พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องเล่าในเรื่องสั้น] ใกล้กัน...ยิ่งหวั่นไหว
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: ไอ้หัวแห้ว ที่ 11-08-2008 10:58:56
-
คุณเคยแอบรักเพื่อนไหม?
คุณเคยชอบเพื่อนตัวเองหรือเปล่า?
มือที่กำลังพลิกหนังสือรุ่นหยุดชะงักอยู่หน้ารูปถ่ายของห้องที่รวมพวกเราทุกคนไว้ด้วยกัน รอยยิ้มที่จางหายพลันถูกจุดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็น ใบหน้าที่คุ้นเคยของใครหลายๆ คน ในนั้น หวนให้นึกถึงความทรงจำเก่าๆ เมื่อครั้งมัธยม มือที่กำลังจับ ถือโอกาสไล้ขึ้นลงเบาๆ คล้ายกำลังเปิดผลึกความทรงจำบางอย่างออกมา
พอเปิดไปอีกหน้าเป็นรูปเดี่ยวของแต่ละคนในท่าทางตลกตามคอนเซปต์ของห้อง ทำให้ผมอดหัวเราะออกมาอีกไม่ได้
แต่...ผมก็ต้องหยุดหัวเราะ หากรอยยิ้มยังจุดอยู่ที่มุมปากไม่ได้จางหาย
เมื่อพบรูปใครบางคน ที่สอดอยู่ใน...หนังสือรุ่นหน้านี้ด้วย...
“มันจะเป็นยังไงบ้างนะ สบายดีหรือเปล่า”
ผมบ่นเบาๆ พอให้หายคิดถึงบ้าง
ความจริงไอ้การจะติดต่อกันมันก็ไม่ได้ลำบากหรืออะไรเลย แต่ไม่รู้สิ...กาลเวลาทำให้อะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปมั๊ง ผมถึงไม่มีความกล้าพอจะโทรไปหา เพื่อนๆ สักเท่าไหร่ ไม่เหมือนตอนแรกๆ ที่พวกเราจบม.ปลายมาด้วยกัน มีอะไรก็โทรหากันตลอด
แต่ผมว่า...ต่อให้ไม่ได้คุยหรือเจอกันนานแค่ไหน มิตรภาพของพวกเราไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไป เมื่อไหร่ที่โทรไปชวนไปไหน หรือโทรไปคุย สรรพนามหรือคำแทนตัว ไม่เคยเปลี่ยนไปหรอก
ความสนิทที่คิดว่าจะหายไป มันกลับมาหาโดยไม่ทันตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ
...คุณว่าจริงไหม?
“เฮ้ย....ไอ้เติ้ล ทำไรวะ”
ผมกำลังก้มยืนมองเพื่อนคนอื่นลอกการบ้านกันอยู่ ตอนเที่ยงๆ แบบนี้ หน้าห้องสมุด มีนักเรียนหลายระดับชั้นกำลังนั่งจับจองม้าหินอ่อนพูดคุยกันเสียงดัง บ้างกำลังนั่งลอกการอ่าน อ่านหนังสือ คุยเล่น กินขนม ตามประสาเด็กม.ปลาย
“ดูไอ้พวกนี้ไง มันลอกก่อน เด๋วกูจะลอกต่อ”
ผมหันไปตอบ ‘ไอ้ปั้น’ อย่างคร่าวๆ แต่ตาก็ไม่ได้สนใจหันไปสนใจมันมากนัก หันไปอีกโต๊ะ เพื่อนอีกกลุ่มก็กำลังจับกลุ่มทำการบ้านกันเช่นกัน หนึ่งในนั้นก็เป็นแฟนไอ้ปั้น ‘เจน’ ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ เห็นว่ากำลังเตรียมตัวไปสอบตรงนิติฯ
“โต๊ะนี้ทำไรกัน”
ผมส่งเสียงถาม หากไม่ทันจะได้คำตอบ ไอ้ปั้น ไอ้ตัวดี ก็กอดหมับเข้าที่เอวผม ด้วยความที่ผมตัวเล็ก สูงแค่ร้อยหกสิบกว่าเซ็นติเมตรเท่านั้น เจอคนตัวใหญ่กว่ารัดแน่นแบบนี้ผมจะไปทำอะไรได้ นอกจากดิ้นไปมาประท้วงให้มันปล่อย
“เฮ้ย ปล่อยกูสิวะ จับกูทำไมวะเนี้ย”
“ปล่อยทำไม แกล้งมึงสนุกจะตาย”
ผมตะโกนเสียลั่น ตัวก็ดิ้นรนให้ไอ้คนที่รัดผมอยู่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระเสียที ทว่าไอ้ปั้นก็ไม่ได้สนใจ มันกลับหัวเราะชอบใจใหญ่ ผมก็ยังดิ้นอยู่ คือนึกออกไหมครับ ว่า พอเราโดนรัดแน่นๆ มือก็พยายามแกะมือมันออก แต่มันตัวใหญ่ ผมเลยทำอะไรไม่ได้ นอกจากดิ้นและตะโกนเท่านั้น
“ปล่อยกูสิวะ”
ไม่ทันขาดคำ ไอ้นี่เอาใหญ่ ก้มหน้าลงมาซุกแถวๆ คอผมเสียอย่างนั้น ธรรมดาแค่นี้ คนก็มองเยอะจะตายแล้ว ไอ้ผมจะตะโกนดังกว่านั้นก็ไม่กล้า เด็กหน้าห้องสมุดหลายระดับชั้นก็มาก อายก็อาย ไม่ได้เสียวอะไรแบบนั้นหรอกนะ
เพื่อนคนอื่นก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ไม่ได้ช่วยอะไรผมเลย
คือไอ้ปั้นมันเป็นคนชอบแกล้งเพื่อนน่ะครับ เรียกกว่าใครๆ ก็ถูกมันแกล้งไปทั่วนั้นแหละ แต่เพราะผมตัวเล็กด้วย ไอ้นี่เลยเอาใหญ่ จากกอดธรรมดา กลายเป็นพัฒนามาซุกๆ คอด้วยเนี้ย ผมก็ยิ่งดิ้นไปมา ดิ้นแล้วแถๆ น่ะครับ คือลากไปมันไปด้วย ก็กูจะหลุดให้ได้อะ ใครจะทำไม ปากก็ร้องตะโกนให้แฟนมันช่วย
“เจนๆๆ ช่วยเราด้วยดิ๊”
“ฮ่าๆ”
แต่แฟนมันก็เอาแต่หัวเราะ ไม่มีใครช่วยผมสักคน จน ‘ไอ้เดฟ’ เพื่อนผู้หญิงห้าวๆ ที่ผมสนิทหน่อย จะกระโดดถีบไอ้ปั้นให้ มันถึงยอมปล่อย
“ปล่อยเพื่อนกูสิไอ้ปั้น เดี๋ยวกูถีบให้เลย”
“เออๆ แม่ง”
นั่นแหละ ผมถึงได้รอดมาจากเงื้อมมือไอ้ปั้นได้ ต้องขอบคุณไอ้เดฟมาก มันเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ผมสนิทด้วยคนหนึ่ง นิสัยมันเหมือนผู้ชาย เพราะว่ามันมีพี่ชายสองคนมั๊ง พ่อเลยเลี้ยงมาเหมือนๆ กันกับพี่ มันเลยติดห้าวๆ บางทีทำอะไรแมนกว่าผมอีก ทั้งๆ ที่มันก็บอกเสมอว่า
“กูเป็นผู้หญิงนะมึง ไม่ใช่ทอม กูชอบสีชมพู มึงเห็นไหม”
พวกผมก็ได้ฮาอ้ะ แบบไม่เข้ากับตัวเอง เพราะมันใช้อะไรก็สีชมพูไปหมด ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดหน้า กระเป๋าดินสอ บลาๆๆๆ อย่างที่มันจะสามารถหามาได้ กลับมาเรื่องไอ้ปั้นกันต่อ ไอ้นี่ก็ไม่ได้ลดราวาศอกหรอกครับ มันก็คอยแกล้งผมตลอดน่ะแหละ จนมีวันนึงผมทนไม่ได้ วิ่งเอากระเป๋านักเรียน ฟาดใส่หลังมัน
“เฮ้ย...เจ็บนะมึง”
มันตะโกนออกมา เมื่อผมฟาดโดน ก็แหงละ กระเป๋านักเรียนใบสีดำแข็งๆ น่ะครับ แถมผมยังฟาดเต็มแรงอีก ก็หมั่นไส้มันนี่หว่า ชอบแกล้งผมดีนัก ผมก็ได้แต่ขอโทษมัน
ก็นะ...มันเจ็บหนิ ผมก็ทำแรงเกินไปใช่เปล่าล่ะ
“เออๆ กูขอโทษๆ เจ็บไหม”
“เจ็บดิ สัด...”
“เออๆ”
ผมก็ได้แต่ยอมๆ มันไป ทำไงได้ เพื่อนกัน แม้มันจะแกล้งผมมามากก็ตามเหอะ
-
ไอ้นี่จริงๆ มันเคยอยู่โรงเรียนเดียวกับผมตอนประถมนะ เคยอยู่ห้องเดียวกันหรือปล่าอันนี้จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ที่แน่ๆ ผมจำมันได้แม่นเชียวล่ะ ไอ้นี่มันหน้าตาดีนะ เรียกกว่าหล่อก็น่าจะได้ ปากแดงๆ หน้าขาวๆ มีคนชอบหลายคน โดยเฉพาะกะเทย หรือเกย์ จนเดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่
จนเข้ามัธยมต้น ผมกับมันก็แยกกันคนละโรงเรียน ผมเรียนโรงเรียนที่อยู่ตอนนี้แหละ ส่วนมันไปเรียนโรงเรียนชายล้วนของอำเภอนี่แหละ
พอเข้าม.ปลาย ไอ้นี่ก็สอบเข้ามาโรงเรียนที่ผมเรียน ส่วนผมได้โควตา สบาย ไม่ต้องทำอะไร จนผมคิดว่ามันสบายเกินไปด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เพื่อนต่างโรงเรียนสอบแข่งขันกันเข้ามาแทบตาย แต่พวกผมกลับนั่งเฉยๆ กัน ไม่ได้ทำอะไรกันเท่าไหร่ รอวันเปิดเทอมอย่างเดียว
วันแรกที่ผมเห็นหน้ามันในห้อง ผมจำมันได้ดี ไอ้หน้าตากวนๆ แบบนี้ มันอาจจะดูเปลี่ยนไปบ้าง แต่ผมก็จำมันได้ มันดูหล่อขึ้น หน้าตาดีขึ้นจนผมอดยิ้มน้อยๆ ไม่ได้
ผมเคยชอบมัน ตอนประถมมั๊ง... ไม่แน่ใจนะ แต่คิดว่าน่าจะใช่ จนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจเลยด้วยซ้ำ
ตอนม.ปลาย ผมกับมันไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ มันจะอยู่กลุ่มผู้ชายหลังห้องที่ดูเฮ้วๆ กวนๆ เหมือนตอนประถมนั่นแหละ มันก็มีพวกเพื่อนๆ เฮ้วๆ ของมัน มันดูเหมือนไม่ค่อยสนใจเรียนมากนัก มันจะจับกลุ่มกับเพื่อนอีกห้อง ที่อยู่ข้างๆ กัน ห้องนี้ ผมว่ามันบ๊วยที่สุดในสายชั้นอะ ไม่ค่อยตั้งใจเรียน ผมเลยไม่ค่อยอยากยุ่งกับมันสักเท่าไหร่
จนเมื่อเวลาล่วงเลยเข้าม.หก ผมเริ่มสนิทกับมันมากขึ้น เพราะมันเป็นแฟนกับเจน ซึ่งกลุ่มผมจะสนิทกับกลุ่มของเจนเป็นพิเศษ มีอะไรก็จะช่วยเหลือกัน การบ้านหรือติวอะไรแบบเนี้ย มันกับเพื่อนในกลุ่มก็เลยได้อานิสงค์ไปด้วย
ทำให้ผมรู้สึกว่า พวกมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด และนิสัยดีอยู่เหมือนกัน
นั่น...ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นในระดับหนึ่ง จนมันแกล้งผมได้นั่นแหละ ตอนม.หก เรามีนัดอ่านหนังสือเตรียมสอบเอนท์กันบ่อยๆ คืออ่านตอนดึกๆ กันเป็นกลุ่ม เพื่อนจะช่วยกันไม่ให้หลับ ก็มีเพื่อนหลายๆคน และก็มันที่จะมารับผมที่บ้าน มอไซค์คันเก่าๆ ของมันเนี้ยแหละ ไปอ่านหนังสือ
ก่อนหน้านั้นเราก็แวะกินโน่นกินนี่กัน หลายๆ คน กว่าจะได้อ่านก็ปาเข้าไปโน่นเที่ยงคืน ตีหนึ่ง กว่าจะคุยกันอีก ทุกวันนี้ผมยังไม่รู้ว่า ที่ไปอ่านกันนั้น มันช่วยอะไรได้หรือเปล่า
นั่นแหละ...ผมกับมันเลยสนิทกันมากขึ้น จนพูดกูกับมึงได้เป็นเรื่องปกติ และมันก็ชอบแกล้งผมเป็นเรื่องปกติเหมือนกัน
วันสอบวันสุดท้าย พวกผมแลกเสื้อกันเขียน เป็นที่ระลึกกันเสียหน่อย เพราะคิดว่า คงไม่ได้เจอกันแบบนี้อีกแล้ว ผมยื่นเสื้อในมือให้มันเขียนให้ มันก็รับไป จนผมหันไปเขียนของคนโน้นที คนนี้ที ก็หันกลับมาหามัน
“ไหนเขียนเสร็จยังวะ”
มันยิ้มแผล่ ก่อนจะส่งเสื้อในมือให้ผม พร้อมพูดออกมา
“ชอบผู้หญิงมั่งไหมมึง หรือชอบผู้ชาย กูให้...เอาไหม”
แล้วมันก็หัวเราะก๊ากเสียงดัง แถมยังมีหน้ามาถามซ้ำอีก
“กูให้...เอาไหมมึง”
แล้วข้อความที่มันอ่านก็ได้ยินกันไปทั่ว บริเวณที่เพื่อนๆ ในห้องนั่งกัน ผมก็แบบ... จะว่าไงดี โกรธก็โกรธ อายก็อายเพื่อนๆ นะ จริงๆ ก็ไม่ได้ปิดบังเพราะเพื่อนๆ คงรู้อะไรกันบ้าง แต่ทำไมมันต้องพูดเสียงดังด้วยวะ
“สัด ไอ้เหี้ย”
แล้วผมก็เดินหนีไป ปล่อยให้มันหัวเราะบ้าไปคนเดียว ตอนนี้เสื้อตัวนั้นก็ยังอยู่ในตู้เสื้อผ้าของผม ปิดเทอมครั้งนึง กลับบ้านไป ผมก็เปิดตู้เอามาดูเสียครั้งหนึ่ง คิดถึงเพื่อนๆ เหมือนกัน
และคำด่าที่ผมด่ามัน ก็กลายเป็นคำทักทายของเราสองคนได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเจอตัวเป็นๆ หรือว่าการเล่น ‘MSN’ ก็ตามที จนมันกลายเป็นเรื่องปกติไปอีกเรื่องแล้ว
หลังจากนั้น พอจบม.ปลาย ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันมากนัก แต่อย่างที่บอก พอให้มีคนนัดสักคน ก็สามารถมาเจอกันได้ไม่ยาก เวลาเดินทางไปไหน เมื่อไปกันเป็นกลุ่ม แน่นอนว่าเราต้องใช้บริการพี่แท็กซี่ ผมจำได้ว่าตอนนั้น เขายังไม่บังคับว่านั่งได้กี่คนมั๊ง พวกผมก็เบียดกันเต็มที่มาก กะเอาให้คุ้ม
เช่นข้างหน้าหนึ่งคน อันนี้แน่นอน ข้างหลังนี่ก็สี่หรือห้าคน ผมซึ่งตัวเล็กที่สุด พวกมันต้องให้ผมนั่งตักใครสักคนอยู่แล้ว และคนๆ นั้น มักจะเป็นไอ้ปั้นเสมอ แล้วมันก็จะนั่งตรงกลาง เอามือกอดเอวผมไว้ ผมก็เอามือทั้งสองจับเบาะหน้าทั้งสองด้านไว้ ไม่อยากทิ้งน้ำหนักลงไปมาก เดี๋ยวไอ้ปั้นมันบ่นว่าหนักอีก
แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ผมรู้สึกดียังไงไม่รู้ แม้มันจะคอยแกล้งผมที่นั่งในตักมันเป็นประจำก็ตามเถอะ...
พอเจอกันแล้ว พวกเราสามารถพูดคุยกันได้มากมายไม่หลับไม่นอน เครื่องดื่มของเมาอย่างเบียร์หรือเหล้า ถูกรินใส่ ‘ขัน’ เวียนกันกินรอบโต๊ะ
“เฮ้ย ใส่แก้วสิวะ ใส่ขันทำไม ตลก”
ผมค้านขึ้นมา เมื่อไอ้ปั้นกำลังเทเบียร์ใส่ขัน ที่มีน้ำแข็งใส่รออยู่ก่อนแล้ว
“เอ้า...กินๆ ไปเหอะ เรื่องมากว่ะ”
อ้าวเจอด่าซะงั้น ผมก็นะ ช่างแม่งมัน กินก็กิน แล้วก็เวียนกันกินนั่นแหละ คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กันไม่มีเบื่อ
เนี้ย...เขาว่ากันว่า ช่วงม.ปลาย เป็นช่วงที่มีความสุขมากที่สุดแล้ว เพื่อนม.ปลาย คือเพื่อนที่จริงใจที่สุด ซึ่งผมก็เห็นด้วยทั้งสองอย่าง แม้มันจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับทุกคนก็ตาม
พอดึกๆ สักตีสองตีสาม ก็ได้ฤกษ์นอนกัน ด้วยความที่มีกันหลายคน เลยต้องแยกๆ กันนอน บนเตียงที่ใหญ่พอดู มีไอ้เดฟ ผม ไอ้ปั้น ไอ้จ๋า นอนกันเรียงตามลำดับจากซ้ายมือ ส่วนเพื่อนอีกสองสามคนนอนข้างล่างเตียงกัน
ไอ้ปั้นนอนถอดเสื้อ จริงๆ มันถอดตั้งนานแล้วล่ะ มันบอกว่าร้อน ผมนอนคุยกับไอ้จ๋าไป ไอ้เดฟน่ะ หลับไปนานแล้ว ส่วนไอ้ปั้นน่ะ เฉยๆ ไม่รู้หลับหรือนอนฟังเราคุยกันอยู่
“เฮ้ย พวกมึงน่ะ คุยกันอยู่นั่นแหละ กูจะนอน”
ผมกับไอ้จ๋าเลยหุบปาก ก็ผมกับไอ้จ๋าสนิทกันไงครับ เลยคุยกันได้เป็นวันเป็นคืนไม่มีเบื่อหรอก ขุดเรื่องโน้นเรื่องนี้มาคุยตลอด และด้วยเตียงมันแคบ แล้วผมจะนอนหงายไม่หลับ เลยพลิกตัว นอนหันหน้าไปทางไอ้ปั้น คือไอ้เดฟมันนอนหันหลังให้ผมอยู่แล้ว แล้วก็กอดไอ้ปั้น มันก็ไม่ว่าอะไรนะ แถมตัวอุ่นดีอีกต่างหาก แต่ผมเห็นไอ้จ๋ามันก็กอดนะ
จนเช้าผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ คือพอนอนต่างที่ผมก็นอนไม่ค่อยหลับ ก็เลยหาเรื่องคุยกับไอ้จ๋านั่นแหละ ตื่นเช้ามา ไอ้ปั้นก็หาเรื่องผมเลย
“แม่งไอ้เติ้ล กรนเสียงดังชิบหาย”
“กรนห่าอะไรของมึงกูไม่เคยกรน”
ผมเถียงสุดใจขาดดิ้น ก็แหงล่ะ ผมไม่เคยกรนนะ ผมมั่นใจ
“ไม่กรนเหี้ยไร มึงจะรู้เหรอมึงหลับ”
“ทำไม”
ผมเถียงไปอย่างไม่ยอมรับและต้องการคำตอบ แม่ง...กล่าวหากันชัดๆ
“ก็กูนอนกอดมึงอยู่ทั้งคืน เต็มสองหู จะไม่กรนได้ไง”
เท่านั้นแหละ ผมเลยเถียงมันไม่ออก จำนนด้วยหลักฐาน แล้วก็อายด้วย มันกอดผมเนี่ยนะ ตอนไหนไม่เห็นรู้ หรือมันอาจจะพูดผิดก็ได้ อาจจะบอกว่า ผมนอนกอดมันทั้งคืน ผมยังสงสัยจนทุกวันนี้ ว่าตอนนั้นผมได้ยินผิดไปใช่ไหม หรือว่าเข้าใจผิดมาตลอด
นั่นมันก็เหตุการณ์หนึ่งที่ผมรู้สึกดี...
-
มีอีกเหตุการณ์หนึ่ง อันนี้เป็นความน่าอาย ที่ไอ้ปั้นทำไว้กับผม จริงๆ ถ้าไม่อยากสนใจก็ไม่เห็นเป็นไรหรอก แต่ไอ้นี่เป็นพวกหน้าด้าน ไม่สนใจชาวบ้าน วันนั้นเรานัดกันไปดูหนังที่ห้างหรูที่สยาม ผมกับไอ้ติ๊ก รอไอ้ปั้นกับแฟนมันที่หน้าโซนขายตั๋ว
ไอ้ติ๊กเป็นเกย์ จริงๆ เรียกว่ากะเทยน่าจะชัดเจนกว่า มันเป็นคนน่ารัก นิสัยดีมาก เป็นเพื่อนต่างห้องที่ผมรักคนหนึ่ง มันรู้จักและสนิทกับทุกคนในห้องผมเสียด้วยซ้ำ
ผมกับไอ้ติ๊กรอกันอยู่นาน สองคนนั้นก็เสด็จมากันเสียที ผมน่ะ เห็นแค่เจนนะ ส่วนไอ้ปั้นน่ะ ผมจำไม่ได้ ก็แหงล่ะ...วันนี้มันแต่งตัวดีหน่อย แถมตัดผมใหม่ หล่อว่ะ ผมได้แต่คิดในใจ
ผมก็ทักทายเจน ไม่ทันจะหันไปพูดกับไอ้ปั้น มันก็เตะป๊าบ เสียงดังที่ก้นผม
คือเตะน่ะครับ เตะจริงๆ กระโดดเตะเลย กลางลานหน้าที่ขายตั๋ว
ผมก็อายดิครับ แต่ไอ้นี่หัวเราะหน้าตาเฉย เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาปกติที่ได้แกล้งผม ก็แหงล่ะ...บอกแล้วไอ้นี่หน้าด้านโครต มันจะไปสนใจใคร ผมก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแค้นเคืองมัน ให้มันไปแก้แค้นด้วยเตะมันเนี้ยนะ ผมไม่เอาด้วยหรอก
ไอ้นี่ก็ทำหน้ากวนตีนใส่...คิดว่าผมจะไม่เอาคืนมันแน่ๆ
มันคิดถูกครับ...ผมก็ไม่ได้ทำจริงๆ
... พอเปิดเทอมครั้งล่าสุด ผมกลับบ้านไป พวกเพื่อนในห้องนัดมีตติ้งกัน ผมก็อยากเจอมันนะ แต่มันก็ไม่ได้ไป จนหลังจากนั้นก่อนสงกรานต์ ผมได้เจอมันครั้งแรก เพื่อนผมมารับแล้วก็ไปรับมันเพื่อไปหาอะไรกินเล่นตอนกลางคืน
ผมยิ้มไม่หุบที่ได้เห็นมันอีกครั้ง ผมมองในเงาสลัวลางในรถด้วยความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก มันหล่อขึ้นมากจากคราวที่ผมเจอล่าสุด แต่ผมก็ทำเป็นเฉยๆ หันหน้าไปมองกระจกเมื่อมันมองมา แล้วเราก็นั่งคนละฝั่งกัน มีไอ้ติ๊กคั่นอยู่ตรงกลาง
“เป็นเชี่ยอะไรไอ้เติ้ล”
“เปล่า”
“ก็มองกูทำไม”
“เปล่า”
“กวนตีนนะสัด”
หลังจากนั้นก็คุยอะไรกันไม่รู้ ไอ้นี่ก็หาเรื่องกัดผมตลอด เถียงกันจนผมต้องยอมแพ้ คือผมไม่เคยสู้มันได้เลย เพราะว่าไม่อยากสู้ตั้งแต่เจอมันก็ไม่รู้ มันทำให้ผมยิ้มตั้งแต่ในรถ จนถึงร้าน
ร้านที่เรานั่งเป็นร้านนม สไตล์สวนหย่อมเล็กๆ เราเลือกที่นั่ง ก่อนจะแบ่งกันดูเมนู ว่าใครจะสั่งอะไรบ้าง
“กูเอาโกโก้กล้วยปั่น”
ผมพูดไปก็มองเมนูไป จริงๆ เครื่องดื่มแบบนี้ผมสั่งประจำอยู่แล้ว เพราะผมชอบโกโกปั่นมาก ส่วนกล้วยนี่ก็อร่อยดี ผมชอบสั่งที่มหา’ลัยกิน แล้วไอ้จ๋ามันก็จด ไอ้ปั้นมันหันมามอง แล้วก็หัวเราะ ผมก็ทำหน้างงใส่มัน อะไรของมันอีกล่ะ
“ชอบอะดิมึง”
“ชอบอะไรของมึง”
“...กล้วยไง หึหึ”
แล้วมันก็หัวเราะในคอ
“ชอบเหี้ยไร บอกไอ้ติ๊กโน่น”
ไอ้ติ๊กก็หัวเราะรับมุขผม
ผมรู้ว่า ไอ้ปั้นมันหมายความว่าไง และไอ้ติ๊ก ไอ้จ๋าก็เข้าใจด้วย ... มั๊ง
แล้วเราก็กินกันไป คุยกันไป ส่วนมากเป็นเรื่องการผจญภัยในเมืองหลวง ดูจะเว่อร์ไปนิด สำหรับหัวข้อเรื่อง แต่มันก็ทำพวกผมฮากันหลายๆ อย่าง เพราะอย่างไอ้ติ๊กนี่ตัวฮาเลย ไอ้ปั้นก็ใช่ย่อย ด้วยเพราะเราเป็นเด็กต่างจังหวัดไงครับ ความสับสนวุ่นวายในเมืองหลวงบางทีก็ทำให้พวกเราเบื่อ อยากกลับมาอยู่บ้านเกิดกันมากกว่า
เสร็จจากวันนั้น ก็มีอีกวัน ที่เซตเดิมนี่แหละครับ เราออกมาหาอะไรกินกันอีก ก็เป็นร้านคล้ายๆ แบบเดิมนี่แหละ แต่ว่า ต่างออกไปตรงสถานที่ วันนี้เรานั่งโต๊ะพลาสติก สี่เหลี่ยมสีขาวกับเก้าอี้เข้าชุดกัน ไอ้ติ๊ก ไอ้ปั้น ผม นั่งด้านเดียวกัน อีกด้านเป็นไอ้จ๋า กับน้องชาย
เป็นธรรมดา ที่ไอ้ปั้นจะหาเรื่องกัดผมตลอด ไม่รู้มันอยากจะแกล้งอะไรผมหนักหนา นั่งด่ากับผมตลอด แม้กระทั่งการสั่งของกิน
นานๆ ครั้งผมก็หันไปมองหน้ามัน ในขณะที่มันพูด เก็บรายละเอียดโดยที่มันไม่รู้ตัว
.... มันหล่อขึ้นมากจริงๆ ผมที่เคยสกินเฮดตอนม.ปลาย ตอนนี้ยาวกว่าเก่าเยอะแล้ว ตาโตๆ คู่นั้น จมูกโด่งๆ ปากแดงๆ ที่ชอบด่าของมันขยับไปมาอยู่ตรงหน้าผม....
เราก็เลือกนั่นเลือกนี่ กันไปคุยกันไป สักพักพี่เขาก็ยกขนมกับเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ มีอะไรบ้างนั้น ผมจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมจำได้ดี...
‘โรตี’ มันเป็นโรตี ที่ไม่ได้ราดน้ำตาลกับนมข้นหวาน แต่ต้องเอาชิ้นโรตีนุ่มๆ ที่หั่นเรียบร้อยพอดีคำไปจิ้มแล้วส่งเข้าปากตามที่ตัวเองชอบ เราก็กินกันไป คุยกันไป แหงล่ะ...ไอ้ปั้นก็ด่าผมไป ผมก็ได้แต่ด่าตอบมันบ้าง ทำเป็นไม่สนใจบ้าง หรือไม่ก็กวนตีนกลับไป
ไอ้ปั้นก็จิ้มโรตี จิ้มน้ำตาลใส่ปากตัวเอง ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมันหรอก แต่หันไปก็เห็นน้ำตาลติดที่คางมันเต็มเลย แม่ง...กินเป็นเด็กไปได้
ผมเลยยกมือขึ้นจับที่คางตัวเอง...
“น้ำตาลติด”
มันพยักหน้า ผมก็ไม่ได้สนใจ หันไปตักโน่นนี่กินต่อ หันไปอีกที น้ำตาลที่คางมันก็ไม่ได้หายไปเลย ยังติดอยู่เหมือนเดิม
“เอ้า...ปัดไปแล้วไม่ใช่เหรอ ยังมีอยู่เต็มเลย”
“ก็ปัดแล้ว ทำไมยังมีอีกเหรอ”
อ้าวไอ้นี่...ตาบอดรึไง เอ๊ะ แล้วใครจะมองเห็นคางตัวเอง ผมก็แปลก...
“เออ เยอะแยะ”
“ปัดให้หน่อยดิ”
หา...ผมได้แต่อุทานในใจ จริงๆ ไม่รู้จะตกใจทำไม กะอีแค่ปัดน้ำตาลที่คางให้...เพื่อน...ผมก็พยักหน้า
“เออ”
แล้วก็ยกมือไปปัดที่คางให้มัน ปัดคือปัดจริงๆ น่ะครับ ไม่มีการเบามือแต่อย่างใด แล้วก็ไม่อยากโดนตัวมันมาก ปัดๆ พอให้น้ำตาลมันหลุด ตาผมมองที่คางมันไป พยายามใช้เวลาปัดให้น้อยที่สุด
แต่ตาไอ้ปั้นสิครับ มันมองผมไม่วางตาเลย แถมตาหวานซะขนาดนั้น ปากแดงๆ ของมัน หน้าขาวๆ ตากับจมูกมันโด่งๆ สวยๆ ได้รูป
“เออ ก็น่าจะปัดให้ตั้งแต่แรก”
ผมรู้สึกเลยครับ ว่าหน้าตัวเองร้อน ดีที่ที่ตรงนั้นไม่ได้สว่างเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้มืดนี่สิ ปัญหา ปัดเสร็จด้วยความว่องไว รีบหันหน้าไปเอาน้ำในแก้วมาดื่มแก้เก้อ ได้ยินเสียงไอ้ปั้นอยู่ข้างๆ มันนั่งด้านซ้ายมือผมนะครับ
“น่ารักแบบนี้ เป็นกิ๊กพี่ไหมน้อง”
แล้วมันก็ยักคิ้วแผล่บ พร้อมส่งรอยยิ้มกวนๆ ให้
ผมก็เขินใหญ่เลยครับ เงยหน้าขึ้นมา ก็เจอไอ้จ๋าครับ ยิ้มอยู่ก่อนแล้ว หันไปเจอไอ้ติ๊กอีก ไอ้นี่ก็หัวเราะ ผมก็ไม่ไหวครับ เสไปหยิบแก้วมาดื่มน้ำอีกที คือเขินครับ ไม่ได้เขินกับคำพูดไอ้ปั้นนะครับ เพราะไอ้นี่ปากหมา ผมไม่เคยสนใจหรอก มันก็หยอดผมประจำแหละ สนุกๆ ตามประสามัน
แต่ที่เขินนี่สิ มันคือสายตาของไอ้ติ๊ก ไอ้จ๋า กับน้องมันครับ มองทั้งๆ ที่ยิ้มอยู่
เอ่อ...ผมไม่รู้หรอกนะครับ ว่าหน้าผมแสดงออกอะไรมากไปหรือเปล่า มันจะรู้อะไรหรือเปล่า แต่นาทีนั้นผมก็พยายามไม่สนใจพวกมันครับ ชุลมุนกับน้ำในแก้วตัวเองไป
จนเมื่อกินกันเรียบร้อยก็แยกย้ายกันกลับ ตอนนั้นดึกแล้วครับ ประมาณตีหนึ่ง ระหว่างที่เดินออกจากร้าน ไอ้ปั้นก็แกล้งผมอีกจนได้ครับ มันด่าอะไรผมไม่รู้ ผมเลยกระโดดตบหัวมัน สะใจดีครับ ไอ้นี่ก็จะตบหัวคืน แต่ผมวิ่งหนีซะก่อน
มีความสุขจังครับ
-
...ผมเดินยิ้มตลอดทางตั้งแต่ร้านมายังรถไอ้จ๋า ไอ้จ๋ามันขับรถมาส่งผมก่อน แล้วค่อยไปส่งไอ้ติ๊ก และไอ้ปั้นตามลำดับ
ในรถ ไอ้จ๋า มันชวนผมไปเล่นสงกรานต์ด้วย ผมก็บอกว่า ดูก่อน เพรากลางวันมันร้อน ไม่อยากเล่น ไอ้จ๋าก็อยากจะเล่นให้ได้ มันชวนไอ้ติ๊ก ไอ้ปั้นด้วย พอผมบอกว่าไม่ไป ไอ้ปั้นก็หาเรื่องผมอีก บอกไม่ไป จะลงไปฟ้องที่บ้านผม เรื่องกลับดึกหรืออะไรสักอย่าง มันชอบยกมาอ้างว่าจะฟ้อง
คือไอ้นี่มันชอบอ้างว่าจะไปฟ้องที่บ้านผมครับ เช่น บอกว่า เดี๋ยวจะไปฟ้องว่าผมกินเหล้ากินเบียร์ ไรเงี้ย คือที่บ้านผมจะไม่รู้ครับ ไอ้ปั้นก็แบบ ประมาณว่า อยากทำลายภาพพจน์ผมว่างั้น
ตอนม.ปลาย มันมารับผมออกไปที ก็ทำตัวลีบเบนซะจะติดประตู มันบอกว่า ไม่ค่อยอยากมารับผมหรอก คุณย่าผมท่านจะชอบซักน่ะครับ ว่าไปไหน ทำอะไร กลับกี่โมง
มันไม่อยากตอบคำถามผู้ใหญ่ ตลกดีเหมือนกัน มันบอกอึดอัดนิดหน่อย พอมันมาให้ผมรีบวิ่งออกมาจากบ้านขึ้นรถเลย ผมก็เลยฮา แต่จริงๆ ผมก็ไม่อยากให้เค้าถามอะไรเหมือนกัน
สรุปวันนั้นลงรถได้ผมก็ยิ้มแก้มแทบปริครับ จริงๆ เรียกว่ายิ้มไม่หุบมากกว่า เข้าบ้านได้ก็ว่าจะอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จมันก็หุบยิ้มไม่ได้ครับ จนต้องโทรหาเพื่อน อยากระบายให้มันฟัง มันไม่รับสายอีก เลยโทรหารุ่นน้องแทนครับ
ผมก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง พอนึกถึงตอนที่ปัดเศษน้ำตาลให้มัน ก็เขินอะ สายตามันหวานมาก หวานสุดๆ อะ ผมงี้แทบละลาย ไม่รู้จงใจแกล้งกันหรือเปล่า
รุ่นน้องก็ถามแทบตาย ว่าใครคือคนนั้น มันรู้จักไหม เพราะว่า จบม.ปลายที่เดียวกันครับ แต่มันเป็นรุ่นน้องผมปีนึง ผมก็บอกว่า ไม่บอก มันบอกว่าจะไปสืบเอาเอง พอระบายเสร็จ ก็ว่าจะนอนครับ
แต่ก็นะ...มันนอนไม่หลับครับ ภาพไอ้ปั้น มันลอยไปลอยมาอยู่ในหัวอะครับ หลับตาก็เห็นตลอด
เลยโทรไปหาเพื่อนอีก เล่าให้ฟัง มันก็บอกว่า ...
“สักพักแหละ เดี๋ยวก็หาย อย่าคิดมากสิวะ”
ฮ่าๆ พูดเหมือนผมเป็นโรคอะไรสักอย่างเลยครับ ผมก็เออออไป กว่าจะข่มตาหลับลงไปก็ปาเข้าไปชั่วโมงที่สามของวันใหม่เข้าไปแล้ว
ตื่นขึ้นมาตอนเช้า ไม่น่าเชื่อครับ หน้ามันลอยมาเป็นอย่างแรกเลย รอยยิ้มผมก็โผล่ขึ้นมาอีกแล้ว
ให้ตาย...มันจะหลอกหลอนผมไปไหนครับเนี่ย
ผมไม่อยากเป็นแบบนี้เลยครับ มันเป็นแฟนเจน
...ผมรู้มาตลอด ผมไม่อยากรู้สึกแบบนี้กับแฟนเพื่อนอะ จริงๆ ควรเรียกว่า กับเพื่อน ด้วยนั่นแหละ มันรู้สึกผิดยังไงไม่รู้ ที่ผ่านมาผมก็พยายามไม่คิดเกินเลยกับมัน แม้จะยากเต็มทีก็เหอะ
แต่...พอผมใกล้ชิดกับมันทีไร ผมก็เป็นแบบนี้ทุกที ต้องกลับไปเพ้อคนเดียว นอนไม่หลับแบบนี้
เหมือนเพลงอะไรนะ...
ไม่อยากเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว
ที่ไปรักใครง่ายดายเหลือเกิน ที่ไปรักเธอไม่ทันจะรู้ตัว
ส่วนหนึ่งในใจของฉันก็กลัว
บอกกับหัวใจตัวเองทุกที บอกมันทุกวันให้มันหยุดรักเธอ
รักแล้วก็ช้ำเปล่าๆ ฉันรู้และพอเข้าใจ
เตือนตัวเองเอาไว้ ห้ามตัวเองเอาไว้ ไม่ให้แสดงออกมา
อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลย
สั่งหัวใจให้เมินเฉย ไม่รู้ต้องทำยังไง
ใกล้เธอทำไมทุกครั้งใจมันสั่นๆ จิตใจของฉันนั้นวุ่นวาย
ตัวของฉันควบคุมไม่ได้ เมื่อสุดท้าย ... หัวใจมันรักเธอ
ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน แต่ก็ไม่ลืมเธอไปสักที
ตราบใดที่ฉันยังคงต้องหายใจ จะหลอกตัวเองได้นานแค่ไหน
ว่าตัวฉันไม่มีใจให้เธอ ว่าตัวฉันไม่เป็นไร ไม่เสียใจ
เสียงดนตรีแว่วๆ อยู่ในหู ในขณะที่ผมกำลังพึมพำฮัมเพลงไปด้วยพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มกว้างที่มีทุกครั้งหลังจากนึกถึงเรื่องดีๆ
ผมไม่รู้หรอกว่า...
ผมรักไอ้ปั้นหรือเปล่า?
ผมชอบมันไหม?
หรือเป็นแค่ความหลงใหลชั่วครั้งชั่วคราวที่รู้สึก
ผมไม่อยากรู้แล้วล่ะ...
ผมแค่รู้สึกว่ามีความสุขที่ได้ใกล้ชิดมัน แม้ นานๆ ครั้ง แต่ก็....ทำให้ผมใจเต้นแรงได้เสมอ
....ทำให้หูร้อน หน้าแดงได้ไม่ยาก....
อยู่ใกล้กันยิ่งหวั่นไหว ห้ามใจตัวเองไม่ได้เลย
สั่งหัวใจให้เมินเฉย ไม่รู้ต้องทำยังไง
ใกล้เธอทำไมทุกครั้งใจมันสั่นๆ จิตใจของฉันนั้นวุ่นวาย
ตัวของฉันควบคุมไม่ได้….
เมื่อสุดท้าย...
ฉันเป็น...แค่...เพื่อนเธอ
---
เรื่องสั้นคั่นเวลาเหงาๆ ครับ มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริงไม่มากไม่น้อยครับ
อ่านเรื่อง พี่จี (G_wa เขียนงี้ป่าวหว่า?) แล้วอารมณ์มันพาไปครับ (ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกันเล้ยยยย)
เลยอยากแต่งขึ้นมา ด้วยอารมณ์ไหนก็ไม่รู้ครับ...
อารมณ์...มีความสุข ยิ้มกับความทรงจำเก่าๆ
รอยยิ้มเหงาๆ แต่ไม่เศร้านะครับ
ปล. อาจจะมีตอนต่อหรือไม่ ดูอีกทีนะครับ แล้วแต่อารมณ์ เอิ๊กส์
:a2:
-
ใกล้กัน...ยิ่งหวั่นไหว
http://media.imeem.com/m/SaldJl2pQI
:o8:
ขอบคุณพี่เรย์คร้าบบบบ
:a2:
-
หุหุ
ว่างมาเขียนเรื่องแล้วหรือ
:oni2: :oni2: :oni2:
-
ขยันมากเลยจ๊ะริว
เด๋วขออยู่ตัวคนเดียวแล้วเรามาอ่านนะ
ขอบใจมากก (ยิ้ม)
-
:serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
ไม่อยากให้เป็นแค่เรื่องสั้นเลยอ่า ถึงตอนจบของเรื่องจะสมหวังหรือไม่ ก็ยังอยากอ่านให้เป็นเรื่องเป็นราวครับ
แล้วจะรอนะ :o8:
-
:m4:สนุกจังครับ
-
เห็นด้วยยยยย ไม่อยากให้เป็นแค่เรือ่งสั้น เอาอีกๆๆๆๆๆ :m4: :m4: :m4:
“น่ารักแบบนี้ เป็นกิ๊กพี่ไหมน้อง” ---- พี่จะเป็นจริงป่าวล่ะ ถ้าเป็นจริงๆ น้องก็สมยอม :laugh:
อ่านไปฟังเพลงก็อิน เศร้าอ่ะ อยากบอกว่า เดินหน้าใส่เกียร์หมาเลย เจนก็เจนเหอะ ตัวจริงมาแล้วคร๊าบบบ :laugh: :laugh:
ขอยาวกกว่านี้ได้ป่าว แบบว่าอยากให้สมหวัง ถึงเรื่องจริงจะยังไม่มีอะไร แต่ขอแบบจิ้นเอาก็ได้อ่ะ 555+
เขียนเข้าใจง่าย ภาษาก็ดี ไม่เขียนผิด ตกบ้างเกินบ้าง(แต่บอกไปแล้ว) แต่แค่นิดเดียวจริงๆ อนาคตนักเขียนแน่ๆ จะติดตามเรื่องอื่นๆนะคะที่รัก อิอิ :m1:
-
หนุกดีคับ :m1:
-
มายกมือด้วยคน มันส้นจนไม่ค่อยน่าสนใจ
ขออย่างยาวหน่อยนะ จะได้บรรยายเรื่องราวได้ละเอียดขึ้น
อย่าแพ้น้องจีเานะ รายนัันนะ ยาววววววววววววววมากกกกกกกกกกกกกกก
:m24:
-
ปลาทองน้องพี่ เขียนเก่งเนาะ :m30:
เอา่ล่ะ จ่ายมาด้วย 20 บาท ค่าจ้างเป็นหน้าม้า :laugh:
-
ต๊ายยยยยยยยยยย บอกอิงเรื่องตัวเอง
คุณน้องขา... แบบว่า พี่รีเควสตอนต่อค่ะ
ไม่มีไรต้องเมนต์ ขอชมว่าอ่านง่าย เข้าใจง่าย และสนุก ลุ้นด้วยค่ะว่าจะจบยงไง แหมตอนจบไม่มีอะไรในกอไผ่ด้วย ชอบค่ะ เอาไป ห้ากะโหลกค่ะ
-
อยากบอกว่า เรื่องนี้ อ่านเพลินจนมาถึงตอนจบแบบไม่รู้ตัวเลย อิอิ
การเล่าเรื่องของริว ลื่นไหลดีนะ ดึงความรู้สึกได้ดีด้วย
o13 o13
อยากอ่านอีกอ่ะ หุหุ
-
อู๊ นาน ๆ น้องริวจะเขียนเรื่องซักทีนึง
อ่านสบายดี เรื่องง่ายๆ ทำให้เป็นเรื่องยาวๆ ก็ได้นี่นา เขียนไปเรื่อยๆ เอาแบบเบาๆ นะ
อ่านแล้วไม่เครียดอ่ะ สำนวนดีแล้วเดี๋ยวนี้พิมพ์เก่ง ยังหาที่ผิดไม่เจอ
ยังไงก็มาต่ออีกนะ พี่จะคอยอ่านจ้ะ :m4:
อ่ะ ตอนนี้เอาดอกไม้ไปเป็นกำลังใจก่อน :L2: :L2:
-
:m4:
คุงพ่อ เอ้ย!!คุงพี่ริว..แต่งนิยาย เย้ๆๆๆ
แล้วก็มายัดเยียดให้เราอ่าน :laugh:
มาอ่านให้แย้วน๊าค้าบ :m13: ...เข้าเรื่องๆ
อืมก็..ไม่อยากให้เป็นแค่เรื่องสั้นอ่ะ
เรื่องน่าสนใจดีอ่ะคับ น่าร้ากกกกกกกกกด้วย :m1:
พี่ริวสู้ๆๆ :L2:
ปล.ว่างๆไปกินติมด้วยกันอีกน๊า ^^ (แล้วมันเมื่อไรล่ะ :m20:)
-
มาอ่านตามที่บอกแล้ว
เรื่องน่ารักดี...อ่านแบบจบไม่รู้ตัว o13
ถ้าจะแต่งเรื่องยาวแล้วไม่ดอง ขอให้บอกนะ จะตามมาอ่าน :laugh:
-
เฮ้ยๆๆๆ
ไอ้เค้าเรื่องจริงเนี่ย มานตอนไหนหรอ
แหมๆ มีแอบหวานๆกะเค้าแบบนี้ด้วยหรอริวคุง :m12:
เอามาต่อด้วยนะ อยากให้มีต่ออ่ะ
ว่าแต่ว่า มีเวลามาเขียนเรื่องใหม่เนี่ยช่วยดูแลเรื่องเก่าด้วยนะตะเอง o12
เรื่องนั้นน่ะเอาให้จบก่อนก็ได้เน้้อ รออ่านมาเปงปีแล้วอ่ะ o7
-
มาอ่านแล้ว เห็นบอกว่าแอบมีผมอยู่ในเรื่องด้วย 55+
แต่พออ่านมันก็คุ้นๆ อ่านจบก็อ้อเลย แต่ยังนึกไม่ออกหรอกว่าใคร
ที่จิงก็ลืมแล้วแหละว่าจะไปสืบ แต่พี่จุดประกายใหม่ เด๋วไปหาหนังสือรุ่นปีพี่ก่อน 55+
ปล. อ่านแล้วคิดถึงตอนม.ปลาย พี่ริวอยากกินน้ำชาอะ ปิดเทอมแล้วไปกินกัน :m1:
-
เข้ามาทักทาย แต่ยังไม่อ่าน
ขอแปะโป้งไว้ก่อนเน้อ
จุ๊ฟๆ
อิเจ้
-
อ่านแล้วฮับ น่ารักดีอ่ะ อยากอ่านต่อเลยอ่ะ ว่างๆๆๆก้อเขียนอีกนะ อยากอ่านอ่ะ :bye2:
-
น่าเศร้านะครับอยู่ไกล้กันแต่เป็นได้แค่เพื่อน
-
:a5:
เศร้าจังอะ.................. :sad2:
เฮ้อออออออออออออออออออ
จะเป็นไปได้ไหมถ้าเพื่อนจะกลายเป็นแฟน..................... :o12:
อยากให้มีตอนต่อไป ไม่อยากให้มันจบแบบนี้ :serius2:
:pig4: :L2:
-
หนุกๆคับ ผมก็มีนะเรื่องประมาณนี้แต่ไม่รู้ซิ ถ้าผมคิดถึงมันก็โทรไปหาเลย
พอมันถามว่า *มีไรวะ*
ผมก็ตอบว่า *ป่าว ไม่มีไรแค่คิดถึงเฉยๆ* หลังจากนั้นก็คุยยาวค้าบบบ :laugh:
-
โอ๊ย ริว
เขียนดีอ่ะ
สุขๆเศร้าๆ อินจัด
:m1:
ริว ตัวจริง น่ารักอ่อนไหว แบบนี้จิงๆป่ะ
555
-
เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าน้องริวก็หวั่นไหวง่ายเหมือนกัน
อิอิ
-
:m4:
-
o13 เก่งมากมาย
ใช้ภาษาดี ไหลลื่น
เป็นนักเขียนไม่อยากเลยนะนี่
(เขียนซะพี่อายเลย) :L2:
-
เศร้าคับบ
คือเปงเหมือนกานคับบบบ
ขอบคุงที่เอาเรื่องดีๆมาให้อ่านคับ
//
-
แหะๆๆ จิ้มเป็นโพสต์แรกก :mc4: :mc4:
อยากอ่านต่อ (นั่นน :jul3:)
แต่งได้ลื่นเลยจ้า ชอบๆๆ
อยากรู้อีกอ่ะ :m15:
-
แหะๆๆ จิ้มเป็นโพสต์แรกก :mc4: :mc4:
อยากอ่านต่อ (นั่นน :jul3:)
แต่งได้ลื่นเลยจ้า ชอบๆๆ
อยากรู้อีกอ่ะ :m15:
แอบจิ้ม +1 ให้คุณ akanae
ในฐานะที่เข้ามาโพสต์ ครั้งแรกในเรื่อง
:laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
-
สนุกมากค่ะ เนื้อเรื่องลื่นไหลดีมากเลย
อยากอ่านอีกอะ ไม่อยากแค่ให้เป็นเรื่องสั้นเลย
+ 1 ให้คุณปลาทองนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :L2:
-
อิอิ :m4:
น่ารักดีอ่ะ :m1:
มีแววสมหวังไงไม่รุ :o8:
555+ :laugh:
:bye2:
-
เศร้าปนซึ้ง เหมือนดูหนังรักที่ตอนสุดท้ายไม่พระเอกก็นางเอกตายอ่ะ :m15:
-
แวะมาติดตาม
จากบอร์ดพี่จีค่ะ
-
แอบรักเพื่อนนี่มันสุขๆเศร้าๆเหงาๆไงไม่รู้เนอะ อึดอัดอยู่ในอก เฮ้อ :m17:
-
อยากอ่านเรื่องนี้ต่อ :z3:
เพลงเพราะมากเลย ชอบๆๆ
-
แง้วๆๆๆ
อยากอ่านต่อง๊าๆๆๆ :z3:
-
เสียดายแค่เพื่อน น่าจะมีต่อจากนั้นเนอะ :z1:
-
ทำไมแกรชอบเอาเพลงที่ตรูชอบมาแต่งนิยาย
ชิชิชิชิ
-
อ่านไปก็อมยิ้มไปคะ
ยิ่งใกล้กัน..ยิ่งหวั่นไหว
ฮิ้วววววว ความรู้สึกดีดีที่มีให้ใครสักคนเนี่ยมันดีจริงๆนะคะ แบบว่าอารมณ์แอบชอบฝ่ายเดียว
ไม่ได้ต้องการจะแย่งชิงมาเป็นเจ้าของ แค่รู้สึกดีดีด้วย มีใครสักคนมาทำให้จังหวะหัวใจเราสูบฉีดผิดปกติ ไม่ผิดหรอกคะถ้าคนคนนั้นคือเพื่อนสนิทเราเอง
ส่วนเพื่อนนี่ก็ทำหมาหยอกไก่ ไม่รู้ว่าที่แกล้งด่า แกล้งแซว แกล้งชวนมาเป็นกิ๊ก เนี่ยไม่รู้ว่า พูดจริง หรือพูดเล่น 55 เป็นเพื่อนกันนอนกอดยังเคยมาแล้ว หึหึ
ขอบคุณคะ
-
อ่านแล้ว คิดถึงเพื่อน...^-^
-
เพิ่งได้มีโอกาสอ่านเรื่องสั้น :m23:
เพราะเรื่องยาวที่น่าทำเอาติดไปหลายวันเลย :laugh:
อยากเป็นแบบคุณ ไอ้หัวแห้ว บ้าง...
จะได้ไม่ต้องเจ็บ...ถ้าแอบรักเพื่อน... :เฮ้อ:
-
อ่านแล้วก้อยิ้มไปขำไป น่ารักจังอะ ให้ความรู้สึกแบบประมาณว่ามีความสุขมากมากกับการได้ใกล้ชิดกับเขาอะนะ
-
ริวจัง
จะบอกว่าเรื่องนี้เคยอ่านแล้ว แต่จำมะได้ วันก่อนเรยบอกริวว่ายังมะได้อ่าน
แต่มาอ่านใหม่ ก้อยังซึ้ง ได้อีกรอบ
มะน่าเชื่อน้า ว่าริวจังจาแอบบหวาน อิอิ
ก้อเวลาคุยเอ็ม โหดซ้าาาาา
บวกให้นะคร้าบบบบ
:mc4:
-
อ่านแล้ว แอบหวั่นไหวตามเลยอะครับ
:impress2:
-
Thank You ชอบมากมาย
:mc4:
-
น่ารักจังครับ ขอบคุณครับ คิดถึงชีวิตมัธยมมากมาย
-
จบแล้ว ว ว ว .... :mc4: ให้ตัวเอง ฮ่าๆ
น่ารักอ่ะ แหม มีหยอกก มีแกล้ง มุมหวาน ...
ชอบตอนที่ปัดน้ำตาลอะ หุหุ น่ารักว่ะ .....
ยิ้มเลยอะ ตอนนั้น เขินแทน ฮ่าๆ
:กอด1: +1 น้าา
-
มีอาการเหมือนกันเลยครับ
เราไม่รู้หรอกว่าชอบมันมั้ย
รู้แต่ว่า เข้าใกล้มันแล้ว หน้าแดง ใจเต้นแรง อ่ะครับ
^-^
-
น่ารักมากๆเลยค่ะ
อ่านแล้วคิดถึงเพื่อนเนาะ
แบบว่า มันก็มีอารมนี้กันแทบทุกคน
แต่ก็เป็นแค่ความสุขเล็ก
ที่พัดมาที ก็อิ่มใจที><
ถ้าแต่งต่อ จะตามอ่านคนแรกเลยค่ะ หุหุ
-
น่ารักๆๆๆ
เพิ่งจะมาอ่าน ก็เม้นให้ซะหน่อย
อยากหใมภาคต่อ เเต่น่าจะไม่มี ไม่เป็นไรๆ
จิ้นเอาเองก็ได้
อ่านง่ายดีมาก สนุกๆ อ่านเเล้วก็ยิ้มได้ ดีกว่านิยาย(เกย์)ที่ตีพิมพ์เสียอีกนะ
เยี่ยมๆๆๆๆ
-
น่ารักค่ะ :L2:
แต่..............
เจ็บปวดมิใช้น้อยเนาะ :sad4:
-
บางครั้งแค่ได้มองอยู่ห่างๆ ได้ยิ้มไปด้วยกัน มันก็น่าจะดีที่สุดแล้วว่าใหม
อยากอ่านต่อค่ะ
-
บางครั้งแค่ได้มองอยู่ห่างๆ ได้ยิ้มไปด้วยกัน มันก็น่าจะดีที่สุดแล้วว่าใหม
อยากอ่านต่อค่ะ
ใช่ครับ...
อัพเดทว่า ตอนนี้เพื่อนผมสองคนนี้เขาเลิกกันแล้ว คบกันยาวนานมาก ตั้งแต่ม.ปลาย จนถึงตอนนี้พวกผมทำงานกันแล้ว
-
:เฮ้อ: จะมองว่าสุขก็สุข จะมองว่าเศร้าก็เศร้า
อ่านแล้วแบบว่าอินจัดครับ
อ่านไปอ่านมา อ้าว จบแล้วหรอ?
อยากอ่านต่อจังครับ
+1 :pig4: สำหรับเรื่องน่ารัก ๆ นี้ครับ :L2:
-
Like ;
-
เวลาที่แอบรัก ได้มอง ได้พูด ได้คุย ก็มีความสุขแล้วเนนะ .....ชอบอ่ะ ^^
-
และสุดท้าย...หัวใจมันรักเทอ
สนุกมากคะ!!!
-
น่ารักดีค่ะ แต่ว่ามันแอบเศร้านะ กระซิกๆ
ขอบคุณมากจ้้า
-
น่ารักกกก อ่านแล้วเข้าใจฟีลเลยค่ะ ><
:sad4:
-
:กอด1: :L2:
-
ยิ่งใกล้ยิ่งหวั่นไหวจริงๆ
ขอบคุณมากค่ะ
-
:o8: น่ารักมากๆเลยค่ะ
ชอบอ่ะ เขิลได้น่ารักดี ชอบๆๆๆๆๆ
อาการแบบนี้เค้าเคยเป็นนะ
-
ทรมานน่าดูนะคะ
-
ขอบคุณมากๆ ครับ ที่เข้ามาอ่านกัน
^^
-
ชอบค่า
-
ชอบค่า
ขอบคุณครับ : ))
-
ใกล้กัน ยิ่งหวั่นไหวจริง ๆ อะนะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ฮ๊าฟฟฟฟ
-
ใกล้กัน ยิ่งหวั่นไหวจริง ๆ อะนะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ฮ๊าฟฟฟฟ
ขอบคุณเช่นกันครับ ^^
-
สั้นเกิ้น อยากให้มีตอนพิเศษไรเีงี้ยค่ะ แต่ก็น่ารักนะ ความทรงจำที่สวยงาม อิอิ
-
หว่าจบแล้วหรอเนี่ย เสียดายจังอยากอ่านต่ออ่ะ><'
อยากให้เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้จัง แต่นี้ก็มีความสุขแล้วแหละเนอะถึงแม้ว่าบางครั้งมันอาจจะเจ็บไปบ้าง แต่ก็เป็นความทรงจำที่ดี ที่เมื่อไหร่เรานึกย้อนกลับไป
ก็ทำให้เรามีความสุขและยิ้มได้
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะค่ะ^^
-
น่ารักแบบอุ่นๆ
แต่ก็อยากให้เขียนต่อจัง
-
เอ่อ ค้าง
-
สั้นเกิ้น อยากให้มีตอนพิเศษไรเีงี้ยค่ะ แต่ก็น่ารักนะ ความทรงจำที่สวยงาม อิอิ
ช่ายครับ แต่ตอนนี้ไม่ได้คุยกันนานแล้ว
เค้าเลิกกับแฟนคนนี้แล้วล่ะ สงสารมันเหมือนกัน
หว่าจบแล้วหรอเนี่ย เสียดายจังอยากอ่านต่ออ่ะ><'
อยากให้เรื่องนี้จบแบบแฮปปี้จัง แต่นี้ก็มีความสุขแล้วแหละเนอะถึงแม้ว่าบางครั้งมันอาจจะเจ็บไปบ้าง แต่ก็เป็นความทรงจำที่ดี ที่เมื่อไหร่เรานึกย้อนกลับไป
ก็ทำให้เรามีความสุขและยิ้มได้
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะค่ะ^^
ขอบคุณที่อ่านเช่นกันครับ
ความรักสวยงามเสมอครับ...เนอะ...
คิดย้อนกลับไปก็ยิ้มได้ครับผม
น่ารักแบบอุ่นๆ
แต่ก็อยากให้เขียนต่อจัง
ขอบคุณครับ
อิอิ
เอ่อ ค้าง
แหะๆ
หน่วงๆ รึเปล่าครับ อิอิ
:z6:
-
ชอบมากๆเลยค่ะ ชอบจริงๆนะ อ่านเพลินมากค่ะ (อยากให้เป็นเรื่องยาวจัง >,< ) เติ้ลน่ารักนะ เข้าใจอารมณ์เติ้ลเลยอะ เพราะตอนม.ปลายก็แอบรักเพื่อนสนิทแบบนี้เหมือนกัน (คนส่วนใหญ่ก็ต้องเคยทั้งนั้นแล่ะเนอะ อิอิ เพราะมันใกล้กัน..เลยหวั่นไหว >////<)
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นน่ารักๆแบบนี้นะคะ อยากอ่านเรื่องต่อไปจัง แหะๆๆ ^3^
-
ชอบมากๆเลยค่ะ ชอบจริงๆนะ อ่านเพลินมากค่ะ (อยากให้เป็นเรื่องยาวจัง >,< ) เติ้ลน่ารักนะ เข้าใจอารมณ์เติ้ลเลยอะ เพราะตอนม.ปลายก็แอบรักเพื่อนสนิทแบบนี้เหมือนกัน (คนส่วนใหญ่ก็ต้องเคยทั้งนั้นแล่ะเนอะ อิอิ เพราะมันใกล้กัน..เลยหวั่นไหว >////<)
ขอบคุณสำหรับเรื่องสั้นน่ารักๆแบบนี้นะคะ อยากอ่านเรื่องต่อไปจัง แหะๆๆ ^3^
ขอบคุณนะครับที่ชอบ เป็นเรื่องตัวเองน่ะครับ เลยเขียนได้ลื่นเลย อิิอิ
ปล. เรื่องอื่นๆ อ่านได้ครับ มีทั้งในห้องปัจจุบันและห้องจบแล้ว
(ซึ่งถ้าเป็นเรื่องปัจจุบันจะมีลิงก์เรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องที่เคยแต่ไว้ อยู่ข้อความแรกเลยครับ)
นี่ครับลิืงก์ เรื่องสั้นที่เพิ่งลงไป
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32539.0
-
ชอบมากๆๆๆๆๆๆ :L1: :L1:
รู้สึกเหมือนจะเคยมีช่วงแบบนี้นะค่ะ แอบชอบเพื่อน :monkeysad:
อ่านแล้วโดนมากๆๆ :m15:
-
ชอบมากๆๆๆๆๆๆ :L1: :L1:
รู้สึกเหมือนจะเคยมีช่วงแบบนี้นะค่ะ แอบชอบเพื่อน :monkeysad:
อ่านแล้วโดนมากๆๆ :m15:
ครับ ถ้าเคยรู้สึกเหมือนกันนี่ ต้องเข้าใจแน่นอนครับ
แต่ปัจจุบันไม่ค่อยได้คุยกันแล้วละ
-
เวลาที่ได้มอง ได้พูด ได้คุย กับคนที่แอบชอบ ก็มีความสุขแล้ว :กอด1: :กอด1:
-
เวลาที่ได้มอง ได้พูด ได้คุย กับคนที่แอบชอบ ก็มีความสุขแล้ว :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณครับบบบ