พิมพ์หน้านี้ - Teacher....please 11 (50%) (P3) 8.3.18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: makicara ที่ 20-12-2016 02:01:34

หัวข้อ: Teacher....please 11 (50%) (P3) 8.3.18
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 20-12-2016 02:01:34
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หัวข้อ: Re: <สอนรัก> Teacher please, teach me hard (บทนำ) (20.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 20-12-2016 02:02:59
0.
   
ก้องภพสูดหายใจเข้าลึกๆ เขากำลังยืนเผชิญหน้ากับประตูสุดท้ายที่จะเป็นบทสรุปของเรื่องราวเจ้าปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ประตูไม้บานนั้นดูจะใหญ่ขึ้นผิดหูผิดตา และห้องเดิมๆก็ดูจะกว้างขวางขึ้นเป็นพิเศษ

   
“อาจารย์ก้องคะ เชิญทางนี้ค่ะ” ธุรการรุ่นใหญ่ยืนคุมเชิงอยู่หน้าห้องประชุม เธอสงสัยในท่าทีของอาจารย์หนุ่มที่หันซ้ายทีขวาทีมองหาบางอย่าง ในมือของเขากุมจดหมายซองสีขาว
   
“เชิญเข้าไปนั่งก่อนเลยค่ะ”เธอพูดย้ำ ก้องภพก้าวผ่านประตูไปโดยดี เขาปิดประตูแผ่วเบา แล้วนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอธิการบดีผู้เป็นนาย อากาศในห้องเย็นแห้งจนแสบผิว ครูพละหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกเพื่อผ่อนปรนความเครียด ต่างฝ่ายต่างเงียบงันจน ‘ฐานทัต’ อธิการบดีโรงเรียนเอกชนเป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นมาอย่างเสียมิได้

   
“มีอะไรจะพูดไหมครับ?”
   
“อาจารย์ได้ยินมาว่ายังไงบ้างล่ะครับ?” ชายหนุ่มถามกลับ
   
“ผมคุยกับเด็กแล้วนะคุณ ดูเหมือนคุณทั้งสองคนจะตอบคำถามไม่ตรงกันนะ”
   
“คุณสอบสวนเขาหรือครับ?”
   
“คุณ...เด็กยังอายุไม่ถึงสิบแปด คุณจะให้ผมทำยังไง”
   
ก้องภพไม่ตอบ จะให้เขาตอบว่าอย่างไร
   
“อาจารย์ก้อง แสดงว่าคุณเข้าใจใช่ไหม ว่าผมหมายความว่ายังไง?”
   
“ผมเข้าใจดี.....” อาจารย์พละส่งซองจดหมายนั้นให้เจ้านาย ฐานทัตพยักหน้ารับมันมา

ทั้งคู่สูญเสียความสามารถในการสบตากันชั่วคราว.....

   
“คุณนุจ ส่งณิชพนเข้ามาทีครับ” อธิการบดีกดปุ่มอินเตอร์คอมเรียก ก้องภพเกิดไหววูบในท้องกะทันหันเมื่อได้ยินชื่อนั้น เขามิอาจห้ามปรามตัวเองได้ “จำเป็นด้วยเหรอครับ! ผมยื่นจดหมายลาออกแล้วนะคุณ!” คำพูดนั้นลอยหายไปในอากาศ เมื่อประตูด้านหลังถูกผลักเข้ามา ชายหนุ่มรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าวิ่งไล่ขึ้นมาตามกระดูกสันหลัง เขาไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมอง

   
ณิชพนนั่งลงข้างเขาด้วยท่าทีหวาดหวั่น เด็กชายก้มหน้านิ่ง ก้องภพแทบจะทนภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าไม่ได้
   
“เธอทำให้ฉันแปลกใจนะณิชพน ปกติเธอเป็นเด็กเรียบร้อยนี่ แน่ใจใช่ไหมว่าเขาไม่ได้ขืนใจเธอ?”

“เธอไม่จำเป็นต้องตอบหรอกนะ...” ก้องภาพแทรกขึ้น เด็กชายที่กำลังสับสนสบตาสองคนสลับไปมา

“อาจารย์ก้อง!”

“พอเถอะครับอาจารย์ฐาน!” ก้องภพทนไม่ไหวอีกต่อไป

“คุณต้องเข้าใจผมนะ อาจารย์ก้อง ในเคสแบบนี้ถ้าเด็กไม่ได้สมัครใจ โรงเรียนจะเสื่อมเสียชื่อเสียงขนาดไหน?”

“คุณเลยบีบให้เขาพูดว่าเขาสมยอมอย่างนั้นใช่ไหม?”

“เคสนี้คุณเป็นคนทำผิดนะคุณก้อง! คุณจะมากล่าวหาผมกลับอย่างงั้นเหรอ! อยากโดนข้อหาพรากผู้เยาว์เหรอยังไง!” ฐานทัต
ยืดตัวขึ้น เสียงของเขาดังลั่น ก้องภพหันไปมองเด็กหนุ่มที่นั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตากับใคร
   
“ผมรับผิดชอบได้ทั้งนั้นแหละ!  คุณปล่อยเด็กไปสิ!”
   
ณิชพนนั่งกำพนักพิงเก้าอี้แน่น คิดไม่ออก ใจของเขาเต้นถี่รัวจนแทบระเบิดออกมา อยากจะหายไปจากโลกเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด....


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


tbc.
หัวข้อ: Re: <สอนรัก> Teacher please, teach me hard (บทนำ) (20.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-12-2016 07:35:44
ยังไงกันแน่ ตกลงว่าก้องภพขืนใจเด็กเหรอ
หัวข้อ: Re: <สอนรัก> Teacher please, teach me hard (บทนำ) (20.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-12-2016 10:41:42
ขืนใจแล้วบังคับให้เด็กบอกว่าสมยอมเหรอ?  :katai5:
หัวข้อ: Re: <สอนรัก> Teacher please, teach me hard (บทนำ) (20.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 20-12-2016 11:31:56
อะไรเกิดอะไรขึ้น ใครทำเด็กนักเรียน รออ่านต่อคับ
หัวข้อ: Re: <สอนรัก> Teacher please, teach me hard (บทนำ) (20.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 20-12-2016 15:47:16
1.

   
“มาร์ชสอนเลขกูหน่อยสิ” เจมส์ เพื่อนสนิทของเขาเอ่ยปากขอ มาร์ชเข้าใจดีว่าเพื่อนตัวแสบหมายความว่าอย่างไร
   
“มึงลอกไปเลยได้มะ สอนไปมึงก็ทำไม่ได้อ่ะ” มาร์ช หรือณิชพน เด็กชายวัยกระเตาะที่ประกอบด้วยโครงร่างสมส่วนกับแววตาไร้เดียงสาสมวัย หยิบชีทรายงานวิชาขึ้นส่งให้เพื่อนที่นั่งลงขาขึ้นพาดเก้าอี้ เจมส์รับมาโดยไม่ละตาจากโทรศัพท์มือถือ
   
“น้องปอยกดไลค์รูปมึงอีกและ เหี้ยแม่ง! หมั่นไส้ว่ะ!”
   
“ทำไมนะ เห้ย!” เจมส์หยิบเสื้อกันหนาวเขวี้ยงใส่หน้า มาร์ชที่ไม่ได้ตั้งตัวรับไปเต็มๆ จะมีอะไรมีความหมายต่อเด็กมัธยมปลายได้เท่าเรื่องรักๆใคร่ๆไปเสียได้
   
“รูปไหนวะ” มาร์ชขว้างเสื้อตัวเดิมกลับไป แล้วก้มมองโทรศัพท์ ปอย พิมประภา สาวสวยประจำใจรุ่นพี่ กดไลค์รูปเซลฟี่ตลกๆของเขากับเพื่อน พร้อมกับคอมเมนท์ที่น่าอิจฉาตาร้อน ‘น่ารักอ่ะพี่มาร์ช’
   
“กูหล่อกว่ามึงตั้งเยอะ... ทำไมวะ” เจมส์บ่นไปพลางช้อนตาขึ้นมาเจอเพื่อนสนิทนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับโทรศัพท์ ไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ หยิบเสื้อกันหนาวตัวเดิมขึ้นมาอีกรอบตั้งท่าจะขว้างมันไปที่เดิม
   
“พอๆ!” มาร์ชปัดมือของเจมส์ทิ้งไป “กูปวดหัว”
   
“เป็นอะไรวะปวดหัว?”
   
“ไม่รู้ว่ะ กูรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ ตั้งแต่กลับจากหัวหินและ” มาร์ชตอบไปพลางนวดขมับตัวเองไปพลาง “ตอนเที่ยงถ้ายังไม่หายเดี๋ยวกูค่อยไปขอพารา”
   
“มึงไปหัวหินไม่เห็นมีของฝากกูเลย...”
   
“หัวหินแม่งมีอะไรให้ฝากวะ หอยเหรอ?”
   
“ขึ้นอยู่กับว่าหอยใคร....”เจมส์ยิ้มร้าย
   
“เหี้ยไปและ กูขอผ่าน”
   
“ถามจริง มึงคุยกับน้องปอยหลังไมค์ใช่มะ?” มาร์ชดึงมือถือหลบเจมส์ที่เอื้อมมือมาคว้าไปไม่ทัน “กูเปล่า!” เด็กหนุ่มสองคนยื้อแย่งของกันเสียงดัง เจมส์ที่ตัวโตกว่าถัดตัวเองข้ามโต๊ะเรียนไป แล้วกดโทรศัพท์ของเพื่อนดู


   
“ร้ายจริงๆ.....” เจมส์เปิดข้อความที่เพื่อนสนิทพูดคุยหยอกล้อกับรุ่นน้องสาวสวย เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของคนฝั่งตรงข้าม
   
   
“กูคุยเล่นเฉยๆ มึงเอามา ไม่งั้นกูจะ..” มาร์ชพูดไปพลางหยิบแฟ้มงานของเพื่อนขึ้นมา
   
“ครับๆ กูไม่เสือกก็ได้!” เจมส์ส่งโทรศัพท์คืนทันที

   
“มึงสองคนเปลี่ยนชุดได้และ วันนี้ชั่วโมงพละมีทดสอบสมรรถภาพ” เสียงเพื่อนที่ชื่อ โต้ง แทรกขึ้น มาร์ชโต้ตอบเขาด้วยการยกฝ่ามือขึ้นก่ายหน้าผาก
   
“เหี้ย....กูลืมเอาชุดพละมา!”
   
“อ่าว....ชิบหายแล้ว” เจมส์เสริม ไม่ได้ช่วยให้อะไรๆดีขึ้นแม้แต่น้อย

   
กลุ่มเด็กๆในชุดออกกำลังกายประจำสถาบันยืนออกันอยู่หน้าโรงยิม เป็นเวลาสักพักก่อนที่อาจารย์หนุ่มใหญ่จะเปิดประตูบานเลื่อนให้พวกเขาเข้าไป ก้องภพสั่งให้เด็กๆนั่งลง ก่อนจะทำการเช็คชื่อเรียงหัว กลุ่มเด็กสาวกระซิบกระซาบกันยกมือถือขึ้นถ่ายรูป ก้องภพเคยชินกับภาพเหล่านั้น เขาอ่านรายชื่อจนครบ แล้วพบว่ามีเด็กหายไปหนึ่งคน
   
“ณิชพน...ณิชพนไม่มาใช่ไหม?”
   
“ครั...” เจมส์กำลังอ้าปากตอบ
   
“มันลืมชุดครับอาจารย์!” เสียงของ ‘ต้น’ แทรกขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะร่วนกับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย เจมส์หันไปชูนิ้วกลางใส่ ต้นทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจ จนเด็กชายแยกเขี้ยวใส่ “ไอ้เหี้ย! นี่อาจารย์ก้อง! มึงไม่รู้จักเหรอ” เพื่อนต้นอ้าปากค้างกับชื่อนั้น ก้องภพ หรือาจารย์ก้อง ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดชนิดที่ว่าสายไม่ได้เป็นนาที
   
“ลืมชุดแล้วไม่ยอมลงมางั้นเหรอ?” ก้องภพพูด หัวเราะแล้วส่ายหน้าเล็กๆให้กับความคิดเด็กๆ “วันนี้มีทดสอบสมรรถภาพ ผมแจ้งผ่านครูประจำชั้นไปแล้วนะ ถ้าเขาเปลี่ยนใจล่ะก็ให้มาได้ไม่เกินหกโมง เกินจากวันนี้ไปไม่มีคะแนนสอบ ผมไม่รู้ด้วยนะ”

   
ต้นเม้มปากเงียบ สบตากับเพื่อนๆเลิกลั่ก ก่อนจะโดนจีน่า สาวไซส์ใหญ่เอื้อมมือมาตบกระโหลกแรงๆดังป๊าบ

   
“เล่นเหี้ยอะไรไม่รู้เรื่อง!”

   
................

   
...............

   
................


...............

   
“เล่นเหี้ยอะไรไม่รู้เรื่อง!!” มาร์ชเหวใส่เพื่อนที่ขึ้นมาชั้นบนกันหมด เขาปฐิเสธชุดพละเหม็นเหงื่อจากเจมส์ที่บ่นไอ้ต้นอุบอิบ
   
“มึงลงไปเลยดีกว่า แป๊ปเดียวก็เสร็จ ตอนเลิกเรียนโรงยิมคนเยอะนะมึง” เจมส์เสนอ
   
“เออ...กูไปก็ได้” มาร์ชหงุดหงิดเดินออกไปจากห้อง ไม่อยากจะคิดเลยว่าอาจารย์ก้องจะด่าว่าอะไร เขาเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเรื่องความเข้มงวด รวมไปถึงเสียงกรี๊ดกร๊าดจากเด็กผู้หญิง เด็กชายคิดไปพลางสาวเท้าเร็วๆไปยังโรงยิมอันเงียบงัน มีไฟเปิดสว่างแค่บริเวณหน้าห้องเก็บของดูคล้ายหนังสยองขวัญ บริเวณในห้องพักครูมีแสงไฟเล็กๆให้เห็นอยู่ดวงหนึ่ง มาร์ชเดินไปเคาะประตู แต่ไร้เสียงตอบรับจากคนข้างใน เขาตัดสินใจดันประตูเข้าไป ในห้องพักครูไม่มีใคร มาร์ชเดินไปหาโต๊ะที่มีป้ายชื่อติดอยู่เล็กๆ

   
‘อาจารย์ ก้องภพ’

   
เด็กชายเหลือบไปเห็นใบรายชื่อที่ ‘นาย ณิชพน’ ถูกขีดเส้นใต้ไว้ด้วยสีแดง พร้อมกับใบคะแนนของเพื่อนๆ เขาหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความอยากรู้ ชื่อแรกที่เขากวาดตามองคือ ‘วีระวัฒน์’ ไอ้เจมส์ผ่านประเมินแบบเฉียดฉิว ทั้งๆที่ร่างกายของมันเป็นระดับนักกีฬา เขาหัวเราะให้กับตัวเองที่คงจะไม่รอด

   
“ณิชพนใช่ไหม?”
   
   
เด็กชายสะดุ้ง!

   
“ครับ!”

   
อาจารย์ก้องภพยืนอยู่ห่างๆ ในมุมมืด เขามีรูปร่างสูงใหญ่ขึ้นมาถนัดตาเมื่อเทียบกับเด็กนักเรียน มาร์ชหาข้อแก้ตัวไม่ทันเพราะใบคะแนนเจ้ากรรมในมือดันร่วงหล่นแปะลงกับพื้น ต่อหน้าต่อตา ก้องภพ ณิชพน สบตากันไม่ไหวติง

   
“ผม...”

   
“ไม่มีชุดพละเหรอ?”

   
“เอ่อ...ครับ”

   
“งั้นไปวิ่งทั้งชุดนักเรียนนี่แหละ” เขาสั่งเสียงเข้ม เด็กชายก้มหน้าก้มตาไม่มีอะไรจะเถียง ถึงแม้จะยังรู้สึกปวดหัวอยู่รุ่มๆ
   
“ผมจะเป็นคนจับเวลาให้  วิ่งรอบโรงยิมสามรอบ เสร็จแล้วมาวิดพื้น กระโดดตบ แล้ววิ่งระยะสั้นห้าสิบเมตร จากเส้นสีขาวตรงนี้ถึงตรงนั้น เข้าใจใช่ไหม?”

   
มาร์ชพยักหน้าตามทั้งๆที่จำไม่ได้ เด็กชายสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วออกไปทำตามคำสั่ง โดยที่มีก้องภพยืนกำกับอยู่ริมขอบสนาม เด็กชายเล่นกีฬากับเพื่อนๆบ้างเป็นครั้งคราว แต่ดูเหมือนคราวนี้ร่างกายของเขายังไม่พร้อมสำหรับการถูกใช้งานหนัก เส้นรอบวงโรงยิมดูจะกว้างขึ้นผิดหูผิดตา เมื่อเริ่มเข้าสู่รอบที่สามของการวิ่งทำเวลา เขารู้สึกเหมือนขาตัวเองหนักอึ้งอย่างน่าประหลาด เมื่อวิ่งเข้าแตะเส้นสีขาว ณิชพนนั่งลงพักหอบหายใจ

   
ก้องภพเขียนกากบาทสีแดงลงในช่อง

   
การวิดพื้นเหมือนจะเรียกให้เส้นเลือดในสมองพากันเต้นตุบๆหนักขึ้นไปอีก ตาของเขาพร่ามัว จากการหอบหายใจโกยเอาอากาศเข้าไปแทบไม่ทัน ความปวดเมื่อยตามร่างกายไม่เท่าปวดขมับลามไปถึงกระบอกตา เด็กชายทิ้งตัวลงนอนหงายทันทีที่ครบตามจำนวน

   
อาจารย์หนุ่มเขียนเครื่องหมายถูกลงในช่องว่าง เขามองภาพตรงหน้าปนตลก ดูจากสภาพเด็กนี่วันๆคงนั่งอยู่แต่หน้าจอโทรศัพท์ ไม่ก็เอาแต่กินกับนอน
   
   
“อาจารย์....ครับ...ผมพักก่อนได้ไหม” มาร์ชร้องขอในขณะที่นอนหอบหายใจ “ผม...ปวดหัว”

   
“เวลายังเดินอยู่นะครับ” ก้องภพไม่สนใจ เขาคิดว่ามันเป็นลูกไม้ตื้นๆ

   
“โอยยย” เด็กชายส่งเสียงประท้วง แต่ก็งัดตัวเองขึ้นมาจนได้ และเป็นมันการกระโดดตบที่แสนยากเย็นที่สุดก็แคยทำมา ทุกครั้งที่ร่างกายตกกระทบพื้น มันรู้สึกเหมือนกับเอาตัวกระโดดใส่กำแพงหิน แล้วเด้งกลับขึ้นไปกลางอากาศ อาจารย์หนุ่มสังเกตุอาการและสีหน้าที่เริ่มจะส่อแววมิดีมิร้ายนั้นอยู่

   
“อาจารย์ครับ...ผมไม่ไหวแล้ว...” มาร์ชทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นเมื่อครบจำนวน ในหูของเขามีเสียงดังวิ้งๆ แถมยังปวดเจ็บๆไปทั้งตัวเหมือนอาการพิษไข้ เงาดำเริ่มคลืบคลานเข้ามาในวิสัยทัศน์ เหงื่อออกมือ ริมฝีปากของเขาเย็นลง

   
“แน่ใจนะว่า...” ก้องภพเดินเข้ามาไกล้ นั่งลงข้างเด็กชายที่นั่งปากซีด

   
มาร์ชเงยหน้าขึ้นมอง อาจารย์ก้องดูดีอย่างที่เขาว่ากันจริงๆเสียด้วย... ถึงเขาจะพร่ามัวอยู่ในจอภาพที่ไกล้จะดับเต็มทนก็ตาม ฝ่ามือหนาใหญ่ของเขาประคองหลังคนที่สภาพย่ำแย่เอาไว้ ความอบอุ่นแผ่ขยายออกมาจากมัน เด็กชายจมลึกลงไปในดวงตาคมสนิทราวกับต้องมนต์สะกด

   
“เธอ...ไหวไหมเนี่ย” อาจารย์ก้องเขย่าร่างนั้นให้ได้สติ 
   
   
“คะ...ครับ....ไหว...เอ้ย....ไม่ไหวครับ...ไม่ไหว”

   
“ไปห้องพยาบาลไป เดี๋ยวรอสอบใหม่พร้อมเพื่อนผู้หญิงแล้วกัน” อาจารย์หนุ่มพูดติดตลก รอยยิ้มของเขาอบอุ่นไม่แพ้ส่วนใดในร่างกายเลย


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


tbc.
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 1) (20.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 20-12-2016 19:17:01
น่าอ่านนน ชอบอ่า แนวอาจารย์พละ อู้ยย แซ่บบ ติดตามต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 1) (20.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 20-12-2016 19:43:45
น่าติดตามมากกกกกกก  :hao7: :hao7: :hao7:
มาม่ารึเปล่าเนี่ย
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 1) (20.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-12-2016 20:19:43
 :impress2:   เอ็นดูเด็กน้อย
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 1) (20.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-12-2016 23:22:16
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 1) (20.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 21-12-2016 15:28:43
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

   
มาร์ช หรือนาย ณิชพน นอนปัดโทรศัพท์มือถือเล่นอยู่บนเตียงพยาบาลหลังจากอัดพาราเซตามอลไปสองเม็ด เขารู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่อยากบอกใครว่านอนหมดสภาพเนื่องจากการทดสอบสมรรถภาพ น่าอายชะมัด
“นักเรียนคะ ห้ามเล่นมือถือนะคะ” คุณครูพยาบาลพูดจบก็ดึงเอาโทรศัพท์ออกไปจากมือ เด็กชายทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนเฉยๆ มองดูเข็มนาฬิกาเลื่อนไปพลาง รอจนกว่าอาการวิงเวียนและปวดล้าจะดีขึ้น ถึงแม้ร่างกายจะเริ่มร้อนรุมๆเป็นสัญญาณชัดเจนว่าให้พักผ่อน


‘เดี๋ยวรอสอบใหม่พร้อมเพื่อนผู้หญิงแล้วกัน’


นึกแล้วก็อายตัวเอง.... อายอาจารย์.... ยังดีนะที่ไม่มีคนอื่นเห็น ยิ่งนึกยิ่งน่าอาย โชว์กาก โชว์ห่วย รอยยิ้มติดตลกนั่นมันคือยิ้มเยาะเย้ยกันชัดๆ นึกแล้วหงุดหงิดตัวเอง เด็กหนุ่มพลิกตัวเองลงบนเตียงดึงผ้าห่มบางๆขึ้นคลุมโปง เขาพลิกตัวไปมาข่มตาหลับทั้งๆที่ปวดหัวและอ่อนเพลีย


................

   
...............

   
................

   
...............

 
“กากชิบหาย” เจมส์เขย่าตัวเพื่อนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงพยาบาล เขาเข้ามาในนี้เพราะมาร์ชหายหัวไปตลอดคาบบ่ายแถมยังไม่ยอมรับโทรศัพท์


“อาจารย์....” เสียงเล็ดลอดพึมพำออกมาจากปาก

“ห๊ะ!” เจมส์ก้มลงไปฟัง

“อะไร!” มาร์ชตื่นขึ้นมาสะดุ้งที่ใบหน้าพวกเขาไกล้กันซะขนาดนั้น

“มึงเรียกอาจารย์อะไรนะ?” เขาถาม

“อะไร อาจารย์ไหน?” มาร์ชหันมองซ้ายทีขวาที
   
“ไม่ๆ มึงนั่นแหละ มึงเรียกอาจารย์ มึงละเมอเหรอ?”
   
“อะไร กูเหรอ? กูเปล่านะ? กูละเมอเหรอ?”
   
“เออ...มึงละเมอเหรอ?”
   
“เหรอ....กูละเมอเหรอ?”
   
   
“ทั้งคู่นั้นแหละค่ะ ถ้าหายดีแล้วก็กรุณาออกไปละเมอข้างนอกนะคะ” อาจารย์พยาบาลเปิดม่านฉับเข้ามา จิกทั้งคู่ด้วยแว่นทรงรี เด็กชายทั้งสองคนลุกลี้ลุกลนออกไปด้านนอก

   
“กากชิบหาย!” โต้ง เวย์ นัท รุมประณามหยามเหยียดเพื่อนมาร์ชที่เดินปากซีดออกมาจากห้องพยาบาล “มึงเป็นลมได้ไงวะ
โคตรห่วย!” เวย์ เพื่อนตัวโตที่สุดในกลุ่มตบไหล่หยอกแรงๆ
   
“เดี๋ยวมันตายห่า พอๆ” โต้งช่วยเพื่อน
   
“เพราะมึงนั่นแหละไอ้เหี้ยโต้ง!” มาร์ชบ่น
   
“มึงโดนอะไรบ้างวะ” เวย์ถาม “เขาด่ามึงปะ”
   
“ก็โดนบ่นนิดหน่อย” เด็กชายตอบ
   
“ยังดีนะมึง พวกห้องเจ็ดที่ไปสายโดนสั่งวิ่งรอบสนามใหญ่ทั้งห้องเลย พวกไอ้แพรเกือบตาย” โต้งพูดถึงแฟนตัวเอง
   
“ไปเหอะ กูอยากกลับบ้านไปนอน”
   
มาร์ชคว้ากระเป๋าตัวเองจากมือเจมส์แล้วเดินนำเพื่อนไป

__________________________


   
ก้องภพรู้สึกผิดเล็กๆ เหมือนไปรังแกเด็ก เขากำลังสรุปคะแนนแล้วปัดชื่อ ณิชพน ไปอยู่รวมกับกลุ่มที่สอบตก เขาค่อนข้างเชื่อว่าเด็กนั่นน่าจะป่วยมาหลังจากกลับมาจากปิดเทอมใหญ่ ดูจากพฤติกรรมและสีหน้าท่าทางก็ไม่ใช่คนเกเร แต่แววตาดูเป็นเด็กดื้อเงียบ แต่กระโดดตบตลกๆของเขา รวมไปถึงท่าวิ่งป้อแป้ไร้เรี่ยวแรง ยังติดตาจนคิดอีกรอบก็อดอมยิ้มไม่ได้ แต่กติกาว่าอย่างนั้นก็คงต้องว่ากันตามไป วันสอบซ่อมคงจะเป็นภาพที่น่าขันใช่เล่น

   
“ก้องคะ...” เสียงหวานเรียกคุ้นหู
   
“อ้าวที่รัก ผมบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวผมไปรับเอง” ก้องภพตอบภรรยาที่เข้ามารับเขาถึงที่
   
“ไม่เป็นไร ใหม่เรียกแท๊กซี่มาสบายๆค่ะ” เธอนั่งลงพร้อมกับอาหารเย็นในถุงกับข้าว
   
“คุณซื้ออะไรมาน่ะ โอ้โห...จับฉ่ายร้านหน้าโรงเรียนยังไม่หมดเหรอ” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ก่อนจะเริ่มลงมือเก็บข้าวของกลับบ้าน
   
“คุณทำงานให้เสร็จก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวฉันนั่งรอข้างนอก”
   
“ไม่เอา... ผมอยากทานข้าวกับคุณมากกว่า คิดถึงยัยหนูด้วย”
   
“หลับปุ๋ยอยู่บ้านแน่ะ กว่าจะกล่อมให้เขาหลับได้แทบแย่ พลังงานเยอะเหมือนพ่อเดี๊ยๆ”
   
“สวยเหมือนคุณต่างหาก”
   
“เขาดูจะขี้โมโหอยู่นะ อาจจะได้นิสัยคุณมาก็ได้”
   
“ผมไม่ขี้โมโหซักหน่อย” เขาอ้อน
   
“ฉันเท่านั้นแหละที่รู้” เธอยิ้มหยอกเย้า เขาอดไม้ได้ที่จะเอื้อมมือไปหยิกแก้มใสนั่น

   
สองสามีภรรยาเดินเคียงคู่กัน พวกเขามีความสุขกับสิ่งที่เป็น ก้องภพมีหน้าที่การงานมั่นคงแถมยังมีธุรกิจเล็กๆของครอบครัวที่ไปได้สวย ภรรยาของเขาเพิ่งจะคลอดลูกที่สุขภาพแข็งแรงเป็นกำลังใจให้แก่ชีวิตคู่ขวัญ เธอเป็นผู้หญิงทำงานเก่งและมีความมั่นใจ มาจากครอบครัวเก่าแก่ที่มีเกียรติ เช่นเดียวกับสามีที่เป็นผู้นำ ซื่อสัตย์และไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง

__________________________
   

   
“มาร์ช ลูกได้ลงคอร์สเรียนพิเศษหรือยัง” นายแพทย์ชนินท์ หรือพ่อเลี้ยง หรือสามีคนที่สองของนาง ปาลิดา ผู้เป็นมารดาแท้ๆของนายณิชพน ทักขึ้นหลังจากขับรถมารับลูกชายตามกฎหมายของเขา
   
“ยังครับ....”
   
“รีบเข้านะ ตอนมอห้าพี่กวินเขาก็สอบตรงได้คะแนนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยรัฐแล้ว ต้องตั้งเป้าหมายนะรู้ไหม” เขาอบรมให้กับท่าทีเฉื่อยชาที่เห็นเป็นประจำ กวินคือลูกชายแท้ๆของเขา ปัจจุบันกำลังศึกษาต่ออยู่ต่างประเทศด้วยทุนราคาแพงลิบลิ่ว ตามแบบบฉบับของลูกชายคนโตที่เป็ยความภาคภูมิใจของบ้าน
   
“ครับ...” ณิชพนผู้เป็นน้องได้แต่พยักหน้ารับไป
   
“ปีก่อนคะแนนเคมีไม่ค่อยดีนะ”
   
“ครับ....”
   
“วันนี้แม่เขามีแขกมาบ้าน อย่าลืมไปทักทายน้าๆเขาด้วยล่ะ”
   
“ครับ”
   
“มาร์ช! เวลาพ่อคุยด้วยห้ามกดโทรศัพท์” ชนินท์ดุ เด็กชายเก็บมือถือลงกระเป๋าแต่โดยดี เขาตอบคำถามพ่อไปพลางพิมพ์คุยกับน้องปอยที่ส่งรูปเพื่อนๆมาทักทาย มาร์ชยอมรับว่าปอยทำให้เขารู้สึกดีและอยากอยู่ไกล้ๆ เข้าใจดีว่าทำไมใครๆก็ชอบเธอ

   
................


   
...............

   

“นี่น้องคนเล็กใช่ไหมคะ แหมไม่ได้เจอนาน โตขึ้นมาหล่อเชียวนะหนุ่มน้อย” กลุ่มเพื่อนแม่ของเขาที่นั่งเรียงกันบนโซฟา พวกเธอแต่งหน้าทำผมกับเต็มที่เกินกว่าที่จะมาบ้านเพื่อนสนิท เพราะพวกเธอคือเพื่อนกันทางธุรกิจ แวดวงสังคมที่แลกเปลี่ยนเรื่องราวกันเพื่อผลประโยชน์อันใดอันหนึ่ง เด็กชายโตมากับมันตั้งแต่จำความได้
   
“สวัสดีครับน้าปู น้าสุ น้าแหม่ม” มาร์ชยกมือไหว้
   
“เป็นยังไงบ้างน่ะเรา สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้รึยัง? ท่าทางคุณพ่อจะให้เดินตามรอยพี่ชายนะเนี่ย”
   
“ฮ่าๆ คงจะเป็นอย่างนั้นแหละครับ” ชนินท์ตอบ เด็กชายได้แต่ยืนยิ้มแก้ขัดไปพลางๆ
   
“เดี๋ยวหนุ่มๆจะหนีแม่ไปเรียนเมืองนอกหมดแล้วมั้ง” ปาลิดาเดินเข้ามาวางมือลงบนไหล่ลูก
   
“เจ้าตั้มก็เพิ่งจะได้ทุนเรียนแพทย์ เขาอยากเป็นแพทย์ชนบทน่ะ” น้าสุเปิดประเด็น มาร์ชอยากจะแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินหนีไปเสียแต่คงเป็นไปไม่ได้
   
“เจ้าพิมพ์ก็เพิ่งจะรับปริญญา เกีรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองด้วยนะ  ไม่รู้เอาเวลาที่ไหนไปเรียน วันๆไม่เห็นจะทำอะไร แต่คุณครูแกบอกว่าเขาเป็นเด็กหัวดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ” แหม่มเติมเข้าไปอีก เด็กชายคิดไปเล่นๆว่าจะเป็นอย่างไรถ้าเขาบอกไปว่านอกจากคะแนนเคมีจะไม่ค่อยดีแล้ว วันนี้ตัวเองเป็นลมตอนกระโดดตบในวิชาพละอีกด้วย
   
“ตอนนี้เขายังตัดสินใจไม่ได้น่ะครับว่าจะเรียนอะไร ใช่ไหมมาร์ช? แต่เห็นเคยบอกพ่อว่าอยากเป็นสถาปนิกน่ะครับ”
   
ถ้าหากการแค่ชี้มือถามพ่อว่าไอ้ตึกโค้งๆนี่เขาออกแบบมาจากอะไร มันคือความปรารถณาอยากจะเป็นสถาปนิกสำหรับบ้านหลังนี้แล้วล่ะก็ “ครับ” ก็คงคำตอบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสถาณะการณ์นี้
   
กว่าจะหลุดพ้นจากวงวารแห่งการเบ่งทับกันด้วยวาทะกรรมของเหล่าผู้ปกครองทั้งหลายมาได้ มาร์ชเองรู้สึกเหมือนจะเป็นลมอีกรอบ เขาเหวี่ยงกระเป๋าทิ้งลงกับพื้น เหวี่ยงตัวเองทิ้งลงบนเตียง แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสานต่อบทสนทนาที่ถูกตัดไป

   
Poy : พี่มาชร้านปังปิ้งหน้ารร.เปิดใหม่ อร่อยมาก ลองไปกินดู
   
March : ได้ๆ อันไหนอร่อยอ่ะ
   
Poy : หน้าไมโล ปอยสั่งสองแผ่นเลย ลืมไปเลยว่าลดน้ำหนักอยู่ 555555
   
March : นี่ยังไม่ผอมอีกเหรอ
   
Poy : เหอะ... ชุดมันหลอกตา
   
.......
   
.......
   
.......


Poy : นี่ๆ พี่โจบอกว่าพี่สอนเลขเก่ง

March : ก็พอได้นะ

Poy : พี่ติวให้ปอยกับเพื่อนๆไปไหมอ่า อาทิตย์หน้าก็ได้ พวกปอยจะไปสอบวิชาความถนัดกัน

March : วันไหนอ่ะคับ

Poy : วันที่พี่สะดวกเลย เดี๋ยวปอยไปหาแถวใต้ตึก

March : น่าจะได้นะ แต่อาจจะมีเพื่อนพี่มาด้วยนะ 555

Poy : พี่เจมป่าวอ่ะ?

March : ช่ายคับ

Poy : เพื่อนปอยแอบชอบพี่เจมด้วยแหละ แต่ปอยไม่บอกนะว่าคนไหน

March : 55555 สนุกเลย

Poy : 55555 สนุกแน่ๆ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


จบตอนที่ 1


ขอบคุณมากนะค้าที่ติดตาม ไรท์จะพยายามอัพให้บ่อยที่สุดน้า เลิฟๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 2) (21.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-12-2016 15:40:38
คุณครูก็มีครอบครัวล่ะนี่  :ruready
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 2) (21.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-12-2016 17:52:42
อ่ะ มีครอบครัวแล้ว แถมมีลูกอีก   :ling3: :ling3: :ling3:
เครียดเลยเรา
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 2) (21.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-12-2016 18:25:59
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อนะ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 2) (21.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: อีแก้วปิ้งไก่ ที่ 21-12-2016 22:51:05
เข้ามารอมาม่า  :ling1:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 2) (21.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 22-12-2016 14:53:31
2.


มาร์ชไม่จำเป็นต้องไปลงเรียนพิเศษให้มันมากเรื่องในเมื่อคุณชนินท์มักจะพูดไปอย่างนั้นแล้วเดี๋ยวก็ลืม แล้วไอ้คะแนนไม่ค่อยดีของเขา มันมักจะหมายถึงเกรด 3.5 จาก 4 หมายถึงอะไรที่แบบ 79 / 100 ชนินท์ไม่เคยพอใจอะไรสักอย่างอยู่แล้วที่มาจากลูกชายคนเล็ก
   
“ปังไมโลด้วยครับ” เจมส์สั่งขนม “มึงหายป่วยแล้วต้องแดกฉลอง” เพื่อนสนิทระดมสั่งขนมหลังจากที่เด็กชายหายจากโรงเรียนไปนอนป่วยอยู่บ้านเป็นวันๆ พวกเขานั่งรอเด็กรุ่นน้องที่จะแห่กันมาติวสอบ อีกไม่ถึงชัวโมงปอยน่าจะตามมาพร้อมกับเพื่อนๆ
   
“โอริโอ้ปั่นครับ”
   
“มาร์ช กูถามจริง...”
   
“อะไร?” เขาหันไปมองเจมส์ที่นานๆทีจะทำสีหน้าจริงจัง
   
“มึงจีบน้องปอยหรือเปล่า?”
   
“กูอ่ะนะ? เปล่า…” มาร์ชตอบไม่เต็มเสียง ที่คุยกันทุกวันนี้เขาเรียกจีบกันหรือเปล่าก็ยังไม่มั่นใจ
   
“เอาดีๆ กูไม่อยากทะเลาะกับเพื่อน ถ้ามึงจะจีบน้อง กูจะให้มึงก่อน ถ้ามึงแห้ว ค่อยเป็นตากู”
   
“อย่างงี้ก็ได้เหรอวะ?”
   
“...ตกลงมึงจะจีบไหม”
   
“ไม่รู้ว่ะ....”
   
“มึง! คุยกันขนาดนี้ มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ มึงอ่ะชอบเค้า มึงทำตัวให้มันชัดเจนดิวะ!”
   
“กูแค่ชอบคุยกับเค้า ไม่รู้ว่ะ! เออมั้ง ลองดูก็ได้วะ...”


บทสนทนาปัญหาชีวิตรักเด็กม.ปลายที่แสนสับสนนี้จบลง เมื่อขนมถูกวาลงบนโต๊ะเล็กๆ เด็กๆเลิกสนใจปัญหาชีวิตแล้วหันไปรุมทึ้งขนมน่ากินในจานแทน
   
   
ถ้าการจีบสาวคือการคุยกับสาวๆจนมีสาวตามติดเป็นพรวนล่ะก็ มาร์ชก็คงจะดูเป็นหนุ่มเจ้าชู้เลยทีเดียว....

   
เจมส์เคยบอกว่าบุคลิกเรียบง่ายและออกจะขี้อายเล็กๆของเขาดูน่าหมั่นไส้ที่สุด เมื่อยิ่งเขาไม่ต้องพยายามเพื่อที่จะได้รับความสนใจจากผู้หญิง พี่มาร์ชน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ ท่าทางไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวของเขาที่เพื่อนๆชอบแกล้งกลับกลายเป็นจุดดึงดูดต่อเพศตรงข้ามเสียอย่างนั้น
   
   
“พี่มาร์ช พี่เจมส์ หวัดดีค่ะ” ปอยเดินมาแค่คนเดียว “เพื่อนปอยซีรอกชีทอยู่ใต้ตึก เดี๋ยวปอยซื้อปังเย็นเข้าไปกินด้วย“
   
“อ่า...ครับ” เจมส์เคอะเขินอย่างเห็นได้ชัด
   
“เดี๋ยวพี่กินเสร็จค่อยไปนะ” มาร์ชบอกปอยที่ก้มหน้าอ่านเมนู ขณะที่ไอ้เพื่อนตัวแสบส่งข้อความเข้ามาในไลน์พร้อมกับขยิบตาให้

   
James : มึงเลี้ยงน้องเขาดิ
   
   
เด็กหนุ่มเงยหน้ากลับขึ้นมอง เจมส์มองเขาด้วยสายตาในแบบ ‘มึงเชื่อกู’ มาร์ชมีเวลาคิดไม่มากเมื่อปอยกำลังลุกขึ้นไปสั่งขนม

   
“ปอย!” เสียงของเขาเกือบจะดังผิดปกติ
   
“คะพี่?” เด็กสาวหยุดมอง เด็กหนุ่มสองคนมองกันเลิกลั่ก
   
“....เดี๋ยวพี่จ่ายให้” มาร์ชพูดออกไปในที่สุด
   
“จริงป่าว!”
   
“อื้อ”
   
“ขอบคุณค่า” น้องปอยก้มกว้างยกมือไหว้ติดตลก เรียกรอยยิ้มของพี่ๆทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย

   
เจมส์กำลังมีความสุขเพราะมาร์ชนั่งขีดเขียนไปบนกระดาษขณะที่ทั้งสองคนถูกรุมล้อมด้วยท่ามกลางหมู่รุ่นน้องสาวสวย ซึ่งไม่ค่อยจะมาด้วยสาเหตุทางวิชาการซักเท่าไหร่ กิจกรรมการติวหนังสือเกินกว่าครึ่งประกอบด้วยการถ่ายรูปเล่น และโพสภาพหมู่ อ่านคอมเม้นท์บ้าๆบอๆของกลุ่มเพื่อนที่แซวเล่นกันซะไม่มีชิ้นดี
   
“น้องปอยน่ารัก ตามด้วยอิโมติค่อนรูปหัวใจ” เพื่อนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคอมเม้นท์ “พี่วุฒิชมมึงตลอดเนอะ นี่ขนาดเลิกกันแล้วนะ สังสัยเค้าจะลืมมึงไม่ลง” วุฒิชัยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำชื่อดังของโรงเรียน ถึงจะขึ้นชื่อในเรื่องความเจ้าชู้ แฟนเก่าของน้องปอย
   
“พี่วุฒิก็ชมทุกคนอ่ะ....” ปอยตอบพลางสะบัดผมยาวสลวย
   
“เค้าหล่อเนอะ...มึงทิ้งเค้าทำไมวะ ไว้เขาจีบกูบ้างนะกูจะไม่ยอมให้ออกจากบ้านเลย” เอมพูด
   
“เพ้อเจ้อ เสียเวลาฟัง...” เพื่อนๆอีกสองสามคนแซะ

   
“ใจเย็นนะครับน้องๆ” มาร์ชห้ามมวย

   
“พี่มาร์ชหล่อกว่าอีก” ปอยบอก เพื่อนฮือฮาหันมาแซวรุ่นพี่ที่นั่งเขินอยู่โดยที่มีพี่เจมส์ศอกใส่ซี่โครงสักทีด้วยความหมั่นไส้และเรียกสติ
   
“อูยยยย” มาร์ชลูบซี่โครงตัวเองไปพร้อมกับยิ้มเนียนๆไปกับกลุ่มเด็กๆ

“นี่ๆ พวกอีพลอยเพิ่งไปสอบซ่อมวิชาอาจารย์ก้องมา มึงดูสภาพมัน” เอมเปิดภาพเด็กผู้หญิงกลุ่มใหญ่ๆวิ่งโร่กันอยู่ที่โรงยิม พร้อมแฮชแทคประเภท #ฆ่ากูเถอะ #สงสารหนูด้วย เด็กชายทั้งสองคนหัวเราะลั่นกับอัลบั๊มภาพนั้น ซักพักใหญ่


หลังจากนั้นเขาสบตากัน...

“กูต้องไปสอบซ่อมใช่มะ....” มาร์ชถาม

“เออ...” เจมส์บอก

“กูไม่เห็นรู้เลยว่าเป็นวันนี้...”

“…….กูรู้........”

“อะไรนะเจมส์......”

“อาจารย์แกฝากบอกมาทางไอ้ต้าร์ มันบอกกูเมื่อวาน......กู.......กูลืมบอกมึง....” เจมส์เสียงเล็กลงเรื่อยๆตามความยาวของ
ประโยค

   
“มึงไม่ได้ล้อกูเล่นใช่ไหม...”

   
เจมส์อยากจะร้องไห้ หรือไม่ก็นอนลงไปให้เพื่อนสนิทกระทืบ ไอ้มาร์ชทำสีหน้าเหมือนกำลังดูหนังสยองขวัญ หรือไม่ก็คงอยากจะเป็นฆาตกรเสียเอง...
   

................

   
...............

   
................

   
...............


   
มาร์ชวิ่งเร็วเสียจนเขานึกอยากให้อาจารย์ก้องมาจับเวลาเขาเสียตอนนี้ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เขาหยุดหอบหายใจอยู่หน้าโรงยิมที่ดูเหมือนทุกคนจะกลับกันไปหมดแล้ว
   
“โฮ๊ยยยยย....” เด็กชายอยากจะแหกปากออกมาด้วยความโมโห แต่ไม่มีแรง มันออกมาเหมือนเสียงคนจะขาดใจตายซะมากกว่า เขาดื่มน้ำจากขวดที่ถือมาจนหมด แล้วเขวี้ยงมันลงพื้น ก่อนจะตามไปเตะซ้ำ

   
“ขี้หงุดหงิดนะเรา” เสียงดังขึ้นจากข้างหลัง มาร์ชหันควับไปมอง

   
“อาจารย์ครับ! ผมยังสอบซ่อมทันไหมครับ” เขารู้สึกดีใจด้วยหลายร้อยเหตุผลที่เจออาจารย์ก้อง

   
“ปัญหาเยอะนะเราเนี่ย” อาจารย์หนุ่มก้มดูใบคะแนนในมือ และชื่อเดียวที่ขาดสอบไปก็คือ ‘นายณิชพน’ คนเดิม ก้องภพคิดว่าเด็กคนนี้กำลังจะกลายเป็นตัวปัญหาให้เขา ถ้าไม่ลงมือจัดการด้วยอะไรสักอย่าง

   
“ถ้าเธอตกรอบสอบซ่อมด้วยนี่ท่าจะแย่นะ มีปัญหาวินัยเรื่อยเลย....”
   
“ผมป่วยเพราะอาจารย์เลยนะ!” มาร์ชหลุดปากแก้ตัวไปด้วยความโมโห
   
“เธอว่ายังไงนะ?” ก้องภพสวนกลับเสียงเข้ม จนเด็กชายเริ่มไม่มั่นใจ
   
“ก็คราวก่อนพอผมมาสอบ ผมก็เลย....ป่วย....มั้ง”
   
“ป่วย.....มั้ง” ชายหนุ่มต้อนเด็กนักเรียน
   
“ไม่ป่วยมั้ง...ผมป่วยจริงๆนะ!” เขาเสียงดังแก้ตัว
   
“ฉันรู้...คราวก่อนฉันก็อยู่กับเธอ”
   
“อือ....นั่นแหละ”
   
“แล้ว.....” อาจารย์ก้องถามต่อ มองดูเด็กหนุ่มลุกลี้ลุกลน

   
ที่จริงแล้วก้องภพเข้าใจเหตุผลนั้นดี เขาเองก็มีส่วนรับผิดชอบที่ไม่สังเกตุอาการเด็กให้ดี แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เด็กจะใช้มาเป็นข้ออ้างในการทำตัวไม่เคารพกติกา เขาเริ่มไม่ชอบใจวิธีการของไอ้เด็กคนนี้ อาจารย์หนุ่มพิจารณาเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ยืนสบตาสู้ หรือจะเรียกว่าสั่นสู้ดี

   
“ผม....”
   
   
ก้องภพสาวเท้าเข้ามาไกล้ มาร์ชก้าวถอยหลังหนี เริ่มรู้สึกเสียใจในสิ่งที่เพิ่งทำไป

   
“อาจารย์ครับ....ผม”

   
“ฉันจะติดแดงบนชื่อเธอไว้” อาจารย์หนุ่มสั่ง “ถ้ามาสายอีกไม่ว่ากรณีใดๆ ฉันจะให้ตก เข้าใจไหม?”

   
มาร์ชก้มหน้าก้มตายอมรับข้อเสนอแต่โดยดี

   
“แล้วหวังว่าจะเห็นเราปีนเกลียวกับผู้ใหญ่เป็นครั้งสุดท้ายนะ? การผิดวินัยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการป่วยเลย ถ้ามีวุฒิภาวะมากพอก็แค่ลาหยุดไปตั้งแต่แรก ไม่ใช่โดดเรียนไปเฉยๆ”

   
“ครับ....ผม....ขอโทษนะครับ” เด็กนักเรียนยืนจ๋อย

   
“ส่วนที่วันนี้ ฉันยังไม่ถือว่าเป็นความผิด เดี๋ยวจะนัดใหม่ให้ คราวนี้จะไม่นัดผ่านเพื่อนก็แล้วกัน”

   
“ครับ...ขอบคุณครับ” มาร์ชยกมือไหว้

   
“เออ...ลืมไปเรื่องนึง...ขอชื่อเล่นด้วยสิ เด็กสมัยนี้ชื่อจริงจำยากเหลือเกิน”

   
“มาร์ชครับ” เขาบอกให้ก้องภพจดลงไปในใบรายชื่อ

   
“เกิดเดือนมีนาเหรอ?”

   
“ครับ? ...ใช่ครับ”

   
“มิน่าล่ะอารมณ์ร้อน” ก้องภพตั้งข้อสังเกตุ เด็กหนุ่มไปต่อไม่ถูกเมื่ออาจารย์ชวนคุยนอกเรื่อง

   
“ครับ…”

   
“พูดเป็นอยู่คำเดียวเหรอ?”

   
“ครับ?....เอ่อ...ผม”

   
“พอละๆ ไม่แกล้งแล้ว” อาจารย์หนุ่มใหญ่ยืนหัวเราะใส่เด็กเงอะงะที่ใครเห็นก็อดสงสารไม่ได้


__________________________



   
“พี่มาร์ชสอนหนูบ้างสิ”
   
“น้องมาร์ชโคตรรรเก่ง คอนเฟิร์ม”
   
“แฟนคลับพี่มาร์ช”

   
“พอ!” นาย มาร์ช ที่ทนโดนแซะไม่ไหวผลักไหล่เพื่อนโต้งแรงๆให้หยุดอ่านคอมเมนท์ใต้ภาพจากโทรศัพท์

   
“โห่....เฟี๊ยวจะตาย อายทำไมวะ!” เจมส์เสริม “นี่กดไลค์กันทั้งโรงเรียนแล้วมั้งเนี่ย ดีๆมีกูติดในรูปด้วย”

   
เจ้าของคดีความถึงจะอายที่โดนล้อแต่ก็อดเข้าไปดูกระทู้แห่งวันไม่ได้ มาร์ชเลื่อนอ่านความเห็นต่างๆนาๆไปเรื่อยๆจนกระทั่ง สะดุดเข้ากับความเห็นล่าสุด โดยรุ่นพี่วุฒิชัย

   
“นี่ใต้ตึก หรือท้ายครัวชาวบ้าน?”

   
เด็กชายอ่านออกเสียงกับตัวเองเบาๆ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่รู้สึกไม่ดีเอาซะเลย ขณะที่คิดไปกล่องข้อความก็เด้งขึ้นมาใหม่....
   


“กูอยากกินเนื้อย่างอ่ะ” เวย์พูดขึ้นกลางวง

   
“ไป!” แทบทุกคนตอบรับพร้อมกัน  เหลือแค่มาร์ชที่นั่งงมอยู่กับโทรศัพท์

   
“เห้ย ฟังอยู่เปล่าวะ” เจมส์สังเกตอาการผิดปกติของเพื่อน จนเขาต้องลุกออกไปดูไกล้ๆ เด็กชายยื่นหน้าเข้าไปมองโทรศัพท์
“โหย!! มึงแม่งทำเป็นเงียบ!!” เพื่อนเจมส์โวยลั่น ทำให้คนอื่นๆตามมามุงดู มาร์ชพยายามดึงโทรศัพท์หนีจากเพื่อน แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยเมื่อถูกล้อมด้วยคนจำนวนมาก

   
“พี่มาร์ชคะ มาหาปอยแถวสระว่ายน้ำหน่อยสิ น้องมีของจะให้ อย่าบอกใครนะคะ” เวย์อ่านออกเสียงดังๆ กลุ่มเพื่อนส่งเสียงเฮดังสนั่น

   
“มึงเลิกแย่งมือถือกูได้เปล่าวะ! ทุกคนเลย!”

   
“โมโหกลบเกลื่อนทำมวะ เขินก็บอกเขินดิ!”

   
“เอาคืนมาเร็วๆ!” เขาเดินไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองคืน

   
“ไปแล้วเป็นยังไงเล่าด้วยนะ” เจมส์พูด มาร์ชสัมผัสได้ทั้งอาการทั้งยินดีและผิดหวังเล็กๆจากเพื่อน เขารู้ว่าเจมส์ชอบปอยอย่างจริงจังกว่าเขาหลายร้อยเท่า

   
“เออๆ” เด็กชายสบตาเพื่อนสนิท เขามีหลายเหตุผลที่จะบอกกับตัวเองให้เลิกทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ เพราะสุดท้ายแล้วปอยอาจเป็นเพียงเกมเล่นสนุกสำหรับเขา แต่ความรู้สึกของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งและเพื่อนสนิท มันไม่ใช่ของเล่น

   
เด็กชายกึ่งเดินกึ่งวิ่งด้วยความตื่นเต้น สระว่ายน้ำอยู่ห่างจากตึกเรียนพอสมควรทำให้เขาใช้เวลาไปพอสมควร หลังจากเดินมาจนถึงด้านในสระ เขาไม่พบใคร มาร์ชพิมพ์ตอบกลับไปในห้องสนทนา

   
March : พี่อยู่ข้างในแล้วนะ

   
แล้วก็เดินเล่นรอการตอบรับ สระว่ายน้ำในร่มค่อนข้างมืดและชื้นเมื่อตกเย็น น่าแปลกใจอยู่ โดยปกติเป็นที่รู้ๆกันว่าไม่ควรมาตอนเย็นเพราะสระจะไม่ว่างให้เด็กทั่วไปเล่น แถมยังโดนกลุ่มนักกีฬาข่มเสียจนไม่อยากเข้ามาเหยียบที่นี่อีกเลย
   
Poy : หนูอยู่ข้างหลังพี่แน่ะ

   
ข้อความตอบกลับเด้งขึ้น มาร์ชหันหลังกลับไปทันทีที่อ่านจบ

   
เขาไม่เห็นเด็กผู้หญิงสักคน....

   
“ร้ายนะมึงเนี่ย”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


tbc.
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 3) (22.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 22-12-2016 16:27:26
“ร้ายนะมึงเนี่ย”
   
เด็กชายหันมองไปรอบๆตัวที่มีแต่กลุ่มของพี่วุฒิ ถึงแม้ไม่เข้าใจในคำพูดนั้น

   
“พี่ครับ...ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า”

   
“มึงไม่ต้องมาพี่คงพี่ครับ!” พี่วุฒิเขวี้ยงกระติกน้ำแข็งหนักๆเข้ามากระแทกหัวจนมาร์ชแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย เขาเซถอยหลังไปชนกับใครสักคนที่ผลักเขาให้ล้มไถลลงกับพื้นปูน ผิวเนื้อเสียดกับผิวขรุขระจนเจ็บไปหมดแถมยังปวดหัวจากแรงกระแทกจนมองอะไรไม่เห็น

   “เอามานี่ดิ๊” วุฒิเข้ามาล้วงเอาโทรศัพท์มือถือไปจากกระเป๋า โดยที่มีเพื่อนสองสามคนล็อคตัวคนที่ไร้ทางสู้ไว้ให้อยู่กับพื้น “พี่!! อย่า!! อุ๊ก!” รุ่นพี่คนเดิมสวนหมัดเข้าใต้ลิ้นปี่คนที่พยายามขัดขืน เด็กชายนอนกุมท้องตัวเองแน่นิ่ง หมัดของเขาหนักมาก มันให้ความรู้สึกอย่างกับโดนรถชน มาร์ชหูอื้อไปหมด เขาเห็นคนขยับปาก แต่ไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไร ภาพตรงหน้าตอนนี้มีเพียงแค่วุฒิชัยยืนกำโทรศัพท์แน่น สีหน้าของเขาโกรธแค้นเดือดดาลจนเด็กชายคิดว่าตัวเองคงจะถูกซ้อมจนตายอยู่ที่นี่

   
“มึงมีอะไรจะพูดอีกมะ?” วุฒิยื่นโทรศัพท์หน้าที่เป็นห้องสนทนาของเขากับปอยให้ดู มาร์ชไม่เข้าใจ

   
“ผมไม่ได้เป็นอะไรกับน้องเขานะพี่!”

   
“ก็ใช่น่ะสิ! คนที่เป็นเนี่ยคือกูไง!”

   
“พี่เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ!”

   
“นี่ข้ออ้างของมึงเหรอ!!” วุฒิกระทืบซ้ำลงไปบริเวณต้นขา เล่นเอาปวดตึ๊บไปทั้งตัว มาร์ชรู้สึกว่าเขากำลังสูญเสียความสามารถในการขยับตัวไปทีละนิด

   
“ผม....ไม่ได้จีบ...น้องปอย....” แต่ละคำเล็ดลอดออกมาอย่างยากลำบาก

   
อะไรซักอย่างกระแทกเข้าที่สีข้างอย่างแรง!

   
“กูจะไม่ทนความตอแหลของมึงแล้ว ไอ้เด็กเหี้ย!”


มาร์ชได้ยินประโยคนั้น และเขาเห็นภาพชัดเจน


วุฒิชัยหยิบล้วงหยิบมีดคัตเตอร์ออกมา


“พี่! เดี๋ยว” เด็กชายดันตัวเองขึ้นด้วยแรงเท่าที่มี เขาถอยจนชิดผนังปูนเปลือย กลัวจนมือสั่น ใจสั่น สมองหยุดสั่งการไปชั่วคราวราวกับว่ามันยอมรับชะตากรรม


“แล้วนี่ข้ออ้างของรุ่นพี่เหรอ? วุฒิชัย?” เสียงคุ้นหูดังขึ้น


ทุกสิ่งหยุดชะงัก.....เมื่อก้องภพเดินเข้ามาร่วมงาน


“จะ....จารย์ก้อง ...ผม” มีดหล่นลงจากมือเขา วุฒิชัยรำล่ำระรักหาข้ออ้าง


ขณะที่ณิชพนรูดตัวลงกลับไปนั่งกับพื้น รู้สึกเหมือนสวรรค์ลงมาโปรด ภาพก้องภพที่เดินตรงเข้ามาหาเขา โดยที่กลุ่มรุ่นพี่ฉากหลบอย่างระมัดระวัง ราวกับสุนัขป่าหลบทางให้จ่าฝูงตัวจริง


“เราอีกแล้วเหรอ มาร์ช”


ครั้งแรกที่ได้ยินอาจารย์เรียกชื่อเล่น มันช่างสนิทสนมไกล้ชิด ชวนให้คนกำลังอ่อนแอกลายเป็นอ่อนไหว


“ผม...”


“ไม่เป็นไร ไม่ต้องพูดแล้ว...เดินไหวไหม” ก้องภพประคองร่างเขาให้ยืนขึ้นตรง เพื่อสำรวจอาการบาดเจ็บ


“อาจารย์ครับ...” วุฒิชัยแทรกขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน เพื่อนๆของเขาถอยไปรวมกลุ่มกัน


“เธอก็ไม่ต้องพูดเหมือนกัน... กลับบ้านไป พรุ่งนี้ผมจะบอกเองว่าจะเอายังไงกับพวกคุณ...”


กลุ่มรุ่นพี่ถอยฉากออก วุฒิชัยเปิดปากเหมือนมีความเห็น แต่แล้วเขาก็เก็บมันกลับไป และยอมกลับออกไปจากที่นี่แต่โดยดี ยังไม่วายส่งสายตาอาฆาติทิ้งท้าย มาร์ชจดจำมันได้ทุกระเบียดนิ้ว


“ระวังนะ...ค่อยๆเดิน” อาจารย์ก้องประคองร่างของเขาไว้ แต่คราวนี้มันไกล้กว่าที่เคย ร่างสูงใหญ่ยืนแนบสนิท แม้เพียงสีข้างยังสัมผัสได้ถึงมัดกล้ามเนื้อแข็งแรง อุณหภูมิเร่งร้อนขึ้นกว่าปกติ ลำแขนใหญ่หนาที่โอบเอวเด็กชายแรกรุ่นไว้แน่น ชวนให้คิดเตลิดไปไกลเอาง่ายๆ มาร์ชได้สัมผัสไออุ่นนี้เป็นครั้งที่สอง ร่างกายเขาจดจำมันได้แม่นยำ อยากถูกเขากอด อยากให้เขาประคองไว้แน่นๆ ...แน่นๆ นานๆ


 
“ไหวหรือเปล่าเนี่ย....เรายังไม่หายป่วยใช่ไหม?” ก้องภพสังเกตุเห็นอาการตกอยู่ในภวังค์คล้ายเหม่อลอย เขากังวลว่าเด็กนักเรียนจะมีอาการบาดเจ็บทีมองไม่เห็น มาร์ชเป็นเด็กที่ไม่เหมือนคนอื่น และชอบทำให้เขาประหลาดใจอยู่เรื่อย อาจารย์หนุ่มเข้าใจว่าเด็กคนนี้มีบางอย่างอยู่ในใจ มากกว่าที่แสดงออกมาให้คนทั่วไปเห็น เขาดูเปราะบางและซับซ้อน ราวกับว่าถ้าหากสัมผัสลงไปผิดที่ ก็คงจะแตกสลาย


“ฉันไม่พาไปห้องพยาบาลนะ เดี๋ยวพวกฝ่ายปกครองลงมาสอบสวนเองเรื่องจะไปกันใหญ่”


“แล้วอาจารย์จะพาผมไปไหน?”


“ไปห้องฉันนี่แหละ”


   
ห้องทำงานเดิมที่มาร์ชเคยเข้ามาครั้งแรก แต่คราวนี้มีกล่องพยาบาลตั้งอยู่ข้างๆ เขานั่งบนเก้าอี้โซฟา โดยอาจารย์หนุ่มง่วนอยู่กับการจัดแจงกล่องพยาบาลของเขาเอง

   
“ถอดเสื้อออกเลย”

   
“ครับ?”


“ถอดออกเลย ไม่ต้องอาย”


ก้องภพไม่พูดเปล่าหันมาพร้อมกับขวดยาและผ้าก๊อซในมือ เด็กชายลังเล มืออยู่ระหว่างกระดุมเม็ดแรก ทำให้ผู้ใหญ่ตรงหน้าเข้าใจในทันทีว่าเขาเติบโตมาแบบไหน


“เอ่อ....อาจารย์ หันหลังไปก่อนได้ไหมครับ?”

   
“เห้อ...แค่นี้ยังอาย เจอสาวเข้าไปจะไหวเร้อ?” ครูหนุ่มพูดพร้อมหมุนตัวกลับไป

   
“ผมไม่ได้จีบสาวซักหน่อย!” มาร์ชพูดไปปลดกระดุมเสื้อไป

   
“ไม่ได้จีบจะโดนยำซะขนาดนี้เหรอ นี่ถ้าเจ้าวุฒิไม่ชักมีดออกมาล่ะก็ ฉันคงปล่อยเธอนอนวัดพื้นไปอีกซักพักแล้วล่ะ”

   
“อาจารย์เห็นตั้งนานแล้วเหรอ? ทำไมปล่อยผมโดนเค้ากระทืบละครับ!” มาร์ชโวยวาย

   
“ฉันจะสอนบทเรียนให้เธอ ถ้าไปทำตัวแบบนี้นอกโรงเรียนล่ะก็ ไม่มีฉันคอยไปช่วยห้ามหรอกนะ” เมื่อเบื่อที่จะหันหลังพูดเต็มทน เขาหมุนตัวกลับมา เด็กชายตื่นตัวเล็กๆเพราะไม่เคยเปลือยท่อนบนต่อหน้าใคร ก้องภพมองพิจารณาร่างกายตรงหน้า เขาสำรวจหาบาดแผลบนผิวเนียนละเอียด ที่มีรอยฟกช้ำกับรอยถลอกเป็นจุดๆ มันเป็นโครงสร้างที่เขาไม่ค่อยคุ้นเคย ต่างจากพวกนักกีฬาที่เขาเห็นบ่อยๆ รอยแผลพวกนี้ไม่เข้ากับที่อยู่ของมันเอาเสียเลย

   
“เธอ...ทำเองเป็นหรือเปล่า?” ครูหนุ่มไม่มั่นใจ เขาไม่ค่อยได้ทำแผลให้เด็กๆ แต่ที่ลงไม้ลงมืออยู่นี่ก็คือ คิดว่าไอ้เจ้ามาร์ชไมม่น่าจะทำอะไรเองเป็น

   
“ลองดูก็ได้ครับ” เด็กชายรับกล่องพยาบาลมา ขวดยากับผ้าพันแผลทั้งหลายดูไม่คุ้นตาเสียจนเหมือนของเล่น เขาหยิบแอลกอฮอล์ขวดสีฟ้าขึ้นมา เทใส่ลงไปในสำลี เอาไปแตะที่แผล แล้วยกกลับขึ้นมาจะเอากลับไปแตะปวกขวดอีกรอบ

   
“พอเลย!” ก้องภพห้ามระคนรำคาณ เด็กบ้าอะไรมันจะซื่อบื้อได้ขนาดนี้ “แตะแผลแล้วอย่าแตะกลับไปที่ขวดสิ!”

   
“อูยยยย...” มาร์ชส่งเสียงออกมา ขณะที่อาจาย์นั่งลงข้างๆ คว้าแขนเขาไว้แล้วใช้น้ำเกลือบีบลงไป

   
“แสบนิดหน่อยนะ” ก้องพูดไปพลางใช้สำลีเช็ดแผล “เกิดมาเคยเป็นแผลบ้าวป่าวเนี่ยเรา”

   
“เคยสิครับ!”

   
“ก็น่าจะเคยอยู่นะ ดูจากวิธีใช้ชีวิตแบบเมื่อกี้ล่ะก็...” ครูหนุ่มแซว รอยยิ้มสนิทสนมในระยะไกล้นั่นทำเอาเด็กชายใจสั่น

   
“ทำไมอาจารย์ชอบดุผมอ่ะ....” เพื่อไม่ให้ดูเป็นการหาเรื่องเกินไป ทำเลือกใช้น้ำเสียงที่สุภาพจนเกือบจะเหมือนอ้อมแอ้มมันออกมา


   
“ทำไม....งอนเหรอ?”

   
“ห๊ะ?”

   
“ดูๆ ดูทำหน้าเข้า” ก้องภพเอ็นดูเสียอยากจะดีดเข้าให้สักที

   
“ผมเปล่างอน....ก็อาจารย์ชอบว่าผมอ่ะ” มาร์ชแก้ตัว

   
“นั่นไง! นั่นแหละเค้าเรียกงอน” อาจารย์หนุ่มหัวเราะออกมา มือของเขาเผลอเอื้อมไปขยี้หัวเด็กนักเรียนเล่นๆ....

   

ความเงียบเข้ามาแทนที่เสียงหัวเราะ....


   
มันกลายเป็นการทำแผลที่แสนจะกระอักกระอ่วน มีเพียงเสียงสะดุ้งเป็นระยะๆเมื่อสัมผัสไปโดนจุดบอบบาง รอยฟกช้ำตามตัวดูจะอ่อนไหวเป็นพิเศษกับอีแค่ทาภายนอกธรรมดาที่มีกลิ่นเตะจมูก หรือจะเป็นตัวครูพละเองที่หนักมือไปโดยพละการบนผิวบางแรกรุ่นที่ดูจะร้อนรุ่มขึ้นผิดปกติอีกครั้ง จนเจ้าตัวหน้าแดงขึ้นมาอย่างที่ห้ามไว้ไม่อยู่ ผิวกายที่ไม่เคยได้รับสัมผัสแนบเน้นจากคนแปลกหน้ามาก่อนก่อให้เกิดปฏิกริยาเคมี ส่งผลให้หัวใจกระเด้งกระดอนข้ามจังหวะจนกลับบ้านไม่ถูก
   
ก้องภพเองก็ร้อนไม่แพ้กัน ความตึงเครียดที่น่าจะมาจากการเย้าแหย่เล่นตามประสาผู้ใหญ่แกล้งเด็ก เขาสัมผัสได้ถึงเส้นบางๆที่ตัวเองเพิ่งจะล้ำเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ชายหนุ่มลืมไปว่าเด็กนี่ไม่ใช่เด็กห่ามแบบพวกนักกีฬา ที่คุ้นเคยกับภาษากายของการถึงเนื้อถึงตัวกันดี เขาสังเกตเห็นอาการเคอะเขิน สีชมมพูที่ถูกเร่งขึ้นมาบนแก้มบอกชัดเจนว่าเขาผิดพลาดไปอย่างแรง

   
“อาจารย์...จะทำอะไรกับพี่วุฒิเหรอครับ?” มาร์ชทำลายความเงียบลงสำเร็จ

   
“เอ่อ.....ฉันจะเรียกสอบสวนเธอทั้งคู่ก่อน แต่วุฒิยังไงก็ต้องพักการเรียนเป็นอย่างน้อยหนึ่งเทอม”

   
“ถ้าพี่เขาไม่จบล่ะครับ เพื่อนพี่เขาอีก” เด็กชายถามถึงความปลอดภัยของตนเอง

   
“ถ้าฉันบอกให้จบ ก็คือจบ เธอไม่ต้องห่วงหรอก”

   
“อาจารย์ต้องปกป้องผมนะ...”

   
ก้องภพหยุดมือชั่วคราว...

   
“ผมล้อเล่นน่า!” มาร์ชเหมือนจะแหย่เล่นผิดจังหวะไปหน่อย “โอ๊ย!” ทำให้ก้องภพหนักมือไป แต่คราวนี้เป็นแบบตั้งใจ

   
เพราะคราวนี้เป็นผู้ใหญ่ ที่ร้อน...

   
“นั่งเฉยๆไป” เขาสั่ง “เจ็บตัวไม่รู้ด้วยนะ”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




จบตอนที่ 2 จ้าา


หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 3) (22.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-12-2016 16:32:14
 :impress2:    อาจารย์ถ้าร้อนก็ถอดสิคะ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 3) (22.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-12-2016 18:06:15
ทั้งสองคนดูมีแนวโน้มจะเป็นไบนะนี่
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 3) (22.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 22-12-2016 19:18:12
สงสารมาร์ชก่อนเลย  :m15:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 2) (22.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 23-12-2016 02:16:58
ไรท์ขออนุญาติเปลี่ยนเลขตอนนะค้า พอดีเพิ่งหัดโพสท์ค่ะ งงๆมึนๆเรียงเลขเลยไปตอนนึง  :sad4: :sad4: เห็นอัพเดทย้อนหลังไป 1 ตอนไม่ต้องตกใจน้า ตอนนี้แก้ไขแล้วจ้า ขอบคุณมากๆจ้าา
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> Teacher please, teach me hard (บทที่ 2) (22.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 23-12-2016 14:41:22
3.


ก้องภพกลับบ้านไปพร้อมกับความรู้สึกใหม่ ความทรงจำยังไม่มีเวลามากพอให้เจือจาง มือของเขาจับพวงมาลัย แต่กลับจดจำสัมผัสบนผิวกายนั้นได้ทุกส่วน ความเปราะบางภายใต้นั้นมันทำจากอะไรกัน จะจำได้ดีมากเกินไปเสียแล้ว ชักเริ่มกลัว กลัวว่าเด็กนั่นจะเข้าใจผิด


หรือแท้จริงแล้วเขากลัวใจตัวเอง.....


แหงะล่ะ...


ก็ไอ้สิ่งที่อยู่ใต้กางเกงแข็งขืนขึ้นมาซะขนาดนี้...


เป็นใคร ใครก็กลัว...


ชายหนุ่มกลับถึงบ้าน เขาพบกับใบหน้ายิ้มแย้มของภรรยา มันเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กที่หรูหราไม่เบา เป็นของขวัญแต่งงานจากพ่อตา ครอบครัวของใหม่เป็นบ้านมีฐานะหน้าตาทางสังคมชนิดที่ไม่ยอมให้ลูกสาวต้องยอมอยู่อย่างพอมีพอใช้ ใหม่เองก็เป็นคนเก่งคล้ายพ่อแบบลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เธอสานต่อธุรกิจส่งออกของที่บ้านให้ไปได้สวยได้อย่างไม่ยากเย็น และพร้อมสำหรับการทำงานในทุกรูปแบบ เธอไม่ยอมพักผ่อนหลังจากคลอดลูกนานด้วยซ้ำ ใหม่หวนคืนตำแหน่งรงประธานบริษัทอีกครั้งในที่สุด

“ก้องมาแล้วหรือคะ?” พวกเขารู้จักกันผ่านผู้ใหญ่ คำพูดที่ดูเป็นทางการจึงติดตัวมาเสมอ

   
“วันนี้ผมเลิกเย็นไปหน่อย ขอโทษทีนะ” พวกเขานั่งพักผ่อนกันอยู่ในห้องรับแขก

   
ก้องภพอารมณ์จำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างกับอารมณ์ที่คั่งค้าง...

   
“ที่รักครับ...คืนนี้คุณว่างใช่ไหม” สามีโอบกอดภรรยาจากด้านหลัง

   
“หืม....ก้องคะ นั่นอะไรน่ะ?” เธอรู้สึกได้ถึงของแข็ง “ใหม่ยังไม่ฟื้นตัวดีเลยค่ะ แถมคืนนี้ยังต้องสรุปงบประมาณให้คุณพ่ออีก”

   
“ให้เลขาคุณทำไม่ได้เหรอ....มันหลายเดือนแล้วนะครับใหม่” ชายหนุ่มผิดหวังเล็กน้อยที่เธอปฏิเสธการ ‘สะกิด’

   
“ก้องอดทนหน่อยสิคะ ใหม่ก็อดทนเหมือนกันนะ จริงมั้ย?” เธอหันมายิ้มให้ สามีคนนี้จะไปทำอะไรได้นอกจากยอมรับ

   
“คร้าบบบ” เขาหอมแก้มภรรยาฟอดใหญ่ ก่อนจะละออกไปเพื่อขึ้นไปชั้นบน

________________________


   
มาร์ชก้มหน้าก้มตาซ่อนใบหน้าที่มีรอยช้ำของตัวเองไว้ไม่สำเร็จ ชนินท์จับไต๋ได้ตอนที่เขาก้าวพ้นประตูบ้านมาพอดิบพอดี พ่อเลี้ยงสั่งเสียงเฉียบขาดให้เขาหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วเริ่มการสอบสวน

“ไปโดนอะไรมาน่ะ”

“ผม..ผมตกบันไดครับ ไม่มีอะไรครับพ่อ”

“ฉันเป็นหมอนะ อย่าโกหกกันดีกว่า” เขาพูดถูก

เด็กชายยืนนิ่ง เขาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากไหน ชนินท์จับหน้าของเขาขึ้นสำรวจรอยฟกช้ำ มาร์ชเกลียดที่สุดเวลาเขาทำท่าทางเป็นจอมบงการ

“มีอะไรทำไมไม่บอกพ่อ”

“ผมบอกแล้วไงว่าตกบันได” เด็กชายพูดแล้วเดินหนีขึ้นไปชั้นบน เขารู้ดีว่าถ้าหากมีเรื่องต่อยตีเกิดขึ้นในบ้านจะร้ายแรงขนาดไหน ชนินท์ผู้ไม่ยอมให้ประวัติลูกชายคนเล็ก ที่สำหรับเขาคงเป็นเหมือนตุ๊กตาตั้วโชว์ในตู้กระจกไม่ต่างจากภรรยา มีรอยด่างพร้อยให้ถูกติเตียนนินทาในแวดวงผู้ดีนั่น

   
“มาร์ช! อย่าเดินหนีพ่อนะ!”

   
มาร์ชไม่ฟังเสียง อยู่กับหนีก็ไม่ต่างกัน เข้าขึ้นไปชั้นบนแล้วล็อคประตูห้องตัวเอง

   
เด็กชายสำรวจรอยฟกช้ำตามร่างกาย เขาเฉยชาใส่เสียงก่นด่าของพ่อเลี้ยงที่ลั่นตามขึ้นมาเป็นระยะ นึกแปลกในใจความพยศของตัวเอง แต่ดูเหมือนหลังจากภวังค์ที่ก้องภพส่งมอบให้โดยไม่ได้ตั้งใจจะยังติดค้างอยู่ ถึงแม้จะยังเจ็บปวดหนึบไปทั้งตัว มาร์ชยังอดไม่ได้ที่จะวางมือลงบน ‘ร่องรอย’ เหล่านั้นที่ก้องภพเลยสัมผัส เด็กหนุ่มลากมือตั้งแต่หัวไหล่ ไล่ไปจนถึงเอว ก่อนจะหยุดลงที่ท้องน้อย เขาสูดหายใจลึกๆ แล้วค่อยๆล้วงมือลงไปในกางเกง
   
เด็กชายเตลิดเปิดเปิงไปไกล... เขาบีบเค้นชิ้นส่วนอ่อนไหวจนมันตอบสนอง ในหัวของเขาไม่มีภาพอื่นใดเลยนอกจาก...

   
“พลอย!! ไปเอากุญแจห้องมา!” ชนินท์เสียงดังลั่นขึ้นอีกครั้ง มาร์ชสะดุ้ง รีบรูดซิบกางเกงเก็บให้เรียบร้อย พ่อเลี้ยงที่กำลังเดือดดาลผลักประตูเข้ามาเสียงดัง แล้วชี้นิ้วที่โกรธจัดมา

“ลงไปข้างล่างเดี๋ยวนี้นะ...”

   
“พ่อครับ! ผมจะอยู่คนเดียว!”

   
“ฉันสั่ง! เดี๋ยวนี้!” ชายคนเดิมชี้นิ้วลงไปข้างล่าง

   
“เดี๋ยวผมลงไปน่า!”

   
ชนินท์หมดความอดทน เขาย่างสามขุมเข้ามา แล้วกระชากเสื้อนักเรียกให้ลุกขึ้น  “โอ้ยย!!” แล้วลากเด็กที่บอบช้ำลงบันไดไป “ผมเจ็บนะพ่อ!” ไม่มีใครฟังใคร มาร์ชลงมานั่งกองอยู่ตีนบันได เบาเอื้อมมือไปกุมแผลถอกและรอยช้ำตามตัว

   
“ตกบันไดน่ะเป็นแบบนี้ต่างหาก” ชนินท์พูดเสียงเรียบ “….สารภาพมาได้รึยังว่าไปทำอะไรมา?”

   
มาร์ชโกรธจนตัวสั่น ชนินท์ทำเหมือนกับเขาไม่ใช่สิ่งมีชีวิต
   
   
“มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย!” เขาสติหลุด ลุกขึ้นตะโกนออกมาเสียงดัง

   
“พูดกับพ่อแบบนี้เหรอวะ!” อารมณ์โกรธขึ้งพาให้ชนินท์ตวัดมือไปฟาดเข้าที่ใบหน้าเล็ก เด็กชายเซถอยหลังด้วยความตกใจจนเกือบจะหน้าทิ่มเป็นครั้งที่สองของวัน

   
มาร์ชหมดคำพูดให้กับชะตากรรมของตัวเอง เขาผลักพ่อบุญธรรมที่ตกตะลึงในสิ่งที่ตนทำลงไปไม่แพ้กันให้ออกห่าง แล้ววิ่งกลับขึ้นไปบนห้อง เด็กชายกระชากประตูปิดเสียงดังสนั่น แล้วดึงตู้เก็บของเข้ามาขวางประตูไว้ เขาปาดเหงื่อแล้วพบกับความเจ็บแปลบ หลังมือมีรอยป้ายของเลือดสดๆวงเล็กๆ มาร์ชรีบเดินไปส่งกระจก มันเป็นรอยบาดเหมือนถูกของแข็งกระแทกเข้าอย่างแรง สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นกุญแจห้อง เขาถอนหายใจแรงๆให้กันวันเลวๆวันหนึ่งแล้วทิ้งตัวใส่เตียงโดยไม่อยากคิดถึงอะไรอีก
   
   
แต่มันก็อดคิดไม่ได้ไง....

   
อารมณ์ถูกเหวี่ยงขึ้นสุดลงสุดทั้งวัน จนจะเป็นบ้า โดนรุ่นพี่กระทืบ คิดเลยเถิดกับอาจารย์พละ กลับบ้านมาโดนพ่อเลี้ยงตบหน้า..

   
ไหน มีใครจะให้มากกว่านี้ไหม...

   
โทรศัพท์สั่นรัวจากกล่องข้อความ...

   
เด็กชายคว้ามันขึ้นมาดู ชื่อไม่คุ้นเลยซักนิด
   
   
Ohm : น้องมาร์ชครับ พี่ชื่อโอมนะ ไม่รู้ว่าจำพี่ได้ไหม

   
Ohm : เป็นยังไงบ้าง

   
ใครวะพี่โอม...

   
มาร์ชแตะเข้าไปดูโปรไฟล์ในเฟซบุ๊ค เขาถึงกับสะดุ้ง เพราะจำหน้าได้แม่น เขาคือคนที่อยู่ในกลุ่มของพี่วุฒิเมื่อช่วงเย็นนี้เอง เขาต้องการอะไร พี่วุฒิจะมาไม้ไหนอีก เด็กชายไม่กล้าตอบ แต่ห้องสนทนาเจ้ากรรมดันขึ้น ‘อ่าน’ ไปแล้ว


Ohm : พี่ขอโทษแทนไอ้วุฒิด้วยนะ


มือของเขาจรดอยู่บนหน้าจอ จะพิมพ์ว่า ‘ไม่เป็นไร’ ก็ดูจะไม่ใช่ จะด่ากลับก็ไม่กล้า สุดท้ายเลยได้แต่วางมือถือไว้ใต้หมอน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเห็นมันอีก

________________________


tbc.
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 3) (23.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 23-12-2016 14:44:46
มาร์ชไม่สามารถซ่อนร่องรอยบาดเจ็บไว้จากเพื่อนๆได้เช่นกัน เขาไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่ามันน่าขายหน้ายังไงล่ะ ถ้ามันเป็นการต่อยตีที่เขามีทางสู้บ้างก็คงจะมีเรื่องให้เล่าอยู่หรอก นี่แต่โดนหลอกไปนอนให้เขากระทืบเล่นสบายใจ เป็นใครก็ต้องอาย

“น้องปอยเขารุนแรงกับมึงขนาดนี้เลยเหรอวะ” เวย์ถามตะล่อม

“กูบอกว่ากูตกบันไดไง!”

   “มึงตกบันไดเลื่อนเทอร์มินัลทเวนตี้วันเหรอ  ถึงได้เยินขนาดนี้?”

“บันไดสระว่ายน้ำ พื้นมันแข็ง กูไม่เป็นไรน่า!”

“ก็มึงไม่ยอมเล่าอ่ะว่าทำอะไรกับน้องเขา!” เจมส์คาดคั้น

“ก็คุยกัน ทั่วๆไปไง ไม่ได้มีอะไรนี่หว่า” มาร์ชตอบปัด

“มึงซั่มกันใช่ไหม...หรือมึงพยายามจะข่มขืนน้อง! มึงเลยโดนเขาตบ!” เจมส์ชักจะเสียงดัง

“ไม่ใช่โว้ย!”

“ถ้าผู้หญิงมันยากนัก ลองผู้ชายก็ได้นะมาร์ช” เสียงออดอ้อนแทงเข้ามากลางวง หนุ่มๆวงแตกฮือ เมื่อ ‘เต้ย’ เพื่อนสาวหน้าหวานที่แท้จริงแล้วเป็นเพื่อนหนุ่ม แสดงความเห็นขึ้น “นี่มึงแน่ใจนะว่าโดนสาวตบ ไม่ได้โดนรถชนมา?” เต้ยถามต่อ พร้อมนั่งลงบนตักเจมส์ที่เขยิบหนีไม่ทัน

   
“กู ตก บัน ได” มาร์ชพูดทีละคำอย่างอดทน

   
“มึงตกบันไดมาจากชั้น 9 เหรอ” เต้ยซักต่อ

   
“แล้วไหนน้องเขาให้อะไรมึง ไม่เห็นบอกกูเลย” เจมส์สนใจแต่เรื่องปอย

   
“ให้ขนม กูกินไปแล้ว...”

   
“พอเถอะค่ะผู้ชาย เพื่อนไม่อยากคุยก็อย่าบังคับเพื่อนสิ” เต้ยพูดพลางยกวงแขนขึ้นคล้องคอเจมส์ “เต้ย...ไม่เอาน่าเพื่อน...” แต่คุณเธอไม่สนใจ “เบื่ออ่ะ มีแต่คนคุยเรื่องผู้หญิง อยากคุยเรื่องผู้ชายบ้าง....นี่เมื่อเช้าฉันเดินเข้าทางหลังโรงเรียน ผ่านสระว่ายน้ำน่ะ ฉันอาจารย์ก้องนั่งคุยกับพวกพี่วุฒิด้วยแหละ โอ้ยยยยฟิน มีแต่คนหล่อๆ”

   
“เมื่อเช้าอ่ะนะ?” มาร์ชถาม

   
“เออดิ ฉันโบกมือให้อาจารยก้องด้วยแหละ แต่เขาดูเครียดๆกันอ่ะ ฉันเลยไม่กล้าเข้าไปทัก...เนี่ย ทำตัวให้มันโตๆแบบพวกพี่ๆเข้ามั่งสิมึง ผู้ชายขรึมๆแบบพี่วุฒิอ่ะสาวชอบ ตุ๊ดก็ชอบนะ ได้ยินไหมเจมส์” เต้ยล็อกคอเจมส์เข้าไปไกล้ เด็กชายดันออกแบบเกรงใจ

   
“ครับๆ มึงออกไปได้ละ”

   
มาร์ชไม่ได้สนใจบทสนทนาที่เหลือ สงสัยแค่ว่าอาจารย์ก้องจะเรียกเขาไปสอบสวนเมื่อไหร่ อยากเจอจัง ไม่ใช่สิ! อยากเคลียร์ให้มันจบๆไปต่างหาก
   
________________________

   
จวบจนเย็นเขาก็ยังไม่ได้รับสัญญาณใดๆจากคนที่เฝ้ารอ เด็กชายเซื่องซึมลงได้ชัดจนเพื่อนๆสังเกตุ มาร์ชนึกขอบใจเจมส์ที่พยายามทำให้เขากลับมาร่าเริง ถึงแม้มันจะช่วยอะไรไม่ได้มากก็ตาม เขานั่งเหม่อลอยจนเสียงออดเลิกเรียนดังขึ้น ทั้งอาจารย์และเด็กๆเก็บข้าวของของตัวเองลง มาร์ชไม่มีอารมณ์จะกลับบ้านถ้าวันนี้เขาไม่ได้สิ่งที่ต้องการ

   
“เจมส์ กูต้องไปสอบซ่อมที่โรงยิมว่ะ กูไม่ไปเรียนพิเศษนะวันนี้”

   
“ห๊ะ มึงเนี่ยนะโดดเรียน?”

   
“มึงทำให้กูสอบตก จำไม่ได้เหรอ...”

   
“อ๋อออออ ครับๆๆๆ เดี๋ยวกูจดคำตอบไว้ให้นะ” เจมส์รีบร้อนแก้ตัวออกไป

   
มาร์ชเดินถือกระเป๋าตัวเองไปที่โรงยิมด้วยสภาพเหมือนคนไร้วิญญาณ เท้าของเขาก้าวไปข้างหน้าด้วยสัญชาติญาณล้วนๆ เงยหน้ามาอีกทีก็เห็นประตูโรงยิมอยู่รำไร

   
“น้องมาร์ชครับ!” เสียงผู้ชายเรียก มาร์ชค่อยๆหันไปช้าเหมือนผีดิบ

   
“พี่....โอม” เด็กชายสะกดชื่อเขา เหมือนคนไม่ได้สติ แต่ถึงอย่างนั้น สัญชาติญาณก็สั่งให้เขาถอยหลังหนึ่งก้าว

   
“พี่....เอ่อ....พี่เอานี่มาฝาก” พี่โอมส่งกล่องหนักๆมาให้ มาร์ชก้มมองเหมือนมันเป็นระเบิดแสวงเครื่อง

   
“ขอโทษแทนเพื่อนพี่ด้วยนะ....”

   
เด็กชายเดินหนีรุ่นพี่ที่มีพฤติกรรมประหลาด แต่มือยังถือกล่องไว้แน่น ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรอยู่ มาร์ชไม่รู้จะเปิดปากพูดอะไรต่อ เขาตัดสินใจเดินหนี ถึงแม้พี่โอมจะไม่ดูมีท่าทางประสงค์ร้ายแต่อย่างใดแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีอารมณ์จะคุยด้วย

   
“อย่าวิ่งสิ ระวังล้มนะ” โอมสังเกตุท่าทางไม่ค่อยสมประกอบนั่นแล้วก็เป็นห่วง “มันหนักนะระวัง...”

   
มาร์ชไม่สนใจ เป็นอีกครั้งที่เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งเพราะวิ่งไม่ไหว เขาหยุดยืนพิงต้นไม้ต้นเดิม มุมเดิม หน้าโรงยิมเดิม พลางสำรวจกล่องในมือ คนบ้าอะไรเอาของเขามาแล้วไม่คุยด้วยแถมยังวิ่งหนี มาร์ชถามใจตัวเองไปพร้อมเปิดฝากระดาษนั่นขึ้น ข้างในเป็นขนมเค้ก นมกล่อง กับของกินเล่นจุกจิก แนบมาด้วยกระดาษโน๊ตเขียนข้อความดังนี้

   
-ขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย หายไวๆนะ พี่จะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว-

   
โคตรแปลก...

   
แต่ก็หยิบคัพเค้กชิ้นเล็กขึ้นใส่ปาก หิว ข้าวกลางวันก็แทบจะไม่ได้แตะ กินแม่งตรงนี้แหละ


   
โอมมองพฤติกรรมประหลาดนั่นอยู่ไกลๆด้วยสายตาฉงน ไม่คิดว่าไอ้เด็กที่ชื่อมาร์ชตัวจริงจะพิลึกพิลั่น เนี่ยน่ะเหรอสเปคของน้องปอย มิน่าล่ะไอ้วุฒิถึงได้อกหัก ชอบน่ารักแบบแปลกๆนี่เอง โอมอยู่ตรงนั้นได้ไม่นาน เสียงบานพับเหล็กหนักๆของโรงยอมก็ลั่นขึ้น เขารีบเดินหลบไปจากที่โล่งนั้นเพราะรู้ว่าใครกำลังเดินออกมา


   
“อ้าว...มารอใครน่ะเรา” ก้องภพสะดุดเล็กน้อยเมื่อเจอมาร์ชมาดักรอแบบนี้

   
“ผมมาหาอาจารย์นั่นแหละ” เด็กชายตอบ หัวใจของเขาเริ่มสูบฉีดขึ้นมาเมื่อเห็นอาจารย์ก้อง

   
“ฉันเหรอ?...มีอะไรเหรอ” ก้องภพทำท่าไม่รู้ไม่ชี

   
“อาจารย์จะสอบสวนผมไม่ใช่เหรอ?” มาร์ชตอบไปพลางกัดเค้กคำที่สอง

   
“อ๋อ...ไม่จำเป็นหรอก ฉันอยู่ในเหตุการณ์นี่ แล้วฉันจัดการเจ้าวุฒิไปแล้ว เธอไม่ต้องห่วงหรอก” เขาพูดเร็วผิดปกติพร้อมกับเดินนำไปอย่างรีบร้อน

   
“อาจารย์รู้ได้ยังไง...ผมยังไม่รู้เลยว่าผมโดนกระทืบเพราะอะไร ตกลงปอยโกหก หรือพี่วุฒิโกหก ใครเป็นแฟนใครกันแน่ อาจารย์รู้เหรอ?” เด็กหนุ่มเดินไปดักหน้า ไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ

   
“ฉันไม่สนใจเรื่องดราม่าหรอกนะ ฉันสนใจว่าใครทำผิดระเบียบต่างหาก เธอไม่ได้ทำอะไรก็พอแล้วนี่?” ก้องภพตอบแล้วฉากหลบออกไป

   
“แล้วจะไม่อธิบายผมหน่อยเหรอ” นักเรียนก้าวยาวๆตามอาจารย์ไป “อาจารย์ฟังผมป่าวเนี่ย!”

   
“ฉันมีธุระน่ะ วันหลังค่อยคุยได้ไหม” ครูพละไม่ยอมสบตา เขาเดินไปเปิดท้ายรถแล้วเก็บของเข้าไป

   
“อาจารย์เป็นอะไรอ่ะ” มาร์ชคาดคั้นคำตอบ ก้องภพแปลกไปจนผิดหูผิดตา น่าสงสัย หรือจะไม่ได้มีแค่ความรู้สึกของเด็กชายที่เปลี่ยนไป...


“เธอนั่นแหละเป็นอะไร?” อาจารย์ถามหลับ ท่าทีหงุดหงิด

   
“ใช่สิ...ผมเป็นอะไร ผมรู้อาจารย์ก็เป็น....”

   
สองคนนิ่งเงียบจนได้ยินเสียงหญ้ากระทบกัน


“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย...”


“อย่าหลบหน้าผมก็แล้วกัน...”

ก้องภพหัวใจตกลงไปที่ตาตุ่ม เมื่อเห็นสายตาทะลุทะลวงนั่น เด็กม.ปลายนั่นน่ะเหรอที่อ่านใจเขาได้ นี่มันมายากลหรืออะไรกัน เด็กนั่นทำจากอะไร ทำไมถึงมาปั่นหัวเขาได้


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




จบตอนที่ 3 จ้าา ไรท์เอาชื่อภาษาอังกฤษออกก่อนนะคะ เพราะไม่เหลือที่ให้พิมพ์อะไรเลย 5555
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 3) (23.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-12-2016 15:37:40
น้องน่าสงสารมากเลย
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 3) (23.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-12-2016 07:49:54
ซับซ้อนจริงๆ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 3) (23.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 26-12-2016 18:29:09
4.


มาร์ชนึกเสียใจที่ตัวเองวู่วาม เพราะหลังจากนั้นเขาก็ถูกอาจารย์ก้องหลบหน้าโดยสมบูรณ์ แม้แต่วิชาพละยังถูกหมางเมินใส่จนแทบไม่อยากจะลงไปเรียน เพื่อนในกลุ่มโดยเฉพาะเจมส์เริ่มเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นโรคซึมเศร้า แต่ที่แปลกใหม่ที่สุดนั่นคือรุ่นพี่ที่ชื่อ ‘โอม’ ต่างหาก พี่โอมส่งข้อความหาเช้า-เย็นไม่พอ ยังชอบแอบเอาขนมมาวางไว้ใต้ลิ้นชักโต๊ะอีก ไม่รู้ว่ารู้สึกผิดหรืออยากจะแกล้งกันแน่

   
“น้องมาร์ช!” โอมโบกมือเรียกระหว่างที่เด็กชายปลีกตัวมาเข้าห้องน้ำคนเดียว เขาเดินหลบโดยอัตโนมัติ


“ยังไม่หายกลัวพี่อีกเหรอ” เขาทำหน้าน้อยใจ มาร์ชยังลังเลแต่ก็ตอบรับไปตามเรื่อง “เปล่าครับ ผมไม่ได้กลัวพี่”

   
“รำคาณรึเปล่า?” พี่โอมถามต่อ

   
“เปล่าครับ....ผมแค่ไม่ค่อยเข้าใจ”

   
“ไม่เข้าใจอะไรเหรอ?”

   
“พี่ทำแบบนี้ทำไมเหรอ?” มาร์ชถามไปตามตรง

   
“พี่กลัวมาร์ชจะเกลียดพี่...กลัวว่าน้องจะกลัวพี่ด้วย” โอมตอบ สายตาของรุ่นน้องไม่ปักใจเชื่ออย่างแรง

   
“ผมไม่ฟ้องเรื่องพวกพี่หรอก ถ้าพวกพี่จบผมก็จบ”

   
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องฟ้องครูซักหน่อย....” รุ่นพี่ส่ายหน้าให้กับคนเข้าใจอะไรยาก “เอาเป็นว่าพี่อยากทำให้ แค่นี้ก่อนได้ไหม?”
   

“ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆอะนะพี่?”


   
“อืม.... รำคาณเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”

   
มาร์ชนึกสงสัย เขาหรี่ตามองรุ่นพี่เนิ่นนานจนโอมเองเริ่มไม่แน่ใจในสิ่งที่พูดออกไป รุ่นน้องตัดสินใจรวบรวมความกล้าถามออกไปในที่สุด




“พี่จีบผมเหรอ?”




รุ่นพี่ยืนอึ้งไปสักพัก เพราะไอ้คุณรุ่นน้องดันใจถึงกว่าที่คิด แล้วมันก็ไม่มีประโยชน์เลยทีจะโกหก “อะ...อืม....” มันกดดันกว่าที่คิดเมื่ออีกฝ่ายตบปากรับคำ หัวใจของเด็กชายไหววูบด้วยความตื่นเต้น ทำไมผู้ชายด้วยกันมันถึงได้มีแรงดึงดูดขนาดนี้นะ นี่เขาชอบผู้ชายด้วยกัน หรือแค่กำลังอ่อนแอ ความรู้สึกวูบวาบพวกนี้จะกลายไปเป็นแบบไหนกันถ้าเขาตัดสินใจไปต่อ


“พี่แน่ใจเหรอ” มาร์ชถามต่อ

“แน่ใจสิ....ขอจีบได้ไหมครับ?” โอมเห็นท่าทีไม่ต่อต้าน เขาเดินหน้าต่อเช่นกัน

“อืม....เอาสิครับ” มาร์ชนึกสนุก เขาไม่แน่ใจว่าอะไรเข้าสิงถึงได้ตอบไปแบบนั้น

“ถ้าอย่างนั้น....พี่ขอเบอร์ไว้ได้ไหม....เย็นนี้เจอกันนะครับ” รุ่นพี่ยิ้มให้ รอยยิ้มน้อยๆของมาร์ชละลายใจเขาเช่นกัน โอมจดจำน้องคนนี้มาตั้งแต่แรกเห็น เขาดูระมัดระวังและไร้เดียงสาแต่ก็กล้าได้กล้าเสียจนน่าสนใจ





.....น่าลิ้มลองเสียเหลือเกิน.....




เด็กหนุ่มสองคนใช้เวลาช่วงเย็นด้วยกันในห้ามสรรพสินค้าไกล้โรงเรียน เขาสองคนนั่งอยู่ในร้านไอศครีม บรรยกาศช่างน่ารักน่าชัง ต่างคนต่างเขินกันบ้าง แต่ดูเหมือนคนที่ตื่นเต้นกว่าอย่างเห็นได้ชัดจะเป็นคนพี รุ่นน้องดูจะเป็นธรรมชาติมากขึ้นกับคนแปลกหน้า โอมเย้าแหย่เล่นกำลังสนุก มาร์ชพบว่าเขามีความสุขมากกว่าที่คิด ไม่รู้ว่ามันเป็นความรักหรือแค่ความสนุกที่ได้มีคนมาคอยตามใจ

   
“อร่อยมั้ย? ถ้าชอบเดี๋ยวพามาอีกนะ”

   
“อร่อยดีครับพี่”


“อยากดูหนังรึเปล่า?”

   
“เอาสิครับ แต่ถ้าดึกพี่ต้องไปส่งผมนะ”

   
“ได้สิครับ จะไปส่งถึงที่เลย”

   
รุ่นใหญ่เขาว่ากันว่าเดทแรกอย่าเพิ่งพาไปดูหนัง แต่นี่ไม่ใช่รุ่นใหญ่ เด็กหนุ่มแรกรุ่นสองคนนั่งอยู่ติดกันในโรงหนัง โอมสบโอกาศสร้างสัมพันธ์ทางกายเป็นครั้งคราว มาร์ชเหมือนจะมัวแต่สนุกจนไม่รู้ตัว เขาไม่ได้มีโอกาศไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อยนัก ถ้าจะออกไปไหนมีแต่จะต้องโหกที่บ้าน แล้วให้ผองเพื่อนช่วยกันปิด แถมยังไม่เคยมีใครมาคอยบริการ เอาอกเอาใจไปซะทุกเรื่อง

   
“นี่...ถามหน่อยสิครับ” รุ่นพี่เปิดประเด็น เมื่อทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ตรงบริเวณลาดจอดรถยามดึกที่เงียบกริบ “มาร์ชเคยมีแฟนมาก่อนมั้ยอ่ะ”

   
“อ่า...ไม่เคยครับ” โอมเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง โยนหินถามทางไว้ก่อนดีที่สุด

   
“แล้วเคยโดนใครจีบบ้างไหมเนี่ย? หรือเคยจีบใครบ้างไหม?” เขาถามต่อ

   
“ไม่รู้สิพี่ ถามยากจัง....” มาร์ชใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นาน จนโอมเปลี่ยนคำถาม

   
“เอางี้....เคยชอบใครมั่งไหม”

   
“ชอบ?.....แบบไหนเหรอพี่”

   
“ก็ชอบอ่ะ....ชอบคุยด้วย ชอบอยู่ไกล้ๆ อยากเจอเค้าบ่อยๆ เวลาอยู่คนเดียวแล้วจะคิดถึงเค้า เคยมีความรักไหมเนี่ยเรา?” โอมแหย่เล่น

   
“ไม่รู้สิพี่ ยังไม่มีมั้งครับ....” เด็กชายตอบเลี่ยง ทำไมจะไม่มีล่ะ คนให้คิดถึงเวลาอยู่คนเดียวน่ะ

   
“ซักวันนึงจะคิดถึงพี่บ้างมั้ยนะ?” รุ่นพี่หันมาอ้อน มาร์ชหัวเราะไปตามเรื่อง ไอ้เขินก็เขินอยู่หรอก ยังไม่เคยมีใครบุกเข้ามาถึงขนาดนี้เลยตั้งแต่รู้จักคนมา

   
“ไว้เริ่มคิดถึงแล้วจะบอกนะครับ” รุ่นน้องตอบไปสัญชาติญาณ

   
“แสดงว่าไม่เคยไปเดทกับใครสินะ?” โอมถามต่อ แน่นอนว่ามาร์ชส่ายหัว “รู้ไหมว่าตามธรรมเนียมเขาต้องทำกันยังไง?”
   

“ทำยังไงเหรอครับ?”

   
“หลับตาสิ ห้ามแอบดูด้วยนะ”

   
“อะไรอ่ะพี่! บอกมาก่อนสิ” มาร์ชนึกสนุก แต่ก็กลัวจะโดนแกล้ง

   
“ไม่เอา หลับตาก่อน นี่....เดี๋ยวปิดให้เอง” พี่โอมยืนมือมือมาปิดดวงตาอยากรู้อยากเห็นคู่นั้นไว้ เขามองดูรุ่นน้องที่หัวเราะด้วยความเคอะเขิน เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่กันนะ นี่ไร้เดียงสาจริงๆหรือมารยากันแน่ จู่ๆก็ออกมาเดทกับรุ่นพี่สองต่อสอง แถมยังกล้าคุยเล่นกับแฟนเก่าไอ้วุฒิอีก “อย่าแกล้งผมนะพี่..” มีทางเดียวที่จะรู้ได้ ก็คือ ต้องลอง

   
โอมเลื่อนหน้าเข้าไปไกล้ เขาประกบจูบเข้ากับคนร่างเล็ก มาร์ชดูตกใจแต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน เด็กชายกำลังช็อค ไอ้แบบนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าจูบ รุ่นพี่ส่งลิ้นเขามาในช่องปาก มันตื่นเต้นวาบหวิวดีเสียเหลือเกิน เหมือนกำลังถูกบดขยี้ แต่ขณะเดียวกันก็ลื่นไหลไปซะหมด โอมเลือนมือไปประคองท้ายทอยและเอวของมาร์ชไว้ไม่ให้ถอยหนี เด็กหนุ่มสองคนบรรเลงเพลงรักกันเนิ่นนานจนแทบจะขาดอากาศหายใจ โอมผละออกมาอย่างนุ่มนวล มาร์ชหน้าร้อนจัดขึ้นมาด้วยความเขินอาย รุ่นพี่มองสภาพของเขาไปพลางซ่อนอาการหื่นกระหาย เขาไม่คิดว่ามาร์ชจูบเป็นเลยสักนิด แสดงว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป เจอของดีเข้าซะแล้ว


“ชอบไหม?” โอมถาม


“ก็....ก็ดีครับ”


“ยังไม่เคยล่ะสิท่า” เขาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ รุ่นน้องส่ายหัว เขายังดูอยู่ในอาการสับสนมึนงง โอมยิ้มให้กับตัวเอง ให้ความโชคดี บรรยกาศที่เป็นใจ จังหวะที่เข้าที และเหยืออันโอชะ...

_____________________


tbc.
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 4 1/2) (26.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-12-2016 18:48:55
 :serius2:   ไม่นะ น้องมาร์ชอย่าเพิ่งนะลูก
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 4 1/2) (26.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: enjoy0189 ที่ 26-12-2016 19:31:20
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 4 1/2) (26.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 27-12-2016 02:00:56
โอมจะหลอกฟันน้องมาร์ชสินะ รออ่านต่อคับ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 4 1/2) (26.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: NRedu ที่ 27-12-2016 10:13:42
โหย อิโอม อิลวงโลก
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 4 1/2) (26.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: WASAWATTE ที่ 27-12-2016 15:21:13
สนุกจัง ติดตามอยู่เน้อ
มาอัพไวๆ นะจ๊ะ  o13
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 4 1/2) (26.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: NRedu ที่ 30-12-2016 21:03:41
รอติดตามนะคร้าบ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 4 1/2) (26.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 30-12-2016 22:54:38
_____________________


สัมผัสใหม่ถูกเปิดขึ้น... เหมือนลืมตาดูโลกอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้มันช่างแตกต่างไปจากเดิม...



...โลกใบใหม่ในขวดใบเก่า....



มาร์กำลังหัวหมุน สมาธิของเขาถูกยื้อแย่งสลับไปมาระหว่างรสจูบของรุ่นพี่ที่ติดคาปาก กับรสสัมผัสของครูพละหนุ่มที่ติดอยู่ตามร่างกาย และกำลังจะเป็นบ้าในไม่ช้าหากไม่หาทางระบายมันออกไป เด็กชายฟุบอยู่กับโต๊ะเรียน เขาเหม่อลอยจนผิดวิสัยมาเกือบสัปดาห์แล้ว โดยที่เพื่อนๆเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เจมส์เพื่อนสนิทเองก็เอาแต่อกหักคร่ำครวญถึงน้อยปอยสุดที่รัก ในขณะที่มาร์ชแทบจะไม่อยากมองหน้าใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับวุฒิชัยทั้งนั้น


เขาเริ่มออกห่างจากกลุ่มเพื่อนโดยไม่รู้ตัว อาจจะเป็นเพราะต้องเจียดเวลาไปหาพี่โอมแบบลับๆ ตามมุมหลืบต่างๆของโรงเรียน รุ่นพี่ดูจะติดใจการเข้าถึงเนื้อถึงตัวเป็นพิเศษ ซึ่งการที่มาร์ชเองไม่ได้บ่นอะไรมากมายยิ่งทำให้เขาถูกรุกคืบเข้าไปอีก

   

“อืออ.....พี่โอม.......ตรงนี้เดี๋ยวมีคนเห็น” เขาดันตัวรุ่นพี่ที่ไซร้ไม่เลิกนั่นออก โอมผละตัวเองมาชมผลงานที่ยืนยับยู่ยี่พยายามจัดทรงผมให้เข้าที่อย่างน่ารักน่าเอ็นดู เขาชอบรูปร่างของมาร์ชมาก มีเนื้อหนังกำลังดี ไม่ผอมบางจนเกินไปแบบเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันที่จับไปตรงไหนก็เจอแต่กระดูก แล้วก็ไม่ได้สูงใหญ่ไปเสียจนควบคุมลำบาก แถมยังฟิตกระชับแบบไม่น่าเชื่อ โตขึ้นมาอีกหน่อยคงจะรูปร่างดีไม่เบาเลย ทำให้อดจินตนาการไปถึงสรีระส่วนอื่นในอริยาบทต่างๆบทเตียงไม่ได้ มันคงจะเต็มเม็ดเต็มหน่วยดีเลยทีเดียวล่ะ


“ไม่มีใครหรอกแถวนี้น่ะ มีแต่เราสองคนนั่นแหละ” โอมนั่งลงจุดบุหรี่สูบ เพื่อระงับอารมณ์ดิบ เด็กหนุ่มท่องกับตัวเองไว้ว่าต้องช้าไว้ ช้าไว้


“นี่....ผมถามจริง....ปกติพี่จีบใครแบบนี้เหรอ?” มาร์ชถาม


“แบบ....แบบไหนเหรอ” รุ่นพี่เข้าใจดีกว่าเขาหมายความว่าอย่างไร


“แบบ....ก็แบบเนี้ย? เหมือนพี่เป็นแฟนผมเลย....” เขาถามได้ตรงประเด็นดี โอมเตรียมพร้อมรับกับคำถามนี้มานานแล้ว




“แล้วอยากเป็นแฟนพี่มั้ยล่ะ?”



   
“พี่ถามงี้เลยเหรอ?” เด็กชายถามกลับ เขาได้ยืนเกาหัวแก้เขินอยู่ตรงนั้น

   
“เขาก็ถามกันแบบนี้แหละ แต่ก่อนจะให้คำตอบน่ะ เขาต้องมีเซอไพร้ส์กันก่อน”

   
“ยังไงเหรอพี่” มาร์ชอยากรู้


   
“เย็นนี้มาเจอพี่หลังสระว่ายน้ำสิ เดี๋ยวจะทำให้ดู”

   
...............

   
...............

   
...............

   
...............


   
แน่นอนว่าเขาไป




   
“มาร์ช ทางนี้!” โอมเรียกชื่อเขาเบาๆ เด็กชายเดินเลี่ยงกลุ่มคนที่เดินสวนกันด้านหน้าสระ ไปด้านหลัง มันเป็นห้องเก็บของเก่าๆที่เต็มไปด้วยรอยพ่นสีตามผนังและคราบบุหรี่ รุ่นพี่เดินนำเขาเข้าไปในห้องเก็บของแคบๆ ที่มีแค่เศษกระผ้าและถังสี กับเบาะนิ่มๆที่ไว้ใช้ออกกำลังกายปึกหนึ่ง

   
“ตรงนี้มันมีอะไรเหรอพี่” มาร์ชถามหยั่งเชิง เพราะสถานที่ไม่ได้น่าพิศมัยเอาเสียเลย

   
“มีนี่ไง” รุ่นพี่หยิบซองที่ติดกันยาวเป็นแถวขึ้นมาจากกล่องพลาสติกไกล้ๆ เด็กชายมองมันสักพักก่อนจะเริ่มดูออกว่ามันคืออะไร

   
“พี่จะ.....” เขานึกคำพูดไม่ออก “เอ่อ.....พี่จะ....เราจะ....ทำแบบนั้นอ่ะนะพี่?” มือไม้ยกขึ้นมาทำท่าทางอธิบาย แค่พูดก็เขินไปหมด โอมจับตามองอากัปกริยานั้นละเอียดยิบ

   
“ถ้าจะเป็นแฟนกันก็ต้องทำกันสิ?” เขาเริ่มหว่านล้อมเมื่อเห็นสีหน้าไม่มั่นใจ “หรือว่ามาร์ชไม่เชื่อใจพี่...” ไม่ยอมเปิดโอกาศให้เด็กชายได้คิดนาน โอมเดินเข้าไม่กอดเอวเข้าไว้หลวมๆ

   
“เปล่าครับ....ผมแค่......” มาร์ชติดอยู่ในวงแขนนั่น ขณะที่โอมก้มลงใช้ริมฝีปากทำงานกับซอกคอขาวเนียน เขาไวต่อสัมผัสตามประสาเด็กแรกรุ่น แต่มันมาพร้อมกับภาพที่ทับซ้อน....กับก้องภพ เด็กชายสับสนเหลือเกินกับความรู้สึกแปลกใหม่ เขาบอกไม่ได้ว่าเขาชอบมันหรือเปล่า เหมือนที่เขาเอ่ยปากบอกคนตรงหน้าไม่ถูกว่าเขาควรจะหยุดหรือไม่ โอมกำลังเมามันอยู่กับการฟัดลงไปบนร่างกายของอีกฝ่าย จนไม่ได้สังเกตุอาการลังเล เขารุกหนักขึ้นและก้มลงไปปลดตะขอกางเกงนักเรียนออก มาร์ชถอยหลังแล้วคว้ามันไว้อย่างรวดเร็ว

   
“เดี๋ยว...พี่!”

   
โอมไม่ฟังเสียง รุ่นพี่รุกคืบต่อด้วยการดันให้เด็กชายล้มลงบนเบาะ มาร์ชถูกคร่อมไว้ด้วยคนหื่นกระหาย เสื้อของเขาถูกดึงจนกระดุมขาดหลุดร่วง

   
“พี่! ช้าหน่อยครับ!”

   
“เชื่อใจพี่นะครับคนดี....อย่าดิ้นนะ เดี๋ยวเจ็บนะ...”

   
“อืออออ....พี่ครับ....”

   
มาร์ชหมดเรี่ยวแรงเฉียบพลันเมื่อมือของโอมล้วงเข้าไปสัมผัสจุดอ่อนไหวที่สุด มือข้างหนึ่งของเขาถูกจับไว้ให้ติดกับเบาะด้วยเรี่ยวแรงที่มากกว่า

   
“ไหน....ชอบไหม บอกพี่หน่อยสิ”

   
“ไม่เอาครับพี่....อย่าเพิ่งได้ไหม....” มือข้างที่เหลืออยู่ดึงดันสู้ไม่ไหว รุ่นน้องทำได้เพียงขอร้องดีๆ เขานึกได้เพียงแต่โทษตัวเองที่พาตัวเองเข้ามาในจุดที่เป็นอยู่ เพราะมีความลังเลเกิดขึ้นอยู่ในใจมาเสมอท่ามกลางกระแสเชี่ยวกรากของการอยากรู้อยากลอง ของเล่นใหม่ เขาคิดว่าเขาควบคุมมันได้ ควบคุมตัวเองได้ แต่ลืมไปว่า เขาควบคุมอีกฝ่ายไม่ได้ มาร์ชไม่กล้าสู้กลับ แล้วยิ่งทียิ่งดิ้น เหมือนอีกฝ่ายจะยิ่งชอบ เขาส่งเสียงดัง โอมพยายามอุดปากเขาไว้ “อย่าเสียงดังสิ!” แต่ดูเหมือนจะสายเกินไป เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงคุ้นหูนั่นที่ถามเข้ามา

   
“เห้ย! ทำอะไรกัน ออกมาเดี๋ยวนี้!”

   
โอมผละออกไปอย่างรวดเร็ว  เด็กหนุ่มสองคนลุกขึ้นยืนลนลาน ขณะที่มาร์ชพยายามใส่เสื้อผ้ากลับไป แต่กระดุมบางเม็ดหลุดขาด แถมยังมีรอยแดงเป็นจ้ำใหญ่ที่ต้นคอ ประตูบานเดิมถูกเคาะเสียงดังขึ้น พวกเขามองหน้ากันเลิกลั่กจนสุดท้ายมาร์ชเดินเลยโอมที่ถอยไปจนสุดมุมห้อง  รุ่นพี่ยืนตัวแข็งเมื่อเห็นรุ่นน้องเดินไปที่บานประตู



“พี่! เราจะหนีไปไหนพ้นวะ!”

   
“มาร์ช!อย่านะ!”

   
เด็กชายไม่ฟังเสียงเรียก เขาดึงประตูให้เปิดออก มาถึงตรงนี้แล้วจะดิ้นรนไปทำไมให้มันเหนื่อยเล่า

   
“เธอ....”

   
“อาจารย์...”

   
มาร์ชประหลาดใจ เขาไม่ทันนึกว่าจะเปิดมาเจอกับ



….ก้องภพ....ที่ดูตกตะลึงไม่แพ้กัน…


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


จบตอน 4
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 4 ) (30.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 31-12-2016 00:31:13
  เออ จะทำอะไรก็ไม่ดูสถานที่ ไม่รู้จะเป็นเรื่องอะไรมั้ย
  รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> (บทที่ 4 ) (30.12.59)
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 31-12-2016 02:33:44
ดีนะที่อาจารย์มาเจอ  :hao5:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 4 (P2) 30.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 31-12-2016 19:35:02
ติดตาม
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 4 (P2) 30.12.59
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 01-01-2017 04:02:33
5.



มาร์ชนั่งมองพื้นอยู่ในห้องพักครู...


ไม่มีใครกล้าส่งเสียง เพราะเพียงแค่เสียงของอาจารย์ก็เกินพอเท่าที่ห้องแคบๆจะบรรจุไว้ได้ เขาเงยหน้ามองผ่านกระจก เห็นโอมยืนก้มหน้าก้มตา สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก มาร์ชที่อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลอดทนรอจนถึงคิวของตัวเอง ก้องภพเปิดประตู ไล่รุ่นพี่ให้กลับบ้าน แล้วเรียกรุ่นน้องเข้าไปแทน


“ไหนค่อยๆเล่ามาซิ เอาตั้งแต่ต้น” เขาเริ่มสอบปากคำ

   

มาร์ชพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าตั้งแต่ต้นมันอยู่ตรงไหน เขาทำได้แค่ยืนกุมสาบเสื้อไว้ไม่ให้มันแยกจากกัน อาจารย์พละสังเกตุรอยจ้ำแดงที่คอตั้งแต่แรก แถมได้ยินเสียงร้องปฏิเสธนั่นชัดเจน แต่ก็ไม่อยากเป็นฝ่ายเริ่มก่อนให้มันน่าอึดอัดเสียเปล่า

   
“นั่งก่อนก็ได้นะ ค่อยๆหายใจ”

   
เด็กชายยืนรั้งรอ เขาไม่กล้าสบตาอาจารย์ มันกดดันยิ่งกว่าครั้งไหนๆ สายตาของก้องภพมันช่าง.... มันเหมือนถูกมองทะลุเข้าไป หากเป็นช่วงเวลาอื่นมันก็คงจะแค่กดดันให้รำคาณใจ แต่ในตอนนี้มันเหมือน.....ถูกถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น มาร์ชไม่สามารถเลิกคิดเรื่องน่าอายเหล่านั้นได้ ยิ่งทุกครั่งที่เจออาจารย์หนุ่มคนนี้ ตอนนี้ไม่อยากจะเงยหน้าขึ้นจากพื้นด้วยซ้ำ มันสับสน มันน่าอาย มันพาให้เขาเข้าไปพัวพันกับเรื่องรักใคร่ของรุ่นพี่คนหนึ่งเพียงเพราะความอยากรู้อยากเห็น ชัดเจนสำหรับเด็กชายแล้วว่าแรงขับนั่นมาจากก้องภพ ผิดบาปไปหมด เขาทนรับสภาพน่สมเพชของตัวเองไม่ไหวอีกแล้ว
   
   
“เธอร้องไห้ได้นะ ฉันไม่ว่าเธออ่อนแอหรอก....” ก้องภพก้มลงมองนักเรียนที่เริ่มส่งเสียงสะอื้น

   

น้ำตาไหลลงมาเหมือนถูกสั่ง

   

“นั่งก่อนเถอะ....” เขาประคอง.... ร่างกายแนบชิด ค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้รับแขก มาร์ชน้ำตาไหลไม่หยุด โดยที่ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าร้องไห้เพราะใคร หรือเพราะอะไรกันแน่


   


...ผู้ชายคนนี้กำลังทำจะทำให้เขากลายเป็นบ้า....


   

“อย่าไปคิดว่ามันเป็นเรื่องผิด อย่าไปคิดว่ามันเป็นเรื่องได้เสียเลย เขาเอาอะไรไปจากเธอไม่ได้หรอก”


   
“ไม่ต้องกลัวนะ...อาจารย์อยู่ตรงนี้แล้ว....”

    

“แล้วอีกอย่างนะ...เธอก็ไม่ใช่เด็กผู้หญิงสักหน่อย”


   
อยู่ดีๆเสียงสะอื้นไห้เบาๆนั่นเงียบลง มาร์ชปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเองเท่าที่เหลือออกช้าๆ



“ทำอะไรของเธอน่ะ!” ก้องภพตกใจ เมื่อหันกลับมาเจอเด็กชายในสภาพเหลือแต่กางเกงนักเรียน


“กระดุมมันหลุดน่ะครับ” เด็กตรงหน้าหยิบเสื้อตัวเองขึ้นมาดูสภาพที่ขาดยับเป็นจุดที่ถูกกระชาก “คราวก่อนอาจารย์ไม่เขินไม่ใช่เหรอ แค่ผมถอดเสื้อเอง...”



“ฉันแค่แปลกใจเฉยๆ....โตไวดีนะเรา”



“พี่โอมล่ะมั้งครับที่ทำให้ผมโตขึ้น.....อาจารย์ว่าผมโตพอหรือยังล่ะ?”


“พูดอะไรของเธอน่ะ...นี่......เมื่อกี้เกือบโดนแล้วนะ จะไม่สลดหน่อยเหรอ กลัวคนไว้บ้างก็ดีนะเธอน่ะ”



“....ผมไม่กลัวอาจารย์หรอก”



“...ฉันไม่ใช่คนดีอย่างที่เธอคิดหรอกนะ...” ครูพละตอบตามตรงเพื่อให้มาร์ชรู้จักป้องกันตัวเอง ยิ่งเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกบ้าบอก่อนหน้า ที่ไม่สามารถลบออกไปจากสมองเขาได้ เขาจำเป็นต้องป้องกันเด็กคนนี้จากตัวเขาเอง


“ผมว่าผมก็ไม่ใช่เด็กเรียบร้อยแบบที่ใครๆคิดเหมือนกัน...” เด็กนักเรียนกับดวงตาใสซื่อ กับคำพูดร้ายกาจเกินตัว กำลังทำให้ก้องภพใจเต้นไม่เป็นส่ำ แววตาของมาร์ชเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ “อาจารย์ก็ดูเหมือนจะเชื่ออย่างนั้น...ใช่ไหมล่ะครับ” เด็กชายในกางเกงนักเรียนตัวเดียว สายตามองไปที่แกนกลางลำตัวของอาจารย์พละไม่วางตา เขาสังเกตุมันมาสักพักแล้ว ว่าก้องภพเองก็เริ่มร้อนขึ้นไม่แพ้กัน มาร์ชลุกขึ้นเดินไปล็อคประตู แล้วรูดมูลี่ให้ปิดสนิท




“.....เธอ......กำลังยั่วฉันเหรอ....”





_______________________________________________

tbc.

หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 01-01-2017 04:05:08


“อาจารย์คิดว่ายังไงล่ะครับ?” เด็กนั่นตรงมาหาเขา ก้องภพกำหมัดแน่นเพื่อควบคุมสติ มาร์ชเผลอกัดริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว “น่าเสียดายนะ ถ้ามีแผลสักหน่อยอาจารย์จะได้ทำแบบคราวก่อนอีก” คำพูดหลุดลอยหวิวออกมาจากปากเขา

   

“นี่เธอเป็นบ้าขึ้นมาอะไรเนี่ย......” ชายหนุ่มก้าวถอยหลัง ร่างกายทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะต้องมากลัวอีแค่เด็กนักเรียนไร้สติคนหนึ่ง

   

“ผมก็ว่าผมเป็นบ้า.....อาจารย์อยากรักษาผมไหมล่ะ” มาร์ชไม่ถอยหลังอีกแล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยชายตรงหน้าไปไหนจนกว่าเขาจะได้สิ่งที่ต้องการ สัมผัสของอาจารย์ก้องหลอกหลอนเขาแม้ในฝัน พอกันทีกับการอ้ำอึ้งเพื่อให้ผู้อื่นสบายใจ พอกันทีกับการเก็บงำความต้องการไว้เพื่อให้ทุกอย่างเป็น ‘ปกติ’ พอกันทีความปกติ ใครกันต้องการความปกติ เมื่อความปกติทำให้เขากลายเป็นบ้า มันคงเป็นโชคร้ายของก้องภพ ที่มาสบเอาจังหวะที่เด็กชายไม่อาจดึงรั้งตัวเองไว้ได้อีกต่อไป

   

“ฉันรู้ว่าเธอเสียใจ…มาร์ช ตั้งสตินะ แล้วฟังฉัน”

   

“ผมไม่ได้เสียใจ...” นั่นแหละที่แปลก บางทีเขาอาจจะเสียน้ำตาเพราะความอ่อนประสบการณ์ แต่กลับไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด ผู้ชายร่างสูงยืนตัวแข็งทื่อ เขาถูกควบคุมด้วยเด็กที่ตัวสูงแค่คาง สองมือที่ยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีขาวสะอาดนั้นแฝงไปด้วยความหวาดหวั่นเล็กๆที่ผู้ใหญ่เท่านั้นจะสัมผัสได้ ความอยากรู้อยากลอง


   

“อาจารย์จะคิดอะไรมาก....ผมไม่ใช่เด็กผู้หญิงสักหน่อย”



ความอ่อนเยาว์ ท่าที่อวดดี และสายตากล้าได้กล้าเสียนั่นรวมเข้ากันทำให้ก้องภพแทบคลั่ง สัญชาติญาณนักล่าสั่งให้เขากระโจนเข้าไปขย้ำเหยื่อ มือของชายหนุ่มคว้ามือคู่ที่เล็กกว่าไว้ทั้งสองข้าง เขาเพิ่งพินิจดวงตาที่เคยไร้เดียงสานั้นอยู่นาน และภาวนาให้มาร์ชนึกลัว ผลักเขาออกไป หรือเปลี่ยนใจ หรือขอเพียงมีท่าทีลังเลแม้แต่น้อยก็ยังดี แต่แล้วในที่สุด ในเมือฝ่ายหนึ่งเป็นบ้าไปเสียแล้ว....อีกฝ่ายจะรีรอไปทำไม



“เธอขอฉันเองนะ....”



ครูพละดันเด็กนักเรียนขึ้นนอนบนโต๊ะ มือสองข้างบีบขย้ำลูบคลำหาจุดที่เปราะบางพอจะทำให้เกิดปฏิกริยาที่เขาต้องการ ความด้อยประสบการณ์ของเด็กนักเรียนทำให้มันง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เขาชอบทีจะควบคุมเกม และมาร์ชก็ตอบโจทย์ได้ดีเสียเหลือเกิน



“อ๊ะ......อา...จารย์...อื้อ...” เด็กนักเรียนร้องเรียงกระเส่าเมื่อก้องภพจู่โจมเข้าที่รอยแดงที่เดิม เขาคงจะไม่ยอมให้มันเป็นรอยประทับของคนอื่นไปได้ มือที่เหลือบีบเค้นเนื้อแน่นที่ตอบสนองไปเสียทุกส่วน จับไปตรงไหนก็ดูยืดหยุ่นพร้อมรับทุกท่วงท่า
   
   

“อาจารย์ครับ......” กางเกงนักเรียนถูกปลดแล้วกระชากออก

   

“ถ้าเธอยังไม่หยุดเรียนฉันว่าอาจารย์ เธอโดนไม้แข็งแน่ๆมาร์ช” ครูพละพูดไปพลางเขวี้ยงกางเกงนักเรียนทิ้งไป เหลือแค่กางเกงในตัวเดียว จับมือทั้งสองข้างขึงไว้กับโต๊ะ พยายามค้นคนสัญญาณแตะเบรคเป็นครั้งสุดท้าย

   
“อาจารย์ก้องครับ....ผม...อยากโดน”


   
“เด็กบ้าเอ้ย...”

   

มันเป็นเพลงรักที่ต่างฝ่ายโยนสติสัมปชัญญะทิ้งไปจนหมด อาจารย์หนุ่มงัดเอา ‘ไม้แข็ง’ ที่ว่าออกมา และแน่นอนว่ามันยอมแข็งตามชื่อ เขาพอจะรู้ตามประสบการณ์ว่าต้องเอามันไปใส่ไว้ตรงไหน ขาของมาร์ชถูกดันให้แยกจากกัน ท่าทางเคอะเขินไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน ก้องภพหยิบถุงยางที่ยึดมาได้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนมาฉีกออก แล้วบีบน้ำหล่อลื่นลงไปบนของแข็งของตัวเอง รูดจนเต็มลำคับมือ ไปจรดไว้ที่ปากทางเข้า

   
“อะ...โอ๊ย...อะ...อาจะ...อา...จารย์...ผม...จะ....เจ็บ”

   
ความเลือดเย็นคือคนตัวโตที่ไม่ฟังเสียง เขาดันตัวเองเข้าออกเป็นจังหวะตื้นๆ ก่อนจะค่อยๆดันลึกเข้ามาเป็นจังหวะ ทุกครั้งที่มันกระแทกเข้ามา มาร์ชรู้สึกเหมือนตัวเองค่อยๆถูกฉีกออกจากกัน เขาจุกเสียจนแทบจะร้องไม่ออก มันเจ็บจนลืมไปเลยว่าจะต้องพูดว่าอะไร
   

“อะ....อ๊ะ.....ผม.....อื้อ”

   
เสียงเนื้อกระทบกันเบาๆเป็นจังหวะเริ่มเขามาปะปนกับเสียงร้องขาดๆหายๆ และเสียงครางต่ำๆ เมื่อก้องภพดันมันเข้าไปจนสุดได้สำเร็จ ไม่จำเป็นต้องให้พูดถึงเซ็กส์ที่ถึงอกถึงใจขนาดนี้เลย เซ็กส์ครั้งล่าสุดของตัวเองยังจำแทบไม่ได้ ไม่ได้เคยได้ทำตามใจตัวเองกับคู่นอนคนไหนได้เท่านี้มาก่อน แม้รวมถึงภรรยาตัวเองที่แต่งงานกันมาร่วมเกือบสามปี มาร์ชทั้งเชื่อฟังและอินไปกับเขาในทุกอิริยาบท

   
“อา...อ๊ะ...อาจารย์”


ถึงแม้จะแสดงอาการเจ็บปวดไปกับแต่ละท่วงท่า แต่ความลุ่มหลงและความอยากลองเป็นฝ่ายชนะ  เสียงครางที่เริ่มเปลี่ยนไปของเด็กนักเรียนคือเรื่องยืนยัน การตอดรัดยิ่งถี่และแน่นขึ้นตามระยะเวลา มันอาจเป็นแรงต้านจากความเจ็บที่เปลี่ยนไปเป็นความเสียว จนนานแล้วความแสบก็เริ่มเข้ามาแทนที่ นั่นกลับทำให้คนที่เป็นฝ่ายบุกทะลวงเข้าไปกลับยิ่งสุขสมอารมณ์หมาย

   
“อ๊า....อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ”

   
“โอยย...ไกล้แล้ว...มาร์ช...อีกนิดเดียว”

   
อาจารย์พละปลดปล่อยออกมาจนหมดแม็กในไม่ช้า เขากดมันเข้าแนบแน่น ร่างกายทั้งสองคนแนบชิดกันจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นถี่รัวของอีกฝ่าย วิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ชายหนุ่มมองดูเด็กคนหนึ่งที่เพิ่งถูกพรากความบริสุทธิ์ไป ผลงานของเขาไหลย้อนลงมาตามง่ามขาขาวเนียนนั่น.... มันเป็นความพึงพอใจที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน


มาร์ชในท่าที่ถูกจับนอนคว่ำพาดไปกับโต๊ะหอบหายใจลึกถี่ ความเจ็บแสบยังไม่หายไปแม้สุดทาง เขาพลิกตัวกลับมาหาอย่างยากลำบาก แต่ภาพของอาจารย์ก้องที่เปลือยเปล่านั่น ทำให้เขาเคลิ้ม เม็ดเหงื่อที่ผุดออกมาบนร่องกล้ามเนื้อชัดเจนเป็นมัดๆแบบนักกีฬา ไรขนบางๆใต้สะดือไล่ลงมาจรดกับส่วนอื่น ไหนท่อนแขนใหญ่ที่เส้นเลือดกำลังเต้นตุบๆจากการสูบฉีดนั่นอีก


   
“ทีแรกฉันก็ว่าฉันจะปกป้องเธออยู่หรอก”

   
“ครับ?” มาร์ชเกือบรวบรวมสติไม่ทัน

   
“แต่ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”

   
มาร์ชทำหน้างง

   
“ฉันจะทำโทษเธอแทน”

   
ทำไมมันเสียวสันหลังบอกไม่ถูก

   
“เด็กแบบเธอน่ะ....มันต้องโดนดัดนิสัย...อย่างหนัก...”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบบทที่ 5


talk; ต่างคนต่างสติแตกไปแล้วจ้าาาาา 5555 ก็เด็กมันยั่ว
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 01-01-2017 08:54:17
อื้อหือ คุณก้อวภพนี่อัดอั้นมาจากไหนเนี่ย แต่ก้อนะถ้าไม่ตบะแตกสติหลุดคงไม่จัดวนไปแบบนี้
ห้องพักครูสมัยนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดเหรอ ประสบการณ์เขียนแบบนี้ค่ะ
 :pig4:   สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอร้องอย่าดราม่ามากเลยสงสารเด็กมัน
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: อีแก้วปิ้งไก่ ที่ 01-01-2017 14:19:24
จูบกันรุ่นพี่แล้วมาต่อกับอาจารย์์  :katai1: :katai1: :katai1:  กรี๊ด ขุ่่นน้องงงง
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: PaePT ที่ 01-01-2017 16:24:14
หื้ม แซบบบบบ แต่สัมผัสได้ถึงความจิตนิดๆบางอย่างของทั้งคู่ ดูมีปม

ชอบบบบบบ  :hao6:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 01-01-2017 17:27:26
เด็กมันยั่วจริงๆฮ่าๆ ทำไมครูพละถึงกล้าทำกับมาร์ชล่ะ แสดงว่าต้องเคยมีเบื้องหลังมาก่อนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 02-01-2017 22:09:54
อื้อหือ คุณก้อวภพนี่อัดอั้นมาจากไหนเนี่ย แต่ก้อนะถ้าไม่ตบะแตกสติหลุดคงไม่จัดวนไปแบบนี้
ห้องพักครูสมัยนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดเหรอ ประสบการณ์เขียนแบบนี้ค่ะ
 :pig4:   สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอร้องอย่าดราม่ามากเลยสงสารเด็กมัน

ขอบคุณนะค้าาาที่ติงเรื่องคำผิด จะรีบแก้ไขอย่างด่วนเลยค่ะ  :mew1:  :L1:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: WASAWATTE ที่ 03-01-2017 22:01:59
เลือดสูบฉีดดีแท้
มาต่อไวๆ นะจ๊ะ
 :jul1:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: PaePT ที่ 04-01-2017 23:29:00
อยากอ่านต่อแล้ว  :katai1:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: NRedu ที่ 05-01-2017 12:41:01
มีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งที่ สอง 555
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 05-01-2017 13:33:39
 :jul1:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: Khunnay24 ที่ 05-01-2017 19:44:12
 :katai1: :pighaun: :haun4: แซ่บจริงอะไรจริง....หุหุ ชาบูผู้เขียนมากมาย
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 06-01-2017 01:24:20
6.



   
“ห้ามเข้าไกล้ฉันอีกเป็นอันขาด....”

   
“ผมเรียนกับอาจารย์นะ....”

   
“อยู่กับเพื่อนไว้ อยู่ให้ห่างจากฉัน”

   
“แต่เรามีอะไรกันแล้ว....”

   
“อย่าให้ฉันต้องใจร้ายเลยนะ”

   
“อาจารย์ห้ามผมไม่ได้หรอก....”

   
ชายหนุ่มหมดคำพูดแต่เพียงเท่านั้น เมื่อเด็กตรงหน้าไม่ยอมไปไหน เขาเพียงแค่ลุกขึ้นมานั่งบนโต๊ะ ร่างกายเปลือยเปล่านั่นแลดูบอบช้ำจากภายใน มาร์ชถัดตัวเองลงมา เด็กชายทรงตัวแทบไม่อยู่ ก้องภพห้ามตัวเองไว้ไม่อยู่จนต้องเข้าไปช่วยประคอง

   
“เสื้อผมขาด...ตรงคอผมก็เป็นรอย ผมกลับบ้านไม่ได้”

   

“ฉันไม่พาเธอกลับบ้านหรอกนะ....จะบ้าเหรอ!”


   
“ผมแค่อยากให้พาไปซื้อเสื้อใหม่ให้หน่อย จะโมโหทำไมเล่า!”

   
มาร์ชนึกเสียใจเล็กๆที่ถูกอาจารย์ก้องเย็นชาใส่ทันทีที่เสร็จกิจ ถึงแม้เขาไม่ได้คาดหวังจะได้รับความรักหวานซึ้งจากผู้ชายคนนี้อยู่แล้ว แต่ถึงกลับผลักไสกันมันออกจะเหนือความคาดหมายไปหน่อย

   
“เห้อ.....” ครูพละถอนหายใจเฮือกใหญ่ เด็กมันพูดถูก

   
“เอาเสื้อคลุมฉันไปก่อน ฉันจะไปเอารถวนมารับข้างๆ ห้ามเอากลับบ้านล่ะ มันมีตราโรงเรียนปักอยู่”

   
“ครับ”

   
ก้องภพไม่พยายามเพ่งสมาธิไปที่ถนนและเสียงแอร์รถ มันเหมือนกับเขาเพิ่งฝันไป ฝันร้ายเสียด้วย ใครจะไปคิดว่าอาจารย์ก้องจะไปมีอะไรกับเด็กนักเรียนชายในห้องพักครูของตัวเอง พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ เรื่องบ้าๆบอๆ เด็กบ้าๆบอๆนั่น ดูท่าทางไม่ค่อยดียิ่งกว่าตอนที่ถูกรุ่นพี่ปู้ยี่ปู้ยำเสียอีก แหงอยู่แล้วล่ะ ก็เขาไม่ได้ยั้งมือไว้ให้เลย ตอนนี้ยิ่งดูเปราะบางยิ่งน่าบดขยี้เข้าไปอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะยิงหัวตัวเองทิ้งไปเสียตรงนี้

   
“รอในรถนี่แหละ” ชายหนุ่มบอกหลังจากจอดรถเข้าที่ทางของห้างสรพพสินค้าเล็กๆไกล้ๆโรงเรียน
   

“ผมหิว....”


“อะไรนะ?”


“ผมหิว.....บอกเฉยๆครับ ไม่มีอะไร”


“รอในนี้แหละ!” ก้องภพปิดประตู จะให้ลงไปได้ยังไงกัน สภาพดูไม่ได้ซะขนาดนี้ แล้วดู แล้วยังดูมาพูดจามีแง่งอนใส่กันอีก ถ้าเป็นลูกจะตีให้ตายเลย


มาร์ชกดหายใจผ่านช่องกระจะรถที่เลื่อนลงมา ความรู้สึกเหมือนเพิ่งถูกกระทืบไม่มีผิด ปวดระบมไปจะทั้งตัวอยู่แล้ว ช่วงเวลาที่เสียวซ่านและตื่นเต้นพาให้ร่างกายลืมไปว่าตัวเองถูกจับกระแทกย้ำๆกับขอบโต๊ะไม้แข็งเป๊ก กว่าจะรู้ตัวก็ท่าทางจะสายไปเสียแล้ว เพราะรอยช้ำเริ่มปรากฏตามหัวเขา และจางขึ้นมาที่ข้อศอก แต่นั่นก็ไม่เท่าความปวดหน่วงเวลาขยับตัวลุก นั่ง ยืน ไม่อยากจะนึกเลยว่าพรุ่งนี้จะเจ็บขนาดไหน
   
ไม่นานนักก้องภพกลับมาพร้อมเสื้อกันหนาวคอเต่าแบบที่คิดว่านักเรียนขอบใส่ ชยกมือไหว้แล้วรับมาใส่ เขายิ้มให้อาจารย์หนุ่มที่มีรสนิยมไม่เลวเลย

   
“ยังหิวอยู่รึเปล่า?”

   
“ครับ…ก็คิดหน่อย...แต่ไม่เป็นไรหรอก”

   
ครูพละมองรีมฝีปากซีดกับรอยช้ำบางๆตามร่างกาย

   
“ฉันไม่เดินไปซื้อข้าวให้อีกรอบหรอกนะ.....ลงมานี่มา ไปหาอะไรกินก่อน”

   
“ครับ” เด็กชายแง้มรอยยิ้มพิมพ์ใจ อาจารย์หนุ่มเมินหน้าหนีขณะที่เขาค่อยๆดันตัวเองลงมาจากรถ

   
“อาจารย์อยากกินอะไรครับ?”

   
“เอาง่ายๆไวๆนี่แหละ จะได้รีบกลับ”

   
“ชาบูร้านใหม่น่ากินอ่ะ” มาร์ชเสียสมาธิทันทีเมื่อเห็นรูปเนื้อติดมันขนาดใหญ่บนโปสเตอร์

   
“บอกให้เอาแบบเร็วๆไง กินราเม็งเนี่ยไร เร็วดี ตามมาเร็ว” ชายหนุ่มสาวเท้าเดินนำไป

   
“ช้าๆหน่อยสิ!” มาร์ชบ่น

   
ก้องภพไม่รอช้าหลังจากได้ที่นั่ง เด็กชายยิ่งอึดอัดเมื่อเขาทำเป็นเหมือนไม่รู้จักกัน อาจารย์หนุ่มเลี่ยงบทสนทนาเล็กๆน้อยๆ หรือแม้แต่การสบตาเขาในที่สาธารณะ มันแย่จริงๆที่ต้องนั่งลงกับคนที่ดูไม่เป็นมิตรเลยสักนิด ว่าแต่ถ้าลองชวนคุยดูอีกสักนิดก็คงไม่เสียหายล่ะมั้ง

   
“อาจารย์จะรีบกลับบ้านเหรอครับ?”

   
“........”

   
“อาจารย์ไม่กินหมูสามชั้นเหรอ?”

   
“........”

   
“มาถึงขั้นนี้แล้ว...อาจารย์จะยังไม่คุยกับผมดีๆอีกเหรอ...”

   
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้รีบกินแล้วก็รีบไป...” ก้องภพตอบอย่างอดทน แค่นี้เขาก็อยากจะระเบิดตัวเองทิ้งไปจะแย่อยู่แล้ว ทำไมมาร์ชถึงยังได้ลอยหน้าลอยตาได้อยู่อีก

   
“ดุจั้ง.....เห็นทีแรกนึกว่าจะอบอุ่นซะอีก” เสียงบ่นกระแนะกระแหนเล็ดรอดออกมา

   
“ก็ใครล่ะทำให้เป็นแบบนี้....”

   
“โทษผมคนเดียวได้ด้วยเหรอ ของแบบนี้น่ะ”

   
“กินไป ฉันเสร็จแล้วไม่รอนะ....” ครูหนุ่มสั่งเสียงเด็ดขาด

   
มาร์ชถอนหายใจแรงๆใส่คนตัวโตก่อนจะหันมาโกยเส้นราเม็งเข้าปาก งอนจนลืมไปเลยว่าตัวเองหิว เด็กชายรีบลุกตามอาจารย์หนุ่มที่เดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ขนาดจะยกมือไหว้ขอบคุณยังไม่รับ มาร์ชได้แต่ก้มหน้าก้มตาตามไป ในใจก็เริ่มปริ่มไปด้วยความน้อยใจได้ที่ อะไรมันจะรังเกียจกันขนาดนั้น สายตาที่เคยทำให้วาบหวิว ตอนนี้กลับกลายเป็นหัวใจต่างหากที่เบาหวิวด้วยความเหงา

   
“ฉันจะไปส่งแค่หน้าปากซอยบ้านนะ เดินเข้าไปเองไหวใช่ไหม”

   
“ครับ...ยังไงก็ได้”

   
ก้องภพหันไปมองภาพเด็กคนเดิมที่เดินตามมาต้อยๆ ส่งเสียงตอบแผ่วเบา

   
“แน่ใจนะว่าไหว?”

   
“ไหวครับ”

   
“มองหน้าฉันหน่อยสิ เป็นอะไรไป?”

   
“เปล่า...”

   
เขาเชยคางใบหน้าเล็กขึ้นมอง เด็กชายยังไม่ยอมสบตา

   
“นี่....อย่าร้องไห้ตรงนี้นะ...”


“ผมเปล่า....อาจารย์อย่าพูดถึงมันดิ....”


ก้องภพลุกลี้ลุกลนเมื่อน้ำตาเริ่มรื้นขึ้น นี่หลังจากฟันเด็กไป เขากำลังจะทำเด็กคนเดิมร้องไห้เป็นครั้งที่สองอย่างนั้นหรือ วันนี้มันวันอะไรกัน ทำไมมันถึงได้เหนื่อยขนาดนี้


“ให้ตายเหอะ....”

_____________________________________


tbc.
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 5 (18+) (P2) 1.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 06-01-2017 01:27:02




“ฮึก.....” มาร์ชก้มหน้าหลบ โดนบ่นอีกแล้วสินะ เกลียดตัวเองเหมือนกัน ที่อารมณ์เหวี่ยงขึ้นลงเป็นพายุมาทั้งวันอย่างกับเด็กผู้หญิง

   

“ไม่เอาๆๆ....เอ่อ....นี่ๆ มานี่มา” ครูพละหันมองรอบตัว พยายามมองข้ามสายตาคนเดินห้างที่กำลังจ้องมองพวกเขาอยู่  มาร์ชซุกหน้าลงกับฝ่ามือ นั่นยิ่งดึงดูดสายตามากขึ้นไปอีก จนชายหนุ่มต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง เขาจูงมือเด็กชายไปด้วยกัน เลี้ยงลูกตัวเองยังไม่วุ่นวายเท่านี้เลย เขาสาวเท้าเร็ว พาทั้งคู่มาจนถึงหน้าร้าน ที่คิดว่าน่าจะช่วยได้

   

“นี่.....เธอ....เอ่อ......มาร์ช.....กินนี่ไหม”

   

“อาจารย์....” มาร์ชเงยหน้าขึ้นมองป้ายร้าน ‘ไอซ์ครีม’ ตรงหน้า เด็กชายยืนอึ้งไปสักพัก “ผมไม่ใช่เด็กประถมนะ....ฮ่าๆๆ จะบ้าเหรอ!” ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมา ก้องภพตกใจกับอารมณ์ที่เปลี่ยนกะทันหันอีกครั้ง นี่วัยรุ่นมันเป็นหนักขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย..

   

“แต่ถ้าอาจารย์พามา ผมได้หมดแหละครับ” เด็กชายส่งยิ้มกลับ เขายืนหันหลังซับน้ำตาอยู่เงียบๆบริเวณที่จะไม่มีใครเห็นสักพัก แล้วเดินนำเข้าไป

   

“ฉันตามเธอไม่ทันแล้วเนี่ย....” อาจารย์หนุ่มบ่นพึมพับตัวเอง

   

เด็กนักเรียนหย่อนตัวลงนั่ง ถึงปากจะบอกไม่อยาก แต่พฤติกรรมนั่นมันสวนทางหันเห็นๆ ก้องภพนั่งมองเด็กที่ชี้นู่น สั่งนี่ เพลิดเพลิน แม้ว่าจะกลัวใจตัวเองแค่ไหน แต่เขาไม่อยากให้วันนี้จบลงด้วยน้ำตา สำหรับครั้งแรกของเด็กคนหนึ่ง มันคงเป็นส่วนหนึ่งของ ความรับผิดชอบ...ละมั้ง

   

“อาจารย์ไม่สั่งอะไรเหรอครับ?”   

   

“ฉันกินของหวานได้ไม่เยอะนะ”

   

“มิน่าล่ะถึงได้หุ่นดี” มาร์ชพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำเอาผู้ใหญ่เขิน “ผมอยากมีหุ่นแบบอาจารย์บ้าง สอนผมเล่นหน่อยสิครับ”

   

“ไปคิดเรื่องเรียนก่อนเถอะเราน่ะ....อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องอื่น”

   

“ผมเรียนเก่งอยู่แล้วน่า ไม่เห็นต้องไปคิดถึงมันเลย น่าเบื่อจะตาย คิดถึงอย่างอื่นดีกว่า”

   

“นอกจากเรื่องเรียนแล้วเนี่ย เหมือนว่าอย่างอื่นที่เธอสนใจดูจะหาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้นเลยนะ....จะไม่สลดหน่อยเหรอ?” เขาแซวเล่น แต่เหมือนจะแรงไปหน่อย

   

“........” เด็กชายเงียบ เป็นอีกครั้งที่ผู้ใหญทำตัวไม่ถูก “ฉันล้อเล่นน่า! อย่างอนสิ! ทำตัวไม่ถูกแล้วเนี่ย!”

   
“........” มาร์ชแกล้งต่อเมื่อเห็นท่าทางน่าสนุก “อย่ามองฉันแบบนี้นะ.....”

   
“.........” ความเงียบเข้าปกคลุม ขณะที่ไอศครีมจานใหญ่ถูกวางลงระหว่างทั้งสอง อาจารย์หนุ่มคว้าช้อนของเด็กนักเรียนมาไว้ที่ตัว

   
“พูดก่อนสิ....”

   

มาร์ชมองลูกไม้บีบบังคับนั้น การพยายามต่อรองของรุ่นใหญ่นี่น่าแกล้งชะมัด

   

“ป้อนก่อนสิครับ”

   
ดูเหมือนมันจะได้ผลเสียด้วย เด็กน้อยรู้แล้วว่าก้องภพพ่ายแพ้ต่ออะไร...

   

“….อ้าปาก...ไวๆ”

   
เด็กชายยิ้มกริ่มเมื่อยื่นหน้าไปคาบไอติมบนช้อน มือาจารย์หนุ่มสั่นระริกเมื่อถูกสบตาเข้า จนสุดท้ายเขายอมปล่อย มาร์ชดึงช้อนออกมาจากปากแล้วยิ้มหยอก

   
“ขอบคุณนะครับ”

   
“กินไป เร็วๆเถอะ....”
   
   

ก้องภพหลบตา หัวใจเต้นแรง แม้จะไม่แสดงอาการใดๆออกมา ต่อหน้าไอ้เจ้าเด็กที่ดูไม่ยี่ระจนน่าเป็นห่วง แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเขามีความสุขเล็กๆท่ามกลางความสับสนอลหม่านในใจ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


talk; ขอบคุณทุกๆการติดตาม เข้ามาให้กำลังใจเด็กน้อยนะค้าาา   :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 6 (P2) 6.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 06-01-2017 03:06:52
 :hao3:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 6 (P2) 6.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: อีแก้วปิ้งไก่ ที่ 06-01-2017 16:53:16
อ่อยเข้าไปเยอะๆเลยหนู  :o8:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 6 (P2) 6.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: Violasheep ที่ 06-01-2017 20:05:08
 :hao4:ทำไมเรารุสึกว่ามันจะดราม่า
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 6 (P2) 6.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 06-01-2017 20:10:04
ดราม่าก้อมา. เมียทั้งคนน่ะ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 6 (P2) 6.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 07-01-2017 10:15:07
  ลุ้นว่าจะมีครั้งต่อไปมั้ย ก้อง-มาร์ช ห้ามใจตัวเองให้ได้
  รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 6 (P2) 6.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: WASAWATTE ที่ 07-01-2017 10:59:41
จารย์ก้องอย่าเย็นชากับมาร์ชเลย

สงสารเด็กน้อยมัน

 :hao7:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 6 (P2) 6.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 07-01-2017 15:36:51
โอ้ยยยย ชอบแนวนี้ค่ะ หาอ่านมานานแล้ว แนวพระเอกมีลูกมีเมียแล้ว ฮือออ ช้อบบบบ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 6 (P2) 6.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 12-01-2017 03:46:38
7.

   
   
ชายหนุ่มไม่อยากเข้าบ้าน และแทบจะไม่กล้ามองหน้าภรรยา ก้องภพดูเหนื่อยล้าจนใหม่สัมผัสได้ เขาตอบปัดว่าเป็นเพราะเรื่องงาน แล้วเดินเข้าไปโอบกอดเธอจากข้างหลัง ซบหน้าลง มันส่งกลิ่นน้ำหอมราคาแพงระยับเช่นเคย ยิ่งเธอทำดีต่อเขาเท่าไหร่ยิ่งทำให้เขายิ่งอับอายเท่านั้น ชายหนุ่มหลบหนีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศที่กว้างขวางกว่าคนทั่วไป ที่ไม่เป็นที่ต้องการของบ้าน โดยเฉพาะการเป็นพี่คนโตในตระกูลใหญ่ เขาตัดใจไปแล้วเรื่องความพึงพอใจส่วนตัว และอุทิศตนให้กับการใช้ชีวิตให้เป็นปกติ และทิ้งความเป็นไปได้ที่ไม่เป็นที่ต้องการเหล่านั้นไป เขายังชอบผู้หญิงอยู่ และชอบมาตลอดพอๆกับที่เคยตกหลุมรักผู้ชายด้วยกัน เขาคิดว่าจะหนีมันพ้นแล้วหลังจากที่ทำได้มาหลายปี หลายปีของการโกหกตัวเอง

   
“ทำไมเงียบจังคะก้อง” เธอถาม

   
“เหนื่อยน่ะ เดี๋ยวผมขึ้นห้องไปก่อนนะครับ”

   
“ได้เลยค่ะ เด็กๆคงจะปั่นป่วนน่าดูเลยสินะ”
   

“ใช่ครับ.....ป่วนมากๆเลยล่ะ”


   
มาร์ชกลับมาถึงบ้านและยกมือไหว้ชนินท์ส่งเดชจนถูกมองเข้าแรง มันคงเป็นภาพแปลกตาของพ่อบุญธรรม และจัดแจงตัวเองขึ้นห้องไปได้โดยแกล้งทำเป็นป่วย เขาเก็บเสื้อหนาวตัวที่ก้องภพซื้อให้เข้าไว้ในตู้เป็นอย่างดี
   

แค่นึกภาพที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นก็พาลให้หน้าฉาบแดงร้อนไปหมด ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองเพิ่งจะทำมันลงไป อย่างกับว่าเป็นความฝัน คนอย่างเขาน่ะหรือจะมีประสพการณ์มีเซ็กซ์กับอาจารย์ มันบ้ามากจนพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ขนาดคนบ้าบิ่นเจมส์เองยังคงไม่กล้าทำเลยด้วยซ้ำ มันช่างรู้สึกดีพิลึกพิลั่นที่ได้ทำในสิ่งต้องห้าม ความผิดบาปนั้นกลับกลายเป็นแรงกระตุ้นบางอย่างภายในของเขาออกมา อาจารย์ก้อง กลิ่นกลาย น้ำเสียง รูปร่างของเขา มันช่างตราตรึง สะกดหัวใจดวงเล็กๆให้เต้นผิดจังหวะทุกทีที่คิดถึง ติดใจ อยากได้มันอีก ความรู้สึกนี้มันคืออะไรก็มีรู้ แต่มันมีรูปร่างคล้ายกับความรักเหลือเกิน


...............

   
...............

   
...............


   
...............

   

เขาตื่นสายกว่าที่เคย แถมยังเวียนหัวจนไม่สามารถรีบร้อนให้ชนินท์พึงพอใจได้ พ่อบุญธรรมเป็นคนขับรถไปส่งเขาทุกเช้า ก่อนจะเลยไปเข้างานที่โรงพยาบาลเอกชน มาร์ชจึงไม่เคยมีโอกาศให้ไปโรงเรียนสายเลยสักครั้ง จนกระทั่งมาถึงวันนี้ที่เขาพบกับชนินท์นั่งหน้าหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในรถคันเดิม

   
“ทำไมตื่นสายขนาดนี้นะ” พ่อบุญธรรมถามเสียงเข้ม

   
“ผมไม่ค่อยสบาย”

   
“เมื่อวานเช็คดูแล้วไม่เห็นจะเจอไข้เลย เล่นเกมดึกหรือเปล่า?”

   
“เปล่าครับ ผมเหนื่อยเฉยๆ เลยนอนยาวไปหน่อย”

   
ชนินท์ชักสีหน้าไม่เชื่อใส่ มาร์ชเลือกที่จะทำเป็นไม่เห็น

   
“อย่าเกเรนะมาร์ช โตแล้วอย่าให้พ่อต้องดุนะ รู้ไหม”

   
“ครับ”

   
“แล้วตกลงหาที่เรียนเคมีได้หรือยัง?”

   
“ยังเลยครับ”

   
“มีเพื่อนพี่กวินเขาว่างอยู่จะมาช่วยติวให้ เดี๋ยวพ่อให้เขามาสอนที่บ้านก็แล้วกัน”

   
พยักหน้ารับไปตามเรื่อง ใครจะไปขัดใจชนินท์ได้ ยิ่งพูดก็ยิ่งดูโง่ สิ่งที่เด็กชายเรียนรู้มาจากผู้เป็นพ่อก็คือถ้าหากจะดื้อ ให้ดื้อเงียบ ถึงจะต่อปากต่อคำกับพ่อไม่เก่งแต่ก็โชคดีที่ยังมีแววตาไร้เดียงสาเป็นเครื่องมือ


   
นาย ณิชพน ผู้ไม่เคยมาโรงเรียนสาย ยืนอยู่คู่กับ นาย วีระวัฒน์ เป็นครั้งแรก หลังจากเมินหน้าใส่ชนินท์ที่ทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่อีกครั้ง มาร์ชก็หันมาหาเจมส์ที่ยืนข้างๆด้วยท่าที่สบายๆ เพื่อนสนิทไม่รอช้ารีบเปิดปากทักทายตามประสา

   
“เห้ย! ทำไมมึงมาสายวะ นี่พักนี้มึงแปลกๆไปหลายเรื่องและนะ”

   
“กูป่วย นิดหน่อย รอบที่แล้วหายไม่สนิทว่ะ  นี่ยังปวดหัวอยู่เลย”

   
“อ้อ....ไหนดูดิ๊....ก็ไมได้ตัวร้อนนี่หว่า เย็นนี้กูจะไปดูหนังกับพวกไอ้เวย์ ไปไหม?”

   
“ไม่แน่ใจว่ะ กูกลับบ้านดึกเมื่อวาน ไม่รู้วันนี้ถ้ากลับดึกอีกจะโดนด่าไหม”

   
“ไหนมึงบอกมึงกลับไวไง? มึงหายไปตั้งแต่บ่ายๆ”

   
ลืมไปสนิทว่าเมื่อวานมันเริ่มต้นจากพี่โอมเรียกให้ไปเจอที่สระว่ายน้ำตอนเย็น ลืมไปด้วยว่าโกหกเพื่อนว่าไปไหน มาร์ขรีบหาข้อแก้ตัว “กูไปธุระกับแม่มาอ่ะ....แล้วก็กลับดึก ก็โดนพ่อบ่นทั้งคู่แหละ” มันไม่ได้ดูน่าเชื่อถือเลยสักนิด แต่น่าจะหลอกเจมส์ได้ไม่ยาก เพื่อนสนิทพยักหน้าเข้าใจ รอดตัวไป

   
มาร์ชแทบจะไม่ต้องสนใจบทเรียนเพราะเขาถูกพ่อเลี้ยงจัดตารางให้อ่านหนังสือล่วงหน้าไปเป็นเทอม เขาจึงใช้เวลาไปกับการคิดฟุ้งซ่าน ทั้งเรื่องอาจารย์ก้อง และพี่โอมที่ยังไม่ติดต่อมา และเขาเองยังไม่กล้าโทรไป มันลักลั่นเสียเหลือเกินไม่รู้จะเริ่มแก้จากปมไหน ควรบอกเลิกพี่โอมไหม แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ควรถามถึงสถานะความสัมพันธ์เสียก่อนจะดีกว่า

   
พักกลางวันมาถึงเสียทีพร้อมกับใครบางคนที่ยืนดักรออยู่ใต้ตึก พี่โอมอยู่คนเดียวไม่ได้มากับใคร โบกมือทักทายเขา มาร์ชทำสีหน้าไม่ถูก เด็กชายเดินหลบเลี่ยงมาทาเพื่อน


“ไปข้างหน้าก่อนดิ กูจะซื้อลูกชิ้นทอด” มาร์ชหลีกเลี่ยง สิ่งสุดท้ายที่ต้องการในตอนนี้ก็คือการเจอพี่โอมพร้อมๆกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ เด็กชายดึงแขนเพื่อนให้เดินเลี่ยงไป โอมชักสีหน้าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อถูกเมินเฉย เขานึกโมโหตัวเองที่ทำผิดพลาดไป มาร์ชเป็นคนเดาใจยาก ไม่น่ารีบร้อนเลย อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นเอง

   
“นั่นเพื่อนพี่วุฒิป่าววะ มาหาใครวะนั่น” เจมส์ถามขึ้น มาร์ชทำเป็นไม่ได้ยิน เขาเลี่ยงการต้องเผชิญหน้ากับพี่โอม ไปพร้อมๆกับมองหาอาจารย์ก้องไปตลอดเวลาพัก แม้พยายามหาเรื่องเดินเฉียดเข้าไปไกล้โรงยิมยังไม่ได้เจอแม้แต่เงา นี่เขายังถูกหลบหน้าอยู่ใช่ไหม จะรังเกียจอะไรกันปานนี้นะ

   
เจมส์ไม่เข้าใจเพื่อนที่อยู่ดีๆก็ซึมไปตลอดทั้งช่วงบ่าย เขาคิดว่ามาร์ชมีเรื่องกับที่บ้านตามเคย แต่เพื่อนเองดูไม่มีท่าทีอยากจะพูดถึงเท่าไรนักก็เลยไม่กล้าถามจุกจิก เจมส์เคยเห็นชนินท์แล้วเข้าใจว่าทำไมมาร์ชถึงได้เป็นผู้ชายที่เรียบร้อยกว่าเพื่อน แถมยังเงียบกริบเมื่ออยู่บ้าน ใครจะไปกล้าต่อล้อต่อเถียงกับคนเย็นชาไร้หัวใจปานนั้นกัน ขนาดคนบ้าๆบอๆอย่างเขายังไม่กล้าคุยด้วยเลย

   
มาร์ชเงยหน้ามองนาฬิกาในวิชาสังคม ด้วยความรู้สึกเหมือนเวลาผ่านมานานนับปี ที่แท้จริงเพิ่งจะผ่านไปแค่ยี่สิบนาทีกับเนื้อหาที่แสนน่าเบื่อ หงุดหงิด งุ่นง่าน รำคาณใจ ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน เด็กชายเบือนหน้าหนีกระดาน ในหัวมีแต่ภาพก้องภพเต็มไปหมด พอกันที

   
“อาจารย์ครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำนะครับ”


...............

   
...............

   
...............

   
...............




tbc.
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 6 (P2) 6.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 12-01-2017 03:53:09


แน่นอนว่าห้องน้ำในความหมายของมาร์ชอยู่อีกฟากหนึ่งของโรงเรียน เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยทีได้ออกมานอกห้องสี่เหลี่ยม รู้แล้วทำไมคนเขาถึงได้ชอบโดดเรียนกัน มันสดชื่นอย่างนี้นี่เอง

   

สดชื่นขึ้นไปอีกเมื่อได้เจอคนที่อยากเจอสักที แต่คราวนี้ถึงกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ เมื่ออาจารย์ก้องอยู่ในกางเกงขาสั้นตัวเดียว รองเท้าผ้าใบ เขากำลังจัดเก็บอุปกรณ์บางอย่างให้เข้าที่ แค่มองแผ่นหลังกับมัดกล้ามเนื้อแข็งแรงนั่น ก็เล่นเอาหน้าร้อนขึ้นมาได้ มาร์ชก้มตัวลงหลบหลังพุ่มไม้ตัดแต่งหน้าโรงยิม เมื่อก้องภพหมุนตัวมา ยิ่งได้เห็นชัดๆในแสงสว่างชัดๆยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ พาให้คิดถึงเมื่อวาน ที่ร่างกายกำยำโอบกอดเขาไว้ มัดกล้ามทำงานขยับตัวบ้าคลั่ง ส่งเสียงเสียเร่าร้อนเหมือนคนควบคุมตัวเองไม่ได้ ผู้ชายมาดเฉียบตรงหน้านี่น่ะหรือ ที่เมื่อคืนเพิ่งจะเสียศูนย์ให้กับเด็กผู้ชายแบบเขา

   

ดีใจเล็กๆ
   
   

ไม่สิ.....ติดใจเลยล่ะ

   


ติดใจอย่างร้ายกาจ


   

“สวัสดีครับ” มาร์ชเข้าไปทักอาจารย์ก้องจากข้างหลัง ครูหนุ่มแปลกใจหันมาตามเสียง เขาอุส่าห์หลบลี้หนีหน้าไปหาอะไรกินเสียไกลตอนกลางวัน ไหงมาเจอในเวลาเรียนได้ล่ะ

   

“ไม่มีเรียนเหรอ?”

   

“ทีอาจารย์ยังไม่มีสอนเลย”

   

เด็กนักเรียนต่อปากต่อคำ ก้องภพมองรอยยิ้มน่าหมั่นเขี้ยวนั่น จะหลบหนีไปก็คงไม่มีประโยชน์ เป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วจะให้มาทำตัวลับๆล่อๆแบบเด็กๆก็คงไม่ใช่ ถึงจะใช้เวลาทำใจอยู่นาน แล้วตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะพูดถึงมันและแสนจะกระดากอาย แต่จะให้หนีปัญหาต่อไปเขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

   

“ขอคุยด้วยหน่อยสิ เรื่องเมื่อวานน่ะ” อาจารย์หนุ่มบอกไปพลางคว้าเสื้อตัวเก่าขึ้นมาใส่ก่อนเพราะเห็นท่าทางเด็กตรงหน้าจะไม่มีสมาธิ

   

มาร์ชพยักหน้ารับ เดินตามเข้าไปนั่งในห้องเก็บของแต่โดยดี ในใจก็หวาดหวั่นอยู่ลึกๆ ว่าอาจจะได้ฟังคำพูดที่ไม่อยากฟัง ก้องภพปิดประตูล็อคไว้ ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้าม ครูพละใช้เวลาทำใจสักครู แล้วเริ่มบทสนทนาแบบไม่อ้อมค้อม

   

“มาร์ช...เธอรู้ไหมว่าฉันมีครอบครัวแล้ว”

   


เด็กชายพยักหน้า หัวใจสั่นไหววูบ เขารู้อยู่แล้ว รู้อยู่แก่ใจ แล้วก็ไม่อยากพูดถึงมันด้วย

   



“เข้าใจใช่ไหมว่าเราจะทำแบบนั้นไม่ได้อีก”

   

เขาคิดอยู่นานกว่าจะตอบ

   

“แต่อาจารย์...ทำมันไปแล้วนะ”

   

“มาร์ช....ฉันมีครอบครัวต้องรับผิดชอบ”

   

เด็กนักเรียนเงียบไปพักใหญ่

   

“แล้วใครจะรับผิดชอบผมล่ะ....”

   

ก้องภพนิ่งอึ้ง..

   

“อาจารย์ก็มีผมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

   

...กับข้ออ้างเอาแต่ได้ของเด็กมัธยม มันสมเหตุสมผลเสียด้วย แต่ก็ฟังดูเห็นแก่ตัวเสียเหลือเกิน

   

“ไหนเธอ....บอกฉันเองว่า เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิง....ฉันไม่ต้องคิดมากไม่ใช่หรือไง” ผู้ใหญ่สวนกลับ คราวนี้เป็นเด็ก ที่เป็นฝ่ายอึ้งไปบ้าง ถูก....เขาพูดคำนั้นออกมาเอง ด้วยอารมณ์ไหนก็ไม่ทราบได้ แต่ตอนนี้มันย้อนกลับมากรีดหัวใจเขาเอง บาดเจ็บหนัก ไม่ทันได้ตั้งตัว ก้องภพมองดูเด็กนักเรียนดิ้นรนหาคำพูดแก้ต่าง ดูออกว่าเขาเจ็บปวดสาหัสกับประโยคนั้น ห้ามใจตัวเองไว้ไม่ให้สงสาร ทั้งๆที่อยากจะเข้าไปปลอบใจจะขาด



   
“......แต่ผมชอบอาจารย์นะ” เสียงสารภาพของเขาสั่นเครือ ในใจเบาโหวง นี่กำลังจะถูกทิ้งใช่ไหม ทำไมมันเร็วอย่างนี้นะ

   


“....ขอบคุณมากนะ” ก้องภพลูบหัวเขาแผ่วเบา นั่นยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีกร้อยเท่า เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา ครูหนุ่มดึงตัวเด็กนักเรียนเข้ามากอด มาร์ชกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ไออุ่นสัมผัสจากผู้ใหญ่ตรงหน้ากลายเป็นหมอกควันจางๆเมื่อรับรู้ว่ามันกำลังจะจากไป เขากอดมันไว้แน่นทีสุดเท่าที่จะทำได้ ฝ่ามือลูบลงไปปลอบประโลมความรู้สึกกลับกลายเป็นยิ่งโศกเศร้า


“ฮึก....ฮืออ...อาจารย์...จะทิ้งผมจริงๆเหรอ” คำพูดซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกนั้นเล่นเอาคนฟังใจหาย ถึงแม้พยายามทำใจแข็งเข้าไว้เพียงใด ก้องภพกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว สูดหายใจเข้าลึกเพื่อไม่ให้ตัวเองใจอ่อนไปมากกว่านี้ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อทั้งตัวเขาเอง ตัวเด็กนักเรียน และครอบครัว เพื่อทุกๆคน


“มาร์ช ฟังนะ...” อาจารย์หนุ่มผละออก ภาพตรงหน้าทำเอาเขาเกือบจะไม่ไปต่อ เมื่อเห็นน้ำตาเกาะอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์ ร่วงผลอยลงบนตัก มาร์ชเป็นเด็กที่มีภายนอกดูไร้เดียงสาอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับน้ำตาเข้าไปยิ่งแย่เข้าไปใหญ่




แย่ต่อหัวใจเขานี่แหละ




“มันดีกับตัวเธอเองนะ....ถ้าชอบฉัน ก็เชื่อฉันสักครั้งได้ไหม?”




“.....ฮึก....อา....อาจารย์....กะ....กอดผมก่อน...ดะ....ได้ไหม”
อาจารย์หนุ่มตอบสนองต่อคำขอเล็กๆนั้น เขากอดร่างกายที่บัดนี้เปราะบางไปถึงขั้วหัวใจเอาไว้ เสมือนว่าประคับประคองให้หัวใจของมาร์ชเต้นต่อไปได้ เด็กชายปลดปล่อยอารมณ์ออกมา ไม่มีอะไรจำเป็นต้องปิดบัง ไม่มีอะไรเหลือให้ต่อรอง เหลือเพียงแต่ความจริงที่ต้องเผชิญ



ตรงกันข้ามกับก้องภพที่กำลังต่อสู้กับจิตใจตัวเองอย่างหนักหน่วง…..



และได้แต่หวังว่ามันผ่านพ้นไปได้ด้วยดี.....



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


talk; อาจารย์ก้องจะทำใจแข็งไปได้สักกี่น้ำกันเชียว  :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 7 (P2) 12.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 12-01-2017 06:28:13
น้ำมันใกล้ไฟเด่วเปลวเพลิงก็ลุกนะอาจารย์
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 7 (P2) 12.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 12-01-2017 07:43:09
มารยาเด็กก็ร้ายกาจ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 7 (P2) 12.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 12-01-2017 07:51:36
 :mew1: โอ้โหน้องเอ๊ย เรานี่ใจสั่นเลย
อยากบอกคุณครูว่า รีบๆหย่าเมียก่อนจะโป๊ะแตกเถอะ แต่งเมียบังหน้ามันเลวนะคะ   :L2:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 7 (P2) 12.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: NRedu ที่ 12-01-2017 09:50:35
กระเทือนใจจัง
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 7 (P2) 12.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: อีแก้วปิ้งไก่ ที่ 12-01-2017 17:32:34
 :ling3: :ling3: :ling3: แง้
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 7 (P2) 12.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: WASAWATTE ที่ 12-01-2017 22:32:34
มีแววว่าจะได้เสียกันอีก 555555

 :hao7:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 7 (P2) 12.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 13-01-2017 01:01:11
 ก้องภพจะต้องห้ามใจตัวเองให้ได้นะ จิตใจเด็กๆนี่ล่ะสำคัญ มาร์ชจะใจแตกแล้วใช่มั้ย
  รอ อ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 7 (P2) 12.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 14-01-2017 20:55:40
8.



   
“ไอ้โอม วันนี้กูไม่อยู่ซ้อมนะ ฝากบอกจารก้องด้วย”

   
“อืม.....”

   

โอมเพิ่งเปลี่ยนชุดว่ายน้ำกลับมาเป็นชุดไปรเวท เสร็จสรรพหลังเลิกเรียน ถึงแม้ไม่มีอารมณ์รับฟังเพื่อนเท่าใดนัก แต่ก็พยักหน้ารับแต่โดยดี เขาไม่สบอารมณ์มาตั้งแต่ช่วงกลางวันที่ถูกน้องมาร์ชเมินหน้าหนี นึกโทษตัวเองที่ใจร้อนจนเสียเรื่อง เสียดายของชะมัด เห็นทีคงต้องยอมแพ้เสียแล้ว กับเด็กคนนี้

   
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ทำเอาแปลกใจ

   
“ฮะ...ฮัลโหล....มาร์ชเหรอ”

   
“คะ....ครับ....ฮึก...พี่โอม...อยู่ไหนเหรอ”

   
“มาร์ช! เป็นอะไร! ร้องไห้ทำไม!” โอมตกใจเด้งขึ้นจากเก้าอี้ตัวยาว คว้ากระเป๋าเรียนวิ่งออกไปทันที


...............


   
...............


   
...............



...............

   

ไม่แน่ใจนักว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ แต่ที่แน่ๆตอนนี้เขากลับมานั่งปลอบเด็กชายที่ร้องห่มร้องไห้พูดจาไม่รู้เรื่อง อยู่บริเวณซอกหลืบของโรงเรียนที่พวกเขาเคยนัดเจอกัน ตกใจไม่น้อยที่อยู่ดีๆมาร์ชก็โผล่มาในสภาพตรงกันข้ามกับเมื่อเช้าแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ยังปะปิดปะต่อเรื่องราวไม่ได้อยู่ดี อย่างไรก็ตาม มันก็รู้สึกดีที่ได้กลับมาคุยกันอีกครั้ง รุ่นพี่กอดร่างที่สั่นระริกไว้

   
“ใจเย็นๆนะมาร์ช มีอะไร....เกิดอะไรขึ้น”

   
มาร์ชไม่รู้จะหันไปหาใคร เขาแค่ต้องการกอดใครสักคน นั่นคงไม่ใช่เจมส์ หรือเวย์ หรือเพื่อนคนไหนก็ตาม อย่างน้อยพี่โอมก็เป็นร่างกายที่คุ้นเคย แม้อาจจะเลยเถิด และทำให้ไม่พอใจกันมาก่อนหน้าไม่นาน แต่ความไม่พอใจเล็กๆนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความต้องการในตอนนี้

   
โอมที่พยายามอยู่นานจนเหนื่อย กว่ารุ่นน้องจะเย็นลง พูดรู้เรื่องขึ้นมาบ้าง แล้วคำพูดนั้นก็ทำเอาเขาแปลกใจไม่ใช่เล่น

   
“พี่โอม....ผมไม่อยากกลับบ้าน....”

   
เขาไม่แน่ใจนักว่ามันแปลว่าอะไร

   
“ถ้างั้น...ขึ้นไปนั่งบนห้องพี่ก่อนก็ได้นะ....”

   

...............

   
...............

   
...............

   
...............


   
“รกนิดนึงนะ” ที่หอพักนักกีฬาของโรงเรียน โอมเดินเข้ามาก่อนกวาดข้าวของลงจากเตียงเพื่อให้มาร์ชนั่ง ยังสงสัยในความโชคดีของตัวเอง ที่จู่ๆราชรถก็มาเกยถึงที่ อยู่ดีๆเขากับมาร์ชก็มานั่งอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องส่วนตัว เด็กชายเอนตัวซบศรีษะลงบนอก รุ่นพี่ฉวยโอกาศนั้นเอนตัวลงไปที่เตียงช้าๆโดยที่โน้มคนที่ก้มหน้างุดอยู่มาด้วยกัน

   
“ค่อยๆเล่านะครับคนดี....พี่อยู่ตรงนี้แล้วนะ”

   
รุ่นพี่ดึงเข้ามากอด มันช่วยได้มากจริงๆในเวลานี้

   
“เมื่อวานพี่ขอโทษนะ....ขอโทษด้วยที่ไม่โทรหา....จะไม่แบบนั้นทำอีกแล้วครับ”

   
รุ่นน้องพยักหน้ารับ ป้ายน้ำตาลงไปบนเสื้อ ไม่ได้สนใจฟังเท่าใดนัก

   
“พี่....” เสียงอ้อแอ้ถามขึ้น “ผมมีอะไรไม่ดีเหรอ....”

   
“หืม? ถามอะไรแบบนั้นล่ะ....มาร์ชเนี่ยนะไม่ดี” รุ่นพี่ตอบพลางลูบผมนุ่ม “โดนใครว่ามาใช่ไหมเนี่ย” พยามหาบทสนทนาหรือคำบอกใบ้ ที่จะพาเขาออกจากความงุนงง

   

“อือ.......”

   

มือรุ่นพี่ลักลอบสอดเข้าไปใต้เสื้อนักเรียนพอเป็นพิธี แล้วรุกคืบขึ้นไปอีกเล็กน้อยเมื่อมาร์ชไม่มีท่าทีขัดขืน แถมยังดันตัวเองให้เข้ามาลึกในอ้อมกอด โอมอดใจไม่ไหวฝังหน้าลงบนต้นคอบอบบาง ใช้ริมฝีปากทำงานจนเรียกเสียงครางต่ำๆได้พอเป็นกระสัย
   
   

“อืออ....”

   

นี่สินะที่เขาเรียกกว่ากาวดามหัวใจ มันประกอบเศษเล็กเศษน้อยที่แตกสลายไปขึ้นมาใหม่ ช่างรีบร้อนและหยาบกร้าน  อาจไม่เหมือนเดิม อาจชวนสับสนว้าวุ้น แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้วิญญาณสั่นสะทกอยู่ในความว่างเปล่า

   

“อย่าเพิ่งเลยนะพี่....ผมอยากอยู่อย่างนี้ก่อน”

   

โอมหยุดมือ ถ้าหากเป็นปกติเขาคงไม่ยอม ขาฟันอย่างเขา มีหรือที่ใครขึ้นมาบนห้องนี้ แล้วจะรอดกลับออกไปแบบบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ก้มมองมาร์ชในสภาพเหมือนคนหัวใจแตกสลาย แล้วจะให้ขืนใจก็ทำไม่ลงเหมือนกัน

   

“ได้สิครับ....อยู่อย่างนี้กันไปก่อนเนอะ”




_______________________________________________-

tbc.
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (1/2) (P3) 14.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: อีแก้วปิ้งไก่ ที่ 15-01-2017 12:20:00
น้องมีความอ่อยเนียน  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (1/2) (P3) 14.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 15-01-2017 19:29:48
เรื่องน่าสนใจดี
ยกนิ้วให้
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (1/2) (P3) 14.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-01-2017 20:11:00
เห็นมีแต่คนร้ายๆ ใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องมือ
ตัวนายเอกก็ใช่ว่าจะน่าสงสารเต็มที่ มันก็สงสารนะแต่ก็ไมได้รัก
รอดูต่อไปว่าจะหนีเสือปะจรเข้ไหม
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (1/2) (P3) 14.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 15-01-2017 20:30:35
จะเสร็จโอมอีกคนมั้ย น้องมารช
  รอ รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (1/2) (P3) 14.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: WASAWATTE ที่ 15-01-2017 21:39:23
อ่อยอะไรเบอร์นั้น

จารย์ก้องมาตามตัวเด็กกลับที..
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (1/2) (P3) 14.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: NRedu ที่ 16-01-2017 20:15:27
แผลหายหรือยังหนู
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (1/2) (P3) 14.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 16-01-2017 23:22:25
อ่อยเข้าไปจ้า
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (1/2) (P3) 14.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: NRedu ที่ 18-01-2017 20:59:28
มาต่อๆ
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (1/2) (P3) 14.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 19-01-2017 15:16:48
ต่อ......




มาร์ชหยิบโทรศัพท์ที่สั่นจากสายเรียกเข้าของเจมส์ขึ้นมามองแล้วกดทิ้งไป เมื่อหาคำพูดอื่นใดต่อไม่ได้ ทั้งสองคนแนบอิงชิดกันบนเตียงกับความเงียบ เสียงสะอื้นไห้เบาลงจนไม่ได้ยินมันอีก ร่างกายอุ่นสบายปะทะอากาศเย็นฉ่ำทำให้เผลอใจ โอมห้ามตัวเองไว้หลายครั้ง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตักตวงไปบนผิวกายเนียนละเอียด สัมผัสบีบเค้นจนหนำใจชาย มาร์ชสังเกต และจดจำ เขากำลังเรียนรู้ที่จะใช้มัน

   
“พี่...ผมหิวจัง” ส่งเสียงออดอ้อนเกินปกติ เหมือนคนอยากถูกตามใจ

   
“เหรอ? อยากกินอะไรล่ะครับ?”

   
“ไม่รู้สิครับ พี่ล่ะ”

   
“ถ้าบอกว่าอยากกินมาร์ช.....จะให้พี่กินป่ะ?” โอมแหย่ สองมือจี้เล่นเข้าไปที่เอว มาร์ชดิ้นขลุกอยู่ในวงแขนกว้าง หัวเราะคิกคักแทบขาดใจ “พี่! ฮ่าๆๆ โอ้ยย! พอแล้ว!”

   
“นั่นไง ยิ้มแล้ว”

   
“ขี้โกงนี่!”

   
“แต่ก็ยิ้มมั้ยล่ะ ไม่ชอบเห็นมาร์ชซึมเลย ไม่เอาไม่ร้องนะครับ” รุ่นพี่ฝากจุมพิศเบาๆไว้บนหน้าผาก มันช่วยให้จิตใจที่เบาหวิวทรงตัวขึ้นมาได้บ้าง “โดนใครว่าใช่ไหมเนี่ย?”
   
   
“ทะเลาะกับที่บ้านมา นิดหน่อยครับ”

   
“ไม่นิดหน่อยละมั้งเนี่ย หื้ม.....ดูซิ หน้าช้ำไปหมดแล้ว” โอมจับจ้องไปที่ดวงตาพราวฉ่ำ ปาดน้ำตาออกเบาๆ ก่อนจะซับไปที่รอยแผลเล็กๆบนหน้า นึกโทษตัวเองที่ปล่อยให้วุฒิชัยหนักมือ ตัวเขาเองดูตั้งแต่แรกก็รู้แล้วว่าเด็กนี่ไม่ได้ตั้งใจ

   

“เดี๋ยวพี่ลงไปซื้ออะไรให้กินนะ อย่าออกไปเดินเพ่นพ่านที่ข้างนอกล่ะ บางทีไอ้วุฒิก็อยู่แถวนี้” โอมเตือนด้วยความหวังดี ก่อนจะลุกออกไปข้างนอก เหลือแต่มาร์ชนอนเหม่อลอยแน่นิ่ง รอยช้ำเบาหวิวในใจกลับมาทำงานอีกครั้ง กลัว ไม่เข้าใจว่ากลัวอะไร รู้สึกว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย ยิ่งอยู่คนเดียวยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ มันดำดิ่ง จมลึกเข้าไปในมหาสมุทรของความคิด ซึ่งเต็มไปด้วยคำพูด และใบหน้าของคนๆเดียว ซ้ำไปซ้ำมา ตอกย้ำเข้าไปถึงความน่าสมเพชของตัวเขาเอง ที่ต้องวิ่งกลับมาซับน้ำตากับคนที่เพิ่งจะปฏิเสธไป มันคือสิ่งที่เขาเป็นละมั้ง แบบนี้หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่า คนใจง่าย

   

มาร์ชตัดสินใจส่งข้อความไปหาแม่ ว่าจะนอนค้างที่บ้านเจมส์ เพราะแค่นึกว่าจะต้องกลับบ้านไปพบกับชนินท์ ก็ชวนให้ท้อแท้เสียจนไม่มีแรงจะใช้ชีวิตต่อไป แล้วจึงส่งข้อความไปหาเจมส์สั้นๆแค่ว่า

   

‘วันนี้กูแอบออกมาข้างนอก อย่ารับเบอร์แม่กูนะ’

   

ถ้าเป็นในสภาวะจิตใจปกติ เขาคงไม่กล้าโกหกสารพัดสารเพได้จนสุดทางขนาดวันนี้ มาร์ชไม่เคยตกอยู่ในสภาพเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากมาก่อน นั่นทำให้เขาเรียนรู้ได้มากทีเดียว ว่าแม้แต่ตัวเขาเอง ยังทำให้ตัวเองประหลาดใจได้เสมอๆ

   

โอมกลับขึ้นมาพร้อมกับถุงกับข้าวเต็มไม้เต็มมือ ทั้งสองคนทานอาหารเย็นร่วมกัน ถึงแม้จะมีความสุขกับคนตรงหน้ามากเพียงไหน โอมก็อดรู้สึกได้ถึงความนอกคอกผิดหูผิดตาจากคนตรงหน้าไม่ได้อยู่ดี ภายใต้แววตาไร้เดียงสาที่เขาสบประมาทไว้ตั้งแต่แรกเห็นนั้น ยังทำให้เขาประหลาดใจได้ยันวันนี้ ในท้ายที่สุด รุ่นพี่ยอมรับกับตัวเองสักที ว่าเขาเดาใจมาร์ชไม่ออกอีกแล้วเลย

   
“ผมนอนค้างที่นี่ได้ไหมครับ?” รุ่นน้องเอ่ยปาก

   

“ได้สิ.....ว่าแต่ พรุ่งนี้จะไปเรียนยังไงล่ะ เอาชุดมาด้วยเหรอ?”

   

“ไม่ได้เอามา ผมอยากหยุดเรียนซักวันสองวัน”

   

“อยู่แต่ในนี้เบื่อตายเลย ไว้พี่จะรีบกลับมาหานะครับ”

   

หัวใจของรุ่นพี่พองโต ถึงแม้เขาจะสงสารปนยำเกรงเล็กๆ แต่ความปรารถนาของเขาร้อนแรงกว่านั้น ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งก่อน เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลงมือหั่นชิ้นเนื้อตรงหน้า โอมพบว่า มันสนุกยิ่งกว่าเสียอีก ที่จะค่อยๆละเลียดมันไปทีละนิด เหมือนกับการแก้ไขปริศนา ก่อนที่จะได้รับของรางวัลที่อยู่ข้างใน


   
...............

   
...............

   
...............

   
...............

   

ก้องภพนอนไม่หลับ จะเป็นเพราะอะไรไปได้นอกจากภาพในหัวที่ฉายซ้ำวนเวียน เด็กนักเรียนเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ที่ร้องขอความรัก จากสิ่งที่ผู้เป็นอาจารย์ที่ได้ไปก่อร่างสร้างไว้ในใจโดยไม่รู้ตัว เขาทำมันลงไปอย่างเลือดเย็น เหมือนฆ่าคนทั้งเป็น สับเด็กนั่นเป็นชิ้นๆด้วยมือเขาเอง คำพูดร้ายกาจเหล่านั้นคงจะฝังอยู่ในใจมาร์ชไปชั่วชีวิต นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้อาจารย์หนุ่มไม่สบายใจ สิ่งสำคัญที่เขากลัวที่สุด คือตั้งแต่เกิดความสัมพันธ์อันผิดบาปนี้ขึ้นมา นอกจากลูกสาว และเด็กนักเรียนนั่นแล้ว เขาแทบจะไม่ได้นึกถึงผู้เป็นภรรยาอีกเลย....

   

โรงเรียนก็เหมือนทุกวัน ก้องภพทักทาย ’ฐานทัต’ ในฐานะที่เป็นทั้งเจ้านาย และเพื่อนสนิทของพ่อ ก่อนจะเข้าไปในห้องพักครูเดิม ที่ถูกจัดวางของบางอย่างเสียใหม่ เพื่อไม่ให้มันเตือนใจไปถึงวันนั้นจนเกินไป อาจารย์หนุ่มทักทายนักกีฬารุ่นเยาว์ที่พร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่บนสนาม เขาห้ามตัวเองแล้ว แต่ยังอดใจไม่ไหวที่จะสังเกตุว่า มีใครบางคนหายไป ใครบางคนที่มีความหมายอย่างมากเสียด้วย

   

“ไอ้โอมอยู่ไหนวะ?” เขาถามเด็กๆ ต่างคนต่างทำท่าไม่รู้ไม่เห็น

   

ครูพละก้าวเท้ายาวๆ พาตัวเองมาถึงหอพักใน มันคงจะกระโตกกระตากเกินไปถ้าหากเขาบุกเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้ ก้องภพยืนรอคอยเวลาอันสมควร อีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาซ้อมตามปกติ ในที่สุดประตูห้องที่เขาคาดหวังไว้ก็เปิดออกมาจนได้ เขาไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่านั้น แต่ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองยังยืนอยู่ จ้องมองไปที่เดิม แล้วก็ได้เห็น

   
มาร์ชที่เปิดประตูตามออกมาด้วยชุดไปรเวท เด็กชายลุกลิ้ลุกลนส่งอะไรบางอย่างให้กับรุ่นพี่ ทั้งสองคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสดี ก้องภพรู้จักเด็กคนนี้ดีไม่แพ้เพื่อนๆ โอม ชัยสิทธ์ กับเด็กๆไม่ซ้ำหน้ากันที่วนเข้าออกห้องพักส่วนตัวของเขา ทั้งชายและหญิง วุฒิชัยที่เขาร่ำลือกันน่ะหรือ มีแต่ภาพเท่านั้นแหละ คนเงียบๆนี่ต่างหากล่ะที่กำลังลงมือทำ

   

“พี่จะรีบกลับมาหานะครับ” โอมหอมแก้มมาร์ชเข้าฟอดใหญ่

   

เด็กชายยิ้มเขินอาย ผลุบกลับเข้าไปในห้อง ก้องภพมองเห็นทั้งหมดนั่น เขากำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มนั่นเคยเป็นของเขาไม่เมื่อไม่กี่วันก่อน ร่างกายนั้นก็เช่นกัน เพิ่งจะผ่านครั้งแรกไปไม่ใช่หรือยังไง แค่นี้ก็ใจแตกกระเจิงเสียแล้ว วัยรุ่นนี่มันเปราะบางเสียจริงนะ….


...............

   
...............

   
...............

   
...............


   
หลายวันล่วงเลยไปกับการใช้ชีวิตเหมือนคนมีแฟน มาร์ชเริ่มที่จะปรับตัวกับมันได้อีกครั้ง เขายังไม่ยอมมีอะไรกับรุ่นพี่เป็นเรื่องเป็นราว เพราะในใจก็ยังไม่ลืมอาจารย์ก้อง ทุกวิชาพละดูจะทรมานมากกว่าปกติ ก้องภพเลิกใช้วิธีหลบลี้หนีหน้า แต่กลับกลายเป็นว่าเขาสองคนเป็นเหมือนอาจารย์กับนักเรียนทั่วไปที่เย็นชาต่อกันผิดปกติ เขามั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเองเรื่องที่ครูพละเข้มงวดขึ้นผิดหูผิดตา
   


“ณิชพน! ลูกเมื่อกี้ไม่ได้เรื่องเลย โยนใหม่”


   
“ณิชพน! ผิดท่าแล้ว ไปสอบใหม่”

   

“ณิชพน! ช่วงเย็นมาพบอาจารย์ด้วยนะ คะแนนไม่ดีเลย”


   
“มึงไหวเปล่าวะ? มาเดี๋ยวกูช่วย” เจมส์ถามเมื่อเห็นมาร์ชยกมือก่ายหน้าผาก


   
“ไม่เป็นไร มึงขึ้นไปก่อนเลย เดี๋ยวกูอยู่คุยกับอาจารย์ด้วย”

   

เจมส์ยอมกลับขึ้นห้องไปกับเพื่อนๆแต่โดยดี มาร์ชยังโดนกลุ่มเพื่อนๆแซวไล่หลังมาด้วยความเอ็นดูว่าเล่นกีฬาไม่ได้เรื่อง เด็กชายทำเป็นไม่สนใจแล้วรีบจัดการกับลูกบาสที่กองเกลื่อนกลาด กว่าจะเสร็จหมดก็ไม่เหลือใครอยู่แถวนั้น มาร์ชเดินเข้าไปในห้องพักครูเพื่อถามหากุญแจห้องเก็บของ เขาภพกับครูพละที่นั่งรอคอยอยู่คนเดียว

   

“อาจารย์ครับ....ผมขอ....” ยังไม่ทันได้จบประโยค ก้องภพเดินเลยเขาไป ล็อคประตู และรูดมู่ลี่ให้ปิดลง คุ้นตาจริงๆ

   

“ขออะไร?”

   

“อ่า....ผมมาเอากุญแจ”

   

“กลับไปคืนดีกับแฟนแล้วเหรอ?” ก้องภพไม่อ้อมค้อมเลยสักนิด

   

“อะ...อาจารย์รู้?”

   

“แว๊บเข้าออกหอพักนักกีฬา คิดว่าฉันไม่เห็นเหรอ?” ชายหนุ่มย่างสามขุมเข้ามาไกล้ เขาดู ร้อนรน ผิดวิสัย
   

“แล้ว.....” มาร์ชรวบรวมความกล้า  เขาเองก็ร้อนรนไม่แพ้กันหรอก “มันเกี่ยวกับอาจารย์ตรงไหนเหรอครับ?”

   

“พูดได้ดีนี่.....ฉันช่วยเธอจากมันนะ นี่เธอตอบแทนฉันแบบนี้เหรอ”


   
“อาจารย์ไม่น่าช่วยผมเลย......ไม่น่าเข้ามายุ่งแต่แรกด้วยซ้ำ....” เด็กนักเรียนก้อมหน้าพูด อาจารย์ก้องสะกิดจุดอ่อนไหวในใจเขาได้ทุกทีไม่ว่าจะทำอะไร


“อะไรนะ?”


“ปล่อยผมไปตามทางก็ดีอยู่แล้ว......”


“ปล่อยให้เธอโดนมันข่มขืนเนี่ยนะ? จะบ้าเหรอ!”


“ยังดีกว่ามาโดนอาจารย์ไหมล่ะ!”


ผู้ใหญ่นิ่งอึ้ง


“อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ทิ้งผมก็แล้วกัน” ไม่อยากจะเชื่อว่าต้องกลับมาคุยเรื่องนี้อีกครั้ง ที่เดิม แบบเดิม แค่คิดถึงรอบดวงตาก็ร้อนผ่าว


“อย่าทำให้ฉันตบะแตกนะมาร์ช” ท่าทีของเขาอ่อนลง


“ผมทำไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ......ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน” เด็กชายตัดพ้อ “....สำหรับอาจารย์”
   
   
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าร้องไห้” ก้องภพห้าม ใจของเขาสั่นทุกทีที่เห็นน้ำตาบนกรอบหน้านั้น “ฉันเตือนเธอแล้วนะ”
   

“อีกแล้วดิ! ทุกอย่างแม่งเป็นที่ผมอีกแล้ว!” มาร์ชลั่นออกมาเสียงดัง พร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา

   
“หยุดเดี๋ยวนี้นะมาร์ข...”

   
“ฮืออ.....ฮึก.....สั่งอยู่นั่นแหละ! พูดดีๆไม่เป็นเหรอ!”

   

เอาอีกแล้ว เขากลับมาติดอยู่ในวังวนนี้อีกจนได้ จะว่าไป เขายังไม่เคยออกไปจากเขาวงกตที่ชื่อ ‘ณิชพน’ ได้เลยต่างหาก ตั้งแต่ไปยืนด้อมๆมองๆแถวหอพัก ไหนจะรู้ไปถึงว่าสองคนนี้แอบเจอกันที่ไหน แถมยังอดใจไม่ได้ที่จะกลั่นแกล้งเด็กคนหนึ่งเป็นครั้งคราว ไม่เคยรู้สึกผิดหวังกับตัวเองเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ชายหนุ่มแย่งยื้อกับความรู้สึกตัวเองมานาน มาร์ชทำให้เขาสับสนว้าวุ่นจนเสียผู้ใหญ่ เหมือนถูกย้อนเวลากลับไปใช้สมองตัวเองครั้งยังเป็นวัยรุ่น มันไร้เหตุผล สับสน ว้าวุ่น และบ้าบิ่นเสียเหลือเกิน

   
“อะ...อาจารย์....ทำดีๆ..กะ...กับผม....แบบ...มะ...เมื่อก่อน ...ไม่ได้เหรอ”

    

หัวใจอาจารย์ไหววูบ

   

“มาร์ช....มานี่มา” ปากบอกให้อีกฝ่ายมา แต่ตัวเองเป็นฝ่ายเดินเข้าไป สวมกอดร่างกายที่เหมือนจะยืนไม่อยู่

   

“ฮึก....ผม..”

   

“ไม่ต้องพูดแล้ว....”

   

“ขะ...ขอบคุณนะครับ..” มาร์ชปาดน้ำตาลงไปบนเสื้อไนล่อน “ผมต้องการ..ฮึก...แค่นี้แหละ”

   

“แต่ฉันต้องการมากกว่านี้....”



เด็กนักเรียนเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดสะกิดใจ และมันไม่ใช่แค่พูดหยอกเล่น เมื่อครูพละเริ่มปลดกระดุมเสื้อนักเรียนด้วยมือข้างเดียว ริมฝีปากจาบจ้วงอยู่ที่ผิวเนื้ออ่อนไหวรอบต้นคอ กลิ่นกายของชายหนุ่มที่โตเต็มวัยหลังเล่นกีฬาเสร็จใหม่ๆกระชากอารมณ์ของเด็กชายขึ้นอย่างบ้าคลั่ง มันกลับมาแล้วสินะ ความรู้สึกนั้น ที่ถูกกักขังไว้เพียงไม่กี่วัน

   

“ผะ....ผมก็เหมือนกัน...”



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


talk; ไกล้กันไมไ่ด้เลยนะ สปาร์คตลอดเวลา ยอมรับความจริงได้แล้วววว :-[ :-[ :-[ :-[



หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (2/2) (P3) 19.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 19-01-2017 20:07:08
https://www.youtube.com/v/fNdeLSKSZ1M 


It’s dangerous to fall in love
But I want to burn with you tonight
Hurt me
There’s two of us
We’re certain with desire
The pleasure’s pain and fire
Burn me

มันอันตรายนะที่จะตกหลุมรักใครสักคน
แต่ฉันอยากจะลุกเป็นไฟไปพร้อมเธอในคืนนี้
ทำร้ายฉันเลย
มีเพียงเราสองคน
เรามั่นใจในความปราถนานี้แล้ว
ความสุขของเราก็คือความเจ็บปวดและเปลวไฟ
แผดเผาฉันเลย

So come on
I’ll take you on, take you on
I ache for love ache for us
Why don’t you come
Don’t you come a little closer
So come on now
Strike the match, strike the match now
We’re a perfect match, perfect somehow
We were meant for one another
Come a little closer

มาเลย
ฉันจะรับเธอไว้เอง
ฉันเจ็บปวดเพื่อความรัก เจ็บปวดเพื่อเรา
เข้ามาสิ
เข้ามาใกล้ๆอีกหน่อยได้มั้ย
มาเลย
จุดไม้ขีดนั้นสักที
เราเป็นคู่ที่แสนสมบูรณ์แบบของกันและกันนะ
เราเกิดมาเคียงคู่กัน
เข้ามาใกล้ๆสิ

Flame that came from me
Fire meet gasoline
Fire meet gasoline
I’m burning alive
I can barely breathe
When you’re here loving me
Fire meet gasoline
Fire meet gasoline
I got all I need
When you came after me
Fire meet gasoline
I’m burning alive
And I can barely breathe,
When you’re here loving me
Fire meet gasoline
Burn with me tonight

เปลวไฟที่โพยพุ่งออกมาจากฉัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ฉันเหมือนถูกแผดเผาทั้งเป็น
แทบจะหายใจไม่เป็นจังหวะ
เมื่อเธอรักฉันอยู่ตรงนี้
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ฉันมีทุกๆสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว
เมื่อเธอเข้ามาในชีวิตฉัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ฉันเหมือนถูกแผดเผาทั้งเป็น
แทบจะหายใจไม่เป็นจังหวะ
เมื่อเธอรักฉันอยู่ตรงนี้
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ลุกเป็นไฟกับฉันในคืนนี้นะ

And we will fly
Like small sparks in the skies
I’m Eve, I want to try and
Take a bite

และเราจะโบยบินไป
เหมือนดั่งประกายไฟบนฟากฟ้า
ฉันก็เหมือนกับอีฟที่อยู่คู่อดัม ฉันอยากจะลอง
และชิมมันดูสักครั้ง


 
So come on now
Strike the match, strike the match now
We’re a perfect match, perfect somehow
We were meant for one another
Come a little closer

มาเลย
จุดไม้ขีดนั้นสักที
เราเป็นคู่ที่แสนสมบูรณ์แบบของกันและกันนะ
เราเกิดมาเคียงคู่กัน
เข้ามาใกล้ๆสิ

Flame that came from me
Fire meet gasoline
Fire meet gasoline
I’m burning alive
I can barely breathe
When you’re here loving me
Fire meet gasoline
Fire meet gasoline
I got all I need
When you came after me
Fire meet gasoline
I’m burning alive
And I can barely breathe,
When you’re here loving me
Fire meet gasoline
Burn with me tonight

เปลวไฟที่โพยพุ่งออกมาจากฉัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ฉันเหมือนถูกแผดเผาทั้งเป็น
แทบจะหายใจไม่เป็นจังหวะ
เมื่อเธอรักฉันอยู่ตรงนี้
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ฉันมีทุกๆสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว
เมื่อเธอเข้ามาในชีวิตฉัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ฉันเหมือนถูกแผดเผาทั้งเป็น
แทบจะหายใจไม่เป็นจังหวะ
เมื่อเธอรักฉันอยู่ตรงนี้
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ลุกเป็นไฟกับฉันในคืนนี้นะ

But it’s a bad death
Certain death
But I want what I want
And I got to get it
When the fire dies
Dark in the skies
Hot as a match
Only smoke is left
But it’s a bad death
Certain death
But I want what I want
And I got to get it
When the fire dies
Dark in the skies
Hot as a match
Only smoke is left

แต่มันจะเป็นความตายที่น่าสลด
ต้องตายแน่ๆ
แต่ฉันก็อยากได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ
และฉันต้องเอามันมาให้ได้
เมื่อเปลวไฟมอดลง
ความมืดมิดบนท้องฟ้า
ร้อนแรงเหมือนเช่นไม้ขีด
เหลือไว้เพียงควันไฟ
แต่มันจะเป็นความตายที่น่าสลด
ต้องตายแน่ๆ
แต่ฉันก็อยากได้ในสิ่งที่ฉันต้องการ
และฉันต้องเอามันมาให้ได้
เมื่อเปลวไฟมอดลง
ความมืดมิดบนท้องฟ้า
ร้อนแรงเหมือนเช่นไม้ขีด
เหลือไว้เพียงควันไฟ

Flame that came from me
Fire meet gasoline
Fire meet gasoline
I’m burning alive
I can barely breathe
When you’re here loving me
Fire meet gasoline
Fire meet gasoline
I got all I need
When you came after me
Fire meet gasoline
I’m burning alive
And I can barely breathe,
When you’re here loving me
Fire meet gasoline
Burn with me tonight
Burn with me tonight
Burn with me tonight
Burn with me tonight
Eh eh

เปลวไฟที่โพยพุ่งออกมาจากฉัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ฉันเหมือนถูกแผดเผาทั้งเป็น
แทบจะหายใจไม่เป็นจังหวะ
เมื่อเธอรักฉันอยู่ตรงนี้
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ฉันมีทุกๆสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว
เมื่อเธอเข้ามาในชีวิตฉัน
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ฉันเหมือนถูกแผดเผาทั้งเป็น
แทบจะหายใจไม่เป็นจังหวะ
เมื่อเธอรักฉันอยู่ตรงนี้
เปลวไฟประทะกับน้ำมัน
ลุกเป็นไฟกับฉันในคืนนี้นะ

cr. http://www.aelitaxtranslate.com/2015/03/sia-fire-meet-gasoline.html

หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (2/2) (P3) 19.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 19-01-2017 20:50:33
ชอบตอนนี้จัง
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (2/2) (P3) 19.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 19-01-2017 21:07:42
  สงสารมาร์ชอะ ก้องก็โหดกับน้องจิง
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (2/2) (P3) 19.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: WASAWATTE ที่ 19-01-2017 21:15:08
ขอสนับสนุให้ครูกับนักเรียนได้กันบ่อยๆ  5555

 :hao6:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (2/2) (P3) 19.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: อีแก้วปิ้งไก่ ที่ 20-01-2017 17:20:03
 :oo1: ร้อนแรง
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (2/2) (P3) 19.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: NRedu ที่ 06-02-2017 15:54:30
กลับมาได้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (2/2) (P3) 19.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: WASAWATTE ที่ 07-02-2017 23:21:44
คนเขียนหายไปไหนน้อ
รออ่านอยู่นะจ๊ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (2/2) (P3) 19.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: PaePT ที่ 15-02-2017 11:56:54
รอๆๆคนเขียน  :katai4:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 8 (2/2) (P3) 19.1.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 30-06-2017 14:21:01
9.


“ใจง่ายนะเราน่ะ....” ครูหนุ่มพูดไปพลางโถมน้ำหนักลงไปให้คนข้างใต้ต้องเอนลงไปกับโต๊ะ อารมณ์โกรธปนเปกับอาการหึงหวง หลังจากเพิ่งหยุดสะอื้นไห้เพียงไม่นาน มาร์ชอยู่ในสภาพหลุดรุ่ย เสื้อผ้า และทรงผม สภาพเหมือนกับถูกถูลู่ถูกังจนยับเยิน ก้องภพปัดป่ายมือลงไปบนของรักของหวง แรงบีบเค้นเรียกเสียงร้องครางได้เป็นอย่างดี รีมฝีปากและลิ้นแตะชิมผิวเนื้อสด วิสัยทัศน์ของมาร์ชพร่ามัวจากการถูกโยกคลอนไปตามแรงรักจากอีกฝ่าย ก้องภพหยุดมือลงเมื่อได้เห็นภาพที่ต้องการ


“ไปที่อื่นกันเถอะ” ก้องภพบอก พร้อมกับประคองร่างปวกเปียกขึ้น เขาเลิกลังเลในที่สุด ในเมื่อเด็กมันใจกล้านัก แล้วทำไมจะต้องไปคิดมากด้วยเล่า




…………………




ห้องสตูดิโอสะอาดเอี่ยม มีกลิ่นน้ำหอมบางเบา และกลิ่นเฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน มาร์ชเอนพิงหลังลงบนหัวเตียง หัวใจของเข้าเต้นแรงกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อทั้งคู่มาจบลงที่ห้องพักส่วนตัวของอาจารย์ มันให้ความรู้สึกเกือบจะเหมือนความฝัน


“นี่....ห้องอาจารย์เหรอครับ”


“ห้องพักชั่วคราวน่ะ นานๆจะมาอยู่ที”


มาร์ชมองสำรวจไปรอบๆห้อง ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มบทสนาอย่างไรดี


“ถอดเสื้อสิ....” อาจารย์ออกคำสั่ง ไม่ใช่เพียงปากเปล่าเมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่าชักช้างุ่นง่าน เขาโน้มตัวลงไกล้พร้อมกับลงมือปลดกระดุมอย่างใจเย็น ยิ่งคนตรงหน้าร้อนรุ่มขึ้นเท่าใด เขายิ่งเย็นลงเท่านั้น เด็กน้อยตรงหน้ายิ่งเผยอาการใคร่อยากเท่าใด เขายิ่งพึงพอใจเท่านั้น
   

“อย่าแกล้งผมสิ....”


“ชอบก็พููดมาตรงๆ”


“ผมเปล่ะ…..อ่ะ”


“ถ้าให้พูดแล้วยังโกหกบ่อยๆจะทำให้ร้องอย่างเดียวแล้วนะ” แววตาของก้องภพปราศจากผิดชอบชั่วดี ในท้ายที่สุดอาจารย์หนุ่มปลดเปลื้องเครื่องแบบนักเรียนออกเหมือนหิวกระหายแกะอาหารออกจากห่อ เผยให้เห็นชิ้นเนื้อสด เด็กชายหน้าร้อนวาบเมื่อเห็นผู้ใหญ่ในสภาพหื่นกระหาย ก้องภพเริ่ม ‘กิน’ มันตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจรดยอดอก เขาทั้งหยาบคายและจาบจ้วงลงไปตามจุดอ่อนไหว มาร์ชที่เป็นฝ่ายอยาก กลับกลายเป็นคนถูกควบคุม เรียกเสียงร้องครางหวิวได้เป็นอย่างดี


“อะ...อาจารย์ ผม...”


“บอกแล้วไงว่าห้ามพูด” ก้องภพปิดริมฝีปากนั้นด้วยนิ้วโป้ง กดลงไปในปาก สัมผัสปลายลิ้นอ่อนนุ่ม ชวนให้นึกอยากเอาอย่างอื่นสอดเข้าไปแทนเสียจริง


“อืม...อย่างนี้แหละดี” เสียงครางต่ำๆของคนตัวโตกว่ายิ่งทำให้มาร์ชใจสั่นไหว “นี่.....ห้องนี้ไม่มีเจล....ไม่มีถุงซะด้วยสิ” มาร์ชมองหน้าแบบไม่เข้าใจ


“อย่ามาทำเป็นไม่เข้าใจน่า....”


เด็กชายยังไมถอดสีหน้งุนงง


“เอาเถอะ.....ไหนอ้าปากซิ เร็วๆ” คนตัวโตสั่ง เด็กนักเรียนทำตามแต่โดยดี ก้องภพควักเอาอาวุธชิ้นโตของตัวเองขึ้นมา มันแข็งตรงชี้ไปยังเหยื่อ มาร์ชที่อ้าปากค้างอยู่ไม่ทันได้ไถ่ถามก็ถูกดันท้ายทอยเข้ามาจอกับส่วนหัว เด็กชายแข็งขืนด้วยความที่ไม่รู้จะเริ่มจากไหน แต่ก้องภพไม่สนใจภาษากายนั้น เขาใช้นิ้วเดิมง้างริมฝีปากก่อนจะบังคับให้มันรับท่อนเนื้อร้อนเข้าไป

“อื้ออออ....” คนตัวเล็กกว่าส่งเสียงประท้วง


“อูย....ซี๊ดดด อย่าให้โดนฟันสิ.....”


ชายหนุ่มเริ่มสาวของแข็งเข้าออกจนเริ่มมั่นใจแล้วว่าคู่นอนของตัวเองยังไม่เคยสัมผัสประสพการณ์นี้มาก่อน เป็นไปได้หรือที่จะพ้นกงเล็บเสืออย่างเจ้าโอมไปได้


“พอแล้ว ไม่ไหวเลยนะเรา นอนอ้าขาอย่างเดียวก็พอมั้ง”


มาร์ชหลุดออกมาจากมันพร้อมกับผมที่ถูกขยำจนยุ่งเหยิง อาจารย์ก้องหยาบคายกับเขาเหลือเกิน แต่ทำไมมันถึงได้ร้อนวูบวาบไปหมด


“คราวนี้คงจะเจ็บน้อยลงเยอะเลยล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มยั่วมาพร้อมกับคำพูดร้ายกาจแบบที่ไม่มีใครเคยเห็น เขาจ่อดันท่อนเนื้อเข้าไปตามแรงปรารถนาอยากของตนเอง ทำเอาฝ่ายรับต้องถอยหนีด้วยความเจ็บ แต่ไม่เป็นผลเมื่อความแข็งแรงมันคนละชั้นกันมาร์ชร้องห้ามเมื่อถูกฝืนยัดเยียดเข้ามาในทุกจังหวะ น้ำลายมันแทบจะไม่ช่วยอะไรเลย


“โอย......ซี๊ด......กว่าจะเข้า ฟิตชิบหาย...”


“ผมเจ็บ....อุ๊บ!....ช้าๆหน่อยครับ”


คนเป็นรุกไม่สนใจคำร้อง ยิ่งเมื่อมันออกมาจากปากคนหลายใจ


“เจ็บก็ร้องดังๆสิ”


“ผมเจ็บจริงๆนะ....โอ้ย! อาจารย์”


“อย่างนั้นแหละ....ร้องดังๆ!”


มาร์ชร้องลั่นเมื่อถูกโหมแรงใส่แบบไม่ยั้ง ก้องภพใช้มือทั้งสองข้างกดเขาไว้ไม่ให้พลิกตัวหนี คนตรงหน้าเปลี่ยนให้เขากลายเป็นคนป่าเถื่อน เสียงครางที่เหมือนออกมาได้ตามจังหวะตามที่สั่ง ร่างกายที่ไม่บอบบางต่างจากผู้หญิงช่วยเปลี่ยนบรรยกาศจากของเดิมๆดีเสียจริง


“อ๊ะ...อ๊า...”


ก้องภพมองใบหน้าเล็กที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ หยดน้ำตาปริ่มขึ้นมาที่หางตา เขาไม่สนใจจะซับมันออกให้ ปล่อยมันไว้อย่างนั้นแหละ โดนกระทำชำเราปานนี้ ไอ้แท่งที้ใช้บอกระดับความเสียวยังปริ่มซะขนาด ไอ้เด็กบ้านี่มันทำขึ้นจากอะไรกันแน่ มาทดสอบกันสักหน่อยดีกว่า อาจารย์หนุ่มถอนกายตัวเองออกมาแรงๆเสียกลางทาง ทำเอามาร์ชร้องเสียงหลง มันรู้สึกอย่างกับส่วนในส่วนหนึงของร่างกายถูกกระชากหลุดออกไปยังไงยังงั้น


“ไหนลองใหม่ซิ คราวนี้เอาปากห่อฟันหน้าไว้” ก้องภพสาธิตด้วยการใช้นิ้วโป้งดันริมฝีปากของเด็กนักเรียนเข้าไป “ทำเหมือนเม้มปาก.....อย่างนั้นแหละ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวนานล่ะก็ ตั้งใจทำ”


มาร์ชอ้าปากรับสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วโป้งเข้ามา มันดันลึกลงไปจนถึงคอ “กลืนลงไป อย่าขืน” เด็กชายทำตามสั่งแต่โดยดี มันไม่ง่ายเลยในครั้งแรก มันทั้งใหญ่และคับไปหมด กลิ่นคาวแตะลากตั้งแต่ริมฝีปากไปถึงโคนลิ้น


“เก่งมาก....อย่างนั้นแหละ ซี๊ดดดด...”


ผู้ใหญ่ ที่หลักจากสอนบทเรียนแรกให้เสร็จสรรพ ก็บรรเลงเพลงรักให้เสียเต็มที่ สายตาอ้อนวอนของเด็กน้อยข่วยพาเขาไปถึงจังหวะสุดท้าย


“พอ”


ก้องภพสั่งแล้วดึงมันออก ก่อนจะจับตัวมาร์ชพลิกให้นอนคว่ำ เด็กนักรียนกอดหม่อนแน่นเมื่อถูกบังคับให้รับเข้าไปอีกครั้ง


“เออ....ดีชึ้นหน่อย เมื่อกี้แสบไปหมดเลย...”


เด็กชายไม่เหลือตัวเลือกใดนอกจากนอนกอดหมอนแน่นขณะที่ปล่อยให้ผู้ใหญ่ทำตามใจ มันเป็นความเจ็บปวดบนความเต็มใจ หรือเป็นเพียงความหลงไหลอันด้อยประสพการณ์ คือการโหยหาความรักอย่างสิ้นหวังก็มิอาจรู้ได้ มาร์ชรู้ตัวว่าก้องภพเสร็จกิจตอนนี้ร่างใหญ่เบียดเข้ามาสุดลำพร้อมกับเสียงครางต่ำลอดไรฟัน เขาถูกวงแขนขังไว้ไม่ให้ขยับหนี หลังจากที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ก็รู้สึกเหมือนร่างกายถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนหนำใจ


“เธอเลือกเองนะ” อาจารย์เองยังแปลกใจในความโหดร้ายของตัวเอง เขามองดูเด็กชายณิชพนธ์นอนหบอหายใจน้ำตาปริ่ม เรียกได้ว่าสิ้นสภาพนักเรียน แต่ที่แน่ๆมันไม่ยากที่จะบอกว่าใครเลือดเย็นกว่ากัน ระหว่างคนที่ใช้กำลังไปตามอารมณ์ กับคนที่ปั่นหัวคนอื่นเล่นโดยไม่รู้ตัว


_________________________________________

talk

ครึ่งแรกมาแล้วนะค้า ขอโทษที่หายไปนานนนนนมาากกนานแสนนนาน เนื่องจากไปลุยงานต่างจังหวัดมาค่ะ ตอนนี้ไรท์กลับมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 9 (1/2) (P3) 30.6.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 23-07-2017 03:33:10
................


................


................


................



น้ำสะอาดชำระล้างร่างกายเรียกสติคืนมา ก้องภพมองภพเด็กชายนอนนิ่งอยู่ในผ้าห่มแล้วก็นึกสงสาร ไม่ได้สำนึกในการล่วงเกินทางสถานะซึ่งกันและกันหรอก แต่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันมันก็ออกจะเกินไป แน่นอนว่าการใช้กำลังไม่ได้อยู่ในหัวของเขาตั้งแต่แรก แต่ใครมันจะไปอดใจไหวเล่า


“นี่จะไม่กลับบ้านจริงๆเหรอ” ก้องภพถาม


“อือ....” มาร์ชตอบทั้งๆที่นอนซม “ห้ามไล่ผมนะ”


“ยังไม่ได้ไล่เลย” อาจารย์เดินไปรินน้ำจากเหยือก “เอ้านี่ ลุกขึ้นมากินน้ำก่อน” ก่อนจะประคองขึ้นมา เด็กชายรับมันดื่ม เขาเผลอจ้องมองไปที่คนตรงหน้านานไปหน่อย “ไม่ต้องมาอ้อนเลย....จะเอาอะไรอีก?”


“ผมเปล่าซะหน่อย .....มองเฉยๆก็ไม่ได้เลยเหรอ”


“ก็อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”


“หน้าแบบไหนอ่ะ?” ตัวการยังไม่รู้ไม่ชี้ ก้องภพกัดปากด้วยความหมั่นเขี้ยวท่าทีเง้างอน ชักจะไม่อยากให้กลับบ้านจริงๆซะแล้ว


“เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะ...”


“ผมเคยบ่นด้วยเหรอ?” มาร์ชแกล้งถาม


“แรดนี่หว่า” ก้องภพจิกกัดเล่น “....ทีแรกก็นึกว่าเป็นเด็กเรียบร้อย” มาร์ชถึงกับหัวเราะพรืด

“ผมแกล้งเล่น.... อาจารย์น่าแกล้งจะตาย” เด็กชายโกหก เขากลัวว่าถ้าบอกความจริงไปว่าตัวเองยังไร้เดียงสา ก้องภพจะไม่กล้าแตะต้องเขาเหมือนตอนก่อนหน้า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว “จะว่าไป....อาจารย์ก็สู้พี่โอมไม่ได้บางเรื่องนะ..."


“สู้ทางไหนไม่ทราบครับนักเรียน?” ก้องภพถามท่าทีหาเรื่อง


“ไม่บอกดีกว่า.....เดี๋ยวจะน้อยใจนะครับอาจารย์....”


“ดู....ดูทำเข้า ถ้าแฟนจับได้จะทำยังไงละเนี่ย?”


“ก็อย่าให้จับได้ดิครับ....” มาร์ชลื่นไหลไปกับสภาณะการตรงหน้าได้จนตัวเองยังประหลาดใจ เขากำลังมีความสุขจริงไหม แต่ทำไมในใจลึกๆมันช่างเบาหวิว ด้วยความไร้เดียงสา เขาได้เริ่มต้นความสัมพันธ์บนรากฐานของการโกหกหลอกลวง นั่นอาจเป็นสาเหตุว่าทำไมมันช่างรู้สึกไม่ปลอดภัยเอาเสียเลย


“ร้ายจริงๆเลย” ก้องภพพาดฝ่ามือลงบนสะโพกมนแรงๆจนสะดุ้ง "โอ๊ย!"


“ชอบว่ะ...”


มาร์ชหยุดชะงักฟังคำพูดนั้น ที่ดูเหมือนอาจารย์หนุ่มจะหลุดปากด้วยความนึกคะนอง ถึงแม้กระนั้นมันก็มีความหมายมากมายเกินกว่าที่มันควรจะเป็น


“ชอบผม...จริงๆเหรอ?”


“อือ....” ผู้ใหญ่ตอบเสียงเรียบ


................


................


................


................



“มาร์ช....” เจมส์สะกิดเขาในชั่วโมงพักกลางวัน เมื่อทั้งสองอยู่ตามลำพัง “กูรู้ว่ามึงไม่ชอบให้เพื่อนยุ่งเรื่องส่วนตัวนะ.....กูเข้าใจว่ามึงไม่ชอบเล่าเรื่องที่บ้านด้วย.....แต่พักนี้มึงแปลกไปจริงๆนะ”


“ที่กูหายไปบ่อยๆอ่ะเหรอ? แม่ทะเลาะกับชนินท์น่ะ ช่วงนี้กูไม่อยากปล่อยแม่ไว้คนเดียว”


“ชนินท์อีกแล้วเหรอวะ....ไอ้นี่แม่งโคตรเหี้ยเลย รีบๆเรียนให้จบแล้วพาแม่ไปอยู่ที่อื่นเหอะ”


“อือ....กูไหวแหละ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”


“มีอะไรให้กูช่วยบอกนะ” เจมส์เป็นห่วงเพื่อน สำหรับเขาแล้วมาร์ชอาจจะดูลึกลับและขี้อายอยู่เป็นทรงเดิม แต่ก็ไม่เคยเห็นอยู่ในสภาพล่องลอยเหมือนคนไร้สติขนาดนี้มาก่อน มันเป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่เด็กมัธยมปลาย ยิ่งโดยเฉพาะคนไม่ซับซ้อนแบบเจมส์จะทำความเข้าใจ


“เออ....น้องปอยเค้าคุยกับกูอยู่”


“เหรอ?” มาร์ชรู้สึกขยาดเมื่อได้ยินชื่อนั้น


“มึงไม่โกรธใช่ไหม?”


“ไม่อ่ะ.....กูคุยกับคนอื่นอยู่เหมือนกัน”


“เห้ย! ดีเลย! ใครวะ!”


“เจมส์ มึงห้ามบอกใครนะ กูขอ...” มาร์ชแทบจะหยุดหายใจ


“เอออออ กูเคยบอกใครที่ไหน คนในห้องเราป่ะ?”


“เปล่า....” เด็กชายไม่สามารถหาจุดเริ่มต้นได้ “กู.....”


“มึง???” เจมส์เก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ การที่ได้เห็นเพื่อนที่เคยเงียบเชียบเรียบร้อยปริปากออกมาว่าคุยกับใครบางคนมันน่าสนใจยิ่งกว่าคนอื่นเป็นไหนๆ เจมส์อดคิดไมได้ว่าตัวเองเป็นคนพาเพื่อนผู้ไร้เดียงสาไปเปิดโลกกว้าง แล้วคงจะเกิดติดใจเข้าแล้ว จะว่าไปมันก็เป็นจริงนั่นแหละ แต่เป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เจมส์คิดเท่านั้นเอง


“....กูชอบผู้ชายว่ะเจมส์”


“ค....ห๊ะ!”


“เออ.... แต่ไม่ใช่มึงนะ! กูไม่ได้ชอบมึง! ไม่เคยเลย!”


“อะ....เออ.....ดีแล้ว.....แล้วนี่......เดี๋ยวนะ” เจมส์ตะกุกตะกักเรียบเรียงคำพูด ขณะที่มาร์ชซุกหน้าลงบนฝ่ามือ “เออ...แล้ว ผู้ชาย คนไหนวะ?”


“........พี่โอม” มาร์ชเลือกชื่อที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด โล่งใจไปเปราะหนึ่งว่าอย่างน้อยเพื่อนสนิทก็ยังรับฟัง


“อ้ออออออ....เห้ย!  พี่โอมเป็นเกย์เหรอ!”


“เบาๆ!......เออ กูคุยกันมาซักพักแล้ว”


“แล้ว.....เป็นไงมั่งวะ?”


“ก็ดีนะ......กูก็โอเค”


“เออนี่.....ถามอีกอย่างได้มะ ไหนๆมึงก็เปิดใจแล้ว” เจมส์บอก “มึง....เอ่อ...มึงเป็น....ฝ่ายไหน”


“ฝ่ายไรวะ?” มาร์ชไม่เข้าใจคำถาม เจมส์ละล่ำละลักไปต่อไม่ถูก สองคนสบตากันจนเกิดเข้ากันใจขึ้นมาเอง “อ๋อออ…...กู….เอ่อ......กูเป็นฝ่ายรับ”


“อ้อออออ” เพื่อนสนิทลากเสียงยาวเกินจำเป็น “ถ้าอย่างงั้นมึงก็เป็น....ผู้หญิงอ่ะดิ.....ถูกป่ะ?”


“เออ.......มั้ง? ขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” เด็กชายทบทวนตัวเอง


“สยิวเลยว่ะ.....ไม่น่าถามเลย กูขอโทษนะ....” เจมส์หาทางออกจากบรรยกาศกระอักกระอ่วนใจ “สยิวเหี้ยไร! มึงก็อย่าคิดดิ!” มาร์ชเตะขาเพื่อนสนิทเบาๆ


“อย่าบอกใครนะเจมส์ กูยังไม่พร้อม”


“เอออออ กูรู้น่า”


ชีวิจวัยรุ่นมันไม่ง่ายเอาเสียเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันถูกผสมปนเปกันไปด้วยคำโกหก โกหกเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนา ช่วงอายุแสนสั้นที่เพิ่งผ่านไปบนโลกนั้นไม่สามารถทำให้เขาคิดได้เลย ว่าการครอบครองนั้นสามารถโหดร้ายได้ถึงเพียงใด....


__________________________________________

talk

มาต่อแล้วจ้าาา ไรท์เพิ่งกลับมาจาก ตจว.อีกครั้ง อาจะมาช้าหน่อย แต่มาชัวร์นะเอ้อ 5555
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 9 (18+) (P3) 23.7.17
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 23-07-2017 13:40:52
เดินเรื่องดี น่าติดตามๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 10 : ครอบครอง (1/2) (P3) 25.7.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 25-07-2017 14:50:38
10. ครอบครอง



ชัวโมงพละน่าสนใจกว่าที่เคย ดูเหมือนทั้งสองคนจะสนุกไปกับการแกล้งให้อีกฝ่ายกดดัน จนกระทั่งมาร์ชค้นพบวิธีการเล่นสนุกในรูปแบบใหม่ เขาค้นพบอีกด้านหนึ่งในตัวเอง มันรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อก้องภพทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้เก่งเสียเหลือเกิน


“โอ๊ย! เจมส์ กูเจ็บ!” มาร์ชแกล้งร้องลั่นเมื่ออาจารย์หนุ่มเดินตัดหลัง หลังจากเสียงระฆังหมดเวลาชั่วโมงดังได้ไม่นาน


“มึงโดนไรวะ?” เจมส์ผู้ไม่ได้เตะต้องตัวเขาด้วยซ้ำหันมามองด้วยสายตางุนงง


“กูปวดเอวว่ะ ปวดเข่าด้วย.....”


“ตกลงมึงเจ็บ หรือมึงปวด?” เจมส์เข้ามาประคองเพื่อน “ไหนวะ ตรงไหนนะ?” มาร์ชทิ้งปล่อยให้เจมส์เข้ามาประคองร่างตัวเองขึ้น ต่อหน้าสายตาก้องภพที่มองอย่างมีนัยยะ มาร์ชสบตากับครูพละอย่างมีเลศนัยไม่แพ้กัน


“มึงล้มเหรอ?” เจมส์ถาม เมื่อสังเกตุเห็นรอยแดงช้ำที่หัวเข่าของเพื่อนสนิท


“เปล่า...มึงไม่รู้เหรอนี่รอยอะไร” มาร์ชแกล้งถาม “รอยไรวะ?”

“กุไปคุกเข่าอยู่ที่ๆนึงนานๆมา” เด็กชายยิ้มมีเลศนัย ใบหน้าที่ไม่เคยมีใครได้เห็น จนเพื่อนเองยังแปลกใจ

“แล้วมึงจะไปคุกเข่านานๆทำไมวะ?” เจมส์ยังไม่เข้าใจ ก้องภพไม่สามารถยอมให้บทสนทนาอันสุ่มเสี่ยงนี้ดำเนินไปต่อได้จริงๆ ถึงแม้มันจะน่าขันเพียงใดก็เถอะ “มึงสวดมนต์เหรอมาร์ช หรือชนินท์สั่งให้มึงทำ?”

“สองคนนี้จะนั่งถึงเย็นเลยไหม?” ครูพละแทรกขึ้นกลางคัน ระหว่างเด็กสองคนที่นั่งคุยกันเพลินไปหน่อย เจมส์สะดุ้ง ขณะที่มาร์ชยิ้มบางๆ


“อาจารย์ก้องครับ ผมเจ็บขา”


“สรุปมึงเป็นอะไรแน่เนี่ย!” เจมส์แย้งขึ้น มาร์ชไม่สนใจ


“ไหน เจ็บตรงไหนเหรอ?” ก้องภพตีเนียน


“ตรงนี้เลยครับ....” มาร์ชถลกขากางเกงขึ้นมาสูงจนเห็นขาอ่อน ครูพละหันหน้าหนีไปแทบไม่ทัน เขาโบกมือไล่เจมส์ให้ออกจากโรงยิม ตามกลุ่มเด็กๆที่ทะยอยออกไปกันจนบางตา “แล้วนี่เจ็บอะไรเหรอ? ถ้าไม่เจ็บก็ขึ้นไปเรียนต่อได้แล้วไป” รอจนเหลือกันแค่สองคน แล้วหันกลับมาคุยกับเจ้าตัวการตรงหน้า


“จะเอาอย่างนี้ใช่ไหม?”


“อย่างไหนดีล่ะครับ?”


“ทำตัวให้มันปกติสิ อย่าหาเรื่อง....”


“ว่าผมอีกแล้ว....”


“อย่ามางองแงน่า....”


“ก็เล่นไม่เดินมาเฉียดผมเลยนิ”


“จะให้ทำยังไง ให้เดินมากอดแล้วบอก นี่เมียกู อย่างนี้เหรอ?” ครููหนุ่มออกอาการไม่สบอารมณ์


“ก็ดีนะครับ…” แค่นึกภาพตามก็อดอมยิ้มไม่ได้ ถึงแม้จะเป็นแค่ตำพูดพล่อยๆก็ตามที



“เด็กบ้า....ว่าแต่ ชนินท์นี่ใครเหรอ?”



“อยากรู้เหรอครับ?” มาร์ชยิ้มยั่ว


“อืม....อยากรู้” ครูพละบอกตามตรง “ฉันต้องรู้สิ ว่าฉันใช้เธอร่วมกับใครบ้าง ใช้ไหมล่ะ?”


“โหยยย ใจร้ายยยย!!” เด็กชายตัดพ้อด้วยความเจ็บแปลบเล็กๆจากคำพูดทิ่มแทง ถึงกระนั้นก็ยังโกรธคนตรงหน้าไม่ลงอยู่ดี “อาจารย์อย่าพูดแบบนี้อีกนะ...” ทำได้แค่ออกอาการน้อยใจให้เห็น
   

“ทำไมล่ะ? ทำไมพูดไม่ได้” ครูหนุ่มฉายแววตานึกสนุก “รอยที่เข่านี่ ของคราวก่อนจริงเหรอ? ทำไมมันชัดจัง? ไปย้ำมากับใคร
ไหนบอกซิ?”


“อาจารย์!!”


“ไม่ต้องมาทำเป็นเขินเลย”


“ชนินท์เป็นพ่อผม!”


“อ้อเหรอ…” สายตาของผู้ใหญ่หยอกล้อกับความเขินอายนั้น


“พ่อเลี้ยงผม!”


“อ๋อออ......มิน่าละท่าเยอะ มี….พ่อ…เลี้ยงก็ไม่บอก”


“พ่อเลี้ยงจริงๆ!”



“เสี่ยชอบให้เรียกว่าพ่อเหรอ?.....ซนดีนะเรา....วันหลังเรียกครางว่าพ่อให้ฟังหน่อยสิ...”



“พอแล้ว! ผมไม่คุยด้วยแล้ว!” มาร์ชลุกหนี ก้องภพไม่ขยับตามไปแม้แต่ก้าวเดียว เขาปล่อยให้เด็กนักเรียนเดินออกไปจนเกือบถึงประตูโรงยิม เขายืนนิ่งสักพัก คาดหวังว่าจะมีใครสักคนตามมาเพื่อที่จะรั้งเอาไว้ แต่ลูกไม้ตื้นๆเห็นทีจะไม่ได้ผลกับรุ่นใหญ่ มาร์ชหันหลังจนทันไม่ไหว เขาหมุนตัวกลับไปพบกับอาจารย์หนุ่มที่มองด้วยสายตาเป็นต่อ


มาร์ชไม่รู้จะเรื่มจากไหน จะตะโกนบอกว่า ‘ง้อผมเดี๋ยวนี้นะ!’ ก็คงจะไม่ใช่เรื่อง เมื่อไม้แข็งดูจะไม่ได้การ เด็กชายเปลี่ยนใจกลับไปใช้ไม้อ่อนแทน


“ผมขอโทษครับ.....” เขาพูดเสียงอ่อยเมื่อเดินกลับมาไกล้ เปรยตาขึ้นมองอย่างมีความหวัง


“ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ?” ก้องภพถามย้ำเมื่อเห็นท่าทีอ่อนลง


“ผมไม่น่างี่เง่าใส่อาจารย์เลย........ก็ผมเห็นอาจารย์ชอบทำเป็นเมินผมนี่........ผมกลัว.....”


ครูพละถึงกับสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาพ่ายแพ้ต่อมาร์ชในท่าทีนี้จริงๆ


“ใครๆก็ชอบทิ้งผม........พ่อก็ทิ้งผม...........ผมไม่อยากโดนทิ้งอีกแล้วนะ.......ผมไม่อยากได้คนแบบชนินท์อีกคนนะ.......”


“พอๆ ไม่แกล้งแล้ว...” ก้องภพตัดบทก่อนที่จะเลยเถิด รู้ตัวอีกทีมือข้างหนึ่งก็วางอยู่บนเรือนผมนักเรียนที่ทำหน้าออดอ้อน ได้แต่ลูบเบาๆปลอบใจ “ขึ้นไปเรียนได้แล้วไป....”


“เย็นนี้ผมไปหาที่ห้องได้ไหมครับ?” มาร์ชถามด้วยสายตามีความหวัง


“ฉันมีธุระนิดหน่อย....”


“ไม่เป็นไรครับ....วันอื่นก็ได้.....ผมแค่ไม่อยากกลับบ้าน” ก้องภพหลบสายตาผิดหวังนั้นไม่ได้ ท่าทีเดี๋ยวแข็งเดี๋ยวอ่อนของมาร์ชมันทำให้เขาไม่อยากละสายตาไปจากเด็กคนนี้ แถมไอ้คนที่ชื่อ ‘ชนินท์’ ยังคงติดคาอยู่ในหัวเขาไปทั้งวัน

   

................


................


................


................


หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> บทที่ 10 : ครอบครอง (1/2) (P3) 25.7.17
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 25-07-2017 20:27:40
ครูกำลังจะทำให้เด็กใจแตก 555
 รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> [Drama] บทที่ 10 : ครอบครอง (18+) (P3) 26.7.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 26-07-2017 19:53:41


................

................

................

................


มาร์ชเริ่มเกลียดอาการกระวนกระวายพิลึกพิลั่นนี้ สองขาของเขายังคงยืนกรานไม่ไปเรียนพิเศษ เมื่อมันพาเขากลับมาที่โรงยิมในตอนเย็น มันเงียบสนิท อาจารย์ก้องไม่อยู่ตามที่พูดไว้ เขาเผื่อใจไว้ผิดหวังก็จริง แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเท่าใดนัก
มือข้างถนัดหยิบโทรศัพมือถือขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“พี่โอมเหรอครับ? วันนี้ผมไม่มีเรียนพิเศษแหละ....”

................

................

................

................


คนปลอบใจหมายเลขหนึ่งเข้าประจำการ ในวงวารนี้โอมคงเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดเข้าโดยไม่รู้ตัว มาร์ชเอนหลังพิงแผ่นอกรุ่นพี่ไปพลาง  ถูกปลอบด้วยความเอ็น



“เบื่อไหมครับคนดี” โอมลูบหัวรุ่นน้องแผ่วเบา “อยากดูหนังไหม?”


“ไปสิครับ”


“ช่วงนี้พ่อไม่ค่อยว่าแล้วเหรอ เห็นทักไปกว่าจะตอบ กลับบ้านดึกตลอดเลย”


“ผมบอกว่าผมออกมาติวสอบกับเพื่อนอ่ะ”


“อยากติววิชาอะไรล่ะครับ?” โอมแกล้งแหย่ “พี่ติวเพศศึกษาให้ได้นะ ฮ่าๆ” มาร์ชไม่ได้หัวเราะไปด้วย เขารอจนโอมหยุดเล่นมุขตื้นๆ เด็กชายหันมายิ้มหวานให้ พร้อมกับเลื่อนหน้ามาไกล้ ริมฝากทั้งสองสัมผัสกันแผ่วเบา ก่อนที่ดีกรีจะถูกเร่งขึ้น จากอ่อนโยนเป็นดุดัน โอมพลิกตัวดันรุ่นน้องติดกำแพง แล้วจาบจ้วงเอารสชาติที่โหยหามานานจนเต็มอิ่ม


“แบบนี้สิน่ารัก” รุ่นพี่เอ่ยปากชมเมื่อผละออกมาเห็นผมเฝ้ายุ่งเหยิงกับริมฝีปากเปียกชื้น


“น่ารัก....หรือน่าเอาครับ” มาร์ชคลี่ยิ้มยั่ว


โอมประหลาดใจเล็กน้อย “ไปทำอะไรมา......เปลี่ยนไปนะเรา......สารภาพมาซะดีๆ”



“ผมจะไปทำอะไรล่ะ..... มีแต่พี่นี่แหละทำผม” รุ่นน้องยังไม่หยุด



“อยากให้ทำอีกมั้ยล่ะ.....”



“ช้าๆนะครับ ผมไม่อยากรีบ....” มาร์ชประกบริมฝีปากเข้าอีกครั้ง รุ่นพี่โอนอ่อนตามต้องการ โดยไม่แน่ใจนักว่า ‘ช้าๆ’ ในความหมายนั้นคืออะไร แต่ที่แน่หัวใจของเขากำลังเต้นแรง อีกไม่นานคงจะได้จัดไปไม่เสียของ  โอมไม่ปล่อยให้มือว่างเปล่าๆ เขานวดคลึงเบาๆไปตามร่างกายรุ่นน้องให้ผ่อนคลาย ถึงแม้จะเริ่มแคลงใจในความบริสุทธิ์อยู่บ้าง แต่นันก็ไม่หนักแน่นพอที่จะเคลื่อนความเชื่อของเขาได้ เด็กแบบนี้มันจะไปแสบได้เท่าไหร่กันเชียว แล้วมีหรือที่คนแบบเขาจะตามไม่ทัน


เรียนรู้ที่จะควบคุม คือบทเรียนแรกของการครอบครอง มาร์ชเริ่มจะเคยตัวกับอำนาจในร่างกายของตนโดยไม่รู้ตัว เขาเป็นผู้ถูกกระที่เป็นคนคุมเกม ก้องภพทำมอบสิ่งที่เขาต้องการ โอมก็คล้อยตามด้วยเพียงคำพูดไม่กี่คำ สำหรับคนที่ไม่เคยมีโอกาศได้เอาแต่ใจ มันไม่ต่างอะไรกับยาเสพย์ติด


“ดีไหมครับที่รัก...” คำพูดหวานหูที่ไม่เคยหาได้จากที่ไหน เพียงแค่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า กลับพรั่งพรูออกมาจนเต็มล้น โอมไม่เคยทำให้เขาประหม่า รุ่มร้อน หัวใจเต้นไม่ส่ำได้แบบที่ก้องภพทำ แต่มันให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย เมื่อลีลาต่างออกไป ร่างกายของเขาได้รับการสัมผัสจนทั่ว รุ่นพี่เงยหน้ามองดวงตาฉ่ำวาวยิ่งได้ใจ รุกคืบลงไปแถวท้องน้อย เสียงเสียงครางต่ำในลำคอได้เป็นอย่างดี ถึงกระนั้นเองมาร์ชก็ยังไม่คิดว่าตัวเองพร้อมสำหรับค่ำคืนนี้ เด็กชายลดมือลงไปช้อนหน้ารุ่นพี่ขึ้นมาจูบ มันเป็นจูบทที่เนิ่นนานจนลืมหายใจ เขาพละออกจากกันอีกครั้ง ทั้งสองหอบโกยเอาอากาศเข้าไปในปอด ก่อนที่มาร์ชจะเป็นคนขีดเส้นทางไปต่อ


“ไปดูหนังกันดีกว่าครับ...จะได้ไม่ดึกมาก”




................


................


................


................



หนังรอบค่ำผู้คนบางตา มาร์ชกับโอมเปลี่ยนชุดไปรเวทออกมาด้วยกันเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ ถือจะมั่นใจแล้วก็ตามว่ากลุ่มเพื่อนๆของทั้งสองคนต่างก็มีกิจกรรมอยู่ที่อื่น การที่บังเอิญเดินเจอใครสักคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักกีฬาก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่


“เอาที่นั่งคู่ไหม?” โอมถาม


“มันก็ยิ่งเด่นดิพี่ เอาธรรมดาแหละ ผมเอาป๊อปคอร์นเยอะๆ”
   

“เหรอ เอาของพี่ไปเลย พี่ไม่ค่อยกิน”


“คนอะไรไม่กินป๊อปคอร์น” มาร์ชแซวไปพลางหยิบข้าวโพดคั่วใส่ปาก “ผมกินหมดก่อนหนังฉายตลอดเลย พี่ถือของพี่ไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งเอาให้ผม เดี๋ยวมันหมด”


“ก็ซื้อไปเยอะๆสิจะได้ไม่หมด ชอบก็ไม่บอก จะได้ซื้อถังใหญ่ให้” รุ่นพี่มองดูเด็กชายเคี้ยวตุ้ยๆ นานๆทีจะได้เห็นเด็กนี่อยู่ในอารมณ์สดใสบ้าง


“ถังใหญ่ผมก็กินหมด แล้วตอนเช้าผมก็จะเจ็บคอ ไม่เอาอ่ะ”


“งั้นเอามานี่เลย เดี๋ยวหนังฉายค่อยคืนให้” โอมแย่งถังข้าวโพดมาไว้กับตัว “กินอย่างกับไม่เคยกิน ดูๆ เละๆ และหมด” แล้วปัดเศษขาวๆที่ติดอยู่ตรงแก้มมาร์ชออกไปพร้อมหัวเราะคิกคัก


“ก็มากับพ่อผมไม่เคยได้กินอ่ะ พ่อชอบบอกว่ามันไม่มีประโยชน์”


“พ่อทำงานอะไรอ่ะ ทำไมดุจัง” โอมรู้เรื่องของมาร์ชน้อยมากเนื่องจากเจ้าตัวไม่ค่อยจะปริปากเล่าสักเท่าไหร่


“พ่อเป็นหมอครับ”


“มิน่าล่ะ ลูกเรียนเก่งเหมือนพ่อเลย”


“พ่อเลี้ยงน่ะครับ” มาร์ชหลุดปากบอก เขาไม่ได้ตั้งใจปิด แต่ก็ไม่เคยอยากเล่าให้โอมฟัง แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว “พ่อจริงๆผมเป็นนักดนตรี ไม่ได้เกี่ยวกันเลย ฮ่าๆ”


“อ้อออ โห....พ่อเลี้ยงแล้วยังจะดุอีกเนอะ แทนที่เขาจะทำดีๆกับเรา มาๆมาให้กอดหน่อยเร็ว” โอมแกล้งดึงคนตัวเล็กกว่าเข้ามาแนบ


“พี่! คนมอง!”


“ฮ่าๆๆ ช่างเขาสิ ไม่ใช่คนรู้จักซักหน่อย”


มาร์ชดูหนังไม่รู้เรื่องที่สุดเท่าทีเคยเป็นมา เมื่อพี่โอมงุ่นง่านอยู่แถวๆขาอ่อนไม่ไปไหนสักที ยิ่งคนในโรงหนังบางตาจนเหมือนตั้งใจหารอบที่เงียบที่สุด มาร์ชมองไปรอบๆไม่เจอใคร พวกเขานั่งอยู่ชั้นบนเกือบสุด นั่นทำให้ด้านหลังยิ่งกว่าปลอดภัยที่ทำมิดีมิร้าย เด็กชายตัดสินใจหลังจากที่ไหนๆก็ดูไม่รู้เรื่องแล้ว เขาปัดมือของอีกฝ่ายออก ก่อนจะถดตัวลงไปจากเก้าอี้นั่งคุกเข่า หันหน้าเข้าหาระหว่างขาของอีกคนพอดิบพอดี


“ทำไรอ่ะ?” โอมก้มหน้าลงไปถาม มาร์ชไม่ตอบ แต่ปลดซิบลงจากกางเกงยีนส์ช้าๆ ไปพร้อมกับสบตารุ่นพี่ที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ทำเป็นด้วยเหรอ?....โถๆ” เด็กชายส่ายหน้า โอมยิ้มพลางถูกใจปนเอ็นดู


“สอนผมสิครับพี่…”



_______________________________________

Tbc.

คนเขียนเองไม่รู้จะสงสารใครก่อนดี คิดซะว่าเป็นการ coming of age ก็แล้วกันค่ะ 55555



หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> [Drama] บทที่ 10 : ครอบครอง (18+) (P3) 26.7.17
เริ่มหัวข้อโดย: อีแก้วปิ้งไก่ ที่ 26-07-2017 21:57:28
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> [Drama] บทที่ 10 : ครอบครอง (18+) (P3) 26.7.17
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 27-07-2017 00:26:59
เธอหลงเขาแล้วคนดี
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> [Drama] บทที่ 10 : ครอบครอง (18+) (P3) 26.7.17
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 30-07-2017 09:45:50
นังมาร์ชมันร้าย ปกติไม่ชอบม่า แต่เลื่อนอ่านทุกตอนอะ55555
หัวข้อ: Re: <อาจารย์ครับ...สอนรักผมที> [Drama] 10 (100%) (P3) 10.18.17
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 18-10-2017 13:24:34
.......................


.......................


.......................


.......................



“….เวลาปลดซิบให้ใช้ปาก อย่าใช้มือ” โอมรูดซิบกลับขึ้นไป แล้ววางมือลงบนเรือนผมนุ่ม มองดูเด็กน้อยใช้ฟันกัดซิปแล้วลากลงช้าๆ แค่ลมหายใจรดโคนขาก็ทำเอาหวาดเสียวไปหมดแล้ว “อูยยย อย่างนั้นแหละ” รุ่นพี่จับมือทั้งสองข้างขึงไว้กับเบาะไม่ให้ขยับ “เอ๊ะๆ ห้ามให้มือสิ” มาร์ชจัดการกับขอบกางเกงในแบบเดียวกัน ยังไม่ทันแตะต้องโดนจุดอ่อนไหวก็เด้งผึงขึ้นมาผงาดสู้


“ถูกไหมครับ?”



“อืออ....เด็กดีของพี่......ไหนเอาลิ้นแตะดูสิ...ว่าชอบไหม”



มาร์ชลากลิ้นลงไปบนแท่งเนื้ออุ่นทำเอาอีกฝ่ายซี๊ดปากจิกมือเกร็งลงบนเบาะ “อูยยย....มองหน้าพี่หน่อยสิ....อย่างนั้นแหละ...” มาร์ชเป็นเด็กเรียนดี และเขาใช้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาอย่างตั้งอกตั้งใจยิ่งกว่าบทเรียนไหนๆ



ความพึงพอใจวัดได้จากมือที่เลื่อนลงมาคว้าท้ายทอยแล้วค่อยๆกดลงไปช้าๆ.....



“ช้าๆ....อย่างนั้นแหละ...อา....ดี”



   รุ่นน้องได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ เมื่อช่องปากคับแน่นไปด้วยของแข็ง ขณะเดียวกันที่โอมรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ความฝัน แรงตึงผิวที่ส่วนกลางลำตัวทำให้อดไม่ได้ที่จะออกแรงขยับช่วย อากาศเย็นเฉียบในโรงหนังไม่สามารถช่วยดับไฟสุมร้อนในเรือนกาย


“ระ.....เร็วขึ้นได้ไหม.....ไหวไหม...อะ....อูยยย”


มาร์ชเร่งมือขึ้นไปได้ไม่นาน  ในท้ายที่สุด รุ่นพี่ที่ตื่นเต้นสุดตัว ด้วยความที่สถานที่ทั้งท้าทาย สถาณะการณ์ก็เร้าใจ  กระตุกเกร็งด้วยความไว จนชักกลับออกมาไม่ทัน 


“เลอะเทอะเลย ขอโทษที...” โอมแตะมือเช็ดผิวหน้าอย่างเบามือ ไล้ผ่านริมฝีปากได้รูป เขาปาดน้ำสีขุ่นลงจากใบหน้า จงใจราวกับกำลังทำงานศิลปะ เด็กคนนี้มีดวงตาที่น่าประหลาด มันทำให้เขาเสพย์ติดการดิ่งลึกลงไปในนั้น ทั้งใสซื่อและร้ายกาจ เขากำลังตกหลุมรักภาพตรงหน้า


“ไม่เป็นไรหรอกครับ....”


“ชอบไหม…..โทษทีนะ เร็วไปหน่อย พี่ตื่นเต้น”


มาร์ชไม่ตอบแต่ขึ้นมานั่งคลำหาทิชชู่มาเช็ดหน้า แล้วดื่มน้ำดับรสคาวปะแล่มในปาก ระหว่างที่โอมเก็บอาวุธชิ้นนั้นกลับเข้าที่


“ทำอย่างนี้พี่ก็ไม่อยากให้กลับบ้านสิเนี่ย....”


“ผมก็ไม่อยากกลับหรอก แต่ไว้คราวหน้านะครับ”


เด็กชายนึกสนุกเมื่อทำให้คนมาติดใจแจ เกมอำนาจเล็กๆนี้อาจนำไปสู่หายนะ หรืออย่างน้อยก็บาดแผลในใจใครสักคน แต่ใครมันจะไปสนเล่า ในเมื่อรสชาติมันจัดจ้านเสียขนาดนี้

สองคนเดินไปด้วยกันมือกันในซอยมืด ความเหงาเปลี่ยวของบรรยกกาศดันร่างทั้งสองให้แนบชิดกัน โอมคว้ามือรุ่นน้องมาจูงเดิน มาร์ชขยับหลบ



“พี่...นี่แถวบ้านผม เดี๋ยวมีคนเห็น!”



“ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่มีหรอก” โอมดึงมาร์ชหลบเข้าไปหลังกำแพง “......ในบ้านปิดไฟหมดแล้ว นอนกันหมดแล้วมั้ง”



“จะทำอะไรเหรอพี่?”



“อยากให้ทำอะไรล่ะ?”



“ไม่รู้.....จะทำอะไรก็รีบทำแล้วกัน....” รุ่นน้องตอบ เคอะเขินกับที่โล่งแจ้ง เขาหันมองซ้ายขวาไม่ทันไรก็ถูกดึงเข้าไปประกบจูบเน้นๆ โอมดันตัวมาร์ชชิดกำแพง เสพย์สมความเยาว์วัยจนหนำใจ


“แฮ่ก.......พอเลย!” มาร์ชชกไหล่รุ่นพี่เบาๆ หลังจากได้หายใจหายคอ



“ฮ่าๆ......เจอกันพรุ่งนี้นะครับ.....” สุดท้ายโอมก้มลงแตะริมฝีปากลงบนที่หน้าผาก ปลอบโยนแผ่วเบา



“อื้ม....”



เด็กชายกลับเข้าบ้านด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า กับหัวใจที่สดชื่น



ได้ไม่นาน....



หลังจากใส่กลอนประตูบ้าน เขายังไม่ทันคลำหาสวิทช์ไฟเสียด้วยซ้ำไป


เพี้ย!


“โอ้ย!!” เสียงฝ่ามือฟาดผ่านอากาศ มาจากที่ไหนสักที่ ลงมากระทบเข้าที่ใบหน้าเขาเต็มๆ


“นั่งลงไป!!” เสียงพูดที่คุ้นหูบัดนี้ทำเอาเสียวสันหลังวาบไปทั้งตัว


“พ่อ!”


“มึงหยุดเรียกกูว่าพ่อเดี๋ยวนี้!!” ชนินท์ผลักลูกเลี้ยงกระเด็นลงไปกองกับพื้น “กูสงสัยมึงมาตั้งนานแล้ว!! วันนี้กูเห็นกับตา!”


“เห็นอะไร...โอ๊ย!!”


ปาลิดาตื่นขึ้นกลางดึก จากเสียงโครมครามโหวกเหวก เธอได้ยินเสียงชนินทร์ตะโกน จึงรีบตามลงไป ภาพที่เห็นคือลูกชายตัวเองนอนกองอยู่กับพื้นโดยมีผู้เป็นพ่อฝ่ายลงไม้ลงมือสุดแรง ทั้งตะโกนด่าทอ ปาลิดาพุ่งตัวเข้าไปหาสามี


“อะไรกัน!!! ชนินทร์!!! หยุดนะ!! เกิดอะไรขึ้น!”


“ลูกเธอนั่นแหละ!! มันยืนจูบกับผู้ชายหน้าบ้านฉัน!! ถามมันสิว่าจริงไหม!!”


มาร์ชปวดร้าวไปจนถึงกระดูก เขาจำไม่ได้ถูกว่าชนินทุบด้วยอะไรเข้าที่ไหนบ้าง ภาพตรงหน้าเลือนลาง แต่ยังได้ยินผ่านเสียงวี๊ดในหูว่าแม่กำลังร้องไห้ เธอยื้อยุดฉุดกระชากพ่อเลี้ยงออกจากตัวลูกชาย


“ชนินทร์!! ปล่อยลูกฉัน!! ไอ้เลว!”


เขาได้กลิ่นคาวเลือดในปาก และสัมผัสได้ถึงแผลที่หางคิ้ว ถึงหน้าจะยังชาอยู่ ก็ตามที ข้างตัวมีซากเก้าอี้ที่ถูกเขวี้งมาจนหัก แขนขวาปวดหนึบไปจนถึงชายโครง เด็กชายทรงตัวขึ้นมาได้


“ออกไปจากบ้านกู!! กูไม่อยากเห็นหน้ามึงอีก!! มึงคือความอับอายของกู....ไอ้เด็กโง่!!”


“ชนินทร์!!”


“พ่อ!!” อีกเสียงแทรกขึ้น มาร์ชคาดไมถึงว่าจะมีเขาเข้ามาร่วมวงด้วย


กวินเข้ามาดึงพ่อแท้ๆของตัวเองออกไปจากแม่เลี้ยง เขาเพิ่งตื่นจากเสียงโหวกเหวกเช่นกัน ดูเหมือนทุกคนจะรับรู้การกลับมาของกวิน ยกเว้นน้องชายบุญธรรมที่เพิ่งจะยกเสื้อนักเยนขึ้นเช็ดเลือดที่กรอบหน้า


“น้องมาร์ช! พ่อทำอะไร!”


“มันเป็นตุ๊ด! มันจะพาผู้ชายเข้าบ้าน! มันยืนจูบกันตรงรั้วบ้าน กูเห็นกับตา!!”


กวินชะงักไป ปาลิดาเองก็มองมาทางลูกชาย


“แล้วยังไงล่ะพ่อ!! น้องจะเป็นอะไรก็เรื่องของน้อง....พ่อจะทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ”


“นี่บ้านกู กฎของกู มันต้องออกไป!!”


“พ่อ!! มาร์ช...มองมาทางพี่ อย่าไปสนใจพ่อนะ”


“มึงไปซะ....ไม่งั้นก็ไปทั้งแม่ทั้งลูก เลือกเอา!!”

ชนินทร์ตวาดคำขาด ดาและวินสบตากันอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน มาร์ชสบตาผู้เป็นแม่ เขารู้ดีว่าแม่ไม่มีที่อื่นให้ไป นั่นคือสาเหตุว่าทำไมทุกคนถึงยังจ้องอดทนให้ชนินทร์ เธอกำลังจนมุม


“พอ!! พอแล้ว!” กวินทร์ผละออกจากพ่อ เดินเข้าไปประคองตัวน้องชายที่เกือบจะยืนไม่อยู่ “ไม่มีใครต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ พ่อ....พ่อไปนอนเถอะ ผมจัดการเอง”


“กวิน อย่ายุ่งเรื่องครอบครัวพ่อ!”


“พ่อนั่นแหละ อย่าไปยุ่งเรื่องของน้อง!”


“ผมไปเอง.....” มาร์ชบอก มีเสียงคัดค้านจากสองคนที่เหลือ เขาไม่อยากได้ยินอะไรอีก เด็กชายผละออกจากละครชีวิตฉากใหญ่ เขาไม่มองหน้าชนินทร์ แล้วขึ้นห้องไปเพื่อเก็บข้าวของ


“มาร์ช อย่าทำแบบนี้ อย่าให้พ่อคิดว่าเขาไล่ใครได้สิ” กวินวิ่งตามขึ้นไปนั่งลงข้างๆ ขณะที่ปาลิดาสะอื้นไห้ด้วยความโกรธ โกรธตัวเองที่ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากผู้ชายคนนี้


“ผมไม่อยากอยู่แล้ว...” เด็กชายรื้อตู้เสื้อผ้า หยิบของสำคัญออกมา “พี่กลับมาก็ดีแล้ว.....ผมฝากแม่ด้วยนะพี่”


“นี่มันดึกแล้ว.....แล้วมาร์ชจะไปไหน.....”


“ผมจะไปอยู่บ้านเพื่อน ไกล้ๆนี่เอง”


“......เดี๋ยวพี่ไปส่ง” กวินเองก็ไม่กล้ายื้อคนที่ถูกพ่อตัวเองทำร้ายไว้เหมือนกัน


“ไม่เป็นไรครับ พี่อยู่ดูแม่เถอะ.....”


พี่น้องต่างสายเลือดสบตากันเนิ่นนาน น่าเสียดาย ทั้งคู่เข้ากันได้ดีทีเดียว กวินเป็นผู้ใหญ่และเอ็นดูน้องชายคนเล็กเสมอ ถ้าไม่ติดว่ามีชนินทร์คั่นกลาง พวกเขาคงได้มีความสุขกันมากกว่านี้


“มีอะไรรีบโทรมานะ....” กวินพูด


“ครับ....ดีใจนะที่พี่กลับมา เดี๋ยวไว้ผมโทรหา”


“แน่ใจนะว่าไม่ให้ไปส่ง....พี่ไม่บอกใครหรอกว่าบ้านเพื่อนอยู่ไหน”


“แน่ใจครับ”


ปาลิดาสะอื้นไห้เมื่อลูกชายเข้ามากอด “เดี๋ยวผมโทรหาครับ ไม่ต้องห่วงนะ”


“มาร์ชจะไปอยู่กับใครเหรอลูก....เจมส์เหรอ?”


“เดี๋ยวผมโทรหาครับ...”


มาร์ชไม่อยากแม้แต่จะหันกลับไปมอง เขาโกรธและเจ็บเกินกว่าจะทนอยู่ในบ้านนี้ไปได้อีก แถมยังไม่กล้าหาเรื่องชนินทร์มากไปกว่านี้ เขามีปาลิดาเป็นตัวประกัน เด็กชายทำได้เพียงกอดแม่โดยไม่มีคำพูดใดๆ เธอเองพยายามเก็บอาการข่มขื่น อันที่จริงแล้วมันไม่ยากนัก ในเมื่อเธอเองก็รู้อยู่แกใจว่าที่ไหนที่เขากำลังจะไป ก็คงจะไม่แย่ไปกว่าที่ๆมีชนินทร์อีกแล้ว 


___________________________________________________


จบตอน 10


ห่างหายไปนานมากเลยค่ะ กลับมาแล้ววว




___________________________________________________


หัวข้อ: Re: Teacher....please 11 (50%) (P3) 8.3.18
เริ่มหัวข้อโดย: makicara ที่ 08-03-2018 03:01:10
11.


กรุงเทพหนาวกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเหลืออยู่ตัวคนเดียวกลางทางเดินเหงาเปลี่ยว กับรอยแผลสดใหม่ มาร์ชถ่อสังขารตัวเองมาถึงจุดหมาย โดยที่คลุมเสื้อหนาวซ่อนรอยแผลไว้ไม่ให้ลุงแท๊กซี่ขี้เม้าท์ถามถึง บ้านพักที่สัญชาติญาณของเขาช่างเรียกร้องหามันเสียเหลือเกิน ถึงแม้กระนั้น ก็ยังไม่มีการันตี ว่าเขาจะอยู่ที่นี่


ตีห้าครึ่ง.....



ไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งรอใครสักคนพาเขาขึ้นลิฟท์ของคอนโด มันมืดและเงียบ ป้อมยามอยู่ห่างออกไป ถัดไปจากที่จอดรถ แถมยังเดินหาห้องน้ำไม่เจออีกต่างหาก



“พูดเป็นเล่น....”



มาร์ชนึกคำพูดไม่ออกเหมือนกัน เขามองอาจารย์ก้องเป็นตัวแทนของหลายอย่าง ทั้งคู่รัก พี่ชาย โดยอาจจะรวมไปถึงเป็นพ่อ เขาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจที่ชำรุดบิดเบี้ยวได้พอดิบพอดีเสียจริง 



“ไม่เอาน่า.......เอาอีกแล้ว”



เด็กชายเบือนหน้าหนีหลังจากข่มน้ำตาไว้ไม่อยู่ ก้องภพส่ายหน้าเอือมระอา ทั้งๆที่ยังไม่หายตกใจดี ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมออกกำลังกายยามเช้ามือลง ให้เด็กชายโดยอัตโนมัติ มาร์ชรับมันมาห่อตัวไว้ทั้งๆที่ไม่ได้หนาวอะไร


“คราวนี้อะไรอีกล่ะ”



อาจารย์หนุ่มถามเมื่อสองคนอยู่ในห้องเป็นที่เรียบร้อย เขาสังเกตุเห็นร่องรอยบาดเจ็บ มันดูไม่ร้ายแรงอะไรสำหรับเด็กผู้ชายแรกรุ่น แต่มองแล้วปวดใจเหลือเกิน เพราะมันดูไม่เข้ากับเจ้าของร่างกายนี้เอาเสียเลย ต่างคนรอคอยคำตอบเหมือนกับระเบิดเวลา มาร์ชไม่ตอบอะไร สิ่งที่เขาอยากทำที่สุดคือทิ้งตัวลงนอนในห้องนี้ แล้วไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย หลังจากไม่พบปฏิกริยาโต้ตอบ ก้องภพทำได้แต่ส่งน้ำเปล่าให้ แล้วนั่งลงข้างๆอย่างระมัดระวัง



“ฮึก.....”


“เอาอีกแล้วไง......”


“ผมก็ไม่ได้ชอบร้องไห้นักหรอกนะ!...”


“เอ้า!...ใจเย็นๆ ค่อยๆพูด...”



คุณครูตั้งตัวไม่เคยทันกับอารมณ์แปรปรวน เมื่อนักเรียนเริ่มสะอึกสะอื้นไห้ ลังเลอยู่เมื่อเอื้อมมือไปโอบไหล่สั่นสะทก ใจหนึ่งก็กลัวตัวเองถลำลึก อีกใจก็ทนนิ่งดูดายต่อไปไม่ไหว เจ้าตัวปัญหายิ่งฟูมฟายหนักขึ้น ชายหนุ่มดึงร่างปวกเปียกเข้ามาแนบชิด มาร์ชซุกหน้าลงบนหัวไหล่กว้าง ปล่อยให้น้ำตาซึมลงไปบนเสื้อ



“ฮืออ.....ฮึก...ผม..มะ.....ไม่อยากกลับบ้าน....โอ๊ะ!”



“นั่น....ทำแผลก่อนเถอะ เดี๋ยวมันอักเสบเอา” ก้องภพแตะมือลงไปที่แผลแตกบนใบหน้า



“อยู่ตรงนี้ก่อนสิ....เดี๋ยวค่อยทำ....” เด็กชายส่งสายตาอ้อนวอน



“ไม่เอา...อย่างองแง.... รอแป๊ปเดียว” อาจารย์หนุ่มลูบหัวเด็กดื้อเบาๆ ปลอบใจ “เดินเลือดไหลมาได้ยังไงทั้งคืน....ประหลาดคน”



“โอ่ยยย......” มาร์ชโอดครวญ เมื่อถูกผ้าเช็ดตัวชุบน้ำอุ่นทาบลงบนแผล คุณครูที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่จู่ๆก็ถูกลากเข้ามาพัวพันกับสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ชื่อณิชพน ได้แต่นึกเอะใจหลายครั้งหลายครา ถึงแม้จะปล่อยกายถลำลึก ล้วงเข้าไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ตามที
แต่ในใจยังมีสัญชาติญาณระวังภัยไว้เตือนใจไม้ให้เตลิด นี่ขนาดยั้งไว้แล้วเชียว รู้ตัวอีกทีมือก็วาดไปแผ่วเบาลงบนริมฝีปาก ขณะที่สายตาสอดส่องหารอยบาดเจ็บ สงสาร แต่ก็ระแวง



“พอแล้วว.... เจ็บบบบ....”



“อีกนิดเดียว....นี่ เล่ามาเลย ว่าไปโดนอะไรมา ไม่งั้นจะไม่ดูแลแล้วนะ....”



“......” เด็กชายเม้มปาก กวาดตามองหาทางออก “……ตกบันไดครับ”



“เคยใช้ไปแล้วนี่.....”



“……ทะเลาะกับเพื่อนครับ....”



“โกหก....”



“…..ทะเลาะกับแฟนครับ...”



“นี่น่ะเหรอฝีมือไอ้โอม?.....โกหก......”




“…….ทะเลากับพ่อครับ....”



“เรื่อง?”



“ก็…..พ่อจับได้ว่ามีแฟนครับ.....”



ความเงียบเข้ายึดพื้นที่



“แล้ว.....พ่อรู้ไหมว่าแฟนเป็นผู้ชาย?”



มาร์ชพยักหน้าช้าๆ



“......เวรกรรม.....แล้วแม่ล่ะ?”



“.....แม่ผม....พยายามแล้วครับ....ฮึก.....แต่มัน....” มาร์ชสะกดน้ำตาไว้ เขาไม่สามารถจบบทสนทนาได้อีก ครูหนุ่มกลั้นใจทำแผลจนเสร็จ




“ฉันเครียดนะเนี่ย....เฮ้อ.....แล้วบอก....แฟน?....รึยัง?” สัญชาติญาณของก้องภพกำลังทำงานพร้อมๆกับที่พูดจบประโยค มันจับสัญญาณบางอย่างได้  ‘แฟน’ บางอย่างที่เขาไม่กล้าถาม เพราะไม่อยากได้ยินคำตอบ หลังจากทั้งหมดที่ผ่านมา มาร์ชโกหกอะไรไว้ ซุกซ่อนความลับไว้ตลอดทาง ถ้าหากมันเป็นสิ่งที่เขาคิดแล้วล่ะก็ ไม่อยากจะนึกเลยว่าตัวเองจะต้องตกนรกขุมไหน




เด็กชายสายหัว ก้มหน้าลงเช็ดน้ำตา...




“ถามจริง.......เป็นแฟนไอ้โอมจริงๆเหรอ.....”




ครูหลุดปากจนได้ สัมพันธ์สวาทก่อนหน้าเข้าเล่นงานโสตประสาท ภาพเด็กตัวแสบที่เขาเคยมองไว้มันทาบลงไม่ได้เลยกับ ราวกับเป็นคนละคน ก้องภพคิดมาตลอดว่าเขาก็แค่เป็นของเล่นให้กับคนใจง่าย ขอให้มันมันฉับไว ฉาบฉวย ไม่มีอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้น




….ได้โปรดเถิด....




......มาร์ชสบตา แต่ไม่ยอมตอบ เอาแต่ก้มหน้าก้มตาร้องให้ใส่ผ้าห่ม......



......นั่นก็เป็นคำตอบที่เพียงพอ......




ก้องภพซุกหน้าลงกับฝ่ามือบ้าง อยากจะร้องไห้ตามไปให้มันรู้แล้วรู้รอด เครียดจนปวดขมับทั้งสองข้างอย่างกับไมเกรนขึ้นเฉียบพลัน นี่เขาทำอะไรลงไป.......นึกถึงบทสนาในห้องนี้เมื่อครั้งก่อนแล้วอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ ทำไมโดนเด็กตัวแค่นี้หลอก คงเป็นที่ตัวเขาเองลึกๆแล้ว ก็ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ แล้วมันจะไปลงเอยกันที่ไหน ความมักง่ายของผู้ใหญ่ กับเด็กนิสัยไม่ดี


“......บ้าแล้ว” อาจารย์หลุดปาก




“......ผมเคยบอกไม่ใช่เหรอ .....ว่าผมชอบอาจารย์” มาร์ชสวนกลับบ้าง “ลืมแล้วเหรอ?”



“เปล่า....ใครจะไปลืม....”



“งั้นก็คงแกล้งลืม.........”



“จะบ้าเหรอ.......”



เสียงสะอึกสะอื้นเป็นระยะแข่งกับจังหวะเต้นของหัวใจ




“ขอโทษ........”




ช่างมันปะไร ทำไมยังต้องมานั่งค้นหาความถูกผิดจากปรากฎการณ์สุดหฤหรรษ์นี้ ก้องภพเลื่อนตัวเข้าไกล้ประคองร่างที่สั่นระริกเข้ามาแนบอก




“”ขะ...ขอโทษเรื่อง...อะ....อะไรครับ?”




“ไม่รู้.....แค่อยากขอโทษ”




_____________________________



TBC.
หัวข้อ: Re: Teacher....please 11 (50%) (P3) 8.3.18
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 10-04-2018 17:50:10
 :hao6: :hao7: :mew1: