสียหายที่ทำให้เราตกใจ”
“เจ้านาย บ่นอะไรครับ” เสียงของสุวัตน์ ผู้ช่วยมือหนึ่งของศรันย์ดังขึ้นที่ประตู
“บ่นอะไรหนักหัวแกหรือไง” ศรันย์หันไปตอบเสียงห้วนแล้วถามเรื่องการซ่อมรถ “ว่าไง จากัวร์สีเงินทำทันหรือเปล่า”
“อ๋อ คันนั้นลูกค้าบอกว่าไม่ต้องเร่ง เขารอได้ บอกว่านานๆ ก็ได้ ไม่มีปัญหา”
“เฮ้อ” ศรันย์ทรุดตัวลงนั่ง เอนเก้าอี้แล้วยกขาพาดโต๊ะ มือประสานท้ายทอย ตามองเพดานอย่างเบื่อๆ
“ฉันจะมีปัญหานะสิวะ” ศรันย์ถอนหายใจแล้วสั่งลูกน้อง “แกรีบทำให้เสร็จๆ ไป แล้วบอกให้เขามารับรถเร็วๆ ถ้าไม่ยอมมาก็เอาไปส่งให้ถึงที่เลย”
“ทำไมหรือครับ” สุวัฒน์ตีหน้าเซ่อ
“เอ๊ะไอ้นี่ บอกก็ทำเถอะ”
“ผมรู้แล้ว” สุวัฒน์เปลี่ยนเป็นทำหน้าเข้าใจ “เจ้านายกลัวลูกค้าคนนั้นแหงๆ”
“ทำเป็นรู้ดีนะเอ็ง”
“ผมว่า...ไม่ช้าก็เร็ว” สุวัฒน์เอียงหน้า ทำท่าคิด “เจ้านายยอมๆ เขาไปเถอะ เผื่อเขาจะเลิกตอแย”
“ไอ้เปรต” ศรันย์หยิบนิตยสารใกล้มือขว้างใส่ลูกน้องหน้าทะเล้นซึ่งหลบได้เร็วยิ่งกว่าลิง
“เอ แต่ผมว่าก็ดีนะ เอารถมาซ่อมบ่อยๆ รายได้เข้าอู่สม่ำเสมอ”
“ไอ้สุวาน ไสหัวไปให้พ้น พ่อเอ็งยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย” เวลาโกรธ ศรันย์จะเปลี่ยนชื่อให้ลูกน้องคนสนิททันที
“โดนจับมาอีกแล้วหรือครับ” ลูกน้องตัวดียังไม่ยอมไป
“ไป ไปให้พ้น” ศรันย์ตะโกนลั่น “มีลูกน้องอย่างเอ็งนี่ปวดหัวฉิบหาย”

ลูกน้องที่ชอบทำให้เจ้านายปวดหัวเดินฮำเพลงอย่างอารมณ์ดีมาที่รถจากัวร์คันงามซึ่งจอดอยู่ด้านหน้าของอู่ พลันต้องหยุดกึกเมื่อเห็นเจ้าของรถยืนโทรศัพท์อยู่ใกล้รถ แต่เมื่อหันมาเห็นเขาก็รีบจบการสนทนา
“คุณศรันย์มาหรือยังน้อง” ชายหนุ่มรูปหล่อถาม
“มาแล้วครับ อยู่ข้างใน กำลังรอคุณพีทอยู่พอดีครับ” สุวัฒน์ตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง ผายมือไปยังห้องทำงานด้านในของอู่
“รอ” พีท ชายหนุ่มมาดเนี๊ยบเลิกคิ้ว
“คือเรื่องรถน่ะครับ พอดีมีปัญหาต้องซ่อมต่อ คงทำให้คุณพีทไม่ทันขับไปดูแข่งรถที่พัทยา”
“ไม่เป็นไร ผมมีรถหลายคัน” พีทยักไหล่
“ไม่ได้เร่งคันนี้แสดงว่าหลักๆ ไม่ได้ขับจากัวร์ใช่ไหมครับ” สุวัฒน์ถาม พีทพยักหน้า ตามองเลยไหล่ของสุวัฒน์เข้าไปยังด้านในซึ่งเป็นออฟฟิสของเจ้าของอู่รูปหล่อผู้ที่เขาหลงไหลอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“คุณศรันย์ก็สนใจรุ่นนี้ล่ะครับ บอกว่าอยากไปลองขับแต่ที่โชว์รูมเขาไม่มีรถ นี่ก็นั่งเซ็งอยู่ข้างใน ท่าทางอยากไปเที่ยวเต็มที่แต่ไม่รู้จะไปกับใคร” สุวัฒน์ ‘รายงานเท็จ’ นึกสนุกที่ได้แกล้งเจ้านายผู้ชอบทิ้งภาระการดูแลกิจการอู่ซ่อมรถให้เขาอยู่เป็นนิจ
เขารู้ว่าพีทชอบศรันย์มาก แต่เจ้านายของเขาพยายามสลัดหนุ่มไฮโซคนนี้ทิ้ง
เหตุผลก็เป็นเหตุผลเดิมๆ นั่นก็คือ ศรันย์ ‘เบื่อแล้ว’
// // //

เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ศรันย์ไม่คิดจะลืมตาขึ้นมาดูว่าใครเดินเข้ามาในห้อง รีบตะคอกอย่างหงุดหงิดทันที
“เข้ามากวนบาทาพ่อเอ็งทำไมอีก ไปให้พ้น ไม่มีอารมณ์จะด่าเอ็งแล้ว” ศรันย์เสียงห้วน ยกปลายเท้าขึ้นชี้แทนการโบกมือไล่ลูกน้องตัวดีซึ่งชอบกวนอารมณ์เขาอยู่เป็นประจำ หารู้ไม่ว่า กิริยาท่าทางห่ามๆ และการพูดจาดุดันแบบนี้ พีทเห็นว่า ห้าวและเถื่อนได้ใจอย่างที่สุด
“ดุจังเลยนะครับคุณศรันย์” พีทหัวเราะ
“อ้าว” ศรันย์อุทาน ลืมตาขึ้นมาทันใดแล้วกัดฟันกรอดที่ไอ้ลูกน้องตัวแสบปล่อยให้ ‘ข้าศึก’ บุกเข้ามาโดยไม่มีการเตือนภัยล่วงหน้าอย่างที่เคยสั่งนักสั่งหนา
“ไม่ได้เข้ามากวนบาทานะครับ อย่าเพิ่งไล่กันนะ” พีทอมยิ้ม มองมาที่เจ้าของอู่ด้วยสายตาวิบวับ
“มารับรถหรือครับ” ศรันย์ยกเท้าลงจากโต๊ะ ทำเสียงเป็นการเป็นงานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“มาดูเฉยๆ ครับว่าทำรถถึงไหนแล้ว แต่ไม่ต้องรีบก็ได้นะครับ ผมรู้ว่าอู่คุณศรันย์งานเยอะ เราคนกันเอง ผมรอได้”
“ผมไม่อยากให้รอ อยากให้ได้รถไปใช้เร็วๆ”
“ผมมีนิสสันสกายไลน์ กับออดี้ใช้อยู่” พีทเดินเข้ามานั่งหมิ่นๆ บนขอบโต๊ะของศรันย์ ก้มหน้าลงมองเจ้าของอู่ยิ้มๆ แล้วพูดต่อเสียงทุ้มต่ำว่า “อยากไปลองขับกันไหมคับ รถแรง ก็ควรได้ผู้ชายแรงๆ พาไปซิ่ง”
“ผมไม่ค่อยชอบขับรถเร็ว” ศรัยน์ยังคงพยายามทำหน้าสิ่งเสียงนิ่งอย่างสุดกำลัง
“จริงหรือครับ” พีทเลิกคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “มิน่า คุณถึงได้ซื้อบีเอ็มดับบลิว 630 มาขับเล่น”
ศรันย์ไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มบางๆ เพราะรู้ว่าโดนพีทดักคอ เขาหันซ้ายหันขวา คิดหาทางออกให้กับตัวเองว่าทำอย่างไรดีถึงจะ ‘หนี’ การจู่โจมแบบไม่ทันได้ตั้งตัวครั้งนี้ได้
“วันนี้ผมมาแท็กซี่ อู่คุณก็อยู่ลึก ช่วยไปส่งผมปากซอยหน่อยได้ไหมครับ”
“ผมจะไปเรียกลูกน้องให้” ศรันย์ลุกขึ้น แต่พีทก้าวเท้าไปยืนขวาแล้วจับแขนชายหนุ่มเอาไว้
“ผมอยากให้เจ้าของอู่ไปส่ง” พีทพูดเสียงต่ำ
“คือว่าผม...”
“ลูกน้องคุณยุ่งซ่อมรถทุกคน มีแต่คุณที่ว่าง อย่าไร้น้ำใจกับลูกค้าประจำสิครับคุณศรันย์ ถือซะว่าเป็นบริการเสริม สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า”
...มาซ่อมรถแล้วต้องให้เจ้าของอู่เสียหนุ่มนี่นะ บริการเสริมแบบไหนกันเนี่ย เพราะรู้ว่าที่พีทบอกให้ไปส่งปากซอย คงไม่ได้แค่ให้ไปส่งปากซอยอย่างเดียว...
...ไปส่งโรงแรมสิไม่ว่า...
...เอาวะ ขนาดนี้แล้ว ถือว่าสั่งลาก็แล้วกัน เสียน้ำซักหน่อยแลกกับความสงบสุขอีกซักอาทิตย์ ต่อไปจะติดกล้องวงจรปิดเอาไว้หน้าห้องทำงาน ไม่ก็ปิดอู่หนีซะเลยให้สิ้นเรื่อง...
...ไอ้สุวัฒน์นะไอ้สุวัฒน์ ไม่ยอมช่วยกันพีทเอาไว้บ้างเลย แบบนี้ต้องหักเงินเดือนมันซักห้าร้อย...
/ / / / /

ร้อยตำรวจโทเรียวเดินออกจากร้านตัดผมอย่างอารมณ์ดี นานเกือบสองเดือนแล้วที่ต้องทนไว้ผมยาว วันนี้เมื่อมีโอกาสจึงตัดเสียสั้นเกรียน ร้านตัดผมนั้นตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อกับโรงแรม เขาชอบจอดรถไว้ที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยซึ่งตั้งอยู่อีกฟากถนนข้างโรงแรมเพราะลานจอดรถกว้างขวาง สะดวกสบายและรู้จักกับยามรักษาการณ์ของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดี ปรกติเขาไมได้ขับรถไปทำงาน แต่วันนี้จำเป็นต้องขับรถจากที่ทำงานกลับบ้านเพราะได้ขอให้ตำรวจจราจรลากรถของเขามาทิ้งไว้ที่สถานีตำรวจได้สองวันแล้ว
เรียวไม่ชอบขับรถ เหตุผลเพราะอะไรนั้นไม่อาจจะบอกใครได้ มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าทำไม
...เสียดาย ให้ลากไปส่งที่บ้านซะก็ดี แต่ถ้าไอ้หมวดลูกชิ้นรู้คงถูกล้อไม่จบไม่สิ้น...
เรียวคิดในใจแล้วพยักหน้าทักทายเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่ยืนประจำอยู่ที่ทางเข้าโรงแรมซึ่งเป็นทางเดินกว้างเชื่อมต่อกับศูนย์การค้า
“หมวดครับ เท่มากเลยครับ” พนักงานหนุ่มยกนิ้วให้ ตามองทรงผมใหม่ของนายตำรวจหนุ่มด้วยความชื่นชม
“ขอบใจ” เรียวยิ้มบางๆ แล้วก้มหน้าเดินผ่านพนักงานหนุ่มคนนั้นที่ชอบเล่นหูเล่นตากับเขาอยู่เป็นประจำเวลาที่มาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแล้วเดินผ่านล๊อบบี้เพื่อมาเรียกแท็กซี่ด้านข้างของโรงแรมกลับบ้าน
...ทรงสกินเฮด ไม่เท่ตอนนี้จะให้เท่ตอนไหน อยากโกนให้เลี่ยนมานานแล้ว เบื่อผมยาวๆ เต็มที แล้วยังต้องย้อมผมหลากสีมาตั้งนาน คันหัวจะแย่...
...เอ แล้วนี่สารวัตรจะด่าหรือเปล่าก็ไม่รู้...
...แล้วสารวัตรมายุ่งอะไรด้วย ลูกน้องตัดผมนี่นะ แต่เราก็ขออนุญาตไปแล้ว...
...ฮื่อ ทำไมสารวัตรธันว์ชอบว่าเราอยู่เรื่อยเลย ทำอะไรไม่ถูกใจซักที...
เรียวคิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะที่เดินผ่านห้องโถงด้านหน้าของโรงแรมเพื่อไปยังประตูด้านข้าง แต่พลันก็ต้องชะงักเมื่อเกือบชนเข้ากับชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มและกางเกงยีนส์ซีดๆ ซึ่งกำลังเดินคุยโทรศัพท์อยู่ข้างหน้า แต่ทว่ากลับหยุดเดินกระทันหัน
...เฮ้ย นายคนที่ชอบโวยวายนี่นา มาทำอะไรที่นี่...
“น้อง รถพี่มาหรือยัง บีเอ็มดับบลิว 630 สีดำ” ชายหนุ่มคนนั้นลดโทรศัพท์ลง พูดกับพนักงานโรงแรม
“ทะเบียน ส.ส. ตองเจ็ดนะครับ” พนักงานถาม
“ใช่ เร็วๆ เข้า พี่รีบ จะไปรับเด็ก”
...นี่คงมากินข้าวที่โรงแรมนี้ละสิ เมื่อวันก่อนยืมเงินเรา 500 บาทหน้าตาเฉย หมั่นใส้จังเลย ขอแกล้งหน่อยเถอะ...
เท้าไวเท่าความคิด เรียวยื่นเท้าไปขัดขาคนที่อยู่ข้างหน้าจนฝ่ายนั้นเซถลาเกือบไปชนประตู
“โอ๊ย เฮ่ย” ชายหนุ่มร้องลั่น หันหลังมา ใบหน้าโกรธเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นว่าที่ยืนอยู่ข้างหลังเป็นใคร
“ขอโทษครับ ผมไม่ทันระวัง” เรียวพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ใบหน้าราบเรียบ
“คุณนั่นเอง คุณตำรวจที่ชอบรังแกประชาชนด้วยการเอาปืนจี้ให้พาซิ่งรถหนีผู้ร้าย” ศรันย์พูด หน้าตาจริงจัง
“คุณมีหลักฐานหรือเปล่า” เรียวอดต่อปากต่อคำไม่ได้
“หลักฐานอยู่ในความทรงจำผมนี่ไง” ศรันย์ชี้นิ้วเข้าที่ศีรษะของตัวเอง
“ผมว่าคุณจำคนผิด” เรียวยักไหล่ ปฏิเสธหน้าตาเฉย
“ผมนี่นะจำคนผิด อย่างคุณไม่มีใครจำผิดได้หรอก หน้าตาแบบนี้ ใครเห็นก็ลืมไม่ลง”
...เอ๊ะ หมายความว่ายังไงกันวะ...
เรียวขมวดคิ้ว สงสัยในคำพูดของประชาชนจอมโวยวายคนนี้
“ตกลงคุณจะไม่ยอมรับใช่ไหมว่าคุณทำอะไรกับผมไว้” ศรันย์เอียงหน้าพูดอย่างฉุนๆ “แต่ผมฟ้องหัวหน้าคุณแล้ว เขาบอกว่าเชื่อผมด้วยล่ะ ทั้งๆ ที่ผมไม่ต้องหาหลักฐานอะไรไปแสดงให้เห็นเลย แสดงว่าคุณคงมีประวัติไม่ใช่น้อย เขาบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ผม คุณเตรียมตัวไว้ให้ดี คราวนี้ล่ะ คุณโดนลงโทษทางวินัยแน่ๆ เจ้านายคุณดุด้วยนะเออ”
...กลัวตายล่ะ สารวัตรธันว์ดุก็จริง แต่เขาไม่กลัวหรอก...
...แล้วที่บอกว่าโดน ‘จัดการ’ นั่นน่ะ โดนไปแล้ว วันนั้นหลังเลิกประชุม สารวัตรธันว์เรียกไปพบที่ห้องทำงานแล้วเทศนายกใหญ่...
...คราวหน้าอย่าทำอะไรห่ามๆ อีก โดยเฉพาะกับประชาชน ถ้ามีใครมาโวยวายแบบนี้อีก ผมจะให้หมวดพักงานหน่วยปฏิบัติการพิเศษไปช่วยจ่าอาคมที่โครงการตำรวจสัมพันธ์...
...สารวัตรธันว์ก็ได้แต่ขู่ ตำรวจฝีมือดีอย่างเขา สารวัตรไม่กล้าให้พักงานหรอก...
...หลายคดี เขาต้องปลอมตัวแฝงเข้าไปหาข่าว และเป็นคนสำคัญที่นำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิดกฏหมายได้ทุกครั้ง...
...ยกเว้นคืนนั้นคืนเดียว คืนที่หนีการไล่ล่าของพวกแก็งค์ไดมอนด์จนไปเจอกับนายคนนี้นี่ล่ะ ซวยจริงๆ...
“อ๋อ คุณไปฟ้องผู้บังคับบัญชาผมนี่เอง สารวัตรธันว์ถึงได้โกรธใหญ่ สั่งพักราชการผม” เรียวแกล้งทำหน้าเศร้า
“เป็นไง ซึมไปเลยไหมล่ะ”
“ทีนี้ผมจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าห้อง ถูกพักราชการก็ถูกงดจ่ายเงินตามวันที่ถูกสั่งพักด้วย เงินเดือนตำรวจก็น้อย” เรียวอยากจะให้ฝ่ายนั้นรู้สึกผิด อยากลองดูว่าจะเห็นแววตารู้สึกผิดของชายหนุ่มพูดมากคนนี้หรือไม่
“จริงหรือ” ศรันย์เลิกคิ้วถามแล้วหลุบตาลงมองพื้น แต่ความจริงมองรองเท้าและกางเกงของนายตำรวจหนุ่ม
...ยี่ห้อหรูซะด้วย คิดว่าศรันย์เป็นหมูหรือไงคุณผู้หมวด คิดจะทำอะไรเนี่ย คิดจะเรียกร้องความสงสารหรือทำให้เรารู้สึกผิดงั้นหรือ ทีตัวเองเอาปืนขู่ให้เราขับรถพาหนีโจรล่ะ ร้ายซะไม่มี...
...เอาเถอะ อยากเล่นเกมกับเรานัก จะลองเล่นด้วยซักเกมสองเกม...
“ผมไม่คิดว่าจะร้ายแรงถึงขนาดนั้น” ศรันย์แกล้งทำเสียงอ่อนลง
“คุณบอกว่าผมเอาปืนไปจ่อหัวขู่คุณ ดีไม่ดีผมอาจถูกสอบวินัย”
“ขนาดนั้นเลยหรือ” ศรันย์ทำหน้าตกใจ “ผมไม่นึกว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้น”
“แต่ช่างเถอะ แล้วก็แล้วไป คราวหลังผมจะระวังตัวมากกว่าเดิม” เรียวยักไหล่ ทำหน้าปลง
“เอางี้ คุณพาผมไปพบกับหัวหน้าคุณ ผมจะเสนอถอดถอนการร้องทุกข์” ศรันย์ทำหน้าเห็นใจนายตำรวจที่อาจถูกสอบวินัย
...เสนอถอดถอนการร้องทุกข์ อยากจะหัวเราะจริงๆ เลย ผู้ชายคนนี้คิดอะไรแต่ละอย่างไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน...
แวบหนึ่ง เรียวรู้สึกขำจนอยากจะยิ้ม แต่ก็ต้องฝืนทำหน้าซึม
“นี่ผมจะหาเงินส่งค่างวดรถกับค่าเช่าห้องพอหรือเปล่าก็ไม่รู้ ค้างค่างวดมาตั้งสองสามงวดแล้ว ดีไม่ดีอาจจะถูกยึดรถ เงินเดือนตำรวจก็น้อย ผมไม่ใช่ตำรวจที่คอยรีดไถเงินประชาชนซะด้วยสิ”
...โทษทีนะ ไม่ได้ตั้งใจด่าเพื่อนร่วมอาชีพเลยซักนิด...
ศรันย์แสร้งทำหน้าสลด แต่ในใจคิดว่า
...เล่นละครเก่งไม่เบา แบบนี้น่าจะส่งไปเล่นละครทีวี...
ศรันย์แกล้งทำหน้ารู้สึกผิด หวังจะให้นายตำรวจหนุ่มรู้สึกสะใจและพอใจที่อุตส่าห์เล่นละครให้เขาดู
...คิดว่าจะเชื่องั้นหรือ ท่าทางกวนๆ ร้ายๆ แบบหมวดคนนี้นี่นะจะยอมถูกลงโทษง่ายๆ เพียงเพราะเขาไปโวยวายกับผู้บังคับบัญชาว่าโดนเอาปืนขู่ให้พาขับรถหนีโจร...
...ตำรวจอะไรวะหนีโจร เป็นตำรวจต้องวิ่งไล่จับโจรสิ...
...จนป่านนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมหมวดหน้าขาวคนนี้ อยู่ดีๆ ถึงขับรถปาดหน้าบีบบังคับให้เขาพาขับหนี ทำไมตัวเองไม่ขับหนีเอง รถตัวเองก็ใช่ว่ากระจอก...
...โน่น ลิ่วๆ ไปโน่นแล้ว เดินเร็วจริงๆ อยู่เฉยๆ ก็เดินหนีไปเลย ไม่ล่ำลาซักคำ แบบนี้มันน่านัก...
...น่าอะไรดีว๊า...

::: end of chapter 2 :::

เรื่องนี้มีคนชอบไหมเนี่ย? ห่างหายการเขียนนิยายไปกว่าสี่ปี อาจจะยังฝืดๆ ขออภัยด้วยนะครัช
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 2 ►6/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-02-2017 12:06:22
ศรัณย์ดูเป็นคนพูดมาก ไม่ยอมคนนะนี่
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 2 ►6/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 08-02-2017 20:23:11
บทที่ 3

ร้อยตำรวจโทเรียวเดินเข้ามาในห้องทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ แปลกแต่จริง ร้อยตำรวจโทชินวัฒน์มาทำงานก่อนเขา ตอนนี้นั่งหน้ากลมเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ อยู่อย่างมีความสุขเช่นเคย
“หมวดเอียว มามี่หม่อย” ชินวัฒน์ยกมือกวักเรียกเพื่อนคู่หู อาหารเต็มปาก พูดจาไม่ชัด
“กลืนก่อนค่อยพูดก็ได้นะ เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก ไม่อยากให้ ส.น. มีผีตายท้องกลมเฝ้า” เรียวส่ายหน้าขำๆ
“ไปทำอะไรมา” ชินวัฒน์ถามหลังจากพยายามกลืนอาหารลงคอจนหมด มือชี้มายังศีรษะของเรียว
“ตัดผมสิ”
“ได้รับอนุมัติแล้วหรือนั่นน่ะ”
“ก็ถามว่าไปย้อมผมคืนเป็นสีดำได้หรือยัง ท่านก็พยักหน้า บอกว่าจะทำอะไรก็ทำ ผมก็เลยตัดผมด้วยซะเลย”
“ทรงอิ๊กคิวซังนี่นะ ตอนที่เล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ ไม่นึกว่าจะเหมือนทิดสึกใหม่แบบนี้”
“เขาเรียกว่าทรงสกินเฮด” เรียวยักคิ้ว
“เฮ้อ หนักใจ” ชินวัฒน์มองศีรษะทุยได้รูปของหมวดเรียวแล้วส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ หยิบของกินส่งเข้าปาก แต่ยังไม่ทันจะได้เคี้ยวก็ต้องรีบยกมือขึ้นทำความเคารพผู้ที่เดินเข้ามาในห้อง
“อรุณฉะวัดวับผู้กอง” ชินวัฒน์พูดไม่ถนัด โชคดีที่อาหารในปากไม่เยอะมากนักจึงพูดพอฟังรู้เรื่องอยู่
“อือ” ร้อยตำรวจเอกคมกริชพยักหน้า แล้วหันไปมองศีรษะของหมวดเรียว พยักหน้าให้เล็กน้อยแล้วเดินตรงไปยังห้องทำงาน หมวดหนุ่มรูปร่างต่างขนาดทั้งสองมองตามร่างสูงใหญ่ผึ่งผายที่เดินตรงนิ่งเหมือน ‘ผีดิบ’ อย่างที่ชอบนินทาลับหลัง จากนั้นหันมามองหน้ากันเอง
“มันหมายความว่ายังไง” ชินวัฒน์ย่นหัวคิ้ว “ผู้กองขมวดคิ้วนิดนึงแล้วกระตุกมุมปาก อือ คำเดียวสั้นๆ แล้วก็เดินไปเฉยๆ”
“จะไปรู้หรือ ลองตามไปถามดูสิ” เรียวยักไหล่
“คงได้คำตอบหรอก” ชินวัฒน์เบ้ปาก “คนคนนี้ แต่ละวัน พูดนับคำได้ เขาตอบรับคำทักทายยามเช้าของเราด้วยการส่งเสียงว่า อือ นี่ก็ถือว่ายาวมากแล้วนะ”
ยังไม่ทันที่เรียวจะได้ตอบเพื่อนคู่หู เสียงใสแจ๋วก็ดังขึ้นมาก่อนตัว จากนั้นร่างอวบอั๋นของหญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหา
“หมวดเรียวขา อรุณสวัสดิ์ค่ะ ต๊าย เท่จังเลย หมวดเรียวตัดผมใหม่หรือคะ คมเข้มบาดใจแพรจริงๆ”
“เข้าห้องผิดแล้วหมู่แพร” ชินวัฒน์พูดขึ้น “ลืมทางไปห้องทำงานตัวเองแล้วหรือ”
“แหม อย่าเรียกหมู่แพรซิคะ พังไม่เพราะเลย”  สิบตำรวจเอกหญิงแพรพิไลค้อนขวับ “บอกว่าให้เรียกคุณแพรให้เรียกคุณแพร ทางไปห้องทำงานตัวเองนั่นน่ะไม่ลืมหรอก แต่ที่ต้องแวะมาที่นี่ก็เพราะต้องมาอรุณสวัสดิ์สุดหล่อของแพรเท่านั้นล่ะ ไม่ได้เจอหมวดเรียวตั้งหลายวัน ได้ยินมาว่าไล่บี้โจรตั้งโขยงใช่ไหมคะ สาดกระสุนกลางกรุงกันสนั่น น่าตื่นเต้นจริงๆ ตอนได้ยินข่าว แพรตกใจแทบหัวใจวาย”
“น่าจะวายจริงๆ” ชินวัฒน์พึมพำ แพรพิไลหันมาทำตาขวางใส่ แต่เขาไม่สนใจ หยิบอาหารใส่ปากต่อแล้วเคี้ยวอย่างอร่อย
“หมวดเรียวต้องระวังตัวด้วยนะคะ แพรเป็นห่วง” แพรพิไลหันไปพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับเรียว
“ครับ ขอบคุณมากครับ” เรียกพยักหน้า
“นี่แพรไม่เข้าใจ ทำให้ต้องให้แต่หมวดเรียวเป็นตัวล่อก็ไม่รู้ จะปลอมตัว จะแฝงตัว จะแทรกตัวเข้าไปอยู่กลางพวกโจรก็มีแต่หมวดเรียว ทีหมวดลูกชิ้นเอาแต่นั่งดูต้นทางอยู่ในรถ ปล่อยให้หมวดเรียวเสี่ยงอันตรายอยู่ได้”
“ก็เรียวเขาเก่งนี่ครับ” ชินวัฒน์เบ้ปาก
“นี่ไง เพราะหมวดเรียวห้าวหาญแบบนี้ไง แพรถึงได้...”
“หมู่แพรครับ เสือมาแล้ว” ชินวัฒน์รีบพูดแทรกขึ้นมา พร้อมชี้มือไปยังประตู แพรพิไลหันตาม เห็นร่างสูงบึกบึนของพันตำรวจตรีธันว์เดินเข้ามาจึงรีบกล่าวอำลาหมวดหนุ่มที่เธอหลงไหล
“แพรไปก่อนนะคะหมวดเรียว ถ้าตอนกลางวันไม่ได้ออกไปทำงาน ไปทานข้าวด้วยกันนะคะ แพรจะรอที่หน้าห้อง”
“ครับผม” เรียวยิ้มบางๆ
“ไปก่อนนะคะคุณหมวดลูกชิ้นหมู” แพรพิไลกระแทกเสียงใส่ชินวัฒน์
“อยากจะไปเชิญซิเชิญไป” ชินวัฒน์ร้องเพลงขึ้นมา ก้มหน้าสนใจอาหารตรงหน้าพลางพูดต่อว่า “ผู้หญิงอะไรไม่รักไม่หลงผู้ชายเต็มตัว”
“สวัสดีครับสารวัตร” เรียวทักทายธันว์ซึ่งพยักหน้าช้าๆ พร้อมกับเหลือบตามองที่ศีรษะของเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง
ชินวัฒน์ลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้บังคับบัญชา ปากเม้ม แก้มป่องเพราะกลัวสิ่งที่อยู่ในปากจะหล่นออกมา
“ประชุมแปดโมง” ธันว์พูดสั้นแล้วเดินจากไป แต่ก่อนไป สารวัตรหนุ่มปรายตามองศีรษะของหมวดเรียวอีกครั้ง คราวนี้สายตามีประกายไม่ค่อยพอใจ ซึ่งเรียวเท่านั้นที่สังเกตเห็น ส่วนชินวัฒน์นั้นกำลังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ ตามองโต๊ะทำงาน
“เฮ้อ” เรียวถอนหายใจเบาๆ
“มันหมายความว่ายังไงกัน” ชินวัฒน์พูดขึ้น “ผู้กองกับสารวัตรนี่สือสารด้วยภาษาท่าทางและภาษาสายตา และภาษามุมปากกระตุกเหมือนกันเด๊ะ”
“จะหมายความว่ายังไง ก็หมายความว่า ทำไมไปตัดผมทรงนี้นะสิวะ” เรียวตอบ
“แล้วมันจะอะไรนักหนากับผมทรงเณรน้อยเข้าพรรษา”
“โกนให้โล้นเลยดีไหม โกนคิ้วด้วย อยากรู้ว่าผู้กองกับสารวัตระทำหน้ายังไง” เรียวทำหน้าขึงขัง
“ท่านทั้งสองก็ช๊อคเลยนะสิ” ชินวัฒน์หัวเราะก๊าก “แล้วก็มอบหมายงานให้หมวดปลอดตัวเป็นพระะไปสืบคดีค้ายาบ้าในวัด หรือไม่ก็คดีพระตุ๋ยเด็ก”
“ไอ้บ้า เดี๋ยวบาปกินหัวหรอก คิดได้ไง” เรียวส่ายหน้า
“กินหัวหลุ่นๆ เลี่ยนๆ ของหมวดก่อนเถอะ” ชินวัฒน์หัวเราะร่าอย่างสนุกสนาน “เอ แต่ว่าไป ตัดผมทรงนี้หน้าเด็กขึ้นเยอะนะ ประชุมเรื่องคดีเช้านี้อยากรู้นักว่หมวดเรียวคุงจะได้ปลอมตัวเป็นอะไร”
///////

“ทุกคนแยกย้ายไปทำงานได้ แต่หมวดเรียวอยู่คุยกับผมก่อน” สารวัตรธันว์สั่งเลิกประชุมหลังจากใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงอธิบายแผนการทำงานให้ทุกคนในหน่วยปฏิบัติการพิเศษรับทราบ
“อีกแล้ว โดนอีกแล้ว” ชินวัฒน์แอบกระซิบข้างหูเรียว “ขอให้โชคดีนะเพื่อน”
เรียวทำหน้านิ่ง ไม่ตอบอะไรชินวัฒน์ รอจนทุกคนเดินออกจากห้องแล้วจึงขยับไปนั่งใกล้ธันว์
“ระวังตัวด้วย ถึงเป็นสถานศึกษา แต่ก็วางใจไม่ได้” ธันว์ย้ำเรื่องงานมอบหมาย
“ครับผม” เรียวพยักหน้า
“พอได้ข้อมูลและหลักฐานทุกอย่างแล้วก็ส่งต่อให้ผู้กองคมกริช ส่วนคุณ ให้ถอนตัวออกมาทันที คราวนี้ อย่าทำเกินคำสั่ง” ธันว์ย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นเคย
“รับทราบครับ”
“แล้วไปทำอะไรกับผมมา” สารวัตรธันว์มองที่ศีรษะทุยได้รูปของหมวดเรียว
“ไปตัดผมมาครับ” เรียวตอบ
“ทรงสกินเฮด”
“สบายหัวดีครับสารวัตร” เรียวยิ้มทะเล้น ยกมือขึ้นลูกศีรษะตัวเอง
“ก็ดี ดูหน้าเด็กขึ้น เหมาะกับจะไปเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เชิญ” สารวัตรธันว์ผายมือให้ลูกน้องเดินนำออกไปจากห้องประชุมก่อน ส่วนตัวเองเดินตามหลังช้าๆ
...ประชด ฟังเสียงสารวัตรก็รู้ว่าไม่ค่อยพอใจ...
...แล้วนี่มายุ่งอะไรกับหัวของเรา ผมของเรา จะตัดทรงอะไรมันก็เรื่องของเรา มาทำท่าหงุดหงิดทำไมก็ไม่รู้...
// // // //
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 2 ►6/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-02-2017 20:51:02
สวัสดีค่ะ คุณตำรวจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 3 ►8/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 08-02-2017 21:06:56
สวัสดีครับ หวังว่าคงสบายดีนะครับ ถัารักถ้าชอบคฑาวุธก็ช่วยกดไลค์ให้กำลังใจหน่อยนะครับ ใครกดไลค์ขอให้ได้แฟนทันฉลองวาเลนไทน์

ต่อบทที่ 3 ให้จบ เพราะโพสครั้งเดียวไม่ได้ ระบบบอกว่าเกิน 20000 คำ  :mew2:

...ประชด ฟังเสียงสารวัตรก็รู้ว่าไม่ค่อยพอใจ...
...แล้วนี่มายุ่งอะไรกับหัวของเรา ผมของเรา จะตัดทรงอะไรมันก็เรื่องของเรา มาทำท่าหงุดหงิดทำไมก็ไม่รู้...
// // // //
 

การปลอมตัวเป็นนักศึกษานั้นไม่ยากเลย แค่สวมเครื่องแบบนักศึกษา ร้อยตำรวจโทเรียวก็กลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยคนใหม่ได้อย่างอย่างแนบเนียน ยิ่งผมตัดสั้นเกรียนก็ยิ่งทำให้หน้าอ่อนสมกับเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง
แต่สิ่งที่ยากคือการนั่งเรียนในชั้นเรียนและตอบคำถามของอาจารย์
ถามอะไรมา ตอบไม่ได้สักอย่าง
เพียงวันแรกเรียวก็ได้เบาะแสบางอย่างเมื่อสามารถเข้ากลุ่มกับนักศึกษากลุ่มหนึ่งได้ หัวโจกของกลุ่มเป็นนักศึกษาปีสี่ ซึ่งเรียนซ้ำชั้นมาแล้วเป็นปีที่สามแล้วก็ยังไม่จบ
เรียวบ่นว่าไม่ค่อยมีเงินใช้ โจโฉ ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะสามารถช่วยเรียวหาเงินได้ คืนวันศุกร์จึงนัดให้ไปเจอกันที่หน้าผับแห่งหนึ่ง

เลิกเรียน เรียวเดินไปยังหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อขึ้นรถประจำทางกลับไปยังสถานีตำรวจ ขณะที่กำลังจะข้ามถนนในมหาวิทยาลัย รถสปอร์ตคันหนึ่งก็ขับผ่านไปด้วยความเร็วพอสมควร ก่อนจะเลี้ยวเข้าจอดในช่องจอด เบรกรถรถล้อครูดไปกับพื้นเสียงดังลั่นน่าตกใจ
เรียวหันไปมองอย่างฉุนๆ อยากเดินเข้าไปสั่งสอนเสียหน่อย แต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังสวมบทบาทเป็นนักศึกษาน้องใหม่อยู่จึงทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้ เขาเดินข้ามถนนกำลังจะพ้น แต่พลันได้ยินเสียงคนร้องเรียกทำให้ต้องรีบหันหน้าไปมองเพราะฝ่ายนั้นตะโกนเสียงดังฟังชัด
“หมวดเรียว มาทำอะไรที่นี่”
เรียวหันซ้ายหันขวา กลัวคนจะได้ยิน ผู้ชายเจ้าปัญหาคนนั้นพูดต่อว่า
“ทำไมแต่งตัวเป็นเด็กนักศึกษา หรือว่าคุณหมวดมารีดไถเงินเด็ก เอ๊ะ หรือว่าปลอมตัวมาสืบคดีลับสุดยอด”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้” เรียวตะคอกแล้วรีบวิ่งข้ามถนนย้อนกลับไปหาคนปากมาก “คุณจะทักผมทำไมก็ไม่รู้ เดี๋ยวคนรู้หมดว่าผมเป็นตำรวจ”
“อ้าว ก็คนรู้จักกัน” ศรันย์เลิกคิ้ว ทำหน้ากวนๆ “คุณจับผมเป็นตัวประกัน เอาปืนขู่เข็ญบังคับใจ จำไม่ได้หรือคร้าบ คืนร้าวรานคืนนั้นผมยังจำได้เสมอ คุณจี้ผม บังคับให้ขับรถพาหนีโจร ทำไมลืมได้ง่ายดาย”
“ไม่เลิกพูดซักทีนะไอ้เรื่องนี้” เรียวถอนหายใจ ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“จนกว่าคุณจะยอมรับต่อหน้าร้อยเวรและลงบันทึกประจำวัน ไม่งั้นผมก็จะพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกัน” ศรันย์ยักคิ้ว ทำท่ากวนอารมณ์เช่นเคย “ว่าแต่ว่า คุณหมวดมาทำอะไรที่นี่”
“จะรู้ไปทำไม” เรียวตวัดเสียงถาม “ว่าแต่คุณเถอะ มาทำอะไร อย่าบอกนะว่าเป็นอาจารย์สอนที่นี่ มาดไม่ให้แม้แต่นิดเดียว”
“อย่างผมหรือจะเป็นอาจารย์ ไม่เอาด้วยหรอก” ศรันย์แบะปาก
“งั้นคงมาจับเด็กล่ะสิ” เรียวอดแดกดันไม่ได้
“ผมไม่ใช่ตำรวจ ไม่มีอำนาจอยู่ในมือ จะจับใครได้” ศรันย์ตอบเสียงหยันๆ “ไม่ได้มีปืนในมือเอาไว้ขู่บังคับใครนี่คร้าบ”
เรียวเบ้ปาก ชายหนุ่มคนนี้ประชดได้ประชดดี ทั้งที่ใจหนึ่งไม่อยากจะคุยด้วย แต่เมื่อเจอกันก็อดต่อปากต่อคำไม่ได้ ไม่รู้ทำไม
“ตอนนี้ผมก็มีปืน อยากโดนขู่อีกหน่อยไหมล่ะ” เรียวทำหน้าดุ เสียงดุ
“ในสถานศึกษาเลยนะหมวด ในมหาลัยก็ไม่เว้นรังแกประชาชนเลยหรือ แต่ผมไม่กลัวหรอก จะกล้าเอาปืนมาขู่ก็ลองดูสิ ผมจะตระโกนให้คนช่วย เจ้าข้าเอ๊ย ตำรวจรังแกประชาชน”
“ตะโกนซะแก่เลยนะ หน้าตาก็ไม่ค่อยแก่เท่าไหร่ แต่ใช้คำพูดโบราณ” เรียวเบ้ปาก ส่ายหน้า
“ขอโทษนะครับคุณหมวด ผมเป็นคนทันสมัย แต่เมื่อกี้ผมประชดเฉยๆ หรอก” ศรันย์ทำเสียงยียวน และหน้าตากวนประสาท
“พูดพอหรือยัง ผมจะได้ไป” เรียวเลิกอยากจะต่อล้อต่อเถียง “แต่ขอร้องนะ ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่ามาเรียกผมว่าหมวด หรืออย่ามาแสดงออกให้คนเห็นว่ารู้จักกับผมเด็ดขาด ผมกำลังทำงานอยู่”
“ปลอมตัวเป็นนักศึกษามาหาเบาะแสอะไรหรือครับ ถามผมสิ มหาลัยนี้ผมรู้จักทุกซอกทุกมุม”
“เป็นขาใหญ่ละสิ” เรียวเหยียดปาก
“ก็พอตัว” ศรันย์เลิกคิ้ว “ขาใหญ่ แขนใหญ่ ใหญ่ทุกอย่าง”
เรียวไม่แน่ใจว่าการพูดเรื่องงานกับชายหนุ่มที่ท่าทางปากไม่มีหูรูดแบบนี้จะดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็อยากจะเล่าให้ฟังเผื่อว่าจะได้ข้อมูลอะไรดีๆ จากคนที่บอกว่ารู้จักมหาวิทยาลัยแห่งนี้ดีทุกซอกทุกมุม แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะเป็นแค่ราคาคุย
“ช่างเถอะ รู้แค่ว่าผมมาทำงานก็พอ” ในที่สุดเรียวก็ตัดสินใจว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคนที่ไม่ค่อยน่าเชื่อใจเท่าใดนัก “แต่ขอเตือนนะ ว่าถ้าเจอผมแล้วก็ไม่ต้องทัก ไม่งั้นคุณเจอปืนอีกรอบแน่”
“อุแม่เจ้า ขู่ซะน่ากลัว” ศรันย์แกล้งอุทานก่อนจะเบ้ปาก “เอะอะก็ใช้ปืน อยากจะรู้นัก ถ้าตำรวจอย่างคุณหมวดไม่มีปืนจะทำยังไง”
“ลองดูไหมล่ะ” เรียงเอียงหน้าท้าทาย “จบตำรวจมาไม่ได้เรียนวิธีใช้ปืนอย่างเดียวนะคุณ วิชาต่อสู้มือเปล่าเขาก็สอนมา”
“ไม่ลองครับ ไม่ลอง กลัวแล้ว กลัวจนหัวหดเลยนะนี่” ศรันย์ทำท่าหวาดกลัว แต่นัยน์ตาวิบวับ ฉายแววขี้เล่น “ว่าแต่คุณหมวดเถอะ จะปลอมตัวเป็นนักศึกษาทั้งที ทำไมไม่ปลอมเป็นนักศึกษาไฮโซล่ะ ขับรถเท่ๆ มาเรียน แทนที่จะเดินก๊อกแก๊กกลับบ้านแบบนี้ น่าสงสาร คงเหนื่อยแย่”
...เดินก๊อกแก๊กกลับบ้าน ภาษาอะไรของนายคนนี้นะ...
“จะไปส่งหรือไง” เรียวประชด
“อืม ขอลองคิดดูก่อน” ศรันย์เอียงหน้าคิด กอดอก ตั้งศอกขวาขึ้น ใช้นิ้วโป้งดันคาง ทำท่าคิด ซึ่งเรียวคิดว่าช่างเป็นภาพที่ขวางหูขวางตายิ่งนัก
“คุณหมวดรอหน่อยได้ไหมล่ะ ขอผมเข้าไปเก็บเงินก่อน แล้วจะให้ติดรถไปลงหน้า ส.น.”
เรียวส่ายหน้าอย่างฉุนๆ ปนขำ เลิกต่อปากต่อคำ แล้วก้าวขาเดินเพื่อข้ามถนน แต่ศรันย์เดินตามแล้วเรียกเอาไว้พร้อมกับยื่นมือออกมาทำท่าจะคว้าแขนของนายตำรวจหนุ่มเพื่อยื้อยุดเอาไว้ เรียวหันขวับ ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าห้าม
“อ๊ะๆ อย่านะ อย่ามาทำอะไรแบบนี้ เดี๋ยวก้านคอ”
“โอโห ดุจังแฮะ” ศรันย์ทำตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อแล้วถอยหนึ่งก้าว
เรียววิ่งเหยาะๆ ข้ามถนนเพื่อตรงไปยังประตูหน้าของมหาวิทยาลัย แต่ไม่วายได้ยินเสียงลอยตามมา
“ทำดุไปเถอะ ถ้าไม่ชักปืนออกมาขู่ จ้างให้ก็ไม่กลัว หน้าตาอย่างคุณหมวด ไม่ได้มีความเหี้ยมแม้แต่นิด บอกว่าเป็นตำรวจประชาสัมพันธ์จะรีบเชื่อเลยทันที”
...พูดมากจริงๆ คนอะไรก็ไม่รู้ กวนอารมณ์ รู้ยังงี้ไม่เอาปืนจี้บังคับให้ขับรถพาหนีไอ้พวกแก็งค์ไดมอนด์หรอก กรุงเทพฯ ก็ออกกว้าง เจอกันแล้วครั้งเดียวก็น่าจะจบไป ทำไมชีวิตเราจะต้องโคจรมาเจอนายคนนี้อยู่บ่อยๆ ด้วยนะ...
////////

“บุพเพเสพสังวาสยังไงล่ะหมวดเรียว” ชินวัฒน์พูดพร้อมทำหน้าทะเล้นเมื่อได้ยินเรียวเล่าเรื่องที่ไปพบกับศรันย์โดยบังเอิญให้ฟัง
“อะไร บุพเพบ้าบออะไร”
“ผมว่าเขาอยากจะปั่มปั๊มหมวดแน่ๆ เท่าที่เล่าให้ฟัง จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้เด็ดขาด” ชินวัฒน์หัวเราะลงลูกคอ
“ไม่น่าเล่าให้ฟังเล๊ย” เรียวส่ายหน้าแล้ววางซองปืนคู่ชีพลงบนโต๊ะ เอนตัวพิงเก้าอี้ ยกขาขึ้นวางพาดบนโต๊ะ
“เดี๋ยวผู้กองคมกริชด่าเอานะ เขาไม่ชอบให้ใครเอาตอเต่าสะระอีนอหนูวางบนโต๊ะ” ชินวัฒน์รีบท้วง
“สารวัตรยังทำเลย” เรียวแย้ง
“นั่นสารวัตร เรามันตัวเล็ก ไหนจะทำเหมือนตัวใหญ่ได้”
“ตัวเองทำไม่ได้ก็พูดมาเถอะ ติดพุงใช่ไหมล่ะ ยกไม่ขึ้นละสิ” เรียวเหยียดปากเยาะเย้ยเพื่อน “ยกเท้าไม่ได้ ยกได้แต่หาง”
“ทำไมจะยกไม่ขึ้น คอยดูนะ” หมวดชินวัฒน์เอนตัวแล้วเม้มปาก พยายามยกเท้าทั้งสองขึ้นวางพาดบนโต๊ะ พร้อมกับส่งเสียงออกมา “อึ๊บ”
“เฮ่ย ได้เหมือนกันนี่หว่า” เรียวอุทาน
“ส.บ.ม.ย.ห. สบายมากๆ อย่าห่วงหนูเลย” ชินวัฒน์หัวเราะ
“ยกมือประสานท้ายทอย เอนตัวพิงเก้าอี้ แหงนหน้ามองเพดานแบบสารวัตรได้ไหมล่ะ” เรียวเลียนแบบท่าทางผู้บังคับบัญชาเวลานั่งคนเดียวในห้องทำงานและใช้ความคิด
“ได๋ครับ” ชินวัฒน์พยักหน้า บีบเสียง แล้วเอนตัว แต่เก้าอี้คงจะเล็กเกินไป และเจ้าตัวอาจจะน้ำหนักเกิน หมวดหนุ่มร่างอวบจึงเกือบเสียการทรงตัวเพราะเก้าอี้เอนไปข้างหลังจนเกือบจะล้ม
“ทำอะไรกัน” ทันใดนั้นเสียงเข้มๆ ก็ดังขึ้น
“ผู้กอง” เรียวอุทานเบาๆ
“เฮ่ย” ชินวัฒน์อุทานเช่นกันแต่เสียงดังกว่า พร้อมกับเสียงดังโครมใหญ่ ตามด้วยเสียงร้องโอดโอยเพราะความเจ็บ ร้างท้วมๆ ของหมวดหนุ่มกองอยู่บนพื้น มีเก้าอี้ล้มอยู่ข้างๆ เรียวเผลอหัวเราะก๊าก แต่ร้อยตำรวจเอกคมกริชยืนมองหน้านิ่ง
“อูยเจ็บ” ชินวัฒน์คราง
“แฟ้มมหาวิทยาลัย” คมกริชสั่งงานสั้นๆ แล้วเดินเข้าห้องทำงาน ปล่อยให้หมวดเรียวกุมท้องหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล จ่าสิบโทหญิงยุวดีซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าใกล้ประตูลุกขึ้น เดินมาดู แต่พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็เดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองด้วยใบหน้าเรียบเฉยเพราะเห็นจนชินแล้ว
“หยุดหัวเราะได้แล้ว ตลกอะไรนักหนา” ชินวัฒน์ทำหน้าเหยเก พยายามลุกขึ้นนั่ง
“ดีนะไม่ได้สวมเครื่องแบบ ไม่งั้นน่าดูกว่านี้” เรียวยังคงหัวเราะด้วยความขำ “อยากลองอีกทีไหมล่ะหมวดลูกชิ้น กระดิกเท้าด้วย แหง๋วๆ อย่างเนี๊ยะ ทำได้ไหม” เรียกยกเท้าขึ้นวางพาดบนโต๊ะ กระดิกเท้าไปมาพลางทำเสียงแปลกๆ ในลำคอเป็นจังหวะเข้ากับการกระดิกเท้า แต่ครั้นนึกได้ว่าผู้กองคมกริชต้องการดูแฟ้มข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องภารกิจปลอมตัวเป็นนักศึกษาเพื่อเข้าไปหาเบาะแสการค้ายาเสพติดในมหาวิทยาลัยจึงรีบลุกขึ้น คว้าแฟ้มแล้วตรงลิ่วไปยังห้องทำงานของรองผู้บังคับบัญชา
// // // //

หมวดเรียวรายงานสรุปให้ผู้กองคมกริชฟังแล้วจึงปิดท้ายว่า ตัวเองมีนัดกับหัวหน้ากลุ่มชื่อโจโฉที่หน้าผับแห่งหนึ่งเพราะฝ่ายนั้นบอกว่ามีลู่ทางหาเงินให้ใช้
“แปลก ไม่น่าเชื่อใจเร็วขนาดนี้” คมกริชพลิกอ่านข้อมูลในแฟ้มทีละหน้าอย่างช้าๆ
“ผมบ่นว่าพักนี้ไม่ค่อยมีเงินใช้ ไอ้โจโฉก็เลยบอกว่ามีทางหาเงินให้ใช้ง่ายๆ มันจะต้องมีอะไรเกี่ยวกับยาเสพติดแน่ๆ เลยครับ ผมตีสนิทกลุ่มนี้ได้ตั้งแต่วันแรกที่ปลอมตัวเข้าไปเรียนแล้วครับ เท่าที่เห็น มีอยู่กันหกคน สกินเฮดทั้งนั้น โชคดีที่ผมตัดผมทรงนี้” เรียวหัวเราะเบาๆ ชี้นิ้วที่ศีรษะตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“ระวังตัวด้วย” คมกริชพูดเบาๆ ปิดแฟ้มแล้วโยนลงบนโต๊ะ
“ครับผม” เรียวพยักหน้า
“ให้หมวดชินไปเป็น...” คนกริชพูดค้าง มองออกไปนอกประตูห้องทำงาน เห็นหมวดชินวัฒน์กำลังเดินไปเดินมาอยู่นอกห้อง จึงเปลี่ยนใจ
“ผมจะไปสแตนบายใกล้ๆ เผื่อมีอะไร”
“ไม่ต้องหรอกครับ งานนี้ผมลุยเดี่ยวได้ แค่หาข่าววันแรก คงยังไม่มีอะไรมาก”
“ก็ไม่แน่ มันอาจได้โอกาส ใช้เด็กใหม่เป็นคนส่งยา”
“ผมจะระวังตัว”
“เหมือนเคย” คมกริชเลิกคิ้ว
“ครับผม” เรียวย่นหัวคิ้วเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจที่คมกริชพูดเท่าใดนัก
“หมวดเรียว” คมกริชโน้มตัวมาข้างหน้า วางศอกลงบนโต๊ะ มองหน้าเรียวนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ถามจริงเถอะหมวด ทำไมคืนนั้นไปจี้ผู้ชายคนนั้นให้ขับรถพาหนี”
“เอ่อ...คือว่า...เอ่อ...” เรียวอึกอัก จะให้บอกความจริงไปเขาก็ทำไม่ได้
“จำไว้ หาข่าวเท่านั้น อย่าเกินคำสั่ง” คมกริชสรุป เมื่อเห็นว่าเรียวดูเหมือนไม่อยากจะพูดต่อ
/ / / / /

หน้าผับจุดนัดพบค่อนข้างเงีบ ผับนี้เป็นผับเล็กๆ ชานเมือง มีรถจอดอยู่ด้านหน้าเพียงสี่คัน แต่ละคันล้วนเป็นรถสปอร์ตแต่งซิ่งทั้งนั้น เรียวยืนรออยู่ไม่นาน รถเบ็นซ์ E220 สีทองใหม่เอี่ยมคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดและลดกระจกลง โจโฉยื่นหน้าออกมาแล้วเรียกให้เรียวเข้าไปหา
“น้องหนุ่ม รู้จักคุณประพจน์สิ พี่พจน์ครับ นี่ไงครับ รุ่นน้องมหาลัยที่ผมเล่าให้ฟัง” โจโฉแนะนำให้รู้จักกับคนขับ เรียวมองผ่านโจโฉไปเห็นชายอายุราวสี่สิบปีนั่งอยู่หลังพวงมาลัย
เรียวค้อมตัวลง ยกมือขึ้นสวัสดีประพจน์ผู้มองมาด้วยสายตาพึงพอใจ
“ซิงๆ อยู่เลยนะพี่ รับรองคุณภาพ”
...อะไรวะ ชักจะยังไงๆ ซะแล้ว...
“หนุ่มอยู่ปีหนึ่งใช่ไหม อายุสิบแปดหรือยัง” ประพจน์ถามเสียงอ่อน
“เพิ่งสิบแปดครับ” เรียวยิ้มซื่อๆ ทำหน้าตาไร้เดียงสา
“ถ้างั้นขึ้นรถ” ประพจน์พยักหน้า ปลดล๊อคประตู โจโฉเปิดประตูก้าวลงจากที่นั่งข้างคนขับแล้วดันหลังให้เรียวขึ้นนั่งแทน
“ไปไหนพี่” เรียวหันไปถามโจโฉทั้งที่เริ่มเข้าใจแล้วว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
...ไอ้บ้า โจโฉ เสือกพามาขายตัว นึกว่าจะได้ข่าวเรื่องยาเสพติด...
/// /// ///

ประพจน์ขับรถพาเรียวตรงเข้าในเขตเมือง ตลอดทาง มือวางอยู่บนต้นขาแน่นๆ ของนายตำรวจผู้ปลอมตัวเป็นนักศึกษาที่กำลังหาลำไพ่พิเศษ
“ไม่ต้องประหม่า ทำตัวสบายๆ พี่ไม่กัดหรอก” ประพจน์หัวเราะขำ มือลูบไล้ต้นขาของเรียว แล้วบีบเบาๆ
“พี่ครับ แล้วงานที่จะให้ทำนี่คืออะไรครับ” เรียวแกล้งทำเป็นยังไม่เข้าใจ
“อ้าว นี่โจโฉยังไม่ได้บอกหรือ เห็นว่าน้องหนุ่มไม่มีเงินจ่ายค่าหอ ที่บ้านยังไม่ส่งเงินมาให้ กำลังกลุ้มอยู่ พี่ก็เลยอยากช่วย”
“ครับ” เรียวพยักหน้า ยิ้มแหยๆ “พี่โจโฉบอกแค่ว่ามีคนจะให้งานทำ บอกแค่นี้จริงๆ ครับ”
“ไม่เคยละสิท่า” ประพจน์ยิ้มพอใจ
“เคยอะไรครับ” เรียวตีหน้าซื่อ
“งานสบายๆ พี่ให้สองพันเลยนะ ปรกติพี่ไม่ให้ใครเยอะขนาดนี้ แต่เห็นว่าน้องหนุ่มเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง”
“ความจริงจะปีสองแล้วล่ะครับ แต่รีไทร์ เลยต้องกลับไปสอบเข้าใหม่” เรียวสร้างเรื่อง ตีหน้าเศร้าเล็กน้อย “มัวแต่ทำงานหาเงินเลยไม่ค่อยมีเวลาเรียนครับ”
“น่าสงสาร” ประพจน์พูดเสียงอ่อน ยกมือขึ้นลูบแก้มของชายหนุ่ม “ขยันด้วย แบบนี้พี่สนับสนุน”
“ตกลงงานอะไรครับพี่ถึงได้เงินตั้งสองพัน”
“ไม่ต้องห่วง งานสบาย ไม่มีประสบการณ์ก็ทำได้ พี่จะสอนให้เอง ถ้าทำดี มีเพิ่มให้พิเศษนะ บอกตรงๆ เห็นน้องแล้วพี่ถูกใจมาก นานๆ จะเจอแบบนี้ ว่าแต่ว่า มีแฟนหรือยัง”
“ยังครับ โสดครับ ไม่มีพันธะ” เรียวส่ายหน้า พยายามทำตาแป๋วแหววให้ดูอ่อนเดียงสาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในใจรู้สึกกระดากไม่ใช่น้อยที่เป็นนักศึกษาปีหนึ่งทั้งที่ตัวเองอายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว
“ตกลงพี่จะให้ผมทำอะไรครับ” เรียวถามอีกครั้ง
“ไม่มากหรอก ไม่ต้องห่วง” ประพจน์ยิ้ม ส่งสายตาวาบหวาน เริ่มเข้าเรื่อง รู้สึกถูกใจเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ มากจนแทบจะรอไม่ไหว อยากเลี้ยวรถเข้าโรงแรมม่านรูดเดี๋ยวนั้นเลย
“หมายความว่า” เรียวขมวดคิ้ว
“กลัวหรือ หนุ่มไม่ต้องกลัวนะ ถ้านี่เป็นครั้งแรก พี่จะสอนให้ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่มีอะไรมาก ใช้มือใช้ปาก นอนคว่ำแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว” ประพจน์ลดมือลงมาบีบต้นแขนแกร่งของร้อยตำรวจโทเรียวซึ่งใช้ชื่อปลอมว่า ‘หนุ่ม’
“หมายความว่า พี่จะเป็นคน...เอ่อ...” เรียวตะกุกตะกัก
“น่ารัก” ประพจน์หัวเราะร่วน รู้สึกชอบใจที่จะได้เด็กที่ ‘สดๆ ซิงๆ’ อย่างที่โจโฉอวดสรรพคุณ หน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน รูปร่างกำยำล่ำสัน มาดแมน คุณภาพภายนอกเท่าที่เห็นจากสายตานั้นเหนือความคาดหมาย
“ผม...เอ่อ...ผมไม่เคย...แบบว่า...” เรียวตะกุกตะกัก พยายามคิดหาทางออก
“ไม่เคยรับ” ประพจน์พูดต่อให้จบ หัวเราะชอบใจ “ไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก ใส่เจลเยอะๆ ดมป๊อบเปอร์ซะหน่อย ยาซักเม็ด แค่นี้ก็เหมือนไปสวรรค์ พี่บอกแล้วไงว่าพี่เสร็จเร็ว ครั้งแรกพี่ไม่เรียกร้องอะไรมากหรอก แต่ครั้งต่อไป หนุ่มเป็นงานแล้ว ก็ค่อยพลิกแพลง”
“ผมไม่มีอะไรซักอย่างเลยครับพี่” เรียวยิ้มแหย
“อะไรกัน” ประพจน์อุทานเสียงเบาๆ
“เจลไม่มี ถุงก็ไม่มีเลยครับ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง”
“ตายแล้ว” ประพจน์ยกมือทาบอก
“ก็ผมไม่รู้ว่าจะมาทำอะไรนี่ครับ” เรียวทำหน้าซื่อ “แล้วพี่มีไหมครับ”
“พี่ไม่มีหรอก ไม่ได้บอกโจโฉไว้ก่อนนี่ ปรกติมันจะให้มาพร้อมกับเด็ก” ประพจน์ส่ายหน้า
“พี่ไม่มีเจลไม่มีถุงเลยหรือครับ”
“เจลกับถุงยางหนุ่มต้องเตรียมเองให้พร้อม” ประพจน์สอน “อย่างอื่นโจโฉต้องเตรียมให้ แต่พี่ลืมไปเองที่ไม่ได้บอก”
“อะไรบ้างหรือครับ” เรียวเลิกคิ้วถาม
“ก็ทุกอย่างที่ต้องการ ป๊อบเปอร์ ไอ๊ซ์ วีร้อย หรืออะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ความจริงโจโฉต้องเตรียมไว้ให้ ลูกค้าอยากได้อะไรก็ควักออกมาเลย” ประพจน์อธิบาย
“โอ้โห เอาออกมาเสนอขายเหมือนเซลส์ขายแอมเวย์นี่นะ” เรียวอุทาน ทำหน้าตาไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“ใช่ เก็บเงินเพิ่มเป็นค่าบริการเสริม” ประพจน์ตอบแล้วหัวเราะชอบใจ “แต่พี่ว่ามันคงเห็นว่าน้องหนุ่มยังเป็นเด็กใหม่ก็เลยยังไม่ให้มา แต่ไม่เป็นไร ขาดเหลืออะไรโทรไปสั่งให้เอามาส่ง”
“มีบริการส่งด้วย ที่ไหนครับ” เรียวถาม
...ชักจะได้เรื่องแล้วล่ะสิ เป็นนายหน้าค้าบริการทางเพศ มีบริการเสริมขายยาด้วยอีกต่างหาก มาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว แต่เอาไว้แค่นี้ก่อนเถอะนะ ค่อยหาทางใหม่ ต้องวางแผนให้ดีกว่านี้ คืนนี้พลาดไปหน่อย...
เรียวคิดหาทางเอาตัวรอด คืนนี้ยังไม่พร้อมลุยเพราะตั้งใจมาเพื่อหาข่าวเบื้องต้นเท่านั้น
“นี่ใหม่สุดๆ แบบไม่รู้อะไรจริงๆ เลยหรือเนี่ย” ประพจน์ส่งสายตาวิบวับให้เรียว รู้สึกชอบใจยิ่งนัก “ปรกติก็โรงแรมนั่นล่ะ แต่คราวนี้พี่ว่าไปที่บ้านพี่ดีกว่า น้องหนุ่มหล่อน่ารักถูกใจพี่แบบนี้ ต้องพิเศษหน่อย แล้วโรงแรมแถวนี้ก็เน่าๆ ทั้งนั้น พี่ไม่ไหว”
“บ้านเลยหรือครับ” เรียวอุทาน
...ตายละหว่า ถ้าเข้าไปถึงบ้าน จะเอาตัวรอดก็คงลำบาก อุปกรณ์เสริมความสุขทางเพศคงมีเพียบ จะหาข้อแก้ตัวก็ไม่ได้ อย่ากระนั้นเลย...
“พี่ครับ จะรอให้ถึงบ้านทำไม ไปข้างหน้าอีกหน่อยก็มีโรงแรมดีๆ แล้วครับ” เรียวชี้นิ้ว ยื่นมือไปวางที่ต้นขาของ ‘ลูกค้า’
“อ้าว ทำไมรู้”
“ผมเคยพาแฟนเก่าไปครับ” เรียวยิ้มแหยๆ “มีเก้าอี้สุขสันต์ด้วยนะครับพี่ เหมือนในโรงพยาบาลที่หมอใช้ตรวจภายใน”
“จริงหรือ” ประพจน์หันมาทำตาวาบหวาม จินตนาการภาพหนุ่มน้อยขึ้นนอนเอนบนเก้าอี้
“พี่แวะที่นี่เลยนะครับ ไม่ต้องไปถึงบ้านหรอก พี่ทดสอบผมก่อนไม่ดีกว่าหรือ ถ้าผ่านค่อยพาไป ถ้าพี่ไม่รังเกียจ ผมค้างกับพี่ก็ได้ ตอนเช้าจะได้เอ่อ...” เรียวทำหน้าและเสียงออดอ้อน
“อ๊ะ ไหนว่าไม่เคย แหม ลีลาออดอ้อนไม่ใช่เล่นนะเนี่ย” ประพจน์หัวเราะร่า
“ผมเรียนรู้เร็วครับ ผมกลัวพี่จะไม่ชอบผม เกิดพี่เปลี่ยนใจ ไม่อุดหนุม ผมก็ไม่มีค่าเล่าเรียนนะสิครับ” เรียวขยิบตา เผยอปากยั่วเล็กน้อย มือลูบไล้ต้นขาประพจน์สลับบีบเน้นเบาๆ
“งั้นไปเลย พี่แทบจะรอไม่ไหวเหมือนกัน อยากเสียบน้องใจจะขาดอยู่แล้ว” ประพจน์ทำเสียงหื่น ตาเยิ้ม
“ถ้างั้นพี่แวะจอดให้ผมลงไปซื้อถุงกับหล่อลื่นหน่อยนะครับ ผมกลัวเจ็บ” เรียวเอียงหน้าอ้อน เลียริมฝีปากตัวเองช้าๆ
“ได้จ้ะ พี่จะเบาๆ” ประพจน์บิดแก้มหนุ่มช่างอ้อน ขับรถตรงไปอีกไม่นาน เมื่อเห็นร้านสะดวกซื้อจึงจอดรถห่างไปเล็กน้อย
เรียวลงจากรถ ดึงขอบกางเกงขึ้นให้แน่นกระชับ จงใจอวดบั้นท้ายเต็มที่ หันมายิ้มให้ประพจน์ซึ่งนั่งมองอยู่ในรถ แล้วเดินตรงไปในร้านสะดวกซื้อ ในใจพยายามคิดหาทางเอาตัวรอดจากการ ‘ถูกเสียบ’ ในคืนนี้
...เข้าไปซื้อของ หาคนทะเลาะชกต่อยซักหน่อย คงจะพอรอดพ้น ‘เงื้อมมือมัจจุราช’ อย่างประพจน์ได้ วันหลังค่อยว่ากันใหม่ วันนี้น่าจะได้ข้อมูลเป็นประโยชน์พอแล้ว...
►จบบทที่ 3◄
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 3 ►8/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-02-2017 22:43:21
หมวดเรียวต้องมีปัญหาเรื่องการขับรถ (เร็ว) แน่เลย
เป็นสายสืบเรื่องยาเสพติด ดันได้เข้ากลุ่มค้าประเวณีไปเสียได้ ฮา สงสัยที่ได้เข้ากลุ่มง่าย ๆ นี่เพราะหน้าตาผ่าน เลยเล็งจะเอารุ่นน้องเป็นสินค้าสินะ
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 3 ►8/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 10-02-2017 21:16:28
บทที่ 4

เมื่อเปิดประตูเข้ามาในร้าน นายตำรวจหนุ่มผู้กำลังหาทางเอาตัวรอดก็กวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาใครสักคนที่พอจะขอให้ช่วยมีส่วนร่วมในการเล่นละคร ในร้านมีพนักงานเก็บเงินเพียงคนเดียว ยืนทำหน้าบึ้งอยู่หลังเคาท์เตอร์ ท่าทางเบื่อโลกยิ่งนัก ด้านในสุดหน้าตู้เครื่องดื่มมีหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งอุ้มเด็กซึ่งกำลังร้องไห้กระจองอแง ส่วนกลางร้าน ชายวัยกลางคนรูปร่างผอมกะหร่องกำลังยืนเลือกอาหารกระป๋อง
เรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองไม่เห็นว่าจะชวนใครทะเลาะได้จึงเข้าไปด้านในสุดของร้านเพื่อเลือกเครื่องดื่มเย็นๆ สักหนึ่งกระป๋อง รออีกสักครู่ เผื่อจะมีลูกค้าคนอี่นเดินเข้ามาอีก
จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่อาจทราบได้ ใกล้ๆ กับหญิงวัยรุ่นมีผู้ชายคนหนึ่งนั่งยองๆ อยู่ที่พื้นกำลังเลือกเครื่องดื่มจากในตู้แช่ด้วยอาการหงุดหงิด ปากก็บ่นพึมพำอยู่คนเดียว
“อะไรวะ ไอ้นั่นก็ไม่มี ไอ้นี่ก็ไม่มี อันที่อยากกินก็ไม่เจอ อันที่เจอก็ไม่อยากกิน แย่ฉิบหาย มาทีไรไม่เคยจะได้กินของที่อยากกินเลยให้ตายสิ เดี๋ยวพ่อก็เปิดร้านเซเว่นเองซะเลย”
เรียวชะงักเพราะเสียงนั้นฟังคุ้น ปรายตาไปมองจึงเห็นว่าผู้ชายขี้บ่นคนนั้นกำลังลุกขึ้นช้าๆ มือกดบั้นเอวพร้อมกับบ่นว่าปวดหลัง
“โอย ปวดเอวฉิบหาย รู้ยังงี้ไม่หักโหมซะก็ดี”
...เวรกรรม เจออีกแล้ว อีตาคนพูดมากคนนี้ทำไมชอบอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง...
...แต่เอ๊ะ คนชอบกวนอารมณ์แบบนี้น่าจะเหมาะชวนทะเลาะเป็นที่สุด เหมาะสำหรับแผนการณ์เอาตัวรอดคืนนี้ เผลอๆ ไม่ต้องเสียเงินจ้างใครให้ทะเลาะด้วย เอาให้เอะอะโวยวายจนร้านพังก็คงได้ จากนั้นจะหลอกให้ตามไปเอาเรื่องถึงหน้าร้าน แล้วทำท่าจะต่อยกัน คราวนี้ก็รอดเงื้อมมือพี่ประพจน์...
มือไวเท่าความคิด เรียวเขย่าน้ำอัดลมกระป๋องในมือแล้วเปิดออกทำให้เครื่องดื่มพุ่งออกมาทันใด กระเด็นไปเลอะขากางเกงของคนที่อยู่ข้างหน้าซึ่งรีบกระโดดโหยงทันทีพร้อมกับโวยวายเสียงลั่น
“อ้าว เฮ่ย อะไรวะ ใครวะ ใครทำ”
เรียวไม่รอช้า เดินตรงไปที่ประตูทางออกของร้าน พนักงานเก็บเงินที่ยืนซังกะตายอยู่หลังเคาเตอร์ ‘ตื่น’ ขึ้นมาทันทีเพราะลูกค้าไม่จ่ายเงินจึงร้องเรียกเสียงลั่น
“เก็บเงินกับพี่คนโน้น” เรียวชี้มือไปยังคนที่โดนน้ำอัดลมหกเลอะเทอะ
“ไม่ได้นะพี่ จ่ายเงินก่อนแล้วค่อยออกจากร้าน” พนักงานห้ามเสียงดัง
เรียวไม่สน มือผลักประตูเดินออกไป พนักงานรีบวิ่งตามออกมาพร้อมๆ กับอีกคนที่เอะอะโวยวายไม่แพ้กัน
“เฮ่ย ไอ้น้อง ทำน้ำอัดลมหกรดแบบนี้แล้วเดินหนีเฉยๆ แบบนี้ได้ไงวะ นักเลงหรือเปล่า”
“คุณนี่เอง” เรียวหยุดเดิน หันขวับไปมองแล้วเลิกคิ้ว ทำเป็นตกใจที่เจอคนรู้จัก
“อ้าว เจออีกแล้ว นักหาเรื่อง”
“คุณจริงๆ ด้วย” เรียวเบ้ปาก ทำหน้ากวน
“ก็ผมนี่ล่ะ จะใครที่ไหนถ้าไม่ใช่ศรันย์ ประชาชนตาดำๆ ที่โดนตำรวจรังแก” ศรันย์ชี้หน้าตำรวจที่ชอบรังแกประชาชน
“พี่ จ่ายเงินมาก่อนสิ” พนักงานคว้าแขนศรันย์
“ยังไม่ได้ซื้ออะไรเลยโว้ย จ่ายได้ไง” ศรันย์สะบัดแขน หันไปโวยวายใส่พนักงานเก็บเงินผู้ซึ่งรีบชี้มือไปที่เรียวพร้อมกับบอกว่าฝ่ายนั้นเป็นคนบอก
“อะไรกัน คุณกินคุณก็จ่ายสิ” ศรันย์โวย
“คุณยืมเงินผมห้าร้อย ยังไม่ได้ใช้คืน จำไม่ได้หรือไง” เรียวยกน้ำอัดลมขึ้นดื่มอีกหนึ่งแล้วโยนทิ้ง
“ทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง” ศรันย์ตำหนิแล้วหันไปตะคอกพนักงานซึ่งยื่นมือมาดึงแขนเขาไว้ “ไม่จ่ายโว้ย ใครกินก็ไปเก็บกับคนนั้นสิวะ”
“ใจดำ” เรียวผลักศรันย์
“อ้าวๆ หาเรื่อง” ศรันย์ถลึงตาใส่เรียว สะบัดแขนให้หลุดจากมือของพนักงานเก็บเงิน “รังแกประชาชนอีกแล้ว”
“เงินแค่สิบสี่บาท ทำเป็นเหนียว ผมให้คุณห้าร้อยยังไม่คิดอะไรด้วยซ้ำ เห็นแก่ตัวจริงๆ เลย หน้าตาก็ดี แต่งตัวก็ไม่กระจอก เงินแค่นี้ก็จ่ายไม่ได้”
“ก็ด๊าย” ศรันย์พูดเสียงสูง ล้วงกระเป๋าเงินแล้วยืนธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทให้พนักงาน “น้อง ไม่ต้องทอน พี่ให้ทิป”
“รวยแฮะ” เรียวพูด
“ก็พอตัว” ศรันย์ทำท่าโอ่ “นี่ขนาดหาเงินมาแบบสุจริตนะเนี่ย ถ้าผมรีดไถประชาชนด้วยละก็ คุณเอ๊ย ผมทิปเด็กคนนั้นด้วยใบสีม่วงไปแล้ว”
“คุณหาว่าผมรีดไถงั้นสิ กล่าวหากันซึ่งๆ หน้าแบบนี้จะมากไปแล้ว รู้ไหม ผมจับคุณเข้าคุกข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานได้นะ” เรียวขู่
“ไหนพยาน” ศรันย์หันซ้ายหันขวา ทำเป็นมองหาคนเป็นพยาน
“พยานน่ะไม่มีหรอก ไม่จำเป็น แต่ถึงไม่มีผมก็สร้างพยานเองได้ไม่เห็นจะยาก” เรียวยักไหล่ ทำท่าไม่ยี่หระ
“อ๋อ แน่น๊อน คุณเป็นตำรวจนี่นา ทำอะไรยังไง กับใคร เมื่อไหร่ อย่างไรก็ได้ทั้งนั้นล่ะพ่อคุณ ผมมันแค่ประชาชนตาดำๆ จะไปมีปากมีเสียงอะไรได้” ศรันย์พูดพร้อมกับยกไม้ยกมือโบกไปมาแสดงอาการไม่สบอารมณ์
เรียวรู้สึกขำ อยากจะหัวเราะกับท่าทางประชดประชันของศรันย์ที่พูดเสร็จแล้วก็ค้อนขวับ สะบัดหน้าอย่างอารมณ์เสีย
“เอาล่ะ ผมขอโทษ” เรียวพูดขึ้น ส่งผลให้คนที่ได้ยินขมวดคิ้ว ทำหน้าแปลกใจที่จู่ๆ ‘คุณตำรวจใจร้าย’ เปลี่ยนท่าทีไปเฉยๆ
“คุณจะมาไม้ไหนอีกละเนี่ย” ศรันย์ไม่ไว้ใจ “เจอหน้าคุณทีไรผมซวยทู๊กที มีเรื่องไม่ว่างไม่เว้น”
“พูดเกินไปแล้ว” เรียวพูดเสียงห้วน “อย่ามาหาเรื่องกันแบบนี้นะ พูดแบบนี้อยากไปนอนสงบสติอารมณ์ในคุกหรือไง”
“อะไรอีกละเนี่ย” ศรันย์โวยวายขึ้นมาอีกครั้ง ยกมือขึ้นเกาศีรษะเพราะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ “ใครหาเรื่องใครมิทราบคร้าบคุณตำรวจ ผมจำได้ว่าผมอยู่ดีๆ ก็มีคนมาหาเรื่อง”
“มีพยานหรือเปล่า” เรียวเอียงหน้าถามกวนๆ
“มีสิ เด็กแคชเชียร์คนนั้นไง มาเลย เข้าไปข้างในเลย ไปคุยกันให้รู้เรื่อง” ศรันย์คว้าข้อมือคนชอบหาเรื่องดึงให้ตามเข้าไปในร้าน
“ปล่อย” เรียวสะบัดมือแต่ศรันย์จับเอาไว้แน่น
“ผมไม่ปล่อยตำรวจอันธพาลให้ลอยนวยหรอก” ศรันย์ทำท่าขึงขัง “คุณอยากได้พยานมาชี้ตัวผู้ต้องหาคดีหาเรื่องทะเลาะวิวาทใช่ไหมล่ะ ได้เล๊ย” ศรันย์ออกแรงดึง
“ไม่ปล่อยโดน” เรียวใช้มืออีกข้างชี้หน้าขู่
“กลัวตายล่ะ คุณไม่มีมีปืน ผมรู้” ศรันย์ออกแรงฉุดมากกว่าเดิมเพื่อดึงหมวดหนุ่มจอมกวนเข้าไปในร้าน “ไม่มีปืน ผมไม่กลัว”
“พอๆ พอได้แล้ว” เรียวยกมือห้าม
“พออะไร” ศรันย์สงสัย ระวังตัวเต็มที่เพราะไม่อาจไว้ใจหมวดเจ้าเล่ห์คนนี้ได้
“ผมแกล้งล้อเล่นคุณเฉยๆ ผมกำลังทำงาน รถเบ็นซ์คันที่จอดอยู่ตรงข้างหลังนั่นน่ะเป็นผู้ต้องสงสัย” เรียวเปลี่ยนใจ เพิ่งจะนึกได้ว่าหากศรันย์โวยวายว่าเขาเป็นตำรวจรังแกประชาชนก็จะทำให้เสียเรื่อง “ช่วยทะเลาะกับผมหน่อยเถอะ แต่ไม่ว่จะยังไง อย่าพูดว่าผมเป็นตำรวจ ห้ามเปิดเผย”
“ทำไมผมต้องช่วยคุณ” ศรันย์หรี่ตา
“ไม่อยากเป็นพลเมืองดีหรือไง”
“ผมน่ะเป็นพลเมืองดีมาแต่ไหนแต่ไร แล้วเป็นไงล่ะ โดนรังแกมาตลอด จำไมได้หรือ คุณเอาปืนจี้บังคับให้ผมขับรถพาหนีพวกโจรห้าร้อย”
“เฮ้อ” เรียวแหงนหน้า กรอกตา ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนที่อีกฝ่ายไม่ยอมลืมเรื่องนั้นเสียที “เมื่อไหร่จะเลิกพูดเรื่องนี้นะ”
“ก็จนกว่าคุณจะยอมขอโทษผมเป็นทางการ”
“ขอโทษ ผมขอโทษ” เรียวกระชากเสียง
“ไม่รับคำขอโทษแบบแดกดัน” ศรันย์แบะปาก
“จะให้ทำไง จัดพิธีเป็นทางการ เชิญ ผบ. ตร. มาเป็นพยานหรือไง”
“คุณจ่ายค่าน้ำอัดลมก่อน ร้อยบาท” ศรันย์แบมือรอ
“ไม่จ่าย” เรียวออกแรงดึงแขนกลับแต่ศรันย์ไม่ยอมปล่อย นายตำรวจหนุ่มจึงตัดสินใจใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด
เรียวย่อตัวลงแล้วมุดตัวลอดใต้แขนของศรันย์ไปทางด้านหลังทำให้ศรันย์ต้องบิดแขนและเอียงตัว นายตำรวจหนุ่มอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเสียการทรงตัวหมุนข้อมือที่ถูกจับอยู่เล็กน้อย และใช้สันมืออีกข้างฟันเข้าที่บั้นเอวของศรันย์จนฝ่ายนั้นสะดุ้ง จากนั้นกระชากข้อมือออกจากมือของผู้ที่จับ ทำท่าจะฟันศอกเข้าที่ใบหน้าของศรันย์ทำให้ ‘ประชาชนที่โดนรังแก’ ต้องรีบยกแขนขึ้นทั้งสองข้างเพื่อตั้งท่าป้องกันตัว
“ไปดีกว่า” เรียวยักคิ้วแล้วรีบเดินหนีไปที่รถของประพจน์เพื่อ ‘ปฏิบัตการขั้นต่อไป’ ศรันย์วิ่งตาม ส่งเสียงโวยวายเช่นเคย
“จะหนีไปไหน”
“เลิกยุ่งกับผมซะที” เรียวตะโกนเสียงดุ และเมื่อเห็นประพจน์ลดกระจกรถจึงรีบดึงคอเสื้อศรันย์เข้ามาใกล้ “บอกไว้ก่อนนะ ห้ามทำให้เขารู้ว่าผมเป็นตำรวจ ไม่งั้นคุณโดนหนักหนาสาหัสจนต้องหยอดน้ำข้าวต้มแน่ๆ”
“คิดว่าผมจะกลัวงั้นสิ” ศรันย์ทำหน้าท้าทาย ผลักเรียวจนเซไปกระแทกรถหรู
“เรื่องอะไรน่ะ” ประพจน์ทำหน้าตาตื่น
“พี่ครับ ผมขอโทษ ผมโดนตื้อ” เรียวหันไปยกมือไหว้ ‘ลูกค้า’ แล้หันมาตวาดคนที่ตาม ‘ตื้อ’ ด้วยเสียงฉุนเฉียว “บอกว่าไปไกลๆ ทำไม ถ้ารับเรื่องนี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องมายุ่ง”
“ทำไมจะยุ่งไม่ได้ จะให้พี่ยืนอยู่เฉยๆ มองแฟนตัวเองมาขายตูดขายตัว พี่ยอมไม่ได้” ศรันย์ตวาดกลับ
เรียวสะอึก เผลอกันไปมองรอบๆ เพื่อดูว่ามีใครมาได้ยินหรือเปล่า แต่ในใจอดคิดไม่ได้ว่านายคนนี้สมอง ‘เร็ว’ ไม่ใช่น้อยเพราะสามารถสร้างเรื่องให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะเหม็ง
“อย่ามากล่าวหาแบบนี้สิวะ” เรียวขึ้นเสียง
“แล้วจะให้คิดยังไง นั่งรถมากับไอ้หน้าวอกแวมไพร์ทไวไลท์แบบนี้ จะให้คิดว่ายังไง จะขายตัวทำไมไม่เตรียมถุงยางกับเควายให้พร้อม ต้องลงมาซื้อในร้านเซเว่น พอแฟนเห็นก็ว่ามาทัศนศึกษานอกสถานที่ยังงั้นหรือ อ๋อ ตอนนี้เห็นรถเบ็นซ์ดีกว่าซูซูกิของพี่แล้วใช่ไหม คิดว่ามันจะเลี้ยงให้สุขสบายไปจนตายหรือไง” ศรันย์ใส่อารมณ์เต็มที่
...เฮ้ย จะตีบทแตกเกินไปแล้ว อีตานี่ไม่เคยพอดีเลยให้ตายสิ...
เรียวขยิบตาให้ศรันย์ลดเสียงลงเพราะคนกำลังหันมามอง แต่ ‘ผู้ให้ความร่วมมือตำรวจ’  คนนี้ไม่ยอมทำตาม หนำซ้ำกลับเข้ายื้อยุดฉุดแขน ‘แฟน’ ของตัวเองเอาไว้
“ที่รักจ๋า พอซะเถอะกับพฤติกรรมแบบนี้ ถึงพี่ไม่รวยเท่าไอ้เสี่ยหน้าปลาจวดตัณหากลับนี่ พี่ก็หาเลี้ยงน้องไม่ให้อดอยากได้ กลับเนื้อกลับตัวนะ พี่ให้อภัย”
“หุบปาก” เรียวเข่นเขี้ยวใส่ศรันย์
“น้องหนุ่ม นี่มันเรื่องอะไรกัน” ประพจน์ถาม เริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะเริ่มมีคนเดินเข้ามามุงดู
“พี่ครับ ผมขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พี่อย่าโกรธหนุ่มนะครับ มันสุดวิสัยจริงๆ” เรียวหันไปทำเสียงอ้อนวอนประพจน์ “พี่ไปก่อนเถอะ ผมไม่อยากให้พี่เสียชื่อเสียง”
“ห่วงมันมากใช่ไหม มันสำคัญมากใช่ไหม นี่คงขายคงขี่กันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วสิถึงได้อาลัยอาวรณ์กันขนาดนี้ ไป กลับบ้าน ซ้อนท้ายซูซูกิคันเก่าๆ เหมือนเคยนี่ล่ะ” ศรันย์ดึงแขนเรียว
“พอได้แล้ว” เรียวหันไปตะคอกศรันย์แล้วหันไปพูดกับประพจน์ “พี่ครับ ผมขอโทษ ไว้โอกาสหน้านะครับ พี่รีบปิดกระจกเถอะ เดี๋ยวคนจะเห็นพี่ ผมเป็นห่วง”
“หน้าด้าน ไร้ยางอาย แก่จนเป็นพ่อคนแล้วยังจะมาเอากับเด็ก” ศรันย์ชี้หน้าประพจน์ซึ่งรีบปิดกระจกรถทันที
“จะไปไหน ออกมาก่อนสิวะ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับเมียกู ไม่รู้จักซะแล้วว่ากูเป็นใคร” ศรันย์หันไปโวยวายเอาเรื่องกับประพจน์
เรียวอาศัยจังหวะที่ศรันย์กำลัง ‘อิน’ กับบทบาทเดินหนีไปเฉยๆ ศรันย์ยังไม่รู้สึกตัวเพราะเอาแต่ชี้หน้าด่าประพจน์ซึ่งกำลังเคลื่อนรถออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ
พอโวยวายจนหนำใจแล้วจึงหันกลับมามองข้างๆ แต่ก็ไม่เห็นหมวดเรียวเสียแล้ว
ศรันย์หันซ้ายหันขวา มองไปรอบๆ ครั้นเห็นว่านายตำรวจตัวดีกำลังโบกมือเรียกแท็กซี่จึงรีบวิ่งตาม
เรียวหันไปมองคนที่วิ่งมาพร้อมกับร้องเรียกชื่อเขาไม่ยอมหยุด โชคดีที่มีแท็กซี่คันหนึ่งจอดรับพอดีจึงรีบขึ้นนั่ง และบอกให้คนขับรีบออกรถ ทิ้งให้ศรันย์ยืนตะโกนโหวกเหวกอยู่คนเดียวริมถนน
นายตำรวจหนุ่มอมยิ้มขำๆ กับท่าทางเต้นแร้งเต้นกาของศรันย์ พยายามจินตนาการคำพูดโวยวายของศรันย์ ซึ่งก็คงไม่พ้นอะไรที่ว่า เขาหลอกใช้ เขาหลอกหลวง เขารังแกประชาชน
...ก็ประชาชนกวนๆ อย่างศรันย์นี่มันน่ารังแกจริงๆ นี่นา...

ที่มหาวิทยาลัย เรียวโดนโจโฉตำหนิยกใหญ่ว่าทำให้เสียเรื่อง เรียวแก้ตัวว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น และขอรับรองว่าครั้งต่อไปจะไม่ให้เสียงาน
“พี่ก็ไม่บอกผมเลยว่างานอะไร ไม่ได้เตรียมตัวซักนิด นี่ถ้าไม่ต้องลงไปซื้อถุงยางกับเจลก็คงไม่เกิดเรื่องขึ้น” เรียวบ่น
“เออๆ ช่างเถอะ คราวหลังอย่าซวยแบบนี้อีกล่ะ คืนนี้พี่ประพจน์เขาจองแก เตรียมตัวให้พร้อม” โจโฉพูด
“ฮ้า พี่ประพจน์ยังจะเอาผมอีกหรือ” เรียวอุทาน “แล้วพี่เขาไม่โกรธหรือที่โดนแบบนั้น”
“โกรธก็โกรธอยู่ แต่ความอยากมีมากกว่า อย่าให้เสียชื่อล่ะ”
“ผมไม่มีชื่อจะให้เสียหรอก” เรียวเบ้ปาก
“เสียชื่อแก็งค์โว้ย ไม่ใช่ชื่อแก” โจโฉตบหัวเรียว “ทีนี้ไม่ต้องไปไกล แกไปรอที่โรงแรม...เลย สี่ทุ่มพี่พจน์จะไปหา”
“เอางั้นเลยหรือ” เรียวเกาศีรษะแกรกๆ “ทีนี้ผมต้องเตรียมอะไรบ้าง ถุงกับเจลน่ะมีแน่ ซื้อเอาไว้แล้ว อย่างอื่นพี่ประพจน์บ่นว่าพี่ไม่เตรียมให้พร้อม คืนนั้นพี่ประพจน์จะเอาป๊อปเปอร์ แล้วก็อะไรอีกอย่างน๊า ผมจำชื่อไม่ได้”
“แกไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะเอาให้ที่โรงแรม ให้พี่พจน์ถึงก่อน อย่าลืมนะ สี่ทุ่ม ไปก่อนเวลาหน่อย เจอกันตรงข้างๆ ป้ายโรงแรม”

หลังจากแยกกับโจโฉ เรียวก็เดินไปที่โรงอาหารเพราะรู้สึกหิว ตั้งใจว่าทานอาหารอิ่มแล้วถึงจะรายงานผู้กองคมกริช แต่ขณะที่เดินไปใกล้จะถึงโรงอาหารก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังออกมาจากรถที่แล่นเข้าจอดเทียบข้างฟุตบาธ
“แสบจริงๆ เลยนะหมวด คืนนั้นทิ้งกันไปเฉยๆ อุตส่าห์ช่วย”
“บอกว่าอย่าเรียก อย่ามาใกล้ อย่าให้ใครรู้ว่าผมทำงานอะไร ไม่รู้เรื่องหรือไงนะ” เรียวหันขวับไปพูดเสียงห้วนๆ กับคนขับที่ยื่นหน้าออกมาจากรถ
“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ ไม่ให้ใกล้ได้ยังไง”
“ไม่น่าเล๊ย” เรียวยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง
“รู้จักบุญคุณกันหน่อยก็ดีนะ ผมไม่ใช่หรือที่ทำให้คุณหมวดรอดตัวจากไอ้แก่นั่น”
“บอกว่าอย่าเรียกหมวด ไปไกลๆ ได้แล้ว” เรียวโบกมือไล่
“ไล่จริงเลย ช่างไม่นึกถึงตอนช่วยเหลือเกื้อกูลกันบ้าง”
“นี่นาย...” เรียวส่ายหน้า
“ศรันย์ครับ ศรันย์ ชื่อผมคือศรันย์ ศิวะเมธี”
“พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ เลย ผมกำลังทำงานอยู่ เดี๋ยวก็มาทำให้งานผมเสีย”
“งานอะไร เล่าให้ฟังหน่อยสิ ไม่แน่นะ ผมอาจจะช่วยได้ จำไม่ได้หรือ ผมบอกแล้วไงว่าที่นี่ ผมรู้จักทุกซอกทุกมุม” ศรันย์ยักคิ้ว
“คุย” เรียวแบะปาก
“อ๋อ นึกออกแล้ว งานรับจ๊อบขายตัว ใครเป็นนายหน้าล่ะ จะได้ช่วยอุดหนุน หรือว่าฉายเดี่ยว เป็นนักขายอิสระ ไม่ได้นะคุณหมวด มันต้องมีสังกัด ไม่งั้นหาลูกค้าลำบาก กว่าจะสืบหาข่าวได้ ก้นพรุนหมด” ศรันย์แนะนำ ทำหน้าตาเป็นห่วงเป็นใย
“วอนซะแล้ว” เรียวอยากจะกระชากคอเสื้อคนในรถลากออกมาชกนัก จึงขยับเข้าไปหาศรันย์ แต่ทันใดหางตาก็มองเห็นโจโฉกำลังเดินเข้ามาใกล้
“มีอะไรหรือหนุ่ม” โจโฉร้องถาม เรียวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่เมื่อโจโฉเห็นว่าคนในรถเป็นใครก็รีบยกมือไหว้
“หวัดดีครับเฮียศรันย์”
“ว่าไง” ศรันย์พยักหน้าให้แล้วหันไปมองเรียวจากหัวจรดเท้า จากนั้นหันไปส่งสายตาให้โจโฉแล้วกลับมามองเรียวอีกครั้งพร้อมกับยิ้มมุมปากเล็กน้อย ทำประหนึ่งว่าสนใจชายหนุ่มหัวเกรียนผู้ที่เขารู้ว่าเป็นตำรวจปลอมตัวมา
“เด็กผมเองครับ” โจโฉพูดเบาๆ
“เด็ก” ศรันย์เลิกคิ้ว ทำเป็นสงสัย “นี่แฟนนายหรือ มีรสนิยมแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เฮ้ย ไม่ใช่ครับ” โจโฉรีบโบกมือปฏิเสธ “ผมหมายความว่า เด็กคนนี้ทำงานกับผม”
“งานอะไร” ศรันย์ทำเสียงกระซิบกระซาบ “งานอย่างที่พี่คิดหรือเปล่า”
“เฮียคิดว่าอะไรล่ะครับ” โจโฉโน้มตัวลงมาใกล้ๆ ศรันย์ พูดกับชายหนุ่มเบาๆ แล้วช้อนตาขึ้นมองเรียวซึ่งยืนนิ่งไม่กระดุกกระดิก
“น่ารักดี” ศรันย์ยิ้มพอใจ
“พาน้องไปคุยไหมครับ” โจโฉยักคิ้ว ยื่นมือไปดึงแขนให้เรียวขยับเข้ามาใกล้ๆ ให้ศรันย์ได้เห็นชัดๆ “น้องหนุ่มคุยเก่ง พูดเพราะ สุภาพเรียบร้อย รับรองว่าทำให้เฮียหายเบื่อแน่ๆ”
“ผมมีเรียน” เรียวพูดขึ้นมาเบาๆ
“เฮ่ย มีเรียนก็โดดสิวะไอ้หนุ่ม” โจโฉหันไปทำเสียงดุใส่ ‘เด็กในสังกัด’
“เดี๋ยวก่อน พี่ต้องไปเก็บเงิน ตอนนี้ไม่ว่าง คืนนี้ดีกว่า พี่จัดปาร์ตี้ที่บ้าน กำลังอยากได้เด็กชงเหล้า” ประโยคสุดท้าย ศรันย์หันไปยักคิ้วใส่นายตำรวจนอกเครื่องแบบ “ว่าไง ชงเหล้าเป็นไหมเราน่ะ”
“เป็นทุกอย่างเลยครับเฮีย” โจโฉรีบตอบแทน “ไม่มีอิดออด เฮียต้องการอะไรน้องหนุ่มทำได้ทุกอย่าง เฮียจะนัดรับที่ไหนบอกผมได้เลย บริการเต็มที่”
“ครบวงจรไหม” ศรันย์ยกมือป้องปาก กระซิบกระซาบราวกับว่ากำลังพูดเรื่องสำคัญ “งานปาร์ตี้มันต้องมีครบถึงจะสนุก”
เรียวยืนนิ่ง ฟังทั้งสองคนนั้นตกลง ‘เรื่องธุรกิจ’ กันจนเสร็จแล้วจึงแยกตัวออกมา ตรงไปยังโรงอาหาร ในใจคิดอะไรหลายเรื่อง
...เอาวะ ขายให้นายศรันย์ปากมากนี่ก็ยังดีกว่าพี่ประพจน์ ไม่ต้องเสี่ยงเสียตัว ตอนแรกยังหนักใจอยู่เลยว่าจะเอาตัวรอดยังไง นายคนนี้ดูๆ ไปก็เหมือนจะช่วยได้อยู่เหมือนกัน...

บ้านของศรันย์คือห้องชุดบนชั้นยี่สิบห้าของคอนโดมีเนียมซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีห้องนอนสามห้อง ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง หรูหราไม่ใช่น้อย
“แล้วยังมีหน้ามียืมเงินห้าร้อยจ่ายค่าปรับ รวยไม่ใช่น้อยนะคุณเนี่ย หากินสุจริตหรือเปล่า” เรียวหันไปมองรอบๆ ห้อง
“ทุกบาททุกสตางค์เลยคร้าบ คุณหมวด” ศรันย์เดินไปที่บาร์เหล้า รินเหล้าใส่แก้วสองใบ เดินกลับมาที่กลางห้อง ยื่นแก้วให้เรียว
“ใส่อะไรหรือเปล่า” เรียวหรี่ตามอง
“ยาปลุกเซ็กส์” ศรันย์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ส่งสายตาค้อนๆ ให้แล้วพูดต่อว่า “ผมไม่สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดต้องมอมยาคนหรอกคุณหมวด นี่คุณต้องขอบคุณผมนะที่ช่วยเหลือคุณ เห็นไหมว่าทุกอย่างง่ายเข้าถ้าได้ความช่วยเหลือจากเฮียศรันย์”
“ถามจริง คุณไปเก็บเงินอะไรกับเด็กนักศึกษา” เรียวรับแก้วเหล้ามาถือไว้ ยังไม่ยกขึ้นดื่ม
“ค่าแต่งรถ” ศรันย์ตอบแล้วนั่งลงบนโซฟา “ลูกค้าหลักๆ ผมก็พวกนักศึกษานี่ล่ะ มหาลัยนี้ขาซิ่งเยอะนะคุณ รายได้ดีไม่ใช่เล่น เพียงแต่ว่าต้องยอมให้มันผ่อนหน่อย เออ ขอผมถามหน่อยซิ ที่ถึงกับต้องลงทุนปลอมตัวเป็นเด็กขายเนี่ย มันคุ้มหรือ เด็กมันแค่เล่นขายของ สู้เอาเวลาไปล่าพวกตัวใหญ่ๆ ไม่ดีหรือ”
“ผมไม่ได้ปลอมตัวเป็นเด็กขาย ก็แค่ซวยที่ไอ้โจโฉมันเป็นพ่อเล้า ทำไงได้ ต้องเลยตามเลย” เรียวยักไหล่ ยกแก้วเหล้าขึ้นมองแล้วหมุนแก้วไปมา
“สายข่าวพวกคุณนี่ไม่ได้เรื่องเลย” ศรันย์ตำหนิ เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ไม่ห่างแล้วพูดว่า “ดื่มสิคุณหมวด ไม่ได้ใส่อะไรหรอกน่า อย่ากลัวไปหน่อยเลย”
“แล้วคุณรู้ดีนักหรือ งั้นบอกมาซิ พวกไอ้โจโฉมันได้ยามาจากไหน”
“โธ่เอ๊ย” ศรันย์ลากเสียงสูง “แค่ไวอากร้า มันซื้อที่ไหนก็ได้ ร้านขายยาแถวสุขุมวิทมีถมเถไป ร้านหน้าศิริราชขายบนเค้าท์เตอร์เหมือนขายยาแก้ปวดเลยนะคุณหมวด”
“ป๊อปเปอร์ ยาไอซ์นี่นะ พูดเป็นเล่น” เรียวแบะปาก ทำหน้าตาไม่เชื่อที่ศรันย์พูด
“เอ่อ สองอันนั้นต้องพิเศษหน่อย” ศรันย์ยักไหล่ “เอ้า ดื่มซะทีสิคุณหมวด หมุนแก้วเหล้าเล่นอยู่นั่นล่ะ”
“ผมไม่ดื่มเหล้าเวลาทำงาน” เรียวยื่นแก้วคืนให้ศรันย์ “ถ้าไม่รู้ว่าพวกไอ้โจโฉมันรับยามาจากไหน คุณก็หมดประโยชน์ ผมจะกลับล่ะ”
“อ๊ะๆ เดี๋ยวก่อนสิ อุตส่าห์เสียเงินตั้งสองพันห้า” ศรันย์ลุกขึ้น แบมือออกมาข้างหน้า “ขอเงินคืนด้วย”
“เงินอะไร”
“อ้าว ก็เงินที่จ่ายค่าตัวคุณไง คุณคิดหรือว่าผมจะจ่ายเงินแทนตำรวจฟรีๆ” ศรันย์โวย
“อ้าว ก็ใครบอกให้คุณเสนอหน้ามาจ่ายเงิน”
“อ้าว พูดอย่างนี้ก็สวยสิคุณหมวด อุตส่าห์ช่วยนะ ถ้าไม่ได้ผม ป่านนี้คุณคงไปนอนถ่างขาให้ไอ้หน้าปลาจวดแวมไพร์อึ๊บไปแล้วล่ะ ผมตัดคิวมันเลยนะเนี่ย ยอมจ่ายมากกว่าราคามาตรฐานถึงห้าร้อยบาท” ศรันย์ยกนิ้วทั้งห้ากางออกต่อหน้าเรียว
“หยาบคาย” เรียวถลึงตาใส่ “แล้วไง ไม่เห็นจะได้ข่าวอะไรเลย โธ่เอ๊ย นึกว่ารู้จริงรู้ลึก ที่แท้ก็ไม่รู้อะไรซักอย่าง เสียเวลา”
“ใจเย็นๆ สิคุณหมวด อะไรกันแค่ไม่กี่วันคุณก็กะจะสาวไปถึงต้นตอเลยหรือ ไอ้พวกนี้มันแค่หางแถว ได้ยามาทีละแค่สิบยี่สิบเม็ด ส่งต่อผ่านๆ กันมาไม่รู้กี่ทอด”
“ทำเป็นรู้อีกแล้ว” เรียวเอียงหน้ามองคนที่ทำเป็นรู้ดี เหยียดปาก แสดงอาการว่าไม่เชื่อที่พูด
“ไม่อยากจะพูด เด็กบางคนที่ไปซ่อมรถอู่ผมมันรับจ๊อบส่งยา คุณมาเสียเวลากับไอ้โจโฉเฉยๆ เผลอๆ จะเสียตัวด้วย เปลืองเนื้อเปลืองตัวเปล่าๆ” ศรันย์ส่ายหน้า “ไปซิ่งรถกับพวกนั้นยังจะได้อะไรกว่ามาขายตัว แต่เอ๊ะ หรือว่าคุณหมวดถนัดงานสบายๆ ไม่ต้องใช้แรง”
“ปากเสีย” เรียวยกมือขึ้น กำหมัด ทำท่าจะต่อยคนปากเสียซึ่งรีบถอยห่างไปหลายก้าวอย่างรวดเร็ว
“ล้อเล่นหน่อยเดียว ทำเป็นโมโห ดุจังเลย” ศรันย์ค้อน “แล้วตกลงจะได้เงินสองพันห้าคืนไหมเนี่ย คุณสำรองจ่ายให้ผมก่อนแล้วค่อยไปเบิกเงินคืน มันเบิกได้ไม่ใช่หรือ ราชการเขาก็ต้องมีเงินทุนในการปฏิบัติงานสำหรับเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว”
“เซ้าซี้จริงเลย เอาไปห้าร้อยก็พอ” เรียวตัดความรำคาญ ยื่นเงินให้อีกฝ่ายซึ่งรีบรับไปทันทีแล้วยกขึ้นส่องกับไฟ ราวกับตรวจสอบว่าเป็นเงินปลอมหรือเงินจริง
“ค้างสองพันนะคุณหมวด” ศรันย์พูดขึ้นเบาๆ แล้วยิ้มทะเล้นให้นายตำรวจซึ่งเดินตรงไปที่ประตู มองตามร่างสูงนั้นด้วยสายตาพึงพอใจ
“ก้นสวยฉิบหาย” ศรันย์พึมพำเบาๆ แต่เรียวกลับได้ยิน หันขวับมาทำหน้าดุใส่ พร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าปราม แต่ศรันย์ไม่หวั่น พูดต่อว่า “ขอบคุณซักนิดก็ไม่มี ใจคอคนเรานี่นะ”
“ขอบคุณ” เรียวพูดเสียงห้วนแล้วเปิดประตูออกไป ปล่อยให้ศรันย์ยืนพิงกรอบประตูมองตามด้วยใบหน้ายิ้มๆ
...ซักวันเถอะคุณหมวด ซักวันเถอะ รู้จักศรันย์น้อยไปแล้ว แบบนี้ต้องเจอดีซักหน่อย...

►จบบทที่ 4◄

ขอบคุณผู้อ่านทุกคนเลยนะครับ หวังว่าคงทำให้ผู้อ่านได้ยิ้มผ่อนคลายความเครียดได้นะ แล้วเจอกันตอนต่อไป :mew1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 4 ►10/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-02-2017 23:14:21
เรื่องใหม่! ทันถ่ายทอดสดด้วย!

ตามส่องก้นหมวดเรียว...เอิ่อ....ลุ้นกับชีวิตหมวดจอมซ่ากับประชาชนเจ้าปัญหาต่อไป
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 4 ►10/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-02-2017 00:12:34
 :laugh:


มันส์
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 4 ►10/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ซิกาแร๊ต ที่ 11-02-2017 12:59:04
คุณ katawoot come back  :-[
ปกติไม่ชอบตำรวจเลยนะ ... ยกเว้นตำรวจของคุณ katawoot
555
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 4 ►10/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 11-02-2017 14:15:04
ดีใจจังมีคนจำผมได้ ขอบคุณนะครับที่เข้ามาอ่านและเมนท์ สุขสันต์วาเลนไทน์ล่วงหน้านะครับ เรื่องนี้ตำรวจเป็นฝ่ายถูกตามจีบนะครับ ไม่ใช่ตำรวจเจ้าชู้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 4 ►10/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: papanoy ที่ 11-02-2017 15:59:26
คุณ katawoot กลับมาแล้ว อ่านเรื่องของคุณทุกเรื่องเลย สนุกทุกเรื่อง
ดีใจที่กลับมาเขียนอีก จะรอติดตามครับ  :katai2-1:
                     :กอด1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 4 ►10/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 11-02-2017 17:08:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 4 ►10/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 11-02-2017 20:44:28
บทที่ 5

วันนี้เรียวไม่ได้ปลอมตัวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเพราะต้องทำงานอื่นและมีประชุมของหน่วย ในการประชุมวางแผน เขารายงานว่าควรมีการปรับแผนการสืบสวนใหม่เพราะข้อมูลข่าวสารที่ได้มานั้นไม่มีน้ำหนักพอ
...สิ่งที่ศรันย์พูดนั้นน่าสนใจอยู่พอสมควร แต่จะให้แฝงตัวเข้าไปอยู่กับพวกแข่งรถคงจะไม่ไหว ทั้งที่น่าจะได้อะไรเยอะกว่าพวกแก็งค์ของไอ้โจโฉ...
...เขากับรถเป็นของไม่ค่อยจะถูกกัน ไม่งั้นก็คงไม่บังคับให้นายศรันย์ขับรถพาหนีการไล่ล่าหรอก...
“หมวดเรียวถอนตัวออกมา ให้ผู้กองคมกริชเข้าไปทำแทน” พันตำรวจตรีธันว์สรุป
“ผู้กองจะปลอมตัวเป็นนักศึกษาไหวหรือครับ” เรียวโพล่งออกมา ผู้กองคมกริชเงยหน้าขึ้น มองข้ามโต๊ะประชุมมายังเรียวด้วยสายตาขุ่นๆ หมวดชินวัฒน์คู่หู รีบก้มหน้า เม้มปาก กลั้นหัวเราะ ส่วนคนอื่นๆ ในห้องแสดงสีหน้าแตกต่างกัน
“เป็นอาจารย์ ไม่ใช่นักศึกษา” ธันว์ส่ายหน้าเล็กน้อย ยื่นแฟ้มให้ “เอานี่ไปอ่าน ผมให้คุณไปทำงานใหม่”
“งานอะไรครับ” เรียวเผลอถาม
“อ่านเสียก่อน” ธันว์ชี้นิ้วไปที่แฟ้ม พยายามรักษาระดับเสียงให้ปรกติที่สุด วันนี้หมวดเรียวทำให้เขาเกือบต้องยกมือกุมขมับไปหลายครั้งแล้ว

เรียวปิดแฟ้มงานที่ได้รับมอบหมาย กระแทกตัวพิงพนักเก้าอี้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ
“งานอะไรก็ไม่รู้ สารวัตรนะสารวัตร ทำยังกับว่าเราเป็นเด็ก”
เรียวลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเนือยๆ เดินไปดื่มน้ำ แล้วออกจากห้องทำงานของหน่วย ตรงไปยังส่วนหน้าของสถานีตำรวจเพื่อคุยกับเพื่อน แต่เมื่อเข้าไปในห้องก็ต้องขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็น ‘ประชาชนเจ้าปัญหา’ คนหนึ่งนั่งหน้าบึ้งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะร้อยเวร
...นี่สงสัยคงโดนจับอีกแล้วสิเนี่ย ข้อหาอะไรอีกล่ะ ขับรถเร็วเกินกำหนด จอดรถในที่ห้ามจอด หรือขับรถโดยไม่มีใบขับขี่...
...นายศรันย์นี่ก็ช่างหาเรื่องขึ้นโรงพักจริงๆ เลย...
เรียวไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อเห็นหน้าศรันย์แล้วถึงอยากจะกวน เขารู้สึกสนุกที่ได้ยั่วให้ศรันย์โวยวาย เวลาเห็นใบหน้าขาวๆ ของอีกฝ่ายยับยู่ยี่เพราะขมวดคิ้ว เบ้ปาก และแยกเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทำให้เขารู้สึกคลายเครียดได้ดีจริงๆ
“อ้าวคุณ มาทำอะไรที่นี่ ว่างมากหรือไงถึงได้มานั่งเล่นอยู่บนโรงพัก” เรียวทักทายศรันย์ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ผมโดนจับนะสิ” ศรันย์ทำเสียงเย็นชา “ข้อหาอะไรรู้ไหม ข้อหาขับรถผ่าไฟแดง”
“ว่าแล้วเชียว”
“ผมไม่ได้ผ่าไฟแดง ผมจะถึงกลางแยกอยู่แล้วไฟถึงเปลี่ยนเป็นสีแดงกระทันหัน” ศรันย์บ่นเสียงดัง
“แสดงว่าพอไฟเหลืองคุณก็รีบเร่งเครื่อง” เรียวกอดอก เอียงหน้าทำท่าคิด “ถ้าผมเป็นจราจรผมก็คงจับ”
“คุณจะให้ผมเบรกหรือไง ถ้าผมเบรก รถก็หยุดอยู่กลางสี่แยกสิคุณตำรวจ” ศรันย์ทำเสียงเหนื่อยหน่าย “เสียเวลาผมจริงๆ เลย งานการไม่ต้องทำมันแล้ว วันๆ ขึ้นแต่โรงพัก”
“ดวงคุณคงสมพงษ์กับโรงพัก แต่คนที่ต้องมาโรงพักบ่อยเป็นคนแบบไหนคุณก็น่าจะรู้”
“ไม่เคยจะอยากมาเล๊ย” ศรันย์พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ “ซวยจริงๆ ให้ตายสิ โดนจับอย่างไม่ยุติธรรมไม่พอ ยังมาโดนดูถูกอีก”
“ใครไปดูถูกคุณ”
“แล้วที่คุณหมวดกำลังว่าผมนี่จะเรียกว่ายังไงละคร้าบ” ศรันย์กรอกตาไปมาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าทันใด พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้นายตำรวจ “แต่ในฐานะที่เป็นคนรู้จักกัน คุณหมวดช่วยผมได้ไหมล่ะ ผมไม่อยากเสียค่าปรับ ถูกตัดแต้มอีกต่างหาก”
“ทำไมต้องช่วยคุณ”
“อย่าลืมนะ คุณเคยทำความผิดกับผมไว้ เป็นหนี้ผมอยู่อีกต่างหาก”
“ผมขอโทษก็แล้วกัน เรื่องวันนั้น ผมจำเป็นต้องทำ เพื่อเอาตัวรอดจากไอ้หน้าปลาจวดคนนั้น” เรียวแกล้งทำหน้าขอโทษ
“ไม่ใช่เรื่องนั้น แค่นั้นจิ๊บๆ ผมไม่ถือสา แต่ผมหมายถึงเรื่องที่คุณเอาปืนจี้ผมบังคับให้ขับรถพาหนีโจรต่างหาก”
“เฮ้อ” เรียวถอนหายใจ “คุณนี่เมื่อไหร่จะเลิกพูดเรื่องนี้ซะที”
“ก็เรื่องนี้ทำให้ผมเสียขวัญ” ศรันย์ให้เหตุผล
“คุณก็ไปฟ้องผู้บังคับบัญชาของผมแล้ว”
“แต่คุณก็ยังลอยนวล ผู้บังคับบัญชาคุณไม่เห็นจะทำอะไร”
“จะให้ทำอะไร จะให้ลงโทษผมยังไง ไปบำเพ็ญประโยชน์ให้สังคมซักยี่สิบชั่วโมงหรือไง”
“น่าสน” ศรันย์ยักคิ้ว “มาล้างรถที่อู่ผมให้ได้ซักยี่สิบคันเป็นไง”
“ตลกตายล่ะ” เรียวเบ้ปาก
“ว่าแต่ว่า วันนี้ไม่ไปเรียนหรือคุณหมวด” ศรันย์เน้นเสียงที่คำว่า ‘เรียน’ “ระวังจะขาดรายได้นะ”
“วันนี้ประชุมวางแผนงาน แล้วก็ทำงานอื่นบ้างสิ ไม่ได้ปลอมตัวเป็นนักศึกษาอย่างเดียวนะ แตไปพรุ่งนี้วันสุดท้าย แล้วก็จะถอนตัว เลิกภารกิจ ผมมีงานใหม่ สำคัญกว่างานแบบนั้นเป็นร้อยเท่า” เรียวใช้น้ำเสียงแดกดันไม่ได้เพราะไม่ชอบงานใหม่ที่ได้รับมอบหมายแม้แต่นิด
“เสียดาย กะจะเป็นลูกค้าประจำซักหน่อย” ศรันย์ย่นคิ้ว จุ๊ปาก ทำหน้าแสดงความผิดหวัง
เรียวกำลังจะอ้าปากตอบโต้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเข้มๆ ดังมาจากข้างหลัง
“หมวดเรียว เชิญทางนี้หน่อย”
เรียวหันขวับ พอเห็นว่าเป็นใครจึงรีบผละจากคนที่กำลังต่อปากต่อคำด้วยทันที ศรันย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ คิดจะเดินตาม แต่ครั้งดวงตาคมกริบของคนหน้าเข้มที่เรียกหมวดเรียวก็เปลี่ยนใจ ดวงตาคู่นั้นฉายแววกร้าว ท่าทางเอาเรื่อง
...เอาวะ ถอยก่อน นี่มันบนโรงพัก ถิ่นของเขา ไม่ใช่ถิ่นของเรา แล้วอีตานี่ก็หน้าดุเหลือเกิน ส่งสายตาข้ามห้องมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเราก็ไม่ปาน...

ร้อยตำรวจโทเรียวเปิดประตูขึ้นนั่งบนรถของร้อยตำรวจโทชินวัฒน์ซึ่งจอดอยู่ข้างสนามฟุตบอลในมหาวิทยาลัย วันนี้เขาให้เพื่อนคู่หูมารับเพราะจะไปงานเลี้ยงฉลองสมรสของญาติ
“ความจริง สั่งสอนไอ้โจโฉมันหน่อยก็ดี เป็นการสั่งลา หน่อยแน่ บอกว่ามีงานจะให้ทำ ไอ้เราก็นึกว่าจะให้เป็นคนส่งยา ที่ไหนได้ ให้ไปขายตัว” เรียวบ่นฉุนๆ
“งั้นจะรออะไร เอาซะหน่อยสิ หาลูกค้าปลอมซักคน รออยู่ในม่านรูด บอกให้ไอ้โจโฉเอาของมาส่งเพราะลูกค้าอยากอัพยา พอไอ้นั่นมาก็จับเลย” ชินวัฒน์วางแผน
“ลูกค้าปลอมที่ไหน” เรียวสงสัย
“ผู้กองคมกริชไง ท่านอยู่ใกล้ๆ นี่เองไม่ใช่หรือ” ชินวัฒน์เสนอ
“แผนห่วยๆ ไม่ได้เรื่อง ผู้กองคงทำหรอก นั่งรออยู่ในม่านรูดนี่นะ” เรียวเบ้ปาก บอกให้ชินวัฒน์ออกรถ
“เออจริงสิ หมวดเรียวกับผู้กองอยู่กันสองต่อสองในม่านรูด เกิดมีอารมณ์กันขึ้นมามันจะแย่” ชินวัฒน์พยักหน้าหงึกหงักแสดงอาการเห็นด้วย
“ไอ้ปาก...”
“ปีจอ” ชินวัฒน์เติมคำด่าให้ตัวเองแล้วหัวเราะลงลูกคอ “รู้หรอกน่าว่าตัวเองจะด่าเค้ายังไง”
“ปากหมาต่างหาก”
“เราก็อุตส่าห์ใช้คำสุภาพ” ชินวัฒน์เบ้ปากพร้อมกับชี้มือไปที่เข็ดขัดนิรภัยเพื่อเตือนเรียวให้ดึงมาคาดตัว “คาดเข็มขัดซะ เดี๋ยวโดนตำรวจจับ”
เรียวทำตามที่เพื่อนบอก กำลังจะพูดตอบ แต่ทันใดนั้นชินวัฒน์ก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจเพราะมีรถคันหนึ่งขับปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด
“เฮ้ย นักเลงหรือไงวะ กล้าขับปาดหน้าตำรวจมือปราบหรือไอ้นี่ ไม่รู้จักซะแล้วว่าใครใหญ่” ชินวัฒน์ตะโกนแล้วเร่งความเร็วตามแต่ก็ไม่ทันเพราะรถคันนั้นขับเร็วมาก
“ในมหาลัยมันยังซิ่ง ดูมันสิ อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร พ่อจะจับขังคุกตลอดชีวิต” ชินวัฒน์คาดโทษ ลดความเร็วลงเพราะรูว่าตัวเองไม่มีทางตามรถคันนั้นได้ทัน
“ผมรู้ว่าใคร” เรียวพูดขึ้นมาเบาๆ คิดอยากจะแกล้งเจ้าของรถสปอร์ตคันนั้นขึ้นมาทันใด “ทะเบียนตองเจ็ด คู่ปรับเราเอง”
“แจ๊คพอต หาเรื่องแกล้งประชาชนเล่นกันดีกว่าหมวดเรียว” ชินวัฒน์ตาวาว มือหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบสนับสนุน บอกข้อมูลของรถแรงคันนั้นขณะที่เขากำลังหมุนหาคลื่นความถี่ “ทะเบียนจำง่ายจริงๆ เพื่อนเราคนไหนกำลังตั้งด่านแถวๆ นี้ว๊า”
/ / / / /

ศรันย์สบถเสียงดังพร้อมกับทุบพวงมาลัยรถอย่างหัวเสียเมื่อตำรวจที่ตั้งด่านอยู่ข้างหน้าโบกให้เขาจอดรถข้างทาง
“กระเป๋าตังค์ผมหายครับคุณตำรวจ นี่กำลังจะไปแจ้งความ” ศรันย์ตอบคำถามเมื่อถูกขอตรวจดูใบขับขี่ แต่ตำรวจทำหน้าไม่เชื่อจึงรีบอธิบายเพิ่มว่า “คุณผู้กองครับ ผมกำลังรีบ นี่ผมจะไปแจ้งความแล้วต้องรีบกลับไปดูพ่อที่โรงพยาบาล พ่อผมไม่สบาย หมอเพิ่งโทรมาบอก”
“คุณกำลังมุ่งหน้าออกนอกเมือง ไปทางนั้นไม่มีสถานีตำรวจหรอก”
“โอ้ว จริงหรือครับ ถ้าคุณสารวัตรไม่บอกผมก็ไม่รู้นะครับเนี่ย” ศรันย์อุทานเหมือนฝรั่ง ทำหน้าตกใจ เพิ่มยศนายตำรวจให้เป็นสารวัตรเผื่อฝ่ายนั้นจะเป็นคนบ้ายอ “เกือบซะแล้วไหมล่ะ ยูเทิร์นข้างหน้าได้เลยใช่ไหมครับ ดีจังเลย ไม่งั้นผมคงเสียเวลาไปอีกไกล เนี่ยคุณพ่อผมคงรอลูกชายคนเดียวไปเยี่ยมจะแย่อยู่แล้ว”
“โรงพยาบาลไหนครับ” ดาบตำรวจไชยาเลิกคิ้ว
“เอ่อ...” ศรันย์พยายามใช้ความคิดเอาตัวรอด
“หรือหมอที่โทรมาบอกคุณไม่ได้บอกชื่อโรงพยาบาล” ดาบตำรวจดักคอ
“บอกสิครับ แต่ตอนนั้นผมกำลังตกใจจนไฟฟ้าในสมองช๊อตไปนิดนึง” ศรันย์ทำตาค้อนใส่คนรู้ทัน “อืม โรงพยาบาลอะไรว๊า ชื่อคุ้นๆ พอดีผมยังไม่ไม่ค่อยชินกับกรุงเทพฯ เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ไปอยู่ซะนาน จำถนนหนทางเมืองไทยไม่ค่อยจะได้”
“โรงพยาบาลกล้วยน้ำไทหรือเปล่า”
“กล้วยไทย” ศรันย์ทำท่าคิด “อ้อ ใช่ครับใช่ นึกแล้วเชียวว่าต้องใช่ ชื่อเหมือนผลไม้ ตอนที่หมอบอก ผมก็ยังสงสัยอยู่เลยว่าโรงพยาบาลอะไรชื่อน่ากินชะมัด”
ดาบตำรวจไชยาแอบถอนหายใจเบาๆ เพราะว่าตัวเองเจอ ‘นักซิ่งจอมตอแหล’ เข้าให้แล้ว โชคดีที่หมวดชินวิฒน์เตือนล่วงหน้าก่อนว่าขาซิ่งคนนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวยิ่งนัก ต้องตามให้ทัน ไม่เช่นนั้นผก็จะหาทางแถไปจนได้
“คุณเลื่อนรถไปจอดตรงโน้นก่อน” ดาบตำรวจไชยาชี้มือไปข้างหน้าใกล้ป้อมยาม
“โธ่ ท่านรองผู้กำกับครับ นี่ผมจะรีบไปดูใจพ่อนะครับ อย่าต้องให้เสียเวลาถึงขนาดนั้นเลย” ศรันย์ทำหน้าและทำเสียงอ้อนวอน
“ผมเป็นแค่ดาบตำรวจ ไม่ใช่รองผู้กำกับ”
“ผมว่าราศีรองฯ จับออก มาดให้สุดๆ” ศรันย์แย้ง พยายามหาทางออกต่อ “คือยังงี้นะครับ กระเป๋าตังค์ผมก็ดันมาหาย ทีนี้ก็เลยไม่มี...”
“งั้นหรือ ถ้ากระเป๋าตังค์หาย คุณจะได้แจ้งของหายควบไปด้วยเลยยังไงล่ะ ไม่ต้องเสียเวลาไปถึงโรงพัก” ดาบตำรวจไชยาเสนอทางออก
ศรันย์ถอนหายใจเบาๆ ยอมเลื่อนรถเพราะเห็นท่าทางตำรวจคนนี้ไม่ยอมแน่ๆ แต่กระนั้นก็ยังคิดหาทางออกให้ตัวเองต่อ
...แกล้งทำเป็นชักซะเลยดีไหม ตำรวจจะใจร้ายกับคนมีโรคประจำตัวแบบนี้ก็ให้มันรู้ไป...
...ไม่ได้สิ เกิดโดนหามส่งโรงพยาบาลแล้วถูกจับฉีดยา ต้องแย่แน่ๆ เลย เรากับเข็มฉีดยาไม่ค่อยถูกกัน...
...แต่ถ้าให้เป็นคนใช้เข็มฉีดยาส่วนตัวฉีดยาคนอื่นจะไม่ปฏิเสธเลย โดยเฉพาะตำรวจแร๊ปที่ชอบรังแกประชาชนคนนั้น...
...แต่เอ๊ะ มีเบอร์โทรศัพท์ของหมวดเรียวก็คงดี จะได้ขอความช่วยเหลือหน่อย เราไม่อยากถูกยึดใบขับขี่ จะเสนอให้เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่ถูกปืนจี้บังคับให้ขับรถพาหนีโจร...
“ว่าไงคุณ ขอเชิญลงจากรถด้วยครับ” เสียงดาบตำรวจคนเดิมดังขึ้นข้างประตู แต่ศรันย์ยังไม่ยอมลงจากรถ กลับยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดว่า
“คุณดาบครับ ผมเป็นโรคภูมิแพ้ แถวนี้มันอยู่ใกล้ทุ่งโล่งๆ ใช่ไหมล่ะครับ รู้สึกเหมือนว่าจะมีละอองเกษรดอกไม้ปลิวมาตามลม อาการไซนัสผมต้องกำเริบแน่ๆ ขอผมนั่งอยู่ในรถนะครับ นี่ผมต้องเสียเงินไปตั้งเยอะเพื่อติดตั้งเครื่องกรองอากาศเพิ่มเลยนะครับเนี่ย มาถึงเมืองไทยไม่ทันไร ผมต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ผมแพ้อากาศ”
...กวนประสาทเป็นที่หนึ่ง ผู้ชายคนนี้จะพูดวกไปวนมาจนทำให้ปวดหัว ในที่สุดก็ต้องไล่ไปให้พ้นๆ ...
ดาบตำรวจไชยานึกถึงคำเตือนจากหมวดชินวัฒน์
“งั้นก็ได้ เดี๋ยวจะบริการให้ถึงรถ” ดาบตำรวจไชยาเดินตรงไปป้อมตำรวจ มือยกโทรศัพท์ขึ้นโทรศัพท์หาเพื่อนของน้องชายที่ขอร้องให้ดักจับรถบีเอ็มดับบลิว 630 สีดำ ทะเบียนจำได้ง่ายคือ สส 777
“พี่ๆ นั่นลูกชายของท่านสุรินทร์” เสียงของนายตำรวจซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะเปรียบเทียบปรับพูดขึ้นหลังจากตรวจสอบข้อมูลของ ‘ขาซิ่ง’ ผู้นั่งอยู่ในรถหรูสีดำ “สส 777 ชื่อเจ้าของคือศรันย์ ศิวะเมธี ลูกชาย ส.ส. สุรินทร์ เอาไงดีพี่”
“อืม ทำไมหมวดชินไปมีเรื่องกับอีตาเจ้าเล่ห์คนนี้วะ พ่อใหญ่ซะด้วย” ดาบตำรวจไชยาพึมพำขณะรอปลายสายรับโทรศัพท์
“เขียนใบสั่งก็ได้พี่ เอาข้อหาขับรถเร็ว ให้ไปจ่ายค่าปรับที่ สน. ผม” หมวดชินวัฒน์ตอบกลับหลังจากได้ยินดาบตำรวจไชยาเล่า ‘ปูมหลัง’ ของชายหนุ่มคนนี้ให้ฟังและออกตัวว่าไม่ค่อยอยากจะยุ่งด้วยเท่าใดนักเพราะเป็นลูกชายของนักการเมืองใหญ่ในท้องที่เขตที่ตัวเองทำงานอยู่ ทั้งยังเป็นคณะกรรมการพรรคการเมืองดังอีกด้วย
ดาบตำรวจไชยาถอนหายใจเบาๆ ขณะที่เดินกลับไปยังรถของขาซิ่งเจ้าปัญหา ในใจก็ยอมรับว่าค่อนข้างหวั่นๆ อยู่บ้างที่กำลังเล่นอยู่กับลูกชายของคนใหญ่คนโต

“ฮ้า อะไรกัน ขับรถเร็วเกินกำหนด” ศรันย์โวยวายทันทีเมื่อนายตำรวจยื่นใบสั่งให้ “ผมจะแจ้งความกระเป๋าหายนะครับจ่า มาให้ใบสั่งผมได้ยังไง”
“คุณขับรถเร็วจริงๆ” ดาบตำรวจไชยาพูดเสียงหนักแน่น “อีกอย่าง พ่อคุณไม่ได้ป่วย เมื่อกี้ยังเห็นออกทีวีอยู่เลย”
“ทีวีที่ไหน คุณไปรู้จักพ่อผมได้ยังไง”
“ทีวีในป้อมตำรวจ” ดาบตำรวจไชยาเสี่ยงสร้างเรื่องขึ้นมา
“อ้าว แบบนี้ก็หาว่าผมโกหกล่ะสิ” ศรันย์ชักสีหน้า “พ่อผมป่วยจริงๆ นะครับ ผมจะไปโกหกทำไม ลูกที่ไหนจะแช่งพ่อของตัวเอง บาปกินหัวตายเลย แล้วข่าวในทีวีมันถ่ายกันมาหลายวันแล้วนะครับ พ่อผมเพิ่งถูกหามส่งโรงพยาบาลนี่นา แต่บางที ถึงพ่อผมป่วยก็ยังไปทำงานนะครับ พ่อเป็นคนขยัน ทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นี่อาทิตย์หน้าพ่อก็ต้องไปเมืองจีน ผมยังอดห่วงไม่ได้เลย บอกให้พักก็ไม่ยอม ทำแต่งาน ห่วงแต่คนอื่น ไม่ค่อยจะห่วงตัวเอง แบบนี้ก็เลยป่วยไม่ได้หยุดหย่อนผ่อนคลาย หายใจเข้าออกก็มีแต่งาน”
“พอแล้วคุณ” ดาบตำรวจไชยายกมือขึ้นห้ามเพราะท่าทางศรันย์จะพูดต่อได้แบบน้ำไหลไฟดับ “เอาเป็นว่าคุณไปเสียค่าปรับที่โรงพักก็แล้วกัน”
“ทำไมต้องเสีย ผมไม่ได้ทำอะไรผิด” ศรันย์โวยวายเมื่อเห็นว่าเหตุผลต่างๆ ที่ตัวเองอ้างมาตลอดนั้นใช่ไม่ได้ผล
“คุณขับรถเร็วเกินกำหนด”
“ผมเปิดครูซคอนโทรลที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเกินกำหนดได้ยังไง” ศรันย์เถียง
“เอ้า นี่ใบสั่ง” ดาบตำรวจไชยาทำหูทวนลม ยื่นใบสั่งให้คนขับที่นั่งหน้างออยู่ในรถ
“ผมเสียเงินตรงนี้เลยไม่ได้หรือจ่า” พออารมณ์เสีย ศรันย์ก็ลดยศดาบตำรวจเหลือแค่จ่า
“ไหนคุณว่ากระเป๋าตังค์หาย”
“พอดีผมล้วงกระเป๋ากางเกงเลยเจอใบร้อย”
“ค่าปรับสามร้อยบาทครับ”
“อ้อ ใบห้าร้อย ผมดูผิดไป” ศรันย์ไปได้น้ำขุ่นๆ
“คุณไปเสียที่โรงพักก็แล้วกัน เอาล่ะ เชิญไปได้แล้วครับ” ดาบตำรวจไชยารีบตัดบทแล้วโบกมือ
“เดี๋ยวก่อนสิหมู่” ศรันย์ร้องเรียกแต่ดาบตำรวจไชยาเดินดุ่มๆ ไปไม่เหลียวกลับมามอง ทิ้งให้ศรันย์แสดงอาการฮึดฮัดอยู่คนเดียว
“ซวยจริงๆ เลย โดนทั้งปี ทำไมจะต้องมามีเรื่องกับตำรวจไม่จบไม่สิ้นด้วยวะ สวรรค์ช่างแกล้งได้แกล้งดีจริงๆ เลย” ศรันย์บ่นแล้วกระชากรถออกไปอย่างรวดเร็ว เสียงล้อครูดกับพื้นถนนดังแสบแก้วหู จนตำรวจที่ตั้งด่านอยู่หันมองตามเป็นตาเดียวกัน
/////////

เมื่อเดินขึ้นมาบนสถานีตำรวจเพื่อเสียค่าปรับ ศรันย์ก็ตรงไปยังห้องของหน่วยปฏิบัติการพิเศษซึ่งเป็นห้องทำงานของร้อยตำรวจโทเรียวทันที ตั้งใจว่าจะขอ ‘กวน’ หมวดหน้าขาวซักหน่อยก่อนจะไป ‘กวน’ ร้อยเวรคนเดิมที่เขาต้องไปเสียค่าปรับ
ตอนนี้ศรันย์มั่นใจว่าโดนแกล้ง  เขาคิดว่าหมวดเรียวคงวิทยุไปบอกเพื่อนตำรวจที่ตั้งด่านอยู่ให้ดักจับรถของเขา เมื่อคืนเขาดูใบสั่งแล้วนึกอะไรได้ ด่านตั้งอยู่คนละเขตแต่กลับให้มาเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจแห่งนี้
แต่เขาไม่ยอมใช้เงินตัวเองเสียค่าปรับหรอก ยังไงวันนี้จะขอรีดไถเงินจากตำรวจสักสามร้อยบาท
เมื่อศรันย์เปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษก็ต้องชะงัก ตำรวจร่างสูงหนาบึกบึนหน้าดุที่เขาจำได้ว่าเป็นคนเรียกหมวดเรียวให้เดินไปหาเมื่อวันที่ตัวเองมาเสียค่าปรับครั้งล่าสุดกำลังยืนอยู่กลางห้อง ท่าทางหงุดหงิด
...หรือไม่หงุดหงิดก็ไม่รู้ ผู้ชายคนนี้ทำหน้าบึ้งตึงเหมือนอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา...
“มาหาใคร” นายตำรวจนอกเครื่องแบบถามเสียงห้วน
“หมวดเรียว” ศรันย์ตอบด้วยเสียงแบบเดียวกับที่ถูกถาม
“ไม่อยู่ มีธุระอะไร”
“ไม่มีธุระ” ศรันย์ส่ายหน้าแล้วหันหลังเดินออกจากห้อง มือกำลังจะดึงประตูปิด แต่พลันได้ยินเสียงของนายตำรวจมาดเข้มคนนั้นดังตามมา
“ไปราชการหนึ่งอาทิตย์”
ศรันย์อยากจะหันไปถามต่อ แต่เมื่อนึกว่าจะต้องเห็นหน้าดุๆ เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อนั้นแล้วก็เปลี่ยนใจ ไม่อยากจะเสวนาด้วย
“นายเป็นใคร” เสียงนั้นถามต่อ คราวนี้ศรันย์นึกฉุนกับมาดเก๊กของฝ่ายนั้นและที่ถูกเรียกว่า ‘นาย’ จึงเปลี่ยนใจอีกครั้ง
...ขอกวนดูเล่นๆ หน่อยเถอะ พ่อตำรวจมาดเท่ ดูซิว่าจะเก๊กไปถึงไหน...
“เป็นเพื่อนสนิทครับ” ศรันย์ทำเสียงอ่อนลง จงใจเน้นเสียงคำว่า ‘สนิท’ เพราะอยากลองเชิงอีกฝ่าย
“สนิทแค่ไหน”
“ก็พอสมควรครับ” ศรันย์เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง “พอดีผ่านมาแถวนี้ เลยอดแวะเข้ามาทักทายน้องเรียวไม่ได้”
“นายชื่ออะไร”
“คุณเป็นเจ้านายน้องเรียวหรือครับ” ศรันย์ไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย “ผมว่าใช่แน่ๆ เหมือนกับที่น้องเรียวเล่าให้ฟังไม่ผิดเลย เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าเป็นคนเดียวกัน”
“เล่าให้ฟังว่ายังไง”
“เล่าหลายอย่างเลยครับ แต่สรุปให้สั้นที่สุดได้ว่าเจ้านายดุ” ศรันย์ยิ้มบางๆ แบบกวนอารมณ์
“ผมไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาหมวดเรียว”
“อ้าว งั้นหรือครับ” ศรันย์เลิกคิ้วทำท่าแปลกใจ ความจริงเขาเคยเห็นผู้บังคับบัญชาของหมวดเรียวแล้วตอนที่เข้ามาร้องเรียนพฤติกรรมของตำรวจที่รังแกประชาชน สารวัตรคนนั้นแม้ท่าทางดุ แต่ก็ไม่ดูเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเท่าคนนี้
...อีตานี่ดุกว่าเยอะ ยังกะหมาพิตบูลผสมร็อดไวเลอร์ ดีไม่ดีมีเชื้อโดเบอร์แมนผสมเข้ามาหน่อย...
“ผมกำลังจะวิทยุหมวดเรียว บอกชื่อมาสิ จะได้บอกให้หมวดเรียวรู้”
“บอกว่าคนที่พูดมากๆ อารมณ์ดีๆ น้องเรียวเขาก็รู้ทันทีเพราะเราสองคนสนิทกันครับ” ศรันย์ยิ้มกว้าง แล้วรีบเดินออกจากห้องทันทีเมื่อเห็นมุมปากของนายตำรวจร่างใหญ่กระตุกอย่างไม่ชอบใจ
เสียงหนึ่งในหัวของศรันย์บอกว่า ‘กวน’ แค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนอีกเสียงหนึ่งก็เตือนเพิ่มว่า ‘อันตราย’ กวนมากเกินไปอาจโดนต่อย
...ฮึ แสดงอาการเหมือนกับหึงเลย นี่แสดงว่าแอบชอบหมวดเรียวจอมกวนเหมือนกันสิเนี่ย...
...แอบชอบ เฮ้ย เราชอบหมวดเรียวงั้นหรือ...
...ไม่ใช่หรอก ใครจะไปชอบลง กวนประสาทเป็นที่หนึ่ง ชอบหาเรื่องก็เท่านั้น ใครได้ไปเป็นแฟนปวดหัวตายเลย เราแค่อยากลอง ‘ของใหม่’ เท่านั้น ไม่เคย ‘ได้’ คนในเครื่องแบบซักที...

►จบบทที่ 5◄
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 5 ►11/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-02-2017 21:59:58
 :katai2-1:


ดีๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 5 ►11/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: papanoy ที่ 11-02-2017 22:27:53
             :L1:
              :pig4:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 5 ►11/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 11-02-2017 23:39:54
อูยยยยย ชอบบบ โดนใจ หมวดน้องเรียวเป็นที่ต้องการของชายหนุ่มวัยกลัดมัน 555555555
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 5 ►11/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 12-02-2017 00:00:55
 o13
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 5 ►11/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-02-2017 11:38:41
สนุกมากค่ะ  ยียวน กวนอารมณ์ไม่ต่างกันเลย   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 5 ►11/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: sm37an2j2 ที่ 12-02-2017 19:46:18
หะจบละ???
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 5 ►11/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 12-02-2017 20:07:03
บทที่ 6
ศรันย์หยิบกุญแจแล้วเดินออกมาจากห้องทำงาน แวะตรวจดูรถที่กำลังทำการซ่อมอยู่โดยใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีจึงเดินตรงไปที่รถคู่ใจของตัวเอง สามวันที่ผ่านนี้เขาเบื่อมาก พีทคอยแวะเวียนมาที่อู่และตื้อเขาจนชักจะทนไม่ไหว
...ไปหาเรื่องกวนประสาทตำรวจหัวเกรียนให้หายเบื่อดีกว่า...
ศรันย์ขับรถมาจอดอยู่ริมถนนใกล้ประตูทางเข้าสถานีตำรวจที่ทำงานของหมวดเรียว จงใจจอดรถในเขตห้ามจอด จากนั้นเดินเข้าไปในสถานีฯ ตรงไปยังหน้าห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ชะเง้อมองหานายตำรวจจอมกวน แต่ในห้องทำงานรกๆ ห้องนั้นไม่เห็นมีใครแม้แต่คนเดียว เขาจึงเดินเข้าไปในห้องโถงด้านหน้าและนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะร้อยเวร
“คุณมาทำไมอีก” นายตำรวจร่างท้วมที่เคยทะเลาะกับเขาเรื่องค่าปรับถามขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าจำหน้าศรันย์ได้
“ผู้กองจำหน้าผมได้ด้วยหรือ”
“จำฝังใจเลยล่ะจะบอกให้ ว่าไง คุณมาทำไม อย่าบอกนะว่ามาเสียค่าปรับ”
“อพิโธ่ คุณผู้กองครับ อย่ามองกันแบบนี้สิครับ ผมแค่จะมาแจ้งความเรื่องกระเป๋าตังค์หาย”
“แจ้งความเท็จผิดกฎหมายนะครับ” ร้อยเวรยกนิ้วขึ้น แสดงอาการเตือน
“อ้าว เปล่าเท็จนะครับ” ศรันย์รีบส่ายหน้าปฏิเสธ “แล้วปรักปรำกล่าวหาประชาชนถือว่าผิดกฎหมายด้วยไหมครับ”
“เอาล่ะ” ร้อยเวรยกมือทั้งสองข้างขึ้นห้าม “คุณมีอะไรว่ามา ผมจะได้ลงบันทึกประจำวันให้”
“ผมคิดว่ามีคนขโมย” ศรันย์นึกสนุกจึงสร้างเรื่องขึ้นมา
“ใครขโมย”
“อ้าว ถ้ารู้ว่าใครผมจะมาแจ้งความหรือคร้าบคุณผู้กอง ผมก็ไปตามเอาคืนมาแล้วสิ” ศรันย์ถอนหายใจเฮือก ทำท่าทางอ่อนอกอ่อนใจ
“เฮ้อ” ร้อยเวรถอนหายใจเช่นกันเพราะรู้ว่าตัวเองถามพลาดไป “งั้นบอกวันเวลามา”
“สิบหกพฤศจิกายน เอ่อ...” ศรันย์ยกข้อมือดูนาฬิกา “เวลาสิบสามนาฬิกาสิบห้านาที”
“เวลาที่คุณทำกระเป๋าหาย ไมใช่เวลาตอนนี้” ร้อยเวรทำเสียงเอือมระอา
“อ้าว คุณผู้กองก็ไม่ถามให้ชัดเจน” ศรันย์กรอกตา “ไม่ทราบครับ ไม่รู้ว่ามันหายตอนไหน ตอนนั้นผมไม่ได้ดูนาฬิกา ส่วนหายที่ไหนคุณผู้กองอย่าถามนะ เพราะว่าผมไม่รู้สึกตัวว่ามันหายหรอก ถ้ารู้สึกตัวตอนนั้นมันก็คงไม่หาย ถูกไหมครับ เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่ากระเป๋าตังค์ผมหายเวลาไหนก็เป็นคำถามที่ผมตอบไม่ได้”
“โว้ย ทำไมตูจะต้องมาเจอประชาชนพันธ์นี้ด้วยวะ” ร้อยเวรเกาศีรษะ บนพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ก็พยายามทำใจเย็น ถามคนที่มาแจ้งความว่า “เอางี้ วันเวลาที่คุณรู้สึกตัวว่ามันหาย คงตอบได้นะ หรือว่าตอนนั้นคุณตกใจเรื่องของหายจนลืมมองนาฬิกา หรือไม่ก็นาฬิกาตายเลยบอกเวลาไม่ได้”
“ไม่มีทาง นาฬิกาผมยี่ห้อโอเมก้าเลยนะครับคุณผู้กอง” ศรันย์ยักข้อมือขึ้นให้ดู
“รวยเหมือนกันนี่เรา กระเป๋าตังค์หายบ่อยๆ ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอกมั๊ง”
“แต่มันน่าเจ็บใจนี่สิคุณผู้กอง ผมว่ามันแปลกๆ ทะแม่งๆ อยู่นะ ผมเข้าไปหาคุณหมวดเรียว แล้วก็หลังจากนั้นก็ไม่เห็นกระเป๋าตังค์”
“แสดงว่าคุณก็รู้วันเวลากระเป๋าตังค์หายสิ เมื่อกี้บอกไม่รู้” ร้อยเวรย้อน “หรือจำไม่ได้ว่าเข้าไปหาหมวดเรียวเมื่อไหร่”
“แหมคุณผู้กอง กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปซะแล้ว ผมมันคนความรู้สึกช้า คือยังงี้ วันนั้นผมแวะมาหาคุณผู้หมวดเรียว แต่ไม่มีใครอยู่ คนที่อยู่เป็นตำรวจตัวสูงๆ หน้าเหี้ยมๆ เหมือนโกรธใครอยู่ตลอดเวลา”
“คุณมาหาหมวดเรียวทำไม”
“ผมจะเอาเงินมาคืนคุณหมวดเค้า ที่เคยยืมไปจำได้ไหมครับ ตอนนั้นโดนจับแบบไม่ยุติธรรมข้อหาจอดผิดที่ผิดทาง กระเป๋าตังค์ก็หาย คุณผู้กองปรับผมตั้งห้าร้อย ผมไม่มีเงิน พอดีคุณหมวดเรียวเดินเข้ามา ผมก็เลยจำได้ว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็...” ศรันย์เล่าเจื้อยแจ้ว
“ไม่ต้องเท้าความ ผมจำได้หมด” ร้อยเวรยกมือขึ้นปราม “เอาแต่เนื้อๆ น้ำไม่ต้อง”
“ผมก็ไม่ชอบน้ำเหมือนกัน ถึงได้เล่าละเอียดไงล่ะ คุณผู้กองจะได้ไม่เข้าใจผิด”
“ตอนที่คุณเจอตำรวจหน้าเหี้ยมแล้วไงต่อ”
“เขาเป็นอะไรกับคุณหมวดเรียวหรือครับ ทำหน้าดู๊ดุ หน้าตาธรรมดาดุไม่พอหรือไงก็ไม่รู้ ต้องขมวดคิ้วทำเข้มให้คนกลัว ประชาชนจะเข้าไปพึ่งใบบุญซะหน่อยต้องรีบตาลีตาเหลือกออกมา”
“นั่นมันห้องฝ่ายปราบปรามพิเศษ ไม่ใช่ที่ให้ประชาชนร้องทุกข์ ถ้าจะร้องทุกข์ต้องกับร้อยเวรนี่”
“ผมรู้ ผมเข้าใจ ผมถึงมาแจ้งความของหายอยู่นี่ไง ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไรหรอกคุณผู้กอง ว่าแต่ว่า ทำไมเขาทำท่าไม่ชอบหน้าประชาชนตาดำๆ เลยล่ะครับ เขาเป็นอะไรกับหมวดเรียวหรือครับ ผมแค่จะเข้าไปหากระเป๋า”
“ตกลงคุณลืมกระเป๋าตอนไหนแน่”
“ก็...เอ่อ...” ศรันย์พูดมากจนพลาดเอง “ก็ผมเคยเข้าไปหนนึง โดนตะเพิดไล่ออกมา ต้องเป็นตอนที่ลุกลี้ลุกลนแน่ๆ เลย ผมอาจทำกระเป๋าตก ผมเลยต้องย้อนเข้าไปอีกไงล่ะ ว่าจะเข้าไปถามเรื่องกระเป๋า แต่โดนจ้องจะกินหัว ผมก็เลยตาลีตาเหลือกกลับออกมาอีก”
“แสดงว่าคุณมั่นใจว่ากระเป๋าตังค์หายในห้องนั้น”
“ก็อาจเป็นไปได้นะ”
“แต่ไม่มีรายงานอะไรเลย ยิ่งถ้าหายในห้องนั้นก็ต้องมีคนเอามาแจ้งที่นี่ นั่นมันห้องตำรวจเลยนะคุณ”
“อ้าว ของลืมทิ้งไว้ในห้องตำรวจมันหายไม่ไดหรือไงคร้าบ”
“อ้าว แบบนี้ดูหมิ่นเจ้าพนักงานนี่คุณ” ร้อยเวรพูดเสียงเข้ม
“ผมเปล่านะ” ศรันย์รีบปฏิเสธ “เอาเป็นว่าคุณผู้กองลงบันทึกประจำวันให้ผม หายที่ไหนก็ช่างหัวมัน วันเวลาก็กะๆ เอาก็แล้วกัน อ้อ ถ่ายสำเนาให้ด้วยนะครับ ผมต้องเอาไปแจ้งพวกธนาคารทำบัตรเอทีเอ็มกับบัตรเครดิตใหม่ ที่สำคัญคือไปทำบัตรประชาชน พอดีเบื่อรูปตัวเองในบัตรเหมือนกัน มีคนว่าหล่อสู้ตัวจริงไม่ได้ ทำบัตรใหม่คราวนี้ ผมจะแอ๊คท่าให้หล่อเท่ไม่มีที่ติเลยทีเดียวเชียว”
ร้อยเวรทำหน้านิ่งเฉย ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง ประชาชนปากมากจึงอดพูดไม่ได้ว่า
“ยังไม่ถึงเวลาออกเวรหรอกครับคุณผู้กอง เหลือเวลาอีกตั้งสี่สิบกว่านาที”
“รู้ดีอีก”
“แล้ววันนี้งานไม่ยุ่งหรือครับ ไม่มีใครเอาใบสั่งมาส่งให้หรือครับ” ศรันย์เริ่มรู้สึกว่านานเกินไป รถเขาจอดเกือบจะเรียกได้ว่ากีดขวางทางเข้าสถานีตำรวจด้วยซ้ำ แต่จนป่านนี้ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีปัญหาอะไร
“วันนี้เงียบ โจรมันคงจะรู้และอยากให้ตำรวจมีเวลาให้บริการประชาชนที่มีปัญหา” ร้อยเวรอดพูดประชดประชาชนเจ้าปัญหาไม่ได้
“ใชคของผมจริงๆ” ศรันย์พยักหน้า
“โชคดีที่กระเป๋าตังค์หายอีกใช่ไหม”
“โธ่ คุณตำรวจครับ ใครอยากกระเป๋าตังค์หายบ้างล่ะ กระเป๋าผมยี่ห้อแอร์เมสเลยนะครับ” ศรันย์คุย
“กี่ร้อย ซื้อที่ไหน ของผมซื้อหน้าอิมพีเรียลสำโรง 89 บาท”
“คุณตำรวจไม่รู้จักกระเป๋าแอร์เมสเลยหรือ”
“จะอวดว่ากระเป๋าแพงงั้นสิ ใช้กระเป๋าแพงก็แสดงว่ารวย ถ้างั้นเวลาจ่ายค่าปรับทำไมยุ่งยากนัก” ร้อยเวรพูดด้วยน้ำเสียงประชด
“กระเป๋าตังค์หายนี่ครับคุณตำรวจ กระเป๋าตังค์หายจะมีเงินจ่ายได้ยังไง กระเป๋าตังค์มีเอาไว้ใส่เงิน กระเป๋าตังค์หายก็แสดงว่าไม่มีเงิน พอไม่มีเงินอะไรมันก็ยุ่งยากไปหมดทั้งนั้นล่ะ หรือว่าคุณผู้กองจะเถียงผม” ศรันย์ต่อปากต่อคำ ร้อยเวรยกมือขึ้นแสดงอาการว่าไม่อยากเถียง ศรันย์จึงเปลี่ยนพูดเรื่องอื่น “ว่าแต่ว่าผมขอถามหน่อยได้ไหม ตำรวจที่ตัวสูงๆ ดุๆ ชื่อว่าอะไรหรือ แล้วทำไมห้องนั้นไม่มีตำรวจอยู่ซักคน เกิดโจรบุกเข้ามาจะว่ายังไง”
“คุณ โจรที่ไหนจะบุกสถานีตำรวจ” ร้อยเวรถอนหายใจอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “คุณนี่สงสัยอะไรแปลกๆ หน่วยปราบปราบพิเศษเขาก็ออกไปทำงานสิครับ นี่คุณ อย่าเพิ่งถาม อย่าเพิ่งชวนผมคุย กำลังพิมพ์บันทึกประจำวันอยู่”
“ผมว่าให้ตำรวจเขียนบันทึกประจำวันด้วยลายมือเหมือนเดิมจะดีกว่า ใครให้ใช้คอมก็ไม่รู้ เสียเวลามาก กว่าจะจิ้มเสร็จ อีกอย่าง ผมชอบอ่านลายมือตำรวจ มันท้าทายความสามารถดี” ศรันย์พูดต่อเจื้อยแจ้ว
ร้อยเวรทำหูทวนลม เพราะรู้ว่าหากตอบโต้ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าก็คงได้คุยจ้อต่ออีกนาน
ขณะนั้นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามาที่โต๊ะและวางใบสั่งลองพร้อมกันพูดว่า “หมวดครับ ใบสั่ง วันนี้รายได้ไม่ดี มีแค่ห้าใบ ช่วงบ่ายหวังว่าคงจะได้เยอะกว่านี้”
ศรันย์ชะเง้อหน้าไปมองเพราะอยากรู้ว่ามีชื่อของตัวเองหรือไม่ แต่เขาอ่านลายมือของตำรวจที่เขียนใบสั่งไม่ออก ร้อยเวรมองเห็นจึงอดพูดกระทบชายหนุ่มเจ้าปัญหาไม่ได้
“ตอนนี้ตำรวจยังใช้มือเขียนใบสั่งอยู่ ไม่ได้ปรินท์คอม ถึงจะชอบความท้าทายคุณก็อ่านไม่ออกหรอก”
“จำได้อีกแฮะ” ศรันย์หัวเราะหึๆ
“ไม่มีของคุณหรอก สบายใจได้”
“มีของผมสิแปลก ทำไมคุณร้อยเวรคิดว่าจะมีของผม”

เมื่อไม่เจอหมวดเรียวและได้กวนตำรวจแก้เบื่อแล้วศรันย์จึงเดินกลับมาที่รถของตัวเอง แต่เมื่อเดินมาถึงเขาก็ต้องตาเหลือก อ้าปากค้าง เพราะ ณ ตรงที่เคยจอดรถไว้นั้น ขณะนี้ว่างเปล่า ไม่มีรถตัวเองจอดอยู่
ศรันย์รีบกลับเข้าไปในสถานีตำรวจ แจ้งความว่ารถหาย และเมื่อร้อยเวรสอบถามรายละเอียด จึงบอกว่าได้จอดรถไว้ในที่ห้ามจอด แต่เมื่อตรวจสอบก็ไม่พบว่ามีการล๊อครถหรือลากรถเข้ามาในสถานีฯ
“แสดงว่ารถผมโดนขโมย อะไรกัน จอดอยู่หน้าโรงพักยังโดนขโมยได้ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย” ศรันย์โวยวาย
“จะแจ้งความเลยไหมคุณ” ร้อยเวรถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ตื่นเต้นไปกับศรันย์ด้วย
“แจ้งสิครับ ไม่แจ้งได้ยังไง อะไรกัน จอดหน้าโรงพักยังโดนขโมย ตำรวจไม่ดูแลให้ผมเลย ปล่อยให้โจรมาขโมยได้ง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง แทนที่จะปลอดภัย ทำไมปล่อยให้รถผมหาย” ศรันย์เริ่มคร่ำครวญ
“อ้าวคุณ อย่าพาลสิ ใครบอกให้จอดตรงนั้น”
“ก็นึกว่าจะปลอดภัย ถ้าผมจอดผิดที่ ทำไมไม่ไปรีบล๊อคล้อเอาไว้ นี่ถ้าคุณไปล๊อคล้อเอาไว้ มันก็คงไม่มีใครมาขโมยหรอก” ศรันย์ไม่ยอมหยุดบ่น
“เอาเถอะ คุณใจเย็นๆ แจ้งความไว้ก่อน เดี๋ยวจะตามให้” ร้อยเวรยกมือห้าม
“ผมจะกลับบ้านยังไงล่ะทีนี้ กระเป๋าตังค์ก็หาย เงินก็ไม่มี”
“เดี๋ยวจะให้ยืมสามร้อย ไม่ต้องห่วง จะจัดการให้ คุณนั่งรอเดี๋ยวเดียว”
“เวรกรรม เวรจริงๆ เลย ทำไมซวยอย่างนี้” ศรันย์ยกมือตบหน้าผากของตัวเอง กระแทกหลังเข้ากับพนักพิงเก้าอี้แล้วบ่นไม่หยุด ร้อยเวรต้องปลอบอยู่นานกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ จากนั้นบอกให้ศรันย์กลับไปก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนและติดตามค้นหารถให้อย่างเร่งด่วน
// /// // // // //

ศรันย์กลับมาที่อู่ซ่อมรถของตัวเองด้วยความหงุดหงิด ความรู้สึกเบื่อที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนเช้าหายไปหมดสิ้น
“เพราะหมวดเรียวเลยทีเดียว นี่ถ้าไม่เอาปืนจี้บังคับให้ขับรถพาหนีโจร ก็คงไม่มีวันนี้ รถก็คงไม่โดนขโมย อะไรวะ ตั้งแต่เจอกันวันนั้น ทำไมมีแต่เรื่องซวยๆ” ในที่สุดก็โทษนายตำรวจจอมกวนคนนั้น
ศรันย์เดินงุ่นง่านไปมาอยู่ในห้องทำงาน สุวัฒน์เปิดประตูห้องเข้ามาสอบถามก็โดนตะเพิดไล่ออกไป ใครก็เข้าหน้าไม่ติด จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ศรันย์จึงรู้สึกสงบลงมาบ้าง
“เฮ้ย สุวัฒน์ปิดร้าน เอารถออก ทุกคนแบ่งกันเป็นสาย ออกไปตามหารถพ่อเอ็งเดี๋ยวนี้ จะเพิ่มโอทีให้สองแรง” ศรันย์เดินออกมานอกห้องทำงาน ยืนประกาศกลางอู่ให้ลูกน้องทุกคนได้ยิน
“มันจะเจอหรือพี่” เสียงสุวัฒน์ผู้ช่วยสนิทดังขึ้น
“ไอ้ปากหมา พูดไม่เป็นมงคล ออกตระเวนหาก่อนสิวะ” ศรันย์หันไปตะคอก “เร็วๆ เข้า เก็บของ ปิดร้าน”
ขณะที่ช่างซ่อมทุกคนกำลังเก็บอุปกรณ์เข้าที่ รถเก๋งแต่งซิ่งคันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าอู่ซ่อมรถ ชายร่างผอมสองคนในชุดนักศึกษาลงมาจากรถแล้วเข้ามาในอู่พร้อมกับบอกว่าจะเอารถมาซ่อม
“พี่วัฒน์ ดูรถให้ผมหน่อยสิ เป็นอะไรก็ไม่รู้ เร่งไม่ค่อยขึ้น” เจ้าของรถแต่งซิ่งคนหนึ่งพูดกับสุวัฒน์
“อู่ปิดแล้ว มาวันหลัง” ศรันย์พูดขึ้น
“อ้าว เพิ่งบ่ายสองโมงกว่าเองนี่ครับเฮีย จะรีบปิดไปไหน” ลูกค้าถามด้วยความสงสัยปนผิดหวัง
“ไปตามหารถ” ศรันย์กระแทกเสียง “รถเฮียหาย โดนขโมย เจ็บใจฉิบหาย”
“เอ๊ะ เมื่อกี้เห็นแว๊บๆ หน้าปากซอย ยังนึกอยู่เลยว่าเฮียไม่อยู่อู่อีกแล้ว อุตส่าห์เอารถมาเข้าอู่ จะให้เฮียดูให้เสียหน่อย” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาอีกคนเดินตามเข้ามาหลังเพื่อนพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ
“อะไรนะ” ศรันย์อุทานเสียงดัง “รถเฮียงั้นหรือ แกตาฝาดหรือเปล่า”
“ไม่ฝาดหรอก ทะเบียนรถเฮียผมจำได้ บีเอ็มสีดำ สส. 777 ถูกไหมล่ะ”
“เฮ้ย พวกเรา ตามมา เร็วๆ เข้า นายสองคน พาเฮียซิ่งตามไปลุยมันเลย ถ้าจับได้ จะซ่อมรถให้ฟรี” ศรันย์วิ่งนำกลุ่มเด็กนักศึกษาออกมาที่หน้าอู่ ชี้นิ้วให้คนที่บอกว่าเห็นรถของเขาขึ้นนั่งบนรถซูบารุอิมเพรสซ่าสีบรอนซ์บนเบาะนั่งข้างคนขับ อีกสองคนกับสุวัฒน์นั่งเบาะหลัง ตัวเองขึ้นนั่งบนที่นั่งคนขับแล้วทะยานรถออกไปโดยเร็ว

ใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็ถึงปากซอย เลี้ยวเข้าถนนใหญ่ ทุกคนในรถต่างช่วยกันมองหา ไม่นานก็โชคดี เห็นรถบีเอ็มดับบลิวสีดำของศรันย์จอดอยู่ข้างถนนหน้าปั๊มน้ำมัน แต่สิ่งที่วางอยู่บนหลังคารถทำให้ศรันย์ต้องร้องออกมาด้วยความฉุนเฉียว
“อะไรวะ ประกาศขาย” ศรันย์ตะโกน เท้ากระทืบเบรกจอดหลังรถบีเอ็มดับบลิวจนทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่ในรถหัวทิ่ม
“โอ๊ย” เสียงคนในรถร้องขึ้นพร้อมกันเพราะหัวโขกเข้ากับเบาะหน้า ส่วนคนที่นั่งอยู่เบาะหน้ารีบพูดขึ้นมาเสียงดังว่า “เฮ้ย ห้าแสนเองหรือ ถูกอย่างนี้ผมซื้อเล๊ย”
“ไอ้...” ศรันย์หันไปขึงตาใส่แล้วรีบลงจากรถ
“ลูกพ่อ นึกว่าจะถูกพรากจากกันซะแล้ว” ศรันย์แทบจะผวากอดรถบีเอ็มดับบลิวแสนรัก รู้สึกดีใจปนโกรธยิ่งนัก “ใครวะ กล้าล้วงคองูเห่า ขโมยรถกูมาขาย”
“เบอร์นี้อู่เฮียไม่ใช่หรือเนี่ย” เสียงหนึ่งดึงขึ้น
“เออ จริงด้วย” อีกคนหนึ่งเห็นด้วย
“โดนแกล้งแน่ๆ เลยๆ” สุวัฒน์พูดขึ้น “เฮียไปขัดขาใครเข้าให้ล่ะ ถึงโดนแก้เผ็ดอย่างนี้”
“แกล้งงั้นหรือ” ศรันย์ชะงัก
พอได้ยินคำว่าแกล้ง ชื่อแรกที่โผล่เข้ามาให้หัวจะเป็นใครไปไม่ได้
“หมวดเรียว” ศรันย์เค้นเสียงออกมาตามไรฟัน “เล่นแรงเลยนะ”
/////////

พอนึกถึงหมวดเรียวไม่ทันไร หมวดเรียวก็มา นายตำรวจหนุ่มมาดกวนเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อในปั้มน้ำมันพร้อมกับเพื่อนคู่หู มาหยุดยืนอยู่ไม่ห่าง ยืนมองชายหนุ่มสี่คนซึ่งยืนอยู่รอบรถบีเอ็มดับบลิว ‘คันนั้น’ ด้วยรอยยิ้มขบขัน
“หมวดเรียว เราไปดีกว่า เจ้าของเขามาแล้ว” ชินวัฒน์สะกิดเพื่อน
“อ้าว คุณหมวดนี่เอง” ศรันย์หันไปเห็นนายตำรวจที่เขาเชื่อว่าแกล้งตัวเอง จึงรีบโวยวายขึ้น “คุณขโมยรถผม ฝีมือคุณใช่ไหม”
“อ้าว กล่าวหากันแบบนี้ โดนจับได้นะคุณ ผมเป็นถึงตำรวจ จะไปขโมยรถคุณทำไม” เรียวทำหน้ายียวน
“จะมีใครถ้าไม่ใช่คุณ” ศรันย์ชี้หน้า เดินเข้าไปใกล้ตำรวจปากแข็ง
“เดี๋ยวฟ้องหมิ่นประมาทซะเลย” เรียวชี้หน้าคืน
“รถผมหายจากหน้าโรงพักคุณ มาจอดขายอยู่ปากซอยเข้าอู่ผม คุณก็ยืนอยู่ตรงนี้เห็นๆ ถ้าไม่ใช่คุณทำแล้วจะใคร” ศรันย์โวย
“มีพยานหรือเปล่า” เรียวเอียงหน้า เลิกคิ้วข้างเดียว พูดลากเสียงยาว
“พยานหรือ นี่ไง ลูกน้องผม ลูกค้าผม” ศรันย์หันหลัง ชี้มือไปยังสี่หนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“งั้นหรือ พวกนายเห็นหรือว่าผมขโมย” เรียวก้าวเท้าเข้าไปหาพยานที่ศรันย์กล่าวอ้าง ยืนกางขา เท้าสะเอว กวาดตามองทั้งสี่คน “ใครเห็น บอกมาซิ”
เงียบ ทั้งสี่คนที่เจ้าทุกข์อ้างว่าเป็นพยานไม่มีใครพูดสักคน
“คุณไปข่มขู่พยานแบบนั้น ใครมันจะกล้าพูด” ศรันย์กระชากเสียง
“อ๋อ คงดุไป ถ้างั้นพูดใหม่” เรียวพยักหน้า แล้วพูดใหม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  “น้องทั้งสี่ครับ เห็นหรือครับว่าพี่ขโมยรถของลูกพี่ของน้องมาจากหน้า สน. ของพี่ แล้วเอามาจอดประกาศขายที่ข้างทาง ถ้าน้องเห็นจริง ขอเรียนเชิญไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจจะได้ไหมครับ แต่น้องทั้งสี่คงจะทราบดีใช่ไหมครับ ว่าการเป็นพยานเท็จนั้นผิดกฏหมาย โดยเฉพาะเป็นพยานเท็จปรักปรำตำรวจ”
“ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลยครับ” สุวัฒน์รีบพูด
“ไอ้สุวาน” ศรันย์เดินมาตบศีรษะลูกน้องคนสนิทเบาๆ
“อู่คุณอยู่แถวนี้หรือ” เรียวเปลี่ยนเรื่อง ทำหน้าตาเฉยเมย “ไหน พาไปหน่อยซิ ขอไปดูหน่อยว่ามีพวกแก็งค์รถซิ่งไปมั่วสุมอยู่ที่นั่นหรือเปล่า”
“ไม่ได้มั่วสุมครับพี่ แค่เอารถไปซ่อม” เด็กนักศึกษาคนหนึ่งรีบพูดขึ้นมาทันที
“หุบปาก เงียบ” เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ ดุเบาๆ
“แสบจริงๆ นะหมวด” ศรันย์หน้าบึ้ง พูดใกล้หูของหมวดเรียว แล้วหันไปบอกให้สุวัฒน์พาลูกค้านักศึกษาทั้งสามกลับไปที่อู่
 “หมวดเรียว แกล้งผมแรงเกินไปแล้วนะ ผมเกือบหัวใจวาย สนุกนักหรือไงได้แกล้งประชาชนตาดำๆ ไม่มีทางสู้” ศรันย์หน้ามุ่ย
“ไม่ได้แกล้ง แค่สั่งสอน” เรียวยักไหล่
“แสบจริงๆ” ศรันย์เบ้ปากใส่นายตำรวจทั้งสองแล้วเดินกระแทกเท้าไปยังรถของตัวเอง ก่อนจะขึ้นรถ หันมามองเรียวด้วยสายตาฉุนๆ เห็นประกายวิบวับในตาของนายตำรวจหนุ่ม
...เจ็บใจนัก ระวังเอาไว้เถอะ เดี๋ยวจะเอาคืน อยากเล่นกับศรันย์นักใช่ไหม ได้เลยคุณหมวด...
////////////

“คิดดูก็น่าสงสารเขาอยู่เหมือนกันนะหมวดเรียว” ชินวัฒน์พูดขึ้นหลังจากกลับมาถึงสถานีตำรวจ
“แหม ตอนชวนทำรีบพยักหน้าเห็นด้วยเลยนะ ตอนนี้มาสงสาร” เรียวเบ้ปากใส่ชินวัฒน์
“พี่แกจะแค้นเราหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่หรอก” เรียวยักไหล่ อมยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าเป็นเราโดนแกล้งแบบนี้ล่ะก็ ฮึ่ม” ชินวัฒน์ทำเสียงในลำคอ แสดงอาการว่าไม่พอใจ “ต้องมีการเอาคืนกันบ้างล่ะ ยกเว้นเสียแต่ว่า...”
“ยกเว้นอะไร” เรียวถามเพราะเพื่อนพูดไม่จบประโยค แล้วปล่อยทิ้งเงียบไปเฉยๆ
“ถ้าเค้าไม่ชอบ เค้าไม่ยอมตัวเองหรอก” ชินวัฒน์แกล้งบีบเสียงพูดจาอ่อนหวานแล้วหัวเราะหน้าทะเล้น
“เดี๋ยวกำปั้นยัดปากเลย เลิกชวนคุยเล่นได้แล้ว ทำงาน สารวัตรนี่ก็อะไรก็ไม่รู้ ให้ทำงานแบบนี้อีกแล้ว” เรียวบ่น
“สารวัตรนี่ก็แปลกๆ นะ อุตส่าห์ปลอมตัวเป็นนักศึกษาไปหาข่าวอยู่ดีๆ ก็ให้ถอนตัวออกมา หรือว่า...”
เรียวนิ่ง ไม่ตอบโต้ ทั้งที่ชินวัฒน์จงใจพูดไม่จบประโยค ปล่อยให้คนฟังอยากรู้
“หรือว่า...” ชินวัฒน์เอียงคอ ทำหน้าคิด “ไม่อยากรู้หรือหมวดเรียว”
“อยากรู้อะไร” ในที่สุดเรียวก็ถาม
“อยากรู้ว่าทำไมสารวัตรให้หมวดเรียวดันทุรังถอนตัว”
“จะพูดอะไรก็พูดเถอะ อย่าลีลา” เรียวพูดเสียงดุ
“ผมว่าสารวัตรกลัวว่าหมวดเรียวจะพลาดท่าเสียตัวล่ะมั๊ง ถึงได้ให้ถอนตัว งานมันสุ่มเสี่ยงมากเลยนะนั่น ต้องเป็นเด็กขายเพื่อหาข่าว” ชินวัฒน์หัวเราะก๊าก
“พอ ไม่เอาแล้ว” เรียวลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ “ให้มาทำงานสืบหาเส้นทางโอนเงินของพวกขายยาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์แบบนี้เบื่อจะตายชัก”
“อ้าว ไม่ทำได้ยังไง ก็สารวัตรท่านบัญชามาแล้ว” ชินวัฒน์แย้ง
“แกทำไปเลยไอ้หมวดลูกชิ้น ฉันจะออกไปหาข่าว” เรียวเดินตรงไปที่ประตูห้องทำงาน ชินวิฒน์รีบตามแล้วเตือนว่าจะทำให้ผู้บังคับบัญชาไม่พอใจ
“ก็บอกไปสิ ว่าไปหาข่าวเรื่องที่เรากำลังทำอยู่ ถ้าสารวัตรถามก็บอกว่าข้อมูลมันขาดหายไป เลยต้องลงพื้นที่ ระหว่างนี้ แกก็รีบค้นข้อมูลให้เสร็จๆ เข้าใจนะ” เรียวกันไปพูดเสียงดุกับเพื่อนคู่หูแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ชินวัฒน์ยืนเกาหัวแกรกๆ พร้อมกับบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
/// /// /// ///

เรียวก้าวลงจากแท็กซี่ ยืนมองหน้าอู่ซ่อมรถของศรันย์อยู่ชั่วอึดใจแล้วเดินเข้าไปข้างใน ช่างซ่อมแต่ละคนกำลังง่วนอยู่กับงานซ่อมรถ ไม่มีใครหันมาสนใจเขาแม้แต่คนเดียว เรียวจึงเดินเข้าไปด้านในของอู่
มีห้องทำงานอยู่สองห้อง ห้องใหญ่มีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่สองคน คนหนึ่ง เป็นหญิงสาวอายุประมาณสามสิบปีต้นๆ กำลังนั่งพิมพ์เอกสารอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ซึ่งเรียวเดาเอาว่าน่าจะเป็นเลขานุการทั่วไป ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มบุคลิกนุ่มนิ่ม แต่งตัวเนี๊ยบ กำลังใช้เครื่องคิดเลขอยู่อย่างคล่องแคล่ว ส่วนห้องที่เล็กกว่าด้านซ้ายมือค่อนข้างมิดชิดกว่าเพราะมีม่านบังตา แต่ก็ยังพอมองเห็นในห้อง
ศรันย์นอนเอนตัวพิงเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่ มือประสานท้ายทอย สองเท้าวางพาดอยู่บนโต๊ะ เรียวเดินเข้าไปแนบหน้ากับกระจกเพื่อให้มองเห็นชัดกว่าเดิม
“เจริญจริงๆ ลูกน้องทำงาน เจ้าของนอนหลับ” เรียวพึมพำเบาๆ ค่อยๆ เลื่อนประตูเปิดออกแล้วเดินเข้าไปยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ศรันย์ยังนอนนิ่ง อกสะท้อนขึ้นลงสม่ำเสมอ แสดงให้เห็นว่าหลับจริง ไม่ใช่แค่เพียงหลับตาพักสายตา
นายตำรวจหนุ่มยืนมองคนที่นอนหลับอยู่บนเก้าอี้อย่างพิจารณา ใบหน้าขาวสะอาดเริ่มมีไรหนวดครึ้มเพราะคงไม่ได้โกนมาหลายวัน คิ้วหนาเข้มวางพาดอยู่เหนือดวงตาซึ่งรอบๆ มีรอยคล้ำเล็กน้อยราวกับอดนอนอยู่เป็นนิจ จมูกโด่งคมเป็นสันตรงรับกับริมฝีปากเรียวได้รูป ใบหน้าของศรันย์ยามหลับนั้นดูคมเข้มยิ่งนัก
เรียวกระแอมเล็กน้อย ทำเสียงปลุกให้ศรันย์ตื่น แต่ฝ่ายนั้นยังไม่กระดุกกระดิก เรียวจึงเดินเข้าไปใกล้กว่าเดิม เอามือเคาะโต๊ะแต่ศรันย์ก็ยังนอนนิ่ง
“ขี้เซาจริง ถ้าเป็นเรา มีคนเดินเข้าห้องมายืนใกล้ๆ แบบนี้ตื่นตั้งนานแล้ว” เรียวพึมพำแล้วใช้มือตบที่ข้อเท้าของศรันย์เบาๆ
“หมวด...” เสียงศรันย์พึมพำ เรียวเงยหน้าขึ้นมอง ศรันย์ทำปากจิ๊กจั๊กแล้วพึมพำอีกครั้ง “อย่านะ”
“อะไรวะ” เรียวย่นหัวคิ้ว
“ถอยไป...” ศรันย์พึมพำอีก
“ละเมอกลางวันด้วยแฮะ” เรียวยิ้มขำ
“อือๆ” ศรันย์ทำเสียงในลำคอ เรียวกลั้นหัวเราะ รู้สึกขำที่เห็นศรันย์ละเมอ
“หมวด...อย่าดิ้น...”
“หือ” เรียวสงสัย เอียงหน้ามองคนที่นอนอยู่ตรงหน้า
“ก้มลง...หมวด...ก้มสิ” ศรันย์ยังคงละเมอต่อ
“ฝันอะไรอยู่เนี่ย”
“หมวด...ซี๊ด...อูย...”
“หมวดหรือ” เรียวขมวดคิ้ว ได้ยินศรันย์ชัดเจน เริ่มสงสัย
“โอย...กางขาออกซิหมวด...จะเข้าแล้ว...”
“ลามก” เท่านั้นเองเรียวก็เข้าใจว่าศรันย์กำลังฝันเรื่องอะไร
นายตำรวจหนุ่มยืดตัวขึ้น หยิบนิตยสารรถแข่งที่กองอยู่บนมุมโต๊ะขึ้นมา แล้วโยนลงบนโต๊ะแรงๆ แล้วตบโต๊ะเสียงดังพร้อมกับร้องว่าไฟใหม้ ศรันย์สะดุ้งเฮือก ลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างตกใจ
“หา ไฟไหม้ที่ไหน อะไรวะ” ศรันย์หันซ้ายหันขวาเลิกลั่ก แต่ครั้นเห็นว่าใครยืนเท้าสะเอวอยู่ตรงหน้าก็อุทานเสียงดัง “เฮ้ย คุณหมวดเข้ามาได้ยังไง จะมาทำอะไรผม”
“ใครจะไปทำอะไรคุณ” เรียวส่ายหน้า พูดเสียงเข้ม “คุณนั่นล่ะ ทำอะไรอยู่”
“นอนสิครับ ถามได้” ศรันย์เอาขาลงจากโต๊ะ ลุกขึ้นบิดตัวพร้อมส่งเสียงร้องโอดโอยราวกับเจ็บปวดยิ่งนัก เรียวมองนิ่ง แต่พลันลดสายตาลงต่ำ เห็นอะไรบางอย่าง ทำให้ต้องหันหน้าหนี
“ลามกจริงๆ เลย ขนาดฝันยังลามกได้ คนอะไรวะ” เรียวบ่น
“โอ๊ะ ตายห่_” ศรันย์อุทานแล้วใช้มือปิดเป้ากางเกงตัวเอง “ก็คุณเล่นเข้ามาในห้องส่วนตัวแบบนี้ จะมาว่าผมไม่ได้นะ ผู้ชายตื่นนอนมันก็ต้องเป็นแบบนี้ทุกคน”
“เดี๋ยวจะไปรอข้างหน้า มีเรื่องจะคุยด้วย รีบตามออกไป อย่าให้รอนาน” เรียวสั่งแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป ขณะที่ดึงประตูเลื่อนกำลังจะปิด ก็ได้ยินเจ้าของห้องหัวเราะเบาๆ พร้อมกับคำพูดบางอย่าง ทำให้เขากระชากประตูปิดเสียงดังปังด้วยความฉุนเฉียว

►จบบทที่ 6◄

ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านและเมนท์นะครับ นิยายมผมไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่นะ เขียนแบบมีสาระไม่ค่อยเป็น อ่านแก้เครียดเพลินๆ ก็แล้วกันนะครับ
สุขสันต์วันวาไลนไทน์
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 6 ►12/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 13-02-2017 10:04:55
 :pig4: แปะ
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 6 ►12/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ซิกาแร๊ต ที่ 13-02-2017 10:27:16
เค้าทันกันขนาดนี้ ... สะใจคนอ่านดีจริงๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 6 ►12/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: papanoy ที่ 13-02-2017 13:10:07
หมวดเรียวน่ารักจริงๆ :m20:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 6 ►12/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: TheP ที่ 13-02-2017 14:00:42
หมวดเรียวเสน่ห์แรงงงง
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 6 ►12/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-02-2017 17:32:50
 :laugh:


ฝันเปียก ล่ะม้างงงงงง
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 6 ►12/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: monotone ที่ 13-02-2017 21:58:36
ตามมาจาก คุณนุ กับสารวัตร อธิคม เป็นกำลังใจให้คนเขียน :katai4:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 6 ►12/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 13-02-2017 22:23:12
โอ้โหแวดล้อมไปด้วยชายหนุ่มหมายปอง ยังไม่รู้ตัวอีกน้องหมวดเรียว
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 6 ►12/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 13-02-2017 23:35:09
มาแปะไว้ก่อน เดี๋ยวตามมาอ่านค่ะ เห็นเป็นนิยายของคุณ katawoot ปุ๊บ แปะ ปั๊บเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 6 ►12/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 13-02-2017 23:37:41
เล่ห์เหลี่ยมทันกันดีจริงๆ  อยากรู้จังใครจะเพลี่ยงพล้ำซะก่อน    :hao7:
ชอบหมวดเรียว 5555
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 6 ►12/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 14-02-2017 02:25:24
ชอบอ่ะ หมวดเรียวแสบมาก เสน่ห์แรงด้วย
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 7 ►14/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 14-02-2017 19:50:29
บทที่ 7

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ศรันย์ก็เปิดประตูห้องทำงานออกมา ใบหน้าดูสดชื่น ยิ้มแป้น เรียวหันไปมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แล้วพูดขึ้นมาเบาๆ
“กว่าจะออกมาได้”
“แหม รอนิดรอหน่อย ทำเป็นใจร้อน ผมก็ต้องล้างหน้าล้างตาหน่อยสิครับคุณหมวด คนเพิ่งตื่นนะ อีกอย่าง ผมก็ต้องรอให้มันสงบลงซะก่อนถึงจะออกมาได้ ไม่งั้นก็จะโดนหาว่าลามก ทั้งๆ ที่...”
“ผมมาขอโทษ” เรียวแทรกขึ้น “ขอโทษนะ”
“ขอโทษเรื่องอะไร” ศรันย์ทำหน้าเหรอหรา “อ๋อ เรื่องเมื่อกี้นี่ใช่ไหม ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ถือสา เข้าใจอยู่ว่าคุณหมวดคงเบื่อเลยอยากหาอะไรสนุกๆ ทำ”
“นี่คุณศรันย์ อย่ากวนเลยน่า มาขอโทษดีๆ แล้วนะ”
“อ้าว ผมก็นึกว่าขอโทษเรื่องที่อยู่เฉยๆ ก็เข้าไปจ๊ะเอ๋ให้ผมตกใจด้วยการแกล้งตะโกนว่าไฟไหม้อู่ผมนะสิ”
“ความจริง ผมก็ไม่ได้อยากทำนักหรอก แต่คุณไปกวนผมแบบนั้น ก็อดฉุนไม่ได้”
“กวนเรื่องอะไรไม่ทราบ ผมแค่ไปแจ้งความกระเป๋าหาย ถ้าพูดเรื่องกวน ผมต่างหากที่โดนก่อน เอ๊ะ ไม่ใช่สิ ไม่ได้เรียกว่ากวน เรียกว่าแกล้งจะถูกกว่า คุณวิทยุให้เพื่อนตำรวจที่ตั้งด่านอยู่จับผม แบบนี้ไม่เรียกว่าแกล้งหรือ”
“แต่คุณก็แกล้งไปพูดกับหมวดคมกริชให้ชวนคิดแบบนั้น ผมก็ซวยสิ วันก่อน หมวดเรียกผมไปคุย แล้วหาว่าไปวุ่นวาย ปล่อยให้คนไปเกะกะที่หน่วย เขายิ่งไม่ค่อยชอบหน้าผมอยู่ด้วย”
“อ้าว เขาไม่ชอบหน้าคุณหมวดหรอกหรือ” ศรันย์เลิกคิ้ว ผิดความคาดหมาย “ผมนึกว่าเขา...”
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าผมขอโทษที่แกล้งเรื่องรถก็แล้วกัน จะไม่ได้ไม่ต้องค้างคาอะไรกันอีก ไปนอนคิดดูแล้ว สงสารคุณเหมือนกันที่ต้องตกอกตกใจว่ารถแสนรักของตัวเองโดนขโมย ว่าไง ยอมรับคำขอโทษไหม ถ้าไม่ยอมรับ จะได้กลับ” เรียวเอียงหน้ามอง คอยคำตอบจากอีกฝ่าย
...เออนะ เวลาพูดดีๆ หมวดเรียวจอมกวนก็น่ารักเหมือนกัน แต่ขอติอยู่นิดนึง ตรงประโยคท้ายๆ อะไรกัน มาขอโทษทั้งที ยังจะมาถามแบบนักเลงว่าคนอื่นเค้าจะยอมรับคำขอโทษไหม ถ้าไม่ยอมรับ ข้าก็ไม่สน ...
...แต่เอ๊ะ ทำไมอยู่ดีๆ มากลายเป็นตำรวจกลับใจ คิดได้ว่าตัวเองทำผิด ลงทุนมาขอโทษถึงนี่ จะมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าว๊า...
“แหม คุณหมวดอุตส่าห์มาขอโทษ ไม่ยอมรับคำขอโทษได้ยังไงครับ ว่าแต่ว่า มาเรื่องนี้เรื่องเดียวหรือครับ มีเรื่องอื่นใดสอดใส้มาด้วยหรือเปล่า หวังว่าไม่ได้มาแอบสืบราชการลับนะครับ ผมล่ะกลัวจริงๆ อู่ผมน่ะอู่สีขาวนะครับคุณหมวด รับรองว่าไม่มีสิ่งผิดกฏหมาย และไม่ทำสิ่งผิดกฏหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย”
“แล้วลูกค้าที่มานั่นน่ะ มาแบบถูกกฏหมายทุกคนหรือเปล่า ไม่ใช่ว่ารับแต่งรถซิ่งให้พวกสายส่งวิ่งของได้เร็วๆ หรอกนะ”
“สายส่งอะไร” ศรันย์ส่ายหน้า “ส่งยาหรือส่งเด็ก นี่คุณหมวดครับ ผมเป็นอู่ซ่อมรถนะครับ ลูกค้าร้อยพ่อพันแม่ ใครมาใครบ้าจำไม่หวาดไม่ไหว ส่วนเรื่องแต่งรับนั่นน่ะก็มีบ้าง จริงอยู่ บางทีอาจช่วยลูกค้าแต่งนิดแต่งหน่อย แต่โดยรวมแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของการซ่อมรถให้มันวิ่งได้มีประสิทธิภาพเต็มที่เท่านั้น เค้าจะเอารถไปวิ่งอะไรมันเรื่องของเขา ผมไม่ใส่ใจ อย่าสงสัยอะไรแบบนี้สิ ไม่น่ารักเอาซะเลย”
“ถ้าไม่ใส่ใจ ทำไมรู้ว่าเขาส่งยา”
“แหม ผมก็ไม่ได้เป็นคนไร้เดียงสาไปซะทีเดียวนะครับคุณหมวด มันก็มีบ้างล่ะที่พวกนั้นจะมาใช้บริการ แต่หลักๆ พวกที่มาอู่ผมนี่เป็นพวกแข่งรถสนุกๆ”
“คุณเป็นคนบอกผมเองว่า ปลอมตัวเป็นนักศึกษาไปสืบมันเสียเวลา เพราะว่าพวกนั้นมันแค่เป็นเด็กเล่นขายของ พวกใหญ่ๆ จะสิงอยู่ตามแก็งค์ซิ่งรถ”
“มันก็ใช่อยู่ แต่ว่า...” ศรันย์ยกมือเกาศีรษะ
“พาผมไปดูหน่อยสิ” เรียวเดินเข้ามาใกล้
“เอางั้นหรือ มันอันตรายอยู่นะครับคุณหมวด”
“ผมเป็นตำรวจนะคุณ มัวแต่กลัวอันตรายก็ไม่ต้องไปทำอะไรแล้ว”
“แต่ว่าพวกเด็กที่คุณหมวดขู่มันหน้าปั๊มน้ำมันวันนั้นล่ะ มันเห็นหน้าหมวดแล้วนา บางทีเด็กพวกนั้นอาจจะไปแข่งด้วย ไม่กลัวมันจำได้หรือ เผื่อมันไปคุยกับคนอื่นๆ ว่าคุณเป็นตำรวจ เดี๋ยวซวย” ศรันย์เตือน
“โธ่เอ๊ย คุณศรันย์ แค่นี้ทำเป็นกลัวไปได้ ผมก็ปลอมตัวสิ จะไปยากอะไร อีกอย่าง เด็กสามคนนั้นเห็นผมแค่นาทีกว่าๆ อ้อ ว่าแต่ว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับการค้ายาด้วยหรือเปล่า”
“คงไม่มั๊ง เท่าที่รู้จักก็ไม่น่าจะเกี่ยว แต่ก็อย่างว่า มันจะพากันไปทำอะไรอย่างอื่นด้วยตอนไหนผมก็ไม่ได้รู้ไปด้วยหมดหรอก แต่เท่าที่รู้มา สามคนนั้นแข่งรถเฉยๆ เที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่น่าจะมีอาชีพเสริมพิเศษ”
“งั้นคืนนี้เจอกัน คุณไปรับผมที่ สน. อ้อ ไม่ต้องเข้าไปนะ จะรอที่ข้างเสาไฟก่อนถึงทางเข้า ห้าทุ่ม ขอให้ตรงเวลาด้วย” เรียวสรุป สั่งการเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินออกไปด้านหน้าอู่
“คืนนี้เขาไม่แข่งคร้าบ ใครเขามาแข่งรถคืนวันจันทร์ ห้าทุ่มอีกต่างหาก เพิ่งพากันตื่นนอน เป็นตำรวจแบบไหนเนี่ย ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องแข่งรถเลยหรือ” ศรันย์หัวเราะ
“ก็ไม่รู้ไง ถึงได้จะให้พาไปดู ตกลงเมื่อไหร่” เรียวพูดเสียงเข้ม แสดงอาการหงุดหงิดเล็กน้อย
“แข่งเมื่อไหร่จะโทรไปบอก คุณหมวดบอกเบอร์มา” ศรันย์ล้วงโทรศัพท์ออกมา ตั้งท่ารอกดบันทึกหมายเลข
“ไม่ใช่ว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมขอเบอร์นะ” เรียวหรี่ตามองอีกฝ่าย
“อพิโธ่ ผมนะหรือเล่ห์เหลี่ยม ไม่ใช่ตัวเองหรอกหรือ ว่าไง คุณหมวดจะไปหรือไม่ไป”ศรันย์ทำเสียงขึงขัง ก้มหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์ตนเอง พยายามกลั้นยิ้ม ไม่อยากให้นายตำรวจเห็นสีหน้าของเขา
//////

คืนวันเสาร์เวลาตีสองกว่าๆ ศรันย์พาเรียวมาที่ลานกว้างหน้าสโมสรของหมู่บ้านร้างแห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดรวมตัวกันของพวกแข่งรถ
“แข่งรถนี่มันสนุกตรงไหนวะ” เรียวบ่นพลางกวาดตามองไปรอบๆ ดูรถเก๋งที่แต่งกันมาอย่างเต็มที่จอดอยู่ประมาณเกือบยี่สิบคัน หลายคันเปิดเพลงเสียงดังสนั่น บางคันคนขับกำลังลองเครื่องยนต์จนควันโขมง
“ตอนแข่งมันไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่หรอก ไฮไลท์มันอยู่ตอนตำรวจมา ความสนุกมันอยู่ตรงนั้นล่ะ ตอนหนีตำรวจคือตอนที่สนุกที่สุดเลยล่ะจะบอกให้ คอยดูก็แล้วกัน” ศรันย์หัวเราะ โยกไหล่ไปมาพร้อมผงกหัวเป็นจังหวะเข้ากับเสียงเพลง เรียวยังคงมองไปรอบๆ สังเกตทุกอย่าง แต่ไม่นานก็อุทานขึ้นมา
“เอ๊ะ นี่รวมแก็งค์แข่งรถเกย์หรือเปล่าเนี่ย ทำไมมีแต่ผู้ชาย ไม่เห็นผู้หญิงซักคน”
ศรันย์หลุดหัวเราะก๊าก มือกุมท้อง แล้วหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย สายตาเป็นประกาย
“เพิ่งรู้หรือคุณหมวด ความรู้สึกช้านะเนี่ย”
“ใครจะไปรู้” เรียวตะโกน
“เอาล่ะ มาโน่นแล้ว” ศรันย์สะกิดเรียว เดินนำไปยังกลุ่มวัยรุ่นประมาณเจ็ดคนซึ่งเพิ่งจอดรถและเดินเข้ามากลางลาน ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งคนหนึ่งในชุดเสื้อยืดสีขาวพับแขนขึ้นถึงเกือบหัวไหล่และกางเกงยีนส์เดินนำเข้ามา ท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่ม หยุดยืนแล้วยกมือขวาขึ้นประหนึ่งให้สัญญาณ หลายคนเดินล้อมวงเข้ามา เสียงเพลงเบาลง
“เอาล่ะ ใครจะแข่ง คนละสองพัน เงินมาเลย” ชายหนุ่มร่างบึกคนหนึ่งเดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ประกาศเสียงดัง จากนั้นมีคนยื่นเงินให้ชายหนุ่มร่างสูงที่เป็นหัวหน้า
“แค่นี่หรือ” คนรับเงินพูดขึ้น มองไปรอบๆ
“พี่บอส มีอีกสามคัน กำลังมา ใกล้จะถึงแล้ว” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นจากทางด้านหลังของหัวหน้าที่ชื่อบอส
“โอเค รวมแล้วสิบเอ็ดคัน” บอสนับเงิน แต่ก็ยังทำหน้าแสดงให้เห็นว่ายังไม่ค่อยพอใจกับจำนวนผู้เข้าแข่งเท่าใดนัก

ขณะที่บรรดานักแข่งและเพื่อนกำลังพูดคุยตกลงกันอยู่นั้น ก็มีคนเดินเข้ามาทักทายศรันย์ซึ่งยืนอยู่กับเรียว คำทักทายนั้นทำให้เรียวเกือบหัวเราะออกมา
“เฮียศรันย์ มาด้วยหรือ นึกว่าปลดระวางไปแล้ว พาหลานชายมาเปิดหูเปิดตาหรือครับ”
“ไอ้นี่ปากเสีย เดี๋ยวโดน” ศรันย์ตาขวาง ยกมือขึ้นทำท่าจะฟาดเด็กหนุ่มท่าทางทะเล้นสามคนที่พากันหัวเราะชอบใจ
“ใครน่ะเฮีย ไปหลอกเด็กที่ไหนมา เพิ่งจบ ม. หก ใช่ไหมเนี่ย สวัสดีครับน้อง พี่ชื่อมาร์คนะครับ ส่วนเพื่อนพี่สองคนนี้ชื่อโจ้กับเอก มันสองคนเป็นคู่เกย์กัน แต่พี่โสด”
“ถอยไปไกลๆ เลยไป” ศรันย์ผลักคนชื่อมาร์ค
“ผมเรียนปีหนึ่งแล้วครับ ชื่อหนุ่ม หลานอาศรันย์ครับ” เรียวยื่นมือออกไปจับมือทักทายกันทั้งสามคน
“อ้าว เป็นอาเป็นหลานกันจริงหรือ เรียนปีหนึ่งเหมือนกันนี่นา งั้นไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้” มาร์คพูด
“แกเรียนปีหนึ่งมากี่ปีไอ้มาร์ค ดูหน้าน้องเขาก่อน ใสปิ๊งขนาดนั้น ความจริงเรียกแกว่าน้าจะถูกกว่า หน้าตาแกนี่พอๆ กับเฮียศรันย์เลย”
“ไอ้นี่ก็ปากเสียอีกคน” ศรันย์หันไปชี้หน้าคนที่ชื่อว่าโจ
“เฮียลงแข่งด้วยหน่อย ผมจะลงขันพนันเฮีย พักนี้ไม่ค่อยมีเงินใช้ ถ้าเฮียชนะผมแบ่งให้หมื่นนึง” คนที่ชื่อว่าเอกพูดขึ้นมา
“คงไม่ได้หรอกพี่ ไม่น่าจะไหว” เรียวรีบตอบแทรกขึ้นมา “ช่วงนี้กลางคืนอาศรันย์ขับรถเร็วไม่ได้ ตาไม่ค่อยดี มองไม่ค่อยจะเห็น”
ทั้งสามหนุ่มพร้อมใจกันหัวเราะก๊ากเมื่อได้ยินคำตอบของ ‘หลานชาย’ ของเพื่อนรุ่นพี่ ศรันย์หันขวับมามองเรียวตาขวางๆ ด้วยความรู้สึกฉุนนิดๆ ที่โดนล้อ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร กลุ่มของบอสและลูกน้องก็เดินเข้ามาหาและทักทายกัน
เรียวสังเกตเห็นว่าบอสส่งสายตาพึงพอใจมาที่เขาจึงยิ้มให้เล็กน้อยแต่บอสกลับทำหน้านิ่งๆ แล้วหันไปทางอื่น ทำให้เรียวคิดว่าบอสคงระวังตัวเพราะเกรงใจศรันย์
“รถสวยดี พี่ลงแข่งด้วยหรือเปล่า” เรียวถามบอส หันหน้าไปมองรถนิสสันสกายไลน์สีแดงสดซึ่งจอดอยู่ทางด้านขวามือด้วยสายตาชื่นชมอย่างเห็นได้ชัด
“แข่งได้ไง เจ้ามือแข่งไม่ได้” คนที่ยืนอยู่ข้างบอสพูดขึ้นมา
“หลานเฮียศรันย์นี่ไร้เดียงสาจริงๆ” โจ้พูด หัวเราะขำ
“อ้าว งั้นหรือ ใครจะไปรู้วะ” เรียวทำหน้าหรอหรา แสดงให้เห็นว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ลอบมองหน้าของบอส จึงเห็นว่าเจ้ามือจัดแข่งรถแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย

รถที่ลงแข่งขับออกไปจากลานจอดแล้ว รถคันอื่นๆ ขับตามออกไป เรียวเดาว่าจุดปล่อยตัวคงอยู่ที่ถนนใหญ่หน้าหมู่บ้านร้าง ขณะนี้เหลือรถจอดอยู่ห้าคัน หนึ่งในนั้นคือรถของบอสกับลูกน้อง
“พวกนี้เขาไม่ตามไปดูหรือ” เรียวหันไปถามศรันย์
“ไม่ เดี๋ยวพวกนี้จะไปรอที่เส้นชัย คุณหมวด เอ๊ย คุณอยากตามไปดูไหม” ศรันย์ถามแล้ว รีบกระโดดออกห่างเมื่อเห็นเรียวกำหมัดเงื้อขึ้นมา
“ระวังหน่อยสิ” เรียวตะคอก
“เค้าขอโทษ” ศรันย์ทำหน้าแหยๆ “ตกลงจะไปดูไหม จะพาไป”
“ไม่ต้อง ผมมีเรื่องต้องทำ คุณไปรอที่เส้นชัยเถอะ” เรียวขยับเดินออกห่าง ศรันย์เดินตาม หน้าตาสงสัย
“จะไปไหน” ศรันย์ถาม
“ไปหาแฟนซักคน” เรียวตอบเล่นๆ แล้วพูดต่อ “ก็จะไปทำอะไรล่ะ ถามได้ มาทั้งที”
“นี่คุณ ผมเป็นห่วงนะ”
“ขอบคุณที่เป็นห่วง ถ้าเป็นห่วงก็ไปรอพากลับบ้านนะ แล้วเจอกัน” เรียวโบกมือ แล้วเดินตรงไปยังรถของบอสเพื่อ ‘หาข่าว’ ตามที่ตั้งใจไว้

บอสกำลังนับเงินอยู่บนฝากระโปรงหลังของรถ เรียวจึงยืนล้วงกระเป๋ารออยู่ห่างๆ ชายหนุ่มร่างผอมบางคนหนึ่งเดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ แล้วถามว่าทำไมไม่ไปกับศรันย์ เรียวตอบว่าเบื่อเพราะถูกคุม ทำอะไรไม่ค่อยสะดวก
“เราน่ะสิบแปดหรือยัง”
“สิบเก้าจะย่างยี่สิบแล้วพี่” เรียวตอบ
“หน้าเด็กฉิบหาย” อีกฝ่ายเอียงหน้ามองนายตำรวจซึ่งปลอมตัวมา
“พี่รู้สึกแก่หรือเปล่า ถึงเห็นผมหน้าเด็ก” เรียวล้อ
“เฮ้ย ไอ้นี่ กวน”
“ล้อเล่นน่าพี่ ขำๆ ผมสิบเก้าอีกไม่กี่เดือนก็จะยี่สิบจริงๆ ครับ ไม่ใช่เด็กแล้ว เห็นหน้าตาแบบนี้ เคยลองกัญชามาแล้วนะจะบอกให้ เบื่อเป็นเด็กดีมานาน” เรียวคุยโว
“กัญชานี่นะ เด็กจริงๆ นั่นล่ะ” คนฟังหัวเราะลั่น “มันมีอะไรดีๆ กว่ากัญชาเยอะไอ้น้องเอ๊ย เดี๋ยวคืนนี้พี่จะพาไปเที่ยวดินแดนแห่งความฝันที่กัญชาพาไปไม่ถึง”
“ไอ้โก้ ไปเอารถออก ตามไปดักดูแถวสะพานพระรามห้า อย่าลืมวิทยุล่ะ” บอสกระโดดลงจากกระโปรงหลังรถ สั่งลูกน้อง แล้วเดินเข้ามาใกล้เรียว “ว่าไง มานี่เขาไม่ว่าหรือ”
“ใครครับ” เรียวทำหน้าไม่เข้าใจ
“แล้วมากับใครล่ะ” บอสถาม
“อ๋อ” เรียวลากเสียง ทำท่าเข้าใจแล้วหันไปมองศรันย์ซึ่งยืนอยู่ข้างรถตัวเองก่อนจะหันมาพูดกับบอส “ว่าอะไรได้ ผมไม่ใช่เด็กนะครับพี่ อยากทำอะไรก็ทำ นานๆ ทีได้ออกมาเปิดหูเปิดตา นี่คิดว่าผมเป็นเด็กพี่ศรันย์งั้นหรือ ไม่ใช่หรอกนะ ผมเป็นคนรักอิสระ ชอบลองอะไรใหม่ๆ”
“ของไม่ดีอย่าลอง” บอสพูดสั้นๆ ใบหน้าเรียบนิ่ง หันไปมองศรันย์แวบหนึ่ง และเมื่อเห็นฝ่ายนั้นเปิดประตูขึ้นนั่งบนรถ จึงถามเรียวว่า “ไปนั่งรถเล่นกันไหม”
เรียวรีบพยักหน้า ยิ้มกว้างแสดงอาการดีใจ บอสชี้นิ้วไปที่ประตู เป็นภาษาท่าทางบอกให้เรียวขึ้นรถ จากนั้นตัวเองจึงเดินอ้อมทางด้านหน้าไปขึ้นนั่งประจำที่คนขับ ทะยานรถออกไปอย่างรวดเร็ว

บอสชวนเรียวคุยไปตลอดทาง ใบหน้าเรียบนิ่งเคร่งขรึมเริ่มมีรอยยิ้ม ต่างจากตอนที่อยู่ต่อหน้ากลุ่มคนเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมา
“ตอนนี้เรียนอยู่ปีสี่” บอสตอบเมื่อเรียวถามว่าทำงานแล้วหรือยังเรียนอยู่ “ส่วนงานก็นี่ล่ะ เป็นเจ้ามือ”
“เจ้ามือพนันแข่งรถอย่างเดียวหรือครับ” เรียวถามยิ้ม
“อย่างอื่นก็ทำ” บอสยักไหล่
“เมื่อกี้ลูกน้องพี่บอกผมว่ามีอะไรดีกว่ากัญชาอีกเยอะ” เรียวเริ่ม ‘เข้าเรื่อง’
“ไอ้โก้มันปากไม่ค่อยดี อย่าไปฟังมัน”
“หมายความว่าเขาแค่ล้อผมเล่นงั้นหรือ” เรียวตีหน้าซื่อ บอสไม่ตอบ เอื้อมมือไปแตะหน้าจอแผงควบคุมเครื่องเสียง เปลี่ยนเพลง หันมาถามเรียวว่าชอบเพลงใหม่หรือเปล่า เรียวบอกว่าชอบเพลงร๊อคจังหวะหนักๆ
“ไม่ค่อยจะเข้ากับหน้าตาเลยนะ” บอสอมยิ้ม
“ทำไมหรือครับ ใส่แว่นตากรอบดำแบบผมนี่ฟังเฮฟวี่ร๊อคแล้วมันแปลกมากเลยหรือ พี่เองก็ดูเป็นแบดบอยขนาดนี้ยังฟังเพลงป๊อบหวานๆ เลย คนเราน่ะ มันมีอะไรซ่อนอยู่ในตัวเย๊อะ” เรียวขึ้นลากเสียงสูง “ต้องค้นหากันหน่อย”
“ให้พี่ค้นหาหนุ่มได้ไหม” บอสหันมาถาม แววตาวิบวับ ยิ้มบางๆ
...เด็กคนนี้บางมุมก็ดูอ่อนโยนเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าไม่ได้มาอยู่ในโลกแบบนี้ คงจะเป็นคนน่ารักพอสมควร...
เรียวคิดอะไรบางอย่างในใจ นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วตอบยิ้มๆ
“ถ้าอยากค้นก็ไม่มีปัญหาครับ”
“พี่ชอบหนุ่มนะ” บอสพูดขึ้นมา “เมื่อกี้ทำหน้าเฉยๆ ใส่เพราะคิดว่าหนุ่มเป็นแฟนใหม่เฮียศรันย์ ไม่อยากยุ่ง เดี๋ยวผิดใจกัน”
“ชอบแบบไหนครับ” เรียวถาม บอสหัวเราะออกมาดังๆ แล้วมือขึ้นผลักศีรษะของเรียวเบาๆ อย่างเอ็นดู ไม่ตอบคำถาม ลดความเร็วรถลง ขับไปเรื่อยๆ เงียบๆ ราวกำลังขับรถกินลมชมเมือง
เรียวยกมือขึ้นกอดอก โคลงศีรษะไปมาเป็นจังหวะเข้ากับเสียงเพลง พร้อมกับร้องตามเป็นบางท่อน ปล่อยให้บอสขับรถไปเงียบๆ จนเพลงจบ บอสจึงพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า
“เรื่องยา อย่าไปลองเลย”
“อะไรนะ” เรียวหันหน้าไปมองคนพูด เลิกคิ้ว ทำหน้าว่าได้ยินไม่ชัด
“บอกว่าเรื่องยา อย่าไปลอง เรายังเด็ก” บอสพูดซ้ำช้าๆ
“สิบเก้านี่ก็ไม่เด็กแล๊ว” เรียวยักไหล่ สายหัวดุกดิก พยายามทำท่าทางน่ารักให้แนบเนียน
“เชื่อเถอะ มันไม่ดีหรอก มันทำให้โทรม หน้าใสๆ แบบหนุ่ม น่าเสียดาย ปากแดงๆ แบบนี้” บอสยื่นนิ้วมาแตะริมฝีปากของเรียวแล้วไล้นิ้วเบาๆ สัมผัสอ่อนโยน “ใช้ยาไม่กี่เดือนหรอก เดี๋ยวก็คล้ำ รู้ไหม คนที่ใช้ยา ไม่ถึงสองปี โทรมกลายเป็นเหมือนผีดิบแทบทุกคน”
“น่าเชื่อไหมเนี่ย คำแนะนำจากหัวหน้าแก็งค์แข่งรถ” เรียวหัวเราะเบาๆ “ผมนึกว่าขาซิ่งกับขาเสพ นี่เป็นของคู่กัน แต่พี่กลับมาสอนผม”
“ขาซิ่งนะใช่ แต่ขาเสพไม่ใช่”
“ไม่เสพแต่ส่ง” เรียวพูดแล้วหัวเราะเสียงดัง แล้วหันไปหาบอส ยกมือขึ้นแตะต้นแขน บีบเน้นเบาๆ “ล้อเล่นนะครับ อย่าโกรธผมนะ”
ยังไม่ทันที่บอสจะตอบอะไร เสียงวิทยุสื่อสารก็ดังขึ้น ลูกน้องของบอสรายงานว่าโดนตำรวจไล่จับ ขณะนี้ทุกคนแตกกระเจิง กำลังพากันหนีอย่างสุดชีวิต
“สลายตัวโว้ย บอกให้พวกนั้นมาเอาเงินคืนที่เก่าเวลาเดิม พวกเอ็งอย่าเสือกให้ถูกจับได้ล่ะ” บอสสั่งการแล้วยุติการติดต่อ จากนั้นหันมาพูดกับเรียวด้วยน้ำเสียงต่างจากที่เพิ่งใช้กับลูกน้องเมื่อครู่  “หิวไหม อยากดื่มอะไรหรือเปล่า แวะปั๊มหน่อยนะ”

เรียวยืนพิงอยู่ข้างรถของบอส กดอ่านข้อความสั้นที่ส่งเข้ามาจากศรันย์บอกว่าให้โทรศัพท์หาตัวเองด่วน เรียวจึงโทรศัพท์กลับไป แต่เมื่อศรันย์รับสายก็เริ่มบ่นทันที
“โทรหาเป็นล้านครั้งแล้วมั๊ง กำลังขึ้นสวรรค์อยู่หรือไงครับคุณหมวด ถึงไม่รับโทรศัพท์” ศรันย์พูดด้วยเสียงค่อนข้างหงุดหงิด “คุณบอกให้ไอ้บอสมาส่งที่หน้าบิ๊กซีบางใหญ่นะ ผมจะรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ จะได้กลับกันเสียที ง่วงแล้ว”
“ง่วงคุณก็กลับไปก่อน”
“อ้าว ได้ไง ผมเป็นคนมีความรับผิดชอบนะคุณ พาคุณมาแล้วก็ต้องพาคุณกลับสิ ไม่อยากจะโดนใครบางคนมาค่อนขอดทีหลังว่าโดนทิ้งขวาง” ศรันย์ทำเสียงน่าหมั่นใส้ เรียวนึกภาพตาม ในความคิดเห็นใบหน้าคมเข้มของอีกฝ่ายทำหน้ายับยู่ยี่ กรอกตาไปมา เบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์แบบที่เห็นอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่รู้จักกัน
...ตั้งแต่รู้จักกับนายศรันย์พูดมากเจ้าปัญหาคนนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะ ไม่เบื่อดี ป่านนี้คงหงุดหงิดแทบแย่ที่ต้องขับรถหนีตำรวจ ไหนจะโทรศัพท์ติดต่อเราไม่ได้อีกต่างหาก...
“ผมยังไม่อยากกลับ”
“นี่คุณหมวด มันตีสามกว่าแล้วนะ” ศรันย์โวย
“อ้าว ตีสามแล้วเป็นไง คุณเป็นพ่อผมหรือต้องบังคับให้ลูกกลับบ้าน” เรียวพูดกวน
“สงสัยติดใจเด็กล่ะสิท่า อย่าลืมนะ คุณหมวดก็อายุไม่ใช่น้อยแล้ว”
“ไม่เยอะเท่าคุณก็แล้วกัน” เรียวรีบสวนกลับ “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ผมกลับเองได้ ไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสานะ แต่ว่าก็ขอบใจที่พามา ชาตินี้จะไม่ลืมบุญคุณเลย”
“ถ้างั้นตอบแทนบุญคุณผมด้วยการเลี้ยงข้าวซักมื้อนะ” ศรันย์พูดเสียงอ่อนลง “พรุ่งนี้จะไปรับที่ สน.”
“เฮ้ย อย่านะ ไม่ต้องเลย สะดวกเมื่อไหร่แล้วจะบอก ถ้าไม่บอกให้อยู่เฉยๆ อย่าได้โผล่หน้าไปเป็นเด็ดขาด พูดไม่ฟังพูดไม่เชื่อแล้วจะหาว่าไม่เตือน” เรียวรีบห้ามด้วยเสียงเฉียบขาด
“ว่าแล้วเชียวว่าต้องพูดแบบนี้”
“เอาล่ะ พอแค่นี้ก่อน เป้าหมายมาแล้ว” เรียวตัดบทแล้ววางสายทันทีเมื่อเห็นบอสออกมาจากร้านสะดวกซื้อและเดินเข้ามาหา ในมือถือกาแฟสองแก้ว
“ขอโทษนะไม่ได้ถามก่อนว่าจะเอาอะไร ดึกแล้วดื่มได้ไหม” บอสพูด
“ถ้าเป็นกาแฟดื่มได้ตลอดครับ” เรียวยื่นมือไปรับ “ขอบคุณนะครับพี่บอส พี่ดูแลผมดีมากเลย เพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่พี่ก็ดีกับผมซะขนาดนี้”
“ถ้าไม่ชอบก็ไม่ทำแบบนี้หรอก” บอสพูดสั้นๆ ชี้นิ้วไปที่ประตูรถ เรียวยิ้มบางๆ แล้วเดินไปเปิดประตูขึ้นรถ พอบอสเปิดประตูด้านฝั่งคนขับก็ยื่นมือไปรับถ้วยกาแฟจากฝ่ายนั้นเพื่อให้ขึ้นนั่งและเตรียมตัวออกรถได้สะดวก บอสหันมายิ้มให้เล็กน้อยและถามว่าง่วงนอนหรือยัง เรียวส่ายหน้าช้าๆ
“ถ้างั้นไปจอดคุยกันซักหน่อยนะ ไม่นานหรอก แล้วพี่จะไปส่งที่บ้าน” บอสหันไปรับถ้วยกาแฟจากเรียวหลังจากขับรถออกถนนใหญ่ ตรงไปได้ประมาณห้ากิโลเมตรก็เลี้ยวซ้าย ตรงเข้าถนนอีกเส้น แล้วผ่านทางแยกอีกสองแยกแล้วเลี้ยวอีกครั้ง ขับไปตามถนนเล็กๆ ซึ่งค่อนข้างเปลี่ยว จนมาถึงทุ่งโล่งกว้างจึงจอดรถ

เมื่อจอดรถ บอสก็ปิดเพลง ได้ยินเพียงเสียงเครื่องยนต์ทุ้มต่ำดังเบาๆ เพราะในห้องโดยสารกันเสียงได้ดีมาก บอกลดความเย็นเครื่องปรับอากาศในรถ เปิดไฟเก๋งดวงเล็กดวงเดียว
“ขอถอดแว่นหน่อยนะ” บอสเอนตัวเข้ามาใกล้ ยกมือทั้งสองข้างจับขาแว่นตากรอบสีดำของเรียว
“ผมใส่แว่นแล้วมันดูหน้าเด๋อด๋ามากเลยหรือครับ” เรียวยกนิ้วชี้ขวาขึ้นเกี่ยวกรอบแว่นเอาไว้ ดังจะแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่อยากถอด
“เปล่า แค่อยากจะเห็นหน้าชัดๆ” บอสปัดนิ้วของเรียวออกแล้วถอดแว่นจนได้ นั่งมองหน้าเรียวอย่างพิจารณา แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“พี่จะทำอะไร” เรียวพึมพำเบาๆ
...โดนจูบแน่เลยเรา...
เรียวคิดในใจ แล้วค่อยเอียงหน้าหนีพอเป็นพิธี บอสเอามือจับคางและตรึงเอาไว้ไม่ให้ขยับ
“ขอจูบหน่อย”
“ผม...” เรียวทำหน้าลังเล จากนั้นหลับตาปี๋ แล้วทำปากยื่นออกมาราวกับรอรับการจูบ
“ไม่ต้องทำปากจู๋ก็ได้ อยู่เฉยๆ” บอสหัวเราะเบาๆ เอามือแตะริมฝีปากของเรียว ไล้นิ้วเบาๆ ก่อนจะประทับรอยจูบลงมา แล้วค่อยๆ เบียดปากเน้นเพิ่มน้ำหนัก มือขวาค่อยๆ ลูบไล้ต้นคอของเรียว แล้วสอดเข้าไปใต้ท้ายทอย เรียวทำเสียงอู้อี้ ประหนึ่งว่าหายใจไม่ออก บอสจึงถอนปากออกแล้วบอกว่าอย่าเกร็ง
“พี่มีแฟนหรือยัง” เรียวถาม แกล้งทำเสียงเหนื่อยหอบ
“ยัง” บอสตอบเบาๆ แค่คำเดียว แล้วก้มหน้าลงอีก คราวนี้บดปากหนักหน่วงกว่าเดิม มือขวาลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกของเรียว สลับบีบเค้นกล้ามเนื้อหน้าอก แล้วลากมือลงไปตามสีข้าง
เรียวยกมือขึ้นดันอกของบอสเอาไว้เบาๆ มือที่วางทาบอยู่บนหน้าอกของอีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นแรงของหัวใจ มือของบอสไม่หยุดนิ่ง ลูบไล้ไปตามต้นแขนแกร่งของเรียว เลื่อนต่ำลงไปเกาะกุมมือเอาไว้ ก่อนจะดึงมือของอีกฝ่ายมาวางลงบนหน้าขาของตัวเองแล้วกดลงให้สัมผัสกับความเป็นชายของตนที่กำลังผงาดแกร่ง
บอสเริ่มดันลิ้นเพื่อลุกล้ำเข้าไปในปากของเรียวซึ่งพยามเม้มปากเอาไว้ แต่เขาไม่ลดละความพยายาม กดปากลงน้ำหนักมากกว่าเดิม พยายามเปิดปากของเรียวให้ได้จนในที่สุดก็สำเร็จ แต่เมื่อสอดลิ้นเปียกชื้นทว่าร้อนผ่าวเข้าไป เรียวก็เริ่มดิ้น พยายามเบี่ยงตัวและเอียงหน้าหนี
“พี่บอสครับ เดี๋ยวก่อน” เรียวพูดเสียงหอบ
“อือ” บอสคราง ยังพยายามตามบดปากเรียวให้ได้ มือขวาเอื้อมไปปรับเบาะให้เอนลง
“พี่บอส อย่า...” เรียวห้าม แต่บอสไม่ฟัง พยายามกดตัวเรียวให้ตรึงอยู่กับเบาะรถ
“พี่ขอหน่อยนะ” บอสพึมพำเสียงกระเส่า อารมณ์กระเจิดกระเจิง ลุกล้ำมากกว่าเดิม แต่เรียวยังคงขัดขืน จนในที่สุดบอสก็ถอนใบหน้าออกมา มองเรียวตาเยิ้ม หายใจแรงราวกับวิ่งมาหลายร้อยเมตร
“มันเร็วไปไหมครับ เราเพิ่งรู้จักกัน” เรียวทำหน้าอ้อนวอน “ผมขอโทษ คือว่าผมเอ่อ...”
“ไม่เป็นไร” บอสพูดเบาๆ “งั้นพี่ขอจูบเฉยๆ”
“จูบเฉยๆ แล้วทำไมต้องเอนเบาะลง”
“นอนจูบไม่ได้หรือ” บอสยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นลูบไล้แผ่นอกของเรียว
“พี่กะจะฟันผมอย่างเดียวเลยใช่ไหม คงคิดว่าผมเป็นแค่ของเล่น” เรียวแกล้งทำหน้าตาน่าสงสาร
“เปล่า” บอสส่ายหน้าช้าๆ มองตาของเรียวนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วดึงตัวกลับมาเอนหลังพิงเบาะของตัวเอง แหงนหน้าขึ้น กลั้นหายใจครู่หนึ่งราวกำลังหักห้ามใจแล้วผ่อนลมหายออกมาช้าๆ
“ผมขอโทษที่ยังให้พี่ไม่ได้” เรียวปรับเบาะขึ้นมา ยกมือขวาแตะต้นแขนซ้ายของบอสเบาๆ “ผมยังไม่พร้อม พี่อย่าโกรธผมนะครับ”
“จะโกรธทำไม” บอสตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยังคงแหงนหน้าอยู่ ตาจับอยู่ที่แผ่นบังแดดเหนือกระจกหน้ารถ
“ผมกลัวว่าพี่จะโกรธที่ผมทำเล่นตัว มากับพี่แล้ว พอจะทำอะไรกันก็กลับปฏิเสธ พี่คงคิดว่า ถ้าไม่คิดจะยอมแล้วแกจะมาทำไมวะ” เรียวพูดเบาๆ สายตาจับอยู่ที่ไหล่ของบอส
“พี่เป็นคนชวนมานั่งรถเล่นเอง ไม่ต้องว่าตัวเองอย่างนั้น หนุ่มก็คงคิดว่าแค่จะมามั่งรถเล่นเฉยๆ ตามที่ถูกชวนใช่ไหมล่ะ” บอสหันมามองหน้าของเรียว มือดันคางให้เงยหน้าขึ้น “ไม่ต้องคิดมาก ความจริงไม่ต้องมีอะไรก็ได้ แค่มาเที่ยวด้วยกัน”
“ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียวหรอกครับ ผมแค่เอ่อ...แค่อยากขอเวลาซักหน่อย แบบนี้มันเร็วไป”
“โอเค” บอสหัวเราะเบาๆ
“ตกลงพี่ไม่โกรธผมใช่ไหม” เรียวยิ้มกว้าง ทำหน้าดีใจ
“ทำไมต้องโกรธ” บอสตบแก้มเรียวเบาๆ “แค่นี้ก็ชอบจะแย่อยู่แล้ว”
“พี่นี่ดูอ่อนโยนจังเลย ไม่เหมือนกับตอนที่เห็นตอนแรก นึกว่าจะออกแนวโหดๆ”
“บางที คนเราก็ดูจากภายนอกอย่างเดียวไม่ได้หรอก” บอสยักไหล่
“ใครจะไปคิดเป็นอย่างอื่น ก็เห็นว่าเป็นหัวหน้าแก็งค์ซิ่งรถ เห็นในหนัง พวกซิ่งรถมักจะเล่นยาด้วย เผลอๆ จะขายหรือส่งยาด้วยอีกต่างหาก น่ากลัวจะตาย แต่พออยู่กันสองต่อสอง ไม่เห็นจะน่ากลัวเหมือนในหนังเลย ออกแนวพระเอกมากกว่า” เรียวแสดงท่าทางอ่อนต่อโลก
“กลัวหน่อยก็ดี” บอสหัวเราะในลำคอ
“งั้นพวกพี่ก็...” เรียวแกล้งทำหน้าตกใจ “แต่ผมว่าไม่หรอก เพราะพี่เป็นคนเตือนผมเองว่าไม่ให้ลองยา แล้วพี่เองก็เป็นแค่ขาซิ่ง ไม่ใข่ขาเสพ คงไม่ได้ส่งยาหรอก”
“ขี้สงสัยจริงเลย” บอสขยี้ศีรษะเรียวแล้วถามว่า “ทำไมตัดผมซะเกรียน”
“สบายหัวดีครับ เข้ากับแว่นตาด้วย” เรียวหัวเราะชอบใจ หยิบแว่นขึ้นมาสวม
“กลับกันหรือยัง เดี๋ยวไปส่งที่บ้านนะ” บอสถามขึ้นมา
“พี่อยากกลับแล้วหรือครับ”
“ยัง แต่เผื่อหนุ่มอยากกลับ” บอสส่ายหน้า
“ความจริงพรุ่งนี้ผมมีเรียนตอนเช้า แต่คิดว่าโดดดีกว่า ตอนบ่ายค่อยไป อยากนั่งคุยกับพี่นานๆ สบายใจดี เหมือนได้คุยกับพี่ชาย”
“พี่ไม่เป็นพี่ชายนะ” บอสรีบพูดขึ้นมา โน้มตัวเข้าใกล้ จ้องตาเรียว “พี่จะจีบ”
/// จบบทที่ 7 ///
[/size]
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านะครับ
สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะครับ  :L1: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 7 ►14/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-02-2017 21:13:43
เรียวอ่อยเก่งนะ แต่อ่อยกับคนอื่นตลอดแล้วลุงของช้านล่ะ
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 7 ►14/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: เล็กต้มยำ ที่ 14-02-2017 21:24:28
เชียร์พี่บอสแทนได้ไหมเนี่ย ดูละมุน 555555
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 7 ►14/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 14-02-2017 21:51:03
เพิ่งเห็นชื่อคนแต่งค่ะ รีบติดตามด่วนๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 7 ►14/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 14-02-2017 21:54:00
โอ้ยยยย นุ้งเรียว ระวังโดนคุณศรัณย์งอนเอานะ 5555555555555555 กับคนอื่นพี่บอสอย่างงั้น พี่บอสอย่างงี้ ทีกับอีกคนเสียงแข็งเชียว
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 7 ►14/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-02-2017 00:49:01
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 7 ►14/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 15-02-2017 03:01:12
ฮอตจริงๆเลย :hao6:
รอตอนใหม่นะคะะ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 7 ►14/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 15-02-2017 15:24:39
โอ้ยยยย นุ้งเรียว ระวังโดนคุณศรัณย์งอนเอานะ 5555555555555555 กับคนอื่นพี่บอสอย่างงั้น พี่บอสอย่างงี้ ทีกับอีกคนเสียงแข็งเชียว
ต้องเข้าใจว่ามันแค่เรื่องงาน  :z1:
ขอบคุณนะครับที่เข้ามาอ่านและเมนท์ นึกว่าจะไม่มีใครอ่านซะแล้ว หวังว่าทุกคนคงได้ฉลองวาเลนไทน์สนุกกันทุกคนนะครับ เดี๋ยวค่ำๆ มาต่อ ขอสอนกลางวันซะหน่อยเพราะวาเลนไทน์เมื่อคืนฉลองหนักไปหน่อย  :z1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 7 ►14/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 15-02-2017 16:18:29
หมวดมีสกิลจีบหนุ่มที่เชี่ยวชาญมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 7 ►14/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 17-02-2017 12:29:21
บทที่ 8

อีกไม่ถึงสองร้อยเมตรก็จะถึงประตูทางเข้าสถานีตำรวจ...ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของหมวดเรียว ศรันย์เปลี่ยนช่องทางเดินรถมาอยู่ช่องซ้ายสุดและลดความเร็วลง วันนี้เขาตั้งใจจะมาทวงคำสัญญาจากหมวดเรียวเรื่องที่จะเลี้ยงอาหารหนึ่งมือ
ความจริงผู้หมวดหนุ่มเป็นคนบอกว่าจะติดต่อไปเอง และห้ามไม่ให้มาหาที่สถานีฯ แต่ศรันย์ไม่สน หลายวันแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้ากวนๆ ของหมวดเรียว ทำให้รู้สึกเบื่อยิ่งนัก เขายอมรับว่าหมวดเรียวทำให้ชีวิตเขามีสีสัน
ขณะนั้นเอง ศรันย์ก็เห็นร่างอวบๆ ของใครคนหนึ่งกำลังเดินมาบนทางเดินข้างถนน จำได้ทันทีว่าคือหมวดชินวัฒน์ คู่หูของหมวดเรียว ศรันย์จึงจอดรถชิดข้างทางแล้วร้องเรียก
“หมวดเรียวไม่อยู่ ไปทำงานให้สารวัตร” ชินวัฒน์รีบบอกเมื่อศรันย์ถามถึงเพื่อน
“ว้า แย่จัง เสียเที่ยวจริงๆ เลย” ศรันย์ถอนหายใจเฮือก
“คุณหาเรื่องมาโรงพักบ่อยๆ แบบนี้ทำไมหรือ ชอบหมวดเรียวใช่ไหม” ชินวัฒน์ยักคิ้ว
“เปล่า ผมแค่อยากเป็นพลเมืองดี” ศรันย์ยักไหล่
“จริงหรือ แล้วที่จงใจจอดรถที่ห้ามจอด ขับรถเร็วเกินกำหนด กระเป๋าตังค์หายซ้ำซากนี่คืออยากเป็นพลเมืองดีใช่ไหม” ชินวัฒน์ทำหน้ารู้ทัน
“แหมคุณหมวดนี่ก็หัวไวจริงๆ” ศรันย์ส่ายหน้า “อ้อ ผมขอถามหน่อย ทำไมติดต่อหมวดเรียวไม่ได้ซักที เบอร์ 081-827xxx เนี่ยโทรไปเท่าไหร่ก็เอาแต่ปิดเครื่อง หมวดมีเบอร์ใหม่ไหม หมวดเรียวคงไม่ได้มีเบอร์โทรอยู่เบอร์เดียวแน่ๆ ผมขอเบอร์ส่วนตัวได้ไหมล่ะ ไม่ใช่เบอร์เรื่องงาน นี่คงให้เบอร์กิ๊กก๊อกอะไรผมมาก็ไม่รู้ ประมาณว่าใช้วันเดียวทิ้ง”
“มาขอเบอร์ส่วนตัวแบบนี้มันง่ายไปหน่อยมั๊ง” ชินวัฒน์ทำหน้ายียวน “คุณลองใช้ความพยายามหน่อยสิ คิดจะจีบตำรวจทั้งที มีมานะหน่อย”
“อืม ถ้างั้นไม่เอาก็ได้ ถ้าหมวดเรียวไม่อยู่ ผมก็ไปหาผู้กองหน้าดุคนนั้นดีกว่า จะได้ร้องเรียนเรื่องถูกตำรวจแกล้ง วิทยุบอกเพื่อนที่ตั้งด่านอยู่ท้องที่อื่นดักจับรถผมและให้ผมมาเสียค่าปรับท้องที่นี้ เข้าข่ายใช้อำนาจโดยมิชอบหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วก็มีอีกเรื่อง คือสมคบคิดกับหมวดเรียว แกล้งขโมยรถผมไปขับ แล้วไปจอดติดป้ายประกาศขายทิ้งไว้ แล้วก็...”
“เฮ้ย อย่านะ” ชินวัฒน์รีบกระโดดเข้ามาแทบจะเกาะประตูรถของศรันย์
“งั้นก็เอาเบอร์โทรมา” ศรันย์เค้นเสียง
“จำไม่ได้”
“ผมไม่เชื่อหรอก ซี้ปึ๊กกันขนาดนั้น ทำไมจะจำไม่ได้ ว่าไง จะให้ผมไปโรงพักตอนนี้เลยไหม ยิ่งเบื่อๆ อยู่ด้วย เวลาเบื่อสุดขีด ผมมักจะทำอะไรไม่ยั้งคิดนะหมวดนะ แล้วที่จะเอาเบอร์เนี่ยก็ใช่จะเอาเบอร์โทรไปเสนอขายประกันอะไรพรรค์นั้นซักหน่อย จะโทรไปเตือนเรื่องแก็งค์แข่งรถต่างหาก ว่าไง อย่าชักช้าสิคุณหมวด จอดรถข้างทางนานๆ แบบนี้เกิดผมถูกจับจะว่ายังไง ถ้ายุ่งยากนัก ผมจะไปรายงานให้ผู้กองหน้าดุคนนั้นฟังแทนก็ได้ ไม่ทงไม่โทรหาหมวดเรียวแล้ว ยุ่งยากนัก”
“บังคับขู่เข็ญเจ้าหน้าที่ตำรวจ” ชินวัฒน์หน้างอ บ่นอุบอิบ “ได้ทีขี่ม้าไล่เลยนะ”
“เบอร์ครับเบอร์” ศรันย์ยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นเตรียมพร้อมกดบันทึกหมายเลข เมื่อชินวัฒน์บอกหมายเลขใหม่เสร็จแล้วจึงพูดย้ำอีกครั้งว่าเบอร์ที่ให้มาเป็นเบอร์จริง ไม่ใช่เบอร์หลอก
“ไม่จริงให้มาบีบคอตายเลยเอ๊า แต่หมวดเรียวจะรับไม่รับนี่ก็อีกเรื่องนะ จะมาโวยวายกันไม่ได้”
///
ชินวัฒน์ไปคุยกับเรียวและบอกว่าศรันย์ดูห่วงใย และปรึกษาว่าควรเอาเรื่องการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มนักแข่งรถเข้าที่ประชุมจะดีกว่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นการขยายผลจากการปลอมตัวเข้าไปสืบในมหาวิทยาลัย เรียวขอตัดสินใจ แต่คืนนี้จะขอไปกับบอสเสียก่อน
“นี่หมวดเรียว ถามจริงๆ เถอะ ชอบคุณศรันย์ปากมากนี้บ้างไหม ถ้าไม่ชอบก็อุ้มไปซ้อมซะเลย เอาให้น่วม ผมจะชวนหมวดอั่งเปาฝ่ายงานจราจรมาช่วยอีกคน จะได้เข็ดหลาบ ไม่มาตามยุ่งกับหมวดอีก” ชินวัฒน์ยื่นหน้าเข้าไปถามเรียว น้ำเสียงจริงจัง ต่างกับแววตา
“อย่ายุ่งเลย อยู่เฉยๆ
“ไม่ยุ่งได้ยังไง เพื่อนรักกัน ตอนเรียนสามพรานมีอะไรเราก็ช่วยกันมาตลอด เราสามคน คุณ ผม หมวดอั่งเปา ถ้ารำคาญอีตาศรันย์นี่ จัดการซะเลย เอาให้นอนหยอดน้ำข้าวต้มซักอาทิตย์”
“ไม่ได้รำคาญ” เรียวกระชากเสียงตอบ
“อ้าว ไม่รำคาญแล้วทำไมหลบหน้าเขา” ชินวัฒน์ทำหน้าไม่เข้าใจ
“ไม่ได้หลบ แค่ยังไม่อยากเจอ ตอนนี้ทำงานอยู่ เดี๋ยวจะเสียเรื่อง”
“แต่ผมว่าดูๆ ไปเขาอยากช่วยหมวดนะ อยากช่วยเพราะอยากเป็นพลเมืองดี หรืออยากช่วยเพราะอยากอยู่ใกล้ๆ อันนี้ก็ต้องคิดกันหน่อย”
“หุบปากได้แล้วไอ้หมวดลูกชิ้น รีบทำงานต่อ อย่าพูดมาก เดี๋ยวปากมีสิ” เรียวถลึงตาใส่เพื่อน
“แล้วคืนนี้ก็จะไปแข่งรถอีกใช่ไหม มันจะได้เรื่องเร๊อ เผลอๆ จะเสียตัวฟรีเปล่าๆ” ชินวัฒน์พูดแล้วถอนหายใจ
“ไปหาข่าวโว้ย ไม่ใช่ไปเสียตัว” เรียวผลักหัวคนที่แกล้งทำหน้ากังวลใจแทน
“ตกลงจะให้คุณศรันย์มารับใช่ไหม”
“ไม่ เดี๋ยวน้องบอสมารับ”
“ว่าแต่ว่าน้องบอสอายุเท่าไหร่วะ เพิ่งเรียนปีสี่ ก็คงแค่ยี่สิบเอ็ดปี เก่งแฮะ อายุแค่นี้เป็นหัวหน้าแก็งค์ เป็นเจ้ามือรับพนันแข่งรถ ส่งยาด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ เผลอๆ ส่งเด็กด้วย”
“หุบปากไปเลยได้หมวดลูกชิ้น รีบทำงานต่อให้เสร็จ”
“ช่วยกันทำหน่อยสิ เค้าทำอยู่คนเดียว ตัวเองมัวแต่ไปทำอะไรที่ผู้บังคับบัญชาไม่ได้สั่ง เกิดสารวัตรท่านรู้เข้าจะซวยนะ”
“สารวัตรจะรู้ก็เพราะแกปากมากอยู่นี่ล่ะไอ้ชิน เงียบ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น” เรียวตะคอก
“ก็ได้ งั้นมีอะไรไม่ต้องมาถาม ไม่ต้องมาบอก ไม่ต้องมาปรึกษา” ชินวัฒน์แกล้งทำเสียงงอน สะบัดหน้า เรียวมองอย่างขำๆ แล้วลุกขึ้นเดินไปชงกาแฟสองถ้วย
ถ้วยหนึ่งสำหรับตัวเอง อีกถ้วยสำหรับเพื่อนคู่หูขี้งอน เขากับชินวัฒน์รู้จักกันมาตั้งแต่วันที่ไปสมัครสอบเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และกลายเป็นเพื่อนกันตั้งแต่วันนั้น เมื่อเรียนเทอมแรกก็ได้ล่วงรู้ความลับของกันและกันและช่วยเหลือกันหลายครั้ง ยิ่งทำให้สนิทกันเพิ่มขึ้นอีก ครั้นเรียนจบ แม้จะแยกสถานที่ทำงานกันแค่เพียงปีเดียวก็ได้กลับมาทำงานร่วมกัน แทบจะไม่เคยห่างกันเลย
///
ศรันย์โทรศัพท์ถึงเรียวอยู่หลายครั้งแต่กลับได้ยินแต่เพียงเสียงกวนๆ ของเจ้าของโทรศัพท์บอกให้ฝากข้อความเขาจึงกลับอู่อย่างเซ็งๆ เดินตรวจดูความเรียบร้อยพอเป็นพิธีแล้วเข้าไปในห้องทำงาน ไม่นาน สุวัฒน์ลูกน้องคนสนิทก็เปิดประตูเดินเข้ามา ขออนุญาตกลับก่อนเวลาเลิกงานเพราะจะต้องไปรับแฟนเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงฉลองสมรสของเพื่อน ศรันย์พยักหน้าอย่างเนือยๆ พร้อมกับล้วงกระเป๋าหยิบเงินยื่นให้หนึ่งพันบาทแล้วบอกว่าเป็นรางวัลที่ดูแลอู่อย่างดี
“เฮียเป็นอะไรหรือเปล่า” สุวัฒน์ถาม แกล้งทำหน้าตาแสดงความห่วงใย
“เอ็งอย่าวอน เดี๋ยวเอาเงินคืนและไม่ให้กลับก่อนเวลาซะเลย” ศรันย์รู้ทัน
“ครับๆ ไม่กวนแล้วครับ”สุวัฒน์พยักหน้าแล้วรีบเดินไปเปิดประตู ก้าวออกไปนอกห้อง และเมื่อแน่ใจว่าอยู่ในระยะที่ห่างเพียงพอสำหรับความปลอดภัยแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า “คุณพีทมานะครับ เพิ่งจอดรถหน้าอู่ กำลังจะเดินเข้ามา ท่าทางกำลังต้องการผู้ชาย”
“ไอ้สุวาน” ศรันย์ตะโกน มือจับนิตยสารขว้างมาที่ประตูทันที

 พีทมาขอความช่วยเหลือให้ศรันย์ไปเป็นเพื่อนเพราะมีคนจะซื้อรถนิสสันสกายไลนด์ของตัวเองและต้องการลองขับ ศรันย์ตอบตกลงเพราะพอจะรู้จักคนที่จะซื้อรถของพีทอยู่บ้าง
“นัดเจอกันที่ลานแข่งสมาคมบัวลอยไข่หวานคืนนี้ห้าทุ่ม” พีทบอกเวลาและสถานที่นัดหมายให้ศรันย์ทราบ
“คนที่จะซื้อที่ชื่อแจ๊คกี้นี่ใช่คนเดียวกับแจ๊คกี้กลุ่มแบล็กฮอว์กหรือเปล่า” ศรันย์ถาม
“ใช่ครับ แต่ตอนลอง เราสองคนนั่งไปด้วยนะครับ ผมไม่ค่อยไว้ใจแจ็คกี้เลย ถึงได้มาขอให้คุณไปเป็นเพื่อน”
“คุณพีทก็น่าจะรู้ พวกแบล็กฮอว์กนี่แสบๆ ทั้งนั้น” ศรันย์เตือน
“ทำไงได้ครับ เขาจะซื้อรถนี่นา แล้วท่าทางเป็นคนที่มีแนวโน้วที่สุด ผมไม่อยากเก็บสกายไลน์เอาไว้แล้ว จากัวร์ก็ไม่อยากเก็บ ผมจะไปซื้อมัสแตง” พีทเอนตัวมากอดแขนศรันย์เอาไว้ เกลือกหน้ากับต้นแขนของชายหนุ่ม “แล้วไปขับด้วยกันนะครับคุณศรันย์ รถแรงๆ ต้องได้ผู้ชายแรงๆ แบบคุณขึ้นขับ”
“อีกแล้วหรือ” ศรันย์บ่น “ชวนไปขับรถทีไร ผมเหนื่อยแทบหมดแรงทุกที”
“อย่าเพิ่งบ่นสิครับ ยังไม่แก่ซักหน่อย” พีทหัวเราะชอบใจ มือลูบไล้แผ่นอกกว้างของศรันย์ “หนุ่มแน่นกำยำล่ำสั่นลีลาดีแบบนี้ไง ผมถึงอยากชวนไปขับรถ”
“อย่านะคุณพีท นี่ห้องทำงานผมนะ เกิดพวกพนักงานเปิดเข้ามาเห็น มันน่าเกลียด” ศรันย์จับข้อมืลของพีทเอาไว้เพราะกำลังโดนลุกล้ำ มือของคนที่ชอบชวนเขาไป ‘ขับรถแรง’ เริ่มสอดเข้าไปใต้สาบหน้าของเสื้อเชิร์ต
“พักหลังนี่ทำเป็นหวงตัว แต่ก่อนไม่เห็นบ่น” พีทยิ้มแล้วขยับออกห่างเล็กน้อย
“แต่ก่อนกับเดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนกันนี่ครับ ผมกำลังปรับปรุงตัวเอง”
“ใคร บอกหน่อยสิ คุณกำลังจีบใครอยู่ ถึงต้องเคลียร์ตัวเอง” พีทถาม
“คุณไม่รู้จักหรอก ช่างเถอะครับ” ศรันย์ลุกขึ้น “ผมจะไปเร่งให้เด็กซ่อมจากัวร์คุณให้เสร็จนะ อยู่ที่อู่นานแล้ว ไม่มีที่จะเก็บรถ คุณก็จะได้ประกาศขายซะที”
ศรันย์พูดเสร็จก็รีบเดินออกจากห้องทำงานไปสั่งการให้ช่างจัดการกับรถจากัวร์ของพีทให้เสร็จภายในเร็ววัน
เขาอยากจะออกห่างจากพีท เพราะอะไรนะหรือ ที่พีทถามเมื่อครู่นี้ว่ากำลังจีบใครอยู่ ถึงต้องเคลียร์ตัวเอง คำตอบนั้นยังไม่แน่ชัด
///
พีทกับศรันย์ยืนรอแจ๊คกี้คนที่จะซื้อรถอยู่ที่ลานกว้างกลางหมู่บ้านร่างซึ่งเป็นที่นัดพบประจำของกลุ่มแข่งรถที่ใช้ชื่อว่าสมาคมบัวลอยไข่หวาน
“ไม่ได้มานานแล้ว เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน” พีทมองไปรอบๆ “นึกถึงตอนที่เราเจอกันครั้งแรกก็ขำนะ คุณซ่าส์มากเลย ใส่เสื้อกล้ามกับบ๊อกเซอร์ดริฟท์รถโชว์ คุณรู้ไหม ตอนนั้นที่ผมมาก็เพราะอยากรู้ว่าไอ้สมาคมแข่งรถชื่อตลกๆ แบบนี้มันเป็นยังไง พอมาแล้วก็ติดใจเพราะคุณนี่ล่ะ เฮ้อ ต่อจากนี้คงไม่ได้ทำอะไรสนุกๆ แบบนั้นอีกแล้ว”
“ผมก็ไม่ได้มาบ่อยหรอกนะ” ศรันย์ออกตัว
“รู้แล้วว่าอายุเกิน” พีทหัวเราะขำ ศรันย์มองตาค้อนเพราะโดนล้อ
“โน่นไงแจ๊คกี้มาโน่นแล้ว คุณนั่งข้างหน้า ผมนั่งเบาะหลัง เผื่อฉุกเฉิน” ศรันย์ชี้มือไปยังชายร่างหนาคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินตรงมาหาเขาทั้งสองคน
“ขอบคุณนะครับคุณศรันย์ที่มาเป็นเพื่อน” พีทหันมายิ้มให้
“ไม่เป็นไรครับ” ศรันย์ตอบ

แจ๊คกี้ขับรถออกมาจากจุดนัดพบ ใช้ความเร็วปานกลางมุ่งตรงออกนอกเมือง และเมื่อเลี้ยวเข้าสู่ถนนวงแหวนรอบนอกจึงเร่งความเร็วสุดกำลัง
พีทถามความพึงพอใจ คนลองขับชมว่ารถขับดีและถูกใจมากและต่อราคา พีทยอมลดให้ห้าหมื่นบาท
“ขอพี่ตัดสินใจซักอาทิตย์นะ แต่ว่าช่วงนี้พี่ขอเอารถไปลองขับซักสามสี่วันได้ไหม อยากจะให้เท้ามันคุ้นกว่านี้หน่อย จะได้ทดสอบให้แน่ใจ พี่รู้สึกว่าว่าครัชมันลึกๆ ยังไงก็ไม่รู้ กะจังหวะไม่ค่อยได้เลย ถ้าได้ขับต่อๆ กันซักสามสี่วันน่าจะดี ตัดสินใจได้ง่ายเข้า”
“ขับไปนานๆ ก็คุ้นเองครับ พี่ปรับครัชซักหน่อยก็ได้แล้ว” พีทตอบ “แต่ว่าเรื่องที่จะเอาไปลองขับหลายๆ วันนี่ผมไม่สะดวก ผมยังเข็ดตอนที่ขายเบ็นซ์ไม่หาย รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ตอนนั้นโดนตำรวจไถตั้งหลายหมื่น”
“ทำไมหรือ” ศรันย์ถาม
“คนที่จะซื้อเอาไปส่งของนะสิ เจอด่านตำรวจ ซวยไปเลย กว่าจะเคลียร์ได้” พีทตอบเสียงเซ็งๆ
“โธ่คุณพีท พี่รับรองว่าไม่มีปัญหาแน่ๆ พี่ขับคนเดียว ไม่ให้เสียมาถึงคุณพีทหรอก ไม่เอารถไปทำอะไรแบบนั้นแน่นอน เอารถไปลองขับทดสอบจริงๆ จังๆ แบบใช้ส่วนตัวจริงๆ รับรองว่าไม่เอาไปทำงาน”
“พี่ส่งด้วยหรือ” ศรันย์ถามแทรกขึ้น ทำเสียงแปลกใจเล็กน้อย แต่หน้าตาแสดงว่าสนใจ “มีทุกอย่างหรือเปล่า นี่ผมเบื่อๆ พวกเจ้าบอสแล้วนะเนี่ย ของขาดอยู่เรื่อย”
“คุณศรันย์เล่นด้วยหรือ” พีทหันไปถามศรันย์อย่างไม่เชื่อหู
“นิดหน่อย นานๆ ที แต่ส่วนมากเพื่อนๆ ผมฝาก” ศรันย์สร้างเรื่องขึ้นมา เขาอยากจะรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบอส และคิดว่าแจ๊กกี้อาจจะรู้อะไรบ้าง
“ได้ยินมาว่าบอสจะเลิกแล้วนะ ไม่รู้ทำไมคิดจะล้างมือ แต่ผมว่าเด็กมันใจไม่ถึงพอ หรือไม่ก็แค่ลองทำเป็นงานอดิเรกแค่เดี๋ยวเดียว ลูกคนรวยนี่นะ เบื่อง่าย หมดสนุกแล้วก็เลิก ถ้าคุณศรันย์อยากได้มาเอาที่ผมดีกว่า รับรองคุณภาพทุกอย่าง สินค้าไม่มีขาดแน่นอน คุณพีทล่ะ สนใจบ้างไหม พี่ซื้อรถคุณพีท แล้วคุณพีทก็อุดหนุนพี่หน่อย”
“ให้ตกลงซื้อจริงซะก่อนเถอะครับ โอนเล่มเมื่อไหร่ ผมจะอุดหนุนซักหมื่นสองหมื่น เอาไปฝากเพื่อน” พีทพูดแล้วหัวเราะเบาๆ
“ตกลงเรื่องเอารถไปลองขับจะว่าไง” แจ๊คกี้วกกลับเข้ามาเรื่องรถ
“ไม่สะดวกจริงๆ ครับพี่ ตั้งหลายวัน มันนานไป”
“โธ่ รถมันไม่ใช่ราคาน้อยๆ นะคุณพีท ต้องลองให้แน่ใจหน่อยว่ามันจะชอบจริงๆ เพราะถ้าพี่ซื้อ มันจะอยู่กับพี่ไปอีกนาน”
“ราคาไม่น้อย แต่พี่ก็หาเงินได้ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน ส่งแต่ละรอบคงเป็นแสนๆ ล่ะมั๊ง” พีทยังคงหัวเราะ “เอาอย่างนี้ อยากลองเมื่อไหร่บอกผม จะเอามาให้ขับจนพอใจ แต่ลองแล้วผมต้องเอารถกลับ เพราะผมต้องใช้รถ”
“มีหลายคันไม่ใช่หรือ” แจ๊คกี้ท้วง
“มีคันนี้กับจากัวร์แค่สองคันเอง คันอื่นก็รถที่บ้าน ฮอนจ้าแจ๊สเอาไว้แค่ไปจ่ายตลาดกับแม่ ผมทนขับไม่ไหวหรอก จากัวร์ก็ซ่อมไม่เคยเสร็จซะที นี่ไงเจ้าของอู่” พีทเอียงศีรษะชี้ไปที่ศรันย์ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางเบาะหลัง “ขนาดสนิทกับเจ้าของอู่ก็ยังไม่ได้รถซะที น่าตีนัก แต่สกายไลน์พี่ไม่ต้องห่วงนะ คันนี้ไม่เคยเสีย ไม่เคยชน ไม่เคยอะไรทั้งสิ้น สภาพเยี่ยมเพราะผมดูแลดีมาก พี่ได้ไปแล้วจะไม่เสียดายเงินเลย “
///
หลังจากให้แจ็คกี้ลองรถเกือบหนึ่งชั่วโมง พีทกับศรันย์ก็กลับมาที่ลานกว้างกลางหมู่บ้านร้างซึ่งเป็นจุดนัดพบกันในตอนแรก แจ๊คกี้ขอเวลาตัดสินใจและจะให้คำตอบในวันพุธหน้า และหากอยากลองขับอีกก็จะติดต่อนัดหมายกับพีทอีกครั้ง
“คิดว่าเขาจะซื้อไหมครับ” ศรันย์ถามพีทหลังจากที่แจ็คกี้ขับรถออกไปแล้ว พีทยักไหล่ ไม่ตอบออกมาเป็นคำพูด ท่าทางไม่กังวลใจเท่าใดนักว่าจะขายรถได้หรือไม่ได้
“มีคนสนใจอยู่อีกคน ลูก ส.ส. สุชาติ แต่เงินเขาไม่ถึง ต้องขอพ่อเพิ่ม ผมไม่ค่อยอยากขายให้เด็กหรอกครับ เสียเวลา กว่าจะจบเรื่อง ถ้าแจ๊คกี้ไม่เอาผมก็จะเก็บเอาไว้ก่อน ถึงปลายปีค่อยว่ากันอีกที”
ศรันย์พยักหน้ารับฟังแล้วหันไปรอบๆ ลานกว้าง มีรถทยอยเข้ามาเรื่อยๆ จนเกือบเต็มลาน ไม่นานเขาก็เห็นรถของบอส
“สมาคมบัวลอยไข่หวานนี่ครึกครื้นกว่าเดิมเยอะเลยนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะเยอะขนาดนี้ ตอนนั้นมีแค่สิบกว่าคัน” พีทมองไปรอบๆ
“คุณพีทจะอยู่ต่อหรือจะกลับ” ศรันย์ถาม แต่ยังไม่ทันจะฟังคำตอบ สายตาก็มองไปเห็นบอสเดินจูงมือหมวดเรียวมาที่รถ จึงพูดขึ้นทันทีว่า “อยู่ต่อก็แล้วกัน”
“เฮียศรันย์ก็มาด้วย ดีใจจังเลยโว้ย” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ศรันย์หันไปมอง ชายหนุ่มสี่คนเดินเข้ามาหา ท่าทางดีใจอย่างที่พูด
“เฮียช่วยหน่อยสิครับ ช่วยแข่งรถหน่อย ผมจะทุ่มพนันเฮีย ถ้าชนะ พวกผมจะแบ่งเงินให้คนละห้าพัน สี่คนรวมเป็นสองหมื่นเลยนะเฮีย ช่วยหน่อยนะ ตอนนี้พวกเรากำลังหาเงินเสียค่าหน่วยกิต” หนุ่มคนหนึ่งในจำนวนสี่คนอ้อนวอน
“ไม่คุ้มโว้ย ทำไมไม่แข่งเอง” ศรันย์ปฏิเสธ
“ฝีมือพวกผมสู้เฮียไม่ได้ ถ้าจะเอาชนะแบบใสๆ ก็ต้องให้คนขับระดับตำนานแข่ง โธ่ ช่วยหน่อยสิครับเฮีย ถ้าไม่เชื่อมั่นในตัวเฮีย พวกผมไม่มาขอร้องหรอก เฮียชนะแน่ๆ เด็กพี่บอสมันยังอ่อนอยู่ สู้เฮียไม่ได้แน่นอน ผมเห็นฝีมือมันแล้ว นะเฮียนะ ถือซะว่าช่วยลูกนกลูกกาตาดำๆ”
“เออ” ศรันย์พยักหน้า เปลี่ยนใจทันที เมื่อมองไปเห็นบอสหอมแก้มหมวดเรียวซึ่งขณะนี้ปลอมตัวมาในคราบเด็กหนุ่นอ่อนต่อโลกซึ่งกำลังริอ่านใช้ชีวิตกลางคืนกับกลุ่มนักแข่งรถ
“แต่พวกนายไปเพิ่มเงื่อนไขรางวัลสำหรับผู้ชนะเป็นการแลกบัวลอยไข่หวาน” ศรันย์พูดต่อเสียงเข้ม
“บ้าจริงคุณศรันย์ เล่นอะไรแบบนี้” พีทอุทาน มือฟาดเข้าที่ต้นแขนขอคนพูด เด็กหนุ่มสี่คนที่ยืนอยู่พากันหัวเราะ
“เถอะน่า ช่วยเด็กหน่อย มันกำลังหาเงินจ่ายค่าหน่วยกิต แล้วอีกอย่าง ไม่ได้มีการแข่งชิงรางวัลแบบสนุกๆ แบบนี้มานานแล้วใช่ไหมพวกเรา” ท้ายประโยค ศรันย์หันไปพูดกับพวกเด็กหนุ่มทั้งสี่คน
“ใช่ครับใช่ ลองเปลี่ยนบรรยากาศบ้างนะพี่” นักศึกษาขาซิ่งรถที่กำลังหาเงินจ่ายค่าเล่าเรียนรีบพร้อมใจกันพยักหน้า
“พวกแกต้องไปท้าทายแก็งค์ของบอสให้ได้ ถ้าเขาตกลง พี่ก็จะแข่งให้” ศรันย์สั่งการแล้วบอกให้ทั้งสี่ไปจัดการตกลงเรื่องแข่งขันให้เรียบร้อย
“เกลียดคุณจริงๆ เลย” พีทสะบัดหน้า ยกมือขึ้นกอดอก ทำท่างอน
“น่านะคุณพีท คุณไม่ได้เสียหายอะไรเลย แค่สนุกๆ บอสคุณก็รู้จักไม่ใช่หรือ ดูๆ ไปเด็กคนนั้นก็ไม่เลวนะ แค่ไปนั่งอิงแอบแนบชิดเป็นเพื่อนให้เขาแต๊ะอั๋งไม่กี่ชั่วโมง”
“เทียบคุณไม่ได้” พีทเดินเข้ามากอดแขนศรันย์ “ก็ได้ ถ้าอยากสนุกก็จะยอมทำให้สนุก แต่มีข้อแม้ว่าหลังตีสาม คุณต้องอยู่กับผมทั้งคืน”

ฝีมือการขับรถระดับพระกาฬของศรันย์นั้นทิ้งห่างรถคันอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น บอสกับคนอื่นๆ ยืนรออยู่ที่เส้นชัย ศรันย์จอดรถแล้วก้าวลงมายืนเท้าสะเอวมองรถคันอื่นๆ ที่ทะยอยเข้าเส้นชัยพลางหันไปมองบอสด้วยสายตายิ้มๆ บ่งบอกให้รู้ว่าตัวเองเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เรียวยืนกอดอกพิงรถอยู่ข้างๆ หน้าตาเรียบเฉย
“ว่าไง เห็นฝีมือพี่ไหมน้อง” ศรันย์ตะโกนพูดกับพวกที่แพ้การแข่งรถ “ต่อจากนี้ไปก็เป็นพิธีมอบรางวัล”
“พี่บอส พวกผมขอโทษ” ลูกน้องของบอสยิ้มแหยๆใ ห้หัวหน้า แล้วหันมาบ่นให้กับศรันย์ “ก็รถเฮียศรันย์แต่งซะเต็มที่ขนาดนั้น ใครจะสู้ไหว”
“อ้าว แพ้แล้วไม่ยอมรับนี่หว่า รถเอ็งก็แต่งเหมือนกัน ซีซีเยอะกว่าอีกต่างหาก แบบนี้โทษรถไม่ได้หรอก มันต้องฝีมือคนขับด้วย ใช่ใหมพีท” ประโยคหลัง ศรันย์หันมาพูดกับพีท คนฟังสะบัดหน้าหนี แสดงอาการไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็เดินข้ามไปหาบอส
“ว่าไง รางวัล เอามาสิ” ศรันย์หันไปพยักหน้าให้บอส ชี้นิ้วไปที่เรียวซึ่งยืนกอดอกอยู่ข้างๆ บอสนิ่งไปชั่วอึดใจ แล้วหันหลังไปจับข้อมือของเรียว ดึงให้เดินมาหาช้าๆ แล้วพาเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าศรันย์
“พี่ขอโทษนะหนุ่ม” บอสพูดกับเรียวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “แค่ครั้งเดียวเท่านั้นล่ะ ตีสามพี่จะมารับ ตีสามนะเฮีย” ประโยคสุดท้ายหันไปพูดกับศรันย์
“เฮ้ย อะไรวะ นี่มันอะไรกัน” เรียวโวยวาย เผลอตัวออกท่านักเลงหลังจากแกล้งทำตัวหงิมๆ มาตั้งนาน
“รางวัลสำหรับผู้ชนะไง” ลูกน้องบอสตอบ
“รางวัลอะไร ไหนว่าแลกขนมบัวลอยไข่หวาน” เรียวกระชากเสียงถาม อีกใจหนึ่งก็เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร และเมื่อพูดเสร็จ คนในกลุ่มที่ยืนอยู่ก็พากันหัวเราะลั่น ยกเว้นบอสและพีท
“นี่ล่ะขนมบัวลอยไข่หวาน” หนุ่มคนหนึ่งใช้นิ้วจิ้มที่แก้มของเรียว นายตำรวจมือปัดมือออก มองตาขวาง
“พี่บอสทำแบบนี้ได้ยังไง” เรียวหันขวับไปต่อว่าบอส
“พี่ขอโทษ” บอสตอบสั้นๆ เม้มปากแล้วเดินไปที่รถโดยมีลูกน้องเดินตาม พีทลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินตามไป
“กล้าดีมาก อยากเจอของแข็งหรือไงคุณศรันย์” เรียวหันมาตะคอกศรันย์พอให้ได้ยินกันสองคน
 “อย่าโวยวายไปสิ เดี๋ยวพวกมันก็รู้ว่าคุณเป็นใคร คุณไม่อยากได้ใจพวกมันหรือ ถ้าคุณไม่ยอมไอ้บอสก็เสียหน้า ถ้าคุณยอม มันก็นับถือใจคุณ คราวนี้คุณก็ล้วงลึกพวกมันได้แล้ว มามะ มาหาเฮีย ให้เฮียได้ชื่นใจหน่อย” ศรันย์ดึงเรียวเข้ามาใกล้ ตบมือเข้าที่ก้นแน่นๆ ของนายตำรวจอย่างแรง ยกมือขั้นโอบไหล่เอาไว้แน่น อาศัยจังหวะที่เรียวตกใจ ซุกจมูกเข้าที่ซอกคอ พร้อมกับทำปากยื่นจูบใต้ซอกหู เรียวสะบัดตัว กำมือ กำลังจะชกศรันย์ แต่บอสและพรรคพวกหันหน้ามามองจึงต้องลดมือลง

มีคนเปิดเพลงแร็ปดังลั่น หลายคนเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบ บางคนเริ่มเต้นเข้าจังหวะเพลง ถือขวดเบียร์และขวดเหล้าดื่มกินฉลองกันอย่างสนุกสนาน ปารตี้ของนักแข่งรถยามราตรีเริ่มขึ้นกลางลานคอนกรีตในหมู่บ้านร้าง
เรียวยืนจ้องหน้าศรันย์อย่างเอาเรื่อง อยากจะต่อยหน้ากวนๆ นั้นสักหมัดสองหมัด
“สนุกนักหรือไงคุณศรันย์”
“ผมช่วยคุณต่างหาก”
“ช่วยอะไร อย่ามาทำเป็นพูดดี”
“จะบอกอะไรให้ คุณไปเสียเวลากับเจ้าบอสเฉยๆ ผมรู้มาว่าบอสจะวางมือแล้ว เอาตัวเข้าแลกไม่คุ้มหรอกคุณหมวด เปลืองเนื้อเปลืองตัวเฉยๆ”
“ทำเป็นรู้ดี ทำยังกะรู้ทุกอย่าง จริงหรือไม่จริงนี่อีกเรื่อง โธ่เอ๊ย”
“อ๊ะ ไม่เชื่อก็ตามใจ” ศรันย์ยักไหล่
“เมื่อกี้ไหนพูดว่าจะต้องให้ได้ใจพวกนั้น บอกว่าจะทำให้พวกนั้นนับถือใจผม คุณนี่มันกวนจริงๆ เลย จงใจแกล้งผมใช่ไหม แล้วรางวัลแลกเด็กกันบ้าบอนี่คืออะไร อย่าบอกนะว่าต้อง...”
“โธ่เอ๊ย ไม่มีอะไรมากหรอกน่า แค่เอาตัวเด็กคู่แข่งมาควงมานั่งจีบเล่นถึงตีสามแค่นั้นเอง แค่ทำให้คู่แข่งเสียหน้า” ศรันย์ยักไหล่ ยกเบียร์ขึ้นดื่ม
“ดูถูกเด็ก ดูถูกคู่ควงตัวเอง พวกคุณนี่น่าสมเพธจริงๆ ถ้าเป็นผู้ชายผู้หญิง ป่านนี้คงเอาสก๊อยไปนอนด้วยแล้วมั๊ง” เรียวเบ้ปากอย่างขุ่นเคือง
“อยากทำแบบนั้นกันบ้างก็ได้นะ” ศรันย์หัวเราะร่า แล้วรีบกระโดดออกห่างเมื่อเห็นเรียวกำหมัดยกขึ้น “อ๊ะๆ อย่านะน้องหนุ่ม เสียอิเมจหมด เดี๋ยวพี่บอสเห็นเข้าจะตกใจ ว่าหนุ่มน้อยน่ารักทำไมกลายเป็นไอ้ตัวร้ายจอมเกเร อะไรกัน เอะอะก็จะใช้แต่กำลังและความรุนแรง ไม่เคยมีความนุ่มนวลอ่อนโยนให้เห็นบ้างเลย แบบนี้เมื่อไหร่จะได้แฟนกับเค้าซะที”
เรียวส่ายหน้าอย่างระอาใจ เลิกใส่ใจศรันย์ที่เอาแต่หัวเราะ หันไปมองบอส จึงเห็นว่าชายหนุ่มมาดขรึมนั่งหมิ่นๆ อยู่บนฝากระโปรงหน้ารถ มือซ้ายล้วงกระเป๋ากางเกง มือขวาถือกระป๋องเบียร์ มองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ไม่มีมีทีท่าว่าจะหันมาสนใจพีท ‘รางวัล’ ที่ได้แลกมาจากศรันย์

►จบบทที่ 8◄

หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 8 ►17/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 17-02-2017 16:42:02
จริงๆเฮียศรัณย์ควรใช้เวลานี้ให้คุ้มนะ ตอดเล็กตอดน้อยน้องหนุ่มซะน่อยยยยย 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 8 ►17/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 20-02-2017 21:49:38
►ตำรวจคนนี้พี่ขอ◄ (ซักครั้ง)❤ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥《• คฑาวุธ •》

  บทที่ 9 
บอสจอดรถหน้าหอพักนักศึกษาแห่งหนึ่ง ยื่นมือไปจับมือของคนที่นั่งอยู่ๆ มาบีบเบาๆ แล้วกุมเอาไว้
“หนุ่ม พี่ขอโทษอีกครั้ง เรื่องที่เอาหนุ่มมาเป็นรางวัลพนันแข่งรถ” บอสพูดกับเรียวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ พี่เป็นหัวหน้า ลูกน้องขอร้องก็ต้องทำ ไม่งั้นก็ไม่ได้ใจลูกน้อง” เรียวตอบ
“แบบนี้พี่ถึงอยากจะเลิก พี่เริ่มรู้สึกว่ามันไร้สาระ”
“เรื่องพนันแข่งรถนี่หรือครับ” เรียวถาม ความจริงอยากถามด้วยซ้ำไปว่ามีเรื่องขายยาเสพติดด้วยหรือไม่ เพราะต้องการความมั่นใจว่าที่ศรันย์พูดมานั้นเป็นความจริง
“เรื่องอื่นด้วย ทุกเรื่องนั่นล่ะ พี่อยากมีชีวิตธรรมดา” บอสพยักหน้า
“เรื่องอื่น เรื่องอะไรหรือครับ”เรียวถามเบาๆ
“เรื่องอะไรอย่ารู้เลย รู้แต่ว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รู้เฉพาะว่าพี่อยากเปลี่ยนแปลงชีวิต” บอสยกมือขึ้มกุมแก้มของเรียวแล้วลูบไล้เบาๆ มองด้วยสายตาเว้าวอน “พี่ไม่อยากให้หนุ่มเข้าไปยุ่งกับชีวิตแบบนั้น ถ้าพี่ออกจากกลุ่มนั้นแล้ว หนุ่มอย่าเข้าไปอยู่ในนั้นได้ไหม”
“ผมแค่ไปดูเฉยๆ ยังไม่ได้คิดอะไรไปไกลกว่านั้นหรอกครับ”
“พี่แคร์หนุ่มนะ พี่ขอโทษที่ทำอะไรไปแบบนั้น อย่าโกรธพี่นะ รังรองว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
“ไม่โกรธหรอกครับ ผมเข้าใจ” เรียวพยักหน้าช้าๆ พยายามทำหน้าตาให้อ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พี่ขึ้นไปส่งนะ”
“วันนี้ญาติมาค้างที่ห้องครับ ไม่สะดวก” เรียวโกหก ความจริงเขาไม่ได้พักที่หอพักแห่งนี้ด้วยซ้ำ
“ถ้างั้นพี่ขอจูบหน่อย” บอสขอจูบหน้าตาเฉย และไม่รอคำตอบ พูดเสร็จก็ยื่นหน้าเข้าไปหาเรียว ประทับจูบเบาๆ ลงบนริมฝีปากแล้วถอนออก เรียวหันซ้ายหันขวาทำทีว่าอายกลัวใครจะเห็น บอสหัวเราะเบาๆ แล้วก้มหน้าลงมาหาอีกครั้ง คราวนี้กดเน้นริมฝีปากแน่นกว่าเดิม แล้วสอดลิ้นออกมาไล้ลิ้นแผ่วเบาไปตามริมฝีปากของเรียว
...นี่ถ้าไม่ได้แลกลิ้น ก็คงไม่เลิกใช่ไหมเนี่ย...
เรียวคิดอยู่ในใจ ตัดสินใจเผยอปากเล็กน้อย ปล่อยให้บอสสอดลิ้นเข้ามาในปาก ดุนลิ้นตอบกลับนิดหน่อยพอให้รู้สึก บอกตัวเองว่าต้องยอมให้บอสจูบ จะได้กล่าวราตรีสวัสดิ์กันเสียที รู้สึกง่วงนอนมาก พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแต่เช้า
จูบของบอสเป็นความผสมอย่างลงตัวระหว่างความละมุนละไมและความเร่าร้อน จูบนั้นเว้าวอนอยู่ในที และเกือบทำให้เรียวเผลอเคลิ้มตาม แต่นายตำรวจรู้ตัวว่ากำลังปลอมตัวอยู่ และจำต้องปล่อยให้เลยตามเลย กระนั้นก็ยังอดชมไม่ได้ว่า เด็กหนุ่มอย่างบอส ซึ่งยังเป็นนักศึกษาอยู่นั้นเจนจัดไม่ใช่น้อย
...เอ ถ้านายศรันย์จูบนี่จะเป็นยังไงหนอ ท่าทางช่ำชองซะขนาดนั้น จะเหมือนหรือต่างจากบอสซักแค่ไหน...

♀♀

หลังจากที่บีบบังคับให้หมวดชินวัฒน์ทำงานแทนจนเสร็จ หมวดเรียวเอาเอาข้อมูลเส้นทางการถ่ายโอนเงินของผู้ค้ายาเสพติดมารายงานให้กับสารวัตรธันว์
“เสร็จเรียบร้อยครับสารวัตร” เรียววางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะทำงานของผู้บังคับบัญชา แต่สารวัตรธันว์กลับยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้
“สารวัตรจะให้ผมเอาโทรศัพท์ไปซ่อมให้หรือครับ” เรียวสงสัย ยื่นมือไปรับโทรศัพท์มา ภาพที่อยู่บนหน้าจอทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง อึ้งไปทันที เพราะมันคือรูปภาพของบอสยืนชี้นิ้วราวกับกำลังพูดกับใครอยู่ โดยมีเขากำลังยืนกอดอกพิงรถ
“คุ้นหน้าไหม” ธันว์ถามเสียงเย็น
“คุ้นครับ” เรียวเงยหน้าขึ้น ยิ้มแหยๆ
“เมื่อไหร่จะเลิกดันทุรังฮึ หมวดเรียว”
“สารวัตรไปได้มาจากไหนครับ”
“นั่นไม่ใช่ท้องที่เราด้วยซ้ำ” ธันว์ไม่ตอบคำถาม
“จุดรวมตัวเริ่มแข่งมันก็อยู่ในพื้นที่เรานี่ล่ะครับ แต่เส้นชัยมันเกิดข้ามไปอยู่ท้องที่โน้น” เรียวตอบเสียงเบาๆ ราวกับกระซิบ
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องประสานงานกัน และคนที่จะต้องประสานคือผม ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วย คุณรู้ไหม ผมโดนเพื่อนรุ่นพี่ท้องที่โน้นตำหนิมา ถ้าลูกน้องเขาจำคุณไม่ได้ ผมก็คงไม่โดนตำหนิหรอก” ธันว์พูดเสียงเครียด
“ผมขอโทษ”
“ผมจะให้คุณไปช่วยงานหมวดนิคม” ธันว์เอนตัวพิงพนักพิงเก้าอี้
“งานตำรวจสัมพันธ์” เรียวอุทาน อ้าปากค้าง
“ช่วยงานหมวดนิคมเรื่องนิทรรศการตำรวจสัมพันธ์ต่อเนื่องไปจนถึงวันเด็ก” ธันว์ส่งงาน
“สี่วันเลยนะครับ” เรียวเสียงดัง ยกมือขึ้นกางสี่นิ้ว
“ไม่ใช่แค่สี่วัน ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ระหว่างนี้ ให้คุณไตร่ตรองและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา ถ้าคุณปฏิบัติได้ ผมถึงจะเรียกคุณกลับมา เข้าใจไหม ไปได้” ธันว์พูดเสียงดังฟังชัดแล้วชี้นิ้วไปที่ประตู
“ครับผม” เรียวตอบอ่อยๆ ทำความเคารพผู้บังคัญแล้วเดินคอตกออกไปจากห้อง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสารวัตรธันว์เรียก
“อ้อ เดี๋ยวก่อน” เรียวหยุดเดิน หันหน้ากลับไปช้าๆ ธันว์จึงพูดต่อว่า “ไปเอาปืนมาไว้ที่ผม แล้วบ่ายนี้ลงไปหาหมวดอาคมเลย”
♀♀
งานโครงการตำรวจสัมพันธ์ที่พันตำรวจตรีธันว์ย้ายให้ร้อยตำรวจโทเรียวมาช่วยงานนั้นเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดที่นายตำรวจโทคนใหม่เคยทำ เกือบสองชั่วโมง เขาเอาแต่แจกใบปลิวและรับเรื่องร้องทุกข์จากประชานชนที่สัญจรผ่านไปมาพร้อมกับพูดว่า “ครับๆ ทางตำรวจจะจัดการให้เรียบร้อยครับ  ไม่ต้องเป็นห่วง”
เรียวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเซ็งๆ ตอนนี้เหลือเขาอยู่คนเดียวในเต้นท์ขนาด 3x5 เมตรซึ่งตั้งอยู่ในลานจอดรถด้านข้างของสถานีตำรวจ อีกฝากถนนห่างไปประมาณสองร้อยเมตรเป็นงานแสดงสินค้าไทยแลนด์เอ็กซ์โป เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นอีกสองคนแวบหายไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาเพื่อไป 'รับแอร์' ในศูนย์แสดงสินค้า
แต่แล้ว ช่วงเวลาแห่งควานน่าเบื่อของร้อยตำรวจโทคนใหม่ก็ถูกแทรกด้วยเสียงดังฟังชัดของใครคนหนึ่ง
“อ้าว นี่คุณหมวดไม่ได้ทำงานแผนกข่มขู่รังแกประชาชนแล้วหรือครับ”
...มาอีกแล้ว เฮ้อ นี่จะหนีอีตาพูดไม่รู้เรื่องคนนี้ไม่ได้เลยหรือยังไง นี่เวรกรรมอะไรของเราวะ โดนถีบมานั่งแจกใบปลิวยังไม่พอ ยังซวยซ้ำซ้อนมีมนุษย์พันธ์พิเศษมากวนอารมณ์...
เรียวทำเป็นไม่สนใจและไม่ได้ยินคำพูดของ 'ประชาชนตาดำๆ เจ้าปัญหา' นายตำรวจหนุ่มแกล้งทำเป็นหยิบเอกสารบนโต๊ะวางสลับที่กันไปมา
“หัวหน้าคุณหมวดนี่ใจถึงมากเลยนะที่ให้ลูกน้องสไตล์แบบนี้มาทำงานโครงการตำรวจรักประชาชนคนเดินดินกินข้าวแกงแฝงชุมชนสัมพันธ์สานฝันวัยรุ่นไทยห่างไกลยาเสพติด” ชายหนุ่มจอมกวนแกล้งทำเป็นหายใจไม่ทัน “โครงการอะไรวะ ชื่อยาวเป็นบ้า”
“พูดเข้าไป เดี๋ยวได้โดนจับใส่กุญแจมือ” เรียวอดต่อปากต่อคำไม่ได้
“ข้อหาอะไรไม่ทราบ” ศรันย์เจ้าเก่าลอยหน้าลอยตา “คุณนี่ช่างหาเรื่องจริงๆ แต่ผมไม่ถือสาหรอกเพราะข้างนอกนี่อากาศมันร้อน ไอแดดร้อนๆ มันทำให้คนเพี๊ยนกันได้ เมื่อกี้ผมไปเดินในงานมา เปิดแอร์ซะหนาวจนอยากจะหันไปกอดคนข้างๆ”
“เดี๋ยวเหอะ” เรียวเอามือตะปบที่กุญแจมือซึ่งห้อยอยู่กับเข็มขัด
“ผมไม่กลัวหรอก เคยถูกเอาปืนจี้บังคับให้พาขับรถหนีผู้ร้ายก็เคยแล้ว แค่โดนจับใส่กุญแจมือ เรื่องจิ๊บๆ” ศรันย์ยักคิ้ว พร้อมกับยกนิ้วก้อยขึ้นมาทำท่าว่าเรื่องที่จะโดนจับใส่กุญแจมือนั้นเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว “โดนแกล้งขโมยรถเอาไปประกาศขายก็เคย โดนอะไรอีกว๊า” ศรันย์เอียงหน้าคิด
 “ไปไกลๆ เลยไป ผมจะแจกใบปลิว เกะกะขวางทางหน้าเต้นท์” เรียวโบกมือไล่
“ผมช่วยไหม แถวนี้ ผมกว้างขวาง” ศรันย์นั่งลงบนโต๊ะที่วางเอกสาร
“คุณนี่กว้างขวางทุกที่ เป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถแบบไหนเนี่ย ไปไหนก็มีแต่คนรู้จัก”
“จะบอกอะไรให้ วัยรุ่นแถวนี้ลูกน้องผมทั้งน้าน” ศรัณย์คุยโว ยืดอก ทำท่าภูมิใจเป็นนักหนา
“ทำเป็นคุย พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้เรื่องอะไรซักอย่าง ไม่มีสาระอะไรเลย นี่เรื่องที่คุณแข่งรถแล้วเอาผมไปพนันเป็นบัวลอยไข่หวานยังไม่ได้เคลียร์กันนะ เสียเวลาจริงๆ ท้ายสุดไม่ได้ข่าวอะไรเลย โดนถีบออกมานั่งแจกใบปลิวอยู่ตรงนี้เลยเห็นไหม”
“โถ น่าสงสาร” ศรันย์ทำหน้าตาเข้ากับคำพูด
“ถอยไป เกะกะหน้าเต้นท์” เรียวโบกมือไล่ “ถ้าจะเอาแผ่นพับก็เลือกเอาซักแผ่นสองแผ่นแล้วไปไกลๆ เลยไป”
“อย่าเพิ่งไล่กันสิคุณตำรวจ เราไม่ใช่คนอื่นคนไกล ที่ผมมานี่มีอยู่สองเรื่อง” ศรันย์ชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว “หนึ่ง ผมมาทวงเรื่องที่คุณจะเลี้ยงข้าว โทรศัพท์ไปก็ไม่ติด ผมกลัวคุณหมวดจะลืม ก็เลยต้องมาเตือนความจำ”
“ไม่ลืมหรอกน่า ผมเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น รอเงินเดือนออกก่อนสิ”
“ก็ได้ รอก็ได้ แต่เรื่องที่สองมันรอไม่ได้” ศรันย์ยิ้มแหยๆ “คือยังงี้นะครับคุณหมวด ไหนๆ เราก็ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ตอนนี้ผมขอความช่วยเหลือหน่อยสิ"
"อะไรอีกล่ะ" เรียวขมวดคิ้ว
"รถผมถูกล๊อคล้อ" ศรัยน์ยิ้มแหยๆ "หน้าฮอลล์ 3 นี่เอง คุณหมวดไปเบ่งให้หน่อยสิ คือว่าผม..."
"ไม่มีเงินเสียค่่าปรับอีกสิเนี่ย คุณอย่าได้คิดจะมาไถเงินผมนะ"
"น้อยๆ หน่อย ผมไม่เคยเลยนะคร้าบคุณหมวด ที่ผ่านมา ผมเรียกร้องตามสิทธิพลเมืองที่โดนรังแกต่างหากล่ะ" ศรันย์โวย "แต่จะว่าไป ก็ไม่เห็นจะเสียหาย ตำรวจไถเงินประชาชนมาเยอะแล้ว ให้ประชาชนไถนิดไถหน่อยจะเป็นไรไป"
"ผมไม่มี ผมไม่ไป ผมแค่มาทำหน้าที่นั่งแจกใบปลิวในเต้นท์" เรียวปฏิเสธแล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้านในของเต้นท์
"คุณหมวด ช่วยหน่อยน่า”
“ลานจอดรถเขาก็มี” เรียวชี้นิ้วไปรอบๆ “เห็นไหม จอดรถได้เป็นพันๆ คัน แล้วทำไมไปจอดหน้าฮอลล์แสดงสินค้า หาเรื่องจริงๆ เลย”
“ผมผิดไปแล้วครับคุณหมวด สำนึกแล้ว ตอนนี้ช่วยผมก่อน ผมต้องรีบไปเยี่ยมลุงที่โรงพยาบาล" ศรันย์ทำเสียงอ้อนวอน
"คราวที่แล้วเยี่ยมพ่อ" เรียวส่ายหน้า "คุณนี่ถนัดแช่งญาติผู้ใหญ่จริงๆ เลย"
"กรุณาเห็นใจประชาชนตาดำๆ ด้วยเถอะคร้าบ" ศรันย์ทำเสียงและหน้าตาน่าสงสาร "ผมขอสัญญาว่าจะไม่ทำผิดกฎจราจรอีกแล้ว"
"ด้วยเกียรติของใคร"
"ด้วยเกียรติของนายศรันย์ ประชาชนที่ถูกตำรวจรังแกอยู่เป็นนิจ เช่น ถูกเอาปืนจี้บังคับให้พาขับรถหนีโจร ถูกตำรวจขโมยรถ ถูกขู่ทำร้ายข่มเหงจิตใจ" ศรันย์พูดประชดทั้งที่ทำหน้าตาน่าเห็นใจ
"คุณศรันย์" เรียวทำเสียงเข้ม
"ครับผม คุณหมวดเรียว" ศรันย์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ก็ได้ จะช่วย แต่แลกกับไม่ต้องเลี้ยงข้าวนะ เอายังไง” เรียวลุกขึ้นยืน เท้าสะเอว เอียงหน้ารอฟังคำตอบ
“เจ้าเล่ห์จริงๆ” ศรันย์ค้อน
“พอๆ กันนั่นล่ะ”
“ถ้าเลือกเลี้ยงข้าว ก็ต้องเลี้ยงวันนี้เลย ไม่รอสิ้นเดือน” ศรันย์ต่อรอง
“ก็ได้ เลี้ยงตอนนี้เลยก็ได้ ผมจะวิทยุเรียกเพื่อนให้กลับมาเฝ้าเต้นท์ คุณไปรอที่ร้านเจ๊หมวยตามสั่งตรงข้างประตูทางออกสถานีฯ นะ เดี๋ยวตามไป” เรียวชี้นิ้วไปทางซ้าย
“โอ้โห คุณพระช่วย ทำไมมันลงทุนน้อยนิดอย่างนี้ล่ะคร้าบคุณหมวด เลี้ยงอาหารตามสั่งแลกกับการช่วยเหลืองานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นี่นะ แบบนี้เรียกว่าผู้เอาเปรียบสันติราษฎร์จะถูกกว่ามั๊ง ให้มันดีกว่านี้หน่อยสิ ให้ผมเป็นคนเลือกร้าน ถ้าไม่ยังงั้น ผมก็จะมาทวงคุณทุกวัน” ศรันย์โวยวาย ออกท่าออกทาง
“ผมไม่มีเวลา” เรียวยักไหล่
“ไม่มีเวลายังไง นั่งหน้าบูดหน้าบึ้งเป็นอึ่งตากแดดเฝ้าเต้นท์อยู่แบบนี้มีเวลาเหลือเฟือ แล้วไม่ต้องบอกว่าไม่มีเงิน ผมรู้ว่าคุณมีเงิน วันๆ หนึ่งคุณคงหาเงินได้หลายร้อยหลายพัน”
“ดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ” เรียวถลึงตาใส่
“เสื้อผ้าที่ใส่ก็ใช่ย่อย ผมรู้ยี่ห้อ รู้ราคาหรอกน่าคุณหมวด อย่าลีลาท่านั้นท่านี้หน่อยเลย เลี้ยงข้าวแค่มื้อเดียว ไม่จนหรอกน่า ผมก็ใช่จะเป็นคนใจไม้ใสระกำที่ไหน ไม่เลือกร้านอาหารแพงเกินกำลังคุณหมวดหรอก ตกลงนะ เย็นนี้เลย จะมารับ แต่งตัวให้หล่อๆ ล่ะ แต่แต่งแบบเด็กแร๊ปไม่เอานะ ให้ดีหน่อย อาบน้ำแต่งตัวใส่น้ำหอมให้เรียบร้อย เจอกันหน้าโรงพักตอนหกโมงเย็น”
“เออๆ ถ้าไม่ไปก็คงไม่จบใช่ไหม” เรียวพยักหน้า ทำหน้าตาเอือมระอา
“สำหรับเรา มันคงไม่จบง่ายๆ หรอกคุณหมวด” ศรันย์ยักคิ้ว ยิ้มกว้างอย่างพอใจ
...ขอสักครั้งก่อนเถอะ ตำรวจเฮ้วๆ แบบนี้น่าจะโดนซักหน่อย จะได้หายซ่าส์...
ศรันย์เดินผิวปากจากไปอย่างอารมณ์ดี
♥♥♥♥♥

ศรันย์พาเรียวไปที่ร้านอาหารซึ่งตั้งอยู่ริมถนนเลียบทางด่วน x... ซึ่งเพื่อนของตัวเองเป็นเจ้าของ เรียวบอกให้รีบกินรีบกลับ และเมื่อเดินเข้าไปในร้านอาหาร จึงบอกกับพนักงานต้อนรับว่ามากันสองคน มือชี้ไปที่โต๊ะขนาดเล็กสำหรับนั่งสองคนซึ่งอยู่ห่างไปแค่ไม่ถึงห้าก้าว แต่ศรันย์บอกว่าให้ไประเบียงด้านหลังเพราะได้จองโต๊ะนั่งแล้ว
“บรรยากาศมันโรแมนติกกว่า” ศรันย์กระซิบเบาๆ แล้วสะกิดเรียวให้เดินตาม
เมือเดินอ้อมไปถึงด้านหลังซึ่งเป็นระเบียงกว้าง มีลูกค้านั่งอยู่เต็ม แต่ละโต๊ะเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่กลุ่มละประมาณ 8-15 คน โต๊ะที่อยู่ด้านมุมซ้ายสุดมีชายหนุ่มนั่งอยู่ห้าคน กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาม เมื่อหนึ่งในนั้นหันมาเห็นศรันย์จึงรีบกวักมือเรียก ราวกับว่ารออยู่
“เพื่อนคุณหรือ” เรียวหันขวับไปมองศรันย์ตาขวาง “นี่ถึงกับพาเพื่อนมาถล่มผมแบบนี้เลยหรือ ทำไมต้องพาเพื่อนมา ไหนว่าจะให้ผมเลี้ยงข้าวไง ผมไม่เลี้ยงเพื่อนคุณนะ”
“เปลี่ยนใจแล้ว คุณหมวดไม่ต้องเลี้ยงก็ได้ มากินฟรี” ศรันย์พูดหน้าตาเฉย จับข้อมือของเรียวดึงให้เดินตาม แต่นายตำรวจหนุ่มสะบัดมือออก ถลึงตาใส่แล้วบอกว่าอย่าถือโอกาสจับมือ
“หวงตัวจังเลย นิดๆ หน่อยๆ แค่นี้เอง” ศรันย์ค้อนแล้วเดินนำ
“ว่าไงไอ้เสือ ไม่ได้เจอตั้งนาน หล่อเหมือนเดินนะแก” เมื่อทั้งสองเดินไปถึงโต๊ะ เสียงเพื่อนคนหนึ่งของศรันยก็ดังขึ้น
“อิจฉาจังเลยโว้ย” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะลั่นของทุกๆ คนที่นั่งอยู่รอบๆ
“อ้าว แนะนำตัว”
“ไปหลอกเด็กที่ไหนมาศรันย์”
“บรรลุนิติภาวะหรือยังเนี่ย”
“พี่ชื่อไกรนะครับ โสด”
“อย่าไปเชื่อมันน้อง มันโสดเฉพาะคืนนี้เท่านั่นล่ะ พี่ต่างหากที่โสด”
“โสดบ้าอะไร พูดดีๆ นะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นห้วนๆ
“ล้อเล่นหน่อยเดียว อย่าทำเป็นซีเรียสสิจ๊ะ” คนที่บอกว่าโสดหันไปพูดกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ
“เอ้า ชนแก้วหน่อย เฮ้ย เอาเหล้าให้ศรันย์สิวะ”
“ศรันย์ น้องเค้าดื่มเหล้าได้หรือยัง”
“อายุเกินแล้วโว้ย เลยเบญจเพศมาสองปีกว่าแล้วมั๊ง” ศรันย์ตอบ
“โอ้โห หน้าเด็กมาก”
“ตอนแรกเห็นนึกว่าอากับหลาน”
“ไอ้บ้า ปากเสีย” ศรันย์หันไปดุคนปากเสีย
เรียวนั่งนิ่ง หันไปมองคนนั้นทีคนโน้นที แต่ละคนเริ่มแนะนำตัวให้เขารู้จัก แล้วก็คุยกันระเบ็งเซ็งแซ่แทบฟังไม่ได้สรรพ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เพื่อนกลุ่มนี้ของศรันย์เรียนจบมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน เป็นกลุ่มสนิทกันที่สุด และเป็นกลุ่มที่ ‘รสนิยมเหมือนกัน’
เหมือนกันจริงๆ ด้วย เหมือนจนดูราวกับว่ามีศรันย์อยู่ห้าคนก็ไม่ปาน ยกเว้นหนุ่มร่างเล็กซึ่งนั่งเงียบๆ อยู่ข้างคนที่บอกเขาว่า ‘พี่ต่างหากที่โสด’
หลังจากทานอาหารไปได้สักพักเรียวก็ขอตัวไปโทรศัพท์ ในใจนึกอยากจะ ‘เอาคืน’ ศรันย์สักหน่อย โทษฐานที่พาเขามาแนะนำตัวให้เพื่อนๆ ของตัวเองรู้จัก และทำประหนึ่งว่า ‘เป็นคนพิเศษของกันและกัน’
ชินวัฒน์เพื่อนคู่หูคือคนแรกที่เรียวนึกถึง โชคดีที่ขณะนี้ชินวัฒน์กำลังซื้อของใช้ส่วนตัวอยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่ห่างไปเท่าใดนัก
“มาช่วยแกล้งประชาชนหน่อย” เรียวปิดท้ายคำพูดหลังจากอธิบายให้ชินวัฒน์เข้าใจว่าต้องการให้ทำอะไรบ้าง แล้วย้ำให้ชินวัฒน์ให้รีบมาทันที

ไม่ถึงยี่สิบนาทีชินวัฒน์ก็มาถึงร้านอาหาร เมื่อศรันย์มองตามเรียวซึ่งหันไปโบกมือทักทายคนที่เดินเข้ามาก็แทบจะร้องโวยวายออกมา
“อะไรเนี่ยคุณหมวด” ศรันย์พูดเสียงห้วนๆ ใกล้หูของเรียว
“หมวดชินผ่านมาแถวนี้พอดี” เรียวยักไหล่
“ผมว่าเมื่อกี้คุณไปโทรเรียกให้มามากกว่า ให้จ่ายเองนะ เพื่อนคุณกินจุ” ศรันย์กระแทกเสียง
“ทำไมรู้”
“ก็ดูหุ่นสิ อวบอัดซะขนาดนั้น”
เมื่อชินวัฒน์เดินเข้ามาถึงที่โต๊ะ เรียวก็หันไปแนะนำให้ทุกคนในโต๊ะรู้จัก และบอกว่าชินวัฒน์ผ่านมาแถวนี้พอดี พร้อมกับขออนุญาตให้ร่วมโต๊ะด้วย ขณะที่รับประทานอาหาร เรียวก็แกล้งทำสนิทสนมกับชินวัฒน์ ทำให้หลายคนเริ่มสงสัยว่าเป็นคนพิเศษต่อกัน ส่วนศรันย์เอาแต่นั่งหน้าบึ้งจนโดนเพื่อนล้อว่าสงสัยต้องสั่งแห้วมาทานเป็นผลไม้หลังอาหาร
♥♥♥♥♥
ศรันย์รอจังหวะชินวัฒน์เดินไปเข้าห้องน้ำจึงรีบตามไป ตั้งใจจะ ‘ข่มขู่’ นายตำรวจเพื่อนคู่หูของเรียวด้วยเหตุผลเดิม
“แสบจริงๆ นะหมวด สมรู้ร่วมคิดกันแกล้งผมอีกแล้ว แบบนี้สงสัยเรื่องต้องถึงผู้กองหน้าดุคนนั้นแล้วล่ะมั๊ง” ศรันย์ดักพูดกับชินวัฒน์หน้าห้องน้ำซึ่งก็ได้ผลเช่นเคย
“ผมขัดไม่ได้ เดี๋ยวโดนเตะ” ชินวัฒน์แก้ตัว บอกว่าทุกอย่างเป็นความคิดของหมวดเรียว
“ถ้างั้นกินเสร็จหมวดก็รีบกลับไป ห้ามกลับด้วยกันเด็ดขาดนะ ผมจะไปส่งหมวดเรียวเอง”
“แล้วหมวดเรียวจะยอมหรือ เขาอาจจะกลับแท็กซี่เองก็ได้นะ”
“เถอะน่า ผมมีวิธีของผมก็แล้วกัน กินเสร็จหมวดก็รีบกลับ” ศรันย์ออกคำสั่ง
"ผมยังกินไม่เสร็จ จะรอกลับพร้อมกัน" ชินวัฒน์เถียง
"เอ๊ะ ก็เมื่อกี้คุยกันแล้วว่าห้ามกลับด้วยกัน ผมจะไปส่งหมวดเรียวเอง" ศรันย์โวยวายเสียงหงุดหงิด
"รู้แล้ว แต่ผมยังไม่อิ่ม ผมจะกินต่อ คุณจะไปส่งก็ไปส่งสิ ค่อยแยกกันที่ลานจอดรถก็ได้"
"ไม่ได้ ต้องกลับเลย จะมานั่งอิงแอบแนบชิดกันทำท่ายังกะเป็นแฟนกันไม่ได้ มันขวางหูขวางตาผม" ศรันย์ยืนกราน
"เพิงกินได้นิดเดียวเอง" ชินวัฒน์หน้ามุ่ย
"เอายังงี้ ถ้าหมวดกลับเลย ผมจะให้ซ่อมรถที่อู่ผมฟรีสามครั้ง"
"แน่ใจนะ ห้ามโกหก" ชินวัฒน์ชอบของฟรี
"อัดคลิปเอาไว้สิ" ศรันย์กระแทกเสียงพูดประชด แต่ชินวัฒน์ล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงยกขึ้นบันทึกภาพและเสียงจริงๆ "พูดอีกทีซิ จะได้มีหลักฐาน"
"จริงๆ เลย" ศรันย์ถอนหายใจพรวด แล้วพูดซ้ำประโยคเดิมอีกครั้ง ชินวัฒน์ยิ้มกว้างอย่างถูกใจ
“ถามหน่อยเถอะ คุณชอบหมวดเรียวจริงๆ หรือเปล่า หรือแค่จะฟันครั้งสองครั้งแล้วทิ้ง อยากลองเฉยๆ เล่นกับตำรวจระวังเจ็บตัวนะคุณศรันย์ หมวดเรียวเขามีผู้พิทักษ์อยู่” ชินวัฒน์พูดยิ้มๆ ศรันย์หันไปมองคนพูดแต่ไม่ตอบอะไรสักคำ เดินกลับไปยังโต๊ะ ในใจยอมรับกับตัวเองว่าค่อนข้างหนักใจอยู่บ้าง แต่พอนึกถึงใบหน้าหมวดเรียวกับก้นงอนๆ แน่นๆ แล้วก็ทำให้มีกำลังใจจีบต่อ

♥♥♥♥♥

ชินวัฒน์พูดไว้ไม่ผิด หลังจากทานอาหารเสร็จหมวดเรียวบอกกับศรันย์ว่าจะกลับบ้านด้วยแท็กซี่ แต่ศรันย์ไม่ยอม ให้เหตุผลว่าเขาต้องรับผิดชอบคู่เดทตัวเองด้วยการไปส่งบ้าน
"ใครว่าเดท พูดดีๆ นะคุณ ผมแค่มาเลี้ยงข้าวตามสัญญา" เรียวท้วง
"ก็ผมอยากจะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ไปรับมาแล้วก็ต้องไปส่ง"
"คุณนะหรือสุภาพบุรุษ พูดออกมาได้ ตัวจริงตรงข้ามกับคำพูดโดนสิ้นเชิง" เรียวเบ้ปาก ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ศรันย์พูด
"คุณหมวดยังไม่รู้จักตัวตนจริงๆ ของผมเฉยๆ หรอก นี่ถ้ารู้จักกับผมมากกว่านี้แล้วจะทึ่ง อย่ามองผมแต่ด้านลบสิคร้าบ เห็นผมเป็นแบบนี้ แต่ตัวจริงผมน่ารักนะ"
"ยอตัวเองก็เป็น" เรียวส่ายหน้า
"น่า นะ คุณหมวด ให้ผมไปส่งเถอะ อย่าเล่นตัวนักเลย" ศรันย์ยักคิ้ว
"ถามจริง เถอะคุณศรันย์" เรียวยกมือเท้าสะเอว เอียงหน้ามอง "เมื่อไหร่คุณจะเลิกวุ่นวายกับผมซะที ไม่มีอะไรทำหรือยังไง"
"ก็ถ้าคุณหมวดเลิกน่ารัก ผมก็คงจะเลิก" ศรันย์ใช้มือสองข้าวล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วยักไหล่
"นี่คุณคิดจะจีบผมใช่ไหม"
"ไม่ได้คิดจะจีบ"
"อ้าว แล้วมายุ่งทำไมวะ" เรียวทำเสียงนักเลง
"ไม่ได้คิดจะจีบ เพราะว่าผมจีบแล้วต่างหาก นี่คุณหมวดยังไม่รู้ตัวอีกหรือ ความรู้สึกช้าจังเลย" ศรันย์โคลงศีรษะ แกล้งทำหน้าอ่อนใจ เรียวส่ายหน้าแล้วเมินไปมองด้านข้าง ไม่พูดอะไร ศรันย์จึงพูดต่อว่า "ทีนี้รู้แล้วนะ เพราะฉะนันก็อย่าเล่นตัวให้มากนัก เอาแค่ให้พองาม เข้าใจไหมครับคุณหมวด ทีนี้ก็ขึ้นรถได้แล้วผมจะไปส่ง คุณปฏิเสธไม่ได้หรอก เพราะยังไงผมก็จะมาตื๊อไปส่งคุณให้ได้ คุณรู้ไหม ลูกตื้อผมนี่สุดยอดเลยล่ะ จะบอกให้"
"ก็ได้ แต่มีข้อแม้ ถ้าผมให้คุณไปส่ง คุณจะต้องสัญญาว่าภายในอาทิตย์นี้ผมจะไม่มากวนอารมณ์ผมอีก"
"สัญญาอะไรแบบนั้น" ศรันย์เบ้ปาก
"ตกลงไหม"
"ก็ได้" ศรันย์พยักหน้า ผายมือให้นายตำรวจเดินนำหน้าไปที่รถ แล้วตัวเองเดินผิวปากตามอย่างอารมณ์ดี
♥♥♥♥♥


ร้อยตำรวจเอกคมกริชรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติงานคดีต่างๆ ที่รับผิดชอบอยู่ให้พันตำรวจตรีธันว์ทราบ จากนั้นนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ราวกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง และในที่สุดก็พูดออกมาเบาๆ ว่าคงต้องขอให้เรียกตัวหมวดเรียวให้กลับมาช่วยงานการสืบสวนการค้ายาในมหาวิทยาลัย
“ให้คนอื่นไปได้ไหม” ธันว์ถาม
“ไม่มีใครเหมาะเท่าหมวดเรียวแล้วครับ” คมกริชตอบ
“หวังว่าคงไม่เสียเวลาเปล่า” ธันว์ถอนหายใจเบาๆ ทำหน้าครุ่นคิด
“ผมสงสัยว่า ผู้ค้ารายใหญ่อย่างน้อยสองคนเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการของไอ้โจโฉ ถ้าเราจะเข้าถึงตัวพวกนั้น ก็ต้องใช้หมวดเรียว”
“คุณกำกับดูแลให้ดี อย่าให้พลาด” ธันว์ย้ำ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “แล้วเรื่องคนที่มาติดพันหมวดเรียวล่ะ ว่ายังไง”
“เท่าที่ดูก็ไม่มีอะไรครับ สนุกไปเรื่อยเปื่อย หาสาระไม่ได้”
“จะเป็นปัญหาอะไรไหม”
“ผมยังไม่แน่ใจครับ ขอดูต่ออีกซักนิด” คมกริชส่ายหน้า
“งั้นตกลงตามนั้น คุณไปตามหมวดเรียวกลับมาแล้วพรุ่งนี้ก็เริ่มต่อได้เลย ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ระหว่างนี้ผมจะสืบเรื่องบ่อนการพนันของ ส.ส. สุรชัย จบเรื่องนั้นแล้วค่อยรวมกำลังพลทั้งหมดมาจัดการเรื่องบ่อนให้เสร็จ” ธันว์สั่งการ
♥♥♥♥♥

หมวดเรียวแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเมื่อถูกเรียกตัวให้กลับไปทำงานสืบสวนเหมือนเดิม เขารอจนผู้กองคมกริชเดินจากไปแล้วจึงรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องทำงานหน่วยปฏิบัติการพิเศษและบอกข่าวดีให้หมวดชินวัฒน์รู้
“ดีใจมากนักหรือที่จะได้กลับไปขายตัวเหมือนเดิม” ชินวัฒน์พูด
“เบื่องานตำรวจสัมพันธ์จะตายอยู่แล้ว”
“อย่าทำให้เสียเรื่องล่ะ แหกคอกนอกคำสั่งอีกคราวนี้ ผมว่าสารวัตรให้หมวดไปทำงานจราจรโบกรถกลางสี่แยกแหงๆ” ชินวัฒน์เตือน
“ไม่มีทาง ให้รู้กันบ้างว่า ถ้าไม่มีหมวดเรียวมันก็สืบลำบากแบบนี้ล่ะ” หมวดเรียวยืดอก ท่าทางภูมิใจ
“จ้า พ่อคุณคนเก่ง ระวังจะเสียตัวเข้าสักวันล่ะ แล้วนี่เวลาแขกพาเข้าห้องจะทำยังไง จะเอาตัวรอดด้วยวิธีไหน เอายานอนหลับให้ลูกค้ากินเลยดีไหม” ชินวัฒน์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำหน้าตาสงสัย
“อืม” เรียวเอียงหน้าคิด ยอมรับว่าหนักใจอยู่ไม่น้อย
“แต่คิดๆ ไปอีกทีก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรตรงไหน ท้องก็ไม่ท้อง”
“ไม่ต้องออกความเห็นเลย” เรียวพูดเสียงห้วน
“คิดไม่ออกไช่ไหมล่ะว่าจะเอาตัวรอดแบบไหน ลองไปถามคุณพี่ศรันย์ดูสิ เผื่อเขาจะมีไอเดียดีๆ รายนั้นคิดอะไรแต่ละอย่าง สร้างสรรค์มาก” ชินวัฒน์แนะนำแล้วหัวเราะลงลูกคอ จึงโดนเพื่อนคู่หูตบท้ายทอยไปหนึ่งครั้ง
♥♥♥♥♥

►จบบทที่ 9◄

หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 9 ►20/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 20-02-2017 23:25:58
เย้ๆ มาอัพแล้วว คุณ ส.ส. นี่ ใช่พ่อเฮียศรัณย์รึเปล่านะถ้าใช่ ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง รอดูว่าเฮียศรัณย์จะจีบหมวดเรียวยังไง ดูท่าจะไม่ยอมง่ายๆ 555555555
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 9 ►20/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 23-02-2017 11:49:24
♀ บทที่ 10 ♀

เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัย สิ่งแรกที่เรียวทำคือตรงลิ่วไปยังโรงอาหารเพราะหิวจนท้องกิ่ว แต่ยังไม่ทันจะได้ตักอาหารเข้าปาก โจโฉ ‘นายหน้าค้าเด็ก’ก็เดินเข้ามานั่งตรงข้ามแล้วถามว่าหายไปไหนมาตั้งหลายวัน เรียวให้เหตุผลว่าพ่อไม่สบาย ต้องกลับต่างจังหวัด
“คืนนี้มีงานให้ทำ แกมาเจอที่หน้าผับ DDK ตอนสี่ทุ่มครึ่ง เตรียมเจลกับถุงมาให้เรียบร้อย” โจโฉสั่ง
“โอ้โห เพิ่งมาเรียนวันแรก เอาเลยหรือพี่” เรียวโอดครวญ
“เออสิวะ อั้นมาหลายวันแล้ว ลูกค้าบ่นว่าพักนี้ไม่ค่อยมีหล่อๆ แมนๆ แกมาก็ดีแล้ว รายได้จะได้ดีขึ้นหน่อย ขึ้นราคาให้แล้วนะโว้ย เป็นสองพันห้าขาดตัว บริการให้ดีล่ะ รูปร่างหน้าตาแบบแก หากินได้อีกนาน ถ้าลูกค้าติด โก่งราคายังได้เลย เผลอๆ จะถึงสามพัน ถ้าแกทำดี อีกหน่อยจะปั่นให้ถึงสี่ห้าพัน”
“แล้วผมได้เท่าไหร่” เรียวถามได้
“เหอะน่า ได้เยอะก็แล้วกัน” โจโฉตอบแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นพูดเพราะมีสายเรียกเข้าพอดี เรียวนั่งคอยจนการสนทนาจบลงแล้วถามว่าลูกค้าเป็นใครและมีรสนิยมแบบใด
“ผมขอลูกค้าที่เป็นฝ่ายรับนะพี่”
“เอ็งอย่าเลือกสิวะ เราต้องบริการได้ทุกรูปแบบ แล้วลูกค้าคืนนี้ก็ระดับวีไอพี ใจป้ำ ยอมจ่ายตามราคาที่เรียก”
“ตกลงคืนนี้ลูกค้าเป็นรุกใช่ไหม” เรียวทำหน้าเซ็ง
“เออ” โจโฉตอบสั้นๆ แล้วกดโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อคุยกับลูกค้าอีกคน พร้อมกับบรรยายคุณภาพของเด็กใหม่ชื่อหนุ่ม ซึ่งเพิ่งกลับจากต่างหวัด เป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง รูปร่างสูง ขาว หน้าตาหล่อใสเหมือนดาราญี่ปุ่น มีกล้ามสวย ก้นงอนแน่น มาดแมน จากนั้นก็รับงานให้เรียวหน้าตาเฉย
“โอ้โหพี่ สองคืนต่อกันเลยหรือ” เรียวอุทานเมื่อโจโฉพูดโทรศัพท์เสร็จ
“เห็นไหมล่ะว่ารายได้ดี ความจริงคืนหนึ่งได้ลูกค้าสองสามคนก็ยังได้ แต่สงสารกลัวแกจะช้ำซะก่อน”
“คืนละสองสามคนได้ก้นบานพอดี” เรียวเบ้ปาก
“เดี๋ยวโทรหาพี่พจน์หน่อยดีกว่า ว่าน้องหนุ่มกลับมาแล้ว ถ้าพี่พจน์ตกลง แกก็มีลูกค้าสามคืนติดต่อกันเลย” โจโฉพูดจบก็กดโทรศัพท์ทันที เรียวโอดครวญว่าจะไม่ให้พักเลยหรือ โจโฉบอกว่าน้ำขึ้นต้องรีบตัก
“อะไรนะ พี่ให้สี่พัน” โจโฉอุทาน “ได้เลยพี่ เดี๋ยวผมลัดคิวให้ คืนนี้ส่งที่โรงแรมเลย”
“พี่ประพจน์ยังจะเอาผมอีกหรือ” เรียวพูดเบาๆ เมื่อโจโฉพูดโทรศัพท์เสร็จ จำประพจน์ แขกคนแรกของตัวเองได้ไม่ลืม
คราวนั้น โชคดีที่ได้ศรันย์ไปช่วยไว้ได้ คราวนี้จะทำยังไงดีถึงจะรอดเงื้อมมือพี่ประพจน์ได้
♥♥♥♥♥

โจโฉมาส่งเรียวที่โรงแรมค่อนข้างหรูซึ่งตั้งอยู่ในย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร ประพจน์มาประชุมและเมื่อเลิกประชุมก็จะพักค้างคืนที่โรงแรมเลย
“เบาๆ กับน้องหน่อยนะพี่พจน์ น้องยังใหม่อยู่ ระวังจะช้ำ” โจโฉพูดกับประพจน์ ยื่นเงินให้เรียวสองพัน ส่วนตัวเองเก็บเงินอีกสองพันเข้ากระเป๋า “นี่ถ้าไม่ใช่พี่ ผมไม่ลัดคิวให้หรอกนะ นี่ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปแก้ตัวกับลูกค้ายังไง”
“น้อยๆ หน่อย มีเด็กเยอะไม่ใช่หรือเรา” ประพจน์พูด
“ตอนนี้มันช่วงสอบครับ เด็กขาด แล้วอีกอย่าง หาหุ่นแน่นๆ แมนๆ ยาก พวกแมนก็มีแต่ผอมๆ บางๆ พวกไม่ค่อยแมนก็มีแต่ล่ำๆ กว่าผมจะคัดได้เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่ น้องหนุ่มนี่ล่ะเพอร์เฟคที่สุด แต่น้องยังไม่ค่อยเป็นงาน พี่ต้องค่อยๆ สอน”
“รู้แล้ว ไม่ต้องพูดมาก ไปได้แล้ว พี่จะพาน้องหนุ่มขึ้นห้อง” ประพจน์โบกมือไล่โจโฉแล้วลุกขึ้นจากโซฟา เรียวค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินตามไปห่างๆ พยายามใม่ให้เป็นที่สังเกต ในใจพยายามคิดหาทางว่าจะทำอย่างไรดี
...คิดสิวะคิด ลิฟท์จะถึงชั้นยี่สิบห้าอยู่แล้ว ออกจากลิฟท์เดินไปไม่กี่สิบก้าวก็เข้าห้องแล้วนะโว้ยเรียว เข้าไปแล้วหาทางออกลำบากนะแก...
“คิดอะไรอยู่หรือน้องหนุ่ม คิ้วย่นเชียว อย่าเครียดสิ พี่ไม่ได้จะเอาไปฆ่าซะหน่อย” ประพจน์หัวเราะคิกคัก “ออกลิฟท์แล้วเลี้ยวซ้ายนะ เดินไปอีกสามห้องก็ถึง”
ลิฟท์เปิดออก ประพจน์เดินนำออกไปก่อน เรียวเดินตามแล้วรีบก้มหน้าทันทีเพราะรู้สึกตัวว่ามีคนเดินมาจากทางด้านขวามือ
ประพจน์เดินไปถึงหน้าห้องพัก สอดบัตรเข้าประตูและเปิดออก เรียวเดินไปถึงพอดี แต่ทันใดนั้นก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงห้าวๆ ของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“พี่พจน์”
“บอส” ประพจน์ตกใจ
“บอส” เรียวพึมพำ ก้มหน้างุด หันหน้าเข้าหาประตู กำลังจะรีบเดินเข้าไปในห้อง แต่เสียงหนึ่งในหัวดังขึ้นมาว่า นี่ไง คนที่จะมาช่วยให้รอดเงื้อมมือของประพจน์
 “พี่มาทำอะไร นี่ใคร เด็กใช่ไหม” บอสถามเสียงห้วน มือจับแขนเรียวกระชาก และเมื่อเห็นหน้าว่าเด็กของประพจน์เป็นใครก็ต้องอุทานออกมา
“หนุ่ม” บอสไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
“รู้จักกันหรือ” ประพจน์อุทานออกมาเช่นกัน
“พี่ทำยังงี้ได้ยังไง  ไหนว่ามาประชุม หนุ่ม บอกมาซิ ว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิด” บอสพูดเสียงห้วน
“ผม..เอ่อ...” เรียวอึกอัก มองซ้ายทีขวาที ไม่คิดว่าจะบังเอิญถึงขนาดนี้ ใจหนึ่งก็ดีใจที่ประพจน์เจอกับอุปสรรคและท่าทางจะไม่ได้ขึ้นสววรค์ตามที่หมาย แต่เขาไม่อยากจะเชื่อว่า คนที่มายืนอยู่ตรงหน้านี้คือบอส และรู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่ใช่น้อย
“พี่พิมเมียพี่มาหาเพื่อนอยู่ห้องโน้น” บอสมองไปยังสุดทางเดินข้างหน้า “นี่ถ้าผมไม่ขึ้นมาตามก็คงไม่เห็นอะไรดีๆ คราวนี้พี่สาวผมจะได้เชื่อซะที ว่าสามีของตัวเองมีพฤติกรรมแบบไหน”
“อย่านะบอส” ประพจน์หน้าเจื่อน “พิมต้องไปโวยวายที่บ้านแน่ สงสารหลานตัวเองบ้างสิ”
“ถ้าพี่อยากให้ผมสงสารหลาน แล้วทำไมตัวเองไม่คิดจะสงสารลูก ไม่รู้จักละอายใจ ไม่คิดเลยหรือว่าถ้าลูกรู้ว่าพ่อตัวเองเป็นแบบนี้จะรู้สึกยังไง ครั้งสุดท้ายแล้วนะพี่พจน์ ผมขอเตือน” บอสชี้หน้าสุพจน์ “ไม่งั้นพี่จะไม่เหลืออะไรเลย”
“พี่ไปล่ะ” ประพจน์ปิดประตู เดินย้อนกลับไปที่ลิฟท์ทันที บอสหันขวับมาหาเรียว นัยน์ตาแสดงความโกรธปนผิดหวัง
“พี่ไม่นึกเลยว่าหนุ่มจะทำอะไรแบบนี้”
“ผมเพิ่งทำครั้งแรก” เรียวแกล้งทำเสียงสั่น ก้มหน้าหลบตา
“อยากได้เงินมากถึงขนาดต้องทำแบบนี้เลยหรือ” บอสกระชากเสียง ยกมือขึ้นบีบไหล่ทั้งสองข้างของเรียวเขย่า
“พ่อผมไม่สบาย” เรียวพูดเบาๆ กำลังตัดสินใจอยู่ว่าควรจะบีบน้ำตาดีหรือไม่
“ต้องการเงินเท่าไหร่ บอกพี่มา พี่จะให้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“ทำไม รับเงินพี่มันจะเสียศักดิ์ศรีงั้นหรือ แล้วที่คิดจะขายตัวนี่มันมีศักดิ์ศรีตรงไหน แล้วคืนนั้นทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวมันหมายความว่ายังไง แกล้งทำหรือจริง เพราะไม่ได้เงินยังงั้นหรือถึงไม่ยอมมีอะไรกับพี่ ทำไมตอนนั้นไม่พูดออกมาซะเลยล่ะ พี่จะได้รู้ แล้วนี่หายไปไหนมา หลบหน้าพี่ยังงั้นหรือ ติดต่อยังไงก็ไม่ได้ โกโหกเบอร์โทรพี่ใช่ไหม” บอสถามออกมาเป็นชุดๆ เสียงเริ่มดังขึ้น
...เล่นถามแบบนี้ใครจะตอบได้หมด เอาไงดีวะ ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ กะอีแค่คนเคยเจอกันครั้งสองครั้งเอง งั้นชวนทะเลาะดีกว่า...
“แล้วที่พี่ทำมันมีศักดิ์ศรีต่างผมนักหรือไง เป็นเจ้ามือพนันแข่งรถ แล้วขายยา...ด้วยมั๊ง” คำพูดสุดท้าย เรียวปล่อยให้เสียงแผ่วเบาหายไปในลำคอ
“มานี่เลย” บอสลากมือเรียวเดินไปทางเดิน เรียวฝืนตัวไว้พอเป็นพิธี แต่ในที่สุดก็ยอมเดินตาม บอสผลักเขาเข้าไปในลิฟท์ กดหมายเลขชั้นล่างสุดแล้วยืนนิ่ง ตามองอยู่ที่ตัวเลขสีเขียวเหนือประตูลิฟท์ มือกำข้อมือของเรียวแน่น
“ฟังนะ พี่ยอมรับว่าตัวเองเคยขายยา แต่พี่เลิกแล้ว เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง” บอสเสียงอ่อนลง เมื่อลิฟท์เปิดก็ดึงแขนเรียวให้เดินตามออกไป
“พี่จะพาผมไปไหน” เรียวถาม พยายามดึงมือออกจากมือของบอสแต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมปล่อย
“พากลับบ้าน”

♥♥♥♥♥
เมื่อขึ้นนั่งบนรถ บอสก็ยังไม่ออกรถ นั่งนิ่งมองผ่านกระจกไปข้างหน้า ขบกรามแน่น ปากเม้มเป็นเส้นตรง ราวกับพยายามสะกดอารมณ์
“พี่ ผมขอโทษ” เรียวพูดเบาๆ
“รู้ไหมหนุ่ม ถึงแม้เราจะเพิ่งรู้จักกัน เพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่อะไรบางอย่างทำให้พี่รู้สึกดีกับหนุ่มมาก เรื่องยานั่นน่ะ พี่คิดมาระยะหนึ่งแล้วว่าจะเลิกทำ เรื่องเป็นเจ้ามือพนันแข่งรถก็เหมือนกัน แต่คงอีกซักระยะ ต้องเคลียร์เงินให้พวกเด็กๆ ก่อน พี่ใช้ชีวิตแบบนี้มานานแล้ว รู้สึกเบื่อ รู้สึกแย่ พี่อยากจะเปลี่ยนชีวิต และเมื่อเป็นอย่างนี้ พี่ยิ่งไม่อยากเห็นหนุ่มเริ่มเข้ามาในวังวนแบบนี้ มันไม่ดี”
...ทำไงดีวะ ก็เรื่องงานนี่หว่า ไม่ได้ขายตัวจริงซักหน่อย แล้วน้องแกก็ทำไมจริงจังอะไรแบบนี้ เพิ่งเรียนอยู่ปีสี่เอง แต่คิดได้แบบนี้ก็ดีนะ...
“สัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะเลิก ไม่ทำกับชีวิตแบบนี้” บอสหันหน้ามาจ้องตาเรียว สายตาจริงจัง
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ถ้าจำเป็นต้องใช้เงิน พี่ช่วยได้ ถ้าไม่รับเงินพี่ก็ไม่เป็นไร พี่จะช่วยหางานพิเศษให้ แต่ห้ามไปขายตัว” บอสยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นแตะแก้มของเรียว ลูบไล้เบาๆ “ขอร้องนะหนุ่ม ในชีวิตพี่แทบจะไม่เคยขอร้องใคร เราเพิ่งเจอกันก็จริง แต่พี่รู้สึกพิเศษกับหนุ่มแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกับใครจริงๆ หนุ่มอาจจะไม่เข้าใจเพราะยังเด็กอยู่ แต่พี่ผ่านอะไรมาเยอะ เชื่อพี่นะ”
...น้องเอ๋ย อย่าบอกนะว่าที่รู้สึกพิเศษแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนี่คือรักแรกพบ แบบนี้ต้องยุ่งแน่ๆ เลย...
♥♥♥♥♥
“คิดอะไรอยู่หรือหมวดเรียว” คมกริชเดินมาถาม หลังจากสังเกตเห็นว่าเรียวนั่งนิ่งแทะเล็บตัวเองมาเกือบห้านาทีแล้ว ต่างจากปรกติที่ไม่เคยอยู่เฉยๆ
“เปล่าครับ” เรียวส่ายหน้าปฏิเสธ
“งานนี้ไหวหรือเปล่า”
“งานขายตัวนี่หรือครับ ไหวครับ” เรียวเงยหน้าถาม “ไหวสิครับ แต่ว่ายังไม่ได้เบาะแสอะไรเลยครับ ได้แค่เงินค่าตัวมาสองพัน”
"มีอะไรน่าหนักใจไหม"
"ไม่มีครับ" เรียวส่ายหน้าเร็วๆ
"แน่ใจหรือ"
"แน่ใจครับ ผู้กองไว้ใจได้ครับ รับรองว่าผมไม่ทำให้เสียเรื่องแน่นอน ผมจะตั้งใจทำงาน ไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเด็ดขาด" เรียวยกนิ้วขึ้นทำท่าเหมือนลูกเสือกำลังปฏิญาณตน
"แล้วเวลาไปกับลูกค้า"
"ไปกับลูกค้า ทำไมหรือครับ" เรียวย่นคิ้ว ทำหน้าสงสัย ไม่เข้าใจคำถามของผู้กองคมกริช
“แล้ว...เอ่อ...เคย...” คมกริชอึกอักเล็กน้อย
“แล้วอะไรหรือครับผู้กอง” เรียวเลิกคิ้วสงสัย รู้สึกอยากจะหัวเราะขึ้นมาทันใดเพราะตั้งแต่เข้ามาทำงานที่หน่วยยังไม่เคยเห็นผู้กองคมกริชทำท่าทางแบบนี้มาก่อน ผู้ชายคนนี้ไม่เคยลังเล คำพูดสั้นๆ แต่ละคำที่ออกมาจากปากมีความหมายเข้าใจได้ชัดเจน
...คิดแล้วอยากให้หมวดลูกชิ้นมาเห็นเหลือเกิน คงจะได้มีเรื่องเอาไว้ล้อผู้กองคมกริชลับหลังแน่เชียว...
“รอดตัวโดนฟันมาได้ทั้งสองครั้งครับ ผู้กองสบายใจหายห่วงได้” เรียวให้คำตอบจากการเดาสิ่งที่คมกริชจะถาม
“ดีแล้ว ระวังตัวหน่อย” คมกริชพยักหน้าแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับปิดประตูตามหลัง
“จะหน้านิ่งไปถึงไหน อยากรู้ก็ไม่ถามออกมาตรงๆ” เรียวบ่นพึมพำ มองตามร่างสูงใหญ่ของรองหัวหน้า ก่อนจะหันหน้ากลับมาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เฮ้อ ทำไงดีวะ คราวนี้จะขายตัวก็ลำบากซะแล้ว บอสนะบอส มาจริงจังอะไรตอนนี้”
♥♥♥♥♥
เรียวดูรูปภาพของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นเอเยนต์ขายยาเสพติดซึ่งเป็นลูกค้าของโจโฉจนแน่ใจว่าจำได้แล้วจึงเก็บโทรศัพท์เอาไว้ หนึ่งในนั้นเป็นชายอายุประมาณปลายสามสิบ หน้าตาค่อนข้างดี อีกคนเป็นชายร่างท้วม อายุพอๆ กับคุณลุงของเขาก็ว่าได้
“เฮ้อ ต้องรับลูกค้าเพื่อสร้างชื่อเสียงอีกกี่คนวะ กว่าจะได้ลูกค้าเป้าหมาย” เรียวบ่นเบาๆ อยู่คนเดียว มองตรงไปข้างหน้า เห็นรถของโจโฉกำลังแล่นเข้ามาจอดข้างถนน
"ลูกค้าคนนี้วีไอพีเลยนะโว้ย แกต้องบริการให้ดี อย่าให้เสียชื่อได้ อ้อ แล้ววันศุกร์ไปกับพี่พจน์อีก" โจโฉบอกเมื่อเรียวขึ้นนั่งบนรถ
"เฮ้อ พี่พจน์อีกแล้ว" เรียวอดบ่นไม่ได้ "ยังไม่เข็ดอีก"
"สงสัยพี่พจน์ติดใจแกมาก ทีนี้ได้เพิ่มราคาอีกห้าร้อย" โจโฉหัวเราะชอบใจ
"พี่ ลูกค้าคืนนี้เป็นรุกหรือรับ ผมเจอแต่รุก จะไม่ไหวแล้วนะ นี่ก็รับลูกค้าทุกวัน ไม่ให้พักบ้างเลยหรือ พี่หาลูกค้าหล่อๆ ให้ผมหน่อยสิ อย่างน้อยจะได้รู้สึกมีชีวิตชีวาบ้าง"
"เสือกเลือกอีก ทำงานแบบนี้เลือกมากไม่ได้หรอกโว้ย เงินทั้งนั้น เงินมาก็ต้องเอา"
"พี่ก็พูดได้สิ พี่ไม่ได้เป็นคนนอนถ่างขาให้เขาเอานี่นา"
"เอ๊ะ ไอ้นี่ อย่าเถียงสิวะ อุตส่าห์หาลูกค้าให้ หรือแกอยากหาลูกค้าเอง ก็ได้นะ แต่อย่าลืม ไม่ได้ลูกค้าใจป้ำจ่ายหนักๆ แบบนี้หรอก คืนนี้ถ้าทำดี พี่เค้าอาจเหมาทั้งคืน ได้เงินเพิ่มอีกหลายพันเลยนะจะบอกให้ บอกแล้วไงว่าคนนี้ระดับวีไอพี ส่วนเรื่องหน้าตาแกไม่ต้องห่วง พี่เค้าหล่ออยู่เหมือนกัน ยังหนุ่มอยู่ด้วย ทีนี้เลิกบ่นได้แล้ว"

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึงโรงแรมที่นัดหมาย โจโฉเดินนำเรียวไปยังห้องพักของแขกวีไอพี เคาะประตูแล้วยืนรอ เรียวถามว่าไม่ต้องมีของอะไรให้ลูกค้าหรือ
"พี่เค้ามีทุกอย่าง ไม่ต้องห่วง ถ้าเค้าจะเล่นยา แกก็ไม่ต้องเล่นด้วยเยอะ เดี๋ยวกลับไม่ได้"
"เค้าเตรียมของเค้ามาเองเลยหรือพี่ ไหนพี่บอกว่าถ้าลูกค้าอยากเล่นก็ให้บอก พี่จะได้เอามาส่งให้"
"คนนี้ไม่ต้อง บอกแล้วไงว่าวีไอพี" โจโฉตอบ
"ยิ่งระดับวีไอพี ยิ่งต้องมีของบริการไม่ใช่หรือพี่ คราวพี่ประพจน์ เขาบ่นผมใหญ่เลยว่าผมไม่เตรียมของให้พร้อม ถ้าเค้าจะเอาไอซ์ล่ะ ผมจะทำไง"
"เอ๊ะไอ้นี่ เรื่องมากจริง" โจโฉชักหงุดหงิด
"ก็ผมกลัวว่าเขาจะบ่นผมนะสิ"
"ไม่บ่นโว๊ย"
"ไม่บ่นได้ยังไง เกิดเขาอยากเล่นยาด้วย ต้องเสียเวลาโทรเรียกพี่ เกิดโทรไม่ติด มันก็หมดอารมณ์สิ ถ้าเขาหงุดหงิดใส่ผมล่ะ ถ้าเขาอยากได้เหมือนตอนไปกับพี่พจน์ แต่ผมไม่มีอะไรให้เขา" เรียวจงใจกวนอารมณ์โจโฉ
"พี่เค้ามีพร้อมโว้ย ใครๆ ก็เอาจากเค้านี่ล่ะ หยุดพูดซะที" โจโฉตะคอกเบาๆ
"ใครๆ ก็เอาจากเค้า หมายความว่ายังไง พี่เขาเป็นเอเย่นต์หรือ" เรียวถาม ทำหน้าสงสัย รู้สึกดีใจที่ในที่สุดก็เริ่มจะได้เบาะแส ไม่เสียเวลาที่ปลอดตัวเข้ามาสืบ แต่ยังไม่ทันที่โจโฉจะพูดอะไร ประตูห้องก็เปิดออก คนที่ยืนอยู่ในห้องเป็นชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าขาว ไรหนวดครึ้ม เรียวชะงักเล็กน้อย จำหน้าได้ทันทีว่าคือผู้สงสัยค้ายาเสพติดซึ่งเป็นเป้าหมายของการปลอมตัวมาทำงานครั้งนี้
โชคดีอะไรเช่นนี้
โจโฉเดินนำเข้าไปในห้อง เรียวเดินตาม ชายคนนั้นมองเรียวจากหัวจรดเท้าด้วยสายตาพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด โจโฉบอกให้เรียวยืนรออยู่ที่ประตูเสียก่อน ส่วนตัวเองเดินไปคุยกับลูกค้าที่ข้างเตียงนอน เรียวสังเกตเห็นว่าโจโฉรับถุงพลาสติกสีเข้มมาจากอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง
นี่หรือที่เมื่อครู่นี้โจโฉบอกว่า 'ใครๆ ก็เอาจากเค้านี่ล่ะ' คงพอจะแน่ใจได้กระมังว่าชายคนนี้เป็นเอเยนต์ค้ายาเสพติดจริงตามที่ผู้กองคมกริชสืบทราบมา
โจโฉออกจากห้องไปแล้ว ชายคนนั้นเรียกให้เรียวไปนั่งใกล้ๆ ถามชื่อและอายุ แล้วผลักให้เรียวนอนหงายลงบนเตียงทันที
"เดี๋ยวก่อนครับพี่ ไม่ให้ผมอาบน้ำก่อนหรือครับ" เรียวท้วง
"ไม่ต้อง พี่ชอบกลิ่นแบบนี้" ชายหนุ่มร่างสูงจับขาเรียวกางออก ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นข้างขอบเตียงแล้วซุกหน้าลงบนต้นขาของเรียว มือทั้งสองข้างบีบเค้นปลีน่องแกร่งของนายตำรวจผู้ปลอมตัวมา
"เสียว" เรียวแกล้งครางเบาๆ
ชายคนนั้นไม่ต้อง ใช้ปากพรมจูบไปทั่วต้นขาของเรียว แล้วเลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆ อ้าปากงับเข้าที่หัวเข่าด้านขวาแล้วขบเบาๆ มือลูบไล้ขึ้นมาตามท่อนขาจนถึงกลางลำตัว เฟ้นฟอนเป้ากางเกงของคนที่นอนหงายอยู่อย่างมันมือ
"พี่ครับ เดี๋ยวก่อนครับพี่" เรียวจับข้อมือของลูกค้าหนุ่มเอาไว้ "พี่รุกหรือรับครับ"
"รุก"
"ขอผมเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมครับพี่" เรียวผงกหัวขึ้นมา "ขอผมล้างก่อน จะได้สะดวก ผมไม่เคยรับ"
"จริงหรือ" คนที่กำลังซุกไซร้อยู่ที่หน้าขาของเรียวเงยหน้าขึ้น มองด้วยสายตาหื่นกระหาย
"ครับ พี่เป็นลูกค้าคนที่สาม สองคนแรกที่ผมเคยไปด้วยแค่ใช้มือเพราะมันเข้าไม่ได้ เขาบอกว่าแน่นมาก อัดหล่อลื่นเข้าไปตั้งครึ่งหลอดก็ยังฝืด" เรียวพยายามทำหน้าให้ดูอ่อนเดียงสาที่สุดเท่าที่จะทำได้
"แล้วนี่จะไหวหรือ" ลูกค้าหนุ่มยันตัวลุกขึ้น ปลดตะขอกางเกงออก รูปซิบดึงกางเกงลงพร้อมกับกางเกงชั้นใน ความแข็งแกร่งกลางลำตัวดีดผึงออกมา
"โอ้โห" เรียวอุทาน อ้าปากกว้าง ตาค้าง "แบบนี้ผมตายแน่ๆ เลยครับพี่"
"พี่จะค่อยๆ เจ็บเฉพาะตอนแรกๆ เท่านั้นล่ะ เดี๋ยวมันก็ขยาย"
"ผมขาดใจตายแน่ๆ เลย" เรียวหน้าสลด คราวนี้ไม่ได้แกล้งทำเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ จากการกะด้วยสายตา เขาคิดว่าท่อนทวนที่ตั้งผงาดอยู่เบื้องหน้านี้คงมีความยาวไม่ต่ำกว่าเจ็ดนิ้ว
"ลองก่อนสิ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ค่อยเอาออกมา"
"ครั้งแรกผมก็เจอแบบนี้เลยหรือ ฉีกแน่ๆ เลย" เรียวครวญเสียงแผ่ว อยากจะร้องไห้เสียให้ได้ ในใจพยายามคิดหาทางเอาตัวรอด
"ครั้งแรกจริงหรือ ไหนมาดูซิ" พูดเสร็จก็ปลดกางเกงเรียวแล้วดึงออก พลิกให้นอนคว่ำ เรียวตะกายหนีเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้นิ้วสอดเข้าไปตรวจสอบ
"พี่ครับ เดี๋ยวก่อนสิครับ ให้ผมเข้าส้วมก่อน ผมกลัวกลั้นไม่ไหว" เรียวพยายามยื้อเวลา
"เรื่องมากจริงๆ นะเรา ถ้ากลัวเจ็บจริงๆ พี่มีวิธีให้"
"ป๊อบเปอร์หรือครับพี่ ผมว่าแค่นี้เอาไม่อยู่หรอก" เรียวทักท้วง
"มีดีกว่าอีก"
"ถ้างั้นผมโทรตามพี่โจโฉให้เขาของมาให้นะครับ แต่พี่เป็นคนง่ายเงินนะครับ ถ้าไอซ์นี่ราคา..." เรียวเสนอบริการเสริม
"ไม่ต้อง พี่มี"
"อ้าวพี่มีด้วยหรือ ของไม่ได้หาง่ายๆ นะครับ" เรียวทำหน้าแปลกใจ
"มีทุกอย่างนั่นล่ะ ไม่รู้หรือ ไอ้โจโฉมันก็เอาจากพี่"
"โอ้โห เยี่ยมเลย" เรียวยกนิ้ว "งั้นผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ ของพี่ใหญ่น่ากลัวมาก แต่ถ้าได้อัพซักหน่อยก็น่าจะไหว แต่พี่ต้องค่อยๆ จริงๆ นะครับ อย่าเผลอตัวจับเอวผมดึงเข้ากระแทกก็แล้วกัน สงสารผมหน่อยเถอะ ถ้าฉีกขึ้นมาผมหากินไม่ได้อีกหลายวันเลย ช่วงนี้ยิ่งต้องใช้เงิน รอบละพัน กว่าจะถึงหมื่น ผมคงต้องโดนไปสิบคน"
"อะไรกัน โจโฉมันหักเยอะขนาดนั้นเลยหรือ"
"พี่จ่ายเท่าไหร่ครับ" เรียวถาม
"สามพัน"
"ทำยังไงได้ ผมเป็นเด็ก" เรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตีหน้าเศร้า "เขาให้เท่าไหร่ก็ต้องเอา ผมจำเป็นต้องใช้เงินนี่ครับ นี่เพิ่งเก็บได้แค่สองพัน ถ้าได้อีกหมื่นผมก็ได้เงินพอจะเอาไปให้ลุง"
"ลุงเป็นอะไร"
"ลุงป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากครับ ความจริงไม่ใช่ลุงจริงๆ หรอกครับ แต่เขาเลี้ยงผมมา ผมก็ต้องตอบแทนบุญคุณ งานอะไรที่ได้เงินผมทำหมด ถึงต้องมาขายตัวแบบนี้ เพราะคิดว่าคงเป็นวิธีเดียวที่เงินเยอะและเร็วที่สุด" เรียวพูดเสียงเศร้า ก้มหน้า
"งานอื่นที่มันได้เงินเยอะกว่าก็มี เอางี้ ถ้าบริการพี่ดีๆ พี่จะเพิ่มให้"
"ขอบคุณครับ" เรียวเงยหน้าขึ้น ยกมือไหว้อีกฝ่าย "แต่ถ้าพี่มีงานให้ผมทำก็คงจะดี พี่โจโฉเล่นหักค่าตัวผมซะขนาดนี้ ผมก็ไม่รู้จะอยู่กับแกไปได้อีกนานเท่าไหร่ วันก่อนผมแอบได้ยินตกลงราคากับลูกค้าสี่พัน"
"เถอะน่า แล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้รีบไปเข้าห้องน้ำซะ พี่จะไม่ไหวอยู่แล้ว บอกแล้วไงว่าถ้าทำดี พี่จะให้เพิ่ม ส่วนเรื่องงาน ถ้าอยากทำจริงๆ ก็มีให้ทำ รับรองรายได้ดี เงินหมื่นน่ะแค่เศษเล็บ"
"โอ้โห จริงหรือครับ พี่ใจดีจังเลย" เรียวอุทาน แกล้งทำหน้าตื่นเต้นดีใจ ยื่นมือคว้าแก่นกายกลางลำตัวของอีกฝ่ายเอาไว้ "แบบนี้ผมพลีกายถวายก้นให้เลย ว่าแต่ว่า พี่ชื่ออะไรหรือครับ"
"เรียกว่ามาร์คก็แล้วกัน"
"พี่มาร์ค รอผมเดี๋ยวนะ ขอผมไปล้างท่อให้สะอาดซะก่อน เดี๋ยวมา" เรียวแหงนหน้ามองมาร์คตาเยิ้ม มือบีบท่อนลำของอีกฝ่ายเบาๆ แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
เรียวล้วงโทรศัพท์ออกมา กดส่งข้อความเป็นรหัสลับให้กับผู้กองคมกริช จากนั้นนั่งลงบนชักโครก พยายามนึกหาวิธีที่จะเอาตัวรอดจากมาร์ค เจ้าของท่อนลำขนาดมโหฬารท่อนนั้น

►จบบทที่ 10◄

หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 10 ►23/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ซิกาแร๊ต ที่ 23-02-2017 15:40:06
เอ๊ะ ตอนนี้คุณพลเมืองดีที่พูดมากๆ อารมณ์ดีๆ หายไปไหนหว่าาา
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 10 ►23/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 23-02-2017 19:28:42
ตอนนี้พระเอกหายยยยย 5555555555 น้องเรียวใกล้แล้ว ใกล้จะเสียตัวแล้ว 5555555555555 จะรอดมั้ยน๊าาา่
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 10 ►23/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 23-02-2017 21:03:10
หมวดเรียว จะเสียตัวมั้ย 5555555555555
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 10 ►23/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-02-2017 22:43:11
ดูหมวดเรียวจะชินกับเนื้อตัวผู้ชายอื่นแบบไม่ตะขิดตะขวงใจเรยนี่

จะรอดอิพี่มาร์คหรือเปล่าหนอ   :hao3:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 10 ►23/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-02-2017 00:01:07
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 10 ►23/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 24-02-2017 15:34:47
♀ บทที่ 11 ♀

เรียวนั่งอ้าปากค้าง ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเมื่อมองดูข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งส่งมาจากผู้กองคมกริช
"สามสิบนาที" เรียวพึมพำเบาๆ
อีกครึ่งชั่วโมงผู้กองคมกริชถึงจะเริ่มปฏิบัติการได้ เขารอนานขนาดนั้นไม่ได้หรอก ถ้าออกไปจากห้องน้ำ รับรองได้ว่าไม่ถึงสิบนาทีต้องโดนมาร์คจัดการยัดเยียดความเป็นสามีให้แน่ๆ เลย
"ไหนบอกว่าจะคอยสแตนด์บาย เผื่อต้องการความช่วยเหลือ" เรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทรุดตัวลงนั่งบนชักโครก คิดหาวิธียื้อเวลา
ชื่อหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด
ศรันย์!
เรียวรีบกดโทรศัพท์ส่งข้อความทันทีว่า 'มาหาหน่อย ภายในสิบนาที โรงแรม...ห้อง...กำลังจะโดนลูกค้าฟัน'
ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็มีข้อความตอบกลับมา เมื่อเปิดอ่าน เรียวอยากจะยิ้มและแยกเขี้ยวในเวลาเดียวกัน
'สิ่งตอบแทน???'
เรียวถอนหายใจเบาๆ ในใจก็ได้แต่หวังว่า ศรันย์คงจะหัวใวพอที่หาวิธีช่วยเขาให้รอดจากเงื้อมมือของมาร์คเหมือนครั้งที่รอดจากประพจน์ เพราะฉะนั้นจึงตอบกลับว่า 'อะไรก็ได้ ขอให้รอด มาด่วนที่สุด'
'ได้จ้าน้องหนุ่ม'
เรียวรู้สึกโล่งอกบ้างเมื่อได้รับข้อความตอบจากศรันย์ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือยื้อเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ มาร์คนอนรออยู่แล้วบนเตียง ร่างเปลือยมีกล้ามเนื้อพอสมควร แสดงให้เห็นว่าคงออกกำลังกายอยู่บ้าง
ทั้งที่รู้ว่าศรันย์กำลังเดินทางมาที่โรงแรมเพื่อช่วยให้เขาหาทางเอาตัวรอดจากมาร์ค แต่สิ่งที่วางผาดอยู่กลางลำตัวของคนที่นอนแผ่นหราอยู่บนเตียวก็ทำให้เรียวรู้สึกหนักใจอยู่พอสมควร เพราะอย่างน้อยก็คงจะต้องเริ่มเล้าโล้มกันรอไปก่อน ถ้ามาร์คให้เขาใช้ปากให้ก็คงจะแย่
"มานี่สิ" มาร์คพยักหน้าเรียก นันย์ตาวาบหวาม มือรูดความเป็นชายของตัวเองขึ้นลงช้าๆ
"ของพี่ใหญ่จังเลย" เรียวมองดูท่อนลำของมาร์คซึ่งกำลังเริ่มผงาดขึ้น ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"อมให้หน่อยสิ" มาร์คพูดเสียงแตกพร่า
"ขอใช้ถุงนะครับพี่ ปากผมเป็นแผลอยู่" เรียวเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แสดงสีหน้าหนักใจ
"ไม่ต้อง"
"อ้าว ทำไมล่ะครับ"
"พี่ไม่ชอบ มันไม่ได้อารมณ์"
"แต่ผมมีแผลในปากอยู่นะครับ มัน...เอ่อ..." เรียวแสดงท่าทีลังเล
"พี่เพิ่มให้อีกพันนึง" มาร์คกางขาออกกว้าง พยักหน้าบอกให้เรียวเริ่มให้บริการ
"ผมขอพันห้าได้ไหมครับ" เรียวต่อรอง หาเรื่องยื้อเวลาต่อ
"สองพันเลยเอ้า" มาร์คเสนอเพิ่มราคาให้เอง "กินด้วยนะ"
"โอ้โห ไม่ได้หรอกครับพี่ ให้กี่พันผมก็กินน้ำด้วยไม่ได้หรอก" เรียวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
"พี่สะอาดปลอดภัย ไม่ต้องห่วง"
"ผมรู้ครับ แต่ว่าผมกินไม่ได้ พี่เห็นใจผมเถอะ ใช้ปากให้นี่ผมก็สุดๆ แล้ว ผมเพิ่งขายเองนะครับ กับพี่นี่แค่ครั้งที่สาม ผมไม่เคยจริงๆ นะครับพี่ ไม่ได้โกหก ผมเป็นผู้ชาย"
"นั่นล่ะของชอบ"
"ใหญ่ขนาดนี้ ใจขาดตายแน่เลย ใครเป็นแฟนพี่นี่อึดสุดๆ โดนเข้าไปจุกแน่ๆ" เรียวเอื้อมมือไปคว้าแก่นกายของมาร์คเอาไว้แล้วบีบเค้นเบาๆ รู้สึกหนักใจยิ่งนัก
ความจริงก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคย จะว่าไปมาร์คก็หน้าตาดีพอสมควร ถ้าหลับตาสักหน่อย คิดเสียว่าไม่ใช่เรื่องงาน แต่สมมุติเอาว่าเป็นคนที่บังเอิญไปเจอที่บาร์แล้วเกิดถูกใจกัน พากันมามีเซ็กส์กันในโรงแรม
แล้วเมื่อไหร่อีตาศรันย์จะมาถึงซะทีวะ นี่มันถึงสิบนาทีแล้วหรือยัง
เอาถูๆ ไถๆ ข้างแก้มก่อนก็แล้วกัน
เรียวตัดสินใจก้มหน้าลง จับท่อนเนื้อของมาร์ครูดขึ้นลงเป็นจังหวะ แล้วใช้คางของตัวเองถูไถส่วนปลายเบาๆ มาร์คสะดุ้งเฮือก
"พี่ครับ เดี๋ยวนะครับ ผมขอปิดเสียงโทรศัพท์ก่อน ลืมไป" เรียวเงยหน้าขึ้น มาร์คพยักหน้า แล้วสอดปลายเท้าเข้ามาใต้หว่างขาขอเรียวซึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ ถูไถเบาๆ ทำให้เรียวต้องโหย่งตัวขึ้น แล้วแกล้งทำเป็นบิดตัว ส่งยิ้มอายๆ ให้ มาร์คจึงค่อยๆ ชันเข่าขึ้น
เรียวนั่งคล่อมเบียดเป้ากางเกงกับแข้งของมาร์คซึ่งกำลังขยับเสียดสีไปมา ทันใดนั้นเรียวก็คิดอะไรได้บางอย่าง
เมื่อแกล้งทำทีว่าปิดเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ตัวเองแล้ว เรียวจึงลงจากเตียง วางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะหัวเตียงแล้วหันหลังให้มาร์ค ค่อยๆ ถอดกางเกงของตัวเอง เผยให้เห็นบั้นท้ายงอนแน่นใต้กางเกงชั้นในสีขาว ตอนนี้เรียวคิดจะหันเหความสนใจของมาร์คจากความต้องการจะให้เขาใช้ปากให้ มาเป็นการโชว์ก้นสวยๆ นึกได้ว่ามาร์คเป็นฝ่ายรุก ต้องคลั่นไคล้หลงไหลส่วนนี้เป็นพิเศษแน่ๆ
ได้ผล มาร์คยันตัวขึ้นนั่ง โผเข้ามาเข้าซบก้นของเขาทันที ซุกหน้าเข้ากับร่องกลางแล้วเกลือกหน้าไปมาพร้อมกับครางเบาๆ
"ก้นสวยจังเลย"
"ผมภูมิใจกับก้นตัวเองมากเลยนะครับเนี่ย" เรียวหัวเราะเบาๆ ส่ายก้นไปมาเป็นการยั่วยวน
"ขอพี่นะ" มาร์คครางเสียงกระเส่า อ้าปากขบแก้มก้นขวาของเรียวเบาๆ มือซ้ายยกขึ้นมาเกาะกุมแก้มก้มขวาแล้วบีบเค้นอย่างเมามัน "เต็มไม้เต็มมือจริงๆ แน่นมาก"
"พี่ครับ เบาๆ สิครับ เดี๋ยวช้ำหมด" เรียวแกล้งพูดเสียงต่ำ แล้วครางเล็กน้อยพอเป็นพิธี มาร์คทั้งจูบ ทั้งขบ ทั้งเม้ม พร้อมทั้งใช้มือขย้ำจนหนำใจ จากนั้นดึงเรียวให้นั่งลงบนเตียงแล้วพลิกตัวให้นอนคว่ำ มือคว้าขอบกางเกงชั้นในสีขาวของชายหนุ่มแล้วดึงลง เผยให้เห็นก้อนเนื้อแน่น ขาวเนียนสะอาด
"อา เนียนจริงๆ" มาร์คครางอย่างพึงพอใจ ก้มหน้าลงซุกไซร้บั้นท้ายของเรียว ฉกลิ้นเลียวนรอบๆ มือค่อยๆ ดันขาของคนที่นอนคว่ำอยู่ให้กางออกเพื่อเปิดทางให้สะดวกขึ้น
"พี่ครับ เดี๋ยวครับ ผมยังไม่ได้ล้าง" เรียวพยายามหนีบขาเข้ามา
"ไม่ต้องหรอก พี่ชอบแบบนี้" มาร์คส่ายหน้า อ้าปากงับก้นงอนแน่นของเรียวแล้วขบค่อนข้างแรง เรียวสะดุ้ง กล้ามเนื้อกระตุก
"โอ๊ย เจ็บ พี่เบาๆ สิครับ เดี๋ยวเป็นรอยจ้ำ" เรียวพยายามเอี้ยวตัวมามอง
"สวยมาก สวยจริงๆ สวยที่สุดเท่าที่เคยเจอมา" มาร์คเสียงกระเส่า ซุกหน้าลงเข้ากับร่องกลางระหว่างก้อนเนื้อนูนแน่นทั้งสองข้าง ตวัดลิ้นรัวเร็ว แล้วลากขึ้นตามร่องจนถึงบั้นเอวของเรียว จากนั้นลากลิ้นย้อนลงข้างล่าง มือตะปบเข้ากับก้นทั้งสองข้างของชายหนุ่มแล้วแบะออก
"โอย พี่ เดี๋ยวครับเดี๋ยว" เรียวพยายามตะกายตัวหนี
"อะไรอีกล่ะ อย่าดิ้นสิ" มาร์คจับเอวอีกฝ่ายเอาไว้
"ขอเวลานอกครับ ท้องผมมันปุ๊ดปั๊ดๆ ยังไงก็ไม่รู้ สงสัยแก๊สในกระเพาะเยอะ จะกลั้นไม่ไหวอยู่แล้ว" เรียวหันหน้าไปหา ทำหน้าผะอืดผะอม
"เรื่องมากจริงๆ นะเรา" มาร์คเริ่มหงุดหงิด
"เปล่านะครับพี่ ผมขอโทษ ก็มันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"
"งั้นอม" มาร์คจับเรียวพลิกนอนหงาย ขึ้นคล่อมหน้าอกอย่างรวดเร็ว มือซ้ายช้อนใต้คอของคนที่นอนอยู่ มือขวาจับท่อนลำขนาดยักษ์ของตัวเองฟาดเข้าที่แก้มของเรียวเบาๆ
"โอย ใหญ่มหึมาแบบนี้จะไหวไหมเนี่ย" เรียวหลุบตาลงมอง ขมวดคิ้วด้วยความหนักใจ "ถ้างั้น พี่เล่นก้มผมเหมือนเดิมก็ได้ครับ"
"ไหนว่าท้องไม่ค่อยดี"
"ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้วครับ พี่ว่าก้นผมสวยไหมครับ"
"สวยสิ สุดยอดเลยล่ะ อยากได้มาก พี่เอาเลยนะ" มาร์คเอื้อมมือไปหยิบซองถุงยางอนามัยมาฉีกออก เรียวตาเหลือก รีบห้ามเอาไว้
"เดี๋ยวๆ เดี๋ยวสิครับพี่ ใช้นิ้วก่อนสิครับ ให้มันขยายซะก่อน ของพี่ใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ เอาเข้าไปเลยผมก็ฉีกขาดพอดี"
"เอ้า ใส่เจลให้เยอะๆ ซะ" มาร์คคว้าหลอดเจลหล่อลื่นมายื่นให้ แล้วสวมถุงยางอนามัยให้แท่งทวนของตัวเอง
"ขอผมทำใจหน่อยได้ไหม" เรียวทำหน้าเหมือนจะขาดใจ แต่แล้วก็นึกอะไรได้ "อ้อ พี่มีป๊อปเปอร์หรือเปล่าครับ คงต้องใช้ซักหน่อย ไม่งั้นผมขาดใจตายแน่เลย ครั้งแรกก็เจอปืนใหญ่ ผมกลัวขาดใจตาย"
"งั้นรอเดี๋ยว" มาร์คพยักหน้า ลงจากเตียงไปหยิบกางเกงของตัวเอง ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบขวดแก้วเล็กๆ ออกมาสองขวด
"พี่มียาด้วยหรือเปล่า ขอผมหน่อยเถอะ เผื่อจะช่วยได้ ขนาดมหึมาแบบพี่ ผมกลัวว่าป๊อปเปอร์อาจจะเอาไม่อยู่" เรียวพยายามยื้อเวลาต่อไป
"ถ้าจะเอาต้องซื้อนะ"
"เงินผมก็ไม่เหลือนะสิครับ" เรียวทำหน้ามุ่ย
"งั้นก็ไม่ต้อง มานี่ ถ่างขาออกกว้างๆ" มาร์คหยิบหมอนมาเตรียมสอดเข้าใต้ก้นของเรียว แต่ทันใดนั้นเสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น ทั้งสองหนุ่มสะดุ้ง หันไปมองประตูพร้อมกัน
"ไฟไหม้ๆ" เสียงคนตะโกนลั่นอยู่หน้าห้อง
เรียวถอนหายใจพรวดใหญ่ รู้สึกโล่งอก ในที่สุดศรันย์ก็มาถึงเสียที
มาร์คสบถออกมาอย่างหัวเสีย ถอยลงจากเตียง หยิบกางเกงชั้นในมาสวม แต่ยังถือกางเกงขายาวของตัวเองเอาไว้ จากนั้นเดินไปที่ประตูห้องแล้วเปิดแง้มมองออกไปข้างนอก
"เฮียครับ ไฟไหม้ รีบหนีเร็วครับ" เสียงของศรันย์ดังขึ้น
"ไฟไหมที่ไหน ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย" มาร์คถามเสียงห้วน
"ไหม้ห้องโน้นครับ มันกำลังจะลามมา พี่รีบออกจากห้องก่อนเถอะ เดี๋ยวไม่ทันนะ"
อีตาศรันย์เอ๊ย หาวิธีที่ดีที่สุดได้แค่นี้หรือไง
เรียวบ่นในใจ รีบลงจากเตียง หยิบกางเกงชั้นในของตัวเองมาสวม แต่ไม่ทันจะคว้ากางเกงยีนส์ได้ ระบบฉีดน้ำใต้ฝ้าเพดานก็ทำงานฉีดพ่นน้ำออกมา
"เฮ้ย อะไรวะ" เรียวอุทานเสียงดังเกือบจะพร้อมกับมาร์ค เสียงคนหลายคนโวยวายดังลั่น ประตูห้องอื่นๆ เปิดออกพร้อมกับมีคนวิ่งออกมา บางคนนุ่งเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียว ขณะที่บางคนสวมเพียงเสื้อผ้าท่อนล่าง
มาร์คเดินกลับเข้ามาในห้อง รีบสวมกางเกง ศรันย์เปิดประตูห้องออกกว้าง มองเข้ามาข้างใน เห็นเรียวยืนตัวเปียกอยู่กลางห้อง สวมเสื้อสีขาวและกางเกงชั้นในสีเดียวกัน มือกำลังพยายามพลิกกางเกงยีนส์กลับด้าน
ศรันย์อ้าปากค้าง มองนายตำรวจหนุ่มด้วยดวงตาเบิกกว้าง ไม่นึกว่าจะได้เห็นภาพดีๆ แบบนี้ เรียวถลึงตาใส่ แล้วรีบก้มสวมกางเกง มาร์คหยิบโทรศัพท์ของตัวเองกำลังจะเดินออกจากห้อง เรียวจึงรีบเรียกเอาไว้
"พี่มาร์คครับ ผมจะได้เจอพี่อีกไหม"
"เออ เดี๋ยวติดต่อไป" มาร์คพูดสั้นๆ แล้วรีบเดินออกจากห้องจนชนกับศรันย์ เรียวไม่ลืมที่จะหันไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่วางเอาไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ก่อนจะตามออกมา
"นี่เล่นถึงกับวางเพลิงโรงแรมเลยหรือ" เรียวพูดกับศรันย์แล้วเร่งเดินไปตามทางเดินเพื่อตรงออกไปด้านนอกของโรงแรม แต่เมื่อเห็นศรันย์เดินตามมาติดๆ จึงหันขวับไปสั่งห้ามไม่ให้ตามมาและบอกให้ไปคนละทาง
เมื่อออกมายังนอกโรงแรม เรียวเดินเลียบไปตามกำแพงทางด้านซ้ายมือไปจนถึงถนนใหญ่ หยุดยืนอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง ตั้งใจจะเข้าไปซื้อน้ำดื่มในร้านสะดวกซื้อแล้วถึงจะเรียกแท็กซี่ แต่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นเสียกอน
เรียวรู้สึกแปลกใจเพราะรู้ว่าตัวเองปิดเสียงโทรศัพท์ของตัวเองเอาไว้แล้วและตั้งระบบสั่นเท่านั้น แต่โทรศัพท์โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมีทั้งระบบสั่นและเสียงเรียกเข้าเป็นเสียงเพลงร๊อคที่เขาไม่รู้จัก
เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาดู เรียวก็อ้าปากค้าง ตาเหลือก แทบจะปล่อยโทรศัพท์หลุดมือ เพราะสิ่งที่ถืออยู่นั้นไม่ใช่โทรศัพท์ของตัวเอง
"ตายห่_" เรียวสบถ "ซวยซะแล้ว"

♥♥♥♥♥

เรียวนั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะกลางห้องประชุมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ รอเวลาว่าเมื่อไหร่สารวัตรธันว์กับผู้กองคมกริชจะเดินเข้ามาในห้องเสียที
มันจะได้จบๆ ไปเสียที ไอ้เรียวเอ๊ย คราวนี้นี้ล่ะ แกได้ไปโบกรถกลางสี่แยกแหงๆ
เสียงรองเท้ากระทบพื้นดังเข้ามาใกล้ เรียวเงยหน้าขึ้น หันไปมองประตู พันตำรวจตรีธันว์ กับร้อยตำรวจเอกคมกริชเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแล้วนั่งลงตรงข้าม
"หมวดเรียว" สารวัตรธันว์เรียกชื่อผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ "ผมจะทำยังไงกับคุณดี"
"ผมผิดไปแล้วครับสารวัตร" เรียวยิ้มแหยๆ ให้ธันว์ แล้วหันไปหาคมกริช "ผมขอโทษครับผู้กอง"
"จะว่าไปก็ไม่ใช่ความผิดของคุณทั้งหมด" ธันว์พูด "แต่ผมคงต้องขอให้คุณพักซักหน่อย"
"สารวัตรจะให้ผมไปทำตำรวจสัมพันธ์อีกหรือครับ"
"ไม่ต้อง" ธันว์ส่ายหน้า "คุณทำงานเอกสารแทนจ่ายุวดี อยู่ประจำหน่วย อยู่ใกล้ๆ ผม จะได้สั่งสอนสะดวก คุณจะได้เข้าใจเสียทีว่าทำไมจะต้องมีผู้บังคับบัญชา"
"ครับผม" เรียวตอบเสียงอ่อยๆ ถอนหายใจเบาๆ นึกหาคำอธิบายหรือคำแก้ตัวอะไรไม่ออก
"นายคนนั้นอาจจะถูกแจ้งข้อหาวางเพลิง" ผู้กองคมกริชพูดขึ้นหลังจากที่สารวัตรธันว์เดินออกไปจากห้องแล้ว
"วางเพลิง" เรียวครางเสียงเบา รู้สึกเป็นห่วงศรันย์ขึ้นมา
"อยากจะช่วยเขาไหม"
"เขาพยายามช่วยผม" เรียวพยักหน้า
"ถ้าอยากจะช่วยเขา บอกให้เขาอยู่ห่างๆ อย่าให้มายุ่งเรื่องงาน" คมกริชพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ผมผิดเองครับ" เรียวยอมรับ
"ทำไมเรียกเขาไป"
"คือว่าผม..." เรียวอึกอัก
"คุณไม่เชื่อใจผมใช่ไหม"
"เปล่านะครับผู้กอง" เรียวรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
"คุณไม่เชื่อมั่นในตัวผม ว่าจะช่วยคุณได้"
"แต่ว่า..."
"แต่ว่าอะไร สามสิบนาทีนานเกินไปสำหรับคุณใช่ไหมหมวดเรียว"
"คือ...ผม..."
"มิน่า คุณถึงได้ฉายาหมวดเรียวดันทุรัง" คมกริชถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ "ผมยอมรับว่าครึ่งชั่วโมงอาจจะนานเกินไปสำหรับคุณที่จะถ่วงเวลา แต่บางทีนะ หมวดเรียว การทำงานของเราอาจจะต้องไปไกลกว่าที่เราคาดการณ์"
"ครับ" เรียวไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีไปมากกว่านี้
ต้องไปไกลขนาดไหนหรือ แค่ไม่กี่นาที มาร์คก็แทบเอาแท่งเอ็นยัดเข้าปากเขาอยู่แล้ว ไหนจะโดนอัดก้นอีกล่ะ ถ้าเป็นผู้กองเอง ผู้กองจะยอมร่วมเพศจริงๆ เลยหรือ
"ลุกขึ้น กลับบ้าน ผมจะไปส่ง" ผู้กองคมกริชลุกขึ้น
"ไม่เป็นไรครับ ผมกลับแท็กซี่เองก็ได้" เรียวรีบปฏิเสธ
"อย่าดันทุรัง"
"ไม่ได้ดันทุรังนะครับ แค่ไม่อยากจะรบกวน" เรียวลุกขึ้น
"ตามใจ" คมกริชพูดแล้วเดินออกจากห้อง แต่กลับหยุดยืนที่หน้าประตูแล้วหันมาพูดกับเรียวว่า "อ้อ โทรไปบอกนายคนนั้นซะเดี๋ยวนี้เลย"
เรียวพยักหน้าช้าๆ รอจนคมกริชเดินลับไปแล้วจึงเดินออกจากห้อง ในใจอดเป็นห่วงศรันย์ไม่ได้ว่าอาจจะต้องถูกตั้งข้อหา
♥♥♥♥♥
เรียวตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาศรันย์ก่อนที่จะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน เมื่อรับโทรศัพท์ศรันย์ก็รีบโวยวาย
"ซวยไหมล่ะคุณหมวด ไอ้นั่นเอาโทรศัพท์คุณไป ทำไมคุณเฟอะฟะอย่างนี้ เป็นตำรวจยังไงเนี่ยสลับโทรศัพท์กับโจร ถ้ามันตามไล่ฆ่าคนที่อยู่ในโทรศัพท์คุณจะว่ายังไง"
"หมายความว่ายังไงไล่ฆ่าคนในโทรศัพท์" เรียวถาม
"ก็พวกที่มีชื่ออยู่ในโทรศัพท์คุณหมวดไง เม็มชื่อใครในคอนแทคเอาไว้บ้างล่ะ"
"ไม่มี โทรศัพท์ทำงาน ใช้ครั้งเดียวทิ้ง ปิดสัญญาณไปแล้ว" เรียวตอบ
"อ้าว เวรกรรม งั้นก็มีผมคนเดียวล่ะสิ คุณส่งเอสเอ็มเอสหาผมให้ไปช่วย ผมตอบคุณ แล้วผมก็โทรเข้าหาคุณตอนออกมาจากโรงแรม ไอ้นั่นมันรับสาย แต่ผมไม่ได้พูดอะไรหรอกนะ พอได้ยินเสียงคนอื่น ผมก็รีบวางสายเลย นี่มันจะแกะรอยตามผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ เกิดมันแค้นจะว่ายังไง" ศรันย์คร่ำครวญ
"ไม่มีอะไรหรอกน่า"
"คุณหมวดก็ว่าได้สิ ตัวเองเป็นตำรวจ มีปืน มีอำนาจ แล้วมันก็เป็นโจร คงไม่กล้าไปตามล่าตำรวจหรอก แต่ผมเป็นคนธรรมดานะครับ ตัวคนเดียว อยู่คนเดียว เกิดมันมาลุยผมมิแย่หรือ" ศรันย์ยังไม่ยอมหยุดบ่น
"ก็บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีสิ"
"ผมกลัว"
"กลัวก็ปิดประตูใส่กลอน ปิดไฟนอนซะ" เรียวแนะนำ
"คุณหมวดมาอยู่เป็นเพื่อนผมหน่อยสิ"
เท่านั้นเอง เรียวก็หมวดความอดทน ตอนแรกอุตส่าห์เป็นห่วง แต่พอศรันย์ยังทะลึ่งทะเล้นกวนอารมณ์ได้แบบนี้ก็คงเป็นห่วงไม่ลง
"ว่าจะเตือนอะไรบางอย่าง ไม่เตือนดีกว่า" เรียวกระแทกเสียง
"เตือนอะไร มีอะไรหรือ คุณหมวดรู้หรือว่าไอ้นั่นจะตามมาฆ่าผม"
"เลิกทะเล้นได้แล้วคุณศรันย์" เรียวถอนหายใจแรงๆ แล้วตัดสินใจบอกข่าวร้าย "ตำรวจอาจจะแจ้งข้อหาวางเพลิงคุณ เตรียมตัวไว้เถอะ"
"อะไรวะ ได้ยังไง ผมช่วยคุณหมวดนะ ผมช่วยเหลืองานของตำรวจ ผมควรได้รับความดีความชอบไม่ใช่หรือ แบบนี้เขาเรียกว่าทำคุณบูชาโทษ คุณหมวดไม่แก้ตัวให้ผมหรือไง อธิบายให้หัวหน้าคุณฟังสิ"
"ผมพูดแล้ว ทำไมจะไม่พูด แต่สารวัตรไม่ฟังหรอก ผมยังโดนลงโทษด้วยเลย คุณรู้ไหม สารวัตรให้ผมไปทำงานเอกสาร อยู่ประจำหน่วย ดีไหมล่ะ" เรียวพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
"โถ น่าสงสาร"
"คุณศรันย์ ยังทำเป็นสนุกอยู่อีก"
"ผมไม่ได้วางเพลิง คุณเห็นหรือว่าผมวางเพลิง ผมแค่ทำให้น้ำมันแตก เอ๊ย ทำให้สปริงเกอร์มันฉีดน้ำเฉยๆ อะไรกัน เป็นตำรวจเสียเปล่า พากันคิดได้แค่นี้หรือ" ศรันย์เถียง
เรียวเม้มปาก รู้สึกทั้งฉุนและทั้งขำ อยากจะเห็นหน้าตาตอนนี้ของศรันย์ยิ่งนัก ว่าเวลาเถียงแบบข้างๆ คูๆ ผู้ชายคนนี้จะทำหน้าแบบไหน
"เอาเถอะ ถ้ายังงั้นก็คงไม่หนักหนาเท่าไหร่ คุณค่อยไปแก้ตัวกับสารวัตรก็แล้วกัน โทรมาแค่นี้ล่ะ ผมจะกลับบ้านแล้ว ง่วง" เรียวตัดบท
"คุณหมวดโทรมาเพราะเป็นห่วงผมใช่ไหม หือ" ศรันย์ทำเสียงอ่อนโยน
"แค่นี้นะ" เรียวพูดเสร็จก็วางสาย ก้าวออกจากตู้โทรศัทพ์สาธารณะ อดอมยิ้มไม่ได้ ทั้งที่เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นมา
นายตำรวจหนุ่มเดินไปหยุดยืนอยู่บนขอบฟุตบาธริมถนน โบกมือเรียกแท็กซี่ สูดลมหายใจเข้าช้าๆ รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างประหลาด
ศรันย์เข้ามาในชีวิตของเขาแบบไม่คาดฝัน และตอนนี้เขาก็เริ่มจะชินกับการที่มีคนหน้าทะเล้นคนนั้นคอยกวนอารมณ์เสียแล้ว และเมื่อเขาต้องมานั่งประจำอยู่ที่หน่วย ศรันย์ก็คงต้องหาเรื่องขึ้นโรงพักอีกเป็นแน่แท้ คงจะต้องเตรียมรับมือให้ดีเสียแล้ว
♥♥♥♥♥

►จบบทที่ 11◄

[/size]
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 11 ►24/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 24-02-2017 17:35:15
น้องเรียว เริ่มหวั่นไหวกับเฮียศรัณย์แล้ววว เขินนนน
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 11 ►24/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-02-2017 21:48:42
สรุปว่าหมวดเรียวไม่ซิงซินะ บางทีอาจจะเป็นพวกไบ ที่รุกก็ได้ รับก็ได้ ด้วย
ถึงไม่ค่อยมีปฏิกิริยาเท่าไหร่กับการต้องเล่นเป็นเด็กขาย หรือเวลาที่โดนผู้ชายคนอื่นลวนลามก็ดูจะเฉยผิดคาด
แต่กับไอ้คุณศรัณย์นี่ออกอาการเหมือนจะหวงเนื้อหวงตัวพิกล คนอ่านละงง

คือ สงสัยปมนี้มานานละ พอมาถึงตอนนี้ก็บางอ้อ

 
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 11 ►24/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-02-2017 23:30:19
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 11 ►24/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 25-02-2017 13:00:01
สรุปว่าหมวดเรียวไม่ซิงซินะ บางทีอาจจะเป็นพวกไบ ที่รุกก็ได้ รับก็ได้ ด้วย
ถึงไม่ค่อยมีปฏิกิริยาเท่าไหร่กับการต้องเล่นเป็นเด็กขาย หรือเวลาที่โดนผู้ชายคนอื่นลวนลามก็ดูจะเฉยผิดคาด
แต่กับไอ้คุณศรัณย์นี่ออกอาการเหมือนจะหวงเนื้อหวงตัวพิกล คนอ่านละงง

คือ สงสัยปมนี้มานานละ พอมาถึงตอนนี้ก็บางอ้อ
มันคืองานของหมวดเรียวคร้าบ อิ อิ แต่กับศรันย์นี่มันไม่ใช่งาน ก็เลยไม่เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 11 ►24/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 25-02-2017 21:15:39
เมื่อไหร่หมวดเรียวจะโดน ท้าทายเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 11 ►24/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 26-02-2017 01:15:18
หมวดเรียวเก้าชีวิต นี่แอบคิดว่ามาร์คคงไม่จบง่ายๆ
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 12 ►28/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 28-02-2017 13:27:16
♀ บทที่ 12 ♀

ร้อยตำรวจเอกคมกริชวางเอกสารปึกใหญ่ลงบนโต๊ะทำงานของร้อยตำรวจโทเรียวซึ่งกำลังนั่งจัดเรียงแฟ้มอยู่
"หมวดเรียว คุณเรียงเอกสารยังไง ทำไมมั่วไปหมด" คมกริชชี้นิ้วลงบนเอกสารบนโต๊ะ
"ผมเรียงตามวันที่ครับ" เรียวตอบ
"เรียงวันที่ แต่ไม่เรียงเดือนปี" คมกริชพลิกเอกสารให้ดู "หก กุมภาพันธ์ ปีห้าหนึ่ง ยี่สิบ กุมภา ห้าสอง ยี่สิบห้า มีนาคม ห้าสิบ ยี่สิบเจ็ด กุมภา ห้าสาม แล้วก็ ยี่สิบแปดมกรา ปีห้าหนึ่ง"
"ถ้ายังงั้นให้แยกออกมาแฟ้มละปีใช่ไหมครับ" เรียวถามหน้าซื่อ ซึ่งคมกริชไม่แน่ใจนักว่าเพราะอีกฝ่ายไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งทำ
"ไม่ต้องมาถามผม เรียงแบบนี้เมื่อไหร่จะหาอะไรเจอ"
"ผู้กองก็รู้ ผมไม่ถนัดงานเอกสาร" เรียวบ่น "ผมถนัดงานปลอมตัวหาข่าว"
"เรียงใหม่ ถ้าไม่เสร็จไม่ต้องกลับบ้าน" คมกริชสั่งเสียงเข้ม เดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง ขณะที่ผ่านโต๊ะของชินวัฒน์ จึงสั่งให้มาช่วยเรียวทำงาน

"มันจะยากอะไรนักหนา" ชินวัฒน์กระแทกตัวลงนั่งข้างเพื่อนคู่หู "แค่เรียงกระดาษก็ทำไม่ถูก"
"ทำไป อย่าบ่น" เรียวผลักกองเอกสารไปให้ชินวัฒน์
"เฮ้ย ช่วยกันทำสิวะ" ชินวัฒน์โวยวาย
"เบื่อฉิบหาย สารวัตรทำไมมาแกล้งกันแบบนี้ ก็รู้อยู่ว่ามันผิดพลาดทางเทคนิค แค่ดุนิดๆ หน่อยๆ ก็น่าจะพอ นี่ให้มานั่งทำงานเอกสารยังกะเสมียนสำนักงาน" เรียวบ่น
"หรือจะไปโบกรถกลางสี่แยก ทั้งร้อนทั้งเหม็น"
"ก็ยังดีกว่ามานั่งเรียงกระดาษล่ะ" เรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่
"เออ แล้วนี่คุณศรันย์จะโดนจับไหม พี่แกหัวไวดีจริงๆ เล่นเอาป่วนกันทั้งโรงแรม" ชินวัฒน์หัวเราะ "คิดได้ยังไงวะ"
"คงไม่หรอก โรงแรมเขาไม่ได้แจ้งความนี่นา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น คงคิดว่าแขกในห้องทำให้ระบบฉีดน้ำทำงานมั๊ง" เรียวยักไหล่ เอนตัวพิงเก้าอี้ มือประสานท้ายถอย ยกเท้าทั้งสองขึ้นพาดบนโต๊ะ
"เดี๋ยวผู้กองกับสารวัตรเห็นได้โดนด่าอีกหรอก" ชินวัฒน์ท้วง
"เชิญ ไม่สนแล้ว ไอ้เรียวทำอะไรก็ผิดหมด อยากด่าก็ด่าไป"
"นี่ ช่วยเรียงเอกสารหน่อยสิ ผู้กองให้ผมมาช่วยคุณทำงานนะ ไม่ใช่ให้มาทำแทน" ชินวัฒน์ชี้นิ้วไปยังกองเอกสารบนโต๊ะตรงหน้า
"เบื่อโว๊ย" เรียวทำเสียงหงุดหงิด
"เบื่อก็หาอะไรสนุกๆ ทำ" ชินวัฒน์เสนอความคิด "ไปหาเรื่องแกล้งคุณศรันย์เล่นดีไหม จะได้หายเบื่อ"
"จะบ้าหรือ เราเป็นตำรวจนะ จะไปทำแบบนั้นกับประชาชนได้ยังไง"
"อ้าว แต่ก่อนอยากแกล้ง ทำไมตอนนี้ไม่อยากแกล้ง หรือว่า เริ่มจะมีใจ" ชันวัฒน์ยักคิ้ว
"มีใจกะผีอะไร"
"ผมว่าเค้าชอบหมวดแน่ๆ"
"เขาบอกแล้วนะ ว่าจีบ"
"ฮ้า พูดแล้วหรือ จริงหรือเล่น" ชินวัฒน์อุทาน
"นี่คุณหมวดลูกชิ้น อย่างนายศรันย์นะหรือมีพูดจริง" เรียวผลักไหล่เพื่อน
"ไม่แน่นะ เขาอาจจริงจังก็ได้"
"เจ้าชู้ขนาดนั้น ตอแหลก็เป็นที่หนึ่ง เขาคงคิดแค่จะกินตำรวจล่ะสิ คงคิดว่าเท่ จะได้เอาไปคุยให้เพื่อนฟัง คนแบบนี้ พอได้อย่างที่ต้องการแล้วก็คงเลิก หาอะไรใหม่ๆ สนุกๆ ทำไปเรื่อย" เรียวเบ้ปาก ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างศรันย์นั้นจะจริงจังกับอะไรเป็น
♥♥♥♥♥

วันนี้ศรันย์รับผิดชอบเป็นคนปิดอู่หลังจากที่ปล่อยให้สุวัฒน์ลูกน้องคนสนิทรับผิดชอบมาเป็นเวลานาน หลังจากล๊อคกุญแจหน้าแล้วจึงเดินมาที่รถบีเอ็มดับบลิวคู่ใจซึ่งจอดอยู่ใต้ร่มไม้หน้าอู่ ขณะที่กำลังเปิดประตูรถ ก็มีรถเบ็นซ์สปอร์ตสีดำแล่นเข้ามาจอดข้างๆ คนที่ลงจากรถทำให้ศรันย์ต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ
"ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย เรื่องของหนุ่ม" บอสพูดขึ้นหลังจากยกมือขึ้นสวัสดีและกล่าวทักทายศรันย์
"หนุ่ม" ศรันย์ย่นหัวคิ้ว คิดอยู่ครู่หนึ่งว่าหนุ่มคือใคร แต่ทันใดก็นึกออกว่าคือหมวดเรียวซึ่งปลอมตัวเข้าไปทำความรู้จักกับบอส "ทำไม มีอะไรหรือ"
"ผมมาขอหนุ่มจากพี่" ใบหน้าของบอสดูจริงจัง
"อะไรนะ" ศรันย์อุทาน
"ผมชอบหนุ่ม ชอบมาก ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร ผมจะเอาหนุ่มเป็นแฟน"
"จะจีบ ว่ายังงั้นเถอะ"
"ครับ" บอสพยักหน้า
"ไม่ได้ พี่ให้ไม่ได้" ศรันย์นึกฉุน อยู่ดีๆ บอสก็จะมาขอหมวดเรียวจากเขาง่ายๆ แบบนี้หรือ บอกว่าจะเอาไปเป็นแฟนอีกต่างหาก
"ผมถามพวกเด็กๆ แล้ว พี่เป็นอาเขา ไม่ได้เป็นแฟนหรืออะไรกันเลย"
"แล้วคิดหรือว่าเขาจะยอม แล้วไอ้พวกนั้นมันรู้อะไรแค่ไหนเชียว"
"หนุ่มเป็นเด็กพี่หรือครับ แต่เท่าที่ผมเห็นมันไม่ใช่ อีกอย่าง หนุ่มก็ชอบผม"
"รู้ได้ไงว่าเขาชอบ"
"เราจูบกันแล้ว ผมจูบหนุ่ม แล้วหนุ่มก็จูบตอบ" บอสตอบด้วยเสียงมั่นใจ "แบบแลกลิ้นกัน"
เฮ้ย ขนาดนั้นเลยหรือ หมวดเรียวทำไมต้องแสดงบทบาทลึกซึ้งขนาดนั้น แค่ปลอมตัวเข้าไปหาข่าว ต้องจูบแลกลิ้นกันเลยหรือ ความจริง ตำรวจไม่น่าจะได้ข้อมูลอะไรเลยเพราะบอสล้างมือจากธุรกิจผิดกฏหมายไปแล้ว หมวดเรียวก็เลิกปลอมตัวเข้าไปสืบในกลุ่มพวกแข่งรถแล้วนี่นา
"แค่นี้เอง"
"พี่ศรันย์ ผมขอร้องเถอะ ผมชอบหนุ่มจริงๆ ผมไม่เคยเจอใครที่ผมชอบแบบนี้มาก่อน พี่คงไม่เชื่อเรื่องรักแรกพบ สำหรับพี่มันคงเป็นสิ่งแปลกประหลาดและเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับผมมันมีความหมายมาก ผมชอบหนุ่ม เราจะก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน" บอสพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง
"แล้วรู้หรือว่าจริงๆ เขาเป็นใคร" ศรันย์อยากจะบอกบอสจริงๆ เลยว่าความจริงนั้น หนุ่ม ที่บอสรู้จัก คือหมวดเรียวปลอมตัวไป
"รู้แล้วครับ แต่ผมก็ไม่แคร์ สิ่งนั้นไม่ใช่อุปสรรค หนุ่มรับปากกับผมแล้วว่าจะเลิก ที่ผมมานี่ก็เพราะอยากให้พี่รับรู้"
"ตกลงมาขอหนุ่ม หรือแค่มาบอกให้รู้ว่าจะเอาหนุ่ม" ศรันย์ยกมือขั้นเท้าสะเอว ชักฉุนขึ้นมาเสียแล้ว
"ผมชอบหนุ่มมาก ผมขอนะครับ" บอสพูดแล้วเดินไปขึ้นรถตัวเอง ปล่อยให้ศรันย์มองตามด้วยสายตาขุ่นๆ
อะไรวะ มาพูดง่ายๆ แบบนี้แล้วก็ไปง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน มันไม่ได้มาขอนุญาตนี่หว่า มันแค่มาบอกว่าชอบหมวดเรียว มันจะเอา แล้วบอกเป็นนัยว่าให้เราถอยไป
♥♥♥♥♥

ด้วยความร้อนใจ วันรุ่งขึ้น ศรันย์จึงตรงไปยังสถานีตำรวจที่ทำงานของหมวดเรียว แต่เมื่อเข้าไปยังห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษก็อยากจะหัวเราะยิ่งนักเมื่อเห็นนายตำรวจจอมกวนนั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะใกล้ประตู กำลังจัดเรียงเอกสารกองโตอยู่คนเดียว
"กำลังสืบคดีลับสุดยอดหรือครับคุณหมวด ท่าทางเคร่งเครียดมากเลยทีเดียวเชียว" ศรันย์อดแหย่ไม่ได้
"ไปไกลๆ เลยนะคุณ กำลังอารมณ์ไม่ดี" เรียวพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
"หัวหน้าคุณหมวดนี่รู้จักวิธีทำโทษลูกน้องที่ทำงานผิดพลาดจริงๆ เลยนะ น่านับถือ" ศรันย์หัวเราะเบาๆ
"ผมบอกว่าไปให้พ้น"
"ดุจริงๆ เอาปืนขึ้นมาขู่ผมซะเลยสิคุณหมวด" ศรันย์แบ้ปาก "แต่ เอ๊ะ ผมว่าไม่มีแหงๆ เพราะคงโดนยึดอาวุธไปแล้ว"
"คุณต้องการอะไร" เรียวหยุดจัดเอกสาร เงยหน้าขึ้นมองประชาชนซึ่งเข้ามารบกวนการทำงาน
"ผมมาแจ้งความ" ศรันย์แกล้งทำหน้าเต็มไปด้วยกังวลใจ "เมื่อคืนมีคนบุกไปที่อู่ผม"
"ไปแจ้งร้อยเวรโน่น"
"เรื่องนี้ร้อยเวรก็ช่วยไม่ได้ครับ ต้องคุณหมวดเรียวเท่านั้น"
"ว่างมากหรือไงคุณ ไม่มีอะไรทำหรือ ไม่เปิดอู่หรือไง มาหาเรื่องอยู่ได้" เรียวถามด้วยน้ำเสียงเอือมระอา
"ไมได้มาหาเรื่อง มาถามต่างหาก ว่าทำไมคุณหมวดไปทำอะไรแบบนั้น มันเกินไปนะ จะปลอมตัวก็แค่เอาให้พอดีก็ได้ ไม่เห็นจะต้องทุ่มสุดตัวขนาดนั้น"
"จะให้ขอบคุณเรื่องที่ช่วยใช่ไหม ได้ ขอบคุณ ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง อ้อ แล้วอย่าเพิ่งทวงเรื่องสิ่งตอบแทนนะ เงินเดือนยังไม่ออก"
"เรื่องอะไร ผมยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย" ศรันย์ทำหน้าเหรอรา "ที่มานี่ไม่ใช่เรื่องที่ผมช่วยคุณหมวดให้รอดจากการถูกร่วมเพศหรอกนะ เรื่องนั้นจิ๊บๆ"
"คุณศรันย์ อย่ามากวนอารมณ์ผมนะ" เรียววางกระดาษในมือลง ลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นเท้าสะเอว หน้าตาเอาเรื่อง
"เปล่าๆ ไม่ได้ตั้งใจจะกวนเลยสักนิด อย่าทำหน้าดุแบบนี้สิครับ" ศรันย์ทำหน้าตื่น ยกมือทั้งสองข้างโบกห้าม "อะไรกัน นิดๆ หน่อย ก็โกรธซะแล้ว แบบนี้ต้องไปปรึกษานักจิตวิทยาเพื่อปรับพฤติกรรมบ้างก็ดีนะ"
"แล้วตกลงคุณมาทำไม เมื่อไหร่จะรู้เรื่องซะที"
"ผมมาเพราะว่ามีคนไปขอคุณหมวดจากผม" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับว่าหนักใจเป็นอย่างยิ่ง เรียวยืนนิ่ง เอียงหน้ามอง ไม่พูดอะไร ศรันย์จึงพูดต่อว่า "เขาบอกว่าชอบคุณหมวด ทีแรกผมก็สงสัยนะว่า เอ๊ะ แบบนี้ชอบเข้าไปได้ยังไง แต่เขาบอกว่ามันเป็นรักแรกพบ ผมก็เลยเข้าใจว่า อ๋อ มันคงเมายาหน่อยๆ เลยพูดออกมาแบบนั้น"
"บอสใช่ไหม" เรียวถามห้วนๆ
"อ้าว คุณหมวดรู้หรือ รู้ได้ไง ยังไม่ได้บอกเลยว่าใคร" ศรันย์เลิกคิ้ว
"ขอบคุณที่มาบอก เสร็จธุระแล้วก็กลับไปซะ" เรียวกระแทกตัวนั่งลง
"มันบอกว่าคุณหมวดก็ชอบมัน"
"อะไรนะ" เรียวอุทานด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
"มันบอกว่าเพราะจูบแล้วแลกลิ้นกัน มันเลยรู้ว่าคุณหมวดก็ชอบมันด้วย ฮึ เด็กหนอเด็ก ช่างไม่รู้อะไรเอาซะเล๊ย อ่อนประสบการณ์ แค่จูบแลกลิ้นก็เหมาเอาว่าเขาชอบ แต่ความจริง ทำไมคุณหมวดต้องเล่นบทบาทถึงขนาดนั้นด้วย มีกอดมีจูบกันด้วย จูบธรรมดาไม่เท่าไหร่ ถึงกับต้องแลกลิ้นกันด้วย แบบนี้เรียกว่าทำเกินกว่าเหตุหรือเปล่า" ศรันย์ส่ายหน้า ทำท่าอ่อนอกอ่อนใจ
"ก็จริงอย่างที่บอสพูด"
"อะไรนะ" ศรันย์อุทานเสียงดัง
"ทีนี้คุณไปได้แล้ว มาเพื่ออยากจะรู้แค่นี้ใช่ไหม"
"อะไรว๊า" ศรันย์อ้าปากค้าง
"ผมก็คิดอยู่ว่าจะบอกบอสยังไงดี แต่เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่งหรอกนะ อยู่เฉยๆ ดีที่สุด เอาล่ะ ตอนนี้คุณกลับไปได้แล้ว ผมจะทำงานต่อ แล้วเรื่องเลี้ยงข้าว รอเงินเดือนออกสิ้นเดือนก่อน แล้วจะติดต่อไป"
"ใครว่าเลี้ยงข้าว ถ้าคุณหมวดหมายถึงสิ่งตอบแทนที่ผมไปช่วยคุณที่โรงแรมนั่นน่ะ ไม่ใช่หรอกนะ ผมมีหลักฐาน คุณหมวดว่าตอบแทนอะไรก็ได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผมต้องการก็คือ...." ศรันย์หยุดพูดเฉยๆ ยกมือขึ้นกอดอก เอียงหน้าคิด
"อย่าให้มากนัก เดี๋ยวจะไม่ได้อะไรเลย"
"อ้าว อย่าบอกนะว่าจะโกงกัน ผมมีหลักฐานนะคุณหมวด ข้อความในโทรศัพท์ผมก็มีอยู่" ศรันย์ชี้หน้านายตำรวจ
"ตกลงอยากได้อะไร บอกมาเลย"
"ไปเที่ยวด้วยกัน" ศรันย์ยักคิ้ว
"ก็ได้ คืนนี้เลยไหม ว่างพอดี ผับไหน บอกมา ห้าทุ่มถึงตีหนึ่งเท่านั้นนะ พรุ่งนี้ผมต้องมาทำงาน"
"ไม่ใช่เที่ยวแบบนั้น" ศรันย์ส่ายหน้า "กะอีแค่ไปเที่ยวผับ คุ้มที่ไหนเล่า อุตส่าห์ลงทุนเผาโรงแรม มันต้องพิเศษกว่านั้นหน่อยสิ ผมหมายถึงไปเที่ยวทะเลด้วยกันอะไรประมาณนี้"
"ไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอก" เรียวถอนหายใจ
"หัวหินก็ได้เอ๊า หยวนๆ" ศรันย์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยิ้มกว้าง "ความจริงอยากไปกระบี่ ภูเก็ต สิมิลัน มัลดีฟส์ หรือฮาวาย แต่ไปแค่หัวหินก็ได้ ผมจ่ายทุกอย่าง คุณหมวดออกเฉพาะค่าอาหารก็พอ"
"คุณศรันย์"
"นะครับ" ศรันย์ทำหน้าอ้อน "ผมไม่ได้เที่ยวทะเลมาหลายปีแล้ว ทำแต่งาน ถือโอกาสไปพักผ่อน  แต่จะไปคนเดียวก็เหงาตายพอดี"
"อย่างคุณนี่หรือทำแต่งาน เชื่อตายล่ะ"
"ตกลงนะ ผมขอร้อง จะให้คุกเข่าก็ได้เอ๊า" ศรันย์พูด ทำท่าจะคุกเข่าลงจริงๆ  เรียวรีบห้ามด้วยเสียงดุๆ ศรันย์จึงพยายามพูดโน้วน้าวต่อจนในที่สุดนายตำรวจหนุ่มต้องยอมเพราะไม่เช่นนั้นก็คงไม่จบ
"คุณหมวดรีบลางานเลย ลากิจซักอาทิตย์หนึ่งก็ได้" ศรันย์แนะนำ
"จะบ้าหรือ ไม่ได้หรอก ไปเช้าเย็นกลับ"
"เฮ้ย ไปทะเลนะครับ ไม่ใช่ไปสวนสยาม" ศรันย์โวย "อย่างน้อยก็พักซักคืนหน่อยเถอะ อ๊ะๆ ไม่ต้องพยายามจะหาเหตุผลอะไรอีกแล้ว ถ้าคุณหมวดไม่ตกลง ผมก็จะมาตื๊อชวนทุกๆ วัน"
ในที่สุด เรียวก็จำต้องตอบตกลง
เพราะตัดปัญหาไม่ต้องการให้คนเรื่องมากมาตื๊อทุกวันหรือที่จริงเพราะอะไรนั้น เรียวก็ยังไม่แน่ใจนัก
♥♥♥♥♥
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 12 ►28/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-02-2017 15:02:53
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 12 ►28/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 28-02-2017 18:58:28
ตำรวจโดนประชาชนล่อลวง(ล้วง) แล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 12 ►28/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 28-02-2017 19:09:15
เฮียศรัณย์น่าจะชวนหมวดเรียวไปสเม็ดนะ 555555555
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 12 ►28/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-02-2017 19:25:14
ถ้าหมวดเรียวคิดว่าอิเฮียไม่จริงจัง หวังฟันหมวด

หมวดก็ one night กับอิเฮียมันไปซักคืนดิ  :hao6: อิเฮียจะได้เลิกตาม

หรือจะตามมากกว่าเดิมก็ไม่รู้นะ ฮิ้ววววววว
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 12 ►28/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 28-02-2017 20:03:10
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 12 ►28/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 28-02-2017 23:19:54
อยู่ในช่วงประชาชนล่อลวงตำรวจรึเปล่าคะ
หัวข้อ: Re: ตำรวจ คนนี้ พี่ขอ (ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 12 ►28/2/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-02-2017 23:51:12
ตำรวจวัยละอ่อนก็ต้องแพ้ทางประชาชนเขี้ยวลากล่ะน้อ   :hao3:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ จบบทที่ 12 ►1/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 01-03-2017 10:26:15
"เฮ้ย ไปทะเลนะครับ ไม่ใช่ไปสวนสยาม" ศรันย์โวย "อย่างน้อยก็พักซักคืนหน่อยเถอะ อ๊ะๆ ไม่ต้องพยายามจะหาเหตุผลอะไรอีกแล้ว ถ้าคุณหมวดไม่ตกลง ผมก็จะมาตื๊อชวนทุกๆ วัน"
ในที่สุด เรียวก็จำต้องตอบตกลง
เพราะตัดปัญหาไม่ต้องการให้คนเรื่องมากมาตื๊อทุกวันหรือที่จริงเพราะอะไรนั้น เรียวก็ยังไม่แน่ใจนัก
♥♥♥♥♥

ศรันย์นั่งหน้างอมองหมวดเรียวกับหมวดชินวัฒน์รับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ตอนแรกหลงดีใจที่หมวดเรียวยอมมาเที่ยวทะเลด้วย แต่นายตำรวจจอมกวนกลับ 'หนีบ' เอาเพื่อนคู่หูมาด้วยและไม่ยอมห่างกันเลย
"กินเยอะๆ นะหมวดลูกชิ้น มาทะเลทั้งที ต้องกินอาหารทะเลให้ครบห้าหมู่" เรียวพูด หยิบปูเผาตัวใหญ่ส่งให้ชินวัฒน์ผู้ซึ่งไม่เคยปฏิเสธของกิน
"ตัวสุดท้ายแล้วหรือเนี่ย ยังไม่อิ่มเลย" ชินวัฒน์พูด
"ไม่อิ่มก็สั่งมาอีก"
"ปูจะหมดทะเลอยู่แล้วนะคุณหมวด นี่เรียกว่ากินหรือเปล่า กุ้งก็สามกิโลเข้าไปแล้ว ปลาหมึกอีกหนึ่งกิโล ปูสองกิโล ไหนจะกั้งอีก หอยหวาน หอยแครง หอยแมลงภู่ก็กวาดเรียบ นี่จะสั่งปูอีกหรือ" ศรันย์รีบพูดขึ้นมา
"ทำไม คุณกลัวไม่มีเงินจ่ายหรือ ไม่เป็นไรหรอกน่า จะออกช่วยซักพัน" เรียวพูด
"พันเดียว" ศรันย์อุทาน ชูนิ้วขึ้นมา "คุณหมวดรู้หรือเป่าว่าที่สวาปามเข้าไปนี่มันกี่พันแล้ว"
"คุณเป็นคนชวนมาเองนะ" เรียวยักไหล่
"ชวนแต่คุณหมวดเรียว แต่ไม่ได้ชวนคุณหมวดชูชก" ศรันย์ตอบ
"เถอะน่าคุณศรันย์ ถ้าเงินไม่พอจ่าย ผมกับหมวดเรียวจะช่วยกันเบ่งกินฟรีเอง มากับตำรวจ กลัวอะไร" ชินวัฒน์พูดขณะที่อาหารเต็มปาก
"ไม่ใช่ถิ่นเรานะหมวดลูกชิ้น" เรียวเตือนเพื่อน
"งั้นพอเถอะ เดี๋ยวคุณศรันย์ไม่มีเงินจ่าย ไม่อยากถูกร้านกักตัวเอาไว้ล้างจาน ดูสิ คนรอจ่ายเงินหน้างอแล้วนั่นน่ะ" ชินวัฒน์พูด แต่ยังไม่วางก้ามปูในมือ
"ไม่ต้องมาประชดผมหรอก อยากกินก็กินไปเถอะ ผมยอมแล้ว" ศรันย์ตอบเสียงสะบัด
"คุณก็กินบ้างสิ เอาแต่นั่งหน้าบึ้งแบบนั้นไม่อิ่มนะ" เรียวชี้ไปที่จานอาหารของศรันย์
"กินเสร็จแล้วหมวดลูกชิ้นขึ้นห้องนอนเลยนะ ผมกับหมวดเรียวจะไปนั่งฟังเพลงที่บาร์ชายหาด" ศรันย์ออกคำสั่ง
"ผมก็อยากฟังเพลง" ชินวัฒน์ส่ายหน้า
"คุณจะไปเป็นกอขอคอผมไปถึงไหนฮึ หมวด" ศรันย์ชักจะไม่ไหว
"แหม ล้อเล่นหน่อยเดียว" ชินวัฒน์หัวเราะ
"ล้อเล่นแบบนี้ไม่ชอบนะ มันทำให้ผมขวัญเสีย" ศรันย์ค้อน
"จะไปนั่งฟังเพลงที่บาร์ ถามผมหรือยังว่าอยากไปหรือเปล่า" เรียวเลิกคิ้วข้างเดียว ทำหน้ากวนๆ
"แล้วอยากไปไหมล่ะ" ศรันย์ถามเสียงห้วน ชักจะหมดอารมณ์โรแมนติก
"ควรไปดีไหมหมวดลูกชิ้น" เรียวหันไปถามเพื่อนซึ่งกำลังมีความสุขกับการแทะก้ามปู "หมวดจะอยู่ในห้องคนเดียวได้ไหม"
"ได้ๆ ไม่ต้องห่วง" ชินวัฒน์พยักหน้า "ถ้ามีขนมเค้กซักปอนด์สองปอนด์ นอนดูทีวีไปกินขนมเค้กไป ชิลด์ๆ ไม่มีปัญหา"
"เดี๋ยวจะสั่งเค้กช๊อคโกแล็ตให้สองปอนด์ แถมด้วยผลไม้ล้างปากอีกหนึ่งถาด ดีไหม" ศรันย์พูดขึ้น ชินวัฒน์พยักหน้าทันที
"ไม่อยากไปหรอกนะ แต่ไปก็ได้ สงสารคุณ อุตส่าห์ทุ่มเงินเลี้ยงอาหารทะเลเผา" เรียวยักคิ้ว ทำหน้ากวนๆ เช่นเคย "แต่อยู่ไม่ดึกนะ ผมง่วงแล้ว กินเสร็จ หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ง๊วงง่วง"
♥♥♥♥♥

บาร์ริมชายหาดมีที่นั่งเป็นเบาะขนาดใหญ่ปรับให้เอนนอนได้ นั่งฟังเพลงไม่กี่เพลง เรียวก็เผลอหลับไป ปล่อยให้ศรันย์นั่งดื่มเหล้าอยู่เดียว
"หลับเร็วจริง" ศรันย์หันไปมองคนที่นอนตะแคงขดตัวอยู่ข้างๆ อยากจะเอื้อมไปแตะริมฝีปากแดงระเรื่อของนายตำรวจหน้าขาวยิ่งนัก "กินอิ่มก็หลับ แล้วแบบนี้จะไปเดินเล่นริมชายหาดดูพระจันท์ตกน้ำกันได้ยังไงละเนี่ย"
ศรันย์เผลอยิ้มมุมปาก เอนตัวเข้าไปใกล้เรียว เพ่งมองใบหน้าของนายตำรวจหนุ่มด้วยสายตาอ่อนโยน
"หมวดเรียว รู้ไหมว่าผมชอบคุณเข้าให้แล้วนะ ถึงคุณจะกวน ถึงคุณจะชอบแกล้งผม ถึงคุณจะเจ้าเล่ห์แสนกลยังไง แต่ผมก็ชอบคุณนะ" ศรันย์พึมพำเบาๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แต่ทันใดนั้นก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทักจากชายหนุ่มคนหนึ่ง
"พี่ศรันย์ พี่ศรันย์ใช่ไหมครับ"
ศรันย์หันขวับ พอเห็นว่าใครทักก็อุทานชื่อออกมาเบาๆ หันกลับไปมองเรียวอีก แต่นายตำรวจหนุ่มยังคงหลับอยู่
"มากับเด็กใหม่หรือครับ หน้าตาดีไม่เลวนะ นั่งด้วยได้ไหมครับ"
"เชิญครับ" ศรันย์พยักหน้า "แซมมานานแล้วหรือ มาคนเดียวหรือเปล่า"
"เพิ่งมาถึงครับ มาคนเดียวเพราะยังโสดอยู่ เพราะฉะนั้นผมจีบพี่ได้ไหม" แซมทำตาวาบหวามใส่ศรันย์
"พี่ไม่ได้มาคนเดียว" ศรันย์พูดเสียงเรียบ ปรายตามองเรียวซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ไม่ห่าง
"ก็เขาหลับแล้วนี่ครับ พี่ทำให้เขาเหนื่อยจนหมดแรงเลยหรือ เอ๊ะ แต่ว่าบาร์ริมหาดนี่บรรยากาศก็ดีนะครับ เพลงเบาๆ หวานๆ นั่งแล้วเพลิน ได้บรรยากาศ แขกคนอื่นก็หลับกันหลายคน"
"พี่ก็ใกล้จะหลับเหมือนกัน" ศรันย์แสร้งทำท่าหาว
"คิดถึงพี่จังเลย ไม่ได้เจอตั้งนาน พี่เปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่หรือ ผมโทรไปยังไงก็ไม่ติด รู้ไหม ตอนนี้ผมย้ายกลับมาเมืองไทยแล้วนะ ได้งานที่กรุงเทพฯ เริ่มอาทิตย์หน้า เลยถือโอกาสมาเที่ยวส่งท้ายก่อนเริ่มงาน พี่พาผมเที่ยวได้ไหมครับ หัวหินมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง"
"มีทะเล" ศรันย์ตอบสั้นๆ
"ตลกจัง" แซมผลักไหล่ศรันย์
"หัวหินก็มีแค่เท่าที่เห็นนี่ล่ะ ถ้าจะเที่ยวทะเลจริงๆ ก็ต้องลงใต้"
"พาไปหน่อยสิครับ แบบที่เราเคยไปสิมิลันด้วยกัน จำได้ไหม นอนแก้ผ้ากอดกันบนหาดทรายตอนกลางคืน ลมเย็นๆ รู้สึกอิสระ" แซมขยับตัวเข้ามาใกล้ ศรันย์หันไปมองเรียวอีกครั้ง แซมจึงพูดขึ้นมา "ปลุกน้องเขาให้ไปนอนที่ห้องสิครับ แล้วพี่ก็ออกมาเที่ยวกับผม เราไปดื่มที่ผับโคโค่แจ๊ซดีกว่า ทบทวนความหลังกันหน่อยนะ"
"พี่ทิ้งเขาไปไม่ได้หรอก พาเขามาแล้วก็ต้องรับผิดชอบสิ" ศรันย์ให้เหตุผล
"พี่ชอบเขาหรือ ไหนว่าไม่เคยคิดจะจริงจังอะไรกับเรื่องแบบนี้"
"คนเรามันเปลี่ยนกันได้ พี่อายุมากขึ้น เรื่องรักสนุกก็น้อยลง"
"แต่คืนนี้ไปสนุกกับผมก่อนนะครับ แล้วจะไปทำตัวเป็นฤาษีทีหลังก็ตามใจ ผมเพิ่งกลับเมืองไทย ยังไม่มีเพื่อน จะไปเที่ยวคนเดียวก็รู้สึกแปลกยังไงก็ไม่รู้ เที่ยวกับใครก็ไม่สนุกเหมือนเที่ยวกับพี่ รู้ไหม ทุกคนที่ผมเคยคบมา ผมไม่เคยนึกถึงใครเหมือนนึกถึงพี่เลยนะ"
"เราแค่สนุกกันนะแซม ไม่ได้คบกันเป็นแฟนเลย"
"ใช่" แซมพยักหน้า ยกมือขึ้นลูบไล้ต้นแขนของศรันย์ "ผมถึงรู้สึกเสียดายเท่าทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น ผมจะไม่ยอมพลาดโอกาสแบบนี้อีกต่อไป"
♥♥♥♥♥



►จบบทที่ 12◄
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ จบบทที่ 12 ►1/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: กุหลาบเดียวดาย ที่ 01-03-2017 12:55:29
ยังไม่เสร็จอีก ใครจะได้หมวดเรียวกันแน่หนอ
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 13 ►2/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 02-03-2017 11:45:53
♀ บทที่ 13 ♀

เรียวบิดขี้เกียจพร้อมครางเบาๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ศรันย์ซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ หันมามองแล้วบอกว่าเขาหลับไปเกือบครึ่งชั่วโมง
"อะไรกัน มานั่งฟังเพลงกลับมานอนหลับ ขี้เซาจริงๆ" ศรันย์พูดยิ้มๆ "ดื่มอะไรเย็นๆ หน่อยไหมครับคุณหมวด"
"บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าพออิ่ม หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน" เรียวส่ายหน้า ตามองผ่านศรันย์ไปยังชายหนุ่มรูปหล่อแต่งตัวดีที่นั่งอยู่ถัดไปจากศรันย์ผู้ซึ่งมองมาที่เขาด้วยสายตายิ้มๆ
ศรันย์แนะนำให้รู้จักกัน แซมถามว่าเรียวเป็นตำรวจจริงหรือไม่ เรียวพยักหน้า
"ดูยังไงก็ไม่เหมือนตำรวจ หน้าเด็กขนาดนี้ ผมคิดว่าพี่ศรันย์ไปหลอกเด็กมหาลัยปีหนึ่งมาเที่ยวด้วยซะอีก" แซมหัวเราะ
"เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบครับ ตัดผมทรงสกินเฮดก็เลยทำให้หน้าอ่อน" เรียวยิ้มบางๆ
"ตอนปลอมตัวใส่เครื่องแบบเป็นนักศึกษายิ่งเด็กกว่านี้" ศรันย์พูดกับแซม
"ตอนนี้ก็ดูเหมือนนักศึกษาครับ" แซมยิ้ม
"ผมขอตัวไปดูหมวดชินวัฒน์ก่อนนะ" เรียวพูดกับศรันย์ "ไม่รู้กินเค้กจนท้องแตกตายไปหรือยัง"
"ไม่ได้มากันแค่สองคนหรือครับ" แซมชี้นิ้วไปที่เรียวกับศรันย์สลับไปมา ตาลุกวาวอย่างชอบใจ
"ผมมากับเพื่อนครับ พักด้วยกัน ส่วนคุณศรันย์มาคนเดียว นอนคนเดียว อยู่โรงแรมนี้ล่ะครับ ห้อง 1156" เรียวตอบเสียงดังฟังชัดแล้วลุกขึ้นทันที
"เดี๋ยวสิคุณหมวด" ศรันย์ยกมือขึ้นจะคว้าแขนเอาไว้ แต่เรียวเดินออกห่างไปเสียก่อน บอกว่าปวดท้องจะต้องเข้าห้องน้ำด้วย แล้วถือโอกาสกล่าวราตรีสวัสดิ์เสียเลย
"ทีนี้จะหาข้ออ้างอะไรอีกหือพี่ศรันย์ จะให้ผมตีหัวแล้วลากตัวไปผับเลยไหม" แซมเอนตัวเขาหาศรันย์ แทบจะกอดแขนเอาไว้ "แค่ไปเที่ยวผับกับผมแค่นี้เอง ไม่ได้จะลากไปข่มขืนซะหน่อย นะครับ ไปเดี๋ยวเดียว นั่งเป็นเพื่อนผมซักชั่วโมงสองชั่วโมง ผมจะกลับมาส่งโรงแรมให้ทันก่อนหกทุ่ม"
♥♥♥♥♥

เสียงเคาะประตูดังขึ้นถี่ๆ เรียวแปรงฟันเสร็จพอดีจึงเดินไปส่องช่องตาแมวที่ประตูดูว่าใครมาหา เห็นศรันย์ยืนโงนโงนอยู่หน้าห้อง
"คุณเมาหรือเปล่า" เรียวเปิดประตูออกไปถาม
"เกือบๆ แล้ว" ศรันย์ตาปรือ พยักหน้าตอบ
"แล้วมาเคาะประตูห้องผมทำไม"
"หมวดลูกชิ้นนอนหรือยัง" ศรันย์ชะเง้อมองเข้าไปในห้อง
"ยัง กำลังกินพายสับปะรดดูทีวีอยู่" เรียวตอบ
"ชูชกจริงๆ เลย" ศรันย์ส่ายหน้า "แต่ก็ดีแล้วล่ะที่ยังไม่นอน คุณหมวดไปบอกเพื่อนย้ายห้องให้หน่อยสิ ให้หมวดลูกชิ้นไปนอนห้องผม แล้วผมขอมานอนห้องนี้"
"อะไรกันคุณ ห้องตัวเองก็มี ไม่เข้าใจ" เรียวย่นหัวคิ้ว
"ก็เพราะคุณหมวดนั่นล่ะทำให้ผมไม่ปลอดภัย เล่นไปบอกหมายเลขห้องผมให้แซมรู้ คืนนี้ผมนอนไม่ได้แน่ๆ แกล้งกันแบบนี้ได้ยังไง นี่รู้ไหมกว่าผมจะหาทางหนีมาได้ ต้องใช้มายาชายตั้งหลายเล่มเกวียน คุณหมวดไม่รู้อะไร เขาพยายามจะกินผมอยู่ นี่เลิกจากผับต้องบุกมาหาผมที่ห้องแน่ๆ" ศรันย์ทำหน้ามุ่ย
"อ้าว ก็นึกอยากจะได้กัน" เรียวแกล้งทำหน้าเหรอหรา
"น้อยๆ หน่อย ผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้นนะ มากับคนนี้ แล้วจะไปเอากับคนโน้น" ศรันย์เบ้ปาก ทำตาค้อนๆ "ผมมากับคนนี้ ผมก็ต้องเอากับคนนี้สิครับ"
"คุณศรันย์ ปากไม่ดี" เรียวกระชากเสียง ก้าวไปข้างหน้า กำหมัด เงื้อมือขึ้น ศรันย์ถอยกรูดทันที
"เอาอีกแล้ว จะใช้กำลังอีกแล้ว ดุจังเลย เอะอะก็จะใช้กำลัง ล้อเล่นหน่อยเดียวไม่ได้หรือไง"
"กลับห้องคุณได้แล้ว" เรียวไล่
"เดี๋ยวสิ ผมยังไม่ง่วง ยังไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่ออกจากกรุงเทพฯ เรายังไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันเลยนะคุณหมวด พอขึ้นรถ หมวดลูกชิ้นก็เอาแต่คุยเกือบตลอดทาง แล้วคุณสองคนก็หลับ ถึงโรงแรมก็กิน พอกินแล้วก็นอนกลางวัน นอนแล้วก็ตื่นขึ้นไปกินทะเลเผา พอพาไปฟังเพลงก็หลับ ตื่นขึ้นมาก็ผลักใสไล่ส่งผมให้ไปกับคนอื่น ผมไม่ได้อะไเลยนะ" ศรันย์บ่นยืดยาว
"หมายความว่ายังไง ไม่ได้อะไร คุณบอกว่าอยากมาทะเลก็มาแล้วนี่ไง"
"ไปเดินชายหาดกันหน่อยสิ นะคุณหมวดนะ จำได้หรือเปล่าที่สัญญาว่า ถ้าผมไปช่วยคุณที่โรงแรม ก็จะตอบแทนอะไรก็ได้ตามที่ผมต้องการ สิ่งเดียวที่ผมต้องการคือการได้ไปเดินชมธรรมชาติริมหาดทราย"
"ดึกป่านนี้แล้วจะชมอะไรได้"
"พระจันทร์ไง" ศรันย์ชี้นิ้วขึ้นข้างบน "เห็นใจผมหน่อย มาทะเลทั้งที เสียเงินค่าอาหารทะเลเผาให้เพื่อนชูชกของคุณหมวดไปตั้งหลายพันนะครับ"
"ก็ได้" เรียวพยักหน้าหลังจากยืนเอียงหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วชูนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว "แต่เดินรอบเดียวนะ ไม่ใช่เดินวนไปวนมา กลับมาคุณก็ไปนอนห้องตัวเอง ถ้ากลัวเขาจะบุกมาที่ห้อง คุณก็อย่าเปิดประตูรับก็แค่นั้นเอง"
♥♥♥♥♥

ศรันย์กับเรียวเดินเคียงคู่กันไปบนหาดทรายเงียบๆ แต่ไม่กี่นาที ศรันย์ก็บ่นขึ้นมา
"คุณหมวดเรียวครับ เดินชมธรรมชาตินะครับ ไม่ได้เดินทางไกลลูกเสือ ไม่ต้องเร็วขนาดนั้นก็ได้ คุณนี่รู้จักโรแมนติกเป็นไหมเนี่ย"
"คุณคิดว่ายังไงล่ะ" เรียวลดความเร็วลง "ผมมองไม่เห็นความสวยงามของชายหาดตอนกลางคืนหรอก ไม่เห็นมีอะไรน่าดูซักนิด" เรียวยักไหล่
"ถึงเป็นตอนกลางวันก็คงไม่เห็นด้วยล่ะมั๊ง" ศรันย์พูดเบาๆ แล้วหัวเราะ "นี่คุณหมวดเรียวครับ เคยดูหนังรักโรแมนติกไหม ที่พระเอกกับนางเองเขาเดินจูงมือกันริมหาดตอนกลางคืน แล้วชี้ชวนกันให้ดูดวงจันทร์ หรือไม่ก็ดาวตก แล้วก็ยืนอธิษฐาน"
"ผมเคยดูแต่หนังแอคชั่นยิงกันทะลุจอ"
"แบบคุณหมวดนี่คงต้องสอนเรื่องโรแมนติกอีกเยอะเลย" ศรันย์หัวเราะ
"ถามจริงๆ เถอะ คุณจะชวนผมมาเดินมืดๆ แบบนี้ทำไม ลมก็ไม่มี เหนียวตัวเหนอะหนะอีกต่างหาก กลับไปนี่คงต้องไปอาบน้ำอีกรอบ กว่าจะได้นอน"
"นี่แกล้งพูดหรือพูดจริงๆ ที่ถามผมเพราะไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งกวนเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง" ศรันย์หยุดยืน หันไปมองนายตำรวจผู้ปราศจากอารมณ์โรแมนติก
"ปกปิดอะไร" เรียวถามเสียงห้วน
"นี่คุณหมวดไม่รู้ใช่ไหมว่าผมรู้สึกยังไง"
"เลิกอ้อมไปอ้อมมาได้แล้ว" เรียวพูด
"คุณหมวดคิดว่าผมหาทางหลบมาจากแซมทำไมหรือ" ศรันย์เอียงหน้ามองเรียวครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า "เอ๊ะ หรือว่าคุณหมวดไม่พอใจที่อยู่ๆ ก็มีคนเข้ามาหาผม แบบนี้เขาเรียกว่าอาการอะไรน๊า"
"ทำไมหรือ มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เลย ผมจะได้ตอบตรงๆ ชอบตรงใช่ไหม เดี๋ยวจะตรงให้ดู"
"งั้นไม่ต้องตรงก็ได้" ศรันย์ยักไหล่ ถอนหายใจเล็กน้อย "เดี๋ยวเสียบรรยากาศหมด คนอะไรก็ไม่รู้ จะอ่อนโยนนุ่มนวลบ้างหน่อยก็ไม่มีเล๊ย"
"ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนคนอื่นนี่นา" เรียวพูดเสียงดังแล้วเร่งเท้าเดินนำหน้าไป
"น้อยๆ หน่อย อย่างคุณหมวดนะหรือไม่มีเล่ห์เหลี่ยม พูดแล้วขำ" ศรันย์หัวเราะแล้วเดินตาม แต่ไม่เร่งผีเท้าตามให้ทัน ขณะนี้หมวดเรียวสวมกางเกงขาสั้นผ้าฝ้ายสีอ่อนๆ เนื้อผ้าค่อนข้างบางเบา ทำให้อดไม่ได้ที่จะลดสายตามองลงต่ำ เวลาที่ร่างสูงของนายตำรวจก้าวเท้าเดินเร็วๆ บั้นท้ายงอนแน่นคู่นั้นขยับไปมาเป็นจังหวะ ถูกใจเขายิ่งนัก
ตอนนี้ศรันย์ยิ่งแน่ใจว่าตัวเองชอบเรียวเข้าให้แล้วอย่างหัวปักหัวปำ ตลอดเวลาที่แซมลากเขาไปนั่งดื่มในผับ คนเดียวที่นึกถืงคือหมวดเรียวคนนี้ ใบหน้ากวนๆ ของนายตำรวจลอยไปลอยมาอยู่ในหัวตลอดเวลา สลัดอย่างไรก็ไม่หลุดออก
ไม่ใช่สิ ความจริงเขาไม่อยากสลัดออกไปเลยต่างหาก
♥♥♥♥♥

เมื่อเดินมาสุดโค้งหาด ศรันย์ก็ทรุดตัวลงนั่งบนโขดหิน บ่นว่าเหนื่อยแล้ว ขอพักสักหน่อย เรียวไม่ตอบอะไร ยืนกอดอกนิ่ง มองออกไปยังความมืดเหนือทะเลเบื้องหน้า
"แค่นี้ผมก็พอใจแล้วล่ะ ได้อยู่กันเงียบๆ สองต่อสอง" ศรันย์พูดขึ้นมาเบาๆ
"ขอโทษนะ" เรียวนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาเบาๆ เช่นกัน
"ขอโทษเรื่องอะไรครับ"
"เรื่องที่พาเอาหมวดชินมาด้วย"
"จะยกโทษให้ ถ้าบอกให้หมวดชินแลกห้องกับผม" ศรันย์ตอบ
"แล้วก็ขอบคุณที่ช่วย" เรียวพูดต่อ ไม่ตอบโต้คำพูดของศรันย์
"จะว่าไป หมวดชินก็น่ารักดีอยู่หรอก แค่หาอาหารให้ไม่ขาดปากก็อยู่เฉยๆ แล้ว ไม่ได้เกะกะอะไร ผมเองก็เข้าใจคุณหมวดอยู่ ว่าจะรู้สึกยังไง ถ้าต้องมากับผมเพียงลำพัง" ศรันย์จงใจพูดไปอีกเรื่อง
"ความจริง ถ้าผมรออีกหน่อย ผู้กองคมกริชก็มาถึง จะได้ช่วยหาทางเอาตัวรอดได้ แต่ผมปอดไปหน่อย กลัวจะยื้อเวลานายมาร์คไม่ได้ เลยต้องขอให้คุณมาช่วย ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกจริงๆ"
"ผมรอได้นะคุณหมวด ของแบบนี้ ใจร้อนนักก็ไม่ได้ เพราะผมก็รู้ว่า ในชีวิตคุณหมวด ก็คงไม่ได้มีเฉพาะแค่ผมคนเดียวหรอก" ศรันย์พูด
"แต่ตอนนี้ โดนลงโทษให้เฝ้าหน่วยทำงานเอกสาร คงไม่มีออกหาข่าวเหมือนเคยอีกซักระยะ แล้วก็คงไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องลำบากขอให้ใครมาช่วย" เรียวพูดต่อ
"แต่ว่าถ้านานเกินไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน เจ้าบอสก็ออกตัวแรงแบบนั้น แต่จะให้ผมอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวผมตามไม่ทัน อีกอย่าง เล่นกันแบบถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนั้น ผมก็กลัวคุณหมวดจะหวั่นไหว จะอยู่ห่างๆ ก็ไม่ได้ เดี๋ยวกลัวลืมหน้า"
"เฝ้าออฟฟิสทั้งวันแบบนั้น ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน จะว่างออกมาได้ก็เฉพาะตอนพักเที่ยง คงไม่มีโอกาสจะเจอมนุษย์แน่เลย วันๆ ก้มหน้ามองแต่กระดาษ" เรียวถอนหายใจเล็กน้อย
"แต่ไม่เป็นไร เจ้าบอสยังไม่รู้ว่าคุณหมวดทำงานที่ไหน ส่วนผมก็อยู่ไม่ไกลจาก สน. จะขับรถไปชวนกินข้าวเที่ยงด้วยกันทุกวันก็ยังได้ บอสก็บอสเถอะ คราวนี้ผมทิ้งห่างแน่ คุณก็อย่าแอบไปเที่ยวหาแข่งรถตอนกลางคืนก็แล้วกัน"
"ผมไม่ใช่ผีเสื้อกลางคืนแบบคุณนะ ที่ออกไปไหนตอนกลางคืนก็เพราะเรื่องงาน" เรียวหันหน้ามาทำตาดุใส่ศรันย์
"ถ้ายังงั้น ตอนนี้คุณหมวดก็ไม่ต้องไปไหนตอนกลางคืนแล้ว เพราะฉะนั้นผมก็เบาใจเรื่องบอสได้ใช่ไหม" ศรันย์ลุกขึ้น เดินเข้ามาใกล้ "ถามจริงๆ นะหมวดเรียว ชอบบอสหรือเปล่า"
"เพิ่งเจอไม่กี่ครั้งเอง"
"ตอบไม่ตรงคำถาม"
"ทำไมต้องตอบ"
"ถ้าบอสยังขายยาอยู่ ไม่ได้เลิกไปซะก่อน คุณหมวดจะจับบอสไหม" ศรันย์เดินเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม มองหน้าของเรียว
"จริงๆ ก็ไม่ได้เรียกว่าผมไปทำงานแบบเต็มตัวหรอกนะ ผมถูกสั่งให้ถอนตัวจากการปลอมตัวไปสืบในมหาลัยแล้ว ที่ไปเพราะอยากจะไปดูไปเห็นว่าบรรยากาศมันเป็นยังไงเท่านั้น"
"ก่อนไปดูแข่งรถครั้งแรก หรือก่อนตอนที่ผมแข่งแล้วชนะ ได้รางวัลแลกเด็กหัวหน้าแก๊งค์มา หือ" ศรันย์ยักคิ้ว ถามยิ้มๆ เรียวไม่ตอบ หันไปมองทางอื่น ศรันย์จึงพูดต่อ "ถ้ายังงั้น พอรู้ว่าบอสวางมือไปแล้ว มันก็ไม่เห็นจะมีเหตุผลอะไรที่ต้องไปเกี่ยวข้องกับบอสอีกแล้วใช่ไหมล่ะ"
"ผมจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว มันเกี่ยวอะไรกับคุณ"
"เกี่ยวสิ ก็บอกแล้วไงว่าบอสไปขอคุณหมวดจากผม"
"ผมไม่ใช่สิ่งของ แล้วก็ไม่ได้เป็นของคุณ" เรียวพูดเสียงเข้มขึ้น
"คุณหมวดไม่เข้าใจ" ศรันย์ลากเสียงยาว "มันหมายความว่า บอสมาประกาศให้ผมรู้ว่า เขาต้องการคุณหมวด ส่วนผมนั้นน่ะ ให้ถอยไป ดูมันจริงจังมาก ไม่เคยมาแสดงออกอะไรแบบนี้"
"แล้วคุณจะไปเดือดร้อนอะไร"
"อ้าว นี่คุณหมวดไม่รู้หรือว่าผมรู้สึกกับคุณหมวดยังไง อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสาไปหน่อยเลย" ศรันย์กอดอก โคลงศีรษะ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพูดต่อว่า "เฮ้อ คนบางคนนี่นะ ก็รู้อยู่ว่าเค้ารู้สึกกับตัวเองยังไง แต่ทำไมชอบทำเป็นไม่รู้"
"กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จแค่วันเดียวนะ" เรียวพึมพำเบาๆ
"แต่ไอ้คนที่ไม่ได้สร้างกรุงโรมกลับได้จูบคนกรุงโรมไปซะแล้ว ไม่ใช่จูบธรรมดาเสียด้วย มีหน้ามาประกาศอีกว่าแลกลิ้นกันอีกต่างห่าง ถ้าเขาไม่ใช่ผู้รับเหมาสร้างกรุงโรม ทำไมต้องถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนั้น" ศรันย์บ่นเสียงงอดแงด "คนที่อุตสาห์ซื้ออิฐหินปูนทรายมาเทกองเป็นภูเขารอสร้างอยู่ มือก็ไม่ได้จับ ถูกเนื้อต้องตัวก็ไม่ได้ เอะอะก็จะโดนต่อย ไม่นับที่โดนแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่านะ แบบนี้เมื่อไหร่กรุงโรมมันจะสร้างเสร็จ"
"หยุดพูดซะที" เรียวกระชากเสียงเบาๆ
"ถ้าผมไม่พูดคุณหมวดจะรู้หรือ ยิ่งเป็นคนเข้าใจอะไรยากอยู่ด้วย" ศรันย์ค้อน
"หยุดพูด ยืนอยู่เฉยๆ ห้ามกระดุกกระดิก หลับตา อยากจูบนักใช่ไหม ก็ได้ จะจูบให้ แต่ห้ามดันลิ้นเข้ามาเด็ดขาดนะ" เรียวสั่ง
"อะไรกัน" ศรันย์อุทานเสียงดัง "จูบทั้งที จะให้แค่เอาริมฝีปากถูๆ ไถๆ กันหรือไง"
"ยืนนิ่งๆ" เรียวยกมือขึ้นจับต้นแขนของศรันย์ตรึงไว้ ศรันย์หลับตาพริ้ม เผยอปากเล็กน้อยเพื่อคอยจูบ เรียวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ประทับริมฝีปากลงบนปากของศรันย์เบาๆ ไม่กี่วินาที แล้วผละออก หันหลังกลับ เดินหนีไปเฉยๆ
"แบบนี้แถวบ้านคุณเรียกว่าจูบแล้วหรือ" ศรันย์พูดเสียงเบาโหวง "แบบนี้เขาเรียกว่าแค่จุ๊บต่างหาก"
"บอกแล้วไง ว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างแค่วันเดียว" เรียวพูดโดยไม่หันมามองแล้วเร่งฝีเท้า
"เดี๋ยวอีกหน่อยก็ตอกเสาเข็มกรุงโรมซะหรอก" ศรันย์พึมพำเบาๆ รีบเดินตาม ปากก็บ่นไปเรื่อยเปื่อย จนมาหยุดเรื่องที่ว่าเรียวไม่โรแมนติกเอาเสียเลย
"อุตส่าห์มาทะเลทั้งที เดินเล่นบนชายหาดใต้แสงเดือนสวยๆ บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้มีทุกวันนะครับคุณหมวด พระจันทร์เต็มดวงอีกต่างหาก คลอเคลียกันหน่อยก็ไม่ได้ ไม่เห็นหรือ คนอื่นเขาเดินจับมือกัน ชี้ชวนกันดูท้องฟ้ายามค่ำคืน พากันขอพรจากดวงจันทร์"
"ผมไม่ใช่คนเพ้อฝัน" เรียวตอบ
"จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง ขอแหวนทองแดง ผูกมือน้องข้า" ศรันย์เดินท่องเนื้อเพลง "จันทร์เจ้าขา เอ๊ยไม่ใช่ จันทร์ขอรับ ใครจะขอข้าวขอแกงก็ให้ขอไป แต่สำหรับผม ตำรวจกวนๆ คนนี้ผมขอนะขอรับ"
เรียวอมยิ้ม หันไปมองคนที่เดินตามมาไม่ห่าง จากนั้นเริ่มเร่งเท้าเดินเร็วยิ่งกว่าเดิม ส่วนศรันย์นั้นยังบ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด
♥♥♥♥♥

เช้าวันรุ่งขึ้น ศรันย์นั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะบนเทอร์เรซด้านข้างห้องอาหาร มีแขกจำนวนไม่มากเพราะยังเช้าอยู่ ไม่นาน เรียวก็เดินเข้ามาสมทบ แต่ไร้เงาของชินวัฒน์
"ยังไม่ตื่นหรอกคนนั้นน่ะ ต้องหลังสิบโมงเช้าโน่น" เรียวตอบเมื่อศรันย์ถามถึงเพื่อนคู่หู
"อ้าว ก็อดกินอาหารเช้าสิ ไม่หิวแย่หรือ อืม แต่ผมว่าหมวดชูชกตุนเก็บเอาไว้ในท้องตั้งแต่เมื่อคืนเยอะแล้วล่ะ คงอิ่มไปจนถึงเย็นแน่เลย ดีเหมือนกันที่ยังไม่ตื่น แขกคนอื่นเขาจะได้มีของกิน" ศรันย์พูด
"คุณก็พูดเกินไป คนอย่างหมวดลูกชิ้นนะหรือจะทนได้ถึงเย็น รอดูมื้อเที่ยงซะก่อน แล้วจะเห็นอะไรดีๆ รวบมื้อเช้ากับเที่ยงเข้าด้วยกัน..."
"โอ้ ไม่อยากจะนึกภาพเลย" ศรันย์พูดแทรก ทำตาโต แล้วพูดต่อว่า "แล้วนี่ต้องนั่งรอหมวดชินวัฒน์จนถึงเกือบเที่ยงเลยหรือ คนอะไรตื่นสายจัง แต่ไม่เป็นไร ช่วงที่รอ เราไปว่ายน้ำกันดีไหม"
"ไม่ต้องรอ เขายังไม่กลับ" เรียวส่ายหน้า "ญาติเขาจะไปเที่ยวปรานบุรี เลยจะแวะมารับตอนเที่ยงๆ"
"จริงหรือ" ศรันย์อุทาน "ช่างเป็นข่าวดีอะไรเช่นนี้ ถ้ายังงั้น หมวดรีบกินให้เสร็จ แล้วไปเก็บของ เช็คเอาท์ ผมจะพาไปที่อื่น"
"จะกลับกรุงเทพฯ แล้วนะ ผมอยู่นานไม่ได้ ตกลงพักกันแค่คืนเดียว" เรียวท้วง
"รู้แล้วน่า ก็จะพากลับนั่นล่ะ ถึงได้ไปบอกให้ไปเก็บของมาเช็คเอาท์ แต่ว่าเราแวะเที่ยวกันก่อนนะคุณหมวด เย็นๆ ค่อยเข้ากรุงเทพฯ" ศรันย์ทำเสียงตื่นเต้น
"จะรีบไปทำไม นอนเล่นก่อนซักหน่อย เที่ยงค่อยเช็คเอาท์" เรียวส่ายหน้า
"คุณนี่มาเพื่อกินกับนอนจริงๆ เลย ไม่ใช่เด็กนะ กิน นอน เล่น" ศรันย์บ่น
"ใครบอกว่าเล่น ผมทำงานทำการอยู่นะ คุณต่างหากที่เล่น งานการไม่ค่อยสนใจ อู่ของตัวเองก็ทิ้งให้ลูกน้องดูแลอยู่คนเดียวกระมัง"
"ผมสั่งงานทางโทรศัพท์ ผมฝึกลูกน้องมาดี ไว้ใจได้" ศรันย์ยักไหล่ "นะคุณหมวดนะ ไปเที่ยวกันก่อนแล้วค่อยกลับกรุงเทพฯ หรือไม่ก็ไปว่ายน้ำกันซักหน่อย มาทะเลแต่ไม่ลงน้ำ เขาเรียกว่ามาไม่ถึงทะเล"
"กลัวตัวดำ" เรียวให้เหตุผล
"เดี๋ยวผมทาซันปล๊อคให้ จะลูบไล้ทุกซอกทุกมุมให้ทั่วตัวเลย รับรองว่ากันแดดได้ทุกตารางนิ้ว ผิวไม่เสียแน่นอน" ศรันย์ได้ที เสนอตัวให้ความช่วยเหลือ
"ผมไม่ชอบเล่นน้ำ"
"ถ้ายังงั้นก็ว่ายน้ำในสระก็ได้ ไม่ต้องลงทะเล" ศรันย์เสนอทางเลือก
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ชอบเล่นน้ำ" เรียวย่นคิ้ว
"เอ๊ะ นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา งั้นก็ไปนอนคุยกับเล่นใต้ร่มไม้ตรงสวนข้างสระว่ายน้ำกันไหมล่ะ หรือไม่ก็เข้าสปา ไปนวดขัดตัวกันหน่อย ขี้ไคลน่าจะเยอะแล้ว"
"ผมจะกลับกรุงเทพฯ เลย เผื่อสารวัตรเรียกให้ไปทำงาน"
"จัดเรียงเอกสารในวันหยุดนี่นะ" ศรันย์เบ้ปาก
"แวะเที่ยวซักที่สองที่ก็ได้ ตามใจคุณ แต่ไม่ลงน้ำ"
"อายใส่กางเกงว่ายน้ำหรือครับ" ศรันย์ยักคิ้ว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ยิ้มกรุ้มกริ่ม "เมื่อไหร่น๊า ผมจะได้เห็นหมวดแก้ผ้าซะที"
"พูดน่าโดนต่อยนะคุณเนี่ย" เรียวขู่ แต่สีหน้าเรียบเฉย แล้วลุกขึ้นไปตักอาหารเพิ่ม ปล่อยให้ศรันย์มองตามร่างสูงนั้นด้วยสายตายิ้มๆ รู้สึกมีความสุขที่ได้หยอกล้อชายหนุ่ม
ยิ่งดู หมวดเรียวก็ยิ่งน่ารัก ลดความพยศและความกวนลงมาหน่อย แล้วอ้อนนิดๆ แบบนี้ศรันย์ยอมได้ทุกอย่าง


►จบบทที่ 13◄
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 13 ►2/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 02-03-2017 20:09:04
 :katai1: หมวดเรียวนี่นะ เป็นอย่างที่อิเฮียมันพูด  :เฮ้อ: ชาติไหนกรุงโรมจะสร้างเสร็จ
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 13 ►2/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 02-03-2017 23:36:49
ช้าๆได้พร้าเล่มง่ายหน่า(?)
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 13 ►2/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-03-2017 00:45:09
 :laugh:


อีกไม่นาน อยากเห็นกรุงโรมเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 14 ►8/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 08-03-2017 21:17:23
♀ บทที่ 14 ♀

ศรันย์หันหน้าไปมองคนที่เดินอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาขำๆ เรียวทำท่าทางเหมือนคนกำลังจะขาดใจตายเสียให้ได้
"นี่คุณหมวด มาเที่ยวชมความสวยงามของพระราชนิเวศน์มฤคทายวันนะครับ ทำหน้าให้ดูดีมีความสุขหน่อยสิ คุณเป็นคนเลือกมาที่นี่เองนะ อย่าลืมสิ" ศรันย์พูดขึ้น
"เมื่อไหรจะไปเสียที" เรียวพูดเสียงเหนื่อยหน่ายเต็มทน
"เมื่อกี้ผมพาไปตลาดน้ำก็บ่น ไปวัดก็บ่น ไปดูแสดงโชว์สัตว์แสนรู้ก็บ่น ทีนี้ตัวเองขอเป็นคนเลือกที่เที่ยวเอง ก็มาบ่นอีก"
"ก็มันไม่สนุกนี่นา ไปสนามยิงปืนบีบีกันสิ จะไม่บ่นซักนิดเลย" เรียวกระแทกเสียง
"ผมไม่ใด้เป็นคนนิยมความรุนแรงเหมือนคุณหรอก " ศรันย์เถียง "ดูสิ สถานที่สวยๆ แบบนี้ บรรยากาศดีจะตาย ยังจะมาเบื่ออีก ไม่โรแมนติกเอาซะเลย สวนเขาก็จัดไว้สวยยังกะสวรรค์ ทำหน้าเหมือนตกนรกยังงั้นล่ะ"
"อีกสิบนาทีเท่านั้นนะ คุณจะดูอะไรก็ดูไป ผมจะนั่งคอยอยู่ตรงนี้" เรียวพูดเสร็จก็นั่งลงกับพื้น เหยียดขายาว
"เฮ่ย ไม่ได้นะ คุณหมวดจะมานั่งเกะกะแบบนี้ไม่ได้"
"ทำไมจะไม่ได้" เรียวเถียง "คุณรีบไปดูให้เสร็จ แล้วก็กลับเข้ากรุงเทพฯ เลย ไม่เที่ยวอะไรต่ออีกแล้ว บ่ายสามแล้วเนี่ย"
"จริงๆ เล๊ย เหมือนพาเด็กมาเที่ยวก็ไม่ปาน" ศรันย์ยืนเท้าสะเอว ก้มหน้ามองนายตำรวจแล้วโคลงศีรษะ ขณะนั้นเอง มีเสียงหนึ่งดังขึ้น พอหันไปมองก็เห็นร่างสูงใหญ่ผึ่งผายของชายหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งเดินเข้ามา
"เรียวใช่ไหมครับ" ชายหนุ่มร่างสุงสง่าคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ มองศรันย์แล้วค้อมศีรษะให้นิดเดียว และหันไปพูดคนที่นั่งอยู่บนพื้น "จำพี่ได้ไหมเรียว"
"พี่...เอ่อ..." เรียวแหงนหน้ามอง ย่นหัวคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่กี่อึดใจก็นึกออกว่าคนที่เดินเข้ามาทักเป็นใคร "พี่ธามนะเอง ไหนว่าไปเรียนต่อเมืองนอก"
"เพิ่งจบครับ กลับมาได้เกือบอาทิตย์แล้ว ดีใจจังเลยที่เจอเรียวอีก ดีใจที่เรียวจำพี่ได้" ธามนั่งลงข้างเรียว
"จำได้สิครับ อ้อ พี่ธามครับ นี่คุณศรันย์" เรียวแนะนำให้รู้จักกับคนที่มาด้วย "คุณศรันย์ครับ นี่พี่ธาม เพื่อนรุ่นพี่ที่เคยเรียนนายร้อยมาด้วยกัน"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ธามยกมือขึ้นจับมือกับศรันย์แล้วหันมาพูดกับเรียวต่อ ทิ้งในศรันย์ยืนหน้างออยู่คนเดียวเพราะธามกับเรียวคุยกันถึงเรื่องเก่าๆ กันอย่างออกรส
"ที่บ้านพี่จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเรียนจบและกลับมาอยู่เมืองไทย เย็นวันศุกร์นี้ เรียวไปให้ได้นะ จำบ้านพี่ได้อยู่ใช่ไหม ถ้าไม่แน่ใจว่าไปถูก พี่จะไปรับ"
"จำได้ครับพี่ธาม แต่ผมไปเองก็ได้" เรียวพยักหน้า
"คุณธามกับหมวดเรียวเรียนห่างกันกี่รุ่นครับ ถึงไม่ได้เจอกันตั้งนาน ดูหน้าตาแล้วน่าจะเป็นรุ่นพี่หลายปีอยู่ใช่ไหมครับ" ศรันย์หาโอกาสแทรก
"ตอนหมวดเรียวเข้าปีหนึ่งผมอยู่ปีสี่ครับ" ธามตอบ "แต่ผมเข้าเรียนนายร้อยช้าสองปีครับ เลยอายุมากกว่าคนอื่น ผมเรียนนิติศาสตร์อยู่สองปี แล้วค่อยไปสอบเข้าเรียนนายร้อยตำรวจ"
ศรันย์พยักหน้ารับทราบ กำลังจะถามคำถามอีกแต่เรียวชวนธามคุยต่อ จนเวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีธามก็ต้องกล่าวคำอำลาเพราะมีคนเดินมากวักมือเรียก
"ถ้าไม่ได้มากับญาติ พี่จะชวนเรียวไปหาอะไรดื่มกันซักหน่อย" ธามพูดกับเรียวแล้วหันไปโบกมือให้ญาติของตัวเองที่มาตาม "อย่าลืมนะ ศุกร์นี้เริ่มห้าโมงเย็นที่บ้านพี่ นี่เบอร์โทรของพี่นะ แล้วค่อยคุยกัน เรียวไปให้ได้นะ"
เรียวพยักหน้า โบกมืออำลานายตำรวจรุ่นพี่ซึ่งกำลังเดินจากไป ศรันย์รอจนร้อยตำรวจเอกธามเดินห่างไปไกลพอประมาณแล้วจึงพูดขึ้นว่า
"แมน เท่ มาดพระเอกทุกกระเบียดนิ้ว หวังว่าคงไม่ได้เป็นเกย์หรอกนะ"
"กลับกันเถอะ ผมอยากดื่มน้ำมะนาวปั่นเย็นๆ" เรียวไม่ตอบคำถามศรันย์
"จะไม่ตอบคำถามผมเลยหรือคุณหมวด"
"คุณดูออกไหมล่ะ" เรียวหันกลับมาถามศรันย์
"จะไปรู้หรือ ผมไม่ได้นั่งมองตาเขาเหมือนคุณหมวดนี่นา" ศรันย์ตอบเสียงสะบัดเล็กน้อย "คุยกันยังกับว่าอยู่กันแค่สองคน"
"เป็น" เรียวตอบสั้นๆ แล้วเร่งเท้าเดินเร็วขึ้น
"ว่าแล๊วเชียว" ศรันย์ลากเสียงยาว ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินหน้ามุ่ยตามหลังหมวดเรียวไปอย่างเซ็งๆ ในใจก็คิดว่า คงจะต้องซักถามเรื่องผู้กองธามมาดเท่คนนี้จากหมวดชินวัฒน์เสียแล้ว สัญชาตญาณของเขาบอกว่า นายตำรวจหน้าคมมาดเข้มคนนี้คงไม่ได้เป็นแค่รุ่นพี่ที่เรียนมาด้วยกันเพียงเท่านั้น
♥♥♥♥♥

"ผู้กองธามนี่ล่ะเปิดซิงหมวดเรียว" ชินวัฒน์พูดแล้วหยิบข้าวปั้นหน้าปลาหมึกใส่ปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย
"หา จริงหรือ" ศรันย์อุทานเสียงใด
"มีอะไรจะถามอีกไหม ถามมาเลย รับรอบผมตอบทุกอย่าง ไหนๆ คุณก็ลงทุนเลี้ยงอาหารญี่ปุ่นผมแล้ว" ชินยักคิ้วให้ศรันย์ซึ่งนั่งขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้า
"ตอนไหน" ศรันย์ถาม
"ตอนเรียนสามพรานปีหนึ่งใหม่ๆ กลางวันรับน้อง กลางคืนน้องต้องรับรุ่นพี่" ชินวัฒน์พูดหัวเราะลงลูกคอ "เล่นเอาเพื่อนเราเดินขาถ่างไปหลายวัน"
"พูดเล่นหรือพูดจริงเนี่ยหมวด" ศรันย์หรี่ตามองชินวัฒน์
"พูดจริงสิ" ชินวัฒน์พยักหน้า "สองคนนี้เขาปิ๊งกันตั้งแต่เดือนแรกที่เราเข้าเรียนนายร้อยแล้วล่ะ ตอนนั้นผมกับหมวดเรียวเพิ่งเริ่มสนิทกัน พอผมรู้ว่าหมวดเรียวมีรสนิยมแบบไหน หมวดเรียวก็โดนรุ่นพี่ปีสี่เปิดซิงเลย ไวไฟจริงๆ แล้วยังมีหน้ามาเล่าให้ฟังอีกนะ นี่ถ้าตอนนั้นผู้กองธามไม่ได้อยู่ปีสี่และพอจบก็ไปเรียนต่อเมืองนกเลย ป่านนี้คงเป็นแฟนกันมีลูกมีเต้ากันไปเรียบร้อย"
"เขารักกันไหม รักกันขนาดไหน" ศรันย์ถามด้วยเสียงค่อนข้างหนักใจ
"น่าจะพอสมควรนะ เอากันแทบจะวันเว้นวัน ไม่เรียกว่ารักก็ไม่รู้จะเรียกว่ายังไง" ชินวัฒน์พูดเสร็จแล้วหยิบอาหารเข้าปากไม่ให้ขาดตอน
"พูดเป็นเล่นไป ไม่ตลกเลยนะหมวดชิน"
"ตกลงคุณจะชอบหมวดเรียวจริงๆ หรือคุณศรันย์ ขอเตือนไว้ก่อนนะ คนดื้อๆ อย่างหมวดเรียว ถ้าคุณไม่แน่จริงก็เอาไม่อยู่หรอก ถ้าใจไม่ถึงจริง ผมว่าคุณถอยไปดีกว่า แฟนเก่าเขากลับมาแล้ว ถ่านไฟเก่าจะได้ลุกโชนก็คราวนี้ล่ะ"
"จะเอาน้ำราดให้ดับ" ศรันย์เบ้ปาก
"ตกลงคุณจะเอาหมวดเรียวจริงๆ" ชินวัฒน์เลิกคิ้ว "แล้วคุณนี่จะจริงจังขนาดไหนเชียว"
"คอยดูก็แล้วกัน" ศรันย์พูดด้วยน้ำเสียงมาดมั่น "อ้อ วันศุกร์นี้คุณจะไปกับหมวดเรียวกไหม"
"เขาไม่ได้ชวนผมนี่นา" ชินวัฒน์ยักไหล่
"คุณเป็นเพื่อนสนิทคุณหมวด แทบจะไม่เคยห่างกันเลย ก็ต้องไปสิ ไปสืบความให้ผมด้วย แล้วกลับมารายงานให้ผมฟังทุกอย่าง ผมจะเลี้ยงดินเนอร์คุณที่ร้านดาริอัส ชั้นห้าสิบ โรงแรมแกรนด์แชงกรีล่า" ศรันย์เอาอาหารมาล่อ
"เขาไม่ได้เชิญผม ถ้าผมโผล่หน้าไปก็เรียกว่าหน้าด้านสิ"
"แล้วที่ไปหัวหินเป็นกอขอคอผมกับหมวดเรียวนี่ไม่เรียกว่าหน้าด้านหรือ ผมไม่ได้เชิญหมวดซักหน่อย"
"แต่หมวดเรียวชวนผม" ชินวัฒน์ลอยหน้าเถียง
"นี่หมวดลูกชิ้น คุณจะเป็นฝ่ายผมไหม คุณจะช่วยผมหรือเปล่า คุณอยากซ่อมรถฟรี มีอาหารอร่อยๆ กินไหม ถ้ายังงั้นคุณก็ต้องช่วยผม"
"ถ้าคุณรักเพื่อนผมจริง ผมก็จะช่วย เพราะฉะนั้นคุณต้องแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้คิดแค่จะฟันก้นตำรวจเล่นเพื่อความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว" ชินวัฒน์จ้องหน้าศรันย์ "หมวดเรียวเป็นคนนิสัยดีนะ คุณได้ไปเป็นแฟนแล้วจะไม่เสียดายเลย กวนอารมณ์หน่อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าดี"
ศรันย์ถอนหายใจเบาๆ ยังไม่พร้อมที่จะยืนยันกับชินวัฒน์ถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเรียว เขายอมรับว่าชอบหมวดจอมกวนมากพอสมควร แต่ยังไม่แน่ใจว่าถึงขั้นรักหรือยัง
แม้การปรากฎตัวของผู้กองธามนั้นทำให้เขาค่อนข้างหนักใจอยู่บ้าง แต่ศรันย์ก็ไม่คิดจะถอย เขาต้องการเวลาอีกสักหน่อย อย่างน้อยขอให้มีโอกาสได้ใกล้ชิดและใช้เวลากับหมวดเรียวมากกว่านี้ ชินวัฒน์ก็รับปากว่าจะช่วย
♥♥♥♥♥

งานเลี้ยงตัอนรับผู้กองธามกลับบ้านและฉลองตำแหน่งใหม่มีญาติและเพื่อนสนิทมาร่วมงานเกือบหนึ่งร้อยคน หลังจากรับประทานอาหาร มีการกล่าวต้อนรับและอวยพรอย่างเป็นทางการ จากนั้นมีการแสดงดนตรีและสังสรรค์ต่อ เรียวปลีกตัวออกมาสูดอากาศนอกห้องจัดเลี้ยง ไม่นานธามก็เดินตามออกมาและชวนคุย
"พี่เสียดายเวลา พี่ไม่น่าปล่อยให้มันผ่านไปแบบนั้น" ธามถอนหายใจเบาๆ และพูดขึ้นมาหลังจากคุยเรื่องในอดีตสมัยเรียนนายร้อยตำรวจได้สักพัก
"พี่ต้องไปเรียนต่อเมืองนอกนี่นา" เรียวให้เหตุผลแทน
"เรียวรู้ไหม ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่คิดถึงเรียวอยู่เสมอ แต่พี่ขอโทษ ที่ก่อนหน้านี้พี่ไม่ได้พยายามติดต่อเลย" ธามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ตอนนี้พี่กลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว กำลังเข้าที่เข้าทาง แล้วยิ่งไปเจอเรียวที่หัวหิน มันทำให้พี่นึกถึงอะไรหลายๆ อย่าง "
"เช่นอะไรครับ" เรียวถาม
"เช่นเรื่องของเราสองคน เรียวรู้ไหม ตั้งแต่เรียนจบ พี่ไม่เคยมีแฟนเลยนะ พี่อาจจะคบกับใครบ้างแต่ก็ไม่ถึงขั้นจริงจัง" ธามมองตาเรียว
"ผมก็เหมือนกัน"
"ในเวลาแบบนี้มันอาจจะฟังดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ เพราะเราเพิ่งจะกลับมาเจอกันอีก" ธามยิ้มบางๆ ท่าทางประหม่าเล็กน้อย "แต่พี่ไม่อยากจะให้เวลามันผ่านไปโดยไม่ทำอะไรเลยเหมือนเมื่อตอนที่เรียนอยู่"
"พี่กำลังจะบอกอะไรผม"
"คนที่อยู่กับเรียวที่พี่เจอที่หัวหิน" ธามพูดเบาๆ มองเข้าไปในตาของเรียว "เป็นแฟนเรียวหรือเปล่า"
"เปล่าครับ" เรียวส่ายหน้าช้าๆ
"เขาจีบเรียวหรือเปล่าครับ" ธามถาม
"ผมกำลังดูเขาอยู่" เรียวพยักหน้า ตอบเบาๆ ก้มหน้ามองพื้น นิ่งไปชั่วครู่แล้วเงยหน้าขึ้น หันมามองธามแล้วพูดต่อว่า "คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก"
"เราเคยมีเวลาดีๆ ด้วยกัน แต่พี่ก็ปล่อยมันไป" ธามเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า "ตลกนะ คราวนี้พี่อยากได้เวลานั้นกลับคืน แต่ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกหรือเปล่า"
"มันเป็นเรื่องของอนาคต"
"พี่ขอรอเรียวได้ไหม" ธามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"รูปร่างหน้าตาอย่างพี่ หน้าที่การงานระดับนี้ รวยอีกต่างหาก กวักมือเรียกนิดเดียวก็คงมีคนวิ่งเข้าหาพี่แล้วมั๊ง" เรียวหัวเราะ
"ถ้าพี่กวักมือเรียกทางนี้ เรียวจะหันหน้าจากเขามามองพี่หรือเปล่า" ธามชี้นิ้วเข้าที่หน้าอกของเรียว
"ผมยังบอกไม่ได้หรอก อย่างที่บอก ผมกำลังดูเขาอยู่ ต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่ผมก็ไม่อยากจะวอกแวก พี่เข้าใจผมนะ"
"เข้าใจครับ" ธามพยักหน้า "พี่ถึงได้บอกไงว่าพี่จะรอ ก็ได้แต่หวังว่าพี่จะไม่รอเก้อ"
เรียวลอบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของธาม อดนึกเทียบกับศรันย์ไม่ได้ ถ้าเทียบรูปร่างหน้าตาและบุคลิก ธามเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
แต่มีความรู้สึกบางอย่างที่เขาบอกไม่ได้ และมันจะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อศรันย์เข้าอยู่ใกล้ๆ
♥♥♥♥♥

เรียวเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารบนโต๊ะ มองคนที่โผล่หน้าเข้ามาในห้องด้วยสายตาขำๆ ศรันย์หันซ้ายหันขวาราวกับตรวจดูให้แน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยๆ เดินเข้ามา
"ยักษ์สองตนนั้นอยู่หรือเปล่าคุณหมวด" ศรันย์ถาม "นี่อีกห้านาทีจะเที่ยง โดดงานไปทานข้าวกลางวันก่อนเวลาได้ไหม ต้องได้อยู่แล้วสิ คุณเป็นตำรวจนี่นา เร็วๆ เข้า ก่อนที่หมวดชูชกจะมา"
"วันนี้หมวดชินลา" เรียวพูด
"เฮ้อ โล่งอก" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นตบอกของตัวเอง
"ผมยังไปไหนไม่ได้ งานยังไม่เสร็จ"
"ตกลงนี่เขาจะให้คุณหมวดมานั่งจัดแฟ้มทั้งวันจริงๆ หรือ"
"อย่าถามเรื่องที่ทำให้ผมอารมณ์เสีย" เรียวยกมือขึ้นห้าม
"ถ้ายังงั้นถามเรื่องที่จะทำให้คุณหมวดอารมณ์ดีก็ได้" ศรันย์ลากเก้าอี้มานั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเรียว ตั้งศอกบนโต๊ะ เอามือเท้าคางมองนายตำรวจ "วันนี้อยากกินอะไร ผมเลี้ยง เสร็จแล้วเย็นนี้จะพาไปดูคอนเสิร์ท"
"นี่คุณมีไม่งานมีการทำหรือไง"
"มีสิครับ" ศรันย์พยักหน้า ยิ้มยิงฟัน "ก็นี่ไงงานผม ตามจีบตำรวจเป็นงานหลัก ให้อาหารตำรวจเป็นงานรอง ส่วนอู่ซ่อมรถเป็นงานอดิเรก"
"นี่คุณว่าผมเป็นหมูเป็นหมาหรือ ถึงต้องมาให้อาหาร" เรียวตบโต๊ะดังปัง กระชากเสียง
"นั่นมันงานรอง ผมหมายถึงหมวดลูกชิ้นต่างหาก แต่งานหลักนั่นน่ะ คือคุณหมวดเรียว" ศรันย์ยักคิ้ว ยิ้มกรุ้มกริ่ม
"ไร้สาระจริงๆ เลย" เรียวโคลงศีรษะ ก้มหน้าหลง อดอมยิ้มไม่ได้
"ผมอยากฟังเรื่องที่คุณไปงานเลี้ยงผู้กองธาม เลยมาชวนคุณหมวดทานข้าว เก็บงานเอาไว้ก่อน ไปทานข้าวกับผมเถอะนะ ถือเสียว่าเป็นการช่วยกันสร้างกรุงโรม มันจะได้เสร็จเร็วๆ ไงล่ะ"
"ยังจำได้อีก"
"หมวดเรียวครับ" ศรันย์ทำเสียงนุ่ม
"เรียกทำไม" เรียวถามห้วน
"หมวดคิดยังไงกับผม"
"คุณศรันย์ อย่ามาทำรุ่มร่ามที่นี่นะ"
"งั้นก็ไปทำที่อื่น" ศรันย์ขยิบตา "ที่ที่มีแต่เราสองคน"
"เดี๋ยวได้กินกำปั้นซักหมัดสองหมัด" เรียวขู่
"ถ้าคุณชกผมได้ลงคอ ผมก็จะยอม เพราะอะไรรู้ไหม เพราะผมอยากสร้างกรุงโรมให้เสร็จเร็วๆ ยิ่งมีผู้กองธามโผล่เข้ามา ผมยิ่งต้องเร่งสปีด ผมต้องการให้คุณเห็นว่า คนอย่างผมก็จริงจังเป็น ไม่ใช่เอาแต่สนุกสนานไร้สาระ นี่คุณหมวด เราก็โตกันแล้วนะครับ ผมจะไม่อ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว ที่สำคัญ ที่เราสองคนเจอกันนี่ผมว่ามันเป็นเหมือนบุพเพสันนิวาส เพราะอยู่ดีๆ คุณก็โผล่เข้าไปเอาปืนจี้หัวผมให้ขับรถพาหนีโจร แล้วผมก็ถูกตำรวจจับ ต้องมาเสียค่าปรับที่โรงพัก แล้วก็ต้องเจอคุณหมวดอีก ถ้าไม่คิดว่าเป็นบุพเพสันนิวาสแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ" ศรันย์ลอยหน้าลอยตาพูด
"เรียกว่าความซวย"
"น้อยๆ หน่อย ผมว่าคุณหมวดก็คิดเหมือนผมนั่นล่ะ แต่ปากไม่ตรงกับใจ"
"เฮ้อ คุณนี่จริงๆ เลย" เรียวถอนหายใจ ส่ายหน้า
"ว่าไง จะไปกินข้าวกันได้หรือยัง หรือจะรอให้หัวหน้ามาก่อน ผมจะได้ขออนุญาตท่านซะเลย อยากจะรู้นัก ว่าคนหน้าดุๆ แบบนั้นจะพูดยังไง ถ้าผมบอกว่ามาจีบลูกน้องตัวดีของท่าน" ศรันย์ยักคิ้วหลิ่วตา
"จะมากไปแล้วนะคุณศรันย์ แค่ไปเที่ยวหัวหินด้วย มาทำเป็นทะลึ่งทะเล้น ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณนะ" เรียวถลึงตาใส่
"ใครบอกว่าผมอยากได้คุณหมวดเป็นเพื่อนเล่น" ศรันย์ปฏิเสธ "อยากจะเล่นเพื่อนสิไม่ว่า"
"เล่นเพื่อนอะไรของคุณไม่เข้าใจ"
"อ้อ ลืมไป ผมใช้ภาษาเก่าไปหน่อย" ศรันย์แกล้งหัวเราะขำ "นี่คุณหมวดครับ ผมแสดงออกให้เห็นถึงขนาดนี้แล้ว ก็ได้โปรดอย่าเล่นตัวนักเลย เวลาและวารีไม่เคยรอใคร เคยได้ยินไหม คนรักจริงชอบจริงแบบผมนี่หาไม่ได้ง่ายๆ เลยนะคร้าบ"
"คุณรักผมงั้นหรือ พูดให้ดีๆ นะ" เรียวปิดแฟ้มเอกสาร ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ศรันย์ จ้องตาเขม็ง
"คุณเปิดโอกาสหรือยังล่ะ" ศรันย์พูดเสียงจริงจัง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม "ให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเองบ้างสิ ผมต้องการเวลาที่จะได้ใกล้ชิดคุณ ได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ ถึงได้มาชวนไปทานข้าวนี่ไง เพราะฉะนั้น เก็บกระดาษเอกสารเอาไว้ก่อน แล้วลุกขึ้น ไปกินข้าวเที่ยงกับผม จะรีบกลับมาส่งให้ทันบ่ายโมง"
♥♥♥♥♥
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 14 ►8/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 08-03-2017 22:39:14
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 14 ►8/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-03-2017 22:48:01
 :katai1:


ขวากหนามก้างชิ้นโตมาล่ะ
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 14 ►8/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ซิกาแร๊ต ที่ 09-03-2017 21:22:41
ตัดงบเรื่องนี้ซะดีมั้ย ... ตัวประกอบเยอะเหลือเกิน
แล้วเมื่อไหร่เค้าจะได้กันล่ะเนี่ย!!  :a5:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 14 ►8/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 11-03-2017 12:39:03
โอ้ย..เอาใจช่วยศรันย์นะ
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 14 ►8/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: express_men ที่ 12-03-2017 00:57:29
หืมมมม ไม่เห็นนานมาก คิดถึง
ยังชอบไปเขียนที่ริมทะเลอีกเปล่า
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 14 ►8/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 12-03-2017 03:44:23
รักแรกกลับมาใหม่อีกครั้ง แต่ไม่เชียร์พี่ธามนะ ถ้าชอบจริงๆต้องติดต่อมาตั้งนานแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 14 ►8/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 12-03-2017 22:11:01
หืมมมม ไม่เห็นนานมาก คิดถึง
ยังชอบไปเขียนที่ริมทะเลอีกเปล่า
หวัดดีครับ
ตอนนี้เขียนอยู่ในป่าครับ ย้ายถิ่นฐานจากกรุงเทพฯ มาอยู่ชนบทแล้วครับ ขอบคุณนะที่เข้ามาทัก
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 15 ►12/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 13-03-2017 00:15:37
♀ บทที่ 15♀

...คุณเปิดโอกาสหรือยังล่ะ...
คำพูดของศรันย์ยังคงดังก้องอยู่ในหัว เรียวยอมรับว่าสองวันที่ผ่านมานี้เขาอดคิดเรื่องนี้ไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นศรันย์ก็มารับเขาออกไปทานอาหารกลางวันทุกวัน ชินวัฒน์ล้อว่าศรันย์กำลังจีบหนักเพราะกลัวแพ้ธาม
"คิดอะไรอยู่ กำลังตัดสินใจใช่ไหมว่าจะยอมเสียตัวให้คุณศรันย์ดีหรือเปล่า หรือไม่ก็ลองกับผู้กองธามอีกทีว่าลีลายังเด็ดเหมือนเดิมไหม" ชินวัฒน์พูดใกล้ๆ หูของเรียว หัวเราะขำ
"ไอ้บ้า เดี๋ยวก็โดนเตะ" เรียวหันไปดุเพื่อน
"คุณศรันย์นี่ก็ช่างขยันทำคะแนนจริงๆ เลย มาได้ทุกวัน ท่าทางคงจะเอาจริง ความจริงดูๆ ไปก็ไม่เลวนะ เวลาไม่กวนประสาทพี่แกก็น่ารักอยู่เหมือนกัน เลือกคุณศรันย์นี่ล่ะ อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ คบด้วยแล้วสนุกสนานเฮฮาดี ไม่เครียด"
"ซ่อมรถฟรีกับมีของกินไม่ขาดปากด้วยใช่ไหม ทำไมไม่เอาเองซะเลย" เรียวประชด
"เอาได้ไง ของเพื่อน แล้วอีกอย่าง เราก็ชายแท้ พ่อแม่ยังหวังจะได้อุ้มหลานอยู่" ชินวัฒน์ตอบ "นี่ ถามจริงเถอะหมวดเรียวเพื่อนรัก ผู้กองธามนี่เขาคิดจะกลับมาเป่าลมใส่ถ่านไฟเก่าให้ลุกขึ้นมาอีกจริงๆ หรือ"
"อยากรู้ไปทำไม"
"แหม เรื่องของเพื่อน ก็ต้องอยากรู้เป็นธรรมดาสิ"
"ความจริงก็ไม่ได้เคยเป็นแฟนกับพี่ธามนะ จะเรียกว่าถ่านไฟเก่าก็ไม่ถูก แค่คบกันเฉยๆ ไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น พี่เค้าก็ไม่เคยบอกรัก ไม่เคยแสดงตัวว่าเป็นแฟน"
"แล้วตอนนี้ล่ะ" ชินวิฒน์ยื่นหน้าเข้ามาถาม เสียงค่อนข้างจริงจัง
"เขาก็บอกว่าเสียดายเวลาดีๆ ที่เคยมีด้วยกัน ไม่น่าจะให้มันผ่านไปแบบนั้น แล้วตอนนี้มาเจอกันอีกก็เลยอดคิดถึงมันอีกไม่ได้ ไม่อยากจะให้ผ่านไปอีกโดยไม่ทำอะไรเลยเหมือนตอนนั้น"
"แสดงว่ายังติดใจอยู่" ชินวัฒน์พยักหน้า
"ไอ้หมวดลูกชิ้น เดี๋ยวโดนตบปาก" เรียวถลึงตาใส่เพื่อน
"แหมล้อเล่นหน่อยเดียว" ชินวัฒน์หัวเราะชอบใจ "เราว่าคราวนี้พี่ธามเอาจริงแน่ คงไม่ปล่อยให้หมวดเรียวลอยนวล"
"แต่เราบอกพี่ธามไปแล้วล่ะ ว่าตอนนี้กำลังพิจารณาคุณศรันย์อยู่"
"หา จริงหรือ" ชินวัฒน์อุทานเสียงดัง "แบบนี้ก็แสดงว่าเลือกคุณศรันย์นะสิใช่ไหม"
"เปล่าโว้ย เลือกได้ยังไง คนแบบนั้นเอาแน่เอานอนได้ที่ไหน กะล่อนขนาดนั้น"
"อ้าว แล้วไปพูดกับพี่ธามแบบนั้น จะให้เข้าใจเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง" ชินวัฒน์ยกมือเกาศีรษะอย่างไม่เข้าใจ "อืม แบบนี้คุณศรันย์ก็ต้องพิสูจน์ความจริงจังและความจริงใจของตัวเองสินะ"
♀♀

ชินวัฒน์เข้าใจว่าเรียวคงชอบศรันย์อยู่บ้าง แต่บุคลิกลักษณะของศรันย์อาจทำให้มั่นใจได้ยากว่าจะจริงจังขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจลองเล่นบทกามเทพจำเป็นดูสักครั้ง วันนี้จึงมาหาศรันย์ที่อู่ซ่อมรถและตั้งใจว่าจะลอง 'เร่งปฏิกิริยา' สักนิด
ซ่อมรถฟรี มีของกินไม่ขาดปากงั้นหรือเพื่อน ช่างแนะนำดีจริงๆ เลยนะ
ชินวัฒน์ยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงคำพูดของเรียว
"งานยุ่งมากเลยหรือคุณศรันย์ วันนี้ไม่เห็นไปชวนหมวดเรียวทานข้าวกลางวันเลย" ชินวัฒน์พูดขึ้นเมื่อเดินเข้าหาศรันย์ซึ่งกำลังยืนตรวจดูการซ่อมรถของลูกน้องอยู่
"ต้องเร่งทำรถให้ทัน ผมโทรไปบอกคุณหมวดแล้ว" ศรันย์หันมาตอบแล้วก้มหน้าลงตรวจดูรถต่อ
"มิน่า หมวดเรียวเลยออกไปทานข้าวกับผู้กองธาม" ชินวัฒน์พยักหน้า
"อะไรนะ" ศรันย์หันขวับ "มาถึงนี่เลยหรือ"
"เย็นนี้ก็ชวนกันไปออกกำลังกายที่ยิมต่อด้วยนะ ยิมไหนว๊า จำชื่อไม่ได้แล้ว เห็นว่ามีสระว่ายน้ำด้วย พอยกน้ำหนักเสร็จเหนื่อยๆ ก็ลงสระด้วยกัน เวลาลงสระนี่เขาต้องใส่กางเกงว่ายน้ำใช่ไหมคุณ" ชินวัฒน์เอียงหน้าพูดให้เห็นภาพ
"นี่มาแกล้งพูดให้ผมหึงใช่ไหม"
"คุณเป็นอะไรกับหมวดเรียวถึงต้องหึง" ชินวัฒน์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ทำหน้าตาสงสัย "เคยแตะเนื้อต้องตัวหมวดเรียวหรือยัง สถานะระหว่างคุณกับหมวดเรียวเป็นอะไรกัน อย่าลืมนะ ผู้กองธามเป็นแฟนเก่า เป็นผู้ชายคนแรกของหมวดเรียว ฝากรอยเอาไว้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มันก็ต้องตราตรึงในหัวใจไม่ใช่น้อย"
"เราเคยจูบกันแล้ว ตอนที่ไปเที่ยวหัวหิน" ศรันย์พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะความจริงคือเรียวจุ๊บปากเขาเบาๆ แค่วินาทีเดียวแล้วเดินหนีไปโดยเร็ว
"อ้าว ทำไม่ผมไม่รู้ ปกติต้องมาเล่าให้ผมฟังนะ" ชินวัฒน์ขมวดคิ้ว "แสดงว่าไม่ได้สำคัญอะไรเท่าไหร่ละสิเนี่ย เพื่อนผมถึงไม่เล่าให้ฟัง"
"เฮ้อ" ศรันย์เผลอถอนหายใจ
"นั่นไง คุณก็คิดอย่างที่ผมคิด" ชินวัฒน์ชี้นิ้วไปที่ศรันย์ "นี่คงแค่จุ๊บเบาๆ พอให้ปากแตะกันเฉยๆ ใช่ไหมล่ะ โธ่เอ๊ย แบบนี้จะไปถึงไหนได้"
"แล้วจะให้ทำยังไง เข้าใกล้ได้ที่ไหน เอะอะก็กำหมัดจะต่อย เพื่อนหมวดนักเลงจะตาย ชอบใช้ความรุนแรง" ศรันย์ให้เหตุผล
"เออจริง เห็นด้วย" ชินวัฒน์พยักหน้า "แบบนี้ต้องหาวิธีช่วยคุณซะแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าคุณจะต้องการหรือเปล่านะ"
"อยากได้อะไรหมวด บอกมาเลย ซ่อมรถฟรี หรืออาหารอร่อย" ศรันย์รู้ทัน
"ทั้งสองอย่างได้ไหม รับรองว่าผมช่วยเต็มที่" ชินวัฒน์ชูนิ้วขึ้นสองนิ้ว
"ได้ แต่คุณต้องรับประกันนะว่าจะสำเร็จ"
"เชื่อมือหมวดชินวัฒน์เถอะน่า แต่ว่าคุณเองก็ต้องปรับปรุงตัวด้วยนะ ลักษณะท่าทางเจ้าชู้จอมกะล่อนแบบนี้ต้องเลิก ว่าแต่ว่าคุณจริงจังกับเพื่อนผมมากแค่ไหน เห็นหมวดเรียวเฮ้วๆ แบบนั้น แต่ความจริงเป็นคนโรแมนติกไม่ใช่น้อยนะ เพื่อนผมเป็นคนจริงจัง"
"คุณหมวดเรียวนี่นะโรแมนติก" ศรันย์ขมวดคิ้ว ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"อ้าว นี่แสดงว่าคุณยังไม่รู้จักหมวดเรียวเลย บอกแล้วไงว่าทางเฮ้วๆ แบบนั้น แต่ความจริงเขาเป็นอีกแบบ คุณต้องดึงความโรแมนติกในตัวเขาออกมาให้ได้ ถ้าคุณทำไม่ได้ คุณก็ไม่ทันผู้กองธามหรอก รายนั้นน่ะ หมวดเรียวเป็นแมวน้อยกระจ๋องหงองเดินตามต้อยๆ เลยนะ ไม่รู้พี่แกมีดีอะไร" ชินวัฒน์เอียงคอ ทำหน้าสงสัย
"จริงหรือ" ศรันย์พึมพำ นึกภาพตาม
"คำถามที่สำคัญก็คือว่า คุณจริงจังกับหมวดเรียวแค่ไหน" ชินวัฒน์พูดขึ้น
ศรันย์ไม่ตอบออกมา แต่ในใจบอกตัวเองว่า เขาจริงจังไม่ใช่น้อยเลยล่ะ ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน
หมวดเรียวรบกวนจิตใจเขามากเลยทีเดียว
♀ ♀

วันนี้เรียวมาทำงานแต่เช้าก่อนใคร พอเข้ามาในห้องก็ต้องตกใจเมื่อเห็นช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่วางอยู่บนโต๊ะ บัตรที่แนบมากับช่อดอกไม้มีตัวหนังสือเขียนว่า 'สำหรับคุณหมวดเรียวคนพิเศษ'
เรียวรู้ได้ทันทีว่าใคร เพราะมีคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเขาว่า 'คุณหมวดเรียว'
นายตำรวจหนุ่มหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมา นึกอะไรได้บางอย่าง จึงถือช่อกุหลาบสีแดงนั้นเดินออกไปยังส่วนหน้าของสถานีตำรวจ และดึงดอกไม้ออกวางไว้บนโต๊ะของเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงโต๊ะละดอก ส่วนที่เหลือนำเอาไปปักแจกันและตั้งไว้ในห้องประชุมของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
เช้านี้เขาต้องทำงานอันน่าเบื่อเหมือนเคย นั่นก็คืองานจัดเอกสารและพิมพ์รายงานปฏิบัติการของหน่วย จวบจนใกล้จะถึงเวลาพักเที่ยง พันตำรวจตรีธันว์ ผู้บังคับบัญชาก็เรียกให้เข้าพบ
"ผมมีงานให้คุณทำ" ธันว์พูด "เพื่อทดสอบดูว่าคุณยังจะสามารถปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาได้หรือไม่ ถ้ายังดันทุรังอยู่เหมือนเดิม ผมจะให้คุณทำงานเอกสารแทนจ่ายุวดีอย่างถาวร เข้าใจไหม"
"เข้าใจครับผม รับรองไม่พลาดร้อยเปอร์เซนต์เลยครับสารวัตร" เรียวยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจยิ่งนักเพราะเบื่อทำงานเอกสารเต็มทน
"ผมจะให้ผู้กองคมกริชจะกำกับดูแลคุณอย่างใกล้ชิด"
"ผู้กองคมกริชนะหรือครับ"
"ทำไม มีปัญหาอะไร" ธันว์เลิกคิ้วถาม
"เปล่าครับ" เรียวตอบเสียงเบา
"เอานี่ไปอ่านดูคร่าวๆ ก่อน ส่วนรายละเอียดผู้กองคมกริชจะอธิบายให้ฟัง" ธันว์ยื่นแฟ้มงานให้ "ถ้าคุณทำงานนี้สำเร็จ ผมจะมอบหมายให้คุณเข้าไปสืบหาข่าวบ่อนการพนันของเสี่ยไพโรจน์ร่วมกันปราบปราม"
"จริงหรือครับ" เรียวตาลุกวาว น้ำเสียงตื่อเต้นที่จะได้ร่วมในปฏิบัติการสำคัญ
"หมวดเรียว คุณเป็นคนที่มีความสามารถ ผมยอมรับ แต่มีบางสิ่งที่คุณต้องปรับปรุง และมันก็เป็นเรื่องเดิมๆ ที่ผมพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณรู้ตัวไหม"
"รู้ตัวครับ" เรียวยิ้มแหยๆ "ไม่งั้นคงไม่ได้ฉายาหมวดเรียวดันทุรังหรอกครับ"
"รู้ตัวก็ดีแล้ว หวังว่าคงแก้ไขได้ ไม่เช่นนั้นจะได้ทำงานธุรการตลอดไป"
"ครับผม" เรียวตอบรับขึงขัง
"ไปได้" ธันว์พยักหน้า
"แล้ว เอ่อ สารวัตรครับ หมวดชินจะได้ไปกับผมไหมครับ" เรียวถามไม่เต็มเสียงนัก
"แยกกันซะบ้างเถอะ" ธันว์ถอนหายใจเบาๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "คุณสองคนนี่จะตัวติดกันเกินไปแล้ว"
"ก็เป็นเพื่อนกันนี่ครับ" เรียวยิ้มแหยๆ แล้วออกจากห้องผู้บังคับบัญชา สวนทางกับผู้กองคมกริชซึ่งบอกให้เขาเข้าไปพบในห้องทำงานหลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว
เรียวนั่งลงบนโต๊ะทำงานของตัวเอง พลิกอ่านแฟ้มงานมอบหมายที่สารวัตรธันว์ให้มาอย่างละเอียดเพื่อเตรียมตัวคุยกับผู้กองคมกริชในตอนบ่าย หลังจากนั้นจึงเดินตามหาชินวัฒน์เพื่อชวนไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันแต่ก็ไม่พบ
ขณะที่เดินย้อนกลับขึ้นมาบนชั้นสองของสถานีตำรวจก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของศรันย์กำลังเดินหน้ามุ่ยลงมา
 "อ๊ะ คุณหมวด เจอตัวพอดีเลย มาให้ผมต่อว่าหน่อยซิ ทำไมคุณทำกับดอกไม้ผมอย่างนี้ อะไรกัน คนอุตส่าห์ซื้อดอกไม้ช่อสวยๆ มาให้ เล่นดึงออกไปแจกคนอื่นคนละดอกแบบนี้ไม่กลัวคนให้เขาจะเสียใจหรือ"
"อ้าว ช่อดอกไม้คุณหรอกหรือ ไม่รู้สิ ไม่เห็นลงชื่อว่าใคร" เรียวยักไหล่
"ร้ายจริงๆ" ศรันย์สะบัดหน้า "คราวต่อไปจะไม่เอามาให้แล้ว เรารึอุตส่าห์โรแมนติก"
"คุณจะเอามาทำไม"
"ก็ผมกำลังจีบคุณหมวดนี่นา เข้าใจอะไรบ้างไหม" ศรันย์ห่อไหล่ แบะแขนทั้งสองข้างออก ทำท่าทางราวกับเหนื่อยหน่ายความไม่โรแมนติกของนายตำรวจคนนี้ "จะแกล้งกันไปถึงไหน มันสนุกนักหรือที่ได้แกล้งผม"
"ขอโทษ" เรียวพูดเสียงจริงจัง แต่ในใจตอบว่า สนุกสิ แกล้งใครก็ไม่สนุกเท่าแกล้งศรันย์
"ถ้ายังงั้น คุณหมวดต้องไถ่โทษด้วยการเลี้ยงข้าวกลางวันผม"
"ไปไกลไม่ได้นะ ต้องกลับมาให้ทันก่อนบ่ายโมงเพราะต้องประชุมกับผู้กองคมกริช"
"ประชุมเรื่องอะไร อย่าบอกว่าคุณหมวดต้องไปขายตัวอีกแล้ว คราวนี้ผมไม่ไปช่วยอีกแล้วนะ"
"นี่คุณ พูดให้ดีๆ หน่อย เดี๋ยวโดนต่อยหรอก" เรียวถลึงตาใส่
"คุณทำงานนั่งโต๊ะแบบทุกวันนี้ก็ดีอยู่แล้ว"
"น่าเบื่อจะตาย" เรียวเบ้ปาก
"ผมจะได้มาหาบ่อยๆ เท่าที่ต้องการ" ศรันย์ทำตาหวานใส่ "ถ้าคุณออกพื้นที่ เราก็คงจะไมได้ทานข้าวกลางวันด้วยกันแบบนี้นะสิ"
"จะอ้วก"
"อย่าทำเป็นเล่นไปสิคุณหมวด ผมจะจริงจังให้คุณเห็น จะได้มั่นใจว่าสิ่งที่กำลังอยู่นี่ไม่ใช่แค่อยากหาความสนุกแก้เบื่อ" ศรันย์พูดเสียงจริงจัง "ผมกลัวแพ้ผู้กองธาม ยิ่งรู้ว่าเป็นแฟนเก่าคุณหมวด กำลังกลับมาพยายามรื้อฟื้นความหลังในอดีต ผมก็ยิ่งรู้สึกหวั่นใจ"
"คุณจะเอาเขามาเกี่ยวด้วยทำไม"
"ทำไมจะเอามาเกี่ยวด้วยไม่ได้ ความจริงมันเป็นแบบนั้นนี่นา"
"ความจริงที่ไหน" เรียวพูดเบาๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย "สำคัญอยู่ที่ตัวคุณต่างหาก ไม่ต้องเอาคนอื่นมายุ่งเลย"
"หมายความว่ายังไงหรือ" ศรันย์เลิกคิ้วไม่เข้าใจ
"ตกลงจะไปกินข้าวหรือไม่ไป" เรียวตัดบท เปลี่ยนเรื่องพูด ศรันย์รีบพยักหน้าแล้วเดินนำออกไป ชี้มือไปที่รถของตัวเองซึ่งจอดอยู่ทางด้านข้างของสถานีตำรวจแต่เรียวบอกให้เดินไปที่ร้านอาหารใกล้ๆ
"ไปร้านที่โรแมนติกหน่อยไม่ได้หรือคุณหมวด" ศรันย์แย้ง
"คุณอย่าเรื่องมากนักเลย แค่ข้าวเที่ยงจานเดียว ผมต้องรีบกลับ ถ้าอยากกินอะไรหรูๆ ดีๆ ค่อยกินตอนเย็น"
"จริงหรือครับ" ศรันย์อุทาน ยิ้มกว้าง "ถ้ายังงั้นคืนนี้ถือว่าเราเดทกันนะ"
"เดินตามมา" เรียวไม่ตอบ พยักหน้าให้อีกฝ่ายเดินตาม ศรันย์ไม่รีรอ เดินผิวปากตามอย่างอารมณ์ดี
คืนนี้ล่ะ เขาต้องจูบหมวดเรียวให้ได้ และไม่ใช่แค่เอาริมฝีปากแตะกันแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่ต้องเป็นการจูบแบบดูดดื่ม ชักจะรอไม่ไหวแล้ว นับวันยิ่งชอบหมวดเรียวมากขึ้นทุกที
♀ ♀

เหลือเวลาอีกสิบนาทีจะถึงเวลาเลิกงานของหมวดเรียว ศรันย์ยืนรออยู่หน้าห้องทำงานของหน่วยปฏิบัติการพิเศษทั้งที่ความจริงอยากเข้าไปในห้องด้วยซ้ำ แต่เกรงว่าจะโดนไลออกมาจึงต้องรออยู่ด้านหน้า ขณะนั้นเองร่างสูงใหญ่ของผู้กองคมกริชก็เดินออกมาจากห้อง และเมื่อเห็นว่าศรันย์ยืนอยู่ข้างหน้าก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
ศรันย์เงยหน้าขึ้นมองจึงเห็นว่าริมฝีปากของผู้กองคมกริชกระตุกเล็กน้อย เขาพยายามอ่านความรู้สึกของนายตำรวจหน้าดุคนนี้ ต้องการประเมินดูว่าอีกฝ่ายจะมีใจชอบหมวดเรียวเหมือนกันหรือไม่ เพราะต้องการรู้ว่าตัวเองจะมีคู่แข่งกี่คนกันแน่ ลึกๆ ศรันย์สงสัยอยู่บ้างว่าผู้กองคมกริชอาจชอบหมวดเรียวของเขาอยู่บ้าง
หมวดเรียวของเขา
ตอนนี้เขาถือว่าหมวดเรียวเป็นของเขาไปแล้ว ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แต่ต้องการคิดแบบนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่ตนเอง
ตาสบตา ศรันย์รู้สึกได้ว่านายตำรวจมาดขรึมคนนี้ไม่พอใจเล็กน้อย
"สวัสดีครับผู้กอง ผมมารอน้องเรียวครับ" ศรันย์จงใจยั่วอารมณ์
"อือ" คมกริชพยักหน้า ทำเสียงสั้นๆ ในลำคอแล้วเดินตัวตรงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ศรันย์มองตามยิ้มๆ รู้สึกพอใจ
"สนุกนักหรือไงที่ไปแหย่เสือดุแบบนั้น" เสียงของเรียวดังขึ้น ศรันย์หันขวับกลับมา เรียวจึงพูดต่อว่า "อย่าให้ผู้กองคมกริชได้เขม่นคุณนะ ขอเตือนเอาไว้ก่อน ระวังจะมาเหยียบ สน. นี้ไม่ได้อีก"
"พี่แกดุขนาดนั้นเลยหรือ" ศรันย์เลิกคิ้ว ทำตาตื่น แต่เรียวไม่คิดว่าศรันย์จะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
"ถามจริงเถอะคุณศรันย์ คุณกำลังคิดอยู่"
"คิดอะไร ผมไม่เข้าใจที่คุณหมวดถาม" ศรันย์ทำหน้าซื่อ
"อย่ามาทำหน้าไม่เข้าใจหน่อยเลย คุณจงใจยั่วผู้กองคมกริชทำไมหรือ"
"เปล่า" ศรันย์แบะปาก ส่ายหน้าปฏิเสธ
"ปากแข็ง" เรียวเดินเข้ามาใกล้ ทำหน้าดุ "แบบนี้ต้องใช้ของแข็งงัดปาก"
"จะต่อยผมก็เชิญ" ศรันย์ยื่นหน้าออกมา "ถ้าทำได้ลงคอก็ตามสบาย ถ้าทำให้คุณหมวดมีความสุขผมก็ยอม ผมจะถือเสียว่าตัวเองเป็นแค่วัตถุให้ระบายอามรณ์"
"ผู้กองคมกริชกับผมไม่เคยมีอะไรกัน เข้าใจไหม"
"แล้ว เอ่อ..." ศรันย์หันซ้ายหันขวา ทำเสียงกระซิบกระซาบ "ผู้กองเขาเป็นหรือเปล่า"
"ไม่รู้" เรียวตอบเสียงห้วน ส่ายหน้า "จะไปหรือยัง"
"คุณหมวดจะไปทั้งอย่างนี้เลยหรือ" ศรันย์มองนายตำรวจจากหัวจรดเท้า "เดทโรแมนติกกับเสื้อเชิร์ทลายสก๊อต กางเกงยีนส์เก่าๆ รองเท้าผ้าใบ เฮ้อ หัวเกรียนอีกต่างหาก"
"คุณจะมาคาดหวังอะไรกับผม ถ้าไม่ชอบแบบที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ก็เชิญไปหาเอาใหม่ป้ายหน้า" เรียวกระแทกเสียง
"คุณหมวดกลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่สักหน่อยดีกว่าไหม"
"ผมไม่มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่หรอก" เรียวทำเสียงเหนื่อยหน่าย "ดีที่สุดก็ชุดนักศึกษาที่เคยใส่ตอนปลอมตัวนั่นล่ะ"
"ถ้ายังงั้นผมจะพาคุณหมวดกลับบ้านไปอาบน้ำให้สะอาดๆ ใส่น้ำหอมซักหน่อย แล้วจะช่วยแต่งตัวนะ" ศรันย์ยักคิ้ว
"ลีลาอยู่ได้"
"ทำไมล่ะ ให้ผมรู้จักบ้านมันไม่ดีตรงไหน เราก็กำลังจะเป็นคนใกล้ชิดกันแล้ว หรือว่าถ้าบ้านคุณหมวดอยู่ใกล ไปบ้านผมก็ได้นะ มีอ่างอาบน้ำ"
"ถ้าจะเรื่องมากขนาดนี้ กินอาหารตามสั่งข้าง สน. เลยดีกว่า" เรียวทำหน้าย่น เดินนำหน้าศรันย์ตรงไปยังบันได
"อ้าว ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลย จะไปแล้วหรือ" ศรันย์เดินตาม
"จะไปหรือไม่ไป ตามมาเร็วๆ เข้า ก่อนที่หมวดชินจะออกมาเจอ ไม่งั้นจะได้เลี้ยงหมวดชินด้วยนะ" เรียวพูดโดยไม่หันกลับมาคนข้างหลัง
"ถ้าเช่นนั้นรีบไปอย่างเร็วที่สุดเลยคร้าบ" ศรันย์พูดขึ้นแล้วเร่งฝีเท้าพลางหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดี ใจหนึ่งอยากเอื้อมมือไปจับมือของหมวดเรียวยิ่งนักแต่กลัวว่าจะโดนดุจึงเดินเคียงข้างไปเงียบๆ
หมวดเรียวกำลังทำให้ใจของเขาพองโต รู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ศรันย์หันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนายตำรวจหนุ่มพร้อมกับถามตัวเองว่า เขาใช้ชีวิตโสดมานาน ลอยไปลอยมาเอาแต่สนุก ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะเริ่มมีความรักเสียที

►จบบทที่ 15◄

หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 15 ►12/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-03-2017 00:34:52
เล่นมาหาเที่ยงถึง เย็นถึงขนาดนี้ หมวดเรียวเจ้าเสน่ห์ก็ต้องมีหวั่นไหวมั่งล่ะ

เชียร์ป๋าศรันย์ฮ่ะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 15 ►12/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 14-03-2017 09:16:03
ศรันย์ ตลกนะ หมวดเรียวเริ่มชอบแล้ว!!!
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 16 ►14/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 14-03-2017 21:37:02
♀ บทที่ 16♀

ในที่สุด เดทโรแมนติกของศรันย์กับเรียวก็ลงเอยที่ร้านอาหารกุ้งเผาแถบชานเมือง และนายตำรวจหนุ่มก็ยังคงสวมชุดเดิมโดยไม่ยอมกลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ตามที่ศรันย์เซ้าซี้
ศรันย์มองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างขัดใจ พอพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ เรียวก็ก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารโดยไม่พูดไม่จา ศรันย์จึงพูดขึ้นว่า
"เดี๋ยวก็ติดคอหรอก ชักจะกินเหมือนหมวดลูกชิ้นเข้าไปทุกที หายใจหายคอบ้างก็ได้นะครับคุณหมวด จะหิวอะไรนักหนา คนแย่งกินก็ไม่มี"
"คุณก็กินเสียสิ นั่งหน้าบึ้งอยู่ได้" เรียวพูด
"จะไม่ให้หน้าบึ้งได้ยังไง ดูสิ เดทโรแมนติก" ศรันย์หันไปมองรอบๆ
"จะให้ผมใส่สูททักซิโด้หรือไง"
"บอกว่าไปโรงแรมรีเวียร่าแกรนด์ก็ไม่เอา ร้านอาหารชั้นบนสุด ดินเนอร์ใต้แสงเทียน ดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า บรรยากาศหรูโรแมนติก ต่างจากที่นี่ราวฟ้ากับดิน"
"ขี้เกียจขึ้นลิฟท์" เรียวยักไหล่ "แล้วชุดแบบนี้เขาคงไม่ให้เข้าหรอก อีกอย่าง ร้านนี้อร่อย ผมชอบ ไม่แพงด้วย"
"แพงผมก็ไม่สน เพื่อคุณหมวดผมทำได้ทุกอย่าง"
"ชักจะเลี่ยนไปนะคุณศรันย์"
"จริงๆ นะหมวดเรียว ผมทำได้ทุกอย่างจริงๆ"
"เชื่อ" เรียวพูดสั้นๆ พยักหน้า "เจ้าเล่ห์แสนกลอย่างคุณ ทำได้ทุกอย่างจริงๆ นั่นล่ะ"
"อย่ามองผมแบบนั้นสิ ถ้าผมไม่คิดจะจริงจังกับคุณหมวด ผมจะมาไกลถึงขนาดนี้หรือ โดนคุณแกล้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง โดนข่มขู่สารพัด ผมก็ยังอดทน" ศรันย์ทำตาหน้าสงสาร
"คุณก็พูดเกินไป นี่ไงที่บอกว่าเจ้าเล่ห์ ดูตาคุณก็รู้ มันแฝงอะไรเยอะแยะมากมาย ไว้ใจไม่ค่อยจะได้"
"ถ้ายังงั้นลองบอกสิ ว่าตาของผมมันกำลังสื่ออะไรอยู่ คุณเป็นตำรวจก็ต้องเชี่ยวชาญในการจับผิดคน สอบสวนผู้ต้องหามาก็เยอะ มองตาผมสิ แล้วบอกหน่อยว่าผมกำลังรู้สึกยังไง" ศรันย์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
"ดาราตุ๊กตาทอง" เรียวพูดยิ้ม
"ทำเป็นเล่นอีกแล้ว" ศรันย์หน้างอ
"ก็ได้ งั้นดูใหม่" เรียวหัวเราะเบาๆ "งั้นคุณตาแบบเมื่อกี้อีกทีสิ จะได้บอกว่ามันเหมือนเดิมหรือเปล่า"
"หมวดเรียว ผมชอบคุณ แล้วคุณหมวดชอบผมบ้างไหม" ศรันย์พูดเบาๆ มองตาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างรอคำตอบ
เรียวมองตาของศรันย์ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าช้าๆ ศรันย์ยิ้มอย่างพอใจ
"ว่าไงครับ" ศรันย์อยากได้ยินอีกฝ่ายตอบออกมาเป็นคำพูด
"ถ้าไม่ชอบแล้วจะยอมมากินข้าวด้วยหรือ"
"ไม่รู้สิ นึกว่าชอบของฟรี" ศรันย์หัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกุมมืออีกฝ่าย แต่เรียวรีบดึงมือออก
"อย่ารุ่มร่ามสิ นี่ร้านอาหารนะ ทำอะไรประเจิดประเจ้อ" เรียวหันซ้ายหันขวา
"แค่นี้เอง" ศรันย์อุทาน "มีใครสนใจเราที่ไหนเล่า นี่มันสมัยไหนแล้ว ผู้ชายจับมือกันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดเลยนะครับคุณหมวด"
"เมื่อไหร่จะเลิกเรียกผมว่าคุณหมวดซะที" เรียวก้มหน้าทานอาหารต่อ
"จะให้ผมเรียกน้องเรียวอย่างนั้นหรือ" ศรันย์หัวเราะ
"อย่านะ" เรียวเงยหน้าขึ้นมาทันที ทำตาเข้ม "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าไปเรียกที่ สน. ให้ใครได้ยิน ไม่งั้นโดน"
"ใช้ความรุนแรงอีกแล้ว"
"ผมก็เป็นของผมแบบนี้ล่ะ จะชอบก็ชอบ ถ้าไม่ชอบผมจะได้ไปชอบคนใหม่" เรียวยักไหล่
"แต่ถ้าคุณหมวดชอบความรุนแรงผมก็ยอมนะ แต่อย่าหนักนักก็แล้วกัน มันเจ็บ แต่ถ้าจะไปชอบคนอื่นผมไม่ยอมเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้กองธาม" ศรันย์ทำเสียงออดอ้อน
"ผู้กองธามกับผมไม่มีอะไรกัน"
"ก็ในอดีต..." ศรันย์แย้ง
"อดีตก็อดีต" เรียวยักไหล่
"แสดงว่าปัจจุบันสำคัญกว่าใช่ไหม" ศรันย์ยิ้มกว้าง
"อนาคตด้วย หรือคุณคิดว่าอนาคตไม่สำคัญ"
"สำคัญสิครับ ถ้าเราทำปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะดี เพราะฉะนั้น เพื่ออนาคตของเรา ทานข้าวเสร็จแล้ว เราไปนั่งดื่มอะไรชิลด์ๆ ที่ริมทะเลดีไหม บรรยากาศดีๆ โรแมนติก" ศรันย์ทำตาฝันเฟื่อง
"คุณนี่เอะอะก็โรแมนติก แล้วจะบ้าหรือ ไปหาอะไรดื่มริมทะเลเอาค่ำมืดป่านนี้"
"ก็เพราะมันค่ำมืดนะสิครับถึงโรแมนติก แล้วทะเลก็ไม่ได้จะใกลเท่าไหร่ ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึง ผมเป็นคนขับรถเอง นะครับ คืนนี้ผมขอนะ" ศรันย์ทำหน้าอ้อน
"คุณศรันย์ ผมไม่ใช่คนโรแมนติกหรอกนะ จะมาคาดหวังทำอะไรแบบกุ๊กกิ๊กกับผมไม่ได้หรอกนะ ผมทำไม่เป็น"
"คุณหมวดไม่ต้องทำ อยู่เฉยๆ ผมทำเอง" ศรันย์อมยิ้ม
"ทะลึ่ง" เรียวกระแทกเสียง
"รีบกินสิ จะได้รีบไป" ศรันย์ชี้นิ้วที่จานอาหารบนโต๊ะ
"พรุ่งนี้ก็ต้องทำงาน ถ้าไปก็กลับดึก" เรียวตักอาหารเข้าปาก เคี้ยวช้าๆ แล้วถามขึ้นว่า "บ้านคุณมีสระว่ายน้ำไหม"
"ไม่มี แต่มีจากุซซี่" ศรันย์แทบจะกลั้นหายใจ รอฟังว่าเรียวจะพูดอะไรต่อด้วยความตื่นเต้น
"บ้านหมวดลูกชิ้นมี"
"หมายความว่ายังไง" ศรันย์เลิกคิ้ว
"ไปว่ายน้ำที่บ้านหมวดลูกชิ้นดีกว่า ซื้อเบียร์ไปด้วย ว่ายน้ำเล่นแล้วก็นั่งดื่มเบียร์กัน"
"กับหมวดชินด้วยนะหรือ ไม่เอานะ อีกแล้วหรือเนี่ย นี่คุณสองคนจะห่างกันหน่อยไม่ได้หรือไง" ศรันญ์ครวญราวจะขาดใจตาย
"แปลกตรงไหน" เรียวเลิกคิ้ว
"จะโรแมนติกซักนิ๊ดนึงได้ไหม" ศรันย์ลากเสียงสูง ยกนิ้วก้อยขึ้นมาแสดงท่าประกอบตามคำพูด
"ไปบ้านหมวดชิน ก็ไม่ได้หมายความว่าหมวดชินจะมาว่ายน้ำด้วย เขาก็อยู่ในห้องนอนเขาบนบ้านโน่น"
"ไปบ้านผมดีกว่า แช่จากุซซี่ให้มันนวดตัว" ศรันย์เสนอทางเลือก
"มันเล็ก นั่งเบียดกัน อึดอัด"
"ก็นั่นล่ะ เหตุผลของจากุซซี่"
"งั้นก็ได้" เรียวพยักหน้า ศรันย์ยิ้มกว้างทันที แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคถัดมา "แต่ห้ามมาถูกเนื้อตัวผมนะ มันทำให้หงุดหงิด ผมไม่ชอบที่แคบๆ
เอาวะ ห้ามไม่ให้ถูกเนื้อต้องตัวก็ห้ามไป ยังไงก็ต้องหาวิธีให้ได้กอดกับจูบจนได้ล่ะ

♀♀

เมื่อลงจากรถ เรียวก็หันไปมองรอบๆ บ้านชั้นเดียวดีไซน์ทันสมัยของศรันย์ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่าสามร้อยตารางวา มีสนามหญ้ากว้างหน้าบ้าน ปลูกไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม ศรันย์บอกว่าอาศัยอยู่คนเดียว แม่บ้านมาทำงานแบบไปกลับ ส่วนคนสวนมาทำงานอาทิตย์ละสองครั้ง
"อยู่คนเดียว ทำไมบ้านหลังใหญ่เบ้อเริ่ม" เรียวแหงนหน้ามอง "บ้านชั้นเดียวสูงเหมือนบ้านสองชั้น"
"เพื่ออนาคตครับ" ศรันย์ตอบยิ้มๆ เปิดประตูผายมือเชิญให้เรียวเดินเข้าไปก่อน "เผื่อมีใครอยากจะมาอยู่ด้วย"
"บ้านก็สวยดี แต่เจ้าของบ้านคงอยู่แต่นอกบ้าน ร่อนไปร่อนมา"
"มองผมในด้านดีหน่อยสิคุณหมวด" ศรันย์ทำหน้าง้ำ "บอกแล้วไงว่าเพื่ออนาคต ผมก็คงร่อนไปร่อนมาตลอดไปไม่ได้หรอก อายุมากขึ้นก็ต้องหยุดเที่ยว อยู่บ้านมากขึ้นสิครับ"
"คุณอายุจะสี่สิบหรือยัง" เรียวถาม
"จะบ้าหรือคุณหมวด ถามอะไรน่าเกลียดจริงๆ เลย ดูหน้าตาผมหน่อยสิ" ศรันย์โวย ชี้นิ้วเข้าที่ใบหน้าตัวเอง "จะว่าไป ผมว่าเราก็คงอายุไม่ห่างกันเท่าไหร่นักหรอก"
"เก้าปี" เรียวพูดขึ้นแต่ชูนิ้วทั้งสิบขึ้นมา "ผมเช็คประวัติคุณหมดแล้ว ห่างกันเก้าปีนีก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกันนะ"
"แค่เก้าปีเอง" ศรันย์ค้อนเล็กน้อย เดินไปหยิบขวดเหล้าออกมาวางบนเคาท์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม แต่เรียวบอกว่าไม่ดื่มเหล้า ขอแค่เบียร์ก็พอ ศรันย์บอกว่าไม่มีเบียร์ เรียวจึงบ่นว่าน่าจะซื้อมาด้วย
"หรือไม่คุณก็ออกไปซื้อมาซักแพคนึง" เรียวพูด
"โธ่ คุณหมวด มาจนถึงบ้านแล้วยังจะให้ผมออกไปซื้อเบียร์อีกหรือ มีอะไรก็ดื่มอันนั้นสิ อย่าเรื่องมากนักเลย เครื่องดื่มไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก มันขึ้นอยู่กับว่าเราดื่มกับใครต่างหากเล่า"
"ถ้าเป็นผู้กองธาม ผมแน่ใจว่าเขาต้องรีบออกไปซื้อเบียร์ให้ผมแน่ๆ" เรียวจงใจแกล้งพูดให้ศรันย์ออกอาการ
"ก็ได้ จะไปซื้อให้ก็ได้" ศรันย์ทำตาประหลับประเหลือก กระแทกเสียงเล็กน้อย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เรียวหัวเราะขำ ศรันย์จึงพูดต่อว่า "สนุกนักนะที่แกล้งผม นี่คิดว่าแกล้งด้วยคำพูดก็ยังดีใช่ไหม"
"ล้อเล่นนิดเดียว ทำหน้าตาออกงิ้วออกลิเกไปได้"
"ล้ออะไรไม่ล้อ เอาผู้กองธามมาขู่ทำให้ใจเสีย" ศรันย์ทำหน้าง้ำ
"ผมไม่ดื่มเหล้า คุณมีน้ำอัดลมไหม เอาแค่น้ำอัดลมก็พอ"
"ไม่มี"
"อะไรกัน ชวนคนมาดื่มที่บ้านแต่ไม่มีของที่เขาอยากดื่ม" เรียวโวยวาย
"ผมชวนไปดื่มริมทะเลต่างหาก แต่คุณจะมาบ้านเอง แล้วตอนที่ออกจากร้านอาหารก็ลืมเรื่องเบียร์ไปเลย แต่เหล้าผมก็ไม่ธรรมดานะครับคุณหมวด หรือจะเอาไวน์ก็ได้"
"พอแล้ว เอาน้ำเปล่าก็แล้วกัน" เรียวโบกมือ ลุกขึ้น เดินออกไปยังระเบียงกว้างของห้องนั่งเล่น ไม่นานศรันย์ก็เดินตามออกมา ยื่นแก้วน้ำให้แล้วกระซิบเบาๆ ว่า
"จากุซซี่อยู่ตรงโน้น" ศรันย์บุ้ยปากไปยังพุ่มไม้ทางด้านขวาของระเบียง "บรรยากาศดีมากเลยนะคุณหมวด ผมให้คนจัดสวนอย่างสวยเลยทีเดียวล่ะ ไปเลยไหม"
"ผมไม่อยากลงน้ำแล้วล่ะ กลัวเป็นหวัด" เรียวส่ายหน้า
"ได้ไงเนี่ย อุตส่าห์มาถึงที่" ศรันย์ทำหน้าผิดหวัง "แช่น้ำให้เย็นกายสบายใจหน่อยสิครับ ผมจะถูหลังให้นะ มีจากุซซี่นวดตัวให้ สบายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วนะครับ"
"ดูคุณอยากลงน้ำจังเลยนะ"
"อยากครับ" ศรันย์พยักหน้า "อยากมากๆ เลย นะครับคุณหมวด แช่ซักหน่อย ผมจะไปเปิดน้ำเตรียมไว้นะ จุดเทียนหอม เปิดเพลงเบาๆ ไปนอนคุยกันในอ่าง"
"กางเกงว่ายน้ำ" เรียวเลิกคิ้ว
"ถ้าคุณหมวดอาย นุ่งบ๊อกเซอร์ลงก็ได้ คุณหมวดไปนั่งคอยข้างจากุซซี่นะ ผมจะไปหยิบผ้าเช็ดตัวกับอุปกรณ์"
"อุปกรณ์อะไร" เรียวหรี่ตามอง
"ก็...เอ่อ...อุปกรณ์สำหรับแช่จากุซซี่นะสิครับ" ศรันย์ตอบ ดึงแขนเรียวให้เดินตามเข้าไปในสวนหย่อมที่จัดไว้อย่างสวยงาม มีศาลาทรงบาหลีอยู่ตรงกลาง อ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางด้านขวา ส่วนด้านซ้ายเป็นสระว่ายน้ำขนาดเล็ก
"ไหนบอกว่าไม่มีสระว่ายน้ำ" เรียวท้วงเสียงเข้ม
"มันไม่ใช่สระว่ายน้ำ เขาเรียกว่าพลันช์พูล สระแช่น้ำ ไม่ได้มีให้ว่ายน้ำ แค่ให้กระโดดลงไปแช่น้ำเย็นๆ" ศรันย์อธิบาย
"งั้นผมจะลงพลันช์พูล คุณก็ไปแช่จากุซซี่"
"ได้ไงล่ะคุณหมวด แช่ด้วยกันสิ ถ้ากลัวว่าผมจะแต๊ะอั๋ง ผมขอรับรองว่าจะเก็บไม้เก็บมืออย่างดี ไม่ฉวยโอกาสเด็ดขาด"
"เชื่อตายล่ะ ดูตาคุณก็รู้" เรียวชี้นิ้วใส่หน้าของศรันย์
"จริงๆ นะครับ ถ้าคุณหมวดไม่ชอบ ผมจะไม่ฝืนใจ" ศรันย์ยิ้มบางๆ บอกให้เรียวนั่งรอ ส่วนตัวเองเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบผ้าเช็ดตัวและสิ่งของอื่นๆ
♀♀

สองหนุ่มนั่งแช่อยู่ในอ่างจากุซซี่เงียบๆ เรียววางศีรษะลงบนขอบอ่าง หลับตา หายใจเข้าออกช้าๆ ส่วนศรันย์เอนตัวลง แหงนหน้ามองท้องฟ้า รู้สึกสบายใจยิ่งนัก
"ผมไม่เคยมีแฟน" จู่ๆ ศรันย์ก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ
"มาบอกผมทำไม"
"คุณหมวดคงจะคิดละสิว่า แหงล่ะ ท่าทางเจ้าชู้อย่างผมจะมีแฟนได้ยังไง จะรักใครเป็น วันๆ ก็คงเอาแต่สนุกสนาน ลอยไปลอยมา" ศรันย์หัวเราะเบาๆ "แต่ก่อนนั้นก็จริงเป็นบางส่วนนะครับ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วนะครับ มันเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่ผมโดนเอาปืนจี้ขู่บังคับให้ขับรถพาหนีโจรนั่นล่ะ"
"อย่าพูดเรื่องนี้อีกนะ ขอทีเถอะ"
"ถามจริงๆ เถอะคุณหมวด ทำไมต้องมาจี้ผมให้พาขับรถหนี" ศรันย์พลิกหน้าหันมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเรียว
"คุณไม่ต้องรู้หรอก ผมมีเหตุผลของผม อย่าถามอีกนะ ไม่งั้นโดน"
"คุณหมวดนี่สงสัยออกแนวซาดิสม์" ศรันย์หัวเราะ "ชอบใช้แต่กำลัง"
"คุณก็อย่าทำลายบรรยากาศสิ"
"ชอบบรรยากาศแบบนี้ใช่ไหมครับ วันหลังมาอีกสิ ผมจะเตรียมเบียร์กับน้ำอัดลมไว้ให้พร้อม ถ้าปวดเมื่อ ผมนวดให้ก็ได้นะ จะได้สบายตัว"
"หาเรื่องจะแตะเนื้อต้องตัวจนได้สินะ"
"แล้วมันแปลกตรงไหน ได้สัมผัสคนที่เราชอบ ใครบ้างไม่อยากทำ" ศรันย์พูดเสียงทุ้มต่ำ พยายามสะกดอารมณ์ปรารถนาอย่างเต็มที่ ร่างขาวเนียนสะอาดของนายตำรวจหนุ่มทำให้เขารู้สึกทรมานมาก อยากเอื้อมมือไปลูบไล้ใจจะขาด
"คุณอยากจูบผมไหม" เรียวลืมตาขึ้น
"อยากสิครับ" ศรันย์ตอบเสียงพร่า "อยากใจจะขาด แต่ผมสัญญากับคุณหมวดเอาไว้แล้ว ผมก็ต้องรักษาสัญญา"
"บางทีผมก็มองไม่ออกว่าตอนไหนคุณพูดเล่นพูดจริง" เรียวหันหน้ามามอง "บอกตรงๆ ผมกลัวใจคุณอยู่เหมือนกัน"
"บุคลิกผมมันเป็นแบบนี้ล่ะ ไม่ได้เคร่งขรึมจริงจังตลอดเวลาเหมือน เอ่อ..."
"ไม่ต้องเอ่ยชื่อเขานะ" เรียวทำหน้าเข้ม ส่งสายตาห้าม
"แต่ถ้าคุณได้รู้จักผมลึกซึ้ง คุณก็จะเห็นตัวตนจริงๆ ของผม" ศรันย์หายใจแรงๆ อยากก้มหน้าลงไปจูบปากแดงๆ ของเรียวยิ่งนัก
"เรายังมีเวลากันอีกเยอะ คุณก็อย่าเพิ่งใจร้อนนักก็แล้วกัน เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา เข้าใจที่ผมพูดใจ"
"เข้าใจก็ได้ แต่ว่าผมก็อยากได้ความมั่นใจบ้างว่า คุณหมวดจะไม่เขวไปกับเสน่ห์ของตำรวจหน้าดุคนนั้น"
"ผู้กองธามไม่เห็นจะดุตรงไหนเลย" เรียวส่ายหน้า
"ผมหมายถึงผู้กองหน้าดุที่ สน. คุณหมวดต่างหาก" ศรันยต์ตอบ
"ผู้กองคมกริชนะหรือ" เรียวอุทาน
"ผมว่าเขาชอบคุณหมวด"
"ผู้กองคมกริชนั่นนะชอบผม" เรียวเบิกตากว้าง
"ผู้ชายเขามองกันออก"
"ผมก็ผู้ชาย"
"แต่มันต่างสถานะกันนี่นา ผมรู้สึกได้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าดุๆ ตาขวางๆ คู่นั้น เวลาผมเอ่ยชื่อคุณหมวด มุมปากเขากระตุกทันที ที่ผมห่วงก็เพราะคุณกับเขาทำงานด้วยกัน อยู่ใกล้ชิดกันทุกวัน เคยได้ยินว่าหมาเห่าไม่กัดไหม คนแบบนั้น เห็นนิ่งๆ เงียบๆ แบบนั้นล่ะ เวลาจะเอานี่ไม่พูดพล่าทำเพลงเลยนะจะบอกให้"
"ต่างจากคุณ ปากมาก พูดมาก มีแต่น้ำ เนื้อหาไม่เจอ เอาแน่เอานอนไม่ได้"
"พูดซะผมเสียไม่มีอะไรดีเหลือเลย" ศรันย์ทำหน้างอ หันหน้าหนีไปมองด้านข้าง ถอนหายใจเล็กน้อย
"ล้อเล่นหรอก" เรียวหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นจมูกไปหอมแก้มคนขี้งอน ศรันย์รีบหันขวับมา ทำตาวิบวับอย่างชอบใจ เรียวถอยออกห่าง ยกมือขึ้นทำท่าห้าม
"ขอมัดจำบ้างหน่อยสิครับคุณหมวด อย่างน้อยผมจะได้กำลังใจสู้กับตำรวจสองคนนั่น ผมยอมรับว่ามาดผมเท่สู้ไม่ได้ รูปร่างหน้าตาอาจจะพอสูสี แต่ว่า..."
"รูปร่างหน้าตานั่นหรือพอสูสี พูดผิดพูดใหม่ได้นะ"
"ก็ได้ๆ รูปร่างหน้าตาผมเป็นรองผู้กองคมกริชอยู่นิดๆ ส่วนผู้กองธามนั้นผมเป็นรองอยู่เยอะ แต่ลีลาอาจจะชนะขาดนะคร้าบ" ศรันย์ยิ้มทะเล้น เรียววักน้ำใส่หน้า แล้วบอกว่าศรันย์หลงตัวเอง
"คุณลืมบอสไปอีกคน เห็นยังเป็นเด็กนักศึกษาอยู่ นั่นก็ไม่ใช่ย่อยเลยนะ" เรียวพูด
"หา อย่าบอกนะว่าคุณกับเจ้าบอส" ศรันย์อ้าปากค้างไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า "ผมไม่ยอมนะคุณหมวด อะไรกัน ไม่กี่วัน คุณยอมบอสขนาดนั้นเลยหรือ แล้วผมล่ะ ผมยอมเป็นเบี้ยล่างให้ทั้งคุณกับหมวดชินมาตลอด โดนแกล้งสารพัด แต่ได้เอาปากแตะกับปากคุณแค่ครั้งเดียว แล้วก็เอาจมูกมาชนแก้มผมนิดเดียวแค่นั้นเอง ไม่แฟร์เลย"
"ถ้าแบบนี้ดีขึ้นไหม" เรียวพลิกตัวขึ้นมานั่งคล่อมตัวศรันย์ มือวางลงบนอกกว้าง ดันให้เอนตัวพิงขอบอ่างจากุซซี่
"จูบด้วยสิครับ หมวดเรียว" ศรันย์พูดด้วยเสียงแหบพร่า หายใจแรง เผยอปากเล็กน้อย ตามองตานายตำรวจหนุ่มที่จู่ๆ ก็พลิกตัวขึ้นนั่งคล่อมเขาไว้
"หลับตาสิ แล้วก็อยู่นิ่งๆ อย่ากระดุกกระดิก มือวางไว้ข้างตัว ห้ามยกขึ้นมาเด็ดขาด" เรียวสั่ง
"คุณหมวดชอบใช้อำนาจบีบบังคับควบคุมใช่ไหมครับ" ศรันย์เสียงสั่นเล็กน้อย "ได้เลยครับ อยากทำอะไรกับผมก็เชิญ ผมยอมแล้ว"




►จบบทที่ 16◄

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามาอ่านและช่วยเมนท์ช่วยดันนะครับ ขอบคุณที่กดไลค์ เรื่องนี้อาจไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่เพราะตั้งใจจะให้มันเป็นเรื่องรักกุ๊กกิ๊กอ่านพอเพลินๆ ไม่ได้เขียนนิยายมากว่าสี่ปี ต้องขัดสนิมอีกเยอะเลย  :L2:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 16 ►14/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: นางสาวกานาเลส ที่ 14-03-2017 22:08:51
อ้ากกกกก เขินตัวม้วนนน อย่าตัดนะะ อย่าตัดฉับฉากนี้นะะะ ต้องมีต่อ ต่อยาวๆเลยด้วย 55555555555555555
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 16 ►14/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 14-03-2017 22:58:31
ค้างมากก บรรยากาศเริ่มโรแมนติก โอ้ว เขิน
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 16 ►14/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 14-03-2017 23:35:42
นายศรันย์โดนหมวดเรียวแกล้งชัววว
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 16 ►14/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-03-2017 23:40:43
หมวดเรียวจะทำให้เฮียศรัญย์ใจสั่นไปได้ขนาดไหนนะ  หุ  หุ   :hao5:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 16 ►14/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-03-2017 23:54:39
 :laugh:



อยากไปแอบดู
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 16 ►14/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 15-03-2017 11:42:50
กรี๊ดร้อง  :hao6:
ค้างค่า ชอบการดำเนินเนื้อเรื่อง ตัวละครก็ค่อยๆ โผล่ (คิดในใจ เมื่อไรจะได้กันซะที)  :katai1: :katai1:

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 16 ►14/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 15-03-2017 23:00:50
กรี๊ดร้อง  :hao6:
ค้างค่า ชอบการดำเนินเนื้อเรื่อง ตัวละครก็ค่อยๆ โผล่ (คิดในใจ เมื่อไรจะได้กันซะที)  :katai1: :katai1:

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
แหม ถ้าพระเอกนายเอกได้กันมันก็จบเรื่องสิคร้าบ :z1: :pigha2:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 16 ►14/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-03-2017 20:51:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 17 ►16/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 16-03-2017 22:16:35
♀ บทที่ 17♀

เรียวก้มหน้าลงมองศรันย์ที่กำลังแหงนหน้ามองขึ้นมาด้วยประกายตาวาบหวาม มือลูบไล้อกกว้างมีมัดกร้ามพอประมาณ ศรันย์สะดุ้งเฮือกเมื่อปลายนิ้วเรียวสะกิดยอดอกเบาๆ เผลอยกมือขึ้นแตะต้นขาของคนที่กำลังนั่งคล่อมเขาอยู่จึงโดนดุเสียงเข้ม
"บอกให้อยู่เฉยๆ ห้ามกระดุกกระดิก"
"ก็มันเสียวนี่ครับ" ศรันย์ครวญเบาๆ
"ถ้าไม่งั้นผมจะหยุดเลยนะ" เรียวขู่ รอจนศรันย์ลดมือลงแล้วจึงลูบไล้ต่อไปจนถึงต้นคอ ใช้นิ้วเค้นคลึงติ่งหูเบาๆ ส่วนมือซ้ายลากลงไปตามลาดไหล่กดเน้นเป็นจังหวะสลับกับการไล้นิ้วแผ่นเบา
"จูบผมที" ศรันย์พูดเสียงสั่น ตาหลับพริ้ม เผยอปาก เรียวจึงใช้นิ้วไล้ไปตามริมฝีปากเปียกชื้นของอีกฝ่าย ศรันย์อ้าปาก พยายามเลียปลายนิ้วของนายตำรวจหนุ่ม
"บอกว่าอยู่เฉยๆ นี่แน่ะ" เรียวดุ พร้อมกับใช้นิ้วดีดปากคนที่ไม่ยอมอยู่นิ่ง
"อูย" ศรันย์คราง
เรียวอมยิ้ม รู้สึกขำศรันย์ จากนั้นกดตัวลงแนบชิดกับแผ่นท้องของศรันย์ แล้วขยับตัวลงต่ำ ทั้งที่โดนสั่งว่าห้ามกระดุกกระดิก แต่ศรันย์ก็ยังดื้อดึง ขยับกายท่อนล่าง พยายามเด้งตัวขึ้นมาเบียดกับก้นเขา
"คุณนี่ดื้อจริงๆ เลย บอกว่าให้อยู่เฉยๆ ก็ยังขยับไปมาอยู่นั่นล่ะ แบบนี้ต้องถูกทำโทษ" เรียวพูดแล้วขย้ำยอดอกของศรันย์แรงๆ จนฝ่ายนั้นสูดปาก
"เลิกทรมานผมซะที ผมจะไม่ไหวอยู่แล้วนะคุณหมวด" ศรันย์เสียงกระเส่า แก่นกายกลางลำตัวเกร็งแน่นจนปวดตุบๆ อยากรูดกางเกงออกจากตัวให้เปลือยล่อนจ้อนยิ่งนักแต่จำต้องทนนิ่งเอาไว้
"รู้จักอดทนหน่อยสิ คบกับผมคุณจะต้องทนไปอีกนาน ถ้าทนไม่ไหว เราก็อาจจะคบกันได้ไม่นาน"
"ทนแล้วครับ ทนมานานแล้ว ตอนนี้ก็ทนสุดๆ" ศรันย์ลืมตาขึ้น "ปวดไปหมดแล้ว"
"ปวดตรงไหนจะนวดให้" เรียวแกล้งถาม
"ตรงที่ก้นหมวดนั่งทับอยู่นั่นล่ะ" ศรันย์ตอบ มองเรียวตาเยิ้ม
"ตรงนี้ใช่ไหม" เรียวโหย่งตัวขึ้นเล็กน้อย สอดมือเข้าใต้ก้นตัวเอง คว้าหมับเข้าที่กลางลำตัวของศรันย์ซึ่งกำลังลุกชันดันกางเกงขาสั้นตัวเล็กขึ้นมา บีบครึงเบาๆ จนเจ้าของท่อนลำถึงกับสะท้าน
"โอ้ว เสียว" ศรันย์แหงนหน้า สูดปาก เผลอยกมือขึ้นลูบไล้สีข้างของนายตำรวจหนุ่ม
"บอกว่าอย่ากระดุกกระดิก" เรียวตวาดเสียงเบา บีบสิ่งที่ในมืออย่างแรงจนศรันย์สะดุ้งเฮือก "เอามือลงเดี๋ยวนี้ นอนนิ่งๆ ไม่งั้นผมจะเอาเชือกรัดข้อมือเอาไว้นะ"
"แบบนั้นเลยหรือคุณหมวด" ศรันย์พูดเสียงสั่นด้วยแรงปรารถนา ตาเป็นประกายวาววับ มือใหญ่ลูบไล้ผิวเนียนลื่นของเรียว
"ไม่นิ่งใช่ไหม ถ้ายังงั้นผมจะหยุดแล้วนะ" เรียวขู่ มือซ้ายฟาดเข้าที่แขนของศรันย์
"นิ่งแล้วครับ นิ่งแล้ว แหมดุจังเลย" ศรันย์ยิ้มมุมปาก ปล่อยมือ กางแขนออก
"กางขาออกด้วย" เรียวสั่ง ขยับตัวลงไปต่ำกว่าเดิม ปล่อยตัวลงคุกเข่าอยู่กลางหว่างขาของศรันย์ซึ่งกำลังนอนกางแขนกางขาอยู่ มือกำท่อนลำนอกกางเกงขยับขึ้นลงช้าๆ ศรันย์เชิดหน้า ครางเสียงต่ำ แผ่นสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะมือของเรียว
"ซี๊ดส์ คุณหมวดครับ เสียว ถอดกางเกงผมออกไปที"
"ไม่ต้องมาสั่ง" เรียวกำมือซ้าย ทุบลงกลางแผ่นอกของศรันย์แล้วกลางมือออก กดปลายนิ้วลงหนักๆ แล้วลากลงมาตามลอนหน้าท้องจนถึงหน้าขา บีบเค้นแรงๆ แล้วเปลี่ยนเป็นลูบไล้แผ่นเบา
"ผมจะไม่ไหวแล้ว โอว" ศรันย์ครางเสียงยาว เกร็งแผ่นท้อง เผลอเด้งกายท่อนล่างขึ้นลงตามจังหวัดมือของเรียว
"อย่ามาทำใจเสาะเสร็จเร็วนะ" เรียวห้าม
"เร็วอีกนิดสิครับหมวดเรียว" ศรันย์เร่ง "อูย ปวดไปหมดแล้ว ใช้ปากให้ผมหน่อย"
"ไม่ต้องมาเรียกร้อง คุณไม่มีสิทธิ์ขออะไรทั้งนั้น ผมจะทำอะไรกับคุณก็ได้ คุณนอนอยู่เฉยๆ รอรับสิ่งที่ผมให้อย่างเดียว"
"โธ่ คุณหมวด ผมจะขาดใจตายอยู่แล้ว"
"ให้ตายคาอ่างไปเลย" เรียวกระแทกมือรูดท่อนเนื้อของศรันย์ลงสุดแรง เจ้าของลำทวนขนาดเต็มมือนั้นสะดุ้งเฮือก งอตัวเกร็งด้วยความเสียวซ่าน ร้องครางเสียงดังเพราะอดกลั้นไม่ไหว
มือซ้ายของนายตำรวจอ้อมไปทางด้านหลังของคนที่นอนเกร็งอยู่แล้วบีบเค้นแก้มก้นแน่นกำยำอย่างมันมือเป็นจังหวะสัมพันธ์กับมือขวาซึ่งกำลังรูดแก่นกายขึ้นลง ศรันย์แทบจะดิ้นเร่าแต่เพราะถูกสั่งให้นอนนิ่ง จึงต้องพยายามเกร็งตัวเอาไว้
"คุณหมวดครับ ผม...ผม..เสียว อูย จะไม่ไหวอยู่แล้ว" ศรันย์เสียงขาดห้วง
เรียวปล่อยมือจากท่อนลำของศรันย์ สอดเข้าไปใต้ก้น ใช้สันมือแทรกลงไปกลางร่อง ถูไถขึ้นลงหนักหน่วงแล้วใช้นิ้วโป้งกดลงไปแรงๆ ศรันย์สะดุ้งโหยง งอตัว ยกมือขึ้นจับไหล่นายตำรวจหนุ่มเอาไว้ แล้วถดตัวออกห่าง
"เฮ่ย จะทำอะไรผม ไม่เอานะ" ศรันย์ท้วง
"นี่คุณ บอกให้อยู่เฉยๆ นี่ไม่คิดจะทำตามเลยใช่ไหม" เรียวพูดเสียงเข้ม
"แบบนี้ไม่ได้นะ ผมไม่ได้เป็นรับนะครับคุณหมวด" ศรันย์ท้วงเสียงลั่น
"อ้าว แบบนี้ก็แย่สิ"
"อย่ามาแกล้งกันแบบนี้สิหมวดเรียว" ศรันย์จ้องหน้านายตำรวจ "ก็รู้ๆ กันอยู่ ผมไม่เซ่อซ่าจนไม่รู้หรอกนะว่าตัวเองกำลังจีบใคร"
"แล้วคุณคิดว่าผมจะรับคุณยังงั้นหรือ" เรียวเอียงคอ เลิกคิ้ว ทำหน้ากวน
"ผมก็ไม่รับคุณหมวดเหมือนกัน" ศรันย์พูดเสียงแข็ง
"งั้นก็เลิก" เรียวยักไหล่ ถอยหลังไปพิงขอบอ่างจากุซซี่ด้านตรงข้าม สอดเท้าเข้าไปถูไถต้นขาด้านในของศรันย์
"ว่าอยู่แล้วเชียว" ศรันย์กรอกตา ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ "ว่าผมต้องโดนแกล้งยั่วให้อยากแล้วปล่อยให้อารมณ์ค้าง"
"แต่คุณก็อดทนใช้ได้นะ" เรียวพูดด้วยเสียงและใบหน้าราบเรียบ
"เมื่อกี้ถือว่ามัดจำก็แล้วกันนะครับคุณหมวด" ศรันย์พูดเสียงจริงจัง "คราวหน้าขอเต็มรูปแบบนะครับ อย่าแกล้งกันให้แข็งเกร็งแล้วเซ็งรับประทานแบบนี้เลย"
"คุณจะชักต่อเองให้เสร็จก็ได้นะ" เรียวยักไหล่
"พอดีผมไม่ใช่คนชอบโชว์ ของแบบนี้มันต้องทำร่วมกัน" ศรันย์ลุกขึ้นยืน กางเกงขาสั้นตัวเล็กเปียกลู่ไปกับลำตัว แก่นกายกลางลำตัวยังลุกชันดันกางเกงเห็นรูปร่างชัดเจน เรียวเบือนหน้าหันไปทางอื่น หูได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ของอีกฝ่ายซึ่งลุกขึ้นเดินไปหยิบเครื่องดื่ม
"นี่ก็ดึกแล้ว เดี๋ยวผมจะกลับแล้วนะ" เรียวพูดขึ้น ศรันย์รีบแย้ง แต่เรียวยืนยัน "ผมต้องทำงานนะ ไม่เหมือนคุณ อยากไปทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ ตอนนี้ผมกำลังทำคดีสำคัญกับผู้กองคมกริชอีก พลาดไม่ได้เลย สารวัตรธันว์ขู่ว่าถ้าผมทำเสียเรื่องอีก จะย้ายให้ผมไปทำงานเสมียนเอกสารถาวร"
"ดีจังเลย" ศรันย์เดินเข้ามาใกล้ ยื่นแก้วเครื่องดื่มให้ แนวนั่งลงบนขอบอ่างจากุซซี่ หย่อนขาลงไปในน้ำ ต้นขาเบียดไหล่ของคนที่นั่งอยู่ในอ่าง "ผมจะได้ไปรับคุณหมวดออกไปกินข้าวกลางวันทุกวัน เลิกงานก็ไปรับกลับบ้าน"
"จะบ้าหรือ ดีที่ไหน ผมได้ใจขาดตายพอดี" เรียวกระแทกเสียง
"ใจขาดตายที่ต้องทำงานเอกสาร หรือเพราะจะได้ไปกินข้าวเที่ยงกับผม" ศรันย์ถาม เท้าแขนลงกับพื้น เอนตัวไปด้านหลัง เผยให้เห็นความแข็งแกร่งกลางลำตัวที่ยังตุงนูนเป็นลำพาดอยู่บนหน้าท้อง
"คงทั้งสองอย่างล่ะมั๊ง" เรียวหันไปมองด้านข้าง อดหมั่นใส้ศรันย์ไม่ได้ จึงใช้หลังมือฟาดลงบนเป้าของคนช่างอวด ศรันย์ร้องโอ๊ยแล้วไถลตัวลงอ่างจากุซซี่ พลิกตัวขึ้นคล่อมคนที่ทำให้เขาเจ็บแบบไม่ทันตั้งตัว
"ว่าจะเป็นสุภาพบุรุษแล้วนะ มาทำกันเจ็บๆ แบบนี้ ลงโทษซักหน่อยดีไหมเนี่ย" ศรันย์ขึ้งตาใส่แล้วเปลี่ยนเป็นทำตากรุ้มกริ่ม
"เอาสิ อยากเจ็บจริงก็ลองดู อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะแรงเยอะขนาดไหน แล้วฝีมือการต่อสู้เป็นยังไง" เรียวเอียงหน้าท้าทาย
"กลัวแล้วครับคุณหมวด อย่ารังแกประชาชนคนนี้อีกเลย" ศรันย์แกล้งทำหน้าหงอ แต่นัยน์ตาวิบวับ "ขอจูบหน่อยไม่ได้หรือครับ อย่างน้อย ผมก็จะได้อุ่นใจว่า คุณไม่รังเกียจผม"
"มาแก้ผ้านั่งแช่จากุซซี่แบบถึงเนื้อถึงตัวที่บ้านด้วยนี่ยังคิดว่าผมรังเกียจคุณหรือไง" เรียวพูดเสียงเข้ม
"แต่เรื่องจูบกันมันอีกอย่างนะ" ศรันย์ท้วง "สำหรับผมมันสำคัญมาก นะครับคุณหมวด ไม่ต้องแลกลิ้นก็ได้ ขอแค่จูบ แต่ไม่ใช่แบบที่ริมทะเลคืนนั้นนะ แบบนั้นมันแค่จุ๊บ เอาปากแตะกันเฉยๆ"
"จูบแล้วกลับเลยนะ"
"โธ่ คุณหมวดเรียวของผมครับ โปรดอย่าต่อรองกันแบบนี้สิ" ศรันย์ออดอ้อน
"ใครหมวดของคุณ"
"ก็คุณหมวดนี่ล่ะ ผมจองแล้วไง คุณให้มัดจำผมแล้ว ไม่เป็นของผมแล้วจะเป็นของใครล่ะ"
"เลี่ยนซะจะไม่รู้จะว่ายังไง" เรียวเบือนหน้าหนี ศรันย์จึงก้มหน้าไปหอมแก้ม
"ผมชอบคุณหมวดมากรู้ไหม ไม่งั้นจะตามไปตอแยถึง สน. ครั้งแล้วครั้งเล่าทำไม มีใครที่ไหนอยากขึ้นโรงพัก ถ้าไม่ใช่เพราะหลงเสน่ห์ตำรวจจอมกวนคนนี้" ศรันย์เอียงหน้าตามเรียว พยายามยื่นปากไปจูบ
"หยุดพูดได้แล้ว คุณนี่พูดมากจริงๆ จะจูบก็รีบจูบเร็วเข้า ผมจะกลับบ้าน" เรียวพูดเบาๆ
"ก็หันหน้ามาสิครับ" ศรันย์กระซิบเสียงเบา ยกมือขึ้นลูบไล้แก้มเนียนสะอาดของนายตำรวจใจร้อนอย่างแผ่นเบาพร้อมกับดันให้หันหน้ามาหา เรียวหลับตาลง แล้วทำปากจู๋ประหนึ่งรอจูบอยู่ ศรันย์หัวเราะขำ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงบดปากลงไป
"อืม..." เรียวครางเบาๆ ยกมือขึ้นดันอกศรันย์ สัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจเต้นแรง
ศรันย์เน้นน้ำหนักริมฝีปากสลับกับผ่อนเบา บางครั้งไล้ลิ้นเลียไปตามริมฝีปากเปียกชื้นของเรียวแล้วเม้มเบาๆ มือสอดเข้าไปทางด้านหลังของผู้หมวดหนุ่ม ลูบไล้อย่างอ่อนโยนก่อนจะดันตัวให้แนบชิดเข้ามา
เรียวลากมือลงไปสัมผัสปลายอกของศรันย์ บีบเน้นติ่งชูชันเบาๆ สลับกับการเค้นคลึงแผ่นอกกว้างเป็นจังหวะ กางขาออกแล้วยกขึ้นตวัดรัดเอวศรันย์เอาไว้
"โอว" ศรันย์ถอนปากออกครู่หนึ่ง ครางเสียงต่ำ แล้วรีบประกบปากเรียวเอาไว้ ดุนดันหนักขึ้น แขนทั้งสองข้างรัดตัวนายตำรวจเอาไว้แน่น  อกแนบอก บ่ายเบียดเสียดสีกันจนร้อนผ่าวแม้จะแช่อยู่ในอ่างจากุซซี่ยามค่ำคืน อารมณ์ปรารถนาพุ่งสูงจนแทบระเบิดออกเหมือนภูเขาไฟ
"หมวดเรียว" ศรันย์ครางเรียกชื่อของผู้หมวดหนุ่มด้วยน้ำเสียงแตกพร่า รอจังหวะที่เรียวเผยอปากเพื่อสูดลมหายใจ ประกบปากทันทีพร้อมกับดันลิ้นเข้าไปอย่างดุดัน
"อูว" เรียวคราง เผลอห่อปาก ทำให้ศรันย์พยายามตวัดลิ้นเกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นของเขาประหนึ่งเถาวัลย์พันเกี่ยวกัน
ฝีมือการจูบของศรันย์นี่เข้าขั้นมืออาชีพจริงๆ เหนือกว่าบอสเสียอีก โอ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป สงสัยจะสะกดอารมณ์ไม่ได้
เขายังไม่พร้อมที่จะไปถึง 'ขั้นนั้น'
"เดี๋ยว" เรียวพยายามถอนหน้าออก แต่ศรันย์ยังบดริมปากไม่ยอมหยุด ตวัดลิ้นรัวเร็วสลับดุนดันเป็นจังหวะเนิบนาบแทบทุกวินาที
"อืม" ศรันย์ครางในลำคอ อารมณ์กระเจิดกระเจิง
"พอ..." เรียวเสียงขาดห้วง พยายามส่ายหน้า เริ่มดิ้น มือดันอกของศรันย์
"เรียว" ศรันย์ครางทั้งที่ประกบปากอยู่ เขารู้ว่าเรียวต้องการให้เขาหยุด แต่เขาไม่อยากหยุด เวลานี้อารมณ์ของเขาพุ่งพล่าน อัดแน่นอยู่ในอกจนแทบระเบิด
"ผมปวดฉี่" เรียวยกมือขึ้นดันคางของศรันย์ แล้วออกแรงผลักหน้าของคนที่กำลังระดมจูบเขาอย่างเมามัน มือซ้ายบีบเข้าที่ใต้คอของศรันย์เบาๆ
"โอ๊ะ" ศรันย์ทำเสียงในคอแล้วจำใจต้องถอนหน้าออก ตาเยิ้มฉ่ำด้วยแรงปราถนา แล้วเปลี่ยนทำหน้าออดอ้อนพร้อมกับพูดขึ้นว่า "โหดร้าย ถ้าผมขาดใจตายจะว่ายังไง"
"ก็คุณไม่หยุดนี่นา"
"จะให้หยุดยังไงได้ อารมณ์กระเจิดกระเจิงขนาดนี้"
"จูบมัดจำเอาแค่นี้ก็พอ ผมปวดฉี่" เรียวพูด
"ก็ฉี่ออกมาเลยสิ ไม่เห็นเป็นไร"
"จะบ้าหรือ ในจากุซซี่นี่นะ" เรียวโวยเบาๆ
"หมวดเรียวครับ ขอผมต่ออีกนิดนะ จูบแค่นี้มันไม่พอหรอก" ศรันย์ทำเสียงอ้อนวอน
"โลภมาก" เรียวส่ายหน้า "รู้จักยับยั้งชั่งใจเสียบ้าง วันหน้าก็ยังมี วันนี้เอาแค่นี้ก่อน แค่เดทแรก คุณจะให้ผมต้องเสียตัวเลยหรือไง"
"ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน"
"อะไรที่ได้มาง่ายๆ ย่อมไม่มีราคา เพราะฉะนั้น วันนี้พอแค่นี้ก่อน วันหน้า ถ้าคุณผ่านการทดสอบก็จะได้มากกว่านี้ รอได้ไหมครับ ถ้าคุณจริงใจและจริงจัง เรื่องแค่นี้ผมว่าไม่น่าจะลำบาก" เรียวเลิกคิ้ว
"เฮ้อ" ศรันย์ถอนหายใจยาว "ค้างรอบสองละสิเนี่ย"
"ผมไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วคุณก็ไปส่งผมที่บ้าน" เรียวยิ้มบางๆ ดันศรันย์ให้ออกห่าง ลุกขึ้นช้าๆ แล้วยั่วเล็กน้อยด้วยการดึงกางเกงขึ้นให้รัดตึง
ศรันย์แหงนหน้ามองตาปรอย เลียริมฝีปาก อยากยื่นมือไปบีบเค้นคลึงเคล้ากายท่อนล่างของเรียวให้หนำใจแต่ก็ต้องจำยอมให้นายตำรวจผู้น่ารักขึ้นจากอ่างจากุซซี่
"ยังจะมายั่วอีก" ศรันย์พูดเสียงพร่า สายตาจับอยู่ที่ก้นแน่นๆ ของคนที่กำลังเดินไปเปิดฝักบัวยืนล้างตัวอยู่ใกล้ๆ กับสระน้ำ
"คุณรออยู่นี่นะ ไม่ต้องตามเข้าไป ผมอาบน้ำเสร็จแล้วจะออกมาเรียก" เรียวสั่ง พันผ้าเช็ดตัวรอบกายท่อนล่าง หยิบเสื้อผ้าของตัวเองแล้วเดินเข้าบ้านไป
ศรันย์มองตามตาละห้อย ถอนหายใจอีกครั้ง เอื้อมมือหยิบแก้วเหล้ามาดื่มจนหมดพรวดเดียวแล้วเอนตัว พาดคอลงกับขอบอ่าง แหงนหน้ามองท้องฟ้า อมยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาตลอดวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'บทรักเล็กๆ' ในอ่างจากุซซี่ของเขากับเรียว
แค่นี้เขามีก็กำลังใจพอที่จะสู้กับผู้กองธาม คนในอดีตของหมวดเรียว หรือแม้แต่ผู้กองคมกริช คนที่เขาเริ่มสงสัยว่าอาจจะมาชอบชายหนุ่มคนเดียวกัน
เพื่อคุณหมวดเรียวคนนี้ ศรันย์สู้ตาย!



►จบบทที่ 17◄

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน ขอบคุณทุกคนที่กดไลค์ ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเมนท์ดัน ขอบคุณทุกคนที่แอบอ่านเงียบๆ หวังว่านิยายของผมคงทำให้ใครหลายคนได้ยิ้มบ้างนะครับ ชีวิตทุกวันนี้มันเหนื่อยและเครียดนัก (หรือเปล่าน๊า) อ่านสนุกๆ นะครับ เรื่องหน้าของผมจะออกแนวรักแรงๆ ห้ำหั่นเชือดเฉือน เอากันให้ตายไปเล๊ย  :z6:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 16 ►14/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 16-03-2017 22:42:05
ว้าวๆๆ
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 17 ►16/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 16-03-2017 22:42:26
หมวดเรียวยั่วให้อยาก
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 17 ►16/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 16-03-2017 23:11:11
หมวดเรียวพิสูจน์ความอดทนเฮียเค้าสินะ    :-[

สงสารเฮีย ถึงจะช่ำชองขนาดไหน ก็สู้ความหนักแน่นของหมวดเรียวไม่ได้  สู้ สู้ นะเฮีย
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 17 ►16/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-03-2017 00:15:28
 :laugh:


หมวดดดดดดดดดดดดดดด SM
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 17 ►16/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: monotone ที่ 17-03-2017 21:23:23
 :impress2: :impress2: :katai2-1:
บทรักเล็ก ๆ กำลังดี
ภาษาสวย ...
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 18 ►23/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 23-03-2017 16:38:08
♀ บทที่ 18♀

'หมวดเรียวอยู่กับผู้กองคมกริช'
'ไปทานข้าวกับผู้กองธาม'
'กำลังโดนสารวัตรธันว์สั่งสอน'
'ทำงานอยู่ โทรศัพท์ไม่ได้'
ศรันย์โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิด อยากตะโกนออกมาดังๆ เพื่อระบายอารมณ์ สองวันแล้วที่ไม่ได้พบหน้าเรียว ทุกครั้งที่โทรศัพท์ไปก็จะได้ยินแต่เสียงตอบรับจากระบบว่าไม่สามารถติดต่อได้ ครั้นโทรศัพท์ไปหาหมวดชินวัฒน์ ฝ่ายนั้นก็มักจะให้เหตุผลว่า หมวดเรียวอยู่กับผู้กองคมกริช หรือไม่ก็ประชุม โดนสารวัตรธันว์เรียกเข้าไปคุย แต่ที่แย่ที่สุดคือเมื่อชินวัฒน์บอกว่าหมวดเรียวไปทานข้าวกับผู้กองธาม
มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ศรันย์ได้รับข้อความสั้นจากเรียว บอกว่า กำลังทำงานอยู่ โทรศัพท์ไม่ได้
คืนนี้ ศรันย์จึงตัดสินใจมาจอดรถรอที่หน้าบ้านของตำรวจจอมกวนที่เอาแต่รบกวนจิตใจเขามาถึงสองวันหนึ่งคืนเต็มๆ
♀♀♀

เรียวยิ้มเล็กน้อยเมื่อลงจากแท็กซี่และเห็นว่ามีรถบีเอ็มดับบลิวสีดำจอดอยู่หน้าบ้าน รถของศรันย์ติดฟิลม์กันแสงสีเข้มทำให้มองไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ในรถ เขาแนบหน้าชิดกับกระจก พยายามเพ่งมองเข้าในข้างใน เห็นศรันย์ตัวเบาะนอนหลับอยู่จึงเคาะกระจกแรงๆ แต่ศรันย์กลับไม่รู้สึกตัว
"ขี้เซาจริงๆ เลย" เรียวบ่น กำลังจะเคาะกระจกอีกแต่กลับเปลี่ยนใจ เดินเข้าบ้านไปเฉยๆ ปล่อยให้ศรันย์นอนอยู่ในรถ
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เรียวก็มานั่งดูรายการโทรทัศน์ เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงจึงได้ยินเสียงเคาะประตู พร้อมกับเสียงคนเรียกอยู่หน้าบ้าน
"คุณหมวดนี่ใจร้ายที่สุดเลย มาถึงก็ไม่เรียกไม่ปลุกกันเลยนะ ใจคอจะปล่อยให้ผมนอนหลับอยู่ในรถทั้งคืนหรือไง" ศรันย์บ่นทันทีเมื่อเรียวเปิดประตูบ้าน
"เรียวแล้ว คุณไม่ตื่นเอง" เรียวยักไหล่
"คิดถึงจังเลย ผมมาจอดรถรอตั้งแต่หกโมงแล้วนะ หิวก็หิว ข้าวยังไม่ตกถึงท้องเลย ติดต่อคุณหมวดก็ได้ โทรไปเป็นร้อยๆ ครั้งได้แล้วมั๊ง"
"ผมต้องทำงาน นี่เพิ่งได้กลับบ้าน"
"ทำไมไม่โทรหาผมบ้างเลย"
"ก็ส่งเอสเอ็มเอสมาบอกแล้วไงว่าทำงานอยู่ โทรศัพท์ไมได้"
"มันเหมือนโทรที่ไหนเล่า แค่ได้อ่านตัวหนังสือกับได้ยินเสียงมันต่างกันนะครับคุณหมวด ปลีกตัวหาเวลาโทรหน่อยไม่ได้หรือไง ไม่รู้หรือว่าผมคิดถึงแทบไม่เป็นอันทำการทำงานอยู่แล้ว" ศรันย์ทำเสียงออดอ้อน
"ผมว่าโทรไม่โทรคุณก็ไม่ค่อยทำงานทำการอยู่แล้วล่ะ ใช่หรือเปล่า"
"พูดเข้าไป" ศรันย์ทำหน้างอ "แล้วนี่จะผมยืนอยู่หน้าประตูแบบนี้หรือครับ จะไม่เชิญเข้าบ้านหน่อยหรือ"
"คุณจะเข้ามาทำไม" เรียวแกล้งถาม
"อ้าว ก็มาถึงนี่แล้ว ไม่ได้แค่มายืนคุยหน้าบ้านเฉยๆ นะ ไม่ได้เจอตั้งสองวันสองคืน คิดว่าผมจะมาทำไมหละครับคุณหมวด"
"งั้นก็เชิญ" เรียวผายมือ ศรันย์เดินเข้ามาในบ้านแล้วยกแขนโอบกอดเจ้าของบ้าน แต่นายตำรวจยกมือขึ้นห้าม
"อย่ามาทำรุ่มร่ามนะคุณศรันย์"
"ขอกอดขอจูบให้หายคิดถึงหน่อยได้ไหมครับ ปลอบใจผมหน่อยสิ สองวันสองคืนเลยนะที่ไม่ได้เจอกัน จะโทรมาซักนิดก็ไม่มี" ศรันย์ออดอ้อน
"บอกแล้วไงว่าทำงาน ไม่อยากวอกแวก" เรียวเดินไปรินน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้ศรันย์
"คืนนี้ผมขอค้างนี่นะ ดึกแล้ว ขับรถกลับบ้านมันอันตราย"
"น้อยๆ หน่อย นี่แค่สี่ทุ่มเอง แล้วคุณมันก็ผีเสื้อกลางคืน กลับด้านตีสองตีสามเป็นเวลาปรกติอยู่แล้วไม่ใช่หรือ"
"ผมไม่อยากกลับ ผมอยากอยู่ใกล้ๆ คุณหมวด" ศรันย์ทำหน้าอ้อนวอน "ยิ่งรู้ว่าคุณหมวดต้องทำงานใกล้ชิดตัวติดกันอยู่กับผู้กองหน้าดุ ผมก็หวั่นใจ ไหนจะไปกินข้าวกับผู้กองธามอีกล่ะ ไหนว่าทำงาน ไม่มีเวลาแม้แต่จะโทรหาผม แต่มีเวลาไปทานข้าวกับแฟนเก่า"
"ใครบอก" เรียวหัวเราะเบาๆ "โดนแกล้งปั่นหัวยังไม่รู้อีกหรือ อย่าบอกนะว่าคุณไปเชื่อคำพูดไอ้หมวดลูกชิ้น"
"ผมก็ไม่ค่อยจะอยากเชื่อเท่าไหร่หรอก แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ ตอนไหนหมวดชินพูดเล่นพูดจริงมันก็เดายากอยู่เหมือนกันนะ" ศรันย์เดินเข้ามากอดแขนเรียวเอาไว้ "คุณหมวดยืนยันกับผมหน่อยได้ไหมว่าไม่ได้ไปไหนมาไหนกับผู้กองธาม"
"ไป" เรียวพูดสั้นๆ
"อะไรนะ" ศรันย์อุทานเสียงดัง หน้าง้ำ
"ผู้กองธามก็ทำคดีนี้ด้วย"
"คนละท้องที่ไม่ใช่หรือ มายุ่งอะไรด้วย"
"ผู้กองธามอยู่ปรามปราม" เรียวตอบสั้นๆ
"ไม่เข้าใจ" ศรันย์ขมวดคิ้ว
"ปราบปรามเป็นส่วนกลาง ไปทำงานร่วมกับท้องที่ไหนก็ได้" เรียวตอบแล้วแกะมือศรันย์ออกจากแขน "นี่คุณ ไปนั่งอยู่ตรงโซฟาได้ไหม มายืนเกาะอยู่ได้ อึดอัด"
"คืนนี้ผมนอนนี่นะ" ศรันย์ตื้อ "ผมเหนื่อยและเพลียมาก ขับรถกลับไม่ไหวหรอก ถ้ากลัวก็ขึ้นห้องนอน ปิดประตูล๊อคกลอนให้แน่นหนา ผมรับรองว่าจะไม่รังแกคุณหมวดเลย"
"ผมนะหรือกลัวคุณ" เรียวเลิกคิ้ว "ลองรังแกผมสิ จะจับล๊อคคอหักแขนซะเลย"
"ผมหมายถึงลวนลาม ล่วงเกิน"
"ก็นั่นล่ะ"
"ถ้าหมวดไม่ยอมผมดีๆ ผมก็ไม่ดันทุรังหรอกนะ ผมจะรอจนกว่าคุณจะพร้อมเป็นของผมจริงๆ" ศรันย์ยืนยัน
"ใครว่าผมจะเป็นของคุณ" เรียวยักไหล่ "สมมุตินะว่าเรามีอะไรกันแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมคุณ เป็นของคุณ ผมรักอิสระเหมือนคุณนั่นล่ะ"
"นี่คุณหมวดคิดว่าผมเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือ" ศรันย์ถอนหายใจ "จริงอยู่ บุคลิกผมดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น แต่ว่า..."
"คุณก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นล่ะ ไม่ใช่แค่บุคลิกทำให้ดูเหมือนหรอก" เรียวพูดแทรก
"แต่ก่อนอาจจะใช่" ศรันย์ยอมรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ ผมเปลี่ยนไปแล้ว ผมไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้เอาใครไม่เลือกนะครับ ถ้าผมมีแฟนผมก็หยุด ให้ความสำคัญกับแฟนผมคนเดียว"
"แต่เราไมได้เป็นอะไรกัน"
"งั้นก็เป็นซะทีสิ" ศรันย์ยกมือขึ้นจับต้นแขนทั้งสองข้างของเรียว มองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มด้วยสายตาแน่วแน่แล้วพูดขึ้นว่า "เรามาเป็นแฟนกันเถอะ"
"คนจะเป็นแฟนกันต้องรักกันไม่ใช่หรือ" เรียวเลิกคิ้วถาม
"ความจริงไม่ต้องรอถึงขนาดนั้นก็ได้หรอกนะ แค่ชอบกันมากๆ ก็ได้ แล้วค่อยพัฒนาไปเรื่อย อีกหน่อยก็จะรักกัน"
"แสดงว่าคุณไม่ได้รักผม"
"ผมชอบคุณมาก รู้สึกดี รู้สึกพิเศษแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน"
"แต่ก็ยังไม่ได้รัก" เรียวแทรก
"ขอเวลาผมอีกนิด ไม่นานหรอกหมวดเรียว แต่ตอนนี้อย่ารอเลย"
"คุณจะฟันผมก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะรักหรือไมรักใช่ไหม"
"ไม่ใช่แบบน้าน" ศรันย์ลากเสียง "ผมหมายถึง...เอ่อ...ผมต้องการเวลาอีกสักนิด ผมไม่อยากจะโกหกคุณหมวดหรอกนะ ถ้าจะพูดออกมาก็ต้องรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"
"แสดงว่าที่พูดว่าขอเป็นแฟน ก็ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ"
"ไม่ใช่ๆ" ศรันย์ส่ายหน้า "นี่คุณหมวด อย่ามาซักผมวกไปวนมาเหมือนซักผู้ต้องหาสิ ผมรู้ว่าตัวเองเป็นคนพูดไม่เก่ง พูดแล้วเข้าใจยาก แต่ผมยืนยันว่าอยากเป็นแฟนคุณจริงๆ"
ศรันย์บีบไหล่ของเรียว มองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มด้วยสายตาแน่วแน่ สื่อให้เห็นว่าจริงจังกับคำพูดของตัวเอง กลั้นใจ รอฟังว่าเรียวจะตอบกลับมาอย่างไร
♀♀♀

ในร้านอาหารของโรงแรมแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพมหานคร ชายหนุ่มสองคนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารติดกับกระจกใสบานใหญ่ มองออกไปเห็นวิวกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน แสงไฟระยิบระยับ บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิด ชายหนุ่มร่างท้วมกำลังมีความสุขกับอาหารอร่อยตรงหน้า ต่างจากอีกคนซึ่งหนั่งหน้ามุ่ยอยู่ตรงข้าม
"นี่หมวดชิน ผมมันแย่นักหรือหมวดเรียวถึงไม่ยอมเป็นแฟนกับผม" ศรันย์โอดครวญ
"ผมว่าคุณก็โอเคนะ" ชินวัฒน์วางช้อนซ่อมลงบนจาน หยิบน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้พร้อมกับเอามือลูบพุง ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
"ก็แล้วทำไมหมวดเรียวถึงไม่ตกลงปลกใจกับผมเสียที จะให้ตื้อไปถึงไหน"
"ขอถามหน่อย รถบีเอ็มรุ่นที่คุณขับกับเบ็นซ์ S500 นี่คันไหนแพงกว่ากัน"
"เบ็นซ์" ศรันย์ตอบสั้นๆ
"บ้านคุณกี่ตารางวา ราคากี่ล้าน" ชินวัฒน์ถามต่อ
"สามร้อย ห้าล้านห้า"
"อู่ซ่อมรถ คุณเป็นเจ้าของคนเดียวใช่ไหม ลงทุนไปกี่ล้าน ได้กู้เงินมาลงทุนหรือเปล่า"
"อือ" ศรันย์ทำเสียงในลำคอ พยักหน้า "กู้สิ แต่ก็เหลือแค่ไม่กี่ล้านเองนะ สิ้นปีก็เคลียร์ธนาคารหมดแล้ว เก็บเงินอีกซักปีผมก็จะขยายออกให้กว้างกว่าเดิม เหลือที่ข้างอู่อีกยี่สิบตารางวา"
"เคยเห็นบ้านผู้กองธามหรือยัง"
"ยังไม่เคย" ศรันย์ตอบ นิ่งไปชั่วอึดใจแล้วจึงพูดขึ้นว่า "อ๋อ นี่หมวดกำลังบอกว่าบ้านเขาหลังใหญ่กว่า รวยกว่าผมงั้นหรือ"
"หล่อกว่า หุ่นดีกว่า บุคลิกดีกว่า เท่กว่าด้วย" ชินวัฒน์พยักหน้า
"ขอบใจนะที่ให้กำลังใจ" ศรันย์เบ้ปาก กระแทกเสียง
"เผลอๆ ลีลาร่อนเอวอาจจจะดีกว่าอีกต่างหาก" ชินวัฒน์หัวเราะ ทำหน้าทะเล้น
"ดีกว่าได้ยังไง ยังไม่เคยลอง บอกไม่ได้หรอก"
"ถ้างั้นลองหน่อยสิ"
"บ้านน่าหมวดชิน กับคุณนะหรือ" ศรันย์โวย ทำหน้าตาขยะแขยง "กินหมวดไม่ลงหรอก เนื้อติดมันขนาดนี้"
"น้อยๆ หน่อย" ชินวัฒน์ค้อนขวับ "ผมหมายถึงลองกับหมวดเรียวต่างหาก"
"ลองได้ยังไง หมวดเรียวหวงเนื้อหวงตัวจะตาย"
"หวงเนื้อหวงตัวกับคุณ แต่เอ๊ะ ทำไมกับคนอื่นไม่เคยห่วง" ชินวัฒน์เอียงหน้า แกล้งทำท่าคิดสัย
"พอเลย ไม่ต้องมาแกล้งพูดให้ผมคิดมากเลย" ศรันย์โบกมือ
"ผมว่าคุณมอมเหล้าหมวดเรียวซะเลยสิ" ชินวัฒน์แนะนำ
"แนะนำแต่ละอย่าง ไม่มีสร้างสรรค์เล๊ย" ศรันย์โคลงศีรษะ "ผมจะโดนข้อหาข่มขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจนะสิ"
"เวลาคนเรามันเสียตัวให้กันแล้วเนี่ย จะคุยอะไรมันก็คุยกันง่ายนะคุณศรันย์"
"ถ้าหมวดเรียวฆ่าผมล่ะ คุณจะว่ายังไง"
"ถ้าเขารักคุณ เขาจะฆ่าคุณทำไม" ชินวัฒน์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "จะได้รู้กันไปเลยยังไงล่ะ คุณจะมามัวแต่นั่งบ่นอยู่แบบนี้ เมื่อไหร่จะได้กินของดี"
"ผมไม่ได้แค่คิดจะกินหมวดเรียวนะ ผมจริงจังมากกว่านั้น"
"แต่คุณก็อยากจะกินก่อนอยู่ดีใช่ไหมล่ะ จะบอกความลับอะไรให้ หมวดเรียวแพ้เตกิล่า ช๊อตเดียวเท่านั้นล่ะ น๊อคสนิท"
"ผมไม่สิ้นคิด ทำอะไรงี่เง่าแบบที่หมวดแนะนำหรอก" ศรันย์เบ้ปาก หยิบแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม นั่งมองชินวัฒน์ลงมือจัดการกับอาหารที่เหลือ ในหัวนึกถึงแต่ภาพของเรียว ความปรารถนาในใจรู้สึกรุมเร้ามากขึ้นทุกที ไม่เคยนึกเลยว่ามันจะมีอิทธิพลต่อตัวเขาถึงขนาดนี้
♀♀♀

คนพูดกันว่าตื้อเท่านั้นที่ครองโลก ศรันย์ชักจะเชื่อแล้วว่าจริง หลังจากส่งข้อความสั้นออดอ้อนกว่าสิบข้อความ หมวดเรียวก็ยอมมาทานข้าวที่บ้านของเขา
"แล้วเมื่อไหร่จะสืบเรื่องบ่อนการพนันนี่เสร็จเสียที ทำงานทั้งวันทั้งคืนแบบนี้ไม่ไหวเลยนะคุณหมวด กว่าเราจะได้เจอกัน" ศรันย์บ่น
"งานสืบสวนของตำรวจนะคุณ ไม่ใช่งานนอนกลางวันเฝ้าอู่ซ่อมรถ" เรียวตอบ
"ขอให้พลาดหน่อยเถอะ หัวหน้าคุณหมวดจะได้ลงโทษให้นั่งทำงานเสมียนเอกสารประจำโรงพัก"
"ปากเสีย" เรียวทำหน้าดุ "แล้วนี่เมื่อไหร่จะได้กินข้าวเสียที หิวแล้วนะ ชวนมากินข้าวที่บ้านยังไงเนี่ย อะไรก็ไม่พร้อม"
"รอเดี๋ยว อีกไม่ถึงห้านาทีอาหารก็จะมาส่งแล้ว"
"อะไรกัน ชวนมากินข้าวที่บ้าน คุณสั่งอาหารมาส่งยังงั้นหรือ ไหนว่าชอบทำอะไรโรแมนติก โธ่เอ๊ย" เรียวโวยวาย
"ผมทำกับข้าวเป็นที่ไหนล่ะ"
"แล้วทำไมไม่บอก ผมทำเป็น หุงข้าวหม้อเดียวไม่เห็นจะยากตรงไหน ไข่เจียวสามฟอง หมูทอดกระเทียม แค่นี้ก็อร่อยแล้ว จะเสียเงินเสียเวลาสั่งอาหารให้มาส่งทำไม" เรียวบ่น ลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็น แต่เมื่อเห็นในตู้เย็นมีอะไรงบ้างก็บ่นต่อ "อะไรกัน ตู้เย็นเบ้อเริ่ม มีแต่เหล้าเบียร์กับน้ำอัดลม อาหารไม่มีเลย"
"ครั้งที่แล้วคุณอยากดื่มเบียร์แต่ผมไม่มี ก็เลยซื้อมาไว้" ศรันย์พูดเสียงอ่อน
"ซื้อไว้เสียเยอะ ยังกับว่าจะได้มากินบ่อยๆ"
"ผมอยากให้มาบ่อยๆ"
"มาดื่มเบียร์กับน้ำอัดลมที่บ้านคุณนี่นะ"
"ไม่ใช่แค่นี้นะ วันนี้มีเตกิล่า" ศรันย์ยิ้มกว้าง ชี้นิ้วไปที่บาร์เหล้า
"จะมอมเหล้าผมหรือ นี่หมวดชินคงบอกละสิว่าผมไม่ถูกกับเตกิล่า กะว่าพอผมเมาน๊อคไปแล้ว คุณก็จะฟันผมละสิท่า"
"ใครบอก" ศรันย์โบกมือปฏิเสธ "ถ้าผมอยากได้คุณหมวด มันก็ต้องเกิดขึ้นจากการยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย ผมไม่ฉวยโอกาสตอนเมาหรอก"
"แล้วคุณทนไหวหรือ คบกันโดยไม่มีเซ็กส์" เรียวถาม
"คุณหมวดก็อย่าให้ผมรอนานนักก็แล้วกัน ไม่งั้นไม่รับประกันความปลอดภัย" ศรันย์พูดเสียงต่ำ ยักคิ้ว ทำตาเจ้าชู้
"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องรอ กินข้าวเสร็จแล้วเราก็มีอะไรกันเลยก็ได้ ในอ่างจากุซซี่เหมือนเดิมนั่นล่ะ" เรียวหันไปมองนอกบ้าน "คุณไปเตรียมถุงยางกับหล่อลื่นให้พร้อม กินข้าวเสร็จพักซักสิบห้านาทีแล้วเริ่มเลย"
"หมวดเรียว" ศรันย์ครางเสียงเบา ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"จะได้จบๆ กันไปเสียที" เรียวพูดต่อ
"อ้าว ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคุณหมวด ผมไม่ได้คิดแค่จะมีอะไรกันแบบน้ำแตกแล้วแยกทางนะครับ"
"ก็นึกว่าคุณแค่อยากได้แบบนั้น" เรียวยักไหล่
"ก็ด้วย แต่ว่า..."
"ถ้างั้นก็รอจนกว่าเราสองคนจะรักกัน" เรียวสรุป
"แล้วเมื่อไหร่ล่ะ" ศรันย์ขมวดคิ้ว
"ก็คุณพร้อมเมื่อไหร่แล้วค่อยมาบอกผมก็แล้วกัน ระหว่างนี้ก็รอไปก่อน" เรียวหัวเราะเบาๆ เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอกพลางบ่นว่าเมื่อไหร่อาหารจะมาส่งเสียที ขณะนั้นเอง เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้น ศรันย์บอกว่าพนักงานส่งอาหารคงมาถึงแล้วจึงเดินไปเปิดประตูออกไปรับอาหาร
เรียวเดินตามไปยืนพิงกรอบประตู ทอดสายตามองศรันย์อย่างครุ่นคิด
ผู้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตเขาแบบไม่คาดคิด เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับเขาทีละน้อย ความรู้สึกดีๆ เริ่มก่อตัวขึ้น ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็ค่อยๆ แทรกเข้ามาอยู่ในจิตใจเขาจนไม่อาจต้านทานได้


►จบบทที่ 18◄

ขอบคุณผู้อ่านที่ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน กดไลค์ และช่วยดันนะครับ ขอให้มีความสุขทุกคนนะครับ :pig4: :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 18 ►23/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-03-2017 23:29:35
 :เฮ้อ:


น่าสงสารรรรรร ที่สุด
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 18 ►23/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 24-03-2017 23:54:53
หมวดลูกชิ้นก้ชอบแกล้งคุณศรัณย์ซะเหลือเกินน หมวดเรียวนี่ก้รู้ทันตลอดดดด 5555
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 18 ►23/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-03-2017 10:02:28
หมวดเรียวเริ่มหวั่นไหวแล้วสิ  ป๋าศรัณย์ใจเย็นอีกนิดนะ  ตื้อต่อไป  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 18 ►23/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 25-03-2017 15:31:44
แหมะอ่านไปก็ฮาไปกะเฮียแกจริงๆ  :m20:
ยังไงก็สู้ๆ นะจ๊ะเฮีย เราเป็นกำลังใจให้
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 19 ►31/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 31-03-2017 21:12:58
♀ บทที่ 19♀

...คุณพร้อมเมื่อไหร่แล้วค่อยมาบอกผมก็แล้วกัน...
ศรันย์ไม่อาจสลัดคำพูดนี้ของเรียวออกไปจากความคิดได้ เขาอยากจะเข้าข้างตัวเองว่าหมวดเรียวนั้นรักเขาแล้ว และบอกว่ากำลังรออยู่
รอให้เขารักอย่างนั้นหรือ นี่เป็นคำพูดของหมวดเรียวบอกเป็นนัยว่า ถ้าเขาเอ่ยปากบอกรักก็จะยอมเป็นแฟนกันใช่หรือไม่!
ศรันย์ยกมือขึ้นประสานท้ายทอย เอนตัวลงบนพนักพิงเก้าอี้ ยกขาทั้งสองข้างขึ้นวางพาดบนโต๊ะแบบที่ทำเป็นประจำเวลาใช้ความคิดอยู่คนเดียว ภาพความทรงจำระหว่างเขากับหมวดเรียวฉายขึ้นในหัวราวกับภาพยนต์ เป็นเวลาเพียงไม่นานที่ได้รู้จักกัน แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยเหมือนรู้จักกันมาแรมปี
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ศรันย์ผงกหัวขึ้นมอง สุวัฒน์เดินนำชายอายุปลายสามสิบปีคนหนึ่งเข้ามา ศรันย์จึงเอาขาทั้งสองที่กำลังวางพาดอยู่บนโต๊ะลง ผู้ช่วยคนสนิทของเขาบอกว่าเป็นลูกค้านำรถเข้ามาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ชื่อวรวิทย์
"ได้ยินน้องเขาบอกว่าคุณศรันย์อยากได้รถเอสยูวีไว้ใช้ ผมมีเล็กซัสจีเอ็กซ์ปี 2000 กำลังคิดจะขายพอดีครับ"
"จีเอ็กซ์เลยหรือครับ ผมไม่ค่อยอยากจะเล่นรถวีแปดเท่าไหร่นี่สิ ถ้าเป็นรุ่นอาร์เอ็กซ์ค่อยน่าคิด" ศรันย์ตอบ
"คุณตัวโต ขับอาร์เอ็กซ์ไม่สบายหรอกครับ ไปไหนไกลๆ ปวดเอวแย่เลย อีกอย่างจีเอ็กซ์คันของผมสภาพเยี่ยมสุดๆ คุณศรันย์ไปดูรถก่อน รับรองถูกใจ ตอนนี้กำลังเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่ข้างนอก ถ้าจะเอาจริงๆ ผมปล่อยไม่แพง เครื่องแปดวีกับหกวี ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกครับ ระดับคุณ เล่นรถแรงๆ ไปเลย ขับสนุกกว่ากันเยอะ"
"วีแปด 4.6 ลิตรเลยนะครับ ผมแค่จะเอาไว้ขับไปเที่ยวต่างจังหวัด" ศรันย์ทำท่าคิด
"ออกไปดูรถก่อนดีกว่าครับ ผมทิ้งรถไว้ให้คุณเอาไปลองขับดูก่อนก็ได้"
ศรันย์พยักหน้าช้าๆ ลุกขึ้น เดินนำวรวิทย์ออกจากห้องทำงาน ตรงไปยังรถเล็กซัสจีเอ็กซ์ 460 สีดำซึ่งกำลังรับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่
"สวยไหมล่ะครับ" วรวิทย์ถามขึ้นหลังศรันย์ตรวจดูรถ "เครื่องแน่นมาก คุณศรันย์ลองเอาไปขับได้เลย ราคาคุยกันได้ ผมปล่อยราคาต่ำสุดๆ ผมมีรถสามคัน คันนี้ไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนมากแฟนผมขับ แต่พักหลังชอบบ่นว่ามันใหญ่เกินไป จอดลำบาก เลยจะเปลี่ยนไปขับรถเก๋งแทน"
"คุณวรวิทย์คิดจะขายเท่าไหร่ครับ" ศรันย์หันไปถามวรวิทย์ และเมื่อฝ่ายนั้นบอกราคามาก็รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก
"ตอนนี้ผมกำลังต้องการใช้เงิน" วรวิทย์รีบพูดขึ้นมา "คุณศรันย์โชคดีมากเลยนะครับ ได้รถสวย สภาพเยี่ยม ราคาไม่แพง เจ้าของขายเอง ไม่ผ่านนายหน้า"
" ผมยอมรับว่ารถสวยจริงๆ แต่เครื่องวีแปดนี่ผมต้องต้องคิดหน่อย ขอเวลาผมซักสองสามวันนะครับ"
"ถ้าอย่างนั้นคุณศรันย์เอารถไว้ลองขับ พรุ่งนี้เย็นๆ ผมค่อยแวะมาเอารถ ตัดสินใจยังไงค่อยว่ากัน เรื่องราคาไม่ต้องเป็นห่วง คุยกันได้" วรวิทย์ยิ้มกว้างด้วยความหวังว่าจะขายรถได้
♀♀♀

ศรันย์รู้อยู่ว่าหมวดเรียวกำลังทำงานสำคัญอยู่กับผู้กองคมกริช แต่เขาก็อดแวะมาที่สถานีตำรวจไม่ได้ ด้วยความหวังอันน้อยนิดว่านายตำรวจหนุ่มจอมกวนคนที่เอาแต่รบกวนจิตใจเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมา วันนี้อาจจะพักงานสืบสวนและนั่งอยู่ในออฟฟิส แต่โชคไม่เข้าข้าง มีเพียงคนเดียวอยู่ที่หน่วย นั่นคือสารวัตรธันว์ ผู้บังคับบัญชาของหมวดเรียว
"คุณมีธุระด่วนหรือเปล่า" ธันว์ถาม
"ก็นิดหน่อยครับ"
"ส่วนตัว" ธันว์เลิกคิ้ว
"เรื่องงาน" ศรันย์ตอบสั้นๆ
"เรื่องงาน" ธันว์พูดซ้ำคำ ทำหน้าแปลกใจ "คุณมีธุระกับหมวดเรียวเรื่องงาน"
"ครับ" ศรันย์ตอบออกมา ในใจบ่นให้สารวัตรธันว์ว่าทำไมเขาจะมีธุระเรื่องงานกับหมวดเรียวไม่ได้ แล้วยังทำหน้าเหมือนได้ยินเรื่องแปลกประหลาดก็ไม่ปาน
"ผมเป็นผู้บังคับบัญชาหมวดเรียว ถ้ามีธุระเรื่องงาน คุยกับผมก็ได้ หรือว่าคุณต้องการร้องเรียนพฤติกรรมของหมวดเรียว เรื่องงานที่ว่าคือเรื่องนี้หรือเปล่า"
"เปล่าครับ" ศรันย์ส่ายหน้าปฏิเสธ "หมวดเรียวประพฤติตัวดีมาตลอดตั้งนานแล้วครับ"
"ตกลงเรื่องงานที่ต้องการคุยกับหมวดเรียวนี่คือเรื่องอะไร" ธันว์ยังไม่เลิกถามเรื่องเดิม "หมวดเรียวกำลังยุ่งสืบสวนเรื่องบ่นอการพนันอยู่ กว่าจะเสร็จงานก็คงดึกๆ"
"คืออย่างนี้ครับ มีคนเอารถมาซ่อมที่อู่ผม แล้วได้ยินว่าผมกำลังอยากซื้อรถเอสยูวีก็เลยเสนอขาย ผมสงสัยว่าเป็นรถที่ไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่" ศรันย์ตัดสินใจพูดเรื่องที่ตัวเองสงสัยเกี่ยวกับรถคันที่วรวิทย์เสนอขาย
"คุณสงสัยว่าเป็นรถที่โดนขโมยมา หนีภาษี หรือว่าอะไร" ธันว์ถามต่อ
"ไม่รู้เหมือนกันครับ" ศรันย์ดึงปากกาออกมาจดหมายเลขทะเบียนรถแล้วยื่นให้ธันว์
"ดีแล้วล่ะที่คุณมาบอก ผมกำลังประสานงานกับปราบปรามเพื่อสืบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ท้องที่เรามีรถหายบ่อย เอาเป็นว่าผมจะตรวจสอบให้" ธันว์พยักหน้า "บางทีอาจจะส่งคนไปดู"
"ปลอมตัวไปทำงานที่อู่ผมหรือครับ" ศรันย์ถาม อดนึกไม่ได้ว่าคงจะดียิ่งนักหากสารวัตรธันว์ให้หมวดเรียวปลอมตัวเป็นช่างซ่อมรถไปทำงานที่อู่เขาเพื่อสืบเรื่องรถ
"คงจะยังไม่ถึงขนาดนั้น" ธันว์ส่ายหน้าช้าๆ "ขอผมเช็คดูก่อน ตอนนี้ผมกำลังให้หมวดชินวัฒน์สืบเรื่องรถหายอยู่ เดี๋ยวจะให้ไปดูเรื่องนี้ด้วย"
"หมวดชินนะหรือครับ" ศรันย์อยากจะเบ้ปากยิ่งนัก
"ใช่ ทำไมหรือ" ธันว์เลิกคิ้ว "หมวดชินถนัดเรื่องรถ เขาชอบ"
"แล้วหมวดเรียวถนัดเรื่องอะไรครับ" ศรันย์ถาม
"ทำไมหรือครับ" ธันว์ถามกลับ
"เปล่าครับ" ศรันย์ส่ายหน้า "ผมก็ถามไปยังงั้นเอง"
"คุณศรันย์ ผมขอถามอะไรคุณตรงๆ นะ เท่าที่เห็นคุณก็มาที่นี่อยู่บ่อยๆ" ธันว์มองตาของศรันย์ นิ่งไปครู่หนึ่ง "คุณกับหมวดเรียวเป็นอะไรกัน"
"เป็นอะไรกัน" ศรันย์ทวนคำ แทบตั้งตัวไม่ติดที่โดนธันว์ถามแบบนี้
"ผู้กองคมกริชรายงานว่าหมวดเรียวไม่ค่อยมีสมาธิ ห่วงว่าจะทำงานพลาด"
"ผมกับหมวดเรียว...เอ่อ..." ศรันย์นึกหาคำตอบไม่ได้
"เรื่องบ่อนการพนันที่กำลังสืบอยู่สำคัญมาก ค่อนข้างอันตรายด้วย ความจริงหมวดเรียวเป็นคนเก่ง แต่ก็ยังเด็กอยู่ ประสบการณ์ยังน้อย ผู้กองคมกริชถึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ผมไม่อยากให้หมวดเรียววอกแวก ผมเคยทำงานกับพ่อของหมวดเรียว เขาฝากฝังลูกชายเอาไว้ให้ผมช่วยดูแล" ธันว์พูดยาว ต่างจากปรกติมักจะพูดสั้นๆ
"ผมเข้าใจครับ"
"ถ้าคุณสองคนจะชอบพอกัน ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก มันเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ช่วงที่กำลังทำงานผมก็อดห่วงไม่ได้ คุณต้องเข้าใจว่าหมวดเรียวเป็นตำรวจ และเป็นตำรวจหน่วยพิเศษด้วย ข้อจำกัดก็มีมากกว่า อาจจะมีเวลาให้กับเรื่องส่วนตัวน้อยกว่าคนอื่น ทุกคนในหน่วยนี้เป็นเหมือนกันทั้งนั้น"
"สารวัตรจะให้ผมห่างจากหมวดเรียวใช่ไหมครับ" ศรันย์ตัดสินใจถามไปตรงๆ
"ช่วงนี้กำลังทำงานสำคัญ คุณรอหน่อยจะดีกว่า" ธันว์ตอบเลี่ยง "ส่วนเรื่องรถ ผมจะจัดการให้ ขอบคุณที่มาบอก"
ศรันย์พยักหน้า มองตามหลังร่างสูงใหญ่ของสารวัตรซึ่งขอตัวไปทำงานต่อ ในใจอดเปรียบเทียบกับนายตำรวจอีกสองคนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับหมวดเรียวไม่ได้
ผู้กองคมกริช ผู้กองธาม สารวัตรธันว์ สามคนนี้ พูดตรงๆ รูปร่าง หน้าตา บุคลิก เขาเป็นรองทั้งสามคนอย่างเห็นได้ชัด
โชคดีที่สารวัตรธันว์ไม่ได้แสดงว่าท่าทีว่ามีใจเสน่หาในคนที่เขาหมายปอง ผู้กองคมกริช แม้ไม่ชัดเจนเท่าใดนัก แต่เขาก็พอจะมองออก จะมีอะไรเหลือให้สงสัยเล่า ทุกครั้งที่มาหาหมวดเรียว ผู้กองคมกริชแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาทางแววตาดุๆ คู่นั้น
แต่ที่ชัดเจนไม่ต้องสงสัยเลยคือผู้กองธาม แฟนเก่าสมัยเรียนนายร้อย มาดนุ่มลุ่มลึกเสน่ห์แรง
"เฮ้อ" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเดินออกจากห้องทำงานหน่วยปฏิบัติการพิเศษด้วยความรู้สึกเหนื่อยแรง
♀♀♀


ธามยอมรับว่าตัวเองลืมเรื่องเมื่อครั้งในอดีตไม่ได้ จริงอยู่ เขาคบกับเรียวเป็นเวลาเพียงสั้นๆ ในช่วงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่นั่นเป็นช่วงเวลาที่เขา 'เปิดความรู้สึก' ของตัวเองและเริ่มยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และอาจจะเรียกได้ว่าเรียวเป็นคนแรกที่เขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วย เมื่อได้มาพบกันอีกและมีโอกาสได้ทำงานใกล้ชิดกัน ความรู้พิเศษก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
"เหนื่อยมากหรือเรียว พี่เป็นห่วง พักสักหน่อยดีไหม พี่จะคุยกับสารวัตรธันว์ให้" ธามเดินเข้าไปคุยกับเรียวหลังจากลงจากรถซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถของสถานีตำรวจ
"อย่านะครับ" เรียวรีบห้าม "สารวัตรกำลังทดสอบผมอยู่ ขืนไปขอพักจะโดนบ่นแน่เลย"
"งานนี้ค่อนข้างอันตราย พี่เป็นห่วง"
"ผมก็ระวังตัวอยู่ พี่กับผู้กองคมกริชก็ทำงานอยู่ด้วยกัน" เรียวให้เหตุผล
"วันนี้พี่เห็นเรียวเกือบทำพลาดไปสองสามครั้ง จริงอยู่ เราห้าคนแฝงตัวเข้าไปสืบ มีอะไรต้องช่วยกัน แต่เราก็ประมาทไม่ได้ ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องพัก วันนี้ก็กลับเอาค่ำ ทำงานสิบกว่าชั่วโมงหลายวันติดต่อกันแล้ว"
"ผมขอโทษ"
"ไม่ต้องขอโทษหรอก พี่เข้าใจ ทำงานนานๆ หลายชั่วโมงก็เป็นแบบนี้ล่ะ เรียวไม่ใช่เครื่องจักรแบบผู้กองคมกริชนี่นา พี่ถึงได้เป็นห่วง อยากให้พัก ความจริงพี่บอกให้เขาให้เรียวกลับก่อนก็ไม่ยอม ต้องรอจนตัวเองเสร็จเรื่องแล้วกลับพร้อมกัน" ธามส่ายหน้าช้าๆ "ถามจริงเถอะ ผู้กองคมกริชนี่เขามีอะไรกับเรียวหรือเปล่า"
"มีอะไร หมายความว่ายังไงครับ" เรียวสงสัย
"เขาชอบเรียวใช่ไหม พี่คิดว่าเขาไม่ค่อยชอบหน้าพี่เท่าไหร่"
"ผู้กองคมกริชเป็นแบบนั้นเองครับ ไม่มีอะไรหรอก ถ้าพี่รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยชอบหน้าก็คงไม่ใช่เพราะผมหรอก คงเป็นเพราะไม่ชอบให้ปราบปรามมายุ่งด้วยมากกว่า" เรียวอธิบาย
"ไม่จริงหรอก พี่ว่าเขามองออกว่าพี่ชอบเรียว" ธามยิ้มบางๆ "แล้วเขาก็ไม่ค่อยพอใจ"
"คิดมาก" เรียวส่ายหน้า
"เรียว เรื่องของเรา พี่อยากจะขอโอกาส เรียวให้โอกาสพี่อีกสักครั้งได้ไหม พี่รู้ว่าเรียวกำลังพิจารณาคุณศรันย์อยู่ แต่ถ้าเรียวยังไม่ได้รักเขา ยังไม่ตัดสินใจ เรียวหันมามองพี่ด้วยได้หรือเปล่า" ธามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"พี่ธาม" เรียวครางเบาๆ "เรื่องนี้ผม..."
"นอกเสียจากว่าเรียวรักเขาแล้ว และพร้อมที่จะมีความสัมพันธ์จริงจังกับเขา พี่ก็จะถอย"
"อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ได้ไหม ตอนนี้ผมให้ความสำคัญกับเรื่องงาน ผมต้องพิสูจน์ตัวเองให้สารวัตรธันว์เห็น" เรียวพยายามเลี่ยง
"ถ้ายังงั้น พอสืบเรื่องบ่อนการพนันนี้เสร็จ พี่ขอคุยจริงจังกับเรียวนะครับ อย่างพี่ที่เคยพูด พี่ปล่อยให้เวลาช่วงนั้นของเราผ่านไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรจริงจังกับมัน ตอนนี้พี่ไม่อยากเสียเวลาแบบนั้นไปอีก อีกไม่กี่วันอายุก็จะสามสิบแล้ว" ธามหัวเราะเบาๆ
"ยังไม่เห็นจะแก่ตรงไหนเลย หนุ่มในเครื่องแบบ หล่อ รวย เท่อย่างผู้กองธาม ใครก็พร้อมที่จะวิ่งเข้าหาอยู่แล้ว" เรียวยิ้ม
"ยกเว้นคนนี้คนเดียว" ธามชี้นิ้วไปที่เรียว
"จะสองทุ่มแล้ว ผมจะขึ้นไปเอาของ" เรียวตัดบทสนทนา หันหน้าไปมองอาคารเบื้องหลังซึ่งเป็นที่ทำงานของตัวเอง "พี่ก็กลับได้แล้ว"
"พี่ไปส่งได้ไหม"
"หมวดชินรออยู่ครับ ป่านนี้คงบ่นใหญ่แล้ว พี่ธามขับรถดีๆ นะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน ผมจะรีบกลับบ้านนอน พักผ่อนให้เยอะๆ พรุ่งนี้จะได้ทำงานเต็มที่ ไม่ต้องให้เป็นห่วงเหมือนวันนี้"
"เหตุผลเข้าท่าดี ก็ได้" ธามยิ้มกว้าง พยักหน้า โบกมือให้เรียว แล้วยืนมองตามหลังร่างสูงของนายตำรวจรุ่นน้องซึ่งกำลังวิ่งขึ้นบันไดไปบนชั้นสองของสถานีตำรวจจนลับตา จากนั้นถอนหายใจเล็กน้อย
เขารู้ว่าตัวเองมีโอกาสอยู่เพียงน้อยนิดในการที่จะรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเรียว ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรียวกำลังมีใจให้ศรันย์ แต่ธามก็ยังอยากที่หวังอยู่ แม้ความหวังนั้นค่อนข่างจะริบหรี่ก็ตาม
♀♀♀

"นี่หมวดเรียว โทรหาคุณศรันย์หน่อยสิ พี่แกจะได้หายเซ็งบ้าง" ชินวัฒน์หันไปพูดกับเพื่อนขณะที่จอดรถรอสัญญาณไฟจราจร "นี่แทบไม่เป็นทำงานทำการเลยนะ พอโทรหาหมวดเรียวไม่ได้ก็โทรหาหมวดชิน แล้วก็บ่นอยู่นั่นล่ะ"
"บ่นเรื่องอะไร"
"ก็บ่นว่าทำไมหมวดเรียวกไม่ยอมเป็นแฟนผมเสียที ผมมันไม่ดีตรงไหน มีอะไรสู้ผู้กองคมกริชไม่ได้" ชินวัฒน์แกล้งทำท่าเลียนแบบศรันย์
"เกี่ยวอะไรกับผู้กองคมกริช"
"ก็เขาคิดว่าผู้กองชอบหมวดนะสิ" ชินวัฒน์ยักไหล่แล้วค่อยยื่นหน้าเข้ามามาใกล้เพื่อนและถามว่า "แล้วจริงไหมล่ะ"
"จะบ้าหรือ" เรียวเบ้ปาก
"ถ้าผู้กองชัดเจนหน่อยก็คงจะดี คนคนนี้อ่านยากมากเลยให้ตายสิ แล้วผู้กองธามล่ะ เป็นยังไงบ้าง"
"ก็ไม่ยังไง" เรียวส่ายหน้า "นี่ไปทำงานสืบเรื่องบ่อนการพนักนะโว๊ย ไม่ได้ไปจีบกัน ถามอะไรไร้สาระ"
"แล้วตกลงจะเอายังไง"
"เอายังไงอะไร" เรียวทำหน้าเหรอหรา
"ให้คุณศรันย์ฟันซักทีสองทีหน่อยดีไหม จะได้หายเครียดบ้าง" ชินวัฒน์เสนอความเห็น
"ไอ้บ้า" เรียวตบท้ายทอยเพื่อนเบาๆ
"ก็พี่แกเล่นโทรมาทุกชั่วโมงนี่หว่า" ชินวัฒน์โวย "เป็นเอามากเสียขนาดนี้"
"ตอนนี้เรื่องงานมาก่อนเรื่องรัก สารวัตรธันว์จับตามองอยู่ไม่เห็นหรือไง พลาดคราวนี้ได้ทำงานเสมียนเฝ้าโรงพักถาวรแหงๆ ทำงานกับผู้กองคมกริชแกคิดว่าง่ายหรือไง แล้วก็พี่ธามด้วย เครียดเหมือนกันนะโว้ย" เรียวแอบถอนหายใจเบาๆ
"แน่ะ โทรศัพท์ดังอีกแล้ว" ชินวัฒน์พูดขึ้นพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมารับสาย พอรู้ว่าใครโทรศัพท์มาจึงพูดขึ้นว่า "คุณศรันย์ หมวดเรียวนั่งอยู่ในรถกับผมนี่ล่ะ กำลังไปส่งบ้าน"
"เอามานี่" เรียวดึงโทรศัพท์ไปจากชินวัฒน์ "คุณจะโทรมากวนหมวดชินทำไม ก็ผมทำงานอยู่ ไม่สะดวกคุย นี่กะว่าพอไปถึงบ้านแล้วจะโทรหาคุณอยู่เหมือนกัน"
"..."
"ผมเหนื่อย ง่วงนอนจะแย่อยู่แล้ว เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ไม่เลิกค่ำ" เรียวตอบโทรศัพท์
"..."
"รู้แล้วน่า อะไรนักหนา กินข้าวคนเดียวไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน แค่นี้นะ" เรียวทำเสียงดุ
"..."
"เลี่ยน" เรียวเบ้ปากแล้วยิ้มขำ
"..."
"ช่วงทำงานต้องปิดโทรศัพท์ส่วนตัว แต่เอาเถอะ ช่วงกินข้าวเที่ยงจะโทรหา"
เรียวคุยโทรศัพท์ต่ออีกไม่ถึงนาทีก็วางสาย ชินวัฒน์แซวเพื่อนแล้วหัวเราะ บอกว่าพอได้คุยกัน คืนนี้คงทำให้ศรันย์นอนหลับอย่างมีความสุข
"คุณศรันย์เขาจะจริงจังขนาดไหนว๊า" ชินวัฒน์เอียงหน้า ทำท่าครุ่นคิด
"ลองมาเล่นๆ สิ จะหาเรื่องแกล้งให้ถูกขังคุก" เรียวทำเสียงเหี้ยม
"แต่ท่าทางจะเอาจริงอยู่นะ ไม่งั้นคงถอยไปนานแล้ว เจอฤทธิ์หมวดเรียวดันทุรังไปขนาดไหน ถ้ายังทนอยู่ได้ก็คงรักจริงหวังแต่งนั่นล่ะ" ชินวัฒน์ออกความเห็น
"เลิกพูดเลย ขับรถไป เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว" เรียวปรับเบาะเอนตัวลงนอน ยกมือขึ้นกอดอกหลับตา ชินวัฒน์หันมามองยิ้มๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย
เขามองออก เรียวชอบศรันย์ไม่ใช่น้อย ตั้งแต่เรียนนายร้อยมาด้วยกัน นอกจากธามแล้ว ก็มีศรันย์นี่ล่ะ ที่ทำให้เขาเห็นประกายตาวิบวับแบบนั้นในดวงตาของเพื่อน


►จบบทที่ 19◄

ขอโทษนะครับที่ไม่ได้มาโพสซะหลายวัน ช่วงนี้ฝนตกกำลังยุ่งๆ กับไร่นา ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ ใกล้จะจบแล้วล่ะ แฮปปี้เอ็นดิ้งอยู่นะ  :pig4: :L1: :3123:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 19 ►31/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 31-03-2017 21:59:16
จะจบแล้วหราเนี้ย กำลังสนุกกะความกวนของหมวดเรียวเลย ชอบเวลาเขาแกล้งกันเนี้ยแหละ
สงสารแต่คุณศรันย์โดนตลอดๆ เลย แต่ก็ยอมเนอะ แล้วอย่าลืมหาคู่ให้ 2ผู้กองเขาด้วยละ อิอิ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 19 ►31/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 31-03-2017 22:11:46
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 19 ►31/3/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 31-03-2017 22:14:20
 :a5: ใกล้จบ

นักเขียนพูดแบบนี้ทีไรใจหวิวๆ ทุกที
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 01-05-2017 21:59:18
♀ บทที่ 20♀

ขณะที่ศรันย์ก้มๆ เงยๆ ตรวจดูเครื่องยนต์ของรถคันที่วรวิทย์นำมาเสนอขาย มีมือนุ่มๆ วางแตะสีข้างแล้วลูบไล้เบาๆ ศรันย์สะดุ้งโหยง เงยหน้าขึ้นหันไปมองจึงเห็นว่าเป็นพีท ลูกค้าเจ้าประจำที่ชอบทำรถเสียบ่อยๆ เพื่อจะได้มาซ่อมที่อู่ของเขา
"ผมเอารถมาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง" พีทพูดยิ้มๆ "บอกเด็กแล้วครัวว่าไม่ต้องเร่งรีบทำก็ได้ เพราะฉะนั้นตอนที่รอรถก็เลยจะชวนคุณไปหาอะไรอร่อยๆ ทาน อ้อ ห้ามปฏิเสธนะครับ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว จะโทรไปซักนิดก็ไม่มี"
"ผมไม่ว่าง" ศรันย์พูดสั้นๆ แล้วก้มหน้าตรวจดูเครื่องยนต์รถต่อ
"รถลูกค้าคนพิเศษคนไหนน๊า คุณศรันย์เจ้าของอู่ถึงกับลงทุนมาดูรถเองแทนที่จะนอนเล่นในออฟฟิส" พีทเอียงหน้าถาม
"มีคนเอามาขาย"
"คุณคิดจะซื้อหรือ มีรถอยู่สองคันนี้ไม่พอหรือไง"
"คุณก็มีรถอยู่สองสามคันเหมือนกันไม่ใช่หรือ" ศรันย์ย้อน
"สภาพสวยนะครับ" พีทชะโงกหน้าเข้ามาดูรถด้วย หน้าใสๆ แนบชิดต้นแขนของศรันย์
"อืม แต่น่าเสียดาย" ศรันย์ถอนหายใจเบาๆ "ผมสงสัยว่ารถคันนี้ประวิตไม่ค่อยดีเท่าไหร่"
"งั้นก็เช็คประวัติสิครับ จะรออะไร" พีทแนะนำ "ผมเช็ดให้ก็ได้ แหล่งข่าวเรื่องรถของผมรู้ลึก ไม่เคยพลาด ขอแค่เลี้ยงข้าวผมมื้อเดียว"
"วันนี้ผมไม่ว่าง" ศรันย์บ่ายเบี่ยง ตั้งใจว่าปิดอู่แล้ว วันนี้จะไปตื้อหมวดเรียวทานข้าวเย็นด้วยให้ได้ ทนคิดถึงมาหลายวันแล้ว
"วันหลังก็ได้ ยังไงก็ต้องให้คุณเลี้ยงข้าวให้ได้ เดี๋ยวผมจะเข้าไปใช้อินเตอร์เน็ตในออฟฟิสคุณเช็คให้" พีทยักไหล่แล้วเดินเข้าไปให้ห้องทำงานของศรันย์ หายไปเกือบครึ่งชั่วโมงจึงเดินออกมาบอกให้ศรันย์เข้าไปดูผลของการตรวจสอบประวัติรถ
"เพื่อนผมส่งอีเมล์มาให้ ดูนี่สิ" พีทชี้นิ้วไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์
"ข้อมูลจากเพื่อนคุณนี่ถูกต้องแค่ไหน"
"ถ้าเป็นเรื่องรถ เก่งกว่าดีเอสไอ" พีทตอบสั้นๆ พร้อมกับหัวเราะ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ บอกให้ศรันย์นั่งลงอ่านดูข้อมูลจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
"ไม่อยากจะเชื่อ" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "เสียดายจริงๆ เลย รถสวยมากเหมือนกับเพิ่งถอยออกมาจากโชว์รูม เฮ้อ เซ็ง อุตส่าห์เจอรถสวยๆ"
"จริงๆ ไม่ต้องเช็คก็ได้ รถสวยๆ ราคาแบบนี้ จะเป็นอะไรอย่างอื่นได้" พีทพูดแล้วนั่งลงบนที่เท้าแขนของเก้าอี้ เอนตัวแนบต้นแขนของศรันย์ เอียงหน้าซบเข้ากับซอกคอของคนที่นั่งอยู่
"คุณพีท ไม่เอาน่า" ศรันย์ดันตัวพีทออกแต่ฝ่ายนั้นกับฝืนตัวเอาไว้ ก่อนจะสอดแขนเข้าโอบรัดเอาไว้แล้วเลื่อนตัวลงนั่งบนตัก เบียดตัวแน่นราวอยากจะให้ร่างกายหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน
"คิดถึงคุณจังเลย ไม่ได้เจอตั้งนาน ขอทบทวนความหลังหน่อยสิว่าคุณยังเร่าร้อนเหมือนเดิมหรือเปล่า" พีทพูดเสียงต่ำพร้อมกับซุกไซร้ซอกคอของศรันย์
"อย่านะครับ เดี๋ยวใครเข้ามาเห็น" ศรันย์เอียงหน้าหนี ใช้มือดันตัวพีทเอาไว้
พีทไม่สน ยังคงซุกไซร้แก้มสากๆ ของศรันย์พร้อมกับหัวเราะเบาๆ มือซ้ายดึงชายเสื้อของเจ้าของอู่ซ่อมรถรูปหล่อขึ้นแล้วรีบสอดมือเข้าไปลูกไล้แผ่นอกกว้างอย่างเพลินเพลิน
ทันใดนั้นเอง ประตูห้องทำงานก็เปิดออก ศรันย์สะดุ้ง หันไปมอง เมื่อเห็นว่าใครยืนมองอยู่ก็รีบผลักพีทออกสุดแรงจนฝ่ายนั้นเกือบตกเก้าอี้ แต่สองแขนของพีทยังคงเหนี่ยวรั้งโอบกอดเอาไว้แน่น
"โอ๊ะ คุณศรันยไม่ว่าง" เสียงคนที่เปิดประตูเข้ามาดังขึ้น
"หมวดเรียว" ศรันย์ครางเบาๆ
"ไป หมวดเรียว ไปรอหน้าอู่ ให้คุณศรันย์เสร็จธุระเสียงก่อน เดี๋ยวคงตามมาเองล่ะ" หมวดชินวัฒน์คว้าแขนเพื่อน ออกแรงดึงเบาๆ พร้อมกับหันมาพูดกับศรันย์ด้วยใบหน้าทะเล้นว่า "ห้านาทีเร็วไปไหมครับคุณศรันย์ ทำเวลาหน่อยนะ สารวัตรธันว์ส่งผมมาสืบเรื่องรถ ผมเลยชวนหมวดเรียวมาเป็นเพื่อน"
"เดี๋ยวสิหมวด" ศรันย์ลุกพรวด พยายามดันตัวพีทออกจนได้ "คุณพีท เห็นไหมล่ะ เป็นเรื่องจนได้ ผมบอกแล้วว่าอย่า"
"ใครจะไปรู้ล่ะ เขาไม่รู้จักเคาะประตูเอง" พีทเบ้ปาก ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ มองตามศรันย์อย่างขำๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มลุกลี้ลุกลนรีบวิ่งตามตำรวจสองคนนั้นออกไป
♀♀

ชินวัฒน์กับเรียวยืนอยู่ข้างรถคันที่ต้องสงสัยว่าเป็นรถผิดกฎหมาย เมื่อศรันย์เดินเข้าไปหา ชินวัฒน์หันมามองด้วยสายตายิ้มๆ ส่วนเรียวยืนกอดอกมองรถด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
"คันนี้ใช่ไหมครับ สวยดีนี่ ขายราคาเท่าไหร่ ถ้าต่ำว่าสามล้านผิดกฎหมายชัวร์" ชินวัฒน์พูดอย่างเป็นการเป็นงาน
"ใช่" ศรันย์พยักหน้า "คุณพีทเช็คข้อมูลให้แล้ว หลักฐานก็มี หมวดเอาไปได้เลย"
"คุณพีท คนที่นั่งตักคุณอยู่ในห้องเมื่อกี้นะหรือ" ชินวัฒน์ตีหน้าซื่อ
"คุณหมวดเข้าใจผิด คือว่าผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน เขาลวนลามผม" ศรันย์ไม่ตอบชินวัฒน์ หันหน้าไปพูดกับหมวดเรียว
"ไม่เห็นคุณขัดขืนอะไรเลย" ชินวัฒน์ทำหน้าไม่เชื่อ
"หมวดชิน" ศรันย์หันขวับมาถลึงตาใส่แล้วหันไปพูดกับเรียวต่อ "ตั้งแต่ที่ไปแข่งรถคราวนั้น ผมก็ไม่เคยเจอกับพีทอีกเลย วันนี้เขาก็โผล่มาเฉยๆ พอดีเขารู้เรื่องรถดีก็เลยช่วยเช็คข้อมูลรถคันนี้ให้ ผมกำลังนั่งอ่านอีเมล์อยู่ จู่ๆ เขาก็เบียดเข้ามานั่งตักผม หมวดชินก็เปิดประตูเข้ามาพอดีเลย ยังไม่ทันจะได้..."
"พอ ไม่ต้องมาอธิบาย" เรียวยกมือขึ้นห้าม "เรื่องไม่เป็นเรื่อง หมวดชิน ไปเอาข้อมูลมา จะได้ไปซะที"
"จะไปไหนล่ะครับคุณหมวด เดี๋ยวก่อนสิ มายังไม่ทันจะถึงสามนาที ความจริงผมตั้งใจว่าปิดอู่แล้วจะไปหา จะชวนไปทานข้าว นะหมวดชิน" ศรันย์หันมาหาเพื่อนคู่หูของเรียว "วันนี้ที่โรงแรม...มีเทศกาลอาหารทะเลนานาชาติ ปูฮอกไกโดสดๆ จากญี่ปุ่น แล้วก็..."
"ไม่ต้องเอาอาหารมาล่อ" เรียวพูดแทรก ชี้มือไปยังห้องทำงานของศรันย์ "หมวดชิน เข้าไปก๊อปปี้เอาข้อมูลรถ"
"ไม่มีแฟลชไดรฟ์" ชินวัฒน์ให้เหตุผล
"ข้อมูลรถคันนี้อยู่ในอีเมล์ใช่ไหม" เรียวถามศรันย์แต่ไม่รอฟังคำตอบ จากนั้นหันไปพูดกับเพื่อน "ไปส่งต่อถึงตัวเองสิวะ ไม่รู้อะไรเลย เรื่องแค่นี้ทำเป็นโง่ ทีเรื่องอื่นกะล่อนนัก ลื่นเป็นปลาไหล เร็วๆ เข้า ต้องกลับไปรับงานต่อจากผู้กองคมกริช"
"อ้าวยังจะให้ทำอะไรอีกหรือ ไหนว่าวันนี้ให้ทุกคนกลับเร็ว" ชินวัฒน์ทำหน้าเหรอหรา
"คุณหมวด ฟังผมก่อนได้ไหม ผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ" ศรันย์พูด
"จริงหรือ" เรียวเลิกคิ้ว
"จริงสิครับ แต่ก่อนน่ะใช่ เคยมีอะไรกันไม่กี่ครั้ง แต่ไม่ได้เป็นอะไรกันนะ คือว่า ผมกับพีทไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ สาบานได้ เขามายุ่งกับผมเอง ทุกทีผมก็บ่ายเบี่ยง พยายามเลี่ยงทุกครั้ง ถ้าไม่เชื่อถามลูกน้องผมก็ได้ ผมยังเคยสั่งมันเลยว่า ถ้าพีทมาให้รีบบอกผมก่อนจะบุกเข้าไปถึงออฟฟิส"
"บอกแล้วไงว่าไม่ต้องอธิบาย เรื่องไม่เป็นเรื่อง" เรียวโบกมือ
"แล้วทำไมโกรธ"
"ผมไม่ได้โกรธ" เรียวตอบ "โกรธทำไม มีอะไรต้องโกรธ ผมแค่เหนื่อย ตอนนี้กำลังจะปิดคดี พรุ่งนี้จะบุกเข้าจับบ่อนพนันแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องรีบกลับบ้านไปพัก"
"ไปทานข้าวด้วยกันก่อนสิครับ ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน คุณหมวดก็มัวแต่ยุ่งเรื่องสืบสวนบ่อนการพนัน นี่ก็ยังไม่บ่ายสี่โมงเลย ถ้าจะรีบนอนแต่หัวค่ำก็ยังมีเวลาเหลืออีกตั้งเยอะ" ศรันย์ทำเสียงอ้อน
"ซื้อไปกินที่บ้านดีกว่า จะได้ไม่ต้องฝ่ารถติดไปร้านอาหาร เหนื่อยเปล่าๆ" ชินวัฒน์เสนอความเห็น
"หุบปากไปเลยแก รีบไปเร็วเข้าๆ" เรียวผลักชินวัฒน์ให้เดินไปที่ห้องทำงานของศรันย์
"ตกลงไปทานที่บ้านคุณหมวดนะ ถ้าหมวดชินจะไปทานด้วยก็ให้ขับรถตามไป"
"คุณนั่นล่ะขับรถตามไป ผมจะนั่งไปกับเพื่อน" เรียวส่ายหน้า
"โธ่คุณหมวด" ศรันย์ทำหน้ามุ่ย
"อย่าเรื่องมาก เร็วๆ เข้า จะทำอะไรก็ทำ ผมจะรีบกลับ ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน"
"ไหนว่าไม่โกรธ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าโกรธ" ศรันย์แอบยิ้ม "เอ๊ะ หรือว่างอน"
เรียวไม่ตอบโต้ หันหน้าหนีแล้วเดินออกไปยังหน้าอู่ ยืนรออยู่ใต้ร่มไม้ ศรันย์ร้องเรียกหาลูกน้องคนสนิท บอกให้ดูแลอู่เพราะตัวเองจะกลับแล้ว จากนั้นเดินตามชินวัฒน์เข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง
♀♀

"นี่ จะทำหน้างอไปถึงไหน คุณศรันย์เขาไม่มีอะไรกับคุณพีทหรอกน่า ตอนที่อยู่ในออฟฟิส เขาก็ทำเฉยๆ เท่าที่เห็น คุณพีทก็ไม่เห็นจะแคร์อะไรเท่าไหร่ ท่าทางเป็นคนรักสนุก พอคุณศรันย์ไม่เล่นด้วย ก็คงไปหาผู้ชายคนอื่นกินเล่น" ชินวัฒน์พูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในบ้านของเรียว ทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา
"ไม่ต้องมาเข้าข้างกันเลย" เรียวพูดเบาๆ
"เราว่าเขาชอบคุณหมวดเรียวมากๆ เลยล่ะ ตั้งแต่เจอกัน ดูเปลี่ยนไปเยอะ ดูจริงจัง ไม่บ้าๆ บอๆ เหมือนแต่ก่อน ให้โอกาสเขาหน่อยเถอะ"
"หุบปากเลย ไม่ต้องมาเชียร์" เรียวตวาดเพื่อน หันไปมองประตูบ้านเพราะได้ยินเสียงรถจอดด้านหน้า "คนแบบนี้ต้องได้รับบทเรียนเสียหน่อย"
"บทเรียนอะไร อย่าให้หนักนักนะ สงสารเฮียแก" ชินวัฒน์หันไปมองหน้าบ้าน "เห็นไหม เขายอมขนาดนี้แล้ว"
"ไปเปิดประตู" เรียวชี้นิ้วไปที่ประตูบ้าน "ไปช่วยเขาถือของ ซื้ออะไรมาตั้งเยอะแยะ กินกันแค่สามคน"
"ลืมไปแล้วหรือว่ามีชูชกอยู่ด้วยหนึ่งตน" ชินวัฒน์ชี้นิ้วเข้าที่ใบหน้าตัวเอง หัวเราะแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูรับศรันย์
เรียวมองตาม อดถอนหายใจไม่ได้ ใจหนึ่งก็คล้อยตามคำพูดของชินวัฒน์ แต่ใจหนึ่งก็ฉุนและหมั่นใส้ศรันย์ยิ่งนัก
ขอแกล้งหน่อยเถอะ แต่ก่อนแกล้งศรันย์เพราะสนุกดี แต่คราวนี้ขอแกล้งเพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง ผู้ชายคนนี้ลุกล้ำเข้ามาในจิตใจเขามากขึ้นทุกที เพราะฉะนั้น เขาต้องมั่นใจในตัวของศรันย์มากกว่านี้ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะลงเอยกันดีหรือไม่

►จบบทที่ 20◄

หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-05-2017 22:41:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ซิกาแร๊ต ที่ 01-05-2017 22:59:59
โอ้โห หายไปตั้งนาน ไม่มีความคืบหน้าอะไรเล๊ยยย คุณศรันย์ ... ไม่ไหวๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-05-2017 23:25:31
มาแบบสั้นๆ  เฮียเพิ่งเจอหมวดเรียวแท้ๆ   :ling1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: Timber Huang ที่ 01-05-2017 23:44:23
ค้างงงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-05-2017 23:54:53
 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 02-05-2017 00:10:27
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 02-05-2017 00:54:21
สู้ต่อไปนะ โดนแกล้งหนักเลยสิ
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 02-05-2017 01:52:23
โดนลวนลาม ฮ่าาาา
ศรันย์โดนแกล้งหนักแน่ๆงานนี้
พระเอกที่น่าสงสารแห่งปี ขำมาก 55555555
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: sang som ที่ 02-05-2017 05:26:16
สงสารเฮีย5555
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 02-05-2017 18:53:34
คุณศรัณย์เอ้ยยย ชาตินี้ตะได้แอ้มหมวดเรียวป่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 04-05-2017 19:14:44
 o13
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 04-05-2017 23:34:06
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 09-07-2017 01:24:21
ทำไมเงียบๆ ไป?
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: Timber Huang ที่ 09-07-2017 23:44:45
กลับมาต่อเถอะคนเขียน  :mew2:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 20 ►1/5/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: Alone Alone ที่ 10-07-2017 17:49:02
สงสารศรัณย์ ไม่น่ามาชอบหมวดเรียวเล้ย

เห้ออออ
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 21 ►21/7/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 21-07-2017 16:41:55
ขอโทษนะครับที่หายไปนานเกินเดือน ตอนนี้ชีวิตต้องกัดฟันสุดๆ เน็ตก็ไม่มี ขอบคุณที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์

♀ บทที่ 21♀

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียวก็ออกไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน สั่งให้ชินวัฒน์กับศรันย์เป็นคนรับผิดชอบล้างจาน แต่ไม่กี่นาทีชินวัฒน์ก็เดิมตามออกมา บอกว่าศรันย์เป็นคนอาสาล้างคนเดียว
"ตกลงคิดได้หรือยังว่าจะแกล้งคุณศรันย์ยังไง" ชินวัฒน์ถาม
"ไม่แล้ว" เรียวส่ายหน้า
"อ้าว ไม่ได้นะ ต้องสั่งสอนเสียหน่อย โทษฐานที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับคุณพีทที่อู่ซ่อมรถ นี่ถ้าเราไม่โผล่เข้าไปจ๊ะเอ๋แบบนั้นคงเอากันมันส์ไปแล้ว" ชินวัฒน์ทำสีหน้าจริงจัง
"หุบปากเสียทีเถอะไอ้หมวดลูกชิ้น" เรียวพูดเสียงขุ่น "เขาก็คงแค่ตื้อคุณศรันย์นั่นล่ะ ใครกะจะมีเซ็กส์กันในออฟฟิส ทั้งลูกน้องทั้งช่างซ่อมรถอยู่ข้างนอกเยอะแยะ"
"แก้ตัวแทนอีก แบบนี้ก็หมายความว่า..." ชินวัฒน์ทำเสียงล้อเลียน อมยิ้ม เอียงหน้าทำท่าคิด แต่เมื่อเรียวยังยืนเงียบจึงพูดต่อว่า "นี่ถามหน่อยเถอะเพื่อน ถามจริงๆ เลยนะ แบบว่าอยากรู้มาก นี่ชอบคุณศรันย์เข้าไปจริงๆ แล้วใช่ไหมถึงได้ทำเป็นใจเย็นแบบนี้ นี่คงกำลังติดสินใจว่าจะตกลงปลงใจกับเฮียเขาแล้วละสิ แบบนี้ย้ายไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่านะ"
"พูดหมดแล้วใช่ไหม งั้นกลับบ้านได้แล้ว ไปชวนเฮียศรันย์ของนายกลับไปพร้อมกันด้วย ง่วงนอนจะตายอยู่แล้ว พรุ่งนี้งานใหญ่ เสร็จเรื่องจับบ่อนพนันเราจะลาหนึ่งอาทิตย์กลับบ้าน แม่ให้ไปช่วยเรื่องซ่อมบ้าน ช่างเขารอทำอยู่แล้ว" เรียวตัดบท ชี้มือเข้าไปในบ้านแล้วเร่งเพื่อน
แต่เมื่อนายตำรวจทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นศรันย์นอนแผ่หราอยู่บนโซฟา ท่าทางหลับสนิท แผ่นอกสะท้อนขึ้นตามจังหวะหายใจอย่างสม่ำเสมอ
"โอ้โห เชื่อพี่เค้าจริงๆ เลย ไม่ถึงห้านาทีล้างจานเสร็จก็หลับเสียแล้ว ถอดกางเกงนอนอีกต่างหาก ยังกับว่าจะเตรียมตัวรออึ๊บเจ้าของบ้าน" ชินวัฒน์ชี้นิ้วไปที่ศรันย์
"ไอ้ปากเสีย" เรียวทำเสียงดุ
"เป้าตุงขนาดนี้ท่าทางใหญ่ไม่ใช่เล่นนะเนี่ย" ชินวัฒน์ยืนเอียงหน้าพิจารณาดูศรันย์
"กางเกงเขาเปียก ล้างจานยังไงวะให้กางเกงเปียกแบบนี้" เรียวมองไปเห็นกางเกงขายาวของศรันย์วางพาดอยู่บนเก้าอี้จึงหยิบขึ้นมาแล้วเดินเอาไปใส่เครื่องอบผ้า จากนั้นหันไปบอกให้ชินวัฒน์กลับบ้านไปก่อน
"แล้วจะเก็บเขาไว้นอนกกที่นี่หรือหมวดเรียว" ชินวัฒน์ถามหน้าทะเล้น หันไปมองศรันย์ด้วยสายตาขำๆ
"ทะลึ่ง เดี๋ยวโดนเตะ" เรียวยกเท้าขึ้น ชินวัฒน์ถอยกรูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปที่ประตู ปากก็ยังพูดว่าต้องหาวิธีแกล้งศรันย์เพื่อเป็นการสั่งสอนให้เข็ดหลาบ
"เลิกพูดเรื่องนี้เสียทีเถอะ" เรียวโคลงศีรษะ
"งั้น ถ้าไม่แกล้งเป็นการสั่งสอนก็ต้องลองใจ" ชินวัฒน์ยังไม่ยอมหยุด "จะได้ให้แน่ใจว่าเขาชอบเราจริงๆ และทิ้งนิสัยเจ้าชู้"
"ดูๆ ไปก็ไม่เห็นจะเจ้าชู้เท่าไหร่นะ เขาก็คงสนุกสนานไปตามประสาคนโสด" เรียวพูดเสียงราบเรียบ
"แต่เขามาจีบนายได้หลายเดือนแล้ว ดูท่าทางก็เหมือนจะจริงจัง ต้องให้แน่ใจสิ ถ้าจะมาเป็นแฟนกันก็ไม่เรียกกว่าโสดอีกต่อไป ของแบบนี้มันต้องทดสอบ"
"ทำยังกับว่าเขาจะมาเป็นแฟนตัวเอง"
"เรารักและเป็นห่วงเพื่อนผู้ไร้เดียงสาหรอกน่า" ชินวัฒน์ให้เหตุผล นั่งลงบนเก้าอี้หน้าบ้านเพื่อสวมรองเท้าพลางยกเหตุผลต่างๆ ขึ้นมาอ้าง จนในที่สุดเรียวจึงตัดบทว่าอยากทำอะไรก็ทำ
"อย่าให้ถึงกับเลือดตกยากออกก็แล้วกัน" เรียวย้ำ
"ไว้ใจเพื่อนคนนี้เถอะ" ชินวัฒน์ยักคิ้วแล้วเดินไปขึ้นรถ ขับออกไปจากบ้าน เรียวยืนมองตาม นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกลับเข้าไปในบ้าน นั่งรอจอกางเกงของศรันย์อบแห้งแล้วจึงไปปลุกให้ลุกขึ้น
"ผมง่วงมาก ขับรถกลับบ้านไม่ไหวหรอก ขอนอนที่นี่นะคุณหมวด" ศรันย์พูดเสียงอู้อี้ ยังไม่ยอมลืมตา
"อย่ามาลีลาหน่อยเลย"
"ถ้าผมขับรถกลับกลางดึกทั้งที่ง่วงนอนขนาดนี้ ก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้นะคุณหมวด ไม่ห่วงกันบ้างหรือ ตำรวจเขาก็รณรงค์ไม่ใช่หรือว่าถ้าง่วงไม่ให้ขับ" ศรันย์มีข้ออ้าง
"ผีเสื้อราตรีแบบคุณนะหรือจะง่วงจนขับรถไม่ได้ นี่ยังไม่ตีหนึ่งเลย ผมว่าเวลานี้ปรกติคุณเพิ่งเริ่มออกจากรังไปซิ่งรถตระเวนจับเด็ก"
"แต่ก่อนกันตอนนี้มันไม่เหมือนกับนี่ครับคุณหมวด ผมเปลี่ยนไปแล้ว" ศรันย์ลืมตาขึ้นมา "ตอนนี้ผมเป็นนิวศรันย์"
"กางเกงแห้งแล้ว ใส่ซะ อุจาด" เรียวทำหูทวนลม โยนกางเกงลงบนตักของรันย์ ปิดคลุมท่องล่างของคนที่นอนอยู่บนโซฟา
"แค่ใส่เสื้อยืดกับกางเกงในนี่นะเรียกว่าอุจาด ถ้าผมแก้หมดทุกชิ้นจะเรียกว่ายังไงล่ะ"
"เรียกว่าทุเรศ" เรียวตอบเสียงเข้ม "ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะคุณศรันย์ กลับบ้านได้แล้ว ผมจะนอน พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า เรื่องสำคัญด้วย"
"ผมขับรถไม่ไหวหรอก" ศรันย์ทำเสียงเหนื่อยล้า "เหนื่อยจนแทบจะหายใจไม่ไหว แขนขาก็หมดแรง ไม่ไหวจริงๆ นะ"
"ถ้างอแงแบบนี้ ทีหลังจะไม่ให้มาอีกแล้ว" เรียวยื่นคำขาด
"ก็ได้" ศรันย์ตอบเสียงสะบัด ยอมลุกขึ้นนั่ง จากนั้นสวมกางเกงช้าๆ ราวกับต้องการยื้อเวลา
"พรุ่งนี้ไม่ต้องโทรหาผมนะ ไม่ว่าง พรุ่งนี้หน่วยจะนำกำลังบุกเข้าจับกุมบ่อนการพนันแล้ว" เรียวพูดเสียงเรียบ นั่งรออย่างอดทน
"แค่จะเข้าลุยบ่อนพนัน ต้องปิดโทรศัพท์ยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยหรือไง ทำงานแบบต้องทิ้งชีวิตส่วนตัวแบบนี้ไม่ไหวนะคุณหมวด แล้วพวกตำรวจคนที่มีลูกมีเมียไม่แย่หรือ มันจะไม่มีเวลาว่างสักนิดพอที่จะคุยกับแฟนเลยหรือไง" ศรันย์บ่น
"ใครเป็นแฟนคุณ" เรียวหันขวับมาทำเสียงดุ
"คุณหมวดเรียวครับ ถึงขนาดนี้แล้วคุณคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันอย่างนั้นหรือ ผมไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ ไม่งั้นไม่ตามจีบขนาดนี้หรอก ตั้งแต่จีบคุณ ผมต้องเสี่ยงเจ็บตัวและเสี่ยงตายสุดๆ เลยรู้หรือเปล่า"
"ถ้าไม่รีบใส่กางเกงให้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวได้เจ็บตัวจริงๆ" เรียวยื่นมือไปหยิบกุญแจรถของศรันย์ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างโซฟาส่งให้ แต่เมื่อคนเจ้าปัญหายังคงนั่งนิ่งจึงโยนกุญแจใส่
"ดุจริงๆ เลย ไม่ได้มีความอ่อนโยนกับคนอื่นเขาเลย อ่อนโยนกับผมหน่อยก็ไม่ได้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันคุณก็เอาปืนจี้ผม ข่มเหงกันแบบคงเส้นคงวาจนถึงตอนนี้"
"จะให้นับหนึ่งถึงสิบไหม ถ้านับถึงสิบแล้วคุณยังไม่สตาร์ทรถ ผมจะเอาปืนจี้คุณอีกที" เรียวพูดเสียงกร้าว ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว ท่าทางขึงขัง
ศรันย์ทำหน้างอนๆ บิดขี้เกียจพร้อมกับส่งเสียงน่าหมั่นใส้แล้วค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นยืน แกล้งโซเซทำเป็นจะล้ม จากนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินโผเผไปยังประตูหน้าบ้าน เรียวเดินตามหลัง เมื่อเห็นท่าทางจะเป็นจะตายของศรันย์ก็อดอมยิ้มไม่ได้
"เอาเถอะ พอบุกเข้าจับกุมบ่อนพนันเสร็จแล้วจะรีบโทรหาคุณก่อนเป็นอย่างแรกเลย" เรียวพูดขึ้นมาเบาๆ ยืนกอดอกพิงกรอบประตู มองศรันย์ก้มลงสวมรองเท้า
"จริงนะ อย่าโกหกปล่อยให้รอเก้อนะคุณหมวด" ศรันย์เงยหน้าขึ้นมาทันที พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายราวกับเด็กจะได้ของเล่น
"เคยโกหกคุณที่ไหน" เรียวทำหน้านิ่ง เมินไปมองด้านข้าง
"จริงด้วย ไม่เคย ไม่เคยเลยจริงๆ ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว" ศรันย์เบ้ปาก แต่นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ
"ราตรีสวัสดิ์ ขับรถดีๆ นะ" เรียวไม่ต่อความยาวสาวความยืด พูดขึ้นมาเบาๆ ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง
"นี่คุณหมวดเรียวครับ เรื่องที่อู่ ผม..." ศรันย์มองหน้านายตำรวจหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว" เรียวยกมือห้าม
"ผมโดนพีทลวนลาม ผมขอยืนยัน" ศรันย์ยังดันทุรังจะพูด "ผมไม่ได้สมยอมเลยนะครับ ผมปัดป้อง ผมห้าม ผมขัดขืนแล้ว แต่พีทก็ไม่ยอมหยุด เขาแกล้งผม แล้วเราสองคนก็ไม่เคยมีอะไรกันมานานแล้ว ตั้งแต่แรกๆ ที่ผมเจอคุณโน่นแน่ะ ผม..."
"บอกว่าไม่ต้องพูด คุณนี่พูดมากจริงๆ เลย" เรียวทำเสียงดุ
"ผมกลัวคุณหมวดจะเข้าใจผิด กลัวคุณจะโกรธผม หาว่าผม..." ศรันย์ทำหน้าตาร้อนอกร้อนใจ
"แล้วที่ยืนอยู่ตรงนี้หมายความว่ายังไง" เรียวแทรก "ให้เข้าบ้านมานั่งกินข้าวด้วย ปล่อยให้นอนหลับบนโซฟาอีกต่างหาก หนำซ้ำยังอบกางเกงให้อีก"
"แสดงว่าคุณหมวดไม่ได้โกรธผม" ศรันย์ยิ้มกว้าง ขยับเข้ามาใกล้ ยกแขนขึ้นทำท่าจะสวมกอด แต่เรียวขยับถอยหลับไปหนึ่งก้าว กำหมัดยกขึ้นมา จ้องหน้าศรันย์เขม็ง บอกให้รู้ว่าถ้ายกแขนขึ้นมากอดจะต้องโดนต่อย
"ดุจริงๆ เลย" ศรันย์ค้อน ถอยหลังช้าๆ ยอมเดินไปที่รถ ปากก็บ่นพึมพำไปตลอดทาง ทว่าในใจรู้สึกพองโตที่รู้ว่าเรียวไม่ได้โกรธเขาเรื่องที่เข้าไปเจอพีทกำลังจะทำมิดีมิร้ายตัวเองในห้องทำงาน เมื่อขึ้นนั่งบนรถจึงลดกระจกลง โผล่หน้าออกมาทวงสัญญา "อย่าลืมนะคุณหมวด เสร็จงานแล้วโทรหาผมทันทีนะ ผมจะไปรับไปเลี้ยงฉลองกันสองต่อสอง"
เรียวไม่ตอบ ชี้นิ้วไปที่ประตูรั้วบ้าน ศรันย์ยิ้มกว้าง ค่อยๆ ออกรถ ปล่อยให้นายตำรวจหนุ่มมองตามยิ้มๆ


สุวัฒน์ ผู้ช่วยคนสนิทของศรันย์เปิดประตู้ห้องทำงานของเจ้านายเข้ามาก็ต้องส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าเจ้าของอู่นั้นอยู่ในท่า "มาตรฐาน" นั่นคือนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ เอนตัวไปด้านหลังจนสุด หลับตา มือประสานท้ายทอย ขาทั้งสองไขว้กันวางพาดอยู่บนโต๊ะ
"เจ้านายครับ โทรศัพท์" สุวัฒน์เดินไปยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
"ไม่รับ" ศรันย์พูดขึ้นมาเบาๆ ทั้งที่ตายังหลับอยู่
"คุณพ่อโทรมาครับ บอกว่าเรื่องสำคัญ"
"แล้วทำไมต้องโทรหาแก" ศรันย์ยังคงหลับตาอยู่ ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่นิด แต่เสียงเข้มขึ้น
"ท่านบอกว่าโทรหาคุณเกือบร้อยครั้งแต่ว่าไม่มีใครรับสาย" สุวัฒน์ตอบเบาๆ แล้วขยับถอยหลังไปอีกสองก้าว
"ไอ้นี่หาเรื่องโดนเตะ" ศรันย์ลืมตา ขยับเท้าก่อนเป็นส่วนแรก
"ท่านพูดเองนะ ผมไม่ได้พูดเกินจริง สาบานได้เลย" สุวัฒน์ทำหน้าจริงจัง
"ถ้ามีใครโทรมาอีก บอกว่าไม่อยู่ ไม่อยากคุยโทรศัพท์ มีอะไรจดโน๊ตเอาไว้" ศรันย์สั่ง ยกขาลงจากโต๊ะ ยื่นมือมารับโทรศัพท์จากลูกน้อง
"รวมถึงหมวดเรียวด้วยหรือเปล่าครับ" สุวัฒน์ยักคิ้ว
"ไอ้นี่ เดี๋ยวเถอะ" ศรันย์ถลึงตาใส่ลูกน้อง ยกมือขึ้นทำท่าจะตบหัวคนช่างยั่ว สุวัฒน์เอามือที่ปิดโทรศัพท์ออก ยกแนบหู บอกให้พนักงานอีกคนโอนสายเข้ามาแล้วยื่นโทรศัพท์ให้เจ้านาย
ศรันย์ถอนหายใจเบาๆ แล้วรับโทรศัพท์ด้วยเสียงเนือยๆ แต่ครั้นได้ยินสิ่งที่บิดาพูดก็รีบโวยวายด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
"เย็นนี้เลยหรือพ่อ ผมไม่ว่าง มาบอกอะไรกระชั้นชิด ลูกน้องพ่อก็มีตั้งมากมาย ทำไมต้องให้ผมไปทำให้ ไกลถึงระนอง ต้องค้างคืนอีกต่างหาก แล้วท่าทางคงไม่เสร็จง่ายๆ เสียด้วย"
บิดาของศรันย์ต้องอธิบายยืดยาวจนในที่สุดลูกชายคนเดียวจึงตกลง และพูดเสียงอ่อนลง
"ผมไม่ค้างคืนที่สองนะพ่อ ผมจะทำสุดความสามารถ จะจัดการให้เสร็จเร็วที่สุด แล้วก็จะกลับเข้ากรุงเทพเลย แต่ถ้ายังมีอะไรอีก พ่อต้องไปเอง ผมก็มีธุระของผมที่กรุงเทพเหมือนกัน ทิ้งไปนานไม่ได้"
ศรันย์สนทนากับบิดาต่ออีกครู่หนึ่งแล้ววางสาย ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ติดต่อกันแล้วลุกเดินออกไปข้างนอกเพื่อสั่งงานสุวัฒน์
ความจริงเขาแทบไม่ต้องสั่งงานลูกน้องเลยก็ว่าได้ สุวัฒน์ดูแลอู่จนเหมือนจะเป็นเจ้าของอยู่แล้ว
"แล้วถ้าหมวดเรียวมาหาที่อู่ล่ะครับ" หลังจากที่สุวัฒน์นิ่งฟังเจ้านายสั่งงานจนจบก็อดกวนโมโหไม่ได้
"ไอ้สุวรรณ" ศรันย์ถลึงตา ยกมือขึ้นจะตบหัวลูกน้อง แต่ฝ่ายนั้นเร็วยิ่งกว่าลิง หลบได้ว่องไวยิ่งนัก ศรันย์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจแล้วบอกว่าจะออกไปข้างนอก
"อะไรกัน ไปซะแล้ว นี่เพิ่งจะบ่ายสองเองนะครับ" สุวัฒน์ท้วง "วันนี้จ่ายเงินเดือนด้วย"
"แกก็ทำสิวะ ฉันเป็นเจ้าของอู่ จะเลิกงานเมื่อไหร่ก็ได้ แกเป็นลูกน้อง มีหน้าที่ทำงานจนหมดเวลางาน อ้อ อีกอย่างนึง ถ้าคุณพีทมา บอกว่าฉันไปเที่ยวญี่ปุ่นสองอาทิตย์ ถ้าเขาเอารถมาซ่อม ให้บอกว่ารถล้น รับเพิ่มไม่ได้ ซ่อมไม่ทัน ไปอู่อื่น" ศรันย์พูดเสียงห้วนแล้วเดินจากไปทันที
"เวรกรรมเจ้านายข้า" สุวัฒน์เกาศีรษะ แต่ก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องทำงานของศรันย์เพื่อ 'ทำงานแทนเจ้านาย' ผู้ซึ่งต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อทำงานให้พ่อ แต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น สุวัฒน์หันไปมองรอบๆ จนเห็นว่าโทรศัพท์ตกอยู่บนพื้นใต้โต๊ะจึงรู้ว่าศรันย์ลืมโทรศัพท์เอาไว้
"พ่อคุณ ช่างเป็นคนมีระเบียบจังเลย" สุวัฒน์บ่นพึมพำ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสายโดนไม่ได้มองดูหมายเลขเรียกเข้าบนหน้าจอเพราะคิดว่าคงเป็นศรันย์ที่เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมโทรศัพท์
"คุณพีทหรือครับ เจ้านายผมไปเที่ยวญี่ปุ่นสองอาทิตย์ครับ จะตามไปตอนนี้ก็ยังทันนะครับ เพิ่งกลับไปเก็บกระเป๋าที่บ้านได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยครับ" สุวัฒน์รับสายแล้วรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูเพราะรู้ว่าศรันย์คงตะโกนด่าเสียงลั่น แต่เมื่อครั้นเอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้งก็ปรากฎว่าวางสายไปแล้ว
แต่ไม่ถึงหนึ่งนาที โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก คราวนี้สุวัฒน์ก้มลงมองหน้าจอ เห็นหมายเลขเรียกเข้าที่รู้จักเป็นอย่างดี
"ให้ใครเอาโทรศัพท์มาให้หน่อย เดี๋ยวนี้เลย เร็วที่สุดเลยนะ ให้ไอ้ป๋องก็ได้ มันเซียนซิ่งมอเตอร์ไซด์" ศรันย์สั่งลูกน้อง แล้วตามมาด้วยเสียงบ่น "ทำไมแกไม่รีบโทรมาบอกวะว่าลืมโทรศัพท์ นี่โชคดีนะที่มาถึงบ้านพ่อแล้วนึกได้ แกจะรอให้ฉันถึงระนองก่อนหรือไงไอ้สุวรรณ"
"อ้าว แล้วนี่ความผิดของผมหรือ" สุวัฒน์เถียง "ผมก็เพิ่งรู้ตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์นี่ล่ะ ถ้าผมไม่เข้ามาในห้องทำงานลูกพี่ผมก็ไม่รู้หรอกนะ ตอนโทรศัพท์ดังก็หาแทบแย่ แล้วเสียงก็ไม่ค่อยดังเท่าไหร่ ต้องเงี่ยหูฟังถึงจะได้ยิน มันตกอยู่ใต้โต๊ะเลยนะครับท่าน"
"ไอ้..." ศรันย์กำลังจะด่าลูกน้องแต่ก็ห้ามใจไว้ได้ "แล้วดูหน้าจอซิว่ามีใครโทรมาหรือเปล่า"
"หมวดเรียวหรือครับ" สุวัฒน์อดกวนไม่ได้อีกแล้ว
"เออ" ศรันย์ตะคอก "ก็รอโทรศัพท์หมวดเรียวนี่ล่ะ นี่ถ้าไม่รอหมวดเรียวโทรมาก็ไม่โทรมาสั่งให้แกเอาโทรศัพท์มาให้หรอก ยอมรับแบบนี้พอใจหรือยัง"
"เมื่อกี้มีสายเข้าหนึ่งครั้ง ผมถึงได้ลงไปคลานสี่ตีนหาโทรศัพท์ใต้โต๊ะ เดี๋ยวดูให้นะครับ" สุวัฒน์กดพักสายแล้วเรียกดูรายการเรียกเข้า และเมื่อเห็นว่าเมื่อครู่นี้เป็นหมายเลขของใครก็แทบจะกลั้นใจตาย
"ว่าไง" ศรันย์ถาม
"มันไม่โชว์เบอร์ครับ" สุวัฒน์ตอบเสียงเบาแล้วบอกว่าจะรีบให้คนเอาโทรศัพท์ไปส่งให้ เมื่อศรันย์วางสายก็ต้องถอนใจเฮือกใหญ่ บรรจงวางโทรศัพท์บนโต๊ะแล้วยกมือไหว้ "ขอโทษทีนะครับเจ้านาย ล้อเล่นไม่ดูตาม้าตาเรือไปหน่อย"


เรียววางโทรศัพท์ลง ถอนหายใจเบาๆ ชินวัฒน์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ หันมาถามว่าศรันย์จะมารับหรือไม่ ผู้หมวดหนุ่มจึงส่ายหน้าช้าๆ แล้วบอกว่าจะรออีกห้านาทีถึงจะโทรศัพท์ไปอีก
"โทรไปอีกสามครั้งก็พอนะ ถ้าติดต่อไม่ได้เราก็ไปกินข้าวกันสองคน แล้วจะได้ไปส่งที่หมอชิตเลย" เรียวสั่งชินวัฒน์
"อ้าว แล้วจะกลับบ้านเลยทั้งที่ยังไม่ได้เจอคุณศรันย์นี่นะ" ชินวัฒน์แย้ง
"เจอเมื่อไหร่ก็ได้ อยู่กันแค่นี้เอง"
"ความจริงไปเครื่องบินดีกว่า นี่จะนั่งรถทัวร์มาราธอนไปทำไมก็ไม่รู้"
"แค่คืนเดียวเอง ขึ้นรถแล้วก็หลับ ตื่นเช้าก็ถึง ไปเครื่องบินก็ต้องไปจองตั๋ว ไปรอ ไปอะไรอีก พรุ่งนี้โน่นแน่ะ ไปมันซะคืนนี้เลย ถึงบ้านเร็วกว่าเสียอีก" เรียวยักไหล่
"คุณศรันย์คิดถึงตายเลย" ชินวัฒน์พูดแล้วแอบยิ้ม "เอ๊ะ หรือว่าจะคิดถึงคุณศรันย์ อืม แต่ว่าคงคิดถึงกันและกันจะถูกกว่านะ เพราะจะไม่ได้เจอกันตั้งอาทิตย์"
"สองอาทิตย์" เรียวพูดแทรก
"หา ไหนว่าลาแค่อาทิตย์เดียว" ชินวัฒน์ถามเสียงดัง
"หยุดพูดเถอะได้หมวดลูกชิ้น" เรียวส่ายหน้า
"ไหนว่าจับบ่อนพนันเสร็จคุณศรันย์ให้โทรหา บอกว่าอยากกินข้าวด้วยกัน นี่เราก็อุตส่าห์ล้างทองรอ กะจะกินของอร่อยให้เต็มที่" ชินวัฒน์โวยวายเพราะเห็นแก่กิน แต่เรียวลุกขึ้นและเดินหนีออกไปนอกห้องทำงาน ปล่อยให้ชินวัฒน์บ่นอยู่คนเดียวจนเวลาผ่านไปราวสิบห้านาทีจึงเดินกลับเข้ามาบอกว่าให้พาไปเอากระเป๋าเดินทางที่บ้านแล้วไปทานข้าว จากนั้นให้ไปส่งที่สถานีขนส่งสายเหนือ ชินวัฒน์ถามเรื่องศรันย์แต่เรียวบอกว่าโทรศัพท์ไปแล้วถึงสามครั้งแต่ไม่มีใครรับสาย
"เอางี้ ถึงบ้านแล้วโทรอีกครั้ง ยังพอไปกินข้าวด้วยกันได้อยู่ แต่เราว่าเขาไม่ยอมให้ไปเย็นนี้หรอก น่านะหมวดเรียว พรุ่งนี้ค่อยไป บ้านมันไม่หายไปไหนหรอก"
"ไม่อยากเดินทางกลางวัน ร้อน" เรียวส่ายหน้า "บอกแล้วไงว่าไปกลางคืน นอนตื่นเดียวก็ถึง"
"บอกแล้วไงว่าไปเครื่องบินดีกว่า จะนั่งรถไกลให้เมื่อยก้นทำไม" ชินวัฒน์แย้งอีกครั้ง
"อยากนั่งคิดอะไรไปตามทาง" เรียวตอบเสียงราบเรียบ "หยุดเถียงได้แล้ว ไม่ต้องออกความเห็นอะไรอีก เลิกเซ้าซี้ ขี้เกียจยุ่งยากวุ่นวาย"
ชินวัฒน์ลุกขึ้น รีบตามหลังเพื่อนที่เดินลิ่วๆ ลงไปยังลานจอดรถ ตั้งใจว่าพอถึงบ้านของหมวดเรียวแล้วจะ 'เซ้าซี้' ให้เพื่อนโทรศัพท์ถึงศรันย์อีกครั้ง หรือไม่เช่นนั้นเขาจะเป็นคนโทรศัพท์เอง


เมื่อถึงบ้านของเรียว ชินวัฒน์รอจังหวะเพื่อนขึ้นไปหยิบกระเป๋าเดินทางบนห้องนอนจึงโทรศัพท์ถึงศรันย์ โชคดีที่ฝ่ายนั้นรับสายทันที
"อะไรนะ คุณไประนอง" ชินวัฒน์แทบจะตะโกนเมื่อศรันย์รับสายแล้วบอกเหตุผลที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดกระทันหัน
"ธุระสำคัญมาก พ่อผมถึงกับขอร้อง"
"แล้วผมจะบอกหมวดเรียวยังไง"
"ผมก็โทรหาแล้วตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นหมวดรับสาย" ศรันย์ตอบด้วยเสียงร้อนใจ "โกรธผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่โทรมาหาผมตั้งสามครั้งแล้วผมไม่ได้รับสาย ผมลืมโทรศัพท์ไว้ที่ทำงาน ให้ลูกน้องเอามาให้ พอมาถึงก็เห็นว่าหมวดเรียวโทรมาตั้งสามครั้ง พอได้โทรศัพท์ผมก็รีบโทรกลับทันที กดจนนิ้วหงิกแล้วเนี่ย"
"ไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลย" ชินวัฒน์พูด "คุณรู้ไหม หมวดเรียวติดต่อคุณไม่ได้ ก็เลยจะกลับบ้าน"
"คุณอยู่กับหมวดเรียวใช่ไหม ให้ผมพูดด้วยหน่อย"
"เก็บของอยู่ชั้นบน รอให้ลงมาก่อน ขึ้นไปตอนนี้เดี๋ยวโดนมันดุ หมวดเรียวกำลังจัดกระเป๋า" ชินวัฒน์ตอบ
"อ้าว ก็ไหนจะกลับบ้าน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่โรงพักหรือ" ศรันย์ถาม
"อยู่ที่บ้าน"
"ก็ไหนบอกว่าจะกลับบ้าน"
"ไม่ใช่บ้านนี้ กลับบ้านนอกโน่น บ้านแม่เค้า หมวดเรียวลากิจไปช่วยแม่ยกบ้าน" ชินวัฒน์ตอบ
"อะไรนะ ยกบ้าน ทำไมต้องยกบ้าน กลับบ้านนอก ที่ไหน ลากิจกี่วัน เมื่อไหร่จะกลับ นี่ผมจะรีบไปทำธุระให้พ่อที่ระนองเสร็จพรุ่งนี้ ช้าสุดก็มะรืนตอนเช้า จะรีบกลับเข้ากรุงเทพเลย ถ้าหมวดเรียวกลับบ้านแม่ที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้เจอกันสิ แล้วเมื่อไหร่จะได้เห็นหน้ากัน ไปทั้งที่กำลังงอนผมอยู่แบบนี้ไม่ได้นะ ง้อคุณหมวดนี่ง่ายเสียเมื่อไหร่ ดุขนาดนั้น" ศรันย์พร่ำยืดยาว
"ใจเย็นๆ สิครับคุณศรันย์ แค่นี้เอง"
"โธ่ เย็นได้ยังไงหมวดชิน แค่ผมมาระนองนี่คุณหมวดเรียวของผมก็คงอยากจะต่อยผมอยู่แล้ว โว้ย เพราะโทรศัพท์แท้ๆ เชียว นี่ถ้าไม่ลืมโทรศัพท์ก็ได้คุยกันไปตั้งแต่ตอนนั้น"
"น่านะ ใจเย็นๆ"
"กำลังจะดีอยู่แล้วเชียว" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"มันก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้าง ของแบบนี้เรื่องธรรมดา" ชินวัฒน์ปลอบ "ถือเสียว่าเป็นการทดสอบว่าคุณสองคนจะไปกันได้ไหม ถ้ารักกันชอบกันจริงๆ เรื่องขี้ปะติ๋วแบบนี้จะกลัวไปทำไม เรื่องใหญ่กว่านี้ยังมี"
"เรื่องใหญ่อะไรกัน"
"ไม่รู้ล่ะ ยังไม่รู้ ก็ไม่แน่ มันอาจจะมีเรื่องอะไรที่ต้องทำให้ปวดหัวเป็นบททดสอบความสัมพันธ์ ว่าคุณรักชอบเพื่อนผมจริงๆ ไม่ใช่แค่กะฟันตำรวจหาประสบการณ์เฉยๆ"
"ผมจริงใจกับหมวดเรียวนะ" ศรันย์พูดเสียงหนักแน่น
"ถ้ายังงั้นคุณก็ต้องเชื่อใจหมวดเรียว เหมือนกับที่หมวดเรียวเชื่อใจคุณ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจก็ไม่มีอะไรต้องกลัว คนเราถ้ารักกันชอบจริงๆ เข้าใจผิดกันแค่นี้ก็ต้องปรับความเข้าใจกันได้ ผมว่าห่างกันสองอาทิตย์นี้จะได้เป็นบทพิสูจน์ให้รู้กันไปเลยว่า..."
"สองอาทิตย์" ศรันย์โวยวาย "อะไรกันสองอาทิตย์ นานขนาดนั้นเลยหรือ สองอาทิตย์นี่มันครึ่งเดือนเลยนะหมวด"
"โทรศัพท์ก็มี คุณจะไปกลัวอะไร"
"แต่ถ้าหมวดเรียวไม่รับโทรศัพท์ผมล่ะ" ศรันย์นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดต่อ "เอาแบบนี้ คุณบอกที่อยู่บ้านแม่หมวดเรียวมา เขียนแผนที่ให้ละเอียด กลับถึงกรุงเทพผมจะไปเอา จะตามไปหาหมวดเรียวถึงบ้าน"
"ผมว่าหมวดเรียวไม่ยอมให้คุณไปหาถึงบ้านแม่ที่เชียงรายหรอก คิดได้ไง จู่ๆ จะมีผู้ชายโผล่ไปหาถึงที่บ้าน พ่อแม่พี่ป้าน้าอาน้องนุ่งเขาจะไม่ช๊อคตายหรอกหรือ คุณใจเย็นๆ เอาไว้ก่อนดีกว่า" ชินวัฒน์เตือน ในใจนึกอะไรได้ทันได้
ตอนนี้ล่ะ จะได้พิสูจน์ว่าศรันย์รักเพื่อนของเขาจริง
"แต่ว่า..." ศรันย์อ้ำอึ้ง
"เดี๋ยวผมจะบอกหมวดเรียวว่าคุณลืมโทรศัพท์ ตอนนี้ติดต่อได้แล้ว รอให้เขาจัดกระเป๋าเสร็จก่อนนะ ไม่ถึงห้านาทีหรอก พอลงมาข้างล่างจะบอกเลย คุณก็ตั้งใจขับรถล่ะ"
"หมวดชิน คุณต้องช่วยอธิบายให้หมวดเรียวฟังก่อนนะว่าผมต้องมาระนองด่วนเพราะพ่อขอร้องให้มาช่วยทำธุระ พอหมวดเรียวลงมาให้รีบโทรหาผมเลย หรือไม่คุณก็ยิงเบอร์มา ผมจะโทรกลับไป ต้องคุยกันให้เข้าใจก่อนเดินทาง ไม่งั้นผมไม่มีสมาธิจะทำอะไรแน่ๆ" ศรันย์ย้ำ
หลังจากวางสาย ชินวัฒน์ยิ้มแทบหุบไม่ลง รู้สึกขำศรันย์ยิ่งนัก ตอนนี้ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าฝ่ายนั้นรู้สึกอย่างไรต่อเพื่อนรักของตัวเอง แต่ก็ยังอยากที่จะพิสูจน์ความจริงใจของศรันย์ต่อให้ได้
"ต้องเอาให้แน่ใจสุดๆ หมวดเรียวจอมซ่าส์จะได้มีคู่กับเขาเสียที" ชินวัฒน์พึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนซึ่งกำลังเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ในมือถึอเป้ขนาดย่อมลงมาด้วย
"เมื่อกี้ใครโทรมา" เรียวถาม
"น้องโทรมา มันบอกว่าพ่อกับแม่บ่นคิดถึง ไม่เห็นหน้าตั้งอาทิตย์กว่าแล้ว พอไปส่งนายที่หมอชิตแล้วคงต้องไปกินข้าวที่บ้าน" ชินวัฒน์ตอบเบาๆ แล้วแอบอมยิ้ม
แผนการณ์พิสูจน์ใจสองคนนี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น


►จบบทที่ 21◄

หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 21 ►21/7/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 21-07-2017 21:03:08
ตอนนี้หมวดลูกชิ้นแย่งซีนไปตั้งเยอะ
มีแฟนยังหมวดลูกชิ้น จะได้สมัคร
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 21 ►21/7/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-07-2017 22:35:53
ปลื้มใจแทนหมวดเรียว มีเพื่อนดี้ดีอย่างหมวดชินเป็นห่วงเป็นใย ดูแลกระทั่งช่วยสกรีนว่าที่แฟนให้ด้วย   :katai2-1:

เฮียศรัณย์เจอบทพิสูจน์ความจริงใจล่ะ สู้ สู้ นะเฮีย
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 21 ►21/7/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ซิกาแร๊ต ที่ 22-07-2017 20:46:38
โห คุณศรันย์หายไปนานเลย ... นึกว่าถอนตัว ไม่กล้าจีบต่อแล้วซะอีก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 22 ►1/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 01-08-2017 13:34:40
♀ บทที่ 22♀

ขณะที่นั่งรอทำธุระให้บิดา ศรันย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกหงุดหงิดและร้อนใจยิ่งนัก ตั้งแต่เดินทางจากกรุงเทพมหานครจนมาถึงระนอง ติดต่อหมวดเรียวไม่ได้เลย ครั้นโทรศัพท์ไปบ่นกับชินวัฒน์ ฝ่ายนั้นก็บอกว่าติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ชินวัฒน์เดาว่าหมวดเรียวคงลืมโทรศัพท์ไว้ที่ไหนสักแห่งจึงไม่รับสาย
"คุณมีเบอร์ที่บ้านไหม" ศรันย์ถาม
"มันใช้โทรศัพท์มือถืออย่างเดียว คุณศรันย์ สมัยนี้ใครใช้โทรศัพท์บ้าน" ชินวัฒน์ตอบ
"ผมหมายถึงบ้านแม่เขาที่ต่างจังหวัด หมวดเรียวไปบ้านแม่ ผมจะโทรไปบ้านที่กรุงเทพฯ ทำไม" ศรันยกระแทกเสียง
"คุณไม่พูดให้ชัดเอง" ชินวัฒน์เถียง "ไม่มีหรอก บ้านแม่หมวดเรียวอยู่กลางป่ากลางเขา โทรศัพท์เข้าไม่ถึง"
"อย่ามาแกล้งล้อผมเล่นหน่อยเลย ไมเชื่อหรอก" ศรันย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะหงุดหงิด
"จริงๆ ครับ ไม่ได้โกหก คุณรอหน่อยสิ พอหมวดเรียวรู้ตัวว่าหาโทรศัพท์ไม่เจอ ก็คงหาทางติดต่อเราเองล่ะ" ชินวัน์ปลอบ แต่กลับหยอดท้ายแบบตัดกำลังใจว่า "ถ้ามันอยากคุยกับเรานะ"
"หมวดชิน" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "นี่ไม่ได้ช่วยให้ผมสบายใจขึ้นเลยนะ"
"หมวดเรียวเขาไม่ค่อยชอบใช้โทรศัพท์ คุณจะอะไรนักหนา"
"ผมร้อนใจ"
"เรื่องแค่นี้เอง เขาไม่โกรธคุณหรอกน่า อย่าคิดมากไปหน่อยเลย ขนาดเข้าไปเจอคุณกำลังจะเอากับคุณพีทบนเก้าอี้ในออฟฟิส มันยังยกโทษให้คุณเลย แล้วนี่คุณก็มีความจำเป็นต้องไปทำธุระให้พ่อด่วนทั้งที่เป็นคนส่งนักสั่งหนาว่าเสร็จงานแล้วให้รีบโทรหาจะได้มารับแล้วไปทานข้าวด้วยกัน ไม่เห็นมีอะไรต้องโกรธ"
"พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง" ศรันย์เสียงห้วน
"หรือว่าคุณกลัวหรือร้อนใจว่าหมวดเรียวอาจไม่เชื่อคุณว่ามีธุระด่วนจี๋"
"แค่นี้ คุยกับคุณไม่ได้อะไรดีขึ้นมาเลย จะปลอบให้โล่งใจหรือบั่นทอนกำลังใจก็ไม่รู้"
"คนเรารักกันมันก็ต้องเชื่อใจกันสิ คุณเชื่อใจหมวดเรียวได้ไหมล่ะ แล้วหมวดเรียวจะได้เชื่อใจคุณเหมือนกัน"
♀♀

ร้อยตำรวจโทเรียวลงจากรถโดยสารประจำทางแล้วยืนบิดตัวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินยืนอยู่หัวมุมริมถนนหน้าสถานีขนส่งประจำจังหวัดเพื่อเรียกรถรับจ้างไปส่งที่บ้าน แต่ไม่กี่อึดใจก็ต้องเบิกตาด้วยความแปลกใจเมื่อรถเก่งสีดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด คนขับรถลดกระจกลงแล้วร้องเรียกชื่อ
"พี่ธาม" เรียวก้าวเท้าเข้าไปหา "มาได้ยังงครับ"
"นั่งเครื่องบินมาลงเชียงใหม่แล้วเช่ารถขับมารอรับเรียวที่นี่" ธามตอบยิ้มๆ
"ทำไมครับ"
"พี่อยากจะคุยกับแม่เรียว"
"พี่ทำแบบนี้ทำไม" เรียวขมวดคิ้ว
"พี่ไม่อยากรอ พี่ต้องการความชัดเจน" ธามตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ทำไมไม่โทรมาก่อน"
"ขึ้นรถสิ" ธามไม่ตอบคำถาม เอื้อมมือไปเปิดประตูดันให้เปิดออก
"พี่จะคุยอะไรกับแม่ผม" เรียวยังคงยืนนิ่ง
"พี่ก็จะบอกว่าพี่รู้สึกยังไงกับลูกชายของแม่ และขอโทษที่รักษาสัญญาไม่ได้"
"สัญญาอะไร" เรียวโน้มตัวลง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จ้องตาของธาม
"ตอนที่เรากลับมาเยี่ยมบ้านตอนเรียนจบนายร้อย พี่คุยอะไรบางอย่างกับแม่ของเรียว" ธามจ้องตาเรียวกลับ พูดช้าๆ ชัดๆ
"พี่ธาม" เรียวอุทาน
"ขึ้นรถ บอกให้ขึ้นรถ" ธามชี้มือไปยังประตูรถที่เปิดอ้าเอาไว้ เรียวจึงขึ้นนั่งบนรถช้าๆ ตามองไปข้างหน้าอย่างครุ่นคิด
"อ้าวนี่ โทรศัพท์" ธามยื่นโทรศัพท์ให้ "เรียวลืมไว้ที่ สน. ไม่รู้ตัวเลยหรือ มีคนโทรเข้าเกือบร้อยครั้งได้แล้วมั๊ง พี่เลยต้องปิดเสียงปิดสั่น"
"คุณศรันย์" เรียวพึมพำ ก้มหน้าลงมองหน้าจอโทรศัพท์
"ทะเลาะกันหรือเปล่า" ธามถามแล้วออกรถช้าๆ
"เปล่าครับ" เรียวส่ายหน้า ตอบเบาๆ
"ที่มานี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะผู้ชายคนนี้ใช่ไหม"
"พี่คิดจะคุยกับผมให้เคลียร์ก่อนที่จะโผล่มาที่นี่บ้างไหม" น้ำเสียงของเรียวเข้มขึ้น "จู่ๆ ก็มา แล้วจะไปคุยกับแม่ผม"
"พี่ไม่ทำอะไรเสียหายหรอกเรียว เชื่อใจพี่เถอะ ตอนแรกไม่คิดจะมาตอนนี้หรือมาแบบนี้หรอก แต่พอเห็นว่าจู่ๆ เรียวก็มาแบบนี้ พี่ก็เลยมาแบบนี้เหมือนกัน"
"เหมือนกันยังไง ผมจะมาช่วยที่บ้าน แม่จะซ่อมบ้าน เปลี่ยนหลังคาเปลี่ยนเสา ต่อเติม ทำอะไรหลายอย่าง ต้องยกของต้องทำอะไรเยอะแยะ"
"มีคนช่วยตั้งเยอะ ญาติกันทั้งนั้น พี่ชายก็อยู่ใกล้ ขับรถมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ถึง"
"ก็ต้องมาช่วยกัน"
"น้องชายเรียวเข้ากรุงเทพฯ รู้หรือเปล่า" ธามหันไปถาม
"ผมไม่รู้"
"ทั้งๆ ที่ควรจะอยู่ช่วยกัน เฉพาะพี่ชายกับน้องชายช่วย เรียวไม่ต้องมาก็ได้"
"ผมไม่รู้ว่าทำไมมันเข้ากรุงเทพฯ" เรียวยักไหล่
"หมวดชินรู้ไหม"
"ไม่รู้สิครับ" เรียวยักไหล่อีกครั้งแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปธาม "พี่ธามสงสัยอะไร บอกมาตรงๆ เลยดีกว่า ถามยังกะซักผู้ต้องหา"
"คิดว่าตัวเองเป็นผู้ต้องหาหรือ" ธามหัวเราะเบาๆ
"พูดกับพี่แล้วปวดหัว"
"ไม่โทรกลับเข้าหรือ" ธามหลุบตาลงมองโทรศัพท์ในมือของเรียว
"เดี๋ยวค่อยโทร" เรียวส่ายหน้าช้าๆ
"หรือกลัวพี่จะยินที่คุยกัน"
"งั้นโทรก็ได้ พี่อยากจะได้ยินใช่ไหมล่ะ"
"บอกเขาไปด้วยนะ ว่าพี่กำลังขับรถพาเรียวไปที่บ้านแม่" ธามหัวเราะเบาๆ
"เขาจะได้โวยวายออกงิ้วออกลิเก ยิ่งเป็นคนเรื่องมากอยู่ด้วย"
"เขาจะหึงพี่หรือ" ธามเลิกคิ้วถาม
"แล้วจะให้เขาทำยังไงล่ะครับ"
"เขาหึงเรียว แสดงว่าเขาคงจะแคร์เรียวมาก"
"ไม่รู้สิ" เรียวเบ้ปาก ยักไหล่ ตามองผ่านกระจกหน้ารถไปข้างหน้า
"แล้วเรียวแคร์เขาหรือเปล่า" ธามถามแต่ไม่รอให้เรียวตอบ พูดต่อว่า "จำที่พูดกับพี่ได้ไหม ที่งานเลี้ยงบ้านพี่ตอนที่พี่กลับมาเมืองไทยใหม่"
"ผมไม่ใช่คนความจำเสื่อม" เรียวพึมพำ
"ถ้าเรียวไม่ชัดเจนกับเขา และไม่ชัดเจนกับพี่" ธามลดความเร็วของรถลงเพื่อจอดรอสัญญาณไฟจราจร หันมามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของนายตำรวจรุ่นน้อง และพูดด้วยเสียงหนักแน่นจริงจัง "พี่จะทำให้มันชัดเจนเอง"
♀♀

ศรันย์ทำธุระให้บิดาเสร็จสิ้นเมื่อเวลาบ่ายสามโมงครึ่งจึงรีบบึ่งรถกลับกรุงเทพมหานครทันที ตรงไปเอาแผนที่บ้านต่างจังหวัดของหมวดเรียวจากชินวัฒน์แล้วจะกลับบ้านไปจัดกระเป่า จากนั้นจะเดินทางตามไป
จะให้เขารอตั้งสองอาทิตย์จนกว่าหมวดเรียวจะกลับกรุงเทพฯ ไม่ไหวหรอก
ครั้งเดียวที่ได้คุยกันทางโทรศัพท์เมื่อเกือบเที่ยง หมวดเรียวบอกว่าถึงบ้านแม่แล้ว น้ำเสียงฟังดูราบเรียบไม่กวนอารมณ์ ต่างจากหมวดเรียวคนเดิม แบบนั้นต้องโกรธเขาแน่ๆ ส่วนที่ว่าลืมโทรศัพท์นั้นคงเป็นเพียงข้ออ้างไม่อยากจะคุยด้วย พอถึงบ้านแม่แล้วก็คงมีเวลาคิดบ้างจึงโทรศัพท์มาหาเขาอย่างเสียไม่ได้
"ถ้าคุณจะตามไปจริงๆ ก็ไปเอาของที่บ้านหมวดเรียวก่อน มันลืมของฝากที่ต้องเอาฝากญาติ"  ศรันย์นึกถึงคำพูดของชินวัฒน์เมื่อตอนที่เจอกันครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้
"อะไรกัน ทำไมขี้ลืมจังเลย นี่ค่ำแล้วนะ ผมจะไม่ทันเครื่องบินเที่ยวสุดท้าย"
"พรุ่งนี้เช้าค่อยไปสิครับ คุณจะเสี่ยงไปซื้อตั๋วที่สนามบินทำไม"
"ผมอยากไปเร็วๆ ผมร้อนใจ"
"อืม แสดงว่าคุณแคร์เพื่อนผมจริงๆ" ชินวัฒน์หัวเราะ
"ขนาดนี้แล้วยังจะมาพูดอะไรอีก นี่หมวดชิน ผมจริงจังกับหมวดเรียวแค่ไหนคุณก็เห็นมาตลอด ไม่ได้คิดจะจีบเล่นๆ เลยนะ โดนสารพัดก็ยังไม่ถอดใจ ถ้าผมไม่จริงจัง ไม่ยอมถึงขนาดนี้หรอก เพื่อนคุณร้ายน้อยเสียเมื่อไหร่"
"รักเดียวใจเดียวว่างั้นเถอะ อะไรก็ทำให้คุณวอกแวกไม่ได้"
"คอยดูก็แล้วกัน"
...
ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อหันไปมองนาฬิกาและคิดว่าคงไม่ทันเที่ยวบินสุดท้ายแน่ๆ วันนี้รถติดมาก ความจริงตอนนี้น่าจะถึงบ้านหมวดเรียวแล้ว แต่กลับยังไปไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ พอไปเอาของที่บ้านหมวดเรียวแล้ว ไม่อยากจะนึกถึงตอนไปสนามบินเลย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าคงต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางเป็นพรุ่งนี้เช้าดีกว่า
ศรันย์แวะรับประทานอาหารรอเวลาให้การจราจรเบาบางลงก่อนแล้วจึงไปที่บ้านของหมวดเรียวเพื่อไปเอาของตามคำบอกของชินวัฒนื เขามาถึงเมื่อเวลาสองทุ่มครึ่ง ตั้งใจว่าจะนอนที่นี่แทนที่จะกลับบ้านของตัวเอง และถือโอกาสนอนบนเตียงของหมวดเรียวเสียเลย
แต่เมื่อเปิดประตูเดินเข้าไปในบ้าน ศรันย์ก็ต้องชะงักและขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงใครอาบน้ำอยู่บนชั้นสองของบ้าน
ศรันย์ค่อยๆ เดินขึ้นบันได รู้สึกใจเต้นแรง อยากรู้ยิ่งนักว่าใครกันเข้ามาอยู่ในบ้านของหมวดเรียว
แวบหนึ่งอดคิดไม่ได้ว่า คงจะเป็นหมวดเรียวนั่นเอง ที่บอกว่าไปต่างจังหวัดนั้นอาจจะโดนหลอก หมวดเรียวกับชินวัฒน์คงหมั่นใส้เขาเลยรวมหันกันแกล้งให้หัวหมุน
ครั้นมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องนอน เสียงอาบน้ำก็เงียบไปแล้ว ศรันย์ยืนอยู่ครู่หนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของหมวดเรียว
ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้ศรันย์อ้าปาก ตาค้าง
ชายหนุ่มร่างสูงมีมัดกล้ามพองามกำลังยืนเปลือยกายอยู่หน้าตู้เส้อผ้า หันหลังให้ ไม่รู้ว่ามีคนเดินเข้ามา
ผิวกายเนียนขาวสะอาด บั้นท้ายงอนเด่นอวบแน่น สวยพอๆ กับของหมวดเรียว
"หมวดเรียว" ศรันย์เอ่ยเสียงเบา คนที่ยืนเปลือยกายอยู่ค่อยๆ หันมา ทำหน้าตกใจเล็กน้อย แล้วยิ้มกว้างตาหยี
"หมวดเรียว" ศรันย์พึมพำอีกครั้ง
เขารู้ว่าชายหนุ่มที่ยืนอวดหุ่นอยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่หมวดเรียว รูปร่างพอกันๆ แต่หน้าตากลับเหมือนกันราวกับแกะ ต่างกันเพียงแค่ว่าดูอ่อนเยาว์กว่าเล็กน้อย
"พี่ศรันย์แน่ๆ เลย ใช่ไหมครับ ผมเคนครับ น้องชายพี่เรียว" ชายหนุ่มหน้าอ่อนยิ้มกว้าง เดินเข้ามาหาศรันย์ช้าๆ
"หมวดเรียว...เอ่อ...เคน" ศรันย์ครางเบาๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าน้องชายของหมวดเรียวกำลังยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้าตัวเอง
พี่กับน้องรูปร่างหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ เคนยืนเปลือยก็ไม่ต่างจากหมวดเรียวยืนเปลือยเท่าไหร่หรอก
"ผมเพิ่งมาถึงตอนเย็นๆ ครับ ร้อนจริงๆ เลยอาบน้ำเสียนานเลย พี่ชินบอกว่าพี่ศรันย์จะมาเอาของ อยู่หลังตู้โน่นแน่ะ พี่มาช่วยผมหน่อย มันหนัก" เคนเดินโทงๆ ไปยังตู้เก็บของมุมห้องทางด้านซ้าย ไม่สนใจจะใส่เสื้อผ้าก่อน ศรันย์มองตาม อดลดสายตาลงมองต่ำไม่ได้
ดูยังไงก็หมวดเรียว เคนเหมือนพี่ชายมาก พี่น้องสองคนคนนี้รูปร่างหน้าตาเหมือนกันราวกับฝาแฝด เพียงแต่เคนดูสดใสร่างเริงและเป็นมิตรกว่า ส่วนหมวดเรียวดูห้าว ออกแนวนักเลง
"โอ๊ะ อะไรตกลงมา" เคนอุทานแล้วก้มลงเก็บของที่พื้นโดยไม่ย่อตัวลงนั่ง ศรันย์จำต้องบังคับตัวเองให้เบือนหน้าออกไปมองด้านข้างพร้อมกับกัดฟัน
...โอ๊ย ทำไมมายั่วกันแบบนี้...
"น้องเคน ใส่เสื้อผ้าก่อนดีไหม" ในที่สุด ศรันย์ก็ตัดสินใจแนะนำ
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อาย ผู้ชายเหมือนกัน"
"นี่กางเกง" ศรันย์หันไปเห็นกางเกงบ๊อกเซอร์วางอยู่ปลายเตียงจึงเดินไปหยิบแล้วยื่นให้น้องชายของหมวดเรียว
"ขอบคุณครับ" เคนหัวเราจนตาหยี "ทำไมหรือครับพี่ศรันย์ พี่เห็นแล้วมีอารมณ์หรือถึงต้องให้ผมใส่กางเกง"
"มันรู้สึกแปลกๆ ที่ยืนคุยกับคนเปลือยกาย" ศรันย์ตอบเสียงเบา
"พี่มาช่วยผมหน่อยสิ" เคนสวมกางเกงอย่างรวดเร็วแล้วเขย่งเท้า ยื่นแขนขึ้นไปหยิบกล่องพลาสติกสีดำซึ่งซึ่งวางอยู่บนหลังตู้ ศรันย์เดินเข้าไปช่วย บอกให้ระวังเพราะกล่องหนัก แต่เคนกลับดึงกล่องแรงๆ จนกล่องตกลงมา ของกระจายเต็มพื้น
"ว้า หล่นจนได้" เคนส่ายหน้าแล้วก้มลงเก็บ บั้นท้ายเบียดแนบอยู่กับต้นขาของศรันย์ซึ่งยืนอยู่ติดผนังมุมห้อง แต่ไม่ถึงอึดใจก็พยายามขยับถอยออกไปจนห่าง
เคนหันมายิ้มกว้างให้แล้วจึงนั่งลงกับพื้น เก็บของเข้าใส่ในกล่อง ศรันย์นั่งลงห่างๆ เพื่อช่วยเก็บอีกแรง
"พี่ชินบอกว่าพี่ศรันย์จะไปสนามบิน แล้วนี่จะทันไหมครับ" เคนเงยหน้าขึ้นถาม
"คงไม่ทันแล้วล่ะ" ศรันย์ส่ายหน้า
"ผมก็ว่างั้น พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางก็แล้วกันนะครับ ผมขอติดรถไปสนามบินด้วย ผมนัดกับเพื่อนไว้ จะไปเที่ยวสิมิลัน"
"อือ" ศรันย์ตอบรับสั้นๆ หันหน้าทางอื่น "แต่พี่ต้องไปเอากระเป๋า"
"ว๊า งั้นผมก็ต้องไปสนามบินเอง" เคนทำหน้าผิดหวัง "นึกว่าจะได้นั่งรถสบายๆ ไปสนามบิน จะไปถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ได้ยินว่ามันไกลมาก ยิ่งกำลังประหยัดเงินค่าแท๊กซี่อยู่"
"ไปด้วยกันก็ได้"
"งั้นพี่จะไปเก็บกระเป๋าแล้วกลับมานอนนี่หรือครับ พรุ่งนี้เช้าจะได้ไปสนามบินพร้อมกันเลย" เคนยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย ออกอาการดีใจเป็นอย่างยิ่ง
"พี่จะแวะมารับ"
"รบกวนพี่จริงๆ เลย" เคนเปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวลใจ "งั้นไม่เป็นไร ผมไปเองดีกว่า พี่จะได้ไม่ต้องกลับไปกลับมา เดี๋ยวผมยกกล่องไปใส่ท้ายรถพี่เลยนะครับ พี่จะได้รีบกลับบ้านนอนพักผ่าน พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า"
"ไม่เป็นไรหรอก" ศรันย์ส่ายหน้า
"หมายความว่า ไม่ต้องยกกล่องไปที่รถหรือครับ หรือเพราะว่าไม่ต้องรีบนอนก็ได้ ถ้าพี่ไม่ง่วย พี่พาผมไปเที่ยวหน่อยได้ไหม ผมอยากไปเปิดหูเปิดตา ไม่ได้เข้าผับกรุงเทพฯ นานมากแล้ว จะไปคนเดียวก็กลัว"
"จะดีหรือ" ศรันย์ลังเลย "อายุถึงหรือยังเนี่ย"
"ดีสิครับ" เคนพยักหน้าเร็วๆ "ถึงแลว ผมเรียนปีสี่แล้วนะครับ"
"หน้าตายังกะเพิ่งจบม.ปลาย"
"หน้าเด็กกว่าอายุครัรบ พี่เรียวก็หน้าเด็กกว่าอายุ พี่โชก็เหมือกัน ทั้งที่เป็นคนโต แต่หน้าเด็กเกือบพอๆ กับพี่เรียว"
"พี่ชายคนโต" ศรันย์ทวนคำ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
"อือ" เคนพยักหน้า "เวลาไปไหนกันสามคน ใครๆ ก็ทักว่าเราเป็นแฝดสาม เพราะหน้าตาเหมือนกันมาก สูงก็พอๆ กัน แต่พี่โชตัวหนากว่าหน่อย เขาชอบเล่นกล้าม"
...แฝดสาม รูปร่างหน้าตาแบบหมวดเรียวอีกตั้งสองคนเชียวหรือ เคน น้องคนเล็ก กับโช พี่ชายคนโต"
"เคนกับโช ชื่อจริงทั้งสองเลยหรือ" ศรันย์ถาม
"ใช่ครับ แม่กับพ่อตั้งชื่อให้สั้นๆ คำเดียว จะได้จำง่ายๆ" เคนหัวเราะแล้วยกกล่องไปวางไว้ชิดผนัง ศรันย์มองตาม ยอมรับว่าอดมองก้นน้องชายหมวดเรียวไม่ได้
ทำไงได้ ก็ใส่แค่กางเกงบ๊อกเซอร์ผ้าบางตัวเล็กตัวเดียว แล้วยังก้มๆ เงยๆ อยู่แบบนี้
"พี่ศรันย์อาบน้ำไหมครับ ผมจะเตรียวผ้าเช็ดตัวให้" เคนขยับเข้ามาใกล้ ถามเสียงเบา
"เอ่อ ไม่ต้อง พี่จะกลับไปอาบที่บ้าน" ศรันย์ปฏิเสธ
"จริงสิ พี่ไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนนี่นา" เคนพยักหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถอนหายใจ "งั้นคืนนี้ผมก็อดได้ไปเที่ยวผับ พี่จะกลับบ้านไปอาบน้ำเก็บกระเป๋าแล้วคงนอนเลย พรุ่งนี้เช้าค่อยแวะมารับผมไปสนามบิน
"พี่พาไปก็ได้" ศรันย์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมา
"จริงหรือครับ เย้" เคนเปลี่ยจากสีหน้าเศร้าๆ เป็นยิ้มกว้าง กระโดดเข้ากอดแขนของศรันย์ ประกายตาสดใส "พี่ศรันย์ใจดีจังเลย ถ้างั้นผมเก็บกระเป๋าดีกว่า เที่ยวเสร็จก็ไปนอนบ้านพี่เลย ตื่นเช้าจะได้ออกไปสนามบินด้วยกัน พี่จะได้ไม่ต้องมาส่งผม แล้วพรุ่งนี้เช้าก็ต้องมารับอีก"
"พูดเองสรุปเองดีจริงๆ เลย" ศรันย์พึมพำเบาๆ มองตามเคนซึ่งรีบวิ่งไปที่ข้างเตียง ก้มลงหยิบกระเป๋าซึ่งวางอยู่บนพื้น แล้วถอดกางเกงบ๊อกเซอร์ของตัวเองออกทันใด เผยให้เห็นบันท้ายแกร่งแน่นขาวเนียนสะอาด
"พี่จะไปรอข้างนอกนะ" ศรันย์ตัดสินใจพูด ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"รอในห้องนี้ก็ได้ครับ แอร์เย็นๆ ข้างนอกร้อน" เคนรีบหันมา เดินเข้ามาคว้าข้อมือของศรันย์ดึงไปที่เตียง แต่ศรันย์ขืนตัวเองเอาไว้และยืนกรานว่าจะไปรอข้างล่างดีกว่าเพราะหิวน้ำด้วย
"เดี๋ยวผมตามลงไป แต่งตัวนานหรอกครับ ผมทำอะไรเร็ว"
"เชื่อแล้วว่าคิดเร็วทำเร็ว" ศรันย์พูดยิ้มๆ แล้วเดินออกมาจากห้อง ยืนถอนหายใจหน้าประตูอยู่ครู่หนึ่งอย่างหักห้ามใจ
เขาคิดถึงหมวดเรียวมาก อยากรีบไปหา ไปเจอหน้า ไปจับมือถือแขน แต่นี่มีคนที่เหมือนกับหมวดเรียวราวฝาแฝดเปลือยกายเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ศรันย์ยอมรับว่ามันทำให้ตัวเองรู้สึกหวั่นไหวไม่ใช่น้อย
ไม่ได้นะ เกิดเผลอตัวไปเพียงแค่นิดเดียว ทุกอย่างต้องพังแน่
นั่นน้องชายของหมวดเรียวนะศรันย์เอ๋ย                   
ศรันย์พยายามเตือนตัวเอง รีบเดินลงไปชั้นล่าง ท่องคำว่าขันติไปตลอดทาง
                                                                                                                                                                                                                                                                     

►จบบทที่ 22◄

หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 22 ►1/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 01-08-2017 14:00:45


 :กอด1:  รัก หมวดเรียว


  คิดถึง คุณศรัณย์....   รีบ ตาม หมวดเรียวไปไวไวนะ  :heaven
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 22 ►1/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 01-08-2017 18:01:18
ทดสอบว่าที่พี่เขยใช่ไหม น้องเคน
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 22 ►1/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-08-2017 19:36:37
ยั่วเหลือเกินนะน้องเมียในอนาคต
ถ้าใจไม่แข็งพอนี้ มีพังได้นะเอออ
 o18
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 22 ►1/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-08-2017 23:46:36
บททดสอบนี้ช่างหนักหนานัก สงสารหัวใจเฮียศรัณย์ จะแข็งพอมั๊ยน้าาาา   :hao3:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 22 ►1/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 02-08-2017 03:12:07
อยากให้เฮียคู่กับชิน ธามคู่กับเรียว
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 22 ►1/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 02-08-2017 10:42:26
สงสารเฮีย เชียร์ให้ได้กับน้องเรียวดีกว่า ส่วนเรียวจะเอาใครก็เอาซักคนเหอะ
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 23 ►3/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 03-08-2017 23:19:56
♀ บทที่ 23♀

เรียวนั่งเล่นอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน วันนี้อากาศสดชื่น หอมกรุ่นดินดอกราตรีลอยมาตามลม
ธามนั่งคุยกับแม่ของเขาอยู่ในบ้าน ท่าทางสบายๆ ไม่นานก็ลุกเดินออกมายืนพิงกรอบประตู กอดอกหลวมๆ มองออกมาด้วยสายตาอ่อนโยน
เรียวยังคงนั่งนิ่ง หันมองออกไปยังความมืดเบื้องหน้า ทำเป้นไม่รู้สึกตัวว่าธามมองอยู่
"ไม่อยากรู้เลยหรือว่าพี่คุยอะไรกับแม่" ไม่นาน ธามก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา
"เดี๋ยวแม่ก็เล่าให้ฟัง" เรียวตอบเบาๆ โดยไม่หันกลับไปมองคนถาม "หรือไม่พี่ก็อาจจะบอกผม แต่บางทีก็คงอยากจะเก็บเอาไว้ เพราะอยากให้ผมสงสัย"
"งอนหรือครับ" ธามหัวเราะเบาๆ เดินมานั่งข้างๆ มองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเรียวซึ่งยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง "หรือโกรธที่พี่ทำแบบนี้"
"ไม่หรอก พี่ก็คงมีเหตุผลของพี่"
"ช่างจะมาเริ่มงานพรุ่งนี้ตอนสายๆ ตอนเช้าแม่เรียวจะให้พี่พาไปวัด" ธามเปลี่ยนเรื่อง
"ทำไมไม่ให้ผมพาไป"
"ตื่นทันหรือ" ธามหัวเราะเบาๆ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจ พูดต่อว่า "พี่บอกกับแม่แล้วว่าพี่รักเรียก รักจริงๆ แบบอยากจะใช้ชีวิตร่วมกัน"
"พี่ธาม"
"แล้วพี่ก็ขอโทษที่ตอนเรียนจบ พี่ไม่ได้ตั้งใจสานสัมพันธ์ต่อ แต่กลับไปเรียนเมืองนอก ทั้งที่ตอนนั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าชอบเรียวมาก แม่ก็เรียวก็คิดว่าพี่มาจีบลูกท่าน อุตส่าห์ดีใยใจ" ธามเล่าด้วยเสียงเนิบนาบ
"แม่นะหรือ" เรียวสงสัย
"ใช่ ตอนนั้นแม่กลัวว่าจะไม่มีใครมาชอบเรียว" ธามอมยิ้ม
"น้อยไปแล้ว อย่างผมนี่นะจะไม่มีใครมาชอบ" เรียวแกล้งชักสีหน้า
"แม่บอกว่า นิสัยอย่างไอ้เรียว ใครจะมาเอามัว" ธามหัวเราะ ส่วนเรียวทำเสียงฮึดฮัดในลำคออย่างไม่พอใจ "พี่ก็เลยบอกว่า ผมยังไงล่ะแม่ ไม่งั้นไม่มาถึงนี่หรอก ที่ผมมาไหว้แม่ถึงบ้าน ผมอยากจะดูแลไอ้ตัวดีของแม่" ธามหันไปมงยังความมือเบื้องหน้า พูดเบาๆ ประหนึ่งพูดกับตัวเอง
"แต่พี่ก็ไม่ได้ทำ"
"ตอนนั้นพี่เกือบจะพูดต่อว่า ยกเรียวให้ผมนะครับ แต่ก็ลังเลแล้วหยุดได้ทัน" ธามหันมามองเรียวด้วยสายตาแน่วแน่ "นั่นล่ะ สัญญาที่พี่ให้ไว้กับแม่เรียว พี่รู้สึกผิดมาตลอด ตอนนี้พี่อยากจะทำแบบนั้นอย่างสุดหัวใจ พี่ไม่เหลือความลังเลอยู่แม้แต่นิด พี่อยากจะเดินเข้าไปหาแม่เรียวตอนนี้ แล้วพูดว่า ยกเรียวให้ผมนะครับ ผมจะดูแลเรียวเอง แม่ไม่ต้องเป็นห่วง แต่พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้"
"พี่ธาม คนอย่างพี่ธาม ยังไงก็ต้องเจอคนดีๆ" เรียวพูดเสียงเบา
"ก็ใช่" ธามถอนหายใจ "แต่ถ้าเรียวยังอยู่แบบนี้ บางทีมันก็ทำให้พี่รู้สึกทรมาน"
"ทรมานยังไง" เรียวขมวดคิ้วสงสัย
"ก็เพราะเรียวยังโสด ไม่มีใคร แต่พี่กลับไม่มีโอกาสได้หัวใจของเรียวนะสิ"
"ผม..."
"เรียวรักคุณศรันย์ไหม ถ้ารัก็ตกลงปลงใจกับเขาเสียสิ ถ้าเรียวกับเขาเป็นแฟนกัน พี่จะได้ถอยอย่างสบายใจ แต่ถ้าจะให้ถอยทั้งที่เรียวยังว่าง มันอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ จะเดินหน้าก็ไม่ได้" ธามส่ายหน้า ถอนหายใจอีกครั้ง "เรียว ตอบพี่มาสิว่าเรียวรักเขา พี่ให้เวลาเรียวแล้วนะ ตั้งแตวันนั้นที่งานเลี้ยงบ้านพี่ เรียวบอกว่ากำลังดูใจกันอยู่ ถ้าตอนนี้ยังไม่คืบหน้าถึงไหน ถ้าเรียวไม่รังเกียจพี่ ให้โอกาสพี่ได้ไหม ลองห่างเขาสักพัก แล้วคบกบพี่เพื่อดูใจกันซักระยะ"
"พี่ธาม จะให้ทำแบบนั้นได้ยังไง แบบนี้ก็เข้าข่ายคบซ้อนหรือรักเผื่อเลือกนะสิ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะ"
"แสดงว่าที่หนีมาที่บ้านก็เพราะงอนเขาใช่ไหม งั้นพี่ก็สรุปได้ว่าเรียวรักเขา"
"เปล่า" เรียวส่ายหน้า
"เปล่าไมได้งอน หรือเปล่าไม่ได้รัก" ธามเลิกคิ้วถาม จ้องตาเรียวรอคำตอบ
"พี่ธาม...ผม..." เรียวอ้ำอึ้ง
"อย่าขอเวลาพี่ต่อนะเรียว พี่รอไม่ไหวแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เรียวบอกว่ากำลังดูๆ เขาอยู่จนถึงเมื่อวาน พี่ก็ถอยออกห่างๆ ไม่เข้าไปกวนใจอะไรเลย"
"พี่ก็เลยถือโอกาสตอนที่ผมงอนเขา บุกถึงบ้าน คุยกับแม่ผมเลยหรือ"
"ไหนบอกว่าไม่ได้งอนเขา"
"พี่ธาม...ก็..." เรียวอ้ำอึ้ง
"เลิกเรียกแต่ชื่อพี่ได้แล้ว"
"ก็พี่เล่นจี้ผมเหมือนตำรวจสอบสวนผู้ต้องกาห ตลบหน้าตลบหลังแบบนี้ จะให้ผมทำยังไงล่ะ" เรียวทำหน้ามุ่ย
"ตัวเองก็เป็นตำรวจ"
"แต่ผมไม่ใช่สายสอบสวนนะ ผมสายปลอมตัวหาข่าง อีกอย่าง ผมก็แค่เพิ่งเป็นร้อยตำรวจโท ประสบการณ์ก็น้อย ผมรู้ตัวว่าผมไม่เก่ง ชั่วโมงบินต่างกับพี่มากเลย พี่เล่นต้อนผมเข้ามุมแบบนี้ก็แย่สิ"
"งั้นก็อย่าทำให้มันยากไ
"ยากยังไง"
"ก็แบบนี้ไง แบบที่กำลังทำอยู่ เรียวไม่ตัดสินใจเสียที เอาให้แน่สิเรียว ให้มันชัดเจน คนที่รักเรียวเขาจะได้ทำใจ"
"พี่ธาม" เรียวไม่รู้จะพูดอะไรดีมากไปกว่าเรียกชื่อ
"ตกลงคบกับพ่นะ" ธามพูดเสียงนุ่ม แววตาอ้อนวอน แล้วคุกเข่าขวาลงกับพื้น ทำราวกับชายหนุ่มจะขอคนรักแต่งงาน
"พี่ธาม" เรียวเอ่ยเสียงแผ่วเบา
"พี่ไม่อยากให้ตัวเองเสียโอกาสไปอีกครั้ง คราวนี้พี่จะไม่ปล่อยให้มันผ่านไปเฉยๆ เหมือนตอนที่เรียนจบนายร้อย พี่ไม่อยากจะเจอเรียวอีกในอนาคตแล้วมารู้สึกเสียใจและเสียงดายว่าตัวเองไม่ได้ทำจนถึงที่สุด" ธามพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ยื่นมือไปจับมือขวาของเรียวเอาไว้แล้วพูดช้าๆ ว่า "เป็นแฟนพี่นะเรียว"
"ไม่" เรียวนิ่งไปชั่วอึดใจแล้วตอบเบาๆ
"ทำไม" ธามถามเสียงเบาโหวง
"ผมรักคุณศรันย"
"แน่ใจหรือ" ธามจ้องหน้าเรียว สายตาคาดคั้น "เขาเป็นคนเจ้าชู้นะ พูดก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ชอบเอะอะโวยวาย ไม่คงเส้นคงวา เอาแน่เอานอนไม่ได้ เจ้าเล่ห์ด้วย ไม่อยู่กับร่องกับรอย เอาแต่ใจตัวเอง อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ"
"พี่ธามพูดยังกับว่ารู้จักเขาดีทุกอย่าง" เรียวพูด ในใจก็ยอมรับว่าเห็นด้วยทุกอย่าง
"รับซื้อของโจรอีกต่างหาก ถ้าพี่จะบุกเข้าจับอู่เขารับรองว่าได้ของกลางเป็นชิ้นส่วนรถยนต์เยอะแยะ พี่เช็คดแบคกราวด์เขาหมดแล้ว"
"พี่สืบเค้าถึงขนาดนี้เลยหรือ" เรียวโวยเบาๆ
"แต่ก่อนเคยเป็นเจ้ามือพนันแข่งรถ แต่หลังๆ เลิกแล้ว"
"นั่นไง เห็นไหม เขาปรับปรุงตัวเอง" เรียวพยักหน้า "เขาเปลี่ยนไปเยอะ ตั้งแต่เจอกันจนถึงวันนี้ เขาก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น"
"แล้วบอกพี่ได้ไหมว่าหนีเขามาทำไม"
"ผมเปล่า" เรียวหันหน้าไปมองด้านอื่นเพราะธามเอาแต่จ้องตา
"เลิกปากแข็งได้แล้วหมวดเรียว" ธามพูดเสียงเข้ม "หรือจะให้พี่สืบเอง"
"ผมงอนที่เค้า...เอ่อ..." เรียวอ้ำอึ้ง ถอนหายใจเบาๆ กอนจะยอมรับว่า "เห็นเขาจู๋จี๋กับคุณพีท อดีตคู่ขาในออฟฟิสที่อู่"
"นั่นไง" ธามพยักหน้า
"แล้วพอโทรไป ลูกน้องเขาก็ล้อว่าเขาจะไปเที่ยวญี่ปุ่นสองอาทิตย์ กำลังไปเก็บกระเป๋า ถ้าคุณพีทจะตามไปก็ยังทัน ถ้าเขาไม่มีอะไรกันลึกซึ้งจริงๆ ลูกน้องก็คงไม่ล้อแบบนี้หรอก แสดงว่ามันก็ต้องมีอะไรบ้าง ถ้าไม่ยังงั้นก็..."
"เรียวก็เลยรีบลางานสารวัตรธันว์แบบฉุกเฉิน กลับมที่บ้านแม่เป็นอาทิตย์" ธามพูดแทรกเป็นการสรุป เรียวไม่ตอบ ยกมือขึ้นกอดอก หันตัวทางอื่นแล้วเดินออกห่าง แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการพูดต่อ ธามมองตามแล้วนั่งลงบนม้านั่งที่ระเบียง เอนตัวเข้ากับพนักพิง เหยียดขาออกไป ถอนหายใจเบาๆ
แค่นี้ก้ได้คำตอบชัดเจนแล้วว่าเรียวรักศรันย์ ส่วนเขานั้นหมดโอกาสแล้ว
"พี่ธามเป็นพี่ชายที่แสนดีของผมได้ไหม" ผ่านไปครู่ใหญ่ เสียงของเรียวขจึงดังขึ้น ธามหันไปมองแผ่นหลังของชายหนุ่มคนที่เขารักช้าๆ แล้วนั่งนิ่ง ปล่อยให้มีความเงียบระหว่างเขากับเรียว

อีกสิบนาทีจะเป็นเวลาหนึ่งนาฬิกา ศรันย์ชะเง้อมองเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ เห็นเคนกำลังสนุกสุดเหวี่ยง ในใจคิดว่าเรียวกับเคนนั้นเหมือนกันอย่างเดียวคือรูปร่างหน้าตา แต่บุคลิกและนิสัยแตกต่างกันโดนสิ้นเชิง
ศรันย์แหวกทางเข้าไปถึงดึงตัวเคนออกมาจากฟลอร์เต้นรำกลับมาที่หน้าเคาท์เตอร์บาร์ น้องชายของเรียวยังคงเต้นไม่หยุด ผงกหัวงึกงักเข้ากับเสียงเพลง
"สนุกจริงๆ เลย พี่ศรันย์อยากกลับแล้วหรือครับ ผมขออยู่ต่ออีกซักครึ่งชั่วโมงได้ไหม" เคนทำหน้าอ้อนวอน "นานๆ จะได้ปล่อยผี อัดอั้นมาเป็นเดือนๆ แล้ว"
"นี่มันตีหนึ่งแล้วนะ" ศรันย์ยกแขนขึ้นมาให้เคนดูเวลาในนาฬิกาข้อมือ
"กลัวตื่นไม่ไหวหรือครับ เอาไว้ค่อยไปนอนบนเครื่องบิน นะครับพี่ศรันย์รูปหล่อ พี่ใจดีที่สุดในโลกเลย นี่ถ้าพี่ยังโสด ผมจะจีบพี่เป็นแฟนเลยนะเนี่ย"
"รู้ได้ไงว่าพี่ไม่โสด"
"แล้วพี่โสดหรือเปล่า" เคนแหงนหน้ามอง ทำตาท้าทายพร้อมกับเบียดตัวเข้าแนบชิดต้นแขนของศรันย์ "หรืออยากโสดซักคือไหม"
"พอแล้วเคน ดื่มเข้าไปเยอะแล้ว กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย" ศรันย์ส่ายหน้า จับแขนชายหนุ่มแล้วออกแรงดึงให้เดินตาม
ขณะที่กำลังจะเปิดประตูรถศรันย์ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีคนตบหลังเบาๆ ครั้นหันไปจึงเห็นชายหนุ่มรูปหล่อสองคนกำลังมองเขายิ้มๆ
"พี่ศรันย์ เดี๋ยวนี้กินเด็กมัธยมแล้วหรือ"
"ไม่กลัวตำรวจจับหรือพี่ ข้อหาพรากผู้เยาว์"
"ผมอายุยี่สิบแล้ว" ผู้เยาว์ที่กำลังเปิดประตูจะขึ้นรถรีบพูด
"เคน เข้าไปนั่งรอในรถ" ศรันย์หันไปสั่งเสียงเข้มแล้วจึงพูดตอบสองหนุ่มที่เข้ามาทัก
"นี่น้องชายแฟนผม"
"โอ้โห ใจดีจัง พาน้องชายแฟนเที่ยวกลางคืน"
"น้องชายแฟนหล่อน่ารักแบบนี้ พี่เขยที่ไหนก็อยากพาเที่ยว"
"พาเที่ยวแล้วก็พาไปนอน"
"ที่เข้ามาทักนี่เพราะอะไร เบสท์" ศรันย์พูดเสียงเข้มกับคนที่ตัวสูงกว่าอีกคน "พี่กับเขาไม่มีอะไรกัน ถ้าบอกว่าเป็นน้องชายแฟนก็น้องชายแฟนสิ"
"อย่างพี่นะหรือจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน" เบสท์เหยียดปากเล็กน้อยแล้วหันไปหาเพื่อน "ใช่ไหมบูม แกเชื่อพี่ศรันย์ไหม"
"ดูจากประวัติ เชื่อยากอยู่นะ" คนตัวเล็กกว่าชื่อบูมตอบ
"ช่วยไปกระจายข่าวเลยนะ ว่าพี่มีแฟนแล้วเป็นตัวเป็นตนคนเดียวเท่านั้น ชื่อเรียว แล้วน้องชายเขาชื่อเคน เพิ่งมาจากต่างจังหวัดก็เลยอยากเที่ยวผับในกรุงเทพฯ" ศรันย์กระแทกเสียง "แต่ก่อนพี่อาจจะร่อนไปร่อนมา แต่ตอนนี้พี่เลิกแล้วเพราะเจอคนดีๆ พี่รักจริงหวังแต่ เพราะฉะนั้นพี่ไม่กลับไปหาของกินข้างถนนหรอก"
"พี่ศรันย์ มากไปแล้ว มาว่าเบสท์กับบูมเป็นของกินข้างทางแบบนี้ได้ยังไง" บูมกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ
"ขอให้จริงเถอะ" เบสท์พูดเสียงเข้ม หน้าตึงที่โดนเปรียบเปรยเสียหมดราคา "ไปเถอะบูม เขาลืมเราแล้ว ผู้ชายแบบนี้พอได้กินอิ่มแล้วเราก็ไม่อยู่ในสายตา"
ศรันย์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา มองตามจนเบนส์ลากแขนเพื่อนเดินจากไปแล้วจึงขึ้นนั่งบนรถ เคนรีบยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยิ้มทะเล้นแล้วพูดว่า
"โอโห พี่ศรันย์ เสน่ห์แรงจริงๆ เลย แบบนี้ต้องยกนิ้วให้ อ้อ แต่ก่อนพี่ชอบจอดรถหากินเด็กตามเสาไฟฟ้าข้างทางหรือครับ"
"ทะลึ่ง หุบปากไปเลยนะเคน" ศรันย์หันไปทำเสียงดุ "พี่เปรียบเทียบเฉยๆ หรอก เป็นอุปมา เข้าใจไหม"
"ตกลงพี่รักพี่เรียวจริงๆ หรือครับ เหมือนที่เมื่อกี้พี่บอกว่ารักจริงหวังแต่ง หมายความว่าพี่จะไปขอพี่เรียวจากแม่ผมใช่ไหม""
"พี่เปรียบเปรย เข้าใจไหมเคน"
"แสดงว่าพี่ไม่คิดจะ..." เคนพยักหน้างึกงัก
"รังจริงหวังแต่ หมายความว่ารักจริงๆ ไม่ได้เล่นๆ" ศรันย์พูดช้าๆ ชัดๆ "ไมได้หมายถึงจะยกขันหมากไปสู่ขอแต่งงาน จะให้พี่ไปขอหมวดเรียวจากแม่เคนได้ยังไง" ศรันย์อธิบาย
"โธ่ พี่เอ๊ย อายุขนาดนี้แล้ว ยังคิดแบบนี้อยู่อีกหรือ" เคนยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง
"เงียบไปเลย ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"
"แบบนี้พี่จะไปทันผู้กองธามได้ยังไง รู้ไหมเขาตัดหน้าพี่ไปแล้ว พี่ธามตามไปถึงเชียงรายแล้วรู้ไหม ไปคยกับแม่ผมเรื่องพี่เรียว"
"หา อะไรนะ" ศรันย์ตะโกนเสียงดัง เผลอเหยีบเบรกรถจนหัวทิ่ม
"พี่อยากได้เขาเป็นแฟน พี่ไม่คิดจะไปพูดกับแม่เขาหน่อยหรือ ผู้กองธามมองการณ์ไกลกว่าพี่ เฮ้อ ถ้าเป็นแบบนี้สังสัยผมได้พี่เขยเป็นตำรวจแหงๆ" เคนเอนพิงเบาะ แหงนหน้าขึ้น ทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย
"ผู้กองธามไปเชียงราย ไหนเล่าให้ฟังซิ มันเรื่องอะรไรกัน อะไรเป็นยังไง นี่มันเรื่องอะไร นี่รวมหัวพากันแกล้งพี่ใช่ไหม ที่มากรุงเทพฯ นี่สมรู้ร่วมคิดกันแกล้งพี่ใช่หรือเปล่า หมวดชินสั่งให้เคนมาหรือหมวดเรียว บอกมาเดี๋ยวนี้เลย แล้วสาบานได้ไหมว่าที่บอกว่าผู้กองธามอยู่ที่เชียงรายไปขอหมวดเรียวนั้นเป็นเรื่องจริง"
"เปลานะครับเปล่า" เคนสายหน้า ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาโบก รีบปฏิเสธ "ผมมากรุงเทพฯ ของผมเอง พี่หมวดชินโทรมาบอกผมที่บ้าน บอกว่าให้เอาของฝากพี่ศรันย์ไปด้วยเพราะ..."
"สาบานซิ" ศรันย์ชี้หน้าเคน
"สาบานให้ถูกผู้ชายเรียงคิดข่มขืนร้อยคนเลยเอ้า" เคนยกนิ้วขึ้นทำท่าเหมือนลูกเสือ
"เคน พี่โดนพี่ชายเคนกับหมวดชินแกล้งบ่อยมากเลยรู้ไหม ถ้าแกล้งพี่อีกครั้ง คราวนี้พี่ไม่ยอมแล้ว ถ้าพี่ไม่ได้หมวดเรียวพี่จะเอาเคนเป็นเมียแทน"
"ยินดีอย่างยิ่งครับผม เดี๋ยวนี้เลยยังได้" เคนรีบพยักหน้า ยิ้มทะเล้น จึงโดนศรันย์ตบหัวเบาๆ ไปหนึ่งที
"ไม่ต้องไม่เที่ยวสิมิลันแล้ว กลับเชียงรายไปพร้อมกับพี่นี่ล่ะ ไปเป็นพยานให้พี่ช่วยพูดกับหมวดเรียว ให้เขาเห็นว่า..."
"เป็นพยานเรื่องอะไร" เคนรีบพูดแทรก
"ก็เรื่องเมื่อกี้ ที่สองคนนั้นเข้ามาอ่อยพี่แล้วพี่ก็ไล่ไป"
"เขามาทักต่างหาก ไม่ได้อ่อย เขาล้อเล้นเฉยๆ"
"เคนก็ได้ยินที่สองคนนั้นพูดทำนองว่าพี่จะกินเด็ก กินเคนน้องชายแฟน แต่พี่บอกว่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตน ไม่สนใจอีกแล้ว"
"ไม่หวนกลับไปหากินข้างถนน อันนี้ผมจำได้" เคนพยักหน้า
"เห็นไหมล่ะ เห็นไหม่ว่าพี่จริงใจกับพี่ชายเคน เพราะฉะนั้นเคนต้องช่วยพี่ไปพูดกับหมวดเรียว"
"ทำไมต้องไปช่วยพูด มันมีอะไรที่ต้องเอาคนไปยืนยันความบริสุทธิ์ของพี่หรือไง" เคนทำหน้าสงสัย
"ก็...เรื่องที่โดนสองคนนั้นว่าพี่จะกินเด็ก จะกินน้องชายแฟน เผื่อมันไปเข้าหูหมวดเรียว เดี๋ยวก็เข้าใจผิด" ศรันย์ส่ายหน้า
"พี่ไม่อยากได้ผมหรือพี่ศรันย์ ตอนที่อยู่ในห้องนอน ผมเห็นพี่มองผมตาเป็นมัน กลืนน้ำลายไปตั้งหลายอึก" เคนยักคิ้ว ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ทำตาปรือ ปากเผยอ
"ตอนนั้นพี่ช๊อคนี่หว่า นึกว่าเป็นหมวดเรียว"
"ถ้าพี่ดื่มเหล้าพอมึตๆ เปิดไฟสลัวๆ ผมก็เป็นพี่เรียวได้นะพี่ ถ้าไม่พูด ทำตัวนิ่งๆ หน้าเฉยๆ เสียงหน่อย พี่แยกไม่ออกหรอกว่าผมเป็นน้องชายพี่เรียว"
"พอที" ศรันย์โบกมือแล้วใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของเคนดันให้ออกห่าง "พี่จะไปส่งที่บ้านหมวดเรียว พรุ่งนี้เช้าถึงจะไปรับ"
"อ้าว ไหนว่าคืนนี้จะให้นอนที่บ้านพี่ด้วย" เคนอ้าปากค้าง สีหน้าผิดหวัง "นี่พี่ก็ไม่ไว้ใจตัวเองใช่ไหมล่ะ กลัวเผลอใจหรือไง เมื่อกี้เป็นยืนยันว่ามั่นคงต่อพี่เรียวนักหนา"
"หุบปากไปเลย"
"หุปก็ได้ ไม่พูดอะไรแล้ว" เคนหน้าง้ำ กระแทกตัวลงกับเบาะ ยกมือขึ้นกอดอก จนกระทั่งเมื่อรถจอดติดไฟแดงศรันย์จึงหันไปมองคนที่นั่งนิ่งเงียบ ท่าทางไม่พอใจ ในที่สุดก็ทนไม่ได้ ต้องเอ่ยปากขอโทษ
"พี่กำลังเครียดนะเคน เลยพูดอะไรไปแบบนั้น พี่ขอโทษ"
"ขอโทษที่สั่งให้ผมหุบปากใช่ไหม หรือขอโทษที่กลับคำว่าจะให้ผมไปนอนบ้านด้วยแต่ตอนนี้กลับจะเอาผมไปทิ้งไว้ที่บ้านพี่เรียวเหมือนสิ่งของ"
"พูดเกินไปแล้ว" ศรันย์อยากจะยกมือขึ้นเขกหัวเคนยิ่งนัก ตอนนี้เริ่มจะคิดว่านิสัยเคนนั้นก็ไม่ต่างจากหมวดเรียวเท่าใดนัก นั่นก็คือ 'กวน' จะต่างกันก็แค่ 'วิธีการ'
"ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ" ศรันย์พูดซ้ำๆ "ขอโทษทุกอย่างเลย ขอโทษทุกเรื่อง พอใจหรือยัง"
"ตกลง ผมจะได้ไปนอนบ้านพี่ใช่ไหม"
"เออๆ" ศรันย์ส่ายหน้า แล้วปรายตามองด้านข้าง เห็นเคนยิ้มกว้าง
ความคิดถึงหมวดเรียวยิ่งเพิ่มทวีคูณ ยิ่งมีเคนน้องชายของหมวดเรียวซึ่งรูปร่างหน้าเหมือนกันราวฝาแฝดนั่งอยู่ข้างๆ ใจเขายิ่งร้อนรุ่มดั่งไฟเผา
แล้วคืนนี้ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเคนตัวดีจะแกล้งยั่วอะไรอีก

►จบบทที่ 23◄

หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 23 ►3/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-08-2017 19:50:28
น้องเคนสายอ่อย ช่างยั่วจริงๆ ไอ้คนถูกยั่วก็ดูจะยั่วขึ้นง่ายๆ  จะรอดคืนนี้ไปง้อหมวดเรียวหรือเปล่าน้อเฮียศรัณย์   :laugh:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 24 ►11/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 11-08-2017 14:06:37
♀ บทที่ 24♀

เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นถี่ๆ ศรันย์งัวเงียลืมตาขึ้นมา เหลือบมองดูนาฬิกาข้างหัวเตียงบอกเวลาตีสามครึ่ง
"พี่ศรันย์ เปิดประตูให้หน่อยสิ" เสียงเคนดังอยู่หน้าห้อง ศรันย์จำต้องลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตู เห็นน้องชายของหมวดเรียวยืนตาปรืออยู่จึงถามขึ้นด้วยเสียงอ่อนใจ
"ว่าไง มีอะไรอีก โดนผีหลอกหรือไง"
"ขอผมนอนด้วยนะครับ ผมนอนไม่หลับ มันแปลกที่ แล้วก็ไม่คุ้นที่ต้องนอนคนเดียว" เคนพูด
"โตขนาดนี้ ทำไมจะนอนคนเดียวไม่ได้" ศรันย์ขมวดคิ้ว
"ริงๆ นะครับ ตั้งแต่เล็กจนโตผมไม่เคยนอนคนเดียวเลย มันนอนไม่ได้จริงๆ ให้ผมนอนด้วยนะครับ เห็นใจผมเถอะ ผมนอนไม่ดิ้นหลอก ไม่ละเมอ ไม่กรน"
"อย่ามาล้อเล่นอะไรเคน" ศรันย์ยังไม่ค่อยไว้ใจ
"จริงๆ ครับ พี่ไม่เชื่อ โทรไปถามพี่เรียวหรือพี่เชนได้เลย"
"จะบ้าหรือ ตีสามครึ่ง จะโทรไปถามใครได้" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองหน้าเด็กหนุ่มซึ่งยืนทำหน้าตาน่าสงสารด้วยความรู้สึกลังเล
"จริงๆ นะครับ ผมนอนไม่หลับจริงๆ ไม่เคยนอนคนเดียว ตอนอยู่ที่บ้าน ถ้าแม่หรือพี่โชไม่ยอมให้ผมเข้าไปนอนในห้องด้วย ก็ต้องเปิดประตูเอาไว้ แล้วผมก็ปูเสื่อนอนหน้าประตู"
"งั้นก็นอนหน้าประตู" ศรันย์สรุป
"โธ่ พี่ศรันย์จะโหดร้ายแบบนั้นเลยหรือ หน้าตาก็หล่อ ผมขอนอนในห้องด้วยเฉยๆ ให้ผมนอนด้วยนะครับ รับรองว่าผมนอนไม่ดิ้น ไม่ทำให้พี่รำคาญแน่นอน" เคนอ้อนวอน
"ดิ้นก็ดิ้นไป นอนบนพื้นนะ ใครจะให้นอนบนเตียงด้วย" ศรันย์ถอนหายใจยาวแล้วพยักหน้าอนุญาต
"โธ่ พี่ศรันย์" เคนทำเสียงโอดครวญ
"แล้วใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไม่ใช่กางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวแบบนี้"
"ใส่ไม่ได้หรอกครับ นอนไม่หลับแน่ๆ ผมไม่เคยใส่เสื้อผ้านอน มันอึดอัด" เคนส่ายหน้า
"เด็กบ้า มีปัญหาจริงๆ เลย" ศรันย์อดว่าไม่ได้
"งั้นก็ได้ ผมไปนั่งดูทีวีรอจนเช้าก็แล้วกัน" เคนตีหน้าเศร้า
"ไม่ต้องเลย อย่ามาแกล้งทำหน้าตาน่าสงสาร ถึงพี่ไม่ได้เข้ามานอนด้วย เราก็ต้องตื้อจนได้ ตกลงกันก่อนนะ ให้นอนที่พื้น นอนเฉยๆ ห้ามกวน ห้ามมีเรื่องอะไรอีก" ศรันย์ย้ำ
"ครับๆ" เคยยิ้มกว้าง พยักหน้าแล้วเดินไปนั่งลงที่พื้นปลายเตียง ทำท่าจะเอนตัวลงนอน ศรันย์เดินเข้ามาหา ในมือถือเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขายาวผ้ายืด
"เอ้านี่เสื้อกับกางเกง ใส่ให้เรียบร้อย ไปนอนข้างเตียง ไม่ใช่ปลายเตียงแบบนี้" ศรันย์พูดพร้อมกับยื่นเสื้อและกางเกงให้ เคนรับไปเงียบๆ แล้วคลานไปที่ข้างเตียนด้านซ้าย สวมเสื้อและกางเกงทั้งที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นแล้วชี้มือไปที่หมอนซึ่งวางอยู่บนเตียง ศรันย์หยิบส่งให้พร้อมกับผ้าห่มแล้วขึ้นนอนบนเตียง แต่เมื่อเห็นว่าเคนยังคงนั่งกอดหมอนเอาไว้จึงถามว่ามีอะไรอีก
"เสียดายจริง พี่ศรันย์น่าจะเจอผมก่อนเจอพี่เรียว" เคนพึมพำ ตามองไปข้างหน้า
"ทำไม" ศรันย์ถามเบาๆ
"เปล่า" เคนส่ายหน้าช้าๆ แล้วค่อยๆ ล้มตัวลงนอน จากนั้นจึงพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า "ผมแค่รู้สึกดี"
"พี่รักหมวดเรียวนะเคน จะว่ารักแรกก็ว่าได้ พี่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน"
"ถ้าพี่เจอผมก่อน พี่จะชอบผมไหม รูปร่างหนาตาก็เหมือนกันนะ นิสัยใจคอก็เหมือนกัน ตอนที่พี่เรียวเรียนอยู่ก็ทะลึ่งทะเล้นเหมือนผมนี่ล่ะ พอเป็นตำรวจแล้วถึงเรียบร้อยขึ้นมาบ้าง ออกแนวเฮ้วๆ นักเลงๆ หน่อย แต่ความจริงเขาไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกนะ"
"แบบไหน" ทั้งที่อยากจะบอกให้เคนรีบนอน แต่ศรันย์ก็อดที่จะถามไม่ได้เพราะอยากรู้
"พี่เรียวเป็นคนอ่อนโยน นุ่มนวล ขี้ห่วงกังวล ขาดความมั่นใจนิด คิดมาก โลเล" เคนตอบแล้วหัวเราะเบาๆ
"จริงหรือ"
"ป่านนี้คงนอนถอนหายใจอยู่ที่บ้าน"
"ทำไม" ศรันย์ถาม
"ก็คงอึดอัดเรื่องพี่ศรันย์อยู่นะสิ รับรองเลยว่าพี่เรียวนอนไม่หลับแน่ๆ บางทีนะ ถ้าพี่เรียวคิดอะไรไม่ตก ก็จะปลุกผมกับแม่ขึ้นมานั่งคุยกลางดึก ตอนที่ผู้กองธามไปเมืองนอก พี่เรียวกลับไปที่บ้าน นอนไม่หลับ ผมกับแม่ต้องลุกขึ้นมานั่งคุยด้วยทั้งคืน" เคนเล่าให้ฟังแล้วหัวเราะตาม
"หมวดเรียวคุยกับแม่ทุกเรื่องเลยหรือ"
"พวกเราสนิทกัน พี่โชไม่ค่อยเท่าไหร่ เขาไปอยู่หอพักแล้วก็ไม่ได้เป็นเกย์ เลยไม่ค่อยชอบคุยเรื่องผู้ชาย" เคนตอบ
"แล้วเราะล่ะ เป็นหรือ"
ผมนะหรือ" เคนหัวเราะลงลูกคอ "แค่อายุเท่านี้ ผมผ่านผู้ชายมาเยอะกว่าพี่เรียวถึงสิบเท่าเชียวนะ"
"เก่งจริงนะ ระวังเอดส์ถามหาล่ะ" ศรันย์ทำเสียงประชด
"พี่ศรันย์เคยผ่านมากี่คน ผมว่าอย่างพี่นี่นะ สงสัยนับไม่ถ้วนแน่เลย"
"นอนได้แล้วเคน อย่าชวนพี่คุย พี่ง่วง" ศรันย์ตัดบท
"เสียงไม่เห็นง่วงเลย" เคนท้วง
"ถ้าไม่เลิกชวนคุย จะให้ออกไปนอนข้างนอก" ศรันย์ยื่นคำขาด
"ผมสงสัยจังว่าตอนนี้แม่กับผู้กองธาม ต้องลุกขึ้นมานั่งคุยกับพี่เรียวทั้งคืนหรือเปล่า" เคนพูดเบาๆ แล้วก็เงียบไป ไม่พูดอะไรต่ออีกเลย ปล่อยให้ศรันย์นอนลืมพาโพลงแทบทั้งคืน

ศรันย์โบกมือให้เคนซึ่งกำลังเดินแยกจากเขาไปยังอีกด้านหนึ่งของสนามบินเพื่อไปขึ้นเครื่อง ส่วนตัวเขาต้องรออีกกว่าสองชั่วโมง ขณะที่มองตามร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่ม ในใจของศรันย์เต็มไปความรู้สึกหลากหลาย
เคนคือภาพสะท้อนของหมวดเรียวสมัยเป็นหนุ่มน้อยที่เต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง
ตอนนั้น หมวดเรียวคงช่างพูดช่างจาแบบนี้กระมัง ดื้อนิดๆ กวนหน่อยๆ ทะลึ่งทะเล้น
ศรันย์มั่นใจแล้วว่าตัวเองรักหมวดเรียว และคำพูดสุดท้ายของเคนเมื่อคืนนี้ยังคงดังก้องอยู่ในหัว
อยากรู้นักว่า เมื่อคืนนี้ เรียวปลุกแม่กับผู้ธามขึ้นมานั่งคุยด้วยทั้งคืนหรือไม่
แต่ผู้กองธามคงยอมหรอก ไอ้ที่ตัดหน้าเขาเดินทางไปถึงเชียงรายนี่ก็คงเพราะต้องการเอาชนะ เรื่องที่จะลุกขึ้นมานั่งเป็นเพื่อนคุยกับหมวดเรียวกเรื่องของเขานั้นอย่าได้หวังเลย
เขาจะสู้กับผู้กองธามได้หรือเปล่า
ทุกอย่างอยู่ที่คนกลางเท่านั้น ถ้าหมวดเรียวมีใจให้เขา ผู้กองธามก็ทำอะไรไม่ได้ แม้จะหล่อ รวย เก่ง หน้าที่การงานดี แต่ความรักสำคัญกว่า
การเดินทางโดยเครื่องบินใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที แต่ศรันย์รู้สืกเหมือนกันว่าเดินทางข้ามประเทศ เวลาช่างยาวนานยิ่งนัก
เมื่อถึงสนามบินปลายทาง ศรันย์เปิดโทรศัพท์มือถือและเห็นข้อความสั้นจากชินวัฒน์จึงรีบเปิดอ่านด้วยความตื่นเต้นเพราะคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมวดเรียวเพราะตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ได้คุยกันก็ติดต่อไม่ได้อีก
ชินวัฒน์บอกว่าจะมีรถมารับ รออยู่ที่หน้าสนามบิน ไม่ต้องมองหาชูป้าย ให้เดินออกไปรอข้างหน้าเลย ศรันย์กังวลเล็กน้อยเพราะคิดว่าอาจจะเสียเวลา ตอนนี้เขาต้องการไปถึงบ้านมารดาของหมวดเรียวให้เร็วที่สุด แต่เมื่อเดินออกมาจากประตูอาคารผู้โดยสารขาออก ศรันย์ก็ต้องชะงักเพราะเห็นร่างสูงใหญ่ของผู้กองธามยืนเด่นอยู่ข้างรถเก๋งสีดำ
"หมวดเรียวให้ผมมารับ กลัวคุณจะหลง" ผู้กองธามหันมาพูดกับศรันย์
"ไหนหมวดชินบอกว่า..."
"หมวดชินบอกกับหมวดเรียวบอกก็เหมือนกันล่ะครับ เชิญขึ้นรถ" ผู้กองธามพูดพร้อมเปิดประตูด้านข้างคนขับทิ้งไว้ แล้วเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ
"หมวดเรียวบอกคุณให้มารับ หรือหมวดชินบอกให้มารับ" เมื่อขึ้นนั่งบนรถ ศรันย์ก็ยังอยากได้คำตอบที่ตัวเองสงสัยอยู่
"หมวดเรียวครับ" ผู้กองธามหันมาตอบแล้วออกรถ "อย่าถามรายละเอียดมากกว่านี้เพราะผมไม่รู้ หมวดเรียวบอกสั้นๆ ผมก็เลยช่วย คิดจะถามเหมือนกันว่าทำไม แต่พอโทรกลับไปก็ติดต่อไม่ได้แล้ว  หมวดเรียวเขาแคร์คุณไม่ใช่น้อย รู้ไหมคุณศรันย์"
"ผมก็แคร์หมวดเรียวมาก ถึงได้ตามมาถึงที่นี่"
"ก่อนอื่นเราต้องคุยอะไรกันก่อน" ธามนิ่งไปครู่หนึ่งราวกำลังตัดสินใจบางอย่าง จากนั้นจึงพูดต่อ "คุณคงรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไรกับหมวดเรียว"
"ความรู้สึกผมก็ไม่น้อยไปกว่าคุณหรอก"
"คุณจะทำพังไม่ได้นะคุณศรันย์ ผมเอาคุณตายแน่ สารวัตรธันว์ก็ไม่เก็บคุณไว้เหมือนกัน" ธามพูดเสียงกร้าว
"สารวัตรธันว์ก็ด้วยหรือ" ศรันย์เบิกตากว้าง อุทานออกมาเสียงดัง ไม่อยากจะเชื่อ
"คุณพ่อของหมวดเรียวฝากสารวัตรเอาไว้ให้ช่วยดูแล สองคนนั้นเขาเคยมีบุญคุณต่อกัน นับถือกันมานาน จะเรียกว่าสารวัตรธันว์เป็นผู้ปกครองของหมวดเรียวก็ไม่ผิด ผมไม่ได้ขู่นะ ถ้าคุณทำให้หมวดเรียวเจ็บ มีคนอย่างน้อยสองคนพร้อมที่จะจัดการกับคุณให้ถึงที่สุด"
"นี่นะเรียกว่าไมได้ขู่" ศรันย์เบ้ปาก
"แค่เตือน"
"ที่พูดแบบนี้ จะให้คิดว่าคุณกำลังเปิดทางให้ผมหรือผู้กองธาม" ศรันย์ตัดสินใจถามตรงๆ
"เรียว ขอให้ผมเป็นพี่ชาย" ธามพูดออกมาเสียงเบาโหวง ตามองไปข้างหน้า ขบกรามจนเห็นเป็นสันนูน มือจับพวงมาลัยรถแน่น ศรันย์หันไปมองเสี้ยวหน้าคมเข้มของนายตำรวจ ใจหนึ่งอดชื่นชมผู้กองธามไม่ได้ ส่วนอีกใจหนึ่งนั้นยังรู้สึกหวั่นๆ อยู่บ้าง
ผู้กองธามจะยอมง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ พอหมวดเรียวขอให้เป็นพี่ชาย ผู้กองธามก็เลยถอย แต่ก็ยังมาขู่ว่าให้เขาทำดีๆ ไม่งั้นเจอหนักแน่ๆ
"ผมบอกตามตรง ผมไม่เคยรักใคร ครั้งนี้เรียกว่าเป็นครั้งแรกของผม" ศรันย์พูด "แต่ผมจะพยายามให้ดีที่สุด แต่อย่าลืมว่า มันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง แต่มันก็ต้องมีการปรับปรุงแก้ไข เพื่อ..."
"แค่รักก็พอแล้ว" ธามพูดแทรก "แค่รัก คุณก็ทำทุกอย่างได้แล้วล่ะ แต่ถ้าคุณทำให้เขาผิดหวัง แสดงว่าคุณยังรักเขาไม่มากพอ ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ให้มีน้ำใจนักกีฬา หลีกทางให้คนที่เขารักมากกว่า ทำได้ดีกว่า"
"หมายความว่าคุณ..." ศรันย์อ้ำอึ้ง
"ผมจะถอย แต่ไม่ได้ความว่าผมจะออกไปจากชีวิตเขา เมื่อไหร่ที่คุณพลาด และหากตอนนั้นผมยังไม่มีใคร ผมก็จะกลับมา"
ศรันย์กลั้นหายใจครู่หนึ่ง แล้ว่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาทีละน้อย ยอมรับว่านี่คือครั้งแรกในชีวิตที่รู้สึกโล่งอกพอๆ กับหนักใจ

ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงก็เดินทางมาถึงบ้านมารดาของหมวดเรียว บ้านไม้ทรงสูงตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างประมาณเกือบสองไร่ ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ร่มรื่น
"หวังว่าคุณคงไม่ลืมที่เราคุยกัน" ธามย้ำกับศรันย์ " คุณทำเรียวเจ็บ คุณเจอดีแน่ ขอให้โชคดี"
ศรันย์ลงจากรถ มองตามหลังรถเก๋งสีดำของธามด้วยความรู้สึกหลายหลายปนกัน
...คุณทำเรียวเจ็บ คุณเจอดีแน่ ขอให้โชคดี...
"ทั้งอวยพร ทั้งขู่ จะโล่งใจหรือหนักใจดีวะ" ศรันย์บ่นพึมพำแล้วเดินเข้าไปในบ้านไม้ใต้ถุนโล่งซึ่งแฝงอยู่ท่ามกลางต้นไม้นานาพันธ์ เสียงคนดังเอะแอะโวยวาย ชายฉกรรจ์กว่าสิบคนกำลังทำงานกันอย่างขมักเขม้น
ศรันย์เดินเข้าไปในบริเวณบ้านช้าๆ สอดส่ายสายตามองหาเรียวก หรือไม่ก็ผู้หญิงซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของบ้าน มารดาของคนที่เขากำลังต้องการพบ ขณะนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ชายร่างผอมอายุประมาณต้นสี่สิบปีบอกว่าคุณเอื้อมพร มารดาของหมวดเรียวไม่อยู่ เพิ่งเข้าเมืองไปซื้อของ ส่วนหมวดเรียวนั้นเดินทางไปจังหวัดบ่อแก้ว ประเทศลาว และสั่งเอาไว้ว่า ถ้าธีรดนย์มาถึง ให้ไปพักที่บ้านปีกไม้ริมน้ำ
"แล้วเมื่อไหร่จะกลับครับ" ธีรดนย์ถาม
"คงเย็นโน่นล่ะครับ ต้องซื้อของเยอะ" ช่างตอบ
"ผมหมายถึงหมวดเรียว"
"ไม่รู้ครับ ไม่ได้บอกไว้ แต่คงไม่นาน ไม่เห็นเอาอะไรไปด้วย สงสัยไปไหวพ่อ จะเอาอะไรก็เดินมาบอกได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ผมขอตัวไปช่วยเขาทำงานก่อนนะครับ"
ศรันย์กล่าวขอบคุณแล้วเดินไปตามทางเดินโรยกรวดอ้อมไปทางด้านหลังของบ้านหลังใหญ่ ไม่ถึงห้าสิบเมตรก็เห็นบ้านไม้ซุงหลังเล็กๆ ริมมน้ำ บรรยากาศน่าพัก
"ยังจะหลบหน้ากันอีก หมวดเรียวนะหมวดเรียว" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดินขึ้นไปบนระเบียงหน้าบ้าน เห็นแปลขนาดใหญ่แขวนอยู่จึงนั่งลงแล้วเอนตัวนอน ตามองขึ้นไปดูยอดไม้ซึ่งกำลังพริ้วไหวตามแรงลม เวลาผ่านไปครู่ใหญ่จึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดหมายเลขของหมวดเรียวแต่ครั้งแล้วครั้งเล่าก็ติดต่อไม่ได้
ลมเอื่อยๆ อากาศเย็นสบาย เดินทางมากไล หนำซื้อเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน ไม่นานศรันย์ก็หลับ รู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีคนเขย่าแขนปลุก
"คุณ ยุงจะหามเข้าป่าอยู่แล้ว ลุกๆ ไปทานข้าว" เสียงห้าวๆ ดังขึ้น ศรันย์ค่อยๆ ลืมตา ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นคนที่ก้มหน้ามองเขาอยู่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
"คุณหมวดเรียว" ศรันย์พึมพำ น้ำเสียงยังรู้สึกงัวเงีย
"ลุกเถอะคุณ ไปทานข้าวก่อนแล้วค่อยมาอาบน้ำ
"หมวดเรียว" ศรันย์สะบัดหัวไล่ความงัวเงีย ค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้น แต่เมื่อเห็นคนที่มาปลุกตัวเองชัดๆ จึงตระหนักได้ว่าชายหนุ่มซึ่งถอยหลังไปยืนอยู่กลางระเบียงไม้นั้นไม่ใช่หมวดเรียว แต่หน้าตาเหมือนกันราวฝาแฝด ต่างนิดเดียวที่ร่างหนากว่าเล็กน้อย
พี่ชายคนโต!
ตอนนี้เชื่ออย่างที่เชน น้องชายคนเล็กของหมวดเรียวพูดและไม่เหลือความสงสัยใดๆ แล้วว่า สามคนนี้ ใครเห็นก็ต่างพากันคิดว่าเป็นแฝดสาม
โธ่ เมื่อไหร่จะเจอหมวดเรียวตัวจริงๆ เสียที นี่มาเห็นแต่คนที่เหมือนกัน จะไม่ไหวแล้วนะ เหมือนกันนิดหน่อยก็ยังพอว่า แต่นี่เหมือนกันมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้าตา รูปร่างก็ไล่เลี่ยกัน บุคลิก ท่าทางการเดินการยืนก็เหมือนกันไปหมด
"ตามมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อ้อ กระเป๋าคุณผมเอาเข้าไปเก็บในบ้านให้แล้ว รีบหน่อยนะคุณ แม่รอทานข้าวอยู่" พูดเสร็จพี่ชายคนโตขอเรียวก็กระโดดลงจากระเบียงหน้าบ้าน ก้าวเท้ายาวๆ เดินจากไปทันที
วิธีการพูดก็แทบไม่ต่างกันเลย เฮ้อ
ศรันย์มองตามร่างสูง อดลดตาลงมองบั้นท้ายไม่ได้
"ขนาดก้นยังเหมือนกันเลย เฮ้อ" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นช้าๆ หันไปเห็นเห็นโอ่งดินใกล้กับบันไดจึงเปิดตักน้ำล้างหน้าแล้วรีบเดินตามไปด้วยความรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้นที่จะได้พบหน้ามารดาของหมวดเรียว

คุณเอื้อมพรเป็นสตรีอายุปรายห้าสิบท่าทางใจดี รูปร่างบาง ผิวขาว ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตต่างจากลูกชายซึ่งต่างก็มีดวงตาเรียวเล็ก
"ไม่รู้ว่าคุณศรันย์จะทานอาหารเหนือได้หรือเปล่า แต่โชเขาทำไข่เจียวให้เผื่อไว้ วันนี้ทานง่ายๆ ก่อนนะคะ กำลังซ่อมบ้าน ของมันกระจัดกระจาย ทำอะไรไม่ค่อยสะดวก" หลังจากทักทายกัน มารดาของเรียวก็เชิญให้ศรันย์นั่งลงที่โต๊ะรับประทานอาหาร พูดกับชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าเป็นคนอารมณ์ดี ต่างจากลูกชายซึ่งนั่งหน้าเรียบตึงอยู่ทางด้านขวา
"ผมขอโทษคุณแม่ด้วยนะครับที่มาแบบกระทันหัน" ศรันย์ยกมือขึ้นไหว้
"อีกสองสามวันโน่นเรียวมันถึงจะกลบ คุณจะรอไหวหรือ" โชพูดขึ้นพร้อมกับตักข้าวแล้วยื่นจานให้
"ผมรอได้คับ หรือไม่ผมก็จะตามไป" ศรันย์ตอบ
"ไม่ต้องตามไปหรอก ยุ่งยากวุ่นวายเฉยๆ เดี๋ยวจะหลงทาง เรียวมันก็คงไม่ค่อยจะอยากเจอคุณเท่าไหร่กระมัง ไม่งั้นคงอยู่รอพบแล้วล่ะ" โชคพูดด้วยเสียงค่อนข้างห้วน
"โช รักษามารยาทหน่อย" ผู้เป็นมารดาตีแขนลูกชายแล้วหันมาขอโทษศรันย์ "อย่าถือสานะคะ เขาปากร้ายแบบนี้ล่ะ แต่จริงๆ ไม่มีอะไรหรอก ปากร้ายแต่ใจดี เห็นไหม เขาทำไข่เจียวให้คุณทาน"
"คงไม่ได้ใส่ยาเบื่อเข้าไปด้วยหรอกใช่ไหมครับ" ศรันย์พูดติดตลกด้วยใบหน้ายิ้มๆ มารดาของเรียวหัวเราะชอบใจ แต่ 'คนที่ทำไข่เจียว' ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาทางสีหน้า
"แล้วจริงไหมล่ะแม่ ไม่งั้นเรียวมันคงไม่เป็นบ้าโผล่กลับมาบ้านกระทันหันแบบนี้หรอก ผู้กองธามก็ตามมาแบบไม่บอกไม่กล่าว แล้วคุณคนนี้อีก จู่ๆ ก็โผล่มาเหมือนกัน" โชเถียงมารดา
"เลิกพูดได้แล้วโช ทานข้าวเถอะ แม่หิวแล้ว" มารดาตัดบท
"คุณแม่ครับ" ศรันย์หันไปหาเอื้อมพร แล้วหันไปหาโช "พี่โชครับ ผมขอโทษที่..."
"เรียกผมว่าพี่ ดูหน้าตาผมหน่อยนะคุณ อ่อนกว่าคุณไม่รู้กี่ปี"
"โช" เอื้อมพอเรียกชื่อลูกชายคนโต ส่งสายตาปราม
"ผมเห็นว่าเป็นพี่ชายหมวดเรียว เลยให้ความเคารพ" ศรันย์ชักจะเสียงเข้มขึ้น
"ไม่ต้องมาขอโทษอะไรหรอกค่ะ" มารดาของหมวดเรียวรีบแทรก "แม่รู้ทุกอย่างหมดแล้ว เมื่อคืนเรียวปลุกแม่ขึ้นมานั่งคุยด้วยเกือบทั้งคืน มีอะไรค่อยคุยกันตอนเรียวกลับมานะ ตอนทานข้าวก่อน ส่วนโชก็เลิกพูดเสียที ไหนเมื่อคืนเป็นคนพูดเองว่าไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเกี่ยว ปล่อยให้แม่กับน้องคุยกัน ตัวเองแอบไปนอนเฉย"
"มันอดไม่ได้นี่แม่"
"คุณศรันย์มาถึงนี่ ก็แสดงจุดยืนให้เห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เรื่องของคนสองคน ปล่อยให้เขาจัดการกันเอง ต่างคงต่างเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว คุณศรันย์ แม่คิดว่าคงเข้าใจไม่ผิดหรอกใช่ไหมคะ" เอื้อมพรหันมาถามศรันย์
"คุณแม่ทราบ...เอ่อ...ใช่ครับ ไว้ใจผมได้ครับ ผมพร้อมที่จะ..." ศรันย์ตะกุกตะกัก
"ถ้าทำไอ้เรียวเจ็บ ผู้กองธามเอาคุณตามแน่" โชพูดแทรก มารดาตีแขนอีกครั้ง คราวนี้แรงกว่าเดิม พร้อมกับห้ามไม่ให้พูดต่อ
ทั้งสามใช้เวลาราวสิบนาทีจึงรับประทานอาหารเสร็จ โชเก็บถ้วยจานไปล้าง ศรันย์เสนอตัวช่วย แต่เอื้อมพรห้ามเอาไว้
"โชเขาชอบล้างจาน ไม่ชอบให้ใครไปยุ่ง คุณมานั่งนี่เถอะ มาเล่าให้แม่ฟังหน่อยสิว่าเจอกันกับเรียวยังไง เมื่อคืนทุ่ยกัน เรียวเขาไม่เล่าตอนเจอกัน อ้ำอึ้งยังไงก็ไม่รู้ มาเริ่มเล่าถึงคุณตอนที่พากันกลับมาจากหัวหินแล้วเจอผู้กองธามที่วังไกลกังวล"
"คุณแม่ครับ ก่อนอื่นผมขอบอกคุณแม่ก่อนนะครับว่าผมรักหมวดเรียว ก่อนหน้าโน้นผมอาจจะมีความลังเลบ้าง" ศรันย์พยายามเรียบเรียงคำพูดอย่างระมัดระวังเพราะรู้ตัวว่าตัวเองไปเป็นคนพูดวกไปวนมา
"ตอนนี้แน่ใจแล้วหรือไง" เสียงของโชดังออกมาจากด้านในของครัว เอื้อมพรหันไปมองแล้วส่ายหน้ายิ้มๆ ยกมือแตะแขนของศรันย์
"เรียวเขาก็โทรมาคุยกับแม่นะ พูดถึงคุณบ้าง บอกว่ากำลังดูๆ ผู้ชายคนหนึ่งอยู่"
"บ้าๆ บอๆ พูดมาก ขี้โวยวาย ไม่ค่อยจะเต็มเต็งเท่าไหร่" เสียงของโชดังออกมาอีก "ใช่คนเดียวกันกับคุณหรือเปล่าคุณศรันย์"
"ใช่ครับพี่โช นั่นล่ะผม" ศรันย์อดกระแทกเสียงไม่ได้ ใกล้จะกลับมาเป็นคนขี้โวยวายเหมือนเดิม อุตส่าห์วางมาดนิ่งมาตั้งนาน แต่พอมาเจอพี่ชายคนโตของเรียวก็ใกล้จะหมดความอดทน
"โช ถ้าไม่เลิกกวน แม้จะพาคุณศรันย์ไปนั่งคุยที่อื่นใกลๆ" เอื้อมพูดส่งเสียงดุใส่ลูกชาย
"ผมไม่เคยรักใคร ผมยอมรับว่าตัวเองไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ ลอยไปลอยมา เอาแต่สนุกไปวันๆ เรื่องความรักไม่เคยอยู่ในหัว แต่เมื่อผมมาเจอหมวดเรียว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป มันเหมือนกับเจอเนื้อคู่ ผมบอกไม่ถูก พอเห็นมันก็รู้สึกดี คือว่า..." ศรันย์พยามยามอธิบาย
"ไม่ใช่เห็นว่าหน้าตาหล่อดีแล้วอยากได้เฉยๆ หรอกเร๊อ" เสียงกวนของโชดังออกมาอีก
"แม่เข้าใจ ตอนที่แม่เจอกับพ่อก็เหมือนกันแบบนี้ล่ะ พ่อเขาบอกว่ามันเป็นบุพเพสันนิวาส" เอื้อมพรพูดแล้วหัวเราะ
"ความรู้สึกดีๆ มันค่อยๆ เพิ่มขึ้นนะครับคุณแม่ ที่ผมบอกว่าลังเลความจริงไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว คือผมอยากรอจนแน่ใจแล้วว่าตัวเองรู้สึกยังไง" ศรันย์พูดต่อ แต่เสียงของโชก็ดังขึ้นมาขัดอีก
"แต่ใจตอนที่เรียวมันหนีกลับมาบ้านแล้วคุณก็รู้วาผู้กองธามก็ตามมาใช่หรือเปล่า"
"คุณศรันย์ อดทนกับโชหน่อยนะคะ" เอื้อมพรพูดยิ้มๆ "โชเขาเชียร์ผู้กองธาม"
"งั้นหรือครับ"
"แต่ผู้กองธามเขาคุยกับแม่แล้ว และคงคุยกับเรียวไปเรียบร้อยแล้วด้วยเหมือนกัน ที่เรียวไปเมืองลาวก็เพราะไปไหว้พ่อที่สุสาน พรุ่งนี้ก็คงกลับ ไม่ได้อยู่หลายวันอย่างที่โชพูดหรอก แม่คิดว่าเขาคงอยากคิดอะไรอยู่คนเดียวสักพัก หรือไปเพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง" เอื้อมพรปลอบศรันย์
"ถ้าผมตามไป..." ศรันย์พึมพำ
"อยากไปไหมละ แม่จะให้คนไปส่ง" เอื้อมพรลดเสียงลง ราวกลัวว่าลูกชายคนโตซึ่งกำลังล้างจานอยู่ในครัวจะได้ยิน ศรันย์รีบพยักหน้า เอื้อมพรจึงพูดต่อว่า พรุ่งนี้ให้รีบตื่นแต่เช้า แต่ถ้าเหนื่อยมากตื่นเจ็ดโมงเช้าก็ยังทัน

ทั้งที่นอนน้อยมาหลายคืนและเหนื่อยกับการเดินทาง แต่ศรันย์ก็นอนไม่ค่อยหลับ แม้จะตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้หกโมงครึ่ง แต่เขากลับตื่นตั้งแต่ก่อนหกโมงเช้าเสียอีก
ศรันย์เดินเล่นรอบๆ บ้าน ซึมซับเอาบรรยากาศสดชื่นยามเช้า จากนั้นจึงเดินออกมาหน้าบ้านหลังใหญ่ ร่างสูงของโชกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ พอรู้ตัวว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้จึงหันมามอง
"ทำไมรีบตื่นล่ะคุณ"
"เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับครับ" ศรันย์ตอบไปตามตรง
"แปลกที่ใช่ไหม หรือมัวแต่หนักใจ" โชถามแต่ไม่รอฟังคำตอบ เดินไปปิดน้ำ ปากก็บ่นพึมพำอะไรบางอย่าง จับใจความได้ว่าช่างที่มาซ่อมบ้านเดินเหยียบดอกไม้ที่ปลูกไว้ตายไปหลายต้น ศรันย์หันรีหันขวาง ไม่รู้จะไปไหนดี แต่ทันใดนั้น สายตามองออกไปยังหน้าบ้าน เห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งเดินมาตามถนน
"หมวดเรียว" ศรันย์พูดขึ้นมาเบาๆ ก้าวเท้าตรงไปยังประตูรั้ว แต่โชรีบวิ่งมาขวางหน้า
"เดี๋ยว คุยกันก่อน" โชยกมือขึ้นกั้น
"ทำไมหรือครับ"
"คุณบอกผมมาตรงๆ คุณรักน้องผมจริงๆ ไหม ไอ้เรียวมันยังไร้เดียงสาเรื่องความรัก ทีผู้กองธามก็หนหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็คุณ ที่จะว่าไปก็เทียบอะไรไม่กับผู้กองธามเลย" โชพูดเสียงจริงจัง
"รักสิ ถ้าไม่รักจะตามมึงนี่หรือ" ศรันย์ตอบเสียงเข้ม ชักจะเริ่มฉุนพี่ชายของเรียว
"สัญญาอะไรกับพี่ชายมันหน่อยได้ไหม ถ้าคุณทำให้มันมีความสุขไม่ได้ คุณต้องมีสปิริตพอที่จะเดินออกไปจากชีวิตมัน และปล่อยให้ผู้กองธามทำหน้าที่แทน"
"ถึงผมจะถอยไป แต่ถ้าหมวดเรียวรักผม ผู้กองธามเข้ามามันก็ไม่มีประโยชน์"
"แล้วเรียวมันรักคุณหรือ" โชเลิกคิ้วทำหน้ากวนๆ
"นี่ไง ผมถึงได้ตามมานี่ มาเคลียร์กันให้ชัดเจน" ศรันย์รู้สึกใจเต้นตึกตักเมื่อร่างสูงของคนที่เขารักและคิดถึงกำลังเดินเข้ามาใกล้จะถึงประตูบ้าน
"เอายังงี้ คุณพิสูจน์ให้ผมเห็นก่อนได้ไหมว่ารักน้องผมจริง และพร้อมทีจะดูแลมันได้"
"เอาไว้คุยทีหลังได้ไหม ผมจะไปหาหมวดเรียว" ศรันย์ขยับตัวจะเดินอ้อมโชซึ่งกำลังยืนขวางทางอยู่
"บอกแล้วไงว่ามันไปเมืองลาว" โชพูด
"นั่นไง หมวดเรียวอยู่ตรงโน้น กำลังเดินมาโน่นไง" ศรันย์ชี้มือ โชหันตามแล้วหัวเราะดังลั่น
"นั่นฝาแฝดผม" โชพูดขึ้นแล้วหัวเราะจนตัวโยน
"ฝาแฝด อะไรวะเนี่ย" ศรันย์อุทาน ขมวดคิ้ว ไม่อยากจะเชื่อ
นี่อีกคนหรือ มีคนที่เหมือนหมวดเรียวเพิ่มอีกคนหรือ อะไรกัน ลูกชายบ้านนี้ทำไมหน้าตาเหมือนกันหมดทุกคน
แต่ถ้าโชมีฝาแฝด ทำไมไอ้หนูเคนไม่เห็นพูดอะไร บอกแต่ว่าพี่ชายคนโตก็หน้าตาเหมือนกัน เพียงแต่ตัวหนากว่าเล็กน้อย เวลาไปไหนสามคนก็จะถูกเข้าใจว่าเป็นแฝดสาม
ศรันย์แทบจะกลั้นหายใจเมื่อแฝดของโชเดินเข้าประตูรั้วบ้านมาใกล้ คนนี้หน้าตาเหมือนหมวดเรียวมาก รูปร่างบางกว่าโช ผิวคล้ำกว่าเล็กน้อย หน้านิ่ง ขมวดคิ้ว ตาค่อนข้างดุเหมือนคนเจ้าอารมณ์

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                         

►จบบทที่ 24◄

หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 24 ►11/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: bradpitt ที่ 11-08-2017 15:17:00

เฮ้อออออออออ  เหนือ่ยใจแทน :hao5:

กว่า คุณ ศรันย์ จะเจอ หมดเรียว .....ต้องผ่าน  พี่ชาย น้องชาย อีกกี่คนนะเนี่ย

ถ้าไม่ใช่รักแท้  แก คงฟันดะ หมดแล้ว :-[
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 24 ►11/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-08-2017 00:19:38
บ้านนี้นี่เป็นยังงัยกันนะ สงสารเฮียแล้วจะผ่านด่านโคลนนิ่งหมวดเรียวได้หรือเปล่า 5555
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 24 ►11/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 12-08-2017 00:30:36
สับสนแทนคุณศรัณย์ หมวดเรียวพี่น้องเยอะเหลือเกินน
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 24 ►11/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-08-2017 20:22:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 24 ►11/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 13-08-2017 14:12:20
สงสาร 555555555 :onion_asleep: :onion_asleep:
หัวข้อ: Re: ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง) ♥ h.e.a.r.t ♥ s.t.e.a.l.e.r ♥ บทที่ 24 ►11/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 13-08-2017 15:12:47
ถือซะว่ามาฝากเนื้อฝากตัวกับครอบครัวหมวดเรียวทุกคน มาเป็นเขยเขาแล้ว สู้ๆเฮีย
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทที่ 25 ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 16-08-2017 19:35:16
♀ บทที่ 25♀

พี่น้องสี่คนนี้หน้าตาเหมือนกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝาแฝดของโช เพราะตัวไม่หนาเท่าจึงทำให้เหมือนหมวดเรียวมากกว่า เคนก็เหมือน แต่หน้าอ่อนกว่าจึงเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นน้อง
"นี่ไงโชค คนที่เขาบอกว่าเป็นแฟนไอ้เรียว" โชพูดกับแฝดของตัวเองพร้อมกับผายมือไปยังศรันย์ซึ่งกำลังยืนนิ่งเหมือนถูกสะกดจิต
"แม่ให้มาขับรถพาไปหาไอ้เรียวที่เมืองลาว" แฝดน้องพูดกับแฝดพี่แล้วหันไปหาศรันย์ "เจ็ดโมงไปเลยนะ เดี๋ยวแดดร้อน อย่าลืมบัตรประชาชน ไม่เอาของอะไรไป ค่ำๆ ก็กลับ"
"ต้องไปทำบัตรผ่านแดน คุณเคยไปเมืองลาวไหม" โชถามศรันย์
"แฝดน้องหรือแฝดพี่ครับ" ศรันย์ชี้มือไปยังโชคซึ่งเดินผ่านหน้าเขาเข้าไปในบ้าน โชตอบว่าเป็นน้อง ห่างกันประมาณห้านาที
"จะเหมือนกันอะไรขนาดนี้" ศรันย์พึมพำ เดินตามหลัง แต่โชคเดินเร็วมาก เดี๋ยวเดียวก็หายเข้าในครัวด้านหลังของเรือนใหญ่ซึ่งมีสิ่งของวางระเกะระกะ
โชบอกให้ศรันย์ไปอาบน้ำและบอกว่าจะเอาอาหารเช้าไปให้ที่เรือนหลังเล็ก

เจ็ดโมงตรง รถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อสีดำก็ออกเดินทางมุ่งสู่ชายแดนไทย-ลาว ตลอดทางคนขับนั่งเงียบ ไม่ชวนคุยแม้แต่น้อย
"เมื่อไหร่จะถึงครับ ขับเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม ถนนก็ไม่มีรถ คุณขับหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเอง" ศรันย์พูดขึ้นมาเพราะรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหวแล้ว
"ผมไม่รีบ" คนขับพูดขึ้นเบาๆ สั้นๆ ตามองตรงไปข้างหน้า ตั้งใจขับรถ
"แต่ผมรีบ" ศรันย์แย้ง
"ถ้ารีบทำไมไม่นั่งเครื่องบินไปเอง ไปขึ้นเครื่องบินที่เชียงใหม่ ลงเวียงจันทร์แล้วเช่ารถไปบ่อแก้ว พรุ่งนี้เย็นๆ ก็ถึง"
ศรันย์เม้มริมฝีปากเพราะเริ่มไม่พอใจที่โดนประชด ตัดสินใจหยุดต่อปากต่อคำ
"ผมปวดฉี่ แวะปั๊มหน่อยได้ไหม" หลังจากนั่งนิ่งมาเป็นเวลานาน ศรันย์ก็พูดขึ้น คนขับไม่ตอบ แต่ลดความเร็วรถแล้วจอดข้างทาง ชี้นิ้วออกไปนอกรถ
"จะให้ผมฉี่ข้างทางแบบนี้เลยหรือ" ศรันย์โวยเบาๆ แต่ก็ยอมลงจากรถ เดินไปหันหน้าเข้าพุ่มไม้ ไม่นานก็ได้ยินเสียงเร่ง
"เร็วแล้วครับ" ศรันย์ร้องตอบ แล้วบ่นพึมพำ "เร่งจริงๆ เลย ขับรถยังกะเต่า แล้วยังจะมาเร่ง"
"รถสตาร์ทไม่ติด คุณไปเข็นหน่อย" เมื่อศรันย์เดินมาถึงรถ คนขับก็บอกหน้าตาเฉย
"อะไรกัน รถยังใหม่อยู่เลย"
"จะไปไหม" โชคถามเสียงเย็น "ไม่อยากเจอไอ้เรียวเร็วๆ หรือไง"
"เข็นก็ได้" ศรันย์หน้าง้ำ เดินบ่นพึมพำไปหลังรถ ออกแรงเข็นรถจนสุดแรง แต่คนขับก็ยังไม่ติดเครื่องเสียที
"นี่คุณพี่โชคครับ ติดเตรื่องเสียทีสิคร้าบ" ศรันย์ตะโกน รู้สึกเหนื่อยจนหอบ
"เข็นเถอะน่า" คนขับตะโกนตอบกลับแล้วบิดกุญแจ แต่เครื่องยนต์ก็ยังไม่ติด
"เหยียบครัชด้วยสิคุณ" ศรันย์ตะโกนบอก หมดแรงจะเข็นต่ออีกแล้วจึงหยุดยืน ยกมือเท้าสะเอว หายใจหอบเพราะความเหนื่อย
"อะไรกัน แค่นี้ก็หมดแรง ความพยายามน้อยจังเลย" คนขับลงจากรถมายืนมองคนเข็นแล้วส่ายหน้า
"ผมเข็นจนหมดแรงแล้ว คุณก็ไม่สตาร์ทเสียที เมื่อไหร่มันจะติด" ศรันย์ยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก
"สตาร์ทแล้ว มันไม่ติด"
"เข้าเกียร์สอง เหยียบครัชให้จมแล้วปล่อยเร็วๆ" ศรันย์แนะนำ
"ก็ทำแล้ว"
"ทำไมมันยังไม่ติดอีก รถมันเป็นอะไรเนี่ย วิ่งมาอยู่ดีๆ พอจอดให้ผมฉี่กลับเสียซะแล้ว" ศรันย์ส่ายหน้า ออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อย
"ถ้าไม่ปวดฉี่ก็ไม่ต้องเสียเวลาหรอก"
"แล้วนี่อีกไกลไปครับ" ศรันย์แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่โดนว่ากระทบกระเทียบ
"ไหนว่าคุณเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถ มาดูหน่อยซิ" โชคเดินนำไปยังหน้ารถ
"เออจริงสิ ให้ตายเถอะ เสียแรงเข็นมาตั้งนาน" ศรันย์แหงนหน้า กรอกตา ยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง เดินไปที่หน้ารถ รอให้อีกฝ่ายเปิดฝากระโปรงรถ
"สมองช้าจริงๆ นะคุณ" ศรันย์โดนตำหนิ
"ก็คุณสั่งให้ผมเข็น ผมก็เข็นนะสิ" ศรันย์เถียง ก้มลงสำรวจดูห้องเครื่องยนต์ได้ไม่กี่นาทีก็พูดว่าทุกอย่างปรกติ ไม่มีปัญหา จึงบอกให้โชคลองติดเครื่องยนต์อีกครั้ง เพียงครั้งเดียว เสียงเครื่องยนต์ก็ดังกระหึ่ม ศรันย์ปิดฝากระโปรงรถแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนขับซึ่งกำลังมองมาที่เขาด้วยใบหน้าขำๆ
ศรันย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัวจึงเดินไปเกาะขอบประตูรถ เอียงหน้ามองคนขับอย่างพิจารณา
"ขึ้นรถสิ จะได้รีบไป" โชคสั่ง มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยรถนิ่ง ตามองตรงไปข้างหน้า แต่ครั้นศรันย์ไม่ขยับตัวจึงหันมาพูดเสียงเข้มขึ้น "คุณศรันย์ ขึ้นรถ จะได้ไปถึงด่านก่อนเที่ยง"
"ด่านอะไรครับ" ศรันย์ถาม หรี่ตาลงเล็กน้อย
"ด่านชายแดนข้ามไปเมืองลาวไง" คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยตอบโดยไม่หันมามอง
"แน่ใจหรือครับว่าด่านไปทางนี้"
"อ้าว ก็แน่ใจสิ ไม่แน่ใจจะพามาทำไม"
"ทำไมถนนมันเปลี่ยวจังเลย ไม่มีรถผ่านไปมาซักคัน มันควรจะมีรถข้ามไปเมืองลาวเยอะแยะไม่ใช่หรือ" จู่ๆ ศรันย์ก็นึกอะไรได้บางอย่าง
"มีทางไปหลายทาง" โชคตอบแล้วยักไหล่
"ทางที่ใกล้กับทางที่ใกลใช่ไหม ผมว่าไปทางนี้ต้องอ้อมแน่ๆ เลย คุณก็ขับรถช้า เมื่อไหร่จะถึง"
"ไม่นานหรอกน่า ขึ้นรถเร็วๆ เข้า มันจะช้าก็เพราะคุณมัวแต่ถามคำถามนี่ล่ะ"
"ถ้างั้น..." ศรันย์เอียงหน้าคิด
"งั้นคุณขับ จะขับเร็วขนาดไหนก็ตามใจ" โชคพูดแทรก เปิดประตูรถออก ลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปยังที่นั่งด้านซ้าย ศรันย์ก้าวถอยหลัง มองตามร่างสูงของแฝดผู้น้องของโช จากนั้นขึ้นนั่งประจำที่คนขับ สตาร์ทรถแล้วหันไปพูดกับโชคเพราะเห็นว่าฝ่ายนั้นปรับเอนเบาะลง
"คุณจะนอนหรือ ผมไม่รู้ทาง เดี๋ยวก็หลง" ศรันย์ท้วง
"ตรงไปเรื่อยๆ ถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวขวา ตรงไปอีกประมาณสิบกิโล พอถึงสะพานแล้วก็ให้ปลุก ผมจะได้บอกทางต่อ" โชคพูดแล้วยกมือขึ้นกอดอก หลับตา
ศรันย์ออกรถ ในใจเริ่มคิดว่าบุคลิกของโชคนั้นเริ่มทำให้เขารูสึกว่าคล้ายกับหมวดเรียวมากขึ้นเรื่อยๆ
"ขับดีๆ นะ อย่าให้ตกหลุม ผมจะงีบซักหน่อย" โชคพูดขึ้นเบาๆ ศรันย์ไม่ตอบ มือเปลี่ยนเกียร์แล้วเร่งความเร็ว ผ่านไปเป็นเวลาราวสิบนาทีจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา มือกดหาหมายเลขของชินวัฒน์
"เดี๋ยวได้ลงข้างทางหรอก ขับรถไปโทรศัพท์ไป อันตราย" เสียงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดังขึ้นเบาๆ
"ระดับผมไม่มีทาง คุณคงไม่รู้ว่าฝีมือขับรถของผมนั่นน่ะระดับเทพเลยนะครับ" ศรันย์คุยโอ่
"ถึงทางแยกแล้วเลี้ยวขวานะ ตรงไปอีกสิบกว่ากิโล พอไปถึงสะพานให้ปลุกผม จะได้บอกทางต่อ" โชคย้ำแล้วหลับตาต่อ ศรันย์รอจนชินวัฒน์รับสายโทรศัพท์แล้วจึงพูดขึ้นว่า
"หมวดชิน ติดต่อหมวดเรียวได้บ้างหรือยัง"
"ก็บอกแล้วว่าหมวดเรียวไปเมืองลาว" เสียงคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดังแทรกขึ้นมา
ศรันย์ไม่สนใจเสียงพูดแทรก คุยกับชินวัฒน์ต่อเรื่องหมวดเรียว
"หมวดชิน คุณสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน หมวดเรียวจะไม่โทรหาบ้างเลยหรือ" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ผมเป็นพี่ชาย มันก็ไม่โทรหา คุณก็บอกว่าตัวเองเป็นแฟน มันก็ไม่โทรหา หมวดชินเป็นแค่เพื่อน"
"หมวดเรียวงอนผมอยู่"  ศรันย์หันไปตอบแล้วพูดโทรศัพท์กับชินวัฒน์ต่อ "นี่หมวดชิน ถ้าได้คุยกับหมวดเรียว ให้บอกนะว่าผมกำลังไปหา"
"พอมันรู้ เดี๋ยวมันได้แอบหนีต่อเข้าพม่าหรอก" คนนั่งข้างๆ ยังคงพูดแทรก
"หนีผมก็จะตาม จะทะลุพม่าขึ้นไปปากีสถาน หรือภูฐานเทือกเขาหิมาลัยผมก็จะไป" ศรันย์พูดเสียงเข้มกับโชคแล้วย้ำชินวัฒน์ว่า หากติดต่อหมวดเรียวได้ ให้โทรศัพท์กลับมาบอกเขาทันที
"เมื่อไหร่จะถึงเสียที" ขับรถต่อมาได้อีกไม่นาน ศรันย์ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใกล้จะหมดความอดทน
"อย่าลืมนะ พอถึงแยกให้เลี้ยวขวา ตรงไปจนถึงสะพานแล้วก็..."
"เฮ้ย ผ่านแยกมาแล้ว" ศรันย์โวยวายเสียงดัง รีบแตะเบรกลดความเร็วรถ
"มัวแต่คุยโทรศัพท์ เป็นไงล่ะ เสียเวลาจริงๆ ขับรถก็เร็ว นี่คงเลยมาสิบกิโลได้แล้วมั๊ง ถ้ายังงั้นคงต้องขับไปจนถึงทางแยกหน้าแล้วกลับรถ" โชคตำหนิ
"ผมจะยูเทิร์นตรงนี้เลย" ศรันย์กระแทกเสียง
"ถนนสองเลนแคบๆ แบบนี้ ข้างทางก็เป็นคลอง คุณจะกลับรถได้ยังไง"
"คอยดูผมนะ" ศรันย์พูดเสียงเข้มแล้วเปลี่ยนเกียร์ เร่งความเร็วรถ มือซ้ายดึงเบรกมือพร้อมเหยียบเบรก มือขวาหมุนพวงมาลัยอย่างเร็ว กลับรถกลางถนนเหมือนในฉากไล่ล่าในภาพยนต์แอคชั่น
"โอ๊ย" เสียงคนนั่งข้างๆ ร้องลั่นเพราะตกใจและถูกเหวี่ยงกระแทกกับประตู
"เห็นฝีมือผมหรือยัง นี่ล่ะเขาเรียกว่ายูเทิร์นขั้นเทพ ไม่ต้องรอให้ถึงแยก" ศรันย์หัวเราะ
"นี่คุณ ถ้ารถคว่ำจะว่ายังไง" โชคโวยวาย
"แล้วมันคว่ำไหมล่ะครับ ถนนกว้างๆ แบบนี้ ผมยูเทิร์นได้สบายมาก แคบกว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว อยากดูผมดริฟท์รถเข้าโค้งไหม"
"ไม่ต้อง พอแล้ว ลดความเร็วเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง" โชคตะคอก หน้าตาเอาเรื่อง ศรันย์หัวเราะหึๆ ในลำคอ รู้สึกคลายเครียดขึ้นมาทันใด
"ยังไม่ลดความเร็วอีก เดี๋ยวก็เลยแยกอีกหรอก"
"ไม่เลยหรอกน่า ผมกำลังดูถนนอยู่นี่ไง" ศรันย์เถียง ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็ถึงทางแยก จึงเลี้ยวรถแล้วเร่งความเร็วเหมือนเดิม
"เมื่อไหร่จะเลิกขับรถเร็ว ไม่รู้หรือว่ามันอันตราย" คนนั่งอยู่เบาะข้างๆ บ่นพึมพำ
"ฝีมือขับรถระดับเทพอย่างผม ไว้ใจได้หายห่วง ผมไม่เคยมีประวัติลงข้างทาง" ศรันย์อวด
"พอข้ามไปเมืองลาว คุณจะขับแบบนี้ไม่ได้นะ บ้านเขาไม่เหมือนบ้านเรา โดนจับขึ้นมาเสียเวลาเป็นวันๆ เลยนะจะบอกให้" โชคเตือน
"คร้าบคุณพี่โชค ผมเข้าใจแล้วคร้าบ" ศรันย์ล้อเลียน "คุณนี่เหมือนหมวดเรียวจังเลย เอาแต่สั่งสั่งสั่ง"
"คุณว่าน้องผมขี้บ่น พูดมากยังงั้นหรือ" โชคกระชากเสียง
"เปล่าพูดนี่ครับ ผมบอกว่าเอาแต่สั่งสั่งสั่ง ไม่ได้พูดคำว่าขี้บ่นพูดหมากซักหน่อย" ศรันย์ยักไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ รู้สึกสบายใจขึ้นมาที่ได้ยั่วโมโหคน
"ขอถามหน่อย คุณชอบอะไรในตัวน้องผม ทำไมถึงคิดจะจริงจังกับมัน"
"มันพูดยาก" ศรันย์ส่ายหน้าช้าๆ
"ถ้าบอกไม่ได้ ก็แสดงว่ายังไม่ค่อยมั่นใจ ถ้าคุณรู้สึกชอบจริงๆ ก็ต้องบอกได้ว่าทำไมถึงชอบ"
"ผมไม่ได้แค่ชอบ" ศรันย์หันมาพูด น้ำเสียงหนักแน่น "ผมรักเลยล่ะ"
"ทำไมถึงรัก"
"ก็..." ศรันย์นิ่งไป
"ก็อะไร"
"ก็...เอ่อ..."
"ตอบไม่ได้ แสดงว่าไม่ได้รักจริงๆ" โชคเบ้ปาก
"แหมคุณพี่โชคครับ ของแบบนี้มันไม่ใช่จะอธิบายได้ง่ายๆ ความรู้สึกในหัวใจมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน มันก่อตัวขึ้นมาทีละน้อย เผลอแป๊บเดียว มันก็กลายเป็นความรู้สึกลึกซึ้งซะแล้ว แต่คุณพี่มั่นใจได้เลยว่า ผมรักหมวดเรียวจริงๆ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน"
"ขอถามหน่อย ถ้าคุณเจอผมหรือไม่ก็พี่โชก่อนเจอหมวดเรียว คุณจะชอบเราไหม"
"ไม่รู้สิ" ศรันย์ส่ายหน้า
"แสดงว่าคุณไม่ได้มองแค่ที่รูปร่างหน้าตา ไม่ใช่ว่าเจอหมวดเรียวครั้งแรก คุณก็ชอบเพราะหน้าตาถูกใจหรอกใช่ไหม" โชคถาม
"ผมยอมรับตามตรง มันก็มีส่วนอยู่บ้าง มันบอกยากนะคุณ รู้ไหม เวลาเจอใครบางคน ร่างกายเรามันก็มีอาการขึ้นมาเองเลย เขาเรียกว่าสารเคมีในร่างกายมันมีปฏิกิริยา" ศรันย์พูดยิ้มๆ
"เข้าใจสิ ไม่ใช่คนโง่นะ"
ศรันย์ปรายตามองพี่ชายของเรียวแล้วเผลออมยิ้ม พอพูดเสร็จฝ่ายนั้นก็ปรับเบาะเอน ยกมือขึ้นกอดอก หลับตา แสดงให้เห็นว่าต้องการยุติการสนทนา
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ศรันย์ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะสภาพสองข้างทางเริ่มมีสภาพเป็นป่าทึบจึงลดความเร็วลง ยื่นมือไปสะกิดคนที่เอนตัวนอนอยู่บนเบาะข้างๆ
"นี่คุณพี่โชคครับ แน่ใจหรือว่ามาถูกทาง ทำไมไม่ถึงสะพานเสียที"
"เฮ้ย นี่มันคนละทาง" โชคหันไปมองข้างทางแล้วร้องขึ้นมา
"อ้าว เวรกรรม" ศรันย์ยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าผากตัวเองอย่างหงุดหงิดแล้วจอดรถข้างทาง หันมาเอาเรื่องกับโชค "นี่คุณตั้งใจจะถ่วงเวลาใช่ไหม ไม่อยากจะให้ผมไปถึงด่านชายแดนเร็วๆ ไม่อยากจะให้เจอหน้าหมวดเรียวเร็วๆ ทำไมคุณไม่ชอบหน้าผม โชก็เหมือนกัน เห็นผมก็เอาแต่กวน เชียร์ผู้กองธามออกนอกหน้า รู้ทั้งรู้ว่าน้องชายตัวเองรักคนชื่อศรันย์"
"แน่ใจได้ยังไงว่าไอ้เรียวมันรักคุณ"
"ผมแน่ใจก็แล้วกัน ไม่งั้นไม่งอนหนีกลับบ้านหรอก" ศรันย์เถียง
"พูดยังกับว่ารู้จักมันดี" โชคเหยียดปาก
"นี่ ขอทีเถอะคุณพี่ เลิกพูดจาบั่นทอนกำลังใจผมเสียที ยังไงพวกคุณก็ขวางทางผมกับหมวดเรียวไม่ได้หรอก ชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องยอมรับและทำใจให้ได้ว่าผู้ชายคนนี้คือน้องเขย" ศรันย์ชี้นิ้วเข้าที่หน้าของตัวเอง "คุณจะยื้อเวลาไปทำไม ยังไงผมก็ต้องหาทางไปถึงชายแดนให้ได้"
"เมื่อกี้คุณเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา" โชคถอนหายใจ ทำเอือมระอา
"ขวาสิครับ คุณบอกว่าถึงแยกแล้วให้เลี้ยวขวา ตรงไปอีกสิบกิโล ถึงสะพานแล้วให้บอก" ศรันย์ทวนคำพูด
"เฮ้อ ไอ้เรียวมันไปชอบคนไม่เต็มเต็งแบบนี้ได้ยังไงวะ" โชคโยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเลียนแบบที่ศรันย์ทำ
"ไม่เต็มยังไง เลิกทับถมผมเสียที ทั้งคุณ ทั้งโช เอาแต่ข่มผมอยู่ได้ ผมใกล้จะหมดความอดทนแล้วนะ"
"ลองคิดดีๆ ซิ ถึงแยกแล้วเลี้ยวขวา แต่คุณผ่านแยกเลยไปตั้งหลายกิโลเพราะขับรถเร็วและมัวแต่คุยโทรศัพท์ เลยต้องยูเทิร์นท้ามฤตยูกลางถนน พอมาถึงแยกที่ต้องเลี้ยว คุณจะต้องเลี้ยวทางไหน ซ้ายหรือขวา" โชคกระชากเสียง
"ตายห่_" ศรันย์สะบัดหัว ยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมกับทำเสียงคำรามอยู่ในลำคอ
"ขับเร็วแบบนี้ มาไกลกี่กิโลแล้วล่ะ"
"ทำไมคุณไม่เตือน" ศรันย์เค้นเสียงออกมาตามไรฟันแล้วกลับรถช้าๆ
"ผมนอนหลับตาอยู่ คุณไม่เห็นหรือ"
"ก็น่าจะช่วยกันดูหน่อย" ศรันย์ค้อน
"ใครจะไปคิดว่าคุณจะเฟอะฟะได้ถึงขนาดนี้ แค่นี้ก็พลาด จะไปทำอะไรได้ถึงดูแลชีวิตคนที่คุณรัก" โชคตำหนิ
"มันก็ไม่เหมือนกัน"
"จำไว้นะ ถ้าคุณพลาด ผู้กองธามกับสารวัตรธันว์เอาคุณตายแน่ๆ เลย พี่ชายไอ้เรียวก็ไม่อยู่เฉยๆ หรอก"
"ผมรู้แล้ว ไม่ต้องขู่" ศรันย์กระแทกเสียง เร่งความเร็วของรถ
"พอไปถึงแยก อย่าไปเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอีกล่ะ รู้ใช่ไหมว่าต้องตรงไป"
"ผิดครั้งเดียวเท่านั้นล่ะครับคุณพี่โชค ขอบคุณที่เตือน" ศรันย์ค้อน ตามองตรงไปข้างหน้า ตั้งใจขับรถ ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงสะพานตามที่โชคบอกไว้
"จอดรถ คุณรอตรงนี้เดี๋ยวเดียว"
"อะไรนะ ทำไมต้องรอ คุณจะไปไหน พอมาถึงสะพานแล้วจะบอกทางต่อไม่ใช่หรือ นี่คุณพี่โชค กำลังถ่วงเวลาใช่ไหม" ศรันย์โวยวาย ชักจะทนไม่ไหวแล้ว
"เปล่า ผมจะลงไปเอาของที่บ้านญาติ เขาจะฝากไปให้ญาติอีกคนที่บ่อแก้ว"
"ทำไมจะต้องมาฝากตอนนี้ คุณก็รู้ว่าผมรีบอยากไปหาหมวดเรียว" ศรันย์ตีหน้าเซ็ง
"คุณอยากไปทางลัดไหมล่ะ เดี๋ยวเดียวถึง"
"ทางลัดอะไรอีกล่ะ อย่ามาแกล้งผมหน่อยเลย แค่นี้ก็จะไม่ไหวแล้ว" ศรันย์สะบัดหน้าหนี
"ญาติผมเขามีเรือหางยาว ข้ามแม่น้ำโขงไปขึ้นฝั่งเมืองลาวที่บ้านห้วยทราย เช่ามอเตอร์ไซด์ขับไปบ่อแก้วได้ไม่ถึงชั่วโมง"
"เข้าประเทศผิดกฎหมาย ถูกจับเดี๋ยวก็ซวย" ศรันย์ส่ายหน้า "คุณรีบไปเอาของเร็วๆ เข้า จะได้รีบไป"
"ถ้าไม่อยากซวยก็เลิกบ่น"
"ร้ายจริงๆ เลยพี่น้องบ้านนี้ นึกว่าหมวดเรียวจะร้ายแล้ว พี่ชายร้ายกว่าอีก มีเจ้าเคนนี่ล่ะที่กวนน้อยหน่อย" ศรันย์บ่นพึมพำ มองตามร่างสูงซึ่งกำลังเดินลงจากถนนตรงไปยังบ้านหลังใหญ่ห่างจากถนนกว่าร้อยเมตร
ศรันย์ปรับเบาะเอนลง แหงนหน้ามองเพดานรถแล้วหลับตาลงช้าๆ ใจเหม่อลอยถึงใบหน้าของนายตำรวจหนุ่มผู้เข้ามาในชีวิตของเขาอย่างไม่คาดฝัน ไม่อยากจะเชื่อว่า ครั้งแรกที่เจอกัน ตัวเองถูกขู่บังคับให้ขับรถพาหมวดเรียวหนีจากการไล่ล่าของพวกค้ายาเสพติด พอเขาโวยวาย ไม่ยอม คุณตำรวจนอกเครื่องแบบก็ชักปืนออกมาขู่ แต่ตอนนี้ เขากลับต้องมาไล่ตามหมวดเรียว
ขณะที่ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆ ศรันย์ก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงโครมดังขึ้นที่ท้ายรถ จึงเปิดประตูลงไปดู เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งนอนกองอยู่ที่พื้น ข้างๆ มีจักรยานสภาพเก่าล้มคว่ำอยู่ ล้อหน้าบิดเบี้ยว
"เฮ้ย ไอ้น้อง ชนรถพี่" ศรันย์โวยวาย
"โอ๊ย เจ็บ" เด็กหนุ่มร้องคราง
"ทำไมเฟอะฟะยังงี้ รถจอดอยู่เฉยๆ ก็ขับมาชน เจ็บมากไหมเนี่ย" ศรันย์ก้มลงมอง
"ขอโทษครับลุง" เด็กหนุ่มยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว
"ไอ้บ้า ลุงที่ไหนวะ ไม่ได้แก่ขนาดนั้นนะโว้ย" ศรันย์แยกเขี้ยว รู้สึกฉุนขึ้นมาทันที
"ขอโทษครับ" เด็กหนุ่มยิ้มแหย "ผมมัวแต่หันไปมองข้างทาง เลยไม่เห็นรถน้า"
"เออ เรียกน้าก็ยังดี" ศรันย์หันไปสำรวจท้ายรถกระบะ "โชคดีนะไม่มีรอยอะไร ไม่งั้นเอ็งได้เสียเงินแน่ๆ"
"ขอโทษครับพี่" เด็กหนุ่มลุกขึ้น ยกมือไหว้อีกครั้ง แล้วหันไปยืนคอตก มองรถจักรยานของตัวเองแล้วบ่นว่าต้องถูกแม่ด่าแน่ๆ ที่ทำจักรยานพัง
"แล้วแถวนี้มีร้านซ่อมหรือเปล่าล่ะ" ศรันย์ถาม
"มีครับ แต่ผมไม่มีเงินค่าซ่อม" เด็กหนุ่มทำหน้าตาน่าสงสาร
"อ๊ะๆ อย่านะ ไม่ต้องมาขอเงินเลย กลับไปสารภาพผิดกับแม่ดีกว่า จักรยานเก่าๆ แบบนี้ โดนด่าไม่เท่าไหร่หรอก" ศรันย์ชี้หน้าคนซึ่งยืนทำหน้าทุกข์ร้อนใจเกินกว่าเหตุ แต่ทันใดนั้น เด็กหนุ่มคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง หันไปมองอีกทางพร้อมตะโกนออกมาสองคำด้วยเสียงอันดัง
สองคำที่ทำให้ศรันย์ต้องอ้าปากค้างแล้วหันขวับตามไปทันที
"พี่เรียว"
"หมวดเรียว" ศรันย์พึมพำ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง เด็กหนุ่มวิ่งผละจากเขาไปทันที ลงข้างถนนตรงไปหาร่างสูงของคนที่กำลังถือถุงพลาสติกใบใหญ่เดินมาตามทางเดินโรยกรวดออกจาก 'บ้านญาติ' ซึ่งเข้าไปเอาของฝากเมื่อสิบนาทีที่ผ่านมา
"พี่เรียวจริงๆ ด้วย พี่เรียวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่เรียวรู้ไหมผมสอบตำรวจติดแล้วนะครับ อาทิตย์หน้าก็จะไปมอบตัว พี่เรียวพาผมไปด้วยนะ" เด็กหนุ่มพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้นและดีใจ
"หมวดเรียว" ศรันย์เดินตามไปช้าๆ ราวกับละเมอ ตาจับอยู่ที่ใบหน้าของ 'โชค' แฝดคนน้องของโช พี่ชายหมวดเรียว
"ตกลงนะครับ อาทิตย์หน้าผมเข้ากรุงเทพฯ ไปหาพี่เลยนะ เห็นไหม ผมสอบตำรวจได้เหมือนพี่ เก่งไหมล่ะ" เด็กหนุ่มจับแขน 'โชค' เขย่า
"เออๆ เก่งๆ แล้วค่อยคุยกันนะ ตอนนี้พี่รีบไปธุระ"
"งั้นพรุ่งนี้ผมจะขับรถไปหาพี่ที่บ้าน"
ศรันย์ยืนนิ่ง ไม่พูดอะไรสักคำ รอจนเด็กหนุ่มเดินไปจูงจักรยานของตัวเองเข้าบ้านไปเสียก่อนแล้วจึงหันมา 'เอาเรื่อง' กับคนที่ชื่อว่า 'โชค'
"ร้ายจริงๆ เลย ต้มผมเสียจนสุก สนุกนักหรือไงที่ได้แกล้งกัน อยากเห็นผมขาดใจตายหรือยังไง" ศรันย์โวยวาย
"ที่จริงผมต่างหากควรที่จะเป็นคนโกรธเพราะคุณจำผมไม่ได้ อะไรกัน ตั้งแต่หกโมงเช้าจนตอนนี้กี่โมงแล้ว นั่งอยู่ในรถตัวแทบติดกัน เถียงกันมาแทบตลอดทาง คุณยังไม่รู้เลยว่าอยู่กับคนที่ตัวเองบอกว่ารัก"
"คุณตัวคล้ำ" ศรันย์เสียงอ่อนลง
"ผมแค่ตากแดดไม่กี่วันให้ผิวคล้ำ ตัดผมสกินเฮด ใส่เสื้อเชิทร์กางเกงยีนส์เก่าๆ ไม่ได้เปลี่ยนไปอะไรนักหนา แค่นี้คุณก็ดูไม่ออก ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไอ้เดี่ยวมันไม่ได้เห็นผมมาเป็นปีๆ ยืนอยู่ตั้งใกลมันยังรู้เลยว่าผมเป็นใคร"
"ก็มันไม่ได้ถูกแกล้งเหมือนผมนี่นา" ศรันย์เถียง "พี่ชายคุณกับน้องชายคุณก็หน้าตาเหมือนกันมากขนาดนั้น หน้ำซ้ำยังมาบอกว่าเป็นฝาแฝด ชื่อโชค จะให้ผมเถียงว่าไม่ใช่ยังงั้นหรือ เด็กนั่นเป็นญาติคุณ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ ผมไม่รู้เลยว่าคุณมีพี่ชายกับน้องชาย เพิ่งมาเจอเมื่อวันสองวันนี่เอง"
"ขอโทษ"
"อะไรนะ" ศรันย์อึ้ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้
"ขอโทษที่แกล้ง ต่อจากนี้ไปจะไม่แกล้งอีกแล้ว"
"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร" ศรันย์เสียงอ่อนลงกว่าเดิม
"ไปเถอะ"
"เดี๋ยวก่อนสิ" ศรันย์จับแขนของคนที่กำลังเดินไปที่รถ ดึงให้ถอยกลับมา แล้วยกแขนอีกข้างขึ้นทำท่าจะโอบกอด
"อย่านะ อย่ามาทำรุ่มร่ามข้างถนน"
"ถ้าผมทำ คุณจะต่อยผมใช่ไหม งั้นก็เชิญเลย ตามสบาย ผมยอม" ศรันย์ปล่อยมือ ยืนนิ่ง "ยอมทุกอย่าง"
"ไม่ต้องมาทำเป็นงอนหรอก ยังไงผมก็ไม่ง้อคุณ ผมเป็นคนง้อคนไม่เป็น แล้วก็ไม่ต้องมาง้อผมด้วย เพราะผมไม่ได้งอน"
"ไม่งอนแล้วหนีมาทำไม"
"ไม่ได้หนี แค่เซ็ง"
"ผมขอโทษ" ศรันย์ทอดเสียงอ่อน "ผมขอโทษจริงๆ นะ เรื่องของพีท ผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ ผมไม่เคยรักพีท เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน จริงอยู่ ผมเคยมีเซ็กส์กับเขา แต่ก็แค่ไม่กี่ครั้ง ไม่มีอะไรผูกพันกันจริงๆ วันนั้นที่อู่ เขาก็แค่แกล้งลวนลามผม ตั้งแต่ตอนที่เราไปแข่งรถกันกับพวกไอ้บอส ผมก็ไม่ได้ยุ่งกับพีทอีก ส่วนเรื่องที่..."
"พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรอีก ขี้เกียจฟัง" เรียวยกมือขึ้นห้าม
"ถ้าไม่ฟัง คุณหมวดจะเข้าใจได้ยังไง"
"แต่ถึงฟังผมก็ไม่ค่อยเข้าใจคุณหรอก" เรียวกระแทกเสียง
"อ้าว พูดแบบนี้ก็หาว่าผมเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องยังงั้นหรือ ก็ทำให้มันยุ่งแบบนี้ มันก็รู้เรื่องยากสิครับ ตกลงคุณหมวดไม่ได้โกรธผมเรื่องพีทหรอกหรือ อ้อ งั้นก็โกรธเรื่องที่ผมไม่ได้ไปรับ เพราะว่าผมต้องไปธุระให้พ่อที่ระนองกระทันหัน มันเรื่องจำเป็นมากนะครับ ผมโทรไปแล้วแต่ติดต่อไม่ได้เสียที แล้วผมก็ลืมโทรศัพท์ คุณหมวดก็ลืมโทรศัพท์"
"คุณศรันย์ บอกให้หยุดพูด"
"แล้วต่อจากนี้จะเป็นยังไง" ศรันย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สีหน้ายังคงกังวลใจ "เรื่องของเราสองคนจะเป็นยังไงต่อ คุณหมวดเรียวครับ ผมรักคุณนะ ผมตามมาที่นี่เพราะผมต้องการแสดงให้เห็นว่า..."
"รัก แต่นั่งอยู่ข้างๆ คนที่ตัวเองรักแล้วไม่รู้ว่าเป็นคนที่ตัวเองรัก ใครรู้เข้าคุณจะอายเขาไหมเนี่ย" เรียวเบ้ปากแล้วเดินไปที่รถอย่างรวดเร็ว
"ก็ผมถูกหลอก" ศรันย์ตะโกน เดินตามมาติดๆ
"นี่คือบทเรียนบทแรก" เรียวเปิดประตูรถ ยกนิ้วชี้ขึ้นมาตรงหน้าศรันย์ "จำที่พูดได้ไหม ที่ว่าถ้าคุณพลาด ผู้กองธามกับสารวัตรธันว์เอาคุณตายแน่"
"ก็อย่าแกล้งผมสิ" ศรันย์หน้ามุ่ย "ผมจะพยายามให้ดีที่สุด ผมรู้ตัวอยู่ว่าตัวเองไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่ แต่ผมก็พร้อมที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้โอกาสผมบ้างนะ ผมอาจจะไม่สมบูรณ์แบบเหมือนผู้กองธาม แต่ผมรักจริงครับคุณหมวด"
"เลิกเรียกผมว่าคุณหมวดซะที"
"มันติดปากแล้ว ทำไงได้" ศรันย์ยักไหล่
"ไหนว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง นั่นไงล่ะ คุณบอกว่ามันชินแล้ว ทำไงได้ ปล่อยมันไปแบบนั้นล่ะ นั่นก็หมายความว่าคุณก็ไม่ได้คิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรหรอก"
"โธ่ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ" ศรันย์ท้วง "คือว่าเรื่องนี้มันคนละเรื่องกับที่ว่าปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง"
"เป็นตัวของตัวเองน่ะดีแล้ว แต่เรียกผมว่าคุณหมวดเรียวเนี่ย อย่าบ่อยนัก" เรียวพูดแล้วขึ้นนั่งบนรถ
"งงจริงๆ เลย จะให้เปลี่ยนหรือไม่ให้เปลี่ยนวะ" ศรันย์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ เดินไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ ยืนมองหมวดเรียว
"จะไปไหมครับคุณศรันย์ มีอะไรอีก"
"ผมรักคุณ" ศรันย์นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงหนักแน่น ใบหน้าจริงจัง หมวดเรียวนั่งนิ่ง มองกลับมาด้วยสายตาอ่อนโยน ศรันย์จึงพูดขึ้นว่า "จะไม่พูดอะไรเลยหรือครับคุณหมวดเรียว"
"ขึ้นรถ" เรียวพูดเบาๆ
ศรันย์ยืนนิ่งอยู่ชั่วอึดใจแล้วขึ้นรถตามที่บอก หันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับยื่นมือไปกุมมือของเรียวเอาไว้ บีบเบาๆ จากนั้นจึงออกรถช้าๆ
"ขับไปจนถึงแยกแล้วเลี้ยวซ้ายนะ แล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงอีกแยกแล้วก็เลี้ยวขวา พอถึงสามแยกให้ลงทางเบี่ยง จะเห็นป้ายชี้ทางไปวัดเชียงรุ้ง จอดรถที่ลานวัด เราจะไปลงเรือหางยาวข้ามฝั่งแม่น้ำโขงไปวัดบ่อทราย ผมจะพาคุณไปไหว้พ่อ ผมจะไปบอกรักคุณที่นั่น ให้พ่อได้รับรู้ ผมบอกทางครั้งเดียวนะ จะไม่บอกอีก คุณอย่าเฟอะฟะเลี้ยวผิดอีกล่ะ"
"นี่คือบททดสอบใช่ไหม" ศรันย์ถาม
"บททดสอบสุดท้ายแล้ว" เรียวพูดยิ้มๆ แล้วหันหน้าออกไปมองด้านข้างนอกรถ
"ยากเหมือนกันนะคุณหมวด" ศรันย์ทอดเสียงอ่อน
"มันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่หรอก ถ้าเราพยายาม" เรียวพูดเบาๆ
"ถ้าเราพยายามด้วยกัน ผมก็จะสู้ตาย" ศรันย์ยิ้ม ตามองตรงไปยังถนนเบื้องหน้า ตั้งใจขับรถ บอกตัวเองในใจว่า ถึงจะมีทางแยกอีกหลายแยก เขาก็จะต้องเลี้ยวให้ถูก
นี่ล่ะคือเส้นทางของเขากับหมวดเรียวที่จะเดินไปด้วยกัน

►จบ ◄

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ ขอบคุณที่คอมเมนท์ ขอบคุณเล้าเป็ด ขอให้มีความสุขสุขภาพดีทุกคนนะครับ สวัสดีครับ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทที่ 25 ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-08-2017 19:52:18
 o22 จบแล้ว

 :pig4:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทที่ 25 ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: sangzaja122 ที่ 16-08-2017 20:26:53
พึ่งมาตามได้สามวันก็จบแล้ว  :o12: :o12:
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ  :m1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทที่ 25 ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-08-2017 20:43:31
 :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทที่ 25 ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 16-08-2017 20:47:07
จบแล้ว วันหวยแดรก แต่สุขใจที่ได้อ่านเรื่องราวดีๆ มีภาคต่อมั๊ย อยากอ่านเรื่องของธาม และ เชนน้องเล็ก
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทที่ 25 ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 16-08-2017 21:46:10
 โอ้ยย จบแล้วววววว เย้ 
ใจจริงยังอยากอ่านอีกยาวๆเลย
ว่าแต่ในที่สุดเรื่องของคุณ katawootก็มีสักเรื่องที่ จบแบบปกติๆ 5555
แต่ก็มีแบบแอบต้องเดาตัวละครตอนท้ายให้หัวปั่นบ้าง ไม่ทิ้งแนว ฮ่าท
 
ขี้แกล้งทั้งตระกูลสินะ ฮ่าาา
แต่ศรันเราก็เฟอะฟะมากจริงๆ 
นั่งอยู่ด้วยกันบนรถตั้งแต่เช้ากลับจำไม่ได้
ขำหนักมาก ขนาดเราๆยังรู้เลยว่านั่นหมวดเรียว
จับได้ตั้งแต่คำพูดละ ฝีปากต่อปากต่อคำแบบนี้คือเรียวแน่ๆ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทที่ 25 ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 16-08-2017 21:58:43
ลองใจจนนาทีสุดท้ายเลยนะหมวด
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทที่ 25 ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 17-08-2017 00:39:16
จบซะแระอ อยากอ่านตอนหมวดเรียวบอกรักเฮียอ่ะค่ะ  ขออีกตอนได้ไหมคะ นะ นะ นะ  :mew2:

เฮียถูกลูกชายบ้านนี้รวมทั้งเพื่อนรุมแกล้ง  เฮียเป็นที่เอ็นดูของพวกเค้าล่ะนะ  อิ อิ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทที่ 25 ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: NUTSANAN ที่ 17-08-2017 02:58:33
มาต่อตอนพิเศษด่วนนนน เค้ายังไม่ทันได้หวานกันเลยย คนเขียนเหมือนแต่งมาแกล้งคุณศรัณย์ :laugh:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทที่ 25 ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 17-08-2017 12:22:45
โอ้ยย จบแล้วววววว เย้ 
ใจจริงยังอยากอ่านอีกยาวๆเลย
ว่าแต่ในที่สุดเรื่องของคุณ katawootก็มีสักเรื่องที่ จบแบบปกติๆ 5555
แต่ก็มีแบบแอบต้องเดาตัวละครตอนท้ายให้หัวปั่นบ้าง ไม่ทิ้งแนว ฮ่าท
 ...
ง่ะ เรื่องไหนที่ไม่ปรกติหรา ผมว่ามันก็จบปรกติอยู่นะ เพียงแต่ปรกติแบบไม่ได้เรื่องเท่านั้นเอง  :z1: :jul3: :m20: :pigha2:
ขอบคุณนะครับผู้อ่านทุกท่าน ไม่ใช่เฉพาะคนอ่านหรอกที่ลุ้นตอนจบ คนเขียนก็ลุ้นน่าดู รู้สึกประหม่าและหนักใจมากเพราะรู้ว่าตัวเองชอบมาตกม้าตายตอนจบ ถ้าอนาคตได้มีโอกาสเขียนเรื่องต่อไปจะพยายามทำให้จบดีที่สุดเท่าที่ทำได้ครับผม
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►16/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: KATAWOOT ที่ 17-08-2017 12:24:03
♀ บทที่ 26♀ Epilogue ♀

บทส่งท้าย

ศรันย์กับเรียวมาถึงที่วัดเมื่อเวลาเกือบบ่ายโมง วัดบ่อทรายเป็นวัดขนาดเล็กตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บรรยากาศเงียบสงบ
"นั่นไงธาตุพ่อผม" เรียวเดินนำศรันย์ไปหยุดยืนหน้าอยู่หน้าเจดีย์บรรจุอัฐิของบิดา
"พันตำรวจโท..." ศรันย์อ่านชื่อบิดาของเรียวเบาๆ
"พ่อครับ ผมพาผู้ชายคนนี้มาไหว้พ่อครับ เขาบอกว่ารักผม พ่อเป็นพยานด้วยนะว่าผมก็รักเขา" เรียวพูดเบาๆ แล้วนั่งลง ยกมือขี้นไหว้ ศรันย์นั่งลงข้างๆ แล้วไหว้เคารพเช่นกัน
"แค่นี้หรือคุณหมวด" ศรันย์หันไปถามเมื่อเห็นว่าเรียวพูดแค่นั้นแล้วเงียบไปนาน
"อ้าว คุณอยากได้วงมโหรีมาบรรเลงด้วยหรือ" เรียวหันมาตอบ
"หน้าอัฐิพ่อยังกวนเลยเนาะ" ศรันย์ส่ายหน้าช้าๆ รอจนเรียวลุกขึ้นแล้วจึงลุกตาม
"ความจริง อีกไม่กี่วันก็กลับกรุงเทพฯ ไปทำงาน คุณจะตามมาทำไมก็ไม่รู้" เรียวพูดแล้วเดินไปหยุดยืนอยู่ริมแม่น้ำ ตามองออกไปยังสายน้ำกว้างใหญ่
"ก็เล่นงอนหนีมาแบบนี้ จะไม่ให้ตามได้ยังไง"
"บอกแล้วไงว่าไม่ได้งอน แค่เซ็ง"
"เซ็งก็เลยหนีผมยังงั้นหรือ"
"ผมไม่ได้หนีคุณ"
"บอกเหตุผลจริงๆ หน่อยได้ไหมครับคุณหมวด ว่ามาที่นี่ทำไม"
"แล้วคิดว่ามาทำไม" เรียวเอียงหน้ามองศรันย์ นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหันไปมองเจดีย์ใส่อัฐิพ่อ "จนป่านนี้คุณก็ยังไม่เข้าใจหรือ"
"มาไหว้พ่อ"
"คุณศรันย์เอ๊ย ผมว่าคุณกลับไปเรียนหนังสืออีกซักรอบดีกว่านะ คุณนี่เข้าใจอะไรยากจริงๆ เลย" เรียวส่ายหน้าแล้วเดินไปที่รถ ศรันย์ตามมาติดๆ คิ้วขมวดเพราะยังไม่เข้าใจ
"ผมไม่ได้เป็นคนเก่งคนฉลาดเหมือนผู้กองธามนี่นา คุณหมวดก็อย่าซับซ้อนนักสิ"
"ไม่ต้องเอาพี่ธามมาเกี่ยว" เรียวหันขวับไปชี้หน้าศรันย์
"ก็มันอดเทียบไม่ได้นี่นา" ศรันย์หน้ามุ่ย "ผมรู้ ผมสู้เขาไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะเรื่องอะไร แต่เรื่องหัวใจ ผมสู้ได้"
"เรื่องหัวใจยังไงหรือ"
"ก็หัวใจผมมันเต็มไปด้วยความรักยังไงล่ะ" ศรันย์เอามือตบหน้าอกตัวเอง
"คุณศรันย์ หัวใจคนน่ะอยู่อกซ้าย ไม่ใช่อกขวา" เรียวส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าศรันย์ตบหน้าอกด้านขวาของตัวเอง
"ผมรู้ ทำไมจะไม่รู้ ผมตบหน้าอกแสดงความรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้หมายความว่าตบตรงหัวใจ" ศรันย์เถียง
"แถ" เรียวพูดคำเดียวห้วนๆ
"ตกลงพรุ่งนี้กลับกรุงเทพฯ กันเลยนะ"
"กลับได้ยังไง แม่กำลังซ่อมบ้านอยู่ ต้องช่วยดู" เรียวส่ายหน้า
"พี่ชายคุณก็อยู่ แล้วที่คุณหมวดอยู่ ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ช่วยเท่าไหร่หรอก เห็นไปนั่นไปนี่ ไม่ได้อยู่บ้านเลย"
"ผมมาไหว้พ่อ เหตุผลนี้สำคัญพอที่จะออกจากบ้านได้ไหม" เรียวเปิดประตูรถ "ขึ้นรถเดี๋ยวนี้เลย ผมหิวข้าว คุณจะมายืนเถียงกับผมทำไมกลางลานวัด"
"ผมอยากให้เราชัดเจนก่อนที่จะไป ผมอยากจะรู้ให้แน่ใจว่า สำหรับคุณหมวด ผมอยู่ตรงไหน"
"อยู่ตรงไหน หมายความว่ายังไง" เรียวขมวดคิ้ว
"ในหัวใจของคุณ ผมอยู่ตรงไหน ผมต้องการรู้จุดยืนตัวเอง"
"ก็ผมบอกรักคุณแล้ว คุณจะเอายังไงอีก" เรียวส่ายหน้า
"บอกรักแบบนั้นนะหรือ ไม่โรแมนติกเอาซะเลย" ศรันย์พูดเบาๆ แล้วเดินไปขึ้นรถ
"ผมไม่ใช่คนโรแมกติกนะคุณศรันย์ อยากได้คนโรแมนติกไปหาเอาข้างหน้า" เรียวพูดแล้วคาดเข็มเข็มนิรภัย แล้วสั่งให้ศรันย์ออกรถ จากนั้นบอกทางไปร้านอาหาร "อย่าเลี้ยวผิดอีกนะ ถ้าหลงทางไปไม่ถึงร้านอาหาร เจอฤทธิ์โมโหหิวของผมแล้วคุณจะหนาว"
"จะทำไมผม" ศรันย์เลิกคิ้ว
"ผมจะคืนคำที่บอกรักคุณไป"
"ทำอย่างนี้ก็ได้ด้วย" ศรันย์เบ้ปาก "จริงซี้ คุณไม่ได้รักผมเท่าไหร่นี่นา"
"ถ้าไม่รักแล้วจะบอกรักหรือ"
"พูดเหมือนหุ่นยนต์พูด" ศรันย์บ่นพึมพำ "หวานหน่อยก็ไม่ได้ จูบก็ไม่ได้จูบ แค่จับมือไม่กี่นาที"
"เลิกบ่นเสียที พี่ธามไม่เห็นจะบ่นเหมือนคุณ ไม่โวยวาย ไม่เรื่องมาก เข้าใจอะไรก็ง่าย พูดจาก็ไม่วกไปวนมาน่าปวดหัว" เรียวพูดด้วยน้ำเสียงราวกับเหนื่อยหน่ายเต็มทน
"ผู้กองธามอีกแล้ว ทำไมต้องเอาผู้กองธามเข้ามาเกี่ยว" ศรันย์ทำหน้าบึ้ง
"เมื่อกี้คุณยังดึงผู้กองธามมาเทียบเลย"
"ผมแค่..."
"แค่อะไร"
"ก็แค่...เอ่อ..." ศรันย์อึกอัก หมดคำพูด
"แล้วไม่ต้องหึงนะ ถ้ามาแสดงอาการหึงบ้าๆ บอๆ จะโดนซะไม่ใช่น้อย อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ให้ทำเฉยๆ เหมือนเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องมาจับมือถือแขนแสดงตัวว่าเป็นแฟน ผมอายคน"
"อะไรกัน ทำไมจะต้องมากำหนดกฎเกณฑ์ควบคุมกันขนาดนี้" ศรันย์โวยขึ้นมาทันที
"ต่อหน้าแม่กับพี่โชก็อย่าให้มากนัก" เรียวพูดต่อ
"คุณหมวดเขินใช่ไหม"
"ไม่ชอบ นิสัยผมเป็นยังไงคุณก็น่าจะรู้"
"แล้วอยู่ในห้องนอน กอดจูบได้ใช่ไหม" ศรันย์ยักคิ้ว
"น้อยๆ หน่อยคุณศรันย์" เรียวหันทำหน้าเข้มใส่ศรันย์ "ไปถึงบ้านคุณก็ไปนอนบ้านเล็กริมน้ำเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าพอบอกรักกันแล้วจะมานอนห้องเดียวกัน อ้อ พอกลับไปกรุงเทพฯ แล้ว ก็ไม่ได้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่หรอกนะ เราเคยอยู่กันยังไงก็อยู่กันอย่างนั้นเหมือนเมื่อก่อน คุณอาจจะมาบ้านผมได้บ้าง มากินข้าวด้วยกัน ดูทีวีด้วยกัน นั่งคุยกัน บางทีผมอาจจะไปบ้านคุณบ้าง"
"ตกลงเราจะได้เป็นแฟนกันไหมเนี่ย" ศรันย์ถอนหายใจ "ที่พูดมานี่มันไม่ได้เหมือนคนเป็นแฟนกันเลยนะครับคุณหมวดเรียว"
"ถ้าพิเศษหน่อยเราก็ไปทานข้าวเย็นกันสองต่อสอง ไม่ต้องให้หมวดชินไปด้วย" เรียวพูดต่อ ไม่สนใจฟังคำพูดทักท้วงของศรันย์ "ถ้าคุณอยากไปหาผมที่โรงพักก็ไปได้ จะไปชวนไปกินข้าวกลางวันด้วยก็ไปได้ แต่ไม่ต้องไปแสดงตัวจนล้น แล้วห้ามไปกวนอารมณ์ผู้กองคมกริชหรือสารวัตรธันว์"
"มีข้อกำหนดอะไรอีกไหม บอกมาให้หมดเลย" ศรันย์ทำหน้ามุ่ย "แล้วเมื่อไหร่เราจะได้นอนด้วยกัน ต้องกำหนดวันเวลาไหมว่าในหนึ่งอาทิตย์ ผมจะได้กอดจูบคุณกี่ครั้ง ครั้งละกี่นาที"
"อืม" เรียวเอียงหน้าทำท่าคิด "ขอไปปรึกษาหมวดชินก่อนนะ"
"ตามใจ ผมยอมทุกอย่าง ก็ผมรักคุณหมวดเข้าให้แล้วนี่นา ทำไงได้" ศรันย์ถอนหายใจยาวแล้วเลี้ยวรถ แต่ทันใดก็สะดุ้งเมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ชกเข้าที่หัวไหล่พร้อมกับโวยวายขึ้นมา
"นี่คุณ เลี้ยวผิด บอกให้เลี้ยวซ้าย ทำไมยังเลี้ยวขวา"
"ผมขอโทษ ผมกำลังช๊อคเพราะเจอข้อห้ามสารพัดของคุณหมวด สมองก็เลยหยุดทำงาน" ศรันย์กระแทกเสียงประชด
"ถ้างั้นก็ไม่ต้องไปกินร้านแล้ว กลับไปกินบ้านเลย" เรียวพูด
"กินบ้านเลยหรือคุณหมวด คุณหิวมากจนขนาดจะกินบ้านทั้งหลังได้เลยหรือ" ศรันย์ทำหน้าตกใจ
"อ้าวกวน เดี๋ยวโดนต่อย" เรียวถลึงตาใส่
"เชิญ จะทำอะไรก็เชิญ ผมโดนแกล้งโดนหลอกมาสารพัด โดนต่อยซักหน่อยจะเป็นไรไป คุณชอบทำร้ายผมทั้งทางร่างกายและจิตใจอยู่แล้วนี่" ศรันย์ทำหน้างอน
"พอกลับถึงบ้าน คุณก็ไปพูดกับแม่ผมให้เรียบร้อยด้วยนะ" เรียวพูดเสียงเบาแล้วผินหน้าออกไปมองนอกรถ แอบกลั้นยิ้ม
"ผมจะโทรไปบอกให้พ่อผมมาจากกรุงเทพฯ ซะเลย ผู้ใหญ่จะได้คุยกันให้เป็นทางการและถูกต้องตามประเพณี"
"พูดเป็นเล่นอยู่เรื่อย"
"ผมอาจจะเป็นคนขี้เล่น หาสาระไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ แต่คราวนี้ ตอนนี้ เป็นอะไรที่ผมมั่นใจมากที่สุด" ศรันย์พูดด้วยเสียงหนักแน่น ยื่นมือไปจับมือของหมวดเรียวบีบเบาๆ "หมวดเรียวครับ ให้โอกาสผมซักหน่อย ให้ผมพิสูจน์ตัวเองว่าผมรักคุณได้ ดูแลคุณได้ ทำให้คุณรักได้"
"ก็รักแล้ว จะมาพูดอะไรแบบนี้อีก" เรียวพึมพำเสียงเบา
"อะไรนะ" ศรันย์ถามเพราะได้ยันไม่ชัด
"ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ตั้งใจขับรถ ไปถึงแยกแล้วเลี้ยวขวา อย่าให้พลาดอีกล่ะ ระวังนะ ถ้าพลาดมีคนรอจะจัดการคุณอยู่หลายคนเหมือนกันนะจะบอกให้" เรียวพูดโดยไม่หันมามองศรันย์ ตามองออกไปนอกรถ
"เป็นแฟนคุณหมวดนี่ต้องเสี่ยงตายจริงๆ เลย ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันก็ถูกปืนจ่อหัว นึกว่าจะโดนยิงตายซะแล้ว ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีปืนกลกับรถถังรอยิงอยู่ ไม่รู้จะโดนเมื่อไหร่ เฮ้อ ไม่น่าตกหลุมรักตำรวจเลยเรา" ศรันย์พร่ำแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตามองไปข้างหน้า ปากค่อยๆ ยิ้มออกมา มือที่จับมือของหมวดเรียวอยู่บีบเบาๆ ส่งถ่ายความรู้สึกจากหัวใจ
"ผมรักคุณนะครับ หมวดเรียว" ศรันย์พูดเสียงอ่อนโยน แต่เมื่อคนถูกบอกรักไม่พูดอะไรตอบกลับ จึงท้วงขึ้นว่า "จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ"
"ให้ถึงบ้านก่อน"
"ทำไมต้องรอให้ถึงบ้าน พูดตอนนี้เลยไม่ได้หรือ ผมอยากฟัง" ศรันย์ทำเสียงอ้อน
"จะไปพูดต่อหน้าแม่ จะได้มีพยานรับรู้" เรียวตอบเบาๆ
"ถ้ายังงั้น เรารีบกลับเข้ากรุงเทพฯ กันนะ ผมจะได้ไปพูดต่อหน้าพ่อผม ผมก็อยากจะมีพยานฝ่ายผมเหมือนกัน เผื่อเกิดคุณหมวดตุกติกอะไรขึ้นมา จะได้มีพยานหลักฐานเอาผิดได้" ศรันย์พูดแล้วหัวเราะ ยกมือหมวดเรียวขึ้นมาแตะริมฝีปากแล้วจูบเบาๆ
เรียวหันมามองศรันย์ช้าๆ เก็บภาพตรงหน้าเอาไว้ในความทรงจำ อดนึกถึงครั้งแรกที่เจอกันไม่ได้ ในรถเก๋งสปอร์ตคันหรู ศรันย์เอาแต่แหกปากร้องโวยวาย พูดจาไม่รู้เรื่อง จนเขาต้องควักปืนออกมาขู่ แต่เวลานี้ นั่งนิ่ง ใบหน้าคร้ามคมมองตรงไปข้างหน้า ตั้งใจขับรถอย่างเต็มที่ ริมฝีปากค่อยๆ ยิ้มออกมาเมื่อเขายกมือที่ถูกกุมเอาไว้ขึ้นมาแล้วจูบเบาๆ ลงบนหลังมือ
"ผมรักคุณ" ศรันย์พูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ ถึงแม้หมวดเรียวไม่ตอบกลับก็ไม่ท้วงอะไรอีก เพราะเขาแน่ใจว่า ผู้หมวดจอมกวนที่โรแมนติกไม่เป็นคนนี้รักเขาด้วยเหมือนกัน และคงตอบในใจไปแล้ว
แค่นี้เองที่เขาต้องการ แค่ได้รัก แค่ได้มีหมวดเรียวในชีวิต แค่นี้ ชีวิตของเขาก็มีความหมาย
ศรันย์พร้อมแล้วที่จะเดินไปข้างหน้าโดยมีหมวดเรียวเคียงข้างไปด้วยกัน



►จบ ◄
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 17-08-2017 23:50:13
เป็นคู่ที่หาความหวานกันแทบไม่เจอเลย  กวนกันกระทั่งตอนบอกรัก
แต่ก็นั่นแหละ แบบนี้ถึงจะใช่   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 20-08-2017 01:26:30
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: begal ที่ 23-08-2017 22:49:31
สนุกมากเลยค่าาาา พึ่งเคยอ่านนิยายของคุณคฑาวุธเป็นครั้งแรก
ชอบทั้ง plot, character ของตัวละคร และก็ตอบจบ เอาง่ายคือชอบทุกอย่าง 55+
จะติดตามอ่านนิยายเรื่องอื่นๆของคุณต่อไปนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: ยอดมนุษย์ขนมปัง ที่ 26-11-2017 12:39:02
อยากอ่านเรื่องใหม่ต่อแล้วค่ะ  :o8:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 01-12-2017 21:46:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]ตำรวจคนนี้พี่ขอ(ซักครั้ง)♥h.e.a.r.t♥s.t.e.a.l.e.r♥บทส่งท้าย ►17/8/60◄
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 03-12-2017 08:18:58
เสียใจอ่ะ ไม่ได้เข้าเล้ามานานเพิ่งเห็นนิยายคุณ Katawoot
เราชอบนิยายคุณมาก ๆ เลยล่ะ แมน ๆ ดี 555 ภาษาก็เข้าใจง่ายแต่ไม่น่าเบื่ิ
ชอบ ๆๆๆ ดีใจที่กลับมาแต่งอีกครั้งนะครับ

.

พระเอกจริงป่ะเนี่ยะ กวนชิบ 555 แต่แกก็น่ารักดีนะ บ้า ๆ บอ ๆ ดี
แต่พอรักขึ้นมาแล้วเดินหน้าเต็มที่เลย
คิดแล้วก็สงสารหมวดเรียวมีสามีเป็นบ้า 5555