พิมพ์หน้านี้ - ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: La_Pomme ที่ 06-12-2016 18:12:00

หัวข้อ: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 06-12-2016 18:12:00
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

[Clive Save Me]
คนร้ายกับชายข้างบ้าน...


จากเจ้าของบ้านข้างๆ ที่ผมไม่ค่อยถูกชะตา ต้องกลายมาเป็นผู้มีพระคุณ...
ในค่ำคืนที่ผมต้องเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย
บุคคลผู้แสนลึกลับและเต็มไปด้วยสัมผัสอันตราย
ก็ได้เข้ามาทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“ฉันไม่เคยให้คำสัจกับใครหากตัวเองทำไม่ได้ ฉะนั้น...”
“ฉันจะไม่ทิ้งนาย ฉันสัญญา”


**********************************
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: เขาคือไค... [ตอนที่1] *Update 06/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 06-12-2016 18:15:07
ตอนที่ 1




พ่อผมซื้อบ้านใหม่ เป็นทาวน์เฮ้าส์อยู่ในซอยภิรมย์เดชาในย่านหลักสี่ นับว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ที่พ่อตัดสินใจซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง และพอถึงวันที่ผมกับพ่อแม่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ สิ่งแรกที่ผมสังเกตคือ...บ้านข้างๆ

ให้ตายเถอะ...มีบ้านร้างอยู่ใกล้ๆ ด้วย!

ขนาดบ้านก็เท่ากับบ้านของผมแหละ แต่แค่ไม่มีสนามหญ้า ดอกไม้เหี่ยวแห้ง ละแวกบ้านดูรกไปหมดเพราะใบไม้จากต้นไม้ใหญ่ร่วงเต็มพื้น พอมองเข้าไปในบ้านตอนกลางคืนจะมองไม่เห็นแสงไฟ เงียบเชียบยังกับป่าช้า สรุปได้ว่าบ้านหลังนี้คงไม่มีใครอยู่แน่ๆ

โชคร้ายชะมัด!

ผมปฏิเสธไม่ได้ว่าดีใจแค่ไหนที่พ่อสามารถตั้งตัวได้จนซื้อบ้านหลังใหญ่ให้เป็นของขวัญของครอบครัว แต่เสียตรงที่มีบ้านร้างอยู่ใกล้ๆ แถมยังอยู่ฝั่งเดียวกับห้องผมเนี่ยแหละ แค่เปิดผ้าม่านออกก็เห็นบ้านสุดหลอนนั่นแล้ว เสียสายตาสุดๆ ไม่ใช่ว่าพ่อซื้อบ้านหลังมาเพราะมันถูกแล้วแถมผีข้างบ้านมาด้วยหรอกนะ

ระหว่างทานข้าวเย็นในบ้านหลังใหม่ ผมตัดสินใจถามพ่อเรื่องนี้อย่างไม่สบอารมณ์ พอท่านได้ยินดังนั้นก็รีบแย้งและอธิบายว่าตอนสอบถามกับเจ้าของบ้านคนก่อน เขาบอกว่ามีคนอยู่แต่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน สภาพจึงเป็นอย่างที่เห็น ผมเลยบอกพ่อว่า

‘เจ้าของบ้านเขาอาจจะหลอกก็ได้ คนอยากขายบ้านจะพูดอะไรก็ได้ละน่า’

แบบนี้ยิ่งทำให้พ่อยิ่งยัวะใหญ่ ท่านเลยตอบกลับผมพร้อมคำท้าทายว่าถ้าบ้านหลังนี้มีคนอยู่จริงๆ ผมต้องยอมกินผักหนึ่งอาทิตย์ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมไปเอาความมั่นใจมาจากไหน หรือเป็นเพราะผมอยากเอาชนะพ่อมั่ง ถึงได้ยอมตกปากรับคำไป

กระทั่งสองอาทิตย์ถัดมา…

“ติณณ์ ลงมากินข้าวได้แล้วลูก เดี๋ยวก็ไปมหา’ลัยสายหรอก”

แม่เรียกขึ้นมาจากชั้นล่าง ผมติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายเสร็จพอดี หนังสือเรียนที่นั่งทำรายงานเมื่อคืนยังวางกองไว้ ผมรีบเก็บใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ ก่อนจะหยิบผ้าผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมรูปภาพที่วาดค้างอยู่ ซึ่งผมต้องวาดให้ทันส่งอาจารย์ในสัปดาห์หน้า

ผมเรียนคณะจิตรกรรมของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง อันที่จริงผมไม่ได้หลงใหลการวาดภาพขนาดนั้นหรอก แต่มันเป็นแค่สิ่งที่ผมทำได้ดีในระดับหนึ่ง และพ่อเองก็ส่งเสริมเพราะเห็นว่าเป็นพรสวรรค์ ผมก็เลยเลือกเรียนไป ตั้งแต่จำความได้จนอายุ 21 ผมไม่เคยมีความฝันว่าอยากเป็นอะไร เพราะไม่ว่าจะทำสิ่งไหนผมก็ไม่เคยทำมันได้แบบสุดโต่ง

ผมไม่ได้เก่งคำนวณเหมือนแม่ หรือเก่งวิทยาศาสตร์เหมือนพ่อ ที่พอเรียนจบแล้วก็มีงานดีดีรองรับมากมาย ทุกวันนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าตัวเองคิดถึงเรื่องของอนาคตน้อยไปหรือเปล่า

ขณะนั่งทานอาหารเช้าพร้อมกัน พ่อพูดเปรยกับแม่ด้วยน้ำเสียงสุขุม

“พรุ่งนี้ทำเมนูผักเยอะๆ นะคุณ” พอได้ยินคำว่า ‘ผัก’ ผมถึงกับหูตั้ง

“ทำไมคะ”

“เจ้าติณณ์มันจะยอมกินผักหนึ่งอาทิตย์น่ะ”

“โธ่พ่อ...พ่อรบเร้าผมไม่สำเร็จหรอกน่า” แต่ก่อนพ่อชอบพูดเรื่องสุขภาพเพื่อให้ผมตระหนักถึงการกินผัก แต่คนไม่ชอบมันก็ไม่ชอบป่าววะ คราวนี้พ่อก็คงอยากบังคับผมอีกตามเคย

“แกบอกเองว่าถ้าข้างบ้านเราไม่ใช่บ้านร้าง แกจะยอมกินผักหนึ่งอาทิตย์”

เออว่ะ ลืมเรื่องนี้ไปเลย! ถ้างั้นก็หมายความว่า...

“ข้างบ้านเรามีคนอยู่จริงๆ เหรอพ่อ สภาพบ้านแบบนั้นน่ะนะ!” พ่อผมพยักหน้า

“ไม่เชื่อแกก็ออกไปดูสิ พ่อเพิ่งได้คุยกับเขาเมื่อเช้านี้เอง”

“แต่เขาดูเป็นคนเงียบๆ นะคะคุณ พูดจาเย็นชาเหมือนไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์กับใครมาก่อน สงสัยจะเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง” แม่ผมชอบวิเคราะห์คน รู้จักการวางตัวตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น และจะแจงพฤติกรรมของคนคนนั้นมาให้ผมฟังเพื่อดูว่าสิ่งไหนที่ควรทำตาม สิ่งไหนไม่ควรทำ สิ่งไหนควรส่งเสริม และสิ่งไหนควรห้ามปราม จะบอกให้ว่าท่านวิเคราะห์คนเก่งถึงขนาดจับคนโกหกได้ด้วย ฉะนั้นเวลาผมโกหกอะไรไป ท่านก็จะจับได้ทุกครั้ง ผมล่ะอยากเรียนวิชานี้จากแม่จริงๆ

“เขาเป็นผู้ชายเหรอครับ” ผมรู้เพราะพ่อกับแม่ใช้สรรพนามว่า ‘เขา’ “...อายุประมาณเท่าไหร่”

“พูดถึงเรื่องอายุแล้วนึกขึ้นได้ ตอนแรกพ่อบอกอายุกับเขาเผื่อจะได้เรียกกันถูกใช่มั้ย แต่พอเขาตอบ กลับบอกว่าอายุน้อยกว่าพ่อ 6 ปีซะงั้น จะตอบตรงๆ ก็ไม่ได้” อืม ดูท่าจะเย็นชาเหมือนที่แม่ว่าจริงๆ “แต่จากหน้าตา พ่อว่าหน้าเขาดูอ่อนกว่าอายุอีกนะ หล่อใช้ได้เลย”

“คนแก่มองคนแก่ด้วยกันก็เงี๊ยะ” ผมพูดพึมพำ ถ้าอายุน้อยกว่าพ่อ 6 ปี ก็เท่ากับเขาอายุ 36 แล้ว

“ติณณ์ จะสายแล้วนะลูก” แม่ย้ำให้ผมรีบ

“ครับๆ”

“เออ! เจ้าติณณ์ คืนนี้พ่อกับแม่จะกลับบ้านดึกหน่อยนะ ถ้าหิวก็ซื้อข้าวกล่องในเซเว่นหน้าปากซอยมากินรองท้องไปก่อน จะขึ้นห้องก็ล็อคประตูให้เรียบร้อยด้วย”

“ผมโตแล้วนะพ่อ พูดยังกับผมเป็นเด็กอายุสิบขวบไปได้”               

ไม่อยากฟังพ่อสาวความยาว ผมเลยหยิบเป้กับกระดานวาดรูป ลุกจากโต๊ะอาหาร แล้วเดินออกไปทันที

ผมต้องเดินไปรอรถเมล์ที่หน้าปากซอย เดินจากบ้านมันก็ไม่ไกลนักหรอก แต่วันนี้ผมอยากจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไป แปลว่ามีเวลาเหลือเฟื่อหากผมจะแวะดูบ้านข้างๆ ว่ามีคนอยู่อย่างที่พ่อพูดหรือเปล่า เพราะเรื่องนี้แท้ๆ ที่ทำให้ผมต้องยอมกินผักทั้งๆ ที่โคตรเกลียด แต่เอาจริงๆ นะ พอมาเห็นสภาพหน้าบ้านหลังนี้แล้ว ผมยิ่งเกลียดกว่าอีก

อยากโทรจ้างให้คนมาทำความสะอาดให้จริงๆ ผับผ่าสิ!

...เขาอยู่ตัวคนเดียวแสดงว่ายังไม่แต่งงาน แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยเป็นเหมือนบ้านร้างขนาดนี้ป่ะ

เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน ตรงกระจกบริเวณชั้นสอง...เหมือนมีใครบางคนกำลังมองลงมา!!

ผ้าม่านถูกแง้มให้เห็นแค่ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขา ให้ตายหลอนฉิบหาย ละแวกนี้ก็เงียบซะเหลือเกิน ตรงข้ามกับบ้านเราสามีภรรยาไปงานบวชที่ต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวาน ถัดไปอีกหลังเป็นนางพยาบาลที่มักจะเข้าเวรกะดึก เออดี คืนนี้จะได้มีสมาธินั่งวาดภาพที่ค้างอยู่ให้เสร็จ

แน่ะ! ยังมองอยู่อีก โอเค...ไปก็ได้วะ ไล่กันด้วยวิธีนี้มันน่าขนลุกนะเว้ย

 







กว่าผมจะกลับมาจากมหาวิทยาลัยก็ปาไปหกโมงเย็น ก่อนเข้าบ้านผมแวะซื้อข้าวกล่องจากเซเว่นมาเผื่อหิวตอนดึก คืนนี้ผมตั้งใจว่าจะนั่งวาดภาพให้เสร็จ สำหรับผมการวาดรูปนามธรรมต้องใช้สมาธิสูงมาก ถึงขนาดรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งนั่งไปแปบเดียว แต่พอหันมองนาฬิกาอีกทีกลับพบว่ามันผ่านมา 3 ชั่วโมงแล้ว จู่ๆ ผมก็รู้สึกหิวจึงละจากผลงานตรงหน้า ก่อนคิดว่าจะลงไปข้างล่างเพื่อเวฟข้าวกล่องที่เพิ่งซื้อมาเมื่อเย็น

กึก กึก

เสียงคนกำลังปลดล็อดลูกบิดหน้าประตูทำให้ผมชะงักเท้า หยุดยืนอยู่ตรงบันไดที่เพิ่งเดินลงมาได้ครึ่งทาง ผมพยายามเพ่งดูว่าจะเป็นพ่อหรือแม่ที่เข้าบ้านมาเป็นคนแรก แต่ไฟตรงห้องนั่งเล่นถูกผมปิดเอาไว้เลยเห็นไม่ชัด น่าแปลกที่ผมไม่ได้ยินเสียงพ่อกับแม่ มันเงียบผิดปกติจนคิ้วผมขมวดมุ่น จนกระทั่งประตูบานใหญ่ค่อยๆ แง้มออก

สิ่งแรกที่ผมเห็นทำนัยน์ตาเบิกกว้าง มีชาย 4 คนค่อยๆ ย่องเข้ามาพร้อมอาวุธที่ใช้งัดบ้าน ทุกคนใส่เสื้อยืดสีเข้ม สวมกางเกงคาร์โก้สีดำ สองคนสวมหมวกแก๊บ อีกคนคาบบุหรี่ไว้ที่ปาก และอีกคนสวมแว่นสายตา มองโดยรวมแล้วพวกเขารูปร่างกำยำเหมือนกันหมด

ผมรีบเดินหลบขึ้นไปข้างบนอย่างว่องไว เพราะในหัวคิดได้อย่างเดียวว่าคนพวกนั้นต้องเป็น ‘โจร’ แน่ๆ

เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น ผมย่องเข้าไปในห้องตัวเองอย่างเงียบเชียบที่สุด จากนั้นก็จัดการล็อคประตู ปิดไฟ พับโน๊ตบุ๊คที่เปิดค้างไว้ และเดินไปคว้าโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะขึ้นมากดเบอร์ของพ่อ ก่อนจะย้อนกลับมาที่ประตูอีกครั้ง ผมแนบหูกับประตูไว้เพื่อฟังเสียงด้านนอก ส่วนอีกหูก็ฟังเสียงสัญญาณโทรศัพท์ ตอนนี้เสียงหัวใจผมเต้นดังจนได้ยินชัดเจน มันกระวนกระวายไปหมด

รู้นะว่าต้องตั้งสติ แต่มันก็ยากเกินไป

‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

เวรละ! พ่อปิดเครื่อง

“นายขึ้นไปหาข้างบน” เสียงแว่วแผ่วเบาที่ผมได้ยินจากข้างนอกแทบทำเข่าทรุด ผมกวาดสายตามองรอบห้อง หาอาวุธที่พอจะสู้กับพวกมันได้ แล้วถ้าเกิดพวกมันมีปืนล่ะ สู้ไปก็ตายเปล่าอีก เพราะงั้นผมจึงทำได้แต่ก้มๆ เงยๆ เดินวนรอบห้องพร้อมกดโทรศัพท์ไปหาตำรวจในที่สุด

กึก กึก

ลูกบิดประตูห้องผมขยับไปมา แสดงว่ามันอยู่หน้าห้องผมแล้ว!!

เอายังไงดีวะ! ผมเริ่มประสาทเสีย รีบกดสายวางไปโดยที่ไม่รู้ว่ามือไปโดนหรือตั้งใจ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นการกระทำที่โง่มากหรือเปล่า ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าควรเงียบเสียงไว้ ถ้าเปิดไม่ได้มันอาจจะไปก็ได้ เอาล่ะ...อะไรก็เกิดขึ้นได้ ผมต้องหาที่ซ่อนก่อน ตรงไหนพอจะหลบได้อย่างแนบเนียนได้บ้าง ผมสแกนสายตารอบห้อง

เชี่ยละ! ไม่มีเลย!!

หลบตู้เสื้อผ้า? เบสิกโคตร...ใต้เตียง? มุกเด็กสามขวบ...ซ่อนในผ้าห่ม? คงโดนยิงตายภายในสามวิ!

ขณะที่ผมกำลังยืนเกาหัวตัวเองอย่างแรง สายตาก็หันไปเห็นแสงไฟบนชั้นสองของบ้านข้างๆ ที่อยู่ๆ ก็สว่างจ้าขึ้นมา ผมรีบเดินไปเปิดผ้าม่าน เห็นเงาของชายผู้เป็นเจ้าของบ้านร้างสุดหลอนนั่น ผมเห็นชัดเจนว่าเขากำลังเดินอยู่ในห้อง ทว่าเพียงไม่กี่นาทีไฟก็ดับลง ให้มันได้อย่างนี้สิ! ผมกลับมามืดแปดด้านอีกครั้ง และในจังหวะที่ผมค่อยๆ มองลงไปข้างล่าง ความคิดสุดโต่งของก็บังเกิดขึ้น

ผมเปิดประตูหน้าต่างออกช้าๆ ชะโงกออกไปมองพร้อมกะความสูงโดยประมาณ หวังว่าพื้นหญ้าจะทำให้ผมเจ็บน้อยหน่อย และในความสูงระดับนี้คงไม่ทำให้ผมต้องพิการ

แต่วิธีนี้มันจะเวิร์กเหรอวะ?

ฟิว~

นี่มัน...เสียงปืน!

ผมหันไปที่ประตูพบว่ามันยิงตรงลูกบิดประตูเพื่อจะเข้ามาในห้อง เมื่อกี้เสียงปืนไม่ดังมากคงเป็นเพราะพวกมันใช้ปืนที่เก็บเสียง ตายห่าล่ะคราวนี้! ตกลงว่าพวกมันเป็นโจรหรือหน่วยจารชนกันแน่ เคยดูในหนังคนที่ใช้ปืนเก็บเสียงมักจะเป็นพวกนักฆ่าอะไรทำนองนั้นไม่ใช่เหรอ หายนะของแท้ ชะตาจะขาดอยู่รอมร่อ ผมมองประตูสลับกับทางออกตรงหน้าต่าง

“เอาวะ...พิการยังดีกว่าโดนฆ่าก็แล้วกัน” ผมพูดกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงไป

ตุบ!!

“มีคนอยู่ในบ้าน!”

โดนเห็นเข้าให้...ผมชักจะตกที่นั่งลำบากเข้าไปทุกที พยายามลุกขึ้นยืนแม้ข้อเท้าจะเจ็บมาก จากนั้นก็กระเสือกกระสนตัวเองไปจนถึงหน้าบ้าน ความอยากเอาตัวรอดทำให้ผมสาวเท้าไปจนถึงประตูหน้าบ้านหลังใหญ่ที่ผมเคยคิดว่าคงไม่มีคนอยู่ โชคดีที่ประตูรั้วไม่ล็อค ผมรีบพาตัวเองเข้าไปในขอบเขตของคนอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือ ในขณะที่อีกมือก็พยายามติดต่อพ่อกับแม่ ตำรวจ หรืออะไรก็ตามอย่างทุลักทุเล มือผมสั่นไปหมดจนกดผิดกดถูกอยู่หลายครั้ง

ปึง ปึง ปึง

“ช่วยด้วยครับ ช่วยผมด้วย!!” ผมทุบประตูรัว

ปึง ปึง ปึง

“ได้โปรด เปิดประตูที!” ผมยอมรับว่าโคตรกลัว กลัวเสียยิ่งกว่าตอนเห็นงูเลื่อยเข้ามาใกล้ตอนอายุ 8 ขวบซะอีก “มีโจรเข้าบ้านผม พวกมันมีปืนด้วย คุณช่วยผมด้วยนะครับ เออ...คือ ผมกำลังจะโทรหาตำรวจ” ว่าแล้วก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ 191 และคอยมองหลังตลอดเผื่อพวกมันจะตามมา

“มันอยู่นั่น!”

ฉิบหาย! ตามมาจริงๆ ด้วย ผมต้องวิ่งเท้าเปล่าไปด้านหลังแล้วหาทางออกทางอื่นแล้วล่ะ แต่เอาจริงๆ นะ ถ้าพวกมันจะมาขโมยของ ก็เอาไปให้หมดรีบขับรถเผ่นไปสิ ไม่เห็นจะต้องมาตามตัวผมขนาดนี้เลย

“ไอ้หนู ยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ แล้วมึงจะไม่เป็นอะไร” มันขู่ฟ่อพร้อมยกปืนขึ้นมาหาผมตั้งแต่หน้าประตูรั้ว ถึงมาแค่คนเดียวผมก็... อ้อไม่สิ มีคนใส่หมวกเดินตามมาอีกคน แสดงว่าอีกสองยังอยู่ในบ้านของผม

‘สวัสดีค่ะ ศูนย์รับแจ้งเหตุ มีอะไรให้รับใช้คะ’

“วางโทรศัพท์ลงกับพื้น ช้าๆ” คนใส่แว่นสายตาบอกกับผมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ฟังน่าขนลุก หางคิ้วผมกระตุกถี่แทบไม่เป็นจังหวะ แม่งเอ้ย อุตส่าห์โทรติดแล้วกลับทำอะไรไม่ได้ จบสิ้นแล้วชีวิต การเผชิญหน้ากับความตายตอนอายุ 21 มันไม่ใช่เรื่องที่ทำใจได้ง่ายเลยจริงๆ

หากทว่า...

ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก มือปริศนาคว้าคอเสื้อผมแล้วดึงเข้าไปด้านในบ้านเพียงชั่วพริบตา และพอมารู้ตัวอีกทีแผ่นหลังของผมก็กระทบเข้ากับกำแพงปูนอย่างจัง ความเงียบภายในบ้านบวกกับลมหายใจที่คนตัวสูงพ่นมาโดนปลายจมูก ยิ่งทำให้หัวใจของผมสั่นไหวด้วยความตื่นตระหนก ผมกำโทรศัพท์มือถือตัวเองแน่น พยายามมองคนที่พาตัวผมเข้ามา ก่อนจะพบว่าเขาสวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงเนื้อผ้าขายาว หากแต่ยังไม่ทันเลื่อนขึ้นมองใบหน้า คนตัวสูงใหญ่ที่อยู่ใกล้จนเกือบจะแนบเนื้อก็โน้มศีรษะลงมากระซิบข้างหูผมอย่างแผ่วเบา



“ขึ้นไปบนห้องทางซ้ายมือ ล็อคประตู และอยู่ในนั้นจนกว่าฉันจะตามขึ้นไป”

 

 

 

หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: เขาคือไค... [ตอนที่1] *Update 06/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-12-2016 20:37:16
เปิดเรื่องมา ก็น่ากลัวซะละ :hao7:
ไหนจะบ้านร้างมีผี ไหนจะผู้ร้ายสี่คน :katai1:
มียิงกลอนประตู โดดบ้าน   :ling1: :ling1: :ling1:
ดีที่คนอายุ 36 ปีข้างบ้านช่วยไว้ทัน :เฮ้อ:
แถมเก่งกล้า จะจัดการกับพวกโจร ดัวยตัวเองซะด้วย
ปกป้องติณณ์ด้วย ให้ติณณ์ อยู่แต่ในห้องห้ามออกมา  :mew1: :mew1: :mew1:
ไม่ใช่พวกโจรมาค้นสิ่งประดิษฐ์ที่พ่อติณณ์ คิดไว้นะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: เขาคือไค... [ตอนที่1] *Update 06/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 07-12-2016 18:15:43
ตอนที่ 2




บรรยากาศโดยรอบมืดสนิท ในบ้านหลังนี้ดูไม่รกร้างเหมือนนอกบ้าน ผมรับฟังคำที่ชายคนนั้นพูดพร้อมทำตามในจังหวะเดียวกับที่โดนเขาผลักตัวให้เดินตรงไปที่บันได ผมหันกลับไปมองเขาอีกครั้งก่อนจะเห็นเขาไม้เบสบอลไว้ในมือ อาวุธแค่นั้นจะช่วยอะไรได้ ผมชักเป็นห่วงความปลอดภัยของพลเมืองดีคนนี้ขึ้นมาเพราะโจรพวกนั้นมีปืน

เห็นทีว่าผมควรทำในสิ่งที่ทำได้ดีกว่า...

“รีบไปสิ!”

ผมเรียกสติตัวเองกลับมาหลังจากโดนเร่ง รีบเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนอย่างช่วยอะไรไม่ได้ เป็นคนนำปัญหามาขอความช่วยเหลือแต่กลับต้องขึ้นไปหลบอยู่บนห้องในขณะที่ชายคนนั้นต้องเผชิญหน้ากับคนร้ายเพียงลำพัง 

ไม่ได้การ ผมต้องรีบโทรแจ้งตำรวจให้เร็วที่สุด!

หลังจากเข้าไปในห้องด้านซ้ายมือ ผมล็อคประตูเสร็จก็รีบกดเบอร์หาตำรวจ ประกอบกับควบคุมอารมณ์ให้คงที พอมีสติที่จะคุยกับตำรวจให้รู้เรื่องในเวลาอันรวดเร็ว

‘สวัสดีค่ะ ศูนย์รับแจ้งเหตุ มีอะไรให้รับใช้คะ’

“สวัสดีครับ! คือตอนนี้ผมกำลังตกอยู่ในอันตราย มีคนร้ายบุกเข้าบ้านผมพร้อมอาวุธปืน...รีบมาช่วยผมด้วยครับ ผมอยู่บ้านเลขที่ 256/88 หมู่บ้านภิรมย์เดชา ซอย 2 เขตหลักสี่ แล้วก็เออ...ผมเพิ่งปีนออกมาจากทางหน้าต่าง และ...”

ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด

“ฮัลโหล! คุณตำรวจ...”

แม่งเอ้ย!! โทรศัพท์แบตหมด

ข้างล่างจะเป็นยังไงบ้างนะ ผมไม่ค่อยได้ยินเสียงเลย เขาจะต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า ผมเริ่มเดินหาอุปกรณ์ที่พอเอามาใช้เป็นอาวุธได้ แต่ในห้องนอนเขามีแต่ชั้นวางของที่ว่างเปล่า ตู้เสื้อผ้าที่มีชุดอยู่ไม่กี่ตัวนอกนั้นมีแต่ไม้แขวนเสื้อ อะไรก็ตามที่เป็นลิ้นชักถูกล็อคหมด ขนาดตู้หนังสือยังล็อคไว้ ที่พอจะเห็นวางเด่นอยู่ก็มีแต่แผ่นเสียงเพลงสากลคลาสิกในยุค 80

ปึง ปึง

เสียงทุบประตู้ทำให้หยุดชะงัก ยืนตัวซีดพร้อมริมฝีปากที่กำลังสั่นระริก

“ฉันเอง”

ให้ตาย...อายุสั้นลงไป 10 ปี ตกใจฉิบหาย

ผมรีบเดินไปเปิดประตู พบกับชายผู้เป็นเจ้าของบ้านในสภาพเหงื่อท่วมตัว เขาได้เผชิญหน้ากับคนร้ายหรือเปล่า ทำไมผมถึงไม่ได้ยินเสียงปืนเลย ข้างล่างเงียบสนิท และไม่มีใครตามขึ้นมาด้วย เรียบร้อยดีงั้นเหรอ ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย ผมอยากจะถามแบบนี้แต่กลับพูดไม่ออก

ชายตรงหน้ามองผมด้วยนัยน์ตาฟ้าเข้ม ใบหน้าของเขาออกไปทางยุโรป แต่ก็ยังมีความคมเข้มแบบชาวเอเชีย ผมเดาว่าเขาคงเป็นลูกครึ่ง ตัวเขาถึงได้สูงใหญ่ บึกบึนไปด้วยกล้ามที่น่าจะผ่านการออกกำลังกายมาอย่างสม่ำเสมอ เขาเดินผ่านผมไปยังบานหน้าต่าง เปิดผ้าม่านและเพ่งมองไปยังบ้านผมด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง   

“นายกระโดดออกมาจากทางนั้นใช่มั้ย” เขาคงเห็นบานหน้าต่างของห้องผมเปิดอยู่พร้อมผ้าม่านที่ปลิวไสว

“ครับ”

“พวกมันมีกันกี่คน” น้ำเสียงเข้มถามอย่างฉะฉาน ไม่มีความสั่นไหวแต่อย่างใด

“ผมเห็น 4 คนครับ”

“แปลว่าอีก 2 คนยังอยู่ในบ้าน” เขาหันมามองผมอย่างดุดัน “ฝีมือมันดูจะไม่ใช่โจรธรรมดา ถ้านายอยากรอดก็ต้องหนีไปให้ไกลจากที่นี่ เพราะอีกเดี๋ยว 2 คนในบ้านต้องตามมาสมทบแน่”

“เมื่อกี้ผมเพิ่งโทรแจ้ง 191 ไป พวกตำรวจน่าจะกำลังเดินทางมาถึง”

“โทรแจ้งตำรวจ?” เขาขมวดคิ้วหนัก และมองผมอย่างไม่สบอารมณ์

“ใช่ครับ”

ชายคนนั้นถอนหายใจทิ้งก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น

“ทำไมฉันต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยนะ” ดูเหมือนเขาจะตัดพ้ออยู่คนเดียว ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าความหมายที่ชัดเจนคืออะไร เพราะช่วยผมเท่ากับการหาเรื่องใส่ตัวอย่างนั้นใช่มั้ยวะ 

อีกครึ่งชั่วโมงจะห้าทุ่ม คุณอาของบ้านเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบแจ็คเก็ตสีดำขึ้นมาสวมทับเสื้อกล้าม ก่อนจะเดินดุ่มไปหยิบกุญแจใต้หมอนมาเปิดลิ้นชักบริเวณโคมไฟ เขาหยิบกระเป๋าสตางค์และคว้าพวงกุญแจรถยนต์ขึ้นมาพร้อมกับปืนสั้นกระบอกหนึ่ง พระเจ้าจอร์จ! นั่นมันปืนของจริงเลย

“อาจะไปไหนครับ” ผมรีบถามเพราะเขากำลังทำท่าเหมือนจะเดินออกจากห้อง

“เราต้องหนี ก่อนที่พวกมันจะตามมา”

“แต่ตำรวจ...”

“ถ้ารอให้ตำรวจมาถึง ฉันคงฆ่าพวกมันตายก่อนแน่!”

เขาชิงตัดบทผมพร้อมเสียงทุ้มในลำคอที่ฟังเกรี้ยวกราดอย่างน่าเหลือเชื่อ ความจริงแล้วผมก็สองจิตสองใจนะ แต่ในเมื่อเขาเป็นคนช่วยชีวิตผมไว้แต่แรก ผมก็ควรเชื่อฟังเขาทุกอย่าง และเท่าที่คิดดู ผมว่าผู้ชายคนนี้กำลังเลี่ยงการปะทะกับอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายที่มันอาจบานปลายไปกว่านี้

เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่าง ผมเห็นคนร้ายสองคนนอนโอดโอยอยู่บนพื้น ใกล้กับประตูหน้าบ้านที่ไฟถูกปิดไว้ ผมจึงเห็นสภาพของพวกเขาไม่ชัด แต่ถือว่ายังไม่ตายเพราะกำลังหายใจอยู่ อาเจ้าของบ้านข้างๆ ที่ผมเดินตามไปจนถึงลานจอดรถนี่ไม่ธรรมดาแฮะ สู้กับคนมีปืนด้วยไม้เบสบอลเพียงอันเดียวได้ยังไง ผมพยายามเงี่ยหูฟังก็ไม่ได้ยินปืนดังขึ้นมาเลย โชคช่วยงั้นเหรอ หรือว่าเขามีวิธีเอาตัวรอดในแบบที่ผมคาดไม่ถึง

ให้ตายสิ...ยิ่งคิดยิ่งอยากรู้

“รีบขึ้นรถ อย่ามัวแต่โอ้เอ้” พอดึงสติกลับมาอีกที เจ้าของบ้านสุดขรึมก็นั่งอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว

“ครับๆ”

ผมรีบเข้าไปนั่งในรถซีดาน 4 ประตู โดยไม่ลืมที่จะรัดเข็มขัดนิรภัย ชายคนนั้นเข้าเกียร์และเหยียบคันเร่ง โชคดีที่ประตูรั้วถูกเปิดไว้ก่อนหน้า รถยนต์สามารถขับผ่านไปได้สบาย แต่ที่เป็นอุปสรรคจริงๆ เห็นจะเป็นคนร้ายอีกสองคนที่วิ่งมาสมทบมากกว่า

ปัง ปัง!

ไม่พูดพร่ำทำเพลง พอพวกมันเห็นรถยนต์เคลื่อนออกมาจากตัวบ้านก็รัวกระสุนใส่สองนัดติด ผมกลัวสุดชีวิต ยกมือขึ้นปิดหูโดยอัตโนมัติ ซึ่งต่างจากคนขับที่ขับรถต่อไปอย่างมีสติแน่วแน่ กระทั่งรถยนต์เคลื่อนออกจากหมู่บ้านไปสักพัก ผมทั้งมองผ่านกระจกหลัง กระจกข้างและหันไปมองด้วยตาตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันไม่ตามมาอีก

“นายไม่รู้จักพวกมันใช่มั้ย” อยู่ๆ เขาก็ถามขึ้น

“คะ...ครับ”

“ฉันว่าพวกมันอาจต้องการตัวนายด้วย”

“หา?”

“ตอนที่นายอยู่หน้าประตูบ้าน ถ้าพวกมันอยากจะปิดปากเพราะนายบังเอิญไปเห็นหน้าก็คงยิงนายตายคาที่ตั้งแต่อยู่ตรงประตูรั้งแล้ว ปืนมันมีลำกล้องส่องยิง ระยะแค่นั้นไม่จำเป็นต้องเดินเข้ามาใกล้ให้เสียเวลาหรอก”

พอคิดตามไปด้วยก็ยิ่งรู้สึกหวั่นใจ และไม่นานผมอาจจะประสาทเสียไปเลยก็ได้ 

“ถึงกับจะฆ่ากันเลยเหรอ” ความกลัวของผมออกมากับประโยคพูด

“ดูจากการจับปืนและท่าทางการต่อสู้ ก็พอจะรู้ว่าพวกมันถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี” ผู้ชายคนนี้รู้เยอะ ดูฉลาดจนน่าพิศวง นอกจากผมจะสงสัยเกี่ยวกับคนร้ายพวกนั้นแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยตัวตนของคนคนนี้ เขามีอะไรลึกลับซ่อนอยู่ หรือจะเป็นความรู้ที่เขาผ่านอะไรมาเยอะกว่าผมแค่นั้น

“ตอนนี้พวกมันคงขนข้าวของผมออกไปหมดบ้านแล้วแน่ๆ” ผมเอ่ย

“นายเห็นพวกมันรื้อของในบ้านเหรอ”

“ครับ”

หลังจากผมตอบกลับ เขาก็นิ่งไปซะเฉยๆ ทำเหมือนครุ่นคิดอะไรสักพัก แล้วก็กล่าวขึ้น

“ให้ตำรวจจัดการไปละกัน” ได้ยินดังนั้นแล้วผมก็พยักหน้าอย่างงงๆ

“เออ...ขอบคุณที่ช่วยผมนะครับ”

เขาเป็นคนดีและพึ่งพาได้จริงๆ ทำให้ผมรู้สึกผิดเรื่องที่ไปหาว่าบ้านเขาเป็นบ้านร้าง แถมยังมองข้ามเรื่องการเกี่ยวดองเพื่อเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน เพราะเขาแทบจะไม่อยู่ในสายตาผมด้วยซ้ำ แต่พอเกิดเรื่องขอความช่วยเหลือ ผมดันตรงดิ่งไปที่บ้านของเขาโดยไม่คิดเลยว่าจะนำพาความเดือนร้อนไปให้หรือเปล่า

“นั่นอาจเป็นสิ่งที่ฉันตัดสินใจพลาดที่สุดในชีวิตก็ได้”

“...”



จุกจนพูดไม่ออกเลยกู...












หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: เขาคือไค... [ตอนที่2] *Update 07/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 07-12-2016 18:29:47
น่าติดตามค่ะ
ผู้ชายข้างบ้านที่ดูมีปริศนา กับเด็กหนุ่มที่ดูมีอะไรมากกว่าที่คิด
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: เขาคือไค... [ตอนที่2] *Update 07/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 08-12-2016 19:42:17
ตอนที่ 3




ขับรถออกมานอกหมู่บ้านได้ไม่ไกล อาข้างบ้านก็จอดรถเทียบกับฟุตปาธใกล้ๆ กับตลาดกลางคืน คงเพราะมีคนพลุกพล่าน สามารถหลบลี้ภัยได้สบาย ผมกวาดสายตามองลาดเลาให้แน่ใจอีกครั้ง ก่อนจะพบกับเซเว่นที่อยู่อีกฝั่งของถนน และยังมีตู้โทรศัพท์สาธารณะอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย

ป่านนี้พ่อแม่คงเป็นห่วงผมแย่แล้ว...

ขณะที่ผมกำลังคิดถึงหัวอกพ่อแม่ จู่ๆ ชายที่นั่งตำแหน่งคนขับก็ค่อยๆ เอนเบาะลง ทำท่าเหมือนจะนอน

“พ่อกับแม่อาจตกใจที่ผมหายตัวมา เออ...” ถ้าพูดแบบนั้นมันจะดูเกินไปหรือเปล่าวะ...คงไม่หรอกมั่ง ก็มันจำเป็นนี่หว่า เขาคงเห็นใจบ้างแหละ “ผมขอโทรศัพท์หาที่บ้านได้มั้ยครับ”

ผมพูดจบเขาก็เหลือบตามาจ้องผมเขม็ง

“จำเป็นต้องขออนุญาตจากฉันด้วยเหรอ”

“คือมือถือผมแบตหมด อาพอจะมีโทรศัพท์...เออ เอาเป็นเหรียญบาทให้ผมหยอดตู้โทรก็ได้ครับ สักห้าบาทคงพอ” สาบานได้ว่าผมกำลังพูดอยู่เขา แต่ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เขาเบือนหน้าหนีผมอย่างหน่ายใจแบบนี้ เอาจริงๆ ผมก็ไม่ค่อยสมอารมณ์เท่าไหร่หรอก เพราะนอกจากผมจะรู้สึกผิดกับการสร้างเรื่องยุ่งให้เขาแล้ว ผมก็เริ่มรู้สึกสมเพชตัวเองด้วย

ผ่านไปไม่ถึงสามสิบวินาที อาข้างบ้านก็โน้มตัวมาเปิดกล่องหน้ารถในฝั่งที่ผมนั่งอยู่ ความรวดเร็วนั้นทำให้ผมแทบกระเด้งตัวหนีไม่ทัน ปลายจมูกเขาผ่านหน้าผมไปไม่ถึงคืบ ซ้ำยังค่อยๆ เบียดเข้ามาในขณะที่มือข้างหนึ่งจับเบาะที่ผมนั่งอยู่ ส่วนอีกข้างก็เพื่อหาสิ่งที่ผมต้องการไป ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนโดนถาโถมด้วยกลิ่นกายที่มีความหอมของสบู่อาบน้ำปะปนอยู่กับกลิ่นเหงื่อ จึงพยายามนั่งให้หลังติดเบาะแบบเกร็งสุดฤทธิ์ โดยอธิบายไม่ได้ว่ามันคือความอึดอัด หรือเกรงใจหากต้องแตะโดนตัวเขากันแน่

ไม่นาน เศษเหรียญที่ผมต้องการก็ถูกคนตรงหน้ายื่นมาให้ ผมรีบผมมาพร้อมผงกหัวเล็กน้อย

“ขอบคุณครับ”

ไม่รอช้า ผมเปิดประตูรถออกไปยังตู้โทรศัพท์ทันที ตอนนี้ถนนค่อนข้างโล่งผมจึงลากเท้าเปล่าเดินข้ามถนนได้อย่างสบายๆ และหลังจากเข้าไปในตู้ ยกหูโทรศัพท์พร้อมกดเบอร์ของพ่อเสร็จ ผมก็รอสัญญาณอย่างใจจดใจจ่อ

แต่ทว่า...

‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

อะไรกัน! เวลาป่านนี้แล้วทำไมพ่อยังประชุมไม่เสร็จอีก...งั้นโทรหาแม่

‘เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’

เกิดอะไรขึ้นวะ!! ทำไมช่วงเวลาคับขันแบบนี้ผมถึงติดต่อใครไม่ได้เลย

เอ๊ะ! หรือว่า...

ไม่... ไม่หรอกน่า อย่าเพิ่งคิดอะไรในแง่ร้ายสิ ผมไปหาพ่อที่บริษัทพัฒนาเวชภัณฑ์ดีมั้ยนะ เพราะตอนนี้ท่านอาจจะทำงานอยู่ก็ได้ แล้วจะไปยังไงล่ะ ค่ารถก็ไม่มี จะขอให้คุณอาข้างบ้านช่วยพาไปก็เกรงใจ...ดูดิ เขาเอนตัวหลับไปแล้วด้วย ดึกขนาดนี้ก็ถือเป็นเวลานอนสินะ แม่ง! จะบ้าตาย

 ถ้างั้น...ลองบอกให้เขาขับรถกลับไปดีกว่า เพราะป่านนี้ตำรวจอาจมาถึงแล้วก็ได้

ผมตัดสินใจเดินย้อนกลับไปที่รถหลังจากเสียเวลาในตู้โทรศัพท์ประมาณ 15 นาที เปิดประตูขึ้นไปนั่ง และค่อยๆ ส่งเสียงกระซิบให้เขาตื่นอย่างมีมารยาทที่สุด

“อาครับ อา...ผมว่าป่านนี้ตำรวจคงมาถึงแล้ว เราขับรถกลับกันดีมั้ย”

เงียบกริบ...

“คุณอา”

“…”

“อาครับ”

“…”

“อา...” จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมา ผมยิ้มแห้ง พลางกลืนน้ำลายลงคอ

“ฉันไม่ได้นอนเพราะนาย จะขอเวลาพักสักหน่อยไม่ได้หรือไง” หูย~ สายตาน่ากลัวฉิบหาย

“เชิญเลยครับ ตามสบาย ผมจะนั่งรอเงียบๆ”

เวรเอ้ย!! คล้อยตามน้ำเฉยเลย แล้วจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่วะเนี่ย ข้าวกล่องที่ซื้อมาก็ยังไม่กิน หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว หิวโว้ย! หิวจนตาลายไปหมด สายตาผมจ้องไปที่เซเว่นฝั่งตรงข้ามประหนึ่งเป็นสวรรค์ที่อยากลอยไปหา จากนั้นก้มมองดูเศษเงินในมือ มีเกือบสิบบาท ยังไงก็ไม่พอ

เออ...แล้วถ้าลองเปิดในกล่องเก็บของหน้ารถนั่นดู จะมีเงินสมบททุนเพิ่มเพื่อเป็นค่าอาหารคนตาดำๆ อย่างผมมั้ยนะ

คิดได้แค่นั้น ผมก็เหลือบไปมองคุณอาข้างบ้านด้วยหางตา ก่อนจะค่อยๆ ใช้มือเปิดกล่องออกอย่างเงียบเชียบที่สุด อีกนิดเดียว อีกนิด ใกล้แล้ว...

เปิดออกแล้ว!

หมับ!!

ผมถูกมือใหญ่กุมรอบข้อมือข้างซ้าย ก่อนจะโดนกระชากให้หันตัวไปทางคนขับอย่างเต็มแรง นี่ถ้าในร่างผมมีวิญญาณสิงสถิตอยู่คงกระเด็นออกไปแล้วแน่ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันทำเอาผมขวัญกระเจิง ชายตรงหน้าจับข้อมือแน่น พลางหรี่ตามองผมโดยไม่ละสายตา คือจะพูดอะไรก็ไม่รีบพูด ผมขนลุกวูบจนไปไม่ถูกแล้วเนี่ย

“เจ้าเด็กขี้ขโมย”

อ้า...ผมถูกจับได้สินะ

“ผมไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว” โปรดเข้าใจว่ามันไม่ใช่ข้ออ้างแต่อย่างใด

“นายเป็นเด็กประเภทที่ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา จากนั้นค่อยอาบน้ำแล้วดื่มนมก่อนเข้านอนงั้นสิ” เดี๋ยวนะ นี่เขาหาว่าผมทำตัวเป็นเด็กเล็ก หรือเข้าใจว่าผมมีอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะกันแน่

“ผมเรียนมหา’ลัยแล้วนะอา”

“เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที เราสนิทกันหรือไง”

เขาปล่อยมือผม ก่อนจะเอื้อมไปเปิดกล่องเก็บของเพื่อหยิบบุหรี่ซองหนึ่งขึ้นมา ในจังหวะนั้นผมบังเอิญเห็นว่าข้างในมีเศษเหรียญอยู่ แต่ให้ตายเถอะ มันเหลือไม่ถึงสิบบาทด้วยซ้ำ เฮ้อ...ท้อแท้กับชีวิตจริงๆ ผมหายใจทิ้งในจังหวะเดียวกับตอนที่เจ้าของรถเปิดประตูรถออกไปยืนข้างนอกพอดี

เขายืนพิงประตูรถ นำไฟแช็คไฟฟ้าขึ้นมาจุดที่ปลายบุหรี่ ผมนั่งมองการกระทำของเขาอยู่สักพักก่อนจะเดินตามออกไป เนื่องจากยังข้องใจในเรื่องที่เขาพูดค้างไว้อยู่

“แล้วจะให้ผมเรียกคุณว่าอะไร” ผมถามพร้อมกับเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ

“ไคลฟ์” เขาปล่อยควันบุหรี่ออกจากปาก ตอบคำถามโดยไม่มองหน้าผม

“คะ...ไค?” ทำไมออกเสียงยากอย่างนี้วะ “เออ...ผมชื่อติณณ์นะ”

“…”

เงียบคือ...กำลังคิดประโยคถัดไป หรือบทสนทนามันจบลงแค่นี้

เออ เอาเหอะ!

“ต้องให้ฉันจับมือข้ามถนนด้วยหรือเปล่า”

“ห๊ะ?”

ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้ยินที่อีกฝ่ายพูด แต่ประเด็นคือเขาล้อว่าผมเหมือนเด็กสองครั้งแล้ว และในจังหวะที่ผมจะพูดสวนกลับไป เขาก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมา

ผมเบิกตากว้าง ตะลึงกับสิ่งที่เห็น...

แบงค์สีเทา...แบงค์พัน...เขามีเงินตั้งพันนึงแน่ะ!! 

ชายตรงหน้าจับแบงค์เหมือนคีบกระดาษ กระทั่งถนนโล่ง เขาเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งโดยไม่พูดอะไรกับผมสักคำ เขาจะไปไหนน่ะ เดินผ่านไปตู้โทรศัพท์ ทิ้งบุหรี่ไว้ข้างทาง และ...เดินเข้าไปในนั้น

เข้าไปในเซเว่น!

อรุณเบิกฟ้า~ ผมรีบจ้ำอ้าวตามไปแบบเท้าเปล่าแถมเจ็บข้อเท้าอีกต่างหาก แต่ถ้ามีอะไรตกถึงท้อง จะให้เดินข้ามไปข้ามมาอีกสิบกว่ารอบก็ยังไหว ไคล...ไม่สิ ไคล์...ออกเสียงไงนะ อืม ช่างเหอะ...เขาน่ะเกิดมาเพื่อโปรดคนที่น่าสงสารอย่างผมแท้ๆ แม้นเรามีดวงได้เกื้อกูลกันแค่คืนนี้ ผมก็จะขอจำความดีนี้ไว้ตลอดชีวิตละกัน

ผมเดินตรงไปที่ตู้แช่ข้าวกล่องเป็นอันดับแรก จัดมาเลย สปาเก็ตตี้ขี้เมา ข้าวผัดกุ้ง เกี๊ยว จากนั้นก็ยืนรอพนักงานเวฟแบบช็อตต่อช็อต ไม่นานผมก็รู้สึกว่ามีใครบางคนมายืนอยู่ข้างๆ

อ้อ...ไค นั่นเอง

เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็เลื่อนขึ้นมามองหน้าและก็เลื่อนลงไปที่เท้าอีกที คือมีอะไรจะพูดกับผมก็ว่ามามั้ยล่ะ ทำแบบนี้มันชักจะเกินไปนะผมว่า ถ้าเกิดไม่เคยเจอกันมาก่อนผมคิดว่าเข้ามาหาเรื่องนะนั้น แถมมองเสร็จก็ยังเดินไปกาแฟร้อนตรงเค้าน์เตอร์ ทิ้งความข้องใจไว้ที่ผม ไม่อธิบายอะไรก็เดินเข้าไปเลือกของต่ออย่างหน้าตาเฉย

“Hey!” ผมหันขวับไปตามเสียงเรียกที่มาจากด้านหลัง

ตุบ!!

ไคโยนของบางอย่างลงกับพื้น ผมเพ่งมองสิ่งที่อยู่ในถุงพลาสติกใกล้ๆ

“ใส่ซะ”

นี่มัน...รองเท้าแตะ?

“เดี๋ยวผมก็กลับบ้านแล้ว คุณไม่ต้องซื้อให้เปลืองเงินหรอก”

“ตามใจ” เขาไม่เก็บมันขึ้นมา แต่ดันยืนล้วงกระเป๋าทำราวกับไม่รู้ไม่ชี้ ถ้าให้เดาใจ เขาคงพูดประมาณว่า ‘ฉันเอามาให้ใส่ ถ้าไม่ใส่ก็เอาไปเก็บด้วย’ อะไรทำนองนั้นแน่ๆ

เออ...เก็บก็เก็บวะ!

ผมหยิบถุงรองเท้าแตะไปวางที่เดิม ก่อนจะเดินกลับมารอข้าวกล่องที่กำลังเวฟอยู่เหมือนเดิม อืม...จะว่าไป เขาก็เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เลวเลย ถึงจะดูเย็นชา ชอบทำเสียงเข้มในลำคอ และชอบทำหน้าดุ แต่เขาก็เป็นคนดีใช้ได้

ผมชักอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ซะแล้วสิ...

“นี่ไค...”

เขาเป็นคนบอกให้ผมเรียกแบบนี้เอง ฉะนั้นจะมาหาว่าผมไม่เคารพไม่ได้นะ และเท่าที่ผมรู้มา ในสังคมฝรั่งเขาก็เรียกคนอายุมากกว่า (ที่รู้จักกัน) ด้วยชื่อเล่นกันแบบโดดๆ อยู่แล้วนี่น่า

เดี๋ยวก่อนนะ แค่เรียกชื่อทำไมเขาต้องทำหน้าสงสัยขนาดนั้น แถมยังมองหันซ้ายขวามองไปทั่ว พอมองรอบตัวผมเสร็จ ก็หันมองรอบตัวเอง...เขาทำอะไรวะ?

“ไหน?” เขาถาม

“อะไร?”

“ก็นายพูดถึงใครอยู่ล่ะ”

“เปล่าหนิ” ผมแค่เรียกเขา ไม่ได้พูดถึงใครสักหน่อย

“เมื่อกี้นายถามฉันว่าอะไร”

“ผมไม่ได้ถาม แค่เรียกชื่อคุณเฉยๆ” อ้อ~ เริ่มเข้าใจล่ะ เมื่อกี้เขาคงคิดว่าผมพูดว่า ‘นี่ใคร?’ สินะ

“ฉันชื่อไคลฟ์”

“ก็มันออกเสียงยาก ผมเรียกว่า ‘ไค’ แทนได้มั้ย”

“...”

เอิ่ม...เขาจะใช้ความเงียบเป็นคำตอบสักกี่ครั้งกันวะ!

“คุณทำงานอะไร” นับเป็นเรื่องแรกๆ ที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับตัวเขา

“พอกลับไปเราก็ต่างคนต่างอยู่แล้ว จะอยากรู้ไปทำไม”

“โหย...นี่จะตัดสัมพันธ์กันเลยเหรอ”

“ก็ไม่ได้มีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

“งั้นมาเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยสิ ผมอยากรู้จักกับคุณนะ...ไม่ได้เหรอ?”

ผมเงยหน้ามองเพื่อแสดงความจริงใจ แน่นอนว่าเขาก็หันมามองผมเช่นกัน เอาล่ะ...คราวนี้ผมว่าเขาน่าจะกำลังใช้ความคิดที่จะพูดประโยคถัดไปมากกว่าจบการสนทนาไปเฉยๆ สำหรับผม แค่เขาใช้เวลาคิดก็ถือว่าดีมากแล้ว อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่าเขาเป็นคนรับผิดชอบในคำพูด และที่ไม่ได้ตอบปฏิเสธในทันที ก็แสดงว่าเขาไม่ได้เกลียดขี้หน้าผมเท่าไรนัก

“ของที่ให้เวฟเรียบร้อยแล้วค่ะ”

ผับผ่าสิ! ตอนรอไม่เสร็จสักที แต่พอเปลี่ยนมารออย่างอื่นดันขัดขึ้นมาซะอย่างนั้น!!

“ขอบคุณครับ” ผมหันไปเจื่อนยิ้มกับพนักงาน และกลับมามองไคที่กำลังยื่นแบงค์พันให้พนักงานเพื่อจ่ายเงิน จากนั้นเขาก็รับตังค์ทอน หยิบกาแฟจากเค้าน์เตอร์ แล้วเดินออกประตูไปทันที

หลังจากรับถุงที่เต็มไปด้วยของกินประทั่งชีวิต ผมก็เดินตามไคออกไปติดๆ

“อ่าว หายไปไหนแล้ว” ผมมองหาสักพักก็เห็นเขายืนดูอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ๆ กับร้านขายข้าวต้มกลางคืนที่มีโต๊ะสำหรับลูกค้าทั้งในร้านและบริเวณฟุตปาธ ผมเดินตามไปกะจะถามว่าเขายืนดูอะไร

แต่คำตอบที่ว่านั่น คงอยู่ในทีวีจอใหญ่ของร้านแล้ว!

‘รายงานข่าวด่วน เมื่อเวลาประมาณ 00.36 น. ที่ผ่านมา ได้เกิดเสียงปืนปริศนาดังขึ้นบริเวณหมู่บ้านภิรมย์เดชา ย่านหลักสี่ ซึ่งก่อนจะเกิดเสียงปืนดังกล่าว ทางตำรวจได้รับแจ้งความจากเจ้าของบ้านเลขที่ 256/88 ว่ามีคนร้ายบุกรุกเข้าไปพร้อมอาวุธปืน เมื่อทางตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่าข้าวของถูกรื้อค้น และนายติณณุกูล ลูกชายของนายเจตรินกับนางบุพผาได้หายตัวไปจากบ้านพร้อมกับชายที่อาศัยอยู่ข้างบ้านของเขา ตรวจสอบจากบัตรประชาชนและพาสปอร์ตทราบชื่อคือนายไคลฟ์ ไมเนอร์อายุ 36 ปี สัญชาติอเมริกา เบื้องต้นทางตำรวจได้พบร่องรอยการต่อสู้ในบ้านของชายดังกล่าว จึงมีการตั้งข้อสงสัยว่านายไมเนอร์พยายามงัดเข้าไปในบ้านเพื่อลักพาตัวนายติณณุกูล แต่เพราะนายติณณุกูลขัดขืนจึงเกิดเสียงปืนข่มขู่ขึ้นในภายหลัง โดยการหายตัวไปของนายติณณุกูลนั้น เป็นไปได้สูงว่าเขาอาจโดนลักพาตัวไปจากที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ หากมีข้อมูลคืบหน้าอย่างไร ทางเราจะรายงานให้ทราบอีกครั้งค่ะ’

ผมแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน...มันบ้าบอมาก!

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้” ผมหันไปถามผู้มีพระคุณ ที่ตอนนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนลักพาตัวผมไปซะแล้ว แน่นอนว่าผมตกใจมาก แต่ก็คงไม่เท่าไคแน่ๆ

“…”

“ไค! พูดอะไรหน่อยสิ” นี่เขาช็อคจนไม่ได้ยินสิ่งที่พูดเลยหรือไง

ไม่นานไคก็หันมามองผม ก่อนจะพูดประโยคหนึ่งพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ บริเวณมุมปาก ซึ่งนับว่าเป็นรอยยิ้มแรกที่เขาเพิ่งเผยให้ผมเห็น แต่...ทำไมต้องมาจากสถานแบบนี้ด้วย!



“ฉันว่า...นายคงต้องกลับไปเอาไอ้รองเท้านั่นมาใส่แล้วล่ะ”

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: เขาคือไค... [ตอนที่3] *Update 08/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2016 21:01:43
แสดงว่าไคลฟ์ น่าจะทำงานที่ไม่เปิดเผย
ติณณ์ นี่ดูทำอะไรก็ไม่ถูกไปซะหมด
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: เขาคือไค... [ตอนที่3] *Update 08/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 09-12-2016 22:52:36
เฮ้ สุดยอดไปเลย น่าสนใจจัง มีความแซบ 555 รอตอนต่อไปค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: เขาคือไค... [ตอนที่3] *Update 08/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 12-12-2016 18:58:21
ตอนที่ 4



ผมเดินเท้าเปล่าตั้งแต่หนีออกมาจากหน้าต่างบ้านตัวเอง จนมาถึงเซเว่นแถวบ้านเพื่อรอให้ตำรวจมาเคลียร์เรื่องที่มีโจรบุกเข้าบ้านผม ทว่าสิบนาทีที่แล้วผมต้องเดินเข้าไปซื้อรองเท้ามาใส่ และออกมานั่งทำสติข้างฟุตปาธหลังจากได้ฟังข่าวด่วนที่รายงานว่าคนร้ายคือผู้ชายข้างบ้านผม

ตำรวจสืบประสาอะไรถึงรายงานผู้สื่อข่าวไปอย่างนั้น ผมทั้งหงุดหงิด ทั้งโมโห ในขณะที่ไคเอาแต่นั่งเงียบ หลังจากผมเอารองเท้ามาใส่ตามที่บอกแล้วเขาก็ไม่พูดอะไรอีก สงสัยจะตกใจมาก

แหงล่ะ ถ้าเป็นผมก็คงไปไม่เป็นเหมือนกัน อยู่ๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจรลักพาตัวแบบนั้น โคตรไร้สาระเลย เขายังต้องรออะไรอีกวะ ไปอธิบายกับตำรวจตอนนี้เลยเถอะ ผมหัวร้อนจนลืมความหิวไปหมดแล้วเนี่ย!

คิดได้ดังนั้น ผมก็ลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะเดินไปยังตู้โทรศัพท์

“จะทำอะไร” ไคร้องถามผม พลางเงยหน้ามองด้วยสายตาอันดุดัน

“ผมจะโทรหาพ่อกับแม่ อธิบายเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง ข่าวออกมาขนาดนั้นยังไงพ่อกับแม่ก็ต้องรู้ถึงสิ่งเกิดอะไรขึ้นที่บ้านแล้วแน่ๆ” พูดจบผมก็เดินกำเหรียญในมือที่ยังไม่คืนเขาไปตู้โทรศัพท์ที่อยู่ไม่ไกล และแน่ล่ะ ผมรู้ว่าเขาต้องเดินตามมา จนถึงตู้โทรศัพท์และกำลังกดเบอร์โทรแม่ ผมก็หันไปพูดกับไคต่อ “ถ้าโทรไปไม่ติดอีก ผมก็จะโทรเล่าให้ตำรวจฟัง”

“อย่าโง่หน่อยเลยน่า” เขากดสายวางในทันที แถมยังจ้องผมเขม็งอีกด้วย

“ทำไม? พวกเขากำลังเข้าใจคุณผิดนะ”

“เพราะอะไรตำรวจถึงสงสัยฉัน นายรู้หรือเปล่า”

“...” ผมส่ายหน้า

“ฉันเคยบอกแล้วว่าคนพวกนั้นไม่ใช่โจรธรรมดา ในข่าวพูดถึงแค่ฉันกับนาย แสดงว่าร่องรอยที่สาวถึงตัวพวกมันไม่เหลือให้ตรวจสอบ เพราะอย่างนี้ฉันถึงมั่นใจว่ามันทำงานกันเป็นทีมแน่ ถึงได้กลบหลักฐานซะมิดชิดขนาดนั้น” ความจริงแล้วตำรวจไม่ได้โง่ แต่พวกโจรมันฉลาดกว่า ไคคงนั่งวิเคราะห์เรื่องนี้อยู่ถึงได้เอาแต่นั่งเงียบ ส่วนผมไม่ทันคิดอะไรถึงได้เอาแต่วู่วาม

“ให้ตำรวจมาช่วยไม่ใช่วิธีที่เวิร์ก เพราะทันทีที่นายโทรหาพวกเขา รถตำรวจก็จะมารับเราสองคนไปโรงพักถึงที่ จากนั้นฉันก็จะถูกสอบสอน และฟันธงได้เลยว่าตำรวจพวกนั้นต้องไม่ปล่อยฉันไว้แน่” ผมตกใจที่ได้ยินไคพูดอย่างนั้น ซึ่งเขาก็ไม่ลืมที่จะอธิบายให้ผมเข้าใจ “ถ้านายใช้สติคิดสักนิดก็คงดูทุกอย่างออก ถ้าพวกมันกลบร่องรอยตัวเองได้ ก็แปลว่าการเรื่องสร้างหลักฐานปลอมเพื่อให้ฉันกลายเป็นแพะรับบาปก็คงไม่ใช่เรื่องยากเหมือนกัน ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในเกมที่ไม่มีวันชนะ และนายเป็นคนดึงฉันเข้ามา ฉะนั้นการตอบแทนฉันเท่าที่นายจะทำได้ก็คืออยู่เฉยๆ และรอจนกว่าฉันจะสืบจนรู้ว่ากลุ่มคนที่เข้าไปบ้านนายเป็นใคร”

ไคพูดถูกทุกอย่าง...พอผมคิดตามที่เขาพูดแล้วก็เริ่มคิดตามสถานการณ์ได้ พวกมันมีแผนเอาตัวรอดด้วยการให้ไคเป็นคนร้ายในคดีนี้ และเมื่อเอาตัวเองลอยนวลได้แล้ว ก็คงหาทางปิดคดีจากการเอาตัวไคเข้าคุก เท่ากับว่าตอนนี้ไคกำลังตกที่นั่งลำบาก หากผมยังพลีพล่ามทำอะไรโดยไม่คิด ก็อาจจะทำให้เขาเดือดร้อน เหมือนอย่างที่ผมเป็นคนไปขอความช่วยเหลือจากเขาในตอนแรก

“ผมขอโทษ” นับเป็นคำกล่าวที่ออกมาจากใจของผม

“ฉันจะหาวิธีให้นายได้คุยกับพ่อแม่เอง แต่คงไม่ใช่ตอนนี้”

“แล้วจะให้พวกท่านเข้าใจว่าผมถูกลักพาตัวไปแบบนี้เหรอครับ”

“มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง

“ถึงยังไงผมก็ไม่อยากให้คุณถูกตราหน้าว่าเป็นคนร้ายอยู่ดี” ในใจคิดแต่ว่ามันไม่ถูกต้อง ความจริงที่มีเพียงผมกับเขาเท่าที่รู้มันเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดใจมาก สายตาคนอื่นคงมองไคในแง่ร้ายกันหมด และเมื่อผมลองนึกถึงความรู้สึกของเขา ก็พอจะเข้าใจว่ามันทุกข์ทนแค่ไหน

ไคถอนหายใจทันทีที่ผมเอ่ยจบ นัยน์ตาเขามองตรงไปโดยไร้จุดมุ่งหมาย ผมมั่นใจว่าเขากำลังครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง ใบหน้าแสนนิ่งไม่บ่งบอกให้รู้ถึงความรู้สึกภายใน นอกเสียจากคำพูดที่ฟังคล้ายกับเป็นเรื่องขบขัน

“ฉันชินแล้วล่ะ...”

เขาพูดเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินข้ามถนนเพื่อกลับไปที่รถ ผมมองตามแผ่นหลังของเขาโดยไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นจึงกัดฟันหยิบเหรียญในตู้โทรศัพท์ออกมาแล้วเดินตามเขาไปติดๆ

เมื่อเข้าไปนั่งในรถ ผมนั่งมองของกินทั้งหลายแหล่ที่ซื้อมาจากเซเว่นโดยไม่มีความรู้สึกอยากกินเหมือนหลายนาทีก่อน กระทั่งรถติดเครื่องยนต์ เสียงจากฝั่งคนขับก็พูดกับผม

“ไหนบอกว่าหิว?” ตอนนี้ผมคงเหมือนกับคนหมดอาลัยตายอยาก

“กินไปก็คงไม่อร่อย”

“กินซะ เราต้องเดินทางอีกไกล” ว่าแล้วก็เหยียบคันเร่งออกไปยังถนนใหญ่

“เราจะไปไหนกัน” ผมหันไปถาม ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ผมต้องรอคำตอบจากเขาอยู่นาน

จนกระทั่ง!



“ที่ที่ไกลมาก...”











 

ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากเผลอหลับไปโดยไม่รู้ว่าตอนนี้คือช่วงเวลาไหน และหลับไปเมื่อไหร่ ผมยกมือขยี้มองพร้อมมองไปรอบตัว สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือรถยนต์ถูกจอดสนิท กระจกฝั่งผมถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง ส่วนสถานที่ที่ผมอยู่นั้นคงเป็นปั๊มน้ำมัน เพราะผมได้กลิ่นและได้ยินเสียงขับเคลื่อนไปมาอยู่ใกล้หู

เบาะที่ปรับเอนถูกปรับให้ขึ้นเหมือนเดิม ผมมั่นใจว่าไม่ได้ทำเองแน่ ฉะนั้นก็น่าจะเป็นไคที่ใจดีปรับให้ผม ว่าแต่เขาอยู่ไหนกันนะ มองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นเลย อ่าวนั่น! นั่นไง เขาเดินออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้ว แถมยังหิ้วของที่ซื้อมาเพียบ เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมแว่นตาดำ และใส่หมวกแก๊บปิดหน้ามิดชิด

พวกเรา...กำลังเข้าข่ายผู้ลี้ภัยเข้าจริงๆ แล้วสินะ

พอเดินมาถึงรถ เขาเปิดประตูเบาะหลังก่อนจะวางของที่ซื้อมาอย่างรวกๆ และรีบๆ จนผมมองตามแทบไม่ทัน และเมื่อเดินมาเปิดประตูฝั่งผม เขาก็จัดการเอาหมวกอีกใบที่ถือมาแต่ต้นมาใส่ให้ผมโดยไม่ทันบอกให้ตั้งตัวก่อนเลย

“ฉันซื้อพวกของใช้กับของกินมา ถ้าหิวก็กินรองท้องไปก่อน” ขณะที่ไคพูด ผมก็ขยับหมวกที่เขาเพิ่งสวมให้ “ส่วนของใช้...ถ้าขาดอะไรก็ค่อยซื้อเพิ่ม”

“เราอยู่ที่ไหนเหรอครับ” ผมถาม

“ทางลงใต้”

“ภาคใต้น่ะนะ!” ผมอุทานเพราะตกใจไปคำแรก ไคก็ปิดประตูใส่แล้วเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับทันที ผมรอจนกว่าเขาจะคาดเข็มขัดเสร็จ ก่อนจะพูดต่อ “ยะ...อย่าบอกนะว่าคุณจะพาผมหนีออกนอกประเทศ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้” ตกใจจนอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเกิดมาจนอายุ 21 จะได้เจอกับเหตุการณ์ที่มันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ อยู่ๆ ผมก็รู้สึกรักตัวเองขึ้นมา อนาคตคนเรามันพลิกผันได้เพียงชั่วข้ามคืนจริงๆ

“นี่ผมต้องไปสุดแดนใต้ ข้ามเขตชายแดนอะไรทำนองนั้นเลยหรือเปล่า”

“ไปไม่ถึงชายแดนหรอกน่า”

“งั้นคุณพูดมาเลยดีกว่าว่าจะพาผมไปอยู่ที่ไหน” ผมอยากรู้จนละสายตาจากเขาไม่ได้

“ไปลังกาวี”

หา?

“ลังกาวี? มันอยู่ที่ไหน” เกิดมาเพิ่งเคยได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก

“ไปถึงนายก็รู้เอง” ตอบแบบนี้ไม่ช่วยอะไรเลย นี่แปลว่าผมต้องเก็บความสงสัยจนไปถึงเลยน่ะสิ โหดร้ายโคตร...แต่เดี๋ยวก่อน! ถ้าเราหนีไปไกลขนาดนั้น แล้วเรื่องคดีล่ะ จะเอาไงต่อ

“คุณบอกว่าจะสืบหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุเพื่อแก้ต่างให้ตัวเองไม่ใช่เหรอ ถ้าเราไปอยู่ไกลขนาดนั้น แล้วคุณจะหาทางตามตัวพวกมันเจอได้ยังไง” หลังจากผมถามจบ ไคก็หมุนตัวไปหยิบกระเป๋าสีดำทรงสี่เหลี่ยมจากเบาะหลังขึ้นมา เขาหยิบแล็บท๊อปขึ้นมาเปิด และล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบเมมการ์ดขนาดเล็กเสียบเข้าไปในอะแดปเตอร์ ก่อนจะเชื่อมเข้าเครื่องคอมเพื่อเปิดบางอย่างให้ผมดู

ไคเข้าไปที่ไฟล์วีดีโอบางอย่าง เมื่อเปิดขึ้นมาก็พบว่ามันคือภาพที่ได้จากกล้องหน้ารถของเขา พอถึงช่วงเวลาที่หนึ่ง เขาก็หยุดภาพไว้เพื่อให้ผมเห็นว่าเพียงเสี้ยวนาทีที่ปรากฏเมื่อครู่ กล้องหน้ารถได้บันทึกภาพของคนร้ายไว้ แม้ว่าภาพใบหน้าจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ก็ตาม

“เหลือเชื่อ! กล้องคุณจับภาพคนร้ายสองคนที่ตามมาสมทบได้ด้วย” ผมทึ้งกับสิ่งที่ได้เห็น

“มันมีวิธีตรวจสอบข้อมูลบุคคลจากการตรวจจับใบหน้า แต่ต้องอาศัยการเจาะระบบฐานข้อมูลที่กระจายอยู่ทั่วโลกเพื่อค้นหา และฉันก็พอจะรู้จักแฮกเกอร์ที่พอจะทำแบบนั้นได้ในลังกาวี” ผมนั่งเกาหัวและคิดตามไปด้วย

“แค่ส่งอีเมล์ไปก็ได้มั่ง” เป็นผมจะทำแบบนี้นะ ไม่เห็นต้องถ่อไปถึงใต้เลย

“หมอนั่นคงไม่ยอมช่วยฉัน หากไม่ใช้ไอ้นี่...” ว่าแล้วก็หยิบปืนขึ้นมา

ถือปืนพร้อมทำหน้าตาเฉยแบบนี้ก็ได้เหรอ? เออๆ พอจะเข้าใจละ ดูจากรูปการแล้วเขาต้องไปข่มขู่คนคนนั้นถึงที่สินะ เอาจริงๆ ก็แอบหวั่นใจเหมือนกัน แต่อีกใจก็รู้สึกแปลกๆ

ทำไมเขาถึงรู้จักนักแฮกเกอร์ และมีปืนพกแบบนี้ด้วยวะ

“ผมคิดว่าคุณสนิทกันซะอีก”

ไคไม่ตอบผมในทันที เพราะแบบนี้ ผมถึงต้องคอยลุ้นเพื่อคำตอบจากเขาครั้งแล้วครั้งเล่า...

“ไม่เคยมีใครที่ฉันรู้จักจนถึงขั้น ‘สนิท’ หรอกนะ”

 









[HOTEL]

ป้ายขนาดใหญ่มีไฟพริบๆ เป็นระยะๆ ผมเห็นมันก่อนที่ไคจะเลี้ยวรถเข้ามาถึงในตอนเย็น มันเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ในจังหวัดชุมพร ดูจากภายนอกมันก็ไม่ใหญ่มากและไม่เล็กเกินไป ไคบอกว่าขับรถตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว คงต้องหาที่พักเพราะเหนื่อยมาก รอให้ถึงวันพรุ่งนี้ค่อยขับรถต่อไปสตูลเพื่อต่อเรือไปเกาะลังกาวี

หลังจากที่ผมได้ยินไคพูดว่าเหนื่อย ในหัวผมก็หวนไปคิดหาวิธีหาทางออกให้กับเรื่องที่เขากำลังเผชิญอยู่อย่างไม่ลดละ หวังว่าจะมีสักทางที่พอจะเป็นทางออก และสักทางที่เขาจะเห็นพ้องด้วย

“ลงสิ”

ไคคงเห็นว่าจอดรถสนิทแล้วแต่ผมไม่ยอมขยับตัวสักที

“ผมมานั่งคิดดูแล้ว ถึงผมจะกลับบ้านไปมันก็ไม่น่าจะมีผลอะไรไม่ใช่เหรอครับ และมันน่าจะดีกว่าการที่ผมต้องเดินทางไปเป็นภาระคุณแบบนี้ด้วย” หลังจากใช้เวลาไต่ตรองเป็นอย่างดี ผมก็พบว่ามันยังพอมีทางแก้ไขปัญหานี้ได้อยู่ “ผมคิดว่าการปล่อยให้ทุกคนคิดว่าผมถูกจับตัวมามันจะกลายเป็นเรื่องที่บานปลาย อย่างน้อยก็ให้ผมกลับไปบอกพวกตำรวจว่าคุณไม่ได้เป็นคนผิด นี่ไง...เรามีกล้องที่ตัวภาพคนร้ายได้ แค่นี้ตำรวจก็เชื่อแล้วว่ามีคนร้ายอยู่หลายคน หรือถ้าคุณไม่อยากถูกสอบสวนก็ให้ผมลองเอาไปให้ตำรวจก่อนก็ได้นะ”

“...”

ไคเงียบใส่ผมอีกครั้ง แน่นอนว่าเรากำลังจ้องตากันระหว่างการสนทนา และเป็นไปได้สูงที่เขาจะรับเอาสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไปคิดบ้าง แค่ต้องขอความร่วมมือจากเขาเท่านั้น

“คุณ...คิดว่าไง?”

จะว่าผมรบเร้าเอาคำตอบก็ได้นะ เพราะตอนนี้เรายังอยู่ชุมพร ยังอยู่ในไทย ฉะนั้นเราจะต้องหวนกลับไปกรุงเทพฯ เพื่อทำตามความคิดของผมก่อนที่มันจะสายเกินไป

“นายบอกฉันว่าเห็นคนร้ายรื้อค้นบ้านนายกับตา แต่จากที่ฟังวิทยุเพิ่มเติมเมื่อเช้า พ่อกับแม่นายให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีอะไรหายไป เพราะอย่างนั้น พวกตำรวจถึงได้ตั้งข้อสงสัยว่าฉันต้องเจาะจงที่จะลักพาตัวนายมาโดยเฉพาะ ฉันเดาว่าพวกมันคงกลบเกลื่อนร่องรอยให้เหลือแค่การต่อสู้กันเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่จริงแล้ว...พวกมันน่าจะต้องการอะไรบางอย่างนอกเหนือจากของมีค่า”

“บ้านผมมีของสำคัญยิ่งกว่าเงินทองอะไรพวกนั้นด้วยเหรอ” เรื่องมันชักจะซับซ้อนจนผมเริ่มงง

“ถ้าฉันสืบข้อมูลของพวกมันได้สักนิดก็คงรู้อะไรบ้าง”

“แล้วทำไมไม่พ่อกับแม่ผมไปเลยว่าผมไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากคนร้ายอีกกลุ่มที่ต้องการเข้ามาหาอะไรบางอย่างในบ้านล่ะครับ พอรู้ความจริงแล้ว ไม่แน่ว่าพ่อกับแม่อาจจะรู้ก็ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร และใครที่ต้องการมัน แบบนี้ไม่ง่ายกว่าเหรอ”

หลังจากผมพูดจบ ไคก็หายใจแรงอย่างเหนื่อยหน่าย

“นายนี่มันรั้นจริงๆ คิดว่าหนทางพวกนี้ฉันไม่เคยคิดมาก่อนหรือไง ฉันเองก็อยากพ้นจากข้อกล่าวหาเหมือนกัน ถึงได้คิดหาวิธีต่างๆ เยอะแยะมาตลอดทาง แต่สุดท้ายฉันก็ต้องมาจบที่ลังกาวีอยู่ดี...เข้าใจมั้ยว่าตอนนี้เราทำอะไรเสี่ยงๆ ด้วยการติดต่อคนที่บ้านนายไม่ได้ เพราะเหตุผลเดียวสั้นๆ คือเรากำลังถูกจับตามองจากตำรวจ หรืออาจจะพ่วงไปถึงตัวกลุ่มคนร้ายเลยก็ได้” ไคตะคอกใส่เป็นชุด ซึ่งผมก็เข้าใจว่าเขาพยายามอธิบาย “ถ้าฉันถูกจับเราก็จบเห่...หากยังรักชีวิตตัวเองกับคนที่นายรักอยู่ ก็จงทำตามสิ่งคำพูดของฉันซะ”

จากที่เขาพูดมา ผมสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมต้องหยุดความคิดที่จะกลับกรุงเทพฯ ไปอย่างสิ้นเชิง ไม่อยากเชื่อเลยว่าคำพูดอันหนักแน่นจนฟังเหมือนโดนต่อว่านั้น จะทำให้ผมใจเต้นด้วยความปลาบปลื้มใจได้ขนาดนี้ เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ทราบตัวคนร้าย และคงคิดหาหลักฐานให้มากพอที่จะเอาพวกมันเข้าคุก วิธีนี้นอกจากจะทำให้ตัวเองพ้นผิดก็ยังเป็นการช่วยเหลือครอบครัวของผมด้วย

“คุณกลัวว่าผมกับครอบครัวจะไม่ปลอดภัยใช่มั้ยครับ”

หลังจากสิ้นเสียงผม บรรยากาศภายในรถก็เงียบสนิททันที ไม่รู้ว่าที่ถามไปจะเป็นการหลงคิดไปเองหรือเปล่า เพราะไคค่อนข้างเงียบ เย็นชา และไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้าให้รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่จากคำพูดและความใจดีที่ผมสัมผัสได้จากไค มันทำให้ผมเกิดความมั่นใจ ซ้ำยังมองว่าเขาเป็นคนดีมากขึ้นไปอีก

“ขนของลงจากรถได้แล้ว”

เขายกมือถอดกุญแจรถใส่กระเป๋า และเปิดประตูลงไปโดยไม่ตอบอะไร ผมเห็นว่าเขากำลังไปเขาข้าวของจากเบาะหลัง จึงรีบออกไปช่วยเขาถืออีกแรง

“คืนนี้เราจะพักที่นี่เหรอครับ” ผมถามขณะคว้าถุงของใช้จำพวกเสื้อผ้า แปรงสีฟัน และของใช้อื่นที่จำเป็นมาถือไว้จนเต็มทั้งสองมือ ส่วนไคก็ถือพวกของจิปาถะอย่างแล็บท๊อปและโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เขาบอกผมว่าไปแวะซื้อมาจากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าระหว่างทาง

“อืม”

“แล้วถ้าเกิดมีคนจำหน้าเราได้ จะทำยังไง” ช่องข่าวด่วนที่ดูเมื่อคืนเอาภาพผมกับไคขึ้นหราขนาดนั้น หากมีคนบังเอิญดูแล้วจำเราได้ ไม่จบแห่เหรอ

“พ่อแม่นายเป็นคนดังหรือเปล่า” 

“...” ผมส่ายหน้า

“บ้านรวยล้นฟ้ามั้ย”

“...” ส่ายหน้าแรงมาก

“ถ้านายอายุเกิน 20 ปี...ไม่ได้เป็นเน็ตไอดอลหรือดาราที่คนทั่วประเทศจำหน้าได้ก็ไม่ต้องห่วงไปหรอก เพราะโดยเฉลี่ยแล้วคดีลักพาตัวจะเกิดกับเด็กอายุ 1-15 ปี เหตุผลยอดฮิตก็คือการค้ามนุษย์อย่างที่ใครๆ รู้ แต่ถ้าเป็นคนบรรลุนิติภาวะอย่างนาย นอกจากเรื่องค้ามนุษย์และเรียกค่าไถ่แล้ว มันก็มีอยู่เหตุผลเดียวที่พอจะสันนิษฐานได้”

“คืออะไร?”

ไคหันมามองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย...

“ฉันพิศวาสนาย”

“...”

ผมยืนนิ่งกับการให้คำตอบแบบหน้าตายของไค และพอเขาเดินเข้าไปในโรงแรมโดยไม่รอ อยู่ๆ สมองผมก็ลองคิดไปถึงข่าวพาดหัวที่อาจจะเขียนในทำนองว่า

‘จากคดีที่เกิดขึ้น สันนิษฐานว่าชายวัยกลางคนอาจคิดมิดีมิร้ายกับเด็กหนุ่มข้างบ้าน จึงก่อเหตุลักพาตัวเพื่อกักขังหน่วงเหนี่ยว’

เพียงเพราะผมไม่ใช่เด็ก ในรูปคดีอาจไม่ได้มองว่าเป็นการค้ามนุษย์ หรือถ้าเป็นเรื่องของความแค้น พ่อแม่ผมคงยืนยันกับตำรวจว่าไม่น่าใช่เพราะเราเพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่นาน และนอกจากนี้บ้านผมก็ไม่ได้รวยถึงขนาดมีคนจ้องจะจับตัวผมเพื่อเรียกค่าไถ่...แม่ง! พูดไม่ออกเลยกู เพิ่งรู้สึกว่าโทรศัพท์ตัวเองแบตหมดแล้วมันดีก็ตอนนี้แหละ


เพราะถ้าเปิดอ่านข่าวแล้วเลื่อนดูคอมเม้นท์...ผมไม่รู้เหมือนกันว่าชาวเน็ตจะพูดถึงเรื่องนี้ยังไงบ้าง!

 

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 4] *Update 12/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: rsmrypngpth ที่ 12-12-2016 20:13:31
แล้วเมื่อไหรจะพิศวาสกันจริงๆ อะ :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 4] *Update 12/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 12-12-2016 20:40:49
+1 ให้นะคะ เรื่องน่าติดตามมาก
จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 4] *Update 12/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-12-2016 22:18:01
ก็อยากให้สองคน พิศวาทกันซักที :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 4] *Update 12/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 12-12-2016 22:19:16
น่าติดตามมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 4] *Update 12/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 13-12-2016 20:08:51
ตอนที่ 5



ไคเดินเข้าไปถึงเค้าน์เตอร์พนักงานต้อนรับที่เล็กกะทัดรัดและดูธรรมดาจนผมแอบคิดว่านี่สินะ บรรยากาศของโรงแรมจิ้งหรีด น่าขนลุกอย่างไม่น่าเชื่อ ผมมองดูรอบๆ จนไปเจอกับสายตาของพนักงานต้อนรับที่กำลังมองไคแปลกๆ ชักรู้สึกหวั่นใจแล้วสิ ผมพยายามบอกกับตัวเองว่าอย่าไประแวงมากนัก เพราะมันจะเป็นการทำตัวพิรุธจนเกินไป แต่พอพนักงานหญิงคนนั้นคอยเหลือบตามองอยู่เป็นระยะผมก็เริ่มใจไม่ดีละ แถมตอนไคกำลังรอกุญแจห้อง เธอก็คอยหันมามองและแสดงอาการเก้ๆ กังๆ อย่างเห็นได้ชัด

ไม่ค่อยดีแล้วล่ะ ผมกลัวว่าเธอจะจำไคได้ ยืนกังวลใจอยู่สักพักก็คิดอะไรขึ้นได้ ผมคงต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อกลบเกลื่อน โดยการให้พนักงานคนนั้นมองเราในทางตรงกันข้ามกับคำว่า ‘ลักพาตัว’ แบบสุดโต่ง!

“ที่รัก~”

ผมเดินไปเกาะไหล่ไค มองหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง

“อะไรของนาย” เขามองผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“เรียบร้อยหรือยัง ผมเหนียวตัวอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว อ้อ! คุณสัญญาว่าจะขัดหลังให้ผมด้วยนี่ อย่าเบี้ยวล่ะ” ต้องจัดหนักจัดเต็ม เอาให้เนียน เอาให้สมบูรณ์แบบ ไม่เล่นใหญ่ก็กลัวจะไม่เชื่อ

แค่เกาะแขนไม่พองั้นซบไหล่ด้วยเลยเอ้า!

“เพี้ยนไปแล้วหรือไง” ไม่พูดเปล่า ไคพยายามจะถอยห่างจากตัวผมด้วย

อะนั่น! พนักงานส่งกุญแจมาให้พอดี

“ขอบคุณครับ” ผมรีบหยิบกุญแจอย่างไว จากนั้นก็รีบลากตัวไคพร้อมถุงของใช้และของกินมากมายออกไปจากบริเวณนี้ทันที แม่งเอ้ย! หัวใจจะวาย

แต่เดี๋ยวก่อน...พอเดินมาจนลับตาคนแล้ว สายตาที่ไคมองผมตอนนี้ก็แทบจะทำให้ผมหัวใจวายรอบสองเหมือนกัน อะไรจะจ้องกันเขม็งขนาดนั้นล่ะท่าน

“เอามือออกไปก่อนที่ฉันจะตัดแขนนายทิ้ง”

เฮือก!!

รีบปล่อยด้วยความไวแสง แถมถอยออกไปอีกสามก้าวโดยอัตโนมัติ

“ก็พนักงานเขามองคุณแปลกๆ ผมก็เลย...” ไคเลิกคิ้วขึ้นสูง ถ้าผมบอกว่ากลัวพนักงานต้อนรับคนนั้นอาจจำเราได้ แล้วเขาจะเข้าใจในสิ่งที่ผมทำเหรอวะ

ต้องเข้าใจสิ...ไคเป็นคนฉลาด คงรู้อยู่แล้วล่ะว่าผมทำไปเพราะอะไร

“เขาอาจมองเพราะฉันหล่อก็ได้”

“ห๊ะ?”

แน่ล่ะ เป็นใครก็ต้องตกใจกับคำตอบนั้น ไคพูดหน้าตายจนผมไปต่อไม่เป็น ทำได้แค่ยืนมองเขาเดินไปเปิดประตูห้องและหายเข้าไปจนลับสายตาเท่านั้น

กล้ามาก...พูดได้อย่างไม่มีถ่อมตัวเองเลยพ่อคุณ

ผมแอบยิ้มจนเกือบต้องหัวเราะ ไม่คิดว่าจะมีโมเม้นท์แบบนี้ด้วย และเมื่อเห็นประตูที่เปิดค้างไว้ ผมกลัวยุงจะเข้าจึงรีบเดินตามเข้าไปและปิดประตูให้เรียบร้อย โดยสิ่งแรกที่พบหลังจากเหยียบเข้ามาก็คือเตียงนอนสำหรับสองคน พร้อมหมอนสองใบและผ้าห่มหนึ่งผืน ขนาดห้องเล็กมากดูได้จากทางเหลือที่เหลือนิดเดียว พอมองตรงไปจะเป็นห้องน้ำ ขวามือเป็นโต๊ะวางของเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีตู้เสื้อผ้า ไม่มีตู้เย็น เท่าที่มีก็โทรศัพท์เครื่องเก่าๆ โทรศัพท์ต่อสาย และโชคดีที่ยังมีเครื่องปรับอากาศ ถึงมันจะไม่เย็นมากก็เถอะ

หลังจากที่ไควางของทุกอย่างแล้วก็ปลดนาฬิกาข้อมือ ถอดเสื้อคลุม ถอดหมวกและแว่นตา จนเหลือเพียงเสื้อกล้ามและกางเกงยีนส์เท่านั้น ผมมองการกระทำของเขาอยู่ตรงมุมห้อง พลางคิดในใจว่าจะทำอะไรดี จะอาบน้ำ เปิดดูของที่ซื้อมา เปิดทีวี หรือนั่งกินขนม ไม่ว่าจะอยากทำอะไรก็เกรงใจไคไปซะหมด ผมโอเคนะเรื่องที่นอนเตียงเดียวกัน เพราะยังไงเราก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่เพราะไคอายุมากกว่าผม เป็นผู้อาวุโสกว่า ยังไงก็ต้องวางตัวให้เหมาะสม

ในขณะที่ผมกำลังถอดหมวกออกเพื่อเดินไปวางไว้นบโต๊ะ ก็บังเอิญเห็นไคเอาปืนออกมาซุกไว้ใต้หมอนพอดี เท่านั้นแหละ ความสงสัยที่ผมเก็บมาสักพักก็ถึงเวลาคลายออกเสียที

“คุณทำงานอะไร...ทำไมถึงมีปืนพกด้วย แล้วไหนจะรู้จักคนที่เป็นแฮกเกอร์นั่นอีก” ถามจบ ไคก็ช้อนตาขึ้นมามองผมก่อนจะนั่งลงบนเตียงเพื่อถอดรองเท้าผ้าใบ

“นายไม่จำเป็นต้องรู้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พลางวางรองเท้าผ้าใบไว้ข้างเตียง

“ผมตามคุณมาถึงนี่ ต้องอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชม. อย่างน้อยคุณก็น่าจะบอกเรื่องของตัวเองให้ผมรู้บ้างสิ”

“นายไม่ไว้ใจฉัน?” คราวนี้ทำเสียงซะเย็นชาเชียว

“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมก็แค่... แค่อยากคุยแลกเปลี่ยน อยากรู้เรื่องของคนที่ช่วยชีวิตผม คุณทำอะไรอยู่ เป็นใครมาจากไหน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่มันกระทบกระชีวิตคุณมากมั้ย หรือมันทำลายความฝันบางอย่างของคุณไปบ้างหรือเปล่า” ใช่แล้ว สิ่งที่ผมอยากรู้เกี่ยวกับไคไม่ใช่ว่าจะมองว่าเขาเป็นคนอันตราย หรือจะทำให้ผมต้องหวาดกลัวอะไรแบบนั้น แต่ผมอยากรู้เพราะ “อย่างน้อยๆ ผมก็...จะได้รู้จักตัวตนของคุณ”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน เพราะตอนนี้ผมกำลังเป็นภาระให้กับไค ซ้ำร้ายยังนำปัญหามาให้ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เขากำลังเผชิญหน้ากับความโชคร้ายที่ผมหยิบยื่นให้ เพราะอย่างนั้น ผมถึงอยากรู้ว่าการเข้ามาช่วยเหลือคนที่ไม่มีอะไรตอบแทนอย่างผม จะทำให้ชีวิตเขาไปในทิศทางไหน หรือจะส่งผลถึงชีวิตในปัจจุบันและในอนาคตมากเพียงใด

“ฉันบอกไม่ได้...”

“ทำไมล่ะครับ?”

“เพราะฉันไม่อยากบอก”

ไคตอบแบบไม่ต้องให้ผมอ้าปากถามต่อ หลังจากนั้นเขาก็ถอดเสื้อกล้าม หยิบผ้าขนหนูขึ้นมาพาดไหล่และเดินตรงไปห้องน้ำ ซึ่งในจังหวะที่เขากำลังจะเดินผ่านผมไป นอกจากซิกแพคที่แสดงถึงความกำยำและแข็งแกร่งแล้ว ผมก็ยังเห็นแผลเป็นตามตัวของเขาชัดเจน มีตรงหน้าอกด้านขวา หน้าท้อง เอว หัวไหล่ แผ่นหลังทั่วไปหมด เยอะแยะจนผมถึงกับอ้าปากค้าง และต้องเพิ่มความสงสัยเกี่ยวกับตัวผู้ชายคนนี้มากขึ้นไปอีก

เขาเป็นใครกันแน่!

 











ก่อนเข้าไปอาบน้ำต่อจากไค ผมใช้เวลาหาเสื้อผ้าที่จะใส่แปบเดียว หันไปหาไคอีกทีก็พบว่าเขานอนหลับซะแล้ว ผมคิดว่าเขาคงเหนื่อยมาก จึงทำอะไรอย่างเงียบเสียง แม้กระทั่งเดินไปเข้าห้องน้ำผมยังไม่อยากเดินเสียงดังด้วยซ้ำ

ด้วยความที่มีนิสัยชอบคิดอะไรไปด้วยระหว่างอยู่ในห้องน้ำ จึงทำให้ผมเป็นคนที่อาบน้ำช้าที่สุดในบ้าน และไม่ว่าจะไปที่ไหนกิตติศัพท์ในเรื่องนี้ก็ไม่ลดลงเลย เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาอีกทีก็พบว่าไคหลับอยู่บนเตียง ผมค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เพื่อดูว่าเขาหลับจริงหรือเปล่า ก็พลันได้ยินเสียงหนึ่งเข้า

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

มีเสียงคนเคาะประตู ผมหันไปดูพร้อมๆ กับช่วงที่ไคสะดุ้งตื่นพอดี เขาหันขวับไปทางประตูก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาจากนั้นก็ทำปากขมุบขมิบประมาณว่าให้เงียบเสียงไว้ พร้อมกับชี้นิ้วให้ผมไปยืนหน้าห้องน้ำ

ไคหยิบปืนขึ้นมาจากใต้มอง เริ่มก้าวเท้าที่ประตูอย่างเงียบเชียบ ตาแมวก็ไม่มีเขาจึงระแวงเป็นพิเศษ ผมรู้ว่าเขาต้องระมัดระวังตัวเพื่อความปลอดภัย จากเหตุการณ์ลักษณะนี้เขาทำถูกแล้วล่ะ แต่คือ...อันที่จริงผมก็มีอะไรจะพูดนะ กำลังอ้าปากแล้วด้วย แต่...

“ใครน่ะ”

คนตัวสูงเอาหลังชิดประตู ใช้มือซ้ายจับลูกบิด ในขณะที่อีกมือหนึ่งกำลังยกปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม

เอาล่ะ...ผมว่าผมต้องบอกเขาก่อนที่เรื่องมันจะไปกันใหญ่

“ดิฉันนำผ้าห่มที่สั่งเพิ่มมาให้ค่ะ”

กรรม! คนข้างนอกบอกแทนผมซะแล้ว

ไคขมวดคิ้วมุ่น ลดปืนลงพร้อมมองมาทางผมหลังจากเข้าใจสถานการณ์ สายตาคมของเขาทำผมสะดุ้งเฮือก คือก่อนจะเข้าห้องน้ำผมใช้โทรศัพท์ในห้องกดเบอร์ไปหาพนักงานเพื่อขอผ้าห่มเพิ่ม ก็ไม่คิดว่าเสียงเคาะประตูจะทำให้ไคตื่นตัวได้ขนาดนี้นี่หว่า

ผมค่อยๆ เดินมาตรงหน้าประตูโดยหลีกเลี่ยงการมองตาไคตรงๆ แต่ก็เห็นว่าเขาปล่อยแขนข้างที่ถือปืนวางไว้ข้างตัวอย่างผ่อนคลาย จนเมื่อผมเดินมาใกล้ แทนที่เขาจะหลีกทางให้ผมเพื่อเปิดประตูให้พนักงานคนนั้น เจ้าของสายตาที่กำลังส่งแผ่รังสีความมืดให้คละคลุ้งไปทั่วห้องก็ยังคงมองผมอย่างไม่ลดละ

“ผมสั่งเอง” พยายามฉีกยิ้มกลบเกลื่อน แต่อีกฝ่ายดันไม่รับมุก กระทั่งเขายอมหลีกตัวให้ ผมนี่แทบจะพุ่งไปเปิดประตูทันที เพราะพนักงานที่ยืนอยู่ด้านนอกคงรอนานแล้ว

“ขอบคุณครับ” ผมรับผ้าห่มมาถือ ก่อนจะปิดประตู

“ผืนเดียวไม่พอ?”

ไคยังยืนอยู่ใกล้ประตู ผมหันไปเห็นเขาตอนที่กำลังยกปืนที่เพิ่งแอบพนักงานของโรงแรมไว้ด้านหลังขึ้นมาแนบไว้กับกางเกง พร้อมเอาเสื้อตัวเองปิดคลุมไว้อีกที

“ผมกลัวว่าคุณจะอึดอัดน่ะ” พอผมตอบแบบนั้น ไคก็พ่นลมหายใจออกพลางเค้นน้ำเสียงเข้มในลำคอ

“เรียกฉันว่าที่รัก แต่ดันสั่งผ้าห่มมาเพิ่มเนี่ยนะ” พูดจบก็เดินหนีผมไปเลย

เออ...รู้น่าว่าไม่เนียน

“พรุ่งนี้ผมต้องตื่นกี่โมงเหรอ” 

“เราจะออกแต่เช้าเพื่อไปถึงท่าเรือตำมะลังในสตูลให้ทันก่อนเที่ยง” ไคพูดขณะหยิบนาฬิกาข้อมือของตัวเองขึ้นมาดู จากนั้นก็ทำสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“เดี๋ยวนะครับ เราจะเข้าลังกาวีได้ยังไงในเมื่อบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตก็ไม่มี”

“ฉันให้ใครบางคนช่วยจัดการแล้ว พรุ่งนี้เขาจะมาเจอเราที่ท่าเรือพร้อมพาสปอร์ตปลอม”

“ทำแบบนั้นได้ด้วย?!”

“สำหรับหมอนั่น ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” พูดจบ ไคก็นำนาฬิกาในมือขึ้นมาใส่

ผมยอมรับว่าแปลกใจไม่น้อย เพราะนอกจากไคจะรู้จักแฮกเกอร์แล้ว ยังรู้จักคนทำเอกสารปลอมที่ผิดกฎหมายอีก ผมอยากจะมองข้ามเพื่อไม่ให้ตัวเองกังวล และคิดเสียว่ามันคือประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่พอเริ่มเข้าสู่การทำอะไรผิดกฎหมายผมก็ชักจะหวั่นใจกับอนาคตข้างหน้าแล้ว 

หลังจากไคใส่นาฬิกาก็หยิบกระเป๋าสตางค์ในลิ้นชักขึ้นมาใส่กระเป๋ากางเกง และเดินไปตรงที่แขวนเสื้อเพื่อหยิบแจ็คเก็ตกับหมวกขึ้นมาสวม เขาทำท่าเหมือนจะออกไปข้างนอก ผมจึงรีบถามทันที

“คุณจะไปไหน?”

“ซื้อของกิน” ได้ยินแล้วหิวเลยแฮะ

ว่าแต่...ตอนนี้เราอยู่ชุมพรใช่มั้ย   

“ไหนๆ ก็มาถึงภาคใต้แล้ว คุณไม่อยากกินพวกอาหารทะเลบ้างเหรอ” ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วที่ในหัวผมมีแต่กุ้งปลาหมึก และปูทะเล และเชื่อเหอะว่าถ้าไม่เกิดกิเลส คงไม่กล้าถามไคแบบนี้แน่

“คิดว่ามาเที่ยวหรือไง”

ภาพอาหารทะเลลอยหายไปทันควัน!

“ผมก็แค่แนะนำเฉยๆ” ผมยกมือเกาหัวและล้มเลิกความตั้งใจ เดินคอตกพร้อมหอบผ้าห่มในมือไปวางไว้บนเตียง และขณะที่กำลังใส่เสื้อ ผมก็ได้ยินเสียงปิดประตูที่ทำให้รู้ว่าไคออกไปแล้ว

ก็นะ...ตอนนี้ผมจะมาเลือกกินตามใจชอบได้ไง ลืมไปเหรอว่าตัวเองไม่มีเงินติดตัวสักบาท เป็นภาระของเขาก็มากพอแล้ว จากนี้ไปผมคงต้องคิดอย่างระวัง พยายามไม่สร้างปัญหาเพื่อเป็นการช่วยเหลือเขาเท่าที่จะทำได้

หลังจากไคออกไป ผมจัดการปลดผ้าขนหนูออกจะได้ใส่กางเกงในสะดวก จากนั้นจึงหยิบกางเกงขาสามส่วนขึ้นมา ผมใส่ขาซ้ายไปแค่ข้างเดียว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกึกกักจากลูกบิดประตู

ผมหันไปมองตรงประตู ในจังหวะที่มันถูกเปิดออกพอดี...

เท่านั้นแหละ ขาขวารีบตามทันที!

“ไค!” รูดซิปแทบไม่ทัน ผับผ่าสิ!

“ทำไมไม่ล็อคประตู” ก็ไม่คิดว่าจะกลับมาเร็วแบบนี้นี่หว่า

“คุณลืมอะไร” ผมถาม

“ใส่หมวกซะ”

“หืม?”

ขณะที่ผมขมวดคิ้วสงสัย ไคก็พูดประโยคต่อมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา...



“อยากกินอาหารทะเลไม่ใช่หรือไง”

 

 

 

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 5] *Update 13/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-12-2016 21:06:25
เพิ่งเข้ามาอ่าน น่าติดตามมาก
ยังเดาไม่ได้ว่า เรื่องไปทางไหน
จะรอ นะจ๊ะ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 5] *Update 13/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 13-12-2016 21:41:41
น่าติดตามมากค่ะ
หนึ่งราคิดว่าจริงๆ แล้วไคอาจเป็นอีกพวกหนึ่งหรือพวกเดียวกันแล้วตีเนียนพานายเอกลงใต้ก็เป็นได้
สองคือไคดูมีปมเรื่องเข้าใจผิดทำนองนี้นะ
สาม เมื่อไรจะพิศวาสละคะ รอชมอยู่ค่ะ
สี่่ ภาวนาให้ไม่หักมุุมนะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 5] *Update 13/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 13-12-2016 22:21:40
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 5] *Update 13/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 13-12-2016 22:37:28
แอบสารภาพเลยว่าตอนแรกเข้ามาแค่คิดว่าอ่านเล่นเล่นเห็นชื่อเรื่องดูตลกๆแต่มาอ่านจริงมันไม่ใช่แนวนั้นเลยแต่เป็นแนวที่ชอบมากเลยล่ะสนุกด้วย
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 5] *Update 13/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 13-12-2016 22:53:37
สนุกกก.  ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 5] *Update 13/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 13-12-2016 23:18:31
สุดท้ายก็ตามใจเด็ก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 5] *Update 13/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 15-12-2016 20:12:37
ตอนที่ 6



เมื่อเดินเข้าไปในร้านอาหารที่เปิดโล่งเพื่อรับลมเย็นและวิวทะเลใกล้ๆ ชายหาดที่มีแสงไฟระยิบระยับประดับไว้บนต้นไม้ พวกเราก็เลือกนั่งโต๊ะในสุดเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาผู้คน หลังจากได้รับเมนูมาจากพนักงานผมก็ยื่นให้ไคเป็นคนสั่งตามมารยาท แต่สุดท้ายเขากลับโยนหน้าที่นี้ให้ผมและนั่งชมบรรยากาศโดยรอบอย่างเงียบๆ กระทั่งอาหารมาวางตรงหน้าแล้ว เขาก็ยังนิ่งเฉย ผมเห็นเขาจิบน้ำเปล่ามากกว่ากินอาหารซะอีก

เห็นไคเป็นแบบนี้แล้วชักเกรงใจกุ้งกับปูหลายตัวที่ผมเพิ่งยัดลงท้องไปหลายจาน ไหนๆ เขาก็เป็นเจ้ามือเลี้ยง จะปล่อยให้มานั่งๆ ไม่ค่อยหยิบตักอะไรได้ยังไง

คิดได้แค่นั้นผมก็จัดการหยิบปูตัวใหญ่ขึ้นมา และแกะเนื้อไปใส่ในจานเขา

“อะ”

ไคมองเนื้อปูที่ผมแกะให้ประมาณสามวิ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจ้องผม

“ไม่ต้องมายัดเหยียด ถ้าอยากกินฉันจะกินเอง”

“แปลว่าคุณไม่ได้อยากกิน?”

“รีบๆ กินเถอะน่า” พูดจบก็เบือนหน้าไปมองวิวทะเล อะไรจะนิ่งได้ขนาดนี้วะ ตกลงว่าเขาอยากพามาจริงๆ หรือเปล่า ตอนแรกก็แอบดีใจที่เขายอมตามใจ แต่พอมาถึงเขาก็เอาแต่เฉยชากับอาหารตรงหน้า ผมก็ชักไม่มั่นใจแล้วว่าเขาทำด้วยความเต็มใจหรือจำใจ แต่คนอย่างเขาไม่น่าจะทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำนี่หว่า

โอ้ย งงโว้ย!

“ผมกลัวว่าตัวเองจะสวาปามหมดก่อนที่คุณจะได้กิน ผมถึงต้องแกะให้ไง” สุดท้ายก็ต้องอธิบายความตั้งใจให้ไครับรู้ และต้องขอบคุณที่อุตส่าห์หันมามองผมในตอนนี้ด้วย

“ฉันทำเองได้”

โห...เย็นชาซะน้ำแข็งเรียกพี่ หิมาลัยเรียกพ่อไปเลย

“คุณเป็นลูกคนเดียวสินะ” ผมเอ่ย

“ทำไมถึงคิดอย่างนั้น”

“ก็คุณดูเป็นคนไม่ค่อยพึ่งพาใคร ชินกับการอยู่คนเดียวถึงได้แต่เงียบตลอดเวลา...อะไรแบบเนี้ยะ”

ผมเองก็เป็นลูกคนเดียว ถึงมีญาติพี่น้องก็ใช่ว่าจะเจอกันบ่อยๆ ญาติฝั่งพ่อมีแค่ป้าวัยชราที่อาศัยในฝรั่งเศส ส่วนแม่ก็ไม่ค่อยติดต่อกับญาติพี่น้องหลังจากคุณตากับยายเสีย พอถามเหตุผลท่านก็ตอบแค่ว่าสาเหตุเกิดจากมรดก ด้วยเหตุนี้ ตอนเด็กๆ ผมจึงเป็นเด็กที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร จะเพิ่งมาคบหาเพื่อนจริงๆ จังๆ ก็ตอนขึ้นมัธยมต้น และเอาเข้าจริงผมก็เข้าหาใครไม่ค่อยเก่งหรอก แต่สำหรับสถานการณ์ระหว่างผมกับไคมันบังคับให้ต้องทำอะไรอย่าง ถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายเริ่ม ผมก็ต้องเริ่ม เหมือนอย่างตอนนี้ที่ผมกำลังพยายามทำให้เราเกิดความคุ้นเคย เวลาพูดคุยกันจะได้ไม่ขัดเขิน

“นี่ไค เอางี้มั้ย ให้ผมเป็นน้องชายคุณสิ ถึงจะอายุห่างกันเป็นสิบปีก็ไม่เป็นไร เพราะหน้าตาคุณไม่ได้แก่ขนาดนั้นอยู่แล้ว” เมื่อคนสองคนเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน สิ่งที่จะทำให้เราสนิทกันเร็วขึ้นก็ต้องเป็นวิธีนี้ล่ะนะ

“ฉันมีน้องชายแล้ว”

“เอ๋?” ผิดคาดแฮะ “งั้น...มองผมเป็นหลานก็ได้”

“พ่อแม่นายไม่ได้เป็นพี่น้องกับฉันสักหน่อย”

“คนไทยเขานับญาติกับคนที่สนิทกันอยู่แล้ว ถึงจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันเลยก็เหอะ”

“ตอนนี้นายมองฉันเป็น ‘ที่รัก’ ไม่ใช่เหรอ”

ผมชะงัก นั่งมองเขาแสยะยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก

“ยังจะล้อเรื่องนี้อยู่อีก?” เล่นซะไปต่อไม่ได้ เห็นนิ่งๆ อย่างนี้ก็เข้าใจหามุกมาแซวเหมือนกันนี่หว่า และถ้าเป็นวิธีที่จะทำให้ผมหยุดพูดละก็...บอกเลยว่าได้ผล

กินต่อดีกว่า ส่วนเขาจะกินมั้ยผมไม่สนใจละ หมั่นไส้!

“ไม่ค่อยได้กินของทะเลหรือไง ถึงได้ยัดเอาๆ ขนาดนั้น”

“ผมไม่ได้มากินอาหารซีฟู๊ดถึงชายทะเลบ่อยๆ นี่น่า...คุณรู้อะไรมั้ย ใต้สุดที่ผมเคยมาก็จังหวัดชุมพรเนี่ยแหละ เมื่อสองปีก่อนผมนั่งรถไฟมาเที่ยวที่เกาะพิทักษ์กับเพื่อนๆ มันเป็นชุมชนเล็กๆ ที่เปิดเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวพัก เจ้าของบ้านดีใจทุกหลังเลยนะ แถมยังทำอาหารทะเลอร่อยๆ ให้ทานเพียบ ผมได้ประสบการณ์ออกเรือหาปลาก็ตอนมาเที่ยวที่นี่ อ้อ! หลังเกาะมีวิวทะเลสวยมากด้วยล่ะ คิดแล้วก็อยากไปอีก” พอพูดถึงตรงนี้ ผมก็นึกอะไรขึ้นได้ “เออ...นี่ไค หลังจากจบเรื่องวุ่นวายพวกนี้...เราไปเที่ยวที่นั่นด้วยกันดีมั้ย”

ผมบอกไม่ถูกว่ากำลังลุ้นกับคำตอบของไคมากแค่ไหน เท่าที่คิดอยู่ในสมองตอนนี้มันมีแต่ความคาดหวัง และอยู่ๆ ก็มีแต่ภาพที่ผมกับไคอยู่บนเกาะพิทักษ์ด้วยกันปรากฏขึ้นมา ผมโคตรจะมโน คล้ายคนพร่ำเพ้ออย่างไร้เหตุผล แน่นอนว่าผมอยากให้เขาตอบตกลง แต่ก็ไม่เห็นจะต้องคิดถึงภาพที่เรามีความสุขด้วยกันเลยนี่หว่า

“ฉันคงไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น”

ภาพที่ผมคิดดับวูบลงพร้อมคำตอบของไค...

แน่ล่ะ! หลังจากจบเรื่องนี้เขาก็คงต้องไปทำบุญล้างซวย และสวดขอพรไม่ให้ต้องมาพานพบกับตัวซวยอย่างผมอีกสินะ เอาเป็นว่าวิธีที่จะทำให้เราสนิทสนมกันอะไรนั่นก็ลืมๆ ไปเถอะ

“ผมกะว่าจะพาคุณไปเที่ยวเพื่อเลี้ยงตอบแทน สงสัยต้องหาทางตอบแทนด้วยวิธีอื่นแล้ว”

หลังจากผมพูดจบ การสนทนาก็ดูเหมือนจะจบลงที่ไคนั่งนิ่งโดยไม่ตอบอะไรกลับ ทว่าทันทีที่ลมทะเลพัดโชยมา เสียงทุ้มต่ำของคนตรงหน้าก็พูดขึ้น...

“นายได้ตอบแทนฉันแน่ ไม่ต้องห่วงหรอก”

สิ้นเสียง ไคก็ยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม พร้อมกับตักปูที่ผมเพิ่งแกะให้เข้าปาก

คิดว่าเขาจะไม่กินซะอีก คราวนี้เริ่มโล่งใจ ผมไม่กลัวว่าเขาจะปฏิเสธอีกจึงแกะทั้งกุ้งและปูให้ แล้วไหนจะปลาหมึกย่างและหอยทั้งหลายแหล่อีก

“พอแล้ว”

“เถอะน่า ไหนๆ มือผมก็เปื้อนแล้ว คุณเก็บมือสะอาดๆ เอาไว้เถอะ” จากนั้นผมก็ก้มหน้าก้มตาบริการคนตรงหน้าต่อไป และเมื่อเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง ก็พบกับสายตาสีฟ้าที่กำลังมองมือตัวเองอยู่อย่างนั้น

“มือฉันไม่สะอาดอย่างที่นายคิดหรอก”

เขาพูดสั้นๆ ก่อนจะเงียบไป ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีอะไรอยู่ในใจกันแน่ สีหน้าหม่นมองแบบนี้มองก็รู้ว่ามีเรื่องหนักใจอะไรสักอย่าง เขาชอบพูดอะไรที่ตัวเองเข้าใจอยู่คนเดียว ซึ่งในบางครั้งมันก็ทำให้ผมอยากรู้และอยากเข้าใจเขามากขึ้น ลำพังจะรอให้พูดเองก็คงไม่มีวัน หรือถ้าถามไปตรงๆ ก็ใช่ว่าจะได้คำตอบ

จะว่าไป ผมก็ไม่ต่างกับก้อนหิน ต้นไม้ที่อยู่รอบตัวเขาสักนิด ไม่สำคัญ...ไม่ต้องให้ความสนใจ เป็นได้แค่ภาระที่เขาต้องคอยรดน้ำ และสร้างความหนักอึ้งให้

“คืออันที่จริง...ผมเริ่มจะอิ่มแล้วน่ะ” ผมเอ่ยพลางยิ้มแห้ง

“ถ้าอิ่มแล้วก็กลับ”

“งั้นผมขอตัวไปล้างมือในห้องน้ำก่อน ส่วนคุณก็ทานให้หมดล่ะ น้ำใจของผมทั้งนั้นเลยนะ” พูดจบก็ลุกจากเก้าอี้และเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที แอบคิดว่าถ้าผมกลับไปจะเขาทานของทะเลที่แกะให้หมดหรือเปล่า อย่างน้อยเขาก็น่าจะกินอะไรบ้างล่ะน่า เพราะเท่าที่อยู่ด้วยกันมาตลอดผมไม่ค่อยเห็นเขาทานอะไรเลย ของกินที่ซื้อมาจากปั๊มส่วนใหญ่ก็มีแต่ผมที่กิน ส่วนเขาเอาแต่ปฏิเสธตลอด

ตอนนี้ข้อเท้าของผมเริ่มหายเจ็บแล้ว เวลาเดินเหินไปไหนก็คล่องตัวขึ้น ตอนล้างมืออยู่ตรงอ่างผมยังแอบมองรองเท้าแตะที่ซื้อมาใหม่แล้วนึกไปถึงตอนที่ไคหยิบมาให้ เขาเป็นคนใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง ถ้าลองสมมุติเล่นๆ ว่าคืนก่อน ไคไม่อยู่ในบ้านหลังข้างๆ ผมจะต้องเจอเรื่องเลวร้ายขนาดไหนกัน

เพราะมีไคผมถึงรอดมาได้ ต้องขอบคุณที่มีเขาอยู่ในบ้านหลังนั้น...

เมื่อล้างมือเสร็จ ผมออกมาจากห้องน้ำและกำลังเดินกลับไปที่โต๊ะ ระหว่างทางเดินบริเวณเค้าน์เตอร์คิดเงิน ผมเห็นทีวีจอแบนถ่ายทอดข่าวด่วนขึ้นมาพอดี ภายในข่าวมีหน้าของไคขึ้นมาเป็นกรอบเล็กๆ และยังมีรูปผมตามขึ้นมาอีกต่างหาก ด้วยความตกใจ ผมรีบก้มหน้าลงโดยไร้หมวกปิดบังเพราะดันวางลืมไว้บนโต๊ะ จากนั้นจึงขยับไปยืนตรงกระถางต้นไม้ ทำทียืนดูดอกไม้ทั้งๆ ที่มันเป็นของปลอบ

วันนี้ข่าวคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ผมอยากรู้จึงยืนฟังอยู่สักพัก

‘ทางเราได้พบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนายไคล์ฟ ไมเนอร์จากหน่วยสืบสวนของอเมริกา ระบุว่าเขาเป็นอดีตนักโทษในเรือนจำฟลอเรนซ์ ซูเปอร์แม็ค ถูกต้องโทษ 8 ปี ในข้อหาฆาตกรรม นอกจากนี้ก็ยังมีคดีอาชญากรรมติดตัวมากมาย ซึ่งเขาเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อต้นปีที่แล้ว หลังตรวจสอบจากพาสปอร์ตพบว่าเขาเข้ามาในประเทศไทยได้ 2 สัปดาห์ และจากคดีลักพาตัวที่เกิดขึ้นทางตำรวจจึงกำหนดให้เขาเป็นบุคคลอันตราย’

เนื้อหาของข่าวทำให้ผมเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง!

“นักโทษ...ข้อหาฆาตกรรม”

ผมพึมพำกับตัวเอง ไม่ต่างกับสมองที่กำลังย้ำคำพูดประโยคเมื่อครู่ซ้ำๆ ผมไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน คนอย่างไคน่ะเหรอเคยเป็นนักโทษ ตอนนี้ผมสับสนไปหมด จะว่าเขาไม่ยอมบอกเรื่องนี้ให้รู้ก็ใช่เรื่อง เพราะเขาไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ หรืออีกนัยหนึ่งคือผมไม่จำเป็นต้องรู้ ไม่ใช่ว่าเขาจะปิดบังหรอก ผมคิดอย่างนั้น คนเงียบๆ เฉยชาต่อทุกสิ่งอย่างจะฆ่าใครคงมีเหตุผล ฉะนั้นผมไม่ตัดสินว่าเขาเป็นคนไม่ดีเพียงเพราะเคยติดคุกมาก่อน

ถ้าเราตัดสินคนเพราะสิ่งที่เขาเคยเป็น แล้วปัจจุบันที่เป็นอยู่มันจะมีความหมายอะไร

‘ส่วนข้อมูลเพิ่มเติมที่ตำรวจตรวจสอบคือบ้านทาวน์เฮาส์หลังที่นายไคลฟ์ ไมเนอร์อาศัยอยู่ พบว่าเป็นทรัพย์สินของนายธรรมรงค์ เตชะสินธุ เจ้าของโรงงานทอผ้าที่ปิดตัวลงไปในปี 2555 และหลังจากนั้นไม่กี่เดือนเขาก็เสียลงชีวิตลงด้วยวัย 86 ปี ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจตรวจสอบไม่พบว่านายไคล์ฟ ไมเนอร์และนายธรรมรงค์มีความสัมพันธ์กันอย่างไร หรือความจริงแล้ว นายไมเนอร์อาจเป็นเพียงแค่คนร้ายที่เข้ามากบดานอยู่ในบ้านร้างแห่งนี้เท่านั้น...’

หลังจากยืนฟังข่าวในทีวีจนจบ สิ่งที่ผมตกใจที่สุดไม่ใช่เรื่องที่ไคเคยต้องข้อหาฆาตกรรม แต่กลับเป็นเรื่องที่เขาไม่ใช่เจ้าของบ้านสุดหลอนหลังนั้น แล้วเขาเป็นใครกัน ทำไมถึงไปอยู่ในบ้านที่ไม่ใช่ของตัวเอง นี่แปลว่าบ้านข้างๆ นั่นเป็นบ้านร้างจริงๆ และถ้าเขาแฝงเข้ามาอยู่ก็อาจมีความจำเป็นบางอย่าง มาเมืองไทยแต่ไม่มีที่อยู่หรือเปล่า แล้วเขามีทั้งกุญแจรถและกุญแจบ้านหลังนั้นได้ยังไง

ผมกับครอบครัวเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านใหม่ได้ไม่กี่อาทิตย์ และหลังจากไคปรากฏตัวขึ้นเพียงวันเดียวก็มีคนร้ายสี่คนเข้ามาในบ้านผมพร้อมอาวุธปืน พอผมฟังการสันนิษฐานของไคก็พบว่าเขาดูรู้เรื่องการต่อสู้และการใช้ปืนเป็นอย่างดี แน่นอนว่าผมสงสัยว่าเขาเป็นใครมาตลอด ซึ่งเอาเข้าจริง มันยังมีจุดๆ หนึ่งที่ผมมองข้ามไป แต่กลับเอามาคิดอีกครั้ง

ทำไมตอนนั้นเขาถึงดูไม่สบอารมณ์หลังจากผมโทรแจ้งตำรวจ ซ้ำยังพาผมขับรถออกมาจากบ้านทั้งๆ ที่ผมโทรบอกตำรวจแล้วอีก ถ้าเรารออยู่ที่นั่นจนกว่าตำรวจจะมา เขาก็คงไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายลักพาตัวผม แล้วไหนจะเรื่องที่เขาพยายามไม่ให้ผมติดต่อกับพ่อแม่ และไม่ยอมอธิบายเรื่องทุกอย่างกับตำรวจเพื่อแก้ต่างให้ตัวเอง จริงอยู่ที่ไคให้เหตุผลแก่ผมจนรู้สึกคล้อยตาม ถึงได้ยอมตามเขามาถึงที่นี่ แต่พอมาเจอข่าวแบบนี้ ผมก็อดสงสัยในเจตนาของเขาไม่ได้จริงๆ มันมีคำถามว่าทำไมๆๆ ตลอดเวลา

พรุ่งนี้ผมต้องนั่งเรือไปที่เกาะลังกาวีกับไคแล้ว เห็นว่าต้องใช้เอกสารปลอมเพื่อข้ามเขตเข้าไป ซึ่งเขาก็ติดต่อคนที่สามารถทำได้เรียบร้อยแล้ว การจัดแจงทุกอย่างด้วยความรวดเร็วแบบนี้ มันจึงทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าบางทีนี่อาจเป็นแพลนที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า

แผน? ถ้าทั้งหมดนี่เป็นแผนล่ะ!

และถ้าเป็นแผนอย่างที่คิด ก็หมายความว่าไคอาจเป็นพวกเดียวกับคนร้าย!!

ไม่เอาน่า... อย่าเพิ่งคิดฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อขนาดนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไง ตอนนี้เขาคือคนเดียวที่ผมไว้ใจนะ ผมเชื่อใจเขา ยกให้เขาเป็นผู้มีพระคุณ สำหรับผม...เขายังเป็นคนข้างบ้านที่ช่วยชีวิตผมไว้

คนข้างบ้าน... แต่บ้านไม่ใช่ของเขา

ให้ตายเถอะ! เรื่องนี้มันติดอยู่ในหัวผมตลอด จะสลัดยังไงก็ไม่ออก ทั้งสงสัยทั้งระแวง ความเหมาะเจาะระหว่างการปรากฏตัวของไคต่อหน้าพ่อแม่ผมในเช้าวันนั้น กับเหล่าคนร้ายที่เข้ามาในบ้านผมในคืนวันเดียวกัน ทำให้ผมใจไม่ดี แรกๆ ก็อยากจะหาเหตุผลเพื่อเข้าข้างเขา แต่ตอนนี้มันก็เริ่มจะกลายเป็นความสั่นคลอนแล้ว

ถ้าหากไคตั้งใจมาอยู่ข้างบ้านผมเพื่อจับตาดูครอบครัวเราล่ะ!?

“Hey!”

ผมสะดุ้งเฮือก รีบหันขวับไปมองต้นเสียงก็พบว่าเป็นไคนั่นเอง เขาคงจ่ายเงินที่โต๊ะเสร็จแล้วถึงได้เดินมาแถวนี้ ไม่รู้ว่าเขาเดินมาทันได้ยินข่าวที่เพิ่งรายงานจบไปหรือเปล่า

“เอ่อ...เรียบร้อยแล้วเหรอครับ” เขาพยักหน้า

“หมวกนายล่ะ”

“ห๊ะ?” ผมคลำที่หัวตัวเอง “สงสัยผมจะลืมไว้บนโต๊ะ”

“เหรอ? ฉันไม่ทันมอง”

“ถ้างั้น...ผมขอไปเอาก่อนนะครับ”

พูดจบผมก็รีบเดินตรงไปยังโต๊ะอาหารที่เราเพิ่งทานเสร็จทันที ในใจแอบคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเมื่อกี้ผมแสดงออกเลิกลั่กเกินไปหรือเปล่า มันดูลนลานจนเขาจับได้ถึงความปิดปกติมั้ย ชักหวั่นใจแล้วสิ เขายิ่งฉลาดๆ อยู่ 

พอเดินมาถึงโต๊ะ ผมหยิบหมวกที่วางอยู่ใกล้กับจานตัวเอง ก่อนจะเหลือบไปมองจานของไคและพบว่า...


อาหารทะเลที่ผมแกะให้ ยังเต็มจานอยู่เลย!

















หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 6] *Update 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 15-12-2016 20:30:46
ซับซ้อนขึ้นอีกนิดแล้ว ชวนระแวงจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 6] *Update 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 15-12-2016 20:45:52
จะเป็นอย่างไงต่อเนี่ยลุ้นมากๆเลยไคนีน่าสงสัยมาก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 6] *Update 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-12-2016 20:56:46
 :z13:



ค้างงงงง
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 6] *Update 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 15-12-2016 22:13:30
 :m22:
ซับซ้อน ขึ้นไปอีก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 6] *Update 15/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 17-12-2016 21:34:14
ตอนที่ 7



เมื่อกลับไปถึงห้องของโรงแรมสามดาว ผมกลายเป็นคนสงบปากสงบคำ ไม่พูดอะไรนอกจากนั่งอยู่ในห้องเงียบๆ ส่วนเขาก็นั่งทำอะไรบางอย่างกับแล็บท๊อป จนเวลาล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่มกว่า เขาปิดหน้าจอลงพร้อมคว้าโทรศัพท์มาถือไว้ จากนั้นก็ลงจากเตียงมาหยิบเสื้อคลุม ผมมองเขาอย่างฉงนใจ จึงเอ่ยถามออกไป

“คุณจะไปไหนครับ”

“...”

เขาหันมามองผม แต่ไม่ยอมตอบอะไร

“ผมรู้ว่าคุณรำคาญที่ผมชอบถามอยู่เรื่อย...แต่ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป เวลาไปไหนคุณช่วยบอกผมทุกครั้งได้มั้ยครับ อย่างน้อยผมก็ทำให้คาดการณ์ได้ว่าคุณจะกลับมาตอนไหน...และผมต้องอยู่คนเดียวนานเท่าไหร่” บอกตามตรงว่าในใจลึกๆ ผมยังหยุดคิดฟุ้งซ่านกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ได้ และแม้ว่าผมจะระแวงไคแค่ไหน การอยู่คนเดียวมันก็ยังน่ากลัวเกินไป

“ฉันจะออกไปโทรศัพท์ นายนอนก่อนเลย” เอ่ยจบ เขาก็เปิดประตูออกไปทันที

พอได้อยู่คนเดียว ผมเอาแต่คิดเรื่องวันพรุ่งนี้จนปวดหัวไปหมด ไม่รู้ว่าจะเอายังไงต่อ การติดตามไคอยู่อย่างนี้มันคือวิธีที่ดีหรือเปล่า ถ้าหากพรุ่งนี้ข้ามไปเกาะลังกาวีแล้วผลกลายเป็นว่าผมโดนไคหลอกจริงๆ จะทำยังไง มันไม่เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้งเหรอ

ผมขยี้หัวตัวเอง ทึ้งแล้วทึ้งอีก ก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรต่อ...อันดับแรก ผมรับรีบเดินไปเปิดลิ้นชัก หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสตางค์ของไค เท่าที่มันจะพอให้ผมเดินทางกลับบ้านได้

ใช่แล้ว! พรุ่งนี้ผมจะไม่ไปลังกาวีกับไค!!

 




เช้าวันต่อมา พวกเราเดินทางออกจากโรงแรมกันตั้งแต่เช้ามืด กระทั่งรถยนต์ขับเข้าไปแถวท่าเรือในจังหวัดสตูลเวลาประมาณใกล้เที่ยง ไคก็พาผมเดินไปยังตู้ไปรษณีย์เก่าที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ มีผู้ชายผิวสีแทนคนหนึ่งยืนอยู่บริเวณนั้น เขาตัวเล็ก สูงไม่ถึง 160 ดูท่าทางเหมือนคนใต้ แต่พอสนทนากัน ไคกับชายคนนั้นดันพูดเป็นภาษาอังกฤษ

ผมเห็นไครับซองเอกสารสีน้ำตาลมาจากชายคนนั้น ก่อนจะส่งเงินให้จำนวนหนึ่ง แม้ที่ที่ไคให้ยืนรอจะไกลจากตรงนั้น ผมก็ยังเห็นและได้ยินอะไรอยู่บ้าง ถึงจะฟังไม่เข้าใจในบางประโยคก็เถอะ

จากภาพที่ผมเห็น มันก็ยิ่งเพิ่มความระแวงและแคลงใจต่อไคมากขึ้น ทำไมผมถึงไม่เอะใจมาก่อนว่าเขาเป็นคนอันตรายจริงๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้จักกับคนที่รับทำงานแบบนี้ แล้วไหนจะนักแฮกเกอร์ที่กำลังจะเดินทางไปหาอีก

ผมคิดเรื่องการเดินทางไปลังกาวีกับไคทั้งคืน ลังเลแล้วลังเลอีก ส่วนหนึ่งมาจากความไว้วางใจที่มีต่อเขาก่อนหน้านี้ และถ้าผมทิ้งเขาไปก็เท่ากับเป็นคนใจร้าย ที่หักหลังผู้มีพระคุณได้ลงคอ แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน เกิดเขาเป็นพวกเดียวกับคนร้ายขึ้นมา คนที่ซวยก็ต้องเป็นผม และหากจะช่วยเขาให้พ้นผิดจริงๆ มันก็น่าจะมีวิธีอื่นอยู่ ขอเพียงใช้เวลาคิดให้ดีกว่านี้ ฉะนั้นก่อนอื่น...ผมต้องหาทางหนีจากเขาให้ได้ซะก่อน

โธ่เว้ย! ผมไม่อยากทำเลย ให้ตายเถอะ!!

“คุณจะอยู่ที่ลังกาวีนานมั้ยครับ” เมื่อไคเดินกลับมา ผมก็เปิดฉากถามถึงสิ่งที่อยากรู้

“จนกว่าจะรู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร”

“...”

ผมยืนนิ่ง ก่อนจะหันหน้าไปมองทะเลอันกว้างใหญ่ นับจากนี้การตัดสินใจของผมเท่ากับการเลือกชะตากรรม ซึ่งตอนนี้ผมกำลังกำเงินที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงแน่นเสียยิ่งกว่าใจตัวเองซะอีก

“อีกไม่นานฉันจะทำให้นายได้เจอพ่อกับแม่” อยู่ๆ ไคก็พูดขึ้น ผมคิดตามสิ่งที่เขาพูดจนเกิดคำถามหนึ่งขึ้นมาในสมอง

“คุณจะช่วยผมใช่มั้ยครับ”

“ฉันไม่เคยให้คำสัจกับใครหากตัวเองทำไม่ได้ ฉะนั้น...” สิ้นเสียง ไคก็เดินมายืนตรงหน้า และใช้สายตาอันแสนจริงจังจ้องมองผม “ฉันจะไม่ทิ้งนาย ฉันสัญญา”

ผมอ้าปากค้าง อยากคิดอะไรต่อแต่ดูเหมือนจะว่างเปล่าไปหมด ผมควรทำยังไงดี

ทำยังไงดี!!

“ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวฉันจะไปแลกเงิน เสร็จแล้วก็รออยู่ตรงนี้ล่ะ”

“ครับ”

หลังจากผมรับคำเขาก็เดินปลีกตัวออกไป ส่วนผมยืนนิ่งอยู่กับที่ประมาณสองนาทีได้ เมื่อหันมองรอบกายผมเห็นรถสองแถวขับผ่านไปจอดบริเวณท่ารถที่ห่างออกไปไม่ไกล ก่อนอื่นผมต้องทำทีเดินไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นจึงปลีกตัวเดินไปยังท่ารถสองแถว

เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน ผมขโมยเงินไคมาขนาดนี้ คงถอยหลังไม่ได้แล้ว

“ผมจะกลับกรุงเทพ ต้องไปยังไงเหรอครับ” ผมเอ่ยถามกับคนขับรถสองแถวที่กำลังนั่งฟังเพลงอยู่

“ก็นั่งรถสองแถวไปลงที่คิวรถตู้ที่จะเข้าหาดใหญ่ พอไปถึงที่นั่นก็เลือกเอาว่าจะนั่งเครื่องบินกลับหรือรถทัวร์” เขาตอบผมด้วยภาษากลาง แม้จะมีสำเนียงใต้ปนมานิดๆ ลิ้นรัวหน่อยๆ ผมก็พอฟังออก

“อ่อ ขอบคุณครับ”

ได้ดังนั้นผมก็รีบเดินขึ้นรถสองแถวที่มีคนนั่งอยู่บ้างประปลาย จากนั้นเพียงไม่กี่นาทีรถสองแถวก็เคลื่อนออกจากท่าเรือไปถามถนนใหญ่ ซึ่งก่อนจะพ้นท่าเรือ ผมอยากจะมองหาไคแทบตายแต่ก็ต้องข่มใจไว้

เพราะการทำแบบนั้นอาจทำให้เขาเปลี่ยนใจลงจากรถคันนี้ก็ได้...

 




ใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงสำหรับการเดินทางไปถึงคิวรถตู้ และกว่าจะต่อจากรถตู้ไปถึงหาดใหญ่ก็ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมงครึ่ง การรอต่อรถเป็นอะไรที่ทำให้ช้ามาก ผมทั้งระแวงทั้งหวั่นใจ ต้องคอยเอาหมวกปิดบังใบหน้าเพื่อไม่ให้คนรู้ตลอดเวลา จนเมื่อไปถึงหาดใหญ่ ผมดูเงินในกระเป๋าแล้วเกรงว่าไปเครื่องบินจะไม่พอ ดังนั้นผมจึงต้องเลือกโดยสารรถทัวร์แทน

ระหว่างยืนรอซื้อตั๋ว ผมมองเงินในมือตัวเองแล้วถอนหายใจ สองสามวันมานี้ไคใช้เงินตัวเองซื้อเสื้อให้ผมใส่ ซื้อหมวกใบนี้ ผมอยากกินอาหารทะเลเขาก็พาไป เขาปกป้องผมเป็นอย่างดี และเวลามีอันตรายเขาก็จะให้ผมหลบอยู่ในที่ปลอดภัยเสมอ

ถ้าทั้งหมดนั่นเป็นการแสแสร้ง ก็ถือว่าเขาตีบทแตกมาก...

‘ฉันไม่เคยให้คำสัจกับใครหากตัวเองทำไม่ได้ ฉะนั้น...ฉันจะไม่ทิ้งนาย ฉันสัญญา’

อยู่ๆ คำพูดของไคก็ส่งเสียงเข้ามาในระบบประสาท เห็นคนค่อยๆ ขยับไปหน้าเค้าน์เตอร์เรื่อยๆ แต่ผมไม่ก้าวเท้าเดินตาม คนด้านหลังจึงสะกิดตัวผมอย่างไม่สบอารมณ์ จนต้องปล่อยให้เขาเดินนำหน้ากันไปก่อน จากนั้นผมก็เลือกที่จะเดินออกมาจากแถวก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้สำหรับนั่งรอ ลองคิดทบทวนแล้วทบทวนอีกก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันไม่ถูกต้อง แววตาของไคเมื่อยามพูดคำนั้นมันจริงจังจนใจผมไม่อาจปฏิเสธได้

บ้าเอ้ย! นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย นึกถึงแต่ตัวเองโดยไม่หันไปมองว่าไคจะรู้สึกยังไง ถ้าลองปรับมุมมองให้ผมเป็นเขาแล้วมีคนมาทำแบบนี้ ผมคงเสียใจและต้องรู้สึกผิดหวังมากแน่ๆ 

ในขณะที่ผมตัดสินใจว่าจะกลับหรือไม่กลับดี สายตาของผมก็บังเอิญไปเห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะ วูบหนึ่งผมกังวลว่าพ่อกับแม่อาจจะเป็นห่วงผมจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงเดินตรงไปที่โทรศัพท์เพราะมันอดไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยก็ควรจะให้ท่านรู้ไว้ว่าผมสบายดี และกำลังหาทางจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย

รอสัญญาณโทรศัพท์ไม่นาน คนปลายสายก็ขานรับ...

‘สวัสดีค่ะ’

“แม่ ผมติณณ์นะ” ได้ยินเสียงแม่แล้วดีใจจัง

‘ติณณ์! ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน’

“ผมสบายดีครับ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

‘ผู้ชายคนนั้นเขาทำอะไรลูกหรือเปล่า’

“ไม่เลยครับแม่ ผู้ชายคนนั้นคนช่วยผมไว้ พวกตำรวจกำลังเข้าใจผิด เขาไม่ได้ลักพาตัวผมมา แม่ต้องช่วยเขานะครับ” ผมพูดรัวไปพร้อมๆ กับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นจากกระบวนความคิดในจิตใต้สำนึก

‘เขาดีกับลูก ไม่ได้ทำร้ายลูกใช่มั้ย’

“ครับ”

‘...’ อยู่ๆ แม่ผมก็เงียบไป

“แม่...ฮัลโหล”

‘ตั้งใจฟังแม่นะติณณ์’

“…” ผมขมวดคิ้วสงสัยในน้ำเสียงที่จริงจังของแม่

‘ลูกต้องหนีไปซะ...ไปให้ไกล’

“ทำไมแม่ถึงพูดแบบนี้ล่ะครับ หรือว่า...เขาไม่ปลอดภัย? แม่รู้ใช่มั้ยว่าคุณอาที่อยู่กับผมเป็นใคร”

‘ถ้าเขาเป็นคนที่ช่วยลูกไว้ ลูกก็ควรขอความช่วยเหลือจากเขาต่อไป’

“อะไรนะครับ” ไม่รู้ว่าผมฟังผิดไปหรือเปล่า

เมื่อกี้ฟังเหมือนแม่จะต้องการให้ผม...อยู่กับไค?

‘ตอนนี้ลูกยังกลับมาไม่ได้ เพราะที่บ้านเราไม่ปลอดภัยสำหรับลูกแล้ว’

 






ผมนั่งเหม่อลอยอยู่บริเวณท่ารถสองแถวเป็นชั่วโมง จนคนขับบอกว่าเป็นรถรอบสุดท้ายที่จะไปท่าเรือตำมะลัง ผมจึงสะดุ้งจากภวังค์ สลัดคำพูดของแม่ไปชั่วครู่ก่อนจะรีบขึ้นรถกลับไปยังที่ที่จากมา ระหว่างทางผมก็ย้อนมานึกถึงสิ่งที่แม่ต้องการให้ผมทำต่อ อะไรคือผมยังกลับบ้านไม่ได้ และอะไรคือที่บ้านไม่ปลอดภัยสำหรับผม พ่อแม่มีอะไรปิดบังผมชัวร์เลย ไม่งั้นพอผมถามไปท่านก็ต้องตอบแล้ว

นี่มันเรื่องอะไรกันวะ! ทุกอย่างมันชักจะซับซ้อนสร้างความมึนงงไปหมด เมื่อกี้โดนคำเตือนจากแม่ว่ากลับไปจะเป็นอันตราย ท่านบอกให้รู้แต่ไม่อธิบายให้ชัดเจน ซ้ำยังเป็นฝ่ายตัดสายผมอีกต่างหาก แปลว่าการย้อนกลับไปก็เท่ากับไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเชื่อใจไคเท่านั้น

มันช่างเป็นความโลเลที่ไม่น่าให้อภัย ป่านนี้ไคคงรู้แล้วว่าผมหนีไป ทั้งๆ ที่เคยเตือนต่างๆ นานาว่าอย่าโทรศัพท์หาครอบครัว อย่าคิดอะไรตื้นๆ เขาอุตส่าห์สัญญาแล้วว่าจะไม่ทิ้งผม แต่ผมกลับเป็นคนทิ้งเขาเสียเอง

เมื่อมาถึงท่าเรือตำมะลัง ผมรีบเดินไปยังจุดที่เราเคยนัดกันไว้ มองจากไกลๆ ผมก็รู้แล้วว่าไม่มีใคร จะมีก็แค่แสงสว่างจากหลอดไฟที่ริบหรี่เต็มที ผมหันซ้ายหันขวาราวกับคนสติแตก ก็ไม่รู้ว่านะว่าผมกำลังหวังอะไร ดึกดื่นป่านนี้แล้วคิดว่าใครจะบ้ารออยู่บ้าง ผมว่าไคคงนั่งเรือไปที่เกาะลังกาวีตั้งแต่บ่ายแล้ว ถ้ามีพาสปอร์ตผมคงจะตามไปที่นั่น

แต่...ก็คงได้แค่คิด เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้

ผมทรุดนั่งกับพื้นด้วยความเหนื่อยอ่อน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเดินทางมาทั้งวันท่ามกลางแสงแดดอันร้อนระอุ แต่มาคิดดูอีกที ผมว่ามันเป็นเพราะสมองที่ทำงานหนักและจิตใจที่ว้าวุ่นมากกว่า

ไคไปแล้ว เขาไปแล้วจริงๆ

บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิท ผมได้ยินแม้แต่เสียงยุงที่บินว่อนอยู่ใกล้ๆ รวบไปถึง...

“ติณณ์”

มีเสียงใครบางคนเรียกชื่อผมด้วย ถึงจะเบากว่าเสียงยุงบินผมก็ยังได้ยิน

อ๊ะ! เดี๋ยวก่อน เสียงนี่มัน...

“ไค...” ผมรีบลุกขึ้นยืนและหันไปตามเสียงที่มาจากด้านหลัง

“ฉันไม่ได้บอกเหรอ ว่าเรือจะออกก่อนเที่ยง” ผมเห็นไคยืนล้วงกระเป๋าในขณะที่แขนอีกข้างหนึ่งสะพายเป้ไว้ แม้แสงสว่างอันน้อยนิดก็ไม่สามารถทำให้ผมละสายตาจากเขาไปได้

“คุณยังไม่ได้ไป...” พูดตามตรงนะ ตอนนี้ผมแทบจะร้องไห้แล้ว มันรู้สึกโล่งใจเหมือนกับตอนที่ไคเปิดประตูช่วยผมในคืนนั้นไม่มีผิด ดังนั้น นี่คงเป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้สร้างความอุ่นใจให้แก่ผม

“ไปไหนมา”

“ผม...” จะตอบว่ายังไงดีวะ

“นายขโมยเงินฉัน และคิดจะกลับบ้าน”

“คุณรู้?”

“ทุกความเคลื่อนไหวของนาย ฉันรู้หมดนั่นแหละ”

“แต่คุณก็ไม่ตามตัวผม แถมยังนั่งรออยู่ที่นี่”

ทำไมล่ะ? เพราะอะไรกัน?

“ฉันสัญญาไว้แล้ว ก็เหลือแค่นาย...ว่าจะเชื่อใจฉันหรือเปล่า”

“เพราะงั้นคุณถึงได้รอ” ผมกับไคสบตากัน จนเมื่อเขาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้



“อย่างน้อยฉันก็คิดไม่ผิด”
 

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2016 22:17:14
เพราะไค เก่ง มีประสบการณ์ ทำอะไรรอบคอบ
อาจเป็นนักโทษ อาจเป็นตำรวจลับ
แต่ติณณ์ เด็กวัยรุ่น นักศึกษาธรรมดา
เลยทำให้ติณณ์ เข้ากันไม่ค่อยได้กับไค
เหมือนจะทำให้ชักช้า ไม่ไปทางเดียวกัน
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 17-12-2016 22:21:32
ในความรู้สึกไคแม่งเทห์ว่ะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 17-12-2016 22:31:46
เชื่อไคเถอะนะ ไคจะปกป้องนายเองนะ

สนุกค่ะ อัพบ่อยๆนะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 17-12-2016 22:46:49
หูยยย ไคจ๊ะ ่จะไปไหนนำทางไปเลย
เชือใจสุดๆ แล้วทีนี้ ยอมทุกอย่างละ
 :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-12-2016 01:12:47
 :hao3:



ดื้ออออออออ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 18-12-2016 01:23:29
อั้ยยยย เขินอะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 18-12-2016 02:32:13
ซับซ้อนจริงๆด้วยย คนพวกนั้นใครกัน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 18-12-2016 04:29:23
อืออออดีอ่ะ ลุงไคลฟ์ต้องปราบเด็กดื้อๆ วรั๊ยยยย

ทำไมนี่ไม่โฟกัสเรื่องหลบหนีเลย5555555

ปล.คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-12-2016 07:03:22
ลุ้นระทึก เพราะอะไร ทำไม
งงไปหมดแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 18-12-2016 10:03:06
อารมณ์ซีรีส์สืบสวนสอบสวนมาเต็ม
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 18-12-2016 10:04:48
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เรื่องน่าติดตามมากก ปมเยอะแยะไปหมด

ติณณ์เป็นเด็กธรรมดา จะขี้สงสัยก็ไม่แปลก จู่ๆทุกอย่างรอบตัวก็เปลี่ยนไปหมด ไคล์ฟจะช่วยน้องไขความจริงได้มั้ย แล้วความจริงแล้วไคล์ฟเป็นใคร รอลุ้นตอนต่อไปน้าา~

หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: oiruop ที่ 19-12-2016 21:53:02
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 7] *Update 17/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 20-12-2016 17:46:08
ตอนที่ 8



ระหว่างทางเดินไปพักโรงแรมใกล้ๆ เพื่อรอเรือออกไปเกาะลังกาวีในวันพรุ่งนี้ ไคเล่าให้ผมฟังว่าทำไมถึงรู้เรื่องที่ผมจะหนี ซึ่งหลักการมันก็ง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก การที่เงินในกระเป๋าหายของตัวเองไปมีใครไม่รู้บ้าง ถึงจะมีเงินเป็นปึก แค่เขามองผ่านๆ ก็รู้แล้วว่ามันหายไป แล้วไหนจะท่าทางแปลกๆ ของผมอีกล่ะ

ตอนที่ผมหายไปเขารู้ว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่ มิหนำซ้ำโทรศัพท์ก็แบตหมดจึงหาข้อมูลอะไรไม่ได้ วิธีที่เหลือก็แค่ถามคนแถวนั้น และเขาก็ตามสอบถามบริเวณท่ารถสองแถว จนรู้ว่าผมถามวิธีกลับกรุงเทพจากคนขับเพื่อต้องการกลับบ้านอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้แต่แรก

เมื่อถึงโรงแรม ไคก็ถามถึงสาเหตุที่ผมต้องการกลับบ้าน ก็เลยเปิดปากบอกเรื่องข่าวที่ผมยืนฟังในร้านอาหารเมื่อคืนจนหมด คือตอนแรกผมก็ลังเลอยู่นานนะ แต่ไหนๆ ก็อยากจะเชื่อใจเขาแล้ว ถ้าสงสัยอะไรก็พูดกันให้มันเคลียร์ซะตรงนี้เลย ซึ่งหลังจากผมเล่าจบ เขาก็พูดขึ้นมาว่า...

“นายระแวงฉันเพราะข่าวนั่นสินะ”

“เป็นใครก็กลัวทั้งนั้น” ผมรีบตอบ “แล้วคุณมีอะไรจะบอกผม...เกี่ยวกับเรื่องนี้มั้ย”

“...” เขานั่งพิงพนักพลางกอดอกอยู่บนเตียง ส่วนผมยืนรอเขาเปิดปากพูดอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง แต่รอจนแล้วจนรอดเขาก็เอาแต่เงียบ สงสัยจะกำลังคิดว่าควรพูดเรื่องข่าวนั่นกับผมดีมั้ย

เอาล่ะ! ผมจะทำให้เขาตัดสินใจง่ายขึ้นละกัน

“ผมรอดตายมาได้เพราะคุณ และท้ายที่สุดก็เลือกที่จะเชื่อใจคุณถึงได้ย้อนกลับมา พรุ่งนี้เราจะลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้ามีอะไรเลวร้ายกว่านี้ก็คงมาจากการที่คุณปิดเรื่องทุกอย่างไว้แบบนี้เนี่ยแหละ แต่ถ้าเริ่มไม่ถูก ผมจะถามแบบนี้แล้วกัน” พูดจบก็ลุกจากเก้าอี้ และเดินไปนั่งบนเตียงในตำแหน่งที่มองหน้าเขาถนัด “บ้านหลังที่อยู่ข้างๆ บ้านผม ไม่ใช่ของคุณใช่มั้ย”

ผมจ้องไคเขม็ง จนกระทั่ง...

“ใช่” แทบช็อค! “คนที่เป็นเจ้าของตามกฎหมาย...คือพ่อเลี้ยงฉันเอง”

“พ่อเลี้ยง?” ผมแสดงสีหน้าประหลาดใจก่อนที่ไคจะเล่าต่อ

“แม่ฉันเป็นคนไทย แยกทางกับพ่อที่เป็นคนอเมริกาตั้งแต่ฉันยังอยู่ในท้อง หลังจากนั้นแม่ก็ป่วยหนักและเสียชีวิตลงตอนฉันอายุ 8 ขวบ...พอพ่อรู้ข่าว ท่านก็บินกลับมารับฉันไปเลี้ยงดูต่อ ถึงจะเป็นเรื่องดีที่อย่างน้อยพ่อก็ไม่ทอดทิ้ง แต่มันไม่ได้แปลว่าท่านจะให้ความสนใจ เพราะนอกจากฉันแล้วท่านก็ยังมีเมียชาวออสเตรเลียกับลูกอีกสองคน หลังจากนั้นฉันรู้โดยอัตโนมัติว่าต้องขยันเรียนเพื่อออกไปจากบ้านหลังนั้น แต่พอเรียนอยู่เกรด 10 พ่อฉันก็จากไปด้วยโรคมะเร็ง อาธรรมรงค์ที่เป็นเพื่อนพ่อสมัยเรียนด้วยกันที่อังกฤษรู้สึกสงสาร ไม่อยากให้ฉันอยู่ในบ้านที่ไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป ก็เลยพามาอยู่ที่ประเทศไทยในฐานะลูกเลี้ยง แต่หลังจากเรียนจบ ฉันก็กลับไปใช้สัญชาติอเมริกาและตัดสินใจอยู่ที่นั่น จนหลายปีให้หลังฉันไม่มีโอกาสกลับไปเยี่ยมท่านบ่อยนัก มารู้ข่าวอีกทีก็ตอนที่ท่านเสียแล้ว...อาธรรมรงค์ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน เท่ากับว่าฉันเป็นญาติเพียงคนเดียวที่ท่านพอจะฝากฝังทุกอย่าง แต่สุดท้าย แม้แต่งานศพท่าน ฉันยังไม่มีได้โอกาสไปเลย”

“เพราะตอนนั้นคุณติดคุกอยู่...ใช่มั้ยครับ”

คำถามของผมทำให้เขาเบือนหน้าและหันไปอีกทาง ผมว่าเรื่องนี้มันคงหดหู่เกินไปที่จะถามต่อว่าทำไมถึงติดคุก ทำไมเขาถึงเป็นฆาตกร หรือเคยฆ่าคนจริงๆ หรือเปล่า คือผมไม่ได้รู้สึกกลัวคำตอบจนถึงขั้นไม่ถามต่อหรอกนะ แต่กลัวว่าจะไปรื้อฟื้นความหลังที่อาจจะสร้างความเจ็บปวดให้เขามากกว่า

“ว่าแต่...คุณมาที่เมืองไทยทำไม”

คุณธรรมรงค์เสียไปหลายปีแล้ว และตอนนี้ไคก็ถือสัญชาติอเมริกา เขาน่าจะมีงานการทำที่โน้น แต่ไหงกลับมาอยู่ในบ้านของพ่อเลี้ยง ไม่สิ! สองอาทิตย์ที่ผมย้ายมาอยู่บ้านใหม่เขาไม่ได้อยู่นั่น แล้วที่ในข่าวบอกว่าเขาบินมาไทยสองอาทิตย์ล่ะ ระหว่างนั้นเขาไปอยู่ที่ไหน

“ฉันมาตามหาใครคนหนึ่ง”

“ใครเหรอครับ”

“คนคนนั้นติดค้างบางอย่างกับฉันไว้” ไคหันมามองผมอีกครั้ง ทว่าสายตานั้นกลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “...และฉันต้องการมันคืน”

‘ใครคนหนึ่ง’ ที่ไคพูดถึง ทำให้ผมสงสัยและอยากถามต่อ แต่มาคิดดูอีกที หากเขาอยากเล่ารายละเอียดให้ฟังก็คงพูดชื่อคนคนนั้นออกมาแล้ว ดังนั้นผมไม่ควรทำตัวก้าวกายมากไปกว่านี้ และอีกอย่าง ผมก็มีสิ่งที่ควรพูดกับเขาด้วย

“ผมขอโทษที่เข้าใจคุณผิด และทำให้เราต้องเสียเวลาข้ามไปลังกาวีนะครับ”

“ถ้าจะให้นายทบทวนความผิดที่ก่อกับฉันไว้ ชาตินี้คงชดใช้ไม่หมดแน่”

“คงไม่ถึงกับแค้นผมใช่มั้ย” ถึงแววตาไคจะไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่บอกเลยว่าคำพูดแต่ละคำมันฟังแล้วขวัญเสียสุดๆ รู้สึกเหมือนกำลังโดนคาดโทษยังไงไม่รู้

“มันกวนใจฉัน”

“หืม?”

“เรื่องการตรงต่อเวลาสำหรับฉัน ถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินชีวิต แต่สิ่งที่นายทำในวันนี้มันทำให้ฉันต้องใช้ความอดทนระดับสูงเพื่อนั่งรอเป็นชั่วโมง ทั้งๆ ที่ฉันควรตามล่านายแล้วจับมาถ่วงน้ำทะเลไปซะ”

เชรด!! โคตรโหด

“แบบนี้มันน่าจะเรียกว่า ‘ขัดใจ’ มากกว่า”

ไคจัดว่าเป็นลูกครึ่งไทยอเมริกาที่ออกสำเนียงไทยชัดพอสมควร แต่ถ้าจะให้ดีเขาควรจะเรียนศัพท์ภาษาไทยไว้เยอะๆ เวลาพูดมันจะได้ตรงกับอารมณ์ที่ตัวเองคิด อย่างประโยคที่เขาพูดกับผมน่ะ ฟังยังไงก็เคืองผมแรงมาก ถ้าใช้คำว่า ‘รบกวน’ มันอาจดูซอฟและเป็นทางการไป

หลังจากพูดจบไคก็ละสายตาไปจากผม เขายิ่งนิ่งคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่

จนกระทั่ง...

“ฉันไม่รู้ว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น...มันถึงได้กวนใจฉันไงล่ะ”

 






รุ่งขึ้น เราเดินทางไปถึงท่าเรือตามเวลา ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเรือก็แล่นเข้าไปยังท่าเรือในจัตุรัสอินทรี ซึ่งมีรูปปั้นนกอินทรีสีน้ำตาลแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของเกาะลังกาวีที่โดดเด่นตั้งอยู่ใกล้ๆ หลังจากลงเรือ ไคก็เลือกที่สอบถามเส้นทางกับคนท้องถิ่นแทนที่จะเดินไปคุยกับเจ้าหน้าที่บริเวณท่าเรือ เขาพูดภาษาอังกฤษกับชาวบ้านหลายคนก็เลยบอกให้ผมไปนั่งรอที่ร้านกาแฟโบราณร้านแห่งหนึ่ง บรรยากาศดูเก่าแก่ และร้อนอบอ้าวจนผมต้องถอดเสื้อนอกออกมาพาดไว้กับเก้าอี้

ผ่านไปประมาณยี่สิบนาที ไคก็เดินเข้ามาในร้าน ผมเห็นเหงื่อเขาไหลเต็มหน้า จึงรีบเปิดขวดน้ำในกระเป๋าแล้วยื่นให้ แต่เขาดันส่ายหัวและตะโกนสั่งเครื่องดื่มเป็นภาษาอังกฤษกับเจ้าของร้านแทน

“ได้เรื่องยังไงบ้างครับ” ผมถามหลังจากที่ไคนั่งลงข้างๆ

“ฉันต้องเช่ารถ เพราะเมืองที่เราจะไปอยู่ไกลจากที่นี่หลายกิโล”

“แล้วคืนนี้เราจะพักที่ไหนกัน”

“ตอนแรกกะว่าจะจองห้องพักในเมืองกัวห์ แต่คิดดูอีกที ฉันว่าเราไปหาที่พักฟรีกันดีกว่า” ผมเห็นไคยิ้มตรงมุมปากแล้วก็รู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าเขามีแผนบางอย่างที่ต้องใช้ความเจ้าเล่ห์

“คุณหมายถึง...”

“เราอุตส่าห์มาหาหมอนั่นถึงถิ่น อย่างน้อยก็ควรให้มันเป็นเจ้าบ้านที่ดีสักหน่อย”

ไคพูดจบ กาแฟเย็นที่เขาสั่งไว้ก็มาเสิร์ฟ

“ถ้ารู้ว่าคนร้ายเป็นใครแล้ว คุณจะทำยังไงต่อ”

“ก็จัดการมันไง”

“ด้วยวิธีไหน”

“ฉันมีวิธีของฉัน”

ได้ยินคำตอบนั้นแล้วผมถึงกับถอนหายใจ ชักเริ่มหงุดหงิดกับคำตอบที่ไม่ใช่คำตอบของไคเข้าไปทุกที ไม่ว่าผมจะอยากรู้อะไรเขาก็หลบเลี่ยงและบ่ายเบี่ยงตลอด ยอมรับว่าตอนแรกผมทั้งกลัวและเกรงใจ คิดว่าเขาคงมีเหตุผลต่างๆ นานา แต่พอนานวันเข้า ผมกลับรู้สึกว่าเส้นบางๆ ที่กั้นผมไว้มันน่ารำคาญ

ผมอยากข้ามเข้าไป อยากรับรู้สิ่งที่เขาคิด และอยากอยู่ข้างๆ เขาให้มากกว่านี้!

“เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวลึกลับกับผมสักที ไม่รู้เหรอว่าความสงสัยมันจะทำให้ผมเป็นโรคประสาทอยู่แล้ว”

“หลังจากฉันจับพวกมันส่งตำรวจ นายก็จะได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย” เหมือนไคกำลังบอกผมว่าให้อดทนอีกหน่อย อีกเดี๋ยวทุกอย่างก็จะเรียบร้อยอะไรทำนองนั้น และเชื่อมั้ยว่าคราวนี้ผมเชื่อใจเขาอย่างไร้ข้อสงสัย เรื่องที่ระแวงหรือเรื่องที่คาใจเกี่ยวกับตัวไคมันหายไปหมด ตอนนี้ผมไว้ใจเขา ไม่ใช่เพราะความจำเป็น แต่การกระทำของไคต่างหากที่ทำให้ผมคิดแบบนั้น

“แล้วคุณก็จะไปตามหา ‘ใครคนนั้น’ ใช่มั้ย”

“ใช่”

“ให้ผมช่วยคุณนะ” ผมกล่าวด้วยความจริงจัง และรอคำตอบจากไคอยากใจจดใจจ่อ ไคช่วยเหลือผมมามาก ฉะนั้นการทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนเขา ก็คือสิ่งที่ผมควรทำ

“อย่างนายจะช่วยอะไรฉันได้” สิ้นเสียง ผมถึงกับเอนหลังพังเก้าอี้พร้อมกับความขุ่นเคืองใจ

นี่มันหลายครั้งแล้วนะ!

“แหงล่ะ ขนาดผมช่วยแกะกุ้งแกะปูให้กิน หรือแม้แต่เปิดน้ำให้ดื่ม คุณยังไม่ให้ผมช่วยเลย” จะว่าประชดประชันก็ไม่ผิด ผมขอยอมรับตามตรงเลย

“โกรธที่ฉันปฏิเสธน้ำใจนายเหรอ”

“...” ผมนั่งเงียบ ยกมือขึ้นกอดอกแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง

“คราวหลังนายก็หยิบยื่นในสิ่งที่ฉันรับได้สิ”

“ก็นี่ไง! ผมตั้งใจจะช่วยคุณหาคนเนี่ย แต่คุณก็ดันปฏิเสธด้วยการบอกว่าผมช่วยอะไรไม่ได้” ผมจ้องหน้าไคเขม็ง ซึ่งเขาเองก็ไม่ยอมแพ้ จ้องผมกลับแบบไม่กระพริบตากันเลยทีเดียว

“นายกลับไปตามหาชีวิตในอนาคตเถอะ เรียนศิลปะที่นายรัก และเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงให้ได้”

“ผมไม่มีความฝันหรอกครับ” น้ำเสียงของผมอ่อนลง “สิ่งที่ผมทำทุกวันนี้มันเกิดจากสิ่งที่ผมทำได้ ไม่ใช่ความพยายาม เพราะงั้น...ผมเลยไม่มีภาพในอนาคตหรือเป้าหมายที่จะเดินต่อ”

“แต่ฉันอยากไม่พรากอะไรไปจากนาย” ไคเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ผมไม่รู้ว่าในใจเขากำลังคิดอะไร แต่สำหรับเรื่องนี้...ผมอาจจริงจังกว่าเขาก็ได้!



“คุณก็อย่าไปจากผมสิ”

 

 

 

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 20-12-2016 18:57:09
นี่เค้าเริ่มดีๆในหัวใจกันแล้วสินะคะ.  อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 20-12-2016 19:07:51
 :o
พูดออกไปอย่างงั้นได้ยังไง
ยังไม่ทันรู้ใจเลย บอกให้เขา
อยู่ด้วยซะงั้น วัยรุ่นใจร้อนจัง
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 20-12-2016 19:57:21
 :z3: :z3: :z3: :z3: มาพูดแบบนี้แล้วจากไป ไรท์ทำร้ายช้านนนนนนนนนน :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-12-2016 01:05:53
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-12-2016 01:26:47
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-12-2016 09:38:31
อะไรมันกวนใจนาย ฮึไค  :katai1: :katai1: :katai1:
“แต่ฉันอยากไม่พรากอะไรไปจากนาย”

“คุณก็อย่าไปจากผมสิ”
เอ่ออ.....พรากอะไร อะไรคืออะไร งงงงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 21-12-2016 10:16:15
จะยังไงคะ นี่มันล่าสุดขอบฟ้ารึป่าว
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 21-12-2016 10:25:02
อัยยะ ตามๆ แต่อยากรู้ว่าบ้านของติณณ์มีอะไร ทำไมพวกโจรถึงได้บุก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 21-12-2016 11:33:39
ตอนจบทำเอาเขิน วั้ยยยย แรดอะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 22-12-2016 00:35:43
ถามจริงนีคือการเริ่มปลูกอ้อยหรือเปล่า 555
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 8] *Update 20/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 24-12-2016 22:03:10
ตอนที่ 9



ไคจ้องผมเขม็ง เหมือนกำลังข้องใจกับสิ่งที่ผมพูด และเพื่อเป็นการชี้แจงความในใจ ผมขอพูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมาเลยล่ะกัน จะได้เข้าใจสิ่งที่ผมกำลังคิดเสียที

“ผมว่าผมคิดดีแล้ว”

“คิดอะไร” ไคขมวดคิ้วหนัก

“ผมรู้สึกเคารพคุณ” ผมเลือกที่จะประจันหน้ากับเขาตรงๆ และพูดออกไปว่า “มาเป็นพ่อเลี้ยงของผมได้มั้ย!”

“…”

“…”

เงียบกริบกันทั้งคู่ เราต่างคนต่างจ้องกันสักพักก่อนที่ไคจะถอดสีหน้าและถอนหายใจอย่างแรง

“พ่อเลี้ยง?”

“ใช่ครับ ในเมื่อผมเป็นน้องไม่ได้ เป็นหลานไม่ได้...ก็ขอเป็นลูกซะเลย”

ตั้งแต่คืนที่ผมขอความช่วยเหลือจากไค ชีวิตของผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเด็กมหา’ลัยธรรมดาต้องขาดเรียนมาหนีผู้ร้าย ต้องตะลอนไปเรื่อยจนมาถึงเกาะลังกาวี และจากนี้จะเป็นไงต่อก็ไม่รู้ ทว่าสิ่งที่ผมวิตกกังวลนอกจากเรื่องการพ้นผิดของไคก็คือการจากไปของเขา ผมรู้สึกเศร้าใจหากวันหนึ่งเราเจอกันแล้วไคกลับมองว่าผมเป็นแค่คนรู้จัก หรือนานวันที่ไม่ได้ติดต่อกันจะเป็นผลให้เราห่างเหินจนกลายเป็นคนแปลกหน้าในที่สุด

ไคบอกว่าไม่อยากพรากอะไรไปจากผม ก็แปลว่าเขาจะเอาตัวออกห่าง แทนที่จะให้ผมจากพ่อแม่เพื่อไปกับเขา นั่นสินะ เขาอาจไม่อยากให้ผมต้องเจอกับสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ แต่หลังจากที่ผมเชื่อใจเขาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวคือผมเคารพไค อยากใช้คำว่าสนิทสนมกับเขา อยากเป็นเหมือนคนในครอบครัว และอยากเป็นคนที่เขาให้ความเอ็นดูเหมือนลูกหลาน ซึ่งความรู้สึกนี้เองที่ทำให้ผมไม่อยากให้เขาจากไป 

“ด่าฉันว่าแก่ยังดีซะกว่า”

“ผมไม่ได้จะว่าอะไรคุณนะ แค่อยากได้คุณมาเป็นพ่ออีกคนเฉยๆ”

“แต่ฉันไม่อยากให้นายเป็นลูก”

“แล้วระหว่างเรามันต้องจะใช้คำไหนระบุสถานะล่ะครับ ผู้ร่วมทาง ผู้ร่วมชะตากรรม เพื่อนมนุษย์ คนรู้จัก อะไรแบบนั้นน่ะเหรอ” ความเฉยชาของไคกำลังทำให้ผมหงุดหงิดโคตรๆ ก็รู้ว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขา แต่มันอดน้อยใจไม่ได้จริงๆ

“ฉันไม่อยากขีดเส้นว่าเราควรรู้จักกันแบบไหน เพราะในที่สุด อนาคตจะกำหนดทุกอย่างด้วยตัวของมันเอง หรือถ้าไม่นับว่าวันหนึ่งนายอาจต้องแนะนำฉันกับใครๆ...เท่าที่เราเป็นตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว” หลังจากได้ยินคำสุดท้าย ผมเริ่มใจชื่นขึ้น จนอดสงสัยไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาพูดมันเริ่มมีอิทธิพลต่อจิตใจกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่

“ผมนึกว่าคุณไม่อยากนับญาติกับผมซะอีก” ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออก คือมันก็สร้างความคาใจให้ผมตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะ “ว่าแต่...คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเรียนศิลปะ”

ไคครุ่นคิด ยกกาแฟขึ้นดื่มเพียงอึกเดียวก็เอ่ยตอบ

“ตอนออกกำลังกายอยู่บนบ้าน ฉันเดินไปตรงหน้าต่างเพราะเห็นเด็กผู้ชายยืนอยู่หน้าประตูรั้ว เขาใส่ชุดนักศึกษา สะพายเป้ แล้วก็ถือกระดานวาดรูป ฉันแง้มผ้าม่านเพื่อดูให้ชัดๆ แต่ไม่นานนักเขาก็รีบเดินไป”

อ้า~ ผมสินะ ตอนนั้นผมเพิ่งทานข้าวเช้าเสร็จและกำลังเดินทางไปมหา’ลัย ระหว่างเดินผ่านบ้านข้างๆ ผมหยุดยืนดูเพราะอยากรู้ว่ามีคนอยู่อย่างที่พ่อบอกไว้หรือเปล่า ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริง เพราะผมเห็นคนในบ้านแง้มผ้าม่านออกพอดี

“ตอนนั้นคุณหลอนมากขอบอก เห็นบ้านร้างๆ มีคนอยู่แล้วผมไม่ค่อยชิน” ผมเจื่อนยิ้มพร้อมพูดต่อ “เอางี้ดีมั้ย ไว้กลับไปผมจะทำความสะอาดหน้าบ้านให้คุณเอง จะปลูกต้นไม้ใหม่ วางสนามหญ้าใหม่ เอาให้น่าอยู่ไปเลย”

ไคเลิกคิ้วสูง เหลือบตามองผมอย่างมีเลศนัย

“กำลังหวาดล้อมให้ฉันอยู่ต่อหรือไง”

“...” ผมเงียบ พลางหันหลบสายตาของเขาไปอีกทาง

หากแต่คำพูดของเขายังแว่วอยู่ข้างหู...

“รู้ตัวมั้ยว่านายกำลังจะทำให้ฉันกลายเป็นคนไม่มีความแน่วแน่” พูดจบไคก็ลุกเดินออกไปจ่ายเงินค่าเครื่องดื่ม ทิ้งให้ผมนั่งจับเจ่าอยู่ที่โต๊ะโดยไร้ซึ่งความคิดใดใด อยู่ๆ สมองก็ว่างเปล่า เฝ้าทวนคำพูดของไคไปมา

ไม่นาน...รอยยิ้มของผมก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น

 











ไคเช่ารถโดยใช้ใบขับขี่ปลอมเป็นเอกสารในการขอเช่า ผมแอบเหล่มองด้วยความอยากรู้จึงพบว่าเขาใช้ชื่อปลอมด้วย เมื่อเจรจากันเรียบร้อยเขาก็จ่ายเงินค่ามัดจำจำนวนหนึ่งไป ไคบอกว่าไม่เคยมาลังกาวีเลยส่งแผนที่ให้ผมคอยบอกทางให้ โชคดีที่ผมสามารถพูดอ่านเขียนภาษาอังกฤษได้พอสมควร จึงไม่เป็นอุปสรรค

เวลาผ่านไปพักใหญ่ รถยนต์ก็ขับเคลื่อนมาในซอยแคบๆ จากถนนคอนกรีตเปลี่ยนเป็นทางดินลูกรัง สองข้างทางเป็นต้นไม้สูงใหญ่ มองดูแล้วน่าจะเป็นเขตชุมชนมากกว่าแหล่งท่องเที่ยว และเมื่อมองตรงไปจนสุดลูกตา พวกเราก็พบกับบ้านไม้หลังใหญ่ ทรงคล้ายกับบ้านเรือนไทยแต่ดูวิจิตรงดงามกว่า

ไคบอกว่าน่าจะเป็นบ้านหลังนั้น พอขับมาถึงเขาจึงหยุดรถและเดินเข้าไปเคาะประตูทันที

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ระหว่างรอเจ้าของบ้านมาเปิดประตู ผมเห็นไคนำปืนขึ้นมาถือไว้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะสั่งให้ผมเดินหลบไปตรงเสาตอม่อที่ทำจากคอนกรีต ส่วนเขาก็รอจังหวะอยู่เงียบๆ

ผมยืนพังผนังภายนอกซึ่งเป็นไม้ตีเกล็ดสีน้ำตาลเข้ม ชะเง้อดูระเบียงด้านขวามือก็เห็นหลังคาบ้านทรงมนิลามุงกระเบื้องสีแดง เดาได้ว่าเจ้าของบ้านหลังนี้มีรสนิยมไม่น้อย

ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าของบ้านหลังนี้จะเป็นแฮกเกอร์

แอด!!

เปิดประตูแล้ว...ผมรีบหลบดีดีและรอลุ้นอยู่ห่างๆ ว่าไคจะทำยังไงต่อ

“วีล!”

เมื่อเจ้าของบ้านเห็นหน้าไค เขาก็ขานอะไรบางอย่างออกมา ผมไม่รู้ว่ามันเป็นศัพท์พื้นเมืองของที่นี่หรืออะไร แต่เอาเถอะ มันไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนั้น เพราะตอนนี้ผมเห็นไคพยายามดันประตูเข้าในขณะที่อีกฝ่ายออกแรงดันประตูให้ปิดจนหน้าดำหน้าแดง ดูยังไงเจ้าของบ้านก็ดูไม่เต็มใจที่จะต้อนรับพวกเราเท่าไหร่ ไคถึงได้หยิบปืนขึ้นมาเพื่อเตรียมการบังคับแต่แรก อุอาจเกินไปแล้ว ถ้าเกิดปืนมันลั่นขึ้นมาจะทำยังไง

“ถอยไป! ไม่อย่างนั้นผมจะร้องให้คนช่วย” ชายคนนั้นตะหวาดเสียงดัง

กึก!

ผมเบิกตากว้าง เมื่อปลายกระบอกปืนของไคกำลังจ่อไปตรงขมับของผู้เป็นเจ้าของบ้าน

“'งั้นก็ให้ฉันเป่าหัวนายเลยสิ มันน่าจะดังกว่า” ฟังน้ำเสียงของไคแล้วรู้สึกสะท้านไปทั้งทรวง เขาจ้องคนตรงหน้าเขม็ง ไม่ต่างกับการให้สัญญาณเตือนว่าเขาพูดจริงและอาจปล่อยลูกกระสุนออกมาได้ทุกเวลา

ชั่วโมงก่อนผมมีบัตรประชาชนปลอมเป็นของตัวเอง ซึ่งในรูปเป็นใครก็ไม่รู้ แค่หน้าตาคล้ายผมเท่านั้นเอง มาตอนนี้ผมอัพเกรดตัวเองเป็นคนดูต้นทางระหว่างที่ไคกำลังใช้ปืนขึ้นมาขู่เจ้าของบ้าน

ให้ตายเถอะ...ผมมาถึงจุดนี้ได้ไง!

“ปล่อยผมไปตามทางไม่ได้หรือไง จะรังควานกันไปถึงไหน” กระบอกปืนทำให้ชายคนนั้นยอมแต่โดยดี ผมจึงตัดสินใจเดินมายืนข้างหลังไคเพื่อยืนฟังพวกเขาสนทนากัน

“ไม่คิดจะชวนเข้าบ้านหน่อยเหรอ” พูดจบไคก็ลดปืนลงและเก็บมันเข้าที่ ส่วนอีกฝ่ายได้แต่ทำหน้าไม่พอใจ ยืนกอดอกจ้องไคราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

คนคนนี้เป็นคนยุโรปผิวขาวร้อยเปอร์เซ็นต์ ดูจากเส้นผมสีน้ำตาล จมูกโด่ง ความสูง 180 ขึ้น นัยน์ตาสีเขียวมรกต คิ้วเข้ม และหนวดเครามาพร้อม ซึ่งในระหว่างที่ผมกำลังพิจารณาคนตรงหน้าอยู่ ฝรั่งหน้าคล้ายแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ผสมนิโคลัส ฮอลท์ก็เพ่งสายตามาที่ผม

“แล้วนี่ใคร” เขาถาม ก่อนที่ไคจะหันมามองผมพร้อมสีหน้าเรียบเฉย

“เขาบอกว่าฉันเป็น ‘ที่รัก’ ของเขาน่ะ”

ผมกับฝรั่งคนนั้นหูผึ่งพร้อมกัน และในท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังเกิดเดดแอร์อยู่นั้น ไคกลับเยี่ยงย่างเข้าบ้านไปอย่างหน้าตาเฉย วางระเบิดไว้ตูมเบ้อเร้อแล้วยังไม่รอกันอยู่ แล้วดูดิ ฝรั่งนี้มองผมตั้งหัวจรดเท้าเลย

“อะ...เอ่อ คือ...” แล้วมันเรื่องอะไรไคถึงมาปล่อยให้ผมยืนอยู่กับเขาสองคนวะเนี่ย เมื่อกี้เพิ่งเอาปืนจอเขาแท้ๆ ไม่ได้หวั่นเกรงอะไรเลย จะแซวผมก็ควรดูสถานการณ์บ้างไรบ้าง แล้วทีนี้จะอธิบายยังไง ปล่อยลอยได้มั้ย เดินเลี่ยงไปน่าจะเวิร์กกว่า “ไค รอผมด้วย!”

  เมื่อเดินเข้าไปด้านในผมก็พบกับการออกแบบห้องโถงกว้างที่รวมเอาห้องพักผ่อนและห้องทานอาหารไว้ด้วยกัน  เพดานบ้านแต่งด้วยเสื่อสานแบบพื้นเมือง ส่วนโครงสร้างหลังคาก็เป็นไม้ทั้งหมด ผมเห็นหลังไคเดินไปถึงประตูห้องด้านซ้ายมือ จึงรีบเดินตามไปโดยมีเจ้าของบ้านเดินมาสมทบภายหลัง

“หมอนั่นชื่อบัฟฟอร์จ เป็นหนึ่งในบุคคลที่สร้างคุณประโยชน์เอาไว้” ไคพูดกับผม พอดีกับจังหวะที่ชายคนนั้นเดินมาใกล้ และคงได้ยินสิ่งที่ไคพูดชัดเจน ถึงได้ตอบกลับทันควัน

“แหม ทำเป็นพูด...” พูดจบ บัฟฟอร์จก็หันมาผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

“ผมชื่อติณณ์ ครับ” รู้สึกเหมือนโดนเพ่งเล็ง ผมจึงรีบแนะนำตัวกับเขาตามมารยาท

ผมส่งมือรอเช็คแฮนด์ แต่บัฟฟอร์จกลับเมินเฉย ก้าวเท้าเดินตามไคเข้าไปในห้องด้านซ้ายมืออย่างเร่งรีบ และพอผมตามเข้าไปบ้างก็พบว่ามันคือห้องทำงาน มีคอมพิวเตอร์อยู่ทั้งหมดสามตัว บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองเอกสารและข้างๆ ก็มีตู้ปลาที่เลี้ยงกุ้งเครฟิชตัวใหญ่ไว้สองตัว ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผมเห็นสภาพของห้องนี้ได้ก็คือแสงไฟสีฟ้าจากตู้ปลากับหน้าจอคอมเนี่ยแหละ จะสลัวไปไหน กลัวไม่รู้ว่าทำอาชีพที่มีความลึกลับหรือไง 

“มีธุระอะไร อย่าบอกว่าจะจับตัวผมไปทำอะไรเสี่ยงๆ อีก” บัฟฟอร์จเอ่ยถาม ในขณะที่ไคเดินไปขยับเก้าอี้ทำงานมานั่ง มองไปยังจอคอมที่แสดงผลอะไรบางอย่าง ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มลงไปที่คีย์บอร์ดของเจ้าบ้านอย่างถือวิสาวะ

“อยู่ที่นี่นายก็ยังเป็นอาชญากรเหมือนเดิม”

“เฮ้! อย่ายุ่งกับเครื่องทำมาหากินของผมสิ” บัฟฟอร์จรีบเอาตัวเข้าไปขวาง และทำการปิดคอมของตนเองเสร็จสรรพ “แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่นี่” เขาถามต่อ

“มีวิธีละกัน”

“คงไม่ใช่...” บัฟฟอร์จหันมามองไค จากนั้นก็ขมวดมุ่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังแสยะยิ้มให้

“ถึงตอนนี้คุณนายเพิร์กก็ยังอยากให้นายเลิกทำอาชีพแบบนี้นะบัฟ”

“นั่นไง! คุณอาศัยความช่วยเหลือจากแม่ผมอีกแล้ว” บัพฟอร์จเกาหัวแสดงความไม่สบอารมณ์อย่างแรง ผมมองชายต่างชาติสองคนนี้ด้วยความสงสัยในหลายๆ เรื่อง พวกเขาเจอกันได้ยังไง ทำไมไคถึงรู้เรื่องของบัฟฟอร์จทั้งๆ ที่เขาบอกว่าไม่สนิทกัน ซึ่งมันก็อาจใช่ เพราะคงไม่มีใครเอาปืนมาจ่อหัวเพื่อข่มขู่กับคนที่สนิทกันหรอก

“ฉันมีเรื่องให้นายช่วย” ไคเริ่มเข้าประเด็น

“จ่าวีล...” ประโยคของบัฟฟอร์จทำให้ผมชะงัก หันไปมองไคที่กำลังเบิกตากว้างและเหลือบมามองพร้อมความตกใจที่แสดงออกทางสีหน้า อีกทั้งนัยน์ตายังฉายแววดุดันขึ้น “บอกแล้วไงว่าหลังจากปฏิบัตินั้นผมจะไม่ขอเอาตัวเข้าไปยุ่งกับกองทัพอีก เลิกลากให้ผมไปนั่งล้วงข้อมูลที่มันต้องแข่งกับเวลา...”

“หุบปาก!”

ผมสะดุ้งเฮือก ขนลุกวาบไปถึงไขสันหลัง พอเห็นไคสบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราด บัฟฟอร์จถึงกลืนน้ำลายลงคอและหันมามองผมด้วยความสงสัย

“เด็กนั่นไม่รู้เรื่องของคุณเหรอ” แม้ถามไค แต่สายตาเขาไม่ได้ละไปจากผมเลย

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น” ในห้องเงียบสนิท ทั้งผมกับบัฟฟอร์จต่างรอฟังว่าไคจะพูดอะไรต่อ “เพราะฉันลาออกจากกองทัพแล้ว”

อะไรนะ?



กองทัพงั้นเหรอ!!

















หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 9] *Update 24/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-12-2016 22:43:09
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 9] *Update 24/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 24-12-2016 22:50:39
มีปมให้หาตลอดเลยนะเรื่องนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 9] *Update 24/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 24-12-2016 23:17:57
รอต่อไปคร้าบบบ. น่าสนุกอ่ะเรื่องนี้มีปมทุกตอนเบย
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 9] *Update 24/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 25-12-2016 07:39:54
ลึกลับ ซับซ้อนเข้าไปอีก
หลงรักไคให้แล้วงานนี้
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 9] *Update 24/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 25-12-2016 08:13:34
อ้าวเป็นทหารเก่าซะงั้น พีคไปอีก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 9] *Update 24/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 25-12-2016 10:13:12
เรื่งเริ่มลึกลับเรื่อยๆละ ไคคือใคร เป็นอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 9] *Update 24/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: Brand_Zess. ที่ 25-12-2016 10:41:36
ฟินมากกกก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 9] *Update 24/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 25-12-2016 12:43:09
 :z3:


เดี๋ยวๆ นะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 9] *Update 24/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-12-2016 13:49:21
ไค เป็นทหารเก่า หรือยังเป็นอยู่ เพื่อตามสืบบางอย่าง :katai1: :katai1: :katai1:
ไค โหดนะ แต่ชักไงๆ กับบอม
ไคเริ่มไม่แน่วแน่แล้ว เป็นเพราะบอม
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 9] *Update 24/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 27-12-2016 18:52:18
ตอนที่ 10



ผมอ้างปากค้างให้กับเรื่องที่ได้ยิน จะมีอาชีพอะไรที่ได้ทำงานในกองทัพ นอกจาก...

“ติณณ์” ผมสะดุ้งอีกครั้ง รีบเรียกสติคืนมาแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงเมื่อครู่

“คะ...ครับ”

“ออกไปเอากระเป๋าในรถเข้ามา” ว่าแล้วก็โยนกุญแจให้ผม “เสร็จแล้วก็รออยู่ข้างนอกจนกว่าฉันจะออกไป”

“เดี๋ยวๆ ทำไมต้องเอากระเป๋าเข้ามาด้วย อย่าบอกนะว่า…” บัฟฟอร์จฉงนใจ

“นายใช้คอมพิวเตอร์หาเงินจนซื้อบ้านหลังใหญ่ในต่างแดนได้ ก็ควรแสดงความเอื้อเฟื้อกับคนเคยรู้จักกันบ้างสิ” จากนั้นไคก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “ไม่อย่างนั้น เรื่องที่นายทำในลังกาวีอาจถึงหูตำรวจของที่นี่ก็ได้”

“ดีแต่ข่มขู่คนอื่นจริงๆ นะจ่า” ไคไม่สนใจ เบือนหน้าหนีจากบัฟฟอร์จมาหาผม

“รีบไปสิ”

“อ้อ ครับ”

รับคำสั่งเสร็จ ผมกุลีกุจอออกจากห้อง เดินออกไปนอกบ้านเพื่อเปิดรถและจัดการลำเลียงกระเป๋าของพวกเราไปไว้ในห้องรับแขก ไม่กี่นาทีต่อมาผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาไม้สักด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ยังคงชะเง้อมองห้องทำงานของบัฟฟอร์จเป็นระยะๆ อยากรู้จังว่าพวกเขาคุยอะไรกัน การเดินทางมาหานักแฮกเกอร์ถึงที่นี่จะได้เรื่องหรือเปล่า ไคคงไม่ข่มขู่เขาถึงขนาดต่อสู้กันหรอกนะ น่าเป็นห่วงจริงๆ

ว่าแต่...’จ่าวีล’ กับ ‘กองทัพ’ นี่มันยังไง

ไคเป็นทหารเหรอเนี่ย?!!

 











มารู้สึกตัวอีกที เหมือนมันมีสัมผัสนุ่มๆ ที่กำลังรองรับเรือนร่างของผมอยู่ อ้า...ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงสินะ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จำได้ว่าผมคิดเรื่องของไคอยู่ จากนั้นก็คงหลับอยู่บนโซฟาไม้ที่ผมทิ้งตัวลงด้วยความเหนื่อย

เดี๋ยวนะ! โซฟาไม้มันต้องแข็งไม่ใช่เหรอวะ

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ สิ่งแรกที่เห็นคือแพดานเสื่อสาน พัดลมแขวนและหลอดไฟ เมื่อกวาดสายตามองโดยรอบก็พบว่ามันคือห้องนอนขนาดไม่ใหญ่มาก มีตู้เสื้อผ้ากับที่วางโคมไฟเป็นส่วนประกอบเท่านั้น และนั่นก็พวกกระเป๋าสัมภาระของผมกับไค ว่าแต่มันมาอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นคนเอาเข้ามา

และที่สำคัญคือ...ผมมานอนอยู่บนเตียงได้ยังไง!

แอด!!

เสียงประตูห้องถูกเปิดออก ชายตัวสูงกับผ้าขนหนูผืนเดียวปรากฏอยู่ตรงหน้าผม เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าสะบัดหัวที่เต็มไปด้วยน้ำจากการสระผม ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูอีกผืนมาเช็ดหัวอย่างลวกๆ กี่ครั้งแล้วที่ผมต้องเห็นซิกแพคกับหุ่นอันบึกบึนของเขา และแน่ล่ะ ใครเจออย่างนี้ก็ต้องมองทั้งนั้น...ก็คนมันอิจฉานี่หว่า อยากมีบ้างไรบ้าง

ถึงจะมีแผลเป็นทั่วร่าง แต่มันกลับเพิ่มความเท่ห์ให้เขาซะอย่างนั้น

“คุยกันเสร็จแล้วเหรอครับ” ผมขยับตัวขึ้นมานั่ง พอเห็นบรรยากาศด้านนอกที่มืดสลัว ก็รู้ในทันทีว่าตัวเองเผลอหลับไปนานมาก

“อืม” ไคตอบพลางเดินมาเช็คโทรศัพท์ที่วางไว้ตรงโคมไฟใกล้ๆ เตียง “ฉันว่าคืนนี้เราคงต้องนอนด้วยกัน เพราะมีห้องว่างอยู่ห้องเดียว” เจ้าของน้ำเสียงทุ้มพูดโดยไม่มองหน้าผม

“ยังไงก็ได้ครับ ผมไม่ซีเรียส”

“หิวหรือยัง” คราวนี้ไคละสายตาจากโทรศัพท์ขึ้นมามองผมละ

“นิดหน่อยครับ”

“บัฟกำลังจะออกไปซื้ออาหารเย็น ระหว่างรอนายก็ไปอาบน้ำก่อนเถอะ” ไคโยนผ้าขนหนูอีกผืนให้ผม ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแต่งตัว เขาไม่อายผมที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้แม้แต่น้อย แสดงว่าเขาสนิทใจกับผมแล้วใช่มั้ย

และถ้าผมจะถามอะไรสักอย่าง เขาจะยอมตอบหรือเปล่า

“วีล...”

“...” ไคผงะ และค่อยๆ หันมาหาผมช้าๆ

“คุณเป็นใครกันแน่” ผมถาม

“เป็นคนช่วยชีวิตนาย”

“คุณเคยเป็นทหารใช่มั้ย” ไคหรี่ตามองผม ทำสีหน้าครุ่นคิดสักพัก

“ก็ได้ยินแล้วหนิ”

“แล้วมีอะไรจะบอกผมอีกหรือเปล่า”

ผมไม่ได้ว่าหากเขาจะปิดบังอะไร แต่ถ้ามีอะไรสะดวกใจที่จะพูดผมก็อยากฟัง อย่างเรื่องที่เขาเป็นทหารโดยที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน มันไม่ใช่ว่าเขาโกหก แต่แค่ไม่บอกอะไรเกี่ยวกับตัวเขาเท่านั้นเอง ซึ่งการได้รู้เรื่องของเขาทีละเล็กละน้อย มันทำให้ผมตกใจทุกครั้ง

บอกตามตรงว่าผมไม่อยากรู้สึกแปลกใจ ราวกับเห็นเขาเป็นคนที่ผมไม่รู้จักอีกแล้ว!

“มี”

“...”

ไคเดินเข้ามาชิดขอบเตียง เลือกเท้าข้างหนึ่งก้าวขึ้นบนเตียงในขณะที่สายตายังคงจดจ้องมาตลอด ผมรู้สึกถึงความยวบของที่นอนและร่างใหญ่ไร้อาภรณ์ที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ จังหวะนั้นผมประหลาดใจเล็กน้อย ค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ แต่เขากลับเมินแววตาอันตื่นตระหนกของผม และไม่สนเรือนร่างที่เปียกปอนของตัวเอง แสดงอานุภาพความแข็งแกร่งด้วยการผลักผมนอนราบไปกับเตียงด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล

“เออ...”

ผมอยากถามว่าเขากำลังเล่นบ้าอะไร แต่มันดันพูดไม่ออก ต้นแขนซ้ายขวาถูกมือหนากดไว้อย่างมั่นคง ผมขยับเพียงนิดยังไม่ได้ แล้วจะเอาชนะนัยน์สีฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ได้ยังไง

ไคสบตากับผม ในขณะที่ใบหน้าของเราห่างกันเพียงคืบ

“คุณจะบอกเรื่องอะไร” ผมรีบหันหลบสายตาไปอีกทาง ไคจึงเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหูของผมแทน

“ฉันเป็นคนอุ้มนายขึ้นมานอน...”

หลังจากเสียงแผ่วเบาใกล้ใบหูเงียบลง ผมก็หันไปสบตากับไคด้วยความแปลกใจ เขาน่ะเหรออุ้มผมมานอน เป็นคนดีใจขนาดนั้นได้ด้วยเหรอ ทำให้ตัวเองลำบากเปล่าๆ อันที่จริงเขาน่าจะปลุกผมมากกว่า แต่ก็นะ ผมว่าประเด็นนี้ควรตัดไปก่อน มาเข้าเรื่องที่เขาผลักผมลงกับเตียงดีกว่า

แค่จะบอกว่าเป็นคนอุ้มมานอน จำเป็นต้องสาธิตให้ดูด้วยเหรอวะ!

“ขอบคุณครับ”

ผมเอ่ยอย่างประหม่า เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นใบหน้าของไคชัดๆ ความเกลี้ยงเกลากับผิวพรรณเนียนเรียบคงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาดูอ่อนกว่าวัย ผมล่ะอดอิจฉาในความหล่อคมคายของเขาไม่ได้จริงๆ แล้ว ไหนจะจมูกที่โด่งเป็นสันกับนัยน์ตาสีฟ้าครามนั่นอีก ถ้าได้เป็นดาราหรือนายแบบรับรองว่าสาวๆ ต้องกรี๊ดสลบแน่

“ก็ควรอยู่หรอก” ไคพูดขณะที่ยังคร่อมร่างผมไว้

“แล้วจ่าวีลคืออะไร คุณมีสองชื่อเหรอ”

“ไม่เชิง”

ผมถอดหายใจเพราะคำตอบของเขาซ้ำแล้วซ้ำ แบบนี้มันน่าจับหักคอนัก

“ผมควรเรียกคุณว่าอะไร”

“ถนัดแบบไหนก็เรียกแบบนั้น” น้ำเสียงเข้มว่าจบก็เตรียมลุก คือเมื่อกี้เราสองคนอยู่ในโพสิชั่นที่ล่อแหลมไง การที่เขาลุกออกจากตัวผมมันก็ถูกต้องแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าคิดผมคิดอะไร อยู่ๆ ก็เอื้อมมือไปรั้งแขนเขาไว้ซะงั้น

“คุณอยากให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ” ไคจ้องผมพลางกระตุกรอยยิ้ม

“ที่รักมั้ง”

“อะไรเนี่ย!” ผมอุทานเสียงดัง “เมื่อไหร่จะเลิกล้อผมเรื่องนี้สักที”

ระหว่างที่ผมโดนไคแซวรอบที่ล้าน ประตูห้องก็ถูกเปิดออก...

“โทษนะ” เรามองไปตรงต้นเสียงพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะผลักไคออกและกระเด้งขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ “ก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาขัดจังหวะหรอก แต่ผมมีเรื่องที่จำเป็นต้องถามก่อน”

พอลุกไปพ้นจากเตียง ไคก็ขยับผ้าขนหนูที่นุ่งอยู่ให้เข้าที่

“เรื่อง?” เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้ายืนกอดอก

“เย็นนี้อยากกินอะไรกัน”

“ตามใจ”

“ตามใจผม?” บัฟฟอร์จถาม ก่อนที่ไคจะหันไปมองเขาด้วยแววตาอันแสนดุดัน

“ตามใจเขา”



หลังจากนั้น สายตาของคนต่างชาติทั้งสองก็หันมามองผมเป็นตาเดียว...


 





*****************
ีUpdate ตอนต่อไปวันที่ 28/12/59 เวลาประมาณ 20.00 น.

 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 27-12-2016 19:24:37
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-12-2016 20:23:39
เรียกไคว่า ที่รัก เหมาะมาก  :mew1: :mew1: :mew1:
ไค เริ่มถึงเนื้อถึงตัวติณณ์ แล้ว
แถมรายการอาหาร ยังตามใจติณณ์ซะด้วย
ยังไงกันเนี่ย  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: jejiiee ที่ 27-12-2016 20:31:16
ติดตามมมม :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 27-12-2016 20:36:43
อะไรกัน เห็นโหดๆ มาตลอด
พอเข้าโหมดมุ้งมิ้ง แทบไม่ทันตั้งตัว
ชอบดูหุ่นเขา ก็บอกไปเหอะ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 27-12-2016 21:38:37
ตอนนี้หวานอ่า~
อีกอย่างที่ไคอยากจะบอกคือแอบรับติณณ์(ชื่อผิดขออภัย)มานานแล้วหรือเปล่า อั๊ยย่ะ

ติดตามค่ะ
 :katai2-1: :katai2-1:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 27-12-2016 22:30:01
น่าติดตามมากก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-12-2016 22:57:21
แหม อย่างน่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: THANZ ที่ 27-12-2016 23:13:34
ติดตามครับ รอคลายปมที่ติณกลับบ้านไม่ได้  :3123:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 27-12-2016 23:46:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 28-12-2016 00:26:56
แอบละลายไปเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ฮาย ที่ 28-12-2016 01:10:40
 :o8:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 28-12-2016 06:43:21
ปักหมุดรอคอยค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 28-12-2016 16:32:41
ติณณ์ใกล้ได้กลายเป็นที่รักตัวจริงแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 10] *Update 27/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 28-12-2016 19:59:41
ตอนที่ 11



เกาะลังกาวีมีอาหารพื้นเมืองที่น่าลิ้มลองมากมาย ถ้าบัฟฟอร์จไม่สรรหามาพวกเราก็คงไม่มีโอกาสได้กิน จะว่าไปเขาก็ใจดีเหมือนกันนะ แตกต่างจากตอนที่ชอบทำหน้าตาบูดบึ้งด้วยซ้ำ ระหว่างที่บัฟฟอร์จจัดอาหารอยู่ผมก็แอบถามไคว่าเขาอายุประมาณเท่าไหร่ เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าคาดคะเนอยู่นานก่อนจะตอบกลับมาว่าอายุประมาณ 28

ในที่สุดอาหารอันโอชะก็มาวางเรียงกันบนโต๊ะอาหาร ผมกับบัฟฟอร์จกำลังจะลงมือทาน แต่ทันทีที่เห็นว่าไคกำลังง่วงอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ผมจึงรอเวลาเพื่อทานพร้อมกันกับเขา

“ทำตัวเป็นเพื่อนบ้านที่ดีเหมือนกันนี่” บัฟฟอร์จทานไปด้วยพูดไปด้วย

“...”

ไคนิ่งเฉย ไม่แยแสคำถามนั้นแม้แต่น้อย ผมว่าไคคงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังแล้ว บัฟฟอร์ตถึงเกริ่นขึ้นมาแบบนี้ และท่ามกลางความเงียบที่ไร้ซึ่งคำตอบ จะให้นั่งเงียบไปเลยก็ดูกระอักกระอ่วน ผมจึงทำทีหยิบแก้วน้ำมาขึ้นมาดื่มเพื่อรอให้ไคเป็นฝ่ายสนทนากับบัฟฟอร์จไป

“คบกันนานหรือยัง”

อุบ!! น้ำแทบพุ่ง

“เราไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะครับ!” ผมพูดโพล่งกับบัฟฟอร์จอย่างทันทีทันใด จะหันไปบอกไคให้ช่วยพูดอะไรแก้ต่างหน่อย เจ้าตัวก็ดันหยิบช้อนขึ้นมากินเอาๆ

แหม...คราวนี้ล่ะกินใหญ่เชียว

“ไม่ต้องเขินหรอกน่า สมัยนี้เรื่องเพศมันเปิดกว้างแล้ว จะมัวปิดบังให้เหนื่อยกันทำไม” บัฟฟอร์จเท้าแขนไว้บนโต๊ะ หันไปมองไคที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วหัวเราะออกมา “ฉันน่ะเข้าใจโลกนี้ดี แต่มันน่าแปลกใจก็ตรงที่ขาโหดอย่างจ่าวีลมีความรักเนี่ยแหละ”

“ตอนกินข้าวเขาไม่มีใครพูดมากกันหรอก” พูดจบ ไคก็หันไปสบตาบัฟฟอร์จ “เดี๋ยวจะติดคอ”

สายตาพร้อมบวกมาก พวกเขาคงไม่ใช้โต๊ะกินข้าวเป็นสมรภูมิรบหรอกนะ

“โว้ว เป็นความลับซะด้วย...ดีแล้วล่ะ ให้มันลึกลับแบบนี้ตื่นเต้นดี” เจ้าของบ้านทานข้าวต่อ แต่ก็ยังไม่วายพูดทิ้งท้ายกับผม “คืนนี้จะทำอะไรก็ตามสบายเลยนะ ฉันเป็นคนนอนหลับลึก ต่อให้เสียงดังแค่ไหนก็ไม่ได้ยินหรอก”

โห...คิดไปถึงไหนว่ะเนี่ย ผมกำลังจะอธิบายเพื่อไม่ให้บัฟฟอร์จเข้าใจผิด แต่ไคดันพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“ไหนล่ะก๋วยเตี๋ยวแกง”

“อยู่ในครัว ไปตักเอาสิ”

“...” ไคเงียบ เป็นสัญญาณให้บัฟฟอร์จรู้ว่าเหมายถึงอะไร มันจึงไม่แปลกหากเขาจะเกิดอาการยัวะขึ้นมา

“ถามจริง คุณเห็นผมเป็นเจ้าบ้านอยู่หรือเปล่า ที่นี่ไม่ใช่กองทัพนะจ่า จะมาใช้อำนาจสั่งการผมเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ผมให้ที่ซุกหัวนอนแถมออกไปซื้ออาหารให้กินอีก ช่วยระแวงว่าผมอาจจะแอบวางยาในอาหารหน่อยเถอะ ไม่ต้องไว้ใจกันขนาดนี้ก็ได้”

“ฉันให้นายชิมทุกอย่างก่อนอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”

“เพราะงั้นผมถึงต้องเป็นคนไปเอาสินะ” บัฟฟอร์จหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปาก ใช้สายตาคาดโทษจ้องมองไคก่อนจะลุกจากเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์ น่าสงสารแฮะ

เมื่อโต๊ะอาหารเหลือเราแค่สองคน ผมจึงรีบเปิดประเด็นเรื่องที่ค้างคาใจทันที

“จะให้คุณบัฟฟอร์จเข้าใจเราผิดแบบนี้น่ะเหรอ”

“ใครเป็นเริ่มล่ะ” ไคพูดขณะที่ยังคงทานอาหารตรงหน้าอยู่

“ผมก็แค่เล่นละครเพื่อไม่ให้พนักงานที่โรงแรมสงสัย แต่ดูสิ เป็นเพราะคุณมันถึงได้เลยเถิดมาขนาดนี้ ก็รู้แหละว่าสนุกที่ได้ล้อผม แต่คุณไม่อึดอัดกับสายตาที่คุณบัฟฟอร์จมองเราเลยหรือไง”

“นายอึดอัด?” เขาวางช้อนลง แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมอย่างจริงจัง

“ผมก็แค่...”

...แค่ไม่อยากให้ใครเข้าใจคุณผิด

“รู้จักหมอนั่นแค่วันเดียวจำเป็นต้องแคร์คำพูดของเขาด้วยเหรอ ทีตอนออดอ้อนฉันต่อหน้าพนักงานที่โรงแรมนายยังหน้าระรื่นอยู่เลย ทำไม? เพิ่งรู้ตัวว่าอึดอัดหรือไง”

“คือ...”

“สุภาพบุรุษทั้งสอง! ก๋วยเตี๋ยวแกงมาแล้ว” บัฟฟอร์จปรากฏตัวพร้อมกับชามในมือ น้ำเสียงประชดประชันใช่เล่น หลังจากนั้นผมจึงไม่มีโอกาสพูดต่อ ซึ่งไคเองก็หยุดกินอาหารไปดื้อๆ

“บัฟ” คนพูดวางช้อนลง

“ว่า”

“ฉันกับติณณ์ไม่เป็นอย่างที่นายคิด...เลิกมโนได้แล้ว”

“What?”

“ขอตัว” คนตัวสูงลุกจากเก้าอี้ และกำลังจะเดินออกไป

“อิ่มแล้วเหรอครับ” ประโยคของผมทำให้เขาหยุดยืนและมองมาโดยไม่ปริปากพูดอะไร ซึ่งถ้าจะให้เดาสิ่งที่เขาคิดในเวลานี้ผมว่ายาก มันคิดได้หลายอย่างจนน่าสบสนไปหมด เพราะนอกจากสีหน้าที่เรียบเฉยแล้ว ท่าทางและน้ำเสียงพูดของเขามันมีอะไรมากกว่านั้น ผมรู้สึกตงิดใจแปลกๆ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

“เขายังเป็นโรคเฉยชากับคำถามเหมือนเดิม” บัฟฟอร์จพูดแค่นั้นก็หันไปทานอาหารต่อ ผมว่าพวกเขาค่อนข้างรู้จักกันเป็นอย่างดี แม้ไคจะบอกว่าไม่สนิทผมก็ยังอยากรู้ว่าเรื่องระหว่างพวกเขาเป็นมายังไง

ผมยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ลังเลอยู่สักพักก็ตัดสินใจถามบัฟฟอร์จทันที

“พวกคุณรู้จักกันได้ยังไงครับ”

“รักษาความเท่าเทียมเหลือเกินนะ ถ้าฉันถามได้นายก็ต้องถามได้งั้นสิ” โดนคำแหนบแนมชุดใหญ่ การอยากรู้อะไรจากผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแฮะ

“มันเป็นความลับเหรอครับ” ผมยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจ

“ฉันเคยถูกจับเข้าคุกในข้อหาโจรกรรมข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ เพราะดันไปเจาะระบบของบริษัทแห่งหนึ่งเพื่อขายข้อมูลให้กับบริษัทคู่แข่ง ประเด็นคือความเก่งกาจของฉันมันดันไปเข้าหูผู้บัญชาการทหารของกองทัพสหรัฐ พวกเขาก็เลยส่งวีลมาคุมตัวฉันเพื่อมาลองแฮกข้อมูลลับในวิธีการเดียวกัน แต่ตรงข้ามเป็นถึงฝ่ายศัตรูที่กำลังทำให้ความมั่นคงของชาติสั่นคลอน” บัฟฟอร์จวางช้อน และเริ่มพูดกับผมอย่างจริงจัง “พอภารกิจแรกเสร็จสิ้น ฉันได้ลดโทษตามสัญญา แต่จากนั้นไม่นานฉันก็โดนวีลคุมตัวไปๆ กลับๆ ระหว่างฐานทัพกับคุกเรื่อยมา พวกเขาใช้งานฉันคุ้ม จนบางวันแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ทั้งกดดันทั้งกลัวตาย ฉันว่าให้ติดคุกยังสบายดีกว่าอีก”

พอได้ฟังก็เข้าใจทันทีว่าไคเคยเป็นทหาร แล้วเพราะอะไรเขาถึงต้องฆ่าคนล่ะ...

“แล้วเรื่องที่เขาเคยถูกจับเข้าคุกข้อหาฆาตกรรมล่ะครับ คุณพอจะทราบรายละเอียดมั้ย”

“วีลน่ะนะ!” บัฟฟอร์จแสดงท่าทีตกใจ

“ครับ”

“การไม่ได้เจอเขามาเกือบสิบปี มันทำให้ฉันพลาดอะไรไปเยอะขนาดนี้เชียวเหรอ...สงสัยต้องสืบหน่อยแล้ว” ฟังจากที่พูด แปลว่าเขาไม่รู้ เท่ากับว่าความสงสัยนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องราวดำมืดอยู่ แต่เดี๋ยวก่อน! รู้สึกว่าเมื่อกี้มันจะมีอีกความสงสัยหนึ่งที่ยังค้างคาใจผมนะ

“ทำไมคุณถึงเรียกเขาว่าวีลล่ะครับ” ผมถาม

“เพราะเขาคือจ่าวีลไง ในกองทัพก็มีคนเรียกเขาด้วยชื่อนี้ทั้งนั้น ทำไม? นายคิดว่าชื่อเขาอะไร”

“เขาบอกว่าเขาชื่อไค”

“ไค?” เขาทวนชื่อพร้อมขมวดคิ้วหนัก “เพิ่งจะเคยได้ยิน อาจเป็นฉายาก็ได้มั้ง”

เอาล่ะ ถ้าผมถามบัฟฟอร์จต่อไปก็คงได้เพียงการคาดเดา เพราะนอกจากเรื่องในกองทัพแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่รู้อะไรอย่างอื่นเกี่ยวกับไคเลย ฉะนั้น ผมควรหาประเด็นใหม่เพื่อหาที่จบบทสนทนา

“เออ...เรื่องที่เขาขอให้คุณช่วยในวันนี้ คุณต้องช่วยเขาให้ได้นะครับ ถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยได้ ผมยินดีช่วยเต็มที่” แน่นอนว่าผมคงช่วยอะไรไม่ได้มากนอกเสียจากให้กำลังใจ แต่ดูท่าว่าเขาจะตีความสิ่งที่ผมพูดได้ลึกซึ้งกว่านั้น

“เนี่ยแหละน้า~ ความรัก ชัดเจนขนาดนี้ยังจะมาปฏิเสธกันอีก”

“เอ๊ะ?”

“พรุ่งนี้ฉันพยายามเจาะข้อมูลให้อย่างสุดฝีมือล่ะกัน ระหว่างนั้นพวกนายก็ไปเที่ยวที่เคเบิ้ลคาร์กันสิ ไหนๆ ก็มาถึงลังกาวีแล้ว จะหายใจทิ้งไปเฉยๆ ทำไม รู้มั้ยว่าการไม่ไปเหยียบเคเบิลคาร์ก็เท่ากับมาไม่ถึงลังกาวีนะ”

“ชีวิตเขากำลังอยู่ในขั้นวิกฤติ คงไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวไหนหรอกครับ”

“นายอย่าไปคิดแทนเขาสิ ลองชวนก่อน ถ้าเขาไม่ไปก็ไม่ต้อง”

 








หลังจากทานอาหารเสร็จ ผมเดินหอบผ้าห่มที่ขอคุณบัฟฟอร์จเพิ่มเข้ามาในห้อง เห็นไคกำลังเช็ดอุปกรณ์ปืนแล้วเตรียมประกอบเข้าไปใหม่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ถึงได้เห็นรังสีอำมหิตแผ่ซ่านอยู่รอบตัวเขา อยู่ๆ บรรยากาศก็อึมครึมขึ้นมาซะอย่างนั้น ผมเดินไปวางผ้าห่มไว้บนเตียง ลังเลอยู่นานว่าจะพูดเรื่องที่บัฟฟอร์จแนะนำดีมั้ย ขณะที่อีกใจโคตรจะกลัวเขาดุ หรือไม่ก็เงียบใส่ผมอย่างที่เคยทำบ่อยๆ

เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน

“เขาว่ากันว่า...วิวในลังกาวีจะสวยมากหากได้มองจากมุมสูง คุณอยากเห็นหรือเปล่าครับ” เป็นการพูดที่ใช้เวลาไตร่ตรองโคตรนาน ใจผมตุ้มๆ ต่อมๆ กลัวโดนด่าฉิบหาย

“เขาที่ว่านั่นใคร?” เสียงแข็งทื่อมาเชียว

สักวันผมต้องประสาทชนิดวิตกกังวลและหวาดระแวงขั้นวิกฤตแน่ๆ

“บัฟฟอร์จอยากให้ผมชวนคุณไปเที่ยวเคเบิ้ลคาร์น่ะครับ” พูดจบ ไคก็เงยหน้าขึ้นมามองผม

“ถ้าไม่มีฉันคอยประกบ หมอนั่นต้องทำงานชักช้าแน่”

“อ้อ...ผมก็ว่างั้น” รีบคล้อยตามโดยอัตโนมัติ เรื่องเคเบิลคาร์ถือเป็นอันตกไปละกัน

“อยากไปหรือไง”

“ผมยังไงก็ได้ครับ คุณว่าไงผมก็ว่าอย่างนั้น” ผมพูดตามที่คิดจริงๆ นะ ตอนนี้อยู่ในช่วงของการหลบหนี หากออกไปข้างนอกก็เท่ากับเสี่ยง และที่สำคัญคือเราต้องรีบหาตัวคนร้ายให้เร็วที่สุด

“แปลว่านายจะเชื่อฟังฉัน?”

“ครับ”

“งั้นอย่างแรก...”

ไคหยุดพูด เลื่อนสายตาจากผมลงไปมองผ้าห่มตรงปลายเตียง



“เอาผ้าห่มที่นายหอบมาไปคืนซะ”

 

 

 

 

 

 

 

 

หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 28-12-2016 20:18:34
อร้ากกกกกก.  ชอบบบบ รอคร้าบบบบ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 28-12-2016 22:37:31
ชอบบบบ จะวีลจะไคก็กร๊าวใจเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 28-12-2016 22:43:40
เอาผ้าห่มไปคืน ถ้าอากาศเย็นจะเป็นหวัดนะ
เป็นห่วงจัง
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-12-2016 00:24:49
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ฮาย ที่ 29-12-2016 00:45:22
ตีบวก ๆ  o18
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 29-12-2016 01:43:12
มีความเขิน และอมตะ ไคจะกินเด็ก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 29-12-2016 09:29:07
เอาไปคืนเพราะจะกอกกันใช่ม่ะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 29-12-2016 09:53:46
อุ๊ยตาย มีงอนๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 29-12-2016 11:48:24
สนุกจังครับ
คนแต่งขยันมากด้วย
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: J029 ที่ 29-12-2016 11:58:29
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-12-2016 13:51:04
ทำไมไค อารมณ์เสีย
ตอนที่ติณณ์กลัวคนเข้าใจผิด ว่าเป็นอะไรกันกับไค
เหมือนไค จะงอนติณณ์น่ะ
ไคคงคิดว่าติณณ์ไม่อยากเปนอะไรกับไคล่ะสิ
พอติณณ์ มาชวนไปเที่ยว
ไคเลยอารมณ์ดี แถมให้ติณณ์เอาผ้าห่มไปคืน
ไค อยากนอนผ้าห่มผืนเดียวกับติณณ์ละสิ
......ไคอยากกินเด็กใช่ปะ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 29-12-2016 16:06:55
ปักหมุด ตาม มีความน่าสงสัยและเงื่อนงำหลายอย่าง หุหุ พ่อกับแม่คงมีของที่คนร้ายต้องการ ติณน์พูดเยอะไปนะเรา 55+
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 29-12-2016 21:03:31
พ่อหนุ่มข้างบ้าน ลึกลับมาก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 29-12-2016 21:35:16
 :hao6:



ยังไงๆ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 29-12-2016 21:50:18
อา..โมเม้นท์ระหว่าง ชายไม่หนุ่ม ปากหนัก กล้ามโต กับหนุ่มน้อยหน้าใส ชวนแทะโลม นี่มันอะไรกันนะ หุหุ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 30-12-2016 01:10:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 30-12-2016 16:21:52
มันหนาวน้าาาา

จะคืนทำไม

รึจะใช้เนื้อห่มเนื้อ

หึหึหึ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 30-12-2016 20:42:07
เอาไปคืนทำไมคะคุณพี่ไค กลางคืนมันหนาวนะคะ
 :mew4: :mew4:
ชื่อไคนี่แฮกเกอร์ยังไม่รู้ แต่ทำไมหนูติณถึงรู้ล่ะคะ
ตอนนี้ขอแค่อย่าจบหักมุมประมาณว่าไคถูกสั่งให้มาพาติณไปนะคะ

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 11] *Update 28/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 31-12-2016 12:30:41
ตอนที่ 12



แสงแดดของเช้าวันใหม่สาดเข้ามาในห้อง มันแยงตาผมจนทำให้รู้สึกตัวและเริ่มขยับร่างเพื่อบิดขี้เกียจ จะบอกให้ว่าเตียงนุ่มในบ้านของบัฟฟอร์จต่างจากไอ้นวมแข็งๆ ในโรงแรมสามดาวนั่นมากโข คราวที่แล้วตื่นมาปวดเนื้อปวดตัวไปหมด แต่ครั้งนี้สบายๆ ลมเย็นจากอากาศด้านนอกทำให้เราไม่ต้องเปิดพัดลมด้วยซ้ำ

เดี๋ยวก่อนสิ!

เตียงน่ะนุ่ม แต่ทำไมหมอนมันแข็งวะ...

ผมรีบลืมตาตื่น สัมผัสได้ถึงไออุ่นของร่างกายมนุษย์ถัดไปประมาณครึ่งไม้บรรทัด เพียงเท่านี้ผมก็รู้ในทันทีว่าสิ่งที่ผมหนุนอยู่ไม่ใช่หมอน หากแต่เป็นแขนแกร่งของผู้ชายที่นอนกับผมทั้งคืน

ผมนอนบนแขนไค!

“เฮ้ย!” ผมสะดุ้งพร้อมลุกขึ้นนั่งบนเตียงโดยอัตโนมัติ และให้ตายเถอะ ผมเห็นเขาลืมตาชัดแป๋วเลย ถ้าตื่นก่อนผมแล้วทำไมถึงไม่ปลุกหรือผลักผมออกไปวะ จะมานอนหนุนแขนตัวเองในขณะที่อีกแขนก็ปล่อยให้ผมหนุนเพื่อ?

“คุณตื่นนานหรือยังครับ” ไม่รู้จักอธิบายความตกใจแรงในวินาทียังไง โคตรเสร่อ โคตรเอ๋อ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเขินผู้ชายด้วยกันขนาดนี้ แล้วต่อไปไคจะกล้านอนกับผมเหรอวะ ดูดิ ผมรุกล้ำเขตเขายังไม่พอ ดันเสือกไปนอนหนุนแขนเขาอีก ผับผ่าสิ!

“สักพักใหญ่”

เจ้าของร่างบึกบึนลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงอย่างไม่รู้สึกรู้สา ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนหรือมองตาขวางใส่ผมแต่อย่างใด เขายืดแขนตัวเองออกเพื่อยืดเส้นยืดสาย ได้ยินเสียงกึกจากกระดูกที ใจผมนี่ตกไปอยู่ตาตุ่ม

เพราะแบบนี้ไงผมถึงอยากได้ผ้าห่มเพิ่มแทนที่จะใช้ผ้าห่มร่วมกับไค คือผมเป็นคนติดผ้าห่ม ถึงอากาศจะร้อนก็ต้องมี เวลานอนผมมักจะเกลือกกลิ้งอยู่ในผ้าห่มเพราะมันให้ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรคุ้มครอง แต่เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นรู้มั้ย ผมต้องนอนเกร็งแม่งทั้งคืน แถมตื่นมาแต่ละครั้งก็พบว่าตัวเองห่มผ้าอยู่คนเดียว เดือนร้อนต้องลุกขึ้นมาห่มให้ไคทุกครั้ง เพราะงั้นผมถึงอยากได้ผ้าห่มเพิ่มอีกผืนไงเล่า

เฮ้อ...ไม่รู้ว่าเขาจะอยากให้ผมเอาผ้าห่มอีกผืนไปคืนทำไม

“ถ้าตื่นแล้วก็น่าจะปลุกผมสิครับ” เห็นแขนไคดูแดงๆ สงสัยผมจะนอนทับอยู่นาน โถ~ คงเมื่อยน่าดู

“ไปอาบน้ำซะ เดี๋ยวฉันจะเก็บมุ้งเอง”

“เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ผมดีกว่าครับ” ว่าแล้วผมก็ลุกออกไปปลดเชือกที่ขึงอยู่กับเสาทันที

“บอกให้ไปอาบก็ไปสิ ไหนบอกจะเชื่อฟังฉันไง”

“อ้า...ก็ได้ครับ” ผมจำต้องยื่นเชือกของมุ้งคืนให้กับไค ขณะเดินไปหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋า ผมเหลือบมองเขาพับมุ้งด้วยความเรียบร้อยและเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ

“ในห้องของบัฟมีเสื้อผ้าที่พอจะใส่ไปเที่ยวได้ ชอบตัวไหนก็เอามาใส่เลย ฉันจะไปบอกหมอนั่นให้” คำพูดของไคทำให้ผมประหลาดใจ

“ผมต้องไปไหนเหรอครับ”

“นายบอกเองว่าอยากไปเคเบิ้ลคาร์”

“หืม?” อ้อ เมื่อคืนนี้น่ะเหรอ “ผมแค่แนะนำเผื่อคุณจะอยากไป ไม่ได้แปลว่าผมอยากเองสักหน่อย” หลังจากพูดจบประโยค ไคค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“โกหกไม่เนียน” เขาเอ่ย “ถ้าไม่อยากให้ใครจับได้ก็ควรตีหน้าให้มันจริงจังกว่านี้”

ผมทำหน้าเหว่อชนิดกู่ไม่กลับ โดนด่าว่า ‘คนโกหก’ ยังไม่เจ็บเท่าคำว่า ‘โกหกไม่เนียน’ มันให้ความรู้สึกเหมือนผมไม่มีความสามารถพอ แต่มันจะเป็นไปได้ไงวะ ผมไม่ใช่คนใสซื่อหรือคนดีขนาดไม่เคยโกหกนะเว้ย เอ๊ะ! หรือว่าไคจะเก่งเรื่องการวิเคราะห์คนเหมือนแม่ผม

ไม่นานผมก็เห็นไคเดินไปที่ประตู   

“คุณจะ...”

“ฉันจะไปบอกบัฟฟอร์จเรื่องเสื้อผ้าที่นายจะขอยืมใส่” เขาตอบผมทั้งๆ ที่ยังถามไม่จบ เหมือนรู้ว่าจะโดนถาม ‘คุณจะไปไหน’ ซึ่งผมก็แอบดีใจนะ อย่างน้อยเขาก็ทำตามคำที่ผมเคยขอ... 

“ขอบคุณครับ”

 










เคเบิ้ลคาร์เป็นที่เที่ยวยอดฮิตของเกาะลังกาวี ระหว่างเดินทางมาไคเล่าให้ผมฟังว่ามันสูงมาก และตั้งอยู่กลางหุบเขา หากวันนี้มีคำเตือนเกี่ยวกับสภาพอากาศจนไม่สามารถขึ้นกระเช้าไปได้ เขาก็จะพาผมไปเดินเล่นที่ชายหาดใกล้ๆ แทน

เมื่อรถยนต์ขับมาถึง ผมเห็นร้านขายอาหารและของที่ระลึกมากมาย ดูจากจำนวนนักเที่ยวแล้วผมว่าวันนี้เคเบิ้ลคาร์เปิดให้บริการแน่ ไคบอกผมให้รออยู่บริเวณทางเข้าเดี๋ยวเขาจะไปซื้อตั๋วมาให้ จากนั้นก็ไปรอขึ้นกระเช้าที่ขึ้นได้ครั้งละหกคน ฉะนั้นในกระเช้าจึงมีคนอื่นอยู่รวมกับพวกเรา 

กระเช้าค่อยๆ เคลื่อนไปเรื่อยๆ ผมเริ่มเห็นผืนผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์กลางหุบเขา เห็นทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล รวมทั้งเกาะเล็กเกาะน้อยมากมาย เชื่อว่าภาพพวกนี้ต้องเป็นความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืมแน่ๆ เพราะนอกจากวิวสวยๆ ที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ผมก็ยังผู้ร่วมเดินทางเป็นชายชาวต่างชาติที่มีโอกาสรู้จักกันในระยะเวลาสั้นๆ

“วิวสวยใช่ได้เลย” ใบหน้าผมแทบจะติดกับกระจก ส่วนไคก็เอาแต่นั่งกอดอกพร้อมยกขาขึ้นไขว่ห้าง ช่างเป็นความนิ่งเฉยที่ไม่มีอารมณ์ร่วมกับสถานการณ์เอาซะเลย

“มาถ่ายรูปกัน” ผมหันไปพูดกับไค ขอสักหน่อยเถอะ ไหนๆ ก็มาแล้ว

“ฉันไม่ชอบ”

“แต่ผมอยากมีรูปที่ถ่ายกับคุณสักภาพหนิ จะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเราเคยมาที่นี่ด้วยกันไง” ผมเอียงคอมองด้วยสายตาเว้าวอน จนเขาถึงกับถอยหายใจยาว

“น่ารำคาญ”

เขาบ่นอุบอิบ แต่ก็อุตส่าห์หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา ผมเลยจับมาเปิดกล้องและทำการถ่ายเซลฟี้ด้วยการโน้มตัวไปใกล้เขา แต่ให้ตายเถอะ สีหน้าของคนข้างๆ ผมโคตรจะไร้อารมณ์ ก็รู้ว่าถูกขอให้ร่วมมือโดยที่ไม่อยากทำ แต่ช่วยกันหน่อยเถอะ เราไม่ได้มาถ่ายบัตรประชาชนกันนะเว้ย

“ยิ้มหน่อยสิครับ” ผมถึงกับลงทุนทำปากมุ่ยพร้อมกระพริบตาปริบๆ ให้ในชนิดที่ว่าชาตินี้ต้องจารึก เขาก็ควรให้ความร่วมมือนะ เพราะตอนขอเงินแม่ซื้อคอมพิวเตอร์ผมยังไม่ทำขนาดนี้เลย

ไคหลับตาลงอย่างจำใจ บริหารใบหน้าชั่วครู่ก่อนจะเผยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก ผมรีบถ่ายอย่างไว แถมยังใช้โหมดแบบถ่ายรัวๆ รัวแล้วรัวอีกจนไคต้องเหลือบตามองมา

“พอ!”

น้ำเสียงจับได้ว่านั่นเป็นคำสั่ง ผมจึงลดโทรศัพท์ลงในขณะที่ยังยิ้มแย้มอย่างสาแกใจ เลื่อนรูปดูไปขำไป นึกได้ว่านี่เครื่องนี้เป็นโทรศัพท์ของไค ถ้าอยากได้รูปพวกนี้บ้างก็ต้องให้ไคส่งมาให้

“แอดไลน์ผมด้วยนะ” ผมหันไปบอกเขา

“ทำไม?”

“คุณจะได้ส่งรูปนั้นมาให้ผมในไลน์ไง” ไคนั่งคิดสักพักก่อนจะเอ่ยตอบ

“ฉันไม่มี”

“ไม่มีก็สมัครดิ...”

“...” เงียบแบบนี้หมายความว่าไง อย่าบอกนะว่าทำไม่เป็น

“ผมสมัครให้ละกัน” ว่าแล้วผมก็จัดการทำทุกอย่างให้ แม้กระทั่งตั้งชื่อไลน์ของเขาและเปลี่ยนภาพโปรไฟล์เป็นรูปที่เราเพิ่งถ่ายกันไป หลังจากนั้นก็ค้นหาไอดีของผมแล้วกดแอดไป

“นี่ไลน์ผมนะ” ผมยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู “ถ้ากลับไปอเมริกาแล้วคิดถึงผมขึ้นมา ก็อย่าลืมทักหากันล่ะ”

ไคไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น จากสภาพแล้วผมว่าเขาไม่น่าจะเล่นพวกแอฟพิเคชั่นในมือถือเท่าไหร่ โผล่มาจากยุคไหนวะเนี่ย ถึงจะอายุมากแล้ว แต่คนที่แก่กว่าเขาเป็นสิบปีก็ยังเล่นเป็นเลย

“นายสะกดชื่อฉันผิด” หืม? ที่จ้องอยู่นานเพราะเอ๊ะใจเรื่องนี้น่ะนะ

นอกจากชื่อจะเรียกยากแล้วยังสะกดยากอีก ผมเลยพิมพ์ไปง่ายๆ ว่า ‘KAI’

“งั้นคุณสะกดมา เดี๋ยวผมอีดิสให้”

“ช่างเถอะ” พูดจบก็เก็บโทรศัพท์ใส่เป๋ากางเกง ผมมองการกระทำของเขา จนกระทั่ง...

“ไว้ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน ฉันจะเป็นคนเปลี่ยนเอง”

พูดคลุมเครืออีกแล้ว ผมละอยากรู้วิธีง้างปากผู้ชายคนนี้ซะเหลือเกิน!

 






ไม่นานกระเช้าก็ขึ้นมาถึงสถานีปลายทาง ผมกับไคเดินลงมาตรงจุดชมวิวเพื่อรับลมเย็น แดดอ่อนๆ ทำให้การขึ้นมาบนนี้มีอากาศสบายๆ จากจุดชมวิวทำให้ผมมองเห็นท่าเรือเปโตรนาสชัดเจน และนอกจากนี้ก็มีทางเดินจากสถานีไปถึงตัวสะพานที่สามารถเดินได้ด้วย ผมกำลังคิดว่าไคจะเดินไปด้วยกันหรือเปล่า เพราะตัวสะพานมันพาดระหว่างหุบเขา หากมองไปด้านล่างมันก็เหวดีดีนี่เอง แต่พอคิดดูอีกที ผมว่าคนอย่างเขาไม่น่าจะกลัวอะไรหรอก

นั่นไง! พูดไม่ทันขาดคำเขาก็เดินนำผมไปละ

“เดินมาสักที” พอเห็นผมยืนมองก็เร่งกันทันที

อืม...จะว่าไป เขาเคยพูดอะไรบางอย่างกับผมไว้นี่หว่า สงสัยต้องจัดให้สักหน่อยละ จะได้รู้ว่าวิถีคนจริงมันเป็นยังไง การมาดูถูกผมแบบนั้นมันยังเร็วไป

โอเค แอคชั่น!

“สะพานมันสั่นๆ ด้วย ผมกลัว ไม่กล้าเดินต่อแล้ว” ริมฝีปากสั่นระริก ผมรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว

“เดินมา” เสียงเข้มออกคำสั่ง

“ผมรอคุณอยู่ตรงนี้ได้มั้ย”

ไคทำหน้าเอือมระอา ก่อนจะเดินกลับมายืนตรงหน้า เขาฉายแววตาสีฟ้าเพื่อเพ่งมองผมอย่างไม่ลดละ อาจกำลังคิดว่า ‘ควรเอายังไงกับเด็กคนนี้ดี’ จนในที่สุด มือหนาที่เอาแต่ซุกซ้อนอยู่ในกระเป๋ากางเกงมาตั้งแต่เมื่อกี้ยื่นมาใกล้ เขาดึงมือข้างหนึ่งไปจับไว้อย่างมั่นคง วินาทีนั้นผมสะดุ้งเฮือก เบิกตากว้างด้วยความตกใจ และกว่าจะรู้ตัวอีกที ผมก็โดนคนตรงหน้าจับมือเดินลงไปตรงสะพานซะแล้ว

มืออุ่นๆ ทำให้หัวใจผมรู้สึกหวิวแปลกๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นผลข้างเคียงจากความสูงที่เราต้องข้ามผ่านหรือเปล่า แต่อีกใจหนึ่งผมกลับสุขใจ ซึ่งดูได้จากรอยยิ้มที่ผมเผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว อยากรู้จังว่าคราวนี้ไคต้องใช้ความอดทนกับผมแค่ไหน ถึงได้ยอมช่วยเหลือคนกำลังกลัวด้วยวิธีนี้

คนตัวสูงเดินไปเรื่อยๆ ก้าวเท้าไม่หยุดจนไกลออกไป ผมเชื่อแล้วล่ะว่าเขาไม่มีความเป็นนักท่องเที่ยวอยู่ในจิตใจ เหมือนมางั้นๆ คนส่วนใหญ่เที่ยวกันตรงไหนก็เดินๆ ให้มันจบๆ

เวลาผ่านไปสักพัก เราก็เดินมาจนสุดทาง...

“หูย~ ลมแรงชะมัด” ผมดึงมือตัวเองออกแล้วเดินไปจับราวสะพาน ด้วยอากัปกิริยาแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง ก็แหงล่ะ ผมไม่กลัวความสูงจริงๆ สักหน่อย เหตุผลที่ทำก็แค่อยากแสดงการ ‘โกหกอย่างเนียนๆ’ ให้ไคเห็นเท่านั้นเอง

“นี่ไค...” ผมเรียกคนที่เพิ่งเดินมายืนข้างๆ “เมื่อกี้ผมจริงจังพอยัง?”

“...” ไคเลิกคิ้วเล็กน้อย

“ผมแกล้งกลัวซะเนียนเลยชะ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่เดินเข้ามาจูงมือผมหรอก จริงมั้ย” พูดตามตรงผมก็ไม่อยากกวนตีนเขาหรอก แต่เพราะคำพูดประโยคนั้นมันเลยทำให้ผมอดไม่ได้จริงๆ

‘โกหกไม่เนียน...ถ้าไม่อยากให้ใครจับได้ก็ควรตีหน้าให้มันจริงจังกว่านี้’

นึกแล้วก็ขำ พอผมทำท่าว่ากลัวไคก็เดินมาจับมือผมเลย เห็นอย่างนี้เขาก็มีมุมอบอุ่นเหมือนกันนี่หว่า

“ฉันรู้อยู่แล้วว่านายแกล้ง”

“หา?”

ไม่จริงน่า ถ้ารู้แล้วจะมาจับมือผมทำไม...เอ๊ะหรือว่า มันเป็นการหลอกซ้ำหลอกซ้อน ดักทางผมได้แล้วก็ตระหลบหลังกันอะไรแบบนี้น่ะเหรอ

โหย ร้ายกาจ~

“วิวบนนี้สวยสุดยอดเลย ผมจะจำภาพนี้ไว้ แล้วเอาความทรงจำกลับไปวาดรูปที่บ้าน” รีบเปลี่ยนเรื่องอย่างไว

“นายเรียนอยู่ปีไหน?”

“ปี 2 สาขาจิตรกรรมครับ” พอพูดถึงเรื่องเรียนผมก็นึกอะไรขึ้นได้ “จะว่าไป...ผมยังวาดรูปที่ต้องส่งอาจารย์ค้างไว้อยู่เลย การวาดรูปนามธรรมเกี่ยวกับความรักที่มองไม่เห็นเนี่ย เป็นหัวข้อที่ยากมากเหมือนกันแฮะ”

“ความรักก็เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่แล้ว” เขาเอ่ยคล้ายกับพูดขึ้นมาลอยๆ

“ใช่ครับ เพราะมันสัมผัสได้ด้วยใจไง...ใช้ใจสัมผัสและค่อยๆ รับความรู้สึกนั้น”

“ความรู้สึกแบบไหน?”

ได้ยินคำถามนั้นแล้วผมก็หันไปมองไค และเชื่อมั้ยว่ายิ่งมองเขาก็ยิ่งเหมือนประติมากรรมชิ้นเอก เมื่อยามผมปลิวไสวท่ามกลางสายลมยิ่งโคตรเท่ห์ มันปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นที่มีเสน่ห์จริงๆ ผมชักเริ่มเชื่อที่เขาบอกว่ามีคนมองเพราะเห็นว่าเขาหล่อแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ผมมองใบหน้ามุมข้างของไค มากกว่าการชมวิวซะอีก!

“นั่นสิ ผมไม่เคยมีความรักเลยไม่ค่อยใจมั่นใจเท่าไหร่ เพราะงั้นถึงวาดไม่เสร็จสักที” ผมหยุดคิดอะไรสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “ผมว่าความรักมันมีหลายนิยาม แต่มันวิเศษตรงที่ไม่มีเหตุผล อยู่ๆ ก็เกิดขึ้น หรืออยู่ๆ ก็หายไป อนุภาพของมันเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างได้ อันที่จริง...แค่รู้สึกดีกับใครหรือสิ่งไหน มันก็คือการเริ่มต้นของความรักแล้วนะ เพียงแต่มันจะเป็นความรักในรูปแบบไหนเท่านั้นเอง”

ไครับฟังโดยไม่ออกความเห็น ทว่าอยู่ๆ คำพูดประโยคหนึ่งก็ออกมาจากปากของเขา...



“แสดงว่าฉันก็มีความรักแล้วสิ”

 










 
************
ถือเป็นการลงต้อนรับวันปีใหม่เพื่อเป็นของขวัญให้กับทุกคน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์เป็นกำลังใจจ้า  :mew1: :mew1: จะพยายามอัพอย่างสม่ำเสมอ ยังไงก็เอาใจช่วยทั้งคู่ให้ผ่านอุปสรรคทั้งปวงไปได้ด้วยน๊าาาา

 :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:  :pig4:
 

 

 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 31-12-2016 12:42:40
ขอบคุณคนแต่งสำหรับของขวัญปีใหม่ครับ
HNY2017
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 31-12-2016 13:14:03
ขอบคุณและHNYคร้าบบ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 31-12-2016 16:23:26
ถ้าถึงเวลานั้นจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรคะ
แล้วประโยคสุดท้ายนั่่นหมายความว่าไงคะ ว๊ายๆ
  :impress2: :impress2:

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-12-2016 18:45:24
❤️ HAPPY NEW YEAR  ขอให้ไรท์ มีความสุข
。◕‿◕。
ไค ยอมรับแล้วว่าตัวเองมีความรัก
ไค ทำให้ติณณ์ หนุนแขนตัวเอง  :katai1:
หรือติณณ์ ไปหนุนแขนไค ซะเอง  :katai1:   
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 31-12-2016 20:02:48
เดี๋ยวๆนีทริปหนีตายหรือทริปฮันนีมูนจ๊ะทำไมมันถึงได้หวานแบบนี้
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 31-12-2016 21:23:23
อร๊ายย. แอบมีความโรแมนติกส่งท้ายปี.
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 31-12-2016 21:40:04
HNYค่า ชอบมากเลยยยย
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 31-12-2016 21:48:53
ประโยคสุดท้ายรู้สึกเหมือนโดนหมัดน็อคเลย  :-[
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 01-01-2017 00:29:01
ตายแล้วววววววววววววว เขินรับปีใหม่กันเลยทีเดียวเรา ในชีวิตจริงจะมีผู้ชายแบบนีมั๊ยน้อออ บอกเลยถ้ามีจริงนี่พ่ายแพ้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: nuchhxk ที่ 01-01-2017 02:20:37
happy new year ค่า
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 01-01-2017 02:32:45
นุงติณณ์ นุงเด็กขี้อ่อย...แต่เฮียไคเราอ่อยกว่า ฮ่าๆๆ :katai3:

 สวัสดีปีใหม่ค่าาา~
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: ฮาย ที่ 01-01-2017 02:35:35
สวัสดีปีใหม่ครับ เรื่องนี้สนุก ชอบบ 55 จะติดตามต่อไปเลย ขอบคุณค๊าบบบ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-01-2017 18:24:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 12] *Update 31/12/59
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 03-01-2017 21:41:11
ตอนที่ 13



หลังจากลงมาจากเคเบิ้ลคาร์ ไคก็พาผมไปนั่งทานข้าวที่ร้านอาหาร บอกตามตรงว่ารสชาติอาหารบนเกาะลังกาวีถูกปากผมมาก ตอนนี้ผมกำลังจะสั่งเมนูที่ไม่ซ้ำกับไอ้ที่ทานไปเมื่อคืน แต่พอกวาดตาดูแล้วมันหลากหลายเสียจนผมเลือกทานไม่ถูก และเพราะมัวแต่เลือกเนี่ยแหละ คนที่นั่งตรงข้ามถึงทำเสียงแข็งใส่ผม

“ทำไมไม่สั่งสักที” ในเมื่อเร่งมาขนาดนี้ ผมคงต้องแล้วแต่เขาแล้วล่ะ

“คุณสั่งเลยครับ ผมกินได้หมด” พูดจบก็ยื่นเมนูคืนให้กับพนักงานที่กำลังรับออเดอร์

“ขอเมนูนี้สองที่ แต่อีกที่หนึ่งไม่เอาผัก”

“ผมด้วยครับ ผมก็ไม่เอา” ได้ยินไคพูดเรื่องผักผมรีบขอแนวร่วมทันที ไม่ยักรู้ว่าไคก็ไม่กินผักเหมือนผม แบบนี้เส้นทางการมีสุขภาพที่ดีโดยไม่พึ่งผักก็พอเป็นไปได้แล้วล่ะ

“ก็สั่งให้แล้วไง” หืม?

“คุณรู้ด้วยเหรอว่าผมไม่กินผัก”

“เท่าที่ดูวิธีการกินของนายในหลายวันมานี้ ฉันก็รู้แล้ว” โอ้โห~ โคตรช่างสังเกต “โตป่านนี้แล้วยังจะเลือกกิน”

ได้ยินเขาพูดแบบนั้นแล้วยัวะมากบอกเลย ไม่เข้าใจว่าคนสูง 180 อย่างผมทำไมถึงมีแต่คนมองว่าเด็กจังวะ จริงอยู่ที่หน้าตาผมดูละอ่อน แต่รสนิยมการแต่งตัวบวกกับสติปัญญาของผมมันไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเป็นเด็กเลยนะ

“แค่ไม่กินผักมันเอามาวัดเรื่องการเจริญเติมโตได้ด้วยเหรอครับ” ยอมรับว่าตั้งใจย้อน แต่พอเห็นสายตาพิฆาตที่เงยหน้าขึ้นมามอง ผมนี่รีบเปลี่ยนเรื่องแทบไม่ทัน “คุณจะไปไหนต่อหรือเปล่า”

“ฉันว่านายคงลืมไปแล้วว่าเรากำลังหลบหนีอยู่” นั่นไง โดนมาหนึ่งดอก ไม่มีความยอมกันแต่อย่างใด 

“ตอบไม่ตรงคำถาม”

“มีที่ที่อยากจะไปอีกหรือไง”

“เปล่าครับ”

“งั้นก็กลับ” เป็นการจบบทสนทนาฉบับไคจริงๆ

ระหว่างรอให้อาหารมาเสิร์ฟ อยู่ๆ ผมก็นึกไปตอนที่ไคพูดทิ้งท้ายทำนองว่าตัวเองอาจมีความรัก กะว่าจะถามกลับแต่ไคดันเดินหนีผม พอมารู้ตัวอีกทีก็มานั่งในร้านอาหารนี้ละ

“ตอนอยู่ที่เคเบิ้ลคาร์ คุณบอกว่าตัวเองอาจมีความรัก...มันคือเรื่องจริงใช่ป่ะ” ไคไม่ตอบกลับทันที เขาเงียบไปสักพักก่อนจะตอบโดยไม่มองหน้าผม

“อาจจะ”

“เธอคือคนที่คุณกำลังตามหาหรือเปล่า” พอพูดจบ ไคหันมาจ้องผมทันที

“ชีวิตฉันมันน่าสนใจนักหรือไง นายถึงเอาแต่ถามไม่หยุด ถ้าฉันถามเรื่องของนายบ้างนายจะตอบมั้ย”

“ลองถามมาสิครับ” เอาเลย ผมพร้อมจะเล่าทุกอย่างอยู่แล้ว ให้รู้ไปเลยว่าผมเป็นคนจริงใจแค่ไหน เขาจะได้รู้ว่าสังคมมนุษย์ต้องมีความเข้าอกเข้าใจกัน ไม่ใช่ทำตัวลึกลับให้อีกฝ่ายเอาแต่ตั้งข้อสงสัยแบบนี้

มา! สาดคำถามมาเลย

“ที่บอกว่าไม่เคยมีความรัก แปลว่ายังไม่มีแฟนใช่มั้ย”

“...”

ผมอ้าปากค้าง สะตั้นไปพักใหญ่ถึงจะเรียกสติทั้งหมดกลับมาได้

“ผมเคยไม่แฟนหรอกครับ” เชี่ยเอ้ย! โคตรอายเลย ไม่ได้ๆ จะให้เขาเล่นเราฝ่ายเดียวได้ไง พอนึกถึงคำที่บัฟฟอร์จเคยพูด ผมก็พูดโพล่งออกไปทันที “ว่าแต่...คุณเองก็ไม่เคยมีใช่ป่ะ”

เฮือก...หลังจากพูดไปแล้วผมเพิ่งรู้ตัวว่ามันเป็นคำถามที่ควรเลย พับผ่าสิ!

“พอฉันยอมตอบเข้าหน่อยก็ปีนเกลียว แบบนี้เขาเรียกว่าเคารพตรงไหน”

“แต่คุณเป็นคนถามผมก่อนนะครับ”

“นั่นไง เถียงคำไม่ตบฟาก” โว้ว รู้จักใช้สำบัดสำนวนซะด้วย

“ผมว่าคุณมีวิธีเลี่ยงตอบคำถามได้หลากหลายเหมือนกันนะ”

“ยังไง?”

“ถ้าอย่างตอนนี้ก็...เรียกว่าเฉไฉ แต่ถ้าเล่นใหญ่หน่อยก็คงเป็นตอนที่ผมถามว่าคุณเป็นใคร คิดว่าการผลักผมลงกับเตียงแล้วขึ้นคร่อมจะทำให้ผมตกใจจนพูดอะไรต่อไม่ได้ล่ะสิ” พอพูดถึงเรื่องเมื่อคืน ภาพในหัวก็เข้ามาเป็นฉากๆ ผมยังจำได้เลยว่าใบหน้าเขาคมคายแค่ไหน “แต่เสียใจด้วยที่คุณคาดการณ์ผิด เพราะความอยากรู้ของผมมันมีมากกว่าที่คุณคิด” ดูก็รู้ว่าไคจงใจทำให้สติผมกระเจิดกระเจิง แกล้งกันด้วยวิธีที่คาดไม่ถึงแบบนี้แสดงว่าเขาต้องมีจุดประสงค์แน่ๆ

“อย่าพูดเหมือนรู้จักฉันดีหน่อยเลย”

“ก็มันแปลกหนิ วันแรกๆ ผมเข้าใกล้คุณหน่อยเดียวก็ตาขวางใส่แล้ว แต่นี่อะไร อยู่ๆ ก็จู่โจมผมแบบไม่ทันตั้งตัว ดูยังไงมันก็มีบางอย่างแอบแฝงชัดๆ” ผมพูดจบอาหารก็มาเสิร์ฟพอดี

“งั้นคราวหน้าถ้ารำคาญคำถามของนายมากๆ...ฉันจะหาอะไรมายัดปากนายแทน”

ผมกลืนน้ำลายลงคอโดยอัตโนมัติ และเชื่อเถอะว่าไม่ใช่เพราะเห็นอาหารตรงหน้าแน่ๆ...

 











พวกเรากลับมาถึงบ้านประมาณบ่ายโมง จากนั้นผมต้องนั่งถอนหายใจทิ้งระหว่างรอไคเข้าไปดูความคืบหน้าในการแฮกข้อมูลของบัฟฟอร์จในห้องทำงาน จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น พวกเขาบอกให้ผมทานข้าวไปก่อนแถมยังบอกให้ผมหาอะไรทำแก้เบื่อด้วย พอผมบอกว่าจะช่วยอีกแรงไคก็ปฏิเสธ บอกว่าผมช่วยอะไรไม่ได้หรอก จากนั้นก็หยิบสมุดกับดินสอมาให้ผม อยากให้ฆ่าเวลาด้วยการวาดรูปที่ผมถนัด ก็รู้นะว่ารำคาญที่ผมคอยเสนอตัว แต่จะให้มานั่งวาดรูประบายสีในเวลาแบบนี้มันใช่มั้ยเนี่ย

ผมนอนคว่ำราบไปกับเตียง ลงมือสเก็ตภาพเรื่องราวที่ผมกับไคไปเที่ยวกันมาวันนี้ ทว่าจู่ๆ ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีสี่ทุ่มกว่า เมื่อกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วพบว่าตัวเองอยู่คนเดียว แสดงว่าไคยังไม่วางมือกับการหาร่องรอยคนร้าย และเพื่อไม่ให้ตัวเองไร้ประโยชน์มากไปกว่านี้ ผมจึงตัดสินใจเดินไปที่ครัวเพื่อชงกาแฟให้พวกเขาดื่ม

กระทั่งเดินมาถึง ผมเห็นบัฟฟอร์จกำลังกะปริมาณกาแฟกับน้ำตาลใส่แก้วพอดี แสดงว่าผมมาช้าไปนิดเดียว ก็เลยตัดสินใจเดินเบี่ยงไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม โดยระหว่างนั้นผมก็มองหน้าเขาไปด้วย

“มีอะไร” บัฟฟอร์จคงรู้สึกได้ว่าผมมองอยู่

“ผมกะว่าจะมาชงกาแฟให้ แต่คุณกลับตัดหน้าผม” สิ้นเสียง ผู้เป็นเจ้าของบ้านก็เงยหน้าขึ้นมามองผม เห็นได้ชัดว่าเขามีความอ่อนเพลียจากตาปรือๆ และการหยิบจับอะไรที่ช้าลง

“ฉันรู้ว่านายกังวล แต่ไปนอนเถอะ ฉันจะได้ไปรายงานจ่าวีลว่านายหลับไปแล้ว”

“ทำไมต้องรายงานด้วยล่ะครับ”

“ก็หลังจากชงกาแฟเสร็จ จ่าวีลเขาสั่งให้ฉันไปเอาไฟเช็คในห้องนั่นให้น่ะสิ” หืม? ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องที่ผมต้องไปนอนเลยนี่หว่า “ตอนไหว้วานกันไม่ได้มองเล้ยว่าไฟแช็คของฉันวางอยู่บนชั้นเหนือหัวไปนิดเดียว คนช่างสังเกตอย่างเขาจะไม่เห็นได้ไง เป็นไปไม่ได้หรอก หึ...อยากให้ฉันเข้าไปในห้องเพื่อทำเนียนถามฉันว่านายนอนหรือยังซะมากกว่า” แม้จะพูดเอื่อยไปหน่อยแต่ผมก็ฟังจนจบ ไม่คิดเลยว่าไคจะเป็นห่วงผมขนาดนี้

“แล้วพวกคุณใกล้จะค้นหาตัวตนของคนร้ายเจอหรือยังครับ” ผมถาม

“ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืน”

“แสดงว่าใกล้แล้ว”

“ถือว่านายโชคดีที่ได้เขาช่วยเอาไว้นะ เพราะฉันรู้สึกได้ว่าคนร้ายพวกนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่...ก็เล่นลึกลับ ไม่มีข้อมูลรั่วไหลอะไรเลย ทำให้ฉันหัวหมุนได้เกิน 24 ชั่วโมงขนาดนี้ ถือว่าเจ๋งพอควร” ได้ยินแบบนั้นแล้วผมยิ่งหวั่นใจ พวกมันมีกันหลายคน ไคจะจัดการยังไงไหว เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงชัดๆ

“แล้วไคจะไม่เป็นไรเหรอครับ เขาบอกผมว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีของเขา”

“อืม...เขาคงไม่อยากให้นายมาเสี่ยงด้วยล่ะมั้ง” บัฟฟอร์จพูดไปคนกาแฟไป “ตอนขอให้ฉันช่วย จ่าวีลเล่าแค่ว่านายถูกคนร้ายบุกเข้าบ้าน เขาก็เลยช่วยเหลือนายด้วยการพาหนีออกมา แต่สุดท้ายในข่าวกลับบอกว่าเขาดันเป็นคนร้ายลักพาตัวซะเอง พูดแล้วก็ตงิดใจแปลกๆ คดีแค่นั้นเขาน่าจะแก้ปัญหาด้วยการพานายไปส่งแล้วหนีออกนอกประเทศเลยสิ ทำไมจะต้องหาทางจับตัวคนร้ายให้ได้ด้วย หรือถ้ามองเป็นเรื่องของภาพพจน์ก็ยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ ในเมื่อนายบอกเองว่าเขาเคยถูกจับเข้าคุก ฉะนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหาทางให้ตัวเองพ้นผิดนี่หว่า...ลองเป็นคนอื่น ฉันว่าป่านนี้คงนั่งจิบไวน์แดงบนเครื่องบินไปแล้ว”

ผมคิดตามคำพูดของบัพฟอร์จก็แอบเห็นด้วยในหลายๆ อย่าง จนท้ายที่สุดก็เข้าใจได้ด้วยการกระทำของไคในหลายวันมานี้ เขาทำให้ผมรู้ว่าจุดประสงค์ทั้งหมดคืออะไร

“ไคต้องจับตัวคนร้ายให้ได้ เพราะกลัวว่าครอบครัวผมจะเป็นอันตรายน่ะครับ” ผมเอ่ยก่อนจะก้มหน้าลง “เขาช่วยเหลือผมขนาดนี้ สักวันผมต้องตอบแทนความมีน้ำใจของเขาให้ได้”

“แค่มีน้ำใจมันไม่น่าจะทำให้เขาทุ่มเทขนาดนั้นหรอกน่า” คำพูดของบัฟฟอร์จทำให้ผมขมวดคิ้วหนัก

“คุณจะพูดอะไรเหรอครับ”

“ตั้งแต่รู้จักจ่าวีลมา ฉันไม่เคยเดาสีหน้า ท่าทาง หรือความคิดของเขาได้เลย”

จากนั้นคนตรงหน้าก็จ้องผมด้วยแววตาที่ฉายแววจริงจัง...




“แต่ตอนนี้ฉันโคตรจะมั่นใจ...ว่าเขาคิดอะไรอยู่”











 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 03-01-2017 21:51:27
คิดจะเคลมเด็กใช่ไหม //ต่อประโยคให้ :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 03-01-2017 22:03:46
ฮอลลลล.  ขออีกนะ พรีสสสส
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-01-2017 22:27:53
จ่าคิดจะกินเด็กทีต้องลงทุนขนาดนี้เลยเหรอ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-01-2017 23:37:47
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-01-2017 23:43:30
 :z13:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 04-01-2017 00:02:22
รู้นะ ฉันรู้นะว่าเธอคิดอะไรอยู่~~ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 04-01-2017 00:46:45
นี่ขนาดเราไม่เคยรู้จักจ่าวีลมาก่อน เรายังมั่นใจเลยว่าตอนนี้จ่าคิดอะไรอยู่

จ่าจะเป็นอมตะะะะะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 04-01-2017 00:54:14
แล้วจ่าคิดอะไรรู้ล่ะจ๊ะ บอกให้น้องรู้หน่อย
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-01-2017 00:57:11
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 04-01-2017 11:22:56
บัฟจะมาทิ้งชั้นไว้กลางทางแบบนี้ไม่ได้นะ!!!!!!
อยากรุ้อ่า ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง 555555
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-01-2017 14:06:48
จ่าอยากเป็นอมตะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 04-01-2017 14:13:28
ทำไม คิดอะไรหรือ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 04-01-2017 15:44:44
คิดอะไรค่ะ ท่านบัพโปรดชี้เเนะ
 :mew4: :mew4:

ติดตามค่ะ
  :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 04-01-2017 15:59:10
ไคล์ฟต้องมองเป็นเด็กน้อยอยู่แล้ว ก็เล่นถามตลอดเวลาอยากรู้ไปซะทุกเรื่องเลย 555+
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 13] *Update 03/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 06-01-2017 20:55:08
ตอนที่ 14



‘ภาพวงจรปิดของซุปเปอร์มาร์เก็ตในจังหวัดชุมพรจับภาพของนายไคลฟ์ ไมเนอร์ หลังจากเข้าไปซื้อของรวมสิบนาที เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเดินรถพบว่าคนร้ายพานายติณณุกูลเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ตำรวจรีบรุดเข้าไปหาเบาะแสและวางแผนตามรอยต่อไป โดยให้ความมั่นใจว่าจะสามารถจับคนร้ายได้เร็วๆ นี้’

ไค บัฟฟอร์จ และผม ยืนดูข่าวเช้าทางหน้าจอคอมในห้องทำงานพร้อมกัน จากเนื้อข่าวที่ได้ยิน มันช่างเป็นการต้อนรับวันใหม่ที่ไม่ประทับใจเอาซะเลย

“อีกไม่กี่วันตำรวจต้องตามมาถึงลังกาวีชัวร์” บัฟฟอร์จเอ่ย ก่อนจะหันไปประจันหน้ากับไคตรงๆ “ไม่รู้ว่าตำรวจไทยเก่ง หรือคุณไปทิ้งเบาะอะไรไว้กันแน่” เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าไม่พูดอะไรกลับ เอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

“จะเอายังไงต่อดีครับ” ผมถามอย่างร้อนรน

“ฉันต้องได้ข้อมูลของพวกมันภายในวันนี้” ไคยื่นคำขาด และดูเหมือนเขาจะกังวลเรื่องนี้ไม่น้อย

“ตอนแรกก็คิดว่างานนี้จะหมู...ที่ไหนได้...”

“ผมจะช่วยอะไรได้บ้างครับ” ไม่รอให้บัฟฟอร์จพูดจบ ผมรีบเสนอตัวเองทันที

ท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียด ผมรอคำตอบจากพวกเขาพักสัก มือใหญ่ของบัฟฟอร์จก็ดึงมือผมเข้ามาใกล้ และจัดการกระตุกแขนให้ผมนั่งลงบนเก้าอี้หน้าคอมข้างๆ เขา

หลังจากนั้น...ผู้เป็นเจ้าของบ้านก็เผยรอยยิ้มเล็กๆ ให้ผมเห็น

“นั่งเป็นกำลังใจให้ฉันก็พอ”

หา? เมื่อเช้าเขากินยาเขย่าขวดหรือเปล่าวะเนี่ย

“ติณณ์”

“ครับ” ผมรีบขานรับเสียงเรียกของไค

“ออกไป” คำพูดสั้นๆ จากปากเขาทำไมถึงทรงพลังขนาดนี้ก็ไม่รู้ ผมแทบกระเด้งตัวขึ้นมาจากเก้าอี้เดี๋ยวนั้น แต่ดันโดนบัฟฟอร์จกดไหล่เอาไว้ซะก่อน

“ถึงเจ้าเด็กนี่จะนั่งมองจอคอมผมทั้งวันก็ไม่เข้าใจระบบของผมหรอกน่า และอีกอย่าง ผมก็ไม่ได้เป็นคนหวงห้องทำงานขนาดต้องระแวงเด็กใสซื่ออย่างเจ้านี่ด้วย” บัฟฟอร์จแสยะยิ้ม “ว่าแต่คุณเถอะ...หวงอะไรเหรอ~”

“ติณณ์...” น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นจนผมขนลุกซู่

“ครับ!”

“วันนี้ฉันจะทำเมนูกุ้งให้กิน”

เอ๋? อารมณ์ไหนวะ บอกผมแบบนี้ต้องการจะสื่ออะไร

“อ้า...อยากให้ผมออกไปจ่ายตลาดให้ใช่มั้ยครับ”

“ไม่ต้อง” ว่าแล้วก็หันไปมองตู้ปลาที่อยู่ตรงมุมห้อง “แค่สองตัวในตู้นั่นก็พอ”

ผมมองตามที่ไคบอก เห็นกุ้งเครฟิชที่บัฟฟอร์จเลี้ยงไว้ คนอย่างไคไม่น่าพูดเล่น ไม่อย่างนั้นบัฟฟอร์จคงไม่ทำหน้าซีดขนาดนี้หรอก ชีวิตของกุ้งสองตัวนี้กำลังจะจบลงแล้วเหรอเนี่ย

“ติณณ์” บัฟฟอร์จสะกิดไหล่ผม “ออกไปเถอะ”

“อ่าว ไหนคุณบอกว่า...”     

“ฉันไม่มีอะไรให้นายช่วยแล้ว ออกไปนั่งสูดอากาศที่สวนเถอะ...รีบไปสิ! เดี๋ยวนี้เลย!!”

เอ้า อะไรวะ! เป็นคนบอกให้ผมนั่งเป็นกำลังใจแท้ๆ ตอนนี้กลับลากตัวผมออกไปนอกห้องอย่างไม่ใยดี อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ไม่ไหวนะ ผมทำตัวไม่ถูก...ไคอีกคน อยู่ๆ ก็จะเอากุ้งที่เขาเลี้ยงไว้มากินซะงั้น พวกเขาหาข้อมูลคนร้ายกันหนักจนอารมณ์แปรปรวนแล้วหรือไง

 









ผมเดินไปตรงสวนตามที่บัฟฟอร์จเสนอ ไม่อยากเชื่อว่านักแฮกเกอร์ที่เอาแต่สิงตัวอยู่ในห้องคอมจะมีอารมณ์สุนทรีย์ ปลูกดอกไม้พุ่มเล็กๆ ไว้เต็มพื้นที่ สนามหญ้าวางได้สวยแถมยังมีเดินทางที่ทำด้วยหินกรวดหลากสี ผมเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ชิงช้าประดับสวนที่ทำจากไม้ ปล่อยความคิดไปตามสายลมเบาๆ ความจริงมันผ่อนคลายอารมณ์ได้เยอะเลยนะ แต่ทันทีที่เรื่องของไคผุดขึ้นมาในใจ แม้บรรยากาศจะสร้างความร่มรื่นแค่ไหน ใจของผมก็ยังคงร้อนรุ่มอยู่ดี

‘ถือว่านายโชคดีที่ได้เขาช่วยเอาไว้นะ เพราะฉันรู้สึกได้ว่าคนร้ายพวกนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่’

คำพูดของบัฟฟอร์จทำให้ผมแทบข่มตานอนไม่ได้ ตอนนี้ความกังวลของผมไม่ใช่แค่เรื่องที่ไคอาจโดนตำรวจจับ แต่รวมไปถึงเรื่องที่เขาอาจต้องเสี่ยงอันตรายจากคนร้ายที่ไม่ธรรมดาพวกนั้นด้วย

ผมนั่งคิดอะไรฟุ้งซ่านเป็นชั่วโมง คนวัยเดียวกับผมคงคิดเรื่องเรียน อ่านหนังสือยังไงให้ทำข้อสอบได้ ถ้าติดศูนย์จะทำยังไง เมื่อไหร่อาจารย์จะเลิกสั่งงานโหด หรือเรื่องรักอย่างการจีบรุ่นน้องแล้วอกหัก ชอบเพื่อนแต่เสือกรักไม่ได้ เชื่อมั้ยว่าผมอยากเผชิญหน้าช่วงเวลาเลวร้ายเหล่านั้นมากกว่าที่ต้องมาโดนตามล่าแบบนี้ซะอีก

 ระหว่างคิดอะไรอยู่นั้น ผมได้ยินเสียงย่ำพื้นหญ้าจากฝีเท้าใครบางคน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าเป็นไค ผมจึงตามไถ่ถึงความคืบหน้าเรื่องคนร้ายทันที

“เป็นยังไงบ้างครับ”

“กำลังเร่งมืออยู่” ไคตอบสั้นๆ ก่อนจะลงมานั่งข้างๆ ผม

“คุณบัฟฟอร์จบอกว่าคนร้ายพวกนั้นไม่ธรรมดา เหมือนอย่างที่คุณเคยบอกเลย”

“ใช่ ไม่อย่างนั้นเขาคงหาตัวเจอนานแล้ว” ไคพูดเรื่องนี้ด้วยสีหน้าอันเฉยชาได้ยังไง เขาไม่รู้สึกกังวลบ้างเลยเหรอ ยิ่งเห็นเขาไม่พูดหรือระบายสิ่งที่คิด ผมก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงมากขึ้น

“มันคงไม่ง่ายที่เราจะจับพวกมันเข้าคุกได้ใช่มั้ยครับ”

“ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง นายไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น” ไคพูดกับผมพร้อมแววตาที่แสนจริงจัง

“เพราะแบบนี้ไงผมถึงกังวล คุณคนเดียวไม่ไหวหรอก”

“นายไม่รู้ว่าฉันทำอะไรได้บ้าง” ไคสวนผมกลับอย่างรวดเร็ว

“ผมไม่อยากรู้หรอกครับ เพราะผมไม่อยากให้คุณเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับครอบครัวผมแต่แรก ฉะนั้นคนที่ควรจัดการไม่ควรจะเป็นคุณ”

“แล้วจะฉันถูกตราหน้าว่าเป็นคนร้ายลักพาตัวนายไปอย่างนี้น่ะเหรอ” ผมกำลังจะอ้าปากค้าน แต่กลับถูกเขาชี้หน้าใส่ “หยุดเลย! ถ้าจะพูดว่าคำให้การของนายอาจมีประโยชน์ต่อฉันก็หุบปากไปซะ เพราะต่อให้นายไปนั่งบอกศาลว่าฉันไม่ใช่คนร้ายก็ไม่ได้ช่วยให้รูปคดีเปลี่ยนแปลง ไม่รู้เหรอว่าต่อให้นายเป็นอิสระจากฉัน คำพูดของนายก็ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้อยู่ดี เพราะมันมีสารพัดเหตุผลที่คนพวกนั้นจะใส่ความฉัน เช่นนายอาจถูกฉันบังคับเพื่อให้การเท็จอะไรเทือกนั้น”

“แต่ถ้าคุณเป็นอะไรไป...”

ผมพูดไม่ออก ไปต่อไม่ได้ เสียงของผมจุกอยู่ตรงลำคอในเวลาเดียวกับน้ำใสๆ ที่เอออยู่ตรงเบ้าตา ผมเป็นห่วงเขามากจนตัวเองยังแปลกใจ ไม่คิดเลยว่าผมจะอาการหนักจนเกือบจะร้องไห้ออกมาขนาดนี้

จังหวะที่ผมพยายามก้มหน้าหลบตาไปอีกทาง ไคก็ยกมือขึ้นมาจับต้นคอผมแล้วบีบแน่น กระตุ้นให้ผมเงยหน้ามองเขาราวกับเป็นการบังคับ ก่อนจะเปล่งเสียงอันนุ่มนวลในขณะที่ใบหน้าเราใกล้กันเพียงคืบ

“ติณณ์...นายไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดต่อฉัน คิดแค่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของนายคนเดียวก็พอ คืนนั้นฉันเป็นคนเปิดประตูให้นาย ฉะนั้นทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องชีวิตนายฉันมีส่วนรับผิดชอบ เพราะฉันไม่ใช่คนหนีปัญหา ไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ จำไม่ได้เหรอว่าฉันเคยสัญญาอะไรกับนายเอาไว้”

อ้า~ คำสัญญานั่นน่ะเหรอ

“คุณจะไม่ทิ้งผม” ไคพยักหน้าคล้อยตาม

“จนกว่าจะจับพวกมันเข้าคุก ฉันหวังว่านายจะไม่ตัดพ้ออะไรแบบนี้ให้ได้ยินอีก”

“ครับ”

เขายังไม่ปล่อยมือจากต้นคอผม ซ้ำยังรั้งใบหน้าผมให้ขยับเข้าไปใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน ถ้านับตอนที่เขาขึ้นคร่อมผมบนเตียง นี่คงเป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมได้เห็นใบหน้าเขาใกล้ขนาดนี้

“เป็นห่วงฉันมากเหรอ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“คะ...ครับ”

ลมหายใจอุ่นๆ พ่นลงมาบนปลายจมูก ทำให้ผมรู้สึกวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก หัวใจผมเต้นแรง เนื้อตัวเกร็งไปทุกส่วน นี่ผมเป็นอะไรไป ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ แบบนี้

และนั่น! ไคกำลังยิ้ม? มุมปากขยับเล็กๆ แปลว่าเขายิ้มใช่หรือเปล่า นี่ผมไม่ได้ตาฝาดไปใช่มั้ย

“ขอบใจ”

โอ้โห~ สมองโล่งเลย ผมไม่รู้จะอธิบายความละมุนละไมในลักษณะนี้ว่ายังไงดี

“คะ...คือ ผมต่างหากที่ต้องเป็นคนพูดคำนั้น” พูดจบ ไคก็ปล่อยมือจากต้นคอผม หันไปนั่งพิงกับเก้าอี้อย่างชิวๆ โดยมีผมนั่งมองโดยไม่ละสายตา

ความรู้สึกเมื่อกี้...มันยังไงกันวะ?

“วีล!”

ผมสะดุ้งเพราะเสียงตะโกนของบัฟฟอร์จ

“ว่าไง” ไคร้องถาม



“รู้ตัวคนร้ายแล้ว”

 










*************************
ต่อจากนี้จะพยายามอัพแบบไม่ห่างไปนานนะจ๊ะ เพราะมันเริ่มเข้มข้นแล้วเลยกลัวว่าจะขาดอารมณ์ ยังไงก็ขอกำลังใจด้วยน๊า ขอบคุณล่วงหน้าจ้า  :mew2: :mew2:




หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 06-01-2017 21:25:24
แหม ไคนี่หลอกล่อเก่งนะ อย่าหลอกเด็กละสงสาร
 :ruready
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-01-2017 22:01:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 06-01-2017 22:28:46
ตื่นเต้นอ่ะ. จะไงต่อ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-01-2017 22:45:44
ไค โหดอะ แต่โหดกับบัฟฟอร์ด
แล้วไคก็แอบหวาน อ่อนโยนกับติณณ์  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ฮาย ที่ 06-01-2017 22:52:51
ผูกพันกับขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องราวก็เข้มข้นขึ้น ๆ ตื่นเต้น
❤️❤️❤️
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-01-2017 23:46:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 07-01-2017 05:42:44
อ๋อยยย เขาฟรุ้งฟริ้งกันจังอ่ะ เขินนนน :-[ :impress2: //เรื่องคนร้ายช่างมันก่อน
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-01-2017 06:31:35
 :z10:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Margarita ที่ 07-01-2017 08:02:43
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: agava1313 ที่ 07-01-2017 18:34:40
มดเกาะจอคอมเลย.. :o8:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: praewp ที่ 07-01-2017 22:01:21
โอ้โหหหหหห สนุกมาก!

สำนวนดีสุดจะบรรยาย บรรยากาศ Ncis อ่านแล้วติดหนึบ ลุ้นทุกตอน รู้สึกสังหรณ์ใจตั้งแต่เห็นชื่อเรื่องแล้ว สัมผัสได้ว่าเรื่องนี้ต้องมีของ กดเข้ามาอ่านแล้วยิ่งต้องขอบคุณตัวเองที่ทำให้ไม่พลาดนิยายน้ำดี

เป็นกำลังใจให้นักเขียนสร้างสรรค์ผลงานออกมาช่วยชโลมใจนักอ่านอย่างเราๆนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 07-01-2017 23:15:32
ฉันเขิน
ไรท์แต่งได้ดี ภาษาสวย อ่านแล้วลื่นน่าติดตาม แฝงความหวานของพี่ไคให้หวีด
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 07-01-2017 23:33:44
พระเอกแม่งขี้อ่อยอ่ะแต่ชอบน่ะว่าแต่ใครคือคนร้ายอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: DESZCZ ที่ 08-01-2017 08:31:50
อ่อยแบบเนียนๆ อยากรู้ตัวคนร้านแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 08-01-2017 11:04:56
รู้ตัวคนร้ายแล้ว!

แล้วไงอ่ะ
โถ่ถถถถถถ

มาต่อได๋แล้วววแย็ววว
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 08-01-2017 15:00:54
มีแอบหวานนะเนี่ย
ว่าแต่ใครเป็นคนร้ายกันนะ

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 08-01-2017 21:52:33
ละมุน แบบ แข็งๆ ไม่ไช่มันไม่ดีนะ มันดีต่อใจสุดๆๆ ละมุน แบบ แข็งๆ แบบนิสัยของไคฟ์อะ ฮ่าาา
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 09-01-2017 08:23:49
ลุ้น
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 09-01-2017 09:04:45
เรื่องนี้สนุกมากๆ
รอตอนต่อไปอยุ่่นะคะ :katai4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 14] *Update 06/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 09-01-2017 20:08:30
ตอนที่ 15



ผมกับไครีบเดินเข้าไปในห้องทำงานของบัฟฟอร์จ เห็นภาพถ่ายจากกล้องในรถของไคถูกประมวลผลเป็นข้อมูลที่ถูกเจาะได้ แปลงเป็นภาพใบหน้าของชายที่ละม้ายคล้ายคนที่เคยบุกเข้าบ้านผม อันที่จริงผมก็เห็นหน้าตาเขาไม่ชัดหรอก แต่ดูจากรูปร่างแล้วพอเป็นไปได้อยู่

น่าแปลกอย่างหนึ่งตรงที่เขาใส่สูทผูกไทด์ เพราะมันให้อารมณ์เหมือนคนมีภูมิฐานมากกว่าโจรผู้ร้ายซะอีก

“ผมแฮกหาข้อมูลของหมอนี่ได้คนเดียว เพราะภาพที่ได้มาใบหน้าเขาชัดสุด” บัฟฟอร์จพิมพ์อะไรสักพักก็ใช้เม้าส์คลิกเพื่อป้อนสั่งปริ้นเ ก่อนจะเดินไปยังเครื่องปริ้นเพื่อยืนรอเอกสาร “แหล่งข้อมูลที่เจาะได้เป็นแฟ้มข้าราชการในหน่วยงานทหารที่มีประวัติไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

พูดจบเขาก็ยื่นเอกสารที่ปริ้นออกมาให้ไคอ่าน ซึ่งประกอบไปด้วยภาพถ่ายและประวัติเท่าที่พอเจาะข้อมูลได้ ผมชำเหลืองดูด้วยความอยากรู้ โดยมีบัฟฟอร์จคอยอธิบายประกอบ

“เขาชื่อนายณรงค์ เคยรับราชการทหารมา 15 ปี ก่อนจะถูกปลดเพราะกระทำความผิดฐานเปิดเผยข้อมูลลับทางการทหาร แต่เขากลับไม่ยอมเข้ามอบตัว หลบหนีไปหลายปีกว่าจะมาเจอข้อมูลอีกว่าปลายปีก่อน เขาถูกดึงตัวไปทำงานให้กับเจ้าของบริษัททราน เทอร์มินัลอย่างนายศักดา ธวัชพิชัย” ว่าแล้วก็ยื่นเอกสารอีกชุดให้ “ไอ้แก่นี่ครอบครองสัมปทานการขนสินค้าในท่าเรือสัตหีบ เปิดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และบริษัทเงินกู้ด้วย เรียกว่ารวยระดับมหาเศรษฐี ผมเจาะข้อมูลทางคดีพบว่าเขาเคยถูกสงสัยว่ามีการขนส่งอาวุธ แต่ก็รอดตัวไปเพราะหลักฐานไม่มีน้ำหนัก หึ...คนมีเงินทำได้ทุกอย่าง ทุกวันนี้ผมถึงต้องหาเงินเพื่อเอาไว้จ้างทนาย ซื้ออัยการ ตำรวจ และจ่ายใต้โต๊ะให้นักการเมืองอะไรแบบเนี้ย”

“อดีตทหารอย่างเขาจะต้องการอะไร ถึงได้เข้าไปรื้อค้นในบ้านของนาย” ฟังเหมือนไคกำลังพูดกับผม “แถมยัง...ทำงานให้นายศักดาด้วย?”

“อาจเป็นของสำคัญก็ได้” บัฟฟอร์จเอ่ย ก่อนที่ไคจะหันมาผมแล้วเอารูปชายสองคนในเอกสารมาให้ผมดู

“นายเคยเห็นหน้าผู้ชายสองคนนี้หรือเปล่า”

“ไม่ครับ” ผมตอบ ไคจึงหันไปถามไถ่บัฟฟอร์จอีกครั้ง

“นายแน่ใจนะว่านายณรงค์ทำงานให้นายศักดาแค่คนเดียว” ไคคงสงสัยว่านายณรงค์อาจรับจ้างทำงานนี้ให้กับคนอื่นนอกจากนายศักดา

“เรื่องนั้นผมตอบไม่ได้หรอก แต่ถ้าจะหาว่านายศักดาเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ติณณ์ยังไง มันยังพอมีวี่แววอยู่” เขากล่าวอย่างมั่นใจ ลงไปนั่งบนแท่นประจำและละเลงนิ้วมือบนคีย์บอร์ดด้วยความไวแสง “ผมสืบความเคลื่อนไหวของนายศักดาย้อนไปหนึ่งเดือน มันมีอะไรแปลกๆ แบบบอกไม่ถูก ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเอาเงินหลายล้านไปอุปถัมภ์ทุนวิจัยของศูนย์ค้นคว้าและทดลองยาเพื่อสถาบันโรคหัวใจ”

ได้ยินดังนั้น ผมถึงกับผงะ!

“แล้วมันเกี่ยวกับพ่อแม่ของเจ้าเด็กนี่ตรงไหน”

“เออคือ...” ผมอ้ำอึ้ง “พ่อกับแม่ผมเคยทำงานที่นั่นครับ”

ไคมองผมอย่างแปลกใจ ก่อนที่บัฟฟอร์จจะพูดขึ้น

“พ่อของนายเป็นหัวหน้างานวิจัยของศูนย์มาเกือบยี่สิบปี แต่จากที่นายพูดเมื่อกี้ แสดงว่าพวกเขาลาออกจากที่นั่นแล้วใช่มั้ย”

“ใช่ครับ” ผมพยักหน้าประกอบ “พ่อกับแม่ผมเพิ่งลาออกเมื่อสามอาทิตย์ก่อน หลังจากนั้นพวกท่านก็ย้ายบ้านเพราะบริษัทเวชภัณฑ์ที่พ่อเพิ่งได้งานมาอยู่ไกลจากบ้านเก่า”

คำอธิบายของผมทำให้บัฟฟอร์จขมวดคิ้วมุ่น

“มันชักยังไงๆ อยู่นะ นายศักดาเพิ่งให้ทุนวิจัยไปเดือนที่แล้ว แต่พ่อกับแม่นายดันลาออกแบบกะทันหัน และที่สำคัญ พ่อนายเป็นถึงหัวหน้างานวิจัย การลาออกไปดื้อๆ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”

“เขาสองคนลาออกเพราะอะไร เคยบอกเหตุผลให้นายรู้หรือเปล่า” ระหว่างที่ผมกำลังคิดตามคำพูดของบัฟฟอร์จ ไคก็ถามผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที

“พ่อบอกแค่ว่างานที่นั่นเหนื่อย และท่านเองก็แก่แล้วเลยอยากหางานอะไรที่สบายกว่า”

หลังจากได้ยินพวกท่านพูดอย่างนั้นแล้วผมยิ่งสนับสนุนด้วยซ้ำ เพราะงานที่ศูนย์วิจัยมันหนักจริงๆ อย่างในหนึ่งอาทิตย์ผมเห็นพ่อกลับมานอนบ้านแค่สองวัน ส่วนแม่ก็ทำงานอยู่ในแผนกปฏิบัติการ ต้องกลับบ้านดึกแทบทุกวัน เมื่อพวกท่านลาออกมาแล้วผมจึงรู้หมดห่วงมากกว่าสงสัยว่าทำไมถึงออก ก็เลยไม่ได้ถามอะไรมากมาย

ไคยืนเงียบไปสักพัก ก่อนจะถามบางอย่างกับบัฟฟอร์จ

“นายหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานวิจัยนั่นได้มั้ย ฉันอยากรู้ว่านายศักดาต้องการอะไรและทำไมพ่อแม่ติณณ์ถึงตัดสินใจลาออกจากที่นั่น” ดูจากสีหน้าแล้วก็พอรู้ว่าในหัวเขาเต็มไปด้วยความกังวลใจ “ไม่แน่ว่าสิ่งที่พวกมันต้องการ อาจเกี่ยวข้องกับงานวิจัยนั้นก็ได้”

“ไอ้ได้น่ะได้ แต่มันต้องใช้เวลานานกว่าจะเจาะผ่านระบบความปลอดภัยได้ พวกสถาบันวิจัยหรือสถานพยาบาลมีข้อมูลผู้ป่วยอยู่ ฉะนั้นระบบการป้องกันระดับสิบดาวแน่นอน ถ้าอยากได้ข้อมูลเร็วกว่านี้ ผมว่าคุณไปถามจากปากพ่อแม่ของติณณ์เลยดีกว่า” บัฟฟอร์จเสนอหนทางที่เป็นไปได้ในเวลานี้

“ทำไมนายศักดาต้องสนับสนุนงานทดลองเกี่ยวกับโรคหัวใจด้วย ฉันคิดยังไงก็ไม่เห็นทางว่าเขาจะได้ประโยชน์ตรงไหน” พูดจบไคก็ขยับเก้าอี้แล้วนั่งลง ในหัวของทุกคนมีแต่ข้อสงสัย พยายามหาคำตอบอย่างมีสติ แต่ผมนี่สิที่ทำไม่ได้ ความคิดของผมมันสุดโต่งกว่านั้น และมันโคตรจะบั่นทอนกำลังใจของผมเลย

“ไม่แน่ว่าสิ่งที่ทำให้คนกลุ่มนั้นบุกเข้าบ้านในคืนนั้น อาจเกี่ยวเนื่องกับสาเหตุที่พ่อแม่ของติณณ์ลาออกก็ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันน่าแปลก เพราะคนร้ายไม่ลงมือทันทีที่พวกเขาลาออก...จำเป็นต้องรอให้ผ่านมาถึงสามอาทิตย์ด้วยเหรอ และที่โคตรจะสงสัยอีกข้อก็คือ...พวกเขารู้หรือเปล่าว่ามีคนร้ายเข้ามาค้นบ้านเพื่อหาอะไรบางอย่าง หรือตอนนี้กำลังนั่งไม่ติดกับที่เพราะลูกชายถูกลักพาตัวแค่นั้น” คำพูดของบัฟฟอร์จทำให้ผมนึกถึงคำพูดของแม่ขึ้นมาทันที

‘ตอนนี้ลูกยังกลับมาไม่ได้ เพราะที่บ้านเราไม่ปลอดภัยสำหรับลูกแล้ว’

มันยังมีเหตุผลอื่นที่พ่อกับแม่ต้องลาออกอีกหรือเปล่า คนมีอิทธิพลขนาดนั้นจะต้องการอะไรจากพวกท่านกันแน่ ที่บอกไม่ได้กลับบ้านเพราะมันไม่ปลอดภัยสำหรับผม แสดงว่าพ่อกับต้องตระหนักถึงภัยคุกคามบางอย่าง

แบบนี้ก็แสดงว่าพวกเขารู้ตัวดีว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย!

“พ่อกับแม่ผมกำลังโดนตามล่าหรือเปล่าครับ ถ้าพวกมันไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่แน่ว่าพ่อแม่ผมอาจจะ...”

“ถ้าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นจริงมันก็คงเกิดไปนานแล้ว นายอย่าเพิ่งวิตกเลย” บัฟฟอร์จรู้ว่าผมจะพูดอะไร จึงรีบตัดบทเพื่อให้ผมตั้งสติและใจเย็นกว่านี้

“พ่อแม่นายยังปลอดภัยก็แสดงว่าพวกมันยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการ และอีกอย่าง ช่วงนี้ก็กำลังมีข่าวลักพาตัวนายอยู่ ถ้าพลีพล่ามทำอะไรพ่อแม่นายเข้าคดีอาจจะพลิกได้ ฉะนั้นการทำให้ฉันเป็นแพะรับบาปคงไร้ประโยชน์ และพวกมันอาจถูกเพ่งเล็งซะเอง” ผมรู้ว่าไคพยายามอธิบายสถานการณ์เพื่อไม่ให้ผมคิดมาก ซึ่งแน่นอนว่าผมเข้าใจเป็นอย่างดี ถ้าไม่ติดว่าวันนั้นผมจำได้ดีว่าน้ำเสียงอันตื่นตระหนกของแม่มันชัดเจนแค่ไหน

“แม่บอกว่าที่บ้านไม่ปลอดภัยสำหรับผม ถึงได้บอกให้ผมหนีไปกับคุณ แสดงว่าพ่อกับแม่รู้อยู่แก่ใจว่าคนพวกนั้นเข้ามาบุกถึงบ้านเพื่ออะไรใช่มั้ยครับ...”

“ว่าไงนะ” ไคเลิกคิ้วขึ้นสูง “นายได้คุยกับแม่ตอนไหน”

วิญญาณผมแทบออกจากร่างทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น

ให้ตายเถอะ! นี่ผมเพิ่งหลุดปากเรื่องแอบโทรหาแม่ไปงั้นเหรอ 

“เออ...ผมใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรหาท่านตอนนั่งรถสองเข้าหาดใหญ่ครับ” สุดท้ายก็ต้องสารภาพไปตามตรง

“มิน่า ตำรวจถึงรู้ความเคลื่อนไหวเร็วนัก” บัฟฟอร์จเอ่ยผสมโรง “ฉันว่าพวกคนร้ายต้องแอบดักฟังโทรศัพท์แล้วคาบข้อมูลไปบอกตำรวจในฐานะผู้หวังดีแน่ๆ”

อ้า~ เพราะแบบนี้เอง ไคถึงห้ามนักห้ามหนาว่าอย่าเพิ่งโทรหาพ่อกับแม่

“ผมขอโทษที่ขัดคำสั่งคุณ” ก้มหน้า รู้สึกผิดขึ้นมาทันควัน

ทว่าในขณะที่กำลังเงยหน้าขึ้นมา ไคก็เดินออกจากห้องโดยไม่เหลียวหลัง เขาทิ้งให้ผมยืนเหวอ ทำอะไรไม่ถูก จะมีก็แต่บัฟฟอร์จที่เดินมายืนข้างๆ แล้วยกมือกอดคอผมอย่างหนักหน่วง

“ฉันเห็นเขาทำหน้าแบบนั้นครั้งสุดท้ายตอนกระทืบสายลับจากรัสเซียจนบาดเจ็บสาหัส”

บัฟฟอร์จกำลังขู่ผมถูกมะ

 







ผมเห็นไคเดินไปตรงระเบียง ก็เลยตั้งใจว่าจะตามไปขอโทษเขาอีกครั้ง แค่เห็นแผ่นหลังผมก็รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ เพราะความผิดพลาดครั้งนี้มันไม่ได้สร้างปัญหาให้เขาอย่างเดียว แต่มันอาจเป็นอุปสรรคต่อการหลบหนีเพื่อหาทางจับคนร้ายตัวจริงด้วย

“ไค...” ผมเริ่มด้วยการเรียกเขา พร้อมขยับเท้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆ “ผมขอโทษจริงๆ”

“...” ยังเงียบอยู่ ขนาดผมเดินไปจนจะทาบหลังแล้วเขายังไม่ยอมหันมาเลย

“ผมผิดไปแล้ว อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

พูดจบไปไม่นาน ไคก็ค่อยๆ หันหลังกลับมา

“นายไม่เชื่อใจฉัน”

“เอ๊ะ?”

“นายกลับมา เพราะคำพูดของแม่” นัยน์ตาสีฟ้าจดจ้องผมไม่วางตา

กระทั่งประโยคสุดท้ายถูกเปล่งออกมาให้อารมณ์ที่แสนหดหู่ใจ...



“แต่นาย...ไม่ได้เชื่อใจฉันจริงๆ”















หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 09-01-2017 20:42:48
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:  ewwwwwwww  จบได้โหดร้ายมากกกกกก :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-01-2017 20:56:22
คือ คิดถึงหลักความจริงแล้วมันก็ไม่แปลกนะ ไคล์ฟกับน้องเพิ่งเคยเจอกัน จะเอาความเชื่อใจมาจากไหนได้ ขนาดตอนแรกเรายังระแวงเลยว่าไคล์ฟเป็นพวกเดียวกับคนร้ายหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 09-01-2017 21:10:31
ไคน้อยใจแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-01-2017 21:19:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-01-2017 21:26:41
แต่ละคนมีเหตุผลของตัวเอง
ติณณ์ อ่อนต่อโลกตามสภาพความเป็นจริง
เป็นแค่นักศึกษา เฮฮาไปตามปกติวิสัย
ติณณ์ ก็ย่อมอยากติดต่อพ่อแม่เมื่อเกิดเรื่อง
เพราะความไม่รู้สถานการณ์
แม้ไคจะห้ามติดต่อกลับบ้านก็จริง
พอติณณ์ได้ข่าวลวงว่าไคเป็นผู้ร้าย
ใครก็ย่อมอยากปลีกตัวหนีไปทั้งนั้น
ไค ก็เสียใจที่ติณณ์ไม่เชื่อฟัง ไม่เชื่อใจ
แม้ได้ห้ามติณณ์แล้วว่า จะเป็นผลร้ายทั้งต่อติณณ์และไค
เมื่ออีกฝ่ายดักฟังโทรศัพท์ได้
ก็เข้าใจทั้งสองฝ่าย
ไคที่พาติณณ์หนีย่อมต้องเจอติณณ์ที่เป็นแบบนี้
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 09-01-2017 23:11:51
เห็นใจไค ง้อพี่ไคเดี๋ยวนี้น้า
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 09-01-2017 23:35:25
ง้อเร็ว ๆเลย อย่าปล่อยให้งอนนาน
เดี๋ยวน้อยใจมากไปกว่านี้นะ
 :m15:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-01-2017 23:38:51
 o18


งอนนนนนนชัวร์ๆ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2017 00:31:09
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 10-01-2017 14:08:59
ไคอย่าน้อยใจ อย่างอนเลยนะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 10-01-2017 14:45:25
โหดร้ายมาก...สองนาทีจบ...ฮือๆๆๆ :hao5: :hao5:

งอนแน่ ลุงงอนแน่ๆ!ง้อด่วนค่ะ ฮ่าๆ :katai3:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 15] *Update 09/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 12-01-2017 20:22:17
ตอนที่ 16


ผมยืนนิ่งกับคำพูดของไค จากที่คิดว่าเขาแสดงท่าทางโกรธเคืองเพราะผมดันไปโทรศัพท์หาแม่จนทำให้พวกเราถูกตามเจอง่ายขึ้น กลายอารมณ์ขุ่นเคืองบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางย้อนกลับมาหาเขาในวันนั้น ทำไมกัน เหตุผลที่ผมกลับมามันน่าโกรธกว่าความปลอดภัยของพวกเราอีกเหรอ

ไคจ้องผมอยู่นานโดยไม่พูดอะไรต่อ แววตาเขายากต่อการคาดเดาถึงความคิด ผมได้แต่ทำความเข้าใจกับคำพูดเมื่อครู่เพียงอย่างเดียว กะว่าจะขอคำอธิบายเพิ่มเติม แต่คนตรงหน้ากลับพูดขึ้นมาก่อน

“นายได้ยินข่าวเรื่องข่าวว่าฉันเคยติดคุก ก็ไม่แปลกหากนายจะไม่ไว้ใจฉัน”

สิ้นเสียง เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเบือนหน้าหนีผม อีกทั้งสองเท้ายังย่ำผ่านผมไปอย่างเย็นชา เขาเคยนั่งรอผมที่ท่าเรือเป็นชั่วโมงโดยไม่ไปไหน เพราะเชื่อว่าผมจะรู้สึกไว้ใจเขา ซึ่งการที่ผมย้อนกลับมาก็เท่ากับเป็นคำตอบ จนมารู้ภายหลังว่าผมแอบคุยอะไรกับแม่มาบ้าง

แต่...มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดทั้งหมดนะ!

“ไค”

“...” คนตัวสูงชะงักเท้า

“ก่อนจะโทรหาแม่ ผมตั้งใจย้อนกลับไปอยู่แล้ว” ผมเอ่ยอย่างหนักแน่น “แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมก็คง...”

“ไปเก็บของซะ” ไคพูดตัดบท ก่อนจะหันมองผมด้วยหางตา “พรุ่งนี้เราจะออกจากเกาะแต่เช้า”

เขาทำน้ำเสียงเข้มใส่ผม ท่าทางจะโกรธกันอยู่

“ครับ”

ผมตอบเนือยๆ ราวกับคนท้อใจกับชีวิต ยอมรับตามตรงว่าการที่ไคทำท่าเหมือนไม่พอใจแบบนี้ ผมโคตรใจไม่ดีเลย ในอกมันรุ่มร้อน กระอักกระอ่วนไปหมด

คิดอยู่คนเดียวได้ไม่นาน ผมกำลังจะเดินตามหลังไคไป หากทว่า...

“ฉันไม่ได้โกรธนาย”

ผมเบิกตากว้าง รีบเงยหน้ามองไคพร้อมกับเดินเข้าไปหา

“แสดงออกชัดขนาดนั้น จะไม่เรียกว่าโกรธได้ไง” ผมแย้ง

“...มันกวนใจฉัน” อีกละ กวนใจอะไรนักหนาวะ

“ช่วยขยายความอีกนิดได้หรือเปล่า” ที่ถามเพราะอยากรู้จริงๆ

“ฉันคงคาดหวังมากเกินไป” ผมทำหน้าฉงนใจ หลังจากนั้นไคก็มองลึกเข้ามาในตาผม ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ช่างเถอะ รู้แค่ว่าฉันไม่ได้โกรธก็พอ”

เห็นไคทำหน้าตายแล้วผมหมดหนทางจะถามต่อ เพราะสุดท้ายคำตอบคงวนอยู่แค่นี้ ไม่ได้ความกระจ่างเพิ่มเติมหรอก ถ้าอย่างนั้นผมขอถามแบบนี้ก็แล้วกัน...

“แล้วไอ้ความรู้สึกกวนใจนั่นน่ะ ตอนนี้...หายยัง?” ไคเงียบไปสักพักก่อนจะตอบกลับ

“ไม่รู้”

อ่าว? ซะงั้น

“ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะไม่ทำตาขวางใส่ผมอีก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อน

“แคร์ด้วยเหรอ”

โดนถามแบบนี้ผมแทบไปไม่เป็น แต่ถ้าให้ตอบตามที่ใจรู้สึกล่ะก็...

“มากๆ ครับ”

ไคเงียบ ยืนจ้องผมเพียงชั่วครู่ก็หลบตาไปทางอื่น

“งั้นก็อย่ามองตาฉัน”

“ทำไม่ได้หรอกครับ”

“ทำไม?” เขาหันกลับมามองผมอีกครั้ง

“ผมชอบสีตาคุณ...สีฟ้าครามเหมือนน้ำทะเล มันสวยดี” เอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง ผมพูดในสิ่งที่เคยคิดในใจออกไปให้คนตรงหน้ารับรู้ “ยกเว้นแค่เวลาโกรธ แววตาคุณเกรี้ยวกราดเหมือนเทพโพไซดอนพิโรธเลย น่ากลัวสุดๆ”

วาจาของผมจริงจังพอๆ กับแววตาที่กำลังจ้องเขาอยู่ในขณะนี้ เราต่างมองกันและกันโดยที่ผมไม่รู้สึกหวาดหวั่นหรือเป็นกังวลใจเหมือนตอนอยู่ด้วยกันแรกๆ ผมกล้าจ้องตาไคแบบไม่กระพริบตาตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งในระหว่างที่ผมกำลังแปลกใจอยู่นั้น คนตรงหน้ากลับเป็นฝ่ายหลบตาผมไปเสียเอง

“เข้าข้างในเถอะ” ไคเสยผมอย่างลวกๆ นำมือทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่ผมจะหยิบยกเรื่องบางอย่างขึ้นมาคุยกับเขา

“เออ...คืนนี้ผมขอมีผ้าห่มของตัวเองได้มั้ยครับ”

“...”

ไม่มีเสียงตอบกลับ ผมลุ้นคำตอบอยู่สักพักก็พูดไปอีก

“ผมกลัวว่าคุณจะนอนไม่สบาย ก็เลย...”

“ไม่”

โอ้โห...ตอบซะหนักแน่นเชียว

“ทำไมล่ะครับ เพราะอะไรคุณถึงอยากให้ผมนอนห่มผ้าผืนเดียวกับคุณนัก” เอาจริงๆ ผมไม่ต้องขออนุญาตเขาด้วยซ้ำ ทำไมวะ? ถึงผมเคยสัญญาว่าจะเชื่อฟังเขาแต่สำหรับเรื่องนี้มันก็ดูไม่เข้าท่ายังไงไม่รู้

ถ้าเขาไม่ยอมบอกเหตุผลที่ฟังขึ้น ผมจะตื้อจนกว่าจะได้ผ้าห่มของตัวเอง เอาดิ!

“กรณีเดียวกับที่นายชอบสีตาฉันนั่นแหละ”

“หา?”

อะไรวะ ไม่เห็นเข้าใจเลย และดูดิ ยังไม่ทันหายข้องใจก็เดินนำเข้าไปในบ้านละ...กรณีเดียวกับที่ผมชอบสีตาของเขา แปลว่าเขาชอบห่มผ้าผืนเดียวกับผมงั้นเหรอ ทำไมอ่ะ? เขาชอบความอบอุ่นงี้? ทั้งๆ ที่ผมชอบแย่งผ้าห่มน่ะนะ?

โอ้ย! งงโว้ย!!

 











เช้าวันต่อมา พวกเรากำลังรอบัฟฟอร์จออกไปซื้ออาหารเช้า ตลอดหลายวันที่อาศัยในบ้านของเขา ไคเป็นคนสั่งการทุกอย่างจนผมพอจะเดาช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่ในกองทัพทหารออกเลย

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมเดินออกมาชงกาแฟในครัว กะว่าจะทำให้ไคดื่ม พอเขาออกมาจากห้องจะได้ทานพอดี แต่ระหว่างที่ผมกำลังกะผงกาแฟ น้ำตาลกับครีมเทียม ก็รู้สึกเหมือนมีใครยืนอยู่ข้างหลัง

“ทำอะไร” ไคนั่นเอง

“ชงกาแฟครับ”

“ดื่มด้วยเหรอ” เขาถาม ก่อนจะเอื้อมไปหยิบแก้วบนชั้นวางที่อยู่เหนือหัว ผมรู้สึกได้ว่าเขาค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้แผ่นหลังของผม มันชิดจนผมยืนตัวเกร็งโดยอัตโนมัติ

จะบอกให้ผมหลบไปก่อนก็ได้นี่หว่า

“ผมจะชงให้คุณ” คนตัวสูงหยุดนิ่ง เก็บมือที่กำลังเอื้อมแล้วเปลี่ยนมายืนข้างๆ ผมแทน

“นายชงเป็น?”

“คุณดื่มรสไหนล่ะครับ” ผมถาม

“กาแฟ 2 ครีมเทียม 1 ไม่ใส่น้ำตาล”

“โอเคครับ” ผมลงมือชงตามที่ไคต้องการทันที หากแต่มีบางอย่างที่ผมรู้สึกตงิดใจ

“แต่เมื่อคืนผมเห็นบัฟฟอร์จใส่น้ำตาลด้วยนี่น่า” ถ้ามองไม่ผิด ผมแอบเห็นเขาใส่น้ำตาลทั้งสองแก้วเลยนะ

“ตอนนั้นนายยังไม่นอนเหรอ” ไคขมวดคิ้ว

“ผมกะว่าจะมาชงกาแฟให้พวกคุณ แต่บัฟฟอร์จดันตัดหน้าซะก่อน” หลังจากผมพูดจบ ไคก็กัดฟันกร้าวพร้อมทำท่าไม่สบอารมณ์ทันที

“แล้วยังมีหน้ามาบอกว่านายนอนแล้ว” เขาขยับปากมุบมิบ ฟังจากรูปประโยคน่าจะกำลังพูดถึงบัฟฟอร์จ เข้าใจว่าเขาอาจโมโหที่โดนหลอก แต่ไม่เห็นจะต้องซีเรียสขนาดนั้นเลยนี่หว่า ผมโตแล้วนะ ไม่ใช่เด็กอนามัยที่ต้องนอนก่อนเที่ยงคืนสักหน่อย แล้วถ้าบัฟฟอร์จบอกว่าผมยังไม่นอนเขาจะทำยังไง อยากรู้จริงๆ

“นับวันคุณยิ่งเหมือนพ่อผม”

วันไหนที่ท่านกลับบ้านช้า หากขึ้นมาที่ห้องผมแล้วพบว่ายังไม่นอน ท่านก็จะไล่ให้ปิดไฟและเข้านอนตลอด ผมรู้ดีว่าท่านเป็นห่วง ซึ่งก็เหมือนกับไคที่เอาใจใส่ผมมาก

ไม่รู้ว่าผมหลงตัวเองไปหรือเปล่านะ แต่เป็นงั้นจริง...เขาก็โคตรน่ารักเลยล่ะ!

“ฉันจะคิดเสียว่านายคิดถึงเขาละกัน” สงสัยจะเข้าใจว่าผมกล่าวหาว่าเขาเป็นตาแกขี้บ่นแน่ๆ

เอาล่ะ! ในที่สุดก็ชงกาแฟเสร็จ

“นี่ครับ เชิญดื่มได้เลย” ผมยื่นแก้วกาแฟให้ ไคใช้ช้อนคนสักพักก็ยกขึ้นดื่ม

“...” ทำสีหน้านิ่งมาก ตกลงว่ามันโอเคมั้ยวะ

“เป็นไง?”

เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเงียบไปสักพัก ก็เอ่ยตอบพร้อมสีหน้าเรียบเฉย...

“ดีกว่าน้ำล้างเท้า”

เอิ่ม...พูดงี้แปลว่ามันแย่มากใช่มั้ยวะ ทำไมอ่ะ? ผมชงตามที่บอกแล้วนะ

“ไหน ขอลองชิมหน่อย” ว่าแล้วก็คว้าแก้วกาแฟจากไคมายกซด

เท่านั้นแหละ...

“อื้อหือ~ รสเข้มชะมัด!” ผมทำหน้าหยี๋แถมยังไอแค่กๆ ไครีบหยิบแก้วกาแฟออกจากมือผม เดินไปเปิดตู้เย็นเอาขวดน้ำเปล่ามาเปิดฝาแล้วยื่นให้ผม

“ดื่มซะ”

นี่แหละที่ต้องการ ผมรับขวดน้ำมาอย่างรวดเร็ว กาแฟยี่ห้ออะไรวะ ขมติดคอฉิบหาย รีบซัดน้ำเข้าไป แต่เบรกไม่ทันน้ำก็เลยล้นปากและไหลออกมาจนถึงปลายคาง พอค่อยยังชั่วแล้วผมจึงลดขวดน้ำลง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไคส่งฝาขวดให้พอดี

ขณะที่ผมหยิบฝาขวดมาหมุนปิด มือหนาของคนตรงหน้าค่อยๆ ยื่นเข้ามาใกล้ริมฝีปากผม เขาใช้นิ้วโป้งสัมผัสบริเวณมุมปากที่มีคราบน้ำ จากนั้นจึงเกลี่ยออกอย่างเบามือ วินาทีนั้นผมยืนนิ่งเป็นปูนซีเมนต์ที่ถูกฉาบ กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเหลือบตามองเจ้าของมืออุ่นๆ ตรงหน้า

หลังจากปิดขวดน้ำเสร็จผมว่าจะเช็ดออกเองอยู่แล้ว แต่ไคดันตัดหน้าผมแบบไม่ทันตั้งตัว ก็รู้ว่าอาการของผมค่อยข้างแปลกประหลาด มันอธิบายไม่ได้ และไม่อาจหยุดยั้งหัวใจที่กำลังเต้นแรงอยู่ในขณะนี้ได้ด้วย

เมื่อไคนำมือกลับ ผมสะดุ้งรั้งท้ายคล้ายกับได้สติกลับคืน ยกมือเกาหัวแก้อาการแปลกๆ ก่อนจะหาเรื่องคุยกับเขาเพื่อกลับเกลื่อน

 “คุณดื่มเข้าไปได้ยังไง” ผมมองไคที่กำลังยืนพิงเค้าส์เตอร์บาร์ วางเท้าไขว้กันในอิริยาบถที่โคตรสมาร์ท แค่ยืนคนกาแฟ จำเป็นต้องเท่ห์ขนาดนี้ด้วยเหรอวะ

“ฉันไม่ชอบรสหวาน” เอ่ยตอบสั้นๆ

“รวมถึงพวกขนมหวานด้วยหรือเปล่าครับ” ไคพนักหน้า ผมจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นรสนิยมการกินของเราก็ต่างกันมากเลยนะ เพราะของพวกนั้นผมโคตรชอบ ยิ่งตอนวาดรูป ถ้าได้ช็อคโกแลตสักแท่งสองแท่งผมจะเพลินมาก จิตนาการพรั่งพรู บรรเจิดสุดๆ” ผมพูดจบ ไคเงยหน้าขึ้นมาสักพักก็เพ่งสายตาคมใส่ผม

“รสนิยมต่างกันแล้วยังไง”

“ก็ไม่ยังไงครับ ผมแค่พูดให้ฟังเฉยๆ” งงสิ อยู่ๆ จะมาจริงจังอะไรเบอร์นั้น ขนาดผมพูดจบแล้วยังจ้องกันอยู่เลย ไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จะงงสุดก็ตอนที่เขายื่นแก้วกาแฟในมือมาตรงหน้าพร้อมพูดคำๆ นี้เนี่ยแหละ

“ใส่น้ำตาลมา”

เอ้า? ไหนบอกว่าชอบรสเข้ม และขอโทษเถอะ น้ำตาลวางอยู่ใกล้ตัวเองนิดเดียวทำไมไม่ทำเอง เออ...เอาเหอะ ไหนๆ ผมก็เป็นคนชงให้เขาแต่แรกอยู่แล้ว ช่วยอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป

คิดได้แค่นั้นก็หยิบขวดน้ำตาลก้อน จัดการตักให้ไคไปก้อนหนึ่ง ทว่าในเพียงเสี้ยววินาที คนตัวสูงโน้มตัวเข้ามาใกล้ผมในระยะประชั้นชิด ก่อนจะพูดข้างๆ หูด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ต่อไปนี้...นายก็คอยใส่ความหวานให้ฉันหน่อยละกัน”

เมื่อไคผละตัวออกห่าง ผมกำลังจะสรรหาคำถามเพื่อขอคำอธิบายในประโยคอันแสนครุมเครือนั้น แต่บัฟฟอร์จดันเดินพรวดพลาดเข้ามาในครัวซะก่อน

“จ่าวีล!” นัยน์ตาเขาเบิกกว้าง ดูมีอาการกระสับกระส่ายชัดเจน

“ทำไมต้องทำท่าทางตกใจขนาดนั้น” ไคถาม



“ตำรวจไทยมาถึงลังกาวีแล้ว คุณกับติณณ์ต้องออกจากเกาะเดี๋ยวนี้เลย!”

 

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 12-01-2017 21:05:55
หูยยยย ยังไม่ทันได้หวานจริงจังเลยนะ
ไม่น่าแทรกเข้ามาเลย อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: fon270640 ที่ 12-01-2017 21:53:11
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-01-2017 22:17:50
จะหนีไปที่ไหนอีกล่ะทีนี้
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-01-2017 22:19:37
โอ๊ย.......ไค งอน
พอติณณ์ บอกเหตุผล ค่อยดีขึ้น
มีหลบตาติณณ์ ตอนติณณ์บอกชอบสีตาตัวเอง
ติณณ์ ก็ซื่อไม่รู้เรื่อง ที่ไคไม่ยอมให้มีผ้าห่มอีกผืน
แถมไคให้เหตุผลเหมือนที่ติณณ์ชอบสีตาไค อีก
หวานเลย มีชงกาแฟให้
มีลูบน้ำที่ไหลจากปากให้ติณณ์ด้วย  :mew1: :mew1: :mew1:
ให้ติณณ์ตอยเติมความหวานให้
ทั้งที่ตัวเองชงกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
เพราะติณณ์ชอบหวาน  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 12-01-2017 22:22:17
มีคนมาขัดความหวาน แย่จัง 55555
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 12-01-2017 22:36:54
จ่าวีลมีความล่อลวงเด็ก  ขายอ้อยอย่างแรง
สนุกมาก รอตอนต่อไปค่า :katai4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-01-2017 23:09:04
 :z10:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-01-2017 23:28:59
 :katai1: :katai1:  :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 12-01-2017 23:47:34
หวานจัง กรี๊ซซซ แต่หวานไม่สุดโดนขัดจังหวะอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-01-2017 23:48:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 13-01-2017 01:42:20
อี๊ยยยยยยยยยยย
ทำไมไคหยอดเด็กน้อยแบบนี้เนี่ย ไม่รู้เหรอว่ามันก๊าวใจคนอ่านน่ะ ><
ตำหนวดมาเร็วมาก(และขัดจังหวะมากจริงๆ)
หนีกันให้ทันนะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 13-01-2017 07:06:29
สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง ไคล์ฟ ชอบติณมานานแล้ว พ่อแม่ ติณ ไปทำวิจัยลับ แล้วดอามาแดให้ติณ เพราะถ้าจะตามฆ่าน่าจะทำไปนานแล้ว ถ้าเกิดจะฆ่าครอบครัวติณ เพราะน่าจะหาที่อยู่ไม่ยากตามตัวไม่ยาก มโนไปไกลมาก

แต่ ทำไม พี่ท่านละมุนละไมขนาดนี้คะ รู้สึกว่า เอ้ยมีความอ่อยแรง ติณเราหัวใจเต้นรัว ๆ แล้วมั้ง
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 13-01-2017 07:39:59
พ่อคุณมีงอนด้วยแฮะ น่ารัก
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: entirom ที่ 13-01-2017 14:29:38
เอาน้ำตาลกี่ก้อนดีครับจ่า

หึหึ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 13-01-2017 15:02:40
ไคล์ฟค่อย ๆ ล่อลวงเด็กมันไปเรื่อย รอให้ตกลงไปในหลุมทั้งตัวจะได้ปีนขึ้นมาไม่ได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 13-01-2017 16:14:59
ตอนนี้ไม่ใส่น้ำตาลก็หวาน
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 13-01-2017 20:51:14
ที่ให้ติณณ์เติมความหวานให้เนี่ยน้ำตาลหรืออะไรคะ
 :-[ :-[

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 13-01-2017 22:15:22
มันเหมือทริปหนีตามกันมายังไงอย่างนั้น
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 14-01-2017 01:14:03
บางครั้งก็มาผิดเวลานะคะคุณตำรวจ...
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 16] *Update 12/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 15-01-2017 20:46:30
ตอนที่ 17



บัฟฟอร์จเล่าให้ฟังว่าตอนที่เขาออกไปซื้ออาหารเช้า ระหว่างทางเห็นกลุ่มคนประมาณ 3-4 คนเดินสอบถามบางอย่างกับชาวบ้านเป็นภาษาอังกฤษพร้อมเปิดตราตำรวจให้ดู เพราะงั้นเขาถึงรู้ว่าคนพวกนั้นน่าจะเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบจากประเทศไทย

ถึงไม่เดาก็รู้ว่าพวกเขามาสืบเรื่องอะไรกัน!

หลังจากไคทราบเรื่อง เขารีบสั่งให้ผมเข้าไปเก็บของขึ้นรถ กระทั่งเสร็จเรียบร้อย บัฟฟอร์จก็ไม่ลืมที่จะแสดงมารยาทด้วยการมายืนส่งพวกเราถึงหน้าบ้าน

“ระวังตัวด้วยล่ะ” บัฟฟอร์จพูดจบสักพัก ไคก็เอาแต่เงียบ ผมเห็นเขาเอามองหน้าบัฟฟอร์จ สองคนสบตากันราวกับใช้จิตพูดคุย ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงก็เลยเงียบตามไปด้วย จนกระทั่ง...

“ขอบใจ” ไคเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“คิดว่าจะไม่ได้ยินคำนี้จากจ่าสิบตรีจอมโหดซะแล้ว” บัฟฟอร์จยิ้มกว้าง

“รู้ใช่มั้ยว่าข้าวในคุกมันไม่อร่อย ฉะนั้นอย่าได้เลือกก่อคดีใหญ่ให้โดนเพ่งเล็งเด็ดขาด”

“ไว้ขู่ผมตอนตัวเองรอดจากคุกเถอะจ่า” ผมเข้าใจว่านั่นเป็นมุกกวนประสาทตามสไตล์บัฟฟอร์จ จึงแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก็มีแต่ไคเนี่ยแหละที่เอาแต่ทำหน้านิ่ง

“โชคดี” เขากล่าว ก่อนที่คนเป็นเจ้าบ้านจะหยิบบางอย่างจากกระเป๋าเสื้อเชิ้ตแล้วยื่นให้

“เอ้านี่”

“อะไร?” แม้ไคจะท้วงถาม แต่เขาก็รับสิ่งที่มีลักษณะเป็น ‘กุญแจ’ มาโดยดี

“แผนสอง” ผมฉงนใจกับคำพูดของบัฟฟอร์จ ซึ่งตรงข้ามกับไคที่น่าจะรู้จุดประสงค์ของผู้เป็นเจ้าของกุญแจนั้นเรียบร้อยแล้ว

“ถ้าเลี่ยงได้ จะพยายามเลี่ยง” ไคเอ่ย

“ก็ดี...ผมไม่อยากให้คุณใช้แผนนี้เหมือนกัน เพราะราคามันสูงน่าดู”

สิ้นเสียงบัฟฟอร์จ ไคเก็บกุญแจที่รีบมาใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันมาส่งซิกให้ผมขึ้นรถ เพื่อเดินทางออกจากเกาะแห่งนี้ให้เร็วที่สุด ระหว่างนั้นผมรู้สึกว่าการจากลาบัฟฟอร์จเป็นสิ่งที่ทำให้ผมใจหายลึกๆ แม้ระยะเวลาที่อยู่ร่วมกันจะสั้น แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไคกับบัฟฟอร์จ ไม่ได้เรียกว่า ‘คนเคยรู้จัก’ อย่างที่พวกเขาเข้าใจ และเชื่อเถอะว่าพวกเขาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าคนภายนอกมองเห็นถึง ‘มิตรภาพ’ มากกว่าการเป็น ‘คู่ปรับ’ เสียอีก

 











เมื่อเดินทางมาถึงจุดเช่ารถ ผมคิดว่าไคตั้งใจจะนำรถไปคืนเพื่อรับค่ามัดจำ แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด เพราะยังไม่ทันขับเข้าไป เขาก็เดินลงจากรถแล้วเดินไปเปิดกระโปรงหลังเพื่อหยิบสัมภาระ พอเห็นอย่างนั้น ผมนั่งงุนงงอยู่สักพักก็เดินลงจากรถ และเดินตามไปถามไคเพื่อไขข้อสงสัย

“เราไม่ต้องเอารถเข้าไปคืนเขาเหรอครับ” ผมถาม

“ฉันเดาว่าทันทีที่ตำรวจมาถึงเกาะ ต้องเข้าไปสอบถามที่จุดเช่ารถเป็นอย่างแรก เพราะมันใกล้กับท่าเรือและมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่รอบๆ ป่านนี้พวกเขาคงรู้แล้วว่าเราเช่ารถ ใช้ป้ายทะเบียนอะไร สีอะไร เราขับผ่านมาถึงตรงนี้ไม่รู้ว่ามีกล้องตัวไหนจับไว้ได้บ้าง ถ้าขืนพรวดพราดเข้าไปตอนนี้ พวกเราอาจโดนกักตัวก็ได้”

ไคพูดมีเหตุผล ดีที่เขาเป็นคนคิดอะไรรอบคอบและระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าไม่ได้คนฉลาดๆ อย่างเขาช่วยไว้ ชีวิตผมจะเป็นยังไง 

“แบบนี้เราก็ต้องสละเงินมัดจำรถสิครับ” ผมเพิ่งนึกเรื่องนี้ขึ้นได้ ก็เลยพูดออกไป

“จะเสียดายอะไรกับเงินแค่นั้น” เขามองผมสลับกับด้านในจุดเช่ารถ “มีคนกำลังเดินมาทางนี้ รีบไปกันเถอะ” พูดจบเขาก็เดินนำหน้าผมไป ซ้ำยังใช้ขายาวๆ นั่นสาวเอาๆ จนผมแทบจะวิ่งตาม อะไรจะเร็วขนาดนั้นวะ

ไม่นานพวกเราก็เดินมาถึงท่าเรือ ทว่าพวกเรากลับมีปัญหาทันทีที่เหยียบเข้าในพื้นที่ที่ใกล้กับทางเข้า วินาทีนั้นผมรับรู้ได้จากสีหน้าที่คร่ำเคร่งของไค ตอนที่เขารั้งตัวผมไม่ให้เดินต่อ แล้วไหนจะเป็นตอนที่เขาพาผมหลบอะไรบางอย่างอีก ข้อสงสัยนี้ต้องคลี่คลาย ผมกำลังจะเอ่ยถามแต่เขากลับพูดขึ้นมาก่อน

“ผู้ชายสองคนตรงนั้นเป็นตำรวจ” ผมอ้าปากค้างพร้อมกวาดสายตามองตาม “บัฟบอกว่ามีตำรวจจากไทยมามากกว่า 2 คน ไม่รู้ว่ารวมสองคนนั้นด้วยหรือเปล่า”

“แล้วมันยังไง” ผมสงสัย

“ถ้าพวกเขาแบ่งทีมกัน โดยการให้อีกกลุ่มดักตรงทางออกจากเกาะแบบนี้ แสดงว่าพวกเขามั่นใจว่าเรายังอยู่ที่นี่ ฉะนั้นพวกเขาจะตรวจสอบผู้โดยทุกคนอย่างละเอียด ไม่มีทางปล่อยให้เราคลาดสายตาไปได้”

“แบบนี้ก็แย่น่ะสิ” สถานการณ์ของเราตอนนี้เหมือนเจอทางตัน ถ้าตำรวจป้วนเปี้ยนอยู่แถวท่าเรือ การหลบหนีออกไปคงเป็นไปได้ยาก

ผมหวั่นใจอยู่ชั่วครู่ ไคก็สะกิดและพูดบางอย่างกับผม

“แผนสอง...”

“??” ผมทำหน้างง ก่อนจะนึกถึงตอนที่บัฟฟอร์จยืนคุยกับไคหน้าบ้าน

“ไม่มีทางเลือก...ฉันคงต้องใช้แผนสองของบัฟแล้วล่ะ”

 











ไคพาผมนั่งรถแท็กซี่แบบเหมาจากท่าเรือมายังท่าจอดเรือเร็ว ผมไม่รู้ว่ามันมีไว้เช่าสำหรับนักท่องเที่ยวหรือว่าเรือแต่ละลำมีเจ้าของ เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ให้สอบถามอะไร มันเงียบเชียบพอๆ กับบรรยายท่าจอดเรือที่มีเพียงไม่กี่ลำ ไคไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินนำผมไปที่เรือเร็วขนาดเล็กลำหนึ่ง และเดินขึ้นไปโดยที่ไม่ขอใคร

“ขึ้นมาสิ” ไคบอกผมที่กำลังยืนกระพริบตาปริบๆ อยู่ตรงสะพานท่าจอดเรือ

“นี่เรือใครเหรอครับ”

“ไม่ใช่เรือฉัน แต่เป็นของบัฟฟอร์จ” สงสัยจะเข้าใจว่าผมพูดชื่อเขาอีกแล้ว แต่เอาเหอะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่...แบบนี้ก็แสดงว่ากุญแจที่บัฟฟอร์จให้มามีไว้ใช้สำหรับเรือเร็วของเขา 

“บัฟฟอร์จใจดีมากเลย” ผมยิ้มร่า ก่อนจะเดินขึ้นเรือหลังจากรู้ว่าเรือเป็นของใคร

“ตั้งใจติดสินบนฉันมากกว่า” ไคพูดพลางหยิบแว่นตากันแดดในกระเป๋าขึ้นมาสวม เดินไปนั่งประจำที่พร้อมติดเครื่องยนต์ จากนั้นจึงหันมามองผมและพูดต่อ “การเป็นหนี้ชีวิตคนอย่างหมอนั้นไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก”

ความหมายของเขาคือ? จะบอกว่าต่อไปหากบัฟฟอร์จอยากได้เขาทำอะไรให้ ก็จะอ้างบุญคุณนี้อะไรทำนองนั้นหรือเปล่า สำหรับบัฟฟอร์จ ผมว่าเรื่องที่คนอย่างเขาจะขอ อาจเป็นเรื่องยากจนเกินจะคาดคิดก็ได้

ไคเร่งเครื่องยนต์และออกตัวราวกับมืออาชีพ บางทีก็แอบสงสัยว่าเขาถูกฝึกอะไรจากค่ายทหารมาบ้าง มันน่าจะเป็นหน่วยลับสุดยอดที่ต้องฝึกหนักอย่างแสนสาหัสเลยหรือเปล่า ผมอยากจะถามเกี่ยวกับงานของเขาหลายครั้ง แต่พอนึกถึงรอยแผลเป็นตามตัวและข่าวที่บอกเขาเคยฆ่าคนทีไร ผมก็ไม่กล้าถามทุกที

อีกอย่าง เขาจะมองผมเป็นคนสนิทที่สามารถบรรยายเรื่องชีวิตให้ฟังหรือยังก็ไม่รู้

“คุณจำทางกลับได้ด้วยเหรอครับ” มหาสมุทรกว้างใหญ่จะตาย มองไปไกลๆ ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากเส้นขอบฟ้า แล้วไครู้เหรอว่าต้องขับไปทิศทางไหน

“ฉันไม่ได้นั่งหลับมาเหมือนนาย” โดนสวนเข้าให้ นั่นคือคำตอบสินะ แค่ตอบว่าจำได้คำเดียวก็จบแล้วจะแขวะกันทำไม รู้หรือเปล่าว่าเหตุผลที่ผมหลับมาจากอะไร

“ผมนั่งเรือแล้วมึนหัวต่างหาก” พูดจบไคก็รีบหันขวับมาหาผมที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ตอนนี้ล่ะ? มึนหรือเปล่า”

“นิดหน่อยครับ”

“มองออกไปไกลๆ สิ มันช่วยได้”

คำพูดของไคประโยคนี้ฟังแล้วรู้สึกดีจัง ยิ่งเขาปฏิบัติกับผมอย่างดีแบบนี้ผมก็ยิ่งรู้สึกผิดที่เคยมองเขาในแง่ร้าย ค่ำคืนที่ผมเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุด ก็มีเขาคอยช่วยเหลือ พาผมข้ามน้ำข้ามทะเลมายังที่แปลกใหม่ พยายามตามใจผมทั้งๆ ที่ไม่ค่อยอยากทำ และใส่ใจผมถึงขนาดรู้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร มีคนแบบนี้เข้ามาในชีวิต มาทำให้ผมผูกพัน มันคงทำใจยากหากวันหนึ่งไม่มีเขา หรือคิดจะลืมเขาง่ายๆ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่

“ขอบคุณมากนะครับ” พูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ไคเบื่อที่จะฟังผมก็อยากให้เขารับรู้เอาไว้

“คิดฟุ้งซ่านอะไรอีก” นั่นไงล่ะ ขนาดผมคิดอะไรอยู่เขายังรู้เลย

“ผมอยากได้คุณมาเป็นพ่อเลี้ยงจริงๆ นะ...ไม่ได้เหรอ” ผมว่าเขาน่าจะเอ็นดูผมบ้างล่ะ ไม่งั้นจะคอยดูแลผมดีขนาดนี้เหรอ ทำเป็นไม่ยอมรับเพราะวางฟอร์มมากกว่า อันที่จริงเขาควรจะดีใจเสียอีกที่มีเด็กอย่างผมมาเคารพ

“ยังพล่ามไม่เลิก” ไคเอ่ยอย่างหน่ายใจ

“งั้นคุณสัญญาได้มั้ยว่าหลังจบเรื่องเราจะไม่ขาดการติดต่อกัน” ผมเริ่มทำเสียงเศร้า เพราะในใจผมเอาแต่คิดเรื่องที่เขาจะจากผมไปหลังจากจับคนร้ายเข้าคุก “คุณอาจคิดว่านานวันไปผมคงลืมคุณเอง แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ เพราะแค่นึกถึงวันที่เราต้องจากกันผมก็รู้สึกเศร้าแล้ว”

ผมก้มหน้าลง เอาแต่พล่ามเรื่องที่ไคไม่มีความรู้สึกร่วม โดยที่อีกใจหนึ่งก็รอว่าเขาจะพูดกลับมายังไง แต่แล้วผมก็รู้สึกเครื่องยนต์มันค่อยๆ ช้าลง ผมสงสัยว่ามีความปกติอะไรจึงเงยหน้ามองคนขับ ก่อนจะเห็นเขาเขยิบออกจากพังงาเรือ

“มานั่งตรงนี้” ไคเรียกผมพร้อมควักมือให้มานั่งตรงฝั่งคนขับ

“จะทำอะไรครับ” ไคไม่ตอบคำถามในทันที ผมจึงลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถูกไคโอบไหล่แล้วบังคับให้นั่งลงต่อหน้าพังงาเรืออย่างรวดเร็ว

“จับที่บังคับเรือไว้” เฮ้ยๆ ชักไม่ค่อยดีละ

“ผมขับเรือไม่เป็นนะครับ” ผมเอ่ยอย่างตื่นตระหนก

“แค่จับไว้เฉยๆ แล้วก็เหยียบคันเร่งครึ่งเดียว” ไคย่อตัวลงข้างๆ เพื่อพูดข้างหู ผมจึงทำตามที่เขาบอกโดยการบังคับพังงาเรือไว้อย่างเก้ๆ กังๆ ตอนนี้ผมโคตรจะตื่นเต้นเลย ไม่คิดบ้างเหรอว่าผมอาจขับชนคลื่นจนเรือคว่ำได้น่ะ

สายตาผมไม่ละจากมหาสมุทรตรงหน้า แถมยังเบิกตากว้างด้วยความหวาดหวั่นใจอีกต่างหาก ไม่นานไคก็ถอดแว่นตากันแดดของเขามาสวมให้ผม และเอ่ยพูดทั้งๆ ที่ยังนั่งชันเข่าอยู่ข้างๆ

“ตั้งใจฟังฉันนะ” น้ำเสียงไคฟังดูจริงจังมาก

“คะ...ครับ”

“ต่อไปนี้ ฉันอยากให้นายเรียกฉันว่า ‘วีล’”

หืม?

“ทำไมล่ะครับ...หรือมันออกเสียงง่ายกว่า”

“นายเคยถามว่าอยากให้เรียกฉันว่ายังไงไม่ใช่เหรอ”

“แล้วทำไมคุณไม่แนะนำตัวเองว่าชื่อวีลแต่แรกล่ะครับ”

“เพราะตอนแรกมันไม่สำคัญว่านายจะเรียกฉันว่าอะไร”

“...”

ไคเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอ่ยต่อ



“แต่ตอนนี้มันสำคัญแล้ว...”

 

 

 

 

 

 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 15-01-2017 21:03:05
วีล....อย่างนั้นหรอ???

ให้เรียกเฉพาะคนสำคัญสินะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-01-2017 21:37:13
ว้าว.......พระเจ้าช่วย กล้วยทอด มันยอดมาก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไค ให้ติณณ์เรียกตัวเองว่าวีล
เพราะ “.....ตอนนี้มันสำคัญแล้ว...”
ติณณ์สำคัญแล้ว
เพราะความรู้สึกระหว่างไคกับติณณ์มันพิเศษแล้ว
ขำติณณ์ อยากให้ไคเป็นพ่อเลี้ยง
โธ่......ถามไคซิ อยากเป็นมั้ย  :hao7: :hao7: :hao7:
ไคอยากเป็นอาราย กับติณณ์  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 15-01-2017 22:02:09
อร๊ากก จ่าวีล จ่า อ่อยเด็ก อ่อยแรงด้วย ทำไม ทำให้ใจเราเต้นแรงขนาดนี้ อ่อยยย อ่อยยยย
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 15-01-2017 22:30:44
อ่านตอนนี้แล้วอดจะตื่นเต้นไม่ได้จริงทั้งการพยามหนีและจากวีลด้วย
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-01-2017 23:28:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-01-2017 23:32:42
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 15-01-2017 23:33:00
ทำไมเรารู้สึกสั้น อาจเป็นเพราะความต้องการของมนุษย์มีอยู่ไม่จำกัด
เราอยากจะกรีดร้อง นี่ถามไคให้อยากเป็นพ่อเลี้ยง ไคคงอยากเป็นพ่อทูนหัวมากกว่าจ้ะ แหม เขินอ่ะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-01-2017 23:46:36
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 16-01-2017 00:19:46
โอยยรักคนแก่ค้างๆๆๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 16-01-2017 00:59:54
จ้า หนูเห็นแล้วค่ะว่าสำคัญ กึกึกึ :hao7:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-01-2017 09:05:33
เลื่อนระดับขึ้นมาแล้วหรือ
อีกหน่อยจากนอนข้างๆ ก็จะให้มานอนบนตัวสินะ
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 16-01-2017 09:11:17
พึ่งมาอ่านคร้าาาาาา
ชอบไคล์ฟอ่า นางซึนแต่นางก้อช่างเต๊าะเด็ก!!
ส่วนเด็กน้อยติณติณของเราก้อซื่อๆ ตามอะไรไม่ทัน น่าเอ็นดูมากๆ ♡
ติดตามตอนต่อไปจร้า ว่าเรื่องมันจะเปนยังไงต่อ บ้านของติณดูมีเรื่องลับๆ แถมประวัติไคล์ฟก้อยังคลายปมไม่หมด ><
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 16-01-2017 14:12:15
น่าติดตามต่อมากค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 16-01-2017 18:48:02
จ่าวีลน่ารักมาก สนุกสุดๆ
รอติดตามตอนต่อไปค่า :katai4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 16-01-2017 19:04:57
 o13
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 16-01-2017 21:21:26
แต่ตอนนี้มันสำคัญแล้ว...
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ฮาย ที่ 17-01-2017 14:34:51
 :hao5: ไม่ไหวแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 17-01-2017 20:03:08
วีลบอกไปสิ ไม่ได้อยากเป็นพ่อ แต่อยากเป็นปั๋ว
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 18-01-2017 00:41:11
สำคัญแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 18-01-2017 09:04:34
เข้ามาอ่านอีกรอบ ดันๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 17] *Update 15/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: La_Pomme ที่ 18-01-2017 21:24:15
ตอนที่ 18



เดินทางต่อไปจนถึงหาดใหญ่ เพื่อความปลอดภัย ไค เอ้ย! ไม่ใช่สิ วีล...แสร้งเดินไปคุยภาษาอังกฤษกับคนไทยคนหนึ่ง โกหกว่าเป็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันต้องการจะซื้อตั๋วแต่ไม่รู้จะทำยังไง จึงอยากจ้างให้คนไทยคนนั้นไปซื้อตั๋วให้ และอาจเป็นเพราะวีลจะให้ค่าตอบแทนหลายบาท ชายคนนั้นจึงตัดสินใจช่วยเราในทันที

หลังจากนั้นเราสองคนก็เลยนั่งรออยู่บริเวณโต๊ะม้าหินใกล้ๆ กับคิวรถสองแถว...

“ทำไมถึงอยากให้ผมเรียกคุณว่าวีลล่ะครับ หรือไม่ชอบเวลาที่ผมเรียกเป็นสำเนียงไทย” แค่ผมไม่เรียกให้ถูกต้องว่าไคลฟ์ เขาก็เลยตัดปัญหาโดยการให้เรียกวีลอย่างนั้นหรือเปล่า

“แล้วทำไมต้องสงสัยไปซะทุกเรื่องด้วย นายเป็นคนถามเองว่าอยากให้เรียกว่าอะไรฉันก็ตอบไปแล้ว ยังจะต้องถามหาเหตุผลอีกเหรอ” น้ำเสียงฟังเหมือนยัวะแฮะ คืออันที่จรองผมชินกับการเรียกเขาว่าไคแล้วไง พอมาบอกให้เรียกอีกชื่อผมก็เลยอยากรู้สาเหตุ...ให้ตาย นี่เขาจะจริงจังไปทุกเรื่องเลยเหรอวะ

“คุณไม่อยากตอบก็บอกมาตรงๆ สิครับ ไม่เห็นต้องต่อว่าเหมือนผมเป็นเด็กช่างซักเลย” ก็รู้ตัวแหละว่าถามมาก แต่เขาก็ควรเข้าใจด้วยว่าแต่ละอย่างที่เขาทำมันดลใจให้สงสัยทั้งนั้น แล้วจะมาว่าผมฝ่ายเดียวได้ไง

หลังจากนั่งนิ่งไปสักพัก วีลก็เอ่ยขึ้น

“ฉันชอบชื่อนี้”

อ้า~ งั้นเหรอ? แต่มันทะแมงๆ นะ เป็นเพราะเหตุผลนั้นจริงอ่ะ

“ชื่อในบัตรประชาชนของคุณคือไคลฟ์ ไมเนอร์ แสดงว่าจ่าวีลคงเป็นฉายาของคุณใช่ป่ะ” หลังจากผมพูดจบวีลก็ใช้แววตาอันคมกริบจดจ้องมาที่ผมทันที

กำลังจะบอกว่าผมถามมากอีกแล้วสินะ…

“ผมก็ชอบเหมือนกัน วีล...ออกเสียงง่ายดี” ถือว่าจบนะ เข้าใจแล้วว่าต้องเรียกเขาด้วยชื่อนี้ วีลๆๆ

“ชื่อฉันก็ชอบ สีตาฉันก็ชอบ...” วีลยังคงมองผมอยู่ แต่เปลี่ยนจากสีหน้าเรียบเฉยเป็นคนขี้สงสัย คิ้วหนาขมวดมุ่นก่อนจะริมฝีปากจะขยับตามมา “คิดอะไรกับฉันหรือเปล่า”

“…”

เหมือนโดนน้ำทะเลซัดเข้าหน้าสักหนึ่งแก่นลอน รู้สึกจุกหนักจนคิดว่ามันมีส่วนทำให้กล้ามเนื้อผมเกร็งไปทุกสัดส่วน เผลอรู้ตัวอีกทีก็พบว่าผมกำลังอ้าปากค้าง อยากพูดตอบโต้แต่สมองก็ประมวลผลช้าเหลือเกิน ไปไม่เป็นแล้วทีนี้ ทำไมผมต้องตกใจกับคำถามยียวนของเขาด้วยนะ มันเป็นแค่มุกเอง ไม่เห็นต้องเก็บมาคิดจริงๆ จังๆ ขนาดนี้เลย

ผมคิดอะไรกับเขาน่ะเหรอ?

ทำไมต้องคิดมากด้วยนะ หรือว่านอกจากความเคารพแล้วมันยังมีอย่างอื่นอีก...

“เขามาแล้ว” จู่ๆ วีลก็สะกิดผมเมื่อเห็นว่าคนที่จ้างให้ไปซื้อตั๋วกลับกรุงเทพกำลังเดินมา

นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันปลอมๆ ลุกขึ้นรับตั๋วที่ชายไทยคนนั้นยื่นให้ ก่อนจะนำเงินอีกครึ่งที่เขาบอกจะให้ครบจำนวนทันทีที่นำตั๋วมาให้ กระทั่งหนุ่มไทยเดินจากไป วีลก็หันมาพูดกับผมพร้อมสะพายกระเป๋าเป้

“นายยังไม่ได้กินข้าวเช้าก่อนออกมา หิวหรือเปล่า”

“นิดหน่อยครับ” ตอนนี้ก็เกือบบ่ายแล้ว เราทั้งคู่ต่างไม่ได้กินอะไรเพราะตอนเช้าบัฟฟอร์จเข้ามาแจ้งว่ามีตำรวจเดินทางมาถึงเกาะลังกาวีพอดี

“อีกครึ่งชั่วโมงรถจะออก นายรออยู่นี่แล้วกัน ฉันจะไปซื้อข้าวกล่องในเซเว่นมาให้”

วีลกำลังเดินไป ผมรีบรั้งมือเขาไว้ก่อน

“ให้ผมไปด้วยนะครับ”

รู้สึกไม่ดีที่ต้องอยู่คนเดียวในเวลานี้ ไม่รู้ว่าสีหน้าผมดูเป็นยังไง แต่พอจะเดาออกว่ามันแย่มาก ผมคงเหมือนเด็กขี้แงและหวาดกลัวไปซะทุกอย่าง ถึงขนาดจับมือเขาไว้แน่นขนาดนี้ได้ ถ้าจะบอกว่าเข้มแข็งก็คงหลอกตัวเองเกินไป ก็รู้ว่ายิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งเป็นเหมือนภาระให้เขาเข้าไปทุกที

แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อผมไม่อยากคลาดสายตาจากวีลจริงๆ

“ตามใจ”

เมื่อเสียงทุ้มผสมความนุ่มนวลของเขาเปล่งออกมา ผมถึงกับยิ้มไม่หยุด รีบลุกขึ้นยืนทันควัน และจากนั้นเราสองคนจึงเดินทางไปเซเว่นที่อยู่ใกล้ที่สุดพร้อมกัน

 













ผมเดินเข้าไปหยิบข้าวกระเพราไข่ดาวเป็นอย่างแรก ส่วนวีลก็เดินไปหยิบน้ำและเดินดูของอย่างระมัดระวัง หมวกที่สวมอยู่ ผมคอยจับให้ปิดใบหน้าเพื่อไม่ให้ใครสักเกต

ระหว่างรอข้าวกล่องเวฟ ผมเดินไปตรงโซนพวกหมากฝรั่งก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรสมิ้นท์ที่ชื่นชอบ หากแต่ในขณะนั้นกลับมามือใครบางคนมาคว้าตัดหน้า หยิบชิ้นไปผมเล็งไว้ไปต่อหน้าต่อตา ด้วยสัญชาตญาณความอยากรู้ ผมเงยหน้ามองตามมือเรียวขาว เห็นเป็นผู้หญิงในในชุดรัดรูปและคลุมทับด้วยแจ็คเก็ตสีดำ เธอใส่กางเกงยีนส์ทรงผู้หญิง ผูกผมสูง สวมแว่นตากันแดด ใบหน้าของเธอคมคาย ดูสวยแตะตา ทั้งจมูกที่โด่งเป็นสันและริมฝีปากแดงสีเข้มจากลิปติก

เธอยิ้มหวานให้ผม และเดินจากไป...พบกันเพียงแค่เสี้ยววินาทีผมแทบลืมไปเลยว่ากำลังจะซื้ออะไรเพิ่ม สายตาผมมองตามหลังเธอไปถึงเค้าน์เตอร์จ่ายเงิน ก่อนที่ผมเรียกสติตัวเองกลับมาได้

คนอะไร สวยชะมัด!

ผมหุบยิ้ม หันไปหยิบหมากฝรั่งที่ต้องการไปที่เค้าน์เตอร์ พอดีกับจังหวะที่ผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากเซเว่น วีลเองก็ตามหลังผมมาติดๆ เขาวางพวกน้ำเปล่าและขนมปังให้พนักงานคิดเงิน ผมกำลังจะเล่าว่าเมื่อกี้เจอผู้หญิงสวยส่งสายตาให้แต่กลับโดนพนักงานเซเว่นพูดขัดซะก่อน

“ขอโทษนะคะ” ผมมองหน้าพนักงานที่เรียกผม

“ครับ” ผมขานรับสักพักพนักงานคนนั้นก็ยืนกระดาษใบเล็กๆ ให้ผม

“เมื่อกี้มีผู้หญิงคนหนึ่งฝากกระดาษใบนี้ไว้ให้คุณค่ะ”

“...”

ผมทำหน้างง แต่ก็รับมาตามมารยาท คิดในใจว่าทำไมหล่อนถึงฝากกระดาษโน้ตไว้ให้ จนเมื่อสิ่งที่ผมนึกได้ผุดขึ้นมาในสมอง บอกเลยว่าโคตรอายตัวเอง ในชีวิตผมมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ เหรอวะ เหลือเชื่อเลย...

ขณะที่ผมกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อำนาจมืดบางอย่างที่มีมวลมหาศาลอยู่ข้างๆ ก็เขม็งตามองผมอย่างไม่สบอารมณ์นัก นี่ผมต้องบอกเขาตอนนี้เลยมั้ยว่าความมีเสน่ห์ของคนเรามันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

“ผู้หญิงสวยๆ ที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อกี้ทิ้งโน้ตไว้ให้ผมด้วยล่ะ” ยื่นหน้าเข้าไปส่งเสียงกระซิบข้างหู “สงสัยจะเป็นเบอร์โทร” ระหว่างรอพนักงานคิดเงิน ผมกำลังจะเปิดโน้ตอ่าน แต่ทว่า...

“เลิกฝันกลางวันเถอะน่า” วีลแย่งโน้ตจากมือผมไปเฉยเลย

“เฮ้ย! นั่นของผมนะ เอามา!” จะคว้าก็เอื้อมไม่ถึง บอกเลยว่าผมโคตรอายที่ต้องมาเปิดชิงกระดาษแผ่นเล็กๆ ต่อหน้าพนักงานก็เลยยอมแพ้ ให้ตาย มาเปิดอ่านของคนอื่นแบบนี้เขาไม่คิดว่ามันเกินไปเหรอวะ ไว้รอให้อ่านจบแล้วค่อยฉวยโอกาสคว้ามาละกัน

หลังจากวีลเปิดกระดาษ ผมนัยน์ตาเขาเบิกกว้าง อีกทั้งหางคิ้วยังกระตุกเล็กน้อย คนตัวสูงค่อยๆ หันมามองผมด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ผมแปลกใจกับท่าทางที่แปลกไปของเขามาก รีบคว้ากระดาษโน้ตในมือมา ยังไม่ทันเห็นตัวหนังสือ วีลก็จับข้อมือผมแล้วกระชากให้เดินออกไปจากเซเว่นทันที!

วีลพาผมวิ่งโดยปล่อยของกินไว้บนเค้าน์เตอร์อย่างนั้น ไม่เข้าใจว่าเขาจะรีบร้อนไปไหน ขาผมนี่พันเป็นระวิง ทั้งงุนงงทั้งตื่นตระหนก วีลไม่บอกอะไรสักคำ อยู่ๆ ก็พาวิ่งออกมาเหมือนกำลังหนีอะไรบางอย่าง

“วีล เกิดอะไรขึ้น! ดะ....เดี๋ยวก่อน รอเดี๋ยว บอกผมก่อนมีเรื่องอะไร”

ขณะที่กำลังร้องถามเขา ผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างไล่หลังเรามา

นั่นมัน...เสียงไซเรนตำรวจ!

“แย่แล้ว! ตำรวจกำลังมาทางนี้” ผมร้องบอกวีลโดยที่สองเท้ายังก้าวไปไม่หยุด พวกเราวิ่งกันอยู่บนฟุตปาธข้างถนน พอถึงทางแยกบริเวณซอยเลนส์เดียวแคบๆ วีลก็พาผมเลี้ยวเข้าไปทันที

เมื่อหันไปมองข้างหลัง ผมเห็นรถตำรวจสองคันพากันจอดอยู่หน้าซอย สักพักพวกตำรวจก็เดินลงจากรถพร้อมอาวุธปืน ผมตกใจมาก จิตใจว้าวุ่นไปหมด คิดแต่ว่าแย่แล้ว ความรู้สึกของคนที่กำลังวิ่งหนีตำรวจมันเลวร้ายแบบนี้นี่เอง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดเป็นห่วงวีลไม่ได้ พะว้าพะวงระแวงแทนเขา คาดการณ์ไปถึงขั้นว่าหากเขาถูกจับได้ ผมจะเอาตัวขัดขวางไว้อย่างสุดกำลัง

“บัดซบ!”

วีลตะหวาดกร้าว ผมมองสถาการณ์ตรงหน้าพบว่าไม่มีทางให้ไปต่อ เขตชุมชนมีแต่อาคารพาณิชย์เก่าๆ เรียงรายกันแบบแถบ ถ้าจะออกจากตรงนี้ก็ต้องหาทางลัดเลาะ และประเด็นคือพวกเราไม่ชินกับเส้นทาง

วีลมองขึ้นไปบนที่สูง เหมือนเขาจะเห็นมมุมหลบซ้อนตัว มันเป็นเหมือนตึกแถวให้เช่าซึ่งเชื่อมถึงกันตลอดแนว บรรยากาศเงียบเชียบปนความหลอน วีลรีบพาผมสิ่งขึ้นบันไดไป เสียงฝีเท้าของเราดังก้องผสมกับกำลังตำรวจที่น่าจะไม่ต่ำกว่าห้านาย หัวใจผมสั่นรัวจนมาถึงระเบียงกว้างลักษณะคล้ายดาดฟ้า วีลดึงผมให้นั่งลงเพื่อซ้อนตัวหลังเครื่องกรองน้ำขนาดใหญ่ ในใจผมหวังว่าตำรวจจะคลาดสายตากับเราและเดินไปทางอื่น

แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น...   

“มอบตัวซะเถอะไมเนอร์!!” ผมมองผ่านช่องเล็กๆ เห็นตำรวจนายหนึ่งค่อยเยื้องย่างใกล้เข้ามาอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงหยิบปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม นั่นหมายความว่าเขาคงเห็นหลังเราไวไว

สีหน้าวีลดูไม่ดีนัก ผมมองเขาสลับกับกระดาษโน้ตในมือ ด้วยความสงสัยผมจึงคลี่ออกและอ่านมัน

‘หนีให้ทันล่ะ’

“ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึง...” พูดยังไม่ทันจบ วีลก็รีบยกมือตัวเองปิดปากผมไว้

“เงียบก่อน” เขากระซิบข้างหูผมก่อนที่นายตำรวจคนนั้นจะส่งเสียงขึ้นมาอีก

“ฉันรู้ว่านายอยู่ตรงนั้นไมเนอร์ รีบออกมามอบตัวซะก่อนที่ฉันจะเอาจริง” พอได้ยินนายตำรวจพูดแบบนั้น เหงื่อผมแตกพลั่ก หวาดหวั่นใจไปต่างๆ นานา เชื่อเถอะว่าการหายใจในสถานการณ์แบบนี้มันช่างยากลำบากเหลือเกิน

“คุณปีนลงไปจากตรงนี้ได้หรือเปล่า ถ้าได้ก็ไปตอนนี้เลย เดี๋ยวผมจะกันพวกตำรวจไว้ให้” ผมพยายามหาทางช่วย แต่วีลกลับถอนหายใจใส่ผม

“นายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แค่ให้ฉันจัดการก็พอ”

หลังจากวีลพูดจบ นายตำรวจคนอื่นๆ ก็เข้ามาสมทบ

“ผมไม่ยอมให้คุณโดนจับ...คุณไม่ได้ทำอะไรผิด” ผมพูดกับเขาด้วยเสียงที่เบามาก

“ติณณ์...”

“...”

ผมรอฟังว่าวีลจะพูดอะไร แต่ขอทีเถอะ! อย่าทำสีหน้าหดหู่ให้ผมใจเสียได้มั้ย

“ถือว่าเราหายกันแล้ว”

“หมายความว่ายังไง”

“คราวนี้...ฉันจะเป็นฝ่ายทิ้งนายบ้าง”

สิ้นเสียง วีลลุกออกมาจากที่ซ่อน ยกมือเหนือหัวและค่อยๆ เดินไปข้างหน้าช้าๆ ทิ้งให้ผมมองภาพที่เหล่าตำรวจเข้ามาจับกุมเขาด้วยสายตาที่ตกตะลึงและเจ็บปวดอย่างที่สุด

วินาทีที่วีลถูกกดลงกับพื้นเพื่อล็อคกุญแจมือจากด้านหลัง เขาไม่สบตาผม เอาแต่หลับตาจำยอมและสงบปากสงบคำ ขณะนั้นมีตำรวจนายหนึ่งเข้ามาถึงตัวผม พาให้ลุกขึ้น ซ้ำยังเอาแต่ถามว่าเป็นยังไงบ้าง ทว่าสายตาผมกลับมองแต่สิ่งที่พวกเขาทำกับวีล



ผมพูดอะไรไม่ออก ภาพตรงหน้ามันสะเทือนใจจนทำให้น้ำตาผมไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว...

 





 
*********************
โฮกกกกกกกกกก จ่าวีล ม่าย!!!!!!!!!!!!
ตอนนี้มีรายละเอียดเยอะ เป็นตอนที่เขียนนานมากที่สุดเลย
ก่อนอื่นขอโทษล่วงหน้าหากมีคำผิดนะจ๊ะ และอีกหลายๆ ตอนที่ผ่านมาด้วย
เรื่องราวจะเป็นยังไงไว้ติดตามกันต่อละกันเนอะ
 
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-01-2017 21:48:47
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-01-2017 22:05:16
ในสถานการณ์อย่างนี้
ติณณ์ ยังคิดเรื่องสาวสวยให้เบอร์  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ไคถูกซ้อมแน่เลย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ฮาย ที่ 18-01-2017 22:39:06
หนีไปเร็ว  :katai4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 18-01-2017 22:45:36
ทำไมดราม่า แต่คิดว่าวีล(อดีตไค)คงรอดได้
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-01-2017 23:15:03
ทำไมตามเจอเร็วจัง จะเป็นยังไงต่อเนี่ย
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 18-01-2017 23:59:26
เอาใจช่วยนะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 19-01-2017 00:08:28
โดนจับไปแล้ววววววว
จ่ายอมโดนจับเพื่ออะไร บอกกันหน่อยไม่ได้หรือ ใจจิขาดแล้ว
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 19-01-2017 00:48:43
ง่าาาาา.  ทำเป็นงี้อะ.  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 19-01-2017 19:18:05
ชะนีคนนั้นคือครายยยย ค้างงงง :katai4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 19-01-2017 22:22:16
กรรม หนีไม่พ้น :katai4:
สงสารจ่าวีล
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-01-2017 23:14:33
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-01-2017 09:39:20
กรีดร้องงงงง ไม่เอาไม่ยอมให้โดนจับนะ :sad4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดำ ที่ 20-01-2017 11:45:17
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Mura_saki ที่ 20-01-2017 19:40:15
ง่ายไปจ่าวีล ไม่ใช่แบบนี้ดิ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 20-01-2017 23:10:35
จ่า!!! ไม่น้าาาา :o12:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-01-2017 23:57:41
ตึง

คำเดียวสั้นๆ เพิ่งได้มาตามอ่านต่อ มาเจอตอนนี้เฉย
มาต่อเร็วๆ TT
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ฮาย ที่ 26-01-2017 07:02:08
 :hao7: คิดถึงแล้ว มามะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ChabaSri ที่ 26-01-2017 10:23:27
ไม่สมจริงนะตำรวจไทยไม่ได้เก่งขนาดนั้น!! โทษ 5555555

คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Nayton1169 ที่ 30-01-2017 22:31:37
วิ่งรอบสนามฟุตบอลรอแล้วน่ะ ทำยังไงดี โดนตำรวจจับแบบนี้ โอ๊ยมาต่อเร็วๆนะครับ :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 03-02-2017 11:04:17
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 03-02-2017 14:28:57
นี่มันเรื่องอะไรคะเนี่ย ทำไมวีลถึงทิ้งติณณ์ สัญญาแล้วไม่ใช่หรือคะ ผู้หญิงคนนั้นเธอเป็นใครดูเหมือนรู้เรื่องครอบครัวติณณ์ พ่อแม่ติณณ์ไปทำอะไรไว้แล้วเกี่ยวอะไรกับติณณ์ โอ๊ย ลุ้น

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 19-02-2017 22:47:04
รออ่านนะ คิดถึงงงง
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 22-02-2017 20:26:31
คิดถึงเรื่องนี้ เมื่อไหร่จะมาต่อครับ รอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 22-02-2017 21:18:40
ได้โปรดอย่าทิ้งกันไปเลยนะ
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: nut2557 ที่ 27-03-2017 23:22:17
คิดถึงนะครับ หายไปนานเลย กลับมาเถอะนะคนดี :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-03-2017 23:37:10
 :z13:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 03-06-2017 12:14:23
ยังรออยู่นะ กลับมาอัพเถอะค่ะ รอน้าาาา ; w ;
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: Nayton1169 ที่ 14-06-2017 21:31:14
ยังไม่มาอีกหรา เค้ารอนานแล้ว
ผมนี่ นอนรอทุกวัน
  :ling1: :fire: :fire: :fire: :z13:
:ling1: :fire: :fire: :fire: :z13:
[/size]
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 14-06-2017 21:52:14
ฮือๆ ใกล้จะมารึยังน่อ คุณนักเขียนขาามาเถอะมา พลีสสส :mew4:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 27-06-2017 12:35:57
รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กลับมาเถอะได้โปรด
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: ผ้าห่มอุ่นๆ ที่ 26-09-2017 11:59:06
รอนานเหลือเกิ๊นนนน. มาต่อเถอะ :hao5: :z3: :fire:
หัวข้อ: Re: ::Clive Save Me:: คนร้ายกับชายข้างบ้าน... [ตอนที่ 18] *Update 18/01/60
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 26-09-2017 15:25:13
หลงเข้ามาอ่านฮือๆ มันสนุกมากเลยคนเขียนหายไปไหนทำไมไม่กลับมาต่อ  :ling1: