สวัสดีครับ...ผมรักคุณ
โดย Eigen
1
ปกติแล้วผมไม่ได้ชอบเล่นเกม...
แต่เพราะใครบางคนชอบหมกตัวเองอยู่ในร้านเกม ติดเกมงอมแงม ว่างเป็นวิ่งแร่เข้าร้านเนต ผมเลยต้องถ่อสังขารมาที่นี่ด้วย ทั้งๆ ที่ใจอยากจะกลับไปนอนกระดิกตีนดูอนิเมะอยู่ที่ห้องยังจะดีกว่า แต่ทำไงได้ ระหว่างอนิเมะกับหน้ามัน ผมก็ต้องเลือกมามองหน้าคนที่ผมรักก่อนอยู่ดี
“เอ้า ไอ้ซี เจอกันอีกแล้วนะมึง”
คนที่ผมถ่อมาเฝ้าเขาโผล่หน้าออกมาแล้วครับ แหม... กว่าจะสังเกตเห็นว่านั่งอยู่ตรงกันข้ามเนี่ย ใช้เวลานานฉิบหาย โอวัลตินเย็นหมดไปแล้วหนึ่งแก้วด้วยซ้ำไป สาดดด
“ว่าไงล่ะแทน มึงก็มาอีกแล้วเหรอ”
ผมตอบกลับไปบ้าง ฮึบ... ไอ้ซี อย่าเพิ่งแสดงออกอะไร อย่าเพิ่งใจสั่น โปกเกอร์เฟซน่ะใช้เข้าไป อย่าแสดงออกอะไรชัดเจนเกินไปว่ามึงคลั่งเขาจนจะตายห่าอยู่แล้ว ฮือออ กัดหมอน...
“กูก็เล่นที่ร้านนี้ตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วเหอะ มีแต่มึงนั่นแหละที่เพิ่งเห็นโผล่มาบ่อยๆ”
คำถามนั้นทำให้ผมยิ้มให้มัน ก่อนจะตอบ “เปลี่ยนบรรยากาศไง”
เปลี่ยนพ่อง จริงๆ กูไม่ชอบเลยต่างหาก คนพลุกพล่านจะตายห่า แต่กูต้องมาเพราะเป็นที่เดียวที่จะได้เห็นหน้ามึงไง
“งั้นกูไม่กวนแล้วนะ มึงก็เล่นตามสบาย”
“อือ”
ผมตอบกลับไป แล้วหันมาสนใจเกมของตัวเองต่อ แน่นอนว่าไอ้คนที่ผมเพิ่งทักมันไปเมื่อกี้นี้ ก็เจอกันในเกมอีกนั่นแหละ แต่มันคงไม่รู้หรอกว่าตัวละครในเกม เพื่อนรักในเกมของมันก็คือ...ผมเอง
ว่าไง หายไปไหนมา
ผมตอบมันไป หลังจากที่ก่อนหน้านี้มันบอกว่าขอตัวแป๊บ แล้วก็โผล่มาทักผมในโลกความจริงนี่แหละ
เจอเพื่อนน่ะ เลยทักมันแป๊บนึง
ไอ้ยะ! หัวใจผมเต้นตึกตัก ต้องกัดปากตัวเองแรงๆ ไม่ให้ยิ้มออกมา เดี๋ยวคนข้างๆ จะหาว่าเป็นบ้าเอาได้
เพื่อนสนิทเหรอ ถึงต้องมาทักอะไรเนี่ย
หยอดครับ! สัด! กูเผลอหยอดไปแล้ว
ก่อนจะใจแป้ว เพราะไอ้แทนตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
เปล่า แค่อยู่หอเดียวกัน ห้องตรงข้ามกันน่ะ
ห่านจิก กูเป็นได้แค่เพื่อนบ้านเท่านั้นสินะ
ผมรู้สึกห่อเหี่ยวแปลกๆ จนเอื้อมมือไปหยิบเอาโอวัลตินเย็นมาดูดอีกปื๊ดระบายอารมณ์ เฮ้ออออออ
จากนั้นจึงบอกกับมันว่า
ไปเก็บเวลรอพวกที่เหลือกันไหม ใกล้สองทุ่มแล้วเดี๋ยวพวกมันคงโผล่มา แล้วจะได้ลงดันกันสักที วันนี้กูติดธุระด้วย
ธุระเหี้ยไรไม่มีหรอก กูแค่เหนื่อยใจ เป็นได้แค่เพื่อนบ้านเท่านั้นเอง!
ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเองใช่ไหมเนี่ย ผมชื่อ ‘ซี’ มีพี่ชายชื่อเอกับพี่สาวชื่อบี ตอนนี้เป็น ‘เกรียนคณะ’ ของคณะวิศวะ อันที่จริงความหล่อของผมน่ะออร่ากระจ่างเจิดจรัสยิ่งกว่า ‘เดือนคณะ’ แต่พวกนั้นบอกว่าผมไม่ควรอ้าปากพูดคุยกับมวลมนุษยชาติ ไม่ก็เพราะพวกมันริษยาในความหล่อของผม ถึงได้ไม่ยอมให้ผมเป็นตัวแทนไปประกวดเป็นเดือนมหาลัย แต่กลับพร้อมใจยกตำแหน่งหลักลอย ‘เกรียนคณะ’ มาให้ผมแทน
“โย่ว! ไอ้ซี! ทำไมทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะ”
ไม่พูดเปล่า ไอ้เพื่อนเวรก็ตบหลังผมดังป้าบจนผมเกือบจะพ่นโอวัลตินเย็นที่กำลังกินอยู่ออกมาพร้อมๆ กับหัวใจ ปอดและซี่โครง! ไอ้ชิบหาย! ตบแรงขนาดนี้ไม่ถือสปาตาร์เสียบหลังกูด้วยเลยล่ะ!
“มึงเรียกดีๆ ก็ได้นะไอ้แบม ตบหลังกูทำพ่อมึงเหรอ ถ้าจะตบก็ช่วยตบเบาๆ ด้วย ตบแรงซี่โครงทรุดขนาดนี้ พรุ่งนี้กูลงแข่งไม่ได้จะบอกให้แฟนคลับดักตบหน้ามึง”
ผมหันไปจ้องมองพร้อมกับด่ามือตบตาเขียว แต่คนหนังหนาหน้าด้านอย่างไอ้แบมหรือจะสนใจ
“ทำไมหน้าบูด”
มันยังย้อนถามกลับมาคำเดิม ผมถอนหายใจเฮือก ก่อนจะก้มหน้าลง ดูดโอวัลตินเย็นเป็นกำลังใจให้ตัวเองปื้ดนึงก่อนจะเอียงตัวเข้าไปหามันแล้วกระซิบบอกเบาๆ ว่า “กูปวดใจ”
“ปวดไข่!”
“ปวดใจโว้ย! ไอ้ชิบหายนี่ อย่าเล่นมุก กูซีเรียส!”
ไอ้แบมหัวเราะ ลงมานั่งข้างๆ ผมแล้วถามด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะว่า “เอ้า เหลามา ปวดใจเรื่องอะไร อ๊ะๆ แต่เดี๋ยวก่อน...” มันชูนิ้วโบกไปมาต่อหน้าผม ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ผมเกลียดมันจับใจออกมา “...พ่อหมอแบมมี่ขอเดาว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับผู้ชายห้องตรงข้ามใช่ไหม”
“เออ” ผมตอบไปสั้นๆ พร้อมกับยกมือขึ้นตบหัวมันหนักๆ ทีหนึ่ง รู้แล้วยังจะเสือกถามอะไร
“คราวนี้โดนเมินแบบไหนอีกล่ะ” ไอ้แบมถามอย่างคนรู้ลึกรู้จริง เพราะมันเป็นคนเดียวที่ผมยอมเล่าเรื่อง ‘ของเขา’ ให้ฟัง จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจเล่า แต่เมื่อห้าเดือนก่อนผมเมา ผมเพ้อ ผมตกหลุมรัก โลกของผมเป็นสีชมพูช้ำชอกเจ็บปวดเพราะมโนตัวเองล้วนๆ ผมเลยเล่าให้มันฟัง จากนั้น...ก็ระบายมาจนถึงวันนี้แหละ
“เขาบอกว่ากูเป็นแค่คนรู้จักอ่ะมึง” นี่ถ้ามีผ้าเช็ดหน้ากัดปากด้วยผมทำไปแล้วนะ! “ทั้งๆ ที่กูลงทุนตามไปเล่นเกมเดียวกับเขา จนได้อยู่ตี้เดียวกัน จนได้เป็นเพื่อนสนิทกันในเกมแล้ว แต่เขาบอกว่ากูเป็นแค่คนรู้จักอ่ะ กู...ปวดใจจริงๆ”
ไอ้แบมผู้ซึ่งชอบเรียกแทนตัวเองว่าแบมมี่ทำสีหน้าที่ผมบรรยายได้ด้วยคำว่า ‘เหยียดหยาม’ ส่งมาให้ผม มันเบ้ปากจนแทบจะชิดติดจมูกแล้วจิกตามองแรง “มึงนี่ก็กล้ามโนเนอะ ที่บรรยายมานั่นเขารู้จักตัวจริงมึงไหมล่ะ เป็นแค่คนรู้จักก็ดีเท่าไหร่แล้ว ดีที่เขาเขาไม่บอกว่ามึงเป็นเห็บหมาเกาะข้างห้องน่ะไอ้ซี”
“มึงใจร้ายมากไอ้สัด”
ผมด่ากลับทันควันก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะหินก่อนประจำจีของตัวเอง โชคดีตอนนี้ไม่มีใครสักคนในจีนอกจากผมกับไอ้เพื่อนเวรคนนี้
“มึงก็เลิกมโนได้แล้วไอ้สัด” แบมมี่ปากร้ายว่าที่เฮดว้ากที่ได้รับการทาบทามด่ากลับทันควัน “มึงชอบเขามากก็กล้าๆ หน่อย ทีทำใจกล้าหน้าด้านไปเต้นบนเวทีดาวกระจุยจนกลายเป็นหล่อรั่วเสียของมึงยังทำได้เลย ทำไมแค่ไปขอเขาเป็นแฟนมึงก็ทำไม่ได้”
“ก็กูไม่กล้า...กูไม่รู้ว่าเขาจะชอบกูไหม คือ...กูเองก็ไม่คิดว่าจะชอบผู้ชายมาก่อนเลย แต่กับเขามึ๊ง...” ผมลากเสียงสูง เอื้อมมือไปเขย่าคอเสื้อไอ้แบมแรงๆ “ถ้าเปรียบว่าเขาเป็นหลุมตรงหน้า กูก็พร้อมจะแก้ผ้าแล้วกระโจนลงไป”
“สัด!” ไอ้แบมตบมือผมที่เขย่าคอเสื้อมันรัวๆ พร้อมกับด่าออกมา “อย่าติดเรทได้ไหม มึงกระโดดลงไปอย่างเดียวก็พอ”
“กูเปรียบเทียบไง เขาทำให้โลกของกูผิดเพี้ยนไปหมด กูจะเป็นบ้าตายเพราะเขาแล้วนะมึง”
“งั้นบ้าเลยเหอะไอ้เวร ถ้ามึงไม่รีบระวังหมาคาบไปแดก ถึงจะไม่ฮอตเท่ากูแต่เขาก็ติดอันดับชายงามคณะนะมึง ถ้ามึงช้าไปกว่านี้มึงชวด ฉลู ขาล เถาะเลยนาจา”
คำขู่ของไอ้แบมทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดูดโดยหลุมดำ ซึมเศร้าเหงาหงอยเป็นหมาปั๊กป่วย ผมก็รู้...แต่ทำยังไงได้...ก็ผมไม่กล้า
“กูจะทำยังไงดีวะ”
“ก็แค่มึงเลิกตามส่องเฟซเขา เลิกทำตัวเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อในเกม แล้วออกไปหาเขาตรงๆ มึงก็จะสมหวัง แต่ถ้ามึงยังทำตัวเป็นมดคันไฟแฝงพวงมะม่วงน้ำดอกไม้แบบนี้มึงก็จะได้เป็นราชาไร่แห้วไปตลอดกาล”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจไม่ถูก ความรักจุกอกแต่ความป๊อดก็ค้ำคอ
“ว่าแต่ทำไมกูเป็นมดคันไฟล่ะวะ” ผมถามอย่างสงสัย ก็คิดว่าตัวเองนอกจากหน้าตาดีเลิศแล้วสมองผมก็มี สำนวนไทยนี้ไม่ได้ใช้มดคันไฟเสียหน่อย
“เพราะมึงเกรียนกวนส้นตีนแค่เห็นก็คันตีนเหมือนมดคันไฟ”
ไอ้สัด... ผมทำปากขมุบขมิบด่ามัน แต่ก็อดถามต่อไปไม่ได้อยู่ดี
“แล้วทำไมเขาเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้”
“เพราะกูชอบ แดกแล้วอร่อยสดชื่น ดีต่อใจ”
ไอ้เวร!
TBC.
เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกของเราเลยค่ะ :o8:
เป็นแนววายเรื่องแรกที่เขียนจบด้วย ฮาาาา :-[
อดีตชาติไกลโพ้นเคยเขียนเรื่องนึงแต่เขียนไม่จบ
เลยลบออกไปก่อนดีกว่า หลายปีผ่านไป...แก่ชรามากขึ้น :ruready
ความเป็นสายวายก็เข้มข้นอุอั่งในอก ในที่สุดก็เขียนเรื่องสั้นออกมาเรื่องนึงได้แทน :z2:
ถือเป็นความสำเร็จเล็กๆ ที่ตัวเองเขียนได้จนจบเรื่องน่ะค่ะ TwT :sad11:
ขาดๆ เกินๆ ตรงไหน ขออภัยด้วยนะคะ :call:
[/size]