พิมพ์หน้านี้ - 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: MyMinT1990 ที่ 30-01-2017 20:05:05

หัวข้อ: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 30-01-2017 20:05:05
ตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม









《 CONTACT LOVE 》
สัมผัสร้าย สัมผัสรัก



by
MintK



จริงๆแล้วผมไม่ชอบความยึดติดนะ เกลียดการถูกตีกรอบและคำสั่ง
จะเรียกว่ารักอิสระจนมากเกินไปก็ได้แต่นั้นแหละที่เป็นตัวตนของผม
และคิดว่าไม่น่าจะมีใครมาทำให้ผมเปลี่ยนแปลงไปได้ด้วย...







CONTENT

สัมผัสที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3568089#msg3568089) สัมผัสที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3568630#msg3568630) สัมผัสที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3572697#msg3572697) สัมผัสที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3573595#msg3573595) สัมผัสที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3574346#msg3574346)
สัมผัสที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3575069#msg3575069) สัมผัสที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3576872#msg3576872) สัมผัสที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3577320#msg3577320) สัมผัสที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3579178#msg3579178) สัมผัสที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3580266#msg3580266)
สัมผัสที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3581061#msg3581061) สัมผัสที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3581602#msg3581602) สัมผัสที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3582411#msg3582411) สัมผัสที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3584573#msg3584573) สัมผัสที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3586483#msg3586483)
สัมผัสที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3588605#msg3588605) สัมผัสที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3589802#msg3589802) สัมผัสที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3592564#msg3592564) สัมผัสที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3593364#msg3593364) สัมผัสที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3596719#msg3596719)
สัมผัสที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3597144#msg3597144) สัมผัสที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3598341#msg3598341) สัมผัสที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3598894#msg3598894) สัมผัสที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3600901#msg3600901) สัมผัสที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3602014#msg3602014)
สัมผัสที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3603093#msg3603093) สัมผัสที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3605197#msg3605197) สัมผัสที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3606939#msg3606939) สัมผัสที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3609414#msg3609414) สัมผัสที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3611430#msg3611430)
สัมผัสที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3611432#msg3611432) สัมผัสที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3614756#msg3614756) สัมผัสที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3616401#msg3616401) สัมผัสที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3619248#msg3619248) สัมผัสที่ 35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3620370#msg3620370)
สัมผัสที่ 36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3622222#msg3622222) สัมผัสที่ 37 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3624427#msg3624427) สัมผัสที่ 38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3626119#msg3626119) สัมผัสที่ 39 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3626849#msg3626849) สัมผัสที่ 40 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3628127#msg3628127)
สัมผัสพิเศษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3633090#msg3633090)

ภาคสัมผัสที่ไหวหวั่น

สัมผัสที่ไหวหวั่น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3633095#msg3633095) ไหวหวั่นครั้งที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3644763#msg3644763) ไหวหวั่นครั้งที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3645299#msg3645299) ไหวหวั่นครั้งที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3650196#msg3650196) ไหวหวั่นครั้งที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3652232#msg3652232) ไหวหวั่นครั้งที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3652819#msg3652819)
ไหวหวั่นครั้งที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3653895#msg3653895) ไหวหวั่นครั้งที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3654645#msg3654645) ไหวหวั่นครั้งที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3656927#msg3656927) ไหวหวั่นครั้งที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3657525#msg3657525) ไหวหวั่นครั้งที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3658170#msg3658170) ไหวหวั่นครั้งที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3660636#msg3660636)
ไหวหวั่นครั้งที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3662630#msg3662630) ไหวหวั่นครั้งที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3665126#msg3665126) ไหวหวั่นครั้งที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3665838#msg3665838) ไหวหวั่นครั้งที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57589.msg3669607#msg3669607)


MY STORY OTHER

◑ MAKE FRIEND ◐ ★ เพื่อนรัก★ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56604.0) >>> COMPLETE.
[ LOVE YOU DEAR ] ~ รักเหอะ ~ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58623.0) >>> UPDATE


MY FACEBOOK PAGE >>> MINTK (https://m.facebook.com/MintK-791130147657856/?ref=bookmarks)
MY TWITTER >>> @MiniMinnie27 (https://mobile.twitter.com/MiniMinnie27)

หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 1 (30/01/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 30-01-2017 20:18:45

สัมผัสที่ 1



 
อากาศที่เย็นยะเยือกจนแทบจะบาดผิวแต่กลับไม่สามารถดับความร้อนลุ่มที่สุมอยู่ภายในกายได้ ความมืดสลัวที่มีเพียงแสงไฟดวงเล็กจากภายนอกสาดส่องเข้ามาให้บรรยากาศดูน่าค้นหามากยิ่งขึ้น เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังลั่นแข่งกับเสียงร้องครวญครางของใครอีกคน การหอบหายใจอย่างหนักสอดประสานกับจังหวะการขยับที่รุนแรงและหนักหน่วง เพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นทุกอย่างก็สงบนิ่ง กายขาวสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะบลือตาขึ้นมองผ่านม่านน้ำตาไปยังคนเบื้องหน้าที่ยกยิ้มกริ่ม รอยยิ้มสุดแสนจะเจ้าเล่ห์แต่กลับชวนให้หลุ่มหลง มันชวนหลุ่มหลงจนกล้าที่จะตามมายังสถานที่แห่งนี้ แล้วทุกอย่างก็เริ่มต้นโดยที่ไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลงโดยง่าย








 
“คริส! ทางนี้ๆ”

ผมหันไปยังเสียงเรียกก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปหาคนที่ร้องเรียกอย่างไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่อง ไม่ค่อยอยากจะประกาศตัวว่าเป็นเพื่อนมันเลยจริงๆครับแต่ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วแหละนะ เอ๊ะ ผมแนะนำตัวรึยัง? คงยังสินะ ผมชื่อ คริสตัล ครับ เพื่อนๆมักเรียกว่า คริส เฉยๆจนคนที่ไม่รู้ก็คิดว่าผมชื่อนั้นไปละ ผมเป็นลูกชายคนเล็กที่มีพี่ชายอีกคนส่วนพ่อทำงานอยู่เมืองนอกแม่อยู่ไทยมีรายได้จากการกิจการต่างๆมากมาย แต่ตอนนี้ผมอยู่ที่บาร์ภายในโรงแรมที่เป็นกิจการของครอบครัวเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มแก๊งค์นี่แหละครับ

“มาช้าวะ”

คนที่ทักผมในทีแรกเป็นคนเดียวกับที่ท้วงอยู่ตอนนี้ มันชื่อ มิกซ์ ครับ เป็นคนห่ามๆและโคตรกวนตีน ดีหน่อยที่เบ้าหน้าดีไม่งั้นไม่มีทางได้รวมอยู่ในกลุ่มแน่ ผมไม่ได้บอกว่าพวกเราคัดสรรคนจากหน้าตาหรอกนะ แต่มันเหมือนมีแรงดึงดูดกันเองไง จู่ๆก็รวมกลุ่มกันไปเองแถมยังเบ้าหน้าดีมีดีกรีเป็นหนุ่มเฟรสชี่หน้าใสขวัญใจอันดับต้นๆของเพจดังอย่างคิ้วท์บอยมหาลัย พูดไปก็เหมือนอวยตัวเองเพราะงั้นเลิกอวยแล้วมานั่งดริ้งส์กันดีกว่า

“รถติด”

ผมตอบแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อนอีกคนที่ชื่อแวน คนนี้หน้าใสตาตี๋เหมือนเจ๊กเหมือนจีน แต่มันก็มีเชื้อจริงๆนั้นแหละนะ

“พูดอย่างกับมึงขับมาเอง”

คนนี้ชื่อ คม หน้าตามันคมเข้มสมชื่อแถมยังหุ่นดีมีซิกแพ็คเรียกได้ว่าถูกใจชาวเกย์เป็นที่สุด ผมส่ายหัวตอบเพื่อนแล้วรับแก้วที่มีน้ำสีอำพันมาจิบก่อนจะวางแล้วเอนหลังพิงเบาะแถมถอนหายใจไปอีกเฮือกใหญ่ๆ

“เป็นไรวะ?”

คนนี้ชื่อ นาย และมันก็เป็นลูกเจ้าของโรงแรมนี้อย่างที่ผมพูดไปก่อนหน้า

“เซ็ง”

ผมตอบแล้วลุกขึ้นมายกแก้วกระดกทีเดียวหมดจนเพื่อนโหแซว

“เบาๆเว้ย เดี๋ยวเหล้าหมดก่อนพวกกูเมา”

“นี่พึ่งแก้วแรก อย่ามาทำเป็นหวงไอ้มิกซ์”

“เซ็งอะไรวะ?”

ผมไหวไหล่ให้ไอ้แวนที่ถาม มันเลยส่ายหัวประมาณว่างั้นก็ช่างมึงแต่ไอ้มิกซ์มันไม่ยอมจบอย่างไอ้แวนนี่สิ

“เรื่องเฮียครอสอะดิ”

มันพูดถึงพี่ชายผมที่ชื่อ ทีครอส ครับ อ่อ ผมบอกไปรึยังว่าผมเป็นลูกเสี้ยว เสี้ยวเยอรมัน-ฝรั่งเศษ-ไทย-อังกฤษ คือพ่อผมเป็นลูกครึ่งเยอรมัน-ฝรั่งเศษแล้วมาได้กับแม่ผมที่เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษไง คิดเอาแล้วกันว่าดีเอ็นเอที่หลากหลายเชื้อชาติแบบนี้จะทำให้เบ้าหน้าผมและพี่ชายเป็นที่ต้องตาต้องใจขนาดไหน

“แสนรู้นะมึง”

“เหมือนมึงอะ”

“สัส”

การอยู่ไทยตั้งแต่เกิดจนปัจจุบันทำให้ผมแกร่งกล้าในการใช้ภาษาผิดกับหน้าตาที่อินเตอร์ตาฟ้ามากๆ พวกสี่ตัวนี้ยังเคยบอกเลยว่าเห็นกันครั้งแรกเกือบจะทักออกไปเป็นภาษาอังกฤษแล้วถ้าผมไม่สบถเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำออกมาซะก่อน(ตอนนั้นกำลังด่ากันกับพี่ครอสทางโทรศัพท์ไงครับ เรื่องปกติพี่น้องรักกันนะ)

“แล้วพี่มึงทำอะไรให้อีกละ?”

เป็นคมที่ขัดเพื่อหยุดการปะทะของผมกับมิกซ์

“ไม่อนุมัติคอนโดของกู”

“ห่ะ? นี่มึงจะสร้างคอนโดเหรอวะ?? อย่างมึงนี่นะเล่นอสังหาฯกับเขาด้วย???”

เชี่ยมิกซ์

“มันจะซื้อคอนโดไอ้ควาย”

ขอบคุณแวนที่ด่าแทน

“อ้าว ไหนมึงบอกว่าพี่มึงจะซื้อให้เป็นของขวัญที่เข้ามหาลัยได้ด้วยตัวเอง ตกลงจะหลับคำว่างั้น?”

ไม่อยากจะอวดอีกแล้วครับว่าผมสอบเข้ามหาลัยอันดับหนึ่งของประเทศได้ด้วยตัวเองนะครับ ไม่ได้ใช้อำนาจของครอบครัวเหมือนอย่างไอ้พวกที่นั่งหน้าสลอนทั้งสี่คนนี้

“ก็ให้ แต่เห็นว่าจะเลือกให้กูเอง โคตรเซ็ง”

“ทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจไปได้”

นายมันพูดพร้อมกับยกมือมาผลักหัวผมเบาๆ สัส นั่งอยู่คนละฝั่งยังจะอุสาเอื้อมมาแกล้งกูอีกนะมึง

“มันเอาแต่ใจอยู่แล้วป่าววะ”

“เชี่อมิกซ์ ไม่เจอตีนกูคงไม่สงบใช่ไหมมึง”

“กูล้อเล่นครับเพื่อน แต่แม่งจริงๆนะเว้ย”

“ไอ้สัส!”

ด่าไปก็โยนก้อนน้ำแข็งใส่มันไปอีกสองสามก้อน ไอ้คนที่เหลือก็หัวเราะสนุกสนานไปโดยที่ไม่มีการช่วยผมเลยสักคน เจริญจริงๆเพื่อนกู หลังจากนั้นพวกเราก็กินกันไปคุยกันไปมีบางทีที่หันไปอ่อยสาวตามประสาหนุ่มหน้าตาดีแต่ยกเว้นผมนะครับ ก็ผมเป็นเกย์อะ เรื่องที่ผมเป็นพวกเพื่อนๆมันรู้ดีมันเลยไม่คิดจะชวนและก็ไม่ได้รังเกียจอะไรมาตั้งแต่ตอนแรกที่รู้ ถือว่าเป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งของพวกมันเลยก็ว่าได้

“แม่งเซ็งวะ”

ผมยกยิ้มเมื่อเห็นหน้าเซ็งๆของไอ้มิกซ์ เป็นไงละมึง ทำเป็นพูดให้กูดีนักโดนสาวที่กำลังป้อหันไปคุยคนใหม่ซะงั้น อยากจะขำให้ฟันร่วง ไอ้นายที่นั่งเฝ้าโต๊ะเป็นเพื่อนผมเลยหันไปเติมเหล้าให้มันอย่างนิ่งๆเงียบๆตามประสามัน ไอ้นายมันเป็นแนวคุณชายขี้เก๊กครับ ผมไม่อยากจะเม้าท์เพื่อนนะแต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆอะ

“ขอโทษนะครับ”

ผมทั้งสามคนหันไปมองพนักงานชายที่เดินเข้ามาทักผม

“ครับ?”

“มีคนฝากนี่มาให้ครับ”

ผมมองแก้วเตกิล่าในถาดแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว เห็นผมหน้าอ่อนแต่ก็ใช่ว่าจะปัญญาอ่อนไปรับของใครมากินสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ

“ไม่ทราบว่าจากใครครับ?”

“ลูกค้าที่นั่งอยู่บนชั้นลอยครับ”

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองและก็ไม่เห็นใครที่น่าจะเป็นคนส่งให้ผมด้วย

“คนไหนละ?”

“เขาคงไปเข้าห้องน้ำมั่งครับ สักครู่คงมา นั่งอยู่โซนนั้นนะครับ”

ผมหันไปมองโต๊ะโซฟาที่มีว่างอยู่หนึ่งที่นอกนั้นก็มีผู้จับจองหมดแล้ว ถึงแม้ที่นี่จะอยู่ในโรงแรมและราคาค่อนข้างแพงแต่ก็เป็นที่นิยมนะครับ คนเต็มแทบทุกวัน ยิ่งคืนวันศุกร์แบบนี้ด้วยแล้ว อย่าให้พูดถึงเลยเดี๋ยวจะหาว่าโฆษณาร้านให้เพื่อนอีก ผมพยักหน้าให้พนักงานรับแก้วมาวางไว้ที่โต๊ะแล้วก็ไม่แตะต้องมันเลยแม้แต่น้อย

“ใครกินเตกิล่าวะ?”

คมที่เดินมากับแวนถามขึ้นเมื่อมองเห็นแก้วที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางโต๊ะ

“จะของใครซะอีกละ”

ไอ้มิกซ์ตอบแทนพร้อมแสะยิ้มมาทางผม

“จากใครวะ?”

“ไม่รู้”

“อ้าว”

ผมไม่สนใจเพื่อนแล้วลอบหันไปมองยังด้านบนอีกครั้งแต่ก็ยังไม่เห็นใครมาจับจองที่นั่งตรงนั้นเหมือนเดิม สักพักผมก็รู้สึกได้ถึงการสั่นของโทรศัพท์ พอหยิบมันขึ้นมาก็แทบเบ้ปากเมื่อเห็นรายชื่อผู้โทรเข้ามา

“ไปคุยโทรศัพท์แป๊บ”

บอกเพื่อนแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากอาณาบริเวณของร้านไปจนถึงลิฟท์ที่ด้านหนึ่งได้ทำเป็นโซนสำหรับสูบบุหรี่ ผมเดินไปยืนพิงกำแพงลิฟท์อีกฝั่งแล้วกดโทรกลับเพราะกว่าจะออกมาถึงนี่สายก็ตัดไปก่อนแล้ว

“Hi dad?”

ถ้าคุยกับพ่อผมจะพูดเป็นภาษาอังกฤษครับไม่ต้องแปลกใจ ไม่ต้องถามด้วยว่าทำไมเพราะผมกำลังจะบอกว่าพ่อผมพูดไทยไม่ได้และท่านก็ทำงานอยู่ที่เมืองนอกตลอด จะกลับมาหาพวกผมที่ไทยประมาณสองครั้งต่อปีเป็นอย่างน้อยหรือแล้วแต่โอกาส นักธุรกิจใหญ่ก็งี้แหละนะ ต้องทำใจครับ

/อยู่ไหน? ได้ยินจากสิว่าไม่ได้อยู่บ้าน/

สิคือชื่อที่พ่อใช้เรียกแม่ โดยที่ชื่อเต็มๆคือสิริกิต หรือชื่อเล่นที่แท้จริงคือแม่เกต

“มากินข้าวกับเพื่อนที่โรงแรมxxx”

/ข้าวหรือเหล้า?/

ใครบอกว่าชาวต่างชาติเห็นเรื่องเหล้ายาเป็นเรื่องปกติผมของค้านหัวชนฝาเลยครับ อย่างน้อยก็พ่อผมคนหนึ่งแหละที่ไม่ชอบให้ผมแตะต้องทั้งๆที่ก็รู้ว่าห้ามผมไม่ได้ ส่วนพ่อนะมีกินบ้างถ้าต้องออกงานสังคม

“ผมจะยี่สิบแล้วนะแด๊ด”

/แต่ก็ยังไม่ถึง/

ผมกรอกตาพ้นลมหายใจในทันที เซ็งกว่าที่โดนไอ้พี่ครอสไม่ยอมให้ซื้อคอนโดที่ชอบนั้นอีก

“แล้วโทรมามีอะไรครับ?”

/โทรเพราะคิดถึงไม่ได้?/

อย่าไปเชื่อตาแก่นี่นะครับ ผมบอกเลยว่าตอแหล

“ผมจะพยายามเชื่อ”

/ทีครอสโทรมาบอกไอว่ายูอยากได้คอนโดของxxx/

ไอ้พี่ตัวดี

“ครับ”

/รู้ใช่ไหมว่าเป็นโครงการของใคร?/

“รู้ครับ”

มันเป็นโครงการของคู่แข่งทางธุรกิจของพี่ชายผมไง แต่ผมไม่สน ผมไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจและผมชอบการออกแบบของที่นั้นด้วย

/แต่ก็ยังจะเอา?/

“ใช่ครับ”

/ถ้าพ่อจะให้คอนโดของเราที่xxx ทั้งตึกแลกกับที่นั้นเพียงห้องเดียว จะเอาไหม?/

“ไม่ครับ”

เห็นลูกตัวเองโลภมากรึไงวะ อยากจะรู้

/อย่าดื้อน่าคริสตัล/

“ผมไม่ได้ดื้อ แต่ผมจะเอา”

“หึ”

ผมแทนสะดุ้ง พอหันไปมองยังต้นตอของเสียงก็ต้องเบิกตากว้าง คนตรงหน้ากดยิ้มเจ้าเล่ห์และยืนยกแขนค่ำกับพนังเหนือหัว ตัวใหญ่ๆนั้นยืนบังผมจนมิด ผิวสีแทนซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าแบรนด์ดัง กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นจมูกโชยมาให้ชวนสัมผัสอีกครั้ง ดวงตาสีเข้มแลดูดุแต่แฝงไปด้วยความว่างเปล่าจนติดจะเย็นชา คิ้วเข้ม จมูกโด่งและรูปหน้าหล่อรับกับเรือนผมสีดำทรงปอมปาดัวร์ที่เซ็ตมาเป็นอย่างดี ไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่แต่ก็พูดได้อย่างเต็มปากว่าผู้ชายคนนี้โคตรหล่อ

/คริสตัล?/

“อะ ครับ?”

/สรุปคือจะเอา?/

“เอา”

ปากจะตอบพ่อแต่ตานะจ้องอยู่กันใครอีกคนแบบไม่วางตาเลยครับ ผมได้ยินเสียงคนปลายสายพ้นลมหายใจหน่อยๆก่อนจะพูดต่อแต่ผมไม่สนใจจะฟังแล้ว ทำไมนะเหรอ ก็คนตรงหน้าที่จ้องมองสบตากันไม่ถึงนาทีได้เลื่อนตัวลงมาจูบปากแลกลิ้นกับผมแล้วยังไงละ ลีลาเด็ดดวงอย่าบอกใคร ถ้าปลายสายจะได้ยินเสียงการแลกเอ็มไซน์นี้ไปด้วยผมก็ไม่แปลกใจเลยครับ

/คริส!/

ผมสะดุ้งแล้วผลักคนตรงหน้าออกแรงๆก่อนจะหันมาสนใจโทรศัพท์ต่อ สัส แค่ปากนะนั้น ล่อซะเคลิ้มเลยกู

/เมื่อกี้ทำอะไรอยู่ เรียกตั้งหลายทีแล้วก็ไม่ตอบ?/

“ผมเข้าห้องน้ำอยู่ครับ ค่อยคุยกันอีกทีได้ไหมแด๊ด”

/ได้ อย่ากินให้มาก แล้วจะให้คนขับรถไปรับหรือให้ทีครอสไปรับ?/

“เดี๋ยวผมโทรหาคนที่บ้านเอง แค่นี้นะครับ”

/โอเค บาย/

“บาย”

ผมเก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าทันทีที่วางสายไปแล้ว พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็น ‘เขา’ ยังคงยืนยิ้มอยู่เหมือนเดิม

“เมาไหม?”

เป็นคำทักทายที่เข้ากับสถานะการณ์จริงๆ

ผมส่ายหัวเป็นคำตอบและกำลังจะเดินหลบไปอีกทางเพื่อกลับไปยังด้านในแต่ก็โดนคนตัวใหญ่จับแขนไว้แล้วดึงเข้าสู่อ้อมกอดแข็งแรง

“ปล่อย”

“ร่างกายปกติดีแล้วเหรอ?”

ผมเม้มปากจนเป็นเส้นตรงโดยทันที หน้าที่แดงระเรื่อจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ยิ่งทวีความเข้มเมื่อเจอคำถามที่ชวนให้นึกไปถึงเรื่องราวระหว่างเราในยามค่ำคืนและเตียงที่หนานุ่ม อ้อ สปริงเด้งดีซะด้วย

“กลับกัน”

ผมหันไปจ้องหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

“ทำไมชอบสั่ง?”

เขาตีหน้าไม่ยีหละอย่างหน้าหมั่นไส้ ผมเลยจัดการกระทืบเท้าใส่ไปทีจนเขาเผลอปล่อยมือนั้นแหละจึงได้หนีโดนการก้าวไวๆเข้าไปยังด้านในเลาส์ ทันทีที่ไปถึงโต๊ะพวกที่นั่งอยู่ต่างก็มองมาที่ผมเป็นตาเดียวจนผมต้องถาม

“มีอะไร?”

“หงุดหงิดไรมาอีกวะ?”

เป็นนายที่ถามและผมก็นั่งลงข้างๆมัน

“เบื่อคน”

“พี่ชายมึงอะนะ?”

“เลิกถามแล้วกินไปเลยไอ้มิกซ์!”

“โว้ๆ มีพาล”

“ชิ”

ผมเลยคุยแล้วหันไปยกแก้วกระดกลงคอจนนายต้องคอยห้ามแต่ก็ห้ามไม่ได้อยู่ดีแหละ ผมนั่งกินไปเงียบๆไม่อยากเอ่ยปากกับใครเพราะกลัวตัวเองจะไปพาลใส่จนเวลาร่วงเลยไปค่อนคืน และแน่นอนว่าพวกนี้เมาแอ๋เป็นที่เรียบร้อย อย่าว่าแต่มันเลยครับ ผมก็เมา

“ใครมารับวะคริส?”

แวนถามเสียงยานๆ พวกมันกำลังช่วยพยุงกันขึ้นไปเปิดห้องนอนทั้งที่สภาพก็ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่เลย ผมเองก็เซครับ ดีที่มีไอ้นายช่วยพยุงไม่งั้นก็ล้มเหมือนกันแหละ พอหงุดหงิดแล้วซัดแหลกไม่เจียมบอดี้ตัวเองไง สมเพศตัวเองชิป

“เออวะ ลืมโทรเรียกเลย”

ผมตอบยิ้มๆจนไอ้นายส่ายหัว

“มึงนอนนี่แหละ เดี๋ยวกูเปิดห้องให้”

“ไม่เอ๊า จะกลับบ้าน”

“เกิดเป็นเด็กดีจะกลับบ้านนอนอะไรตอนนี้วะ”

“เชี่ยมิกซ์!”

“หุบปากไปทั้งคู่นั้นแหละ กูหนวกหู”

แวนถึงกับฟิวส์ขาด

“พวกมึงสามตัวไปเช็คอินอยู่ด้วยกันเลยไป กูจะพาคริสไปอีกห้อง”

ผมฟังได้แค่นั้นแล้วทุกอย่างก็เงียบไปซะดื้อๆ ไม่รู้ว่าใครทำอะไรแต่ก็เบาใจเพราะยังไงไอ้พวกนี้ก็เพื่อนกัน ถึงจะกะล่อนปลิ้นปล้อนไปหน่อยแต่ก็พอไว้ใจได้








“อื้ออออ”

ผมส่งเสียงในลำคอเมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรหนักๆแถวเอว คนขี้รำคาญที่ไม่ชอบให้ใครมาใกล้เวลานอนเลยต้องตื่นเมื่อทนไม่ไหว คิดไปคิดมา แขนไอ้นายมันจะมาพาดอยู่ตรงนี้ได้ไงวะ

“ตื่นเหรอ?”

“อืม”

ตอบมันไปส่งๆ แต่เดี๋ยวนะ…นี่ไม่ใช่เสียงไอ้นายแน่ๆ…
เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมเลยลืมตาแล้วหันควับไปมองทางด้านหลัง

ชัดเลย

เขาโผล่มาได้ไงวะ!?!

“มาอยู่นี่ได้ไง?”

คืองงจริงๆนะ แล้วไอ้นายอะ มันหายหัวไปไหนทำไมปล่อยให้เพื่อนตัวเองมานอนอยู่กับใครก็ได้แบบนี้วะ

“ก็นี่มันห้องผม ไม่ให้อยู่นี่แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนละ?”

ห่ะ?

สถบในใจพร้อมกับลุกขึ้นนั่งและกวาดสายตาไล่ฝ่าความมืดไปโดยรอบ

เออวะ สถานที่เดียวกันกับเมื่อคืนเป๊ะๆ

“งั้นไอมาอยู่นี่ได้ไง?”

ถ้าพูดกับคนไม่คุ้นผมจะแทนตัวเองว่าไอครับ แสดงออกได้อย่างชัดเจนเลยว่ากูไม่สนิทกับมึง ถึงจะเย็นชาไปนิดแต่ผมก็ยังมีกำแพงที่กั้นขวางระหว่างคนร่วมเตียงธรรมดากับคนที่รู้จักและสนิทชิดเชื้ออยู่นะ

“นั่งรถมา”

กวนตีน!

“นี่!”

“ผมว่าผมบอกชื่อตัวเองไปแล้วนะ”

“แล้วไง?”

“ลองเรียกหน่อยสิ”

ผมยังคงตีหน้าบึ้งและนั่งกอดอกมองกลับอย่างไม่เกรงกลัว คนตรงหน้าหัวเราะหึแล้วขยับเข้ามาใกล้จนผมถอนหนีแทบไม่ทัน

“พยศจังนะ ทีเมื่อคืนยังเรียกซะลั่นห้อง”

มันใช่เวลามารำลึกไหมละวะ!?!

“ไอเมา”

“ตอนนี้ก็เมา”

“หายแล้วเว้ย!”

สุดจะทนแล้วครับ ตะคอกใส่หน้าแล้วก็ขว้างทั้งหมอนทั้งผ้าห่มไปใส่ไอ้เจ้าของห้องจนมันเผลอผมเลยได้จังหวะก้าวลงจากเตียง แต่ทว่า…


พรึ๊บ!


โคตรเหี้ย

ผมขาอ่อนจนลุกไม่ขึ้น

แล้วไหรจะอาการหน่วงๆที่ก้นกับสะโพกนี้อีก

อย่าบอกนะว่า

“หึหึ คิดแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้…”

ผมหันไปมองคนพูดด้วยความไม่เข้าใจ มันก็ลงจากเตียงไปเปิดไฟเล็กอย่างสบายใจก่อนจะเดินมายืนตรงหน้ามองจ้องลงมาอย่างผู้ที่กุมชัยชนะไว้เต็มสองมือ

“…ก็เลยจัดไปสองสามยกก่อนนอน แต่ดูท่าทางคงจะหนักเกินไปสินะ หึหึ”

กูอยากฆ่ามัน นี่พูดจริงๆ



To be con...
 :katai5:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 2 (31/01/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 31-01-2017 16:47:25
สัมผัสที่ 2



ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีทุกอย่างรอบตัวก็สว่างไสวชวนแสบตาไม่ใช่น้อย ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะหลี่ตามองหาเจ้าของห้องที่ผมยังคงนอนอยู่นี่ แต่ก็ไม่เห็น ก็ดีนะ จะได้ถือโอกาสสำรวจห้องไปในตัวเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นมันอย่างเต็มตา(ครั้งแรกรีบกลับเลยไม่ทันได้มองดีๆไงครับ) พอได้เห็นชัดๆในครั้งนี้เลยถึงกับอึ้งไปนิด ห้องอย่างสวยเลยครับ เป็นการตกแต่งแนวผสมผสานที่ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี ห้องทั้งห้องถูกทาด้วยสีขาวและมีลายกราฟฟิคสีดำตกแต่งเป็นจุดๆ เฟอร์นิเจอร์เป็นโทนสีดำเทาแต่ก็มีของตกแต่งชิ้นเล็กอย่างกรอบรูปตั้งโต๊ะแจกันหรือพวกกล่องเล็กๆบางอย่างเป็นสีแดงตัดกับชั้นวางสีดำด้าน มีทีวีจอแบนตั้งอยู่ตรงกลางและตำแหน่งมันอยู่ตรงปลายเตียงพอดีอีก ทำไมก่อนหน้านี้ผมไม่เห็นวะ ที่นี้ต้องมีอะไรสักอย่างมาบังตาผมไว้แน่ๆ

“ตื่นแล้วเหรอ?”

เฮือก!

กำลังมองสำรวจเพลินๆจู่ๆมันก็โผล่มาซะงั้น เป็นผีเรอะผลุบๆโผล่ๆชิปหาย

“ยังไม่ตื่นมั้ง แล้วนี่กี่โมง?”

มันหัวเราะแล้วเดินเข้ามาหาพร้อมกับก้มลงจูบทั้งๆที่ก็น่าจะรู้นะว่าผมยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟัน ช่างกล้านะครับ แล้วกูก็ไม่หลบด้วยนะ หึหึ

“จะเที่ยงแล้วครับ”

“เชี่ย!”

เหมือนมันจะอึ้งกับคำสถบแต่นาทีนี้ผมไม่สน

“โทรศัพท์ไอละ?”

มันชี้ไปที่โต๊ะตั้งโคมไฟข้างเตียงและด้านล่างนั้นมีโทรศัพท์มือถือพร้อมกระเป๋าตังค์ของผมวางเคียงคู่กันอยู่ ผมรีบถล่าไปคว้าโทรศัพท์มาก่อนเพื่อนโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัวว่าตัวเองนั้นมีเพียงเสื้อยืดตัวใหญ่หลวมโคร่งติดกายเพียงชิ้นเดียว

เซ็กซี่ไปดิ

ยิ่งตอนหันหลังแล้วโก่งก้นไปหยิบเอาโทรศัพท์นี่ ยิ้มกว้างเชียวนะมึง

เมื่อได้โทรศัพท์มาไว้ในมือจึงรีบกดเปิดเตรียมตัวโดนด่าเต็มที่แต่ทว่า...มันไม่ติดครับ...

“แบตหมดมั้ง เอาที่ชาร์ตไหม?”

“ดี”

จบคำตอบรับของผมเขาก็หายไปจากห้องนอนไม่นานก็กลับมาพร้อมกับสายชาร์ต แต่แทนที่มันจะส่งให้ผมกลับหันมาแย่งโทรศัพท์ผมไปจากมือแล้วจัดการต่อสายเสียบชาร์ตแล้ววางไว้ที่เดิมอย่างเสร็จสรรพ

“ไปอาบน้ำ”

สั่งจังวะ!

ถึงจะขัดใจแต่ในเมื่อมองรูปการณ์แล้วไม่อาจปฏิเสธได้ผมเลยจำใจต้องทำตาม ดูเหมือนไอ้คนสั่งมันจะเข้าใจผิดคิดว่าผมยอมทำตามแต่โดยดีเหมือนลูกแมวเชื่องๆ

ขอโทษเถอะ ผมมันเสือดาว ไม่ใช่ลูกแมว

หลายนาทีผ่านไปผมก็อาบน้ำเสร็จและออกมาด้วยชุดคลุมอาบน้ำมีผ้าขนหนูผืนนุ่มพาดบ่ามาด้วย ที่เสียเวลาอาบน้ำนานเพราะผมเผลอแช่น้ำอุ่นในอ่างน้ำวนของมันนานไปหน่อย ก็นะ ต้องโทษมันสิที่ทำผมปวดเมื่อยตัวถึงขนาดนี้

“มานี่”

สั่งกูอีกละ

ผมจิกตาไปมองไอ้คนสั่งที่ยังคงนั่งอยู่ที่ปลายเตียง แต่มันแต่งตัวเซ็ตผมใหม่แล้วนะครับ ไปอาบน้ำห้องอื่นมาละมั้งช่างมันเถอะ ผมยกผ้าขนหนูขึ้นเช็ดผมอย่างไม่สนใจจนมันหัวเราะหึ พอหันไปมองบางสิ่งข้างๆเตียงก็ต้องขมวดคิ้ว

“นั้นอะไร?”

คนถูกถามกดยิ้มตีคิ้วอย่างกวนตีน

“อยากรู้ก็มานี่”

“งั้นไม่อยากรู้ก็ได้”

“เสื้อผ้าคริสนั้นแหละ มานี่จะช่วยแต่งตัว”

แปลกๆที่ได้ยินชื่อตัวเองออกจากปากมันนอกจากเวลามีเซ็กส์ แต่ก็ช่างมันเถอะ

“ไอแต่งตัวเองได้ เอามานี่”

“ดื้อจริงๆด้วย”

จากที่ปกติตอนนี้ชักเริ่มจะหงุดหงิดแล้วครับ

“มีสิทธิ์อะไรมาว่าไอ?”

“สิทธิ์ความเป็นผัวไง”

“แค่คู่นอนต่างหาก!”

“ไม่เอาน่า ยอมรับเถอะว่าเราลงล็อคกันดีขนาดไหน”

มันก็ลงทุกคนนั้นแหละวะ แค่มันลงได้ถูกจุดสมใจมากกว่าคนอื่นนิดหน่อย อะไร อย่ามาเบ้ปากอย่างนั้นนะ นิดหน่อยจริงๆเหอะ

พอเห็นผมไม่ยอมเข้าใกล้ไอ้คนชอบสั่งเลยถือโอกาสฉุดแขนในช่วงที่ผมเผลอจนล้มโครมไปปะทะกับตัวใหญ่ๆของมัน อยากถามมากว่ามันอายุเท่าไหร่แต่ด้วยความที่ไม่อยากสนิทไปมากกว่านี้เลยต้องปัดมันทิ้งไป

“นั่งดีๆ”

สั่งอีกละ ผมที่กำลังดิ้นเพื่อที่จะหนีให้หลุดจากการกอดรัดแต่ไปๆมาๆกลับมานั่งครอบทับจนเหมือนขี่ม้าอยู่ตรงส่วนนั้น เอิ่ม นี่มึงไม่ได้จงใจใช่ไหม ตอบ!?! เอาจริงๆคือตัวผมไม่ได้เล็กนะครับ ก็อย่างที่รู้ว่าผมมีเชื้อชาวต่างชาติซะ80%ขนาดนั้นจะให้ผมผ่าเหล่าผ่ากอมาตัวเล็กกระทัดรัดก็ใช่เหตุ ผมเป็นผู้ชายร่างโปร่งที่สูง178ครับ แต่ไอ้คนที่กอดก่ายผมอยู่นี่มันตัวโคตรจะใหญ่เลยทั้งอุ้มทั้งกอดผมได้สบายๆชนิดที่ผมยังเผลอคิดว่าตัวเองเป็นเด็กอายุสิบขวบรึเปล่าวะ

และตอนนี้ผมก็ยอมจำนน(เพราะเหนื่อย)นั่งอยู่บนตักให้มันช่วยเช็ดผมสีบรอนด์ทองที่เริ่มยาวเคลียไหล่ ไม่รู้ทำไมเช็ดไปเช็ดมาสาบเสื้อที่ต้นคอถึงได้ไหลลงไปอยู่ที่ต้นแขนแถมยังสัมผัสได้ถึงริมฝีปากและลมหายใจของคนที่ด้านหลังไปทั่ว แค่เลียแล้วจูบนะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้กัดงับทำรอยฟันไว้ให้นี่ผมสะดุ้งโหย่งเลย

“เจ็บ!”

“ก็ชอบไม่ใช่เหรอ?”

พูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียนจนผมตีขาไปเพี๊ยะหนึ่ง แล้วคิดว่าไอ้ยักษ์นี่จะสะทกสะท้านไหมครับ แน่นอนว่าไม่ นอกจากไม่สะทกแล้วมันยังไล่กัดไล่จูบไปทั้งทั้งแผ่นหลัง เล่นเอาผมเผลอหลุดเสียงครางตามแทบไม่ทัน มือหนาเลื่อนบดขยี้หัวนมที่เริ่มแข็งสู้ก่อนจะมาปลดปมมัดของชุดคลุมแล้วสะบัดมันทิ้ง ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพเปลือยไปทั้งตัวพร้อมด้วยรอยจูบสีแดงที่เด่นหลาอยู่บนผิวขาวๆ ผมได้ยินเสียงหัวเราะหึตามสไตล์มันดังแว่วมาก่อนที่จะถูกอุ้มขยับออกและบางสิ่งที่แข็งขื่นอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์เนื้อดีก็โผล่ออกมาทักทายชาวโลก ผมเหลียวไปมองใบหน้าหล่อที่ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนถูกอกถูกใจอะไรนักหนา ไม่นานก็ต้องสะดุ้งเมื่อนิ้วเย็นๆได้แทรกเข้ามาภายในอย่างไม่บอกกล่าว

“อ๊ะ!”

“หึ ลื่นเชียวนะ”

ได้ข่าวว่ามึงเอาเจลใส่มาไม่ใช่เหรอวะ!

สองขาใหญ่ที่ผมนั่งทับอยู่ค่อยๆแยกออกจากกันจนทำให้ผมต้องแยกตามพลางแอ่นก้นไปด้านหลังเพิ่มขึ้นอีก แน่นอนว่าคงถูกใจมันมากดูจากจำนวนของนิ้วที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วและไม่นานก็ถอดออกแต่น้ำสิ่งใหญ่และร้อนกว่าเข้ามาจ่ออยู่ที่ปากทางเข้าแทน

“อ๊า!!!”

ผมร้องลั่นเมื่อมันจับตัวผมกดใส่ส่วนนั้นของมันจนสุดทางในทีเดียว เล่นเอาทั้งจุกทั้งเจ็บครับแต่โคตรรู้สึกดี ผมได้ยินเสียงมันซี๊ดปากเบาๆเพราะภายในคงตอดรัดมันเต็มที่ ทุกส่วนตอบรับกันดีจนแทบจะแตกทั้งๆที่ยังไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย

“เห็นไหมว่าเราลงล็อคกันขนาดไหน”

ยังจะมีอารมณ์มาพูดอย่างนี้อีกนะ

ผมแอ่นตัวเมื่อมือหนาทั้งสองข้างเปลี่ยนจากเบื้องล่างขึ้นมานวดคลึงที่ส่วนบน หน้าอกที่แบนราบจะนูนขึ้นก็เพราะมันนี่แหละครับ คิดเอาว่ามันบีบเค้นแรงถึงขนาดไหนแล้วผมก็ยังเสียวได้ต่อเพราะข้างล่างก็ยังเสียบคากันไว้อยู่อย่างนั้น

“อึ๊ก อือออ”

“หึ”

“เจ็บนะ”

เสียงสั่นและอ่อยมากจนตัวเองยังขนลุก

“ขยับเองสิ”

แล้วมันก็ไม่สนใจที่ผมพูดเลยยยยยยย

ผมจิกตาไปจ้องมันทีด้วยความเคืองปนหงุดหงิด แต่มันก็ยังคงยิ้มครับ ยิ้มหน้าด้านๆเลยด้วย ผมสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายขยับนิดหน่อยเหมือนจะกระตุ้นและมันก็ได้ผล ผมก้มลงเอามือเท้าที่เข่าทั้งสองข้างของเขาแล้วจึงเริ่มเคลื่อนไหวส่วนล่างจนได้ยินเสียงสวบสาบให้ได้ออกร้อนที่หน้าเล่นๆ


“หึ”

ขอพูดอีกครั้งว่าโคตรเกลียดเสียงหัวเราะของมันเลย

ดูเหมือนคนสั่งการจะเริ่มทนไม่ไหว มันเลยช้อนตัวผมขึ้นโดยการอุ้มจากข้อพับขาแล้วสวนเข้ามาแรงๆจนผมผวาอ้าปากร้องครางอย่างไม่คิดจะเก็บงำ ความเสียวซ่านพุ่งทวีคูณเมื่อความหนักหน่วยสวนเข้าออกอย่างถี่ยิบ ผมเอื้อมมือไปโอบรอบคอเขาจากทางด้านหลังเลยสบโอกาสให้คนชอบสั่งได้กัดงับเข้าที่ซอกคอขาว

“อ๊า อึ๊ก อืมมมม”

ด้านบนก็เจ็บแปร๊บด้านล่างก็เสี่ยวว๊าบ เอาซะสั่นไปทั้งร่างร้อนลุ่มไปทั้งทรวงจนแทบจะระเบิดออกมาซะให้ได้

“เดี๋ยว อื้อ ช้าหน่อย อ๊าาาาา”

ขอพูดก่อนได้ไหมห่ะ จะกระทุ้งอะไรนักหนาได้ข่าวว่าเมื่อคืนก็พึ่งทำไป...เออ...กี่ยกวะ?

“จะเสร็จแล้วเหรอหืม?”

ถามดีๆก็ได้ไม่ต้องมางับหู กูเสียว

และเมื่อผมไม่ตอบมันก็เลยแกล้งด้วยการจับผมพลิกมานอนคว่ำอยู่บนเตียงทั้งที่ส่วนนั้นของเรายังคงคากันอยู่ ผมนี่ก็ความรู้สึกไวนะครับ เสียวมันทุกครั้งที่ตัวขยับแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อมันก็กระแทกเข้ามารัวเลยครับ ผมก็ได้แต่ร้องครางมือจิกทึ้งอยู่ที่ผ้าปูที่นอนสีเทาตัดดำของมันจนแทบขาด

“เรียกชื่อผม”

ใช่เวลามาสั่งไหมวะ!

“เร็ว”

แม่ง

“ทัต”

เชี่ย!

พอเรียกแล้วมันเร่งเครื่องซะงั้น เล่นเอาผมบิดเร้าไปด้วยแรงที่ถาโถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วง

“ทัต! เบา อ๊า!!”

“ซี๊ด”

มันซี๊ดปากเบาๆเพราะผมเผลอรัดมันแน่นกว่าเดิม ไม่ต้องให้สาธยายเลยครับว่าเวลาเสียวสุดๆแล้วข้างในมันจะตอดดีขนาดไหน ยิ่งผมเพิ่มแรงโอบรัดนี่ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเจอผมรัดแน่นๆเข้ามันเลยผ่อนแรงแล้วทรุดตัวลงมาจับหน้าผมให้หันไปหาแล้วจูบปากแลกลิ้นกันไป นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราเข้ากันได้ดีนั้นก็คือรู้จังหวะซึ่งกันและกัน เมื่อกี้มันอารมณ์รุนแรงเกินไปผมเลยให้ผ่อนแต่เมื่อเจ้าตัวจะไม่ไหวผมก็รัดซะแน่นจนเจ้าตัวได้สตินั้นแหละ รู้ว่ายิ่งแรงยิ่งมันส์แต่นี่มันตอนกลางวันนะครับ แล้วผมยังต้องกลับบ้านด้วย เพราะงั้นแค่เบาะๆพออย่าให้ต้องนอนซมเหมือนเมื่อคืนอีกเลย

เมื่ออารมณ์เริ่มเข้าที่มันเลยเริ่มขยับแต่ดุดันเช่นเดิม ผมสะดุ้งทุกครั้งที่มันกระแทกเข้ามาแรงๆและโดนจุดอ่อนซะทุกครั้ง เมื่อโดนกระแทกแบบเน้นๆอย่างนั้นมากๆเข้าอารมณ์เริ่มกระเจิง ผมเลยยกมือไปโอบไหล่แล้วละเลงกรงเล็บจนได้ยินเสียงซี๊ดออกมาจากปากคนด้านบน มันกดยิ้มแล้วก้มลงมากัดปากล่างผมไปทีอย่างหมั่นเขี้ยว ผมนี่สติหลุดไปตั้งแต่มันยิ้มแล้วครับ คนเหี้ยอะไรหล่อแล้วยังลีลาเด็ดกระแทกมาทีแทบทะลุลำไส้

“หึ เชื่องเฉพาะตอนมีเซ็กส์เท่านั้นสินะ”

พูดจาน่าถีบแต่ถีบไม่ได้เพราะมันยังสวนตรงนั้นเข้าออกแบบเน้นๆเลยเอาทั้งจุกทั้งเสียว ผมนี่ร้องเสียงหลงแล้วท่านี้มันเข้าได้ลึกมากด้วยไง มือก็จิกผ้าปูที่นอนจนจะแหลกคามืออยู่ละ

“Shut up!”

“หึ”

“เห้ย!”

ผมเผลอร้องอีกครั้งเมื่อจู่ๆมันก็ถอดส่วนนั้นออกและผลักผมให้นอนตะแคงแล้วเข้ามายกขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่าก่อนจะสอดใส่เข้ามาให้ทั้งอย่างนั้น

“อ๊า!!!”

เชี่ย! โคตรเสียว!!

มันหัวเราะเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือแรงที่ดุนดันเข้าออกจนเตียงไหวไปทั้งหลัง พระเจ้า! ว่าท่าเมื่อกี้ลึกแล้วท่านี้ยิ่งลึกเข้าไปอีก

“อ๊ะ อ๊า!”

“อืมมม..คริส..”

อย่ามาเรียกด้วยน้ำเสียงกระเส่าแบบน้านนนน

“ทัต”

“หืม?”

“จะออก”

“อีกนิด”

กูไม่ไหวเว้ย แล้วดูมันเอามือมาบีบตรงนั้นของผมไว้นะ โอ้ยยยย ทรมานแต่ก็โคตรซาบซ่าน

“อึ๊ก อา”

“คริส”

“อร๊าาาาา!!!”

“อึ๊ก”

ผมกระตุกเกร็งเมื่อไปถึงจุด รู้สึกว่าใครอีกคนจะถึงพร้อมๆกันกับผมแต่นั้นก็ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า...มันไม่ได้ใส่ถุงยาง!

“อาบน้ำด้วยกัน”

ยังจะสั่ง แต่ก็ช่างมันเถอะครับ ผมเหนื่อย ผมปล่อยให้ไอ้ยักษ์อุ้มไปที่ห้องน้ำด้วยสาระร่างที่อ่อนเปรี้ยเพลียแรง ไม่อยากจะสำออยหรอกนะแต่มันหนักหน่วงต่อร่างกายจริงๆ เมื่อเข้ามาได้มันก็พาผมไปล้างเนื้อล้างตัวที่ฝักบังก่อนจะพาลงไปนั่งแช่อ่างน้ำวนเล่น ผมก็นอนพิงอกซบไหล่มันอย่างสบายจนเกือบหลับไปแล้วด้วยซ้ำ

“วันนี้จะไปไหน”

“กลับบ้าน”

“วันนี้วันเสาร์ ไปเที่ยวกันหน่อยดีไหม?”

ผมว่าผมพูดภาษาคนนะครับ ทำไมมันถึงไม่รู้เรื่องกันอย่างนี้วะ

“ก็บอกว่าจะกลับบ้าน”

“เดี๋ยวตอนเย็นค่อยกลับ จะไปส่ง แต่ตอนนี้ไปด้วยกันก่อน”

ผมเอียงหน้าจ้องมองมันเหมือนมีคำถามซึ่งก็มีจริงๆนั้นแหละ

“ไปไหน?”

“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”

กวนตีน

“งั้นไม่ไป”

“ยังไงก็ต้องไป”

“อย่ามาสั่ง อย่ามาบังคับ ไม่ชอบ!”

“...”

“....”

“ไปแต่งตัวกัน”

เหี้ย!!!

.
.
.
.
.

และแล้วผมก็ต้องมานั่งตีหน้ามุ้ยไม่สบอารมณ์อยู่ที่ห้องอาหารสุดหรูในโรงแรมระดับห้าดาวบวกๆๆ ไอ้ยักษ์ที่บังคับผมมาก็ตั้งหน้าตั้งตาสั่งแถมยังได้ไวน์มาจิบไปดูวิวเมืองกรุงผ่านบานกระจกไปอย่างชิลโคตร อ้อ มีอีกอย่างที่ผมอยากบอกคือผมรู้ที่อยู่ของมันแล้วครับหลังจากที่ไม่เคยสังเกตมาก่อนทั้งที่ครั้งก่อนที่มาค้างก็กลับเองนะ มันอยู่ที่คอนโดหรูสวยการตกแต่งเน้นให้คนเมืองหัวสมัยใหม่อยู่และราคาหรูใช่ย่อย แต่ก็ไม่เท่าคอนโดที่ผมอยากได้อยู่ดี ที่นั้นราคาขั้นต่ำก็เหยียบแปดล้านไปแล้ว

พอพูดถึงคอนโดแล้วก็คิดถึงพี่ครอส จะว่าไปโทรศัพท์ก็ยังไม่ได้เปิดเครื่องเลยนี่หว่า

ผมเลิกตีหน้าโกรธกดดันไอ้ยักษ์ที่ไม่รู้สึกรู้สาแล้วหันไปคว้าโทรศัพท์ตัวเองมาเปิดเครื่อง พอเครื่องกลับมาทำงานปกติเสียงแจ้งเตือนต่างๆก็เด้งรัวๆจนเครื่องเกือบค้าง ตั้งแต่เกิดมาผมสาบานได้ว่าไม่เคยเห็นมิสคอลเยอะขนาดนี้มาก่อนและคนแรกที่ผมติดต่อกลับนั้นก็คือพี่ชายครับ

/คริสตัล!!!!/

อื้อหืออออ เสียงทะลุโสตประสาทจนแก้วหูเกือบขาดเลยวุ้ย

“คะ ครับ?”

/ไม่ต้องมาครับ ตอนนี้มึงอยู่ไหน!?!/

โอ้โห อารมณ์มาเต็มมาก

“อยู่...แถวๆนี้แหละ”

/บอกกูมาเดี๋ยวนี้ กูจะไปลากคอมึงกลับมากระทืบให้สาสมกับที่ให้คนอื่นเค้าวุ่นวายกันไปหมด ไอ้น้องเวร/

สาบานได้ว่าพี่กับน้องคุยกันครับไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตมาตั้งแต่ชาติปางไหน

“ห่วงก็บอกว่าห่วงดิ”

/กูมีน้องเหี้ยๆแบบนี้คนเดียวเว้ย อย่าให้ต้องฆ่าทิ้งเพราะแม่งหาซื้อไม่ได้แล้ว/

สมควรดีใจไหมครับ ช่วยบอกผมที

“เอาน่าๆ ทำอย่างกับผมไม่เคยหายหัวไปงั้นแหละ”

/หายนะเคย แต่ไม่เคยหายไปทั้งที่เมาแถมยังติดต่อไม่ได้แบบนี้!/

“ไม่คิดว่าผมจะหิ้วสาวไปนอนกกบ้างอ่อ”

ไอ้ยักษ์ตรงข้ามหันมามองพลางส่งยิ้มกวนตีนมาให้อีกแน๊ะ ผมเลยทำปากไปว่า ‘เสือก’ แบบเน้นๆเรียกเสียงหัวเราะหึได้เช่นเคย

/สภาพมึงเมื่อคืนคงไปหิ้วสาวกกได้อยู่หรอกเนอะ/

เชี่ยละ ไอ้นายโทรบอกพี่ผมแน่ๆ

“ไอ้นายบอกเหรอ?”

/ก็เออสิวะ แล้วนี่มึงอยู่ไหนอยู่กับใครแล้วทำอะไรอยู่?/

“เออ...อยู่กับเพื่อนนะ”

/เพื่อนไหน? ไอ้นาย ไอ้แวน ไอ้คมหรือไอ้มิกซ์?/

“เพื่อนที่พึ่งรู้จักกันนะ ตอนนี้ก็กินข้าวกันอยู่ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วจะกลับ”

/กลับยังไง?/

ยิ่งกว่าพ่อก็พี่ผมนี่แหละครับ

“แท๊กซี่”

/หยุดแม้แต่จะคิด กินเสร็จแล้วโทรหากูเดี๋ยวให้คนไปรับ/

“ครับๆ”

/เออ งั้นแค่นี้แหละ/

บทจะจบง่ายๆก็ง่ายนะครับ คุยไม่สมกับที่โทรมาเป็นร้อยๆสายเลย แต่ผมพอจะเดาชะตากรรมตัวเองตอนกลับไปที่บ้านได้แล้วแหละ

“นอกจากจะดื้อแล้วยังขี้โกหกอีกนะ”

ผมตวัดสายตาไปมองไอ้ยักษ์ที่พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมวางสายไปแล้ว

“เสือก”

“ทำไมไม่บอกไปละว่ากกผัวอยู่”

“เพราะไอไม่มีผัวไง เลยไม่ต้องบอก”

“เอากันขนาดนั้นไม่เรียกว่าผัวจะให้เรียกว่าอะไรครับ?”

“แค่คู่นอนไง”

“หึ เรามันลึกซึ้งกว่านั้นนะคริส”

“ได้แค่นั้นก็ดีแล้ว ถ้าจะให้เรียกคนที่มีอะไรกันว่าผัว ไอคงจะมีผัวเป็นสิบแล้วมั้ง”

“งั้นหลังจากนี้ก็อย่าไปมีอะไรกับใคร มีกับผมคนเดียวพอ”

“ทำไมไอต้องทำตามที่ยูบอก”

“เรียกชื่อ”

“ไม่”

“อย่าดื้อน่าคริส”

“เรื่องของไอ”

“แล้วจะได้เห็นดีกัน”

“หวังว่ามันจะดีอย่างที่ปากพูดนะ”

“หึ”


To Be Con...

 :katai2-1:

หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 2 (31/01/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 31-01-2017 19:40:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 2 (31/01/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 31-01-2017 21:06:59
รุนแรงกันจริงๆ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 3 (06/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 06-02-2017 12:34:17
สัมผัสที่ 3

 



 

ผมเดินก้าวลงจากรถแล้วปิดประตูตามหลังเบาๆก่อนจะมุ่งหน้าสู่ตึกสูงห้าชั้นอันเป็นตึกย่อยของคณะเศรษฐศาสตร์ที่ผมกำลังเรียนอยู่ครับ เหมือนผมจะยอกย้อนกับตัวเองอยู่บ้างก็ตรงที่ผมชอบเศรษฐศาสตร์แต่ไม่ชอบที่จะหยิบจับธุรกิจของครอบครัว พ่อกับแม่อาจเข้าใจไปว่าผมอาจจะอยู่ในช่วงวัยต่อต้านแต่เดี๋ยวก็เข้าไปช่วยสืบทอดแต่ผิดมหันต์เลยครับ ผมแค่ชอบเลยเรียนและคนที่รู้ดีนั้นก็คือพี่ชายของผมนั้นแหละ

 

“อ้าวคริส มาเช้าจังนะ”

 

ผมยิ้มให้กับพี่เอมซึ่งเป็นรุ่นพี่ปีสองที่ค่อนข้างจะสนิทกับผมพอสมควร ถึงจะไม่มากแต่ก็พอพูดคุยหัวเราะหยอกล้อกันได้ในระดับหนึ่งนะครับ

 

“วันนี้พี่ชายมาส่งนะครับ เลยต้องมาแต่เช้า”

 

ไอ้พี่ครอสมันมีประชุมเช้าแล้วยังจะมายังคับขู่เข็นให้ผมมามหาลัยพร้อมพี่แกให้ได้อีก ผมละเซ็ง คนพึ่งได้พักสาระร่างหลังจากที่เจอศึกหนักชนิดถึงลูกถึงคนมานะครับ จริงๆแล้วก็แอบมีไข้ด้วยแหละแต่ผมไม่ได้บอกใคร พอกินข้าวแล้วก็หายากินเองนอนพักไปยาวๆก็หาย ตอนนี้ก็เกือบจะหายสนิทดีละเหลือแค่อาการเพลียๆมึนๆอึนๆอีกนิดหน่อย

 

“ไม่เปลี่ยนใจจริงๆเหรอคริส พี่ละเสียดาย อย่างเราน่าจะชนะแบบท่วมท้นเลยน๊า”

 

ผมส่ายหัวหวือแสดงเจตนารมณ์เดิมอย่างชัดเจนจนพี่ท่านจิ๊ปากใส่ ที่พี่เอมพูดหมายถึงการประกวดดาวเดือนอะไรนั้นไงครับ แน่นอนว่าหน้าตาอย่างผมต้องตกเป็นเป้าหมายแต่ผมยังเอาตัวรอดได้เพราะกลุ่มก๊วนผมยังมีความหน้าตาดีที่ไล่เลี่ยกัน ผมเลยได้ยกพวกมันให้พี่ท่านเลือกไปแทนส่วนตัวเองก็ชิ้งหนีจนวันต่อมาก็โดนให่เลี้ยงชาบูเป็นของเซ่นไหว้ คือผมเป็นคริสเตียนป่าววะ จะมาเซ่นไหว้ทำซากอะไร แต่ก็ช่างมันเถอะครับผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป แล้วไอ้ที่โดนเลือกนั้นก็คือไอ้มิกซ์ครับ ได้ด้วยความกะล่อนล้วนๆ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะไม่ไปตอบคำถามแบบกวนตีนๆใส่กรรมการให้ได้ขายหน้ากันทั้งคณะหรอกนะ

 

“อ้อ คริสยังไม่เจอลุงรหัสตัวเองใช่ไหมจ้ะ?”

 

“ครับ พี่ก้อนบอกว่าเขาไปต่างประเทศยังไม่กลับ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะกลับมารึยัง”

 

“กลับมาแล้วจ้ะ เมื่อวันศุกร์พี่ก็เห็นอยู่นะ แต่ไม่ได้บอกเพราะพี่ไม่เห็นเรา เป็นไงละ พอขอเบอร์ขอไลน์แล้วหวงนัก เวลามีข่าวคราวอะไรเลยติดต่อไม่ได้เลย”

 

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆตอบกลับไป ผมขี้รำคาญครับ ยิ่งการคุยกับคนไม่สนิทยิ่งไม่ชอบ เวลาผมพูดกับทัตถึงได้ห้วนๆสั่นๆไม่อยากจะเสวนาด้วยสักเท่าไหร่แต่ก็ยกเว่นเวลาโดนกวนมากๆแล้วปรี๊ดแตกนะ อ้อ ไม่นับเสียงร้องนะครับ อันนั้นเยอะตามอารมณ์ที่ถูกบิ้ว

 

“งั้นผมจะเจอได้ยังไงครับ?”

 

“ได้คำใบ้ว่าอะไรจ้ะ?”

 

“ผู้ที่เทวดามอบให้”

 

เชื่อไหมว่าตอนผมได้คำใบ้ผมหลุดหัวเราะอย่างเสียมาดเลยนะ โคตรลิเก แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับยากเอาการเลยนะครับ ลองคิดดูสิ ผมจะไปรู้ไหมละว่าใครเป็นผู้ที่เทวดามอบให้ แต่ละคนก็มาจากสเปิร์มกันทั้งนั้นอะ

 

“อืม…จะใบ้เพิ่มว่ายังไงดีละเนี้ย ไม่คิดเลยนะว่าคนๆนั้นจะใบ้อะไรแบบนี้”

 

คิดเหมือนกันครับ ช่างกล้าชิปหาย

 

“งั้นเอางี้ พี่จะบอกรถที่เขาขับแล้วกันนะ”

 

พูดว่า ‘เขา’ อย่างนี้แสดงว่าเป็นผู้ชายสินะ ก็ดี ค่อยคุยกันง่ายหน่อย

 

“Lamborghini Gallardo สีฟ้าเทาหม่นๆ”

 

ผมถึงกับอ้าปากค้าง ขับรถแบบนี้ได้ต้องรวยสัสๆอะ แถมเผลอๆยังมีคันเดียวในมหาลัยด้วยละมั้ง ใบ้แบบโคตรเจาะจงเลยครับ

 

“มีคันเดียวในมหาลัยและยังไม่มีใครได้เป็นตุ๊กตาหน้ารถอีกด้วย”

 

โอ้โห้ มีออฟชั่นเสริมให้ซะด้วย ข่าวละเอียดยิบจนน่าปรบมือให้รัวๆ

 

“อ่า ครับ ขอบคุณมาก”

 

“ไม่เป็นไรจ้ะ งั้นพี่ขึ้นตึกแล้วนะ นี่คริสจะไปโรงอาหารเหรอ?”

 

 “ครับ”

 

“งั้นก็บ๊ายบาย”

 

“บายครับ”

 

ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งเมื่อร่างอรชรนั้นเดินตรงไปขึ้นลิฟท์แล้วจึงเดินตัดโถงใต้ตึกโผล่ไปยังทางเดินที่ทอดยาวไปถึงโรงอาหารของคณะ จริงๆแล้วเป้าหมายของผมคือไม้หินอ่อนใต้ร่มไม้ข้างตึกเรียนที่มันเยื้องๆกับโรงอาหารต่างหากครับ เช้าขนาดนี้ไอ้สี่ตัวนั้นคงยังมาไม่ถึงหรอกครับ แถมนักศึกษายังไม่ค่อยเฉียดมาตรงนี้เท่าไหร่เหมาะแก่การนั่งงีบมาก ว่าแล้วก็วางกระเป๋าเท้าแขนแล้วฟุบหน้าลงนอนหลับสักงีบกันดีกว่า ผมหลับไปจริงๆเพราะหลังทานมื้อเช้าผมกรอกยาเข้าปากไปอีกรอบเลยมึนๆเบลอๆอยู่นี่ไงครับ จนไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่เหมือนกันแต่มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ผมหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วรับสายทั้งที่ยังไม่เงยหน้าหรือลืมตามอง

 

“อือ”

 

/อยู่ไหนคริส?/

 

นายโทรมานั้นเอง

 

“โต๊ะข้างตึก”

 

/หลับเหรอ? งั้นเดี๋ยวเดินไปหา/

 

“โอเค”

 

เมื่อวางสายแล้วก็เก็บไว้ที่เดิมแต่จู่ๆก็ได้ยินเสียง ‘หึ’ลอยมาเบาๆ นี่ผมเกลียดจนถึงกับหลอนติดหูเลยเหรอวะเนี้ย

 

“เอากาแฟสักหน่อยไหม?”

 

“ก็ดี”

 

เอ๊ะ…

 

เดี๋ยวนะ…



พรึ๊บ!

 

“เห้ย! มาอยู่นี่ได้ไง!?!”

 

นั้นแหละครับ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นไอ้คนในจิตหลอนโผล่มานั่งหน้าสล่อนอยู่ข้างๆแบบตัวเป็นๆ แน่นอนว่ามันยังคงยิ้มอยู่อย่างเคยแต่มือกลับยื่นกาแฟร้อนยี่ห้อดังที่แก้วเดียวตกไปหลายร้อยมาให้ผม

 

“ขับรถมา”

 

มันตอบแล้วเหลือบมองไปทางที่จอดรถหน้าโรงอาหารและผมก็ต้องเบิดตากว้างอีกครั้ง เหี้ยเถอะ นั้นมันแลมโบฯแบบที่พี่เอมบอกมาเป๊ะๆ อย่าบอกนะว่า…

 

“อะไรคือ ‘ผู้ที่เทวดามอบให้’ ”

 

“ก็ความหมายของชื่อเทพทัตไง”

 

โป๊ะเช๊ะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นวะครับ โลกจะกลมเกินไปแล้วนะเว้ย ซิกแซกบ้างก็ได้หรือจะให้ดีก็แตกเป็นสองซีกไปเลย ผมจะดีใจเป็นอย่างมาก

 

จะว่าไปก่อนหน้านี้ตอนมันไปส่งผมมันก็ใช้เบนซ์นี่นา รถจะเยอะไปไหนวะครับ

 

“รู้แล้วสิ”

 

“เออ!”

 

“พูดจาไม่เพราะกับรุ่นพี่เลยนะครับ”

 

“ไอพอใจ ยูจะทำไม?”

 

“บอกให้เรียกชื่อ”

 

“ไม่”

 

“คริส”

 

“ทำมะ อุ๊ป!”

 

เชี่ยเถอะ!

 

มันกล้าจูบผมในมหาลัยแถมยังใกล้โรงอาหารชนิดที่ใครๆก็สามารถมองเห็นได้ ดีหน่อยที่มันแค่จูบเพื่อมากัดปากผมเล่นๆเลยไม่ได้ดูดปากแลกลิ้นนานแต่ก็เจ็บอยู่นะครับ

 

“ดื้อ”

 

“คริส”

 

!!!

 

 อื้อหือ ไอ้นายมาได้อย่างโคตรจะถูกจังหวะ

 

พอเห็นเพื่อนตัวเองยืนมองอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าตื่นตกใจพอสมควรผมเลยรีบลุกขึ้นหยิบกระเป๋ากำลังจะชิ้งหนีแต่ก็โดนคว้าแขนไว้อีก ไวเหี้ยๆ

 

“เดี๋ยวโทรหา”

 

ผมมองมันตาปริบๆในหัวก็คิดว่า กูบอกเบอร์ให้มึงรู้ตอนไหนวะ? มันเหมือนจะเข้าใจสายตาผมนะแต่ก็ไม่พูดอะไรเอาแต่ยิ้มแล้วก็ลุกขึ้นเดินผ่านไอ้นายไปยังตึกโดยที่มีผมมองตามจนสุดสายตา

 

“นั้นใคร?”

 

ผมส่ายหัวประมาณว่าไม่มีอะไรเพราะเห็นหน้ามันตกใจแล้วก็รู้สึกไม่ดี ถึงแม้เพื่อนผมจะรู้ว่าผมเป็นเกย์แต่ผมก็ไม่เคยทำประเจิดประเจ้อให้พวกมันเห็นนะครับ อย่างมากก็แค่ขึ้นรถไปกับผู้ชายหรือเดินไปด้วยกันแค่นั้น แต่นี้มันน่าจะเห็นถึงฉากเด็ดเลยแหละ

 

“มึงอย่ามาปฏิเสธ ถึงขั้นจูบกันในมหาลัยมันไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ?”

 

“ก็แค่คู่ขา”

 

ไอ้นายขมวดคิ้วก่อนจะหลุบตาลงต่ำเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง

 

“ไปห้องเรียนเหอะวะ กูไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว”

 

ผมสัมผัสได้ถึงสายตาหลายๆคู่ที่กำลังจ้องมองมายังผมจนเสียวสันหลัง ถึงแม้จะถูกจ้องบ่อยจนเริ่มชินแต่ในเมื่อเรื่องจูบพึ่งเกิดขึ้นความใคร่อยากจะรู้ของผู้คนที่เห็นจึงมีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ไอ้นายพยักหน้ารับแล้วหันหลังเดินนำผมไปยังตึกที่ทัตพึ่งเดินเข้าไปเมื่อครู่ เรียนที่เดียวกัน คณะเดียวกัน แถมยังเป็นสายรหัสกันอีก มันจะบังเอิญมากเกินไปแล้วนะครับ ตามจริงแล้วผมไม่คิดว่ามันจะยังอยู่ในช่วงเรียนอยู่ด้วยซ้ำ ก็เห็นตัวใหญ่ๆของตีหน้าเป็นผู้ใหญ่ซะขนาดนั้นก็นึกว่าทำงานไปแล้วอะ แต่ที่ไหนได้ แก่กว่าผมแค่สองปีเองเหรอวะ

 

 

 

 

 

 

Rrrrrrrrr

 

ผมหันไปมองยังเครื่องมือสื่อสารสีดำด้านรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นแล้วก็ขมวดคิ้ว ถึงแม้ตอนนี้จะหมดชั่วโมงเรียนแต่พวกผมยังคงนั่งเล่นอยู่ที่ใต้ถุนตึกครับ ผมวางมือจากงานที่พึ่งได้มาและคว้ามาสไลดร์รับสายท่ามกลางความงุนงงว่าเบอร์แปลกที่ไหนที่โทรมา

 

“ไฮ”

 

/ไง/

 

...หืม…เสียงอย่างนี้มัน…

 

“ทัต?”

 

/หึ ยอมเรียกชื่อแล้วเหรอ/

 

ผมกรอกตาในทันทีทั้งที่มันไม่มีทางเห็น กลับเป็นเพื่อนๆที่ล้อมหน้าล้อมหลังผมเองที่จ้องกันตาไม่กระพริบ

 

“มีอะไร?”

 

/เรียนเสร็จกี่โมง?/

 

“ยูจะอยากรู้ไปทำไม?”

 

/จะได้ไปรับถูกไง/

 

“ไม่ต้อง”

 

/คริส/

 

เสียงเข้มมาเชียว แต่ขอโทษเถอะ กูไม่กลัวมึงหรอกเว้ย

 

“แค่นี้ใช่ไหม งั้นไอวางแล้วนะ”

 

/คริสตัล/

 

คราวนี้มาชื่อเต็มและเสียงเข้มจนผมอดสะอึดไม่ได้ ความรู้สึกเหมือนไปทำอะไรผิดแล้วโดนพ่อจับได้อะไรแบบนั้นนะครับ แต่นี่ไม่ใช่พ่อ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับผมทั้งสิ้น แล้วจะไปนึกหวั่นมันทำไมวะคริส

 

“บาย”

 

ว่าแล้วก็กดตัดสายไปทันที

 

“ไอ้คริส!”

 

ผมนี่สะดุ้งโหย่งเลย ไอ้เหี้ยมิกซ์ ถ้าจะเรียกเสียงดังขนาดนั้นมึงไม่ไปประกาศใส่เสียงตามสายไปเลยละวะ

 

“อะไร?”

 

“มึงมีอะไรจะสารภาพกับพวกกูไหม?”

 

มาแนวนี้คงรู้เรื่องเมื่อเช้ากันหมดแล้วและไม่อยากถามต้องให้ผมเอ่ยก่อนอีกเช่นเคย และผมก็ส่ายหัวเหมือนเดิมเช่นกัน

 

“ไอ้ห่า หัดปกปิดเพื่อนนะมึง”

 

“เออวะ เดี๋ยวนี้หัดมีความลงความลับ น้อยใจสัส”

 

สาบานได้ว่าพวกมันเป็นผู้ชายทึกๆแถมยังอายุยี่สิบกันแล้ว กูจะบ้าตายกับนิสัยเด็กที่ไม่เข้ากับเบ้าหน้าเอาซะเลย ดีที่ไอ้นายไม่ผสมโรงไปกับไอ้มิกซ์ไอ้แวน แต่มันก็เป็นตัวกระจายข่าวนี่หว่า

 

“หุบปากแล้วแดรกไปเลยขนมมึงเนี้ย มาหิวเหี่ยไรตอนบ่ายสาม”

 

ไอ้มิกซ์เบะปากเลยครับ

 

“อย่านอกเรื่องครับเพื่อน ตอบกูมาว่าทัตคือใคร?”

 

“ลุงรหัสกู”

 

“แต่ฟังจากที่มึงคุยมันไม่ใช่วะ บอกความจริงมาอย่าหัดตอแหลครับ”

 

เอ๊าไอ้นี่

 

“ความจริงเหอะ”

 

“คนเมื่อเช้านะเหรอ?”

 

ทำไมพอไอ้นายถามขึ้นมาทุกคนถึงชะงักแถมหุบปากฉับเหมือนกำลังลุ้นกับอะไรสักอย่างด้วยวะ ผมพยักหน้ารับไอ้นายเลยพ้นลมออกจมูกแล้วหันหน้าหนีไปมองทางอื่นซะงั้น เป็นอะไรของมึงครับ

 

“คนที่จูบมึงนะเหรอ สัส แม่งโคตรกล้า”

 

“แล้วทำไมเขาถึงมาจูบปากแลกลิ้นกับมึงได้วะ?”

 

ผมโบกหัวไอ้คนช่างซักอย่างไอ้มิกซ์กับไอ้แวนไปคนละทีแบบเน้นๆจนมันลูบหัวปอยๆร้องโอดครวญเป็นแมวน้อย เรื่องสอดนี่ขอให้บอก พวกมันชำนาญนักแล

 

“เสือก”

 

“เรื่องของเพื่อนก็เหมือนเรื่องของกู มึงบอกกูมา อย่าบอกนะว่าจับแดรกไปแล้วนะ”

 

ผมไม่ตอบ

 

“เชี่ย!”

 

และพวกมันทั้งสองก็ร้องขึ้นอย่างพร้อมเพียงโดยไม่ได้นัดแนะกันซะด้วย ทีงี้ละสามัคคีชุมนุมกันชิปหาย

 

“จะว่าไป ไอ้คมมันไปเข้าห้องน้ำหรือไปสร้างห้องน้ำวะ?”

 

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไอ้นายที่เบี่ยงประเด็นได้อย่างยอดเยี่ยมและดูเหมือนไอ้สองตัวนี้มันก็โอนเอียงไปด้วยเหมือนกัน แหม ทีตอนกูเบี่ยงนี่มึงวกกลับมาดีจั๊ง ไม่ค่อยจะลำเอียงเลยวะครับ

 

“เดี๋ยวกูไปดูเอง”

 

เป็นไอ้แวนที่อาสา เมื่อจบเรื่องผมเลยหันไปทำงานของตัวเองต่อไป ไอ้นายทำเสร็จตั้งแต่สิบนาทีก่อนแล้วและอีกสามตัวที่เหลือมันชอบดองเป็นนิสัยครับ ส่วนผมนะไงก็ได้ ว่างก็ทำไม่ว่างก็เอาไว้ก่อน และตอนนี้ผมก็โคตรจะว่าง ไม่ได้มีนัดไปไหนกับใครเป็นพิเศษด้วยเพราะผมไม่ได้เปิดโทรศัพท์อีกเครื่องที่เอาไว้ติดต่อสำหรับบรรดากิ๊กกั๊กทั้งหลาย จะว่าไปทัตมันเอาเบอร์ผมมาจากไหนวะ แถมยังเป็นเบอร์ส่วนตัวจริงๆด้วยอีก

 

ติ๊ง

 

“เหี้ย!”

 

“อะไรของมึงไอ้มิกซ์?”

 

ไอ้นี่ชักจะเยอะขึ้นทุกวัน กะอีแค่ไลน์เด้งมันต้องตกใจถึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ ประสาท

 

“ไอ้คมกำลังโดนพวกเกษตรยำตรงหลังห้องน้ำนอกตึก!”

 

ผมนี่ตาเบิกกว้างทันที เออ เหี้ยจริงอย่างที่มันว่า

 

“คริสมึงเฝ้าของ ส่วนไอ้มิกซ์ไปกับกู”

 

“เห้ยได้ไงวะ กูก็อยากไปช่วย”

 

“ไม่ต้อง”

 

นี่เป็นอีกสิ่งที่พวกนี้มักทำแต่ผมไม่ชอบเอาเสียเลย นั้นคือการทำเหมือนผมเป็นเหมือนคนไม่เอาไหนที่ต้องการคนปกป้องประคบประหงม ผมชกต่อยเป็นและมีแรงพอตัวนะครับวงเล็บนิดนึงว่าพอตัวนะ

 

“แต่กูจะไป”

 

“ดื้อ!”

 

ไอ้นายตะคอกด่าผมเว้ย มันกล้าด่าผมด้วยเว้ย แต่มันก็หันกลับมาดึงผมให้วิ่งไปยังสถานที่นั้นพร้อมๆกับมันเหมือนอนุญาตให้ผมไปด้วยได้ผมเลยไม่ถือที่มันด่า เมื่อผมสามคนไปถึงที่นั้นก็เห็นไอ้คมกับไอ้แวนกำลังโดนยำอยู่จริงๆวะ ยำด้วยผู้ชายแปดต่อสอง ไอ้หมาหมู่เอ๊ย

 

“เห้ย มาเสือกไรตรงนี้ครับน้อง รึเป็นพวกเดียวกับไอ้พวกนี้”

 

หนึ่งในคนกลุ่มนั้นหันมาถามน้ำเสียงโคตรจะกวนโอ้ย ผมสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เดือดขึ้นของไอ้นายได้ในทันทีเพราะมันยังไม่ปล่อยมือที่จับมือผมอยู่ พวกคนกลุ่มนั้นเลยหยุดทุกการกระทืบแล้วหันมามองที่เรา ไอ้คมกับไอ้แวนเลยได้พักหายใจหายคอกัน

 

“เอาไงดีวะนาย?”

 

ไอ้มิกซ์หันมากระซิบถาม ถึงจะดูเหมือนจะใจเย็นแต่สายตามันกลับตรงกันข้ามเลยนะครับ ผมบอกเลยว่าผมเป็นคนเดียวที่ยังใจเย็นอยู่ถึงจะมีอารมณ์โกรธอยู่บ้างก็เถอะ

 

“อัตราโดนยำมีสูงวะ ถึงจะสู้ได้แต่เราเละ”

 

“เชี่ยแม่ง!”

 

“แต่กูก็ยอม”

 

“หึ มันต้องงี้สิวะ”

 

พวกมึงคุยกันนี่ รู้สึกถึงกูกันบ้างไหมครับ ไอ้เพื่อนเชี่ย

 

“ว่าไงละวะ มึงเป็นพวกมันเหรอถึงแสลนหน้าเข้ามาหาถึงที่”

 

ไอ้คนเดิมถามแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือพวกนั้นพุ่งเป้ามาที่เราทั้งสาม อ้อ พุ่งมาทั้งกลุ่มนั้นแหละครับ ไอ้แวนที่โดนไม่หนักเท่าไอ้คมเลยได้โอกาสไปพยังไอ้คมให้ได้สติขึ้นมาอีกนิด

 

“ถ้าผมบอกว่าใช่ละ”

 

“มึงก็จะโดนเหมือนพวกมันไงละ”

 

“ผมอยากรู้ว่าเพื่อนผมมันไปทำอะไรให้พวกพี่ พี่ถึงได้ยำมันขนาดนี้”

 

ไอ้นายแม่งเจ๋งอะ รู้ด้วยว่าพวกนั้นเป็นรุ่นพี่ แต่ก็นะ หน้าตาแต่ละคนก็ดูเหมือนผ่านสมรภูมิอะไรมานัดต่อนัดแล้วด้วย ถือว่าแก่ประสบการณ์ในด้านนี้แล้วกัน

 

“มันเสือกมาสูบบุหรี่ทับที่กู”

 

“เหตุผลส้นตีน”

 

เชี่ยมิกซ์ช่างกล้า แล้วพวกแม่งก็หันไปจ้องมันตาขวางเลยนะครับ

 

“ปากดีนะน้อง”

 

“ไม่ได้ดีแค่ปากนะพี่ ลองดูไหม”

 

ว่าแล้วไอ้มิกซ์ก็กระโจนไปใส่รุ่นพี่หัวโจกอย่างบ้าระห่ำ ผมนี่ตาเบิกกว้างเพราะความไวแสงและแรงในการชกต่อยของมัน เล่นเอาพี่เขาหงายหลังล้มลงกับพื้นเลยไงครับ

 

“ถอยไป”

 

ไอ้นายหันมาบอกกับผมเบาๆในระหว่างที่คนอื่นๆกำลังอึ้งแดรกและเผลอตัว ไอ้นี่ก็ใช่ย่อย มันใช้โอกาสนี้ถีบพวกคนอื่นๆที่ยังไม่ได้ตั้งตัวจนล้มและหันไปซัดกับอีกคนเหมือนกับไอ้มิกซ์ที่กำลังคลุกวงในไปแล้ว ผมนี่แทบไม่มีคนเข้ามากร่างกรายเลยครับ เหมือนไอ้นายกับไอ้มิกซ์มันเป็นหน้าด่านบวกเกราะกำบังไม่ให้พวกนั้นแทรกเข้ามาถึงผมได้ เออ กูสมควรอยู่เฝ้ากระเป๋าให้พวกมึงจริงๆสินะ พึ่งรู้สึกว่าตัวเองกากก็คราวนี้แหละวะ

 

แต่ทว่ามันกลับมีคนหลุดมาจากได้นายและตรงเข้ามาหาผมได้ครับ หน้าแม่งก็เต็มไปด้วยเลือดเหมือนออกมาจากจมูกยังเสือกจะแสะยิ้มจนผมขนลุก แล้วผมทำไงนะเหรอ มันต่อยมาผมก็หลบดิ หลบทันด้วยนะเว้ยแล้วยังใจดีแจกหมัดใส่ท้องมันไปอีกที คือทักษะการต่อสู้ผมพอมีไง ไม่งั้นไปเจอได้เกย์สายเถื่อนแล้วไม่โอเคผมจะรอดมาได้เหรอ พวกไอ้นายมันห่วงเวอร์ไปเองอะ

 

“ทำอะไรกัน?”

 

เสียงแข็งๆติดจะเข้มและดุทำให้พวกเราทั้งสองฝั่งถึงกับหยุดชะงัก ผมที่กำลังจะถีบไอ้ที่กำลังเข้ามาหาอีกคนก็ชะงักไปเหมือนกัน และเมื่อหันไปเห็นว่าเป็นใครเลยไม่สน ใช้โอกาสที่ทุกคนนิ่งถีบไปแบบง่ายๆจนแม่งหงายหลังร้องโอ้ยแล้วยังจะกัดฟันลุกมาหาผมอีกรอบนะครับ แต่คราวนี้มันมาไม่ถึงตัวผมเพราะมีตัวควายของไอ้พี่ทัตเข้ามาขวาง

 

“ไม่ได้ยินที่กูถาม?”

 

เสียงเหี้ยมสัสๆ

 

อยากจะตอบกลับชะมัดว่าที่เห็นอยู่นี่คงกำลังเล่นขายของกันอยู่มั่ง

 

“มึงมายุ่งไรด้วยวะทัต”

 

อ้าว รู้จักกันซะงั้น งี้ก็เป็นฝ่ายศัตรูสินะ

 

“แต่พวกนี้มันรุ่นน้องกู”

 

อันนี้ก็ถูก ตกลงมึงอยู่ฝ่ายเดียวกับกูใช่ไหมเนี้ย

 

“รุ่นน้องมึงแม่งกวนตีน”

 

“อ้าวพี่ พูดงี้ก็สวยดิ”

 

ไอ้มิกซ์ครับ แต่พอพวกมันจะกระโจนใส่กับอีกเสียงกัมปนาถของคนตรงหน้าผมก็แผดเสียงเข้มที่กดต่ำแต่ไม่ดังมากขึ้นมาอีกรอบ

 

“หยุด”

 

“แม่งเอ๊ย! กลับเว้ย!! พวกมึงระวังตัวไว้เลยนะ คราวหน้าไม่แน่นิ่งคาตีนกู กูไม่จบแน่ๆ!!!”

 

“ไอ้เศษ”

 

ทัตเอ่ยชื่อคนพูดเสียงเข้มและผมก็ได้ยินชื่อมันชัดๆจนหลุดหังเราะพรืด ดีที่ไม่ดังมากจนเจ้าตัวได้ยินแต่คนตรงหน้าผมได้ยินแน่นอน ดูจากการปรายตามองมาที่ผมแป๊บๆแล้วหันกลับไปตีหน้าดุข่มได้พวกนั้นต่อนะน่ะ

 

ทำตัวเชี่ยๆแล้วชื่อแม่งก็โคตรจะเข้ากับหน้า กูอย่างฮา ฮ่าๆๆๆๆ

 

ผมมันแต่ก้มหน้าเอามือปิดปากกับกุมท้องพยายามกลั่นหัวเราะเต็มที่แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าพวกนั้นล่าถอยไปตอนไหนแต่มือใหญ่ๆของไอ้คนตรงหน้าเอื่อมมาจับไหล่ส่วนอีกข้างก็เสยคางผมขึ้นให้หันไปมองมันด้วย ให้ตาย ผมกลั่นหัวเราะจนเมื้อยแก้มไปหมดแล้วเนี้ย น้ำตาเล็ดเลยด้วย

 

“ไม่โดนอะไรใช่ไหม?”

 

ถามพร้อมกับมองสำรวจผมไปซะแทบพรุนไปทั้งร่าง ผมยกมือปฏิเสธไปเพราะกำลังสงบสติอารมณ์ให้คงเดิม พอสายตาหันไปเจอไอ้นายกับไอ้มิกซ์ที่กำลังช่วยกันพยุงไอ้คม(ที่โดนเละสุด)กับไอ้แวน(ที่สะบักสะบอมได้ที่)ขึ้นมาแล้วก็หุบยิ้มฉับ เหี้ยเอ๊ย นี่มันทำกันเกินไปป่าววะ

 

“ยูรู้จักกันกับพวกนั้นใช่ไหม?”

 

ผมถามเสียงเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดจนมันขมวดคิ้ว

 

“ก็รู้ แต่ไม่ได้สนิท”

 

“งั้นยูไปไกลๆไอเลย ต่อจากนี้เราไม่ต้องมารู้จักมาเจอะเจอกันอีก”

 

“อย่าพาลสิคริส”

 

“ก็ดูที่พวกมันทำดิ๊!”

 

ผมตะเบ็งเสียงใส่พอดีกับที่เพื่อนผมมาถึงมันเลยได้มองเห็นอย่างชัดๆ

 

“คริสไปเอารถมารับพวกกูที จอดอยู่ที่เดิมนะ”

 

ไอ้นายหันมาบอกพร้อมกับยื่นกุญแจรถมาให้ผมเลยเลิกสนใจไอ้คนนอกอีกคนแล้วฟันไปรับกุญแจมาจากเพื่อน แต่ยังไม่ทันจะเดินไปไหนมือหนาก็คว้าแขนผมไว้ซะก่อน

 

“เชี่ยไรวะ!”

 

“ไม่ต้องไป เดี๋ยวโทรเรียกรถให้”

 

“ไม่ต้อง!”

 

“อย่าดื้อ”

 

มันพูดจบก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู พูดไม่กี่คำก็วางและไม่ถึงห้านาทีรถตู้สีดำคันหนึ่งก็เข้ามาจอกเทียบที่ด้านหน้าพวกเราเลย

 

“พาเพื่อนไปขึ้นรถ”

 

มันพูดพลางพยักเพยิอเบ้าหน้าหล่อๆไปทางรถตู้คันนั้น พวกเพื่อนผมก็พยุงกันไปขึ้นอย่างว่าง่ายเลยนะครับ แต่ก็นะ เพื่อนเจ็บอยู่อย่าพึ่งไปแย้งอะไรมันมากเลย เมื่อพวกเพื่อนขึ้นไปกันหมดแล้วและผมกำลังจะตามขึ้นไปไอ้ยักษ์มันก็ดึงผมไว้อีก

 

“เราไปอีกคัน”

 

บ้านพ่อมันผลิตน้ำมันรึเปล่าวะ สิ้นเปลืองชะมัด เมื่อเจ้านายพูดงั้นคนขับรถที่ออกมายืนเปิดประตูให้ในตอนแรกก็ปิดประตูแล้วรีบวิ่งอ้อมไปขึ้นประจำตำแหน่งแล้วขับออกไปต่อหน้าต่อตา ผมที่มองตามตาปริบๆเลยถูกไอ้คนชอบสั่งกึ่งดึงกึงลากไปยังแลมโบฯของมัน จะว่าไป ยังไม่ได้เอาพวกกระเป๋าที่โต๊ะเลยนี่หว่า

 

“เดี๋ยว”

 

ผมร้องห้ามเมื่อมันจะยัดผมเข้ารถ

 

“มีอะไรอีก?”

 

“ขอไปเอากระเป๋าก่อน อยู่ใต้ถุนตึก”

 

“เข้าไปนั่งรอ เดี๋ยวไปเอาให้”

 

แล้วคิดว่าผมจะขัดมันได้ไหมครับ ไม่ได้อยากจะยอมหรอกนะแต่มันเล่นไม่ปล่อยโอกาสให้ผมขัดเลยนี่สิ พูดจบมันก็จับผมยัดใส่รถทิ้งกุญแจลงบนตักแล้วปิดประตูตามหลัง ผมมองตามร่างยักษ์ๆของมันที่เดินตรงไปยังตึกแล้วก็มึนตึบในหัว มันจะชอบสั่งอะไรมากมายวะ ตั้งแต่เกิดมาเคยถูตื้ออยู่ก็หลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนที่ตื้อผมในรูปแบบนี้เลยวะ จะตื้อให้รักให้หลงมันต้องนุ่มนวนชวนหลงผิดไม่ใช่เอาแต่สั่งเอาแต่บังคับแบบนี้ไม่ใช่เหรอวะ

 

อย่างนี้เค้าเรียกอยากให้สยบไม่ได้อยากให้รัก

 

ไอ้ประสาท!

 

แล้วคิดว่าคนอย่างคริสตัลสยบได้ง่ายๆอย่างนั้นเหรอ หึ

 

TBC…
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 3 (06/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-02-2017 22:13:50
ยอดไปเลยคริสตัล มีลุงรหัสสุดยอด เทพทัต
แล้วไปสัมผัสกัน จนมีครั้งที่ 1-3 ได้ไง
เจอกันยังไง งง อยากรู้
ทัต หล่อ สูงใหญ่ สูงกว่าลูกครึ่งคริสซะอีก
เลยจับคริส กดสบายๆ แถมหลงใหลคริสมากๆด้วย
รอตอนต่อไป
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 3 (06/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-02-2017 10:24:10
ก็ต้องรอดูกันต่อไปสินคริสตัล
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 4 (07/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 07-02-2017 14:02:13
สัมผัสที่ 4

 
 

 

ตอนนี้ผมกำลังนั่งตีหน้าบึ้งตึงมองหน้าคนตัวโตที่เอาแต่มองผมเขม่งเหมือนกัน ทำไมถึงมาจ้องหน้าปานจะเชือดคอกันแบบนี้นะเหรอ ก็เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนผมกับมันพึ่งเถียงกันเรื่องค่าใช้จ่ายมาไงละครับ ไอ้พี่ทัตมันจะโชว์ป๋าโดยการออกค่ารักษาและค่ายาให้พวกผมทั้งหมดแต่ผมปฎิเสธอย่างเอาเป็นเอาตายจนคนในโรงพยาบาลเกือบจะเข้ามาแยกเพราะคิดว่าไม่นานคงได้ลงไม้ลงมือเป็นแน่ ไอ้นายกับไอ้มิกซ์ถึงกับเงียบกริบปล่อยให้ผมอาละวาทกับคนแปลกหน้า(สำหรับพวกมัน)ไปจนกระทั่งมีเสียงเรียกไปรับยาและจ่ายเงินนั้นแหละมันถึงได้ตีคู่กันไปรับและจ่ายเงินแทนไอ้คมและไอ้แวน

 

“ดื้อ”

 

“ไม่ต้องมาพูด มันไม่ใช่ธุระอะไรของยูด้วยซ้ำ”

 

“แต่พี่อยากช่วย”

 

ผมแอบขนลุกนิดหน่อยที่ได้ยินมันเรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ แต่พอหันไปเจอบรรดาเพื่อนๆที่กลับมากับครบทีมแล้วจึงเข้าใจ มันกะจะทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดีต่อหน้าคนอื่นสินะ

 

“แค่นี้ก็พอแล้ว ขอบคุณมาก”

 

ไม่ได้ประชดนะครับ สาบานได้

 

“คริส”

 

“อ้อ งั้นกรุณาไปส่งพวกไอที่มหาลัยอีกรอบหน่อยแล้วกัน หลังจากนั้นก็ทางใครทางมัน”

 

“คริส”

 

ผมคงไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าเสียงที่เรียกชื่อผมมันกดต่ำลงเหมือนบรรยากาศที่เริ่มยะเยือกลงเช่นกัน ผมไม่สนใจทุกสิ่งอย่างที่มันกำลังกดดันแต่ลุกขึ้นไปช่วยพยุงไอ้คมที่มีไอ้นายช่วยอยู่อีกข้างให้ออกเดินไปยังหน้าโรงพยาบาล รถตู้ที่มาส่งนั้นจอดอยู่ไม่ไกลจากประตูนักและข้างๆนั้นก็คือแลมโบฯสีฟ้าหม่นของมัน

 

ผมพยุงเพื่อนขึ้นรถแล้วตัวเองก็ถือโอกาสขึ้นมานั่งกับเพื่อนอย่างเนียนๆจนขึ้นมากันหมดแต่รถก็ยังไม่ออกตัวทั้งที่คนขับก็ประจำตำแหน่งและสตาร์ทรถแล้วด้วย

 

“ขึ้นครบแล้วนี่ครับ ทำไมยังไม่ออกตัวละ?”

 

ผมถาม

 

“คุณเทพทัตยังไม่ให้ไปครับ”

 

“ห่ะ?”

 

งงกันทั้งคัน งงกันทั้งแถบ แล้วพอมองไปที่ตัวการมันดั๊นยืนตีหน้ายักษ์สมตัวเอามือล้วงกระเป๋าอย่างเท่ห์ไปอีก สายตามันจ้องมาที่รถแต่ถึงไม่ได้เอ่ยปากอะไรผมก็รับรู้ได้อยู่ดีว่ามันอยากให้ผมลงไปหา ผมกัดฟันมองหน้าเพื่อนที่คงอยากกลับไปพักผ่อนเต็มแก่แล้วก็ต้องทำใจขยับตัวจะลงแต่ไอ้นายก็ดึงแขนไว้ก่อน

 

“จะไปไหน?”

 

“ลงไปหามัน”

 

“ลงไปทำไมวะ?”

 

อันนี้เป็นไอ้มิกซ์ที่ถามต่อ

 

“ถ้าไม่ลงพวกมึงก็ไม่ได้กลับสักทีดิ ไม่เป็นไรหรอกน่ามันคงอยากให้กูไปนั่งกับมันนั้นแหละ”

 

“ลุงรหัสมึงโคตรกวนตีนเลยวะ”

 

“ระวังปากหน่อยไอ้มิกซ์”

 

ไอ้นายท้วงไอ้มิกซ์ ผมหันไปสบตาไอ้นายอีกนิดหน่อยก็รู้ว่ามันห่วงแต่ก็ช่วยไม่ได้ ผมดึงแขนออกจากมันก่อนจะก้าวลงไปและประตูรถก็ปิดเองอัตโนมัติในทันที

 

“ไปขึ้นรถ”

 

เสียงเข้มสัสๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมเดินไปขึ้นรถของมันโดยที่มีไอ้เจ้าของเดินตามหลัง เมื่อเข้าประจำที่ทั้งสองคนแล้วมันก็พาพุ่งทยานออกจากเขตโรงพยาบาลโดยที่ไปคนละทางกับรถตู้และมหาลัยด้วยนะครับ

 

“จะพาไอไปไหน?”

 

“......”

 

มันไม่ตอบเว้ย

 

“ได้ยินที่ไอถามไหม?”

 

“......”

 

“ทัต!”

 

“คอนโด”

 

“ไอไม่ไป”

 

“คุณไม่มีสิทธิ์ปฎิเสธผม ไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น”

 

“ไอมีสิทธิ์เพราะไอไม่ใช่คนของยู”

 

“ใครบอกว่าไม่ใช่”

 

“ก็ไอพูดอยู่นี่ไง”

 

“เดี๋ยวก็ใช่”

 

“ไม่มีทางใช่ไปตลอดชีวิตนั้นแหละ!”

 

สิ้นคำตะคอกด้วยอารมณ์โมโหของผมมันก็หักพวกมาลัยเข้าซอยเปลี่ยวที่กำลังจะขับผ่านในเสี้ยววินาที ผมทั้งตกใจทั้งงงแต่พอมันจอดรถสนิทมันก็หันมาดึงผมเข้าหาตัวแล้วประกบปากจูบอย่างรุนแรง เน้นนะครับว่าอย่างรุนแรง มันทั้งดูดทั้งกัดจนผมได้รสเลือดจางๆก่อนจะแทรกเรียวลิ้นเข้ามากวาดต้อนลิ้นของผมด้วยอีก ผมทั้งผลักทั้งทุบแต่มันไม่สะทกสะท้านเหมือนอย่างเคยแถมยังมีการรวบมือผมขึ้นเหนือหัวแล้วใช้เนคไทผูกไว้กับร่องหมอนหนุนของเบาะนั่งอีกต่างหาก

 

“อึ๊ก!”

 

ผมสะดุ้งเมื่อมือหนาปลดซิบแล้วล้วงเอาส่วนนั้นของผมออกมารูดเล่นอย่างมันส์มือ ปากก็ทำหน้าที่ได้ดีชิปหายไหนจะมืออีก โอ้ยยยย เสียวจนสั่นไปทั้งตัวเลยอะ

 

“อ๊า...ทัต...อืมมม..”

 

ผมครางแผ่วเมื่อปากได้รับอิสระและเจ้าตัวก็หันไปซุกไซ้ที่ซอกคอลามลงไปยังอกสักพักก็กัดเบาๆให้ผมสะดุ้งเล่น ผมทั้งแอ่นตัวทั้งบิดเร้าแต่เนื่องจากสถานที่ไม่เอื้อจึงทำให้ขยับมากไม่ได้ ผมเริ่มปวดหนึบและร้อนลุ่มที่ส่วนนั้น จังหวะการรูดรั้งที่เร่งไปตามแรงอารมณ์ทำให้ผมกำลังจะไปถึงเป้าหมายแต่ไอ้ยักษ์ช่างแกล้งมันก็ยังคงแกล้งผมต่อไป ผมขมวดคิ้วทันทีที่จู่ๆมือหนาที่เร่งเร้าอยู่เมื่อครู่หยุดชะงักแล้วผละถอยออกไปซะอย่างนั้น

 

“หยุด...ทำไม...”

 

ผมถามด้วยดวงตาที่มึนเบลอและเสียงหอบหายใจที่หนักหน่วง ทัตยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์เชียดเช่นทุกทีแล้วผมก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังคลืบคลานเข้ามา

 

“อ๊ะ!”

 

และมันก็เป็นไปตามที่สังหรณ์ใจ ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกถึงเชือกอะไรสักอย่างที่มันเอามามัดตรงส่วนนั้นที่กำลังโป่งพองของผม

 

“เจ็บ! เอามันออกไปนะ!!”

 

“หึ”

 

ผมรู้ว่ามันอยากจะแกล้งผมแต่ก็คิดไม่ถึงว่ามันจะเล่นแรงถึงขนาดนี้ มันโคตรแน่นเล่นเอาทั้งเจ็บทั้งจุกหน่วง จะไปเอาออกก็ไม่ได้ถอยกลับก็ไม่ไหวอีก ทรมานชิปหาย

 

แต่ยังครับ มันยังไม่จบเพียงแค่นั้น ผมเบิกตากว้างเมื่อมันโชว์ของเล่นก้อนกลมรีๆที่มีสายเชื่อมออกมายังแป้นปุ่มควบคุมในมือมัน ดวงตาสีนิลยังคงจ้องมองผมด้วยสายตาวิบวับเหมือนสนุกสนานเต็มที่

 

“ไม่นะทัต”

 

ผมรู้ว่านาทีนี้มันไม่คิดจะฟังผมหรอก ปกติแม่งก็ไม่ฟังอยู่แล้วด้วย ผมเริ่มดิ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเอามันไปจ่อไว้ที่ทางเข้าด้านหลังนั้นแล้ว

 

“อึ๊ก!”

 

และก็ใส่เข้าไปในที่สุดชนิดที่ไม่มีคงมีครีมอะไรเสริมเลยสักนิด เจ็บครับ เจ็บจนน้ำตาเล็ด

 

“ทัต”

 

“หืม?”

 

“เจ็บ”

 

“ชู่”

 

ชู่พ่อง!

 

ผมตัวกระตุกเมื่อสิ่งแปลกปลอมนั้นถูกดันเข้าไปจนโดนสุดอ่อนไหวเข้า เหมือนมันจะจงใจซะด้วยเพราะทันทีที่หาเจอรอยยิ้มร้ายก็ฝุดขึ้นมาทันที อย่าบอกนะว่า...

 

“อ๊า!!”

 

ผมดิ้นพล่านเมื่อมันกดเปิดสวิสจนสิ่งนั้นสั่นรัวเคลื่อนไหวอย่างเร็วและแรงอยู่ที่จุดๆนั้นของผม มือที่ถูกมัดอย่างแน่นหนาเริ่มเสียดสีไปกับผิวผ้าจนเห่อแดง ส่วนกลางที่ถูกมัดก็ได้แต่ปวดฉุ สาบานได้ว่าตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยโดนทำอะไรที่วิปริตแบบนี้มาก่อนเลย

 

ไอ้เหี้ยเอ๊ย!!!!

 

“ทัต! อร๊าาาา!!”

 

“หึ ทีอย่างนี้ละเรียกไม่ขาดปากเลยนะที่รัก”

 

ผมกัดฟันจ้องมันอย่างนึกตำหนิแต่พอมันเพิ่มระดับการสั่นเป็นขั้นสุดผมก็หลุดทุกองศาเลยครับ ในขณะที่ผมสั่นเทิมด้วยความกระสันไอ้คนทำมันกลับก้มลงมาจุ๊บปากไวๆแล้วหันกลับไปประจำตำแหน่งพวงมาลัยก่อนจะออกรถในเวลาต่อมา ผมมองไม่เห็นด้านนอกเพราะมันปรับเบาะให้เอนลงนอนราบในระดับต่ำสุด แต่สิ่งที่ผมมองเห็นคือช่วงกลางกายที่โป่งพองนูนออกมาจากกางเกงสแลคเนื้อดี โคตรอยากฉกมาขย้ำเล่นหรือไม่ก็ดูดบ๊วบให้สักยกสองยก ยิ่งตอนสติเตลิดแบบนี้ยิ่งมันส์

 

“ทัต”

 

ผมเอ่ยเรียกเสียงอ่อนจนฟังดูยั่วเพราะความกระสัน แต่ไอ้คนฟังมันทำแค่ชายตามองแล้วหันกลับไปยิ้มคนเดียว

 

“ทัต”

 

“ครับ?”

 

“จะ...ไม่ไหวแล้ว”

 

“จะเสร็จแล้วเหรอ ไวไปไหม หึหึ”

 

ผมกัดฟันแน่นจนปวดไปทั้งหง่ามขา เอิ่ม ไม่เกี่ยวกันเหรอ โทษครับผมเพลินไปหน่อย

 

“อยาก...”

 

พูดพร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้มไปด้วย

 

“อยากอะไรครับ?”

 

สัส! ต่อปากต่อคำชิปหาย ดูแค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วนี่ว่าอยากอะไร

 

“ทัต...อื้ออออ...”

 

“ใจเย็นครับ ใกล้ถึงแล้ว”

 

ผมกัดฟันทนจนรถมันเลี้ยวเข้าในตัวอาคารและวนไม่นานก็จอดสนิท ไอ้ตัวการหันมายิ้มให้ก่อนจะเอื้อมมือไปแกะปมผ้าที่ข้อมือจนได้อิสระ แต่พอจะแก้มัดปมที่ส่วนนั้นของตัวเองมันกลับรวมมือผมไว้เหมือนเดิมอีก

 

“ห้ามแกะและห้ามเอาสิ่งนั้นออกด้วย ไม่งั้นไม่ใช่แค่เนคไทกับไข่สั่นแน่”

 

มีการกดเสียงขู่กันอีก

 

“ใส่กางเกงซะ”

 

จบด้วยการสั่ง ผมก็ได้แต่ฮึดฮัดแล้วใส่กางเกงที่ยากลำบาก มันลำบากยังไงรู้ไหมครับ ลำบากตรงที่พยายามไม่ให้สัมผัสกับส่วนที่พองนูนนั้นแรงๆไง การโดนรัดจนปวดฉุแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าพิศวาดเลยนะ และได้ไข่ข้างในก็ยังคงสั่นอยู่อย่างนั้นจนผมเหงื่อแตกพลักๆ

 

ไอ้พี่ทัตมันดับเครื่องแล้วลงจากรถเดิมอ้อมมาเปิดประตูให้ผมอย่างเอาใจ อยากจะตะโกนบอกว่าเอาใจเชี่ยไรผมไม่ต้องการนาทีนี้ขอเอาตัวอย่างเดียวเป็นพอ ขอแรงๆด้วยเลยอะ

 

เมื่อใส่กางเกงเสร็จผมก็ก้าวลงจากรถ แต่ทว่าแค่ก้าวออกไปยืนยังไม่ทันจะเที่ยงตรงดีก็ทรุดฮวบลงจนต้องให้ใครอีกคนพยุงตัวไว้ ขาผมสั่นพับๆเลยครับ แทบไม่มีแรงยืนเลยด้วย ไอ้พี่ทัตหัวเราะหึแล้วโอบเอวผมด้วยแขนข้างเดียวส่วนอีกข้างไปผลักประตูปิดกดล็อครถแล้วจับยัดใส่กระเป๋าก่อนจะเอามาคล้องขาและอุ้มผมขึ้นด้วยท่าเจ้าสาว เอาจริงๆก็อยากสะดีดสะดิ้งอยู่นะ ไม่อยากให้ใครเห็นว่าผมสำออยไงครับ แต่นาทีนี้ผมไม่ไหวจริงๆเลยต้องอยู่นิ่งๆโอบแขนคล้องคอไปด้วยจนถึงห้องพักสุดหรูชั้นบนสุดนั้นแหละ

 

ตุ๊บ!

 

เหี้ย!!

 

จำเป็นต้องโยนกันลงแบบนี้ไหมวะ ถึงเตียงจะนุ่มแอร์กำลังเย็น(เพราะพึ่งเปิด)และไฟที่สว่างเพียงเล็กน้อย

 

บรรยากาศโคตรน่าเสียตัว

 

“อืมมมม”

 

ผมส่งเสียงในลำคอเมื่อไอ้คนที่โยนผมลงเตียงได้กระโจนขึ้นค่อมแล้วรุกจูบอย่างหื่นกระหาย คงกลั่นไว้แทบตายสินะกว่าจะขับมาถึงห้องได้เนี้ย ผมยกมือขึ้นโอบรอบคอแล้วเอียงหน้าให้ได้องศาภายในก็เกี้ยวกระหวันเรียวลิ้นตอบกลับจนเกิดเสียงเจาะแจะให้ได้ฟังเพลินๆ ผมขยับตัวนิดหน่อยเมื่อมือหนาลูบไล่ผิวกายไปมาจนเสื้อผ้าหลุดออกจากร่างไปอย่างกับเสกเอา ง่ายสัส มันละปากออกแล้วไล่จมูกเรียวลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอ ไอ้ที่สั่นๆอยู่ข้างในแม่งก็ทำงานต่อไปอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย แกนกายผมก็ยิ่งปวดขึ้นทุกครั้งที่โดนกระตุ้นอารมณ์

 

“โอ้ย!”

 

ผมร้องลั่นทันทีที่รู้สึกถึงอาการแปร๊บที่ต้นคอ ไอ้นี่มันกัดผม! ไอ้เวร!!

 

“บอกว่าอย่าทำรอย อ๊า!”

 

กูกำลังด่ามึงอย่าพึ่งซ่ามาจับน้องหนูกูสิครับ มันเจ็บ!

 

“หึ”

 

มันหัวเราะแล้วจึงลากเลียตามรอยฟันแล้วไล่ลงไปกัดที่หัวนมน้อยๆของผมต่อ ไอ้เชี่ย กูสะดุ้งแทบไม่ทัน

 

“ทัต”

 

เสียงสั่นเลยกู

 

“หืม?”

 

“เอามันออก”

 

ผมผ่อนเสียงแล้วช้อนตามอง ถ้ามีหูนี่ก็นางแมวยั่วสวาทเลยนะครับ

 

“เอาอะไรออก?”

 

เสือกมาแกล้งโง่อีก

 

“เอาทั้งเชือกทั้งไข่สั่นนั้นแหละ น่านะ”

 

โอ้ยยยยย กูอายตัวเอง

 

“ยังไม่ได้ครับ”

 

“น่ะทัต เอาออกนะครับ”

 

เลเวลขั้นสุดแล้วนะเว้ย ถ้ายังไม่ได้กูถีบแทนแล้วนะ

 

“หึหึ อยากไปมากเลยเหรอ?”

 

“อร๊าาาาา!!”

 

พูดเฉยๆก็ได้ ไม่ต้องล้วงไปกดไอ้ไข่บ้าๆนั้นก็ได้ กูเสียววววว

 

“ตอบมาสิ”

 

ผมพยักหน้าให้ทั้งน้ำตาที่เริ่มจะคลอหน่วย อารมณ์มาเต็ม กำลังจะถึงปลายทางทีไรมันก็หยุดจนผมจุกไปซะทุกที

 

“สัญญามาก่อนสิ ว่าจะไม่ดื้อกับผม…”

 

ผมยังคงไม่ตอบแต่ช้อนตามองพลางกัดฟันแน่น

 

“จะเป็นของผมคนเดียว…”

 

“……”

 

“สัญญามาสิคริส ไม่งั้นผมไม่ให้ไปนะ”

 

ใจผมนี่ปฎิเสธไปตั้งแต่ข้อแรกที่มันเอ่ยแล้วครับ แต่ร่างกายโคตรจะเรียกร้อง

 

“ว่าไงหืม?”

 

“ฮะ อ๊ะ!”

 

แล้วมันก็วนนิ้วไปมาที่ด้านในจนผมจิกเกร็งทั้งมือทั้งเท้า โคตรอยากปล่อยอยากเสร็จแต่มันปล่อยไม่ได้ มันโดนรัดจนแน่นอย่างกับแหน่มอยู่อย่างนี้ แม่งโคตรทรมาน

 

“คริส”

 

“อืม”

 

“คริสครับ”

 

“ก็อืมแล้วไงวะ!”

 

“หึหึ ดีมาก”

 

มันถอดมือออกจากช่องทางด้านหลังแล้วมาแก้ปมที่รัดทางด้านหน้าจนเริ่มคลาย สัส แดงเถือกเลยครับ ผมนอนแผ่ลงอย่างโคตรจะโล่งจนตัวกระตุกนิดหน่อยเมื่อสิ่งที่สั่นอยู่ข้างในโดนดึงออกมาในที่สุด ผมนอนแผ่หลาหอบหายใจอย่างหนักอยู่อย่างนั้นไม่นานก็ต้องสะดุ้งโหย่งเมื่อไอ้พี่ทัตมันเอาส่วนนั้นของตัวเองแทงพรวดเข้ามาทีเดียวจนสุดทาง ผมร้องลั่นจนสุดเสียง ความเจ็บเหมือนโดนฉีกและคับแน่นนั้นทำให้หัวสมองผมมึนเบลอและขาวโพลน

 

“ซี๊ดดด ตอดดีชิป”

 

“อ๊ะ อา อย่า อืมมม อย่าพึ่งขยับ”

 

“ไม่ไหวแล้วครับ”

 

ฟอดดดดด

 

บอกแล้วก็ก้มลงมาหอมไปฟอดใหญ่ๆ ส่วนล่างก็ขยับเสียดสีเข้าออกอย่างช้าๆพอเริ่มลื่นได้ที่จึงเริ่มกดลึกและเน้นหนักจนผมไม่รู้จะบรรยายยังไง โอ้ยยยย เสียวโคตรๆจุกโคตรๆแต่ก็ถึงใจโคตรๆด้วยเช่นกัน ทัตเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนผมเริ่มดิ้น ความร้อนระอุปะทุที่จุดนั้นแล้วก็ปลดปล่อยออกมาในที่สุด ผมไม่ได้หลั่งเร็วแบบนี้เป็นปกตินะครับ ก็ผมโดนไอ้นี่มันแกล้งมาสักพักแล้วอะแล้วมันก็กลั่นอยู่ในนั้นไงพอถูกกระตุ้นหนักๆเลยออกเร็วไปหน่อยก็แค่นั้น

 

“หึ”

 

“อ๊ะ!”

 

ยังไม่ทันไรมันก็จับผมตะแคงข้างยกขาข้างหนึ่งขค้นพาดบ่าแล้วกระแทกเข้ามาทั้งอย่างนั้น ผมได้แต่อ้าปากร้องอย่างเดียวเลยครับ เสียวเหี้ยๆ ยิ่งเสียวผมยิ่งตอดรัดมันมากขึ้นจนเหงื่อแต่ละคนไหลซึมออกมาทั้งที่แอร์เย็นเฉียบ

 

“อึ๊ก ทัต อาาา”

 

“หืม?”

 

“พอก่อน อืม หยุดก่อน”

 

ครั้งนี้มันยอมทำตามที่ผมขอครับ มันหยุดขยับแล้วจุ๊บที่ต้นขาผมเบาๆก่อนจะปล่อยลงแต่ส่วนนั้นก็ยังคาอยู่เหมือนเดิม ผมถกตัวขึ้นจนส่วนนั้นหลุดมันมองผมงงๆแต่ผมไม่สน ผมยันตัวลุกขึ้นแล้วไปนั่งค่อมมันก่อนจะจับไอ้แทงใหญ่ๆนั้นจ่อที่ปากทางใหม่แล้วกดน้ำหนักตัวเองลงจนทะลุทะลวงได้สะใจชิปหาย ไอ้พี่ทัตเอนตัวใช้แขนค่ำกับเตียงทั้งซี๊ดปากทั้งยกยิ้มอย่างพอใจเต็มที่สายตานี่อย่าให้พูดถึง โคตรจะวิบวับจนผมกระชากมันเข้ามาจูบแลกลิ้นเป็นพัลวัน ไม่บ่อยที่ผมจะเล่นเองได้แรงขนาดนี้ ไม่บ่อยที่ผมจะเต็มที่ได้มากขนาดนี้และไม่บ่อยที่ผมกับมันจะแตกพร้อมฟกันแบบนี้

 

“อ๊าาาาา!!!”

 

 

Tbc…

พักหายใจหายคอกันนิส ไรท์จะตายแล้ววววว
 :jul1:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 4 (07/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-02-2017 14:38:13
พี่ทัต คริส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เคมีตรงกัน
คริส เลิกปฏิเสธพี่ทัต เถอะ
ตามติด หลงคริสซะ
ไม่ยอมแยกจากคริสซะด้วย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 5 (08/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 08-02-2017 15:52:32
สัมผัสที่ 5




ผมงัวเงียตื่นนอนด้วยอาการที่โคตรจะปวดไปหมดทุกส่วนของร่างกาย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่รอยจ้ำแดงและรอยกัดจนดูเหมือนเป็นโรคห่าอะไรสักอย่าง พอผมโวยวายใส่ไอ้คนทำมันกลับหัวเราะขำแล้วจ้องมองเหมือนจะภูมิใจเสียเต็มประดา
ดีที่ยังพอมีแรงลุกมาอาบน้ำอาบท่าแล้วเปลี่ยนไปใส่ชุดนักศึกษาตัวใหม่เอี่ยมที่ไม่รู้มันซื้อมาไว้ให้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะครับ ผมมองดูนาฬิกาจนเห็นว่าแปดโมงกว่าๆแล้วจึงรีบเดินออกจากห้องนอนไปหาไอ้เจ้าของห้องที่ด้านนอก พอเปิดประตูได้กลิ่นหอมๆของมื้อเช้าก็แตะจมูกจนทำให้ท้องพยศส่งเสียงโครกครากอย่างน่าอาย

“เรียบร้อยแล้วเหรอ?”

ผมชายตามองพ่อครัวจำเป็นที่แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาเต็มยศแต่กลับมีผ้ากันเปื้อนผืนบางคาดอยู่ที่ด้านหน้า

“อุบ!”

ไม่นะ อย่าหลุดเสียงหัวเราะออกไปเชียวนะ แต่ว่า…ไอ้หน้าหมีขนปุกปุยตรงกลางนั้นคืออะไรวะ โคตรไม่เข้ากับเบ้าหน้าคนใส่เล๊ย

“อยากหัวเราะก็ตามสบายนะ”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

เมื่อได้รับอนุญาตแล้วผมก็ไม่คิดจะเกรงใจ ผมหัวเราะอย่างสุดจิตสุดใจงอตัวกุมท้องจนน้ำตาเล็กน้ำตาล้วง นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้หัวเราะแบบนี้ สะใจดีชะมัด

“หมีน่ารักเนอะ”

“นี่นะเหรอ?”

พูดพลางชี้ไปที่หน้าหมีกลางลำตัว

“เหมาะกับผมไหม?”

กล้าถามนะครับ หมีขาวขนปุยหน้ายิ้มๆแต่ไอ้คนใส่หน้าเข้มถึงจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้น่ารักเท่าครึ่งของหมีนั้นหรอก

“ก็…โอเคมั้ง”

“อย่ามั้งสิ”

“หึหึ ก็คนใส่ตัวโตอย่างกับยักษ์แบบนี้มันค่อนข้างขัดกันอยู่นะ”

ทัตทำท่านึกอะไรสักอย่างก่อนจะหันไปปิดเตาแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออกพลางเดินมาทางผม จนเมื่อมาถึงตัวจึงเอาผ้ากันเปื้อนผืนนั้นใส่ให้ผมแทนซะงั้น

“เห้ย! ใส่ให้ไอทำไม!?”

“คริสใส่แล้วเหมาะกับหมีขาวมากกว่าจริงๆด้วย…”

ผมนิ่งฟังคนตัวโตที่จ้องผมตาเป็นประกาย ดวงตาเราสบกันอยู่อย่างนั้นแบบไม่มีใครหลบใคร ปากเค้าคลี้ยิ้มน้อยๆ มือหนายกขึ้นมาจับผมสีบรอนด์ทองที่กรอบหน้าไปทัดหูอย่างเบามือ

“ผมสีอ่อนเหมือนกัน…”

แล้วก็เลื้อนมาลูบที่ใต้ดวงตาสีฟ้าอ่อน

“ดวงตาสดใส…”

แล้วก็เลื้อยลงมาแตะที่ริมฝีปากบางได้รูปสีแดงระเรื่อ

“ปากที่ยิ้มกว้าง…”

ผมพึ่งรู้สึกตัวว่ากำลังยิ้มอยู่ก็ตอนนี้แหละครับ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมจดจำทุกคำพูดและสิ่งที่เค้าทำจนมันแทรกซึมเข้าไปภายในใจ ใบหน้าเข้มลดยิ้มแล้วเลื่อนเข้ามาหาอย่างช้าๆ ผมค่อยๆหลับตาเพื่อรับรสจูบที่อ่อนโยนที่สุดอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มันวาบหวาม มันซาบซ้านไปทั้งใจจนจังหวะการเต้นผิดปกติ จนแทบจะหายใจไม่สะดวก จากที่เคยเป็นคนเจนจัดกลับกลายเป็นเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักแม้กระทั้งวิธีการจูบไปซะอย่างนั้น

“หึ”

ผมลืมตาเมื่อคนตรงหน้าผละถอยออกก่อนจะหัวเราะเบาๆ มือหนายกมาลูบข้างแก้มอย่างนึกเอ็นดูและรอยยิ้มกว้างที่ประดับบนใบหน้านั้นก็ทำให้ผมเริ่มหลบสายตา

ให้ตาย ตั้งแต่เกิดมาพึ่งเคยอายจนไม่กล้าสู้หน้า

“ทานมื้อเช้ากันเถอะ”

“อืม”

ทัตปล่อยมืออีกข้างจากเอวผมแล้วหันหลังไปจัดการกับอาหารที่เตาไม่นานมื้อเช้าแบบอเมริกันเบรคฟัสก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะ ผมที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วเลยได้แต่มองตามเจ้าของห้องที่หยิบจับนั้นนี่อย่างคล่องแคล่ว ท่าทางเหมือนคุ้นกับการเข้าครัวอย่างผิดความคาดหมาย

“ยูทำอาหารทานเองบ่อยเหรอ?”

ผมเอ่ยถามเมื่อเจ้าตัวเข้ามานั่งตรงข้ามพร้อมกับแก้วน้ำส้มในมือสองแก้ว เค้าวางแก้วหนึ่งให้ผมส่วนอีกแก้วก็ยกขึ้นดื่มเอง

“ไม่บ่อยเท่าไหร่ แต่ก็พอทำได้”

ผมพยักหน้ารับแล้วเราก็ลงมือกินกันไปอย่างเงียบๆ ไม่นานก็หมดและผมก็เป็นฝ่ายอาสาล้างถ้วยชามเอง

“ทำเป็นเหรอ?”

แหมะ มีดูถูก

“ก็…พอได้แหละ”

เออ ยอมรับก็ได้ว่าไม่เคยทำ ไอ้คนตรงหน้าหัวเราะหึเลยครับ ก็แล้วไงละ ถึงผมจะเชื้อฝรั่งแรงแต่คติไทยที่ว่า ‘อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นความให้ลูกท่านเล่น’ ผมก็รู้จักอยู่นะ

“จานผมซื้อมาแพงนะ”

“เอ๊ะ!”

“หึหึ ไม่ต้องทำหรอก วางไว้นั้นแหละเดี๋ยวมีแม่บ้านมาจัดการ ไม่รีบไปเรียนเหรอ?”

จะว่าไปก็ถูกของเค้านะ ผมหันไปมองนาฬิกาดิจิตอลที่พนังจนเห็นว่าเก้าโมงแล้วก็เบิกตากว้าง เชี่ย! ผมมีเรียนเก้าโมงครึ่งนะครับ

“ยูรีบเลยเดี๋ยวไอเข้าคลาสสาย”

“โอเคๆ งั้นไปกันเลยแล้วกัน”

“เดี๋ยว! แล้วกระเป๋าไอละ?”

จะว่าไปก็ยังไม่เห็นตั้งแต่เมื่อคืนเลยนี่หว่า

“อยู่บนรถ เมื่อวานมัวแต่อุ้มคนเลยไม่ทันได้ถือขึ้นมา”

ผมแทบอ้าปากค้าง ไม่รู้ป่านนี้ไอ้พี่ครอสมันจะถอดผมออกจากทะเบียนบ้านรึยัง ก็เล่นไม่กลับไปนอนบ้านบ่อยขนาดนี้นี่นะ

“ไปกันเถอะ”

ผมเดินตามไอ้เจ้าของห้องไปจนมันพาออกจากห้องลงลิฟท์และเดินไปยังลานจอดรถชั้นบนสุด(คอนโดนี้มีลานจอดถึงแค่ชั้น5ครับ ส่วนตัวห้องมีถึงชั้น40)

ผมกวาดตามองไปโดยรอบแล้วเห็นรถจอดอยู่เพียงห้าคันก็นึกตะหงิดใจ แต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่านี่มันเลยเวลาเริ่มงานของมนุษย์เงินเดือนมามากโขเลยพอจะเข้าใจ ทัตเดินไปปลดล็อครถแล้วเปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้ผมขึ้นไปนั่งก่อนจะปิดและเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง โคตรจะสุภาพบุรุษจนน่าหลงไหลแต่ผมกลับไม่หลงอย่างที่สมควรจะเป็น

ผมว่าผมมีเซ้นต์ที่แม่นนะ และเซ้นต์ของผมก็บอกว่าคนๆนี้เล่นด้วยได้แต่ห้ามหลงรักเป็นอันขาด ด้วยความที่ทุกอย่างมันชวนให้หลงผมเลยตกลงใจที่จะเข้ามาเล่นด้วยและกะจะตีจากอย่างที่เคยทำมา แต่สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงคือทัตมันดูเหมือนจะหลงผมเกินคาด ผมไม่รู้ว่ามันแค่ความหลงไหลเพียงชั่วคราวหรืออะไร แต่ถ้าบอกว่าต้องการแค่มีเซ็กส์ด้วยมันก็ไม่ควรจะรุ่มรามกับผมถึงขนาดนี้ หรือจะต้องการความรักเหรอ…น่าคิด…แต่ก็ไม่น่าใช่

 “ทัต”

คิดเองแล้วปวดหัว เพราะงั้นเราจงเอ่ยปากถามไปเถิดแล้วจะเกิดผล...เกี่ยว?...

“หืม? ทำไมยอมเรียกชื่อง่ายๆแล้วละเนี้ย”

“ไอถามจริงๆ ยูต้องการอะไรจากไอ?”

เจ้าตัวหันมามองผมแป๊บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจที่ถนนเบื้องหน้าต่อ

“ทำไมถึงถามอย่างนั้น?”

“ถ้าต้องการแค่เซ็กส์ที่ลงล็อค ก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ จะมาผูกมัดกันทำไม?”

“แล้วถ้าบอกว่ารักละ?”

“ไอไม่เชื่อ”

“เชื่อเถอะ ผมรักคุณจริงๆนะคริส”

ผมเม้มปากแน่น

“ตั้งแต่ผมเจอคุณที่บาร์รู้ไหมว่าผมคิดอะไร?”

ผมส่ายหัวทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทัตคงไม่เห็น หรือจะเห็นก็ช่างมันเถอะ

“ผมคิดว่าคนนี้แหละที่ผมต้องเอามาเป็นของตัวเองให้ได้”

“ไอเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ”

“ก็ตอนแรกไง พอยิ่งได้รู้จักมันก็ยิ่งท้าทาย จากที่ถูกใจก็เปลี่ยนเป็นชอบ จากชอบก็เป็นรัก รักจนอยากจะครอบครองไว้เพียงคนเดียว”

“เวอร์ชะมัด”

ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ ถ้าให้นับดูดีๆตั้งแต่เจอกันครั้งแรกนี่ก็พึ่งผ่านไปได้อาทิตย์กว่าๆ ใครมันจะไปรู้สึกได้ลึกซึ้งถึงขนาดนั้นในระยะเวลาเพียงแค่นี้

“แล้วตอนนี้ผมก็ได้อย่างที่ผมปรารถนาจริงๆ”

“เหอะ ฝันอยู่รึเปล่าครับคุณ”

“คริส”

“อะไร?”

“ผมรักคุณนะ”

“อย่ามาตอแหล”

“เขินเหรอ?”

“ไอเปล่า”

“แต่หน้าคุณแดง”

ห่ะ!

จริงเหรอวะ!!

ด้วยความตกใจผมเลยยกมือขึ้นมาทาบแก้มอย่างไว และนั้นก็ทำให้คนข้างๆหัวเราะขบขัน

“ผมล้อเล่น”

ไอ้เหี้ย!!!

ผมจิ๊ปากขัดใจแล้วหันออกไปมองวิวด้านนอกไม่สนใจไอ้คนกวนตีนที่ยังคงยิ้มไม่เลิก เวลาผ่านไปไม่นานแลมโบฯคันหรูก็เข้ามาจอดเทียบที่ลานจอดข้างตึกเรียนในตำแหน่งเดียวกับที่จอดเมื่อวานเป๊ะๆ สงสัยจริงๆว่าทำไมถึงไม่มีคนมาจอดล็อคนี้เลยทั้งที่รอบข้างเค้าก็จอดกันหมด จะบอกว่ามันเช่าที่ไว้ก็คงจะไม่ใช่ ที่นี้มหาลัยนะครับไม่ใช่โรงแรมหรือคอนโด

“ไปละ”

ผมหยิบเอากระเป๋าแล้วเตรียมจะเปิดประตู แต่ใครอีกคนก็ดึงแขนผมไว้ซะก่อน

“มีอะไร?”

“จำที่สัญญาได้ไหม?”

ผมตีหน้านิ่งแล้วเม้มปากแน่น ไม่อยากจะยอมรับแต่ในเมื่อพลั่งปากออกไปแล้วก็คงต้องเป็นอย่างนั้น

“อย่าผิดสัญญาของเรานะ”

พูดแล้วก็เอี้ยวตัวมาจูบปากผมเบาๆไม่นานก็ผละออกพร้อมกับปล่อยมือที่แขนไปด้วย ผมไม่ตอบอะไรแล้วก้าวลงจากรถ พยายามก้าวเข้าตึกให้ไวที่สุดเหมือนพยายามหนีจากคนด้านหลังให้ไกลที่สุดทั้งที่น่าจะรู้ว่าไม่ว่าจะหนีขนาดไหนทัตก็ยังคงตามมาฉุดรั้งเค้าไว้ได้เสมอ








“มาสักทีนะไอ้คนดัง”

ทันทีที่ย่างก้าวเข้าไปในห้องเรียนและเดินไปหาพวกเพื่อนที่นั่งหน้าสลอนแต่ยังไม่ทันที่จะได้นั่งปากไอ้มิกซ์ก็ชวนหาเรื่องเลยครับ

“ดังบ้าอะไรของมึง?”

ผมวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะอีกตัวส่วนตัวเองก็นั่งอีกตัวที่อยู่ข้างไอ้นาย

“นี่มึงไม่ได้เปิดโทรศัพท์เลยใช่ไหม?”

ผมขมวดคิ้ว จะว่าไปก็ลืมโทรศัพท์ของตัวเองไปเลยจริงๆ ผมหันมาควานหามันในประเป๋าเป้ของตัวเองจนเจอ มีมิสคอลจากไอ้นายและพี่ครอสไม่กี่สายนอกนั้นคือแจ้งเตือนของแอปเฟสบุ๊คที่ไม่รู้มีเรื่องราวอะไรนักหนา

“นี่ไงมึง ข่าวล่ามาแรง”

ไอ้แวนส่งโทรศัพท์ของมันมาให้ผม เนื่องจากห้องที่เรียนเป็นห้องสโลปที่ที่นั่งไต่ระดับจากสูงลงต่ำทำให้ไอ้แวนที่อยู่ด้านหลังเหนือผมสามารถที่จะส่งโทรศัพท์มาให้ดูได้อย่างง่ายดายและสิ่งที่โชว์หลาต่อหน้าผมนั้นก็คือภาพของผมที่กำลังลงจากรถหรูเมื่อเช้าสองช็อตและรูปเจ้าของรถลงมาอีกสองช็อตพร้อมแคปชั่นที่ว่า

‘ตุ๊กตาหน้ารถคนแรกก็ล่อไปซะเกรดพรีเมี่ยมขนาดนี้ ชะนีทั้งหลายก็นกไปสิคะ’

“อะไรคือนกวะ?”

“ไอ้นี่ก็ไม่ทันศัพท์วัยรุ่น นกหมายถึงอดแดรกนะ เข้าใจม่ะ?”

ผมพยักหน้าให้ไอ้มิกซ์ที่ช่วยตอบ วันนี้ไอ้คมไม่ได้มาเรียนครับ ผมคาดว่าอาการปวดของมันคงเริ่มระบมและน่าจะมาไม่ไหวนั้นแหละ ตอนนี้เลยเหลือแค่ผม ไอ้นาย ไอ้แวนและไอ้มิกซ์ที่ยังคงสุมหัวกันอยู่

“แล้วไงวะ?”

“มึงเปิดเฟสมึงดูเองเลยไอ้คริส”

“เออ กูเห็นด้วย แม่งอยู่กับผัวแล้วไม่ลืมหูลืมตาดูโลกภายนอกเลยเนอะ”

“ใครผัวกู?”

อันนี้ผมกดเสียงถามด้วยความขุ่นใจ แต่ไอ้ตัวกวนอย่างเชี่ยมิกซ์มันไม่สะทกสะท้านหรอกครับ

“จะใครละ ก็คนที่พามึงไปด้วยเมื่อคืนไหนจะเป็นหัวข้อข่าวในวันนี้อีก จริงๆก็ตั้งแต่เมื่อวานแล้วด้วยซ้ำ”

“มันไม่ใช่ผัวกู”

“แต่เอากันยันทุกวันนี้”

ครั้งนี้ไอ้นายถึงกับตบหัวไอ้มิกซ์ดังป้าบเลยครับ

“เชี่ยนาย ตบกูทำไมวะ”

“ปากมึงไง พูดเสียงดังทำเหี้ย”

ผมโคตรรักไอ้นายเลยนี่บ่องตง

“กูบอกแล้วไงว่าแค่คู่ขา”

“คู่ขาที่กัดมึงไม่ปล่อยด้วยใช่ไหมละ”

ผมเหยียดปากให้กับพวกเพื่อนที่รู้กันแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ผมส่งโทรศัพท์คืนไอ้แวนไปแล้วหันมาปลดล็อคเครื่องของตัวเองเพื่อดูกระแสข่าวที่พวกมันว่า จริงๆมันก็เวอร์ไปนะครับ ที่ผมเห็นคือมีเพียงแค่สองโพสจากเพจดังของมหาลัยหนึ่งในนั้นคือโพสเมื่อกี้และอีกหนึ่งคือโพสที่มีรูปตอนมันจูบผมเมื่อวาน..

ห่ะ!

ถ่ายทันตอนจูบด้วยเหรอวะเนี้ย!!

ตายๆๆชีวิตอันแสนสุขของไอ้คริส

ยอดไลน์เป็นพันและคอมเมนต์หลักหลายร้อยนั้นทำให้ผมเริ่มปวดประสาท นอกจากการไลน์คอมเมนต์และแชร์ในเพจแล้วยังลามมาถึงการแอดเฟรนที่เฟสผมบวกกับจำนวนทักแชตที่มากพอๆกัน

“เป็นไงละมึง ดังอย่างที่กูบอกไหมละ?”

มึงไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะเชี่ยมิกซ์

“กูพึ่งรู้ว่าลุงรหัสมึงจะดังขนาดนี้ ทำไมเมื่อก่อนไม่ยักกะมีตัวตนวะ”

เป็นไอ้แวนที่เริ่มวิเคราะห์

“เห็นพี่ก้อนบอกว่ามันพึ่งกลับมาจากต่างประเทศ”

พี่ก้อนคือพี่รหัสของผมเองครับ จริงๆชื่อก็อตแต่ผมชอบเรียกว่าก้อนเพราะอยากจะกวนเล่นๆเพิ่มความสนิทชิดเชื้อแต่หาตัวยากมากผิดกับลุงรหัสที่โผล่มาหาจนเป็นกระแสอย่างที่เห็น

“อ้อ แล้วไปสนิทสนมกันจนลึกซึ้งถึงขนาดนั้นได้ยังไงวะ?”

“มึงเลิกเสือกสักเรื่องจะได้ไหมวะแวน?”

“ไม่ได้วะ เดี๋ยวขาดใจตาย”

“งั้นก็ตายไปเลย”

“เชี่ยแม่งไม่ห่วงกูเลย”

“สมควรห่วง?”

“ไอ้คริส! มึงมานี่เลย มาให้กูฆ่าซะดีๆ กวนโอ้ยวะสัส”

มันไม่พูดเปล่านะครับ แต่มันเล่นโน้มตัวมาบีบคอผมเขย่าโหยงเหยงจนไอ้นายไอ้มิกว์หัวเราะร่า ผมเองก็ร้องโอดโอยไปตามประสาแต่หน้ายิ้มกว้างอย่างที่ทำประจำเมื่ออยู่ในกลุ่มเพื่อน หลายๆคนในคลาสก็หันมามองแต่ก็ไม่มีใครสนใจ ผมโดนไปสักพักใหญ่ๆไอ้แวนที่เป็นคนประทุษร้ายผมก็ยิ้มหลาส่งสายตาล้อๆผมมาอีก

“อะไรของมึงอีกไอ้แวน?”

ผมถามพลางหันมาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไอ้นี่ก้เล่นซะเสื้อผมยับเลย

“เล่นตีตราจองซะเต็มกำลังขนาดนี้ มึงหนีไม่รอดหรอกไอ้คริส”

ผมตีหน้างงอยู่พักหนึ่งแต่เมื่อพอจับใจความได้ก็รีบตะคุบที่หลังคอตัวเองทันที ไอ้นี่มันแกล้งหยอกเพื่อที่จะส่องดูรอยที่คอผมครับ ไอ้เจ้าเล่ห์ ไอ้คนไม่มีเหลี่ยมแต่โคตรเหี้ย

“ฮ่าๆๆๆ พึ่งรู้สึกตัวเหรอวะ ฮ่าๆๆๆ”

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย!”

“หึหึ”

“มีอะไรวะไอ้แวน?”

“อย่าเสือกไอ้มิกซ์”

“เขินแล้วปากจัดวะ มึงเอาหูมานี่ไอ้มิกซ์เดี๋ยวกูบอก”

“เชี่ยแวน!”

แล้วพวกมันก็รู้กันอย่างทั้งถึง ดีที่อาจารย์ที่เข้าคลาสช้าไปหลายนาทีเดินเข้ามาขัดการแซวของพวกมันซะก่อนไม่งั้นผมคงโดนพรุนไปกว่านี้ ไม่อยากจะเอ่ยเลยว่าตอนแรกที่เห็นสภาพตัวเองในกระจกเมื่อเช้าแล้วแทบอาละวาด รอยแดงมีแทบจะทุกอณูรูขุมขนจนเหมือนตุ๊กแกที่ผมแสนเกลียด ไอ้คนทำโดนผมด่าเช็ดไปหลายยกแต่ก็นะ มันได้แต่หัวเราะและยิ้มจนผมเหนื่อยที่จะด่าแล้วหลังจากนั้นก็อาบน้ำกินข้าวกันอย่างที่รู้ๆนั้นแหละ

พวกเราเรียนเสร็จก็ตกเที่ยงพอดี วิชานี้เป็นเมนหลักซึ่งใช้เวลามากเพราะหน่วยกิตเยอะ พวกเราทั้งสี่เลือกที่จะนั่งรอให้คนทยอยเดินออกจากห้องไปให้หมดก่อนแล้วจึงตามลงไปทีหลังเพราะคนใช้ลิฟท์น้อยลงจะได้ไม่แออัดมากจนเกินไป

“กินไรดีวะ?”

ทันทีที่ถึงโรงอาหารท่ามกลางสายตาและเสียงซุบซิบนินทาไอ้มิกซ์ผู้ซึ่งไม่หวั่นแม้วันมามากก็เอ่ยถามขึ้น ผมทรุดตัวนั่งลงที่โต๊ะก่อนจะกวาดตามองตามร้านค้า

“ผัดซีอิ๋วเส้นใหญ่ ไปซื้อให้ด้วยไอ้มิกซ์”

“ใช้แต่กูแหละมึงอะ”

“วันก่อนกูก็เป็นคนไปซื้อป่าววะ”

“เออๆ”

ผมยิ้มหยี๋ตาใส่เพื่อนจนมันเดินไปซื้อให้พร้อมกับไอ้แวนที่โดนไอ้นายฝากซื้อเช่นกัน

“งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อน้ำ มึงเอาไร?”

“น้ำเปล่าแหละ”

มันพยักหน้ารับแล้วก็ลุกขึ้นเดินตรงไปยังร้านขายน้ำที่อยู่อีกด้าน ผมสบโอกาสช่วงว่างๆหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง อ้อ พวกที่ขอแอดเฟรนมาผมไม่รับเลยสักคนครับแต่ปล่อยให้เค้าติดตามอย่างเดียวในแชตก็ใม่ตอบจริงๆคือไม่ได้เปิดดูแต่ลบทิ้งไปเลยเสียมากกว่า ผมกดเข้าไปดูเพจที่สร้างกระแสให้ผมและเลื่อนๆลงไปดูโพสอื่นนอกเหนือจากโพสเรื่องของผม จนไปเจอรูปถ่ายหน้าตรงโพสท่าให้ถ่ายอย่างเต็มที่ของทัตเข้า

‘ทัต เทพทัต ศิริพัฒนโอฬาร เดือนมหาวิทยาลัยปี25xx คณะเศรษฐศาสตร์นานาชาติ หล่อ รวย โสด ครบรสเจ้าคร้า’

ผมเหยียดปากจนเป็นรูปสระอิพอดีกับที่ไอ้นายกลับมาเห็นมันชโงกหน้ามามองดูด้วย

“ไลน์หลายพันเหมือนกันนะ”

“แล้วไง?”

ผมตอบส่งๆก่อนจะไล่ดูโพสอื่นไปเรื่อยๆจนไอ้เพื่อนทั้งสองคนที่เหลือกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับจานมื้อเที่ยงในมือ ผมรับจานของตัวเองมาเตรียมจะจัดการแต่เสียงฮือฮาที่ดังแซงแซ่ขึ้นทำให้ต้องหยุดชะงักและเงยหน้าขึ้นจนเห็นสายตาไอ้นายที่มองผมแล้วเลื่อนไปทางด้านหลัง

“พี่นั่งด้วยได้ไหม?”

เสียงทุ้มนุ่มแน่นอย่างนี้ ชัดเลย ไอ้พี่ทัต!

“ไม่”

ผมตอบโดยที่ไม่ได้หันไปมองและตักผัดซีอิ๋วของตัวเองเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับเลยด้วย แต่อย่างมันหรือจะฟังผม ดูจากที่มันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆก็รู้แล้วครับ ผิดเองใช่ไหมที่พวกผมพากันมานั่งโต๊ะใหญ่สำหรับแปดคนทั้งๆที่มีกันแค่สี่ชีวิต เลยทำให้เหลือพื้นที่สำหรับผู้ไม่พึ่งปรารถนาอีกสี่

“ดื้ออย่างที่มึงบอกเลยวะทัต”

เสียงบุคคลปริศนาเอ่ยกับมันทำให้ผมหันไปมองจนเห็นสิ่งมีชีวิตเพศชายอีกสองที่น่าจะเป็นเพื่อนมันแต่ผมไม่คุ้นหน้า ก็นะ พวกปีสามไม่ค่อยมาวอแวกับการรับน้องปีหนึ่งอยู่แล้วพวกผมเลยไม่ค่อยได้คุ้นสักเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นปีสองคุ้นเกือบหมดนะครับ

“หึ”

“ขำเหี้ย”

ผมด่าไอ้คนข้างๆจนเพื่อนมันพลอยหัวเราะตามมันไปด้วย ประสาทกันทั้งกลุ่มรึไงวะ โดนด่าแล้วเสือกหัวเราะชอบใจซะงั้น

“อร่อยไหม?”

ผมไม่ตอบเพราะเคี้ยวอยู่

“ไอ้ทัตจะกินไร?”

“เอาแบบนี้”

มันตอบเพื่อนแล้วชี้มาที่จานของผม ไม่มีสมองคิดเองรึไงวะ เพื่อนมันพยักหน้ารับแล้วเดินออกไปส่วนอีกคนก็เดินไปทางร้านขายน้ำเงียบๆแบบที่คงรู้กันว่าใครจะกินไร

“เลอะแล้วคริส”

พูดแล้วก็หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่มุมปากล่างให้ผมเบาๆ ผมชะงักแทบจะทันทีพร้อมกับสายตาที่จ้องไปยังเพื่อนอีกสามชีวิตที่ชะงักมองมายังผมเหมือนกัน อย่าว่าแต่พวกนี้เลยครับ เค้ามองกันทั้งโรงอาหารอะ ลองคิดดูนะว่าคนที่กำลังเป็นกระแสทั้งสองมาอยู่ด้วยกันและทำทีมุ้งมิ้งชิปหายต่อหน้าสาธารณชนเกือบร้อยชีวิตมันจะเป็นที่น่าสนใจขนาดไหน

แต่มันก็นิ่งนะครับ

ถึงมึงจะนิ่งแต่กูอายวะ

โคตรอายเลยด้วย

“หึ แค่นี้เขิน?”

“แค่นี้บ้า ยูลองมองดูรอบๆสิว่ากำลังนั่งอยู่ที่ไหนแล้วเป็นจุดสนใจขนาดไหน แม่ง”

“ไปสนใจทำไมก็แค่คนอื่น”

“เรื่องของไอ”

“คริสนะ สนใจแค่พี่ก็พอ”

“แค่กๆๆ”

สัส พูดได้ไม่อายปาก แล้วดูนั้นดิ ไอ้มิกซ์เหลือกตามองแล้วนั้นไหนจะไอ้นายยังนิ่งค้างส่วนไอ้แวนหนักสุด มันคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวค้างขณะที่อ้าปากเตรียมซูดเต็มที่

“นี่น้ำ”

ผมรับน้ำที่เป็นของผมมาจากมันแล้วยกขึ้นกระดกไปหลายอึกจนค่อยยังชั่วขึ้นนั้นแหละ

“อายปากบ้างเหอะ พูดอะไรนะ”

“พูดเรื่องจริงทำไมต้องอาย”

“สัส”

“อย่าด่าเยอะ เดี๋ยวจะโดนแว้งกัดเอานะ หึหึ”

ผมแยกเขี้ยวใส่มันเลยครับ กูหมั่นใส้แม่ง

“เออ โทษนะพี่ แต่พี่คงไม่ได้กำลังตามจีบเพื่อนผมอยู่ใช่ไหม?”

ไอ้มิกซ์ครับที่เอ่ยถามและก็โดนผมหันไปจิกตาใส่เต็มกำลังเลยด้วย

“อืม”

แล้วมึงจะไปตอบมันทำไมวะเห้ย

“อืมคือ?”

“ก็จีบอยู่ แต่โคตรดื้อ”

“เหยดดดดดดดดดดดด”

ไอ้แวนกับไอ้มิกซ์หอนพร้อมๆกันโดยไม่ได้นัดหมายแล้วเสียงก็โคตรจะดัง ผมถีบพวกมันตอนนี้จะทันไหมครับ ส่วนไอ้ตัวการก็ยิ้มหน้าแป้นจนน่าจิ้มตาแตก

“อย่างพี่นะไม่ต้องจีบมันแล้วมั่ง ลึกซึ้งกันขนาดนั้นแล้วนี่”

เอาจริงๆไอ้แวนมันก็ปากวอนหาตีนไม่แพ้ไอ้มิกซ์เลยนะครับ

“พวกมึงเก็บปากไว้แดรกข้าวจะดีกว่าไหม”

“เพื่อนคริสครับ อย่าเขินสิครับ”

“เขินพ่องมึงสิมิกซ์”

“ก็อย่างที่เห็นแหละพี่ ไอ้คริสเวลาเขินมันชอบด่าเป็นปกติ ดั๊นมาชอบคนฮาร์ดคอร์อย่างมันก็ต้องทำใจนิสนะพี่"

“เชี่ยแวน”

“หึหึ”

เคร้ง!

ผมวางช้อนส้อมกระทบจานเสียงดังก้องเลยครับ ไม่กงไม่กินแม่งแล้ว กุหงุดหงิด

“จะไปไหน?”


ไอ้พี่ทัตถามพร้อมกับจับแขนผมไว้ในขณะที่ผมกำลังลุกขึ้นยืน

“เรื่องของไอ”

“นั่งลงกินให้อิ่ม”

“อย่ามาสั่ง”

“เอาน่า ไม่กวนแล้วก็ได้”

ผมหลี่ตามองแต่ยังไม่ยอมนั่งนะครับ ขืนนั่งตามที่มันสั่งผมก็หงอมันดิ ไม่เอาอะผมไม่ยอม

“บอกให้นั่ง”

“พี่เค้าบอกให้นั่งก็นั่งดิวะ เรื่องเยอะนะมึงนะ”

“นี่มึงจะแปรพรรคเหรอไอ้แวน”

“กูป๊าวววว กูอยู่ข้างมึงเสมอ แต่กูเห็นมึงกินไปได้แค่สามคำเองนะ นี่กูห่วง”

ผมเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะนั่งลงตามที่เพื่อนบอก เน้นนะครับ เอาปากกามาร์คเกอร์มาขีดเน้นๆใส่เส้นใต้สีแดงสดด้วยเลยก็ได้ว่าผมนั่งเพราะเพื่อนบอกไม่ใช่เพราะยอมใครบางคน

“ขอบใจนะ”

ไอ้พี่ทัตหันไปบอกกับไอ้แวนเรียกความสงสัยของผมและเพื่อนผมไปได้มากโข มันพูดอะไรของมัน ไปขอบจงขอบใจไอ้แวนทำไม แต่มันก็ไม่ปล่อยให้สงสัยนานหรอกครับ

“ขอบใจที่ห่วงคริส แต่คราวหน้าไม่ต้อง พี่ขอห่วงคนเดียวพอ เพราะแค่นั้นพี่ก็หึงได้”

เชดดดดดด มันพูดด้วยท่าทีสบายหน้าตายปากยิ้มแต่บรรยากาศไม่ใช่อารมณืเล่นๆแน่นอนครับ ผมถึงกับอ้าปากค้างในขณะที่ไอ้แวนยิ้มตอบแหย่ๆ

ดูท่าทางอาการมันจะหนักกว่าที่ผมคิดนะครับ กับคู่ขาคนนี้นะ

Tbc...

หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 5 (08/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-02-2017 17:22:52
ดูมีจุดมุ่งหมายจะเอาชนะเกินไป หวังว่าคงไม่ได้คิดไม่ดีหรอกนะ (ชักระแวงไปกับคริสตัล)
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 5 (08/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-02-2017 18:24:55
พี่ทัตซึนมากกกกก รอติดตามค่ะ ชอบๆ หวังว่าพี่ทัตจะมาดีนะ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 5 (08/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-02-2017 18:43:34
ทัต หลงคริสมากๆ
ปากว่ารัก แต่ช่วงเวลามันสั้นมากที่รู้จักกัน
มันต้องมีเหตุผล แบบทัตเคยรู้จักคริสมาก่อนแน่เลย
ถึงไม่เคยจีบหญิง ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ
ไว้รออ่านส่วนของเทพทัต
จะได้หายสงสัย ว่าคงไม่มาหลอกคริส
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ปล. ขอแก้คำผิดนะ
ก็…โอเคมั่ง ------ มั้ง
ก็เลื่อยลงมาแตะที่ริมฝีปากบาง ------ เลื้อย
อาละวาท ------ อาละวาด
ใช่แต่กูแหละมึง ------ ใช้
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 5 (08/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 08-02-2017 19:12:28
ทัต หลงคริสมากๆ
ปากว่ารัก แต่ช่วงเวลามันสั้นมากที่รู้จักกัน
มันต้องมีเหตุผล แบบทัตเคยรู้จักคริสมาก่อนแน่เลย
ถึงไม่เคยจีบหญิง ให้มานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ
ไว้รออ่านส่วนของเทพทัต
จะได้หายสงสัย ว่าคงไม่มาหลอกคริส
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ปล. ขอแก้คำผิดนะ
ก็…โอเคมั่ง ------ มั้ง
ก็เลื่อยลงมาแตะที่ริมฝีปากบาง ------ เลื้อย
อาละวาท ------ อาละวาด
ใช่แต่กูแหละมึง ------ ใช้

ขอบคุณมากคะ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 6 (09/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 09-02-2017 15:03:24
สัมผัสที่ 6




“คริส”

ผมหันไปมองตามที่ถูกเรียกซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ครับที่ผมโดนคนที่ไม่รู้จักเรียก และส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงซะด้วยสิ

“ครับ?”

“คือ…เราชื่อมิวนะ เราขอถามอะไรหน่อยได้ป่ะ?”

ไอ้เพื่อนอีกสามคนที่ยืนอยู่ข้างๆหัวเราะขึ้นมาอย่างรู้ทัน จะไม่ให้รู้ได้ยังไงละครับก็ทุกครั้งที่โดนทักก็จะมาพูดแนวนี้ทุกครั้งไป ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติและใบหน้าที่เฉยชา

“ถ้าจะถามว่าผมเป็นอะไรกับพี่ทัต ผมจะบอกตรงนี้เลยว่าผมเป็นหลานรหัสที่เค้าและเราไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่กำลังเป็นกระแส ชัดเจนพอไหมครับ?”

คุณเธอกระพริบตาปริบๆแล้วจึงพยักหน้ารับ ผมไม่ได้รอดูปฎิกิริยาหลังจากนั้นแล้วหันหลังเดินออกจากตึกมาพร้อมเพื่อนทั้งสามทันที

“เพื่อนกูอย่างฮอตเว้ยเฮ้ย”

“มึงอยากฮอตบ้างไหมมิกซ์ เดี๋ยวกูเอาน้ำมันมาราดตัวแล้วจุดไฟให้ด้วยเลย”

“โห ไม่ค่อยจะรักกูเลยนะมึง”

“แน่นอน”

“จะว่าไป พี่ปีสองเค้าเรียกรวมตัวกันที่โดมใช่ไหมวะ?”

ไอ้แวนเอ่ยขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ ผมเองก็ลืมไปเลยด้วยซ้ำว่าวันนี้มีนัดเข้าประชุมกันทั้งคณะที่โดมใหญ่

“ใช่ ไปกันเลยเหอะใกล้ถึงเวลารวมแล้วนี่”

“อะไรว๊า พึ่งเรียนเสร็จก็ต้องเข้าประชุม กูจะบ้าตาย”

ผมส่ายหัวพลางยิ้มขำให้คำบ่นของไอ้มิกซ์ ถึงมันจะไร้สาระไปบ้าง ปากดีไปหน่อย กวนตีนไม่น้อยแต่มันก็สร้างสีสันในชีวิตได้มากพอตัวเลยนะครับ

“ถ้าพวกพี่เค้าให้ลงชื่อกูฝากลงหน่อยนะเว้ย งานนี้ขอชิ้งวะ”

“เห้ย ได้ไงวะไอ้คริส”

“เอาน่าไอ้แวน มันคงเบื่อกับการเป็นจุดสนใจแหละ กระแสยิ่งมาแรงแหกทางโค้งอยู่ด้วย”

“กูพึ่งจะได้ยินอะไรที่มันเข้าท่าจากปากมึงเป็นครั้งแรกเลยนะไอ้มิกซ์”

นอกนั้นหมาทั้งฝูง

“แล้วมึงจะไปไหน?”

ผมไหวไหล่เป็นคำตอบให้ไอ้นาย ก็ผมไม่รู้จริงๆนี่ครับว่าจะไปไหนแต่ที่แน่ๆคือไม่ขอเข้าไปในโดมที่จุนักศึกษาทั้งคณะไว้เป็นอันขาด ผมพอจะเดาได้ว่าเค้าจะคุยเรื่องตัวแทนดาวเดือนคณะนี้แหละเพราะอีกไม่นานก็จะเริ่มประกวดกันแล้ว ปีนี้ทางมหาวิทยาลัยให้ประกวดก่อนงานกีฬามหาลัยครับและยังได้ยินมาว่าจะจัดให้เหมือนงานประกวดใหญ่ๆระดับประเทศเลยก็ว่าได้ อู่ฟู่ไหมละมหาลัยนี้

“งั้นกูแยกตรงนี้เลยนะ”

ไอ้แวนกับไอ้มิกซ์พยักหน้ารับแต่ไอ้นายยังจ้องผมเขม่ง พอเห็นว่าผมไม่สนแล้วหันหลังเดินหลบหลีกฝูงชนไปยังด้านหลังตึกแล้วมันก็หันไปเดินต่อ ผมลัดเลาะจากสวนด้านหลังผ่านห้องน้ำที่เคยเกือบโดนยำไปจนถึงประตูทางออกเล็กของมหาลัย ที่นี้พื้นที่ใหญ่ไงครับเลยต้องมีประตูทั่วทุกสารทิศ แต่ประตูใหญ่จะมีเพียง 2 ที่แค่นั้น

การจราจรภายนอกรั้วมหาลัยในช่วงบ่ายแก่ๆแบบนี้กำลังเริ่มพุ้งพล่านได้ที่เพราะเป็นช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนมัธยมกำลังเลิกเรียนกัน อากาศร้อนๆทำให้ผมคิดถึงความเย็นของแอร์ และแอร์ที่ใกล้ที่สุดนั้นก็คือร้านขายน้ำปั่นฝั่งตรงข้ามนั้น ผมหันซ้ายแลขวาเมื่อไม่มีสะพานลอยตรงจุดนี้ก็ต้องข้ามถนนเท่านั้นละวะ รถก็เยอะแต่กะช่วงเวลาระยะห่างและขอให้ชะลอความเร็วคงจะไหวอยู่ ว่าแล้วผมก็รีบหาเป้าหมายเลยครับ ไม่นานก็เจอระยะห่างที่ต้องการ ผมรีบวิ่งไปหยุดอยู่ที่เส้นแบ่งกลางถนนเพื่อรอระยะห่างของอีกฝั่งสักพักก็ได้จังหวะแต่ทว่า…





ปรี๊ดดดด!!!





เหี้ยแล้ว





เอี้ยดดดดด!!!!!!!





ตุ๊บ!


“โอ้ย!”

ผมอุทานทันทีที่ตัวผมถล่ามาล้มลงที่ฟุตบาท พอเรียบเรียงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง จังหวะที่ผมกำลังจะวิ่งจู่ๆก็มีรถจากอีกฝั่งที่ผมข้ามมาแล้วพุ่งมายังผมเหมือนจะแซงอีกคันมาจนผมคิดว่าตัวเองคงจะโดนชนเข้าอย่างจังแน่ๆแต่ในชั่วพริบตานั้นตัวผมก็ถูกฉุดให้หลบพ้นด้วยฝีมือของใครสักคนที่ผมยังคงนอนทับอยู่ ณ ขณะนี้

“เจ็บตรงไหนไหม?”

เสียงที่คุ้นหูทำให้ผมใจกระตุก พอหันไปมองหน้าสบตาก็เป็นไปตามคาด

ทัตมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงแล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ว่าไงละ เจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

ผมส่ายหัวแต่ยังคงจ้องมองมันอึ้งๆ ทัตพ้นลมหายใจเหมือนจะหัวเสียนิดๆแล้วจึงพยุงผมลุกขึ้น

“อึ๊ก!”

ไม่ใช่ผมนะครับที่ร้อง แต่เป็นคนที่ช่วยผมได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดนี่ต่างหาก ที่สำคัญไอ้รถคันนั้นก็ขับหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ทะเบียนก็ไม่ทันได้มอง สัสเอ๊ย

“เป็นอะไร?”

“เจ็บข้อมือ คงซ้นนะ”

“ไหนเอามาดูดิ”

“ไม่เป็นไรมากหรอก ว่าแต่คริสไม่เจ็บตรงไหนจริงๆนะ ตกใจมากรึเปล่า?”

“บอกว่าไม่เจ็บก็ไม่เจ็บสิ ตกใจนะแน่นอน แต่ที่ตกใจกว่าคือยูมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงมากกว่า”

ไอ้พี่ทัตไม่ตอบแต่หันไปมองที่ร้านน้ำปั่นซึ่งเป็นเป้าหมายที่ผมกำลังจะไป

“ไปหาหมอไหม?”

ผมถามเพราะเห็นมันกุมแขนตัวเองอยู่เนืองๆ ความรู้สึกผิดพุ่งเข้าใส่จนไม่สนใจก็ไม่ได้ ผมเองก็มีสามัญสำนึกมากพอนะครับไม่ใช่สักแต่จะอคติอย่างเดียว

“ไม่หรอก เดี๋ยวนวดก็หาย”

“ไม่ได้ ไปหาหมอดีกว่า”

“แต่ว่า…”

“ไปนะทัต”

ไอ้คนเจ็บดูจะอึ้งเล็กน้อยกับท่าทีของผม อย่าว่าแต่มันเลยผมเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะห่วงมันมากถึงขนาดนี้เหมือนกัน ทัตยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้าผมเลยหันไปโบกแท๊กซี่เพื่อพากันไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ไม่ถึงสิบนาทีเราก็มาถึงและเนื่องจากโรงพยาบาลนี้เป็นของเอกชนเลยรอไม่นายก็ได้เข้าไปตรวจ ระหว่างที่รอทัตเข้าไปหาหมอผมเลยได้เวลาหันมาสำรวจตัวเองจนเห็นว่ามีแผลถลอกนิดหน่อยแต่เสื้อผ้าเปื้อนใช้ได้ ผมเดินไปหาพยาบาลเพื่อขอทำแผลจนพยาบาลพาเข้าไปในห้องทำแผลเสร็จออกมาก็เจอทัตนั่งตีหน้าเครียดกำลังยกโทรศัพท์แนบหูตัวเองสักพักเสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นและนั้นก็ทำให้ทัตหันมาเจอผมในที่สุด ผมเห็นสีหน้าเป็นกังวลเมื่อครู่คลายลงแล้วก็พลอยใจชื้นไปด้วย

“ไปไหนมานะ?”

ผมชี้ข้ามหลังตัวเองไปยังห้องทำแผลพอทัตเห็นมันเลยพยักหน้ารับรู้

“ไหนบอกว่าไม่เจ็บ?”

“ก็ไม่ได้เจ็บจริงๆแต่เป็นแผลเลยให้พยาบาลทำแผลให้”

“โอเค งั้นไปรอรับยากันเถอะ”

ผมพยักหน้ารับแล้วจึงพากันเดินไปนั่งรอรับยาที่ๆทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้ ในระหว่างที่นั่งรอนั้นเราแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลยและผมก็รู้สึกว่าไอ้คนที่นั่งข้างๆมันดูจะเครียดๆพิกล มันจะเครียดอะไรวะในเมื่อทั้งผมทั้งมันก็ปลอดภัยกันดีแล้ว



Rrrrrr

เป็นเสียงโทรศัพท์ของคนตีหน้าเฉยนั่งนิ่งอยู่ร่วมสิบนาที ทัตเอื้อมมือข้างที่ไม่มีผ้าพันเป็นดักแด้ไปล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงปลายตามองรายชื่อผู้โทรเข้าแล้วจึงหันมามองที่ผม

“เดี๋ยวออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บนะ”

ผมพยักหน้าแทนคำตอบ จริงๆมันจะลุกไปรับที่ไหนโดยที่ไม่ต้องบอกผมก่อนก็ได้นะ แต่ในเมื่อมันอยากทำแบบนี้ก็ช่างมันเถอะครับ

“คุณเทพทัตค่ะ”

พอเจ้าของชื่อเดินหายไปรับโทรศัพท์พยาบาลประจำห้องยาดั๊นเรียกชื่อซะงั้น ผมที่ยังคงอยู่เลยต้องลุกไปรับยาและฟังคำบรรยายต่างๆนานาแทนมันพร้อมกับจ่างตังค์เป็นอันเสร็จสรรพ พอกลับมานั่งที่เดิมรอจ่ายเงินในส่วนของการทำแผลของผมต่อทัตก็กลับมาพอดี

“ได้ยาแล้วเหรอ?”

“แล้วเห็นไหมละ?”

“กวนครับ งั้นก็กลับกันเถอะ”

“ยังต้องรอจ่ายตังค์ในส่วนของไออีกรอบ”

ทัตพยักหน้ารับรู้แล้วทรุดลงนั่งข้างๆเหมือนเดิมแล้วมีการแย่งเอาถุงยาของตัวเองไปในทันที พอเปิดเห็นยาให้ถุงแล้วก็ทำทีสะอิดสะเอียนจนผมเผลอยิ้มขำ

“กินให้หมดด้วยนะ”

“ให้มาเยอะเวอร์ แค่ข้อมือซ้นจะให้ยากินมาทำไมก็ไม่รู้ แค่ยาทาก็พอแล้วมั้ง”

ฟังดูน้ำเสียงเหมือนเด็กน้อยสองสามขวบที่ไม่ชอบกินยากำลังงงแงกับพ่อแม่ยังไงยังงั้น แต่ความเป็นจริงแล้วมันคือยักษ์ที่เบ้ปากขมวดคิ้วพยายามทำให้ดูแอ๊บทั้งที่หน้าเข้มๆนั้นไม่ค่อยจะเปลี่ยนไปในทางนั้นเลยแม้แต่น้อย

“อย่ามาทำตัวเป็นเด็ก เสียเงินไปแล้วก็กินให้หมด”

“จริงสิ จ่ายไปเท่าไหร่เดี๋ยวพี่จ่ายคืนให้”

“ไม่เอา ที่เจ็บก็เพราะช่วยไอใช่ม่ะ เพราะงั้นไอจ่ายนะถูกแล้ว”

“อย่ามาทำตัวน่ารักน่าคริส”

“พูดอะไรวะ”

นอกจากจะไม่เข้าใจที่มันพูดแล้วผมยังไม่เข้าใจอีกว่าทำไมจู่ๆถึงรู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งที่แอร์ก็ออกจะเย็น ไอ้พี่ทัตหัวเราะเสียงแผ่วแล้วเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆ ผมเลยได้แต่หันหนีจนได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองนั้นแหละจึงได้ลุกหนีไปจ่ายเงินจนเรียบร้อย ผมกับทัตกลับเข้ามหาวิทยาลัยโดยรถแท๊กซี่เหมือนเดิมครับ อย่าไปบอกไอ้พี่ครอสนะว่าผมขึ้นแท๊กซี่ ไอ้พี่ครอสมันแอนตี้ครับ ตัวเองแอนตี้ไม่พอยังจะมาให้น้องแอนตี้ไปด้วยแต่ผมก็ไม่ได้แอนตี้อย่างที่มันเป็นหรอกนะ ผมเฉยๆ แต่ผมไม่ชอบขับรถเองสักเท่าไหร่ นั้นคือสาเหตุที่ผมไม่ได้ขับรถมาเรียนเองแต่ยังคงใช้บริการคนขับรถที่บ้านหรือถ้าพี่ครอสว่างมันก็จะมารับมาส่งเองด้วย(ซึ่งก็เป็นส่วนน้อยแหละนะ)

“แล้วเราจะไปไหนต่อ?”

พอลงจากรถได้มันก็ถามผมเลยครับ ผมมองดูรอบๆอาณาบริเวณของตัวตึกคณะที่เงียบอย่างกับป่าช้าเพราะนักศึกษาไปเข้าโดมกันหมดแล้วก็ส่ายหัว

“ไม่รู้”

“แล้วทำไมไม่เข้าโดมกับเพื่อน?”

“แล้วทำไมยูไม่ไปรวมตัวกับคนอื่นๆด้วยละ?”

“ปกติพี่ก็ไม่เข้าอยู่แล้ว”

มันไปเป็นเดือนคณะและเดือนมหาลัยได้ยังไงวะครับ กิจกรรมอะไรก็ไม่เข้าแบบนี้

“ไอก็ไม่อยากเข้า”

“นิสัยไม่ดีนะเรา”

“พึ่งจะรู้เหรอ?”

“หึหึ”

แล้วมันใช่เรื่องที่ต้องมายืนต่อปากต่อคำกันกลางแจ้งแบบนี้ไหมวะเนี้ย

“หิวไหม?”

ผมนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้าเพราะเริ่มหิวขึ้นมานิดๆแล้วเหมือนกัน ตอนเที่ยงก็กินไปแค่นิดเดียวด้วยนี่นะ

“งั้นออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า”

ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็ยอมเดินตามแรงฉุดดึงง่ายๆจนไปถึงรถไอ้คนที่ถือโอกาสจับมือผมเลยต้องปล่อยเพื่อที่จะได้ค้นหากุญแจรถ ผมมองดูคนใช้มือได้เพียงข้างเดียวแล้วก็นึกสงสาร พอมันได้กุญแจมาแล้วผมเลยไปแย่งเอามาถือไว้เองก่อนจะกดปลดล็อคแล้วเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับท่ามกลางความงุนงงของเจ้าของรถที่แท้จริง

“ยืนเซ่ออยู่ทำไม ขึ้นรถดิ”

“จะขับให้เหรอ?”

“นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่ ถ้าไอไม่ขับแล้วจะไปกันยังไง ข้อมือขยับไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”

มันยิ้มครับ

“เออเนอะ ลืมไปเลย”

สรุปคือโง่จริงสินะ

ผมพ้นลมหายใจพลางนึกขำไปด้วยก่อนจะก้าวขึ้นรถไปพร้อมๆกับมัน แลมโบฯเป็นรถที่ขับยากในระดับหนึ่งนะครับซึ่งมันต้องมีเทคนิคเสริมเพิ่มเติมจากระบบออโต้ธรรมดาอยู่พอประมาณ ไอ้พี่ทัตมันก็เลยบอกผมพอคร่าวๆจนผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะสตาร์ทและออกตัวไปในที่สุด

“ขับนิ่มดีเหมือนกันนี่”

ผมกรอกตาก่อนจะแตะเบรคเพราะถูกช่วงสัญญาณไฟแดงพอดี

“ไอนะขับปกติแต่ยูต่างหากที่ขับเร่งขับไวเหมือนจะไปงานวิ่งควายที่ไหนก็ไม่รู้”

“หึหึ รู้จักงานพวกนี้ด้วย”

“ก็เคยได้ยินในข่าวอะไรเทือกนั้น”

“หืม ดูหน้าไม่น่าจะเป็นพวกสนใจข่าวคราวเลยนะ”

ผมหันไปถลึงตาใส่มันเลยครับ พอกำลังจะด่าสัญญาณไปดั๊นเปลี่ยนเลยต้องหุบปากฉับแล้วตั้งใจขับรถต่อไป แต่จะว่าไป...

“เราจะไปกินอะไรที่ไหนกัน?”

ขับออกมาตั้งนานยังไม่รู้ถึงจุดหมายเลยอะ เพี้ยนไปแล้วสิกู

“นั้นสิ แล้วคริสอยากกินอะไร?”

“ไม่รู้ ยังไม่หิวเท่าไหร่”

“งั้นไปดื่มกาแฟรองท้องกันก่อนดีไหม?”

“ก็ได้”

“งั้นขับไปที่XXXX  จะมีร้านกาแฟชื่อ candy crush อยู่ติดถนนใหญ่”

บอกแบบเจาะจงแบบนี้แสดงว่าต้องรู้จักที่นั้นเป็นการส่วนตัว คนอย่างไอ้พี่ทัตมันรู้จักร้านกาแฟชื่อมุ้งมิ้งแบบนี้ด้วยเหรอวะ ไม่อยากจะเชื่อ

“มันเป็นร้านของคนรู้จักพี่เอง เค้กอร่อยมาก”

บอกมาเหมือนอ่านใจผมได้เลยครับ

“ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”

“มันแสดงออกทางสีหน้าครับที่รัก”

พูดแล้วก็ยกมือขึ้นมายีหัวผมเบาๆอย่างกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก แต่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะครับ อย่างนี้ผมก็ยุ่งหมดสิ

“อย่ากวนขับรถอยู่แล้วใครเป็นที่รักของยูไม่ทราบ”

“ก็เด็กดื้อที่นั่งขับรถให้อยู่ข้างๆนี่ไงที่เป็นที่รักของพี่”

“ในรถมีถุงอะไรสักอย่างไหม?”

“หืม จะเอามาทำไม?”

“อยากอ้วก”

“หึหึ”








กรุ๊งกริ๊ง

เสียงกระดิ่งดังขึ้นทันทีที่บานประตูถูกเปิดเข้าไปยังภายในร้าน ร้านนี้มีสไตล์เลดี้แบบโคตรๆเลยครับ ตกแต่งอย่างกับหลุดออกมาจากโลกการ์ตูนลิตเติลโพลนี่(ยังรู้จักอีกนะกู)ที่เน้นโทนสีพาสเทลชวนหวานแหว่วแบบสุดๆ ตอนจอดรถที่หน้าร้านแล้วมองไปยังด้านหน้าผมละอยากจะเปลี่ยนใจแต่ก็ไม่ทันเพราะไอ้คนแนะนำมันลงจากรถแล้วไปยืนรออยู่ด้านนอกเหมือนจะบังคับผมอยู่กรายๆ ไอ้นิสัยชอบสั่งมันฝังลึกถึงชั้นสเต็มเซลล์เลยเหรอวะนี่ขนาดไม่ได้เอ่ยปากพูดการกระทำยังแสดงออกแทนได้อีก

“สวัสดีค่ะ มาสองท่านนะคะ”

พนักงานสาวบ๊องแบ๊วผูกแกะสองข้างแต่งตัวด้วยชุดเมดกระโปรงฟูๆเดินออกมาต้อนรับ ไอ้คนพามาพยักหน้าให้ไปทีหนึ่งเค้าเลยพาเดินไปยังโต๊ะนั่งที่อยู่ด้านในเป็นโซฟาเล็กสองที่ตรงข้ามกัน พอนั่งปุ๊บไอ้พี่ทัตก็จัดการสั่งทั้งน้ำทั้งขนมโดยที่ไม่ถามความเห็นของผมสักนิด ผมเองก็ได้แต่มองตามตาปริบๆจนพนักงานทวนออเดอร์แล้วก็เดินจากไป

“จ้องซะขนาดนี้ มีลูกกันเลยดีไหม?”

“ตีนเหอะ”

มันยิ้มร่าจนผมอดไม่ไหวต้องโยนหมอนอิงไปใส่ด้วยความหมั่นไส้ขั้นสุด

“รุนแรงนะเรา โยนมางี้ไม่กลัวพี่เจ็บเหรอครับ?”

“ถ้ากลัวจะทำไหมละ แล้วไอ้ที่สั่งๆไปนี่ถามไอสักคำไหมว่าอยากกินรึเปล่า?”

“พี่มั่นใจว่าคริสต้องชอบ”

“แล้วถ้าไอไม่ชอบละ?”

“พี่จะยอมให้เรากดเลยอะ”

หนีไม่พ้นเรื่องบนเตียงตลอด

“แต่ถ้าเราชอบพี่จะกดเราเองนะ”

“พูดอย่างกับไม่เคยเนอะ”

“ก็ชอบไง พี่บอกแล้วว่าเรานะลงล็อคกันที่สุด”

ผมเงียบเพราะเถียงไม่ได้ ก็ยอมรับแหละนะว่าเรื่องบนเตียงไอ้พี่ทัตมันสุดยอดที่สุดเท่าที่เคยมีมาแต่ผมก็ยังไม่คิดที่จะปักหลักกับคนๆนี้อยู่ดี นี่ขนาดยังไม่อยากปักหลักนะครับ แต่ดูเหมือนข้างในกำลังมีความยอกย้อนอะไรสักอย่างที่ผมไม่อยากจะยอมรับ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นมาแต่เบื้องลึกมันกลับค่อยๆผุดขึ้นโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้แต่อย่างใด

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

ผมเลยหน้าขึ้นไปมองคนถาม พึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองนั่งเหม่ออยู่นานจนมีของกินอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด

“ป่าว”

“โกหกไม่เก่งก็อย่าทำ มีอะไรไม่สบายใจบอกพี่ได้นะ?”

“ก็บอกว่าป่าวไง เนี้ย ของกินมาแล้วก็กินไปสิ สั่งอะไรมาเยอะแยะก็ไม่รู้”

“ก็สั่งมาให้เรานั้นแหละ”

“เยอะเกิน”

“ไม่หมดก็ห่อกลับ เค้กร้านนี้อร่อยจริงๆนะ พี่รับประกัน”

พูดไปก็ตักเค้กมะพร้าวอ่อนขนาดพอดีคำมาจ่ออยู่ตรงหน้าผมไปด้วย ผมชั่งใจมองดูลูกค้าในร้านที่ดูเหมือนไม่มีใครสนใจเลยยอมที่จะอ้าปากรับ ไม่อยากจะพูดเลยครับว่าเพียงแค่คำแรกก็ทำให้ผมนึกชอบมันซะแล้ว ความหวานที่พอดิบพอดีมีรสมะพร้าวอ่อนๆและความนุ่มนิ่มของเนื้อเค้กที่แทบละลายทันทีที่เข้าปาก โคตรอร่อยอะ

“หึหึ เป็นไง อร่อยไหม?”

ผมไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ ตาก็มองไปที่แก้วน้ำสีส้มนวลๆคล้ายชานมเย็นนั้นไปด้วย

“น้ำอะไรนะ?”

“เค้าเรียกว่าหยินหยาง”

“ห่ะ?”

“เป็นการผสมกันระหว่างชาจีนกับกาแฟ สูตรเฉพาะของทางร้าน อร่อยนะ”

ผมหยิบแก้วมาดูดดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วมันก็อร่อยอย่างที่ได้ยินจริงๆครับ มันมีรสของกาแฟที่อ่อนลงและกลิ่นชานมหอมหวานออกมันนิดๆใส่น้ำแข็งเย็นๆดูดๆไปสดชื้นชิปหาย เออ ชอบวะ

“เป็นไง ชอบไหม?”

“อืม ชอบ”

ตอนนี้อารมณ์ดีแล้วครับ ได้กินของอร่อยๆใครก็อารมณ์ดีกันนี่เนอะ

“แล้วพี่ละ?”

“ยูทำไม?”

“ชอบกันบ้างรึยังครับมายเดียร์?”

...เชี่ย...

“อย่ามาเนียน กินไปเงียบๆเลย”

“อย่าเขินสิ”

“ป่าวเหอะ”

“แล้วหน้าแดงทำไม?”

“ป่าวนะ”

ขอร้อง อย่าจี้เยอะ เดี๋ยวกูหลุดแล้วจะยุ่งครับ

“คริส”

ผมเหลือบตาขึ้นไปมองคนเรียกทั้งที่ช้อนยังคาปากอยู่ กินไปกินมาก็จะหมดชิ้นเข้าให้แล้วนะครับ

“ชอบพี่เถอะนะ”

สัส ตัวโตอย่างกับควายหน้าเข้มอย่างกับยักษ์แต่มาทำท่าอ้อนช้อนตามองเป็นลูกแมวแสนเชื้องนี่มันใช่เหรอ

แต่ก็น่ารักดีวะ

น่ารักจนเผลอยิ้มกว้างทั้งที่สมองยังไม่ได้สั่งการเลยด้วยซ้ำ

“รักกันเถอะนะ สัญญาว่าจะไม่ทำให้เสียใจ”

“แค่ลมปาก ใครก็พูดได้”

“เรื่องอุบัติเหตุเมื่อกี้ยังพิสูจน์ความจริงใจของพี่ไม่ได้อีกเหรอ?”

ผมเบ้ปากพลางไหวไหล่ไปอีก

“คริสตัล”

“อะไร?”

จะมาไม่ไหนอีกวะครับ

“อยากจูบ”

ไอ้เชี่ยพี่ทัต พูดมาได้ไม่อายปาก

แต่ก็ทำผมเขินได้แล้วกันอะ

โอ้ย ทำไมมันหน้าหนางี้วะ

“ยิ่งหน้าแดงๆแบบนี้ยิ่งอยากกอด อยากจูบแรงๆ หมอแก้มสักฟอดสองฟอดแล้วก็....”

“พอ!”

“จับถอดเสื้อผ้า...”

“บอกให้หยุดพูดไงวะ!”

“บีบตรงจุกเล็กที่หน้าอกเล่นเบาๆ...”

“ไอ้พี่ทัต!”

“บอกเค้าห่อกลับหมดนี่เลยได้ไหม?”

“อะไรของยู”

“ก็ที่นี้คนเยอะอะ ทำอะไรไม่สะดวกเลย กลับไปกินต่อที่ห้องดีกว่าเผื่อพี่จะได้กินของโปรดด้วยไง”

“จะไปตายที่ไหนก็ไปเลยไป๊!!”

“หึหึ”


Tbc....

หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 6 (09/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 09-02-2017 16:17:38
เขิลลลลลจุงงงงง อิพี่รุกแรงมาก น้องจะไม่เขินไหวหรอ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 6 (09/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-02-2017 17:25:40
รุกหนักจริง ๆ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 6 (09/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 11-02-2017 23:37:48
อ๋อยยยยย ทำไมเขินงี้  :laugh:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 7 (12/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 12-02-2017 00:54:30
สัมผัสที่ 7



ตอนนี้ผมกำลังนอนโง่ๆอยู่ที่บ้านครับ จริงๆผมก็มีเรียนนะแต่ไม่รู้ทำไมอาจารย์ถึงพร้อมใจกันยกเลิกคลาสทั้งเช้าบ่ายจนว่างอย่างที่เห็นนี่แหละ อ้อ สำหรับคนที่อยากรู้เรื่องไอ้คนหน้าด้านเมื่อวานเดี๋ยวผมจะอัพเดตให้ฟัง คือพอกินเสร็จผมก็ขับรถไปส่งที่คอนโดและกะจะนั่งแท๊กซี่กลับแต่มันกลับบอกให้ขับรถมันมาเลย พอปฎิเสธก็ไม่ยอมลงจากรถจนต้องเออออตามจนแลมโบฯสีฟ้าเทาได้ถือฤกดิ์ดีมาจอดนอนแน่นิ่งอยู่ในอาณาบริเวณบ้านของผมซะงั้น

อดแปลกใจกับตัวเองไม่ได้เหมือนกันวะครับ ว่าทำไมช่วงนี้กูใจอ่อนกับมันจัง นี่กูกินยาลืมเขย่าขวดรึเปล่าวะเห้ย

“เฮ้ย~”

“อ้าว นั้นใครมานอนถอนหายใจอยู่ที่โซฟาบ้านเราจ้ะนม ทำไมฉันไม่คุ้นหน้าเลย”

ผมกรอกตาทันทีที่ได้ยินเสียงหวานของผู้เป็นมารดาซึ่งคุณนายท่านกำลังเดินถือตะกร้าผลไม้เข้ามาพร้อมกับแม่บ้านคนสนิทที่ชื่อนม

“โถ่แม่ นี่ลูกชายสุดหล่อของแม่ไง”

“หืม ฉันมีลูกชายคนเดียวชื่อทีครอสนะ”

“แม่อ่า”

คุณท่านหัวเราะคิกคักชอบใจใหญ่เลยครับ ให้มันได้อย่างนี้สิ เห็นว่าหน้าตาดีที่สุดในบ้านแล้วก็ชอบแกล้งกันจริง ผมเบ้ปากใส่คุณนายของบ้านที่วางตะกร้านั้นไว้ที่โต๊ะแล้วจึงเข้ามานั่งเบียดจนผมต้องลงปรับมุมไปนอนหนุนตักซะเลย ยกมือกอดพร้อมกับมุดหน้าเข้าหาพุงด้วยเลยเอ๊า

“อ้อนเอาอะไรครับ ลุกขึ้นมากินผลไม้ม่ะ มีสตอเบอรี่ของโปรดน้องคริสด้วยนะ”

แม่มักเรียกผมแบบโคตรจะมุ้งมิ้งว่า ‘น้องคริส’ เป็นปกตินะครับ ส่วนไอ้พี่ครอสจะโดนเรียกว่า ‘พี่ครอส’ เรียกซะน่ารักชนิดที่ไม่ปรึกษาเพศของลูกกันเลยทีเดียว

ผมส่ายหน้าเข้าหาหน้าท้องแม่เพิ่มแรงอ้อนเข้าไปอีกจนแม่ลูบหัวมาเบาๆ นานๆทีคุณท่านจะว่างมาให้ผมอ้อนนี่ครับ ปกติไปแต่งานเลี้ยงงานสมาคมฯอะไรก็ไม่รู้ บวกกลับพักหลังๆผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเร็วหรืออยู่บ้านนานๆนอกจากกลับมานอนสักเท่าไหร่ สรุปคือช่วงเวลาว่างไม่ตรงกับเลยทำให้พลอยไม่ได้เจอกันไปด้วยนั้นแหละนะ

“เงยหน้ามาสิ”

ผมเงยไปหาตามที่คุณท่านเอ่ยแล้วก็อ้าปากรับชิ้นสตอเบอรี่ครึ่งซีกนั้นเข้าปากเคี้ยวหงุบหงิบหวานฉ่ำกำลังดี โอ้ย อร่อยชิปหาย

“นอนกินไม่ดีนะลูก”

“ดีออก มีคนป้อนด้วย”

“หึ เอาอีกไหม?”

“เอาครับ”

คุณนายหัวเราะเสียงแผ่วแล้วก็นั่งป้อนสตอเบอรี่ผมต่อไปสลับกับหันไปสนใจโทรทัศน์ที่กำลังฉายรายการข่าวแวดวงสังคมไฮโซไฮซ้อทั่วไป

“จะว่าไป พี่ครอสออกรถใหม่เหรอจ้ะ?”

ผมขมวดคิ้วนิดหน่อยพอนึกออกก็ร้องอ้อจนแม่ก้มลงมามอง

“ป่าวครับ นั้นรถรุ่นพี่คริส พอดีเค้าให้ยืมขับกลับมา”

“อ้าว แล้วเค้าไม่ต้องใช้เหรอ?”

“มันมีรถหลายคันครับ”

“น้องคริสพูดไม่เพราะ ไปเรียกรุ่นพี่ว่ามันได้ยังไง ไอ้การคุยห่ามๆเหมือนพี่ครอสนะทิ้งไปเลยนะ แม่ละไม่ชอบจริงๆ”

“ไม่ทันแล้วมั้งแม่”

แม่ส่ายหัวระอาแต่ผมกลับหัวเราะได้อะ ผมนอนอ้อนแม่ต่อสักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะความสุขซะงั้น ให้ตายสิ ไม่อยากลุกเลยวะครับ

“โทรศัพท์ดังไม่ใช่เหรอ ไม่ลุกมารับเดี๋ยวสายก็ตัดหรอกลูก?”

“ปล่อยให้มันตัดไปเลยแม่ คริสอยากนอน”

“อย่ามาทำนิสัยเสียแบบนี้ ลุกมาดีๆเจ้าเด็กไม่รู้จักโต”

“โอ้ยแม่ หยิกคริสทำไม คริสเจ็บนะ”

“ลุกเลย ถ้าพ่อโทรมาแล้วไม่รับแม่ไม่ช่วยแก้ตัวให้นะ”

ผมเบ้ปากให้คุณนายท่านไปทีก่อนจะผุดลุกขึ้นมานั่งแล้วคว้าเอาโทรศัพท์มาดู แต่ยังไม่ทันจะรับสายก็ตัดไปซะก่อน คนที่โทรมาคือไอ้มิกซ์ครับ เพราะงั้นไม่ต้องโทรกลับหรอกมั้งขี้เกียจคุย

“ใครละ?”

“เพื่อนครับ”

ผมตอบแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม เอื้อมมือไปหยิบองุ่นไร้เมล็ดมาพวงหนึ่งแล้วชูขึ้นเหนือปากก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปงับจากพวกมากินทีละลูก ปากเคี้ยวหนุบหนับตาจ้องมองทีวีจนโทรศัพท์แฝดเสียงร้องขึ้นมาอีกและก็เป็นคนเดิมมันนั้นแหละที่โทรเข้ามา

ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระกูจะด่าให้ลั่นบ้านเลย คอยดู

“เออ”

/รับช้าไอ้สัส โดนเสียบอยู่ไงวะ?/

กวนส้นตีน

“เดี๋ยวมึงจะถูกเอง”

ผมพยายามพูดแบบซอฟเต็มที่แล้วนะครับ แต่ก็ยังคงโดนคุณหญิงท่านจิกตาดุอยู่เป็นละลอก

“มีอะไรก็รีบๆพูดมา?”

/ใจเย็นดิวะ กูจะชวนมึงไปออนเดอะฟอล์กัน แต่ตอนนี้กูยังติดอะไรนิดหน่อยที่มหาลัย มึงมาหากูหน่อยดิ/

“เพื่อ? กูไปเจอมึงตอนดึกเลยดีกว่าไหม”

/โถ่ ไอ้คุณชายครับ คนอื่นเค้าก็อยู่ที่นี้กันหมดครับ มึงจะฝ่าเหล่าฝ่ากอไปถึงไหน/

“สัส”

เพี้ยะ!

“โอ้ย! คริสเจ็บนะแม่”

“พูดจาไม่เพราะเลยน้องคริส”

ผมทำหน้าหงอจนแม่ยอมลูบแขนตรงที่โดนตีเมื่อกี้ให้เบาๆ ได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วมากับสายด้วย

“หัวเราะหาพ่อง!”

“น้องคริส!”

“ครับๆ คริสไม่พูด(ให้แม่ได้ยิน)แล้ว คริสออกไปข้างนอกนะแม่”

ว่าแล้วผมก็ผุดลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังไม่ได้วางสาย

“กลับดึกใช่ไหม?”

“ครับ”

“ถ้าจะไปเมาไม่ต้องขับรถไป แล้วเอารถไปคืนเจ้าของเค้าก่อนนะ”

“ครับแม่”

ผมก้มลงหอมแก้มมารดาไปอีกสองฟอดแล้วจึงเดินกลับขึ้นห้องไปหยิบกระเป๋าตังค์และกุญแจรถ เอาโทรศัพท์(ที่เกือบลืมไปแล้วว่ายังต่อสายอยู่)ขึ้นมาแนบหูปรากฎว่าพวกเชี่ยนั้นยังไม่วางแต่แอบฟังทุกการกระทำของผมอยู่เงียบๆ โรคจิตป่าววะ

“กูกำลังออกไป แค่นี้แหละ”

/เดี๋ยวๆ มึงจะมายังไงครับน้องคริส หึหึหึ/

กูว่าละต้องโดนแซวเรื่องนี้ ปกติผมไม่ค่อยคุยกับแม่ให้พวกมันได้ยินไงครับ จะบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้

“เรื่องของกู”

ผมกดตัดสายใส่มันทันทีก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปยังชั้นล่างแล้วตรงดิ่งไปขึ้นแลมโบฯสีฟ้าเทาโดยทันที






“เชดดดดดดด วันก่อนยังเป็นแค่ตุ๊กตาหน้ารถ มาวันนี้แม่งเป็นเจ้าของรถเองเลยเว้ยเห้ย”

“เจ้าของเหี้ยดิ”

ผมด่าพร้อมกับปาถุงขนมแถวนั้นใส่ไอ้ปากหมาที่มาถึงยังไม่ทันจะนั่งก็เห่าหอนวะดัง คนมองกันให้พรึ๊บ จริงๆแล้วก็โดนมองตั้งแต่แลมโบฯคันหรูเข้ามาจอดเทียบริมฟุตบาทหน้าตึกแล้วแหละนะ ได้พวกสี่ตัวที่นั่งรออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเลยได้เห็นแบบจะๆว่าผมมาด้วยรถอะไรและก็ไม่ต้องเดาด้วยว่ามันคือรถของใคร

“แล้วเจ้าของไปไหนละวะ ทำไมมึงได้ขับมาเอง ปกติมึงขี้เกียจขับรถจะตาย”

ไอ้แวนถามต่อเมื่อผมนั่งลงข้างๆไอ้นาย วันนี้ไอ้คมมามหาลัยได้แล้วครับ ถึงแม้จะยังมีผ้าก็อตพันอยู่รอบตัวก็เหอะ

“ไม่รู้”

“อ้าว”

สี่เสียงสอดประสานแต่ผมทำได้แค่ไหวไหล่

กำลังจะตอบไปว่าไม่ใช่กงการอะไรที่กูจะต้องรู้แต่ไอ้เจ้าของประเด็นกลับเดินตีหน้ามึนตรงเข้ามาทางที่ผมกำลังนั่งอยู่พอดี คือมึงรู้ได้ไงวะว่ากูอยู่นี่ แล้วจังหวะเวลาแม่งก็โคตรจะแม่น กูมาปุ๊บมันโผล่มาปั๊บ ยังกะเจ้ากรรมนายเวรยังไงยังงั้น แล้วมันไม่ได้มาคนเดียวด้วยนะครับ คราวนี้มันพาเพื่อนมาด้วยอีกสอง คนหนึ่งผมเคยเจอแล้วที่โรงอาหารแต่อีกคนไม่เคยแถมยังถือกีต้าร์มาด้วยอีก

“มารับพี่เหรอคริส?”

มาถึงปุ๊บก็วางมือแหมะไว้บนหัวผมปั๊บ ไม่จับกูไปดูดปากแลกลิ้นเลยละวะจะได้แสดงความเป็นเจ้าของได้อย่างแจ่มแจ้งกว่านี้ไปเลย แม่ง (กูประชดนะ)

“มั่นหน้าไปไหม ไอมาหาเพื่อน แล้วยูก็เอารถยูคืนไปด้วย”

“พี่ยังขับรถไม่ได้”

ตีหน้าซื่อพลางชูข้อมือที่ถูกพันอย่างกับมัมมี่มาเป็นพล็อบประกอบฉากไปอีก แล้วทำไมเพื่อนทั้งสองของมึงต้องหัวเราะด้วยวะ

“ก็ให้คนขับรถยูมาเอาไปสิ”

“ไม่ดีกว่า ฝากไว้กับคริสนั่นแหละดีแล้ว”

“ถามไอสักคำไหมว่าต้องการรึเปล่า?”

“ไม่ต้องการก็จะยัดเยียดให้ เหมือนอย่างที่ยัดเยียดความเป็นผะ..อุ๊บ!...”

เกือบไปละ เกือบอุดปากมันไม่ทันแล้วครับ

ลืมไปว่าสกิลความหน้าด้านของแม่งมีสูงขนาดไหน ผมสู้ไม่ไหวจริงๆวะเรื่องนี้

ไอ้พี่ทัตยิ้มขำเมื่อผมลดมือที่เอาไปอุดปากมันลงแต่ยังไม่ทันไรมันก็ดึงกลับไปจุ๊บเบาๆที่ฝ่ามือจนผมต้องรีบฉุดกลับมาในทันที เหี้ยละ สายตาแต่ละคนนี่โคตรจะแซวผมเลย ถ้าจะมองกันแบบนั้นมึงเอ่ยปากแซวกันมาตรงๆเลยก็ได้ กูไม่ว่าาาา แต่จะถีบแม่งเรียงตัวเลยสัส

“มองเหี้ยไรวะ!”

“วู้ๆ อย่าโหดครับเพื่อนคริส เขินก็บอกว่าเขิน”

“สัส!”

“ฮ่าๆๆๆ เอาเลยครับพี่ทัต เชิญต่อตามสบายผมรอได้แถมถ้ามีหนังสดให้ดูด้วยอีกจะยิ่งแหล่มเลย”

“สัสมิกซ์!!”

ผมจะถีบมันจริงๆนะถ้าไม่ติดโต๊ะเนี้ยโดนจัดหนักๆไปแล้ว ไอ้พี่ทัตแม่งก็เอาแต่หัวเราะเหมือนเพื่อนมันอีกสองคนที่เข้ามานั่งร่วมโต๊ะคุยกับพวกเพื่อนผมกันต่ออย่างหน้าตาเฉย

“แล้วไม่มีเรียนกันเหรอ ใส่ชุดไปรเวทมาทั้งนั้นเลย”

เพื่อนไอ้พี่ทัตถามขึ้นครับ

“อาจารย์ยกเลิกคลาสนะพี่ ทั้งเช้าทั้งบ่ายเลย ที่เข้ามหาลัยก็แค่มาช่วยไอ้ว่าที่เดือนมหาลัยมันซ้อม”

ไอ้แวนเป็นคนตอบและผมก็พึ่งรู้สาเหตุที่พวกนี้มารวมตัวกันก็ตอนนี่นั้นเอง

“ใครวะว่าที่เดือนมหาลัย?”

เพื่อนไอ้พี่ทัตอีกคนถาม

“ผมไง หล่อสุดในกลุ่มขนาดนี้พี่ไม่น่าถามเลยวะ”

กูอยากอ้วก แล้วแต่ละคนก็กรอกตาเบ้ปากใส่ไม่ต่างกันเลยสักนิด มึงสมควรพิจารณาตัวเองจากปฏิกิริยาของคนรอบข้างได้แล้วนะเชี่ยมิกซ์

“แล้วพี่เอากีต้าร์มาทำไมอะ?”

“ก็เอามาเล่นสิวะ รึมึงจะเอามาตกปลากิน”

ผมถึงกับหลุดขำ ไอ้มิกซ์มึงเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อแล้วสิมึง

“โห่พี่ ผมหมายถึงพี่เอามาทำไมไม่เล่น”

“มึงจะเล่นไหมละ?”

“ไม่อะ ผมเล่นไม่เป็น”

“เห้ย สมัยนี้ยังมีผู้ชายที่เล่นกีต้าร์ไม่เป็นอีกเหรอวะ?”

“มีดิ หล่อด้วย”

“มั่นหน้าสัส”

“นี่เลยๆ ไอ้คริสมันเล่นเป็นแถมเก่งด้วยนะเออ”

ผมแทบเหวอ มึงอย่ามาโยนให้กูงี้สิวะ

“หน้าหวานๆแบบนี้น่าจะร้องเพราะด้วยสินะ”

พี่แม่งพูดจาดูดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มีคำว่าหน้าหวาน เปลี่ยนเป็นหล่อแทนได้ไหมอะ

ผมไม่ตอบโต้อะไรแต่ยื่นมือไปรับกีต้าร์จากเพื่อนไอ้พี่ทัตมาเกาคลอเบาๆวอล์มนิ้วเล่นๆแต่เพื่อนมันผิวปากหวือเลยครับ กูก็ยิ้มไปสิ นี่ถือว่าเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของผมเลยนะ แต่พักหลังๆมาไม่ค่อยได้เล่นสักเท่าไหร่เพราะมันแต่ไปแอ่วหนุ่มๆในบาร์ในผับแทน เหอๆ

“มึงเล่นเพลงนั้นดิคริส”

“เพลงอะไร?”

“เพลงที่มึงเล่นตอนรับน้องไง ชื่ออะไรนะไอ้แวน”

“ใจแลกเบอร์โทร?”

“พ่องมึงสิ!”

“ฮ่าๆๆ กูหยอกครับกูหยอก เพลงปล่อยใช่ม่ะไอ้คริส?”

ผมพยักหน้าให้แล้วก็บรรเลงเข้าสู่ท้วงทำนองทันที ไอ้แวนดีดนิ้วเป็นจังหวะควบคู่กับผมในขณะที่ไอ้มิกซ์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลฟ์สดอย่างไว

“สวัสดีครับชาวโซเชียล วันนี้กระผมนายมิกซ์ผู้แสนชิคและเต็มไปด้วยความหล่อเหลาภูมิใจนำเสนอ…แท๊นแท๊นแท่นนนนน….”

ผมส่ายหัวระอาพลางระบายยิ้มอ่อนๆเมื่อมันชูโทรศัพท์มาให้ติดหน้าผมและมันไปพร้อมๆกัน ผมไม่ได้มองจอและไม่ได้สังเกตุปริมาณผู้ชมหรือยอดไลน์ ผมเพียงแค่ดีดกีต้าร์ไปโยกตัวไปไม่มีเสียงขับร้องใดๆมีเพียงท้วงทำนองที่พริ้วไหวดุจสายลมและลื่นไหลดุจสายน้ำที่ค่อยๆไหลปลอบปะโลมหัวใจ

เล่นไปจนเกือบจบเพลงไอ้นายที่นั่งข้างผม(ทางด้านซ้ายและขวาเป็นไอ้พี่ทัต)ก็สะกิดไหล่ขึ้นมาผมเลยหันไปหาแต่ยังไม่ได้ถามมันก็ดึงคอเข้าไปใกล้กันหน้ามันและกระซิบกระซาบทั้งที่มือผมก็ยังคงดีดอยู่อย่างนั้น สิ่งที่มันบอกไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับมันแค่บอกชื่อเพลงที่อยากให้ผมเล่นเป็นเพลงต่อไปแต่ยังไม่ทันจะขึ้นอินโทรเพลงใหม่อย่างต่อเนื่องแขนผมอีกข้างก็โดนใครอีกคนฉุดให้ออกห่างจากไอ้นายจนมือผมหลุดจากการบรรเลงไปด้วย เมื่อเพลงหยุดทุกคนจึงชะงักและหันไปมองที่ตัวต้นเหตุเป็นตาเดียว

“จะดึงทำไมวะ?”

“เอากีต้าร์คืนไอ้เจไป”

“ห่ะ?”

“ก็บอกให้คืนมันไป ไอ้เจมาเอาไปดิ”

มันพูดเสียงหงุดหงิดเต็มกำลังทั้งๆที่บรรยากาศเมื่อกี้กำลังครื้นเครงได้ที่เลยนะครับ ทำไมชอบขัดความสุขคนอื่นจังวะ ผมยื่นกีต้าร์ไปให้เจ้าของที่พึ่งรู้ชื่อไปก่อนจะกลับมานั่งกอดอกตีหน้าเซ็งอยู่ที่เดิม

“เอาน่า อย่าพึ่งซีเรียสกันดี๊ น้องคริสเล่นไม่ได้งั้นเดี๋ยวพี่เจเจคนนี้จะเล่นให้เอง”

พี่แกเริ่มเล่นต่อในทันทีสบกับที่มีไอ้มิกซ์ที่ยังคงอัพเดตแบบเรียลไทม์ก็ยิ่งสร้างบรรยากาศให้สนุกขึ้นมาอีกครั้ง คนอื่นจะสนุกยังไงก็ช่างมันเถอะครับ เวลานี้กูหงุดหงิด ไอ้พี่ทัตก็เอาแต่จ้องหน้าในขณะที่ไอ้นายก็ปล่อยออร่าอึกครึ้มออกมาเช่นกัน กูคนกลางนี่โดนหนักสุดนะเว้ย พวกมึงจะไม่ชอบขี้หน้าหรืออะไรก็ช่วยไปเคลียร์ๆกันเองดิวะอย่ามาดึงกูไปยุ่งเกี่ยวด้วย กูไม่มีส่วนให้พวกมึงไม่ชอบขี้หน้ากันนะเว้ย

…เอ๊ะ หรือจะมีส่วน…

“กลับ”

การสั่งแบบนี้ เสียงแบบนี้ มีเพียงคนๆเดียวที่พูดและคนที่ถูกสั่งก็ไม่ใช่ใคร

แต่คิดว่าผมจะยอมไหมครับ แน่นอนว่าไม่ ผมยังคงนั่งเฉยทำทีไม่ได้ยินจนโดนฉุดแขนแรงๆนั้นแหละ กูร้องเลย

“เชี่ย! ไอเจ็บนะ!!”

“อย่าดื้อ”

“เห้ยๆ ใจเย็นๆไอ้ทัต จะรุนแรงไปทำไมว๊า”

“มึงหุบปากไอ้ฟีฟ่า”

“ปล่อยดิวะ!”

ผมไม่สนว่ามันจะเถียงหรือคุยกับใครแต่นาทีนี้กูเจ็บจริงและกูก็สะบัดจริงแต่ก็ไม่หลุด ผมกัดฟันกรอกด้วยความโมโหและไอ้นายที่นั่งอยู่ก็ผุดลุกขึ้นมาผลักอกไอ้พี่ทัตแรงๆจนมันเกือบเซ นี่ขนาดผลักแรงแล้วมันยังแค่เกือบเซนะครับ ผมที่โดนมันจับแขนอยู่เลยเซไปพร้อมกับมันแต่ยังดีที่ไอ้นายจับแขนผมอีกข้างไว้เลยไม่ได้ถล่าไปซบอยู่กับไอ้พี่ทัตเต็มๆ

“ปล่อย”

พึ่งเคยเห็นไอ้นายเล่นบทโหดและเป็นฝ่ายรุกก่อนวะครับ ปกติมันนิ่งและมีเหตุผลนะ ถ้าจะทีเรื่องคือมันจะดูสถานการณ์ก่อนและไม่เป็นคนเริ่มอย่างแน่นอนอะ

“ยุ่งอะไรด้วยไม่ทราบ?”

ไอ้พี่ทัตก็กวนตีนกลับซะงั้น มึงจะวางมวยกันกูไม่ว่า แต่ช่วยปล่อยมือจากกูให้กูได้หลบวิถี่หมัดของพวกมึงก่อนจะได้ไหมวะ แม่ง

“พี่ทำเกินไป เพื่อนผมเจ็บพี่ไม่เห็นรึไง”

“แค่นี้เนี้ยนะ หึ หนักกว่านี้ยังเคยทำมาแล้วด้วยซ้ำ”

“พี่แม่งเหี้ยวะ”

“ใจเย็นๆเว้ยไอ้นาย”

“กูควรเย็น? มึงก็เห็นว่าแม่งบังคับไอ้คริสขนาดไหน?”

ไอ้นายหันไปตะคอกใส่ไอ้แวนที่ทำทีจะเข้ามาห้ามจนมันเองก็สะอึก ผมได้แต่มองตามจะอ้าปากพูดแววตาของไอ้พี่ทัตก็ตวัดมามองประมาณว่าอย่างแม้แต่จะเอ่ยปากใดๆออกมาไม่งั้นคงไม่จบเพียงแค่นี้แน่

“ไอ้ทัตมึงก็ใจเย็นลงหน่อยดิวะ น้องมันก็ไม่ได้จะหนีไปไหนสักหน่อย”

“มึงไม่รู้อะไรนะสิเจ”

“ตอนนี้กูรู้อยู่อย่างเดียวคือพวกเรากำลังตกเป็นเป้าให้คนอื่นเค้ามุงอยู่นะเว้ย”

เอ๊าเวร ผมเองก็พึ่งรู้สึกตัว พอมองไปรอบๆนี่แทบจะลมจับ คนมุงกันให้แซดเลยครับ โทรศัพท์หลายสิบเครื่องโชว์หลาจ่อกล้องมาทางเราแล้วด้วยซ้ำ กูดังอีกแล้วสิเนี้ย แต่ไอ้สองคนนี้มันไม่สนใจเลยสักนิด เอาแต่จ้องหน้ากันเหมือนในหัวสมองกำลังรบกันอยู่ก็ไม่ปาน ถ้าใครหลบตาก่อนคือน็อคเอ๊าอะไรเทือกนั้น…เออ กูก็คิดไปได้เนอะ…

“ปล่อยมือก่อน ทั้งคู่เลย”

ไอ้นายเหลือบตามามองผมสลับกับไอ้พี่ทัตจนยอมปล่อยในที่สุด เมื่อไอ้นายยอมปล่อยผมเลยหันไปสบตาดุๆใส่ไอ้คนที่ยังไม่ยอมจนมันยอมปล่อยด้วยอาการฉุนเฉียวเล็กๆ

“เอาละครับคุณผู้ชม ในเมื่อนางเอกของเราว่างเว้นจากการถูกจับกุมด้วยสองหนุ่มเราจึงมีโอกาสแทรกตัวเข้าไปสัมภาษณ์กันสักนิด คุณคริสครับ ไม่ทราบว่ารู้สึกอย่างไรที่เป็นบุคคลพิเศษจนโดนยื้อแย่งด้วยสองหนุ่มหล่อแต่น้อยกว่าผมแบบนี้”

“รู้สึกว่าอยากถีบมึงมากครับเชี่ยมิกซ์”

“สัส พูดไม่เพราะออกอากาศเลยนะมึง”

“มึงหลุดยิ่งกว่ากูอีกนะมิกซ์ แล้วก็หยุดถ่ายได้ละก่อนที่จะโดนก็จับขว้าง”

“เออๆ แม่งกำลังสนุกเลยสัส”

กูขอโบกมันเป็นค่ามัดจำก่อนได้ไหมวะ

“ทัต”

ผมตัดสินใจหันไปหาคนตัวใหญ่ที่ยังคงยืนกอดอกตีหน้าบึ้งอย่างกับยักษ์วัดแจ้งอยู่ใกล้ๆ

“กลับไปเถอะ วันนี้ไอมีนัดแล้ว”

“นัดไหนกับใคร?”

“ไอจำเป็นต้องตอบด้วยเหรอ? บอกว่าไม่ว่างก็คือไม่ว่าง ถ้าขับรถไม่ได้ก็ให้เพื่อนพากลับดิ คงขับรถได้ใช่ไหมครับ?”

ประโยคหลังผมหันไปถามเพื่อนมันทั้งสองและพวกเค้าก็พยักหน้ารับเหลือแต่ไอ้ตัวการที่ยังง่องแง่งไม่เลิก

“ตอบพี่มา”

“อย่ามาเยอะ”

“หรือจะเอาให้เยอะกว่านี้ก็ได้นะคริส”

“ไปไกลๆตีน”

“คริส”

“โว๊ะ ก็นัดกับไอ้พวกนี้นั้นแหละ พวกไอจะไปดริ้งส์กันต่อ จบไหม?”

“ไม่”

สัส!

“จะไปที่ไหนและกี่โมง?”

“ยูไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่ที่ไอต้องรายงานนะทัต แม้แต่คนในครอบครัวจริงๆไอยังไม่เคยรายงานเลยด้วยซ้ำ”

“แต่พี่คือผัว!”

เชี่ย

เสียงดังสัสๆ

“ทัต!”

“ตราบใดที่ยังไม่ยอมรับพี่ก็จะพูดจะประกาศอยู่แบบนี้ต่อไป ลองดูสิว่าจะยังมีใครที่ไม่รู้ถึงสถานะของเราบ้าง”

“Damn it!”

“ไปขึ้นรถ แล้วจะไปที่ไหนตอนกี่โมงค่อยว่ากัน”

“ยูไม่มีสิทธิ์มาสั่งไอ”

“อยากจะให้ย้ำอีกใช่ไหมคริส คราวนี้เอาเสียงดังกว่าเมื่อกี้แล้วกัน”

“Shit!!”

“คริส ไปกันเถอะ อย่าไปสนใจพวกบ้าอำนาจเลยวะ”

ผมหันไปมองคนพูดอย่างไอ้นายที่ยังคงจ้องไปที่ไอ้พี่ทัตเขม่ง ไอ้พี่ทัตก็จ้องตอบอย่างไม่ยอมรามือ

“ไปขึ้นรถซะคริส”

“คริส”

เสียงไอ้พี่ทัตกับไอ้นายเอ่ยสลับกันไปมาจนผมแทบกุมขมับ เกิดมาหน้าตาดีเสน่ห์ล้นเหลือเลยต้องทำใจอย่างนี้ใช่ไหมครับ โอ๊ะ อย่าพึ่งอ้วกกันนะ ขอยาระงับประสาทให้ผมก่อน ผมจะบ้าตายแล้วเนี้ย

ปรี๊นๆ

เสียงแตรรถดังสนั่นลั่นมาจากทางด้านหลังจนทุกคนต้องหันไปมอง และเมื่อเห็นต้นตอของเสียงผมก็ยิ้มกว้างออกมาทันที

เป็นครั้งแรกที่ผมโคตรรู้สึกดีที่ได้เจอหน้าไอ้พี่ครอสเลยวะครับ

“กูไปนะไว้เจอกันที่ร้าน ส่วนยูให้เพื่อนไปส่งซะ บาย”



Tbc….

หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 7 (12/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 12-02-2017 01:41:38
รอดจากสมรภูมิ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 7 (12/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-02-2017 09:45:32
เกลียดพี่ทัตว่ะ รู้สึกจะบังคับน้องมากไปมั้ย ก็รู้ว่ารู้สึกหวงแต่น้องมันยังไม่รับเป็นแฟนนะ อย่าเยอะได้ป่ะเป็นห่วงก็ตามดูห่างๆ  รู้สึกอึดอัดแทนน้องเลยเนี่ย ไม่มีอิสระเลย
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 7 (12/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 12-02-2017 09:53:33
นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกันนะ
ทัตเยอะไปว่ะ ทำเป็นบังคับนู่นนี่
ตัวเองยังไม่มีสถานะนะคะ จำไว้หน่อยยู
จริงๆรำนางมาหลายตอนละ
เป็นผัวแล้วไงอ่ะ ไม่ใช่พ่อ แค่คู่นอนเนาะ
สำคัญตัว
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 7 (12/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-02-2017 10:57:49
นายชอบคริส? บางทีพี่ทัตอาจจะมองออก แต่พี่ยังไม่ได้มีสถานะมากกว่าคู่นอนของคริสนะ หึงได้แต่ไม่ควรแสดงออก (ทำเฉยแล้วตามไปแอบดู หรือเก็บกลับบ้านตอนน้องเมาดีกว่า)
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 8 (12/02/2017 , 17:45)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 12-02-2017 17:39:54
สัมผัสที่ 8




“มีเรื่องอะไรกันรึเปล่า?”

ผมหันไปมองคนถามที่พึ่งจะเอ่ยปากหลังจากที่ผมขึ้นมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถได้สักพัก ไอ้พี่ครอสไม่ได้มารับผมกลับบ้านแน่เพราะทางที่มันขับมาเป็นคนละทิศกับบ้านเราเลย

“ป่าวนี้”

“เหรอ”

“ทำไมถึงถามงั้น?”

“ก็เห็นบรรยากาศแปลกๆเลยบีบแตรเรียก จริงๆก็แค่ไปส่องดูเห็นว่าแกขับรถของคนอื่นกลับบ้าน”

เมื่อคืนไอ้พี่ครอสมันไม่ได้กลับมานอนบ้านครับ เห็นบอกว่าไปสิงค์โปรแล้วกลับดึกแถมเหนื่อยจัดเลยอยู่นอนที่โรงแรมแถวสนามบิน ผมว่ามันตอแหลนะ เมื่อก่อนดึกขนาดไหนมันก็กลับไม่เหมือนผม มันต้องมีแอบซุกแฟนซุกกิ๊กไว้ไม่บอกน้องแหง่มๆ

“แล้วนี่จะพาผมไปไหน ผมมีนัดตอนเย็นนะ”

“นี่ก็เย็นแล้ว”

“หมายถึงช่วงค่ำๆนะ โว๊ะ พี่อย่ามานอกเรื่องดิ ตอบมาจะพาผมไปไหน?”

“ไปบริษัท”

“ไปทำไม?”

“ไปเอารถให้แกขับไง จะได้ไม่ต้องเอารถของชาวบ้านเค้ามาขับ”

“ผมไม่เอา แล้วนั้นมันก็เหตุสุดวิสัยด้วย”

“จะสุดไม่สุดพี่ก็ไม่ชอบทั้งนั้น ถ้าไม่ขับเองก็ให้คนขับมารับมาส่ง ไม่ใช่ไปอาศัยคนอื่นเค้าอย่างกับเราไม่มี”

“โอ้ยยยย พี่แม่งคิดเยอะวะ ไอ้พี่ทัตมันข้อมือซ้นเพราะช่วยผมจากอุบัติเหตุเลยขับรถไม่ได้ พอไปส่งมันที่คอนโดผมจะนั่งแท๊กซี่กลับมันเลยให้รถขับกลับแทน เข้าใจป่ะ?”

“อุบัติเหตุอะไร?”

ทำไมผมรู้สึกกดดันแปลกๆด้วยวะครับ แถมเหมือนพี่ผมจะเหยียบคันเร่งหนักกว่าเดิมอีก

“รถเฉี่ยวนะ”

“แล้วเป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ไม่เป็นอะไร ยังไม่โดนแถมยังขับหนีไปเฉย”

“แถวไหน? เดี๋ยวจะติดต่อขอดูกล้องวงจรปิดแถวนั้นให้”

“เห้ยพี่ ไม่ต้องๆ”

“ไม่ได้ ถ้ามีลงมาดูมาถามไถ่ยังพออภัย แต่หนีอย่างนี้แม่งต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

พี่ผมนอกจากจะใจร้อนใจเร็วแล้วยังอารมณ์ร้อนอีกนะครับ ประมาณว่าข้าเจ๋งข้าแน่อย่ามาแหย่มถ้ายังกลัวตาย ผมละอยากให้พี่ผมเปลี่ยนอาชีพจากนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงไปเป็นยากูซ่าซะจริง ท่าจะรุ่งกว่ากันเยอะ

“ตอบมา”

“แถวประตูสามอะ แต่ไม่ต้องไปเอาเรื่องเค้านะ ผมไม่เป็นอะไรซะหน่อย”

ไอ้พี่ครอสจิ๊ปากนิดหน่อยแต่เป้าหมายพี่แกก็ยังคงเดิมครับ ผมนั่งนิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแล้วก็พบว่าความบรรลัยที่แท้จริงพึ่งจะเริ่มต้นขึ้นนี้เอง ไอ้เหี้ยมิกซ์เล่นกูแล้ว มันปล่อยไลฟ์สดไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงยอดวิวยอดแชร์แม่งสนั่นโซเชียลมาก แถมคอมเม้นต์แต่ละคนนี้ไม่อยากจะอ่านเลยวะครับ ผมยกมือข้างที่ว่างกุมขมับแล้วนวดวนไปมาจนพี่ครอสมันเหลียวมามอง

“ปวดหัว?”

“นิดหน่อย”

“งั้นคืนนี้ก็นอนพักซะ ไม่ต้องออกไปไหน”

“ไม่ถึงขนาดนั้นป่าววะพี่ แค่ปวดประสาทกับไอ้มิกซ์”

พี่แกขำหึเลยครับ พี่ครอสมันรู้จักเพื่อนผมทุกคนไงมันเลยพอรู้ว่าแต่ละคนมีนิสัยยังไงและเชี่ยมิกซ์มันเป็นประเด็นที่ผมเอาไปบ่นกับพี่แกบ่อยๆด้วย ผมเปลี่ยนใจหันมาเล่นเกมส์แทนไม่นานก็มาถึงตึกสูงระฟ้าอันเป็นสถานที่ทำงานหลักของธุรกิจในเครือบ้านผม พี่ครอสมันขับวนขึ้นไปจอดที่ชั้นบนจนผมเห็นรถสปอร์ตหรูสองที่นั่งป้ายแดงและสีแดงไปทั้งคัน โคตรแซ่บ แต่มันเป็นของใคร?

“นั้นรถใคร?”

ผมชี้ถามเมื่อพี่ชายลงจากรถตามหลังมา

“ของวิเวียน””

“หืม เลขาพี่รวยถึงขนาดถอยเบนซ์ป้ายแดงเลยเหรอ?”

จริงๆก็รุ้จัว่าเงินเดือนเลขาผู้บริหารระดับบิ๊กมันก็ต้องได้เยอะเป็นธรรมดาแต่ก็อดจะท้วงไม่ได้จริงๆวะครับ

“อยากได้รึไง?”

“ป่าว”

“เข้าไปข้างในกัน”

“จะให้ผมเข้าไปทำไม มาเอารถไม่ใช่อ่อ”

“เข้ามาก่อนเหอะน่า”

ผมเบ้ปากแล้วจึงเดินตีคู่เข้าไปในตึกพร้อมกับพี่ชาย ระหว่างทางเจอพนักงานเค้าก็ทักทายทำความเคารพพี่ครอสเหมือนปกติแต่ที่ไม่ปกติคือสายตาสงสัยว่าผมโผล่มาได้ยังไงประมาณนั้น ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าผมไม่ยุ่งกับธุรกิจทุกอย่างของบ้าน ผมชอบที่จะอยู่เป็นอิสระแบบนี้และพี่ผมก็ไม่ได้บังคับอะไร ผมเลยไม่จำเป็นที่จะต้องมาตึกนี่บ่อยๆ เท่าที่จำความได้น่าจะมาแค่สองสามครั้งแต่ก็แค่เข้ามาเอาของให้พี่ชายแล้วก็กลับ จะอยู่นานหน่อยก็ตั้งแต่งานเปิดตัวตึกนี้อย่างเป็นทางการนั่นแหละ เรียกว่าเป็นการออกงานสังคมในนามของน้องชายผู้บริหารเป็นครั้งแรกเลยมั้ง หลังจากวันนี้กระแสสังคมถามหาผมกันให้กรึ่มแต่ผมไม่โผล่ไปสักงานจนเลิกลาและซากันไปเอง

“กลับมาแล้วเหรอคะคุณทีครอส อ้าว สวัสดีคะคุณคริสตัล”

สาวสวยใบหน้าคมเข้มที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางนานาชนิดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมเดินคู่กับเจ้านายของเธอ

“สวัสดีครับพี่วิเวียน”

ผมทักแค่นั้นแล้วก็เดินตามพี่ชายเข้าไปในห้องทำงาน ภายในห้องที่กว้างขวางนี้มีโต๊ะทำงานและโซนโซฟานั่งเล่นที่มุมห้อง นอกนั้นก็เป็นแค่ตู้โชว์พวกโล่รางวัลและใบประกาศอะไรอีกเยอะแยะ ผมเลือกที่จะไปนั่งลงที่โซฟาในขณะที่พี่ชายเดินตรงไปนังโต๊ะทำงาน

“ลุกขึ้นมานั่งดีๆดิคริส”

มันเอ็ดเมื่อเห็นผมเริ่มเลื้อยจากที่นั่งก็จะกลายเป็นนอนลงไปละ

“ผมขอสักงีบนะ”

“ก็บอกว่าให้นอนพัก”

“ก็งีบหนึ่งนี่ไง”

“ไอ้ดื้อเอ๊ย”

แล้วผมก็หลับไปจริงๆครับ หลับแบบหลับลึกเลยด้วยตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่มุกอย่างภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงจากภายนอกที่ส่องสว่างผ่านบานกระตกหนาด้านหลังโต๊ะทำงานของไอ้พี่ครอสนั้นแหละที่ส่องเข้ามา ส่วนไอ้พี่ชายผมมันก็นั่งหันหน้าออกข้างนอกมองวิวไปพร้อมกับวนแก้วไวน์ในมือไปมา ผมเห็นแค่มือข้างเดียวที่โผล่จากเก้าอี้ของมันมาครับเลยไม่รู้ว่ามันกำลังทำสีหน้าแบบไหนแล้วคิดยังไงถึงไม่เปิดฟงเปิดไฟวะ

“พะ…”

Rrrrrr

ไอ้พี่ครอสขยับตัวนิดหน่อยเพื่อรับสายที่โทรเข้ามาในจังหวะเดียวที่ผมกำลังจะเอ่ยเรียกพี่ชาย

“อืม…พูดมาแต่ส่วนหลักปลีกย่อยค่อยเข้ามาหาฉันในวันพรุ่งนี้พร้อมเอกสารและรูปถ่าย….มั่นใจนะ…โอเค แค่นี้ก่อนไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่…อืม”

แล้วก็เงียบไปหลายนาทีจนผมคิดว่ามันคงวางสายไปแล้วจึงเอ่ยปากทักอีกครั้ง

“พี่ครอส”

มันหมุนเก้าอี้หันมาทางผมก่อนจะวางแก้วแล้วกดรีโมตเปิดไฟซะสว่างโร่ เล่นเอาผมต้องหลับตาเพื่อปรับทัศนียภาพใหม่

“ตื่นแล้วเหรอ”

“คงยังมั้ง”

“กวนตีนนะไอ้น้อง”

“กี่โมงแล้วอะ?”

“สามทุ่มครึ่ง”

อื้อหือ ผมนอนยาวไปร่วมสี่ชั่วโมงเลยวะครับ

“ยังปวดหัวอยู่ไหม?”

เห็นโหดๆกวนตีนๆแต่พี่ผมก็ห่วงผมที่สุดเสมอ

“ไม่อะ แค่มึนๆเพราะพึ่งตื่น”

“มาเอาน้ำไปกิน”

ผมลุกขึ้นไปรับแก้วน้ำเปล่าที่คาดว่าเป็นของมันแต่มันไม่กินมายกขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้ว พึ่งรู้ตัวว่าหิวน้ำก็ตอนมีน้ำไหล่ลงคอนี่แหละนะ

“จะไปกี่โมง?”

“สักพักมั้ง ไอ้พวกนั้นยังไม่โทรตามเลย”

“นี่กุญแจรถ”

มันพูดพลางยื่นกุญแจมาให้ตรงหน้า ผมหันหน้าหนีแล้วเบ้ปาก ไม่อยากขับนะจริงแต่ถ้าไม่รับเดี๋ยวมันก็เทศนาเอาอีก

“แล้วเรื่องคอนโดนะ เลิกคิดไปได้เลย”

“ได้ไงอะ!?”

“ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ”

“แต่นี่มันผมไม่ใช่พี่!”

“แต่แกก็ยังใช่นามสกุลเดียวกับฉันอยู่ เพราะงั้นก็ทำตามที่ฉันบอกซะ เลิกคิดแล้วถ้ายังอยากอยู่คอนโดก็ไปเลือกเอาที่เป็นโครงการของเรา”

“พี่แม่งไม่แฟร์เลยวะ”

“กูแฟร์ที่สุดแล้วคริส”

“อย่ามาทำเป็นพูด เรื่องรถผมยอมรับมาขับเองก็ได้แต่คอนโดผมไม่ยอมวะ”

“มันจะอะไรกันนักหนาวะคริส กะอีกแค่ห้องให้ซุกหัวนอนไปวันๆ”

“พี่จะมาเข้าใจอะไรผมละ วันๆอยู่แต่กับงานคุยอยู่แต่เรื่องธุรกิจ จะมารับรู้ชีวิตคนอื่นจะมาเข้าใจความต้องการของคนอื่นได้ยังไงในเมื่อพี่คิดแต่ในสิ่งที่พี่สนและทำแต่ในสิ่งที่พี่ต้องการ แล้วพอผมจะทำจะเอาบ้างทำไมต้องมาห้าม ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจทุกอย่างอยู่แล้ว จะให้ผมถอนตัวจากกองมรดกเลยก็ได้!!!”

“อย่ารวน ตอนนี้กูคุยเรื่องคอนโดอยู่อย่าลามไปเรื่องอื่น”

“ช่างหัวผมเถอะน่า!”

ว่าจบก็หุนหันออกจากห้องมาโดยที่ไม่สนคำทักท้วงใดๆอีกเลย ดีที่ไอ้พี่ครอสมันไม่ตามออกมา ผมเดินมากดลิฟท์ลงไปชั้นล่างสุดเพื่อเรียกแท๊กซี่ คือผมไม่ได้หยิบกุญแจรถมันมาไงครับ ที่ผมฟิลขาดนั้นก็เพราะผมฉุนที่ไอ้พี่ครอสมันสัญญาแล้วว่าจะให้คอนโดที่ผมต้องการ แต่มาเป็นแบบนี้มันเลยเหมือนคนไม่รักษาสัญญา ใจหนึ่งก็รู้ว่ามันห่วงแต่ผมไม่เห็นว่าจะมีอันตรายอะไรเลย

“ไป####ครับพี่”

ผมบอกกับแท๊กซี่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแชตหาเพื่อนเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัว ไอ้พวกนั้นมันบอกว่ากำลังออกไปที่ร้านเหมือนกันใครไปถึงก่อนก็ไปนั่งได้เลยเพราะไอ้มิกซ์มันจองโต๊ะไว้แล้ว ผมไม่ได้โกรธไอ้พี่ครอสมันมากนักหรอกครับ เมื่อกี้ก็แค่ฉุนเฉียว เดี๋ยวผ่านคืนนี้ไปก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ พวกเราสองคนทะเลาะกันบ่อยด่ากันจนเป็นเรื่องปกติแต่ไม่เคยจะยาวนานเลยสักครั้ง มากสุดก็สองวันแค่นั้นแหละ

ผมมาถึงที่ร้านก่อนเพื่อนเพราะพี่แท๊กซี่พาดิ่งมาอย่างไว ไม่รู้เพราะกลัวเอารถกลับไม่ทันหรือกลัวโดนผมฆ่าเนื่องจากสายตาและบรรยากาศโคตรอึกครึ้ม ผมจ่ายเงินให้เกินตัวเลขและไม่เอาเงินทอนแล้วก้าวลงจากรถ เมื่อเดินขึ้นบันไดไปยังหน้าประตูการ์ดแทบจะปูพรมแดงให้ผมเดินเลยด้วยซ้ำครับ ไม่ใช่อะไรหรอกแค่ผมโชว์บัตรวีไอพีให้เค้าดูก็แค่นั้น กลุ่มผมมีกันทุกคนครับเพราะที่นี้คือร้านของญาติไอ้มิกซ์เองและบัตรนี้จะมีเพียงสิบใบเท่านั้น อยู่กับพวกผมไปแล้วห้า ส่วนอีกห้าจะอยู่ไหนก็ช่างมันเถอะ

ผมเดินตามพนักงานเข้าไปยังโซนโซฟาด้านข้างที่ไอ้มิกซ์จองไว้รอไม่นานเครื่องมือที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ ผมยกขึ้นกระดกทันทีดับความโมโหที่ยังคุกรุ่นอยู่ภายในใจจนหมดไปเกือบๆห้าแก้วไอ้พวกเพื่อนตัวดีมันถึงโผล่หัวกันมา

“ช้าโคตร”

“มีอุบัติเหตุรถเลยติดกะทันหัน”

ไอ้นายเป็นคนตอบแล้วจึงนั่งลงข้างๆผมส่วนอีกฝั่งก็เป็นไอ้แวนไอ้คมและจบลงที่ไอ้มิกซ์

“โมโหอะไรมาวะ ยกเอายกเอาอย่างกับกลัวใครแย่งงั้นแหละ”

ผมไม่ตอบไอ้แวนแต่ยกแก้วขึ้นดื่มต่อและก็เป็นไอ้นายที่ตอบมันแทนแถมเสือกถูกซะด้วย

“ทะเลาะกับพี่ครอสมาอีกนะสิ”

“ทำไมมึงรู้?”

ไอ้นายโชว์โทรศัพท์ของมันที่เป็นห้องแชตที่มีข้อความจากใครบางคนบอกว่าช่วยดูผมด้วย ไม่ต้องถามเลยว่าเป็นใครเพราะชื่อที่โชว์หลาเป็นสัญลักษณ์รูปไม้กางเขนนั้นเป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนอยู่แล้ว

“มึงเป็นสายให้พี่กูเหรอ?”

“สายบ้าอะไร พี่เค้าเป็นห่วงมึงก็แค่นั้น”

“เอามาดูอีกดิ”

ผมจะคว้าเอาโทรศัพท์มันมาดูอีกรอบเผื่อมันคุยกันเกินเลยกว่านั้นประมาณว่าไปเผาอะไรผมไว้งี้แต่ไอ้นายกลับไวกว่า มันชูขึ้นเหนือหัวหนีผมได้อย่างทันท่วงที แหมะ ส่วนสูงมึงกับกูก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลยนะ ว่าแล้วผมก็แสยะยิ้มเขย่งตัวไปแย่งเอาใหม่จนยื้ออีท่าไหนไม่รู้ให้สะดุดล้มทับมันไปโครมใหญ่เรียกเสียงหัวเราะจากไอ้บ้าทั้งสามตัวที่เหลือไปซะงั้น

“ชิป”

ผมอุทานแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งพอดีกับที่ได้นายมันเผลอผมก็ฉกเอาโทรศัพท์มันมาได้ในที่สุด ผมกดยิ้มที่มุมปากพลางตีคิ้วกวนๆส่งกลับไปให้จนโดนมันกอดคอขยี้หัวด้วยความหมั่นเขี้ยว

“เอาจริงๆนะ ถ้าพวกกูไม่รู้จักมึงทั้งคู่มาก่อนกูคงคิดว่าพวกมึงเป็นคู่ผัวเมียกันแหง่งๆ”

ผมทำท่าจะถีบไอ้คนพูดอย่างไอ้แวนทันทีที่มันพูดจบจนมันสะดุ้งแต่ก็ไม่ได้ทำจริงหรอกครับ

“คิดส้นตีนอะไร ไอ้นายมันไม่ใช่เกย์ พูดงี้มันเสียหายนะเว้ย”

“แหมะๆ มีออกโรงปกป้องซะด้วย”

“มึงมาลองเป็นเมียกูดูไหมมิกซ์ เดี๋ยวจัดหนักจัดเต็มให้ชนิดที่ไม่ฟ้าเหลืองกูไม่หยุดอะ”

“เชี่ยคริส กูขนลุกเลยสัส”

“เห็นมะ แล้วมึงคิดว่าไอ้นายจะไม่รู้สึกเหมือนมึงรึไง”

“กูไม่เห็นจะรู้สึกอย่างมันเลย”

ผมชะงักทันทีก่อนจะขมวดคิ้วแล้วหันไปมองที่คนพูดด้วยความไม่เข้าใจ ไอ้นายนั่งลอยหน้าลอยตายกแก้วของมันขึ้นมาดื่มเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่พูดออกมา

“มีอะไร จ้องกูกันทำไม?”

“ไอ้นาย อย่าบอกนะว่ามึงเองก็แปรพรรคแล้ว”

“แปรพรรคอะไรของมึงคม?”

“ก็มึงบอกว่า…”

“กูหมายถึงเป็นไอ้คริสนะกูไม่เป็นไรเพราะคุ้นกันอยู่แล้วแต่ถ้าเป็นคนอื่นกูถีบเปรี้ยง”

“อ้ออออออออ~”

ผมยกแก้วขึ้นดื่มบ้างแต่ก็ยังไม่หายแครงใจนะ ผมพยายามเลิกสนใจความตะขิดตะขวงใจนี้โดยการพูดคุยเรื่องอื่นกับคนอื่นไปเรื่อยๆจนแต่ละคนเริ่มหันเหความสนใจไปยังสาวๆที่กำลังแดดิ้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แปลกอยู่นิดหน่อยตรงที่ผมไม่คิดจะกวาดสายตามองหาเป้าหมายเหมือนอย่างที่ชอบทำเวลามาเที่ยวแบบนี้เลย ไม่รู้สินะแต่เหมือนผมจะอิ่มตัวแปลกๆ เหมือนอยากจะหยุดเรื่องแบบนี้ไว้สักพักก่อนอะไรแบบนั้น

“จะไปไหนวะ?”

ไอ้นายหันมาถามเมื่อเห็นผมลุกขึ้นยืน

“ไปห้องน้ำ”

“ให้ไปเป็นเพื่อนไหม?”

“ไม่ต้องๆ กูยังไม่เมาไม่ไปฉุดใครเค้าหรอกน่า”

“กูกลัวมึงจะโดนฉุดต่างหากละไอ้ควาย มึงไม่รู้สึกตัวเลยเหรอว่าคนที่จ้องจะงาบมึงมีเยอะขนาดไหน?”

ผมส่ายหัวหวือเลย ก็วันนี้ไม่มีอารมณ์มองไงเลยไม่ได้สนใจอะไร

“เออๆ จะไปก็ไป เร็วกูจะราดละเนี้ย”

ไอ้นายส่ายหัวยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นผมเลยเดินนำมันไปที่ห้องน้ำดีหน่อยที่ไปถึงห้องประตูก็ว่างพอดี ผมไม่ชอบฉี่ใส่โถด้านนอกครับรำคาญสายตาคนไง ผมเข้าไปจัดการธุระจนเสร็จออกมาล้างไม้ล้างมือเรียบร้อยถึงออกมาหาไอ้นายที่ยืนรออยู่แถวหน้าประตู แต่เมื่อไปถึงไอ้นายมันกำลังถูกรุมโดยสาวๆหุ่นสะบึ้มอยู่เลยครับ ถ้านางเดียวก็คงเอาไหวแต่นี่มันสามนางเลยนะเว้ย เพื่อนกูฮอตสัสๆ

“อ๊ะ ขอโทษนะครับพอดีเพื่อนผมออกมาแล้วนะ”

ทุกสายตาหันมามองผมทันทีที่ไอ้นายโยนขี้มาให้ เพื่อนเวรเอ๊ย ผมยกยิ้มในแบบปกติแต่เสียงกรี๊ดตอบกลับมาซะดังขนาดนี้คงไม่ปกติในสายตาเจ้าหล่อนทั้งหลายสินะ เมื่อเห็นผมปุ๊บสองในสามนั้นเลยเดินเข้ามาเกี่ยวแขนผมทันทีเลยด้วย

“เพื่อนหล๊อหล่อนะคะ พูดไทยได้รึเปล่าเอ่ย?”

“ได้ครับ”

“หุ้ย เริศเฟ้อ สนใจไปต่อด้วยกันไหมคะสุดหล่อ?”

“ไม่เป็นไรครับ พอดีผมไม่สนใจผู้หญิงนะ”

“หืม เป็นเกย์เหรอเนี้ย โอ้ย เสียดายน้ำเชื้ออะ หน้าตาดีอย่างนี้สนใจฝากสเปิร์มไว้กับเค้าไหมตัวเอง แต่ต้องฝากด้วยเจ้านั้นเท่านั่นนะ คริคริ”

แรงส์!

ผมแทบผงะแต่ก็ขยับไม่ถนัดสักเท่าไหร่เพราะยังคงดึงทึ้งอยู่ด้วยสองสาวที่ขนาบซ้ายขวา ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากไอ้นายที่ยืนยิ้มกลั่นขำเต็มที่จนน่าถีบด้วยสองขาหน้า ไหนบอกมาเพื่อกันผมโดนฉุดไงวะ นี่ไงกำลังจะโดนฉุดอยู่ละแม่งยังยิ่งแถมยังมายิ้มใส่อีก แม่ง

ผมกำลังจะอ้าปากด่าแต่เสียงยังไม่ทันได้ออกก็โดนใครบางคนเอื้อมมือมาจากทางด้านหลังดึงหน้าให้หันไปหาแล้วก้มลงมาปิดปากผมด้วยปากของมันเอง

ไอ้พี่ทัต!

ผมแทบไม่ได้ยินเสียงหวีดร้องรอบข้างเพราะมัวแต่ตะลึงกับการโผล่มาของมัน มาได้ยังไงแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“ขอโทษนะครับสาวๆ ผมขอตัวแฟนผมคืนจะได้ไหม?”

ผมกระพริบตาปริบๆในขณะที่สาวทั้งสองเองก็พยักหน้าอึ้งๆจนปล่อยมือจากแขนผมในที่สุด ไอ้พี่ทัตยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณเบาๆแล้วจึงกึ่งลากกึ่งจูงผมไหนหลุดไปจากสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความมึนงง แม้แต่เสียงร้องเรียกของไอ้นายยังไม่เข้าหูผมเลยอะ

“ทัต”

ผมเอ่ยเรียกเมื่อมันพาผมออกมาจากด้านในร้านและไปยืนหลบมุมอยู่ที่ข้างราวระเบียงที่มีต้นไม้เกาะเกี่ยวจนดูเหมือนเป็นระเบียงต้นไม้ไปแล้ว เอิ่ม มันไม่ใช่เวลามาชื้นชมสถายที่นี่เนอะ

“มาอยู่นี่ได้ไง?”

“ขับรถมา”

“ห่ะ! แล้วมือไม่เจ็บรึไง เอามาดูดิ!?”

ผมไม่รอให้มันยื่นมาให้แต่กลับเข้าไปจับแขนมันขึ้นมาดูเอง มันเอาผ้าที่เคยพันเป็นมัมมี่ออกแล้วครับแต่น่าจะบวมอยู่นิดๆถ้ามองไม่ผิดอะนะ

“บ้าป่าววะ แขนยังไม่หายจะขับมาทำไม คนขับรถก็มีไม่ใช่อ่อ แล้วเพื่อนอีกละ นิสัยวะทัต”

ผมยืนด่าแม่งทั้งอย่างนั้นดีหน่อยที่ตรงนี้ไม่มีใครผมเลยไม่ต้องยั้งอะไรแต่พอหันไปมองหน้าไอ้ตัวการมันกลับยิ้มอยู่ครับ ยิ้มเหี้ยไรวะกูด่ามึงอยู่นะเว้ย มันดึงมือกลับแล้วเปลี่ยนเป็นดึงผมเข้าไปใกล้ในขณะที่มันนั่งลงหมิ่นๆที่ขอบระเบียง ดีนะที่นี่เป็นแค่ระเบียงเตี้ยๆคือมีไว้ตกแต่งยกจากระดับพื้นไม่สูงผมเลยไม่เสียวกลัวมันพาหงายหลังตกลงพื้นสักเท่าไหร่ พอได้ที่มันก็ฟุบหน้าลงกับไหล่เหมือนหมดเรี่ยวแรงจากอะไรมาสักอย่าง ดูเหมือนมันจะสลดจนผมอดอยู่นิ่งๆไม่ได้

“ห่วงพี่เหรอ?”

เชี่ย!

กูขอถอนคำพูดที่บอกว่ามันสลดนะครับ แม่งก็แค่สำออยแตะอั๋งกูดีๆนี่เอง

“ปล่อย!”

ผมเริ่มดิ้นและพยายามแกะมือที่โอบรอบเอวทั้งสองข้างออกแต่แม่งก็โคตรจะเหนียว

“อยู่นิ่งๆ”

สั่งอีกละ

“ปล่อย ไอจะกลับไปหาเพื่อน”

“หึ ไปหาชู้ซะมากกว่ามั้ง”

ผมขมวดคิ้วพลางเลิกดิ้นไปในบันดล มันพูดบ้าอะไรของมัน

“ใครเป็นชู้ใคร?”

“ก็ใครละที่หึงที่หวงเราอยู่นะ”

“ไอเห็นมีแต่ยูนั้นแหละที่เป็นบ้าเป็นบอแบบนั้นอยู่คนเดียว”

“คิดดูใหม่คริส”

เดี๋ยวนี้กิ๊กๆกั๊กๆผมก็ไม่มีนะครับ ตั้งแต่รู้จักมันคือไม่มีเวลาไปออร้อออติกใครเค้าอีกเลย แล้วจะเป็นใครละวะ เหมือนทัตจะเห็นผมงงหนักเลยยิ้มระอาพลางส่ายหน้าไปมาจนผมต้องยกมือสองข้างไปบีบแก้มมันให้อยู่นิ่งๆ อืม ผมคงมึนอยู่สินะถึงได้กล้าทำอะไรแบบนี้

“ทำไมยังเฉยอยู่อีกละ?”

“ห่ะ?”

“ตามรูปการณ์แล้วถ้าจับหน้าแบบนี้แล้วต้องก้มลงมาจูบด้วยสิ รีบก้มลงมาเลยเดี๋ยวจะรอรับ”

อย่าว่าแต่จะก้มลงไปจูบเลยครับ ผมเล่นตบหน้ามันด้วยสองมือจนเหมือนตีฉาบเสียงดังเพี๊ยะอย่างน่าดูชม เห็นมันทำหน้านิ่วแล้วก็ยิ้มออกแฮะ สะใจอยู่เล็กๆ แต่ยังไม่ทันเต็มที่เท่าไหร่มือหนาก็คว้าเอาท้ายทอยผมให้ด้มลงไปหาเองจนปากจรดปากลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาในทันทีทั้งที่ผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว

“อื้ออออ”

จูบกับมันแต่ละครั้งยอมรับว่าสามารถทำผมเคริ้มได้โคตรง่าย มันเก่งและดูเชี้ยวเรื่องพวกนี้จนผมคิดว่าถ้าในนอนกับใครคนๆนั้นคงหลงมันได้ในทันที

“ขอโทษ”

มันผละปากออกจากปากผมแล้วเปลี่ยนไปไซ้อยู่แถวหูพร้อมกับเอ่ยบอกเสียงแผ่ว มือหนานวดอยู่ที่แก้มก้นจนข้างในเริ่มกระตุกไปพร้อมกับใจที่สะดุดจนเต้นผิดจังหวะ

“เรื่องอะไร?”

“เรื่องเมื่อตอนเย็นไง ขอโทษที่หึงแรงไปหน่อย ให้อภัยพี่นะครับ?”

ผมไม่ตอบแต่เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง เอาจริงๆคือรู้สึกแพ้วะครับ แพ้คนที่ดูแกร่งเอาตัวเองเป็นใหญ่แต่กลับมาหงอมาอ่อนในเราเพียงคนเดียวแบบนี้ แพ้คนที่ทำเหมือนเราเป็นสิ่งล้ำค่าเป็นคนสำคัญเสียเต็มประดาจนแทบจะใจอ่อนยวบเข้าให้แล้ว

“ก็ได้ แต่คราวหน้าเพลาๆลงบ้างก็ได้ บอกแล้วว่าไม่ชอบให้บังคับ”

มันยิ้มกว้างแแล้วเข้ามาจูบดูดปากผมไปอีกทีจนผมฟาดเข้าให้นั้นแหละถึงเลิกแกล้ง เสียงหัวเราะหึดังมาจากคนตรงหน้าเหมือนอย่างเคยแต่คราวนี้ผมกลับยิ้มตามและยอมที่จะยืนอยู่นิ่งๆภายในอ้อมแขนของมันง่ายๆซะอย่างนั้น

“กลับกัน”

“แต่…”

“จะกลับไปกินก็ได้ แต่เวลากลับต้องกลับกับพี่ โอเคไหม?”

ผมพยักหน้ารับแล้วหันหลังเตรียมเดินกลับเข้าร้านแต่ยังคงก้าวไปไหนไม่ได้เพราะมันยังไม่ยอมคลายมือออกอะ

“ทัต โอ้ย!”

เจ็บสัส

ไอ้พี่ทัตมันรั้งผมไปดูดที่ต้นคอแรงๆก่อนที่จะเลียไปอีกที ผมเอามือมาคลำจนรับรู้ได้ถึงความแปร๊บตรงจุดนั้น ห่อเลือดชัวร์ไม่ต้องสงสัยเลย

“ไม่เข้าไปแล้วเหรอ งั้นกลับกันเลยไหม?”

“สัส!”

“หึหึ”

ผมกลับเข้าไปนั่งดื่มต่อโดยที่ไอ้แวนกับไอ้มิกซ์หายหัวไปแอ่วสาวเป็นที่เรียบร้อย จะเหลือก็แต่ไอ้คมที่ได้แต่นั่งพะหงกหัวรับจังหวะเสียงเพลงและไอ้นายที่นั่งดื่มไม่พูดไม่จา ผมมองไล่ดูผู้คนรอบข้างจนไปสบตาเข้ากับไอ้พี่ทัตที่นั่งจ้องมองผมอยู่ก่อนแล้ว มันนั่งอยู่ที่บาร์คนเดียวและดูเหมือนจะไม่ได้ดื่มอะไรมากด้วย

“คริส”

“ห่ะ?”

ผมหันไปหาคนเรียกซึ่งเป็นไอ้นาย มันตีหน้าบึ้งยิ่งกว่าเมื่อกี้อีกครับ

“กูบอกแล้วไงว่าให้อยู่ห่างๆลุงรหัสของมึงไว้”

“มึงก็เห็นว่ามันไม่ปล่อยกู”

“แต่มึงก็ยังคงเล่นด้วยเนี่ยนะ มึงปฎิเสธได้เว้ยแต่มึงไม่ทำ ทำไมวะคริส? มึงชอบมันรึไง?”

ผมนิ่งไปนิดพลางเหลือบตาไปมองยังบุคคลที่เป็นประเด็นไอ้นายเลยหันไปมองตามสายตาผมและก็ต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว

“กู…ไม่รู้วะ ยอมรับว่าไม่ชอบนิสัยมันแต่…บางทีมันก็ไม่ได้แย่”

“มึงไม่เคยคบใครอย่างจริงจังนี่”

เป็นไอ้คมที่พูดแทรกขึ้นมา

“ก็จริง”

“งั้นก็ลองดูดิ เผื่อมึงจะเลิกล่องลอยสักที”

“ไอ้คม!”

“มึงจะใส่อารมณ์ทำไมวะไอ้นาย ไม่ดีรึไงมันจะได้เลิกไปกับคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วปักหลักอยู่กับคนๆเดียว กูว่าพี่เค้าก็รักไอ้คริสพอตัวแหละน่า ไม่งั้นคงไม่ตามทั้งที่ไอ้คริสก็ใช่ว่าจะไม่ไล่”

ไอ้นายถึงกับเงียบแต่ก็ยังคงกำมือแน่นอย่างไม่เห็นด้วยอยู่ดี ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มสายตาก็ยังคงจ้องไปที่ใครอีกคนอย่างพินิจพิจารณา ผมรู้ว่าผมยังไม่ได้รักมันแต่อาจจะเริ่มชอบ ชอบในรสสัมผัสและการกระทำบางอย่างที่แสดงออกได้อย่างชัดเจนว่าผมคือสิ่งสำคัญ

“จะไปไหนวะคริส?”

ไอ้คมถามเมื่อจู่ๆผมก็วางแก้วลงกับโต๊ะเสียงดังปึกแล้วผุดลุกขึ้นยืน เกือบจะเซด้วยแต่ดีที่ยังหยั้งตัวไว้ได้ทัน

“ไปหามัน”

ไอ้คมยิ้มกริ่มในขณะที่ไอ้นายพ้นลมหายใจแล้วยกเหล้าขึ้นกระดกทีเดียวหหมดแม๊ค ผมเลิกสนใจเพื่อนแล้วเดินไปหาไอ้พี่ทัตที่ยิ้มรอผมอยู่ก่อนแล้ว พอไปถึงก็ยกมือขึ้นโอบรอบคอแล้วดึงมันเข้ามาจูบแบบดุเด็ดเผ็ดมันส์ทันที เสียงโห่แซวดังแว่วเข้าหูแต่ผมไม่ได้สนใจอะไรนอกจากลีลาการแลกลิ้นกันคนตรงหน้า ถ้าเป็นสถานบันเทิงแบบนี้ผมกล้าที่จะโชว์พอสมควรเพราะมันมืดเป็นทุนเดิมและแต่ละคนก็มาหาความสำราญกันอยู่แล้ว ผมผละปากออกจากมันเมื่อเริ่มหายใจไม่ทันจนได้ยินเสียงมันหัวเราะหึก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มพลางโอบกอดผมเข้าแนบชิดกับตัวเองไปทั้งตัว

“ดีใจนะเนี้ย”

“ไม่ดีรึไง”

“ยิ่งกว่าดีอีก”

ผมยิ้ม

“เดี๋ยวจะดียิ่งกว่านี้อีก”


Tbc…

หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 9 (14/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 14-02-2017 23:12:20
สัมผัสที่ 9






ปึก!

“อื้ออออ”

ทันทีที่ปิดประตูได้ผมก็ถูกผลักจนชิดกับพนั่งด้านข้างก่อนที่เจ้าของห้องจะโน้มตัวมากดจูบหนักๆแทบกระชากวิญญาณกันไป ผมเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิตสีเข้มในขณะที่มันเองก็สาละวนกับเสื้อผ้าผมอยู่เช่นกัน เรากอดก่ายกันไปมาจนเสื้อผ้าหลุดร่วงลงไปกองกับพื้น สักพักผมก็โดนอุ้มกระเต็งมายังโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง ฟืนไฟไม่เปิดกันละครับ ดีที่มันยังเปิดแอร์อยู่ไม่งั้นคงร้อนตายแน่กะอีแค่ไฟราคะนี้ก็ดูท่าจะไม่ยอมมอดลงง่ายๆซะด้วย

ผมผลักมันที่กำลังค่อมทับผมให้นั่งอยู่กับที่แต่ส่วนนั้นชี้โด่ชี้เด่ยั่วสายตากันมาก ผมเปลี่ยนกระแสเกมส์ลุกขึ้นไปค่อมนั่งทับกับตักกว้างมือก็จับส่วนนั้นของมันลูบๆนวดๆวนไปมาจนมันเริ่มหอบหายใจอย่างหื่นกระหายหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม ผมยิ้มยั่วแล้วจึงดึงมันเข้ามาจูบอีกครั้ง เหมือนผมจะเสพติดการจูบจากมันไปแล้วแฮะ ลิ้นร้อนทั้งสองเกี้ยวกระหวันกันจนแทบจะหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมสะดุ้งนิดหน่อยที่มือหนาลูบวนอยู่ที่ปากทางเข้าทางด้านหลังอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว พอวนไปได้สักพักเสียงเป๊าะก็ดังขึ้นก่อนที่จะรู้สึกเย็นๆชื้นๆที่ช่องทางนั้น

นี่มันมีเจลอยู่ทุกที่เลยรึไงวะ แต่ก็ดีอยู่แหละผมจะได้ไม่เจ็บมากด้วย

“อึ๊ก!”

นิ้วเรียวรุกล้ำเข้ามาภายในช่องทางรัดแน่นจนผมหลุดเสียงร้อง ไอ้คนทำมันก็ได้แต่ยิ้มร้ายพลางส่งสายตาหื่นกามมาด้วยอีก ผมโดนนิ้วมันจวกแทงเข้าออกขยายความรัดแน่นจนได้ที่ผมเลยเอาส่วนใหญ่โตนั้นจ่อที่ปากทางแต่ยังไม่กดตัวลงไปหาแต่อย่างใด

ไอ้ยักษ์ดูเหมือนจะรู้ว่ากำลังโดนผมแกล้งมันเลยดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้งก่อนอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะผละถอยและเลื่อนลงไปขบเม้มที่ยอดอกแทน ความเจ็บแปร๊บวิ่งพล่านไปทั้งทั้งร่างจนผมเผลอและโดนตัวการสวนส่วนนั้นเข้ามาเองดังสวบแบบหนักๆเน้นๆชนิดที่ไม่มีการยั้งมืออะไรทั้งสิ้น

“อ๊าาาา!!!!”

“ซี๊ด”

ผมกระตุกไปทั้งตัวแบบที่ห้ามอะไรไม่อยู่แล้ว อารมณ์กระเจิดกระเจิงไปกับจัวหวะการโหมกระหน่ำที่ส่วนนั้นจนตัวโยกคลอไปตาม

“ทัต อ๊ะ ทัตเบา อืม อา!”

แรงสวนขึ้นลงจากส่วนนั้นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆขัดกับสิ่งที่ผมร้องขอ ถึงแม้จะยังตึงยังเจ็บแต่ไม่นานมันก็ลื่นไหลและกลายเป็นความร้อนลุ่มแทบหลอมละลายดั่งเทียนไขที่ถูกลนไฟ เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังระงมผสมผสานกับเสียงร้องครางจากปากผม

ไอ้เหี้ย!

โคตรดี โคตรเสียว โคตรๆเลยเว้ย!!

จากที่ขย่มอยู่ดีๆจู่ๆก็เปลี่ยนเป็นโดนเปลี่ยนโหมดถูกจับให้นอนราบไปกับโซฟา ผมได้แต่อ้าปากร้องกับสิ่งหนักหน่วงที่ได้รับ ทั้งตัวกระตุกเกร็งเมื่อใกล้ถึงจุดหมายปลายทาง แต่ทัตก็ยังคงเป็นทัต มันเห็นว่าผมกำลังจะเสร็จมันเลยเอื้อมมือมาบีบไว้แน่นจนผมต้องกัดฟันกรอด

“ทัต! อย่าแกล้ง อื้อออ”

มันยิ้มร้ายแล้วจุ่ๆก็หยุด ผมหอบหายใจสลับกันกลั่นใจอย่างน่าเวทนา คือเข้าใจฟิลคนกำลังจะถึงแล้วจู่ๆมันหยุดไหมครับ ถ้าฆ่าได้ผมฆ่ามันไปแล้วอะ เสือกมาแกล้งอะไรแบบนี้

“ทัต!”

“จุๆ แป๊บนึงครับ”

แล้วมันก็อุ้มผมเข้าห้องนอน ทันทีที่หลังสัมผัสกับฟูกนุ่มๆผมก็แผ่หลาทันที ส่วนนั้นของผมยังคงเต้นตุบๆ ทัตมองแล้วยิ่มก่อนจะเดินไปหยิบอะไรสักอย่างที่ลิ้นชักตู้เสื้อผ้า ผมบลือตามองแต่ก็เห็นไม่ชัดเพราะมันไม่ได้เปิดไฟ จนกระทั้งมันเข้ามาคุกเข่าอยู่ตรงกลางระหว่างขา มันหยิบบางอย่างมาคาบไว้แล้วผมก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่ามันคืออะไร

เหี้ยละ

“จะไปไหนละ?”

ผมถามพลางใช้อีกมือดึงขาผมไว้เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะถอยหนี

“ไม่เล่นนะทัต”

“ทำไมละ สนุกดีออก”

มึงสนุกอยู่คนเดียวนะสิไอ้สัส!

ไอ้ยักษ์ยังคงยิ้มร้ายแล้วเอาบางอย่างมารัดที่ส่วนนั่นของผมจนอึดอัดไปหมด

“ทัต มันแน่น”

“ก็รัดให้แน่น”

“ไม่เอานะ เอามันออกไป”

ผมเอื้อมมือจะไปแกะออกแต่ก็โดนรวบมือขึ้นเหนือหัวทั้งสองข้างซะงั้น

แกร๊ก!

เสียงอะไร?

ผมหันขึ้นไปมองและสิ่งที่เป็นต้นตอของเสียงนั้นคือกุญแจมือครับ แถมยังคล้องเข้ากับแขนของผมทั้งสองข้างแล้วด้วย

“ทัต!”

“ใจเย็นๆ”

“ทำอะไรของยูนะ!?!”

นาทีนี้กูไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว

“แค่สนุกกันนิดหน่อยน่า”

“อ๊ะ!!”

ผมสะดุ้งโหย่งเลยครับ ก็จู่ๆไอ้พี่ทัตมันก็เอาก้อนกลมๆที่ถูกร้อยเป็นเส้นยาวๆยัดใส่ที่ช่องทางเล็กทีละเม็ด มันทั้งเย็นทั้งแปลกๆจนผมสั่นไปทั้งร่าง ไอ้คนทำหัวเราะหึเหมือนชอบใจแล้วก็ยัดใส่เข้ามาเรื่อยๆจนสุดความยาว

ไอ้สัส กูด่าไม่ออกเลยครับ ผมหายใจหนักๆขาดช่วงบ้างก็ตอนที่ขยับเพียงนิดก็รู้สึกไปกับสิ่งที่อยู่ข้างในแล้ว

“ทำหน้าตายั่วดีนี่”

กูจะไปรู้ไหมว่ากูทำหน้ายังไงอยู่! มือก็ถูกคล้องอยู่เหนือหัว ขาก็ถูกมันจับพาดอยู่ที่ไหล่ ด้านในก็มีของเล่นเหี้ยๆของมันแทรกอยู่ น้องชายของผมก็โดนรัดซะแน่น

กูจะตายแล้วไอ้เหี้ย!

“ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอครับที่รัก”

ผมกัดฟันเม้มปากจนมันเอื้อมมือมาบีบแก้มแล้วก้มลงมาขบเม้มด้วยปากของมันเอง ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาหยอกล้อกันก่อนที่จะสะดุ้งอีกครั้งเมื่อส่วนด้านหลังสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตที่กำลังจะแทรกตัวเข้ามาทั้งที่บางสิ่งยังคาอยู่

“อื้ออออ”

มันไม่สนใจที่ผมดิ้นหรือร้องเลยสักนิด ความเจ็บแปร๊บแล่นพล่านขึ้นมาทันทีจนผมต้องจิกเล็บพลางเกร็งกระตุก เหมือนมันจะเข้าได้ยากขึ้นเมื่อโดนผมต่อต้านเลยเปลี่ยนแผนมารุกผมที่ปากจนอารมณ์เริ่มเคลิ้มสติเริ่มเบลอมันจึงสวนเข้ามาอีกทีแบบกดดันสุดแรงแทงเข้ามาทันทีจนผมร้องลั่นน้ำตาไหลพราก

เจ็บเหี้ยๆ เจ็บสัสๆ แต่ตัวก็กระตุกไม่หยุดเช่นกัน

มันละความสนใจจากปากไปยันตัวขึ้นมองหน้าด้วยรอยยิ้มร้าย ด้านล่างเริ่มขยับจนผมอยากกระชากมือไปข่วนหนังซะให้เข็ดแต่ก็ทำไม่ได้ มันสวนเข้ามาทีผมแทบจะร้องจ๊าก มันเป็นความรู้สึกใหม่ที่ทั้งเจ็บปวดแต่ก็เป็นรสสัมผัสที่ถึงใจกว่าที่เคย มันยิ้มกว้างเมื่อเสียงครางผมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ความวาบหวามเริ่มจุดประกายความกระสั่นให้สติมึนเบลอ สมองผมขาวโพลนไปหมด สายตาเริ่มเบลอเลยหยาดเยิ้ม ความต้องการพุ่งทยานสู่สรวงสวรรค์อย่างที่ไม่เคยได้รับรู้มากถึงขนาดนี้

“ชอบไหม?”

มันถามเสียงกระเส่า ผมยังคงอ้าปากร้องแต่ก็พยักหน้ารับ

“เรียกชื่อ”

“อ๊ะ ทัต อาาาา”

“คริสเป็นของใคร?”

“อือออ ข ของ อ๊ะ ของทัต”

“จำไว้ด้วยละ ว่าคริสเป็นของพี่…เท่านั้น…”

“อร๊าาาาา!!!”








กลิ่นบุหรี่ที่เจือจางมากับสายลมไม่ได้ทำให้คนที่ฟุบหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวเลยสักนิด คริสสลบไปกลางคันระหว่างที่เค้ากำลังโหมกระหน่ำในยกที่สาม ของเล่นแต่ละชิ้นยังคงกระจักกระจายอยู่ที่พื้น จริงๆแล้วทัตไม่ได้มีนิสัยชอบเล่นกับของพวกนี้ แต่ที่หยิบออกมาใช้เพียงเพื่อให้ร่างกายนั้นจดจำและระลึกถึงความหรรษาที่เค้าได้มอบให้ ร่างกายคริสหื่นกามยิ่งกว่าที่เจ้าตัวคิด ทัตกดยิ้มแล้วสูดเอาความขมฝืดที่หวานนิดๆติดลิ้นลงปอดก่อนจะพ้นออกมาช้าๆ สายตามองตรงเข้าห้องจ้องดูร่างบางที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ใบหน้าหวานพริ้มหลับชวนให้หลงไหล ร่างกายที่ตอบสนองเข้ากันได้ยิ่งทำให้ไฟในกายตื่นตัวทุกครั้งที่สัมผัส

ทัตจ้องมองด้วยแววตาที่นิ่งงันขัดกับภายในที่ตีรวน

สมองสั่งการอีกอย่างแต่ใจกลับทำไปอีกทาง นั้นคือสิ่งที่เค้ารับรู้ได้ในตอนนี้

ครืน ครืน

โทรศัพท์ในมือเค้าสั่น ชื่อที่โชว์หลาทำให้เค้าขมวดคิ้วมุ้นแต่ก็สไลด์รับสายในเวลาไม่นาน

“ครับ อาเชนต์”

/นอนอยู่รึเปล่า?/

“เปล่าครับ”

/พรุ่งนี้จะไปพร้อมอาไหม? หรือจะไปเอง?/

ทัตนิ่งไปนิดเมียนมองไปที่คนหลับอีกหน่อยแล้วจึงตอบ

“เดี๋ยวผมขับรถไปเองครับ จะพาคนอื่นไปด้วยนะ”

/ใคร?/

“ไปถึงเดี๋ยวผมแนะนำให้รู้จัก”

/แฟน?/

“หึ”

/นี่แกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่?/

เค้าไม่ตอบพอดีกับที่ใครอีกคนขยับตัวเค้าจึงชิงบอกขอวางสายไปก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกัน

“โอ้ย!”

เสียงหวานร้องอุทานเมื่อขยับร่างจะหันไปอีกฝั่ง ทัตรีบเดินเข้ามาหาจนคนตรงหน้าลืมตาขึ้นมามอง

“ตื่นมาทำไม? นี่ยังไม่เช้าเลย”

“อื้ออออ เจ็บอะ”

เค้ายิ้ม เวลางัวเงียคริสจะช่างอ้อนเหมือนลูกแมวผิดกับช่วงเวลาปกติ อ้อ ตอนเมาก็เหมือนแมว แต่เป็นแมวยั่วสวาทนะ

“นอนต่อเถอะ”

“หิวน้ำ”

“แป๊บนะ”

เค้าลุกไปรินน้ำใส่แก้วแล้วนำกลับมาให้คนบนเตียงดื่ม คริสดื่มจนหมดแล้วก็คืนแก้วมาก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เค้าดึงผ้าห่มคลุมให้ร่างบางจนถึงคอก่อนจะนำแก้วไปเก็บ

ทัตยังคงไม่นอน เค้ายืนมองคริสจากด้านข้างของเตียง สมองยังคงตีรวนจนไม่สงบ สงสัยคืนนี้ต้องพึ่งบุหรี่ยันเช้าซะแล้ว








“ทัต”

“หืม?”

สายตาคมเหล่มองมายังผมนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าต่อไป ตอนนี้เรากำลังไปที่ไหนสักที่หลังจากที่ผมเรียนเสร็จครับ อย่าให้พูดถึงเรื่องเมื่อเช้าเลยเนอะ ไม่มีอะไรมากก็แค่แทบลุกไม่ขึ้นจนโดนอุ้มกระเต็งไปอาบน้ำด้วยกันและลากสังขาลไปเรียนก็แค่นั้น ดีหน่อยที่เรียนถึงแค่บ่ายสองแต่พอคิดจะกลับไปนอนพักไอ้พี่ทัตกลับพาขับรถออกนอกเส้นทางคอนโดมันหรือบ้านผมโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าด้วยว่าจะพาไปไหน

“บอกสักทีสิว่าจะพาไอไปไหน?”

มันหัวเราะหึเบาๆก่อนจะตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง เมื่อรถจอดสนิทมันก็ปลดสายเบลแล้วโน้มตัวมาใกล้จนหน้าเราแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ

“บอกมาสิว่าตอนนี้เราเป็นอะไรกัน?”

มีการถามกลับพร้อมกดยิ้มร้ายอย่างน่าหมั่นไส้

“แล้วยูอยากให้เป็นอะไรละ?”

แต่ผมก็ยังเป็นผมอะนะ ถ้าคิดจะข่ม(นอกจากเรื่องอย่างว่า)ก็คิดใหม่ไปได้เลย

“เมีย”

“มากไป แค่แฟนก็พอ”

นี่อุสาขยับขึ้นมาให้มากกว่าการเป็นคู่ขาแล้วนะ ผมคิดอยู่นานถึงเรื่องการเป็นแฟนและคำบอกเล่าของไอ้คมในคืนวานก็ทำให้ผมตัดสินใจได้ ลองดูสักตั้งคงไม่เป็นไร ถ้าผมรักมันไม่ได้จริงๆค่อยถอยออกมาและถือว่ายังคงได้กำไรจากเซ็กส์ที่ยอดเยี่ยม แต่ถ้าเกิดรักกันขึ้นมา…ก็คงดีละมั้ง…

“หึ”

มันยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วเข้ามาจูบปากแรงๆก่อนจะกลับไปคาดเบลและขับรถต่อ

“นี่”

“โรงพยาบาล”

“ห่ะ?”

“จะพาไปโรงพยาบาล”

“ไปทำไม? หรือยูเป็นอะไรไม่สบายตรงไหน?”

ผมชักระแวงแล้วนะ ช่วงหลังๆมานี่มันไม่ใส่ถุงยางด้วยสิ เมื่อคืนก็ไม่ใส่แถมยังแตกในซะทุกรอบกว่าจะล้วงจะล้างออกได้โคตรลำบาก ไหนจะอาการปวดตามเอวตามสะโพกอีกไงครับ แรงช้างแรงม้าชิปหาย นี่คนหรือควายตอบผมที

“ป่าว จะพาไปหาคนสำคัญอีกคน”

ผมขมวดคิ้ว

“เมียอีกคน?”

“พี่มีเราคนเดียวครับ คนๆนั้นเป็นพี่สาว แต่เกิดอุบัติเหตุเมื่อปีก่อนทำให้ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล”

“ร้ายแรงมากเหรอถึงได้ยังไม่ได้ออกมาพักพื้นที่บ้าน?”

“ก็พอตัว”

ผมเงียบกริบ อารมณ์อยากจะกวนมันลดฮวบไปกว่าครึ่ง เห็นอย่างนี้ผมก็ขี้สงสารนะครับ เห็นพวกคนพิการมาขอทานเป็นไม่ได้อะ ไหนจะพวกที่แชร์ให้สมทบทุนช่วยเหลือคนยากไร้ในโซเชียลนั้นอีก ผมให้หมดครับ ถึงจะเป็นเงินเล็กๆน้อยๆผมก็ยินดีจะให้เพราะผมคิดว่าผมมีเยอะแล้ว ผมพอใช้และคนพวกนั้นจำเป็นที่จะต้องได้เพื่อการมีชีวิตอยู่ต่อไป

มือหนาเอื้อมมาขยี้หัวผมเบาๆเมื่อเห็นท่าทีนิ่งเงียบผิดปกติ

“ไม่ดีใจเหรอ พี่จะพาไปให้คนในครอบครัวรู้จักเลยนะ?”

“มีใครอยู่ที่นั้นบ้างเนี้ย?”

“มีแค่อากับพี่สาว”

แอบถอนหายใจเบาๆหวังว่ามันจะไม่ได้ยินแต่เสียงหัวเราะที่ดังตามมานั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแม่งคงได้ยินไปแล้วนั้นแหละ

“แล้วพ่อกับแม่ละ?”

“อยู่อิตาลี่”

“ไปเที่ยว?”

“ทำงาน”

ผมพยักหน้ารับ จริงๆก็ไม่เคยอยากจะรู้เรื่องราวของมันมากมายนักหรอกแต่ในเมื่อเป็นแฟนกันแล้วก็ขอรู้สักนิดแล้วกัน

“เริ่มอยากรู้เรื่องของพี่ขึ้นมาแล้วละสิ?”

มันเป็นอับดุลรึเปล่าวะ คนพึ่งคิดไปเมื่อกี๊เลยนะ

ผมไหวไหล่แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพราะเมื่อกี้ได้ยินเหมือนเสียงแจ้งเตือนไลน์ เป็นพี่ชายผมครับที่ไลน์มาหา

‘อยู่ไหน?’

ช่วงนี้ทำไมมันชอบตามผมจังวะ แต่ก่อนไม่ยักกะสนใจ

‘ข้างนอก ทำไม?’

‘วันนี้เข้าบ้านด้วย ถ้าจะหายไปบ่อยขนาดนี้มึงไปเปลี่ยนนามสกุลเลยเถอะ’

‘ก็ได้นะ’

‘ส้นตีน แล้วทำไมไม่เอารถไปขับ?’

จำได้ไหมครับว่าผมโกรธไอ้พี่ครอสจนต้องโบกแท๊กซี่ออกมาหาเพื่อนนะ ตอนนั้นมันโมโหอยู่ไงแล้วมันจะไปมีอารมณ์เอารถมันมาขับไหมละ ถามจริงๆ

‘พอใจ’

‘อย่าให้กูต้องตามไปลากคอมึงนะ’

ผมเผลอยิ้ม

‘มาดิ’

‘อย่าท้าไอ้น้อง’

‘เดี๋ยวกลับ แต่อาจจะดึกหน่อย’

‘ก็แค่นั้น’

ผผมปิดล็อคหน้าจอเมื่อคุยเสร็จและเมื่อเงยหน้าขึ้นมองด้านนอกปรากฏว่ามันเลี้ยวรถเข้ามาจอดในรงจอดรถของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“คุยกับใคร?”

มันถามเสียงเข้ม เรื่องความหึงโหดนี่ไม่มีใครเกินเลยสินะ จะเวอร์ไปไหนวะครับ

“พี่ชาย”

“จริง?”

“ถ้าไม่เชื่อก็อย่ามาถาม”

“โอเค”

มันไหวไหล่แล้วดับเครื่องเปิดประตูก้าวลงจากรถไปเลย ผมได้แต่กนด่าในใจแล้วลงรถตามมันไป ด้านนอกอากาศร้อนเชี่ยๆเลยครับ เนื่องจากนี่ยังเป็นเวลาบ่ายกว่าๆอยู่แดดจึงแรงเป็นปกติยิ่งเป็นเมืองไทยยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ผมยังไม่ทันจะบ่นมันก็เข้ามาจับมือดึงลากเข้าไปภายในตัวอาคารทันที มันเดินตามทางของตึกทะลุซอยนั่นละแวกนี้ดูคล่องแคล่วจนผมคิดว่ามันคงมาบ่อยพอสมควร หรืออาจจะบ่อยมากเลยด้วยซ้ำเพราะนางพยาบาลบางคนถึงกับเอ่ยทักทายเหมือนรู้จักมักจีกันมานานอะไรประมาณนั้น แต่เมื่อทุกคนที่หันมามองผมและไล่สายตาลงมาที่มือที่กุมกันอยู่ก็ต้องเบิดตากว้าง ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งแล้วเดินตามไอ้คุณชายเอาแต่ใจไปจนถึงห้องพักพิเศษชั้นล่างสุดและดูเหมือนจะเป็นห้องใหญ่เพราะเป็นห้องสุดท้ายของทางเดินถัดไปนั้นก็เป็นระเบียงราวเหล็กที่สามารถเปิดออกไปยังสวนด้านหลังได้

‘ชาลิตา ศิริพัฒนโอฬาร’

นั้นคือชื่อที่โชว์อยู่ด้านหน้า ไอ้พี่ทัตเคาะประตูสองสามทีก่อนจะเปิดเข้าไปที่ด้านใน ผมชักจะเกร็งๆขึ้นมาซะแล้วสิ แต่ก็ต้องก้าวตามมันเข้าไปอยู่ดีเพราะมันยังไม่ปล่อยมือออกจากผมครับ

“มาแล้วเหรอทัต”

เสียงใครบางคนเอ่ยขึ้น ผมที่ซึ่งเดินหลบอยู่ข้างหลังเลยยังไม่เห็นหน้าแต่คิดว่าน่าจะเป็นอามันนะ

“สวัสดีครับอาเชนต์”

มันปล่อยมือจากผมไปยกมือไหว้คนอายุมากกว่าก่อนจะหันมาดันผมให้ขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆ ผมรีบยกมือไหว้ทันทีที่เจอคนที่มันเรียกว่าอาอย่างชัดๆ เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่เหมือนทัตแต่หน้าไม่เข้มเท่าแถมยังยิ้มอ่อนโยนทำให้ดูอ่อนเยาร์อย่างน่าอิจฉา ถ้าทันไม่บอกก่อนว่าเป็นอาผมก็คงคิดว่าเป็นพี่ชายมันไปแล้วด้วยซ้ำ ชุดสูทหรูที่เขาสวมอยู่บ่งบอกถึงตำแหน่งหน้าที่การงานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

“นี่เหรอแฟนที่ว่า หน้าตาดีนี่ ตาถึงนะเรา”

มันทำเพียงแค่ยกยิ้มตอบ

“พี่อีฟเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ก็เหมือนอย่างทุกวัน นี่ก็พึ่งหลับไปเมื่อชั่วโมงก่อน จะอยู่รอจนอีฟตื่นไหมละ?”

“ขอดูก่อนแล้วกัน”

“งั้นไปนั่งคุยกันที่ระเบียงแล้วกัน”

มันพยักหน้ารับแล้วดันหลังผมให้เดินไปยังระเบียงเคียงคู่มัน อาเค้าก็เดินออกไปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“ชื่ออะไรละเรา?”

“คริสตัลครับ”

“สมชื่อจริงๆ ดูล้ำค่ามาก”

“ขอบคุณครับ”

“นามสกุลละ?”

คนรวยทำไมต้องชอบถามถึงนามสกุลวงตระกูลหรือเครือญาติด้วยก็ไม่รู้ นี่เป็นอีกสิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบแต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

“เฟรงเบิร์ค…คริสตัล เฟรงเบิร์คครับ”

“หืม”

ครางเครือในลำคอแล้วหันไปจ้องสบตากับผู้เป็นหลานชายที่ยังคงตีหน้าเฉยชาอยู่เหมือนเดิม

“เราเป็นอะไรกับทีครอส เฟรงเบิร์คเหรอ?”

“น้องชายครับ”

“อ่าห่ะ มิน่าละ หน้าตาก็คล้ายๆกันอยู่นะ”

ผมไม่แปลกใจหรอกที่คุณเขาจะรู้จักพี่ชาย ไอ้พี่ครอสมันออกงานบ่อยนะครับ พอๆกันกับแม่แต่ยกเว้นผม

Rrrrrr

“อ่า…อาขอตัวไปคุยธุระก่อนนะ ตามสบายเลยนะคริสตัล”

“ขอบคุณครับ”

แล้วเขาก็เดินเข้าไปภายในห้องเพื่อตรงออกไปทางประตูหน้า ผมหันไปหาคนพามาที่ยังนิ่งเงียบเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ด้วยความไม่เข้าใจ ถ้าพามาแล้วตีหน้าเครียดแบบนี้จะพามาทำไมวะ ผมก็ไม่ได้อยากใคร่รู้เรื่องครอบครัวมันขนาดนั้นสักหน่อย หรือถ้าอยากรู้ก็แค่พูดให้ฟังก็ได้

“ไอกลับก่อนก็ได้นะ”

มันส่ายหัวแล้วหันมาสบตา สักพักก็ก้มลงมาจูบปากเบาๆแล้วโอบเอวผมไว้อีกที

“วันที่รู้ข่าวเรื่องพี่อีฟนะ พี่ยังอยู่ที่ลอนดอนอยู่เลย ตอนนั้นทั้งตกใจทั้งห่วงอยากกลับมาดูอาการเดี๋ยวนั้นแต่ก็ทำไม่ได้”

“……”

“พอมาถึงไทยในสามวันต่อมาก็ต้องตกใจกับผลการรักษาอีกรอบ”

“หมอว่าไง?”

“เกือบเป็นอัมพาตเพราะกระดูกหักไปทับเส้นประสาท”

มันเอ่ยต่อเหมือนคนเล่าเรื่องปกติแต่ทว่าสายตานั้นเปลี่ยนไป สายตาที่ดูเย็นชาและดุดันนั้นเปลี่ยนเป็นวาวโรจจนเหมือนมีเปรวเพลิงสุมอยู่ภายใจ

“อุบัติเหตุทางรถเหรอ?”

“ใช่”

มันหันมามองผมเมื่อตอบจบ ผมยังคงนิ่ง เริ่มจะคาดการณ์เรื่องราวได้อย่างคร่าวๆแล้วด้วย

“แต่ยังจับคนผิดไม่ได้”

“ตั้งปีหนึ่งมาแล้วเนี้ยนะ?”

“หึ”

มันทำได้เพียงหัวเราะเสียงเย็น

“อีกไม่นานก็คงจะจับได้แล้วแหละ”

“รู้ตัวคนทำแล้วเหรอ?”

“รู้นานแล้วแต่ยังทำอะไรไม่ได้”

“แล้วทำไมไม่จับตั้งแต่ตอนนี้เลยละ”

“มันจะง่ายเกินไปนะสิ”

“……..”

“อย่างมันต้องได้รับความเจ็บปวดเหมือนที่พี่อีฟได้รับอย่างสาสมซะก่อน”



Tbc….
พี่ทัตเริ่มเผยธาตุแท้ออกมาทีละนิดแล้ว คริคริ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 9 (14/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 14-02-2017 23:37:51
เห้ยยยย พี่ทัตจะร้ายกับคริสตัลจริงๆหรอออ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 9 (14/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 15-02-2017 00:09:25
แววดราม่า จะมีการหักหลังอะไรกันไหม
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 9 (14/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 15-02-2017 00:44:41
อย่าบอกว่าพี่ครอสขับชนละจะแก้แค้นคริสแทนนะ
จริงๆให้คริสโดนบ้างก็ดี นางดื้อมากอะ ไม่สนใครจะห่วง เอาตามที่น้องคริสสบายจัย
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 9 (14/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 15-02-2017 07:43:51
ถ้าทำเลวกับคนที่ไม่รู้เรื่อง เพื่อแก้แค้นอีกค
ระวังจะเจ็บเองนะทัต  :angry2:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 9 (14/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-02-2017 08:24:51
อีฟ พี่สาวทัต เคยมีไรกับครอสหรือเปล่า
หรืออุบัติเหตุเกิดจากครอส
แล้วทัตมาแก้แค้น     
ทัตแก้แค้นเอากับคริสหรือ    :katai1: :katai1: :katai1:
รอตอนต่อไป
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 9 (14/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-02-2017 14:52:07
อย่าบอกว่าเป็นพี่ครอสนะ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 10 (16/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 16-02-2017 15:29:48
สัมผัสที่ 10




 
“กลับมาแล้วเหรอ?”

ผมเอ่ยทักพี่ชายที่เดินตีหน้านิ่วเข้ามาในห้อง ไอ้พี่ครอสดูจะแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นผมนั่งเอ่อละเหยดูทีวีกินสตอเบอรี่อยู่ที่บ้านในช่วงเวลาหัวค่ำแบบนี้

“ไหนบอกจะกลับดึก?”

มันท้วงแล้วเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผมชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งแล้วเอาหน้าซบหันไปมองพี่ชาย

“แล้วไม่ดีเหรอ?”

“ก็ดีแต่แปลกใจไง”

ผมเบ้ปากจนมันหัวเราะหึยกมือขึ้นยีหัวผมไปอีก ได้ทีแล้วมันส์มือใหญ่เลยด้วย จนผมผลักมือมันออกเพราะรู้สึกว่าจะแรงเกินไปแล้วแต่มันไม่ยอมปล่อยครับ มีการดึงผมเข้าไปล็อคคอแล้วจี้เอวไปด้วยอีก ผมก็ดิ้นสิครับ จักกะจี้อะ ไอ้พี่ครอสแม่งชอบใจใหญ่แถมพอมือผมไปปัดโดนหน้ามันเข้ามันเลยรวบมือผมไว้เหนือจัดการครูดหนวดเคราไปกับคอจนผมหดคอหนีแทบไม่ทัน

“ฮ่าๆๆ ไม่เล่นงี้ดิไอ้พี่ครอส ฮ่าๆๆๆ แม่! พี่ครอสแกล้งคริส!!”

“กล้าขึ้นไอ้กับพี่เหรอ มึงตายแน่คริส”

“สัส ฮ่าๆๆๆ”

ไอ้พี่ครอสยิ้มร่าเมื่อแกล้งผมได้แต่สักพักมันก็หยุดชะงักไปซะดื้อๆ พอได้โอกาสผมก็เด้งตัวหนีไปนั่งกอดหมอนอิงอยู่อีกฝั่งเลยครับ ให้ตาย หัวเราะจนน้ำตาแตกเลยกู

ไอ้พี่ครอสยังคงนิ่งคิ้วหนาที่มีสีเข้มกว่าผมไปเฉดหนึ่งขมวดมุ้ยเหมือนตอนเข้ามาใหม่ๆ

“มึงไปโดนใครกัดคอมาวะ?”

ผมรีบยกมือขึ้นจับที่ท้ายทอยโดยทันที หน้าตาไม่ต้องพูดถึงเลยครับ คงจะเหวอมากเพราะตกใจจริงอะไรจริง ก็บอกแล้วว่าอย่าทำรอยไอ้เชี่ยทัตนี่!

“ช่างผมเถอะน่า”

“อย่าไปทำใครเค้าท้องนะมึง”

ผมขำพรืดเลย

“รับทราบครับ ไม่มีท้องมาให้พี่เลี้ยงแน่นอน ผมเอาหัวเป็นประกันเลย”

ก็ผมเป็นเกย์นี่หว่า จะไปทำใครเค้าท้องได้ละ ถ้าท้องเองละอาจไม่แน่ แต่ก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วแหละนะ

“เสียงดังเอะอะอะไรกันสองคนนี้”

ผมรีบลุกไปซ้อนหลังมารดาแล้วฟ้องไปยกใหญ่จนโดนไอ้พี่ครอสฟาดหมอนมาให้พลางชี้หน้าคาดโทษ ผมไหวไหล่เลยครับ แม่เข้าข้างผมอยู่แล้วเพราะตอนเด็กไอ้พี่ครอสชอบแกล้งผมเป็นประจำ แต่เอ๊ะ ตอนนี้ก็ยังแกล้งอยู่นี่หว่า

“ไม่รู้จักโตกันทั้งคู่เลย”

“ว่าพี่ครอสอีกเลยแม่ มันเริ่มก่อนนะคริสนั่งอยู่เฉยๆก็มาแกล้งอะ”

“กวนตีนมึง”

“ทีครอส”

“โถ่แม่”

“พอๆเลิกเล่นแล้วไปกินข้าวกันได้แล้ว ป้านมตั้งโต๊ะเสร็จแล้ว”

“คร้าบบบบ”

ผมเดินคล้องแขนแม่ไปยังห้องอาหารโดยไม่ลืมจะหันไปแลบลิ้นปริ้นตาใส่พี่ชาย ไอ้พี่ครอสมันก็ทำปากหมุบหมับแล้วทำมือปาดคอขู่ผมไปด้วยก่อนจะเดินตามมา

วันนี้เป็นวันที่เราอยู่กันพร้อมหน้าเป็นครั้งแรกในรอบเดือนได้ละมั้งครับ พร้อมหน้าในที่นี้หมายถึงผม พี่ชาย และแม่เพียงแค่นั้นนะ อย่างที่รู้ๆว่าพ่อผมอยู่ต่างประเทศและนานๆทีถึงจะกลับมาจนกลายเป็นเรื่องปกติ

“คริส”

พี่ชายเรียกขึ้นเมื่อพวกเราทานอาหารคาวเสร็จและกำลังตามด้วยของหวานล้างปาก ของหวานที่ว่าคือกล้วยบวชชีครับ แม่ผมชอบขนมไทยไงเพราะงั้นแต่ละมื้ออาหารจะมีขนมไทยหรือของหวานแบบไทยๆตบท้ายเสมอ

“ว่า?”

“เรื่องคอนโดนะ”

ผมแทบจะวางช้อนลงถ้วยในทันทียังดีที่ยั้งมือไว้ได้ทัน

“ทำไม?”

“ไม่ต้องเอาแล้วได้ไหม อยู่บ้านนี่แหละจะได้มีคนอื่นช่วยดูแล”

“ผมโตแล้วเหอะ”

ผมเริ่มทำน้ำเสียงไม่พอใจใส่พี่ชายจนทั้งแม่ทั้งพี่ครอสต่างถอนหายใจพร้อมๆกัน

“พี่แค่ห่วง”

“นั้นสิคริส อยู่บ้านเรานี่แหละลูก ถึงลูกจะไม่ค่อยกลับหรือกลับดึกแต่แม่ก็สบายใจทุกครั้งที่เห็นว่าคริสยังกลับมาบ้านนะ”

ผมถึงกับเม้มปากแน่นวางช้อนในมือลงแล้วผุดลุกขึ้นเดินหนีกลับขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองทันที ผมรู้ว่าผมทำตัวไม่ดี แต่ผมก็ขัดแม่ไม่ได้ คำพูดของแม่คือประกาศิตสำหรับผม แล้วในเมื่อแม่พูดถึงขนาดนั้นผมยังจะต้านได้อยู่อีกเหรอ
ผมเดินไปล้มตัวลงกับที่นอนกว้างขนาดคิงส์ไซต์ ทุกทีก็นอนได้ไม่รู้สึกอะไรแต่ทำไมวันนี้มันกลับดูกว้างจนเกินไปซะงั้น หรือเพราะช่วงนี้ไปนอนที่เตียงใครบางคนบ่อยจนชิน หรือเพราะช่วงนี้มีใครอีกคนนอนเคียงข้างแต่กลับไม่อึดอัดหรือขัดข้องในใจ

ก๊อกๆๆ

“คริส”

เป็นเสียงพี่ครอสที่ดังตามหลังเสียงเคาะประตูสองสามครั้ง ผมนิ่งไปนิดก่อนจะตะโกนกลับไปว่าประตูไม่ได้ล็อคพี่ครอสเลยเปิดเข้ามานั่งอยู่ริมเตียงข้างๆผมในที่สุด

“งอลพี่เหรอ?”

“ยังจะถาม ที่คุยต่อหน้าแม่เพราะอยากให้แม่เข้าข้างใช่ไหมละ ไอ้พี่เจ้าเล่ห์”

“หึหึ”

“ไม่ต้องมาหัวเราะ”

พี่ครอสเอื้อมมือมาขยี้หัวผมอีกทีเหมือนจะอ่อนโยนนะแต่ตอนท้ายกลับกดหัวผมให้จมลงไปกับหมอนซะงั้น

“ไอ้พี่เหี้ย!”

“ปากจัดอย่างนี้มีแฟนได้ไงวะ”

มันพูดเหมือนจะปลงๆแต่โคตรดูถูกกันเลยนะครับ

“รู้ได้ไงว่าเป็นแฟน อาจจะแค่คู่ขาหรือกิ๊กๆกั๊กๆก็ได้ ผมออกจะหล่อ”

“ทำรอยซะขนาดนั้นเค้าไม่เรียกกิ๊กแล้วไอ้อ่อน”

ความผิดมันคนเดียวเลย คราวหน้ากูจะกัดมึงคืนบ้างไอ้เชี่ยพี่ทัต!

“ไม่พามาให้เห็นหน้าบ้างวะ?”

ผมส่ายหัว ขืนเอามาให้เจอเรื่องที่ผมเป็นเกย์ก็แตกดังโพล๊ะกันพอดี เรื่องนี้ผมยังปิดกับครอบครัวอยู่ครับ ถึงแม้คนภายนอกจะรู้อยู่บ้างแต่คนในครอบครัวคือไม่มีหลุดให้ได้ระแคะระคาย

“ทำไม ไม่สวยเหรอ?”

ผมกรอกตา ไอ้ไม่สวยก็จริงเพราะมันโคตรหล่อแทน

“ไม่ตอบอีก”

มันขยี้หัวผมมาอีกจนผมต้องปัดออกอย่างนึกรำคาญ

“ทำไมมีแต่คนชอบเล่นหัวผมวะ”

ผมบ่นครับไม่ได้เจาะจงจะเอาคำตอบ แต่ไอ้พี่ชายมันเลิกคิ้วแปลกใจซะงั้น

“มีคนเล่นหัวมึงได้นอกจากกูอีกเหรอ?”

ผมถึงกับไปไม่เป็น ตกลงนี่กูขุดหลุมฝังตัวเองสินะ

“ก็พวกไอ้นายไง”

“พวกนั้นไม่เล่นหัวมึงแน่”

พี่กูเสือกฉลาดอีก

“ช่างมันเหอะน่า”

“คริส”

เสียงแข็งมาแล้วครับ

“นอกจากพวกไอ้นายมึงไปสนิทกับใครอีก?”

“เยอะแยะ”

“อย่ามาพูดเหมือนกูไม่รู้จักนิสัยมึงไปหน่อยเลย มึงเป็นน้องกูนะ”

จำกันได้ใช่ไหมว่าผมเป็นคนที่สนิทกับคนอื่นยากหรืออาจจะเรียกว่าไม่อยากสนิทด้วยถ้าหากไม่มีเหตุให้ต้องคุ้นกันจริงๆ การที่ผมมีคู่ขานั้นผมก็เลือกนะครับ ถ้าไม่โอเคคือไม่คุยด้วยเลยแต่ถ้าโอเคก็ไปด้วยเพียงชั่วครั้งชั่วคราวไม่เคยรู้ประวัติในส่วนลึกหรือเรียกใช้บริการซ้ำเกินสองครั้ง

“จะว่าไป ดูท่าทางมึงจะสนิทกับเจ้าของแลมโบฯคันนั้นมากนี่”

เอาแล้วไง

“ก็สายรหัส”

“พี่รหัสมึงกูยังไม่เห็นสนิทขนาดนี้”

อยากถามมากว่ามันไปรู้ลึกรู้ซึ้งเกี่ยวกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของผมถึงขนาดนี้ได้ยังไง หรือว่าจะมีสาย พูดถึงสายแล้วก็หนีไม่พ้น

“ไอ้นายมันพูดอะไรให้พี่ฟังอีกละ?”

พี่ผมถึงกับชะงัก

ชัวร์เลย

“มันแค่บอกว่ามึงสนิทกับลุงรหัสแต่มันไม่ไว้ใจลุงรหัสมึง”

ผมถึงกับพ้นลมแล้วหันหน้าหนี

“คิดมาก”

“มึงสิที่คิดน้อยเกินไป”

“ได้ทีแล้วรุมผมเหรอ นี่ผมยังงอลพี่อยู่นะ”

“มันคนละเรื่องกันคริส”

ผมนอนมองหน้าพี่ชายที่จ้องมายังผมเขม่งเช่นกัน พี่ครอสหน้าตาคล้ายผมก็จริงแต่พี่แกจะคมเข้มเหมือนได้เชื้อเอเชียมากกว่าผมที่ค่อนไปทางฝรั่งมังค่า

“พี่นี่หล่อเนอะ”

“ไม่ต้องมาชมกลบเกลื่อนเลยคริส”

“ป่าวซะหน่อย”

พี่ครอสถอนหายใจก่อนจะยิ้มอ่อนแล้วล้มตัวลงมานอนข้างๆอย่างที่ชอบทำเมื่อสมัยเด็ก เวลาที่พวกเราจะเปิดใจคุยกันพี่ครอสมักจะมานอนค้างที่ห้องผมเป็นประจำครับ โดนสอบสวนแน่กู

“จะนอนนี่เหรอ?”

“ไม่ได้?”

“ก็ป่าว แต่ไปอาบน้ำก่อนเลยไป เหม็นเหงื่อวะ”

“หึ ไอ้แสบเอ๊ย”

ไอ้พี่ครอสมันตั้งท่าจะเข้ามาแกล้งผมอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมกลิ้งหลบได้ทันมันเลยพลาดตบที่นอนไปแทน ไอ้พี่บ้านี่มันชอบแกล้งน้องครับต้องเตรียมตัวหนีตลอดเวลาเพราะผมสู้มันไม่ได้สักอย่างทั้งแรงทั้งความเจ้าเล่ห์ ผมมันคนใสๆนี่เนอะ

ใครแอบเบ้ปาก

เมื่ออยู่คนเดียวผมเลยลุกขึ้นไปเปิดเพลงจากเครื่องเล่นโฮมเธียเตอร์คลอเบาๆให้บรรยากาศไม่เงียบเหงา ผมชอบฟังเพลงนะ ส่วนมากจะฟังแนวป๊อบร็อคหรืออาร์แอนบี ผมหยิบโทรศัพท์ติดมือมาด้วยก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เตียงอีกรอบ ตัวเลขแจ้งเตือนของแอปยอดนิยมอย่างเฟสบุ๊คยังคงมีมาล้นหลามผิดกันไลน์และไอจีที่ไม่ค่อยจะมีความเคลื่อนไหวสักเท่าไหร่ ส่วนทวิตสไกด์หรือบีโก้ผมไม่ค่อยแตะครับ ไม่ใช่อะไรหรอกนะแค่เล่นไม่เป็น ผมกดเข้าไปในเฟสของตัวเองไล่ดูรายการแจ้งเตือนเห็นว่าไม่ค่อยมีอะไรสำคัญก็ไม่ได้กดเข้าไปดูในเชิงลึก ส่วนมากมีแต่พวกแท๊คชื่อมาจากเพจคิ้วบอยไงครับ เค้าเม้นต์กันเค้าคุยกันเค้าก็แท๊คผมมาด้วย ผมไม่อ่านเม้นต์แต่เลือกที่จะกดเข้าไปดูในเพจเลยจนเจอรูปคู่ของผมกับไอ้พี่ทัตโชว์หลาอยู่เพียบ ชนิดที่แทบจะทุกฝีก้าวที่ไปไหนมาไหนด้วยกันเลยซะผมสยองสัสเลยวะ แบบนี้เค้าต้องเรียกว่าสโต๊กเกอร์หรือปาปารัสซี่อะ มีความงงหนักมาก และก็ระแวงมากเหมือนกัน

Rrrrrr

 สัส!

ผมสะดุ้งเลยครับ คือคนกำลังคิดอะไรแบบสยองๆอยู่แล้วจู่ๆโทรศัพท์ก็แผดเสียงพร้อมสั่นครืนขึ้นมาไง เกือบทำหลุดมือตกใส่ดั้งตัวเองแล้วด้วยซ้ำ และชื่อที่โชว์หลานั้นก็ทำให้ผมอดหงุดหงิดไม่ได้

“มีไร?”

/ตอบรับซะน่ารักเชียว/

ตรงไหนวะ

“ถ้าจะโทรมากวนเล่นก็เชิญป้ายหน้าเลยครับ”

/หึหึ กวนนะครับ/

“สรุปมีไร?”

/คิดถึงแฟนเลยโทรหาแฟน/

“จริงสิ ที่คอนโดไม่มีแฟนนี่เนอะ มีแต่แอร์”

/.........../

เงียบกริบ แดรกจุดไปสิครับงานนี้ ผมก็ช่างกล้าเล่นอีกเนอะ คิดแล้วสมเพชตัวเองชิปหาย

“ทัต”

จนเป็นผมที่ต้องเรียกสติมันให้กลับมาประทับร่าง หวังว่าคงไม่อ้าปากค้างจนแมลงวันบินเข้าไปวางไข่แล้วหรอกนะ

/หึหึ เอาซะอึ้งเลยนะ เล่นมุขแบบนี้ก็เป็น?/

“เรื่องของไอ”

/แล้วทำอะไรอยู่?/

“เรื่องของไออีกนั้นแหละ”

/เอาดีๆสิคริส/

“ทำไมชอบสั่งจังวะ?”

/ไม่ได้สั่ง แต่อยากให้ตอบ/

ผมกรอกตา มันต่างกันตรงไหนวะ

“นอนฟังเพลงเล่น”

/เหงาไหมไม่มีคนคอยกวน?/

“รู้ด้วยเหรอว่าเป็นตัวกวน”

/ถึงจะกวนแต่ก็กวนให้รักนะ ว่ายังไงครับ น้องคริสรักพี่รึยัง?/

ขอกระโถน ณ บัดนาว ตอนนี้อยากอ้วกมากถึงมากที่สุด

“ให้ผ่านไปสักสามชาติเศษก่อนนะครับ แล้วค่อยมาถามใหม่”

ผมได้ยินเสียงหึดังมาตามสายเบาๆก่อนที่ทั้งผมทั้งมันจะเงียบกันทั้งคู่ สักพักก็ได้ยินเหมือนเสียงรถวิ่งผ่านจากปลายสายแสดงว่ามันคงอยู่ข้างนอกสินะ

“อยู่ไหนนะทัต?”

ที่ถามก็แค่เพื่อทำลายความเงียบนะครับไม่ได้อยากรู้จริงๆหรอก

/อยู่.../

“ห้ามตอบว่าอยู่ในใจนะ มุขโคตรเก่าเลยวะ”

“หึหึ”

/หัวเราะอย่างนี้แสดงว่าจะพูดใช่ไหมละ?”

/ป่าว/

“อ้าว”

งี้กูก็แป๊กสิเห้ย

/จะบอกว่าอยู่ที่หน้าบ้าน/

ผมขมวดคิ้ว เหมือนจะรู้ได้ถึงรางสังหรณ์แปลกๆที่กำลังคลืบคลานเข้ามา

“บ้านไหน?”

/บ้านไหนน๊า/

เสือกมีการมาเล่นลิ้นอีก ผมรีบยันตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งปรีไปเปิดกระจกบานเลื่อนที่กั้นไปยังระเบียงด้านนอก ห้องผมอยู่ชั้นสองที่เป็นห้องแรกระเบียงจึงยาวมาจนถึงโซนด้านหน้าและผมก็สามารถมองลงไปยังหน้าบ้านหรือแม้แต่ถนนด้านนอกได้อย่างชัดเจน และผมก็เจอแลมโบฯสีฟ้าหม่นคันเงาจอดอยู่ที่หน้าประตูรั้วและไอ้เจ้าของมันก็ยืนเก๋กหล่อเท้าสะโพกกับตัวรถมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ามืออีกข้างถือโทรศัพท์แนบหูแถมยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่แต่มึงจะสวมแว่นตาดำเพื่อ?...ได้ข่าวว่านี่มันจะสองทุ่มแล้วนะครับ ทำอย่างกันตัวเองเป็นดาราหนีหน้าประชาชน

เดี๋ยวกูจะฟ้องแม่ยกมึง!

“มาทำไมวะ?”

ผมถามทั้งที่ยืนมองมันอยู่ตรงระเบียง มันเลยเงยหน้าขึ้นมากาก่อนจะยิ้มเท่ห์ๆสไตล์มันมาให้ไปอีก ขยันหยอดแล้วยังขยันแต๊ะอีกนะไอ้หล่อลากไส้ ไอ้ไวมหาประลัย ไอ้ใหญ่ทอร์นาโด ไอ้ปืนกลยิงรัว

เดี๋ยวนะ ทำไมมันชักจะแปลกๆแล้ววะ นี่กูด่ามันจริงป่าวเนี้ย

/ก็บอกไปแล้วนี่ว่าคิดถึง/

“อย่ามาเวอร์ พึ่งห่างกันไม่กี่ชั่วโมงเอง”

/ความคิดถึงมันมีจำกัดเวลาด้วยเหรอว่าต้องห่างกันขนาดไหนหรือนานขนาดไหน?/

มาเป็นหลักเป็นการทั้งที่เบ้าหน้าแม่งโคตรจะเจ้าเล่ห์

/ลงมาหาหน่อย/

“สั่งอีกละ”

/ไม่ได้สั่ง นี่คือคำขอ...นะครับ คิดถึงมากอยากกอดด้วย/

ผมเม้มปากพลางชั่งใจคิด จริงๆจะปฏิเสธไปเลยก็ได้แต่คือขอสารภาพเลยว่าแอบใจเต้นไปตั้งแต่มันบอกว่ามาหาเพราะคิดถึงแล้วครับ สภาพการณ์เลยอ้ำอึ้งอย่างที่เห็น

/นะครับ/

ไอ้เชี่ย

ไปหัดทำเสียงอ้อนแบบนี้มาจากไหน แล้วคิดดูว่าตัวควายๆหน้าเข้มๆอย่างมันมาทำทีอ้อนเป็นลูกเสือเชื่องๆดูสิครับ โอ้ยยยยย ไปแล้วชีพจรหัวใจไปหมดแล้ว

“เออๆ เห็นแก่ว่ายูเทียวรับเทียวส่งไอหรอกนะ”

/หึหึ เอาที่สบายใจเลยครับ/

“งั้นไม่ลง”

/ยกเว้นอันนี้ดิ/

ผมยิ้ม แล้วไม่กี่นาทีต่อมาผมก็ระเห็ดตัวเองลงไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ้อต่อหน้ามันได้โดนที่คอยหลบผู้คนในบ้านแทบตายอย่างกับหลบกระสุนจากศัตรูก็ไม่ปาน จริงๆมันก็ไม่ได้เวอร์วังขนาดนั้นหรอกครับ แค่หลบแม่กับป้านมให้ได้ก็พอ อ้อ ยังมีไอ้พพี่ครอสอีกนี่เนอะ

“ไอมีเวลาให้ไม่มากนะ พี่ครอสมันจะมานอนด้วยเดี๋ยวเข้าไปในห้องไม่เจอไอแล้วจะซวย”

“ซวยอะไร?”

มัยถามกลับแล้วถอดแว่นห้อยไว้กับคอเสื้อเชิตที่ปลดลงจนแทบจะเห็นนมอยู่ละ มึงอยากโชว์อะไรขนาดนั้นวะ มีนมดูมๆให้ได้โชว์ร่องกูจะไม่ว่าสักคำแต่นี่อะไร แค่หน้าอกผู้ชายแมนๆแน่นๆผิวสีแทนอ่อนที่โคตรจะเซ็กซี่

เห้ย! ต้องไม่ใช่งี้ดิ (หลุดอีกละกู)

“พี่ชายไอไม่รู้ว่าไอคบกับผู้ชาย”

“แล้วยังไง? ไม่รู้ก็บอกให้เค้ารู้ไปสิ”

“จะบ้ารึไง!”

“ไม่รู้วันนี้สักวันหนึ่งก็ต้องรู้อยู่ดี หรือคริสจะเปลี่ยนไปคบผู้หญิง?”

“ไม่มีทาง”

ผมส่ายหัวหวืดเลย ผมเป็นเกย์ครับไม่ใช่ไบที่จะหญิงก็ได้ชายก็ดีแบบนั้น ไอ้พี่ทัตหัวเราะหึแล้วเข้ามาประชิดตัวดึงผมเข้าไปกอดแบบไม่รับรู้ถึงความร้อนใจของผมเลยสักนิด ผมที่ตั้งตัวไม่ทันเลยดิ้นคลุกคลักอยู่ภายในอาณัติของไอ้แฟนแสนเชื่อง โคตรจะเชื่องโคตรจะฟังกันชิปหาย

“ปล่อยไอนะ เดี๋ยวคนในบ้านมาเห็นเหรอทัต!”

มันยิ้มครับ มันยิ้ม แล้วแม่งก็ยังไม่ปล่อยผมแต่ก้มลงมาหอมแก้มไปสองฟอดใหญ่ๆชนิดที่สะใจมันแล้วนั้นแหละถึงได้ยอมปล่อยในที่สุด

“สัส!”

ด่าไปก็เช็ดแก้มตัวเองไป สงสัยจะเช็ดแรงไปหน่อยเพราะออกร้อนไปทั้งแก้มเลยวะ

“ปากน่ากัดวะ”

“ไปไกลๆตีนเลย”

“หึหึ”

“ถ้าไม่มีอะไรงั้นไอกลับเข้าไปในบ้านแล้วนะ”

“เมื่อกลางวันขอโทษนะที่เล่าเรื่องเครียดๆให้ฟัง”

ผมเหลือบตามองจ้องสบตากับคนตรงหน้าที่ยังคงยิ้ม ถึงแม้ตรงนี้จะค่อนข้างมืด ถึงแม้ผมจะมองเห็นไม่ชัดแต่ผมรับรู้ได้ว่าแววตาของมันตอนนี้นิ่งจนติดจะเย็นชาผิดกับสิ่งที่มันพูดออกมาอย่างสิ้นเชิง

“ถ้าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นจริงๆก็ไม่ต้องพูด”

มันเงียบ ผมเงียบ จู่ๆก็เกิดเดดแอร์ขึ้นมาซะงั้น

“ทำไมถึงพูดอย่างนั้นละ?”

ผมไหวไหล่

“พี่ขอโทษครับ”

คราวนี้เสียงมันอ่อนลงมาอีกหน่อยและแววตาก็ดูเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย หึ ตอแหลเก่งกว่าที่คาดแฮะ

“ช่างมันเถอะ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับไออยู่แล้วนี่”

ทัตยิ้ม มือหนายกขึ้นมายีหัวผมเบาๆก่อนที่ตัวมันจะเข้ามาจุ๊บที่หน้าผากกำลังจะเลื่อนลงมาที่ปากแต่ผมก็ผลักมันออกซะก่อน

“นี่มันหน้าบ้าน”

“ไม่มีใครเห็นซะหน่อย”

“รู้จักกันไว้ดีกว่าแก้ไหมห่ะ”

“หึหึ โอเคครับ โอเค เอาตามที่คุณชายคริสตัลสบายใจเลย”

ผมหมั่นไส้แอคติ้งไหวไหล่ชูมือในเชิงยอมแพ้ของมันเลยชกอกมันไปทีไม่แรงมากแน่นอนแต่ไอ้คนโดนมันกวนตีนครับ มันยกมือขึ้นจับมือผมแนบอกแล้วทำทีเจ็บปวดเหลือแสนจนอยากประเคนตีนให้ไปอีกรอบ

“ตอแหลวะ”

ฟอดดดด

เชี่ย!

มันดึงผมเข้าไปหอมอีกรอบอะครับ แบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวแถมยังไม่อายผีสางนางไม้แถวนี้อีกเช่นเคย ผมหันซ้ายมองขวาเมื่อรู้ว่าไม่มีใครมาเห็นแน่นอนก็จัดศอกใส่ไปเต็มๆแรงแบบที่มึงเจ็บจริงจุกจริงไม่ใช้สแตนอินไม่มีสตั้นส์แน่นอน

“อึ๊ก”

“สมน้ำหน้า”

มันไม่โต้ตอบใดๆเอาแต่ทรุดลงกุมท้องก้มหน้าอยู่อย่างนั้นจนผมเริ่มจะใจเสีย คือถึงกูจะทำแรงแต่ก็ไม่น่าจะเป็นถึงขนาดนั้นป่าววะ หรือจะไปโดนจุดสำคัญเข้า แต่ท้องมันก็แข็งพอตัวจากที่เคยเห็นซิกแพ็คเน้นๆนั้นไม่น่าจะอ่อนแอขนาดนั้นนี่หว่า

“ทัต ลุกขึ้นมาอย่ามาตอแหลไปหน่อยเลย”

“..........”

“ทัต”

“..........”

“ทะ เหี้ย!”

กำลังจะเข้าไปสะกิดพร้อมเอ่ยเรียกแต่ยังไม่ทันที่มือจะไปโดนตัวไอคนตอแหลตรงหน้าผมก็โดนแรงดึงจากทางด้านหลังจนเกือบหงายล้มก้นจ้ำเป้าแต่ดีที่ไอ้คนดึงมันรับร่างผมไว้ได้ทันซะก่อน ผมเบิกตากว้างทันทีที่เห็นบุคคลที่สาม เหมือนอย่างที่ทัตเองก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอาการปกติสุขทุกอย่างไม่มีวี่แววเจ็บเหมือนอย่างเมื่อครู่เลยสักนิด

“มีอะไรกันรึเปล่า? ทำไมไม่เข้าไปคุยกันในบ้าน?”

ผมส่ายหัวหวืดให้พี่ชายก่อนจะหลบสายตาดุๆของมันไปมองทัตที่ตีหน้านิ่จ้องมองมายังผมและพี่สลับกันไปมา

“แล้วนี่ใคร?”

“เออ...สายรหัสผมไง ชื่อเทพทัต ส่วนทัตนี่พี่ทีครอส พี่ชายไอ”

“อื้อหึ”

ไอ้พี่ครอสครางรับในลำคอแล้วเบนสายตาไปมองแลมโบฯที่ด้านหลังก่อนจะแสยะยิ้มร้าย แต่ทัตกลับมองจ้องมายังมือของพี่ครอสที่ยังคงโอบเอวผมอยู่ ก็คนมันจะล้มไงครับไอ้พี่ครอสเลยโอบไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเลย

“แขกมาหาไม่พาเข้าบ้านมันเสียมารยาทนะคริส”

“เออ...คือ....”

“ทำไมเหรอ หรือมีอะไรที่...”

“เปล่าสักหน่อย ทัตแค่เอาของมาให้ผม ตอนนี้ก็จะกลับแล้วด้วย ใช่ไหมทัต?”

ไอ้นั้นแม่งก็ไม่หือไม่อือไปกับกูเลยนะครับ

“ทัต”

มันเหลือบตามามองผมนิดหน่อยก่อนจะหันกลับไปจ้องตากับพี่ชายผมต่อไป

“ใช่ครับ ผมกำลังจะกลับแล้ว”

“อย่างนั้นเหรอ อืม น่าเสียดายแฮะ อุสาเจอคนที่น้องชายผมสนิทสนมด้วยถึงขั้นเอารถกลับมาบ้านได้แบบนี้ทั้งที หวังว่าเราจะมีโอกาสได้นั่งคุยกันในสักวันนะครับ”

“ผมก็หวังอย่างนั้นครับ”

TBC....

พี่ครอสเป็นคนน่ารักนะ โดยเฉพาะเวลาอยู่กับครอบครัว
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 11 (17/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 17-02-2017 21:02:26
สัมผัสที่ 11





‘เทพทัต ศิริพัฒนโอฬาร'





ถ้าถามว่าผมรู้จักคริสตัลตอนไหน?


ผมตอบได้เลยว่าก่อนหน้าที่เค้าจะรู้จักผมแน่ๆ


ครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้าหวานดวงตากลมสีฟ้าสดใสนั้นคือช่วงเวลาประมาณสองปีก่อนที่ผมกลับมาทำเรื่องเรียนต่อในเมืองไทย ผมอยู่ที่ต่างประเทศมาโดยตลอดครับเพราะฉะนั้นผมคุ้นชินกับฝรั่งตาฟ้าผมทองอย่างแน่นอน แต่ผมไม่เคยสะดุดตาสะดุดใจใครเท่าคริสมาก่อน


วันนั้นเป็นวันงานเปิดตัวตึกสูงตระหง่านกลางย่านธุรกิจของเมืองกรุงในนามบริษัททีซีเอฟกรุ๊ป คริสสวมชุดสูทสีดำเชิตขาวไทสีชมพูอ่อนที่ดูเป็นทางการ ใบหน้าได้รูปรับกับเรือนผมสีบรอนด์ทองที่ถูกเซ็ตให้เข้าทรง ดวงตาสดใสแลดูขัดใจจมูกรั้นริมฝีปากบางขมเม้มตามอารมณ์ ผมรู้ชื่อของคริสเพราะการพูดคุยซุบซิบจากผู้คนโดยรอบ ผมไม่ได้เข้าไปแนะนำตัวกับเจ้าของงานและเครือญาติเหมือนอย่างคนอื่นๆ ที่ผมมางานนี้เพราะต้องมาเป็นเพื่อนพี่สาวที่ได้รับเชิญ

ผมจ้องมองคริสอยู่อย่างนั้นจนเค้าหันมามอง ในเสี้ยววินาทีนั้นผมชะงักค้างเหมือนมีไฟฟ้าแล่นพล่านไปทั่วทั้งตัว แต่มันก็เป็นเพียงชั่วเวลาสั้นๆเพราะดวงตาคู่นั้นไม่มีวี่แววว่าจะสนใจใคร เหมือนเพียงแค่มองผ่านเลยไปก็แค่นั้น ผมเลยหันหลังกลับจนเวลาผ่านไปเป็นปี ผมไม่คิดว่าจะได้เจอคริสอีก

ไม่เคยเลยสักนิด

แต่ทว่าอุบัติเหตุรถคว่ำของพี่สาวก็ทำให้ผมต้องพบเจอกับเค้า

คริสในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดูกร้านและดื้อแต่กลับเย้ายวนขึ้นเป็นทวีคูณเช่นกัน ผมไม่ใช่เกย์แต่นาทีนั้นต้องยอมรับเลยว่าไม่อาจหยุดสายตาที่จ้องมองไปยังคริสได้ เค้ามีเสน่ห์ดึงดูดที่รุนแรงอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่คริสไม่เห็นผม ทั้งๆที่คริสมีคนล้อมหน้าล้อมหลังเหมือนควีนในดงชายฉกรรจ์

“วิคเตอร์”

คนถูกเรียกหันมามองผมก่อนจะเลิกคิ้วในเชิงถาม

“ฉันต้องการเหมาโซนนี้ทั้งโซน”

วิคเตอร์คือเจ้าของบาร์ที่ผมและคริสกำลังอยู่ในขณะนี้ และโซนที่ผมขอเหมานั้นเป็นโซนชั้นลอยที่ผมกำลังนั่งจ้องมองไปยังคริสที่อยู่เบื้องล่าง

“เฮ้ๆ แล้วแขกที่นั่งอยู่ละวะ ถึงจะมายังไม่ถึงครึ่งก็เถอะ”

“ให้ไปอยู่โซนระเบียงสิ เดี๋ยวจ่ายค่าส่วนต่างให้เองน่า”

โซนระเบียงเป็นโซนเอ๊าดอร์ที่ต้องเสียค่านั่งเพิ่มครับ เรื่องเงินผมไม่มีปัญหาและผมยอมทุ่มเพื่อสิ่งที่ผมต้องการ

ไม่กี่นาทีต่อมาวิคเตอร์ก็จัดการให้ตามที่ผมขอ แขกทุกคนที่อยู่โซนนี้ลงไปหมดเหลือเพียงโต๊ะผมเพียงโต๊ะเดียว

“แล้วไงต่อ?”

ผมกดยิ้ม

“ไม่ไง แค่ขออยู่บนนี้คนเดียวไปตลอดคืนหรือจนกว่าฉันจะกลับลงไปเอง”

“แม้แต่ฉัน?”

“ใช่”

วิคเตอร์ทำหน้างงแต่ก็ยอมทำตามโดยบอกพนักงานทุกคนให้ลงไปข้างล่างรวมทั้งตัวมันเอง ผมนั่งมองไปที่คริสเช่นเดิม เด็กดื้อยังคงยิ้มร่าสนุกสนานกับการยั่วคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างลอยหน้าลอยตา

ผมจ้องพลางยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มไปเรื่อยๆอย่างไม่ละสายตา จนกระทั่งคริสรู้สึกตัวและเงยหน้าขึ้นมามองสบตา ครั้งนี้ผมรู้สึกปกติ ไม่มีไฟแล่นเหมือนอย่างเมื่อก่อน ผมกดยิ้มตามสไตล์แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋าส่วนอีกข้างถือแก้วเหล้ากรอกเข้าปาก คริสมองผมไม่วางตา ผมพยายามสื่อความต้องการผ่านทางแววตาแล้วก็หันหลังกลับเมื่อผู้คนข้างกายคริสเงยหน้ามามองเช่นกัน

ผมไม่ได้ไปไหนหรอกนะ แค่เข้าไปนั่งที่โต๊ะโซฟาซึ่งถูกจัดให้เป็นล็อคเหมือนคอก ผมนั่งอยู่สักพักคริสก็เดินขึ้นมา เป็นไปตามคาด คนๆนี้ชอบความท้าทายและแสนซน ผมยิ้มพอใจเมื่อคริสเดินมายืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะกอดอกแล้วจ้องมองสบตาเหมือนจะสำรวจผมไปพลางๆ

“นั่งก่อนไหม?”

ผมเป็นคนเริ่มเอ่ยปาก และนั้นก็ทำให้คนตรงหน้ายิ้มกว้างอย่างผู้มีชัย

แล้วคืนนั้นเราก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งด้วยกันจนเกือบเช้า ผมค่อนข้างเจนจัดในเรื่องบนเตียง แต่ผมไม่เคยเจอเซ็กส์ที่เข้าถึงรสชาติได้เต็มอิ่มถึงขนาดนี้มาก่อน ร่างกายคริสยั่วยิ่งกว่าหน้าตาของเค้าและยังซื่อสัตว์กว่าเจ้าของอีกด้วย ผมฝากรอยไว้มากมายพยายามสอดใส่ให้ลึกให้หนักเพื่อที่จะตอกย้ำให้รู้ว่าผมคนนี้คือคนที่ทำให้เค้าพอใจได้มากถึงขนาดไหน

แต่คริสก็ยังไม่ยึดติดอยู่กับสิ่งที่ผมพยายามยัดเยียดให้ แถมยังมีอาการต่อต้านในช่วงเวลาต่อมาอีกต่างหาก

ผมลองเข้าหาคริสให้มากขึ้น ทำทุกทางที่จะมีสายสัมพันธ์เชื่อมเราเข้าหากัน โชคยังเข้าข้างผมอยู่อีกเรื่องนั้นก็คือคริสเรียนอยู่มหาลัยเดียวกับผม แถมยังคณะและสาขาเดียวกันอีก ผมต้องไปข่มขู่เพื่อนอีกคนที่จับฉลากได้เป็นสายรหัสของคริสเพื่อให้ตัวเองได้เป็นแทน

…คราวนี้แหละ ดิ้นไม่หลุดแน่…










ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด

ผมนั่งฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์อยู่สักพักใหญ่ๆแล้ว ตั้นแต่กลับมาถึงคอนโดผมก็อาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมนอนแต่ก่อนจะนอนหลับคิดถึงเด็กดื้อที่คงกำลังโดนพี่ชายซักไซ้อยู่แน่ๆ

ผมยิ้มขำ

ผมยังจำสีหน้ากระอักกระอ่วงของคริสได้ติดตา มันน่ารักจนอยากจะแกล้งให้หนัก แต่สายตาดุๆของใครอีกคนนั้นจ้องมองมายังผมจนเหมือนเสือร้ายที่พร้อมจะกระโจนมาขย้ำหากกล้าที่จะยื้อแย่งชิ้นเนื้อก้อนโตที่อยู่ในอาณัติ

ผมหุบยิ้มกดตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงที่นอน

ความหหงุดหงิดก่อตัวขึ้นมาในใจจนต้องหันไปหยิบบุหรี่แล้วเดินออกไปสูบที่นอกระเบียง ลมเย็นๆในห้วงราตรีกาลช่วยได้มากในยามนี้ สารนิโคตินค่อยๆแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายจนเริ่มจะคลายความขุ่นข้องในใจ

แววตาแข็งกร้าวที่จ้องมองมา

รอยยิ้มร้ายที่ปิดไม่มิด

น้ำเสียงแห้งผากและเย็นชาที่เอื้อนเอ่ย

ทุกสิ่งล้วนดูสมกับเป็นบุคคลอันตราย

ทีครอส เฟรงเบิร์คคือบุคคลอันตรายที่ผมหมายหัวไว้ตั้งแต่วันนั้น

วันที่ผมได้รู้ชื่อมันจากปากมือปืนรับจ้างที่จับตัวมาเค้นคอได้หลังจากที่พี่เข้าโรงพยาบาลได้หนึ่งเดือน

ใช่…มันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มันเป็นการพยายามฆ่า

ผมกัดฟันกรอดพลางขยี้บุหรี่ที่ยังติดไฟให้ดับมอดลงในอุ้งมือ ถึงแม้มันจะร้อนมันจะเจ็บปวด

แต่ก็คงไม่เท่าพี่อีฟ

พี่อีฟผิดอะไรถึงต้องโดนหมายหัวอย่างร้ายกาจ

คนสั่งมันไม่ใช่คน แต่มันคือปีศาจ ปีศาจที่ผมจะไปลากตัวมันลงนรกในไม่ช้า แต่ก่อนจะลงนรก ก็ขอทำให้มันลองศูนย์เสียสิ่งสำคัญดูก่อนแล้วกัน จะได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส









Rrrrrr

“ฮัลโหล”

/โทรมามีไร?/

“ทำไมเสียงเบาๆ”

/ช่างไอเถอะน่า รีบๆพูดมาไอจะนอนแล้ว/

“หึ โดนดุอะไรรึเปล่า?”

/ไม่เท่าไหร่ แค่บ่นๆตามประสาคนแก่/

“ดีแล้ว ไว้คราวหน้าจะไปหาพร้อมของฝาก จะได้เข้าไปคุยในบ้านได้อย่างมั่นใจหน่อย หรือจะเอาสินสอดไปด้วยเลยดี ยังไงเราก็ได้กันแล้วนี่นา”

/สัส!/

“หึหึ ไปนอนเถอะ ไม่กวนแล้ว หลับให้สนิทนะครับ
ฝันดี”

/อืม/

“ไม่บอกบ้างเหรอ?”

/ทำไมต้องบอก?/

“ทีพี่ยังบอกเลย เราเป็นแฟนกันแล้วนะอย่าลืม”

/เยอะวะ เออๆ ฝันดี/

“พรุ่งนี้เดี๋ยวไปรับ”

/รับไปไหน? โรงพยาบาล?/

“เปล่า จะพาไปเดท”

/ห่ะ!?!/

“แค่นี้แหละ สิบโมงเจอกัน”

/อืมๆ/

ปิ๊ด



Tbc……

หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 11 (17/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 17-02-2017 21:46:05
ตามต่อจร้า  :serius2:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 11 (17/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-02-2017 21:54:19
ว่าและ ทัตตั้งใจแก้แค้นทีครอส
แต่ใช่ทีครอส แน่รึที่สั่งการ
ไม่ใช่ถูกใส่ร้ายนะ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 11 (17/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-02-2017 11:18:24
แน่ใจหรือว่าเป็นพี่ทีครอส อาจจะโดนใครใส่ร้ายว่าเป็นพี่ทีครอสก็ได้นะ แบบว่าซ้อนแผนอ่ะ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 11 (17/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 18-02-2017 11:25:17
ถ้าไม่ใช่พี่ครอสก็จะหน้าแหกยะจ๊ะ รอสมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 12 (18/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 18-02-2017 13:39:38
สัมผัสที่ 12





10นาฬิกาเป๊ะผมก็เห็นแลมโบฯคันเดิมเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้าน ผมซึ่งนั่งชะเง้อมองอยู่ก่อนแล้วเลยรีบลุกขึ้นแล้วเดินไวๆไปยังหน้าบ้านโดยไม่ลืมที่แวะไปบอกแม่ที่ง่วนอยู่กับการทำขนมในครัว

“แม่ คริสออกไปข้างนอกนะ”

“จะกลับมากินข้าวเย็นไหมลูก?”

“ยังไม่รู้อะ เดี๋ยวโทรมาบอกนะแม่”

“จ้ะๆ ระวังตัวนะน้องคริส”

“ครับ”

เมื่อโอเคผมก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปก่อนที่จะมีใครโผล่หน้ามาเจอเจ้าตัวการที่ทำให้ผมวุ่นวายเมื่อคืนนี้ ดีนะครับที่ไอ้พี่ครอสมันไปทำงานแล้ว เห็นว่ามีธุระสำคัญต้องทำแต่เช้า ผมก็ไม่ได้บอกด้วยว่าวันนี้จะไปไหน เมื่อคืนก็โดนมันซักไซ้เกือบตาย ที่หนีเอาตัวรอดได้เพราะเข้าไปอาบน้ำแล้วทำทีง่วงไปเลยไง เมื่อคืนไอ้พี่ครอสมานอนกับผมอย่างที่คาดนั้นแหละครับ ตอนทัตโทรมาผมถึงต้องหาจังหวะแอบพี่ครอสไปคุยกับมันที่ระเบียงห้อง ทำตัวลับๆล่อๆอย่างกับผัวกลัวเมียจับได้ว่ามีชู้อะไรแบบนั้น กูจะบ้าตาย

“ช้า”

พอเจอหน้าปุ๊บแม่งก็บ่นมาปั๊บ ผมปิดประตูรถใส่หน้ามันดังๆจนสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจากดวงตาใต้กรอบแว่นสีดำเงาเมลาทริค

“อย่ามาเยอะ เลยมาไม่ถึงสิบนาทีเอง”

“ก็ถือว่าช้าไหมละ?”

“โว๊ะ งั้นไอไม่ไปแล้วก็ได้นะ”

มันเปลี่ยนเกียร์แล้วออกตัวเลยครับ สัส ทำเป็นเข้มนะมึงนะ

“แล้วนี่เราจะไปไหนกัน?”

ผมถามพลางเอาสายเบลมาคาด ถึงมันจะไม่ได้ขับเร็วมากแต่ก็สมควรคาดให้ติดเป็นนิสัยนะครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอถ้าเราเผลออาจถึงตายได้เลยนะ

“อยากไปไหนเป็นพิเศษไหม?”

“ไม่อะ กลับบ้านไปนอนได้ป่าว?”

“เดี๋ยวพากลับไปนอนที่คอนโด”

“ตลกละทัต”

“หึหึ”

คิดว่าถ้าผมไปถึงคอนโดมันแล้วจะได้นอนเหรอ มึงจะปล่อยให้กูนอนสบายๆเหรอ คงได้แต่ฝันนั้นแหละวะ หน้าหื่นๆอย่างนี้คงเอาเกือบสลบนั้นแหละมันถึงจะพอใจ ไม่รู้ไปเอาแรงวัวแรงควายมาจากไหนนะครับ จากที่ดูชีวิตประจำวันมัน(เท่าที่พอจะรู้อะนะ)ไม่เห็นจะเข้ายิมเข้าฟิตเนสอะไรเลยนี่นา แล้วไอ้ซิกแพ็คไอ้กล้ามแน่นๆเนื้อตึงๆนี่มาได้ไงวะ ทีผมยังเหลวเลยอะ ดีที่ยังหุ่นดีไม่มีพุงมากวนใจ หรืผมจะยังเห็นไม่มากพอ

“ทัต”

“หืม?”

“ปกติวันหยุดแบบนี้ยูทำอะไรบ้าง?”

มันยิ้มครับ ยิ้มแบบเบิกบานเหมือนดีใจกับอะไรสักอย่าง

“ยิ้มทำไม ตอบมาดิ”

“ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษหรอก ตื่นมาก็ดูงานบ้างไปบริษัทบ้างไม่ก็โรงพยาบาล”

“นี่เริ่มทำงานแล้วเหรอ?”

อันนี้ไม่เคยรู้จริงๆ

“จริงๆก็แค่เรียนรู้งานของที่บ้าน แต่พอพี่อีฟเข้าโรงพยาบาลเลยต้องเข้าบริษัทไปดูแลแทนด้วย”

“อ้อ แล้วบริษัทบ้านยูทำอะไรอะ?”

“เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด ทั้งซื้อสร้างขายเช่า”

ผมพยักหน้าหงึกหงัก พอพูดถึงอสังหาฯแล้วอดคิดถึงคอนโดไม่ได้ครับ พอคิดไปถึงนั้นแล้วก็ต้องหงุดหงิดกับไอ้พี่ครอสไปอีก ช่วงนี้เมนส์มาไม่ปกติครับอารมณ์เลยแปรปรวนง่ายต้องทำใจนิส(ตลกละ)

“แล้วคริสละ?”

“หืม? ไอทำไม?”

“วันหยุดแบบนี้ทำอะไรบ้าง?”

“ก็…แล้วแต่อารมณ์ บางทีก็นอนโง่ๆอยู่บ้าน บางทีก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน”

“ไม่มีไปเดทกับหนุ่มที่ไหนหรอกเหรอ?”

“ไม่อะ ทำไมต้องเดท ก็แค่คู่ขาเจอหน้าเวลาเอาก็พอ”

ถึงจะฟังดูแรงแต่มันก็เป็นความจริงล้วนๆนะครับ ผมไม่ชอบมีความสัมพันธ์ทางใจกับใครเพราะไม่ชอบการถูกยึดติด แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมถึงยอมมันทั้งๆที่ก็รู้ว่าตัวเองไม่ชอบ เหมือนจะขัดใจตัวเองแต่กลับไม่ได้รู้สึกเลวร้ายอะไรสักเท่าไหร่นะน่ะ

ผมได้ยินเสียงมันหัวเราะชอบใจตามหลังมาเบาๆก่อนที่จะรับรู้ได้ว่ามันพาผมเลี้ยวเข้ามาในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง มันวนขึ้นไปจอดที่บล็อควีไอพีแล้วจึงดับเครื่องแต่ยังไม่ลง

“งั้นที่มากับพี่นี่ แสดงว่าเรารู้สึกดีกับพี่แล้วใช่ไหม?”

ผมเหยีดปากอย่างนึกหมั่นไส้ พอปลดเบลจะเปิดประตูได้คนไวกว่าเลยเอื้อมมาคว้ามือผมไว้แล้วก้มลงมาจูบปากผมไปอีก เออ ผมควรอายยามที่ยืนอยู่ข้างหน้านั้นไหมครับ บอกผมที

“ว่าไงละ?”

พอละปากออกก็ถามมาอีก

“เพ้อเจ้อ”

“พี่รักคริสนะ”

“รู้แล้วน่า ลงไปได้ละ ร้อน!”

“หึ”

พอลงมาจากรถกันทั้งคู่ยามที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็หลบสายตาเราเลยครับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมต้องหลบก็คงเห็นฉากนั้นเข้าให้แล้วสินะ ผมก็อายไปสิครับ แต่ทัตมันหน้าด้านอยู่แล้วเพราะงั้นมันเลยยังคงเดินยิ้มๆของมันไปสักพักก็หันมาดึงมือผมไปจับแล้วพาเดินเข้าไปในตัวห้างแบบไม่สนสายตาใครเลย

“ทัต ปล่อยมือ”

ผมกระซิบบอกเพราะเริ่มเป็นจุดสนใจมากขึ้นทุกที ตัวการหยุดเดินเพื่อขึ้นลิฟท์ถอดแว่นตาเอามาแนบที่คอเสื้อแล้วมองมายังผมในเชิงถาม จะมาถามทำซาก มึงมองดูรอบข้างหน่อยเหอะสัส

“เออ ขอโทษนะคะ”

ทั้งผมทั้งทัตหันไปหาบุคคลปริศนาที่กล้าเข้ามาทักเหมือนจะเป็นหน่วยกล้าตายจากกลุ่มหญิงสาวที่อยู่ไม่ไกล

“ครับ?”

“พี่คริสกับพี่ทัตใช่ไหมคะ คือพวกหนูเป็นแฟนคลับพวกพี่จากเพจคิ้วบอยนะคะ”

ผมกระพริบตาปริบๆในขณะคนข้างๆเอ่ยขอบคุณเบาๆอย่างคุ้นชิน นี่ผมมีแฟนคลับเป็นเด็กนอกมหาลัยด้วยเหรอวะ แถมดูเหมือนยังเป็นเด็กมัธยมวัยใสมาเรียนพิเศษกันทั้งนั้นด้วย

“พวกหนูขอถ่ายรูปพี่สองคนได้ไหมคะ?”

นี่สินะประเด็นหลักที่เข้ามาหา แต่ทว่าเสียงลิฟท์ที่ดังขึ้นหลังจากนั้นทำให้ผมและทัตหันไปมองหน้ากัน สักพักแม่งก็ยิ้มขำกันทั้งคู่

“ได้ครับ”

เป็นผมที่ตอบ ทัตเลยพาผมเดินออกจากผู้คนที่ทยอยขึ้นลิฟท์มายืนข้างๆแทน เด็กสาวกรี๊ดสนั่นเมื่อผมอนุญาตแล้วก็พากันกรูเข้ามาห้อมล้อมผมกับทัตอย่างกับเจอดารา คือถ้าน้องจะเวอร์วังชนาดนั้นเดี๋ยวพี่ตั้งโต๊ะแถลงการให้เลยไหมครับ ก็ว่ากันไปนั้น

“ใกล้กันอีกนิดได้ไหมคะ?”

นี่ยังไม่ใกล้พออีกเหรอน้อง พี่ว่าแทบจะสิงกันอยู่แล้วนะ แล้วไอ้ยักษ์ข้างๆก็ให้ความร่วมมือดีเหลือเกิน จากตอนแรกที่จับมือผมซ้อนไว้ข้างหลังตอนนี้มันยอมปล่อยแล้วโอบเอวดึงผมเข้าหาจนเสียงวี๊ดดังชึ้นมาอีกรอบ ผมตวัดสายตาไปจ้องมันดุๆแต่มันกลับไหวไหล่ก่อนจะก้มลงมากระซิบข้างหูผมอีก

“ก็น้องเค้าเรียกร้องมานี่ เอาน่า เซอร์วิสแฟนคลับหน่อย”

ผมละอยากกระทืบเท้ากระทุ้งศอกใส่แม่งจริงๆแต่ด้วยสายตาหลายสิบคู่ที่จ้องมองมาพร้อมกล้องหลากหลายชนิดนั้นมันทำให้ผมต้องอดทนไว้ก่อนจนเวลาผ่านไปร่วมสิบนาทีไอ้คนข้างๆเลยยกนาฬิกาขึ้นมาดูแล้วบอกขอตัวเพราะจะไม่ทันรอบหนัง น้องๆเค้าก็โอเคถือว่าการตอบรับดีเวอร์มากไม่นานผมกับมันเลยได้ขึ้นมายืนเลือกหนังที่จะดูอยู่ที่หน้าโรงหนังเป็นที่เรียบร้อย

“ไหนบอกกลัวไม่ทันรอบ ไอก็นึกว่าจองไว้แล้วซะอีก”

“ป่าวหรอก แต่ถ้าไม่พูดงั้นเดี๋ยวก็ยาว ไม่เห็นเหรอว่าคนเริ่มเยอะขึ้นจากช่วงแรกแล้วนะ”

ว่าแล้วผมก็สอดส่องมองดูรอบข้างอีกครั้ง น้องๆเค้ายังคงตามพวกผมมาห่างๆครับ ไม่ได้เข้ามาขอถ่ายเหมือนเมื่อกี้แต่เปลี่ยนเป็นแอบถ่ายเอาซะงั้น นี่ไม่มีธุรงธุระกันเลยเหรอครับ ไม่ไปเรียนกันแล้วเหรอ

“ตกลงจะดูเรื่องอะไร?”

ผมหันกลับมามองดูรายการหนังอีกรอบ สองจิตสองใจระหว่างหนังไทยแนวคอมเมนดี้กับหนังฝรั่งแนวบู้ ผมไม่มีสเป็กแนวภาพยนต์เป็นพิเศษไงครับ ดูได้หมดถ้าอยากจะดู

“ระหว่างเรื่องนี้กับเรื่องนี้ คิดว่าอันไหนโอเค?”

ทัตมองสองรายการที่ผมชี้พลางขมวดคิ้ว

“อันนี้”

มันเลือกหนังไทยครับ พูดตามตรงว่าโคตรผิดคาด หน้าอย่างมันน่าจะดูบู้แอคชั่นล้างผลาญไม่ใช่เหรอวะ

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น?”

“ผิดคาดอะ”

“หึ จริงๆก็ชอบหนังฝรั่ง แต่ถ้าดูอันนี้คริสจะได้อารมณ์ดีไง เห็นหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนี่ ไม่ชอบให้เป็นจุดสนใจละสิ”

ผมมองมันอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ผิดคาดแต่เป็นเหนือความคาดหมาย มันจะรู้ลึกรู้ซึ้งเกินไปแล้วนะเห้ย

“ไม่ต้องมาหยอด จะดูก็ไปซื้อตั๋วดิ เดี๋ยวจะแยกไปซื้อป๊อบคอร์นเอง”

“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวสั่งเป็นเซ็ตแก้วอิดิชั่นควบโปรตั๋วไปเลย ไปนั่งรอตรงโซฟานู้นไป”

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งรออย่างที่ทัตบอก ดีเหมือนกันไม่ต้องเสียงตังค์แถมไม่ต้องเหนื่อยเองด้วย จะว่าไปทัตมันก็เอาใจผมดีนะ ยกเว้นนิสัยชอบสั่งนู้นสั่งนี่ให้ได้ดั่งใจตัวเองนั้นแหละที่ผมเกลียด ดูเป็นคนดียิ้มง่ายไม่มีพิษมีภัยดีถึงจะชอบแกล้งผมไปบ้างก็เถอะ ผมไม่รู้ว่าผมนั่งจ้องทัตอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่แล้ว แต่พอทัตหันมาสบตาพลางยิ้มเท่ห์ๆตามสไตล์ผมกลับหลบตาแล้วออกร้อนที่หน้าซะงั้น

เสียงกรี๊ดดังมาแว่วๆ นี่ยังโดนแอบถ่ายอยู่อีกเรอะ

“ได้แล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะ”

ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะแย่งถังป๊อบคอร์นมาถือเอง มันก็ยิ้มๆพาเดินเข้าไปข้างในพอยื่นตั๋วให้พนักงานตรวจแล้วก็เข้าไปภายในโรงหนังกันเลย ผมที่ไม่ได้ดูตำแหน่งที่นั่งของตัวเองกับมันเลยต้องรอให้คนซื้อมันพาเข้าไปจนกระทั่งเห็นที่นั่งแล้วนั้นแหละครับ ผมนี่กรอกตาแทบไม่ทัน ทำไมนะเหรอ มันเล่นซื้อตั๋วเก้าอี้ฮันนีมูนไงครับ ถึงจะเป็นโซฟาระดับพรีเมี้ยมนั่งนุ่มสบายตูดมีความเป็นส่วนตัวเพิ่มมาอีกนิดตรงที่แยกออกมาจากเบาะอื่นแต่มันก็เป็นเซ็ตคู่ที่เบาะติดกันสองตัวไงครับ ได้ทีนี่เอาใหญ่เลยนะมึง

“นั่งสิ ยืนจ้องหน้าพี่แล้วมันมีหนังฉายให้ดูรึไง”

“กวนตีน”

มันหัวเราะ ผมนั่งลงหยิบป๊อบคอร์นใส่ปากเคี้ยวเล่นดูโฆษณาหนังเรื่องอื่นไปพลางๆ

“ทัต น้ำละ?”

“อยู่นี่”

อืม เรื่องเมื่อกี้ก็น่าสนุกนะ

“หกหมดแล้วคริส กินยังไงเนี้ย”

บ่นไปงั่นแต่มือกลับเอื้อมมาเช็ดปากไปด้วย แค่น้ำเลอะขอบปากป่าววะ เรื่องเยอะจริง

“เอามาไว้ฝั่งนี้ เอาไว้ตรงนั้นเดี๋ยวเท้าแขนแล้วก็เกะกะอีก”

ขี้บ่นวะ แต่ผมไม่สนมันหรอก ผมสนแค่ในจอจนถึงเวลาลุกขึ้นยืนสดุดีจนถึงเวลาฉายผมก็ยังคงไม่สนใจมันไปเรื่อยๆ

เออ หนังแม่งสนุกจริงครับ คลายเครียดดี หัวเราะเกือบทั้งเรื่องแต่ก็มีสาระมีความคิดในด้านความรักต่างๆนาๆให้ได้อินเป็นพักๆ แต่จุ่ๆก็รู้สึกถึงความหนังที่ไหล่ด้านขวา พอมองไปก็เห็นมันมาฟุบหน้าลงกับไหล่แอบอิงหนุนนอนซะอย่างนั้น

“ทัต”

“ขอยืมไหล่หน่อย ง่วง”

ง่วงห่าอะไร คนอื่นเค้าหัวเราะกันลั่นโรงซะขนาดนี้ ผมจิ๊ปากแล้วก็ปล่อยมันนอนไป จะไม่รำคาญเวลาผมหัวเราะจนตัวสั่นก็ลองดู เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้หัวเราะถึงขนาดนั้นหรอกครับ ใจจริงก็อยากทำแกล้งมันนะแต่อีกใจก็คัดค้าน ในที่สุดเลยได้แต่นั่งแข็งให้มันหลับอย่างสงบจนหนังจบผมถึงได้ปลุก

“จบแล้วเหรอ?”

“คงยังหรอกมั้ง ไฟสว่างโร่ซะขนาดนี้”

“หึ”

“รีบลุกเลย ปวดไหล่จะแย่ ตัวหนักอย่างนี้นี่คนรึควาย”

“ผัวครับ”

“ชิ”

“หิวไหม?”

“โคตรๆ”

นี่มันบ่ายแล้วนะครับ ดีที่มีป๊อบคอร์นรองท้องไม่งั้นคงมีเสียงท้องร้องเป็นซาว์ไปกับหนังแน่ๆ

ทัตยิ้มรับแล้วดึงมือผมไปกุมไว้เหมือนเดิม เราเดินออกจากโรงเป็นคู่สุดท้ายเลยครับ ตอนออกมาพวกน้องๆที่คอยแอบถ่ายก็สลายหายต๋อมกันไปหมดละ สงสัยได้เวลาเข้าเรียน ผมพยายามเดินให้ชิดกับทัตให้มากที่สุดเพราะจะได้ใช้ตัวบังมือที่มันกุมไว้ด้วยแต่ไม่ทันได้คิดว่านั้นจะยิ่งทำให้มองเห็นเหมือนเป็นคู่รักที่แทบจะสิงสู่กันอยู่รอมร่อ

เอิ่ม ผมขอโทษ ผมคิดน้อยเองผมขอโทษคร้าบบบบ

“กินร้านนี้ได้ไหม?”

ผมกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงเมื่อทัตเอ่ยถาม พอเงยหน้าขึ้นไปมองก็ต้องอ้าปากพะงาบๆ มึงจะพากูมากินร้านหรูด้วยสภาพชุดอย่างกับอยู่บ้าน(แต่ดูดี)แบบนี้นะเหรอ

มันเป็นร้านอาหารนานาชาติที่ส่วนใหญ่มีแต่คุณท่านหลานเธอมากินหรือไม่ก็พวกนักธุรกิตใหญ่ๆมาเลี้ยงแขกเหลื่ออะไรแบบนั้นนะครับ มันนะแต่งตัวเหมาะสมเพราะใส่เชิตแขนสั้นสีขาวกางเกงยีนส์สีเข้มและรองเท้าหนังสีดำ อย่าให้พูดถึงพล็อบที่เป็นนาฬิกาเรือนหรู สร้อยเลศเส้นใหญ่เงาวับและแว่นกันแดดแบรนด์เนมที่แนบอยู่ที่หน้าอก แม่งดูดีไปหมดคนมองจนเหลียวหลัง ส่วนผมนะเหรอ เสื้อยืดลายกราฟฟิคสีขาวพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นคลุมเข่าสีชาครับ รองเท้าก็สนีกเกอร์สีขาวธรรมดาๆเลย

“เอาร้านนี้จริงดิ”

“ทำไมเหรอ?”

“แต่ตัวแบบนี้มาเค้าจะเฉดหัวเอารึเปล่าวะ?”

ผมหมายถึงผมนะ ไม่ใช่มัน

“หึ คิดมาก”

พูดจนมันก็ลากผมเข้าไปด้านในเลย พนักงานทักทายแขกใหม่อย่างน้อบน้อมพอหันมาสบตากับผมกลับหลบหน้ากันซะงั้น อะไรวะ ผมก็คนนะเห้ย สองมาตรฐานสัสอะ ทัตพาผมไปนั่งโซนโซฟาด้านในที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวหน่อย

“สั่งได้ตามสบายเลย”

“มั่นใจนะว่าให้สั่งตามสบาย?”

“อืม แต่ถ้ากินไม่หมดจะโดนลงโทษ”

กำลังจะเหลิงเสือกมีดักคอกูมาอีก สุดท้ายผมเลยสั่งไปสามสี่อย่างส่วนทัตผมไม่ได้ฟังว่ามันสั่งอะไรเพิ่มเติมอีก ผมเอนกายไปพิงเบาะโซฟาด้านหลังแล้วเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คสังคมโซเชียลไปด้วย นั้นไง ผมจากที่คิดซะที่ไหน รูปผมกับทัตโชว์หลาอยู่เต็มหน้าเพจคิ้วบอยเลยครับ กระแสแรงโคตรแถมมีสิทธิโดนตามมาถึงนี้ถ้าหากเราจะไม่หายตัวไปที่อื่นอีกด้วย

“ขมวดคิ้วทำไม?”

“ก็ดูนี่ดิ โคตรน่ากลัวอะ ถ้าถูกตามถ่ายทุกฝีก้าวแบบนี้ไปตลอดก็ไม่ไหวนะ”

ผมบ่นพลางชูโทรศัพท์ไปให้มันดู ทันรับไปเลื่อนๆดูรูปแล้วก็ขำ

“เดี๋ยวจัดการให้”

ผมนิ่งดูมันจัดการอย่างที่มันบอกโดยการพิมพ์อะไรยุกยิกอยู่สักพัก ไม่นานก็ส่งคืนมาหน้าตายิ้มแย้มกว่าเดิม ผมรับมาดูแล้วก็ต้องตกใจ ทำไมแจ้งเตือนมันพุ่งพรวดงี้วะ ไหนบอกจัดการแม่งจัดการอะไรของมึง

“ยูทำอะไรเนี้ย?”

“เปิดดูดิ”

กูเปิดแน่ไม่ต้องมาบอก แต่พอเปิดเข้าไปก็ต้องจ้องตาค้าง ไอ้เหี้ยนี้มันไปโพสในเพจด้วยชื่อเฟสของผมว่า

‘ผมอยากให้ทุกคนเชียร์เราอย่างสงบด้วยครับ อย่าเอิกเกริกจนเกินไป ตอนนี้คริสเริ่มกลัวแล้ว เดี๋ยวน้องกลัวจนไม่รับรักผมละแย่เลย’

ไปตายให้หนอนแดรกเลยแม่ง!!!!

“หึ”

“หัวเราะเหี้ย!?!”

“ก็บอกให้แล้วไง”

“บอกแบบนี้ไม่ต้องบอกจะดีกว่ามั้ง!”

“อย่าหงุดหงิดดิ หน้าย้นเป็นลูกพรุนแล้วนั้น”

“เรื่องของไอ”

“เอาน่า อาหารมาละ กินกันเถอะ”

ดีนะที่มีอาหารมาแทรกซะก่อน ไม่งั้นผมคงได้ฆาตกรรมคนกลางห้างดังไปแล้วแน่ๆ คิดแล้วหงุดหงิด ชิ

“คริส”

“อะไรอีก?”

พูดไปก็เคี้ยวหนุบหนับไป อาหารโคตรอร่อย เอ๊ะ หรือเพราะผมหิวกันแน่วะ

“กินมะเขือเทศด้วย”

ผมส่ายหัว มันหมายถึงมะเขือเทศลูกเล็กๆที่ถูกใส่มากับสลัดครับ

“มันมีวิตามินนะ”

“อย่างอื่นก็มี กินอย่างอื่นแทนก็ได้”

“อย่าดื้อ เลือกกินอย่างกับเด็ก”

“ไม่เด็กแต่ไม่ชอบ อย่ามาบังคับด้วย มีประโยชน์นักก็กินเองไปดิ กินให้หมดนั้นเลยนะ”

“ก็อยากให้คริสกิน”

“จะอะไรนักหนาวะทัต!?”

“อันไหนที่มีประโยชน์พี่ก็อยากให้คนที่พี่รักกิน พี่อยากให้สิ่งดีๆกับเค้า พี่ผิดเหรอครับ?”

ตาย

ผมนี่ไปไม่เป็นเลย

ช้อนแทบร่วงลงกับจานซะด้วยซ้ำ

บ้า! บ้า!! บ้าๆๆๆ!!! บ้าไปแล้ว ผมเป็นบ้าไปแล้ว ทำไมใจผมถึงเต้นแรงขนาดนี้ละ

ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

Tbc…

หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 12 (18/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 18-02-2017 18:34:21
ทำไมยิ่งหวานยิ่งกลัวมาม่า งื้ออออ ทัตอย่าใจร้ายกับคริสเลยน้าาา  :katai1: :katai1:

พี่ทีครอสนี่ยังไง เอ๊ะ รอติดตามนะคะ o18
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 13 (19/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 19-02-2017 16:01:05
สัมผัสที่ 13





หลังจากที่กินอิ่มผมก็เดินดูของต่ออีกนิดหน่อย จริงๆไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรอกครับแต่ยังไม่อยากกลับบ้านบวกกับไม่อยากไปคอนโดมัน ทัตเองตั้งแต่แต๊ะผมตอนกินข้าวไปแล้วดูเหมือนมันจะอารมณ์ดีขึ้นมากโข แถมยังไม่ค่อยวอแวไม่มาจับมือถือแขนหรือใกล้เกินความจำเป็นอีกด้วย

ถือว่าดีนะ เพราะผมจะได้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง เมื่อกี้เล่นเอาเกือบช็อค บอกไว้ตรงนี้เลยว่าไม่เคยเป็นมาก่อน ครั้งนี้ครั้งแรกและขอให้เป็นครั้งสุดท้ายด้วย ไม่ไหววะ จะขาดใจตาย

“คริส”

“หืม?”

ผมกำลังจะหันไปหาแต่กลับโดนฉุดให้ถล่าไปด้านหลังจนชนเข้ากับคนเรียกนั้นแหละ เมื่อตั้งสติมองดูดีๆปรากฎว่าเมื่อกี้ผมเกือบเดินชนคนครับ คือคนๆนั้นก็ดูรีบๆจนเหมือนไม่ได้สนใจมองใครเหมือนกันแถมตอนนี้ก็เดินเลยไปแล้วด้วย ดูน่ารักดีนะ ตัวเล็กๆผอมๆขาวๆคนหนึ่งออกสาวไปเลยส่วนอีกคนไม่ใช่แต่ก็น่าจะเกย์นั้นแหละ พวกเดียวกันมันมองกันไม่ยากหรอกครับ

“เหม่ออะไรห่ะเรา?”

ผมเบ้ปากแล้วสะบัดตัวให้หลุดจากการจับกุม อยากจะตะโกนใส่หน้าว่าเพราะใครละ แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวมันรู้ว่าผมคิดแต่เรื่องมันจนสมองรวนไปหมดแล้ว

แต่ผมก็คิดแต่เรื่องมันจริงๆนะ

ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี้ย

“เหนื่อยรึยัง?”

ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู พึ่งจะบ่ายสามเองอะ นี่เดินมาค่อนห้างพึ่งผ่านมาชั่วโมงเดียวเองเหรอวะ

“ก็ไม่นะ แต่เบื่อแล้วอะ”

“งั้นไปหาอะไรสนุกๆทำดีกว่า”

ผมเลิกคิ้ว

“อะไร?”

มันไม่ตอบแต่กดยิ้มเจ้าเล่ห์จนผมชักจะระแวง มึงอย่าเล่นอะไรแผลงๆนะเห้ย แค่นี้กูก็ตกเป็นเป้าของสังคมมามากพอละ จากแต่ก่อนที่วี๊ดกันเงียบๆพอมาเจอมันนี่ โคตรจะอึกทึก จำนวนแฟนคลับเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณจนผมเริ่มจะเวียนเฮดแล้ววะ

ห้านาทีต่อมาผมก็มายืนเอ๋ออยู่ที่หน้าโซนเกมส์เซนเตอร์ครับ เสียงเหล่าชายน้อยชายใหญ่หรืออาจมีหญิงปะปนอยู่ด้วยกำลังส่งเสียงเชียร์อย่างเมามันส์แข่งกับเสียงเกมส์จากตู้ต่างๆ ผมหันไปมองไอ้คนพามาด้วยความงงอย่างสุดแสนจะบรรยาย

หน้าอย่างมึงเล่นของพวกนี้ด้วยเหรอวะเห้ย ไอ้เราก็คิดว่าคงเล่นแต่ PS ที่บ้านไรงี้

“อยากเล่นอะไรเลือกเลย มีเยอะขนาดนี้คงไม่เบื่อแล้วนะ”

ก็จริงอย่างที่มันว่า

“งั้นไอไปแลกเหรียญก่อน”

“ไม่ต้อง เดี๋ยวแลกให้ ไปเดินเลือกดูก่อนเลย”

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินตรงเข้าไปด้านใน ทัตมันก็แยกไปแลกเหรียญที่เคาร์เตอร์ เออ ดูคนนู้นคนนี้เล่นแล้วก็น่าสนุกดี อยากเข้าไปแจมด้วยแต่ก็กลัวแพ้เพราะผมยังไม่เคยเล่นมาก่อน ฟังไม่ผิดหรอครับ ผมไม่เคยเล่นมาก่อนไม่ว่าจะเป็นเกมส์ไหน ปกติเล่นแต่เกมส์ออนไลน์ในคอมฯไม่ก็เกมส์กิ๊กก๊องในมือถือไง นี่ถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่เลยนะ ตื่นเต้นเหมือนกำลังโดนเปิดซิงเลยวะ(อย่างนี้ก็ได้เหรอ?)

“จะเล่นอันนี้?”

ทัตเข้ามายืนซ้อนด้านหลังแล้วถาม จากที่ไม่เป็นจุดสนใจเท่าไหร่ตอนนี้พวกผมกลายเป็นเป้านิ่งแล้วครับ อย่างผมนะมาตรฐานชายสมส่วนแต่อย่างไอ้ยักษ์ข้างหลังมันตัวโตเกินกว่าที่จะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้มั้ง ดูๆไปเหมือนผู้ปกครองที่มาเฝ้าดูลูกหลานที่กำลังวิ่งเล่นในสนามเด็กเล่นอะไรประมาณนั้นนะ

“ป่าว”

“หืม เห็นยืนมองตั้งนานไม่ลองเล่นดูหน่อยละ?”

“เอาตรงๆนะ ไอเล่นไม่เป็น”

ผมหันไปมองค้อนเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึตามหลังมา ไอ้ห่า ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่เกิดหรอกนะเว้ย

“งั้นไปเล่นตีตุ่นตรงนั้นไหม?”

อะไรคือตีตุ่นวะ?

พอมองไปตามมือมันเท่านั้นแหละ

โอ้โหเลยมึง โอ้โห

นั้นมันเกมส์เด็กอนุบาลชัดๆ มันเป็นตู้ที่มีช่องกลมๆเล็กๆหลายๆช่องให้ตัวตุ่นโผล่ขึ้นมาแล้วเราก็เอาค้อนทุบหัวมันให้ทันอะครับ

“ไอ้สัส!”

“หึ”

“แต่ก็น่าเล่นดีนะ”

มันเงิบเลยครับ หน้าตาเหลอหลาจนผมหลุดหัวเราะเต็มเสียงเอามือกุมท้องไปด้วยเลยอะ โคตรฮา ผมหัวเราะจนไอค๊อกแค๊กแม่งคอแห้งเลยสัส

“นี่น้ำ”

“แต้งค์”

ถือว่าฉลาดที่ยังซื้อน้ำขวดมาเผื่อ แต่เค้าไม่ได้ห้ามเอาอาหารเครื่องดื่มเข้ามาเหรอวะ

“แล้วตกลงจะเล่นอันไหน?”

“ไม่รู้อะ ไม่เคยมาไม่เคยเล่น”

“เลือกๆไปเถอะ เดี๋ยวสอน”

“ยูเคยเล่นหมดเลยเหรอ?”

“ใช่”

“หน้าตาไม่ให้เลยวะ อย่างยูน่าจะไปวิ่งไล่ฟัดกับหมาที่บ้านไรงี้”

มันยิ้มขำแล้วยกมือมาขยี้หัวผมไปอีก ฟูเลยแม่ง

“อันนั้นคืออะไร?”

ผมถามเมื่อสายตาไปเจอตู้เกมส์ที่เป็นเหมือนเกมส์ออนไลน์ในคอมฯเลยครับ เพียงแต่ภาพมันดูกิ๊กก๊อกมากกว่า แต่ก็น่ารักดีนะ

“ลองดูสิ”

ผมพยักหน้าทั้งที่ปากก็ยิ้มไปด้วยตาไม่ต้องเอ่ยหรอก โคตรจะเป็นประกาย เหมือนได้กลับมาเป็นเด็กอายุสิบสี่สิบห้าอีกครั้งเลยวะ ผมรีบเข้าไปนั่งแล้วจ้องจอตาแป๋ว มันมีไตเติลให้ดูไงครับ พอดูๆก็เริ่มเข้าใจว่ามันเป็นเกมส์ต่อสู้ ทัตหยอดเหรียญแล้วบอกปุ่มนั้นปุ่มนี้ว่าใช้สั่งการอะไรจนผมลองดูสักรอบกับคู่แข่งที่เป็นแบบออโต้ เนื่องจากความไม่ชำนาญรอบแรกเลยแพ้ขาดลอย ผมหน้ามุ้ยในขณะที่ได้คนสอนหัวเราะชอบใจอยู่ข้างหลัง

“อีกสักรอบไหม?”

ไม่น่าถาม

“เอาเหรียญวางไว้นี่เลย ถ้าไม่ชนะไอไม่กลับอะ”

“หึ”

มันหัวเราะแล้วว่าเหรียญไว้ข้างๆผมตั้งหนึ่ง อยากจะถามอยู่เหมือนกันว่ามึงไปแลกมาเท่าไหร่แต่ก็ช่างมันเถอะครับ

“แล้วยูละ?”

“พี่ทำไม?”

“ไม่เล่นเหรอ?”

มันกรอกตาไปมาทำท่าครุ่นคิดจนผมชกท้องสะกิด หมั่นไส้วะนี่พูดจริงๆ

“มาลองกันสักตาไหม?”

ผมถามแล้วหยั๊กคิ้วหลิวตาไปด้วย มันเองก็จ้องตอบแววตาสนุกจนปิดไม่มิด

“ชนะตัวออโต้ให้ได้แล้วค่อยมาท้าพี่นะน้อง”

“ไอ้สัส”

“หึหึ”

“มาเล่นด้วยกันเลย จะยืนเฝ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรไปถึงไหน”

ผมพูดพลางดึงชายเสื้อมันให้ลงมานั่งแต่มันกลับเลิกคิ้ว

“รู้จักเจ้ากรรมนายเวรด้วย?”

“รู้หมดนั้นแหละ ไออยู่ไทยมาตั้งแต่เกิดนะถึงจะนับถือคริสต์ก็เถอะ”

“อื้อหึ แสนรู้นะเรา”

“เดี๋ยวถีบ”

“โอเคครับคนเก่ง งั้นพี่จะเป็นคู่มือให้แล้วกัน”

ผมยิ้มกริ่มเลยครับ มันนั่งลงตู้ข้างๆผมแล้วหยอดเหรียญทั้งของผมและของตัวเอง

“กดเลือกตรงนี้ให้สองตู้มันลิงค์กันนะ”

ผมพยักหน้าแล้วกดไปตามที่มันบอกจนเริ่มเข้าสู่บทโหมดต่อสู้ เมื่อใจจดจ่ออยู่ที่เกมส์จนลืมทุกสิ่งรอบข้างจึงไม่ทันได้สังเกตุว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของคนข้างๆบ่อยขนาดไหน ผมร้องและแสดงออกทางสีหน้าไปหมดอย่างเผลอตัว ความเกรงใจหรือมั่นหน้าเริศเชิดหยิ่งอะไรไม่มีให้เห็นแล้วครับ เวลานี้สนใจแต่จะเอาชนะได้ตัวหัวแดงๆของทัตลูกเดียว ทั้งๆที่มันไม่ค่อยจดจ่อขนาดผมแต่ทำไมแม่งคร่องจังวะ ไม่ได้ ตานี้ผมต้องชนะ!

“เห้ยยยย!!!”

“ฮ่าๆๆๆ”

ผมเหล่ตาไปมองคนหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ ฟังดูก็รู้ใช่ไหมว่าผมแพ้ ไอ้เห้ กูแพ้ไปสามตาแล้วนะเห้ย!

แต่สิ่งที่ผมเห็นก็ต้องทำให้ผมชะงักไปนิด ทัตยิ้มกว้างหลุดหัวเราะอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ใช่ว่าผมจะไม่เคยเห็นมันยิ้มหรือหัวเราะนะ แต่ครั้งนี้มันแปลกกว่าทุกทีไงครับ มันเหมือนยิ้มที่เป็นยิ้มจริงๆแล้วหัวเราะจริงๆอะไรแบบนั้น แล้วก่อนหน้านี้มันไม่ใช่ความจริงเหรอวะ

เพ้อเจ้อใหญ่ละคริสตัล

“หึหึ จ้องอย่างนี้ หลงความหล่อพี่แล้วละสิ”

ผมเบ้ปาก

“หลงตัวเองชิป”

“จะเล่นอีกไหมครับน้อง?”

น้ำเสียงโคตรกวนตีนและดูถูก ใช่ซี๊ กูมันกระจอกนี๊ ก็กูไม่เคยเล่นนี่หว่าใครมันจะไปเซียนอย่างมึงเล่า

“ไม่เอาแล้ว”

“งั้นอยากเล่นอะไรอีก?”

“ไม่เอาอะ เบื่อเกมส์ อยากกินอะไรหวานๆ”

ทัตพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งมือมาทางผม ผมมองงงๆจนมันถอนหายใจแล้วเปลี่ยนมาดึงมือผมให้ลุกขึ้นตาม ผมก็ไม่ขัดไม่ห้ามมันนะ เริ่มจะใจง่ายเกินไปละกู ทัตมันพาผมเดินออกจากโซนเกมส์เซ็นเตอร์แล้วลงบันไดเลื่อนไปยังชั้นล่าง ถ้าสายตาผมไม่ผิดปกติผมว่ามีหลายๆคนจ้องมองมายังเราอยู่ เรียกว่าแทบทุกคนที่เราเดินผ่านเลยก็ว่าได้ อีนู๋มัธยมอย่าพึ่งเรียนเสร็จนะ แค่นี้พี่ก็จิครายแล้ว

“ทัตปล่อยมือ”

“อย่าไปสนใจดิ”

“ก็ไม่อยากจะสนใจหรอกแต่คนมองเยอะไปแล้วนะเว้ย”

“ก็บอกว่าอย่าไปสนใจคนอื่น สนใจแค่พี่ก็พอ”

ไอ้ห่า ยังมีหน้ามาหยอดกูอีกนะ

“นี่ไอจริงจังนะทัต”

“พี่ก็จริงจัง”

จริงจังหน้ามึงอะ หยอดกูแต๊ะกูอยู่เห็นๆ ทำมาเป็นพูด ผมกำลังจะเถียงต่อมันก็หยุดเดินแล้วหันมาหา ผมก็มองหน้าพลางเลิกคิ้วไปอีก

“อะไรอีกละ?”

“ถามหน่อยว่าทำไมถึงยอมพี่?”

“มันใช่เวลามาพูดเอาตอนนี้ไหมวะ?”

“ก็ถ้ายอม แสดงว่าชอบ ถ้าไม่ชอบก็คงไม่ยอมใช่ไหมละ”

“ตอแหลละสัส ใครยอมใครชอบยู”

“ก็เนี้ย”

มันพูดพลางชูมือที่ยังกอบกุมชนิดที่นิ้วยังสอดประสานกันอยู่เลย ผมสะอึกนิดหน่อยก่อนจะพยายามดึงมือตัวเองออกแต่ก็ไม่หลุด สัส มันเปลี่ยนมาจับแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะครับ ก่อนหน้าคือจับเหมือนดึงอะครับ แต่นี้มันไม่ใช่ กูก็โง่ไม่รู้ให้เร็วกว่านี้เนอะ

“ปล่อยสิวะ!”

“อย่าดื้อน่าคริส ไปกินเค้กกันเถอะ”

“ไม่กงไม่กินมันละ ไอจะกลับบ้าน”

“ไม่ให้กลับ”

“เรื่องของยู แต่ไอจะกลับ”

“น่านะ เดี๋ยวพาไปกินติม”

“ไม่ใช่เด็ก!”

“ให้เค้กด้วยอะ”

“ไม่ต้องเอาของกินมาล่อ!”

“ตามด้วยฮันนี่โทสดีไหม? ตกเย็นค่อยไปขับรถเล่นรับลมแล้วต่อด้วยดริ้งส์ที่บาร์xxx”

“……”

ผมไม่พูดแต่จ้องมันเขม่ง

“ว่าไง? เอาไวน์หรือวิสกี้ดีครับ?”

“เอาหมด แต่เริ่มที่ไอติมก่อนแล้วกัน”

“หึ”

ไม่ได้ยอมนะ แค่หิว!










ก๊อกๆๆ

ทีครอสละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มาจ้องมองบานประตูที่ค่อยๆแง่มออก หญิงสาวร่างอรชรเดินส่ายสะโพกพุ่งตรงมายังเค้าด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ ใบหน้าสวยเข้มริมฝีปากแดงเข้าชุดเสื้อรัดรูปที่ปาดไหล่แนบเนื้อโชว์สรวดทรงองเอวขายาวภายในกางเกงสกินนี่สีดำและรองเท้าส้นสูงหนังแท้มันเงาก้าวฉับๆมาจนถึงหน้าโต๊ะใหญ่ก่อนที่จะวางซองสีน้ำตาลลงตรงหน้าเจ้าของห้องแล้วกอดอกมองจ้องเขม่ง

ทีครอสหยิบซองมาเปิดดูเมื่อเห็นข้อมูลอันหลากหลายแล้วจึงเก็บเข้าซองเช่นเดิม

“นั่งก่อนสิ”

“ก็นึกว่าจะไม่เชิญ”

หญิงสาวกระแทกเสียงตอบ ความหงุดหงิดที่คนตรงหน้ากล้าขัดจังหวะวันหยุดยังคงไม่มอดดับ มันใช่เรื่องที่ไหนที่คนอย่างหล่อนจะมาวิ่งเต้นหาข้อมูลให้ทั้งที่กำลังฮันนีมูนแสนหวานกันดาร์ลิ้ง

“อย่าหงุดหงิดไปหน่อยเลยเจส เดี๋ยวยกเลิกค่าโรงแรมกับเรือยอร์ชให้”

“ค่อยคุยกันง่ายหน่อย”

“สรุปคร่าวๆมาสิ”

“ทำไมไม่อ่านเอาละยะ”

“เดี๋ยวค่อยอ่าน ตอนนี้ผมยุ่ง”

“คนอย่างทีครอสมีเหรอจะไม่ยุ่ง อ้อ เฉพาะกับครอบครัวนี่เนอะที่จะทำให้เลิกยุ่งได้”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

“แล้วแกจะอยากรู้เรื่องเขาไปทำไม?”

“เรื่องของผม”

“พูดจาไม่น่ารักเหมือนเดิม”

“ใครจะไปน่ารักเท่าคุณวุฒิละ”

“แน่นอนสิยะ ดาร์ลิ้งฉันน่ารักที่สุด ขนาดเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่กล้ามาขัดจังหวะช่วงเวลาฮันนีมูนสุดสวีต เค้ายังไม่บ่นสักคำ”

“เค้าแยกแยะได้ว่าอะไรสำคัญไม่สำคัญไง”

“เอ๊ะ จะหาว่าฉันไม่สำคัญเท่างานของแกรึไง!?”

“แล้วแต่จะคิดเลย”

“ขอฟาดปากสักทีได้ไหมห่ะ”

ชายหนุ่มไหวไหล่ก่อนจะเอนกายไปพิงเบาะผ่นคลายกล้ามเนื้อแล้วยกมือขึ้นนวดขมับไปด้วยอีก

“เทพทัต ศิริพัฒนโอฬาร นามสกุลก็บอกอยู่แล้วแหละนะว่าอยู่ชาติตระกูลไหน…”

เค้าชะงักไปนิดแต่เนื่องจากกำลังหลับตาหญิงสาวตรงหน้าจึงไม่ทันได้สังเกตุปฏิกิริยานี้

“เป็นลูกชายคนโต อายุ21ย่าง22 มีพี่สาวหนึ่งคน พี่อยู่ไทยแต่หายตัวไปตั้งแต่มีอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อปีก่อน ตอนนี้เลยได้ดูแลกิจการของตระกูลแทนพี่สาวอยู่”

“เครือSPKสินะ”

“ใช่”

“ยังไม่ตายแต่หายตัวไปงั้นเหรอ?”

“คงงั้น”

เค้าหันเก้าอี้ไปทางด้านหลังแล้วจ้องมองไปยังฝืนฟ้าเบื้องหน้า

“แล้วยังไง? แกจะทำอะไรเขา?”

“ก็ไม่ไง รอดูก่อนว่ามันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ถ้ามาดีก็ไม่ว่าแต่ถ้ามาร้าย…กูเอามันถึงตาย…”

หญิงสาวลอบกลืนน้ำลาย คนอย่างทีครอสที่ได้ชื่อว่าเทวทูตของนรกเมื่อได้ลั่นวาจาแล้วก็ต้องเป็นไปตามนั้น คนๆนี้ถึงจะดูเฟรนลี่ในเวลาปกติแต่ถ้าได้เข้าสู่โหมดดาร์คแล้วใครก็เอาไม่อยู่

“งั้นฉันกลับละ”

“โอเค ขอบใจมาก ค่าจ้างจะโอนเข้าบัญชีภายในวันนี้”

“โอเค บาย”

ชายหนุ่มยังคงนั่งนิ่งจนได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ เค้าจึงหันไปคว้าซองเอกสารมาเปิดขึ้นดูอีกครั้ง คราวนี้เค้าลงมืออ่านอย่างละเอียด มีหลายจุดที่ทำให้เค้าสะกิดใจ แต่มันเหมือนขาดๆหายๆ

คนๆนี้เล่นด้วยยาก

รู้จักจำกัดข้อมูลตัวเองแบบนี้คงไม่ใช่แค่หัวสมองระดับเด็กนักศึกษามหาลัยธรรมดา

เค้าวางทุกอย่างลงบนโต๊ะแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ไม่บ่อยที่เค้าจะเครียดจนต้องหยิบมันออกมา แต่เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเงื่อนงำนั้นมันผูกโยงเอาน้องชายของเค้าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

นี่คือสิ่งที่เค้ากลัว

คนอย่างทีครอสมีจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวคือครอบครัว

และนั่นก็กำลังเป็นเป้าให้เทพทัตเล็งอยู่ตอนนี้

มือหนาขยี้บุหรี่ลงกับที่รองทั้งที่สูบไปได้เพียงครึ่ง เค้าหยิบโทรศัพท์ส่วนตัวขึ้นมาต่อสายหาน้องชาย แต่คริสไม่รับ เค้าเลยต่อสายตรงไปยังเบอร์บ้าน

/บ้านเฟรงเบิร์คคะ/

“นี่ทีครอสนะ ขอสายคริสตัลหน่อย”

/คุณคริสไม่อยู่บ้านคะคุณครอส/

หัวคิ้วขมวดมุ้ย ก็ไหนเมื่อเช้าบอกว่าไม่มีโปรแกรมไปไหนยังไงละ

“มันไปไหน?”

/ไม่ได้บอกว่าไปไหนคะ บอกแค่ว่าออกไปข้างนอก/

“มันขับรถไปไหมหรือให้ใครไปส่ง?”

/ไม่ใช่ทั้งสองคะ รู้สึกเหมือนจะมีคนมารับเพราะแววเห็นวิ่งออกไปที่ประตูรั้วเลย/

มือหนากำแน่น

“เห็นไหมว่ารถอะไร?”

/ไม่เห็นคะคุณครอส/

เผลอสบถคำหยาบออกไปจนคนที่ปลายสายอึกอัก เค้าเลยเอ่ยไปว่าไม่มีอะไรไม่ต้อบอกแม่ว่าเค้าโทรตามน้องแล้วก็ตัดสายไปในที่สุด นิ้วมือเลื่อนไปที่ชื่อคริสตัลอีกครั้ง รอสายฟังเสียงตรู๊ดๆอยู่นานจนเกือบจะตัดสายแต่คนที่ปลายสายก็รับได้ทันท่วงที

/ครับ/

“อยู่ไหน?”

ลืมปรับน้ำเสียงเลยเผลอทำเสียงขู่ไปทั้งอย่างนั่น

/แค่ออกมาห้าง พี่จะทำเสียงงั้นทำไมอะ?/

“โทษที แล้วไปทำไร ไหนบอกว่าไม่มีโปรแกรม?”

/เออ…พึ่งมีกะทันหันอะ/

“กับใคร?”

/กับ…เพื่อน…/

“เอามันมาคุยสิ”

/มันไหน?/

เสียงตื่นมาเชียวนะมึง

“มึงไปกับใครก็เอาคนนั้นมาคุย”

/มันไม่อยู่ ไปห้องน้ำ/

“งั้นมันมาแล้วให้โทรหากู”

/อะไรของพี่วะ เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาเนี้ย?!/

“กูแค่ห่วง”

/จะห่วงอะไรนักหนา ผมไม่ได้มีศัตรูรอบด้านอย่างพี่นะ!/

“แต่มึงคือน้องของกู”

ปลายสายเงียบไปแป๊บ สักพักก็พึมพำบอกว่ารู้แล้วจนเค้าเผลอยิ้มจาง

“กูห่วงมึงเพราะกูรักมึง จะทำอะไรก็ระวังตัวด้วย ไอ้ทัตนะห่างๆมันไว้ กูไม่ชอบขี้หน้า”

ขืนบอกถึงความไม่ชอบมาพากลเดี๋ยวน้องจะคิดมากไปเสียเปล่าๆ เพราะงั้นขอปิดแต่ก็ต้องเตือนไว้ก่อนแล้วกัน

/แค่ไม่ชอบหน้ามันทำให้พี่บ้าถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ ไอ้นายก็อีกคน/

“ไอ้นายนะไว้ใจได้มากกว่าเทพทัตซะอีก”

/แน่สิ มันเพื่อนผมนี่/

“เดี๋ยวกูจะโทรหามันบอกว่าให้ไปหามึงที่นั่น”

/ไม่ต้องๆ จะส่งมาทำไม?/

“สรุปคืออยู่กับเทพทัตจริงๆสินะ”

ได้ยินเสียงสบถเป็นภาษาอังกฤษมาแล้วก็นึกขำ คริสตัลยังอ่อนต่อโลกเยอะ แต่เค้านะกร้านโลกไปซะแล้ว

“จะให้กูส่งเพื่อนมึงไปหาหรือจะกลับบ้านตอนนี้ เลือกเอา”

/Shit!/

“คริสตัล”

กดเสียงขู่ไปอีกรอบ เผื่อการตัดสินใจจะเร็วและน่าพอใจ

/เดี๋ยวกลับ/

ดวงตาสีฟ้าเหลือบไปมองเวลาที่หน้าจอคอมฯ ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว

“ให้เวลาไม่เกินหกโมง แล้วถ้ากูกลับไปไม่เจอละก็…”

/เออน่า ไม่ต้องมาขู่ ผมจะฟ้องแม่ว่าพี่บังคับ! จะฟ้องพ่อให้ตัดบัญชีหุ้นพี่ด้วย!!/

นี้ขนาดมันไม่สนใจงานของที่บ้านยังรู้เลยว่าเค้าเล่นหุ้น

“แล้วเจอกัน”



Tbc…
ปริศนาไม่ได้อยู่ที่พี่ทัตแล้วสิ แต่เปลี่ยนมาอยู่ที่พี่ครอสแทน
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 13 (19/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-02-2017 16:28:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 13 (19/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-02-2017 20:13:53
ดูเหมือนทีครอส จะไม่ได้ยุ่งกับพี่สาวทัต
คริส ชอบทัตแล้ว
ทัต ก็เหมือนชอบคริส แต่ไม่รู้ตัว
ทัต แก้แค้นแล้วเสียคริส ไปเลย แน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล. ขอแก้คำผิดนะ
เสียงสถบ ------ สบถ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 13 (19/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 19-02-2017 20:53:03
อยากมีพี่ชายแบบทีครอสจัง  :hao7:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 13 (19/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 19-02-2017 22:41:29
ดูเหมือนทีครอส จะไม่ได้ยุ่งกับพี่สาวทัต
คริส ชอบทัตแล้ว
ทัต ก็เหมือนชอบคริส แต่ไม่รู้ตัว
ทัต แก้แค้นแล้วเสียคริส ไปเลย แน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล. ขอแก้คำผิดนะ
เสียงสถบ ------ สบถ

ขอบคุณคะ แก้ไขแล้วน๊า
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 13 (19/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 21-02-2017 18:16:12
สนุกมากเลยค่ะ ปักป้ายติดตามเลยจ้า 

แต่อยากให้ระวังคำว่า คะ กับค่ะ หน่อย นะคะ มีแต่คะคะคะ อย่างเดียวเลย :)
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 14 (22/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 22-02-2017 20:44:03
สัมผัสที่ 14



 
“ไม่ให้เข้าไปด้วยแน่นะ?”

ผมส่ายหัวตอบคนถามที่ดูท่าทางจะกลัวผมโดนพี่ชายต้มยำทำแกงละมั้งนะ บ้าป่าววะ พี่ที่ไหนจะทำอย่างนั้นกับน้องแท้ๆของตัวเองกัน คือตั้งแต่ที่ผมบอกจะกลับบ้านทันทีที่มันออกมาจากห้องน้ำ มันก็ซักฟอกใหญ่เลยครับ ก็สมควรโดยซักอยู่แหละนะก็เล่นพึ่งจะตกลงไปต่อตามแผนของมันมาหยกๆจู่ๆมาปฏิเสธแล้วขอให้มาส่งที่บ้านในทันทีแบบนี้นี่

“ไม่ต้องอะ พี่ครอสไม่ทำอะไรไอหรอกน่า อย่างมากก็แค่บ่น”

มันยังคงตีหน้าซีเรียสจนผมอดที่จะยิ้มขำมันไม่ได้ ตอนนี้พวกเราอยู่กันที่หน้าบ้านผมกันแล้วครับแต่ผมยังไม่ได้ลง

“ทำไม? เฟลอะดิที่ไปต่อด้วยไม่ได้”

มันพยักหน้าตอบ

“ตัวเท่าควายเสือกทำงอแง นี่ไอต้องซื้อไอติมมาโอ๋ด้วยป่าวเนี้ย?”

ผมพูดพลางยกมือจับปลายคางมันแล้วโยกซ้ายโยกขวาไปมา ไอ้นี่ก็ว่าง่ายนะครับ อยู่เฉยๆให้ผมโยกเล่นซะด้วย ผมยังคงยิ้มได้ความรู้สึกเหมือนมีหมาตัวใหญ่ๆไว้ให้เล่นด้วยอะครับ ก็ดีนะ เพลินดี แต่สักพักก็ต้องหยุดเพราะโดนมันจับมือไว้ก่อนจะเลื่อนมาที่ปาก กดจูบเบาๆแต่อ้อยอิ่งอยู่นานพลางสงสายตาหวานๆมาอีก อื้อหือ หน้าแทบไหม้ ผมนิ่งค้างทำอะไรไม่ถูกมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่หน้าหล่อๆนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปากเราประกบกันในที่สุด มือข้างหนึ่งยังคงกอบกุมกันอยู่ในขณะที่อีกข้างดึงรั้งท้ายทอยผมให้ล็อคอยู่กับที่ ริมฝีปากหนาค่อยๆเคลื่อนไหวขบเม้มไปเรื่อยๆอย่างอ้อยอิ่ง ผมหลับตารับสัมผัสจากมัน สัมผัสที่ทั้งนุ่มนวล ทั้งอ่อนโยน ผิดกับทุกครั้งที่เราเคยทำมา สักพักจึงผละถอยห่าง ผมลืมตาขึ้นมองนึกแปลกใจที่มันไม่สอดลิ้นเข้ามาแต่สิ่งที่เต้นเร้าอยู่ในอกกลับทำให้ผมไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก เหมือนจะกลัวคำตอบจากคนตรงหน้าทั้งๆที่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด

“เข้าบ้านเถอะ ดึกๆเดี๋ยวโทรหา”

มันบอกพร้อมรอยยิ้ม ผมพยักหน้าแล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถ ระหว่างที่ปิดประตูให้สายตาเราก็สบกันอีกครั้ง ดวงตานั้นกลับมาเรียบนิ่งติดจะเย็นชาเหมือนเดิมแล้ว ผมหันหลังเปิดประตูเล็กเข้าไปในอาณาบริเวณบ้านแต่รถมันก็ยังคงจอดอยู่ที่เดิม

“กลับมาแล้วเหรอคะคุณคริส”

เสียงเด็กที่บ้านเอ่ยทักทำให้ผมละสายตาจากรถคันหรู ผมพยักหน้าให้แล้วเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ แวะทักแม่แล้วเดินขึ้นห้องก่อนจะเลยไปเปิดบานกระจกตรงระเบียงแล้วออกไปยืนมองที่หน้าบ้านอีกครั้ง ทัตไม่อยู่แล้ว อะไรสักอย่างในตัวผมเหมือนจะหน่วงๆผิดปกติจนผมขมวดคิ้ว ผมหันหลังพิงราวระเบียงพลางครุ่นคิดอยู่อย่างนั้นจนแสงสว่างเริ่มจะดับวูบลงเรื่อยๆ ไฟตามหลอดนีออนส่องสว่างขึ้นแทนที่แสงจากธรรมชาติ ลมเย็นๆที่พัดผ่านร่างไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกหนาวอะไรจนกระทั้งมีเสียงรถของพี่ชายมาจอดอยู่ที่หน้ารั้วรอเวลาประตูเปิดออกนั้นแหละ ผมถึงได้สติ ผมยืนมองพี่ชายออกจากรถแล้วเดินเข้าบ้านปล่อยให้เด็กเอารถไปเก็บตามหน้าที่แล้วจึงหันหลังเข้าห้องไปอาบน้ำอาบท่า บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมมึนงงมากครับ ไม่รู้อะไรมันสุมเข้ามาจนอึดอัดไปหมด สมองก็ไม่ประมวลผลเหมือนมีอะไรสักอย่างมาปิดกั้น

หรือเป็นผมที่ปิดกั้นเองก็ไม่รู้



ก๊อกๆๆ

ผมออกมาจากห้องน้ำพอดีกับที่ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ

“ไม่ได้ล็อคครับ”

เป็นพี่ครอสที่เดินเข้ามา

“แม่ให้มาตามไปกินข้าว”

ผมพยักหน้าแล้วเดินไปยังโต๊ะกระจก จัดการทาครีมทาแป้งแล้วก็ไปเลือกเสื้อผ้าโดยที่มีพี่ชายยืนกอดอกมองอยู่ไม่ห่าง ผมรู้แหละว่ามันยืนดูอยู่แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงทั้งที่ปกติไม่เคยจะอยู่ยืนดูแบบนี้เลยสักครั้ง

“มีอะไรจะพูดกับผมเหรอ?”

พี่ครอสพ้นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วจึงคลายแขนเดินเข้ามาลื้อลิ้นชักโต๊ะกระจกหยิบยาหลอดแก้พกชำมาบีบใส่มือ ผมที่ใส่กางเกงขายาวกับเสื้อยืดธรรมดาเตรียมเข้านอนได้แต่มองนิ่งๆจนพี่แกเข้ามาซ้อนด้านหลังเอายาป้ายแล้ววนไปมาจนออกร้อน ผมมีแผลตรงนั้นด้วยเหรอ?

“มันทำมึงใช่ไหม?”

ผมถึงกับเผลอกั้นลมหายใจไปชั่วขณะ อย่าบอกน่าเป็นรอยฟันหรือคิสมาร์คที่ไอ้พี่ทัตมันทำไว้นะ

“พี่พูดอะไร?”

“มึงเป็นน้องกูนะคริส แค่รสนิยมของมึงทำไมกูจะไม่รู้”

คราวนี้ถึงกับขนลุกกันเลยทีเดียว พี่กูเป็นยิ่งกว่าอับดุลอีกเว้ย แม่งรู้ไปหมดทุกอย่างเลยวะ

“พี่...รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“นานแล้ว แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ ทำไมมึงไม่คิดจะบอกกู?”

“..........”

“มึงเห็นกูไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ป่าวสักหน่อย”

“งั้นทำไมไม่บอก ไม่ปรึกษา เรามีกันแค่สองพี่น้องนะคริสตัล”

“ผมขอโทษ”

พี่ครอสถอนหายใจอีกครั้ง มือที่วนทายาให้หยุดแล้วเปลี่ยนมาดึงผมให้หันไปเผชิญหน้า ผมช้อนตามองอย่างหวาดหวั่น ไม่ได้กลัวที่พี่ครอสรู้เรื่องหรอกครับ แต่มันก่ำกึ่งระหว่างรู้สึกผิดกับไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี เรื่องก่อนหน้าผมยังไม่ทันจะเคลียร์กับตัวเองได้ยังมีพี่ชายมาเพิ่มความกดดันให้อีกซะงั้น

แปร๊บ

ผมนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกจี๊ดขึ้นมาที่หัว มันไม่ใช่อาการเจ็บปวดจากภายนอกแต่มันแปร๊บจากภายใน

“เป็นอะไร?”

พี่ครอสถามเสียงเครียด ดูมันเครียดกว่าเรื่องที่พูดกันเมื่อกี้อีกนะครับ

“จู่ๆก็ปวดหัวขึ้นมานะ”

“มึงเป็นบ่อยไหม?”

ผมส่ายหัว

“กินข้าวเสร็จแล้วกินยานอนเลย เดี๋ยวกูให้แม่บ้านจัดยาไว้ให้”

ผมพยักหน้ารับพี่ครอสเลยดึงแขนพาเดินออกจากห้องไปยังชั้นล่าง แต่ยังไม่ทันจะถึงห้องอาหารผมก็รั้งแขนตัวเองไว้เลยให้มันพลอยหยุดเดินไปด้วย

“เป็นอะไร หยุดเดินทำไม?”

“พี่ได้บอกแม่เรื่องนี้รึเปล่า?”

ไอ้พี่ครอสจ้องหน้าผมนิ่งๆจนผมนึกกลัวขึ้นมาเลยวะ ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่าแม่มีอิทธิพลต่อใจของผมมากที่สุด และนั้นก็ทำให้ผมกลัวที่สุด กลัวว่าแม่จะรู้และรับไม่ได้ กลัวว่าจะทำให้แม่เสียใจและผิดหวังกับผม กลัวแม่งไปหมดทุกอย่าง

“ป่าว”

สัส! โล่งเลยกู

“แต่ถ้ามึงยังไม่เลิกยุ่งกับไอ้นั้น พี่คงต้องบอก”

“เชี่ยไรวะพี่ครอส!?! เรื่องนี้ไปเกี่ยวอะไรกับมันอะ?!!”

“เกี่ยวแน่ เพราะมันคิดจะเครมมึงอยู่นี่ไง”

ผมกรอกตาแบบ…กูละหน่าย มันไม่ใช่คิดจะเครมหรอกเว้ยแต่แม่งเครมไปแล้วชัดๆ แถมผมยังตอบตกลงเป็นแฟนกับมันไปแล้วด้วย เอ๊ะ แต่ถ้าพี่ครอสมันเห็นรอยมันก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้วนิ มันคงไม่โง่คิดว่าไอ้หื่นอย่างทัตเทพแค่กัดคอแล้วก็ปล่อยผมกลับบ้านหรอกนะ หรือพี่ครอสมันจะหทายถึงเครมอย่างอื่นวะครับ

“เอาเป็นว่าทำตามที่กูบอกนั้นแหละดี แล้วคอนโดเหี้ยนั้นกูจะอนุมัติให้”

ผมหันไปจ้องหน้าตาโตเลยครับ โห เล่นงี้เลยเหรอวะ

“อ้าว มายืนคุยอะไรกันตรงบันไดนะลูก แม่กำลังจะไปตามพอดี มากินข้าวได้แล้วจ้ะ”

เป็นอันยุติบทสนทนาระหว่างผมกับพี่ชายไปโดยปริยาย
 
 
 
 



Rrrrrr

ผมหันไปมองที่โทรศัพท์ของตัวเองผ่านบานกระจกกั้นห้อง แสงสว่างว๊าบขึ้นตามจังหวะสายเรียกเข้านั้นทำให้ผมเห็นชื่อผู้โทรอยู่กลายๆ เป็นไอ้คนที่บอกว่าจะโทรมานั้นแหละครับ แต่ผมยังไม่เดินไปรับในทันทีหรอกครับ ผมยังยืนยกแก้วเหล้ารอคาแพงที่แอบเอามาจิบอยู่ที่ระเบียงท่ามกลางแสงสว่างจากดวงไฟโดยรอบ ในห้องผมมืดสลัวเพราะเปิดแค่โคมไฟฉะนั้นแสงสว่างว๊าบเป็นระลอกของโทรศัพท์ผมจึงเห็นได้อย่างชัดเจนแน่นอน แต่ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบหายไปสักพักก็ดังขึ้นมาใหม่ ผมเลิกสนใจโทรศัพท์แล้วหันหน้าออกไปทางด้านนอก ท้องฟ้าของเมืองกรุงสว่างเกินกว่าที่จะมองเห็นดาวได้อย่างชัดเจน บรรดาตึกราบ้านช่องเองก็มีมากเกินกว่าที่จะเห็นพื้นที่สีเขียว มองๆไปก็ชักอยากไปเที่ยวที่ไหนสักที่ๆไม่ใช่เมืองใหญ่แบบนี้ซะแล้วสิ ว่าแล้วก็โทรเรียกสมัครพรรคพวกกันดีกว่าครับ ผมเดินกลับเข้าห้องกำลังจะหยิบโทรศัพท์ที่ยังคงดังลั่นมาดูแต่เสียงที่สองก็ดังแทรกขึ้นจนผมต้องหันไปมอง

“ไง”

“เหี้ย!!!”

ร้องเต็มเสียงไม่พอตัวยังถอยหลังไปสามก้าวเต็มแบบโคตรจะตกใจ ไอ้พี่ทัตยิ้มร่าเอาโทรศัพท์ที่แนบอยู่กับหูลงแล้วค่อยๆเดินตรงเข้ามาหา

“ทักซะน่ารักเชียวนะ”

“มะ มาอยู่นี้ได้ไงวะ?”

คือห้องผมอยู่ชั้นสองนะครับ เน้นตัวใหญ่ๆเลยว่าบ้านผม บ้านอะมึง บ้านที่มีรั้วมีกำแพงมีคนอื่นอยู่ด้วยอะมึง แล้วมึงเล็ดรอดมาถึงนี่ได้ไงวะ กูไม่เก็ต แถมผมที่ยืนอยู่ข้างนอกจนถึงเมื่อกี้ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรผิดปกติเลยสักอย่าง เอาจริงๆนะ มันเป็นผีหรือคนกันแน่วะครับ

“ปีนขึ้นมาไง”

ตอบแบบชิลมาก โคตรจะชิลจนกูหมั่นไส้แม่ง นี่บ้านกูปีนขึ้นมาง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะครับ หลังจากนี้คงต้องจ้างยามมาเฝ้าเวรสักสามสี่คนแล้วสิ อันตรายชิปหาย

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์?”

ถามหน้าตายโคตรๆ คือมึงช่วยมองอารมณ์และสถานการณ์โดยรอบด้วยว่าสมควรจะถามอะไรแบบนั้นไหม

ก๊อกๆๆ

เฮือก!!!

ยังไม่ทันจะตอบอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก โชคยังดีที่ครั้งนี้ผมล็อคประตูไว้(เพราะแอบเอาเหล้าขึ้นมากินนะครับ)บุคคลภายนอกเลยได้แต่หมุนลูกบิดไปมาอยู่อย่างนั้น

“เปิดประตูให้พี่หน่อยคริส”

อะไรกันนักหันหนาวะเนี้ย

“ยืนเซ่ออยู่ได้ หาที่หลบดิวะ”

“ไม่ต้องก็ได้มั้ง”

“F_ck! อย่าพึ่งมากวนตีนตอนนี้แล้วไปหลบนอกระเบียงเลย ไอจะปิดม่าน”

ว่าแล้วก็ผลักมันออกไปที่ระเบียงปิดบานกระจกปิดม่านเป็นอันเสร็จ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ปรับอารมณ์ให้คงที่แล้วจึงเดินออกไปปลดล็อคกลอนเปิดประตูแต่ยังคงยืนขวางอยู่อย่างนั้นไม่ได้ให้พี่ครอสเข้ามาที่ด้านใน ต้องกันไว้หลายๆชั้นนะครับ

“มีไรอะ?”

เสียงคงไม่สั่น หน้าคงไม่ผิดปกติอะไรหรอกนะ แต่ทำไมไอ้พี่ครอสมันขมวดคิ้วเลยวะ ตายละกู

“มึงกินเหล้าเหรอ?”

“…เอ่อ…”

“กลิ่นเหล้าหึ่งเลยเนี้ย มิน่าถึงล็อคห้อง แม่ให้เอานมมาให้แต่สงสัยกูคงต้องกินเอง”

ผมก้มลงมองดูแก้วนมอุ่นๆในมือพี่แล้วก็พยักหน้า

“แค่นี้ให้ป้านมเองมาให้ก็ได้ แต่พี่กินไปเหอะ”

“อืม”

“งั้นก็ไปนอนได้ละ หลับฝันดี”

“มึงด้วย เลิกกินแล้วไปนอนซะ ปวดหัวไม่ใช่เหรอ จะว่าไปมึงกินยารึยังเนี้ย?”

ผมเงียบกริบเพราะกูลืมกินจริงๆวะเห้ย

“ทำหน้างี้แสดงว่าลืม”

“ก็เดี๋ยวกิน”

“กูไม่เชื่อ พอกลับไปก็กินเหล้าจนเมาแล้วก็หลับทั้งอย่างนั้น”

“โหยพี่ เห็นผมเป็นคนยังไงวะ บอกว่ากินก็กินดิ”

“เห็นเป็นเด็กเอาแต่ใจเหี้ยๆไง ถอยไปดิ กูจะเข้า”

“เห้ย จะเข้ามาทำไม?”

“จะเข้าไปนั่งเฝ้ารอมึงแดรกยา ถอยๆ”

“ไม่ต้องๆ ผมกินแน่ๆ สาบานให้ตายเลยเอ๊า”

“ปากอัปมงคล กูบอกให้ถอย แล้วมึงไปแอบเอาเหล้าอะไรมากิน?”

“เง้อ~”

“ไม่ต้องมาอ้อน กูบอกให้ถอยไงวะ”

ว่าแล้วพี่ท่านก็แทรกตัวชนไหล่ผมเข้าไปด้านเลยครับ ผมได้แต่สบถตามหลังพลางภาวนาไม่ให้ไอ้ที่หลบอยู่นั้นทำอะไรแผลงๆเข้าให้

“ล่อของสูงเลยนะมึง”

พอเข้าไปในห้องผมได้ไอ้พี่ครอสก็ท้วงขึ้นเลย แน่ละ ขวดเหล้าวิสกี้นอกราคาแพงวางหลาอยู่กลางโต๊ะซะขนาดนั้น ไอ้พี่ครอสเดินไปทรุดตัวนั่งลงที่ข้างเตียงพลางหยิบโทรศัพท์ของผมที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมากดดูอีก มันไม่รู้รหัสปลดล็อคเครื่องหรอกครับ แต่สายที่ไม่ได้รับยังคงโชว์อยู่หน้าจอล็อคให้มันได้เห็นและยิ้มออกมาในที่สุด

“สี่สายไม่ได้รับ”

มันพูดแล้วโยนโทรศัพท์ผมไปตรงหมอน ผมที่เดินมานั่งตรงโต๊ะกำลังจะยกแก้วขึ้นดื่มต่อแต่ก็ต้องชะงักเมื่อไอ้พี่เหี้ยร้องแทรกโคตรดังจนเกือบสะดุ้ง

“หยุดเลยมึง!”

“อะไรอีกอะ!?!”

“เลิกกินแล้วไปแปรงฟัน ยามึงอยู่ไหน?”

ผมพ้นลมหายใจแล้วพยักเพยิดหน้าไปทางหน้าทีวีที่มีถ้วยแก้วใบบรรจุยาหลากสีอยู่สามเม็ด ผมไม่รู้ว่าแต่ละเม็ดนั้นคือยาอะไรแต่ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนที่จะเข้ามหาลัยเคยได้กินติดต่อกันเป็นเดือนๆ พอผมถามว่ามันคือยาแก้โรคอะไรแต่ละคนก็บอกแค่ว่าแก้ปวดหัว แก้ปวดหัวอะไรจะเยอะแยะป่านนั้นวะ

“เออๆ ไม่ต้องมาจ้องกันขนาดนั้นก็ได้”

ไอ้พี่ครอสยิ้มกริ่มเมื่อเห็นผมยอมทำตามแต่โดยดี ปกติผมต้องโต้เถียงบ้างอะไรบ้างแต่คราวนี้คืออยากให้มันออกจากห้องไปให้ไวที่สุดไงครับ เข้าใจไหมว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแบบนี้ทำเอาผมใจเต้นรัวขนาดไหน

“คริส”

“อื้อ”

ผมตอบรับได้แค่นี้เพราะฟองกำลังเต็มปาก

“มึงได้ออกไปตรงระเบียงรึเปล่า?”

เหี้ย! ใจกระตุกเลยกู

“อำไออ่ามอั้นอะ?”

“พูดอะไรของมึงวะ?”

ผมรีบบ้วนปากล้างหน้าแล้วออกมาทั้งที่มีผ้าขนหนูพาดอยู่ที่คอ

“ทำไมถามงั้นละ?”

“เหมือนกูจะได้ยินเสียงลมแทรกเข้ามาในห้อง มึงเปิดบานกระจกไว้เหรอ?”

ผมส่ายหัวเป็นพัลวันเลยครับ

“หูแว่วป่าว แล้วนมในมือทำไมไม่กินสักที”

“เออวะ ลืมไปเลย”

ผมเดินผ่านหน้าพี่ชายไปหยิบยาหยิบน้ำมาไว้ในมือ สายตาแบบเหลือบมองไปยังม่านหนาที่ยังคงปิดสนิทอยู่เช่นเดิม ผมยกแก้วยากรอกปากก่อนจะตามด้วยน้ำจนหมดไปครึ่งขวดค่อยเก็บน้ำใส่ตู้เย็นเล็กไว้เหมือนเดิม

“กินแล้ว กลับไปได้ละ”

“ดี ทีนี้ก็นอนไปเลย โทรศัพท์นี่ก็ปิดไปซะ”

“เออๆ ทำอย่างกับผมเป็นเด็ก3ขวบไปได้”

“หึ หลับฝันดี แล้วก็ทำตามที่พี่บอกด้วย มันโทรมาก็ไม่ต้องรับแบบนั้นแหละดีแล้ว”

“เออน่า”

ไอ้พี่ครอสลุกขึ้นมายีหัวผมอีกรอบก่อนจะเดินออกจากห้องไปในที่สุด ผมรีบแจ่นไปล็อคกลอนแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่พลางทรุดตัวลงนั่งแม่งที่หน้าประตูเลยครับ

“ไปนั่งทำอะไรตรงนั้น?”

ห่า ไม่รู้จะด่าไอ้อาคันตุกะไม่ได้รับเชิญนี่ยังไงดีแล้ววะ

“เบาเสียงหน่อยสิวะ”

“หึ”

มันหัวเราะแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะที่ยังคงมีขวดและแก้วเหล้าวางอยู่

“เป็นอะไรรึเปล่า?”

ผมขมวดคิ้วก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงที่ขอบเตียงซ้ำรอพี่ครอส

“ทำไมถามงั้น?”

“ได้ยินว่ากินยา”

“อ้อ แค่ปวดหัวนะ”

“เพราะไอ้นี่นะน่ะ”

มันชี้ไปที่ขวดเหล้าราคาแพงข้างๆมัน ผมส่ายหัวแล้วเอนหลังลงกับเตียง สายตามองจ้องไปที่ฝ่าเพดานลวดลายสุดแสนจะคลาสสิกจนรู้สึกได้ถึงแรงยุบที่ด้านข้าง ทัตยกมือขึ้นทาบกับหน้าผากผมก่อนจะก้มลงมาหอมแก้มผมไปอีกฟอด

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่”

“อืม”

“สงบเสงี่ยมขึ้นแฮะ โดนจับฉีดยามารึไง”

“สัส!”

“หึ”

“พี่ครอสบอกให้ไอเลิกยุ่งกับยู”

ผมพูดไปตรงๆแล้วลอบสังเกตมันไปด้วย ซึ่งทัตได้แต่มองผมนิ่งๆหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับเสริมความหล่อและออร่าภายในตัว ผมว่าผมคงกินเหล้ามากจนมึนเบลอหรือยาอาจจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วก็ได้ ถึงได้ออกร้อนไปทั้งตัวจนภายในมันบีบหน่วงแปลกๆอย่างนี้

“แล้วจะทำตามที่พี่ชายบอกไหม?”

“ทำ”

“คิดบ้างก็ได้ พูดงี้พี่เสียใจนะ”

“หึ”

กลายเป็นผมที่หลุดหัวเราะออกมาซะงั้น

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงพี่ชายเราจะให้เลิกยุ่งกับพี่แต่พี่ไม่เลิกกับคริสแน่”

“ขนาดนั้นเลย?”

“อืม ก็รักไปแล้วนี่นา”

ผมเบ้ปากจนมันหัวเราะออกมาเบาๆ

“พูดมานะอายบ้างไหม ถามจริงๆ”

“ถ้าอายแล้วจะพูดไหมละ?”

“อ้อ หนาว่างั้น”

“แล้วเราละ?”

“ไอหน้าบางกว่ายูเยอะนะทัต”

“เหรอ”

“อะไรวะ? พูดงี้มาต่อยกันเลยม่ะ?”

“อย่าพึ่งร้อนตัวดิ กำลังจะบอกว่าไม่ใช่แค่หน้าบางนะ แต่น่ารักด้วยต่างหาก”

ให้ตายสิวะ ร้อนหน้าชะมัดใครมาสุมไฟไว้แถวนี้ป่าววะ

“หยอดตลอด กะล่อนชิปหาย”

“หึ”

มันยิ้มขำแล้วยกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมออกจากกรอบหน้าจนผมต้องเบนสายตาหนีหน้าหล่อๆของมัน ไม่ไหวครับ บอกแล้วไงว่าผมหน้าบาง คือกูเขินไง เรื่องแบบนี้สู้มันไม่ได้จริงๆ

“วันนี้นอนด้วยนะ”

“เห้ย! ไม่ได้ๆ”

“ทำไมละ?”

ตีหน้าซื่อชิปหาย กูเชื่อว่ามึงรู้ดีแก่ใจว่าทำไมแต่แม่งอยากจะแกล้งผมไง

“อย่ามาตอแหลปั้นหน้าซื่อหน่อยเลยทัต ยูก็น่าจะรู้ว่าทำไม”

“ก็เดี๋ยวออกไปก่อนที่คนอื่นจะตื่นไง เอาน่า แค่นอนกอดเฉยๆไม่ทำอะไรเสียงดังแน่นอน”

ผผมเหล่ตาไปจ้องมันเลย ผมพึ่งสังเกตตอนนี้แหละว่าทัตเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว คงกลับไปคอนโดแล้วสินะ

“แล้วคิดไงถึงปีนขึ้นมาหา?”

“คิดถึง”

“สัส เอาดีๆดิ”

“ก็คิดถึงจริงๆ”

ผมกรอกตาแทบไม่ทัน

“แม่บ้านตื่นตี4และยูต้องออกไปก่อนหน้านั้น โอเคไหม?”

“ตามต้องการครับ”

พูดจบมันก็ก้มลงมาจูบผมไปอีก ผมเองก็เฉยให้มันจูบไปตามสบายจนมือมันเริ่มอยู่ไม่สุขนั้นแหละผมถึงได้เริ่มดิ้น ดีหน่อยที่มันยอมปล่อยง่ายๆแถมหัวเราะชอบใจใหญ่ที่แกล้งผมได้ น่าหมั่นไส้ชิปหาย ใครก็ได้เอามันไปเก็บที ผมจะไม่ไหวแล้วนะครับ หัวใจทำงานหนักชะมัดเลย


Tbc…

พี่ทัตรุกแรงน้องเลยตั้งรับไม่ทัน อิอิ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 14 (22/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-02-2017 21:35:46
พี่ทีครอส มีอะไรปิดบังคริสหรือเปล่า
คริส เป็นโรคอะไร ถึงต้องกินยาติดต่อกันเป็นเดือนๆ
แล้วบอกว่าเป็นยาแก้ปวดหัว
ขนาดคริส ยังสงสัยยาแก้ปวดหัวอะไรจะเยอะแยะป่านนั้น
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 15 (25/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 25-02-2017 15:23:26
สัมผัสที่ 15




 
“มาอีกละ”

ผมเงยหน้าไปมองไอ้นายที่อุทานออกมาเบาๆแต่เพราะมันนั่งอยู่ข้างๆผมผมเลยได้ยินมันชัดเจน และเมื่อมองตามสายตาของมันไปก็เจอยักษ์เดินดุ่มๆตีหน้ายิ้มมาแต่ไกล คือหลังจากวันนั้นวันที่มันบุกมาผมถึงห้องนี่ก็ผ่านมาร่วมสองสัปดาห์แล้วครับ เป็นเวลาสองสัปดาห์ที่โคตรจะไวแถมยังมีตัวยักษ์ๆของไอ้พี่ทัตโผล่มาร่วมด้วยจนมีข่าวใหม่ว่าผมกลายเป็นแฝดสยามกับมันไปแล้ว ดีหน่อยที่มันวอแวผมแค่ในมหาลัย เมื่ออยู่ข้างนอกถ้าไม่นัดกันจริงๆมันก็ไม่มายุ่งหรือมาหาแบบผลุบๆโผล่เหมือนอย่างที่เคยทำ ส่วนเรื่องที่พี่ผมห้ามนะเหรอ...ถือว่าเป็นโมฆะไปเลยครับ อย่าลืมสิว่าไอ้นายยังคงเป็นสายให้พี่ผมอยู่แล้วพอมันรู้ว่าพวกผมยังคุยกันช่วงแรกๆมันด่าผมกระหน่ำมากอะ แถมยังมารับมาส่งเองสามวันติดจนไอ้พี่ทัตทำได้แต่รอคอยช่วงเวลาว่างจากการเรียนของผมเพียงแค่นั้น เหมือนจะน่าสงสารแต่อย่าไปหลงกลสงสารมันเชียวครับ ไอ้นี่มันเจ้าเล่ห์ อย่างเช่นเมื่อวันก่อนที่พี่ผมโทรมาบอกว่าจะมารับเองมันก็อยู่รอเป็นเพื่อนผมยันพี่ผมมานั้นแหละ แต่พอพี่ผมจอดรถเทียบริมฟุตบาทปุ๊บไอ้พี่ทัตก็ดึงผมเข้าไปหาปั๊บ เอาซะแนบชิดจนแทบจะเกยมานั่งตักกันอยู่รอมร่อ เล่นเอาพี่ผมลงรถพุ่งตรงมาหาแทบไม่ทันดีที่มีพวกเพื่อนผมคอยห้ามปรามไว้อีกชั้นเลยไม่มีมวยคู่เอกให้ได้ดูชมกันครับ

อะไรมันจะขนาดนั้นวะครับ

“มาทำไม?”

ผมถามเมื่อทัตเข้ามาจนถึงตัวแล้วยังนั่งลงอีกข้างของผมโดยที่ไม่สนสายตาใครแม้แต่น้อย

“มาหาไง”

ผมกรอกตา

“ว่างมากเหรอ?”

ไอ้คนถูกถามพยักหน้ารับ ผมเลยเลิกสนใจมันแล้วหันไปคุยกันเพื่อนต่อ วันนี้เป็นวันประกวดดาวเดือนของมหาลัยครับ ไอ้มิกซ์มันก็ไปรวมตัวอยู่กับพวกพี่ๆเค้าที่หอประชุมแล้ว อีกสักพักพวกผมถึงจะตามไปให้กำลังใจมันที่นั้น จะว่าไปแล้วเหมือนเคยได้ยินแว่วๆมาว่าไอ้ยักษ์ข้างๆผมนี่ก็เคยเป็นเดือนมหาลัยนี่หว่า แล้วมันไม่ต้องไปคุมไปเตรียมตัวอะไรให้น้องๆเลยเหรอวะ

“มึงว่าไอ้มิกซ์มันจะชนะไหมวะ?”

ไอ้คมเปิดประเด็นพลางหยิบขนมเข้าปากไปด้วย ห่า นั้นของกู

“ก็ต้องชนะดิวะ นี่เราจะมีเพื่อนเป็นเดือนมหาลัยเลยนะเว้ย”

ไอ้แวนตอบกลับแล้วก็แย่งห่อขนมจากมือไอ้คมไปกินต่อ เออ ห่อเดียวกินกันทั้งกลุ่มนี่แหละ ดีนะที่ซื้อห่อใหญ่มาไม่งั้นคงเหลือมาไม่ถึงผมแหง่งแซะ

“แต่เดือนแพทย์หล่อมากเลยนะ”

ผมแย้งเพราะไปเห็นตอนพวกเดือนแต่ละคณะซ้อมเมื่อวานและวันก่อน แต่ละคนหน้าตาก็ใช้ได้นะ ใช้ได้แบบที่เพื่อนผมแม่งหมองไปเลยอะ หึหึ โดยเฉพาะเดือนแพทย์ที่เป็นหนุ่มแว่นผิวขาวแถมยังเนื้อแน่นกล้ามฟิตอีกต่างหาก

“ไอ้เชี่ยนี่ มึงต้องเชียร์เพื่อนมึงดิวะ”

“เอ๊าก็กูพูดตามที่เห็น”

“ถ้าถามถึงชายงามต้องถามไอ้คริสนั้นแหละถูกแล้ว ส่วนสาวงามต้องหันมาพึ่งกูนี่”

ผมเหยียดปากให้ไอ้หน้าม้อที่หนึ่งอย่างไอ้แวน ไอ้นายเองยังหันหน้าหนีพ้นลมหายใจไปด้วยอะ

“กูว่าน้องเนยที่เป็นดาวนิเทศฯวะ”

ไอ้คมออกความคิดเห็นต่อ ผมก็หยิบขนมเข้าปากไปไม่ขอออกความคิดเห็นเพราะผมมองผู้หญิงไม่เป็นครับ ผมมองยังไงก็เหมือนๆกันหมด

“แต่กูว่าน้องมิวดาวสถาปัตฯ”

“น้องมิวอินดี้เกิน กูว่าไม่ไหว”

“ทำไมมึงรู้วะไอ้คม?”

“ก็กูเคยไปจีบมาแล้วนะสิวะ ฮ่าๆๆๆ”

“สัส ไวนะมึง”

“แน่นอน”

“แล้วเป็นไง จีบติดไหมวะ?”

“ติดตีนนะสิ มึงรู้ไหมพอกูเดินหน้าจีบนะ ไอ้ห่า ผัวแม่งมาตามเว้ย กูหนีแทบไม่ทันผัวมันเสือกเล่นกล้ามหุ่นล่ำกว่ากูอีก”

พวกผมนี่ฮาลั่นเลยครับ ไอ้คมดูท่าจะเข็ดหลาบกับการโดนตีนคนไปพอสมควร

“แล้วไอ้การประกวดมันเริ่มตอนไหนวะ?”

อันนี้ผมถามพร้อมกับหยิบขนมชิ้นสุดท้ายเข้าปาก หุ้ย หมดแล้วอะ นี่ยังไม่ถึงครึ่งท้องเลย

“น่าจะใกล้แล้วมั้ง”

ไอ้นายยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วตอบผม ผมพยักหน้ารับกำลังจะเก็บห่อขนมยัดใส่ถุงก๊อปแก๊ปไว้ไอ้ยักษ์ข้างๆก็เอื้อมมือมาตรงหน้าเล่นเอาผมสะดุ้งโหย่งเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว มันไม่ได้ทำอะไรมากหรอกครับ แค่ใช้มือเกลี่ยตรงมุมปากผมเบาๆแล้วชักมือกลับ เมื่อกี้ผมคงกินเลอะจนมันเห็นเลยเช็ดให้นั้นแหละนะ

“หึ เด็กน้อย”

สิ้นคำพูดมันผมก็จัดการกระทืบเท้าใส่ไปทีเน้นๆแบบที่มันสะดุ้งโหย่งร้องโอ้ยออกมาทันที พอเห็นอาการเจ็บๆของมันแล้วผมก็ยิ้มออกนะ ชอบอะเวลาข่มมันได้ถึงแม้เวลานั้นจะโดนข่ม(ลงเตียง)ตลอดก็เถอะ

“แสบนักนะคริส”

ผมแลบลิ้นทำหน้าไม่สนใจจนโดนมันดึงเข้าไปใกล้หน้ากำลังก้มลงมาหาแต่ผมรีบยกมือดันมันออกได้ทันครับ ผมเริ่มรู้ทันมันแล้วแหละว่าเวลามันหมั่นเขี้ยวผมมันจะชอบดึงผมเข้าไปจูบไปหอมโดยที่ไม่สนว่าจะอยู่ที่ไหนหรือมีใครอยู่ด้วยบ้าง มันกดยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าตื่นๆของผมก่อนที่จะยอมถอยออกไปนั่งดีๆเหมือนเดิม

ขอถอนหายใจหน่อยเถอะนะ โคตรโล่งใจเลยกู

“แหมะ กูนึกว่าจะได้ดูหนังสดซะละ”

ผมขว้างถุงขยะใส่ไอ้ปากหมาเบอร์สองอย่างไอ้แวนไปทันที ไอ้นี่ก็หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบในมันสิครับ

“แล้วนี่ยูจะมานั่งบื่ออยู่นี่ทำไม? เพื่อนไม่มีให้อยู่ด้วยเหรอ?”

เมื่อเอาเรื่องเพื่อนตัวเองไม่ได้ก็แว้งมากัดไอ้เจ้าตัวการที่นั่งนิ่งปั้นหน้ายิ้มน้อยๆแต่โคตรดูดี ถ้ามึงไม่ประกาศตัวแบบโคตรจะครึกโครมผมว่าต้องมีหลายสาวหลุดมางาบมันแล้วแน่ๆ แต่นี่มันแน่วแน่มากไงครับ พุ่งตรงใส่ผมอย่างเดียวชนิดที่ไม่มีแวะข้องเกี่ยวกับใครเลยด้วย

“เพื่อนนะอยู่ด้วยตอนไหนก็ได้ แต่เมียต้องอยู่ด้วยตลอด คลาดสายตาเดี๋ยวมีหมาคาบไปพี่ก็แย่ดิ”

ไอ้แวนกับไอ้คมนี่ฮาครืนเลยครับ มีแต่ผมกับไอ้นายที่ยังคงนิ่ง จะว่านิ่งก็ไม่ถูกเพราะผมกำลังเบ้ปากอยู่ไง

“ไอไม่ใช่เนื้อสดที่จะมีหมาจ้องจะงาบ”

“ถึงไม่ใช่เนื้อสดแต่ก็เป็นเนื้อดีเกรดพรีเมี้ยมละกัน”

เมื่อรู้ว่าเถียงไปก็ไม่ชนะผมเลยหันไปจ้องมันดุๆแทนแต่มันก็ไม่สะทกเหมือนเดิมนั้นแหละนะ กูละเซ็ง ทำไมไม่มีใครกลัวกูเลยวะเห้ย กูก็ผู้ชายนะ กูก็กัดเป็น(ไม่ใช่ละ)

“ไปหอประชุมกันเหอะวะ”

ไอ้นายพูดแล้วลุกขึ้นยืนในทันที มือข้างหนึ่งของมันคว้าเอาเป้ผมไปสะพายจนผมได้แต่มองตามตาปริบๆ ไอ้แวนกับไอ้คมก็ลุกตามมาคือผผมกับไอ้พี่ทัต

“ทัต”

ผมเรียกทัตที่เดินอยู่ข้างๆด้วยเสียงที่เบาพอสมควร ดีหน่อยที่ไอ้แวนกับไอ้คมยังถกเรื่องตำแหน่งดาวมหาลัยไม่จบไอ้นายก็อยู่กึ่งกลางระหว่างพวกมันทั้งสองคน ผมเลยได้มีโอกาศหลุดจากวงโคจรของพวกมัน

“ว่า?”

“เอาจริงๆ ไม่ต้องมาหาทุกเวลาที่ว่างขนาดนี้ก็ได้มั้ง”

มันยิ้มขำๆแล้วยกมือขึ้นมาขยี้หัวผมไปอีก เสียงกรี๊ดมาจากไหนวะ แต่ก็ช่างมันเถอะ

“คิดถึงไง”

“พอเหอะ ฟังจนเอียนละ”

“งั้นก็รีบรักพี่ซะสิ จะได้ไม่เอียน”

“หึ จะบอกว่าพอรักแล้วยูก็ไม่สนใจแล้วงั้นสิ?”

“เพ้อเจ้อน่า”

ผมสะบัดหน้าหนีแบบไม่พอใจอยู่หน่อยๆวะครับ อารมณ์ดีๆเสียหมดเพราะมันนี่แหละ ถึงแม้จะยอมเป็นแฟนมันแต่เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นเพียงสถานะที่คอยคุมไม่ให้ผมไปมีอะไรกับใครเพียงแค่นั้น มันเหมือนเป็นเพียงสถานะทางร่างกายแต่ยังไม่ใช่กับใจ

ผมเร่งฝีเท้ากะเดินไปให้ทันเพื่อนแต่ไอ้ยักษ์ข้างหลังก็ยังไม่ปล่อย มันคว้ามือผมไว้แล้วดึงรั้งให้เข้าไปหาระยะประชั้นชิดกว่าเดิมอีก

“ปล่อย คนเยอะ”

“พี่เคยแคร์?”

“เออ! ไอรู้ว่ายูไม่เคยแคร์แต่ไอโคตรแคร์เลยวะ”

“สนทำไม พวกนั้นไม่ได้หาเงินให้เราใช้ ไม่ได้หาข้าวให้เรากิน แค่เสือกไปวันๆไม่ได้จริงจังอะไรกับเราสักหน่อย”

โอ้โห ช่างกล้า มันพูดไม่ใช่เสียงเบาๆนะครับแถมยังตีหน้านิ่งแต่ย้ำเสียงเหมือนหงุดหงิดอะไรสักอย่าง

“เชี่ย”

“หรือไม่จริง?”

ผมกรอกตา ไม่อยากจะเถียงต่อได้แต่ดึงแขนตัวเองกลับมาพอดีกับที่เดินมาถึงหอประชุมพวกที่รู้จักพวกเราเลยฮือฮากันพอสมควร ที่ตกเป็นเป้าก็ไม่ใช่ใครหรอกครับ เป็นผมกับไอ้ยักษ์นี่อีกนั้นแหละ หอประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาจากหลายคณะมารวมตัวกันเพื่อเชียร์ตัวแทนดาวเดือนของคณะตัวเองนั้น คิดดูสิว่าพอผมกับไอ้ยักษ์แสดงตัวแต่ละคนนี่หันพรึบกันมาเป็นแถว เล่นเอาผมชะงักในสมองก็คิดว่ากูคงคิดผิดที่มาในสถานที่ชุมนุมแบบนี้ซะแล้ว

“ไม่ต้องคิดมากน่า”

ไอ้ยักษ์ข้างๆพูดปลอบเมื่อเห็นว่าผมยังคงยืนนิ่ง มือหนาผลักผมให้เดินไปข้างหน้าต่อเพราะพวกไอ้แวนเองก็ยืนรอผมอยู่

“เป็นไรวะ?”

ผมส่ายหัวตอบไอ้คมที่ถาม

“มันไม่ถูกกับที่แบบนี้”

แต่ไอ้นายกลับตอบแทนไปซะงั้น

“อ้อ จริงสิ ไอ้นี่มันพวกอินดี้ รักสันโดษแต่เสือกดัง”

ผมหันไปมองค่อนไอ้แวนที่ปากกล้าจนมันหัวเราะร่วนแล้วเดินนำไปยังกลุ่มของพวกเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ทางปีกซ้าย พอไปถึงพวกมัมรวมทั้งผมพากันยกมือไหว้กราดรุ่นพี่ที่ยืนคุมอยู่ทางด้านหลัง มีแต่ไอ้ยักษ์นี่แหละครับที่พยักหน้าทักทายตามประสา พวกรุ่นน้องปีหนึ่งอยู่แถมด้านหน้าแถมยังมากันเยอะจนผมคิดว่าพวกพี่แกคงไปขู่เอาแน่ๆประมาณว่าถ้าใครไม่มาเชียร์จะไม่ให้ผ่านชั่วโมงกิจกรรมไรงี้ แต่ทำไมผมไม่ยักกะโดนวะ อย่าว่าแต่โดนเลย แม้แต่ได้ยินยังไม่ได้ยิน

“ไงไอ้ที”

คมมันเดินไปทักเพื่อนร่วมรุ่นที่อยู่ไม่ไกล ผมเลยได้ยินไปด้วยส่วนไอ้ยักษ์มีเพื่อนเดินเข้ามาหามันเลยหันไปคุยกับเพื่อนแต่ยังไม่ขยับห่างจากผมนะครับ

“เริ่มยังวะ?”

“เริ่มช่วงแนะนำตัวไปแล้ว ต่อจากนี้ก็โชว์ความสามารถอะ”

ผมพยักหน้ารับรู้เมื่อคนที่ชื่อทีตอบไอ้คมไปเรื่อยๆ

“พอโชว์เสร็จก็จะเริ่มให้ดอกไม้ป๊อบปูล่าร์โหวต พวกมึงไปซื้อมายัง?”

“ยังวะ ซื้อตรงไหน?”

“นู้นไง ดอกละยี่สิบ”

“แพงวะ เศรษฐกิจแบบนี้ดอกละสิบบาทก็พอมั้ง”

“เงินเข้ากองอำนวยการเว้ย เวลามีกิจกรรมเค้าจะได้เอาออกมาเป็นงบ”

“เออๆ แต้งกิ้วๆ”

ไอ้คมบอกทิ้งท้ายแล้วจึงหันกลับมาหาพวกผม

“เอาไง จะซื้อดอกไม้กันไหม?”

“เอาดิ ซื้อสักสิบดอก ให้ไอ้มิกซ์สักดอกแล้วกัน ส่วนที่เหลือกูจะให้น้องนิว”

“เชี่ยแวนแม่งโคตรรักเพื่อน กูเอาด้วยเว้ย ให้ไอ้มิกซ์สักดอกที่เหลือกูจะให้น้องเนย”

ผมส่ายหัวระอากับพวกแม่ง รักเพื่อนฉิบหาย สาบายได้ว่ามันรักกันปานจะกลืนกินจริงๆ

“แล้วมึงละไอ้นาย?”

“กูเอาสิบดอกให้ไอ้มิกซ์”

“เห้ยย๊ะ นี่มึงทุ่มให้มันหมดเลยเหรอวะ?”

“เชียร์เพื่อนแปลกตรงไหน?”

“มึงไม่มีให้สงให้สาวบ้างเลยเหรอวะ?”

ไอ้นายส่ายหัวแล้วก็ล้วงเงินออกมาให้ไอ้แวนไปพันหนึ่งเต็ม

“เยอะไปไอ้สัส”

“กูไม่มีย่อย”

“งั้นจ่ายรวมของพวกกูด้วยเลยแล้วกัน แล้วมึงละคริส?”

ผมหันไปมองที่เวทีซึ่งกำลังฉายภาพวีทีอาร์โปรโมตพวกดาวเดือนก่อนจะหันมาตอบ

“เอายี่สิบดอก”

“เชดดดดดดดด เยอะวะเห้ย ทุ่มทุนสร้างยิ่งกว่าพวกกูไปอี๊ก”

“กูไม่เชื่อว่ามึงจะให้ไอ้มิกซ์หมด สารภาพมาว่ามึงเล็งใครไว้?”

ผมละเกลียดการรู้ทันของพวกเชี่ยนี่จริงๆ ให้ตายสิ

“ยิ้มไอ้สัสยิ้ม บอกมาซะดีๆอย่าให้พวกกูต้องเดา”

“เรื่องของกูไหมวะ?”

“ทีกูยังบอกเลยไอ้คริส”

 “นั้นมึงเสร่ออยากบอกเองนี่ กูได้ถามมึงสักคำไหม?”

“ไอ้สัส มานี่เลยมึง กวนโอ้ยฉิบหาย”

ผมหัวเราะร่วนในขณะที่ไอ้แวนเข้ามาล็อคคอดึงแก้มไปตามประสา มีไอ้นายกับไอ้คมที่หัวเราะตามโดยที่ไม่มีใครคิดจะช่วยกูเลยสักคน ยกเว้น…

“ปล่อยได้รึยัง?”

เสียงแข็งและห้วนได้ที่ของยักษ์ที่ยืนตีหน้าขรึมอยู่ทางด้านหลัง ไอ้แวนถึงกับถอยทัพแทบไม่ทัน แต่ผมไม่ได้สนใจมันนะครับ ผมหันไปลื้อเป้ตัวเองจากไอ้นายแล้วล้วงเอากระเป๋าเงินออกมาหยิบเงินให้ไอ้แวน

“มึงไม่ต้องจ่าย”

ผมมองหน้าไอ้นายที่ดึงเอาเงินผมกลับเข้ากระเป๋าตามเดิม

“ก็กูให้ไปตั้งพันแล้วไง”

“นั้นก็ส่วนของมึงดิวะ”

“แค่ไม่กี่ร้อยกูจ่ายให้ได้น่า”

“รวมของกูกับไอ้คมอีกสองร้อยใช่ไหมวะไอ้นาย?”

“สัส รวมของพวกมึงมันก็เกินพันแล้ว”

“โห ไม่แฟร์วะ ทีของไอ้คริสมึงยังไม่ขัดเลย”

ไอ้นายพ้นลมหายใจแล้วควักแบงค์พันออกมาอีกใบ ไอ้คมกับไอ้แวนเลยแท๊คมือกันเลยครับ

“งั้นกูกับไอ้คมไปซื้อเอง พวกมึงรออยู่นี่แหละ”

พูดจบไอ้แวนกับไอ้คมก็ฝ่าฝูงชนไปซื้อในทันที ผมเลยเก็บกระเป๋าตังค์เข้าเป้ตามเดิมและก็มีไอ้นายที่ถือไว้ให้เหมือนเดิมเช่นกัน

“คริส”

ผมหันไปมหายักษ์ที่เอ่ยเรียกพลางเลิกคิ้วในเชิงถาม

“พี่จะไปหลังเวทีหน่อย ไปด้วยกันไหม?”

ผมส่ายหัวโดยไม่คิดเลยครับ

“งั้นรออยู่นี่ อย่าไปไหน ห้ามไปกับใครที่ไม่รู้จักแล้วก็โทรมาบอกพี่ก่อนด้วย”

ผมพ้นลมถอนหายใจพลางกรอกตามองบนเลยอะ สั่งอย่างกับพ่อทั้งๆที่พ่อแท้ๆผมยังไม่สั่งขนาดนี้ จะมีก็แต่พี่ครอสที่จู้จี้ยิ่งกว่า เหอะๆ

“เข้าใจไหม?”

ผมพยักหน้ารับแบบพอไปทีจนมันยิ้มร่าเอามือมายีหัวผมเบาๆก่อนจะเดินไปอีกทางพร้อมกับเพื่อนมันอีกสองสามคน ตอนนี้เหลือแค่ผมกับไอ้นายแล้วครับที่ยืนอยู่ตรงนี้ อ้อ ไม่รวมเหล่านักศึกษาที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่นี่นะ พอไอ้ยักษ์หายไปจากอาณาบริเวณดูเหมือนบรรยากาศล้อมข้างจะดูครื้นเครงขึ้นมาเลยครับ

“คริสๆ”

ผมหันไปมองยังผู้หญิงที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมเซคชั่นกันนี่แหละ แต่ผมไม่รู้จัก

“หืม?”

“สรุปเรื่องนายกับพี่ทัตนี่เรียลจริงใช่ไหมอะ?”

ถามพร้อมจ้องมองผมด้วยตาประกายพราวระยิบระยับเลยครับ

“เรียลอะไร?”

“ก็ที่ว่าเป็นคู่จิ้นกันไง?”

“ป่าว”

“อ้าว”

คุณเธอหน้าเหวอเลยอะ

“แค่แฟน ไม่ใช่คู่จิ้น”

เท่านั้นแหละ เสียงกรี๊ดสิบแปดหลอดคูณสิบกว่าๆก็ดังลั่นขึ้นจนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวได้แต่หันมามองด้วยความงง ผมหัวเราะขำกับปฎิกิริยาของสาวๆรอบๆนี้อย่างสนุกสนาน ไม่รู้ไปยิ้มอีท่าไหนเหมือนกันคุณเธอถึงได้นิ่งค้างจ้องมองมาด้วยใบหน้าแดงก่ำกับเป็นแถบ

“โห ถ้ายิ้มแล้วน่ารักเบอร์แรงขนาดนี้ก็สมควรที่พี่ทัตเขาจะรุกแรงขนาดนั้นอยู่หรอกนะ”

ผมเหยีดปาก

“แบบนี้เรียกหล่อเหอะ”

“เรามีกระจกนะคริส เอาไปส่องหน่อยไหม ใครๆก็ว่าน่ารักยังจะมาเถียงอีก”

ชักไม่สนุกแล้วสิ

“พอเลย แล้วถ่ายกันเสร็จรึยัง ถ่ายเยอะๆระวังเมมเต็มไม่ได้ถ่ายพวกดาวเดือนคณะกันหรอก”

“ไม่ต้องห่วง พวกฉันมีเมมสำรอง”

เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ ผมจิ๊ปากเบาๆแล้วเบนความสนใจไปที่เวทีซึ่งกำลังเริ่มการแสดงของคณะแรกที่เป็นคณะแพทย์พอดีเลยครับ คณะแพทย์ที่ผมเล็งไว้ไง ชื่อของดาวเดือนคณะโชว์หลาพร้อมกับภาพนิ่งที่ถ่ายตอนโปรโมตด้วยชุดนักศึกษา ยอมรับได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่าคนที่เป็นหล่อใสหน้าตี๋อินเตอร์มากกกกกก ซิกแพ็คที่โผล่ตามรอยแหวกของเสื้อเชิตที่ติดแค่กระดุมตรงคอนั้นยิ่งทำให้ผมลำคอแห้งผาด ไม่เอาน่า อย่ามองผมเหมือนพวกหลายใจงั้นสิ ผมแค่ชมแค่ชอบยังไม่ได้วิ่งเต้นไปเอาเค้าสักหน่อย

“มองตาไม่กะพริบเชียวนะมึง”

ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้นายที่พูดแทรกเสียงเชียร์ของฝูงชนมา

“สเป็กมึงนี่ต้องแนวคนตัวใหญ่ๆเหรอวะคริส?”

ผมเลิกคิ้ว เดือนแพทย์ล่ำจริงแต่ก็ไม่ได้ตัวใหญ่สักเท่าไหร่นะครับ ถ้าใหญ่ยักษ์ก็ไอ้พี่ทัตนั้นแหละ เหมาะสมกับนิยามคำๆนี้ที่สุดละ

“ก็เปล่านะ”

“แต่มึงมองตาเป็นมันซะขนาดนั้น”

“ก็เหมือนอย่างที่พวกมึงมองสาวทรงโตแต่ละคนนั้นแหละว๊า แค่สะดุดตาสะดุดใจเลยมองไม่ได้จ้องจะเอา…แต่ถ้าได้ก็ดีนะ”

ประโยคหลังผมพูดขำขันและก็ทำให้ไอ้นายหัวเราะไปด้วย ไม่นานไอ้แวนกับไอ้คมก็กลับมาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดงมีกระดาษใบเล็กๆซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นดอกไม้สำหรับโหวตห้อยอยู่ พวกมันแจกจ่ายดอกไม้ให้ผมกับไอ้นายตามจำนวนที่บอกไป แต่ของไอ้นายดูเหมือนจะมีมากกว่าสิบนะครับ ไอ้นายเงยหน้าไปมองเพื่อขอคำตอบไอ้คมที่รับรู้ได้เลยพูดขึ้น

“มันเหลือเศษสี่ร้อยกูเลยซื้อๆมาให้มันหมด ยังไงก็โหวตให้พวกสาวๆไปด้วยแล้วกัน”

สี่ร้อยมึงเรียกเศษเหรอวะไอ้คม แถมได้ข่าวว่าเป็นเงินไอ้นายอีกด้วยนะ เจริญจริงๆเพื่อนกู

“อะ”

ผมนิ่งมองช่อกุหลาบอีกยี่สิบดอกตรงหน้าสลับกับไอ้นายที่ยื่นมาให้ไปมา คือทำไมผมรู้สึกถึงเดดแอร์ได้ทั้งๆที่คนอื่นเค้าก็อยู่กันมากมาย

“เอาไปดิ กูให้”

เสียงกรี๊ดมาจากไหน

“เอามาให้กูทำไม มึงต้องเอาไปให้พวกบนเวทีนั้นต่างหาก”

“ไม่อะ กูไม่อยากให้ใครนอกจากมึง”

เดี๋ยวนะ…

ทำไมมันฟังดูทะแม่งๆวะ

“กูหมายถึงกูอยากให้แต่เพื่อนไม่ได้อยากให้สาวที่ไหน กูฝากไปโหวตให้ไอ้มิกซ์ด้วยแล้วกัน”

“แล้วทำไมมึงไม่เอาไปให้มันเองวะ มึงก็จะให้อยู่แล้วนี่”

“ของมึงจะได้ดูเยอะๆไง มันจะได้ซึ้งแล้วเลิกแกล้งมึงสักที”

เออวะ ไอ้ประโยคหลังนี่ฟังดูเข้าท่า แต่เชื่อผมเถอะว่าไอ้เชี่ยมิกซ์มันไม่มีทางสำนึกได้อย่างนั่นแน่ๆ

“งั้นก็ได้”

“หัดว่าง่ายอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย”

ผมเตะขามันทันที ไอ้นายก็หัวเราะขำอยู่อย่างนั้นท่ามกลางสายตาล้อๆของพวกเพื่อนอีกสองตัว มึงเป็นเชี่ยไรมากป่าวห่ะ จ้องแม่งอยู่ได้ จ้องจนอยากจะจิ้มตาแตกแม่งให้หมด น่ารำคาญวะ

“ท่าทางจะมีการตีท้ายครัววะ”

“กูก็ว่างั้นวะ”

“กระซิบเหี้ยไรกันไอ้แวนไอ้คม?!”

“ป๊าว”

เสียงสูงไปนะไอ้สัส!

Tbc…

หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 16 (28/02/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 28-02-2017 15:34:39
สัมผัสที่ 16



ผมสัมผัสได้ถึงความสั่นครืนของโทรศัพท์ที่ถูกเหน็บอยู่ตรงกระเป๋ากางเกงยีนส์สีดำเนื้อหนาพอสมควร ถ้าใครคิดว่าพวกผมจะแต่งตัวเรียบร้อยด้วยชุดนักศึกษาเป๊ะปังครบองค์นั้น กรุณาลบออกจากสมองไปเลยครับ นอกจากวันสอบและวันที่มีกิจกรรมพิเศษอย่างรับน้องหรือปฐมนิเทศแล้วพวกผมก็ไม่ได้แตะกางเกงสเลคผ้ามันรองเท้าหนังอีกเลย ถ้าถามว่าเวลาเข้าเรียนไม่โดนอาจารย์ด่าเหรอ ผมตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า…จะเหลือเหรอครับ แต่ไอ้พวกนี้มันบารมีเยอะไงครับ ด่าได้ก็แค่ด่านอกนั้นทำอะไรไม่ได้แถมยังมีตัวเต็งหัวสมองอัจฉริยะอย่างผมรวมกลุ่มอยู่ด้วยอีกต่างหาก อย่างกับเอฟโฟร์กลับชาติมาเกิด (เค้ายังไม่ตายไอ้น้องคริส =_= : ไรท์)

ผมละสายตาจากการแสดงโชว์มายากลที่เรียกเสียงหัวเราะได้อย่างท่วมท้นของไอ้มิกซ์มาหยิบโทรศัพท์ พอเห็นว่าเป็นชื่อใครก็ต้องขมวดคิ้ว ไอ้พี่ทัตโทรมาทำไมวะ? ผมกดตัดสายเพราะถึงจะรับไปก็ไม่ได้ยินอะ เสียงจากเวทีโคตรดังไหนจะเสียงหัวเราะของผู้ชมอีก ผมเปลี่ยนมาใช้แอปแชตสีเขียวเพื่อพิมพ์ไปถามไม่นานมันก็ตอบกลับมา

‘ยังอยู่ที่เดิมใช่ไหม?’

‘ใช่ ทำไม?’

‘ป่าว จะรอให้ดอกไม้เพื่อนรึเปล่า?’

‘รอดิ ซื้อดอกไม้มาแล้วด้วย’

‘อืม ให้แล้วก็รอก่อน เดี๋ยววันนี้จะไปส่ง’

‘มีคนมารับแล้ว’

‘เดี๋ยวไปส่งเอง’


ผมเบ้ปากใส่โทรศัพท์ด้วยความหมั่นไส้อย่างกับไอ้คนที่คุยด้วยมันจะเห็น เสียงปรบมือและโห่ร้องทำให้ผมเลิกสนใจโทรศัพท์กดล็อคหน้าจอแล้วเก็บลงกระเป๋าตามเดิม ไอ้มิกซ์โชว์จบไปแล้วครับ ผมได้ดูแค่ช่วงแรกส่วนไคลแม็คไม่ได้ดูเพราะมันแต่คุยกับใครบางคน แอบเสียดายแต่ก็ไม่ถึงขั้นเฟล ไปๆมาๆคือเกิดอาการเมื่อยจนเริ่มทนไม่ไหว คนแม่งก็โคตรจะเยอะโคตรจะเบียดจนหายใจหายคอไม่ค่อยสะดวก

“เป็นอะไรวะ?”

ไอ้แวนถามขึ้น มันคงเห็นว่าผมยุกยิกมองซ้ายแลขวา

“หาที่นั่ง”

“ในนี้ไม่มีหรอก ต้องออกไปข้างนอกนู้น แต่คนเบียดแบบนี้ออกไปแล้วเข้ายากชัวร์”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยแต่ก็ไม่ไหวจริงๆวะ

“งั้นกูออกไปนั่งรอข้างนอกนะ ฝากพวกมึงให้ดอกไม้มันหน่อยแล้วกัน”

“เอางั้นเหรอ?”

“เออดิ”

“สี่สิบดอกมึงจะให้ใครบ้างเนี้ย?”

“ให้ไอ้มิกซ์ยี่สิบเดือนแพทย์อีกยี่สิบ”

“กูว่าละ เดี๋ยวผัวก็หึงโหดเอาหรอกมึง”

“สัส”

มันกระตุกยิ้มกวนจนผมกระทุ้งศอกใส่ไปทีสองที ผมว่าผมก็ไม่ได้ทำแรงอะไรนะแต่มันโอเวอร์แอคติ้งมากอะ ผมแยกเขี้ยวใส่มันไปอีกก่อนจะค่อยๆแทรกตัวออกไปที่ประตูทางออกที่ใกล้ที่สุด ผมพึ่งรู้ว่าการฝ่าฝูงชนมันเหนื่อยยิ่งกว่าวิ่งขึ้นบันไดไปสักสิบชั้นก็วันนี้แหละครับ พอออกมาได้ก็ยืดอกสูดเอาอากาศให้เต็มปอดแบบโคตรจะโล่ง ด้านนอกคนน้อยอย่างที่คิด ถึงแดดจะยังเปรี้ยงแต่ผมว่ามันโอเคกว่าความอึดอัดที่ด้านในแน่ๆ

ผมมองหาที่นั่งพักไม่นานก็เจอโต๊ะไม้หินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างๆหอประชุม ดูร่มรื่นและน่าไปพักผ่อนหลับรอพวกด้านในสักงีบสองงีบมาก ว่าแล้วก็ไปเลยแล้วกัน เมื่อได้ที่นั่งผมก็ฟุบหน้าลงกับแขนเตรียมจะงีบในบันดลแต่กลับมามารผจญโผล่มาซะงั้น

“นี่”

เสียงของผู้หญิงสักคนทักขึ้นเสียงห้วนๆแข็งๆและกะจากแรงที่ดังมาคุณเธอคงเดินมายืนอยู่ด้านหลังผมแล้วแหละนะ
เออ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ กูขอเวลาสงบสุขสักหน่อยแม่งจะเป็นจะตายรึไง ผมเงยหน้าหรี่ตามองเพราะคุณเธอเสือกยืนย้อนแสงไปอีก

“ว่า?”

“แกเป็นแฟนกับพี่ทัตจริงเหรอ?”

ผมถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับไอ้การตอบคำถามบ้าๆแบบนี้ชะมัด พอไม่ได้คบก็กรี๊ดกร๊าดกันจริงพอคบก็มาถามกันจัง กูอยากจะบ้า หรือผมจะทำเป็นไม่สนใจโลกอย่างไอ้ยักษ์มันดีวะ

“อืม”

ผมตอบส่งๆกำลังจะฟุบลงนอนต่อแต่ก็ต้องแหง่นขึ้นพลางนิ่วหน้าเพราะพวกเชี่ยนี่มันจิกหัวผมอยู่ครับ แล้วกูพึ่งรู้นะเนี้ยว่าคุณเธอไม่ได้มาแค่คนเดียวแต่มีพวกมาด้วยอีกสามหน่อ ผมตบมือเจ้าหล่อนอย่างแรงเสียงดังเพี๊ยะจนคุณเธอร้องโอ้ยดังลั่น ผมฝุดลุกขึ้นยืนหันหน้าไปหาจ้องหน้าแต่ละนางด้วยความหงุดหงิดปนโมโห

“คิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรเหรอวะ?”

กดเสียงข่มแม่งไปด้วยเลย แต่เจ้าหล่อนก็ไม่นึกกลัวซะงั้น แถมยังถลึงตามองจนตาโตๆเพราะคอนแทคเลนส์หลากสีหลายไซต์จะหลุดออกมาจากเบ้าตาซะให้ได้ แก้มนี่แดงเด้งมาแต่ไกลแต่มองไปมองมาแม่งยังกับแก้มก้นลิงอุรังอุตัง อยากขำฉิบหายแต่ต้องตีเข้มทำทีขรึมก่อน ไม่งั้นคงเสียฟอร์มหมด อดไว้ไอ้คริส อย่าพึ่งหัวเราะออกมานะมึง

“เพราะแก พี่ทัตถึงได้เดินทางผิดแบบนี้”

เสียงหัวหน้าลิงแฝดร้องเหมือนจะอัดอั้น เอาเถอะ อยากระบายอะไรก็ว่ามา คนหล่อใจดีจะยอมรับฟัง แต่ถ้ามีลงไม้ลงมือก็คงทนไม่ได้ พ่อแม่ไม่เคยสอนให้ทำร้ายผู้หญิงก็จริงแต่ไม่เคยห้ามให้ป้องกันตัวเองนี่ครับ

“เดินทางผิดเชี่ยไรวะ กูก็เห็นมันไปไหนมาไหนตรงตามทางตลอด”

“อย่ามาเล่นลิ้นไอ้ตุ๊ดแรด!”

อื้อหืออออ ขึ้นเลยครับ พูดงี้กูขึ้นเลย

“จ..จะทำอะไรยะ!?!”

หัวหน้าลิงร้องถามพลางก้าวถอยหลังขณะที่ผมก้าวเข้าหาอย่างช้าๆด้วยสายตาอาฆาตใช่ย่อย กูแค่ขู่ครับ ไม่ได้จะฆ่า

“กูเป็นเกย์และถ้ากูจะแรดแล้วมันไปหนักหัวบุพการีใครไม่ทราบ?”

“แก! แก!! แกกล้าเล่นถึงบุพการีเลยเหรอยะ!?!”

“กูไม่ได้เล่น มันคือคำถาม แต่ถ้าสันดานหมาปัญญาควายอย่างมึงจะประมวลผลไม่เป็นกูก็จะสงเคราะห์บอกให้ว่ามันคือคำถามที่มึงสมควรตอบ แล้วกูจะแรดหรือไม่มันเรื่องของกู กูจะคบใครมันก็เรื่องของกูอีก ถ้ามึงอยากให้ไอ้ยักษ์ อ้อ ไอ้พี่ทัตนั้นเลือกเดินถูกทางอย่างที่มึงคิดมึงก็ต้องไปบอกมันเอง ไม่ใช่มาแส่หาหลุมฝังตัวเองกับกูแบบนี้!!!”

ใครคิดว่าผมใจดีด่าใครไม่เป็น ต้องคิดใหม่เลยนะครับ ด้านดาร์คผมยังมีอีกเยอะ เพียงแต่มันจะโผล่กับคนที่มากระตุกเส้นประสาทมันเท่านั้น อย่างกรณีแฟนคลับไอ้ยักษ์ที่มาระรานผมอยู่ตอนนี้ไง

ผมพูดจบไม่ถึงสิบวินาทีเสียงกรี๊ดสิบแปดคูณสามหลอดก็ดังลั่นจนผมยกมือขึ้นปิดหูแทบไม่ทัน ถ้าไม่ปิดประสาทหูเสียแก้วหูระเบิดแหง่งๆ แต่เนื่องจากด้านในหอประชุมมีเสียงกรี๊ดอยู่แล้วเลยทำให้เสียงเจ้าหล่อนไม่เป็นที่สนใจจากคนอื่นเลยครับ

“มึง! มึงมัน…”

“ถ้ายังไม่หยุด มึงโดนมากกว่าคำด่าแน่!”

ผมขู่กลับพลางชี้หน้าขู่ทั้งที่เจ้าหล่อนยังพูดไม่จบ ใครจะไปโง่โดนเล่นอยู่คนเดียวละวะ 

“ทำไม? แกจะทำอะไรพวกฉัน? ไอ้หน้าตัวเมีย!”

ผมกัดฟันกรอดกำหมักแน่นพยายามสะกดอารมณ์สุดฤทธิ์ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้ามาหาเรื่องผมแบบนี้เลยสักครั้ง อย่าว่าแต่หาเรื่องเลย แม้แต่ด่าผมแบบนี้ยังไม่มีสักแอะ แล้วพวกนี่มันเป็นใครวะ!?!

“ฉันจะบอกไว้ตรงนี้เลยว่าพี่ทัตเค้าแค่เครมแกเล่นๆพอเบื่อแล้วก็ทิ้ง อย่ามาหวังสูงเปิดตัวว่าเป็นแฟนไปหน่อยเลย ฟังดูแล้วอุบาทว์หู พี่ทัตเค้ามีแฟนแต่ละคนมีแต่ระดับดารานางแบบแถวหน้าไม่ใช่หมาข้างถนนอย่างแก!”

ปากจัดฉิบหาย แต่คิดว่าคนอย่างคริสตัลจะหงอจะกลัวเหรอ

“ถ้ากูเป็นหมาข้างถนนงั้นพวกมึงก็ชะนีหลงยุคละวะ นี่อะไร ทรงผมม้วนเป็นกระบวยตัดน้ำไปได้ อ้อ ลืมไปว่ามึงโง่เลยไม่คิดถึงประโยชน์ใช้สอยของมันสินะ คราวหน้าคราวหลังก็เอาไปตักน้ำให้เต็มๆแล้วก้มลงส่องดูเงาหนังหน้าพวกมึงด้วยแล้วกัน ก่อนที่จะมาแว้ดด่าใครสุ้ยๆแบบนี้”

มันส์ฉิบหาย ภาษาไทยกูเสือกแข็งแกร่งซะด้วย โดยเฉพาะคำด่า ผมไม่เคยด่าใครได้อารมณ์ถึงพริกถึงขิงขนาดนี้มาก่อนเลยวะ โคตรถึงใจ แต่จะดีกว่ามากถ้ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก เห็นผมเป็นแบบนี้ผมก็รักสงบอยู่นะครับ

“ไอ้! ไอ้!!”

คุณเธอเหมือนจะช็อคนะ ช็อคจนด่าไม่ออก ไปไม่เป็น พูดไม่ถูกและทำอะไรไม่ได้นอกจากหง่างมือขึ้นตั้งท่าจะฟาดหน้าผมทั้งๆที่ก็รู้ว่าผมเป็นผู้ชาย ผมตัวสูงกว่า ผมมีแรงมากกว่า และผมก็กดยิ้มเยาะยั่วโมโหเพิ่มในขณะที่มือก็ยกไปจับข้อมือของเจ้าหล่อนค้างไว้กลางอากาศ หน้าเจื๋อนๆของเจ้าหล่อนทำให้ผมเริ่มสนุก ผมก้าวย่างเข้าใกล้มากกว่าเก่าทั้งที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มร้ายอยู่อย่างนั้น หึ กลัวกูเหรอ พึ่งจะนึกกลัวกันรึไง มันไม่สายไปหน่อยเหรอวะ

“คริสตัล”

ไอ้ฉิบหาย

เสียงเย็นยะเยือกแบบนี้มีเพียงคนเดียวครับ

“พี่ทัต! พี่ทัตช่วยหมิวด้วยคะ หมิวกลัว”

นังตอแหล!!

ผมสบถเสียงแผ่วแล้วตวัดมือเจ้าหล่อนทิ้งแรงๆแต่ไม่แรงพอที่จะทำให้คุณเธอเซล้มอย่างที่คุณเธอกำลังทำอยู่นี่แน่นอนอะ

“โอ้ย”

มารยายิ่งกว่าร้อยเล่มเกวียน

ผมยืนกอดอกจ้องมองดูคุณเธอทำทีตอแหลแสดงละครลิงพร้อมกับเพื่อนๆคุณเธอต่อไปจนทัตเดินเข้ามาใกล้และเข้าไปพยุงตัวคุณเธอให้ลุกขึ้นมาตามแบบฉบับหนังไทยในหลายยุคหลายสมัย ผมเหยียดปากหันหน้าหนีทันทีที่เห็นเจ้าหล่อนทำทีเจ็บขานู้นนี่นั้นแล้วเข้าไปเกาะเกี่ยวไอ้ยักษ์ที่ยังคงตีหน้านิ่งอยู่เช่นเดิม

“หมิวเจ็บขาจังคะ สงสัยคงจะแพลง พี่ทัตพาหมิวไปหาหมอหน่อยนะค่ะ”

พูดไปก็จิกตามาหาผมไปด้วย ไม่ทราบว่าคุณเป็นคนหรือนกครับ

“ได้สิ”

คุณเธอยิ้มกว้างเมื่อไอ้ยักษ์มันตอบรับ สักพักก็พยุงกันไปนั่งที่เก้าอี้ตัวที่ผมพึ่งลุกมานั้นแหละครับ ผมพ้นลมหายใจไม่สบอารมณ์ตั้งท่าจะเดินหนีกลับเข้าไปหาเพื่อนที่ด้านในแต่เสียงเย็นๆของไอ้ยักษ์ก็ดังขัดผมขึ้นมาซะก่อน

“อย่าพึ่งไป”

“อะไรอีกวะ!?”

มันไม่ตอบคำถามผมแต่กลับล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคนแล้วพูดสั่งอะไรไม่กี่ประโยคก็ว่าง ผมเดาว่ามันโทรหาใครเพราะรูปการณ์และคำพูดเหมือนตอนที่มันมาช่วยพวกผมเมื่อก่อนหน้านี้แล้วโทรเรียกลูกน้องให้มารับนั้นแหละ

“มีเรื่องอะไรกัน?”

อันนี้มันถามโดยไม่ได้เจาะจงว่าถามใคร และแน่นอนว่าไอ้ตัวต้นเรื่องต้องรีบสะดีดสะดิ้งเข้าหาแล้วออดอ้อนทำหน้าเศร้าเล่าความเท็จจนผมได้แต่สวดภาวนาอาเมนให้คุณเธอไป อะไรมันจะปั้นเรื่องได้เก่งขนาดนั้นวะ กูละหงึด!

“คริส”

ไอ้ยักษ์หันมาเรียกเหมือนจะถามเอาข้อแก้ต่างแต่ผมไหวไหล่ไม่พูดอะไรจนมันถอนหายใจ ไม่นานโทรศัพท์ของมันก็ดังขึ้นมันเลยหันไปรับสายพูดอีกไม่กี่คำก็ว่างพร้อมกับการปรากฏตัวของลูกน้องคนเดิมของมัน

“พาน้องเค้าไปหาหมอที”

มันสั่งพร้อมพยักหน้าไปทางหญิงสาวทั้งหมด ลูกน้องมันก็โค้งรับก่อนจะเข้ามาอุ้มจ่าฝูงชะนีหลงยุคทั้งๆที่เจ้าหล่อนยังคงทำหน้าเหลอหลาอยู่อย่างนั้น ผมเกือบหลุดขำเมื่อเห็นท่าทีงงงันแต่ก็โต้งแย้งอะไรไม่ได้ของคุณเธอ ไหนจะท่าทีรีบๆลนๆของน้องหญิงผู้ติดตามนั้นอีก

“คริส”

ผมตีหน้านิ่งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกเป็นครั้งที่สอง แต่ผมยังไม่หันไปหามันนะ ตอนนี้อารมณ์ไม่ดีไม่อยากเห็นหน้ามันครับ ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังเกือบขำกับท่าทีของพวกนั้นแต่พอคิดถึงไอ้ยักษ์ข้างหลังอารมณ์ก็เปลี่ยนมาหงุดหงิดอย่างไม่รู้สาเหตุ ไม่อยากยอมรับว่ามันคืออารมณ์คนงอลแต่มันก็โคตรใช่ ใจตุ๊ดฉิบหายเลยกู

“หันมาคุยกันดีๆสิ”

ผมสะบัดมือข้างที่มันเข้ามาจับทิ้งแรงๆก่อนจะตั้งท่าเดินหนีแต่ไอ้ยักษ์มันกลับคว้าไว้ได้ทันแถมยังฉุดจนผมเซไปชนมันเต็มๆ แรงวัวแรงควายจริงๆ

“หงุดหงิดอะไรทำไมถึงต้องไปลงกับผู้หญิง?”

ผมตวัดสายตาไปมองจ้องมันเขม็ง

“ก็รู้ว่าเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่เราก็ไม่น่าไปทำแบบนั้นนะ ถ้าคนอื่นมาเห็นเค้าจะมองเราไม่ดีได้”

“คนอื่นนี่รวมทั้งยูด้วยใช่ไหม?”

“อย่าหาเรื่องคริส พี่พูดด้วยดีๆนะ”

“ดีเตี่ย! ยูว่าไออยู่ชัดๆ ถ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกัน”

“คริสตัล”

“ไม่ต้องมาเรียก ถึงไอไม่ได้แก้ต่างทั้งที่นังนั้นมันเข้ามาหาเรื่องเองแถมยังด่าเสียๆหายๆทั้งที่ไอยังไม่ได้ทำร้ายเหี้ยอะไรมันเลยก็ใช่ว่ายูจะมาตัดสินกันแบบนี้ โคตรรู้สึกผิดเลยวะที่ให้สถานะนั้นกับยูไป...”

มันเงียบ แต่ก็ดีเพราะตอนนี้อารมณ์ผมพุ่งสูงเกินกว่าที่จะสงบปากสงบคำเหมือนก่อนหน้านี้ได้

“ยังไงยูก็เคยคบแต่ผู้หญิงมาตลอดนี่ จะมาจริงจังอะไรกับไอละ ผู้ชายเหมือนกันแค่เอากันมันส์ๆพอเบื่อแม่งก็จบ ไม่มีอะไรเสียหายจนต้องรับผิดชอบอยู่แล้วนี่...”

“คริส”

“ก็บอกว่าไม่ต้องมาเรียกไงวะ!”

“ไปคุยกันที่รถ”

เอะอะก็จะจับกูเข้ารถท่าเดียวเลยเว้ย

“ไม่! ไอจะกลับบ้าน”

“เดี๋ยวไปส่ง”

“ก็บอกว่าไม่ไงวะ อุ๊บ!”

คราวนี้แม่งจับผมเข้าไปจูบท่ามกลางแมกไม้และแสงแดดยามบ่ายแก่ๆเลยครับ ไอ้สัส ที่โล่งแจ้งในมหาลัยเลยนะมึง แล้วคิดว่าผมจะยอมให้แม่งจูบง่ายๆเหรอ อารมณ์กูยิ่งขึ้นๆมึงฝันไปเถอะ

“อึ๊ก!”

ผมเหยียดยิ้มเมื่อมันรีบผละถอยออกไปพร้อมกับเอามือป้องปากตัวเองไปด้วย ผมทำอะไรนะเหรอ ก็แค่กัดลิ้นที่มันส่งเข้ามาในปากผมไง กัดไปเต็มแรงจนเลือดออกเลยด้วย แต่สะใจยังไม่เท่าไหร่มันก็เข้ามาจับตัวผมขึ้นพาดบ่าแล้วพาตัวไปยังรถของมันที่จอดอยู่ไม่ไกล

“ปล่อยนะเว้ย”

“.....”

“ทัต!”

“.....”

“เชี่ย!!”

ทัตแม่งโยนผมเข้าไปในรถทันทีที่มาถึงและเปิดประตูได้ ดีหน่อยที่มันโยนเข้าเบาะหลังไม่งั้นหลังผมโดนคอนโซนกลางแน่ๆ แต่ยังไม่จบครับ ผมยังไม่ทันได้ขยับไปไหนมันก็แทรกตัวเข้ามาด้วยก่อนจะปิดประตูเอี้ยวไปสตาร์ทรถเปิดแอร์เสร็จสรรพ ผมที่นอนอยู่ในแนวราบไปกับเบาะมีมันนั่งค่อมอยู่ตรงขาทำให้ขยับหนีไม่ได้เลยทำได้เพียงจ้องหน้ามันนิ่งๆ แววตาของทัตไม่เหมือนคนที่บอกรักผมปาวๆเลยครับ มันนิ่งเรียบจนผมอดหน่วงอยู่ลึกๆไม่ได้ หรือมันกำลังโกรธ แต่ถ้าโกรธแล้วจะทำไมวะ กูนี่ที่สมควรโกรธมากกว่ามึง เราจ้องหน้ากันอยู่อย่างนี้โดยที่ไม่มีใครปริปากพูดอะไรจนเวลาล่วงเลยไปหลายนาที จนเป็นผมที่หลบสายตาไปในที่สุด

“หึ”

โคตรเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ของมันจริงๆ

“ใจเย็นลงรึยัง?”

ผมไม่ตอบ

“งั้นถามใหม่...หายงอลพี่รึยังครับ?”

“งอลเหี้ยไรวะ!?!”

ผมหันไปตวาดถามกลับด้วยอารมณ์ที่ขุ่นขึ้นมาอีกแต่ทว่าไอ้คนถามมันกลับยิ้มร่าเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผมต้องตกหลุมพลาง เออ กูก็โง่ตกตามที่มึงคิดนั้นแหละ ที่มันยุไปแบบนั้นเพื่อให้ผมเปิดปากและหันไปมองหน้ามันไงครับ

“ไม่งอล? งั้นคงหึง”

“หึงพ่อง”

“พูดไม่เพราะ”

“โว้ะ ใครจะไปเป็นพ่อพระคนหล่อได้ตลอดเวลาอย่างยูละ”

“พี่ไม่ใช่พ่อพระอย่างที่คิดหรอกนะ”

“พูดมาได้เนอะ แล้วไอ้ที่เห็นเมื่อกี้คืออะไรวะ?”

“แค่กำจัดให้พ้นทาง”

ผมขมวดคิ้วเลยครับ

“หึงโหดใช่ได้เลยนะที่รัก”

“ก็บอกว่าไม่ได้หึงไงวะ!”

มันยิ้มกว้างเลยยครับ แล้วมีการก้มลงมาหอมแก้มผมไปอีกสองฟอดใหญ่ๆซ้ายขวาสลับกันจนผมต้องดันตัวมันออกนั้นแหละ

“วันนี้อยู่กับพี่ก่อนได้ไหม?”

“แล้วตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยรึไง?”

“หมายถึงอยู่ถึงดึกนะ นะครับ คิดถึงมากอยากกอดด้วย”

“อย่ามาเวอร์ พึ่งทำไปเมื่อวันก่อนเองนะ”

“จริงๆแล้วอยากทำทุกวันเลยนะ”

“ส้นตีนเถอะ ใครจะไปทนไหววะ ตัวเองแรงน้อยซะที่ไหนแถมโถมใส่แต่ละทีไม่คิดจะกั๊กกันเลยสักนิด คนทำนะสบายแต่ไอ้ที่จะตายคือนี่”

“แล้วมันดีไหมละ?”

ถึงกับสะอึก

“ก็...ก็ดี”

“หึ งั้นกลับคอนโดกัน”

ไอ้ห่า แล้วกูก็บ้าจี้พยักหน้าให้มันไปอีกนะ

โอ้ย เบื่อตัวเองวะครับ ทำไมใจง่ายงี้วะ ถ้าพวกไอ้แวนรู้มันคงกระหน่ำแซวผมมันส์ปากแน่ๆ แค่ทุกวันนี้มันก็ล้อจนอู่ขาดแคลนไว้ใส่ให้รถแล้ว(มุขเชี่ยไรวะเนี้ย)

“เดี๋ยวจัดหนักให้สาสมกับที่งอลไปเมื่อกี้เลย”

“ก็บอกว่าไม่ได้งอลไงวะ!”

แม่งพูดไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ แต่ทำไมรู้สึกร้อนๆที่หน้า เออ ช่างมันเถอะครับ


TBC...


หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 17 (02/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 02-03-2017 09:11:58
สัมผัสที่ 17



ปึก!

แกร๊ก!!

ผลั๊ก!!!


“อุ๊บ!”

เสียงร้องจากปากเล็กอุทานในลำคอทันทีที่ผมจับเค้าชิดติดกับผนังห้องทันทีที่เข้ามาภายในและล็อคประตูเป็นที่เรียบร้อย ผมฉกฉวยเอาช่วงเวลาที่คนตรงหน้ายังไม่ทันได้ตั้งตัวประกบปากจูบอย่างร้อนแรงตอบแทนอาการร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นมาเมื่อก่อนหน้านี้

ใครจะไปคิดว่าคริสตัลที่ไม่เคยมีท่าทีบ่งบอกความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจะแสดงอาการไม่พอใจตอนที่มีใครมาเกาะแกะผมขนาดนี้ ในตอนแรกก็แค่จะสั่งสอนเล่นๆที่ไปตั้งท่าหาเรื่องกับผู้หญิง แต่พอมาเจออาการงอนปนหึงแล้วก็อดเอ็นดูจนอยากฟัดให้จมเขี้ยวเสียไม่ได้ ตั้งแต่ตกลงคบกันในฐานะแฟนคริสน่ารักขึ้นนะครับ ถึงจะยังมีอาการดื้อแต่ก็ยอมให้ในตอนท้ายบางทียังพูดจาน่ารักไปโดยที่ไม่คิดเลยว่าผมจะใจเต้นขนาดไหน

ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมใจเต้นจริงๆ ทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันมันเหมือนมีอะไรบางอย่างค่อยๆผสานจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันในทุกขณะ มันอาจจะเป็นสิ่งที่คนอื่นเรียกว่าสายสัมพันธ์ละมั้ง วันเวลาอาจล่วงเลยมามากเกินหรือไม่ก็คงเพราะผมถลำลงลึกเกินจนเกินจนเกิดอาการพวกนี้ขึ้นมา

แล้วผมจะทำยังไงกับมันนะเหรอ?

ก็ไม่รู้สิครับ

แต่ตอนนี้ขอจัดการกับเด็กขี้งอนตรงหน้านี้ก่อนแล้วกัน

“เชี่ย!”

เสียงเล็กสบถเมื่อผมอุ้มเจ้าตัวขึ้นในท่าเจ้าสาวแล้วพาไปยังห้องนอน ผมไม่ใช่คนที่จะปล่อยเค้าลงอย่างช้าๆแล้วค่อยๆคลายเข้าไปหาแน่ๆ อย่างผมนะปล่อยลงปกติและรีบเข้าไปตะครุบถึงจะถูก ถึงจะมองว่ามันค่อนข้างรุนแรงไปหน่อยแต่เชื่อเถอะครับว่าคนตรงหน้าชอบมันจนตัวสั่นสะท้านเลยทีเดียว

พอคบกันมาสักพักผมก็ได้รับรู้ว่าคริสที่ปากร้ายทำตัวแกร่งกล้าแต่จริงๆแล้วอ่อนโยนมากกว่าที่คิด ออกแนวเด็กที่แข็งนอกแต่อ่อนในจนน่าเอ็นดู ผมยกยิ้มเมื่อเห็นร่างกายขาวๆมีรอยรักที่ผมฝากไว้เมื่อคราวก่อนอยู่ประปราย ผิวของคริสเนียนละเอียดและขาวดุจปุยเมฆจนอดที่จะสัมผัสไม่ได้ กลิ่นน้ำหอมประจำกายลอยละล่องเข้ามากระทบโสตประสาทจนเพิ่มอุณหภูมิภายในกายให้ร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม

“อ๊ะ!”

ร่างบางสะดุ้งและแอ่นกายเมื่อปากผมได้ครอบครองจุกสีแดงสดตรงหน้าอกเหมือนคนที่หิวกระหาย ไม่ใช่เหมือนสิ ก็หิวกระหายจริงๆนั้นแหละ มือเรียวลูบไปตามไรผมและต้นคอพลางส่งเสียงครางเครือให้อารมณ์พุ่งสูง ร่างกายคริสยั่วยิ่งกว่าใครๆที่ผมเคยกอดมา ทั้งที่เค้าคือผู้ชายคนแรกที่ผมกด แต่ดูเหมือนผมจะติดรสรักของคริสอย่างล้ำลึกจนแทบจะโงหัวไม่ขึ้น ไม่ได้การ ขืนยังยืดเยื้อไปกว่านี้มีหวังทุกอย่างได้ทลายลงต่อหน้าต่อตาแน่ๆ

“เดี๋ยวทัต!..อ๊ะ..อา..ห์...มัน...มากไป”

ผมกดยิ้มเมื่อกระเสือกกระสนตัวตนเข้าไปยังช่องทางอ่อนนุ่มหลังจากที่ปลอบประโลมไปสักพักใหญ่ๆ คริสแอ่นกายบิดเร้าตามแรงกระตุ้นจากผมที่โถมเข้าใส่ด้วยความเร็วที่ถี่ยิบและแรงจนเตียงสั่นไหว ผมไม่สนคำร้องขอแต่ก้มลงไปปิดปากเล็กด้วยปากของตัวเอง มือเรียวเปลี่ยนจากจิกทึ้งผ้าปูเตียงมาโอบรอบคอผม กรงเล็บจิกลงเนื้อให้มีอาการเจ็บแปร๊บเหมือนอยากจะเอาคืน

หึ ผมชอบในความพยศเล็กๆแบบนี้จัง

“อ๊าาาา! ทัต!!”

อืม ผมคงไปโดนจุดนั้นเข้าซะแล้ว ดูจากอาการตัวกระตุกสั่นและเกร็งในเวลาต่อมา ผมซี๊ดปากเสียงแผ่วนิ่งแช่ตัวตนไว้อย่างนั้นเพราะคริสได้ปลดปล่อยและเกร็งตัวจนด้านในรัดแน่นมากเกิดพอดี มันรัดจนผมแทบขยับต่อไม่ได้ ผมยังไม่อยากให้ช่วงเวลาของเราจบลงเร็วนักผมเลยต้องข่มมันไว้ ผมเลื่อนตัวลงต่ำไปขบเม้มที่ใบหูซึ่งแดงระเรื่อไม่แพ้ผิวหน้า เหงื่อผุดขึ้นเต็มตัวเราทั้งคู่จนมันเลื่อมทั้งๆที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำ คริสหอบหายใจหนักๆอยู่ไม่นานก็หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย

“หึ นี่แค่ยกแรกนะคริส”

“ไอเหนื่อย เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนด้วย”

“แต่พี่ยังไม่เสร็จเลย”

“เดี๋ยวทำให้”

ผมเลิกคิ้ว ก็รู้ในความหมายอยู่แหละนะแต่ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะยอมทำให้ง่ายๆนะสิ

“เอาออกไปก่อนสิ”

ผมถกตัวถอดส่วนนั้นออกตามที่คนตรงหน้าบอกแล้วเปลี่ยนไปเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงเอาหมอนมารองหลังอย่างสบายไปอีก คริสที่ยันตัวลุกขึ้นนั่งหันหน้ามาหาผมแล้วจิ๊ปาก ใบหน้าหวานนั้นแดงก่ำยิ่งกว่าเดิมจนผมอดที่จะเอื้อมมือไปเกลี่ยแก้มนั้นเบาๆ แอบแปลกใจที่เจ้าของแก้มแดงๆไม่สะบัดหน้าหนีหรือปัดมือผมออกแต่กลับอยู่นิ่งๆให้เกลี่ยเล่นแถมยังมีการช้อนตามองมาอีก ดวงตาสีฟ้าใสบรือเล็กน้อยแลดูเหม่อและฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาที่คลออยู่บางเบา แววตาแข็งกร้าวนั้นอ่อนลงดั่งขี้ผึ้งที่ถูกลนไฟ ผมจับปลายคางคนตรงหน้าไว้ก่อนจะโน้มเข้าไปจูบปากแลกลิ้นกันต่อในขณะที่มือเรียวกำรอบส่วนแข็งปั๊งของผมแล้วรูดเบาๆ ผมกดท้ายทอยเค้าให้กระชับขึ้น ลิ้นเราสลับกันรุกและรับจนแทบจะกลืนกินกันและกัน ผมเริ่มหายใจหนักหน่วงขึ้นมากกว่าเก่าเมื่ออารมณ์ถูกดึงให้จมดิ่งเพราะมือที่เพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ สักพักผมก็ถอนจูบออกคริสเลยลดตัวลงต่ำแต่ยังคงช้อนตามองด้วยความยั่วยวน ผมกัดฟันแน่นพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ดึงคนช่างยั่วให้ลงนอนราบแล้วกระหน่ำใส่อีกครั้งอย่างสุดความสามารถ และทุกอย่างก็มลายหายไปเมื่อรู้สึกถึงความชื้นจากลิ้นเล็กที่สัมผัสมายังตรงส่วนนั้น เจ้าตัวแสบยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นรีแอคชั่นของผมจนปากเล็กจัดการครอบส่วนหัวไว้ทั้งหมดและผมเผลอส่งเสียงผ่านลำคอ

ยั่วกันเข้าไป ให้มันได้อย่างนี้สิน่า

เมื่อปากเล็กไม่สามารถดูดดึงส่วนนั้นของผมได้ทั้งหมดคริสจึงใช้มือเข้าช่วย ผมเอนกายเอื้อมมือมาลูบเรือนผมสีบลอนด์ทองของเจ้าตัวเล่นไปด้วยอารมณ์ที่สุนทรี ภาพตรงหน้ามันทั้งเซ็กซี่และน่ามองเป็นที่สุด คริสเองก็ช่างท้าทาย เมื่อเห็นผมมองด้วยสายตาหื่นกระหายเจ้าตัวก็ยิ่งกระหน่ำจัดหนักๆดูดกลืนส่วนนั้นเข้าปากซ้ำๆจนความเสียวแล่นพล่าน ผมเริ่มกดหัวคนตรงหน้าให้เพิ่มจังหวะเมื่อตัวเองเริ่มจะทนไม่ไหว คริสเองก็ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่อยากจะถามเลยว่าไปเอาความเชี่ยวชาญแบบนี้มาจากไหนเพราะรู้ตัวดีว่าคงมีอารมณ์โมโหหึงผุดขึ้นมาแน่ๆ และตอนนี้ก็เริ่มจะมีแล้วด้วย ผมเด้งตัวสวนส่วนนั้นใส่ปากคริสจนเค้าเริ่มส่งเสียงออกมา ผมจัดไปยาวๆจนถึงจุดสุขสมและแช่ส่วนนั้นไว้ให้คนช่างยั่วตรงหน้าได้กลืนกินมันเข้าไปทุกหยาดหยด คริสไอค่อกแค่กเมื่อผมผละถอยและปล่อยเค้าให้เป็นอิสระ แต่อารมณ์ผมยังไม่มอดดับไปง่ายๆหรอกครับ

“เห้ย!”

คริสอุทานด้วยความตกใจเมื่อโดนผมจับให้นอนคว่ำและชันขาคุกเข่าตั้งท่าเตรียมรับเต็มที่แต่คนดื้อก็ยังเป็นคนดื้อ

“หยุดเลยนะทัต ก็ทำให้ไปแล้วไง พอได้แล้ว”

“หึ ยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะพอ”

“ไอ้เจ้าเล่ห์!”

“จะถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน”

“ไอเหนื่อย!”

“ก็นอนไปเฉยๆสิ ที่เหลือพี่จัดการเอง”

“ไอ้ อ๊ะ!..อือออ...”

ปากเล็กเผยอร้องส่งเสียงครางทันทีที่ผมสวนตัวตนเข้าไปในทีเดียว ช่วงทางเล็กตอดรัดแน่นไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะทำไปมากเท่าไหร่ก็ยังคงรัดแน่นเหมือนยังบริสุทธิ์ในทุกๆครั้ง บทเพลงรักยังคงบรรเลงไปเรื่อยๆโดยที่มีผมคอยโหมกระหน่ำใส่เจ้าตัวจนอ่อนปวกเปียก ดวงตาที่เคยบรือน้ำตอนนี้ได้ไหลรินลงมาจากหางตาทีละน้อย ใบหน้าหวานแดงลามไปถึงหูและคอ ลำตัวขาวไหวคลอนเต็มไปด้วยรอยรักที่ผมประทับไว้อย่างไม่เคยพอ ผมดุนดันตัวตนจนความร้อนหลอมรวมเราให้เป็นของกันและกัน

 

 

 

Rrrrrr

ผมหันไปมองยังโต๊ะไม้ข้างเตียงก่อนจะค่อยเอี้ยวตัวไปคว้าโทรศัพท์โดยที่พยายามไม่ทำให้คนในอ้อมแขนตื่นจากภวังค์ฝัน คริสหลับไปตั้งแต่เสร็จกิจในรอบที่สาม จะเรียกว่าหลับก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่ถ้าเรียกว่าหมดสติก็คงได้ จะเรียกว่าอะไรก็ช่าง แต่ใบหน้าหวานเปล่งปลั่งหลับตาพริ้มหน้าอกไหวติงตามแรงลมหายใจที่สม่ำเสมอนั่นทำให้ผมนอนมองเพลินจนลืมหลับพักผ่อนไปเลยด้วยซ้ำ

“ครับ”

ผมกรอกเสียงเมื่อสไลด์รับสายบุคคลที่โทรเข้ามา สายตาแอบชำเลืองมองดูนาฬิกาดิจิตอลจนเห็นเลยสิบแปดนาฬิกาก็อดยิ้มไม่ได้ เราทำกันร่วมสามชั่วโมงเลยแฮะ

/ทำไมเสียงแปลกๆ/

“พึ่งตื่นนะ มีอะไร?”

คนที่โทรมาเป็นลูกชายของอาเชนต์ที่ชื่อชิตและอายุมากกว่าผมสองปี

/อยู่คอนโดรึเปล่า?/

ผมขมวดคิ้ว

“แป๊บ”

การที่ถามอย่างนี้แสดงว่าพี่ชิตจะเข้ามาหาและสิ่งที่ทำให้คนบ้างานอย่างชิตสละเวลาเข้ามาหาผมได้ต้องเป็นเรื่องสำคัญๆเท่านั้น ผมค่อยๆยันตัวลุกขึ้นแล้วลงจากเตียงอย่างแผ่วเบา คริสพลิกตัวเหมือนจะรำคาญแต่สักพักก็นิ่งไปผมเลยเดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้อง

“อยู่ แต่มีคนอยู่ด้วย จะเข้ามาต้องรอดึกๆ”

/งั้นบอกคร่าวๆไปก่อนเลยแล้วกัน/

“ว่ามา”

/ทางนั้นรู้โรงพยาบาลที่อีฟอยู่แล้ว/

ผมตัวชาว๊าบตั้งแต่ล่างขึ้นบน ไม่คิดว่ามันจะหาเจอเร็วขนาดนี้ ทั้งที่พยายามปิดเต็มที่ ผมกำมือแน่นสายตาพลันหันไปมองที่คนบนเตียงโดยอัตโนมัติ

รู้ว่าคริสไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรนอกจากสายเลือดที่มีเหมือนคนๆนั้น

“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

/ยังไม่แน่ใจ แต่คนของเราเจอพวกน่าสงสัยมาซุ่มดูอยู่ที่โรงพยาบาลเมื่อชั่วโมงก่อน/

“ย้ายพี่อีฟไปอยู่ที่อื่น ผมไม่ต้องการให้พวกเค้าได้เจอกัน”

/นั้นคือเรื่องที่จะเข้าไปคุยด้วยนี้แหละ เราจะย้ายไปที่อื่นมันก็จะเหมือนการเริ่มต้นปิดใหม่และจะยิ่งเป็นที่สงสัย ไอ้นั้นมันสายเยอะแถมจมูกไว พี่ว่าเราน่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อจบเรื่องนี้ได้แล้วนะ/

“……”

/ทัต ถึงยังไงพวกเค้าก็เคยรักกัน.../

“รักบ้าอะไรถึงได้สั่งคนมาเก็บเมียตัวเอง!!!”

ผมตะคอกกลับด้วยโทสะที่ปะทุขึ้นมา คนที่ปลายสายพ้นลมเหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าผมต้องของขึ้นหากพูดถึงเรื่องนี้

ใช่ครับ พวกเค้าเคยรักกัน แต่เป็นรักที่ไม่ราบรื่นทั้งด้านหน้าที่การงานและครอบครัว ผมจะไม่โกรธเคืองอะไรเลยถ้าหากพวกเค้าเลิกกันเหมือนคนอื่นปกติทั่วไปไม่ใช่เลิกโดยการปองร้ายไปแบบนี้

แค่ขัดกันทางด้านธุรกิจมันจะทำให้คนที่เคยบอกว่ารักนักรักหนาเปลี่ยนจากเทวดากลายเป็นซาตานไปได้เลยเหรอ

ผมอยากจะรู้จริงๆ

 

 

 

 

 

 


“คุณทีครอสครับ”

ผู้ที่ถูกเรียกหันไปมองก่อนจะลดโทรศัพท์ที่กำลังจะต่อสายหาน้องชายลง นี่มันก็มืดมาได้สักพักแล้วแต่คริสยังกลับไม่ถึงบ้านซ้ำยังไม่มีการติดต่อให้คนออกไปรับแต่อย่างใด มันผิดปกติ ถึงแม้คริสจะออกไปกับไอ้เหี้ยนั้นน้องเค้าก็จะโทรมาบอกก่อนเสมอตั้งแต่โดนเคอร์ฟิลจากพี่ชายอย่างตน

“ว่ามา”

ปากถามแต่มือก็กดเบอร์ต่อสายและนำขึ้นมาแนบหูไปด้วย

“คอนเฟิร์มโรงพยาบาลที่คุณอีฟพักอยู่ครับ”

ทีครอสหันไปให้ความสนใจกับลูกน้องคนสนิทอีกครั้ง มือกดตัดสายและวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะก่อนจะหยิบกระดาษรายงายพร้อมรูปที่ลูกน้องพึ่งเอามาให้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน รูปหน้าหล่อค่อยๆเผยรอยยิ้มทีละนิดแต่ดวงตากลับนิ่งสนิท ไม่เคยมีใครอ่านทางชายผู้นี้ออกแม้แต่คนที่อยู่ใต้อาณัติที่สนิทที่สุดก็ตาม

“ไปเตรียมรถ เราจะไปที่นั้นเดี๋ยวนี้”

“แล้วคุณคริสตัลละครับ?”

“ให้ไคติดต่อแล้วไปรับตัวในทันที ถ้าคริสดื้อก็บอกว่าคำสั่งเด็ดขาดจากฉัน”

“ได้ครับ”

 

TBC……

ไม่ดราม่าเนอะ คริคริ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 17 (02/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-03-2017 09:37:38
 :katai5:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 17 (02/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-03-2017 19:34:12
เหมือนคริส แค่งอน ไม่ได้หึง รำคาญชะนีมากกว่า
ทัตเทพ เป็นผู้ชายเต็มตัว ยุ่งหญิงมาตลอด
แต่เพื่อแก้แค้นเลยมามีอะไรกับคริสตัลเป็นคนแรก
มิน่าชะนีเลยร้องหาผัว จนมาหาเรื่องคริส
แม้คริส จะโอนอ่อนกับทัต แต่ถ้ารู้ว่าถูกหลอก
คริส อาจเจ็บ แล้วคงยิ่งทำตัวฮอตร้ายสุดๆ แบบไม่แคร์
ให้สะใจตัวเอง  ที่ถูกหลอก คงยิ่งมันระเบิดระเบ้อ  :ling1: :ling1: :ling1:
ทัต แค่เห็นคริสเชี่ยวชาญการใช้ลิ้นใช้ปาก ยังหึงแล้ว
เหอะ......ทัตเทพ ทำร้ายทั้งคริส ทั้งตัวเอง เลยนะ
ทีครอส รู้จุดประสงค์ของทัตแล้วสินะ ว่ามาหลอกคริส
แล้วทีครอส รักอีฟจริงๆหรือ เคยสั่งฆ่าอีฟหรือ  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
ปล. ขอแก้ที่ผิดนะ
เกิดอาการเมื้อย ------ เมื่อย
หลี่ตามอง ------ หรี่
ถลึ้งตามอง ------ ถลึง
อุบาตหู ------ อุบาทว์
แว๊ดด่าใครสุ้ย ------ แว้ด
จ้องมันเขม่ง ------ เขม็ง
โว๊ะ ----- โว้ะ
ไม่งั้นหลังผมโดนคอนโทรนชน ------ คอนโซล
อาการร้อนลุ่ม ------ ร้อนรุ่ม
ผมถล้ำลงลึก ------ ถลำ
เด็กขี้งอล ------ งอน
เข้าไปตะคลุบ ------ ตะครุบ
ร้อนลุ่มยิ่งกว่าเดิม ------ ร้อนรุ่ม
ส่งเสียงครางเคลือ ------ ครางเครือ
จิกทึ่งผ้าปู ------ ทึ้ง
แววตาแข็งกร่าว ------ กร้าว
ผมสีบรอนด์ทอง ------ บลอนด์ (blonde)
ความเสียวแล่นพร่าน ------ พล่าน
โมโหหึงฝุด ------- ผุด
ชันขาคุกเข้า ------ เข่า
ปากเล็กเผย้อร้อง ------ เผยอ
ใบหน้าหวานเปร่งปรั่ง ------- เปล่งปลั่ง
รักที่ไม่ราบลื่น ------ ราบรื่น
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 17 (02/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 03-03-2017 15:04:10
เหมือนคริส แค่งอน ไม่ได้หึง รำคาญชะนีมากกว่า
ทัตเทพ เป็นผู้ชายเต็มตัว ยุ่งหญิงมาตลอด
แต่เพื่อแก้แค้นเลยมามีอะไรกับคริสตัลเป็นคนแรก
มิน่าชะนีเลยร้องหาผัว จนมาหาเรื่องคริส
แม้คริส จะโอนอ่อนกับทัต แต่ถ้ารู้ว่าถูกหลอก
คริส อาจเจ็บ แล้วคงยิ่งทำตัวฮอตร้ายสุดๆ แบบไม่แคร์
ให้สะใจตัวเอง  ที่ถูกหลอก คงยิ่งมันระเบิดระเบ้อ  :ling1: :ling1: :ling1:
ทัต แค่เห็นคริสเชี่ยวชาญการใช้ลิ้นใช้ปาก ยังหึงแล้ว
เหอะ......ทัตเทพ ทำร้ายทั้งคริส ทั้งตัวเอง เลยนะ
ทีครอส รู้จุดประสงค์ของทัตแล้วสินะ ว่ามาหลอกคริส
แล้วทีครอส รักอีฟจริงๆหรือ เคยสั่งฆ่าอีฟหรือ  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
ปล. ขอแก้ที่ผิดนะ
เกิดอาการเมื้อย ------ เมื่อย
หลี่ตามอง ------ หรี่
ถลึ้งตามอง ------ ถลึง
อุบาตหู ------ อุบาทว์
แว๊ดด่าใครสุ้ย ------ แว้ด
จ้องมันเขม่ง ------ เขม็ง
โว๊ะ ----- โว้ะ
ไม่งั้นหลังผมโดนคอนโทรนชน ------ คอนโซล
อาการร้อนลุ่ม ------ ร้อนรุ่ม
ผมถล้ำลงลึก ------ ถลำ
เด็กขี้งอล ------ งอน
เข้าไปตะคลุบ ------ ตะครุบ
ร้อนลุ่มยิ่งกว่าเดิม ------ ร้อนรุ่ม
ส่งเสียงครางเคลือ ------ ครางเครือ
จิกทึ่งผ้าปู ------ ทึ้ง
แววตาแข็งกร่าว ------ กร้าว
ผมสีบรอนด์ทอง ------ บลอนด์ (blonde)
ความเสียวแล่นพร่าน ------ พล่าน
โมโหหึงฝุด ------- ผุด
ชันขาคุกเข้า ------ เข่า
ปากเล็กเผย้อร้อง ------ เผยอ
ใบหน้าหวานเปร่งปรั่ง ------- เปล่งปลั่ง
รักที่ไม่ราบลื่น ------ ราบรื่น


ขอบคุณมากคะสำหรับความคิดเห็นและข้อชี้แนะในส่วนที่ผิด
นี่อยากจิครายมาก ผิดเยอะเวอร์วัง  :z3:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 17 (02/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-03-2017 15:19:53
 :katai1:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 17 (02/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 03-03-2017 21:33:54
 :z1:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 17 (02/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 03-03-2017 22:58:39
โธ่ พี่ทัตรักคริสขนาดนี้ ยังจะกล้าทำเรื่องไม่ดีกับคริสหรือครอบครัวคริสอีกเหรอ อยากรู้จัง ทีครอสกับอีฟทะเลาะอะไรกันรุนแรงขนาดจะฆ่าเลยเหรอ หรือ พี่ทัตเข้าใจผิด โอ้ยยย กลัวมาม่า ตอนนี้คริสเริ่มจะมีใจแล้วด้วย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 18 (06/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 06-03-2017 19:44:54
สัมผัสที่ 18


 
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงอะไรสักอย่างที่ดึงปึงปัง มันเหมือนคนกระแทกประตูและความมืดที่พบเจอก็ตอบข้อสงสัยให้ว่าคงเป็นไอ้เจ้าของห้องที่น่าจะรีบออกจากห้องไปนั้นแหละ ผมเสมองไปที่นาฬิกาเห็นว่าทุ่มกว่าๆแล้วก็แทบสะดุ้ง

ให้ตายสิ ยังไม่ได้โทรหาไอ้พี่ครอสเลย ป่านนี้ไม่ใช่สติแตกไปแล้วเหรอวะเนี้ย

ผมรีบลุกไปควานหาเสื้อผ้ามาใส่แล้วล้วงเอาโทรศัพท์กำลังจะปลดล็อคกะโทรหาพี่ชายแต่มันกลับแฝดเสียงดังลั่นเพราะมีคนโทรตัดหน้าขึ้นมาซะก่อน เบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์แปลกที่ผมไม่คุ้น

“Hi”

/คุณคริสตัลอยู่ที่ไหนครับ ผมจะได้ไปรับถูก?/

“นายเป็นใคร?”

พอจะรู้แหละนะว่าคงเป็นลูกน้องของไอ้พี่ครอสที่คอยผลัดกันมารับผมแต่เสียงของคนๆนี้ผมไม่คุ้น

/ผมไคครับ/

ไค...อ้อ ลูกน้องหน้านิ่งที่มักจะปรากฏตัวในบางเวลาอย่างกับผีเหมือนไอ้ยักษ์เลย ไคเป็นลูกน้องของพี่ครอสมานานแต่ผมเจอหน้าแทบนับครั้งได้ หน้าที่ของไคนั้นสำคัญเหมือนเป็นหัวหน้าหน่วยแต่การที่จะมารับผมซึ่งเป็นอะไรที่หน่อมแน้มแบบนี้ มันใช้เหรอวะ

“อยู่ที่คอนโดXXX นะ”

/อีกห้านาทีถึงครับ/

โคตรไว อย่าบอกนะว่าอยู่แถวนี้อยู่แล้วนะ เมื่อวางสายไปผมก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวเสร็จก็หาเสื้อผ้าไอ้ยักษ์มาใส่ มันเคยบอกไว้นี่ว่าผมจะหยิบจับอะไรก็ได้ เมื่อเสนอมาก็ต้องสนองกลับนี่เนอะ

ผมใช้เวลาในการอาบน้ำแต่งตัวร่วมครึ่งชั่วโมงเลยครับ แต่ไอ้คนที่บอกว่าจะมารับก็ไม่มีการโทรมาเร่งหรืออะไรเลยนะ ผมเก็บของสำคัญและถือชุดตัวเองออกจากห้องนอนไปยังห้องด้านนอกที่เปิดไฟไว้แค่ดวงเดียว

ทำไมเหมือนมันไม่อยู่เลยวะ และเมื่อเดินหาจนทั่วก็ไม่เจอเจ้าของห้องจริงๆผมเลยล่าถอยและออกจากห้องมันลงไปยังชั้นล่างโดยที่ไม่ได้รอบอกลาส่งท้ายอะไรทั้งสิ้น

“รอนานไหม?”

ผมเอ่ยเมื่อขึ้นมานั่งที่เบาะหลังของรถยุโรปคันหรู ไคที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับตอบกลับว่าไม่นานแล้วก็ออกรถไปเงียบๆไม่มีการพูดจาอะไรอีก

ช่างเป็นคนที่ไร้มนุษยสัมพันธ์จริงๆ

“พี่ครอสกลับบ้านรึยัง?”

จนเป็นผมที่ทนความอึดอัดไม่ไหวเลยต้องหาเรื่องถามออกไป

“ยังครับ”

“ปกตินายไม่ได้มีหน้าที่ส่วนนี้นี่ คิดยังไงถึงมารับผมละ”

“คุณทีครอสสั่งครับ”

ผมกรอกตามองบนแทบไม่ทัน อะไรมันจะเถตรงขนาดนั้นวะ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆที่จะตอบในเชิงใสซื่อเลยนะครับ เผลอๆอายุอาจมากกว่าพี่ครอสซะด้วยซ้ำ

“ผมหมายถึงการที่นายมารับแสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสักอย่างสิ แล้วเป๊กกับอั๊นไปไหน?”

“ทั้งคู่อยู่กับคุณครอสครับ”

“ห่ะ? ไปอยู่อะไรทั้งคู่?”

“งานนะครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

“งานใต้ดินละสิ”

ใช่ว่าผมจะไม่รู้เรื่องที่พี่ครอสมันมีงานใต้ดินที่ดูอันตรายอยู่นะ ผมรู้แต่ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ยุ่ง พี่ครอสมันเลยไม่ได้อะไรไม่บอกไม่ถามไม่พูดและก็ไม่ได้ห้ามให้ผมรู้ด้วย

คนขับรถกิตติมศักดิ์ไม่ตอบและนั้นก็คือปฎิกิริยาที่ทำให้ผมกดยิ้ม ผมเลิกสนใจแล้วหันหน้าออกไปมองวิวยามค่ำทางด้านนอกอยู่เงียบๆ จนกระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ของคนด้านหน้าดังเรียกความสนใจแต่ตาก็ยังมองออกไปที่นอกกระจกรถอยู่เหมือนเดิม

“ครับ...ใช่ครับ...กำลังไปครับ...ได้ครับ...ครับ...ครับ”

อุสาแอบฟังแต่รู้สึกเหมือนเสียเชิงฉิบหาย คือถึงแอบไปก็ไม่รู้เรื่องไงครับในเมื่อมันพูดแต่ครับๆอยู่แบบนี้ ผมจิ๊ปากเบาๆอย่างอดไม่ได้พร้อมๆกับที่คนด้านหน้าวางสายและเปลี่ยนเลนส์ตีไฟเลี้ยวกะกลับรถไปในอีกเส้นทาง

“จะเลี้ยวไปไหนนะ?”

“คุณทีครอสบอกให้พาคุณไปอยู่ที่ออฟฟิตครับ”

“ทำไม?”

“......”

“ผมถามว่าทำไมต้องไปอยู่ที่ออฟฟิต?”

ไอ้พี่ครอสรู้ดีว่าผมไม่ชอบอยู่ที่นั้นและเวลาแบบนี้มันมักจะให้ผมกลับไปอยู่ที่บ้านเสียมากกว่า แล้วจู่ๆไหงถึงกลายเป็นอย่างนี้ ถ้าไม่อยากคิดมากคือมันมีเรื่องจะคุยด้วยเลยให้ไปหาที่นั้นแต่ถ้าให้คิดมากๆลึกๆเข้าไปอีกหน่อยก็คงหนีไม่พ้น...

“มันไปมีเรื่องอะไรกับใครเข้าอีกละ?”

ไคไม่ตอบแต่เหยียบคันเร่งมากขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับมองกระจกมองหลังบ่อยจนผมสังเกตุได้

“มีใครตามเรางั้นเหรอ?”

ไคเหลือบตามามองผมผ่านกระจกมองหลังแล้วจึงเอ่ยปาก

“ครับ”

ผมหันไปมองที่ด้านหลังก็เจอรถยนต์สีดำติดฟิล์มทึบขับไล่เลี่ยกันมา

ท่าไม่ดีแล้วสิ

“พี่ครอสอยู่ไหน?”

“........”

แล้วแม่งก็ไม่ตอบกูอีก

“ผมถามพี่ชายผมอยู่ที่ไหน!?!”

“อยู่ที่XXX ครับ”

ต้องให้กูใส่อารมณ์ตลอด แต่เดี๋ยวนะ ที่นั้นมันใกล้โรงพยาบาลที่พี่ไอ้ยักษ์พักอยู่เลยนี่

“พี่ครอสไปทำอะไรที่นั้น?”

“ไปทำงานครับ”

“งั้นผมจะไปหามัน”

“ไม่ได้ครับ คุณครอสสั่งให้พาคุณไปอีกที่หนึ่ง”

ผมพ้นลมหายใจแรงๆอย่างนึกหงุดหงิด แต่จะเถียงต่อก็เปลืองน้ำลา ยพูดมากไปมันก็ไม่พาไปอยู่ดีถ้าไม่ใช่คำสั่งของผู้ที่เป็นเจ้านายอย่างพี่ครอส ว่าแล้วผมก็หยิบเอาโทรศัพท์ออกมากดต่อสายหาพี่ชายในขณะที่ไคยังคงพาขับรถหลีกหนีด้วยความชำนาญ

“บ้าจริง!”

ผมสบถเมื่อต่อสายไปกี่ทีๆไอ้พี่ครอสก็ไม่ยักกะรับสาย เลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็ฯเบอร์ของลูกน้องมันอีกคนที่มารับผมบ่อยๆ

/ครับคุณคริสตัล/

“ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?”

ถามเสียงแข็งไปมันจะได้รู้ว่ากูกำลังเอาจริง

/เออ คือว่า.../

“ที่xxxใช่ไหม?”

/คะ ครับ/

“แล้วพี่ครอสอยู่ไหน ทำไมไม่รับสายผม?”

/คุณครอสอยู่ในห้องประชุมครับ คงกำลังคุยเรื่องสำคัญเลยไม่สะดวกรับสาย/

“บอกมันด้วยว่าผมกำลังจะไปหา”

/ไม่ได้นะครับ!/

ผมขมวดคิ้วเลย

“ทำไมจะไม่ได้ หรือมีอะไรปิดบังกัน?”

/ปะ ป่าวครับ แต่ผมคิดว่าคงใกล้จะได้กลับแล้วเลยไม่อยากให้คุณคริสมา/

ตอแหลชัดๆ น้ำหน้าอย่างมันเหรอจะจงรักภักดีกับผมถึงขนาดนั้น

“ผมจะไปรับพี่ชายกลับบ้านพร้อมกันไง แค่นี้แหละ อีกไม่ถึงสิบนาทีน่าจะถึง”

ถ้ากะจากความเร็วที่ไคขับอยู่ตอนนี้แหละการจราจรที่โล่งพอสมควร ผมกดวางสายโดยไม่สนคำทักท้วงไดๆจากคนปลายสายแล้วหันไปสั่งไคต่อ

“พาผมไปหาพี่ครอส เราจะไปรับเค้ากลับพร้อมกัน”

“แต่ว่า..”

“อั๊นบอกว่าเรียบร้อยแล้ว”

ไคเงียบไปอึดใจหนึ่งไม่นานก็ตอบ ‘ครับ’ เบาๆและตีไฟเลี้ยวเตรียมมุ่งหน้าไปยังจุดหมายที่ผมบอก ผมยกยิ้มพอใจแล้วเอามือกอดอกนอนพิงเบาะสบายๆไม่ได้ร้อนรนอะไรและไม่สนด้วยว่าไคสลัดรถคันนั้นหลุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมค่อนข้างวางใจในฝีมือของไคนะ จากการที่เค้าอยู่กับพี่ผมได้นานกว่าใครและยังเป็นมือขวาของพี่ชายแสดงว่าฝีมือต้องระดับพระกาฬ

ไม่ถึงสิบนาทีไคก็มาถึงจุดหมายซึ่งเป็นอาคารขนาดกลางที่ปิดประตูสนิทเหมือนไม่ได้เปิดทำการ ผมเลยนึกฉงนว่าไอ้พี่ครอสมันมาขูดรีดเค้ารึไงถึงได้มาเอาวันที่เค้าไม่เปิดทำการแบบนี้

“ทางนี้ครับ”

ไคเป็นคนเอ่ยเรียกความสนใจและผายมือไปทางด้านข้างตัวตึก ผมเดินตามไปจนถึงประตูเล็กซึ่งมีคนที่ผมพึ่งโทรหายืนเฝ้าอยู่ ทันทีที่อั๊นเห็นผมสีหน้ามันดูตกใจใม่น้อย ผมกดยิ้มไหวไหล่เมื่อไคเหลียวมามองเหมือนจะกล่าวโทษแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา

ไคถอนหายใจเมื่อคิดว่ามันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ก็คงต้องพาไปหาเจ้านายอย่างเดียวจึงได้หันไปพูดคุยกับคนเฝ้าประตูจนมันยินยอมเปิดให้โดยไม่กล้าที่จะขัด ผมเดินตามไคไปยังด้านในพลางสอดส่องมองดูรอบๆ

ที่นี้ไม่ใช่ไม่เปิดดำเนินการแล้วแหละ แต่เป็นถูกปล่อยให้ทิ้งร้างเสียมากกว่า ดูจากข้างของเครื่องใช้ที่ฝุ่นจับหนาเตอะแถมยังระแนระนาดไหนจะกลิ่นอับๆนี้อีก

ไคพาขึ้นไปยังขึ้นสามซึ่งเป็นชั้นบนสุดถ้าไม่นับดาดฟ้าจนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง

“หยุดเดินทำไม?”

“คุณคริสรออยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ ขอผมเข้าไปดูสถานการณ์ทางด้านในก่อน”

“ทำไมต้องดูก่อน มาจนถึงนี่แล้วก็เข้าไปพร้อมๆกันเลยนี่แหละ”

“แต่ว่า...”
 



ปัง!
 



ควับ!!!
 
ยังไม่ทันที่ไคจะพูดจบก็เกิดเสียงปืนดังลั่นขึ้น ผมตกใจจนสะดุ้งในขณะที่ไครีบคว้าตัวผมเข้าไปหลบที่ด้านหลังพลางหยิบปืนจากข้างตัวขึ้นมาตั้งท่าเตรียมพร้อม

“ไค พี่ครอสละ!?!”

เสียงมาจากด้านในและพี่กูก็อยู่ที่ด้านในนะครับ ผมรู้ว่ามือผมทั้งสองข้างที่ดึงชายเสื้อสูทของไคนั้นสั่นพอประมาณ แค่พอประมาณที่ลามไปจนถึงคอและกล่องเสียง เหงื่อจากไหนก็ไม่รู้ผุดขึ้นมาจนออกร้อนไปทั้งตัว ไคที่จ้องมองไปรอบๆอย่างระมัดระวังตัวและยังไม่ทันตอบผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงคนวิ่งขึ้นบันไดมาเรื่อยๆ ผมคิดว่าคงเป็นอั๊นแต่เมื่อเสียงดังขึ้นจนได้ยินชัดว่ามันไม่ใช่เสียงฝีเท้าของคนๆเดียวจึงเริ่มใจกระตุก

“ไปหลบอยู่ในห้องนั้นแล้วล็อคประตูไว้ให้ดี อย่าออกมาจนกว่าผมจะโทรเรียก เข้าใจนะครับ”

ผมพยักหน้ารับรู้แล้วรีบวิ่งเข้าห้องฝั่งตรงข้ามปิดประตูลงกลอนตามที่ไคบอกไม่นานเสียงคนสู้กันพร้อมคำโวยวายก็ดังขึ้นมา ดีที่ไม่มีเสียงปืนเกิดขึ้นอีกไม่งั้นเรื่องมันคงบานปรายและรุนแรงมากกว่านี้ ผมนั่งฟังเสียงทุกอย่างแต่จับใจความไม่ได้จนสักพักใหญ่ๆทุกอย่างก็เงียบลงแต่ไม่มีเสียงโทรศัพท์เรียกให้ออกไปแต่อย่างใด

อย่าบอกนะว่าไคแพ้

แล้วพี่ครอสจะปลอดภัยได้ยังไงละ

พอคิดได้อย่างนั้นความกลัวก็วิ่งพล่านไปทั้งตัวจนชาว๊าบ ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะหน้าซีดปากสั่นไหมแต่ผมรู้สึกแค่ว่าตัวเองแปลกๆไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน




แกร๊ก!




ผมสะดุ้งโหย่งเมื่อได้ยินเสียงเหมือนใครมาบิดลูกบิดประตูแต่ผมล็อคไว้แล้วเลยไม่สามารถที่จะเปิดเข้ามาได้

ผมได้ยินเหมือนเสียงใครคุยกันดังแว่วๆแล้วทุกอย่างก็เงียบลงไปอีก เออ อาคารนี้แม่งเก็บเสียงดีใช้ได้ ขนาดเสียงปืนยังดังไม่มากเท่าไหร่ ถ้าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงประตูก็คงจะไม่ได้ยินอะ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดล็อคแล้วมองหน้าจอนิ่งๆ ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปจนจะสามทุ่มแล้วครับ ทำไมไคถึงไม่โทรมาสักทีละ


Rrrrr


เหี้ย!

เกือบทำโทรศัพท์ตกเลยไหมละ

ผมนิ่งไปนิดเมื่อเห็นรายชื่อคนที่โทรเข้ามา ไม่ใช่ไค แต่เป็นไอ้ยักษ์ มันคงกลับไปที่คอนโดแล้วไม่เห็นผมละมั้ง

“อืม”

/คริสอยู่ไหน?/

เสียงมันแปลกๆเหมือนคนกำลังหอบหายใจอยู่เลยครับ แต่ยังฟังดูก้องๆด้วยนะ

“กำลังจะกลับบ้าน โทษทีที่ไม่ได้บอกก่อน”

/……/

ปลายสายเงียบไปไม่นานสายก็ตัด ผมเอาโทรศัพท์มามองอย่างงงๆ ไอ้นี่ก็บ้า บทจะผีเข้าก็ไม่บอกกล่าวกันเลยนะมึง



ตึ๊ง!



เหี้ย!!

ผมสะดุ้งอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงเหมือนอะไรหนักๆมากระทบที่บานประตู อย่าบอกนะว่าพวกนั้นจะพังเข้ามา ไอ้ห่า กูชักกลัวแล้วนะเว้ย ไอ้พี่ครอสเหี้ย รีบมาช่วยน้องเลย!!!


ตึ๊ง!!


เมื่อรอบแรกไม่ผ่านรอบสองจึงตามมา เวลานี้กูไม่นั่งมองอยู่เฉยๆแล้วครับ ผมรีบลุกไปหาที่ซ่อนซึ่งก็เจอโต๊ะทำงานเก่าๆตั้งอยู่ใกล้ๆบานหน้าต่างเลยได้ที่ซ่อนในที่สุด ผมซุกร่างของตัวเองเข้าไปที่ช่องว่างข้างล่างด้วยใจที่เต้นระทึก เต้นโคตรแรงอย่างกับจะทะลุออกมานอกอกซะให้ได้ เสียงกระแทกรอบที่สามก็ตามมาแต่รอบที่สี่คือดังที่สุดและมันก็เปิดเข้ามาได้แล้วด้วย

“ไม่เห็นมีอะไรเลย”

เสียงบุคคลปริศนาคนแรกเอ่ย ผมเอามือปิดปากเพราะกลัวจะเผลอส่งเสียงอะไรออกไปถ้าหากมีอะไรให้ต้องตกใจอีก

“เอาน่า นายบอกให้หาก็หาไป”

บุคคลปริศนาคนที่สองเอ่ยก่อนที่เสียงเดินจะตามมาเป็นละลอก พ่อแก้วแม่แก้วเทวดาซาตานพระเจ้าองค์ไหนก็ได้ ช่วยไล่มันไปไกลๆหรือให้มันหาผมไม่เจอทีเถอะครับ อาเมน~

“เห้ย พวกมึงนะ”

เหมือนจะเป็นเสียงบุคคลที่สาม

“มีอะไรวะ?”

“เจอไหมวะ? กูอยากรีบเคลียร์รีบกลับแล้ววะ”

“แล้วมึงเห็นว่ามีไหมละ ถ้าจะยืนบ่นก็มาช่วยกันหา ห้องรกสัส ไหนจะฝุ่นอีกแม่ง”

อย่ามาเลยเหอะ แค่สองคนกูก็ใจระทึกฉิบหายแล้วนะเว้ย มาเพิ่มอีกหนึ่งไม่ต้องกลั่นหายใจกันเลยเหรอ

“เออๆ ว่าแต่พวกมึงคิดเหมือนกูไหมวะ”

“คิดอะไร?”

“คิดว่านายเรายังใจอ่อนเกินไป อย่างกูนะถ้าจะยิงกูจะเอาแม่งให้ตาย แต่นี่เหมือนจะให้แค่เจ็บ”

“มันก็เรื่องของนายป่าววะ?”

“แต่เห็นว่าแค้นขนาดนั้นกูก็นึกว่าจะเอาตายเลยไง”

“นินทานายนักเดี๋ยวกูฟ้องแม่ง”

“ไอ้สัส! กูแค่สงสัยเว้ย!!”


“เสียงดังอะไรกัน?”


!!!!


คราวนี้ไม่ใช่แค่พวกที่คุยกันนั้นที่ตกใจ แต่คนที่ซ่อนอยู่อย่างผมก็ตกใจ เสียงคนมาใหม่ที่เป็นบุคคลที่สี่นั้นมันคุ้นหูผมมาก คุ้นเหมือนพึ่งได้คุยกันไปหยกๆ

“ป่าวครับนาย”

“ถ้ามีเวลาสงสัยนักก็หาให้เจอภายในสิบนาที ถ้าไม่เจอพวกมึงโดนหนักแน่!”

“ครับ!!!”

สิ้นเสียงคำรามต่ำที่สั่งการอย่างหัวเสียผมได้แต่นิ่งค้างด้วยใจที่กระตุกวูบ


ชัดเลย…


เสียงนี้มัน…



Rrrrr


เฮือก!!!


เวรแล้วไง ลืมปิดเสียงโทรศัพท์ซะได้

“เห้ย! เสียงมาจากตรงนั้น”

เหี้ยแล้ว

“ออกมานี่เลยมึง”

มันโผล่หน้าเห่ยๆมากันครบทั้งสามคนเลยครับ ผมกัดฟันกรอดก่อนจะถีบไอ้คนแรกที่เข้ามาฉุดแขนจนมันถลาไปชนกับพนังห้อง แต่พอจะลุกหนีคนที่สองและสามก็เข้ามาล็อคแขนคนละข้างแล้วพาลุกไปเผชิญหน้ากับคนที่มันเรียกว่า ‘นาย’

“ทัต”

เสียงผมคงไม่สั่นใช่ไหมครับ

คนตรงหน้ามองผมนิ่งๆด้วยแว่วตาที่ว่างเปล่า มันว่างเปล่าจนผมใจไม่ดี ทัตไม่เคยมองผมด้วยแววตาแบบนี้

“พาไปขึ้นรถ”

“ครับ”

“เดี๋ยว! นี่มันเรื่องอะไรกันนะทัต!! ไอ้สัสปล่อยกูนะ”

ผมตะโกนโหวกเหวกพร้อมดิ้นพล่านแต่ก็ยังต้านทานไอ้สองคนที่ล็อคผมไว้ไม่ได้ ทัตไม่เอ่ยตอบใดๆและไม่แม้แต่จะมองตามผมมาด้วยซ้ำ

นี่มันเรื่องอะไรกันวะ!?!

ทัตมาเกี่ยวข้องได้ยังไง!?!

แล้วพี่ชายของผมละ!?!


“เทพทัต!!!”


TBC…
 :katai4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 18 (06/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-03-2017 19:53:08
ใกล้ถึงจุดพีคแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 18 (06/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 06-03-2017 20:05:35
แนะนำให้คริสเทผัว
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 18 (06/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-03-2017 20:56:45
แนะนำให้คริสเทผัว
ช่าย เท ทัต ทิ้งทัตไปเลย
ทิ้งทัต ทิ้งลงแม่น้ำไป.......
ให้ลอยไปสู่ทะเล....
จมก้นมหาสมุทรไปเลย
แล้วคริส ลืมให้หมดสิ้นไปจากความทรงจำ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 18 (06/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 06-03-2017 22:47:10
ผัวเหี้ยๆหาใหม่สิคะ สะบัดบ๊อบค่ะ !!!!
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 19 (07/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 07-03-2017 21:22:43
สัมผัสที่ 19


 
“ปล่อยกูสิวะ!”

ผมยังคงด่าไอ้พวกที่ล็อคตัวแล้วพาผมมายังรถตู้สีดำสนิทที่ด้านหน้าตึก สายตากวาดมองไปยังจุดที่เคยมีรถยุโรปหรูคันที่ผมมาแต่ทว่าตอนนี้มันกลับไม่อยู่ ณ จุดๆนั้นซะแล้ว ผมหยุดชะงัก เหมือนทุกอย่างมันวูบไปซึ่งๆหน้าอย่างกับโดนไม้หน้าสามพาดใส่ยังไงยังงั้น

อย่าบอกนะว่าผมโดนทิ้ง

ไม่มีทาง พี่ครอสมันไม่ทำอย่างนั้นแน่
 
“มึงคิดเหมือนกูไหม?”
“คิดอะไร?”
“คิดว่านายเรายังใจอ่อนเกินไป อย่างกูนะถ้าจะยิงกูจะเอาแม่งให้ตาย แต่นี่เหมือนจะให้แค่เจ็บ”

 
คำพูดของไอ้สามตัวนี้ดังวนลูฟเข้ามาในหัวสมองโดยไม่บอกกล่าว ยิงงั้นเหรอ? พี่ครอสโดนยิงเหรอ??

ผมรู้สึกตัวเมื่อโดนผลักให้เข้าไปยังในตัวรถและจู่ๆก็มีผ้าอะไรสักอย่างมาปิดจมูก ด้วยความตกใจผมเลยสูดอากาศเข้าปอดตามปฎิกิริยาของร่างกายจนได้กลิ่นฉุนกึ๊กเข้าไปเต็มๆจมูก อาการมึนหัวเข้ามาแทรกทันทีที่ผมสัมผัสได้ถึงมัน ไม่นานทุกอย่างก็มืดสนิทและหลับไหลไปในระยะเวลาไม่นาน

 
 
 
 
 
“อืม..”

ผมตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกแห้งผาดที่ลำคอ ดวงตาสีฟ้าใสค่อยๆบรือขึ้นทั้งที่ยังคงมีอาการมึนหัวแทรกมาเป็นระยะ อย่าว่าแต่มึนหัวเลย มันเหมือนมีอาการปวดจี๊ดที่หัวเหมือนอย่างที่เป็นบ่อยๆเสียมากกว่า ผมยกมือขึ้นกุมศรีษะโดยอัตโนมัติพลางนิ่วหน้าเมื่ออาการมันเหมือนจะรุนแรงขึ้นไปอีก

“เป็นอะไร?”

เสียงทุ้มเย็นเอ่ยถาม ผมสะดุ้งลืมตาโพลงก่อนจะยันการผุดลุกขึ้นนั่งในทันที ทัตหมุนหัวคิ้ว มันนั่งอยู่ริมเตียงข้างๆผมท่ามกลางความมืดภายในห้อง ทั้งๆที่มืดสนิทแต่เรากลับมองเห็นกัน ดวงตาเข้มดุจ้องมองผมอยู่อย่างนั้นนิ่งๆในขณะที่ผมจ้องมองมันด้วยความหวาดระแวง

“กลัวเหรอ?”

มันเอ่ยอีกครั้งพร้อมกับเหยียดยิ้มกว้าง ผมไม่ตอบ ทั้งที่มีคำถามมากมายอยากจะถามอยากจะได้คำตอบแต่ทำไมผมถึงพูดไม่ออกทั้งๆที่มันก็นั่งอยู่นี่ อยู่ใกล้ๆกัน อยู่ด้วยกันแค่สองคนเหมือนอย่างเคย

“นอนต่อเถอะ นี่ยังไม่เช้าเลย”

แล้วทำไมถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ทำไมถึงทำเหมือนปกติได้

“นี่มันเรื่องอะไร?”

ผมเอ่ยปากในที่สุด อาการปวดจี๊ดที่หัวยิ่งเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นแต่ผมไม่สนใจ ทัตไม่ตอบแต่หลบสายตาผมไปก้มลงมองมือตัวเอง

“ถ้าไม่อยากให้โกรธมากไปกว่านี้ก็บอกมาให้หมด”

“หึ”

อีกแล้ว ไอ้เสียงหัวเราะแบบนี้อีกแล้ว

“รู้ไหมว่าไอเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ของยูขนาดไหน?”

“รู้”

“.......”

“ถึงรู้หรือไม่รู้คริสก็โกรธพี่อยู่ดี”

“แล้วมันสมควรไหมละ”

“......”

“เงียบทำไม? พูดมาสิ โอ๊ย!”

“เป็นอะไร?”

ทัตตั้งท่าจะเข้ามาหาแต่ผมปัดมือหนาที่เอื้อมมาทิ้งอย่างไม่ใยดี อาการปวดหัวเพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณแต่ผมก็ยังทิฐิ ผมยังไม่อยากให้มันแตะเนื้อต้องตัวหรือทำท่าห่วงทั้งที่มีอะไรแม่งก็ไม่บอกไม่พูด กูคนนะเว้ยไม่ใช่ควายที่จะโดนสวมเขาซ้ำๆซากๆ

“ไม่ต้องมายุ่ง”

“อย่าดื้อ”

“ยูก็อย่ามาสั่ง!”

มันถอนหายใจหนักๆมาทีแล้วจึงวกกลับไปนั่งหลังตรงตามเดิม

“ปวดหัวใช่ไหม เอายามาด้วยรึเปล่า?”

“ก็บอกว่าไม่ต้องมายุ่งไงวะ! แล้วไอ้ที่ถามเมื่อไหร่จะตอบ!?! พี่ไออยู่ไหน!?! ยูทำอะไรพี่ครอส!??!”

เมื่อโทสะมาเรี่ยวแรงจึงตามมาด้วย ผมรุกไปดึงคอเสื้อไอ้ยักษ์กระชากเค้นเอาคำตอบโดยไม่สนใจว่าใครจะได้เปรียบเสียเปรียบอะไรทั้งสิ้น ทัตมันยังคงนิ่ง แต่ไม่นานมือหนาก็รวบทั้งตัวผมเข้าไปกอด

“ปล่อย!”

แน่นอนว่ามันไม่คิดจะทำตามที่ผมบอกเป็นแน่แท้ และที่แน่นอนยิ่งกว่านั้นคือผมไม่อาจต้านทานแรงกอดของไอ้ยักษ์นี่ได้ ทัตกอดผมแน่นซุกหน้าลงกับลาดไหล่ทั้งที่ผมก็ชกหลังมันอักๆแต่มันก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านใดๆจนผมหยุดไปในที่สุด โวยวายมากมันก็เหนื่อยมากนะครับ แถมไอ้ยักษ์นี่ยังไม่สะทกมันก็เหมือนเสียแรงเปล่า โคตรหงุดหงิดใจเลยวะ

“I LOVE YOU”

ผมชะงัก ชะงักทุกสิ่งอย่างแม้กระทั่งลมหายใจ เสียงที่เปร่งออกมานั้นแผ่วเบาอยู่ใกล้ๆหูแต่กลับก้องกังวานไปทั้งใจ ทั้งเนื้อทั้งตัวพลันหมดเรี่ยวแรงทั้งที่มันก็ไม่ได้ทำอะไร เรายังคงกอดกันนิ่งๆท่ามกลางความมืดและเสียงแอร์ที่ดังแผ่ว ทั้งที่มันก็เคยบอกรักผมมามากมาย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงมีปฎิกิริยากับการถูกบอกในครั้งนี้มาก มากจนตัวเองยังตกใจ

“Stay with me, please.”

“.......”

“Crystal, You are important to my heart. I know what happened, it's not about you but I got you involved in it. I’m so sorry” (คุณเป็นสิ่งสำคัญของผม ผมรู้ว่าคุณไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่ผมยังดึงคุณเข้ามาเกี่ยวจนได้ ผมขอโทษ)

“What happened?”

“.......”

“Tad”

 
ก๊อกๆๆ

 
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกความสนใจของเราทั้งคู่ให้หันไปมอง ไอ้ยักษ์ผละออกปล่อยผมให้เป็นอิสระที่เตียงหลังใหญ่ ผมไม่รู้ว่าที่นี้คือที่ไหนแต่ที่แน่ๆคือไม่ใช่คอนโดของมันแน่ๆ

“รออยู่นี่นะ เดี๋ยวมา”

ผมไม่ตอบไม่พยักหน้ารับและไม่แสดงอาการใดๆทั้งสิ้นจนมันลุกขึ้นยืนแล้วเดินหายออกจากห้องไป แสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาตอนมันเปิดประตูทำให้ผมพอได้เห็นบรรยากาศโดยรอบในชั่วแว๊บ ผมลุกจากเตียงเดินไปยังผ้าม่านที่ปิดทึบออกจนเห็นบรรยากาศที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าที่นี้ไม่ใช่กรุงเทพ กรุงเทพที่ไหนจะมีผืนฟ้าที่กว้างขวางผืนน้ำที่กว้างใหญ่ผืนทรายที่ทอดยาวไปไกลแสนไกลและความสูงเหนือผืนน้ำทะเลขนาดนี้...

คงเป็นคอนโดริมหาดที่ไหนสักที่นั้นแหละนะ

ผมมองสิ่งที่พบเจอเบื้องหน้าอยู่สักพักก็เกิดอาการเป็นห่วงพี่ขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นกอดตัวเอง

โทรศัพท์...

จริงสิ โทรศัพท์ละ...

ว่าแล้วผมก็หันกลับเข้าไปในห้องทันที แสงสว่างจากดวงจันทร์ที่เต็มดวงนั้นทำให้ผมมองภายในห้องได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้จะไม่ชัดเจนนักแต่ก็พอมองเห็นได้ ผมมองดูเสื้อผ้าชุดนอนที่กำลังสวมอยู่ด้วยความงุนงง มันเป็นชุดนอนผ้านิ่งแขนยาวขายาวที่ไม่ใช่ของผมแน่ๆ แล้วชุดของผมอยู่ที่ไหน?

ผมเดินตรงเข้าไปหาสวิทช์ไฟจนเจอและเมื่อห้องสว่างผมเลยเดินสำรวจและหาเสื้อผ้าของตัวเองไปด้วย


แกร๊ก!


แต่ยังไม่ทันจะเจอก็มีเสียงเปิดประตูเรียกความสนใจของผมให้หันไปหาซะก่อน แต่คนที่เข้ามาไม่ใช่ไอ้ยักษ์นะครับ แต่เป็นผู้หญิงที่มันเคยพาไปเจอและนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล

พี่อีฟ

แต่เดี๋ยวนะ...ไหนบอกพี่อีฟเดินไม่ถนัดไงวะ แต่นี่เจ้าหล่อนเดินตรงเข้ามาหาผมด้วยท่วงท่าปกติธรรมดามากถึงไม่เร็วแต่ก็ไม่เซ

เราทั้งคู่ไม่มีคำทักทายเอื้อนเอ่ยอะไรทั้งสิ้น ผมจ้องมองเธอด้วยความประหลาดปนสงสัยในขณะที่เธอจ้องผมเหมือนกับจะกินเลือดกินเนื้อ

อะไรอีกวะ?

“หนังเหนียวใช้ได้นะ”

ห่ะ?

What ??

“จะพูดว่าบุญเยอะหรือนรกไม่ต้อนรับดีละ แต่อย่างแกนี่น่าจะเป็นอันหลังซะมากกว่า”

เจ้าหล่อนพูดพร้อมกับแสยะยิ้มร้ายจนผมชักขุ่นในใจ หัวผมปวดจี๊ดขึ้นมาอีกครั้งทั้งๆที่มันเบาบางลงไปแล้ว ความรู้สึกเกลียดชังคนๆนี้เพิ่มขึ้นมาเป็นทวีคูณทั้งๆที่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงมากขนาดนี้ เมื่อคราวก่อนที่โดนแฟนคลับไอ้ยักษ์ด่าผมยังไม่เกลียดขี้หน้าขนาดนี้เลย ทั้งๆที่พึ่งเจอกันเป็นครั้งที่สอง
 

แปร๊บ!

 
“อุ๊ก!”

ความเจ็บนั้นทำให้ผมต้องอุทานพร้อมเอามือกุมหัวทรุดลงนั่งที่พื้นอย่างช่วยไม่ได้ มันเจ็บ มันปวด มันทรมานจนอยากจะควักมันออกมาดูให้รู้แล้วรู้รอด

“หึ สำออยไปก็เท่านั้น”

สำออยก็เหี้ยละ กูปวดจริงเว้ยอีนี่

ผมกัดฟันกรอดในขณะที่เจ้าหล่อนเดินเข้ามาใกล้และนั่งลงตรงหน้าก่อนจะใช้นิ้วเรียวดันปลายคางของผมให้เงยขึ้นไปมองสบตาเธอ

“แกนี่มันเกิดมาเพื่อเป็นขวากหนามของฉันจริงๆ”

พูดจบเจ้าหล่อนก็ปล่อยมือจากคางแล้วฉกเข้ามาบีบคอดันร่างโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ผมหงายหลังศีรษะกระแทกพื้นเสียงดังปึ๊กปวดหนึบไปทั้งหัว

ให้ตายสิ ใครบอกว่านังนี่มันป่วยวะ ป่วยเหี้ยไรจะแรงเยอะได้ขนาดนี้

เมื่อเริ่มตั้งตัวได้ผมเลยจัดการถีบส่งคุณเธอจนลอยละลิ้วไปกระแทกเตียงที่อยู่ด้านหลัง ผมรีบลุกขึ้นมากะจะไปจับตัวไว้แต่ยังไม่ทันจะถึงบุคคลที่สามอย่างไอ้ยักษ์ก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาเจอซะก่อน

อยากจะหัวเราะให้กับโชคชะตา

ยิ่งนานวันไปยิ่งเหมือนละครน้ำเน่าเข้าไปทุกทีเลยสิน่า คงไม่ต้องลุ้นเลยว่าไอ้ยักษ์มันจะมีปฎิกิริยายังไง

“พี่อีฟ! คริสทำอะไรนะ!?!”

ถ้าซื้อหวงคงถูกรางวัลที่หนึ่งไปละ

ผมปล่อยให้พี่น้องเค้าพยุงกันเองส่วนตัวผมก็ลูบๆคลำๆดูที่หัว ไม่มีเลือดออกแสดงว่าไม่ได้หัวแตกแต่ก็โนพอสมควร ผมหันหน้าหนีคู่พี่น้องที่กำลังพากันออกไปข้างนอกห้องโดยการมองหาเสื้อผ้าของตัวเองต่อแต่ก็ไม่เจออะไรอยู่ดี มันเอาไปไว้ไหนวะแม่ง

“คริส”

เสียงแข็งๆของไอ้ยักษ์ดังขึ้นก่อนที่เสียงปิดประตูลงกลอนจะดังไล่หลังมา ผมไม่ได้หันไปมองตามเสียงเรียกและตั้งท่าจะเดินเข้าห้องน้ำแต่ไอ้คนเรียกกลับก้าวยาวๆมาขวางทางไว้ซะก่อน ผมเงยหน้าขึ้นไปจ้องตาขวางด้วยความไม่พอใจในขณะที่มันเองก็จ้องผมด้วยความขุ่นในใจด้วยเช่นกัน

“ถอยไป”

แทนที่จะถอยตามคำบอก ไอ้ยักษ์กลับรวบตัวผมขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปหย่อนลงที่เตียงซะงั้น ผมถกตัวหนีทันทีที่มันวางผมลงแต่มันก็เข้ามาค่อมทับรวมมือผมทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัวด้วยความไวแสง

สัส มือไวไปไหมมึง

“ครั้งที่สองแล้วนะคริสที่ไปมีเรื่องกับผู้หญิงนะ แถมครั้งนี้ยังเป็นพี่อีฟ พี่อีฟที่ร่างกายไม่แข็งแรง”

ไม่แข็งแรงเหี้ยไรละ มันบีบคอกูอยู่หยกๆ

“ไอแค่ป้องกันตัว”

“ป้องกันจากอะไร จากผู้หญิงที่แค่เดินตรงๆยังไม่ได้นะเหรอ?”

แต่ตอนเข้ามาหากูนี่เดินตรงดิ่งฉิบหาย

ผมพ้นลมหายใจนึกปลงกับแม่งเลย ถ้ามันปักใจจะเชื่อแบบนั้นแล้วก็เปลืองน้ำลายที่จะพูดต่อ

“อย่าให้มีอย่างนี้อีกนะคริส”

“ไม่รับปาก”

“คริสตัล”

“.........”

“........”

“........”

“ทำไม โกรธไอเหรอ แล้วทียูยังทำพี่ครอสละวะ! ในคือเหี้ยอะไร!?!”

แววตาคนตรงหน้ากระตุกไปวูบหนึ่งแต่ผมก็ยังจับสังเกตุได้ ความรู้สึกผิดหวังแล่นพล่านไปทั้งใจทันทีที่แน่แก่ใจแล้วว่ามันได้ทำร้ายพี่ครอสไปจริงๆ

“ยูทำอะไรพี่ครอส?”

เสียงผมแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“........”

“ตอบมาสิวะ!”

“หึ”

“ไอ้เหี้ย! มึงทำอะไรพี่กู!!”

“มันสมควรโดนแล้วคริส”

“สมควรเหี้ยอะไรวะ!?!”

“สมควรกับที่มันเกือบฆ่าพี่อีฟไง จะฆ่าทั้งๆที่เป็นเมียตัวเอง!”

เสียงตะคอกดังลั่นนั้นไม่ได้ทำให้ผมชะงักเท่าสิ่งที่ผมได้ยิน

พี่ครอสกับผู้หญิงคนนั้นนะเหรอ

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“ต้องยอมรับความจริงได้แล้วคริสว่าพี่ชายของนายมันร้ายกาจมากกว่าที่คิด มันจะฆ่าอีฟโดยแสร้งทำให้เป็นอุบัติเหตุแต่ดีหน่อยที่รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์”

“ไม่จริง”

“มันคือเรื่องจริง”

“ไม่จริง! พี่ครอสไม่เคยฆ่าใคร ถึงจะมีธุกิจมืดแต่พี่ครอสไม่เคยฆ่าใครแน่นอน!!”

“เปิดหูเปิดตามองความเป็นจริงได้แล้วคริส”


แปร๊บ


“โอ้ย!”

ผมนิ่งหน้าหลุดเสียงร้องอย่างเผลอตัวทันทีที่อาการปวดแปร๊บแล่นเข้ามาในหัวเหมือนสาดฟ้าที่ฟาดใส่อย่างจัง มันปวดจนทุกอย่างเริ่มเลือนลาง แม้แต่เสียงที่เอ่ยถามของคนด้านบน ใบหน้าที่แปรเปลี่ยนหรือแววตาที่ตื่นตกใจ ทุกอย่างเริ่มหายไปเหลือเพียงความมืดที่ปิดฉับลงในชั่วพริบตา

 
 
 
 
 
ปึ๊ก!

แฟ้มที่อยู่ใกล้มือถูกคนเป็นนายจับฟาดลงพื้นเต็มแรงเพื่อระบายอารมณ์เดือดดาลที่มี

“ไปตามหาคริสตัลให้เจอ ถึงต้องพลิกแผ่นดินหาพวกมึงก็ต้องทำ! ไสหัวไปกันได้แล้ว!!”

“ครับ!!!”

เหล่าชายฉกรรจ์นับสิบตอบอย่างพร้อมเพียงก่อนจะพากันออกจากห้องไปในที่สุด ทีครอสทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หนังก่อนจะเอามือทุบโต๊ะไปอีกทีด้วยความคับแค้นในอก อะไรก็ไม่น่าเจ็บปวดเท่าการที่มันเอาตัวน้องชายเค้าไป ไอ้สารเลวนั้น!

“ใช้แรงมากเดี๋ยวแผลจะเปิดเอานะครับ”

บุคคลผู้เป็นมือขวาเอ่ยขึ้นและนั้นก็ทำให้โดนทีครอสตวัดสายตาไปจ้องดุๆ เค้าก็พอรู้ว่าไคเองก็ทำเต็มที่แล้วแต่มันก็อดที่จะเคืองลูกน้องคนสนิทคนนี้ไม่ได้ ไคมีร่องรอยการถูกทำร้ายมากมายแต่ใบหน้าของเจ้าตัวยังคงเรียบนิ่งเช่นเดิม ทีครอสพ้นลมหายใจอีกรอบแล้วจึงเอนกายพิงเบาะ ความเจ็บแปร๊บที่แผลโดนยิงตรงหน้าท้องทำให้เค้าซี๊ดปากเบาๆ

“คุณคริสไม่เป็นอะไรหรอกครับ”

“ยังไงกูก็ห่วง”

“ห่วงจากใครเหรอครับ?”

ทีครอสเหลือบตามองผู้ถาม

“ทั้งสองพี่น้องนั่นแหละ”

“แต่เทพทัตดูท่าจะหลงคุณคริสพอสมควรเลยนะครับ”

“แค่นั้นมันใช้เป็นหลักประกันความปลอดภัยของคริสไม่ได้หรอก”

“……”

“ทางบ้านเป็นยังไงบ้าง?”

“ทางหน่วยบีรายงานมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนว่าทุกอย่างอยู่ในภาวะปกติดีทุกประการ”

“แสดงว่ามันยุ่งแต่กับเราสองพี่น้อง”

ไคพยักหน้า “คาดว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ”

“ถ้าคริสเป็นอะไรแม้แต่รอยเล็บข่วน กูจะเอาคืนมันเป็นเท่าตัว”

ไคได้แต่ก้มหน้ารับฟังอย่างเงียบๆ เค้ารู้ว่านายคนนี้รักน้องรักครอบครัวมากแค่ไหน ทีครอสจะเป็นคนเข้มงวดกับงานและลูกน้องแต่ถ้ากลับบ้านไปเจอครอบครัวเมื่อไหร่จะกลายเป็นอีกคนในทันที

ผู้ชายคนนี้มีหัวใจที่รักแรงไม่แพ้ความร้ายกาจที่อยู่ในเบื้องลึก


Tbc…
 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 19 (07/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 07-03-2017 21:39:12
แหม่  พอเป็นอิพี่สาวตัวเองเทพทัตก็กลายเป็นงัวไปเลยนะคะ คริสยังจะยอมอยู่เหรอ
ถ้าความจริงคือพี่ครอสไม่ผิดมีสนุกแน่
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 19 (07/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 10-03-2017 01:20:45
 :hao4: เทพทัตโง่วดี  :hao3:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 19 (07/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 10-03-2017 05:22:24
โอ้ยยยย ยัยพี่อิฟ ทอแหลสิ้นดี ทัตนี่ก็บื้อจริง
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 19 (07/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 10-03-2017 12:01:33
โดนพี่สาวตัวเองหลอกจ้า อีฟนี่ตัวร้ายแน่นอนส่วนคริสตัลน่าจะมีอาการความจำเสื่อม ถึงได้ปวดหัวจี๊ดๆตลอด
สนุกมากค่ะ รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 20 (UP-13/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 13-03-2017 16:47:28
สัมผัสที่ 20




“อีฟ”

ผมเคยรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นมาก่อน...

ใช่ เธอชื่ออีฟ และเป็นคนเดียวกันกับที่ผมเจออยู่ที่บริษัทของพี่ชายในเย็นวันหนึ่ง

ผมซึ่งยืนจับราวประตูค้างถึงกับเหงื่อซึมตะลึงกับสิ่งที่เห็น บานประตูที่แง้มเพียงนิดแต่ผมซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าจึงสามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะฉากกอดจูบบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานนั้น พี่ครอสเป็นคนที่ไม่เปิดเผยเรื่องรักๆใคร่ๆ เพราะงั้นผมเลยค่อนข้างตกใจที่เห็นฉากโจ๋งครึ่มในสถานที่ๆเรียกว่าออฟฟิศทำงานแบบนี้ ผมค่อยๆปิดบานประตูเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ผมผิดเองที่ไม่เคาะประตูแล้วทะเล่อทะล่าเปิดประตูไปจนเจอ เลขาหน้าห้องพี่ก็ไม่อยู่ซะด้วย ผมตัดสินใจวางแฟ้มที่พี่ชายลืมไว้ที่บ้านลงบนโต๊ะเลขาแล้วพาตัวเองลงลิฟท์ไปยังชั้นจอดรถใต้ดิน ตอนนี้หัวใจยังเตนแรงอยู่เลย ให้ตายสิ สติกระเจิดกระเจิงหมดแล้ว

“เฮ้ย~”

ผมถอนหายใจเฮือกใจกดปลดล็อครถจากกุญแจในมือแล้วจึงเปิดประตูแทรกตัวเข้าไปนั่งแล้วฟุบหน้าทำสมาธิกับพวงมาลัยรถ ใจเย็นไว้ๆ มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง ทีตัวเองยังมีคู่ขาตั้งเท่าไหร่ มาเจอพี่ชายพลอดรักกลางห้องทำงานแค่นี้อย่าทำเป็นอินโนเซ้นต์สิวะไอ้คริส

Rrrrrrr

เฮือก!

กูนี่สะดุ้งเลย คนที่โทรมาเป็นเพื่อนร่วมชั่นในโรงเรียนคอนแวนท์ที่ค่อนข้างจะสนิทกัน       
                         
“ว่าไง?”

/อยู่ไหนนะคริส?/

“แถวXXX นะ เอาของมาให้พี่ชาย มีอะไร?”

วันนี้ถึงจะเป็นวันพฤหัสแต่เนื่องจากผมเรียนอยู่ปีสุดท้ายทางโรงเรียนจึงให้อิสระในการเข้าโรงเรียนมากเป็นพิเศษ แถมวิชาเรียนก็น้องจนเหลือแค่วิชาสองวิชาที่ต้องทำโปรเจคจบเพียงแค่นั้น

/มารับหน่อยดิ๊ ไปแดรกข้าวกันแล้วตอนบ่ายค่อยเข้าโรงเรียน/

“สั่ง?”

/พลีส/

ได้ยินเสียงมันหง่อแล้วก็นึกขำ ผมหัวเราะหึเบาๆก่อนจะตัดสายให้มันหงุดหงิดเล่นแต่ก็ยอมสตาร์ทแล้วขับรถมุ่งตรงไปหามันที่บ้านไม่นานก็ถึง ตอนนี้อยู่ในช่วงสายไงครับ การจราจรจึงไม่ติดขัดสักเท่าไหร่

“ไวนะไอ้สัส”

ผมไหวไหล่หันหลังกลับไปเปิดประตูรถตัวเองแล้วเข้าไปประจำที่นั่งข้างคนขับ เจ้าของบ้านกรอกตาพ้นลมหายใจแล้วเข้ามาประจำที่ก่อนจะขับเลี้ยวออกจากหมู่บ้านตัวเองไปในที่สุด

“จะไปไหน?”

ผมถามเมื่อทั้งที่ตายังจ้องจอมือถือในมือ ผมพิมพ์ไลน์ส่งข้องความไปบอกพี่ชายว่าเอกสารที่ลืมผมเอาไปให้และมันวางอยู่ที่โต๊ะเลขาหน้าห้องนะ ไอ้พี่ครอสโวยวายมาใหญ่เลยว่าทำไมผมไม่เอาไปให้กับตัวไปวางมั่วเดี๋ยวก็หาย อยากจะตอกกลับไปมากว่าก็มึงทำเหี้ยไรอยู่ละวะ กูนี่ถึงกับเงิบตอนเข้าไปเจอ คิดแล้วก็ขนลุก ผมเป็นเกย์ไงครับพอเห็นการกอดรัดฟัดเหวี่ยงแบบชายหญิงปกติเลยไม่ค่อยจะชินสักเท่าไหร่

“ไปห้างXXX แล้วมึงคุยกับใครตีหน้าเครียดเชียว?”

“พี่ครอส”

“โดนด่าอะไรมาอีกละ?”

“เสือกวะ”

“เอ๊าไอ้ห่า เดี๋ยวกูหักรถเสยเสาเป็นที่ระลึกซะนี่”

“ไอ้เวรท๊อป”

มันหัวเราะร่าเลยครับ ไอ้นี่มันกวนตีน มันเป็นเพื่อนคนแรกที่เข้าหาผมโดยไม่มีความคิดในแง่ชู้สาวมาเกี่ยวข้อง ซึ่งผมประทับใจนะ สักพักเราก็มาถึงจุดหมาย ไอ้ท๊อปวนรถแค่รอบเดียวก็เจอที่จอดมันเลยค่อนข้างอารมณ์ดีจนผมนึกหมั่นไส้

“อยากกินไร?”

มันหันมาถามผมขณะที่เรากำลังเดินเข้าไปในตัวห้าง ลมแอร์เย็นๆที่หน้าประตูพัดจนผมที่เริ่มยาวหลุดลงมากรอบหน้า ผมเกลี่ยมันไปทัดหูเหมือนเดิมแล้วจึงกวาดตามองรอบๆ โอเค คนยังไม่เยอะ ร้านอาหารก็น่าจะไม่เยอะเท่าไหร่ มองดูนาฬิกาเห็นว่ายังไม่เที่ยงก็พอเข้าใจ

“ชาบูไหม?”

ผมส่ายหัว

“ซูชิ?”

ผมส่ายหัวอีก

“ฟาสต์ฟู๊ด?”

ผมส่ายหัวอีกจนโดนไอ้คนหิวผลักหัวจนหน้าแทบคว่ำ

“เรื่องมาก! มานี่เลยมึง”

พูดจบก็เดินนำผมลิ่วไปที่ร้านสเต็ก โห เล่นของหนักเลยเว้ยเห้ย






“กลับมาแล้วเหรอ?”

ผมหันไปมองคนทักก่อนจะพยักหน้ารับ

“ถ้ายังไม่กลับจะเห็นไหมละ?”

ไอ้พี่ครอสแทบแยกเขี้ยว เราสองพี่น้องรักกันดีครับ รักปานจะกลืนกิน รักมากกกกก(โปรดกัดฟันเวลาพูด)

“ขอบใจที่เอาเอกสารไปให้ แล้วนี่กินไรมายัง?”

ผมส่ายหัว จริงๆก็พึ่งไปเล่นบาสมาด้วยซ้ำ เหนียวตัวอยากอาบน้ำมากอะตอนนี้

“ขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนดิ เดี๋ยวลงมาเล่นด้วย อยู่เฝ้าทางขึ้นไปนะครับ”

“ไอ้น้องเวร”

“ฮ่าๆๆๆ”

เห็นไหมว่าเรารักกันขนาดไหน ผมหัวเราะขำควงกุญแจรถในมือแล้วเดินขึ้นห้องไปอย่างอารมณ์ที่ดี๊ดี ผมอาบน้ำแต่งตัวไม่นานก็ลงมาชั้นล่างด้วยชุดนอนผ้านิ่มสีฟ้าสดใส พี่ครอสที่นั่งคุยโทรศัพท์อยู่พอเห็นผมแม่งรีบขอวางแล้วก็ตัดสายไปเลยเว้ย โคตรส่อพิรุธ

“เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับน้องเหรอวะ?”

พูดไปก็ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักไปตามความเคยชิน ไอ้พี่ครอสเองก็ดี๊ดี มันตบหัวผมมาเป๊ะสองเป๊ะก่อนจะลูบเบาๆเป็นการส่งท้าย ผมเลยหันไปงับพุงแม่งจนไอ้พี่บ้าสะดุ้ง จริงๆมันก็ไม่มีพุงหรอกครับ มีแต่เนื้อแน่นๆและกลิ่นน้ำหอมที่เจือจาง เดี๋ยวนะ มันกลิ่นอ่อนเกินไปป่าววะ

“มีอะไร?”

คงเห็นผมซุกหน้ากับพุงมันนานไปเลยถามขึ้นมา

“มีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงติดตัวพี่”

“เป็นหมาเหรอมึง”

“ปากเสีย พี่มีแฟนแล้วเหรอ?”

มันยิ้มแล้วส่ายหัว

“อ้าว แล้วที่...”

เชี่ย!

อุดปากแทบไม่ทัน

“แล้วที่อะไร?”

“ป่าวๆไม่มีอะไร?”

“อย่ามาเถ รีบบอกมาก่อนที่กูจะเป็นคนคุ้ยเองกับมือ”

พูดไปก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นตั้งท่าจะขย้ำเหยื่อเต็มที่ ผมจะดีดตัวขึ้นก็ไม่ทันละ ไอ้พี่ครอสจัดการล็อคตัวจนผมดิ้นยังไงก็ไม่ยักกะหลุด แรงเยอะฉิบหาย

“ปล่อยดิวะ มันหายใจไม่ออกนะเว้ย แม่! ไอ้พี่ครอสมันแกล้งคริส!!”

“หึหึ มึงร้องไปเลย ร้องให้ตายแม่ก็ไม่ได้ยินหรอกเพราะแม่ไม่อยู่”

“ไอ้พี่เหี้ย”

“ปากดีอย่างนี้มาให้พี่สั่งสอนที่สิ”

“เห้ย! ไม่เอาๆ ฮ่าๆๆๆ ไอ้พี่ครอสปล่อย ฮ่าๆๆๆ ปล่อยๆ มันจักกะจี้”

“หึหึ”

สงครามย่อยๆดำเนินต่อไปโดยไร้ซึ่งความปราณีของไอ้คนขี้แกล้ง ผมได้แต่ดิ้นขลุกขลักหัวเราะจนตัวงอจะหนีจากฝ่ามือพิฆาตแต่ก็ทำได้เพียงขยับเล็กๆน้อยๆ นี่มือรึกาวถามจริงๆ

“คุณๆทั้งสองเลิกเล่นแล้วไปทานข้าวกันเถอะค่ะ”

จนแม่บ้านมาเรียกนั้นแหละครับผมถึงได้เป็นอิสระ แต่ใช่ว่าจะไม่มีสงครามย่อยๆนะ หึหึ






“จะไปไหนนะ?”

พี่ครอสเงยหน้าจากจอไอแพทมามองผมที่พึ่งลงมาจากห้องตัวเองหลังจากที่ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมท่องราตรีตามที่เพื่อนซี้ได้โทรมาชวนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

“เที่ยวไง ใส่ชุดแบบนี้คงไม่ไปโบสถ์หรอกครับ”

ตอบจบก็เอี้ยวตัวหลบหมอนอิงที่พี่ชายมันขว้างมาด้วยความรักและเอ็นดู ผมหัวเราะร่วนเอาหมอนปากลับไปคืนแต่ไม่โดนซะงั้น หลบเก่งเหมือนกันนี่หว่า

“อย่าให้มันมากนัก เรื่องมหาลัยที่จะเข้าไปถึงไหนแล้วละ?”

“เรียบร้อยดีน่า นี่ก็รอผลสอบตรงอยู่ ไม่เชื่อใจผมรึไง”

“เออ”

“โหย ผมจะฟ้องป๊าให้ยึดเงินทุนคืนแล้วเอามาให้ผมแทน”

“ปากดี อย่างมึงจะเอาเงินมากขนาดนั้นไปทำอะไรไม่ทราบ”

“เปิดผับไง น่าสนุกออก”

วงเล็บในใจว่าเป็นผับเกย์โดยเฉพาะด้วย ฮ่าๆๆๆ

“เจริญจริงๆ เปิดไปขายหรือเปิดไปกินเองกันแน่วะ”

“ทั้งสองเลย”

“เวร”

“ผมไปละ”

“เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่เป็นไร ไม่ได้กะเมาขนาดนั้น”

“ผับที่ไหนมันให้เด็กอายุไม่ถึง20เข้าวะ บอกชื่อมาดิกูจะโทรไปแจ้งตำรวจ”

“บอกให้โง่”

พูดพลางแลบลิ้นใส่ไปทีแล้วรีบวิ่งหนีออกมาก่อนที่จะโดนหมอนลอยเป็นครั้งที่สอง




 Mazda MX-5 สีแดงเข้มได้ขับวนออกจากบ้านใหญ่ไปในที่สุด ผมมาถึงร้านภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ตอนนี้พึ่งจะสองทุ่มกว่าๆแต่คนที่ร้านกลับเยอะเหมือนมีคอนเสิร์ตอะไรสักอย่าง ผมขับรถวนหาที่จอดอยู่สักพักก็เจอ เมื่อเรียบร้อยจึงกดโทรศัพท์หาไอ้ท๊อปที่เป็นคนโทรตามผมนั้นเอง

/เออ อยู่ไหนแล้ววะ?/

“หน้าร้าน มึงออกมารับกูหน่อยดิ๊”

/แป๊บ/

พอมันวางสายผมก็ลงจากรถเดินไปยืนรอมันที่ด้านหน้าของร้าน ร้านนี้เป็นแค่ร้านเหล้าธรรมดาแต่ตกแต่งได้สวยถูกใจเหมาะแก่การนั่งดริ้งส์สังสรรค์เบาๆอะไรประมาณนั้น

“คริส”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อน ระหว่างทางแอบเห็นหนุ่มหล่อส่งสายตามาหากันด้วย ได้ทีก็ยิ้มกลับสิครับ รออะไร

“ตลอดนะมึงน่ะ”

“ห่ะ”

“เจอคนน่าสนหน่อยเป็นไม่ได้ ตอดแม่งตลอด”

“หยาบคายวะ นี่แค่ยิ้มป่ะ”

“ไม่ถึงชั่วโมงเดี๋ยวแม่งก็เดินมาหา”

“ระดับกูนี่เนอะ”

“หลงตัวเองไปป่าวมึง กูหมายถึงเดินมาบอกว่าพี่มีเมียแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ”

“ไอ้เหี้ย”

มันก็ชอบกวนตีนแบบนี้ไงถึงได้คอยเจอตีนผมอยู่ตลอด ผมทักทายเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ค่อยสนิท(เท่าไอ้ท๊อปแต่ก็ยังถือว่ารู้จัก) ก่อนจะนั่งลงข้างๆมันแล้วรับแก้วเครื่องดื่มมาจิบ เพื่อนแต่ละคนก็มีหัวข้อคุยกันไม่ขาดปาก ผมได้แต่นั่งฟังไปเรื่อยมียิ้มมีหัวเราะตามบ้างพอเป็นพิธีแต่สายตานี่เทียวกวาดมองแขนคนอื่นจนโดนไอ้ท๊อปมันตีเอาก็หลายที

“เชี่ยนี่ แขนกูช้ำหมด”

“อยู่กับเพื่อนเก็บเรื่องผู้ชายใส่กระเป๋าไว้เลยถ้ามึงไม่อยากให้คนอื่นเค้ารู้กัน”

เรื่องที่ผมเป็นมีเพียงไอ้ท๊อปที่รู้ไงครับ ผมพยักหน้ารับมันเนืองๆแล้วยกแก้วของตัวเองขึ้นกรอกปาก เกิดเสียงเชียร์ดังขึ้นนิดหน่อยเมื่อทุกคนเห็นผมยกหมดในรวดเดียว

“คริสแม่งเจ๋งวะ หน้าหวานงี้ไม่คิดเลยว่าจะคอแข็ง”

หนึ่งในบรรดานี้เอ่ยปากแซวผมก็ได้แต่ยิ้มรับยื่นแก้วไปให้เพื่อนเติมให้ไม่นานก็ได้มาไว้ในมือ

“เอาอีกดิคริส ยอกเลยๆๆ”

“พวกมึงก็อย่าไปเสี้ยมมัน วันนี้มันขับรถมานะเว้ย”

“กลัวอะไรวะ เมาขับไม่ไหวก็เปิดห้องพักแถวนี้นอนไปเลยดิ”

“มึงก็พูดง่ายเนอะไอ้อาร์ท แล้วมึงก็อย่าไปบ้าตามเค้าดิวะคริส”

ผมกระพริบตาปริบๆเมื่อโดนไอ้ท๊อปยื้อแขนข้างที่ถือแก้วไว้

“เชี่ยไรวะท๊อป”

“มึงเมาแล้วมาลำบากกู”

“เอาน่าไอ้ท๊อป ปล่อยๆแม่งกินไป นานๆทีจะโผล่มาร่วมวงกับกูสักครั้ง”

“นานๆทีพ่องมึงดิ สัปดาห์ที่แล้วก็มาไม่ใช่ไง”

“มาก็มาแป๊บๆแล้วมันก็หายตัวไปนะเหรอ กูไม่นับเว้ย”

อ้อ วันนั้นที่ไปอีกร้านแล้วผมเจอคนน่าสนเลยได้ไปต่อทั้งที่พึ่งกินกับเพื่อนไปเพียงแก้วเดียว กูนี่ก็ไวไฟใช้ได้แฮะ

“เออ กูเองก็อยากเห็นมันเมา มาแต่ละทีไม่ทันจะเมาแม่งก็หายหัวไปตลอด มึงก็อีกคนไอ้ท๊อป มึงเป็นแม่มันไงถึงได้ไปห้ามมันนัก”

“เพื่อนเว้ยไอ้สัส เพื่อนที่นิสัยดีผิดกับเหี้ยๆอย่างพวกมึงไง”

“กูว่าแม่งต้องเหี้ยเหมือนกันแหละว๊า ไม่งั้นคงอยู่ด้วยกันไม่ได้”

“จริงเว้ย เอาชนนนน”

แล้วก็เฮฮากันไปยาวๆโดยที่มีไอ้ท๊อปคนเดียวที่หัวเสียไม่เลิก ผมหัวเราะขำไม่สนใจมันแล้วดื่มต่อไปเรื่อยๆ เห็นอย่างนี้ผมก็รู้ลิมิตตัวเองนะครับ ถ้าผมเริ่มไม่ไหวผมก็จะหยุดเองโดยที่ไม่สามารถฝืนตัวเองต่อได้ แต่ยังไม่ทันจะเมาหางตาผมก็หันไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมรู้สึกคุ้นๆ ผมวางแก้วแล้วลุกขึ้นเดินไปทางประตูหน้าตามเธอที่เดินออกไปพร้อมกับผู้ชายอีกคน

ใช่แน่ๆ ผมว่าใช่เธอแน่ๆ คนที่ผมไปเจออยู่ที่ออฟฟิศพี่ชายคนนั้นไง

“มีอะไรว่ามา?”

เสียงเธอดูเหวี่ยงๆพลางตีหน้ามุ้ยคิ้วขมวดเมื่อไปหยุดยืนอยู่ข้างรถในมุมมือ ผมที่เดินตามเลยต้องพลอยหาที่หลบไปด้วย ผมว่าเธอไม่รู้จักผมหรอก แต่ก็ไม่แน่ ในห้องพี่ชายอาจจะมีรูปผมโผล่อยู่และบางทีเธออาจจะเห็น

“คุณทีครอสมีน้องชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวครับ”

ผู้ชายที่เดินตามตอบเสียงเบาแต่ยังคงความหนักแน่นในน้ำเสียง ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินชื่อพี่ชายตัวเองชัดเต็มสองรูหู

“ดี จะได้เคลียร์ง่ายๆหน่อย มันใจนะว่าไม่ผิดตัว”

“ไม่ผิดแน่ครับ ถึงจะไม่เปิดข่าวแต่ก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับ”

“งั้นตามประกบซะ ฉันต้องการให้ชัวร์ว่าแผนจะดำเนินไปได้ดีกว่านี้โดยที่ไม่มีมารมาขัดคอซะก่อน”

“ครับ”

“อ้อ อย่าให้เรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่นละ โดยเฉพาะคนที่อังกฤษ”

“ครับ”

“กลับไปที่เดิมได้แล้ว”

“ครับ”

ผมรีบหลบไปด้านหลังของรถใกล้เคียงทันทีที่ผู้ชายคนนั้นเดินกลับเข้าไปในตัวร้าน ส่วนผู้หญิงยังคงยืนสูบบุหรี่อยู่เงียบๆ ใบหน้าที่สวยหวานนั้นดูสวนทางกับคำพูดที่ทำให้ผมต้องคิดหนัก คนๆนี้เป็นอันตรายต่อพี่ชายและตัวผมเอง ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับธุรกิจต่างๆนานาแต่ก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นการขัดผลประโยชน์ทางด้านนั้นแน่ๆ และเธอคนนี้คงจะกำลังวางแผนให้พี่ชายตัวเองตายใจแล้วทำอะไรสักอย่าง

จะอะไรก็ช่าง แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่

ผมคงต้องไปบอกพี่ชาย

ไอ้พี่ครอสแม่งโง่วะที่ให้ผู้หญิงมาปั่นกระแสเกมส์แบบนี้

ว่าแล้วผมก็รีบลุกขึ้นยืนตั้งท่าจะเดินกลับเข่าไปในตัวร้านเพื่อบอกเพื่อนว่าจะขอตัวกลับก่อน แต่ยังไม่ทันจะเดินถึงไหนไอ้ผู้ชายคนเมื่อกี้ก็โผล่มาตรงหน้าซะงั้น

เหี้ยแล้ว

มาตอนไหนวะ?

“สวัสดีจ้ะพ่อหนุ่ม”

เสียงผู้หญิงทักขึ้นที่ด้านหลังและคงไม่ต้องเดาว่ามันเป็นเสียงของใคร

ของเธอคนนั้น

“มีธุระอะไรถึงได้ไปหลบๆซ่อนๆอยู่ตรงนั้นเหรอจ้ะ?”

“.....”

ผมได้แต่ปิดปากเงียบ

“ชื่ออะไรนะเรา?”

นี่ก็ถามไม่หยุด

“คริสตัล เฟรงเบิร์ค”

ไม่ใช่ผมแน่ที่แนะนำตัวไปซะเต็มยศ แต่เป็นไอ้ผู้ชายตรงหน้าที่พูดด้วยรอยยิ้มเหยียดจนดูน่ารังเกียจในสายตา

“หืม? เฟรงเบิร์ค? นี่เป็นน้องของทีครอสเหรอเนี้ย? ฮ่าๆๆๆ ไหงนกน้อยถึงได้บินมาหากับดักทั้งที่ฉันยังไม่ทันจะวางกับดักเลยละเนี้ย หึหึหึ”

“Damn it!”

“จับมันไว้!”

แล้วคิดว่าผมจะอยู่เฉยๆให้มันจับรึไง ถึงแม้ทักษะการต่อสู้ของผมจะต่ำแต่การหลบหลีกและหนีค่อนข้างจะถนัดเป็นทุนเดิม ผมเบี่ยงตัวหลบผู้ชายตรงหน้าที่กำท่าจะเข้ามาตะครุบ สบโอกาสเหมาะก็สวนเท่ายันโครมเข้าให้แบบจังๆเซถลาไปล้มลงต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นจนคุณเธอกรี๊ดกร๊าดออกมาด้วยความตกใจ ในขณะที่มันยังไม่ทันได้ตั้งตัวผมเลยรีบวื่งหนี แต่ถ้าหนีกลับเข้าร้านยังไงๆมันก็น่าจะจับตัวผมได้และผมก็ไม่อยากให้เพื่อนมารับรู้เรื่องราวพวกนี้ด้วยผมเลยเลือกที่จะวิ่งไปที่รถ ดีที่ของทุกอย่างยังคงอยู่กับตัวผมทั้งกระเป๋าตังค์โทรศัพท์และกุญแจรถ ผมกดปลดล็อคตั้งแต่ยังวิ่งไปไม่ถึง ได้ยินเสียงคนวิ่งตามอยู่ไม่ไกลเมื่อมาถึงก็รีบเปิดและเข้าไปนั่งปิดประตูอย่างไวพอดีกับที่ผู้ชายคนนั้นมาถึงรถ แล้วแม่งก็ทุบกระจกรถปึกๆเลยนะครับ ผมสตาร์ทรถแล้วออกตัวโดยที่ไม่สนใจว่ามันจะทำอะไรต่อ เวลานี้ผมคิดแค่ว่าต้องรีบกลับบ้านให้ไวที่สุด ผมต้องรีบเอาเรื่องนี้ไปบอกกับพี่ครอส

ผมเลือกที่จะขับอ้อมออกไปอีกทางที่คาดว่ารถจะไม่เยอะและเปอร์เซนต์การติดจะต่ำกว่าแต่ก็มีข้อเสียตรงที่มันค่อนข้างจะเปลี่ยว ผมขับไปเรื่อยๆจนโทรศัพท์ดังเป็นไอ้ท๊อปที่โทรมาผมเลยเปิดสปีคเกอร์โฟนคุยไปเลย

“เออ”

/มึงอยู่ไหนไอ้สัส!?!/

เสียงหงุดหงิดมาเชียว

“กูกำลังกลับ โทษทีที่ไม่ได้บอก”

/ไอ้สันขวาน พรุ่งนี้มึงเจอกูยำแน่ไอ้เหี้ยคริส/

“โวยวายวะ ทำอย่างกับกูไม่เคย...เหี้ย!”

พูดยังไม่ทันจะจบจู่ๆก็มีรถขับโฉบเข้ามาตัดหน้าจนผมต้องหักหลบแทบจะตกลงข้างทางซะด้วยซ้ำ

“ไอ้เวรเอ๊ย!”

/คริส! เกิดอะไรขึ้น!?!/

ฉิบหาย ไอ้ท๊อปเสือกได้ยินไปด้วยอีก

“ไม่มีอะไรๆ”

/อย่ามาตอแหลกับกู/

เออ ไอ้โหด

“แค่คนเมาขับรถตัดหน้า กูประคองรถได้น่า”

/ฝั่งนั้นเมาหรือมึงเมาเอาให้แน่/

“ทางนู้นเว้ย แค่นี้แหละ กูเสียสมาธิหมด”

/ถึงบ้านโทรหากูด้วย ถ้าไม่โทรภายในหนึ่งชั่วโมงกูจะไปบุกถึงที่/

“โหดสัส”

/เรื่องของกู!/

พอวางสายได้ผมก็หันมาตั้งสมาธิแล้วขับต่อ ที่ต้องจริงจังหนักกว่าเดิมเพราะไอ้รถคันเมื่อกี้มันยังตามผมอยู่ไงครับ ตอนคุยโทรศัพท์เสียสมาธิจนไม่กล้าขับเร็วเลยทำให้มันขับตามผมมาจนแทบจะชนตูดกันอยู่แล้ว

ให้ตายสิวะ กูไม่ใช่สายซิ่งนะเว้ย

มือผมกำพวงมาลัยแน่นในขณะที่ตาจ้องมองถนนลับกับมองรถคันนั้นไปๆมาๆ เท้าก็เหยียบคันเร่งต่อไปสลับกับผ่อนบ้างเป็นบางที ผมขับไปจนถึงสะพานข้ามคลองขนาดใหญ่แต่ไม่ใช่แม่น้ำ ด้วยความที่กลัวรถจะกระโดดจังผ่อนคันเร่งและเป็นจังหวะเดียวกับที่รถผมโดนกระแทกจากข้างหลังอย่างแรงจนผมเสียหลักสะบัดพวงมาลัย รถเอี้ยวหักไปชนกับขอบสะพานในทันทีก่อนจะสะบัดด้วยความเร็วและแรงจนเกิดการพลิกคว่ำไปขนเข้ากับเสาไฟฟ้าในที่สุด ภาพการปะทะยังคงเด่นชัดแต่กลับอยากให้มันเป็นเพียงความฝัน

ฝันที่เลวร้าย

เอี๊ยดดดด...

ปึง

“ตายไหมวะ?”

“ไม่รู้ แต่ถึงรอดก็คงไม่เหมือนเดิม”

“งั้นไปกันเถอะวะ เดี๋ยวตำรวจมาแล้วจะซวย แค่นี้ก็เจียนตายแล้วมั้ง”

“เออๆ”

นั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่ประสาทสัมผัสทุกอย่างจะถูกตัดขาดออกจากกัน ความมืดเข้าครอบงำ ในจังหวะที่ผมหายใจเริ่มแผ่วเบา

ไม่ได้ เราจะหมดลมไม่ได้ ต้องไปบอกพี่ครอสก่อน

ผมพยายามเลื่อนแขนที่หนักอึ้งไปยังโทรศัพท์ที่ตกอยู่ใกล้มือ เมื่อเอานิ้วทาบหน้าจอก็สว่างว๊าบพร้อมใช้งาน ผมกดไปที่เลขหนึ่งแล้วดทรออก มันจะลิ้งค์ต่อสายหาพี่ชายผมโดยตรง กดเปิดสปีคเกอร์โฟนรอสายไม่นานเสียงทุ่มต่ำที่ไม่มีวี่แววความงัวเงียก็ดังขึ้น

/...คริส...โทรมาทำไมไม่พูด.../

“พี่ครอส...”

/ทำไมเสียงแปลกๆ เกิดอะไรขึ้น?/

“ผู้หญิงคนนั้น...”

/ผู้หญิงคนนั้นไหน?/

“เมื่อกลางวันนะ ผู้หญิงคนนั้นมัน....”

/มันอะไรคริส? อีฟทำอะไร?/

อีฟ

ชื่อนี้แหละ

ชื่อของคนน่ารังเกียจคนนั้น

“..........”

/คริส? คริสตัลตอบพี่มา/

“..........”

/คริส!!!/


 TBC....
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 20 (UP-13/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-03-2017 17:54:32
ร่องรอยที่ถูกอีฟบีบคอ ไม่ทำให้ทัตเห็นเลยหรือ
ทัต นี่ซื่อบื้อ คิดแต่ว่าคริสชอบทำร้ายผู้หญิง  :katai1: :katai1: :katai1:
มันแปลกๆ ตอนที่คริสไปรพ. กับทัต เจออีฟ
ทำไมคริสนึกไม่ออก
หรือเพราะอุบัติเหตุ ทำให้ความจำหายบางส่วน
คริส ถึงมีอาการปวดหัว ต้องกินยา
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 20 (UP-13/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-03-2017 18:10:00
ที่แท้เป็นแบบนี้ ว่าแต่ทำไมอีฟถึงจ้องทำร้ายสองพี่น้องไปได้ เคยมีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 14-03-2017 14:08:36
สัมผัสที่ 21



ทีครอสจ้องมองซองยาที่เป็นของน้องชายเขม่ง รายงานล่าสุดเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดละแวกตึกนั้นและคริสถูกพาตัวขึ้นรถตู้ของมันจนออกไปนอกตัวกรุงเทพฯ เส้นทางนั้นเป็นภาคตะวันออกและแหล่งที่คนอย่างเทพทัตน่าจะอยู่ได้หรือมีที่พักคงมีไม่กี่จังหวัด ภาพในความทรงจำวันที่น้องชายเค้าได้รับอุบัติเหตุเมื่อปีก่อนได้ฉายซ้ำเข้ามาในสมอง

มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจำแต่มันกลับฝังรากลึกจนยากที่จะลืมเลือน

วันๆนั้น

วันที่คริสมีเลือดท่วมตัว

วันที่น้องชายเค้าเกือบตายด้วยอัตรารอดเพียง30%

วันที่เค้าสาบานแก่ใจว่าจะเอาคืนผู้หญิงคนนั้นให้เจียนตายยิ่งกว่าน้องเค้าให้ได้

อีฟคือนังสารเลวคนนั้น

ใช่ว่าเค้าจะไม่รู้ถึงกลโกงของอีฟ เค้ารู้ดีและฉลาดพอที่จะเอาตัวเข้าล่อเพื่อให้ฝ่ายนั้นตายใจว่าตนหลงไปตามเกมส์ แต่แทนที่อีฟจะเล่นงานเพียงเค้า เจ้าหล่อนกลับเล่นนอกเกมส์โดยการดึงน้องเค้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งที่คริสตัลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับธุรกิจที่ล้ำเส้นกันอยู่ตั้งแต่เค้าขึ้นมาบริหารจวบจนปัจจุบัน ในโลกของเค้ามีเพียงประโยคที่ว่า ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะชนะ ไม่มีมิตรแท้ในวงการธุรกิจ เครือSPOของอีฟเองก็เช่นเดียวกัน อีฟเข้าหาเค้าด้วยความเป็นมิตรที่เสแสร้ง เค้าก็ยิ้มรับโดยไม่แสดงถึงความเป็นจริงเพื่อลองเชิง

แต่ให้ตายเถอะ!

ทำแบบนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!

คริสอยู่ในห้องไอซียูถึงสามวันเต็มๆอาการถึงทรงตัวจนหมอคอนเฟิร์มว่าพ้นขีดอันตราย แต่คริสก็ยีงไม่ฟื้นจนผ่านไปร่วมสัปดาห์เต็มๆ

ทีครอสแทบทำงานไม่รู้เรื่องเพราะใจพะวงอยู่แต่กับคริสตัลและแผนการที่จะจัดการกับอีฟ อีฟยังคงโผล่มาหาเค้าอยู่พลางทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอคงคิดว่าเค้าไม่รู้ถึงสาเหตุของอุบัติเหตุเพราะเค้าไม่ได้พูดหรือแสดงท่าทีผิดแปลกอะไรกันเธอ ใบหน้าที่แสร้งทำทีว่าตกใจของเธอทำให้เค้าอยากจะอาเจียน

ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้น่ารังเกียจถึงขนาดนี้นะ ทั้งที่หน้าตาก็ดูดี ชาติตระกูลดี มีงานที่ดีและเงินที่มากมาย ทำไมเธอถึงไม่รู้จักพอ

วันที่คุยกับเธอเป็นครั้งสุดท้ายคือวันที่ชวนเธอไปดินเนอร์ เธอพยายามอ้อนและอ่อยสารพัดเพียงเพื่อให้เปิดห้องในโรงแรมที่มาทานและดริ้งส์ด้วยกันแบบสองต่อสอง ผมกดยิ้มที่มุมปาก แสร้งตอบรับและพาเข้าห้องตามที่เธอปรารถนา แน่นอนว่าผมไม่ทานอะไรสักอย่างที่เธอพยายามจะให้กิน ไม่ว่าจะเหล้าหรือเครื่องเคียง ผมตั้งใจจะข่มขืนเธอด้วยความรุนแรงตามแรงอารมณ์ส่วนลึก ผมฉีกทึ้งเสื้อผ้าแสนแพงของเธอจนขาดวิ้น เธอกรีดร้องด้วยความตกใจแต่นั้นคือปฏิกิริยาตอบรับที่ทำให้ผมหัวเราะได้ เราสู้กันเล็กน้อยตามแรงที่เธอมี ผมหางคิ้วแตกเพราะโดนแจกันที่เธอโยนใส่เข้าไปเต็มๆแต่เธอโดนผมจัดเต็มยิ่งกว่า เสียงกรีดร้องตอนนอนอยู่ใต้ร่างนั้นทำให้ผมยิ้มเย็นด้วยความสะใจ แรงกระแทกกระทั้งใส่ไม่มีคำว่าออมมือใดๆทั้งสิ้น ผมจัดไปเกือบทั้งคืน ทำจนเธอสลบ เมื่อตื่นก็ทำใหม่จนตัวเธอสั่นเหมือนลูกนกที่ตื่นกลัวอยู่ในกำมือ ผมปล่อยให้เธอนอนอยู่อย่างนั้นส่วนตัวเองก็ลุกมาใส่เสื้อผ้า ระหว่างนั้นยอมรับว่าเผลอตัวไปนิดที่หันหลังให้ศัตรู ใครจะไปคิดละว่าคนที่นอนตัวสั่นจะลุกขึ้นมาเอาเศษแก้วที่แตกเข้ามาจวกแทงดีที่ผมไหวตัวทันเลยโดนเฉียดๆบริเวณสีข้าง ผมตวัดมือไปตบโดนหน้าเธอจังๆก่อนจะหาผ้ามาปิดแผลห้ามเลือดและโทรหาลูกน้องที่รออยู่ข้างล่าง

“สักวัน แกต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”

นั้นคือสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยินจากปากเธอ ผมออกมาจากโรงแรมแล้วตรงไปโรงพยาบาลที่น้องผมพักรักษาตัวอยู่ เมื่อทำแผลเสร็จก็ไปหาน้องที่ห้องวีไอพี แม่มีอาการอิดโรยจนผมนึกห่วง ผมให้แม่กลับบ้านไปพักส่วนตัวเองจะอยู่เฝ้าต่อแทน แม่พยักหน้ารับแล้วออกจากห้องไปโดยมีคนของผมตามไปส่งเช่นเดิม ผมทรุดตัวลงนั่งแทนที่แม่ที่เก้าอี้ข้างเตียง มือเอื้อมไปคว้ามือน้องมาจับๆบีบๆ ปากเล็กที่คอยเถียงเจี๊ยวจ๊าวนั้นยังคงนิ่งสนิทเช่นเดียวกับดวงตาสีฟ้าสดใส

“ตื่นขึ้นมาได้แล้วคริสตัล อย่าทำให้คนอื่นเค้าเป็นห่วงไปมากกว่านี้สิ”

รู้ว่าพูดไปน้องก็คงไม่ได้ยิน แต่ผมก็อยากที่จะพูด

“พี่ขอโทษที่ทำให้เราเป็นแบบนี้…”

“……”

“I’m so sorry my bro, please wake up”

“……”

ผมฟุบหน้าลงกับขอบเตียงจนเผลอหลับไปในที่สุด มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่โทรศัพท์สั่นครืนเพราะมีสายโทรเข้ามา เป็นไคที่โทร ผมคุยจนรู้เรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ของอีฟ ผมไม่นึกสนใจอะไร จะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง ผมสั่งงานอะไรไปอีกนิดหน่อยแล้วจึงวางสาย แต่ทว่า…

นิ้วมือของคริสขยับ

จากนิ้วก็กลายเป็นหน้า

จากหน้าก็เป็นเปลือกตา

ผมคอยจ้องมองปฏิกิริยานั้นด้วยใจที่เต้นระทึก

“…คริสตัล…”

ผมเผลอเอ่ยเรียกเสียงแผ่วและนั้นก็ทำให้ดวงตาสีฟ้าค่อยๆบลือขึ้นก่อนจะกะพริบปริบๆเพื่อปรับระดับสายตา ผมจ้องมองด้วยรอยยิ้มที่ฝุดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว คริสมองดูรอบข้างจนหันมาเจอผม

“พี่ครอส”

เสียงร้องแหบพล่าจนผมนึกห่วงขึ้นมาอีก

“ว่าไงครับ? อยากได้อะไรรึเปล่า?”

ผมถามพลางเอื้อมมือไปกดเรียกหมอไปด้วย คริสขมวดคิ้วทำหน้านิ่ว

“ปวดหัวเหรอ?”

“อืม มากๆด้วย”

“เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว อดทนอีกแป๊บ”

คริสพ้นลมหายใจแล้วจึงยอมนอนหลับตานิ่ง

“ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี้ มันเกิดอะไรขึ้น?”

“หืม? แกจำไม่ได้เหรอ?”

“ไม่อะ จำได้แค่ว่ากำลังอยู่ในร้านเหล้ากับไอ้ท๊อป หลังจากนั้นก็ไม่รู้แล้ว ผมเมาแล้วขับรถลงข้างทางเหรอ?”

ผมนิ่งมองน้องที่ยังคงนอนหลับตาอยู่บนเตียง ไม่นานหมอและทีมพยาบาลก็มาตรวจนู้นนี่มากมายและพาคริสไปยังห้องสแกนสมองด้วยเนื่องจากน้องบอกว่าปวดหัวมาก

“คนไข้มีอาการความจำเสื่อมชั่วคราวครับ”

“ความจำเสื่อมชั่วคราว?”

“ใช่ครับ มันเป็นอาการต่อเนื่องจากการถูกกระแทกอย่างแรงที่ศรีษะและสภาพจิตใจที่อาจไปกดเรื่องราวบางอย่างไว้จนสมองลบมันออกไปชั่วคราว”

“……”

“ไม่ต้องห่วงนะครับ อาการนี้สามารถรักษาหายได้เพียงแค่ให้กินยาอย่างสม่ำเสมอและดำเนินชีวิตให้ถูกสุขลักษณะอย่างเช่นพักผ่อนให้เพียงพอทายอาหารให้ครบอย่าให้มีเรื่องเครียดหรืออย่าให้ได้รับการกระทบกระเทือนอีกก็พอ”

“แล้วถ้า…ผมไม่อยากให้ความทรงจำนั้นกลับมาละครับหมอ…”

“คุณหมายความว่า…”

“ครับ ผมอยากให้มันหายไปตลอดกาลเลย มันเป็นเรื่องราวแย่ๆที่น้องผมไม่จำเป็นต้องมีให้รกสมอง หมอพอจะมีวิธีช่วยผมไหมครับ?”

“แต่ว่ามันผิด....”

“นะครับหมด ไม่ว่าจะหมดเท่าไหร่ผมก็พร้อมที่จะจ่ายขอเพียงหมอรับปากว่าจะช่วยผมก็พอ”

“……”

“หมอครับ ถือว่าเป็นการรักษาผู้ป่วยทางจิตก็ได้ ผมเชื่อว่าถ้าความทรงจำนั้นกลับมาน้องผมต้องหวาดกลัวมันมากเผลอๆอาจจะวิตกจริตไปเลยก็ได้”

“งั้นหมอจะสั่งยาให้แล้วกันนะครับ”

รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา ผมยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“ขอบคุณมากครับหมอ”

“มันเป็นยาเฉพาะที่ค่อนข้างอันตรายนะครับ ผมไม่แนะนำให้กินนาน ช่วงนี้ก็กินควบกับตัวอื่นไปก่อน พอยาชุดปกติหมดก็หยุดรอดูอาการ ถ้าไม่มีอาการแปลกๆก็หยุดกิน แต่ถ้าปวดหัวแบบจู่ๆก็เป็นค่อยให้กินอีกรอบจนหายแล้วค่อยหยุด เข้าใจใช่ไหมครับ?”

“เข้าใจครับ ขอบคุณอีกครั้งครับหมอ”

“ครับ”




“คุณทีครอสครับ”

คนถูกเรียกฟื้นคืนสติแล้วเหลือบตาขึ้นไปมองคนเรียกที่เป็นลูกน้องตนเอง

“รถพร้อมแล้วครับ”

“งั้นก็ไปกันเถอะ”

มือหนาคลายมือจากซองยาแล้วลุดขึ้นหยิบชุดคลุมขึ้นมาสวมแล้วก้าวเดินนำลูกน้องออกจากห้องไปในที่สุด จุดหมายปลายทางคือที่ๆมันพาคริสตัลไป ในเมื่อเค้าอุสาเอาน้องออกมาจากวงจรแล้วแต่มันก็ยังจะมายุ่งไม่รู้จักจบจักสิ้นเค้าก็ไม่คิดที่จะปล่อยอีกต่อไป

ในเมื่อแส่หาเรื่องเองก็จงเตรียมตัวรับโทษจากพญามัจจุราชคนนี้ไว้ได้เลย

‘เทพทัต ศิริพัฒนโอฬาร’






“ทัต”

เสียงเล็กของพี่สาวเอ่ยเรียกผู้เป็นน้องที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงเพียงคนเดียวมาร่วมชั่วโมง

“ว่าไงครับ?”

“อย่าสูบจัดนักสิ พี่เป็นห่วงนะ”

ทัตยิ้มบาง

“จะพยายามครับ”

เค้าก็ไม่ใช่คนสูบจัด แต่จะสูบในช่วงเวลาที่คิดหนักคิดมากและคิดไม่ตกซึ่งตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาแบบนั้นเสียด้วย

“เข้ามาข้างในเถอะ แล้วนี่ทานมื้อเที่ยงรึยัง?”

ที่อีฟถามเพราะตนเผลอหลับในช่วงกลางวันจึงไม่ได้ออกมาร่วมโต๊ะอาหารกับน้องชาย

“เรียบร้อยแล้ว”

“แล้วคนข้างในละ?”

“ยัง”

“อ้าว”

“ยังไม่ตื่นครับ ถ้าตื่นแล้วผมจะพาออกมาขอโทษพี่นะ”

“หืม?”

“ก็เรื่องเมื่อคืนไง คริสอาจจะใจร้อนไปนิดดื้อไปหน่อยแต่ก็ไม่ใช่คนที่ลวร้ายอะไร”

“มั่นใจได้ยังไงว่าคนๆนั้นไม่เลวร้าย มีอะไรเป็นหลักประกันงั้นเหรอ?”

“ผมลองสังเกตุจากที่อยู่กับคริสมาพักใหญ่ ผมมั่นใจว่าผมดูเค้าออก”

“หึ อย่ามั่นใจให้มากนักทัต ลืมไปแล้วเหรอว่านั้นนะเป็นน้องของใคร เคยได้ยินไหมว่าเลือดมันข้นกว่าน้ำ”

“……”

“พี่เตือนด้วยความหวังดี”

ทัตมองตามพี่สาวที่ค่อยๆย่างก้าวกลับเข้าไปในห้องด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง บุหรี่ในมือมอดไหม้ไปเรื่อยๆโดยที่ผู้ถือไม่ให้ความสนใจมันอีกต่อไป เค้าหลุบตาลงต่ำก่อนจะบี้บุหรี่ด้วยมือของตนเอง มันแสบร้อนในระดับหนึ่งแต่ก๋ไม่สู้ความวุ่นวายที่ตีรวนกันอยู่ในตัวตน สมองสั่งการอีกอย่างในขณะที่หัวใจก็เรียกร้องอีกอย่าง

ช่างน่าขำสิ้นดี

ภาพวันที่เค้าได้รับโทรศัพท์ถึงอุบัติเหตุของพี่สาวยังคงแจ่มชัดในความทรงจำ ตอนนั้นทัตยังอยู่ที่ลอนดอน เค้าจะมาไทยในทันทีที่รู้ข่าวก็ไม่ได้เนื่องจากไฟล์บินถูกระงับเพราะสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน เค้าต้องรอไปอีกสามวันจึงจะจองไฟล์ด่วนแลนดิ้งลงไทยได้ในที่สุด อาเชนต์ส่งคนมารับและพาเค้ามายังโรงพยาบาลก่อนเป็นอันดับแรก อาการของพี่สาวที่ว่าน่าตกใจแล้วแต่เมื่อรับรู้สาเหตุที่พี่สาวเค้าต้องมาเจอชะตากรรมแบบนี้ยิ่งทำให้เค้าตกใจเข้าไปอีก จากคำบอกเล่าคร่าวๆจากอาเชนต์และคำสารภาพของมือสังหารทำให้ทัตรู้ว่าพี่สาวเค้าต้องเจอทั้งการข่มขู่ ข่มขืน ปองร้ายและพยายามฆ่า ทัตกัดฟันกรอดกำมือแน่นโกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไง แต่อำนาจในการจัดการบุคคลที่มีอิทธิพลขนาดนั้นมันต้องมากกว่าหรือเทียบเท่า ทัตจึงต้องสร้างอิทธิพลให้ตัวเองก่อนเพื่อรอเวลาที่จะได้แก้แค้นอย่างสาสมใจ จนกระทั่งมาเจอกับคริสตัล

ทัตรู้จักคริสตัลแน่เพราะเค้าได้สืบประวัติมาเป็นที่เรียบร้อย แต่ทางฝั่งนั้นไม่มีใครรู้จักเค้าสักคน ถือว่าเป็นโชคดีที่ตนใช้นามสกุลฝั่งแม่อยู่นานเลยทำให้สืบค้นหาตัวตนของเค้าไม่ได้ง่ายๆ

คริสตัลดูแข็งกร่าวแต่กลับแฝงไปด้วยความใสซื่อ เค้าดูมีออร่าเปร่งประกายเช่นเดียวกับชื่อของเขา ผิดกับพี่ชายที่ดูสวมหน้ากากใบหน้ายิ้มแต่กลับแผ่รังสีอันตรายออกมาจากตัวอย่างเห็นได้ชัด

รู้ว่าไม่สมควรเอาคริสตัลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแต่ตัวตนของคริสตัลกลับดึงดูดให้เข้าหาโดยที่เค้าไม่อาจปฎิเสธได้
ทัตถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปยังด้านในและตรงไปยังบานประตูห้องนอนที่มีคริสตัลนอนอยู่ เค้าไม่รู้ว่าหลังจากนี้คริสตัลจะมีปฏิกิริยายังไง จะยอมอยู่ข้างๆเค้าไหม หรืออาจจะเกลียดเค้าก็เป็นได้

เกลียดงั้นเหรอ?

หึ แค่คิดก็เจ็บชะมัด

นี่เราหลงคริสตัลมากมายถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย

แต่ถ้าไม่หลงก็คงไม่พามา ถ้าไม่รักก็คงไม่โหยหา คงไม่ต้องการที่จะให้อยู่ด้วยกันถึงแม้ว่าจะเป็นคนสำคัญของศัตรูเค้าก็ตาม...แต่คริสก็ได้กลายมาเป็นคนสำคัญของใจเค้าแล้วเช่นกัน...

“คริส”

ทัตเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเมื่อเข้ามาในห้องแล้วเห็นคนที่น่าจะหลับอยู่ตื่นขึ้นมานั่งนิ่งมองจ้องไปที่บานกระจกใหญ่หน้าระเบียง คริสค่อยๆหันมามองคนเรียกช้าๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ตื่นแล้วเหรอ? หิวไหม?”

“........”

คนบนเตียงไม่ตอบทัตเลยเดินเข้าไปใกล้ก้มลงเอามือทาบหน้าผากวัดไข้แต่ตัวก็ไม่ได้ร้อนอะไร

“ยังปวดหัวอยู่ไหม? พี่เจอยาของเราแล้วเดี๋ยวไปกินข้าวแล้วค่อยกินยานะ”

“ไม่ต้องมายุ่ง”

ทัตถอนหายใจเมื่อคนตรงหน้าออกปากไล่ด้วยน้ำเสียงที่แข็งขื่น

“อย่าดื้อสิ เราไม่สบายอยู่นะ”

“งั้นก็ฆ่าให้ตายๆไปสิ จะได้จบเรื่อง”

“พูดอะไรนะคริส อย่าพึ่งมาประชดกันตอนนี้จะได้ไหม”

“หึ”

“ถ้าไม่อยากออกไปเดี๋ยวจะเอาเข้ามาให้ รอแป๊บแล้วกัน”

“...........”

คริสไม่ตอบโต้อะไรแต่หันหน้าหนีไปมองที่ระเบียงดั่งเดิมและนั้นก็ทำให้ทัตถอนหายใจไปอีกเฮือก ความดื้อรั้งหายไปแต่ความดื้อเงียบมาทดแทนอย่างนั้นเหรอ ทัตเดินออกจากห้องไปอุ่นข้าวผัดแฮมพร้อมน้ำส้มอีกแก้วใหญ่ๆ พอกลับเข้ามาในห้องก็นำไปวางไว้ที่โต๊ะนอกระเบียงก่อนจะวกกลับมาเรียกคนบนเตียงให้ออกไปกิน แต่คริสตัลยังคงนิ่ง

“คริส อย่าดื้อ”

“.........”

“คริสตัล”

“.........”

“โอเค จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม?”

คริสตัลเหล่มามองทัตที่เดินตรงเข้ามาหาด้วยความฉงน แต่ไม่นานเค้าก็ต้องเบิกตากว้างอุทานด้วยความตกใจเมื่อโดนอุ้มพาดบ่าแล้วพาออกไปนั่งที่โต๊ะด้านนอกในที่สุด

“Shit!”

“กิน จะได้กินยาแล้วพักผ่อนต่อ”

“ถามจริง ที่จับไอมานี่เพื่ออะไร? ยูต้องการอะไรกันแน่?”

“พี่บอกไปแล้วนี่”

“Stay with you?”

“you can do it?”

“Of course not!”

“........”

“ไอไม่มีวันญาติดีกับคนที่คิดจะฆ่าพี่ชายของไอ!!”

“แต่ทีครอสเกือบฆ่าอีฟ!”

“นั้นมันหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเกือบฆ่าไอ!!!”



TBC....
 :katai4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-03-2017 14:38:02
ดีค่ะคริสตัล หลุดปากบอกทัตไปเลย ถ้าหลังจากนี้ทัตยังฟังความข้างเดียวเราจะโกรธละ
ที่อีฟรถคว่ำนี่ก็เป็นแผนของนางด้วยใช่ไหม ทำไมถึงดูเป็นคนเลวร้ายอย่างนี้ จงเกลียดจงชังมาแต่ไหน
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 14-03-2017 14:40:44
เบื่อจังผู้ชายโง่ๆแบบทัตนี่....  o18
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 14-03-2017 14:49:00
เอาใจช่วยพระเอก ถ้ายังโง่ ไม่สืบเรื่องราวนะ ก็ปล่อยเมียที่รักไปเต๊อะ
แต่ถึงจะสืบ แต่ทำให้พี่เมียเกลียด ก็งานเข้าอีก
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 14-03-2017 14:55:25
พระเอกนี่มันพระเอกจริงๆ รู้ทุกเรื่องของคนอื่นยกเว้นเรื่องชั่วๆของพี่ตัวเอง เพลีย
ขอให้เมียหนี พี่เมียไม่ยอมรับ  :katai3:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-03-2017 15:39:23
ทัต สืบรื่องคริสตัล ทีครอส
แต่สืบไง ถึงไม่รู้เรื่องที่คริสประสบอุบัติเหตุ
บาดเจ็บจนความจำเสื่อมชั่วคราว
แล้วจะรู้ความเลวของพี่สาวตัวเองมั้ยเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-03-2017 18:07:54
ทัตแกไปหานักสืบคนใหม่ไป สืบอีท่าไหนถึงไม่รู้เรื่องอุบัติเหตุ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 14-03-2017 20:24:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Ps.ntk ที่ 14-03-2017 21:30:46
ปักหมุด รอค่ะ หื้อกำลังสนุก ลุ้น มากมาย
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 14-03-2017 21:33:27
สนุกอะ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 15-03-2017 21:33:01
เทพทัตตาสว่างซักทีเถอะ ใช้ใจมองบ้างอย่าใช้แต่ตา  :m16:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 21 (UP-14/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 16-03-2017 01:14:34
ทัตนี่บื้อหรือโง่กันแน่คะ ตาสว่างได้แล้วนะ อยากรู้จัง ถ้าทัตรู้ว่าอีฟเคยจะฆ่าคริส ทัตจะเลือกใคร ยังจะเลือกปกป้องอีฟอยู่ไหม
คริสอย่าใจอ่อนนะ อย่าไปยอมทัตนะ คนโง่ต้องเจอแบบไม้แข็งค่ะ
ลุ้นๆมากเลย รออ่านนะคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 22 (UP-16/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 16-03-2017 14:04:58
สัมผัสที่ 22



- คริสตัล -

ผมไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไร แต่ชั่วพริบตาที่ผมเอ่ยความจริงที่เคยหลุดหายไปจากความทรงจำนั้น ดวงตาสีน้ำตาลดุดูไหวระริกอยู่ชั่วครู่

ผมกดยิ้มที่มุมปากเหมือนจะยิ้มเยาะให้ตัวเองที่หลงผิดคิดเกินเลยจนมาถึงขั้นนี้

ขั้นที่ผมเผลอมีใจให้มันไปแล้ว

หลังจากที่ตื่นมาพร้อมความทรงจำที่ฟื้นคืนผมก็ได้นั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องพี่ชาย เรื่องผู้หญิงคนนั้น และเรื่องของคนตรงหน้าผมในตอนนี้

แค่ผมคิดว่าผมกับมันเหมือนจะอยู่กันคนละฝั่ง ใจผมก็บีบรัดจนอยากจะร้องไห้ซะให้ได้ ผมแพ้ต่อลูกตื้อของมัน ผมแพ้ต่อความเสแสร้งของมัน ผมแพ้มันเข้าให้แล้วจริงๆ

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ?”

เสียงยังคงเข้มและหนักแน่นเหมือนเมื่อกี้ไม่มีผิด ผมหันหน้าหนีหลบสายตา

“ไม่ไปถามพี่สาวนายดูเองละ?”

“อย่ามาย้อนคริส ตอบพี่มาว่ามันเรื่องอะไรกัน!?!”

“ไอต่างหากที่ต้องถามคำถามนั้น มันเรื่องอะไรที่ต้องมาจงเกลียดจงชังกันถึงขนาดฆ่าแกงกันด้วย ไอผิดอะไร พี่ครอสผิดอะไร พวกเราไปทำอะไรให้ตอนไหนไม่ทราบ!!!”

ฟิลขาดในที่สุด

ทัตกำมือแน่นแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรนอกจากแววตาที่แข็งกร้าวจ้องมองเขม่งเหมือนจะมีประกายไฟที่ลุกโชตช่วง ผมกัดฟันกลั้นบางอย่างที่ทำให้กระบอกตาร้อนฝผ่าว ทัตสบถอย่างหัวเสียก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องไปในที่สุด ผมทรุดนั่งลงที่เดิมอย่างหมดแรง ไม่ได้หมดแรงกายแต่หมดแรงใจจนอยากจะนอนหลับอยู่เฉยๆ ถ้าผมยังคงลืมเรื่องราวเหล่านั้นอยู่มันคงจะดีกว่าจริงๆสินะ

“พี่ครอส รีบมารับผมสักทีสิ ผมอยากกลับบ้าน”






- เทพทัต -

“สิน! โทรเรียกนักสืบของอาเชนต์ให้มาพบผมด่วน ผมให้เวลาเดินทางภายในสองชั่วโมง”

ผมสั่งการดั่งลั่นในขณะที่เดินมานั่งลงตรงโซฟากลางห้อง ลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารับแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ผมหงุดหงิดถึงขีดสุเจนต้องคว้าหมอนอิงข้างตัวมาขว้างออกไปแรงๆ

“แม่งเอ๊ย! นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกันวะ!?!”

“มีเรื่องอะไรนะทัต เสียงดังลั่นเชียว”

ผมหันไปมองพี่สาวที่ค่อยๆเดินออกมาจากห้องด้วยความทุลักทุเล ผมเลยรีบลุกไปประคองจนพามานั่งลงที่โซฟาเดี่ยวส่วนตัวเองก็ไปนั่งลงที่เดิม

“จ้องพี่ทำไม? มีอะไรอยากถามเหรอ?”

ผมพ้นลมหายใจ เรื่องอยากถามนะมีแต่มาคิดดูอีกที ถ้าเป็นเรื่องที่พี่อีฟอยากที่จะบอกง่ายๆคงพูดไปนานแล้ว

“ผม…ผิดใจกับคริสนิดหน่อยนะ”

“นี่รักมันจริงๆเหรอ?”

ผมส่งสายตาไม่ชอบใจไปให้คนพูด เกิดความรู้สึกตะหงิดๆที่พี่อีฟเรียกคริสว่ามัน

“นั้นแฟนผมนะ”

“สถานะมันไม่สำคัญเท่าความรู้สึกทางใจหรอกทัต ถึงเป็นแฟนแต่ถ้าไม่รักมันก็ไม่มีความสำคัญกับชีวิต แต่ถ้ารักไปแล้วมันมีผลมากกว่าที่คิดแน่ๆ”

ผมพยักหน้ารับ

“ใช่ มีผลมากจริงๆนั้นแหละ”

“สรุปคือรัก”

“ใช่”

“ทัต พี่ว่าอย่าไปจริงจังกับคนนั้นจะดีกว่า รีบถอยออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”

“พี่หมายความว่ายังไง?”

“คนๆนั้นก็ร้ายไม่แพ้พี่ชายมันเหรอ ตอนแรกพี่ก็ไม่คิดว่าจะร้ายเหมือนกัน แต่เราก็เห็นนี่ว่าตอนที่พี่เผลอแล้วมันจะมาทำอะไรพี่”

ผมนิ่งเงียบ จริงๆที่ผมเห็นคริสก็ไม่ได้ดูร้ายกาจนะ แต่ที่ผมโกรธคือผมเห็นพี่อีฟล้มแล้วคริสไม่ทีท่าทีจะหยุดหรือช่วย

“อย่าลืมสิว่าพี่ชายมันทำอะไรกับพี่บ้าง แล้วเราคิดเหรอว่าพี่ชายมันจะยอมให้น้องชายเค้ามารักกับเรา แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากจะตายกันไปข้าง…”

ผมขมวดคิ้วกับคำว่าตายที่พี่อีฟพูดด้วยน้ำเสียงแปร่งๆ เหมือนจะเค้นพูดด้วยอาการอาฆาตมากกว่าพูดเพื่อให้ผมคิด

“คุณทัตครับ”

สินเป็นคนเข้ามาแทรกและกำลังจะรายงานแต่ผมยกมือห้ามไว้ก่อน

“พี่เข้าห้องไปพักเถอะ ผมจะทำงานต่อ”

พี่อีฟยอมพยักหน้ารับ ผมเลยประคองกลับไปยังห้องออกมาจึงได้ฟังรายงานของสินจนโอเค นักสืบของอาเชนต์อยู่ละแวกนี้พอดีเลยทำให้มาหาได้ไวกว่าที่ผมคิดแต่สิ่งที่ได้รู้เพิ่มคือทีครอสกำลังไล่ล่าหาตัวผมและน้องชายแล้ว

“คุมสถานการณ์ไว้ก่อน อย่าให้มันรู้เส้นทางของเราจนกว่าจะพรุ่งนี้เช้า”

ในระหว่างที่ผมยังไม่แน่ชัดแก่ใจผมก็ไม่อยากจะทำอะไรที่วู่วาม

คริสที่ผมรู้จักเป็นคนตรงๆที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมผิดกับทีครอส เพราะฉะนั้นคริสไม่น่าจะโกหกในเรื่องที่พูด ส่วนอีฟ อีฟเป็นพี่สาวต่างแม่แต่มีพ่อคนเดียวกันกับผม ถึงอย่างนั้นอีฟก็ดีกับผมเสมอถึงแม้ผมจะไม่ค่อยอยู่ไทยกับเธอเลยก็ตาม

“นักสืบมาถึงแล้วครับ”

สินรายงานหลังจากที่รับสายที่โทรเข้ามาเมื่อครู่

“ให้คนพาขึ้นมา”

“ครับ”

ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีหน้าประตูห้องก็ถูกเคาะ สินเป็นคนเดินไปเปิดและผู้ที่มาเยือนก็คือบ๊อป นักสืบที่ทำงานให้อาเชนต์มาตั้งแต่ผมช่วงแรกที่เกิดเรื่อง

“สวัสดีครับคุณทัต”

ผมยิ้มรับผูกมิตรทั้งที่ใจกระวนกระวายจนแทบจะอยู่ไม่สุข

“สวัสดีครับ”

“เรียกตัวผมด่วนขนาดนี้ มีงานใหญ่ให้ผมรับใช้เหรอครับ?”

บ๊อปถามน้ำเสียงขี้เล่นตามประสาก่อนจะนั่งลงหยิบแอปเปิลจากในกระเป๋าเสื้อตัสใหญ่ขึ้นมากัด คงฉกมาจากเคาเตอร์ครัวที่เดินผ่านมาเมื่อกี้ละสิ

“ผมอยากได้รายงานทั้งหมดที่เกี่ยวกับตระกูลเฟรงเบิร์ค”

“หืม คุณก็ได้ไปตั้งแต่ปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ผมหมายถึงทั้งหมด”

ผมเน้นคำว่าทั้งหมดจนริมฝีปากหนาที่กำลังกัดผลแอปเปิลหยุดชะงัก ดวงตาสีดำสนิทภายใต้คิ้วที่ดกหนาเหลียวมามองสบตาผมอย่างจริงจัง

“คุณได้ไปหมดแล้ว”

ผมเหยียดยิ้ม

“ผมให้โอกาสคุณคิดใหม่อีกรอบ”

“ผมให้ไปหมดแล้วจริงๆ ถ้าจะเอาอะไรเพิ่มเติมคุณคงต้องไปหาเอาเอง แล้วถ้าเรียกผมมาด้วยเรื่องแค่นี้ผมก็ขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ”

“อาเชนต์จ้างคุณเท่าไหร่?”

ชายตรงหน้าที่ตั้งท่าจะลุกหนีหยุดชะงักในทันที หึ ความโลภคือปัจจัยหลักที่ทำให้อะไรต่อมิอะไรง่ายขึ้นเยอะ

“นักสืบอย่างคุณคงมีงบในการประกอบอาชีพไม่มากนัก การที่อยู่กับอาผมได้นานขนาดนี้แสดงว่างานต้องดีและค่าตอบแทนนั้นคู่ควร ผมพูดถูกไหม?”

“หึ ฉลาดพูดดีนี่”

“ผมจะให้อีกเท่าตัวถ้าผมได้ข้อมูลที่ผมต้องการ…ทั้งหมด…”

“……”

“ว่ายังไงละคุณนักสืบ?”

“คุณอยากจะรู้ไปทำไมนักหนา เรื่องมันก็ผ่านมาเป็นปีๆแล้วนะ”

“เพื่อความแน่แก่ใจและหลักฐานสำหรับการเปิดเผยความเป็นจริง”

“ถ้าเป็นพวกเอกสารหลักฐานผมเอามาให้เดี๋ยวนี้ไม่ได้เพราะมันอยู่ในเซฟที่กรุงเทพฯ แต่ถ้าจะให้พูดปากเปล่าก็พอได้บ้าง”

“บอกมาก่อนก็ได้ กลับไปค่อยส่งมาให้ผมที่ออฟฟิศ และเรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับห้ามให้ใครรู้แม้แต่อาเชนต์ก็ห้ามรู้เด็ดขาด”

“นี่คุณจะหักหลังพรรคพวกของตัวเองรึไง?”

บ๊อปพูดขำๆแต่มันไม่ทำให้ผมตลกไปด้วยเลยสักนิด

“โอเคๆ งั้นเริ่มเลยแล้วกัน…”

“เดี๋ยว…สิน บันทึกเสียงให้ผมที”

“ครับ”

บ๊อปไหวไหล่ไม่สนใจรอจนสินส่งสัญญาณว่าพร้อมจึงได้เอ่ยต่อด้วยท่าทีสบายๆ

“เรื่องที่คุณคเชนต์ให้ปิดคุณคือเรื่องอุบัติเหตุของน้องชายทีครอส เฟรงเบิร์คที่ชื่อคริสตัล เฟรงเบิร์ค จะเรียกว่าอุบัติเหตุก็คงไม่ใช่ซะทีเดียวเพราะนั้นคือแผนการณ์ของพี่สาวคุณ คุณชาลิตาให้ลูกน้องคุณคเชนต์ตามรถคริสตัลและพยายามลอบฆ่าโดยทำให้มันเหมือนอุบัติเหตุให้มากที่สุด จริงๆเรื่องมันค่อยข้างคึกโครมแหละนะแต่ทางฝ่ายคุณคเชนต์ก็เส้นใหญ่พอตัวเลยพอถูไถปิดข่าวได้มากพอสมควร จบที่เป็นอุบัติเหตุธรรมดาเพราะผลตรวจร่างกายคริสตัลก็มีฤทธิ์แอลกอฮอร์อยู่ด้วย โชคชะตาเข้าข้างดีไหมละ?”

ผมนิ่งค้างกับสิ่งที่ได้ยิน ถึงแม้ผมจะไม่แสดงออกทางสีหน้าหรือท่าทางใดๆแต่ผมรู้สึกถึงอาการเย็นวาบไปทั้งตัวได้เป็นอย่างดี

“ทำไมพี่อีฟถึงต้องทำแบบนั้น?”

“ก็อย่างที่ให้ในรายงาน ผู้หญิงตัวเล็กๆโดนไปขนาดนั้นจะโกรธจะเกลียดมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”

“ก็แล้วทำไมไม่ไปทำกับเจ้าตัวละวะ! ไปทำกับน้องมันทำไม!?!”

“เฮ้ๆ อย่าใส่อารมณ์สิ คำถามพวกนั้นคุณควรไปถามพี่สาวคุณนะไม่ใช่ผม”

“นั้นมันก่อนหรือหลังที่พี่อีฟประสบอุบัติเหตุ?”

“หึ นั้นก็ไม่ใช่อุบัติเหตุหรอกคุณ”

“ว่าไงนะ!?!”

“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมจะพูดให้หมดเลยแล้วกัน แต่อย่างหลังนี่ผผมรู้เองไม่ได้มีใครให้สืบหรอกนะ คุณก็รู้ว่าผมทำงานให้คุณคเชนต์มาโดยตลอดเพราะงั้นเรื่องเล็กๆน้อยๆผมย่อมรู้ได้ไม่ยาก”

“อย่าพล่ามให้มันมาก มีอะไรก็พูดมา”

“เรื่องอุบัติเหตุนั้นคือข่าวลวง ทุกอย่างมันไม่เป็นจริงแม้กระทั่งอาการป่วย คุณชาลิตาปกติดีทุกอย่าง แต่ที่ทำไปแบบนั้นผมเดาว่าเพื่อสร้างเรื่องให้คุณโกรธแค้นแล้วไปแก้แค้นแทน ส่วนตัวเองก็ชักใยอยู่เบื้องหลังอะไรประมาณนั้น”

ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก

“เอาละ สองเรื่องลับขั้นสุดยอดนี้มันควรจะตีค่าได้มากขนาดไหนกันนะ คุณเทพทัต”

ไม่มีความลับสำหรับเงินตราจริงๆ ผมเหลือบมองสินไปแป๊บสินก็รู้ว่าผมต้องการอะไร เขาหายเข้าไปในห้องนอนใหญ่ไม่นานก็ออกมาพร้อมสมุดเช็คเงินสด ผมเขียนจำนวนเงินที่คิดว่าคู่ควรลงไปก่อนจะเซ็นและส่งมันให้บ๊อปไป บ๊อปเห็นแล้วหัวเราะร่วนก่อนจะขอตัวกลับ ผมไม่ลืมที่จะกำชับให้เค้าส่งเอกสารไปที่ออฟฟิศผมทันทีที่กลับเข้ากรุงเทพฯก่อนที่จะให้สินไปส่งที่ด้านนอก

เมื่อที่ตรงนี้เหลือเพียงผมคนเดียวผมเลยทิ้งตัวลงพิงเบาะเงยหน้ามองเพดานยกมือขึ้นปิดเปลือกตาแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลซึมออกมาอย่างช้าๆ

ให้ตายสิ

ทั้งหมดที่ผมทำลงไป…มันเพื่ออะไรกัน…

ทุกสิ่งที่ทำและทุกความรู้สึกที่ผมคิดว่ามันคือความจริงแต่วินาทีนี้มันกลับเป็นดั่งสายลมที่พัดผ่านไปอย่างง่ายดาย

เพราะอะไรกัน!?!

แกร๊ก!

เสียงเปิดประตูทำให้ผมรู้สึกตัวและหันไปมอง เป็นพี่สาวผมที่เดินออกมาด้วยใบหน้าที่เฉยชา มันเฉยชาจนผมรู้สึกแปลกใจ

“เมื่อกี้…ใครมาเหรอทัต?”

“แค่คนรู้จักนะ”

ผมเลือกที่จะไม่บอกตามจริง

“พี่รู้จักด้วยรึเปล่า?”

“ไม่น่าจะรู้นะ”

พี่อีฟนิ่งไปนิดก่อนจะเหยียดยิ้ม

“งั้นทำไมมันถึงรู้เรื่องที่ไม่สมควรรู้มากขนาดนั้นละทัต”

พูดจบมือเรียวก็โผล่ออกมาจากทางด้านหลังพร้อมกับกระบอกปืนสีดำขลำ ผมลุกขึ้นยืนในทันที

“ทำอะไรนะพี่?”

ผมถามด้วยความงุนงง ปลายกระบอกปืนนั้นจ่อมาทางผมอย่างแน่วแน่พร้อมสายตาที่พุ่งตรงอย่างโกรธเคือง

“อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ ในเมื่อแกคิดจะหักหลังกันตั้งแต่ต้น!”

“พูดอะไรนะอีฟ ผมไม่ได้…”

“แกรักมัน”

“……”

“แกฟังมันจนต้องไปถามไอ้ปากสว่างนั้น”

“ใจเย็นๆก่อนอีฟ”

“แกก็เย็นได้นี่ในเมื่อคนที่สูญเสียมันไม่ใช่แก!”

“หมายความว่ายังไง?”

“แกเป็นต้นเหตุให้แม่ฉันต้องตาย!!”

ผมขมวดคิ้วจนเป็นปม ที่ผมรู้คือแม่ของพี่อีฟป่วยและเสียชีวิตไปในที่สุด แม่ของผมเลยได้แต่งกับพ่อในปีต่อมา จะว่าเร็วก็เร็วสำหรับการที่เมียพึ่งตายไปเพียงปีเดียวแล้วมาแต่งงานใหม่กับอีกคนแต่สำหรับคนรักกันผมว่ามันก็ปกตินะ

“พี่อีฟ เก็บปืนแล้วมาคุยกันดีๆดีกว่า”

“ไม่! แกจะเกิดมาทำไม ถ้าแกไม่มาเกิดพ่อก็ไม่ต้องแต่งงานใหม่และประเคนทุกอย่างให้แกหมดแบบนี้!!”

“วางปืนเถอะครับคุณอีฟ”

สินที่เข้ามาตามหลังพร้อมกับลูกน้องอีกสองคนเอ่ยพร้อมกับถือปืนจ่อไปทางอีฟ แต่เธอไม่มีท่าทีจะเกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น

“พวกแกกล้ายิงฉันเหรอ? ฉันเป็นนายพวกแกนะ!!”

“นายพวกผมชื่อเทพทัตครับ”

“หึ หึหึ น่าขำชะมัด ไม่ว่าหน้าไหนก็เหมือนกันหมด ไม่ว่าไอ้บ้าหน้าไหนก็หักหลังฉันหมด ทำไมห่ะ!?! ทำไม!!?!!”

“เพราะเธอบ้าอยู่แบบนี้ไงอีฟ”

!!!

เสียงใครบางคนตอบกลับมาท่ามกลางความตึงเครียดจนทำให้ทุกคนหันไปมองจนเห็นคริสตัลยืนกอดอกมองจ้องไปที่อีฟโดยไม่คิดจะเหลียวมองผู้คนรอบข้างเลย ไม่แม้แต่จะมองผมด้วยซ้ำ

“คริส ออกมาทำไม!?!”

ผมเอ็ดและเดินเข้าไปหากะดึงคริสให้มาหลบอยู่ด้านหลังแต่คริสกลับสะบัดมือผมทิ้งก่อนจะเดินตรงไปทางพี่สาวผมอย่างไม่หวั่นเกรง

บทจะกล้าก็กล้าเกินไปไหมที่รัก

อีฟเองพอเห็นคริสเดินเข้าไปหาก็ยิ้มต้อนรับในทันที ดวงตาประกายวาวโรจน์แต่สักพักน้ำตาใสๆกลับไหลรินลงอาบแก้ม

“เหมือนมาก”

“……”

“เหมือนทีครอสอย่างกับหน้ากากตัวเดียวกัน”

“ก็พี่น้องกันนี่”

“ใช่ พี่น้อง พี่น้องที่มักขัดขวางความรักของฉัน แกมันคนใจร้ายไม่แพ้กับพี่ชายของแกหรอก รู้ว่าฉันหลอกยังมาทำให้รัก พอฉันรักกลับทำเป็นไม่ใยดี ทั้งๆที่รักแต่ก็เกลียด ยิ่งรักมากก็ยิ่งเกลียดมากจนอยากจะฆ่าให้ตาย”

“แต่ก็ฆ่าไม่ได้”

“หึ ใช่ ใครจะไปฆ่าทีครอส เฟรงเบิร์คได้ละ แต่ก็นะ พอฉันรู้ว่าจุดอ่อนของทีครอสคืออะไรเท่านั้นแหละ…”

“ก็เลยเล็งมาที่ไอ?”

“ฉลาดขึ้นมาอีกนิดแล้วสินะ หึหึ”

“คุณมันบ้าจริงๆให้ตายสิ”

“แกมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน!?!”

อีฟตะคอกลั่นพร้อมตั้งมือเตรียมเหนี่ยวไกรเต็มที่จนกระทั่ง...



ปัง!!!


!!!!


พลั๊ก




ตุ๊บ



เสียงปืนที่ดังสนั่นด้วยโทษะของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวได้ปะทุขึ้นเพียงชั่วครู่แต่ผลที่ตามมามันกลับทำให้ผู้ที่เหนี่ยวไกลถึงกับทรุดตัวลงไปนั่งที่พื้น น้ำตาที่ไหลรินนั้นไม่อาจทำให้เจ้าตัวรู้สึกดีขึ้นเลย ผมกัดฟันกรอดก่อนจะก้มดูบาดแผลที่ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาจากช่องท้อง ความเจ็บแปร๊บแผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างกับไฟลามทุ่ง คริสที่โดนผลักจนล้มไปอยู่ด้านข้างถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นรอยเลือดนั้น

“ทัต!”

คริสรีบรุดไปประคองร่างใหญ่ในขณะที่สินและลูกน้องคนอื่นต่างกรูกันเข้าไปจับกุมอีฟที่ดูเหมือนจะขาดสติไปโดยสมบูรณ์ 

“คุณนะ มาช่วยผมพยุงเจ้านายคุณไปโรงพยาบาลเร็ว!”

คริสหันไปเรียกสิน ผมได้แต่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นถึงความห่วงใจจากคนที่รัก ผมอยากจะบอกว่าตัวเองไหวแค่เลือดไหลมากไปแต่ก็ยังไม่ทำให้ผมตายได้ ทว่าเมื่อเห็นอาการห่วงของคริสแล้ว...มันกลับทำได้แค่เพียงยิ้มรับด้วยใจที่พองฟู
คริสมีอิทธิพลกับเค้ามากเกินกว่าที่เค้าจะรู้ตัวเองซะอีก

“ทัต! ห้ามหลับนะ”

“ไม่หลับ”

“แต่ยูหลับตา ลืมตาขึ้นมาสิ ไอบอกให้ลืมตา!”

“แค่พักสายตาเอง เหนื่อยจังวะคริส”

คริสไม่ตอบแต่แขนที่โอบผมอยู่นั้นแน่นขึ้นจนผมรู้สึกได้ ตอนนี้เราอยู่บนรถแล้ว สินเป็นคนขับและมีผมกับคริสนั่งอยู่เบาะหลัง ผมถือวิสาสะเอียงตัวไปซบไหลคนข้างๆฝืนความเจ็บแต่ได้ความฟินในอารมณ์

“อย่าหลับนะ”

“อืม”

“ไม่รับก็พูดอะไรสักอย่างสิ เงียบแบบนี้เดี๋ยวก็เผลอหลับ เดี๋ยวก็....”

ผมรู้ว่าคริสจะพูดอะไร แต่เสียงสะอื้นเบาๆจากในลำคอของคนด้านข้างนั้นมันทำให้ผมต้องลืมตาและหันไปมอง

“ไม่ร้องไห้ดิ”

“ก็มัน...”

“พี่ไม่เป็นไร ใช่ว่าจะไม่เคยถูกยิงสักหน่อย นี่เราก็เอาผ้ามาห้ามเลือดให้พี่แล้วไง”

“แต่มันก็ยัง...”

“ห่วงพี่เหรอ?”

คริสเม้มปากจนเป็นเส้นตรง

“ห่วงพี่ไหมครับ?”

“ห่วง...”

ผมยิ้ม

“ถึงจะอยู่ด้วยกันไม่ได้แต่ก็ไม่อยากให้ตายไปทั้งอย่างนี้หรอกนะ”

ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“อะไรนะ?”

“เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ทัต เราไม่น่ามาเจอกันซะด้วยซ้ำ”

“ทำไมจะไม่ได้?”

คริสยังไม่ทันจะได้ตอบอะไรสินก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่หน้าโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งซะก่อน บุรุษพยาบาลเข้ามาช่วยพยุงตัวผมไปนอนที่เปและลากเข้าไปที่ด้านในโดยที่ปราศจากคนที่เคยอยู่เคียงข้างอย่างคริส หากกลายเป็นสินที่เดินตามมาห่างๆ

เหมือนวันเวลาค่อยๆเลือนลาง

เหมือนทุกสิ่งอย่างกำลังจะหายไป


TBC....
 :katai5:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 22 (UP-16/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 16-03-2017 23:59:10
สมน้ำหน้าในความโง่ของพระเอกมากๆ

อยากให้ทัตเจ็บปวดมากกว่านี้ตอนรู้ความจริง

เอาละเรื่องมันผ่านไปแล้ว

ต่อไปก็ปรับความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายนะ
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 22 (UP-16/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 17-03-2017 02:06:51
ตามง้อยาวแน่เลยทัต เป็นไงล่ะ โทษฐานของความโง่ ตายๆๆ จะเอายังไงกับอีฟล่ะเนี่ย คริสจะให้อภัยทัตไหม ทีครอสจะรับทัตเป็นน้องเขยป่ะ งานยากมาแล้วนะทัต คราวนี้จะทำอะไรอย่าโง่อีกนะ :angry2:
รออ่านเหมือนเดิมน้าาา  :katai4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 22 (UP-16/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 17-03-2017 02:55:07
ทัตนี่ไม่น่ามีตำแหน่งใหญ่โตจริงๆอะ โง่เกิ๊น
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 22 (UP-16/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-03-2017 04:19:59
เลือด เครื่องเส่นสังเวยให้กับคำว่าพระเอกหนังไทย สมน้ำหน้า!!
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 22 (UP-16/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-03-2017 05:24:57
อีฟ นี่ดีกับใครจริงๆบ้าง
แม้แต่น้องชายก็เคียดแค้น
ไม่มองตัวเอง อย่างท่เขาว่ากัน
โทษคนอื่นเหมือนภูผา โทษตัวเองเหมือนเส้นผม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 Contact love 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 22 (UP-16/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-03-2017 08:31:39
ก็ยังดีที่ฉุกใจในวินาทีสุดท้ายละนะ รอดูว่าจะเป็นยังไงต่อไป
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 23 (UP-17/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 17-03-2017 17:03:29
สัมผัสที่ 23



- ทีครอส -


“เรียบร้อยครับ”

ผมยกยิ้มเมื่อคนมาใหม่เข้ามานั่งในรถและเอ่ยถึงข่าวดีที่ผมให้เค้าขึ้นไปจัดการ จะบอกว่าจัดการก็คงไม่ถูกซะทีเดียวเพราะมันเป็นเพียงการไปบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพื่อป่วนแผนการณ์ของผู้หญิงคนนั้น อีฟร้ายกว่าที่ผมคิดแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะน่ากลัวอะไรมากมาย

ผมยื่นเช็คเงินสดสำหรับการตลบหลังอย่างลับๆนี้ไปให้กับเจ้าตัวด้วยมูลค่าที่สูงเอาการ แต่ก็ถือว่าคุ้ม ผมปล่อยให้ลูกน้องอีกคนไปส่งนักสืบของอีกฝ่ายเมื่อเสร็จธุระ ส่วนตัวเองก็นั่งอยู่ในรถคอยมองจ้องไปที่คอนโดริมทะเลอันเป็นที่หลบซ่อนของพวกมัน

คิดเหรอว่าคนอย่างทีครอสจะจนตรอกง่ายๆ

ผมนั่งอยู่สักพักก็เห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง พวกลูกน้องที่เฝ้าต้นทางต่างกรูกันเข้าไปยังด้านในจนผมชัดสังหรณ์ใจไม่ดี ที่ผมห่วงคือคริสตัลเพียงคนเดียว แต่ที่ยังไม่บุกเข้าไปคืออยากจะรอสบโอกาสเหมาะหรือไม่ก็ของให้พระอาทิตย์ตกดินซะก่อน

“เกิดอะไรขึ้น?”

ผมเอ่ยเปรยเสียงแผ่วพลางขมวดคิ้วเข้าหากัน ไคที่นั่งอยู่เบาะหน้าเลยยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายหาใครบางคน ผมได้ยินว่าเค้าถามในคำถามเดียวกับที่ผมถามไม่นานไคก็วางสายแล้วหันมารายงาน

“ผู้หญิงคนนั้นคลุ้มคลั่งเอาปืนมาจ่อยิงผู้คนรอบข้างนะครับ”

“แล้วคริสละ?”

“อยู่ที่นั้นด้วยเช่นกันครับ”

“ในวิถี่กระสุนนะเหรอ?”

“น่าจะครับ”

“ให้ตายสิวะ! บอกคนของเราให้เข้าไปคุ้มกันด้วย”

แน่นอนว่าผมมีคนของผมแทรกซึมอยู่ที่นั้นเป็นที่เรียบร้อย ไคพยักหน้ารับแล้วโทรไปสั่งการอีกที ตอนนี้ผมแทบจะอยู่ไม่สุข ผมคิดว่าพอมันรู้ความจริงมันจะไปจัดการกับพี่สาวของมันไม่ใช่ปล่อยให้พี่มันมาอาละวาดแบบนี้ แต่ความกังวลของผมก็เพิ่มพูนเมื่อมีเสียงปืนก็ดังแทรกขึ้นมา มันไม่ได้ดังมากแต่พอจะฟังออกว่าเป็นเสียงการยิงปืนแน่นอน

“ไค”

“คุณคริสปลอดภัยครับ ผมถือสายค้างไว้อยู่”

ผมถอนหายใจอย่างโคตรจะโล่งอก สักพักผมก็เห็นคนของมันลงมาขับรถไปจอดที่หน้าทางเข้าไม่นานคริสตัลก็พยุงมันลงมาพร้อมรอยเลือด รอยยิ้มฝุดขึ้นมาบนใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้ ดูจากรูปการณืแล้วคงกำลังพากันไปโรงพยาบาลและการที่ลงมาแค่สองคนแสดงว่าตัวการอย่างอีฟต้องยังอยู่ที่ด้านบนสินะ

“ให้อั๊นไปรับคริสที่โรงพยาบาล”

“ครับ”

ไครับคำแล้วหันยกโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งการซ้ำอีกรอบ ไม่นานรถหรูสีดำอีกคันก็ขับตามรถของฝ่ายนั้นไปในที่สุด

“ส่วนเราก็ไปกันเถอะ”

“ครับ”

ผมไม่ต้องพูดอะไรมากเพราะไคมักจะเดาทางความคิดของผมได้อยู่แล้ว เราลงจากรถเดินข้างพากไปยังคอนโดนั้นได้โดยง่ายปราศจากคนคุมเชิงอย่างเช่นทุกครั้ง การหละหลวมนี้คือสิ่งที่เป็นข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ผมรู้ที่อยุ่และเลขห้องจากคนที่แทรกซึมอยู่ก่อนหน้าเป็นที่เรียบร้อย และตอนนี้ลิฟท์ก็กำลังเพิ่มเลขชั้นไปยังเป้าหมายด้วยคีย์การ์ดที่ผมมีอยู่ในมือ อำนาจเงินบันดาลได้ทุกสิ่งที่เราต้องการและอำนาจในมือก๋ทำให้เรายืนคระหง่านได้อย่างผู้มีชัย

กริ๊ง

“กรี๊ดดดดดดด”

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปได้เสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็แผดเสียงร้องดังลั่นจนผมแทบเอามือปิดหูแทบไม่ทัน บรรดาชายฉกรรจ์ที่เป็นลูกน้องมันหันควับมามองผู้มาเยือนแบบไม่บอกกล่าวอย่างพวกผมในทันที

“มาได้ไงวะ!”

“ขับรถมาดิ ถามควายๆ”

สี่ในหกหันมาทางพวกผมปล่อยให้สองคนที่เหลือจับอีฟที่ยังคงมีอาการคลุ้มคลั่งอยู่เช่นเดิม ผมยืนนิ่งปล่อยให้ลูกน้องทางด้านหลังเข้ามาประจันหน้าแทน พวกผมเยอะกว่าเห็นๆ แถมพวกมันยังไม่มีลูกพี่คุ้มกะลาหัวอีกด้วย

“เอาไงละทีนี้ จะเปิดศึกสักยกสองยกให้เจ็บเนื้อเจ็บตัวกันหรอกจะให้ฉันเข้าไปจัดการกับผู้หญิงคนนั้นเพียงคนเดียว”

ผมเอ่ยเสียงเย็น ฝ่ายตรงข้ามเริ่มหันมองหน้ากันไปมาจนผมกดยิ้ม แต่ทว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นมาเมื่อผมสัมผัสได้ถึงปากกระบอกปืนที่จ่ออยู่ที่ด้านหลังของศรีษะ ไคที่อยู่ด้านข้างรีบควาปืนเล็งไปที่บุคคลมาใหม่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อได้รับคำขู่จากบุคคลๆนั้น

“กล้ายิงฉันก็กล้าเหนี่ยวไกรเหมือนกัน”

คนๆนี้คือคเชนต์ ผมจำเสียงของเค้าได้ดี

“ไม่ได้เจอกันนานนะ ทีครอส เฟรงเบิร์ค”

“คงจะตั้งแต่ที่คุณลงจากตำแหน่งผู้บริหารมาให้ทายาทตัวจริงขึ้นแทนละมั่งครับ”

ได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะหึในลำคอแผ่วมาเบาๆก่อนที่ผมจะสะบัดตัวกวาดแขนไปปัดปืนที่จ่อหัวตัวเองด้วยความไวจนไคเข้ามาประชิดร่างของชายวัยกลางคนไว้ได้ ผมเดินไปหยิบปืนที่โดนปัดจนตกพื้นขึ้นมาถือพร้อมเหยียดยิ้มร้ายไปทางเจ้าตัวที่กัดฟันกรอดอยู่ในเงื้อมมือของลูกน้องผม

“ถ้าจะเล่นปืนมันต้องกล้าที่จะเล่นจริงๆไม่ใช่มีไว้ขู่เฉยๆนะคุณคเชนต์”

หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวเหลียวมามองทันทีที่ได้ยินชื่อของชายวัยกลางคนและเธอก็เห็นแล้วว่าในห้องนี้มีใครอยู่บ้าง ใบหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวดเมื่อครู่ได้เปลี่ยนเป็นปิติแต่น้ำตายังไหลพลากอยู่เช่นเดิม

“ครอส”

“คุณหมดสิทธิ์เรียกผมด้วยชื่อนั้นตั้งแต่ปีก่อนแล้วนะอีฟ”

เธอเบ้ปากเตรียมร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกรอบ

“ฉันขอโทษ”

“ง่ายไปไหม?”

มันง่ายไปสำหรับความหายนะทุกอย่างที่เธอและคนๆนี้เริ่มทำมัน อีฟรักผมแต่ก็แสวงหาอำนาจมากพอๆกับคเชนต์ที่กระหายมันไม่น้อยไปกว่ากัน ผมซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลอันดับต้นๆจึงเป็นที่เพ้งเล็งได้ไม่ยากแถมยังมีข่าววงในเรื่องการเป็นเสือผู้หญิงอีก(อย่าไปบอกคริสนะครับ) คุณเธอจึงใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล้อโดยที่ยังไม่แน่นด้านการตลบหลังคน โลกของผมมันซับซ้อนใช่ไหมละครับ เพราะงั้นผมเลยไม่อยากให้น้องเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยเท่าไหร่ แต่ก็นะ...มันอาจจะสายเกินไปแล้วก็ได้

“คุณคิดว่าผมใจดีได้แค่ไหน?”

ไม่มีใครตอบ ผมเลยยกมือข้างที่ว่างทำสัญญาณให้ลูกน้องแต่ละคนจัดการรวบพวกลิ้วล้อฝ่ายนั้นให้สิ้นฤทธิ์ที่จะต่อกรในชั่วพริบตา อีฟที่ได้รับอิสระอีกครั้งเพราะคนที่จับเธอไว้ก็โดนรวบตัวไปรวมกับคนอื่นๆได้แต่นั่งแหมะมองด้วยความหวาดหวั่นอยู่ที่พื้น ผมกดยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ

“แกจะทำอะไร!?!”

เป็นคเชนต์ที่ตะโกนถามอย่างเดือดดาล ผมชะงักเท้าแล้วหันไปมองพลางเหยียดยิ้มที่คิดว่าคงดูร้ายกาจในสายตาพวกเค้าไม่น้อย คเชนต์กัดฟันจนเส้นเลือดปูดนูนอย่างเห็นได้ชัด ผมกลัวจริงๆว่าเค้าจะเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกตายไปก่อนไหม แต่คงไม่ นรกคงยังไม่ต้องการตัวไวขนาดนั้นมั่ง

“อีฟ”

ผมหันไปเรียกเธออีกรอบ อีฟเองก็เงยหน้าขึ้นมามองแต่ตัวยังคงสั่นระริก ดวงตาไหววูบด้วยความหวาดกลัวเหมือนหนูที่กำลังโดนยาทดลองในห้องแลป

“กลัวเหรอ?”

เธอพยักหน้า

“ทีตอนเธอทำกับคนอื่นไม่คิดว่าเค้าจะกลัวแบบนี้บ้างเหรอ?”

เธอเบ้ปากพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอีกครั้ง

“ไม่เอา ไม่ทำ ไม่ได้ทำอะไรนะ”

ผมเชื่อแล้วว่าเธอสิ้นสติไปโดยสมบูรณ์จริงๆ ใจหนึ่งก็คิดสงสารแต่ความเกลียดชังมันมีมากกว่า

“เธอต้องชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวของเธอเอง”

ผมพูดพร้อมชูปืนในมือขึ้นมาแสร้งยิ้มเหี้ยมแกล้งขู่ไปอีกชั้นจนอีฟถึงกับถกถอยหนังพลางส่ายหัวเป็นพัลวันทั้งน้ำตา

“ไม่เอา ไม่เอานะ ไม่อยากตาย ไม่เอา”

“ร้องขอไปก็ใช่ว่าจะรอด”

“ไม่นะ ไม่ๆๆ ไม่เอา ไม่! กรี๊ดดดดดดด!!”

แล้วเธอก็แหกปากลั่นจนผมต้องขยับถอยหลังเพราะกลัวแก้วหูทะลุไม่ได้

“อีฟ! สงบสติอารมณ์ไว้ ปล่อยกูสิวะ!!”

เหมือนคเชนต์จะไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายเลยสักนิด เค้ายังคงดิ้นพล่านหวังจะเข้าไปหาหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวจนผมพยักหน้าให้ไคปล่อยตัวเค้าในที่สุด เมื่อได้รับการปล่อยตัวคเชนต์จึงรีบเข้าไปหาอีฟที่ยังคงยกมือขยี้หัวตัวเองพร้อมกับกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ผมถอยหลังไปมองภาพคนทั้งคู่โดยที่มีไคยืนขนาบข้างอยู่เช่นเดิม คเชนต์ส่งสายตาอาฆาตมาทางผมทั้งที่ยังคงกอดปลอบประโลมหญิงสาวในอ้อมแขน

“ผมจะอนุโลมไม่ให้คุณอยู่ในฐานะบุคคลล้มละลายแต่ก็ไม่ได้ใจดีพอที่จะให้กลับมายืนอยู่ในวงการนี้ได้อีก ส่วนผู้หญิงคนนั้น...แค่นี้คงหนักหนาเกินพอแล้วละมั่ง”

พูดจบผมก็เดินออกมาในทันที ไคตามหลังมาพร้อมยกโทรศัพท์จัดการธุระตามที่ผมเอ่ยส่วนลูกน้องคนอื่นๆก็ทยอยกันมาแต่ไม่ได้ปล่อยพวกลิ้วล่อฝ่ายนั้นที่โดนจับมัดอยู่หรอกนะ ผมเดินมาจนถึงรถและพอเปิดประตูเข้าไปก็เจอคริสตัลกำลังนั่งเหม่อมองออกไปยังอีกด้านอยู่ที่เบาะข้างๆ ผมเข้าไปนั่งข้างๆน้องพลางจับมือน้องมากุมไว้เบาๆปล่อยให้ไคขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านของเราอย่างเงียบๆ ผมยังไม่อยากเอ่ยถามอะไรน้องชายตอนนี้ คริสตัลที่รักอิสระมักไม่ชอบให้ใครวุ่นวายเรื่องที่ตนยังตัดสินใจไม่ได้สักเท่าไหร่ แต่ถ้าพร้อมเมื่อไหร่คือจะโพล่งออกมาหมดไม่มีหมกเม็ด ฟังดูเหมือนนิสัยเด็กน้องเอาแต่ใจคนหนึ่งใช่ไหมละ นั้นแหละครับน้องชายของผม น้องคนที่ผมรักไม่แพ้พ่อกับแม่เลยทีเดียว

“พี่ครอส”

คริสเอ่ยปากเมื่อเราเข้าสู่เขตกรุงเทพฯมาได้สักพัก

“หืม?”

“ผมไม่อยากอยู่ที่นี้แล้วอะ”

“หมายถึงที่ไหน? บ้าน?”

“ผมไม่อยากอยู่ไทย ผมไปอยู่กับพ่อได้ไหม?”

ผมถอนหายใจแล้วเพิ่มแรงบีบมือน้องไปมาคล้ายการนวด

“แล้วเรื่องเรียนละ ไหนจะเพื่อนๆอีก พี่รู้ว่าเราไม่อยากเจอมันแต่เราหนีไม่ได้ตลอดหรอกนะคริส เราต้องเข้มแข็งแล้วสู้กับมันสิ”

“ผม....”

“เอางี้ พี่จะให้ไปอยู่ก่อนก็ได้ แต่เป็นช่วงปิดเทอมเท่านั้นนะ ขืนปล่อยเราไปอยู่กับพ่อแล้วพี่จะแกล้งใครละ จะมีใครมาคอยกวนคอยป่วนเวลาพี่เครียดๆ ไหนจะแม่ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวอีก”

“แม่บ้านก็มีเหอะ”

ผมยิ้ม คริสเองก็รู้ว่าแม่รอคอยการกลับบ้านของเจ้าตัวในทุกๆวัน ถึงปากจะพูดไปงั้นแต่ใจจริงแล้วคริสอ่อนโยนมากนะครับ

“แม่บ้านจะมาเหมือนลูกในใส้ได้ยังไงละ”

“รู้แล้วน่า”

“กลับไปนี่ก็พักผ่อนซะ แล้วเรื่องที่หายตัวมาสองสามวันนี้เดี๋ยวพี่ไปเคลียร์กับทางมหาลัยให้”

“ขอบคุณ”

“ไม่ต้องคิดมาก นอนซะ”

ผมตอบกลับก่อนจะเอื้อมมือไปดึงน้องชายเข้ามาซบอยู่ที่ลาดไหล่ ขยี้เส้นผมอ่อนนุ่มสีอ่อนนั้นเบาๆก่อนจะทอดมองไปยังด้านนอกที่เริ่มมีแสงไฟในยามราตรีของเมืองหลวงสว่างไสวจนสุดลูกหูลูกตา







- คริสตัล -

วันรุ่งขึ้นผมตื่นเพราะอาการปวดมวนท้องตะหงิดๆ เท่าที่จำความได้เมื่อคืนผมนอนซบไหล่พี่ชายแล้วก็พล็อตหลับไปในที่สุด แต่ทว่าตอนนี้ผมกลับกำลังนอนอยู่บนเตียงของตัวเองด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่และแอร์ที่เย็นฉ่ำ ผมเสมองไปที่นาฬิกาจนรู้ว่าเลยเวลาเที่ยงมาสองชั่วโมงก็เข้าใจอาการประท้วงของกระเพาะตัวเอง จะว่าไปก็ยังไม่ได้กินอะไรลงท้องตั้งแต่เที่ยงของเมื่อวานเลยด้วยซ้ำ

เที่ยงวานงั้นเหรอ...

ผมนิ่งไปทันทีที่ภาพวันวานได้ฉายซ้ำเข้ามาในสมอง ใบหน้าของเทพทัตยังคงแจ่มชัดจนผมอดที่จะเม้มปากแน่นไม่ได้ กระบอกตาร้อนผ่าวจนต้องลื้อผ้าห่มที่ล้นลงไปด้านล่างขึ้นมาคลุมโป่ง ให้ตายสิ จะไปคิดถึงมันทำไมวะ

ก๊อกๆๆ

ผมสะดุ้งนิดหน่อยที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้โผล่หน้าออกไปมองแต่อย่างใด คนในบ้านจะรู้ดีว่าผมไม่เคยล็อคประตูห้องนอนถ้าไม่ใช่เวลาจำเป็นจริงๆ

“คุณหนูคะ ตื่นเถอะค่ะ”

“ตื่นแล้วครับ”

“งั้นก็ลุกไปอาบน้ำอาบท่าแล้วลงไปทานข้าวเถอะค่ะ นี่ป้าขึ้นมาปลุกตั้งสองรอบแล้วก็ไม่ตื่นสักที คุณท่านเป็นห่วงมากนะค่ะ”

ผมเปิดผ้าห่มออกโผล่หน้าไปให้ป้าแกเห็นก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง

“ไหวไหมคะ?”

“ไหวครับไหว ข้างล่างมีอะไรกินอะป้า?”

“แกงเขียวหวานไก่ แตงผัดเปรี้ยวหวานใส่ไข่ หมูทอดกระเทียมแล้วก็ยำวุ้นเส้นค่ะ”

ได้ยินแล้วก็ท้องร้องในทันที

“ตั้งโต๊ะรอเลยป้า อีกสิบนาทีเดียวผมตามลงไปครับ”

“ได้ค่ะ”

ป้าแกรับคำแล้วก็เดินออกจากห้องไปในที่สุด ผมยีหัวตัวเองทีสองทีปลุกให้ตื่นจากอาการงัวเงียแล้วจึงลุกไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำอาบท่าทำกิจวัตรส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อยก่อนจะลงไปข้างล่างด้วยชุดไปรเวทสบายๆ เมื่อเข้าไปในห้องอาหารก็เห็นผู้เป็นแม่นั่งยิ้มรออยู่ที่หัวโต๊ะ ที่นั่งข้างๆนั้นมาอาหารต่างๆถูกจัดเตรียมไว้ชุดหนึ่งซึ่งก็คงเป็นของผมนั้นแหละ ผมไม่รู้ว่าแม่รรู้เรื่องที่เกิดขึ้นไหมแต่ผมคิดว่าพี่ครอสคงไม่ได้บอกไม่งั้นเรื่องมันคงใหญ่โตกว่านี้แน่ เผลอๆอาจถึงพ่อแล้วถ้าพ่อกลับมานะ ตายทั้งพี่ทั้งน้อง

“แม่กินแล้วเหรอครับ?”

“นี่มันกี่โมงแล้วละจ้ะ?”

“โหย ก็ผมพึ่งตื่นนี่”

“ก็ใครใช้ให้พี่เที่ยวหนักขนาดนั้นละ กินนะแม่ไม่ว่าแต่อย่าให้มากไปสิลูก เป็นไงละ ห่ามรุ่งห่ามค่ำจนพี่ต้องไปตามมาถึงจะกลับ เจ้าเด็กแสบเอ๊ย”

ชักจะเดาได้แล้วสิว่าพี่ครอสมันตอแหลแม่ไปว่ายังไง แต่ก็ไม่วายโบ้ยความฉิบหายมาให้ผมอยู่ดีสิน่า ผมไหวไหล่แล้วตักข้าวกินไปเรื่อยๆสลับกับน้ำดื่มเย็นๆโดยที่มีแม่คอยมองอยู่ไม่วางตา

“มีอะไรรึเปล่าครับ?”

มองซะกินไม่คล่องคอแบบนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ

“คริสอยากไปอยู่กับพ่อเหรอลูก?”

เสียงแม่แผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด เล่นเอาผมชะงักมือที่กำลังตักข้าวเข้าปากในทันที

“แม่ก็ไม่ได้ว่าออะไรนะถ้าลูกอยากจะไปเพียงแต่...แม่คงเหงาแย่”

“โถ่แม่ พี่ครอสมันพูดอะไรกับแม่เนี้ย?”

“พี่เค้าแค่บอกว่าลูกอยากไปอยู่กับพ่อแค่นั้นแหละจ้ะ”

“ตอนแรกก็อยากไปอยู่ๆหรอก แต่คิดไปคิดมาแล้ว ไม่เอาดีกว่า ขืนไปผมได้โดนจับคุมความประพฤติแหง่งๆ”

คิดดูสิครับว่าแค่กินเหล้ายังบ่นเข้าด่าเย็นนี่ถ้ารู้ถึงความประพฤติทั้งหมดไม่ฆ่าปาดคอไปเลยเหรอ สาบานได้ว่าพ่อผมเป็นชาวต่างชาติร้อยเปอเซ็นต์นะครับ

“หึ กินข้าวเถอะจ้ะ เดี๋ยวก็หายร้อนกันพอดี”

แม่ยิ้มกริ่มในที่สุด

“แหม พอได้ยินงี้ละยิ้มออก ไม่อยากให้ผมไปก็บอกมาเหอะ”

“เจ้าลูกคนนี้นี่”

ผมหัวเราะขำในขณะที่กินข้าวไปด้วยจนโดนเอ็ดไปอีกรอบ แม่นั่งอยู่ข้างๆผมจนอิ่มแล้วจึงพากันย้ายสาระร่างไปที่ห้องนั่งเล่น

“แล้วพี่ครอสละแม่?”

ผมถามพลางรับลูกองุ่นที่แม่ปอดเปลือกมาให้ส่งเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับเอนตัวพิงเบาะเอาหมอนอิงมาวางตักสายตาจ้องมองไปยังโทรศัพท์เบื้องหน้าที่กำลังฉายหนังบู้แอคชั่นกำลังมันส์เลยด้วย

“ไปทำงานสิครับ ใครจะไปว่างนอนตื่นสายได้อย่างลูกละ”

“ไม่ต้องประชดขนาดนั้นก็ได้มั่ง”

“หึหึ กินดีๆสิคริส หยดหมดแล้วนั้น”

บ่นแต่ก็เอาทิชชู่ที่อยู่กลางโต๊ะมาซับตามรอยหยดและข้างแก้มให้ผมอย่างเบามือ ผมเอ่ยบอกขอบคุณเบาๆก่อนจะนิ่งไปอีกรอบ ภาพการเอาใจใส่ของใครบางคนมันทาบทับมาในสมองโดยฉับพลันจนผมตั้งตัวไม่ได้

“คริส?”

“อ๊ะ ครับแม่?”

“เหม่ออะไรนะลูก รีบเอาเข้าปากสิ”

ผมพยักหน้ารับแล้วเอาชิ้นองุ่นเข้าปากต่อโดยที่ไม่ได้หันไปพูดคุยอะไรกับแม่อีก ผมนั่งดูหนังจนแม่เดินออกจากห้องไปทำนู้นทำนี่ตามประสาคนอยู่ไม่สุขแต่ผมยังคงนอนดูหนังอยู่เช่นเดิม ถึงจะบอกว่านอนดูหนังแต่มันก็แค่นั่งเหม่อตาจ้องมองจอแต่ใจและสมองกับคิดไปถึงเรื่องอื่น มารู้สึกตัวอีกทีคือตอนที่ได้ยินเสียงเรียกของคนมาใหม่ที่หน้าประตูห้อง

“คริส”

“อ้าวนาย มาได้ไงวะ?”

ไอ้นายเดินมาตบหัวผมไปฉากใหญ่จนผมต้องร้องเสียงดังประท้วงแต่มันก็ไม่ใส่ใจกลับไหวไหล่นั่งลงข้างๆผมไปซะงั้น

“เจ็บสัส”

“สมควร หายหัวไปจนพวกกูห่วงฉิบหาย นี่ถ้าไม่เจอพี่มึงที่มหาลัยกูคงไม่รู้ใช่ไหมว่ามึงกลับมาแล้ว”

“กลับมา?”

ตายละหว่า พี่กูไปโม้อะไรกับเจ้าพวกนี้ไว้เนี้ย

“อ้าว ก็มึงหนีไปเฮิร์ทที่กระบี่มาไม่ใช่ไง? พี่ครอสบอกมึงอกหักดังเปาะเพราะถูกตุ๊ดเมิน ฮ่าๆๆๆ”

ผมกรอกตาแทบไม่ทัน

“ไอ้ห่านี่ เอาดีๆ พี่กูบอกว่าไง”

“ตกลงมึงกับพี่มึงไม่ได้เตี๋ยมกันแล้วเหรอวะ สะเพร่านะไอ้สัส”

“เออ...ก็...กูไปนะใช่แต่กูอยากรู้ว่าพี่กูมันไปโม้อะไรกับพวกมึงไง”

“หึ ก็บอกว่าหนีไอ้จอมตื้อ แล้วก็บอกให้พวกกูกันมึงกับมันไว้ให้ด้วย เอาแบบที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเจอหน้ากันได้ยิ่งดี”

ผมพยักหน้ารับ

“จริงเหรอวะ?”

“อะไรจริง?”

“ก็มึงเลิกกับไอ้พี่ทัตนั้นจริงๆเหรอ?”

ผมตอบได้ไม่เต็มปากแต่ก็ยอมพยักหน้ารับในที่สุด ไม่ได้เอ่ยเป็นกิจลักษณะแต่มันก็ไม่แตกต่างกันหรอกมั่ง

“เย๊ปเป้!!!! กูดีใจฉิบหายเลยวะ วันนี้ไปฉลองกันป่ะมึง”

ผมหัวเราะขำให้กับท่าทีการดีใจอันเวอร์วังแต่กลับส่ายหัวปฎิเสธคำชวนนั้น

“อ้าว ทำไมว๊า?

“พึ่งกลับมายังจะให้กูออกไปอีกเหรอ เดี๋ยวไอ้พี่ครอสมันก็ยำกูให้หรอก”

“ปกติมึงกลัวพี่มึงตามซะที่ไหน แต่ก็จริงนะ เอางี้ เดี๋ยวกูโทรชวนพี่มึงด้วยเลยเป็นไง?”

“ให้กูพักบ้างเหรอะสัส”

“หายไปสามวันมึงคิดว่ามึงยังพักไม่มากพออีกเหรอวะ”

“...เออ...”

“เออๆ ตามใจมึงละกัน ยังไงพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ ไว้ค่อยออกไปข้างนอกกัน อ้อ นี่แลคเชอร์ทั้งหมด อ่านหนังสือด้วยนะสัส สัปดาห์หน้าเริ่มสอบปลายภาคแล้วนะเว้ย”

ผมถึงกับขมวดคิ้ว

“จริงดิ๊”

“เออดิ โกหกไปได้อะไร”

ผมพยักหน้ารับ ช่วงนี้ทำไมดูเหมือนตัวเองไม่ลืมหูลืมตามองโลกรอบข้างแบบนี้วะ ขนาดวันสอบวันเรียนยังไม่ได้ใส่ใจอย่างที่ควรจะทำ

เพราะทัตเหรอ

หรือเพราะตัวเราเอง


TBC....
 :katai4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 23 (UP-17/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 17-03-2017 17:24:22
ตอนนี้พระเอกหาย !!!  :mew2:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 23 (UP-17/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 17-03-2017 19:28:59
ทำไมรู้สึกว่าพระเอกไม่มีบทบาทอะไรเลย เรื่องอีฟจบก็เพราะทีครอส ทัตรู้อะไรบ้างเนี่ย โง่โดนอีฟหลอกมาตั้งนาน พอรู้ความจริง โดนยิง พอตอนนี้หายไปจากเรื่องเลยจ้า  :z6:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 23 (UP-17/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 17-03-2017 20:27:30
สงสารเทพทัตอะ เป็นเหยื่องของพวกตัวร้ายกาจจริง. คริสตัลอย่าใจร้ายกับเทพทัตนักน้าาา ไอ้ที่รัก
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 23 (UP-17/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-03-2017 20:51:52
ถ้าทัต หายจากอาการบาดเจ็บ
ต้องมาตามคริสแน่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 23 (UP-17/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-03-2017 23:34:54
พวกตัวร้ายโดนจัดการง่ายไปนะ ความจริงน่าให้ล้มละลายไปเลยจะได้ไม่ต้องมีอำนาจทางการเงินอีก เพราะเงินมันบันดาลได้ทุกสิ่งนี่
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 24 (UP-20/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 20-03-2017 22:07:20
สัมผัสที่ 24


 
วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เช่นเดียวกับที่เทพทัตหายไปจากวงจรชีวิตเหมือนไม่เคยมีคนๆนี้อยู่บนโลก ถึงแม้มันจะเป็นการดีต่อตัวผมเองแต่สิ่งที่ห้ามไม่ได้คือสิ่งที่อยู่ภายใน ผมยังคงคิดถึงมัน ไม่ว่าจะนานแค่ไหน

“คริสตัล”

ผมหันไปมองคนเรียกซึ่งก็คือพี่ชาย วันนี้ผมมาทานมื้อเที่ยงกับพี่หลังจากที่สอบรายวิชาสุดท้ายเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เอาจริงๆช่วงสอบผมเองก็ได้แต่อ่านหนังสือและเข้าเรียนอย่างจริงๆจังๆจนไม่ได้แวะไหนต่อไหนเหมือนอย่างทุกที พอเรียนเสร็จก็กลับบ้านมาอ่านหนังสือ อ่านไปเรื่อยๆจนดึกดื่นแล้วก็นอนตื่นก็ไปเรียนถ้าไม่มีเรียนก็เข้าหอสมุดไปอ่านหนังสืออีก ชีวิตวนลูฟอยู่อย่างนี้จนกระทั่งปัจจุบันที่สอบเสร็จและกำลังเข้าสู่ช่วงปิดเทอมเล็กที่มีระยะเวลาประมาณสองสัปดาห์

“ครับ?”

“เหม่อนะเรา เป็นอะไร?”

ผมยิ้มบางแล้วส่ายหัว

“แค่อึนๆนะ”

ผมตอบพลางม้วนเส้นพาสต้าสีดำเข้าปาก พี่ครอสพาผมมาทานอาหารอิตาเลี่ยนที่โรงแรมใกล้ออฟฟิศครับ เห็นบอกว่าโรงแรมนี้ก็เป็นของพี่ผมอยู่กลายๆแต่ไม่ได้บริหารเองแค่ถือหุ้นส่วนมากอยู่เบื้องหลัง

“พึ่งสอบเสร็จนี่เนอะ แล้วเอาไง จะไปอยู่กับพ่อไหม?”

“ตอนนี้พ่ออยู่ไหนอะ?”

“อิตาลี่มั่ง ไม่แน่ใจ เมื่อวันก่อนคุยกับเห็นบอกว่าจะไปร่วมงานที่อิตาลี่แต่ไม่ชัวร์วัน”

“งานสังสรรค์นะเหรอ?”

“งานเปิดตัวเที่ยวบินของบริษัท ประธานไม่ไปมันก็ใช่เรื่อง แกไปหาอาจจะโดนจับไปเข้าสังคมทางนู้นด้วยก็ได้”

ผมรีบส่ายหัวหวืดเลย

“งั้นไม่ไปละ”

“ฮ่าๆๆๆ กลัวอะไรว๊า แค่ไปปั้นหน้ายิ้มเชคแฮนด์ทักทายผู้คน”

“รำคาญ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบ...”

“รู้สิ”

ผมนิ่งไปนิดเมื่อสกิตใจอะไรสักอย่างได้แล้วช้อนตาขึ้นจ้องมองพี่ชายที่ยังคงยิ้มแป้นอย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด

“มองหน้าทำไม?”

“พี่พูดเรื่องงานให้ผมฟังแบบนี้....นี่คิดจะดักทางไม่ให้ผมไปใช่ไหมละ?”

ไอ้พี่ครอสมันแผนสูงครับ ไว้ใจไม่ค่อยได้ แล้วดูสิ พอผมพูดจบมีการเหยียดยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์จนผมกรอกตาแทบไม่ทัน

“แสนรู้ขึ้นนี่หว่า”

“นี่น้องนะเว้ย”

“หึหึ”

น่าหมั่นไส้ใช่ไหมละครับ ไอ้พี่ชายคนนี้

ผมกับพี่ครอสกินกันไปคุยกับไปจนไคเข้ามารายงานตารางที่เลขาส่งมาให้ทางเมล เห็นว่ามีคนมาขอพบเป็นการด่วนผมเลยไล่พี่มันไปทำงานส่วนตัวผมเองก็กะจะกลับบ้าน อ้อ ผมขับรถเองแล้วนะครับ ตอนพี่ชายเปิดประตูโรงรถที่เคยปิดไว้นานพร้อมยื่นกุญแจมาสด้าสองประตูสีแดงเพลิงของผมมาให้ผมถึงกับขมวดคิ้ว จะบอกว่าคิดถึงก็คงใช่แต่ยังคงมีข้อสงสัยอยู่ว่าก่อนหน้านี้ทำไมไม่ให้ผมมาตั้งแต่แรก พอถามไปไอ้พี่ชายก็บอกว่ากลัวผมจะกลัวและฝังใจกับมันเลยไม่ให้ขับคันนี้มาโดยตลอด แต่ตอนนี้ผมจำทุกอย่างได้แล้วเลยถือว่าไม่เป็นไร มันผ่านไปแล้วนี่เนอะ

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังติดไฟแดงอยู่พอดี ผมหยิบมันที่แผดเสียงอยู่ที่เบาะข้างๆขึ้นมาดูเมื่อรู้ว่าเป็นใครจึงต่อเข้าลำโพงเครื่องยนต์แล้วคุย

“Hi”

/ว่าไงเจ้าดื้อ/

เห็นพี่ครอสกวนแบบนั้นแล้ว บอกเลยว่าพ่อผมยิ่งกว่านั้นซะอีก

“ผมไปดื้อตอนไหนไม่ทราบครับ”

/ไอคุยกับสิทุกวันนะเจ้าคริส/

ผมถึงกับพูดไม่ออก แม่ไปฟ้องอะไรพ่อบ้างวะเนี้ย

/เงียบเลยสิ/

“ชิ แล้วแด๊ดมีอะไรกับผมป่าว?”

/ไม่มีแล้วโทรหาไม่ได้?/

“อย่ามาทำเป็นพูด อย่างแด๊ดนะ ถ้าไม่มีคือไม่โทร”

/หึหึ ได้ข่าวว่าปิดเทอมแล้วอยากมาหาไอเหรอ?/

“แม่บอกงั้นเหรอ?”
/สิร้องไห้ฟูมฟายเลยรู้ไหม คิดแต่ว่าตัวเองทำอะไรผิดลูกถึงไม่อยากอยู่ด้วย/

ผมถึงกับขำ

“โอเวอร์”

แม่ไม่ร้องไห้หรอก ถึงจะร้องก็ไม่ถึงขั้นผูมฟายอย่างที่พ่อว่ามา ผมเปลี่ยนเกียร์หันมาขับรถต่อเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว

“แล้วแด๊ดว่าไง?”

/ไอเคยบังคัญยู?/

“เยอะแยะ”

/หึหึ อยากมาก็มา ไออยู่อิตาลี่อีกสามวันถึงจะกลับอเมริกา/

“ขอผมคิดดูก่อน”

/โอเค งั้นแค่นี้แหละ ไว้ค่อยคุยกัน/

“ครับ”

ผมไม่ได้กดตัดสายแต่ปล่อยให้อีกฝ่ายวางไป ผมนิ่งคิดอะไรอีกนิดก่อนจะตีไฟเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางทั้งที่ผ่านแยกหน้าไปก็เป็นหมู่บ้านของผมแล้วแท้ๆ ไม่รู้สินะ ผมแค่รู้สึกว่าไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้ มันเบื่อๆแต่ก็เหมือนจะไม่อยากเจอใครไปด้วย ผมตัดสินใจขับไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่ซึ่งมีบาร์ที่เมื่อก่อนผมมาล่าเหยื่อเป็นประจำ จะว่าไปก็เป็นที่แรกที่ผมเจอทัตด้วยนี่นะ มาจนทุกวันนี้ก็ยังไม่มั่นใจว่ามันเป็นความบังเอิญหรือความจงใจกันแน่

“อ้าว ไม่เจอกันนานนะครับคุณคริสตัล”

เสียงทักเป็นภาษาอังกฤษทักขึ้นเมื่อผมเดินตรงเข้าไปยังบาร์ การพูดคุยที่นี้ผมมักใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักนะครับ

ผมยิ้มอ่อนในเชิงทักทายให้เอมเมอร์ บาร์เทนเดอร์ชายวัยยี่สิบปลายชาวออสซี่ที่มาอยู่ไทยนานนับสิบปี ที่ผมรู้ละเอียดขนาดนี้ก็เพราะผมสนิทกับเค้าในระดับหนึ่ง ถือว่าเป็นการสนิททั้งในรูปแบบเพื่อนและนายหน้าเลยก็ว่าได้ เอมเมอร์มักจะรู้ว่าผมชอบคนแบบไหนและเมื่อมีคนน่าสนใจเข้ามาเค้าก็จะแนะนำให้ผมเป็นอันดับแรก

“สบายดีไหมเอม?”

“เรื่อยๆแต่เหงาหน่อยที่ไม่ได้เจอคุณ”

“หึ”

“มาไวแบบนี้คงไม่ได้มาหาคนควงใช่ไหม?”

ผมพยักหน้า แน่สิตอนนี้พึ่งบ่ายกว่าๆเองนะ ถึงที่นี้ถึงจะเปิดบริการ24ชั่วโมงแต่ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะเน้นดริ้งส์และมาในช่วงกลางคืนเสียมากกว่า ทั้งร้านเลยมีเพียงผมและพนักงานนับสิบคนรวมเอมเมอร์ด้วย

“นายเข้ากะบ่ายเหรอวันนี้?”

“ป่าวหรอก แค่ว่างๆเลยมาจัดขอรอเวลาเข้างาน”

ผมหลุดหัวเราะเสียงแผ่ว จะมีพนักงานสักกี่คนที่ขยันได้ขนาดนี้ น่าดีใจแทนเจ้าของที่นี่จริงๆ

“แล้วคุณละ?”

“หืม?”

“มาเวลานี้มันผิดปกตินะครับ”

ผมเผลอหลบสายตาเอมเมอร์จนอีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนที่จะเหยียดยิ้ม

“อกหัก?”

“แน่นอนว่าไม่”

“ว๊า ผมอุสาคิดว่าที่คุณหายไปคงไปพบรักกับใครสักคนเข้าให้ นี่ผมต้องผิดหวังซะแล้วสิ”

“อย่าเพ้อเจ้อน่าเอม ผมแค่เบื่อๆเลยมา แล้วที่หายไปคือยุ่งอยู่แค่นั้น”

“อ่าห่ะ”

“แล้วนี่ไม่คิดจะบริการกันหน่อยเหรอ?”

ผมหมายถึงพวกเครื่องดื่มที่น่าจะมีมาเสิร์ฟตั้งนานแล้วแต่กลับไม่มี

“สั่งสิครับ”

“นายจำไม่ได้เหรอว่าผมดื่มอะไร?”

“จำได้ แต่มาเวลานี้ผมกะไม่ถูกว่าควรให้อะไรกับคุณดี”

“งั้นขอน้ำแร่”

“มันคือมุกตลกใช่ไหม?”

ผมยิ้มขำ

“ขอเบียร์เย็นๆสักขวดแล้วคุณต้องไปนั่งเป็นเพื่อนผมด้วย ยังไม่ถึงเวลางานไม่ใช่เหรอ ห้ามปฎิเสธผมนะ”

“คุณนี่เอาแต่ใจไม่เปลี่ยนเลยนะ”

ผมไหวไหล่แล้วผละเดินไปยังเก้าอี้โซฟานุ่มๆที่อยู่ติดกระจกบานใหญ่ สายตาทอดมองไปยังวิวเบื้องล่างที่มีรถราขับกับให้ว่อน แสงแดดทำให้ผมต้องหลี่ตาลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสบตามากนักเนื่องจากกระจกเป็นชนิดกรองแสงในตัว

“นี่ครับ”

เอมเมอร์เอ่ยพร้อมวางขาดเบียร์เย็นๆที่มีปลอกคลุมคอยซับหยดน้ำและการถือที่ถนัดมือไว้ตรงหน้าผมก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงข้าม ผมหยิบมันมายกขึ้นดื่มพลางลอบสังเกตบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่อยู่ในชุดไปรเวทแปลกตา ปกติผมเคยเห็นแต่ช่วงเวลาทำงานและแน่นอนว่าเอมต้องอยู่ในชุดบาร์เทนเดอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“มีอะไรผิดปกติเหรอ?”

เอมเมอร์คงเห็นว่าผมจ้องมากเกินไปเลยอดที่จะท้วงไม่ได้

“คุณดู...หล่อดีนะ”

เค้ายิ้ม

“ก็ได้ยินบ่อยอยู่เหมือนกัน”

ผมเผลอเหยียดปากอย่างคุ้นชินจนเอมหลุดเสียงหัวเราะ

“หัวเราะอะไรไม่ทราบ?”

“ปกติคุณมักจะปั้นหน้าแต่เมื่อกี้เหมือนเป็นตัวตนจริงๆของคุณเลย”

“อย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่สิ”

“แล้วมันดีหรือไม่ดี?”

เอมเมอร์เอนกายไปพิงเบาะด้านหลังก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบคางพลางทำสีหน้าคิดหนักจนผมอดใจแป๋วไม่ได้ อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมามันดูน่าเกลียดอยู่ตลอดนะ แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะดูจากผลลัพท์ที่ผมได้คนควบไม่ซ้ำหน้าแล้วนะน่ะ

“เอม”

“หึหึ มันดีสำหรับการหยั่งเชิงผู้มาใหม่นะ แต่มันไม่ดีสำหรับคนที่อยากจะสานสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น”

“เยอะ”

ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มต่อเลิกสนใจคนตรงข้ามทั้งที่เป็นคนบอกให้เค้ามานั่งเป็นเพื่อนแท้ๆ แต่ดูเหมือนเอมเมอร์จะรู้นิสัยผมดี เค้าเลยไม่สนใจที่จะเซ้าซี้หรือชวนคุยอะไร จนกระทั่งเป็นผมเองที่ชวนคุย

“เอม”

“ครับ?”

“คุณ…ไม่มีแฟนเหรอ?”

คนตรงข้ามผมหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะส่ายหัวเบาๆ

“ทำไมละ? วัยอย่างคุณไม่น่าจะโสดได้นะ หน้าตาก็ใช่ว่าจะเลวร้าย”

“ผมคงจะมีนิสัยคล้ายๆคุณละมั่ง”

“หืม ตรงไหน?”

“ตรงที่ไม่กล้าที่จะเปิดใจไง”

ผมชะงักมือที่กำลังยกขวดขึ้นกรอกปากก่อนจะเหล่ตาไปมองคนพูดด้วยสายตาที่จิกกัดพอสมควร

“ปากดี”

“หรือไม่จริง?”

“……”

ผมเลือกที่จะไม่ตอบทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่ ที่มั่นใจแบบนั้นเพราะการที่มีใครบางคนให้ได้คิดถึงแทบจะตลอดเวลาแบบนี้ไงที่เป็นหลักฐานชิ้นเยี่ยม ถึงแม้คนๆนั้นจะเป็นบุคคลที่ไม่สมควรคิดถึงก็เถอะ พูดไปแล้วผมก็ไม่รับรู้ถึงข่าวของครอบครัวนั้นอีกเลยนะครับ จะมีแว่วมาบ้างตามข่าวสังคมในหนังสือพิมพ์หรือทีวีว่านายคเชนต์นั้นได้ล้มจมจนแทบจะล้มละลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ผมลางานมานั่งดื่มกับคุณดีไหมเนี้ย ดูท่าทางแล้วคงอยู่อีกนาน”

ผมพยักหน้าพลางส่งยิ้มไปให้ด้วยความถูกอกถูกใจ เอมเมอร์หัวเราะบอกขอตัวแล้วก็หายเข้าไปในส่วนของพนักงานปล่อยให้ผมนั่งดื่มจนหมดแล้วก็สั่งใหม่ไปเรื่อยๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความไปบอกพี่ครอสว่ามาดื่มที่ไหนก่อนจะล็อคจอแล้วทิ้งมันไว้บนโต๊ะทั้งอย่างนั้น

“รอนานไหม?”

เอมเมอร์กลับมาอีกครั้งพร้อมขวดเบียร์ในมือ และครั้งนี้เค้าเลือกที่จะมานั่งลงข้างๆผมแทนที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเหมือนเดิม

“นาน”

“ขอโทษแล้วกันครับ”

“หึ ถ้าสำนึกผิดจริงๆต้องอยู่ดื่มกับผมจนร้านปิด”

“รับบัญชาครับนายท่าน”

“เห้ย นี่ลางานจริงๆเหรอเอม?”

อดจะตกใจไม่ได้จริงๆ แค่ผมมาดื่มตามปกติไม่เห็นต้องมาใส่ใจกันขนาดนั้นเลย ก็แค่คนรู้จักที่สนิทสนมกับพอสมควรแค่นั้น

“เอาน่า ให้ผมได้ใช้สิทธิ์บ้างเถอะ รู้ไหมว่าบอสดีใจขนาดไหนที่ผมเดินเข้าไปบอกว่าวันนี้ขอหยุดงาน”

“ห่ะ? ลูกน้องหยุดงานนี่ต้องดีใจด้วยเหรอ?”

“ดีใจสิถ้าลูกน้องคนนั้นไม่เคยลางานเลยตลอดสองปีที่ผ่านมา บอสเคยบอกด้วยซ้ำว่ากลัวผมเครียดจนเกินไป อยากให้หยุดแต่ผมก็ไม่หยุดสักที”

ผมพยักหน้าเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ก็ดูจากที่เค้ามาทำงานทั้งที่ยังไม่ถึงกะตัวเองแบบนี้สิครับ

“ถือว่าเป็นเกียรติสินะที่ทำให้ลูกน้องคนนี้ยอมหยุดงานได้”

“เพื่อคุณโดยเฉพาะเลยครับ”

เอมยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีจนทำให้ผมยิ้มตามในที่สุด

“งั้นก็…เชียส์”

กริ๊ง!

เสียงขวดชนกันเบาๆก่อนที่บรรยากาศจะค่อยๆดีขึ้นตามอารมณ์ ผมเริ่มพูดมากขึ้นในขณะที่เอมเองก็เช่นเดียวกัน เราพูดถูกคอกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้วและเมื่อแอลกอฮอล์เข้าร่างกายก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูจะลื่นไหลไปได้ไวกว่าเดิม จากท้องฟ้าที่สว่างไสวก็เริ่มมืดสลัวลงและผู้คนก็เริ่มหนาตามากยิ่งขึ้นไปด้วย

“พอท้องฟ้ามือแล้วแสงไฟเบื้องล่างสว่างระยิบระยับแข่งกับดวงดาวเลยเนอะ”

เอมเอ่ยเมื่อมองออกไปที่ด้านนอก ผมมองตามด้วยสายตาที่เริ่มจะเบลอลงทุกขณะ ผมเป็นคนคอแข็งนะ แต่นี่ล่อตั้งแต่บ่ายยันเย็นมันก็ต้องมีบงมีเบลอบ้างละวะ

“อืม สวยดี”

“ที่ผมมาทำงานที่นี้ก็เพราะวิวนี้แหละ ทั้งที่งานที่เก่ามันให้เงินผมมากกว่าปัจจุบันถึงสองเท่าก็เถอะ”

“เห้~ เรื่องจริงเหรอ?”

“เห็นผมเป็นคนช่างโกหกหรือไง?”

“ก็ไม่แน่ หน้าตาคุณกะล่อนจะตาย”

เอมหัวเราะขำก่อนจะยกขวดในมือขึ้นดื่มแล้ววาดวงแขนเท้าที่พิงทางด้านหลังไปด้วย

“ใครกันแน่ที่กะล่อน”

“นี่ว่าผมเหรอ?”

เอมไหวไหล่อย่างไม่ยีหระผมเลยแยกเขี้ยวใส่พร้อมกับหยิบหมอนอิงที่อยู่ใกล้มือมาฟาดใส่ไปซะเต็มแรง เอมปัดได้อย่างทันท่วงทีพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ผมฟังยังไงก็เหมือนเยาะเย้ยกันอยู่ชัดๆผมเลยกระหน่ำฟาดไปอีกหลายต่อหลายทีจนโดนเอมแย่งไปจากมือชูขึ้นเหนือหัวนั้นแหละผมถึงได้เปลี่ยนเป็นฝ่ายตามไล่ล่ายืดแขนจะไปแย่งแต่ก็โดนเบี่ยงหลบจนน่าเตะ

“เอมเมอร์!”

“ตัวสั้นกว่าที่คิดจะคริสตัล”

ผมกัดฟันกรอดเลยครับ มีสิทธิ์อะไรมาว่าคนอย่างผมตัวสั้นวะ ถึงจะเตี้ยกว่าแต่ก็ใช่ว่าจะสั้นไหม แม่งเจ็บปวด

ตุบ

ในเมื่อแย่งหมอนไม่ได้ผมเลยทุบเข้าที่หน้าท้องเอมไปทีแบบไม่ออมแรงจนเอมถึงกับหลุดเสียงร้อง

“โอ้ย! เจ็บนะคริส”

“สมน้ำหน้า”

ว่าแล้วก็แลบลิ้นใส่ไปอีก ทำคนอื่นเจ็บตัวได้นี่โคตรสะใจ

“ผิดกติกา”

“ไม่มีสัจจะในหมู่โจร เคยได้ยินไหมเอม?”

“ได้คริส ได้ เล่นอย่างนี้เลยใช่ไหม”

“เห้ย!”

ยังไม่ทันจะตั้งตัวเอมก็เข้ามาประชิดพร้อมกับมือที่ยุกยิกอยู่ที่เอวจนผมหัวเราะลั่นไหนจะดิ้นพล่านหนีความจักกะจี้ที่แทบจะขาดใจตาย ดีหน่อยที่โต๊ะที่เรานั่งเป็นโซนโซฟาซึ่งเป็นคล้ายๆคอกแบ่งแยกอย่างชัดเจน และคนที่โซนนี้ก็ยังไม่มากเลยไม่มีใครสนใจเราสักเท่าไหร่

ยกเว้น…

“เหี้ย!!”

อันนี้ผมอุทานอย่างตกใจโคตรๆที่จู่ๆก็โดนอุ้มจนตัวลอยจากทางด้านหลังจนเข้าสู่อ้อมกอดของใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ

“ทัต!”

เทพทัตไม่ได้สนใจเสียงเรียกของผมแต่หันไปจ้องหน้าเอมที่ลุกขึ้นยืนจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว

“อ้อ คุณลูกค้าคนนั้นนั่นเอง”

เอมเมอร์เอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูจริงใจสักเท่าไหร่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคนตัวโตนี้ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าระดับวีไอพี ทัตไม่ตอบอะไรแต่มือที่โอบผมอยู่กลับเพิ่มแรงรัดจนผมต้องนิ่วหน้า

“เจ็บ ปล่อยนะ”

ทัตหันมามองผมด้วยสายตาที่ยังเกรี้ยวกราดอยู่ ผมพยายามแกะมือหน้าที่โอบรอบเอวแต่เหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่

“ทัต บอกให้ปล่อยไง”

“ปล่อยให้ไปหาไอ้นั้นนะเหรอ?”

เสียงทุ่มติดแข็งเอ่ยถามกลับมา

“มันเรื่องของไอ”

“ผัวไม่อยู่แป๊บเดียวหาใหม่ได้ทันใจดีนะคริส”

ผวั๊ะ!

แน่นอนว่ามันเป็นเสียงหมัดหนักๆที่กระแทกเข้าหาคนปากเสียตรงหน้าแต่ไม่ใช่ฝีมือผมนะครับ เอมเมอร์เป็นผู้กระทำและฝ่ายถูกกระทำที่เผลอปล่อยมือจากการโอบผมด้วยแรงชกเลยเซถอยหลังไปเล็กน้อย ผมได้แต่ยืนมองตาค้างไม่คิดว่าร่างบางๆ(แต่ก็หนากว่าผม)ของเอมจะปล่อยหมัดได้หนักถึงขนาดนั้น

“ปากเสียจริงเชียว”

“ฟังไทยออกด้วยเหรอเอม?”

“ผมอยู่ไทยมาเป็นสิบปีนะคริส แค่ฟังออกนะน้อยไป”

ยังไม่ทันที่ผมจะตอบกลับอะไรไปทัตก็เข้ามากระชากคอเสื้อเอมเข้าไปประชิดตัวตั้งท่าจะสวนหมัดใส่เพื่อแก้แค้นแต่ผมรีบร้องห้ามไว้ซะก่อนทัตเลยได้แต่ชะงักค้างอยู่กลางอากาศ

“หยุด! ถ้ายังกล้าลงมือกับเค้ายูได้เจอดีกับไอแน่เทพทัต!!”

“ทำไมต้องปกป้องมัน!”

ผมไม่ตอบแต่จ้องหน้าสบตากับคนตัวโตเขม่ง ทัตปล่อยมือจากเอมแล้วเปลี่ยนมาจับมือผมแทนแต่ผมสะบัดจนหลุด ทัตได้แต่กัดฟันกรอดแล้วจะเข้ามาใหม่จนเอมเมอร์เข้ามาแทรกอีกที

“ในเมื่อเค้าไม่ยินยอมที่จะไปกับคุณก็อย่ามาบังคับเค้าสิครับ”

“เสือก!”

“เอม เราไปที่อื่นกันเถอะ”

“ไม่ได้นะคริสตัล เราต้องไปกับพี่!”

“เสือก!!”

ผมตะคอกกลับในคำเดียวกันกับมันจนออร่าความโกรธพุ่งทยานจนผมสัมผัสได้แต่ก็ยังแข็งใจสู้

“จะเอาอย่างนี้ใช่ไหมคริส?”

“……”

“ถ้าไม่มาด้วยกันดีๆอย่าหาว่าพี่ใจร้ายก็แล้วกัน”

จบคำพูดมันก็ชูมือขึ้นเหมือนจะเรียกใครจนผมนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นใครและมีอำนาจมากแค่ไหน

“ยูจะทำอะไร?”

“หึ”

มาแล้วรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ผมแสนเกลียด แต่กลับชวนให้คิดถึงมากพอๆกัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาคิดอะไรแบบนั้น

“ห้ามยุ่งกับเอมเมอร์! ห้ามทำอะไรเอมนะ!!”

“คริส”

เอมเมอร์เอ่ยเรียกเสียงแผ่วพร้อมกับเอื่อมมือมากุมมือผมต่อหน้าต่อตาของคนตัวโตตรงหน้า ทัตกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนอย่างน่ากลัว

“ห่วงมันนักเหรอ?”

“เออสิวะ!”

“แล้วเราจะได้รู้กัน สิน!”

ผมอ้าปากเหวอเมื่อไอ้ยักษ์ตรงหน้าตะโกนเรียกลูกน้องในทันที สินเลยโผล่เข้ามาก่อนจะโน้มตัวน้อยๆรอรับคำสั่งจากผู้เป็นนาย

“จับตัวไอ้ฝรั่งนั้นซะ”

“ทัต!!!”


TBC…

โผล่มาทั้งที มาในบทผู้ร้ายเลยนะเทพทัต
หึงก็บอกกกกกกก ไม่ต้องทำมาเป็นเข้ม อุแหม่~

 :hao7:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 24 (UP-20/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 20-03-2017 22:36:00
รำคาญทัตอะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 24 (UP-20/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-03-2017 22:50:26
 :katai5:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 24 (UP-20/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-03-2017 22:58:39
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 24 (UP-20/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-03-2017 23:02:57
ทัตเทพ กลับมาแล้ว
กลับมาหาคริสตัล
มาทวงคริสตัลกลับคืน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 24 (UP-20/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-03-2017 23:37:38
อย่ามาร้ายนะตัวเองยังมีความผิดติดตัวอยู่นะที่ไม่ยอมสืบเรื่องดีๆ ซะก่อนเกือบทำให้คริสตกอยู่ในอันตรายแล้วนะดีที่คริสความจำกลับมาซะก่อนไม่งั้นแย่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 24 (UP-20/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 21-03-2017 18:07:19
 :laugh:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 24 (UP-20/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 21-03-2017 21:46:22
หึงหนักมากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 25 (UP-22/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 22-03-2017 20:01:12
สัมผัสที่ 25



“หยุดนะ!”

ผมร้องห้ามสินที่เข้ามาใกล้พร้อมกับดึงเอมเมอร์ให้ถอยหลังห่างออกจากไอ้ยักษ์ตรงหน้าอีกนิด ทัตมองผมเขม่งชนิดที่ดูปุ๊บรู้ปั๊บว่าแม่งไม่สบอารมณ์สุดกู่

ก็แล้วไงวะ กูกับมึงไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ จะมาตั้งท่าเป็นหมาหวงก้างไปทำไม

ดีหน่อยที่สินหยุดเข้ามาใกล้แล้วเหลียวไปมองผู้เป็นนายเหมือนขอคำยืนยันแต่ทัตก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปจนมีผู้จัดการร้านเข้ามาแทรกเหมือนจะเห็นสถานการณ์มาสักพักแต่ไม่มีช่วงจังหวะเหมาะๆที่จะเข้ามา

“ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกันครับ?”

ถึงจะส่งสายตาดุๆมายังลูกน้องตัวเองอย่างเอมเมอร์แต่ก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มให้ลูกค้าอย่างผมและทัตไปด้วยเช่นกัน

“ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ผมต้องการความเป็นส่วนตัวเพิ่ม”

ผมตอบโดยจงใจเหน็บแนมทัตไปด้วย คนตัวโตเหยียดยิ้มร้ายก่อนจะหันไปหาผู้จัดการแล้วส่งการ์ดไปให้ ผมขมวดคิ้วมุ้ยไม่สบอารมณ์ทันที ก็การ์ดที่มันยื่นให้ผู้จัดการไปนั้นมันเป็นการ์ดวีไอพีของที่นี้ซึ่งคนที่จะมีมันได้ต้องอยู่ในระดับพิเศษจริงๆ

“ผมขอเปิดห้องSP1”

“ได้ครับ”

ผู้จัดการตอบอย่างนอบน้อมพร้อมโค้งตัวให้จนผมนึกหมั่นไส้ เงินบันดาลให้ได้ทุกอย่างจริงๆสินะ แต่แล้วแรงบีบที่มือของผมก็ทำให้ผมเลิกสนใจเทพทัตและหันไปหาผู้ที่ยืนกุมมือผมอยู่ข้างๆ

อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นเอมหน้านิ่วคิ้วขมวด ตั้งแต่ทัตโผล่มาถึงจะมีสีหน้าไม่ชอบใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ออกอาการถึงขนาดนี้ไงครับ

“ไปที่อื่นกันเถอะ”

ผมกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ เอมเลยโน้มตัวเข้ามากระซิบเสียงเบาถึงการเปิดห้องที่ไอ้ยักษ์มันพูดถึง ห้องที่มันเปิดเป็นห้องพิเศษที่อยู่ชั้นบนมีห้าห้องซึ่งเป็นห้องไพรเวทสุดๆนอกจากจะนั่งดื่มสังสรรค์กันได้แล้วยังมีห้องนอนเล็กพร้อมห้องน้ำในตัวไว้ให้บริการอีก ไม่ค่อยจะบ่งบอกถึงจุดประสงค์ในการใช้งานเลยจริงๆ

เอมเมอร์กระตุกมือผมเบาๆเมื่อเห็นว่าผมนิ่งเงียบไปแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาสินก็เข้ามาขวางหน้าและมืออีกข้างของผมก็มีไอ้ยักษ์มาฉุดดึงจนผมถึงกับเซเข้าไปหา

“ปล่อยมือนายเดี๋ยวนี้”

ทัตกดเสียงเข้มขู่ใครอีกคน แต่เอมเมอร์ยังคงนิ่ง ผมได้แต่มองคนทั้งคู่สลับไปมาอยู่อย่างนั้น ใจหนึ่งก็อยากหนีไปให้ไกลๆแต่อีกใจก็ห่วงเอมเมอร์ด้วยเหมือนกัน เอมไม่สมควรมาโดนอะไรทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด จะผิดก็ผิดที่ไอ้ยักษ์นี่คนเดียวเลย

“เอม”

ผมเอ่ยขึ้นในที่สุด เอมเมอร์หันมามองผมด้วยสายตาที่เหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ เค้าพ้นลมหายใจหนักๆไปทีก่อนจะปล่อยมือที่ดึงผมไว้ในที่สุด

“หวังว่าผมจะไม่ได้ยินคุณมาคร่ำครวญถึงวีรกรรมห่วยๆของเขาในวันหลังนะ”

เอมพูดติดตลกพร้อมส่งรอยยิ้มบางมาให้ ส่วนผมทำได้เพียงยิ้มแหย่ ก่อนจะเดินตามแรงฉุกดึงของไอ้ยักษ์ออกจากบาร์ไปยังบันไดที่อยู่ข้างลิฟท์ ห้องพิเศษที่ว่าคงจะอยู่ชั้นบนนี่แหละมั้ง สินเองก็เดินตามหลังมาพลางสอดส่องสายตามองดูรอบๆเหมือนระแวงอยู่ตลอดเวลา เมื่อขึ้นมาถึงชั้นบนทัตพาผมเดินตรงไปยังหน้าห้องที่มีผู้จัดการบาร์ยืนรออยู่ก่อนแล้ว มีการเปิดประตูโค้งรับและส่งบัตรพร้อมคีร์การ์ดคืนมาให้ด้วย

ปัง!

เสียงบานประตูปิดดังลั่นตามแรงอารมณ์ในขณะที่ผมและมันต่างก็ยังคงเงียบอยู่อย่างนั้น ผมเดาว่าสินคงยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องแต่ผู้เป็นนายคงไม่สนใจใครอีกต่อไปแล้ว

“มันเป็นใคร?”

ทัตหัวมาถามเสียงเข้มแต่ผมหันหน้าหนี

“อย่าทำให้พี่ต้องใส่อารมณ์มากกว่านี้นะคริส”

“ก็แล้วจะทำมะ...อุ๊ก!”

ยังไม่ทันที่จะพูดจบปากผมก็โดนปิดกั้นอย่างแรงด้วยริมฝีปากหนาของคนตรงหน้า แรงกัดที่ริมฝีปากทำให้เกิดอาการเจ็บแปร๊บอยู่เป็นระยะจวบจนลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามายังด้านใน ผมร้องประท้วงในลำคอพลางทุบตีบุคคลที่ปล้นจูบอย่างรุนแรงแต่ทัตก็ไม่สะทกสะท้าน เป็นยักษ์ยังไงก็เป็นอยู่อย่างนั้นจริงๆ ผมโดนมันผลักจนหลังชิดบานประตูก่อนจะดึงทึ่งเส้นผมจากทางด้านหลังให้ผมเผลอเงยหน้าด้วยความเจ็บไปรับบทจูบที่เจ็บแสบยิ่งกว่า

เหมือนโดนลงโทษทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด

แล้วมันใช่เรื่องที่ผมต้องมาโดนอะไรแบบนี้เหรอวะ

ว่าแล้วก็ดิ้นพล่านยกขาตีเข่ากะจะให้โดนเป้าแต่ไอ้ยักษ์แม่งก็เสือกรู้ทันกูอีก เอาวะ อย่างน้อยๆมันก็ปล่อยปากผมให้เป็นอิสระอีกครั้งก็แล้วกัน

“เจ็บนะเว้ย”

กัดมาได้ ไอ้สันขวาน

“มัน.เป็น.ใคร.”

มันถามเน้นย้ำที่ละคำแบบหนักๆชัดๆบ่งบอกเลยว่าอาการใกล้จะปะทุเต็มที่

“บาร์เทนเดอร์ที่บาร์”

“บาร์เทนเดอร์เหี้ยไรถึงมานั่งดื่มกับแขก ไหนจะได้การแตะเนื้อต้องตัวเกินความจำเป็นนั้นอีก”

“เอมเมอร์ลางานเพื่อมานั่งดื่มเป็นเพื่อนไอแล้วพวกไอจะเล่นกันยังไงมันก็เรื่องของไอป่าววะ”

“หึ จะบอกว่าพี่เสือก?”

“เยส!”

“หึ เดี๋ยวได้เอาสมใจแน่”

ผมอ้าปากค้าเลย

ไอ้เหี้ย! ไอ้โคตรพ่อโคตรแม่เหี้ย!!!

พูดมาได้เต็มปากเต็มคำ แถมเวลานี้มันใช้เวลาจะมาพูอะไรแบบนี้ไหมวะ ผมถามจริงๆ

“แล้วเสือกเรื่องเมียตัวเองเนี้ยมันผิดด้วยเหรอ?”

ผมจ้องไอ้คนตรงหน้าเขม่ง ยอมรับว่าใจกระตุกไปวูบที่ได้ยินคำว่า ‘เมียตัวเอง’ จากปากมันอีกครั้งทั้งที่พยายามตัดใจมาโดยตลอด แต่ผมยังเก็บอาการได้อยู่ครับ

“ใครเป็นเมียยูไม่ทราบ ได้ข่าวว่าเราเลิกกันแล้วนะ”

“ใครไปตกลงว่าจะเลิกด้วยไม่ทราบ?”

มันตอบหน้าด้านๆชนิดที่กวนตีนถึงขีดสุดจนผมอยากจะประเคนบาทาให้ฉิบหาย แต่ไม่ได้ครับ ไม่ได้เกรงกลัวหรือเกรงใจแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะกูถูกมันล็อคไว้ด้วยขาแกร่งไหนจะมือทั้งสองข้างที่ถูกมันรวบไว้เหนือหัวนี่อีก

มือไวใจแรงไม่มีตกจริงๆ ให้ตายสิวะ แล้วอย่างนี้ผมจะเอาอะไรไปสู้กับมัน

“ปล่อยไอนะ”

“ไม่”

“ไอบอกให้ปล่อย!”

“ไม่มีวันซะละ”

“เห้ย!”

ผมอุทานลั่นเมื่อมันอุ้มผมพาดบ่าแล้วพาเข้าไปปล่อยลงที่เตียงกว้าง เน้นนะครับว่าปล่อยลงไม่ใช่วางแบบเบาๆอย่างทะนุถนอม สัส ไอ้ห่านี่มันไม่มีคำว่าปราณีในหัวสมองเลยใช่ไหมวะ ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากด่าอะไรออกไปไอ้ยักษ์มันก็ขึ้นมาค่อมทับพร้อมพันธนาการผมไว้ด้วยเงื่อมมือของมันเอง เออ เอาเข้าไป

“จะดื้อไปทำไม แค่จะทำอะไรอย่างที่เคยๆกันก็แค่นั้น”

“ไปทำกับตัวเองเถอะไอ้สัส ปล่อยสิวะ”

“หึ พออารมณ์เสียนี่หยาบโล้นมาเชียวนะ”

“เรื่องของไอ!”

“เดี๋ยวได้รู้กันแน่ว่าเรื่องของคริสมันก็เรื่องของพี่ด้วย”

“ไม่! ปล่อยสิวะ อ๊ะ!! อย่านะ!!!”

แล้วคิดเหรอว่ามันจะฟังผม แหกปากห้ามให้ตายมันก็ยังคงความหน้าด้านปลดเข็มขัดรูดซิปพร้อมดึงกางเกงผมลงจนร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มในเสี้ยววินาที ดีหน่อยที่เสื้อเชิตนักศึกษาด้านบนมันยังใจเย็นปลดกระดุมให้ถ้าใจร้อนหน่อยกระชากขาดคงต้องถีบกันไปข้าง ก็ลองคิดดูสิครับว่าถ้าเสื้อผมขาดแล้วผมจะเอาที่ไหนใส่กลับบ้าน

“ทัต! อื้ออออ”

ผมสะดุ้งโหย่งทันทีที่ยอดอกถูกครอบด้วยริมฝีปากหนา ลิ้นร้อนไล่เลียก่อนจะขมเม้นจนความเสียวแล่นปร๊าดไปทั่วทั้งร่าง

ไอ้ห่า ดูดอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องกัด!

มืออีกข้างของมันก็จับส่วนอ่อนไหวของผมเล่นอย่างช่ำชองซะเหลือเกิ๊น กูนี่เริ่มอ่อนเปรี้ยเพลียแรงแล้วครับ ก็รู้ๆกันอยู่ว่าไอ้นี้มันมือฉมังในเรื่องนี้ ลงมือฟัดกันแต่ละทีกูนี่ไปไม่เป็นตัลลอดดดดด

นี่กูต้องตกเป็นของมันง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอวะ

ให้ตายสิโรบิ้น แล้วอย่างนี้กูจะตีห่างจากมันมาเพื่อ!

ไม่ได้ ในเมื่อไม่น่าจะร่วมอนาคตด้วยกันได้ก็ควรจะหยุดไว้ตั้งแต่ตอนนี้

ถึงแม้จะรู้สึกลุกซึ้งไปแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ลงรากฝังแน่นถึงขนาดถอนรากถอนโคนไม่ได้...ละมั่ง…

“ทัต…อืม…หยุดก่อน…”

กูจะพูด มึงอย่าพึ่งรูดดิวะ กูเสียว

“ทัต คุยกันก่อน”

ในที่สุดก็จบประโยคและไอ้ผู้กระทำมันก็ชะงักปากไปแป๊บส่วนมือนะเหรอ…เหอะ…ยังเล่นอยู่อย่างนั้นจนส่วนนั้นตั้งตรงแด่วแน่วแน่อย่างกับเคารพธงชาติอยู่ก็ไม่ปาน

“อารมณ์ดีพอจะคุยกันได้แล้วสิ”

สัส ใครกันแน่วะที่แทบระเบิดอารมณ์อยู่ร่อมล่อ

ผมเม้มปากแน่นพูดไม่ออกร้องไม่ถูกเพราะไอ้ยักษ์ยังคงแกล้งรูดเบาสลับแรงจนแทบไปไม่เป็น เหี้ยเถอะ ดูก็รู้ว่าแกล้งกูอยู่ ดีนะที่ที่นี้ไม่มีของเล่นอย่างที่มันชอบเอามาแกล้งผมไปด้วย ไม่งั้นคงอ่วมกว่านี้

“อาาา…ยะ หยุดสิ…อืมมมม…”

“หึ”

“อึ๊ก”

“กล้ามากนะที่บอกเลิกกัน”

“อ๊ะ!”

เชี่ย

อย่าแหย่รู กูบอกให้หยุดไม่ใช่แหย่แบบนี้นะไอ้ควาย!

“กล้ามากที่ไปกระหนุงกระหนิงกับไอ้บ้านั้น”

“อ๊าาาา ทัต!”

อย่าวนตรงนั้นสิวะ โอ้ย กระตุกไปทั้งตัวเลยกู

“กล้ามากที่ปกป้องมัน กล้ามากที่ขึ้นเสียงใส่กัน กล้ามากนะคริส”

“อือออ พะ อ๊ะ พอ!”

ทัตเหยียดยิ้มโดนไม่ฟังคำท้วงใดๆจากผมทั้งสิ้น ผมแทบมึนเบลอเมื่อโดนการเล้าโลมจากทางด้านหลัง ไม่รู้ว่าความลื่นนี้มาจากไหนแต่ที่แน่ๆคือมันปลดกางเกงและเอามังกรยักษ์ของมันมาจ่อที่ทางเข้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มือที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระตวัดมาจิกลงตรงลาดไหล่หนา จังหวะเดียวกันนั้นสิ่งใหญ่โตก็รุกล้ำเข้ามาโดยปราศจากการตักเตือนใดๆทั้งสิ้น ผมไม่รู้สึกตั้งแต่มันเอานิ้วออกตอนไหนแล้วสิ่งนั้นแทรกเข้ามาง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไงแต่มารู้ตัวก็ตอนที่มันก้มลงมากระซิบที่ข้างหูพร้อมกับแรงกระแทกที่ถาโถมเข้ามาไม่มีคำว่าออมแรง

“คริสเป็นของพี่ จำไว้”








- เทพทัต –

ผมนอนจ้องมองคริสที่หลับพริ้มอยู่ในอ้อมแขน ท่าทางที่หลับลึกนั้นบ่งบอกถึงอาการเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี ไหนจะรอยรักที่ผมฝากไว้บนผิวขาวแทบจะทุกอณูรูขุมขน ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่หึงแรงและมีเซ็กส์ที่รุนแรงไม่แพ้กันแต่คริสก็รับได้แถมยังตอบสนองดีในทุกครั้งถึงแม้ปากจะคอยปฏิเสธไม่หยุดหย่อน

เกือบสองสัปดาห์ที่ผมหายไปเคลียร์เรื่องบริษัทเนื่องจากอาเชนต์ได้สร้างเรื่องไว้จนต้องเรียกประชุมบอร์ดครั้งใหญ่เรียกหุ้นส่วนทั้งหมดมารับรู้จนได้ข้อยุติคือถอนทุกหุ้นของคเชนต์และไล่ออกในที่สุด แต่ถึงจะไล่ออกและถอนหุ้นมันก็ไม่สะทกเงินตราในอาณัติของคนอย่างคเชนต์สักเท่าไหร่ แต่ทว่าความซวยยังคงไม่หมดไป วันต่อๆมาหุ้นที่คเชนต์ลงทุนไปค่อยๆมอดดับจนกลายเป็นติดลบจนแทบจะล้มละลาย แน่นอนว่าผมไม่ได้มีส่วนด้วยถึงแม้ตัวเองจะอยู่ในวงการด้วยก็เถอะ เมื่อทุกอย่างสูญสิ้นอาเลยหันหน้ามาขอร้องอ้อนวอนและแน่นอนว่าผมปฎิเสธ ผมโกรธจริงๆนะ นี่ขนาดเป็นญาติกันยังตลบหลังกันได้ขนาดนี้ แล้วไหนจะเอาพี่สาวผมไปเป็นตัวหมากอีก

อีฟเองก็ใช่ย่อย รายนี้หนักหน่อยตรงที่เป็นพี่น้องพ่อเดียวกันแต่เกิดความโลภจนตกหลุมพลางของคเชนต์เข้า นี่ถ้าผมไม่เข้ามาบริหารคงไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยสินะ แล้วยังเรื่องความรักความกลียดอันซับซ้อนของอีฟและทีครอสนั้นอีก บทสรุปที่ได้คืออีฟถูกส่งตัวไปอยู่ที่โรงพยาบาลด้านจิตเวชในที่สุด

และเรื่องนี้เข้าหูพ่อแม่ในที่สุดจนพวกท่านเอ่ยปากว่าจะกลับมาที่ไทยในไม่ช้านี้

“เฮ้ย~”

ผมถอนหายใจเสียงแผ่วเมื่อคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ต่างๆจนเหนื่อยใจ แต่เรื่องไหนๆก็ไม่สะเทือนใจเท่าวินาทีที่คริสหายไปในวันนั้น วันที่มาส่งผมเข้าโรงพยาบาลแล้วเอ่ยตัดพ้อจนผมแทบจะบ้าตาย

เอาจริงๆก็อยากกลับมาง้อตั้งแต่วันต่อมาด้วยซ้ำแต่ยังยั้งตัวได้ทันและพอจะคิดได้ว่าควรจัดการเรื่องยุ่งๆพวกนี้ให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมารับตัวกลับอย่างสบายใจไร้ข้อกังวล แต่ใครจะไปคิดว่าพอมาหากลับโดนกีดกันในทุกเส้นทางซะงั้น ถือว่าโชคดีที่คริสเลือกที่จะมาที่บาร์แบบไม่บอกใครเลยทำให้ผมสามารถเจอตัวเค้าได้ในที่สุด

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ที่ดังก้องทำให้ผมละสายตาจากคนตรงหน้าไปมองยังแหล่งที่มา น่าจะเป็นของคริสเพราะเสียงมันมาจากกางเกงของคนตัวบาง ผมค่อยๆเลื่อนตัวออกโดนไม่ให้คนหลับตื่นแต่คริสก็งัวเงียตื่นขึ้นมาจนได้

“นอนต่อเถอะ”

ผมก้มลงไปจูบหน้าผากมลในเชิงกล่อมนอน คริสไม่หือไม่อือแต่ค่อยๆหลับตาลงอีกครั้งก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

ถึงขนาดตื่นขึ้นมาแล้วไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองแบบนี้ ท่าจะเหนื่อยจริงอะไรจริงแฮะ

ผมลุกไปควานหาโทรศัพท์ที่เสียงตัดขาดไปแล้วรอบหนึ่งก่อนจะดังขึ้นมาใหม่ภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที เมื่อเจอก็อ่านดูรายชื่อผู้โทรเข้าแล้วเหยียดยิ้ม เป็นเพื่อนของคริสที่ผมคิดว่ามันน่าจะคิดไม่ซื่อกับเพื่อนตัวเอง

“ฮัลโหล”

ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำอะไรไร้มารยาทอย่างนี้เลยสักครั้ง

/…มึงเป็นใคร?/

“หึ”

เหมือนอารมณ์หึงที่พึ่งเบาบางกำลังจะเพิ่มปริมาณขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ช่วยไม่ได้แหละนะ ก็คนมันรักไปแล้วด้วยนี่

/กูถามว่ามึงเป็นใคร!? แล้วคริสอยู่ไหน!?!/

“คริสตัลหลับอยู่ แล้วนายมีธุระอะไรเหรอถึงได้โทรหาดึกๆดื่นๆ?”

ผมถามกลับเมื่อเห็นเวลาคร่าวๆบนหน้าจอบ่งบอกว่าใกล้จะห้าทุ่มในอีกไม่กี่นาที

/เทพทัต?/

“หึ”

/เชี่ย! มึงโผล่ไปอยู่กับคริสได้ไงวะ!?!/

“ผมอยู่กับแฟนผมมันผิดตรงไหน?”

/พวกมึงเลิกกันไปแล้ว และคริสไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับมึงอีก/

“ไม่รู้หรอกนะว่านายจะได้ยินอะไรมา แต่สิ่งที่เป็นอยู่ตรงนี้และตอนนี้นั้นคือความจริง คริสอยู่กับผม เราพึ่งจบบทรักที่ค่อนข้างจะเร้าร้อนไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนและคริสเพลียจนหลับลึกถึงขนาดโทรศัพท์ดังอยู่ข้างๆยังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ชัดเจนไหมครับ?”

/ไอ้!!!!/

“อ้อ แล้วก็ช่วยเลิกหวังลมๆแล้งๆได้แล้ว คริสไม่มีวันหันไปหานาย นายก็รู้ดีแก่ใจ ตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ”

/สัสเอ๊ย!!! แกร๊ก…ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด/

ผมเอาโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายมามองด้วยรอยยิ้มเยาะก่อนจะวางมันไว้ที่โต๊ะด้านข้างแล้วล้มตัวลงนอนดึงคริสตัลเข้ามมกอดพลางดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงไหล่

“ฝันดีครับที่รักของพี่”

หวังว่าพอตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างจะดีขึ้นนะ คริสตัล


TBC…
อีเฮียมันร้าย
แต่นังคริสร้ายยิ่งกว่า ใครไม่เชื่อ รอดูตอนต่อไปได้เลย หุหุ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 25 (UP-22/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-03-2017 22:21:41
ทัต คริส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เคมีต้องกัน
ทัต พยายามหน่อย ให้คริสเชื่อใจใหม่
ต้องใช้ความจริงใจสู้สินะ สู้ๆๆ
คริส เสน่ห์แรง คนชอบเยอะ
        :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 25 (UP-22/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 23-03-2017 00:08:18
ทัตไม่สำนึกเลยว่าทำอะไรไปบ้าง -*- เกลียดจริ๊งงงง ทำผิดแต่ไม่รู้สึกผิดเนี่ย เฮ้ออออ ผู้ชายแบบทัตนี่ถ้าไม่เกิดเรื่องก็คงไม่รู้สินะว่ากำลังทำอะไร
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 25 (UP-22/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 23-03-2017 00:26:35
 :เหอะ1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 25 (UP-22/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 23-03-2017 00:35:56
เกิดเป็นพระเอกแบบอีทัตนี่ก็ดีเนอะ ไม่ต้องทำห่ะอะไรก็ได้ของดีๆไปแบบสบายๆ สันดานชั่วๆ แถมโง่อีกต่างหาก เพลีย เป็นนี่จะเอาผัวใหม่
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 25 (UP-22/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-03-2017 00:57:02
รู้ว่าหึงแต่ตอนนี้มีสิทธิอะไรมาทำกับคริสแบบนี้ เกลียดว่ะคริสเอาคืนให้หนักเลยนะคนที่ไม่สำนึกถึงความผิดของตัวเองแบบนี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 25 (UP-22/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 23-03-2017 23:18:11
เอ้ยยยคริสอย่าใจร้ายกับพี่เทพทัตมากน้าาา
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 26 (UP-24/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 24-03-2017 11:41:43
สัมผัสที่ 26


 
ตุ๊บ!


เหี้ย!!


ใครถีบกู!?!


ผมลืมตาโพล่งเมื่อทั้งเนื้อทั้งตัวตกลงสู่ความแข็งของพื้นเบื้องล่างในยามเผลอ ไม่เผลอได้ไงก็ผมหลับอยู่นี่ พอยันตัวลุกขึ้นนั่งดีๆก็มองไปเจอตัวการที่ยังคงนั่งกอดผ้าห่มพลางยู่หน้าเหมือนจะเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

เดี๋ยวสิ คนที่เจ็บควรเป็นผมนะ

แต่พอจำได้ว่าเมื่อคืนเผลอหนักไปขนาดไหนก็ได้แต่เงียบกริบ ถ้าตื่นมามีแรงถีบผมที่ยอมรับอย่างจำทนว่าตัวใหญ่มากลงจากเตียงได้แสดงว่าต้องกลับมามีเรี่ยวแรงมากพอสมควรแหละนะ

ฤทธิ์เยอะตั้งแต่หัววันเลยนะที่รัก

“เจ็บไหมละนั้น”

ผมพูดแล้วลุกขึ้นยืน คริสใช้สายตาบลือที่รื้อน้ำนิดหน่อยจ้องมองผมเขม่ง ดวงตาสีฟ้าใสบัดนี้แดงระเรื่อเหมือนกำลังจะร้องไห้แต่มันจะใช่เหรอ อย่างคริสตัลเนี้ยนะร้องไห้


แผละ!


อ้าวเห้ย!

ร้องไห้จริงๆด้วยเว้ย

“คริสเป็นอะไร!?!”

ผมรีบรุดเข้าไปกะเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มขาวด้วยมือของตัวเองแต่พอเข้าไปใกล้ไอ้ตัวขาวนั้นก็ถกหนีในทันทีแถมยังแสดงทาทีเหมือนรังเกียจจนผมชะงัก

หรืออาจจะไม่ได้รังเกียจแต่โกรธจนไม่อยากให้สัมผัสตัว

แค่คิดก็ใจแป๊วแล้วกู

ผมผ่อนลมหายใจแล้วนั่งลงหมิ่นๆที่ขอบเตียงตรงข้ามกับเจ้าตัวดื้อ(ชักจะมีหลายฉายาให้เรียกจนเกินไปแล้วแฮะ)

“โกรธพี่เหรอ?”

หน้าตาเหวี่ยงๆตอบกลับมานั้นทำให้ผมเผลอยิ้มนิดหน่อย ถึงจะเหวี่ยงแต่คราบน้ำตานั้นไม่ได้ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาเลยนะครับ

“คริสตัล”

“……”

“พูดกับพี่สิ”

“……”

ดื้อยังไงก็ดื้ออยู่อย่างนั้นจริงๆ ให้ตายสิ แต่ก็น่าปราบดีชะมัด

“คริสครับ”

คราวนี้ทั้งเรียกทั้งขยับเข้าไปหาแต่แน่นอนว่าเด็กดื้อไม่ยอมง่ายๆแน่


อุ๊ก!


โดนตีนอีกแล้วกู

คราวนี้โดนมาเต็มๆอกจนต้องนิ่วหน้าแต่ยังไม่ถึงกับถกถอยหลัง เป็นคริสที่ถอยหลังไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็สุดขอบเตียง ผมยกยิ้มเมื่อคนตรงหน้าสิ้นทางหนีแต่ใครจะไปคิดว่าคริสจะยังถอยต่อจนร่างล่วงลงไปกองกับพื้นนั้นแหละ

“คริส!”

ผมก็รับไว้ไม่ทันซะด้วย เวรของกรรม

“เจ็บมากไหม?”

ผมถามเมื่อลงมาพยุงตัวเด็กดื้อให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ แรกๆก็ผ่อนตามแรงดึงอยู่หรอกแต่พอรู้ว่าเป็นผมแม่งสะบัดมือทิ้งอย่างไวไหนจะลุกขึ้นถอยหลังจ้องหน้าตาไม่กระพริบทั้งที่ผมดูยังไงสังขารก็ไม่เอื้อต่อการหนีเลยสักนิด ขาสั่นขนาดนั้นจะเดินไปถึงไหนกันเชียว

“คริสอย่าดื้อ”

ผมเอ่ยเสียงอ่อน จะว่าไปตัวคริสก็แดงจนดูผิดปกติอยู่นะ แล้วตอนจับแขนเมื่อกี้ก็…

“ไม่สบายเหรอ?”

คริสตัลไม่ตอบและยังคงจ้องหน้าผมนิ่งๆ ตอนนี้เจ้าตัวเดินไปยืนพิงตู้เสื้อผ้าที่ผมแขวนชุดของเราที่ส่งทางโรงแรมซักรีดมาเรียบร้อยแล้ว อ้อ เราอยู่ในชุดคลุมนะครับ กึ่งโป๊กึ่งไม่โป๊นั้นแหละ เมื่อคืนก่อนหลับผมเช็ดตัวให้คริสไปรอบหนึ่งแล้วค่อยเอามาสวมให้ไง จะให้นอนเปลือยก็กลัวใจตัวเอง กลัวทนไม่ไหวลากคนหลับมาปลุกปล้ำไม่ได้ไรงี้ ฟังดูหื่นๆแต่ถ้าอยู่กับคริสแค่นั่งข้างกันผมก็ตั้งได้นะครับ สารภาพไว้ตรงนี้เลย

“คริส”

ผมเรียกอีกครั้งพลางเดินเข้าไปหาเพราะคนตรงหน้าเริ่มจะหายใจผิดปกติแล้ว

“ถอยไป”

เสียงแหบเชียว โคตรแย่เลย

“มันใช่วลามาดื้อไหม? มานี่”

ผมดุ แต่เด็กดื้อก็ยังไม่ยอม

“บอกให้ถอยไปไงวะ! แค่กๆ”

ขึ้นเสียงเองแล้วก็ไอเอง ผมใช้จังหวะนี้พุ่งเข้าไปหากำลังจะช้อนร่างบางขึ้นอุ้มแต่คริสที่ตกใจพอสมควรเลยฟาดมือไปมาจนโดนหน้าผมเข้าเต็มแรง


เพี๊ยะ!


เจ็บไปอีก

ผมหน้าหันตามแรงตบจนคนฟาดงวงฟาดงาเมื่อครู่ชะงักไปนิดก่อนจะออกแรงผลักผมอีกแต่ผมไม่ยอมปล่อย ผมจัดการช้อนร่างนั้นขึ้นทั้งที่คริสยังดิ้นพล่านเสียงแหบๆพ้นคำด่าสลับกับการไอค๊อกแค๊กจนไปถึงเตียงนั้นแหละ

“อยู่เฉยๆ”

ผมจับเด็กดื้อที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กไม่หยุดให้นอนลงดีๆแต่ก็ยากเสียยิ่งกว่ายาก ไอ้ข้างหลังก็ดูเหมือนจะเจ็บแล้วเอาแรงที่ไหนมาดิ้นวะ

“จะฝืนร่างกายตัวเองทำไมห่ะ บอกให้นอนดีๆไม่สบายอยู่ไม่ใช่รึไง”

ผมเริ่มขึ้นเสียงจนคนโดนดุเม้มปากแน่น ดวงตาแดงฉานมากกว่าเก่าพอๆกับอุณหภูมิร่างกายที่เพิ่มขึ้นจนผมสัมผัสได้

“อย่ามายุ่ง! แค่กๆๆ”

แค่เรื่องที่โดนไปเมื่อคืนไม่น่าจะทำให้ป่วยขนาดนี้นี่นา ไอ้การโดนแรงๆแบบนั้นใช่ว่าคริสจะไม่เคยโดน แล้วทำไมถึงพึ่งมาเป็นเอาตอนนี้

“คริส ขอร้องละอย่าพึ่งดื้อจะได้ไหม ไม่สบายก็พักผ่อน พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลย โอเค?”

คริสตัลหยุดการดิ้นแล้วเงยหน้ามองผมด้วยสายตาที่ยังไม่ยอมลงให้ง่ายๆ แรงหายใจหอบหนักขึ้นทุกขณะจนผมเริ่มจะใจไม่ดี

“พกยามาด้วยรึเปล่า?”

“...บ้าน...”

“ห่ะ?”

“จะ แค่กๆ จะกลับบ้าน”

พูดพร้อมกับเอามือกุมคอไหนจะหอบหายใจไปด้วยอีก

“ไปหาหมอกันก่อนดีกว่า”

“ไม่ จะกลับ แค่กๆๆๆ จะกลับบ้าน กลับบ้าน”

“คริส”

“พี่ครอส แค่กๆๆ โทรหาพี่ครอส”

ผมส่ายหัวให้เด็กดื้อที่เริ่มจะงี่เง่า พึ่งรู้ว่าถ้าคริสป่วยแล้วจะง่องแง่งงี่เง่าแถมยังดื้อเป็นทวีคูณก็คราวนี้แหละ ผมลุกจากเตียงกะเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาสวมให้คนบนเตียงแล้วค่อยพาไปหาหมอแต่ทว่าเสียงโทรศัพท์ของคริสก็ดังขึ้นมาซะก่อน คริสตัลเงยหน้าไปมองแล้วหันไปคว้ามาอย่างรวดเร็ว

“พี่ครอส แค่กๆๆ มารับที”

อีกเรื่องที่พึ่งรู้คือพี่น้องคู่นี้มันส่งกระแสจิตถึงกันได้ด้วยวะครับ เชื่อเลยจริงๆ

“คริส ไปโรงพยาบาลก่อน เดี่ยวพี่ไปส่ง”

ผมท้วงแต่ดูเหมือนคริสตัลจะไม่ฟังเลยสักนิด

“อยู่ที่XXX...อืม...แค่กๆ...ครับ”

แล้วก็เอาโทรศัพท์ออกจากหูแต่ยังกำไว้แน่นพร้อมนอนคว่ำก้มหน้าลงกับหมอนไปอีก

“คริส เดี๋ยวหายใจไม่ออก”

ผมจับแขนกะดึงให้กลับมานอนหงายดีๆแต่คริสก็ยังปัดมือผมทิ้งอย่างไม่ใยดี

“คริส”

“หุบปาก”

ผมถึงกับยกมือกุมขมับ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงกับเด็กดื้อคนนี้ดีแต่ที่รู้ๆคือพี่ชายมันกำลังจะมารับในอีกไม่ช้า เผลอๆอาจจะเร็วกว่าที่ผมคิดซะด้วยซ้ำ แต่ว่า...คริสไม่สบายเพราะผม ผมก็ควรจะเป็นคนดูแลป่าววะ

ผมตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำหยิบผ้าผืนเล็กที่พับอยู่บนชั้นเหนือตู้กระจกไปชุดน้ำบิดหมาดแล้วออกไปหาเด็กดื้อที่ยังคงนอนคว่ำอยู่บนเตียง พอจะเดาได้ว่าที่นอนคว่ำนั้นอาจจะเจ็บก้นและสะโพกแต่ในเมื่อไม่สบายการหายใจก็ผิดปกติมันก็ไม่ควรจะนอนในท่านี้นานๆนะครับ

“คริส หันมานอนหงายดีๆ หายใจไม่ออกไม่ใช่รึไง?”

พูดพร้อมกับจับแขนเรียวยกขึ้น คริสหลับตาแต่สีหน้าเหมือนจะอึดอัดมาแถมยังไม่แผงฤทธิ์อะไรแล้วด้วย ผมค่อยๆพยุงร่างบางให้นอนดีๆก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ คริสสะดุ้งจะถกตัวหนีก็หลายรอบแต่ผมดึงไว้ ปากบ่นหนาวอยู่เรื่อยๆจนผมต้องเดินไปเพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้อุ่นขึ้นไปอีก

“อย่ามา…แค่ก…ยุ่ง”

ผมหลุดยิ้มเมื่อคนอ่อนปวกเปียกยังคงพูดจาแบบนี้ทั้งที่สังขารไม่เอื้อเลยสักนิด ผมจัดการจับคนป่วยใส่เสื้อผ้าจนเสร็จทั้งผมทั้งมันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกรอบ ชื่อที่โชว์นั้นคือทีครอส ผมพ้นลมหายใจก่อนจะรับสายแทนเพราะดูเหมือนคริสจะเข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ไฮ”

/มึง…เทพทัต!?!/

ควรดีใจดีไหมครับที่ว่าที่พี่เมียจำเสียงผมได้แม่นขนาดนี้

“หึ”

/ทำไมมึงถึงอยู่กับน้องกูได้?! มึงทำอะไรคริส!?!/

“คิดว่าผมจะทำอะไรเมียตัวเองละ?”

/ใครเมียมึง?! น้องกูไม่ใช่เมียมึงไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหน!?!/

ประกาศศักดามาแบบนี้ ท่าจะงานหินแล้วสิครับ ได้เมียทั้งทีทำไมถึงได้ยากได้เย็นขนาดนี้วะ

“ขอโทษทีที่เป็นไปแล้ว แถมยังเป็นไปนานแล้วด้วย”

/สัส! อย่ามาเล่นลิ้นกับกู คริสอยู่ไหน? ให้มารับสายเดี๋ยวนี้!?!/

ไม่รู้ว่าจะตะคอกทำไม แต่ก็ช่างมันเถอะ

“หลับไปเมื่อกี้ ตอนนี้อยู่ที่ห้องSP1ชั้น14 ดูเหมือนจะไม่สบาย ผมจะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม”

/มันร้องแต่จะกลับบ้านใช่ไหม?/

ผมเลิกคิ้วนิดหน่อยที่คนปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วลงและเจือความกังวลอยู่บางๆ

“ใช่”

/งั้นมึงอุ้มมันมาหากูเลย กูจะสตาร์ทรถรออยู่หน้าโรงแรม/

“โอเค”

ผมวางสายแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋ากางเกงตัวเองก่อนจะเข้าไปช้อนร่างบางขึ้นอุ้ม เมื่อไปถึงประตูก็เรียกสินให้ใช้คีย์การ์ดเปิดจากด้านนอกให้แล้วจึงรีบตรงไปยังลิฟท์เพื่อลงไปยังชั้นกราวนด์

“ให้ผมอุ้มให้ไหมครับ?”

สินเสนอตัวตามประสาลูกน้องที่ค่อยข้างจะอวยนายอย่างผมพอสมควร สินอยู่กับผมมานานและแทบจะทำให้ผมทุกอย่างไม่เว้นแต่การเฝ้าหน้าห้องทั้งคืนอย่างเมื่อคืนนี้ ผมไม่เคยสั่งให้เฝ้าทั้งคืนแบบนั้นนะครับ ออกจะปล่อยให้เปิดห้องข้างๆพักได้ถ้าผมค้าง แต่สินไม่เคยทำอย่างนั้นเลย

“ไม่ละ ทีครอสรออยู่ข้างล่างแล้ว”

สินเงียบก่อนจะพยักหน้ารับแต่ผมก็รู้นะว่าเค้าห่วง ในสายตาสินทีครอสยังคงเป็นศัตรูกับทางผมอยู่ไงครับ แต่สำหรับผมมันไม่ใช่แล้ว

“ไม่ต้องห่วงน่า มันไม่ฆ่าฉันหรอก”

“ยังไงก็ระวังตัวไว้ดีกว่านะครับ”

“รู้แล้ว”

พอดีกับที่ลิฟท์มาถึงชั้นที่จะลงเราเลยยุติการพูดคุยไว้เพียงเท่านี้ ผมก้าวยาวๆออกจาดลิฟท์ตรงไปยังประตูหน้ามาพนักงานโรงแรมมองตามด้วยความตกใจตลอดทางแต่ผมไม่สน ผมมองเห็นรถยุโรปสีดำติดฟิล์มทึบจอดติดเครื่องอยู่ทางด้านหน้าก็พุ่งไปหาทันที ทีครอสลงมาจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูด้านหลังให้จนผมนำตัวคริสเข้าไปนอนดีๆที่เบาะหลังจนเรียบร้อยแล้วนั้นแหละไอ้คนพี่มันถึงหันมาผลักผมออกจากรัสมีน้องชายตัวเอง

“อะไรวะ!?”

“กลับไปอยู่ในที่ของมึงซะ แล้วอย่ามาให้คริสเห็นหน้าอีก”

“แต่ผมรักเค้า”

“ก็แล้วยังไงละ น้องกูเจอมึงทีไรมีแต่เรื่องให้ต้องเจ็บตัวทุกที”

“พี่ครอส”

ระหว่างการถกเถียงเสียงอันแหบพร่าและแผ่วเบาก็ดังขัดขึ้นมา เราทั้งคู่หันไปหาคนเรียกที่อยู่ในรถก่อนที่ทีครอสจะก้มลงไปหาน้องชาย

“ว่าไงคริส?”

“กลับบ้าน”

“อืม รู้แล้ว นอนพักซะ”

คริสตัลพยักหน้ารับแล้วหลับตาลงอีกครั้ง หน้าที่แดงระเรื่อทำให้ผมอึดอัดใจในทุกครั้งที่มอง อยากจะเข้าไปกอดเข้าไปช่วยเข้าไปกล่อมและคอนดูแลจนกว่าจะหายแต่ก็ทำไม่ได้

“หลีก”

ทีครอสเอ่ยค้อนเสียงเข้มพลางปิดประตูรถไปด้วย

“ขอละ อย่างน้อยก็ขอดูแลจนกว่าจะหายป่วยนะ”

“ไม่! น้องกู กูดูแลเองได้”

“ดื้อทั้งพี่ทั้งน้อง”

“หลีกสิวะ กูจะกลับบ้าน”

“ไปโรงพยาบาลเหอะ”

“ไม่ได้ยินรึไงว่ากูจะกลับบ้าน หลีก!”

ยังไม่ทันทีผมจะพูดตอบกลับก็โดนมันผลักจนแทบเซ สินที่อยู่ไม่ไกลกำลังจะก้าวเข้ามาช่วยแต่ผมชูมือห้ามไว้ปล่อยให้ทีครอสเดินกลับไปยังตำแหน่งคนขับแล้วขับออกไปในที่สุด

“ผมว่าถ้านายจะไปต่อมันค่อยข้างยากเอาการเลยนะครับ”

ผมนิ่งเงียบ เข้าใจดีว่ามันหมายความว่ายังไงเพราะตัวเองก็ทำใจในเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว แต่ไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นมันค่อนข้างเหนือความคาดหมายไปนิด ผมกะจะมาง้อคริสไม่ได้ไปตอกย้ำเค้าแบบนั้น แต่ด้วยอารมณ์ที่มันแทบปะทุจึงเผลอจัดไปโดยไม่สนใจคนรองรับสักเท่าไหร่

ให้ตายสิ นี่ผมต้องทำผิดซ้ำๆซากอยู่แบบนี้นะเหรอ

ทุกเรื่องที่ว่ายากผมมักจะคุมไว้ได้หมด แต่ทำไมเรื่องของหัวใจมันถึงเหลวเป๊กได้ถึงขนาดนี้

เกลียดตัวเองฉิบหายเลยวะ

“ไปเอารถมา”

“จะไปที่ไหนครับ?”

“ไปบ้านคริสตัล”

แต่ก็ใช่ว่าผมจะยอมแพ้ง่ายๆนะครับ โดนแค่นั้นแล้วถอยมันใช่นิสัยผมซะที่ไหนกันละ


TBC....

ทดความแสบสันของคริสตัลไว้ตอนหน้านะ ตอนนี้อยากให้กระหน่ำพระเอกกันต่อไป คือพี่ทัตเหมือนจะเท่ห์ๆคูลๆดูเป็นผู้ใหญ่มาดเนี้ยบแต่เอาเข้าจริงแม่งโคตรกาก ฮ่าๆๆๆ เขียนไปก็สงสารไป แต่นางกากแค่เรื่องของหัวใจนะ เรื่องอื่นนางเก่งไปหมด คริสต้องทำใจนะลูก ถึงหนูจะไม่ใช่ช้างเท้าหน้าแต่หนูคือควาญช้างค่ะ หุหุ
 :katai2-1: :katai4: :katai5:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 26 (UP-24/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 24-03-2017 12:43:39
เรา fcท่านพี่เทพทัตน้าาาา  อิอิ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 26 (UP-24/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-03-2017 14:59:40
อย่างเทพทัต มันต้องโดนน้องคริสเมิน พี่เมียขวาง ถึงจะสาสมกับที่ใช้กำลังกับคริส
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 26 (UP-24/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-03-2017 18:15:47
มันต้องมีอะไร
ที่ทำให้คริส ร้องจะกลับแต่บ้าน
ทีครอส ก็รู้รหัสกลับบ้านอันนี้
ทัต จะง้อยังไงล่ะเนี่ย
       :L1: :L1: :z10:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 26 (UP-24/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 24-03-2017 18:59:54
ไม่อยากให้เทพทัตมีความสุขง่ายๆอะ
คนโง่ๆต้องรับผลกรรมหน่อย เลวมาเยอะละนี่
ขอให้คริสใจแข็งมากๆ ให้พี่ครอสกระทืบพระเอกเล่นๆ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 27 (UP-27/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 27-03-2017 20:58:37
สัมผัสที่ 27


 
ผมรู้สึกตัวก็ตอนที่รู้สึกเหมือนกำลังถูกอุ้มจนตัวลอย เมื่อลืมตาและปรับสายตาที่โดนแสงสว่างจ้ารอบทิศทางทำร้ายจึงได้รู้ว่าเป็นพี่ครอสที่กำลังอุ้มผมขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของผม

“ตื่นมาทำไม?”

”อื้ออออ”

ผมครางในลำคอตอบแทนการพูดเพราะเจ็บคอจนไม่อยากจะอ้าปากส่งเสียงมากมาย อาการแบบนี้ผมมักเป็นเวลาผมป่วยนะครับ ประมาณว่าพอไข้ขึ้นมากๆแล้วต่อมทอมซิลจะอักเสบไปด้วยเลย ส่วนเรื่องปวดหัวนั้นไม่ค่อยเป็นแล้วตั้งแต่ผมจำความได้ในวันนั้น อ้อ แล้วที่ผมไม่ไปหาหมมอแล้วร้องจะกลับบ้านลูกเดียวก็แค่ความเอาแต่ใจเวลาป่วยนะ คนในครอบครัวผมรู้ดีในเรื่องนี้

“แม่เรียกอาหมอแล้ว อีกสักพักคงมาถึง”

“ไม่ แค่กๆ ไม่อยากฉีดยา”

“อย่าพึ่งมาดื้อตอนนี้จะได้ไหม กูยิ่งหงุดหงิดๆอยู่”

ผมขมวดคิ้วทำหน้างงจนพี่ครอสมันถอนหายใจมาทีแต่ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบอะไรเพราะมาถึงห้องพอดี มันวางผมลงเตียงที่มีแม่บ้านยืนคลี่ผ้าห่มรอท่าอยู่ก่อนแล้วอย่างเบามือแล้วจึงเอื้อมมือมาทาบหน้าผากวัดไข้ไปด้วยอีก

“ตัวร้อนขนาดนี้ต้องฉีดอย่างเดียว ห้ามแย้ง”

ผมไม่หือไม่อือแต่พอไอ้พี่ครอสจะผละออกไปผมก็ดึงมือไว้พลางจ้องหน้าอยู่อย่างนั้น มันกรอกตาหน่อยๆก่อนจะลงมานั่งอยู่ริมเตียงแล้วลูบผมสีบลอนด์ทองของผมไปด้วย

“ไอ้นั้นมันตามมา”

ผมชะงัก

“แต่กูให้ไคกันไว้อยู่ ตอนนี้เลยยังอยู่ที่ด้านนอก”

“แล้วแม่ แค่กๆ”

“กูรู้ว่ามึงกลัวแม่รู้เรื่องที่มึงเป็น กูถึงได้ให้กันไว้ด้านนอกไง แม่ไม่เห็นหรอกน่า”

ถึงงั้นผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี ยิ่งกับไอ้ยักษ์ด้วยแล้ว

“แล้วมึงละ จะเอายังไงกับมัน?”

ผมหลุบตาลงต่ำก่อนจะส่ายหัวเบาๆมือกำแขนพี่ชายแน่นอย่างเผลอตัว แต่ไอ้พี่ครอสมันก็ไม่ได้ออกอาการเจ็บอะไรให้ผมเห็นเลยสักนิด

“โอเค กูรู้แล้ว นอนพักไปเดี๋ยวกูจะลงไปจัดการมัน”

ผมพยักหน้ารับแล้วปล่อยมือจากแขนของพี่ชายก่อนจะหันหน้าหนีหลบสายตาจนได้ยินเหมือนเสียงประตูห้องปิดนั้นแหละถึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ ผมกวาดตามองรอบห้องอีกครั้งเห็นมีแม่บ้านยืนเตรียมน้ำอุ่นใส่กระติกขนาดพกพาไว้ให้ก็พาลทำให้รู้สึกหิวน้ำขึ้นมาในทันที

“ผมขอน้ำ แค่ก ขอน้ำดื่มหน่อย”

“ได้ค่ะคุณหนู”

เกลียดการถูกเรียกว่าคุณหนูจริงๆให้ตายสิ

รอไม่นานก็ได้น้ำอุ่นมาดื่มหนึ่งแก้วใหญ่ๆ ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูตามมาด้วยร่างบางของผู้เป็นแม่และอาหมอที่เดินตามเข้ามาติดๆ ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่แล้วปล่อยให้อาหมอตรวจไปโดยที่มีแม่ยืนกำกับอยู่ไม่ห่าง อาการก็เป็นไปตามที่ผมคาดและก็โดนฉีดยาไปตามคาดเช่นกัน

“เรียบร้อยแล้วนะครับ ทีนี้ก็พักผ่อนให้มากๆพยายามอย่าหักโหมจนร่างกายทรุดแบบนี้อีกก็พอ”

“ขอบคุณมากนะค่ะหมอจตุพล”

“ไม่เป็นไรครับ มันหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”

“น้องคริสนี่ก็ช่างดื้อไม่เปลี่ยน พึ่งหายจากอาการหนึ่งก็กลับมาเป็นอีกอาการหนึ่งซะงั้น”

“วัยรุ่นก็อย่างนี้แหละครับ ชอบทำอะไรเกินกำลัง นี่ก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเพราะงดยาระงับมาสักพักแล้วใช่ไหม?”

ผมพยักหน้ารับ ก็มันจำได้แล้วนี่จะไปกินยากดมันไว้เหมือนเดิมทำไมละ

“ที่ภูมิคุ้มกันต่ำลงก็เป็นหนึ่งในรีแอคชั่นจากยานั้นนะครับ ผมถึงบอกว่าไม่อยากให้กินเป็นเวลานาน นี่ขนาดเปลี่ยนมากินแค่ช่วงที่ปวดหัวยังมีผลกระทบขนาดนี้เลย”

“เลิกเด็ดขาดแล้วค่ะ ใช่ไหมน้องคริส?”

ไม่ต้องกดเสียงขู่ขนาดนั้นก็ได้มั่งครับ

“ครับ”

“ดีมาก งั้นเดี๋ยวแม่ลงไปส่งอาหมอ น้องคริสก็นอนพักไปนะลูก”

ผมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ผู้เป็นแม่ส่งยิ้มมาให้ขยับผ้าห่มขึ้นคลุมให้อีกนิดก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมกับอาหมอในที่สุด

“ออกไปเถอะ ผมจะนอน”

ผมเอ่บบอกกับแม่บ้านที่ยังคงนั่งประจำการเฝ้ายามอยู่ที่เดิม

“ไม่ได้ค่ะ คุณทีครอสสั่งว่าต้องอยู่ด้วยตลอดเวลา”

ผมกรอกตาแทบไม่ทัน

“ออกไป”

ผมกดเสียงต่ำลงอีกและนั้นก็ทำให้ผมระคายคอพอสมควร แต่ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่านั้นคือคุณเธอยังคงนิ่งเฉยถึงแม่สีหน้าจะดูลำบากใจก็เถอะ

“บอกให้ออกไปไงวะ! แค่กๆๆ”

“คุณหนูอย่าใช้เสียงมากสิค่ะ”

“ไม่อยากให้ แค่กๆ ใช้ก็ออกไป!!”

“ค่ะๆ ออกไปแล้วค่ะ”

ให้ตาย ต้องให้ใช้บทโหดตลอด

ทันทีที่เหลือแค่ผมเพียงคนเดียวในห้องผมก็พ้นลมหายใจก่อนจะเปลี่ยนท่านอนแล้วพล็อดหลับไปด้วยฤทธิ์ยา มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้รับสัมผัสเย็นๆชื้นๆที่ลำคอ

“อื้อออ”

ผมเบี้ยงตัวหนีด้วยความรำคาญเมื่อโดนรบกวนการนอนทั้งที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นดู ก็พอจะรู้ว่าสัมผัสนี้เป็นการโดนเช็ดตัวและก็คงเป็นหนึ่งในบรรดาแม่บ้านหรือไม่ก็แม่ของผมเอง แต่เดี๋ยวนะ เช็ดตัวงั้นก็ต้องถอดเสื้อผ้า และถ้าถอดก็ต้องเห็นพวกรอยต่างๆนั้นนะสิ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็แทบจะลืมตาพรึบในทันที มือรีบคว้าเอาผ้าห่มที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาคลุมตัวโดยที่ไม่สนใจบุคคลที่ยังคงถือผ้าค้างอยู่ในมือ

“ยังเช็ดไม่เสร็จเลย”

หืม...

เสียงแบบนี้...

“ทัต!!!”

เหี้ย!

มันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไงวะเห้ย

ไหนไอ้พี่ครอสบอกจะลงไปจัดการแล้วไหงถึงได้....

“เอาผ้าห่มออกก่อน”

ผมชักสีหน้าในทันที

“ไม่”

ไอ้ยักษ์พ้นลมหายใจ

“ทำไมชอบดื้อ”

“ดื้อเหี้ยดิ แล้วมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง ใครให้เข้ามาไม่ทราบ”

“แม่เราไง”

ห่ะ?

“หึ ก็พี่บอกว่าเราลืมโทรศัพท์ไว้เมื่อคืนแล้วก็อยากมาดูอาการด้วย แม่เราเลยให้เข้ามาอย่างที่เห็น”

ง่ายๆงี้เลยเหรอวะ

โถ่ แม่นะแม่

“แล้วพี่ครอส....”

“ไม่อยู่ ถ้าอยู่พี่คงไม่ได้เข้ามา”

อ้อ อาศัยจังหวะช่วงที่พี่กูไม่อยู่แล้วเข้าทางแม่นี่เอง ไอ้เจ้าเล่ห์

ก๊อกๆๆ

ทั้งผมทั้งไอ้ยักษ์หันไปมองยังผู้มาใหม่พร้อมๆกัน ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคุณสิริกิตหรือแม่บังเกิดเกล้าผู้ใจอ่อนกับบุคคลไปทั่วทั้งโลกแม้แต่บุคคลอันไม่น่าไว้ใจอย่างไอ้ยักษ์นี่ยังกล้าให้เข้าบ้านมาหาลูกชายที่นอนเปื่อยเป็นผักต้มอยู่ตามลำพัง

“น้องคริสตื่นแล้วเหรอลูก?”

ลืมตานั่งจ้องหน้าอยู่แบบนี้คงหลับอยู่มั่งครับพระมารดา ผมแค่คิดในใจนะครับไม่ได้พูดออกไปหรอก ขืนพูดไปดิ คุณนายได้เทศนายาวแน่

“ครับ”

ตอบไปอย่างเจี๋ยมเจี้ยมสัสๆ ไอ้ทัตถึงกับหัวเราะพรืดกันเลยทีเดียว ก็แล้วไงวะ กูคุยกับแม่กูคีย์นี้ตลอดแหละมึงจะทำไม

“หิวไหมครับ? แม่เอาข้าวต้มขึ้นมาให้ เห็นพี่เค้าบอกว่าเรายังไม่กินอะไรตั้งแต่เช้า เรานี่ก็จริงๆเลย ทำไมไม่บอกแม่”

ผมตวัดสายตาไปมองบุคคลที่สามในทันที ไอ้ยักษ์เหมือนจะรู้ตัวว่าผมไม่ชอบใจเลยแซ้งทำทีไม่รู้ไม่ชี้แบบโคตรน่าถีบ

“แม่ให้มันเข้ามาทำไม?”

“เอ๊ะ เด็กคนนี้นี่พูดจาไม่น่าฟังเลย”

“มันอันตรายนะแม่ที่ให้ใครก็ไม่รู้เข้าบ้านมาง่ายๆ”

แม่วางชามข้าวต้มไว้บนโต๊ะก่อนจะเกินไวๆเข้ามาตีเพี๊ยะตรงแขนผมไปสองสามทีจนผมต้องถกตัวหลบเป็นพันลวัน

“โอ้ยแม่ ตีคริสทำไม”

“ก็ดูพูดจาสิ พี่เค้าอุสาเอาโทรศัพท์มาคืน แล้วเมื่อคืนก็ไปรบกวนพี่เค้าด้วยใช่ไหม อย่าให้แม่พูดเรื่องที่เคยเอารถมาขับนะ อย่างนี้จะเรียกว่าใครก็ไม่รู้อยู่อีกไหม”

ผมได้แต่ยู่ปากหมั่นไส้แบบกูเถียงไม่ออกไงครับ ขืนเถียงไปสิเรื่องได้เข้าตัวชนิดยาวเหยียดแน่ๆ

“แล้วนี่กำลังทำอะไรกันอยู่จ้ะ?”

อันนี้แม่หันไปถามไอ้ยักษ์ครับ มันก็ปั้นหน้ายิ้มกว้างแสดงความตอแหล่เป็นคนดีที่น่าคบได้โคตรจะเนียน

“กำลังเช็ดตัวให้น้องอยู่นะครับ”

เสียงอ่อนเสียงหวานเชียวนะมึง

“อ้าว ไข้ยังไม่ลดเหรอลูก?”

“ลดแล้วครับ แต่ผมเห็นว่าเหงื่อออกมาก คิดว่าน่าจะนอนไม่สบายตัวเลยถือวิสาสะเช็ดให้ ถ้ามันละลาบละล้วงไปก็ขอโทษด้วยครับ”

มากเลยแหละ

“ไม่เลยจ้ะ ดีซะอีก เด็กคนนี้เค้ายิ่งดื้อๆอยู่ด้วย ถ้าไม่เช็ดให้อาจจะลุกไปอาบน้ำแล้วไข้กลับก็ได้ ขอบใจมากนะจ้ะเทพทัต”

“เรียกทัตเฉยๆก็ได้ครับ”

“จ้ะ”

แหมะ รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินยังไงยังงั้น ถึงแม้เรื่องที่คุยจะเป็นเรื่องของผมก็เถอะนะ คำว่าหมาหัวเน่ามันให้ความรู้สึกแบบนี้นี่เอง

“น้องคริส”

เหอะ เห็นหัวลูกในไส้แล้วเหรอ งอลครับงอล

“ครับ”

“ทานข้าวทานยาแล้วนอนพัก พรุ่งนี้ห้ามออกไปไหนเข้าใจไหม?”

“แต่ผมหายดีแล้ว”

“หายก็ช่าง แม่จะให้อยู่ ถือเป็นการลงโทษด้วย ดีเท่าไหร่แล้วที่แม่ไม่เคอร์ฟิวเราเหมือนอย่างที่พ่อชอบทำ”

“แม่ห้ามบอกพ่อนะ”

“เอ…เอาไงดีน๊า”

“โถ่ แม่ครับ น่านะอย่าบอกพ่อน๊า”

“แต่ถ้าน้องคริสดื้อ…”

“ผมไม่ดื้อครับ”

“สัญญา?”

“สัญญาครับ”

“ดีมากเจ้าลูกชาย งั้นเดี๋ยวแม่ลงไปข้างล่างแล้ว อยู่กันไปนะเด็กๆ”

“เห้ย! ไม่เอาดิแม่ แม่อยู่กับคริสนะ”

“แม่ต้องไปเตรียมมื้อเย็น ทัตอยู่ทานด้วยนะจ้ะ”

ห่ะ

“ได้ครับ”

อ้าวเห้ย

“งั้นเดี๋ยวตอนถึงมื้อเย็นแม่จะให้คนขึ้นมาตาม น้องคริสทานข้าวต้มรองท้องไปก่อนเลย เข้าใจไหมค่ะ?”

แล้วผมจะไปตอบอะไรได้ นอกจาก…

“ครับ”

แม่ยิ้มหน้าแป้นแล้วจึงเดินหายออกไปจากห้องในเวลาต่อมา พอเสียงบานประตูปิดลงเท่านั้นแหละครับ มีอะไรใกล้มือกูจับปาใส่ไอ้ยักษ์แม่งหมด ฟังดูเหมือนจะโหดร้ายนะครับแต่ไอ้ที่ปาไปนะ มีแต่หมอนกับตุ๊กตุ่นก็แค่นั้น โว๊ะ สงสารตัวเองชิป

“ใจเย็นๆดิคริส”

“ไม่ยงไม่เย็นแม่งละ ออกไปจากห้องไอเดี๋ยวนี้!”

“แต่แม่ให้อยู่…”

ผมหันควับไปจ้องหน้ามันเลย

“ใครอนุญาตให้เรียกว่าแม่!!”

“หึหึ โอเค แต่คุณน้าให้พี่อยู่นี่”

“แต่ไอไม่ให้อยู่”

“แต่พี่จะอยู่”

“เชี่ยเอ๊ย!”

ทำได้แค่สบถแล้วก็ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมโป่งโดยปราศจากหมอนให้หนุน ก็ผมโยนใส่มันไปหมดแล้วไงครับ แต่ก็ช่างมันเถอะ

“คริส”

เสียงเรียกดังเหมือนมันจะเข้ามาใกล้ผมกว่าเดิมจนผมรู้สึกถึงแรงยุบที่ด้านหลังนั้นแหละ ขาผมมีปฎิกิริยาในทันที ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ก็แค่…

พลั๊ก!

“โอ้ย!!”

แค่เหยียดแข้งเหยียดขาแล้วโดนมันไปเต็มๆแบบเน้นๆชนิดที่มันเซถอยหลังแทบจะล้มลงกับพื้นซะด้วยซ้ำ

“วันนี้หลายรอบแล้วนะดื้อ”

“ใครดื้อวะ?”

ถามพร้อมเหยียดยิ้ม ยอมรับแหละว่าสะใจมิใช่น้อย

“เห็นแก่ว่าป่วยอยู่หรอกนะถึงยอมปล่อย ลุกมากินข้าวต้มดีๆจะได้นอนพัก”

“ไม่”

“ไหนบอกจะไม่ดื้อ”

“ไอพูดกับแม่ไอ ยูไม่เกี่ยว”

“งั้นพี่ลงไปตามแม่มาหาดีกว่า”

“ดี ไปเลย แล้วยูก็กลับไปด้วยเลยไอจะอยู่กับแม่”

ไงละ นิ่งไปเลยสิมึง มาไม้ไหนผมตอกกลับได้หมดอะ รู้ฤทธิ์คริสตัลน้อยไปซะแล้ว

“คริสตัล”

“กลับไปซะ แล้วจะดีมากถ้าเราจะตัดขาดกับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”

“ไม่”

ผมจ้องหน้ามันเขม่งในขณะที่มันเองก็จ้องมองผมด้วยสายตาที่ดุดันเช่นกัน สักพักมันก็ถอนหายใจแล้วยกชามข้าวต้มมาหาผมที่เตียงซะงั้น ตอนมึงจะปรับโหมดกรุณาบอกกูล่วงหน้าสักห้านาทีได้ไหม กูตามไม่ทันวะ

“กินสักหน่อยนะ”

มันนั่งลงริมเตียงหมิ่นๆก่อนจะตักข้าวต้มในชามแล้วหันมาป้อนจ่อปาก ผมหันหน้าหนีไม่สนใจแต่มันยังด้านครับ ผมหันไปทางไหนมันก็ตามไปป้อนทางนั่นเอาซะผมถกตัวจนชิดหัวเตียงหมดสิ้นทางหนีเลยนั้นแหละ

“ไม่กิน”

“ต้องกิน”

ยังมีการมาสั่งอีกนะครับ

“บอกว่าไม่กินไงวะ!”

เพล้ง!

เฮือก

ผมหดแขนกลับในทันทีที่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ผมเผลอปัดมือไปโดนชามในมือมันจนตกพื้นดังสนั่นและคราบยังเลอะตัวมันไปอีกด้วย เทพทัตยังคงมองผมนิ่งๆไม่ได้แสดงท่าทีเกรี้ยวกาจแต่อย่างใด

ก๊อกๆๆ

“เกิดอะไรขึ้นค่ะคุณหนู ว้าย! ตายแล้ว!!”

ใครตายวะ

ผมหันหน้าหนีมันมานั่งกอดอกปล่อยให้แม่บ้านที่เข้ามาจัดการไปตามหน้าที่

“เลอะเสื้อผ้าคุณด้วยนี่ค่ะ ถอดชุดออกก่อนเถอะค่ะเดี๋ยวจิ๋วจะเอาไปซักแห้งให้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่มีเสื่อเปลี่ยนนะ”

เหอะ แค่เสื้อเชิตแป๊บๆก็แห้งไม่เห็นต้องซัก

“ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวต้องอยู่ทานมื้อเย็นอีกใช่ไหมค่ะ งั้นเดี๋ยวจิ๋วไปถามคุณนายให้ว่าพอมีชุดให้เปลี่ยนไหม?”

บ้านนี้มันจะเป็นคนดีเกินไปแล้วนะเว้ย

“ไม่ต้อง”

แต่ถ้าแม่รู้เรื่องนี้อีกผมนี่แหละที่จะลำบาก

“แต่คุณหนูค่ะ”

“เสื้อผมมี หาเอาในตู้”

ถือว่าทำบุญทำทานไปแล้วกัน แต่มึงจะยิ้มทำไมไม่ทราบครับไอ้ยักษ์เชี่ย

“เปลี่ยนเสร็จแล้วก็ออกไปซะ ถ้าไม่ออกไอจะเป็นฝ่ายออกไปเอง”

ไอ้ยักษ์ชุมือทั้งสองข้างขึ้นในเชิงยอมแพ้ก่อนจะถอดเสื้อออกต่อหน้าต่อตาทั้งผมและแม่บ้านกันเลยทีเดียว ผมได้แต่เบ้ปากใส่ก่อนจะลุกจากเตียงกะไปหยิบเสื้อมาให้มันเพราะแม่บ้านรับเสื้อมันแล้วรีบรุดออกจากห้องไปแล้ว

“เห้ย!”

เกือบสะดุ้งเมื่อจู่ๆมันก็อุ้มผมขึ้นซะงั้น

“ปล่อยไอนะ!”

“อยู่นิ่งๆสิ”

“แล้วจะมาอุ้มทำไมไม่ทราบ!?”

“ไม่เห็นเหรอว่าชามแตก เดี๋ยวก็เหยียบเศษแก้วเข้าให้หรอก”

เออวะ ลืมคิดไปเลย แต่ไอ้ยักษ์มันใส่สลีปเปอร์อยู่ไงครับเลยไม่เป็นไร

“งั้นปล่อยลงตรงนู้นก็ได้”

“ไม่ได้ เผื่อเศษแก้วมันกระจาย”

“เอ๊ะ งั้นก็ปล่อยลงเตียงนี่แหละ แล้วก็ไปหาเสื้อใส่เองอยู่ในตู้ทางนั่น”

“ไปด้วยกันดีกว่า”

“เรื่องเยอะ!”

“ก็อยากเยอะกับคริสคนเดียว”

“ไม่ต้องมาหยอด”

“งั้นใส่เลยได้ไหม ขี้เกียจหยอดแล้วเหมือนกัน”

“ไอ้สัส! ใส่เส่ยอะไรวะ!?!”

“หึหึ”

โคตรเกลียดเลยวะ ทั้งคนทั้งเสียงหัวเราะไหนจะรอยยิ้มร้ายๆแบบนี้อีก

“ปล่อยสิวะ”

“ขออีกสักพักได้ไหม?”

ผมขมวดคิ้วเลย ทำไมมันถึงอยากจะอุ้มผมนักวะ หนักก็หนัก

“ไม่ต้องงง ก็ถ้าขอกอดคงไม่ให้กอด แต่ถ้าอุ้มมันก็เหมือนกอดอยู่กลายๆเพราะงั้นขออุ้มอีกสักพักได้ไหม กำลังชื้นใจได้ที่เลย”

ฟังจบปุ๊บจับใจความได้ปั๊บกูนี้ดิ้นพล่านแทบไม่ทัน ไอ้ยักษ์มันก็หัวเราะชอบใจมันสิครับ

ชักอยากให้พี่ครอสมาอยู่ด้วยแล้วสิ

รีบๆกลับมาซะทีไอ้พี่บ้าเอ๊ย!


Tbc…

น้องคริสดื้อเนอะ นางไม่ยอมง่ายๆแน่คราวนี้ พี่ทัตเตรียมกระอักเลือดได้เลยเพราะน้องมือตีนหนักใช้ได้แถมไวอีกต่างหาก 5555+
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 27 (UP-27/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 27-03-2017 21:27:20
ยังคงเกลียดพระเอกต่อไป ขอให้ไม่สมหวังง่ายๆรำคาญคนโง่ๆ คริสตัลอย่าใจอ่อนง่ายๆนะ
เอาให้แม่มช้ำใจตาย
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 27 (UP-27/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-03-2017 22:15:58
ดูท่า คริส หนีทัตไม่พ้นนะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 27 (UP-27/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 27-03-2017 22:28:33
คู่กันแล้วไม่แคล้วกัน
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 27 (UP-27/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 27-03-2017 22:38:24
อ่านแล้วเหนื่อยนักเขียน ใช้ คะ ค่ะ ผิด TT
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 27 (UP-27/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 28-03-2017 19:38:37
เกลียดคนขี้ตื้อ และชอบบังคับแบบทัตว่ะเปลี่ยนพระเอกได้ก็อยากนะ แต่คงไม่ได้แล้วล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 28 (UP-30/03/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 30-03-2017 14:29:40
สัมผัสที่ 28


“มึง!!!!”

ทันทีที่ไอ้พี่ครอสเห็นหน้าไอ้ยักษ์มันก็แผดเสียงดังลั่นห้องอาหารไหนจะตบโต๊ะจนแม่บ้านยังสะดุ้งโหยงไปด้วยอีก ส่วนผมนะเหรอ แสยะยิ้มเลยสิครับ ถึงแม้จะไม่สบอารมณ์ที่ไอ้ยักษ์มันยังคงตีหน้าไม่รู้สึกรู้สาไปกับกิริยาของพี่ชายผมก็เถอะ

“มึงกล้ามากที่โผล่หัวมาให้กูเห็นอีก!”

“ก็คงงั้น”

พี่ครอสแม่งกัดฟันกรอดจนกรามโปกนูนเลยครับ ผมแทบจะกรอกตากับความกวนของไอ้ยักษ์ที่ได้ข่าวว่ามึงอายุน้อยกว่าเค้านะเห้ย แต่ก็ว่ามันไม่ได้นะเพราะแม่งก็อายุเยอะกว่าผมแต่ผมไม่เคยให้ความเคารพมันเลยเหมือนกัน

“ไอ้สัส! มึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้!!”

“เสียงดังเอะอะอะไรกันทีครอส”

นั้นไง ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดโผล่เข้ามาในห้องแล้วครับ พี่ครอสถึงกับชะงักแต่ก็ยังไม่ลดอารมณ์และโทษะลงแต่อย่างใด

“แม่ให้มันเข้ามาทำไม!?!”

“พอกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยลูกฉัน นั่งลงแล้วคุยดีๆสิ”

“แม่!”

“นั่งลง”

ถึงกับต้องกดเสียงขู่ แม่ในโหมดนี้ไม่ค่อยเจอบ่อยสักเท่าไหร่เลยนะครับ(สำหรับผมแต่น่าจะบ่อยสำหรับพี่ครอส) พี่ครอสเลยต้องจำใจนั่งลงที่เดิมส่วนผมที่ยืนกอดอกมองดูสถานการณ์ก็เข้าไปนั่งฝั่งตรงข้ามพี่ชายตามปกติไม่เอ่ยเรียกหรือเอ่ยชวนใดๆกับใครบางคนแต่อย่างใด

“อ้าว น้องคริสทำไมไม่ชวนพี่เค้ามานั่งละลูก”

จนแม่ที่นั่งลงตรงหัวโต๊ะสังเกตเห็นนั้นแหละถึงได้ท้วงออกมา

“มีขาก็ให้เดินมาเองสิครับ”

“น้องคริส”

ผมไหวไหล่ไม่สนใจมารดาแล้วหันไปยกแก้วน้ำอุ่นขึ้นจิบ อาการป่วยของผมดีขึ้นมากแล้วจะเหลือแค่อาการคั้นเนื้อคั้นตัวและปวดหน่วงที่ด้านหลังนิดๆหน่อยๆก็แค่นั้น

“ทัตมานั่งข้างน้องคริสก็ได้จ้ะ”

“ขอบคุณครับ”

ผมนั่งนิ่งพยายามแสดงสีหน้าเฉยชาสุดฤทธิ์ในขณะที่พี่ครอสแทบจะแยกเขี้ยวมาแดรกหัวมันได้ทุกขณะ เชื่อไหมว่าถ้าแม่ไม่อยู่ที่นี้อาจกลายเป็นสนามรบไปเลยก็ได้ แต่ผมไม่แคร์นะ เอาเลย อยากฆ่ากันก็ฆ่าไปเลย นาทีนี้กูไม่สนใจแม่งละ กูเจ็บมาเยอะ กูโดนมาเยอะ กูเหนื่อย

“คริสกินนี่ด้วยสิ”

มันพูดจนก็วางกุ้งผัดบร็อคโคลี่ใส่จานข้าวให้ผม

“ไอไม่กินบร็อคโคลี่”

มันชะงัก

“น้องคริสไม่กินตั้งแต่เมื่อไหร่ ก่อนหน้านี้ลูกออกจะชอบนี่คะ?”

อ้าวเห้ย ลืมไปเลยว่าแม่ก็อยู่

“ก็…พึ่งมาเกลียดเอาไม่นานนี่แหละครับ”

“หึหึ”

หัวเราะทำด๋อยไรวะ!

ผมแยกเขี้ยวใส่มันไปทีก่อนจะหันกลับมาสนใจข้าวตรงหน้าต่อแต่ส่วนที่มันตกมาให้ผมไม่แตะเลยนะครับ จนกระทั่งกินข้าวหมดจานแต่กับข้าวยังกองอยู่เกือบครึ่ง(เพราะแม่งตักมาใส่ให้อยู่เรื่อยๆไง)

“น้องคริส”

“ครับ?”

“ทานให้หมดค่ะ”

“แต่ผมอิ่มแล้ว…”

“ไหนบอกจะไม่ดื้อกับแม่”

จุกไปสิครับ

โดนสวนเข้าให้แบบตอบโต้เหี้ยไรไม่ได้สักอย่าง ผมยู่ปากอย่างจำใจก่อนจะจับช้อนส้อมแล้วตกเข้าปากเคี้ยวๆกลืนโดยที่สีหน้ายังคงแสดงถึงความไม่พอใจอยู่แบบนั้น

“แม่มีนัดกับคุณรฎาไม่ใช่เหรอครับ?”

พี่ครอสพูดเหมือนจะรู้ตารางแม่ซะละเอียดยิป

“อีกประมาณชั่วโมงนู้นแนะ อ้อ วันนี้แม่อาจกลับดึกนะจ้ะเป็นงานเลี้ยงของสมาคมศิษย์เก่านะ อยู่กันดีๆอย่าตีกันให้แม่ได้ยินอีกนะสองพี่น้องนี้”

“โถ่แม่ พวกเราออกจะรักกัน”

“ปานจะกลืนกินด้วยนะสิ”

“ใช่เลย”

“หึหึ แล้วเป็นไงบ้างจะทัต อาหารอร่อยถูกปากรึเปล่า?”

ผมแอบเหยียดปากในขณะที่พี่ครอสเองก็ทำไม่ต่างจากผม จะมีก็แต่ไอ้ยักษ์นั้นแหละที่ปั้นหน้ายิ้มหล่อคอยประจบแม่ผมทางสายตาอยู่เหมือนเดิม

“อร่อยมากครับ ยิ่งกว่าที่บ้านผมทำให้ทานซะด้วยซ้ำ”

“แหม ปากหวานอย่างนี้ป้าใสก็ดีใจแย่นะสิ”

“ตอแหลสัส”

ผมหลุดอุทานออกมาแต่ยังดีที่เสียงค่อนข้างเบา

“คิดงั้นเหรอ?”

แต่มันก็ยังจะได้ยินอีกนะ

ผมเหล่ไปมองจนเห็นว่ามันเปลี่ยนหน้ากากจากยิ้มพิมพ์ใจเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็อยากเอาส้อมจิ้มหน้าแม่ง ผมยกน้ำในแก้วขึ้นดื่มจนหมดก่อนจะลุกขึ้นยืนบอกขอตัวกลับขึ้นห้องแล้วก็จ้ำอ้าวออกมาจากห้องอาหารในทันที แอบเหลือบมองดูข้างหลังเห็นว่าไม่มีใครตามก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่กลับหน่วงในใจแปลกๆไปอีก

ชักจะเยอะแล้วนะไอ้คริส

จะไปอะไรมากมายกับคนที่ทำร้ายมึงวะ

ปัง!

ผมเผลอปิดประตูไปแรงพอตัวก่อนจะยืนพิงและค่อยๆไถลตัวลงไปนั่งจุมปุกอยู่กับพื้น จู่ๆก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาซะดื้อๆ
ต้องทำยังไงผมถึงจะกลับไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้เหมือนเดิมนะ

ต้องหนีไปจากที่นี้เลยรึเปล่า…

ก๊อกๆๆ

เฮือก!

สัสเอ๊ย คนยิ่งกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่เลยด้วย ขัดจังหวะชะมัด

“คุณนายให้เอายาหลังอาหารมาให้ค่ะคุณหนู”

ผมยันคัวลุกขึ้นยืนแล้วจึงเปิดประตูไปรับยามา

“แล้ว…เอ่อ…คนอื่นๆละครับ?”

“คุณนายเตรียมตัวอยู่ที่ห้อง ส่วนคุณทีครอสกับคุณทัตอยู่ที่สวนหน้าบ้านค่ะ”

ผมพยักหน้ารับแล้วปิดประตูตามหลัง เดินมาจนถึงโต๊ะเล็กยกยาเข้าปากดื่มน้ำตามจนหมดแก้วแล้วก็เดินไปยังบานกระจก แต่มุมนี้มันยังมองไม่เห็นสวนด้านหน้าเท่าไหร่ผมเลยต้องค่อยๆแง้มมันออกแล้วเดินออกไปยังระเบียงด้านนอกจนได้ยินเสียงผู้ชายสองคนที่คุยกันค่อนข้างจะดังมาจากทางด้านล่าง

“กูบอกให้ไสหัวกลับไปไงวะ!”

“ผมก็บอกแล้วไงว่าจะอยู่ดูแลคริสก่อน”

“มันหายดีแล้วและที่สำคัญคือนี่เป็นบ้านของมัน คนดูแลมันเยอะแยะ ไม่ต้องสาระแนยื่นมือมาช่วยทั้งที่มือมึงนั่นแหละที่ทำให้น้องกูต้องเป็นแบบนี้!!”

“……”

ไอ้ยักษ์เงียบกริบไปเลยวะ คงจุกไม่น้อยแต่พี่ผมมันก็พูดถูกแถมโคตรโดนใจอีกต่างหาก ผมเลิกแอบฟังแล้วกลับเข้าห้องปล่อยให้พี่ครอสมันจัดการกับไอ้ยักษ์ไปส่วนตัวเองก็ล้มตัวลงนอนเปิดแอร์ฉ่ำๆโดยที่ไม่สนใจว่าอาการจะกลับเลยสักนิด พอนอนไปนอนมาก็เกิดเปื่อไปอีก ปกติผมเคยนอนอยู่บ้านเฉยๆซะที่ไหนละ ว่าแล้วก็หันไปคว้าโทรศัพท์มากดโทรหาเพื่อนในทันที ถึงแม้จะห้ามออกไปไหนในวันพรุ่งนี้แต่ไม่ได้บอกว่าวันนี้ออกไปไหนไม่ได้นี่เนอะ ใช่ไหมครับ

/คริส!!!/

ผมเอาโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทันเลยอะ

“จะร้องหาพ่องมึงไงไอ้นาย”

ผมด่าตามปกติแต่ทำไมเพื่อนผมมันถึงได้เงียบไปแบบนี้วะ

“นาย...ไอ้นาย!”

/อะ เออๆ/

“ทำไมเงียบไปอะ?”

/ป่าวๆ กูแค่...ดีใจ.../

“ดีใจ? ดีใจอะไรของมึง ถูกหวยอ่อ”

/ไอ้บ้านี่ แล้ว...มึงโอเคดีใช่ไหมวะ?/

“โอเคดิ วันนี้ออกไปเที่ยวกันเหอะ”

/ได้ๆ งั้นเดี๋ยวกูไปรับที่บ้าน/

“โอเค”

ผมวางสายเมื่อตกลงกันได้ภายในเวลาไม่กี่นาทื รอยยิ้มฝุดขึ้นมาบนใบหน้าเมื่อคิดไปถึงบรรยากาศเก่าๆที่ห่างหายมานาน ว่าแล้วก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่กันดีกว่า

ก๊อกๆๆ

โอ้โห

ใครมันช่างมาหาได้ถูกจังหวะดีฉิบหาย

“คริส”

และก็เป็นพี่ชายผมนั้นเอง ขึ้นมาหาได้แบบนี้แสดงว่าไล่ไอ้ยักษ์ไปได้แล้วละสิ

“ว่าไงครับ”

อารมณ์ดี๊ดี

“หึ อารมณ์ดีเชียวนะมึง ทีมื้อเย็นนี้อย่างกับหมาหอบแดรก”

ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน เปรียบเทียบซะเห็นภาพเลยพี่กู

ไอ้พี่ชายหัวเราะขำก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างๆ(ผมยังคงนั่งอยู่บนเตียงนะครับ)

“กูไล่ไอ้นั้นไปแล้วนะ พรุ่งนี้โดนแม่ด่าหูชาแน่”

“หึหึ ก็อยากเสียงดังแถมยังพ้นคำหยาบซะขนาดนั้น”

“คนมันอารมณ์ขึ้นนี่หว่า ไอ้นั้นแม่งก็ดื้อด้านฉิบหายดีนะที่ยังทนไหวไม่คว้าเอาปืนมาจ่อกบาลให้”

“เออ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั่งพี่”

“ทำไม? ก็แม่งกวนตีน”

ก็ไม่เถียงอะนะ

“หรือใจอ่อนกันมันแล้ว?”

นี่รีบส่ายหัวหวืดเลย

“ก็ดี แล้วนี่กินยารึยัง? มั่วทำอะไรอยู่ทำไมไม่นอน?”

“เออ...”

“มีอะไร?”

“ผมว่าจะออกไปข้างนอกอะ...”

ผมพูดเสียงแผ่วก้มหน้างุดเตรียมโดนด่าเพราะคิดว่าไงๆพี่ครอสมันต้องไม่ชอบใจแน่ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยห้ามแต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่ด่านะครับ ผมนี่โดนประจำเลยแหละ เหมือนมันโดนแม่ด่ามาแล้วเก็บกดจนต้องมาระบายกับผมอีกทอดนะ แม่งเหี้ย

“อืม ไปไหนละ เดี๋ยวไปด้วย”

ห่ะ!?!

นี่ผมฟังไม่ผิดใช่ไหมวะ

ไอ้พี่ครอสเนี้ยนะจะไปกับผม

“อึ้งเหี้ยไร กูเบื่อๆเซ็งๆเลยอยากจะดริ้งส์ก็แค่นั้นเว้ย”

“อ้อๆ อืม งั้นเดี๋ยวโทรหาไอ้นายแป๊บ มันบอกว่าจะมารับอะ”

“เออๆ งั้นกูไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ห้องแล้วกัน เสร็จแล้วก็ลงไปรอที่ห้องนั่งเล่น แม่คงออกไปแล้วแหละ”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะโดนมือใหญ่ขยี้หัวเบาๆแล้วจะออกจากห้องผมไปในที่สุด เออเว้ย มาไวไปไวอย่างกับสายฟ้าฟาด แต่ก็ช่างมันเถอะ วันนี้วันดีมีพ่อบุญทุ่มไปด้วยงี้ผมจะแดรกให้เรียบเลยคอยดู






เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆเราก็มาถึงบาร์เจ้าประจำกันแล้วครับ ที่บอกว่าเจ้าประจำคือสำหรับผมนะ ส่วนไอ้พี่ครอสมันมาเป็นครั้งแรก ผมยิ้มทักบรรดาผู้คนที่คุ้นหน้าก่อนจะเดินตรงไปยังบาร์เพื่อทักทายใครบางคน

“ไฮ เอมเมอร์”

“ไฮ คริส สบายดีไหม?”

“แน่นอนสิ”

ผมตอบอย่างอารมณ์ดีจนได้ยินเสียงหัวเราะขำมาจากคนด้านหลังนั้นแหละ ผมเลยกระทั่งศอกใส่ทั้งที่ไม่ได้เหลียวไปมองแต่เสียงปึกและโอ้ยนั้นทำให้ผมยิ้มกว้างได้ยิ่งกว่าเดิม เอมเองก็คงจะเห็นเลยยิ้มขำไปด้วยอีกคน

“ไอ้เด็กแสบ”

ผมไหวไหล่แล้วมองหาบรรดาเพื่อนที่คาดว่าน่าจะมาถึงกันแล้ว

“เอมเห็นเพื่อนผมไหม?”

เอมขมวดคิ้ว จริงสิ เอมเมอร์ยังไม่เคยเจอพวกเพื่อนๆผมนี่นา

“ซอรี่ เอมคงยังไม่เคยเจอพวกนั้น อ้อ นี่พี่ครอสพี่ชายผมนะ พี่ครอส นั้นเอมเมอร์เป็นบาร์เทนเดอร์ของที่นี้”

“กูคงตาบอดมั่งถึงได้มองไม่ออกว่ามันเป็นบาร์เทนเดอร์”

กวนตีน

“ไอ้คริส พี่ครอส”

ยังไม่ทันที่ผมจะตอบโต้พี่ชายเสียงเรียกชื่อก็ดังแทรกท่ามกลางบนเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่ ผมหันไปมองและก็เจอไอ้มิกซ์ที่ดูเหมือนพึ่งจะมาถึงเช่นกัน มันเดินเข้ามาไหว้พี่ชายผมก่อนจะโอบไหล่ตบหลังผมเบาๆแต่เจ็บสัส

“เชี่ย กูเจ็บ”

“อ้อ โทษๆกูไม่ได้ตั้งใจวะแต่เจตนานิสนึง”

“กวนตีนสัส”

“ฮ่าๆๆ ว่าแต่ไอ้นายไอ้แวนกับไอ้คมละวะ เร่งกูดีนั่งแล้วนี่มันยังมาไม่ถึงอีกเหรอ?”

“ไม่รู้ กูก็พึ่งมาถึง”

“อ้าว งั้นโทรหามันเลยมึง”

“แล้วทำไมมึงไม่โทรเอง?”

“เปลืองเงินกูไง”

กูละอยากจะฆ่าคน นี่เพื่อนผมใช่ไหมครับ ทำไมผมรู้สึกเหมือนไม่ใช่ ผมตัดปัญหาด้วยการหันไปหาพี่ชายแล้วแบมือขอโทรศัพท์มันแทนการใช้ของตัวเอง พี่ครอสกรอกตาแต่ก็ล้วงเอาโทรศัพท์ส่งมาให้ในที่สุด ผมกดโทรหาไอ้นายไม่นานมันก็รับปรากฏว่าพวกมันทั้งสามมาถึงแล้วแต่นั่งอยู่โซนชั้นลอยด้านบนผมเลยพากันไปสมทบ โต๊ะที่นั่งเป็นคอกแบบครึ่งวงกลมที่สามารถมองลงไปยังชั้นล่างได้

“คริสเอาอะไร?”

“น้ำเปล่า”

นายหันมาถามผมแต่คนที่ตอบไม่ใช่ผมนะครับ เป็นไอ้พี่ชายที่นั่งประกบกูชนิดที่ไม่มีแม้ช่องว่างให้หายใจกันเลยทีเดียว จะพิศวาสอะไรกูหนักหนาวะ ไอ้คมไอ้แวนและไอ้มิกซ์นี่เอ๋อแดรกเลยด้วย

“บ้าดิ เข้าบาร์เข้าผับใครเค้าแดรกน้ำกันวะพี่ครอส”

“มึงไงแดรก ไม่สบายอยู่อย่าสะเออะแดรกเหล้าเชียวนะมึง”

“หายแล้วเหอะ”

“ยังเว้ย”

“พี่ครอส!”

“กูโทรหาแม่ได้นะ”

ผมอ้าปากเหวอเลย นี่มันกล้าใช้มุกนี้ขู่กูเหรอครับ ได้ข่าวว่ามึงเองก็มาด้วยนะไอ้พี่ชาย ถ้าผมโดนมันก็ต้องโดนด้วยอะ เผลอๆอาจโดนมากกว่าผมซะด้วยซ้ำ

“สรุปคือ?”

“เหล้า”

“คริสตัล!”

ผมแลบลิ้นให้ไอ้พี่ชายไปที กูไม่สนโว้ย เรื่องอะไรจะยอมหงอให้มัน ไอ้นายส่ายหัวระอาในขณะที่คนอื่นๆก็หัวเราะขำในความซ่าส์ของผม

“แม่งดื้อ”

“มันก็เป็นปกติของไอ้คริสไม่ใช่เหรอพี่”

ไม่ทราบว่ามึงไปสนิทกับพี่กูตอนไหนครับเชี่ยมิกซ์ ทีเรื่องแบบนี้แม่งเข้าคู่กันดีฉิบหาย

“ก็จริง”

“แล้วพี่ครอสเอาไรครับ?”

อันนี้ไอ้นายถามข้ามหน้าผมไปเพราะมันนั่งข้างผมแต่คนละด้านกับไอ้พี่ตัวดี

“พวกมึงกินไรกันวะ?”

“โกลด์อะพี่”

“เออ ก็ตามนั้น ขอเข้มๆโซดาเพียวแล้วกัน”

“ครับ”

ผมได้แต่เงียบครับ ทำไมนะเหรอ ก็แก้วกูยังไม่มาไง แต่พอไอ้นายเอามาวางไว้ต่อหน้าผมก็รีบยกขึ้นมากรอกปากด้วยความกระหาย

พรวด!!

“เชี่ยคริส มึงจะพ่นหาพระแสงมึงไง!”

ไอ้มิกซ์โวยวายทันทีที่ผมพ่นน้ำในปากไปใส่มัน กูไม่ได้ตั้งใจนะครับ แค่ตกใจมากไปหน่อย ไอ้แวนไอ้คมนี่หัวเราะลั่นพอๆกับไอ้นายที่คงรู้แล้วแหละว่าทำไมผมถึงมีปฎิกิริยาแบบนี้

“โทษๆ”

“แม่ง หมดหล่อเลยกู”

แค่ละอองน้ำนะเว้ยไม่ใช่น้ำสงกรานต์เป็นถัง ไอ้เยอะ

“ไอ้นาย ได้ข่าวว่ากูบอกเป็นเหล้านะ แล้วนี่คือไร?”

“อ้าวเหรอ กูได้ยินว่าเป็น้ำเปล่าวะ โทษๆ”

ไอ้นายเหยียดยิ้มในขณะที่พี่ครอสแม่งหัวเราะถูกใจ

“สัส”

“ไม่สบายก็อย่าฝืน”

“กูหายแล้วเหอะ”

“ไหนมาดูดิ”

ว่าแล้วมันก็โอบคอผมให้เข้าไปหาก่อนจะซบหน้าเอาหน้าผากมาทาบกับผม ไอ้คมกับไอ้แวนนิ่งค้าง ไอ้มิกซ์ยิ้มกริ่มในขณะที่พี่ครอสขมวดคิ้วมุ้ย

“ตัวยังรุมๆ มึงแดรกยามายัง?”

“อะ เออ กินมาแล้ว”

“งั้นก็น้ำเปล่าไปหรือจะเอาโค้ก?”

ผมส่ายหัว กูไม่ชอบน้ำอัดลมครับ

“ไอ้นายแม่งชัดเจนเกินไปป่าววะ?”

อันนี้เป็นไอ้แวนที่พูดแซวขึ้นมา กูนี่งงอยู่ครับ ชัดเจนเหี้ยไรของมึง แต่ไอ้นายดูเหมือนจะขำและรู้เรื่องไปกับพวกมันด้วย

“มันต้องรีบทำคะแนนวะ ดูเหมือนคู่แข่งจะแซงไปหายขุมเกิ๊น”

“สัสมิกซ์ ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้หรอกนะมึง”

“ฮ่าๆๆ รับไม่ได้เหรอมึงหึหึ ต้องทำใจวะนาย มึงแม่งป๊อดเกิ๊น”

“ไอ้สัส!”

“ฮ่าๆๆ”

เออ พวกมึงช่วยพูดเรื่องที่กูรู้เรื่องด้วยจะไหมครับ ไอ้พวกเพื่อนบังเกิดเกล้า

“หึ”

ผมหันควับไปมองคนหัวเราะอีกคนที่ทำไมฟังดูเหมือนมันจะรู้เรื่องไปกับไอ้พวกนี้ด้วย พี่ครอสแม่งกดยิ้มที่มุมปากแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นกรอกปากเหมือนจะกลบเกลื่อนอะไรสักอย่าง

“เรื่องเหี้ยไรกันวะ?”

ผมถามขึ้นโดยไม่เจาะจงคนตอบแต่กลับไม่มีใครเจาะจงที่จะตอบผมเช่นกัน ไอ้เพื่อนเหี้ย ไอ้เพื่อนทรยศ ไอ้เพื่อนสารเลว
ในระหว่างที่ผมตีหน้าบูดอยู่นั้นก็ไม่ได้สังเกตุเลยว่าพี่ครอสมันกำลังจ้องมองไปยังใครบางคนด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก คนถูกจ้องก็เหมือนจะรู้ตัวแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน

“ว่าแต่ปิดเทอมนี้ไปเที่ยวไหนกันดีวะ?”

แวนเป็นคนเปิดเรื่องใหม่ในเวลาต่อมา

“ปิดแค่ครึ่งเดือนมึงยังจะหาเที่ยวอยู่เหรอ?”

คมเป็นผู้ตอบโต้เพราะมันนั่งอยู่ข้างกัน ส่วนไอ้มิกซ์นั่งริมสุดจึงเป็นตัวชงทั้งที่พนักงานก็มีแต่มันชอบแย่งหน้าที่เค้าทำอะนะ

“เที่ยวในประเทศก็ได้เว้ย ไม่เสียเวลามากเหมือนไปเมืองนอก”

“ไปกว๊านพะเยาป่าวมึง กูได้ยินมาว่าสาวสวยเยอะ”

เรื่องผู้หญิงต้องไว้ใจเชี่ยมิกซ์มันละ

“เออๆ น่าสน”

“แต่กูอยากไปทะเลวะ”

ไอ้นายเป็นคนแย้งและสิ่งที่มันพูดก็ทำให้ผมชะงักมือที่กำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม พี่ครอสดูเหมือนจะรู้และเข้าใจสิ่งที่ผมคิดมันเลยยื่นโทรศัพท์มาให้ผมโดยที่หน้าจอมันเปิดแอปเกมส์ไว้ให้เลือกเล่นเลยด้วย

“ทะเลก็ได้ สาวใส่บิกินี่ก็น่าดูพอตัว”

“คิดแต่เรื่องเดียวแหละมึงเชี่ยมิกซ์”

“หรือมึงไม่คิดวะเชี่ยแวน”

“เออ คิด”

“นั้นไงไอ้สันขวาน ทำมาเป็นโบ้ยให้กู”

“เฮ้ยๆ มึงดูสาวๆโต๊ะนั้นดิ งานดีงานพรีเมี้ยมเลยนะมึง”

ว่าแล้วพวกหัวงูหน้าม้อทั้งหลายก็พากันเหลียวไปมองโดยไม่สนเลยว่าโต๊ะเจ้าหล่อนจะรู้สึกตัวหรือไม่ ผมเองก็เหล่ตาไปมองด้วยแหละครับแต่ไม่ได้สนใจอะไรมาก ก็ดูดีนะ ขาวๆขายาวๆนมโตๆแบบที่ชายไทยทั่วไปเค้าชอบกันนั้นแหละ แต่ดูจากการแต่งตัวแล้วคงพอมีฐานะ

“มิกซ์ มึงไปเปิด”

“จัดไปครับเพื่อน”

ผมเอนหลังพิงเบาะมองตามเพื่อนตัวเองที่ถือแก้วไปยังโต๊ะเป้าหมายจนไปโดนแขนใครบางคนที่น่าจะพาดไว้บนเบาะอยู่ก่อนหน้าแต่ผมไม่รู้ตัว

“ก็เอนลงมาดิ”

ไอ้นายบอกเมื่อผมถกตัวกลับผมเลยพยักหน้ารับเอนไปพิงโดยที่มันเองก็ไม่ได้ถกแขนกลับเช่นกัน ดูกลายๆคงคล้ายโดยโอบแต่ก็ช่างมันเถอะครับ เพื่อนกันนี่เนอะ

“อ้าว ทำไมกลับมาไวงี้วะ?”

ไอ้คมท้วงทันทีที่ไอ้มิกซ์ตีหน้าเซ็งกลับมา

“เค้าบอกสนใจพี่ครอสกับทั้งกลุ่มเลยวะ แถมยังให้กูกลับมาชวนไปที่โต๊ะอีก กูแม่งเซ็ง พี่ครอสช่วยหล่อให้น้อยกว่านี้หน่อยได้ไหมครับเดี๋ยวพวกผมจะหาเมียไม่ได้อะ”

ผมหลุดหัวเราะเลยครับ โคตรสะใจ แต่พี่ชายผมก็หล่อลากจริงๆแหละ ก็แน่นอนนี่เนอะน้องหน้าตาดีออกขนาดนี้พี่ชายมันก็ต้องดีตามไปด้วยสิวะ คริคริ

“หึหึ มึงไปบอกเค้าเลยว่ากูมีคนที่สนใจอยู่แล้ว ไม่รับเคสนอกเดี๋ยวเค้าจะหาว่ากูไม่เอาจริง”

ห่ะ!?!

ผมนี่หันไปมองคนพูดแทบไม่ทัน

ไอ้พี่ครอสอะนะมีคนที่สนใจ

ใครวะ!?!


TBC....
ตอนนี้ยกพีคหลักให้คุณพี่ชายไปเนอะ จากช่วงแรกที่เคยหลุดปากว่าพี่ครอสจะมีคู่นั้น...มีจริงค่ะ...แต่ยังไม่เคยเอ่ยถึงสักที เหอะๆ เอาเป็นว่า ให้เดากันต่อไปแล้วกัน เพราะเรื่องอาจจะมาในช่วงท้ายๆอะนะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 29 (UP-03/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 03-04-2017 21:35:09
สัมผัสที่ 29


 
“โอ้ย กูทนไม่ไหวละ”

ผมเอ่ยขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดเรียกความสนใจของผู้คนรอบโต๊ะไปได้มากโข ที่บอกว่าผู้คนรอบโต๊ะนั้นเพราะตอนนี้ไอ้เพื่อนหน้าม้อของผมมันมีสาวๆมานั่งล้อมหน้าล้อมหลังกันแล้วไงครับ จะเหลือโดดๆก็มีผม พี่ครอสและไอ้นายแค่สามคน

“เป็นไรของมึงครับ”

ไอ้มิกซ์ท่าจะเมาได้ที่คลอเคลียสาวไม่หยุดแต่ปากก็กวนตีนกลับมาได้อยู่อีก

“หมั่นไส้พวกมึงไง กูลงไปข้างล่างดีกว่า”

ว่าแล้วก็ลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินหนีออกจากโต๊ะแต่ก็ยังโดนแววตาไอ้พี่ชายที่นั่งขวางจ้องหน้าปานจะฆ่าฟันน้องบังเกิดเกล้า

“ไม่ต้องไป”

นั้นไง นอกจากจ้องปานจะกลืนกินแล้วยังมาขู่เสียงเข้มใส่กันอีก นี่น้องไง น้องงงงง...

“จะไป”

ถ้าคิดว่าผมกลัวแสดงว่าคุณยังไม่รู้จักผมดี

“คริสตัล...”

“แค่ลงไปนั่งคุยกับเอมเมอร์ที่บาร์เองน่า ไม่ได้ออกไปไหน”

พี่ครอสเหลือบตาลงไปมองยังบาร์สักพักก็หันกลับมาแล้วยกแก้วขึ้นดื่มต่อ ผมอมยิ้มเล็กๆเพราะรู้ว่านั้นคือคำอนุญาตจากพี่ชายผู้แสนจะเจ้ากี้เจ้าการผู้นี้

“ไคจะรอดูแกอยู่ที่ด้านหน้า อย่าคิดว่าจะหนีออกไปไหนซะละ”

“ชิ”

ผมเลิกสนใจพี่ชายที่ยังคงสงสายตาขู่ตามหลังมาแล้วลงไปยังชั้นล่างอย่างที่ตั้งใจ ดีหน่อยที่เก้าอี้มุมสุดยังไม่มีคนนั่งผมเลยได้ที่สิงสถิตในบันดล เอมเมอร์เห็นผมมานั่งเลยส่งยิ้มมาให้แต่ยังคงติดแขกคนอื่นจึงมีบาร์เทนเดอร์อีกคนมารับหน้าแทน

“ต้องการเครื่องดื่มแบบไหนดีครับ?”

สำเนียงภาษาอังกฤษที่ปนไทยจนสังเกตได้บ่งบอกว่าเค้าคือคนไทยที่ใช้ภาษาได้ดีในระดับหนึ่ง หน้าตาก็โอเคดีแต่ผมไม่คุ้นเพราะส่วนใหญ่ก็คุยแต่กับเอมไงครับ

“แม็ค เดี๋ยวผมจัดการเอง?”

ยังไม่ทันจะอ้าปากบอกเอมก็เข้ามาแทรกซะงั้น บาร์เทนเดอร์คนใหม่หันไปส่งสายตาเหมือนจะรู้อะไรสักอย่างแล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินหลบหลีกไปรับแขกคนที่เอมพึ่งคุยคุยด้วยเมื่อกี้

“ตัดหน้ากันแบบนี้ ไม่มีเขม่งกันบ้างเหรอ?”

เอมส่ายหน้าตอบแล้วหันกลับไปจัดการเครื่องดื่มแบบประจำที่ผมชอบดื่มไม่นานก็เลื่อนมาส่งตรงหน้า

“แต้งค์”

“นี่ยังไม่เมาอีกเหรอ?”

ผมยกแก้วขึ้นจิบก่อนจะกรอกตาถอนหายใจ

“พวกนั้นไม่ให้ดริ้งส์อะ ก็เลยหนีลงมาดริ้งส์ตรงนี้ไง”

“อ้าว ทำไมละ?”

“พวกนั้นมันห่วงเวอร์เกิน คิดว่าผมอ่อนแอมากมายแค่พึ่งหายไข้ก็ไม่ให้แตะ...”

“นี่ไม่สบายเหรอ?”

“ก็บอกว่าหายแล้วไงเล่า”

เอมเงียบแต่หลี่ตามองจ้องจับผิดจนผมอยากจะขำ ผมวนค๊อกเทลสีเหลืองทองเล่นก่อนจะยกกรอกปากทีเดียวหมดเป็นพล็อบยืนยันเจตนารมณ์จนเอมหลุดหัวเราะแล้วส่ายหัวหน่อยๆ

“อีกแก้ว”

“รับทราบครับ”

“ว่าง่ายอย่างนี้ค่อยน่าอยู่ด้วยหน่อย อยู่ข้างบนแล้วเซ็งชิป”

“งอแงอย่างกับเด็กน้อยเลยนะ แต่จะว่าไป คริสก็เอาแต่ใจอยู่แล้วนี่นา”

“นี่ตกลงคุณอยู่ข้างผมหรือเปล่าเอม?”

“อยากให้ผมอยู่ไหมละ?”

“เอาที่สบายใจเลย”

ผมตอบหมือนไม่แคร์แต่หันหน้าหนีเหมือนไม่สบอารมณ์ไปอีกทบ เออ ชักงงกับตัวเองเหมือนกันแฮะ

“หึหึ ผมเคยไม่อยู่ข้างคุณเหรอคริส?”

ยิ้มสิครับ รออะไรอยู่

“เครื่องดื่มได้แล้วครับ”

ผมหันกลับไปดื่มต่อพลางคุยได้วยเหมือนอย่างทุกครั้งที่มาจนแทบจะลืมไปเลยว่าด้านบนยังมีใครอีกหลายคนที่จ้องมองมายังเราด้วยความสนอกสนใจ ด้านบนนะไม่เท่าไหร่เพราะเป็นกลุ่มเพื่อนและพี่ชายของตัวผมเองแต่ไอ้สายตาที่จ้องมาจากทางประตูหน้านี่สิ มันทำให้ผมเสียวสันหลังว๊าบจนต้องหันไปมองอย่างงงงวย

“เชี่ย”

ผมสบถเสียงแผ่วเมื่อเห็นบุคคลมาใหม่ผู้เป็นเจ้าของสายตาดุจเหยี่ยวที่จ้องจะคาบเหยื่อหรือเป็นเสือที่เจออาหารอันโอชะก็ไม่ปาน ผมหันกลับมาที่เอมโดยที่ไม่สนใจเทพทัตที่เดินดุมๆเข้ามาหาแบบที่ไม่สนสายตาบรรดาหญิงสาวที่จ้องมันตาเป็นมัน จะไม่ให้จ้องได้ไงครับ มันเล่นมาในมาดหล่อเนียบขนาดนี้ เสื้อเชิตยี่ห้อหรูที่ถูกปลดกระดุมออกสามเม็ดและพับแขนเสื้อจนถึงข้อศอกกับกางเกงยีนส์สีเข้มมีรอยขาดนิดหน่อยตามสมัยนิยมนาฬิกาเรือนแพงไหนจะทรงผมและหน้าตาที่เด่นยิ่งกว่าชายใด ยอมรับอย่างละม่อมเลยว่าโคตรหล่อกระชากวิญญาณดิบมากที่หันหน้าหนีก็เพราะกลัวมันเห็นใบหน้าที่คงแดงเถือกของตัวเองไงครับ ใจนี่เต้นไม่เป็นล่ำเป็นสันเลยด้วยซ้ำแต่ต้องแสร้งทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรแล้วรีบกระดกเครื่องดื่มตรงหน้าจะได้หาข้ออ้างเวลามันถามว่าที่หน้าแดงนะเพราะกูเมา

“เอม ขออีกแก้ว”

เอมเมอร์พยักหน้ารับแล้วหยิบแก้วใบเก่าไปเก็บก่อนจะจัดการทำมันขึ้นมาใหม่ หางตาผมเห็นว่าที่นั่งด้านข้างที่เหลืออยู่เพียงที่เดียวได้มีมันมาจับจองเป็นที่เรียบร้อย แต่มันไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกมาเลยนะครับ น่าจะนั่งจ้องผมอยู่เฉยๆและผมก็ยังคงทำทีว่าไม่เห็นและไม่สนใจมันต่อไป

“เครื่องดื่มได้แล้วครับ”

“ขอบใจ”

ผมรับมายกขึ้นจ่อปากอีกแต่ไม่ได้กระดกทีเดียวหมดหรอกนะ ไอ้เมื่อกี้ยังบาดคอไม่หายเลยครับ กรรมแท้ๆเลยกู

“คุณลูกค้าจะรับเครื่องดื่มแบบไหนดีครับ?”

เอมเมอร์หันไปทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์ต่อคนมาใหม่ด้วยรอยยิ้มการค้าสุดๆ ผมเคยชมเอมนะว่าเวลายิ้มแล้วดูดีทั้งหล่อปนสวยจนโดนเอมว่ากลับว่าผมสวยกว่าไปๆมาๆคือเถียงกันไม่เลิกจนกลายเป็นการทะเลาะแบบเบาๆไปในที่สุด

“เบียร์ก็พอ วันนี้ไม่ได้มาเมาสักเท่าไหร่”

แต่แต่งตัวมาล่าเหยื่อชัดๆไอ้ห่าเอ๊ย

“รอสักครู่ครับ”

ผมเอี้ยวตัวหันขึ้นไปมองยังด้านบนแต่ทว่า...

พี่กูหาย!

ได้ไงวะ ปกติแม่งก็รีบวิ่งแจ้นมาหาเรื่องไอ้ยักษ์แล้วดิ แล้วนี่หายไปไหน ไอ้นายก็หายไปด้วยอีกคนส่วนพวกที่เหลือคือแม่งมั่วกันไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนคนหน้าม้อแห่งชาติ กูนี่อยากจิครายกับเพื่อนแต่ละคนจริงๆ

“จะไปไหน?”

พอผมลุกขึ้นปุ๊บทั้งมือทั้งเสียงแม่งก็มาในทันที ผมหันไปมองมือของมันที่จับข้อมือผมไว้ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาที่ใบหน้าหล่อๆ แม่งเอ๊ย ยังจะยิ้มแบบนั้นมาให้กูอีกนะ แล้วเป็นไงละ หันหนีแทบไม่ทัน ไอ้สัสนี่

“หึหึ”

เกลียดแม่งงงงงง

“หายดีแล้วเหรอถึงได้ออกมาแบบนี้?”

“เสือก!”

ด่าไปทั้งๆที่ก็รู้ว่ามันไม่สะทกสะท้าน มือหนาดึงผมเข้าไปหาจนผมเซถล้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างขาแล้วก็เอื้อมมือขึ้นมาจับหน้าผากวัดไข้มันซะดื้อๆ เออ ไอ้เราก็ชะงักค้างแบบเอ๋อแดรกหน่อยๆอยู่อะนะ

“ยังรุมๆอยู่นะ แต่หน้าแดงมากกลับไปนอนดีกว่าไหม?”

“ไม่ แล้วก็ปล่อยไอได้แล้ว”

ดีที่มันยอมปล่อยผมง่ายๆแต่มืออีกข้างกลับยังคงกุมอยู่เช่นเดิม ผมสะบัดให้ตายยังไงก็ไม่หลุดจนต้องนั่งลงที่เดิมนั้นแหละมันถึงปล่อย เอมเมอร์เองก็เอาเบียร์มาให้มันได้สักพักแล้วแต่ไม่ได้ปริปากท้วงหรือขัดอะไร คงเพราะอยู่ในหน้าที่ละมั่งถึงได้ไม่ขัดเหมือนอย่างวันนั้น

“ดื่มไปเถอะ ถ้าเมาเดี๋ยวพี่ไปส่งเอง สัญญาว่าจะพาไปส่งที่บ้านแบบไม่มีรอยบุบสลายครับ”

ผมตวัดสายตาไปจ้องจนมันขำเบาๆก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม

“ไม่ต้อง ไอมากับพี่ครอส”

“แล้วพี่คุณอยู่ไหนละ?”

ผมหันกลับไปมองที่ด้านบนอีกครั้งไอ้พี่ครอสแม่งก็ยังไม่กลับมา

“.........”

“ไม่คิดว่าพี่เค้าจะมีเรื่องส่วนตัวบ้างรึไง?”

“แล้วยังไง?”

“ก็ไม่ยังไง นั้นมันเรื่องของเค้านี่เนอะ ส่วนนี่ก็เป็นเรื่องของเรา”

ผมเหยียดปากแทบจะทันที

“ถามจริงๆ ยูจะมาตามไอไปทำไม? เราต่างคนต่างอยู่ก็ดีอยู่แล้ว”

ทัตวางแก้วในมือลงแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าขึงขังจนน่าแปลกใจ

“มั่นใจเหรอว่าพูดมาจากใจจริงๆ”

ผมเผลอเม้มปากจนต้องรีบยกแก้วขึ้นมาดื่มปกปิดอากัปกิริยานั้นไว้แล้วพยักหน้าให้ไปที

“ไปคุยกับข้างนอกดีๆไหม? อยู่ในนี้มันไม่ค่อยส่วนตัวสักเท่าไหร่เลย”

ผมเหล่ไปมองเอมเมอร์ในทันทีทั้งที่เอมก็หันไปเตรียมเครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่นแบบไม่ได้สนใจอะไรเราเลยสักนิด

“ไม่อยากคุย”

“คริสตัล ถ้าไม่คุยเราจะรู้เรื่องกันไหม? พี่รู้ว่าคริสอาจจะยังโกรธพี่อยู่และพี่ก็ยอมรับว่าพี่ผิดจริงถึงจะแค่ส่วนหนึ่งแต่พี่ขอรับไว้ทั้งหมดเลยก็ได้...นะครับ ไปคุยกันนะ...”

ยอมรับว่าแอบขนลุกที่เจอมุขอ้อนเหมือนมีหมาโกลเด้นตัวโตๆมายืนจ้องหน้าช้อนตามองอยู่ข้างๆ ผมยกเครื่องดื่มในแก้วขึ้นดื่มจนหมดยังไม่กล้าที่จะสบตามันนานๆครับ ผมรู้ตัวว่าใจเต้นไปกับมันแต่ก็ใช่ว่าผมจะใจอ่อนนะครับ

“ถ้าอยากคุยก็คุยที่นี้ ไม่งั้นก็ไม่ต้องคุย”

ได้ยินเสียงถอนหายใจดังแผ่วแต่ก็ไม่มีคำทักท้วงใดๆหลุดออกมาอย่างเคย แปลกใจอยู่นะครับไม่ใช่ว่าไม่แปลกใจ ปกติไอ้ยักษ์มันพูดง่ายซะที่ไหน ชอบว่าผมดื้อมันเองก็ดื้อไม่แพ้ผมหรอกนะ

“เอาจริงๆเหรอ?”

“มีเวลาให้สิบนาทีและตอนนี้กำลังนับเวลาถอยหลังแล้วด้วย”

“โอเคๆ ยอมแล้วครับ ยอมหมดเลย ดีกันนะคนดี”

พูดแล้วก็ส่งยิ้มหวานไหนจะน้ำเสียงอ้อนๆและนิ้วก้อยที่ยื่นมาให้ต่อหน้า ผมนี่นิ่งค้างเลยครับ ให้ตายเหอะ คนตัวควายๆหน้าเข้มๆ(และหล่อ)แถมนิสัยยังเป็นคนไม่ยอมคนชอบบังคับและยัดเยียดต่างๆนานาแบบมันเนี้ยนะ มาทำอะไรมุ้งมิ้งแบบนี้ นี่ผมละเม้อค้างหรือฝันร้ายอะไรอยู่รึเปล่าวะครับ

“ยูไปพี้ยาที่ไหนมาทัต?”

“บ้าสิ นี่สติเต็มร้อยแต่ใจนะเกินร้อยนะ”

“ไม่ใช่ละ นี่ไม่ใช่เทพทัตอะ”

“ฮ่าๆๆๆ ทำไมละ ไม่ชอบแบบนี้เหรอ?”

“บอกตามตรงว่าโคตรแหยงอะ บรึ๊ย~”

“เวอร์ละครับ”

ว่าแล้วก็เอามือมาเคาะหัวไปโป้กหนึ่งเบาๆ ผมที่กำลังทำท่าขนลุกขนพองถึงกับชะงัก จะไม่ให้ชะงักได้ยังไงก็เมื่อกี้ผมหลุดไปซะขนาดนั้น เผลอไปทำทีเหมือนสนิทสนมแถมยังคุยปกติจนน่ากลัวอะ

“ไอไปละ”

“เดี๋ยวสิ นั่งดื่มเป็นเพื่อนกันก่อนสิครับ”

“ไม่อยู่แล้วก็ปล่อยมือก่อนที่จะโดนโกรธอีกรอบ”

“พูดอย่างนี้แสดงว่าหายโกรธแล้วใช่ไหม?”

ถามได้หน้าชื้นตาบานมากกกกกก กูหมั่นไส้โว้ย!

“ไม่!”

“อ้าว”

ผมอาศัยจังหวะนี้สะบัดมือออกจากการจับกุมของมันจนหลุดแล้วก็หันหลังเดินจ่ำอ้าวตรงไปยังชั้นบนและทรุดตัวลงนั่งที่เดิมทันทีที่มาถึง พอมองลงไปที่บาร์ก็เห็นไอ้ยักษ์ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมเพิ่มเติมคือมันนั่งหันหน้าออกมามองทางผมตรงๆและค่ำแขนไปยังเคาร์เตอร์เอนหลังพิงหน่อยๆแต่นั้นมันก็ทำให้สาบเสื้อเชิตของมันตึงเปรี้ยะจนแทบจะกลายเป็นเสื้อรัดรูปเข้าให้ละ และกระดุมมันมีให้ติดทำไมไม่ติดวะ จะปลดออกเพื่อ!!!

“เห้ยไอ้คริส นั้นมันแก้วพี่มึงนะเว้ย”

เหมือนไอ้คมจะยังมีสติพอที่จะเห็นว่าผมคว้าเอาอะไรขึ้นมากระดกดื่มไปหลายอึกจนหมดแก้วในที่สุด ไหนไอ้พี่ครอสบอกไม่อยากเมาไงวะแถมยังต้องขับรถอีกแต่แก้วนี้แม่งโคตรแรงขนาดน้ำแข็งละลายไปเกือบหมดแล้วผมยังว่าแรงเลยอะ

“ช่างแม่ง มึงชงมาอีกดิ๊”

“เดี๋ยวเมาแล้วพี่มึงเอากูตาย”

“บอกว่าชงมาก็ชงมาเหอะน่า พี่กูกูจัดการเอง”

“ให้มันจริงอย่างที่ปากพูดเหอะ”

ปากบ่นแต่มือก็แย่งแก้วผมไปชงให้ยิกๆ ผมเอนหลังหันไปมองเพื่อนอีกสองหน่อที่แทบจะโชว์สดให้ผมดูแล้วก็ระอา หน้าตาอย่างพวกมันไม่น่าจะอดอยากปากแห้งถึงขนาดนี้นะครับ

“แล้วพี่กูละ?”

ผมเอื้อมมือไปรับแก้วมาก่อนจะถามไอ้คมต่อ

“เห็นว่าออกไปเคลียร์เรื่องรถ ไม่รู้เป็นไร”

“อ้อ แล้วไอ้นายอะ?”

“ห้องน้ำ แต่คงตกส้วมตายไปแล้วมั้ง ช้าสัส”

ผมหัวเราะไปกับเพื่อนก่อนจะหันไปมองที่ด้านล่างอีกครั้ง และคราวนี้ผมถึงกับคิ้วกระตุกเลยครับ ก็ไอ้คนที่พึ่งมาง้อขอคืนดีมันกำลังยิ้มแป้นตีหน้าระรื่นอยู่กับชะนีนางหนึ่งนะสิ หุ่นเหิ่นจะบางไปไหนสรวดทรงองเอวนี้จะกิ่วไปกว่านี้ไหมแล้วหน้าอกที่ชันจนจะทิ่มหน้านั้นไปทำหมอไหนหมดไปกี่แสนกี่ล้าน เบ้าหน้าสวยอลังแบบนั้นอีก ผิวก็ขาวยังกะกินหลอดไฟนีออนเป็นอาหาร

สรุปแล้วสวยสัสๆ สวยวัวควายความล้มอะ

“ไอ้คริส มึงจะรีบกระดกไปทำเชี่ยไรไวป่านนั้น?”

“ไม่ต้องบ่น ชงมา!”

ปากโวยวายแต่ตายังจ้องไปที่ด้านล่างอย่างไม่ลดละ รู้ว่าถ้ามองแล้วจะยิ่งหงุดหงิดแต่ก็เลิกมองไม่ได้อีก โอ้ยยยยย ไอ้เหี้ยแม่งก็ยิ้มระรื้นฉิบหาย เมื่อกี้หมาที่ไหนมันง้อกูเป็นพุดเดิลชิวาว่าผสมไทยหลังอานอยู่เลยวะ

“ไอ้คม! อีกแก้ว!!”

“ไวไปแล้วมึง”

“เอามา!”

“เออๆ แป๊บๆ”

ผมกอดอกมองจ้องมันโดนที่มีมันเหลือบมองตอบกลับมาเป็นระยะ มันทำท่าเหมือนจะผลักไสเจ้าหล่อนอยู่หรอกแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธอย่างแข็งข้อไงครับ คงอยากเลี้ยงเชื้อไว้สินะไอ้หน้าม้อเบอร์สี่ ผมนั่งกินไปเฉยๆหงุดหงิดไปก็กินไปไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรด้วยจนคนแรกมาเกาะไม่ปล่อยคนที่สองก็ตามมาติดๆแล้วก็คนที่สามสี่ จนตอนนี้มันแทบจะสร้างฮาเร็มได้แล้วมั่งครับ

“โว๊ะ! หมั่นไส้แม่ง!!”

“เชี่ยคริส ของขึ้นอะไรอีกละมึง?”

ไอ้มิกซ์โวยวายตามมาอีกทอด คราวนี้แม่งพัฒนาหน่อยตรงที่มันยังหันมาสนใจผมแทนโนตมตรงหน้าที่สายเดี่ยวไม่เสียวก็หลุดจนชุดกลายเป็นเกาะอกไปซะชิป

“เสือก!”

“เอ๊าไอ้นี่ คมมึงไปจัดการเพื่อนมึงดิ”

“เพื่อนกูก็เพื่อนมึงไหมไอ้ควาย”

ผมเลิกสนใจไอ้พวกบ้าทั้งสองคนนั้นแล้วกินต่อ ไม่รู้หมดไปกี่แก้วแต่มารู้สึกตัวอีกทีคือไอ้นายกลับมานั่งข้างๆพร้อมกับไอ้พี่ครอสนั้นแหละ

“คริส ใครบอกให้กินเยอะขนาดนี้วะ”

“ยุ่งน่า”

“เมาแล้วมึงอะ ป่ะ กลับบ้าน”

“ม่ายเมา ม่ายกลับ”

“กลับเหอะคริส กูก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”

“มึงไม่ต้องมาพูด มึงหายไปหนายมาวะ ไปห้องน้ำเชี่ยรายนานสัสอ่า”

“พูดไม่ชัดแล้วมึงอะ กลับบ้านเว้ย”

“พี่ก็เหมือนกัน แม่งทิ้งน้อง”

“กูก็กลับมาแล้วนี่ไง ลุกดิวะ หรือต้องให้กูอุ้ม?”

“ไปไกลๆตีน”

“กูพี่มึงนะเว้ย”

“พี่เชี่ยไรทิ้งน้อง แถมยังมีความลับกับน้องอีกอะ ที่โผมยังไม่มีอารายปิดเลย พี่แม่งตอแหลสาส”

“ไอ้นี่ ยิ่งเมาปากยิ่งวอนหาเรื่องนะมึง”

“เหี้ย!!!”

สะดุ้งโหย่งกันทั้งแถบ

“ร้องทำเหี้ยไรวะคริส?”

ผมไม่ตอบ นาทีนี้กูจ้องตาไม่กระพริบอยู่ แต่ไม่นานขาก็พาผมก้าวลงจากชั้นลอยลงไปยังชั้นล่างเดินฉับๆไปจนถึงบาร์และกระชากคอเสื้อไอ้ยักษ์มาใกล้ก่อนจะดึงแม่งเข้ามาดูดปากแม่งตรงนั้น

“เห้ย!”

“เหี้ย!!”

“ไอ้คริส!!!”

“กรี๊ดดดดด!!!!!”

สารพัดเสียงรอบข้างที่ดังขึ้นมาในทันทีแต่นาทีนี้กูไม่สน! กูสนอยู่อย่างเดียวคือเส้นอะไรสักอย่างมันขาดผึ่งเอาตอนที่ไอ้เหี้ยนี้มันโดนชะนีนางโนตมอกไซต์300ซีซีกระชากเข้าไปจุ๊บปากเอาดื้อๆนั้นแหละ

“มึงมันเหี้ย มึงมันใจง่าย มึงมันไอ้ยักษ์ไม่มีหัวใจ ไอ้บ้าอำนาจ ไอ้สารเลว!!!”

“หึ”

“หัวเราะเหี้ย!?!”

กูโคตรหงุดหงิดแต่มึงเสือกยิ้มหน้าระรื่นแถมหัวเราะออกมาอีกอะ มึง! มึง!! มึงงงง!!!!

“ร้องไห้ทำไมครับ หืม?”

ห่ะ?

ใครร้องไห้??

“คริส!”

ผมหันไปมองพี่ครอสที่ยืนอยู่ไม่ใกล้แต่แค่แป๊บเดียวผมก็โดนใครอีกคนดึงเข้าไปแทบจะกอดทั้งตัว

เดี๋ยวนะ เมื่อกี้กูร้องไห้เหรอ แล้วกูร้องทำไมวะครับ

“ไม่ต้องกลัว ยังไงพี่ก็รักคริสแค่คนเดียว มีคริสแค่คนเดียว เมื่อกี้พี่เผลอไปหน่อยพี่ขอโทษครับ”

นอกจากเสียงที่ทุ้มต่ำก้องกังวานไปทั้งหูชวนอุ่นซ่านไปทั่วทั้งใจแล้วยังรับรู้ได้ถึงสัมผัสอันอ่อนโยนที่ลูบไล่ขึ้นลงอยู่ที่แผ่นหลังอีกข้างก็ขยี้หัวเบาๆไปด้วยอีก

จุกชะมัด จุกไปทั้งใจจนกลายเป็นก้อนสะอึกไม่นานก็สะอื้นไหลทะลักเป็นสายน้ำจากดวงตาไปโดยปริยาย มือผมกำที่ชายเสื้อมันแน่นจนยับยู่ยี่ ได้ยินเสียงมันเรียกชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนสติขาดช่วงไปในเวลาต่อมา

ทำไมผมถึงมีความอดทนต่ำถึงขนาดนี้นะ

ทั้งๆที่คิดว่าใจตัวเองแข็งใช่ย่อยแล้วนะ

แต่ก็ยังอดแสดงความรู้สึกจากเบื้องลึกออกมาไม่ได้

หรืออาจจะเพราะความเมาที่ทำให้มันสิ้นสุดและมีบางอย่างปะทุโดยยับยั้งอะไรไม่ได้

นั้นสินะ คงเป็นเพราะเหล้าที่ทำให้เราเผลอไผลไปอย่างนั้น

“เลิกหนีหัวใจตัวเองได้แล้วมั้งครับที่รัก”

ใครมากระซิบอะไรข้างๆหูเนี่ย

รู้ไหมว่ามันจักกะจี้

คนจะนอนแม่งมากวนอยู่ได้


Tbc…

รู้แล้วใช่ม่ะ เรื่องราวคุณพี่ชาย ส่วนน้องคริส..ยังค่ะ น้องยังไม่ได้ใจอ่อน เพียงแค่อ่อยในระยะอันตราย ฮ่าๆๆๆ

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 30 (UP-07/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 07-04-2017 15:17:41
สัมผัสที่ 30


- ทีครอส -



ผมไม่รู้จักคำว่า ‘แอบรัก’ ครับ ก็คนมันไม่เคยเป็นไม่เคยรู้สึกและไม่เคยสัมผัสถึงมันมาก่อนจนกระทั่งมาสังเกตเห็นใครบางคนที่ค่อนข้างจะสนิทสนมกับน้องชายผมจนน่าแปลกใจ ไอ้การสนิทสนมในฐานะเพื่อนก็ใช่ว่าจะผิดแปลกอะไรแต่ไอ้การสนิทมากไปมันก็น่าสงสัยไงครับ ผมเลยลอบสังเกตการณ์มาโดยตลอดจนแน่แก่ใจแล้วนั้นแหละถึงได้ถามออกไปตรงๆแบบ...

“มึงชอบน้องกูเหรอ?”

คนถูกถามซึ่งกำลังดื่มด้วยอารมณ์ที่คลุมเครือถึงกับพ้นของเหลวในปากก่อนจะไอค๊อกแค๊กจนผมต้องดึงทิชชู่ส่งไปให้

“แค่กๆ ขอบคุณ แค่ก”

ผมพยักหน้ารับ รอจนคนข้างๆหายสำลักแล้วจึงเอียงคอมองเหมือนจะเค้นเอาคำตอบแต่ไม่ได้เอ่ยปากไงครับ

“จ้องอะไรครับ?”

“มึงยังไม่ตอบกูเลย”

มันกรอกตาไปมาแล้วยกแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอร์สีทองอำพันขึ้นกระดกต่อ ผมไหวไหล่แล้วยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามาด้วยกัน แต่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมถามแบบนั้นออกไปและท่าทีเลิกลักแบบนั้นก็เป็นข้อพิสูจน์ในสิ่งที่ผมคิดได้เป็นอย่างดี

ผมไม่ได้มีอคติอะไรกับเกย์นะครับ จะไปมีได้ยังไงในเมื่อน้องชายของตัวเองก็เป็น แต่ผมไม่มั่นใจว่าเพื่อนของน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆผมนี่...มันเป็นเกย์เหรอ?...ไม่น่าใช่นะ เพราะเท่าที่รู้จักมักคุ้นจนให้มันเป็นสายในการสอดส่องน้องชายตัวแสบอย่างคริสตัลนั้นก็เป็นตัวชี้วัดว่ามันไม่มีการเบี่ยงเบนไปในทางที่เรียกว่าเกย์เลยสักนิด ไม่ได้ออกสาวไม่มีการมองหนุ่มๆคนไหนเผลอๆยังมีกิ๊กๆกั๊กๆเป็นสาวสวยอีกต่างหาก

แต่เรื่องที่มันชอบน้องผมนั้น จริงแท้แน่นอน

“คิดไงมาชอบไอ้คริสวะ?”

ผมถามลอยๆตามองไปที่จอทีวีเหนือชั้นโชว์เหล้าหลากหลายสรวดทรง เรานั่งดริ้งส์ชิลๆกันที่บาร์นะครับ เกิดเสียงหัวเราะขึ้นเบาๆและนั้นก็ทำให้ผมเลิกคิ้วแล้วหันไปมอง

“ที่พูดออกมานะ พี่มั่นใจแล้วเหรอ?”

“ก็พอตัว”

“เหมือนอย่างที่พี่รู้ว่าไอ้คริสเป็นเกย์แต่ไม่พูดนะเหรอ?”

“หึ”

มันยกเหล้าขึ้นดื่มต่อจนหมดแล้วก็เรียกบาร์เทนเดอร์มาเสิร์ฟให้ใหม่ วันนี้มันมีอาการแปลกๆเหมือนจะโกรธๆปนเศร้าไปอีกทบ จริงๆก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ช่วงที่ผมพาคริสกลับบ้านมาแล้ว ก่อนหน้านี้มันติดต่อคริสไม่ได้ก็เทียวโทรมาหาผมเป็นระวิง แต่ผมไม่อยากบอกเรื่องราวทั้งหมดเลยบอกแค่ว่าคริสไปต่างจังหวัด

“แต่ไม่ยักกะรู้ว่ามึงก็เป็น”

“ผมป่าว...”

“หืม?”

“ผมไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชายโดยกมลสันดาน...”

ผมยกแก้วในมือขึ้นดื่มต่อไปชิลๆ

“แต่ผมชอบมันจริงๆแหละ”

“..........”

“พี่รับได้เหรอที่มีผู้ชายมารักมาชอบน้องตัวเอง?”

ผมยิ้มน้อยๆ

“ทำไมต้องรับไม่ได้?”

“ก็ไม่รู้สิ แต่คนปกติทั่วไปต้องคัดค้านสิ น้องพี่เป็นผู้ชาย คนที่มาชอบก็เป็นผู้ชาย พี่ไม่คิดจะขัดขวางเพื่อให้น้องพี่ไปมีครอบครัวเหมือนคนปกติทั่วไปบ้างเหรอ?”

“นี่เป็นเหตุผลที่มึงไม่เดินหน้าจีบไอ้คริสใช่ไหม?”

แทนที่จะตอบผมกลับถามกลับจนไอ้นายนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง คนอื่นอาจจะคิดว่าคำถามของมันเมื่อครู่เป็นคำถามทั่วไปแต่คนอย่างผมมองออกครับว่ามันแฝงทัศนคติของเจ้าตัวมาแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย

“พี่นี่ฉลาดอย่างที่ไอ้คริสบอกจริงๆแหละ”

“หึ”

“แต่อีกนัยผมก็กลัวเสียเพื่อนด้วย มันเคยจริงจังกับใครที่ไหน เห็นแบบนั้นก็ร้ายใช่ย่อย”

ผมไม่ตอบโต้แต่แอบเห็นด้วยกับมันนะครับ คริสตัลร้ายแบบไม่เปิดเผย ถึงจะดูมีโลกส่วนตัวแต่ถ้าเจ้าตัวชอบคือจะเฟรนลี่เต็มที่แต่พอได้ที่ต้องการแล้วก็เฉดหัวไม่สนใจอะไรอีก เอาแต่ใจแบบร้ายๆ ดื้อเป็นนิสัย แถมยังต้องได้ในสิ่งที่ตนต้องการ

...เหมือนอย่างผม...







“มึงไปบอกเค้าเลยว่ากูมีคนที่สนใจอยู่แล้ว ไม่รับเคสนอกเดี๋ยวเค้าจะหาว่ากูไม่เอาจริง”

พวกที่ได้ยินต่างอึ้งไปตามๆกันเมื่อผมเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกไป คริสตัลถึงกับเหวอแต่ในคลองสายตาผมก็มีสีหน้าระคนตกใจของใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆคริสตัลในอีกด้าน ผมกดยิ้มที่มุมปากแล้วยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่มต่อ นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้เห็นปฎิกิริยาที่น่าสนุกแบบนี้

เอาเข้าจริงผมก็ไม่ได้หมายถึงคนที่สนใจในสถานะที่พวกมันคิดหรอกครับ แต่ผมหมายถึงใครบางคนที่ผมลอบสังเกตอากัปกิริยาด้วยความสนุกสนานมาได้สักพักใหญ่ๆ วันนี้มันแสดงท่าทีหึงหวงเล็กๆโดยการพาดแขนไปกับขอบโซฟามายังด้านหลังของคริสตัล คงเห็นละมั่งว่ามีคนจ้องน้อมผมมากขนาดไหน สบโอกาสตอนที่คริสเอนไปพิงอีกยิ่งทำให้ยิ้มจนปิดอาการไม่มิดซะขนาดนั้น

ดีใจถึงขนาดนั้นเลย?

“ไม่ตามลงไปเหรอ?”

มันหันมาถามผมเมื่อคริสตัลลงไปนั่งที่บาร์ด้านล่าง มันคงแอบลงไปหาบาร์เทนเดอร์คนนั้นเพื่อหาโอกาสดื่มตามความอยากของมันนั้นแหละ

“ไม่ละ”

“ทีเมื่อกี้ละทำหวง”

“ใครกันแน่ที่หวง?”

มันจิ๊ปาก คงไม่คิดว่าผมจะดูออก เพื่อนมันอีกสามคนก็สนุกกันไปกับพวกสาวๆที่ไปคุยมาได้จนเจ้าหล่อนทั้งหลายเดินเข้ามาร่วมโต๊ะด้วยในที่สุด ผมปฎิเสธการนัวเนียเพราะขี้เกียจเทคแคร์ส่วนไอ้นายก็ปฎิเสธเหมือนกัน

“เชี่ยนายมึงถอดเขี้ยวเล็บแล้วอ่อวะ?”

มิกซ์แซวกลับมาเมื่อเห็นว่ามันไม่รับการเทคแคร์จากสาวๆ

“เสือกวะคนเรา”

“สัส”

“มึงอย่าไปแซวเชี่ยมิกซ์ ไอ้นี่มันยิ่งเฮิร์ทๆอยู่ เดี๋ยวมันกระโดดมากัดคอมึงเข้ากูไม่ช่วยนะเว้ย ฮ่าๆๆ”

ผมกระตุกยิ้ม ไอ้คมพูดมางี้แสดงว่ามันเองก็คงดูออกเหมือนผม

“หุบปากแล้วแดรกไปเลยพวกมึง จะแดรกทั้งนมทั้งเหล้าก็สุดแล้วแต่ใจอยากไปเลย”

“ฮ่าๆๆ แม่งพูดดี มานี่ม่ะน้องมีมี่ ไอ้นั้นไม่เล่นแต่พี่ชอบเล่นทีละหลายๆคนนะจ้ะ”

ฟังดูเหมือนป๊าเรียกหาน้องหนูแปลกๆ นี่เพื่อนน้องผมเป็นคนแบบนี้หรอกเหรอวะครับ

ผมหันไปมองที่น้องชายที่ยังนั่งอยู่ด้านล่างเห็นถือแก้วค๊อกเทลสีหวานแล้วก็ต้องถอนหายใจ แต่ก็ปล่อยไป อยากแดรกก็แดรก แค่ค๊อกเทลไม่น่าจะเมาได้สักเท่าไหร่

“ไอ้นั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยนะ”

ผมหันไปมองคนพูดซึ่งตอนนี้มันขยับมานั่งใกล้ผมมากกว่าเดิมเพราะที่มันโดนสาวๆนั่งเสียบแทนเป็นที่เรียบร้อย

“บาร์เทนเดอร์นะเหรอ?”

“ใช่”

“รู้จัก?”

“ไม่ แต่เท่าที่ดูผมก็พอจะรับรู้ได้”

“พวกเดียวกันว่างั้น?”

“พวกที่จ้องจะงาบน้องพี่ต่างหาก”

“ก็รวมถึงมึงด้วยไหมละ?”

“ผมไม่ได้จ้องจะงาบ ผมแค่...”

มันหยุดพูดแล้วเหล่ตามองบรรดาเพื่อนๆของมัน

“แต่มันเหมือนมึง”

“ห่ะ?”

“จ้องอยากได้แต่ไม่คิดเอาจริงๆ”

“พี่รู้จัก?”

“ก็ไม่เท่าไหร่”

ก็แค่ข้อมูลพื้นฐานที่ให้นักสืบหามาให้อะนะ ใครที่คิดว่าการตามติดชีวิตน้องชายของผมเป็นเรื่องเล่นๆนั้นคุณคิดผิด ผมจริงจังเสมอถ้าเป็นเรื่องของคนในครอบครับ ถึงขนาดให้เพื่อนสนิทของเจ้าตัวการอย่างนายมาเป็นหนอนให้อีกคนนี่ไง

“แล้วจะไปไหนนะ?”

ผมถามเมื่อเห็นว่ามันกำลังจะลุกไปไหนสักที่

“ห้องน้ำ ทำไมครับ จะฝากผมฉี่ด้วยรึไง?”

“กวนตีน”

“หึหึ”

เป็นอีกครั้งที่มันยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวโผล่ออกมาหน่อยๆ ไอ้นายมันไม่ได้ดูสวยเหมือนน้องผมก็จริงแต่มันก็ดูดีในระดับหนึ่งนะครับ หุ่นไม่ได้ผอมบางมีเนื้อหนังเหมือนชายวันยี่สิบต้นๆทั่วไป ส่วนสูงก็ไม่ได้สูงมากแต่เตี้ยกว่าผมแน่นอน

ผมนั่งดื่มไปมองน้องชายไปจนกระทั่งมีสายเข้าจากไคที่เฝ้าอยู่ด้านนอก ผมเลือกไม่รับสายแต่เดินออกไปหาที่ด้านนอก โดยที่ไม่ลืมบอกเพื่อนน้องว่าจะออกไปที่รถนิดหน่อย

“ว่าไง?”

“อั๋นโทรมารายงานว่านายทรงพลอยู่ที่โรงแรมข้างๆดูเหมือนจะนัดกับทางCDGครับ”

“งั้นเหรอ”

ผมเหยียดยิ้ม

CDGคือบริษัทอสังหาฯคู่แข่งอีกหนึ่งแห่งของผม ส่วนนายทรงพลก็เป็นหนึ่งในลูกหนี้ของผมซึ่งมีเกณฑ์ว่าจะหนีหนี้ในเร็ววันผมเลยต้องสังอั๋นไปตามดูก่อนที่จะส่งคนไปจัดการอีกทีถ้าเกิดหนีขึ้นมาจริงๆ

“ไปทักทายสักหน่อยแล้วกัน”

ว่าแล้วก็เดินไปยังลิฟท์พร้อมกับไค ตอนแรกไม่ได้อยากจะลงมือเองหรอกนะแต่เมื่อมาอยู่ใกล้ขนาดนี้แล้วก็ขอเสนอหน้าไปให้หวาดผวาเล่นหน่อยก็แล้วกัน

ผมใช้เวลาไม่นานในการไปหาถึงที่โดยที่นายทรงพลกำลังเจรจาอยู่กับผู้ชายอีกคนจากฝั่งCDG คนๆนี้คือเลขาของนายศักดิ์ดาผู้ซึ่งเป็หนึ่งในสี่หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทนั้น ดีที่ทางนั้นเลือกนั่งเจรจากันที่เลาส์ของโรงแรมซึ่งทำให้ผมเข้าไปหาได้อย่างง่ายดาย ผมโผล่เข้าไปทักทายตามที่ตั้งใจไว้พูดอะไรไม่นานก็ออกมาแต่นายทรงพลหน้าซีดปากสั่นจนผมอยากขำ อีกฝ่ายที่นัดมาก็ดูเหมือนจะหมดความเชื่อถือในคนที่นัดจนปฎิเสธการยื่นขอเสนอไปซะงั้น นี่ผมแค่ไปทักทายเองนะ ไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงเลยจริงๆ

ผมเดินออกมาจากโรงแรมนี้ก่อนจะขึ้นรถแล้วกลับไปยังโรงแรมเดิมจนขึ้นไปถึงชั้นบาร์และก็เห็นใครบางคนกำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่โซนสูบด้านนอกด้วยสายตาที่เหม่อลอย ไม่รู้ทำไมแต่ผมถึงกับนิ่งค้างยืนมองคนๆนั้นอยู่หลายนาทีก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปหา

“มึงสูบบุหรี่ด้วยเหรอ?”

นายมันหันมามองผมก่อนจะหันกลับดูดไปอีกเฮือกแล้วพยักหน้าตอบ

“พี่เอาด้วยป่าว?”

“กูไม่สูบ”

“จริงดิ? อ้อ อย่างพี่คงต้องระดับซิก้าสินะ”

“ป่าว แต่ยังไม่มีอารมณ์สูบ อีกอย่าง...คริสมันไม่ชอบคนสูบบุหรี่”

ประโยคหลังจะไม่จริงแต่ผมแค่อยากเห็นปฎิกิริยาของคนตรงหน้าซึ่งอาการที่เห็นก็คือมันชะงักไปนิดกรอกตาหน่อยๆแล้วขยี้บุหรี่ทิ้งทั้งที่ยังเหลือเกินครึ่ง ผมกดยิ้มที่มุมปากพอใจกับสิ่งที่เห็นจนนายมันเห็นแล้วก็เลิกคิ้วมอง

“ยิ้มอะไรไม่ทราบ?”

“ก็แค่คิดว่า...”

“ว่า?”

“มึงนี่ก็น่ารักดีนะ”

“ห่ะ!?!”

ไม่ค่อยจะตกใจเลยเนอะ ทั้งหน้าทั้งเสียงนี่ไปหมดจนผมหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ใครน่ารัก?”

“ก็บอกว่ามึงไง”

“พี่กินยาลืมเขย่าขวดเหรอหรือแพ้เหล้าจนสมองกลับ?”

เอาเข้าไปสิ

“แล้วนี่พี่ไปไหนมาอะ?”

“อ้อ ไปเคลียร์งานนิดหน่อย”

“หืม นี่พี่ทำงานตลอด24ชั่วโมงเลยป่าวเนี้ย”

“หึ ก็คงจะอย่างนั้น”

“จะฟิตๆไปไหน แค่นี้ยังรวยไม่พอรึไง”

“ก็นะ พอดีมีน้องชายแต่น้องไม่แบ่งเบาเลยต้องทำเองทุกส่วนนั้นแหละ”

“หึหึ”

พอยกเรื่องของคริสมาพูดทีไรไอ้นี่มันยิ้มออกตลอดเลยครับ

“ชอบมันขนาดนั้นเลย?”

“อะไรของพี่อีกวะเนี้ย?”

“ก็แค่อยากรู้”

“พี่ก็รู้อยู่แล้วนี่”

“แต่อยากได้ยินจากปากมึง”

มันเงียบแล้วหลบตาไปมองยังวิวนอกบานกระจกหนา ท้องฟ้ามืดแต่ไม่สนิทเพราะมีแสงไฟของมหานครส่องสว่างไปทั่วทั้งอาณาบริเวณ

“ทีเรื่องสำคัญๆมึงมักไม่พูดมันออกมาซะอย่างนั้น แล้วไอ้คนที่ตามไม่ทันมันจะไปรู้ได้ยังไงละ”

“ก็ไม่ได้อยากให้รู้อยู่แล้ว”

“อืม”

“แล้วพี่ก็อย่าไปบอกมันนะ”

ขู่มาไม่พอยังมีการหันมาจ้องสายตาดุๆไปด้วยอีก แต่มันยังดุไม่ได้ครึ่งของผมหรอกครับ

“ไม่รู้สิ ถ้าเผลอหน่อยอาจมีหลุด”

“เห้ย! ได้ไงอะ!?!”

“หึหึ”

“พี่แม่ง”

ผมยิ้มอย่างเดียวเลยครับ

“นี่แกล้งยั้วผมใช่ไหม?”

ดุเหมือนมันจะหงุดหงิดนะ แต่ก็น่าแกล้งดี

“คิดว่าไง?”

“คิดว่าเจ้าเล่ห์ทั้งพี่ทั้งน้อง ผมละเกลียดสายตาแบบนี้ชะมัด”

ผมไม่รู้ว่าสายตาที่มันพูดถึงเป็นแบบไหนหรอกครับ

“สายตาแบบไหน?”

“เหมือนสนุกอยู่กับการปั่นป่วนคนอื่น ไอ้คริสนี่ที่หนึ่งเลยเรื่องแกล้งคนอื่น”

“ใช่เหรอ?”

“โหย พี่ไม่รู้จริงอะ วีรกรรมมันเยอะจะตาย เห็นทีแรกเงียบๆหงิมๆนึกว่าสงบเสงี่ยม ไปๆมาๆติสแตกยิ่งกว่าใครซะอีก....”

แล้วมันก็เล่ายาวโดยที่ผมเองก็นั่งฟังไปเพลินๆชนิดที่ลืมเวลากันไปเลยทีเดียว ถึงเรื่องที่มันเล่าจะเป็นวีรกรรมอันมากมายของน้องชายผมจนดูเหมือนนิทาอยู่กลายๆแต่ผมก็ไม่ได้โกรธหรือหงุดหงิดอะไรเลยนะครับ

ปกติมันต้องมีอารมณ์ขึ้นกันบ้างสิที่มีคนมาว่าร้ายให้น้องตัวเอง

แต่นี่ก็ไม่ใช่การว่าร้ายนี่เนอะ

เอาเป็นว่าช่างมันแล้วกัน

“อ้าว จบแล้วเหรอ?”

ผมถามเพราะจู่ๆมันก็หยุดพูดแล้วมองสบตาผมนิ่งๆอยู่อย่างนั้น

“เออ..พี่ยิ้มมากไปหน่อยไหมอะ?”

“หืม?”

“ก็มันไม่ค่อยชิน ไอ้ตาวิ๊บๆวั๊บๆนั้นคืออะไร?”

ผมขมวดคิ้ว

“กูทำงั้นเหรอ?”

“ใช่สิ สักพักแล้วด้วย เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลยเนี้ย”

“อ้อ งั้นก็โทษที”

“ไหนไอ้คริสบอกว่าพี่โหดวะ นี่ไม่เห็นจะโหดตรงไหน”

ผมเลิกคิ้ว

“มันบอกงั้นเหรอ?”

“ใช่”

ผมยิ้มเมื่อคิดอะไรได้สักอย่าง

“แล้วอยากเห็นบทโหดไหมละ?”

“ยังไง?”

“อืม ยังไงดีละ...”

ผมทำท่าคิดอยู่ชั่วครู่

“ช่วงนี้ปิดเทอมแล้วใช่ไหม?”

มันพยักหน้า

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปที่ๆหนึ่งแล้วกัน”

“เห้ย จะพาผมไปฆ่าป่าวเนี้ย”

“คิดได้เนอะ แค่จะพาไปดูงานด้วย”

“ดูงานแล้วมันโหดตรงไหน?”

ผมยิ้ม

“โหดตรงที่เป็นงานนั้นแหละ"





*********************************************************************************************





ภายในโรงงานเกือบร้างแห่งหนึ่งซึ่งห่างไกลจากตัวเมืองมามากโข ผมก้าวย่างเข้าไปหาชายวัยกลางคนที่นั่งคุกเข่าหน้าซีดปากสั่นอยู่ตรงใจกลางพร้อมด้วยบรรดาลูกน้องของผมที่ล้อมหน้าล้อมหลังอยู่เกือบสิบคน ที่ต้อนรับอย่างเอิกเกริกนั้นเป็นเพราะชายคนนั้นเป็นถึงข้าราชการระดับสูงแต่ติดหนี้ไว้มากจนไม่มีปัญญาตามแก้เพราะแพ้ให้แก่ความโลภของตนเอง ผมจะไม่อะไรเลยถ้าคนๆนี้ที่เป็นหนึ่งในลูกหนี้ที่ดีมาโดยตลอดแต่จู่ๆกลับคิดหักหลังกันด้วยการนำเรื่องที่ไม่สมควรไปบอกให้แก่ผู้ที่ไม่สมควรบอกจนผมต้องสูญเงินอย่างมหาศาลเพื่อปิดรอยรั่วนี้

“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมด้วยเถอะครับ”

เสียงที่ฟังดูตื่นตระหนกเหมือนคนรักตัวกลัวตายแบบนี้ผมได้ยินมาจนชิน รอยยิ้มเหยียดค่อยๆผุดขึ้นบนใบหน้าจนบรรยากาศเย็นยะเยือกขึ้นไปทุกที

“หึ ไม่คิดว่าจะง่ายเกินไปหน่อยเหรอ?”

“ตะ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจ ทางนั้นมันข่มขู่ผม”

ผมหัวเราะหึในทันที ผู้ชายตรงหน้าคงคิดว่าผมไม่มีเส้นสายหรือสายสืบที่มากพอ การที่ผมเติบโตขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ไม่ใช่เพราะดวงหรอกนะ ผมไม่สนใจคำแก้ตัวทั้งหลายแล้วหันไปเรียกไคเพื่อรับไอแพดมาเปิดดู

“ยอดหนี้ 4 ล้าน ทบต้นทบดอกก็รวมเป็น 10 ล้านโดยประมาณสินะ..”

ยิ่งคนฟังหน้าซีดลงมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งยิ้มออกได้มากเท่านั้น

“ได้ข่าวว่ามีบ้านอยู่หลายหลังนี่”

นอกจากจะซีดแล้วยังเหวออีกต่างหาก

“หลังที่เชียงใหม่ท่าจะขายได้ราคางาม ลองตีราคาดูแล้วทั้งบ้านและที่ดินคงไม่ต่ำกว่า10ล้านละนะ...”

ผมยังคงเลื่อนหน้าจอไอแพดที่โชว์รูปตัวบ้านเรือนไทยที่ทำจากไม้สักทั้งหลังแถมอาณาบริเวณโดยรอบก็ถูกตกแต่งด้วยแมกไม้พันธ์หายากนานาชนิดไหนจะวิวที่สวยหยดอีกต่างหาก

“ผมขอเลยแล้วกัน แลกกันชีวิตอันเหลวแหลกของคุณ”

“แต่ว่า...”

“ไค”

ผมเรียกลูกน้องคนสนิทโดยไม่สนใจคำทักท้วงใดๆทั้งสิ้น บอกแล้วไงว่าเมื่อผมอยากจะได้อะไรก็ต้องได้ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ท้วง ไคเองก็รู้ถึงคำสั่งดีเลยนำเอกสารที่ต้องเซ็นไปยื่นให้ต่อหน้าผู้ชายคนนั้น

“เซ็นชื่อซะ เรื่องจะได้จบ”

“แต่ว่าบ้านหลังนั้นมัน...”

“ผมถือว่าผมให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย”

เขายังคงนั่งตีหน้าเครียดอยู่เช่นเดิมโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะจับปากกาขึ้นมาเซ็นแต่อย่างใด

“หรือคุณอยากให้ผมเอาเงินจากส่วนอื่นมาแทน?”

เขาเงยหนึ่งมามองด้วยความงุนงง จะไม่ให้งงได้ยังไงก็ในเมื่อเขารู้ตัวดีว่าไม่มีเงินส่วนไหนที่จะนำมาให้ผมได้แล้ว

“เงินบำนาญคนพิการของข้าราชการไง”

เท่านั้นแหละ ไอ้คนตรงหน้าก็แทบจะก้มกราบ ผมได้แต่ยืนมองด้วยความสมเพจโดยที่มีอีกคนที่ยังคงนั่งอยู่ในรถมองดูอยู่ตลอดเวลา นายมันคงได้ยินทุกคำพูดนั้นแหละเพราะรถจอดอยู่ไม่ไกลแถมผมลดกระจกไว้อีกนิดหน่อย

“ไคจัดการต่อที ถ้าไม่ได้บ้านพร้อมโฉนดที่ดินก็เอาแขนเอาขามันสักข้างสองข้างก็แล้วกัน”

“ได้ครับ”

“เดี๋ยวครับคุณทีครอส! ผมขอร้อง แล้วผมจะหามาใช้คืนให้ คุณทีครอส!!....”

ผมไม่สนใจเสียงเรียกร้องของใครแต่หันกลับเดินตรงมายังรถแล้วเข้าไปนั่งตรงฝั่งคนขับแทนที่ไคก่อนจะสตาร์ทและมุ่งหน้าออกจากโรงงานไปในที่สุด

“ปีนมานั่งข้างหน้า”

ไม่มีแม้คำทักท้วงแต่ทำตามอย่างว่าง่าย ผมกดยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนน้องอย่างชัดๆ มันขมวดคิ้วมุ้ยตีหน้าตึงเหมือนจะคิดหนักทั้งที่ไม่เห็นมีอะไรให้คิดมากเลยสักนิด

“คิดอะไรอยู่?”

“นี่พี่ทำงานเกี่ยวกับอะไรกันแน่?”

“เยอะแยะ ขี้เกียจไล่”

“รวมทั้งยากูซ่าด้วยเหรอ?”

ผมหลุดหัวเราะในทันที ยากูซ่าอย่างนั้นเหรอ พูดอย่างกับหนังการ์ตูนญี่ปุ่นไปได้

“ป่าว”

“งั้นก็มาเฟีย?”

อืม อันนี้ค่อยเข้าท่าหน่อย แต่ก็ยังไม่ใช่อีกนั้นแหละ ถึงมันจะคล้ายๆอยู่ก็ตาม

“ไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียง ทำไม? กลัว?”

“ป่าว ไม่ได้กลัว แค่สงสัย”

ตอบเสียงแผ่วแบบนี้คงเชื่อได้อยู่หรอกนะครับ

“ที่เห็นนะเป็นแค่การขู่ในเลเวล2 ถ้าหนังสุดกูจะลงมือเฉือนมันเองโดยที่ไม่มีแม้ข้อเสนอให้เลยสักข้อ”

“ขนาดนั้นเลย?”

ผมไม่ตอบและยังคงขับรถต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ

“แล้วไอ้คริสรู้ไหมเนี้ย เรื่องงานพวกนี้?”

“ไม่มั่นใจแฮะ”

“อ้าว”

“ไม่เคยบอกแต่ก็ไม่ได้ปิดบังนี่”

“ซะงั้น”

พูดถึงคริสตัลแล้วก็อดหงุดหงิดไปกับใครอีกคนไม่ได้ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็ไอ้เทพทัตนั้นไงครับ เมื่อคืนคริสเมามากแล้วจู่ๆไปดึงไอ้นั้นมาจูบแบบต่อหน้าต่อตา ผมจะกล่าวหาไอ้ทัตนั้นก็ทำไม่ได้เต็มที่เพราะน้องตัวเองเป็นคนเริ่ม ไหนจะไปหลับซบอกมันมือกำชายเสื้อมันแน่นเข้าให้อีก แกะยังไงก็ไม่หลุดจนต้องให้มันพากลับไปนอนที่บ้าน แน่นอนว่าแม่มาเห็นเข้าและให้มันน้องค้างไปด้วยโดยปริยาย กูอยากจะบ้าตายก็ตรงนี้ เมื่อเช้าเลยต้องรีบออกจากบ้านตั้งแต่เช้าทั้งที่มีงานช่วงสาย ไม่รีบออกไม่ได้ครับ กลัวตัวเองจะไปเผลอฆ่าไอ้เวรนั้นเข้าโดยไร้ซึ่งข้อกล่าวหาไง เดี๋ยวโดนแม่เฉ่งตายเลย

“แล้วไอ้คริสละ ตื่นรึยังเนี้ย?”

“ไม่รู้ ยังไม่ได้คุยกัน”

“หึ เสียงหวนไปนะ”

ผมไม่ตอบ

“ไอ้พี่ทัตยังอยู่ที่บ้านละสิ”

“จิ๊”

“หึหึ ถ้าหวงก็ไม่ไปเฝ้าซะเลยละ”

“ก็นัดกับมึงไว้แล้ว”

“แคนเซิลผมก็ได้ ถึงยังไงก็ไม่ใช่ธุระอะไรสำคัญอยู่แล้ว”

เออวะ ก็จริงอย่างที่มันพูด

“ช่างแม่งเหอะ ถ้าอยู่เดี๋ยวกูเผลอฆ่าไปแล้วจะยุ่ง”

“ฮ่าๆๆ เชื่อแล้วครับว่าโหดจริง”

ผมยิ้มออกมาในที่สุด ไม่รู้ว่ายิ้มกับคำพูดของมันหรือรอยยิ้มของมันกันแน่

“แล้วนี่พี่จะพาผมไปไหน?”

“ไม่รู้”

“อ้าว”

“มึงหิวไหม?”

มองดูเวลายังไม่เที่ยงแต่ก็สายมามากพอสมควรแล้ว

“ไม่เท่าไหร่ พี่หิวเหรอ?”

“ไม่”

“งั้นก็กลับบ้านเหอะ ผมอยากนอน พี่ก็ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ?”

“อืม”

สรุปคือผมไปส่งมันที่บ้านส่วนตัวเองก็กลับเข้าออฟฟิตมานั่งจมปลักอยู่กับงานของตัวเองต่อ ผมนั่งอ่านนั่งเคลียร์อยู่ไม่นานบรรดาลูกน้องผมก็กลับมาพร้อมกับไคที่มีเอกสารเซ็นชื่อเรียบร้อยส่งมอบให้ผมเสร็จสรรพ ผมโทรเรียกทนายส่วนตัวมาจัดการต่อจนเวลาล่วงเลยไปถึงบ่ายทั้งที่ผมยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงไปซะงั้น



Rrrrrr

ผมหันไปมองโทรศัพท์ส่วนตัวที่แผดเสียงดังลั่น ผมถึงกับถอนหายใจเมื่อชื่อที่โชว์เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่และอยู่เบื้องหลังผมทั้งหมดทั้งมวล

“ครับแด๊ด”

/ยุ่งอยู่รึเปล่าทีครอส/

ผมส่งสายตาให้ไคจนไคและทนายพากันออกไปด้านนอกจนหมดผมเลยหันหลังให้โต๊ะมองผ่านกระจกไปยังวิวด้านนอกแล้วคุยกับผู้เป็นบิดาต่อ

“ไม่ครับ คุยได้”

/ไอจะกลับไทยสัปดาห์หน้า/

ผมขมวดคิ้วทันที ก็จะไม่ให้ขมวดคิ้วได้ไงปกติพ่อมาไทยแทบนับครั้งได้ยิ่งเป็นการมาแบบปุ๊บปั๊บแบบนี้ด้วยแล้ว...

“มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่าครับ?”

/เยส/

“เรื่องอะไรครับ?”

/เรื่องของยู.../

“.........”

/กับทางตระกูลเบรน/

ตระกูลเบรนคือตระกูลผู้มีอำนาจระดับโลกที่พ่อสนิทชิดเชื้อด้วยมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ผมกับคริสไม่เคยไปเจอหรอกนะครับ แล้วทำไมมันถึงมาเกี่ยวข้องกับผมได้

“ขยายความมากกว่านี้ได้ไหมครับ?”

/ฉันอยากให้พวกเราทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองกัน และดูเหมือนลูกสาวคนโต มิเกล่า เบรนนั้นรู้จักกับแกอยู่แล้วด้วย.../

มิเกล่า? ใครวะ?

“พ่อเลยอยากจับคู่ให้ผม?”

/ประมาณนั้น ถึงยังไงแกก็ยังไม่มีคนที่หมายตาอยู่แล้วนี่ ใช่ไหม?/

“...คงงั้นมั้งครับ”

/ดี งั้นแล้วเจอกัน อ้อ บางทีมิเกล่าอาจจะไปด้วยนะ เห็นพูดว่าอยากไปพักร้อนที่เมืองไทยเหมือนกัน/

“ครับ”

ผมถือสายค้างจนคนที่ปลายสายตัดสัญญาณไปนั้นแหละถึงได้วางมันลงกับตัก นี่มันถึงเวลาต้องแต่งงานมีครอบครัวแล้วเหรอเนี้ย เอาจริงๆผมก็ยังไม่เคยคิดในเรื่องนี้มาก่อนเลยนะ ชีวิตยังไม่อยากยึดติดกับใครเพราะแค่ครอบครัวผมก็รู้สึกว่ามันเต็มอิ่มมากพอสมควรแล้วไงครับ แต่ก็นะ ผมมันลูกชายคนโตแถมน้องชายยังเป็นเกย์(ถึงแม้พ่อแม่จะยังไม่รู้ก็เถอะ) หน้าที่ผลิตทายาทคงหนีไม่พ้นผมนั้นแหละนะ





TBC...


ใครลุ้นพี่ครอสกับนาย.......

.....ก็จงลุ้นกันต่อไป 55555+
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 30-31 (UP-07/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 07-04-2017 15:19:46
สัมผัสที่ 31




ผมรู้สึกตัวด้วยอาการปวดแปร๊บที่หัวจนแทบจะระเบิด ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันคืออาการแฮงค์โอเวอร์ แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมผมรู้สึกหนักๆที่เอวด้วยวะครับ

“ปวดหัวเหรอ?”

“อืม”

หืม...

เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้ใครเป็นคนถามผมวะ

ว่าแล้วก็ลืมตาเงยหน้าขึ้นไปมองในทันที

“ทัต!”

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

ทักกลับพร้อมใบหน้าหล่อๆที่อยู่ในระยะประชั้นชิดจนแทบจะจูบกันได้อยู่ละ

“อรุณสะ...เห้ย ไม่ใช่ดิ ยูมาอยู่นี่ได้ไง?”

พอมองดูรอบด้านมันก็เป็นห้องของผมชัดๆ ห้องที่อยู่ในบ้านที่มีพี่ครอสและแม่และบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลายอยู่ด้วยอะครับ

แล้วมันมานอนอยู่บนเตียงเดียวกับกูได้ยังไงวะ!?!

“ขับรถมา”

เวร...

“ไม่ขำ บอกมาว่าทำไมยูถึงมานอนอยู่ตรงนี้ที่นี้และเวลานี้ด้วย!?”

“ไม่ปวดหัวแล้วเหรอ?”

“ปวด”

พยักหน้าหงึกหงักไปด้วยอีก

“งั้นปล่อยมือจากเสื้อพี่แล้วนอนไป เดี๋ยวลงไปเอาชาสะระแหน่มาให้ดื่มแก้แฮงค์”

ผมก้มลงมองดูมือตัวเองที่ยังคงกำชายเสื้อเชิตสีดำของมันแน่นจนยับยู่ยี่ก่อนจะปล่อยและถกมือกลับอย่างไว
เกิดเรื่องเชี่ยไรวะเนี้ย ทำไมกูจำไม่ได้

ไอ้ยักษ์พอได้รับอิสระเลยยันตัวขึ้นนั่งก่อนจะก้าวลงจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องนอนไปในที่สุด ผมเองก็ได้แต่มองตาปริบๆ พยายามเค้นสมองนึกถึงเรื่องราวของเมื่อคืนจนภาพเริ่มจะแจ่มชัดไปทุกอณูวินาที

โอ้โหเลยครับ โอ้โห กูนี่ก็ช่างกล้าทำไปได้เนอะ

วินาทีนี้อยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีจริงๆอะ กูทำอารายลงป๊ายยยยยยยยยย

“คริส”

เฮือก!

มันกลับเข้าห้องมาตอนไหนวะครับ แล้วไหนละแก้วชา

“เป็นอะไร? ไปทึ้งหัวตัวเองทำไม?”

อ้าว นี่ผมกำลังทำแบบนั้นอยู่เหรอ?

“แล้ว...แล้ว....”

“เดี๋ยวแม่บ้านยกขึ้นมาให้ ไหวรึเปล่าเนี้ย? ถ้าไม่ไหวจะได้พาไปหาหมอ”

ผมส่ายหัวหวืดเลย จนมันยิ้มขำหลุดเสียงหัวเราะออกมาแผ่วๆแถมยังมีการเดินเข้ามาขยี้หัวกันอีก ผมปัดมือมันออกก่อนจะตีหน้าขึงขังไปจ้องมันตาขวาง

“ตกลงยูมาอยู่นี่ได้ยังไงไม่ทราบ?”

“เมื่อคืนรู้ตัวไหมว่าตัวเองเมามากขนาดไหน?”

ยังจะถามกลับมาอีก แล้วผมจะหลบตาส่ายหัวตอบมันไปทำไมวะครับ

“แล้วยังกำเสื้อพี่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อยจนต้องพากลับมานอนด้วยกันแบบนี้ไง”

“ห่ะ!?!”

“หึหึ”

“ไม่ตลกนะเว้ย!”

เอาจริงๆคือกูอายวะครับ ทำไปได้เนอะคนเรา

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูช่วยชีวิต ไม่นานก็มีแม่บ้านคนหนึ่งเดินถือถาดเข้ามาแต่ไอ้ยักษ์มันเสนอหน้าเข้าไปช่วยถือซะงั้นก่อนจะไล่แม่บ้านคนนั้นด้วยคำขอบคุณ ผมกึ่งนั่งกึ่งนอนมองดูมันถือถาดไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนจะเทน้ำชาจากกาเล็กใส่แก้วแล้วถือมาให้ผมที่เตียง ผมถกผ้าห่มออกจากแขนแล้วยันตัวขึ้นนั่งดีๆก่อนจะเอื้อมมือไปรับแต่มันก็ถกกลับจนผมขมวดคิ้ว

จะเล่นเหี้ยอะไรอีก

“อย่าจ้องงั้นดิ พี่แค่เห็นว่ามันยังร้อนอยู่ เดี๋ยวเป่าให้”

“มือมี ปากมี ทำเองได้”

“อย่าดื้อน่า”

“เอามา”

“คริส เดี๋ยวมันหก”

“จานรองก็มี แหกตาดูหน่อยสิ”

“คริส”

“เอามา”

มันถอนหายใจแล้วส่งให้ผมในที่สุด

แค่นี้ก็จบเรื่องไหมวะ

“เชี่ย!”

อุทานลั่นเมื่อมือสัมผัสถูกถ้วยชาแล้วเกิดอาการร้อนจนสะดุ้ง ดีที่คนข้างๆคาดการณ์ไว้อยู่แล้วเลยรีบเข้ามาประคองแก้วจึงทำให้ไม่หกเรี่ยราดใส่ตัวเองไปอีกทบ นิ้วเรียวที่สัมผัสของร้อนถูกนำเข้าปากในทันทีโดนที่ลืมคิดไปเลยว่าคนที่มารับแก้วใบนั้นให้จะโดนทั้งน้ำทั้งความร้อนไปมากขนาดไหน

ทัตเอาแก้วไปวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงดึงทิชชู่มาเช็ดมือแล้วจึงหันไปหาคนดื้อที่ยังคงอมน้ำตัวเองดวงตารื้อน้ำดูน่าสงสารอยู่เป็นนัย รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง

“เป็นไงละคนเก่ง?”

เหลือกตามองคนถามเขม่งแต่คนโดนจ้องก็ใม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด

“เอามือมานี่สิ พี่จะดูให้”

“ไม่เป็นไร”

พูดทั้งที่ยังมีมือคาอยู่ในปาก

เด็กดื้อก็ยังเป็นเด็กดื้ออยู่วันยันค่ำ

“น่า นิดเดียว”

คนถูกถามหลุบตาลงต่ำ

“คริสครับ พี่เป็นห่วง”

ทั้งที่ตัวเองโดนไปเยอะกว่าแต่ก็ไม่แสดงอาการเพราะห่วงคนน้องมากกว่า

สักพักมือเรียวก็ยื่นมาให้คนพี่ที่ยังคงรอดูอย่างใจเย็น ทัตเห็นว่าไม่มีอาการอะไรมากแค่แดงนิดหน่อยพอถามว่าแสบไหมออกร้อนไหมคนน้องก็บอกไม่เท่าไหร่เค้าเลยลุกไปหาผ้าผืนเล็กไปชุบน้ำเย็นบิดหมาดแล้วนำมาประคบให้ ตอนนั้นเองที่เด็กดื้อเห็นมือคนพี่ที่เริ่มแดงเถือกแล้วก็นึกขึ้นได้

“โดนลวกเหรอทัต?”

คนถูกถามยกมือตัวเองขึ้นดู

“อืม แต่ไม่เป็นไรหรอก”

“ไปหายามาทาเดี๋ยวนี้เลย”

“ก็กำลังไปหา ต้องไปเอามาทาให้เราอยู่แล้วด้วย”

คริสพยักหน้ารับปล่อยให้คนตัวโตลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอีกครั้งส่วนตัวเองก็ล้มตัวลงนอนเอาผ้าห่มขึ้นคลุมทั้งตัวด้วยความรู้สึกที่ตีรวนอยู่ในอก เอาจริงๆก็พอรู้ว่าตัวเองก็รู้สึกแต่ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขึ้นได้ไวขนาดนี้ แล้วอย่างนี้จะหยุดมันได้ยังไงกันละ ทั้งที่พยายามจะห่างจะเลิกจะหยุดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกันแต่ทัตก็ตามเค้าเค้ามาตลอด ตามอย่างไม่ลดละและไม่มีวี่แววว่าจะเลิกตามซะด้วย

...เจอของจริงเข้าให้แล้วสิ คริสตัล...







“เป็นยังไงบ้างจ้ะพ่อเด็กดื้อ?”

ทันทีที่ลงมาถึงห้องอาหารที่ชั้นล่างเสียงใสของผู้เป็นแม่ก็ท้วงลูกชายคนเล็กในทันที ใบหน้าที่ยังคงสวยสดคลี่ยิ้มแป้นเหมือนจะเยาะเย้ยลูกตัวเองอยู่เป็นนัยจนคนโดนเย้ยหันไปจ้องตัวการที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ให้แม่รู้ ทัตไหวไหล่ทำทีไม่สนใจแต่สะกิดให้เค้าเดินต่อจนพากันไปนั่งลงเตรียมทานมื้อเที่ยงกันแล้วนั้นแหละ

“พี่ครอสละครับ?”

“ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว แล้วเราละ ยังปวดหัวอยู่ไหม?”

คริสตัลส่ายหัว นั่งรอแม่บ้านยกชามข้าวต้มกุ้งมาเสิร์ฟให้ตรงหน้าแล้วก็อดน้ำลายสอไม่ได้ ทั้งที่ทานรองท้องไปก่อนแล้วเมื่อช่วงสายก่อนนอนอีกรอบเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดหัวพอตื่นขึ้นมาอีกทีก็เที่ยงซะแล้วแถมไอ้ยักษ์ข้างๆนี่ก็ยังไม่ไปไหนอีกต่างหาก

“ทัตละจ้ะ หลับสบายไหมเมื่อคืน? หรือไม่ได้หลับเพราะคนเมากวน?”

คริสที่กำลังซดน้ำซุปถึงกับสำลักจนทัตต้องยื่นน้ำเปล่ามาจ่อปากให้ดื่มพร้อมทิชชู่เช็ดปาก

ให้ตายสิ ทำไมแม่เค้าถึงได้ถามอะไรที่ชวนให้คิดได้หลายแง่หลายง่ามแบบนี้วะ

“หลับสบายดีครับ คริสหลับสนิทดีไม่ได้กวนอะไร”

คนตอบยิ้มกว้างเหมือนไม่ได้คิดอะไรแต่ก็โดนเด็กดื้อทุบขาไปทีด้วยความหมั่นไส้

“ดีจ้ะ งั้นก็ทานกันเถอะ”

ตลอดมื้ออาหารคริสแทบไม่ได้ปริปากพูดอะไรเพราะมีเพียงแม่เค้าที่ยิงคำถามใส่เทพทัตไม่มีหยุด เสียงหัวเราะดังอย่างต่อเนื่องจนใช้เวลาในการกินไปมากกว่าปกติจนน่าเหลือเชื่อ ทัตเองก็ดูอารมณ์ดีและเข้ากับผู้ใหญ่ได้ง่ายผิดกับที่เคยเห็น คริสแอบเซ็งอยากจะกลับขึ้นไปในห้องเพราะตัวเองอิ่มไปนานแล้วแต่พอจะอ้าปากก็โดนสายตาของผู้เป็นแม่จ้องดุๆซะงั้น
นี่ลูกไง ลูกแท้ๆ ลูกในไส้เลยด้วยอ่า

“ช่วงนี้ปิดเทอมกันแล้วนี่เนอะ”

สิริกิตพูดขึ้นลอยๆไม่เชิงถามแต่เหมือนจะเกรินเพื่ออะไรสักอย่าง

“ใช่ครับ ปิดสองสัปดาห์”

“น้องคริสไม่ไปหาพ่อแล้วใช่ไหมลูก?”

คริสพยักหน้ารับ

“ไม่ไปฝึกงานกับพี่เค้าด้วยใช่ไหม?”

 “ครับ งานพี่ครอสน่าปวดหัวจะตาย ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยหรอก”

“โอเค งั้นก็ว่าง”

“แม่จะพูดอะไรกันแน่?”

“อ้อ พอดีทัตเค้าขอแม่ว่าจะพาคริสไปเที่ยวภูเก็ต แม่เลยถามลูกดูก่อนว่าว่างไหม แม่ไม่อยากให้ลูกอยู่บ้านไปวันๆแล้วก็เที่ยวกลางคืนเมากลับแบบนี้ตลอดปิดเทอมหรอกนะ”

คริสถึงกับอ้าปากเหวอในขณะที่เทพทัตยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไปถามกับตอนไหนวะ แล้วนี่มันเข้าทางผู้ใหญ่เพื่อหวังอะไรแบบนี้ใช่ไหมเนี้ย

“แต่ผม....”

“หืม?”

“เออ ผม...”

เอาไงดีละ ไม่มีข้อแก้ต่างแถมยังไม่มีแพลนอะไรอย่างที่แม่พูดจริงๆนั้นแหละ จะให้ไปทำงานกับพี่ครอสก็ไม่อยากไป จะไปเที่ยวเองคนเดียวก็คงโดนท้วง แล้วช่วงปิดเทอมแบบนี้ไอ้เพิ่อนตัวดีมันก็ไม่ค่อยจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนสักเท่าไหร่ด้วยสิ

“ตกลงตามนี้แล้วกัน น้องคริสขึ้นไปอาบน้ำเลยลูก เดี๋ยวแม่ให้นิดขึ้นไปจัดของใส่กระเป๋าให้”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพวกเราช่วยกันจัดของเอง”

“เอางั้นเหรอจ้ะ”

“ครับ”

“เอางั้นก็ได้ เอ๊า นั่งเอ๋ออยู่นั้นแหละ ลุกสิค่ะลูก”

เห้ย! ตกลงใครเป็นลูกในไส้ของแม่กันแน่อะ ไอด๊อนอันเดอร์สแตนด์

“ไม่ถามความเห็นผมสักคำเลยอะแม่!?”

“ถามทำไม? ถามไปก็ปฎิเสธ ยิ่งดื้อๆอยู่ด้วย”

“แม่อ่า~”

อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ

แม่กูโคตรอินดี้

“ไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนชุดแล้วเก็บของให้เรียบร้อย เร็วเลย พี่เค้ารอ”

คนถูกเร่งตวัดสายตาไปจ้องใครอีกคนที่ยังคงนั่งกอดอกลอยหน้าลอยตาอย่างโคตรน่าหมั่นไส้ ไม่นานก็ลุกพรวดพราดเดินกระทืบเท้าออกจากห้องอาหารแล้วตรงกลับไปยังห้องนอนด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว แม่กับทัตถึงกับถอนหายใจและส่ายหัวไปพร้อมๆกัน

“จริงๆเล๊ยลูกคนนี้”

“แต่เค้าก็เป็นเด็กดีนะครับ”

สิริกิตยิ้มกว้าง

“ทัต”

“ครับ?”

“เราคิดยังไงกับคริสตัล?”

คนถูกถามถึงกับชะงัก ถึงไม่ได้อยากจะปกปิดแต่ถูกรุกถามกับโต้งๆแบบนี้มันก็ต้องมีตกใจกันบ้างละ

“คิดว่าเป็นเด็กที่น่ารักดี”

“แม่หมายถึงความสัมพันธ์”

“............”

“แม่เป็นแม่นะ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ แค่มองดูสายตาที่เรามองลูกแม่ก็พอจะเดาๆได้แล้ว แต่แม่อยากได้ยินชัดๆจากปากเรามากกว่า”

ทัตถอนหายใจ จะว่าโล่งก็โล่ง แต่ถ้าถามว่าหนักใจไหม...ก็คงหนักแทนใครบางคนซะมากกว่า ก็เค้าคิดจริงจังแน่อยู่แล้วแต่คริสนี่สิ

“ผมรักน้องครับ”

“แบบ?”

“แบบที่คุณรักพ่อของคริสนั้นแหละครับ”

คนเป็นแม่เงียบไปชั่วครู่

“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ทัตยิ้มน้อยๆก่อนจะก้มลงต่ำ

“ผมก็ไม่รู้ครับว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ผมมั่นใจแบบที่ไม่เคยมั่นใจอะไรแบบนี้มาก่อน ผมมั่นใจว่าผมรักเขา ผมอยากมีเขาข้างกาย อยากให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต อยากทำอะไรดีๆเพื่อเขาและทดแทนในสิ่งที่เคยผิดพลาดไป”

“สิ่งที่ผิดพลาด?”

ทัตนิ่งคิดไปแป๊บก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าหญิงวัยกลางคนที่เป็นแม่ของคนที่รักพร้อมพนมมือไหว้แทบตัก สิริกิตงงงวยกับสิ่งที่เกิดแต่ก็ยังคงนิ่งรอฟังความจริงจากผู้ชายที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารู้สึกอย่างไรกับลูกชายของเธอ

ความรักไม่ใช่สิ่งที่ผิดและมันก็เป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้เช่นกัน

ถึงแม้จะเป็นความรักร่วมเพศที่ตนก็ไม่ได้ขัดข้องใดๆแต่ความกล้าที่จะแสดงถึงความจริงจังและจริงใจแบบนี้มันต้องใช้ความกล้าหาญมากทีเดียว

ยอมใจกับคนๆนี้จริงๆ

“ผมต้องขอโทษที่ผมเคยทำร้ายคริสครับ”

“แล้วตอนนี้...”

“มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกครับ ผมสัญญา ไม่สิ ผมสาบานด้วยเกียรติของศิริพัฒนโอฬาร”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะแต่ก็ไม่ได้ชวนอึดอัดหรือน่ายินดีแต่อย่างใด

“คุณเกตคะ โทรศัพท์จากคุณคาร์เตอร์โทรมาต้องการเรียนสายด้วยค่ะ”

สิริกิตพยักหน้ารับรู้ให้แม่บ้านก่อนจะหันมายิ้มอ่อนให้เทพทัต

“ลุกขึ้นเถอะจ้ะ แล้วก็...แม่ฝากคริสด้วยนะลูก”

ทัตไม่รู้ว่าตัวเองเคยยิ้มกว้างมากขนาดนี้รึเปล่า แต่ตอนนี้เค้าใจพองจนแทบจะระเบิดออกมาจากในอก

“ด้วยความยินดีครับ!”

สิริกิตลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินออกจากห้องอาหารตรงไปยังห้องนั่งเล่น หัวหน้าแม่บ้านที่ยืนรอท่าอยู่แถวนั้นก็เดินตามไปติดๆ

“ไม่ใจอ่อนไปหน่อยเหรอค่ะ คนๆนั้นถึงกับเคยทำร้ายคุณหนู....”

สิริกิตยกมือขึ้นในเชิงห้าม มันก็จริงอย่างที่หัวหน้าแม่บ้านพูด แต่...

“ฉันไม่อยากยุ่งในเรื่องนั้นของพวกเขา ถึงแม้คริสจะเป็นลูกที่ฉันรักมากคนหนึ่ง แต่ชีวิตและจิตใจก็เป็นของเค้า ฉันอยากให้เค้าคิดและตัดสินใจเอง ถ้ามันผิดก็รับผลของมันด้วยตัวเอง ถ้าถูกก็ถือว่าเป็นรางวัล แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาไม่ไหวหรือล้มจนลุกไม่ได้ ตอนนี้ฉันถึงจะเข้าไปช่วยพยุง ช่วยให้กำลังใจเพื่อให้เขาได้ก้าวเดินต่อไปด้วยตัวของเขาเอง”


TBC....

ขอโล่รางวัลคุณแม่ดีเด่นแห่งชาติด้วยค่ะ
ปรบมือรัวๆ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 30-31 (UP-07/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 07-04-2017 15:54:47
 :L2:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 30-31 (UP-07/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-04-2017 17:01:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 30-31 (UP-07/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-04-2017 17:37:19
พ่อตามาแล้ว... งานจะเข้าแน่ทัต
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 30-31 (UP-07/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-04-2017 22:04:48
ทัต เข้าหาทางแม่คริส และเข้าได้ดีจนแม่ยอมรับ
ทีครอส จับสังเกตเพื่อนคริส ชอบคริส
แต่ดูท่าทีครอส ก็ชักยังไงๆนะ บอกว่าน่ารักซะด้วย
แต่พ่อก็จะให้ทีครอส แต่งงานกับสาวตระกูลดังเพื่อธุรกิจ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 30-31 (UP-07/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-04-2017 23:13:59
เกลียดทัตว่ะ เข้าทางแม่มาบังคับน้องยังงี้ได้ไงว่ะ ไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้เดี๋ยวก็ใจอ่อนอีกแหล่ะ กลับมาก็คืนดีกันแล้วแน่ๆ เลย ยังไม่ทันจะได้เห็นคริสเล่นตัวเลย คริสอย่าง่ายยอมคืนดีง่ายๆ ซิ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 32 (UP-12/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 12-04-2017 17:36:30
สัมผัสที่ 32



“แม่งเอ๊ย ไอ้ยักษ์บ้านั้นใส่ยาเสน่ห์อะไรให้แม่กินป่าววะเนี้ย เข้าข้างกันดีชิปหาย!”

เสียงบ่นกะปอดกะแปดทำให้คนเข้ามาใหม่ถึงกับยิ้มขำ ดูจากเวลาแล้วคริสตัลน่าจะอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจะเหลือก็คงเป็นการแพ็คกระเป๋า

“ให้ช่วยไหม?”

พอเดินไปยืนพิงที่ขอบประตูห้องแต่งตัวพร้อมเอ่ยปากถามคนน้องก็สะดุ้งโหย่งคงตกใจที่เค้าเข้ามาเงียบๆ คนน้องแยกเขี้ยวแต่ไม่ตอบหันกลับไปยัดเสื้อผ้าบางตัวใส่กระเป๋าต่อ ทัตได้แต่ส่ายหัวปลงๆแต่ไม่อยากเข้าไปขัดถ้าเจ้าตัวไม่เอ่ยปากบอกเดี๋ยวจะหาว่าเข้าไปวุ่นวายแล้วตีกันซะเปล่าๆ เค้ายอมยืนรอจนเสร็จจึงเดินเข้าไปคว้ากระเป๋าเป้ใบโตตัดหน้าเจ้าตัวที่กำลังลุกขึ้นยืน คริสตัลเลยสะบัดตัวเดินหนีออกมานอกห้องโดยไม่สนใจเค้าเลยสักนิด ทัตเดินตามคนน้องออกมาจากห้องและลงไปยังชั้นล่างโดยคริสได้แวะที่ห้องนั่งเล่นก่อน คงรู้ว่าแม่เค้าต้องอยู่ที่นี่แน่ๆและก็เป็นจริงตามนั้น

“แม่ครับ”

เรียกมารดาเสียงอ่อยก่อนจะโถมตัวลงไปกอด ทัตมองตามด้วยรอยยิ้ม เค้าชอบที่น้องดูอ้อนเหมือนแมวอย่างนี้ ถึงแม้จะไม่ค่อยทำกับเค้าสักเท่าไหร่ก็เถอะ

“เสร็จแล้วเหรอเจ้าลูกชาย”

สิริกิตกอดตอบลูกชายคนเล็กพร้อมลูบเรือนผมสีอ่อนไปด้วย คริสพยักหน้าแต่ยังไม่คลายอ้อมกอดเสียที

“ปล่อยได้แล้วลูก”

“ไม่เอา คริสอยากกอดแม่”

“เจ้าเด็กขี้อ้อน อ้อ จะไปเที่ยวกันกี่วันละทัต?”

ประโยคหลังสิริกิตเงยหน้าจากลูกชายสุดที่รักไปถามเทพทัตที่นั่งรออยู่ไม่ไกล

“ยังไม่กำหนดครับ แต่ทันเปิดเทอมแน่”

“งั้นกลับมาสัปดาห์หน้าได้ไหมจ้ะ ไปอาทิตย์หนึ่งพอรึเปล่า?”

“ได้ครับ”

“จริงๆคริสไม่ต้องไปก็ได้นะแม่ คริสจะได้อยู่บ้านเป็นเพื่อนแม่ไง แม่ชอบให้คริสอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ?”

“อย่ามาพูด พอเอาเข้าจริงก็ออกไปข้างนอกแทบทุกวันอยู่ดี ไปกับพี่เค้านั้นแหละแม่จะได้เบาใจว่ามีคนช่วยดูแลเราแล้วเราจะได้ไปเที่ยวพักผ่อนด้วย ไม่ดีเหรอครับ?”

“ไม่ดีอะ”

ผู้เป็นแม่ได้แต่ส่ายหัว

“หลังจากนี้ทีครอสก็จะยุ่งขึ้นเสียด้วยสิ”

“พี่ครอสก็ยุ่งเป็นปกตินี่”

“อ่อ แม่ลืมบอกไปว่าแด๊ดจะกลับมาสัปดาห์หน้าน่ะจ้ะ”

คริสตัลถึงกับดีดตัวขึ้นมานั่งแทบไม่ทัน ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างด้วยความตกใจปนประหลาดใจ

“ทำไมไวงี้อะแม่ ปกติแด๊ดมาต้องบอกล่วงหน้าเป็นเดือนเลยนี่?”

“เห็นว่ามีแขกมาด้วยและมาคุยเรื่องธุระของทีครอสนะ”

คนฟังได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความงุนงงต่อไป

“ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกจ้ะ ไปเที่ยวกันให้สบายกายสบายใจเถอะ แม่ฝากน้องด้วยนะทัต”

“ได้ครับ”

คนถูกเมินยู่ปากไม่พอใจแต่ก็ต้องจำยอมก้มลงไปหอมแก้มมารดาแล้วจึงลุกขึ้นเดินตรงออกจากห้องมา ก็นะ ตั้งแต่ไหนแต่ไรเค้าเคยขัดมารดาเสียเมื่อไหร่ ถ้าเป็นพี่ครอสนะถึงจะบ่อยแต่ผู้หญิงคนนี้เป็นข้อยกเว้น…ส่วนผู้ชายที่เป็นหัวหน้าครอบครัวนั้น…อย่าพูดถึงเลยจะดีกว่า 

ทัตหยิบรีโมตมากดปลดล็อครถเพื่อให้คริสตัลที่เดินนำไปจนถึงรถก่อนได้เปิดเข้าไปนั่งได้ในทันที ส่วนตนก็เปิดท้ายเอากระเป๋าเก็บแล้วจึงขึ้นรถประจำที่คนขับในที่สุด รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากบ้านหลังใหญ่โดยที่คนน้องได้แต่หันหน้าไปมองนอกกระจกกอดอกแน่นส่อแววความไม่พอใจอย่างเต็มที่

“คริสครับ”

เมื่อออกมาจนถึงถนนใหญ่ทัตจึงเอ่ยเรียกขึ้นแต่ก็ตามที่คาด คริสตัลไม่แม้แต่จะปริปากตอบเค้าสักแอะเดียว

“พี่แค่อยากให้เราปรับความเข้าใจกัน”

“……”

เด็กดื้อก็ยังเป็นเด็กดื้อ ทัตถอนหายใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปจนมาถึงคอนโดของเค้าในเวลาไม่นาน ที่มานี่เพราะต้องเก็บเสื้อผ้าในส่วนของตนเพราะแพลนที่บอกแม่คริสไปเป็นแพลนกะทันหัน ตอนนั้นแค่อยากให้มีเวลาอยู่กับคริสให้มากกว่านี้เลยออกไอเดียไปเที่ยวซึ่งก็ไม่คิดว่าแม่คนน้องจะเห็นดีเห็นงามด้วยมากมายถึงขนาดนี้

“จะขึ้นไปด้วยหรือจะรออยู่ในรถ?”

ใจจริงก็อยากพาขึ้นไปด้วยนั้นแหละแต่ก็ต้องลองถามดูก่อน คริสตัลไม่ตอบแต่เปิดประตูแล้วก้าวลงจากรถ ใครมันจะไปรอในรถได้ละ เล่นปิดแอร์ดับเครื่องซะขนาดนี้ อยากตะโกนใส่หน้ามากว่าจะถามหาพ่องมึงไงแต่ก็ติดที่กำลังสร้างสงครามประสาทเลยต้องเงียบตามแผนการณ์เอาไว้ ทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้พูดจาอะไรกันอีกจนกระทั่งไปถึงห้อง ทันทีที่เข้าไปยังด้านในคริสตัลก็เดินดุ่มๆไปนั่งแหมะอยู่ที่โซฟากดเปิดทีวีกอดอกมองแต่จอไม่สนใจผู้ที่เป็นเจ้าของห้องเลยสักนิด ทัตได้แต่ยิ้มขำถึงคนน้องจะไม่สนใจแต่ก็ยังดีที่ยอมมากับเค้าถึงแม้จะเป็นการบังคับอยู่กลายๆก็เถอะ

ทัตใช้เวลาเก็บของและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นชุดเสื้อเชิตสีขาวแขนสั้นบางๆมีเสื้อกล้ามสีขาวใสซับอยู่ด้านในและกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ผมที่เคยเซ็ตเป็นทรงก็ถูกปล่อยตามสบายแต่ยังคงปัดๆให้ดูเป็นระเบียบบ้าง คริสแทบตาค้างเมื่อเห็นอีกลุคที่ดูดีไม่น้อยแต่เค้าก็คืนสติได้ทัน 

“ไปกันเถอะ”

ทัตเอ่ยบอกน้องด้วยรอยยิ้มมือข้างหนึ่งถือกระเป๋าให้ใครอีกคนส่วนอรกข้างก็จับเป้ใบโตของตัวเองขึ้นพาดบ่า คริสไม่ตอบแต่ลุกขึ้นปิดโทรศัพท์แล้วเดินนำออกจากห้องโดยที่ไม่ลืมเอื้อมมือไปดึงคัตเอาท์ไปลงให้คนมือไม่ว่างไปด้วยส่วนประตูนั้นเป็นระบบล็อคอัตโนมัติแค่เดินออกมามันก็ล็อคให้แล้วจึงไม่เป็นปัญหา 

พอคิดไปคิดมาคริสก็แอบที่จะรู้สึกตื่นเต้นอยู่หน่อยๆไม่ได้ นานเท่าไหร่แล้วที่เค้าไม่ได้ไปเที่ยวทะเล ถึงจะไปบ่อยกว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่นแต่มันก็เป็นสถานที่ๆเค้าของ ทะเลเหมาะสำหรับพักผ่อนนอนมองดูเกลียวคลื่นสีครามท้องฟ้าสีหม่นปนส้มยามพระอาทิตย์คล้อยต่ำลมพัดเย็นๆให้ได้กลิ่นไอเกลือทะเล พอคิดไปถึงนั้นแล้วก็อดเผยรอยยิ้มที่มุมปากไม่ได้ ทัตลอบมองคนคนเคลิ้มฝันที่ยิ้มนิดขณะเอนตัวพิงเบาะและหลับตาพริ้ม ตอนนี้พวกเค้าอยู่บนรถซึ่งมาพลขับเป็นลูกน้องและกำลังมุ่งหน้าสู่สนามบิน ทัตมองไล่สายตาดูคนร่างบางที่สวมเสื้อยืดคอวีที่คว้านลึกมีสร้อยเส้นเล็กๆและจี้รูปไม้กางเขนประดับอยู่ที่คอระหงส์กางเกงเป็นยีนส์ขายาวสีดำตัดขาดที่หัวเข่ายิ่งขับเรียวขาให้ดูเพียวรองเท้าคอนเวิร์สที่แลดูเซอร์แต่มีระดับ 

“ลดแอร์ลงหน่อยสิ”

ทัตเอ่ยบอกคนขับเพราะดูเหมือนคนข้างๆจะหนาว คริสแค่กอดอกแต่ไม่ได้หนาวแต่เค้าก็ไม่อยากท้วงและทำทีหลับตาต่อไปจนถึงสนามบิน คริสไม่รู้ว่าทัตจองตั๋วเครื่องบินของอะไรไฟลท์ไหนเลยต้องเปลี่ยนมาเดินตามคนตัวโตแทน เห็นทัตแบกกระเป๋าใบใหญ่โดยไม่ให้ลูกน้องช่วยแล้วก็อดสงสารไม่ได้แต่ก็ไม่ได้แสดงออกไป กล้ามโตๆนั้นเรียกสายตาของคนรอบข้างได้ดีสังเกตจากที่เดินเข้าสนามบินมายังไม่มีใครเลยที่จะไม่เหลียวหลังเพื่อมองผู้ชายคนนี้ ว่าแล้วก็หมั่นไส้ คนอะไรหล่อไม่พอยังหุ่นดีกล้ามเฟิร์ม ไม่รู้มันเอาเวลาไหนไปเข้าฟิตเนส

“สินไปเช็คอินให้แล้ว รอแป๊บหนึ่งนะ”

คริสไม่ตอบคนพี่แต่ยืนกอดอกมองดูอย่างอื่นไปเรื่อยเปื่อย ทัตเองก็ยืนรออยู่ใกล้ๆ ไม่นานลูกน้องเค้าก็กลับมายื่นตั๋วที่เช็คที่อินเรียบร้อยส่วนกระเป๋ษก็ส่งไปโหลดใต้เครื่องแล้วเหมือนกัน

“เข้าไปข้างในกันเถอะ จะได้นั่งพัก”

ทัตเอ่ยพลางยื่นมือไปตรงหน้าคนน้อง คริสเหลียวมองมือก่อนจะเงยขึ้นสบตาแล้วคลายแขนที่กอดอกแต่ไม่ได้เอื้อมไปจับตอบ เค้าเดินเลี่ยงไปอีกทางที่จะเข้าไปยังส่วนเกตของสายการบินภายในประเทศ ทัตถอนหายใจแล้วเดินตามสักพักก็เดินไปจับแขนแล้วพาไปยังห้องพักรับรองของวีไอพีคลาสเพราะยังมีเวลาอีกมากโขกว่าจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง

“กินอะไรรองท้องก่อนสิ กว่าจะขึ้นเครื่องเดี๋ยวจะหิวเอา”

คริสนั่งลงที่โต๊ะริมกระจก เค้าหันไปมองวิวรันเวย์ของสนามบินโดยไม่สนใจคนพูดเลยสักนิด ทัตเลยต้องเป็นคนลุกไปตัดอาหารมาให้คนน้องแทน คริสเห็นอาหารที่ตกแต่งอย่างดีพิถีพิถันแล้วก็น้ำลายสอ แต่ด้วยทิฐิเค้าจึงไม่คิดจะแตะมัน

“คริสครับ กินหน่อยเถอะ”

“.........”

“หรือต้องให้พี่ป้อน...”

ตาสีฟ้ามองค้อนคนพูดในทันทีก่อนจะหยิบส้อมแล้วจิ้มไส้กรอกเวียนนาไก่เข้าปากเคี้ยวกรุบกรับแต่ก็ยังหันหน้าหนีเค้าอยู่ดี ทัตยิ้มน้อยๆเอนตัวกับเบาะผ่อนคลายอริยาบทแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ยกแว่นกันแดดสีดำแบรนด์ดังขึ้นมาใส่แล้วเหลียวไปมองยังด้านนอกบ้าง ด้านนอกคงแดดแรงมากไม่งั้นคงไม่ทะลุกระจกกั้นของสนามบินมาได้ขนาดนี้ ดีที่โซนนี้เปิดแอร์แรงอากาศเลยยังเย็นไม่ได้ร้อนไปตามอากาศทางด้านนอก ทัตรอจนคนน้องกินทุกอย่างตรงหน้าหมดแม้แต่น้ำส้มแก้วโตๆก็ไม่เหลือสักหยดแล้วจึงพาไปเข้าห้องน้ำ ไม่รู้ว่าปวดหรือไม่ปวกหรอกแต่พาไปก่อนคงจะดีกว่าไงๆคริสคงไม่โยเยหรือเอ่ยปากกับเค้าไปอีกสักพัก สบกับที่คริสเองก็ปวดเบาอยู่พอดีแต่เค้าเลือกที่จะเข้าในห้องเล็กไม่ยืนถี่ตรงโถเหมือนอย่างเคย ไม่ได้อายมันนะแค่ไม่อยากให้มันเห็น 

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็พากันไปนั่งรอไม่นานก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง ทัตเลือกที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสแน่นอนพราะอยากให้คนตัวบางนั่งสบายที่สุด แต่ที่คริสชอบนั้นคือความเป็นส่วนตัว ถึงแม้ที่นั่งจะข้างกันแต่ก็สามารถปิดฉากกั้นได้ เค้าเลยจัดการปิดทันทีที่นั่งประจำที่จนเครื่องพุ่งทยานสู่ท้องนภานั้นแหละเค้าจึงพล็อตหลับในที่สุด ทัตนั่งอ่านหนังสือเล่นไปคอยแอบยืดตัวมองคนนั่งข้างๆไปจนเห็นว่าหลับแล้วจึงปลดเข็มขัดลุกไปคลี่ผ้าห่มขึ้นคลุมให้อีกคนแล้วจึงกับมาอ่านหนังสือต่อ

เวลาผ่านไปชั่วโมงเศษๆก็ถึงที่หมาย คริสตื่นเพราะเสียงประกาศให้คาดเข็มขัด พอเครื่องแลนดิ้งแล้วจึงพากันลุกเดินออกไปโดนไม่มีใครเอ่ยปากพูดคุยกันเลยสักคำ ทัตเดินนำคริสไปรับกระเป๋าแล้วจึงพาตรงดิ่งไปที่ทางออกด้านหน้าเลยเพราะเค้าสั่งให้คนขับรถมารับเป็นที่เรียบร้อย ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพวกเค้าก็มาถึงบ้านพักหลังไม่ใหญ่มากมีขนาดสองชั้นสามห้องนอนสี่ห้องน้ำหนึ่งห้องครั้งและโถงนั่งเล่นมีบานกระจกใหญ่กั้นไปยังเฉลียงที่ทอดออกไปยังสวนด้านหลังถัดไปก็เป็นชายหาดส่วนตัวและพื้นน้ำทะเลสีฟ้าใส

ทัตนำกระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องปล่อยให้คริสเดินสำรวจบ้านตามใจชอบ ที่นี้เป็นบ้างพักตากอากาศที่เค้าซื้อไว้เมื่อช่วงแรกที่กลับมาไทย เค้าเป็นคนชอบทะเลเพราะงั้นจึงมีบ้านพักริมทะเลและคอนโดริมหาดหลายแห่งพอสมควร หลายๆที่ปล่อยให้เช้าแต่ไม่ได้ขายขาดเผื่อเอาไว้พักในยามที่มีโอกาสหรืออยากไปที่นั้นๆ

“คริส”

เค้าเอ่ยเรียกเมื่อเก็บของเสร็จลงมาข้างแต่ก็ไม่เห็นคนน้องอยู่ที่โถงนั่งเล่น พอมองออกทางด้านนอกก็ไม่เห็นแต่ประตูบานประจกถูกเปิดแง้มเอาไว้แสดงว่าออกไปข้างนอกจริงๆ ทัตเดินออกไปตามหาที่สวนรอบบ้านก็ยังคงไม่เห็น คนตัวโตเริ่มขมวดคิ้วจนตัดสินใจเดินลงไปยังหาดก็เห็นเหมือนเงาคนเดินอยู่ไกลๆ

ก็คงเป็นคริสนั้นแหละแต่จะไปไกลเกินไปหน่อยไหม..

“คริส!”

ตะโกนเรียกออกไปแต่ดูเหมือนคนถูกเรียกจะไม่ได้ยิน

“คริสตัล!!”

เพิ่มเสียงเรียกให้ดังกว่าเดิมแต่ก็ยังดูเหมือนจะไม่ได้ยินอยู่ดี แต่ร่างบางกลับเปลี่ยนทิศทางการเดินจากเลียบริมหาดที่น้ำซัดถึงเพียงฝ่าเท้าเป็นมุ่งหน้าลงน้ำ จากข้อเท้าจนถึงเข่า จากเข่าขึ้นมาจนถึงต้นขา ลงไปเรื่อยๆในขณะที่ทัตเองก็มองตาไม่กระพริบ เค้าไม่คิดว่าคริสจะทำอะไรบ้าๆหรอกแต่มันก็อดห่วงไม่ได้ ทัตเร่งฝีเท้าจนเกือบจะวิ่งเมื่อไปใกล้พอคริสก็ลงไปจนถึงอกแล้ว 

“คริส!”

คนถูกเรียกหันมามองก่อนจะมุดลงไปใต้น้ำในทันที ทัตยืนรอให้คนดื้อโผล่ขึ้นมาจากน้ำแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่โผล่

“อย่ามาเล่นแผลงๆนะคริส”

คราวนี้เอ่ยเสียงเข้มไม่รู้ว่าคนใต้น้ำจะได้ยินไหมแต่แค่อยากเตือน

“ขึ้นมาได้แล้ว แดดมันแรงเดี๋ยวตอนเย็นค่อยเล่น”

ยังคงเงียบกริ่บและไม่ยอมโผล่จนทัตเริ่มใจไม่ได้มากกว่าเดิม

“คริสตัล อย่าให้พี่ต้องลงไปตามนะ”

“..........”

ทัตถอนหายใจหันไปโยนสิ่งของไว้บนหาดห่างจากน้ำพอสมควรแล้วจึงเดินมุ่งลงน้ำไปหาเด็กดื้อ หาดนี้เป็นหาดส่วนตัวเพราะงั้นไม่ต้องห่วงเรื่องผู้คนแต่จะห่วงก็คนของตนนี่แหละ

ทัตว่ายน้ำลงไปมองหาคนตัวบางไปแต่ก็ไม่เจอ เท่าที่จำได้จุดนี้เป็นจุดที่คริสดำลงไปไม่ผิดแน่ แล้วนี่หายไปไหนกันนะ คลื่นก็ไม่แรงกระแสน้ำก็ไม่เชี่ยว จะบอกว่าว่ายน้ำหนีก็คงเก่งเกินไปหน่อยแล้ว 

“เชี่ย”

เค้าสบถเมื่อผุดขึ้นมาจากน้ำเพื่อรับอากาศเข้าปอดไปอีกเฮือก กำลังจะหัวร้อนด้วยความป็นห่วงแต่หางตาก็เหลือบไปเห็นคนที่ตามหากำลังนั่งจุมปุกอยู่บนหาดซะงั้น เล่นบ้าอะไรกันวะ ถึงจะหัวเสียพอสมควรแต่เมื่อขึ้นมายืนต่อหน้าคนน้องแล้วก็ทำได้เพียงถอนหายใจ คริสยังคงนั่งเหม่อมองทะเลไม่สนใจเค้าเลยสักนิด

“เข้าบ้านกัน ตอนนี้แดดแรงเดี๋ยวไม่สบายเอานะ”

คริสไม่ตอบแต่ลุกขึ้นเดินลงทะเลยไปล้างทราบแล้วจึงเดินตรงไปยังบ้านพัก ทัตเองก็เก็บเอาของๆตนแล้วเดินตามไปเงียบๆ ถึงบรรยากาศจะไม่อึกครึ่มสักเท่าไหร่แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันน่าอึดอัดพอสมควร เมื่อมาถึงบ้านคริสยืนนิ่งอยู่ที่หน้าบันไดขึ้นชั้นสองเพราะไม่รู้ว่ากระเป๋ษตัวเองอยู่ที่ห้องไหน จะเอ่ยปากถามก็เสียเชิงเลยได้แต่ยืนรอให้ทัตเข้ามาถึงตัวแล้วเดินนำขึ้นไปยังห้องด้านในสุดที่เป็นห้องนอนใหญ่และมีระเบียงกว้างยื่นออกไปทิศทางของท้องทะเลอีกด้วย

คริสเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นแล้วตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ทัตเลยต้องเอาของๆตนไปอาบอีกห้องพร้อมกับโทรสั่งมื้อเที่ยงกับแม่ครัวประจำที่อาศัยอยู่ใกล้ๆและคอยมาทำอาหารให้ในยามที่เค้ามาพัก

เมื่อคริสแต่งตัวเสร็จและลงมาชั้นล่างก็เกิดอาการท้องร้องอีกครั้งเพราะได้กลิ่นหอมๆชวนหิวแต่ไกล คริสเดินไปเลียบๆเคียงๆที่หน้าประตูห้องครัวจนเห็นผู้หญิงวัยกลางคนกำลังก้มๆเลยๆอยู่ที่หน้าเตาแล้วก็นึกงง 

ใคร?...

แม่บ้าน?...

“ทำอะไรอยู่นะ?”

เฮือก!

คนตัวบางสะดุ้งโหย่งในขณะที่ทัตเองก็ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังอยู่ก่อนแล้ว เค้าลงมาตามหลังคริสไม่นานและพอจะเห็นการกระทำที่ค่อนข้างน่ารักของคนตรงหน้าได้ทันท้วงที

คนอะไรช่างเล่นแง่ชะมัด

คงคิดว่าเค้าอยู่ในครัวละสิถึงได้เลียบๆเคียงๆแอบมองอยู่ตรงนี้

คริสมองค้อนพลางจิ๊ปากไม่สบอารมณ์เมื่อเห็ฯใบหน้ายิ้มๆของคนตัวโตแต่ยังไม่ทันจะได้เดินหนีก็โดนดึงแขนเข้าไปในห้องครัวจนมาถึงโต๊ะกลมขนาดเล็กที่มีเก้าอี้เพียงสี่ที่นั่ง 

“มื้อเที่ยงมีอะไรกินครับป้า?”

ถึงจะโทรไปสั่งแต่ก็แค่บอกว่าให้มาเตรียมมื้อเที่ยงให้แค่นั้นไม่ได้เจาะจงสิ่งที่อยากกินไปหรอกนะ

“มีข้าวผัดต้มยำค่ะ พอจะทานกันได้ไหม? ป้าทำไม่ค่อยเผ็ดหรอก”

ทัตหันมามองใครอีกคนในเชิงถาม คริสพยักหน้าให้ทัตเลยหันไปตอบโอเคกันป้าไป ไม่นานมื้อเที่ยงเครื่องเต็มพร้อมน้ำซุปไก่ฟักร้อนๆก็มาเสิร์ฟให้ตรงหน้า คริสตั้งหน้าตั้งตากินด้วยใบหน้าที่พออกพอใจจนลืมสังเกตเห็ฯว่ามีใครจ้องมองด้วยความเอ้ดดูอยู่ไม่ห่าง ป้าแม่บ้านเองก็ยิ้มตามที่เห็นคนมาใหม่กินอย่างเอร็ดอร่อยขนาดนี้ 

“อิ่มไหม? ไม่อิ่มเอาเพิ่มได้นะ”

คริสส่ายหัวตอบคนถาม ทัตเลยเอาข้าวเข้าปากบ้างกินไปช้าๆไม่ได้เร่งรีบอะไร 

“อยากไปไหนเป็นพิเศษไหม?”

ถามดูเผื่อคนน้องมีที่ๆอยากไปแต่ตัวเองนั้นมีแพลนอยู่ในใจแล้ว คริสนิ่งคิดแต่ก็ส่ายหน้าอีก เค้าไม่เคยมาภูเก็ตเลยไม่รู้ว่าต้องไปเที่ยวที่ไหนนอกเหนือจากทะเล

“งั้นเดี๋ยวพี่พาทัวร์เอง เทพทัตทัวร์ยินดีต้องรับครับ”

อยากจะหัวเราะอยู่หรอกนะแต่ก็ทำได้แค่ยิ้มขำแถมยังต้องแอบทำเพราะยังทิฐิกับมันอยู่ คริสนั่งตัดน้ำซุปขึ้นซดไปเรื่อยๆรอคนตัวโตกินหมดแล้วจึงลุก ไม่รู้ทำไมถึงต้องรอแต่มันก็ทำไปแล้วแหละนะ

ในขณะที่ป้าแม่บ้านเข้ามาเก็บจานชามทั้งคู่จึงย้ายสาระร่างไปยังโถงนั่งเล่น คริสกดเปิดดูโทรทัศน์พร้อมสิงสถิตอยู่ที่โซฟายาวเหยียดตาเต็มองศาชนิดที่ไม่เว้นว่างให้ใครบางคนได้มีโอกาสได้เข้าใกล้เลยสักนิด ทัตอมยิ้มแล้วนั่งลงที่โซฟาเล็กข้างๆก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดเช็คโปรแกรมเที่ยวและดูเมลงานทั้งหลายแหล่ รู้สึกตัวอีกทีก็เงยหน้าไปมองคนน้องที่หลับไปเป็นที่เรียบร้อย เค้าส่ายหัวเบาๆขำคนนอนง่ายพออิ่มก็หลับเหมือนเด็กแล้วก็เอื้อมมือไปกดปิดโทรทัศน์ปรับแอร์และขึ้นไปหยิบผ้าห่มผืนบางมาคลุมตัวให้ พอดีกับที่แม่บ้านจัดการเคลียร์ของในครัวเสร็จและเตรียมผลไม้เป็นของว่างให้เรียบร้อยทัตจึงให้กลับบ้านได้เพราะมื้อเย็นคาดว่าจะพาคนน้องออกไปหาอะไรกินข้างนอกแล้วค่อยให้มาเตรียมมื้อเช้าให้แทน



ครืน ครืน ครืน
โทรศัพท์ของเค้าสั่น ทัตล้วงมันออกมาดูเห็นเป็นชื่อลูกน้องคนสนิทเลยกดรับ

"ว่าไงสิน?"

/ทางบ้านใหญ่บอกว่าติดต่อคุณทัตไม่ได้ครับ/

อ้อ ลืมไปว่าตัวเองมีโทรศัพท์อีกเครื่องที่ไว้คุยงานแต่ตอนนี้ทิ้งไว้กรุงเทพฯเหลือเพียงเครื่องนี้ที่เป็นเครื่องส่วนตัว

"แล้วทางนั้นว่ายังไง?"

/คุณทศพลและคุณเชอร์เบลจะมาถึงไทยในเช้าวันพรุ่งนี้ครับ/

ทัตถึงกับยกมือกุมขมับ นี่เค้าลืมไปเสียสนิทว่าพ่อแม่จะกลับมาไทย แต่ก็ไม่ได้มาด้วยเรื่องของเค้าหรอก มาด้วยเรื่องของอาเชนต์และอีฟเสียมากกว่า ถ้าไม่มีเค้าอยู่คงไม่เป็นไรหรอกมั่ง

"โอเค ขอบใจที่บอก ถ้าทางนั้นโทรมาอีกก็บอกไปว่าฉันรับรู้แล้ว"

/ได้ครับ/

"แค่นี้ใช่ไหม?"

/ครับ/

สิ้นสุดคำตอบรับจากปลายสายทัตก็กดวาง จะต่อสายหาผู้เป็นพ่อก็ต้องชะงักเพราะเวลานี้คงอยู่บนเครื่องแล้ว ระยะทางจากเยอรมันมาไทยไม่ใช้น้อยๆ งั้นไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรหาแล้วกัน วันนี้ต้องหาวิธีง้อคนทางนี้ให้ยอมอ่อนข้อให้กันซะก่อน

ทำไมถึงใจแข็งนักนะ

ทั้งๆที่เราใจตรงกันแท้ๆ



TBC...


หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 32 (UP-12/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-04-2017 19:20:42
ใจแข็งไปอีก 2-3 ตอนเลยคริส เราไม่ว่า
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 32 (UP-12/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-04-2017 21:20:48
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 32 (UP-12/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 12-04-2017 21:51:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 32 (UP-12/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-04-2017 02:42:55
ตามไล่อ่านจนทันแล้ว ดีใจ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 32 (UP-12/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 13-04-2017 06:53:27
 น้องคริสงอนพี่ทัตหรอจ๊ะถึงไม่คุยด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 32 (UP-12/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 13-04-2017 09:02:41
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 33 (UP-15/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 15-04-2017 20:00:19
สัมผัสที่ 33


คริสตัลตื่นขึ้นเพราะเสียงเรียกและแรงเขย่าที่แขนของคนตัวโต เค้าบลือตามองพลางตีหน้ายู่หัวคิ้วชนกันด้วยความขัดใจที่โดนปลุก

แต่คนปลุกกลับยิ้มร่า

“ไปล้างหน้าเดี๋ยวพี่จะพาออกไปข้างนอก”

ด้วยความมึนเบลอคริสเลยพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นอย่างว่าง่าย ในหัวตอนนี้แทบลืมไปด้วยซ้ำว่าตัวเองทิฐิคนตัวโตอยู่ เค้าคิดถึงเพียงการออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ไปดูสถานที่ๆเค้าไม่เคยมา มันออกจะน่าสนใจอยู่นะ

คริสใช้เวลาไม่นานก็กลับลงมาทัตเลยพาไปที่รถซึ่งให้คนเอามาไว้ให้ใช้ในระหว่างที่คนน้องหลับ ถึงจะเป็นรถเช่าแต่ก็เลือกเบนซ์ซึ่งน่าจะสบายสำหรับใครอีกคน คริสเข้าไปนั่งด้านหน้าข้างคนขับโดนไม่ปริปากเช่นเดิมทัตเองก็ไม่ได้เอ่ยปากใดๆเช่นกันแต่ก็ยังอารมณ์ดีที่คริสมีสีหน้าดีขึ้นกว่าเมื่อช่วงกลางวัน คงเพราะได้นอนเต็มอิ่มหลังจากที่เหนื่อยกับการเดินทางหรือไม่ก็เพราะกำลังดีใจที่จะได้ออกไปเที่ยว

ตลอดทางคริสมองรอบด้านด้วยดวงตาใสแป๊ว เค้าพึ่งรู้ว่าบ้านพักของทัตจะอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่ไม่ใช่หมู่บ้านจัดสรรแบบในกรุงเทพฯ ถึงจะแยกออกมาทางหาดเพียงหลังเดียวเหมือนพื้นที่โดนรอบก็เป็นของทัตแต่บ้านเรือนด้านหน้าก็ยังดูเป็นชุมชนขนาดกลาง เหมือนได้หลุดมาอยู่ในอีกโลกหนึ่ง โลกที่มีการใช้ชีวิตที่พอเพียงทำมาหากินธรรมดาไม่ได้เร่งรีบเหมือนอย่างในเมืองใหญ่

ก็ไม่คิดหรอกนะว่าคนตรงหน้าจะมีมุมปลีกวิเวกอะไรแบบนี้ด้วย

ทัตเองก็ลอบมองคนข้างๆอยู่ตลอดเวลาเลยได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นความสนอกสนใจของเด็กดื้อ เวลาอยู่กับตนคริสแทบจะไม่ปกปิดอารมณ์ทางสีหน้าหรือท่าทางใดๆเลยทั้งที่ช่วงแรกที่เจอกันแทบจะเรียกได้ว่าใส่หน้ากากเข้าหากันเลยก็ว่าได้ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทุกอย่างผ่อนคลายและการเป็นการถอดหน้ากากและหันหน้าเข้าหากันอย่างแท้จริง แต่อย่างนี้มันก็ดีแล้วแหละนะ

ทัตใช้เวลาขับรถเข้าในตัวเมืองไม่นานเพราะไม่ได้อยู่ไกลมาก สถานที่ที่เค้าพาไปคือตลาดนัดกลางคืนบนถนนเส้นหลักย่านเมืองเก่าที่ขึ้นชื่อ คริสเบิกตากว้างแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่แต่ยังดีที่ไม่ระริกระรี้ให้เห็นแต่ใจนี่แทบจะกระโดดโลดเต้นซะให้ได้ ทัตวนหาที่จอดไม่นานก็ได้ที่จอด เมื่อลงจากรถแล้วก็เดินไปจับมือคนน้องจนคริสที่กำลังเหลียวมองนู้นนี่ไปเรื่อยต้องชะงักแล้วหันกลับมาจ้องคนตัวโตแทน

“คนเยอะ เดี๋ยวหลง”

หลงก็แย่ละ นี่ไม่ใช่เด็กสามขวบซะหน่อย

ตอบโต้ได้แค่ในใจเพราะไม่อยากปริปากใดๆก่อนที่จะยื้อมือกลับแต่ทัตก็จับแน่นขึ้นจึงไม่หลุด คริสแยกเขี้ยวใส่แต่ทัตกลับหัวเราะขำแล้วฉุดเบาๆพาเดินตรงเข้าไปทางด้านในตัวตลาด แน่นอนว่าการที่ผู้ชายสองคนเดินจับมือถือแขนกันต้องตกเป็นเป้าสายตาใครต่อใคร แถมที่นี้ยังเป็นตลาดนัดขึ้นชื่อผู้คนจึงมากหน้าหลายตาทั้งไทยและต่างชาติ หลายคนมองด้วยความสนใจ หลายคนหันไปซุบซิบนินทาหรือแม้กระทั่งยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายก็ยังมี

ทัตเห็นทั้งหมดแต่เค้าไม่สนใจเช่นเดียวกันกับคริสที่เอาแต่สนใจของซื้อของขายที่มากมายไม่แพ้กัน พวกเค้าทั้งคู่ชินกับการเป็นจุดสนใจพอๆกันจึงไม่ลำบากหากจะโดนอย่างที่กำลังโดนอยู่ในตอนนี้

“อยากได้เหรอ?”

ทัตถามเมื่อเห็นคริสจ้องมองไปที่ร้านเทียนหอมรูปทรงต่างๆ คริสไม่ตอบแต่เดินตรงไปยังร้านโดยที่มีทัตเดินตามไปไม่ห่าง ก็มือยังคงจับกันอยู่นี่เนอะ ทัตแอบแปลกใจนิดๆที่เห็นคนน้องสนใจอะไรแบบนี้ แต่ก็น่ารักดีไปอีกแบบ คริสก้มๆเงยๆดูไปทั่วทั้งร้านโดนมีคนขายมียืนนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษอยู่ข้างๆ ทัตยิ้มเล็กน้อยให้คนขายเมื่อหล่อนหันมามองที่เค้าเมื่อมองตามมือที่จับกันอยู่ของพวกเค้า หล่อนยิ้มแป้นหน้าแดงนิดๆท่าทางเหมือนเขินแต่ทัตก็ไม่ได้สนใจและหันไปประชิดที่ด้านหลังคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะลังเลอยู่ที่โซนขวดอโลม่าสองขวด

“ถ้าชอบก็เอามาทั้งคู่ก็ได้”

ทัตบอกเป็นภาษาอังกฤษ เค้าไม่อยากหักหน้าคนขายที่คิดว่าคริสเป็นชาวต่างชาติซึ่งก็จริงอยู่ครึ่งหนึ่งแต่คริสรู้ภาษาไทยก็แค่นั้น คริสหันมามองไม่ได้ตอบแต่แววตาเหมือนจะตำหนิ

“พี่ซื้อให้ เอาไปทั้งสองกลิ่นนั้นแหละ”

คนน้องกรอกตาแล้วถอนหายใจ มือเริ่มยุกยิกเหมือนอยากคลายแต่ทัตไม่ยอมปล่อย

“โอเคๆ ตามใจเลยครับ อยากได้แบบไหนก็เลือกเอา”

คริสเลิกสนใจคนตัวโตแล้วหันกลับไปที่ขวดอโลม่าต่อ เค้าไม่ได้จะซื้อไปใช้เองหรอกแต่เค้าเห็นว่ามันสวยดีเลยอยากซื้อไปฝากแม่ ถึงการซื้อของฝากตั้งแต่วันแรกที่มาจะดูแปลกๆไปหน่อยก็เถอะนะ

“ขอกลิ่นนี้และชุดอโลม่าทั้งชุดครับ”

เป็นครั้งแรกเลยละมั่งที่ทัตได้ยินเสียงพูดของคนน้อง ถึงแม้จะไม่ใช่การพูดคุยกับเค้าแต่ก็อดยิ้มไม่ได้อยู่ดีแหละนะ ระหว่างที่รอเจ้าของร้านแพ็คของคริสก็เหลียวไปดูอย่างอื่นจะได้ไม่ต้องสนใจคนตัวโตที่เอาแต่จ้องเค้าไม่วางตาทั้งที่มือก็ยังจับกันอยู่แท้ๆ มองขนาดนี้กลืนลงท้องไปเลยไหม

ทัตจ่ายเงินให้ทั้งที่คริสกำลังจะแกะมือเพื่อล้วงเอากระเป๋าตังค์ ดวงตาสีฟ้ามองดุๆเมื่อโดนแย่งจ่ายไหนจะมือที่ไม่ยอมปล่อยนี่อีก อยากตะโกนด่าก็อยากแต่ต้องอดทนไว้ ทัตรับของพร้อมเงินทอนมาจนครบก่อนจะหันบอกคนน้องให้เดินต่อ คริสเลยหันหนีแล้วเดินนำหน้าไปแต่ก็ไปไกลไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละนะ

น่าหงุดหงิดชะมัด นี่มือมันติดกาวเอาไว้ด้วยรึเปล่าวะ!

“ตีหน้ายุ่งเชียว หงุดหงิดเหรอ?”

ถามเสียงระรื่นเพราะรู้ดีอยู่แล้ว คนน้องค้อนตามองปราดเดียวก่อนจะเชิดหน้ากลับไปในทันที ทัตหลุดขำ

“เดี๋ยวก็คอเคล็ด หิวรึยัง? ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม?”

รู้ว่าไม่น่าจะได้คำตอบกลับมาแต่ก็อยากถาม หวังเล็กๆว่าคนน้องจะหลุดมาดแล้วกลับมาคุยด้วยแต่ดูเหมือนแค่ความหวังเล็กๆนั้นก็ยังยากเกินไปอยู่ดี

เมื่อเห็นว่าคริสไม่ตอบทัตเลยพาเดินตรงไปยังร้านอาหารที่อยู่ภายในตึกทรงเมืองเก่าที่อยู่ด้านข้าง ร้านนี้เป็นร้านอาหารธรรมดาที่เปิดโล่งผู้คนนั่งทานได้ทั้งด้านในและด้านนอกที่ตัดไว้ให้ ทัตมองหาโต๊ะไม่นานก็เจอ เป็นโต๊ะไม้เหมือนตัวร้านที่ตั้งอยู่ด้านนอกซะด้วย ทัตปล่อยมือคนน้องแล้วเดินไปนั่งอีกฝั่งไม่นานพนักงานก็เดินเอาน้ำเปล่าใส่แก้วมาเสิร์ฟพร้อมเล่มเมนูและกระดาษปากกาสำหรับจด คริสมองตามด้วยสายตาฉงนจนทัตหัวเราะขำ

“ไม่เคยนั่งร้านแบบนี้ละสิ”

คริสเผลอพงกหัวตอบ

“ถึงจะไม่ได้ดูหรูไม่มีห้องแอร์แต่รสชาติดีนะ”

คริสกรอกตา พูดอย่างกับเค้าเป็นคนหัวสูงกินแต่ของบนห้างในโรงแรมไปได้ จริงๆเค้าก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับร้านแบบนี้หรอกเพียงแค่ไม่ค่อย ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่เคยมานั่งทานเลยนั้นแหละ จะบอกว่าเพราะคนรอบข้างต่างพาไปกินแต่ของที่อยู่ในห้างหรือในโรงแรมก็คงถูกหรือไม่ก็กลับไปกินที่บ้าน แต่เค้าก็เคยจอดรถซื้อก๋วยเตี๋ยวหน้าเซเว่นไปกินเหมือนกันนะ

คริสสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อทัตยื่นเล่มเมนูมาให้ เมื่อกี้กำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ด้วยไง เค้าเปิดดูเกือบจะพร้อมๆกัน อาหารที่มีก็คล้ายๆร้านอาหารตามสั่งทั่วไปแต่จะมีเสริมพวกอาหารในพื้นที่มาด้วย

“เลือกได้รึยัง?”

คริสเหลือบมองคนเร่งก่อนจะชี้ไปที่ข้าวผัดทะเล

“หึ ไม่คิดจะลองของแปลกๆบ้างเหรอ?”

คริสไม่ตอบ ทัตเลยหันเขียนรายการลงสมุดฉีกเล่มเล็กพอเสร็จก็เรียกพนักงานมารับไปในที่สุด คริสยกแก้วน้ำที่มีหลอดเล็กๆเสียบอยู่ขึ้นมาดูด น้ำเย็นชื้นใจช่วงลดความร้อนจากอากาศได้เป็นอย่างดี

“อย่าดูดเร็ว เดี๋ยวก็ปวดหัว”

จี๊ด!

ไม่ทันขาดคำคริสก็นิ่วหน้าวางแก้วเอามือกุมหัวในทันที ทัตถึงกับส่ายหน้ายิ้มขำ เค้ายื่นมือข้ามโต๊ะไปนวดขมับให้คนน้องจนสีหน้าคนน้องดูดีขึ้นก็พอ คริสเม้มปากแน่นไม่กล้ามองหน้าทัตเลยทำทีเหลียวมองร้านค้ารอบด้านแทน รอไม่นานอาหารร้อนๆก็มาเสิร์ฟ คนที่ไม่ปริปากตั้งหน้าตั้งตากินเหมือนจะหิวจัดจนทัตหลุดหัวเราะ มองดูนาฬิกาเห็นว่าพึ่งจะทุ่มกว่าๆยังมีเวลาให้ได้เดินดูได้อีกนาน เมื่อกินหมดจ่ายเงินเสร็จก็พากันออกไปเดินต่อ คราวนี้ทัตไม่ได้จับมือคริสไว้แต่คอยเดินประกบไม่ห่างชนิดก้าวต่อก้าวเลยก็ว่าได้

คริสเองเมื่อได้อิสระถึงจะไม่มากแต่ก็ยังดีกว่าการมีอีกคนจับกุมอยู่ตลอดเลยแทบถลา เค้าเดินแวะดูทุกอย่างที่น่าสนใจ เจออะไรน่ากินก็ซื้อกินและแน่นอนว่าคนจ่ายคือคนที่เดินตามหลังอยู่ต้อยๆ

“ระวัง”

ทัตเอ่ยทั้งๆที่มือเอื้อมมาดึงตัวคนน้องให้พ้นรัศมีคนที่จะเซมาชนจนรอดได้อย่างหวุดหวิด ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะและการเบียดเสียดและชนกันถือเป็นเรื่องปกติแต่ก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี

“เหนื่อยรึยัง? กลับกันเลยไหม?”

คริสที่ยังคงเคี้ยวลูกชิ้นแก้มตุ้ยในมือยังถือลูกชิ้นที่เหลือในไม้ แค่สองลูก ทัตใช้นิ้วโป้งเกลี่ยรอยน้ำจิ้มที่ติดเหนือริมฝีปากเล็กก่อนจะนำเข้าปากตนเอง คริสชะงักไปนิดแต่ก็กัดเอาลูกชิ้นในมือเคี้ยวต่อพลางเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตา

“กลับกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาออกมาเที่ยวใหม่”

คริสไม่ตอบแต่ยอมเดินวกกลับไปยังทิศทางเดิม ทัตเดินตามไปติดๆจนมาถึงรถพวกเค้าก็พากันกลับในทันที

“ขึ้นไปอาบน้ำเลยเดี๋ยวพี่เก็บของเอง”

ทัตพูดบอกคนน้องเมื่อมาถึงบ้าน ข้าวของที่เต็มสองไม้สองมือของทัตล้วนเป็นของกินที่คนน้องเทียวแวะชิมแวะซื้อทั้งสิ้น จะมีของฝากเป็นสิ่งของปนอยู่ประปราย คริสไม่ตอบและหันไปเปิดตู้เย็นรินน้ำเปล่าใส่แก้วแล้วกระดกดื่มเหมือนกระหายจัด ทัตนำของวางที่โต๊ะทานข้าวทั้งหมดก่อนจะหันมาแยกของกินของฝาก หันไปทางตู้เย็นอีกทีคนน้องก็ไม่อยู่แล้วแต่กลับมีแก้วน้ำเปล่าที่มีน้ำอยู่เต็มแก้ววางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวด้านข้าง ทัตเสมองไปนังทิศทางของบันไดขั้นสองแล้วกดยิ้ม

ดูท่าความหวังคงไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วละนะ

คริสเข้ามาในห้องนอนใหญ่ได้ก็รีบกดล็อคกลอนประตูทันที ดวงตากลมมลสีฟ้าใสหลุกหลิกทั้งที่มือยังจับลูกบิดและกลอนอยู่เช่นเดิม เมื่อกี้ทำอะไรลงไป ไม่สิ ต้องเป็นตั้งแต่ตอนเย็นเลยมากกว่า แทนที่จะทำทีไม่สนใจแต่กลับสนุกเมื่อมีคนตามใจและพาเที่ยวในที่ใหม่ๆ

สนุกจนลืมไปด้วยซ้ำว่าโกรธเกลียดอะไรมันมาก่อน

“โถ่เอ๊ย ไอ้คริส ไอ้คนใจง่ายเอ๊ยยยยย”

อดที่จะทึ้งหัวตัวเองไม่ได้ จากอารมณ์ดีๆตอนนี้เริ่มจะหงุดหงิดเพราะภาพความเอาใจใส่ของมันฝุดขึ้นมาในหัวอย่างกับดอกเห็ด ทรุดตัวลงนั่งหลังพิงประตูตาจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยความเหม่อลอย

แล้วทีนี้จะเอายังไง?...

จะแกล้งไม่พูดด้วยแบบนี้ต่อไปดีไหม?...

คิดไม่ตกแล้วก็ฟุบหน้าลงที่ฝ่ามือ คริสซบอยู่นิ่งๆอย่างนั้นไม่กี่นาทีก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำ คริสยืนมองดูหน้าตาที่คิ้วแทบจะผูกกันเป็นปมแล้วก็ถอนหายใจ มือเรียวค่อยๆถอดเสื้อผ้าของตัวเองที่ละชิ้นจนเหลือแค่ร่างเปลือยเปล่า สายตามองสำรวจร่างกายที่ขาวซีดของตัวเองไปจนทั่ว รอยช้ำและรอยมือจากการกระทำที่รุนแรงในคราวนั้นจางหายไปแล้ว

แต่ทำไมถึงได้รู้สึกโหวงๆกันละ

ดวงตาสีฟ้าไล่มองขึ้นมาด้านบนอีกครั้งแล้วก็ไปสะดุดอยู่ที่คอขาวเยื้องไปทางด้านหลัง ทำไมมันเหมือนจะมีรอย พอเอี้ยวตัวไปดูดีๆก็ถึงกับอ้าปากเหวอ

คิสมาร์ค!

มันมาทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!?!

มิน่าไปเดินตลาดเมื่อกี้คนถึงมองกันฉิบหาย

ว่าแล้วก็หันหลังจับราวประตูเตรียมจะเปิดออกแต่ก็ต้องชะงักเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหนและตอนนี้อยู่ในโหมดไม่พูดด้วยอีก

โว๊ะ! หงุดหงิด!!

จากที่ตั้งท่าจะออกไปฉะคนพี่ก็เปลี่ยนเป็นเดินไปเปิดฟักบัวรดตัวให้หัวเย็นลง เค้าใช้เวลาอาบน้ำไม่นานแต่ที่นานคือการยืนสงบสติอารมณ์ใต้สายน้ำเย็นๆนั้นแหละ คริสออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวที่คลุมท่อนล่างไว้เพียงผืนเดียว ผมสีอ่อนที่ยังคงเปียกชื้นลู่ลงกับต้นคอระหงส์ ผิวที่ขาวซีดมีหยดน้ำเกาะอยู่บางๆ จมูกโด่งและปากเรียวแดงระเรื่อเช่นเดียวกับใบหูทั้งสองข้าง เค้าเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าโดยที่แทบไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนอยู่ในห้องและจ้องมองเค้ามาได้สักพักแล้ว

ทัตลอบเลียริมฝีปากเมื่อเห็นฉากติดเรตไปเต็มๆ คนตัวบางช่างยั่วยังคงไม่รู้สึกตัวจนเค้าที่ยืนอยู่ใกล้ๆประตูห้องต้องเดินเข้าไปซ้อนที่ด้านหลัง มือหนายกขึ้นจับเอวคอดจนเจ้าตัวสะดุ้งโหย่งหันหน้ามาหาในทันที ใบหน้าตื่นตกใจนั้นทำให้ทัตกดยิ้มและก้มลงไปจู่โจมริมฝีปากแดงๆให้หายคิดถึง

“อื้อออ!!!”

คนน้องประท้วงในลำคอยกมือขึ้นผลักแต่แรงเท่านี้สู้อะไรคนตัวโตอย่างทัตไม่ได้อยู่แล้ว อ้อมแขนแกร่งกระชับกอดคนตรงหน้าเหมือนกลัวหนีหายไปไหน ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าหาและไล่ต้อนจนคริสหายใจแทบไม่ทัน ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนตามการจูบที่หนักหน่วงขึ้นทุกขณะ มือหนาเลื่อนขึ้นมาประคองท้ายทอยถอนริมฝีปากให้คนน้องได้หายใจก่อนจะรุกเข้าหาอีกครั้ง จากแรงผลักตอนนี้กลายเป็นแรงจิก กรงเล็บจากมือเรียวที่ลืมตัดได้จิกกดลงไปในผิวเนื้อใต้ร่มผ้าจนเจ็บแปร๊บแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ความร้อนระอุตรงกลางกายนั้นลดน้อยถอยลงเลยสักนิด

“อึ๊ก!”

คริสสะดุ้งเฮือกเมื่อมือที่เคยรั้งท้ายทอยบัดนี้ได้เลื่อนลงไปกระตุกปมผ้าจนหลุดและบีบเค้นเนินสะโพกพร้อมๆกับเรียวปากที่ผละออกแล้วไล่ลงไปโลมเลียที่จุกสีชมพูสดอย่างเพลินปาก

“เดี๋ยว!”

ทัตชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนน้อง รอยยิ้มร้ายฝุดขึ้นมาพร้อมๆกับใบหน้าเจ้าเล่ห์เสียจนคนโดนต้องแทบจะกระโดดกัดคอด้วยความหมั่นไส้

“ปล่อยสิวะ”

“พูดไม่เพราะ”

คริสกัดฟันกรอด อยากจะบีบคอเขย่าไอ้คนหน้าระรื้นนี้ชะมัดแต่ตอนนี้แม้จะขยับตัวยังยาก ไหนจะอยู่ในสภาพเสื้อผ้าไม่มีสักชิ้นอีก เมื่อมองลงล่างแล้วเห็นส่วนที่พองนูนภายในกางเกงของคนตัวโตแล้วก็ต้องเม้มปากหน้าเห่อร้อนขึ้นมาในบันดล

ถ้าเป็นเมื่อก่อนพ่อคงจับงับไปแล้ว

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ไง

แล้วไอ้หนูลูกพ่อทำไมต้องไปโด่สู้เค้าด้วยละวะ

“เห้ย!”

ร้องเสียงหลงอีกครั้งเมื่อโดนคนตัวโตอุ้มกระเต็งไปยังเตียงก่อนที่จะตามขึ้นมาค่อมไว้ทั้งร่าง ขาถูกยกขึ้นพาดแขนส่วนมือก็สาละวนอยู่ที่เนื้อนูนเด้งด้านหลัง คริสถกตัวหนีแต่ทัตก็ดึงไว้อีก ปากเรียวเม้มแน่นในขณะที่ช้อนตาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างคอดค้อน ทัตรู้สึกถึงความสับสนของคนน้องได้เป็นอย่างดีเพราะงั้นเค้าจึงพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่เร่งถาม ไม่เร่งรุก ค่อยๆดำเนินไปอย่างช้าๆเพื่อให้คนตรงหน้าได้ไตรตรองถึงความรู้สึกของตัวเอง

“คริสตัล”

เอ่ยเรียกคนน้องเสียงหวานพลางส่งสายตาอ่อนโยนเข้าใส่ คริสถึงกับสะอึกไม่คิดว่าจะได้เห็นคนตัวโตในรูปแบบนี้

“พูดกับพี่”

แต่ก็ยังติดนิสัยพูดจาเหมือนเป็นคำสั่งอยู่อย่างนั้น คริสได้ยินแล้วก็นึกฉุน ขาเรียวสะบัดหนีก่อนจะยันโครมเข้าใส่กลางอกจนคนพี่หงายหลังเสียหลักไปเลยทีเดียว คริสใช้จังหวะนี้รีบลุกแล้ววิ่งไปทางประตูแต่ก็โดนคว้าตัวไว้ได้ทันและถูกพากลับมานอนอยู่ใต้ร่างคนตัวโตเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือถูกแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาซึ่งทำให้ถีบอีกไม่ได้และมือก็โดนรวบไว้เหนือหัวอีกด้วย

“ดื้อสมกับที่เป็นเราจริงๆ”

คนตัวบางมองเค้าตาขวางโดยไม่ลืมที่จะดิ้นจนต้องออกแรงจับให้แน่นเข้าไปอีก

“จะหนีทำไมละ เราเองก็รู้สึกไม่ใช่รึไง”

“……”

“หรือว่ายังเจ็บอยู่?”

แอบหวั่นนิดๆเพราะวันนั้นก็รุนแรงไปมากพอสมควร แต่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะ คริสเบือนหน้าหนีทำทีไม่สนใจจนทัตถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะผละถอยออกไปก็ไม่อยากแต่จะอยู่ต่อก็กลัวคนน้องโกรธยิ่งกว่าเดิม เมื่อกี้ก็เกือบหยุดไม่ได้ ดีนะที่ยังยั้งทัน ปกติถ้าอยู่ใกล้ๆกันก็สปาร์คง่ายอยู่แล้วยิ่งมาเจอช็อตเด็ดอย่างเมื่อกี้นี้เข้าไปอีก

“งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยเราแล้วกัน จะได้นอนสบายตัวหน่อย”

คริสกรอกตาคิดตามคำบอกเล่าแต่ยังไม่ทันจะตอบรับอะไรก็ต้องสะดุ้งและหันควับมามองใครอีกคนที่จับส่วนอ่อนไหวนั้นอยู่

“อ๊ะ!”

เผลอหลุดเสียงร้องเมื่อมือนั้นรูดรั้งให้ได้อารมณ์เสียว ทัตก้มลงจูบกรีบปากนุ่มสอดแทรกเรียวลิ้นไปตักตวงความหวานภายในโดยที่มือยังคงขยับไปมาไม่หยุด คริสบิดเร้าเมื่อโดนรุกอย่างหนักหน่วง มืออีกข้างตะปบอยู่ที่ไหล่หนากดจิกบรรเทาอาการเสียวซ่านจนทัตละปากออกมาไซ้อยู่ที่ซอกคอขาว กลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆทำให้เค้าแทบหูอื้อตาลาย ส่วนใหญ่โตนั้นพองตัวเต็มที่อยู่ที่ด้านในแต่ตนไม่อยากนำออกมาในตอนนี้

ถ้าขืนเอาออกมามีหวังยั้งใจไว้ไม่อยู่แน่ๆ

คริสกระตุกเกร็งเล็กน้อยเมื่อลิ้นชื้นไล่วนอยู่ที่ยอดอก คมเขี้ยวขบกัดสะกิดพอให้เกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกนิด ไม่นานก็เลื่อนลงไปยังแอ่งหน้าท้องรอบสะดื้อให้คนโดนกระทำได้บิดเร้าไม่หยุด

คริสหลี่ตามองคนตัวโตในขณะที่ทัตจ้องมองเค้าอยู่ไม่วางตา ไม่รู้ตัวเองใช้สายตาแบบไหนมองแต่ที่รู้สึกได้คือความอ่อนโยนที่คนๆนั้นแสดงออกมาให้รับรู้ ทัตไม่ได้ตะกละตะกลามเหมือนอย่างเคย เค้าอ่อนโยนจนรู้สึกหวิวๆในอกลามไปยังท้องและตรงไปที่ส่วนนั้นอีกด้วย

“อ๊า!”

สะดุ้งอีกครั้งเมื่อส่วนอ่อนไหวได้ถูกครอบงำด้วยปากของใครอีกคน เท้าเกร็งจิกเบาะในขณะที่มือก็กำผ้าปูแน่นจนแทบจะฉีกเป็นชิ้นๆ คริสแอ่นกายไปตามอารมณ์ที่ถูกป้อน มือหนาบีบเค้นแก้มก้นตึงไปมาในขณะที่อีกข้างยังคงจับส่วนนั้นขยับสลับกับปากไปมา

“อึ๊ก…อืมมม…”

คริสยกมือปิดปากแทบไม่ทัน ทัตนึกขำเด็กดื้อในใจว่าแม้แต่เวลาแบบนี้ยังไม่ยอมที่จะร้องให้เค้าได้ยินเสียงไปด้วยอีก

เป็นเด็กดื้อที่น่าฟัดให้จมเขี้ยวจริงๆ

ไม่นานร่างกายเริ่งเกร็งกระตุกจนทัตสัมผัสได้ คนตัวบางหายใจถี่พร้อมมีเสียงเล็ดลอดออกมาเป็นระยะ คงใกล้แล้วละสิ ว่าแล้วก็สอดแทรกนิ้วทางด้านล่างเข้าไปในช่องทางเล็กจนคนน้องสะดุ้ง ทัตจำได้ดีว่าจุดพีคของคนน้องอยู่ตรงไหน เมื่อเจอจึงกดย้ำให้ช่องทางนั้นได้ตอดรัดยิ่งกว่าเดิม ทัตปวดฉุที่ส่วนนั้นของตนจนแทบบ้า อยากจะเข้าไปข้างในและขยับให้คนๆนี้บิดเร้าอยู่ภายในอ้อมแขนไปตลอดทั้งคืน อยากกอด อยากหอม อยากสัมผัสให้ลึกซึ้งยิ่งกว่านี้ อยากให้คนๆนี้เป็นของตนเองทั้งกายและใจ

ทัตถอนปากออกจากตรงส่วนนั้นแล้วเลื่อนตัวลงต่ำยิ่งกว่าเดิม คริสรู้ว่าทัตจะทำอะไรต่อก็ตอนที่นิ้วมือถูกถอดออกและมีสิ่งอื่นที่ชุ่มฉ่ำกว่าสอดแทรกเข้ามาแทน

“ไม่! อืมมม…”

ถึงจะห้ามแต่คนทำก็ไม่คิดจะหยุด เค้าไม่คิดที่จะรังเกียจคริสเลยสักนิดถึงแม้ว่าคริสจะรังเกียจเค้าก็เถอะ

“อ๊าาาา…ปล่อย…อืม…ไม่เอา”

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มือที่รูดรั้งแกนกลางกายนั้นยิ่งเพิ่มระดับพอๆกับด้านหลังที่เล้าโลมจนแทบสิ้นสติ คริสหัวสมองขาวโพลนไปหมด แม้แต่เสียงยังเอ่ยออกมาเต็มเสียง ทั้งเสียงร้องครวญครางอย่างกระเส่า ทั้งเสียงร้องห้ามเมื่อโดนจี้จุดนั้นในหลายๆครั้ง ความรู้สึกทั้งหมดหล่อหลอมรวมกันจนปะทุออกมาในที่สุด ทัตค่อยๆผ่อนแรงและยันตัวขึ้นมองคนน้องที่หอบหายใจอย่างหนักอยู่บนเตียง หน้าขาวบัดนี้แดงเถือกจนลามลงมาถึงคอและใบหู ปากเจ่อเล็กน้อยจากการถูกจูบหลายต่อหลายครั้ง ดวงตาบิดสนิทเหมือนอยากพักแต่ที่หน้าแกกลับเต้นรัวเป็นกลองชุด ทัตก้มลงไปจูบหน้าผากเนียนเบาๆแล้วจึงผละไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดทำความสะอาดให้ คนหอบหายใจบลือตาขึ้นมองจนเห็นส่วนที่โป่งนูนของอีกฝ่ายก็แอบรู้สึกผิด

“นอนพัก เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำแล้วจะมานอนกอด”

คนพี่พูดเสียงอ่อนพร้อมกับคลี่ผ้าห่มขึ้นคลุมให้จนถึงคอ คริสหลบสายตาเล็กน้อย แต่พอทัตลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินออกไปก็ต้องชะงักแล้วหันไปมองที่ชายเสื้อที่มีมือเรียวของคริสดึงรั้งไว้อยู่ ทัตหันไปมองคนบนเตียงแต่คริสกลับมุดหน้าเข้าไปในผ้าห่มจนมิดหัว

“เป็นอะไรหืม?”

กลับลงไปนั่งข้างๆคนบนเตียงแล้วลูกหัวผ่านผ้าห่มผืนหนา ใจพองฟูขึ้นมาจนแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง

“…….”

“บอกพี่สิครับ”

“…ทะ…”

“หืม?”

“ไม่…ทำต่อเหรอ?”


TBC…
ตัดฉับแบบนี้จะโดนฆ่าเอาไหมเนี้ย
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 33 (UP-15/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-04-2017 20:24:11
 :impress2:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 33 (UP-15/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-04-2017 20:25:56
คริส ใจอ่อนกับทัตแล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 33 (UP-15/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 15-04-2017 21:49:19
 :laugh:
ใจอ่อนซะทีนะคริส
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 33 (UP-15/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-04-2017 21:54:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 33 (UP-15/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-04-2017 00:39:22
ว้าาาา ใจอ่อนซะแล้วใช่ได้ที่ไหนกันคริส
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 33 (UP-15/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 16-04-2017 00:44:36
 :a5: pleaseมาต่อด่วนค่ะ....ค้างอย่างมาก :katai1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 34 (UP-19/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 19-04-2017 20:43:43
สัมผัสที่ 34



เสียงหอบหายใจหนักๆดังสอดประสานกับจังหวะการถาโถมที่หนักหน่วงและถี่ยิบ คนใต้ร่างร้องครางกระเส่าร่างกายไหวคลอไปกับแรงส่งจากใครอีกคน เหงื่อฝุดจนมันเลื่อมทั้งๆที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ

“อ๊า!”

ทัตยกยิ้มเมื่อไปกระตุกถูกจุดอ่อนไหวของคนตัวบาง เค้าย้ำไปยังจุดนั้นเรื่อยๆจนช่องทางเล็กเพิ่มแรงตอดรัดมากขึ้น อาการตัวเกร็งทำให้รู้ว่าอีกคนกำลังจะปลดปล่อยเป็นรอบที่สามในขณะที่เค้าพึ่งปล่อยไปแค่รอบเดียว ทัตหยุดเคลื่อนไหว คนกำลังได้ที่เลยชะงักอารมณ์ค้างเติ่งจนต้องเม้มปากมองจิกคนด้านบนด้วยดวงตารื้อน้ำแสนยั่ว

“หยุดทำไม?”

เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหวและแหบพล่า ทัตหัวเราะหึแล้วก้มลงดูดปากที่เริ่มเจ่อและแดงเรื่อ

“รอบนี้พร้อมกันนะ”

คริสหลบตา

“ไม่เอา”

“ทำไมละ?”

“ก็…”

“หืม?”

“ก็ยู…ช้า…”

ทัตยิ้มขำให้คนเขิน เค้าก้มลงหอมแก้มเนียนไปฟอดใหญ่ๆก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วอยู่ข้างๆหู

“ช้าหรืออึด พูดให้ถูก”

“อร๊าาาา!!!”

ร่างบางผวาขึ้นกอดคนด้านบนทันทีที่โดนโถมเข้าใส่อีกครั้ง แรงส่งที่แทรกแซงอย่างล้ำลึกทำให้อารมณ์พุงสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง สองแขนล่ำกระคองสะโพกยกขึ้นสูงให้ได้องศา ความอุ่นร้อนและตอดรัดทำให้ทัตถึงกับซี๊ดปากด้วยความเสียวซ่าน คริสจิกเล็บลงแผ่นหลังอย่างไม่ออมแรง ใบหน้าหวานเหยเกแต่ครางกระเส่า

“อึ๊ก..ทัต..อาห์..”

“จูบหน่อย”

คริสเงยหน้ารับบดจูบที่หนักหน่วงและโหยหา เรียวลิ้นเกี้ยวกระหวัดกันไปมาในขณะที่ด้านล่างก็แรงไม่มีถอย ทัตบีบนวดเนื้อก้อนตึงอย่างมันส์มือพร้อมๆกับแรงรัดที่เพิ่มมากขึ้น ความเสียววูบเริ่มแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง หัวสมองมึนเบลอจนแทบไม่รับรู้ต่อสิ่งใดยกเว้นใครอีกคนที่ยังคงกอดรัดกันอยู่ไม่ห่าง เสี้ยววินาทีนั้นความปวดหนึบก็แผ่ซ่านเป็นของเหลวเหนียวเหนอะกระจายตามหน้าท้อง ทัตเองก็แช่ค้างปล่อยให้สิ่งอุ่นร้อนนั้นพุ่งทะลุอยู่ที่ด้านใน ทั้งคู่หอบหายใจอย่างหนัก คริสทิ้งแขนลงทั้งสองข้างพลางปิดเปลือกตาด้วยความอ่อนแรง ทัตก้มลงมาจูบปากคนด้านล่างอีกครั้งก่อนจะถอดแกนกายออกและนั้นก็ทำให้ของเหลวที่อยู่ด้านในไหลทะลักออกมา

“โคตรเอ๊กซ์”

พูดพลางเลียริมฝีปาก คนหลับตาเกิดหมั่นไส้เลยยกขากะเตะไปอีก ทัตคว้าไว้ได้ทัน เค้าหัวเราะเสียงต่ำแล้วกดจูบไปที่ข้อเท้าขาว คริสบลือตามอง

“ปล่อย”

นี่เสียงคนหรือเป็ด แหบได้ใจชมัด

“อยากอาบน้ำไหม?”

คริสกรอกตาคิด

“อยากแต่ก็ง่วง ไม่มีแรงด้วยแต่โคตรเหนียวตัว”

ทัตหัวเราะให้กับความย้อนแย้งของคนตรงหน้า

“เดี๋ยวอาบให้”

ว่าแล้วก็เข้าไปอุ้มคนน้อง คริสยกมือโอบรอบคออย่างว่าง่ายปล่อยให้คนพี่บริการตนตามที่เค้าพอใจจะทำเลย



ทัตรู้สึกตัวตื่นขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์ เค้าค่อยๆพลิกร่างไปกดตัดสายก่อนจะหันมามองคนน้องที่ยังคงหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขน เค้ายิ้มแล้วก้มลงไปหอมหน้าผากมลเบาๆแล้วจึงค่อยๆผละออกมา คริสขยับตัวนิดหน่อยแต่ก็หลับต่อไปในที่สุด ทัตดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้คนบนเตียงจนถึงคอแแล้วค่อยออกไปต่อสายหาคนที่โทรมาเมื่อครู่อยู่ที่ระเบียงด้านนอก

“ครับพ่อ”

/อยู่ไหนนะทัต?/

“ภูเก็ตครับ พ่อแลนดิ้งเมื่อไหร่?”

/ตั้งแต่สองชั่วโมงก่อน แล้วทำไมไปอยู่นั้นแทนที่จะอยู่เคลียร์เรื่องด้วยกัน/

ทัตหันกลับไปมองคนหลับเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองผืนทะเลเบื้องหน้าดังเดิม แสงแดดที่สว่างจ้านั้นทำให้เค้ารู้ว่าเค้าตื่นสายมามากพอสมควร

“มาเคลียร์เรื่องหัวใจนิดหน่อยนะครับ”

/หืม…นี่แกมีแฟนอยู่ภูเก็ต?/

“เปล่าครับ พอดีผิดใจกันนิดหน่อยเลยพามาเที่ยวแล้วก็เคลียร์กันไปด้วย”

/แผนดีนี่หว่า ผมกับที่เป็นลูกพ่อ/

ทัตยิ้ม

/แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่?/

“คงอีกสักสี่ห้าวันครับ”

/นี่ไปง้อหรือไปเข้าหอ ทำไมไปนาน/

“พอดีคนงอลดื้อนะครับ ผมเลยต้องง้อนานๆหน่อย”

/หึ ท่าจะเอาจริงแฮะ/

“คนนี้ผมเอาจริงครับ”

/เออๆ โตๆกันแล้วก็ดูกันเอาเอง อย่าให้มีคำว่าอกหักสำหรับผู้ชายอกสามศอกนะเทพทัต/

“ก็เกือบเหมือนกัน”

/ฮ่าๆๆๆ ชักอยากเห็นหน้าคนที่กล้าทำให้แกหัวปั่นซะแล้วสิ งั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่จะอยู่รอแกกลับมากรุงเทพก่อนแล้วค่อยบินกลับละกัน พาว่าที่ลูกสะใภ้มาหาด้วยละ จะรับขวัญอย่างดีสัญญาว่าไม่มีแกล้งใดๆทั้งสิ้น/

ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติทัตคงจะยิ้มร่าให้กับคำหยอกล้อของชายผู้เป็นพ่อแต่เค้ากลับสะอึกให้แก่คำที่ว่า ‘ลูกสะใภ้' เข้าเต็มๆเปา

ถึงจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดไหนแต่อำนาจของผู้เป็นพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่กว่าเสมอ

“พ่อครับ”

/ว่าไง? อย่าบอกนะว่ายังไม่พร้อมพามาเจอ เอาน่า จะจริงจังกับเค้าก็ต้องกล้าๆหน่อย แค่พ่อแม่ตัวเองยังไม่กล้าพามาเจอแล้วจะไปเจอพ่อแม่อีกฝ่ายได้ยังไงวะ/

ทัตถอนหายใจ

“พ่อ…แฟนผมเป็นผู้ชาย”

ปลายสายเงียบกริบในขณะที่ทัตลุ้นจนเหงื่อซึมมือชื้นแต่ก็ยังตั้งใจรอ เค้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี แค่นี้ก็เจอเรื่องแย่ๆมาเยอะแล้วขออย่าให้มีอะไรมาขวางทางอีกเลย

/เทพทัต/

น้ำเสียงที่เข้มขึ้นทำให้ทัตวูบไหวในอก

“ครับ”

/อย่ามาพูดเล่นแบบนี้นะ/

มือหนาเผลอกำแน่นขึ้นกว่าเดิม

“ผมพูดจริงครับ”

/แกเป็นลูกชายคนเดียวและยังต้องสืบทอดกิจการทั้งหมด แกคิดจะให้ตระกูลเราสิ้นสุดอยู่แค่รุ่นแกเหรอ?/

ถึงแม้จะไม่ใช่น้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดแต่ก็ทำให้คนฟังอึดอัดในใจได้มากโข

/แค่เรื่องอีฟกับไอ้เชนต์มันยังทำให้พ่อปวดหัวไม่มากพอใช่ไหม?/

“ผมขอโทษ”

/เลิกกันซะ/

คราวนี้ถึงกับชาว๊าบไปทั้งตัว

“ไม่ครับ”

ปากตอบไปโดยไม่แม้แต่จะปรึกษาสมอง มันเป็นไปเองตามที่ใจปรารถนา

/หึ ตอบแบบไม่คิดเลยนะ/

พึ่งจะเข้าใจที่คริสบอกว่าเกลียดเสียงหัวเราะเค้าก็ตอนนี้

“พ่อครับ ผมทำตามที่พ่อบอกมาโดยตลอดแล้ว แต่ว่าเรื่องนี้…”

/แกก็ต้องทำตามที่ฉันบอกต่อไป/

“…….”

ถึงกับพูดไม่ออก

/เลือกมาระหว่างเลิกกันกับผู้ชายคนนั้นหรือคบกันต่อไปโดยที่ตัดนามสกุลศิริพัฒนโอฬารทิ้ง!/

“พ่อ…”

/ฉันให้เวลาแกวันนี้ทั้งวัน/

ทัตถอนหายใจเฮือดใหญ่แล้วหันหลังพิงราวระเบียงเบนสายตาไปมองยังคนบนเตียงที่ตื่นขึ้นมาแล้ว คริสงัวเงียมองซ้ายแลขวาหันหาทัตด้วยใบหน้าที่เหมือนเด็กน้อยจอมงอแง ปากเรียวยู่เล็กน้อยในขณะที่ตายังคงบลือๆ ผมไม่เป็นทรงและเสื้อเชิตตัวใหญ่ที่โชว์ไหล่ขาวไปข้างหนึ่ง

“ผมขอโทษ”

/…………/

“ผมรักพ่อกับแม่นะครับ”

/………../

“แต่ผมก็รักเค้าเหมือนกัน ผมขาดเค้าไม่ได้ครับพ่อ”

/หึ/

“ผมขอโทษ”

/พูดได้ดีนี่ สรุปคือเลือกคนนั้น?/

“……”

/ถ้ากำจัดทิ้งแกคงไม่มีอะไรหน่วงเหนี่ยวสินะ/

“พ่อ!”

/หึหึ/

“ถ้าพ่อทำอะไรเค้า ผมจะไม่ให้อภัยพ่อเลยตลอดชีวิต!”

/ดีจริง กล้าประกาศสงครามกับพ่อซะด้วย/

ทัตกัดฟันกรอดในขณะที่ตายังจ้องไปที่ร่างบางบนเตียง คริสเห็นทัตแล้ว เค้าได้ยินเสียงทัตตะคอกใส่โทรศัพท์จึงได้รู้ว่าคนตัวโตกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดอยู่ตรงระเบียง ด้วยความหิวจนท้องเริ่มประท้วงคริสเลยก้าวลงจากเตียงตั้งท่าจะลุกไปเข้าห้องน้ำแต่ทว่า…

“เห้ย!”

“คริส!!”

ขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจนทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้น ทัตเองก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาก่อนจะพยุงให้ขึ้นไปนั่งบนเตียงดีๆ

“เจ็บตรงไหนไหม?”

คริสส่ายหน้า เค้ายังอึ้งกับปฎิกิริยาของคนตรงหน้าไม่หาย อะไรมันจะเวอร์วังขนาดนั้นวะ

“ดื้อจริงเลย จะไปไหนทำไมไม่เรียก!?”

คริสกระพริบตาปริบๆให้กับคนอารมณ์เสีย

“อย่ามาพาล ก็เห็นคุยโทรศัพท์อยู่เลยจะลุกไปเข้าห้องน้ำเอง”

ทัตถอนหายใจสงบสติอารมณ์แล้วพยักหน้ารับ ตอนนั้นเองที่คริสเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ในมืออีกข้างของคนตัวโต

“ว่าแต่…วางสายไปรึยังนะ?”

พูดพร้อมกับชี้ไปที่เครื่องมือสื่อสาร ทัตเลิกคิ้วแล้วยกขึ้นมาดู จริงๆก็ลืมวางนั้นแหละ แต่ตอนนี้หน้าจอกลายเป็นแบล็คกราวด์ปกติไปแล้ว

วางไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ แต่ก็เอาเถอะ กลับไปค่อยไปคุยใหม่อีกรอบแล้วกัน

“จะไปเข้าห้องน้ำใช่ไหม?”

คริสพยักหน้า

“เดี๋ยวพี่อุ้มไป”

“เห้ย ไม่เอาๆ แค่พยุงไปก็พอ”

“อย่าดื้อครับ เดี๋ยวอุ้มไปนั่งที่อ่าง นอกนั้นจัดการเอง โอเคไหม?”

คริสนิ่งไปแป๊บแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ อย่างน้องๆก็ยังดีกว่าให้มันเข้ามาอาบให้เหมือนเมื่อวานละนะ




“วันนี้เราจะไปไหนกัน?”

คริสถามเมื่อกลืนมื้อเที่ยงคำสุดท้ายลงท้อง ทัตอิ่มตั้งก่อนเลยได้แต่นั่งมองคนหิวที่กินไวจนต้องคอยปราม

“อยากไปไหนละ?”

“จะไปรู้ไหม ไม่เคยมา”

ทัตยิ้มขำเอื้อมมือไปยีผมสีอ่อนก่อนจะคว้าจานชามมารวมกับของตนแล้วนำไปไว้ที่ซิงรอให้ป้าแม่บ้านแกมาจัดการอีกที

“ตอนนี้แดดยังแรงอยู่ไปเดินห้างกันไหม?”

“ไปทำไมห้าง กรุงเทพก็มีเยอะแยะเข้าก็บ่อยไม่เบื่อบ้างไง?”

“พรุ่งนี้ว่าจะพาไปขับเจ็ทสกีแต่เราไม่น่าจะเอาชุดมาใช่ไหม?”

“เออ ก็จริงแฮะ แล้วทำไมต้องเป็นพรุ่งนี้ ซื้อแล้วไปขับเล่นเลยไม่ได้เหรอ?”

เผลอใช้เสียงอ้อนไปโดยไม่รู้ตัว พอเห็นว่ามีเรื่องน่าสนุกละเต็มที่เชียวนะ

“วันนี้ลัดคิวไม่ได้ แต่พรุ่งนี้เล่นได้ทั้งวัน”

“โอเค งั้นไปห้างกัน แล้วจะได้ไปตลาดนั้นอีกไหมอะ?”

ท่าทางจะติดใจตลาดเมืองเก่าเข้าให้แล้วสิ

“ไปถนนคนเดินแทนแล้วกัน ใกล้กว่าแถมเหมือนจะมีโชว์มายากลด้วย”

ที่รู้เพราะหาข้อมูลมาก่อนแล้ว คนอย่างคริสคงไม่ชอบอยู่บ้านนอนดูฟ้าดูน้ำเฉยๆแน่นอนเพราะงั้นตนเลยต้องหาความสนุกสนานอันอื่นไว้ให้จะได้พาเด็กดื้อไปเที่ยวเล่นได้ไม่มีขัด

“จริงดิ!”

นั้นไง ตาใสเบิกกว้างพลางไหวระริกไหนจะแย้มยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ครับ”

“งั้นก็ไปกันเลย!”

ทัตยิ้มขำหัวเราะเสียงต่ำให้คนใจร้อนที่เดินมาลากแขนเค้าไปยังหน้าบ้าน ทัตล้วงเอากุญแจในกระเป๋ากางเกงมาปลดล็อคก่อนจะพากันขึ้นและมุ่งหน้าไปยังห้างใหญ่ภายในตัวเมือง วันนี้คริสใส่ชุดสบายๆอย่างเสื้อยืดตัวใหญ่ผ้าบางสีขาวและกล้ามซับในสีฟ้าอ่อน กางเกงเป็นขาสั้นเหนือเข่าสีดำและรองเท้าแตะหนังสีดำแบรนด์ทั้งตัวอีกเช่นเคย ส่วนทัตนั้นอยู่ในเสื้อยืดคอวีสีน้ำเงินครามตัดขาวและกางเกงขายาวสีขาวขับให้ดูสะอาดและภูมิฐานขึ้นมากพอตัว แว่นกันแดดสีดำถูกนำมาใส่ตั้งแต่ขับรถยันเข้าห้างทำให้คนตัวโตตกเป็นเป้าสายตาเพราะความดูดีจนต้องเหลียวหลัง คริสได้แต่เฟยียดปากหมั่นไส้ ถึงจะเจอบ่อยจนชินแต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดีแหละนะ

“ทำไมทำหน้างั้นละ?”

“สัส”

มีด่ากลบเกลื่อนมาอีก

“งอลอะไรพี่อีกครับ?”

“เชี่ย อย่ามาทำเสียงอ่อนเสียงหวานจะได้ม่ะ ขนลุก”

พูดพร้อมทำท่าแหย่งไหนจะรีบเดินนำหน้าไปอีก ทัตได้แต่หัวเราะขำคนน่าฟัด ไม่รู้รึไงว่ายิ่งทำหน้างอลเค้ายิ่งอยากง้อ ง้อหนักๆแบบที่ทำไปเมื่อคืนนั้นแหละ

ทัตรีบเดินตามคริสไปแล้วคว้าเอามือเรียวมาจับ แปลกนิดหน่อยตรงที่น้องไม่ได้สะบัดหนีหรือด่าเหมือนทุกที คริสทำแค่เหลียวมามองแล้วก็หันไปเดินต่อแบบไม่ท้วงอะไรสักแอะ ทัตยิ้มด้วยหัวใจที่พองฟูอยู่เต็มอก ทั้งสองเดินดูช๊อปนั้นเลี้ยวเข้าช๊อปนี้เป็นว่าเล่น จากที่กะจะซื้อชุดไปใส่ขับเจ็ทสกีอย่างเดียวเลยได้ตัวอื่นมาอีกเพียบ ส่วนใหญ่ก็เป็นของคริสจะมีตัวสองตัวที่คริสแอบเลือกให้คนตัวใหญ่เพราะเห็นว่าเข้ากับบุคลิกแต่ไม่ให้เจ้าตัวรู้

พอเหนื่อยก็พากันไปนั่งพักที่ร้านกาแฟเมื่อโอเคก็เดินต่อจนเย็นจึงพากันไปถนนคนเดินและทานมื้อเย็นที่นั้นเลย

สิ่งที่ทั้งคู่เลือกฝากท้องคือก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ คนที่เลือกนั้นก็คือคริส แต่คนที่กินไม่ได้ก็คือคริสอีกนั้นแหละ ทัตหัวเราะให้คนทำหน้าแหยะเมื่อลองซดน้ำซุปเข้าไป

“ขมใช่ไหมละ”

เค้าก็บอกแล้วว่ารสชาติมันเป็นยังไงแต่คนดื้อยังอยากจะลอง เป็นไงละ กินไม่ได้ตั้งแต่คำแรก

“ก็ไม่นึกว่าจะขนาดนี้นี่ นึกว่าจะขมเหมือนพวกกาแฟไรงี้ อันนี้มันแปล่งๆอะ แหวะ”

“หึหึ เอาถ้วยนั้นมานี่”

เมื่อได้มาทัตก็จัดการตักน้ำซุปไปใส่ถ้วยตัวเองแล้วปรุงให้ใหม่ ดีที่คริสสั่งเป็นเส้นหมี่เลยทำให้ไม่อมน้ำสักเท่าไหร่ ถึงจะกลายเป็นก๋วยเตี๋ยวแห้งแต่ก็น่าจะกินได้มากกว่าเมื่อกี้แหละนะ

“เสร็จแล้ว”

คริสมองก๋วยเตี๋ยวแห้งของตนตาปริบๆ

“กินได้แน่นะ”

“ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าพี่ทำอาหารเป็น”

ก็จริงอย่างที่พูด คริสพยักหน้ารับแล้วคีบเข้าปากเคี้ยวหนุบหนับ

“เป็นไง?”

คนปรุงลองถาม คริสนิ่งไปนิดแล้วจึงพยักหน้าอีกครั้งแล้วจวกกินต่อไม่ปริปากพูดอะไรอีก เมื่อเบาใจทัตก็ก้มลงกินของตัวเองบ้าง เมื่ออิ่มก็พากันเดินดูร้านค้าต่างๆที่ส่วนมากจะเป็นของจิปาถะที่พบเห็นในตลาดนัดทั่วไปจะมีแตกต่างหน่อยก็คือบางอย่างอาจเป็นของโอท็อปเฉพาะพื้นที่ให้ได้ซื้อไปเป็นของที่ระลึก เมื่อเดินเข้าไปลึกๆทางด้านในจะมีคนตีวงล้อมวงใหญ่พร้อมเสียงฮือฮาให้ได้แปลกใจกัน

“เค้ามุงอะไรกันนะ?”

“โชว์มายากลละมั่ง”

“ไปดูๆ”

ว่าแล้วก็กึ่งดึงกึ่งลากกันฝ่าวงล้อมเข้าไปยังด้านใน คริสนะพริ้วไหวและแทรกตัวง่ายก็จริงแต่ทัตตัวออกจะใหญ่เลยลำบากต้องหันไปขอโทษคนนู้นคนนี้เป็นว่าเล่น

“โห…..”

เมื่อมาถึงหน้าสุดคนน้องก็อุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก็การแสดงตรงหน้ากำลังถึงจุดพีคตอนที่กำลังแทงกระบี่ใส่เข้าไปในกล่องที่มีหญิงสาวยืนอยู่ด้านใน 

“เห้ย ทำไมไม่เป็นอะไรเลยวะ นั้นแทงไปตั้งเยอะ”

ดูเหมือนใครบางคนจะชอบมากกว่าที่คิด

“ไม่เคยดูมายากลเหรอ?”

ถามเพราะเห็นอาการตื่นเต้นมากจนแลดูผิดปกติแล้วก็อดสงสัยไม่ได้

“เคยเห็นแต่ในทีวี พึ่งเห็นแบบเป็นๆด้วยตาตัวเองนะครั้งแรก”

ทัตยิ้มรับ เค้าดีใจที่เป็นอีกครั้งที่ได้สร้างความทรงจำครั้งแรกให้แก่คนน้องอีกครั้ง เมื่อการแสดงสิ้นสุดลงโดยที่ผู้หญิงคนนั้นเดินออกมาพร้อมร่างกายปกติครบสามสิบสองไม่มีแม้รอยขีดข่วนเสียงปรบมือชื่นชมก็ดังระงม หนึ่งในนั้นก็คือคนตัวบางนี้ไงละ

“จบไปแล้วสำหรับการแสดงในชุดที่สาม เรามาพักโดยการให้ผู้ชมมาเล่นเกมส์เบาๆกันดีกว่า ผมอยากจะขออาสาสมัครสักสองคนครับ ใครอยากเล่นก้าวออกมาเลย”

คนดำเนินการแสดงที่ใส่ชุดโจ๊กเกอร์พูดใส่ไมค์หน้าตายิ้มแย้ม แต่ไร้ซึ่งผู้กล้าที่จะดราหน้าเข้าไปกลางวงล้อม

“ไม่มีเลยเหรอครับ ถ้าไม่มีงั้นผมสุ่มเอาน๊า”

“ทัตเล่นไหม?”

ดูเหมือนคนน้องจะสนใจมากเป็นพิเศษ ทัตเลิกคิ้วในเชิงถาม

“อยากเล่นเหรอ?”

“อือๆ”

พยักหน้าหงึกหงักน่าเอ็นดูชะมัด

“เอาจริง?”

“อ๊ะ นั้นเลย คุณผู้ชายตัวโตๆกับชาวต่างชาติตรงนั้นนะ สนใจไหมครับ หน้าตาดีทั้งคู่แบบนี้น่าจะเรียกผู้ชมให้เพิ่มขึ้นไปอีกนะเนี้ย ตาแหลมจริงๆเลยเรา”

เกิดเสียงฮาคลืนในขณะที่ทุกสายตาจดจ้องมายังเค้าทั้งคู่

“นั้นไง เค้าเรียกแล้ว ไปเร็ว”

“โอเคๆ”

ทัตนึกปลงแล้วเดินตามแรงดึงแขนไปกลางวงล้อม

“โห น้องฝรั่งหน้าตาดีแล้วยังใจกล้าอีกนะเนี้ย ว๊อทยูเนม?”

โจ๊กเกอร์ชมเปาะก่อนจะยื่นไมค์มาทางคริส

“ชื่อคริสตัลครับ พูดไทยได้”

“สุโค้ย เก่งมากครับที่สามารถฝ่าฟันพยันชนะและสระอันมากมายของเราชาวไทยมาได้ แล้วคุณละครับ?”

“เทพทัตครับ”

“อื้อหือ ชื่ออลังกันทั้งคู่เลย เอาละ เรามาเข้าสู่เกมส์ของเรากันดีกว่า เกมส์ของเรามีชื่อว่าแอปเปิ้ลหรรษาครับ”

พูดแล้วก็ชูแอปเปิ้ลผลใหญ่ในมือ ไปเอามาตอนไหนวะ

“พวกคุณทั้งสองต้องกัดแอปเปิ้ลลูกนี้ให้เหลือน้อยที่สุดในเวลาที่เร็วที่สุดโดยผลัดกันกัดคนละครั้งแต่ที่สำคัญคือห้ามใช้มือโดยและห้ามทำตก”

คริสหน้าเหวอในขณะที่ทัตยังคงนิ่ง

“เมื่อเข้าใจแล้วงั้นเริ่มเลยแล้วกัน ช่วยขยับเข้ามาใกล้ๆกันอีกนิดด้วยครับ”

ทั้งคู่โดนจับหันหน้าเข้าหากันจนแทบจะตัวแนบตัวแล้วด้วยซ้ำ มิน่าละถึงเลือกคู่ชายกับชายเพราะมันจะได้ไม่ดูบัดสีจนเกินงามแต่สำหรับบางคนมันก็ไม่ค่อยจะต่างกันสักเท่าไหร่เลยนะ

“เริ่มจากคุณเลยแล้วกัน”

ทัตอ้าปากคาบลูกแอปเปิ้ลเมื่อโจ๊กเกอร์ยังเข้ามาให้ แต่ทว่าด้วยแรงกัดที่มากไปทำให้เผลองับจนผลร่วงลงจากปากซะงั้น คริสตกใจแต่ก็ไหวตัวทัน เค้ารีบเข้ามากอดทำให้ผลแอปเปิ้ลไปติดอยู่ที่ส่วนท้องแทน

“เฮ้ย~”

คนน้องถอนหายใจอย่างโล่งอก

“จะทำให้จบเกมส์ตั้งแต่คำแรกเลยรึไงวะ!”

แล้วก็หันมาเอ็ดคนพี่ไปอีก

“โทษๆ”

“ชิ”

คนน้องก้มลงไปมองผลไม้สีแดงนั้นอีกครั้ง ไม่นานก็ค่อยๆย่อตัวลงโดยที่ยังคงหนีบชิดติดกันอยู่เหมือนเดิม เมื่อมีช่องว่างแอปเปิ้ลก็ไหลลงไปเรื่อยแต่คริสก็เลื่อนตัวลงไปจนปากงับมันได้ทัน แต่ทว่าตำแหน่งที่เค้างับมันกลับเป็นตำแหน่งที่ดูล่อแหลมไม่น้อย ทัตได้แต่มองนิ่งทั้งที่ใจยังเต้นโครมคราม ส่วนนั้นกำลังถูกกระตุ้นด้วยท่าทางล่อแหลมที่คนทำไม่ได้ตั้งใจแต่มันกลับแลดูเอ็กซ์จนแทบทนไม่ไหว ทันทีที่คริสคาบแอปเปิ้ลมาไว้กับปากได้ทัตเลยดึงแขนคนน้องให้ลุกขึ้นแล้วจับอุ้มกระเต็งเหมือนลิงอุ้มแตง คริสตกใจไม่น้อยแต่ก็คว้าคอทัตไว้ได้ทัน จะอ้าปากด่าก็ไม่ได้เลยต้องปล่อยให้เลยตามเลย คริสเลื่อนแอปเปิ้ลไปให้ทัตก่อนจะกัดแล้วส่งให้คนตรงหน้างับต่อ เสียงปรบมือและโหแซวที่ดังแซงแซ่ไม่ได้ทำให้คนทั้งคู่ชินแม้แต่น้อย เมื่อกัดหมดเหลือแต่แกนอยู่ที่ปากทัตคริสจึงถูกปล่อยลงพร้อมเสียงปรบมือชื้นชมละลอกใหญ่

“สุดดดดดยอดดดดด!!! ไม่เคยมีใครทำเวลาได้ดีขนาดนี้มาก่อนเลยครับ แถมยังฉลาดในการจัดการปัญหาเรื่องส่วนสูงอีกด้วย ขอเสียงปรบมือให้ผู้กล้าทั้งคู่นี้อีกครั้งด้วยคร้าบบบบ”

คริสยิ้มแห้งๆรับหน้าในขณะที่ทัตได้แต่อมยิ้มขำ จะมีใครรู้ไหมนะว่าคริสโดนอะไรบ้างระหว่างที่ถูกอุ้มอยู่อย่างนั้น

“หึ”

คนน้องหันควับมาจ้องดุๆเมื่อคนพี่หลุดเสียงหัวเราะ มันก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ ก็แค่โดนบีบนวดวนๆอยู่ที่ก้นตึงๆไปสามสี่ที เล่นเอาสะดุ้งเกือบทำแอปเปิ้ลตกอีกด้วย

“กลับบ้านกันเถอะ”

ทัตก้มกระซิบที่ข้างๆหูคนน้อง

“ชิ!”

ถึงจะยังคงฉุนเฉียวแต่ก็มุ่งหน้าสู่ลานจอดรถอยู่ดี นี่แหละน๊า เด็กดื้อที่น่าฟัด


TBC….

 :katai4:



หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 34 (UP-19/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-04-2017 21:08:13
ดร่าม่า ล็อตใหญ่มาและ  :z3: :z3: :z3:
ทัตจะดื้อกับพ่อได้หรือเปล่าเนี่ย
ไม่ทำตามคำสั่ง ที่ให้เลิกกับคริส
ถึงกับจะให้เปลี่ยนนามสกุลเลย  :fire:

ทัต คริส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ทัต รู้ตัวว่ารักคริส แล้ว ขาดคริส ไม่ได้
คริส ก็ดูให้อภัยทัต แล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 34 (UP-19/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 20-04-2017 02:01:47
ตายแน่เลยทัต งานงอกอีกละ
ต้องเตรียมน้ำร้อนซดมาม่าไหมเนี่ย
คริสเริ่มจะหายงอนละ ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นต้องมาเครียดเรื่องพ่อทัตอีกเหรอเนี่ย
เอาใจช่วยนะทัต  :mew1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 34 (UP-19/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-04-2017 14:16:18
ต้องสู้อีกแล้ว
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 34 (UP-19/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-04-2017 14:21:43
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 34 (UP-19/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 20-04-2017 20:07:31
จะมีอะไรต่อนะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 34 (UP-19/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-04-2017 20:17:31
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 35 (UP-21/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 21-04-2017 20:00:32
สัมผัสที่ 35


/นายท่านยังไม่มีคำสั่งหรือการกระทำที่เกี่ยวโยงไปถึงคุณทัตหรือคุณคริสเลยครับ/

คำตอบจากปลายสายผู้เป็นลูกน้องคนสนิททำให้ทัตพอคลายใจได้บ้าง ที่พ่อขู่ไว้ใช่ว่าเค้าจะไม่หวั่นใจเลยต้องโทรให้สินคอยเป็นหูเป็นตาจับสังเกตพ่อตัวเองอยู่อย่างนี้

“ก็ดี แล้วพ่อทำอะไรอยู่?”

/เข้าบริษัทไปเคลียร์เรื่องคุณคเชนต์กับบอร์ดบริหารเตรียมจะลื้อผังองค์กรมาตรวจสอบใหม่ ส่วนเรื่องคุณอีฟมีคำสั่งให้เตรียมย้ายไปรักษาตัวที่เยอรมันพร้อมท่านครับ/

ทัตพยักหน้ารับรู้ สินทำงานดีเสมอ ทั้งละเอียดและครบถ้วน

“โอเค คอยดูสถานการณ์ต่อไป ถ้ามีคำสั่งเกี่ยวกับฉันหรือคริสตัลเมื่อไหร่ให้รีบโทรมาบอก เข้าใจนะ?”

/รับทราบครับ/

“ทัต!”

เสียงของคริสร้องเรียกดังก้องมาจากทางบึงขนาดใหญ่ ทัตเงยหน้าขึ้นไปหาจนเห็นคนน้องชูมือโบกอยู่บนเครื่องเจ็ทสกีเลยส่งยิ้มไปให้ บนเจ็ทสกีอีกคันข้างๆกันนั้นคือเจ้าของกิจการทางน้ำนี้และยังเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของทัตสมัยที่อยู่เมืองนอกอีกด้วย

ทัตกดวางสายในขณะที่จ้องมองคนตัวบางกระโดดโหย่งลงมาจากเครื่องยนต์บนน้ำไม่มีการรอให้พวกพนักงานเข้าไปช่วยเลยสักนิด คริสลูบเส้นผมที่เปียกลู่ไปกับกรอบหน้าก่อนจะถอดแว่นแล้วเข้ามารับขวดน้ำดื่มที่ทัตยื่นไปให้พร้อมผ้าผืนเล็กสำหรับเช็ดหน้าเช็ดผม

“สนุกไหม?”

“มาก แต่ก็โคตรร้อน”

“ใกล้เที่ยงแล้วไง พอก่อนไหมเดี๋ยวค่อยเล่นอีกทีตอนเย็น”

คนน้องพยักหน้าก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นกรอกปากอีกครั้ง

“เด็กๆนี่มันมีแรงล้นเหลือจริงๆวุ้ย”

เสียงบุคคลที่สามแทรกเข้ามาเรียกความสนใจของทั้งคู่ เป็นบอสที่เดินเข้ามาหาด้วยสภาพเปียกไปทั้งตัวเพราะตกน้ำไปซะหมดสภาพ บอสถอดเสี้อพาดไหล่โชว์มัดกล้ามและซิกแพคเป็นลอนหนาไหนจะผิวสีเข้มขับกับเรือนผมสีดำสนิท ถึงจะหล่อไม่สู้เทพทัตแต่ก็ดูเท่ห์ไม่หยอกแถมยังตัวโตพอๆกันอีกต่างหาก

“คริสตัล”

ชะอุ้ย

“อะไรเล่า”

“ออกนอกหน้าเกินไปไหม?”

คริสจิ๊ปากแยกเขี้ยวใส่คนขี้หวงจนโดนทัตดึงให้เข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างขาพร้อมผ้าที่โป๊ะบนหัวแล้วขยี้เบาๆ

“เป็นไงละ สนุกพอไหม ถ้ายังไม่พอก็ให้ไอ้ทัตมันไปเล่นด้วยนะ พี่พอละ”

“ไหงงั้นอะพี่บอส?”

“เหนื่อยเว้ย ล่อไปกี่ชั่วโมงแล้วละห่ะ”

“ทำเป็นบ่น ตัวเองก็บิดเอาๆเหมือนกันละว๊า”

“หึหึ”

“ผมว่าพอก่อนเหอะพี่ จะเที่ยงแล้วแดดมันแรงเดี๋ยวคริสไม่สบายเอา”

ทัตสรุปแทรกคนทั้งคู่ บอสเองก็เห็นด้วยเลยตกลงพากันกลับไปที่บ้านพักของบอสที่อยู่อีกด้านของบึงซึ่งทัตได้พาคริสไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อเช้านั้นเอง เรียกได้ว่ามาปลุกบอสเลยก็ว่าได้ 

“คนนี้จริงจังเหรอวะ?”

บอสเอ่ยถามพลางยื่นกระป๋องเบียร์เย็นๆให้ทัตที่นั่งดูทีวีรออยู่ที่โซฟากลางห้อง ตอนนี้คริสกำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องนอนของเจ้าของบ้านส่วนเจ้าของที่แท้จริงต้องระเห็ดตนออกมาอาบที่ห้องน้ำสำหรับแขกซะงั้น ทัตรับมาบอกขอบคุณแล้วเปิดฝาชนกับคนเอามาให้ไปอีกทีก่อนจะยกขึ้นดื่ม ชื่นใจชะมัด

“ไม่ตอบกูอีก”

ทัตยิ้มขำ

“ก็ตามที่เห็น”

“เอาจริงๆนะ กูก็เห็นมึงเป็นเพลย์บอยเลวๆคนหนึ่งแต่ไม่เห็นว่ามึงจะนึกสนใจผู้ชายด้วยกันเลยสักนิด แล้วคิดไงถึงกลายมาเป็นแบบนี้วะ ได้หลังแล้วลืมหน้าไง?”

ทัตหลุดหัวเราะพรืดจนแทบสำลักเบียร์ซะด้วยซ้ำ

“ขำสัส”

“หึหึ ก็ไม่เชิง แรกๆก็แนวติดใจไปๆมาๆก็ติดหนึบแกะไม่ออกจนเป็นอย่างที่เห็น”

“ตกม้าตายผู้ชายด้วยกันซะงั้นน้องกู”

“มันก็ไม่ได้แย่นะพี่ หลังๆมานี่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องเพศซะด้วยซ้ำ ของแค่เป็นมันไม่ว่าจะเพศไหนก็ได้อะ”

“ลึกซึ้งสัส น้ำเน่าเป็นละครหลังข่าวไปซะงั้น”

“ชีวิตมันยิ่งกว่าละครเว้ยพี่”

“ยังจะเล่นต่อนะมึง”

ทัตยิ้มรับยื่นกระป๋องเบียร์ไปชนอีกรอบแล้วจึงยกขึ้นดื่มต่อ ทั้งคู่คุยเล่นกันไปเรื่อยๆสักพักคริสก็ออกมาด้วยชุดใหม่พร้อมร่างกายที่หอมฟุ้ง

“ง่วงอะทัต”

คนน้องเดินบลือตามานั่งแหมะอยู่บนตักคนพี่แล้วเอนหลังพิงอกซบหน้าลงพลางปิดเปลือกตา ทัตก้มลงหอมหัวคนอ้อนเบาๆสูดดมกลิ่นแชมพูที่หอมยังไม่จางไปจนพอใจแล้วค่อยผละออก

“อย่าพึ่งนอนครับ ไปกินข้าวก่อน”

“ไหนอะ?”

ถามทั้งที่ยังไม่ลืมตาหรือแม้แต่ขยับตัว

“ที่โต๊ะทานข้าวไงครับ พี่อุ่นไว้ให้แล้วไปกินก่อนแล้วค่อยมานอน”

“แล้วทำไมยูถึงดริ้งส์เบียร์ได้ กินข้าวแล้วเหรอ?”

“ยัง”

“งั้นไปกินด้วยกันเลย เอาแต่สั่งคนอื่นทีตัวเองละไม่สนใจเลยว่างั้น”

“สนใจพี่ด้วย?”

“ไม่สนแล้วจะ…เดี๋ยว นี่หลอกถามกันนี่!?!”

ไม่ทันแล้วมั่ง หน้าเหวอๆที่ลุกมาจ้องหน้าคนถามทำเอาทั้งทัตและบอสได้แต่หัวเราะขำ

“ไอ้เหี้ย! ไอ้ยักษ์นี่!!”

“หึหึ ไปๆไปกินข้าวกัน พี่บอสไปกินด้วยกันไหม?”

“ไม่ละ ยังไม่หิว เชิญตามสบายแต่อย่าแดรกมากเดี๋ยวเบาหวานขึ้นแล้วจะหาว่ากูไม่เตือน”

ทัตยิ้มรับแล้วพาคริสไปยังโต๊ะทานข้าวโดยที่ปล่อยให้เจ้าของบ้านนั่งดื่มเบียร์ต่อไป มื้อเที่ยงของพวกเค้าก็คือข้าวมันไก่ที่แวะซื้อระหว่างทางมา เอาเข้าจริงทั้งคริสและทัตต่างก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายเหมือนกันแบบนี้ เท่าที่ดูจากตอนอยู่กรุงเทพแล้วมันเหมือนกลายเป็นอีกคนทั้งที่ก็เป็นคนๆเดียวกันนั้นแหละ ทั้งคู่กินกันไม่นานก็ออกมานั่งเล่นกับบอสที่ห้องเดิม ทัตยังคงดื่มเบียร์เป็นเพื่อนเจ้าของบ้านส่วนคริสนั้นหลับคาอกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ไม่เอาน้องไปนอนดีๆละวะ พาไปนอนที่เตียงในห้องนอนก็ได้”

บอสท้วงเพราะเห็นท่านั่งตักพิงอกซบไหล่แล้วคงนอนไม่สบายสักเท่าไหร่ ทัตเองก็เห็นด้วยเลยขยับตัวจะอุ้มคนน้องเข้าไปนอนในห้องแต่คนหลับกลับงัวเงียตื่นขึ้นมาซะงั้น

“ไปนอนในห้องดีๆ จะได้หลับสบาย”

คนน้องส่ายหัวแล้วลุกไปนั่งข้างๆก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักซบหน้าเข้ากับหน้าท้องแกร่งยกมือขึ้นกอดอีกต่างหาก ทัตอมยิ้มให้กับความช่างอ้อนของคนรัก ดีนะที่เค้านั่งโซฟายาว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเด็กดื้อแสนดื้อคนนั้นเวลาสงบแล้วจะช่างอ้อนมากขนาดนี้ จากที่ว่าหลงอยู่แล้วคงยิ่งโงหัวไม่ขึ้นเลยนะสิ

“ฟินเลยสิมึง”

“หึ”

“กูต้องรีบหาเมียบ้างแล้วสินะ อิจฉาสัส”

“อย่างพี่ชี้นิ้วเรียกก็มีได้แล้วมั้ง”

“พูดอย่างกับกูหล่อเหมือนมึง ไอ้ห่า คาสโนว่าสิ้นท่าไปอีกคนแล้วสิ”

พูดแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่ก่อนตัวเองก็ใช่ย่อยอย่างที่ผู้พี่บอกจริงๆนั้นแหละนะ

คริสตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตกเย็นย่ำเข้าให้แล้ว เค้าลุกขึ้นนั่งยีหัวตัวเองพลางปรับสายตาก่อนจะเมียนมองไปโดยรอบ ไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามานอนในห้องนอนนี้ได้ยังไงแต่ก็คงหนีไม่พ้นทัตที่น่าจะอุ้มเค้ามา ความทรงจำสุดท้ายคือตัวเองนอนหนุนตักมันอยู่แท้ๆกัว่าจะหลับแต่นิดหน่อยพอเอาแรงแต่ไหงถึงได้ลากยาวมาถึงขนาดนี้เนี้ย

ว่าแล้วเจ้าตัวก็ลงลุกลงจากเตียงเดินไปยังประตูห้องจนเปิดออกมองไปยังโซฟาตัวเดิมแต่กลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน

หายไปไหนกันนะ

“ทัต”

ลองเรียกดูเผื่อจะอยู่ไม่ไกลแต่ทว่ากลับไม่มีการตอบรับใดๆจากบุคคลที่เรียกหา

“ทัต!”

ทั้งเพิ่มเสียงและเดินวนไปดูที่โซนครัวแต่ก็ไม่เจอ เดินไปจนถึงหน้าบ้านเปิดประตูไปดูที่จอดรถก็ยังมีรถคันเดิมจอดอยู่

หรือจะไปที่บึง

หนีไปเล่นไม่ปลุกกันงั้นสินะ

ว่าแล้วก็รีบสาวเท้าไปยังสถานที่ๆตัวเองพึ่งไปเล่นมาเมื่อเช้านี้ ตอนนี้เกือบห้าโมงเย็นเวลาพลบค่ำคนงานต่างก็แยกย้ายกันกลับเหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังติดลมหรือเข้างานกะกลางคืน เมื่อเดินไปจนถึงสะพานท่าเทียบเครื่องคริสก็เห็นเครื่องยนต์สองเครื่องกำลังขับเคี่ยวกันอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ฝีมือการหักหลบตีวงเลี้ยวหรือแม้กระทั่งจังหวะการผ่อนการเร่งต่างก็อยู่ในระดับมืออาชีพ คริสเข้าไปยืนรวมกับพนักงานที่เหลือโดยแทบละสายตาจากใครบางคนไม่ได้เลยสักวินาทีเดียว ทัตอยู่บนเครื่องสีดำตัดแดงดูเข้ากับบุคลิกเหมือนเป็นเครื่องของตนในขณะที่บอสอยู่บนเครื่องเดิมสีดำเหลืองดั่งที่เล่นกับตน

มีอะไรที่ผู้ชายคนนั้นทำไม่ได้บ้างนะ อยากจะรู้จริงๆ

เสียงปรบมือดังขึ้นบอกถึงการจบการแข่งขัน  ทัตชนะตามคาด แต่ทิ้งห่างผู้เป็นพี่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก

“คนนั้นใครวะพี่ แม่งโคตรเก่ง ชนะบอสเราได้นี่ไม่ใช่ขี้ๆน๊า”

หนึ่งในพนักงานถามพนักงานด้วยกันซึ่งคริสเองก็ได้ยินเต็มสองหูเพราะมันคุยกันอยู่ข้างๆเค้านั้นเอง

“เพื่อนเฮียบอส ชื่อเทพทัต เป็นคนเดียวกับคนในรูปที่ถือถ้วยรางวัลคู่กันอยู่ในออฟฟิศนะ”

“อ้อ”

“ถึงว่า ฝีมือเฉียบชิปหาย”

คริสฟังไปก็อมยิ้มไป เค้าอดรู้สึกดีไม่ได้ที่คนๆนั้นคือคนเดียวกับที่ติดเค้าอยู่ตอนนี้ อารมณ์เหมือนภูมิใจที่ได้แฟนดีมีคนชม แต่ไม่อยากจะยืดมากเดี๋ยวเจ้าตัวจะหัวเราะเอา

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

อ้าว มาโผล่อยู่ต่อหน้าต่อตาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ มิน่าละไอ้ที่ซุบซิบกันอยู่ถึงได้เงียบกริ๊บ

“สักพักละ มาเล่นก็ไม่ปลุกกันเลยเนอะ”

“หึ ก็เห็นว่าหลับสบายดีเลยให้นอนต่อ แล้วเป็นไง ปวดเนื้อปวดตัวรึเปล่า?”

ปากถามแต่มือยกขึ้นมาอังหน้าผากคนน้องเป็นที่เรียบร้อย

“มือเย็นแบบนี้คงวัดไข้ได้อยู่หรอก”

“อ้าวเหรอ งั้นคงต้อง…”

พูดจนก็ดึงคนน้องเข้ามาหาก่อนจะก้มแล้วใช้หน้าผากแนบกับเล่นเอาอ้าปากค้างกันทั้งแถบ คงมีเพียงเจ้าของสถานที่ๆดูจะเริ่มชินเลยได้แต่ยกยิ้มและเจ้าตัวที่ยังคงตีหน้าตาย

“โอเค อยู่รอดปลอดภัยหายห่วง”

ผละออกมาสรุปผมแล้วยีหัวคนหน้าแดงเถือกไปอีกที นึกขำกับอาการเขินค้าง ใช่ว่าอยากจะแกล้งอะไรมากมายแต่อาการเขินของคนๆนี้มันน่ารักน่าเอ็นดูจนอยากจะเห็นบ่อยๆนี่นะ

“เชี่ยนี่”

“พูดไม่เพราะ”

“แล้วไง?”

มีการกอดอกยืดหน้าชูคอท้าทายไปอีก ทัตกดยิ้มยกมือลูบเส้นผมที่เปียกชื้นให้คนมองได้ใจเต้นเป็นรีแอคชั่น

“อยากรู้เหรอ?”

ชักไม่อยากรู้เท่าไหร่แล้วสิ

“อุ๊บ!”

นั้นไงละ

“เชดดดดด”

“วิ๊ดวิ๊ววววว”

เสียงโหแซวดังขึ้นให้แซดทันทีที่คนน้องโดนดึงไปรับบดจูบจากคนพี่เป็นการลงโทษ ยังดีที่แค่ปากแตะปากถึงจะขบอยู่นานแต่ก็ไม่ได้แทรกลิ้นเข้ามาให้ได้ถลำลึกยิ่งกว่าเดิม เมื่อคนพี่ผละถอยคนน้องเลยได้สติแล้วผลักตัวคนพี่ออกแรงๆก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งหนีไปยังทางเดิมในทันที ปล่อยให้คนหน้าด้านอยู่ไปแล้วกัน เชี่ย ทำอะไรไม่อายคนอื่น

“เล่นแรงไปไหมวะทัต ดูดิ เขินจนวิ่งหนีไปละ ฮ่าๆๆ”

ทัตยิ้มแต่ไม่ตอบ นอกจากการแกล้งคนช่างยั่วแล้วยังเป็นการตัดปัญหาแมลงหวี่แมลงวันไปในตัว ตั้งแต่เมื่อเช้าเค้ารู้มาโดยตลอดว่ามีพนักงานหลายๆคนสนใจคริส แล้วคนขี้หึงขี้หวงอย่างเค้าต้องทำยังไงละ ก็ต้องประกาศศักดิ์ดาให้รู้ๆกันไปเลย

“กลับกันเหอะพี่ วันนี้ขอบคุณมากไว้มีโอกาสจะมาเล่นด้วยใหม่”

“ว่างให้มันไวๆหน่อยนะไอ้น้อง กูอยากแก้มือ”

“พี่ต่อให้ผมทำไมผมจะไม่รู้”

“อย่ามา กูต่อแค่รอบแรก นอกนั้นคือมึงเร่งเองล้วนๆ”

“หึหึ”





“เราจะไปไหนกันนะทัต?”

คริสอดที่จะถามไม่ได้เพราะตอนนี้เค้ากำลังแต่งตัวเต็มยศด้วยชุดสูทสีกรมเชิตขาวเนคไทสีอ่อนกว่าสองเฉดและรองเท้าหนังขัดเงาอย่างดี ทัตเองก็ไม่ต่างกันแต่ทัตเน้นสีเข้มทั้งสูททั้งเชิตและรองเท้ามีเพียงไทที่เป็นสีชมพูแดงเลือดหมูดูหรูไปอีก ไปรู้ไปหาซื้อมาตอนไหน ตั้งแต่กลับจากบ้านบอสจนถึงบ้านตัวเองทัตก็ไล่คริสอาบน้ำใหม่เปลี่ยนชุดใหม่โดยที่ตัวทัตเองไปใช้อีกห้อง เมื่อเรียบร้อยก็พาขับรถออกมาโดยไม่ได้บอกอะไรจนต้องเอ่ยปากถามเองนั้นแหละ

“ดินเนอร์”

“จำเป็นต้องหรูขนาดใส่สูทเลยเหรอ?”

“ใช่ เพื่อความสมบูรณ์แบบ”

“สมบูรณ์แบบอะไร?”

“เดี๋ยวก็รู้”

ใช่ว่าคริสจะไม่เคยไปทานดินเนอร์หรูๆเสียที่ไหน แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าความสมบูรณ์แบบอย่างที่ทัตบอกนั้นมันคืออะไร

ทัตพาคริสไปนังโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งในตัวเมือง เค้าจอดรถที่ด้านหน้าเอากุญแจให้เด็กรับรถแล้วจึงจับมือคนน้องย่างก้าวเข้าไปยังด้านใน

“สวัสดีค่ะคุณเทพทัต”

พนักงานที่ดูตามเครื่องแบบแล้วคงเป็นผู้จัดการ

“เรียบร้อยดีใช่ไหม?”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ เชิญที่ด้านบนได้เลย”

“คริสหิวรึยัง?”

“ยังไม่เท่าไหร่”

“ดี งั้นเดี๋ยวจะพาไปเที่ยวก่อนแล้วกัน”

คริสขมวดคิ้วมุ้ยในขณะที่ทัตยิ้มร่า เค้าโดนคนตัวโตพาไปยังลิฟท์ก่อนที่เจ้ากล่องสีเหลี่ยมจะพาไปยังชั้นบนสุด คริสยิ่งงงหนักกว่าเดิมเมื่อประตูลิฟท์เปิดออกจนเห็นว่าตนนั้นถูกพามายังชั้นดาดฟ้าซึ่งไม่เห็นจะมีโต๊ะอาหารหรืออะไรที่เป็นของกินเลยสักอย่าง จะมีก็แต่เฮลิคอปเตอร์หนึ่งลำและพนักงานอีกสองคน

อย่าบอกนะว่า…

“ไม่ได้กลัวความสูงใช่ไหม?”

คนพี่ถามเมื่อเห็นคนน้องหันมาจ้องตนเอง ดวงตาสีฟ้าใสส่อแววตื่นตกใจแต่ไม่นานมันก็กลายเป็นความตื่นเต้นที่น่าดีใจพร้อมรอยยิ้มกว้างจนแก้มปริ

“อืม!”

“งั้นไปบินชมเมืองสักรอบสองรอบก่อนแล้วค่อยมาทานดินเนอร์กัน”

คนน้องพยักหน้ารับทั้งที่ยิ้มไม่หุบ เป็นครั้งแรกที่ตนจะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เลยก็ว่าได้ น่าตื่นเต้นชะมัด ทัตพาคนระริกระรี้ไปให้พนักงานช่วยเตรียมตัวรัดเข้มขัดและใส่อุปกรณ์อย่างอื่นให้ในจณะที่ตนเองจัดการได้ด้วยตัวเอง ทัตมีใบอนุญาตขับเจ้าเครื่องนี้ตามนิสัยลูกคนรวยผู้ไฮเปอร์ เมื่อทุกอย่างพร้อมตนจึงเริ่มเปิดระบบปฏิบัติการ คริสดูตื่นเต้นจนทัตอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ คนที่แลดูเย่อหยิ่งและยากจะเข้าถึงในครั้งแรกที่เจอกันบัดนี้ได้กลายเป็นลูกแมวน้อยที่แสนน่ารัก ยิ่งเครื่องไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆคริสยิ่งดูชอบอกชอบใจ ทัตไม่ได้จะพาไปไหนไกลแค่วนๆอยู่แถวนี้พอให้ได้เห็นวิวในมุมสูงสักสิบยี่สิบนาทีก็จะพาลงแล้ว

“โคตรสวยอะ!”

คนน้องชมไม่หยุดปากในขณะที่ทัตพาวนเป็นรอบสุดท้าย

“อ้าว จะลงแล้วเหรอ?”

“ใช่”

“อยากไปอีกอะ”

“ไว้คราวหน้าครับ เดี๋ยวเลยเวลาดินเนอร์”

“จองโต๊ะไว้เหรอ?”

“ใช่”

“คราวหน้าไปไกลกว่านี้ได้ไหม?”

“ได้สิ”

“จริงนะ!?!”

“ครับ”

“โอเค ถือว่าเป็นคำสัญญาห้ามผิดคำพูดด้วยละ”

ทัตปล่อยมือจากการบังคับมาบีบแก้มเนียนเบาๆอย่างนึกหมั่นเขี้ยว คนน้องร้องโอ้ยก่อนจะปัดมือคนพี่ออกแล้วลูบแก้มตัวเองปอยๆ

“ขี้แกล้งวะ”

“น่ารักวะ”

“ชิ๊!”

ก็พูดเรื่องจริง

เมื่อเอาเครื่องลงจอดสนิมพนักงานก็เข้ามาช่วยเหลือและจัดการต่อตามหน้าที่ ส่วนทัตก็พาคริสเดินกลับไปยังตัวอาคารโดยที่คนน้องยังคงอาลัยอาวรกับเจ้าเฮลิคอปเตอร์นั้นไม่เลิก เล่นเอาทัตถึงกับคิดหนักเมื่อกลับกรุงเทพคงต้องวางแพลนพาคนน้องไปขับเล่นบ่อยๆซะแล้วสิ เรื่องเอาใจเค้าไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

“ยินดีต้อนรับค่ะ”

ทันทีที่พ้นขอบประตูห้องอาหารพนักงานหลายสิบที่ยืนเรียงแถวรอท่าก็เอ่ยทักอย่างพร้อมเพียง เล่นเอาคริสเผลอสะดุ้งด้วยความตกใจไปไม่น้อย เวอร์วังซะไม่มี

ทัตขำปฏิกิริยาของคนข้างกายแต่ก็ยกมือขึ้นดันหลังเบาๆก่อนจะเลื่อนไปโอบเอวโดยไม่บอกกล่าว พวกเค้าเดินไปจนถึงด้านในสุดซึ่งมีโต๊ะจัดเตรียมไว้เพียงโต๊ะเดียว รอบข้างไร้ซึ่งผู้คนและการจัดเตรียมเหมือนไม่พร้อมให้บริการ

“นี่อย่าบอกนะว่าเหมาหมดร้าน?”

เมื่อนั่งเรียบร้อยก็เอ่ยปากถามคนตรงข้ามในทันที

“ใช่ ไม่ชอบเหรอ?”

“เวอร์ไปป่ะ แค่กินข้าวไม่เห็นต้องเปลือง”

บ่นคนสิ้นเปลืองแต่ปากกลับยิ้มไม่หุบ เจอคนมาทำดีด้วยขนาดนี้ไม่ปลื้มก็ไม่ใช่คนแล้วละ

“หึหึ เพื่อเราพี่ทำให้ได้มากกว่านี้อีก”

“พอเลย เลี่ยน”

“หึหึ”

อาหารมื้อนี้เป็นสไตล์ตะวันตกที่ไม่ได้กินมาสักพักใหญ่ๆ ถึงแม้จะไม่ได้เรียนรู้กริยามารยาทบนโต๊ะอาหารตามแบบฉบับแต่การใช้ช้อนมีดหรือส้อมคริสต่างก็ทำได้ดีไม่แพ้ทัตที่ดูจะคุ้นชินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไวน์ราคาแพงถูกนำมาดื่มหลังมื้ออาหารหลักและตามด้วยของหวานเบาๆอย่างชิฟฟ่อนเค้กนมสดเนื้อนิ่มและวิปปิ้งครีมนุ่มละมุนลิ้น แสงไฟถูกหลี่ลงจนเหลือเพียงแสงเทียนและโคมตามพนัง วิวด้านนอกยังพอมีแสงไฟระยิบระยับสุดสายตานั้นคือท้องทะเลอันกว้างใหญ่

จะว่าไป พนักงานหายไปไหนกันหมดแล้วละ

“ถามจริง แค่วันนี้วันเดียวหมดเงินไปเท่าไหร่?”

คริสจิ้มเนื้อเค้กเข้าปากเอ่ยถามติดตลกอย่างคนอารมณ์ดี ทัตที่ไม่ทานเค้กวนแก้วไวน์ในมือไปมาก่อนจะยกขึ้นจิบ

“อย่าไปสนใจเลย”

“ก็มันอยากรู้”

“เท่าเงินค่าขนมพี่สองเดือน”

“ห่ะ? โตขนาดนี้แล้วยังขอตังค์ค่าขนมพ่อแม่อีกเหรอวะ?”

“พี่หมายถึงเงินเดือน”

“แล้วมันเท่าไหร่กันละ?”

คนพี่วางแก้วแล้วสบตาคนตรงข้ามเหมือนจะจริงจังจนคริสชะงัก เค้าทำอะไรผิดอีกวะ

“หึหึ กลัวเหรอ?”

“เชี่ย! แกล้งอยู่ได้ ไม่ได้กลัวเว้ยแค่…คิดอะไรนิดหน่อย…”

พูดแล้วก็จิ้มเนื้อเค้กไปตักเนื้อเค้กเข้าปากแก้เก้อ จนกระทั่ง…

กึก!

หือ…

ทัตยิ้ม

“รวมไอ้นั้นด้วยก็…เกือบสองแสนได้”

คริสคายของแข็งที่เคี้ยวโดนเมื่อครู่ออกมาและก็ต้องเบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็นและคำตอบที่ได้ยิน

เหี้ยละ

เหี้ยแน่ๆ

ใจเต้นเหี้ยๆเลยด้วย

แหวนทองคำขาวเกลี้ยงเกลานอนนิ่งอยู่ในมือเค้า ทัตลุกขึ้นจากที่นั่งเดินอ้อมมาด้านข้างของคนรักหยิบแหวนมาจากมือเรียวแล้วคุกเข่าชันขาเหมือนองครักษ์ ดวงตาสีฟ้าใสจ้องมองด้วยความประหลาดใจทั้งที่ภายในยังคงเต้นโครมครามไม่มีแววว่าจะสงบเลยสักวิ

ทัตจับมือน้องมาลูบเบาๆ ใบหน้าหล่อเข้มเงยขึ้นสบตากับคนด้านบน ริมฝีปากคลี่ยิ้มอบอุ่น ดวงตาที่จ้องมองสะท้อนความหมายภายในจิตใจได้เป็นอย่างดี

“คริสตัล…”

“มุขโคตรเก่าเลยวะทัต”

แซวทั้งที่น้พตาปริ่มๆ ทัตยังคงฉีกยิ้ม

“สัญญาว่าต่อจากนี้จะมีเพียงกัน จะมีเพียงเรา จะฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายเพียงเพื่อให้คำว่าเรายังคงอยู่ จะทำทุกวิถี่ทางเพื่อให้ทุกคนได้รับรู้…ว่าพี่รักคริส…ว่าพี่รักเรา…ว่าเราเป็นของพี่และพี่ก็จะเป็นของเรา ของคริสตัลเพียงคนเดียว เพราะงั้น…”

“……”

“รักกันนะครับ?”

“……”

“เป็นคนรักของพี่นะครับ?”

ไม่ใช่คำสั่งหรือน้ำเสียงสั่งการอย่างทุกที ไม่ใช่การขอร้องอ้อนวอนแต่เป็นการขอความรัก ขอคนรัก ขอสิ่งที่รักดั่งดวงใจ

แหวนสีขาวยังคงรอท่าอยู่ที่ปลายนิ้วนาง ทัตยังไม่ใส่มันหากคนตรงหน้าไม่ยอมรับถึงแม้มันจะเป็นของคริสเพียงคนเดียวก็ตาม

“คริสตัล”

“ทำไมต้องเวอร์”

น้ำเสียงดูสั่น แววตาดูไหวระริก ปลายจมูกเริ่มแดงก่อนจะลามไปถึงแก้มจนทั่วทั้งหน้าลามลงคอในเวลาต่อมา

“คำตอบเดิม เพื่อเราพี่ทำให้ได้มากกว่านี้อีก”

“ไอ้จอมเผด็จการเอ๊ย ไอ้บ้า ไอ้ยักษ์ ไอ้บ้าอำนาจ วันๆเอาแต่สั่งเกิดผีเข้าอะไรถึงมาทำเสียงอ่อนชวนขนลุกแบบนี้ห่ะ!?!”

ด่าไปก็น้ำตาไหลไป ทัตเลยต้องเอื้อมมืออีกข้างไปเช็ดคราบน้ำตาออกจากแก้มนวลอย่างเบามือ

“ช่างกล้าถามเนอะคนเรา เอากันมาจนนับไม่ถ้วนยังจะไม่ใช่ของกันและกันอีกรึไง”

“ไม่เกี่ยวกับเอาดิ นี่ถามถึงใจ”

“ก็ถ้าไม่มีใจจะยอมให้ขนาดนี้ไหม ไอ้ควายเอ๊ย!”

“เขินแล้วปากจัดอย่างที่เพื่อนบอกจริงๆนั้นแหละนะ”

ยังจำได้จากการตามตื้อเด็กดื้อในช่วงแรก โดนด่ามาก็เยอะแต่ทัตกลับไม่ยักกะล่าถอย แหวนถูกส่งเข้าสู่นิ้วเรียวด้วยขนาดที่พอดีอย่างไม่น่าเชื่อ คริสเม้มปากแน่นข่มอาการบางอย่างจนคนพี่เงยหน้ามามองนั้นแหละถึงได้หมดความอดทน เค้าก้มลงไปโอบรั้งรอบคอแล้วประทับจูบกับทัตในทันที ถือว่าเป็นการเริ่มเองในรอบหลายเดือนที่รู้จักกันมาเลยก็ว่าได้ ทัตเองก็จูบตอบด้วยความนุ่มนวลไม่ใช่แรงอารมณ์อย่างที่ผ่านๆมา ความอ่อนหวานและอ่อนโยนนั้นแทรกซึมเข้าไปถึงความรู้สึกเบื้องลึกของใครอีกคน คริสผละถอยถอนริมฝีปากออกก่อนที่จะเตลิดไปยิ่งกว่านี้ ที่นี้มันไม่ใช่บ้าน ต้องสงบจิตสงบใจไว้ก่อน และทัตเองก็ดูเหมือนจะรู้ทันความคิดคนรักดี

“วันนี้เราจะค้างกันที่นี่ พี่เปิดห้องไว้แล้ว…”

“……”

“เราไปกันเลยไหม?”

คนอยากเม้มปากก่อนจะพยักหน้ารับ ทัตยันตัวขึ้นมาหอมแก้มนวลไปอีกฟอด

“เราไปรักกันเถอะ”

มันคนละ ‘รัก' ไหมวะ

เอ๊ะ หรือจะรวมเป็น ‘รัก' เดียวกันแล้ว

ช่างมันเถอะ ยังไงก็ ‘รัก' ไปแล้วแหละนะ


TBC…

รักกันไหม หัวใจมันอยากเสนอ รอแต่เธอ เมื่อไรถึงจะสนอง รักๆกันไหมหัวใจเราอยากจะตีตราจอง ถ้าได้ลองๆๆแล้วเธอจะรู้ๆๆ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 35 (UP-21/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-04-2017 20:43:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 35 (UP-21/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 21-04-2017 21:05:44
โอ้ยยยยยยยยยยย หวาน น้ำตาลเรียกพี่ อิจนายเอกแรง  :hao7:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 35 (UP-21/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-04-2017 22:11:26
อื้อหือ เวอร์สุดอะไรสุด ตอนหน้าคุณพ่อจะมาหรือยัง
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 35 (UP-21/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-04-2017 01:30:56
อยากเห็นอุปสรรคแล้วรีบมาเร็วไวเลย
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 35 (UP-21/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 22-04-2017 09:59:53
 :o8:  ไปรักกันแล้ววจ้า อิอิ ขอแอบส่องไต้เตียงได้ไหมอะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 35 (UP-21/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 22-04-2017 12:49:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 35 (UP-21/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: uri uri ที่ 23-04-2017 20:28:15
 :impress2: :-[ :กอด1: :katai5:

มีความรุนเเรง  เเต่สนุกมากกกกกกกกกกกก

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 36 (UP-24/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 24-04-2017 15:14:14
สัมผัสที่ 36



อะไรบางอย่างยุกยิกอยู่แถวก้นกลมทำให้คริสต้องตื่นจากภวังค์ฝันในที่สุด คนง่วงนึกหงุดหงิดไหนจะปวดเนื้อปวดคัวแทนที่จะได้หลับยาวนอนสบายกลับโดนกวนแต่เช้าโดยยักษ์ที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลัง

“อื้อออ อย่ากวนคนจะนอน”

“หึหึ ก็นอนไปสิ”

“กวนอยู่แบบนี้ใครมันจะไปหลับลงละ”

ไม่อยากหงุดหงิดแต่เช้าเลย แต่แทนที่ตัวการจะหยุดกลับยันตัวลุกขึ้นค่อมเหนือร่างบางที่ยังคงเปลือยเปล่า ทัตจ้องมองคนขี้เซาด้วยสายตาประกายวาวระยับ ความเต็มตื้นภายในอกที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงตรงหน้า ความจริงที่ว่าคนน้องได้กลายมาเป็นของเค้าโดยสมบูรณ์แบบแล้ว เอ๊ะ หรืออยากจะยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ แต่ช่างมันเถอะ แค่เชื่อมสายสัมพันธ์ทางใจกันได้ก็ถือว่าที่สุดแล้วแหละนะ

“ไม่เอาทัต ไม่ทำแล้วนะ เมื่อคืนทำจนเกือบเช้าไม่เหนื่อยบ้างรึยังไง”

คนซุกไซ้ซอกคอขาวหัวเราะหึก่อนจะตอบเสียงแผ่วข้างๆหูให้สะยิวเล่น

“ก็รู้นี่ ว่าพี่แรงเยอะ”

เออ! ไอ้แรงช้างแรงม้า!!

“แต้ไอเหนื่อยเว้ย ง่วงด้วย จะนอนได้ยินไหมว่าจะนอน”

ทัตขำคนเริ่มงอแงเลยยอมเลิกกวน เค้าก้มไปหอมแก้เนียนฟอดหนึ่งแล้วจึงลงจากเตียงคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวหมิ่นๆแล้วจึงหันไปดึงผ้าห่มขึ้นหลุมให้คนน้อง เด็กดื้อชอบถีบผ้าห่มตอนนอน ไม่รู้ว่าเพราะขี้ร้อนหรือขี้รำคาญ แต่ถ้าวันไหนเหนื่อยจัดๆก็จะหลับลึกและแน่นิ่งไปจนถึงเช้า

ทัตปล่อยคนง่วงนอนต่อไปส่วนตัวเองก็เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ จริงๆเมื่อกี้ก็อยากต่อแหละ แต่เห็นคนงอแงแล้วทำไมลง เมื่อคืนก็หนักไปมากเรียกได้ว่าสติหลุดไปพักใหญ่ๆเลยต้องให้เวลาพักฟื้นร่างกายแก่คนรับบทหนักอย่างคริสบ้าง ทัตยิ้มกริ่มภายใต้สายน้ำเย็นๆที่รดผ่านร่าง ภาพช่วงเวลาที่แสนหวานฉายซ้ำเข้ามาในหัวเหมือนกรอเทปกลับ อยากหยุดเวลาไว้ชะมัด ความเจ็บแสบที่หลังทำให้ทัตรู้ว่ากรงเล็บของคริสมีพิษสงมากขนาดไหน แต่ตนไม่ถือโทษโกรธเคืองเลยสักนิดแม้ว่าจะเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาทิ้งรอยไว้กันตัวเองก็ตาม เหมือนกฎทุกอย่างที่ตัวเองสร้างจะละเว้นไว้เฉพาะคริสเพียงคนเดียว

แบบนี้มันนี่เข้าขั้นโงหัวไม่ขึ้นแล้วสินะ

ทัตอาบน้ำเสร็จภายในเวลาไม่นานแต่ถึงจะออกมาคริสก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น ทัตถอนหายใจยิ้มๆเสมองนาฬิกาเห็นว่ายังเหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมงจึงจะถึงมื้อเที่ยงเลยเปลี่ยนไปนั่งมองคนหลับที่โซฟาเมื่อเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว สัญญาณไฟที่มือถือส่องสว่างมาสักระยะแต่ทัตพึ่งจะเห็น เค้าปิดเสียงไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเพราะไม่อยากให้มีอะไรมาขัดจังหวะเช่นเดียวกับเครื่องของคริสที่อยู่ข้างๆกัน ทัตหยิบเครื่องตัวเองมาเปิดดู ส่วนมากเป็นรายงานของสินถึงสถานการณ์ทางกรุงเทพฯแต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนเรื่องงานในส่วนของตนก็มีพ่อเข้าไปดูถือว่าสลับหน้าที่กันชั่วคราว ทุกอย่างดูสงบเงียบจนน่าแปลกใจ เหมือนผืนทะเลที่นิ่งสงบแต่ซ้อนไว้ด้วยอันตรายที่จะถาโถมเข้ามาได้ทุกเมื่อ

ใจไม่ดีเอาซะเลย

แต่ถ้าเป็นเรื่องพ่อแม่ของตนเองทัตก็พอจะจัดการได้ ถึงแม้จะโดนขู่แต่ทัตรุ้จักพ่อของตัวเองดี พ่อแข็งนอกแต่อ่อนใน ดูเหมือนดุร้ายแต่ใจจริงก็ช่างโอ๋

แล้วทางคริสละ?

แม่คริสไฟเขียวแล้วก็จริงแต่ในส่วนของพ่อที่ทัตแทบจะไม่มีข้อมูลอะไรมากด้วยแล้ว ถือว่าเข้าขั้นน่ากลัวมากกว่าเป็นไหนๆ

คาร์เตอร์ เฟรงเบิร์ค คือบุคคลทรงอำนาจของฝั่งอเมริกา แต่ด้วยความที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูงจึงทำให้รายละเอียดส่วนปลีกย่อยของเค้าเล็ดลอดออกมาได้น้อยมาก แต่ถ้าเป็นเรื่องงานคาร์เตอร์ทุ่มทุนสร้างด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่ว่าจะธนาคารที่มีหลักทรัพท์ที่สูงเฉียดจุดสูงสุดของพีระมิดอเมริกา โฮมทาวส์และอสังหาฯในหลายๆประเทศ ล่าสุดนี้มีคอนเน็คกับสายการบินของทางอิตาลีโดยไปเข้าไปถือหุ้นส่วนใหญ่จนกลายเป็นที่ฮือฮาทั่วทั้งทวีป ถือว่าเป็นบุคคลทรงอิทธิพลของโลกเลยก็ว่าได้

แต่ไม่รู้ทำไมบุคคลผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นถึงไม่พาลูกชายทั้งสองไปอยู่ด้วยตามแบบฉบับตระกูลดังเงินหนากิจการเยอะ แต่กลับให้ทำกิจการในไทยซึ่งเป็นเพียงประเทศเล็กๆทางทวีปเอเชีย ถึงจะบอกว่าเป็นประเทศของผู้เป็นภรรยาก็เถอะนะ
ทัตเงยหน้าขึ้นมองไปยังหนึ่งในทายาทตระกูลเฟรงเบิร์คที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง ถึงแม้สิริกิตจะไฟเขียวแต่ถ้าคาร์เตอร์บอกว่าไม่…มันคงเป็นงานหยาบสำหรับเค้าเลยทีเดียว…








/ตอนนี้เราอยู่กันที่สนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย เวลาท้องถิ่นคือ 11:50 น. ซึ่งเป็นเวลาแลนดิ้งของไฟท์ที่เราได้รับแจ้งมาว่าคาร์เตอร์ เฟรงเบิร์ค บุคคลมหาอำนาจได้โดยสารเพื่อมายังประเทศไทยอย่างเงียบๆ แต่ถึงจะบอกว่าเงียบก็เถอะนะ ดูจากปริมาณนักข่าวที่กระจายกันไปทั่วแบบนี้ท่าจะไม่เงียบซะแล้วละคะ/

ปิ๊บ!

ทีครอสกดปิดทีวีในห้องทำงานทันที ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วมุ้ยก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับแขกที่ขอเข้าพบเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน จะบอกว่าเป็นแขกก็คงไม่ถูก ต้องบอกว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้าเลยต่างหาก ทีครอสพ้นลมหายใจในขณะที่คาร์เตอร์ยังคงยิ้ม ผมสีบรอนซ์ทองต้นแบบของสองพี่น้องถูกเซ็ตขึ้นลวกๆ ใบหน้าหล่อเข้มตามสไตล์ชาวตะวันตกแย้มยิ้มจนเห็นริ้วรอยแห่งช่วงวัย ถึงแม้ความแก่จะเข้าครอบงำแต่สำหรับคาร์เตอร์มันกลับไม่ได้ทำให้เค้าดูดีน้อยลงไปเลยสักนิด แต่ในทางตรงกันข้ามมันกลับทำให้เค้าแลดูมีเสน่ห์จนหญิงสาวหลายๆนางต่างพยายามจะครอบครองโดยที่รู้ๆกันอยู่ว่าคาร์เตอร์นะ ขึ้นชื่อเรื่องรักครอบครัวมากและยกให้เป็นที่หนึ่งเสมอถึงแม้จะไม่ค่อยได้เจอหรืออยู่ด้วยกัน เค้าก็ไม่มีวอกแวกเหมือนผู้ชายคนอื่นๆเลยแม้แต่น้อย

“สนุกนักเหรอครับที่ปั่นหัวคนอื่นเค้าแบบนี้?”

ทีครอสถามเสียงเหนื่อยหน่าย ก็พอจะรู้นิสัยขี้เล่นที่ผิดกับรูปลักษณ์และจะมีเพียงครอบครัวเท่านั้นที่รู้ถึงนิสัยนี้

“ช่วยไม่ได้ ยูก็รู้ว่าไอเกลียดพวกนักข่าว”

เลยแกล้งให้เข้าใจผิดเรื่องเที่ยวบินในขณะที่ตัวเองใช้เครื่องบินของเพื่อนอีกคนเดินทางมาจนถึงก่อน

“ทั้งที่ต้องออกงานและเจอแทบทุกวัน ถามจริง แด๊ดยังไม่ชินอีกเหรอ?”

คนพ่อไหวไหล่ยกขาไขว่ห้างแล้วกอดอกมองลูกชายคนโต

“ยูดูสบายดีนี่”

ทีครอสพยักหน้ารับ

“แล้วคริสตัลละ?”

“ก็สบายดีครับ”

“สิบอกว่าน้องป่วยบ่อย นั้นคือสบายดีของยูเหรอ?”

ทีครอสกรอกตา เอาเข้าจริงก็ไม่อยากให้คนๆนี้มาสนใจเรื่องยุ่มยิ่มแต่ก็นะ เค้าก็เป็นพ่อคนหนึ่งจะห่วงลูกก็คงไม่แปลก

“แล้วคิดไงถึงมาก่อนกำหนดครับ ตารางงานว่างถึงขนาดนั้นเลย?”

“ใช่ ฉันทนคิดถึงภรรยาและลูกชายสุดที่รักไม่ไหวเลยรีบเคลียร์งานแล้วได้เวลาพักมาหนึ่งสัปดาห์ถ้าไม่มีเรื่องด่วนอะไรละก็นะ”

ถือว่าเป็นเวลาว่างที่มากที่สุดของนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลอย่างคาร์เตอร์ ปกติตารางงานเค้าแน่นเอี๊ยดจนบางวันต้องกินแซนวิชบนรถแทนมื้ออาหารแบบเต็มมื้อซะด้วยซ้ำ

“แล้วคุณมิเกลล่า…”

“อ้อ จะตามมาทีหลัง ไอบอกไปว่าขอกลับมาเคลียร์เรื่องบางเรื่องก่อน”

“เรื่อง? เรื่องอะไร?”

คาร์เตอร์คลายมือแล้วหันไปหยิบกระเป๋าเอกสารด้านข้างก่อนจะล้วงเอาซองสีน้ำตาลค่อนข้างหนาออกมาวางแหมะอยู่ที่โต๊ะกระจกด้านหน้า ทีครอสตีหน้าสงสัยไม่นานก็เดินมานั่งโซฟาเล็กด้านข้างแล้วหยิบขึ้นมาดู ทันทีที่เห็นว่ามันคืออะไรดวงตาก็เบิกกว้างจนคนพ่อหลุดหัวเราะหึ

“ยูรู้อยู่แล้วใช่ไหม?”

เค้าพูดไม่ออก

“ตอนนี้คริสตัลอยู่ที่ไหน?”

ถึงจะถามแต่เอาเข้าจริงเค้าก็พอรู้อยู่แล้ว ทีครอสเสมองคนพ่อที่ยังคงยิ้มแต่บรรยากาศผิดกับเมื่อห้านาทีก่อนลิบลับ จะว่าไปเลขาคนสนิทของคาร์เตอร์หายไปไหน ปกติจะตามติดเสียยิ่งกว่าเงาตามตัว

“เมสันหายไปไหน?”

คาร์เตอร์เหยียดยิ้ม

“เขาไปทำงานให้ไออยู่ ส่วนยู…โทรเรียกคริสตัลให้กลับมาบ้านและให้ทันมื้อเย็น อ้อ ไม่ต้องไปบอกละว่าไอมา”






“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ?”

ทัตเดินเข้ามาในห้องนอนเอ่ยท้วงเมื่อเห็นคนรักนั่งหันหลังอยู่บนที่นอน เมื่อกี้ตนออกไปรับอาหารจากรูมเซอร์วิสและคุยโทรศัพท์อีกนิดหน่อยจนคิดว่าจะเข้ามาปลุกคนรักให้ตื่นมาทานมื้อเที่ยงนี่แหละ

“มีอะไรรึเปล่าคริส?”

ถามเมื่อเห็นคนน้องนั่งนิ่งตีหน้าเครียด ในมือมีโทรศัพท์กำแน่นอยู่

“พี่ครอสบอกให้กลับบ้าน”

“หืม? วันนี้เหรอ?”

“ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่เป็นเดี๋ยวนี้เลยด้วย”

ทัตหมุนหัวคิ้ว

“ทำไม?”

“นั้นสิ”

คริสเองก็อยากจะรู้ แต่ลางสังหรณ์เค้าบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

“ทัต”

เรียกคนพี่ด้วยเสียงที่สั่นเครือไหนจะดวงตาที่ไหวระริก ทัตเข้าไปกอดคนรักแล้วลูบปลอบเบาๆ เค้าเองก็สังหรณ์ใจไม่ดีเหมือนกัน

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว”

พูดแล้วกดจูบที่กระหม่อม คนน้องเพิ่มแรงกอดรัดเข้าไปอีก

“ไปอาบน้ำจะได้กินข้าวแล้วกลับไปเก็บเสื้อผ้ากัน”

คริสพยักหน้ารับแล้วผละถอยปล่อยมือจากคนพี่ก่อนจะลุกโดยมีทัตคอยช่วย ตลอดเวลาที่คริสอาบน้ำกินข้าวจนกระทั่งกลับบ้านพักไปเก็บของเค้าเอาแต่คิดหนักถึงลางสังหรณ์ที่ตัวเองมี

“อย่าทำหน้างั้นสิ เดี๋ยวก็แก่ก่อนวัยหรอก”

ทัตเอื่อมมือมากุมคนน้องก่อนจะพูดแหย่ คริสจิ๊ปากหน่อยๆแล้วตวัดสายตาไปมองดุๆ

“ทุกอย่างต้องโอเค เชื่อพี่สิ”

“อาเมน”

ทัตขยี้หัวคนกวนไปทีด้วยความหมั่นไส้จนโดนคริสด่ามาอีกตามประสาคนปากไว ทัตแหย่จนน้องคลายใจและหัวเราะได้ค่อยรู้สึกดีขึ้น อีกไม่กี่นาทีเครื่องก็จะลงที่กรุงเทพฯแล้ว เค้าจ้องมองออกนอกหน้าต่างด้วยใจที่จดจ่อ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดละนะ






“ส่งแค่นี้แหละ”

คริสบอกขณะที่ทัตขับมาส่งถึงหน้าประตูรั้วบ้าน

“พี่เข้าไปส่งดีกว่ามั่ง”

“ไม่อะ แค่นี้แหละ ขอบใจที่มาส่งแล้วก็…เออ…”

“หืม?”

“ขอบใจที่พาไปเที่ยว”

ทัตยิ้มรับ

“แล้วชอบไหม?”

คนถูกถามพยักหน้าตอบ

“งั้นเดี๋ยวพาไปบ่อยๆ ครั้งหน้าเปลี่ยนเป็นภูเขาดีไหม?”

“ก็ดีนะ อยากไปเก็บสตอเบอรี่สดๆลูกโตๆ”

“หึหึ ยังไม่ถึงหน้ามันเลย”

“ก็ถึงแล้วค่อยไปดิ”

ทัตยิ้มกริ่ม ไม่รู้คนพูดจะรู้ตัวรึเปล่าแต่สิ่งที่พูดออกมามันสื่อได้ว่าพวกเค้าจะยังคงอยู่ด้วยกันไปจนถึงช่วงเวลานั้นแน่นอน แค่นี้ก็รู้สึกดีจนหัวใจพองโตแล้ว

“มาจูบทีสิ”

คริสเบ้ปากเหมือนจะไม่ยอมแต่ก็ปลดสายเบลแล้วโน้มตัวเข้ามาหา ริมฝีปากบางประกบเข้ากับปากเค้าอย่างนุ่มนวลและอ้อยอิ่ง ทัตปลดสายเบลของตนแล้วเลื่อนมือไปรั้งท้ายทอยคนน้องให้ล็อคอยู่กับที่ ทัตเอี้ยวหน้าหันรับการบดจูบที่ลึกซึ้ง ถึงแม้จะไม่ใช่ดีพคิส แต่มันคือเลิฟคิสจากใจถึงใจ

“อื้อ พอแล้ว”

คนหน้าแดงท้วงพร้อมทุบอกหนาไปอีกที ทัตเลยหันไปหอมแก้มแดงๆทั้งสองข้างเป็นการเอาคืน คริสเปิดประตูลงจากรถในขณะที่ทัตเองก็ลงไปถือเอากระเป๋าของคนน้องมาวางไว้ใกล้ๆประตู

“ถ้าถือกระเป๋าไม่ไหวก็เรียกเด็กออกมาถือให้นะ”

“ไอก็ผู้ชายไหมวะ”

“หึหึ”

“จิ๊ หมั่นไส้”

“ครับๆ ตอนเย็นเดี๋ยวโทรหา”

คริสยกนาฬิกาข้อมือในแขนทัตขึ้นมาดู พึ่งจะ16:30 พี่ครอสบอกให้กลับมาก่อนมื้อเย็นซึ่งก็ถึงก่อนจริงๆ

“เค บาย”

ทัตพยักหน้ารับแล้วกลับเข้าไปในรถ เค้ารอจนคริสไขกุญแจรั้วเข้าไปยังด้านในแล้วค่อยออกรถมุ่งหน้าสู่บ้นใหญ่เพื่อเคลียร์เรื่องในส่วนของตน

“คุณคริส!”

ทันทีที่เดินพ้นประตูรั้วเข้าไปได้ไม่ไกลเสียงทักของลุงคนสวนก็ดังเรียกความสนใจเค้าซะงั้น

“ผมช่วยถือให้ครับ”

“ไม่เป็นไรครับลุง แล้วนี่พี่ครอสกลับมารึยังครับ?”

“กลับมาแล้วครับ”

คริสพยักหน้ารับรู้แล้วเดินตรงเข้าบ้าน  อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นบรรยากาศภายในบ้านดูเงียบๆพิกล ปกติต้องมีแม้บ้านเดินกันให้ควักหรือเดินเข้ามารับเวลาที่เค้ากลับมาแล้วนี่ เมื่อตนเดินเข้าไปจนชะงักที่หน้าทางเข้าห้องนั่งเล่นเค้าก็ได้คำตอบ บรรดาแม่บ้านทั้งหลายต่างก็นั่งออกันอยู่ที่พื้นโดยที่มีนายทั้งสามนั่งอยู่ที่ด้านบน เมื่อคริสปรากฎตัวทุกสายตาก็หันมาจับจ้องเค้า

“กลับมาแล้วเหรอ”

คาร์เตอร์เป็นผู้เอ่ยทัก

“แด๊ด! ไหนว่าจะมาอาทิตย์หน้าไง?”

“ก็คิดถึงลูกเลยรีบมาก่อนกำหนด”

คริสเหยียดปาก ตอแหลชัดๆ

“มานั่งนี่สิลูก เมย์ไปเอาน้ำหวานมาให้คุณหนูแล้วฝนกับจอยเอากระเป๋าคุณหนูขึ้นไปเก็บให้เรียบร้อย”

“ค่ะ”

 คริสเอากระเป๋าให้เด็กไปจัดการส่วนตัวเองก็เดินไปนั่งข้างๆผู้เป็นแม่

“เป็นไงบ้าง สนุกไหมหืม?”

“ก็สนุกดีครับแต่ก็เหนื่อยด้วย”

พูดอ้อนไปตามประสาไหนจะโอบกอดแล้วเข้าไปหอมแก้มมารดาไปอีกฟอดสองฟอด

“ขี้ประจบ”

“พี่ครอสว่าคริสอะแม่”

“ตาครอส”

“ใช่สิ ไม่มีใครเข้าข้างผมอยู่แล้วนี่”

สิริกิตส่ายหัวระอากับความง่องแง่งของลูกชายทั้งสอง ส่วนคาร์เตอร์ก็ได้แต่มองยิ้มๆก่อนจะสั่งให้แม่บ้านออกจากห้องไปเหลือเพียงสี่พ่อแม่ลูกอยู่คุยกันตามประสา

“ยูไปเที่ยวไหนมา?”

“ภูเก็ต แด๊ดเคยไปไหม ทะเลสวยดีนะ”

“เคย ตั้งแต่สมัยยูยังไม่เกิดละมั่ง”

“โห คนอย่างแด๊ดมีเวลาว่างเที่ยวด้วยเหรอ”

“ตั้งแต่สมัยยังไม่รับช่วงงานเลยว่างเยอะ”

คริสพยักหน้ารับรู้

“เหมือนยูในตอนนี้....”

คริสเริ่มนึกเอะใจ

“แด๊ดอยากจะพูดอะไรกันแน่”

คาร์เตอร์เหยียดยิ้ม

“ไอจะให้ยูไปอยู่กับไอที่อเมริกาแล้วเข้าฝึกรับช่วงงานไปในตัว”

คริสดีดตัวลุกขึ้นนั่งพลางจ้องหน้าผู้เป็นพ่อเขม่ง

“แด๊ดพูดอะไร ไอเรียนยังไม่จบนะแล้วไหนบอกว่าให้พี่ครอสเป็นคนรับช่วงต่อ”

“ก็ตอนนี้ไอเปลี่ยนใจแล้ว ทีครอสกำลังขยายค่ายอำนาจในแถบเอเชีย เพราะงั้นฝั่งนู้นแกต้องเป็นคนดูแล”

คริสส่ายหัวเป็นระวิง

“ไม่เอาอะ ผมไม่อยากไป จะให้ทำงานก็ได้แต่ผมจะอยู่ที่ไทย”

“ทำไมถึงไม่อยากไป?”

“ก็...ผมห่วงแม่”

“ห่วงทำไมทีครอสก็อยู่”

“พี่งานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลามาอยู่กับแม่หรอก”

“แล้วถ้าแกทำงานคิดว่าแกจะยุ่งไหมละ”

“ก็....”

“หรือมีคนไม่อยากให้ไป?”

จากที่หลบตาก็ต้องหันไปจ้องคนพูดอีกครั้ง

“ป่าว”

“หึ”

คาร์เตอร์หันหยิบซองสีน้ำตาลซองเดิมที่เคยให้ทีครอสดูโยนไปตรงหน้าลูกชายคนเล็ก คริสตีหน้าฉงนรับมาเปิดในขณะที่ทีครอสหันหน้าหนีไปอีกทาง

คริสเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายในซอง มันเป็นรูปภาพแอบถ่ายและจุดโฟกัสของภาพทุกแผ่นล้วนก็คือคริสตัลกับเทพทัต คริสไล่เปิดดูแต่ละรูปจนเริ่มหน้าเสีย มันมีแม้กระทั่งภาพฉากสวีตที่ไม่น่าจะมีใครเห็น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนในรูปมีความสัมพันธ์แบบไหน

“คาร์...”

สิริกิตเรียกผู้เป็นสามีเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือลูกแต่คาร์เตอร์ยกมือห้ามไว้เสียก่อน

“คุณอย่ายุ่ง เรื่องนี้ผมจัดการเอง”

“แต่ว่า...”

“สิ”

สิริกิตได้แต่นิ่งเงียบถึงแม้หล่อนจะไม่ชอบใจก็ตามที

คริสไล่ดูรูปจนหมดและเอกสารอีกชุดที่แนบท้ายคือข้อมูลเชิงลึกของทัตนั้นเอง นี่ถึงขึ้นจ้างนักสืบมาสืบข้อมูลและแอบถ่ายกันเลยเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทั้งๆที่อยู่คนละทวีปแล้วทำไม...

“เลิกยุ่งเกี่ยวกันซะ แล้วไปอยู่กับไอที่อเมริกา”

เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ คริสทำเอกสารร่วงลงจากมือทั้งที่ทุกสิ่งชะงักค้างแม้แต่ลมหายใจ

“ไอคงปล่อยปะละเลยยูมากจนเกินไปถึงทำให้ยูเอาแต่ใจจนเบี่ยงเบนถึงขนาดนี้”

“แด๊ด”

คาร์เตอร์ส่งสายตาห้ามไปยังทีครอสจนทีครอสได้แต่กัดฟันกรอด

“ยูเป็นทายาทของไอและอนาคตยูก็ต้องสร้างทายาทรุ่นต่อไปเหมือนกัน”

“แด๊ด! เรื่องนั้นผมบอกแล้วไงว่าผมจะเป็นคนจัดการเอง ทั้งเรื่องแต่งงานทั้งเรื่องมีทายาท”

“หุบปาก”

“แต่แด๊ด...”

“เพราะให้ทายกันอย่างนี้นะสิ คริสตัลถึงได้ถลำลึกไปถึงขนาดนี้”

ทีครอสกัดฟันแน่น ถึงแม้เค้าจะไม่ชอบใจที่คริสคบกับเทพทัตแต่เค้าก็ไม่อยากให้พ่อเข้ามาบงการชีวิตน้องอยู่ดี สำหรับตัวเค้านะเค้าชินเสียแล้วแต่กับคริส เค้ากลัวน้องจะเตลิด กลัวน้องจะช็อค กลัวจะประชดชีวิตแบบต่างๆนานา เค้ากลัวไปหมด

“คริสตัล ไอให้โอกาสยูเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เลิกกับเขาซะ เข้าใจไหม?”

“แด๊ด”

คริสเอ่ยเรียกผู้เป็นพ่อโดยที่ยังไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง

“ว่าไง?”

“แด๊ดไม่รักผมเหรอ?”

“รักสิ ทำไมไอจะไม่รักลูกของตัวเอง”

“รักของแด๊ดมันคือการได้เห็นคนที่รักเสียใจหรือไม่มีความสุขเหรอ?”

“........”

“ถ้าผมบอกว่าเขาคือหัวใจของผม แด๊ดยังจะพลากมันไปจากผมอยู่ไหม?”

“หึ ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบความรู้สึกชั่วคราว”

“แด๊ดรักแม่ชั่ววูบชั่วคราวไหมละครับ?”

“มันไม่เหมือนกัน”

“ยังไง? มันไม่เหมือนกันยังไง? มันก็คือความรักเหมือนกัน”

“แต่ยูเป็นผู้ชายเหมือนกัน!”

“ก็แล้วยังไงละ!? ผู้ชายเหมือนกันไม่มีสิทธิ์จะรักกันเลยรึไง!?! แด๊ดใจร้ายเกินไปแล้วนะ!!!”

“คริสตัล!!!”

ทัตทีที่คาร์เตอร์ตะคอกดังลั่นพลางลุกขึ้นยืนจ้องหน้าลูกชายคนเล็กเขม่งสิริกิตก็รีบเข้าไปดึงแขนรั้งตัวสามีไว้พร้อมๆกับทีครอสที่เข้าไปดึงคริสเข้ามากอดและเบี่ยงตัวบังคนน้องไว้กับอก คาร์เตอร์แสยะยิ้ม นี่คิดว่าเค้าจะทำอะไรลูกชายตัวเองรึไง

“พาคริสขึ้นไปบนห้องและห้ามคริสออกไปไหนจนกว่าไอจะอนุญาต”

ทีครอสพาน้องขึ้นห้องตามที่พ่อบอก ระหว่างที่จะพ้นขอบประตูเค้าได้เหลียวกลับไปมองบิดาและได้สะดุดกับสายตาที่เปลี่ยนไป เหมือนพ่อกำลังสนุกและพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำไม สนุกนักเหรอที่ทำให้ลูกตัวเองเสียใจ ให้ตายสิ


TBC....

ในที่สุด...
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 36 (UP-24/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-04-2017 15:57:24
สงสัยจะเป็นแผนลองใจของขุ่นพ่อ
แล้วอีกฝั่งเป็นยังไงบ้างล่ะนี่
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 36 (UP-24/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 24-04-2017 18:34:27
แผนพิสูจน์รักของลูกเขยสินะ อย่าดราม่ามากางน้าาาคุงแด๊ด
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 36 (UP-24/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-04-2017 19:05:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 36 (UP-24/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-04-2017 19:39:40
เอาให้หนักๆ เลยค่ะคุณพ่อขาาาาาา ให้ทัตมันกระอักเลยนะคะ จะได้รู้ชัดๆ ว่าพ่อลูกเขยเขามีความอดทนซะแค่ไหนค่ะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 36 (UP-24/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-04-2017 20:33:29
แผนพิสูจน์รักของลูกเขยสินะ อย่าดราม่ามากางน้าาาคุงแด๊ด

ก็ว่างั้น
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 37 (UP-27/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 27-04-2017 21:22:04
สัมผัสที่ 37

 
ทัตมาถึงบ้านใหญ่ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงทั้งๆที่บ้านของตนและบ้านของคริสอยู่กันคนละฟากฝั่งเมือง ปกติทัตก็เป็นคนขับรถเร็วตามสไตล์คนหนุ่มผู้แสนไฮเปอร์แถมรถยังเป็นสปอร์ตคาร์เครื่องยนต์ 4308 C.C. V8 DOHC 400แรงม้าอัตราความเร็ว 310km/h อีกต่างหาก ถ้าไม่ใช่คนรักหรือชื้นชอบในความเร็วจะเอารถแบบนี้มาทำไม แต่ทว่าเมื่อตุ๊กตาหน้ารถคือคริสตัลความเร็วนั้นก็มลายหายไปแล้วเปลี่ยนเป็นความใส่ใจในเรื่องของความปลอดภัยจนตัวเองยังนึกกลัว กลัวการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองยังคาดไม่ถึง

ตัวบ้านขนาดใหญ่ลายหินอ่อนสีขาวมุกตั้งตระหง่านอยู่กลางสวนสวยที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีถึงแม้ผู้เป็นเจ้าของจะไม่ค่อยอาศัยอยู่ก็ตาม พ่อกับแม่มักอยู่เมืองนอก ทัตก็ชอบอยู่คอนโด เลยกลายเป็นอีฟที่ต้องอาศัยอยู่กับเหล่าแม่บ้านและคนสวน ทันทีที่เฟอร์รารี่คันงามจอดเทียบที่หน้าบันไดหินอ่อนเหล่าลูกจ้างก็วิ่งมารับกันอย่างพร้อมเพียง ไม่รู้ว่าที่รีบเพราะตื่นเต้นที่เห็นนายมาหรือกลัวการโดนว่าหากมารับช้าหรืออาจจะทั้งสองอย่างรวมกันก็ได้

“มีใครอยู่บ้านบ้าง?”

ทัตเอ่ยถามเด็กรับรถที่ชื่อปอนด์ ปอนด์เป็นลูกของป้ามะลิและลุงชาติที่เป็นแม่บ้านและคนสวนมาตั้งแต่สมัยที่เค้ายังไม่เกิดซะด้วยซ้ำ

“คุณหญิงครับ คุณท่านไปบริษัทตั้งแต่เช้ายังไม่กลับ”

ทัตยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เวลานี้ก็เย็นพอตัวแล้วแต่พ่อยังไม่กลับแสดงว่าคงยังไม่พ้นช่วงยุ่งๆของบอร์ดบริหารสินะ

“อืม ด้านหลังมีประเป๋าเดินทางอยู่ใบหนึ่ง เก็บรถเสร็จก็เอาขึ้นไปไว้บนห้องให้ด้วย”

“ครับ”

ทัตปล่อยให้ปอนด์ทำหน้าที่ต่อไปโดยที่ตัวเองหันไปเดินเข้าบ้านและตรงไปยังห้องนั่งเล่นอย่างคุ้นเคย ทันทีที่โผล่หน้าเข้าไปก็เห็นใบหน้าของผู้เป็นแม่กำลังนั่งจิบน้ำผลไม้สายตาจ้องมองไปยังหน้าจอเขม่งเหมือนมีอะไรสำคัญนักหนา

“แปลกนะที่เห็นแม่อยู่บ้านได้”

หญิงผู้เป็นมารดาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมามองค้อนลูกชายตัวเอง

“มันควรเป็นคำพูดของแม่มากกว่านะ คิดยังไงถึงกลับบ้านมาได้จ้ะ พ่อหนุ่มนักรัก”

ทัตกระตุกยิ้มแล้วเดินเข้าไปหอมแก้มคนแม่ฟอดใหญ่ๆทั้งสองข้างก่อนจะนั่งลงข้างๆกัน

“แม่ดูไม่แก่ขึ้นเลยนะ ไปฉีดโบท๊อกที่ไหนมาบอกผมบ้างสิ”

“เอ๊ะ ลูกคนนี้นี่”

ทัตหัวเราะขำคนแม่ที่ตีแขนเค้าเบาๆ แม่ของเค้าเป็นชาวต่างชาติที่มีทักษะด้านภาษาไทยเป็นเลิศแถมยังเป็นถึงอดีตซุปเปอร์โมเดลระดับท๊อปของอิตาลี่อีกด้วย

“ดูอะไรอยู่เหรอครับ?”

“ก็งานสังคมทั่วไป คนไทยนี่ชอบออกงานแล้วใส่ชุดอย่างกับนกยูงจังเลย”

ภาพงานการกุศลที่โชว์หลาอยู่ที่หน้าจอทำให้ทัตเข้าใจในสิ่งที่ผู้เป็นแม่เอ่ย คุณหญิงคุณนายต่างก็แต่งตัวใส่เพชรนิลจินดาอวดร่ำอวดรวยกันสุดฤทธิ์สุดเดช ทรงผมอมตะคือกระบังลมสูงๆที่เค้าก็ไม่เข้าใจว่ามันสวยตรงไหน แต่ก็นะ มันเป็นความชอบส่วนบุคคลเค้าก็ไม่มีสิทธิ์ไปวิจารณ์อะไร

“ว่าแต่เราเถอะ ทำไมถึงโผล่มาบ้านได้ ไหนพ่อบอกว่าลูกไปเที่ยวกับคนรักไม่อยากแม้แต่มารับพ่อกับแม่ที่สนามบิน”

“เค้ามีธุระด่วนเลยต้องกลับมาก่อนกำหนดนะ”

“แสดงว่าถ้าเค้าไม่มีธุระลูกก็อาจจะไม่มาหาว่างั้น?”

“ก็อาจมาแต่สักสัปดาห์หน้าไงครับ”

“จ้ะ พ่อลูกบังเกิดเกล้า”

“หึหึ”

“แล้วหิวรึยัง?”

“ยังครับ ไว้รอทานมื้อเย็นพร้อมพ่อกับแม่เลยดีกว่า งั้นผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะ”

“โอเค ถึงเวลาเดี๋ยวแม่ให้คนขึ้นไปเรียก”

“โอเคครับ”

พูดจบทัตก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินดุ่มๆออกจากห้องนั่งเล่นแล้วตรงไปยังชั้นสองอันเป็นสถานที่รวมห้องนอนของเค้าและพี่สาว ชั้นนี้จะมีห้องนอนใหญ่ๆอยู่สองห้องและอยู่ตรงข้ามกับส่วนชั้นสามจะมีห้องของพ่อและแม่อยู่ห้องเดียวแถมติดกับดาดฟ้าที่มีสระว่ายน้ำขนาดเล็กอีกด้วย

ภายในห้องนอนของเค้ายังคงมีสภาพเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ความสะอาดที่สัมผัสได้บ่งบอกว่าที่นี่ถูกทำความสะอาดบ่อยครั้งถึงแม้จะไม่รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของห้องจะกลับมาพักเมื่อไหร่ก็ตาม ถึงแม้ระเรียกว่าห้องนอนแต่ก็กว่างใหญ่และแบ่งแยกโซนด้วยฉากกั้นขนาดใหญ่จนดูเหมือนเป็นห้องๆหนึ่งในคอนโดเลยก็ว่าได้ เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเป็นโซนครัวที่มีเคาร์เตอร์กาต้มน้ำชากาแฟแก้วเซรามิกถ้วยจานนิดหน่อยและตู้เย็นขนาดเล็ก เดินตรงเข้าไปด้านในเป็นโซฟาเตี้ยทรงกลมสองตัวบนพื้นพรมหันหน้าไปที่ผนังซึ่งมีทีวีจอยักษ์แปะอยู่ข้างฝาและด้านล่างเป็นชุดเครื่องเสียงโฮมเทียเตอร์ครบชุด ด้านซ้ายเป็นผนังที่กรุด้วยกระจกเต็มบานมีผ้าม่านผืนหน้าถูกจัดเก็บอยู่ตรงริม ด้านซ้ายเป็นฉากกั้นลายเลขาคณิตสีทึบเมื่อเปิดเข้าไปก็เป็นตียงนอนหลังใหญ่พร้อมตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำประตูกระจก

ทัตล้มตัวลงนอนที่เตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อมาเห็นที่พักความเหนื่อยล้าที่ข่มไว้จึงฝุดขึ้นมาจนร่างกายไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาซะดื้อๆ ดวงตาสีเข้มปิดลงก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราไปในที่สุด ขณะที่เค้าหลับ ใบหน้าของคนรักก็ผุดขึ้นมาในความฝัน มันเป็นภาพของคริสที่ยืนหันหลังแล้วเหลียวมองมาทางตน ใบหน้านั้นดูเศร้าสร้อยและพร้อมจะหลั่งน้ำตาได้ทุกเมื่อ

‘คริส เป็นอะไร’

เค้าถามด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้เอื้อมมือจะไปสัมผัสคริสกลับเดินหนีไป

‘คริส’

เจ้าของชื่อหันหลับมายิ้มบางแต่น้ำตาไหลอาบแก้ม ทัตใจกระตุก

‘คริสตัล’

คนถูกเรียกหันหนีแล้วก้าวเดินต่อไปโดยที่เค้าก้าวตามยังไงก็ไม่ทัน

‘ขอโทษ’

เสียงคริสตัลตอบกลับมาจากสักแห่งและนั้นก็ทำให้ทัตสะดุ้งตื่นในที่สุด หยาดเหงื่อไหนซึมไปทั่วร่างทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ทัตผุดลุกขึ้นนั่งเสยผมตัวเองช้าๆพิจารณาสิ่งที่พึ่งฝันไป

ใจไม่ดีเอาเสียเลย

ว่าแล้วก็ควานหาโทรศัพท์ตัวเองมาต่อสายหาคริสทันที ทัตฟังเสียงสัญญาณอยู่นานจนกระทั่งมันตัดไปเองนั้นแหละเค้าถึงได้หมุนหัวคิ้วด้วยความสงสัย เค้ากดโทรอีกครั้งและอีกครั้งแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการตอบกลับจากคนที่โทรหา

“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ?”

พึมพำคนเดียวเบาๆ ก็ไม่ได้อยากจะคิดมากหรอกแต่ไอ้ความฝันบ้าๆเมื่อกี้มันทำให้อารมณ์ตอนนี้แทบจะติดลบ

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูเรียกสติของทัตให้กลับมา เค้ามองไปยังนาฬิกาในห้องแล้วก็ถอนหายใจ ได้เวลามื้อค่ำแล้วสินะ

“คุณหญิงให้มาเชิญไปที่ห้องอาหารค่ะ”

ทันทีที่เปิดประตูออกไปดูแม่บ้านคนหนึ่งก็เอ่ยบอก เค้าพยักหน้ารับบอกว่าจะตามลงไปในอีกสามนาทีก่อนจะปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา เมื่อกี้ก็ลืมถามว่าพ่อกลับมารึยัง แต่ก็ช่างมันเถอะ

“ว่าไงไอ้ลูกชาย”

ไม่ต้องถามแล้วละว่าคนพ่อจะกลับมารึยังก็ในเมื่อโผล่เข้ามาในห้องอาหารก็ได้รับการต้อนรับซะดังลั่นห้องขนาดนี้

“พ่อกลับมานานแล้วเหรอ?”

ถามพร้อมนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆผู้เป็นพ่อซึ่งจะตรงข้ามกับผู้เป็นแม่ สรุปง่ายๆคือหัวโต๊ะเป็นที่ของเจ้าของบ้านนั้นแหละ

“สักพัก พ่อไปรื้อบอร์ดบริหารใหม่เลยยุ่งๆ”

ทัตพยักหน้ารับก่อนจะเอี้ยวตัวหลบให้ป้าแม่บ้านตักข้าวสวยร้อนๆเสิร์ฟจนครบหมดทุกจาน อาหารบนโต๊ะเป็นอาหารไทยที่ทัตคุ้นเคยดี

“แล้วเป็นไงบ้าง?”

ทัตพึ่งทานไปได้ไม่กี่คำผู้เป็นพ่อก็เอ่ยถามขึ้น

“หืม?”

“ก็เรื่องที่คุยก่อนหน้านี้”

ทัตไม่ตอบและทำทีทานข้าวต่อไปไม่ได้สนใจคนถาม

“มีเรื่องอะไรกันเหรอคุณ?”

“อ้อ ผมบอกให้ลูกเลิกกับแฟนมันนะ”

เคร้ง!

นอกจากแม่จะตกใจแล้วทัตยังวางช้อนส้อมทันทีที่ได้ยิน เค้าเบือนหน้าหนีอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่และนั้นก็ทำให้ผู้เป็นพ่อจ้องมองมาด้วยสายตาที่ออกจะดุๆผิดจากปกติ

“ผมอิ่มแล้ว”

ว่าแล้วก็ผุดลุกขึ้นแต่โดนห้ามไว้ซะก่อน

“นั่งลงแล้วกินต่อไป”

“.........”

ทัตยอมนั่งแต่ไม่ได้กินต่อตามที่โดนสั่ง

“เออ ทำไมคุณถึงไปพูดกับลุกแบบนั้นละ?”

“หึ ไม่ถามมันดูเองละ”

แม่หันไปมองยังเค้าทันทีที่พ่อเอ่ยจบ ทัตจิ๊ปากเบาๆก่อนจะตอบ

“แฟนผมเป็นผู้ชาย”

เคร้ง!

คราวนี้เป็นแม่ที่ช้อนส้อมร่วงลงจากมือ

“...เทพทัต...”

ดุนลิ้นในกระพุ่งแก้มให้กับสีหน้าตกตะลึงของมารดา

“ครับ”

“ไม่ได้ล้อแม่เล่นใช่ไหม?”

ทัตพ้นลมหายในหน่อยๆ

“เปล่าครับ”

“ใคร? เค้าเป็นใคร?”

ตุ๊บ!

ทัตมองไปที่ต้นตอของเสียงซึ่งก็เป็นซองสีน้ำตาลที่พ่อโยนลงข้างๆแม่ แม่มองงงๆก่อนจะนำมาเปิดดูและทัตเดาได้ไม่ยากเลยว่ามันคืออะไร นี่ถึงขนาดต้องสืบกันเลยเหรอ ชักไม่สบอารมณ์มากกว่าเมื่อกี้แล้วสิ

“เกินไปไหมพ่อ?”

“อะไร? ไอ้นี่นะเหรอ? เกินไปตรงไหน?”

“มันละเมิดความเป็นส่วนตัวของเค้าไหมละ”

“ไม่นี่ แค่สืบอยู่ห่างๆไม่ได้เข้าไปยุ่มยามด้วยเลย”

เกลียดความหน้ามึนของผู้เป็นพ่อจริงๆ

“ผมขอละ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ถ้ามีอะไรก็มาลงที่ผมคนเดียว”

คนเป็นพ่อแสยะยิ้มแล้วรวมช้อนส้อมไว้อย่างใจเย็น

“ปกป้องกันขนาดนี้ รักมากเลยสินะ”

“ไม่รักสิแปลก แฟนทั้งคน”

“แค่แฟนจะอะไรนักหนา”

“เมียก็ได้งั้น”

“โฮ่ ขนาดนั้นเลย?”

ทันนั่งกอดอกจ้องมองสบตาผู้เป็นพ่อกลับอย่างไม่เกรงกลัว การทานอาหารมื้อนี้คงสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้และกลายเป็นสนามอารมณ์ของคนทั้งคู่แล้วสินะ

“ไม่ยอมเลิกว่างั้น?”

ทัตพยักหน้า

“ถึงแม้จะต้องตัดขาดจากพ่อจากแม่จากทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเคยมีและเคยได้รับ”

“ผมหาเองได้ ไม่มีก็หาใหม่จะไปยากอะไร”

“ยากแน่ในเมื่อแกเหลือแต่ตัวเปล่าๆ ไม่คิดบ้างเหรอว่าถ้าแกเหลือแต่ตัวแล้วเค้าอาจจะไม่สนแกแล้วก็ได้”

“ไม่มีทาง คริสไม่ใช่คนแบบนั้น”

“อ้อ ฉันลืมไปว่าทางนั้นเค้าก็รวย ถึงแกเหลือแต่ตัวแต่เค้าก็เลี้ยงได้นี่เนอะ”

“ผมไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่”

คนเป็นพ่อเหยียดยิ้ม

“แกจะทำยังไงเทพทัต จะเริ่มจากไหนละ เริ่มจากสมัครงานร้านฟาสฟู๊ดก่อนเหรอ หืม?”

“นี่พ่อกำลังท้าผม?”

“ถ้าบอกว่าใช่ละ”

“พอเถอะค่ะ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย”

คนแม่เริ่มทนฟังไม่ไหว หัวอกคนเป็นแม่จะไปทนได้ยังไงถ้าลูกของตัวเองต้องไปตกระกำลำบาก คนพ่อนี่ก็อะไร ห่วงลูกก็ห่วงแต่กลับแสดงออกมาตรงกันข้ามซะงั้น

“นี่ใช่แฟนลูกไหมทัต?”

ทัตมองไปยังรูปถ่ายที่แม่เลื่อนมาตรงหน้าก่อนจะพยักหน้ารับ

“หน้าตาดีจัง เข้าวงการได้สบายเลยนะเนี้ย แม่อยากเจอตัวจริงจังเลยลูก เรียกเค้ามาให้แม่เห็นหน่อยได้ไหม?”

ทัตถึงกับสะดุด เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ยังตกตะลึงกับการได้รู้ว่าตนคบกับผู้ชายอยู่เลย แล้วไหงถึงปรับอารมณ์ได้ไวอย่างนี้วะ

“หึหึ”

“หัวเราะอะไรคุณ เห็นอย่างนี้ก็ถูกใจคุณไม่น้อยหรอก”

คนเป็นพ่อไหวไหล่และนั้นก็สร้างความประหลาดใจให้ทัตมากพอสมควร

“หมายความว่ายังไง?”

“ก็หน้าตาดีไง ถามแปลกๆ”

“ไม่ใช่งั้นดิ ผมหมายถึง...”

“เออ...ก็แค่อยากแหย่แกเล่น แต่แม่แกดั๊นเบรกไวเกิ๊น”

ลืมไปว่าพ่อเป็นหัวหน้าสมาคมบุคคลเกลียมัวแห่งชาติ ว่าแล้วก็หลุดหัวเราะจนพ่อส่งสายตาดุๆมาให้ไปอีก

“ขำอะไรนักหนาวะ เดี๋ยวแกก็เป็นเหมือนพ่อ เชื่อดิ”

“ผมป่าวกลัวเมียนะ แค่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน”

“ก็เหมือนกันแหละ เหอะ”

คิดแล้วก็อยากขำ พ่อเล่นใหญ่มากอะบ่องตรง แต่ที่ใหญ่กว่าคงต้องเป็นแม่เพราะตั้งแต่เห็นรูปคุณท่านเล่นจ้องไม่วางตาจนตอนนี้ก็ยังไม่เลิกจ้อง

“แม่ครับ”

“หืม ว่าไงครับ?”

“เลิกจ้องอย่างนั้นสักที ถึงเป็นแค่รูปแต่ผมก็หวงนะ”

คุณนายกรอกตาก่อนจะพ้นลมหายใจ คนพ่อหัวเราะขำกับท่าทีขี้หวงที่เหมือนกันอย่างกับแกะ จะเหมือนใครละก็เหมือนเค้าเองนี่แหละ

“งั้นก็พามาให้แม่เจอเลย พรุ่งนี้นะ ไม่งั้นแม่งอล”

อื้อหือ มันใช่เรื่องไหมเนี้ย ถึงจะคิดงั้นแต่ทัตก็ยิ้มรับ

“ผมขอโทรคุยกับเขาก่อนนะ แล้วจะบอกอีกที”

“โอเคครับ เอาละๆ ทานข้าวต่อเถอะจ้ะ”


 
 
 
 
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

ตั้งแต่ทานมื้อเย็นเสร็จทัตก็กลับขึ้นมาบนห้องและต่อสายหาใครอีกคนแต่ก็ยังคงไม่มีคนรับจนเข้าสายที่สิบเห็นจะได้ ทัตขมวดคิ้วมุ้ยพยายามไม่คิดไปในแง่ลบเพราะพักหลังคริสไม่ค่อยจะสนใจโทรศัพท์ของตัวเองสักเท่าไหร่ เค้าตัดสินในถอดเสื้อผ้าแล้วเข้าไปอาบน้ำอาบท่าให้หัวโล่งแล้วจึงค่อยโทรอีกครั้งแต่พอออกมาเสียงโทรศัพท์เค้าก้ดังขึ้นจนต้องรีบถลาไปคว้ามารับสาย

“ฮัลโหล”

/อืม/

เสียงแหบและแผ่วจนรอยยิ้มก่อนหน้าค่อยๆหุบลง

“ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้นละคริส?”

/ไม่สบายนิดหน่อย โทษทีที่ไม่ได้รับสาย พอดีทิ้งโทรศัพท์ไว้บนห้องนะ/

ทัตถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีนะที่ไม่ฟุ้งซ่านจนขับรถไปหาด้วยตัวเอง

“แล้วกินข้าวรึยัง?”

/อืม/

“บอกได้ไหมว่ามีเรื่องอะไร ทำไมพี่ชายถึงให้รีบกลับ?”

ออกจะเป็นคำถามที่ละลาบละล้วงหน่อยแต่คนมันอยากรู้จริงๆนี่หว่า อยากรู้ว่าสำคัญจริงๆหรือแค่อยากกวนตีนกีดขวางความสุขของเค้าเหมือนอย่างเคย

/แด๊ดกลับมาก่อนกำหนดนะ/

หืม พ่อของคริสนะเหรอ?

“ไหนแม่บอกว่ากลับอาทิตย์หน้าไง”

/ก็มาก่อนกำหนดไง/

ทัตขมวดคิ้ว แทนที่จะเหวี่ยงกลับมาอย่างเคยแต่กลับตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ

“โอเคไหมครับ?”

/อืม/

“แต่เสียงแย่จัง”

/แค่เหนื่อยนะ/

“งั้นนอนเลยไหม จะได้พักผ่อนเต็มที่หน่อย ห้ามเล่นโทรศัพท์แล้วนะปิดไฟนอนไปเลย”

/อืม/

“หึ ราตรีสวัสดิ์ครับ พี่คิดถึงเรานะ”

/ทัต.../

“ครับ?”

/ที่พูด...ที่สัญญานะ เอาจริงใช่ไหม?/

“ให้ตายสิ พี่จะโกรธเราดีไหมเนี้ย คนเค้าจริงจังขนาดนั้นยังจะกล้าไม่เชื่อกันอีกนะ”

/อืม ขอโทษ/

“ทำไมวันนี้ขอโทษง่ายจัง ไม่สิ ทั้งง่ายทั้งบ่อย น้องคริสแสนดื้อของพี่เป็นอะไรไปครับ บอกพี่มาสิ”

/เปล่า...แค่อยากพูด/

“เอาจริงๆ”

/ทัต..../

“ครับ?”

/....อยากกอด/

ตึกตึก

เวร หัวใจเต้นแรงไปไหม

“ให้พี่ไปรับไหม? มานอนนี่ก็ได้ พ่อแม่พี่อยากเจออยู่พอดี”

/ไม่ต้องมา เดี๋ยวนะ พ่อแม่เหรอ?/

“ใช่”

/พ่อแม่รู้เรื่องแล้วเหรอ?/

“ใช่ครับ”

ยิ้มออกเพราะเสียงที่ดูตื่นเต้นของคนจากปลายสาย

/แล้ว...พวกท่านรับได้เหรอ?/

“ใช่ แค่เห็นรูปเราท่านก็แทบจะให้พามาหาเลยด้วยซ้ำ หึหึ”

/เวอร์/

“ความจริงครับ แล้วเอาไง จะมาให้พ่อแม่สามีดูหน้าหน่อยไหม?”

/........../

“คริส”

/หือ อ้อ โทษที แค่นี้ก่อนนะ/

ว่าแล้วก็วางสายไปในทันทีปล่อยให้ทัตมองโทรศัพท์ด้วยความงงงวย แต่ก็ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยโทรไปใหม่ก็ได้ ทัตวางดทรศัพท์ไว้ที่เตียงแล้วหันกลับไปแต่งตัวต่อ โชคดีที่ตลอดทั้งคืนทัตไม่ได้ฝันร้ายเหมือนเมื่อช่วงหัวค่ำ เลยทำให้ตื่นเช้าขึ้นมาด้วยอาการสดชื้น

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

ทัตเอ่ยกับผู้เป็นพ่อและแม่ที่นั่งประจำที่อยู่ในห้องอาหาร พ่อละสายตาจากไอแพดมาพยักหน้าให้ลูกชายส่วนแม่ก็ยิ้มหวานตอบกลับมาแทน ทันทีที่ทัตนั่งลงป้าแม่บ้านก็นำกาแฟและแซนวิชร้อนๆมาเสิร์ฟเหมือนของพ่อ

“วันนี้ไม่เข้าออฟฟิศกับพ่อเหรอทัต?”

คงเห็นว่าลูกชายแต่งตัวด้วยชุดไปรเวทสบายๆเลยต้องเอ่ยปากถาม

“ไม่อะ พ่ออยุ่พ่อก็ดูไปสิ ผมรับหน้าที่แค่ตัวแทนยังไม่ได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการซะหน่อย”

“ปากดีเจ้าลูกชาย อีกหน่อยมันก็เป็นของแกไหมละ”

“ก็รอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วกัน”

“เจ้านี่นิ”

ทัตไหวไหล่แล้วกัดแซนวิชเคี้ยวตุ้ย คนเป็นแม่ส่ายหัวหน่อยๆแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงใดๆ จบมื้อเช้าพ่อออกไปบริษัทส่วนทัตและแม่พากันย้ายสาระร่างมาที่ห้องนั่งเล่นโดยที่ทัตโดนผู้เป็นแม่ซักพอกเรื่องคริสตัลแทบจะทุกรายละเอียด ตั้งแต่ออกจากวงการเจ้าหล่อนเลยผันตัวมาเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าไฮคลาสที่มีสาขาอยู่ทุกเมืองใหญ่แทบจะทั่วโลก นอกจากแฟชั่นที่หล่อนรักแล้วยังมีความชื่นชอบที่จะคัดเลือกบุคคลที่จะมาเป็นแบบให้แบรนด์ด้วยตัวเอง หรือพูดง่ายๆคือชอบที่จะเสาะแสวงหาคนเข้าตาผู้ที่มีแววเจิดจรัสด้วยตัวเอง ถ้าเจอคือต้องได้และเมื่อเข้าตาคือต้องเอา นิสัยแบบนี้ฟังดูคุ้นๆเนอะ

“ให้น้องมาเป็นแบรนด์เอมบลาสเตอร์ให้แม่ได้ไหมลูก แม่อยากได้มาก”

ทัตได้แต่ยิ้มขำ นึกย้อนไปในช่วงที่โดยพวกแฟนคลับตามตื้อแล้วเจ้าตัวยังทำทีไม่ชอบใจขนาดนั้นแล้วนี้เป็นถึงนายแบบ เจ้าตัวคงยอมหรอกนะ

“เค้าไม่ชอบเป็นจุดสนใจนะแม่ ทำใจไว้ได้เลย”

“แต่หน้าตาแบบนี้ รูปร่างอย่างนี้ อยู่เฉยๆก็ตกเป็นจุดสนใจแล้วด้วยซ้ำ”

ก็จริงนะ

“แล้วผมละ ผมก็หล่อนะ”

“โอ้ย อย่างลูกนะแม่เบื่อหน้าละ”

“อ้าว อย่างนี้ก็ได้เหรอแม่”

“ฮิฮิ ว่าแต่ บอกน้องรึยังว่าแม่อยากเจอ?”

“บอกแล้วครับ แต่เหมือนเขาจะยังไม่พร้อมมานะ”

“อ้าว ทำไมละ บอกไปสิว่าพ่อแม่ไม่ดุไม่กัดฉีดยาแล้วด้วย”

“โถ่แม่ ไปได้มุขนี้มาจากไหนเนี้ย”

“ก็ไม่ใกล้ไม่ไกลหรอกจ้ะ หึหึ”

ครืน ครืน

ทัตล้วงเอาโทรศัพท์ตัวเองออกมาทันทีที่สัมผัสได้ถึงแรงสั่นครืน พอเห็นชื่อคนโทรมาเค้าถึงกับหมุนหัวคิ้ว พ่อน่าจะถึงบริษัทตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วนี่ แล้วจะโทรมาทำไม?

“ครับ?”

/เข้ามาบริษัทเดี๋ยวนี้เลย/

“ห่ะ?”

/ฉันบอกให้แกเข้ามาบริษัท-เดี๋ยว-นี้/

เมื่อเน้นทีละคำจนจบแล้วก็ตัดสายไปในทันที อะไรของเขาวะ

“มีอะไรรึเปล่าลูก?”

“อ้อ พ่อบอกให้เข้าบริษัทนะครับ งั้นผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”

“จ้ะๆ”

ทัตกลับขึ้นห้องไปเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อเชิตแขนยาวสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงยีนส์พอดีตัวสีดำรองเท้าหนังปลายแหลมขัดเงาเซ็ตผมนิดหน่อยเป็นอันเสร็จ จริงๆก็ไม่อยากหล่อสักเท่าไหร่กลัวทำให้คนอื่นหลงแล้วคริสจะคิดหนัก แต่ก็นะ ให้หนีความจริงข้อนี้คงยากอยู่ หึหึ

ทัตใช้เวลาไม่มากในการบึ่งรถไปยังตึกสำนักงานใหญ่ใจกลางกรุงเทพเพราะไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วนของเหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ระหว่างที่ขับเข้าไปจอดยังที่จอดรถของบริษัททัตก็ไปสะดุดตากับรถหรูคันหนึ่งที่ไม่น่าจะมีคนใช้เพราะราคาไม่ใช่เล่นๆแม้แต่เค้ายังคิดว่าแพงเลยด้วยซ้ำ

สงสัยพ่อคงมีลูกค้ารายใหญ่มาหาแล้วอยากแนะนำเค้าให้รู้จักละมั่ง

เมื่อสรุปความได้ก็กรอกตาแทบไม่ทัน ถ้าแนะนำในฐานะทางธุรกิจอย่างเดียวก็ไม่ว่าอะไรหรนอกแต่ถ้าแนะนำในเชิงจับคู่...คงต้องลองมีเรื่องกันสักตั้งข้อหาไม่ฟังความลูกชายบังเกิดเกล้า...

“คุณทัต”

ทันทีที่ย่างก้าวเข้าไปภายในตัวตึกทัตก็เจอสินยืนรอท่าอยู่ที่หน้าเคาร์เตอร์ต้อนรับ คงรู้จากพ่อแหละว่าเขาจะมา

“ว่าไง พ่อมีแขกคนสำคัญเหรอ?”

“ครับ”

ตอบรับเพียงแค่นั้นแล้วเดินนำไปยังลิฟท์พร้อมกดเรียกให้เสร็จสรรพ ทัตหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาคนที่คิดถึงในระหว่างที่รอ เค้าขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะคริสไม่รับสายอีกแล้ว พอดีกับที่ประตูลิฟท์เปิดเลยต้องเดินเข้าไปยังด้านในพร้อมกับสิน มือหนากดโทรซ้ำจนเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมพาขึ้นมาถึงชั้นผู้บริหารคริสก็ยังไม่รับสายเค้าอยู่ดี ทัตถอนหายใจแล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าตามเดิม เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่ติดต่อคนรักยากแต่ก็พอโอเคที่รู้ว่าน้องอยู่ที่บ้านไม่ได้หายไปซะดื้อๆ

ประตูลิฟท์เปิดออก ทัตก้าวนำออกไปด้านนอกแล้วมุ่งตรงสู่ห้องทำงานใหญ่ของผู้เป็นเจ้าของบริษัท

“สวัสดีค่ะคุณเทพทัต”

ทัตยิ้มรับคำทักทายของเลขาแล้วเคาะประตูครั้งสองครั้งรอสัญญาณว่า ‘เข้ามาได้’ แล้วจึงเปิดประตูเข้าไปพร้อมๆกับสินที่เดินตามหลังมา ทัตชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นบุคคลที่นั่งอยู่ที่โซฟารับแขกกับพ่อของตน คนๆนี้เค้าเห็นหน้าคร้าตาบ่อยๆตามข่าวธุรกิจทั้งอินเทอร์เน็ตหนังสือพิมพ์หรือในทีวี ผู้ชายชาวต่างชาติร่างใหญ่ผู้มีใบหน้าเข้มแลดูน่าเกรงขามดวงตาสีฟ้าครามจ้องมองมายังตนเหมือนกำลังประเมินตัวตนของเค้าอยู่กลายๆ ผมสีบรอนด์ทองถูกเซ็ตเสริมใบหน้าและการแต่งกายที่ดูมุมไหนก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นเมื่อเห็นว่าทัตนิ่งไปหลายนาที

“นั้นเทพทัต ลูกชายผม ส่วนทัตคนนี้คือ....”

“คุณคาร์เตอร์ เฟรงเบิร์ค”

คาร์เตอร์ลุกขึ้นยืนแล้วหันมามองหน้าทัตตรงๆ

“รู้จักผมด้วย?”

“แน่นอนครับ”

“อ่า งั้นคงคุยกันง่ายขึ้นหน่อย”

“..........”

“ผมไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนักเพราะฉะนั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”

“……”

“…ผมอยากให้คุณเลิกยุ่งกับลูกชายของผม คริสตัล เฟรงเบิร์ค”

เกิดเดดแอร์ขึ้นชั่วขณะทันทีที่คาร์เตอร์พูดจบ ดวงตาสีครามจ้องมองคนตรงหน้าด้วยท่าทีเย้ยหยัน ทัตเผลอกำมือแน่นทั้งที่เม็ดเหงื่อผุดขึ้นจนชื้น เกิดเสียงสั่นครืนของโทรศัพท์ตัดความหมุนเคว้งภายในอากาศ แต่เครื่องที่สันครืนคือเครื่องของสิน สินพงกหัวขออนุญาตออกไปคุยข้างนอกในขณะที่พ่อของทัตคือคนรับรู้เพียงผู้เดียว

“ขอโทษครับ ผมคงทำอย่างนั้นไม่ได้”

ทัตตอบอย่างหนักแน่นและแววตาที่จริงจังจนผู้เป็นพ่อที่ลอบสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังกระตุกยิ้ม มันเอาจริงแฮะ

“หึ อย่าพึ่งตอบมาง่ายๆอย่างนั้นสิ ผมมีข้อเสนอมาให้ด้วยนะ”

“……”

“ถ้าคุณเซย์เยส ผมจะถอนกิจการในเครือของผมและลูกชายคนโต ทีครอส เฟรงเบิร์คออกจากประเทศไทยและเส้นทางธุรกิจของคุณทุกทาง คุณจะสามารถเจิญเติบโตยิ่งขึ้นโดยที่ไร้ซึ่งคู่แข่งตัวบิ๊กอย่างผม อ้อ ผมยินดีแนะนำบริษัทคุณให้แก่ลูกค้าของเราทั้งหมด…”

สิ่งที่ได้ยินนั้นคือข้อเสนอแบบหักดิบสุดๆ การถอนกิจการจากประเทศไทยมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แถมยังเป็นบริษัทใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศอีกต่างหาก

“แต่ถ้าคุณเซย์โน…”

เสียงของคาร์เตอร์กดต่ำลงกว่าปกติรอยยิ้มหายไปจากใบหน้าและดวงตาจ้องเหม่งเหมือนเหยี่ยวที่รอจู่โจมเหยื่อ

“ผมจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของคุณ”

“……”

“ผมให้เวลาคุณตัดสินใจสัก…สามวันแล้วกัน ถ้าได้คำตอบแล้วก็ติดต่อผมมาได้ทุกเมื่อ”

พูดแล้วก็ล้วงเอานามบัตรมาวางไว้บนโต๊ะกระจก ทั้งทัตและพ่อมองตามแต่ไม่ได้ปริปากอะไรสักคำ

“ผมขอตัวกลับเลยแล้วกัน หวังว่าจะได้รับคำตอบที่ฉลาดพอในเร็ววันนะครับ ขอบคุณสำหรับกาแฟ”

ทัตยังคงยืนนิ่งจนกระทั่งคาร์เตอร์พ้นบานประตูออกไปแล้วนั้นแหละ พ่อของเค้าเลยขยับมาหยิบเอานามบัตรไปอ่าน กดยิ้มนิดหน่อยที่เห็นว่าเป็นนามบัตรเฉพาะตัวที่มีเบอร์ส่วนตัวสำหรับติดต่อโดยตรงอยู่ด้วย ปกติคนระดับคาร์เตอร์จะแจกแค่นามบัตรในนามนักธุรกิจที่ต้องติดต่อผ่านเลขาหรือคนอื่นก่อน

“เอาไงละทีนี้ จะเอาเมียทั้งทีล่อของลิมิเต็ดเลยนะแก”

ทัตถอนหายใจเดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งแล้วยกมือกุมขมับ

“ผมก็คิดไว้แล้วว่าต้องงานหยาบแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้”

“หึ เกิดกลัวขึ้นมารึไง?”

“ถ้าเค้าพุ่งเป้ามาที่ผมคนเดียวผมจะไม่อะไรเลย แต่นี่…”

“ห่วงบริษัท?”

“ก็ใช่”

“เลยจะยอมเลิก?”

“…ไม่”

“หึ แล้วแกจะทำยังไง เค้าต้องการให้แกเลือกแค่ช้อยเดียวนะ”

ยิ่งคิดยิ่งเครียด ภาพฝันร้ายเมื่อวานฉายซ้ำเข้ามาในหัวจนทัตแทบสิ้นเรี่ยวแรง ถ้าคริสรู้เรื่องนี้ต้องถอยห่างอย่างที่ฝันแน่ๆ ถึงจะรักแต่ก็ไม่อยากให้คนรักต้องเดือดร้อน คริสไม่ชอบให้ใครมาเดือดร้อนเพราะตน นั้นคือความน่ารักอีกอย่างหนึ่งของคนที่เค้ารัก

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะห้วงความคิดของคนทั้งคู่ ทัตเป็นคนเอ่ยปากอนุญาตให้เข้ามาและเป็นสินที่เดินไวๆด้วยใบหน้าปั้นยาก

“มีอะไร?”

“หุ้นเราร่วงดำดิ่งเลยครับ”

พูดพร้อมยื่นไอแพดมาให้เจ้านาย ทัตรับมาดูแล้วก็ต้องกัดฟันกรอด หุ้นในส่วนนี้เป็นส่วนที่เค้าดูแล มันค่อนข้างเสถียนถ้าจะลงกฌไม่ต่ำไปกว่าห้าจุดแต่นี่…

“เกิดเหี้ยอะไรขึ้นวะ!?!”

ไม่อยากจะอารมณ์เสียแต่คงหยุดไม่อยู่แล้วจริงๆ ทัตกัดฟันกรอดพยายามกู้สถานการณ์เต็มที่แต่สิ่งที่ได้ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร เหี้ยเอ๊ย

ติ๊ดๆ

หืม…ข้อความ?

‘นี่คือคำเตือน’

เป็นเบอร์แปลกที่ไม่มีชื่อแต่ข้อความมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าใครคือคนที่ส่งมาและใครที่เป็นตัวต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้น

คาร์เตอร์ เฟรงเบิร์ค พ่อตาตัวแสบ!


TBC…

มาแล้วๆๆๆ ไรท์ทีมคุณพ่อตานะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 38 (UP-30/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 30-04-2017 18:30:36
สัมผัสที่ 38




“แด๊ด! นี่มันเรื่องอะไรกัน?!”

คาร์เตอร์ลดหนังสือพิมพ์ในมือลงหลังจากที่ได้ยินลูกคนโตยิงคำถามใส่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อ้าว ไอนึกว่ายูออกไปทำงานแล้วซะอีก”

“ออกไปแล้ว แต่กลับมาใหม่”

ตอบคำถามพ่อก่อนจะโยนซองสีน้ำตาลลงตรงกลางโต๊ะ คาร์เตอร์ขมวดคิ้วก่อนที่จะหยิบมาเปิดออกดูเมื่อรู้ว่ามันคืออะไรก็ได้แต่แย้มยิ้ม

“เรื่องที่แด๊ดไปบุกบริษัทของเทพทัตเมื่อวานยังไม่เท่าไหร่แต่นี่มันออกจะเกินไปหน่อยไหมครับ”

คาร์เตอร์แสยะยิ้ม

“ถ้าเรื่องแค่นี้จะทำให้เกิดรอยร้างฉานได้ แสดงว่าความรักของพวกมันเปราะบางจนเกินไป อยู่ไปก็เหมือนยื้อเวลารอวันจบอยู่ดี”

“แต่คริสตัลเคยได้รับความกระทบกระเทือนทางด้านจิตใจมาก่อนนะแด๊ด”

“เพราะงั้นไอถึงต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไง”

ทีครอสถึงกับเม้มปากแน่น ห่วงน้องก็ห่วงแต่ขัดพ่อก็ไม่เคยจะได้ คาร์เตอร์ยกกาแฟขึ้นดื่มอีกอึกแล้วจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมือคว้าซองสีน้ำตาลไปด้วย

“แกไม่ต้องตามมาทีครอส”

เมื่อเห็นว่าลูกชายคนโตตั้งท่าจะตามไปก็เอ่ยห้ามขัดไว้ซะก่อน

“ทำไม?”

“เดี๋ยวแกก็ใจอ่อนอีก อยู่นี่แหละดีแล้ว”

“แต่คริสไม่ได้ออกมาจากห้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะแด๊ด ผมสงสารน้อง”

“ถ้าปล่อยให้ออกมาก็มีแต่จะหนีไปหามัน”

“แต่ใช่ว่าพ่อจะขังน้องไว้แบบนี้ได้ตลอดนี่ครับ มันมีวีอื่นอีกตั้งเยอะ”

“แค่สามวันน่า ไอให้เวลามันสามวัน แล้วทุกอย่างจะจบลงในที่สุด”

พูดทิ้งท้ายไว้แล้วก็เดินออกจากห้องอาหารไปในที่สุด ขณะที่กำลังก้าวขึ้นบันไดก็สวนกับสิริกิตที่ถือถาดอาหารลงมาพอดี มองดูในถาดแล้วก็ต้องถอนหายใจ ผู้เป็นภรรยาเองก็ตีหน้าเศร้าเช่นเดิม

“ลูกไม่แตะอาหารเลยค่ะ”

คาร์เตอร์พยักหน้ารับ

“คุณคะ”

“มันทำตัวมันเอง ไอไม่ได้ปิดปากมัดมือมัดเท้ามันไว้นะสิ”

“แต่ว่า...”

คาร์เตอร์ชูมือขึ้นในเชิงห้าม

“ไอจะขึ้นไปคุยกับลูกเอง”

“คุยดีๆนะค่ะ ฉันขอละ”

“ไม่แน่ใจ”

พูดแล้วก็ก้าวขึ้นไปยังชั้นบนทันที ไม่อยากเห็นสายตาอ้อนวอนของภรรยาสักเท่าไหร่เพราะกลัวจะใจอ่อนไปอีก เห็นอย่างนี้เค้าก็เป็นคนที่ให้เกียรติภรรยาพอสมควร

ก๊อกๆๆ

“บอกว่าไม่กินไงละ!”

เสียงตะคอกดังมาจากด้านในบ่งบอกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นของคนด้านในได้เป็นอย่างดี คาร์เตอร์ไขกุญแจที่ใช้ล็อคห้องจากด้านนอกให้คลายแล้วเปิดประตูเข้าไปยังด้านในจนเห็นลูกชายนอนคุมโป่งอยู่กลางเตียงใหญ่

ให้ตายสิ ทำไมห้องเละเทะอย่างนี้นะ

“คริสตัล”

ทันทีที่ได้ยินเสียงบิดาคริสเด้งตัวขึ้นนั่งแทบไม่ทันแต่ดวงตาที่แดงก่ำไหนจะบวมจนน่าใจหายนั้นทำให้คาร์เตอร์ต้องขุ่นหมองในอก

ร้องไห้หนักขนาดนั้นเลยเหรอ กะอีแค่ไม่ให้ไปเจอมันเนี่ยนะ

“แด๊ดจะมาอะไรกับผมอีก ฆ่าผมให้ตายไปเลยไหม จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว!”

ถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ให้กับความสิ้นคิดของลูกชาย จะมีพ่อคนไหนที่ฆ่าลุกในไส้ได้ลงคอ นี่คริสตัลเห็นเค้าเป็นคนยังไงกัน

“ไอแค่มาส่งข่าว”

คริสตัลหลี่ตามองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาไม่เชื่อใจเท่าไหร่จนกระทั่งคาร์เตอร์ทิ้งซองเอกสารลงตรงหน้า คริสคว้ามาเปิดดูแล้วก็เบิกตากว้างกับสิ่งที่เห็น มันเป็นรูปในมุมแอบถ่ายที่คนในรูปคือเทพทัตแน่นอนและข้างๆนั้นเป็นผู้หญิงสวยหยดชนิดที่คริสยังอดชมในใจไม่ได้ มันไม่ได้มีแค่รูปเดียวด้วยสิ แต่ทุกรูปนั้นเป็นรุปคู่หมด ทั้งท่าคล้องแขน มองตาหวานเยิ้ม เช็ดปากให้กัน หัวเราะให้กัน ยิ่งดูคริสยิ่งเม้มปากแน่นอย่างไม่รู้ตัว และนั้นก็ทำให้คาร์เตอร์ค่อยๆคลี่ยิ้มพอใจ

“เมื่อวานไอไปหามันที่บริษัท ไปยื่นข้อเสนอว่าให้เลิกยุ่งกับยูแลกกับการการันตีว่ากิจการของมันจะเติบโตโดยไร้ซึ่งคู่แข่งตัวบิ๊กอย่างไอและทีครอส แล้วดูเหมือนมันคงจะเลือกได้แล้วละมั่งถึงได้มีรูปโชว์หลาให้เห็นแบบนี้”

คริสถึงกับปัดรูปทุกใบที่อยู่ในมือและบนเตียงทิ้ง

“ไม่จริง!”

ปฎิเสธสิ่งที่ได้เห็นเสียงแข็งทั้งที่ในใจกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง

“หึ อย่าหนีสิคริสตัล หวั่นไหวก็แสดงออกมา”

หยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้มแต่ดวงตายังคงดื้อรั้นไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

“ไม่จริง แด๊ดเมคมันขึ้นมาใช่ไหม มันเป็นแผนของแด๊ดใช่ไหม?!”

“ลองดูดีๆสิ”

“ทัตมันแค่ดูแลลูกค้าทั่วไปตามหน้าที่”

“หืม แต่ดูจากสายตาและความสนิทสนมแล้ว...”

“ผมไม่เชื่อ!”

คาร์เตอร์ถอนหายใจให้ความดื้อของลูกชาย ไม่รู้ว่าที่รั้นไปเพราะเชื่อใจในตัวคนๆนั้นหรือพยายามสะกดตัวเองให้เชื่อกันแน่

“เอาที่สบายใจเลยแล้วกัน ไอไปละ อ้อ ถึงแม้ไอจะไม่ให้ยูออกไปไหนแต่ไอก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ยูเอาอะไรลงท้องนะ ถึงจะไม่ห่วงตัวเองก็คิดถึงคนที่เป็นห่วงยูบ้าง สิเครียดมากนะที่ยูไม่ยอมกินข้าวกินปลา”

คริสตัลเม้มปากแน่นจนรู้สึกเจ็บแปร๊บ ข้อนี้เค้าไม่มีอะไรมาเถียงเลยสักนิด คาร์เตอร์เห็นลูกชายคนเล็กสงบลงเมื่อเอ่ยถึงแม่จึงเผลอยิ้มและเข้าไปจับไหล่บางให้หันมามองหน้ากันตรงๆ

“ไอก็เป็นห่วงยู พ่อเป็นห่วงลูกเสมอไม่ว่าลูกจะเป็นคนยังไงก็ตามแต่ เข้าใจไหมคริส?”

คริสตัลพยักหน้ารับทั้งที่ปากยังเม้มแน่นในใจยังสับสนและดวงตายังเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา คาร์เตอร์ปล่อยมือจากลูกชายแล้วเดินออกจากห้องไปแล้วลงไปบอกภรรยาให้นำอาหารมาให้ลูกชายใหม่ คริสตัลยังคงนั่งซึมอยู่บนเตียงกว้างจนผู้เป็นแม่เข้ามาพร้อมถาดอาหารชุดใหม่ เค้ายอมกินทั้งที่แทบกลืนไม่ลง สิริกิตเห็นรูปที่กระจัดกระจายจึงเข้าไปเก็บและชะงักไปนิดเมื่อเห็นว่ามันเป็นรูปอะไร ผู้เป็นแม่เงยหน้ามองลูกชายของตนด้วยความห่วงที่ทวีคูณขึ้นมาเดิม ทั้งห่วงทั้งสงสาร การที่ลูกเธอจะมีความรักทั้งทีทำไมมันถึงได้เจอแต่เรื่องให้เครียดและเศร้าแบบนี้ด้วยนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่แต่คนที่โดนผลกระทบของมันก็คือคริสตัล ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอ

“อิ่มแล้วครับ”

สิริกิตมองดูอาหารที่พร่องไปเพียงนิดแล้วก็ส่ายหัว

“กินอีกหน่อยสิลูก”

“ผมกินไม่ลง”

“แค่สามคำก็ยังดี นะครับ”

คริสเหลียวมองมารดาแล้วจึงพยักหน้าและหยิบช้อนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหมดสามคำตามที่ขอคริสก็หยุดแล้วหยิบแก้วน้ำมากระดกทีเดียวหมดแก้วเป็นอันสิ้นสุดอาหารมื้อนี้โดยทันที สิริกิตมองลูกแล้วก็ยอมแพ้ เธอยกถาดขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องปล่อยให้คริสอยู่กับตัวเองต่อไปในขณะที่คาร์เตอร์ยังคงยืนรออยู่ที่หน้าประตู

“กินแล้วใช่ไหม?”

สิริกิตพยักหน้ารับ คนถามแย้มยิ้ม

“แต่ลูกดูเครียดมากเลย”

“คุณอยู่เฉยๆไปเถอะ อีกไม่นานก็จบแล้ว”

“จบแบบดีรึไม่ดีคะ?”

“ก็ต้องดีอยู่แล้วสิ”






“ว่ายังไงนะ!?!”

ทัตถึงกับเผลอตะคอกถามเต็มเสียงจนคนโทรมาคงหูอื้อไปแล้วละมั่ง

/จะตะคอกหาเตี่ยแกไงวะ แก้วหูกูเกือบทะลุแม่ง/

พอรู้สึกตัวก็รีบขอโทษขอโพยคนปลายสายไปเสียยกใหญ่ ตอนนี้ทัตอยู่ที่บริษัทและกำลังคุยกับพ่อถึงข้อเสนอที่คาร์เตอร์ยื่นให้เมื่อวานนี้ ตนนะได้ข้อสรุปที่แน่แก่ใจแล้วแต่ก็ต้องวางแผนตั้งรับในสิ่งที่จะตามมาโดยที่มีพ่อเป็นฝ่ายสนับสนุนเนื่องจากเกิดอาการหมั่นไส้คาร์เตอร์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ยังปรึกษากันไม่เท่าไหร่โทรศัพท์ของทัตก็แฝดเสียงดังลั่นขึ้นพร้อมกับความแปลกใจที่เห็นชื่อผู้โทรเข้า

ทีครอส เฟรงเบิร์ค

แน่นอนว่าการโทรมาครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่

/ก็อย่างที่บอกไป ป่านนี้ไม่รู้คริสตัลจะคิดไปถึงขั้นไหนแล้วด้วยสิ/

“แต่ก็น่าจะรู้นี่ว่ารูปนั้นมันเป็นรูปเก่า”

ใช่ มันเป็นรูปตั้งแต่สมัยที่ตนมาไทยใหม่ๆและไปงานเลี้ยงเปิดตัวโปรเจ็คยักษ์ใหญ่ของบริษัทเค้าที่ร่วมหุ้นกับอีกบริษัทหนึ่ง ตอนนนั้นยอมรับว่ามีแอบแต๊ะลูกสาวของบริษัทคู่ค้านั้นจริงตามประสาผู้ชายเจ้าชู้เจอคนสวยทั่วๆไปแต่มันเป็นเรื่องก่อนที่จะกลับไปหาคริสตัลนะ

/ก็ไม่รู้สิ แต่เปอร์เซ้นต์ความเข้าใจผิดมีสูง แถมแด๊ดน่าจะพูดยุด้วยแหละ ถ้ามึงรักน้องกูจริงมึงต้องรีบมาเคลียร์ได้แล้วนะเว้ย กูทนเห็นน้องตัวเองทรมานไปกว่านี้ไม่ไหวแล้วนะ/

ก็พอรู้ว่าทีครอสรักน้องและครอบครัวมากแต่พอมาได้ยินคนพี่เป็นเดือดเป็นร้อนกับคนน้องขนาดนี้ก็แอบรู้สึกดีใจแทนคนน้องไม่ได้

“เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะเข้าไปหาวันนี้เลย”

/ดี งั้นเดี๋ยวกูรออยู่บ้าน/

“โอเค”

เมื่อตกลงกันได้จึงวางสายไปในที่สุด

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

ทรงพลทักลูกชายเมื่อเห็นทัตเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า

“ทางนั้นเล่นงานผมอีกแล้วนะสิ”

“พ่อตาแกนะเหรอ?”

ถามพร้อมยิ้มแหย่

“จะเป็นใครซะอีกละครับ”

“คราวนี้ทำอะไร?”

“เอารูปผมกับคุณสารินไปให้คริสดู คงจะมีพูดยั่งยุด้วยนั้นแหละ”

“ฮ่าๆๆ แผนเด็กๆ”

“แต่คริสเครียดแน่นอน ยิ่งเป็นคนคิดมากอยู่แล้วด้วย”

“แล้วแกจะเอาไง? ไปหาเลยเหรอ?”

“ใช่ ผมจะไปให้คำตอบวันนี้และเดี๋ยวนี้เลยด้วย”

ผู้เป็นพ่อยิ้มพอใจกับความเด็ดเดี่ยวของลูกชาย ในจุดนี้ต้องยอมรับว่าทัตมันได้มาจากเค้าเต็มๆ ใครจะมาแหย่มกับเค้าไม่ได้เป็นอันขาด คนจริงเค้าไม่ต้องพูดเยอะเลยด้วยซ้ำ ว่าแล้วเทพทัตก็ลุกขึ้นคว้ากุญแจรถและมุ่งตรงลงไปยังล่างในทันทีปล่อยให้ผู้เป็นพ่อคอยดูแลอยู่ที่นี้เผื่อมีการผิดพลาดอย่างหุ้นที่ร่วงนั้นจะได้มีคนคอยคุมสถานการณ์ได้ทัน ไม่ถึงชั่งโมงรถสปอร์ตหรูคนเดิมก็มาจอดเทียบที่หน้าประตูรั้วบ้านหลังใหญ่ที่เคยแวะเวียนมาบ่อยในช่วงก่อนหน้า ทัตลงจากรถไปกดกริ่งเรียกใครสักคนมาเปิดประตูไม่นานก็มีเด็กคนสวนวิ่งออกมาเปิด

“มาหาใครครับ?”

“คุณคาร์เตอร์อยู่บ้านรึเปล่า?”

“อยู่ครับ ได้นัดไว้รึเปล่าครับ?”

“ไม่ แต่ไปบอกว่าเทพทัตมา”

เด็กคนสวนหยิบโทรศัพท์ที่ติดอยู่ข้างประตูด้านในออกมากดรอไม่นานปลายสายก็อนุญาตและเปิดทางให้ทัตเข้าไปยังด้านใน

แลดูโดนกีดกันเต็มที่เลยแฮะ ดูจากที่ไม่ได้ให้เอารถเข้าแถมยังต้องโทรไปรายงานผู้เป็ฯเจ้าของบ้านก่อนอีกต่างหาก

คาร์เตอร์ที่ออกมายืนต้อนรับที่หน้าประตูบ้านถึงกับยิ้มพร่ายเมื่อเห็นเทพทัตเดินจากประตูรั้วมาจนถึงเชิงบันไดด้านหน้าเค้า ใบหน้าหล่อเหลาแลดูขัดใจยิ่งกว่าวันที่ตนไปหาและยื่นข้อเสนอซะอีก

“สวัสดียามบ่าย”

ทักทายได้หน้าชื้นตาบานมาก ถึงจะบอกว่าบ่ายแต่ด้วยสภาพอากาศที่มืดครึ้มเหมือนฝนจะตกนี้กลับทำให้บรรยากาศดูมืดและเยือกเย็นดั่งช่วงเวลาหัวค่ำก็ไม่ปาน แต่ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไรก็ไม่ส่งผลกระทบต่อคนทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย ทัตพนมมือไหว้คนอาวุโสกว่าตามมารยาทแต่คาร์เตอร์ไม่ได้รับไหว้แต่อย่างใด

“ที่มาหานี่ คงมีคำตอบที่ชัดเจนแล้วใช่ไหม?”

เปิดประเด็นไปซะดื้อๆกันเลยทีเดียว

“แน่นอนครับ”

“หวังว่าจะเป็นคำตอบที่น่าพึงพอใจนะ”

“มันก็อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่าครับว่าจะพึงพอใจกับสิ่งที่ผมตัดสินใจไหม สำหรับผมมันน่าพึงพอใจมากทีเดียว”

คาร์เตอร์แสยะยิ้มเมื่อเห็นกิริยาโต้ตอบที่แข็งขืนมากกว่าวันวาน

“แด๊ด!”

“คุณค่ะ อ้าว เทพทัต”

ทัตหันไปไหว้สิริกิตเมื่อหล่อนเดินออกมาพร้อมกับทีครอส

“ทำไมไม่พากันเข้ามาข้างใน ฝนจะตกอยู่แล้วนะคุณ”

สิริกิตรับไหว้แล้วหันไปพูดกับสามี

“ไม่ต้อง เดี๋ยวเขาก็กลับแล้ว”

สิริกิตหันไปมองคนรักของลูกชายแต่ทัตยังคงนิ่งเฉยไม่หือไม่อือผิดกับทีครอสที่พอจะเดาสถานการณ์ได้

“แต่การมายืนคุยกับข้างนอกมันออกจะ...”

“เงียบไปเลยทีครอส ยูเอาอะไรไปบอกมันอย่างคิดว่าไอไม่รู้นะ”

ทีครอสถึงกับอ้าปากค้าง นี่ขนาดตนแอบแล้วนะ พ่อยังจะรู้ทันได้อีก

“มันไม่ใช่ความผิดของเขาหรอกครับ”

ทัตเอ่ยขึ้นบ้าง

“ใช่ มันเป็นความผิดของคุณทั้งหมด ถ้าคุณไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับพวกเราตั้งแต่แรก ป่านนี้พวกเราคงอยู่ดีมีสุขกันยิ่งกว่านี้ อ้อ รวมทั้งพี่สาวและอาชายอันเป็นที่รักของคุณด้วย”

ได้ยินอย่างนี้เทพทัตก็รู้ได้ทันทีว่าคาร์เตอร์คงไปรู้ถึงเรื่องราวก่อนหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และดูจากการขัดขวางเหล่านี้ก็แสดงได้ถึงความไม่พอใจจนยากจะลบล้าง

“ผมต้องขอโทษแทนพวกเขาทั้งสองคนด้วย”

“หึ คิดว่าแค่ขอโทษก็จบเรื่องได้อย่างนั้นเหรอ?”

“แด๊ด”

“แกก็เหมือนกันทีครอส ดูน้องยังไงน้องถึงได้เจ็บตัวอยู่เรื่อย”

เป็นอีกครั้งที่ทีครอสเถียงอะไรไม่ออกพูดอะไรไม่ถูก เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เป็นพ่อแล้วอำนาจทุกอย่างที่มีอยู่ในมือเค้าแทบจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด

“เอาละ ไออยากฟังคำตอบจากปากคุณแล้ว”

ทัตจ้องมองสบตาคาร์เตอร์อย่างแน่วแน่ก่อนที่จะเอ่ยปากตอบออกไปอย่างชัดเจนและหนักแน่น

“ผมเลือกคริสตัล”

คำตอบนั้นทำให้สิริกิตชื้นในใจรวมทั้งทีครอสที่แอบยิ้มให้เล็กน้อย

“คิดมาดีแล้วใช่ไหม?”

“ผมไม่จำเป็นต้องคิดด้วยซ้ำ ผมแค่ใช่ใจเลือก ธุรกิจมันเป็ฯเรื่องภายนอกถึงจะล้มแต่ก็ยังสร้างขึ้นมาใหม่ได้แต่คนของใจ ผมไม่สามารถที่จะรับใครเข้าแทนที่คริสได้ ผมรักคริส”

คาร์เตอร์แสยะยิ้ม

“ผมรู้ว่าทางผมเคยทำผิดกับเขาไว้มาก เคยทำร้ายมาเยอะ แต่ผมพร้อมที่จะแก้ไขและทดแทนในส่วนนั้นให้เต็มที่ ผมรู้ว่าแค่ลมปากคุณอาจจะไม่เชื่อ แต่คริสตัลก็เหมือนคุณ เค้าเชื่อในเรื่องพวกนี้ยาก กว่าผมจะพิสูจน์ตัวเองและทำให้เรารักกันได้อย่างทุกวันนี้...ผมบอกเลยว่ายากมาก...แต่ในวันนี้ที่เค้าเชื่อใจผมแล้ว เค้ายอมยกใจให้ผมได้ดูแลแล้ว ผมก็อยากจะขอโอกาสจากคุณ ผมอยากพิสูจน์และดูแลคริสตัลให้ดีที่สุด ผมจะทำให้คุณเห็น...”

“พล่ามพอรึยัง?”

คาร์เตอร์เอ่ยขัดทั้งที่ใบหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด

“ไอถามอย่างหนึ่งสิ ถ้าแกเป็นพ่อคนแล้วลูกของแกโดนทำร้ายจนเกือบถึงแก่ชีวิตแกจะยังให้อภัยคนที่ทำร้ายลูกของแกไหม?”

สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ผู้ที่ได้ยินต่างก็ตกอกตกใจกันทั่วหน้า ไม่บ่อยที่คาร์เตอร์จะพูดภาษาไทยและยิ่งเป็นภาษาไทยในแนวหยาบคายอีกด้วย

“ผม...”

“ไอแทบอยากจะยิงทิ้งให้มันหายๆไปจากโลกซะด้วยซ้ำ”

ว่าแล้วก็คว้าเอาปืนกล็อก 17 ขนาดพอดีมือมาจ่อปลายกระบอกไปยังคนตรงหน้า

“แด๊ด!”

“คุณ!”

“ถอยออกไป ทั้งคู่เลย”

คาร์เตอร์สั่งเสียงเข้มเพิ่มความตึงเครียดให้แก่ทุกคนได้อย่างทั่งถึงรวมไปถึงเทพทัตที่ยังคงจ้องมองนิ่งกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก

“รู้ไหมว่าหากย่างกรายเข้ามาในอาณาเขตบ้านหลังนี้แล้ว สิ่งที่เรียกว่ากฎหมายมันก็ไม่สามารถปกป้องแกได้อีกต่อไป”

“.........”

“ไอให้โอกาสตอบเป็นครั้งสุดท้ายว่าแกจะหายไปเองหรือต้องให้ไอทำให้หายไปด้วยมือของไอเอง”

ทัตกำมือแน่นในชั่วขณะ อาการกลัวปืนนะเค้าไม่มีอยู่หรอก แต่ที่กลัวคือคนตรงหน้า กลัวการไม่ชอบใจของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของคนรัก ถ้าอยากจะยิงเค้าก็ยินดียืนนิ่งเป็ฯเป้าตายถ้ามันแลกกับการได้ความรักกลับคือเค้ายอมหมดทุกสิ่งอย่าง แต่คริสจะร้องไห้เพราะเค้าอีกแล้วเหรอ

“ว่าไงละ? เริ่มลังเลขึ้นมาแล้วละสิ”

“ผมไม่เคยลังเล”

“หืม งั้นก็ตอบมา”

“ผมเลือกคริสตัล”

คาร์เตอร์หัวเราะเสียงต่ำ

“ผมเลือกหัวใจของผม และจะเลือกแบบนี้ไปจนวันตาย”







แปะ แปะ แปะ

เสียงหยาดฝนกระทบบานกระจกทำให่คริสเหลียวไปมองยังต้นตอของเสียง ผ้าม่านที่ถูกเปิดไว้ทำให้คริสสามารถมองไปยังท้องฟ้าที่มืดครึ้มด้านนอกได้อย่างชัดเจน หยาดฝนค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นสีขาวคล้ายหมอกหนา อากาศภายในห้องที่เย็นเป็นปกติเริ่มที่จะทวีความเย็นขึ้นจนเกือบหนาว คริสลุกจากเตียงนอนใหญ่แล้วเดินไปสัมผัสบานกระจกใหญ่ที่กรุไว้จนเต็มฝั่ง ประตูระเบียงยังคงเปิดไม่ได้เพราะผู้เป็นพ่อมาล็อคไว้เหมือนประตูทุกบานที่จะทำให้ตนย่างก้าวออกไปด้านนอกได้

ขังไว้เหมือนเป็นผู้ต้องหาทั้งๆที่เป็นลุกในไส้

คริสขมวดคิ้วเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่หางตา ถ้าไม่มีหยาดฝนที่โหมกระหน่ำอยู่ด้านนอกเค้าคงจะเห็นได้ชัดกว่านี้แต่พอเพ่งสายตามองดีๆจึงรู้ว่าเป็นรถ

รถของเทพทัต!

ทำไมรถของทัตถึงมาจอดอยู่ที่หน้าประตูรั้วบ้านได้ละ

หรือว่าจะมาหา

คริสรีบวิ่งไปที่ประตูแล้วหมุนลูกบิดอย่างบ้าคลั่งแต่ทว่าสิ่งที่รับรู้ได้นั้นก็คือการล็อคจากภายนอกเหมือนเช่นเดิม

ปึกๆๆ!!!

“ใครอยู่ข้างนอกบ้างนะ มาเปิดประตูให้ที!?!”

ไร้ซึ่งวี่แววของผู้ช่วยเหลือ

สังหรณ์ใจไม่ดีเลย

แด๊ดจะทำอะไรกับทัตรึเปล่านะ

ปึกๆๆๆ!!!

“เฮ้! มีใครอยู่...”



ปัง!



เฮือก!!

คริสตัลสะดุ้งโหย่งก่อนที่ประสาทรับรู้จะประมวลผลในสิ่งที่ได้ยินจนตัวเริ่มชาว๊าบไปทุกส่วน

นั้นมัน...

เสียงปืน...

“ทัต!!!!”


TBC....
ใจเย็นๆกันหน่อยก็ไม่ได้ ทำไมคนหล่อชอบใจร้อนกันจังนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 38 (UP-30/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-04-2017 19:17:17
ทัต สู้ๆๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 38 (UP-30/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-04-2017 19:40:15
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 38 (UP-30/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 30-04-2017 23:49:18
ทัตสู้ๆ 
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 38 (UP-30/04/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-05-2017 03:36:52
ลุ้นกันจนเหนื่อย
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 39 (UP-01/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 01-05-2017 18:14:55
สัมผัสที่ 39



คริสตัลแทบทรุดลงกับพื้นเมื่อไร้ซึ่งวี่แววของผู้ที่เรียกหาหรือแม้แต่ใครสักคนที่จะมาช่วยเค้าได้ ตอนนี้ใจเค้ากระวนกระวายจนแทบคลั่ง จากที่เห็นรถก็หวาดหวั่นในระดับหนึ่งนี่ยิ่งมีเสียงปืนดังขึ้นมาให้ใจสั่นเข้าไปอีก คริสมั่นใจว่าคนที่เหนี่ยวไกรไม่ใช่เทพทัตอย่างแน่นอน ส่วนพี่ครอสก็จบปัญหากับทัตไปเรียบร้อยแล้วจะเหลือก็แต่พ่อที่ยังมึนตึงไม่เปลี่ยนแปลงแถมยังชอบทำอะไรโอเวอร์เป็นทุนเดิม พ่ออาจไม่ได้ตั้งเป้าให้ถึงตายแต่นั้นคือปืนนะ พลาดนิดก็เสียชีวิตได้ในทันที

ปัดโถ่เอ๊ย!

คริสกัดฟันกรอด เค้าเขย่าประตูจนโครงเครงแต่ก็ไม่มีแววว่าสลักกลอนจะคลายเลยสักนิด เหลียวซ้ายแลขวามองหาทางหนีทีไล่

นั้นไง บานกระจกที่กั้นระหว่างห้องกับระเบียง

ถึงแม้มันจะเป็นกระจกหนาที่กรุเต็มบานแทนผนังทั้งด้านแต่มันก็มีโอกาสแตกได้อยู่ดี มันต้องลองดูสักตั้ง ว่าแล้วคริสก็เข้าไปเขย่ากลอนที่ประตูกระจกดู แน่นอนว่าไม่มีทางหลุดง่ายๆ งั้นก็คงต้องทำลาย คริสเหลียวมองดูข้าวของที่น่าจะเอามาเป็นอุปกรณ์การทุบทำลายบานกระจบหนานี้ไปเรื่อยๆ เจอแจกันใบโตแถมหนาใช่ย่อยลองเอามาขว้างดูหน่อยแล้วกัน

เพล้ง!

ปรากฎว่าแจกันแตกแต่กระจกไม่มีแม้รอยขีดข่วน

ต้องใช้อะไรที่แข็งกว่านี้…

เสมองไปโดยรอบและก็พบกับโต๊ะตั้งแจกันข้างหัวเตียงนั้นแหละ โต๊ะเป็นทรงเหลี่ยมทำด้วยไม้เนื้อแข็งขัดเงาหนักเอาการเพราะฉะนั้นมันคงจะทำให้กระจกหนาๆนี่แตกได้อย่างแน่นอน ว่าแล้วคริสก็รีบเข้าไปเคลียร์ของและยกไอ้โต๊ะไม่ที่หนักแสนหนัก คริสวางมันลงใกล้ๆบานกระจกเพื่อฮึบเอาแรงอีกเฮือก คราวนี้เค้าพยายามยกให้สูงแล้วโยนให้สุดแรงจนเกิดเสียงดังลั่น ในที้สุดก็เกิดรอยร้าวที่กระจก แต่ยังไม่แตก คริสกดยิ้มด้วยใจที่ชื้นขึ้นมาอีกนิดก่อนจะเข้าไปจับโต๊ะตัวเดิมแล้วจับกระแทกใส่แรงๆอีกครา ไม่เกินสามครั้งบานกระจกก็แตกและร่วงกร่าวเต็มพื้นที่ด้านล่าง คริสใช้โต๊ะตัวเดิมกระแทกเกลี่ยพวกเศษแหลมๆให้หลุดเป็นวงกว้างพอที่ตัวเองจะโผล่ออกไปได้

แกร๊กๆ

คริสชะงักเมื่อได้ยินเหมือนเสียงคนไขประตูเข้ามา ให้ตายสิ อย่าบอกนะว่าจะเข้ามาห้ามเข้ามาจับตัวไปขังไว้อีก คนอุสาหาทางหนีได้แล้วเชียว ว่าแล้วเจ้าตัวก็รีบออกไปยังระเบียงทั้งที่หยาดฝนยังคงโปรยปราย

“คริสตัล!”

คนที่เข้ามาคือคาร์เตอร์ตามคาด คริสมองลงไปยังด้านล่างที่มีเพียงพื้นสนามหญ้าโล่งๆ ตอนนั้นทัตมันปีนขึ้นมาหาเค้าได้ยังไงกันนะ

“เข้ามาข้างในเดี๋ยวนี้นะ”

คาร์เตอร์รีบเข้าไปดึงแขนลูกชายไว้แต่คริสกลับสะบัดจนหลุดแล้วถกตัวถอนหนีไปอีก

“คริส!”

ทีครอสที่ตามหลังเข้ามาเองก็ตกใจกับสิ่งที่เห็นไม่น้อย

“ยูคิดจะทำอะไร?”

ผู้เป็นพ่อถามเสียงเข้ม คริสเองก็ยืนนิ่งจ้องมองพ่อเขม่งท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโหมกระหน่ำและสายลมอันเย็นยะเยือก

“ไอถามว่ายูคิดจะทำอะไร!?!”

“ก็ทำให้ตัวเองหายไปจากแด๊ดไง!”

“สิ้นคิด! กะอีแค่ผู้ชายคนเดียวยูถึงกับลดความเป็นคนของตัวเองลงถึงขนาดนี้เลยเหรอ แค่ผู้ชายที่ทำร้ายยูจนเกือบตายมาแล้วนะน่ะ!?!”

“แต่เค้าก็รักผมจริง! เค้าอยู่ข้างผมเสมอในขณะที่แด๊ดแทบไม่สนใจ!!”

คาร์เตอร์แสยะยิ้มยกมือขึ้นลูบผมที่ลู่ลงมาปิดกรอบหน้าก่อนจะกอดอกมองจ้องลูกชายหัวดื้อที่ยังคงยืนตัวสั่นอยู่ที่เดิม คงหนาวละสิ ตัวบางๆไหนจะขี้โรค ข้าวปลาก็กินไปนิดเดียวอีกไม่เกินยี่สิบนาทีคงเป็นลมล้มพับอยู่ตรงนี้แน่ๆ

“ยูรู้ได้ยังไงว่าไอไม่สนใจแล้วมั่นใจเหรอว่ามันรักยูจริง?”

ถึงน้ำเสียงที่ามจะฟังดูเรียบนิ่งแต่กลับแหลมคมจนคริสเจ็บแปร๊บ เค้าสะบัดหัวเบาๆเรียกสติก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่นังคงยืนมองสถานการณ์อยู่ที่ด้านใน แม่ไปไหน ทำไมไม่เห็นแม่ขึ้นมา แล้วทัตละ…

“แด๊ดยิงทัต…”

ไม่เชิงว่าเป็นคำถามแต่ก็ไม่ใช่ประโยคบอกเล่าซะทีเดียว มันเหมือนเป็นการพึมพำที่ดังพอประมาณและคาร์เตอร์เองก็ได้ยินไปด้วย

“ใช่ ไอยิงมัน ยูต้องเห็นตอนเลือดสดๆและแดงฉานไหลเปรอะพื้น หึ คงเจ็บมากเลยแหละนะ”

“แด๊ดยิงเขา!!!”

“ก็อย่างที่ได้ยิน”

คริสเสียววูบไปทั้งตัวจนเผลอยกมือขึ้นกอดตัวเองสั่นๆ มันเป็นอาการกลัวปนหวาดหวั่นจนเหมือนจะช็อค

“แด๊ดยิงเขา”

“……”

“แด๊ดทำอย่างนั้นทำไม…แด๊ดยิงทัตทำไม…ถ้าทัตตายไป…ถ้าทัตตาย….”

“คริสตัล”

“อย่าเข้ามาใกล้ผมนะ!!!”

คริสถอยหนีเมื่อเห็นคาร์เตอร์ขยับเข้ามาใกล้ คนเป็นพ่อหมุนหัวคิ้ว ไม่คิดว่าลูกชายจะเป็นถึงขนาดนี้เลยจริงๆ

“คริส”

“พี่ครอสไม่ต้องพูด พี่เองก็ขัดแด๊ดไม่ได้ใช่ไหมละ”

“คริส ฟังพี่ก่อน…”

“ไม่ฟัง!”

“คริสตัล”

“บอกว่าอย่าเข้ามาใกล้ผมไงเล่า!!”

คาร์เตอร์ไม่สนใจที่ถูกห้ามและย่างก้าวเข้าไปหาจนคริสตกใจและถลาถอยหลังไปขนชิดขอบระเบียง หมดทางไปและคนตรงหน้าก็เข้ามาใกล้เรื่อยๆ

“ถ้าไม่หยุดผมจะโดดลงไปจริงๆนะ!”

คาร์เตอร์ชะงัก แต่พอมองผ่านม่านน้ำฝนเห็นอาการไหวสั่นของลูกชายจึงต้องจำทนรีบรุกเข้าไปหาเพื่อคว้าตัวเข้าไปยังด้านในก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี ตอนนี้ในหัวคาร์เตอร์กลัวแค่ลูกชายจะช็อคเพราะอาการหนาวสั่น แต่สำหรับคริส เค้ากลัวการถูกจับกุมและกักขังไว้เหมือนก่อนหน้าและที่ยิ่งไปกว่านั้นคือการตายของเทพทัต จนป่านนี้ยังไม่มีวี่แววของรถพยาบาลหรือรถของหน่วยอาสาสมัครกู้ภัยใดๆเลย

นี่คงคิดจะปล่อยให้ตายอยู่ที่นี้เลยใช่ไหม ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนคิดจะช่วยงั้นเค้าจะลงไปช่วยเอง!

“คริสตัล!”

คาร์เตอร์อุทานเป็นชื่อลูกด้วยความตกใจที่เห็นเจ้าตัวปีนขึ่นไปยังราวระเบียง เค้าจับแขนลูกชายไว้ได้ทันและอีกข้างกำลังเข้าไปดึงตัวเข้ามาทว่าคริสก็สะบัดแขนแรงๆไหนจะขยับหนีไปอีก ฝนที่ยังคงโปรยปรายทำให้พื้นเปียกแฉะและนั้นก็ทำให้คนดิ้นเสียการทรงตัวจนเซหงายหลังไปในที่สุด คาร์เตอร์เบิกตากว้างท่ามกลางเสียงร้องของลูกชายคนโต เค้ารีบเข้าไปคว้าเอาตัวลูกชายแต่มันช้าจนเกินไป เค้าคว้าไว้ไม่ทัน คริสร่วงหล่นลงจากชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ที่เบื้องล่างมีเพียงสนามหญ้าและ…เทพทัต!

ตุบ!

“อุ๊ก!”

คริสอุทานทั้งที่ยังคงหลับตา ภาพสุดท้ายที่เค้าเห็นก่อนตกคือใบหน้าตื่นตกใจของผู้เป็นพ่อ หลังจากนั้นตนก็หลับตาเตรียมรับกับความเจ็บที่จะตามมาแต่ทว่า…ทำไมมันไม่เจ็บอย่างที่คิดละ ไม่มี มีเจ็บบ้างแต่น้อยจนน่าแปลกใจ คริสลืมตาขึ้นก่อนจะสำรวจดูโดยรอบและก็ต้องตกใจเมื่อเห็นบุคคลที่มาเป็นเบาะให้เค้านอนทับแทบจะทั้งตัว

“ทัต!”

“หึ ดื้อไม่มีเปลี่ยนเลยนะเรา”

โถ่เอ๊ย มันใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ไหมเล่า!

คริสรีบลุกออกจากตัวคนพี่ก่อนจะสำรวจดูร่างกายทัตอย่างละเอียดจนไปสะดุดอยู่ที่รอบเลือดที่ต้นแขนข้างขวา ทัตยังคงนอนแผ่อยู่กับที่ด้วยอาการจุกแต่มืออีกข้างที่ว่างกลับเอื้อมมาจับมือคนรักไว้

“แต่ถึงจะดื้อยังไง พี่ก็รักของพี่อยู่ดี”

คริสถึงกับน้ำตาไหลพราก เค้าก้มลงไปจูบปากหนาที่ยกยิ้มกริ่มท่ามกลางสายฝนที่ซาลงบ้างแล้ว

“ไปโรงพยาบาลกันนะทัต อดทนไว้ก่อนนะ”

ทัตไม่ตอบแต่จับมือคนน้องแน่นขึ้น คริสเหลียวไปทางหน้าบ้านที่ทุกคนลงมาออกันอยู่เต็มไหนจะรถที่ขับออกจากโรงจอดรถเหมือนจะเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว

“แส่หาเรื่องไม่มีหยุดหย่อนจริงๆให้ตายสิ”

ทีครอสเข้ามาช่วยพยุงเทพทัตบ่นอุบให้น้องชายจอมดื้อ

“ผมขอโทษแต่ช่วยพาทัตไปหาหมอก่อนได้ไหม”

“ก็กำลังจะพาไปนี่ไงละ”

ว่าแล้วก็พยุงกันไปยังรถในทันที คริสตัลนั่งด้านหลังกับทัตในขณะที่ทีครอสเป็นคนขับ คริสเหลียวไปมองที่ด้านหลังเมื่อรถออกตัว คาร์เตอร์และสิริกิตยังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูบ้าน คาร์เตอร์ยังคงตีหน้าขรึมแต่สิริกิตดูกระวนกระวายใจพอสมควร คริสตัลไม่เข้าใจความนึกคิดของคาร์เตอร์เลยสักนิด เค้ามองอยู่อย่างนั้นจนรถขับพ้นรั้วบ้านออกมาในที่สุด

“ให้ตายสิ ถ้าแกเลิกดื้อแล้วหัดฟังคนอื่นพูดให้มากขึ้นเรื่องคงไม่วุ่นขนาดนี้หรอก”

ทีครอสยังบ่นไม่เลิก

“ก็สถานการณ์มันบังคับไหมละ ใครจะไปทนรอฟังอยู่ได้”

“ก็เลยโดดลงมาเลยว่างั้น”

“ผมลื้นเหอะ”

“อย่าให้เกิดขึ้นอีกนะคริสตัล แค่นี้คนทั้งบ้านก็ห่วงแกจนจะบ้าแล้ว”

คริสตัลได้แต่เม้มปากแน่นแล้วเสมองไปยังคนเจ็บที่นอนเปื่อยอยู่ข้างๆ ทัตหายใจหอบๆเหมือนจะเหนื่อยทั้งที่ไม่ได้ไปวิ่งรอบสนามมาซะหน่อยแต่ก็คงเพราะการเสียเลือดมากละมั้ง

“ทัต”

“ครับ”

“เลือดหยุดไหลรึยัง?”

ถามน้ำเสียงสั่นเครือจนคนฟังเผลอยิ้ม รู้สึกดีที่เห็นคนน้องห่วงตนถึงขนาดนี้แต่จะให้ดีกว่านี้ถ้าคนน้องไม่ทำอย่างที่ทำไปก่อนหน้า ตนเองแค่โดนกระสุนถากๆที่ต้นแขนขวาแต่ถ้าออกไปรับคริสไม่ทันนั้นมีสิทธิ์หัวฟาดพื้นได้เลยทีเดียว

“ไม่มั่นใจ แผลน่าจะฉีกมากกว่าเดิมเพราะแรงกระแทกเมื่อกี้”

ถึงสิริกิตจะห้ามเลือดและทำแผลให้คราวๆแล้วแต่การออกมารับตัวคริสตัลที่หล่นลงมาเต็มๆถึงขนาดล้มทั้งยืนนั้นมันไม่ใช่ยิบย่อยเลยไหนจะโดนน้ำฝนจนชุ่มไปอีก

“ขอโทษ”

พูดไปน้ำตาก็พาลจะไหล

“ถ้าสำนึกผิดจริงๆก็อย่าทำแบบนั้นอีก มันอันตรายรู้ไหม”

“อืม ขอโทษ”

“แหมะ พี่พูดจนปากเปียกปากแฉะไม่ยักกะโอนอ่อนตามอย่างนี้บ้างวะ หมั่นไส้แม่ง”

คริสหันไปตวัดสายตาจ้องพี่ชายดุๆแต่หน้าขาวกลับเริ่มแดงระเรื่อจนทัตที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้วยกมืออีกข้างขึ้นมาลูบแก้มเนียนอย่างแผ่วเบา ดวงตาที่บวมแดงเพราะพึ่งผ่านการร้องไห้มาหลุบลงต่ำสบตากับคนด้านล่าง

“ตัวรุมๆนะคริส เข้าไปให้หมอตรวจด้วยละ”

คริสตัลพยักหน้ารับอย่างง่ายดาย

“หึ คราวนี้ไม่ยักกะดื้อแฮะ”

“ไอไม่ดื้อแล้ว”

“จริงเหรอ?”

“อืม”

“แล้วรักกันรึยัง?”

“ตั้งนานแล้วเหอะ”

“โอ้ย! ถึงสักที กูละอยากอ้วกชิปหาย”

“พี่ครอส!!”

“หึหึ”






ปัง!!!

ทุกคนตกตะลึงกับการลั่นไกรของชายผู้ที่เป็นเจ้าบ้านและผู้มีอำนาจที่สุดของครอบครัว คาร์เตอร์ลดปืนลงก่อนจะแสยะยิ้มร้ายสายตามองจ้องไปที่คนเบื้องหน้าซึ่งกำลังกดฟันทนต่อความเจ็บปวดที่ได้รับ เลือดสดๆไหลจากช่วงแขนแกร่งลงมายังนิ้วและหยดแหมะลงบนพื้นปูน

“เทพทัต!”

สิริกิตอุทานด้วยความตกใจก่อนจะรีบตรงหลี่เข้าไปหาคนรักของลูกชาย

“ต้องรีบห้ามเลือด เข้าไปข้างในก่อนเถอะจ้ะ”

พูดด้วยอาการตื่นตระหนกชนิดที่ไม่สนหน้าอิฐหน้าพรมอะไรทั้งสิ้น แม้แต่สามีที่ลั่นไกรไปเมื่อครู่ก็ตาม ทัตเงยหน้ามองผู้ชายตรงหน้าเมื่อเห็นแววตาอ่อนลงจากเมื่อครู่จึงยิมที่จะก้าวเดินตามแรงดันของคุณนายของบ้าน สิริกิตให้แม่บ้านนำอุปกรณ์ทำแผลและผ้าชุบน้ำอุ่นมาจัดการห้ามเลือดและทำแผลขั้นพื้นฐานท่ามกลางสายตาของทีครอสและคาร์เตอร์ที่เดินตามหลังเข้ามา
 
“เสร็จแล้ว ถึงจะเป็นแผลถากๆแต่น่าจะไปให้หมอดูอีกรอบด้วยนะจ้ะ แม่กลัวว่าจะต้องเย็บด้วยนี่สิ”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไรจ้ะ ส่วนคุณ…”

พูดด้วยรอยยิ้มกับทัตแต่ปลายประโยคกลับหันไปตีหน้าขึงใส่ผู้เป็นสามี คาร์เตอร์ไหวไหล่หันไปบอกแม่บ้านให้นำน้ำเย็นมาให้จิบอย่างสบายใจจนทัตหัวคิ้วชนกันเป็นรอบที่ล้าน

อะไรของเค้าวะ

“งงไปดิมึง”

ทีครอสพูดขำๆ ทัตเองก็พยักหน้ารับซะดื้อๆ

“หึ โง่พอกันทั้งคู่อย่างนี้จะกันไปได้สักกี่น้ำ”

“แด๊ดก็ทำเกินไปจริงๆแหละ ผมงี้ยังหวั่นเลยว่าแด๊ดทำจริงหรือแค่แกล้ง”

“แกล้งอย่างนั้นเหรอ?”

ทัตแทบกัดลิ้นตัวเองซะให้ได้ ไม่อยากจะเชื่อ ที้ทำไปทั้งหมดนั้นอย่าบอกนะว่า…

“เออ ไอแกล้งเล่น”

“เหี้ย!”

“เห้ยๆ ที่มึงด่านะพ่อกูนะ”

“ขอโทษครับ ผมแค่อุทานเพราะตกใจนะ”

“หึ ถึงไอจะบอกว่าแกล้งแต่จริงๆก็แอบใส่ความรู้สึกนึกคิดของจริงลงไปด้วยอยู่แหละนะ ไอไม่ชอบยูที่ทำร้ายคริสตัล ไอห่วงคริสตัล แต่ไอก็…พยายามจะให้โอกาสยูพิสูจน์ตัวเองอย่างที่ยูบอก…”

ทัตเริ่มคลายสีหน้าเมื่อได้ยิน

“ถ้าไอได้ยินว่ายูทำลูกชายใจเจ็บอีกเมื่อไหร่ ยูเตรียมตัวลงนรกของจริงได้เลย”

“มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นแน่ครับ”

“หึ ให้มันจริงเถอะ”

แต่ทว่าความจริงแล้ว…บทพิสูจน์ได้จบลงแล้วด้วยซ้ำ

บรรยากาศเริ่มดีขึ้นเมื่อคาร์เตอร์คลี่คลายเรื่องทั้งหมด แต่ยังไม่ทันจะหายใจหายคอโล่งนักแม่บ้านคนหนึ่งก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงานว่าได้ยินเสียงกระจกแตกจากห้องคริสตัล

“ไม่ ยูไม่ต้องไป นั่งลงรอที่นี้ซะ ไอยังไม่ได้จัดการในส่วนของคริสตัล”

คาร์เตอร์เอ่ยห้ามเมื่อเห็นว่าทัตกำลังจะลุกขึ้น ทัต้ลยได้แต่นิ่งงันปล่อยให้คาร์เตอร์และทีครอสขึ้นไปแต่ด้วยความห่วงตนจึงอยู่เฉยไม่ได้ ทัตแอบตามไปห่างๆคอยฟังสถานการณ์อยู่ข้างนอกอยากจะรีบตรงหลี่ไปให้คนิสเจอแต่ก็กลัวพ่อตาหาว่าไม่ฟังคำสั่งห้ามเลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นด้านล่างเผื่อเด็กดื้อจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาจริงๆ แล้วก็เป็นไปตามคาด

“ทัต!”

อา…ทั้งจุกทั้งเจ็บเลยแฮะ

แต่ว่า…เค้าสามารถสัมผัสคริสตัลได้แล้ว เค้าคว้าตัวคนของใจเค้าไว้ได้แล้ว

รอยยิ้มฝุดขึ้นบนใบหน้าในทันที


TBC…

ตอนหน้าจบแล้วน๊าาาาาา บอกแล้วว่าไม่ดราม่าหรอก พ่อเค้าแค่หยอกเล่นเอ๊ง คริคริ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 39 (UP-01/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 01-05-2017 18:40:24
คริสหลงผัวแรงมากอะ ไม่สนละแด๊ดละพี่ เออเนาะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 39 (UP-01/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 01-05-2017 18:54:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 39 (UP-01/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 01-05-2017 19:43:42
เกลียดคนหลงผัวว่ะ ไม่คิดจะฟังแด็ดหรือพี่เลยนะ แบบนี้ซินะที่เขาเรียกว่าความรักบังตาอ่ะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 39 (UP-01/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: jagkree ที่ 02-05-2017 20:31:26
สนุกมากจร้าาาา
อ่านรวดเดียวมาจนถึงตอนล่าสุดเลย แต่พบว่าตอนหน้าจะจบแล้ว แอ๊กกกก มาเจอเรื่องนี้ช้าไปหรือเนี่ย
อยากให้คนเขียนแต่งเรื่องแนวพระเอกโหดๆอีกกกก ชอบ 555 :mew1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 39 (UP-01/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 03-05-2017 08:47:58
สนุกมากจร้าาาา
อ่านรวดเดียวมาจนถึงตอนล่าสุดเลย แต่พบว่าตอนหน้าจะจบแล้ว แอ๊กกกก มาเจอเรื่องนี้ช้าไปหรือเนี่ย
อยากให้คนเขียนแต่งเรื่องแนวพระเอกโหดๆอีกกกก ชอบ 555 :mew1:

พระเอกโหดๆ มีอยู่ที่ธัญฯค่ะ ไรท์ไม่ได้เอามาลงที่นี่เพราะมันเป็นเรื่องเก่าแถมยาวแต่กระแสดีใช้ได้เลยนะ ลองไปอ่านดูนะค่ะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 39 (UP-01/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: jagkree ที่ 03-05-2017 13:10:51
พระเอกโหดๆ มีอยู่ที่ธัญฯค่ะ ไรท์ไม่ได้เอามาลงที่นี่เพราะมันเป็นเรื่องเก่าแถมยาวแต่กระแสดีใช้ได้เลยนะ ลองไปอ่านดูนะค่ะ


ขอบคุณครับ รบกวนขอลิ้งค์หรือชื่อเรื่องได้ไหมครับ พอดีหาไม่เจอเลยครับ แหะๆ :mew2:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 39 (UP-01/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 03-05-2017 16:22:12
พระเอกโหดๆ มีอยู่ที่ธัญฯค่ะ ไรท์ไม่ได้เอามาลงที่นี่เพราะมันเป็นเรื่องเก่าแถมยาวแต่กระแสดีใช้ได้เลยนะ ลองไปอ่านดูนะค่ะ


ขอบคุณครับ รบกวนขอลิ้งค์หรือชื่อเรื่องได้ไหมครับ พอดีหาไม่เจอเลยครับ แหะๆ :mew2:

http://www.tunwalai.com/story/93360/little-devil-ปีศาจน้อยที่รัก-nc18-end
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 40 (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 03-05-2017 16:24:39
สัมผัสที่ 40



 
ก๊อกๆๆๆ

คริสตัลลืมตาโพล่งขึ้นหลังจากที่หูได้ยินเสียงเหมือนมีใครมาเคาะประตูแล้วเสมองไปยังแขนใครบางคนที่พาดอยู่ตรงเอวคอด

“ทัต”

เรียกใครอีกคนที่ยังคงไม่ยอมตื่นทั้งที่ปกติทัตจะตื่นก่อนคริสแต่หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บและต้องกินยาอย่างต่อเนื่องทัตเลยหลับลึกกว่าปกติจนกลายเป็นคนขี้เซาไปซะอย่างนั้น

“อืม”

“มีคนมาเคาะประตูอะ”

“อืม”

“อืมอะไรเล่า”

“ปล่อยไป”

“ได้ไงวะ ลุกเลย”

ถึงจะบาดเจ็บแต่ก็เป็นที่แขนไม่ใช่ขา เพราะงั้นการเดินเหินย่อมเป็นปกติไม่ควรมาสำออยนอนกอดเค้าทั้งวี่ทั้งวันแบบนี้

“ปล่อยไปเหอะน่า”

พูดแล้วก็หนีบคนในอ้อมแขนให้แนบชิดเข้าไปอีก

“ฮือออ ปล่อยยยย”

ทั้งบอกทั้งดิ้นแต่ก็ต้องชะงักเมื่อคนกอดโอดครวญขึ้นมา

“โอ้ย”

“เห้ย! โทษๆ เจ็บมากไหม?”

ผุดลุกขึ้นนั่งแล้วลุกลี้ลุกลนกับแขนคนพี่ที่ยังคงพันผ้าก๊อตไว้อย่างแน่นหนา ถึงจะดูไม่ร้ายแรงเท่าไหร่ตามคำบอกเล่าของทีมแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แต่คนน้องก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี

“อืม สงสัยแผลจะปริ”

“ไปหาหมอกัน”

“หึหึ ใจเย็นๆครับ พี่ล้อเล่น”

คริสตัลที่ตั้งท่าจะลงจากเตียงถึงกับชะงักก่อนจะค่อยๆเหลียวหลังกลับมามองคนพี่ที่ตีหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยอยู่บนที่นอนกว้าง

“มันใช่เรื่องไหมทัต!”

ว่าพร้อมกับจับหมอนมาฟาดใส่หน้าไปเต็มๆ คนพี่หัวเราะร่วนแล้วแย่งหมอนไปจากมือโยนทิ้งไปอีกทางก่อนที่จะดึงคริสให้กลับเข้ามาหา

“โถ่ อย่าทำหน้างั้นสิ พี่แค่ชอบเห็นตอนเราห่วงพี่เอง”

“เหรอทัตเหรอออออ”

นับวันยิ่งทำตัวน่ารักขึ้นเป็นทวีคูณ ว่าแล้วก็อดฟัดแก้มขาวไปด้วยไม่ได้

“อื้อออ ทัตมันจักกะจี้”

“หึหึ”

ยิ่งโดยห้ามก็เหมือนยิ่งยุ คนพี่รู้ว่าที่น้องจักกะจี้นั้นเพราะไรหนวดที่เริ่มผุดขึ้นเป็นตอเล็กๆ พอครูดไปกับผิวขาวๆเลยทำให้เกิดอาการแต่ที่ไม่ชอบคือมันทำให้เกิดรอยแดงๆตามมาด้วยนี่สิ

ก๊อกๆๆๆ

ทั้งคู่ชะงักแล้วเหลียวไปยังทิศทางที่เป็นต้นตอของเสียง ตอนนี้ทั้งคู่กำลังพักอยู่ที่บ้านของทัตเพราะทัตต้องพักรักษาตัวและทั้งพ่อและแม่ของเค้าไม่ยอมให้ไปอยู่คอนโดจนกว่าจะหายดี ส่วนคริสก็โดนหว่านล้อมให้อยู่ดูแลทัตที่นี้ด้วยเช่นกัน

“ใครวะ”

ทัตสบถเสียงแผ่วแล้วลุกขึ้นยีผมตัวเองด้วยท่าทีหงุดหงิด เมื่อร่างใหญ่เดินหายไปกับฉากกั้นห้องคริสเลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินตามออกไปบ้าง

“ลูกจะนอนก็เรื่องของลูกสิ แต่น้องคริสต้องลงไปทานข้าวกับแม่”

อ้อ เป็นคุณนายนาตาลีนั้นเอง

“อุ๊ย อรุณสวัสดิ์จ้ะน้องคริส หลับสบายดีไหมลูก?”

ทัตถึงกับกรอกตาให้ความลำเอียงของผู้เป็นแม่ ส่วนนาตาลีนั้นยิ้มหวานเดินเข้ามาจับมือถือแขนแฟนลูกชายอย่างหน้าชื้นตาบาน คริสตัลถูกใจคุณนายท่านมากพอควร ไม่สิ ต้องบอกว่ามากๆเลยต่างหาก ตอนพามาที่บ้านหลังจากกลับมาจากโรงพยาบาลคุณเธอก็แทบไม่สนใจลูกชายเลยด้วยซ้ำ จนพ่อท้วงถึงสาเหตุที่พันผ้าก๊อตนั้นแหละคุณนายถึงรู้สึกตัว

“หลับสบายดีครับ”

“ดีแล้วจ้ะ รีบอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเลยนะ วันนี้แม่ทำอาหารเช้าเองกับมือ รีบลงไปทานด้วยกันนะลูก”

อื้อหือ กลิ่นหมาหัวเน่ามันน่าเศร้าอย่างนี้นี่เอง

“แม่ครับ”

“อะไรยะ?”

น้ำเสียงแข็งกระด้างมาเชียว เกินไปไหมเนี้ย

“ได้ข่าวว่าผมเป็นลูกบังเกิดเกล้าของแม่นะ”

“อุ๊ย ซอรี่จ้ะ แม่ลืม”

“อย่างนี้ก็ได้เหรอแม่”

คริสหัวเราะเสียงแผ่วให้กับความขี้เล่นทั้งแม่และลูก ยอมรับว่าตอนแรกก็เกร็งๆแต่พอกลายมาเป็นคนโปรดแทนลูกแท้ๆก็ชักจะเริ่มชอบขึ้นมานิดๆแล้ว

“เอาละๆ ไปอาบน้ำอาบท่ากันทั้งคู่เลย แต่อย่านานนะ ทัตห้ามแกล้งน้องด้วย ถ้าพี่ทัตแกล้งอะไรมาบอกแม่ได้นะน้องคริส เดี๋ยวแม่จัดการให้”

“ครับ”

สิ้นเสียงคริสตัลตอบรับคุณนายนาตาลีก็ยิ้มแป้นออกจากห้องลูกชายไปในที่สุด ทัตเกิดหมั่นไส้ลูกรักคนใหม่เลยพุ่งเข้าไปกอดคนน้องแล้วฉกหอมแก้มซ้ายแก้มขวาไปอีกทีสองที

“ทัต! บอกแล้วไงว่ามันจักกะจี้”

“เทพทัต! แม่บอกแล้วไงว่าอย่าแกล้งน้อง!!”

ชะงักกึกก่อนจะมองคนเป็นแม่ที่เปิดประตูพรวดเข้ามาตะหวาดว่าคนพี่แล้วก็ปิดกลับหายไปอีกรอบซะดื้อๆ

“อะไรวะ ทำไมพี่โดนตลอดเลยอะ”

“สมควร แล้วก็ปล่อยได้ละ จะไปอาบน้ำ”

“อาบด้วยกันสิ จะได้ประหยัดเวลา”

“จะช้ากว่าเดิมนะสิไม่ว่า ปล่อยเลยนะทัต”

“ไม่เอาน่า อย่าดื้อสิครับ ไหนบอกว่าจะไม่ดื้อกับพี่แล้วไง”

“ไม่ได้ดื้อ คนที่ดื้อนะคือยูต่างหาก”

“นี่ก็อีกเรื่อง ตกลงกันแล้วใช่ไหมว่าจะเปลี่ยนการเรียกกันนะ”

คริสได้แต่จิ๊ปากเบาๆ หน้าหวานเริ่มเห่อแดงเมื่อคิดถึงคำพูดที่ได้สัญญากันไว้

“ไหนเรียกให้ได้ยินหน่อยสิ”

“ไม่เอาอะ”

“อย่าดื้อครับ เรียกหน่อยเร็ว”

“ไม่...”

“อายเหรอ?”

“ก็....”

“อายที่เราเป็นคนรักกันเหรอ?”

คริสตัลถึงกับถอนหายใจเมื่อคนพี่เข้าสู่โหมดน้อยใจอย่างกับเด็กน้อยวัยกระเตาะ แขนแกร่งหดกลับไปกอดอกตัวเองแล้วตั้งท่าจะเดินหนีทว่าคนน้องก็ดึงแขนไว้ซะก่อน

“งอลเป็นเด็กไปได้ ตัวโตอย่างกับควาย”

ทัตยังคงเงียบ

“เออๆ เรียกก็ได้”

“ถ้าไม่สบายใจที่จะเรียกก็ไม่ต้องเรียกก็ได้นะ”

“ไม่งอแงงี้ดิ โตแล้วน๊า”

“ไปอาบน้ำเถอะ”

พูดแล้วก็หันหลังตั้งท่าจะเดินหนีอีกรอบ

“ทัต”

“.....”

“ที่รักครับ ไม่งอลเนอะ”

คนพี่ถึงกับชะงักค้างไหนจะหูที่เริ่มเห่อแดงลามลงมาจนถึงคอ คริสเห็นแล้วก็อดยิ้มพอใจไม่ได้ จากที่เขินอายไม่กล้าพูดกลายมาเป็นความชอบใจไปซะงั้น

“ที่รักครับ หันมานี่หน่อยสิ”

แน่นอนว่าคนพี่ยังคงนิ่ง แหมะ ถึงกับแข็งค้างกันเลยทีเดียว ใครกันนะที่กระเซ้าให้พูดอยู่แหม็บๆ

“ที่รัก”

“พอแล้ว”

“ทำไมอ่า หันมาคุยกันดีๆก่อนสิ”

ทัตถึงกับถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ๆก่อนจะหันมาหาตามคำเรียกร้อง คนน้องยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเข้มยังคงแดงจัดไหนจะฟันที่ขบกัดกันจนเกร็งแถมยังมีการหลบตาเสมองไปทางอื่นอีก คริสนึกสนุกจึงยกมือขึ้นโอบรอบคอคนพี่จนบางสิ่งที่ทั้งแข็งและใหญ่โตด้านล่างสัมผัสถูกขาของเค้าเต็มๆ

หืม...เป็นถึงขนาดนี้เชียว ชักไม่ได้การแล้วสิ

“เออ ไอว่าไอไปอาบน้ำดีกว่าเนอะ”

ถกมือกลับด้วยความไวแสงแต่ก็ยังช้ากว่าใครบางคนที่เปลี่ยนท่าทีอย่างกับพลิกฝ่ามือ ทัตยิ้มกริ่มแล้วดึงเอวคนน้องให้เข้ามาประชิดก่อนจะก้มลงหอมแก้มเนียนไปอีกฟอด

“ทะ ทัต แม่รอกินข้าว”

“หิวเหรอ?”

ยังมีการมาย้อนถามอีก คริสเหลือบมองดวงตาสีเข้มที่หรี่ลงเหมือนจะอ้อนวอน ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากเค้าไม่ถึงคืบ ปลายจมูกโด่งเป็นสันยังคงวนเวียนอยู่กับใบหน้าหวานที่เริ่มจะมีสีแดงฝาดๆขึ้นทุกขณะ บางอย่างด้านล่างถูไถไปกับง่ามขาจนอุณหภูมิเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“ที่รัก”

เสียงเอ่ยเรียกที่แผ่วเบาคล้ายกระเซ้าอยู่ข้างหูจนคนฟังแทบทนไม่ไหว คริสตัลโอบกอดคนพี่แล้วซุกหน้าเข้ากับอกแกร่งซ่อนอาการเขินจนแทบระเบิด พอมาโดนเองถึงได้รู้ว่าทำไมทัตถึงมีรีแอคชั่นรุนแรงถึงขนาดนั้น โคตรเขินเลยเว้ย ยิ่งเป็นคนที่ตัวเองรักพูดด้วยแล้วยิ่งใจเต้นตูมตาม โอ้ยยยยยย

“หึ”

ทัตกระชับอ้อมกอดก้มลงหอมหัวคนรักไปอีกทีแล้วจึงพากับไปอาบน้ำอาบท่าแต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่การอาบแบบธรรมดา

“ทัต!”

คริสสะดุ้งเมื่อโดนคนพี่จับอุ้มขึ้นบนเคาเตอร์ล่างหน้า ตอนนี้ร่างกายคนทั้งคู่เปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์จะมีก็เพียงผ้าก๊อตที่พันอยู่รอบแขนแกร่ง ทุกครั้งที่ทัตใช้แรงมากคริสจะนึกหวั่นว่าแผลจะโดนผลกระทบและคอนปรายตามองอยู่ตลอดจนทัตยิ้มพรายก่อนก้มลงจุมพิศที่ริมฝีปากบาง

“อื้อออ เดี๋ยวแผลก็ปริหรอก”

“ช่างมัน”

“มันใช่เรื่องไหมทัต”

“หึหึ”

คิดว่าคนอย่างเทพทัตกลัวซะที่ไหนละ เมื่อมีอาหารอันโอชะอยู่ต่อหน้าก็ต้องรีบกินให้หนำนั้นคือสิ่งที่อยู่ในหัวเค้าตอนนี้ ทัตไล่เล้าโลมตัวบางจนเกิดรอยแดงเป็นจ้ำๆ ส่วนกลางกายของทั้งคู่ชูชันแข่งกันจนทัตต้องเอื้อมมือไปจับให้คนตัวบางสะดุ้งเล่นเบาๆ

“อืออ...เร็ว”

ทัตยิ้มกริ่มเมื่อรู้ว่าคนน้องเริ่มจะร้อนลุ่มจนทนไม่ไหว คนไวต่อสัมผัสเป็นทุนเดิมอย่างคริสมีเหรอจะทนได้เมื่อโดนเล้าโลมโดยคนเจนจัดอย่างเค้า ทัตขบกัดที่ยอดอกจนน้องหลุดเสียงครางพร้อมๆกับเพิ่มจังหวะการรูดรั้งของมือให้ไวยิ่งขึ้น คริสบิดเร้าร่างกายตามแรงกระสันจนร่างแทบหมุนเป็นเกรียว มือเรียวตวัดไปทั่วจนโดนข้าวของล้มระเนระนาด

ทัตสบโอกาสเหมาะตอนคนตัวบางอารมณ์กระเจิงและเริ่มทนไม่ไหวจึงหันไปคว้าขวดเจลที่มีสต๊อคไว้อยู่หลังเคาเตอร์มาชะโลมที่ช่องทางเล็กก่อนจะสอดแทรกเรียวนิ้วเข้าไปช้าๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป

“อึ๊ก!...อาส์...”

ทัตแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนที่ด้านใน การตอดรัดไม่หยุดหย่อนนั้นทำให้เค้าอดคิดไม่ได้ว่าถ้าเปลี่ยนจากนิ้วเป็นส่วนนั้นของเค้ามันจะรู้สึกดีมากขนาดไหน ทัตหาจุดอ่อนไหวไม่นานก็เจอ คริสตัวกระตุกเกร็งปลดปล่อยทันทีที่นิ้วจี้ไปโดนเพียงไม่กี่ครั้ง

“หึหึ ทำไมไปไม่รอพี่อย่างนี้ละ”

คริสเลือกที่จะยกมือขึ้นมาบิดบังหน้าตาระคนเขินอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ทัตหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วแทนที่นิ้วด้วยส่วนนั้นของตนจนคริสสะดุ้งทันทีที่สัมผัสได้ มือเล็กรีบโอบรอบคอในขณะที่ขาโดนจับแยกกว้างเพื่อการสอดใส่ที่สะดวก ทัตกัดฟันแน่นจนกรามโปกนูน ด้านในร้อนฉ่าและตอดรัดจนแทบทนไม่ไหว ให้ตายสิ ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่ทีคริสตัลก็เป็นที่สุดของเค้าจริงๆ

“อ๊าาาาา”

เสียงเล็กครางหวานเมื่อแกนกายใหญ่ยักษ์แทรกเข้าไปจนสุดทาง ทัตก้มลงจูบขมับปลอบคนน้องที่ตัวสั่นน้อยๆ ทัตจัดท่าให้ใหม่โดยรวบขาน้องให้ขึ้นมาก่ายอยู่บนไหล่แล้วจึงถอนกายและกระแทกเข้าไปใหม่อีกรอบและอีกรอบอย่างต่อเนื่อง

“อ่า...อึ๊ก...ทัต...เบา”

“เบาไป?”

“บ้า!...อาส์...”

“หึหึ”

มือหนากระชับบั้นท้ายคนน้องให้แน่นขึ้นแล้วเร่งจังหวะไม่สนคำทักท้วงใดๆ เสียงร้องครางหวานดังก้องไปทั้งห้องประสานกับเสียงผิวเนื้อที่กระทบกันดังระงม คริสบลือตาฉ่ำน้ำขึ้นมองคนตรงหน้าในขณะที่ทัตก้มลงมาประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม

 


 
 
 
 
“ช้า!”

ทันทีที่โผล่หน้าเข้าไปที่ห้องอาหารผู้เป็นแม่ก็เอ็ดตะโรขึ้นทันที คริสได้แต่ก้มหน้างุดในขณะที่ทัตไหวไหล่แล้วโอบเอวคนรักที่เดินไม่ค่อยสะดวกไปนั่งที่เตรียมทานมื้อเช้า ไม่สิ ต้องเรียกว่ามื้อสายถึงจะถูก

“แม่ทานรึยัง?”

“ยะ! ใครจะไปทนรอไหว”

ทัตส่งยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาให้ผู้เป็นแม่ ดูหมือนจะมีเพียงคริสคนเดียวละมั่งที่รู้สึกผิด

“ผมขอโทษครับ”

“อุ๊ย ไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะลูกคริส แม่รู้ว่าหนูโดนพี่เค้าแกล้งมาใช่ไหม ดูสิหน้าแดงเชียว”

นอกจากจะตกใจกับกับสรรพนามที่ใช้เรียกว่า ‘หนู’ แล้วยังต้องเขินหนักกับการรู้ทันของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอีกต่างหาก คริสตวัดสายตาไปจ้องคนด้านข้างดุๆ ปากหมุบหมิบประมาณว่า ก็บอกแล้วว่าอย่าทำๆก็ไม่เชื่อ ทัตเบ้ปากไม่สนใจพอดีกับที่แม่บ้านนำอาหารมาให้เลยพากันกินในทันที

“พ่อละครับ?”

“ไปบริษัทแต่เช้าแล้ว เห็นว่าจะโอนให้ลูกเต็มขั้นแล้วด้วย”

“ผมจะมีเวลาดูเหรอ เดี๋ยวก็เปิดเรียนแล้วนะ”

“ก็ให้น้องคริสเข้ามาช่วยดูสิ”

คริสตัลถึงกับสะดุ้ง

“หึ ไม่ไหวหรอก คริสไม่ชอบงานบริหาร ถ้าเค้าจะทำเค้าคงทำช่วยที่บ้านเค้าไปนานแล้ว”

“นั้นสินะ งั้นน้องคริสชอบด้านไหนจ้ะ?”

“เออ ก็...พวกฟรีแลนส์ละมั้งครับ ผมไม่ค่อยชอบงานที่มันจำกัดอิสระ”

“งั้นก็มาช่วยงานคุณแม่ได้นะสิ!”

ทัตส่ายหัวเนืองๆในขณะที่คริสกระพริบตาปริบๆ

“งานอะไรเหรอครับ?”

“นายแบบ”

คริสอ้าปากเหวอก่อนจะหันไปหาตัวช่วยอย่างทัตที่กำลังหัวเราะเสียงต่ำ

“ผมบอกแล้วไงว่าคริสไม่ชอบเป็นจุดเด่น”

“แหมๆ ไม่ต้องมาทำทีหวง น้องยังไม่เห็นปฎิเสธอะไรเลย”

คริสถึงกับพูดไม่ออก เค้าก็ไม่ชอบเป็นจุดเด่นจริงๆนั้นแหละ แต่ว่า...

“ว่าไงจ้ะน้องคริส มาช่วยเป็นนายแบบให้คอเล็คชั่นใหม่ของคุณแม่หน่อยนะคะ”

“กะ ก็ได้ครับ”

“เห็นไหมตาทัต น้องคริสออกจะว่าง่ายแถมน่ารักอีกต่างหาก”

เทพทัตหมุนหัวคิ้วในทันที

“คริส”

“อะไรเล่า?”

“รู้ไหมว่าคอเล็คชั่นใหม่ของคุณนายนาตาลีเป็นแบบไหน?”

คริสตัลส่ายหน้าเนืองๆ

“งั้นกินเสร็จแล้วก็ไปดูกับคุณแม่ที่ห้องนั่งเล่นนะจ้ะ แม่มีแฟ้มงานติดมือมาด้วย”

“อ่า ครับ”

ทัตพ้นลมหายใจในขณะที่คุณนายของบ้านกระดี๊กระด๊าเต็มขั้น คริสได้แต่งุนงงแล้วลงมือทานต่อไปจนกระทั่งทั้งสามย้ายสาระร่างพากันมาสิงสถิตอยู่ที่ห้องนั่งเล่นอันแสนกว้างขวาง ทัตกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปมาพลางตีหน้าบึ้งในขณะที่คริสตัลเหงื่อแตกซกแต่คุณนายของบ้ากลับยิ้มหน้าบานเสียยิ่งกว่าจานดาวเทียม

“เออ...คือ....”

“เป็นไง สวยไหมจ้ะ? แม่ได้ไอเดียมาจากสภาพอากาศของเมืองไทยที่มีอุณหภูมิสูงแทบจะตลอดทั้งปี ถ้าเป็นที่เยอรมันก็เป็นอีกแบบ การที่เราจะสร้างผลงานให้โดนใจคนประเทศหรือซีกโลกนั้นๆต้องศึกษาถึงสภาพอากาศด้วยนี่เนอะ”

พูดเป็นการเป็นงานจนคริสไม่กล้าทักท้วง ถึงจะไม่กล้าก็เถอะ แต่ชุดแต่ละชุดนี้มันค่อนข้างจะเนื้อ(ผ้า)บาง เว้าลึกคอกว้าง สีสว่างบางตัวเป็นแนวตาข่ายมาเลยด้วยซ้ำ มิน่าละทัตถึงมีสีหน้าไม่สบอารมณ์จนถึงตอนนี้

“ทัต”

“ว่า?”

มีเหรอที่พูดจาขวางแบบนี้ใส่เค้า

“ทัตครับ”

คนถูกเรียกหันมามองด้วยความแปลกใจแต่ก็ต้องเก็บอาการบางส่วนไว้แล้วหลี่ตามามอง คริสส่งสายตาอ้อนวอนไปให้คนคนขี้ใจอ่อนพ้นลมหายใจแล้วดึงเอาแฟ้มในมือคนรักไปพับเก็บวางลงโต๊ะต่อหน้าต่อตาคนเป็นแม่

“อะไรกันยะเจ้าลูกคนนี้”

“ผมไม่ให้ถ่าย”

“นี่มันเรื่องของแม่กับน้องคริส ทัตไม่เกี่ยว”

“แต่ผมเป็นคนรักของคริส เพราะงั้นผมมีสิทธิ์ในตัวเค้ามากกว่าแม่”

“เทพทัต”

“ไว้ถึงคอเล็คชั่น ฤดูหนาวแล้วผมจะพิจารณาอีกทีนะครับ แต่ตอนนี้พวกผมขอตัว”

“เอ๊า จะไปไหนกันนะ?”

“ขึ้นห้อง ผมต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอครับ”

“จะพักก็ไปพักคนเดียวสิ แม่ยังอยากคุยกับน้องอยู่เลย”

“คริสตัลก็ต้องพัก”

“หืม?”

“ก็เมื่อคืนแล้วก็เมื่อเช้า...อุ๊บ!”

ยังพูดไม่ทันจะจบมือเรียวก็อุดปากคนช่างจ่อไว้ได้ทันซะก่อน คริสหน้าแดงจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว ถ้าทัตพูดจบเค้าไม่ต้องอยู่บนโลกนี้กันละ ทัตหัวเราะขำเมื่อรู้ถึงปฎิกิริยาของคนน้อง ส่วนผู้เป็นแม่ก็ได้แต่จิ๊ปากขัดใจ

“พวกเราขอตัวเลยแล้วกันครับ เดินไปสิทัต”

พูดเสียงหวานบอกผู้ใหญ่ก่อนจะหันไปแว๊ดใส่คนพี่ที่ยังยิ้มระรื้น หมั่นไส้มันวะ

“ถามจริงๆนะ ถ้าไอไม่ห้ามยูจะพูดออกไปจริงๆเหรอทัต คำว่าอายนะรู้จักไหมห่ะ”

ทัตเบ้ปากไหวไหล่แล้วโอบคนรักขึ้นบันไดไปยังห้องนอนฃของตน

“ถ้าอายคงไม่ได้เมียอย่างคริสตัล เฟรงเบิร์คหรอก จริงไหม?”

จะว่างั้นก็คงได้ เพราะถ้าไม่หน้าด้านหน้าทนจีบทั้งที่โดนเค้าตอกกลับไปสารพัดก็คงไม่ได้มายืนอยู่ด้วยกัน ณ จุดๆนี้ คริสยิ้มให้กับบทสรุปง่ายๆที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะมี เห็นทีเปิดเทอมคราวนี้เค้าคงโดนล่อจนแทบอ้าปากเถียงไม่ได้แหง่งๆ

“ยิ้มอะไรครับ?”

“ยิ้มให้กับอนาคต”

“รู้แล้วเหรอว่าอนาคตจะเป็นยังไง?”

“แน่นอน ก็ต้องสดใสสมชื่อคริสตัลอยู่แล้ว”



~♡~♡~♡~ FIN ~♡~♡~♡~

โปรดอย่าท้วงว่าจบแบบดื้อๆ 55555+

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ เรื่องนี้จะมีตอนพิเศษ(ช่วงเปิดเทอมและเปิดตัวอย่างเป็นทางการ) อีกอยู่นะ แต่ไม่ชัวร์ว่าจะ1หรือ2ตอน
และ
ที่สำคัญไปกว่านั้น ไรท์จะต่อเรื่องของพี่ครอสในเรื่องนี้เลยนะจ้ะ
ดราม่าแน่นอนบอกไว้ก่อนเลย คริคริ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 40 (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-05-2017 17:36:19
จบจริงอะ  :a5: ไม่ทันได้ตั้งตัว มัวแต่กังวลเรื่องดราม่าครอบครัว
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 40 (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-05-2017 17:39:19
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 40 (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 03-05-2017 18:02:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 40 (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-05-2017 18:20:04
Fin แล้วก็จบลงด้วยดี
เทพทัต คิสตัล  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แด๊ดดี้ แกล้งแรงไปหรือเปล่า เสียเลือดเสียเนื้อเลย
อู้ย......เรียกที่รัก ที่รักกัน แล้วก็เขินหูแดงหน้าแดง
แต่ทัต นี่ไม่แดงแต่หูนี่สิ ครงอื่นมัันมาทิ่มขาคริสเลย
แล้วก็เสร็จโรงเรียนทัต ไปอย่างที่เคยเป็น   :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 40 (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 03-05-2017 18:47:14
ขอแบบหวานพิเศษใส่ไข่สองนะค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 40 (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 03-05-2017 21:48:26
หวานหยดจ้าาาา
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 40 (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-05-2017 21:50:14
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสพิเศษ (UP-11/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 11-05-2017 14:43:03
สัมผัสพิเศษ♡




วันแรกของการเปิดภาคเรียนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว คริสตัลมามหาวิทยาลัยด้วยรถหรูของเทพทัตตามเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือบรรดาสายตาของผู้สงสัยทั้งหลายแหล่ จริงๆแล้วเค้าก็ลืมไปว่าเรื่องราวต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นช่วงปิดเทอมซึ่งบรรดานักศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่รู้ไม่เห็นจึงไม่แปลกที่จะมองเค้าด้วยสายตาฉงนทันทีที่เค้าก้าวลงจากรถพร้อมๆกับผู้เป็นเจ้าของ

“วันนี้เลิกบ่ายสามใช่ไหม?”

ถามพร้อมยกมือขึ้นยีหัวคนน้องเบาๆแต่ก็โดนคนน้องปัดทิ้งในเวลาต่อมา

“คนเยอะแยะ อายบ้างเหอะทัต”

“อายทำไม แค่แสดงความเอ็นดู”

คริสจิ๊ปากใส่คนพี่ไปทีจนทั้งคู่เดินมาถึงโต๊ะประจำที่คริสชอบนั่งกับเพื่อนๆ ทว่าจนบัดนี้เค้าก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนเลยสักคน

“เอาไง ให้อยู่เป็นเพื่อนไหม?”

คริสตัลส่ายหน้าปฏิเสธ ตัวเองมีเรียนเก้าโมงส่วนทัตมีเรียนแปดโมง ใช่เรื่องไหมที่จะให้เสียการเรียนมานั่งเฝ้ากันอยู่แบบนี้

“เดี๋ยวโทรตามพวกมันเอา ยูไปเรียนเหอะ”

“มั่นใจนะ?”

“โว๊ะ นี่มันมหาลัยนะทัต ใช่ว่าจะมีใครมาฉุดเอาซะหน่อย”

“ก็ไม่แน่ ไม่รู้ตัวเลยรึไงว่าตัวเองน่าฉุดยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก”

ถ้าพูดให้ถูกก็คือออร่าความเป็นเมียได้ถูกกระตุ้นจนมันเอ่อล้นแทบจะกลายเป็นฟีโรโมนให้เหล่าตัวผู้ทั้งหลายได้จับจ้องกันตาเป็นมัน ทัตเองก็รู้ในข้อนี้จึงได้แต่เทียวจ้องคนที่จ้องน้องตอบแบบข่มขู่ทางสายตา ถ้าใครกล้าคือรนหาที่ตายชัดๆ

“พูดบ้าอะไรวะ ไอก็ผู้ชายไหม มีมือมีตีนเหมือนกันไหม”

“หึ ตัวแค่นี้จะไปสู้อะไรใครได้”

ว่าแล้วก็ล็อคคอคนน้องเข้ามาแนบอก คริสพอตั้งตัวได้เลยพยายามดันทั้งผลักทั้งเตะแต่ก็ไม่เป็นผล

“เห็นไหมละ แรงอย่างกันมด”

“นั้นเพราะยูตัวใหญ่เกินไปต่างหากทัต คนอื่นเค้าไม่ได้เป็นยักษ์เหมือนยูทุกคนนะ”

“โอเคๆ งั้นโทรหาใครสักคนก่อน พอใกล้เวลาเดี๋ยวพี่ค่อยเข้าก็ได้”

คริสพยักหน้ารับแล้วควานหาโทรศัพท์ทันทีที่ทัตปล่อยแขนออกจากตัว ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่ม้านั่งในฝั่งเดียวกันทั้งที่มีที่ว่างอีกตั้งสามที่ ก็แล้วไง คนหวงเมียจะประกาศศักดาใครจะทำไม

“ฮัลโหล มึงอยู่ไหนวะ?”

/พึ่งออกเว้ย เหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงมึงจะรีบไปไหนไม่ทราบ?/

“สัส กูมากับทัต ทัตมีเรียนเช้าไง”

/อ้อ ที่แท้ก็มากับผัว/

“เชี่ยมิกส์!”

/หรือจะเถียงกู ปิดทงปิดเทอมอุสานัดเที่ยวกันเสือกติดต่อไม่ได้แล้วเปิดเทอมมาเพื่อนกูมีผัวเป็นตัวเป็นตนเลย/

“มึงรีบมาให้กูเตะปากดิ๊”

/ฮ่าๆๆๆ ไม่เอาสิตัวเอง ไม่เขินน๊า/

คริสตัลได้แค่ขนเคี้ยวเขี้ยวฟันอยู่อย่างนั้นในขณะที่คนปลายสายหัวเราะรวน

/ไอ้นายก็อีกคน เงียบไปเลยสัส มึงรู้ไหมว่ามันหายไปไหน?/

“ไม่รู้”

/เอ๊า ปกติมันตัวติดกับมึงจะตาย เป็นไปได้เหรอที่พวกมึงจะไม่รู้ตารางชีวิตกัน/

“กูไม่ใช่เจ้าของชีวิตมันจะได้รู้ไปซะทุกเรื่อง”

/เอาจริงนะคริส นี่มึงไม่รู้อะไรจริงๆเหรอ?/

คริสตัลถึงกับหมุนหัวคิ้ว

“รู้อะไรวะ?”

/เออ ช่างแม่งเหอะ แค่นี้นะไฟเขียวแล้วกูจะขับรถ/

“เออๆ”

ว่าจบก็ตัดสายฉับไปซะไวว่อง คริสยังคงตีคิ้วมุ้ยจนคนพี่นึกสงสัย

“มีอะไร?”

“ไอ้มิกซ์มันพูดให้งงอะ นี่ยังไม่รู้เรื่องกันดีก็ชิ้งตัดสายหนีไปซะงั้น”

“หึ งั้นเพื่อนมาถึงก็ค่อยคุยกันใหม่สิ สรุปเพื่อนอยู่ไหนแล้ว?”

“พึ่งออกมา คอนโดไอ้มิกซ์อยู่ไม่ไกลหรอก เดี๋ยวก็มาถึง”

“โอเค”

ตอบรับแล้วก็ล้วงเอาโทรศัพท์ตัวเองมาเล่นหน้าตาเฉย คริสมองตามตาปริบๆอุสาบอกว่าเดี๋ยวก็ถึงกะให้มันคลายใจแล้วขึ้นตึกไปเรียนแต่มันกลับนั่งต่อซะงั้น เอาเถอะ หัวสมองระดับมันการเข้าเรียนก็คงเหมือนไปนั่งฟังนิทานนั่นแหละนะ

คริสยกมือเท้าคางเมียนมองไปรอบด้านสายตาเนืองๆ เป็นปกติที่พอเปิดเทอมแล้วทุกคนจะทำสีหน้าแบบนี้ มีใครบ้างที่ไม่รู้สึกขี้เกียจหรือเบื่อหน่ายกับการต้องตื่นแต่เข้ามาเข้าเรียนหลังจากที่หยุดเป็นเวลานานๆ

“คริส”

มีเสียงแรกจากอีกด้านพอคริสหันไปมองก็ยิ้มแป้นตอบเพื่อน นายเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าโทรมจนคริสอดสงสัยไม่ได้

“ไปทำไรมาวะ โคตรโทรมเลย”

“แค่นอนไม่พอนะ แล้วนี่กินไรมายัง?”

“อืม เรียบร้อยแล้ว มึงยังไม่กินเหรอ?”

“เออ ไปโรงอาหารเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

“ได้ๆ แต่รอไอ้มิกซ์แป๊บ มันกำลังมา”

นายพยักหน้ารับก่อนจะเสมองไปยังใครอีกคนที่ยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่นิ่งเหมือนพยายามไม่มีตัวตนให้ใครเห็น

“ทัต”

เป็นคริสที่หันไปสะกิดเรียก

“หืม?”

“ไอ้นายมาแล้ว ยูขึ้นตึกไปได้ละ เดี๋ยวพวกไอจะไปโรงอาหารต่ออีก”

“โอเค ดูแลตัวเองละ”

“ก็บอกไปแล้วไง”

“รู้ครับ แต่พี่ก็ห่วงอยู่ดี”

“คราวหน้าเอาโซ่มาล่ามไว้เลยไหม”

“ทำได้เหรอ?”

“กวนตีนละทัต ไอประชด”

“หึหึ”

ทัตหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่พอมองสบตากับหลายๆคนที่คอยจับจ้องมาทางพวกเค้าทัตเลยนิ่งคิดอะไรนิดหน่อย

“เป็นอะไรนะทัต?”

คนพี่ไม่ตอบแต่หันไปสบตาคนน้องนิ่งๆสักพักก็เอื้อมมือไปรั้งท้ายทอยแล้วก้มลงจุ๊บปากบางไปทีท่ามกลางสายตาและเสียงกรี๊ดกร๊าดจากผู้คนรอบด้าน คริสถึงกับเบิกตากว้าง ถึงแม้จะไม่ใช่ดีพคิสแต่มันก็ประเจิดประเจ้ออยู่ดีนั้นแหละ

“ไปละ”

“จะไปไหนก็ไปเลย!”

อดที่จะเกรี้ยวกร๊าดไม่ได้จริงๆเหมือนอย่างที่อดใจเต้นจนหน้าเห่อแดงไม่ได้เช่นกัน ให้ตายสิ นี่มันในมหาวิทยาลัยเลยนะเว้ย

“พวกมึงนี่หวานกันดีเนอะ”

เสียงแข็งๆในแนวประชดดังมาจากอีกคนให้คริสได้สติ

“ก็…ไม่นะ”

“จะปฏิเสธอะไรช่วยดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ด้วยครับคุณชายคริสตัล ต่อหน้าต่อตาสักขีพยานเป็นร้อย ไม่เกินเที่ยงมึงได้กลายเป็นหัวข้อข่าวในเพจนั้นอีกแน่”

“จะว่าไปก็ลืมไปเลยแฮะ เรื่องไอ้เพจอะไรนั้น”

นายยกยิ้มขำเพื่อนพอดีกับที่หันไปเจอมิกซ์กำลังถอยรถเข้าซองไม่ใกล้ไม่ไกลเลยพยักพเยิดหน้าให้คริสตัลหันไปมอง

“คิดไงเอารถจอดริมฟุตบาทวะ?”

คริสท้วงทันทีที่เพื่อนอีกคนเดินมาถึงโต๊ะ

“ขี้เกียจวนหาที่จอดไง หิววะ ไปกินข้าวกันเหอะ แล้วไอ้แวนกะไอ้คมละ?”

“มึงเอาทีละคำถามดิมิกซ์”

เป็นนายที่ท้วงเพื่อน คริสตัลหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะเป็นคนตอบ

“พวกกูว่าจะไปโรงอาหารอยู่พอดี ส่วนไอ้แวนกับไอ้คมยังไม่ได้โทรหา มึงโทรเลยมิกซ์”

คนถูกโยนภาระเหยียดปากก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไม่กี่ทีก็เอาแนบหู คริสกับนายลุกขึ้นยืนแล้วพากันเดินนำไปยังโรงอาหารของคณะที่อยู่เยื้องจากตึกเรียนไปนิดหน่อย ทันทีที่คริสโผล่หน้าเข้าไปด้านในแทบทุกสายตาก็หันควับมามองเค้าเป็นตาเดียวก่อนจะหันหลบตาไปแต่ก็ยังมีมองมาอยู่ประปราย

“เอาแล้วไงไอ้คริส มึงไปทำเรื่องอะไรไว้อีกวะ?”

มิกซ์วางสายแล้วเอ่ยท้วง คริสตัลไหวไหล่บอกไม่รู้เหมือนกันแต่ก็ไม่อยากสนใจนัก พวกเค้ามองหาโต๊ะว่างสำหรับห้าที่ไม่นานก็เจอเพราะคนยังน้อย

“พวกมันบอกว่ากำลังมา ให้สั่งเผื่อด้วย”

มิกซ์บอกขณะที่ปรายตามองไล่ตามร้านอาหารต่างๆ

“กูกินมาแล้ว พวกมึงไปซื้อเหอะ เดี๋ยวกูเฝ้าโต๊ะเอง”

ทั้งสองพยักหน้ารับแล้วจึงเดินหายไปสั่งซื้อของที่ตนอยากกิน คริสอยู่ว่างๆเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น จริงๆพวกโซเชียลต่างๆตนปิดแต้งเตือนไปตั้งแต่ก่อนปิดเทอมแล้วเพราะนึกรำคาญในช่วงสอบ แตาพอมาเปิดดูวันนี้เท่านั้นแหละ โทรศัพท์เกือบค้าง อะไรมันจะเยอะปานนั้น

“เฮลโหลมายเฟรน!”

“อยู่เฝ้าโต๊ะคนเดียวเหรอมึง”

คริสเงยหน้ามองผู้มาใหม่ทั้งสองก่อนจะพยักหน้ารับ

“ทำไมทำหน้างั้นวะ?”

แวนถาม

“ป่าว”

แต่สายตาเพื่อนต่างก็มองตรงไปยังโทรศัพท์ในมือคนตอบโดยตัวเลขในวงสีแดงๆเหนือไอคอนโซเชียลยอดนิยมกำลังพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เชดดดดด นี่มึงฮอตไปป่ะเพื่อน”

“จริงวะ หรือมึงไปสร้างเรื่องอะไรไว้อีก”

คริสๆได้แต่ส่ายหน้าในขณะที่เพื่อนทั้งสองนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วจ้องมองเค้าเขม่ง

“เอามาดูดิ๊”

ว่าแล้วก็แย่งเอาโทรศัพท์ในมือคริสมากดเปิดดูในทันควัน ระหว่างที่สองคนนี้สุ่มหัวดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโทรศัพท์อีกสองที่หายไปซื้อของกินก็กลับมาพร้อมจานอาหารสี่จาน

“อ้าวไอ้สัส นั้นที่นั่งกู”

“อย่าพึ่งกวนครับ มึงนั่งข้างไอ้คริสไปดิ”

มิกซ์จิ๊ปากวางจานข้าวลงตรงหน้าเพื่อนแรงๆแล้วเดินอ้อมไปนั่งอีกฝั่ง นายเองก็วางอีกจานให้เพื่อนแล้วนั่งลงข้างคริสเช่นกัน

“พวกมึงทำเชี่ยไรอยู่วะ?”

“เสือก”

แวนเป็นคนตอบและมิกซ์วางช้อนแทบจะทันที

“ด่ากู?”

“ป่าว กูบอก กูกำลังเสือกเรื่องไอ้คริสอยู่ แล้วนี่มึงไม่กินไรเหรอวะไอ้คริส?”

มองเห็นตรงหน้าคริสตัลไม่มีจานข้าวเหมือนคนอื่นเลยอดท้วงไม่ได้ คริสส่ายหัวอีกรอบแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ

“เชี่ย สกปรกไหมนั้น มึงเอาเป้กูไปหนุนเลยไป”

คมพูดแล้วหยิบเอาเป้ลายพลางของตัวเองไปให้เพื่อนหนุน คริสรับมาวางก่อนจะฟุบลงอีกครั้ง ง่วงเหี้ยๆเมื่อคืนกว่าจะได้นอนแถมยังต้องตื่นแต่เช้าเป็นเพื่อนไอ้ยักษ์อีก

“ทำไมมีอะไรยาวๆด้วยวะ?”

คริสสะกิดเพราะไปหนุนโดนอะไรบางอย่างเข้า คมขมวดคิ้วไม่รู้เหมือนกันคริสเลยเปิดเป้ล้วงเข้าไปหยิบออกมาปรากฎว่าเป็นกล้วยหอมของเซเว่นและนมข้นแบบหลอดบีบ

“มึงพกพวกนี้เป็นด้วย?”

มิกซ์แซวขำๆ

“เคยเห็นกูพกหรือเปล่าละ ไอนี่น่าจะเป็นของน้องกูมั้ง เมื่อวานมันยืมไป”

“อ้อออออ~”

“งั้นกูขอนะ”

“เอาดิ มึงชอบกินกล้วยนี่เนอะ”

คริสแยกเขี้ยวใส่เพื่อนไปทีแต่ก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เค้าแกะห่อถุงพลาสติกแล้วปอกกล้วยหอมลูกใหญ่ยาวสมราคา แต่พอจะงับมิกซ์ก็ร้องขัดขึ้นซะก่อน

“อย่าพึ่งกัดนะเว้ย!”

“อะไรของมึง ข้าวก็มีอย่ามาแย่งกูนะเว้ย”

“ไม่แย่งๆ แค่คิดว่ามันอาจจะไม่หวานอร่อย ไหนๆก็มีนมข้นติดมาด้วยมึงไม่ใส่สักหน่อยละวะ”

คนิสถึงกับขมวดคิ้วมุ้ย

“กล้วยกะนมข้นเนี้ยนะ?”

“เออ ลองดูมึง อร่อยแน่กูรับประกัน”

แล้วก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้แวนกับคมที่ยังคงถือโทรศัพท์อยู่ในมือ คมไหวไหล่แล้วหันไปสนใจโทรศัพท์ต่อแต่ครั้งนี้เค้าตั้งศอกกับโต๊ะเพื่อดูให้ชิดกับสายตามากขึ้นส่วนแวนก็เข้ามาเปิดหลอดนมข้นจ้อรอไว้เลย คริสถึงจะงงๆแต่ก็ยอมทำตามที่เพื่อนแนะ แวนบีบนมข้นสีข้าวขุ่นใส่ตรงส่วนปลายจนมันค่อยๆไหลเยิ้มลงจนเกือบเลอะมือคนถือ

“สัส เลอะเลยไหมละ”

บ่นให้เพื่อนที่บีบมากจนเกินไปแล้วรีบเอาไปเลียในส่วนที่ไหลเยิ้มก่อนมันจะเลอะมากไปกว่านี้ ความหวานแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปากทำให้คริสชักจะชอบใจ ไม่กินมันละกล้วยให้ไอ้พวกนี้บีบนมจนหมดไปเลยดีไหมน๊า คริสละเมียดไล่เลียนมด้วยความชอบใจ จากขอบๆก็ลากลิ้นชมพูอมแดงขึ้นไปจนถึงสุดปลายก่อนจะวกกลับมาใหม่ เมื่อด้านข้างหมดจึงอมเอาทั้งหมดเลียจนหยดสุดท้าย พอจะบีบเอาอีกก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของเพื่อนแต่ละคนที่ออกจะแดงๆแถมนิ่งค้างไอ้มิกซ์นี่อ้าปากเหวอไปเลยด้วยซ้ำ

“พวกมึงเป็นไรเนี้ย?”

พอคริสถามก็เหมือนเวลาได้กลับมาเดินอีกครั้ง แต่ละคนกระแอมไอแล้วหลบหน้าหลบตาไม่มีใครให้คำตอบเค้าสักคน คริสเลยเอื้อมมือมาแย่งเอาหลอดนมข้นอีกแต่แวนแย่งหนีไปซะงั้น

“เห้ย ไรว๊า เอามาเลยไอ้แวน”

“มึงไม่ต้องกินแล้วเชี่ยคริส แค่นี้กูก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้วแม่ง”

“ห่ะ?”

“เออ กูขอโทษที่เสนอให้มึงกินแบบนี้ แม่งเอ๊ย หัวใจจะวาย”

“หือ??”

“แล้วไอ้ที่ไลฟ์สดไปแล้วนี่ทำไงอะ?”

“เห้ย!?!”

“โพสไปแล้วด้วย”

“เชี่ยคม!!!”

คริสยังคงทำหน้างุนงงในขณะที่เพื่อนๆต่างตื่นตระหนกจนแทบไม่มีคนตักข้าวใส่ปากอีกต่อไป

“พวกมึงเป็นเชี่ยอะไรกันเนี้ย??”

“คริสตัล”

เสียงเข้มเอ่ยเรียกดังพอประมาณจนคนทั้งโต๊ะสะดุ้งโหย่ง คริสหันไปมองยังที่มาของเสียงซึ่งก็ไม่ใช่ใคร

“ทัต นี่ยังไม่เข้าเรียนอีกเหรอ?”

จากที่ดูเวลามันน่าจะเรียนไปได้ครึ่งชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ เทพทัตไม่ตอบคำถามคนน้องแต่ปรายตามองไปยังโทรศัพท์ที่ยังคงอยู่ในมือของคม

“เข้าแล้วแต่ออกมาใหม่”

“แล้วจะออกมาทำไม?”

“แล้วเราทำอะไรไว้ละ?”

คริสชักฉุน อารมณ์เสียอะไรมาไม่รู้ด้วยหรอกนะแต่จะมาลงที่เค้าแบบนี้ไม่ได้นะเฮ้ย

ในขณะที่คริสตัลกำลังขนเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่นั้นทัตก็ตรงเข้ามาแย่งกล้วยในมือคนน้องแล้วโยนทิ้งถังขณะเล็กที่อยู่ใกล้ๆก่อนจะแย่งเอามือถือคนน้องมาจากเพื่อนแล้วกดไม่กี่จึ๊กก่อนจะเอาเก็บลงในกระเป๋าของตัวเอง

“เห้ย! นั้นของไอนะ!!”

“แลกกันใช้ แล้วตอนเที่ยงจะมากินข้าวด้วย เลือกเรียนไม่ต้องไปไหนอยู่รอใต้ตึกเดี๋ยวจะพากลับเอง”

“แต่ยูเลิกหลังไอเป็นชั่วโมงเลยนะ”

“ช่างมันสิ เอาตามนี้ห้ามขัด กินเสร็จก็พากันขึ้นห้องเรียนไปเลย หวังว่าคงเข้าใจกันนะ”

นอกจากจะสั่งคริสแล้วยังเผื่อแผ่ไปถึงบรรดาเพื่อนๆที่เป็นต้นเหตุความคิดอุตริแบบนี้ ทัตรู้ว่ามันไม่สมควรแต่ตนอารมณ์เสียเกินกว่าที่จะหยุดยั้งมันได้ ตั้งแต่เพื่อนตนสะกิดให้ดูคนน้องไลฟ์สดทั้งที่ไม่คิดว่าจะเล่นแถมยังเป็นแนวติดเรตชวนให้คิดลึกแบบนั้นด้วยอีก ทัตถึงกับลุกพรวดก้าวไวๆออกจากห้องและก็เป็นอย่างที่เค้าคิด เวลาเดินผ่านแต่ละคนนี่มีแต่คนกำลังดูและพูดถึงไลฟ์ตัวนั้นกันให้แซ๊ด นี่มันหายนะชัดๆ จากนี้คงมีคนเข้ามาวอแวกับคนรักของเค้าอีกเพียบแน่ๆถ้าไม่ประกาศความเป็นเจ้าของอย่างจริงจังไว้ก่อน       







​“เป็นบ้าอะไรวะทัต!?!”

ทันทีที่กลับมาถึงห้องในคอนโดของทัตคริสตัลก็เริ่มโวยวายในทันที ทัตถอนหายใจแรงๆแล้วดึงแขนคนน้องให้ไปนั่งลงที่โซฟาก่อนจะหยิบโทรศัพท์แล้วเปิดวีดีโอที่ตนบันทึกไว้ให้ตัวการดู ถึงแม้วีดีโอที่ไลฟ์ลงโซเชียลจะไม่มีอยู่แล้วแต่ในเครื่องของเค้ายังคงมีเพราะตนได้บันทึกไว้นั่นเอง คริสเห็นแล้วก็ตาเบิกกว้าง ตอนนั้นมันไม่คิดอะไร แต่ไอ้ที่ดูอยู่ยี่มันชวนให้คิดลึกเหี้ยๆ

“เหี้ย!”

“ใช่ โคตรเหี้ย”

ว่าแล้วทัตก็ล้มตัวลงนั่งข้างๆคริส มือหนาเลื่อนไปดึงคนน้องให้เข้ามาใกล้ก่อนจะประกบปากจูบหนักๆให้สมกับที่ต้องข่มอารมณ์หึงหวงมาทั้งวัน

“อือออ พอแล้ว”

“ลงโทษไง”

“มาลงโทษอะไรละ ไอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

“ยังจะกล้าพูดเนอะคนเรา”

“ไอ้คมมันถ่าย ไอแค่กิน”

“กินได้แต่ไม่จำเป็นต้องกินแบบนั้นไหม คนอื่นเห็นเค้าคิดไปต่างๆนานาแล้วใครกันละที่จะเดือดร้อนถ้าไม่ใช่เรานะ”

“ก็…”

“หึ”

ทัตหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะจ้องหน้าคนรักที่เอาแต่เม้มปากอยู่ข้างๆ

“อย่ากัดปาก”

“…..”

“มานี่สิ”

คริสเงยหน้าขึ้นมองคนเรียกที่ตบตักตัวเองแป๊ะ เค้านิ่งคิดอยู่ครู่เดียวก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งหันหน้าเข้าหาคนพี่ตามที่เคยทำ ก็เคยทำอยู่หรอกเวลาอยากอ้อน แต่ก็ไม่บ่อยนะ มันเขินอะ

“พูดตรงๆเลยว่าพี่หวง ไม่อยากให้ใครได้เห็นสีหน้าแบบนั้น แล้วก็หึง ไม่อยากให้ใครใช้เราเป็นภาพในจินตนาการ”

“เวอร์”

“ความจริงครับ”

ทัตกระชับอ้อมแขนที่โอบรอบตัวน้องให้คนบนตักเข้ามาแนบชิดกับอก คริสเกยคางกับไหล่กว้างโอบกอดคนพี่ตอบในเชิงอ้อนอยู่กลายๆ

“ไม่ได้ตั้งใจอะ”

“รู้ แต่มันก็อดไม่ได้ไง จะล่ามโซ่ไว้ในห้องก็ไม่ได้ เข้าใจว่าเราก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง พี่แค่อยากให้เราระวังตัวมากกว่านี้”

“อืม”

“อืมคือ?”

“ก็ เข้าใจแล้วไง”

ทัตยิ้มกว้างแล้วฉกหอมแก้มคนน้องไปฟอดใหญ่ๆ

“คนเก่ง”

คนถูกชมหน้าแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆจนต้องหลบโดยการซบลงที่บ่าคนตรงหน้า ทัตเอนตัวพิงพนักพิงและแน่นอนว่าคริสต้องโถมตัวลงไปนอนทันเค้าไปด้วย อ้อมกอดนี้มันยังคงอบอุ่น ไม่ใช่แค่กายแต่มันอุ่นไปถึงด้านในของจิตใจเลยทีเดียว

“คริสตัล”

“หืม?”

“รักนะครับ”

“อืม”

“ขี้โกงจัง พี่บอกแล้วทำไมไม่บอกพี่บ้างละ”

“ไอไม่ได้บอกให้พูดนี่”

“ร้ายนักนะ”

ว่าแล้วก็ฟัดแก้มไซ้ลงไปถึงซอกคอสูดดมเอากลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของคนน้องด้วยความชอบใจ

“ฮ่าๆๆๆ ทัต หยุด มันจักกะจี้”

มือก็ยุกยิกอยู่ไม่สุข จากที่โอบกอดอยู่ดีๆตอนนี้กลับล้วงเข้าไปใต้ร่มผ้าซะงั้น

“ทัต!”

“หืม?”

“หยุดเลย ตะวันยังไม่ตกดินด้วยซ้ำจะรีบหื่นไปไหนไม่ทราบ”

“จะทำสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของไว้ไง”

“เยอะละ”

“หึหึ หิวยัง?”

“ยัง”

“งั้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด จะได้สบายตัว”

“วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอ?”

ปกติคนพี่มักจะพาเข้าบริษัทในช่วงเลิกเรียน

“พี่นะไป แต่อยากให้คริสพักผ่อนอยู่ห้อง”

“ทำไมละ ปกติก็ให้ไปด้วยนี่”

“ใครเค้าจะชอบเห็นแฟนตัวเองนั่งเบื่อนั่งเซ็งกันละ อย่าปฏิเสธนะว่าไม่เบื่อนะหืม”

ถึงแม้น้องจะไม่เคยอิดออดที่จะไปกับเค้าแต่ทุกครั้งที่แอบมองและลอบสังเกตุอยู่เป็นระยะ คริสตัลมักจะแสดงสีหน้าเบื่อหน่อยออกมาแทบจะตลอดเลยก็ว่าได้ ถ้าเค้าแกล้งเรียกออกไปสีหน้านั้นก็จะเปลี่ยนมาเป็นเรียบนิ่งหรือยิ้มอ่อนๆ

คริสได้แต่เม้มปากแน่นเถียงไม่ออกสักคำ มันก็น่าเบื่อจริงๆแหละ แต่มันก็ยังดีที่ได้อยู่ด้วยกันหรือจะเรียกให้ถูกคือสบายใจที่อยู่ในสายตาอะไรประมาณนั้น ทัตยิ้มจางให้คนน้องที่เหมือนจะงอลนิดหน่อยแต่ก็ไม่ดื้อเหมือนเมื่อก่อน เค้าก้มลงไปจูบหนักๆทิ้งทวนก่อนจะไล่คนน้องให้ไปอาบน้ำส่วนตัวเองก็ผละออกมาเข้าครัวเตรียมอาหารเย็นและผลไม้ไว้เป็นของว่างแก้เหงาปาก เมื่อคริสอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จทัตก็เตรียมเสร็จเรียบร้อยเช่นกัน มื้อนี้เค้าทำออมเล็ตกับข้าวผัดอเมริกัน คริสชอบกินหวานเพราะงั้นมื้อนี้คนน้องชอบชัวร์100%

“พี่ไปแล้วนะ มื้อเย็นอยู่นี่กำลังร้อนๆในตู้เย็นมีผลไม้พี่หั่นไว้ให้แล้วกินใหม่หมดแล้วก็นมไม่ก็น้ำผลไม้อีกแก้วก่อนนอนด้วย”

สั่งซะยาวเหยียด ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงหงุดหงิดแต่ปัจจุบันนี้รู้ดีแก่ใจแล้วว่าที่สั่นนะก็เพราะห่วง ทุกสิ่งที่พูดล้วนเป็นสิ่งดีๆสำหรับเค้าทั้งสิ้น

“จะกลับดึกมากเลยเหรอ?”

“น่าจะเกินเที่ยงคืนนะ”

“ทำไมถึงดึกนักละ ปกติสี่ทุ่มกว่าๆก็กลับแล้วนี่?”

“ค่ำพรุ่งนี้ต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของพ่อพี่ไง ลืมแล้วเหรอ?”

“เออ จริงด้วย นี่ยังไม่ได้ซื้อของขวัญให้ท่านเลยอะ”

“ไม่เป็นไร พี่ซื้อไว้แล้ว”

“นั้นมันของยูไง”

“ของเราครับ”

“...เออ…”

เขินเลยไง

“หึหึ ยังไม่ชินอีกเหรอ?”

“ก็นะ”

“ค่อยๆปรับตัวไป พี่ไม่รีบ ถึงยังไงเราก็อยู่ด้วยกันไปจนตายนั้นแหละ”

คริสพยักหน้ารับพอส่งๆก่อนจะก้มหน้าก้มตาหลบรอยยิ้มของผู้เป็นพี่ ทัตเองก็รู้ว่าทำให้น้องเขินเลยเข้าไปหอมแก้มน้องอีกทีก่อนจะออกจากห้องไปในที่สุด คริสตัลไม่เคยมีปัญหากับการทานข้าวคนเดียวแต่ตั้งแต่มีเทพทัตเข้ามาในชีวิตสิ่งนี้ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เค้าค่อยๆตักข้าวผัดเข้าปากเคี้ยวช้าๆพลางเสมองไปรอบๆห้องเหมือนไม่มีจุดโพกัสที่แน่นอน ในใจรู้สึกโหว่งแปลกๆเหมือน...

/มึงเหงาละสิ/

เสียงจากปลายสายทำให้คริสจิ๊ปากใส่อย่างอดไม่ได้ ไอ้นี่ก็รู้ทันไปซะหมดทุกเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองจริงๆ

/เพื่อนกูกลายเป็นคนติดผออัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ หึหึ/

“หุบปากไปเลยเชี่ยมิกซ์”

/ทำมาเป็นด่ากู ถ้าไม่มีกูว่างคุยด้วยมึงจะรู้สึก ว่าแต่...ปกติมึงต้องโทรหาไอ้นายก่อนนี่หว่า/

“กูโทรหามันไม่ติด”

/อย่างมันนะเหรอจะปล่อยให้โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้/

“กูก็ว่างั้น”

/สรุปที่โทรหากูคือเหงา?/

“ก็...ส่วนหนึ่ง”

/เหรอครับท่าน/

“เออดิ มีอีกส่วนก็จะปรึกษาด้วย...”

/เรื่อง?/

คริสตัลนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะค่อยๆเล่าถึงความขุ่นหมองในใจไปเรื่อยๆจนจบผู้ที่อยู่ปลายสายก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่เล่นเอาคริสตัลถึงกันล้มตัวลงนอนราบกับโซฟาแล้วเอาหมอนขึ้นมากดหน้าแก้อาการเขินอายไปพลางๆ

/เป็นหนักกว่าที่กูคิดอีกเว้ยเพื่อนกู ฮ่าๆๆๆ/

“อย่าหัวเราะสิวะ”

/แหมๆ ทำตัวอย่างกับสาวน้อยผู้พึ่งคนพบความรักที่แท้ทรู เอางี้ ถ้ามึงจะนอยด์แดรกขนาดนั้นมึงก็ไปทำงานกับที่รักมึงซะเลยสิ จะได้ไม่เบื่อแถมยังได้ใกล้ชิดกันอีก/

“มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบงานบริหาร”

/แต่เสือกเรียนเศรษฐศาสตร์ แม่งยอกย้อนสัส/

“กูพอใจ”

/งั้นมึงก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นศรีภรรยาที่ดีทำกับข้าวกับปลาอยู่รอสามีกลับบ้านอะไรแบบนั้น/

“กูทำเป็นที่ไหน”

/อันนู้นก็ไม่ชอบ อันนี้ก็ไม่เป็น งั้นมึงก็จงนอยด์ต่อไปนั้นแหละสัส!/

“เพื่อนเลว”

/มึงต้องหัดเปลี่ยนแปลงตัวเองสักหน่อยเว้ย ไม่ใช่ให้พี่เค้าเปลี่ยนอยู่ฝ่ายเดียว มันต้องค่อยๆจูบ เอ๊ย จูนเข้าหากันจะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง อันเดอร์แสต๊น?/

คริสตัลอดทึ่งไม่ได้ที่เห็นมุมมีสาระของเพื่อนที่ค่อนข้างจะไร้สาระที่สุดในกลุ่มแก๊งส์

“มึงนี่พูดดีกับเค้าก็เป็นนี่หว่า”

/เอ๊าไอ้ห่า กูอุสาแนะนะ มึงรู้ไหมว่ากูนี่กูรูเรื่องความรักเลยนะมึง/

“กูรูเรื่องความรักหรือความเสือกกับคู่รักของคนอื่นกันแน่ครับคุณมิกซ์”

/แหมะ ไม่น่าถามนะครับคุณคริสตัล หึหึ/

“เออ กูว่ากูจะซื้อของขวัญอะไรสักอย่างให้มันวะ มึงคิดว่าไง?”

/เนื่องในโอกาสอะไรวะ?/

“โอกาสอยากจะให้”

/ถุ้ย!/

“ฮ่าๆๆ ก็อยากจะให้จริงๆ เหมือนแทนคำขอบคุณนะ”

/อื้อหือ พอบอกให้เปลี่ยนปุ๊บมึงก็จัดปั๊บเลยนะครัชคุณชาย/

“แน่นอน อย่างกูมันคนไวไฟ”

/เออ! เอาที่มึงคิดว่าดีเลย/

คริสตัลคุยกับเพื่อนยาวไปจนสี่ทุ่มโดยประมาณจึงวางสายแล้วเข้าห้องนอน เค้ายังไม่ง่วงเท่าไหร่เพราะปกติก็นอนช่วงเที่ยงคืนเป็นประจำร่างกายเลยเหมือนถูกตั้งเวลาโดยอัตโนมัติ คริสตัลเลือกที่จะหยิบไอแพดของคนพี่ที่ทิ้งไว้ให้เล่นมาล็อคอินเข้าโซเชี่ยลของตัวเอง พอเห็นจำนวนตัวเลขการแจ้งเตือนแล้วก็ต้องถอนหายใจรัวๆ แค่เห็นก็เหนื่อยที่จะเปิดดูแล้ว คริสเลือกกดให้มันโชว์แล้วก็ปิดไปเพื่อให้ตัวเลขมันหายไปก่อนจะเลื่อนดูเรื่องราวของคนอื่นไปเรื่อยๆ เจอสเตตัสของเพื่อนอยู่ประปรายแต่ที่สะกิดคือข่าวที่มีรูปพี่ชายของเค้ายืนยิ้มอยู่ข้างผู้หญิงชาวต่างชาติคนหนึ่ง คนนี้คริสจำได้ว่าชื่อมิเกลล่า เบรน บุตรสาวคนโตของตระกูลเบรน ตระกูลมั่งคั่งมหาอำนาจผู้เป็นเจ้าของธนาคารระดับบิ๊กของอเมริกา ที่เค้ารู้จักเพราะพ่อของเค้าค่อนข้างจะสนิทกับตระกูลนี้แต่คริสไม่เคยไปเจอตัวจริงมีเพียงรูปตามหน้าข่าวสังคมเท่านั้นที่ทำให้รู้จักหน้าคร่าตากัน จะว่าไปช่วงนี้พี่ครอสก็เงียบหายไปเลยด้วย ทั้งที่ก่อนหน้าก็วอแวกับเค้าออกจะบ่อย เรียกได้ว่ามาตามขัดขวางเค้ากับทัตในทุกทางเท่าที่คุณท่านจะพอใจนั้นแหละ คริสเปิดโปรแกรมแชตขึ้นมาแล้วกดทักพี่ชายไปแต่ทีครอสไม่แม้แต่จะอ่าน คริสเลยเลิกสนแล้วเปลี่ยนเป็นเปิดดูหนังจนพล็อตหลับไปในที่สุด       






ต่อด้านล่างจ้ะ

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ 40 (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 11-05-2017 14:47:30


“เฮ้ย~”

สายตาสี่คู่เหลียวมองมายังเสียงถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบโดยคนๆเดียวนั้นก็คือคริสตัล ทุกคนมองหน้ากันไปมา

“มีอะไรหนักใจนักหนาวะ?”

แวนเอ่ยถามขึ้นในที่สุด

“อย่าบอกนะว่าเรื่องที่คุยกันเมื่อวาน?”

ทุกสายตาเปลี่ยนเป้าหมายไปยังคนที่ถามต่อทันที มิกซ์สะดุ้งเฮือกแต่คริสตัลส่ายหน้าปฏิเสธซะก่อน

“ป่าว แค่คิดหาของขวัญไม่ได้”

“เอ๊า มันก็เรื่องเมื่อวานนั้นแหละไอ้เด๋อ”

“อ้อเหรอ”

“หนักแล้วมึงอะ ไปหาหมอไหม?”

“เชี่ยมิกซ์ก็ว่ามัน มันแค่ประสาทอ่อนๆแต่จิตเยอะมาก”

“ฮ่าๆๆ เชี่ยแวนก็กล้านะมึง”

“พวกมึงนี่หุบปากแล้วดูหน้าเพื่อนมึงด้วย มันขำกับมึงไหม?”

เป็นนายที่ปรามคนทั้งคู่ก่อนจะหันไปจ้องหน้าคริสอีกครั้ง

“เล่ามาดิ”

คริสถอนหายใจไปอีกทีแล้วจึงเล่าเรื่องของขวัญที่ตนหนักใจนักหนาว่าจะให้อะไรดี เมื่อคืนก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อเช้าก็คุยแต่เรื่องงานเลี้ยงเย็นวันนี้เลยไม่ได้ถามไถ่ความชอบส่วนตัวอะไรเลยสักอย่าง จะว่าไป...แม้แต่การสังเกตุก็ยังไม่เคยเลยสักครั้ง...คิดแล้วก็แอบเศร้า นี่เราเป็นแฟนประสาอะไรวะ

“คิดมากวะมึง กะอีแค่ของขวัญมันจะไปยากอะไร”

ทุกคนเบ้ปากให้คนพูดอย่างนายคมสัน

“บ่ายนี่อาจารย์สาวิตรียกเลิกคลาส งั้นเราไปบุกห้างกันเหอะวะ ไปช่วยไอ้คริสเลือกของกัน”

มิกซ์เป็นคนเสนอและทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย บ่ายวันนั้นทั้งห้าหนุ่มจึงยกโขย่งกันไปให้ห้างได้สั่นสะเทือนด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดและผู้คนที่รายล้อมอย่างกับรอพบศิลปินโอปป้าก็ไม่ปาน

“ขนาดนานๆทีมากันยกทีมนะเนี้ย ดูดิเรตติ้งยังไม่ลดเลยสักนิด”

มิกซ์พูดแล้วฉีกยิ้มกว้างไปให้สาวๆที่จ่อกล้องมาทางพวกเค้า

“ช่างเค้าเหอะน่า”

“แล้วตกลงเราจะซื้ออะไรกันวะ?”

สิ้นเสียงคำถามของชายแวนเหล่าสี่หนุ่มก็เงียบกริบกันเป็นแถบ คริสกำลังถอนหายใจอีกรอบพอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ของเค้าดังเค้าจึงคว้ามารับสาย คนโทรมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นฝาละมีของเค้านั้นแหละ

/ไปห้างเหรอ?/

แหมะ หูตาไวตลอด

“รู้แล้วยังจะถาม”

/หึหึ ก็ไม่เห็นบอกพี่เลยไง นี่ถ้าพี่ไม่เห็นเขาโพสกันในเฟสก็ไม่รู้นะเนี้ย ดังใหญ่แล้วนะเรา/

คริสหลุดยิ้มกับคำแซวของคนที่ปลายสาย จนโดยเพื่อนแซวตามมาอีกระลอก

“แหมะ ทีอยู่กับเพื่อนกับฝูงมาทำเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวด พอผออัวโทรมาปุ๊บนี่ยิ้มหน้าระรื่นชิปหาย”

คริสหันไปแยกเขี้ยวใส่มิกซ์ที่เป็นคนแซว

/หึหึ แล้วตกลงจะเข้ามหาลัยมาอีกรอบไหมหรือให้พี่ไปรับที่นั้น?/

“เดี๋ยวให้พวกนี้ไปส่งที่คอนโดเอง ยูจะเข้าบริษัทก่อนก็ได้นะ งานเริ่มสองทุ่มใช่ไหม?”

/ใช่ งั้นพี่จะกลับถึงห้องสักหกโมงไม่เกินทุ่มหนึ่งแล้วกัน แต่งตัวรอเลยนะครับ/

“รู้แล้วน่า ไม่ใช่เด็ก”

/แก่ว่างั้น?/

“ทัต”

ถึงจะไม่ชอบให้พูดว่าเด็กแต่คำว่าแก่ก็ไม่ชอบเหมือนกันเว้ย

/หึหึ ถึงจะแก่แต่พี่ก็รักนะ/

“เทพทัต!”

เสียงเข้มมาเต็มจนคนปลายสายชิ้งตัดสัญญาณไปก่อน คริสเลยได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่อย่างนั้นก่อนจะเสมองไปยังบรรดาผู้ติดตามที่พากันเดินนำหน้าไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย

“ตกลงมึงคิดได้ยังวะว่าจะซื้ออะไร?”

คมที่หันมาเห็นคริสวางสายพอดีเลยเอ่ยถามขึ้น คริสส่ายหน้าก่อนจะมองไปรอบด้าน ผ่านช็อปของแบรนด์เนมมาเยอะแต่ก็ไม่ยักกะถูกใจ ก็ทัตนะมันมีหมดแล้วไงเลยทำให้หาของที่จะให้ยากเสียยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก

“น้ำหอมไหม?”

นายเสนอ

“มีเยอะแล้ว”

“เสื้อเชิต?”

แวนถามบ้างพลางชี้ไปที่ช๊อปใกล้ๆ

“เต็มตู้”

“นาฬิกา?”

มิกซ์พูดแล้วถลาไปเกาะกระจกหน้าช็อปจนเพื่อนได้แต่ส่ายหน้า

“รุ่นที่มึงจ้องนะ มันพึ่งซื้อเมื่อสัปดาห์ก่อน”

“เห้ย! อะไรจะมีครบครันขนาดนั้นวะ?”

“เข้าใจรึยังว่าทำไมกูถึงคิดหนัก”

“เออวะ ก็ถูกของมึง”

ต่างคนต่างเริ่มเครียดไปตามๆกัน จนกระทั่งนายได้คิดอะไรบางอย่างออก

“ถ้าของตามตลาดทั่วไปใช้ไม่ได้ งั้นก็ต้องเอาพวกของแทนใจที่สั่งทำดิ”

“เสียเวลาไปไหมวะ?”

“ก็เอาพวกพวงกุญแจ แหวนหรือกำไลข้อมือที่สลักชื่อได้ไรงี้ดิ ง่ายๆแล้วก็เร็วด้วย”

คริสแย้มยิ้มในทันที 





กริ๊ก

คริสเหลียวมองไปยังต้นทางของเสียงแล้วก็เจอทัตที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าอ่อนเปรี้ยเพลียแรงจนเค้าอดห่วงไม่ได้

“ไหวไหมเนี้ย?”

ถามพร้อมกับเดินไปรินน้ำเย็นใส่แก้วให้คนพึ่งกลับ ทัตเดินไปล้มตัวนั่งลงที่โซฟายื่นมือไปรับน้ำจากคนน้องมาดื่มแล้วไล่มองคนรักตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ทำไมยังไม่แต่งตัว?”

คริสตัลก้มลงมองดูตัวเองที่ยังคงใส่ชุดเสื้อกล้ามกางเกงบ๊อคเซอร์

“ไปงี้ไม่ได้เหรอ?”

“ตลกละครับ”

คริสยิ้มขำแล้วลงไปนั่งอยู่ข้างๆตามแรงดึงของคนพี่ เมื่อได้ที่ทัตเลยล้มตัวลงนอนหนุนตักเอามือน้องมาหอมมาจูบอย่างอ้อดอ้อน

“ทัต”

“หืม?”

ตอบรับคนเรียกเสียงเนืองแต่ก็ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น

“นอนก่อนแล้วค่อยไปตอนดึกๆไหม?”

เผลอยิ้มให้กับน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นห่วงเป็นใยผิดกับเวลาปกติที่เอาแต่ปากแข็งแก้อาการเขินอายของตัวเอง

“ไม่เป็นไร พี่ไหว”

“แน่ใจนะ?”

“ครับ”

“เปิดห้องที่โรงแรมไหม เผื่อไม่ไหวจะได้ค้างที่นั้นเลย”

ทัตลืมตามองสบกับคนด้านบนที่มองเค้าอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาสีฟ้าใสนั้นแลดูเป็นห่วงเค้าจากใจจริงจนต้องเอื้อมมือไปรั้งท้ายทอยคนน้องให้ก้มลงมารับจูบอันแสนหวาน เรียวลิ้นของทั่งคู่เกี้ยวกระหวันกันนัวเนียเหมือนถูกดูดกลืนไปด้วยความโหยหาของกันและกัน ก็ใช่ว่าจะขาดจากเรื่องแบบนั้นซะเมื่อไหร่ออกจะมีบ่อยซะด้วยซ้ำแต่ทำไมถึงไม่รู้จักพอก็ไม่รู้สิ

“อื้อออ พอแล้วทัต”

คนพี่ผละถอยแล้วจุ๊บส่งท้ายไปอีกทีก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องไปอาบน้ำอาบท่า คริสเองก็เดินเข้าห้องแต่งตัวไปเปลี่ยนชุดเป็นสูททัดซิโด้สีขาวผ่องรับกับผิวขาวเนียนหน้าหวานและผมสีบรอนด์ทองเปร่งประกาย คริสพรมน้ำหอมเบาๆพอดีกับที่ทัตเข้ามาในห้องแต่งตัวแล้วจ้องเค้าตาปริบๆ

“มองอะไร แปลกเหรอ?”

ทัตส่ายหัว จริงๆแล้วก็เป็นเค้านั้นแหละที่เลือกชุดนี้ให้คนน้องแต่คิดไม่ถึงว่าคริสจะใส่เหมาะถึงขนาดนี้

“งั้นก็มารีบแต่งตัวดิ จะโป๊ไปถึงไหน”

ทัตหัวเราะหึ เค้าไม่ได้โป๊สักหน่อย ยังมีผ้าตั้งผืนหนึ่งพันหมิ่นๆอยู่ที่เอวปกปิดส่วนนั้นอยู่อย่างมิดชิด ถ้าจะไม่มิดชิดก็คงต้องทำให้ผ้าหลุดนั้นแหละนะ ทัตเข้าไปหอมแก้มคนรักด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะหันไปแต่งตัวในส่วนของตัวเองซึ่งก็เป็นทัดซิโด้ขาวเหมือนกันจะแตกต่างก็ตรงที่ของเค้าเป็นกางเกงสีดำและโบว์ก็สีดำเช่นกัน แลดูเหมือนชุดคู่อยู่กลายๆนั้นแหละนะ





“โห คนเยอะโคตร”

คริสตัลท้วงขึ้นทันทีที่ลิฟท์เปิดและเห็นผู้คนออกันอยู่ที่หน้าห้องบอลลูมของโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงฉองวันเกิดของเจ้าของบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ ที่หน้าแปลกใจไปกว่านั้นคือนอกจากแขกเหรื่อที่มากมายแล้วยังมีกองทัพนักข่าวขนาดย่อมให้คริสได้เหยียดปากเล่นๆไปอีกด้วย

“หึ”

ทัตหัวเราะขำกิริยาของคนรักก่อนจะกุมมือเรียวแล้วพาเดินไปยังบริเวณด้านหน้าของงาน คนแรกที่เห็นการมาของพวกเค้านั้นก็คือนักข่าวนั้นเอง แสงแฟลชถูกกระหน่ำสาดมาทันทีที่พวกเค้าเข้าไปถึงเฟรมฉากหน้างาน ทัตยืนตีหน้ายิ้มการค้าเป็นปกติตามความเคยชินในขณะที่คริสแทบจะลืมตาไม่ขึ้นเพราะแสงที่ถูกสาดเข้าตา

“รบกวนช่วยปิดแฟรชด้วยครับ”

ทัตเอ่ยเพราะรู้ปฎิกิริยาของคนรัก เกิดเสียงอื้ออึงเล็กน้อยแต่เหล่านักข่าวก็พร้อมใจกันทำตามอย่างว่าง่าย มือเล็กกระชับเข้าหาคนกุมจนทัตเหลียวกลับไปมอง คริสยิ้มหวานส่งให้คนรักแทนคำขอบคุณ ทัตยิ้มตอบ

“ไม่ทราบว่า ที่กุมมือกันมาแบบนี้จะประกาศเป็นนัยยะอะไรหรือเปล่าค่ะ?”

นักข่าวสาวคนหนึ่งถามขึ้นและก็เรียกเสียงฮือฮาไปได้มากโข คริสก้มหน้าหลบเลี่ยงเลนส์กล้องเพราะรู้ว่าตนเองเริ่มจะหน้าแดงขึ้นมาแล้วแน่ๆ ทัตหัวเราะเสียงแผ่วเบี่ยงตัวเล็กน้อยให้คนน้องได้หลบแล้วจึงตอบ

“เรื่องนั้นต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการนะครับ”

“แล้วเมื่อไหร่จะประกาศละครับ?”

“เร็วๆนี่ครับ”

ทัตพูดทิ้งทวนไว้แค่นั้นก่อนจะพาคนน้องเข้าไปยังด้านในของงาน ทัตยิ้มรับการทักทายจากผู้คนมากหน้าหลายตาที่เข้ามาหาด้วยความคุ้นชินผิดกับคริสตัลที่เอาแต่ยิ้มรับตามคนพี่เพราะเค้าไม่รู้จักใครเลย ที่มานี่ก็เพราะเป็นงานวันเกิดของพ่อเทพทัตเฉยๆหรอก ไม่งั้นอย่าหวังเลยว่าจะเจอหน้าคนอย่างคริสตัล

“เบื่อไหม?”

คนพี่หันมาถาม

“นิดหน่อย แล้วพ่อกับแม่ละ ตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย”

“อยู่ตรงหน้าเวที กำลังโดนรุมอยู่เลยยังไม่พาเข้าไปหา”

“ไปหาเถอะ จะได้อวยพรแล้วให้ของขวัญเลย”

“จะรีบไปไหนครับ”

“รีบพาคนเพลียไปพักผ่อนไงครับ คิดว่าไหวจนจบงานไหมละ”

“เอาน่า พี่อึดอยู่แล้ว เราก็น่าจะรู้ดี”

“อะ ไอ้บ้า”

ทัตยิ้มกว้างก่อนจะหันไปยิ้มรับและทักทายกับผู้มาเยือนรายใหม่ ทั้งคู่พูดคุยกันไม่นานแสงไฟและเสียงเพลงที่คลอเบาๆก็ก็ถูกหรี่ลงเหลือเพียงแสงไฟจากเวทีและพิธีกรคนสวย

การกล่าวต้อนรับเริ่มต้นขึ้นด้วยความครื้นเครงและสดใสไม่นานเจ้าของงานก็ถูกเชิญให้ขึ้นไปยังด้านบนเพื่อพูดคุยทักทายและของคุณการอวยพรและเริ่มต้นการเฉลิมฉลองอย่าเป็นทางการ แต่ทว่า...

“ขอเชิญคุณเทพทัต ลูกชายคนโตและคุณคริสตัลขึ้นมายังด้านบนด้วยค่ะ”

ห่ะ?

คริสหันไปมองคนพี่ที่ยังคงยิ้มอยู่

“ป่ะ”

“เดี๋ยวๆ ไอไม่ขึ้นได้ไหมอะ”

“ไม่ได้ครับ เข้าเรียกทั้งคู่ไม่ได้ยินเหรอ”

คริสได้แต่กรอกตาเพราะคนพี่ได้จูบมือพาขึ้นไปยังด้านบนเป็นที่เรียบร้อย เสียงปรบมือดังเกรียวกราวจนกระทั่งทัตรับไมค์มาถือและกล่าวอวยพรให้ผู้เป็นพ่อ คริสสบโอกาสตอนทัตกล่าวจบเดินเอาห่อของขวัญที่เป็นไวน์ดังราคาแพงไปให้พ่อที่ยืนอยู่ข้างภรรยาอย่างนาตาลี

“อย่างที่ทุกคนได้ทราบกันดีว่าลูกชายผมคนนี้จะกลายมาเป็นประธานบริษัทในภายภาคหน้า แต่นั้นก็เป็นเรื่องในอนาคต ส่วนเรื่องปัจจุบันผมอยากแนะนำให้รู้จักกับ...”

ทรงพลเดินเข้ามาหาคริสตัลก่อนจะโอบเอวหลวมๆเรียกสายตาฉุนกึกของลูกชายไปแว๊บก่อนจะหันหนีแบบโนแยแสใดๆทั้งสิ้น

“คริสตัล เฟรงเบิร์ค ลูกชายคนเล็กของตระกูลเฟรงเบิร์คเจ้าของกิจการในเครือXXX และเป็นคู่หมั้นของลูกชายผมครับ”

คริสตัลตีหน้าเหลอหลาทันทีเพราะไม่คาดคิดถึงการประกาศสถานะอะไรแบบนี้ เสียงฮือฮาและปรบมือจากด้านล่างดังแซงแซ่จนกลบเสียงดนตรีไปหมด คริสหันไปมองทัตที่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆแล้วกุมมือเค้าไว้เหมือนเดิม

“ค่ำคืนนี้จะพิเศษยิ่งกว่าเก่าเมื่อมันไม่ได้เป็นแค่ค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองให้ผมเพียงคนเดียวแต่เป็นการฉลองให้กับลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ อืม...พ่อพูดถูกใช่ไหมทัต?”

ทัตพยักหน้าให้คนพ่อไปที

“อ่า..ก็ตามนั้นแหละครับ ขอฉลองให้กับคนทั้งคู่จนกว่าเราจะได้ร่อนการ์ดแต่งงานกันในอีกสี่ปีข้างหน้า ไม่ต้องสงสัยนะครับว่าทำไมนานจัง ผมอยากให้ลูกผมใช้ชีวิตให้คุ้มก่อนนะพอแต่งไปจะได้ไม่เสียใจที่หมดสิ้นอิสระภาพ ฮ่าๆๆๆ”

เสียงฮาครืนดังตามมาเมื่อสิ้นเสียงพูดของเจ้าของงานพร้อมๆกับคุณนายนาตาลีที่เข้ามาฟาดแขนสามีไปทีในเชิงปราม

“อ้อ คงหมดเวลาของผมแล้วสิ ขอยกเวลาต่อไปนี้ให้กับลูกชายสุดที่รักของผมดีกว่า”

ทัตรับไมค์มาจากพ่อก่อนที่ทรงพลและนาตาลีจะเลี่ยงออกไปยืนอยู่ขอบเวที คริสตัลมองคนพี่ตาปริบๆ จะขยับหนีไปยืนกับพ่อแม่ก็ไม่ได้เพราะคนพี่ยังไม่ยอมปล่อยมือไปอีก

“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับพวกเราครับ ผมรักพ่อนะแต่บางทีท่านก็ทำให้ผมอยากจะกลั้นใจตายวันละหลายรอบอยู่เหมือนกัน...”

คริสหลุดหัวเราะไปพร้อมๆกับกลุ่มคนด้านล่าง

“ผมเชื่อว่าพวกท่านทั้งหลายรู้จักตระกูลเฟรงเบิร์คแต่...พวกท่านไม่เคยเจอคนรักของผมคนนี้แน่นอน”

เป็นจริงอย่างที่ทัตพูด คริสตัลแทบไม่เคยออกงานในนามคนของตระกูลแถมไม่หยิบจับงานหรือไม่เข้าไปยุ่งกับบริษัทมีแต่ทีครอสที่รับหน้าจนหลายๆคนคิดว่าตระกูลนี้มีลูกชายเพียงคนเดียวไปแล้วด้วยซ้ำ

“เค้าเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวายและเกลียดการเป็นจุดสนใจครับ เพราะฉนั้นการมางานแบบนี้จึงเป็นสิ่งที่เค้าเกลียดด้วยเช่นกัน....แต่วันนี้เค้ากลับยอมที่จะมา ยอมที่จะอดทนเพื่อให้ผมได้ทำหน้าที่ในส่วนของลูกชายและว่าที่ประธานคนต่อไป...”

ทุกคนเริ่มเงียบที่จะฟังเช่นเดียวกับคริสตัลที่เริ่มใจเต้นแรงขึ้นในทุกขณะ

“จริงๆแล้วเค้าเป็นเด็กดื้อมากๆคนหนึ่งเลยนะ แต่วันนี้เค้ากลับว่าง่ายและน่ารักจนผมอดที่จะภูมิใจไม่ได้...อ๊ะ ผมแอบหึงอยู่นะครับที่จุดโฟกัสของกล้องมักจะเป็นเค้าแทนที่จะเป็นผมหรือเจ้าของงาน”

คราวนี้เหล่าบรรดาตากล้องและนักข่าวต่างก็หัวเราะกันระงม

“ที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวลนั้น ผมแค่อยากจะแนะนำคนที่ผมรักให้ทุกท่านได้รู้จักและอยากจะบอกว่า…ผมรักเค้า ผมรักคริสตัล เฟรงเบิร์คคนนี้อย่างสุดหัวใจ อยากจะขอบคุณที่ยังอยู่เคียงข้างกันและพี่ขอสัญญา...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่ก็จะรักเราตลอดไปครับ”

ประโยคบอกรักที่แสนหวานนั้นทัตได้หันไปพูดกับคนรักที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ดวงตาสบประสานเหมือนจะสื่อถึงสิ่งที่มากกว่าคำพูดออกไป มันคือความรู้สึกจากใจมันคือสายใยที่ทักทอเราเข้าหากัน คริสเม้มปากพยายามข่มใจไม่ให้น้ำตาไหลรินลงมา มันคงหน้าอายที่ผู้ชายจะมาร้องไห้ง่ายๆกะอีแค่ได้ยินคำบอกรักที่หนักแน่นในอกแต่ซึ้งกินใจจากคนที่ตนรัก ทัตหัวเราะเสียงต่ำแล้วดึงน้องเข้ามาสู่อ้อมแขนช่วยในการบังสีหน้าของน้องจากสาธารณะชนได้เป็นอย่างดีแต่ก็เรียกเสียงวี๊ดวิ๊วได้ดีเช่นกัน

“พอดีเค้าขี้อายนะครับ ต้องขอโทษด้วย”

คริสทุบอกคนพี่ไปทีด้วยความหมั่นไส้จนทัตหัวเราะร่วน

“ทัต”

“หืม?”

คริสผละจากอ้อมแขนคนพี่แล้วล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ทัตตีหน้างงเหมือนหลายๆคนที่ยังลุ้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้า คริสตัลเม้มปากแน่นรอบตาแดงนิดหน่อยจากการกลั่นน้ำตาแต่ก็ไม่ถึงกับหน้ากลัว คริสหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำที่มีชื่อแบรนด์เครื่องเพชรชื่อดังออกมายื่นให้คนพี่ เมื่อทัตรับไปตัวเองเลยต้องเอามือขึ้นมาปิดหน้าปิดอาการอายที่แดงไปทั่วทั้งอณูรูขุมขน

“นี่มัน...อะไรครับ?”

ยังจะพูดใส่ไมค์ไม่เลิก แต่เสียงดูอึ้งจริงจนคริสต้องทนเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“เปิดดูดิ”

พูดบอกก่อนจะหลบสายตา รอยยิ้มฝุดขึ้นมาบนใบหน้าเข้มอีกครั้งจนกลายเป็นฉีกยิ้มกว้างเมื่อเค้าเปิดเข้าไปดูสิ่งที่อยู่ภายใน มันคือแหวนทองคำขาวที่คริสตัลสั่งสลักชื่อพวกเขาทั้งคู่ไว้ภายในตัววงส่วนด้านนอกเกลี้ยงเกลาเงาวับตามสไตล์ผู้ชายโมเดิร์นไลฟ์

“นี้ขอพี่แต่งงานเหรอ?”

พูดมาได้ไม่อายปาก แล้วที่สำคัญ…จะพูดใส่ไมค์ทำไมวะ!!!

“ไม่ใช่! แค่ของขวัญ”

“หืม? เนื่องในโอกาสอะไรครับ?”

“ก็…”

คริสเหลียวมองไปยังผู้คนรอบข้างที่จ้องมายังพวกเขาเขม่ง ไม่รู้จะลุ้นอะไรกันนักหนานี่มันไม่ใช่การแข่งขันมวยปล้ำซะหน่อย

“ก็?”

“ก็เนื่องในโอกาสที่เรารักกันไง”

“เฮ!!!!”

เป็นเสียงเฮจากผู้เป็นพ่อพร้อมกับเสียงปรบมือจากผู้คนที่อยู่ด้านล่าง คริสตัลซบหน้าลงกับฝ่ามือเค้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะมอดไหม้ไปทั้งตัวแต่ทัตกลับหัวเราะชอบใจซะงั้น บ้าจริง ไม่น่าเลือกเป็นแหวนมาเล๊ย

“คริสตัล”

“อืม”

“เงยหน้าขึ้นมาก่อน”

คนน้องทำตามในทันทีจนกระทั่ง…

จุ๊บ♡

“ขอบคุณนะครับ”

เชี่ย!!!

หน้าจะระเบิดแล้วอะ

“ผมคิดว่าเราคงไม่ต้องร่อนการ์ดกันแล้วละครับ จับแต่งมันตอนนี้เลยแล้วกัน ไหนๆก็ได้แหวนแถมยังมีจูบสาบานแล้วด้วย บาทหลวงอยู่ไหนใครช่วยไปรับมาให้ผมที”

ทรงพลเอ่ยทีเล่นจนเรียกเสียงฮาไปได้มากโข เค้าเดินเข้ามาโอบไหล่ลูกชายทั้งสองก่อนจะให้หันไปประจันหน้ากันอีกครั้ง

“เอางี้ เดี๋ยวพ่อเปลี่ยนงานจากฉลองวันคล้ายวันเกิดเป็นวันมงคลสมรสของพวกลูกๆไปเลยแล้วกัน เอาละ แลกแหวนกันได้ เดี๋ยวพ่อเป็นบาทหลวงให้ สักขีพยานก็มีเยอะแยะ แล้วก็…ยินดีต้อนรับครอบครัวเฟรงเบิร์คด้วยนะครับ”

คริสอ้าปากเหวอในทันทีที่พ่อปม่และพี่ชายของตนค่อยๆเผยตัวขึ้นมาบนเวที มาได้ยังไงแล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย???

“มิสเตอร์คาร์เตอร์ เฟรงเบิร์ค มิสซิสสิริกิต เฟรงเบิร์ค และ มิสเตอร์ทีครอส เฟรงเบิร์คครับ”

“นี่มันอะไรกันนะทัต!?!”

คริสเอ่ยถามเสียงเบาแต่สีหน้ากลับเล่นใหญ่จนคนพี่หยุดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้

“เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทีหลัง ส่วนตอนนี้…ขอแหวนของเราหน่อยสิครับ?”

คริสหันกลับมาจ้องคนพี่แป๊บก่อนจะหลบตาแล้วควักเอาแหวนอีกวงซึ่งเป็นวงในส่วนของตัวเองไปให้คนพี่ ทัตรับมาเปิดดูเห็นว่าเป็นแบบเดียวกันแต่วงเล็กกว่าก็ระบายยิ้มอ่อนโยนออกมาอีกครั้ง เค้าหยิบเอาแหวนมาไว้ในมือเก็บกล่องใส่กระเป๋าแล้วคว้ามือคนน้องมาจับไว้ก่อนจะคุกเข้าชันขาเงยหน้ามองสบตาคนรักที่หน้าแดงจัดอยู่ตรงหน้า

“I promise this love will never change…”(พี่สัญญาว่าความรักนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน…)

คริสตัลเริ่มหายใจติดขัดเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของจังหวะการเต้นของหัวใจ

“I promise I will love and take care of you from now and forever…”(พี่สัญญาว่าจะรักและดูแลเราตั้งแต่นี้และตลอดไป…)

“It's not just you, but it's us.”(ไม่ใช่แค่ยู แต่ต้องเป็นเรา)

ทัตยิ้มรับคำพูดของคนรัก

“Of course we will do that and…”(แน่นอนครับ เราจะทำอย่างนั้นและ…)

“Will i marry you? Why ask, I love and stay with you only one.”(ไอจะแต่งงานกับยูไหมนะเหรอ? ถามมาได้ ไอรักและอยู่กับยูได้แค่คนเดียวเท่านั้นแหละ)

เสียงหัวเราะดังขึ้นแซงแซ่ในขณะที่คนพูดเอาแต่ก้มหน้า ทัตรู้ว่าน้องร้องไห้แต่ยังใจเย็นสวมแหวนให้มือเรียวก่อนจะลุกไปโอบกอดด้วยใจที่รักมั่น เค้าเองก็น้ำตาซึม มันปริมในใจจนแทบล้น ไม่เคยรู้สึกเต็มตื้นในใจมากมายถึงขนาดนี้มาก่อน ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริงเลยต่างหาก คริสเองก็โอบกอดคยพี่แน่นหน้าซบบ่าปล่อยน้ำตาให้ไหลรินอย่างเงียบๆพลางเอียงหน้านิดหน่อยรับสัมผัสจากริมฝีปากของคนรักที่กดจูบลงมาตรงขมับในเชิงปลอบ

ไม่ว่าจะมีอะไรถาโถมเข้ามาหลังจากนี้ เค้าก็จะไม่ปล่อยอ้อมกอดของกันและกันอย่างแน่นอน มันจะยังคงให้ความรักความอบอุ่นแก่กันและกันด้วยความแนบแน่นไม่มีเปลี่ยนแปลง



~ ♡ FIN ♡~


Thank you for Following  See you to next story. Jub
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่พิเศษ (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 11-05-2017 14:50:04
สปอยเรื่องราวต่อไป~



สัมผัสที่ไหวหวั่น





สี่ปีต่อมาหลังจากงานรับปริญญาของคริสตัลในช่วงกลางวันจบลงงานสังสรรค์ในช่วงค่ำก็เริ่มต้นขึ้น

“ขอแสดงความยินดีให้กับบัณฑิตจบใหม่ทุกๆคนด้วยคร้าบบบบบ!!!!”

เสียงดีเจประกาศผ่านไมค์หลังจากลดระดับเพลงที่บรรเลงความมันส์ดังขึ้นเรียกเสียงเฮและชูแก้วเครื่องดื่มมึนเมาเฉลิมฉลองด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ วันนี้เจ้าภาพใหญ่อย่างเทพทัตได้เหมาร้านให้ภรรยาสุดที่รักได้ฉลองกับเพื่อนอย่างเต็มที่ ทุกอย่างไม่อั้นไม่ว่าจะเครื่องดื่มหรือของกิน ทุกคนที่มาร่วมจึงสนุกเต็มเหนี่ยวร่วมกินกันอย่างไม่เกรงใจแต่ก็นะ ใครๆก็รู้ว่าหลังจากที่เทพทัตจบเมื่อสองปีก่อนและได้เข้ารับตำแหน่งประธานจริงๆจังๆกิจการก็พุ่งทยานขึ้นมาก เงินทองมีมาไม่ขาดแค่เหมาร้านเลี้ยงแค่นี้ ขนหน้าแข้งไม่กระดิกเลยด้วยซ้ำ

“เพลาๆหน่อยไอ้เกิล มึงยังต้องเจอกูอีกนานเว้ย”

แวนกอดคอนายที่เอาเหล้ากรอกปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า พักหลังมานี่นายเปลี่ยนไปเยอะ เหมือนมีอะไรในใจแต่ก็ไม่มีปริปากบอกเพื่อนสักนิด

“มึงดื่มเยอะไปแล้วนะเว้ย”

คริสตัลปรามพลางยื้อแก้วมาจากเพื่อน

“แค่นี่เอง จิ๊บๆน่า”

“หน้าแดงสัส มึงไปนั่งรับลมข้างนอกหน่อยไหมวะ?”

คมเป็นคนถาม นายส่ายหัวจะคว้าแก้วกลับแต่คริสไม่ยอมให้แล้วเปลี่ยนไปคุยกับคมจนคมหันมาพยุงนายออกไปยังระเบียงด้านนอกที่มีเก้าอี้ไว้ให้นั่งรับลมเย็นๆ

“อยากอ้วกไหมมึง?”

“กูไม่อ่อนขนาดนั้นไอ้สัส”

“เออๆ จะให้กูอยู่เป็นเพื่อนไหมวะ?”

นายส่ายหน้าอีกครั้งก่อนจะเอนตัวพิงไปกับพนักพิงหลังยกมือขึ้นกดที่หัวตาเบาๆเป็นการคลายความเคลียดของเจ้าตัว แต่คมยังไม่กลับเข้าไป เขานั่งลงข้างๆเพื่อนรอคนเพื่อนพ้นลมหายใจจนโอเคดีแล้วจึงเอ่ยปากถาม

“มึงเครียดเรื่องอะไรวะ? บอกพวกกูบ้างก็ได้ เล่นเก็บไว้คนเดียวไม่ปรึกษาใครแบบนี้จะมีพวกกูเป็นเพื่อนไว้ทำแป๊ะอะไร”

นายหลุดหัวเราะออกมาจนได้

“ก็มีไว้เป็นเพื่อนเหมือนเดิมนั้นแหละ”

“สัส ยังจะมากวนตีน”

“หึ”

“อย่าบอกนะว่ายังตัดใจจากเชี่ยคริสไม่ได้”

เรื่องที่นายแอบชอบคริสตัลเพื่อนทุกคนรู้กันหมดแล้วจะมีก็แต่เจ้าตัวนั้นแหละที่ยังโง่ดักดานอยู่เช่นเดิม

“ป่าว”

“แล้วมันเรื่องอะไร งานการก็มีรองรับ เรียนต่อโทก็ไหนบอกว่ารออีกสักปีสองปี?”

“ไม่เกี่ยวสักเรื่อง”

“หรือเรื่องครอบครัว บ้านมึงก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนี่ หรือ โรงแรมที่บ้านจะมีปัญหาวะ?”

“นี่มึงกลายเป็นคุณหนูจำไมไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้คม”

ถึงฟังดูด่าแต่ปากกลับยิ้มขำให้คนเป็นเพื่อน

“เอ๊า ก็กูอยากเสือก”

“ให้ตาย พากันติดเชื้อเสือกมาจากไอ้มิกซ์ไปซะหมด”

“หรือมึงไม่ติด?”

“ติด”

“บัฟฟาโล่ครับคุณณรงค์”

“มาชื่อเต็มเลยเหรอครับคุณคมสัน”

“หึหึหึ”

ระหว่างที่คนทั้งคู่กำลังคุยกันอย่างออกรสแสงไฟจากเบื้องล่างที่เป็นลานจอดรถก็เรียกความสนใจของนายจนต้องหันไปมอง

“ว้าว รถใครวะ อย่างสวยเลยแม่ง”

คมเองก็อดที่จะชมไม่ได้ มันคือรถAudi R8 V10 สีดำด้านที่ถูกขัดจนขึ้นเงาไหนจะล้อแม็กสีดำลายเล็กเข้าชุดนั้นอีก เสียงเครื่องยนต์ที่ทุ้มต่ำเป็นเอกลักษณ์ทำให้ยิ่งน่าหลงไหล ทั้งคู่จับจ้องไม่วางตาจนกระทั่งรถถอยเข้าซองจอดนิ่งสนิดและบานประตูเปิดออกเฉยโฉมผู้เป็นเจ้าของอย่าง ทีครอส เฟรงเบิร์ค

“เชี่ย! พี่ไอ้คริสออกรถใหม่เหรอวะ!?”

นายเองก็ได้แต่นิ่งอึ้ง

“กูไม่รู้”

เค้าไม่เจอคนๆนี้ตัวเป็นๆมาร่วมสามปีเห็นจะได้ ตั้งแต่น้องชายอย่างคริสตัลได้ถูกประกาศตัวเป็นคู่หมั้นกับเทพทัต ทีครอสก็ประกาศหมั้นกับมิเกลล่า สาวสังคมผู้ดีจากฝั่งอเมริกาในเวลาต่อมาไม่นานนัก แถมยังไปๆมาๆอเมริกา-ไทยจนเหมือนมันอยู่ใกล้กันเสียนักหนา

“แต่เห็นไอ้คริสมันเปรยๆมาอยู่นะ ว่าพี่มันจะแต่งงาน”

“ห่ะ!?!”

นายหันควับไปจ้องเพื่อนแทบทันที

“กูได้ยินกูก็ตกใจนะ ไม่เห็นจะมีข่าวออกมาเลยด้วย หรือมันตอแหลก็ไม่รู้”

นายเม้มปากแน่นอย่างเผลอตัวก่อนจะหันไปมองคนด้านล่างที่หายไปในบานประตูของร้านในเวลาต่อมา

“เข้าไปถามพี่แกเลยดีไหมวะ?”

“กูว่าอย่าเลย…ถ้าพี่แกอยากบอก ก็คงประกาศมาเองแหละ”

“เออ ก็จริงของมึง”

“เข้าข้างในกันเหอะวะ กูอยากเข้าห้องน้ำ”

“เอาดิ”

ว่าแล้วคนทั้งคู่ก็พากันเข้าไปยังด้านในร้านโดยที่คมเดินกลับไปที่โต๊ะแต่นายแยกไปยังห้องน้ำซึ่งอยู่คนละฝั่งกัน จริงๆแล้วนายไม่ได้อยากเข้ามาทำธุระอย่างที่สมควรทำแต่เค้าแค่เข้ามาวิดน้ำล้างหน้าให้ตื่นจากภวังค์อะไรบางอย่างที่เผลอตกหลุมลงไประหว่างทางแต่ยังไม่ทันจะเตรียมตัวเตรียมใจเค้าก็พาตัวเองขึ้นมาจากภวังค์นั้นไม่ได้ซะแล้ว แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน เมื่อเค้าได้ยินคำๆนั้นหลุดออกมาจากปากของเขาคนนั้น

/มันเป็นไปไม่ได้ กูไม่ได้เป็นเกย์และกูไม่เคยพิศวาสเพศผู้ที่มีจู๋เหมือนกันด้วย/

มันเป็นเพียงคำพูดที่ตอบโต้ทางโทรศัพท์ดับใครสักคน แต่นั้นก็ไม่สำคัญเท่าความเป็นจริงที่เค้าได้รับรู้ หลังจากที่ได้ยินเขาก็ค่อยๆตีตัวออกห่างทั้งที่ก่อนหน้ามักจะมาวุ่นวายจนน่ารำคาญใจ มักจะโทรหาทั้งที่ไม่มีเรื่องจะคุย มักจะ…ทำให้ใจสั่นทั้งที่ไม่สมควร นายสะบัดหัวอีกครั้งก่อนจะหันไปดึงทิชชู่สำหรับเช็ดมือมาซับหยาดน้ำบนใบหน้าแต่กลับมีคนนำผ้าเช็ดหน้ามายัดใส่มือเค้าซะก่อน เมื่อมองไปยังผ้าเช็ดหน้าสีครามมีตราประทับยี่ห้อบอกชื่อแบรนด์ดังก็ต้องเหลียวไปมองคนให้ที่อยู่ไม่ไกล

“พี่ครอส”

ทีครอสยิ้มอ่อนให้เพื่อนน้องชาย

“กระดาษมันสกปรก ใช้ไปเถอะ พี่พึ่งซื้อยังไม่เคยใช้เลยรับรองสะอาด”

“เออ…”

“หรือรังเกียจ?”

“เปล่า”

“งั้นก็ดี”

พูดจบก็หันหลังแล้วเดินหนีออกจากห้องน้ำไปในทันที เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมาทำไมไม่เห็นเข้าห้องน้ำหรือทำธุระอะไรเลยละ หรือที่เข้ามาเพราะเห็นเค้าเข้ามากันนะ นั้นไงละ ชอบคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เรื่อย

“ไอ้นาย หายไปนานนะสัส ขี้แตกไงวะ”

มิกซ์แซวทันทีที่เห็นเพื่อนเข้ามานั่งที่เดิม ไอ้คมเองก็กลับมาตั้งนานบอกว่าไอ้นายเข้าห้องน้ำ เพื่อนๆเลยรอชนแก้วกันอีกครั้งอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

“เสือกวะ”

“ชิ๊ เอานี่ๆ ยกเว้ย แด่มิตรภาพและความชิปหายที่ฝ่าฟันกันมา เชียส!!!!”

นายรับแก้วมาชนก่อนจะยกกรอกปากทีเดียวหมดแก้ว คนอื่นๆเองก็เช่นกัน นายพึ่งเห็นว่าที่นั่งข้างคริสตัลมีใครอีกคนนั่งอยู่ด้วย เค้าพยักหน้าในเชิงทักทายให้เทพทัตที่ตามมาทีหลังอย่างเป็นกันเอง ทัตเองก็ยกแก้วใหม่รับคำทักเช่นกัน ถึงแม้พวกเค้าจะอายุน้อยกว่าเทพทัตตั้งสองปีแต่เทพทัตไม่ถือตัวถึงขนาดว่าต้องไหว้ทุกครั้งที่เจอ

“คริส”

คริสตัลที่กำลังคุยอะไรงุ้งงิ้งกับทัตหันมามองพลางเลิกคิ้วในเชิงถาม

“หืม?”

“ฝากนี่ไปให้พี่มึงด้วย”

พูดพร้อมยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้ เค้าไม่ได้ใช้มันหรอก

“ทำไมมึงถึงมี…”

“กูเจอพี่มึงในห้องน้ำ เค้าเลยให้ยืมมาเช็ดหน้าแต่กูไม่ได้ใช้”

“งั้นมึงก็ไว้คืนเองก็ได้ อีกเดี๋ยวก็กลับเข้ามามั้ง เห็นว่าจะออกไปสูบบุหรี่”

“ไม่อะ เดี๋ยวกูจะกลับแล้ว”

“อ้าว ไหงงั้นละคุณเพื่อน”

เป็นมิกซ์ที่แทรกเข้ามาด้วยความตกใจ

“กูต้องกลับไปเตรียมตัวนะ”

“เตรียมตัวไรวะ?”

“กูตัดสินใจแล้ว กูจะไปเรียนต่อโทที่เมืองนอกสักสองสามปี”

“ห่ะ!?!”

สี่เสียงสอดประสานแต่นายก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ก็สิ่งที่เค้าพูดออกไป เค้าเองก็พึ่งตัดสินใจได้เมื่อไม่กี่นาทีก่อนนี่เอง สงสัยต้องหายไปจากรัศมีพี่น้องตระกูลเฟรงเบิร์คสักพักใหญ่ๆ ไม่งั้นคงได้อกแตกตายเข้าสักวัน





Keep up with the story soon.

เราเอามาล่อค่ะ รอติดตามต่อได้ เร็วๆนี้

:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่พิเศษ (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: pearlypear ที่ 11-05-2017 15:32:13
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่พิเศษ (UP-03/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-05-2017 07:53:13
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》ภาคสัมผัสที่ไหวหวั่นตอนที่ 1 (UP-31/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 31-05-2017 09:24:04
ไหวหวั่นครั้งที่ 1





กริ๊ก!

“เฮ้ยๆ!!! ไอ้นายมาแล้วโว้ยยยยย”

ผมยิ้มกว้างทันทีที่เปิดประตูบ้านคอนโดแล้วเจอเหล่าบรรดาเพื่อนซี้ดราหน้ามาต้อนรับกันอย่างครบองค์ประชุมสุดๆ การที่ไอ้พวกนี้สามารถเข้ามาในห้องผมได้เพราะผมปล่อยคอนโดให้ไอ้มิกซ์มันมาอยู่ระหว่างที่ผมไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

จะว่าไป...เวลามันผ่านไปเร็วชะมัด แป๊บๆผมก็จบปริญญาโทจนต้องกลับมาสืบต่อกิจการโรงแรมของที่บ้านตามที่สัญญาไว้กับผู้เป็นพ่อ

“ยินดีต้อนรับกลับ”

ผมพยักหน้ารับคริสตัลที่เดินเข้ามาสวมกอดพร้อมเอ่ยต้อนรับ เล่นเอาผมน้ำตาคลอไปเลยทีเดียว

“ขอบใจ”

“คิดถึงกูมากเหรอ ถึงขนาดน้ำตงน้ำตาซึม”

“อย่าพูดให้ผัวมึงได้ยินนะ เดี๋ยวกูโดนฆ่า”

“ฮ่าๆๆ มันไม่อยู่พูดได้สบาย”

“หึ”

ผมหัวเราะขำพลางกอดคอมันเดินตามคนอื่นที่พูดแซวกับไปมาตามประสา แต่ละคนดูท่าจะกรึมๆกันพอสมควรแล้วแถมยังทิ้งหลักฐานอย่างบรรดาขวดเหล้าเบียร์ที่ว่างเปล่าไปซะเกือบครึ่งโหล ก็พอรู้จากไอ้มิกซ์อยู่หรอกว่าจะเลี้ยงฉลองต้อนรับที่ผมกลับแต่ดูจากรูปการณ์แล้วมันน่าจะอยากเลี้ยงกินเองซะมากกว่านะ

“แก้วนี่ของมึง ยกเลยครับเพื่อน”

ไอ้แวนยื่นแก้วเหล้าสีเหลืองทองส่องประกายมาให้ 

“กูยังไม่เก็บกระเป๋าเลยนะเฮ้ย”

“ช่างแม่ง ยังไงมึงก็นอนอยู่นี่นิ จะรีบเก็บไปทำไมวะ เอายกๆๆ”

ผมส่ายหัวให้เพื่อนไปทีก่อนจะยกตามแรงยุ ไปๆมาๆก็นั่งลงดื่มไปยาวๆจนไอ้คริสขอตัวกลับเพราะพ่อ(ทูนหัว)มันมารับ ไอ้แวนกับไอ้คมเองก็ขอไปต่อที่บาร์แต่ผมโบกมือลาเพราะเหนื่อยจากการเดินทางอยู่

“มึงไม่ไปกับพวกมันวะมิกซ์?”

อันนี้ผมแปลกใจจริงที่คนอย่างเชี่ยมิกซ์จะไม่ไปม้อสาวกับพวกสองคนนั้น

“กูเหนื่อย”

“เหนื่อย?”

“วันนี้กูพึ่งกลับมาจากโคราช แม่งเหนื่อยสัส กว่าจะเจรจารู้เรื่องเหยดแม่ม”

หยาบโล่นมาขนาดนี้แสดงว่ามันต้องหงุดหงิดจริงๆ วันนี้เป็นวันศุกร์ครับ ตอนกลางวันพวกมันก็ยังคงทำงานเป็นปกติแถมพรุ่งนี้บางคนก็ยังต้องทำงานต่ออีกด้วยซ้ำ     

“ลูกเจ้าของบริษัทอย่างมึงต้องลงพื้นที่เองเลยเหรอวะ?”

ผมถามขำๆพลางเก็บพวกแก้วพลาสติกใส่ถุงขยะไปด้วย พวกเรามักสังสรรค์กันด้วยแก้วและจานพลาสติกนะครับ ก็รู้ว่าอาจส่งผลเสียต่อร่างกายแต่ด้วยความขี้เกียจล้างตามวิสัยชายโฉดถึงได้ยังคงทำอยู่จวบจนทุกวันนี้

“มึงก็รู้ว่ากูฝึกหัดอยู่”

“ครับๆ มึงรีบมาช่วยกูเก็บเลยครับ ดึกละไอ้สัส ง่วงชิปหาย”

ไอ้มิกซ์พยักหน้ารับแล้วจึงลุกขึ้นมาช่วยผมโกยทุกสิ่งอย่างใส่ถุงขยะไม่นานก็เสร็จผมเลยเข้าห้องนอนไปจัดการกับเสื้อผ้าพอคร่าวๆแล้วเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมตัวนอน

“อ้าว”

ผมอุทานเมื่อเห็นไอ้มิกซ์มานั่งแหมะอยู่ที่ปลายเตียง

“มีไรวะ?”

“กูจะไปนอนห้องเล็ก”

“เห้ย ไม่เป็นไร นอนด้วยกันได้”

“กูติดนิสัยนอนคนเดียววะ ถ้าจะมีคนเคียงข้างต้องเป็นสาวๆอกตูมๆเท่านั้น”

“ไอ้ชั่ว งั้นมึงนอนนี่ไปกูจะไปห้องเล็กเอง”

“เอ๊า ก็นี่ห้องมึงอะ มึงก็นอนไปดิ๊”

“สัส จะมาเถียงเหี้ยไรตอนตีหนึ่งแบบนี้วะ”

“มึงสิเถียงกู”

“เอ๊าไอ้นี่”

“หรือจะเอาไอ้สัส”

ผมกับมันจ้องหน้ากันเขม่งเลยครับ แต่ไม่นานต่างฝ่ายต่างก็เผยยิ้มร้ายก่อนจะหัวเราะเสียงต่ำแล้วโผเข้าไปกอดคอตบไหล่

“คิดถึงมึงวะ”

“เออ กูก็คิดถึง มึงแม่งใจร้ายวะ ไปเรียนตั้งไกลไม่มีกลับมาหากันบ้าน ปิดเทอมก็มีไหมไอ้สัส”

“เออๆ กูขอโทษ กูก็ยุ่งๆ”

“ยุ่งไร งานพาร์ทไทม์มึงอะนะ รวยชิปหายเสือกทำเป็นงกนะมึง”

ผมหัวเราะขำกับคำบ่นของเพื่อน ไอ้มิ๊กซ์ชกไหล่ผมมาอีกทีแรงๆตามประสา

“กูก็แค่อยากลองใช้ชีวิตในรูปแบบอื่นดู”

เอาเข้าจริงผมแค่พยายามทำให้ตัวเองไม่ว่างก็แค่นั้นแหละครับ เวลาว่างแล้วมันมักจะฟุ้งซ่านไปคิดถึงใครบางคนจนน่าโมโห

“เออๆ กูไปนอนดีกว่า มึนสัส มึงนอนนี่ไปเลยห้ามเถียง”

ผมพยักหน้ายอมให้มันแล้วจึงล้มตัวลงกลางเตียงใหญ่ที่เคยคุ้น ไอ้เพื่อนรักมันก็บริการดีถึงขั้นปิดไฟให้พร้อมกับปิดประตูจนเหลือเพียงผมท่ามกลางความเย็นของแอร์คอนดิชันเนอร์ ผมค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ ภาพการอำลาของเพื่อนทางนู้นคือภาพสุดท้ายที่ทำให้ผมยิ้มได้ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด







Rrrrr

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขัดจังหวะการนอนทำให้ผมต้องขมวดคิ้วมุ้ย ความรู้สึกเพลียยังคงไม่จางหายเลยแม้แต่น้อย

“ไฮ”

ผมกดรับสายทั้งที่ไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้นมอง แต่เสียงที่ดังสะท้อนตอบกลับมานั้นก็ทำให้ผมตระหนักได้ว่าตอนนี้ผมได้กลับสู่บ้านเกิดแล้ว

/จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหน?/

“พ่อเหรอ?”

/แล้วจะเป็นใครไปได้อีก รีบลุกแล้วเข้ามาหาพ่อที่ออฟฟิศด้วย/

“ผมยังไม่พร้อมทำงานนะพ่อ”

/ไม่ได้ให้มาทำงาน แค่ให้เข้ามาให้เห็นหน้า ตอนนี้เริ่มจะจำหน้าแกไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ/

ผมยิ้มให้กับคำบ่นปนแซวของผู้เป็นพ่อ ถึงแม้น้ำเสียงจะนิ่งปกติเหมือนหน้าตาแต่เชื่อเถอะว่าพ่อคงกำลังงอลผมอยู่ไม่มากก็น้อย

“ครับๆ เดี๋ยวผมจะรีบเอาเป้าหน้าหล่อๆไปให้ยลโฉม”

/มันก็ต้องหล่ออยู่แล้วสิ ในเมื่อได้ดีเอ็นเอฉันไปถึงขนาดนั้น/

“จะชมตัวเองว่างั้น?”

/แน่นอน รีบๆลุกไปอาบน้ำได้แล้วเดี๋ยวพ่อจะโทรจองโต๊ะมื้อเที่ยงไว้ด้วยเลย/

ผมผุดลุกขึ้นมองนาฬิกาดิจิตอลบนหัวเตียงในทันที อื้อหือ อีกสามสิบนาทีก็จะเที่ยงแล้วครับ นี่กูนอนหรือซ้อมตาย

“โอเคครับ เดี๋ยวผมรีบทำเวลาเลย”

/อย่าให้เกินเที่ยงครึ่ง เข้าใจนะ?/

พูดจบก็วางสายไปแบบไร้เยื้อใย ผมนี่เลยต้องรีบลุกแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ด้วยความไวแสง ก็อย่างที่รู้ๆนะครับว่าการจราจรในเมืองกรุงมันเอาแน่เอานอนได้ซะที่ไหน และเนื่องจากผมพึ่งมาถึงเมื่อคืนจึงยังไม่ได้เข้าไปเอารถที่บ้านใหญ่เลยต้องโบกแท๊กซี่และกว่าจะมีรถว่างก็นานพอตัว

“ไป####ครับพี่ ซิ่งได้ยิ่งดี เดี๋ยวผมเพิ่มค่าเร่งเวลาให้”

“จัดให้ครับน้อง”

ผมนี่โคตรชอบพี่แท๊กซี่คนนี้เลยวะ ด้วยความเร็วและแรงปานฟาสแปดพี่แกก็พาผมมาถึงจุดหมายแบบทันเวลาอย่างฉิวเฉียด ที่ๆผมมาคือโรงแรมใหญ่ซึ่งเป็นโรงแรมแม่ของบรรดากิจการโรงแรมที่มีอยู่ทุกเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว นั่นยังไม่รวมกิจการรีสอร์ทที่เริ่มฝุดขึ้นมาเรื่อยๆและกำลังเป็นที่นิยมเพราะการกำกับดูแลของพี่นิด ลูกพี่ลูกน้องผู้มากอายุและประสบการณ์(ถ้าพูดให้เจ้แกได้ยินมีหวังโดนตบฉากใหญ่แน่วะ)

“ช้าไปห้านาที”

วิ่งมาถึงโต๊ะปุ๊บผู้เป็นพ่อก็พูดปั๊บนี่ผมยังหอบแฮกๆอยู่เลยนะครับ

“โถ่พ่อ ผมเร่งสุดๆแล้วน่า”

“มานั่งดีๆ แล้วนี่แต่งตัวอย่างกับอยู่บ้านไปได้ น่าขายหน้าจริงๆ”

ผมกรอกตาให้บิดาก่อนที่จะเดินมานั่งลงฝั่งตรงข้ามจนพนักงานนำผ้าคลุมมาให้พร้อมรินน้ำเปล่าที่เย็นฉ่ำ อ้อ ทุกคนอย่าไปซีเรียสกับคำพูดของคุณท่านให้มากนะครับ พ่อผมชอบพูดจิกกัดกับผมแบบนี้เป็นประจำ ไม่รู้หมั่นเขี้ยวหรือหมั่นไส้อะไรนักหนา อย่างชุดที่ผมใส่วันนี้ก็เป็นเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงยีนส์พอดีตัวแค่นั้นอะ

“พ่อสั่งอะไรไปรึยัง?”

“รอแกคงได้กินหรอก”

“แต่ก็เห็นว่ารออยู่นี่ครับ”

ผู้เป็นพ่อถลึงตามองแต่ผมกลับยิ้มน้อยๆตอบ ไม่นานออเดิร์ฟแรกก็มาเสิร์ฟซึ่งเป็นซุปครีมเห็ดของโปรดของคุณท่านเขาละ ผมพอจะเดาอาหารจานต่อไปได้ลางๆแล้วว่าจะเป็นอะไร ก็คงหนีไม่พ้นสเต็กเนื้อลูกวัวของโปรดของพ่ออีกเช่นเคย

เราทานกันไปคุยกันไปตามประสาพ่อลูกจนอาหารมาเสิร์ฟหมดทุกอย่าง เชื่อไหมครับว่าสิ่งที่ผมเดาไว้นั้นมันผิดหมด พ่อไม่ได้สั่งของโปรดตัวเองแต่กลับสั่งของโปรดผมที่เป็นอาหารไทยแต่พ่อครัวจัดทำแบบพิเศษให้เป็นมื้ออาหารแนวอเมริกันสไตล์

“นาย”

ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อก่อนจะเลิกคิ้วในเชิงถาม

“พร้อมเข้ารับตำแหน่งรึยัง?”

ผมนิ่งไปนิดก่อนจะเอ่ยปากตอบ

“ถ้าตามสภาพการณ์ก็คงต้องพร้อม แต่ถ้าเอาตามใจผมก็…ยังครับ”

“ทำไมละ?”

“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองยังอ่อนเรื่องงานบริหารอยู่”

“นี่เรียนจนถึงเมืองนอกเมืองนาแกจะมาบอกว่าอ่อนอีกงั้นเหรอ?”

“โถ่พ่อ มันไม่ใช่แบบนั้น”

“แล้วมันแบบไหน?”

“เออ…ก็แบบ…”

เอาไงดีหว่า พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว

“เฮ้ย~ งั้นเอางี้ แก่เข้ามาฝึกงานก่อนก็แล้วกัน”

“อ่า ก็ได้ครับ แต่ยังไม่ใช่พรุ่งนี้นะ”

“เออๆ งั้นเริ่มวันจันทร์ เจอกันที่ห้องพ่อตอนเจ็ดโมงเช้า ห้ามเลทห้ามสาย เข้าใจนะ?”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยปากรับคำผู้เป็นพ่อ เราคุยกันอีกนิดหน่อยก็แยกย้ายเพราะพ่อมีประชุมต่อส่วนผทก็กะจะเข้าบ้านไปหาแม่และเอารถของตัวเองมาขับเหมือนอย่างเคย บ้านใหญ่ของผผมอยู่ห้างจากโรงแรมไม่มากครับ เป็นบ้านหลังใหญ่สมชื่อแถมยังกินอาณาบริเวณกว้างขวางอย่างที่คุณแม่ชอบ แม่ผมชอบให้บ้านมีสวนสวยๆไว้นั่งจิบชาผ่อนคลายจิตใจไรงี้นะครับ เมื่อนั่งแท๊กซี่ไปจนถึงบ้านกดออดไม่นานก็มีเด็กมาเปิดประตูให้ วินาทีแรกที่เจ้าหล่อนเห็นผมนี่เธอร้องลั่นหน้าบ้านเลยครับ ไม่รู้จะดีใจอะไรนักหนา ผมเลยได้แต่ยิ้มรับหน้าบานเดินนำเข้าบ้านไปหาแม่ที่คุณเธอบอกมาง่ากำลังนั่งเล่นอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว”

ผมเอ่ยทักเมื่อโผล่เข้าไปในห้องนั่งเล่นก่อนจะโผเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ที่หันมายิ้มกว้างรับ อ่า คิดถึงอ้อมกอดนี่จังเลย

“ว่าไงเจ้าแสบ สบายดีใช่ไหมครับ?”

“สบายดีครับ แต่ไม่สบายเท่าอยู่บ้านเรา”

“งั้นจะดื้อไปไกลๆทำไม แค่เรียนต่อโทที่เรียนในเมืองไทยก็มีเยอะแยะ”

ผมได้แต่ยิ้มแหย่แล้วล้มตัวลงนอนหนุนตักมารดา

“แล้วนี่ทานอะไรมารึยังครับ?”

“เรียบร้อยแล้วครับ ผมพึ่งไปทานกับพ่อมาเลย”

“อ้าว พ่อไม่ได้มีนัดทานข้าวกับคุณสรยุทธหรอกเหรอ?”

ผมนี่ขมวดคิ้วเลย

“อ้าว”

“หึหึ สงสัยแคนเซิลเพื่อมากินกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนละสิ”

“ก็พูดเวอร์ไปแม่ นั้นมันผู้กำกับเลยน่า”

“ก็แล้วไง พ่อเราเคยสนที่ไหนละ”

“ก็จริงแฮะ”

เห็นไหมละครับว่าพ่อผมโอเวอร์แอคติ้งถึงขนาดไหน

“แม่ละครับ ทานอะไรรึยัง?”

“เรียบร้อยแล้วจ้ะ จริงสิ แม่พึ่งได้องุ่นมาจากไร่ของเพื่อน ทานหน่อยไหมลูก?”

“ไม่เอาอ่า ผมอยากนอนกอดแม่แบบนี้มากกว่า”

“เจ้าเด็กขี้อ้อน”

ผมหลับตาพริ้มซุกหน้าเข้าหาแม่แล้วจึงปิดโสตประสาทและหลับไปอย่างง่ายดาย ผมว่าที่ผมยังคงเพลียและหลับบ่อยอาจเป็นอาการเจ็ทแลคก็ได้ พอตื่นขึ้นมาอีกทีผมกลับนอนหนุนหมอนอิงอยู่ที่โซฟาปราศจากผู้คนรวมถึงแม่ที่น่าจะอยู่ให้ผมหนุนตัก ผมยกมือลูบหน้าก่อนจะยันตัวขึ้นนั่ง พอมองไปที่นาฬิกาก็เห็นมันบ่ายแก่ๆแล้วเลยคิดว่าคงได้เวลากลับไปเก็บของที่คอนโดสักที

ผมเดินไปบอกลาแม่และเหล่าแม่บ้านอีกนิดหน่อยแล้วจึงเอาบีเอ็มของตัวเองกลับพร้อมกับของกินเต็มสองไม้สองมือ จะว่าไปไอ้มิกซ์จะกลับมากินด้วยไหมละเนี้ย พอคิดได้มือก็คว้าโทรศัพท์มากดโทรหามันในทันที

/ว่าไงวะ?/

“มึงอยู่ไหน?”

/ชะอำ/

“ห่ะ มึงไปทำเป๊ะอะไรที่ชะอำ?”

/มาดูที่ คงกลับพรุ่งนี้เย็น มึงมีอะไร?/

“ก็ไม่มีอะไร แค่กูกลับบ้านแล้วที่บ้านให้กับข้าวมาเพียบเลย”

/อ้อ ไม่มีเพื่อนแดรก งั้นมึงก็แวะไปกินกับไอ้คริสมันดิ มันโทรมาบ่นกับกูเมื่อตอนเที่ยงว่าเบื่ออยู่หยกๆ/

“มันอยู่ที่เดิมป่าววะ?”

/เออ คอนโดผัวมันนั้นแหละ/

“โอเค กูต้องผ่านเส้นนั้นพอดี งั้นแค่นี้แหละ”

/เออๆ บาย/

พอวางสายจากไอ้มิกซ์ได้ผมก็เปลี่ยนเส้นทางแล้วมุ่งหน้าสู่คอนโดใหญ่อันเป็นเรือนหอของเพื่อนซี้อย่างคริสตัล

ไม่ถึงสิบนาทีผมก็มายืนอยู่หน้าเคาร์เตอร์ของทางคอนโดแล้วครับ สองมือผมเต็มไปด้วยกับข้าวที่ปรุงเสร็จใหม่ๆร้อนๆเต็มสองไม้สองมือ ผมกำลังยืนรอให้ไอ้เพื่อนยากมารับเพราะที่นี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้านอกเสียจากมีคนในพาเข้าไปก่อน

“เฮ! ไอ้นาย”

ผมยิ้มก่อนจะพยักหน้าให้คริสตัลที่เดินเข้ามาหา

“มาไม่บอกกล่าวล่วงหน้าเลยนะมึง แล้วนี่หอบอะไรมาเยอะแยะ”

“กับข้าวของที่บ้านกูทำ พอดีแวะไปเอารถที่บ้านแล้วโดนยัดมาเพียบ ไอ้มิกซ์ก็เสือกไม่อยู่แล้วกูคนเดียวจะแดรกยังไงหมดวะ”

“เลยเอามาให้กูแดรกเป็นเพื่อนงั้นสิ เออๆ ก็ดี ขึ้นไปบนห้องก่อนเหอะวะ”

พูดจบมันก็เข้ามาแย่งถุงไปถือบอกว่าอยากช่วยแล้วพาไปยังด้านในก่อนจะกดลิฟท์ ผมพึ่งรู้ว่ามันเปลี่ยนจากห้องเดิมที่เป็นเหมือนห้องของคอนโดทั่วไปเป็นเพ้นเฮาส์ชั้นบนสุดก็ตอนจะกลับมาไทยนี่แหละครับ ด้วยคำบอกเล่าของไอ้มิกซ์ที่เมาส์มอยว่าไอ้คริสใจง่ายอยากอยู่ก่อนแต่งไรงี้ ผมว่าถ้าไอ้คริสได้ยินนะมีไล่เตะกันไม่หยุดแน่วะ

“ห้องนี้แหละ”

มันพูดพลางหยิบคีร์การ์ดมาเสียบแล้วกดรหัสอีกที ระบบรักษาความปลอดภัยดีเวอร์ แถมทั้งชั้นยังมีประตูอยู่แค่สองบานซึ่งอยู่ตรงข้ามกันด้วย

“เข้ามาๆ”

ผมเข้าไปยังด้านในแล้วยืนมองสำรวจรังรักใหม่ของเพื่อนระหว่างที่ไอ้คริสปิดประตูและเอารองเท้าสลิปเปอร์มาให้ใส่

“หรูได้อีกนะมึง”

“ใส่ๆไปเหอะน่า”

ผมหัวเราะนิดหน่อยแล้วถอดรองเท้าไปใส่ ไอ้คริสแม่งเปลี่ยนไปเยอะวะครับ มันกลายเป็นคนใจเย็นขึ้นแถมยังมีออร่าความเป็นแม่บ้านอย่างไม่น่าเชื่อ ดูอย่างตอนนี้ที่มันเอาถุงอาหารไปเก็บที่เคาร์เตอร์ครัวแล้วหันไปหยิบแก้วรินน้ำเย็นๆมาให้ผมนี่สิ ถ้าผมเป็นสามีมันที่ทำงานเหนื่อยๆกลับมาบ้านเจอมันทำแบบนี้ให้คือกูคงโคตรหลงมันหนักกว่าเก่าแน่ๆ ไม่แปลกใจเลยที่พี่ทัตจะหนีไปไหนไม่พ้น

“แล้วผัวมึงอะ?”

“อยู่ห้องนั่งเล่นข้างในนั่นแหละ”

“อ้อ”

ผมรับน้ำมาดื่มแล้วจึงเดินตามมันเข้าไปยังด้านใน เพ้นเฮาส์นี้ไม่ได้ถูกแบ่งเป็นห้องๆเหมือนพวกห้องทั่วไปแต่มันเปิดโล่งจะมีขั้นมีตู้โชว์ตู้หนังสือมาตกแต่งคั่นไว้อย่างลงตัวแต่ไม่เกะกะ ผมชอบความโปร่งโล่งนี้นะครับ และดูเหมือนมันจะมีสองชั้นซะด้วย โคตรหรูเลยวะ

“กลับมาแล้วครับ”

คริสเอ่ยทักเมื่อไปจนถึงห้องที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นห้องนั่งเล่น ผมที่เดินตามไปถึงกับชะงักค้างกับภาพที่เห็น มันเป็นภาพของแฟนเพื่อนที่นั่งอยู่กับพื้นพรมด้านหน้าเต็มไปด้วยตุ๊กตาและมีเด็กตัวเล็กแก้มป่องตาแป๊วนั่งเล่นเจ้าโดเรม่อนขนาดจิ๋วอยู่ เด็กคนนั้นหันมามองที่คริสตัลก่อนจะยิ้มกว้างแล้วยืนมือน้อยๆมาหาเหมือนอยากให้อุ้มซึ่งคริสตัลก็เข้าไปอุ้มมากอดมาหอมไปซะหลายฟอด

“ยืนทำไรอยู่วะ มานั่งนี่ดิ หรือจะไปนั่งที่โซฟาก็ได้นะ”

โซฟาที่มันว่าคือโซฟาที่อยู่ทางด้านหลังออกไปอีก ผมคิดว่าปกติตรงนี้ต้องเป็นที่ตั้งโซฟานั้นแหละแต่เพราะมีเด็กเลยต้องเคลียร์พื้นที่ออกให้โล่งและกว้างพอ

“เออ…นั่งกับมึงก็ได้ พี่ทัตหวัดดีครับ”

“สวัสดี เมื่อคืนแฮงค์ไหมละ?”

“ไม่นะ ผมคอแข็ง”

“หึ อยู่นู้นคงจัดบ่อยจนชินละสิ”

“แหมะ รู้ทันผมอีก”

“พี่โตมาจากเมืองนอก พี่รู้ดีว่าที่นั้นเป็นยังไง”

“ก็ตามนั้น ว่าแต่ไอ้คริส มึงไปแอบคลอดลูกตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”

“ไอ้เชี่ย! นี่หลานกูเว้ย ถ้ากูท้องได้มึงก็ท้องได้เหมือนกันละวะ”

“จะไปรู้ละ ก็เห็นหน้าคล้ายๆกัน”

ผมพูดจริงนะครับ โดยเฉพาะตาสีฟ้าสดใสและผมสีอ่อนนั้นอีก แต่คำพูดต่อมานั้นกลับทำให้ผมชาไปทั้งตัวและหัวใจ…

“นี่แองเจลล่า เฟรงเบิร์ค เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของทีครอส เฟรงเบิร์คเชียวนะเว้ย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เหมือนกูได้ยังไงละ”

ลูกของพี่ทีครอสอย่างนั้นเหรอ

งั้นพี่เขาก็แต่งงานไปแล้วสินะ

“แอ่ๆ”

เด็กน้อยหันมามองผมก่อนจะยื่นมือเล็กๆมาหา ท่าทีใสซื่อไร้เดียงสานั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด

“แปลกแฮะ ทั้งที่ปกติออกจะไม่ชอบให้คนแปลกหน้าอุ้มนะเนี้ยแต่ทำไมกับมึงนี่ถึงขั้นจะไปหาเองซะงั้น”

“……”

“นาย เฮ้ มึงได้ยินที่กูพูดอยู่ไหมวะ?”

“……”

“ไอ้นาย?”

“……”

“ฮึก ฮึก งะ แง~”

“อ้าว ร้องทำไมครับแองจี้ ดอทครายเบบี้ ชู่~”

“ฮึก ฮึก อุแว๊~”

“มายแองเจิล ดอทครายพรีส วอทดูยูว้อนเบบี้?”

“แง~”

ผมเอาแต่ยืนมองเด็กน้อยที่ร้องไห้โยเยอยู่ในอ้อมกอดของอาอย่างคริสตัล ดวงตาสีฟ้าชื้นไปด้วยคราบน้ำตาแต่กลับจ้องเป้งมายังผม ไม่รู้ผมคิดอะไรอยู่ในนาทีนั้นแต่มือผมกลับยื่นออกไปหาจนคริสตัลมองมือผมสลับกับมองหน้าไปมา

“อะไร จะอุ้มเหรอ?”

“อืม ลองดู”

คริสพยักหน้ารับแล้วจึงส่งเด็กน้อยเข้าสู่วงแขนและอ้อมกอดของผม ถึงไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อแล้วละครับ ก็ทันทีที่ผมรับเด็กน้อยเข้าสู่อ้อมกอดเขาก็หยุดร้องไห้ในทันทีแถมยังยื่นมือมาแป๊ะๆที่หน้าผมแล้วหัวเราะคิกคักไปด้วยอีก

“โห ไม่ค่อยจะออกอาการเลยหลานกู เจอคนหล่อเป็นไม่ได้เลยแฮะ”

ผมยิ้มรับคำแต่ตายังมองจ้องไปที่เด็ก ถึงแม้จะเจ็บในอกแต่เด็กคนนี้ก็ไม่เกี่ยวกันสักหน่อย เขาก็แค่มาเกิด จากคนที่ผมแอบรักกับใครอีกคน

ก็แค่นั้น…


Tbc

​มาแล้วววววว ~
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น 1 (UP-31/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-05-2017 09:53:33
โธ่นาย...

ปล. คริสต้องเป็นอา (น้องของพ่อ) ไม่ใช่น้าชายจ้า
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น 1 (UP-31/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 31-05-2017 15:39:44
เริ่มก็น้ำตาซึมให้กับคนแอบรักเขาข้างเดียวแล้วอ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น 1 (UP-31/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 31-05-2017 18:40:43
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น 1 (UP-31/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 31-05-2017 20:33:27
เฮ้อออออออ
สงสารนายไปยาวๆเลย
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น 1 (UP-31/05/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 31-05-2017 22:04:10
โธ่นาย...

ปล. คริสต้องเป็นอา (น้องของพ่อ) ไม่ใช่น้าชายจ้า

ขอบคุณที่ท้วงนะค่ะ ไรท์มีความเบลอแรง ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวไปแก้แพร๊บ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น 2 (UP-01/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 01-06-2017 15:19:38
ไหวหวั่นครั้งที่ 2

 

แองเจลล่าเป็นเด็กฉลาดแถมยังดูท่าทางคงเป็นวันเดอร์เกิร์ลในภายภาคหน้าแน่ๆ สังเกตุจากที่เล่นอยู่คนเดียวได้พอหิวก็มองซ้ายแลขวาเมื่อเจอขวดนมตั้งอยู่ก็เดินเตาะแตะไปหยิบมานั่งแหมะแล้วล้มตัวลงนอนหนุนหมอนดูดนมจ๊วบๆอย่างไม่รีรอ เข้าใจแล้วว่าทำไมไอ้คริสกับพี่ทัตถึงได้กล้าที่จะปล่อยให้ผมผู้ซึ่งไม่เคยสุงสิงกับเด็กอ่อนได้เป็นคนดูแลแบบไม่มีห่วงใดๆ

“อ้าว หลับไปแล้วเหรอ?”

คริสตัลเอ่ยปากท้วงเมื่อเดินกลับมาแล้วเห็นหลานสาวนอนหลับอุตุทั้งที่ปากยังคาบขวดนมอยู่อย่างนั้น คริสเดินเข้ามาดึงขวดออกจากปากหลานแล้วจึงเข้ามาจัดท่านอนให้ดีๆเอาผ้าห่มมาคลุมให้อีกชั้นก่อนจะหันไปหลี่แอร์ลงอีกหน่อย ผมระบายยิ้มเมื่อเห็นความอ่อนโยนของเพื่อนซี้คนสนิท ไม่บ่อยนะครับที่จะได้เห็นด้านนี้ของคริสตัลผู้เอาแต่ใจ

“ยิ้มเชี่ยไร กูขนลุก”

“มองคุณแม่มือใหม่ เดี๋ยวนี้มีดงมีเด็กละอ่อนโยนเชียวนะมึง”

“กับเด็กนะต้องเอาใจใส่แต่กับมึงนี่ต้องเอาค้อนให้อย่างเดียวเลย”

“โห โคตรลำเอียง”

คริสตัลกระตุกยิ้มร้ายแล้วจึงเดินไปขยับชั้นหนังสือขนาดเล็กที่มีล้อสำหรับเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก

“ให้ช่วยไหมวะ?”

“ไม่ต้องๆ แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว”

ผมมองดูรอบๆเมื่อคริสเคลื่อนย้ายเสร็จก็เข้าใจ เมื่อเคลื่อนตู้ออกห้องนี้จึงเชื่อมต่อกับโซนครัวในทันที

“ทำอย่างนี้จะได้มองเห็นเด็กในระหว่างที่กินข้าวไปด้วย”

ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนเดินตามมันไปยังโต๊ะอาหาร

“แล้วพี่ทัตละ”

“คุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน เรื่องงานนะ”

“อ้อ ก็คิดอยู่ว่าพี่แกจะว่างมานั่งเลี้ยงเด็กกับมึงได้ไง”

“ก็ไม่ว่างแต่มันไม่ไปออฟฟิศเอง”

“ทำไมวะ?”

“ก็พอกูบอกว่าเบื่อเลยจะไปเล่นกับไอ้มิกซ์ที่ชะอำ พูดยังไม่ทันขาดคำ พี่แกก็เปลี่ยนเสื้อเป็นชุดอยู่บ้านแล้วพากูไปรับหลานมาซะงั้น ดีนะที่แม่กูไม่ว่าอะไร”

“แม่มึง? แล้วแม่เด็กละวะ?”

“กลับประเทศไปตั้งแต่คลอดได้สามเดือนแรก”

“ห่ะ!”

“ก็นะ มันค่อนข้างจะซับซ้อนวะ กูก็ไม่เข้าใจกับพี่กูเท่าไหร่ด้วย”

“.......”

“เออๆ ช่างแม่งเหอะเรื่องของพ่อแม่ลูกเขา มึงมานั่งได้แล้ว เดี๋ยวกูไปตามไอ้ยักษ์ก่อน”

ผมเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะซึ่งมีอาหารคาวหวานที่ผมนำมาวางอยู่เต็มอาณาบริเวณ ที่ไอ้คริสหายไปนานก็เพราะมาจัดแจงอุ่นร้อนพร้อมรับประทาน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาจนเห็นว่าพึ่งจะสิบหกนาฬิกาเลยชัดงงว่ามันจะรีบกินไปไหน

“โทษที รอนานไหม?”

พี่ทัตเดินนำคริสตัลมานั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะเอ่ยปากถาม

“ไม่ครับ ว่าแต่พี่หิวแล้วเหรอ?”

“อืม ทำไม?”

“พึ่งสี่โมงเย็นนี่นะ”

“อ้อ พี่ยังไม่ได้กินมื้อเที่ยงนะ แต่คริสกินแล้ว”

“อ้าว”

ไอ้คริสไหวไหล่

“กูก็แค่มาจัดให้แล้วจะไปนอนเล่นกับแองจี้ พวกมึงก็กินกันไปสองคนนะ”

“ไหงงั้นวะ มึงมานั่งนี่เลยไอ้คริส”

“กูกินข้าวเที่ยงแล้วนะเว้ย”

“ก็แล้วไง ผ่านมาตั้งหลายชั่วโมงแล้วมันย่อยหมดแล้วแหละน่า”

“ชิ เออๆ กินด้วยก็ได้”

มื้ออาหารจึงผ่านไปด้วยดีพร้อมเสียงหัวเราะและการพูดคุยหลังจากที่ไม่เจอกันนาน จะมีก็เพียงเทพทัตที่กินอิ่มแล้วก็ขอแยกตัวไปนั่งทำงานต่อโดยที่คริสให้เอาโน๊ตบุ๊คไปนั่งทำใกล้ๆหลานส่วนตัวมันก็นั่งคุยไปกิน(แบบเล่นๆ)ไปอยู่กับผมที่โต๊ะเช่นเดิม

“กูก็คิดอยู่นะว่าที่มึงไม่กลับไทยแม้แต่วันหยุดต้องเป็นเพราะมึงไปติดแหม่มที่นู้นแหง่งๆ แต่ไอ้พวกสามตัวนั้นไม่เชื่อกูวะ”

“เพ้อเจ้อ กูทำงานเหอะ”

“อย่างมึงอะนะขยันทำงานตอนเรียน หึ อย่ามาพูดให้ขำ ถ้าขยันจริงกลับมาปุ๊บมึงต้องเข้าบริษัทไปนั่งโต๊ะผู้บริหารกับพ่อมึงแล้ว”

ผมส่ายหัวหน่อยๆพลางหัวเราะขำขันไปอีกจนสักพักก็มีเสียงอินเตอร์โฟนดังขึ้นคริสเลยต้องลุกไปรับสาย ยกหูโทรศัพท์ได้ไม่นานก็วางแล้วเดินไปกดอะไรสักอย่างที่หน้าประตู

“มีอะไรรึเปล่าวะ?”

“ป่าวๆ แค่พี่ครอสมารับแองจี้นะ”

ห่ะ!!!

ผมนี่เกร็งไปทั้งตัวเลยครับ กูยังไม่พร้อมเจอนะเฮ้ย แต่จะกลับตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย เอาไงดีวะ



ปิ๊งป๊อง!



เหยดดดดดด

“กะ กูขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ”

“เออๆ อยู่ทางด้านในอะ หาไม่เจอก็ถามทัตเลย”

ผมพยักหน้ารับไวๆแล้วรีบตรงดิ่งไปยังทิศทางที่เพื่อนบอก ดีหน่อยที่หาเจอง่ายเพราะเป็นประตูบานเดียวที่เป็นสีขาวเพียวๆ พอเข้ามาปุ๊บก็ยืนหอบแฮกอยู่ที่หน้าเคาร์เตอร์อ่างล้างหน้าอย่างหมดท่าเลยครับ หัวใจนี่เต้นตุบๆอย่างกับกลองรัวงานแต่ง พอเงยหน้าขึ้นมองดูตัวเองที่กระจกเงาแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว

ทำไมกูหน้าแดงได้ถึงขนาดนี้วะ



ก๊อกๆๆ

“ไอ้นาย มึงโอเคไหมเนี้ย?”

เสียงไอ้คริสแทรกเข้ามาหลังจากที่ทำผมสะดุ้งด้วยเสียงเคาะประตู

“เออ…ไม่โอเคเท่าไหร่วะ”

“เออๆ ถ้าไม่ไหวก็บอกเดี๋ยวจะซ้ำเติมให้”

ไอ้ฝรั่งกวนตีน กวนตีนไม่มีเปลี่ยน ผมพ้นลมหายใจหนักๆก่อนจะพยายามตั้งสติตัวเองให้ดี อยู่ข้างในนี้อีกหน่อยเดี๋ยวพี่ครอสมารับลูกกลับแล้วค่อยออกไปก็ได้ ว่าแล้วก็ปีนขึ้นไปนั่งที่เคาร์เตอร์อ่าง ดีหน่อยที่มันทำมาจากปูนตั้งฉากเหมือนโต๊ะเลยทำให้มีเนื้อที่เยอะพอที่จะนั่งได้ พอจัดแจงตัวเองเรียบร้อยก็คว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นส่งข้อความหาเพื่อนทางนู้นว่าถึงโดยสวัสดิภาพ ผมอยู่ที่นี้ก็มีเพื่อนเยอะพอตัวเลยนะครับ เรียกได้ว่าป๊อบระดับต้นๆเลยแหละไม่อยากจะอวย



ก๊อกๆๆ

“เชี่ยนาย นี่มึงขี้แตกรึตกส้วมตายวะ!?”

ผมสะดุ้งโหย่งพอมองดูเวลาเห็นว่าผ่านมาร่วมสิบนาทีแล้วเลยโดดลงมาเปิดประตูออกไป

“โทษๆ”

“มึงนี่นะ ตกลงเป็นอะไร?”

“ก็ท้องเสียหน่อยๆ สงสัยไม่คุ้นกับสภาพอากาศ”

“มั่วละมึง สภาพอากาศไปเกี่ยวอะไรกับกระเพาะลำไส้”

“อ้าวเหรอ”

“ความเอ๋ย”

“หึ”

ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของบุคคลที่สามแทรกเข้ามา ใจนี่ภาวนาขอให้เป็นพี่ทัตแต่พอหันไปมองแล้วใจผมนี่วิ่งวุ่นอยู่ในอกจนแทบจุก

“ขำไรพี่ครอส?”

“พวกมึงนี่สนิทกันไม่เปลี่ยนเลยเนอะ”

“แน่นอน”

คริสตอบพี่ชายก่อนจะเข้ามาโอบคอกอดไหล่จนโดนพี่ทัตที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกลส่งสายตาดุๆมานั้นแหละมันถึงได้หดมือกลับ

“สะ สวัสดีครับพี่ครอส”

“อืม หวัดดี ไม่เจอกันนานเลยแฮะ แต่ไม่เห็นจะมีอะไรเปลี่ยนไปเลย”

ผมกระพริบตาปริบๆให้ความสนิทที่เป็นกันเองเหมือนเดิมของคนตรงหน้า พี่ครอสตอนนี้ดูภูมิฐานขึ้นมากไม่รู้เพราะหนวดเคราที่เริ่มยาวหรือเพราะชุดสูทที่ใส่มาในวันนี้ก็ไม่รู้ ดูดิบแต่ไม่เถื่อนออกแนวสมาร์ทและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของชายชาตรี

“ใครบอกว่ามันไม่เปลี่ยน นี่มันดูผอมดูโทรมกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ อยู่เมืองนอกมันต้องเจ้าเนื้อเหมือนเจ้าของพื้นที่ดิวะ ทางนั้นเค้ากินแต่เนื้อแต่แป้ง แต่ไหงมึงไม่อ้วนขึ้นเลยวะ”

ไอ้คริสบ่นไปเรื่อยแต่ผมกลับไม่สนใจจะต่อปากต่อคำกับมันเหมือนอย่างเคย

“ใครจะไปอ้วนท้วนสมบูรณ์ได้อย่างมึงละคริสตัล”

“อยากปากแตกเหรอพี่ครอส?”

“กูพี่มึงนะ”

“รู้ เบ้าหน้าเลวๆแบบนี้มีแค่พี่ผมคนเดียวนี่แหละ”

“ปากดี”

“ขอบคุณที่ชม”

ผมอมยิ้มน้อยๆให้การปะทะฝีปากของสองพี่น้องจนหันไปสบตากับพี่ครอสเข้านั้นแหละถึงกับหุบปากฉับแทบไม่ทัน พี่ครอสก็ไม่ได้จ้องแบบเขม่งหรือทำท่าน่ากลัวอะไรนะครับ เขาก็มองยิ้มๆเหมือนตอนมองคริสตัล แต่ใครจะไปรู้ละว่าสายตาอ่อนโยนแบบนั้นมันจะทำให้ผมเจ็บแปร๊บในอกถึงขนาดนี้

“ไอ้คริส กูว่ากูกลั…”

“แอ่”

ทุกสายตาหันไปมองเสียงร้องของเด็กน้อยเพียงคนเดียว พี่ครอสที่นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ขยับลงมานั่งข้างๆลูกสาวก่อนจะอุ้มเจ้าตัวน้อยที่พึ่งตื่นขึ้นมากอดแนบอก

ผมยืนมองดูภาพเด็กน้อยไร้เดียงสากำลังยิ้มร่าเหมือนดีใจเสียเต็มประดาที่ได้อยู่กับผู้เป็นพ่อ ดวงตาที่เคยกลมบ๊อกหรี่ลงเพราะรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าดูมีความสุขไม่แพ้ผู้เป็นพ่อที่ก้มหน้าลงต่ำให้ลูกได้สัมผัส

“พี่ครอสห้ามหอมแองจี้นะ”

คริสท้วงเมื่อเห็นพี่ชายก้มลงจนเกือบโดนแก้มตุ้ยของเจ้าตัวน้อย พี่ครอสพึงกับเงยหน้าขึ้นมาหรี่ตามอง

“พี่ผิดเองที่ไม่โกนหนวดก่อน เดี๋ยวก็ทิ่มหลานผมจนระคายเคืองผิว เอาแองจี้มาให้ผมเลย”

“แกนี่มันยิ่งกว่าแม่อีกแฮะ”

“ก็แล้วไง นี่หลานผมอะ”

“ลูกกูไหม?”

“ให้เป็นลูกผมก็ได้นะ ผมยินดี”

“ตีนไหมครับ?”

“หยาบคายจริงๆ นี่ขนาดอยู่ต่อหน้าลูกนะเนี้ย”

“แอ่ๆ”

ทุกสิ่งอย่างหยุดชะงักเมื่อเด็กน้อยเพียงคนเดียวเอ่ยปาก แองเจลล่าหันมามองยังผมพร้อมชูมือน้อยๆนั้นมาหาเหมือนกำลังเรียกผมอยู่กลายๆ พี่ครอสถึงขนาดขมวดคิ้วมุ้ยแต่คริสตัลหัวเราะขำขันอยู่คนเดียว

“ท่าทางแองจี้จะติดใจไอ้นายเข้าให้แล้วสิ”

“จริงดิ?”

“พี่ก็ลองให้ไอ้นายมันอุ้มแองจี้ดูสิ”

ผมส่ายหัวหวืดเลยครับตอนที่พี่ครอสหันมามอง

“อย่าดีกว่าครับ ผมไม่คุ้นกับเด็กอ่อน”

“แองจี้ไม่อ่อนแล้วนะ นี่ขวบกว่าๆแล้วด้วย”

“แต่ว่า...”

“กลัวอะไรวะไอ้นาย ก่อนหน้านี่มึงยังดูหลานแทนกูอยู่เลย”

“ก็ตอนนั้นน้องเล่นเองอยู่กับพื้นอะ กูไม่ได้อุ้มซะหน่อย”

“เอาน่า ทุกสิ่งมันต้องมีครั้งแรกเสมอ”

ฟังดูเหมือนจะดีนะครับ แต่ที่ผมกลัวนั้นไม่ใช่การอุ้มเด็กหรอกเพราะแองเจลล่าดูจะไม่ได้เป็นเด็กอ่อนแอบอกบางอย่างนั้นจริงๆ แต่ผมเกรงใจผู้เป็นพ่อนั้นต่างหากครับ ผมรู้สิ ผมกลัวสายตาที่เหมือนจะมองผมได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนสายตาของคนๆนี้ก็น่ากลัวไม่เคยเปลี่ยน

ผมมองเด็กสลับกับพี่ครอสไปมาจนคนเป็นพ่อกดยิ้มที่มุมปาก

“แองจี้กลับบ้านกันดีกว่าครับ”

“อ้าว จะกลับเลยเหรอ?”

“อืม จริงๆก็แค่แวะมารับแล้วมีนัดต่อตอนสองทุ่ม”

“ให้แองจี้อยู่นี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านให้เอง”

“ไม่เป็นไร พี่ต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดอยู่แล้ว”

“โอเคๆ แล้วพี่มายังไง?”

“ขับรถมาดิวะ”

“โว๊ะ ผมหมายถึงขับมาเองหรือมากับไค?”

“ไคเคลียร์งานแทนอยู่ที่ออฟฟิศ”

“ดีเนอะ เจ้านายอู้แล้วให้ลูกน้องอยู่ทำงานงกๆแทน”

“ปากดีนะคริสตัล อ๊ะ!”

พี่ครอสอุทานในทันทีที่ลูกสาวตัวน้อยแกะตัวเองออกจากอ้อมกอดพ่อจนกลิ้งลงเบาะ ดีนะที่พี่ครอสไม่ได้อุ้มสูงสักเท่าไหร่ไม่งั้นคงมีเจ็บ คริสตัลเปิดปากว่าพี่ชายทันทีที่เห็นว่าหลานปลอดภัยจนลุกขึ้นยืนเตาะแตะมาเกาะที่ขาผม

“แอ่ๆ”

มือเล็กกำขากางเกงแน่นจนผมก้มลงไปอุ้มขึ้นมาเด็กน้องก็หัวเราะเอิ้กอ้ากเพราะผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงไงครับ

หืม...ชอบความสูงซะด้วย

“อย่างที่บอกไหมละว่าแองจี้ชอบไอ้นาย”

คริสตัลเอ่ยสัมทับพร้อมหยักคิ้วหลิ่วตาใส่พี่ชายไปอีกที พี่ครอสนี่ถึงกับมองตาปริบๆ

“จริงเว้ยเห้ย”

“หึหึ ท่าทางพี่คงได้ลูกเขยแล้วละมั้งเนี้ย”

ผมอ้าปากเหวอเลยครับ ใครมันจะไปคิดอกุศลแบบนั้นกับเด็กอายุขวบกว่าๆวะ

“เดี๋ยวกูถีบเลยไอ้น้องเวร”

“หยาบชิปหาย พี่ใครวะ”

“คริสตัล”

เสียงเข้มๆของพี่ทัตเรียกคนรักพร้อมกับพยักหน้าน้อยๆให้เดินไปหา คริสเองก็ว่าง่าย มันผละจากพี่ชายแล้วเดินไปที่ห้องๆหนึ่งซึ่งพี่ทัตพึ่งจะหายตัวไปในนั้น ผมเดินไปนั่งลงตรงกลางระหว่างของเล่นมากมายแล้ววางเด็กลงแต่ทว่าหนูน้อยกลับเกาะผมแน่นพร้อมทำหน้าเบ้ไปด้วยอีก

“ท่าจะติดนายจริงๆแฮะ”

ผมเงยหน้ามองคนพูด พี่ครอสยังคงยิ้มขำแต่สายตากลับจ้องมองลูกสาวสุดที่รักอย่างไม่วางตา

“จะมาเป็นลูกเขยกูเหรอ?”

“ก็บ้าแล้วพี่”

ผมอุ้มเด็กขึ้นอีกทีทำท่าพาดบ่าตบลูบหลังน้องเบาๆจนได้ยินเสียงเล็กหัวเราะเอิ๊กอ๊ากจึงเผลอยิ้มไปด้วย แองเจลล่าเป็นเด็กร่าเริงและเป็นเด็กที่นำพาความสว่างสดใสมาสู่คนรอบข้างเหมือนอย่างชื่อของเธอ

เธอเปรียบเหมือนนางฟ้าตัวน้อยของทุกคน

“แองจี้ คัมทูแด๊ดดี๊”

หนูน้องหันไปมองคนเรียกแต่กลับไม่ปล่อยมือจากคอเสื้อของผม

“วี แฮพ ทู รีเทิร์น มาย โฮม พรีส คัม ทู มี”

เด็กน้อยยังคงมุดหน้าอยู่กับไหล่ผมจนคนเรียกได้แต่ถอนหายใจ

“เอาไงดีละทีนี้”

พี่ครอสบ่น แต่ถึงจะบ่นผมก็เห็นความตามใจชนิดที่แทบไม่กล้าขัดลูกสาวของพี่ครอสได้เป็นอย่างดี ถ้าจะตามใจกันขนาดนี้อนาคตจะไม่แย่เอาเรอะ

“แองเจลล่า ไปหาคุณพ่อนะครับ”

ผมลองบอกเด็กน้อยในอ้อมแขนบ้าง แองจี้เงยหน้าหันมามองผมแล้วก็เบ้ปากน้ำตาเริ่มคลอเบ้าแล้วด้วยซ้ำ

“ฮึก”

“อ้าว ร้องไห้ทำไมครับ?”

“แง~”

เป็นงั้นไป

“ชู่ๆ ไม่ร้องนะครับ เงียบนะคนเก่ง”

“ฮึก ฮึก”

“โอ้โห แด๊ดดี๊กลายเป็นหมาหัวเน่าเลย”

ผมหลุดหัวเราะหึกับคำพูดแสดงอาการน้อยอกน้อยใจลูกสาวทั้งที่หน้าตาไม่ให้เลยสักนิด ผมอุ้มแองจี้ขึ้นมาโอ้อีกทีพอให้เด็กน้อยคลายสะอื้น

“หลังจากนี้มีธุระอะไรต่อไหม?”

“ห่ะ?”

“กูถาม”

ผมส่ายหัว ก็ไม่มีอะไรนอกจากกลับคอนโดไปเก็บข้าวของจัดเข้าที่ก็แค่นั้น

“งั้นไปด้วยกันหน่อย”

“ห่ะ!!?!!”

“จะตกใจอะไรนักหนาวะ ก็แค่ให้พาแองจี้ไปส่งที่บ้าน ปกติแองจี้ก็ไม่ค่อยไปกับกูอยู่แล้วแต่ถ้าเจอย่าเขาจะโผเข้าหาเหมือนมึงนี่แหละ”

ผมมองจ้องเขาตาปริบๆสักพักก็หลุดขำจนพี่ครอสถึงกับหรี่ตามองจ้องหน้าแบบหาเรื่องโคตรๆ

“กล้าหัวเราะเยาะกูเหรอ?”

“ผมป่าว ก็แค่...หึหึ...ก็แค่แปลกใจ ทั้งที่เป็นลูกพี่แล้วทำไมไม่ติดคนเป็นพ่ออะไรแบบนั้น”

“ก็กูไม่ค่อยอยู่บ้านนี่หว่า”

“อ้อ งั้นก็สมควร”

“อะไรนะ!?”

“ป่าวคร้าบ”

“หึ”

“......”

“สรุปคือตกลงนะ”

“อย่างนี้เขาเรียกว่ามัดมือชกครับ”

“ก็กูชอบของกู”

“ห่ะ?”

อื้อหือ หัวใจหยุดเต้นไปสามวิถ้วนเลยวะ

“เอ๋อเหรอมึง เรียนเยอะจนมึนเลยรึไง?”

“ปะ ป่าว”

“งั้นก็พาแองจี้ไปนั่งอยู่ตรงนู้นไป เดี๋ยวกูเก็บของใส่กระเป๋าก่อนจะได้กลับกันเลย”

“แต่ผมขับรถมาเหมือนกันนะพี่”

“ทิ้งไว้นี่ก่อน หรือมึงมีเหตุต้องใช้รถด่วน?”

“ก็ไม่เท่าไหร่”

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้กูพามาเอา”

ผมอ้าปากเตรียมแย้งเต็มที่ว่าแค่รถผมมาเอาเองได้ไม่ต้องให้ผู้บริการระดับสูงอย่างเขาเจียดเวลามารับผมเพื่อมาเอารถเพียงแค่นี้หรอก แต่ดูเหมือนใครอีกคนจะรู้ทันความคิดผมไปเสียจนหมด

“ห้ามแย้ง กูอยากหาเวลาพักอยู่ขอกูใช้เป็นข้ออ้างในการอู้หน่อยเหอะ”

ถึงกับอ้าปากค้างก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมาจนคนพูดถึงกับผงะ

อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ

“ฮ่าๆๆๆ”

“.....”

“โอ้ย จุกเลยอะ หึหึหึ”

“หัวเราะเข้าไปอีกสิ เอาให้ขาดอากาศหายใจไปเลยไหม?”

“ไม่ดีกว่า เดี๋ยวพี่ตรอมใจตาม”

“ทำไมกูต้องตรอมใจตามมึงด้วย”

จึก

โดนไปหนึ่งดอกเต็มๆ จุกดีชิปหาย

“หงอเลยวะ ฮ่าๆๆๆ”

“พี่แม่ง”

“หึหึ ใครใช้ให้มึงน่าแกล้งเอง ไปๆ ไปนั่งตรงนู้นเลยกูจะเก็บของ”



Tbc....

แองจี้คือคิวปิดตัวน้อยๆ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น 2 (UP-01/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-06-2017 15:55:21
 :3123:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น 3 (UP-08/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 09-06-2017 11:43:01
ไหวหวั่นครั้งที่ 3


ผมได้แต่ยืนนิ่งมองใครบางคนที่ยืนพิงรถกดโทรศัพท์อยู่ด้านหน้าของคอนโด การแต่งตัวที่แตกต่างจากเมื่อวานอย่างลิบลับนั้นทำให้ผมแทบก้าวขาไม่ออก สาบานได้ว่าเขาบอกว่าวันนี้ยังคงต้องทำงานแล้วจะแวะมารับผมไปเอารถของตัวเองในช่วงพักกลางวัน แต่นี่คุณท่านไปทำงานด้วยเสื้อโปโลสีขาวกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีส้มเข้มและรองเท้าหนังสีน้ำตาลเหรอ ไหนจะแว่นกันแดดที่เป็นพล็อบนั้นอีก

ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงได้มองจนเหลียวหลัง

Rrrrrrr

ผมหยิบโทรศัพท์ที่มีสายเข้าขึ้นมาดูเมื่อเห็นเป็นชื่อคนตรงหน้าเลยเลือกที่จะกดตัดสายแล้วเดินออกไปหาแทน พี่ครอสขมวดคิ้วเล็กน้อยที่โดนตัดสายแต่เมื่อหันมาเจอผมก็คลายปมที่หัวคิ้วออกทันที

“หิวไหม?”

คำแรกที่ทักทายมันควรเป็นคำนี้เหรอวะ แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมส่ายหัวแทนคำตอบแต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่รับรู้ถึงมัน

“แต่กูหิว ไปหาอะไรกินกัน”

นั้นปะไร

ผมพ้นลมออกมาอย่างนึกปลงก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินไปยังรถ เจ้าของเลยขยับออกแล้วเปิดประตูต้อนรับพร้อมรอยยิ้มจนผมชะงักกึก

“หยุดทำไม ขึ้นไปสิ”

“พี่มาเปิดประตูให้ผมแบบนี้มันออกจะ…”

น่าอายไปไหม ผมก็ผู้ชายคนหนึ่งนะครับ

“อะไร?”

นี่ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งโง่วะ

“ผมเป็นผู้ชาย”

“รู้”

ถ้าเป็นพวกไอ้มิกซ์ผมคงสาดคำด่าใส่หน้ามันไปแล้ว นี่แกล้งโง่หน้าตายใช่ไหมวะไอ้พี่ครอส พูด!

“ผมหมายถึงผมก็ผู้ชายเหมือนพี่ เพราะงั้นไม่ต้องมาทำเหมือนพวกผู้หญิงที่พี่ม้อหรอกนะ”

“ก็กูอยากทำ”

ผมคิ้วกระตุกเลยครับ

“พี่แม่งกวนตีน”

“หึหึ มึงก็สนิทกับคริสตัล มึงน่าจะชินได้แล้วนะ”

“นั้นมันเพื่อน แต่นี่พี่ ผมกวนตีนกลับได้ที่ไหนละ”

“ได้ดิ”

“จริงเหรอ?”

“แต่มึงจะเจอดีแทนไง”

“ฟวย”

หลุดไปซะแล้ว

“หยาบมาแล้วไง”

“สมควร หิวไม่ใช่เหรอ ขึ้นรถสิครับ”

“บอกตัวเองก่อนเถอะ จะยืนขวางให้ยุงเข้ารถกันทั้งฝูงเลยไหม?”

“มียุงที่ไหนเล่า!”

“หึหึ”

เจอคนน้องที่ว่ากวนแล้ว เชื่อเถอะครับว่าถ้ามาเจอคนพี่เหมือนอย่างที่ผมกำลังเจออยู่ตอนนี้ แม่งหนักกว่าคนน้องเยอะ ความกวนตีนมันมาตามสายเลือดป่าววะครับ

“นี่”

“ห่ะ ครับ?”

“เหม่ออะไรอยู่ได้ กูถามตั้งนานแม่งก็ยังเฉย”

“ถามไรอะ?”

“ถามว่าเย็นนี้ว่างไหม?”

“ว่าง…มั้ง”

“เอ๊า สมองเบลอหรือประสาทกลับวะนั้น ตอบดีๆดิ”

“คงว่างแหละ ทำไมอะ?”

“กูจะชวนไปดริ้งส์”

“เอาดิ ไอ้คริสไปด้วยป่าว?”

“ถามหาแต่น้องกูจังนะ ก็เห็นๆอยู่ว่ามันมีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้ว”

ผมถึงกับหันควับไปมองคนพูด พี่ครอสมันยังคงขับรถหน้านิ่งๆและผมก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้เขาแสดงแววตาแบบไหนออกมา แต่ก็ไม่แปลกที่พี่แกจะพูดแบบนั้นเพราะเขารู้ในเรื่องที่ผมเคยชอบคริสตัลไงครับ

“มันเป็นเพื่อนผม”

“หึ”

หลังจากนั้นคือต่างคนต่างเงียบไปจนกระทั่งถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลจากคอนโดผมพอสมควร พอก้าวลงมาจากรถได้ผมก็เอาแต่มองไปรอบๆร้านด้วยความสนใจ ร้านนี้เป็นร้านปูนเปลือยสไตล์ลอฟท์แต่เล่นโทนสีสว่างพร้อมกับต้นไม้ที่เต็มพื้นที่รอบข้างจนดูร่มรื่นเหมือนไม่ได้ตั้งอยู่ในกรุงเทพ

“ชอบเหรอ?”

ผมพยักหน้า พี่ครอสหัวเราะนิดหน่อยแล้วจึงเดินนำผมเข้าไปยังด้านในร้าน เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งดังขึ้นเมื่อพี่ครอสเปิดประตูไม้เข้าไป

“ยินดีต้อนรับค่ะ อ้าว ทีครอส”

พนักงานที่พึ่งเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้าโต๊ะใกล้ๆประตูเอ่ยต้อนรับอย่างคุ้นเคยกับแขกผู้มาใหม่ ผมลอบมองคนที่ถูกทักชื่อสลับกับน้องพนักงานไปมาอย่างนึกสงสัยแต่ก็ไม่อยากจะถาม

“สวัสดีอ้อม สบายดีนะ?”

“ก็อย่างที่เห็นแหละค่ะ คิดไงมาถึงนี่ได้เนี้ย?”

“คิดถึงไง”

“ปากหวาน อ้าว มาสองคนเหรอคะ? นั่งที่เดิมไหม?”

“อืม”

“งั้นเชิญเลยค่ะ”

พนักงานสาวยิ้มหวานให้คนตรงหน้าแล้วเผื่อแผ่มาถึงผมก่อนจะเดินนำเข้าไปยังทางด้านในที่เป็นโซนโซฟา แอร์ที่เย็นฉ่ำกับกระจกบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นสวนเขียวขจีนั้นทำให้ผมรู้สึกดีจนลืมเรื่องขุนหมองข้องใจเมื่อครู่ไปชั่วขณะ

“เมนูค่ะ”

ผมยิ้มพร้อมเอ่ยขอบคุณแล้วจึงรับรูปเล่มเมนูมาเปิดดู

“ของพี่เอาเหมือนเดิมนะ”

“ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนรักเดียวใจเดียวได้ถึงขนาดนี้”

“ก็อย่างที่เห็นแล้วมึงเลือกอะไรนานจังวะ”

โอ้โห โทนเสียงเปลี่ยนอย่างกับหน้ามือเป็นหลังตีนเลย ผมนี่เงยหน้าหรี่ตาจ้องคนถามที่เอาแต่ยิ้มกวนจนน่าหมั่นไส้

“งั้นผมเอาเหมือนเขาก็ได้ครับ”

“หืม...มั่นใจเหรอคะ?”

“เขาบอกว่าจะเอาก็เอาไปเถอะน่าอ้อม”

“เออ โอเคค่ะ”

สาวเจ้าเข้ามาหยิบเล่มเมนูกลับไปก่อนที่จะเดินหายเข้าไปยังโซนพนักงานจนลับสายตา ผมเหลียวกลับมาเผชิญหน้ากับบุคคลกวนประสาทอีกครั้งส่วนพี่ครอสก็ยังตีหน้ากวนเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

“ยิ้มอะไร?”

“เอ๊า หน้ากู กูพอใจจะยิ้มกูก็ยิ้มสิวะ”

“ชิ๊”

“ว่าแต่มึงเหอะ”

“ผมทำไม?”

“จะตีหน้านิ่วคิ้วขมวดไปถึงเมื่อไหร่? ทำอย่างกับงอลอะไรกู”

ห่ะ

ไอ้หน้านิ่วคิ้วขมวดนะเข้าใจเพราะเจอความกวนจากไอ้พี่ครอสนั้นแหละแต่ไอ้ประโยคหลังนี่สิ...

“ผมจะไปงอลอะไรพี่”

“ก็จะไปรู้ละ เผื่อหึงกูกับน้องอ้อมไรงี้”

จึ๊ก

โอ้โห จุกเลยงานนี้

“ทำไมผมต้องหึง พี่อย่ามามัว”

“เออๆ กูมัวเองเลิกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้สักที”

เห้ย!

“กูล้อเล่น หึหึหึ”

“เลว!”

“หึหึ”

อยากจะกลับตัวกลับใจจากผู้ชายคนนี้ชะมัด ทั้งที่ว่าจะห่างไปไกลๆแบบนานๆเพื่อทำใจแต่พอกลับมาเจอทำไมมันเหมือนยิ่งลึกซึ้งจนผมชักจะกลัวใจตัวเอง

Rrrrr

ไม่ใช่เสียงโทรศัพท์ของผมครับแต่เป็นของคนตรงหน้า พี่ครอสหยิบเครื่องมือสื่อสารที่กำลังแฝดเสียงดังลั่นออกมากดรับแล้วคุยเป็นภาษาสากล ผมฟังพอคร่าวๆว่าเป็นเรื่องงานเลยเลิกสนใจแล้วหันไปเหม่อมองด้านนอกจนอาหารถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นอาหาร มันก็แค่ผักโขมอบชีสและสปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมพนักงานถึงถามกลับเหมือนค่อยอยากจะให้ผมสั่งไปด้วยละ

“ขอบคุณครับ”

ผมเอ่ยเมื่อสิ่งสุดท้ายได้ถูกนำมาเสิร์ฟ มันคือน้ำสีฟ้าในแก้วทรงสูงที่ถูกตกแต่งด้วยสับปะรดร่มคันเล็กๆ ของผมเป็นบลูฮาวายอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมของพี่ครอสถึงเป็นแก้วน้ำเปล่าไปซะละทั้งที่ตอนสั่งก็บอกว่าเหมือนกันแท้ๆ

“กินสิ”

คนพึ่งวางสายพูดท้วงเมื่อเห็นว่าผมไม่ลงมือสักที

“ทำไมพี่ได้น้ำเปล่าแล้วผมได้บลูฮาวายละ?”

“ก็กูสั่ง”

“ผมก็สั่งเหมือนพี่นะ”

“กูหมายถึงกูสั่งไอ้นี่ให้มึงแยกต่างหาก”

“ตอนไหนอะ?”

“ตอนที่มึงเหม่อไง ให้ตายสิ มึงอยู่รอดที่เมืองนอกได้ยังไงวะเนี้ย”

“อ้าว”

“พอๆ เลยพูดแล้วแดรกไป”

พูดอย่างเดียวไม่พอยังมีการจิ้มไอ้ลูกบอลกลมๆในชามสปาเก็ตตี้ของตัวเองยื่นมาจ่อปากผมไปอีก ผมนี่ถึงกับผงะ

“แดรก”

มีขู่ ผมจิ๊ปากใส่ไปทีก่อนจะยื่นมือไปจับส้อมแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมให้ผมถือซะงั้น

“อ้าปาก”

“เรื่อง อุ๊บ!”

“แค่นี้ก็จบ”

จบกับผีมึงนะสิไอ้พี่ครอส ช่วยดูสายตาพวกแขกคนอื่นที่อยู่ภายในร้านด้วย ปกติที่ว่าเด่นอยู่แล้วยิ่งเด่นขึ้นไปอีกสองเท่ากับไอ้การกระทำเมื่อกี้นี่อะ ผมขออนุญาตลาตายสักวันจะได้ไหมครับ โคตรอยากหายไปจากตรงนี้เลยวะ กูอาย

“หน้าแดงฉิบหาย เผ็ดรึไง?”

อยากบอกมากว่ากูไม่รู้รสเลยครับพี่ แต่สิ่งที่ทำคือพยักหน้ารัวๆ

“หึ เป็นไงละ อยากสั่งเหมือนกูดีนัก”

ผมไหวไหล่แล้วม้วนๆเส้นในชามต่อ

“เห้ยๆ ถ้าเผ็ดก็ไม่ต้องกินแล้วสั่งเอาใหม่”

“ไม่เป็นไร”

“อย่าดื้อน่า”

“พี่นั้นแหละยุ่งไร หิวไม่ใช่ไง กินไปดิไอ้ที่อยู่ตรงหน้านะ”

“ปากดีนะมึง อยากแดรกนักก็แดรกไป ปากพองแสบท้องแล้วอย่ามาบ่นให้กูได้ยินนะ”

ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้คนเจ้าอำนาจก่อนจะหันไปกินของตัวเองไปเงียบๆ ที่เงียบไม่ใช่เพราะกลัวอะไรมันนะครับ แค่บ่นไม่ได้อย่างที่มันบอกนั้นแหละ ไอ้ห่า จะเผ็ดอะไรขนาดนั้นวะ ขนาดผักโขมอบชีสยังเผ็ดอะ เหมือนเป็นเมนูพิเศษที่มีเฉพาะร้านนี้หรือมีแค่มันที่กินแบบนี้อยู่คนเดียวกันแน่วะ ผมไม่เคยเจอ

“ห้องน้ำอยู่ไหนอะ?”

“ทางนั้น”

ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปตามทางที่ไอ้พี่ครอสชี้บอกจนเจอ กว่าจะกินหมดล่อซะแทบพ้นไฟได้เลยต้องออกมาบ้วนปากระงับความเผ็ดร้อนกันสักหน่อย ผมไม่ใช่พวกกินเผ็ดไม่ได้นะครับแต่ไปอยู่เมืองนอกซะนานเลยชินกับอาหารรสชาติจืดๆไง ใครหาว่ากูสำออยกูถีบอะ

“คิกคิก”

ผมชะงักเท้าที่กำลังเดินไปยังโต๊ะเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะและภาพตรงหน้าที่เป็นใบหน้ายิ้มแย้มของคนทั้งสองคน คนหนึ่งคือคนที่พาผมมาและอีกคนก็เป็นพนักงานหญิงคนสนิท บรรยากาศรอบข้างดูละมุนเข้ากับแบร็คกราวด์ที่เป็นสวนสวยเขียวขจี รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นสาวนเกินก็คราวนี้แหละนะ

“อ้าว คุณลูกค้า อยากได้อะไรเพิ่มเหรอคะ?”

ผมหันไปมองพนักงานอีกคนที่ยืนยิ้มอยู่ทางด้านหลัง ตรงที่เรายืนมันมีแนวกั้นฉากบดบังทำให้คนทางฝั่งนั้นไม่สามารถมองมาทางนี้ได้ไงครับ แต่ที่ผมเห็นนั้นก็เป็นเพราะมองลอดช่องเล็กๆของราวฉาก ตาหาเรื่องจริงๆให้ตายสิ

“ไม่เป็นไรครับ”

“อ้อ ค่ะ”

“เออ ผมขอถามอะไรนิดหน่อยจะได้ไหมครับ?”

“ได้สิค่ะ”

“คือสองคนนั้นเขาเป็นแฟนกันเหรอครับ?”

ผมพูดพร้อมกับชี้ไปที่โต๊ะจนพนักงานที่โดนถามต้องชะเง้อไปมองก่อนจะร้องอ้อ

“คิดว่าใช่ค่ะ ถึงคุณอ้อมแกจะไม่เคยเปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่ฉันก็เห็นเขาสนิทกันแบบนี้มานานแล้วนะค่ะ และที่สำคัญ คุณอ้อมไม่เคยสนิทกับผู้ชายคนไหนจนเกินหน้าที่มากเท่าคนนี้เลยค่ะ”

“........”

“อุ๊ย ขอโทษนะค่ะ เผลอเม้ามากไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ”

แต่ข้างในนี่เจ็บจนจุกเลยวะ

“ช่วยเช็คบิลโต๊ะนั้นให้ผมทีครับ”

“เอ๋”

“แบบด่วนเลยนะครับ ไม่สิ เอาไปสองพันเลยแล้วกันถ้ามีทอนถือว่าผมให้ทริป”

“จริงเหรอค่ะ ของคุณมากเลยค่ะ”

ผมยิ้มรับแล้วควักเงินออกมาให้เจ้าตัวตามที่พูด ดีนะที่ของๆผมอยู่กับตัวหมดเลยไม่ต้องวกไปเอาที่โต๊ะให้เสียเวลา

“ว่าแต่คุณเป็นน้องของคุณคนนั้นเหรอค่ะ?”

ผมนิ่งไปนิดก่อนจะพยักหน้า

“แต่ทำไมหน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลย”

“ไม่ใช่น้องแท้ๆนะครับ แค่น้องที่รู้จักกัน”

“อ้อ ค่ะ”

“งั้นผมขอออกทางนี้ได้ไหมครับ?”

ผมถามพลางชี้ไปที่ทางห้องน้ำซึ่งถ้าจำไม่ผิดรู้สึกเหมือนจะมีประตูเปิดไปยังด้านนอกได้ด้วย

“ได้ค่ะ มันจะโผล่ที่สวนหลังร้านแล้วอ้อมมาทางด้านหน้าได้”

“ขอบคุณครับ”

“เออ แล้วไม่บอกคุณคนนั้นเหรอคะ?”

ผมหันไปมองยังคนทั้งคู่ที่ยังคงคุยกันอยู่เช่นเดิม

“อย่าดีกว่า ผมไม่อยากไปเป็นก้างเขานะครับ”

“คริคริ เข้าใจค่ะเข้าใจ พวกเขาน่ารักดีนะค่ะ”

“ผมก็ว่างั้น”

พูดจบผมก็หันไปมองอีกทีก่อนจะหันหนีแล้วเดินออกจากร้านไปในที่สุด ความหน่วงในอกทำให้ผมต้องรีบจ้ำอ้าวไปเรียกแท๊กซี่ให้ไวที่สุดก่อนที่มันจะบีบให้น้ำตาผมไหลต่อหน้าต่อตาคนอื่น



เกิดมาเป็นผู้ชายทั้งทีอย่าไปเสียน้ำตาให้ความรักบ้าบอแบบนี้บ่อยนักสิวะ



คำว่าตัดใจนะ มึงต้องสะกดให้เป็น!







“เฮ้ย~”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ทันทีที่ล้มตัวลงไปนอนแผ่หลาที่โซฟากลางห้อง หลังจากที่ผมหนีออกมาจากร้านผมก็ขึ้นแท๊กซี่ไปเอารถแล้วก็กลับมายังคอนโดในทันที พี่ครอสมันก็โทรตามผมสนั่นเลยนะครับ แต่ผมไม่รับไม่ตอบข้อความมันทั้งหมดแถมยังปิดเครื่องหนีไปเลยด้วย

“อ้าว มึงกลับมาตอนไหนวะ?”

ไอ้มิกซ์โผล่ออกมาจากห้องนอนเล็กพร้อมยีหัวฟูๆของมันมาถามข้างๆผม

“กูสิที่ควรจะถามมึง”

“กูกลับมาตอนที่พี่ครอสมารับมึงนั้นแหละ”

“มึงเห็น?”

“เออดิ ก็ขับสวนกันพอดี”

ผมพยักหน้ารับแล้วก็เลิกสนใจมันหันไปเปิดทีวีดูไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย

“ทำไมทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้?”

นี่ผมโดนท้วงเรื่องนี้เป็นรอบที่สองแล้วนะเว้ย

“ยุ่ง”

“เอ๊าไอ้สัส กูก็ห่วงเพื่อนกูไหม?”

“รู้น่า แต่กูขอจัดการกับตัวเองก่อน”

“มึงอยากว่างั้น”

“ไอ้เชี่ย! จัดการกับความรู้สึกตัวเองเว้ยไม่ใช่ช่วยตัวเอง!”

“อ้าวเหรอ โทษๆ ก็นึกว่าอยากหลี่หญิง กูก็ว่าจะไปหาดริ้งส์อยู่พอดี”

“คืนนี้อ่อวะ”

“เออดิ”

“งั้นไปกัน”

“โอเค โทรหาพวกเหี้ยนั้นด้วย ใครไม่ว่างก็ช่างหัวมันมึงกับกูสองคนก็ใช่ว่าจะไปไม่ได้ จัดโลด!”



Tbc....

จัดโลดดดดด
 :hao7:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น 3 (UP-08/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-06-2017 12:47:26
หยอดเก่งนะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น 3 (UP-08/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-06-2017 16:57:02
จัดโลด คงไม่ใช่เมาปลิ้นแล้วไปนอนกับพี่ครอสนะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น4 (UP-12/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 12-06-2017 17:05:18
ไหวหวั่นครั้งที่ 4





“ไอ้นายๆ คนนั้นแม่งแจ่มสัส มึงดูๆ”

ผมหันไปมองที่เป้าหมายสายตาของไอ้เพื่อนตัวดี เออวะ แม่งแจ่มจริงอะไรจริง ร่างอรชรสูงยาวเข่าดีผิวขาวหน้าใสแต่งแต้มเครื่องสำอางพองามเข้าชุดกับเดรสสั้นสีชมพูหวาน คุณเธอยกแก้วขึ้นจิบสลับกับหัวเราะร่ากับบรรดาเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอจนหันมาสบตาเข้ากับผมโดยบังเอิญ

“อื้อหือ มีส่งซิกกันด้วยเว้ย อย่างนี้กูก็ชวดดิวะ”

“ชวดอะไร กูยังไม่ได้ว่าจะจีบเขาสักหน่อย”

“งั้นกูเดินหน้าแทนแล้วกัน”

ว่าแล้วก็ยกแก้วขึ้นดื่มพรวดๆจนหมดแล้วก็หันไปชงใหม่ด้วยตัวเอง ผมส่ายหัวเอนตัวพิงเบาะรอดูลีลาการจีบของเพื่อนที่ไม่ได้เห็นมานาน ไอ้มิกซ์มันมักจีบด้วยวาจาครับ อย่างที่รู้ๆว่ามันจ้อเก่งและแน่นอนว่าต้องปากเก่งปากหวานด้วยอย่างแน่นอน คิดๆไปแล้วก็แทบขั้นพี่ครอสเลยละมั่ง

…อ่า เผลอคิดถึงเขาไปซะงั้น…

พอๆไอ้นาย มึงต้องตัดใจเว้ย



“ขอโทษครับ”

ผมที่กำลังยกแก้วขึ้นดื่มอย่างนึกเซ็งอยู่ดีๆก็ต้องชะงักแล้วหันไปมองตามเสียงเรียกที่ดังอยู่ข้างๆหู พอหันไปแล้วก็ถึงกับผงะ ไอ้ห่า จะยื่นหน้ามาใกล้กูเพื่อ!

“เชี่ยเต้! โผล่มาจากไหววะมึง!?”

ไอ้เต้ยิ้มรับ มันเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของผมเองครับ จริงๆไอ้นี่มันอยู่กับอีกกลุ่มแต่บังเอิญทางบ้านเราทำธุรกิจเหมือนกันมันก็เลยลิ้งค์กันโดยอัตโนมัติ

“มาจากที่เดียวกับมึงอะ คิดถึงสัส มาให้กอดทีดิ๊”

มันพูดแล้วก้มลงมากอดผมเองแบบไม่รีรอ แล้วจะถามกูหาพระแสงอะไรวะ ผมหัวเราะขำให้ท่าทีที่ไม่เปลี่ยนไปของมันพร้อมกับกอดตอบไปหลวมๆตบไหลไปเบาๆ

“มากับใครวะ นั่งด้วยได้ป่ะ?”

“มากับไอ้มิกซ์ มึงละ?”

“กูมาคนเดียว พวกไอ้ฟาโรแม่งติดงาน กูพึ่งแลนดิ้งเลยเจ๊ทเลคอยากแดรกแอลกอฮอร์”

“แถไปเรื่อย เจ็ทเลคเกี่ยวไรกับแอลกอฮอร์วะ”

“ก็กูเปรี้ยวปาก”

“ไอ้บ้า นั่งๆๆ”

ผมบอกพร้อมดึงให้มันมานั่งข้างๆส่วนตัวผมก็ขยับเข้าไปด้านในอีกจนคิดว่าพื้นที่นั่งพอสบายแล้วจึงหันไปเรียกพนักงานเพื่อขอแก้วมาเพิ่มอีกใบ

“ดื่มไรกันวะ?”

“วิสกี้”

“กูขอเพียวนะ”

ผมนี่แทบสำลัก

“มึงคอแข็งขนาดนั้น?”

“โถ่ไอ้นาย มึงอย่าคิดว่ากูไก่อ่อนเหมือนแต่ก่อนดิว๊า อย่างกูกรอกปากทีเดียวหมดขวดนี้ยังได้”

“โม้สัส”

“ความจริงเว้ย”

ผมส่ายหัวขำๆพอดีกับที่พนักงานมาเลยสั่งน้ำแข็งก้อนกลมมาใว้สำหรับเหล้าเพียวของไอ้เพื่อนเก่า เมื่อหันกลับมาก็เจอเข้ากับกระแสสายตาที่จ้องมองผมไม่วางตาแถมยังยิ้มแป้นแล้นจนน่าสงสัย

“มีไรวะ จ้องกูอยู่ได้?”

“นี่มึงเมารึยัง?”

“เมาห่าไร เหล้าพร่องไปไม่ถึงครึ่ง”

“เอ งั้นเป็นกูสิที่เมา”

“มึงกินมาก่อนหน้านี่เหรอ?”

“ป่าว”

“อะไรของมึงวะ?”

“ก็กูมองมึงแล้วมันแบบว่า…เหมือนมึงน่ารักขึ้นไรงี้ ถ้ามึงไม่เมาจนน่าเอาก็กูเมาจนน่าแปลกใจ”

“น่ารักน่าเอาพ่องมึงสิไอ้สัส”

“ฮ่าๆๆๆๆ อย่าโมโหน่า”

“เป็นมึงมีคนมาพูดแบบนี้ด้วยจะดีใจรึไงวะ”

“เออๆ กูขอโทษก็ได้ แต่กูพูดจริงนะเห้ย”

“มึงเอาแอลกอฮอล์กรอกปากมึงไปเลยสัส!”

มันยังคงหัวเราะร่วนในขณะที่ผมได้แต่หงุดหงิด ก็รู้แหละครับว่ามันคงจะพูดแหย่ไปงั้นแต่ใครมันก็ต้องหงุดหงิดป่าววะ

“เฮ้ย! กูหายไปแป๊บเดี๋ยวแม่งพาใครมาพลอดรักวะเชี่ยนาย?”

ผมละเพลียจิตกับเพื่อนแต่ละคน

“เดี๋ยวกูถีบ”

“โวๆ ใจเย็นครับเพื่อน อย่าพึ่งเขินตอนนี้กูอยากรู้มากว่ามันนี่คือใคร”

“เขินพ่อง แล้วนี่มึงจำมันไม่ได้?”

ไอ้มิกซ์ถึงกับขมวดคิ้วก่อนจะเข้ามาจ้องหน้าไอ้เต้ใกล้ๆจนผมนึกขำ โอเวอร์แอคติ่งได้ตลอดสิน่า

“เหี้ย!”

“กูคนไม่ใช่ตัวเงินตัวทองไอ้ห่ามิกซ์”

“เชี่ยเต้!!”

“ก็เออสิวะ กูหล่อขึ้นจนมึงจำไม่ได้เลยสินะ”

“โห แก่ขึ้นจมเลยมึง”

“สัส!”

“ฮ่าๆๆๆ เออๆหล่อๆ แต่น้อยว่ากูวะ”

“มึงไปเอาความเชื่อผิดๆนี่มาจากไหนวะมิกซ์”

“จากเบ้าหน้ามึงไงเต้ เอาชนเว้ย!”

แกร๊ง!!!

ความที่เราไม่ได้เจอกันนานเลยทำให้มีเรื่องให้คุยกันไม่ขาดปาก แกนนำก็ไม่ใช่ใครเป็นไอ้มิกซ์ไปตามระเบียบ ไอ้เต้เองก็ใช่ย่อย ผมก็มีพูดตอบโต้บ้างบางโอกาสแต่เพราะการพูดที่น้อยกว่าชาวบ้านจึงทำให้ดื่มเยอะกว่าชาวบ้านไปด้วยเช่นกัน จากขวดแรกก็กลายเป็นสองและตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นขวดที่สามมาครึ่งขวดแล้วด้วย

เมาไหมให้ทาย…ตอบให้ก็ได้ว่า จะเหลือเหรอครับ!

“เชี่ยนายแม่งเมาแล้วชัวร์ คออ่อนสัส”

“ที่มึงพูดเสียงยานๆนี่ไม่เมาเลยเนอะเชี่ยมิกซ์”

“ปากดีชิปหาย แล้วทำไมปากมึงแดงๆวะไอ้นาย?”

“เสือกไรกับปากกู”

“มึงนี่มัน”

“พอกันทั้งคู่นั้นแหละไอ้พวกคออ่อนเอ๊ย”

“มึงหุบปากไปเลยไอ้เต้ วันนี้กูจะสั่งสอนไอ้นี่ให้หายซ่าส์กับกู”

“คิดว่ากูกลัว?”

“พอๆๆ กัดกันอย่างกับหมา มาด้วยกันไม่ใช่รึไง”

“เออ/เออ”

เสือกตอบพร้อมกันไปอีก ผมเอนตัวฟุบกับเบาะแล้วหลับตาก่อนจะยกมือมาคลึงหน่วยตาไปมาให้หายมึน

“น้ำเว้ยนาย”

“ขอบใจวะ”

“ไหวไหมวะ กลับกันเลยไหม?”

“ก็ดี แล้วมึงอะมิกซ์?”

“กูมีนัดต่อยอดกับน้องนิ่มวะ”

ผมขมวดคิ้วเลย มึงเอาเวลาไหนไปจีบหญิงวะ หรือมันนัดกันตั้งแต่ตอนแยกไปช่วงแรกๆ โห ความหน้าม้อป้อขั้นเทพนี้

“โอเค แต่กูมากับมึงนี่”

“มึงก็ให้ไอ้เต้ไปส่งดิ๊ โง่อีก”

“อ้าว”

“พอเลยพวกมึง คุยกันดีๆได้ไม่กี่คำก็จะกัดกันอีกละ เดี๋ยวกูไปส่งมึงเองไอ้นาย”

ผมพยักหน้าให้เพื่อนแล้วจึงหันไปเรียกพนักงานมาเคลียร์บิลจนเรียบร้อยเราเลยเดินออกจากร้านโดยไอ้มิกซ์แยกไปหาสาวส่วนผมไปกับไอ้เต้

“โอ้โห มึงเล่นถอยแลมโบฯมาขับเลยเหรอวะ”

พอเห็นรถมันเท่านั้นแหละ กูนี่แทบสร่าง ก็เจอรถหรูราคาหลักสิบล้านจอดอยู่ต่อหน้าต่อตานี่ครับ

“ป๊ากูถอยให้เป็นของขวัญตอนจบป.โท ขึ้นรถได้ละ ยุงเยอะ”

คำพูดสุดท้ายของไอ้เต้ทำให้ผมชะงักกึกเพราะเคยได้ยินคำพูดประมาณนี้จากใครบางคนมารอบแล้วไง

“ไอ้นาย?”

“อ๊ะ เออๆ ขึ้นแล้วๆ”

ไอ้เต้มองผมตาปริบๆในระหว่างที่ผมกำลังจะก้าวขึ้นรถจู่ๆก็โดนดึงแขนอย่างแรงจนเซถลาไปปะทะเข้ากับใครบางคนเข้า

“เห้ย! ทำไรวะ!?”

ไอ้เต้ตะคอกถามเสียงดัง ผมเองพอตั้งตัวได้เลยหันไปมองบุคคลที่เป็นคนดึงจนต้องเบิกตากว้างอ้าปากค้างในทันที

เหี้ย!

ไอ้พี่ครอส!!

มันมาอยู่นี่ได้ไงวะ แถมยังตีหน้าโหดแผ่รังสีสังหารออกมาจนบรรยากาศกดดันไปหมด ผมนี่ถึงกับกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอทั้งที่ก็ไม่ได้ไปทำผิดอะไรมานะครับ

“ปล่อยมันนะเว้ย!”

มึงช่างมีความกล้าสูงมากที่มาขึ้นเสียงใส่คนๆนี้ ผมหันไปมองเพื่อนกำลังจะขยับปากแต่เสียงยังไม่ทันจะหลุดออกมาผมก็โดนดึงอีกครั้งจนต้องเดินตามไอ้พี่ครสไปยังรถของมันที่สตาร์ทรถรออยู่ไม่ไกลพร้อมกับลูกน้องที่ชื่อไค

“ไอ้เหี้ย! มึงจะพามันไปไม่ได้นะเว้ย!!”

“ถ้าไม่อยากตาย ก็อย่าเสือก”

เสียงเข้มพูดขู่จนผมยังเสียวสันหลังแทน ไอ้เต้มันชะงักเท้าทันทีเหมือนเริ่มรู้ถึงภัยที่กำลังจะเกิดกับมันถ้ายังไม่สงบปากสงบคำไว้ ผมพยักหน้าให้มันในเชิงไม่เป็นไรจนสุดท้ายก็โดนลากตัวขึ้นรถไปในที่สุด ผมนั่งนิ่งๆกอดอกมองเพื่อนที่ยังไม่เดินกลับไปขึ้นรถของตัวเองจนไอ้พี่ครอสเข้ามานั่งข้างๆและรถก็เคลื่อนตัวออกไปในที่สุด

ไร้ซึ่งคำพูดใดๆจากบุคคลที่อยู่ภายใน ไร้ซึ่งเสียงเครื่องยนต์หรือแม้กระทั่งเสียงลมหายใจก็ยังไม่มี นี่มันบรรยากาศบ้าอะไรกันวะ!

“ไปที่คอนโด###แถว###”

ในที่สุดไอ้บ้าอำนาจมันก็เอ่ยปากสั่งลูกน้องที่ขับรถอยู่ทางด้านหน้า ไครับคำแล้วตีไฟเลี้ยวในทันที ที่ๆมันสั่งให้ไปนั้นคือคอนโดของผมเองครับ ยังดีที่มีกะจิตกะใจจะส่งกูดีๆอยู่แหละนะ

ผมนั่งนิ่งจ้องมองออกนอกหน้าต่างตลอดทางจนมาถึงผมก็เปิดประตูลงไปอย่างไวชนิดที่ไม่แม้แต่จะเหลียวไปขอบคุณตามมารยาทอะไรทั้งสิ้น ก็ผมไม่ได้ขอฝห้เขามาส่งนะ แถมยังโดนลากตัวขึ้นรถอีกด้วยซ้ำ

“นาย”

เสียงเข้มเอ่ยเรียกค่อนข้างดังจนทำให้ผมชะงักเท้าแล้วหันไปมอง คนเรียกกำลังเดินตามผมมาด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับจนผมชักหวั่น

“มะ มีอะไรอีก?”

“ขึ้นไป”

เอ๊า แล้วจะเรียกกูทำเตี่ย

ผมเม้มปากแล้วหันไปกดลิฟท์ไม่นานบานประตูก็เปิดออกผมเลยก้าวเข้าไปด้านในและมันก็ตามเข้ามาด้วย

“พี่เข้ามาทำไม?”

ไอ้พี่ครอสไม่ตอบแต่เข้าไปยืนพิงพนังด้านในแล้วกอดอกตีหน้านิ่งเหมือนไม่รู้จักกันยังไงยังงั้น

“ถ้าจะไปส่งผมถึงหน้าห้องก็ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณมาก”

“กดชั้นซะ”

“........”

“เดี๋ยวนี้”

เหี้ยสุดอะไรสุด

ผมเม้มปากกัดฟันก่อนจะหันไปกดชั้นของตัวเอง พยายามอย่างยิ่งยวนที่จะไม่เหลียวหลังหันกลับไปมองใครอีกคนแต่ก็ลืมไปว่าลิฟท์ของที่นี่เป็นกระจกเงาทั้งสี่ด้าน ไม่ต้องเหลียวแม่งก็ยังเห็นอะ เมื่อมาถึงชั้นผมก็เดินจ้ำอ้าวออกมาตรงดิ่งไปยังห้องล้วงหยิบกุญแจแล้วเปิดประตูในทันที ใจนะอยากจะรีบเข้าห้องแล้วปิดประตูใส่หน้าแม่งแต่เอาเข้าจริงคือไอ้พี่ครอสมันโคตรไววะครับ ผมยังไม่ทันได้ปิดประตูมันก็ผลักผมจนเซแล้วเบียดตัวเข้ามาข้างในอย่างถือวิสาสะ

“เฮ้ยพี่!”

“หุบปาก”

“เชี่ยไรวะ ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้เลย”

“กูบอกให้หุบปาก”

“ผมไม่ใช่ลูกน้องแล้วก็ไม่ใช่น้องชายของพี่ด้วย ไม่ต้องมาสั่ง โอ้ย! อืออออ...”

ความเจ็บจากการโดนบีบที่แก้มทั้งสองข้างยังไม่เท่าการถูกจูบที่รุนแรงจนใจเต้นรัว วินาทีนี้ผมควรดีใจที่ได้จูบกับคนที่แอบชอบแต่มันกลับไม่ใช่ ผมโคตรเสียใจกับจูบในครั้งนี้ เสียใจมากจนน้ำตาไหลอย่างไม่รู้ตัว

“หึ ถึงกับร้องไห้เลยเหรอ?”

มันผละออกแล้วยิ้มเยาะ ผมเห็นอย่างนั้นแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ ถึงจะเหี้ยขนาดไหนแต่ก็ไม่สมควรมาทำกับกูแบบนี้ป่าววะ

ผว๊ะ!

โครม!!


ผมลุกขึ้นยืนพลางกำหมัดที่กำแน่นและเจ็บแปร๊บจากการกระแทกใส่หน้าหล่อๆที่ผมตกหลุมรัก พี่ครอสยกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลลงมาจากมุมปากแต่ก็ยังไม่ได้เงยขึ้นมามองผมแต่อย่างใด

“พี่แม่งโคตรเหี้ย!”

“หึ”

“ออกไปจากชีวิตผมซะ!!”

“กูไม่ออก”

“สารเลว!”

“แต่มึงก็ชอบผู้ชายเลวๆอย่างกูไม่ใช่รึไง?”

“........”

ถึงกับอึ้ง

มัน...มันรู้...

“หึ”

“ออกไป!!!”

“กูบอกว่าไม่ไงวะ!”

พูดจบมันก็ลุกพรวดมาผลักผมใส่ผนังเสียงดังปึกก่อนจะเข้ามาปิดปากอีกรอบ คราวนี้เหมือนจะโดนกัดปากไปด้วยเพราะผมรู้สึกได้ถึงความเจ็บที่ทวีคูณขึ้นยิ่งกว่าเดิม มือทั้งสองข้างของผมถูกล็อคไว้ด้วยมือแกร่ง เหลือเพียวขาที่พอจะขยับได้แต่จะเตะแม่งก็ไม่สะดวกเพราะมันแทรกอยู่ตรงกลางระหว่างขาของผมอยู่

เฮือก!

ผมสะดุ้งโหย่งเมื่อรู้สึกได้ถึงมือหนาที่ปลดซิปกางเกงแล้วล้วงเข้ามายังด้านใน

“อืออื้ออออ”

ยิ่งร้องผมยิ่งโดนมันบดขยี้จนได้รสเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งปาก เมื่อมองสบตาก็เห็นว่าดวงตามันนั้นแข็งกร่าวเหมือนที่ทำอยู่นี่แค่เป็นไปตามอารมณ์โกรธไม่ใช่ความต้องการจริงๆจากใจเลยแม้แต่น้อย

ให้ตายสิ

ผมอยากตายจริงๆก็คราวนี้แหละ

“อึ๊ก”

ผมสะดุ้งอีกทีเมื่อมือหนากำรอบส่วนสงวนไว้จนแน่น ความปวดเริ่มรุกล้ำจนทำให้ผมถึงกับนิ่วหน้า มันหัวเราะในลำคอน้อยๆก่อนจะขยับมือจนทำให้ผมเผลอหลุดเสียงครางออกมา จากที่ไม่ได้สัมผัสมันมานานไม่น่าเชื่อว่ามันจะตื่นมือได้ถึงขนาดนี้ เมื่อมันเห็นปฎิกิริยาของผมแล้วเหมือนมันจะยิ่งชอบใจเลยยิ่งเพิ่มแรงขยับจนขาผมสั่น เรี่ยวแรงเริ่มถดถอยจนต้องเกาะไหล่หนาไว้อย่างช่วยไม่ได้

“หึ”

ผมเกลียดเสียงหัวเราะของมันชะมัด

ไอ้พี่ครอสถอนริมฝีปากออกก่อนจะไล่ต่ำลงมากัดที่ต้นคอให้ผมได้สะดุ้งเล่น ความเสียวจากส่วนล่างทำให้ผมไร้ซึ่งเรี่ยวแรงในการขัดขืนไปมากโข ตั้งแต่เกิดมาเคยฟันหญิงอยู่นะครับแต่ไม่เคยถูกทำให้อ่อนระทวยแบบนี้มาก่อน โคตรรุนแรงต่อใจเลยวะ

“ปะ ปล่อย”

เสียงสั่นชิปหาย มือที่กะจะผลักมันออกกลับทำได้เพียงแตะเพราะไม่มีแรง

“หึ จะเสร็จแล้วรึไง”

เฮือก!

ว่าแล้วก็ตัวกระตุกสั่นไม่หยุดพร้อมกับส่งเสียงน่าอายออกมาจนไร้ซึ่งหนทางกักกั้น น้ำรักสีขาวพุ่งพรวดออกมาจนเลอะมือใหญ่ที่จับไว้จนหมดแหมะลงกันพื้น ผมหอบหายใจจนแทบบ้า แต่คนตรงหน้ากลับยิ้มเยาะพลางหัวเราะเสียงต่ำเหมือนสะใจที่ทำผมคลั่งได้สำเร็จ เมื่อผมนิ่งพักจนมีแรงขึ้นมาอีกนิดผมเลยผลักมันออกแรงๆก่อนทรุดลงนั่งกับพื้นฟุบหน้าลงกับเข่าอย่างหมดสิ้นแล้วทุกสิ่ง ผมไม่รู้ว่าน้ำตามันไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่ผมรู้คือผมโคตรเสียใจ หัวใจมันแหลกเป็นผุยผงด้วยน้ำมือของคนที่ผมไปตกหลุมรักเองแล้วก็เจ็บเอง

“นาย”

เสียงที่ฟังดูซอฟลงกว่าในตอนแรกเอ่ยขึ้นไม่ไกลแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนมันอยู่ไกลเสียยิ่งกว่าไกล

“กลับไปซะ”

“ร้องไห้?”

“ผมบอกให้ออกไปไง ผมอยากอยู่คนเดียว”

“..........”

“ผมขอร้อง”

“.........”



Tbc....

มันก็จะหน่วงหน่อยๆ(เหรอออออ)

ไรท์เคยเตือนไว้ที่เพจแล้วนะว่าเรื่องนี้ได้โซ้ยมาม่าชามโตแน่ๆ หึหึ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น5 (UP-13/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 13-06-2017 11:40:03
ไหวหวั่นครั้งที่ 5




แกร๊ก

เสียงเปิดประตูดังขึ้นเมื่อเพื่อนร่วมห้องอีกคนกลับมาจากการไปสรรหาความบันเทิงใส่ตัว แต่ผมไม่คิดจะสนใจมันเลยสักนิด ไม่แม้แต่ขยับร่างกายหรือหลับนอน ผมยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่โซฟาหน้าซบแขนอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งคืน

“เชี่ย! ไอ้ห่านาย กูตกใจหมดเลยแม่ง”

“……”

“ทำไมไม่เปิดฟืนเปิดไฟวะ จะว่าไปมึงตื่นเช้าขนาดนี้ได้ด้วย?”

“……”

“ไอ้นาย”

“……”

“มึงเป็นอะไร?”

แรงยุบที่เบาะข้างๆและกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงทำให้ผมรู้ว่าเพื่อนได้เข้ามานั่งอยู่ข้างๆแล้วผมเลยเอนตัวไปซบไหล่มันอย่างเหนื่อยล้าแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรมันออกไป ไอ้มิกซ์จากนิสัยเดิมที่พูดจ้อไม่หยุดพอมาเจออาการผมเข้ามันก็ถึงกับใบ้แดรกไปเลย มือสากน้อยๆของเพื่อนสนิทขยี้โคร่งหัวผมไปมา คือกูรู้ว่ามึงอยากปลอบแต่ช่วยอ่อนโยนกว่านี้จะได้ไหมวะ

“ไอ้นาย”

“อื้อ”

“มึงมีเรื่องอะไรกับไอ้เต้วะ?”

“ห่ะ?”

งงไปสิครับ

“ก็เนี้ย มันโทรหากูสิบกว่าสายหลังจากที่กูแยกกับพวกมึงแต่กูปิดเสียงไว้ไงเลยไม่ได้รับ พอโทรกลับระหว่างทางมานี่มันก็เสือกไม่รับสายกูอีก ไหนจะกลับมาห้องแล้วเจอมึงในสภาพนี้อีก มึงมีเรื่องอะไรกับมันบอกกูมาตรงๆ?”

เออวะ สมเหตุสมผลในแง่ของมันดี แต่ขอโทษทีที่มันไม่ใช่

“ป่าว ไม่ใช่กับไอ้เต้”

“แล้วกับใคร?”

ผมถอนหายใจยาวๆแล้วหยัดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงแล้วเงยหน้าไปสบตาเพื่อน คงถึงเวลาที่ผมต้องชัดเจนกับการตัดสายใยทุกสิ่งอย่างกับคนๆนั้นอย่างจริงจังและผมต้องการเพื่อนที่จะอยู่ข้างๆคอยให้กำลังใจแรงหนุนหรือแม้กระทั่งคำปรึกษา

“กับพี่ครอส”

ไอ้มิกซ์ถึงกับมีเควชั่นมาร์คปรากฎหราอยู่บนหน้า

“พี่ไอ้คริสอะนะ?”

“เออ”

“เกี่ยวอะไรกันวะ?”

ผมพ้นลมหายใจออกอีกรอบก่อนจะตั้งต้นเล่าความเป็นมาเป็นไปให้มันฟังตั้งแต่ต้น ไอ้มิกซ์มันอึ้งแล้วอึ้งอีก อุทานจนขนมาหมดทั้งสวนสัตว์แล้วมั้ง พอจบผมก็เริ่มจะซึมอีกรอบ แน่ละ การได้เล่าคือเราต้องรำลึกถึงใช่ไหมละครับ มันก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำตัวเองไปอีกครั้งจนแทบจะทรุดซะให้ได้

“จริงเหรอวะเนี้ย”

ผมไม่ตอบแต่ยกมือขึ้นลูบหน้าไล่อาการต่อมน้ำตาตื้นของตัวเอง

“มีใครรู้เรื่องนี้บ้างวะ?”

“ไม่แน่ใจ แต่ไม่น่าจะมี”

“กูว่าไม่มีซึ่งก็ดีแล้ว โดยเฉพาะไอ้คริส”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน

“แล้วมึงจะเอาไงต่อไป ตอนนี้กูโคตรอยากตั๊งหน้าไอ้พี่ครอสเลยวะ แม่งเลวสัส ทำทีให้ความหวังทั้งที่ตัวเองก็มีครอบครัว”

“ไอ้คริสบอกว่าเขาแยกกับเมียแล้วนะ”

“ก็แล้วไง”

ผมยกยิ้มน้อยๆให้ความเป็นเดือดเป็นร้อนแทนผมของไอ้เพื่อนซี้  พวกเราทั้งกลุ่มเป็นด่ากันปาวๆแบบนั้นแต่จริงๆแล้าเรารักกันมากนะครับ ผมเชื่อว่าถึงไม่ใช่ไอ้มิกซ์แล้วเปลี่ยนเป็นไอ้คมหรือไอ้แวนมันก็คงเป็นแบบนี้ทุกคน แต่ยกเว้นคริสตัลนะครับ รายนั้นคนหนึ่งก็พี่ชายคนหนึ่งก็เพื่อน ผมว่ามันต้องเครียดมากทีเดียวที่ต้องเลือกอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง

“กูอยากหายไปจากชีวิตเขาวะ อยากไปไกลๆ”

“มึงพึ่งกลับมานะไอ้นาย กูว่าพ่อมึงไม่ยอมส่งตัวมึงไปไหนอีกแน่นอกจากเข้าทำงานแล้วไปประจำที่สาขาต่างจังหวัด”

คำพูดของไอ้มิกซ์ทำให้ผมฉุกคิด ไปทำงานต่างจังหวัดเหรอ ถึงแม้จะไม่ไกลมากแต่อัตราการเจอกันก็น้อยจนเกือบเป็นศูนย์ในบางที

“มิกซ์”

“อะไร?”

“ขอบใจมากเพื่อน”

“ห่ะ?”

“กูจะทำอย่างที่มึงพูด”

“อย่าบอกนะว่า…”

“ใช่ กูจะไปประจำที่ภูเก็ต ถึงไม่ไกลมากแต่ไม่มีแววที่จะได้เจอกันอีกแน่นอน”

“มึงไม่คิดว่าเขาจะตามไปบ้างเหรอวะ?”

ผมชะงัก รอยยิ้มกว้างเมื่อครู่หุบฉับจนแทบจะเบะคว้ำ

“แต่พี่ไอ้คริสมันก็ยุ่งๆแหละนะ ถ้าไปคงอยู่ไม่นานแล้วเวลาส่วนตัวก็ไม่น่าจะมีเยอะจนไประรานมึงถึงนั้นได้นานๆหรอก”

ผมพยักหน้ารับคำแก้ต่างของเพื่อน

“มึงจะไปจริงๆเหรอวะไอ้นาย?”

“ก็คงต้องเป็นงั้น”











“อืม ก็ฟังดูไม่เลวนี่”

ผมยิ้มกว้างให้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้า วันนี้เป็นวันจันทร์ซึ่งผมมีนัดกับคุณท่านไว้อยู่แล้วผมเลยรีบตรงดิ่งเข้ามาเปิดปากขอไปทำงานที่นู้นก่อนที่ท่านจะทันได้อ้าปากทักทายด้วยซ้ำ ผมเล่นใหญ่รัชดาลัยไหนจะชักแม่น้ำทั้งห้าหกเจ็ดแปดเก้าสิบสายมาสาธยายจนแทบหมดลม แต่ฟังดูคำตอบรับเมื่อครู่แล้วก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

“พ่อให้ผมไปใช่ไหม?”

“ฉันแค่บอกว่าฟังดูไม่เลว ไม่ใช่อนุญาตให้ไป”

“อ้าว”

หุบยิ่มแทบไม่ทันเลยกู

“ที่นั้นมีลูกตาลดูไปแล้ว”

“ห่ะ พี่ลูกตาลไม่ได้อยู่หัวหินเหรอ?”

“ฉันพึ่งให้ย้ายไปเมื่อเดือนก่อน ที่หัวหินให้เจ้าเจี๊ยบดูแล”

ที่พูดมานั้นคือบรรดาลูกน้อยระดับท๊อปนะครับ บริษัทของเราดีอยู่อย่างคือถึงแม้คนตรงหน้าผมจะเป็นดั่งกฎแต่เราก็อยู่กันแบบครอบครัวที่มีกฎเป็นหลักยึด เราเน้นการบริหารแบบใช้ใจซื้อใจเพราะงั้นทุกคนถึงเลืกที่จะอยู่เพราะสายสัมพันธ์มากกว่าอะไรอื่น

“ส่วนแกฉันวางตำแหน่งไว้ให้แล้ว”

ผมถึงกับหงอแต่ก็ต้องพยักหน้าให้คุณท่านไป ถึงจะไม่ได้ไปไกลอย่างที่ใจคิดแต่อย่างน้อยเวลาทำงานก็ทำให้ไม่ฟุ้งซ่านแถมยังไม่มีเวลาว่างไปเจอกันได้ง่ายๆ…ละมั้ง

“ตำแหน่งอะไรครับ?”

“กรรมการผู้จัดการฝ่ายขายและการตลาด ควบสองคงไหวนะ?”

โอ้โห ใครบอกว่าการเป็นลูกผู้บริหารแล้วสบายได้ทำงานง่ายๆนั่งเซ็นเอกสารอย่างเดียวผมขอค้านหัวชนฝาเลยครับ ใช่งานยิ่งกว่าลูกน้องอีกมั้งเนี้ย

“ถ้าผมบอกว่าไม่ไหวละ”

“ก็ต้องไหว”

ครับพ่อครับ ถ้าจะพูดแบบนั้นแล้วคุณท่านจะถามผมเพื่อ!?!

ผมเดินตีหน้าหงอไปยังห้องทำงานที่ผู้เป็นพ่อสั่งให้จัดแจงไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ห้องนี้อยู่ชั้นล่างของชั้นผู้บริหารเพียงชั้นเดียวผมเลยเลือกที่จะเดินลงบันไดแทนการใช้ลิฟท์ เมื่อโผล่มาถึงชั้นก็โค้งรับการเอ่ยต้อนรับจากบรรดาพนักงานของทั้งฝ่ายขายและแผนกการตลาดซึ่งอยู่ร่วมกันในชั้นนี้โดยมีห้องทำงานของผมอยู่ด้านในสุดติดกับห้องประชุมเล็ก

“สวัสดีค่ะคุณณรงค์”

“สวัสดีครับพี่ใหม่ เรียกผมแบบปกติก็ได้”

“ยินดีต้อนรับนะค่ะน้องนาย รู้ไหมว่าบอสดีใจแค่ไหนที่รู้ว่าน้องนายจะเข้ามาทำงานที่บริษัทสักที”

ผมยิ้มแห้งๆส่งไปให้ก่อนที่เธอจะเปิดประตูออกกว้างเพื่อให้ผมเดินเข้าห้องอย่างสะดวก ห้องทำงานนี้ถูกจัดแจงทุกอย่างให้เหมือนห้องพ่อที่ด้านบนเลยครับ ตำแหน่งโต๊ะทำงานโซฟารับแขกหรือแม้กระทั่งตู้โชว์ใบประกาศและรูปภาพต่างๆของผม จะมีผิดแปลกหน่อยก็ตรงที่โทนสีที่เล่นโทนเทาเมลาทริคดูล่ำกว่าห้องพ่อที่เป็นโทนสีไม้ ผมยิ้มเมื่อเห็นว่าพ่อยังคงจำรายละเอียดเล็กๆเกี่ยวกับผมได้อย่างแม่นยำ ผมชอบสีเงินครับถ้าใครยังไม่รู้

“วันนี้มีอะไรให้ผมทำบ้างครับพี่ใหม่?”

ถึงจะอยู่ในตำแหน่งเจ้านายแต่ผมก็ยังเป็นผู้เริ่มต้นอยู่ดีนะครับ ถึงแม้จะเรียนมามากมายแต่ทุกสายที่เรียนมันย่อมไม่ตรงกับอาชีพที่ทำอย่างเป๊ะๆหรอก มันต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ต่างๆเพื่อให้เข้ากับทิศทางของงานให้มากที่สุด

“วันนี้ไม่มีอะไรมากค่ะ บอสต้องการให้น้องนายศึกษางานไปก่อนเลยให้พี่เอาพวกเอกสารการตลาดและงานขายที่ผ่านๆมาของเราให้ไปอ่านศึกษาไปก่อน”

“แล้วมันอยู่ไหนละครับ?”

โต๊ะทำงานของผมโล่งเสียยิ่งกว่าโล่งขนาดนี้ แล้วไอ้เอกสารที่ว่ามันไปอยู่ซอกหลืบไหนกันละวะ

“นั้นไงค่ะ”

ผมหันไปมองตามนิ้วเรียวๆที่ชี้บอก

โอ้มายก๊อด!

มันเป็นเอกสารของอะไรทำไมเยอะอย่างนี้วะ

“หมดนั้นเลยเหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ ถ้ามีอะไรก็ถามพี่ได้ตลอดเลยนะค่ะ”

ผมหันไปมองเอกสารที่กองเป็นตักๆอยู่ข้างๆโต๊ะแล้วก็ถึงกับกลืนน้ำลายเอือก พ่อเล่นกูแล้ว

“ขอบคุณมากครับพี่ใหม่”

“ยินดีค่ะ อ้อ จะรับชากาแฟสักแก้วไหมคะ? บอกตารางการกินกับพี่ได้พี่จะได้เตรียมเข้ามาให้ถูก”

“อ่า ผมขอมอคค่าช่วงสิบนาฬิกาแล้วกันครับ”

“รับทราบค่ะ”

พอรับคำคุณเธอก็เดินออกจากห้องไปปล่อยให้ผมอยู่กับเอกสารนับร้อยนับพันฉบับที่ต้องศึกษาทุกเม็ดทุกแผ่น จากตอนเรียนว่าเจอตัวหนังสือเยอะแล้วมาทำงานกูยังต้องเจออีกเหรอวะ ถ้าอ่านหมดนี่คงไม่อ้วกออกมาเป็นพารากราฟหรอกนะ เชี่ย!

ผมนั่งพลิกหน้ากระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าจดจำและประมวลผลข้อมูลทุกสิ่งอย่างเข้าสู่สมองจนพี่ใหม่เอากาแฟพร้อมคุกกี้สามสี่ชิ้นเข้ามาให้นั้นแหละถึงได้หยุดพักสมองและสายตา พี่ใหม่ยิ้มขำเมื่อเห็นอาการบิดตัวไล่ความขบเมื่อยอย่างไม่ถือตัวของผมก่อนจะเดินกลับไปทำงานที่โต๊ะประจำตำแหน่งของเธอ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาปรากฎว่าพึ่งสิบโมงกว่าๆเพื่อนแต่ละคนคงกำลังขมักเขม้นกับการทำงานไม่ต่างกัน แต่คงต้องยกเว้นไอ้คริสไว้คน ว่าแล้วก็ชักจะคิดถึงมันแฮะ ผมยกกาแฟขึ้นจิบก้อนจะกดหาชื่อคริสตัลแต่ยังไม่ทันจะโทรออกก็มีใครบางคนโทรแทรกเข้ามาซะก่อน มันเป็นเบอร์แปลกที่ไม่ถูกเม้มชื่อไว้ ผมกดรับพร้อมความฉงน

“สวัสดีครับ”

/รับโทรศัพท์กูนี่พูดเพราะขนาดนี้เลยเหรอวะ/

เสียงนี้…

“ไอ้เต้?”

/เออ กูเอง/

“ไปเอาเบอร์กูมาจากไหนวะ?”

/ไอ้มิกซ์ไง จริงๆกูว่าจะโทรหามึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วแหละแต่ติดธุระของทางบ้านวะ/

ผมเงียบพลางยกกาแฟขึ้นจิบพยักหน้ารับไปด้วยทั้งที่ปลายสายไม่มีทางเห็นแท้ๆ

/มึงโอเคไหมวะ? แล้วไอ้คนที่มาฉุดมึงมันเป็นใคร?/

“แค่กๆๆๆ”

ถึงกับสำลักกาแฟเลยกู

/เห้ย ใจเย็น ถามแค่นี้ทำเป็นไอ/

“โทษที แค่กๆ กูโอเค”

/โอเคเรื่องที่ไอเมื่อกี้หรือเรื่องที่กูถาม?/

“ทั้งสอง”

/แล้วอีกคำถามละ?/

ผมกรอกตาก่อนจะเอนตัวลงพิงพนักพิงเก้าอี้ที่ถูกสั่งมาพิเศษสำหรับการรองรับสรีระที่ถูกต้องตามหลักแถมยังมีระบบนวดในตัวอีกด้วย

“พี่ชายของเพื่อนนะ”

ไอ้เต้มันไม่รู้จักกับคริสตัลครับ

/พี่ชายของเพื่อนมันมีสิทธิ์ที่จะลากมึงไปไหนมาไหนได้แบบนั้นเลยเหรอวะ? แถมมึงยังดูเกรงๆเขาด้วย มึงบอกกูมาตรงๆดีกว่าว่าเขาคือใครกันแน่ แฟนมึง?/

คราวนี้ผมถึงกับถอนหายใจให้ความฉลาดที่ไม่เคยเปลี่ยนของเพื่อน

“ป่าว…กูแค่แอบชอบเขาฝ่ายเดียว”

/……/

“ตอนนี้กูกำลังพยายามตัดใจจากเขาอยู่ มึงอย่าชวนกูคุยในเรื่องเขาจะได้ไหม”

/กูขอโทษ/

“อืม”

/มึงมาทางสายนี้จริงๆสินะไอ้นาย/

ไอ้เต้รู้ว่าผมเองก็เที่ยวผู้หญิงนะครับ ผมแผงฤทธิ์มาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วไง แต่ก็มีหลายๆคนคิดว่าผมเป็นเกย์เพราะความสำอางทั้งที่ผมก็ปฎิเสธหัวชนฝ่า ไปๆมาๆก็มาตกม้าตายแบบนี้แหละนะ

“คงงั้น”

/หึ มึงบอกว่าอยากตัดใจใช่ไหม?/

“อืม”

/แต่ยังไม่มีแววว่าจะทำได้ใช่ไหม?/

“ทำไมมึงรู้วะ?”

/ถ้าคนที่ทำได้จริงกะอีกแค่ถามเรื่องของอีกคนแค่นี้มันก็ไม่มีผลอะไรหรอก แต่เพราะมันยังมีผลกับมึงไงมึงเลยไม่อยากรับรู้ กูพูดถูกไหม?/

“ถูก ทำไมมึงแสนรู้งี้วะ”

/เชี่ยนี่ กูอุสาเป็นการเป็นงาน/

“หึหึ ซอรี่ๆ”

/แล้วถ้ากูบอกว่ากูจะช่วยให้มึงลืมไวขึ้น มึงสนใจม่ะ?/

“สน!”

/หึหึ ไวเชียวนะมึง/

“แล้วต้องเริ่มจากไหน ต้องทำอะไรบ้างแล้วมึงจะช่วยกูยังไงวะ?”

/ใจเย็นๆแล้วนับหนึ่งถึงหนึ่งสิ/

“สัส ใช่เวลามาเล่นไหม”

/กูเห็นมึงของขึ้นเลยต้องยั้งไว้ก่อน/

“เออๆ แล้วไงต่อ?”

/เริ่มแรก เราต้องมาคุยกันจริงๆจังๆก่อน/

ผมขมวดคิ้วน้อยๆ

/เย็นนี้มาทานดินเนอร์กันสักหน่อยไหม?/



Tbc…

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น5 (UP-13/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 13-06-2017 12:49:11
 :sad4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น5 (UP-13/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 13-06-2017 20:42:04
มาต่อเถอะ สุนกจัง อยากอ่านต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น5 (UP-13/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 14-06-2017 19:55:29
โฮ เริ่มจากมื้อค่ำ ต่อไปก็มื้อเที่ยง ต่อต่อไปก็มื้อเช้า เพื่อนเต้กะติวเข้มใช่มะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น6 (UP-15/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 15-06-2017 09:13:58
ไหวหวั่นครั้งที่ 6



เพราะเหตุนั้นผมจึงได้มานั่งแหมะอยู่ที่ภัตตาคารอาหารจีนอันเลืองชื่อแห่งหนึ่งแถวเยาวราช เอาจริงๆคือโคตรผิดคาดวะครับ ก็รู้อยู่แหละว่าไอ้เต้มันเป็นคนง่ายๆไม่ได้ติดหรูอะไรมาก(ในเรื่องกิน)แต่พอได้ยินมันบอกว่าดินเนอร์ไอ้เราก็คิดไปถึงมื้ออาหารสไตล์ฝรั่งไปแล้วไง ใครมันจะไปคิดละว่าจะพามาถอดสูทปลดไทแล้วมาเดินชิลๆท่ามกลางแสงสีของถนนเยาวราชที่เต็มไปด้วยของกินแบบนี้

“เป็นไรวะ จ้องหน้ากูอยู่ได้?”

ไอ้เต้มันถามหลังจากที่พึ่งสังเกตุได้ว่าผมจ้องมันแทบตาย คือจ้องแบบสงสัยอะครับไม่มีอะไรอื่นแอบแฝงเลยนะ

“กูผิดคาดกับมึงจริงๆ”

“ฮ่าๆๆๆ มึงคาดหวังอะไรไว้วะ คิดว่ากูจะพาไปดินเนอร์ใต้จันทร์ไรงี้รึไง?”

ผมจิ๊ปากซึ่งก็ทำให้มันหัวเราะชอบใจเข้าไปใหญ่

“พอได้แล้วมั่ง คนมองกันทั้งร้านแล้วมึง”

“หึหึหึ”

ผมยกแขนค้ำโต๊ะแล้วเท้าคางเหม่อมองออกไปยังด้านนอกรออาหารที่สั่ง เห็นแว๊บๆว่าไอ้คนที่นั่งตรงข้ามมันยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นแต่ก็ไม่ได้สนใจ สักพักใหญ่ๆก็รู้สึกถึงการสั่งไหวของโทรศัพท์ตัวเอง

“ไม่ดูโทรศัพท์หน่อยเหรอมึง?”

ผมเหล่ตามองมันก่อนที่จะล้วงโทรศัพท์ออกมาดูตามที่มันท้วง ขมวดคิ้วนิดหน่อยที่เห็นตัวเลขแจ้งเตือนจากโซเชี่ยวที่ไม่ได้แตะต้องมาสักพักใหญ่ๆ

TanakonK. ได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนคุณ

ผมเลยหน้ามองคนตรงข้ามซึ่งมันก็ยักคิ้วหลิ่วตามาให้ไม่หยุด ผมกดเข้าไปยอมรับมันและนั้นก็ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวตรงหน้าฟีดเป็นครั้งแรกในรอบปี

NineNarong ได้รับ TanakonK. เป็นเพื่อนเมื่อสักครู่

CRYSTAL  เฮ้ย! ไอ้นายกลับมาเล่นเฟสแล้ววะ McMixer Vanko KomsanKittiwat

Vanko Who is he?

KomsanKittiwat ใครวะ?

CRYSTAL +1

McMixer เพื่อนสมัยมัธยมของกูกับไอ้นาย พวกมึงนี่ว่างกันมากใช่ไหมถึงได้โผล่หัวมาได้


ผมยิ้มขำให้คอมเม้นท์ที่หาสาระไม่ได้ของพวกตัวป่วน

TanakonK. ชื่อเต้นะครับ แนะนำสำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก แต่สำหรับคนที่รู้จักแล้วก็ช่างหัวมันครับ McMinxer

McMixer เชี่ยเต้ ทำไมแท๊กแต่กูวะ ไอ้นี่ก็รู้จัก NineNarong

TanakonK. รายนั้นละไว้ในใจเก็บไว้ใกล้กายแตะต้องยังไม่ได้มันเป็นของล้ำค่า

McMixer OoO!!!

CRYSTAL OMG!!!

Vanko เชี่ยยยยย

KomsanKittiwat เหยดดดดดดด

ผมนี่เงยหน้ามองจิกไอ้คนตรงหน้าแทบไม่ทัน ไอ้เต้ไหวไหล่พอดีกับที่อาหารทยอยมาเสิร์ฟเลยทำให้รอดพ้นจากการโดนด่าไปชั่วขณะเพราะกูหิวมากกกกก

“โอ้โห กินระหว่างทางมาก็เยอะนี่มึงยังจะกินลงอีกเหรอวะ?”

“หุบปากไปเลย คดีเก่ายังไม่สะสางเลยนะมึงอะ”

มันหัวเราะขำไปเรื่อยส่วนผมก็กินไปเรื่อยไม่ได้สนใจอะไรมันอีกจนเกือบๆอิ่มนั้นแหละถึงได้มองเห็นแสงวิ๊บๆวั๊บๆของโทรศัพท์บ่งบอกถึงการเตือนที่ยังไม่ได้เปิดดู ดีนะที่ผมปิดเสียงปิดสั่นไว้ไม่งั้นคงรำคาญตาย

“อิ่มแล้วเหรอ?”

“ก็เกือบๆ”

ผมตอบโดยไม่ได้มองหน้าแต่หันไปคว้าโทรศัพท์มากดเปิดดู

“กินของหวานไหม?”

“ไม่อะ เดี๋ยวออกไปเดินซื้อกินข้างนอก”

ได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วมาแต่ก็ไม่ได้สนใจ นิ้วกำลังระวิงอยู่กับการเปิดโซเชี่ยวที่มีคนแท๊กชื่อผมไว้ไม่นานก็รู้ว่าเป็นใคร

“เชี่ยเต้”

“อะไรวะ?”

“ยังจะมาถามอีก”

มันมองผมสลับกับมือถือในมือแล้วก็ยิ้มขำ

“น่ารักดีออก”

“น่ารักพ่องมึงสิ ไอ้คอมเม้นต์นั้นยังไม่เคลียร์นี่มึงจะสร้างเรื่องใหม่อีกเหรอห่ะ”

เรื่องใหม่ที่ว่าคือมันแอบถ่ายรูปทีเผลอของผมตอนกำลังโซ้ยอาหารตรงหน้าแบบเต็มกำลังลงเฟสพร้อมแคปชั่น ‘ถึงจะกินเยอะขนาดไหนก็เลี้ยงไหวแล้วกัน’ แก้มผมนี่อูมอย่างกับแฮมสเตอร์อมเมล็ดทานตะวันยังไงยังงั้น

“ก็ดีแล้วนี่”

“ดีบ้านมึงสิ”

“มึงฟังกูนะ การที่มึงจะตัดใจจากใครได้มันต้องมีใครอีกคนมาแทรกหรือเป็นตัวแทน”

ผมขมวดคิ้ว

“แล้วไอ้สิ่งที่กูทำคือกำลังเข้าไปแทรกระหว่างมึงกับเขาซึ่งมันจะทำให้มึงหันเหความสนใจมาทางกูและจะทำให้ลืมเขาง่ายขึ้น มึงเข้าใจรึยัง?”

โห มันเล่นมาแนวจิตวิทยาเลยวะ

ผมพยักหน้ารับช้าๆ ไอ้เต้เลยส่งยิ้มกว้างมาให่พร้อมกับยื่นมือมายีหัวผมเบาๆไปอีก

“สัส เสียทรงหมด”

“กูว่ามึงปล่อยผมเหมือนวันก่อนจะดีกว่าเซ็ตแบบวันนี้นะ”

วันนี้ผมต้องเข้าบริษัทและใส่สูทอย่างเป็นทางการผมเลยเซ็ตผมให้ดูเป็นทางการไปด้วยไงครับแต่วันก่อนที่มันพูดนั้นคือผมไปกินเหล้าแน่นอนว่าแทบไม่ได้เซ็ตอะไรเพราะปกติก็ไม่ชอบให้ผมมันแข็งๆแบบนั้นอยู่แล้ว

“ไม่ดีเหรอวะ?”

“ก็ดี แต่มันเหมือนไม่ใช่มึง กูไม่ค่อยชอบ”

“เอ๊า แล้วเกี่ยวอะไรกับความชอบมึงวะ”

“ก็กูเป็นว่าที่แฟนในอนาคตมึงไง”

“สัสเหอะ”

“หึหึ”

ผมแยกเขี้ยวใส่มันไปทีก่อนจะหันมาสนใจโทรศัพท์ต่อเพราะมีสายเข้าจากบรรดาเพื่อนๆของผมจนสายแทบไหม้ จริงๆก็มีมาสักพักแล้วแหละนะแต่ผมไม่รับสายใครแล้วหันไปเปิดไลน์กลุ่มคุยแทน ดูเหมือนประเด็นไอ้เต้จะมาแรงมาครับ พวกมันถามใหญ่ว่าอะไรยังไงทำไมมันประกศตัวเหมือนจะจีบผมแบบนั้น ผมบอกได้แค่ว่าไม่รู้เพราะไอ้คริสก็อยู่ในกรุ๊ปนี่ด้วย

“ไปเหอะวะ”

“อ้าว เรียกคิดเงินแล้วเหรอ?”

“เรียบร้อยไปชาติเศษละ”

“โอ้โหปาก”

“น่าจูบดีไหมละ”

“น่าถีบนะสิไม่ว่า มึงเลี้ยงกูเลยข้อหาปากหมาใส่กู”

“ข้อหาส้นคิดชิปหาย แต่ก็ช่างมันเถอะ กูเลี้ยงไหว หึหึ”

ทำไมมันกะล่อนอย่างนี้วะครับ แต่ก่อนก็ไม่ยักกะเป็นอกจะเป็นคนเงียบๆซะด้วยซ้ำแต่อย่างมันนะเงียบร้อยครับ เห็นเงียบๆแต่ฟาดเรียบอะไรแบบนั้น

ผมใช้เวลาเดินเล่นเทียวซื้อนู้นซื้อนี่ชิมไปร่วมชั่วโมงแบบไม่รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของโทรศัพท์ตัวเองอีกเลย นานๆทีจะได้มาเดินเล่นชิลๆกินเพลินๆริมถนนแบบนี้ไงครับเลยเพลินไปหน่อย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตกดึกเข้าไปแล้ว พุงป่องจนแทบกลิ่นได้แล้วด้วยซ้ำ

“กลับเหอะวะ”

ผมหันไปบอกไอ้เต้ซึ่งมันก็พยังหน้ารับอย่างว่าง่าย ไอ้นี่มันได้เกาลัดไปฝากที่บ้านสองถุงใหญ่ๆเลยครับ ส่วนผมได้ติ่มซำกับซาลาเปาไปฝากไอ้มิกซ์ มองดูเวลาในนาฬิกาแล้วรีบตรงดิ่งไปยังรถที่จอดไว้โคตรจะไกล จะไม่ให้ไกลได้ไงละก็เล่นเดินลัดเลาะไปซะทุกทิศกินไปทั่วเที่ยวเพลินจนลืมออมแรงไว้ขากลับซะด้วยซ้ำ

“แม่งโคตรเหนื่อย”

พอมาถึงรถได้ผมก็แทบทรุด ไอ้เต้ที่เดินตามหลังมาหัวเราะหึก่อนจะกดปลดล็อคแล้วเอาของไปไว้ท้ายคัน วันนี้ผมมาด้วยรถมันครับ มันมารับที่โรงแรมไงผมเลยต้องจอดรถตัวเองทิ้งไว้แต่ไปๆมาๆชักขี้เกียจวกกลับไปเอาแฮะ

“มึงไปส่งกูที่คอนโดเลยได้ป่ะ?”

“ได้ๆ คอนโดมึงอยู่ไหนละ?”

“ขึ้นรถเลยเดี๋ยวบอก”

ว่าแล้วก็รีบกระโดดโหย่งขึ้นรถแบบไม่รักษามาดอะไรทั้งสิ้น ไอ้เต้แม่งก็อเลิร์ตชิปหาย หัวเราะมันตลอดเวลา ผมเลิกสนใจมันปล่อยให้มันใช้สมาธิกับการจราจรตรงหน้าส่วนตัวเองก็คอยบอกทางเป็นระยะมืออีกข้างก็ล้วงไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

โอ้โหเหี้ย!

เป็นร้อยๆสายไม่ได้รับแถมส่วนใหญ่ยังมาจากคนที่ชื่อทีครอส

อะไรของมันอีกวะแม่ง!

ครืน ครืน

นั้นไง ยังไม่ทันจะขาดคำมันก็โทรมาอีกแล้วครับ ผมอึกอักว่าจะไม่รับแต่กลับไม่กล้าวางโทรศัพท์ลงเช่นกัน

“ไม่รับสายละ”

“……”

“คนนั้นโทรมาเหรอ?”

“อืม”

“เปิดสปีคเกอร์ดิเดี๋ยวกูคุยเอง”

ผมหันไปมองหน้ามันด้วยความลังเล

“มึงอยากตัดใจไม่ใช่เหรอ มึงต้องเด็ดขาดได้แล้วเว้ย”

ผมหันกลับมามองโทรศัพท์ในมืออีกครั้งซึ่งมันได้ตัดสายและโทรเข้ามาใหม่อย่างต่อเนื่อง ได้ยินเหมือนเสียงถอนหายใจของคนข้างๆก่อนที่รถจะหยุดเพราะสัญญาณไฟเป็นสีแดงแล้วมันก็คว้าเอาโทรศัพท์ผมไปกดรับต่อหน้าต่อตา

“เห้ย!”

“สวัสดีครับ”

/……/

ปลายสายเงียบจนผมเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังว๊าบ

“สวัสดีครับ”

/นั้นใคร?/

เสียงเข้มกดต่ำอย่างกับน้ำแข็งขั่วโลกเลยวะ

“ผมชื่อเต้ แล้วนี่ใครโทรมาครับ?”

/กูโทรหานายไม่ได้โทรหามึง/

นอกจากไม่ตอบแล้วยังกวนตีนกลับ สมกับที่เป็นไอ้พี่ครอสจริงๆ

“หึหึ พอดีนายไม่ว่างรับสายนะครับ มีอะไรบอกผมไว้ก็ได้ ผมกับมันก็เหมือนคนๆเดียวกัน”

ผมนี่อ้าปากเหวอเลยครับ

“ไอ้ อุ๊ป!”

เสียงที่กำลังจะด่ากลับกลืนหายไปโดยริมฝีปากของใครอีกคน ผมเบิกตากว้างสติชะงักค้างสมองมึนเบลอแทบทำอะไรไม่ถูก

นี่ผมถูกไอ้เต้มันจูบเอาเหรอวะ!?!

ไอ้เชี่ยเต้อะนะ!!?!!

ปิ๊ด

มันกดตัดสายแล้วเริ่มรุกล้ำผมมากขึ้นกว่าเก่า ทันทีที่ลิ้นชื้นพยายามจะแทรกตัวเข้ามาผมถึงได้สติ ทั้งตัวขนลุกเกรียวพร้อมๆกับแรงฮึดในการผลักมันออก ดีหน่อยที่มันไม่ได้ร่างควายเหมือนใครบางคนแรงของผมเลยค่อนข้างจะสูสี

“ไอ้เหี้ย!”

พอหลุดพ้นจากมันได้ผมก็ด่าแม่งทันที ไอ้เต้ทำได้แค่ยกยิ้มที่มุมปากพลางหัวเราะหึพร้อมแลบลิ้นเลียปากตัวเองไปอีก

“ทำเหี้ยอะไรของมึงวะ!!?!!”

นาทีนี้กูโคตรฉุน ยกมือมาเช็ดปากไปด่ามันไปจนเริ่มจะแสบ ไอ้นั้นก็จะเข้ามาจับแขนผมอีกแต่ผมรีบดันตัวหลบจนไปชิดประตูเจ็บไหล่ไปอีก

“ก็แค่จูบ คิดไรมากวะ”

“สัสเอ๊ย!”

“หึหึ แต่ปากมึงโคตรนุ่มเลยวะ ไหนมาลองอีกทีดิ๊”

“ไปไกลๆตีนกูเลยเชี่ย”

“ทำเป็นงก อยู่เมืองนอกมาไม่ใช่ไง ยังไม่ชินการทักทายแบบสกินชิปอีกเหรอวะ?”

“สกินชิปหรือจูบกูก็ไม่ชอบ ไม่ต้องมาทำกับกู!”

พูดจบผมก็หันหน้าหนีตีหน้าบึ้งนั่งกอดอกใส่แม่งไปเลย มันหัวเราะเบาๆแล้วหันไปขับรถต่อเพราะสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี บรรยากาศภายในรถเงียบกริบตลอดทางจนถึงคอนโดผมนั้นแหละครับ จากตอนแรกว่าจะให้มันขึ้นไปเจอไอ้มิกซ์สักหน่อยแต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจละ

“ขอบใจ”

พูดจบกูนี่ปิดประตูดังปึงหันหน้าหนีแล้วเดินเข้าไปในตึกแบบไม่เหลียวหลังไปมองมันสักนิดเลยครับ อย่าว่าแต่เหลียวหลังเลยแม้แต่รอบข้างกูก็ไม่มองอะ ผมไปทันช่วงที่มีคนขึ้นลิฟท์พอดีเลยไม่ต้องยืนรอให้เสียเวลา พอเข้ามาได้กูนี่กดฟันขบเขี้ยวอยู่คนเดียวแบบโคตรจะฉุน ฉุนจนอยากจะร้องไห้อะครับ ความรู้สึกแม่งยังหลงเหลือจนผมคิดว่าถ้าเข้าห้องได้กูจะรีบไปล้างหน้าบ้วนปากเอาน้ำยามากรอกแม่งให้หมดขวดไปเลย

ปิ๊ง!

อ้าว ถึงชั้นผมแล้วนี่หว่า

ผมแทรกคนด้านหน้าออกไปพลางล้วงหาคีย์การ์ดก่อนจะเสียบเปิดประตูจนแทรกตัวเข้าไปด้านใน มือกำลังผลักบานประตูใหญ่ให้ปิดแบบไม่ต้องไปสนใจอะไรนักเพราะมันเป็นระบบล็อคอัตโนมัติ แต่ทว่าตัวผมกลับถูกดึงอย่างแรงจนตัวกระแทกบานประตูก่อนจะโดนจู่โจมด้วยริมฝีปากอย่างรุนแรง

“อื้ออืออออ”

ผมทั้งทุบทั้งตีจนโดนรวบมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว พอเบิกตามองดูดีๆจึงเห็นว่าไอ้ตัวควายๆแรงช้างสารแบบนี้แม่งมีคนเดียว

ไอ้พี่ครอส!

มันมาอยู่ในห้องผมได้ยังไงวะ!?!

“อึก!”

ผมสะดุ้งเมื่อส่วนล่างโดนล้วงโดยมือหนาของคนตรงหน้า ความแรงในการจับและบีบนั้นไม่ปรานีปราศรัยกันเลยสักนิด เหมือนมันกำลังโกรธ เหมือนมันกำลังหงุดหงิด เหมือนมันกำลังจะเขมือบผมเข้าไปทั้งตัวซะเดี๋ยวนี้

“อึ๊ก อ๊า!”

พอละปากออกแม่งเสือกก้มไปกัดหัวนมผมอะครับ โคตรเจ็บ แต่มันกลับทำให้ข้างล่างผมแข็งโป้กขึ้นมาในทันที

เฮ้ๆๆ กูไม่ใช่คนสายเอ็มนะเว้ย ไม่ใช่อะ ต้องไม่ใช่สิ

“อ๊า!!!”

พอโดนกัดอีกทีกูนี่ร้องลั่นห้องเลยครับ ขออย่าให้ไอ้มิกซ์อยู่เลยไม่งั้นความหายนะคงมาเยือนแก่กูแน่

“หึ”

เสียงหัวเราะชอบใจนั้นดังแว่วมาให้ได้ยิน ผมเม้มปากแน่นพยายามกลืนเสียงตัวเองที่กำลังโดนปลุกเร้าอยู่หน้าห้องด้วยไฟแห่งความเกรี้ยวกราดของใครอีกคน ใครคนที่ทำให้ผมหลอมละลายได้โดยไม่นึกรังเกียจ ไม่เลยแม้แต่น้อย ตอนโดนไอ้เต้จูบแถมยังเป็นจูบแค่ภายนอกไม่ได้สอดลิ้นผมยังนึกรังเกียจแทบตายแต่นี่มันมากกว่านั้นไปตั้งหลายขุม…

…รู้แล้วว่าความรู้สึกรักมันมีอานุภาพถึงขนาดไหน

“อึก! ไม่…ไม่เอา…”

ผมพยายามร้องห้ามอยากจะผลักมันออกก็ทำไม่ได้เพราะมือโดนจับไว้เหนือหัวขาก็โดนแยกจนมันแทรกเข้ามาอยู่ตรงกลางพลางใช้ขาตัวเองเสียดสีที่ส่วนนั้นจนวูบวาบไปหมด

“ทั้งที่เป็นถึงขนาดนี้นะเหรอ?”

“ไม่เอา”

“หึ ต้องเป็นไอ้เหี้ยนั้นรึไงมึงถึงจะเอา”

“ไม่! อ๊าส์~”



Tbc …

น้องนายเป็นมาโซฯค่ะ หึหึ 

ปล.อยากจะถามเต้มากว่าจะเข้ามาแยกพวกเขาออกจากกันหรือจะเข้ามาเร่งความสัมพันธ์ของพวกเขากันแน่อะ? งง??

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น6 (UP-15/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 15-06-2017 11:10:47
แม้ๆ ทีครอสสส หึงโหดนะยะ น้องนายไม่ใช่ของเล่นนะคะคุณณณณ ทำอะไรจริงจังได้แล้วค่ะ เดี๋ยวโดนแย่งไปจะหนาว นะจร้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น6 (UP-15/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-06-2017 12:26:14
ถ้าไม่พูดเสียที ระวังนายตัดใจแล้วไม่เหลียวแลนะทีครอส
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น7 (UP-16/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 16-06-2017 12:50:43
ไหวหวั่นครั้งที่ 7




สัมผัสร้อนๆที่สอดใส่อยู่ภายในร่างนั้นทำให้ผมแทบกระดุกกระดิกไม่ได้ บอกได้คำเดียวเลยว่าเจ็บครับ เจ็บมากจนถึงขั้นต้องหลั่งน้ำตา ไอ้พี่ครอสยังคงตีหน้าขึงก่อนจะขยับนิ้วให้ผมได้กระตุกสั่นเล่นๆ

“จะเจ็บ”

“หึ”

หัวเราะหาพ่อง!

นิ้วมือที่ขยับอยู่ภายในคว้านลึกไปเรื่อยจนสติผมเริ่มหลุด กลิ่นหอมเย็นๆโชยมาจากคนตรงหน้าให้ยิ่งมึนเบลอจนเผลออ้าปากหลุดเสียงครางชวนขนลุก ผมเอียงหน้าปรับองศาให้ใครบางคนได้ก้มลงมาขบเม้มที่ต้นคออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ความรู้สึกเปียกชื้นทำให้ขนลุกขนชันไปทั่วร่างไม่นานก็เจ็บแปร๊บจนต้องร้องอีกครั้ง คงได้รอยฟันและรอยแผลมาแน่ สังเกตุจากอาการแสบที่ตามหลังมานั้นไง มือผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระแล้วแต่กลับไร้เรี่ยวแรงที่จะผลักไสได้ดั่งเดิม 

“อึก ปล่อย”

“ก็ชอบไม่ใช่รึไง?”

เสียงเข้มถามกลับจนผมออกร้อนไปทั้งหน้า ก็ไอ้ร่างกายทรยศมันกลับชูชันแข่งกับสัมผัสเสียดสีที่ล้วงลึกอยู่ทางด้านใน ผมเม้มปากแน่น ดวงตาฉ่ำจนไอ้พี่ครอสผ่อนแรงที่ด้านหลังแล้วถอนมือออกในที่สุด ผมโล่งจนแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ดีหน่อยที่แขนแกร่งรับไว้ได้ทันก่อนที่จะอุ้มผมขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปยังห้องนอนโดยไม่ปรึกษาหารือจากเจ้าของอย่างผมเลยสักนิด

“อุ๊ก! อื้ออออ”

ทันทีที่มาถึงเตียงมันก็โยนผมลงเลยครับ ปากยังไม่ทันจะด่าก็โดนมันเข้ามาประกบไว้ด้วยปากตัวเองอีกครั้ง เรียวลิ้นร้อนกวาดต้อนลิ้นผมในทีเผลอจนต้องจนมุม การบดขยี้แรงตามอารมณ์จนได้ยินเสียแขวกดังแว่ว ผมถูกกดไหล่ให้จมลงกับที่นอนหนา ดวงตาเบลอจนมองแทบไม่เห็น จะว่าไป…มันไม่ได้เปิดไฟนี่หว่า...

“อึก!”

สะดุ้งแอ่นอกเมื่อจุกน้อยๆโดนมือหนาบดขยี้จนเจ็บแปร๊บ ส่วนล่างก็โดนล้วงจนส่วนนั้นออกมารับอากาศเย็นๆจากแอร์คอนดิชั่น มันไปเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่วะเห้ย!

“อาห์”

ทันทีที่มันผละปากออกผมก็หลุดเสียงครางในทันที ก็เล่นรูดส่วนนั้นสลับกับแรงขย้ำที่หน้าอกจนความเสียงซ่านเข้าจู่โจมไม่หยุดยั้ง ผมเกร็งร่างเท้ายันกายบิดเร้าสู้แรงมือจากคนใจร้าย มือที่จิกเกร็งอยู่ที่ไหลกว้างไม่ได้ทำให้มันสะทกสะท้านเลยสักนิด ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเสร็จ สติเริ่มใกล้จะหลุดลอยจนได้ยินอะไรบางอย่างดังแว่วเข้ามาในหู

ครืน ครืน

มันคือเสียงการสั่นของโทรศัพท์ ซึ่งน่าจะเป็นของผม ไอ้พี่ครอสหยุดมือแล้วเหลียวไปมองที่พื้นข้างๆเตียง ผมที่กำลังจะไปถึงฝันแต่กลับต้องชะงักเลยทำได้เพียงหอบหายใจหนักๆอย่างชัดเขิน

“หึ”

หัวเราะแบบนี้อีกแล้ว

ไอ้พี่ครอสมันละมือจากผมแล้วก้มลงไปหยิบโทรศัพท์มาโชว์ให้ผมดูจนเห็นชื่อไอ้เต้โชว์หลาอยู่ตรงหน้า ผมเหลือบไปมองคนถือที่ตอนนี้ยกยิ้มเจ้าเล่ห์จนผมเริ่มจะเสียวสันหลัง

ไม่นะ หวังว่าความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนนี้จะไม่เป็นจริง มันคงไม่ทำอะไรบ้าๆอย่างรับสายแล้วให้ทางนั้นได้ยินเสียงผมตอนโดนแกล้งอยู่หรอกนะ

ไอ้พี่ครอสหัวเราะอีกครั้งแล้วโยนโทรศัพท์ไปไว้ด้านบนเหนือหัวผมพอดี ผมถอนหายใจหน่อยๆแต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อมันก้มลงมากัดที่หัวนมอย่างแรง

“โอ้ย! เจ็บ”

มันฟังผมซะที่ไหนละครับ ยิ่งเจ็บมันยิ่งเล่น ยิ่งผมดิ้นมันยิ่งแรง ไอ้ซาดิสต์เอ๊ย!

“อ๊ะ”

พอกัดไปทั่วทั้งตัวทำรอยไปทั่วทั้งร่างจนมันพอใจมันก็จับผมพลิกคว่ำใช้ขาค้ำแล้วแอ่นก้นขึ้นสูงอย่างชำนาญ

“เดี๋ยว!”

ผมพยายามจะพลิกกลับพลางห้ามมันไว้แต่ก็อย่างที่คาดคือกูกระดุกกระดิงแม่งไม่ได้เลยครับ มันเองนอกจากจะไม่ฟังผมแล้วยังมีการล้วงเอาอะไรบางอย่างมาจากกระเป๋าเสื้อที่ถูกโยนไว้ใกล้ๆ มันเป็นขวดคล้ายๆนมเปรี้ยวแต่สีฟ้าสดใสเหมือนสิ่งที่อยู่ข้างในนั้น ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อมีความรู้สึกเย็นๆจากการโดนสิ่งหล่อลื่นนั้น เรียวนิ้วที่เคยทะลุเข้าไปแล้วรอบหนึ่งตอนนี้กำลังป้ายเจลและค่อยๆแทรกเข้าไปยังช่องทางนั้นอีกครั้งอน่างเบามือ ผมเม้มปากแน่นกำผ้าห่มหนาจนแทบขาด ความเจ็บที่เคยโดนกระทำในทีแรงเริ่มส่งผลให้ผมได้เจ็บแสบอีกครั้ง ไอ้พี่ครอสมันคงรู้ว่าผมเจ็บมากแค่ไหนมันเลยด้มลงมาจูบที่แผ่นหลังไล่จากสะโพกขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงหัวไหล่ ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆใกล้ต้นคอจึงหันไปหา จนเจอเข้ากับรูปหน้าหล่อเข้มที่ทำผมใจเต้นไม่เป็นล่ำเป็นสันในทุกคราที่เจอ มองจ้องกันอยู่ไม่นานใบหน้านั้นก็โน้มมาหาจนปากประกบปาก สัมผัสช่างอ่อนโยนผิดกับก่อนหน้านี้อย่างลิบลับ ผมหลับตาลงพยายามรับรสชาติความหอมหวานที่ผู้ชายที่ตนรักป้อนให้อย่างเต็มที่ เสียงน้ำลายจ๊วบจ๊าบดังสลับกับเสียงครางเคลืออย่างสุขสม หัวสมองผมขาวโพลนจนไม่รู้ถึงการถอดนิ้วแล้วตามมาด้วยบางสิ่งบางอย่างที่แข็งขื่นและร้อนระอุ ส่วนปลายใหญ่โตเกลี่ยอยู่ที่ทางเข้าวนรอบไปมาอยู่อย่างนั้นก่อนจะเบียดตัวตนแทรกกายเข้ามาในทีเดียวจนสุดทางด้วยความแรง

ผมผวาเฮือกเบิกตากว้างเหมือนจู่ๆก็โดนฉุดให้ตดสวรรค์มารับความเจ็บปวดจากความเป็นจริง เสียงร้องที่หลุดเปร่งอน่างสุดเสียงไม่สามารถระบายอาการตุบๆที่ช่องทางนั้นได้เลย มันอึดอัด มันร้อน มันเจ็บ

“ซี๊ด ตอดกูชิปหาย”

ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงมันตั้งแต่เข้าห้องมาเลยวะ ผมกำผ้าห่มแน่นปากขบเม้มจนชาดิกแต่ก็ไม่เท่าด้านหลังที่โดนใครบางคนรุกล้ำอยู่ตอนนี้ ไอ้พี่ครอสเหยียดกายขึ้นตรงยกมือขึ้นเสยผมทำให้ผมเห็นว่ามันไม่ได้ถอดเสื้อหรือกางเกงของมันเลย มันทำเพียงแค่ปลดกระดุมทุกเม็ดโชว์แผงอกและลอนหน้าท้องหนาส่วนกางเกงก็ทำเพียงแค่ปลดซิปแล้วรูดมันลง ทั้งที่ตัวกูเปลือยแม่งหมดแถมยังไม่รู้ตัวอีกว่าตัวเองเปลือยตั้งแต่เมื่อไหร่!

“หลังจากนี้ไป มึงคือคนของกู”

“อ๊าห์!!!”

พูดอย่างเดียวก็ได้ไม่ต้องมากระแทกใส่กันเต็มแรงแบบนี้!

มือหนาจับประคองสะโพกรั้งให้ตั้งชันได้องศาและจ้องจังหวะกระแทกกระทั้งจนผมร้องไม่หยุด ไม่เคยรู้สึกเจ็บปนเสียวเหมือนรู้สึกดีทปนทรมานอย่างต่อเนือง อย่างที่เคยบอกว่ามันแรงวัวแรงควายขนาดไหนแล้วคิดดูว่าการกระแทกแบบไม่ออมแรงแต่ละทีผมจะจุกมากถึงขนาดไหน ได้ยินเพียงเสียงผิวเนื้อกระทบกันดังลั่นแข่งกับเสียงครางกระเส่าที่ไม่เข้ากับเบ้าหน้าผมเลยสักนิด ผมกระตุกเกร็งเมื่อมันลงลึกจนไปโดนบางจุดเข้าให้ ได้ยินเสียงหัวเราะทุ่มต่ำลอยมาอีกครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะโหมกระหน่ำอีกครั้งและอีกครั้งจนยากที่จะถอดถอน

ถล้ำลึกเกินกว่าที่จะถอยแล้วสินะ

ทั้งที่ว่าจะห่างออกไปแล้วแท้ๆ

“ร้องไห้ทำไม?”

หืม นี่ผมน้ำตาไหลอยู่เหรอ?

“เสียใจ?”

ผมส่ายหัว ตอนนี้ผมนอนเงยหน้ายกแขนกอดคอขาโดนมันยกสูงขัดด้วยลำแขนแกร่งและส่วนนั้นยังคงเชื่อมกันอยู่เช่นเดิม ลำตัวของเรามันเลื่อมไปด้วยหยาดเหงื่อจนชุมโชกแต่กลับไม่มีใครนึกรังเกียจหรือหยุดกิจกรรมอันเร่าร้อนนี้แม้แต่น้อย

“งั้นก็อย่าร้อง”

ผมพยักหน้า มือหนาเอื้อมมาเช็ดรอยน้ำตาที่หางตาให้ก่อนจะก้มลงมาจูบหมับในเชิงปลอบ ผมใช้จังหวะนี้กอดรัดคนตรงหน้าให้แน่นขึ้นไปอีกก่อนจะซุกปลายจมูกลงกับไหล่กว้างอ้าปากฝังคงเขี้ยวลงกับผิวเนื้อจนได้รสเค็มปะแล่มๆคละคลุ้งไปทั่วทั้งปาก

“เป็นหมาเหรอมึง?”

ผมไม่ตอบ

“แต่หมานะมันซื่อสัตย์ต่อเจ้าของมันมานี่นะ”

“……”

“งั้น มึงต้องซื่อสัตย์กับกู…เพียงคนเดียวเท่านั้น”









          ผมรู้สึกตัวและพยายามอย่างยิ่งยวนที่จะลืมตาหนักขึ้นจนเห็นแสงสว่างภายในห้องเต็มสองตา ผมอยากจะขยับตัวแต่กลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดๆทั้งสิ้น

“ตื่นแล้วเหรอ?”

เสียงทักทำให้ผมหันไปมอง พี่ครอสเดินเข้ามาจากตรงระเบียงห้องด้วยชุดคลุมอาบน้ำของผม มันคงพึ่งอาบน้ำเสร็จละมั่ง

“กี่โมงแล้ว?”

“เก้าครึ่ง”

ห่ะ

“เชี่ย! โอ้ย!!”

“จะรีบลุกไปไหน”

โดนดุซะงั้น มันว่าแล้วเข้ามาช่วยพยุงผมที่เผลอผุดลุกขึ้นจนกลิ่งตกลงมาจากเตียงพร้อมผ้าห่มที่ขดม้วนอย่างกับหนอน

“โทรศัพท์ผมละ?”

ผมถามทันทีที่จัดท่านั่งได้อย่างลงตัวแล้ว ไอ้พี่ครอสพ้นลมหายใจก่อนจะเดินไปหยิบมาให้ สายที่ไม่ได้รับอย่างเยอะ ทั้งจากไอ้เต้ไอ้มิกซ์แล้วก็พ่อ ผมเลือกที่จะโทรกลับหาผู้เป็นพ่อก่อนใครเพื่อน

“ฮัลโหลครับ”

/ได้งานวันเดียวนี่ถึงขั้นชิ้งหนีเลยเหรอ?/

เสียงเข้มไปตามประสาแต่ฟังๆดูแล้วแกคงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากจนถึงขั้นโกรธเคือง ผมถอนหายใจเอนหลังพิงหมอนที่ซ้อนกันอยู่ที่ด้านหลัง

“ผมป่าวชิ้งเหอะ แค่ไม่สบายนิดหน่อยอะครับ ถือซะว่าผมโทรมาลาป่วยเลยแล้วกันนะบอสใหญ่”

/แล้วพ่อจะไปปฎิเสธอะไรได้ละไอ้ลูกบังเกิดเกล้า/

“เหอะๆ”

/ไม่สบายนะเป็นอะไรต้องไปหาหมอไหม?/

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับแค่ปวดหัวนิดหน่อยเดี๋ยวนอนพักก็หาย”

/แฮงค์ละสิ/

ผมหัวเราะเสียงแผ่วจนได้ยินเหมือนคนที่ปลายสายถอนหายใจ หางตาเหลือบไปเห็นไอ้พี่ครอสที่เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมด้วยถุงก๊อบแก๊บหนึ่งใบ

“แค่นี้ก่อนนะพ่อ”

ว่าแล้วก็วางสายไปในทันที พี่ครอสเข้ามานั่งที่ข้างตัวแล้วยกมือขึ้นอังหน้าผากวัดไข้แบบไม่เอ่ยบอกล่วงหน้าใดๆทั้งสิ้น ผมได้แต่มองตามตาปริบๆจนพี่แกหดมือกลับแล้วหันไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากถุง

ปรอดวัดไข้

“ผมไม่ได้ไม่สบายสักหน่อย เมื่อกี้แค่อ้างกับพ่อ”

“พูดไม่ดูสภาพตัวเองเลยนะมึง”

เอ๊า ก็มันไม่มีกระจกให้ส่องนี่หว่า พี่ครอสมันส่ายหัวหน่อยๆก่อนจะเอาปรอดนั้นมาเช็ดแล้วยื่นให้ผมอมไว้ใต้ลิ้น รอไม่นานก็เอาออกไปดูก่อนจะคลายสีหน้าทมึนตึงนั้นลงเล็กน้อย

“ผมดูแย่ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ก็แค่ตัวแดงอย่างกับกุ้งต้มพร้อมกับไข้อีกสามสิบแปดองศา”

ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก้มลงดูสภาพตัวเอง อื้อหือ กูโป๊อยู่ไม่พอยังมีรอยแดงเต็มตัวอย่างกับตุ๊กแกไปด้วยอีก

“หึหึ”

ผมหันควับไปจ้องมันเลยครับ มันคงสังเกตุเห็นอาการตกใจของผมแล้วนั้นแหละถึงได้ดูท่าทางพออกพอใจถึงขนาดนั้น ไอ้เชี่ย!

“ไม่พอใจ?”

“ยังมีหน้ามาถามอีก พี่ทำไปทำไมวะ!?”

“ทำ? หมายถึงทำรอยหรือทำกัน”

ผมนี่อ้าปากเหวอเลยครับ ที่ผมหมายถึงนั้นก็คือไอ้รอยบ้าๆนั้นแหละแต่ไม่นึกว่ามันจะพูดถึงไอ้เรื่องนั้นออกมาดื้อๆซะเต็มปากเต็มคำแบบนี้ เชี่ย! กูอาย!!

“หึหึ ตัวแดงใหญ่แล้วมึง ไข้ขึ้นเหรอ?”

น้ำเสียงแม่งโคตรจริงใจกับกูเลย

“เออ!”

“งั้นนอนไป เดี๋ยวเอาข้าวมาให้แล้วกินยาพักผ่อนซะ”

พูดจบมันก็เอามือมาขยี้หัวจนผมฟูแล้วจึงลุกขึ้นเดินดุ่มๆออกจากห้องไปอีกที ผมนี่โคตรจะงง คือปรับอารมณ์ไม่ทันวะครับ บทจะร้ายแม่งก็ปุ๊บปั๊บฟัดอย่างกับหมาบ้าบทจะดีก็เวอร์วังปานเทวดา คือมึงไม่ได้เป็นไบโพลาร์ใช่ไหม?

“อุ๊ก!”

ผมขยับตัวอีกรอบแต่อาการปวดไปทั่วทั้งร่างก็ทำร้ายผมจริงไม่อิงนิยาย คือผมไม่ใช่ผู้ชายอ่อนแอเหมือนไอ้คริสมันนะครับ แล้วคิดดูว่าผมที่สมบูรณ์แข็งแรงดีกลับต้องเดี้ยงถึงขนาดนี้ ไอ้คนทำแม่งต้องสุดๆวะ

ในที่สุดผมก็ฝืนสังขารยืนหยัดได้ด้วยตัวเองและพาสาระร่างเข้าห้องน้ำได้สำเร็จ ระยะทางระหว่างเตียงกับห้องน้ำมันไม่กี่เมตรเองนะครับแต่ทำกูเหนื่อยอย่างกับวิ่งรอบสนามบาสไปได้ ผมจัดการเปิดน้ำใส่อ่างทิ้งไว้ก่อนจะหันไปล้างหน้าแปรงฟันและฟอกสบู่ให้เอี่ยมอ่อง ดีหน่อยที่ไอ้พี่ครอสมันทำแล้วใช้ถุงยางผมเลยไม่ได้เหนอะหนะมากกว่าที่เป็น เมื่อร่างกายสะอาดแล้วก็พาตัวเองลงอ่างแช่น้ำอุ่นผ่อนคลายกล้ามเนื้อจนต้องหลับตานอนแอ่นผ่อนแรงอยู่นานสองนาน นานจนเผลอหลับและได้ยินเสียงปึงปังดังลั่นก่อนที่ตัวผมจะถูกฉุดกระชากอย่างแรงนั้นแหละ

“เห้ย! อะไรอีกวะเนี้ย!?”

ผมโวยวายใส่ไอ้ตัวการที่เข้ามาอุ้มผมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เป็นไอ้พี่ครอสเจ้าเก่าเจ้าเดิมครับเพิ่มเติมคือมันตีหน้ายักษ์ใส่ผมอีกแล้ว

นี่มึงเป็นไบโพลาร์จริงๆใช่ไหมเนี้ย?

ผมสงบปากสงบคำไว้จนมันพาผมไปนั่งแหมะอยู่บนเตียงทั้งที่ตัวเปียกมะล๊อกมะแล๊ก พอรู้สึกตัวว่าตัวเองโป้นี่แทบคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมแทบไม่ทัน

“ผ้าห่มเปียกหมดแล้ว”

อื้อหือ พูดมาได้ ที่นอนเปียกกว่าทำไมมึงไม่พูดวะห่ะ

“แล้วพี่ไปอุ้มผมออกมาทำไมละ ยังไม่ได้เช็ดตัวเลย”

“มึงจะจมน้ำอยู่รอมล่อ”

“ห่ะ?”

“กูยืนมองมึงนอนแช่น้ำเกือบสิบนาทีจนตัวมึงไหลลงไปเรื่อยๆนั้นแหละ นี่โง่หรือโง่กันแน่วะถึงได้ไปหลับอยู่ในอ่าง ถ้ากูไม่อยู่มึงไม่ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ว่าลูกเจ้าของโรงแรมใหญ่จ่มน้ำในอ่างตายไปแล้วเหรอ”

พูดจบก็ฟึดฟัดหันหน้าหนีพลางกอดอกตีหน้าบึ้งตึงโดยไม่สนในหน้าอึ้งๆของกูเลยสักนิด โอ้โหเห้ย มึงด่ายาวแบบนี้ก็เป็นเหรอวะ ปกติเห็นพูดสั้นตัดจบชนิดที่แทบนับคำได้ด้วยซ้ำ

“ยังจะเอ๋ออีก ไปแต่งตัวแล้วมากินข้าวได้แล้ว”

ข้าว?

“ข้าวไหนอะ?”

คนตรงหน้าถอนหายใจแล้วชี้นิ้วไปยังโต๊ะเล็กติดกระจกระเบียง บนนั้นมีชามข้าวต้มที่คาดว่าน่าจะหายร้อนแล้ววางหลาอยู่พร้อมแก้วน้ำใบโต

“นี่พี่ลงไปซื้อด้วยชุดนี้อะนะ?”

คือมันยังใส่แค่ชุดคลุมอยู่ไงครับ ส่วนข้างในนั้นผมไม่รู้ไม่ได้ไปแหวกดู

“ป่าว”

“อ้าว”

“กูทำเอง”

“ห่ะ!?!”

“รีบๆไปแต่งตัวจะได้รีบกิน”

ว่าจบแม่งก็เดินหลบออกไปข้างนอกห้องอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองตาฝาด เหมือนจะเห็นมันหน้าแดงหน่อยๆพร้อมกับยกมือถูจมูกก่อนหายลับไปกับบานประตูอะครับ

อย่าบอกนะว่าเขิน

“ไอ้…บ้า…”

กว่าผมจะหอบสังขารตัวเองไปแต่งตัวพร้อมกับกินข้าวกินยาตามที่มันเตรียมให้เสร็จก็ปาไปสองชั่วโมงเต็มๆเลยครับ เหมือนได้กินมื้อเช้าควบมื้อเที่ยงไปในตัวเลยนั้นแหละและตอนนี้ผมก็ลากตัวเองกลับมานอนแหมะอยู่บนเตียง อ้อ ข้าวต้มฝีมือคุณท่านเขาอร่อยผิดคาดนะครับ มันเป็นข้าวต้มทรงเครื่องที่เครื่องไม่ค่อยเยอะคงเพราะวัตถุดิบไม่ค่อยมี(มีข้าวให้ก็บุญหัวแล้ว)แต่ไม่รู้มันเสกอะไรลงไปถึงได้อร่อยแบบนั้น ผมกึ่งนอนกึ่งนั่งยิ้มบ้าอยู่คนเดียวจนกระทั่งรับรู้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์นั้นแหละถึงได้ตื่นจากภวังค์

เป็นไอ้เต้ครับที่โทรมา

“ว่า?”

/รับสายกูได้สักทีนะครับ/

“โทษทีพอดีไม่ว่างสักเท่าไหร่?”

/ทำอะไรนักหนาถึงกับไม่ว่างรับสายสักนาทีเลยเชียว/

“เอาน่าๆ”

/มึง…ไม่ได้โกรธกูอยู่หรอกนะ?/

“โกรธเรื่องอะไรวะ?”

/ก็ที่กูทำเมื่อวาน…/

ภาพที่มันจูบผุดขึ้นมาในหัวจนผมเงียบกริบไปชั่วขณะ ไอ้เต้คงรู้สึกได้จึงถอนหายใจแล้วเอ่ยขอโทษผมมาอีกที

/ถ้ามึงไม่ชอบกูก็จะไม่ทำ/

“อืม”

/แล้ววันนี้มึงมีนัดไหนป่าววะ?/

“ไม่มีนะ”

/งั้นไปเดินเที่ยวกันอีกไหม? กูอยากไปจตุจักรกรีนวะ ไม่ได้ไปหลายปีแล้วมันจะยังเหมือนเดิมรึเปล่า?/

“หึหึ จะย้อนวัยเหรอมึง”

/ประมาณนั้น/

“โทษทีคงไปด้วยไม่ได้”

/ทำไมวะ?/

“กู…ไม่สบายนิดหน่อยนะ”

/มึงเป็นอะไร? เมื่อวานยังดีๆอยู่เลยนี่หว่า หรือจะปวดท้อง?/

“ก็คงจะอย่างนั้นแหละ”

/กินเยอะไปละสิมึง งั้นเดี๋ยวกูเข้าไปหาจะได้ซื้อยาเข้าไปให้ด้วย เอาของกินอะไรเพิ่มไหม?/

“ไม่เป็นไร อ๊ะ!”

/เอาน่า ถือซะว่าเป็นความผิดกูที่ไม่ห้ามมึง วันนี้ขอกูไถ่โทษด้วยการดูแลมึงแล้วกัน/

เสียงไอ้เต้ดังตอบกลับมาซะลั่นห้องเพราะโทรศัพท์ที่พึ่งโดนแย่งไปนั้นได้ถูกกดเปิดสปีกเกอร์โฟนด้วยน้ำมือของใครอีกคน

“พี่ครอส!”

/มึงเรียกใครวะนาย?/

“เออ..คือว่า…”

ไอ้พี่ครอสตวัดสายตามาจ้องผมเขม่งเมื่อเห็นว่าผมอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น อ้าว กูผิดอะไรอีกวะ

/ไอ้นาย เฮ้! ฮัลโหล?/

“คุยกับใครอยู่เหรอครับ?”

ผมนี่โคตรจะตกใจเลยครับ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงในเมื่อจู่ๆแม่งก็ทำเสียงอ่อนเสียงหวานเอ่ยถามผมทั้งที่โทรศัพท์ยังอยู่ในมือแถมยังไม่ได้ตัดสายไปเลยด้วย ไอ้พี่ครอสหัวเราะอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าหวอๆของผมอย่างชัดเจน มันค่อยๆก้มลงมาหาก่อนจะประกบปากแลกลิ้นจนได้ยินเสียงเจ๊าะแจ๊ะตามมา เดี๋ยวนะ แล้วไอ้คนในสายมนจะได้ยินไปด้วยไหมเนี้ย ยังไม่ทันจะสิ้นความคิดไอ้พี่ครอสก็แกล้งผมอีกครั้งด้วยการบีบหัวนมจนผมต้องหลุดเสียงร้องทั้งที่ปากก็ยังประกบกันอยู่อย่างนั้น

“อื้ออออ”

ให้ตายสิวะ เสียงโคตรล่อแหลมเลยสัส!

/ไอ้นาย! เฮ้!! ไอ้นาย!!!/

“หึหึ”

“พะ..พอ..อื้ออออ”

/เห้ย! มึงอยู่กับใครวะไอ้นาย? ได้ยินกูไหมเนี้ย?/

“บอกไปสิว่าอยู่กับใคร?”

มันกระซิบถามผมทั้งที่มือเลื่อนลงต่ำไปสาละวนอยู่กับบั้นท้ายแล้วครับ ผมเม้มปากแน่นพลางมองสบตามันสลับกับโทรศัพท์ไปมา

“พะ..”

“คิดให้ดีๆ”

“……”

“พี่น้องเขาจะทำแบบเมื่อคืนได้เหรอ?”

“งั้น…เราเป็นอะไรกันละ?”

“……”

มันยังไม่ตอบแต่ยกยิ้มพลางยันตัวลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง มือยกโทรศัพท์กดปิดสปีคเกอร์แล้วแนบหู

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าใครพูด…อ้อ ผมนะเหรอ…ผมเป็นเจ้าของคนที่คุณโทรหาอยู่ไงละครับ”

พูดจบก็ตัดสายแถมปิดเครื่องชนิดที่ไม่สนหน้าเหวอๆของผมเลยสักนิด

“เจ้าของ?”

“ใช่ กูบอกมึงไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไง”

เมื่อนึกย้อนไปแล้วก็อดออกร้อนที่หน้าไม่ได้ ก็เล่นบอกเอาตอน…เออ นั้นแหละครับ อย่าให้พูดเลย ผมเขิน

“จำได้แล้วสินะ”

ผมนิ่ง

“นอนพักไป กูจะกลับไปดูงาน เดี๋ยวตอนเย็นจะแวะมาหาใหม่ ส่วนโทรศัพท์ตื่นมาค่อยเปิด เข้าใจใช่ไหม?”

ผมพยักหน้าอีกครั้งอย่างว่าง่าย มันยิ้มกว้างถูกใจก่อนจะก้มลงมาจูบปากไปอีกทีเบาๆ

“ฝันดี”

ผมหลับตาลงตามมือที่ลูบให้หนังตาค่อยๆปิดลงตามแรง ผมอยากฝันดีแต่ไม่อยากให้สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นมันกลายเป็นเพียงความฝัน ผมอยากให้มันเป็นจริงในทุกๆวัน ผมอยากเป็นของเขาไปไปจนกว่าหัวใจดวงนี้จะตายลง



พระเจ้า อย่าทำให้ผมต้องเจ็บช้ำไปมากกว่านี้เลยนะครับ



Tbc…

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น7 (UP-16/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-06-2017 13:04:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น7 (UP-16/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 16-06-2017 13:22:58
โถนาย...
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น8 (UP-20/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 20-06-2017 09:23:57
ไหวหวั่นครั้งที่ 8





ผมนั่งนิ่งจ้องมองออกนอกหน้าต่างรถอยู่อย่างนั้นตั้งแต่นั่งรถสปอร์ตหรูที่แม้แต่ไอ้คมยังใฝ่ฝันถึง ภายในรถยังคงความเงียบสงบตามความชอบผู้เป็นเจ้าของอย่างทีครอส เฟรงเบิร์ค ถ้าถามว่าเรากำลังจะไปไหนกัน ผมบอกได้เลยว่าไม่รู้ครับ ตอนแรกพี่ครอสมันบอกแค่ว่าจะพาผมไปกินข้าวเย็นแต่ไปๆมาๆ มันกลับพาผมออกนอกเส้นทางที่เราว่าจะไปกินซะงั้น พอจะเอ่ยปากถามมันกลับตีหน้าบึ้งตึงจนผมไม่กล้าถาม คงตั้งแต่ที่มันรับสายจากทางบ้านแต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำนั้นแหละมั่งมันถึงได้ตีหน้าบึ้งแบบนี้

นับตั้งแต่วันนั้นที่เรามีอะไรกันนี่ก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วนะครับที่ผมไม่ได้เจอมันเลย ก็พอรู้แหละว่ามันโคตรจะยุ่งแล้วไหนจะผมที่พึ่งเริ่มเข้าทำงานอีกด้วย ผมก็ยุ่งมันก็ยุ่งจะมีคุยกับบ้างแต่ก็แป๊บเดียวจนดูเหมือนไม่ใช่การคุยอะครับ ประมาณว่ามันโทรมาถามว่ากินอะไรรึยัง? วันนี้จะไปไหน? พอได้คำตอบแล้วก็วางสายไป ไอ้ผมนี่โคตรงง ตามอารมณ์มันไม่ทันจริงๆวะ

Rrrrr

ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาดูหน้าจอ เป็นคริสตัลที่โทรเข้ามา ผมเหลียวไปมองคนขับแว๊บหนึ่งแต่ดูท่าทางไม่สนใจของเขาแล้วก็รับสายไป

“ว่า?”

/มึงอยู่ไหนวะ? กูมาหาที่ห้องไม่เจอ/

“กูอยู่ข้างนอก มึงมีอะไร?”

/ไอ้มิกซ์อยู่กับมึงไหม?/

“ไม่”

/ไอ้เชี่ยเอ๊ย แล้วมันไปไหนมึงรู้ไหม?/

“ไม่รู้วะ ช่วงนี้มันไม่ค่อยอยู่ห้องด้วย กลับมาแป๊บๆก็ออกไป”

/กูว่าแล้วไง/

“อะไรของมึงวะคริส?”

/ไอ้คมมันแอบไปเห็นเชี่ยมิกซ์ควงกับสาวไฮโซคนหนึ่งเว้ย.../

“แล้วยังไง?”

/ก็ไอ้สาวคนนั้นมันเคยควงกับไอ้แวนไง ไอ้คมจำได้ กูเลยจะมาบอกมัน พวกมึงถือคติไม่คบคนเก่าเพื่อนไม่ใช่รึไง/

ผมนิ่งเงียบ ไอ้คริสคงยังคิดว่าผมยังคงคั่วผู้หญิงอยู่สินะ

“เดี๋ยวกูเจอมันกูจะบอกให้”

/แล้วมึงจะกลับมาตอนไหนวะ?/

“ไม่รู้ ทำไมวะ?”

/กูว่าจะมาเล่นกับมึงอะ นี่ก็อยู่คอนโดมึงละ/

“ผัวไม่อยู่เหรอถึงได้เห็นหัวกู”

/ไอ้ห่า นี่มึงน้อยใจกู?/

“เปล่า”

/ตอแหลป่าววะ กลับมาให้พี่โอ๋ม่ะ/

“สัส”

ผมยิ้มขำให้คนปลายสายไปนิดพอเงยหน้าขึ้นมองด้านนอกอีกทีปรากฎว่ามาโผล่ที่บ้านของตระกูลเฟรงเบิร์คซะแล้ว อ้าวเฮ้ย

“มึงจะกลับบ้านไหมวะ?”

/ก็ถ้ามึงไม่อยู่ก็คงกลับ ไม่อยากไปคอนโดอะไอ้ยักษ์มันไม่อยู่/

“งั้นแล้วเจอกัน”

ผมได้ยินเสียงมันร้องห่ะออกมาก่อนที่จะชิ้งตัดสายไปซะก่อน พี่ครอสเหลียวมามองผมนิดหน่อยก่อนจะพารถไปจอดที่ด้านหน้าประตูบ้าน เมื่อรถจอดสนิทพวกคนงานชายก็กรูกันเข้ามาเปิดประตูให้จนผมตกใจ โอ้โห บริการนายได้น่าประทับใจมาก

“แอ่!”

ผมหันไปมองตามเสียงร้องของเด็กเมื่อก้าวลงจากรถเรียบร้อยแล้ว ตรงหน้าผมคือผู้หญิงวัยกลางคนที่เป็นแม่ของสองพี่น้องทีครอสและคริสตัล ภายในอ้อมแขนของเธอมีแองเจลล่าตัวน้อยกำลังชูไม้ชูมือเหมือนจะอยากมาหาผม เอ๊ะ หรือมาหาแด๊ดดี้ของเธอกันแน่นะ

“อ้าว น้องนายมาด้วยเหรอลูก?”

“สวัสดีครับคุณน้า”

“สวัสดีจ้ะ หิวกันรึยัง? น้าทำกับข้าวไว้เยอะแยะเลยเข้าไปในบ้านก่อนสิลูก”

ผมหันไปมองสบตากับพี่ครอสที่ยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง พี่แกก็พยักเพยิอหน้าให้เข้าไปผมเลยเดินตามผู้ใหญ่เข้าไปยังด้านในของตัวบ้าน

“แอ่ๆ”

“อยู่นิ่งๆสิค่ะแองเจลล่า”

ผู้เป็นย่าดุหลานเสียงไม่ดังเท่าไหร่และดูเหมือนสาวน้อยจะไม่สนใจพยายามปีนข้ามไหล่ย่ามาทางผมที่อยู่ด้านหลัง

“ให้ผมอุ้มไหมครับ?”

“อุ้มเป็นเหรอลูก?”

“เขาเคยเล่นกับแองจี้ตอนคริสพาไปเล่นด้วยนะแม่ แองจี้ติดยิ่งกว่าผมอีก”

คนเป็นพ่อพูดพลางเดินเข้าไปรับตัวลูกสาวจากแม่ของตนก่อนที่จะพามาให้ผมอุ้ม ผมรับมาปุ๊บสาวนน้อยก็ยิ้มแป้นพลางลูบหน้าลูบตาผมเล่นไปมาท่าทางสนุกสนาน

“ต๊ายตาย ท่าทางจะถูกใจน้องนายจริงๆนะเนี้ย”

ผมได้แต่ยิ้มรับแล้วพาแองจี้ไปยังห้องอาหารตามหลังย่าของน้อง พี่ครอสเองก็ยังคงเดินตามหลังอยู่เหมือนเดิมทำให้ผมไม่รู้ว่าเขากำลังทำหน้ายังไงหรือรู้สึกอย่างไร

“น้องนายพาแองเจลล่ามานั่งนี่นะลูก”

ผมพยักหน้าแล้วพาน้องไปยังเก้าอี้สำหรับเด็กอ่อนที่ตั้งอยู่ระหว่างเก้าอี้ผู้ใหญ่สองตัว ด้านหน้านั้นมีถาดยื่นออกมาพร้อมกับชามข้าวเหลวๆคล้ายโจ๊กตั้งอยู่ ผมวางน้องลงแล้วตั้งท่าจะเดินออกไปหาพี่ครอสแต่มือเล็กๆนั้นกลับไม่ปล่อยเสื้อผมซะงั้น

“ไม่เอาไม่ดื้อนะค่ะลูก”

ผู้เป็นย่าเข้ามาปรามแล้วค่อยๆแกะมือน้อยๆออกจนเธอเริ่มหน้าเบะคว่ำ

“อึก ฮึก”

“ไม่งอแงค่ะ ไม่น่ารักเลย หม่ำก่อนแล้วค่อยไปเล่นกับน้านายนะค่ะ น้องนายไปกินข้าวกับทีครอสเลยก็ได้จ้ะ ไม่ต้องรอน้า น้าทำไปกินไปอิ่มไปเรียบร้อยแล้ว”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปลูบผมสีอ่อนของน้องเบาๆ ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมครับว่าหนูน้อยแองเจลล่านั้นฉลาดถึงขนาดไหน มาเจออีกทีในวันนี้ดูเหมือนความฉลาดนั้นจะไม่ลดลงเลยสักนิดแถมยังเพิ่มมากขึ้นซะด้วยซ้ำ

ผมผละออกมานั่งลงข้างๆลูกชายคนโตของบ้านที่นั่งมองนิ่งๆตามมาดของเขา พี่ครอสเหลียวไปชูมือเรียกพยักงานให้เข้ามาตักข้าวทันทีที่ผมนั่งลงแล้ว กับข้าวตรงหน้าเยอะแยะอย่างที่แม่ของเขาบอกจริงๆนะครับ แต่ดูเมนูแล้วก็ต้องเผลอยิ้ม นี่มันมีแต่ของโปรดของลูกชายทั้งสองเลยนี่นา

“ยิ้มอะไร?”

“เปล่า”

“ก็เห็นๆอยู่ว่ายิ้ม”

“เอ๊า ผมยิ้มก็ผิดเหรอ?”

“ไม่ได้ว่าผิด แค่ถาม”

“กินข้าวเถอะครับ”

คนถามดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่ได้คำตอบตามที่ต้องการ ผมหันหน้าหนีมาตั้งหน้าตั้งตากินข้าวตรงหน้าโดยที่พยายามไม่สนใจคนข้างๆอีก พี่ครอสมันก็เทียวแต่ตักนู้นนี่นั้นมาใส่จานให้ผมจนผมแทบกินไม่ทัน

“พอแล้ว กินเองบ้างสิ”

“อิ่มแล้ว”

“ห่ะ?”

อิ่มเหี้ยไรวะ ยังไม่เห็นมันจะตักเข้าปากเลยสักคำ

“ตอแหลละ ข้าวยังไม่พร่องเลยสักนิด”

“กูอิ่มกาแฟ”

“กาแฟไม่ใช่ข้าว กินๆเข้าไปเลย”

ผมพูดแล้วก็ตักกับข้าวตรงหน้าไปใส่จานให้มันในทันที ให้ตายสิ โตจนมีลูกแล้วยังจะทำตัวเป็นเด็กไปได้ ไอ้พี่ครอสมองผมสลับกับข้าวในจานไปมาแต่ก็ไม่ได้ตักกินสักที

“กินสิ”

“.......”

ยังคงนิ่ง

“ดื้อยิ่งกว่าแองจี้อีกแฮะ”

ผมละหมดอารมณ์กับมันจริงๆครับ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมือกลับเข้าไปตักข้าวในจานมันขึ้นจ่อปากเรียวนั้นไปซะแล้ว ไอ้พี่ครอสมองสบตาผมอีกครั้งและนั้นก็ทำให้ผมได้สติขึ้นมาว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไป ผมเลิกลักกำลังจะหดมือกลับแต่พี่ครอสมันก็ก้มลงมากินข้าวจากช้อนของผมซะก่อน ผมงี้ออกร้อนไปทั้งหน้าเลยครับ ดีหน่อยที่แม่ของเขาเอาแต่ป้อนข้าวหลานเลยไม่ได้หันมามองยังเราไม่งั้นผมคงไม่มีหน้ามาที่บ้านหลังนี้อีกแน่

“แม่คร้าบบบบบ มีอะไรให้คริสกินมั่งอ่า”

เสียงบุคคลมาใหม่ดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะโผล่เข้ามาในห้องซะด้วยซ้ำ แทบทุกคนหันไปมองยังต้นตอของเสียงยกเว้นหนูน้องแองเจลล่าที่ยังง่วนอยู่กับช้อนรูปหมีพูของเธอ

“เห้ย! ไอ้เชี่ยนายมานี่ได้ไงวะ!?”

“คริสตัล”

ผู้เป็นแม่กดเสียงต่ำขู่ลูกชายทางสายตาไปอีกจนไอ้คริสมันยิ้มแห้งแล้วผละมานั่งลงข้างๆผม

“ที่มึงบอกว่าแล้วเจอกันนี่หมายความว่างี้เองเรอะ”

“เออ”

“แล้วเป็นไงมาไงถึงมากินข้าวบ้านกูได้วะ?”

ผมเงียบพอดีกับที่ไอ้คริสมันมองเลยไปทางพี่ชายของตัวเอง

“พี่ครอส”

“อะไร?”

“พี่พาไอ้นายมาเหรอ?”

“แล้วจะทำไม?”

“เห้ย ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!”

“คริสตัล อย่าชวนพี่เขาคุยสิ หิวไม่ใช่เหรอเรา แจ่ม ตักข้าวให้คุณหนูเล็กที”

“แม่ครับ เลิกเรียกผมอย่างนั้นสักทีเถอะน่า”

หลังจากจบมื้ออาหารพวกเราก็พากันย้ายถิ่นฐานมายังห้องนั่งเล่นพร้อมกับแองเจลล่าครับ ส่วนน้าสิก็เข้าครัวไปเตรียมของว่างและนมเด็กไว้ให้พวกผมและหลานสาวของเธอ

“ไอ้นาย”

คริสมันเข้ามานั่งชิดจนแทบจะสิงผมละ ผมที่นั่งอยู่ตรงพื้นปูเบาะนิ่มสำหรับเด็กและตรงหน้าก็มีนางฟ้าตัวน้อยของทุกคนเล่นอยู่ไม่ห่าง

“อะไรของมึง?”

“บอกกูมาตรงๆว่าทำไมมึงถึงมากับพี่ครอสได้”

ผมเหล่มองตัวการอย่างไอ้พี่ครอสที่นั่งไขว่ห้างเลื่อนไอแพดในมือไปมาพลางตีหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่ามันจะได้ยินที่น้องมันถามไหมแต่ผมว่าน่าจะได้ยินแต่ทำทีไม่สนใจอะไรแบบนั้นนะ

“ก็...แค่มากินข้าว”

“คนบ้างานอย่างพี่กูจู่ๆจะมีความคิดพามึงมากินข้าวที่บ้านเหรอ มันไม่สมเหตุสมผลวะ”

“แล้วไอ้ที่มึงคิดว่าสมเหตุสมผลมันต้องเป็นยังไงวะ?”

“ก็อย่างพาแฟนพาเมียมางี้ไง แต่นี่เป็นมึง ซึ่งมึงเป็นเพื่อนกู กูต้องเป็นฝ่ายพามึงมามากกว่าสิ”

ผมได้แต่นิ่งเงียบมองไอ้คริสเกาคางตัวเองพลางตีหน้าคิดหนักด้วยใจตุ๊บๆต่อมๆ หางตาแอบชำเลืองไปเห็นตัวการนั่งยิ้มขำอยู่บนโซฟาซะงั้น นั้นไง แม่งได้ยินอย่างที่คิด แล้วมันไม่คิดที่จะช่วยกูเลยนะครับ ไอ้คนใจร้าย

“หรือว่า!...”

จู่ๆไอ้คริสก็โพล่งขึ้นซะผมสะดุ้งโหย่งเลย

“อะไรของมึง?”

“หรือว่ามึงคิดถึงกูมากเลยมาดักรอถึงนี่วะ”

ผมหน้าเหวอกรอกตาแทบทันที

“ฮ่าๆๆ กูล้อเล่นเว้ย ดูแม่งทำหน้า ตลกวะ ฮ่าๆๆ พี่ครอสๆ ดูมันดิ”

“มึงก็ไปแกล้งมันคริส”

“นิดหน่อยเอง เมื่อก่อนนี่แทบไล่เตะ แต่ตอนนี้ชักไม่ไหววะ”

“แก่แล้วดิมึง”

“กูแก่มึงก็แก่แหละวะเชี่ยนาย”

“หึหึ”

“แล้วตกลงว่ามึงมาบ้านกูได้ยังไงครับเชี่ยนาย?”

“ถามพี่มึงดูดิ”

ได้โอกาสผมก็โยนเลยสิครับ ไอ้คริสหันควับไปมองพี่มันทันทีเลยด้วย

“อะไร?”

“อย่ามาทำเป็นตีหน้าซื่อ ตอบผมมา”

“ก็แค่พามาเล่นกับแองจี้ มึงนี่ก็อะไรนักหนาวะคริส”

“แค่ตอบมาก็จบไหม โว๊ะ”

ผมส่ายหัวหน่อยๆก่อนจะเลิกสนใจแล้วหันไปให้ความสำคัญกับนางฟ้าตัวน้อยแทน เราเล่นกันจนผู้เป็นย่าเดินเข้ามาและพาตัวน้อยไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนตามเวลา คริสตัลชวนผมอยู่เล่นเกมส์เป็นเพื่อนต่อเพราะพี่ทัตยังไม่เสร็จธุระส่วนพี่ครอสตอนแรกว่าจะพาผมกลับแล้วเข้าออฟฟิศไปทำงานต่อไปๆมาๆเลยอยู่ทำงานผ่านโทรศัพท์และไอแพดมันที่นี่ซะเลย

“พี่ครอสแม่งแปลก”

จู่ๆไอ้คริสก็พูดขึ้นมาทั้งที่สายตายังไม่ละไปจากจอ มือนี่ก็รัวจอยไปด้วยอย่างชำนาญ

“แปลกยังไง?”

“ดูตัวติดกับมึงแปลกๆ”

เท่านั้นแหละ มือผมชะงักค้างในทันที และนั้นก็ส่งผลให้ตัวเกมส์ของผมชะงักไปด้วยจนทางฝั่งได้คริสชนะไปโดยปริยาย

“เยดเป้! ชนะสามต่อสอง มึงต้องเลี้ยงกูแล้ววะไอ้นาย”

“เลี้ยงไรของมึง?”

“พรุ่งนี้ไปกินชาบูกัน กูโคตรอยาก”

“กูทำงาน”

“หลังเลิกงานดิวะ”

ผมเหลียวไปสบตากับพี่ครอสแป๊บๆก่อนจะพยักหน้าให้เพื่อน จะปิดมันไปได้นานสักแค่ไหนกันนะ เรื่องแบบนี้นะ









“พรุ่งนี้ไปกับคริสใช่ไหม?”

เสียงทุ่มถามขึ้นพลางใส่เสื้อผ้าหลังจากที่อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ผมครางรับในลำคอเบาๆเพราะเพลียร่างจนแทบขยับตัวไม่ไหว ตานี่ลืมไม่ขึ้นแล้วด้วยซ้ำแต่ที่ยังไม่หลับเพราะอยากรอฟังทุกการกระทำของมันก่อนไงครับ

“อืม”

“…”

“พี่จะกลับเลยเหรอ?”

“ทำไม? อยากให้นอนด้วย?”

ผมไม่ตอบ จริงๆก็อยากบอกว่าใช่แต่ไม่รู้ทำไมถึงพูดมันไม่ออก คือหลังจากที่มันมาส่งผมจนถึงห้องมันก็ลากผมมาบดขยี้ต่อจนผมอ่อนเปรี้ยเพลียแรงอย่างที่เห็นนี่แหละครับ ซึ่งเราใช้เวลาไปมากพอสมควรเพราะฉะนั้นเวลานี้ต้องดึกจนข้ามวันแล้วแน่ๆ

แรงยุบที่เตียงข้างๆตัวทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจและซุกหน้าซ้อนรอยยิ้มไว้กับหมอน ผมโดนดึงเข้าสู่อ้อมกอดแกร่งนั้นอีกครั้งจนกระทั่งสติผมเลือนลางเข้าสู่ห้วงของความฝันไปในที่สุด

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีรอบข้างผมก็ไร้ซึ่งบุคคลที่นอนอยู่ข้างกาย ความเย็นบนที่นอนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าพี่ครอสมันลุกออกไปตั้งนานแล้ว

ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูทำให้ผมละสายตาจากเตียงแล้วหันไปให้ความสนใจทางประตูแทน

“เข้ามาเลย”

สิ้นเสียงของผมบานประตูก็เปิดออก เป็นไอ้มิกซ์ครับที่เดินเข้ามา

 “พึ่งตื่นเหรอวะ?”

“อือ”

ผมรับคำแล้วซุกหน้าลงกับหมอนเหมือนอย่างเดิม

“ไอ้นาย”

“หือ?”

ทำไมเสียงมนฟังดูเครียดๆพิกลวะครับ จะว่าไป..

“เออ ไอ้คริสให้กูมาเตือนมึงเรื่องคู่ควงคนปัจจุบันของมึงอะ รู้สึกว่าน้องเขาจะเป็นกิ๊กเก่าไอ้แวนวะ”

“กูรู้แล้ว”

“อ้าว”

“ไอ้คริสโทรมาหากูเมื่อคืนมันเลยบอกกู…”

“อ้อ”

“รวมทั้งเรื่องที่มึงไปกินข้าวบ้านมันด้วย”

“……”

ผมถึงกับเสียวสันหลังวาบขึ้นมาเลยครับ ด้วยความที่ผมยังซุกหน้าอยู่กับหมอนเลยทำให้มันมองไม่เห็นสีหน้าของผมอย่างแน่นอนและผมเองก็มองไม่เห็นสีหน้าของมันเหมือนกัน เราต่างคนต่างเงียบกันอยู่สักพักไอ้มิกซ์ถึงได้ถอนหายใจแล้วนั่งลงตรงขอบเตียงข้างๆตัวผม

“แล้วกูกลับมาเมื่อคืนช่วงตีหนึ่งกว่าๆ…”

ผมเริ่มเดาได้แล้วว่ามันจะพูดอะไรต่อ

“กูได้ยินเสียงมึง เสียงแบบ...”

ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ

“พอเช้ากูลงไปซื้อโจ้ก กลับขึ้นมากำลังจะขึ้นลิฟท์ก็สวนกับพี่ไอ้คริสที่เดินออกมาพอดี”

“……”

“มึงมีอะไรจะบอกกูไหมวะ?”

“……”

“กูห่วงมึงนะเว้ย มีอะไรก็ปรึกษาเพื่อนบ้างสิวะ ไม่ใช่เก็บเงียบแล้วไปนั่งคิดนั่งเครียดเองคนเดียว ถ้ามึงสบายใจสบายกายกูก็ยินดีด้วย แต่ถ้าไอ้นั้นมันแค่เล่นๆกับมึงละ ถ้ามันแค่สนุกกับการปั่นหัวมึงละ มึงจะรับไหวเหรอไอ้นาย!?!”



แค่ได้ยินมันจากปากมึงกูยังเจ็บเลยไอ้มิกซ์ แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริงละ กูคงไม่ตายไปเลยเหรอ



Tbc…

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น8 (UP-20/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-06-2017 11:39:16
บางทีคำพูดมันก็สำคัญนะทีครอส
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น9 (UP-21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 21-06-2017 10:55:47
ไหวหวั่นครั้งที่ 9





“กู…ไม่รู้วะ กูไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรจากกูกันแน่ แต่ ณ ตอนนี้กูมีความสุขดี ถึงแม้มันจะเป็นความสุขที่อยู่ปลายเหวที่สามารถถล่มลงได้ทุกเมื่อก็เถอะ”

“ไอ้นาย”

“อือ”

“มึงรักตัวเองบ้างก็ได้นะ มึงเห็นแก่ตัวบ้างก็ได้”

“กู…กลัววะ”

“กลัวอะไร?”

“กลัวว่าถ้ากูทำอย่างนั้นแล้วจะเกิดปัญหา จะทำให้…เขาหายไป”

“ตอนแรกมึงก็จะหนีจากมันอยู่ไม่ใช่รึไง?”

“ก็นั้นมันก่อนที่กูจะลึกซึ้งกับเขาไง แต่ตอนนี้…”

“……”

“กูถอนตัวไม่ขึ้นแล้ววะมิกซ์ กูทำอะไรไม่ได้แล้ว ถึงแม้ว่าปลายทางมันจะมีแต่ความเจ็บแต่กูก็ก้าวเดินออกไปแล้ว”











ก๊อกๆๆ

เสียงเคาะประตูทำให้ผมตื่นจากภวังค์ ผมหันกลับมายัง โต๊ะทำงานของตัวเองอีกครั้งก่อนจะตอบรับและเลขาคนสวยอย่างพี่ใหม่

“เป็นยังไงบ้างจ้ะน้องนาย?”

ผมยิ้มอ่อนพลางเอนตัวพิงเบาะด้วยท่าทีสบายๆ

“ก็พอไหวครับ พี่มีเอกสารมาให้ผมอีกเหรอ?”

“ใช่จ้ะ นี่เป็นข้อมูลแพ๊คเกจที่เราเคยขายในช่วงห้าปีที่ผ่านมา มีของทุกกิจการในเครือทั้งโรงแรมรีสอร์ทและทัวร์”

ผมมองดูแฟ้มสีดำขนาดใหญ่สามแฟ้มที่หญิงสาวอย่างพี่ใหม่ไม่น่าจะขนมาได้แต่เธอก็ทำได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผมพยักหน้ารับพลางเลื่อนแฟ้มที่ศึกษาเรียบร้อยแล้วไปอีกฝั่ง พี่ใหม่นอกจากจะเป็นพนักงานของเรามานาน เธอยังเปรียบเสมือนพี่สาวคนเก่งอีกคนหนึ่งของผมเลยนะครับ เธอคอยช่วยเหลือผมทั้งในเรื่องงานและอาหารการกินเป็นอย่างดีจนอยากจะให้รางวัลเป็นโบนัสสักปีไปซะเลย

“เหนื่อยก็พักนะค่ะ”

“ผมยังไหวครับ”

“รู้ค่ะว่าไฟแรงแต่น้องนายโหมงานมาสามวันแล้วนะ พี่เป็นห่วงรู้ไหม”

ผมยิ้มแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป พี่ใหม่เลยถอนหายใจคงเริ่มเข้าใจในความดื้อในส่วนนี้ของผมแล้วเธอเลยเดินกลับออกไปทำงานในส่วนของเธอต่อ

เป็นเวลาสามวันแล้วครับที่ผมเอาแต่ทำงานพยายามให้ตัวเองยุ่งเข้าไว้หาเรื่องงานมาใส่สมองแต่ก็มีบ้างที่เผลอเหม่อไปคิดถึงใครอีกคน พี่ครอสเองก็ปกติของมันคือโทรมาบ้างแต่ไม่บ่อยและผมไม่รับสายเพราะยังอยู่ในช่วงคิดมากอยู่ครับ ถ้าผมคิดมากหรือเครียดหนักๆผมจะตัดขาดจากตัวการของเรื่องที่ทำให้ผมเครียดไปสักระยะจนกว่าผมจะพร้อมรับนั้นแหละผมถึงจะตอบรับหรือหวนเข้าสู่วงโคจรอีกครั้ง แต่จะหวนกลับในด้านไหนนั้นก็อีกเรื่องหนึ่งนะครับ

Rrrrr

ผมเหลียวมองไปยังโทรศัพท์เครื่องบางที่วางหลาอยู่ใกล้ๆตัว พอเห็นเป็นชื่อไอ้เต้ผมเลยละจากเอกสารมากดรับแล้วเอาแนบกับหูในทันที

“ว่าไงวะ?”

/วันนี้ไปดินเนอร์กันป่ะมึง?/

ผมหลุดขำให้กับคำชวนที่มันพูดชวนแบบนี้ตั้งแต่สองวันที่แล้ว

“อีกแล้วเหรอวะ”

/ก็แล้วไง มึงเห็นใจคนโสดอย่างกูหน่อย/

“กูก็โสดไหม”

พูดจบก็ได้ยินเสียงมันหัวเราะมาตามสาย ผมไม่ได้โกหกนะครับ ตามสถานะน่ะผมโสดจริง แต่ถ้าถามถึงใจ…ก็ตามที่รู้กันนั่นแหละ

“แล้ววันนี้จะกินอะไร?”

/เพื่อนกูเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ในห้างที่เอกมัย มึงกินป่าว?/

“เออๆ”

/งั้นก็ไปที่นั้นแหละ เดี๋ยวกูเข้าไปรับเหมือนเดิม โอเคนะ?/

“อืม”

ผมวางสายจากไอ้เต้ได้ก็ถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ มือเอื้อมไปปิดแฟ้มแล้วหันเก้าอี้ไปทางด้านหลังจ้องมองเมืองหลวงจากมุมสูงผ่านบานกระจกหนาเหมือนก่อนหน้า เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วจวบจนท้องฟ้าพรบค่ำเสียงเคาะประตูห้องผมก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“เชิญ”

“คุณเตชินทร์มาขอพบค่ะ”

ผมเหลียวมองดูนาฬิกาก่อนที่จะพยักหน้าให้ พี่ใหม่เลยเดินกลับออกไปแล้วแทนที่ด้วยไอ้เต้ที่เดินเข้ามาพร้อมใบหน้ายิ้มกว้างอย่างน่าหมั่นไส้ เหมือนมันเอาความสุขมาเย้ยกันนะครับ

“มาไวจังวะ”

ผมท้วงออกไปพอดีกับที่ไอ้เต้เข้ามานั่งแหมะอยู่ที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของผม

“กูคิดถึงมึงไง”

“ได้ข่าวว่าเมื่อวานก็เจอกันไหมวะ”

“หึหึ เอาน่า ทำมาเป็นซีเรียส งานยุ่งนักรึไง”

“มึงมองดูแฟ้มบนโต๊ะกูเลยครับ”

“หัวร้อนอะไรมาครับ หรือมึงหิว?”

ผมเงียบ อาจจะใช่ก็ได้นะ

“หิวแล้วง่องแง่งเหรอน้องนาย โอ๋ๆ เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าวนะครับ”

“สัส”

ถึงจะด่าแต่หน้านี่ยิ้มไปแล้วนะครับ มีมันเข้ามาในชีวิตก็ดีกว่านั่งหง่อยอยู่คนเดียวละวะ ถ้าถามถึงเพื่อนอีกสี่ตัวนั้นละก็ คนหนึ่งติดผัว คนหนึ่งติดงาน อีกสองติดอาหารทะเลพวกหอยไรงี้อะครับ กูละเซ็ง

ผมลุกขึ้นคว้ากระเป๋าตังค์และโทรศัพท์มาถือก่อนจะเดินตีคู่กับมันออกไปจากห้อง

“ผมกลับแล้วนะพี่ใหม่ พี่เองก็กลับบ้านได้แล้ว อย่าทำโอทีมากเดี๋ยวผมจะไม่มีปัญญาจ่ายค่าจ้างหรอกครับ”

ผมพูดลาเลขาคนสวยที่ยังคงนั่งหน้าคอมฯอยู่ที่หน้าห้องทำงานของผม พี่ใหม่เบ้ปากมาด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะบอกลามาอีกครั้งแล้วผมก็เดินไปกดลิฟท์ลงไปยังชั้นล่างกับไอ้เต้ทันที

ที่ๆไอ้เต้พามาคือห้างใหญ่ติดรถไฟฟ้าแถวเอกมัยครับ ผมไม่คุ้นกับที่นี่เพราะไม่ค่อยมาสักเท่าไหร่ส่วนใหญ่จะไปอีกโซนหนึ่งซะมากกว่า

“ร้านไหนวะ?”

ผมถามเมื่อมันพาผมเข้ามาภายในตัวห้างแล้ว ที่นี้มีแต่อาหารญี่ปุ่นเลยครับ แต่อาหารแนวอื่นก็มีนะเพียงแต่แบบญี่ปุ่นมันเยอะกว่าก็แค่นั้นเอง

“ร้านนี้เลยมึง”

มันเดินเข้ามากอดคอผมก่อนจะพาไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นที่ดูท่าจะใหญ่สุดในนี้ การตกแต่งสวยมากจนผมอดที่จะทึ่งไม่ได้ ร้านถูกตกแต่งให้คล้ายกับสวนสไตล์ญี่ปุ่นมันน้ำไหลผ่านกลุ่มแมกไม้ใบหญ้าจำลองและโต๊ะก็เป็นโต๊ะไม้ได้บรรยากาศมาก

“อิรัชไชมาเสะ! มาสองท่านนะคะ?”

“ครับ”

“เชิญด้านในเลยค่ะ”

ผมเดินตามพนักงานที่พาไปยังโต๊ะด้านในจนได้นั่งและรับเล่มเมนูมาเปิดดู อื้อหือ มีแต่ของน่าอร่อยทั้งนั้นเลยครับ

“ขอยำแซลม่อนกับซาชิมิชุดใหญ่แล้วก็เบียร์หนึ่งเหยือกครับ”

กูพึ่งดูได้สามรายการมึงจะรีบสั่งไปไหนวะเห้ย!

“รีบๆสั่งดิวะ หิวไม่ใช่รึไง?”

ดูจากอาการแล้ว ผมว่าคนที่หิวน่ะคือมันนะครับ

“เอาชุดสเต็กแซลม่อนแล้วกันครับ”

“เครื่องดื่มละคะ?”

“ชาเขียวเย็น”

“เฮ้ย ไม่กินเบียร์ด้วยกันละวะ?”

“กูยังไม่อยากแดรกจะทำไม?”

“มึงต้องแดรกเป็นเพื่อนกูครับ”

“ไว้กินข้าวก่อนดิวะ กูหิว”

“เออๆ งั้นกินแล้วต้องดื่มกับกูนะ”

“เออน่า”

“ตามนั้นเลยครับน้อง”

ผมฟังพนักงานเขาทวนรายการอาหารอีกครั้งก่อนที่จะหันไปมองสำรวจรอบๆร้านอีกที แขกก็เยอะอยู่นะครับแต่ไม่ถึงขั้นอึกอัดอะไร ซึ่งผมชอบวะ

“ชอบละสิ”

ผมพยักหน้ารับ

“แล้วเพื่อนมึงไม่อยู่ร้านเหรอ?”

“อืม มันอยู่ญี่ปุ่น กลับมาอาทิตย์หน้า”

ผมพยักหน้ารับรู้ไปอีกทีก่อนที่สายตาจะโฉบไปเห็นบุคคลคุ้นตาที่เดินผ่านหน้าร้านไปเมื่อครู่ ใจผมเต้นตุ๊บๆต่อมๆทันที คงไม่ใช่หรอกน่า พี่ครอสไม่มีทางมาที่แบบนี้แถมยัง…มีผู้หญิงเกาะแขนมาด้วยอีก

“ไอ้นายหน้ามึงซีดๆนะ เป็นอะไรวะ?

“เออ…คือ กูอยากเข้าห้องน้ำอะ กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“อืม แล้วรู้ไหมว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน?”

“เออ เดี๋ยวมา”

พูดจบก็เดินไวๆออกจากร้านมาเลยครับ ใจที่เต้นแรงจนเจ็บแปร๊บคอยสั่งให้ห้ามตามห้ามหาและห้ามรับรู้มดๆผิดกับสมองที่สั่งให้ก้าวต่อไปจนกระทั่ง…เจอเข้าในที่สุด



เป็นพี่ครอสจริงๆ



แล้วก็มากับผู้หญิงจริงๆ



ผมได้แต่ขาแข็งค้างตาจ้องมองคนทั้งคู่เดินควงแขนกระหนุงกระหนิงกับอยู่อย่างนั้น ให้ตายสิ หาเรื่องเจ็บเองแท้ๆไอ้นาย

ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองกำลังยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูหลังจากกดต่อสายของคนๆนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทุกวินาทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณรอการกดรับผมรู้สึกเหมือนเป็นการนับถอยหลังของตัวเองอยู่กลายๆ

/ว่าไงนาย?/

เสียงเข้มตอบกลับหลังจากที่คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูอยู่ไม่นาน น้ำเสียงปกติมากทั้งที่ข้างๆมีใครอีกคนแนบชิดอยู่ไม่ห่าง

“พี่ว่างไหม?”

แปลกนะ ทั้งๆที่ผ่านมาผมพยายามไม่รับสายไม่อยากได้รับการติดต่อจากเขาเองแต่พอมาเห็นแบบนี้แล้ว…มันกลับอดไม่ได้จริงๆ

/ไม่ว่าง มีอะไรเหรอ?/

“ผมอยากเจอพี่ มาหาผมหน่อยสิ”

พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะพูดให้ธรรมดาที่สุดและปิดอาการสั่นของตัวเองให้มากที่สุดเช่นเดียวกัน

/สองสามวันมานี่กูโทรไปไม่ยักกะรับ แล้วจู่ๆจะให้ไปหานี่นะ?/

“มาหาผมหน่อยนะ”

ถ้ามาหาผมตอนนี้ผมจะยังปิดหูปิดตาต่อไปแต่ถ้าไม่…

/……/

เหมือนได้ยินเสียงถอนหายใจพร้อมกับเสียงหวานของคนข้างกายที่ถามว่าคุยกับใครคุยอะไรนักหนา คนที่มีสิทธิจะเอ็ดแบบนั้นได้ต้องอยู่ในสถานะอะไรกันนะ



เมีย…



แฟน…



หรือน้องที่แค่รู้จักกัน…



ภาพที่ผมเห็นคือพี่ครอสมันปิดในส่วนไมค์ของโทรศัพท์ไว้แล้วหันไปพูดอะไรสักอย่างกับหญิงสาวข้างกายจนคุณเธอยอมหายเข้าไปในร้านเครื่องสำอาง ตอนนี้เหลือพี่ครอสยืนอยู่ที่ด้านหน้าเพียงคนเดียวแล้วและตรงข้ามมีผมที่ยืนแข็งคอยแอบมองอยู่ห่างๆโดยที่มีบันไดเลื่อนและเหล่าร้านค้าตรงกลางลานเป็นสิ่งขวางกั้น

/ตอนนี้กูไม่ว่าง เดี๋ยวดึกๆจะเข้าไปหาที่ห้องแล้วกัน/

เหมือนได้ยินเสียงวิ๊งเข้ามาในโสตประสาทจนชาไปทั้งร่าง ผมกัดปากตัวเองแน่น

“พี่ทำอะไรอยู่เหรอ?”

ถามไปทำไมวะไอ้นาย ทั้งที่เห็นอยู่เต็มสองตา ทั้งที่รับรู้จนปวดร้าวไปทั้งใจ ไม่ว่าจะพยายามทำใจ พยายามห้ามใจ พยายามห่างถึงเพียงไหนแต่มันก็ไม่ช่วยอะไรผมเลยสักนิด

ผมยังคงรักเขา ผมยังคงหวังให้เขารับรักผมตอบ

ทั้งที่รู้อยู่กับอกชัดเจนอยู่ในใจว่าเขานั้นไม่มีทางหันมาหาผมด้วยใจอย่างที่ผมเป็น

/กูทำงานอยู่/

แม่งโคตรเจ็บเลยวะ

เจ็บจนขาสั่นทรุดฮวบลงไปนั่งแหมะกับพื้นท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ผมไม่รู้ว่าผมร้องไห้ตอนไหน แต่ตอนนี้มือไม้มันไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะกดตัดสายยังทำไม่ได้เลยครับ   

“ไอ้นาย!”

เสียงไอ้เต้ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ผมไม่ได้เหลียวไปมองมันจนกระทั่งมันคุดเข่าลงตรงหน้าแล้วดึงผมเข้าไปกอดแน่นอยู่แนบอก

“มึงเป็นอะไร? ใครทำอะไรมึง??”

ผมไม่สามารถตอบมันได้จริงๆครับ ผมได้แต่เม้มปากแน่นกลั่นสะอื้นทั้งที่มือก็กำแน่นจนเจ็บแสบ

“มึงร้องไห้ทำไม? มึงบอกกูมาสิวะ!?!”

ผมส่ายหัวไปมาจนมันกระชับอ้อมกอดจนแน่นเข้าไปอีก

“กลับกันเถอะวะ ลุกไหวไหมหรือต้องให้กูอุ้ม?”

ผมพยักหน้ารับอยากจะต่อปากต่อคำกับมันเหมือนเดิมอยู่นะครับแต่สภาวะจิตใจในขณะนี้ผมไม่สามารถจริงๆวะ

ผมพยายามกลั่นสะอื้นแล้วหยุดร้องไห้แต่กลับทำไม่ได้เลยต้องนับเอาผ้าเช็ดหน้าของไอ้เต้มาปิดหน้าปิดตาไว้อย่างนั้น เต้มันพยุงผมขึ้นยืนแล้วหันไปคุยกับใครสักคนที่ผมคิดว่าเป็นพนักงานของร้านอาหารที่เราเข้าไปกัน มันคงจ่ายเงินทั้งที่ไม่ได้กิน ผมสร้างเรื่องให้เพื่อนต้องเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์เหรอครับเนี้ย บ้าจริง



ควับ!



“เชี่ย!!”

จู่ๆผมก็ถูกกระชากออกจากไอ้เต้จนมันอุทานลั่น ผมรู้สึกได้แค่ว่าตัวเองโดนดึงจนไปปะทะเข้ากับใครสักคนจนต้องฟันไปมอง

“พี่ครอส”

มันเองก็ก้มลงมามองผมหน้านิ่งๆแต่บรรยากาศรอบตัวติดลบจนผมยังรู้สึกกลัวขึ้นมาจากก้นบึ้ง

“เหี้ยเอ๊ย! มึงอีกแล้วเหรอวะ”

ไอ้เต้ตะคอกลั่นจนรปภ.ของห้างวิ่งโร่กันเข้ามาหา ผมมองเพื่อนสลับกับพี่ครอสที่ยังคงกำข้อมือผมแน่จนหางตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนั้นยืนมองมาที่เราด้วยใบหน้างงงัน  ผมรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งพล่านอยู่ในร่างจนเจ็บแปร๊บขึ้นมาอีกครั้ง ผมเม้มปากแน่นแล้วกลั่นใจสะบัดแขนตัวเองให้หลุดจากการจับกุมของไอ้คนใจร้ายจนหลุดในที่สุด พี่ครอสมันจ้องหน้าผมดุๆตั้งท่าจะเข้ามาหาอีกรอบแต่ผมก็ถอยออกจนมันชะงัก เราสบตากับนิ่งๆ ผมยังคงอ่านแววตาของมันไม่ออกเหมือนอย่างเคยแต่ที่ผมรู้ดีมนตอนนี้คือผมต้องรีบหนีไปจากมัน ต้องรีบไปก่อนที่ความเข้มแข็งนี้จะโดนทลายลงด้วยสายตาของมัน

“เต้”

“อืม”

“ไปกันเถอะ”

ไอ้เต้ยิ้มเยาะแล้วเข้ามาโอบไหล่ผมในทันที

“ได้สิ”

พูดจบมันก็พาผมเดินไปยังทางออกโดยที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะเหลียวหลังกลับไปมองเขาอีกเลย ความชื้นที่แก้มทำให้ผมรู้ว่าความเข้มแข็งนั้นได้มลายหายไปซะแล้ว ดีหน่อยที่มาถึงรถแล้ว ทันทีที่เข้าไปนั่งผมก็ได้แต่ฟุบหน้าลงกับฝ่ามือแลเวสะอื้นเบาๆ ไอ้เต้เข้ามาในรถจนสตาร์ทเปิดแอร์แล้วแต่ยังไม่ออกตัว มือมันคอยลูบหลังปลอบผมเบาๆก่อนจะดึงเข้าไปกอดแนบอก

“มึงรักมันเหรอ?”

ผมพยักหน้า

“แต่มันเป็นไปไม่ได้สินะ”

ผมพยักหน้าอีกครั้ง

“เจ็บก็ร้องออกมาให้หมด แต่ต้องให้หมดภายในวันนี้นะเว้ย กูไม่ยอมให้มึงร้องไห้ให้กูเห็นอีกแน่”

“……”

“กูไม่อยากปล่อยมึงไว้คนเดียวเลยวะ”

“……”

“ไปดริ้งส์ให้เมากันไปข้าง ดื่มให้ลืมเรื่องบ้าๆพวกนั้นแล้วไปค้างกับกูดีกว่า”

ปกติผมคงปฎิเสธคำชวนแนวนี้ของมันเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมแล้ว แต่ตอนนี้ผมกลับพยักหน้ารับซะง่ายๆ ผมไม่อยากคิดอะไรมากแล้วครับ ไม่อยากใช้ใจไปรักใครไม่อยากใช้สมองไปคอยคิดเรื่องของใคร ผมอยากล่องลอยตามที่ตนต้องการ ต้องการความว่างเปล่าที่จะทำให้ผมลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่าง การดื่มคงช่วยผมได้ ถ้าผมเมาผมคงลืมและหลับตาลงได้โดยไม่ฝันร้ายอีกต่อไป 



ผมหวังให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆนะ



Tbc…

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น9 (UP-21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-06-2017 11:13:49
ถ้าคิดว่าเมาแล้วดี ก็เอาเล้ย... (โดยเฉพาะไปเมากับคนที่รู้อยู่ว่าพร้อมจะฟันแกนะนาย)
ส่วนอิพี่ครอส ถ้าไม่พูดนักก็ปล่อยนายไปเถอะ ทำเป็นจับ ๆ ปล่อย ๆ ก็ไปทำกับคนอื่นเถอะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น9 (UP-21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 21-06-2017 11:31:24
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น9 (UP-21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-06-2017 02:34:12
รำคาญพี่ท่าน
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น9 (UP-21/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-06-2017 15:25:09
ก็เข้าใจว่าพี่มันเลว แต่ขอเถอะอย่าเล่นกับความรู้สึกได้มั้ย รัก ไม่รัก ชอบ ไม่ชอบ เราขอความชัดเจนให้น้องนายได้มั้ย
อย่าทำเป็นหมาหยอกไก่แบบนี้เลย สงสารน้องมันบ้างเถอะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น10 (UP-22/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 22-06-2017 15:32:16

ไหวหวั่นครั้งที่ 10





แกร๊ง!



ผมวางแก้วเปลี่ยนที่พึ่งกระดกดื่มจนหมดลงพื้นโต๊ะเสียงค่อนข้างดัง ณ ตอนนี้ผมกับไอ้เต้กำลังอยู่ในบาร์หรูแห่งหนึ่งครับ เนื่องจากเป็นบาร์ที่ค่อนข้างหรูหราแขกเหลื่อเลยแลดูมีฐานะพร้อมความสงบเงียบและเสียงเพลงที่คลอเบาๆสร้างบรรยากาศเพียงกรึ่มๆ

ปกติถ้าผมเที่ยวกับพวกในกลุ่มแก๊งค์จะเลือกสถานที่ๆคนพลุ่งพล่านหน่อยนะครับเพราะพวกเสือทั้งหลายเขาต้องการออกล่าเหยื่อกัน แต่มาวันนี้ผมไม่มีอารมณ์สุงสิงกับใครสักเท่าไหร่ เพราะงั้นบรรยากาศแบบอยู่ใครอยู่มันแบบนี้แหละที่เหมาะ

บริกรเข้ามารับแล้วแล้วนำไปเติมให้ใหม่ตามหน้าที่ ไอ้เต้เองก็นั่งเอนตัวพิงพนักวางท่าสบายๆแต่แขนโอบพาดมาทางผมจนดูเหมือนกำลังโอบผมอยู่กลายๆ

“เมายังวะ?”

ผมส่ายหัวแล้วเอนตัวพิงเบาะอย่างมันบ้าง แน่นอนว่าต้องไปโดนแขนมันที่พาดไว้แต่มันก็ไม่เอาหลบผมเลยนะครับ

“เอาเถอะ อยากกินเท่าไหร่ก็กิน เดี๋ยวกูพามึงกลับเองแหละ”

มันพูดพลางชูแก้วเหล้าสีอ่อนมาทางผม พอดีกับที่ผมรับใบใหม่มาเลยเอามาชนกับมันก่อนจะยกขึ้นดื่มต่อ มันก็ดีนะครับ รู้ว่าผมเครียดอยู่ก็พาคุยเฉไฉไปเรื่องนู้นเรื่องนี้เรื่อยๆ อย่างเช่นเรื่องสมัยมัธยมที่เรายังไม่สนิทกันเท่าไหร่ ไอ้เต้นะอยู่กลุ่มเด็กเกแต่ผมอยู่กลุ่มไอ้มิกซ์ซึ่งใครๆก็เรียกว่ากลุ่มหล่อโหดทั้งๆที่พวกผมไม่ได้โหดอะไรเลยนะ

“กูจำได้ว่าตอนกูเจอมึงครั้งแรกเป็นตอนที่กูหลบเรียนจะไปสูบบุหรี่ที่ประจำแต่กลับเจอมึงนั่งพ่นควันสบายใจเฉิบ กูนี่อย่างเงิบ ตอนนั้นไม่คิดว่าหน้าละอ่อนอย่างมึงจะสูบเป็นด้วยไง”

ผมยิ้มขำ ผมนะสูบเป็นครับแต่ตอนนี้เลิกไปแล้ว

“คำก็หน้าอ่อน สองคำก็หน้าอ่อน มึงก็อายุเท่ากูป่าววะ”

“ไม่เกี่ยววะ คนมันจะน่ารักแม่งก็น่ารักไม่เปลี่ยนถึงแม้อายุจะเพิ่มขึ้นก็เถอะ”

“ปากหวานสัส”

“ทำไมรู้ เคยชิมแล้วเหรอ”

ผมหรี่ตามองจ้องมันที่ยิ้มกรุ่มกริ่มพลางตีคิ้วมาให้ไปอีก โคตรน่าหมั่นไส้วะ ผมยิ้มขำส่ายหัวหน่อยๆก่อนจะดันหน้ากะล่อนๆนั้นออกไปเบาๆ ไอ้เต้หัวเราะร่วนแล้วจึงยกแก้วขึ้นดื่มต่อ

ผมดื่มไปจนรู้สึกโอเคขึ้นจึงเริ่มโทรชวนเพื่อนๆคนอื่นมากันจนครบทีม ไอ้คริสมีหนีบพี่ทัตมาด้วยเช่นเคย ส่วนไอ้มิกซ์ก็แทรกตัวมานั่งข้างๆผมถัดไปก็ได้แวนไอ้คม

“หมดไปกี่ลิตรแล้ววะ?”

ไอ้มิกซ์ถามเมื่อเห็นอาการกรึ่มๆของผม

“สี่หรือห้าวะเต้?”

ผมตอบก่อนจะหันหน้าเอนตัวไปพิงไอ้เต้ คือหัวเริ่มวิ๊งแล้วครับ การทรงตัวเลยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

“สมควรเมา”

ไอ้คริสเอ็ดแล้วยกแก้วขึ้นดื่มต่อไป

“เรื่องของกู”

“กูว่ามันต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างวะ”

ไอ้แวนเริ่มตั้งประเด็น คนอื่นๆเลยหันไปมองที่มันพร้อมๆกันเลย ยกเว้นผมกับไอ้มิกซ์ที่หันมาสบตากับเงียบๆ

“เช่น?”

“กูไม่รู้”

“อ้าวไอ้สัส!”

ผมหัวเราะขำไอ้พวกบ้าที่ตั้งหน้าตั้งตาประเคยฝ่ามือใส่ไอ้ตัวการไปรัวๆ

“เอ๊า มึงคิดดูนะเว้ย อย่างเชี่ยนายมีเหรอที่จู่ๆจะโทรชวนแถมยังดริ้งส์หนักแบบนี้อีกต่างหาก กูว่าแม่งแปลกๆวะ”

“พวกมึงช่วยไปนินทากูไกลๆได้ไหมวะ”

“ไม่อะ เอาให้มึงได้ยินด้วยแบบนี้แหละมึงจะได้ดิ้นไม่หลุด”

“กูดิ้นตรงไหนไม่ทราบ กูนั่งอยู่เฉยๆเลยเนี้ย”

“เออ นั่งเฉยๆ นั่งเฉยๆแต่ไปพิงไปซบไอ้เต้มันเนี่ยนะ”

ผมเหลียวไปมองด้านหลังเจอหน้าไอ้เต้ในระยะประชั้นชิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มแหย่ ถึงว่าทำไมเบาะมันอุ่นๆ

“โทษที”

บอกขอโทษไปพร้อมขยับตัวออกแต่ไอ้เต้ก็ดึงไว้ให้กลับไปพิงเหมือนเดิมซะงั้น

“พิงต่อได้ กูไม่ถือ”

“อะแฮ่ม มากไปไหมครับพรรคพวก”

ไอ้คมกระแอมไอแต่ผมไหวไหล่แล้วพิงต่อไปเลย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังประชดแบบแปลกๆทั้งที่เขาคนนั้นไม่ได้อยู่ไม่ได้เห็นและถึงจะเห็นเขาก็คงไม่สนใจอยู่ดีละมั้ง คิดแล้วแม่งก็เจ็บวะ แต่ให้เลิกคิดก็ไม่ได้อีก ทำไมพอคิดจะรักถึงได้เป็นปัญหาต่อใจขนาดนี้ด้วยวะครับ

“ไอ้เต้”

ผมยกแก้วขึ้นดื่มต่อแต่สายตาเหลือบมองไอ้คริสที่เอ่ยเรียกไอ้เต้น้ำเสียงจริงจัง ไอ้เต้มันพึ่งรู้จักกับไอ้คมไอ้แวนและไอ้คริสก็วันนี้นะครับ ถึงพวกเพื่อนผมจะเฟรนลี่พอแต่ก็ใช่ว่าจะสนิทใจกันสักเท่าไหร่

“ว่าไง?”

“มึง...คิดจะจีบไอ้นายเหรอวะ?”

ไอ้คริสพุ่งตรงจนคนอื่นๆร้องอื้อหือกันอย่างพร้อมเพียง ก่อนจะหันมามองมันสลับกับผมไปมา

“ป่าว”

“ฮ่าๆๆ เชี่ยคริสแม่งมัว”

“เออ กูตกใจเลยอะ หึหึ”

“กูยังพูดไม่จบ”

ทุกคนนิ่งไปก่อนที่จะหันไปมองไอ้เต้อีกครั้ง รวมทั้งผมที่เงยหน้าขึ้นมองมันเช่นกัน

“กูไม่ได้คิดจะจีบ...แต่กูกำลังจีบอยู่ต่างหาก”

“เหยดโด่วววว”

“วี๊ดวิ๊ว เพื่อนกูขายออกอีกคนแล้วโว้ย”

พวกที่เหลือแซวลั่นขนาดพี่ทัตยังกระตุกยิ้ม แต่ผมนี่หน้าตึงไปเบาๆ ถึงจะพอสะกิดบ้างแต่เมื่อมาได้ยินตรงๆแล้วมันก็...ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันวะ...

“มิน่าละ แม่งสวีตกันไม่เกรงใจกูเล๊ย”

“สวีตเชี่ยไร กูปกติเหอะ”

“ปกติบ้านมึงสิ นั่งจนแทบจะสิงกันอยู่ละ”

“พ่อง”

“อะๆ เขินเหรอครับ เขินก็บอกไม่ใช่ให้ด่า อะโด่ว”

“โด่วบ้านมึงสิ หลีก กูจะไปฉี่”

“หนีเหรอวะไอ้นาย”

ผมโยนน้ำแข็งก้อนเล็กไปใส่ไอ้แวนก่อนจะเดินออกจากที่นั่งแล้วมุ่งตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ทางด้านใน ผมไม่ได้มาฉี่อย่างที่พูดหรอกครับ แค่จะมากวักน้ำล้างหน้าให้สร่างเผื่อจะเลิดคิดประชดบ้าๆจนทำให้เลยเถิด

ผมพอรู้ว่าไอ้เต้มันคิดยังไงกับผม คือเราก็โตๆกันแล้วนี่เนอะ มันก็แสดงโคตรจะโจ่งแจ้งใครมองไม่ออกก็ควายแล้วครับ จะมีก็แต่พี่ครอสนั่นแหละที่มองยากยิ่งกว่าอะไร

การที่ผมตัดสินใจมากับมันวันนี้แถมยังเผยด้านอ่อนแอให้มันเห็นไปแบบนั้นยิ่งทำให้มันมีโอกาสเข้าหาผมได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งที่ผมรู้อยู่แก่ใจว่าไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของมันได้ ผมเข้าใจความรู้สึกของคนที่ไปชอบใครอีกคนแต่เขาไม่สามารถตอบสนองเราได้เป็นอย่างดีไงครับ ผมถึงกำลังรู้สึกผิดที่เผลอให้โอกาสแบบนั้นกับเพื่อนของตัวเองไป

“ท่าจะเมาหนักแฮะ”

“ใช่”

ผมหันควับไปมองเสียงปริศนาที่แสนจะคุ้นหู เมื่อเห็นชัดๆแล้วก็ได้แต่ตื่นตะลึง

ไอ้เหี้ย! มึงว๊าบได้เหมือนจั๊มเปอร์เหรอ



ควับ!



ตึก!



ปึง!!



“อึก!!!”

ผมหลุดเสียงร้องเมื่อตัวกระแทกกับผนังห้องส้วมที่โดนไอ้พี่ครอสจับเหวี่ยงเข้ามาข้างในก่อนตัวมันจะตามเข้ามาพร้อมปิดล็อคประตูเป็นที่เรียบร้อย

“ทำเหี้ยไรวะ!?!”

มันยกยิ้มแล้วหัวเราะหึ สายตาที่มองมาแฝงไปด้วยความไม่พอใจจนผมยังสัมผัสได้ แถมยังรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นอีกด้วย

ผลักมันให้ถอยออกไปก่อนจะถลาไปที่บานประตูแต่ยังไม่แม้แต่จะเตะต้องผมก็โดนมือหนาคว้าตัวมาที่เดิมเพิ่มเติมคือมันกำลังจะปล้ำผมครับ

“ปล่อยนะ!”

ผมห้ามเสียงดังในขณะที่มันกำลังล้วงเข้าไปในร่มผ้า ผมเผลอหดเกร็งตัวทันทีที่มือมันลูบไปตามหน้าท้องและผิวกาย ผมยังจำสัมผัสของมันได้ ผมจำมันได้เป็นอย่างดีเลยแหละ

“ในเมื่อเลี้ยงไม่เชื่องกูก็ต้องลงโทษให้สาสม”

เพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียวก็ดึงสติและความโกรธเคืองให้เข้ามาสู่ใจผม ภาพทุกอย่างหวนกลับมาให้ผมได้สำนึกว่าวันที่ผมรอคอยมันคงไม่เป็นจริงอีกต่อไป แล้วผมจะรอไปทำไม

“กูไม่ใช่หมาแมวที่จะรอคอยเจ้านายอย่างมึงมาให้อาหารนะทีครอส พอกันที เลิกทำอย่างนี้สักทีเถอะวะ!”

ผมรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีแล้วใช้ผลักมันจนมันผละถอยไปชนบานประตูเสียงดังปึก ผมรู้ว่าแววตาผมสั่นไหวแต่แน่นอนว่ามันต้องแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างที่ผมพูดออกไป

“นี่มึงกล้าพูดแบบนี้กับกูแล้วเหรอ?”

“แล้วจะทำไม”

มันเข้ามาประชิดตัวผมอีกครั้งโดยที่ผมกำลังหง่างมือจะต่อยเข้าให้แต่มันก็ไวกว่าครับ มันจับข้อมือผมไว้แน่นก่อนที่จะยกมือตัวเองขึ้นมาบีบแก้มผมแรงๆจนปวดไปทั้งซีกหน้า

“เพราะมันใช่ไหมมึงถึงกล้าพยศกับกู”

“ไอ้..”

“หรือเพราะมึงอยากไปหามันกันแน่ ถึงได้ทั้งอ่อยทั้งอ้อนจนมันติดอกติดใจถึงขนาดนั้น!”

เชื่อไหมว่าหัวใจผมแทบหยุดเต้นเมื่อโดนคำพูดที่แสนโหดร้ายนั้นสาดใส่หน้า คำพูดที่แหลมคมดั่งมีดที่จวดแทงส่วนแววตาที่เมียนมองเหมือนแรงที่กดย้ำและซ้ำไปจนตาย

หัวใจของผมได้ตายไปแล้วครับ ตายไปพร้อมกับความรักที่มีให้คนๆนี้

ผมสิ้นเรี่ยวแรงจนทรุดลงไปนั่งบนฝาชักโครก ดวงตาเหม่อลอยอย่างไร้จุดหมายเหมือนเทียนไขที่แหลกเหลวเพราะเปลวไฟ ผมไม่อยากร้องไห้ ผมไม่อยากเสียน้ำตา ผมไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้มันเห็น แต่ผมอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

“พอเถอะ…ฮึก…พอสักที…เลิกทำร้ายกันสักที”

มันนิ่งเงียบไปในขณะที่ผมก้มลงมองต่ำ ผมไม่อยากมองหน้ามัน ไม่อยากเห็นไม่อยากรับรู้ไม่อยากอะไรกับมันทั้งสิ้น

“ขอร้องละ เลิกยุ่งกับผมสักที”

“ไม่”

“พี่ครอส”

ผมรู้ว่าผมกำลังสั่น แต่มันกลับแข็งเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ผมรักพี่นะ”

“…”

“แต่ผมอยากเลิกรักพี่ ผมอยากหายไปจากพี่ ผมอยากหนีไปให้ไกลๆ”

“กูไม่อนุญาต”

“ผมขอร้อง”

“ก็กูบอกว่าไม่อนุญาตไงวะ มึงเป็นเมียกู มึงจะไปไหนไม่ได้เด็ดขาด”

ผมส่ายหน้าทั้งที่ตายังคงพล่าเบลอด้วยหยาดน้ำตา พี่ครอสมันยังคงกำข้อมือผมไว้แน่น แน่นจนชาไปหมดแต่ไม่ยักกะเจ็บเท่าที่ใจ

“ผมไม่ไหวแล้ว ผมอยากเลิกรัก…”

“หุบปาก!”

“……”

“มึงห้ามพูดมันออกมาอีก กูไม่อนุญาตให้มึงไปไหนและไม่อนุญาตให้เลิกรักกูด้วย เข้าใจไหม!?!”

ผมได้แต่สะอื้นให้กับชะตากรรมที่แสนตลกของตัวเอง จะให้รักไปทำไมในเมื่อตัวเองไม่สามารถตอบกลับความรู้สึกของกันได้

“มึงเป็นของกู จำไว้”

พูดจบก็ซุกหน้าเข้ากับซอกคอก่อนที่ความเจ็บจีณดจะแล่นพล่านจนทำให้สติพล่าเลือน มันกดจนเกิดแผลแล้วจึงเลียให้แสบเล่นๆตามที่เคยทำ แต่ครั้งนี้ทันทำเหนือปกคอเสื้อขึ้นมาอีกครับ คือมองยังไงก็เห็นแน่ๆแถมไม่ใช่รอยจูบที่แค่ขูดก็หายไปซะด้วย

“ถ้าหาย เดี๋ยวกูมาทำให้ใหม่”

มันพูดแล้วก็ยกตัวผมขึ้นก่อนจะดันส่วนล่างของตัวเองมาเป็นฐานลองรับ ปากเราประกบเข้าหากันอย่างเร่าร้อนในขณะที่มือไม้เองก็อยู่ไม่สุข มันเค้นเนินสะโพกผมจนมันส์มือ เสียงน้ำลายดังเจ๊าะแจ๊ะสลับกับเสียงลมหายใจที่เริ่มถี่



ปึกๆๆ!!!



ผมสะดุ้ง

เราชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงคนทุบบานประตู ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงมาขากบานประตูของเรารึเปล่าเลยได้แต่จ้องมองที่บานประตูสลับกับคนตรงหน้าไปมา


ปึกๆๆๆ


ชัดเลย เสียงมาจากประตูห้องผมแน่นอน

“ออกมาเดี๋ยวนี้เลยไอ้นาย”

!!!

เสียงนี้มัน

“ออกมาคุยกันหน่อยสิ ทั้งมึงแล้วก็พี่ครอส”

คริสตัล!!!



Tbc…

​จัดการเลยค่ะน้องคริส
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น10 (UP-22/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-06-2017 18:05:28
 :katai3:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น10 (UP-22/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: NuNam ที่ 22-06-2017 18:52:42
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น10 (UP-22/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 22-06-2017 20:15:25
ไอ้นายยังไม่เท่าไหร่อ่ะ แต่ไอ้พี่ครอสนี้ควรสอบสวนอย่างหนัก จัดการให้เด็ดขาดไปเลยคริสตัล
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น11 (UP-26/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 26-06-2017 12:38:28

ไหวหวั่นครั้งที่ 11





“ออกมาคุยกันหน่อยสิ ทั้งมึงแล้วก็พี่ครอส”


ผมถอนหายใจก่อนจะผละถอยออกมาจากใครอีกคนที่ตอนนี้คงจะช็อคไปแล้วละมั่ง หน้าตามันขาวซีดตาเบิกกว้างปากเผยอน้อยๆดูแล้วก็น่าขำดี

น่าแกล้งไม่มีใครเกิน

ถ้าถามว่าผมมาที่นี่ทำไม…ผมตอบได้เลยว่ามาตามมันนี่แหละครับ จากตอนแรกว่าจะปล่อยให้มันใจเย็นลงแล้วค่อยไปเคลียร์ทีหลังแต่ก็อดไม่ได้ที่จะตามมาดูอยู่ห่างๆจนอารมณ์ขึ้นเพราะแม่งไปยั่วไอ้นั้นด้วยไง ผมเกือบจะไปล้มโต๊ะแล้วด้วยซ้ำดีที่มันมาเข้าห้องน้ำซะก่อนก็เลยได้ตามเข้ามาจัดการกับเด็กดื้อแบบตัวต่อตัว

แต่ใครมันจะไปคิดละว่าคริสตัลจะเข้ามาในเวลาที่ยังค้างคาแบบนี้

ไม่รู้จังหวะเอาซะเลย

ผมหันหลังไปปลดล็อคกลอนกำลังจะเปิดประตูแต่นายมันกลับเข้ามาดึงแขนผมไว้ซะก่อน ดวงตายังคงบวมแดงบัดนี้เริ่มมีน้ำปริมๆขึ้นมากครั้ง ผมดึงมันเข้ามาซบอกกดจูบไปที่หัวเบาๆเป็นการปลอบขวัญ

“ไม่เป็นไร น้องกูไม่ฆ่ามึงหรอก”

“แต่จะฆ่าพี่แทนนะสิ”

ผมหัวเราะในลำคอ ยังต่อปากต่อคำได้แสดงว่าอาการไม่หนักเท่าไหร่ เอาจริงๆผมดูมันออกแทบทุกอย่างแหละครับ ผมเผชิญโลกมาเยอะกว่ามันนะ อย่าลิมสิว่าผมเป็นใคร

“งั้นก็ยิ่งไม่ต้องกลัวมันนี่”

ไอ้นายเม้มปากแน่น เหมือนจะย้อนแยงกับตัวเองแต่ไม่นานก็ยอมปล่อยมือจากแขนผม ผมเปิดประตูออกไปเผชิญหน้ากับน้องชายตัวแสบ คริสตัลยืนอยู่ไม่ไกลด้วยท่าทีหัวร้อนใช่ได้ไหนจะเทพทัตที่ยืนเป็นแบล็คอยู่ข้างหลังเหมือนไม่อยากเข้ามายุ่งด้วยแต่ก็ห่วงเมียเลยต้องอยู่ สารภาพเลยว่าจนบัดนี้ผมก็ยังไม่ชอบขี้หน้ามันอยู่ดี

“มีอะไร?”

ผมเอ่ยปากถาม คริสตัลตีหน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิมสายตาอย่างกับคมมีดที่จวกแทงตลอดเวลา

แต่ขอโทษที ผมคือทีครอส เฟรงเบิร์คนะครับ มีรึที่จะกลัว

“พี่ทำอะไรกับมัน…ในนั้น…”

ถามพลางเหลียวไปที่ห้องน้ำที่ผมพึ่งเดินออกมา ผมหันไปมองสบตากับนายที่ยังคงยืนนิ่งกำมือแน่นอยู่ที่เดิม

“แค่เคลียร์กัน”

“ข้างนอกไม่มีรึไงทำไมต้องไปเคลียร์กันในนั้น! แล้วไอ้คำพูดทั้งหลายแหล่นั้นคิดว่ามันใช้กับคำว่าเคลียร์ได้เหรอวะ นั้นมันต้องใช้กับคำว่าบังคับ ผมรู้ว่าพี่เหี้ยนะแต่พี่จะมาเหี้ยกับเพื่อนผมไม่ได้!!!”

คริสตัลรัวมาเป็นชุด พูดออกมาแบบนี้แสดงว่าคงได้ยินเรื่องที่คุยกันแล้วสินะ ไอ้เราก็ไม่ได้พูดเสียงเบาซะด้วยสิ ช่างมันเถอะงั้น

“แล้วไง?”

“พี่ครอส!”

ผมยืนนิ่งในขณะที่คริสตัลเหมือนจะสติแตก มันเข้ามาประชิดตัวผมอย่างรวดเร็วแล้วดึงคอเสื้อผมอย่างหาเรื่อง เราสองพี่น้องทะเลาะกันบ่อยก็จริงแต่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลยนะครับ

“ไอ้คริส!”

นายเองก็ตกใจจนรีบออกมารั้งมือเพื่อนตัวเองเอาไว้แต่คริสตัลยังคงจ้องหน้าผมอยู่เหมือนเดิม ผมเองก็สบตาน้องตัวเองตอบไปตรงๆ ไม่นานมันก็สะบัดมือเพื่อนตัวเองออกแล้วปล่อยหมัดใส่หน้าผมเต็มๆเล่นเอาเซไปเลย

แรงดีใช้ได้แฮะ ถึงขนาดได้รสเลือดกันเลยทีเดียว

“ไปคุยกันข้างนอก”

มันพูดแล้วดึงไอ้นายให้เดินตามมันออกไปด้วยเลย ผมสบตากับเทพทัตนิดหน่อยก่อนจะหันไปพ้นน้ำลายผสมเลือดทิ้งแล้วบ้วนปาก โคตรแสบเลยสัส! นี่ถ้ากูไม่ใช่พี่มันคงยำเละกว่านี้แน่

ผมเดินตามพวกมันออกไปแต่มองไปที่โต๊ะกลับไม่เห็นเลยคิดว่าน่าจะพากันออกไปที่หน้าร้านแล้วก็เป็นไปตามนั้น ผมมองดูน้องตัวเองกำลังสอบสวนไอ้นายอยู่ข้างๆรถหรูของผัวมันโดยที่คนของผมยังคงมีสีหน้าจะร้องแหล่ไม่ร้องแหล่อยู่เช่นเดิม มันไม่ใช่คนขี้แยนะครับ แต่ถ้าคนๆนั้นเป็นบุคคลที่มีผลต่อความรู้สึกของมัน มันก็จะร้องไห้ได้ง่ายๆเหมือนกับที่ผมเห็นอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงหลังๆมานี่ ผมยอมรับว่าผมมันไม่ใช่คนดี แต่เชื่อเถอะ ทุกสิ่งที่ผมทำมันย่อมมีที่มาที่ไปเสมอ

ผมรู้ว่าไอ้นายสนใจผมตั้งแต่ก่อนมันไปเมื่อนอกด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากไงครับ อารมณ์เหมือนชอบแบบน้องชายแต่มันน่าแกล้งน่าอยู่ใกล้คนละแบบกับคริสตัล ผมมารู้สึกหนักขึ้นก็ตอนมันไปนั้นแหละ บวกกับแด๊ดจะให้หมั้นเพื่อกันการสิ้นทายาทผมเลยได้ข้ออ้างในการแยกตัวและกลับใจ แต่จนแล้วจนรอดมันก็ไม่เป็นไปตามที่คิด ผมเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไรสิ่งนั้นคืออะไรและสมควรทำอะไรต่อไปในภายภาคหน้า ผมอยากถอนหมั้นในทันทีที่รู้ตัว ผมไม่อยากเอาเปรียบอีกฝ่ายนะครับ ยิ่งทางครอบครัวเธอมีอิทธิพลต่อธุรกิจของแด๊ดและผม ผมยิ่งต้องรีบเคลียร์ให้เร็วที่สุด

แต่มันก็ไม่ทัน…

เธอบอกว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ในวันที่ผมนัดไปทานดินเนอร์นอกบ้านเพื่อคุยเรื่องจบความสัมพันธ์

ผมนิ่งไปหลายนาที นิ่งไปจนอีกฝ่ายต้องเรียกซ้ำเพื่อดึงสติให้กลับมา ผมต้องกลืนคำพูดต่างๆลงคอและแสร้งทำทีสงบสยบความเคลื่อนไหวที่รุนแรงภายในจิตใจ

หลังจากนั้นผมยังคงทำหน้าที่คนรักให้กับเธอแต่ช่องว่าระหว่างเรากลับเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆภายในจิตใจ เธอบอกว่าผมเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกที อยู่กับเธอเหมือนอยู่เพราะหน้าที่ไม่ใช่ตามที่ใจปรารถนา ผมได้แต่ยิ้ม เธอก็บอกมาอีกว่าทางฝั่งเธอให้จัดพิธีแต่งงานให้เร็วที่สุดก่อน ผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแด๊ดและแม่แต่ก็บอกความต้องการของตนด้วยว่าใจจริงไม่อยากจะแต่ง ใจจริงอยากจบความสัมพันธ์แต่เธอกลับท้องขึ้นมาซะก่อน แน่นอนว่าผู้ให้กำเนิดว่าผมเสียยกใหญ่ ผมเองก็ก้มหน้ารับแต่ผมก็จะรับเลี้ยงเด็กแน่นอน แม่บอกต้องพูดความจริงกับเธอเพื่อเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันส่วนแด๊ดนั้นเงียบไปจนผมนึกกลัวขึ้นมาเลยครับ แด๊ดไม่พูดอะไรสักคำจนกระทั่งผมแยกกับพวกท่านและเข้าไปคุยกับเธอตามที่แม่แนะนำ

ผลที่ได้คือทางฝั่งนั่นยกเลิกสัญญาทางธุรกิจทุกสิ่งอย่างโดยที่เธอเองก็ขอกลับแต่ผมไม่ให้กลับเพราะห่วงสุขภาพครรภ์ ในช่วงนั้นผมต้องวิ่งวุ่นทั้งเรื่องงานและเรื่องขอเด็กมาเลี้ยงเองซึ่งโคตรจะยากและเรื่องต้องถึงศาลแน่นอน และในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจผมครับ หลังจากที่เด็กคลอดปรากฎว่าผลดีเอ็นเอของเด็กไม่ตรงกับผมเลยสักนิด วินาทีนั้นเหมือนทุกคนเข้าสู่โหมดเดดแอร์รวมทั้งผมด้วยเช่นกัน เธอสารภาพว่าแอบไปเผลอมีอะไรกับใครสักคนตอนไปเที่ยวสถานบันเทิงแต่ไม่คิดว่าผลจะออกมาในรูปแบบนี้

สุดท้ายทางฝั่งนั้นเลยขอโทษขอโพยผมเสียยกใหญ่จากที่คอยเกทับกลับเป็นผมที่เกกลับจนแทบเสียเครดิต ชื่อเสียงของตระกูลแฟรงเบิร์คเล็กน้อยสักที่ไหนละครับ ผมใช้ลูกไม้ขู่ทางคดีความจนอีกฝ่ายยอมยกเด็กให้จึงได้จบลงด้วยการยกฟ้องและจากกันด้วยดีในที่สุด ผมไม่โกรธเธอนะที่แอบไปมีอะไรกับใครเพราะผมเองก็มี แต่ไม่ใช่ทางกายก็แค่นั้น ผมแอบเผลอใจไปรักคนอื่นในขณะที่หมั้นอยู่กับเธอ

จนวันหนึ่งที่รู้ว่ามันกลับมาบอกได้คำเดียวเลยว่า…ผมโคตรดีใจเลยวะ เชื่อไหมว่าวันนั้นผมแทบทำงานไม่ได้เลยนะครับ คนที่หายใจเข้าออกเป็นงานอย่างผมถึงกับคิดอะไรไม่ออกนี่ถ้าไม่เรียกว่าอาการหนักแล้วจะเรียกว่าอะไร

วินาทีแรกที่เห็นมันคือผมทำอะไรไม่ถูกเลยนะครับ มันไม่ได้ดูสวยขึ้นเหมือนคริสตัลแต่มันดูดีในแบบของมัน มันดูน่าเอ็นดูและน่าแกล้งจนอดใจแทบไม่ไหว ยิ่งผมดูมันออกว่ามันยังคงคิดกับผมแบบเดิมผมยิ่งอยากแกล้ง ผมพามันไปเจอน้องคนสนิทที่เป็นได้เพียงน้องสาวแล้วแกล้งพูดจาก้อร่อก้อติกเพื่อดูปฎิกิริยาของมันล้วนๆ แต่มันก็แสดงออกเพียงนิดเดียว มันอดทนได้เก่งขึ้นเก็บอาการได้ดีขึ้นจนผมนึกกลัวว่ามันจะตัดใจจากผมได้ง่ายขึ้นเช่นกัน ในขณะที่ยังไม่ได้สานสัมพันธ์กับมันดีๆและงานผมก็รุมเป็นทุนเดิมนั้นก็มีไอ้ตัวปัญหาโผล่เข้ามาจนได้

“มึงแม่ง”

เสียงคริสตัลสบถดังลั่นนั้นทำให้ผมตื่นจากภวังค์ มันคงเล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องผมฟังเป็นที่เรียบร้อยแล้วแหละนะ

ผมเดินเข้าไปใกล้คนคริสมันเห็นแต่ไม่ยักกะด่า สายตามันยังคงฟาดฟันไม่เปลี่ยนแต่อาจจะใจเย็นขึ้นบ้างเพราะได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

“มีอะไรจะพูดกับผมไหม?”

ผมส่ายหัว ก็ไม่มีจริงๆนี่หว่า เรื่องทั้งหมดมันก็น่าจะได้ยินจากเพื่อนไปแล้วนี่

“ผมไม่ใช่คนฟังความข้างเดียวนะ พี่คิดอะไรอยู่พี่ก็พูดมา อย่ามาเล่นแง้กับเพื่อนผม ไอ้นายมันจริงจังแต่พี่แม่ง…”

“กูก็จริงจัง”

“จริงจังบ้านมึงดิ!”

ดูมันพูด บ้านกูก็บ้านมึงไหม หยาบได้ใครวะเนี้ย

“เวลาพวกมึงจีบกันมึงวิ่งโล่มาบอกกูไหมละว่ามึงกับมันจะไปนั้นไปนี่ ว่าคิดนั้นคิดนี่ มันทำอย่างนั้นมึงทำอย่างนี้ ก็ไม่ใช่ไหมละ แล้วมึงจะมาถามกูทำไมไม่ทราบ”

โดนตอกไปแบบเบาะๆ นี่ถือว่ากูปราณีแล้วนะครับ

“พี่จะบอกว่าพี่กำลังจีบไอ้นายอยู่?”

“เออ”

“ห่ะ!?!”

ร้องออกมาพร้อมกันทั้งน้องผมทั้งตัวการเลยครับ หน้าเน้อนี่เหวอไปอีก ถ้าผมหัวเราะออกไปมันจะเสียบรรยากาศไหมวะ แต่คงไม่ทันละ รู้สึกว่าจะหลุดออกไปแล้วด้วย

“เหี้ยแน่ๆ นี่พี่จริงจังเหรอ พี่ไม่ใช่เกย์นะเว้ย”

“กูไม่ใช่เกย์ ไม่ได้ชอบผู้ชาย”

“นั้นไง”

“แต่กูชอบมัน”

อึ้งกันไปอีกรอบโดนเฉพาะไอ้นายที่ผมจ้องมันอย่างไม่ละสายตา หน้ามันเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆทั้งที่ยังคงมีท่าทีอึ้งค้างอยู่อย่างนั้น อยากจับมากัดปากให้สะดุ้งเล่นจริงๆ แต่คงไม่เหมาะเท่าไหร่

"มันก็ไม่ใช่เกย์ใช่ไหมละ?"

คริสตัลหันไปมองหน้าเพื่อนก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ไอ้นายก็เสือผู้หญิงรายหนึ่งเลยนะครับทำไมผมจะไม่รู้ แต่ก็แค่เมื่อก่อนแหละนะ

"แต่มันยังชอบกูได้เลย"

"พี่ครอส!"

ผใกระตุกยิ้มเมื่อทำให้มันหลุดได้ในที่สุด หน้าแม่งก็ทั้งเหวอทั้งแดง โอ้ย ผมจะทนไม่ไหวแล้วนะครับ

“เออ…อ่า…”

คริสตัลถึงกับไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

“กลับกันเถอะคริส”

เป็นทัตที่โพล่งออกมาขัดอาการเก้อของน้องชายผม ผมหันไปสบตากับมัน โคตรรู้จังหวะเลยวะ อย่างนี้ค่อยสมกับที่เป็นน้องเขยกูหน่อย

“แต่ว่า…”

“ให้พวกเขาคุยกันเอง”

“นี่ยูว่าไอเสือกเหรอทัต!?”

“แล้วมันใช่ไหมละ?”

“นี่!!!”

“หึหึ”

เทพทัตไม่มีท่าทีเกรงตัวต่ออาการเหวี่ยงของคริสตัลเลยสักนิด แต่มันกลับยิ้มกว้างแล้วปลดล็อครถก่อนจะเปิดประตูให้เลย คริสมันหันมามองผมสลับกับเพื่อนมันอีกครั้ง

“มึงโอเคไหมไอ้นาย?”

ห่วงกันจริงๆ

“ก็…มั้ง”

“ถ้ามันทำอะไรมึงก็โทรมาบอกกู เดี๋ยวกูจะจัดการให้”

“มึงจะทำอะไรกูไม่ทราบ?”

ผมอดที่จะถามไม่ได้จริงๆ

“โทรหาแด๊ดไง”

“โห ที่แท้ก็เด็กขี้ฟ้อง”

“ไอ้พี่ครอส!!”

“เรียกทำไม? กลัวลืมชื่อ?”

มันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางขี้หน้าผมอย่างอาฆาต เถียงกันกับมันถือเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่งนะครับ

“เราก็ไปกันเถอะ”

ว่าจบผมก็เดินไปฉุดมือเจ้าตัวการจนมันอุทานแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ได้ยินเหมือนคริสตัลพูดอะไรตบท้ายมาสักอย่างแต่ผมไม่ได้สนใจจนกระทั่งเดินมาถึงรถของตัวเองที่จอดอยู่แถวด้านนอก ผมปลดล็อครถแล้วเปิดประตูให้ด้วยตัวเองแต่นายมันยังคงนิ่งเงียบ สายตามันเหมือนสับสนอย่างหนักจนเกิดอาการลัดวงจรอยู่ภายใน ผมเลยก้มลงไปจูบปากมันทีสองทีจนมันสะดุ้งไปตามคาด ยิ้มเลยสิครับงานนี้ ที่ยิ้มนะผมนะไม่ใช่มัน

“ขึ้นรถ”

“จะ จะไปไหน?”

“กลับคอนโด”

มันพยักหน้าหน่อยๆแล้วก้าวเข้าไป ผมเลยปิดประตูแล้วเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่ง หางตาเห็นรถของเทพทัตผ่านไปอยู่ไวๆแต่ก็ช่างมัน ณ ตอนนี้ผมสมควรพุ่งความสนใจไปที่คนที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่นี่มากกว่า

“คาดเข็มขัดรึยัง?”

มันรีบเอามาคาดทันทีที่ผมพูดจบ อาการลนๆเหมือนคนกลัวความผิด มันไปทำอะไรมาอีกรึเปล่าวะ?

ผมสตาร์ทรถพยายามเก็บอาการสงสัยแล้วใช้สมาธิกับการขับให้มากที่สุด เวลาขับรถเพียงคนเดียวผมจะขับยังไงก็ได้ใช่ไหมแต่นี่มีมันเข้ามานั่งอยู่ด้วยไง ผมเลยต้องระวังมากเป็นพิเศษ เอาง่ายๆคือผมไม่เคยขับช้าถึงขนาดนี้แล้วมองกระจกบ่อยมากถึงขนาดนี้แล้วกัน

“พี่ครอส”

“ว่า?”

“พี่จะพาผมไปไหน?”

ผมหันไปมองหน้ามันแป๊บๆก่อนจะหันกลับมามองถนนต่อ

เกิดเอ๋ออะไรขึ้นมาอีกวะ

“รู้สึกว่ามึงถามกูมาแล้วและกูก็ตอบมึงไปแล้วนะ”

“แต่นี่มันไม่ใช่ทางกลับคอนโดผมอะ”

ผมยกยิ้ม

“กูบอกเหรอว่าจะพากลับคอนโดมึง”

ผมหัวเราะในลำคอในขณะที่มันหันควับมาจ้องหน้าผมเลย

ขอบอกอีกทีได้ไหมว่ามันโคตรน่าแกล้งเลยจริงๆ

น่าแกล้งจนอยากจะแกล้งแรงๆให้หนำใจ อยากจะทำให้ผมกลายเป็นคนที่มีอิทธิพลต่อจิตใจมันมากที่สุด อยากจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของมัน

ในขณะที่มันก็กลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของผมเช่นกัน



Tbc…

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น11 (UP-26/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-06-2017 17:57:04
ทัต คริส  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ทีครอส นาย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ทีครอส ชอบนาย จีบนาย ก็ไม่บอกเลย นายจะรู้ได้ยังไง
เพราะนิ่ง อ่านไม่ออก พูด หรือแสดงท่าทีว่าจีบก็ไม่มีเลย
นายเลยคิดมากเข้าไปสิ
คริส มาเป็นกามเทพถามไถ่ ครอสถึงบอกว่าจีบ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
นายเลยเหวอ อ้าปากค้าง

พอได้อ่านพาร์ทของทีครอส
ที่แท้ทีครอส ก็ชอบนายมานาน

เต้ คงชอบนายตั้งแต่ตอนเรียน รร.เดียวกัน
มาเจอนาย เต้ เลยรุกนายซะ
กะได้จีบนายแน่ๆเพราะนายจะหนีทีครอส
เลยก็ยิ่งทำให้ทีครอสเข้าหานายเต็มๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น12 (UP-29/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 29-06-2017 16:09:38
ไหวหวั่นครั้งที่ 12





“ที่นี่มัน…”

“คอนโดกูเอง”

เสียงทุ้มตอบตามหลังทั้งที่ผมยังถามไม่จบด้วยซ้ำ ตอนนี้เรายืนอยู่ที่คอนโดหรูย่านธุรกิจซึ่งไม่ไกลจากตึกออฟฟิศของคนตัวโตนี่สักเท่าไหร่ครับ เอาจริงๆคือผมไม่รู้ว่ามันมีคอนโดด้วยซ้ำ นึกว่าอยู่แต่บ้านกับออฟฟิศ

“ที่นี่เป็นหนึ่งในอสังหาฯของกู กูจะเก็บไว้นอนสักห้องจะเป็นอะไร”

อ้อ ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง แต่เดี๋ยวนะ ทำไมมันรู้ว่าผมคิดหรือสงสัยอะไรอยู่วะ!

“เข้าไปข้างในได้แล้ว กูโคตรอยากอาบน้ำเลย”

ว่าแล้วก็ดันหลังผมให้ก้าวเดินโดยที่มีมันเดินอยู่เคียงข้าง ผมได้แต่มองไปรอบๆไม่กล้าสบตาทั้งที่ไม่รู้หรอกว่ามันมองมาที่ผมรึเปล่า จะว่าไป…ที่พูดไปก่อนหน้านี้…ผมหูฝาดไปรึเปล่าครับ?

ปิ๊ง!

เสียงลิฟท์ดังขึ้นเมื่อมาถึงชั้นบนสุดของคอนโดหรูแห่งนี้ แต่ประตูกลับยังไม่เปิดออกจนไอ้พี่ครอสเข้าไปสแกนลายนิ้วมือที่เครื่องด้านหน้าอีกครั้ง ระบบรักษาความปลอดภัยดีเวอร์ แต่เมื่อประตูเปิดออกผมก็ต้องอึ้งอีกครั้ง มันไม่ใช่แค่ระบบรักษาความปลอดภัยดีครับ แต่มันต้องมีเพราะด้านหน้าผมคือเพ้นเฮ้าส์สุดหรูที่ดูจากการตกแต่งแล้วราคาห้องไม่ต่ำกว่าสิบล้านแน่นอน

“ออกไปได้แล้ว”

ผมสะดุ้งก่อนจะก้าวตามผู้เป็นเจ้าของออกจากลิฟท์ที่ทำหน้าที่เป็นประตูของเพ้นเฮ้าส์นี้ไปด้วย ด้านในกว้างขวางและโอ่โถงมากครับ เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งทุกชิ้นต่างเป็นสีทองและครีมขาว ผมนึกไม่ถึงเลยว่าผู้ชายดิบๆอย่างพี่ครอสมันจะมีรสนิยมคุณชายได้ถึงขนาดนี้ ดูอย่างโซฟาที่มันเข้าไปนั่งนั้นสิครับ นั้นมันหนังของหลุยส์เชียวนะ

“หึ”

มันหัวเราะออกมาเมื่อเห็นอาการสนอกสนใจภายในเพ้นเฮ้าส์สุดหรูของมัน ที่เดินผ่านมาเมื่อกี้น่าจะเป็นห้องครัวถัดมาก็เป็นบาร์เครื่องดื่มมีตู้โชว์เหล้าหลากหลายยี่ห้อเน้นรูปทรงขวดที่สวยงามเพื่อเป็นการตกแต่ง ตรงกลางเป็นโซฟารูปตัวยูที่ใหญ่มากตั้งอยู่บนพื้นพรมขนฟูน่าจะนุ่มเท้า ตรงหน้าโซฟาเป็นทีวีจอยักษ์และเครื่องเล่นเสียงต่างๆ ถัดไปเป็นประตูห้องอะไรสักอย่างสองบานและบันไดวนขึ้นไปยังชั้นสอง ด้านหลังกรุด้วยกระจกเต็มพิกัดลากยาวไปอีกด้านและเปิดม่านให้เห็นระเบียงกว้างมีสระน้ำที่ไม่มั่นใจว่าเป็นสระว่ายน้ำขนาดมินิหรืออ่างจากุซซี่กันแน่

“อยากให้พาเดินสำรวจไหม?”

ผมหันมามองมันก่อนที่จะพยักหน้าน้อยๆ ก็คนมันสนใจจริงๆนี่หว่า

“งั้นเดี๋ยวพาไป…”

พูดจบแล้วลุกขึ้นเดินมาหา ไอ้ผมก็นึกว่ามันจะพาเดินทัวร์แต่ป่าวเลยครับ มันเดินมารั้งท้ายทอยผมไว้แล้วก้มลงมาประกบปากจูบผมเลย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนที่จะสบเข้ากับดวงตาสีอ่อนจากคนตรงหน้า พอจะอ้าปากร้องท้วงก็กลายเป็นเปิดปากให้ลิ้นของเขาได้แทรกเข้ามา ตัวโดนดึงเข้าสู่อ้อมอกก่อนที่แขนแกร่งจะรัดผมไว้จนแน่นแต่กลับไม่อึดอัด มันอบอุ่น มันให้ความรู้สึกดีจนทำให้ผมเคลิ้ม เสียงน้ำลายดังขึ้นเบาๆเมื่อผมเริ่มตามเกมส์รุกของคนตรงหน้าอย่างไม่ลดละ ก็อย่างที่รู้ว่าผมไม่เคยต้านทานคนๆนี้ได้เลย ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือในตอนนี้

“…ถ้าเกิดมึงยังลุกไหวอะนะ”

“เห้ย!”

มันอุ้มผมครับ!

แค่คำพูดกำกวมมันก็น่าตกใจพอแล้วแต่นี่เล่นอุ้มผมพาดบ่าแล้วพาตรงไปยังบันไดวนในทันที ไอ้เราก็ไม่กล้าดิ้นอะไรมากด้วยไอ้พี่ครอสมันสูงนะครับ ขืนตกไปมีเจ็บแน่ๆอะ แต่เอ๊ะ หรือกูไม่อยากดิ้นเองกันแน่วะ ชักไม่แน่ใจ

พอโผล่ขึ้นมาที่ชั้นสองปุ๊บไอ้พี่ครอสมันแทบไม่ต้องเปิดประตูใดๆเลยครับ ก็เล่นโล่งไปทั้งชั้นซะขนาดนี้ ที่บอกว่าโล่งคือมันไม่ได้ถูกกั้นเป็นห้องๆมีประตูปิดมิดชิดเหมือนชั้นล่างแต่เป็นพื้นที่กว้างๆที่กินเนื้อที่ไปกว่าครึ่งของขนาดห้องทั้งหมด ตรงกลางชิดผนังมีเตียงเตี้ยขนาดคิงส์ไซต์และตู้เสื้อผ้าแบบบิวอินอยู่ไม่ไกล ส่วนริมอีกฝั่งเป็นห้องน้ำที่รวมทั้งห้องส้วมและห้องอาบน้ำไว้ด้วยกันแต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ…ห้องแม่งกรุด้วยกระจกหมดเลยครับ ทั้งห้องน้ำและผนัง มองลงไปคือเห็นชั้นล่างได้เลยอะ

ตุ๊บ!

มัวแต่มองเพลินจนมันปล่อยตัวผมลงที่นอนซะเต็มแรงเลย ถามว่าจุกไหม? จุกสิวะ! ไอ้เรื่องชอบใช้ความรุนแรงนี้ไม่มีเปลี่ยนเลยจริงๆ

“เห้ย! เดี๋ยวๆๆๆ”

ผมรีบท้วงเพราะมันกำลังฉีกทึ้งเสื้อผ้าผมแล้วครับ ไอ้หมาบ้านี่!

“มึงกล้ามาสั่งกู?”

ทำเป็นเข้มแต่น้ำเสียงคือกำลังสนุกอยู่เห็นๆ แล้วมือมันก็ไม่หยุดด้วยนะครับ พอถอดไปได้พอประมาณมันก็บีบเค้นไปทั้งร่างจนผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

แม่งอายสัส!

แต่กูเสือกขัดมันไม่ได้อีก!!

เกลียดตัวเองชิปหายเลยวะ

“เดี๋ยว…อื้ออ…ก็บอกว่า..อ๊ะ!”

“หึ”

กัดกูแล้วยังเสือกมาหัวเราะอะ นี่คนรึหมาวะ!

“มันเจ็บนะ!”

ว่าไปงั้นแต่แม่งก็ไม่สนกูเหมือนเดิม ผมพยายามผลักมันที่กำลังรุกล้ำอยู่แถวหน้าอกจนต้องแอ่นหนีแต่เหมือนจะยิ่งลงล็อคมันนะครับ มือหนาแทรกไปที่ด้านหลังก่อนจะไล่ลงไปที่สะโพกเพื่อเลื่อนขอบกางเกงให้ไหลลงจากร่างโดยง่าย

ให้ตายสิโรบิ้น! มันปลดกระดุมรูดซิปกางเกงกูตอนไหนวะเห้ย!!

“ก็ตื่นแล้วนี่”

โอ้โห ทำมาเป็นพูด มึงเล่นปลุกปั้นซะเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้มันคงหลับลงอยู่หรอกเนอะ ผมนี่ทั่งกัดปากทั้งจิกไหล่มันแน่นเลยตอนที่มันเล่นกับส่วนนั้นจนผมแทบหมดเรี่ยวแรง

Rrrrrr

เหมือนมีเสียงสวรรค์ดังในขณะที่ผมกำลังจะขาดใจตายเลยครับ ไอ้พี่ครอสจิ๊ปากแบบโคตรขัดใจเพราะเป็นเสียงโทรศัพท์ของมันไง มันผละถอยออกจากผมไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า พอเอาออกมามองหน้าจอแล้วก็ปิดเครื่องโยนทิ้งไปซะงั้น ผมนี่กระพริบตาปริบๆมองตามจนมันฉกเข้ามาจูบผมอีกนั้นแหละ

“เดี๋ยวๆ ไม่รับสายจะดีเหรอ?”

“ช่างมัน”

“ไหนบอกว่าบ้างานไง”

“แต่ตอนนี้กูจะบ้าถ้าไม่ได้แดรกมึง”

เชี่ย!

พูดอะไรไม่ออกเลยวะครับ

ระหว่างที่กำลังอึ้งไอ้นี่มันก็ฉวยโอกาสจับผมพลิกคว่ำพร้อมรวบมือทั้งสองข้างไขว้หลังจนหน้าทิ่มไปซะงั้น หาความอ่อนโยนจากมันไม่ได้จริงๆ ดีนะที่ที่นอนมันนุ่มไม่งั้นผมคงดั้งหักไปแล้ว

“อืออออ!”

ผมสะดุ้งเมื่ออะไรบางอย่างที่ชื้นๆเข้ามาสัมผัสในส่วนของปากทางเข้า ขาที่ชันขึ้นทำให้ก้นลอยเด่นจนมองไม่เห็นว่ามันกำลังทำอะไร ใจก็หวังไม่ให้เป็นไปตามที่สมองคิด

มันคงไม่ใช้ลิ้นทำหรอกนะ!

ผมเริ่มหายใจติดขัดเมื่อส่วนนั้นกำลังถูกรุกล้ำพร้อมๆกับด้านหน้าที่ดูสัมผัสไปพร้อมๆกัน อาการเสียวแปร๊บเหมือนกระแสไฟฟ้ามันแล่นไปที่จุดๆนั้นจนผมตัวกระตุก เมื่อทนอดกลั่นเสียงชวนอายนั้นไม่ได้ก็ต้องมุดหน้าลงกับเตียงไปในที่สุด มือผมยังไม่ถูกปลดจากพันธนาการครับผมเลยยังขยับมากไม่ได้ ในตอนที่ผมเริ่มจะทนไม่ไหวตัวเกร็งไปหมดจู่ๆมันก็หยุดทุกอย่างลง ผมโคตรอยากกัดลิ้นตายให้รู้แล้วรู้รอด เวลาแบบนี้ใครเขาใช้ให้หยุดกันวะ! ทีตอนบอกเดี๋ยวๆนี่แม่งก็ไม่เดี๋ยว ไอ้…

“อ๊าาาา!!!”

ยังด่าไม่ทันจะจบส่วนใหญ่ร้อนก็แทรกตัวพรวดเข้ามาในทีเดียวจนผมสะดุ้งเฮือกหลุดเสียงร้องไปซะเต็มเสียง

เจ็บสัส!

แล้วดูเหมือนจะยังไม่สุดด้วยนะเว้ย!

“อึก…แน่นเหี้ยๆ”

“เจ็บ”

ผมพูดเสียงสั่น มันเลยปล่อยมือผมแล้วก้มลงมาจับผมหันไปรับจูบของมัน ผมพึ่งรู้ตัวว่าน้ำตาไหลก็ตอนที่มันใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกให้นั้นแหละครับ จูบคราวนี้เป็นจูบที่อ่อนโยนผิดกับก่อนหน้าลิบลับ ชวนให้มีอารมณ์คล้อยตามจนมันค่อยๆแทรกตัวเข้ามาเรื่อยๆ ผมคลางเคลือในลำคอเมื่อส่วนใหญ่สัมผัสถูกจุดนั้นทางด้านใน ผมร้อนไปทั้งตัว มันจี๊ดจนต้องตอดรัดสิ่งใหญ่นั้นให้คนด้านบนได้ซี๊ดปากเป็นระยะ พี่ครอสมันใจเย็นลงอย่างไม่น่าเชื่อ มันค่อยๆถอนตัวแล้วแทรกเข้ามาให้อย่างช้าๆ

“อา~”

รู้สึกดีชะมัด

“ดีไหม?”

ขนลุกไปทั้งร่างเมื่อเสียงทุ่มต่ำนั้นเข้ามากระซิบที่ข้างหู ผมกัดปากล่างก่อนจะพยักหน้าตอบ อายที่จะต้องพูดแต่มันก็ดีจริงๆนั้นแหละ ผมได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะหึจากคนทางด้านหลังก่อนที่หน้าอกจะถูกรุกรานเพราะตอนนี้ผมยันแขนค้ำตัวเองขึ้นแล้ว ด้านหลังกำลังขยับไปมาในขณะที่ด้านหน้าโดนบีบเค้นอย่างเอาใจ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียอยู่แถวๆไหล่จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่รดริน

ผมยกมือขึ้นลูบท้ายทอยคนด้านหลังตามอารมณ์คล้อยตาม หน้าเราหันเข้าหากัน ตาสบตา มองจ้องกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแต่สิ่งที่แสดงออกอย่างชัดเจนนั้นคือ

ผมรักเขา

รักเขาจริงๆ

ใบหน้าเราเคลื่อนเข้ามาใกล้และจูบที่ลึกซึ้งก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดจนหยาดน้ำลายไหลเยิ้มลงมาจากมุมปาก ความรุ่มร้อนในอารมณ์พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆพร้อมๆกับจังหวะการขยับกายที่แรกขึ้น แรงขึ้นจนผมทนไม่ไหว

“อ๊า อ๊ะ อืออออ”

เสียงครางที่หลุดออกมาฟังดูหน้าอายแต่ผมไม่สนใจอะไรแล้ว ผมชอบสัมผัสของเขา ผมชอบทุกๆสิ่งของเขา

“อึ๊ก อ๊า”

“ชอบไหม?”

“อืม”

“ชอบไหมครับ?”

ผมบลือตาขึ้นมองคนที่นานๆครั้งจะพูดเพราะให้ได้ยิน ใบหน้าหล่อๆเริ่มมีหยาดเหงื่อผุดขึ้นที่กรอบหน้า

“รัก”

มันยิ้ม

เป็นรอยยิ้มที่ดูดีมากกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมาเลย ผมยิ้มตามแต่ไม่นานมันก็กลายเป็นใบหน้าที่เหยเกเพราะความเสียวซ่านได้ถูกปลุกขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังระงมผสมผสานกับเสียงครางหวาน ค่ำคืนนี้ยังอีกยาวไกล แต่ก็เท่าที่ร่างกายผมจะไหวนั้นแหละนะ









“อืม…จัดการตามสมควร…วันนี้ฉันไม่เข้า…โอเค แล้วรายงานมาเป็นระยะ แค่นี้แหละ”

ผมบลือตาตื่นขึ้นจนปรับสายตาได้แล้วถึงเห็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่กำลังนั่งพิงพนักหัวเตียงอยู่ใกล้ๆ พอจะขยับร่างกายก็ต้องสบถในใจ โคตรร้าวไปทั้งร่างเลยไงครับ

“ตื่นแล้วเหรอ?”

“อืม”

“มึงไข้ขึ้น แต่กูเช็ดตัวให้แล้ว”

อยากตอบมากว่าสมควรแล้วแหละนะ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนเราทำกันไปกี่ยกแล้วผมหลับไปตอนไหนหรือเราหยุดไปตอนไหน สรุปง่ายๆคือผมจำอะไรไม่ได้เลยนะ

“ลุกไหวไหม?”

ผมส่ายหัว

“หึ สิ้นฤทธิ์เลยสิมึง”

“สัส”

ขอด่าหน่อยเถอะ

“เสียงไม่มียังเสือกด่า”

มันส่ายหัวปลงๆแล้วยื่นมือมายีหัวผมไปอีก ผมเลยแยกเขี้ยวไปให้ทีจนมันหัวเราะ

“เดี๋ยวไปเอาข้าวต้มมาให้กินแล้วกินยานอนพักต่อ”

พูดจบมันก็ลุกขึ้นแล้วเดินลงบันไดไป มันคงอาบน้ำแล้วแหละนะเพราะแต่ตัวด้วยชุดใหม่แถมยังหอมฟุ้งไปทั้งตัวอีก ผมพยายามพลิกร่างยันกายให้ลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ

ผมมองสำรวจห้องอีกรอบก่อนจะมานึกย้อนไปถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น อะไรหลายๆอย่างที่พี่ครอสมันยังไม่เคลียร์ยังมีอีกเยอะแต่ว่าการกระทำของมันเมื่อคืนนี้แทบจะเป็นคำตอบอย่างหนักแน่นเลยว่ามันจริงจังกับผมแน่ๆ

ว่าแล้วก็อดร้อนไปทั้งหน้าไม่ได้

นี่ผมคงไม่ได้หลงตัวเองอยู่หรอกนะ

“หน้าแดงเชียว ไข้ขึ้นเหรอ?”

ผมสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองที่ต้นตอของเสียง พี่ครอสมันกลับมาพร้อมถาดมีชามข้าวต้มใบใหญ่และแก้วน้ำดื่มอีกใบ มันหันไปวางถาดไว้ที่โต๊ะเตี้ยข้างเตียงนอนแล้วเข้ามาหาพลางยกมือขึ้นทาบหน้าผากผมไปด้วย

ฉ่า~

“ก็ไม่ร้อนเท่าไหร่แต่ทำไมหน้ามึงแดงจังวะ”

“เออ…”

“หรือเขินกู?”

ผมเม้มปากแล้วหลบตาในทันที

“หึ”

เชี่ยเอ๊ย

ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของมันผมยิ่งเขินหนักเข้าไปอีกอะ

“เขินมากๆระวังจะลุกจากเตียงไม่ได้ไปสักสามวันนะมึง”

“เหี้ยเหอะ!”

“หยาบแล้วครับที่รัก มากินข้าวได้แล้ว”

เดี๋ยวนะ

เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะครับ

“เอ๋ออีก มากินข้าว”

“เมื่อกี้…”

มันเลิกคิ้ว

“ทำไม?”

“พี่พูดว่าอะไรนะ?”

“มากินข้าว?”

“ไม่ใช่ๆ ก่อนหน้านี้อะ”

“เอ๋ออีก?”

ผมพ้นลมหายใจในทันที กูอยากจะบ้า

“ก่อนหน้านี้อีกอะ”

มันขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเหมือนกำลังคิดไม่นานแม่งก็ฉีกยิ้มจนอยากจับจูบซะให้เข็ด ยิ้มโคตรเจ้าเล่ห์แต่ก็โคตรหล่อกระชากใจด้วยเหมือนกันอะ

“ที่รัก”

ตึกตัก ตึกตัก

พอได้ฟังชัดๆผมถึงกับหาเสียงตัวเองไม่เจอไปชั่วขณะ ไม่รู้อะไรมันตื้อๆขึ้นมาจนจุกจนหายใจไม่ถนัดที่หนักกว่านั้นคือผมใจเต้นโคตรแรงจนกลัวว่ามันจะได้ยินไปด้วย

“หึ ที่รัก มากินข้าวครับ”

มันแม่งเพิ่มสกิลด้วยการพูดเพราะไปด้วยอีกอะ ขอลาตายสักสามสิบวิจะได้ไหมครับ ไม่ไหวแล้วนะ ผมต้านมันไม่เคยไหวเลยจริงๆ

“เอามือปิดหน้าทำไม?”

กูเขินสัส!

“นาย”

“อื้อ”

“อย่าน่ารักให้มาก กูเองก็อดทนอยู่นะ”

มันอดทนกับอะไรอยู่วะ

ด้วยความสงสัยผมเลยแอบชำเลืองมองมันจนสายตาไล่ลงไปเห็นอะไรบางอย่างกำลังตื่นตัวอยู่ตรงกลางระหว่างขาของมัน

“ไอ้หื่นนี่!”

ว่าแล้วก็จับหมอนฟาดไปด้วย มันหัวเราะร่วนเลยครับ กูนี่ก็ฟาดต่อไม่มียั้ง สังขารไม่เอื้อแต่กูก็จะทำ คือเขินไงครับ ทำอะไรไม่ถูกเลยต้องกลายมาเป็นแบบนี้

“พอๆๆ เจ็บไหมละนั้น?”

ผพยักหน้าทั้งน้ำตาที่คลอหน่วย มันยิ้มแล้วดึงหมอนออกจากมือแล้วปาทิ้งลงพื้นไปซะงั้น ผมก็ได้แต่มองตาปริบๆสิครับ

“กินข้าวแล้วกินยานอน ถึงกูจะหื่นแต่ก็ก็ไม่ทำคนป่วยนะ ไว้หายแล้วค่อยว่ากัน”

คิดว่าผมอยากหายรึไม่อยากหายดีละครับ

เหอะๆ







“นี่”

ผมเอ่ยเรียกคนตัวโตหลังจากที่กินข้าวกินยาเสร็จและกำลังจะล้มตัวลงนอนโดนมีมันคอยประคองและห่มผ้าให้เสร็จสรรพ ดูแลดีเวอร์ไม่เข้ากับการกระทำโหดๆก่อนหน้าเลยสักนิด

“ว่า?”

“คือ…ที่พูดกับคริสนะ…จริงเหรอ?”

มันนิ่งไปนิดก่อนจะหันมาจ้องหน้าผมเขม่ง

“มึงไม่เชื่อกู?”

“ก็พี่ไม่เคยพูดกับผมตรงๆเลยนี่หว่า”

“แล้วการกระทำกูละ?”

“มันก็…”

สองแง่สองง่าม

จะว่าไป…

“ผมเห็นพี่ไปห้าง…กับผู้หญิง”

อันนี้แค่บอกเล่าไม่ได้ถามแต่โคตรเจ็บจี๊ดที่ใจเลยวะ คิดถึงแล้วก็อดจะร้องไห้ไม่ได้ นี่ผมกลายเป็นผู้ชายขี้แยไปแล้วเหรอ

“อ้อ ที่โทรมาอ้อนให้มาหานะเหรอ?”

ผมพยักหน้า กำลังจะเอาผ้าห่มขึ้นคลุมหัวแต่ก็โดนมือหนาคว้าเอาไว้ซะก่อน

“นั้นลูกสาวของลูกค้า พอดีเธอพึ่งเคยไปที่นั้นเลยอยากเดินดู”

ผมพยักหน้าไปทีสองที

“เหมือนเขาจะอยากจับคู่ให้นั้นแหละแต่กูไม่สน ที่ทนเดินด้วยเพราะพ่อเขากำลังจะสั่งของล็อตใหญ่”

“ของ?”

“ปืนนะ”

“ห่ะ!?!”

คือก็รู้แหละนะว่ามันทำธุรกิจมืดด้วยแต่พอมารับรู้ตรงๆด้วยหูของตัวเองแล้วมันก็อดที่จะตกใจไม่ได้

“มึงกลัวรึเปล่า?”

“ก็…”

นิดหน่อย

“หึ สมควรแหละนะ งานของกูมันมียิ่งกว่าที่มึงรู้เยอะ ไอ้ที่อันตรายๆก็เพียบ กูถึงต้องคิดให้มากเวลาทำอะไรหรือให้ความสัมพันธ์กับใคร…”

ผมรับฟังด้วยใบหน้านิ่งแต่ไม่ละสายตาไปจากดวงตาสีอ่อนคู่นั้นแม้แต่น้อย พี่ครอสเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งมากนะครับ แต่ในเวลานี้เหมือนมันกำลังกะเทาะเปลือกออกเพื่อเผยธาตุแท้ให้ผมได้เห็น

ได้เห็นว่ามันก็เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่มีชีวิตจิตใจและความรู้สึกเหมือนคนอื่นทั่วไป

หรือเหมือนอย่างผม

“ตอนแรกกูคิดว่ากูมีแค่ครอบครัว มีพ่อมีแม่มีคริสแล้วก็แองเจลล่าที่มาอย่างไม่คาดฝัน กูคิดว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้วแต่มันไม่ใช่…”

“……”

“กูยังอยากมีมึงไว้ข้างๆกาย อยากดูแลอยากปกป้องอยากอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ”

“……”

“อยากให้ความสำคัญเท่าที่จะให้ได้”

“……”

“อยากรักมากเท่าที่ใจจะให้ไหว”

“……”

“แต่ลึกๆแล้วกูก็กลัวว่ามึงจะหนีจากกูไปถ้าได้รู้ถึงสิ่งที่กูเป็นหรือทำอยู่”

ดวงตาสีอ่อนสั่นไหวเมื่อพูดมาจนถึงประโยคนี้

“กูมีอำนาจ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด กูมีกำลังปกป้องแต่ไม่ใช่ที่สุด ทุกอย่างล้วนต้องมีช่องโหว่และกูกลัวว่าช่องโหว่นั้นจะทำให้มึงเป็นอันตราย”

“คิดมาก”

มันส่ายหัว

“คริสตัลยังเคยโดนมาแล้ว ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วย”

นี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ผมตกใจ พี่ครอสระบายยิ้มเหมือนยิ้มเยาะให้ตัวเองจนผมใจหายวูบ

“กูรักมึงแต่ก็กลัวด้วยเหมือนกัน”

“……”

“นั้นคือความรู้สึกทั้งหมดของกูตอนนี้”

“พี่นี่ขี้กลัวผิดกับตัวเลยเนอะ”

มันยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ผมยกมือขึ้นลูบคางสากที่มีไรหนวดขึ้นเป็นตอแข็ง

“ผมเป็นผู้ชายนะ”

“กูรู้”

“แล้วผมไม่ได้อ่อนแอเหมือนไอ้คริสด้วย”

พวกเพื่อนในกลุ่มรู้ดีว่าคริสตัลร่างกายอ่อนแอผิดกับพวกผมที่แต่ละคนแทบจะแย่งกันขึ้นเวทีต่อยมวยแข่งกันซะให้ได้ ถึงเราจะไม่ได้ร่างหนาก้ามปูแต่เราก็แมนๆแข็งแรงนะครับ

“ว่าน้องกูเหรอมึง”

มันหัวเราะแล้วเอ็ดก่อนจะยกมือมาบี้จมูกผมเบาๆ อาการหวงน้องยังคงมีอยู่สินะเนี้ย

“เลิกคิดมากแล้วเดินตามทางที่ใจอยากจะเดิน ทำตามในสิ่งที่ใจเรียกร้องบ้างเถอะครับ พี่ไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่จำเป็นต้องทำตามหน้าที่อย่างที่ทำอยู่ในทุกวันนี้”

พี่ครอสมันเหลือบตามาสบกับผมอีกครั้งเหมือนจะสงสัยว่าผมไปรู้อะไรมา ผมรู้แน่นอนครับ รู้ตอนที่ไอ้คริสมันเล่าให้ฟังตรงลานจอดรถนั้นแหละ คือพอผมเล่าเรื่องที่ผมมีใจให้พี่มันฟังมันก็สาธยายมาเลยว่าพี่มันทำอะไรไปบ้างแล้วทำเพื่ออะไร คริสมันด่าพี่มันด้วยว่าพี่มันคิดแต่ว่ามันจะรู้ไม่ทันแต่เอาเข้าจริงมันก็รู้หมดนั้นแหละ นี่สินะสิ่งที่เรียกว่าสายใยพี่น้อง

“ผมรักพี่นะ”

“ใครชื่อนะ?”

เวร

“ไปเล่นตรงนู้นเลยครับ”

“แต่กูอยากเล่นตรงนี้”

ว่าแล้วก็เข้ามากอดจนผมจมไปในอ้อมแขนมันทั้งอย่างนั้น จากที่มันนั่งคุยกับผมตอนนี้เลยกลายมาเป็นนอนไปด้วยกันซะงั้น และที่สำคัญ…

“เอามือออกไปเลย ไหนบอกว่าไม่ทำคนป่วยไง”

“พูดได้ขนาดนี้แสดงว่าหายแล้วละมั้ง”

หายบ้านมึงสิ กินยายังไม่ทันจะครบชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ

“นอนเถอะ ฝันดี หลังจากนี้กูจะอยู่กับมึง ไม่ว่ายังไงกูก็จะอยู่ในใจมึงเหมือนอย่างที่มึงอยู่ในใจกู”

เป็นคำพูดที่หวานชวนฝันแต่ทำไมถึงรู้สึกเศร้าแปลกๆ หรือผมจะคิดมากไปเองนะ

ผมขยับเข้าหาพลางปรับองศาท่านอนให้พอเหมาะแล้วจึงกอดมันนอนหลับด้วยฤทธิ์ยาในท่านั้น ผมไม่เห็นสีหน้าและแววตาของคนตรงหน้าแต่ไออุ่นที่สัมผัสได้นี่คือความจริงไม่ผิดแน่ เสียงหัวใจของมันกล่อมให้ผมฝันดีอย่างไม่น่าเชื่อ กลิ่นหอมเย็นๆทำให้ผมเคลิ้มในภวังค์ ผมยิ้มออกมาทั้งที่กำลังหลับลึกและตกอยู่ในห้วงฝัน ผิดกับใครอีกคนที่ค่อยๆคลายยิ้มจนกลายเป็นสีหน้าเรียบตึงไปในที่สุด



Tbc…

อ้าว…ตกลงจะแฮบปี้หรือไม่แฮปปี้เนี้ย? :hao4:


หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น12 (UP-29/06/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-06-2017 10:46:27
อ้าววววว ต้องเตรียมหม้อต้มมาม่าแล้วใช่ไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น13 (UP-03/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 03-07-2017 15:10:48
ไหวหวั่นครั้งที่ 13





“แอ่!”

นางฟ้าตัวน้อยร้องเสียงใสพร้อมรอยยิ้มกว้างจนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ตอนนี้ผมมาเล่นกับแองเจลล่าที่บ้านของพี่ครอสโดยที่คนพามามัวแต่คุยโทรศัพท์และจ้องไอแพดอย่างไม่ละสายตา แองจี้อยู่ในชุดว่ายน้ำวันพีชมีระบายโชว์ผิวขาวๆและพุงป่องๆ ผมสีบลอนด์ทองถูกมัดรวบเป็นดังโงะบวกกับดวงตาสีฟ้าใสกลมบ๊อกนั้นแล้ว….โคตรน่าร๊ากกกกกก

ผมได้ยินจากคนอื่นๆมาว่าเด็กน้อยกับน้ำนั้นเป็นของคู่กันเพราะฉะนั้นผมเลยวางแพลนพาน้องมาว่ายน้ำเล่นที่สระในช่วงบ่ายที่อากาศแสนจะร้อนอบอ้าวแบบนี้

“พี่ครอสจะออกไปด้วยกันไหม?”

ถามเมื่อเตรียมตัวให้แองเจลล่าเรียบร้อยแล้ว ส่วนผมนั้นอยู่ในชุดคลุมภายในมีกางเกงสำหรับใส่เล่นน้ำสีดำตัดน้ำเงินตัวเก่ง พี่ครอสพยักหน้าแต่ยังคงมีโทรศัพท์แนบหู คนตัวโตลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมหยิบไอแพดติดมือมาด้วย ผมก้มลงไปอุ้มแองจี้ส่วนของอื่นๆอย่างพวกผ้าพวกขวดน้ำขวดนมนั้นมีพี่เลี้ยงคอยจัดการอยู่อีกคนครับ

บ้านหลังนี้มีสระว่ายน้ำในร่มอยู่ที่ด้านข้างติดกับสวนสวยสไตล์อังกฤษ ถึงจะบอกว่าเป็นสระในร่มแต่ตรงส่วนหลังตามันสามารถรื้อออกจนกลายเป็นสระกลางแจ้งได้ด้วยนะครับ  โคตรล้ำ

พี่ครอสเดินไปนั่งแหมะลงที่เบดเดย์ริมสระทันทีที่มาถึง มันทำทีเหมือนไม่สนใจกับอะไรแต่ผมก็รู้แหละว่าถึงมันจะบ้างานขนาดไหนแต่สายตามันก็ยังคงสอดส่องมองมายังผมและแองจี้อยู่เป็นระยะ ถ้าไม่เห็นก็จะใช้การฟังเสียง ผมพึ่งรู้ว่ามันแยกระบบประสาทได้ดีเยี้ยมขนาดนี้ก็ตอนที่อยู่ด้วยกันมานี่แหละครับ

พูดถึงการอยู่ด้วยกันแล้วก็นึกเขิน คือผมย้ายมาอยู่กับมันเป็นการถาวรแล้วนะครับ แรกๆมันก็บังคับนั้นแหละแต่ผมก็เต็มใจเกินครึ่งเพราะงั้นคงใช้คำว่าบังคับไม่ได้อีกต่อไปสินะ

“แอ่ๆ”

แรงดึงจากมือเล็กทำให้ผมเลิกสนใจคนตัวโตแล้วหันมายิ้มให้น้อง แองจี้ยิ้มกว้างพลางชี้ไม้ชี้มือไปที่สระเหมือนอยากจะลงเต็มที

“แองจี้เคยเล่นน้ำไหมครับ?”

ผมหันไปถามพี่เลี้ยงของน้องที่ชื่อแอนนี่ แอนนี่เป็นชาวไอริสที่พูดภาษาไทยได้ครับ ยอมใจในความสามารถการหาคนของผู้เป็นปู่จริงๆ

“เคยค่ะ คุณหญิงชอบให้คุณหนูออกกำลังกาย และการว่ายน้ำคือสิ่งที่คุณหนูชอบที่สุด”

ผมพยักหน้ารับ สอนหลานได้ดีทั้งที่พึ่งอายุได้ไม่กี่ขวบ

“ปกติให้เล่นยังไงครับ?”

“ก็ให้ลอยน้ำเองเลยค่ะ แต่ต้องสวมไอ้นี่ด้วยทุกครั้ง”

พูดแล้วก็โชว์เสื้อและปลอกแขนพองลมไปด้วย ผมรับมาสวมให้แองจี้ก่อนที่จะถอดเสื้อคลุมแล้วอุ้มเธอลงไปด้วยกันอย่างช้าๆ อุณหภูมิของน้ำกำลังดีไม่อุ่นและไม่เย็นจนเกินไป ผมไม่รู้ว่าสระนี้มีตั้งปรับอุณหภูมิไหมแต่ดูจากความหรูแล้วก็คงไม่ต้องสงสัยแล้วละมั้ง

แองจี้ตัวน้อยหัวเราะเอิกอากพลางตีไม้ตีมือใส่น้ำอย่างสนุกสนาน ผมยิ้มตามก่อนจะค่อยๆปล่อยตัวเธอให้ลอยอยู่บนผิวน้ำเองแต่ยังไม่ได้ปล่อยให้หลุดมือซะทีเดียว แองจี้ดูคุ้นกับการเล่นน้ำมากครับ ขาขยับตามความเคยชินมือตีพลางกวักจนผมเริ่มปล่อยจนหลุดแต่ยังคงอยู่ใกล้ๆเพื่อความปลอดภัย

ผมไม่เคยคิดถึงตอนที่ตัวเองต้องมีลูกมาก่อนเลยยังไม่เข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อสักเท่าไหร่แต่ตอนนี้ผมชักจะรู้ขึ้นมานิดๆแล้วละครับ

สายตาผมจ้องมองดูนางฟ้าตัวน้อยด้วยความเอ็นดูเหมือนเด็กน้อยคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของความสุขสำหรับผมไปแล้ว รอยยิ้มของน้องทำให้ผมยิ้มได้ในทุกครั้ง ไม่ว่าจะมีเรื่องขุ่นหมองอะไรเมื่อมาเจอเธอมันจะมลายหายไปกับสายลมเลยนะครับ

ซ่า!

ผมสะดุ้งเมื่อมือเล็กๆนั้นตวัดน้ำจนมาโดนหน้าผมเข้าเต็มๆ ไม่รู้ผมทำหน้าเหวอแบบไหนออกไปแองจี้น้อยถึงได้หัวเราะเสียงดังอย่างที่ไม่เคยทำ

“แกล้งอาเหรอครับ?”

น้องยังคงหัวเราะแล้วตีมือใส่น้ำจนน้ำกระเซ็นเป็นระลอก ผมเลยแกล้งดีดน้ำไปใส่บ้างจนกลายเป็นการแกล้งกันไปมาในที่สุด

“สนุกกันเชียว”

เสียงหญิงสาวผู้เป็นย่าดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเดินลิ่วๆเข้ามาที่สระพร้อมกับผลไม้และขนมไทยที่คาดว่าเป็นของว่างสำหรับพวกเรา แองตี้น้อยพอเห็นย่าก็ตะเกียกตะกายตะเข้าไปหา แต่มือน้อยๆขาสั้นๆนั้นยังไม่มีแรงมากพอสำหรับการว่ายเข้าฝั่งผมเลยใช้มือดันจนตัวเล็กลอยตามพื้นน้ำไปจนถึง เธอยิ้มแป้นเหมือนภูมิใจที่ว่ายเข้าฝั่งได้สำเร็จโดยที่ไม่รู้ถึงเบื้องหลังที่มีผมเป็นผู้ผลักดัน

“หิวเหรอลูก?”

ผู้เป็นย่าก้มลงมาถามเด็กน้อย แองจี้ก็ตอบโต้ตามประสาจนผู้เป็นย่าหันไปหยิบส้มที่ปอกพร้อมทานมาให้เจ้าตัวเล็กกิน

“น้องนายก็กินด้วยสิลูก”

“ขอบคุณครับ”

ผมขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีก่อนที่จะเอื้อมไปหยิบแอปเปิ้ลเข้าปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ สายตาพลันหันมองที่เดย์เบดที่คนบางคนเคยนอนอยู่แต่ทว่าตอนนี้กลับว่างเปล่า

“ไปไหนของเขานะ”

ผมพึมพำกับตัวเองไม่ได้จะถามแต่คุณนายของบ้านคงได้ยินเลยหันไปมองตามสายตาผมก่อนจะเอ่ยปากตอบกลับมา

“น้าเห็นเขาไปคุยกับลูกน้องที่ตรงนั้นนะจ้ะ รายนั้นไม่ชอบให้รับรู้เรื่องงานแต่ก็ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเหมือนกัน”

ฟังดูย้อนแย้งใช้ได้ แต่พอมองไปเห็นตัวโตกำลังตีหน้านิ่งคุยกับลูกน้องคนสนิทจนบางทีก็หันมาสบตากับผม ผมก็เข้าใจ คำพูดที่เขาเปิดอกบอกเล่ามาก่อนหน้านั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวและพร้อมที่จะก้องดังอยู่ในหูตลอดเวลา

ทั้งที่ดูภายนอกเป็นบุคคลที่น่าอิจฉาทั้งรูปร่างหน้าตาฐานะหรือหน้าที่การงาน แต่ใครจะไปรู้ว่ากว่าที่จะเป็นได้อย่างทุกวันนี้มันต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง

“จริงๆน้าก็ไม่อยากให้เขาเป็นอย่างพ่อเขาเลยนะ แต่ในเมื่อเจ้าตัวเขาสมัครใจและพอใจที่จะทำน้าก็ไม่อยากขัด”

ผมพยักหน้าให้คำบอกเล่าของนายหญิงของบ้าน เธอคงรู้ดีนั้นแหละว่างานของสามีและลูกชายคนโตเป็นอย่างไร แต่ถึงจะห่วงขนาดไหนแต่ถ้าเป็นความสมัครใจของอีกฝ่ายก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว จะทำได้แต่เพียงเตือนเป็นครั้งคราวและเป็นบ้านให้ได้กลับมาพักกายเป็นแม่ที่รักเพื่อให้คลายใจเมื่อเจอหน้า











“เหนื่อยไหม?”

เสียงทุ้มเอ่ยหลังจากที่เราโลดแล่นอยู่บนท้องถนนได้สักพัก ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆสองทุ่มและกำลังกลับคอนโดนะครับ

“ผมควรถามพี่มากกว่าอีก ดูยุ่งๆนะช่วงนี้”

“กูก็ยุ่งเป็นปกติ”

“ไม่อะ นี่มันผิดปกติ”

จากที่ผมสังเกตุคือเวลามันกลับบ้านมาหาลูกอย่างน้อยๆมันต้องวางงานแล้วเข้ามาเล่นมาสนใจลูกบ้างแต่นี่ไม่เลยครับ อาจจะมีหันมายิ้มมาตอบรับแต่ไม่ถึงขั้นเข้าหาอย่างจริงๆจังๆเหมือนแต่ก่อน

“คิดมาก”

“ผมไม่อยากจะยุ่งกับงานของพี่หรอกนะ แต่ถ้ามันอันตรายจนเกินไปผมก็ไม่อยากให้พี่ทำ”

มันยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะผ่อนคันเร่งแล้วเอื้อมมือข้างหนึ่งมากุมมือผมไว้

“งานกูอันตรายเยอะแยะ แต่กูดีใจที่ได้ยินว่ามึงห่วงกูมากขนาดนี้”

ผมจิ๊ปากแก้อาการเขินน้อยๆ เออ ไม่น้อยก็ได้ แค่หน้าเริ่มแดงพร้อมๆกับเสียงหัวเราะในลำคอของมัน

“แม่พี่เขาก็ห่วงนะ”

“กูรู้ แต่จะทำไงได้ในเมื่อก้าวเข้ามาแล้วมันก็ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น”

“ถอยหรือหยุดไม่ได้เลยเหรอ?”

“ไม่”

ผมใจหายกับคำตอบที่แทบไม่เสียเวลาคิดของมัน

“อย่างที่กูบอกไปวันนั้นไงว่ารอบตัวกูมันอันตราย ถ้าพลาดคือเจ็บหนัก การที่กูดึงมึงเข้ามาในรัสมีก็ถือว่าอันตรายมากเหมือนกัน กูอยากให้มึงระวังตัวให้มากขึ้นด้วย อย่าไปไหนมาไหนในที่ทางไม่คุ้นหรือเปรี่ยวๆ กูไม่อยากสั่งให้คนตามมึงเพราะคิดว่ามึงน่าะรำคาญ”

“รำคาญแน่แต่ผมก็ผู้ชายนะ ผมดูแลตัวเองได้”

“มึงอย่าดูถูกวงการใต้ดินนักไอ้นาย ถ้าไม่รักกูไม่เตือนมึงหรอก”

ผมควรซึ้งกับการบอกรักในรูปแบบนี้ไหมวะครับ แหมะ ก็รู้นะว่ามันไม่ใช่คนโรแมนติกอะไรมากแต่จะบอกรักกันทั้งทีเอาที่มันดีกว่านี้จะได้ไหม

“แล้วไอ้คริสละ ไหนบอกว่ามันเคยโดน?”

“มันก็มีผัวดูแลไปแล้วไง”

“ผมหมายถึงก่อนหน้าที่จะมีพี่ทัตอะ”

“กูส่งคนตามอยู่ห่างๆ บางทีกูก็เข้าไปหาไปรับไปส่งเองบ้าง”

ผมพยักหน้า จะว่าไปตอนนั้นก็มีบางช่วงที่เจอพี่ครอสเพราะเข้ามารับไอ้คริสบ่อยๆเหมือนกัน แต่ในตอนนั้นคือยังไม่ได้คิดอะไรกับมันไงครับเลยไม่ได้สนใจอะไรนัก มันเองก็เก๊กชิปหาย ตีหน้าหล่อปั้นมาดอย่างกับนายแบบมาแต่ไกลไม่ได้สนใจผู้คนรอบข้างเลยนอกจากน้องชายสุดรักสุดหวงของมัน คริสตัลบ่นบ่อยๆว่าพี่ชายมันหวงและห่วงมันเวอร์สุดๆ ตอนนั้นผมก็เห็นด้วยแหละ แลดูเวอร์จนเกินไปแต่มาตอนนี้ผมชักจะเข้าใจแล้วว่าทำไม

เรามาถึงคอนโดในเวลาไม่นานนัก กิจวัตรของเราก็เหมือนๆเดิมในทุกๆวัน กินข้าวอาบน้ำนอนพักผ่อนแต่ถ้าจะมีเพิ่มเข้ามาบ้างก็กิจกรรมบนเตียงที่เว้นช่วงอยู่เป็นระยะ เข้าใจไหมครับว่าผมก็ทำงานมันก็ทำงานจะให้มามีอะไรกันทุกวันก็ใช่เรื่อง ร่างกายเรายังต้องการการพักผ่อนอยู่นะครับ แต่ดูเหมือนวันนี้ผมคงไม่รอดเพราะดูจากที่มันปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดหลังอาบน้ำก็เดาได้ละ

ตอนเช้าผมมักจะตื่นก่อนมันแล้วออกมาจัดแจงมื้ออาหารเช้าไว้ให้ก่อนอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปทำงาน ตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันผมก็พึ่งรู้นี่แหละว่ามันเป็นคนขี้เซาพอสมควร แล้วผมซึ่งรู้เห็นดีว่ามันทำงานหนักขนาดไหนจึงไม่คิดที่จะปลุกแต่หันมาเตรียมชุดเตรียมอาหารไว้ให้แทน











“สวัสดีค่ะน้องนาย”

“สวัสดีครับพี่ใหม่ วันหยุดไปเที่ยวไหนมาเหรอ?”

“นอนอยู่บ้านจ้ะ บิ๊กคลีนนิ่งเดย์”

ผมยิ้มกว้างให้เลขาคนสวยก่อนจะเดินเข้าห้องของตัวเองไป อ้อ ผมบอกคุณๆหรือยังครับว่าผมได้ทำงานเต็มอัตราแล้วนะ ผมเรียนรู้งานแค่สามวันแรกเท่านั้นแหละ ไม่รู้ว่าผมหัวไวหรือพ่อใจเร็วอยากให้ลูกชายโชว์ฝีมือสักทีถึงได้ยัดงานมาให้อย่างกับห่าฝน ผมถึงได้ยุ่งจนไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับพี่ครอสในช่วงก่อนหน้านี้ไงครับ

ก๊อกๆๆ

ผมเงยหน้าจากหน้าจอคอมฯไปยังบานประตูที่พี่ใหม่พึ่งเดินผ่านเข้ามา

“พี่มาแจ้งตารางนัดวันนี้จ้ะ”

ผมยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ

“เก้าโมงมีประชุมกับฝ่ายประชาสัมพันธ์เรื่องการโฆษณาทัวร์เซ็ตใหม่ สิบโมงครึ่งมีนัดกับคุณวิรัตน์จากบริษัท###นัดนี้ต้องทำความรู้จักกันใหม่ในฐานะหัวหน้าแผนกคนใหม่ด้วยนะจ้ะแล้วอาจจะได้ไปเลี้ยงมื้อเที่ยงท่านเพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ ส่วนตอนบ่ายมีนัดตอนบ่ายสองกับตัวแทนของบริษัท###”

“นัดสุดท้ายนี่เรื่องอะไรครับ? ทำไมผมไม่คุ้นชื่อบริษัทเลย”

“เห็นว่าอยากเหมารีสอร์ตของเราเลยอยากคุยกับหัวหน้าโดยตรงนะจ้ะ บริษัททำกิจการสินเชื่อที่มีทุนจดทะเบียนหนาพอสมควร”

ผมถึงกับขมวดคิ้ว

“บริษัทสินเชื่อที่มีทุนจดทะเบียนหนาจนถึงขั้นเหมารีสอร์ตของเราอย่างนั้นเหรอ แปลกๆแฮะ”

“มันเป็นธุรกิจปลีกย่อยมาจากต่างประเทศจ้ะ พี่ลองสืบค้นดูแล้ว บริษัทแม่เป็นถึงธนาคาร###ของทางฝั่งยุโรป สงสัยจะอยากมาตีตลาดเอเชียแล้วเลือกเริ่มที่ไทย”

ผมพยักหน้ารับเนืองๆ ถ้ากิจการหลักเป็นถึงธนาคารก็ไม่แปลกที่จะทุนหนา พอเข้าใจกันแล้วพี่ใหม่ก็ออกไปก่อนจะเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับกาแฟและแซนวิชแฮมสองชิ้น

“พี่รู้นะว่าเรายังไม่ทานมื้อเช้า”

ผมเลิคิ้วสงสัย กำลังจะถามว่าทำไมถึงรู้แต่พี่ใหม่กลับหัวเราะเสียงแผ่วแล้วชิ้งหนีออกจากห้องไปก่อน

อะไรของเขาวะ

ผมส่ายหัวนิดหน่อยก่อนจะคว้าแก้วกาแฟมาจิบแล้วตามด้วยแซนวิชแสนอร่อย ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรหรอกนะแต่พอมีอะไรตกถึงท้องเท่านั้นแหละ โคตรจะหิวเลยเว้ย

ผมทำงานไปเรื่อยๆในขณะที่ใครบางคนก็คงจะตื่นไปทำงานแล้วเหมือนกัน ไม่รู้มื้อเช้าที่เตรียมไว้ให้จะถูกปากไหมแต่ทุกวันนี้มันก็ยังไม่พูดถึงรสชาติให้ผมฟังเลยนะครับ แม้แต่คำขอบคุณยังไม่มีด้วยซ้ำแต่มันจะเอาใจผมมากขึ้นเป็นการตอบแทน ผมเองก็ชักจะชินกับไอ้การสื่อสารในแบบของมันแล้วด้วยสิ ไปๆมาๆก็ชักจะคิดถึงแฮะ ผมมองดูเวลาเห็นว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องเข้าประชุมเลยรีบควานหาโทรศัพท์มาต่อสายหาคนที่คิดถึงโดยด่วน ธุรงธุระอะไรไม่มีหรอก ก็แค่ความคิดถึงล้วนๆอะนะ

/ว่าไง?/

ปลายสายรับแทบจะสิ้นเสียงตื้ดครั้งที่สอง อะไรจะไวปานนั้น

“รับไวจัง”

/พึ่งวางสายก่อนหน้าไปแล้วมึงก็โทรเข้ามาพอดี ตกลงว่าไง? มีอะไรรึเปล่า?/

ฟังดูไร้ซึ่งเยื่อใยจนน่าประเคนคำด่าให้ฉิบหาย แต่เชื่อเถอะครับ สำหรับไอ้พี่ครอสการพูดแบบนี้ถือว่าเป็นคำพูดเบสิกๆปกติธรรมดาไม่ได้คิดมากในเชิงนั้นเลยสักนิด ถ้าคงไม่รู้จักมันจริงคงคิดว่ามันเย็นชานั้นแหละ

“เปล่า ไม่ได้มีเรื่องอะไร”

/หึ คิดถึงกูว่างั้น/

ผมเม้มปากแน่นในทันที จะตอบเออก็กระดากปากทั้งที่แม่งใช่สุดๆ

/แล้วกินอะไรรึยัง?/

“กินแล้ว พี่ละ ที่ทำไว้ให้นะกินหมดรึเปล่า?”

/มึงเคยเห็นกูกินเหลือรึไง/

บางทีก็ไม่เห็นนะ

“อร่อยละสิ”

/กูเสียดาย/

“สัส”

กะด่าในใจแต่เผลอหลุดปากไปจนได้สิน่า เสียงหัวเราะจากปลายสายทำให้ผมยิ่งหมั่นไส้ อยากจะชกซิกแพ็คแน่นๆสักหมัดสองหมัดจริงๆ

/เที่ยงกินข้าวกันไหม? วันนี้กูอยู่แถวโรงแรมมึงพอดี/

“ไม่ว่างอะ มีคุยกับลูกค้าแล้วน่าจะได้ไปเลี้ยงเขาด้วย”

/งั้นก็ช่างเถอะ ตั้งใจทำงานไปมึงนะ ไม่ใช่คิดถึงแต่กูจนเสียการเสียงาน เดี๋ยวพ่อมึงจะมาเพ้งกระบาลกูโทษฐานทำลูกเขาเสียคน/

“หลงตัวเองวะ แล้วผมก็ตั้งใจทำงานอยู่แล้วเหอะ”

/กูไม่ได้หลงตัวเอง...แต่หลงมึง…/

อึ้งสิครับ รออะไรอยู่

“ตะ ตอแหลวะ”

เชี่ย

โคตรเขินเลยวะ

/หึหึ/

“แค่นี้แหละ ผมไปเข้าประชุมแล้ว”

/อืม/

“แล้วก็…”

/….../

“ผมคิดถึงพี่นะ”

/ครับ/

สัส!

เสือกพูดคงพูดครับตอนจบอีก ไม่รู้เหรอว่ากูแพ้โหมดนี้ของเมิงงงงงงง ผมนี่กดตัดสายแทบไม่ทัน กลัวมันได้ยินเสียงความร้อนจากหน้าที่แทบจะดังฉ่าออกมาเลยด้วยซ้ำ  ตายๆๆๆ หัวใจเต้นรัวเลยครับ

ตุ๊ดดดดด

เสียงอินเตอร์โฟนดังขึ้นแทรกอาการเขินค้างของผมในที่สุด ผมเลยยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูได้ยินเสียงพี่ใหม่เอ่ยเตือนนัดการประชุมก่อนที่จะวางสายไป ผมยืดตัวสูดอากาศเข้าปอดแล้วปรับอารมณ์ตัวเองเสียใหม่ พอเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะก็อดที่จะอมยิ้มน้อยๆไม่ได้ ผมกดให้หน้าจอมืดๆโชว์ภาพล็อคสกรีนที่เป็นภาพยามเผลอของคนที่คิดถึง ไม่ว่าจะเผลอหรือไม่เผลอมันก็หล่อได้ตลอดเลยสิน่า ผมกดล็อคหน้าจอไว้อย่างเดิมก่อนจะเอาเก็บใส่กระเป๋าแล้วทุ่งหน้าไปยังห้องประชุม การทำงานยังคงดำเนินไปเรื่อยๆตามนาฬิกาที่เดินไม่ขาดช่วงจนกระทั่งผ่านมาค่อนวันก็มาถึงนัดสุดท้าย พี่ใหม่แจ้งว่าทางฝ่ายนั่นจะเข้ามาหาผมที่ห้องเองเพราะงั้นผมเลยไม่ต้องลุกไปให้มองดูเวลาเหลืออีกสิบนาทีก็ถึงเวลานัดแต่ยังไม่ทันไรก็มีเสียงอินเตอร์โฟนดังขึ้นพร้อมเสียงหวานของเลขาคนสวยดังบอกว่าแขกมาถึงแล้ว

“เชิญเข้ามาได้เลยครับ”

ผมบอกก่อนจะวางสายแล้วเนตัวดึงเสื้อสูทตัวเองให้เข้าที่เตรียมรับหน้ากับลูกค้ารายใหม่ที่ควรดีลไว้เป็นอย่างยิ่ง พวกเงินหนาๆแบบนี้ต้องจับให้มั่นครับ

“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับสู่พาเลสเพลสกรุ๊ป”

ลูกค้ารายใหม่คือชายหนุ่มที่ดูแว๊บเดียวก็รู้ว่าเป็นชาวต่างชาติหรือไม่ก็ลูกครึ่ง ผมเลยทักทายเป็นภาษาสากลไปเพื่อความเป็นมืออาชีพ

“สวัสดีครับ ผมอีริค ผมพูดไทยได้ครับ”

“ผมณรงค์ครับ สะดวกนั่งที่โต๊ะนี่หรือจะไปที่โซฟาดีครับ”

“ได้ทั้งสองครับ”

“งั้นไปที่โซฟาแล้วกัน จะได้นั่งสบายๆหน่อย”

ผมยิ้มกว้างต้อนรับแขกอย่างเต็มที่ เอาเข้าจริงผมก็ไม่ค่อยคุ้นกับการเป็นทางการอะไรเท่าไหร่การพูดคุยจึงยังคิดนิสัยสบายๆอยู่บ้างนั้นแหละนะ พี่ใหม่หายออกไปก่อนจะเข้ามาใหม่พร้อมเอกสารและแม่บ้านที่เตรียมเครื่องดื่มและของขนเคี้ยวต้อนรับแขกอย่างเต็มที่ เมื่อได้เอกสารแนะนำบริการและกิจการของเราแล้วผมก็เริ่มคุยไปตามหน้ากระดาษที่เขาเปิดด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ผมจำพวกข้อมูลกิจการมาตั้งแต่เด็กแล้วแหละครับแต่พวกบริการจะเปลี่ยนไปตามซีซันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล เขาก็ซักถามบ้างเล็กน้อยแต่ไม่มีท่าทีเอนเอียงไปในทางใดทางหนึ่ง เขาเป็นบุคคลที่ตีหน้านิ่งได้เก่งไม่แพ้พี่ครอสเลยก็ว่าได้ แต่จะแตกต่างตรงที่ไม่มีรังสีอำมหิตหรือออร่าเย็นยะเยือกแผ่กระจาย

“ผมสนใจรีสอร์ตที่หัวหินตัวนี้ครับ ถ้าอยากเหมาทั้งหมดจะได้ไหม?”

ผมกระพริบตาปริบๆมองเขาสลับกับเล่มแนะนำสถานที่ไปมา ที่นั้นค่อนข้างใหญ่และแพงเนื่องจากอยู่ในเขตเมืองแถมติดทะเลอีกด้วยนะครับ ราคาพักต่อหลังก็หลายพันอยู่บางหลังที่ใหญ่ๆก็เป็นหมื่นคือถ้าจะเหมาหมดมึงเสียเกือบแสนต่อคืนแน่อะ

“จริงๆแล้วทางผมอาจจะใช้บริการของคุณมากกว่านี้ด้วยซ้ำหากเพียงคุณยอมรับข้อเสนอของเราเพียงข้อเดียว”

ผมเลิกคิ้วในขณะที่คนตรงข้ามวางเล่มแนะนำลงกับโต๊ะกระจกแล้วหันไปหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลออกมายื่นให้ผม พอเปิดดูปุ๊บก็ถึงกับหน้าถอดสี ผมหันไปบอกเลขาสาวให้ออกไปรอข้างนอกเพื่อความเป็นส่วนตัวก่อนจะหันมาจ้องคนตรงหน้าเขม่ง รูปถูกเอาออกจากซองและโยนลงตรงกลางของโต๊ะเผยให้เห็นภาพแอบถ่ายของผมและทีครอสในอริยาบทและสถานที่ต่างยกเว้นบ้านของตระกูลเฟรงเบิร์คที่ไม่มีหลุดมาสักนิด

“คุณเป็นใครแล้วต้องการอะไรกันแน่?”

“ก็ตามที่บอกไปก่อนหน้านั้นแหละครับ…”

ผมเม้มปากแล้วเหลือบตามองรูปแต่ละใบอีกครั้ง

“ทางเราไม่ได้จะข่มขู่หรืออะไรทำนองนั้นกับคุณหรอกครับ เราต้องการเพียงเสียงยืนยัน ว่าคุณเป็นอะไรกับทีครอส เฟรงเบิร์ค”

“ทำไม?”

“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ในส่วนนั้นหรอกครับ”

“ถ้าจะให้ผมพูดก็ต้องมีเหตุผลมาให้ผมฟัง ถ้าไม่อย่างนั้นก็เลิกหวังไปได้เลย”

“คุณคิดว่าธุรกิจของคุณแข็งแรงถึงขนาดไหนเหรอครับ?”

มันพูดพลางเมียนมองไปรอบๆห้องด้วยท่าทีขบขัน ไอ้ห่า เมื่อกี้มึงยังตีหน้านิ่งอยู่เลยไหง่จู่ๆถึงได้เปลี่ยนไปไวขนาดนี้วะ

“ผมเน้นอีกครั้งนะครับว่าทางเราไม่ได้ต้องการจะข่มขู่ใดๆ แต่ขอให้คุณให้ความร่วมมือเพียงแค่นั้นคุณอาจจะทำกำไรในปีนี้สูงเป็นประวัติการเลยก็ว่าได้”

ผมกำมือแน่น

นี่นะเหรอที่ว่าไม่ต้องการจะข่มขู่

นี่เขาเรียกว่าข่มขู่ไปแล้วต่างหากเว้ย!

ไอ้ฝรั่งเวร!!!



TBC…

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น13 (UP-03/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-07-2017 16:05:46
เอาล่ะสิ ศัตรูของทีครอสเล่นนายและ
ต้องเกิดอะไรตามมาแน่ๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น13 (UP-03/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-07-2017 16:08:55
ไม่ทันไรก็งานเข้าล่ะ
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น14 (UP-04/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 04-07-2017 17:48:55
ไหวหวั่นครั้งที่ 14





เสียงดังกึกก้องและกลิ่นเหม็นคล้ายน้ำมันที่คละคลุ้งทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้นมาจากความมืดมิด สมองประมวลผลทันทีที่สายตากวาดมองไปโดยรอบ จากที่จำได้คือการเจรจาไม่ลงตัวบวกกับผมที่ไล่เขาอ้อมๆโดยการบอกว่ามีนัดต่อและขับรถออกมาจากออฟฟิศในทันที หลังจากขับออกมาได้ไม่นานก็มีรถตู้สีดำขับเข้ามาตัดหน้าจนต้องหักหลบลงข้างทางจนสลบไปในที่สุด

แล้วตอนนี้กูอยู่ไหนวะเนี้ย!?!

พอมองไปรอบๆจนเห็นสภาพที่เป็นเหมือนบ้านร้างเก่าๆ ห้องที่ผมนอนแอ๊งแม๊งอยู่นี่เป็นห้องโล่งๆที่สุดแสนจะสกปรกแถมประตูหน้าต่างปิดสนิทอีกต่างหาก

ผมลองตั้งสติแล้วลองฟังความเคลื่อนไหวจากภายนอกแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักอย่าง ไม่มีเสียงรถราแสดงว่าอยู่ห่างจากถนนใหญ่พอสมควรเลยสินะ

แต่แล้วจู่ๆภาพและเสียงการพูดคุยกับอีริคก็ว๊าบเข้ามาในหัว

หรือว่า…

ตึก ตึก ตึก

ผมชะงักพลางเผลอกั้นหายใจเมื่อมีเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นเรื่อยๆจนมีเสียงการปลดกลอนประตู ผมหลับตาลงใหม่ตีเนียนยังคงหลับและใช้โสตประสาทการฟังแทน

“เขายังไม่ตื่น”

เสียงนี่มัน

ไอ้ฝรั่งเวรนั้น!!!

“เขาไม่เป็นอะไรครับ อาจมีแผลถลอกเล็กน้อยจากอุบัติเหตุแต่ไม่ถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาลและผมทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว…แน่นอนครับ…ตามที่คุณหนูต้องการครับ…ครับ”

ผมยังคงนอนนิ่งกั้นอารมณ์ที่อยากจะกระโจนเข้าไปถีบยอดหน้าแล้วเค้นคอถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไว้ในอก ถ้าบุ่มบ่ามอาจเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ตอนนี้ผมอาจกลายเป็นตัวประกันสำหรับต่อรองกับพี่ครอสไปแล้วละมั่ง

กลายเป็นตัวถ่วงจนได้สินะกู

“นี่…”

“……”

“จะแอบหลับไปถึงเช้าวันพรุ่งนี้เลยไหมครับ?”

ลมหายใจสะดุดไปชั่วอึกใจ

นี่มึงรู้ได้ยังไงวะ!?!

“ผมก็ไม่ว่าหรอกนะถ้าคุณอยากนอนอยู่เฉยๆแบบนี้ ออกจะสบายสำหรับผมด้วยซ้ำ แต่มันจะไม่เสียเวลาอันมีค่าของคุณหรอกเหรอ?”

ผมกรอกตาภายใต้เปลือกตาตนเองก่อนจะพ้นลมหายใจแล้วยอมลืมตาและลุกขึ้นนั่งดีๆ มือและเท้าของผมถูกมันไว้อย่างแน่นหนา รู้สึกตึงๆที่หัวนิดหน่อยแต่ก็ไม่หนักสักเท่าไหร่

อีริคยืนปั้นหน้ายิ้มแป้นอยู่ที่หน้าประตูมองดูการกระทำของผมในทุกอย่าง ผมจ้องมันตอบพยายามจะมองลึกเข้าไปในดวงตาสีอ่อนนั่นแต่กลับไม่รับรู้ถึงความรู้สึกใดๆเลยสักนิด นี่ถ้ามึงเก็บอาการไม่เก่งจริงมึงคงเป็นหุ่นยนต์ไปแล้วละ

“ทำแบบนี้ทำไม?”

ผมเริ่มเอ่ยปากถามจุดวัตถุประสงค์ทันทีเมื่อไม่อาจอ่านลู่ทางผ่านสายตาของเขาไปได้

“แค่ถ่วงเวลานะครับ”

“จากทีครอส?”

มันพยักหน้า

“ถ้าคุณยอมเอ่ยปากตามข้อตกลงแต่แรกก็ผมคงไม่ยุ่งยากแบบนี้หรอก”

ได้ข่าวว่ากูก็อยู่เฉยๆของกูนะ มึงต่างหากที่เอาความยุ่งยากมาให้กู

“แล้วยังไง?”

ใครจะหาว่าผมกวนตีนไม่กลัวตายก็ช่าง ก็ผมเป็นแบบนั้นจริงๆนี่หว่า ยกเว้นถ้าได้อยู่ต่อหน้าไอ้พี่ครอสนะที่กูจะเปลี่ยนไปแทบจะกลายเป็นคนละคน ผมก็ไม่อยากเชื่อหรอกครับจนกระทั่งมาเจอเข้ากับตัวเอง ความรักมันมีอานุภาพสูงจริงๆ

อีริคส่ายหัวหน่อยๆก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้และทรุดลงนั่งทับส้นเท้าตัวเองต่อหน้าผมแล้วเอื้อมมือมาแกะเชือกที่มัดมือผมไว้ พอได้เห็นหน้ามันใกล้ๆแบบนี้ถึงได้รู้ว่าแม่งก็หล่อสัสๆเหมือนกันนะ ออกแนวหล่อเลวเย็นชาคล้ายๆพี่ครอสแต่มันจะดูติ๋มกว่าก็แค่นั้น พี่ครอสมันเข้มโฉดครับ ดุดิบเถื่อนนี่มันเลย

สาบานได้ว่ากำลังชมอยู่นะ

“คุณก็แค่พูดใส่เครื่องบันทึกเสียงว่าเป็นคนรักของเขา แค่นั้นทุกอย่างก็จบ คุณกลับบ้านอย่างปลอดภัยแถมยังมีเงินเข้าบริษัทไปอีกเรื่อยๆซึ่งมันดีสำหรับคุณไม่ใช่เหรอ?”

“ดีกับผม? แล้วกับทีครอสละ?”

“ก็แค่…เสียเด็กในอุปการะไปหนึ่งคน”

ผมขมวดคิ้วทันที

“…แองเจลล่า?…”

“หึ ลืมไปว่าคุณก็สนิมกับเด็กคนนั้น”

“พวกแกจะทำอะไรกับแองจี้!?!”

ผมเริ่มเดือดเมื่อนึกไปถึงอันตรายที่จะเกิดกับนางฟ้าตัวน้อย แองเจลล่ายังใสซื่อบริสุทธิ์เกินกว่าที่จะเผชิญกับพวกเวรตะไลพวกนี้

“ห่วงจริงๆนะ ลูกคุณก็ไม่ใช่ จะห่วงอะไรมากมาย”

“เรื่องของกู กูบอกมึงไว้เลยว่าถ้าแองจี้เป็นอะไรไปเพียงแค่รอยเล็บข่วน กูจะเอาเลือดหัวมึงมาชดใช้ให้สาสม!”

“หึหึ โหดแบบนี้สินะ ถึงเอาคนอย่างทีครอส เฟรงเบิร์คอยู่”

ผมกัดฟันแน่นจนปวดกราม ไอ้ห่านี่กลับยิ่มระรื้นกวนบาทากูอยู่ได้

“ผมจะบอกอะไรให้นะ…”

“……”

“คนรักของคุณ ทีครอส เฟรงเบิร์คคนนั้น เขากักตัวเด็กคนนั้นไว้เพียงเพราะต้องการใช้เป็นเครื่องมือในการข่มขู่ตระกูลเบรน เขาดึงตัวไว้ทั้งที่ไม่มีสิทธิในตัวเด็กเลยสักนิด…”

“โกหก! แองจี้เป็นลูกของเขา เขาจะทำแบบนั้นกับลูกตัวเองไปทำไม!?!”

“แล้วถ้าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขาละ…”

ทุกอย่างรอบตัวหยุดนิ่งพร้อมๆกับเสียง -วิ้ง- ที่ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท

อะไรนะ?

เมื่อกี้มันพูดว่าอะไรนะ??

แองเจลล่าไม่ใช่ลูกของพี่ครอสอย่างนั้นเหรอ???

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง…

ผมหลุบตาลงต่ำทั้งๆที่ไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา

คนอย่างทีครอสไม่เหมาะกับการเลี้ยงเด็กจริงๆ ดูจากนิสัยไม่น่าจะเอ็ดดูจนถึงขั้นรับเด็กมาเลี้ยงทั้งที่เด็กคนนั้นไม่ได้มีสายเลือดของเขาเลยสักนิด

แถมยังเป็นลูกของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั่นกับใครสักคนนะเหรอ…

“หึ”

เสียงหัวเราะของคนตรงหน้าทำให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองอีกครั้ง มันยิ้มเยาะก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยิบอะไรสักอย่างมาจากอีกด้านของบานประตู

เครื่องบันทึกเสียง

“พูดซะ บางทีคุณอาจจะเป็นคนทำให้เด็กได้กลับไปอยู่กับแม่และครอบครัวที่แท้จริงของเขาก็ได้ แล้วหลังจากนั้นคุณจะได้อยู่กับทีครอสโดยไม่มีมารหัวใจมาขัดแข้งขัดขายังไงละ”

ผมจ้องหน้าอีริคสลับกับเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กในมือไปมาพร้อมๆกับสมองที่แสดงภาพสิ่งที่อีริคพูดเป็นภวังค์ฝัน มันดูหวานและเปร่งประกายไปด้วยความสุขจนผมเกือบยิ้มตามไปด้วย

มันอาจจะเป็นอย่างที่เขาพูดก็ได้

ถึงแม้เหตุผลที่พี่ครอสทำจะดูน่ารังเกียจไปหน่อยแต่พี่ครอสมันเคยบอกมาก่อนหน้านี้ว่า ‘วงการนี้ไม่มีคำว่าสะอาดให้ได้ยินหรอก'

คนเราทุกคนย่อมเกิดมาดั่งผ้าขาว พอยิ่งโตก็ยิ่งโดนแต่งแต้มสีสันต่างๆไปเรื่อยๆ หากแต้มดีก็เป็นลวดลายที่สวยงาม แต่ถ้าไม่ก็กลายเป็นความหม่นจนมืดสนิท

พี่ครอสก็คงเป็นสีเทาที่ไม่ขาวและไม่ดำ

ผมเองก็เช่นกัน

ผมที่เคยสดใสแต่กำลังแต้มตัวเองให้เป็นสีเทาเพื่อให้ได้เคียงคู่อยู่กับคนอย่างทีครอส

มันดีแล้วใช่ไหม?

ผมคู่ควรกับพี่แล้วใช่ไหมพี่ครอส?

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของคนตรงหน้าดังขึ้นขัดภวังค์และมือที่กำลังเอื้อมไปรับเครื่องบันทึกเสียงให้ชะงักกึก อีริคจิ๊ปากทีหนึ่งแล้วจึงยัดเครื่องมือขนาดเล็กนั้นใส่มือผมแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย

“ครับ…”

มันพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป ดวงตาของมันเริ่มส่อแววระริกจนดูเหมือนคนกำลังหงุดหงิด ผมจ้องมองด้วยความสงสัยก่อนที่มันจะหันควับไปที่หน้าต่างด้วยความตื่นตกใจ

“เกิดอะไรขึ้น?”

“หุบปาก!”

แทนที่จะตอบมันกลับตะคอกลั่นแล้วเข้ามาคว้าเอาผมขึ้นพาดบ่าในทันที

“เห้ย! จะทำอะไรวะ!?!”

มันไม่ตอบอีกเช่นเดิมเพิ่มเติมคือกำลังพาผมออกจากห้องนี้ไปยังประตูทางออก แต่ยังไม่ทันที่จะได้ออกมันก็ทรุดฮวบโดยที่ร่างของผมโดนดึงออกจากมันอย่างแรกด้วยอะไรสักอย่าง

“มึงคิดว่ามึงกำลังเล่นอยู่กับใคร!?!”

เสียงเหี้ยมๆแบบนี้…

“พี่ครอส”

ผมเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่ดึงผมเข้าสู่อ้อมอกด้วยความตกตะลึงทั้งๆที่มันเอาแต่จ้องไปที่อีริคปานจะเข้าไปฉีกร่างเป็นชิ้นๆ มือมันที่จับผมบีบรัดแน่นบ่งบอกถึงอารมณ์เดือดที่รอเวลาปะทุ

ตุ๊บ!

“อึก!”

อีริคที่โดนถีบอย่างแรกเป็นรอบที่สองกระอักออกมาในทันที เมื่อกี้ก็คงโดนถีบสินะถึงได้ทรุกฮวบลงแบบนั้น

“คิดจะเล่นกูก็มาเล่นที่กู ไม่ใช่ใช้วิธีหมาๆอย่างนี้ พวกตระกูลเบรนนี่ยังไงวะ ได้ข่าวว่าเป็นผู้ดีไม่ใช่รึไง!!?!!”

“อย่ามาปากพร่อยกับตระกูลเบรน!”

“หึ มึงก็แค่หมารับใช้ผู้โง่เง่า ตาสว่างแล้วมองโลกภายนอกสักทีเถอะวะ คุณหนูของมึงนอกจากจะไม่ใสซื่อใจดีเป็นแม่พระแล้วยังเป็นมารร้ายที่เกือบจะคร่าชีวิตลูกตัวเองไปแล้วด้วยซ้ำ!”

ห่ะ!

อะไรนะ!?!

“อย่ามาใส่ร้ายคุณหนูมิเกลล่า!”

“ไอ้โง่เอ๊ย”

“พี่ครอส! เดี๋ยว!!”

ผมรีบเข้าไปแทรกทันทีที่ไอ้พี่ครอสตั้งท่าจะเข้าไปกระทืบอีกครั้ง พวกลูกน้องข้างหลังแม่งก็ยืนนิ่งเงียบกับชิปหาย เมื่อโดนขัดคนตัวโตเลยตวัดสายตามาจ้องผมเขม่ง

“จะปกป้องมันเพื่อ!”

ผมอ้ำอึ้งตอบอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะเข้ามาห้ามเขาทำไม แต่ผมไม่อยากเห็นพี่ครอสโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วเทียวทำร้ายคนอื่นระบายอารมณ์แบบนี้

อย่างน้อยๆก็อย่าทำต่อหน้าต่อตาผมเลย

“ไค”

“ครับ”

“เอามันกลับไปขังไว้ เดี๋ยวกูจะตามไปเคลียร์ทีหลัง”

“ครับนาย”

“ส่วนมึง”

เฮือก!

ผะ ผมเหรอ?

“มานี่”

ว่าแล้วก็กึ่งลากกึ่งจูงผมลงบันไดท่ามกลางเหล่าลูกน้องนับสิบที่หลบหลีกทางให้ผู้เป็นนายอย่างรู้งาน ผมเดินไวๆตามมันมาเงียบๆไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองมันจนกระทั่งมาถึงรถยุโรปคันหรูของมันนั้นแหละ

“เข้าไป”

ผมก้าวเข้ารถที่มันเปิดประตูรออย่างว่าง่ายจนมันปิดประตูตามหลังดังปึง! กูนี่สะดุ้งเลยครับ มันเดินอ้อมจากทางด้านหน้ามาเข้าประจำที่คนขับแล้วสตาร์ทรถออกตัวด้วยความไวแสง คือไอ้รถสีดำหลายสิบคันนั้นของลูกน้องมันเหรอวะ ทำไมแม่งมีแต่รถหรูแถมยังเป็นรถนำเข้ารุ่นเดียวกันทรงเดียวกันสีเดียวกันอีกต่างหาก ดีหน่อยที่ลูกน้องมันไม่ได้แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำใส่แว่นตาดำเหมือนกันหมดไม่งั้นคงกลายเป็นแก๊งค์มาเฟียเหมือนในหนังตามท้องตลาดแน่ๆ

เอ๊ะ หรือว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆวะครับ

เอี๊ยด!

เหี้ย!!

จู่ๆแม่งก็จอดรถเฉยเลยวะ ดีหน่อยที่มันหักพวงมาลัยเข้าข้างทางก่อนแล้วถึงจอด ไม่งั้นคงได้มีรถชนท้ายกันระนาวแหง่ง

“จอดทะ..อื้อ!”

ถามยังไม่ทันจะจบมันก็โน้มตัวเข้ามาประกบปากผมไว้ซะก่อน ริมฝีปากหนาบดขยี้เรียวปากของผมอย่างแรงเหมือนกำลังระบายอารมณ์ ผมได้รสปะแล่มๆคลายเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งปากก่อนที่ลิ้นหนาจะแทรกเข้ามาพันเรียวลิ้นของผมจนเจ็บแปร๊บ

“อื้ออออ”

ที่กูร้องไม่ใช่เพราะเคลิ้มนะเว้ย แต่กูเจ็บ!

ไอ้นี่แม่งซาดิสต์สัสอะ

มันไม่สนใจเสียงประท้วงใดๆของผมแล้วปล้นจูบต่อจนสาแก่ใจมันนั้นแหละถึงได้ถอนออกให้ผมได้กอบโกยอากาศเข้าปอดอีกครั้ง เกือบตายเลยกู

ไอ้ตัวการมันยกมือขึ้นมาเกลี่ยคราบน้ำลายออกจากรอบปาดผมให้ทั้งที่สีหน้ายังคงบึ้งตึงเช่นเดิม พอเรียบร้อยแม่งก็หันกลับไปออกรถแล้วขับต่อไปไม่มีสนใจผมอีก

ปกติที่ว่าเดาความคิดมันยากแล้ว วันนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่เลยวะครับ



TBC…
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น14 (UP-04/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-07-2017 18:28:46
 :katai5:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น14 (UP-04/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-07-2017 20:45:30
รอรายละเอียดื :ling1:
ตกลงแองจี้ ไม่ใช่ลูกทีครอส
แต่ทีครอสเอามาเลี้ยงเพราะมิเกลล่าคิดทำแท้งสินะ
ถ้าไม่มีแองจี้ มิเกลล่า ก็ไม่มีพยานยืนยันความเหลวแหลกของตัวเอง

ทีครอส คงเครียดมากเลย
นาย ถูกจับมาเป็นตัวต่อรองซะงั้น
แต่ทีครอส ก็ตามมาช่วยได้
        :L1: :L1: :L1:
ื :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017)
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 10-07-2017 12:51:53
ไหวหวั่นครั้งที่ 15





“โอ้ย!”

ผมอุทานลั่นเมื่อนางพยาบาลหน้าหวานแต่มือไม่หวานตามหน้าตาทำแผลให้อย่างเจ็บแสบ คุณเธอชะงักมือไปนิดหน่อยก่อนจะลงมือต่ออย่างไร้ความปราณี คือผมรู้ครับว่าผมหล่อแต่ไม่ต้องแกล้งกันขนาดนี้ก็ได้

ผมยังคงนั่งนิ่งๆพลางกัดฟันทนต่อไปทั้งที่สายตาสอดส่องไปยังคนพามาที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่แถวประตูทางเข้า พี่ครอสมันพาผมมาโรงพยาบาลทันทีที่ขับรถออกมานั้นแหละครับ ไอ้ท่าทีนิ่งๆนั้นผมก็นึกว่ามันจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงพาผมกลับคอนโดไป….เอ่อ…ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกันเนอะ

ก็ดูจากอารมณ์มันตอนจู่โจมปล้นจูบผมหน่อยสิ ร้อนแรง เอ๊ย! รุนแรงถึงขนาดนั้น

“ทำไมหน้าแดง?”

ผมสะดุ้ง

มาอยู่ใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

“เปล่า”

“หมอบอกสมองปกติดีนี่ ทำไมดูเอ๋อๆยิ่งกว่าเดิม”

ผมนี่อยากจะลุกไปตบหัวมันชะมัด แต่ติดที่ว่ามันเป็นผู้พี่แถมยังมีศักดิ์เป็นผัวที่ควรให้ความเคารพ แต่ปากมันน่าโดนจริงๆนะครับ มันเหมือนจะรู้ว่าผมหงุดหงิดเลยยกยิ้มนิดๆที่มุมปาก ท่าทางอารมณ์ดีขึ้นแบบนี้แสดงว่าที่คุยโทรศัพท์เมื่อครู่มีเรื่องดีๆให้ถูกใจคุณท่านเขาสินะ

ผมกำลังจะอ้าปากถามแต่ก็โดนขัดด้วยพยาบาลนางเดิมที่ทำแผลเสร็จ ผลการตรวจของผมหมอบอกว่าไม่มีอะไรร้ายแรงจะมีก็แค่พกช้ำและแผลถลอก ถือว่ายังดีที่ผมขับรถไม่เร็วการลงข้างทางจึงไม่ร้ายแรงนัก ไอ้ที่สลบไปคงเพราะอาการตกใจจนช็อคหรืออะไรทำนองนั้น

“นี่…”

“ถึงคอนโดแล้วจะเล่าให้ฟัง”

มันพูดแล้วก็หันไปเรียกบุรุษพยาบาลให้นำรถเข็นมาให้ผมนั่ง ผมเลยต้องหุบปากฉับ มันรู้ทันผมไปซะทุกเรื่องจริงๆ เมื่อรอจ่ายตังค์รับยาเรียบร้อยเราก็พากันกลับครับ ระหว่างทางผมกับมันนี่เงียบกันตลอดเลยนะ แต่เป็นการเงียบแบบเงียบเฉยๆนะ ไม่ได้ความกดดันหรืออะไรแปลกๆให้หายใจไม่ทั่วท้องแผ่ออกมาเหมือนอย่างตอนแรก ผมพึ่งรู้ว่าตัวเองโดนพาออกมานอกกรุงเทพฯก็ตอนเข้าโรงพยาบาลนั้นแหละ คือนับถือในความสามารถของพี่ครอสจริงๆนะว่าหาตัวผมเจอแถมยังรวดเร็วแบบนั้นอีก

มึงต้องไม่ใช่คนแน่ๆวะ

Rrrrrr

เสียงโทรศัพท์ของคนข้างๆผมดังขึ้นอีกครั้ง นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้ววะเนี้ย ไอ้พี่ครอสลดระดับความเร็วลงก่อนจะคว้าโทรศัพท์ตัวเองออกมาดูแล้วยกยิ้มน้อยๆ มันวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมโดยที่ไม่คิดจะรับสายแต่อย่างใด

“ไม่รับละ”

“รับให้หน่อย”

ห่ะ?

ปกติมันไม่ชอบให้ใครยุ่งกับโทรศัพท์นี่นา

“รับไปเถอะ คริสโทรมา”

ผมพยักหน้าแล้วหยิยมาสไลด์รับสาย แต่ยังไม่ทันได้เปร่งเสียงทักทายคำสบถก็ดังลั่นมาจากปลายสายจนผมเอาโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน

/Damn!/

ไอ้พี่ครอสถึงกับหัวเราะหึเมื่อเห็นท่าทีของผม

/ไอ้พี่เวร! ตอนนี้อยู่ไหน? แล้วไอ้นายปลอดภัยรึเปล่า? ทำเหี้ยไรทำไมพึ่งรับโทรศัพท์กูวะ!?!.../

มาแบบคอมโบ้เซ็ตกันเลยทีเดียว

“เอ่อ…ใจเย็นก่อนมึง..”

คือกูเริ่มไม่ถูกอะถ้ามึงยังไม่หยุดถามรัวๆแบบนี้

/ไอ้เหี้ยนาย!!!/

จะร้องหาพ่อง! แก้วหูจะแตกละสัส!!

“เออ กูเอง เลิกเสียงดังสักทีกูหนวกหู”

/ห่า กูอุสาเป็นห่วง/

“ขอบคุณในความอุสานะครับ”

/ปากดีเหมือนเดิมงี้แสดงว่าไม่เป็นไรแล้วสินะ แหม๊ะ พี่กูก็มีน้ำยาเหมือนกันนี่หว่า/

เดี๋ยวนะ…มันใช้คำผิดไปรึเปล่าวะครับ ไอ้คำว่า ‘มีน้ำยา' มันใช้กับเหตุการณ์แบบนี้ก็ได้เหรอ

ไอ้ฝรั่งกวนตีนเอ๊ย

/กูขอคุยกับพี่กูหน่อยดิ๊/

ผมหันไปมองพี่ครอสทำท่าทางชี้เข้ามือถือบอกมันกลายๆว่าคนในสายอยากคุยด้วย

“เปิดสปีคเกอร์เลย”

ผมกดเปิดตามที่มันบอกแล้วจึงยื่นโทรศัพท์ไปใกล้ๆให้คนขับได้ฟังชัดๆ

“ว่า?”

/กำลังกลับใช่ไหม?/

“อืม ทางนั้นละ”

/โอเคดี ทัตมันไม่ใช่ขี้ๆนะเว้ย/

กูชักจะงงกับสองพี่น้องนี่แล้วนะ ตกลงมันรักกันดีหรือจะกัดกันให้ได้กันแน่นะ

“กูยกให้จัดการเลยดีไหม?”

/ใช่เรื่อง เรื่องนั้นใครผูกก็แก้เอาเอง แต่แองจี้เป็นหลานกู กูไม่ยอมให้เอาไปแน่/

“ก็ลูกกูไหมละ”

/ยกให้เป็นลูกกูก็ได้นะ/

“สัส”

/หึหึ แล้วจะเข้ามาบ้านเลยรึเปล่า?/

“ทำไม? แม่รู้เรื่องแล้วเหรอ?”

/ยัง แต่น่าจะระคาย แด๊ดจะบินด่วนกลับมาด้วย สงสัยทางนู้นรู้ข่าวแล้วเข้าหาแด๊ดแน่ๆ/

คนข้างๆผมเงียบไปในทันที สีหน้าจากที่ผ่อนคลายลงเมื่อครู่กลับกลายเป็นสีหน้าบึ้งตึงอีกครั้งจนได้

“กูจะเข้าบ้านพรุ่งนี้เข้า คืนนี้เข้าคอนโดก่อน มีเรื่องต้องจัดการ”

/เรื่องที่ว่านั้น ใช่เพื่อนกูไหม?/

น้ำเสียงแม่งโคตรกะลิ้มกะเหลี่ย

“แล้วแต่มึงจะคิดเลย แค่นี้แหละ กูขับรถอยู่”

/เออๆ/

ปิ๊ด

แล้วมันก็วางสายไป ผมเม้มปากแน่นข่มใจอยากจะถามเรื่องทั้งหมดชิปหายแต่ไอ้พี่ครอสบอกว่าจะบอกตอนถึงคอนโดเลยต้องอดทนไว้ก่อน ไอ้ห่า ทำไมระยะทางกลับมันถึงได้ไกลขนาดนี้วะ

“อยากรู้มากเหรอ?”

ไม่น่าถาม

“อืม”

“อยากให้บอกเลยไหมละ?”

ผมกระพริบตาปริบๆแล้วพยักหน้า มันหัวเราะหึแล้วตีไฟเลี้ยวเข้าปั้มข้างหน้าก่อนจะขับไปจอดด้านในสุดที่ค่อนข้างมืด พอจอดรถได้สนิดมันก็ปลดสายเบลของตัวเองก่อนจะโน้มตัวมาจูบพร้อมกับปลดสายเบลของผมไปด้วย

“ลองอ้อนกูดูสิ”

ผมนี่อ้าปากเหวอเลย

ให้กูอ้อนเนี้ยนะ จะอ้อนยังไงวะครับ

ไอ้คนขี้แกล้งหัวเราะหึอย่างชอบใจเมื่อเห็นปฎิกิริยาของผม มิน่าละทำไมมึงถึงอยากให้กลับถึงคอนโดก่อนแล้วค่อยบอก แต่ได้ข่าวว่าเมื่อกี้มันอารมณ์เสียอยู่นะครับ ทำไมแม่งเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวอย่างนี้วะ

“เร็วดิ เดี๋ยวกูเปลี่ยนใจไม่บอกซะหรอก”

ไอ้บ้านี่

ผมเม้มปากพลางช้อนตามองไอ้คนเจ้าเล่ห์ที่ยังคงหันมามองผมด้วยสายตาท้าทาย มันยกแขนข้างหนึ่งค่ำกับเบาะส่วนอีกข้างยังคงจับพวงมาลัยอยู่ ใบหน้าเข้มนั้นดูเจ้าเล่ห์ไม่แพ้นิสัย และปากเป็นกระจับนั้นก็ยิ้มกริ่มรอคอยในสิ่งที่พูดท้าอยู่

เอาวะ…ไหนๆก็ไหนๆละ ลองดูสักตั้งแล้วกัน

“พี่ครอสครับ..”

ผมเอ่ยเสียงแผ่ว

“ครับ?”

ไอ้บ้าเอ๊ย!!!! กูแพ้มึงเวลาพูดเพราะนะเว้ย!!!!

“คะ คือนายอยากรู้ บอกนายหน่อยนะ”

ผมพูดขอต่อทั้งที่ก้มหน้างุดตามองจ้องมือที่บิดกับไปมาอยู่บนตักตัวเอง

“แค่นี้?”

ไอ้!!!!

ผมตวัดสายตาไปจ้องมันเลย แต่มันก็ไม่สะทกสะท้านใดๆแถมยังหัวเราะหึออกมาอีก

“อ่อนวะ”

เชี่ยเหอะ

ดูถูกกันเกินไปแล้วนะเว้ย!

ว่าแล้วผมก็หันไปหาเปลี่ยนสายตาแล้วเอื้อมมือไปลูบโครงหน้าเข้มอย่างเบามือ ไม่รู้ว่าสายตาผมเป็นแบบไหนแต่ไอ้คนตรงหน้าดูจะพอใจจนปิดไม่มิด ผมมองตามมือตัวเองจนสบตากับดวงตาสีอ่อนแล้วคล้องมือขึ้นโอบรอบคอ เท่านั้นไม่พอ มันอยากให้กูแรงกูก็จะแรงเว้ย ผมขยับตัวดันมันให้ไปนั่งชิดเบาะก้มลงไปปรับเบาะมันไปอีกแล้วก้าวข้ามไปนั่งค่อมมันทั้งอย่างนั้นเลยครับ ไอ้พี่ครอสนี่ยิ้มกว้างไปแล้ว ถูกใจมึงละสิไอ้ห่า

“บอกหน่อยนะ”

ก้มลงเอ่ยเสียงอ้อนที่ข้างๆหูไปอีกที ไม่ใจสั่นให้มันรู้ไปสิวะ

“ก็ได้…”

ผมยิ้ม

“แต่ต้องหลังจากที่กูอิ่มก่อนนะ”

ห่ะ!?!

อิ่มเหี้ยอะไรของมึงงงงงงงงง….









ผมจอดรถนิ่งๆก่อนจะหันไปมองตุ๊กตาหน้ารถที่หลับสนิทชนิดที่ปลุกมันก็ไม่ตื่นแน่นอน ก็นะ วันนี้มันคงเจอศึกหนักมาเยอะละ ทั้งเรื่องงานเรื่องส่วนตัวไหนจะเจอเรื่องร้ายๆที่โดนอุ้มไปขังไว้แต่ดีหน่อยที่สายผมทำงานเร็วทันใจแถมผมยังอยู่ไม่ไกลจากจุดที่มันโดนอุ้ม ผมเลยตามมันไปได้ทันและช่วยมันมาได้อย่างปลอดภัย จะบอกว่าปลอดภัยก็คงไม่ถูกซะทีเดียว ก็มันเล่นมีแผลเต็มตัวจากการขับรถเสียหลังจนลงข้างทางมา ผมจะไม่โมโหขนาดนั้นเลยถ้าฝ่ายนั้นไม่ทำให้มันบาดเจ็บถึงขนาดนี้ แต่นี่แผลแม่งโคตรเยอะ ถึงจะไม่ร้ายแรงแต่ก็ทำกูหัวร้อนได้แล้วกัน

ผมลงจากรถก่อนที่จะเดินอ้อมมาช้อนตัวไอ้นายขึ้นอุ้ม มันขยับตัวนิดหน่อยเหมือนจะปวดตัวแต่ก็ยังคงหลับต่อไปทั้งอย่างนั้น ผมกดยิ้มด้วยความพอใจ จริงๆที่ท้าแค่อยากแกล้งมันขำๆใครจะไปนึกละว่ามันจะอ้อนได้น่าล่อขนาดนั้น เล่นเอาผมสติแทบแตกแต่ก็ยังจัดทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันมีแผลเต็มร่างกายไหนจะพกช้ำ

กูนี่ก็ซาดิสต์เข้าขั้น

ส่วนไอ้นี่ก็มาโซฯไปอีก

“ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้?”

เสียงท้วงของน้องชายผู้เอาแต่ใจเอ่ยขึ้นเมื่อผมอุ้มเพื่อนมันผ่านประตูหน้ามาได้นิดหน่อย พอมันเห็นนายนอนคอพับคออ่อนพิงไหลผมอยู่พร้อมด้วยผ้าพันแผลที่เห็นได้ชัดมันก็จ้องผมตาถล้นเลยครับ

“มันคงต้องพักยาวๆ กูไม่อยากปลุกแล้วพามาตอนเช้าเลยให้มานอนนี่ซะเลย”

คริสตัลพยักหน้ารับ มันเองก็คงจะห่วงหลานเลยเลือกที่จะนอนบ้านทั้งที่ปกติมันชอบที่จะอยู่คอนโดมากกว่า ผมเดินผ่านน้องขึ้นไปยังชั้นบนโดนมีคริสตัลเดินตามมาคอยเปิดประตูให้อย่างรู้งาน ตอนนี้ตีสองกว่าๆได้แล้วมั้ง คนในบ้านคงหลับกันไปหมดแล้ว

“มันเป็นอะไรมากไหม?”

น้องผมถามเมื่อผมวางเพื่อนมันลงบนเตียงหนานุ่มไซต์ยักษ์ ไอ้นายนิ่วหน้านิดหน่อยตอนขยับตัวแต่พอได้ที่ดีแล้วก็หลับต่อไปสบายๆ

“ไม่มาก แค่พกช้ำกับแผล”

“พวกนั้นทำเหรอ?”

“ไม่เชิง แต่ก็ตัดหน้าจนมันหักรถลงข้างทาง ตอนจับไปดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรนอกจากมัดไว้เฉยๆ”

“หืม ผิดวิสัยพวกลักพาตัวนะ พวกนี้มันต้องทรมานให้พูดหรือไม่ก็ให้เราทำในสิ่งที่มันต้องการสิ”

“อืม”

“พี่รู้อะไรมา?”

ผมระบายยิ้ม มือเอื้อมไปดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงไหล่ให้คนหลับแล้วจึงลุกจากเตียงไปกดหรี่แอร์ลงเล็กน้อย พรุ่งนี้มันไข้ขึ้นแน่นอนแบบไม่ต้องสงสัย

“พี่ครอส”

“ทางนั้นต้องการอัดเสียงคำสารภาพของไอ้นายว่าเป็นอะไรกับกูเพื่อไปใช้ในชั้นศาลเวลาฟ้อง มันจะฟ้องเอาเด็กคืนด้วยข้อหาที่ว่ากูเป็นพวกรักร่วมเพศแล้วไปหลอกมันเพื่อเอาเด็กและถ้ากูยังเป็นฝ่ายเลี้ยงดูจะเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตที่ด้อยคุณภาพ”

“ตอแหลชิปหาย ด้อยบ้าด้อยบอ”

“มันก็หาเรื่องมาฟ้องกูตลอดแหละ แต่ข้อหาที่กูฟ้องกลับมาแข็งกว่า ทางนั้นเลยไม่เคยชนะคดีสักที”

“พวกนั้นมันบ้ารึเปล่าวะ ตอนแรกทำไมเหมือนไม่อยากจะมี พอมีแล้วจะฆ่า พอโตมาเสือกจะเอา”

“ก็เพราะมันเสือกไปมีกับคนอื่น แถมคนๆนั้นยังเป็นเด็กใจแตกลูกผู้ดีเงินถึงฐานะได้แถมยังมีอำนาจอีกด้วย”

“ห่ะ!?!”

ผมตวัดสายตาไปจ้องน้องตัวเองดุๆก่อนจะหันไปมองคนหลับที่ยังไม่มีท่าทีจะตื่นก็เบาใจ คริสตัลเอ่ยซอรี่ออกมาเบาๆแล้วยกมือขยี้หัวตัวเอง

“อะไรวะเนี้ย”

เหมือนมันบ่นกับตัวเองมากกว่าที่จะถามผมนะ

“แล้วพี่จะเอาไงต่อ?”

“ก็คงหนักข้อขึ้นกว่าเก่า มันเล่นข้ามเส้นมาถึงขนาดนี้กูก็คงต้องตอบโต้บ้าง”

“เดี๋ยวก็ไม่จบ”

“เรื่องแบบนี้มันจบกันไม่ลงหรอกถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมจบ”

“ก็นั้นแหละ ผมละห่วงไอ้นายหรอก กับพี่นะคงชิน”

ประเสริฐจริงๆน้องกู

“กูปกป้องของกูได้น่า”

“ให้มันจริงเถอะ”

“กูปกป้องมึงด้วยยังได้เลยคริสตัล”

“ไม่จำเป็น กูมีทัตอยู่แล้ว”

ไอ้คนติดผัว

ผมเบ้ปากจนมันหัวเราะ เห็นมันอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อยแล้วก็เบาใจ ก่อนหน้านี้มันยังไม่รู้อะไรมากเลยคงห่วงหน้าห่วงหลังแต่ตอนนี้คงคลายไปได้เยอะ เหมือนกันกับไอ้นายที่ผมเล่าไปแล้วแบบคร่าวๆระหว่างที่ขับรถกลับมา ไม่รู้ว่ามันได้ยินถึงไหนเหมือนกันเพราะมองไปดูมันอีกทีก็หลับคอพับคออ่อนไปซะงั้น

“ไปนอนได้แล้วไป แล้วนี่ไอ้ทัตมาค้างด้วยรึเปล่า?”

“มาดิ มันห่างกูได้ที่ไหน”

“ได้ข่าวว่าเดือนก่อนห่างกันเกือบเดือนไม่ใช่เหรอ”

“สัส ก็แม่งบ้างานไง พูดละเซ็ง ไปนอนดีกว่า ไนท์ไนท์”

ผมพยักหน้าให้น้องแล้วมองตามจนมันออกจากห้องนอนผมไป อยากจะพูดมากว่าใครกันแน่ที่ติดใครแต่ไม่อยากต่อความยาวแถมผมยังโคตรง่วงเลยปล่อยผ่านไปแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่

“อือออ…พี่ครอสอย่า…”

เสียงละเมอของคนบนเตียงทำให้ผมหันไปมองยิ้มๆ อยากรู้จังว่ามึงฝันอะไรอยู่แต่ก็คงเดาได้ไม่ยาก ผมเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่ข้างเตียง ยกมือสางเส้นผมสีดำนั้นเบาๆก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผาก

“ฝันดีครับ ที่รัก”




ต่อด้านล่างจร้า

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
เริ่มหัวข้อโดย: MyMinT1990 ที่ 10-07-2017 12:54:02

ผมรู้สึกตัวด้วยอะไรบางอย่างเย็นๆที่มาสัมผัสถูกตัวจนต้องถกตัวหนี แต่พอจะขยับกลับแปร๊บไปทั้งร่างไหนจะเปลือกตาที่หนักอึ้งแถมยังออกร้อนอีกต่างหาก

“นาย”

เสียงนี้มัน

…พี่ครอส…

อยากจะขานตอบแต่กลับไร้ซึ่งเสียงใดๆ ผมเลยเปลี่ยนมาขยับแขนจนมีมืออุ่นๆมาจับและบีบเบาๆ

“กูอยู่นี่ มึงนอนพักซะ”

พูดจนก็มีอะไรสักอย่างมาแปะอยู่ที่หน้าผาก ผมพยายามลืมตามองจนเห็นใบหน้าหล่อๆของมันขมวดคิ้วมุ้ย สายตาดูกระวนกระวายใจจนสั่นไหวไม่เหมือนทีครอสคนเดิมที่ผมรู้จัก

นี่เป็นอีกด้านของมันเหรอ

นี่เป็นด้านอ่อนไหวที่มันไม่ค่อยเปิดเผยให้ใครเห็นสินะ

อา…มันก็คนมีหัวจิตหัวใจเหมือนกันนี่เนอะ

“พิ…ครอ..ส…”

“ว่าไงครับ?”

เสียงหวานมาเชียว ถ้าผมปกติดีคงดีดดิ่นเพราะความเขินอายอยู่แน่ๆ ก็เล่นทั้งพูดเพราะพูดหวานซะขนาดนี้

“หิว…น้ำ…”

“แป๊บนะ”

แอบโหวงในใจอยู่วูบหนึ่งเมื่อมันปล่อยมือทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไปไหน ตอนนี้ผมคงไม่สบายสินะ ผมเคยได้ยินว่าเวลาร่างกายอ่อนแอสภาพจิตใจก็จะอ่อนแอตามไปด้วย อืม ผมได้พิสูจน์มันก็คราวนี้แหละ

“มาแล้วครับ”

พี่ครอสโผล่กลับมาพร้อมน้ำในแก้วใบใหญ่ มันวางแก้วไว้โต๊ะข้างเตียงก่อนจะเข้ามาพยุงผมขึ้นให้พิงอกแล้วนำแก้วน้ำที่มีหลอดเสียบมาจ่อที่ปากจนผมสามารถดูดกินได้ พอได้น้ำอุ่นๆเลนโล่งคอมากขึ้น คราวนี้คงพูดได้ชัดขึ้นกว่าเดิมแล้วแหละนะ

“โอเครึยัง?”

ผมปล่อยหลอกแล้วพยักหน้า แอบนิ่วหน้านิดหน่อยเมื่อคนที่โอบผมอยู่ขยับตัวไปวางแก้วจนผมได้รับผลกระทบไปด้วย

“กูเรียกหมอมาฉีดยาเพิ่มให้มึงแล้ว นอนอีกสักตื่นก็หาย โอเคนะครับ”

ผมพยักหน้าอีกครั้งก่อนจะซุกหน้าเจ้ากับอกแกร่ง มันเองก็โอบกอดผมไว้แน่นแต่ไม่ถึงกับหายใจไม่ออก ผมฟังเสียงหัวใจของคนตัวโตเป็นการกล่อมตัวเอง ก่อนจะหลงเจ้าสู่ห้วงนิทราพร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้าและสัมผัสนิ่มๆที่แก้มเหมือนโดนหอมยังไงยังงั้น

“คนเก่งของพี่”











ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งเพราะอาการหิวที่รุนแรงเกินกว่าจะทนไหว ทัศนียภาพที่แปลกตาทำให้ผมพระพริบตาปริบๆอยู่หลายครั้งก่อนที่จะเหลียวมองไปเรื่อยๆเป็นการสำรวจจนไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าหล่อเข้มของพี่ครอสที่ยังคงหลับสนิทอยู่ข้างๆ

ผมไม่เคยตื่นก่อนมันเลยสักครั้งเพราะฉะนั้นนี่จึงถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของผมเลยก็ว่าได้

โอ้โห ขนตายาวเป็นแพเลยเว้ย ไหนจะคิ้วหนาๆหน้าเข้มรับจมูกโด่งหนาที่ไม่ได้เรียวรีเหมือนผู้เป็นน้องสักเท่าไหร่ ก็นะ คริสตัลมันได้แม่ไปเยอะส่วนพี่ครอสคงได้พ่อมากกว่านั้นแหละ

พอสำรวจใบหน้าจนพอใจแล้วก็ไล่ลงล่าง ไอ้ห่านี่ไม่ใส่เสื้อนอนอีกแล้ว ผมเคยบอกเรื่องนี้อยู่นะครับว่าให้มันใส่เพราะตัวมันชอบเปิดแอร์แรงๆแล้วแก้ผ้านอนมันจะไม่สบายเอาได้ แต่ก็ไม่เคยฟังอะ ไอ้คนห่วงก็ห่วงไปสิ แต่จะว่าไป…วันนี้อุณหภูมิแอร์มันอุ่นผิดปกตินะ

ยังไม่ทันที่ผมจะได้หันหน้าหนีมือใหญ่ก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดโดยที่สีหน้ายังหลับนิ่งอยู่เหมือนเดิม

เห้ย นั้นมึงใส่หน้ากากอยู่รึเปล่าวะ

“โอ้ย!”

แถมกูยังเจ็บตูดอยู่ด้วยนะ เบาๆไม่เป็นรึไงไอ้ซาดิสต์นี่

“จะรีบตื่นขึ้นมาทำไม”

เหมือนมันเอ็ดผมมากกว่าถามนะครับ

“ก็มันหิวนี่”

ผมตอบเสียงแผ่ว หน้านี่ร้อนผ่าวเลยเพราะกำลังซุกอยู่ที่แผงอกเปลือยเปล่าของมัน เนื้อจะแน่นไปไหนวะครับ ทีของกูยังเหลวไม่มีชิ้นดีเลยอะ

มันเงียบไปสักพักก็คลายอ้อมกอดแต่กดดั้งจมูกโด่งๆของทันลงมาที่กลางกระหม่อมให้ผมหายใจสะดุดเล่นๆ เออ ไม่เล่นก็ได้ หายใจสะดุดอย่างจริงจังแถมยังใจเต้นรัวอย่างกับแห่กลองยาวหน้างานบวชเลยด้วย

พ่อแก้วแม่แก้ว ไอ้ฝรั่งโหดคนเมื่อวานมันหายไปไหนครับ ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นคนอ่อนโยนแบบนี้ได้ นี่มึงคงไม่ได้ไปกินอะไรผิดสำแดงมาหรอกนะ

“ตัวเกร็งเชียวนะมึง”

มันหัวเราะแล้วเอื้อมมือมาทาบตรงหน้าผาก แป๊บๆก็ลุกขึ้นยืนทั้งที่เปลือยหมดทุกส่วนทั้งอย่างนั้นแหละครับ

ไอ้บ้า ไอ้หน้าไม่อาย ไอ้ฝรั่งหรรมใหญ่ เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ โอ้ยยยย ช่างแม่งละ กูมุดผ้าห่มดีกว่า ไม่อยากเห็นไปมากกว่านี้อะ

ผมมุดอยู่ใต้ผ้าห่มจนได้ยินเสียงเหมือนมันปิดประตูอะไรสักอย่างดังแกร๊กแล้วก็เสียงน้ำดังซ่าๆ อ้อ เข้าห้องน้ำนี่เอง เมื่อสบโอกาสผมเลยผุดลุกขึ้นนั่งแบบโคตรจะฝืนสังขาร คือปวดเมื้อยเนื้อตัวไปหมดไงครับ เล่นเจอทั้งอุบัติเหตุไหนจะไอ้บ้านั้นกระหน่ำซ้ำซ้อนอีก พอเหลียวซ้ายแลขวาไปเจออุปกรณ์สื่อสารของตัวเองที่โต๊ะเหนือเตียงเลยเอื้อมมือไปคว้ามา

แค่เห็นตัวเลขนาฬิกาเท่านั้นแหละ ร้องโอ้โหแทบไม่ทัน นี่มันบ่ายสองแล้วครับ กูนอนหรือซ้อมตายวะ

แกร๊ก!

ไอ้พี่ครอสออกมาด้วยเนื้อตัวที่พราวไปด้วยหยดน้ำดีหน่อยที่รอบนี้มันมีผ้าขนหนูพันส่วนล่างมาด้วยแต่เชื่อไหวว่าแค่นี้แม่งก็โคตรฮอตแล้ววะ ไม่รู้จะเขินหรืออิจฉามันดี คือปนๆกันจนกูไปไม่เป็นเลยไง

“หน้าแดงใหญ่แล้วมึง ไข้ขึ้นรึไง?”

มันพูดแล้วเดินเข้ามาจับหน้าผากผมอีก

“ก็ไม่ร้อนนี่หว่า”

“ช่างผมเหอะน่า”

“ช่างได้ไง เมื่อคืนมึงไข้ขึ้นเกือบสี่สิบ จับสั่นจนกูนึกว่าจะช็อคตาย เล่นเอากูไม่ได้หลับไม่ได้นอน”

โหปาก สาบานได้ว่ามึงคือแฟนกูนะครับ ปากแช่งอย่างกับไม่ใช่แฟนเลยวะ

จะว่าไปก็เหมือนลางๆว่าตัวเองตื่นขึ้นมาระหว่างที่มันเช็ดตัวให้หรืออะไรนี่แหละ ถึงจะจำไม่ได้แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่โคตรน่าประทับใจจนเหมือนตกหลุมรักมันซ้ำอีกรอบเลยวะครับ

คือโคตรดี

ผมยิ้มอ่อนก่อนจะช้อนตามองคนตัวโตที่เอาผ้าผืนเล็กในมือขึ้นขยี้หัวตัวเองแรงๆ ผมเลยยันตัวลุกขึ้นจนเซเล็กน้อยดีหน่อยที่ไอ้พี่ครอสมันอยู่ใกล้เลยรับผมไว้ได้ทัน

“ขอบคุณ”

“ไม่เป็นไร”

“สำหรับทุกสิ่ง”

“……”

ผมยิ้มกว้างกว่าเดิมแต่ไม่กล้าสบตากับคนตรงหน้าแต่ก็มือขึ้นจับผ้าแล้วเช็ดผมให้คนตัวโตอย่างเบามือ ไอ้พี่ครอสก็ยืนก้มหัวให้ผมเช็ดอย่างรู้งาน ไปๆมาๆก็เข้ามาจุ๊ปปากผมไปอีกทีซะงั้น

“หึ”

เกลียดเสียงหัวเราะของมันจัง

“หัวเราะอะไร?”

“หัวเราะคนเขิน อย่าน่ารักให้มากแค่นี้ก็น่าแกล้งพอแล้ว”

“ไอ้บ้า”

“ถ้าโอเคแล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน เดี๋ยวพาลงไปหาอะไรกิน แต่ห้ามอาบน้ำ”

ผมแยกเขี้ยวหมั่นไส้ใส่คนขี้แกล้งแล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำไป พอเห็นหน้าที่แดงแปร๊ดของตัวเองผ่านกระจกแล้วก็เข้าใจ

อื้อหือ นี่หน้ากูหรือมะเขือเทศ

แกร๊ก!

เฮือก!!

“ตกใจอะไรนักหนา นี่ผัวไม่ใช่ผี”

กูนี่อ้าปากเหวอเลย ไอ้พี่ครอสมันก็ตีหน้ายุ่งเดินเอาผ้าขนหนูผืนใหม่สีขาวสว่างสดใสมาโป๊ะลงบนหัวผม ก่อนจะเดินไปเอื้อมมือเปิดตู้ด้านบนหยิบเอาซองแปรงสีฟันอันใหม่แกะกล่องออกมาล้างน้ำบีบยาสีฟันใส่แล้วยัดใส่มือผมอย่างเสร็จสรรพ

“ห้ามอาบน้ำนะ กูเช็ดตัวให้แล้วเมื่อชั่วโมงก่อน วันนี้พักผ่อนอีกวันไว้หายสนิทแล้วค่อยอาบ”

“……”

“เข้าใจไหม?”

“อะ อืม”

“ตอบใหม่สิ”

อะไรนักหนาเนี้ย

“เข้าใจแล้ว”

“ครับ?”

“…ครับ”

“ก็แค่นั้น”



ไอ้…



บ้า…











“แล้วมันเป็นไงบ้างอะ?”

เสียงของคริสตัลดังมาจนผมที่กำลังลงบันไดยังไม่ทันจะถึงพื้นยังได้ยินอย่างชัดเจน คือพอผมล้างหน้าแปรงฟังทำธุระส่วนตัวอีกนิดหน่อยเสร็จออกมาก็เจอเข้ากับแม่บ้านที่เตรียมชุดให้เปลี่ยนพร้อมบอกให้ผมลงไปยังห้องนั่งเล่นด้านล่างได้เลยเมื่อเรียบร้อย ไอ้เราก็ไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก แต่เดินลงบันไดนะไหว เห็นอย่างนี้ผมก็ลูกผู้ชายนะครับเพราะงั้นเรื่องสำออยออดๆแอดๆนี่ไม่มีในหัวสมองเว้ย

“หายแล้วแปดสิบเปอร์”

“ให้พักที่นี่อีกสักคืนสิ พรุ่งนี้บอกให้มันหยุดงานด้วยเลย”

“ไม่บอกกูก็ทำอยู่แล้วไหม”

“อ้าว มีสมองคิดได้ด้วย?”

“ไอ้น้องเวร”

“แด๊ด ดูดิพี่ครอสมันด่าผมอะ”

ผมชะงักเท้าที่กำลังก้าวลงขั้นสุดท้ายในทันที

“ทีครอส”

เสียงเข้มๆของบุคคลที่สามดังขึ้นเป็นหลักฐานชั้นดีว่าคนที่คริสตัลเรียกว่า แด๊ด นั้นอยู่ในห้องนั้นจริงๆ

“แด๊ดก็ได้ยินว่ามันกวนผมก่อน”

“เมื่อกี้เรียกผมว่ามันด้วยอะแด๊ด”

“ไอ้เด็กขี้ฟ้อง”

“แล้วจะทำม่ะ”

ความพี่น้องนี้…

“อ้าว น้องนาย”

อั๊ยย๊า

ผมค่อยๆเอี้ยวตัวไปหาคนเรียกก่อนจะส่งยิ้มไปให้

“คะ ครับ”

“แอร่!”

แองจี้ร้องพลางชูไม้ชูมือมาทางผมทันทีที่เจอหน้า ผมส่งยิ้มหวานให้เด็กน้อยกำลังจะเข้าไปรับตัวมาอุ้มแต่พอคิดขึ้นได้ว่าตัวเองไม่สบายอยู่เลยรีบถอยปรูดออกมา

“เป็นอะไรไปลูก?”

“คือ ผมไม่สบายอยู่ครับ ถ้าอยู่ใกล้เดี๋ยวน้องจะติดไปด้วย”

“อ้อ ที่ทีครอสเรียกหมอมาเมื่อเช้ามืดนี่เอง ตอนนี้โอเคขึ้นรึยังจ้ะ?”

“โอเคแล้วครับ”

“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ”

ผมได้แต่ส่งยิ้มตอบกลับแล้วเดินตามหลังนายหญิงของบ้านเข้าไปยังด้านในจนเห็นบุคคลทั้งสามที่เป็นเจ้าของเสียงนั่งเรียงกันอยู่ที่โซฟา ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ที่เป็นชาวต่างชาตินั่งตีหน้าเข้มเหมือนลูกชายคนโตเด๊ะๆ พี่ครอสเห็นผมทำอะไรไม่ถูกเลยตบเบาะข้างตัวเองให้ผมไปนั่งแต่ผมเลือกที่จะนั่งตรงโซฟาเล็กที่แยกออกมาไม่ไกลกันนัก

“ดื้อวะ”

แน๊ะ มีเอ็ดมาอีก

คริสตัลเองก็หัวเราะคิกคักก่อนจะเข้าไปอุ้มหลานมาเล่นตรงเบาะยางสำหรับเด็กวัยเตาะแตะ แองเจลล่าพึ่งตั้งใข่ได้ไม่นานครับ การเดินเลยยังไม่แข็งแรงเท่าไหร่ แต่ก็ซ่าส์ได้ใจเพราะเมื่อวานเจ้าหล่อนลงพื้นปุ๊บเธอก็ลุกเดินเซๆไปมาในทันที

เห็นแล้วก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ เสียดายที่เข้าไปเล่นด้วยไม่ได้ไม่งั้นคงได้ฟัดแก้มอูมๆนั้นเล่นสักฟอดสองฟอด

“ชื่ออะไรนะเรา?”

ผมสะดุ้ง

“ผมก็บอกไปแล้วไงแด๊ด”

“ไอถามเขา ไม่ได้ถามยูนะทีครอส อย่าเสือก”

อื้อหือ เจ็บไหมละดอกนี้ สวนผมนี่กำมือแน่นจนมือซีดไปหมดแล้วครับ

“ชื่อนายครับ”

“NAAY or NINE?”

“เจ้านายนะครับ”

“อ้อ ความหมายดีนี่”

“ขอบคุณครับ”

“เป็นเพื่อนกับคริสตัลใช่ไหม?”

ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปมองคริสตัลที่มองผมสลับกับพี่ครอสและพ่อของตัวเองด้วยสายตาแปลกๆ

“แล้วมาสนิทกับทีครอสได้ยังไง?”

“เออ..คือ..”

“เอาอีกแล้วนะแด๊ด”

“ไอบอกว่าอย่าเสือกไงทีครอส”

“ไม่เสือกไม่ได้วะแด๊ด”

เฮ้ๆ

“ทำไมจะไม่ได้”

เดี๋ยวสิ

“เรื่องของมันก็เหมือนเป็นเรื่องของผมด้วยนั่นแหละ”

ไอ๋หย๋า

“อะไรของยู?”

อย่าบอกนะว่า..

“ก็มันเป็น…”

“พี่ครอส!”

ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมทันทีที่ผมเผลอตะโกนกลบคำพูดของไอ้คนขี้แกล้ง มันเองก็แสยะยิ้มชั่วร้ายตอบกลับมาจนผมอยากจะลุกไปเตะแม่งชิปหาย แต่ที่ผมคาดไม่ถึงนั้นก็คือ…

“หึหึหึ”

คนที่ตีหน้าเข้มเมื่อครู่กลับหัวเราะเหมือนชอบใจอะไรสักอย่างอยู่ซะอย่างนั้น

“อย่างที่ผมบอกไหมละ?”

ห่ะ?

“อืม จริงของยูนะ”

อะไรวะ??

“แกล้งเพื่อนผมอยู่นั้น สนุกนักรึไง?”

แกล้ง???

“แล้วมึงว่าสนุกไหมละ?”

“ก็นะ”

ไอ้สาดดดดดด ตกลงแม่งมีนิสัยขี้แกล้งกันทั้งบ้านใช่ไหมเนี้ย!?!

“น้องนายอย่างไปสนใจเลยนะ พ่อเขาแค่แกล้งเล่น ทีครอสเองก็ยังจะสมทบกับเขาด้วยนะ แย่จริงๆเลย”

“ใช่ๆ แย่ๆ”

“ได้ทีนี่ทับถมใหญ่เลยนะคริสตัล”

“แน่นอน”

พูดแล้วก็ไหวไหล่ก่อนจะกลับไปสนใจหลานตัวเองต่อซะงั้น ผมก็ได้แต่ตีหน้าเหวอมองไอ้ตัวการกับผู้เป็นพ่อไปมาจนมันลุกขึ้นมานั่งลงหมิ่นๆข้างๆผม

“เอ๋ออะไรนักหนา กะอีแค่พ่อกับแม่รู้เรื่องของเราแล้วแค่นั้น”

ผมเบิกตากว้างเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะแต่พอมองสบตากับผู้เป็นพ่อและแม่ที่ยิ้มให้ผมอย่างอบอุ่นแล้วก็เริ่มจะใจชื้นขึ้นมาหน่อย

“ตอนแรกก็ตกใจแหละนะ แต่คนอย่างทีครอสถ้าตัดสินใจแล้วแสดงว่าคิดมาดีแล้วนั้นแหละ เพราะฉะนั้น…มั่นใจในตัวลูกชายของไอคนนี้ได้เลย”

ผมหันไปมองพี่ครอสพอดีกับที่มันเองก็จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว

“แล้วน้องนายละ?”

“ครับ?”

“น้องนายคิดยังไงกับลูกชายแม่จ้ะ อ้อ ต้องเจาะจงว่าเป็นลูกชายคนโตด้วยสินะ”

“เออ…คือ…”

“พูดๆไปเหอะมึง กูจะได้เตรียมแห่ขบวนขันหมากไปสู่ขอ”

ไอ้ห่าคริส!

“คือผม…”

ผมหันมองแม่ของพี่ครอส พ่อของพี่ครอส ก่อนที่จะหันกลับไปสบตากับมันอีกครั้ง พี่ครอสจ้องผมนิ่งๆไม่มีทีท่ากดดันหรือเร่งอะไรเลยแม้แต่น้อย

“ผมรักพี่ครอสครับ”

“หึ”

“ก็แค่นั้น”

ผมยิ้มกว้างในขณะที่แขนของคนข้างๆโอบอยู่ตรงไหล่อย่างถือวิสาสะ พี่ครอสก้มลงมาจุ๊บหัวผมเบาๆเรียกเสียงแซวจากคริสตัลได้เป็นอย่างดี

ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อวานผมยังเจอเรื่องร้ายแรงถึงขนาดไหน เมื่อก่อนผมต้องเจ็บช้ำน้ำใจแบบมากมายมหาศาล แต่วันนี้ผมกลับยิ้มได้ เป็นยิ้มกว้างที่ออกมาจากความสุขภายใน

ผมมีความสุขจากใจ

ใจที่ตรงกับคนของใจคนนี้เพียงคนเดียว













**** IN THE END  ****



ขอบคุณสำหรับการติดตามคร้าาาาาาา

เนื้อหาหลักๆจบลงเพียงเท่านี้

แต่จะมีเนื้อหาแยกย่อยจิปาถะโผล่มาในรูปแบบตอนพิเศษอยู่นะจ้ะ 

รอติดตามกันได้

See you soon
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 10-07-2017 15:40:14
เหม่ อยากให้มีต่ออีกประโยคจังว่า “แต่ผมก็เกลียดมันเหมือนกันครับ" แกล้งเขากันสนุกเลย เกลียดดดดด เจ้านายหนูร้องไห้เพราะเขามาเยอะนะลูก อย่ายอมกันแบบเน้
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 10-07-2017 16:28:28
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-07-2017 17:18:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 11-07-2017 15:10:12


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

ลุ้นตลอด

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 11-02-2018 09:15:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 11-02-2018 19:37:55
ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: 《 CONTACT LOVE 》สัมผัสร้าย สัมผัสรัก >> สัมผัสที่ไหวหวั่น15 (UP-10/07/2017) END.
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 23-02-2018 18:00:32
ชอบพ่อแม่ทีครอสมากกกกกก
น่ารักทั้งคู่เลย ต่างกับพี่สาวเว่อร์ๆ
สงสารเต้จัง หาคู่ให้เต้ด้วยสิค้า
แล้วมิกซ์กับแวนมีซัมติงอะไรกันป่าว
ค้างคามาก ณ จุดนี้
จะมีเรื่องต่อจากเรื่องนี้ไหมคะ
อยากให้มีต่อน้า