-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
ฟ้า
ความเจ็บปวด ผิดหวัง ปวดร้าว มันคือส่วนหนึ่งในชีวิตเราไปแล้ว
ถ้ามันจะเพิ่มมากไปกว่านี้เราก็ไม่สะทกสะท้านหรอก
เราชินจนชา ชินกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรักแล้วจริงๆ
น้ำ
ความขัดแย้ง ยอกย้อน สับสนคือสิ่งที่เรากำลังเป็น
ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับคนที่ไม่ชอบเรื่องวุ่นวายอย่างเรา
แต่สิ่งเดียวที่เรารู้คือสาเหตุของมัน
สาเหตุที่มาจากความรู้สึกของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนรัก
“คนรักกัน แต่ไม่อาจใช้ชีวิตร่วมกัน ก็เหมือนเข็มทั้งสองของนาฬิกา ที่ได้ใช้ชีวิตในห้วงเวลาเดียวกัน แต่ไม่อาจได้เดินเคียงข้างกัน”
Intro
รถเบนซ์สปอร์ตสีเทาควันบุหรี่แล่นฉิวอวดโฉมความเท่ห์ระดับไฮคลาสเข้าไปยังคอนโดหรูติดรถไฟฟ้ากลางมหานครใหญ่ น้ำผ่อนคันเร่งก่อนจะถอยเข้าไปจอดยังล็อคประจำเคียงข้างมินิคูเปอร์สีแดงสด เค้ายกยิ้มที่มุมปากแล้วจึงดับเครื่องเปิดประตูก้าวออกมายืนเต็มความสูง ดวงตาโฉบเฉี่ยวที่อยู่ภายใต้แว่นกันแดดแบรนด์ดังเหลียวมองไปยังประตูเข้าตึกซึ่งมีเสียงคนทะเลาะกันดังแว่วมาให้ได้ยิน เค้าคงจะไม่สนใจเลยถ้าเสียงที่เค้าได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงของเจ้าของรถคันข้างๆ ไม่ใช่เสียงของเจ้าของห้องที่เค้ากำลังมาหา ไม่ใช่เสียงของฟ้า เพื่อนรักของเค้าเอง
“ไอ้เหี้ย! ปล่อยกู!!”
“กูจะปล่อยก็ต่อเมื่อมึงเอาผัวใหม่มึงมายืนยันต่อหน้ากู!”
“กูจะเอามาไม่เอามามันก็เรื่องของกู ปล่อยสิวะ!”
น้ำลอบถอนหายใจเมื่อมาเจอกับสถานการณ์อันแสนคุ้นเคย ขายาวก้าวตรงเข้าไปหามือสองข้างล้วงเข้ากับกระเป๋ากางเกงยีนส์สีเข้ม ดีหน่อยที่วันนี้เค้าแต่งตัวมาค่อนข้างดูดีกว่าทุกวันเพราะมีนัดดริ้งส์ต่อในรอบดึก ไม่งั้นคงไม่สมฐานะผัวใหม่ให้ไอ้เพื่อนรักมันใช้แอบอ้าง
ฟ้าหันมาเห็นเค้าแล้วแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร ผู้ชายอีกคนที่คาดว่าเป็นผัวที่ไอ้เพื่อนตัวดีกำลังจะสลัดทิ้งก็หันมามอง น้ำยกยิ้มเท่ห์ๆตามแบบฉบับแต่พอไปใกล้ตัวเค้าก็จับแขนไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั้นบิดจนมันร้องลั่นก่อนจะพลิกตัวจับทุ่มจนเกิดเสียงดังสนั่น มันก็ร้องโอดครวญอยู่ที่พื้นต่อไป
“อย่ามายุ่งกับเมียกูอีก นี่คือคำเตือน”
“น้ำ”
“ขึ้นห้อง”
เค้าแกล้งตะเบ็งเสียงดุตามบทบาทชนิดที่หากมีคนนำรางวัลออสก้ามายื่นให้ต่อหน้าก็ยังน้อยไป น้ำฉุดกระชากฟ้าให้เข้าไปในตัวตึกใช้คีร์การ์ดที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงสแกนเปิดลิฟท์แล้วพานำเข้าไปยังด้านใน ทันทีที่ประตูลิฟท์ปิดสองมือที่กุมกันอยู่ก็ปล่อยผละออกจากกันทันที น้ำถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นเสยผมลวกๆ
“ขอบใจ”
ฟ้าเอ่ยเสียงแผ่ว น้ำถอดแว่นแล้วหันไปมองคนด้านข้างด้วยสายตาตำหนิ ฟ้าที่ร่างบางกว่าน้ำแต่ส่วนสูงไล่เลี่ยกันนั้นยังคงก้มหน้างุด ผมยาวถึงเอวถูกปล่อยจนบดบังหน้าตาหวานผิดเพศจนมักถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ
ถ้าน้ำคือนิยามของคำว่าโซแฮนซั่ม ฟ้าก็คือนิยามของโซบิ้วตี้นั้นเอง
และอีกอย่างที่พวกเค้าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนั้นก็คือ ฟ้าเป็นเกย์แต่น้ำนั้นไม่ใช่
“อีกแล้วนะฟ้า บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้ระวัง ไอ้พวกแรงๆแบบนี้ฟ้าไปยุ่งกับมันทำไม ถ้าเรามาไม่ทันรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น!”
เทศนามหากาฬเริ่มต้นขึ้นแล้ว ฟ้าลอบคิดในใจเพียงลำพัง
“ก็…”
“ก็อะไร!?”
“ก็ช่วงแรกเค้าก็ดูแลดี”
“ดูแลดีหรือลีลาดีพูดให้ถูก”
“น้ำอ่า”
“ไม่ต้องมาใช้น้ำเสียงอย่างนี้เลย เราไม่ใจอ่อนด้วยหรอก ขอละฟ้า ให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม จะเอาทั้งทีเอาที่มันดีๆหน่อยสิวะ”
“แล้วมันดูกันง่ายๆซะเมื่อไหร่ละ”
“มันก็ใช่ แต่ทำไมทุกคนถึงไม่อยากปล่อยฟ้าทั้งนั้นเลยวะ เราเบื่อกับการแกล้งเป็นผัวแกล้งเป็นแฟนเพื่อเป็นไม้กั้นหมาแล้วนะ”
“ขอโทษ”
ปิ๊ง!
เสียงลิฟท์ช่วยชีวิต
ฟ้าลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วก้าวออกจากลิฟท์นำน้ำไปยังห้องพักของตน
“ไอ้ฟ้ามันมีเรื่องอีกแล้วเหรอวะ?”
เคนเพื่อนในกลุ่มอีกคนเอ่ยถามน้ำที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นจรดริมฝีปาก ดวงตาเฉี่ยวสีน้ำตาลอ่อนตามสไตล์หนุ่มลูกครึ่งเฉมองไปยังเพื่อนหน้าหวาน ตอนนี้ฟ้ากำลังพูดคุยหยอกล้ออยู่กับคีย์เพื่อนอีกคนซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยกัน ผมยาวสีดำพริ้วไหวไปตามแรงลมเนื่องจากพวกเค้าเลือกนั่งกันที่โซนเอ๊าดอร์บนดาดฟ้าของผับชื่อดัง
“ทำไมมึงคิดงั้นวะ?”
น้ำมองดูฟ้าแล้วก็ไม่เห็นมีร่องรอยอะไรบ่งบอกถึงการมีเรื่องมีราวเลยสักนิด
“มันอะเลิทเกินไป”
“ห่ะ?”
“มึงโตมากับมันซะเปล่า แค่นี้ยังมองมันไม่ออก”
เคนพูดขำๆแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม น้ำไม่ได้ตอบโต้อะไรนอกจากดื่มไปเงียบๆสายตาก็มองจ้องเจ้าตัวอย่างไม่วางตา
“ตกลงมันมีเรื่องมาจริงป่าวละ?”
น้ำพยักหน้าตีคิ้วแทนคำตอบ
“เรื่องแบบเดิม?”
“เออ”
“ฮ่าๆๆๆ มึงได้เป็นผัวมันอีกแล้วสินะ”
เป็นอันรู้กันหมดทั้งกลุ่มแก๊งค์ทั้งเรื่องรสนิยมของฟ้าและเรื่องปัญหาที่พวกเค้าคอยช่วยเหลือกันอยู่เสมอ น้ำส่ายหัวหน่อยๆเมื่อมองไปยังเจ้าตัวต้นเรื่องและก็พบว่ามันมองมาที่เค้าอยู่ก่อนแล้ว
“มีไร?”
ฟ้าส่ายหัว
“เอาชนเว้ย ชน!!!”
เป็นคีร์ที่เปลี่ยนบรรยากาศให้กลับมาคลื่นเครงอีกครั้ง พวกเค้าทั้งสี่คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เข้าเรียนมหาลัยใหม่ๆโดยที่น้ำกับเคนเรียนเศรษฐศาสตร์ส่วนฟ้ากับคีร์เรียนสถาปัตฯ น้ำพาเคนมาทำความรู้จักกับฟ้าในขณะที่ฟ้าก็พาคีร์มาทำความรู้จักกับน้ำ เลยกลายเป็นการรวมกลุ่มดั่งปัจจุบันในที่สุด
“น้ำ”
ฟ้าเอ่ยเรียก น้ำหยุดคุยกับสาวหุ่นสะบึมที่เข้ามาทักเพื่อหันไปหาคนเรียก
“ว่า?”
“ร้อน รัดผมให้หน่อย”
เค้าส่ายหัวหลุดยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินข้ามฝั่งไปหาเจ้าเด็กน้อยช่างงอแง ถึงแม้ฟ้าจะไม่ได้ดูบอกบางแต่ฟ้าก็ร่างเล็กกว่าเค้าอยู่พอตัว การคิดว่าฟ้าเป็นเด็กจึงกลายเป็นความเคยชินของน้ำที่ไว้ใช้เรียกฟ้าในใจเพียงคนเดียว
มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบยางรัดผมสีดำที่มีติดตัวไว้ตลอดเวลา น้ำรวบผมยาวที่นุ่มนิ่มสีดำเงาสลวยมีกลิ่นหอมอ่อนๆของเจ้าตัวพอให้ได้เคลิมนิดๆ น้ำชอบเล่นผมของฟ้าเพราะมันทั้งนิ่มทั้งหอม ฟ้าเองก็รู้ดีจึงไว้ยาวมาโดยตลอดไม่เคยตัดเลยตั้งแต่สมัยมัธยม ดีที่เค้าทั้งคู่เรียนโรงเรียนคอนแวนจึงไม่เคร่งเรื่องทรงผมเหมือนอย่างโรงเรียนรัฐ
“เสร็จแล้ว”
“ขอบใจ”
แล้วน้ำก็กลับมานั่งที่เดิมหันไปคุยกับสาวสวยดั่งเดิมฟ้าเองก็ลุกไปคุยกับหนุ่มที่ส่งสายตามาหาอยู่พักใหญ่ๆ เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติเช่นทุกครั้งที่มาดริ้งส์ด้วยกัน ต่างคนต่างความสนใจ เพราะงั้นจึงเดินกันคนละทางโดยที่ไม่มีใครก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ยกเว้นแต่เพียงกรณีฉุกเฉินอย่างเช่นเมื่อตอนเย็นเท่านั้นที่น้ำจะเข้ามาช่วยฟ้าโดยการแกล้งเป็นคนรักในขณะที่ฟ้าก็เคยจับแยกผู้หญิงให้น้ำ
ต่างคนต่างอาศัยกัน เป็นทั้งเพื่อนสนิท เพื่อนสมัยเด็ก และเพื่อนรัก
นั้นคงเป็นนิยามของความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
-
เพื่อนสนิทคู่นี้จะลงเอยยังไงน้าา
-
ฟ้าและน้ำจะจบลงยังไงน้า...
ติดตามตอนต่อไป
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
1
ณ บ้านใหญ่สามชั้นครึ่งของตระกูลเศรฐาสกุล หนุ่มน้อยยืนมองดูความหรูหราอู่ฟู่ดังในละครทีวีที่แม่เคยเปิดดูบ่อยๆด้วยความตกตะลึง
“ฟ้า มานี่สิลูก”
แม่เอ่ยเรียกเค้า เด็กน้อยจึงละสายตาจากทุกสิ่งแล้ววิ่งเข้าไปหาผู้เป็นมารดา วันนี้แม่บอกจะพาเค้ามาหาเพื่อน เพื่อนที่อายุเท่าเค้าและเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของป้าอรเพื่อนสนิทแม่
“สวัสดีค่ะคุณเมขลา คุณหญิงท่านรออยู่ที่ห้องรับรองแล้วค่ะ”
หญิงวัยกลางคนออกมาต้อนรับและพาพวกเขาเข้าไปยังด้านในของตัวบ้าน ฟ้าเมียนมองรอบข้างด้วยความอึ้งปนทึ้ง มันมีสีทองสว่างไสวไปแทบทุกสิ่ง แม้แต่พื้นยังปูด้วยหินอ่อนสีไข่สวยงาม ถึงแม้ทางบ้านของฟ้าเองจะไม่ได้ยากจนแต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดนี้ บ้านเค้าเป็นบ้านสองชั้นพออยู่พอกินเพราะพ่อที่เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั้นมีนิสัยมัธยัสถ์พอสมควร
“มาถึงกันแล้วเหรอเมย์”
เสียงสดใสของหญิงเจ้าของบ้านเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเดินเข้ามาภายในห้องรับรอง ฟ้าหันไปสบตากับหญิงสาวสวยผมยาวสีดำสนิท การแต่งตัวถือว่าดูดีค่อนไปทางเปรี้ยวผิดกับแม่เค้าที่ค่อนข้างจะสวยหวานกว่า เรียวปากสีแดงสดนั้นยิ้มกว้าง ดวงตาหันมามองสบตากับเค้า
“นี่น้องฟ้าใช่ไหมค่ะ?”
อรพินเอ่ยทัก ฟ้าพนมมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ตามที่ได้ถูกสั่งสอนมาเป็นอย่างดี
“ตายแล้ว มารยาทดีมาก น่ารักกว่าตาน้ำอีกนะเนี้ย”
“อรก็พูดไป แล้วน้องน้ำไปไหนซะละ?”
“ยังไม่ตื่นนะ ให้แม่นมไปปลุกแล้วก็ไม่ยอมตื่น งอแงจะนอนต่ออย่างเดียว เอาแต่ใจไม่มีใครเกิน”
“หึหึ พูดแบบนี้ลูกมาได้ยินจะเสียใจเอานะ”
“ฉันอิจฉาเธอจริงๆ สอนลูกยังไงให้น่ารักได้แบบนี้เนี้ย”
สองสาวเริ่มต้นเข้าสู่วงการสนทนาประสาแม่ๆอย่างเต็มตัว ฟ้าจึงขออนุญาตออกไปเดินเล่นที่สวนด้านนอกแทน เค้าจำได้ว่าเห็นเหมือนมีแอ่งน้ำอยู่แว๊บๆ และพอเค้าเดินไปจนถึงก็เห็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่มีศาลาทรงไทยตั้งอยู่ตรงกลาง บนผิวน้ำมีดอกบัวผุดขึ้นมาเป็นหย่อมๆ ถึงแม้น้ำจะไม่ใสเหมือนในสระว่ายน้ำแต่ก็ไม่ได้ดูน่ากลัว ฟ้าทรุดตัวลงนั่งที่ขอบสระแล้วจ้องมองปลาที่แวกว่ายอยู่ในนั้น วันนี้อากาศดีมีเมฆมากทำให้ไม่มีแดดแรงๆให้ได้ร้อน สายลมเย็นพัดผ่านมาเป็นละลอกทำให้เส้นผมสีดำที่ถูกตัดให้เป็นทรงบ๊อบพริ้วไหวไปตามแรงลม
บ๊อกๆ
เสียงเห่าของลูกหมาดังขึ้นเรียกสติที่กำลังเหม่อลอยของเด็กน้อย ฟ้าหันไปมองตามเสียงก็เห็นลูกหมาขนฟูสีน้ำตาลอ่อนกำลังวิ่งเข้ามาหา ฟ้ายิ้มกว้างพอดีกับที่ลูกหมาตัวนั้นมาถึงตัว มันเข้ามาดมอยู่รอบๆตัวฟ้าพลางส่ายหางไปมา ฟ้ารวมเจ้าตัวเล็กเข้ามากอดก่อนจะขยี้หัวด้วยความเอ็นดู
“เป็นหมาของบ้านนี้ใช่ไหม ชื่ออะไรนะเรา?”
“บัดดี้”
แน่นอนว่าลูกหมาในอ้อมกอดไม่สามารถที่จะตอบเค้าได้แน่ๆ ฟ้าเงยหน้าไปมองยังต้นเสียงที่ดังตอบจนเห็นเด็กผู้ชายผมสั้นสีน้ำตาลอ่อนตาก็สีอ่อนเดินตีหน้านิ่งเข้ามาหาจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเค้าในที่สุด
“เธอเป็นลูกน้าเมย์เหรอ?”
ฟ้าขมวดคิ้วกับการเรียกเค้าว่า ‘เธอ’ แต่ก็ยังพยักหน้าให้
“ไหงเราต้องมาเป็นเพื่อนกับผู้หญิงด้วยเนี้ย น่าเบื่อจริง”
ฟ้านึกขัดใจขึ้นมาทันที
“เราพึ่งรู้นะว่าผู้หญิงกับผู้ชายเป็นเพื่อนกันไม่ได้”
“ใช่ไง เดี๋ยวอนาคตมันก็มีเรื่องรักๆใคร่ๆกันมาแทรกจนทำให้เสียเพื่อน”
ท่าทางเด็กคนนี้จะมีภาวะทางสมองก้าวล่ำกว่าอายุไปเยอะหรือไม่ก็ดูหนังดูซีรี่ย์มากจนเกินไป
อืม น่าจะเป็นอันหลังซะมากกว่านะ
“ถ้างั้นที่ผู้ชายกับผู้ชายเป็นเพื่อนกันได้เพราะไม่ต้องมีเรื่องรักๆใคร่ๆเข้ามาให้เสียเพื่อนใช่ไหม?”
ลองเล่นด้วยสักหน่อยคงน่าสนุก
“ฉลาดเหมือนกันนี่”
ฟ้าเบ้ปากก่อนจะลุกขึ้นยืน
“งั้นเราก็เป็นเพื่อนกันได้”
ฟ้าพูดด้วยรอยยิ้ม น้ำหันควับมาจ้องหน้าคนหน้าหวานทันที
“ก็พูดอยู่เมื่อกี้ว่าเป็นไม่ได้”
“เราเป็นผู้ชาย”
คราวนี้น้ำถึงกับตาเบิกกว้างอ้าปากพะงาบๆเหมือนพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“จริง!?”
ฟ้าพยักหน้ารับ
“พิสูจน์ดูไหมละ?”
“ยังไง?”
ฟ้ายิ้มกว้างก่อนจะดึงมือเพื่อนใหม่มาจับลงที่เป้ากางเกง น้ำถึงกับกลืนน้ำลายไปเอือกใหญ่ๆ
“เชื่อรึยัง?”
น้ำพยักหน้ารับ
“เด็กๆ มากินขนมกันเร็ว”
เสียงผู้ใหญ่เรียกทำให้ฟ้าละความสนใจจากน้ำไปชั่วครู่ น้ำเองก็เริ่มตั้งสติใหม่
“ไปกินขนมกัน”
น้ำเอ่ยชวนพลางยื่นมือมาให้เหมือนจะพาเดินเข้าไปยังบ้่นของตน ฟ้ายิ้มกว้างจนตาหยี่
“อืม”
เค้าตอบเสียงสดใสและความเป็นเพื่อนก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้นเป็นต้นมา
“ฟ้า”
ฟ้าลิมตาขึ้นมองคนเรียก คนตรงหน้ายิ้มกว้างก่อนจะก้มลงมาประทับจูบลงตรงหน้าผากมล
“อรุณสวัสครับ”
คนตรงหน้าเอ่ยทัก ฟ้ามองดูจนรู้ว่าเจ้าตัวอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะออกไปทำงานแล้วจึงพยุงร่างที่เต็มไปด้วยรอยรักขึ้นนั่งพิงที่หัวเตียง
“พี่แบงค์จะไปทำงานแล้วเหรอครับ?”
ฟ้าเอ่ยถามเสียงติดแหบเล็กน้อย สงสัยเมื่อคืนคงใช้เสียงมากเกินไปแฮะ
“ใช่ครับ เราจะนอนต่อก็ได้นะแต่เมื่อคืนเห็นเราบอกว่ามีเรียนพี่เลยต้องปลุก”
“ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ?”
“พึ่งเจ็ดโมงกว่าครับ”
“งั้นผมออกไปพร้อมพี่ดีกว่า พี่ไปส่งผมที่คอนโดหน่อยนะ”
ฟ้าอ้อนและแน่นอนว่าคนตรงหน้าต้องใจอ่อน เวลาฟ้าอ้อนใครคนๆนั้นมันจะใจอ่อนและยอมเค้าเสมอ จะมีก็แค่น้ำเท่านั้นที่ทนทานต่อแรงอ้อนของเค้าได้
“อาบน้ำเลยไหม?”
“ไม่ครับ ล้างหน้าแปรงฟันพอ เดี๋ยวไปอาบที่ห้อง”
คนอายุมากกว่าพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้หนุ่มหน้าหวานเดินเปลือยไปยังห้องน้ำ เค้าแอบใจเต้นอยู่ในอกเมื่อเห็นร่างบางระหงส์และผิวที่ขาวจัด เสน่ห์ของคนๆนี้เหลือล้นจริงๆ
ฟ้ามาถึงคอนโดภายในเวลาไม่นานโดยที่แบงค์มาส่งถึงด้านหน้าคอนโดตามที่เค้าบอก แบงค์คือคนที่พึ่งเจอกันเมื่อคืนที่ไปเมากับพวกเพื่อนและพอสปาร์คกันได้เข้ากันดีคุยกันรู้เรื่อง เค้าเลยขอตัวกลับก่อนโดยไม่ได้บอกใครว่ากลับไหน น้ำเองก็ติดสาวอยู่เลยไม่ได้โยเยอะไรทางเลยโล่งไม่ต้องมาหลบคำถามคำเทศจนได้รอยมาเต็มตัวอย่างที่เห็น
“หือ”
ฟ้าเลิกคิ้วอุทานเบาๆเมื่อเห็นรองเท้าส้นเข็มสีแดงสดถูกถอดระเกะระกะอยู่กับรองเท้าหนังที่เค้ารู้ดีว่าเป็นของใคร ฟ้านิ่งไปนิดพยายามสอดส่องสายตาดูด้านในแต่ทุกอย่างยังคงเงียบกริบ เค้าถอดรองเท้าของตัวเองแล้วเอาเก็บเข้าชั้นด้านข้างก่อนจะเดินตรงเข้าไปยังห้องนอนของตนที่เป็นห้องนอนใหญ่ เค้าคิดถูกที่ซื้อคอนโดที่มีสองห้องนอน ถึงแม้ทุกคนจะถามว่าซื้อเผื่อใครมาอยู่ด้วยแต่เค้าก็ไม่ได้บอก ไอ้ตัวการมันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้าซื้อแบบนี้ก็เพื่อมัน
แต่ไม่ใช่เพื่อให้มันเอาสาวมานอนกกแบบนี้หรอกนะ
ปึง!
ฟ้าปิดประตูห้องน้ำแล้วพาตัวเองไปยืนท่ามกลางสายน้ำอุ่นๆจากฝักบังด้านบน ผมยาวสีดำขลำลู่ไปตามแผ่นหลังเนียน ผิวที่ขาวจัดมีสีแดงระเรื่อขึ้นเมื่อสัมผัสกับความอุ่นร้อนของสายน้ำ ใบหน้าหวานแหงนขึ้นรับความไหลหลั่งจากสายน้ำเบื้องบน ปล่อยให้มันไหล่ลงไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะน้ำจากฝักบัวหรือน้ำตาจากดวงตาหม่นดวงนี้
เมื่อไหร่มันจะหายไปสักทีนะ ไอ้ความรู้สึกแบบนี้
ผ่านไปร่วมชั่วโมงฟ้าจึงจัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย ร่างบางอยู่ในชุดนักศึกษากึ่งเป็นทางการเพราะเค้าไม่ชอบผูกไท แขนเสื้อก็ถูกพับขึ้นมาจนถึงข้อศอก ผมยาวถูกเป่าดรายจนแห้งเรียงตัวยาวสลวยเช่นเดิม ฟ้ามีเรียนสิบโมงครึ่งตอนนี้อีกสิบนาทีจะเก้าโมงฉะนั้นเค้ายังเหลือเวลาให้ไปสู้รบกับการจราจรมากพอสมควร
“มีเรียนเหรอ?”
ทันทีที่เปิดประตูห้องนอนออกไปเสียงของเพื่อนสนิทก็ดังทักขึ้น ฟ้าหันไปมองคนพูดที่นั่งยกน้ำส้มขึ้นดื่มด้วยท่าทีชิลๆแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
“เมื่อคืนหนักรึไง ตื่นสายเชียวนะ”
“หึ ก็พอตัว”
“แล้วผู้หญิงละ ไม่ออกมาทานมื้อเช้าด้วยกันเหรอ?”
“กลับไปแล้ว”
“อ้อ”
“ว่าแต่ฟ้าเหอะ”
“เราทำไม?”
“เมื่อคืนไปกับใคร?”
ฟ้าแอบหลบตาโดยการเดินหนีไปเปิดตู้เย็นหยิบนมเทใส่แก้วแล้วยืนดื่มมันหน้าตู้นั้นแหละ
“ฟ้า”
“อะไรเล่า”
“คนใหม่ใช่ไหม?”
“อืม”
“หวังว่าคงไม่เหมือนครั้งที่แล้วอีกหรอกนะ”
“ไม่หรอกน่า คนนี้เค้าเป็นผู้ใหญ่ ใจดีมากด้วย”
“ก็ดี”
“……”
ฟ้าถึงกับชะงักมือที่กำลังวางแก้วไว้ที่ซิงค์ ถึงจะไม่ชอบฟังน้ำบ่นแต่การได้ยินการแสดงความยินดีด้วยแบบนี้เค้ากลับไม่ชอบยิ่งกว่า
“ไปแล้วนะ ฝากล้างแก้วด้วยแล้วกัน”
“ได้ๆ”
ว่าแล้วฟ้าก็เดินถือกระเป๋าเป้ของตนตรงไปยังประตูหยิบรองเท้ามาสวมก่อนจะรีบออกจากห้องไปในที่สุด
น้ำได้แต่มองตามคนรีบร้อนไปจนได้ยินเสียงบานประตูปิดจึงลุกขึ้นมาจัดการล้างแก้วทั้งของตนและของเจ้าของห้อง ภาพที่เค้าเห็นฟ้าเดินจับมือกับผู้ชายคนใหม่ออกจากบาร์ตรงไปยังรถของอีกฝ่ายยังเด่นชัดอยู่ในหัว ฟ้าคงไม่รู้หรอกว่าเค้าเห็นเพราะเค้าแอบมองจากทางด้านบนโดยที่ฟ้าไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง จู่ๆแก้วในมือก็หลุดร่วงลงด้านล่างเกิดเสียงดังสนั่นจนเจ้าตัวสะดุ้งโหย่ง
“ให้ตายสิ ทำแก้วตกแตกอีกจนได้”
“ฟ้า”
คีย์เอ่ยเรียกเพื่อนหน้าหวานที่กำลังซุกหน้าลงกับแขนตัวเองเหมือนนอนหลับทั้งๆที่เค้าก็รู้ว่าฟ้าไม่มีทางหลับเวลาอยู่ข้างนอกแบบนี้ ฟ้าเงยหน้าขึ้นมามองคีย์พอรู้ว่าเป็นเพื่อนเลยยืดตัวขึ้นบิดขี้เกียจนิดหน่อยก่อนจะหันไปยิ้มจางแต่ผู้คนรอบข้างหน้าเคลิ้มกันเป็นแถบ ตอนนี้พวกเค้าอยู่ที่ม้านั่งใต้ถุนตึกคณะซะด้วยสิ คนเพียบเลย
“หิววะ ไปกินข้าวกันเหอะ”
“มื้อไหนกันเนี้ย เอานี่เรามีแซนวิชทูน่า”
“ขอบใจ”
ฟ้ารับแซนวิชจากคีย์มาแล้วแกะกินทันที แค่นมแก้วเดียวก่อนออกมามันจะไปอยู่ท้องอะไร จริงๆแล้วถ้าน้ำไม่มาพูดนั้นพูดนี่ด้วยฟ้าอาจจะใจดีทำมื้อเช้าทานด้วยกันแต่มันดั๊นมีเรื่องให้หงุดหงิดก่อนนี่สิ
“ดูเหมือนอารมณ์เสีย ทำไม ผู้ชายคนเมื่อคืนไม่ถึงใจเหรอ?”
คีย์ถามแซวๆแต่ฟ้ากลับพยักหน้ารับ
“เห้ย! จริงดิ?”
“ล้อเล่น”
“ไอ้ฟ้า!”
“หึหึ ถึงขั้นขึ้นไอ้ด้วยเว้ย”
“ทำเป็นเล่นไป แล้วตกลงเป็นไร?”
“น้ำมันพาสาวมากกที่ห้องแล้วเมื่อเช้าก็พูดไม่ถูกหูเท่าไหร่”
“อ้อ”
คีย์พยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ เอาตรงๆก็คือเข้าใจไปถึงแก่นแท้ชนิดที่เจ้าเพื่อนตัวดีมันยังไม่ยอมรับตัวมันเองเลยด้วยซ้ำ
“แกก็พาผู้ชายขึ้นห้องไปประชันกับมันเลยดิ”
“บ้าเหรอ เราไม่เคยพาผู้ชายขึ้นห้องเว้ย และจะไม่พาใครขึ้นไปด้วย”
ถึงแม้ฟ้าจะมีคู่ควงมากมายแต่เค้าก็ไม่เคยพาใครขึ้นไปข้างบนเลยสักคน อย่างมากก็ให้มาส่งที่หน้าคอนโดเหมือนอย่างเมื่อเช้า ดีที่ระบบรักษาความปลอดภัยของคอนโดอยู่ในระดับสูง แม้แต่ลิฟท์คนที่จะใช้ได้ยังต้องมีคีย์การ์ดซะด้วยซ้ำ
“แต่มึงพาน้ำเข้าห้อง”
“มันเป็นเพื่อน”
“เหรอออออ”
“เยอะวะคีย์”
“ใครกันแน่ที่เยอะ เยอะจนกินเวลาไปกี่ปีแล้วละ”
ฟ้าถึงกับพูดไม่ออก เค้างับแซนวิชชิ้นสุดท้ายเข้าปากเคี้ยวแก้มตุ้ยก่อนจะกลืนแล้วหยิบน้ำเปล่าข้างตัวมากระดกขวดจนหมดเกลี้ยง
“ไปเรียนกันเถอะ”
“หึ เบี่ยงประเด็นเรื่อย หนีให้มันได้ตลอดนะฟ้า แต่จำไว้ว่าหนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีใจตัวเองไม่ได้หรอก”
“ครับๆท่านอาจารย์ครับ กระผมจะจำไว้จนวันตายเลยครับ”
“ให้มันจริง”
สองหนุ่มหัวเราะครื่นเครงไปจนถึงลิฟท์ ฟ้ากดเรียกไม่นานลิฟท์ก็มา
“รอด้วยครับ!”
เสียงตะโกนดังขึ้นเมื่อฟ้าและคีย์เข้าไปข้างในแล้วเตรียมตัวจะกดปิด ฟ้ารีบกดเปิดค้างไว้จนบุคคลที่ร้องเรียกเมื่อครู่เข้ามาภายในด้วยอาการหอบแถมยังมีเหงื่อผุดเต็มไปหมด
“ขอบคุณ”
ฟ้าพึ่งเห็นหน้าคนนี้ชัดๆก็ตอนที่เค้าหันมาขอบคุณ บอกตามตรงว่าหล่อพอสมควรแต่ก็ยังไม่สู่น้ำอยู่ดี น้ำมันหล่อเข้มมาดแมนสไตล์ของนอกตัวบึกๆแต่คนนี้ออกแนวไอดอลเอเชียร่างเล็กกว่าหน้าตาดูอบอุ่นใจดีกว่าด้วย
“วิ่งมาจากไหนละเนี้ย เหงื่อเต็มเลย”
“โรงจอดรถนะ นี่เลทมาสิบห้านาทีแล้วด้วย”
“เรียนกับอาจารย์อะไร?”
“ศุภาวิณี”
“โห้ อาจารย์แม่เลยเว้ย รับรองเข้าห้องไปได้เจอเสียงหวีดร้องชนิดสิบแปดหลอดยังน้อยไปเลย”
คีย์พูดขึ้นบ้างอย่างนึกสนุกและก็ได้ผล คนเข้าสายถึงกับหน้าสลดเสียจนฟ้าอดหัวเราะขำไม่ได้
“อ๊ะ โทษที”
ฟ้าพูดเมื่อเห็นว่าดวงตาคู่นั้นจ้องมองมาที่เค้าเขม่ง
“ผมชื่อต้น ศิลอุต(ศิลปอุตสาหกรรม)ปีสอง คุณละ?”
ฟ้าเลิกคิ้วชี้นิ้วเข้าหาตัว ต้นเลยพยักหน้ายืนยันให้อีกที
“ฟ้า สถาปัตภายใน(สถาปัตยกรรมภายใน)ปีสองเหมือนกัน”
“ดีเลย งี้ก็เป็นเพื่อนกันได้ดิ”
“หึ อยากเป็นเพื่อนหรือมากกว่านั้นกันแน่นะ”
คีย์พูดขึ้นจนต้นเลิกลักหันไปมอง
“อ่า โทษที แล้วคุณ..”
“ก็นึกว่าจะไม่ถาม เราชื่อคีย์ เรียนเหมือนฟ้านั่นแหละ”
“อ้อ”
“แล้ว…”
“ครับ?”
“นายต้องไปเรียนชั้นไหน?”
เท่านั้นแหละ ต้นหันควับไปมองที่จอตัวเลขชั้นแทบไม่ทัน ตอนนี้มันขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุดที่ฟ้าและคีย์ต้องออกไปเรียนแล้วด้วย ต้นอ้าปากค้างเมื่อรู้ว่าตัวเองลืมกดชั้น ฟ้าหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะก้าวเดินนำหน้าคีย์ออกไปจากลิฟท์
“ฟ้า!”
คนด้านในร้องเรียกเค้าซะเสียงดัง ฟ้าหันไปมอง
“แล้วเจอกันนะ”
ฟ้าไม่ตอบอะไรแต่หันหน้ากลับมาเดินตรงไปยังห้องเรียนต่อ
“เสน่ห์แรงไม่เคยเปลี่ยน”
คีย์บ่นอุบส่วนฟ้าก็ไหวไหล่ไม่สนใจ
“แล้วดูมันพูดนะ มั่นใจซะเหลือเกินว่าจะได้เจอแกอีก”
“ก็ไม่รู้สินะ”
“ไหนบอกไม่เล่นคนในมหาลัย?”
“ก็ไม่ได้จะเล่นซะหน่อย”
“งั้นจริงจัง?”
“ก็เปล่าอีกนั้นแหละ”
“เอาดีๆดิไอ้ฟ้า”
คีย์ชักมาน้ำโหกับเพื่อนหน้าหวานแต่ชอบกวนอารมณ์เป็นที่หนึ่ง
“ไม่ได้ยินเหรอที่เค้าบอกว่าเป็นเพื่อนกันได้นะ?”
ฟ้าพูดขึ้นเมื่อเดินตามคีย์เข้าไปนั่งในที่ประจำเป็นที่เรียบร้อย
“แล้วไง?”
“ก็ผู้ชายด้วยกันมันเป็นได้แค่เพื่อน”
“อย่ามาดราม่าฟ้า เกย์คนอื่นเค้าก็คบกันเยอะแยะไป”
“แต่ถ้าเริ่มจากเพื่อน มันก็อีกกรณีไง”
“เช่นไอ้น้ำ”
“หึ”
“ถ้าต้นมันพุ่งเป้ามาบอกว่าขอจีบแกเลย แกคงตกลงละสิ”
“ก็ไม่รู้สินะ”
“ให้ตายเถอะฟ้า อย่าเอาเรื่องยุ่งมาใส่ตัวจะได้ไหมวะ ถ้าจะไปกับต้นก็ปล่อยๆไอ้ความรู้สึกเดิมๆนั้นได้ละ แต่ถ้าแกยังเก็บมันไว้ มันก็จะเข้าอีหรอบเดิมนะ”
ฟ้าได้แต่นิ่งฟัง
“เราพยายามแล้ว”
“แต่ก็ตัดไม่ได้”
ฟ้าเสมองออกนอกหน้าต่างแทนคำตอบ
“งั้นก็บอกมันไปตรงๆ”
“บอกก็ไม่ได้”
“บอกไปเถอะ ถึงมึงจะเจ็บกลับมามากมายขนาดไหนก็ยังดีกว่าเจ็บเรื้อรังต่อไปตลอดชีวิตนะเว้ย”
ฟ้าได้แต่ลอบถอนหายใจ คีย์เองก็พูดถูก ฟ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจ
แต่ว่า…
…มันก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี
Tbc…
สวัสดีกับเรื่องใหม่ของไรท์ค่ะ เรื่องนี้ดราม่ามาเต็ม ไรท์อยากเขียนดราม่าแบบสุดจิตสุดใจดูบ้างนะค่ะ เลยกลายมาเป็นเรื่องนี้ไปโดยปริยาย ยังไงก็ขอบคุณสำหรับการติดตามและกำลังใจนะค่ะ
-
น้ำ ฟ้า ถึงอยู่คนละที่
แต่มีที่เจอกันได้นะ ที่ขอบฟ้าไง
กับมีแต่น้ำฝนที่หล่นจากฟ้าลงมาสู่น้ำข้างล่าง
เหมือนน้ำตาฟ้าที่ไหลเพราะน้ำ
น้ำ ฟ้า ที่เป็นคนก็อยู่ข้างๆ กัน
จะเปลี่ยนสถานะได้มั้ยนะ
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
ช่วงนี้เจอแต่เรื่องดราม่าาา :katai1: :katai1:
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
2
ครืน ครืน
ฟ้าเหลียวไปมองโทรศัพท์สีขาวยี่ห้อดังของตนเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นระดับ 2.4 ริกเตอร์(เวอร์วัง) เค้ากดยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นชื่อแอคไลน์ของผู้ที่ส่งมาหา
พี่น้ำคนจริงไม่ซิงแต่อร่อย เที่ยงนี้กินข้าวไหน?
ฟ้าเห็นชื่อแอคครั้งแรกแทบขำกลิ่ง ไม่รู้เพื่อนสนิทคนนี้มันมั่นหน้ามากจนเกินไปหรือว่าบ้ามากถึงมากที่สุดกับแน่
NamFha ยังไม่รู้ อยากกินอะไรละ?
ฟ้าพิมพ์ตอบกลับไป เป็นปกติที่พวกเค้าทั้งสี่คนจะรวมตัวกินมื้อเที่ยงด้วยกันในวันที่ต้องเข้ามหาลัย
พี่น้ำคนจริงไม่ซิงแต่อร่อย ปลาดิบ
NamFha ฟูจิ?
พี่น้ำคนจริงไม่ซิงแต่อร่อย ได้ หรืออยากไป ZEN
NamFha ฟูจิแหละ แต่น้ำจะเข้าเรียนทันเหรอ เริ่มบ่ายตรงไม่ใช่รึไง?
พี่น้ำคนจริงไม่ซิงแต่อร่อย ทันสิ เราจะเอานินจาไป
NamFha ตอนนี้อยู่บ้าน?
พี่น้ำคนจริงไม่ซิงแต่อร่อย ใช่ กลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
NamFha ฝากความคิดถึงให้ป้าอรด้วยสิ ลุงสเวนไม่อยู่บ้านใช่ไหม?
พี่น้ำคนจริงไม่ซิงแต่อร่อย แด๊ดไม่อยู่บ้านเหมือนเคยแหละ เดี๋ยวบอกมัมให้ว่าลูกชายคนเล็กคิดถึ๊งคิดถึง
ฟ้าหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อยเมื่ออ่านจบ แม่ของน้ำหรือก็คือป้าอรเอ็นดูเค้าเหมือนเป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน พอไปหาแต่ละทีเล่นประคบประหงมเสียจนลูกชายแท้ๆบ่นอุบว่าแม่ลำเอียง แต่ถ้าน้ำไปบ้านฟ้าก็โดนพ่อเค้ากั๊กตัวให้อยู่คุยด้วยตลอด พ่อชอบความแมนๆตัวโตๆของน้ำมากกว่าร่างสูงโปร่งบางอย่างฟ้า
NamFha งั้นเจอกันที่ฟูจิเลย ขับรถระวังด้วย
พี่น้ำคนจริงไม่ซิงแต่อร่อย สติกเกอร์โอเค
ฟ้าปิดล็อคหน้าจอแล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม พอหันกลับไปสนใจอาจารย์หน้าชั้นเรียนอีกครั้งคีย์ก็สกิดไหล่ยิกๆ
“มีอะไร?”
คีย์ไม่ตอบแต่ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองมาให้ฟ้าดู มันเป็นภาพของเค้าขณะที่กำลังฟุบหน้าลงกับแขนตัวเองแต่ก็ยังมีอีกเสี้ยวหน้าที่โผล่ขึ้นมาเผยความขาวกระจ่างใสของผิว มันเป็นภาพในมุมแอบถ่ายที่ลงในเพจคิ้วบอยของมหา’ลัย ฟ้ามีรูปในนั้นเยอะแยะเลยทำให้ยอดขอแอดเฟรนในเฟสและนอดฟอลโล่ในไอจีก็เพิ่มขึ้นทุกวัน
“แล้วไง?”
“อ่านคอมเม้นต์รึยัง?”
ฟ้าหันกลับไปดูอีกครั้ง
SSaSiKan ผิวสวยเวอร์ขนาดหญิงแท้ยังอาย
Mamay พี่ฟ้าสวยเสมอค่ะ ขนาดหลับเห็นแค่เสี้ยวหน้านู๋ยังเคลิ้ม
กรรรรกร ผมนั่งถัดไปอีกสามโต๊ะ รู้ด้วยว่าใครเป็นคนถ่าย 555
NumBer.1 เมื่อคืนไม่ได้นอนละสิ
ฟ้าขมวดคิ้วมุ้ย คอมเม้นท์สุดท้ายนะเป็นชื่อเฟสของน้ำ แต่ร้อยวันพันปีน้ำไม่เคยจะมาคอมเม้นท์รูปเค้าสักครั้ง ส่วนมากก็ไลท์อย่างเดียว แต่ทำไมมาคอมเม้นท์ที่รูปนี้ละ แถมยังเป็นคำพูดแซวที่ออกจะกำกวมอยู่นิดๆหน่อยๆ
KiTTy แก๊ พี่น้ำเค้ารู้อะไรอะแก๊
O-por ฉันไม่อยากจะจิ้นแต่มันหยุดฟินไม่ได้เลยค่ะ อร๊ายยยย
วันวัน พี่น้ำช่วยพูดให้เคลียร์ทีค่ะ อะไรยังไงกันน๊า
นั้งไง กระแสรีแอคชั่นคู่จิ้นน้ำฟ้าได้กลับมาแล้ว จริงๆเรื่องคู่จิ้นมันก็มีมาสักพักเพราะเราสองคนค่อนข้างจะอยู่ด้วยกันบ่อยๆแถมยังสนิทกันถึงขั้นสกินชิปแบบไม่แคร์สายตาใคร แล้วชื่อเฟสของฟ้ายังเป็น ‘NumFha’ เหมือนกับไลน์อีกด้วย เลยได้โดนเพ้งเล็งไปในที่สุด
“หน้าแดงละ”
คีย์เห็นใบหน้าหวานค่อยๆมีสีแดงระเรื่อขึ้นก็อดที่จะแซวไม่ได้
“พูดมาก”
ฟ้าเลิกอ่านแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้คีย์
“เออ เที่ยงนี้ไปกินฟูจิกัน”
“คิดไงไปกินข้างนอกเนี้ย ห้างออกจะไกลแถมรถยังเยอะ”
“น้ำมันอยากกินปลาดิบ”
“อ้อ ตามใจกันจริ๊ง”
“เราก็อยากกินด้วยแหละ”
“เหรอออออ”
“เงียบน่า ตั้งใจเรียนกันได้ละ”
คีย์หัวเราะเสียงแผ่วก่อนจะหันไปมองยังอาจารย์ที่คอยสไลด์ภาพบนจอโปรเจ็คอยู่เรื่อยๆ พวกเค้าเรียนกันไปเงียบๆจนกระทั่งหมดคาบในช่วงเวลาเที่ยงพอดี ฟ้าจึงเดินนำออกไปยังลิฟท์เพื่อลงไปยังชั้นล่าง วันนี้คีย์ไม่ได้เอารถมาเพราะงั้นพวกเค้าจึงต้องออกไปด้วยมินิสีแดงสดของฟ้า
ชื่อฟ้าแต่ชอบสีแดง
ทุกครั้งที่เห็นรถตัวเองฟ้าจะนึกถึงคำพูดนี้ขึ้นมา แล้วรอยยิ้มก็ฝุดขึ้นบนใบหน้าเมื่อคิดถึงภาพคนที่พูดไปด้วย น้ำเคยท้วงเมื่อตอนที่พากันไปเลือกรถ ตอนนั้นเถียงกันแทบตายเรื่องสีของรถเพราะน้ำอยากให้ฟ้าใช้สีโมโนโทนธรรมดาจะได้ไม่เด่นไปกว่านี้อีกอย่างคือน้ำชอบสีเทาดำ ส่วนฟ้านั้นชอบสีสด ยิ่งสีแดงแบบนี้ยิ่งถูกใจ
“ฟ้าครับ”
ยังไม่ทันได้เดินถึงรถเสียงเรียกชื่อฟ้าก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ฟ้าและคีย์หันกลับไปมองพร้อมๆกันจนเห็นต้นกำลังวิ่งเหยาะๆเข้ามาหาท่าทางเหมือนพึ่งจะเรียนเสร็จเหมือนกัน
“ว่าไง”
ฟ้าเอ่ยเมื่อต้นเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าแต่ก็ยังไม่พูดอะไรเพราะมัวแต่หอบแฮกอยู่
“ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม เดี๋ยวเราเลี้ยง”
“โห สายเปย์ซะด้วย”
คีย์แซวเสียงแผ่วเรียกสายตาตวัดดุของเพื่อนไปทีหนึ่ง ส่วนต้นเองก็ได้แต่ยืนเกาท้ายทอยแก้เก้ออยู่ตรงหน้า
“ขอบใจที่ชวนแต่เรามีนัดแล้วนะ”
“อ่า...งั้นเหรอ....”
คนตรงหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากฟ้าจะนิ่งจนน่าปวดใจแล้วก็มีแต่คีย์เท่านั้นที่หัวเราะคิกคักเหมือนเจอเรื่องอะไรน่าขำนักหนา
“งั้นไว้คราวหน้าก็ได้ แล้วเจอกันนะ”
“อืม”
“จริงนะ ห้ามผิดคำพูดนะ”
ฟ้าเลิกคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าจากสลดอยู่เมื่อกี้แปรเปลี่ยนเป็นหน้าชื่นตาบานทันทีที่เค้าตอบรับ ฟ้ากดยิ้มบางๆแต่กลับทำให้คนมองหัวใจเต้นระรัว
“งั้นขอเบอร์ฟ้าหน่อยสิ”
“หืม ขอเบอร์เพื่อนเรางี้ จะจีบเพื่อนเราเหรอต้น?”
คีย์แกล้งถามให้ต้นเขินเล่นๆแต่กลับผิดคาดเมื่อต้นตอบกลับมาหน้ายิ้มแป้น
“ใช่”
ฟ้าถึงกับนิ่ง นั้นไงละ ผิดอย่างที่คิดซะเมื่อไหร่
“โคตรตรงเลยเว้ย แต่โทษทีนะ เพื่อนเราไม่คบกับคนในมหาลัยวะ”
“ถ้าเราย้ายมหาลัยแล้วฟ้ายอมคบด้วยเราก็จะทำนะ”
ฟ้าถึงกับหลุดขำ
“อย่าเวอร์น่าต้น”
“เราพูดจริง”
“งั้นเราถามอย่างหนึ่งสิ”
“ได้ ว่ามาเลย”
“ทำไมถึงจีบเรา?”
“ก็ชอบไง ไม่ชอบจะจีบเหรอ?”
ฟ้าส่ายหัวเนืองๆ
“แค่ชอบมันไม่พอหรอกต้น การคบกันเป็นแฟนกัน มันต้องมีความรู้สึกที่มากกว่านั้น เราเจอกันแค่ครั้งสองครั้งต้นอย่าพึ่งมาปักใจกับเราเลย ลองกลับไปคิดดูดีๆแล้วกันนะ เราไปละ”
พูดจบฟ้าก็กดรีโมตรถปลดล็อคแล้วเปิดประตูรถทันที ฟ้าแทบไม่มองมายังต้นอีกเลยในขณะที่ต้นมองฟ้าอย่างไม่ละสายตา
“โทษทีนะพวก เราช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ”
คีย์พูดกับต้นพร้อมตบไหล่กว้างปุๆแล้วจึงเดินตามเข้าไปในรถ ฟ้าที่สตาร์ทรถรออยู่ก่อนแล้วจึงเลือนถอยหลังและขับออกไปในที่สุด ฟ้ามีลางสังหรว่าต้นต้องไม่เลิกล้มไปเพียงเพราะคำพูดไม่กี่ประโยคของเค้าแน่ แววตาแน่วแน่นั้นจ้องมองมาที่เค้าตรงๆพร้อมเอ่ยปากพูดอย่างชัดเจนเหมือนไม่มีอะไรมาขัดขวางเจ้าตัวได้
น่าอิจฉา
สิบกว่านาทีต่อมาฟ้าและคีย์ก็มาถึงห้างในที่สุด เวลาเที่ยงในวันธรรมดาถึงคนจะไม่เยอะมากแต่ก็มีเดินกันให้ควักอยู่ดี ฟ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เที่ยงจะครึ่งแล้วแต่พวกเค้าพึ่งถึง ป่านนี้น้ำกับเคนคงรอจนท้องไส้ปั่นป่วนไปแล้วละมั่ง
“ฟ้า เดินช้าๆก็ได้เดี๋ยวก็ชนคนอื่นเค้าหรอก”
“โทษที”
“ร้อนใจขนาดนั้น?”
“อืม กลัวพวกนั้นรอนานไง”
“โอ้ย พวกมันปล่อยให้เรารอเป็นชั่วโมงยังมีเลย อย่าไปคิดมากดิ ถือซะว่าแก้แค้นมันไง”
ฟ้าพยักหน้ารับแล้วตั้งหน้าเดินไปยังร้านต่อไป ไม่นานก็มาถึง พอเข้าไปด้านในฟ้าก็สอดส่องมองหาน้ำทันที ไม่นานก็เจอเพราะเคนหันมาเห็นแล้วชูไม้ชูมือเรียก
“กว่าจะมาได้”
เป็นไปตามคาด น้ำบ่นอุบทันทีที่น้ำกับคีย์เข้ามานั่งที่ฝั่งตรงข้าม
“โทษที รถเยอะนะ”
“ช่างเถอะ เราสั่งไปแล้วนะ น่าจะใกล้มาแล้วแหละ”
ฟ้าพยักหน้ารับ เค้าไม่ได้เรื่องมากอะไรกับมื้ออาหารอยู่แล้วถ้าตราบใดที่ไม่มีสิ่งที่เค้าแพ้นั้นก็คือเห็ด ไม่นานอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟอย่างที่น้ำบอก ฟ้ามองรายการอาหารที่เต็มจนแทบล้นแล้วก็อดที่จะมองค้อนคนสั่งไม่ได้
“อะไร? ไม่ต้องมามองเราแบบนั้นเลยนะฟ้า”
“สั่งมาเนี้ย คิดว่ากินหมดไหม?”
“ไม่หมดก็มีตัวช่วย”
“อะไร?”
“ฟ้าไง”
“เราก็คน ไม่ใช่ตัวกำจัดของเหลือ”
“เอาน่าๆ อย่าพึ่งโมโหหิวดิ กินเลยๆ นี่กุ้งเทมปุระ อ้อ นี่ๆไข่ตุ๋นของโปรด”
ฟ้าถึงกับอ่อนลงเมื่อได้ยินชื่อของโปรดของตนออกมาจากปากคนตรงข้าม น้ำรู้ดีว่าเค้าชอบอะไรและไม่ชอบอะไรเนื่องจากอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่าฟ้าก็รู้ว่าน้ำชอบหรือไม่ชอบอะไรเช่นกัน ทั้งสี่คนกินไปคุยกันไปประสาเพื่อนจนเกือบหมดและใกล้บ่ายเข้าไปทุกที
“น้ำไปก่อนเลยก็ได้ ใกล้บ่ายแล้วนะ”
ฟ้าบอกเพราะตนกับคีย์ว่าจะดูหัวต่อรอเรียนอีกวิชาตอนบ่ายสาม
“เอางั้นก็ได้”
น้ำรับคำแล้วลุกขึ้นยืน แต่ทว่าเจ้าตัวกลับไม่ได้เดินออกจากร้านไปแต่อย่างใด น้ำเดินไปหยิบทิชชู่ที่มุมโต๊ะก่อนจะเอามาเช็ดขอบปากด้านล่างให้เพื่อนสนิทที่กินเลอะแทบจะทุกครั้งที่กินข้าวด้วยกัน
“ขอบใจ”
“ไม่เป็นไร”
“ฟ้า”
คีย์เอ่ยเรียกเพื่อนหน้าหวานเมื่อหนังในจอได้จบไปสักพักแต่ฟ้ายังคงนั่งนิ่งอยู่เหมือนเดิม
“ว่า?”
“เหม่ออยู่เหรอ หนังจบแล้วนะ”
“อ้าวเหรอ โทษที”
ฟ้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะบิดซ้ายบิดขวาแก้อาการเมื่อยเนื้อตัวก่อนจะเดินนำออกจากโรงหนังไปยังด้านนอก เค้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาบ่ายสองครึ่งแล้วจึงตัดสินใจกลับเข้ามหาลัยเลย คีย์เองก็ไม่ขัด พวกเค้ากลับมาถึงตึกเรียนในเวลาไม่นานและสิ่งที่ทำให้เค้าทั้งคู่ต้องตกใจอีกคือคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าตึก ต้นนั่งเล่นมือถืออยู่ตรงนั้นมาสักพักใหญ่ๆพอเค้าเห็นคนที่รอคอยกำลังเดินเข้ามาเค้าก็ผุดลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาทันที
“นี่อยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วเนี้ย?”
ฟ้าเอ่ยถามเสียงเครียด
“แค่...ครึ่งชั่วโมงได้มั่ง เราเรียนเสร็จไวนะ”
“เพื่อ?”
“หืม?”
“ทำอย่างนี้เพื่ออะไร เราบอกแล้วไงว่าเราไม่สนใจคนในมหาลัย”
“งั้นเราจะย้ายมหาลัยวันพรุ่งนี้เลย”
“ต้นอย่ามาเล่นลิ้น ที่เราพูดก่อนที่จะออกไปนะไม่เข้าใจเลยใช่ไหม?”
“เข้าใจดิ”
“งั้นก็เลิกหวังซะ”
“เลิกไม่ได้”
ฟ้าถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“โคตรคนจริงเลยเว้ย”
“คีย์”
“อะไรฟ้า เราแค่พูดตามที่คิด ต้องอย่างนี้สิถึงจะเหมาะสม”
“คีย์”
“โอเคๆ ไม่ยุ่งก็ได้”
“ถึงฟ้าจะยังไม่ชอบเราก็ไม่เป็นไร แต่เรามั่นใจว่าต่อไปฟ้าต้องชอบเราแน่ๆ”
ฟ้าถึงกับหลุดยิ้มขำ
“ไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน?”
“จากใจไง คนอย่างไอ้ต้นนะ ถ้าสนใจอะไรคือทุ่มให้จนสุดกำลัง แล้วถ้าอยากได้อะไรก็จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเหมือนกัน”
“..............”
“ตอนนี้ฟ้ายังไม่มีใครในใจไม่ใช่เหรอ งั้นเราก็ยัง....”
“มีแล้ว”
“..........”
“เรามีคนในใจแล้วต้น มีมานานแล้วด้วย”
“แต่เราไม่คยเห็นหรือแม้แต่ได้ยินว่าฟ้ามีแฟนเลย”
“เราไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศนี่”
ฟ้ายิ้มเย็น ถ้าเป็นคนอื่นๆคงเลิกเข้ามาวอแวตั้งแต่ประโยคแรกที่ฟ้าพูดตัดฉับไปแล้ว ไม่เคยมีภาคบังคับที่ต้องงัดไม้ตายอย่างพูดถึงคนๆนั้นออกมาแบบนี้หรอก
“เราขอตัวไปเรียนก่อนนะ”
พูดจบฟ้าก็ดึงมือคีย์ตรงเข้าไปในตัวตึกทันที คีย์ได้แต่มองคนทั้งคู่สลับกันไปมา ทั้งที่เค้าตั้งใจจะเชียร์ต้นเพื่อฟ้าจะได้ตัดใจได้ แต่ฟ้าเองกลับจัดโอกาสนั้นทิ้งด้วยตัวของเค้าเอง แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ถึงจะตัดใจและลืมความรักที่ไม่มีวันได้รับกลับมาได้กันละ
“ฟ้า”
“ถ้าจะพูดเข้าข้างต้นก็เงียบไปเลยนะคีย์”
“ก็จะพูดอะ”
ฟ้าถึงกับปล่อยมือที่จับคีย์อยู่ลงแล้วหันกลับมาหา ตอนนี้คนทั้งคู่อยู่ในลิฟท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็ยังมีนักศึกษาคนอื่นอยู่ด้วยอีกสามสี่คน
“ไปถึงห้องค่อยคุย”
คีย์บอกแล้วจึงหันไปสนใจตัวเลขชั้นที่ตรงดิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่นานพวกเค้าก็มาถึงห้องเรียนที่เป็นห้องสโลป เพื่อนๆในห้องเอ่ยทักกันประปรายฟ้ากับคีย์ก็ทักตอยตามประสาแต่ที่นั่งประจำของคนทั้งคู่คือชั้นเกือบบนสุดและติดชิดริมหน้าต่าง ฟ้าเป็นคนชอบนั่งริมหน้าต่างคีย์เองก็ไม่มีปัญหาที่จะนั่งด้วย
“ว่ามา”
“ใจร้อนวุ้ย ทีเมื่อกี้ยังไม่อยากให้พูดเลย”
“เราก็จะรับฟังแล้วก็จบๆไปไง”
“ใจร้าย”
คีย์ทำหน้าเหมือนกลัวพลางชันมือแนบอกขดตัวหนีแบบแอคติ้งโอเวอร์สุดๆ ฟ้าหลุดหัวเราะเสียงแผ่ว การที่อยู่กับคีย์มันทำให้ฟ้ามีอารมณ์ที่สมดุลมากจริงๆ ถ้าเค้าอยู่คนเดียวหรือมีเพื่อนที่ซีเรียสพอๆกันคงได้เส้นเลือดในสมองแตกตาย แต่ถ้าติ่งต๊องไปก็ไม่ไหว แบบคีย์นี่กำลังดี จริงจังได้เล่นด้วยได้แถมยังเป็นคนดีมากกว่าที่เห็นซะด้วยซ้ำ
“แต่เอาเข้าจริงเราเชียร์ต้นนะ”
ฟ้าชะงักเมื่อจู่ๆคีย์ก็พูดโพล่งเข้าเรื่องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“คิดดูนะฟ้า ถ้าฟ้าคบกับต้นฟ้าอาจจะตัดใจและเลือกทางที่มันสามารถเดินต่อไปได้ไง ไม่ใช่ไปต่อไม่ได้หันหลังกลับก็ไม่ได้แบบนี้”
ฟ้าก้มหน้ามองต่ำ ใช่ว่าฟ้าจะไม่รู้ถึงข้อนี้ แต่ความรู้สึกที่ค่อยๆแทรกซึมมาเป็นสิบปีใช่ว่าจะหายไปได้ง่ายๆ แค่ต้นคนเดียวก็ใช่ว่าจะทำให้ฟ้าตัดใจได้เหมือนกัน เผลอๆอาจทำให้ต้นเสียใจเพิ่มขึ้นไปอีก สู่ปฎิเสธตั้งแต่เริ่มแรกตอนยังไม่ถล่ำลึกกันเค้าไปมากกว่านี้จะดีกับต้นมากกว่า
“เรารู้นะว่าฟ้าคิดอะไร?”
ฟ้าเงยหน้ามองเพื่อน
“นี่เป็นเจนญาณทิพย์รึเปล่าเนี้ย?”
“อย่ามาเล่นดิฟ้า คนเค้าอยู่ในโหมดจริงจังอยู่นะ ไม่รู้เรื่องเล๊ย”
ฟ้ากรอกตาพยักหน้ารับ
“เอาเป็นว่าอย่าไปคิดเองฝ่ายเดียว ไม่ต้องมาทำตัวเป็นพ่อพระ ในเมื่อฟ้าเจ็บได้คนอื่นก็เจ็บได้ แล้วถ้าคนนั้นจะเจ็บเพราะความกระเสือกกระสนจะเข้ามาเจ็บเองมันก็เป็นความผิดของเค้าไม่ใช่ฟ้า”
“ทำไมฟังดูเหมือนปัดความรับผิดชอบจังวะ”
“ฟ้าจะไปรับผิดชอบอะไรมัน มันสิต้องรับผิดชอบฟ้า”
“เห้ย ยังไม่ได้เป็นอะไรกันนะ”
“พูดเผื่อไว้ไง”
“เหรออออ”
“ใช่ และที่สำคัญ...”
“........”
“เราเบื่อที่จะเห็นฟ้าเจ็บอยู่คนเดียวแล้ววะ”
ตลอดทั้งคาบเรียนฟ้าเอาแต่มองจ้องออกไปที่นอกหน้าต่าง คีย์มองเพื่อนอย่างนึกเป็นห่วง เค้าไม่อยากเห็นเพื่อนต้องเจ็บปวดอีกก็จริงแต่ก็ไม่ชอบที่จะเห็นฟ้าเครียดแบบนี้เหมือนกัน ฟ้าเป็นคนร่าเริงถึงแม้จะชอบเก็บงำความรู้สึก
“ฝนตก”
ฟ้าพึมพำขึ้นมาคีย์เลยมองออกไปที่ด้านนอกบ้าง สายฝนกำลังโปรยปรายไม่นานก็กระหน่ำหนักจนเห็นเป็นหมอกสีขาวไปทั่ว
“จริงสิ!”
จู่ๆฟ้าก็พึมพำขึ้นมาอีก เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดแอปแชตด้วยใบหน้ากังวล
“มีอะไรเหรอ?”
“น้ำมันเอานินจามา แล้วฝนตกหนักอย่างนี้...”
คีย์ลอบพ่นลมหายใจ
“มันอายุ20แล้วนะฟ้า แค่นี้มันไม่ตายหรอกน่า”
“แต่ถ้าไม่สบายขึ้นมา”
“ฟ้า เรารู้ว่าฟ้าห่วง แต่ถ้ามันจะโง่ขับรถฝ่าสายฝนกลับก็สมควรแล้วนะ คนปกติเค้าต้องรู้ดิว่าควรรอฝนหยุดก่อนแล้วค่อยเดินทาง”
ฟ้าพยักหน้าหงึดหงัก คีย์ยิ้มแล้วล้วงอาช็อคโก้แลตบาร์ออกมาให้เพื่อนเคี้ยวเล่นแก้เครียด ไม่นานชั่วโมงเรียนก็จบลง ฟ้ากับคีย์เดินลงจากตึกแทนการยืนอออยู่กับคนหมู่มากที่รอลงลิฟท์พร้อมๆกัน พวกเค้าเดินลงมาเรื่อยๆจนถึงชั้นล่างสุด สายฝนยังคงโปรยปรายอยู่บ้างแต่ก็ไม่ค่อยแรงสักเท่าไหร่แล้ว ฟ้าเดินตีคู่คีย์ไปยังหน้าตึกใบหน้าหวานที่กำลังแย้มยิ้มหัวเราะกับสิ่งที่เพื่อนพูดหุบลงทันทีที่เหลือบไปเห็นใครบางคนที่เค้าพึ่งพูดจาตัดความหวังไป ต้นยังคงนั่งรอเค้าอยู่ที่เดิม และโต๊ะที่ต้นนั่งก็อยู่นอกตัวตึก ถึงจะมีหลังคาแต่ด้วยความแรงของสายฝนเมื่อคู่และความชื้นที่พื้นก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าต้นต้องโดนฝนจนเนื้อตัวชื้นไปด้วยแน่ๆ
“ต้น”
ฟ้าเอ่ยเรียกเสียงแผ่วแต่เจ้าของชื่อก็ยังคงได้ยิน ใบหน้าหล่อออกตี๋เอเชียแยกยิ้มกว้างก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหา พอเข้ามาใกล้ฟ้าเลยได้สังเกตคนตรงหน้า เสื้อผ้ามีความเปียกชื้นอยู่พอสมควร เส้นผมสีดำนั้นก็มีล่องรอยของความชื้นอยู่เช่นกัน
“ไปตากฝนทำไมเนี้ย เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”
ต้นยิ้มกว้างกว่าเก่า ดวงตาหม่นเมื่อครู่เรื่องมีประกายขึ้นมานิดหน่อย
“ห่วงเราเหรอ?”
ฟ้าถอนหายใจแล้วส่ายหัวไปมา
“ตามมานี่”
“ฟ้า งั้นเรากลับก่อนนะ”
“หืม ไหนบอกว่าจะไปกินบิงชูด้วยกันไง?”
ฟ้าหันไปถามคีย์เมื่อได้ยินสิ่งที่เพื่อนพูด ตอนที่ลงมาคุยกันว่าเจอบิงชูน่าอร่อยทางเน็ตแล้วอยากไปกิน ฟ้าที่ยังไม่อยากกลับห้องเลยเอ่ยชวนและตกลงว่าจะไปกินก่อนแยกย้าย
“พอดีพี่ครีมอยากให้ไปช่วยงานนะ โทษทีนะ”
“เชื่อได้เหรอ?”
“เห็นเราเชื่อถือไม่ได้ขนาดนั้นเลย?”
“ใช่”
“ฟ้า!”
“ฮ่าๆๆ เราล้อเล่น ไปเถอะ ฝากหวัดดีพี่ครีมด้วยนะ”
“ได้ๆ งั้นไปละ บาย บายนะต้น”
“บาย”
พอคีย์เลยลับสายตาไปอีกทาง ฟ้าเลยมุ่งหน้าเดินตรงไปยังรถของตนที่จอดไว้ไม่ไกล เค้ากดปลดล็อคแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูหลังก่อนจะลื้อหาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่เค้าพกไว้เผื่อใครบางคนที่ชอบว่ายน้ำแล้วมักลืมผ้าเช็ดตัว พอเจอฟ้าก็ถอยหลังออกมาพร้อมผ้าในมือแต่เมื่อหันหลังไปก็ต้องชะงักเมื่อต้นมายืนอยู่ใกล้จนเรียกได้ว่าแทบจะชนกันได้แล้วด้วยซ้ำ
“ใกล้ไปไหม เหยิบออกไปอีกดิ๊”
ต้นหัวเราะบาๆแต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“เอานี่ผ้า เช็ดหัวให้แห้งก่อนเดี๋ยวเป็นหวัดมาละยุ่ง”
ต้นรับผ้าไปทำตามแต่สายตายังคงจ้องมองฟ้าไม่วางตา ใช่ว่าฟ้าจะไม่รับรู้แต่จะปล่อยไปแบบไม่สนใจก็จะใจร้ายเกินไปหน่อย ยังไงก็เพื่อนร่วมคณะนินะ
“ฮัดชิ้ว!”
เสียงจามเบาๆนั้นทำให้ฟ้าหันกลับไปจ้องคนตรงหน้าดุๆ
“ยังไมม่ทันจะพ้นวันเลย”
“ปกติเราแข็งแรงนะ แต่ช่วงนี้โหมงานหนักไปหน่อยนะ”
“งั้นก็รีบกลับไปกินข้าวกินยานอนได้ละ”
“ยังไม่อยากกลับอะ”
“แล้วไง”
“อยากไปกับฟ้า”
“ไปไหน?”
“ไปกินบิงชูไง คีย์ไม่ว่างแต่เราว่างนะ ว่างทั้งตัวทั้งใจเลยด้วย”
“เสี่ยววะ แล้วเราก็บอกแล้วว่า...”
“ฟ้าอย่ามาโกหกเรา ฟ้านะไม่มีแฟน เราสืบมาแล้ว”
ต้นพูดพลางตีคิ้วเป็นพร็อบไปจนโดนฟ้าตบหัวไปทีด้วยข้อหาทำให้หมั่นไส้
“โหย รุนแรงวะ ตบหัวเรางี้เราฉี่รดที่นอนจะทำไง”
“ถ้าจะเด็กขนาดนั้นก็เอาที่สบายใจเลยต้น”
“งั้นไปด้วยกันนี่แหละคือสบายใจสุด”
ฟ้าส่ายหัวระอาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินไปยังอีกฝั่งเปิดประตูรถแล้วก้าวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ต้นมองตามฟ้าไปจนกระจกฝั่งใกล้เค้าเลื่อนลง
“จะไปก็ขึ้นมา ชักช้าทิ้งไว้นี่อย่ามาร้องไห้ทีหลังนะ”
ต้นยิ้มกว้างก่อนที่จะกุลี้กุจอเปิดประตูเข้าไปนั่ง ฟ้ายิ้มขำแล้วจึงออกรถไปโดยที่ไม่สังเกตุเห็นน้ำที่ยืนมองทุกการกระทำอยู่อีกฟากของตึก น้ำมาหาฟ้าเพราะตัวเองเปียกเลยจะมาเอาผ้ากับเพื่อนสนิทแต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยเรียกผ้าผืนนั้นก็โดนใช้โดยผู้ชายอีกคน ผู้ชายที่เป็นนักศึกษาเหมือนกันกับเค้าทั้งสองคน น้ำรู้จักฟ้าดีแน่นอนว่าเค้าต้องรู้ว่าฟ้าไม่เคยคบใครถึงจะมีผู้ชายผ่านมามากหน้าหลายตาแต่ก็ไม่ใช้การคบและที่แน่ๆคือไม่มีใครเป็นนักศึกษาของที่นี้เลยสักคน พูดให้ถูกคือฟ้าไม่เล่นกับคนในมหาลัย
แล้วที่เค้าเห็นนี่คืออะไร?
มันไม่ใช่การกระทำของคนที่คิดด้วยกันแค่คำว่าเพื่อนแน่ๆ โดยเฉพาะแววตาของผู้ชายคนนั้นที่มองไปยังฟ้า
น้ำเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว ภายในใจของเค้าร้อนรุ่มผิดกับอากาศที่เริ่มจะลดต่ำลงเพราะสายฝนที่พึ่งกระหน่ำไปเมื่อครู่ น้ำหันหลังกลับไปยังนินจาคันใหญ่ของตน เค้าเลือกที่จะขับกลับบ้านทั้งๆแบบนั้น จะไม่สบายหรืออะไรก็ช่างมัน ตอนนี้เค้ากำลังหงุดหงิดจนไม่อยากจะสนใจอะไรแล้ว
TBC....
เปลี่ยนพระเอกตอนนี้ทันไหมอะ มีความชอบต้นมากกว่าน้ำอีก เง้อ~
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
-
เหมือนต้นจะเป็นตัวกระตุ้นความรู้สึก ^^
-
กระตุ้นไปเยอะๆ เลย ชอบบบบ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ต้น ดี มั่นคง รักน้ำแน่วแน่ เชียร์เลย
ฟ้า ยอมให้ต้นเข้าใกล้
ก็ต้องมีอีกหลายคนเข้าหาฟ้าแน่ๆ
น้ำ รู้ใจตัวเองซะที หวงฟ้าแล้วสิ
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
3
วันต่อมาฟ้ามีเรียนแต่เช้าเค้าจึงไม่ได้ไปคลุกอยู่กับใครเหมือนอย่างเมื่อคืนก่อน ถ้าถามเรื่องของต้นเค้าบอกได้คำเดียวว่าไม่มีอะไรในกอไผ่แน่ๆ เพราะเมื่อวานที่พากันออกไปนั้นคือไปกินข้าวต้มร้านใกล้ๆแล้วก็ส่งต้นขึ้นบีทีเอสเป็นอันจบ อ้อ แล้วที่เปลี่ยนจากบิงชูเป็นข้าวต้มก็เพราะเห็นอาการขนลุกขนชันของต้นแล้วฟ้าก็อดที่จะห่วงนิดๆไม่ได้ พาไปกินอะไรร้อนๆอุ่นๆคงจะดีกว่าการไปกินไอศครีมเย็นๆในห้องแอร์แหละนะ
ครืน ครืน
การสั่นของโทรศัพท์ทำให้ฟ้าต้องละความสนใจจากการแต่งตัวแล้วเหลียวไปมอง เค้าติดนิสัยตั้งระบบสั่นตามน้ำจนกลายเป็นความเคยชิน พอฟ้าเห็นชื่อผู้โทรเข้าเค้าถึงกับขมวดคิ้วมุ้ย
“สวัสดีครับป้าอร”
แม่ของน้ำจะโทรมาหาเค้าทำไมแต่เช้า ถ้าไม่ใช่เรื่องของลูกชายเพียงคนเดียว
/สวัสดีจ้ะน้องฟ้า วันนี้น้องฟ้าว่างรึเปล่าเอ่ย?/
“ผมมีเรียนถึงบ่ายสอง มีอะไรรึเปล่าครับ?”
/ตาน้ำเค้าไม่สบายนะจ้ะ แล้วป้าก็มีนัดประชุมสำคัญตอนบ่าย ก็อย่างที่รู้แหละเนอะว่าตาน้ำเค้าไม่ชอบให้พวกแม่บ้านเข้าไปวุ่นวายกับเค้ายกเว้นป้ากับน้องฟ้า ป้าเลยอย่างให้น้องฟ้ามาอยู่เป็นเพื่อนตาน้ำจนกว่าป้าจะกลับได้ไหมจ้ะ?/
ฟ้าแอบใจกระตุก อย่าบอกนะว่าเมื่อวานฝ่าฝนกลับบ้านจริงๆ
“ได้ครับ เรียนเสร็จแล้วผมจะรีบเข้าไป”
/ขอบใจมากจ้ะ/
ฟ้าลดโทรศัพท์ลงเมื่อปลายสายได้ตัดสัญญาณไปเรียบร้อยแล้ว เค้ายอมรับว่าตอนนี้เค้าห่วงน้ำมาก น้ำร่างกายแข็งแรงก็จริงแต่ถ้าไม่สบายขึ้นมาก็จะเป็นหนักเหมือนภฒิคุ้มกันปิดสวิตไปชั่วคราว ยิ่งเจ้าตัวเกลียดการกินยาด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ฟ้ากลั้นใจขับรถเข้ามหาลับเพื่อเรียนตามปกติทั้งที่ใจอยากจะหักเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางไปที่บ้านเศรษฐาสกุลใจจะขาด ฟ้าลงจากรถก้าวเดินเข้าไปในตึกโดยที่มีคีย์ยืนรออยู่ไม่ไกล
“ไง หน้านิ่วมาเลย มีอะไรเหรอ?”
“น้ำไม่สบาย”
คีย์พยักหน้าเข้าใจ
“มันโง่รึบ้ากันแน่วะ”
“เราห่วงน้ำอะ”
“ใจเย็นๆ มันอยู่บ้าน มีคนดูแลเยอะแยะไป”
“แต่ป้าอรมีประชุมตอนบ่าย แล้วกว่าเราจะเรียนเสร็จก็บ่ายสอง ช่วงหนึ่งชั่วโมงนั้นน้ำไม่มีใครดูแลเลยนะคีย์”
“พวกแม่บ้านทั้งหลายแหล่นั้นละ”
“น้ำไม่ชอบให้แม่บ้านไปวุ่นวายด้วยนอกจากพ่อแม่และก็เรา”
“ลูกแหง่ได้อีกนะเพื่อนเรา”
“อย่าทำเป็นเล่นดิคีย์ เราซีเรียสอยู่นะ โคตรห่วงมันเลยเนี้ย”
“อย่าพึ่งตีโพยตีพายดิ ฟ้าไม่คิดบ้างเหรอว่ามันอาจจะเรียกพวกที่ควงอยู่ให้มาดูแลนะ อย่างไอ้น้ำไม่น่าจะขัดสนคนดูแลได้นะ”
ฟ้าถึงกับสะอึก เค้าพูดอะไรไม่ออกเหมือนความห่วงใยเมื่อครู่ได้ถูกเหยียบย้ำไปในชั่วพริบตา มันก็จริงอย่างที่คีย์พูด น้ำเจ้าชู้ออกขนาดนั้น คนควงออกจะเยอะแยะ น้ำอาจจะเรียกใครสักคนให้มาดูแลก็ได้
ใครสักคนที่เป็นผู้หญิง
ใครสักคนที่ไม่ใช่เพื่อน
“ฟ้า”
ฟ้าสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเรียก แต่คนเรียกไม่ใช่เพื่อนตัวเล็กอย่างคีย์
“ต้น”
ต้นก้าวยาวๆเข้ามาหาฟ้าด้วยใบหน้าดีใจอย่างที่สุด เค้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอฟ้าแต่เช้าขนาดนี้ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมีความบังเอิญอยู่บนโลก ดูท่าเค้าต้องขอตารางเรียนของฟ้ามาไว้กับตัวแล้วสิ
“หวัดดีฟ้า หวัดดีคีย์”
“หวัดดี”
“เมื่อวานข้าวต้มอร่อยมาก ขอบใจนะที่พาไป วันนี้ไปกินเอ็มเคกันไหม? เดี๋ยวเราเลี้ยงตอบแทน”
คีย์ลอบยิ้มก่อนจะเมียนมองไปที่เพื่อนของเค้า
“เย็นนี้เรามีธุระนะ”
“ว๊า น่าเสียดาย คนดังนี่นัดเยอะเนอะคีย์”
“ก็ไม่รู้สินะ”
คีย์ตอบรับเสียงกรุ่มกริ่ม
“งั้นเปลี่ยนเป็นมื้อเที่ยงแทนได้ไหม?”
ต้นหันกลับไปต่อรองกับฟ้า
“เราไม่อยากออกไปกินข้างนอก”
“กินที่โรงอาหารก็ได้ ขอแค่มีฟ้าอยู่เราก็อยู่ได้กินง่าย ตามใจฟ้าหมดเลย”
คีย์ถึงกับผิวปากหวือแต่ฟ้ายังคงนิ่งตีหน้านิ่วอยู่เหมือนเดิม
“ฟ้า?”
“จะทำอะไรก็ทำเถอะ เราจะไปเข้าเรียนแล้ว”
พูดจบฟ้าก็เดินผ่านหน้าต้นไปทางลิฟท์ทันที ต้นกระพริบตาปริบๆมองตามด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปทางคีย์ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมสายตาจ้องมองไปยังฟ้าเหมือนกันกับเค้า
“ฟ้าเป็นอะไรอะ?”
ต้นถามขึ้น คีย์ลอบถอนหายใจแล้วหันมามองสบตาเหมือนอยากจะขอความช่วยเหลือ
“ฟ้าอารมณ์ไม่ดีอยู่นะ”
“เพราะเรารึเปล่า?”
คีย์ส่ายหัว
“คนในใจมันไม่สบาย มันเลยห่วงมากไปหน่อย”
คีย์ตอบตามความเป็นจริงพร้อมกับลอบสังเกตสีหน้าของต้นไปด้วย ต้นสลดลงอย่างเห็นได้ชัด จะบอกว่าอิจฉาก็อิจฉาแต่ตอนนี้เค้ายังไม่ได้สิทธิ์นั้น ไม่ได้แม้แต่เข้าไปอยู่ในห้วงความคิดของฟ้าเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้ อย่าทำหน้างั้นดิ เราจะบอกอะไรให้นะว่าถึงแม้ฟ้าจะรักเค้าคนนั้นแต่มันก็คบกับเค้าไม่ได้หรอก”
ต้นตีหน้างง
“ทำไมละ? เค้าไม่รักตอบเหรอ?”
ยอมรับว่าแอบใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ต้องรีบเก็บอาการ
“เราไม่รู้หรอก แต่ถ้าต้นจะรุกจีบ เราจะเชียร์”
“จริงนะ ขอบใจ”
“แต่ต้นต้องสัญญากับเราว่าจะไม่ทำให้ฟ้าเสียใจ”
“สัญญาลูกผู้ชายเลย”
“หึ ดี งั้นนี่เบอร์เรากับฟ้า”
คีย์ยื่นโพสอิทที่เขียนเบอร์โทรพร้อมชื่อของพวกเค้าทั้งคู่ไปให้ต้น คนรับยิ้มหน้าชื่นตาบานจนคีย์อดยิ้มตามไม่ได้
“คีย์! ลิฟท์มาแล้วนะ”
ฟ้าตะโกนเรียกเพื่อนหลังจากที่เห็นยืนคุยอะไรสักอย่างกับต้นมาสักพัก คีย์หันไปพยักหน้าให้เพื่อนแล้วจึงหันมาพูดกับต้นอีกครั้ง
“เมมแบอร์แล้วไลน์จะเด้งขึ้นเอง พยายามเข้าละ”
คีย์ตบไหล่ต้นให้กำลังใจไปอีกทีสองทีก่อนจะเดินตรงไปหาฟ้าที่รออยู่ในลิฟท์
ครืน ครืน
อาการสั่นของโทรศัพท์ทำให้ฟ้าละสายตาจากจอกันไปมอง มันเป็นแจ้งเตือนการแอดเพื่อนใหม่ของโปรแกรมไลน์ และชื่อพร้อมภาพที่โชว์หลานั้นคือต้นไม่ผิดแน่ ฟ้าหลี่ตามองจ้องไปที่เพื่อนข้างๆ คีย์เองก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เค้าก็ยังตีหน้าซื่อไม่รับรู้อะไรอยู่เหมือนเดิม
“เชียร์กันจริงนะ”
“แน่นอน”
ฟ้าถอนหายใจแล้วเลิกสนใจโทรศัพท์กลับเข้าสู่โหมดเรียนอย่างจริงจังต่อจนหมดคาบในช่วงเวลาเกือบเที่ยง อาการสั่งของโทรศัพท์เค้าก็เกิดขึ้นมาอีก คราวนี้ถึงกับโทรเข้าเลยแฮะ ฟ้าคิดในใจแล้วจึงสไลด์รับสายจากเบอร์แปลก
“ครับ”
/อ๊ะ รับด้วย/
“ก็คุณโทรเข้ามาหาผม ผมก็ต้องรับสิ”
/ฟ้ารู้ไหมว่าเราเป็นใคร?/
“ไม่รู้ครับ ผมไม่เคยเห็นเบอร์นี้มาก่อนและจำไม่ได้ด้วยว่าเคยให้เบอร์ตัวเองไปกับใครบ้าง”
ฟ้าแกล้งคืนพร้อมกับจิกตาไปทางคีย์ที่ได้แต่ไหวไหล่หันไปเก็บสมุดแลคเชอร์และชีสต่างๆไปเงียบๆ
/โหย ที่ได้ยินว่าคนน่ารักมักใจร้ายนี่ท่าจะจริงแฮะ/
“ตกลงโทรมานี่มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
/ฟ้าอย่าพึ่งหงุดหงิดดิ เราต้นเองนะ เราจะโทรมาทวนเรื่องมื้อเที่ยงของเราไง?/
มื้อเที่ยวของเรา?
ช่างกล้าพูด
ฟ้าลอบยิ้มจางในความกล้าและบ้าบิ่นของคนปลายสาย คีย์ที่มองดูอยู่ห่างๆจึงได้แต่ยิ้มตามอย่างมีความหวัง เค้าหวังว่าสักวันฟ้าจะเลิกเศร้าเลิกรักและเลิกกักขังหัวใจตัวเองไว้กับคนๆนั้นสักที ไม่ใช่ว่าเค้าเกลียดน้ำหรอกนะ เค้ากับน้ำก็สนิทกับพอตัวแต่เค้าไม่ชอบในความรักที่ฟ้ามีให้น้ำอยู่ฝ่ายเดียวก็เท่านั้น
“อ้อ เหรอ”
/อะไรอะ อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้ว/
“หึ ก็ไม่เชิง”
/ใจร้ายวะ/
“งั้นก็เลิกยุ่งกับเราไปเลยสิ”
/บอกแล้วไงว่าเลิกไม่ได้/
“............”
/เจอกันที่โรงอาหารกลางนะ ฟ้าอยากกินอะไรเดี๋ยวเราซื้อไว้รอ/
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปซื้อเอง”
/เราบอกแล้วไงว่าจะเลี้ยง/
“ทำไมต้องเลี้ยง เราไม่ใช่ผู้หญิงไม่ต้องมาเอาใจด้วยวิธีนี้”
/แต่เราอยากทำให้คนที่เราชอบไง/
“.........”
/น่านะ/
“เราอยากกินสุกี้แห้งไม่ใส่เห็ด”
/โอเคครับ แล้วคีย์ละ?/
“คีย์จะกินไร?”
ฟ้าหันไปถามเพื่อน คีย์กรอกตาอย่างครุ่นคิดสักพักก็ตอบกลับไป
“กระเพราปลาหมึก”
ฟ้าบอกไปตามนั้น ต้นรับคำแล้วก็วางสายไปพวกเค้าจึงได้เวลาออกจากห้องเรียนกันสักที ไม่กี่นาทีต่อมามินิคูเปอร์สีแดงสดก็เข้ามาจอดแถวโรงอาหารกลาง ฟ้ากับคีย์ลงจากรถเดินตรงไปยังด้านในด้วยท่าทีปกติและก็ต้องเผชิญกับสายตาที่จ้องมองมายังพวกเค้าอย่างสนอกสนใจเหมือนเช่นเคย ฟ้ามองหาต้นไม่นานก็เจอเพราะทางต้นก็ชูไม้ชูมือเรียกอยู่ก่อนแล้ว
“ไง รอนานป่ะ?”
คีย์เป็นคนทักเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาจนถึงโต๊ะ ฟ้าจ้องมองดูจานชามอาหารที่สั่งด้วยสายตานิ่งๆผิดกับคนตรงข้ามที่ยิ้มกว้างจนหุบไม่ลง
“ขอบใจนะ”
ฟ้าเอ่ยพลางนั่งลงเตรียมกิน คีย์เองก็เช่นเดียวกัน ทั้งสามคนกินไปช้าๆไม่ค่อยเร่งรีบเท่าไหร่ ต้นจะชวนคุยบ้างเป็นระยะโดยที่ฟ้าไม่ค่อยให้ความร่วมมือเช่นเดิม ไม่นานฟ้าก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นของโทรศัพท์ เค้าหยิบขึ้นมาดูปรากฏว่าเป็นหนึ่งในคู่นอนของเค้านั้นเอง
“ครับพี่แบงค์”
ทั้งคีย์และต้นถึงกับเผลอสบตากันโดยไม่ได้นัดหมาย
/หายไปเลยนะเด็กดีของพี่/
“ผมมีเรียนครับ”
/พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรพอดีคิดถึงเลยโทรหานะ ตอนนี้เที่ยงพอดีนี่เนอะ ทานข้าวรึยังครับ?/
“กำลังทานอยู่เลยครับ”
/ได้อะไรกินนะ?/
“สุกี้แห้ง”
/ฟังแล้วอยากเลย/
“ก็ไปซื้อกินสิครับ”
/อยากสุกี้แค่ไปซื้อก็จบ แต่ถ้าอยากกินฟ้าอีกนี่...พี่ต้องทำยังไงครับ?/
“ก็นัดล้วงหน้า แต่วันนี้ผมไม่ว่างนะ”
/ฟ้านี่ ไม่มีมู้ดกับเค้าซะเลย/
“ผมไม่ชอบอ้อยอิ่งอะ”
/ครับๆ งั้นเจอกันคืนวันศุกร์ดีไหม? ฟ้าจะได้ไม่ต้องรีบตื่น/
ฟ้านิ่งคิดจนสายตาหันไปสบเข้ากับต้นที่กำลังตีหน้าตึงอยู่ ฟ้ายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากเมื่อปิ๊งไอเดียอะไรสักอย่างขึ้นมาได้
“ได้ครับ มารับผมที่คอนโดหน่อยนะ”
/ได้สิ/
“ผมก็คิดถึงพี่นะ แล้วเจอกันครับ”
ฟ้าชิงตัดสายก่อนที่คนปลายสายจะได้พูดอะไรต่อ ฟ้าเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วหันกลับมากินต่อด้วยท่าทีปกติ
“คิวแน่นจริ๊ง”
คีย์แซะ ฟ้าไหวไหล่แล้วจึงตอบกลับ
“แน่นอน”
“พี่แบงค์นี่ใครวะ?”
“คนที่เจอวันก่อนไง”
“ที่ไปบาร์อะนะ”
ฟ้าพยักหน้ารับ
“เออ ก็หล่อดี”
“ไปเห็นหน้าเค้าตอนไหนวะ?”
คราวนี้ฟ้าเป็นฝ่ายงงบ้าง เพราะคืนนั้นฟ้ามั่นใจว่าไม่มีใครในกลุ่มเค้าได้เจอหน้าพี่แบงค์แน่ๆ
“ก็เห็นตอนเกี้ยวอยู่กับแกที่หน้าบาร์นั้นแหละ เพื่อนเราหายออกไปนานเราก็ต้องตามไปดูดิ”
“เลยเจอฉากเด็ดเลยว่างั้น”
“หึหึ”
แกร๊ง!
เสียงช้อนส้อมกระทบกับจานดังขึ้นเรียกความสนใจของทั้งคู่ให้หันไปมอง ฟ้านะยิ้มเยาะแต่คีย์กลับทำหน้าเห่ยเกแทน
“โทษทีต้น เม้าท์เพลินไปหน่อย”
ฟ้าเอ่ยก่อนจะยกน้ำเปล่าขึ้นกระดกดื่มทั้งขวด ต้นนี่ก็บริการดีเหมือนกันนะ มีข้าวมีน้ำครบเซ็ตเลย
“ไม่เป็นไร ว่าแต่...เสาร์อาทิตย์นี้ฟ้าว่างรึเปล่า?”
ยังไม่ล้มเลิกความคิดอีกเหรอเนี้ย
“อืม วันเสาร์ไม่น่าจะไหว แต่ถ้าวันอาทิตย์นะได้ ทำไมเหรอ?”
“เราอยากชวนไปเดทกัน”
ฟ้าแย้มยิ้ม
“เดทมันใช้กับคนที่เป็นแฟนกันนะต้น”
“งั้นฟ้าก็เป็นแฟนกับเราสิ”
ฟ้าถึงกับส่ายหัว คนตื้อเก่งขนาดนี้พึ่งจะเคยเจอนี่แหละ
“จู่ๆมาขอกันง่ายๆงี้เลยเหรอ คิดตื้นเกินไปรึเปล่าต้น”
“เราไม่ชอบอ้อยอิ่งอะ”
ฟ้าชะงักเมื่อเจอตอบกลับด้วยคำพูดที่ตนพึ่งพูดไป คีย์ยิ้มกริ่มให้กับมวยคู่เอก
“ถ้าพร้อมจะเป็นแฟนเราเมื่อไหร่ ก็โทรมาบอกได้ทุกเมื่อนะ ฟ้า”
ฟ้าขับรถตัวเองเข้าไปจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ก่อนที่จะจ่ำอ้าวเข้าไปในตัวบ้านอย่างคุ้นเคย ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองกว่าๆแล้ว ป้าอรออกจากบ้านไปชั่วโมงกว่าๆแล้วและน้ำก็อยู่คนเดียวชั่วโมงกว่าๆแล้วเหมือนกัน
ฟ้าเดินขึ้นบันได้ไปยังชั้นสามของบ้านที่ทั้งชั้นเป็นของลูกชายเพียงคนเดียวเพราะทุกห้องล้วนเป็นห้องที่ถูกจัดตกแต่งตามความต้องการของน้ำ ทั้งห้องนอน ห้องออกกำลังกาย ห้องดูหนัง แล้วก็โซนนั่งเล่นหน้าบันได ฟ้าเดินตรงไปยังหน้าประตูห้องนอนก่อนจะค่อยๆเปิดเข้าไป
ภายในห้องสไตล์โมเดิร์นเน้นโทนสีดำเทาอย่างที่เจ้าตัวชอบ เค้าหยุดยืนหายใจเข้าออกลึกๆผ่อนลมหายใจจนเป็นปกติแล้วจึงก้าวย่างเข้าไปช้าๆ สายตาจองฟ้ามุ่งตรงไปที่เจ้าของห้องที่นอนแน่นิ่งอยู่บนที่นอนขนาดใหญ่ ที่นอนของน้ำไม่ใช่เตียงแต่เป็นบล็อคที่สูงขึ้นจากพื้นพอประมาณ
ฟ้าเดินอ้อมไปดูถาดอาหารและถ้วยยาด้านข้างแล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดื้อยังไงก็ยังดื้ออยู่อย่างนั้น ไม่ชอบกินยานะพอเข้าใจ แต่ไม่ลุกมากินข้าวด้วยนี่มันก็ไม่ไหวนะ
ฟ้าจัดการต่อสายภายในลงไปที่ครัวให้แม่บ้านอุ่นข้าวต้มขึ้นมาให้ใหม่แล้วเอาถ้วยที่เย็นชืดนี้กลับลงไป ส่วนเค้าก็หาผ้ามาชุบน้ำเพื่อเช็ดตัวให้ระหว่างรอ ตัวของน้ำยังคงร้อนผ่าวจนฟ้าคิดว่าต้องถึงขั้นพาไปโรงพยาบาลซะด้วยซ้ำ
“อื้อออออ”
คนป่วยขยับหนีพลางส่งเสียงรำคาญเมื่อมีสิ่งรบกวนการนอนพักผ่อนของเค้า ฟ้าพยายามจับร่างใหญ่ให้นอนนิ่งๆและเช็ตตัวให้อีกที แต่ทว่ามือหนากลับจับข้อมือเค้าแล้วออกแรงดึงจนเค้าถึงกับถล่าล้มลงนอนอยู่บนเตียง เท่านั้นยังไม่พอ มือข้างที่ดึงปล่อยออกแล้วหันมากอดรัดเค้าแน่นจนเหมือนงูพันเหยื่อจนแทบแหลก
“น้ำปล่อย”
“อื้อ”
“อื้อก็ปล่อยดิ”
“เงียบน่า..ฟ่าง”
ถึงแม้จะเป็นเสียงที่เบาหวิวและติดแหบจนแทบฟังไม่ออกแต่ฟ้าก็มั่นใจว่าเค้าได้ยินอย่างชัดเจน มันชัดเจนมาก มากถึงขนาดสะเทือนไปทั้งอก ร้าวไปทั้งใจ
“เออ..คุณฟ้าค่ะ...”
ฟ้าหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงแม่บ้านที่นำข้าวต้มอุ่นๆขึ้นมาให้
“วางไว้นั้นเลยครับ ทีเหลือเดี๋ยวผมจัดการเอง”
แม่บ้านพยักหน้ารับเอาถาดวางไว้ที่โต๊ะใกล้ๆแล้วรีบเดินออกจากห้องไปอย่างไว
หัวใจจะวายตาย
“น้ำ ตื่น”
“อื้อ”
“อื้อก็ตื่นดิ จะได้กินข้าวกินยา”
คราวนี้คนละเมอถึงกับเงียบ จนอ้อมแขนเริ่มคลายออกนั้นแหละฟ้าถึงรู้ว่าน้ำตื่นแล้วจริงๆ ฟ้าลุกขึ้นลงจากที่นอนก่อนจะหันไปยืนกอดอกจ้องมองคนป่วยตาดุ น้ำยังคงพลิกร่างไปมาอย่างงัวเงีย
“ฟ้าเหรอ?”
“อืม”
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“สักพัก ลุกมากินข้าวกินยา”
“ไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน แล้วนี่ไปทำอีท่าไหนถึงป่วยซะขนาดนี้”
“.........”
“น้ำ ลุก”
“เมื่อวาน...ตากฝนนิดหน่อย”
ฟ้าถอนหายใจอีกเฮือก เค้าเคยคิดเกี่ยวกับคนๆนี้ผิดซะที่ไหนละ
“...ก็เลยว่าจะไปเอาผ้ากับฟ้าที่ตึกคณะ”
ฟ้าถึงกับนิ่งค้าง ตัวชาว๊าบอย่างไม่ทราบสาเหต
“แล้ว?”
“คนๆนั้นเป็นใคร? ทำไมฟ้าถึงให้ผ้าของเรากับมัน”
“จริงๆแล้วมันเป็นของเรานะน้ำ เราจะให้ใครมันก็เรื่องของเราสิ”
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองไปยังคนพูดด้วยความไม่พอใจ
“ปกป้องมัน?”
“น้ำอย่าหาเรื่อง”
“เราเปล่าหาเรื่อง”
“ไอ้ที่น้ำกำลังทำอยู่นี่แหละที่เรียกว่าหาเรื่อง พอเลย ลุกขึ้นมากินข้าวกินยา ถ้ายังไม่ลุกเราโทรเรียกรถพยาบาลจริงๆด้วยนะ”
น้ำทำเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆแต่ก็ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ฟ้าเห็นอย่างนั้นเลยเดินไปยกถาดข้าวต้มมาวางไว้ข้างๆก่อนจะเอาโต๊ะเตี้ยสำหรับเขียนหนังสือมาวางคลอบขาของคนป่วยแล้วยกถาดมาวางให้ต่อหน้า
“มองเราทำไม กินสิ”
“ใครเป็นคนทำ?”
“ไม่รู้ ทำไมเหรอ?”
“มันมีเห็ด”
ฟ้าก้มลงมองตามที่น้ำบอก มันมีเห็ดอยู่จริงแต่เป็นเห็ดหอม สงสัยแม่บ้านจะต้มข้าวต้มสูตรจีนสินะ
“แล้วไง?”
“เราไม่ชอบ”
“ไม่ชอบก็ไม่ต้องตักเข้าปาก อย่าโง่ดิน้ำ”
“ใครกันแน่ที่โง่ ถ้ามันมีเห็ดด้วยแบบนี้ฟ้าก็กินกับเราไม่ได้สิ”
คราวนี้ฟ้าถึงกับเลิกคิ้ว
“เราไม่ได้บอกว่าจะกินด้วยเลยนะ”
“แต่เราจะให้กินแล้วก็ป้อนเราไปด้วย”
“อย่ามางอแงน้ำ ทำไมไม่สบายรอบนี้ถึงงอแงขนาดนี้ห่ะ”
“เราไม่รู้ เราแค่พูดตามที่เรารู้สึก...”
“.......”
“แล้วตอนนี้ความรู้สึกอย่างเดียวที่เรามีคืออยากให้ฟ้าดูแลเราแบบนี้ไปตลอด”
“.......”
“ฟ้าห้ามคบใครนะ”
TBC....
เปลี่ยนดีไหมๆๆๆ โอ้ย หมั่นไส้พี่น้ำแรงส์
:ling1: :ling1: :ling1:
-
แอบรักกันอยู่ทั้งสองฝ่าย เปิดใจ คุยกันได้ไหม จะได้มีความสุข
ชอบน้ำ :)
-
พระเอกเรื่องนี้ ถ้าไม่ชัดเจน ก็อย่าทำตัวหวงก้างดิว้าาาาา :katai1: :katai1: :katai1:
สงสารฟ้า TT แอบสงสารต้นด้วย
-
หวงก้างอะดิน้ำ
-
มารอค่าาา :pig4:
-
ทำไมคีย์เสือกจัง
ยุ่งเรื่องคนอื่นเกินไปรึเปล่า
-
เฮอะ.....น้ำไม่พอใจที่ฟ้าสนิทสนมกับต้น
ให้ผ้าขนหนูที่ตัวเองเคยใช้ ให้ต้นใช้
แต่น้ำ ยังมีหญิงเป็นคู่นอน แถมเรียกชื่อให้ฟ้าได้ยิน
แต่น้ำไม่ยอมให้ฟ้า คบใคร มันยังไง.....กันแน่
ตัวเองไม่ชัดเจนกับฟ้า มีหน้ามาห้ามฟ้า งง :katai1: :katai1: :katai1:
อยากได้แบบนี้ น้ำก็ขอคบกับฟ้าสิ
เลิกกับคู่นอนให้หมด ได้หรือเปล่า
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
4
“พูดอะไรนะน้ำ”
ฟ้าแทบลืมหายใจ แว๊บหนึ่งฟ้ารู้สึกเหมือนตนเองกำลังโดนหวงแบบที่ตัวเองหวังแต่พอคิดไปคิดมา...มันไม่น่าใช่ น้ำไม่เคยเห็นเค้าคบกับใครเลยสักคน ตลอดเวลาฟ้าก็จะมีน้ำเป็นที่หนึ่งเสมอ งั้นไอ้อาการหวงนี้มันอาจจะเป็นเหมือนการหวงของเล่นของเด็ก หวงเพื่อนที่สนิทจนกลัวว่าพอมีคนอื่นให้ใส่ใจแล้วตัวเองจะกลายเป็นหมาหัวเน่า
“ไข้ขึ้นเหรอ เลอะเทอะใหญ่ละ”
“เราพูดจริงนะฟ้า”
“แล้วถ้าคิดกลับกันละ ถ้าเราบอกให้น้ำห้ามคบใครบ้างน้ำจะทำยังไง?”
“เราก็ไม่ได้คบใครอยู่แล้ว”
น้ำตอบหน้าตาย มือหนาเริ่มยกขึ้นมาจับช้อนในชามข้าวต้มแล้วคนวนไปวนมา
“เราคงถามผิดงั้นเอาใหม่ ถ้าเราบอกให้น้ำอย่าคบใคร…น้ำจะรู้สึกยังไง?”
มือที่คนข้าวต้มหยุดชะงักก่อนที่จะมีรอยยิ้มร้ายฝุดขึ้นมาบนใบหน้า
“ก็ดีนี่”
“ดี?”
“ก็ฟ้าหวงเรา ทำไมจะไม่ดีละ”
ฟ้าถึงกับกรอกตา นี่น้ำคงคิดอะไรตื้นๆตามประสาอีกละสิ
“เลิกเล่นแล้วกินเข้าไปได้แล้ว เดี๋ยวก็เย็นชืดหมด”
น้ำพยักหน้ารับแล้วค่อยๆตักกินโดยมีฟ้านั่งมองอยู่ริมเตียง ถึงแม้น้ำจะป่วยแต่ความดูดีของอีกฝ่ายกลับไม่ลดลงเลย ฟ้าลอบมองสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า เส้นผมสีอ่อนนั้นดูไม่เป็นทรงจนน่าขำ ผิวสีแทนสว่างดูซีดเซียวลงเหมือนใบหน้า
“มองขนาดนั้นมากินด้วยกันเลยไหม?”
น้ำพูดติดขำจนคนมองสะดุ้งเล็กน้อย
“บ้าดิ ก็รู้อยู่ว่าเราแพ้เห็ด”
“พูดเล่นหรอกน่า เรารู้ว่าเราหล่อไม่ต้องจ้องขนาดนั้น”
ฟ้าเบ้ปากแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา ฟ้าไล่ดูโซเชียลต่างๆไปอย่างไม่มีจุดหมาย จนกระทั่งเข้าไลน์แล้วไปสะดุดตาเข้ากับไทม์ไลน์ของคนช่างตื้อเข้า
ต้นกล้า
ชื่อเหมาะกับตัวจัง กล้าสมชื่อมาก
‘ไม่เคยเชื่อในพรหมลิขิตหรือสิ่งบังเอิญทั้งหลายแหล่ แต่พอหันขึ้นไปเจอท้องฟ้าแล้ว เราก็ได้รู้ว่ามันมีอยู่จริง’
ยอดแชร์ยอดไลท์กระจายมาก นี่ขนาดในไทม์ไลน์นะเนี้ย ถ้าในฟีดเฟสจะบูมขนาดไหน ว่าแล้วก็ลองเข้าไปสอดส่องดูในทันที
‘เป็นมื้อธรรมดาที่ไม่ธรรมดา’
พร้อมแนบด้วยภาพถ้วยข้าวต้มทรงเครื่องสองชามในมุมแอบถ่าย ฟ้ายกยิ้ม คาดว่าต้นน่าจะถ่ายตอนที่เค้ากำลังง่วนอยู่กับการตักเครื่องปรุงเพราะตอนนี้ก็เห็นเจ้าตัวหยิบจับโทรศัพท์แบบแปลกๆอยู่ด้วย
“ยิ้มอะไรนะ?”
น้ำเอ่ยแทรกขึ้นทำให้ฟ้าหันไปหา
“ห่ะ?”
“เราถามว่ายิ้มอะไร? มีอะไรน่าสนใจเหรอ?”
“เปล่าๆ แค่แคปชั่นน่าขำทั่วไปนะ”
“เราดูหน่อย”
ฟ้ากดปิดไลน์แล้วรีบเปิดเฟสก่อนจะยื่นไปให้คนป่วยที่อยากดู ฟ้าเห็นว่าข้าวต้มในถ้วยพร่องลงไปมากแล้วเลยชี้ถามประมาณว่าอิ่มเหรอ น้ำก็พยักหน้ารับทั้งที่ยังสาละวนกับโทรศัพท์ของฟ้าอยู่ ฟ้าเอาถ้วยไปเก็บที่โต๊ะด้านหน้าใกล้ประตูแล้วถือแค่ถ้วยใส่ยากับแก้วน้ำดื่มเข้ามายื่นให้น้ำ น้ำเหลือบตามองแล้วก็ต้องเบ้ปากหันหนี
“อย่ามาหนีนะน้ำ กินยาแล้วนอนให้หายรึจะไปโรงพยาบาลนอนค้างสักคืนสองคืน เลือกเอา”
“โว๊ะ ฟ้านี่”
ถึงจะเอ็ดแต่ก็ยอมหันหลับมายกยาใส่ปากแล้วกรอกน้ำตามจนหมดแก้ว ฟ้ายิ้มกริ่มเดินเอาแก้วไปเก็บแล้วกลับมาหาคนอยู่บนเตียง ฟ้าเอาหลังมืออังหน้าผากวัดไข้จนรู้ว่าลดลงกว่าตอนก่อนเช็ดตัวพอสมควรแล้ว คงไม่ต้องพาไปโรงพยาบาลอย่างที่ขู่ ฟ้าเหลียวมองคนป่วยที่เปลี่ยนจากโซเชียลเป็นเกมส์แล้วก็ส่ายหัว
“น้ำ เลิกเล่นแล้วนอนซะ”
“ขออีกสิบนาที”
“สัญญา?”
“สัญญาครับ”
ฟ้ายอมให้เจ้าของห้องเล่นโทรศัพท์เค้าต่อไปจนคาดการว่าน่าจะพอแล้วเลยหันไปแย่งเองกลับคืนมา น้ำหน้าหงิกหน้างอแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ในเมื่อตัวเองสัญญาไปแล้ว ฟ้าดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้น้ำเมื่อเจ้าตัวล้มตัวลงนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“น้ำ”
ฟ้าเอ่ยเรียกเพราะมือหนาของคนป่วยที่กำลังนอนหลับตาพริ้มได้เอื้อมมาจับมือเค้าไว้
“อยู่นี่แหละ”
ฟ้าไม่ตอบอะไรแต่ยอมนั่งลงตรงขอบเตียงจนน้ำขยับเข้ามาใกล้อีกมือก็ยังจับมือฟ้าไว้ไม่ยอมปล่อย ฟ้ารอจนคิดว่าคนป่วยน่าจะหลับลึกไปแล้วค่อยดึงมือออกจากการจับกุม ขืนให้สกินชิปไปมากกว่านี้มีหวังกำแพงที่อุสาสร้างได้พังทลายลงมาแน่ๆ กำแพงใหญ่ที่หนาแน่นพอเพื่อกักเก็บความรู้สึกเบื้องลึกของเค้า เก็บไว้ไม่ให้คนๆนี้ได้รู้ ห้ามให้น้ำรู้เป็นอันขาด ไม่งั้นแม้แต่สถานะเพื่อนก็คงจะพังทลายไปกับหัวใจที่ช้ำเลือดช้ำหนองนี้
ก๊อกๆ
ฟ้าลืมตาขึ้นเพราะเสรยงเคาะประตูเมื่อครู่ ภายในห้องมืดสนิทจนเค้าได้รู้ตัวว่าตัวเองเผลอนั่งหลับไปนานขนาดไหน พอมองไปเห็นคนป่วยยังนอนหลับสนิทเลยเอื้อมมือไปวัดอุณหภูมิที่หน้าผากดูอีกที
โอเค หายเป็นปกติแล้ว
“อุ้ย ยังหลับอยู่เหรอเนี้ย”
เสียงอุทานของป้าอรดังขึ้นฟ้าจึงหันไปมองก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงไปเปิดโคมไฟพอให้มีแสงสลัวแล้วยกมือไหว้ผู้ใหญ่เจ้าของบ้าน
“สวัสดีครับป้าอร”
“ไหว้พระเถอะจ้ะน้องฟ้า ว่าแต่ตาน้ำอาการเป็นยังไงบ้างจ้ะ?”
“หายแล้วครับ กว่าจะให้กินข้าวกินยาได้ก็ลำบากเอาการอยู่”
“ปกติของเค้าละ ยังไม่ชินอีกเหรอค่ะ”
ฟ้าได้แต่ยิ้มแหย่
“อ๊ะ ตอนนี้กี่โมงแล้วครับ?”
“ทุ่มครึ่งแล้วจ้ะ นี่ป้าก็ว่าจะมาชวนลงไปกินข้าว”
“อ่า ผมขอตัวกลับเลยดีกว่าครับ”
“อ้าว มีธุระเหรอจ้ะ ป้าขอโทษนะที่ประชุมนานไปหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไรครับ จริงๆก็ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไร เอาเป็นว่าผมลาเลยแล้วกันนะครับ”
หญิงเจ้าของบ้านพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นท่าทีรีบร้อนกึ่งลนลานของอีกฝ่าย เธอได้แต่ยิ้มรับแล้วรับไหว้โดยที่ไม่ได้ลงไปส่งตามที่เจ้าตัวขอ อรพินหันกลับไปยังเตียงที่ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอนอนอยู่
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอน้ำ”
เธอทักขึ้นเมื่อเห็นเจ้าตัวโตลืมตาเหม่อมองออกไปยังระเบียงกระจก น้ำไม่ตอบผู้เป็นแม่แต่ยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะก้าวลงจากเตียงแล้วเดินผ่านมารดาไปยังห้องน้ำ
“ทะเลาะอะไรกันรึเปล่าเนี้ย”
อรพินพึมพำตามหลังลูกชายที่เข้าห้องน้ำไปแล้ว เธอส่ายหัวหน่อยๆให้ความเอาแต่ใจของลูกชาย การที่เด็กทั้งสองคนนี้ทะเลาะกันส่วนใหญ่ก็มาจากความเอาแต่ใจของลูกชายเธอทั้งนั้น น้องฟ้าออกจะเป็นเด็กดีคอยเอาใจอดทนอยู่กับเด็กไม่รู้จักโตอย่างตาน้ำมาตลอด
“จริงๆเล๊ย ลูกคนนี้”
ฟ้ากลับมาถึงคอนโดนในเวลาไม่นาน พอเปิดประตูเข้ามาได้เจ้าตัวก็ทิ้งร่างลงนอนแผ่หลากับโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน เหนื่อยกายนะไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจนี่สิ...ที่สาหัส
ฟ้านอนอยู่อย่างนั้นร่วมครึ่งชั่วโมงจนรู้สึกได้ถึงการสั่นของโทรศัพท์ เค้าหยิบมันออกมาดูชื่อพอรู้ว่าเป็นใครจึงสไลด์รับสายเนืองๆ
“ว่าไงต้น?”
/ไม่ได้ว่าไงครับ แค่คิดถึงฟ้า/
ฟ้าพ้นลมหายใจก่อนจะยกยิ้มอ่อน ยอมใจมันจริงๆให้ตายสิ
“ถ้าไม่มีอะไรงั้นเราวางแล้วนะ”
/เห้ย! อย่าพึ่งวางนะ!!/
รีแอคชั่นที่ดูโอเวอร์นั้นทำให้ฟ้าหลุดหัวเราะจนคนที่ปลายสายได้ยินและยิ้มกว้างตามไปด้วย ตอนนี้ต้นกำลังกินข้าวต้มที่ซื้อมาจากร้านที่ฟ้าเคยพาไปกิน แต่แปลกที่มันไม่อร่อยเหมือนวันนั้นเลยสักนิด
/แกล้งเราเหรอ?/
“เปล่า เราจะวางจริงๆ”
/ใจร้ายวะ/
“พึ่งรู้?”
/หึหึ จะร้ายแค่ไหนเราก็รักเหมือนเดิมอยู่ดี/
ฟ้านิ่งไปนิดหายใจติดขัดไปหน่อยที่ได้ยินคำว่ารักแทนที่ปกติต้นจะพูดว่าชอบซะมากกว่า
“พูดง่ายจังนะ”
/ก็มันจริงแล้วจะให้พูดยากไปทำไมละ เราก็ตรงๆแบบนี้แหละ ฟ้าชอบไหม?/
ฟังดูเหมือนจะถามความชอบทั่วไปแต่เชื่อเถอะ ไอ้คนถามมันต้องไม่คิดแค่นั้นแน่
“ไม่”
/หึหึ ว๊าแย่จัง/
ฟ้าหลุดหัวเราะอีกรอบเมื่อได้ยินคำแบ๊วๆที่ไม่เข้ากับเสียงห้าวของคนพูดเลยสักนิด ต้นแตกต่างจากน้ำอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้น้ำจะขี้เล่นหน่อยแต่น้ำจะออกแนวเก๊กๆทำตัวแมนแต่กลับเลือนลอย ส่วนต้นจะขี้เล่นแบบกวนๆกะล่อนลื่นไหลแต่กลับแอบแฝงไปด้วยความแน่วแน่และเที่ยงตรง
“ต้น”
ฟ้าเอ่ยเรียกน้ำเสียงจริงจังจนคนปลายสายถึงกับวางช้อนในมือแล้วยืดตัวขึ้นเตรียมฟังประโยคต่อมาอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ออกไปดื่มกันหน่อยไหม?”
รอยยิ้มฝุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อของคนฟังในทันที
“ไอ้น้ำ”
น้ำทำทีไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ตอนนี้เค้าอยู่ในบาร์แถวมหาลัย ก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่สบายพึ่งหายไม่ควรที่จะมาเที่ยวในสภาวะแบบนี้แต่มันอดไม่ได้จริงๆ พออยู่คนเดียวแล้วมันคิดมาก ในหัวมีแต่เรื่องของฟ้าคนเค้าก็ไม่อยากจะให้มันถล่ำลึกไปกว่านี้ ทำไมต้องคิด แต่เพื่อนสนิททำไมต้องไปคิดมากขนาดนั้นทั้งที่แต่ก่อนฟ้าควงใครเค้าก็ไม่เห็นจะคิดอะไรมากอย่างนี้เลยสักคน
หรือเพราะเค้ามีลางสังหรณ์ว่าคนนี้มันต้องไม่เหมือนอย่างที่ผ่านมา
จะว่าไปมันก็ไม่เหมือนที่ผ่านมาจริงๆ ฟ้าไม่เคยเล่นกับคนที่มหาลัยใครๆต่างก็รู้ดีจึงไม่ค่อยมีใครพยายามที่จะเข้าหาเท่าไหร่ทั้งที่เจ้าตัวก็เป็นที่หมายปองมากจนเค้ายังทึ่ง ฟ้าไม่เคยใจดีกับคนที่พยายามรุกล่ำความเป็นส่วนตัวของเค้า
“ไอ้เชี่ยน้ำ สนใจพวกกูด้วยครับ”
“อะไรของมึง?”
น้ำหันไปถามเสียงขุ่น เคนเลยส่ายหัวแล้วลุกขึ้นมานั่งข้างๆตลไหลไปอีกทีสองที
“กูจะบอกว่ามึงเพลาลงหน่อยก็ได้ พึ่งหายไข้มาไม่ใช่รึไง กระดกอย่างกับจะอาบ เปลืองเหล้าเว้ย”
“เปลืองก็ช่าง เงินกู”
“ครับพี่ครับ ผมรู้ครัวว่าพี่รวย แต่กูขอพูดหน่อยเหอะวะ มึงมีอะไรให้เครียดถึงขนาดนั้นเลยรึไง?”
น้ำยังคงเงียบแล้วยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มต่อจนหมดแก้วแล้วก็ชงใหม่ ที่น้ำเลือกที่จะชงเองเพราะพนักงานชักช้าไหนจะชงจางขัดใจไปหมด
“พูดเพื่อนมึงจะเห้ย มีอะไรก็ปรึกษากันได้”
น้ำนิ่งคิดก่อนจะวางแก้วแล้วเอ่ยปากในที่สุด
“มึงก็รู้ว่ากูไม่เคยคบใครจริงจังใช่ไหม?”
เคนพยักหน้ารับ
“แล้วสมมุติว่ากูกำลังคุยๆกับคนที่คิดว่าจะคบด้วยอยู่แบบลับๆแล้วมึงมาเจอเข้างี้ มึงจะรู้สึกยังไงวะ?”
เคนคิดตามไม่นานก็ตอบกลับ
“แรกๆคงโกรธแหละ ก็แม่งเพื่อนกันแต่ไม่มีบอก จะปิดบังกันเพื่อ? แต่หลังจากนั้นก็คงดีใจด้วย เพื่อนจะมีเป็นคนเป็นตนสักทีนี่หว่า”
“เหรอ”
“นี่มึงไปแอบคบกับใครเค้าเข้าละเนี้ย”
“เปล่า”
เคนพยักหน้าเข้าใจแล้วยกแก้วขึ้นดื่มปล่อยให้ไอ้เพื่อนตัวดีมันนั่งจ้องมองอะไรสักอย่างต่อไป แต่จู่ๆเค้าก็คิดอะไรขึ้นได้
“หรือว่า...”
“ฟ้า”
เคนยังไม่ทันได้พูดจบน้ำก็ตาเบิกกว้างพร้อมด้วยเอ่ยชื่อเพื่อนสนิทของเค้าออกมา เคนหันไปมองตามสายตาของน้ำแล้วก็เห็นร่างสูงโปร่งที่มีผมยาวสลวยเดินเข้ามาภายในร้านพร้อมด้วยใครสักคนที่เค้าไม่รู้จัก ฟ้ามาด้วยชุดเสื้อยืดคอวีที่คว้านลึกโชว์ผิวที่ขาวเนียน คอระหงมีสร้อยแฟชั่นสีดำสามเส้นไขว้ไล่ระดับลงมาถึงหน้าอด ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์สีซีดมีรอยขาดตามแฟชั่นนิยมและรองเท้าผ้าใสสีขาวตามโทนของชุด นับว่าเป็นชุดที่เรียกสายตาของผู้คนในร้านได้มากถึงมากที่สุด
เคนยังคงจ้องมองไปที่ฟ้าจนกระทั่งทั้งสองคนเดินเลี่ยงไปนั่งอยู่อีกฝั่ง เค้ามั่นใจว่าฟ้าไม่เห็นพวกเค้าแน่ๆ ไม่งั้นคงเดินเข้ามาทักแล้ว
“ไอ้น้ำ อย่าบอกนะว่าที่มึงถามกูเมื่อกี้นี้...เป็นฟ้านะ?”
น้ำไม่ตอบแต่กระดกเครื่องดื่มในแก้วจนหมดภายในรวดเดียวทั้งที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ฟ้าแทบไม่กระพริบ เคนถึงหับส่ายหัว
“มึงจะไปอะไรกับมันมากว๊า เดี๋ยวมันพร้อมก็มาบอกเองแหละน่า”
“กูไม่ชอบ”
“ห่ะ”
“กูไม่อยากให้มันมี”
“แล้วมึงมีสิทธิ์อะไรไปห้ามมัน”
น้ำถึงกับสะอึก
“กูเป็นเพื่อนรักมัน เพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันเลยนะ”
“แล้วไง ก็แค่เพื่อน ไม่ใช่เจ้าชีวิต”
“มึงช่วยขยายความคำว่าเจ้าชีวิตหน่อยสิวะ?”
“กูก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดนะ อาจจะประมาณว่าคนที่มันอยากจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตละมั่ง”
“กูก็อยากอยู่กับมันอย่างนี้ไปตลอดชีวิตนะ”
“ไม่ใช่เว้ย ต้องไม่ใช่ในฐานะเพื่อนดิ”
“มึงจะบอกว่าต้องอยู่ในฐานะแฟนเหรอ?”
“ต้องลึกซึ้งกว่านั้น”
“อะไร?”
“คนรัก”
“ฟ้า”
ฟ้าหันมาหาคนเรียกที่นั่งคุมเชิงอยู่ข้างๆ ดวงตาสีดำเริ่มหยาดเยิ้มเมื่อได้แอลกอฮอล์เข้าร่างกายไปมากพอสมควรแล้ว น้ำลอบกลืนน้ำลายไปเอือกหนึ่งเมื่อสบตาเข้ากับฟ้า ผมยาวคลอเคลียอยู่ที่ช่วงไหล่ตัดกับสีผิวที่ขาวจัด
“ว่า?”
“เมาแล้วเหรอ?”
ฟ้าหัวเราะเสียงแผ่ว ใบหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างมากกว่าทุกทีจนต้นอดทึ่จะใจเต้นแรงไม่ได้ ขอบคุณผู้ที่คิดค้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดครับ
“เราคอแข็งจะตาย แค่นี้จิบๆ”
“แล้วคีย์ละ?”
“มาไม่ได้”
ต้นพยักหน้ารับแล้วยกแก้วของตนขึ้นดื่ม เค้ามองดูบรรยากาศโดยรอบโดยที่ฟ้าเองก็สนใจแต่นักดนตรีบนเวที ต้นอดที่จะเสมองใบหน้าด้านข้างของคนหน้าหวานไม่ได้ เค้าดีใจแทบแย่เมื่อได้ยินคำเชิญชวนนั้น จากที่คิดจะกินข้าวดูหนังธรรมดาในวันหยุดจู่ๆก็ได้ข้ามขั้นมานั่งดริ้งค์เหล้าด้วยกันสองคนซะงั้น เค้าสาบานได้ว่าตอนแรกไม่ได้คิดถึงเรื่องสิบแปดบวกอะไรนั้นเลยแต่พอคิดได้ว่ามาร้านเหล้าก็ต้องกินและเมื่อกินแล้วก็ต้องเมา แล้วถ้าเมา...เค้าจะอดใจในเรื่องอย่างว่าได้ไหมนะ ทั้งที่พยายามไม่คิดแต่เมื่อมาเจอการแต่งตัวของฟ้าในค่ำคืนนี้แล้ว เค้าก็แทบกลั่นใจตาย หวั่นไหวมากถึงมากที่สุดอะบอกเลย ต้นสะดุ้งเมื่อฟ้าหันมาสบตาเค้าเข้าพอดี
“จ้องมากๆเราก็เขินเป็นนะ”
ฟ้าพูดแค่นั้นแล้วก็หันไปมองยังเวทีต่อ ดูท่าฟ้าคงจะเป็นคนชอบฟังเพลงมาก เห็นพึมพำตามเพลงได้แทบทุกเพลงเลยด้วย ต้นกดยิ้มแล้วเสมองไปยังอีกด้าน จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคนเข้า จริงๆก็รู้สึกมาได้สักพักแล้วแต่เค้าพยายามไม่สนใจจนคิดว่ามันนานมากเกินไปแล้วเค้าเลยหันไปมองหาเจ้าของแววตานั้น ไม่นานเค้าก็เจอ เป็นคนที่นั่งอยู่คนละฟากกับเค้าแล้วยังอยู่ในมุมของเงามืดสลัวอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นโต๊ะหลบมุมเลยก็ว่าได้ ต้นเคยเห็นหน้าคนนั้นในโซเชียล ในเพจดังอย่างคิ้วบอยของมหาลัยก็ด้วย และที่สำคัญ...คนๆนั้นรู้จักกับฟ้า
“ฟ้า”
เค้าเอ่ยเรียกเพื่อจะบอกถึงคนๆนั้นแต่ฟ้ายังไม่ทันจะหันมาหาก็มีคนเดินเข้ามาหาคนหน้าหวานซะก่อน เรียกได้ว่าเข้ามาจีบซึ่งๆหน้าทั้งที่ก็เห็นอยู่ว่าเค้าก็นั่งอยู่ข้างๆ ต้นชักจะหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย
“สวัสดีครับคนสวย”
คนมาใหม่ทักทายพร้อมรอยยิ้ม ฟ้ายิ้มตอบพร้อมคำทักทายตามปกติ
“สวัสดีครับ”
“คุณดูดีมากจนผมอดที่จะเดินเข้ามาทำความรู้จักด้วยไม่ได้เลยจริงๆ”
“ขอบคุณ”
ต้นนึกฉุนจนต้องหันหน้าหนีพลางยกแก้วขึ้นดับความร้อนรุ่มภายในใจจนสายตาไปสบเข้ากับคนๆนั้นอีก เค้าจ้องสบตาจนได้รู้ถึงรอยยิ้มที่เหมือนจะส่งยิ้มเยาะมาให้ นั้นยิ่งทำให้ต้นไม่สบอารมณ์เพิ่มขึ้นไปอีก ทว่าไฟที่กำลังโหมกระหน่ำในใจก็พลันดับวูบลงเพราะคนข้างๆได้เอ่ยบางประโยคขึ้นมา
“ขอบคุณสำหรับคำชวนครับ แต่ผมมีคนมาด้วยและไม่คิดที่จะไปที่อื่นกับใคร”
“ไหนคุณบอกว่ายังฟรีไงครับ?”
“ฟรีจริง แต่กำลังพิจารณาอยู่หนึ่ง”
ต้นเผลอฉีกยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ฟ้าที่เหล่มามองเลยเห็นเข้าพอดี เค้าเองก็ยิ้ม ต้นและฟ้าสบตากันอยู่อย่างนั้นจนผู้มาใหม่จำต้องล่าถอย
“ขอบคุณนะ”
ต้นเอ่ยพูดขึ้นในที่สุด
“เรื่อง?”
“ที่เก็บเราไว้พิจารณา”
ฟ้าหัวเราะเสียงแผ่ว
“หลงตัวเองวะต้น”
“อย่าตัดความหวังกันงี้ดิฟ้า”
“หึหึ”
“ฟ้า”
“ว่า?”
“เราชอบฟ้าจริงๆนะ ชอบมากจนกลายเป็นรักแล้วเนี้ย”
ใบหน้าหวานที่แยกยิ้มค่อยๆหุบลงจนกลายเป็นหน้านิ่ง ต้นคงจะสลดใจถ้าไม่สังเกตุเห็นความแดงระเรื่อที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นจนลามไปถึงคอ
ฟ้าเขิน
“ฟ้าครับ”
“อะไรอีก?”
“เขินแล้วน่ารักวะ”
“หุบปากไปเลยนะต้น”
“โว้ มาบทโหดซะด้วย”
“เราโหดได้มากกว่านี้อีกนะ เพียงแค่ตอนนี้ยังไม่เผยให้เห็นเฉยๆหรอก”
“ไม่เป็นไร เรายังมีเวลาเห็นทุกสิ่งที่เป็นฟ้าไปอีกนาน”
“...........”
“เป็นแฟนกันนะ ไม่ใช่สิ เป็นแฟนต้นนะครับ?”
“..........”
“ฟ้า”
“หุบปากแล้วยกแก้วดื่มไปเงียบๆเลยนะ”
ต้นยิ้มรับคำคนเขินจนหน้าแดงเถือก ฟ้าได้แต่สถบในใจ ให้ตายสิ ตั้งแตจ่เกิดมาไม่เคยเห็นใครตรงเผ่งได้เท่ามันเลย
ฟ้ากับต้นพากันดื่มไปคุยสัพเพเหระไปเรื่อยจนเข้าสู่วันใหม่ไปหลายสิบนาทีฟ้าเลยชวนกลับ ต้นเองก็พยักหน้ารับไม่ขัดใจคนกำลังกรึ่ม ฟ้าบอกว่าตัวเองคอแข็งแต่ที่เค้าเห็นนี่คือเริ่มจะเซแล้วด้วยซ้ำ ผิดกับต้นที่ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะเมาสักที ดีแล้วที่ต้นเป็นคนอาสาไปรับฟ้าเอง
“ฟ้า มาเราช่วย”
ต้นอาสาเมื่อเห็นฟ้าเดินไปชนใครสักคนจนตัวเองเซไปหลายก้าว ฟ้าหันมามองที่ต้นก่อนจะยื่นมือมาหา นี่เป็นครั้งแรกที่ฟ้ายอมให้เค้าสัมผัส ต้นเข้าไปโอบรอบเอวบางแล้วพาออกไปยังหน้าร้านได้สำเร็จ พอไปถึงรถเค้าจึงปล่อยมือแล้วหันมาค้นหากุญแจรถของตัวเองแทน ฟ้ายืนพิงข้างรถอยู่ต่อหน้าได้แต่จ้องมองไปยังต้นด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ถูก
“ต้น”
“ครับ?”
ต้นเงยหน้าขึ้นมามองสบตาฟ้า ดวงตานั้นสั่นไหวเล็กน้อยจนต้นเริ่มใจไม่ดี
“มีอะไรรึเปล่าฟ้า?”
“ต้นรักเราจริงดิ?”
“จริงสิ ไม่รักจะหน้าด้านตามตื้นขนาดนี้เหรอครับ”
“ทั้งๆที่รู้ว่าเราไม่สนใจนี่นะ”
“ฟ้าสนใจเราไปแล้วเหอะ”
ฟ้ายิ้มจางแต่ดวงตายังคงหม่นหมอง
“งั้นเปลี่ยนเป็นทั้งที่รู้ว่าเรามีคนในใจแล้วนี่นะ”
ต้นนิ่งงัน จู่ๆก็เกิดเดดแอร์ขึ้นมาชั่วขณะ
“เรารักเค้าเหมือนกับที่ต้นรักเรา แต่...”
“..........”
“ต้นยังดีกว่าเราตรงที่ต้นยังมีโอกาสคบกับเราได้ แต่เราไม่มีโอกาสที่จะคบกับเค้าเลย”
“ขอถามได้ไหมว่าทำไม?”
ฟ้านิ่งเงียบ ดวงตากลมลื้อน้ำจนปริ่มขอบ ต้นเม้มปากแน่นฝืนตัวเองไม่ให้ถามมั้งที่ใจอยากประโคมคำถามไปเป็นสิบ เค้าเอื้อมมือไปจับมือฟ้าเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงนิ่งไม่ได้ผลักไสจึงถือวิสาสะดึงเข้ามาในอ้อมแขน ต้นโอบกอดฟ้าในเชิงปลอบ
“ไม่เป็นไร เรารอได้ ถ้าฟ้าอยากจะตัดใจจากคนนั้นแล้วหันมาหาเรา เรายินดีรอฟ้าเสมอ”
“ทั้งที่ไม่รู้ว่าเราจะตัดใจได้รึเปล่านะเหรอ?”
“ถ้าฟ้าคิดจะทำ มันต้องได้สิ”
“เหรอ”
ลองมาหลายปีแล้ว แต่สุดท้ายก็ยิ่งถล่ำลึก
“ฟ้า”
ต้นผละคนหน้าหวานออกจากอกก่อนจะเอ่ยเรียกซ้ำ
“หืม?”
“เรามาพยายามไปด้วยกันไหม?”
“.........”
“ฟ้าพยายามตัดใจ เราก็พยายามชนะใจฟ้าไง”
ฟ้าก้มหลบตาเพื่อคิดทบทวน
“จะลองดู”
ต้นยิ้มกว้าง
“งั้นเป็นแฟนกันนะ”
“มากไปละ อย่ามาเนียน”
“โถ่ฟ้าอะ กำลังได้ที่เลย”
“ที่เท่ออะไร ปลดล็อครถได้ละ ยุงเยอะ”
“ครับๆ”
อีกฟากของร้านสองหนุ่มได้ยืนมองคนทั้งคู่อยู่อย่างเงียบๆ แม้พวกเค้าจะไม่ได้ยินคำพูดใดๆแต่สิ่งที่เห็นเต็มสองตานั้นคือหลักฐานประกอบข้อสันนิฐานได้เป็นอย่างดี
“แสดงว่าฟ้ามีแฟนอย่างที่มึงพูดจริงๆสินะไอ้น้ำ”
เคยเอ่ยเสียงเรียบแต่น้ำกลับกำมือแน่นขึ้นไปอีก น้ำกับเคนเดินตามคนทั้ง๕ออกมาตั้งแต่แรก เค้าไม่อยากแสดงตัวให้ฟ้าเห็นเพื่อที่จะแอบมองเพื่อความแน่ใจ
ทั้งที่บอกไปแล้วว่าอย่าคบใคร แต่ก็ไม่คิดจะฟังกันเลยสินะ
“น้ำ”
“กลับเหอะ”
“มึงเป็นอะไร หน้าตาแม่งโคตรน่ากลัว”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“ขอให้มันจริง”
น้ำกดยิ้มเจ้าเล่ห์
ในเมื่อพูดดีๆแล้วไม่คิดจะฟัง งั้นต้องเป็นเจ้าชีวิตสินะ
เจ้าชีวิตทั้งที่ไม่ใช่คนรัก
TBC....
ชี้แจงนิสนะค่ะ
เรื่องนี้น้ำอยากครอบครองฟ้าไว้กับตัวเองจริงแต่ไม่ให้สถานะคนรักค่ะ ทำไมนะเหรอ เพราะทิฐิไง น้ำเชื่อมาโดยตลอดว่าผู้ชายด้วยกันคบกันในแง่นั้นไม่ได้มันไปไม่รอดสู่อยู่แบบเพื่อนจะดีกว่า แต่ก็หึงหวงเหมือนกัน ออกแนวหมาหวงก้างแหละนะ ส่วนฟ้านะรู้ใจตัวเองดีและรู้จักคนอย่างน้ำดีด้วยจึงไม่สามารถบอกความรู้สึกตัวเองกับน้ำได้ กลายเป็นแอบรักแบบไม่มีทางสมหวังเลย
บทสรุปจะเป็นอย่างไร คนทั้งคู่จะหันมารักกันได้ไหม หรือจะเป็นรักสามเศร้าสี่เศร้า
อันนี้ยังไม่บอก ต้องติดตามกันต่อไปเนอะ
ปล.ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคอมเม้นต์ค่ะ
:mew1: :mew1: :mew1:
-
ขอแค่อย่าทำร้ายความรู้สึกของกันและกันก็พอ
เรายังชอบน้ำ ผู้ชายนิสัยเอาแต่ใจ555
-
น้ำนี่ยังไงนะ เดี๋ยวก็เชียร์ต้นซะเลย
-
น้ำ นี่ยังไงกัน :katai1: :katai1: :katai1:
ไม่บอกความรู้สึกของตัวเอง
มีแต่ความหวง หวงแบบไหน ตัวเองก็ไม่รู้
ก่อนหน้านี้ ก็เห็นฟ้ามีแฟน ทำไมไม่หวง
มันต่างกันตรงที่เรียนม.เดียวกันหรอ
แล้วนี่ยังไม่ทันคุยกับฟ้าเรื่องต้น เลย
ก็คิดจะเป็นเจ้าชีวิตของฟ้า ซะละ
ข้ามขั้นคนรัก ไปเลย
:L1: :L1: :L1:
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
5
มินิคูเปอร์สีแดงสดขับมาจอดเทียบที่ช่องจอดข้างตึกเรียนเป็นปกติ ฟ้ารวบกระเป๋าเป้แล้วจึงลงจากรถย่างก้าวเข้าตึกโดยไม่สนใจสายตาสาธารณชนที่กำลังจ้องเค้าเป็นตาเดียว ฟ้าจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ทุกอย่าง และนั้นก็ทำให้ฟ้าที่ตื่นขึ้นมาแต่เช้าต้องนั่งเหม่อคิดวิเคราะห์วนเวียนถึงคำพูดเหล่านั้นอยู่นาน นานจนเกือบจะทำให้เค้าเข้าเรียนสาย
“ฟ้า ทางนี้”
ตีย์เอ่ยเรียกเมื่อเห็นเพื่อนเดินเข้ามาในตึก คีย์เองก็ยืนรอฟ้าอยู่ที่จุดเดิมตรงแถวหน้าลิฟท์ ถ้าเค้าไม่เห็นฟ้าเค้าก็จะยังไม่ก้าวหนีไปไหน ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีจนเกินไปเลยก็ว่าได้ ฟ้ายิ้มกว้างให้คีย์แล้วจึงกากันเข้าลิฟท์มุ่มตรงสู่ห้องเรียน
ครืน ครืน
โทรศัพท์ของฟ้าสั่น ฟ้าละสายตาจากชีสเรียนตรงหน้ามามองดู
ต้นกล้า อรุณสวัสดิ์ เราพึ่งตื่นอะ เข้าเรียนสายอีกจนได้
ต้นกล้า สติ๊กเกอร์หมีบราวเศร้า
ฟ้าแย้มยิ้มก่อนจะปลดล็อคแล้วพิมพ์ตอบกลับ
NumFha สมน้ำหน้า
ต้นกล้า ไรว๊า แทนที่จะเห็นใจกัน
NumFha ทำไมต้องเห็นใจ ตัวเองทำตัวเองป่ะ
ต้นกล้า ใช่สิ๊ ได้เราแล้วก็งี้
NumFha ได้เหี้ยสิ
ต้นกล้า ไม่อยากได้เหี้ยครับ อยากได้ฟ้า
ฟ้าถึงกับเบ้ปาก อยากจะบอกให้คนช่างป้อยอไปสมัครเป็นประธารสมาคมมุขเสี่ยวจริงๆ
NumFha เสี่ยวเอาโล่เหรอ? รีบมาเรียนได้ละเอาแต่เล่นอยู่นั้นแหละ
ต้นกล้า ไม่ได้เล่นครับ เราพูดจริง
NumFha สติ๊กเกอร์โคนี่จ้องหน้าโหด
ต้นกล้า ครับๆไปเรียนก็ได้ครับ เอาเข้าจริงเราก็อยู่มหาลัยแล้วแหละ แต่ยังไม่ถึงห้องเรียน
NumFha รีบสิ ติดเอฟมาจะขำให้
ต้นกล้า ไม่มีทาง มีแต่จะได้เอพลัส
NumFha มั่นไปไหม?
ต้นกล้า แล้วหมั้นไว้ก่อนได้ไหมอะ
ยังคงเล่นไม่เลิก ฟ้าส่งจุดสามจุดกลับไปแล้วก็ออกจากแอปพลิเคชั่น เค้าวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วหันกลับมาตั้งใจเรียนต่อ แต่ไม่นานก็มีไลน์เด้งขึ้นมาอีกซะงั้น ฟ้าพ้นลมกรอกตาคิดว่าน่าจะเป็นต้นคนเดิมที่ตอบกลับแต่มันไม่ใช่
Fha’sNUM เที่ยงนี้กินข้าวไหน?
ฟ้าขมวดคิ้วมุ้ย น้ำงั้นเหรอ แล้วทำไมถึงเปลี่ยนชื่อแอคไลน์แบบนี้
NumFha ยังไม่รู้ อยากกินไรละ?
Fha’sNUM ฟ้าอยากกินไร?
โดนถามกลับซะงั้น แปลก ปกติน้ำจะบอกสิ่งที่ต้องการมาเลยนี่นา
NumFha ก๋วยเตี๋ยวไหม? กินที่โรงอาหารกลางก็ได้น้ำมีเรียนตึกใกล้ๆนั้นใช่ไหมละ
Fha’sNUM ได้ งั้นเดี๋ยวไปรับ
เป็นอีกครั้งที่ฟ้าต้องแปลกใจ
NumFha เราเอารถมา จะมารับทำไม?
Fha’sNUM ก็อยากไป พอใจอะ
คนเอาแต่ใจก็ยังคงเอาแต่ใจวันยันค่ำ
NumFha น้ำเอารถไรมา?
Fha’sNUM SLK
NumFha งั้นไม่ต้องมารับนั้นแหละดีแล้ว
Fha’sNUM ทำไม?
NumFha คีย์ไปด้วยนะ รถมีสองที่นั่งจะไปกันยังไงไม่ทราบ
Fha’sNUM เคนจะไปรับคีย์ส่วนฟ้ามากับเรา จบนะ ห้ามแย้ง เรียนได้แล้วครับ
ฟ้ายังคงแย้งอยู่ในใจ แทนที่จะให้เค้าเอารถไปเองก็จบเรื่อง ไม่รู้จะมารับให้มันยุ่งยากเพิ่มทำไม
“มีอะไรเหรอ?”
คีย์เอ่ยถามเมื่อเห็นฟ้าจ้องโทรศัพท์นิ่งเงียบไปนานทั้งๆที่หน้าจอก็ล็อคไปแล้ว
“น้ำกับเคนจะมารับไปกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารกลาง”
“หืม มารับทำไมเราขับไปเองเหมือนปกติก็ได้นี่”
“นั้นแหละที่เราสงสัย”
“เหรอ ชักแปลกๆแฮะ”
ประโยคหลังคีย์พึงพำเบาๆไม่ให้ฟ้าได้ยิน ดีที่ฟ้าไม่ได้สนใจจะฟังอยู่แล้วเลยปล่อยผ่านไปในที่สุด ฟ้าและคีย์เรียนไปจนถึงช่วงเวลาพักเที่ยง พอลงจากตึกไปก็เจอเบนซ์ SLK สีเทาควันบุหรี่จอดเป็นจุดเด่นอยู่กับบีเอ็มแซดสี่สีดำเงา น้ำที่ยืนโชว์ความหล่อด้วยชุดนักศึกษากึ่งทางการกับแว่นกันแดดแบรนด์ดังเคียงคู่กับเคนที่มาในมาดหล่อไม่แพ้กัน ไม่ต้องพูดถึงเป้าสายตาของผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาเลย ยิ่งตอนที่น้ำหันมาเจอฟ้าแล้วเผยรอยยิ้มกว้างนั้นอีก เสียงกรี๊ดดังแว่วมาจนฟ้าอดหมั่นไส้ไม่ได้
“มานานแล้วเหรอ?”
ฟ้าเอ่ยถามเมื่อเดินไปใกล้เพื่อนทั้งสอง คีย์เองทักทายเพื่อนทั้งสองโดยการพยักหน้าให้ตามสไตล์
“สักพัก ไปกันเถอะเดี๋ยวโต๊ะเต็ม”
ฟ้าพยักหน้ารับพอจะเดินเข้าไปเปิดประตูรถก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าของSLKคันสวยได้หันไปเปิดประตูให้เป็นที่เรียบร้อย
“เอ๋ออะไร ขึ้นรถดิ”
ฟ้ากระพริบตาปริบๆก่อนจะก้าวขึ้นรถไปอย่างเงียบๆ น้ำปิดประตูแล้วจึงเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ คีย์เองก็ไปนั่งคันของเคนที่ด้านหลัง ไม่นานรถทั้งสองคันก็มุ่งหน้าสู่โรงอาหารกลางที่อยู่ตรงไกลจากตึกสถาปัตฯไปพอสมควร พอรถทั้งคู่มาจอดเทียบไม่ไกลจากตัวอาคารของโรงอาหาร ทุกสายตาล้วนจับจ้องมายังรถซุปเปอร์คาร์คันหรูกันเป็นตาเดียว ยิ่งเมื่อบุคคลที่ลงจากรถมามีแต่ระดับหน้าตาดีติดท๊อปชาร์ตยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆปนความหมั่นไส้ของชายหนุ่มไปพร้อมๆกัน
ฟ้าที่เป็นคนเดินนำเข้าไปข้างในตัวโรงอาหารเหลียวซ้ายแลขวาไม่นานก็เจอโต๊ะว่างที่เป็นโต๊ะยาวสำหรับหกคนเข้า พวกเค้าจึงพากันไปนั่งก่อนจะแยกย้ายไปหาซื้อของกินตามที่อยาก
“ฟ้าเอาไร เดี๋ยวเราไปซื้อให้”
“เตี๋ยวไก่มะระเส้นเล็ก”
น้ำพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวที่ฟ้าบอก ฟ้าที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงผู้เดียวจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นฆ่าเวลาระหว่างรอ ฟ้าจะไม่แปลกใจอะไรเลยถ้าหากไม่ได้เห็นตัวเลขของการแจ้งเตือนมากมายขนาดนี้ ฟ้าเปิดเข้าไปดูในทันทีแล้วก็ได้รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะโพสพร้อมรูปเป็นสิบจากเพจคิ้วบอยของมหาวิทยาลัย และที่สำคัญคือทางเพจได้แท๊คชื่อฟ้าและน้ำเข้าไปด้วย
‘ตำนานคู่จิ้นน้ำฟ้าได้กลับมาแล้ว’
ฟ้ากรอกตา เค้ากดเข้าไปดูรูปที่ถูกแอบถ่ายตอนที่ตนยืนคุยอยู่หน้าตึกจนกระทั่งขึ้นรถมาที่นี้ด้วยความทึ่ง เวลาไม่นานนี่โดนถ่ายได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย แถมช็อตที่น้ำเปิดประตูให้เค้านี่บูมมาก ยอดไลน์ถล่มทลายจนไม่อยากจะเชื่อสายตา มิน่ายอดติดตามและแอดเฟรนในเฟสเค้าถึงได้เพิ่มขึ้นมามากขนาดนี้
“มีอะไร?”
คีย์เอ่ยถามเมื่อมาถึงโต๊ะพร้อมด้วยจานข้าวราดแกงและน้ำเปล่าอีกสองขวด ขวดหนึ่งเป็ยของตัวเองส่วนอีกขวดนั้นซื้อมาเผื่อฟ้า เคนเองก็เดินตามกันมาติดๆ เคนเองก็กินข้าวราดแกงและมีขวดน้ำแป๊บซี่สองขวดในมือ
“เพจคิ้วบอยเล่นงานเราอีกแล้วอะคีย์”
ฟ้าทำเสียงอ้อนพร้อมท่าทางเหมือนจะร้องไห้จนคีย์ยิ้มขำ
“เล่นงานแบบไหน ถ่ายรูปจนทำหน้าแย่ๆลงเหรอ?”
“ป่าว”
“หรือจับไปจิ้นกับต้น”
“บ้าดิ”
“ใครวะ?”
เคนถามขึ้นเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สาม ฟ้าหันหน้าหนีส่วนคีย์ก็เอาแต่ยิ้มกรุ่มกริ่ม เคนกำลังจะเค้นเอาคำตอบต่อแต่น้ำก็เข้ามาขัดซะก่อนพร้อมด้วยถ้วยก๋วยเตี๋ยวสองใบในมือ
“เห้ย ทำไมไม่เรียนให้ไปเอาละ ถือมางี้ไม่ร้อนเหรอ?”
น้ำโวยวายพร้อมกับรุดไปรับเอาถ้วยอย่างไว
“ไม่เท่าไหร่ เราปรุงให้แล้วนะฟ้า รับรองอร่อยเหาะ”
“ลองไม่อร่อยดูสิ เราจะให้ไปซื้อให้ใหม่เลย”
“ไม่มีทาง ฝีมือระดับนี้”
ฟ้าจัดการชิมดูก่อนจะพยักหน้าให้ น้ำยิ้มกว้างแล้วจึงหันมาจัดการในส่วนของตัวเองต่อ คีย์และเคนลอบสังเกตุคนทั้งคู่ในคนละแง่มุม เคนนั้นมองดูฟ้าเพราะภาพที่เห็นเมื่อคืนนี้ส่วนคีย์นั้นมองน้ำที่เริ่มมีหลายอย่างแปลกๆไปจากเดิม
“ฟ้า”
ทุกสายตาหันไปมองผู้มาใหม่ที่เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนของเค้า เจ้าของชื้อหันไปมองก่อนจะแย้มยิ้มนิดๆ
“ต้น ทำไมมาอยู่นี้ละ?”
“มากินข้าวดิ ถามแปลกๆ”
ต้นตอบพลางเมียนมองไปทางคนทั้งสามที่เหลือ
“หวัดดีคีย์ แล้วก็พวกนายด้วยนะ”
ต้นทักทายด้วยรอยยิ้มกว้างตามแบบฉบับผู้ชายเฟรนลี่อารมณ์ดี
“นี่น้ำ นั้นเคน เพื่อนเราแต่เรียนเศรษฐศาสตร์”
ฟ้าแนะนำต้นเลยพยักหน้ารับ
“แล้วแกไม่คิดจะแนะนำเพื่อนใหม่กับเราหน่อยเหรอฟ้า?”
เคนถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ดวงตาเปร่งประกายเหมือนเจอเรื่องสนุกอะไรสักอย่างนั้นทำให้ฟ้าถึงกับลอบถอนหายใจ นึกสนุกอะไรขึ้นมาอีกนะ
“นี่ต้น”
“แค่เนี้ย?”
“แล้วจะเอาแค่ไหนละเคน?”
“ประมาณว่าเป็นอะไรกันงี้ไง”
“เพื่อน”
เคนผิวปากหวือ ในขณะที่น้ำเอาแต่เงียบจ้องหน้าคนมาใหม่นิ่งอยู่อย่างนั้น ต้นเองก็รู้สึกตัวว่ากำลังโดนจ้องแต่ก็พยายามไม่พูดหรือทำอะไรที่จะทำให้เกิดเรื่อง นี่มันโรงอาหารกลางนะแถมยังมีฟ้าอยู่ตรงนี้ด้วย อย่าห่ามให้เห็นจะดีกว่า
“ฟ้าครับ”
“หืม?”
“นั่งด้วยได้ป่าว?”
ฟ้าเหลือบมองที่นั่งอีกสองที่ซึ่งว่างอยู่ข้างเค้าและข้างคีย์ที่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะพยักหน้า ต้นเลยหายออกไปซื้อข้าวมากินปล่อยให้ทั้งโต๊ะเข้าสู่โหมดเงียบอีกครั้ง
“เพื่อนเหรอ”
น้ำพึงพำออกมาเบาๆพร้อมด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะในลำคอ ฟ้าที่ได้ยินเพียงคยเดียวถึงกับเลิกคิ้วแล้วหันมามอง ฟ้านะกินจนเกือบอิ่มแล้วแต่พอมองดูก๋วยเตี๋ยวในถ้วยของน้ำมันกลับขึ้นอืดจนแทบไม่มีน้ำซุปอยู่ในชาม
“ทำไมไม่กินละน้ำ”
น้ำหันมามองสบตากับคนถาม ฟ้ารู้ดีว่าน้ำชอยอาหารประเภทเส้นมาก ที่ชวนกินก๋วยเตี๋ยวก็เหมือนเป็นความเอาใจอยู่กลายๆเช่นกัน
“ฟ้าไม่เคยมีเพื่อนนอกจากพวกเราสี่คนนี่”
ฟ้านิ่งเป็นคำตอบ ก็จริงอย่างที่น้ำพูด ตั้งแต่เด็กฟ้าจะไม่สนิทกับใครจนพามาแนะนำกับน้ำนอกจากคีย์ นี่มันเหนือความคาดหมายไปนิดสำหรับฟ้าแต่ค่อนข้างมากสำหรับน้ำ
“ก็แค่อยากลองมีเพิ่มขึ้นมาบ้าง”
“ทำไมถึงอยากมีละ?”
“แล้ววันนี้ทำไมช่างซักจังน้ำ จู่ๆเกิดอยากเป็นเจ้าหนูจำไมเหรอ”
ฟ้าเฉไฉไม่อยากตอบพอดีกับที่ต้นกลับมาที่โต๊ะน้ำจึงหันหน้าหนีไปกินในส่วนของตนต่อ คีย์กับเคนนั้นกินกันหมดแล้วจึงได้แต่นั่งเล่นมือถือพลางลอบมองสถานการณ์ของสามคนตรงหน้านี้แทน
“ฟ้ากินไก่ป่าว?”
ต้นกันมาถามพลางคีบชิ้นเนื้อไก่ขึ้นมาจ่ออยู่ตรงหน้าคนหน้าหวาน ฟ้าหันไปมองกำลังจะอ้าปากรับแต่เสียงช้อนตกกระทบชามดังแกร๊งนั้นเรียกความสนใจของเค้าซะก่อน น้ำยังคงหันหน้าหนีไม่มองมาทางฟ้าแต่เสียงนั้นเกิดขึ้นจากฝีมือน้ำแน่ๆ ฟ้าหันไปมองสบตากับคีย์ที่เหมือนจะเห็นทุกช็อตเต็มสองตา คีย์ส่ายหน้าเบาๆให้ฟ้าและนั้นก็ทำให้ฟ้าหันไปทางต้นต่อ
“ขอบใจนะแต่เราอิ่มแล้ว”
ต้นพยักหน้าเข้าใจแล้วกินไก่ชิ้นนั้นเอง ฟ้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้างเพื่อหลีกหนีสภาวะชวนอึดอัดนี้ น้ำดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีเอามากๆและก็ทำให้ทุกคนพลอยอึดอัดไปด้วย
“วันนี้ฟ้าเรียนถึงกี่โมง?”
ต้นถามขึ้นเมื่อตัวเองกินอิ่มแล้ว ฟ้าเองก็ตอบทั้งที่ยังไม่ละสายต่ออกจากโทรศัพท์ในมือ
“สี่ครึ่ง ทำไมเหรอ?”
“จะชวนไปกินบิงชู วันก่อนๆที่ฟ้าบอกว่าอยากกินแต่กลับพาเราไปกินข้าวต้มแทนไง วันนี้เลยจะพาไปกิน”
ฟ้ากรอกตาคิดนิดหน่อย
“วันนี้ไม่ได้”
“ทำไมละ?”
“วันนี้วันศุกร์ เรามีนัดแล้ว”
ซึ่งเป็นนัดกับพี่แบงค์ ต้นเองก็คิดขึ้นมาได้เลยอดที่จะทำหน้าหง่ำหน้างอไม่ได้
“ฟ้าลืมที่เราคุยกันเมื่อคืนแล้วเหรอ?”
ต้นถามเสียงเบา เค้าพยายามจะให้ฟ้าได้ยินเพียงคนเดียวเพื่อเป็นการรักษาเกียรติของอีกฝ่ายแต่ทว่าคนที่นั่งข้างอย่างน้ำก็ได้ยินอยู่ดี น้ำกำมือแน่นกัดฟันกรอดพยายามไม่หันไปมองคนทั้งคู่เพราะกลัวว่าจะอดไม่ไหวแล้วถล่าไปตั๊งหน้าไอ้หน้าม้อนั่นสักทีสองที
“ไม่ได้ลืมแต่มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับเรื่องที่เรามีนัดวันนี้ตรงไหน?”
“เกี่ยวสิถ้าคนที่ฟ้าไปด้วยเป็นผู้ชายอีกคน”
“แล้ว?”
“ก็เรา….”
“ไปกันได้รึยัง?”
น้ำทำทีถามเคนเสียงดังติดเข้มจนฟ้าสะดุ้งนิดหน่อย ต้นหันไปมองก็สบเข้ากันดวงตาดุกร่าวเหมือนจะหาเรื่องเค้ามากกว่าช่วงแรกซะอีก ท่าทางไม่ดีซะแล้วสิ
“งั้นเราไปนะ ค่อยคุยกันในไลน์ บายนะฟ้า บายนะทุกคน”
ฟ้ากับคีย์พยักหน้ารับแต่เคนกับน้ำนิ่งไม่มีการตอบโต้ใดใด ต้นลุกขึ้นยืนมือหนึ่งถือจานข้าวของตัวเองกะจะเอาไปเก็บแล้วเดินออกจากโรงอาหารไปอีกทางเลยแต่สายตาหันไปเห็นว่าฟ้าก็ยังไม่ได้เอาถ้วยของตนไปเก็บเหมือนกันต้นเลยยื่นมือไปคว้ามาถือไว้แบบไม่ถามความเห็นของเจ้าตัวสักคำ ฟ้ามองตามตาปริบๆกำลังจะอ้าปากห้ามแต่ต้นก็รีบปลีกตัวเดินหนีออกไปก่อน ฟ้าจึงได้แต่ขบเขี้ยวอยู่ในใจเพียงคนเดียว หลังจากที่ทุกคนเอาถ้วยชามไปเก็บแล้วก็พากันกลับโดยที่น้ำไปส่งฟ้าที่ตึกเหมือนกับคีย์ที่มีเคยมาส่ง น้ำยังคงนิ่งเงียบตีหน้าเครียดจนฟ้าไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถาม ขืนได้คุยตอนอารมณ์ไม่ดีมีแต่จะโดนพาลซะเปล่าๆ สู้รอให้อารมณ์ดีกว่านี้แล้วค่อยคุยกันก็ไม่สาย…ละมั่งนะ
“ขอบใจที่มาส่ง”
ฟ้าเอ่ยเมื่อน้ำจอดรถที่ริมฟุตบาทหน้าตึกเรียนของฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฟ้ากำลังจะหันไปเปิดประตูรถเพื่อลงแต่น้ำก็ดึงแขนเค้าไว้ซะก่อน
“เลิกเรียนแล้วรีบกลับห้องนะ”
ฟ้าเลิกคิ้ว
“ทำไม?”
“เปล่า”
“แต่เรามีนัด”
“กับใคร? คนเมื่อกี้นะเหรอ?”
น้ำยิ้มเยาะ ไม่คิดว่าคนๆนั้นจะเริ่มมีอิทธิพลกับการใช้ชีวิตของฟ้าถึงขนาดนี้ แต่เท่าที่เห็นและฟังเมื่อตอนอยู่ที่โรงอาหารมันก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงความสัมพันธ์ที่พัฒนาถึงขนาดที่พวกเค้ายังงงกันเป็นแถว
“ป่าว กับพี่แบงค์ คนที่เจอที่บาร์เมื่อวันที่ไปดริ้งส์กันครั้งล่าสุดนะ”
ถ้าเป็นคู่ควบแบบไม่มีความสัมพันธ์ทางใจมาเกี่ยวข้องฟ้ามักจะบอกกับน้ำได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากเพราะน้ำไม่เคยยุ่งวุ่นวายอยู่แล้วเหมือนอย่างที่เค้าไม่ยุ่งวุ่นวายกับสาวในสต็อคของน้ำเช่นกัน แต่แล้วทำไมต้องหงุดหงิดในเรื่องของต้นด้วยละ
“แคนเซิลซะ”
นั้นคือสิ่งที่แปลกประหลาดจนฟ้าถึงกับพูดไม่ออก
“ลงไปสิ ใกล้เวลาเรียนแล้วไม่ใช่รึไง”
ฟ้ากระพริบตาปริบๆแต่ยังไม่ขยับร่างกายน้ำจึงโน้มตัวผ่านหน้าฟ้าชนิดที่แนบชิดจนฟ้าเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ น้ำกดเปิดประตูให้ก่อนจะกลับมานั่งเหมือนเดิมแต่มีรอยยิ้มร้ายปรากฏอยู่บนใบหน้า ฟ้าก้าวลงจากรถพร้อมปิดประตูให้จนรถของน้ำแล่นออกไปยังท้องถนนเบื้องหน้า คีย์เดินเข้ามาตบบ่าเบาๆและนั้นก็ทำให้ฟ้าได้สติ
“เอ๋ออะไรเนี้ย ขึ้นห้องได้ละ”
“อืม”
Tbc… .
สารภาพมาว่ามีใครแอบหวังให้พี่น้ำปล้ำพี่ฟ้า 5555
ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังค่ะ แต่ก็มีฉากคล้ายๆกันอยู่นะ อิอิ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และกำลังใจค่ะ
:hao7: :hao7: :hao7:
-
เห้อมน้ำหวงก้างมากไปอะ :ling1:
-
อึ้งเล็กน้อยเพราะไม่ใช่อย่างที่คิด
เป็นกำลังใจให้น้ำนะ เด็กเอาแต่ใจของเจ้ :)
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
6
เมื่อเรียนเสร็จฟ้าไม่ได้กลับห้องโดยทันทีตามที่น้ำบอกแต่ฟ้าเลือกที่จะไปกินบิงชูกับต้นตามที่ได้คุยไลน์กันไปเมื่อก่อนหน้านี้ จะบอกว่าคุยก็คงไม่ใช่ต้องเรียกว่ายื่นข้อเสนอให้กันและกันจะถูกกว่า ในเมื่อฟ้าตกปากรับคำกับต้นไปแล้วว่าจะพยายามตัดใจจากคนๆนั้นในขณะที่ต้นก็จะช่วยและรออย่างไม่รุกล่ำ ฟ้าจึงต้องเลิกการทำตัวเลือนลอยไปกับคนนั้นทีคนนี้ทีเหมือนอย่างที่กำลังจะไปในคืนวันนี้
“สรุปฟ้าจะไปหาเค้าจริงๆใช่ไหม?”
ต้นถามย้ำตีหน้างอเหมือนเด็กถูกขัดใจ มือก็ตักบิงชูใส่ปากตัวเองไปจนฟ้ายิ้มบาง ฟ้ามองว่าต้นนั้นเหมือนเด็ก เด็กติดพี่ที่ชอบเรียกร้องความสนใจ
“ใช่”
“โคตรไม่ชอบเลย”
“อย่างอแง”
“ทำอย่างกับเราเป็นเด็กไปได้ เราป่าวงอแงนะ แค่ห่วงฟ้า”
“ห่วงหรือหวงไม่ทราบ”
ฟ้าลองถามขำๆแต่ต้นกลับตอบรับซะเต็มปากเต็มคำว่า ‘ทั้งสอง’ พร้อมทำสีหน้าจริงจังจนฟ้าไม่กล้าพูดต่อ ยอมรับว่าแพ้ความเที่ยงตรงและแน่วแน่นี้แต่มันก็ยังไม่แรงพอที่จะทำลายกำแพงของฟ้าไปได้ แน่ละ กำแพงปิดกั้นจากทุกคนให้มีแค่น้ำกับฟ้านั้นมันก่อร่างสร้างตัวมากว่าสิบปี จู่ๆจะมาทำลายง่ายๆก็คงไม่ใช่ละ
“เราจะไปด้วย”
“จะบ้าเหรอ มันเป็นนัดของเรากับเค้านะ เอาคนอื่นไปด้วยก็เสียมารยาทสิ”
ต้นสลดลงกับคำว่าคนอื่นที่ออกมาจากปากฟ้าแบบไม่แม้แต่จะใคร่ครวญคิด ฟ้าเห็นสีหน้าสลดนั้นแล้วก็อดรู้สึกแย่ไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังหลอกใช้ความรู้สึกของต้นเพื่อให้ตัวเองตัดใจโดยที่ไม่มีเปอร์เซ็นที่จะตอบกลับความรู้สึกนั้นแก่ต้นเลยก็ตาม แต่ฟ้าก็อดที่จะใจอ่อนด้วยไม่ได้อยู่ดี ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้ หรือช่วงนี้หัวใจอ่อนล้าเต็มทนแล้วนะ
“ให้ไปด้วยก็ได้ แต่อยู่คนละโต๊ะนะ”
ต้นหน้าชื่นตาบานขึ้นทันที เค้าพยักหน้ารัวๆแล้วตักบิงชูหวานๆขึ้นมาจ่อปากให้คนตรงข้าม ฟ้ายิ้มให้ก่อนจะอ้าปากรับ ทั้งคู่กินไปช้าๆรอเวลานัดจนกระทั่งบุคคลที่นัดโทรมาคอนเฟิร์มว่าเปิดโต๊ะรอที่บาร์แล้วฟ้าจึงมุ่งหน้าไปพร้อมกับต้น ต้นรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่เอารถตัวเองไปเก็บไว้ที่หอก่อนเพราะเมื่อได้ไปบาร์แบบนี้ฟ้าคงจะดื่มแล้วถ้าปล่อยให้ขับรถกลับเองคนจะอันตรายน่าดู เค้าห่วงคนๆนี้มากกว่าที่คิดซะอีก
ไม่กี่นาทีพวกเค้าก็มาถึงบาร์เจ้าเดิมที่เคยมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ที่พูดว่าเจ้าเดิมเพราะมันคือบาร์ประจำของฟ้า น้ำ คีย์และเคน ฟ้าเดินนำต้นไปยังด้านในก่อนจะมองไปยังโต๊ะที่แบงค์บอกมาก่อนหน้านี้ พอเห็นคนที่นัดฟ้าจึงบอกต้นให้ไปเปิดโต๊ะอื่นนั่งรอพร้อมกับชี้ไปในเชิงบอกว่าตนจะอยู่ที่โต๊ะนั้น ต้นพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายฟ้าจึงเดินตรงไปยังโต๊ะที่ว่าทันที แบงค์หันมาเจอฟ้าแล้วก็ยิ้มกว้าง วันนี้เค้าอารมณ์ดีที่ได้เจอคนหน้าหวานอีกครั้งจึงสั่งของแพงอย่างบรั่นดีมาจิบ
“รอนานไหมครับ?”
ฟ้าพูดทักแล้วเดินไปนั่งยังอีกฝั่ง
“ไม่นานหรอก ฟ้ามานั่งนี่สิ”
พูดพร้อมกับตบเบาะข้างๆตนไปด้วยแต่ฟ้าส่ายหัว
“นั่งนี่แหละครับ สบายออกไม่ต้องไปเบียดกัน”
“แต่พี่อยากให้ฟ้าเบียดนะ”
แบงค์พูดพร้อมแย้มยิ้มโชว์เสี้ยวหน้าหล่อเหลา ฟ้ายิ้มตอบ เค้ายอมรับว่าแบงค์เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง ถ้าไม่ติดที่ว่าเค้ามีใครอยู่ในใจแล้วเค้าอาจจะตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ได้ง่ายๆ แบงค์เป็นคนอัธยาศัยดีและรู้การรู้งาน เวลาไหนควรหยอดเวลาไหนควรเงียบและควรรุกเอาตอนไหน ถือว่านอกจากจะหน้าตาดีแต่งตัวภูมิฐานมีหน้าที่การงานที่เลิศแล้วยังถือว่าเป็นว่าที่สามีที่เพอร์เฟ็กสำหรับคู่ครองเลยก็ว่าได้ แต่คู่ครองคนนั้นไม่ใช่ฟ้าแน่นอน
ฟ้ารับแก้วเหล้าสีทองอำพันมาจากพนักงานก่อนจะชูให้คนตรงข้าม แบงค์ละเมียดละไมจิบลิ้มรสความลึกล้ำของบรั่นดีราคาแพงพร้อมด้วยอาหารตาอย่างคนตรงหน้า ฟ้ารู้ถึงสายตาจาบจวยนั้นแต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร เค้าได้แต่มองไปทางโต๊ะเล็กที่ห่างกันไปไม่ไกล ต้นนั่งยกขวดเบียร์ขวดเล็กอยู่ที่นั้น ฟ้าเห็นสีหน้าหงุดหงิดพร้อมด้วยอาการยกดื่มอึกๆขนิดที่แทบจะดื่มต่างน้ำแล้วก็ได้แต่พ้นลมหายใจ
ก็บอกแล้วว่าอย่างมา เพราะเมื่อมาก็ต้องเห็นและเจ็บเองแบบนี้ไง
“ฟ้ามีเรื่องเครียดเหรอ?”
ฟ้าหันไปสนใจผู้ร่วมโต๊ะเมื่อได้ยินคำถาม เค้าส่ายหน้าเป็นคำตอบแต่แววตาสงสัยยังคงจ้องมองมาไม่หยุดหย่อน ฟ้าถอนหายใจวางแก้วแล้วยืดตัวนั่งพิงเบาะดีๆ
“ผมว่าเราควรจะหยุดความสัมมพันธ์แบบนี้กันสักที”
มือที่กำลังยกแก้วขึ้นจิบหยุดชะงัก ดวงตาสีดำจ้องมองคนพูดด้วยความไม่เข้าใจ
“ผมขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ผม...”
“มีตัวจริง?”
ฟ้านิ่งไปนิดก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“งั้นแล้วทำไม...”
“ผมขอโทษ”
ฟ้าไม่ต้องการชี้แจงเหตุผลและเค้าหวังว่าคนที่รู้การรู้งานอย่างแบงค์จะเข้าใจ และแบงค์ก็เข้าใจจริงๆ แบงค์ไม่เซ้าซี้ต่อแต่ชวนฟ้าดื่มและพุดคุยสัพเพเหระไปเรื่อยๆเหมือนคนรู้จักที่มาดื่มเหล้าด้วยกันเฉยๆ ฟ้าเบาใจไปเปาะถึงแม้จะมีความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆก็ตาม
“ผมว่าผมต้องขอตัวกลับแล้วละครับ”
ฟ้าเอ่ยหลังจากที่มองดูเวลาเห็นว่าใกล้จะเที่ยงคืนแล้วและต้นก็เลิกกินตั้งแต่หมดขวดที่สาม คงไม่เมาหรอกนะแค่เบียร์ขวดเล็กสามขวด
“งั้นขอให้โชคดี ถ้าคิดถึงก็โทรหาพี่ได้เสมอนะ”
“ขอบคุณครับ”
ฟ้ายิ้มรับแล้วลุกขึ้นยืนเดินตรงไปยังโต๊ะของต้นโดยมีสายตาของแบงค์จับจ้องอยู่ตลอดจนคนทั้งคู่เดินหายออกจากบาร์ไป แบงค์ถอนหายใจแล้วเอนกายลงพิงกับเบาะด้านหลัง พูดตามตรงก็อยากจะยื้ออยากจะรั้งแต่เค้ามองคนอย่างฟ้าออก ฟ้าไม่ชอบแน่ถ้าเค้าจะทำและถ้าเค้าอยากอยู่ในความทรงจำด้านดีของอีกฝ่ายเค้าจำต้องยอมรับในสิ่งที่ฟ้าขอ
ทั้งที่เค้าออกจะชอบคนหน้าหวานขนาดนี้แท้ๆ
“ฟ้าโอเคไหม?”
ต้นถามขึ้นเมื่อพวกเค้ามาถึงรถมินิสีแดงของฟ้า ฟ้าส่ายหัวแต่ต้นก็ยังไม่วางใจเพราะคนหน้าหวานตาบลือจนหวานเยิ้มไปกับหน้า บอกได้คำเดียวว่าใครเห็นฟ้าตอนนี้แล้วไม่หลงนี่มันต้องตายด้านชัวร์ร้อยเปอร์เซ็น
“เดี๋ยวเราขับรถให้ เอากุญแจมา”
“ไม่เป็นไร เราขับไหว”
“อย่าดื้อสิ เอากุญแจมาเดี๋ยวขับไปส่งถึงคอนโดเลย”
“แล้วต้นจะกลับยังไง ขับไปส่งเราที่คอนโดแล้วก็ให้เราขับไปส่งต้นที่หอพักอีกทีงี้เหรอ?”
ฟ้าพูดติดตลกแต่ต้นไม่ขำด้วย
“ด้วยเรานั่งแท๊กซี่กลับเอง”
“ไม่เอา เดี๋ยวไปส่งเอง”
“ฟ้าอย่าดื้อ”
“กล้าขัดเราเหรอ?”
ต้นถึงกับเงียบ ไม่ใช่กลัวจนไม่กล้าขัดแต่เค้าปลงกับคนเมาที่บอกว่าตัวเองขับรถไหว
“เราคอแข็งกว่าต้นอีกนะ”
“ครับๆ ไปส่งเราก็ได้แต่เราขอขับเองนะ”
ฟ้ายิ้มกว้างแล้วล้วงเอากุญแจให้ต้นในทันที ต้นยิ้มอ่อนเมื่อเห็นอีกด้านของคนหน้าหวาน ฟ้าเปิดประตูเข้าไปนั่งเมื่อต้นปลดล็อคแล้วเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ต้นขับตรงไปยังหอพักของตนจริงๆแต่ไม่คิดที่จะให้ฟ้าขับกลับแน่นอน เค้าจะพาฟ้าขึ้นไปค้างที่ห้องจนแน่ใจว่าฟ้าส่างจนน่าวางใจจึงจะปล่อยให้กลับ ต้นขับมาไม่นานก็ถึง หอของเค้าเป็นหอพักขนาดใหญ่ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยดีพอสมควร ต้นไม่ได้ร่ำรวยถึงขนาดซื้อคอนโดอยู่แต่ก็พอมีฐานะที่จะอยู่ในหอพักขนาดใหญ่แบบนี้
“ฟ้า”
ต้นเอ่ยเรียกเมื่อขับรถเข้ามาจอดยังที่จอดรถใต้หอ ฟ้าที่เผลอหลับงัวเงียตื่นขึ้นมาก่อนจะมองไปรอบๆ
“นี่มันที่ไหนกันอะ?”
“ที่จอดรถหอเราเอง ลงเถอะ”
“ลงไปไหน?”
ฟ้าตีคิ้วยุ่งแต่ต้นกลับยิ้มกว้าง
“ขึ้นไปห้องผมไง ฟ้าไปพักสักงีบให้ส่างกว่านี้ก่อนแล้วค่อยกลับนะ ถือว่าเราขอ”
ฟ้ามองหน้าต้นนิ่งๆพินิจพิจารณาสักครู่ก่อนจะพยักหน้าตกลง ต้นลิงโลดจนแทบอยากกระโดดเข้าไปกอดคนหน้าหวานแต่ก็ต้องห้ามใจไว้ ต้นลงจากรถมายืนรอฟ้าข้างนอกไม่นานคนหน้าหวานก็ตามลงมา เค้ากดล็อตแล้วยื่นกุญแจคืนเจ้าของแล้วก็เดินนำเข้าไปยังด้านใน ฟ้าลอบมองตัวตึกไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นหอพักแต่มันก็ดูดีพอสมควร ต้นสแกนนิ้วเพื่อเปิดประตูเข้าไปยังด้านใน กดลิฟท์ด้านหน้าไม่นานลิฟท์ก็มา ห้องของต้นอยู่ที่ชั้น5 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด วิวสวยอากาศก็ดีมีแอร์มีตู้เย็นครบครัน ฟ้าลอบสังเกตุเครื่องตกแต่งสไตล์ซอฟลอฟ ทุกสิ่งเน้นโทนสีน้ำตาลลายไม้ ดูอบอุ่นและอิงธรรมชาติ
“ฟ้าเข้าไปนอนที่ห้องนอนเลยก้ได้นะ เดี๋ยวเราเอาน้ำไปให้”
ต้นดูตื่นเต้นมากเมื่อมีคนที่ตนชอบอยู่ในห้องของเค้า ใช่ว่าเค้าจะไม่เคยมีแฟน แต่คนที่เค้าชอบถึงขนาดนี้ก็พึ่งมีฟ้านี่แหละที่เป็นคนแรกของใจ
“ไม่อะ ขอนอนตรงนี้แทนได้ม่ะ?”
ฟ้าชี้ไปที่โซฟาเตี้ยสีส้มอิฐ ถึงจะเรียกว่าโซฟาแต่มันกลับคล้ายกองผ้าห่มนวมที่เอามาทับถามกันจนกลายเป็นก้อนผ้าชิ้นใหญ่เสียมากกว่า ดูท่าทางจะนุ่มดีแต่ไม่ค่อยเป็ระเบียบเรียบตึง
“ไม่ดีหรอก มันนุ่มเกินเดี๋ยวฟ้าปวดหลัง”
“งั้นนอนพื้น”
“โถ่ฟ้า อย่าให้เราต้องรู้สึกแย่จะได้ไหมอ่า”
ฟ้ายิ้มขำ
“โอเคๆ งั้นนอนเตียง แล้วต้นจะนอนไหน?”
“เรายังไม่นอน ขอทำงานอีกนิดหน่อย”
“โอเค งั้นตีสองปลุกเราทีนะ ป่านนั้นเราคงส่างแล้วแหละ”
ต้นพยักหน้ารับฟ้าจึงเดินผละเข้าไปที่ห้องซึ่งคาดว่าคงเป็นห้องนอน ต้นมองตามจนบานประตูปิดลง เค้าใจพองฟูจนแทบลอย แต่ก็ต้องระงับอาการแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำเย็นๆใส่แก้วก่อนจะเดินเอาไปให้คนเมาที่ห้องนอน พอเปิดประตูได้ต้นก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย คนหน้าหวานนอนหลับตาพริ้มด้วยท่วงทางที่เรียกเสียงใจเต้นได้เป็นอย่างดี ไม่สิ มันเต้นโครมครามเลยซะมากกว่า ต้นเลียบๆเคียงๆเข้าไปวางแก้วที่โต๊ะตั้งโคมไฟข้างเตียงแล้วนั่งลงที่ริมเบาะใกล้ร่างของคนหน้าหวาน เค้าเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าออกจากกรอบหน้าหวานแล้วยกยิ้มพราย ลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าฟ้าหลับลึกไปแล้ว
“ขอบคุณที่ไว้ใจกัน”
ต้นพูดเพียงแค่นั้นแล้วกดจูบลงที่เรือนผมหอม เค้าลุกขึ้นยืนเมียนมองร่างโปร่งอีกรอบแล้วจึงเดินออกจากห้องไป เมื่อภายในห้องตกอยู่ในความมืดและเงียบอีกครั้ง ดวงตาสีดำนิลโพล่งขึ้นท่ามกลางความมืด ฟ้ายังไม่หลับและเค้าก็ได้ยินทุกถ่อยคำอย่างชัดเจน ฟ้าขมวดคิ้วมุ้ยเมื่อรับรู้ได้ถึงความจริงใจของอีกฝ่าย ทำไมใจเค้าไม่หันมาหาคนๆนี้นะ ทำไมต้องไปรักคนใจร้ายที่ไม่คิดจะรักกันเลยสักครั้ง รักในแบบที่เค้ารัก รักที่ไม่ใช่ความรักแบบเพื่อนสนิท
“ต้น!”
ต้นสะดุ้งโหย่ง รีบผุดลุกขึ้นจากโซฟาก่อนจะเหลียวมองไปยังต้นตอของเสียง ฟ้ายืนหน้าขึงตึงกอดอกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“มะ มีอะไรเหรอฟ้า?”
“ทำไมไม่ปลุกเราเมื่อคืน”
เสียงติดดุตอบกลับมาจนต้นได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆไปให้ เค้าเหลียวมองนาฬิกาเห็นว่าล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่ไปได้สองสามชั่วโมงแล้ว ถ้าเป็นวันปกติก็เรียกว่าสายเลยแหละ แต่นี่วันเสาร์จะนอนยาวขนาดไหนก็ได้
“เราปลุกแล้วนะ แต่ฟ้าไม่ตื่น เราเลยปล่อยให้นอนต่อไปอะ”
“บ้าจริง”
ฟ้าสถบแล้วรีบรุกไปที่ประตูหน้า ต้นหน้าตาตื่นทันทีที่เห็นท่าทีแบบนั้น
“ฟ้าจะรีบไปไหน?”
เค้าถามพลางเดินตามฟ้าออกจากห้องมายังลิฟท์
“กลับ”
“ทำไมต้องรีบขนาดนั้นละ วันนี้วันเสาร์นะ ไม่มีเรียน”
“ช่างเราเหอะ”
“ทางบ้านไม่ให้ค้างที่อื่นเหรอ?”
“ป่าว”
“งั้น...”
“แต่เราต้องรีบกลับอยู่ดี ขอบคุณสำหรับเมื่อคืนนะ”
ต้นมองตามร่างโปร่งที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากลิฟท์ไปเปิดประตูและมุ่งตรงไปยังลานจอดรถชั่นล่าง เค้าเฝ้ามองจนมินิคูเปอร์สีแดงสดขับออกไปสู่ท้องถนนด้านหน้า ต้นลอบถอนหายใจ ไม่รู้หรอกว่ารีบเพราะเรื่องอะไรแต่ถ้าฟ้ายอมเปิดใจให้เค้าสักนิด...เดี๋ยวฟ้าก็คงจะบอกเค้าเองแหละนะ...
แกร๊ก!
เฮือก!!
ฟ้าถึงกับสะดุ้งโหย่งเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็เจอเข้ากับสายตาดุที่ฉายแววโรจน์ของใครบางคนเข้า น้ำจ้องมองร่างโปร่งที่เดินเข้ามาด้วยท่าทางตื่นกลัว ตุถึงอย่างนั้นเค้าก็ไม่ลดโทษะที่มอดไหม้อยู่ภายในนี้ได้
“มาอยู่นี่ได้ไงอะน้ำ?”
ฟ้าลองถาม แต่น้ำยังคงนั่งจ้องเค้านิ่งอยู่เหมือนเดิม
“งั้นเรา...”
“ไปไหนมา?”
เสียงเข้มติดดุเอ่ยขัด
“ไปบาร์”
“แล้วค้างกับคนนั้น?”
“..........”
ฟ้าได้แต่เงียบ ถ้าบอกว่าไม่ได้ไปกับพี่แบงค์ก็คงถามต่อว่าไปค้างที่ไหนกับใคร แล้วถ้ายิ่งรู้ว่าไปกับต้น ระบิดคลง ทำไมน้ำต้องไม่ชอบต้นขนาดนั้นด้วยนะ
“เงียบทำไม?”
“เราหิว มีอะไรกินบ้างอะ?”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องฟ้า”
น้ำขึ้นเสียงพร้อมลุกขึ้นไปจับแขนคนตรงหน้าไว้แน่น ฟ้านิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะอาการเจ็บแปร๊บ
“น้ำเราเจ็บ”
“เมื่อคืนไปกับไอ้เหี้ยต้นมาใช่ไหม? ไปค้างกับมันใช่ไหม!?”
ฟ้าเบิกตากว้าง น้ำรู้ได้ยังไง
“หึ เถียงไม่ออกละสิ ไม่ต้องงงว่าทำไมเราถึงรู้เพราะเรากำลังจะบอกว่าเมื่อคืนเราก็อยู่ที่บาร์นั้นไง”
ฟ้านิ่งอึ้ง
“ถูกใจมันมากงั้นเหรอ ชอบมันมากถึงขนาดไม่สนใจในสิ่งที่เราพูดแล้วงั้นเหรอ?”
ฟ้าส่ายหัวรัว
“ไม่ใช่”
“ปากบอกว่าไม่แต่การกระทำมันตรงกันข้าม!”
ฟ้าพูดไม่ออก เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำถึงได้โกรธอะไรมากมายถึงขนาดนี้
“น้ำเป็นอะไร?”
น้ำกดยิ้มที่มุมปาก
“เราก็เป็นเพื่อนฟ้าไง เป็นเพื่อนที่สำคัญกว่าใคร และเป็นเพียงคนเดียวที่ฟ้าให้ความสำคัญ!”
“น้ำ มันไม่มากไปเหรอ”
“มากไปยังไง ในเมื่อที่ผ่านมามันก็เป็นอย่างนี้มาโดยตลอดแต่พอมีไอ้เหี้ยนั้นโผล่เข้ามา....”
น้ำกัดฟันกรอด
“ฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนไป”
ฟ้านิ่วหน้าเพราะน้ำเพิ่มแรงที่บีบรัดจนเกิดเป็นรอยแดง
“น้ำปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
“แต่เราไม่ใช่ของตายนะเว้ย! น้ำมีได้แล้วทำไมเราจะมีไม่ได้!!”
ฟ้าสุดจะกลั่น อารมณ์ผิดหวังทวีความรุนแรงขึ้นจนจุกอก
“เรามีได้เพราะเราไม่ได้รัก แต่ฟ้ากำลังจะรักมัน”
เสียงเข้มกดต่ำจนพาลทำให้บรรยากาศเย็นยะเยือก
“เอาอะไรมาพูด”
ฟ้าพูดเสียงอ่อน การได้ยินคนที่ตัวเองรักกล่าวหาว่าตนรักกับอีกคนมันเจ็บใช่ได้ดีเหมือนกัน
“เอาสิ่งที่เห็นไง ฟ้าคิดว่าเราตาบอดหูหนวกอยู่รึไง เราเป็นคนที่รู้จักและเข้าใจฟ้าที่สุดนะ”
ฟ้ากดยิ้มเยาะ
“แต่ตอนนี้ไม่ใช่”
ตึก!
น้ำกระชากฟ้าจนลอยลิ้วไปกระแทกโซฟาอย่างแรง ถึงแม้โซฟาจะนุ่มพอสมควรแต่ด้วยแรงส่งที่มีมากจึงทำให้ฟ้าจุกไปพอสมควร น้ำไม่รอให้ฟ้าตั้งหลักได้ เค้าถล่าเข้ามาค่อมทับร่างโปร่ง มือทั้งสองข้างกระชากปกเสื้อเชิตของฟ้าขึ้นจนคนด้านล่างตัวลอยขึ้นตามแรงยก วินาทีแรกที่ฟ้าลืมตาขึ้นมองก็ต้องตกใจกับใบหน้าที่ใกล้กันเพียงคืบ แต่ดูเหมือนน้ำจะไม่รับรู้ถึงปฎิกิริยานี้
“ตอนนี้อะไรๆก็เป็นมันไปหมดแล้วงั้นสิ”
ฟ้าไม่ตอบแต่ผลักคนด้านบนออกแรงๆแล้วต่อยเข้าที่เสี้ยวหน้าด้านข้างเสียเต็มแรง น้ำเซไปชนเข้ากับพนักพิงโซฟาก่อนจะยกมือขึ้นลูบ เค้ากัดฟันแน่น ฟ้าไม่เคยรุนแรงกับเค้าถึงขนาดต่อยกันแบบนี้ เพราะมัน เพราะไอ้เหี้ยนั้นคนเดียว
ในขณะที่สถานการณ์ยังคงมาคุ จู่ๆก็เกิดเสียงสั่นเคลือของโทรศัพท์แทรกขึ้นมา ฟ้ารับรู้ได้ถึงแรงสั่นที่กระเป๋ากางเกงตน เค้ากำลังจะเอื้อมมือลงไปหยิบแต่น้ำไวกว่า เค้าฉกเอาโทรศัพท์ขึ้นไปดูสายโทรเข้าก่อนจะยิ้มร้ายจนฟ้าเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ
“น้ำเอาคืนมา”
น้ำไม่ตอบแต่กลับสไลด์รับสายแล้วเอาไปแนบหูตัวเอง ฟ้าเงียบรอฟังเสียงที่สอดแทรกออกมา คับคล้ายคับคลาว่าจะเป็นต้น เค้าพยายามดิ้นเร้าเพื่อเอื้อมไปแย่งโทรศัพท์กลับคืนมาแต่ก็ศูนย์เปล่าเมื่อตัวเค้าแทบครึ่งอยู่ภายใต้ร่างกายที่กำยำของน้ำ น้ำมันแรงเยอะเสียงยิ่งกว่าอะไรดี
“อย่ามายุ่งกับเมียกูอีก”
เสียงเข้มตอบกลับผู้ที่อยู่ปลายสาย ฟ้าชะงัก เช่นเดียวกันคนที่โทรเข้ามาด้วยความเป็นห่วง
“เชี่ย! ปล่อย ใครเป็นเมียมึง!!”
การที่ฟ้าขึ้นคำหยาบแสดงว่าถึงขีดสุด น้ำนึกฉุน ก่อนหน้านี้ไม่ว่าเค้าจะใช้สถานะจอมปลอมนี้กับใครฟ้าก็ไม่มีอาการโกรธจัดแบบนี้ หึ แล้วยังจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับไอ้เหี้ยนี่อีกเหรอ ไม่ได้การ เค้าต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
/มึงเป็นใครไอ้สัส มึงทำอะไรฟ้า/
ปลายสายตะโกนมาด้วยโทสะเช่นกัน ต้นห่วงฟ้ามาก มากจนอยากจะหายตัวแล้วมาอยู่ข้างๆคนหน้าหวาน
“ปล่อยนะ”
“หุบปาก!”
/ไอ้เหี้ย อย่าทำอะไรฟ้านะมึง!/
น้ำกดยิ้มร้าย ฟ้าลอบมองเสี้ยวหน้านั้นอย่างโกรธเคือง ไม่ชอบใจ ไม่ชอบเลยจริงๆกับแววตาเจ้าเล่ห์ที่เค้าไม่เคยเห็น
น้ำเป็นอะไร ทำไมถึงต้องทำแบบนี้
“หึ ผัวจะทำอะไรกับเมียได้ละ ถ้าไม่ใช่....”
“ไม่นะ ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้ น้ำปล่อย!!!”
คนปลายสายชะงักค้าง อารมณ์คุกรุ่นพาลหยุดกระทันหันเมื่อได้ยินชื่อบางคนดังแว่วมากับเสียงที่คุ้นเคย
น้ำ...อย่างนั้นเหรอ
ภาพผู้ชายที่อยู่อีกด้านข้างๆคนหน้าหวานฝุดขึ้นมาในหัว แววตาชิงชังที่ส่งมาให้เค้าตรงๆนั้นมันชัดเจนจนต้นเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้
รัก...แต่ไม่สามารถคบกันได้อย่างนั้นเหรอ
กึ๊ก!
/ฟ้า!!!/
น้ำยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินเสียงตะโกนมาจากโทรศัพท์สีขาวเครื่องหรู ตอนนี้น้ำวางโทรศัพท์ไว้เหนือเตียง มือทั้งสองข้างกำลังจับร่างโปร่งกดลงที่นอนด้วยท่าคว่ำหน้า ฟ้าดิ้นพล่านแต่ก็สู้แรงของน้ำไม่ได้อยู่ดี
“น้ำ จะทำอะไรนะ!?”
ฟ้าถามเสียงตื่นกลัว แต่น้ำไม่สน
“ทำให้มันรู้ไงว่าฟ้าเป็นของใคร”
TBC....
:katai4:
-
น้ำบ้าไปแล้ว
-
เกลียดคนหวงก้าง :hao7: :hao7:
-
ใครก็ได้ไปดึงสติน้ำที - -
เราพอเห็นคำผิดบ้างนิดหน่อย รุกล้ำสะกดแบบนี้นะคะ แล้วก็โทสะ ใช้ส.เสือค่ะ :)
-
ขอเชือกยาวๆคะ :z10: ดึงสติน้ำทีสงสารฟ้าเลยงื้ออ
-
ขอเชือกยาวๆคะ :z10: ดึงสติน้ำทีสงสารฟ้าเลยงื้ออ
-
ชอบ^^
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
7
ต้นกัดฟันกรอด เค้ายังคงไม่กล้าตัดสายจากคนที่โทรหา แต่จะให้ทนยืนฟังเฉยๆมันก็ไม่ได้ ต้นจึงหันไปหยิบโทรศัพท์ภายในห้องมากดต่อสายหาเพื่อนอีกคนของฟ้า และน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้
/สวัสดีครับ/
ปลายสายรับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“คีย์ใช่ไหม นี่ต้นนะ”
ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจ ท่าทางคงกำลังตกใจกับน้ำเสียงที่ร้อนรนของคนที่โทรหา
/ว่าไง เป็นอะไรรึเปล่าเนี้ย?/
“เราไม่ได้เป็น แต่ฟ้ากำลังจะเป็น”
/ห่ะ ฟ้ามันเป็นอะไร!?/
“อธิบายทีหลังได้ไหม ตอนนี้เราต้องรีบไปหาฟ้าก่อน คีย์มีกุญแจหรือรู้เบอร์ห้องฟ้ารึเปล่า?”
/ไม่มีหรอกกุญแจ แล้วถึงจะรู้เบอร์ห้องแต่ถ้าไม่ใช่คนในพาเข้าก็เข้าไม่ได้อยู่ดี/
“เหี้ยเอ๊ย!!”
/ใจเย็นๆแล้วเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้น/
ต้นเหลียวไปมองยังโทรศัพท์ที่อยู่ในมืออีกข้าง เสียงอึกทึกคึกโครมยังคงดังเล็ดลอดออกมาให้ใจสั่นไหว
“น้ำ”
/น้ำมันทำไม?/
“น้ำกำลังจะข่มขืนฟ้า”
ปลายส่ายนิ่ง คีย์อึ้งจะแทบพูดไม่ออก
/ไม่จริงน่า มันเป็นเพื่อนกันมาเกือบสิบปีเลยนะ/
“แล้วไอ้เสียงร้องขอความช่วยเหลือของฟ้าที่เราได้ยินนี่คืออะไร คีย์เราไม่มีเวลามาพูดเล่น ไปช่วยฟ้ากับเราที”
/ได้ๆ เจอกันที่คอนโดฟ้าเลย แค่นี้นะ/
ต้นวางโทรศัพท์ลงก่อนจะรีบรุดไปหยิบกุญแจรถและมุ่งตรงสู่คอนโดเป้าหมายในทันที
น้ำจับฟ้าให้พลิกมานอนหงายก่อนจะรวบมือทั้งสองข้างของคนใต้ร่างไว้เหนือหัว ฟ้าสบโอกาสตอนที่น้ำกำลังสาละวนกับมือเค้ายกขาขึ้นยันโครมเข้าให้จนน้ำปลิวไปกระแทกกับตู้เสื้อผ้าด้านหลัง น้ำกัดฟันกรอด ฟ้ารีบผุดลุกขึ้นตั้งท่าจะวิ่งหนีออกจากห้องแต่ไปยังไม่ทันจะถึงประตูก็โดนรวบเอวจากด้านหลังแล้วโยนจนตัวลอยไปนอนอยู่บนเตียงเช่นเดิม
ฟ้าจุกจนตัวงอ คราวนี้น้ำไม่พลาดที่จะแทรกตัวอยู่ตรงระหว่างขาทั้งสองข้างทำให้ฟ้าไม่สามารถถีบเค้าได้อีก ฟ้าดิ้นพล่านมือข้างหนึ่งหลุดจากการจับกุมจึงฟาดใส่หน้าน้ำซ้ำลอยชกจนเลือดไหลลงมาจากมุมปาก ฟ้านิ่งงัน หัวใจเจ็บแปร๊บขึ้นมาอีกครั้ง น้ำชะงักยกมือปาดรอยเลือดที่ไหลอาบก่อนจะกดตาลงต่ำจ้องมองมายังคนทำที่มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน
“ขะ ขอโท...อื้อออออ!”
ฟ้ายังพูดไม่จบดีน้ำที่เส้นสติขาดผึ่งได้ก้มลงประกบปากจูบให้ฟ้าได้ลิ้มชิมรสชาติเลือดสดๆอย่างเค้าบ้าง น้ำทั้งดูดทั้งกัดจนแทบจะกระชากเรียวปากเล็กนั้นให้หลุดคาปาก สัญชาตญาณดิบได้ถูกปลุกขึ้น น้ำรวบมือทั้งสองข้างของฟ้าให้ขึ้นไปอยู่ด้านบนอีกครั้งก่อนจะเลื่อยมือตนไปประชากเสื้อเชิตนักศึกษาของฟ้าจนขาดหลุดลุ่ย ฟ้าสะดุ้งเฮือก
“อื้ออออ!!”
ฟ้าร้องได้เพียงแค่นั้นเพราะน้ำยังคงไม่ปล่อยปากเค้าให้เป็นอิสระ ฟ้าลอบสบตาดุ เค้ารับรู้ได้แค่เพียงความโกรธที่สิงสู่อยู่ภายในไม่มีวี่แววของความเห็นใจเลยแม้แต่น้อย
ฟ้าสะดุ้งอีกครั้งเมื่อรับรู้ถึงเสียงการปลดเข็มขัด คราวนี้ฟ้าดิ้น ถ้าขาทำอะไรไม่ได้ก็ต้องเอามือให้รอดไว้ก่อน สองมือของฟ้าขัดกันไปมาจนมือหนาเริ่มคลาย ฟ้ากระชากแรงๆอีกทีสองทีน้ำจึงผละออกจากปากแล้วก้มลงไปคลอเคลียอยู่ที่หน้าอกแทน ทันทีที่ปากชื้นคลอบลงที่จุกเล็กนั้นฟ้ารู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าสถิต ทั่วร่างกระตุกเรี่ยวแรงหดหายได้แต่อ้าปากส่งเสียงที่น่าอายนั้นออกมา ฟ้าไม่เคยบอกใครว่าจุดอ่อนเค้าอยู่ตรงนี้ ยิ่งฟ้าเป็นคนไวต่อสัมผัส ยิ่งทำให้ปฎิกิริยานั้นเพิ่มพูนขึ้นเป็นสองเท่า น้ำลอบยิ้มเมื่อได้รู้ถึงสิ่งใหม่และดูเหมือนฟ้าจะโอนอ่อนจนน่าพอใจ น้ำทั้งดูดทั้งคลึงจนเมื่อขบกันไปเบาๆคนใต้ร่างกลับสะดุ้งเฮือก
“หึ”
ความรู้สึกยินดีนี้คืออะไร ความรู้สึกพอใจนี้มาได้ยังไง มันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการไปยุ่งกับผู้หญิงทั้งหมดตั้งแต่ที่เคยทำมาเลยด้วยซ้ำ
น้ำยืดตัวขึ้นลอบมองคนใต้ร่างที่หอบหายใจหนักๆอยู่กับที่ ฟ้าที่มีผิวขาวเนียนละเอียดผิดกับผู้ชายทั่วไปตอนนี้กลับแดงเทือกไปแทบทั้งตัว ใบหน้าหวานยิ่งหยาดเยิ้มมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว ดวงตากลมนั้นรื้อไปด้วยหยาดน้ำตาถึงแววตาจะออกตำหนิแต่กลับดูดื้อรั้นจนน่าทำให้ยอมจำนน
กริ๊งงงงง!!!
เสียงโทรศัพท์ประจำห้องดังขึ้น น้ำหันควับไปมองด้วยแววตาหงุดหงิดเนื่องจากโดนขัดจังหวะ ฟ้าถือโอกาสนี้ถกตัวหนีแต่ก็ไม่พ้น
“น้ำ”
“หุบปาก”
“หยุดเถอะ”
“บอกให้หุบปากไง!”
ฟ้าส่ายหัวแล้วขยับเข้ามาโอบกอดน้ำจนน้ำนิ่งงัน ไฟที่โหมกระหน่ำเมื่อครู่ได้มอดลงอย่างน่าเหลือเชื่อ เพียงแค่ได้รับอ้อมกอดจากคนๆนี้กลับมา เพียงแค่นั้นจริงๆ
“เราขอโทษ เราผิดเอง น้ำหยุดฝืนตัวเองเถอะนะ”
จากที่นิ่งงันกลับกลายเป็นความขุ่นมัวในใจอีกครั้ง
“ใครบอกว่าเราฝืน?”
เสียงที่เข้มขึ้นทำให้ฟ้าผละออกมามองหน้า น้ำขมวดคิ้วจนยุ่ง
“แต่น้ำไม่ได้ชอบผู้ชาย ไม่เคยทำกับผู้ชาย”
“ใครบอกว่าไม่เคย”
คราวนี้เป็นฟ้าที่ต้องชะงัก
กรี๊งงงงง!!!
“อะไรอีกวะแม่ง!”
น้ำสถบแล้วลุกออกจากเตียงเดินไปยังโทรศัพท์ที่แผดเสียงดังลั่นอยู่ที่ด้านนอกปล่อยให้ฟ้าเอาแต่มองตามจนสุดสายตา
น้ำเคยทำกับผู้ชายมาก่อน..อย่างนั้นเหรอ
แปร๊บ
ฟ้ายกมือขึ้นกุมตรงตำแหน่งที่มันเจ็บแปร๊บขึ้นมาทันที ตำแหน่งของหัวใจ ตำแหน่งที่อกด้านซ้าย
“เราต้องการพักผ่อน ไม่ต้องรับใครทั้งสิ้น ให้กลับไปทั้งหมดนั้นแหละ!”
เสียงน้ำที่ดังลั่นหลังจากรับโทรศัพท์ไม่นานนั้นทำให้ฟ้ากลับคืนสติ เสียงน้ำวางโทรศัพท์ดังตบท้ายก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของเจ้าตัวจะโผล่เข้ามาที่ห้องด้วยแววตาขุ่นมัวหนักกว่าเก่า
“ใครโทรมา?”
“รีแซปชั่น โทรมาบอกว่าคีย์กับไอ้เหี้ยนั้นมาหา”
ฟ้าเหลียวไปยังโทรศัพท์มือถือของตนทันที แต่น้ำนั้นเดินพุ่งตรงไปหยิบขึ้นมากดดูก่อนจะยกยิ้ม
“สายตัดไปแล้ว คงใกล้บ้าแล้วมั่งถึงขั้นให้คีย์พามาหาถึงนี่”
ฟ้าเม้มปากแน่น เค้าลอบมองน้ำที่ยังคงมีความคุกรุ่นอยู่ภายในแววตา
“ขอเราโทรไป...”
“ไม่ได้!”
น้ำตะวาดเสียงขุ่นมือที่กำโทรศัพท์สีขาวฟาดสิ่งที่อยู่ในมือไปจนโดนพนังดังลั่นร่างแหลกละเอียด ฟ้าได้แต่มองตามตาค้าง
“น้ำ!”
“อยากติดต่อมันนักรึไง ห่ะ!?”
“เราแค่จะโทรบอกคีย์ว่าเราไม่เป็นอะไร”
น้ำนิ่งเงียบ แต่แววตายังคงไม่ลดละไฟที่คุกรุ่นอยู่ภายใน
“นะ เราจะบอกแค่นั้นจริงๆ พวกเค้าจะได้หายห่วงแล้วกลับกันไปไง”
น้ำสถบก่อนจะเดินหายออกไปจากห้องนอนแล้วกลับเข้ามาพร้อมกับโยนโทรศัพท์สีดำเครื่องของตนมาให้กับฟ้า
“ใช้เครื่องเราโทร เบอร์คีย์มีบันทึกไว้อยู่แล้วแต่ไอ้เหี้ยนั้นเลิกคุยไปเลย”
ฟ้าเม้มปากแน่นแต่ก็ต้องพยักหน้ารับ เค้าหยิบโทรศัพท์มากดปลดล็อคอย่างง่ายดายเพราะต่างฝ่ายต่างก็รู้รหัสของกันและกันอยู่แล้ว ฟ้าจะใช้เลขวันเดือนปีเกิดของน้ำส่วนน้ำนั้นก็ใช้เลขวันเดือนปีเกิดของฟ้า ถือเป็นตกลงกันเมื่อสมัยที่ต่างฝ่ายต่างอ้อนพ่อแม่ให้ซื้อไอโฟนให้พร้อมๆกันจนเลยมาถึงปัจจุบัน
/ฮัลโหล ไอ้เหี้ยน้ำ! มึงทำอะไรฟ้า!!/
ทันทีที่ต่อสายไปรอฟังเสียงสัญญาณไม่ถึงสองวินาทีปลายสายก็รับแถมยังตะคอกใส่ซะดังลั่น ดีที่ฟ้าเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูได้ทันไม่งั้นมีหูดับแน่ น้ำที่ยืนอยู่ตรงหน้าถึงกับยกยิ้มขำขันเมื่อเค้าได้ยินเสียงด่าที่เล็ดลอยออกมานั้นด้วย
“คีย์ใจเย็น นี่ฟ้าพูด”
/ฟ้า! ฟ้าเป็นไงบ้าง ไอ้เหี้ยนั้นมันทำอะไรฟ้า!?/
“ปะ ป่าว”
ฟ้าตอบได้ไม่เต็มเสียงนักพลางลอบมองคนตีหน้าขึงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
/แต่ต้นมัน..../
“เราไม่เป็นไรจริงๆคีย์ ขอบใจที่เป็นห่วงแต่เราโอเค”
/ฟ้า/
คีย์เอ่ยเสียงแผ่วเหมือนจะเข้าใจความหมายที่เพื่อนตัดบทตนไปแบบนี้
“เราโอเคจริงๆ”
/สุดท้ายก็แพ้ยกสินะ ได้ ถ้าฟ้ายืนยันแบบนั้นเราก็จะถอยเหมือนกัน แต่บอกไว้เลยนะว่าถ้ามันทำฟ้าเมื่อไหร่ เราก็พร้อมจะฆ่ามันด้วยเหมือนกัน/
ฟ้ากดยิ้มให้กับความห่วงใยของเพื่อน ดวงตาสีดำรื้อน้ำเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับปริ่ม
“ขอบใจ แต่เราไม่อยากให้เพื่อนเป็นฆาตกรนะ”
/ยังจะมาพูดเป็นเล่นอีก เข้าใจความซีเรียสของคนอื่นเค้าไหมเนี้ยห่ะ/
“ขอโทษๆ”
/ให้ตายสิ งั้นเรากลับละ ส่วนเรื่องต้น...เดี๋ยวเราจัดการให้..../
“ขอบใจนะ รักคีย์จัง”
ฟ้าพูดด้วยรอยยิ้ม เล่นเอาคนทมึนทึกถึงกับฉุนจัดจนคว้างเอาโทรศัพท์ไปแนบกับหูตัวเอง
“จบเรื่องแล้วนะ”
/ไอ้เหี้ยนี่ อย่าทำให้เป็นเรื่องเป็นราวสิวะ ทำอะไรไม่เห็นใจคนอื่นก็หัดเห็นใจฟ้าบ้าง มันเป็นเพื่อนรักมึงไม่ใช่รึไง?/
“เออ รู้ เพื่อนที่โคตรจะรักเลยด้วย แค่นี้แหละ”
น้ำกดวางสายทันทีที่พูดจบ เค้าเมียนมองไปยังฟ้าที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียง ผมสาวสีดำขลำยังคงแผ่สยายเนื่องจากยางรัดได้หลุดไปตั้งแต่ช่วงที่เค้าตะลุมบ่อนกันที่โซฟาด้านนอก น้ำล้วงมือลงไปหยิบยางรัดผมสีดำที่กระเป๋ากางเกงตนแล้วจึงเอื้อมมือไปรวบผมยาวที่นุ่มลื่นจากทางด้านหน้า กลายเป็นว่าเหมือนเค้ากำลังโอบกอดฟ้าอยู่กลายๆ ฟ้าชะงักค้าง ดวงตาเบิกกว้างไหนจะเผลอกลั้นหายใจไปหลายวิ หัวใจภายในอกเต้นรัวอย่างไม่รู้กาลเทศะ
มาเต้นแรงเอาตอนนี้ถ้าคนใกล้ๆได่ยินเข้าเค้าจะไม่แย่เอารึไง
น้ำผละออกเมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ผมยาวถูกรวบเป็นมวยไว้อยู่ทางด้านหลัง ใบหน้าหวานไร้สิ่งบดบังทำให้เค้าเห็นเสี้ยวหน้าของคนตรงหน้าได้อย่างเต็มที่ ตอนนี้น้ำสงบลงแทบจะเป็นปกติแล้ว แปลกที่เพียงแค่ได้รับอ้อมกอด ได้โอบกอดคืน ได้รับความใกล้ชิดคืนกลับแค่นี้ก็ทำให้ไฟทุกอย่างที่สุมอยู่ในอกมอดมลายหายไปจนหมดสิ้น
“ไปล้างหน้าล้างตาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ซะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
ฟ้าพยักหน้ารับแล้วผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ตรงข้าม ทันทีที่ปิดประตูลงกลอนฟ้าก็ปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาทันที ความอดกลั่นในหลายๆความรู้สึกได้ไหลทะลักไม่ขาดสายแต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นแม้แต่น้อย ฟ้าเงยหน้ามองดูเงาสะท้อนของตนเองที่กระจกเงาแล้วก็ได้แต่นึกสังเวชในใจ แต่สักพักมือเรียวก็ยกขึ้นมาลูบที่ริมฝีปากเบาๆ ความรู้สึกอุ่นซ่านยังคงอยู่ ความเจ็บแปร๊บยังคงมี แม้แต่รสชาติของกันและกันยังคงไม่จางหาย
น้ำที่ยังคงยื่นนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาสีอ่อนติดคมดุกำลังล๊อกแล๊กไปมาอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ สมองประมวลผลเรื่องราวต่างๆที่เกิดจากอารมณ์และโทสะ เค้าไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองแต่กลับรู้สึกไม่ดีที่ตัวเค้านั้นไม่อาจปฏิเสธคนๆนั้นได้ อย่าว่าแต่ปฎิเสธเลย เค้าแทบจะฉุดดึงให้กลายมาเป็นคนของตนอย่างสมบูรณ์แบบแล้วด้วยซ้ำ ดีที่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเรียกสติก่อน มือหนายกขึ้นมาลูบที่ริมฝีปาก เกิดอาการเจ็บแปร๊บเล็กน้อยเพราะแรงต่อยและฟาดจากคนที่เค้าใส่อารมณ์ด้วยก่อน แต่ทว่า...ความรู้สึกที่ได้รุกล่ำเข้าไปในเรียวปากของอีกฝ่าย กลับยังตราตรึงมาจนบัดนี้ และเป็นสัมผัสที่ทำให้ใจเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เมื่อฟ้าจัดการตัวเองเสร็จออกมาน้ำก็นั่งรออยู่ที่โซฟาแล้ว ยังไม่ทันมีใครพูดอะไรเสียงอ๊อดหน้าห้องก็ดังขึ้น ฟ้าเดินเลี่ยงไปกดอินเตอร์โฟนดูเมื่อรู้ว่าเป็นรูมเซอร์วิสจึงเปิดให้เข้ามา พนักงานสาวเข็นรถเข็นเข้ามาพร้อมกับลำเลียงชุดมื้ออาหารเที่ยงที่น้ำโทรไปสั่งไว้ที่โต๊ะทางข้างหน้าเคาร์เตอร์ครัว เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยน้ำก็เดินมายื่นเงินให้บอกไม่ต้องทอนที่เหลือให้เป็นทริปพนักงานยิ้มร่าแล้วจึงกล่าวลาก่อนจะออกจากห้องไป น้ำเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะจัดแจงชามอาหารของตนมาไว้ตรงหน้าก่อนจะเหลียวมองฟ้าที่ยังยืนนิ่งด้วยความงุนงง
ทำไมน้ำทำตัวได้ปกติจนน่าใจหายแบบนี้
“ยืนเอ๋ออะไร มากินข้าวดิ หิวไม่ใช่รึไง?”
คำพูดส่งๆที่เค้าบ่นว่าหิวเมื่อตอนกลับเข้าห้องมาช่วงแรกดังขึ้นมาในโสตประสาท นี่น้ำยังจำได้อีกเหรอ ฟ้าพยักหน้ารับแล้วเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม มองดูชุดอาหารญี่ปุ่นที่เจ้าตัวสั่งมาสองชุดก่อนจะลงมือกิน น้ำลอบมองฟ้าที่ค่อยๆกินเหมือนจะเหม่อลอยไปด้วย เค้าเลื่อนถ้วยขนาดเล็กที่มีอยู่เพียงถ้วยเดียวไปให้ฟ้า ฟ้ามองมันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเค้า
“อะไร?”
“ไข่ตุ๋น”
เค้าตอบเพียงแค่นั้นแล้วก้มลงกินต่อ ฟ้าแทบกลืนน้ำตาลงคอ ไม่ว่าคนๆนี้จะเอาแต่ใจจะใจร้ายถึงขนาดไหนแต่มันกลับมีมุมที่ทำให้ฟ้าต้องใจอ่อนด้วยอยู่ร่ำไป นี่สินะ ถึงได้ตัดใจไม่ได้สักที
มื้ออาหารจบลงโดยที่แทบไม่มีใครปริปากพูดคุยกันเลย นอกจากคำถามสั่นๆอย่างอิ่มไหม เอาอีกไหม ฟ้าเป็นคนเคลียร์โต๊ะอาหารน้ำจึงไปนั่งรอที่โซฟาหน้าชั่นทีวีและโฮมเทียร์เตอร์ เค้านั่งรอไม่นานฟ้าก็กลับมานั่งข้างๆพร้อมกับแก้วน้ำส้มสำหรับเค้า น้ำยิ้มอย่างพอใจแล้วเอื้อมมือไปยกแก้วน้ำส้มขึ้นมาดื่ม
“มีเรื่องจะพูดกับเราไม่ใช่เหรอ?”
ฟ้าเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นน้ำยังคงนิ่งเงียบไม่มีท่าทีจะพูดอะไร น้ำละสายตาจากจอทีวีมามองหน้าฟ้าก้อนจะเอ่ยปาก
“เราจะเข้ามาอยู่ที่นี้เป็นการถาวร”
ฟ้าถึงกับหันควับไปมองคนพูด
“ขอป้าอรได้แล้วเหรอ?”
ใช่ว่าน้ำจะไม่เคยขอออกมาอยู่คนเดียว น้ำเคยขออยู่หลายครั้งแล้วแต่ป้าอรแกก็กลัวไม่มีใครอยู่รอแกที่บ้านแกเลยไม่ยอมให้น้ำออกมาอยู่เองสักที
“ใช่”
ฟ้ากระอักกระอ่วง ถึงแม้ที่นี้จะมีห้องนอนสำหรับน้ำอยู่อีกห้องแต่เค้าก็ไม่คิดว่าน้ำจะมาอยู่เป็นการถาวรแบบนี้เลย ไม่แม้แต่จะหวัง
“ทำหน้าอย่างนั้นไม่อยากให้อยู่รึไง?”
น้ำพูดเมื่อสังเกตุเห็นสีหน้าเจ้าของห้อง
“ป่าว”
“งั้นก็ดี เพราะต่อจากนี้เราจะไปเรียนพร้อมกันและกลับพร้อมกัน”
เป็นอีกครั้งที่ฟ้าเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“เราจะมาทวงคืนคนของเรา ฟ้าเป็นของเรา และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไปด้วย”
ทางด้านของคีย์ก็กำลังกระอักกระอ่วงใจพอสมควรเช่นกัน คีย์ลอบมองต้นที่ยังคงตีหน้าตึงขับรถด้วยความเร็วชนิดที่ต้องจับสายเบลไว้ไม่กล้าปล่อยแม้แต่วินาทีเดียว กว่าเค้าจะคะยั้นคะยอให้ต้นออกมาจากคอนโดฟ้าได้ก็ใช้เวลาไปนานพอสมควร แถมอาการโกรธจัดของต้นผู้ที่เค้าเคยเห็นแต่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้น ก็ดูน่ากลัวใช่ย่อย
“ต้น”
“.....”
เจ้าของชื่อยังคงเงียบ
“ต้น ไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม? เราหิวแล้วอะ”
“........”
ต้นไม่ตอบแต่ลดความเร็วลงและหักเลี้ยวไปยังอีกทาง คีย์มองดูเส้นทางไปเรื่อยๆจนต้นเลี้ยวเข้าไปยังห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เค้าหาที่จอดรถไม่นานก็เจอโชคดีที่พอมาถึงปุ๊บก็มีคนออกปั๊บไม่งั้นคงต้องวนหลายรอบ วิ่งช่วงเที่ยงของวันหยุดแบบนี้ด้วยแล้ว
“อยากกินอะไร?”
ต้นถามขึ้นเมื่อทั้งคู่ลงมาจากรถและพากันเดินตรงเข้าไปยังด้านใน คีย์แอบแปลกใจที่ต้นเริ่มจะควบคุมตัวเองได้ไวเกินคาด เมื่อกี้ยังดูน่ากลัวๆอยู่เลยพอลงจากรถได้นี่ปรับโทนเสียงเป็นปกติได้ไวชะมัด
“อะไรก็ได้ ต้นอยากกินไร?”
“เราไม่ค่อยอยาก พูดให้ถูกคือกินไม่ลง”
“ทำไมละ?”
“ห่วงฟ้า”
คีย์นิ่งไปแป๊บก่อนจะแย้มยิ้มแล้วตอบกลับ
“ไม่ต้องห่วงมันหรอก มันบอกมาเองว่าโอเค เราก็ต้องเชื่อใจมัน”
“เราเชื่อใจฟ้าแต่ไม่เชื่อใจไอ้เหี้ยนั้น”
พอพูดถึงน้ำแล้วต้นก็อดที่จะโมโหขึ้นมาอีกรอบไม่ได้ เหมือนเค้าเป็นไปแล้วน้ำคือน้ำมัน เพียงแค่หยดเพียงน้อยนิดไฟก็สามารถที่จะโหมกระหน่ำขึ้นได้ในทันที คีย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอาเข้าจริงเค้าก็ยังห่วงอยู่นิดๆแต่จะทำไงได้ เห็นอย่างนี้ฟ้าก็หัวรั้นใช่ย่อยเหมือนกันนะ
“ต้นของกินอะไรเป็นพิเศษไหม?”
ต้นหันมามองคีย์พลางขมวดคิ้วที่ถูกเปลี่ยนเรื่องคุยแบบกะทันหัน
“ข้าวต้มทรงเครื่อง”
เค้าตอบเสียงแผ่วพร้อมต่อท้ายในใจว่าเป็นร้านที่ฟ้าเคยพาไปเท่านั้นด้วย นั้นเปรียบเหมือนเป็นเดทแรกของเค้ากับฟ้าเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ฟ้าจะไม่คิดอะไร แต่เค้าก็เต็มใจที่จะคิดไปเองแบบนี้ แค่คิดก็สุขใจ ของแค่นี้ก็คงจะไม่เดือดร้อนใครหรอกมั่ง
“ในห้างมันมีที่ไหนละ?”
คีย์เอ็ดพลางส่ายหัวเบาๆ
“ฟ้าชอบกินอะไรเหรอ?”
ต้นถามบ้าง ตอนนี้พวกเค้าทั้งคู่ขึ้นมาจนถึงโซนร้านอาหารแล้วเพียงแต่ยังไม่มีใครตัดสินใจได้ว่าจะกินอะไร
“ฟ้ากินได้หมดนะแต่ต้องไม่เผ็ดและไม่มีเห็ด อ้อๆ มันชอบไข่ตุ๋นเป็นพิเศษด้วย จำได้มันเคยเล่าให้ฟังว่าแม่ชอบทำให้กินตอนเด็กมันเลยติดมาจนทุกวันนี้”
ต้นลอบยิ้มเมื่อได้ยินเรื่องราวของคนที่รัก ถึงแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่เค้าก็อยากที่จะรับรู้ คีย์เองก็แอบเห็นรอยยิ้มนั้นด้วยเช่นกัน เค้ายิ้มตามด้วยความยินดีถึงแม้จะแอบหน่วงในใจนิดๆแต่มันก็ยังดีกว่าการเงียบและตีหน้าเครียดอย่างตอนที่อยู่บนรถ
“งั้นกินอาหารญี่ปุ่นกันเหอะ”
คีย์สรุป ต้นจึงพยักหน้ารับแล้วให้คีย์เดินนำไปยังร้านที่เป็นเป้าหมาย เค้าอดที่จะยกยิ้มให้ความร่าเริงของคีย์ไม่ได้ ถึงแม้เค้าจะไม่สนิทกับคีย์เท่าฟ้าแต่เค้าก็รู้ว่าคีย์นั้นเป็นคนดีและรักเพื่อนขนาดไหน เค้าดีใจที่ฟ้ามีเป็นเพื่อนคีย์และเค้าก็ดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับคีย์เช่นกัน
TBC....
‘เพื่อน’ อีกคู่ หึหึ
:hao7: :hao7: :hao7:
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
8
เช้าวันรุ่งขึ้นฟ้าตื่นขึ้นมาด้วยความมึนเบลอ ร่างโปร่งพลิกไปมาด้วยความเกียจคร้านก่อนจะนอนนิ่งรำลึกถึงเหตุการณ์ของเมื่อวาน ตั้งแต่น้ำประกาศว่าจะมาอยู่ที่นี้อย่างถาวรเค้าก็หลบหายเข้าไปในห้องนอนเล็กไปเลย ฟ้าเองก็เข้าห้องนอนใหญ่ของตนด้วยความมึนงงจนเผลอหลับมาตื่นก็ต้องที่น้ำเคาะประตูแต่ตัวก็ยืนพิงกรอบประตูอยู่ด้วย น้ำเรียกฟ้าออกไปทานมื้อเย็นที่น้ำสั่งร้านอาหารด้านล่างให้ขึ้นมาส่งถึงห้องพัก พอพ้นมื้อเย็นน้ำก็เอ่ยชวนดื่มเบียร์ดูบอลทางเคเบิลจนฟ้าเริ่มกรึ่มนั้นแหละเค้าถึงได้ขอตัวเข้าห้องมานอน
จะว่าไป…น้ำมันทำตัวได้โคตรจะปกติ ทั้งๆที่เมื่อช่วงเช้าของวันนั้นยังอาละวาทจะจับกดเค้าอยู่เลย
ก๊อกๆๆ
ฟ้าสะดุ้งเฮือกแล้วหันไปมองที่หน้าประตูจนเห็นผู้ที่เคาะประตูแต่ก็ยืนค่ำอยู่ที่กรอบประตูเช่นเคย
“ตื่นแล้วก็ลุกดิ ทำตัวเป็นแมวไปได้”
ฟ้าขมวดคิ้วมุ้น
“แมว?”
เหมือนตรงไหน?
น้ำลอบยิ้มแล้วเดินเข้ามากระชากผ้าห่มผืนหนาจนเผยให้เห็นร่างโปร่งที่นอนเหยียดตัวอยู่บนเตียง ผิวที่ขาวโพนโผล่พ้นขอบเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นผ้านิ่มที่ฟ้าชอบใส่นอนเป็นประจำเพราะมันใส่สบายแต่กลับดูยั่วสายตาสำหรับผู้พบเห็นไม่น้อย
“ใช่ ไม่เคยสังเกตุเหรอเวลาแมวตื่นมันจะชอบเหยียดตัวแบบที่ฟ้าทำเมื่อกี้เป๊ะ แถมยังชอบคลอเคลียมุดเข้าใต้ผ้าห่มหรือหมอนด้วย”
ฟ้าอ้าปากค้าง
“นี่เข้ามาเห็นตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ!?”
“หึ ตั้งแต่ยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ”
ตอนแรกน้ำก็ว่าจะมาปลุกแต่พอเห็นคนหลับตาพริ้มแล้วก็อดจะจ้องมองอยู่เฉยๆไม่ได้ น้ำลอยสังเกตุเพื่อนสนิทอย่างไตร่ตรองและเจาะลึก นานเท่าไหร่แล้วที่เค้าไม่ได้สังเกตุเพื่อนคนนี้ถึงขนาดที่เคนมันยังจับสังเกตุฟ้าได้มากกว่าเค้าด้วยซ้ำ น้ำประเมินดูด้วยสายตาจนสรุปได้ว่า ฟ้าผิวซีดกว่าที่คิด หน้าเรียวจนน่าแปลกใจ ขนตายาวเป็นแพถึงขนาดนี้เชียวเหรอ ริมฝีปากเรียวได้รูปนั้นมันน่าดูดน่ากัดถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ยิ่งคิดเค้ายิ่งถอนหายใจ คนกระทั่งคนหลับเริ่มยุกยิกและตื่นขึ้นมาในที่สุด
“แล้วมีอะไร? วันนี้วันอาทิตย์นะ ขอนอนต่อไม่ได้รึไง?”
น้ำหัวเราะหึพร้อมดึงผ้าห่มหนีมือเรียวที่เอื้อมมาคว้าไว้ ฟ้าติดนิสัยชอบกอด ข้างๆตัวฟ้าต้องมีอะไรสักอย่างไว้ให้กอดไม่ว่าจะเป็นหมอนข้างหรือผ้าห่มก็ได้ แต่นี้เจ้าตัวเล่นถีบหมอนข้างลงข้างเตียงแล้วเลยกะจะคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้กว่าอย่างผ้าห่มมากอดแทน แต่ก็มีมารผจญซะงั้น
“ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวฟ้า อยู่คนเดียวเหลาะแหละอย่างนี้ประจำเลยใช่ไหม?”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?’
“ดี งั้นเราจะเข้ามานอนด้วยทุกวัน จะได้ดัดนิสัยคนไปในตัว”
ฟ้ายันตัวลุกขึ้นจ้องหน้าคนพูดแทบไม่ทัน น้ำหัวเราะชอบในแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาโยนใส่หัวเพื่อน
“ไปอาบน้ำ เราให้เวลายี่สิบนาที ไม่งั้นโมโหหิวขึ้นมาฟ้าต้องรับผิดชอบ”
พูดจบผู้บุกรุกก็เดินหนีหายออกจากห้องไปโดยไม่สนใจเจ้าของห้องที่มองตามตาปริบๆ ฟ้ายันกายลุกขึ้นยืนเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับความมึนงง
ไม่ถึงยี่สิบนาทีฟ้าก็เดินออกมาจากห้องด้วยชุดเสื้อยืดลายกราฟฟิกสีขาวกับกางเกงขาสั้นใส่อยู่ห้องธรรมดาๆ เค้ามองไปเห็นน้ำที่ยังคงนั่งจ้องจอทีวีอยู่ที่โซฟาแล้วก็ต้องเผลอถอนหายใจ ฟ้ายอมรับว่าเค้าไม่ชินเอาเสียเลย ไม่ชินกับการใกล้ชิดกันที่มากขึ้นจนแทบจะเรียกได้ว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงเลยก็ว่าได้ มันมากเกินความจำเป็นสำหรับคนที่กำลังหลีกหนีและตัดใจอย่างเค้า
“ฟ้า”
เป็นอีกครั้งที่ฟ้าต้องสะดุ้ง เค้าเงยหน้าไปมองคนเรียกที่เดินมาอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“มะ มีอะไร?”
“เหม่ออะไร?”
เสียงแข็งดุถามขึ้นพร้อมใบหน้าที่ติดดุขึ้นมานิดหน่อย
“เปล่า”
“อย่ามาโกหก เราเดินมายืนอยู่ตรงหน้าฟ้ายังไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ทำไม? การที่เรามาอยู่มันทำให้ลำบากใจถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ฟ้ารีบส่ายหัวหวืดโดยทันที และนั้นก็ทำให้คนถามคลายกังวลลงมาอีกนิดหน่อย แต่ก็ยังคงมีอีกเรื่องอยู่ดีนั้นแหละนะ
“หรือจะคิดมากเรื่องไอ้เหี้ยนั้น”
“เค้าชื่อต้น”
“จะชื่ออะไรก็ช่างหัวมัน นี่ตกลงฟ้าคิดเรื่องมันจริงๆใช่ไหม!?”
“เปล่า”
น้ำนิ่งเงียบแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่คนตรงหน้า
“น้ำหิวแล้วไม่ใช่เหรอ อยากกินอะไรละ?”
ฟ้าเลือกที่จะเลี่ยงบทสนทนาด้วยการเข้าครัวแทน น้ำไม่ได้ตอบอะไรแต่เดินตามฟ้าไปยังโซนครัว ฟ้านิ่งไปนิดเมื่อเห็นหม้อข้าวต้มที่ยังคงร้อนๆวางอยู่ที่เคาเตอร์
“น้ำทำเหรอ?”
ฟ้าอดที่จะอึ้งไม่ได้ รู้อยู่หรอกนะว่าน้ำพอจะทำอาหารเป็นบ้างแต่ปกติเจ้าตัวออกจะไม่ชอบทำเพราะขี้เกียจมายืนร้อนๆอยู่หน้าเตา
“อยู่กันสองคนถ้าไม่ใช่เราแล้วจะใครละ? ไอ้เหี้ยต้นเหรอ?”
ฟ้าลอบถอนหายใจแล้วหลี่ตามองผู้ชายตัวโตที่เดินมาเคียงคู่กัน ตัวออกจะโตแต่ทำไมขี้ใจน้อยแถมยังช่างประชดประชันแบบนี้ด้วยนะ
“มองอะไร?”
“มองคนโตแต่ตัว”
“ฟ้า”
น้ำขู่เสียงเข้มแต่ฟ้ากลับหัวเราะขำ เค้าเดินเข้าไปหยิบถ้วยชามมาตักใส่จนครบสองถ้วยแล้วจึงถือมาวางที่โต๊ะทานข้าว น้ำเองก็แยกไปเปิดตู้เย็นหยิบกล่องน้ำส้มสำหรับเค้าและกล่องนมสำหรับฟ้ามาอย่างละกล่องพอวางไว้ที่โต๊ะแล้วก็หันไปหยิบแก้วมาสองใบ
“อืม อร่อยนี่”
น้ำไหวไหล่มือก็เทนมให้อีกคนก่อนจะเทน้ำส้มให้ตัวเอง ทั้งคู่กินกันไปเงียบๆจนอิ่มฟ้าเลยอาสาล้างถ้วยชามเอง น้ำกลับไปยังหน้าทีวีกดเปิดไล่ดูรายการต่างๆไปเรื่อยๆอย่างสบายกายสบายใจ ไม่นานฟ้าก็เข้ามาสมทบพร้อมด้วยจานแอปเปิ้ลที่ปอกพร้อมกินได้ทันที
“กินด้วยดิ”
น้ำเอ่ยเมื่อเห็นฟ้าหยิบเข้าปากคำแล้วคำเล่าแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะวางจานลงจากมือแถมยังไม่สนใจเค้าอีกด้วย
“เรื่อง ไปปอกเอาเองดิ”
“อะไรว๊า เราเป็นคนทำมื้อเช้าให้กินนะ”
“แต่วัตถุดิบเป็นของเราไง ถือว่าเจ๊ากัน”
“อย่ามากวนตีนฟ้า เอามานี่”
“ม่าย”
ฟ้าอมยิ้มขำแล้วเลื่อนจานในมือหนีไปอีกทาง น้ำชะงักไปนิดแต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงประดับอยู่ที่ข้างแก้ม แววตาคมจ้องมองคนด้านข้างอย่างเหย้าหยอก
“ฟ้า”
“อะไร?”
“เอามานี่”
พูดจบก็กระโจนเข้าใส่ ฟ้าแทบจะถล่าลงไปนอนราบกับพื้นโซฟายาว
“เดี๋ยวจานตก”
“กลัวตกก็ปล่อยดิ”
“จะบ้ารึไง ขืนปล่อยก็ตกอยู่ดีป่ะ”
“งั้นก็ปล่อยให้มันตกไปเลย”
“น้ำ!”
ฟ้าร้องลั่นเมื่อโดนกรงเล็บเสือร้ายตะปบเข้าที่สีข้าง ความบ้าจี้ทำให้ฟ้าอยากจะแดดิ้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากเพราะจานที่ยังคงถือไว้มั่นในมือ น้ำยิ้มกริ่มเมื่อเห็นท่าทีน่าหยอกเย้านี้ เค้าไล่บีบไล่เค้นตามเนื้อนิ่มไปเรื่อยๆ มือซนซุกไซ้ไปจนเลยเข้าไปในสาบเสื้อผืนบาง น้ำแอบชะงักเมื่อเผลอจ้องมองผิวเนื้อขาวสะอาดแต่กระชับจนน่าบีบเค้น น่ากัดให้เป็นรอย น่าซุกไซ้ให้ได้รสสัมผัส
เพล้ง!
ในที่สุดจานในมือก็ร่วงหล่นลงพื้น น้ำได้สติตอนนั้นเอง
“ให้ตายสิ”
เค้าสถบแผ่วเบาทั้งที่ใจยังเต้นรัวเหมือนกลอง
“เห็นไหมละ บอกแล้วว่าอย่าเล่นๆ”
“ฟ้าผิดเองที่ไม่เอามาให้เราแต่แรก”
น้ำพูดพร้อมกับเหยียดกายขึ้นนั่งเหมือนก่อนหน้า ฟ้าเลยสบโอกาสลุกขึ้นแล้วก้มลงไปจัดการกับเศษจานที่แตก
“โอ้ย!”
ฟ้ารีบหดมือกลับโดยไวเมื่อโดนขอบจานที่หมิ่นแตกบาดจนเลือดซิบ
“ฟ้า!”
น้ำตกใจกับเสียงร้อง เค้ารีบผุดลงมาดูมือเรียวที่กอบกุมกันไว้ เลือดยังคงหยดลงพื้นจนน่าใจหาย
“ไปหาหมอกัน”
“บ้าเหรอน้ำ แผลแค่นี้เอง”
“แต่เลือดฟ้าออกเยอะไป เราไม่วางใจ”
“ไม่มีใครตายเพราะเศษจานบาดมือหรอกน่า”
“แต่มีคนตายเพราะเสียเลือดมากไป ไปหาหมอกัน”
“ไม่ๆๆ ขอห้ามเลือดก่อน”
“ฟ้า”
“น้ำฟังเราหน่อยดิ เราขอไปล้างแผลแล้วก็ห้ามเลือดก่อน ถ้ามันยังไม่โอเคเราจะไปหาหมอ โอเคนะ”
ฟ้าไม่รอให้น้ำท่วงใดๆเค้าลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปล้างแผลที่อ้างล่างชาม พอคิดว่าสะอาดพอจึงเอาออกมาดูเลือดปรากฎว่าเลือดหยุดไหลแล้วเช่นกัน ฟ้าหยิบทิชชู่มาซับมือจนแห้งแล้วจึงหันไปชูให้คนช่างห่วงเห็นกับตาแต่น้ำก็ยังขมวดคิ้วมุ่น
“ไปทำแผลให้เรียบร้อย เดี๋ยวทางนี้เราจัดการเอง”
ฟ้าพยักหน้ารับแต่โดยดี
“ระวังด้วยนะน้ำ”
“รู้แล้ว เราไม่ซื่อบื่อเหมือนฟ้าหรอก”
“เอ๊ะ!”
“ไปทำแผล”
“ชิ”
ฟ้าจิ๊ปากเหมือนขัดใจก่อนจะหันหน้าหนีเพื่อให้ใครบางคนไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มกว้างที่ผุดออกมาจากใจ...ด้วยความปิติจนเอ่อล้น...
“เจ็บไหม?”
ฟ้าหันไปมองคนถามที่นอนหนุนตักเค้าอยู่ ตอนนี้ฟ้ากับน้ำกลับมาดูหันกันตามปกติที่โซฟาตัวเดิม ฟ้าหัวเราะหึและนั้นก็ทำให้น้ำหันมามองหน้าเคืองๆ
“ขำอะไร?”
“น้ำถามเป็นรอบที่หกแล้วนะ”
“เหรอ”
“นี่เรายี่สิบแล้วนะไม่ใช่สองขวบ”
“ตัวอะใช่ แต่สมองอะสองขวบชัดๆ”
“น้ำ!”
“เรียกทำไมครับหนูฟ้า”
ฟ้ากัดฟันกรอดแต่หน้ากลับแดงก่ำ คนที่เรียกเค้าอย่างนั้นมีเพียงป้าอรที่เป็นแม่ของน้ำ เธอเอ็นดูฟ้าเหมือนลูกแท้ๆไม่พอยังเอ็นดูแบบลูกสาวอีกต่างหาก ถึงแม้ฟ้าจะยอมรับในรูปร่างหน้าตาไหนจะผมที่ยาวสยายเหมือนผู้หญิงนี้ก็เถอะ แต่ก็ยังอดตะหงิดกับการถูกเรียกเหมือนผู้หญิงไม่ได้อยู่ดี
“หมูน้ำเอ๊ย”
“จุ๊ๆ ตอนนี้ฟิตแล้วครับ เห็นไหม ซิกแพ็คเน้นๆเนื้อแน่นๆ”
น้ำพูดไปก็เลิกเสื้อขึ้นมาโชว์แผงกล้ามท้องเป็นลอนแน่นกระชับ ฟ้าหน้าแดงกว่าเก่าจนน้ำหัวเราะหึ
“ลองจับดูดิ”
“ไม่ต้องมาโชว์พาว ไปไกลๆเลยไม่ต้องมานอนตักเรา”
“อะไรวะ แค่นี้ทำงก”
“เราจะไปทำรายงานในห้อง”
“เอาออกมาทำตรงนี้ก็ได้ เดี๋ยวช่วย”
“ไม่อะ ไม่มีสมาธิ”
“เราไม่กวนหรอกน่า”
“ขอละน้ำ มันเป็นงานเขียนแบบแปลน ต้องใช้สมาธิจริงๆ”
น้ำจ้องสบตากับฟ้าอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้าแล้วผุดลุกขึ้นนั่งดีๆ ฟ้าเลยได้ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าห้องโดยที่ไม่หันกลับไปมองใครบางคนที่จ้องมองเค้าตลอดเวลาจนลับหายไปในห้องนอนของตนเอง น้ำทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งแล้วถอนหายใจหนักๆอย่างคิดไม่ตก ช่วงนี้เค้าสับสนหนักกว่าทุกครั้ง เค้ายอมรับว่าตลอดเวลาที่รู้จักกันเค้าแอบมีความสับสนเล็กๆนี้เกิดขึ้นเสมอ แต่นับวันมันยิ่งทวีความรุนแรงจนแทบคุมไม่อยู่ อย่างเช่นเรื่องวันนั้น ถ้าไม่มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาขัดเค้าก็อาจจะทำเรื่องเลวร้ายกับฟ้าเข้าก็ได้ ฟ้าต้องเสียใจมากแน่ๆ
“บ้าจริง”
ส่วนฟ้าเมื่อเข้ามาในห้องปุ๊บเค้าก็ทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนุ่มทันที เรื่องงานนั้นเป็นความจริงแต่จะบิดเบือนบ้างก็ตรงที่เค้าทำเสร็จไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว ฟ้านอนนิ่งๆขบคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้วก็อดเจ็บแปร๊บไม่ได้ เค้าไม่อยากอยู่อย่างมีความสุขเหมือนเมื่อครู่เพราะเมื่อทุกอย่างมันมลายหายไปเค้ากลัว กลัวว่าใจจะรับไม่ไหว
ฟ้าเหลียวมองไปยังบานกระจกที่กั้นไปยังระเบียงด้านนอก ข้างๆนั้นเป็นโต๊ะเขียนหนังสือของฟ้าเองและด้านบนนั้นเค้าได้ห้อยกีต้าร์โปร่งไว้ตัวหนึ่ง ฟ้าผุดลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบมันลงมา เค้าเล่นกีต้าร์เป็นเพราะน้ำสอนตอนมัธยม
“ฟ้าไม่หัดเล่นไว้เหรอ ผู้ชายที่เล่นกีฬาเก่งดนตรีก็ได้นะเท่ห์จะตาย”
ฟ้าเผลอยิ้มเมื่อคิดถึงคำบอกเล่าของน้ำในช่วงวัยคะนอง ฟ้านั่งลงที่เก้าอี้แล้วตั้งกีต้าร์ไว้กับตัก เค้าเช็ดฝ่นที่จับอยู่เพียงเล็กน้อยด้วยกระดาษทิชชู่ ควานหาปี๊กกีต้าร์ในลิ้นชักไม่นานก็เจอ ฟ้าเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ดูจะหม่นไปนิด เมฆครึ้มบดบังแสงแดดไปจนหมด ฟ้าเปิดบานกระจกออกนิกหน่อยเพื่อรับลมเย็นจากภายนอก ถึงแม้การเปิดแอร์จะเย็นฉ่ำใจแต่ก็ไม่ได้กลิ่นของการมีชีวิตตามธรรมชาติอย่างกลิ่นฟ้ากลิ่นฝน มือซ้ายกำคอจับคอร์ดเพลงในขณะที่มือขวาเก่าข้าๆจนเป็นท่วงทำนอง
ฟ้าเล่นดนตรีเป็นแต่เป็นคนร้องไม่เก่ง ด้วยเสียงที่เหมือนผู้หญิงนั้นทำให้เค้าอายที่จะร้องจึงไม่ค่อยได้ฝึกฝน มีเพียงเพลงเดียวเท่านั้นที่เค้าได้ยินครั้งแรกก็นึกอยากจะร้องขึ้นมา
The Way [Montonn & Hanna]
“It’s the way you say my name
make it sound like music.
Oh I can’t resist your call.
It’s the way you take the blame,
even though we both know that it may have been all my fault,
all my fault....”
เสียงที่เธอเรียกชื่อฉัน
มันเหมือนกับเสียงดนตรีเลยนะ
ฉันต้านเสียงเรียกจากเธอไม่ได้จริงๆ
เพราะเธอยอมเป็นคนผิดเสมอ
ถึงแม้เราต่างรู้ดีว่าฉันเป็นคนผิดเองทั้งหมดก็เถอะ
ทั้งหมดคือความผิดฉัน
น้ำได้ยินเสียงดนตรีแว่วมาจากห้องนอนใหญ่เค้าจึงเดินเลียบๆเคียงๆไปแง้มบานประตูดู รอยยิ้มกว้างฝุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ นานเท่าไหร่แล้วที่เค้าไม่ได้เห็นฟ้าในช่วงเวลาแบบนี้ ตั้งแต่พวกเค้าเข้ามหาลัยและฟ้าย้ายมาอยู่คอนโดก็เหมือนอะไรหลายๆอย่างที่พวกเค้าเคยทำร่วมกันจะค่อยๆหายไปอย่างไม่ทันนึกคิด
“It’s the way you keep me safe,
oh we know I’m crazy.
Oh I almost lost it all.
It’s the way you heals the pain,
god it was amazing.
oh how you save my tortured soul.
oh you save my tortured soul.....”
เพราะเธอทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยเสมอ
เราทั้งคู่ก็รู้ว่าฉันมันบ้า
ฉันเกือบจะเสียทุกๆอย่างไปแล้ว
เพราะเธอเยียวยาความเจ็บปวดของฉัน
มันสุดยอดจริงๆนะ
เพราะเธอช่วยจิตวิญญาณที่แสนทรมานของฉัน
เธอช่วยจิตวิญญาณที่แสนทรมานของฉันไว้
เสียงหวานยังคงร้องเพลงโดยที่ไม่รับรู้ถึงสายตาของใครอีกคน ใบหน้าเรียวแหงนขึ้นมองท้องฟ้าสีหม่น ลมจากภายนอกพัดเข้ามาปกทะผมยาวดำให้พริ้วไหวตามแรง เสียงหวานปนเศร้าทำให้ใจคนฟังกระตุก เค้าเกิดความรู้สึกอยากจะเข้าไปกอด เข้าไปปลอบ แต่...ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ฟ้าแค่ร้องเพลง ร้องได้เข้าถึงอารมณ์มากจนเค้าคิดมากไปเอง
“It’s the way you say my name,
make it sound like music.
Oh I can’t resist your call.
It’s the way you take the blame,
even though we both know that it may have been all my fault,
all my fault.
all my fault.
all my fault.”
เสียงที่เธอเรียกชื่อฉัน
มันเหมือนกับเสียงดนตรีเลยนะ
ฉันต้านเสียงเรียกจากเธอไม่ได้จริงๆ
เพราะเธอยอมเป็นคนผิดเสมอ
ถึงแม้เราต่างรู้ดีว่าฉันเป็นคนผิดเองทั้งหมดก็เถอะ
ทั้งหมดคือความผิดฉัน
ฉันผิดเองทั้งหมด
ฉันผิดเองทุกครั้ง
เป๊ะๆๆ
เสียงปรบมือทำให้ฟ้าสะดุ้งและหันไปมองยังต้นตอของเสียง เค้าเบิกตากว้างเมื่อเห็นน้ำยืนอยู่ที่ปลายเตียง
เค้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไหนบอกว่าเข้ามาทำงาน?”
“ก็ ก็ต้องบิ้วอารมณ์ก่อนไง”
“อื้อหือ การเขียนแบบต้องบิ้วอารมณ์ด้วยดนตรีงั้นสิ”
“ก็เราชอบของเรา”
น้ำหัวเราะขำแล้วเดินเข้าไปเปิดบานกระจกให้กว้างกว่าเดิมก่อนจะนั่งแหมะลงที่ขอบพื้นห้องหย่อนขาออกไปยังระเบียง ลมเย็นๆพัดปะทะหน้าทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมานิดหน่อย เค้าเห็นดีเห็นงามกับห้องที่อยู่สูงของฟ้าก็คราวนี้แหละ
“เล่นบ้างดิ”
ฟ้ายื่นกีต้าร์มาให้อย่างว่าง่าย น้ำรับมาตั้งท่าให้มั่นลองดีๆพอให้คุ้นชินมือแล้วจึงนึกถึงเพลงที่อยากจะเล่น ตอนนี้ฟ้าหันไปสนใจกับอะไรสักอย่างบนโต๊ะข้างๆนั้นแล้ว เค้าจ้องมองคนผมยาวครู่หนึ่งเพลงก็ฝุดขึ้นมาในหัวจนเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ เพลงนี้ฟ้าชอบให้เค้าร้องมากเมื่อช่วงที่เค้าสอนฟ้าเล่นกีต้าร์ใหม่ๆด้วยเหตุผลที่ว่า เอ็มวีมันน่ารัก น้ำส่ายหัวนิดหน่อยก่อนจะเริ่มอินโทร
Photograph [Ed Sheeran]
“Loving can hurt, loving can hurt sometimes
But it’s the only thing that I know
When it gets hard, you know it can get hard sometimes
It is the only thing that makes us feel alive...”
ความรักนั้นเจ็บปวด บางครั้งมันก็เจ็บนะ
แต่มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันรู้จักนี่นา
เมื่ออะไรๆมันยากลำบาก บางทีก็มันลำบากนะ
ความรักมันคือสิ่งเดียวที่ทำให้เรามีชีวิตชีวาได้
ฟ้าชะงักมือที่กำลังเหลาดินสอ ดวงตากลมมลเผลอหันไปสบตาเข้ากับเจ้าของเสียงทุ้มต่ำ
“We keep this love in this photograph
We made these memories for ourselves
Where our eyes are never closing
hearts are never broken
And time’s forever frozen still...”
เราเก็บรักนี้เอาไว้ในรูปภาพ
เราสร้างความทรงจำนี้ไว้เพื่อตัวเราเอง
ที่ที่ดวงตาของเราไม่มีวันหลับ
หัวใจไม่มีทางแหลกสลาย
และเวลาหยุดนิ่งไปตลอดกาล
“น้ำ”
น้ำหยุดร้องแล้วเลิกคิ้วมองคนเรียกกะทันหัน
“ว่า?”
“เสียงเพี้ยนวะ ออกไปร้องข้างนอกเลยไป เราจะทำงานแล้ว”
“ชิ ไล่กันจริงนะ กำลังได้ฟิลเลยด้วย ใจร้ายวะฟ้า”
น้ำบ่นอุบแต่ก็ยอมออกไปตามที่ฟ้าบอก เค้าก็ไม่ได้อยากกวนการทำงานของใครหรอกนะ แต่การได้นั่งเล่นกีต้าร์อยู่ข้างๆกันมันทำให้รู้สึกดีมากกว่าเล่นอยู่คนเดียวนี่นา แต่ก็ช่างมันเถอะ
ฟ้ามองตามหลับคนขี้บ่นไปจนได้ยินเสียงประตูห้องปิดลงเบาๆ ทันใดนั้นหยาดน้ำตาใสก็ไหลรินลงอย่างเงียบเชียบ มันไม่ใช่การร้องไห้ฟูมฟาย มันเป็นเพียงหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างช้าๆ เพื่อระบายอารมณ์ในช่วงเวลาหนึ่ง ก็แค่นั้น
TBC....
เอาใจไม่ถูกจริงๆ สุขในความเศร้า หัวเราะเคล้าน้ำตา โฮ~
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
9
น้ำเล่นกีต้าร์ไปจนเพลินเผลอแป๊บเดียวท้องก็ประท้วงอีกรอบ เค้าหันไปมองที่นาฬิกาประดับผนั้ง เกือบเที่ยงเข้าให้แล้วสิ น้ำนิ่งคิดถึงมื้อเที่ยงจนตัดสินใจได้จึงเดินไปเคาะประตูห้องนอนใหญ่แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับใดๆ น้ำขมวดคิ้วแล้วค่อยๆบิดลูกบิดเข้าไปยังด้านใน มีเสียงเพลงจากโฮมเทียเตอร์เปิดคลอเบาๆและเจ้าของห้องก็ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะทำงาน น้ำเดินตรงเข้าไปใกล้เค้าใช้ปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาปิดหน้าขึ้นเผยให้เห็นรูปหน้าของคนหลับอย่างชัดเจน
“ขี้เซาอย่างกับแมว”
เค้าพึมพำด้วยความขำขัน สายตามองจ้องไปรอบๆจนไปสบเข้ากับเศษซากโทรศัพท์ที่ตนเป็นคนทำให้มันอยู่ในรูปแบบนั้น ความรู้สึกผิดพุ่งชนจนเค้าจุกไปทั้งใจ
“ฟ้า”
“อื้อ”
ฟ้างัวเงียตื่นขึ้นมากำลังจะขยี้ตาก็โดนมือหนาของน้ำรั้งไว้ได้ทัน
“เมื่อไหร่จะแก้ได้นะ ไอ้นิสัยชอบขยี้ตาเนี้ย”
บ่นไปก็หันไปดึงทิชชู่ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมาให้ฟ้าเข็ดแทน หน้าหวานยู่เล็กน้อยแต่ก็ยอมรับทิชชู่มาซับขอบตาเบาๆ
“ถ้าจะเข้ามาบ่นก็เชิญกลับทางเดิมเลยครับ”
“กวนตีนละ เราจะมาชวนไปห้าง”
“ไปไม?”
“ตอนแรกกะจะแค่กินข้าวแต่คงต้องไปไอสตูดิโอด้วยแล้ว”
ฟ้าเลิกคิ้ว น้ำเลยได้แต่ส่ายหัว
“โทรศัพท์ตัวเองพังทั้งทีนี่ลืมได้ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?”
ฟ้าอ้าปากร้องอ้อก่อนจะยืดแขนขึ้นบิดตัวจนน้ำหัวเราะขำ รู้ว่าฟ้าไม่ค่อยโอเคที่เค้าเปรียบเทียบว่าเจ้าตัวเหมือนแมวแต่อากัปกิริยาทุกสิ่งอย่างมันเหมือนจริงๆ โดยเฉพาะเวลาอ้อน
อ้อนเหรอ
น้ำนิ่งไปนิดหน่อยเมื่อภาพใจมโนจิตของเค้าเป็นภาพการอ้อนของฟ้าในช่วงวัยมัธยม
ฟ้าเลิกอ้อนเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย
“เหม่ออะไรน้ำ ขยับหน่อยดิ๊ เราจะไปล้างหน้า”
น้ำพยักหน้าแล้วเดินหนีหายออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น ฟ้าได้แต่มองตามงงๆแต่ก็พยายามไม่คิดมากแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา
ฟ้าเดินออกมาจากห้องตนด้วยชุดใหม่แต่น้ำกลับยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟา น้ำแทบไม่รู้สึกถึงสิ่งรอบข้าง ตอนนี้ในหัวสมองเค้ากำลังเรียบเรียงเรื่องราวของฟ้าจนจับจุดอะไรได้บางอย่าง
“น้ำ”
เฮือก!
น้ำหันไปมองฟ้าที่ตีหน้ามุ้ยอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“เสร็จแล้วเหรอ?”
“อืม”
“งั้นก็ไปกันเถอะ”
ว่าแล้วเค้าก็ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าตังค์และกุญแจรถแล้วเดินตามฟ้าไปยังหน้าประตู น้ำใช้รถของตัวเองในการเดินทางโดยที่ฟ้าเองก็รู้ดีว่าน้ำไม่ค่อยชอบนั่งรถเค้าสักเท่าไหร่ ฟ้าคิดแล้วก็อดขำไม่ได้ เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนที่ฟ้าซื้อรถใหม่ๆแล้วด้วยความเห่อเค้าจึงอยากจะขับรถของตัวเองไปในทุกที่จนน้ำทนไม่ไหวที่ต้องขับกันคนละคันทั้งที่ไปทางเดียวกันอยู่เป็นอาทิตย์ เมื่อทนไม่ไหวน้ำเลยบอกให้ฟ้ากลับมานั่งรถตนแต่ฟ้าไม่ยอมน้ำเลยต้องไปขับมินิของฟ้าแทน แน่นอนว่ามินิมันเล็กกว่าเบนซ์ของน้ำมากโขน้ำเลยแทบกระดิกตัวไม่ได้ขับก็ไม่ถนัดพอลงรถได้นี่สถบสาบานยกใหญ่ว่าจะไม่ขับมันอีกแน่นอน
เด็กเอาแต่ใจเอ๊ย
ฟ้านึกคิดถึงห้วงเวลาในอดีตจนน้ำขับมาถึงห้างละแวกใกล้เคียงในที่สุด แน่นอนว่าคนระดับน้ำต้องได้ที่จอดโดยทันทีเพราะบัตรสักใบในกระเป๋า น้ำและฟ้าลงจากรถก็มุ่งตรงเข้าสู่ตัวห้าง เนื่องด้วยช่วงนี้เป็นเวลาเที่ยงและยังเป็นวันหยุดคนจึงพุ่งพล่านมากกว่าปกติ
“กินไรดีอะน้ำ?”
“ฟ้าอยากกินไรรึเปล่า?”
ฟ้าส่ายหัวเป็นคำตอบ เค้ากินได้หมดทุกอย่างที่ไม่เผ็ดและไม่มีเห็ดเป็นส่วนผสม
“คนโคตรเยอะเลยวะ”
น้ำบ่นอุบขณะที่เดินนำฟ้าดูร้านอาหารไปเรื่อยๆ ฟ้าเองก็เดินดูเดินเลือกตามหลังจนรู้สึกตัวอีกทีน้ำก็กลืนหายไปกับฝูงชนซะแล้ว
“คลาดกันจนได้”
ฟ้าส่ายหัวระอาก่อนจะล้วงหาโทรศัพท์เพื่อโทรหาน้ำแต่ทว่า…
โทรศัพท์พังนี่นา
“ชิปหายกัน”
ฟ้าสถบเบาๆพลางยกมือขึ้นลูบเส้นผมที่หล่นลงมาปิดกรอบหน้า นึกรำคาญอยู่พอสมควรแต่เค้าก็ไม่ค่อยชอบมัดรวบไว้สักเท่าไหร่ด้วยสิ จะรวบเฉพาะเวลาที่พอใจเท่านั้นด้วย
ฟ้ามองซ้ายแลขวาแล้วก้าวเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ เค้าไม่มีกะจิตกะใจจะเลือกกินอะไรแล้วตอนนี้
“ฟ้า!”
เจ้าของชื่อใจชื้นขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ฟ้าสอดส่องมองไปตามต้นตอของเสียงจนเห็นน้ำเดินตีหน้านิ่วคิ้วขมวดเข้ามาอย่างไว พอมาถึงตัวก็จับหมับเข้าที่ไหล่เค้าแรกๆพร้อมออกแรกเขย่าจนแทบจะเวียนหัวไปอีก
“ทำอะไรของฟ้านะ เดินเหม่อเป็นเด็กไปได้ โทรศัพท์ตัวเองก็ไม่มี จะยืนรออยู่ที่เดิมดีๆก็ไม่ ถ้าคลาดกันจริงๆจะหากันเจอไหมห่ะ!!!”
จัดมาแบบชุดใหญ่เนื้อๆเน้นๆเครื่องเคียงไม่ต้องเพราะแค่นี้ก็จุกแล้ว
“ขอโทษ”
“ให้ตายสิฟ้า ทำไมต้องทำให้เราเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยวะ”
ถึงแม้จะดีใจกับคำว่าเป็นห่วง แต่ช่วงเวลาที่อีกคนกำลังซีเรียสแบบนี้ก็ไม่สมควรแสดงกิริยาเช่น…ยิ้มกว้าง…ออกไปสินะ
เดี๋ยว…ทำไมรู้สึกว่าตัวเองกำลังยิ้มแบบนี้ละ
“ยิ้มอะไร?”
นั้นไงละ ยิ้มออกไปจริงๆด้วย
“ก็…ดีใจ”
“เรื่อง?”
“ก็ดีใจที่ห่วงขนาดนี้ไง”
“แหง่งละ ก็เพื่อนกันมากี่ปี”
อาจจะฟังดูเหมือนเป็นคำตอบง่ายๆธรรมดาๆที่หลุดออกมาจากปากคนพูดแต่กลับมาผลกระทบต่อใจคนฟังมากกว่าที่คิด
ฟ้าแทบล้มทั้งยืน
หัวใจที่พองโตก่อนหน้านี้แตกเป็นเสี่ยงๆอย่างไม่มีชิ้นดี
“ไหนๆร้านมันก็เต็มเกือบหมดละ เราก็ไปซื้อโทรศัพท์ก่อนแล้วค่อยมากินทีหลังแล้วกัน ไหวไหมฟ้า รึจะกินก่อน?”
“ยังไงก็ได้”
ฟ้าตอบเสียงเรียบนิ่งที่ติดจะเหินห่างจนคนถามใจกระตุก
“ฟ้าเป็นอะไร?”
“เปล่านี่”
“แต่น้ำเสียงกับหน้าตามันไม่เป็นอย่างที่พูดนะ”
ฟ้ายกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองทันที
“หน้าเราเป็นยังไงเหรอ?”
“เหมือนคนจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ”
“บ้าน่า เราจะร้องทำไม?”
“นั้นสินะ งั้นไปไอสตูดิโอกัน”
พูดจบน้ำก็เอื้อมมือมาจับมือฟ้าพร้อมกับหันหลังกลับกะจะเดินจูงมือกันไปจะได้ไม่คลาดกันอีกแต่ฟ้ากลับสะบัดมือน้ำออกอย่างแรงจนหลุดและเจ้าตัวก็หันมามองด้วยความงง
“เป็นอะไรฟ้า?”
“เราเดินเองได้”
“ขืนปล่อยเดี๋ยวก็คลาดสายตาอีก จับมือแหละดีสุดละ”
“เราไม่ใช่เด็กสามขวบนะน้ำ”
ที่สำคัญ…เราไม่ใช่ของตายที่จะให้มาหยอกล้อกับหัวใจและความรู้สึกของเราเล่นๆด้วย
“อย่าดื้อดิฟ้า”
ฟ้าเหยียดยิ้มพร้อมกับหันไปดูรอบๆจนได้รู้ว่าตนและน้ำได้ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะไม่ใข่ไทยมุงแต่ก็มองกันให้ควักอยู่ดี
“น้ำไม่กลัวคนอื่นมองว่าเป็นเกย์รึไง?”
ฟ้าพูดจับจุดและนั้นก็ทำให้น้ำหันไปมองรอบๆด้วยเช่นกัน ฟ้าหัวเราะหึในลำคอก่อนจะเดินผ่านน้ำไปโดยไม่รีรอ ตอนนี้กระบอกตาเค้าร้อนผ่าว เค้าอยากหายไปจากตรงนี้แต่ก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่เค้าพยายามหลีกเลี่ยงแต่มันก็เกิดขึ้นจนได้
อย่าคิดที่จะหวังอีกนะไอ้ฟ้า
ไม่ว่ายังไงคนๆนั้นก็ไม่มีทางก้าวผ่านจุดๆนั้นมายังชีวิตด้านนี้ที่มีเค้าอยู่ได้หรอก ยังไม่เราก็ไม่มีทางมาบรรจบกันได้ จำไว้!
ตลอดเวลาที่เลือกโทรศัพท์ฟ้าแทบไม่ได้สนใจในสิ่งที่พนักงานแนะนำเลยสักนิด เค้าเอาแต่เงียบและพยักหน้าเมื่อน้ำถามนู้นนี่นั้นจนในที่สุดก็เลือกได้ตนเลยหยิบซิมการ์ดออกมาให้พนักงานนำไปใส่และเปิดเครื่องทดลองระบบภายใน กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ตกบ่ายเข้าไปแล้วแต่ฟ้ายังไม่มีทีท่าว่าจะหิวเลยแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่หิวเลย เค้าไม่แม้แต่อยากอาหารซะด้วยซ้ำ
“ฟ้า กินไรดีอะ?”
น้ำถามเสียงอ่อนเมื่อทั้งคู่เดินออกมาจากไอสตูฯแล้ว น้ำเองก็รู้ถึงความผิดปกติของฟ้าแต่เค้าก็ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อฟ้าก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไรแบบนี้เค้าก็ง้อไม่ถูกหรอกนะ
ง้อเหรอ…เพื่อนเค้าง้อกันด้วยไหมวะ
“ฟ้า ตอบเราหน่อยดิ นี่เราหิวจะตายแล้วนะ เลือกมาสักร้านได้ไหมอะ?”
“น้ำก็เลือกเอาสิ”
“แต่เราอยากกินร้านที่ฟ้าอยากเข้า”
“งั้นร้านนี้”
ฟ้าชี้ส่งๆไปจนน้ำมองตามและสิ่งที่นิ้วมือเรียวชี้ไปนั้นก็คือร้านพิซซ่า
“พิซซ่านี่นะ?”
ฟ้าถอนหายใจก่อนจะชี้ไปอีกทาง อีกทาง และอีกทางจนน้ำจับมือไว้นั้นแหละถึงได้หยุด
“ไง ตกลงอยากเข้าร้านไหนละ เราชี้ถูกรึเปล่า?”
น้ำส่ายหัวหน่อยๆแล้วจึงจับมือฟ้าลากเดินตรงไปเรื่อยๆ ฟ้าขมวดคิ้วมองตามมือก่อนที่จะพยายามดึงออกแต่ก็ไม่หลุด ทุกครั้งที่ฟ้าพยายามแกะมือออกจากมือน้ำ น้ำก็จะยิ่งกระชับมือเค้าให้แน่นขึ้นไปอีก
“น้ำ ปล่อยมือเรา”
"ไม่!"
“น้ำ คนมองกันหมดแล้วนะ”
“ช่างหัวเค้าสิ ตอนนี้เราห่วงแค่ฟ้า ถ้าเราทำอะไรให้ไม่พอใจก็ขอโทษ แต่เราไม่ชอบที่ฟ้าเป็นแบบนี้เลย”
น้ำพูดพร้อมกับหยุดเดินและหันหน้ามาหาฟ้า ฟ้านิ่งเงียบด้วยความอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน
“ขอละฟ้า ถ้าฟ้าเป็นอะไรหรือไม่ถูกใจไม่สบายใจอะไรก็บอกเราหน่อยได้ไหม ไม่ใช่เงียบอมพะนำอยู่คนเดียว เราอยู่ด้วยกันมากี่ปีฟ้า เรามันไม่น่าไว้ใจถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็…เปล่า….”
“งั้นทำไมไม่บอก ทำไมไม่พูด”
“น้ำ เบาๆก็ได้ คนมองกันหมดแล้วอะ”
“ก็บอกว่าช่างเค้าไง เค้าอยากเสือกเรื่องของชาวบ้านก็ปล่อยเค้าไป!’
ฟ้าอ้าปากค้าง เค้าอยากจะเข้าไปตะคลุบปิดปากไอ้คนหุนหันพลันแล่นแต่ก็ไม่ทันซะแล้ว ฟ้าเหลียวมองซ้ายขวาเมื่อรับรู้ได้ถึงเสียงที่แซงแซ่มากขึ้น
“น้ำ กลับกันเถอะ”
“ไม่ เราอยากกินข้าวที่นี้”
“งั้นก็เลือกร้านสักทีสิ”
“เราอยากให้ฟ้าเลือก”
ให้ตายสิน่า ฟ้าได้แต่สถบในใจ พอดีสายตาฟ้าเหลือบไปเห็นร้านอาหารไทยที่กำลังมีลูกค้าทยอยเดินออกเค้าเลยชี้มือไปทางนั้นทันที น้ำก็พยักหน้ารับแล้วเดินจูงมือเค้าเดินตรงไป อยากจะบอกอยู่แหละว่ามีโทรศัพท์แล้วไม่จำเป็นต้องจับมือก็ได้ อารมณ์ตอนนี้ก็ซอฟลงมาหน่อยแล้วด้วย
แต่ลึกๆก็ไม่อยากปล่อยมืออยู่ดีแหละนะ
“สวัสดีค่ะ สองท่านนะค่ะ”
ฟ้าได้สติในตอนนี้เอง น้ำตอบรับพนักงานก่อนจะพาฟ้าเดินตามพนักงานเข้าไปนั่งที่โต๊ะว่า ฟ้าแอบสังเกตได้ว่าพนักงานเค้าเมียนมองมายังมือของพวกเค้าก่อนจะมองหน้าแล้วก็ยิ้ม ผู้คนรอบข้างก็คงเห็นกันหมดแล้วและไหนจะการนั่งที่นั่งติดกันนี่ด้วย ฟ้าไม่ใช่คนต้นคิดเรื่องที่ต้องนั่งติดกันนะ แต่เป็นน้ำที่ไม่ยอมปล่อยมือและลากเค้าลงมานั่งข้างๆด้วยเอง
“สั่งสิ”
น้ำยื่นเมนูมาให้ฟ้าสั่งฟ้าเลยยกมืออีกข้างที่ไม่ได้ถูกกุมขึ้นเปิดดูรายการแล้วสั่งจนเรียบร้อย แน่นอนว่าเค้าต้องสั่งเผื่อคนข้างๆด้วยเพราะน้ำเอาแต่ยกมือเท้าคางกับโต๊ะแล้วเหม่อมองออกไปนอกบานกระจกที่ภายนอกเป็นวิวของท้องถนนยามแดงเปรี้ยงในตอนบ่าย มือของเรายังคงกุมกันอยู่อย่างนั้นจนอาหารถูกนำมาเสิร์ฟถึงได้คลายในที่สุด ตลอดมื้ออาหารแทบไม่มีใครปริปากพูดอะไรกันอย่างเคย
เมื่ออิ่มหนำสำราญอารมณ์เบิกบานกันแล้วก็พากันออกจากร้านไปเดินเล่นกันต่อ น้ำเลยถือโอกาสแวะไปดูพวกโซนกีฬาเพราะเดือนหน้าจะมีแข่งกีฬามหาลัยและเค้าจะคงได้เป็นตัวเต็งในการจับยัดให้แข่งในกีฬาเกือบทุกประเภท
“ปีนี้จะลงเล่นไรบ้างอะน้ำ?”
ฟ้าถามขณะที่นั่งรอคุณชายเค้าเลือกรองเท้าสำหรับเล่นบาสอยู่เบาะข้างๆ
“กะจะลงน้อยหน่อย ขี้เกียจวิ่งไปมาแต่ละโดม”
“เหรอ”
“แล้วฟ้าละ?”
น้ำหันมาถามพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จนฟ้าเบ้ปากใส่ รู้ทั้งรู้ว่าฟ้าไม่ชอบเล่นกีฬายังจะมาถามอีก
“ปีนี้จะลงหลีดมืออีกป่ะ?”
น้ำถามอีกครั้งส่วนฟ้านั้นส่ายหัวรัวเลย
“หึหึ ทำไมละ ดูดีออก”
“เหนื่อยเชี่ยๆ ไหนจะแต่งนงแต่งหน้าอีก ไม่เอาอะไม่ชอบ”
“แต่ฟ้าแต่งแล้วสวยจริงๆนะ มองเพลินไม่มีเบื่อเลยด้วย”
แก้มขาวถึงกับขึ้นสีระเรื่อเมื่อได้ยินอย่างชัดเจน คนๆนี้นี่ บทจะตรงก็ตรงบทจะไม่พูดก็เงียบกริบ
“แต่เรารำคาญ”
น้ำเลิกคิ้ว
“รำคาญอะไร?”
“ก็หลังจากนั้นมันมีคนเข้ามาวุ่นวายกับเราเพิ่มเป็นสองเท่า ดีที่ไม่คบคนในมหาลัยไม่งั้นคงบรรลัยกันละ”
“………”
น้ำถึงกับเงียบกริบ เค้าลืมคิดถึงข้อนี้ไปเสียสนิท ถ้าเค้ามองว่าฟ้าสวยว่าฟ้าน่ารักได้คนอื่นมันก็ต้องมองแบบนั้นได้เหมือนกัน แค่คิดก็ชักจะไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วสิ
“น้ำ เลือกได้รึยังเนี้ย?”
“อ้อ อืม เอาคู่นี่แหละ”
น้ำตอบแล้วหยิบคู่ที่ลองไปให้พนักงานคิดเงิน เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาหาฟ้าที่ยืนรออยู่หน้าร้าน เค้าจ้องมองฟ้าแทบไม่ละสายตา เค้าไม่อยากให้ใครว่าวุ่นวายกับคนๆนี้ ไม่อยากให้ใครมามองคนๆด้วยความเสน่หาแบบนั้น เค้าไม่อยากให้คนๆนี้มีใครอื่นหรือแม้แต่คู่ควงเหมือนอย่างที่ผ่านมา
…มันมากไปรึเปล่าวะไอ้น้ำ มึงมีสิทธิ์อะไรในตัวเค้าเหรอ…
น้ำถึงกับสะอึกในความคิดของตัวเอง
“น้ำ”
น้ำเผลอสะดุ้งนิดหน่อย พอมองไปทางฟ้าปรากฏว่าเค้าทั้งสองได้เดินมาจนถึงที่จอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“นี่ละเมอเดินป่าวเนี่ย?”
“จะบ้ารึไง”
“แปลกๆนะ เหม่อตลอดเลย มีอะไรรึเปล่า?”
เค้าอดที่จะรู้สึกดีกับความห่วงใยนี้ไม่ได้
“นิดหน่อยนะ”
“ให้เราขับไหม?”
“ไม่เป็นไร ยังไหวอยู่”
“แน่ใจนะ?”
“อืม แต่ที่ไม่ไหวคือหัวใจ”
ฟ้าถึงกับขมวดคิ้ว
“ไม่รู้เป็นอะไร ช่วงนี้มันชอบเรียกร้องอะไรแปลกๆ อย่างเช่นอยากให้ฟ้าเป็นของเราคนเดียวคนอื่นอย่าแม้แต่จะมอง…”
ฟ้าอ้าปากค้างไปแล้ว
“ฟ้าช่วยเอามันไปวินิจฉัยหน่อยสิ ว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้ มันคืออะไร?”
Tbc…..
-
o13
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
10
“พะ พูดอะไรวะน้ำ เราเรียนสถาปัตไม่ได้เรียนหมอ อยากรู้ก็ไปหาหมอเองดิ หมอจิตแพทย์ด้วยยิ่งดีเลย ไอ้คนประสาทกลับ!”
น้ำยิ้มขำเมื่อนึกถึงคำพูดและอากัปกิริยาเขินอายหน้าแดงแปร๊ดของใครอีกคน มันยังคงเหมือนม้วนเทปที่กรอกลับไปกลับมาด้วยความหรรษา และเมื่อกลับมาถึงห้องปุ๊บเจ้าตัวก็หายลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเองปั๊บ ปล่อยให้ใครอีกคนเอาแต่นั่งยิ้มทั้งที่ดูข่าวกีฬาที่ไม่มีอะไรให้เบิกบานเลยสักนิด
ไม่รู้สินะ ก็แค่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
ครืน ครืน
เสียงการสั่นไหวของโทรศัพท์สีดำเครื่องหรูดังขึ้นเรียกความสนใจจากเจ้าของ น้ำหันไปเอื้อมหยิบมาดูชื่อหน้าจอพอรู้ว่าเป็นใครจึงสไลด์รับสายในที่สุด
“ว่าไงไอ้เคน?”
/เงียบกริบกันหมดเลยไอ้พวกเชี่ย ไลน์กลุ่มนี่ไม่มีใครสนใจจะเปิดอ่านกันเลยใช่ไหม!?!/
“อะไรของมึงเนี้ย ไปกินรังแตนจากไหนมาวะ”
/ไม่ต้องมาพูดเลยไอ้น้ำ มึงแหละตัวดี มึงเข้าไปที่บาร์###เสือกไม่ชวนกูเลยนะมึง/
น้ำชะงักไปนิด ที่เคนพูดนั้นคือการไปบาร์เพื่อจับตามองฟ้าในวันนั้น วันที่ได้เห็นฟ้ากับไอ้เหี้ยต้นเต็มๆสองตา
/เงียบไอ้สัส มาสำนึกผิดตอนนี้ก็ไม่ช่วยอะไรแล้วโว้ย นอกจากออกมาหากูเดี๋ยวนี้/
“อะไรของมึง?”
/มาหากูนี่ กูอยู่ที่ร้าน###แถวทองหล่อ เพื่อนพี่กูเปิดใหม่ช่วยทำตัวหล่อให้เป็นประโยชน์โดยการโผล่หน้ามาถ่ายรูปโปรโมตร้านสักแอ๊คสองแอ๊คดิ/
“ร้านอะไรวะ กูยังไม่อยากเมาแต่หัววันแบบนี้นะ”
/Bar&Restaurantครับท่าน/
“เออๆ งั้นเดี๋ยวกูถามฟ้าก่อน มึงโทรหาคีย์เลย”
/จัดให้!/
พอวางสายจากอีกคนน้ำก็เมียนมองไปยังประตูห้องของอีกคน แอบห่วงเหมือนกันว่าฟ้าจะเหนื่อยเพราะเมื่อเช้าก็พุบอยู่กับโต๊ะเหมือนไม่ได้นอนเต็มอิ่ม น้ำลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปบิดลูกบิดประตูดู ปรากฎว่ามันไม่ได้ล็อค จะเรียกว่าเป็นความเคยชินที่เลินเล่อหรืออะไรก็ช่างแต่มันทำให้เค้าค่อนข้างพอใจพอสมควร
น้ำเดินเข้าไปข้างในกำลังจะเอ่ยปากเรียกแต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเค้าเห็นว่าฟ้ากำลังนอนคว่ำแผ่หลาฟุบหน้าลงกับหมอน
นอนอีกแล้ว
“ฟ้า”
คนถูกเรียกขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะยันส่วนบนขึ้นแล้วมองเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนเด็กน้อยมองหาพ่อแม่
น้ำเผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
“มีอะไร?”
ฟ้าถามกลับน้ำเสียงงัวเงียก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงแล้วดึงผ้าห่มผืนหนาขึ้นมากอดก่าย
“ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน ได้ข่าวว่าเมื่อคืนเข้านอนก่อนเราอีกนะ”
“ช่างเราเหอะน่า วันนี้วันหยุดนะได้ข่าว”
ถึงแม้ตาจะยังคงหลับพริ้มแต่ฝีปากยังคงโต้ตอบด้วยความเคยตัว น้ำหัวเราะใรลำคอก่อนจะล้มตัวลงไปกอดหมับเข้าที่เอวเล็กแล้วออกแรงรัดเหมือนงูพันเหยื่อ
“น้ำ! เล่นอะไรปล่อยเลยเราอึดอัด!!”
ฟ้าดิ้นคลุกคลัก ดวงตากลมมลเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆก็ถูกจู่โจม
“หมั่นเขี้ยว”
น้ำพูดลอดไรฟันแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เค้าเพิ่มแรงรัดจนโดนฟ้าด่าลั่นห้อง เค้าหัวเราะอย่างสาแก่ใจที่ได้แกล้งฟ้าจนได้กลิ่นหอมๆจากคนตัวขาว ฟ้าไม่ค่อยพรมน้ำหอมนั้นเค้ารู้ดี แต่กลิ่นที่เค้ารับรู้นี่มาจากไหน น้ำก้มลงซบที่เรือนผมนิ่ม ฟ้าชะงักค้างเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสที่ผิดปกติ น้ำไม่สนใจกับปฎิกิริยานั้นและยังคงไล่ตามเรือนผมสีดำขลำลงไปถึงหลังใบหู ไล่ลงไปยังซอกคอขาว
“นะ น้ำ”
ฟ้าเสียงสั่น อย่าว่าแต่เสียงเลยเพราะตอนนี้เค้าก็แทบจะสั่นไปทั้งตัวแล้ว ยิ่งหัวใจยิ่งหวั่นไหวแรง
น้ำไม่สนใจ เค้ายังคงไล่ตามกลิ่นหอมหวานนั้นไปจนถึงลาดไหล่บาง เค้าใช้ปลายจมูกโด่งเกลี่ยเส้นผมยาวให้หลุดออดจากไหล่นั้นจนเผยเห็นผิวเนื้อขาวๆที่โผล่พ้นสายคอเสื้อกล้ามออกมา ขอดีของการใส่เสื้อกล้ามคือสบายแต่ข้อเสียคือถอดง่ายและถูกรุกล่ำง่ายเช่นกัน
“น้ำ!”
ฟ้าทนไม่ไหว เค้าเอ่ยเรียกคนตัวใหญ่เสียงเข้มก่อนจะพลิกร่างมาผลักดันให้น้ำผละถอยออกไปแต่ผลมันกลับตรงกับข้าม นอกจากน้ำจะไม่สะทกสะท้านแล้วกลายเป็นฟ้าที่หันหน้ามาซบอยู่แทบอกพอเงยหน้าขึ้นมองก็สบเข้ากับดวงตาเฉี่ยวนั้นเข้าพอดิบพอดี
ดวงตาทั้งสองคู่จ้องมองกันอยู่อย่างนั้น สภาวะรอบข้างหยุดนิ่งและเงียบสงบไปในชั่วพริบตา ฟ้าเป็นผ่านยอมแพ้และเสหลบแต่มือหนาของใครอีกคนกลับจับที่ปลายคางแล้วดึงให้หันกลับมาหากันใหม่ ดวงตาดำนิลสั่นระริกด้วยความหวั่น ผิดกับดวงตาสีอ่อนเฉี่ยวดุที่นิ่งดุจกำลังข่มขวัญเหยื่อในกรงเล็บ
“นะ..อุ๊ป!”
ฟ้าเพียงแค่อ้าปากกำลังจะเอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้าแต่ในจังหวะเดียวกันนั้นน้ำก็ก้มลงมาประกบปากจูบและสอดแทรกลิ้นร้อนเข้ามาอย่างไว ฟ้าได้แต่นิ่งอึ้งจึงไม่ทันได้คัดค้านต้านทานในสิ่งที่กำลังรุกล่ำอยู่ภายใน แต่ไม่นานความรู้สึกแปร๊บๆที่ริมฝีปากก็เรียกสติของฟ้าให้กลับมา
“อึก! อื้อๆ!!”
ฟ้าส่งเสียงอื้ออึงประท้วงพร้อมกับมือที่พยายามผลักคนตรงหน้าออก น้ำนึกรำคาญเลยคว้ามือเล็กทั้งสองข้างรวบไว้เหนือหัว ฟ้าใจเต้นรัวด้วยความหวาดระแวงในสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ถึงแม้มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่เค้าปรารถนาแต่ก็ไม่ใช่ในรูปแบบนี้แน่ มันต้องเป็นเพียงแค่ความฝันสิ ไม่ใช่ความเป็นจริงที่เกิดเพราะอารมณ์ชั่ววูบแบบนี้
“น้ำ!”
ทันทีที่น้ำผละถอยจากริมฝีปากที่เริ่มจะบวมเจ่อของคนด้านล่างฟ้าก็ร้องเอ็ดเสียงดัง น้ำไม่สนใจ เค้ายังคงไล่ซุกไซ้ไปตามแก้มเนียน เค้าจรดปลายจมูกโด่งคลอเคลียด้วยความออดอ้อนก่อนจะสูดดมความหอมอย่างชื้นใจ ความรู้สึกตื้นตันในใจก่อตัวอย่างช้าๆ ความปรารถนาจากเบื้องลึกค่อนๆผุดขึ้นมาเป็นกระแสไฟฟ้าที่คอยกระตุ้นบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ภายในกาย เมื่อสมใจกับแก้มนุ้มเค้าจึงไล่ลงไปยังซอกคอขาว ยิ่งลงต่ำกลิ่นหอมชวนยั่วนั้นก็ยิ่งเด่นชัด เค้าเกลี่ยปลายจมูกลงไปเรื่อยๆจนเจอจุดที่พอเหมาะเค้าจึงจะกดปากลงจูบและดูดชิมความหวานที่แสนยั่วยวน ฟ้าสถบทันทีพร้อมกับอาการเกร็งไปทั่วทั้งร่าง น้ำกดยิ้ม เค้าพอใจจนภายในออกพองฟู
“น้ำหยุด”
แน่นอนว่าน้ำไม่สนใจ มือข้างที่ว่างเลิกชายเสื้อฟ้าขึ้นจนถึงอก น้ำเงยหน้ามองคนใต้ร่างที่หน้าง้ำหน้างอแต่แดงแปร๊ดจนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ตอนนี้ทุกสิ่งของคนตรงหน้าดูยั่วยวนมาก มากจนเค้าใจสั่น ความต้องการพรุงพร่านอย่างไม่อยากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้ำเลื่อนมือไปนวดคลึงที่ยอดอกเล็กเบาๆ ฟ้าสะดุ้งโหย่งทันที เสียงครางเคลือที่เล็ดลอดออกมาจากเรียวปากบางนั้นน่าฟังจนอยากจะได้ยินมากกว่านี้ ต้องการมากกว่านั้น
“อ๊ะ น้ำ”
“แข็งแล้วนี่”
ฟ้าแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนี ความเห่อร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างนั้นคือหลักฐานชั้นดีที่บ่งบอกถึงความมีอารมณ์อย่างรุนแรงต่อการกระตุ้นของคนตรงหน้า ฟ้าเม้มปากแน่นแล้วคว้าหมอนมาปิดหน้าปิดตา น้ำหัวเราะขำกับสิ่งที่เห็น ฟ้าอายได้น่ารักมาก
“ฟ้า”
“อะไรวะ!?”
โว้ๆ มีขึ้นวะซะด้วย
“เขินเหรอ?”
“สมควรถามไหม ก็เห็นๆอยู่”
“เอาน่า เดี๋ยวเราช่วยเอาลง”
ฟ้ากระทุ้งเข้าใส่คนที่แทรกตัวมาอยู่ตรงกลางระหว่างขาไปที น้ำหัวเราะร่วนแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“ไม่เอา เราจัดการเอง”
“อย่าดื้อฟ้า”
“เห้ย!”
ฟ้าร้องเสียงหลงเมื่อคนตรงหน้าล้วงมือลงไปกำในส่วนนั้นของเค้าไว้แน่น น้ำดึงหมอนออกจากฟ้าแล้วขว้างมันทิ้งลงพื้นไป ฟ้าได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความอายส่วนน้ำก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์ เค้าก้มลงไปเลียที่ตุ้มไตเล็กสีชมพูระเรื่อที่แข็งปั๊ง ฟ้าหลุดเสียงร้องแล้วแอ่นตัวขึ้นอย่างเผลอตัว ตรงนี้มันเป็นจุดอ่อนของฟ้า น้ำจำได้จากการสัมผัสในคราวที่แล้ว ฟ้ายกมือขึ้นปิดปากตัวเองเมื่อด้านบนก็ถูกโลมเลียจนขนลุกขนชัน ส่วนด้านล่างก็ถูกรูดรั้งจนออกร้อนไปทั้งร่าง ไม่รู้กางเกงบอลที่ใส่นอนถูกถอดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้ฟ้าแทบจะเปลือยเปล่าไปทั้งตัว ผิวขาวดั่งหยวกแดงระเรื่อเป็นหย่อมๆ มันน่ากัดน่าจูบน่าดูดดึงไปทุกสัดส่วน น้ำอดที่จะทึ่งไม่ได้เมื่อได้รับรู้ถึงสิ่งเหล่านี้ เค้าอยู่กับฟ้ามาตั้งแต่เด็ก ใช่ว่าจะไม่เคยแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกัน แต่ฟ้าในตอนนั้นกับฟ้าในตอนนี้ ทำไมมันแตกต่างกันถึงขนาดนี้ ฟ้าทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
...หรือสิ่งที่เปลี่ยนจะไม่ใช่ฟ้า แต่เป็นเค้าเอง...
“นะ น้ำ อื้ออออ”
ฟ้าเอื้อมมือมาผลักบ่าน้ำเมื่อความรู้สึกเบื้องลึกเริ่มตีตื้นขึ้นมา นิ้วเรียวกดจิกอย่างเผลอตัว ปากบางเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ลมหายใจหอบกระเส่านั้นฟังดูยั่วอย่างไม่รู้ตัว น้ำลอบมองและสังเกตปฎิกิริยาทุกสิ่งอย่างจนสิ่งใหญ่โตกลางกายเค้าเริ่มปวดฉุ
“ฟ้า”
น้ำเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว ทำให้ดวงตากลมสีนิลรื้อน้ำจนหวานเยิ้มเหลียวมามองสบตากัน เค้าก้มลงประกบปากจูบอีกครั้งและครั้งนี้ฟ้าจูบกลับด้วยความร้อนแรงไม่ต่างกัน แขนเรียวโอบรอบคอน้ำและจิกเกร็งเมื่อน้ำเพิ่มจังหวะในอีกมือ ฟ้าร้องครางเคลือในลำคอไม่นานร่างบางก็กระตุกเฮือกแล้วสั่นระริก น้ำรับรู้ได้ถึงของเหลวที่ถูกปล่อยออกมาจนเลอะไปทั้งมือ เค้าปล่อยปากให้คนตรงหน้าหอบหายใจโกยเอาอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่ พอเหลียวมองไปยังด้านล่างก็เห็นหยาดน้ำสีข้นเปราะเปื้อนอยู่เต็มหน้าท้องขาว น้ำกวาดสิ่งเหล่านั้นมาไว้ที่นิ้วก่อนจะลากลงไปยังช่องทางด้านหลังและนั้นก็ทำให้ฟ้าสะดุ้งอีกครั้ง
“น้ำ ไม่นะ!”
น้ำไม่ตอบแต่ยังคงวนนิ่วไปเรื่อยๆ ฟ้าเริ่มดิ้นจนน้ำต้องรวบมือทั้งสองข้างของฟ้าไว้ด้วยมือข้างเดียว ดีหน่อยที่ฟ้ากำลังอ่อนเปรี้ยเพลียแรงอยู่ไม่งั้นเค้าก็คงจับไม่ได้อย่างนี้ น้ำกัดปากตัวเองก็จะสอดนิ้วมือลงไปที่ช่องทางนั้นทีละนิด มันทั้งคับทั้งแน่นจนแทบจะขยับไม่ได้ ฟ้าอ้าปากส่งเสียงครางอย่างหลุดมาด มือที่กำลังดึงรั้นให้หลุดจากพัฒนาการหยุดชะงักลงทันที น้ำค่อยๆแทรกนิ้วลงไปเรื่อยๆจนสุดความยาว เค้ายืดตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองคนตรงหน้าอย่างให้ชัดเจนมากขึ้น ฟ้าอ้าปากส่งเสียงครางเมื่อนิ้วด้านในซุกไซ้วนไปมา ตากลมหลี่ลงด้วยความมึนเบลอ มือเรียวจิกเกร็งอยู่กับเบาะอย่างน่าสงสาร
“เจ็บเหรอ?”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนที่ถูกถาม น้ำถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ถอนนิ้วออกมา เค้าวนไปเรื่อยๆเพื่อสร้างความคุ้นชินและขยายในส่วนนั้นจนไปโดนเข้ากับจุดอ่อนไหวเข้า ฟ้าสะดุ้งเฮือกส่งเสียงผิดแปลกจนน้ำยิ้มกริ่ม ด้านล่างน้ำตาไหลลงจากหางตาอีกฝั่งที่น้ำมองไม่เห็น มือหนาวนจี้อยู่ที่จุดๆนั้นจนฟ้าเริ่มรุ้สึกแข็งขื่นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อด้านในนั้นอ่อนนุ่มและยืดหยุ่นพอสมควรแล้วน้ำจึงถอยทัพ เค้ายืดตัวขึ้นแล้วหันมารูดซิปกางเกงตัวเองลง รู้สึกเซ็งนิดหน่อยที่ลืมเปลี่ยนชุดจึงยังคงอยู่ในชุดยีนส์ที่ค่อนข้างจะเสียเวลาถอด แต่ก็ช่างมันเถอะ ฟ้าไม่แม้แต่จะเมียนมองมาทางน้ำเลยสักนิด ตอนนี้เค้าเหนื่อย เหนื่อยไปหมด ทั้งกายทั้งใจ
“อ๊า!!!!”
ฟ้าร้องลั่นเมื่อสิ่งใหญ่โตนั้นกำลังแทรกตนเข้าสู่ช่องทางเล็ก ฟ้าเผลอรัดจนน้ำซี๊ดปากออกมาเบาๆ
“ฟ้า ผ่อนคลายหน่อย”
น้ำเอ่ยขอแต่ฟ้าทำได้เพียงส่ายหัวรัวๆ ตอนนี้หยากน้ำตาได้ไหลลงอาบแก้มให้น้ำได้เห็นอย่างเต็มตา น้ำหยุดตนไว้เพียงครึ่งแล้วเอื้อมมือมาเกลี่ยหยาดน้ำสีใสนั้นให้อย่างแผ่วเบา
“เจ็บเหรอ?”
ฟ้าพยักหน้าทั้งที่ปากยังคงเม้มแน่นจนออกซีด
เจ็บไปหมดในทุกๆสิ่ง
“แป๊บเดียวนะ แค่ผ่อนคลายแป๊บเดียว เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว”
“..........”
“นะครับ”
ฟ้าไม่ตอบแต่สะดุ้งเมื่อน้ำแทรกกายเข้ามาอีกครั้ง ฟ้าพยายามผ่อนลงหายใจจนกลายเป็นความคลายตนจนคนด้านบนแทรกกายเข้ามาได้สุดทาง ฟ้ารู้สึกจุกหน่วงและแน่นไปหมดอย่างที่ไม่เคยเป็น ถ้าไม่ใช่เพราะเค้าห่างหายมานานก็คงเป็นเพราะของๆน้ำนั้นใหญ่จนเกินไป
“จะขยับแล้วนะ”
“อ๊ะ!”
ทันทีที่พูดจับน้ำก็ถอดส่วนนั้นออกจนเกือบหลุดแล้วกระแทกเข้ามาใหม่ทีเดียวเน้นๆหนักๆจนฟ้าจิกเกร็งไปทั้งร่าง เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังลั่นแข่งกับเสียงร้องครางของคนด้านล่าง น้ำซี๊ดปากด้วยความเสียวซ่าน คนตรงหน้าหวานฉ่ำไปทุกหยาดหยด ดวงตาลื้อน้ำนั้นฉ่ำวาวจนยากที่จะละสายตา เสียงครางกระเส่าที่เริ่มแหบพล่าแต่น่าฟังจนอยากจะทำให้ร้องไปนานตราบที่จะนานได้ ร่างบางที่ไหวคลอไปตามแรงส่งจากเค้า น้ำกัดฟันแน่นเพื่อข่มอารมณ์ดิบ เค้าไม่เคยคิดว่าฟ้าจะยั่วได้ขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าจะอร่อยได้ถึงเพียงนี้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรู้สึกดีได้ถึงขนาดนี้ และไม่อยากจะเชื่อว่าใจตนจะเต้นแรงได้ถึงเพียงนี้เช่นกัน
น้ำยังคงตะกรุมตะกราม‘กิน’คนตรงหน้าต่อเนื่องไปกว่าสองชั่วโมง ฟ้านั้นปลดปล่อยไปกว่าสามรอบในขณะที่น้ำกำลังจะสุขสมเป็นรอบที่สอง ฟ้ายังคงส่งเสียงครางอยู่เรื่อยๆจนน้ำจับฟ้าพลิกคว่ำหน้ายกสะโพกตึงขึ้นสูงแล้วสอดใส่เข้าไปหนักๆอีกครั้ง ถึงแม้จะมีบ้างที่ฟ้าห้ามไม่ให้แรง บอกให้ทำเบาๆ แต่ทุกครั้งที่เค้าลงแรงหนักหน่วง ด้านในฟ้าก็จะตอดรัดจนแทบทนไม่ไหว ร่างกายพยศพอๆกับเจ้าของร่างจริงๆ น้ำกระแทกลงลึกจนไปโดนจุดอ่อนไหวอยู่หลายรอบ เค้าเน้นย้ำจนฟ้าดึงทึ้งผ้าห่มจนแทบขาด มือจิกเกร็งเหมือนทนต่อความเสียวจากภายในไม่ไหว ฟ้ากำลังจะเสร็จเป็นรอบที่สี่
“พร้อมกันนะ”
น้ำก้มลงบอกเสียงแผ่วที่ข้างหูยิ่งทำให้ซาบว่านมากกว่าเดิม
“ฟ้า”
น้ำเอ่ยเรียกเสียงอ่อน ฟ้าบลือตาขึ้นแล้วหันมาหา ดวงตาสองคู่สบประสานก่อนจะหลับลงอีกครั้งเมื่อใครอีกคนเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้แล้วประกบปากจูบด้วยความเสน่หา ทุกสิ่งเร้าร้อนจนแทบทนไม่ไหว ร่างสองร่างสอดประสานจนแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ทั้งคู่ครางเคลือในลำคอเมื่อใกล้จะถึงจุดๆนั้น ฟ้าเลื่อนมือไปช่วยในส่วนของตนจนในที่สุดความร้อนนั้นก็ปะทุออกมาพร้อมๆกับน้ำที่ปล่อยออกมาจนล่นช่องทางเล็กไหลลงมาอาบหน้าขาที่ยังคงชัดสูง ฟ้าทรุดกายลงนอนราบกับที่นอนเมื่อน้ำเอาส่วนใหญ่โตของเค้าออก
“ฟ้า”
น้ำเรียกพร้อมเกลี่ยเส้นผมที่ติดอยู่กับกรอบหน้าออกอย่างเบามือ เค้าพึ่งมานึกได้ว่าได้ทำรุนแรงเกินไปก็ตอนนี้ ตอนที่เต็มอิ่มและเห็นเลือดสีแดงสดไหลลงมากับน้ำรักสีขาวขุ่น
“ไม่เป็นไร”
เสียงแหบพล่าตอบกลับมาด้วยความอ่อนแรง ฟ้ายอมรับว่าลึกๆแล้วเค้าเองก็ยอมจำนนไปกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่การขืนใจ แต่ก็ไม่ใช่การร่วมรักเช่นเดียวกัน
“มันก็แค่เซ็กส์ เราไม่เป็นอะไรหรอก”
น้ำขมวดคิ้ว
“หมายความว่าไง?”
“หมายความว่าไม่ต้องมาคิดมากไง แค่ต่างคนต่างช่วยปลดปล่อยให้กันและกัน ไม่ต้องมาห่วงให้มากเกินความจำเป็น”
ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่เอ่ยบอกกับน้ำแต่ฟ้าเองก็เจ็บปวดกันมันเหมือนกัน อย่าให้เทียบเลยว่าใครจะเจ็บกว่า เพราะคนที่ได้แต่แอบรักนั้นต้องแพ้อยู่วันยันค่ำ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมน้ำต้องทำอย่างนี้แต่เค้ามั่นใจว่ามันไม่ใช่เพราะความรัก
...แบบที่เค้าอยากจะได้...
น้ำนึกฉุนจนเผลอกระชากคนที่ฟุบหน้าลงกับหมอนขึ้นมามองหน้ากัน แต่เมื่อเห็นความเปียกชื้นของหยาดน้ำตาที่อาบแก้มนั้นแล้วเค้าก็แทบกลืนคำต่อว่าลงคอทันที
“ออกไป”
“ฟ้า”
“ออกไปเถอะน้ำ เราขอจัดการกับตัวเองนะ”
“แต่ว่า...”
“น้ำ...ฟ้าขอ...”
การเรียกแทนตัวด้วยชื่อแสดงถึงความจริงจังจนน้ำต้องยอมจำนน เค้ายืดกายที่เปลือยเปล่าขึ้นแล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อนแล้วเดินออกจากห้องไปในที่สุด
TBC…..
เค้าได้กันแล้วอะตัว ว้ายๆๆๆๆ >////<
-
มันต้องอย่างนี้สิ น้ำพัฒนาความสัมพันธ์ลึกซึ้งไปอีก
แต่อีกคนกลับมองเป็นแค่SEX ...เฮ่ยเหนื่อยใจ
ต่างคนต่างรักกันไม่ใช่หรอ
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
11
“เห้ยๆไอ้น้ำ เพลาๆหน่อยก็ได้เว้ย”
เคนเอ่ยท้วงพลางยกมือห้ามปรามเเพื่อนแต่น้ำยังคงไม่สนใจ ตอนนี้เค้ากำลังนั่งดื่มเหล้าจนเหมือนอาบอยู่ที่ร้านอาหารกึ่งบาร์ของเพื่อนพี่ของเคน คีย์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็ได้แต่นั่งดื่มไปมองไปไม่ได้ออกมาห้ามเหมือนอย่างเคน
“ถ้าไอ้ฟ้ามามึงคงสงบกว่านี้สินะ”
นั้นแหละคือประเด็นที่ทำให้น้ำแทบอาบเหล้าทั้งที่ตอนแรกเปรยว่าไม่อยากกินแต่ตอนนี้อะไรก็ห้ามไม่อยู่
“นั้นดิ ฟ้ามันทำงานเสร็จตั้งนานแล้วนี่ ไม่น่าจะยุ่งถึงขนาดมาไม่ได้ทั้งที่อยู่กันครบกลุ่มนะ”
คีย์เอ่ยขึ้นบ้างจนน้ำถอนหายใจหนักๆ ถ้าจะให้พูดความจริงก็คือฟ้าไม่ยอมพูดคุยอะไรเลยมากกว่า เมื่อน้ำออกมาจากห้องจนสงบสติอารมณ์ตัวเองได้แล้วก็กะจะกลับไปที่ห้องนั้นใหม่ แต่ทว่าคราวนี้ห้องกลับล็อค พอเคาะเรียกก็ไม่มีเสียงตอบโต้จนเคนโทรตามเค้านั้นแหละถึงได้รู้ว่าฟ้าส่งข้อความบอกว่ายุ่งและไปด้วยไม่ได้
“ไอ้น้ำ”
คีย์หันมาเรียกน้ำด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนน้ำหันกลับไปมอง เคนเองก็มองคนทั้งคู่ไปมาด้วยความแปลกใจ ไม่บ่อยที่เค้าจะเห็นคีย์เข้าสู่โหมดจริงจังแบบนี้ ปกติออกจะเฮฮาปาร์ตี้เฟรนลี่ไปทั่ว
“มีอะไร?”
“มึงทำอะไรฟ้า?”
คีย์ยิงตรงแต่น้ำยังคงนิ่ง มีเพียงเคนเท่านั้นที่ไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรกับเค้าเลย
“เห้ย ไอ้น้ำมันจะไปทำอะไรไอ้ฟ้าได้ มึงคิดอะไรอยู่วะคีย์?”
“ไม่รู้เรื่องกับเค้ามึงก็เงียบไปเลยเคน ว่าไงไอ้น้ำ มึงทำอะไรฟ้า?”
“หึ”
น้ำทำได้เพียงยกยิ้มแล้วหัวเราะเยาะในลำคอ เค้าไม่ได้หัวเราะใส่ใครแต่เป็นการหัวเราะเยาะให้ตัวเองที่ไปทำอะไรหุนหันแบบนั้น ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เค้าเริ่มคุมตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เค้าเริ่มคุมอารมณ์และความรู้สึกไว้ไม่อยู่
คีย์เห็นปฎิกิริยาแบบนั้นจึงลุกขึ้นกระชากคอเสื้อน้ำขึ้นอย่างหาเรื่อง ถึงแม้คีย์จะตัวเล็กกว่าแต่ก็ใช่ว่าเค้าจะต้องทนยอมเสมอไป คีย์กัดฟันกรอดมองจ้องสบตากับคนตรงหน้าเขม่งแต่น้ำกลับทำได้เพียงแค่จ้องกลับใบหน้านิ่งดังพระอิฐพระปูน
…ทว่าถ้าสังเกตดีๆจะเห็นแววตาอันสั่นไหวอยู่ภายในเบื้องลึกของดวงตาคู่เฉี่ยว…
“ตกลงมึงทำจริงๆใช่ไหม?”
คีย์ถามเสียงเข้มลอดไรฟันในเชิงขู่ เค้าไม่สนใจแม้กระทั่งเคนที่ลุกขึ้นมาห้ามเพราะกลัวจะมีการลงไม่ลงมือกัน ดีที่พวกเค้าเลือกที่นั่งอยู่ชั้นสองซึ่งยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่บวกกันคนทั้งคู่ไม่ได้ทำเสียงดังจนเป็นจุดสนใจจึงยังไม่มีคนนอกหันมามอง
“จะทำหรือไม่ทำมันก็เป็นเรื่องของกูกับฟ้าป่าววะ?”
พลั๊ก!
แล้วสิ่งที่เคนกลัวก็เกิดขึ้น คีย์ประเคนหมัดหนักๆใส่น้ำทันทีที่น้ำพูดจบ เห็นตัวเล็กแบบนั้นก็ใช่ว่าจะแรงน้อยซะเมื่อไหร่ น้ำที่ยอมโดนแบบเต็มๆจึงหงายล้มจากโซฟาที่นั่งลงไปกองอยู่กับพื้น
“คีย์! หยุด!!”
เคนรีบตรงหลี่เข้ามาห้ามเพื่อนในขณะที่น้ำได้แต่นั่งนิ่งยกหลังมือขึ้นเช็ดรอยเลือดที่ไหลลงมาจากมุมปาก
สมควรแล้วละ
น้ำยิ้มให้กับความคิดในเบื้องลึกของตน
“ไอ้สัสเอ๊ย! มึงทำกับฟ้าได้ไงวะ!?! ไอ้ฟ้ามันให้ความสำคัญกับมึงอย่างกับอะไรดีแต่มึง….เหี้ยเอ๊ย!!!”
คีย์ได้แต่นึกฉุนแทนฟ้า เมื่อพูดได้แค่นั้นเค้าเลยหันกลับไปนั่งแหมะยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกเหมือนจะยังค้างในอารมณ์ เคนได้แต่มองเพื่อนทั้งสองสลับไปมาอย่างงุนงง น้ำเองก็เอาแต่นิ่ง เมื่อเคนเข้าไปช่วยประคองน้ำถึงได้ลุกขึ้นและกลับมานั่งลงที่เดิม คีย์ไม่พูดอะไรด้วยอีกนอกจากยกแก้วขึ้นดื่มและกดโทรศัพท์เป็นระยะ
“เอาจริงๆคือนี่พวกมึงไม่มีใครคิดที่จะบอกกูเลยใช่ไหมว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?”
ทั้งน้ำและคีย์ต่างหันหน้าหนีกันไปคนละทาง
“เห้ย อย่ามาแบ่งแยกงี้ดิวะ กูก็เพื่อนมึงป่ะ แม่งน่าน้อยใจชิปส์”
“มึงโลกสวยต่อไปก็ดีแล้วไอ้เคน อย่ามารับรู้เรื่องระยำเลย”
คีย์เอ่ยขึ้นในที่สุด
“เห้ย แรงไปป่าวมึง”
“กูว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกวะ ถ้าอีกฝ่ายแม่งไม่เต็มใจ”
คีย์ยังคงสัมทับสายตาก็จ้องมองไปยังใครอีกคนในเชิงตำหนิ น้ำวางแก้วในมือทันทีก่อนจะเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“พอดีเต็มใจกันทั้งสองฝ่ายวะ”
ถึงแม้จะมีขัดขืนบ้างในช่วงแรกก็เถอะ
คีย์แทบสะอึก เค้ารู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของฟ้าดี และเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วผลกระทบจากมันละ
“มึงรู้สึกยังไงกับมันวะ ถึงได้ทำ?”
คีย์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำตอบนั้นจะเป็นอย่างที่ฟ้าและเค้าต้องการให้เป็น แต่ทว่า…น้ำกลับเงียบไม่ตอบโต้ใดๆออกมา
“เชี่ยน้ำ มึงบอกกูมา?”
“เฮ้ๆ ขอร้องละ เล่าให้กูฟังหน่อยเถอะครับ กูงงชิปหายวายป่วงแล้วเนี้ย”
“หุบปากไปก่อนไอ้เคน ไว้เคลียร์ได้แล้วจะเล่าให้ฟังชนิดเม็ดต่อเม็ดเลย ว่าไงละไอ้น้ำ มึงตอบกูมาตรงๆไม่ต้องมาอมพะนำเหี้ยอะไรละ”
น้ำยังคงเงียบ มือหนายกแก้วเหล้าขึ้นจรดปากก่อนจะกรอกของเหลวภายในแก้วลงคอจนหมดในรวดเดียว
“ไอ้น้ำ!”
“กู…ไม่รู้วะ มันสับสนไปหมด”
คนถามขมวดคิ้วมุ้ยก่อนจะตบโต๊ะดังปังเสียงดังจนเคนสะดุ้งโหย่ง
“นี่มึงทำทั้งๆที่มึงบอกว่าสับสน?”
“ก็เออ แล้วก็อารมณ์มันพาไปด้วย”
“มึงจะบอกว่าทำไปเพราะมีอารมณ์เฉยๆเนี้ยนะ?”
“ตอนทำอะใช่ แต่พอเสร็จแล้วอะไรหลายๆอย่างมันตีรวนไปหมด กูว่ากูรวนแล้วนะ แต่ฟ้านี่รวนกว่ากูอีก”
“ฟ้ามันทำไม?”
“ไล่กูออกจากห้องทันทีนั้นแหละ แถมยังล็อคห้องไม่พูดไม่จากับกูไปเลย”
คีย์ยกยิ้มอย่างสาแก่ใจ
“สมน้ำหน้า”
“อย่ามาตอกย้ำให้เครียดมากกว่าเดิมจะได้ไหมวะ ทีกับไอ้พวกคู่ควงทั้งหลายทำไมไม่เห็นเป็นอย่างนี้สักคน”
“ก็เพราะมึงเห็นมันเป็นเพื่อนไง”
“ก็เพื่อน แต่เพราะเป็นเพื่อนไงเลยอยากจะช่วย”
“ช่วยในเรื่องอย่างว่าอะนะ”
“ก็เออดิ”
“ถ้ากูอยากแล้วมึงจะช่วยกูไหม?”
น้ำนิ่งเงียบ ภายในหัวจินตนาการตามที่คีย์เสนอจนได้บทสรุป
“ถ้าแค่มือนะพอได้”
แต่กับฟ้า…เค้ากลับต้องการมากกว่านั้น…
“ไอ้เหี้ยน้ำ!!!”
น้ำยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง เค้าเองก็ใช่ว่าจะไม่เครียด แค่ฟ้าไม่ยอมตอบรับเค้าแค่นี้ก็ทั้งเครียดทั้งเจ็บร้าวไปทั้งอกแล้ว
“แม่งเอ๊ย!”
คีย์สถบเมื่อได้รับคำตอบในหลายๆเรื่อง เค้าเชื่อว่าน้ำทำไปโดยที่ไม่ได้มีความรู้สึกเดียวกับฟ้าเลย แล้วอย่างนี้ฟ้าจะเป็นยังไง ตอนนี้ฟ้าจะตกอยู่ในสภาพไหน ว่าแล้วคีย์ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาฟ้าทันที
“เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
เสียงหวานใสดังตอบกลับมาแต่คนฟังไม่ได้อารมณ์ดีอยากจะฟังเสียงนี้นักหรอก คีย์กดโทรซ้ำๆแต่ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมจนเคนและน้ำขมวดคิ้วจนเป็นปม
“มีอะไรคีย์?”
“ติดต่อฟ้าไม่ได้วะ”
คีย์ลองกดโทรอีกครั้งและก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
“เดี๋ยวกูโทรเข้าคอนโด”
น้ำหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาโทรบ้างแต่ก็ไม่มีคนรับสาย เค้าโทรอยู่สามสี่รอบและก็เป็นเหมือนเดิม
“ไปที่คอนโดกันเหอะวะ กูห่วงฟ้า”
คีย์เสนอและทุกคนก็เห็นด้วย ไม่นานรถหรูสองคันก็ขับเข้ามาจอดเทียบที่คอนโดของฟ้า ชายทั้งสามรีบรุดเข้าไปกดลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนด้วยความกระสับกระส่าย สักพักลิฟท์ก็มาและพาทุกคนขึ้นไปยังชั้นบน น้ำควานหาคีย์การ์ดและกุญแจด้วยมือที่สั่นเทา เวลารีบแล้วทุกอย่างมักจะดูเก้งก้างไม่ได้ดั่งใจนั้นท่าจะจริงเพราะกว่าเค้าจะเปิดบานประตูได้เค้าก็เสียเวลาไปหลายนาที เอาซะเกือบหัวร้อนทุกประตูแล้วด้วยซ้ำ
ปึกๆๆๆ!!!
“ฟ้า!”
เมื่อเข้าห้องได้คีย์ก็พุ่งไปทุบประตูห้องนอนใหญ่พลางร้องเรียกบุคคลผู้เป็นเจ้าของห้องที่คาดว่าน่าจะอยู่ภายในทันที เคนเองก็ช่วยเรียกมีเพียงน้ำที่ยืนอยู่ห่างๆมองด้วยสายตาหวาดหวั่นใจ
ฟ้าอย่าทำอะไรโง่ๆนะ
“ฟ้า!”
ปึกๆๆๆ!!!
“ทุบประตูเข้าไปเลยดีไหมวะ?”
เคนออกความเห็นเมื่อเอียงหูแนบกับบานประตูแล้วแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆเลย
“แต่นี่เป็นประตูแบบออโต้ล็อค โคตรจะแข็งเลยนะเว้ย”
“แล้วจะให้ทำไงละวะ”
ทั้งคู่เงียบคิดอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงครูดมาจากทางฝั่งบานกระจก พอมองไปก็เห็นน้ำรูดบานกระจกเปิดออกทอดไปยังระเบียงที่อยู่ด้านนอก กระจกบานนี้เป็นเหมือนลูกเล่นของห้องริมสุด มันสามารถเลื่อนได้แต่ไม่มีขอบหรืออะไรที่บ่งบอกว่าเป็นประตูเลยสักนิด ถ้าไม่ใช่เข้าของห้องก็คงไม่รู้และเข้าใจว่าระเบียงนี้มีบานประตูอยู่ที่ห้องนอนใหญ่เท่านั้น
แต่น้ำนั้นรู้ทุกอย่าง
“ไอ้เหี้ยน้ำ มีทางไปก็ไม่บอกมาตั้งแต่แรก มัวแต่ให้เคาะอยู่ได้”
คีย์บ่นอุบพลางก้าวยาวๆตามน้ำไป แต่เมื่อไปถึงคนนำทางก็หายเข้าไปในห้องนอนใหญ่ซะแล้ว ฟ้าหละหลวมในการล็อคห้องเสมอและนั้นก็ทำให้เค้าอดที่จะห่วงไม่ได้
เมื่อเข้าไปยังด้านในห้องนอนใหญ่คีย์ก็ต้องตกตะลึงกับคราบของเหลวสีแดงปนขาวขุ่นบนเตียงนอนใหญ่ หมอนผ้าห่มกระจัดกระจายไปคนละทิศทาง กรอบรูปแจกันแม้แต่โคมไปก็นอนแน่นิ่งแตกเป็นเสี่ยงๆอยู่ที่พื้น ข้าวของภายในถูกทำลายระเนระนาดอย่างไม่มีชิ้นดี
แต่ทว่า…กลับไม่เห็นเจ้าของห้องแม้แต่เงา
“ฟ้า”
น้ำเอ่ยเรียกพลางดึงประตูห้องน้ำออกแล้วหายเข้าไปสอดส่อง ทุกอย่างยังคงว่างเปล่าแต่พื้นภายในเปียกชื้นแสดงว่าคงพึ่งถูกใช้ไปไม่นาน เค้าโผล่ออกมาก็เห็นคีย์และเคนยืนอึ้งอยู่ที่หน้าประตูระเบียง เค้าไม่สนคนทั้งสองแล้วเข้าไปลื้อหาของสำคัญที่โต๊ะทำงานของฟ้า
“ไม่มี”
น้ำพึงพำเบาๆ
“นี่มันอะไรวะน้ำ แล้วฟ้าอยู่ไหน?”
“ไม่รู้”
“เห้ย!”
เคนอุทานเสียงหลง
“โทรศัพท์ กระเป๋าตังค์กับกุญแจรถไม่อยู่”
“งั้นแสดงว่าต้องออกไปไหนสักทีแต่ไม่ได้บอกเรา”
เคนสรุปแต่คีย์กลับไม่คิดอย่างนั้น
“ฟ้ามันไม่มีทางไปไหนมาไหนทั้งที่สภาพจิตใจไม่โอเคแบบนี้แน่”
“มึงรู้ได้ไงว่ามันไม่โอเค?”
“มึงก็แหกตาดูสภาพห้องมันดิเคน”
“เออวะ โคตรเละ”
“หรือจะกลับบ้าน?”
น้ำคิดขึ้นได้เค้าก็หยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาทางบ้านของฟ้าทันที เค้ารอสายไม่นานแม่บ้านของทางนั้นก็มารับสาย
“ผมขอสายฟ้าครับ?”
/คุณฟ้าไม่อยู่บ้านค่ะ/
“ไม่อยู่เหรอครับ แล้วไม่อยู่แค่ตอนนี้หรือไม่อยู่มานานแล้วครับ?”
/ไม่อยู่มาสักพักแล้วค่ะ รู้สึกว่ากลับมาครั้งล่าสุดจะเป็นเมื่อปลายเดือนที่แล้วนะค่ะ/
น้ำใจหายวูบ
“ขอบคุณครับ แล้วถ้าเค้ากลับไป ช่วยบอกให้โทรกลับหาน้ำด้วยนะครับ”
/อ้อ คุณน้ำนี่เอง ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะเรียนคุณฟ้าให้นะค่ะ/
“ขอบคุณครับ”
“ว่าไงไอ้น้ำ?”
น้ำส่ายหัวช้าๆ
“ไม่ได้กลับบ้าน”
“งั้นมันจะไปไหนอีกนอกจากบ้าน?”
เคนเอ่ยถามและทำให้ทุกคนต้องฉุดคิด น้ำมืดแปดด้าน นอกจากพวกเค้าสามคนนี้แล้วฟ้าไม่มีเพื่อนคนอื่นที่พอจะไปพักอาศัยด้วยได้แน่ ยิ่งเป็นช่วงเวลาสับสนแบบนี้แล้ว
ฟ้าจะไปอยู่ที่ไหนได้บ้างนะ
แต่แล้วน้ำก็ฉุดคิดถึงบางสิ่งได้
“คีย์”
“อะไร?”
“ไอ้เหี้ยนั่นละ?”
“ไอ้เหี้ยไหนวะ?”
“ไอ้เหี้ยต้นนะ!?!”
“ไม่มีทาง”
น้ำขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคีย์ตอบน้ำเสียงหนักแน่น
“ทำไมมึงมั่นใจขนาดนั้น?”
“ก็ตอนอยู่ที่ร้านกูยังคุยไลน์กับมันอยู่เลย”
“เชี่ย! งั้นฟ้าจะไปอยู่ที่ไหนได้อีกวะ!”
Tbc…
-
ชอบบบบบบบบบ ทีมพี่น้ำ ฮี่ๆ ทีมพระเอก ปากแข็งไม่รู้ใจตัวเองแต่ขี้หวงแบบนี้เลาชอบ555555555555
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
12
ต้นกดล็อคโทรศัพท์ให้หน้าจอมืดสนิทก่อนจะเปิดประตูรถญี่ปุ่นสีขาวคันเล็กของตน เมื่อครู่พึ่งได้รับข่าวการหายตัวไปของฟ้าจากคีย์ที่เป็นเพื่อน
เค้าลอบถอนหายใจเนืองๆก่อนจะเข้าไปด้านในและปิดประตู ภายในตัวรถแอร์เย็นฉ่ำเพราะเค้าได้สตาร์ทเครื่องไว้ ต้นวางถุงของกินหลากหลายที่พึ่งไปซื้อมาลงกับตักก่อนจะหยิบน้ำส้มและนมออกมาอย่างละกล่อง
“ฟ้า รองท้องหน่อยไหม?”
คนถูกเรียกหันหน้าหนีจากวิวทางด้านนอกเพื่อมองคนเรียก เค้าจ้องมองดูกล่องน้ำส้มและนมในมือต้นที่ชูขึ้นให้ดูเหมือนจะให้เลือก ฟ้าเลือกนมอย่างไม่ต้องสงสัย คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าเค้าชอบนมแต่เกลียดน้ำส้ม ส่วนใครอีกคนนั้นเกลียดนมแต่ชอบดื่มน้ำส้มเป็นชีวิตจิตใจ
เอาอีกแล้ว เผลอคิดถึงอีกจนได้
ต้นมองดูคนเหม่อเจาะนมดูเหมือนไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ตอนแรกเค้าก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคีย์พูดอย่างหนักแน่นว่าฟ้าไม่เป็นอะไร จนกระทั่งเมื่อชั่วโมงที่แล้วฟ้ามาเคาะประตูหน้าห้องเค้าด้วยสภาพที่เรียกได้ว่า…โทรมทั้งกายโทรมทั้งใจ… ฟ้าร้องไห้จนตาบวมแดง ผมกระเซิงเหมือนไม่ได้ใส่ใจจะมัดมันและเสื้อผ้าที่ดูธรรมดาเกินกว่าจะเป็นชุดสำหรับการออกจากห้อง
ฟ้าไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากร้องไห้ซบอกเค้าและบอกอยากไปจากที่นี้ เค้าไม่รู้ว่าที่นี้ในความหมายของฟ้าหมายถึงที่ไหน แต่เค้าก็ยอมตามใจและพาฟ้าขับรถออกจากกรุงเทพฯในที่สุด
“ฟ้าเอาแซนวิชหน่อยไหม?”
คนถูกถามส่ายหัวเนืองๆ นมหมดกล่องไปแล้วแต่ฟ้าก็ยังถือและคาบหลอดคาปากอยู่อย่างนั้น
“กินหน่อยเถอะฟ้า ให้มีอะไรลงท้องหน่อยนะ”
ฟ้ายังคงนิ่ง น้ำจึงเลือกที่จะดึงมือข้างที่ถือกล่องนมของฟ้ามาแล้วแย่งกล่องออกมาสลับกับแซนวิชแฮมชีส ฟ้าจ้องมองต้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่า มันเป็นสายตาเดียวที่ฟ้าได้แสดงออกมาตั้งแต่พบกันเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ฟ้าคนเก่าหายไปไหน ไอ้เหี้ยนั้นมันทำลายฟ้าถึงขนาดนี้เลยเหรอ แค่คิดเค้าก็อยากจะหักพวงมาลัยไปต่อยหนักๆให้สาสมกับสิ่งที่ฟ้าต้องเจอ
ต้นเอากล่องนมเปล่าใส่ถุงขยะภายในรถก่อนจะเปลี่ยนเกียร์และเริ่มต้นขับรถต่อไป จุดหมายปลายทางที่เค้าคิดคือพัทยา
ก็พอรู้ว่าช่วงเวลาเศร้าๆใครหลายๆคนก็ไปทะเลกับเพื่อปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยความทุกข์โศกไปกับผืนน้ำเค็มอันกว้างใหญ่ไพศาล และอีกประเด็นคือเค้ามีคนรู้จักอาศัยอยู่ที่นั้นด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องที่พักก็หายห่วงไปอีกเปาะ
ต้นขับรถมาถึงก็เกือบเย็นเข้าให้แล้ว เค้าโทรบอกรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของร้านอาหารกึ่งร้านเหล้าไว้แล้วในช่วงที่ฟ้าหลับ ทางนู้นก็สะดวกเผลอๆจะออกแนวดีใจเสียมากกว่าที่มีคนรู้จักมาหา ต้นขับเข้าไปจอดยังหน้าทาวโฮมส์แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชายหาดนัก เค้ายังคงสตาร์ทรถไว้แล้วลงมาโทรต่อสายหาเข้าของบ้านอีกที
“พี่โอ๊ตอยู่ไหน ผมมาถึงหน้าบ้านพี่แล้วเนี้ย?”
/เออๆ รอแป๊บ กูออกมาสั่งงานเด็กเดี๋ยวตีรถเข้าไปหา/
“ไม่ต้องรีบก็ได้พี่ แต่ผมอยากเข้าบ้านละ”
/ไอ้กวนตีน มึงไม่บอกให้กูขับช้าๆแต่ห้ามให้ใครแซงซะเลยละ/
“มุขเก่าวะพี่ เอาแบบนี้แหละดีแล้ว”
/หึ รอไปไม่เกินสิบนาทีถึง/
“ครับๆ”
เค้าวางสายแล้วเสมองไปยังคนหลับที่ยังอยู่ภายในตัวรถ ต้นบอกเจ้าของบ้านว่าจะพาเพื่อนมาด้วยคนหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร
พี่โอ๊ตเป็นพี่ชายคนสนิทที่เคยอยู่บ้านข้างกันเพราะงั้นก็เหมือนพี่แท้ๆของต้นคนหนึ่ง ถึงจะกวนตีนไปหน่อยแต่ก็เป็นคนดีที่อบอุ่น เป็นพี่ชายที่ไว้ใจได้คนหนึ่งเลยทีเดียว
ยังไม่ทันจะถึงสิบนาทีรถเชฟโรเลตคันใหญ่ก็เข้ามาจอดเทียบอยู่ด้านข้าง ผู้เป็นเจ้าของรถดับเครื่องแล้วจึงเปิดประตูลงมา โอ๊ตเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่เน้นกล้ามเนื้อเหมือนพวกเพาะกายแต่ก็ไม่ได้เล่นอย่างจริงจัง หน้าตาคมเข้มนั้นไว้หนวดเครานิดหน่อยแต่ก็เสริมความโหดให้เจ้าตัวไปเท่าตัว
“ไงไอ้น้อง”
โอ๊ตทักต้นผู้ที่เหมือนน้องชายแท้ๆของเค้าคนหนึ่ง ต้นเองก็ยิ้มก่อนจะเข้าไปกอดกันหลวมๆตบไหล่ดังปุ๊ๆแต่ต้นแทบกระอัก
“หึ แล้วไหนวะเพื่อนที่ว่า?”
“หลับอยู่ในรถ พี่เปิดบ้านเหอะ เดี๋ยวผมจะไปปลุกเค้า”
“ไม่ต้องปลุกก็ได้ เดี๋ยวกูอุ้มขึ้นห้องเอง”
คนเป็นพี่พูดกำกวมกวนตีนน้องพร้อมหยักคิ้วใส่ไปอีก ต้นเลยชกใส่อกโอ๊ตไปแรงๆแต่ก็จิ๊บจ๊อยสำหรับโอ๊ตอยู่ดี
“ผู้ชายเว้ยพี่”
“ก็ไม่เห็นเป็นไร เดี๋ยวนี้เกย์แม่งเกลื่อนเมือง”
“จริงเหรอพี่?”
“เออสิวะ มึงอยากรู้คืนนี้ไปร้านกับกูเลย รับรองมึงต้องตาค้าง”
“ขนาดนั้นเลย”
“ฝรั่งมันเปิดเผยเว้ย องอายอะไรไม่มี นัวเนียกันให้เห็นชนิดที่แทบจะโชว์สดเลยยังมี”
“พี่ก็พูดไป๊”
ปึ๊ก!
เสียงปิดประตูดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งคู่ให้หันไปมอง
“อ้าวฟ้า ตื่นแล้วเหรอ?”
ฟ้าพยักหน้ารับก่อนสายตาจะเอนเอียงไปทางใครอีกคน
“นี่พี่โอ๊ต พี่ชายเราเอง”
ฟ้าพนมมือไหว้แต่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา
“ดีๆ ตามสบายเลยนะ พี่อยู่นี่คนเดียวไม่ต้องกลัวใครมายุ่งวุ่นวายด้วยหรอก เข้าบ้านกันเถอะ”
ว่าแล้วเจ้าของบ้านก็หันไปเปิดประตูต้อนรับผู้มาเยือน ฟ้าก้าวตามต้นเข้าไปยังด้านในพร้อมกับเหลียวมองดูโดยรอบตามความเคยชินของว่าที่สถาปนิกนักออกแบบหนุ่มไฟแรง ที่นี้เน้นความเรียบง่ายตามสไตล์หนุ่มโสด ข้าวของไม่ค่อยมีอะไรมากจนมีพื้นที่ว่างเยอะและพลอยทำให้ดูโล่งตาดีไม่น้อย ฟ้านั่งลงที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ตามที่ต้นบอกก่อนที่เจ้าตัวจะหายเข้าไปในครัวกับเจ้าของบ้าน
“แฟนมึงเหรอวะ?”
โอ๊ตถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ต้นที่เทน้ำเปล่าใส่แก้วเกือบจะเทผิดจุดเมื่อได้ยิน
“เปล่าพี่ แต่กำลังจีบอยู่”
“มึงนี่ตาถึงวะ สวยขนาดนี้อนาคตนางแบบชัดๆ”
ต้นหัวเราะเสียงแห้ง
“นั้นผู้ชายนะพี่”
"เออวะ กูก็ลืมว่ามึงบอกแล้ว แต่แม่งสวยจริงอะไรจริง นี่มึงเปลี่ยนแนวตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?”
“ก็ตั้งแต่เจอเค้านั้นแหละ”
“รักแรกพบว่างั้น?”
ต้นระบายยิ้มอ่อนโยนเมื่อคิดถึงการพบกันครั้งแรกของเค้ากับฟ้า โอ๊ตเองก็ยิ้มตามเมื่อมองเห็นด้านอ่อนโยนของน้องชาย เค้ายกมือขึ้นตบไหล่น้องไปทีสองทีจนต้นเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
“พยายามเข้าละ”
“แน่นอนอยู่แล้วแต่ก็ขอบคุณครับ”
ต้นยกแก้วน้ำออกไปให้ฟ้าพร้อมกับของตน ส่วนโอ๊ตนั้นได้ขึ้นไปดูห้องนอนที่ชั้นสองปล่อยให้น้องได้สวีตจีบกันตามสบาย
“ฟ้าโอเคขึ้นยัง?”
ฟ้ายกน้ำขึ้นดื่มแล้วพยักหน้ารับ แต่ยังไม่ทันจะได้วางแก้วเค้าก็เผลอทำแก้วหลุดมือด้วยความอ่อนแรง น้ำที่เหลือเกินครึ่งหกรดเจ้าตัวจนเปียกทั้งเสื้อและกางเกง ต้นตกใจแทนฟ้าที่ได้แต่มองนิ่งๆ ต้นรีบเอาแก้วไปวางก่อนจะมองหาผ้าแต่ก็ไม่เห็นจนได้ถอดเสื้อตัวเองออกแล้วนำมาซับให้ฟ้า ฟ้าลอบมองทุกการกระทำของต้นอยู่เงียบๆ ตอนนี้ฟ้าแทบจะตายด้านแต่คนๆนี้ยังทำดีกับเค้าต่อไปอย่างไม่ลดละ
“เห้ย เกิดอะไรขึ้น มึงถอดเสื้อทำไมเนี้ยไอ้ต้น?”
เจ้าของบ้านเดินลงมาเห็นน้องเปลือยท่อนบนอยู่ก็อดที่จะถามไม่ได้
“น้ำหกใส่ฟ้าวะพี่ ขอตัวไปเปลี่ยนชุดแป๊บ”
“เออๆ กูเคลียร์ห้องนอนให้ละ เตียงเดี่ยวนอนด้วยกันได้ใช่ไหม?”
โอ๊ตยิ้มกริ่มพลางตีคิ้วให้น้องไปด้วยอีก ต้นอ้าปากค้างแต่ฟ้าไม่ได้ท้วงใดๆเช่นกัน
ช่างมันก่อนแล้วกัน ต้นคิดในใจ
“ฟ้า ขึ้นไปเปลี่ยนชุดเหอะ"
ฟ้าหันมาจ้องต้นพลางเอียงคอในเชิงสงสัย
“มีอะไรเหรอ?”
“เราไม่มีชุดเปลี่ยน”
ในที่สุดฟ้าก็พูดกับเค้า ต้นอยากจะดีใจอยู่หรอกแต่นี่มันไม่ใช่เวลา
“ชุดเราไง เรามาค้างบ่อยเลยมีทิ้งไว้”
ฟ้าพยักหน้ารับอีกครั้งก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน
“งั้นกูกลับร้านแล้วนะ มึงจะเข้าไปรึเปล่ากูจะจองโต๊ะไว้ให้?”
โอ๊ตหันไปพูดกับต้นเมื่อเห็นว่าทุกอย่างโอเคดีแล้ว
“คิดว่าคงไปแหละ จะพาฟ้าไปเปิดหูเปิดตาด้วย”
“กูว่าคนที่ควรเปิดน่าจะเป็นมึงนะ ขนาดนี้ท่าจะหูดับตาบอดไปแล้วมั่ง”
“เชี่ยพี่โอ๊ต!”
“ฮ่าๆๆๆ ตามสบายเลยนะฟ้า มีอะไรก็ใช่มันเอา ไม่ต้องทำเอง พี่อยากให้น้องพี่ได้ออกกำลังโดยการเป็นทาสคน”
“จะไปไหนก็ไปเลยพี่”
“โว๊ะ ไอ้นี่ มึงกล้าไล่เจ้าของบ้านเหรอวะ”
“กล้าไม่กล้าก็ไล่แล้วละวะ ฟ้าไปกับเถอะ”
ว่าแล้วต้นก็กุมมือฟ้าเดินผ่านเจ้าของบ้านขึ้นบันไดไปยังชั้นสองทันที ห้องที่ต้นพาฟ้าไปคือห้องเดิมที่ตนเคยมาพัก
“ฟ้าจะอาบน้ำด้วยเลยก็ได้นะ เดี๋ยวเราจะพาออกไปกินข้าวเย็นที่ร้านพี่โอ๊ต”
ฟ้าพยักหน้ารับต้นเลยลื้อเอาผ้าเช็ดตัวผืนสำรองมาให้ฟ้า ฟ้ารับไปแล้วเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลกันนัก ดีที่บ้านหลังนี้มีห้องน้ำในตัวทุกห้องสมราคาที่แพงจนลากเลือด ต้นเตรียมชุดเสื้อยืดสีเทาคอวีผ้าบางใส่สบายกับกางเกงยีนส์สีเข้มของตนออกมาไว้ให้ฟ้า เค้ากะจากสายตาดูแล้ว ฟ้าไม่น่าจะตัวใหญ่ไปกว่าเค้าแน่ แต่อาจจะเล็กกว่านิดหน่อย ถ้ากางเกงหลวมยังพอมีเข็มขัดให้ใช้ได้แล้วตอนจะนอนค่อยเปลี่ยนเป็นขาสั่นใส่นอนสบายๆ
Rrrrrrrr
ต้นแทบสะดุ้งเมื่อเสียงโทรศัพท์ของเค้าแผดเสียงขึ้น เค้าหยิบขึ้นมาดูชื่อแล้วก็ต้องใจตุบๆต่อมๆ
“ฮัลโหลคีย์ เป็นไงบ้าง เจอฟ้ารึยัง?”
เค้าต้องแสร้งทำเป็นตื่นตกใจเต็มที่กับคนที่หายไปทั้งๆที่อยู่เคียงข้างเค้าจนถึงเมื่อกี้ ถึงแม้ฟ้าจะไม่ได้บอกให้เค้าโกหกแต่เค้าก็พอจะรู้ว่าฟ้าคงยังไม่อยากพบพวกเพื่อนๆในเวลานี้
โดยเฉพาะไอ้เหี้ยน้ำนั้น!
การที่ฟ้าเลือกที่จะมาหามาหาเค้าแทนที่จะไปหาเพื่อนคนสนิทอย่างคีย์นั้นเป็นหลักฐานสนับสนุนความคิดเห็นในข้อนี้เป็นอย่างดี
/ยังไม่เจอ โคตรเครียดเลยเนี้ย ไอ้น้ำแทบจะพังของหมดห้องละ/
สมน้ำหน้า
“เหรอ แล้วไม่มีสะกิตใจอะไรบ้างเลยเหรอว่าฟ้าจะไปไหนนะ อย่างเช่นที่ๆชอบไปหรือที่ๆมักจะไปเวลาเศร้า?”
/นั้นแหละปัญหา ฟ้ามันไม่ชอบอยู่ที่อื่นนะสิ มันติดห้องจะตายค้างที่อื่นนี่แทบไม่มีถ้าไม่จำเป็นหรือเรื่องอย่างว่า/
“เหรอ”
เรื่องอย่างว่าด้วยเหรอ ฟังแล้วชวนหึงมากพอตัวเลยแฮะ
/เอาจริงๆนะต้น/
“หืม?”
/ต้นไม่รู้จริงๆเหรอว่าฟ้าหายไปไหน?/
ต้นสะดุดลมหายใจไปแว๊บหนึ่ง ดีที่ไม่ได้สำลักไม่งั้นคงส่อพิรุจไปอย่างเต็มที่
“ไม่นะ เราจะไปรู้ได้ยังไงละ?”
/แต่แกนิ่งเกินไปวะ ก่อนหน้านี้ที่ติดต่อฟ้าไม่ได้โทรไม่รับแกยังจะเป็นจะตายถึงขั้นมาบุกคอนโดแต่นี้…มันหายตัวไปเลยนะ…/
เค้าถึงกับพูดไม่ออก
“บอกความจริงเราเหอะต้น เราเป็นห่วงฟ้า เราสัญญาว่าจะไม่บอกใครโดยเฉพาะไอ้น้ำ”
ต้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรก็เกิดเสียวดังลั่นออกมาจากห้องน้ำ
“ฟ้า!”
ด้วยความห่วงจนลืมตัวต้นเลยเอ่ยเรียกคนในห้องน้ำเสียงดังทั้งที่โทรศัพท์ยังคงต่อสายอยู่ เค้าทิ้งโทรศัพท์ในมือลงเตียงอย่างไม่ใยดีแล้วรีบรุดไปยังห้องน้ำทันที
“ฟ้า! เป็นอะไรรึเปล่าฟ้า!? เปิดประตูให้เราหน่อย”
ต้นทั้งทุบประตูทั้งตะโกนถามด้วยความร้อนใจ แต่คนด้านในก็ยังเงียบจนเค้าแทบจะทนไม่ไหว เอาวะ ประตูพังก็แค่ซ่อม แต่ถ้าคนเป็นอะไรขึ้นมา…
แม่งเอ๊ย!!!
“ฟ้า ถ้ายังไม่มาเปิดเราจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ!”
กริ๊ก
ทันทีที่พูดจบเสียงปลดล็อคกลอนประตูก็ดังขึ้นก่อนจะเผยให้เห็นคนด้านในที่ยังคงเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า มีเพียงผ้าขนหนูพันหมิ่นๆอยู่ที่ช่วงเอวลงไปเท่านั้น
ต้นอ้าปากค้างเมื่อเห็นร่องรอยการขบกัดที่แดงช้ำอยู่ประปรายบางจุดออกม่วงไปแล้วด้วยซ้ำ ฟ้ายังคงจ้องมองต้นด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเช่นเดิม แต่ต้นน้ำตาคลอเบ้าไปแล้ว เค้าทั้งเสียใจทั้งแค้นใจแทนคนตรงหน้า ต้นดึงฟ้าเข้ามากอดโดยไม่สนใจว่าตนเองจะเปียกไปด้วย
“เราขอโทษ”
“ต้นมาขอโทษเราทำไม?”
“ขอโทษที่เราไม่ได้ปกป้องฟ้า ขอโทษที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย สัสเอ๊ย! ทำไมเราถึงแย่ขนาดนี้ด้วยวะ แค่ปกป้องคนที่ตัวเองรักยังทำไม่ได้!!”
ฟ้าเงียบกริบแต่ไม่นานก็ดันคนตรงหน้าให้ผละออกจากกัน ต้นยังคงจับแขนฟ้าทั้งสองข้างไว้แน่น ฟ้าจ้องมองกลับด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าเดิม
“ขอบใจนะต้น”
“ไม่…เราไม่สมควรรับมัน”
“รับไปเถอะ เราอยากขอบใจจริงๆ ขอบใจที่อยู่ข้างเรา
“เราจะอยู่ข้างฟ้าเสมอ”
ฟ้าส่ายหัวเบาๆ
“อนาคตมันเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้หรอกต้น”
ต้นเม้มปากแน่น
“ไปเปลี่ยนชุดเถอะ เปียกหมดแล้ว”
ต้นพยักหน้ารับอย่างยอมจำนนก่อนจะปล่อยมือจากฟ้า แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ได้ต่อสายอยู่กับใคร ว่าแล้วก็รีบเข้าไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาทันที คีย์ยังคงไม่ได้ตัดสายไปแล้วดูท่าแล้วคงจะได้ยินหมดแล้วนั้นแหละ
“เออ…คีย์”
/ขอคุยกับฟ้าหน่อย/
เสียงคีย์เข้มจนต้นแอบสยอง มาแนวกดดันทางน้ำเสียงแบบนี้เลยเหรอเนี้ย ต้นหันไปมองคนที่กำลังแต่งตัวอยู่ไม่ไกลกันจนฟ้าหันมาเจอแล้วเลิกคิ้วให้ เค้าชูโทรศัพท์ที่หน้าจอมีชื่อคีย์เด่นหลาให้ฟ้าเห็น ฟ้าเลยเดินมารับโทรศัพท์แล้วเอาไปแนบหูตัวเอง
“คีย์”
/ไอ้เหี่ยฟ้า!!!/
เสียงด่าดังลั่นจนแทรกออกมาให้ต้นที่ยืนอยู่ไม่ไกลได้ยินไปด้วย แต่ฟ้ากลับยิ้มจางๆออกมา
/หายหัวไปแบบนี้รู้ไหมว่าคนอื่นเค้าเป็นห่วงกันแต่ไหน ทำให้คนอื่นเค้าต้องตามหากันให้วุ่นเนี้ยสนุกนักใช่ไหมห่ะ! แล้วโทรศัพท์ทำไมโทรไม่ติด มีเรื่องอะไรทำไมไม่มาบอก จะหนีไปหาเหี้ยที่ไหนก็ส่งข่าวกันบ้างสิวะ นี่ยังเห็นเราเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า ยังเห็นใจกันอยู่ไหมห่ะ!!/
ถึงจะด่ามาเต็มแต่เสียงนั้นกลับสั่นในช่วงท้าย ที่ด่ามาได้แบบไม่มีกั๊กอย่างนี้แสดงว่าอยู่คนเดียวสินะ ฟ้าได้แต่ยิ้มรับ
“ขอโทษ”
/ง่ายไปไหมฟ้า ตบหัวกระทืบซ้ำแล้วจะมาลูบหลังเอาง่ายๆแบบนี้เลยเหรอวะ คิดว่ามันง่ายไปไหมห่ะ!/
“คีย์ เราขอเวลาจัดการตัวเองหน่อยนะ”
/……../
คีย์ถึงกับพูดไม่ออกและนั้นก็ทำให้ฟ้ารู้ว่าคีย์คงจะพอรู้เรื่องราวนั้นไม่มากก็น้อย
“เราสัญญา ว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ขอเวลาให้เราหน่อย ตอนนี้อะไรๆมันเกินเลยไปมากเกินไปแล้ว เราอยากทำอะไรสักอย่างให้มันเด็ดขาดสักที คีย์เข้าใจเราใช่ไหม?”
/ถ้าเราไม่เข้าใจแล้วใครจะมาเข้าใจละ/
น้ำเสียงของคีย์อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบคุณ”
/เราให้เวลาสามวัน ห้ามเกินกว่านั้นนะไม่งั้นเราจะบุกไปฉุดตัวกลับมาเองกับมือ/
“น่ากลัวจัง ได้ข่าวว่าตัวเล็กกว่าเราไม่ใช่เหรอ”
/ตัวเล็กแล้วไง ไม่เคยได้ยินคำเปรยที่เค้าว่าเล็กพริกขี้หนูบ้างเหรอ เห็นอย่างนี้เราต่อยไอ้น้ำจนล้มคว่ำมาแล้วนะเว้ย/
ฟ้าถึงกับชะงัก ใจเต้นแรงทันทีอย่างห้ามไม่อยู่ ฟ้าเม้มปากแน่นพยายามข่มใจว่าอย่าไปอะไรกับคนๆนั้นให้มากนัก
/สรุปคือสามวัน โอเคนะ?/
“อืม คีย์อย่าไปบอกใครนะ”
/รู้แล้วน่า ให้ตายสิ ถ้ากลับมานี่ฟ้าก็ยืนเฉยๆให้เราต่อยสักหมัดหน่อยแล้วกัน ข้อหาทำให้ห่วงจนแทบบ้า/
“ได้สิ”
ฟ้าตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อน
/ตอแหล! งั้นแค่นี้แหละ เราจะไปแก้ต่างกับไอ้พวกนั้นให้แล้วที่มหาลัยก็ต้องลาอีก/
“ขอบใจ”
/เออๆ ไม่ต้องมาทำซึ้ง อีกสามวันเจอกัน ฝากบอกไอ้ต้นด้วยว่าดูแลเพื่อนเราให้ดีๆ ไม่ดีมีมวยอะ/
“หึ ได้ เดี๋ยวบอกให้”
แล้าปลายสายก็ตัดไปในที่สุด ฟ้าหันไปคืนโทรศัพท์กับต้นก่อนจะหันไปแต่งตัวต่อ ส่วนต้นก็เข้าไปอาบน้ำแบบไม่พูดไม่จา ต้นไม่ถามซักไซ้ฟ้ามาตั้งแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ และนั้นก็เป็นสิ่งที่ฟ้าปรารถนา ต้นเริ่มจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟ้าในส่วนต่างๆมากขึ้นจนฟ้าเริ่มหวั่น
หวั่นว่าจะเผลอทำร้ายคนดีๆอย่างต้นไปโดยไม่รู้ตัว
Tbc…
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
13
เมื่อทั้งสองคนอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันเรียบร้อยก็ตกเย็นย้ำเข้าพอดี ต้นพาฟ้ามายังร้านอาหารกึ่งผับที่อยู่ใกล้กับทะเลชนิดที่ห่างกันแค่เพียงผืนถนนคั่น ฟ้าลงจากรถปุ๊บก็ทอดสายตามองไปยังท้องทะเลสีคล้ำที่กำลังจะมืดในไม่ช้า ต้นรอฟ้ามองให้พอใจโดยที่ไม่ท้วงติงอะไรสักคำ เมื่อฟ้าหันไปหาเค้าก็ฉีกยิ้มกว้างไปให้
“เข้าข้างในกันเถอะ”
ฟ้าพยักหน้าให้ก่อนจะเดินตามต้นไปยังด้านในตัวร้าน ฟ้าเมียนมองไปรอบๆร้านเพื่อสังเกตไอเดียด้วยความเคยชิน ร้านนี้สร้างขึ้นแบบกึ่งปูนกึ่งไม้ จะบอกว่าเป็นสไตล์ลอฟก็ไม่เชิง แต่มันก็อิงธรรมชาติและทำให้พลอยรู้สึกสดชื้นไปด้วย ทั้งต้นไม้ประดับสีเขียวสด ไม้ระเบียงสีน้ำตาลเงา เสียงเพลงคลอเบาๆผสานกับเสียงคลื่น ลมทะเลพัดเข้ามาตลอดเวลาให้ความเย็นตามธรรมชาติแต่ก็มีห้องแอร์ที่อยู่ด้านในอีกด้าน กึ่งกลางร้านนั้นจะมีพื้นที่ยกสูงเป็นวงรีวงใหญ่ๆด้านบนนั้นมีเครื่องดนตรีและไมค์ตั้งอยู่
“สวัสดีครับ ไม่ทราบได้จองไว้ไหมครับ?”
พนักงานเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นแขกเข้ามาภายในร้าน ฟ้าที่มัวแต่มองรอบๆหันไปมองตามเสียงจนเห็นต้นบอกพนักงานไปว่ามาในชื่อเจ้าของร้าน พนักงานร้องอ๋อแล้วผายมือไปยังโต๊ะด้านหน้าระเบียงที่หันไปทางทะเล
“โต๊ะที่สองริมสุดนั้นเลยครับ มุมนั้นสงบละได้รับกลิ่นอายทะเลดีสุดๆเลยด้วย”
พนักงานโฆษณาจนต้นยิ้มขำ เค้าอยากจะชมพี่ชายเหลือเกินว่าเข้าใจอบรมพนักงานให้เข้าใจพูดจา แบบนี้นอกจากจะไม่มีปัญหาด้านความไม่พอใจในที่นั่งแล้วยังสร้างความเป็นระเบียบของแขกโดยที่แขกไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่ากำลังถูกคุมเกมส์อยู่ ไอ้พี่จอมบงการเอ๊ย
“ฟ้าอยากกินไรก็สั่งได้เต็มที่เลย ไอ้พี่โอ๊ตมันเลี้ยง”
ฟ้ารับเล่มเมนูมาจากพนักงานก่อนจะเหลียวไปทางด้านหลัวของต้น แต่ยังไม่ทันที่ต้นจะหันไปมองก็ถูกตบหัวไปฉากใหญ่ด้วยฝีมือของพี่ชายคนสนิท
“โอ้ยพี่ ตบมาได้ผมสมองเสื่อมขึ้นมารับผิดชอบด้วยนะเออ”
“อย่างมึงปล่อยให้ตายๆไปเหอะ อยู่ก็หนักโลก”
“แรงวะพี่โอ๊ต”
“สม”
ต้นจิ๊ปากเบาๆในขณะที่โอ๊ตเองก็เข้ามานั่งข้างๆต้น ฟ้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยิ้มจางส่งไปให้ผู้มาใหม่
“อื้อหือ อย่ายิ้มให้พี่มากครับน้อง เดี๋ยวพี่หลงแล้วไอ้ต้นมันจะอดเอา”
“พูดไรวะ!”
“ฮ่าๆๆๆ ดูดิ แค่นี้หน้าแดง ไอ้อ่อนเอ๊ย อย่างนี้จะจีบใครติดวะไอ้น้อง”
ฟ้าได้แต่หัวเราะเบาๆให้กับคนทั้งคู่ เค้ายอมรับว่าการไอ้มาอยู่แบบนี้มันทำให้เค้ารู้สึกดีขึ้นมาอีกนิด ต้นยิ้มกว้างเมื่อเห็นฟ้ายิ้มแถมยังหัวเราะเหมือนจะชอบใจ
“มีอะไร?”
ฟ้าถามขึ้นเมื่อเห็นต้นเอาแต่ยิ้มพลางจ้องเค้าอยู่อย่างนั้น โอ๊ตทำหน้าที่สั่งอาหารให้คนทั้งคู่จนเรียบร้อยแล้วจึงหันกลับมาผลักหันน้องชายคนสนิทจนต้นเกือบเซไปโชกเข้ากับราวระเบียงที่เป็นขอนไม้
“รุนแรงวะพี่โอ๊ต”
“เค้าถามทำไมมึงไม่ตอบ?”
“กำลังจะตอบแต่โดนพี่ขัดคอขึ้นมาก่อนเนี้ย โว๊ะ!”
ต้นเอ็ดพี่ชายแล้วจึงหันไปหาฟ้าอีกรอบ
“ฟ้าถามว่าไงนะ?”
“ไอ้น้องเวร ที่แท้ก็ไม่ได้ยินที่เค้าถาม”
“พี่หุบปากไปเลย”
“ดูมันสิฟ้า มันกล้าปืนเกลียวกับพี่ด้วยนะ แม่งเลว อย่าไปเอามันเลยมาอยู่กับพี่ดีกว่า”
“ไอ้พี่โอ๊ต!”
ฟ้าหลุดเสียงหัวเราะออกมาแผ่วๆก่อนที่พนักงานจะเข้ามาเสิร์ฟน้ำคั่นจังหวะการแกล้งของเจ้าของร้าน ฟ้ามองดูแก้วทรงสูงที่มีน้ำสีฟ้าใสและใบมิ้นท์ประดับเคียงคู่กับหลอดสีสวยที่ขดกับเป็นวงกลมด้วยความฉงน
“diamond blue ค๊อกเทลหวานสูตรเฉพาะของทางร้านนะ พี่เห็นว่าฟ้าเศร้าๆเลยอยากให้สดชื้นขึ้นมาบ้าง”
โอ๊ตกล่าวพร้อมกับรับแก้วเบียร์ไปให้ต้นและส่วนของตนเองด้วย ฟ้าลองดูชิมน้ำสีฟ้าใสนั้นไปอึกหนึ่งก่อนที่จะกระพริบตาปริบๆให้กับความหวานเย็นที่แอบซ่อนความมึนเมาเอาไว้ในส่วนลึก ถึงแม้ค๊อกเทลแก้วนี้จะไม่แรงแต่ฟ้าพนันได้ว่าหากเมาคือเมาลึกถึงขนาดไม่ได้สติกันเลยทีเดียว
“เป็นไง?”
โอ๊ตถามเมื่อตัวเองยกแก้วเบียร์กระดกทีเดียวหมดไปเกือบครึ่ง ส่สนต้นนั้นกินเพียงแค่จิบเดียวแล้วก็วาง เค้าไม่อยากดื่มมากเพราะห่วงฟ้า ถ้าเค้าเมาแล้วใครจะดูแลฟ้า ตอนแรกกะจะไม่ดื่มเลยด้วยซ้ำแต่ก็ต้องรักษามารยาทเมื่อพี่ชายเค้าสั่งมาให้แล้ว
“อร่อยครับ กินง่ายดีแต่ท่าจะเมาลึก”
“รู้ดีเหมือนกันนี่หว่า นี่นะ แก้วประจำสำหรับพวกที่อยากมอมสาวเลยละ พวกไม่คุ้นกับแอลกอฮอล์กินได้ไม่เกินสามแก้วหรอก”
ฟ้าพนักหน้ารับแล้วดึงหลอดขึ้นมาดูดใหม่ ยิ่งดื่มกลิ่นของเหล้ารัมยิ่งตีขึ้นจมูกทีละนิด ฟ้าไม่ค่อยรอบรู้เรื่องค๊อกเทลมากแต่เค้าอาศัยความคุ้นชินกับแอลกอฮอล์จึงพอรับรู้ได้ว่าสัมผัสแบบนี้มันคือเหล้าประเภทไหน
ทั้งสามคนนั่งดื่มนั่งคุยกันไปไม่นานอาหารก็ถูกนพมาเสิร์ฟ จากสองสามอย่างก็เพิ่มเป็นห้าหกอย่างจนฟ้าเริ่มขมวดคิ้ว
“เออ พี่โอ๊ตครับ”
“หืม..ว่าไงครับน้องฟ้า?”
“มันจะไม่เยอะไปหน่อยเหรอครับ เรากินกันแค่สามคนเองนะ”
“ไม่เป็นไรๆ กินไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็หมด กินเป็นกับข้าวไม่หมดก็เอามาแกล้มเหล้าเลยดิ คิดอะไรมาก”
โอ๊ตตอบชิลๆแล้วหันไปมองดูลูกน้องที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันไป ลูกค้าเองก็ทย่อยเข้ามาในร้านกันเยอะพอสมควรแล้ว ส่วนใหญ่คนที่มาจะเป็นชาวต่างชาติซะ80% และเน้นเหล้าเคล้ากามเพศจนฟ้าแอบตกใจที่เห็นฝรั่งคู่หนึ่งนัวเนียกันให้เห็นแบบโจ่งแจ้ง ต้นเองก็อ้าปากค้างส่วนเจ้าของร้านได้ต่หัวเราะขำขันเหมือนเป็นเรื่องตลก
“ขนาดนี้เลยเหรอพี่!?”
“นี่ยังเบาะๆนะเว้ย รอดูตอนดึกได้เลย ยิ่งดึกแม่งยิ่งเด็ด”
ฟ้าลอยฟังพี่น้องเค้าคุยกันไปกินข้าวในส่วนของตัวเองไปโดยที่มีต้นคอยตักอาหารให้อยู่ตลอด ฟ้าเองก็แปลกใจไม่น้อยที่ต้นมักจะตักในจานที่ดูท่าทางไม่ค่อยเผ็ดมาให้ รวมทั้งหลีกเลี่ยงจานที่มีเห็ดเป็นส่วนผสมอีกด้วย
“ต้นรู้เหรอว่าเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร?”
ต้นหัวเราะนิดหน่อยแล้วตักไก่ทอดกระเทียมพริกไทยมาใส่จานฟ้า
“รู้สิ คีย์เคยบอก”
“ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย”
“ก็สนิทมาตั้งแต่แรกนี่เพียงแต่ฟ้าพิเศษมากกว่าใครก็แค่นั้น”
ฟ้าเหยียดปากหมั่นไส้ในความช่างหยอดของคนตรงข้าม เมื่อกินไปได้สักพักก็เริ่มอิ่ม รวมถึงค๊อกเทลที่หมดเกลี้ยงโอ๊ตเลยหันไปสั่งให้ใหม่ ฟ้านั่งหันหน้าไปรับลมทางทิศของผืนทะเลสีดำ ดวงดาวเบื้องบนระยิบระยับแข่งกับแสงไฟที่ด้านล่าง วันนี้ดวงจันทร์เกือบจะเต็มดวงแล้วและยังส่องแสงสว่างกระจ่างฟ้าอยู่ที่ด้านบนอีกด้วย
“ชอบไหม?”
ต้นถามน้ำเสียงอ่อนโยน เค้าลอบมองคนหน้าหวานมาสักพักแล้ว ใบหน้าสวยนั้นแหงนมองท้องฟ้าก่อนจะหลับตารับลมเย็นๆที่มาปะทะหน้า สายลมพัดผมยาวของฟ้าให้พริ้วไหวเสริมเสน่ห์ให้ผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ยิ่งเห็นฟ้าใส่ชุดของตัวเองอยู่แบบนี้ด้วยแล้วเค้ายิ่งปลื้มจนอกจะแตกใจจะระเบิดเลยด้วยซ้ำ
“ชอบสิ ขอบคุณที่พามา”
“ไม่เป็นไร ไว้เราจะพามาบ่อยๆ พี่โอ๊ตมันขี้เหงาแต่เสือกไม่มีเมีย มาอยู่เล่นด้วยบ่อยๆพี่แกจะได้ไม่น้อยใจแล้วไปผูกคอตายให้เดือดร้อนคนอื่น”
“ไอ้น้องเวร จะด่าก็ด่ามาตรงๆไม่ต้องอ้อมไปม้อคนหนึ่งแล้วมาด่าอีกคนหนึ่ง”
ต้นหัวเราะขำพลางหลบหลีกการโจมตีจากพี่ชายตัวโตของเค้าไปด้วย ฟ้ามองคนทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจก็แอบคิดถึงพี่ชายของตัวเองไปด้วย ฟ้ามีพี่ชายแท้ๆที่มีอายุมากกว่าถึง 8 ปีชื่อดิน ฟ้ากับดินไม่ค่อยสนิทกันนักเพราะอายุที่ห่างกันพอสมควรและไลฟ์สไตล์การเป็นอยู่ที่แตกต่างกันราวหน้ามือกับหลังมือ ดินจะค่อนไปทางพ่อ ตัวโตสูงใหญ่ชอบความท้าทายบุกน้ำลุยไฟและที่สำคัญ ดินทำตามที่พ่อหวังไว้ได้ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่การเข้ารับราชการตำรวจและตอนนี้กำลังดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับทั้งที่อายุยังน้อยอีกด้วย
ดินนะถืวว่าเป็นลูกรักของพ่อเลยก็ว่าได้
“ฟ้า”
ฟ้าได้สติจากการคิดเลยเถิดแล้วเงยหน้าไปมองคนเรียกอย่างต้น
“ทำหน้าอย่างนั้นอีกแล้วนะ ยิ้มอยู่ดีๆไหงกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ละเนี้ย”
“หน้าแบบไหนเหรอ?”
“ก็เหม่อๆลอยๆเหมือนคิดไม่ตกอกหักเอาใจไม่ถูกทำอะไรไม่ได้หรือพูดอะไรไม่ออกไง”
ฟ้าหลุดหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยิน
“อะไรละนั้น”
“หึ ยิ้มออกแล้วใช่ม่า ทีนี้ก็ยิ้มตลอดเลยนะ ฟ้าเหมาะกับรอยยิ้มที่สุด”
“ยิ้มตลอดเค้าก็หาว่าบ้ากันพอดี”
“งั้นฟ้าก็ตอบกลับไปว่า ถึงจะบ้าแต่ก็น่าร๊ากกกกน๊าาาาา”
ฟ้าส่ายหัวเนืองๆทั้งที่ปากฉีกยิ้มกว่าเสียงหัวเราะดังมาไม่ขาดสาย ต้นเองเมื่อเห็นฟ้ายิ้มได้หัวเราะออกก็ยิ่งปลื้มใจ รอยยิ้มของคนที่รักเป็นอะไรที่พิเศษสำหรับเค้า และเค้าก็อยากที่จะรักษามันไว้ตลอดไป
“แหม มดขึ้นโต๊ะเลยเว้ย”
โอ๊ตอดที่จะแซวไม่ได้ ต้นหันไปมองค้อนแต่ฟ้ากลับเฉยแล้วยกแก้วหยิบหลอดขึ้นมาจิบต่อ พวกเค้าคุยกันต่อไปไม่นานทางด้านเวทีก็มีผู้คนขึ้นไปเช็คเครื่อง ฟ้ามองตามไปอย่างสนอกสนใจ
“ฟ้าอยากขึ้นไปโชว์หน่อยไหม?”
โอ๊ตเอ่ยถามเมื่อเห็นฟ้าเอาแต่จ้องมอง ฟ้าส่ายหัวเบาๆ
“ผมร้องไม่เก่งครับ แต่กีต้าร์พอได้”
“งั้นเดี๋ยวเราร้องให้ เราร้องเพลงเพราะนะ”
“อย่าไปเชื่อมัน ไอ้นี้แม่งโม้ มาร้องทีแขกพี่หนีหายไปหมดเลย เจ้งๆๆ”
“พูดงี้หลังร้านเลยไหมพี่?”
“ที่ท้าเนี้ย มั่นใจแล้วเหรอไอ้น้อง?”
“ทำไมต้องมั่นใจ แค่จะให้ไปดูดบุหรี่ที่หลังร้าน ฮ่าๆๆๆ”
“ไอ้น้องเหี้ย”
ฟ้ามองความสนิทสนมของคนทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มบางที่ข้างแก้ม แล้วเสียงอินโทรเพลงก็ดังขึ้น แค่อินโทรเพลงแรกก็ทำให้ฟ้าต้องชะงักค้าง ไม่นานเสียงทุ้มนุ่มลึกของนักร้องชายและเสียงใสกังวานของนักร้องหญิงประจำวงก็ปลดปล่อยเสียงสอดประสานไปกับท่วงทำนอง ฟ้าหันไปให้ความสนใจที่เวทีอีกครั้ง
Gnash – I Hate U I Love U feat. Olivia O’Brien
Feeling used
But I’m
Still missing you
And I can’t
See the end of this
Just wanna feel your kiss
Against my lips
And now all this time
Is passing by
But I still can’t seem to tell you why
It hurts me every time I see you
Realize how much I need you
รู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้
แต่ฉัน
ก็ยังคิดถึงเธออยู่
และฉัน
มองไม่เห็นจุดจบของเรื่องนี้เลยจริงๆ
ฉันแค่อยากจะสัมผัสถึงจูบของเธอ
ที่ประทับบนริมฝีปากของฉัน
และเวลาเหล่านี้
มันกำลังผ่านเลยไป
และฉันก็บอกเธอไม่ได้เลยว่าเพราะอะไร
ฉันถึงเจ็บปวดทุกๆครั้งที่ได้เจอเธอ
และรู้ตัวว่าฉันต้องการเธอมากเพียงใด
“ต้น”
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เรียกตน เค้าเลิกคิ้วนิดหน่อยในเชิงถาม
“ว่าไงครับ?”
“เราขอไปเดินเล่นที่หาดหน่อยนะ”
ต้นขมวดคิ้วทันที
“มันมืดนะฟ้า อันตรายออก”
“ไม่เป็นไรหรอก เราไปไม่ไกล แถมไฟจากร้านก็สว่างจะตาย”
“ยังไงก็อันตรายอยู่ดี”
“ต้น เราอายุ20และก็เป็นผู้ชาย เราดูแลตัวเองได้”
“แต่ไม่ใช่กับที่นี้ฟ้า ที่นี้อันตรายแค่ไหนเรารู้ดี ถ้าอยากลงไปเดี๋ยวเราไปด้วย”
“ต้น เราขอนะ เราอยากไปเดินรับลมคิดอะไรนิดหน่อย สัญญาว่าจะอยู่แค่โซนหน้าร้าน”
ต้นชั่งใจอยู่นานก่อนจะพยักหน้ารับ เค้าแพ้ฟ้าเสมอไม่ว่าจะกรณีใดๆ ฟ้ายิ้มอ่อนให้แล้วจึงลุกขึ้นแล้วเดินตรงออกไปยังด้านหน้าร้าน โอ๊ตที่ลุกออกไปคุยกับพนักงานแถวนั้นพอเดินกลับมาไม่เห็นฟ้าจึงเอ่ยถามขึ้น
“ฟ้าละ?”
“ออกไปเดินเล่น”
“เห้ย! แล้วกล้าปล่อยให้ไปคนเดียวได้ไงวะ แถวนี้แม่งอันตราย”
“ผมห้ามแล้วแต่ก็....”
“ใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง มึงลุกไปตามเลย ถ้าเค้าไม่กลับก็ไปอยู่เป็นเพื่อน จีบเค้ายังไงถึงกล้าปล่อยให้เค้าตกอยู่ในอันตรายวะ”
โอ๊ตบ่นอุบแต่นั้นก็ทำให้ต้นจุกไปไม่น้อย ก่อนหน้านี้เรื่องที่คอนโดนั้นเค้าก็เสียใจที่ปล่อยให้ฟ้าตกอยู่ในอันตรายใปยกหนึ่งแล้วแต่รอบนี้...เค้าจะไม่ยอมอีกแล้ว...
ต้นวางแก้วแล้วรีบลุกขึ้นเดินไวๆตรงออกจากร้านโดยที่มีพี่ชายตัวโตจ้องมองด้วยความระอากึ่งเอ็นดู
ต้นเดินข้ามถนนไปถึงหาดในเวลาไม่นาน เค้ามองฝ่าความมืดไปจนเห็นฟ้านั่งอยู่ที่โขดหินไม่ไกลจากเค้านัก ต้นเลือกที่จะแอบมองเค้าอยู่ห่างๆเพื่อให้ฟ้าได้อยู่กับตัวเองตามที่ต้องการแต่ตนก็ไม่อาจละสายตาไปจากฟ้าได้แม้แต่วินาทีเดียว
ลมทะเลเย็นจนเกือบหนาวยังคงพัดผ่านนำแรงส่งให้ผมสีดำนิลกาฬพริ้มสะบัด ใบหน้าหวานจ้องมองไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าอย่างเรียบนิ่ง ร่างบางนั่งกอดเข่าอยู่เหมือนพยายามจะกอดปลอบตัวเอง เสียงเพลงจากทางร้านยังคงดังแว่วมาให้ได้ยิน
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้แต่ต้นก็ยังคงจ้องมองฟ้าอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งได้รับรู้ถึงสิ่งที่คืบคลานเข้ามา เค้าขมวดคิ้วเมื่อเห็นผู้ชายชาวต่างชาติสามคนเดินตรงไปยังฟ้า ต้นรีบเดินเข้าไปหาทันทีแต่ก็ช้ากว่าทางนู้นที่อยู่ใกล้กับเป้าหมายมากกว่าเค้า ฟ้าถูกรบกวนโดยการดึงแขนให้หันไปสนใจ หนึ่งในนั้นเอ่ยถามราคาค่าตัวทั้งที่ฟ้าบอกปัดไปแล้วว่าไม่ใช่แต่ทางนั้นก็ดูเหมือนจะไม่เชื่อ
ต้นเดินไปแทรกกลางระหว่างที่ฝ่ายนั้นกำลังจะดึงฟ้าให้ตามไปด้วยกัน เค้าผลักหน้าอกของคนที่จับแขนฟ้าไว้จนมันเซล้ม มือที่จับคลายออกเพื่อผยุงตัว สองคนที่เหลือเห็นเพื่อนล้มจึงตั้งท่าจะเข้ามาหาเรื่องต้นแต่ยังไม่ทันจะถึงตัวก็มีเสียงใครบางคนตะโกนก้องบอกให้หยุดทุกการกระทำ ต้นจำได้ว่าเสียงดังกัมปนาทนี้คือเสียงของใคร และดูท่าทางไอ้ฝรั่งสามตัวนั้นมันจะกลัวเจ้าของเสียงนั้นพอตัว ต้นจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่นึกกลัว ถึงแม้โอ๊ตจะไม่เข้ามาขัดเค้าก็พร้อมที่จะสู้เต็มที่อยู่แล้ว โอ๊ตเดินมาถึงพอดีกับที่ไอ้พวกสามตัวนั้นเดินหนีหายไปที่ทางเดิม ต้นถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วจึงหันกลับไปมองฟ้าที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ด้านหลัง
“ผิดจากที่เราพูดซะที่ไหนละ”
“ขอโทษ”
“ทั้งสองคนโอเคนะ?”
โอ๊ตถามเมื่อเดินเข้ามาถึงตัวคนทั้งคู่ ต้นพยักหน้าให้เป็นคำตอบก่อนจะฉุดมือฟ้ามาจับแล้วพากลับไปยังร้านทันที ฟ้าเองก็เดินตามไปเงียบๆสายตาจ้องมองไปยังมือของเค้าที่มีมือของต้นกอบกุมอยู่อย่างนั้น
Tbc....
ถึงคราวพี่ต้นทำคะแนนบ้างละ หึหึ
-
ไม่สิต้น นายไม่ใช่พระเอก
ฟ้ากลับมาหาน้ำเถอะ น้ำมันรักแก แค่มันปากแข็งแค่นั้นเอง
-
ไม่เคยเชียร์พระรองเลย แต่เรื่องนี้ขอดันต้นเป็นพระเอก :hao7:
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
14
เช้าวันรุ่งขึ้นฟ้าตื่นขึ้นมาเพราะแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาภายในห้อง พอปรับสายตาเพ้งมองไปก็เห็นท้องฟ้าสว่างสดใสมีก้อนเมฆประปรายลอยละล่องอย่างอิสระเสรี ฟ้าขยับตัวยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยแล้วจึงนอนมองดูท้องฟ้านั้นต่อไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนที่ยืนมองอยู่ตรงหน้าประตูห้อง ต้นแย้มยิ้มเมื่อเห็นอาการเอื่อยเฉื่อยของคนบนเตียง เค้าได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างแล้วนั้นคือนอกจากจะขี้เซาแล้วยังชอบนอนแช่อยู่บนเตียงอีกด้วย
เมื่อคืนหลังจากที่ต้นพาฟ้ากลับมายังร้านพวกเค้าก็อยู่ต่ออีกไม่นานแล้วก็พากันกลับมาที่บ้านเพื่อพักผ่อน แต่กว่าจะได้พักก็เกิดสงครามย่อยๆอีกอย่างนั้นก็คือการเถียงว่าใครจะนอนเตียงและใครจะนอนฟูกด้านล่าง แน่นอนว่าต้นอาสาจะนอนฟูกแต่ฟ้าก็เถียงคอเป็นเอ็นว่าจะนอนเอง ดีที่พี่โอ๊ตกลับมาสงบศึกให้โดยการให้ต้นไปนอนกับพี่แกในอีกห้อง ฟ้าจึงได้ครองเตียงไปโดยปริยาย
“ฟ้า”
ฟ้าเอี้ยวตัวมามองคนเรียกก่อนจะยิ้มอ่อนแต่ต้นกลับมองว่ามันสว่างสดใสจนใจเต้นรัว
“อรุณสวัสดิ์”
ฟ้าเอ่ย ต้นหัวเราะเสียงแผ่วแล้วกล่าวตอบ ต้นอยากจะกดหยุดช่วงเวลานี้ไปตลอดชีวิต เค้ากำลังรู้สึกมีความสุขมาก มากเสียจนไม่อยากเชื่อว่าเค้าจะเป็นได้ถึงขนาดนี้
“หลับสบายดีไหม?”
ฟ้าพยักหน้าให้แทนคำตอบแล้วคว่ำหน้ามุดหมอนแล้วเหยียดกายอีกรอบ ต้นหัวเราะให้ความน่าเอ็นดูนี้
“ฟ้าเหมือนแมวเลยเนอะ”
ฟ้าชะงัก แต่ต้นไม่ได้สังเกตุเห็นเค้าจึงเดินไปเอาเสื้อผ้าไปใส่ตู้เพิ่มเติมพลางพูดจ้อต่อไป
“พี่โอ๊ตให้มาปลุกแน๊ะ เห็นบอกว่าวันนี้จะพาไปนั่งชิลที่หาด เราบอกไปแล้วนะว่าเราจะพาไปเองไม่อยากกวนพี่เค้าแต่พี่แกไม่ยอม มีการมาโวยว่าเราจะกั๊กน้องฟ้าของเขาไว้คนเดียว เรานี่ฉุนเลยอะ เลยตอกกลับไปว่าฟ้าไปเป็นของพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ หึหึ”
ต้นเก็บเสื้อผ้าใส่ตู้เสร็จเลยหันมามองคนที่ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียง เค้านึกขำที่ฟ้านอนคว่ำหน้าอยู่นานสองนาน นอนแบบนั้นจะหายใจออกไหมนั้น
“ฟ้า ตายรึยังนะ?”
“ตายแล้ว”
“ตายแล้วงั้นใครตอบเราเนี้ย?”
“ผีไง พอตายก็กลายเป็นผีมาหักคอคนช่างจ้อ”
“โหดเนอะ”
“แน่นอน”
ฟ้ายืนตัวขึ้นนั่งอ้าปากหาวหวอดๆแล้วจึงก้าวลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ต้นมองตามจนบานประตูปิดเค้าเลยออกมาจากห้องนอนแล้วตรงไปเตรียมมื้อเช้าที่ชั้นล่าง ต้นตื่นแต่เช้าเพื่อไปซื้อโจ้กเจ้าดังมาไว้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว โอ๊ตเองก็ตื่นแล้วเช่นกันและตอนนี้ก็กำลังไปจ๊อกกิ้งที่หาดใกล้ๆ ต้นเทโจ้กใส่หม้อแล้วเปิดไฟอุ่นจนร้อนได้ืี่จึงนำไปเทใส่ชาม เค้าทำจนครบสามโอ๊ตก็กลับมาพอดี
“หอมแฮะ ร้านแป๊ะโกว้ใช่ไหมเนี้ย?”
“ใช่”
“โห ลงทุนขับรถไปซื้อซะไกล กะให้หลงหัวปักหัวปำเลยสิไอ้น้อง”
“บ้าเหรอพี่ แค่โจ้กถ้วยเดียวจะไปหลงอะไรขนาดนั้น”
“ไม่แน่นะเว้ย ไม่เคยดูหนังไทยหลังข่าวรึไง ไอ้แฟนเตรียมมื้อเช้าให้ด้วยความรักอะไรแบบนั้นนะ คนกินนี่ปลื้มแล้วปลื้มอีก ไหนจะชมเปาะอร่อยอย่างนั้นรักอย่างนี้ เล่นหวานจนกูงดน้ำตาลไปสามวันอะ”
“อย่างพี่นี่ดูละครหลังข่าวด้วย?”
ต้นอดที่จะแปลกใจไม่ได้เพราะพี่ชายหุ่นแน่นกล้ามเป็นมัดๆแถมไว้หนวดเคลาแบบนี้เนี้ยนะ ดูละครหลังข่าว
“ไม่ได้ตั้งใจจะดูเว้ย แต่พวกป้าแม่ครัวเค้าเปิดทิ้งไว้ กูที่นั่งคุมอยู่แถวเคาเตอร์จ่ายอาหารเลยพลอยได้ดูไปด้วย”
“อ้อ”
“เออ นั้นแหละ กูไปอาบน้ำแพร๊บ เดี๋ยวลงมากิน แล้วฟ้าละตื่นรึยัง?”
“ตื่นแล้วอาบน้ำอยู่”
“เอาเสื้อกูไปเพิ่มแล้วใช่ไหม?”
ต้นพยักหน้าแทนคำตอบ
“ขอบคุณนะพี่โอ๊ต”
“เออๆ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องมาทำซึ้ง ไว้กูซื้อบ้านซื้อรถให้มึงค่อยซึ้ง”
“จะบ้าไง จะมาซื้อให้ผมทำไม!?”
“กูเปรียบเปรยไอ้ห่า”
ต้นหัวเราะร่วนจนโดนโอ๊ตเตะไปทีก่อนจะวิ่งปรู๊ดขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านสวนกับฟ้าที่กำลังเดินลงมาพอดี
“อรุณสวัสดิ์ครับพี่โอ๊ต”
“อรุณสวัสดิ์ครับคนสวย พี่ขอขึ้นไปอาบน้ำแป๊บเดี๋ยวลงมาทานมื้อเช้าด้วยนะจ้ะ จุ๊ฟๆ”
โอ๊ตแกล้งพูดเสียงดังเพื่อให้ไอ้น้องขี้หวงด้านล่างได้ยินและก็เป็นไปตามนั้น ต้นตะโกนโหวกเหวกมาจนโอ๊ตหัวเราะชอบใจแล้วเดินหนีขึ้นไปในที่สุด ฟ้ายกยิ้มขำกับความครึกครื้นที่มีมาให้ได้สัมผัสกันตั้งแต่เช้า พอลงมาถึงด้านล่างก็เห็นต้นกำลังรินน้ำใส่แก้วอยู่พอดี บนโต๊ะมีชามโจ๊กควันลอยฟุ้งหอมหวนชวนทานมาก ตรงกลางยังมีปาท่องโก๋อีกห้าหกคู่
“นั่งสิฟ้า ถ้าหิวก็กินก่อนเลยไม่ต้องไปรอไอ้พี่โอ๊ตมันหรอก”
“บ้าดิ เสียมารยาท”
“โอ๊ย มันไม่ถือหรอกฟ้า ที่ได้ยินเมื่อกี้มันม้อเล่น อย่าไปซีเรียส หิวก็กินเดี๋ยวจะเจ็บท้องเอาน่า”
“หึ เรายังไม่หิวเท่าไหร่ รออีกเดี๋ยวก็ได้”
“โอเคครับ โอเค ยอมหมดเลยครับถ้าเป็นฟ้า”
“นี่ก็ม้อเล่นตลอด หยอดได้สม่ำเสมอจริงๆ”
“หยอดสม่ำเสมอนะไม่เถียงแต่ม้อเล่นนี่เถียงขาดใจอะ เราไม่ได้ม้อเล่นนะ แต่เราม้อจริงเลยต่างหาก”
“เราควรภูมิใจใช่ไหมเนี้ยที่โดนม้อจริงใส่แบบนี้?”
“ใช่เลย โดยเฉพาะโดนคนหล่อแสนดีอย่างเราม้อ ฮ่าๆๆๆ”
ฟ้าได้แต่ส่ายหัวพลางยกยิ้มขำขันไปด้วย ต้นเดินเอาแก้วน้ำมาวางไว้ให้ก่อนจะหยิบของตนและของโอ๊ตไปวางไว้ข้างๆชามโจ๊ก
“ต้นดูแลคนเก่งจัง”
“เหรอ ปกติของเรานะ”
“เราว่าต้นน่าจะเป็นพี่คนโตซะอีก ดูแลคนเก่งอย่างนี้น่าจะมีน้องสักคนสองคนสิ”
“ไม่เห็นเกี่ยว เราดูแลได้หมดแต่จะพิเศษหน่อยถ้าคนนั้นเป็นคนพิเศษ”
ต้นตอบพลางหยักคิ้วหลิวตาไปทางฟ้า ฟ้าเผลอเหยียดปากกีอกตาจนต้นหลุดหัวเราะ ไม่นานโอ๊ตก็ตามลงมาสมทบและพวกเค้าก็ทานมื้อเช้ากันไปคุยกันไปถึงทริปที่โอ๊ตอาสาเป็นไกด์นำเที่ยวเอง เมื่อทานมื้อเช้าเสร็จฟ้าอาสาล้างถ้วยชามในขณะที่โอ๊ตกับต้นเตรียมความพร้อมที่ตะออกไปเที่ยวทะเลกัน
“นี่หอบอะไรไปบ้างเนี้ย?”
ฟ้าถามเมื่อเห็นต้นสะพายกระเป๋าเป้กีฬาผ้าร่มใบโตของโอ๊ต
“เสื้อผ้าผ้าขนหนูโลชั่นกันแดดแว่นกันแดดหมวกแก๊ปแล้วก็ของจิปาถะอีกนิดหน่อย”
“เอาไปทำไม?”
“อ้าว ก็เผื่ออยากเล่นน้ำไง มาถึงทะเลไม่ลงทะเลเค้าเรียกว่ามาไม่ถึงนะฟ้า”
“เราไม่เล่นน้ำทะเลมาหลายปีแล้ว”
ต้นถึงกับอ้าปากเหวอ
“จริงดิ? ทำไมละ?”
“ก็น้ำมันไม่สะอาดเราไม่ชอบ สู่ไปเล่นน้ำสระจะดีกว่า”
“เยอะวะฟ้า”
“โห กล้าว่าเราด้วย”
“เปล่าครับคุณชาย ใครจะกล้าว่าคุณชายละครับ”
“เห้ย ทั้งสองคนนะ จะไปเที่ยวรึจะจีบกันอยู่บ้านครับ?”
สิ้นสุดคำแซวของโอ๊ตฟ้ากับต้นก็หลึดหัวเราะออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกเค้าเดินทางโดยใช้รถคันใหญ่ของโอ๊ต เจ้าถิ่นพาฟ้าไปยังเส้นรอบนอกเพื่อเที่ยวชมถนนหนทางด้านข้างก่อน จริงๆแล้วเค้าอยากพาไปสวนนงนุชด้วยซ้ำแต่ก็ไม่อยากออกไปขนาดนั้นเลยพาไปดูสัตว์น้ำที่อันเดอร์วอเตอร์เวิร์ลแทน
ฟ้าที่ไม่ค่อยได้มาพัทยาสักเท่าไหร่ดูท่าจะตื่นตาตื่นใจไม่ใช่น้อย ท่าทีสนใจเหมือนเด็กๆแบบนี้ทำให้ต้นอดที่จะหลงผู้ชายผมยาวคนนี้ไม่ได้ จากที่หลงอยู่แล้วก็ยิ่งหลงลึกลงไปอีกเท่าตัว ท่าจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้วสิทีนี้
เมื่อออกจากอันเดอร์วอเตอร์เวิร์ลโอ๊ตก็พาฟ้าตระเวนเข้าวัดก่อนจะไปโผล่ที่จุดชมวิวเขาพระตำหนัก ถึงแม้แดดจะแรงแต่ฟ้าก็มีหมวกที่ต้นเอามาเผื่อพร้อมกับโบ๊ะกันแดดแบบจัดหนักจัดเต็มตามคำสั่งคุณพ่อเบอร์สองอย่างต้น
“ฟ้า เอาน้ำไหม?”
ต้นยื่นน้ำขวดเย็นชื้นใจไปให้ฟ้าที่เอาแต่ยืนจ้องมองไปยังวิวด้านล่าง แดดร้อนมากแต่ฟ้ากลับไม่สนใจกับมันเลยสักนิด ถึงแม้ผิวขาวๆจะทากันแดดไว้อย่างดีแต่ก็ยังมีรอยแดงจนต้นนึกห่วง
“ขอบคุณ”
“ฟ้า เข้าร่มหน่อยไหม ยืนตากแดดนานๆเดี๋ยวไม่สบายเอานะ”
โอ๊ตที่ยืนกินน้ำอยู่ไม่ไกลได้แต่จ้องมองน้องที่เฝ้าดูแลคนอีกคนด้วยรอยยิ้ม เค้าอดที่จะดีใจไม่ได้ที่เห็นน้องคนสนิทได้รู้จักความรักกับเค้าเสียที ถึงแม้คนอีกคนนั้นจะยังไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองที่น่าพอใจก็ตาม
สู้เว้ยไอ้น้อง
“หึ ขี้ห่วงเวอร์ไปป่ะ เราไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นซะหน่อย”
“เหอะน่า เพื่อความสบายใจของเรา”
“ห่วงขนาดนี้ ไม่ให้นอนอยู่บ้านเฉยๆไปเลยละต้น”
“ไม่ต้องมาแขวะเลย ป่ะๆ ลงไปนั่งเล่นที่หาดดีกว่า เห็นพี่โอ๊ตบอกว่าจะปล่อยให้เล่นที่หาดจนเย็นแล้วค่อยไปดูการแสดงช่วงค่ำที่ซานโตรินี่แล้วค่อยปิดท้ายมื้อเย็นที่วอกกิ้งสตรีท”
“อ้าว แล้วพี่โอ๊ตไม่ไปร้านเหรอ?”
“เป็นเจ้าของก็งี้แหละ จะอู้ตอนไหนก็ได้ น่าหมั่นไส้เนอะ”
“เห้ย! กูได้ยินนะเว้ย!!”
ต้นกับน้ำระเบิดหัวเราะออกมาทันทีก่อนจะพากันไปขึ้นรถแล้วมุ่งหน้าสู่ชายหาดด้านล่าง โอ๊ตพาน้องทั้งสองคนมานั่งที่เต้นท์ของเพื่อนที่รู้จักกันจึงได้โต๊ะนั่งมุมดีติดหาดอย่างไว ฟ้านั่งมองผู้คนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานทั้งๆที่แดดของเมืองพัทยามันร้อนน้อยซะเมื่อไหร่ โอ๊ตทำหน้าที่สั่งอาหารอีกเช่นเคยส่วนต้นนั้นกำลังกดโทรศัพท์ยิกๆเหมือนคุยติดลมอยู่กับใครสักคน
“ฟ้า”
ฟ้าที่นั่งอยู่อีกฝั่งคนเดียวหันมามองคนเรียกแต่ต้นไม่เอ่ยอะไรต่อแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นเล็งแล้วกดแชะไปสองสามภาพ
“จะถ่ายทำไมไม่บอกดีๆนี่เรายังไม่ได้แอ๊คท่าเลยอะ”
“หึ ฟ้าอยู่ท่าไหนมุมไหนก็ดูดีน่า เชื่อเรา”
เหมือนจะได้ยินเสียงแหวะมาจากคนข้างๆต้นเลยกระทุ้งศอกใส่เจ้าของเสียงจนโดนโอ๊บเกี่ยวคอมายีหัวจนยุ่งเหยิงไปหมด ฟ้าสบโอกาสเลยแย่งเอาโทรศัพท์ต้นไปกะจะดูรูปแล้วคืนแต่หน้าจอที่ค้างอยู่นั้นกลับเป็นช่องแชตของต้นกับเพื่อนสนิทของเค้า ข้อความล่าสุดของต้นคือภาพที่ถ่ายเมื่อกี้นั้นแหละและสาเหตุที่ถ่ายก็เพราะคีย์ขอนั้นเอง
“เข้าใจรึยังละ ว่ามีคนห่วงและพร้อมจะอยู่ข้างฟ้ามากขนาดไหน ทั้งเราทั้งพี่โอ๊ตไหนจะคีย์อีก”
ฟ้ายิ้มรับแล้วคืนโทรศัพท์ให้ต้นไป ฟ้าเมียนมองดูท้องทะเลอีกนิดหน่อยก่อนที่จะล้วงเอาโทรศัพท์ของตนที่ปิดเครื่องไว้แต่ยังพกไปไหนมาไหนด้วยความเคยชิน ฟ้ามองมันอย่างชั่งใจ เค้าอยากเปิดเครื่องแต่ก็กลัวเกินกว่าที่จะทำ ต้นมองฟ้าที่จ้องโทรศัพท์อยู่นานแล้วจึงกดคอลไลน์ไปหาคีย์ ไม่นานหน้ากวนๆของคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มก็โผล่มาในจอ
/มีอะไร?/
“ฟ้า”
ต้นไม่ตอบคีย์แต่กลับยื่นโทรศัพท์ไปให้ฟ้าแทน ฟ้าเห็นอย่างนั้นแล้วก็รีบรับโทรศัพท์ไปแทบไม่ทัน ใบหน้านิ่งเมื่อครู่กลับกลายมาเป็นรอยยิ้มที่น่าพอใจ ต้นปล่อยให้คีย์กับฟ้าคุยกันอยู่อย่างนั้นจนอาหารทยอยมาเสิร์ฟฟ้าก็โชว์คนที่ปลายสายให้อิจฉาเล่นๆไปด้วย ต้นกับโอ๊ตมองไปก็ยิ้มไป ต้นแกะกุ้งแกะปูไปใส่จานของฟ้าที่มือไม่ว่างเนื่องจากถือโทีศัพท์อยู่จนฟ้าต้องพูดห้าม
“พอแล้วต้น แกะกินเองบ้างก็ได้ เราก็มีมือทำเองไหม”
/มีอะไรฟ้า?/
“ดูต้นดิ แกะกุ้งแกะปูมาใส่จานเราจนล้น นี่ถ้าเราอ้วนกลับไปก็โทษคนนี้เลยนะ”
ฟ้าฟ้องเพื่อนที่ปลายสายจนคนทางนี้ส่ายหัวเบาๆ คีย์หัวเราะขำก่อนจะแซวออกกลับมาเล็กๆน้อยๆแล้วก็กลับไปคุยกันเรื่องงานที่อาจารย์สั่งระหว่างที่ฟ้าลากันต่อ ฟ้าเองก็ฟังไปกินไปอย่างเพลิน ฟ้าคุยไปอีกสักพักคีย์ก็ขอวางสาย เมื่อวางสายจากคีย์ไปแล้วเห็นระยะเวลาการคุยในข้อความที่ช่องแชตแล้วก็อดที่จะตกใจไม่ได้ นี่เค้าคุยเพลินไปร่วมชั่วโมงเลยเหรอเนี้ย
“ต้น เราขอโทษนะที่คุยเพลินไปหน่อย ไว้เดี๋ยวเราช่วยค่าเน็ตรอบเดือนนี้นะ”
ฟ้าพูดพลางยื่นโทรศัพท์ไปคืนต้น ต้นส่ายหัวปฎิเสธแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเช่นเดิม
“ไม่ต้องหรอก เราอยากให้ฟ้าคุยกับคีย์เอง เราเต็มใจ”
“แต่เราไม่สบายใจ”
“ถือซะว่าเป็นของขวัญจากเราสิ”
“เนื่องในโอกาสอะไรไม่ทราบ?”
“เนื่องในโอกาสที่เรารักกันในอนาคตไง”
“เวอร์!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
พวกเค้ากินมื้อเที่ยงกันจนอิ่มแล้วก็พากันเอนหลังพักผ่อนไปตามอัธยาศัย ฟ้านอนมองทะเลผ่านแว่นกันแดดของโอ๊ตจนเผลอหลับ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ต้นกำลังใช้ผ้าขนหนูคลุมตัวให้ฟ้า
“อ้าว ทำให้ตื่นซะได้ ฟ้าความรู้สึกไวจัง”
ฟ้ามองต้นที่เปลือยท่อนบนและเปลี่ยนไปใส่กางเกงบอลซะแล้ว
“จะไปเล่นน้ำเหรอ?”
“ยังหรอก เปลี่ยนไว้เฉยๆ”
“ไปเล่นก็ได้นี่ จะรออะไร?”
“เฝ้าคนหลับอยู่ไงครับ”
“เราก็ตื่นแล้วไง ไปเล่นเหอะ แล้วพี่โอ๊ตละ?”
“นู้นไง”
ฟ้ามองตามที่ต้นชี้จนเห็นพี่ชายร่างใหญ่กำลังขับเจ็ตสกีเล่นอย่างสนุกสนาน รายนั้นก็เปลี่ยนชุดโชว์กล้ามอกกล้ามแขนใส่แต่กางเกงบอลเหมือนต้นเช่นกัน ฟ้าโบกมือตอบเมื่อเห็นฝ่ายนั้นโยกมาให้
“ต้นไปเล่นกับพี่โอ๊ตเถอะ”
“เราอยากเล่นน้ำกับฟ้ามากกว่าไอ้พี่โอ๊ตอะ ฟ้าไม่ไปเล่นกับเราเหรอ?”
ต้นทำทีอ้อนแต่ฟ้าก็ยังส่ายหัว
“งั้นเราก็ไม่เล่น”
“เห้ย ไม่เอางี้ดิ ถ้าเรามาแล้วต้นต้องหมดสนุกงั้นเราจะไม่ไปไหนด้วยอีกแล้วนะ”
“โหดวะฟ้า โอเคๆไปเล่นก็ได้ แต่ถ้ามีอะไรก็ตะโกนเรียกเราได้เลยนะ”
“ผมไม่ใช่เด็กครับ ไปเล่นเลยไป๊”
“หึหึ”
ต้นยิ้มกว้างก่อนจะเดินตรงไปยังหาด โอ๊ตเห็นน้องมาจึงขับเข้ามาจอดเทียบแล้วให้ต้นเข้าไปคุยอะไรด้วยจนสักพักต้นก็ไปเอาเสื้อชูชีพมาใส่แล้วก้าวขึ้นเจ็ตสกีอีกคัน ฟ้ามองดูคู่หูพี่น้องที่ดูท่าจะท้าดวลกันด้วยรอยยิ้ม ความทรงจำครั้งสุกท้ายที่มาทะเลคือช่วงสงกรานต์เมื่อสองปีที่แล้ว ฟ้ากับน้ำไปทะเลที่หัวหินพร้อมกับครอบครัวของน้ำ การไปเที่ยวในครั้งนั้นนอกจากจะสนุกแล้วยังมีการเฟลด้วยนิดหน่อยตรงที่ฟ้าเกิดอาการฝืนขึ้นแทบทั้งตัว พแไปหาหมอจึงได้รู้ว่าฟ้าแพ้น้ำทะเล ตอนแรกก็งงว่าแพ้ได้ไงเพราะฟ้าก็เคยเลยมาตั้งแต่เด็ก ถึงจะไม่บ่อยแต่ก็ไม่เคยแพ้แบบนี้แน่ หมอเลยสรุปออกมาว่าแพ้เพราะความสกปรก
คิดถึงอีกแล้วสิ
“Excuse me”
เสียงทักเป็นภาษาอังกฤษดังขึ้นเรียกความสนใจของฟ้า ฟ้าหันไปมองจนเจอชาวต่างชาติชายคนหนึ่งยืนยิ้มกว้างให้เค้าอยู่ด้วยชุดสบายๆ
“Yep?”
“Why sit alone?”
“My Brother and my friend were playing there.”
“Will disturb you? If I wanted to sit for a friend.”
ฟ้าขมวดคิ้วทันที แต่ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรต้นก็เดินอาดๆเข้ามาถึงโต๊ะและยืนแทรกกลางระหว่างฟ้ากับฝรั่งตาน้ำข้าวคนนั้น
“Ooh! Hi”
“ What is problem with my boyfriend?”
ฟ้าถึงกับอ้าปากค้างแต่คนพูดไม่ได้สนใจอาการของเค้าเลยสักนิด ฝรั่งตาน้ำข้าวยกมือขึ้นทั้งสองข้างในเชิงยอมแพ้แล้วเดินหันหลังกลับไปยังทิศทางเดิมทันที
“ให้ตายสิ จะเสน่ห์แรงไปถึงไหนวะฟ้า”
“อ้าว ว่าเราอีก เราอยู่เฉยๆนี่ก็ผิดเหรอ”
“ผิดสิ ผิดที่เสน่ห์แรง เราต้องทนหึงไปอีกนานเท่าไหร่วะเนี้ย”
“หึงทำไม? เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย อีกอย่าง ไอไปตกลงเป็นบอยเฟรนยูตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
“ก็…มันพลั้งปากไปอะ”
“หึหึ กันท่ากันจริงเชียว เมื่อกี้ถ้าไม่มาขัดนี่เราอาจได้แฟนเป็นชาวต่างชาติเชียวนะ”
“หึ ฝรั่งขี้นกนะสิไม่ว่า”
ฟ้าหลุดหัวเราะในที่สุดแต่ต้นก็ยังคงตีหน้าบึ้งเหมือนเด็กโดนขัดใจอยู่อย่างนั้น
“จู่ๆโผล่มางี้แล้วการแข่งละ แพ้ละสิเนี้ย”
“รู้ได้ไงว่าเราแข่ง?”
“ผมอายุ 20แล้วครับ แล้วนี่ก็เป็นการบอกครั้งที่ 3 แล้วด้วย”
“ไอ้ต้น!”
ว่าแล้วชายร่างใหญ่ก็เดินมาด้วยรอยยิ้มร้าย ต้นจิ๊ปากเบาๆไม่นานผู้เป็นพี่ก็เดินมากอดคอน้องชายพลางตบไหล่ปุๆ
“อย่าลืมที่พนันกันนะไอ้น้อง 55555”
ฟ้าเลิกคิ้ว
“ไปพนันอะไรกันไว้เนี้ย?”
ฟ้าเอ่ยถามไม่เจาะจงแต่ต้นกลับยังคงเงียบส่วนโอ๊ตก็ลอบมองน้องชายยิ้มๆ
“เอาเหอะ ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเราอยู่แล้วนี่”
“ใครบอกไม่เกี่ยว”
โอ๊ตพูดขึ้นในที่สุดและนั้นก็ยิ่งทำให้ฟ้าอยากที่จะรู้
“ต้น”
“…..….”
“เกี่ยวกับเราด้วยเหรอ?”
“………”
“พนันอะไรกันเหรอ บอกเราหน่อยดิ?”
“……….”
“แม่งป๊อด”
“พี่โอ๊ต!”
ฟ้าได้แต่ลอบมองคนทั้งคู่สลับกันไปมา คนหนึ่งหน้าเริ่มเห่อแดงส่วนอีกคนก็เอาแต่ยิ้มเจ้าเล่ห์
“คืองี้นะฟ้า…”
“หยุดเลยพี่โอ๊ต ผมขอเปลี่ยนข้อต่อรองได้ไหมวะ”
“จัสเซย์โนครับน้องรัก ลูกผู้ชายคำไหนคำนั่นสิวะ แม่งกากอยู่อย่างนี้เมื่อไหร่มันจะพัฒนา”
“พี่ไม่รู้จักคำว่าค่อยเป็นค่อยไปรึไงวะ”
“ไม่รู้จักวะ ชีวิตพี่ติดไฮสปีตตลอดชีพนะไอ้น้อง หึหึ”
“แม่ง”
ฟ้าได้แต่มองคนทั้งคู่ต่อล้อต่อเถียงกันตาปริบๆจนต้นหันมาสบตากันในที่สุด ฟ้าพยายามมองในเชิงอ้อนด้วยการช้อนตามองและจ้องให้ลึกซึ้งเข้าไปถึงภายใน ต้นแสดงความลำบากใจออกมาอย่างชัดเจนก่อนจะยกสองมือลูบหน้าแล้ววางปิดหน้าตาตัวเองไว้อย่างนั้นจนมีเสียงอู้อี้ตอบออกมาให้ได้ยิน
“หอมแก้ม”
“ห่ะ?”
ไอ้จะบอกว่าได้ยินมันก็ได้ยินอยู่หรอก แต่อยากจะถามย้ำให้ชัดๆกว่านี้อีกสักหน่อยอะนะ
“เราต้องหอมแก้มฟ้า…ก็แค่นั้นแหละ”
ฟ้าอึ้งไปนิดแต่ก็หลุดยิ้มเมื่อเห็นคนพูดหน้าแดงแปร๊ดอย่างไร้เดียงสา อยากถามมากว่าตั้งแต่โตมาเค้าเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามารึยังแต่ถ้าถามออกไปจริงๆคงจะเสียมารยาทน่าดู
“ก็เอาสิ”
ต้นหันมามองฟ้าแบบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ฟ้ายิ้มตอบแล้วยื่นแก้วเข้าไปหา ต้นยังคงนิ่งอึ้งจนฟ้าถอนหายใจแล้วดึงต้นให้ย่อลงมาหาก่อนจะยื่นตัวไปหอมแก้มคนไร้เดียงสาเอง
“แค่นี้ได้ไหม หรือต้องทั้งสองข้าง?”
ฟ้าถามเหมือนปกติจนโอ๊ตหัวเราะชอบใจ
“สองเลยสิฟ้า”
ฟ้าพยักหน้ารับพี่ชายตัวโตแช้วก้มลงไปหอมอีกข้างจนต้นที่อึ้งอยู่แล้วยิ่งอึ้งหนัก ตอนนี้หัวใจเค้าทำงานหนักมาก เรียกว่าหนักจนเกินไปชนิดที่แทบจะช็อคคาความสุขที่พึ่งได้รับเลยก็ว่าได้
ฟ้าหอมแก้มเค้า
แถมยังเป็นคนเริ่มเองด้วย
พระเจ้าครับ ผมนิพพานแล้วครับ
“อ้าว แค่นี้มีช็อค ไอ้ป๊อดเอ๊ย”
Tbc… ..
ฟิลกู๊ดบ้างอะไรบ้าง ^_^
-
ยังไงๆเราก็ชอบน้ำมากกว่าต้นนะ มันเป็นความรู้สึกว่าฟ้ากลังเกินไปแล้ว ลองบอกน้ำไปหรือยังว่าตัวเองรู้สึกยังไง แค่กลัวที่จะเสียเพื่อน ถ้ามันเหนื่อยฟ้าลองสู้กับปัญหาดิพุ่งชนไปเลย ดีกว่าเจ็บซ้ำๆ แบบนี้ สำหรับต้นก็ใช่ว่ามีสิทธิ์จีบฟ้านะแต่บ้างทีมันดูยุ่งยากวุ่นวายเกินไปอ่ะ เราว่าปฏิเสธทางการกระทำแบบชัดเจนแล้วนะ ถ้าวันที่ทั้งฟ้ากับน้ำกล้าที่จะรู้ใจตัวเองขึ้นมาต้นจะไม่ไปลงกับคีย์เหรอ ลางสังหรณ์แปลกๆว่าจะยุ่งวุ่นวายกว่านี้แน่ๆ ปล.ให้โอกาสพระเอกคนกากของเราจะแสดงความรู้สึกให้ฟ้าเห็นด้วยเถอะ
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
15
“พรุ่งนี้เราจะกลับกรุงเทพฯ”
จู่ๆฟ้าก็พูดขึ้นทำให้ต้นที่กำลังลื้อของออกจากกระเป๋าถึงกับทำขวดโลชั่นกันแดดตกพื้นเสียงดัง ปุ๊! ฟ้าที่นั่งอยู่ปลายเตียงหันไปมองแล้วก็ช่วยก้มหยิบมันขึ้นมาแล้วยื่นไปให้ต้นที่นิ่งค้างอยู่ไม่ไกล
“เป็นอะไร?”
“ปะ เปล่า”
แค่ช็อคที่ช่วงเวลาดีๆกำลังจะหมดลง ช่วงเวลาที่เค้าอยากจะสต๊อปไว้ให้ได้นานที่สุด...แต่มันก็กำลังจะหมดลงแล้ว
“ฟ้า มั่นใจแล้วเหรอ? ถ้ายังไม่โอเคจะอยู่ต่อก็ได้นะ พี่โอ๊ตไม่ว่าอะไรหรอก”
ต้นวางทุกอย่างไว้แล้วหันมาพูดกับฟ้า ฟ้าจ้องมองดวงตาที่ฉายแววความห่วงใยมายังเค้าแบบไม่ปิดบัง ฟ้ายิ้มให้แต่ก็ส่ายหัวไปด้วย
“ยังไงเราก็ต้องกลับไปสู่โลกความเป็นจริงนะต้น จะหนีตลอดไปไม่ได้”
“ก็เราห่วงฟ้า”
“เราไม่เป็นไร ก่อนหน้านี้ก็แค่เสียสมดุล ตอนนี้มันโอเคขึ้นแล้ว เพราะงั้น...”
“เรารู้ว่าฟ้าเข้มแข็ง แต่เราก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ผิดเหรอที่เราจะห่วงคนที่เรารักนะ”
ฟ้าเงียบกริบ รอยยิ้มฝุดขึ้นมาบนใบหน้าหวานก่อนจะโน้มตัวไปดึงต้นที่ยืนอยู่ใกล้ๆเข้ามากอด ฟ้าซุกหน้าเข้ากับอกต้นจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นระรัว
“ใจเต้นแรงจัง”
“โดนฟ้ากอดขนาดนี้ใครไม่ใจเต้นก็ไม่ใช่คนละ”
“หึ ขอบคุณนะ”
ต้นไม่ตอบอะไรแต่กลับยกมื้อขึ้นโอบคนตรงหน้าแทน
“ต้น”
“หืม?”
ต้นก้มลงไปมองคนเรียกที่ยังคงซุกหน้าอยู่ในอ้อมกอดของเค้า
“เป็นแฟนกันไหม?”
เพล้ง!
เสียงแก้วตกแตกดังสนั่นจนคนละแวกนั้นต้องหันมามองเป็นตาเดียว น้ำได้แต่ยกมือค้างสายตาจ้องมองไปยังเศษแก้วที่หลุดจากมือเข้าลงสู่เบื้องล่างด้วยสายตาที่ขุ่นมัว เค้าใจกระตุกแปลกๆ มันวูบโหวงเหมือนมีอะไรสักอย่างแต่เค้าก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“เชี่ยน้ำ เกิดมือไม้อ่อนอะไรตอนนี้วะ”
เคนเอ็ดตะโรตามประสาแต่ก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาดูอะไรเพราะพนักงานของร้านได้เข้ามาทำความสะอาดกันแล้ว ตอนนี้พวกเค้าทั้งคู่ออกมากินมื้อเย็นกันที่ห้าง หลังจากที่ฟ้าหายตัวไปน้ำก็แทบไม่อยู่กับล่องกับลอย ถึงแม้คีย์จะมาบอกว่าฟ้าติดต่อมาแล้วแต่ไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหนก็เถอะ
“กู รู้สึกแปลกๆวะ”
“ยังไงวะ?”
“มันโหวงๆ”
“คิดมากไอ้ห่า กินๆเข้าไปข้าวนะ แล้วตกลงคืนนี้จะไปกับกูไหม?”
“เออ ไปแม่งหมด”
“อ้าว มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
โอ๊ตเดินออกมาตรวจดูความเรียบร้อยของร้านจนมาเจอต้นกับฟ้าที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเดิมโซนเดิมเลยเข้าไปทัก วันนี้หลังจากเล่นน้ำเสร็จพวกเค้าก็พากันกลับทั้งที่ตอนแรกว่าจะไปตะลุยต่อแต่ต้นเห็นว่าฟ้ามีอาการเพลียแดดเลยต้องยกเลิกไป พอไปส่งน้องทั้งสองคนกลับบ้านแล้วตนก็ออกมาดูร้านจนถึงปัจจุบันนี้เลย
“สักพักแล้วพี่”
ต้นตอบยิ้มๆหน้าตาแช่มชื้นจนโอ๊ตสังเกตได้แถมยังนั่งติดชิดข้างกันซะด้วย
“มีเรื่องดีๆอะไรเกิดขึ้นป่าววะไอ้ต้น แม่งหน้าบานเป็นจานดาวเทียมมาเลย หรือจีบฟ้าติดแล้ววะ?”
ต้นสำลักน้ำที่กำลังดื่มในทันทีส่วนฟ้าก็ได้แต่ยิ้มขำ
“เห้ย! อย่าบอกนะว่าเรื่องจริง!! ฟ้า ทำไมทำกับพี่อย่างนี้ละครับ พี่แซบกว่าไอ้ก้างนี้ตั้งเยอะนะ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะครับคนสวย”
“เชี่ยพี่โอ๊ต ไปไกลๆเลยไป๊ มาวอแวอะไรกับแฟนผม”
“โอ๊ะโอ ดูเหมือนจะมีคนเห่อสถานะใหม่ซะด้วย ไอ้กากเอ๊ย”
“พี่โอ๊ต!”
“ฮ่าๆๆ โอ้ย น่ากลัวๆ พวกหัวรุนแรงแบบนี้ระวังนะฟ้า แล้วจะหาว่าพี่ไม่เตือน ฮ่าๆๆๆ”
ว่าแล้วคุณพี่ท่านก็เดินหนีหายไปในร้านก่อนที่จะโดนไอ้น้องคนสนิทประเคนตีนใส่สะก่อน ต้นได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันหมุบหมับไล่หลังส่วนฟ้าก็ได้แต่ยิ้มอยู่เหมือนเดิม
“ทำไมวันนี้อาหารมาเสิร์ฟช้าจังวะ”
ต้นบ่นอุบก่อนจะหันไปหยิบแก้วน้ำเปล่าของฟ้ามาใส่น้ำแข็งเติมน้ำเปล่าให้ ฟ้าเมียนมองดูคนใจร้อนที่ดูแลเค้าดีเสมอต้นเสมอปลาย
“ใจร้อนจริง”
“ฟ้าหิวไม่ใช่รึไง?”
“ก็หิวแต่ยังพอไหว นี่ก็เวอร์ตลอด”
“ครับๆ เอาที่สบายใจเลยครับ ผมยอมคุณคนเดียวนี่แหละครับคุณแฟน”
“คนอะไร บ้าเห่อจริง”
ต้นไหวไหล่ไม่ยีหละจนฟ้าหัวเราะขำ ไม่นานอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟและต้นก็ทำหน้าที่ได้ดีเช่นทุกครั้ง ฟ้าได้รับการเอาใจดูแลจนแทบจะไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองเลย ถึงแม้มันจะสบายกายแต่ก็ใช่ว่าจะสบายใจไปทั้งหมด
ฟ้ายอมรับว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกในแง่นั้นกับต้น แต่เค้าอยากที่จะรู้สึก อยากที่จะเปลี่ยนแปลงใจตัวเองจึงได้ใช้ความรู้สึกของต้นเป็นตัวฉุดดึง เหมือนเป็นการหลอกใช้ความรักของต้นอยู่กลายๆ ถ้าฟ้ารักต้นได้นั้นก็ถือว่าดีไป แต่ถ้าไม่...เค้าก็จะกลายเป็นคนใจร้ายไปโดยปริยาย
‘คนเลวที่หลอกใช้ความรู้สึกคนอื่นเพื่อตัวเอง’
ฟ้ายิ้มให้กับสิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัว
“ฟ้า”
เจ้าของชื่อหันไปมองยังคนเรียกก่อนที่จะเลิกคิ้วในเชิงถาม
“เหม่ออะไร ง่วงเหรอ?”
ฟ้าส่ายหัว เสียงเพลงสากลในท้วงทำนองของเพลงAll of me ของ John Legend เรียกความสนใจให้ฟ้าได้ไม่น้อย นักร้องที่ขึ้นมาร้องเป็นคนละวงกับเมื่อคืนก่อน วงนี้มีนักร้องชายเพียงคนเดียวแต่เสียงนุ่มมากทีเดียว
“ฟ้าชอบเพลงสากลเหรอ?”
“ไม่รู้สิ แต่ฟังค่อนข้างบ่อย”
“แล้วรู้จักเพลงไทยเพราะๆบ้างไหม?”
ฟ้านิ่งคิดไปนิดก่อนจะพยักหน้ารับ
“งั้นหมดชั่วโมงดนตรีสดเราขึ้นไปร้องเล่นกันดีไหม?”
ฟ้าหันไปมองคนชวนด้วยความฉงน
“ได้เหรอ?”
“หึ ผมนี่ใครครับ”
“อ้าว ตัวเองยังไม่รู้แล้วคนอื่นเค้าจะรู้ไหมละ?”
“กวนวะฟ้า”
“หึหึ”
ฟ้ากับต้นนั่งกินกันไปไม่นานโอ๊ตก็เข้ามาร่วมแจม ที่โอ๊ตไม่ได้มาร่วมแต่แรกเพราะต้องเข้าไปดูบัญชีที่ดองไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางวันที่หายไปเที่ยวมานั้นเอง และแล้วก็หมดช่วงเวลาของวงดนตรีของร้าน ต้นเลยจูงมือฟ้าไปยังเวทีโดยได้รับอนุญาตจากผู้เป็นเจ้าของร้านเรียบร้อยแล้ว แขกเหลื่อมากมายดูท่าจะงงงวยกับการโผล่ขึ้นบนเวทีของสองหนุ่ม คนหนึ่งผิวขาวหน้าหวานผมยาวดำขลำส่วนอีกคนรูปร่างพอกันแต่ดูสูงและหนากว่าผมสั้นทรงโอปป้าเกาหลีบวกกับหน้าตี๋ๆนั้นก็ดูดีใช่ย่อย
“Hi”
ต้นทักทายผ่านไมค์เป็นภาษาอังกฤษเนื่องจากแขกส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติแต่ก็มีคนไทยผสมอยู่ด้วยเป็นประปราย
“Everyone have been listening to Universal Music melodic enough. Therefore, I want to you hear some Thai song.”(ผมคิดว่าพวกคุณคงได้ฟังเพลงสากลเพราะๆกันมามากแล้วเพราะฉะนั้นผมเลยอยากให้คุณได้ฟังเพลงไทยสักเพลง)
ฟ้าที่หยิบกีต้าร์ขึ้นมาเตรียมพร้อมก่อนจะหันไปมองนักร้องจำเป็นที่หันมามองเค้าเช่นกัน
“This is the 'ปล่อย' of 'ป๊อป ปองกูล' invitation to hear it.”
ฟ้าแย้มยิ้มก่อนจะเกากีต้าร์ขึ้นอินโทลเพลงจนเหล่าแขกเหลือเริ่มที่จะยิ้มตามอินโทลที่เพราะพริ้ง นิ้วเรียวยาวเคลื่อนไหวไปตามคอร์ทอย่างลื่นไหลจนต้นยังอดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ เค้าไม่คิดว่าฟ้าจะเล่นกีต้าร์เก่งขนาดนี้
เก็บอารมณ์ เก็บเอาเรื่องราวนั้นทิ้งไป
เก็บเอาแรงที่จะใช้รักใครไว้กับตัวเอง
ดีกว่าเอาไปเสียน้ำตา
ฟ้าเหลียวไปมองยังคนร้องที่เริ่มเปร่งเสียงทุ้มเมื่อถึงช่องจังหวะ ฟ้าเองก็แปลกใจที่ได้ยินเสียงร้องอันแตกต่างจากช่วงเวลาปกติ มันดูดีแต่ทว่า...กลับคล้ายเสียงร้องของใครบางคนอีกด้วย...ดวงตาสดใสเริ่มหม่นขึ้นทั้งที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม
เก็บเอาใจ เก็บเอารักที่ให้เขาไป
เก็บเอาความตั้งใจ
และฝันที่เคยวาดไว้กับเขา
เก็บคืนมาอย่าเปลืองหัวใจ
ฝืนใจเอาหน่อย
ถึงยังรักแต่เขาไม่รัก
เราคงต้องปล่อย
ปล่อยให้เขาไปดีกว่า
มือเรียวยังคงดีดตามปกติแต่ใจกลับจมดิ่งไปตามเนื้อเพลงที่ได้ฟัง ภาพของคนที่รักฝุดขึ้นมาเรื่อยๆดั่งน้ำที่ไหลลงบนพื้นทราย ถึงจะไหลรินไม่ขาดสายแต่มันก็เหือดหายไปในเวลาอันรวดเร็ว
แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี
แล้วใจของเธอจะเปลี่ยนไป
แล้ววันหนึ่งเขาจะหายไป
แม้วันนี้จะยังรู้สึก แม้จะยังคิดถึงเขาอยู่ทุกลมหายใจ
หยาดน้ำตาไหลลงมาจากดวงตามล ฟ้าหยุดมือที่เล่นจนต้นหันไปมอง เค้าลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปสวมกอดฟ้าแนบอกตน
“แล้วมันจะผ่านไปด้วยดี แล้วใจของเธอจะเปลี่ยนไป แล้ววันหนึ่งเขาจะหายไป แม้วันนี้จะยังรู้สึก แม้จะยังคิดถึงเขาอยู่ทุกลมหายใจ...”
เสียงปรบมือดังขึ้นแซงแซ่ ฟ้าเริ่มตั้งสติได้และผละออกจากต้นช้าๆ
“โอเคไหม?”
ฟ้าพยักหน้าให้ ต้นยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปเช็ดหยาดน้ำตาที่เปรอะแก้มเนียน
“ต่อไหม?”
“อืม”
ต้นยิ้มกว้างแล้วหันไปคุยกับแขกนิดหน่อยก่อนจะเริ่มเล่นเพลงกันต่อไป ฟ้ากับต้นร้องเล่นไปกว่าสามสี่เพลงก็หยุด แขกที่ชอบอกชอบใจก็พากันยื่นทิปมาให้จนได้ค่าขนมไปว่าพันบาท
“โหยย๊ะ ได้ทิปเยอะขนาดนี้ท่าจะรุ่งในอาชีพนักร้องนะเนี้ยเรา”
ต้นพูดเมื่อเห็นจำนวนเงินทั้งหมด ตอนนี้เค้าและฟ้ากลับมานั่งดื่มกันต่อที่โต๊ะเดิมแล้ว ฟ้าส่ายหัวขำขันในความขี้เล่นของคนด้านข้างแล้วเลื่อนเงินไปที่ด้านหน้าของต้นทั้งหมด
“อะไรอะ?”
“ก็ให้ต้นไง”
“ไม่เอาอะ ฟ้าเก็บไว้เหอะ”
“เรามานี่เราแทบไม่ได้ออกค่าใช้จ่ายอะไรเลยนะ ต้นเอาไปเถอะคิดซะว่าเพื่อความสบายใจของเรา”
ต้นเงียบไปหลายนาทีแต่ก็ยอมรับไปในที่สุด พวกเค้าเปลี่ยนจากน้ำเปล่าเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอร์เพราะโอ๊ตได้รู้ว่าพวกเค้าทั้งคู่จะกลับกรุงเทพฯพรุ่งนี้เลยอยากที่จะเลี้ยงส่งพร้อมกันเสียงพูดคุยที่สนุกสนาน
จริงๆก็มีแค่ต้นกับโอ๊ตที่ตีกันไปมาให้ฟ้าได้หัวเราะขำขันเสียมากกว่า เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนค่อนคืนฟ้าเลยชวนต้นกลับส่วนโอ๊ตต้องอยู่คุมร้านจนกว่าร้านจะปิดในช่วงตีสอง ต้นขับรถช้าๆอย่างระมัดระวังเพราะเค้าดื่มไปค่อนข้างมากแต่ก็ไม่ถึงกับเมา ฟ้าเองก็ใช่ย่อย
“ฟ้า”
ต้นเอ่ยเรียกฟ้าที่พริ้มหลับคอพับคออ่อนอยู่ด้านข้าง เค้าขับรถมาจอดที่หน้าบ้านและลงไปเปิดประตูก่อนจะกลับมาปลุกคนหลับที่ยังคงอยู่บนรถ ฟ้าขยับตัวนิดหน่อยแต่ก็ยังคงไม่ตื่น ต้นยกยิ้ม ปกติฟ้าจะความรู้สึกไวเค้าปลุกแค่ครั้งเดียวก็ตื่นแต่เพราะวันนี้ดื่มไปค่อนข้างมากฟ้าเลยน่าจะหลับลึกกว่าทุกวัน
“ฟ้าตื่นก่อนครับ”
“อื้อ”
“อือก็ลุกสิ”
“อย่ากวนน่าน้ำ”
เหมือนโดนสายฟ้าฟาดเข้าที่กลางอก ต้นตัวชาว๊าบในขณะที่คนพูดนั้นยังคงไม่รู้สึกตัว ต้นเม้มปากแน่นกลั่นใจปลุกฟ้าอีกรอบแต่ก็ยังคงไม่ตื่นเหมือนเดิม ต้นเลยตัดสินใจขั้นเด็ดขาดโดยการอุ้มฟ้าขึ้นด้วยท่าเจ้าสาว ถึงแม้ฟ้าจะหน้าสวยหวานปานหญิงสาวแต่ฟ้าก็ไม่ได้ร่างบางถึงขนาดที่อุ้มขึ้นแล้วไม่รู้สึกอะไร
แต่ต้นก็ไหว เค้าพาฟ้าขึ้นไปยังห้องวางลงนอนที่เตียงอย่างเบามือแล้วจึงกลับไปล็อครถปิดประตูลงกลอนจนเรียบร้อย ต้นกลับเข้ามาในห้องอีกรอบเค้ายืนจ้องมองดูฟ้าที่หลับสนิทด้วยรอยยิ้มอ่อน ต้นรู้ดีว่าฟ้ายังไม่ได้รักเค้าแต่ถึงอย่างนั้น....เค้าก็ยอมตกหลุมพลางของฟ้าต่อไปเรื่อยๆ
“อื้อออ”
ฟ้าขยับตัวพลิกร่างไปอีกทางจนชายเสื้อเลิกขึ้นจากเอวคอดเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวที่ด้านใน ต้นรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาอย่างกั๊กไม่อยู่ ต้นขยับเข้าไปดึงผ้าห่มขึ้นคลุมแล้วกดปรับแอร์อีกหน่อย เค้านั่งลงข้างๆเตียงเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าขึ้นไปทัดกับหูให้คนที่ยังคงหลับ ต้นนั่งจ้องมองฟ้าอยู่ร่วมนาทีโดยที่ไม่อาจละสายตาไปไหนได้ เค้าพอใจที่จะอยู่อย่างนี้ต่อไป เค้าภูมิใจที่อย่างน้อยก็ได้เป็นตัวเลือกให้ฟ้าหันมาเห็นค่า
ฟ้าขยับตัวอีกครั้งและครั้งนี้ก็ทำให้หัวฟ้าเกือบจะสุดขอบของหมอนหนุน ต้นเลยต้องเข้าไปประคองท้ายทอยของฟ้าขึ้นแล้วขยับหมอนเสียใหม่ เมื่อต้นประคองหัวคนรักลงก็ต้องชะงักไปนิดกับความใกล้ชิดที่ค่อนข้างมากของหน้าเค้ากับฟ้า ต้นเผลอลดตาลงมองริมฝีปากเรียว เค้าละสายตาไม่ได้จนกระทั่งใบหน้าของเค้าค่อยๆเลื่อนเข้าไปใกล้จนริมฝีปากประกบกันพอดี ความอุ่นร้อนภายในอดปะทุขึ้นดังภูเขาไฟที่กำลังระเบิด ต้นจูบเพียงแผ่วเบาอยู่ที่ด้านนอก เค้าไม่อยากรุกล่ำถ้าฟ้าไม่เต็มใจ แต่ทว่ามือของฟ้ากลับยกขึ้นมานวดคลึงที่ท้ายทอยของเค้า ต้นตกใจแต่กลับผละถอนไม่ได้จนสัมผัสได้ถึงลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้ามาในปากเค้าอย่างช้าๆ
ฟ้าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่!?
ต้นโดนฟ้ารุกจนสติกระเจิดกระเจิง ความต้องการภายในกายร้อนระอุจนปวดหนึบ ฟ้าผละปากออกด้วยรอยยิ้มเหยียดและสายตาที่หยาดเยิ้ม ต้นจ้องมองใบหน้าหวานที่ดูยั่วยวนมากเป็นเท่าตัว
“อยากเหรอ?”
ฟ้ากระซิบถามเสียงแผ่วที่ข้างหูจนต้นขนลุกซู่ไปทั้งตัว เสียงหัวเราะคิกคักของคนด้านล่างทำให้ต้นต้องยืดตัวขึ้นอย่างจำยอม เค้าไม่อยากฉวยโอกาสตอนฟ้าเมา
“ฟ้านอนเถอะ เดี๋ยวเราจะไปอาบน้ำ”
“ไม่อยากทำแล้วเหรอ?”
เค้าถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเจอคนตัวบางถามด้วยเสียงอ่อนใบหน้าอ้อนช้อนตามองเข้าไปอีก
“เราไม่อยากเป็นคนฉวยโอกาส”
“ก็ไม่ต้องเป็นสิ เรามีสติแถมตอนนี้ เราเป็นแฟนกันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ต้นรู้สึกใจพองโตที่ได้ยินคำว่าแฟนออกจากปากฟ้า รอยยิ้มพอใจฝุดขึ้นบนใบหน้าจนฟ้ายิ้มกว้างกว่าเดิม ฟ้าเอื้อมมือไปดึงต้นเข้ามาใกล้แล้วยกตัวเข้าหาประกบปากจูบอีกครั้ง คราวนี้ต้นตอบรับเค้าเป็นอย่างดี จากตอนแรกที่ฟ้าคิดว่าต้นไม่ประสานั้นเค้าแทบจะขอคืนคำเพราะลิ้นร้อนที่พริ้วไหวภายในโพรงปากหวานนั้นเคลื่อนไหวอย่างเชี่ยวชาญ ฟ้าเริ่มหอบเมื่อเริ่มหายใจไม่ทันการณ์ ต้นเลยผละปากออกมาแล้วไล่เกลี่ยปลายจมูกสูดดมความหอมของพวงแก้มเนียน จากแก้มไล่ลงไปยังคาง จากคางลงไปยังคอ มือหนาเองก็เคลื่อนไหวไปตามเอวมลและแหวกเข้าภายในสาบเสื้อยืดเนื้อบาง ฟ้าเม้มปากแน่นข่มเสียงจากความร้อนวูบทางกาย
“อึ๊ก!”
ฟ้าหลุดเสียงร้องเมื่อรับรู้ได้ถึงคมเขี้ยวของคนด้านบน
“ขอโทษ เจ็บเหรอ?”
ต้นรีบเงยหน้าขึ้นมาลูบข้างแก้มฟ้าในเชิงปลอบโยน เค้าลุ่มหลงในความหวานตรงหน้าจนหน้ามืดตามัวเผลอกัดต้นคอขาวเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของอย่างกับเด็กๆ ฟ้าส่ายหัว
“ต่อเถอะ”
ต้นยิ้มกว้างแล้วยืดตัวขึ้นถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างไวก่อนที่จะก้มลงไปจุ๊บปากเรียวอีกครั้ง ต้นค่อยๆถอดเสื้อผ้าของฟ้าออกทีละชิ้นสลับกับเรียวปากที่ก้มลงดูดไล่ไปทุกจุด รอยแดงปรากฎอยู่ทั่วร่างเพราะผิวขาวของฟ้านั้นขึ้นสีง่าย เมื่อต้นได้มองร่างกายที่เปลือยเปล่าของฟ้าใจที่ลิงโลดอยู่แล้วกลับยิ่งกระหน่ำหนักกว่าเดิม ความต้องการที่ปวดฉุนั้นแทบจะทนไม่ไหว ต้นจับขาเรียวขึ้นมาพาดบ่าแล้วกัดเข้าที่ต้นขาขาวเบาๆพอให้ฟ้าได้ซี๊ดปากเล่นๆ
“ต้น”
“หืม?”
“มีถุงยางไหม?”
ต้นหยุดชะงัก เค้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย
“หึ ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น เรามีอยู่ในกระเป๋าตังค์ ไปเอาสิ”
ต้นพยักหน้าแล้วเอี้ยวตัวไปหยิบกางเกงของฟ้ามาหยิบกระเป๋าตังค์ พอเปิดออกเค้าก็เจอเข้ากับภาพเด็กผู้ชายสองคนกอดคอแล้วยิ้มกว้างให้กับกล้องเป้นอย่างแรก ต้นพอมองออกว่าหนึ่งในนั้นคือฟ้า แต่อีกคน....ใคร?....
“เจอไหม?”
“เจอๆ”
ต้นรีบหาสิ่งที่ต้องการแล้ววางกระเป๋าไว้ที่หมอนหนุนอีกใบ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยต้นจึงเริ่มลาดน้ำมันใส่กองไฟอีกครั้ง ฟ้าทั้งเร้าร้อนและยั่วยวนจนต้นตาพล่า เค้าโหมกระหน่ำกายใส่คนด้านล่างจนเตียงไหวคลอนดังเอี๊ยดอ๊าดผสมผสานกับเสียงครางหวานของคนตรงหน้า ฟ้าบิดเร้าร่างกายตามแรงที่สาดใส่จนแทบหลอมละลาย ต้นยัดเยียดความรู้สึกของตนผ่านการโหมกระหน่ำในแต่ละครั้ง มันมากมาย มันหนักแน่น มันลึกซึ้งจนแทบทนไม่ไหว ฟ้ากวาดมือไปดึงทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับย้น พอดีกับจังหวะที่โหมแรงทำให้มือเค้าไปโดนหมอนและกระเป๋าที่อยู่ด้านบนได้ตกลงมา ฟ้าหันไปมองกระเป๋าตนที่เปิดอ้าจนเห็นภาพเด็กชายด้านใน น้ำตาของเค้าไหลลงจากหางตาพร้อมๆกับจังหวะที่รุนแรงในเฮือกสุดท้าย ฟ้าครางลั่นเมื่อความต้องการได้ถูกปลดปล่อยออกมาในที่สุด ต้นเองก็หอบหายใจหนักๆแล้วล้มตัวลงมานอนซบอยู่ที่ลาดไหล่ขาว
“ต้นรักฟ้านะครับ”
ฟ้าร้องไห้อย่างเงียบเชียบ เค้านึกขอบคุณที่ภายในห้องมืดสนิทและความเหนื่อยได้ทำให้เค้าหลับลงอย่างรวดเร็ว
TBC....
เลือกสงสารใครดีน้อ
-
เห้อออออ สงสารทุกคน แต่ฟ้าน่าสงสารที่สุด
-
ชอบมากกกกกกกกกกกกก สงสารฟ้า เราว่าน่ำอาจจะรู้สึกกลัวถูกลดความสัมพันธ์แค่นั้น :monkeysad: :sad11: มาต่อเร็วๆนะคะ อยากอ่านตอนกลับกทม.แล้ว
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :pig4: :pig4:
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
16
คีย์เดินดุ่มๆเข้าตึกเรียนหลังจากที่พี่ครีมมาส่งเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว จริงๆก็ใช่ว่าเค้าจะขับรถไม่ได้เพียงแค่ไม่อยากขับ เห็นการจราจรเมืองหลวงของประเทศแล้วถอนหายใจสิบเฮือกยังน้อยไปต่อการติดไฟแดงเพียงแยกเดียว สาหัสสากันขนาดนั้นแต่สถิติการซื้อรถใหม่ของคนไทยก็พุ่งขึ้นทุกปี ไม่เข้าใจว่าจะออกกันมาทำไมนักหนาแล้วก็มาบ่นรถติดงั้นติดงี้ เหอะ
“อ้าว”
คีย์อุทานเบาๆเมื่อเห็นเพื่อนร่วมก๊วนต่างคณะนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะในโถงของตึก ที่ตีหน้าเครียดมีแค่น้ำเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละส่วนเคนก็จิ้มโทรศัพท์ในมือจึ๊กๆไม่สนใจใครอยู่ข้างๆ
“มาทำไรคณะเราอะ?”
เวลาอารมณ์ดีๆคีย์มักจะใช้สรรพนามเหมือนฟ้า คือการแทนตัวว่าเรา ทั้งที่คนที่พูดเพราะเป็นปกติอย่างฟ้านั้นไม่ค่อยจะสังเกตสักเท่าไหร่ ทั้งเคนและน้ำเองก็ติดเหมือนกัน แต่ติดไปพูดกับฟ้าเท่านั้นส่วนเวลาคุยกันเองก็กูๆมึงๆตามประสาชายโฉด
“มารอฟ้า”
น้ำเป็นคนตอบโดยที่มีเคนพยักหน้าหงึดหงักรับอยู่ข้างๆ คีย์เกือบสำลักน้ำลายตัวเอง เค้านะรู้แล้วว่าฟ้าอยู่ไหนเพราะได้ติดต่อผ่านต้นเมื่อคืนจนฟ้ามาคุยเองในที่สุด เมื่อประเด็นหลักอย่างการหายตัวไปของฟ้าคลายปมประเด็นรองที่เหลือคือพวกที่ยังไม่รู้นี่สินะ
คีย์นิ่งคิดไม่นานก็ถอนหายใจ เค้ารู้และเข้าใจฟ้ามากที่สุดทั้งๆคนที่น่าจะเข้าใจน่าจะเป็นน้ำที่โตด้วยกันมา บอกตาตรงว่าแรกๆคีย์ก็ไม่ค่อยชอบหน้าน้ำสักเท่าไหร่ ขี้เก๊กที่หนึ่ง ชอบทำตัวเหมือนตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลกยิ่งได้มารู้ความจริงเรื่องที่ฟ้าแอบรักน้ำเค้ายิ่งนึกฉุนแทนฟ้า แต่จะทำไงได้ในเมื่อฟ้าขอร้องไว้ ฟ้าอยากให้เพื่อนที่ฟ้าสนิทได้สนิทสนมกันตามประสาคนจิตใจดี คีย์เลยยอมๆไปจนผ่านมายันปัจจุบัน
“ไอ้คีย์”
“อะไร?”
คีย์หันมาหาคนเรียกแล้วก็เห็นว่าดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเฉียบเย็นนั้นจ้องอยู่ก่อนแล้ว ไอ้นี่เวลานิ่งตามันจะดุมากแต่ถ้ามองฟ้าแล้วอย่างกับคนละคน
“ฟ้าไม่ได้ติดต่อมาเลยเหรอวะ?”
คีย์ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ก็ไม่ได้ติดต่อมาจริงๆนี่มีแต่เป็นเค้าที่ติดต่อไปแถมยังได้คุยแล้วด้วย เค้าไม่ได้โกหกนะ
“เฮ้ย~”
น้ำถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันไปมองยังทางเข้าทั้งสองทางสลับกันไปมา คีย์นึกใจอ่อนแต่ก็ยังคงปิดปากเงียบ เค้าวางกระเป๋าแล้วทรุกตัวลงนั่งตรงข้ามเพื่อนทั้งสองคน
“พวกมึงกลับไปเหอะ มารออยู่อย่างนี้แล้วถ้าไอ้ฟ้าไม่มาพวกมึงก็ขาดเรียนฟรีๆเลยนะเว้ย”
คีย์พยายามหว่านล้อมให้น้ำล่าถอยแต่น้ำยังคงส่ายหัวปฎิเสธ
“ฟ้าไม่ชอบขาดเรียน เรารู้”
“มึงคิดว่ามันอุสาหายไปแบบนั้นแล้วจะยังโผล่มาให้มึงเจอง่ายๆอยู่เหรอ?”
น้ำถึงกระชะงัก ดวงตาดุนั่นเมียนมองลงล่างก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกที
“แต่กูคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆวะคีย์ กูรวนไปหมดแล้วเนี้ย”
“งั้นก็ไปพัก”
“ไม่ได้ ตราบใดที่ไม่เจอฟ้าใจมันไม่สงบยังไงก็พักไม่ได้”
คีย์ถึงกับถอนหายใจเนืองๆบทจะดีมันก็ดีแต่เวลาร้ายมันก็ไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรเลย
“ฟ้าไม่มาหรอกน่า”
น้ำหันควับมามองคีย์ทันทีที่คีย์พูดจบ
“หมายความว่ายังไงวะ?”
“วันนี้ฟ้ามันลา จริงๆมันก็ขอลาสามวันด้วยซ้ำ”
“ทำไมมึงรู้ มึงติดต่อฟ้าได้แล้วเหรอวะ!?”
น้ำแทบจะกระโจนเข้าไปเขย่าคีย์เพื่อเค้นเอาคำตอบแต่ดีที่ยังมีโต๊ะคั่นกลางระหว่างพวกเค้าอยู่ คีย์กรอกตาเนืองๆแล้วพยักหน้ารับ
“ฟ้าอยู่ไหน!? คีย์ฟ้าอยู่ไหน!?! บอกเรามานะว่าฟ้าอยู่ไหน!!?!!”
“ใจเย็นๆดิไอ้น้ำ คนมองหมดแล้ว”
“ช่างมัน มึงบอกกูมาว่าฟ้าอยู่ไหน!?!”
“ก่อนที่กูจะบอกมึง มึงต้องตอบคำถามกูก่อน”
“ว่ามาเลย”
“ถ้ากูบอกไปว่าฟ้าอยู่ที่ไหนแล้วมึงจะทำยังไงต่อไป?”
“ก็ไปหาสิวะ”
“ไปทำไม มึงไม่คิดบ้างเหรอว่ามันหนีไปอาจเป็นเพราะมันไม่อยากเจอมึง?”
น้ำถึงกับสะอึก แววตาเฉี่ยวนั้นวูบไหวไปชั่วขณะ
“แต่กูอยากขอโทษฟ้า”
“ขอโทษไปแล้วไอ้อะไรวะ! ไอ้ฟ้ามันเสียใจไปแล้ว!!”
“เห้ยๆคีย์ มึงใจเย็น จะว่าไอ้น้ำคนเดียวก็ไม่ถูกนะเว้ย ได้ข่าวว่าฟ้ามันก็สมยอม ถึงจะไม่เต็มใจแต่มันก็ยอมไปแล้ว และอีกอย่างเรื่องที่มันควงคนไม่ซ้ำหน้านั้นก็เป็นความจริงแล้วมันจะมาเสียใจห่าอะไรกับอีแค่ได้กับไอ้น้ำครั้งเดียววะ?”
เคนที่ทนฟังมาสักพักถือโอกาสพูดแทรกขึ้นมาบ้าง ถึงแม้เค้าจะรู้เรื่องหลังคนอื่นแต่ด้วยความที่เค้าช่างสังเกตพอตัวจึงไม่ค่อยจะแปลกใจสักเท่าไหร่ เค้ายังเผลอคิดเลยด้วยซ้ำว่าสองคนนี้ต้องมีซัมติงกัน
“แต่ไอ้ฟ้ามัน…ช่างเถอะ เอาเป็นว่าถ้าไอ้ฟ้ากลับมากูขอให้มึงอย่าทำแบบนี้กับมันอีกนะน้ำ แล้วมันจะไปอะไรยังไงกับใครมึงก็ไม่ต้องไปยุ่ง แต่ก่อนมึงก็ไม่เห็นจะเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลยนี่?”
“กูก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่กูไม่ชอบไอ้เหี้ยนั้น”
“ต้นมันเป็นคนดี เรายืนยันได้”
น้ำชะงัก
“ปล่อยให้ฟ้ามันไปเจอกับความรัก…(ครั้งใหม่)…บ้างเหอะวะน้ำ นั้นมันเพื่อนรักมึงไม่ใช่เหรอวะ”
น้ำได้แต่เงียบฟังนิ่งๆ ดวงตากล้าฉายแววสับสนและสั่นไหวแต่ทว่าไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะน้ำเอาแต่ก้มลงมองดูมือตัวเอง มือข้างที่เผลอทำร้ายฟ้า
“ถ้ามึงรู้สึกผิดมึงก็อย่าทำให้ฟ้ามันลำบากใจอีก กูขอแค่นี้ได้ไหมวะ?”
น้ำไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธ เค้าไม่กล้ารับปากว่าจะไม่ทำให้ฟ้าลำบากใจอีก
“กูไปเรียนละ”
คีย์ถอนหายใจกับความดื้อรั้นของน้ำก่อนจะพูดแล้วลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวดิ แล้วฟ้าอยู่ไหน? มึงยังไม่บอกกูเลยนะคีย์”
“ทะเล”
“ห่ะ?”
“ฟ้ามันไปทะเล แต่จะทะเลที่ไหนกูไม่บอกนะ รู้ไว้แค่ว่ามันสบายดีและอีกสามวันถึงจะกลับมา…ไปละ”
คีย์พูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปขึ้นลิฟท์ของตึกทันที เคนมองตามจนสุดสายตาส่วนน้ำนั้นกำลังครุ่นคิดถึงข้อมูลที่ได้มาใหม่
“เอาไงต่อดีละทีนี้”
เคนพูดถามเสียงแผ่ว เค้าเดาใจน้ำไม่ออกเลยสักนิด อย่าว่าแต่น้ำเลย ตอนนี้เค้าแทบเดาใจใครไม่ออกสักคน ทุกสิ่งอย่างมันดูแปลผันไปหมดเหมือนความสัมพันธ์ตลอดปีกว่าๆที่ผ่านมามันเป็นเหมือนความฝัน
“กู…อยากไปตามหาฟ้า”
“แล้วมึงรู้เหรอว่าจะไปตามที่ไหน? ทะเลเมืองไทยมันมีน้อยซะเมื่อไหร่ละ?”
น้ำจำได้ว่าฟ้าไม่เคยไปทะเลเลยนอกจากที่ไปกับครอบครัวเค้าเพียงสองครับ แน่นอนว่านอกจากนั้นก็มีไปเที่ยวตามเข้าบ้างแต่ก็ไปพร้อมตนเองตลอด ถ้าเป็นทะเลที่ฟ้าคุ้นกะคงจะหนีไม่พ้นหัวหิน
“เงียบเลย กลับตึกเหอะวะ เดี๋ยวต้องเข้าเรียนในอีกสิบนาทีนี้แล้วนะ”
“กูฝากมึงลาเรียนให้กูหน่อยดิไอ้เคน”
“เห้ย มึงรู้เหรอว่าไอ้ฟ้ามันอยู่ไหน?”
“กูพอจะเดาๆได้แต่ไม่ชัวร์เท่าไหร่”
“แล้วมึงจะไปตายเอาดาบหน้าอะนะ?”
“เออ ยังดีกว่าอยู่เฉยๆแล้วใจไม่สงบ แยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน ไปนะ”
“เออๆ มีอะไรโทรบอกกูด้วยละจะได้ช่วยๆกัน”
“อืม”
ว่าแล้วน้ำก็รีบเดินไวๆไปยังที่จอดรถจนไปขึ้นรถของตัวเองในที่สุด เค้าเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าออกสู่ถนนใหญ่และเตรียมจะออกจากกรุงเทพฯทันทีโดยที่ไม่ได้บอกใคร คนที่รู้มีเพียงเคนเท่านั้น น้ำลองกดโทรศัพท์โทรออกไปด้วยแต่ปลายสายก็ยังคงติดต่อไม่ได้เช่นเดิม น้ำหงุดหงิดพอสมควรแต่ดีหน่อยที่การจราจรไม่ค่อยหนาแน่นจึงทำให้เค้าไม่อาการแย่ไปกว่านี้ น้ำขับรถถึงหัวหินในช่วงสายเกือบจะเที่ยงวัน แดดร้อนๆที่ส่องแสงเปรี้ยงป้างนั่นทำให้เค้าต้องคลายเนคไทปลดกระดุมเสื้อลงอีกสองเม็ดด้วยความร้อนก่อนจะหยิบแว่นขึ้นมาใส่ น้ำก้าวลงจากรถทันทีที่มาถึงรีสอร์ทชื่อดังที่เค้าและครอบครัวเคยมาพักอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ผู้คนมากมายที่เดินเหินกันไปมาจะจ้องเค้าตาไม่กระพริบแต่น้ำก็ไม่คิดจะสนใจ ตอนนี้เค้าต้องการที่จะเจอแค่คนๆเดียวเท่านั้น
“####รีสอร์ทสวัสดีค่ะ มีอะไรให้ทางเรารับใช้ค่ะ?”
พนักงานรีเซ็ปชั่นหน้าสวยเอ่ยทักทายพลางพนมมือไหว้ต้อนรับแขกอย่างมีมารยาท
“ผมมาหาคนที่ชื่อนภนท์ สถิตานนท์ครับ รบกวนเรียกเค้ามาพบผมหน่อย”
“รอสักครู่นะค่ะ”
รีเซ็ปชั่นสาวหันกลับไปเช็ครายชื่อที่คอมฯยิกๆไม่เกินสิบนาทีก็ลุกขึ้นมาคุยกับน้ำต่อ
“ทางรีสอร์ทไม่มีลูกค้าตามชื่อให้มาเลยคะ ไม่ทราบว่ามีข้อผิดพลาดอะไรรึเปล่าค่ะ?”
“ไม่มีชื่อเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ”
น้ำเม้มปากแน่น
“งั้นคงจำที่ผิด ขอบคุณมากนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
น้ำหันกลับออกมาขึ้นรถตัวเองสตาร์ทแต่ยังไม่ออกตัว เค้าทุบกำปั้นใส่พวกมาลัยไปครั้งเพื่อระบายอารมณ์ผิดหวัง ถ้าไม่มาที่นี้ งั้นจะไปอยู่ที่ไหน รีสอร์ทที่พักก็ตั้งมากมาย
“โถ่เว้ย!”
น้ำฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยเพื่อสงบสติอารมณ์และครุ่นคิด ถ้าเป็นตัวเอง ถ้าเป็นตัวเค้าเองเวลาเครียดๆมักจะไปที่ไหน ไม่ใช่สิต้องเป็นเวลาเสียใจ ในเมื่อเลือกที่จะมาทะเลก็ต้องอยากเห็นทะเล คนอินดี้อย่างฟ้าน่าจะมีฟิลนั่งกินลมชมพระอาทิตย์ตกเพื่อสงบจิตสงบใจตัวเองสินะ งั้นที่พักก็น่าจะเป็นสักที่ที่ติดหาด
พอได้บทสรุปน้ำจึงออกรถแล้วเทียวถามแต่ละที่ที่มีพื้นที่ติดหาดไล่ตั้งแต่ต้นไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะที่พักขนาดไหนเค้าก็แวะให้หมดแต่ก็ยังไม่พบเลยแม้แต่เงา น้ำไล่ไปจนครบก็ตกเย็นย้ำเข้าให้แล้วถ้าจะหาต่อก็ต้องเป็นที่ๆเลยจากหาดไปอีก
แต่ทำไมเค้าเริ่มท้อซะแล้วละ
น้ำใจเสียทุกครั้งที่ได้รับคำตอบว่าไม่มีคนชื่อนี้มาพักตั้งแต่วันยันค่ำ มันบันทอนจิตใจจนไม่อยากจะลุยต่อทั้งๆที่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ ยังไงเค้าก็ต้องหาฟ้าให้เจอ
ครืน ครืน
เสียงการสั่นของโทรศัพท์ที่เค้าวางไว้เบาะด้านข้างเรียกความสนใจของเค้าให้หันไปหา จากที่เคยหวังว่าฟ้าจะติดต่อมาบัดนี้เค้าแทบจะเลิกหวัง และก็เป็นไปตามนั้น คนที่โทรมาไม่ใช่ฟ้าแต่เป็นแม่ของเค้าเอง
“ครับแม่”
/น้ำอยู่ไหนจ้ะ แม่มาหาที่คอนโดก็ไม่อยู่กันทั้งคู่เลย?/
“ผมอยู่…มหาลัยครับ กำลังประชุมโปรเจ็ตงานกับเพื่อนๆอยู่”
/อ้าวเหรอจ้ะ งั้นแม่ไม่กวนแล้วละกัน แม่แค่มาแถวนี้เลยแวะเอาขนมปังเจ้าดังมาให้นะจ้ะ ถ้าไม่อยู่กันแบบนี้ก็อดไปแล้วกัน/
“หึ ขอบคุณครับแม่”
/เสียงเหนื่อยๆนะตาน้ำ พักบ้างก็ได้นะลูก/
เค้าอยากจะตอบนักว่าเหนื่อยแค่ไหนก็ไม่สามารถที่จะพักได้ แม้แต่จะหลับตาลงเค้ายังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมแต่ทุกครั้งที่หลับตาภาพในช่วงเวลาที่เค้าทำกับฟ้ามันจะฉายชัดขึ้นมาเรื่อยๆ เหมือนมาคอยตอกย้ำว่าวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งน้ำเสียงกึ่งร้องครางกึ่งร้องห้าม ทั้งแววตาที่หวานเยิ้มและรื้อน้ำ ทั้งสีหน้าที่เค้าไม่เคยเห็น ทั้งรูปร่างที่บิดเร้า ทุกอย่างมันยังเด่นชัดอยู่ทุกนาที
/น้ำ?/
“อ๊ะ ครับ”
/หนักแล้วลูกแม่ กลับมาพักเถอะลูก ถ้าไม่เร่งก็อย่าพึ่งทำ/
“ครับแม่”
/อยู่กับหนูฟ้าก็ดูแลกันนะลูก ไม่ใช่เอาแต่ใจใส่เค้าอย่างเดียว/
“ผมดูเป็นอย่างนั้นเหรอแม่?”
/น้อยซะเมื่อไหร่ละ อยู่กับหนูฟ้าทีไรเราชอบทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตซักที ชอบอ้อนก็เท่านั้น พอหนูฟ้าขัดเข้าหน่อยนี่แทบจะองค์ลง แม่ละเพลียแทนหนูฟ้าจริงๆ/
“แม่ครับ ที่พูดนะใช่ผมแน่เหรอ?”
/หึ ไม่รู้สึกตัวเลยรึไงเรา/
“ก็….”
/เอาเถอะ โตจนป่านนี้แล้วก็น่าจะคิดเองได้แล้วนะ แม่วางละเดี๋ยวจะขับรถแล้ว/
“ครับแม่ ขับรถระวังด้วยนะ”
/จ้า/
น้ำถือโทรศัพท์ค้างพลางจ้องมองมันเขม่ง ถึงแม้ผู้เป็นแม่จะวางสายไปได้สักพักแล้วแต่เค้าก็ยังคงนึกถึงคำพูดของแม่อยู่ในหัวทุกถ้อยคำ โดยเฉพาะความจริงที่พึ่งรู้เวลาที่เค้าอยู่กับฟ้า
น้ำปลดล็อคโทรศัพท์แล้วต่อสายหาเพื่อนอย่างเคนทันที ไม่นานปลายสายก็รับน้ำเสียงดูร้อนรนตื่นเต้นพอตัวทีเดียว
/ไงมึง เจอไอ้ฟ้าแล้วใช่ไหมวะ!?/
“เปล่า ยังไม่เจอ”
/อ้าว แล้วนี่มึงอยู่ไหน? กลับมาถึงกรุงเทพฯรึยัง?/
“กูว่าจะค้างที่นี้ พรุ่งนี้ฝากลาให้อีกวันหนึ่งด้วยนะ”
/ได้ ไม่มีปัญหา/
“เคน”
/อะไรวะ เสียงเครียดชิปหาย มึงพักบ้างก็ได้นะเว้ย เดี๋ยวเส้นเลือดในสมองแตกตายก่อนเจอหน้าไอ้ฟ้าไม่รู้ด้วยนะ/
น้ำยิ้มน้อยๆให้กับความเป็นห่วงที่ปนแช่งมากลายๆ
“เออน่า กูยังอยู่จองเวรจองกรรมกับมึงอีกนาน มึงเลิกพล่ามแล้วฟังกูถามก่อนดิวะ?”
/เออๆ ว่ามา/
“มึงคิดว่าตอนกูอยู่กับฟ้ามันแตกต่างจากตอนกูอยู่กับมึงไหมวะ?”
/มากอะสัส โคตรจะแตกต่าง แต่กูก็เข้าใจนะเพราะมึงกับฟ้ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กส่วนกูพึ่งรู้จักแค่ปีกว่าๆ/
“ขอละเอียดกว่านั้นดิ ประมาณว่าแตกต่างยังไงงี้อะ?”
/ก็อย่างเช่นเวลามึงหิวปุ๊บ มึงจะคิดถึงมันก่อนเลย พอคิดถึงก็ไลน์นัดไปหาอะไรกินพร้อมกันไม่ว่ามันจะอยู่ไหนหรือจะไกลจากมึงขนาดไหน ถ้าเป็นกู มึงไม่มีทางมาทนรอกินพร้อมกูหรอกแล้วกูก็ไม่ทนไปกินข้าวกับมึงในขณะที่ตัวเองมีเวลาพักเที่ยงไม่ถึงชั่วโมงแบบนั้นด้วย หรือเรื่องที่มึงพกยางรัดผมไว้เผื่อมันตลอดเวลานั้นก็ด้วย เยอะวะ กูขี้เกียจไล่เลยเนี้ย/
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”
/เออดิ ถ้าไม่ใช่เพื่อนกันกูคงคิดว่าเป็นแฟนกันไปแล้ว แต่ก็นะอย่างที่รู้ๆว่ามึงกับมันก็มั่วไปเรื่อยไม่เห็นจะจริงจังกับใครเหมือนๆกันแบบนี้ คงไม่มีทางมาบรรจบกันหรอกมั่ง/
น้ำนิ่งเงียบให้กับสิ่งที่ได้ฟังและยืนยันบางอย่างภายในหัวของเค้า นี่เค้าทำกับฟ้าแบบนั้นมาโดยตลอดเลยเหรอเนี้ย
/ไอ้น้ำ/
“เออๆ”
/เงียบไอ้ห่า แล้วมึงถามเรื่องนี้ทำไมวะ?/
“แค่ตอกย้ำอะไรบางอย่างนะ”
/ใจมึงนะเหรอ?/
น้ำเสียงเหมือนคนกลั่นหัวเราะถามกลับจนน้ำหมุนหัวคิ้ว
“ทำไมมึงคิดงั้นวะ?”
/กูก็แค่เดา ถ้ามันจะเป็นจริงกูก็เอาใจช่วยนะ ยังไงกูก็รับพวกมึงได้เสมอแหละ/
“มึงหมายความว่ายังไง?”
/มึงรู้ด้วยตัวเองจะดีกว่านะกูว่า/
“………..”
/หมดคำถามแล้วใช่ไหม กูจะได้ว่าง พอดีว่าจะออกไปหาสาววะ โทษทีเพื่อน/
“ไอ้สัส จะไปไหนก็ไปเลย”
/หึหึ ตามหาให้เจอนะครับ หัวใจของตัวเองนะ/
พูดจบเคนก็วางสายปั๊บปล่อยให้คนโทรหาหน้านิ้วคิ้วขมวดอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ที่มีเพียงประวัติการโทร
หัวใจของเค้า…ฟ้านะเหรอ…นี่มันเรื่องจริงเหรอ….
Tbc…
อีกคนกำลังถอยส่วนอีกคนก็พึ่งจะวิ่งเข้าหา เอาเข้าไปสิ :sad4:
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
17
ฟ้ากลับมาถึงคอนโดในช่วงบ่ายของวัน จริงๆเค้ากับต้นก็พากันออกมาจากพัทยาตั้งแต่เช้าแล้วแต่มีการแวะนู้นแวะนี่อยู่เรื่อยๆกว่าจะถึงกรุงเทพฯก็ตกบ่ายอย่างที่เห็น ฟ้าขับรถตัวเองที่จอดไว้ที่หอต้นกลับมา เค้ามองไปยังล็อคข้างๆที่ยังคงว่างก็เบาใจ เบนซ์สีเทาควันบุหรี่ไม่อยู่นั้นหมายความว่าน้ำไม่อยู่เช่นเดียวกัน ถึงแม้ตัวฟ้าเองจะเตรียมตัวเตรียมใจตั้งรับการเผชิญหน้าไว้แล้วแต่เอาเข้าจริงมันก็ยังหวั่นอยู่ไม่น้อย ฟ้าเดินเข้าตึกกดลิฟท์ไม่นานก็ขึ้นมาจนถึงห้อง เค้าจับลูกบิดด้วยอาการสั่นเล็กน้อย ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าใครอีกคนคงไม่อยู่
แต่ถ้าอยู่ละ
ถ้ารถจอดอยู่ที่อื่นแล้วตัวคนยังคงอยู่ละ
ใจเย็นๆน่าไอ้ฟ้า แกต้องทำเหมือนปกติ แค่ทำเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอดสิบปี
ฟ้าบิดลูกบิดแล้วผลักบานประตูเข้าไปยังด้านใน ภายในห้องเงียบสงัดและมืดสลัว ฟ้าเผลอถอนหายในเมื่อเห็นอย่างนั้น เค้าถอดรองเท้าแล้วเอาเก็บที่ตู้แล้วจึงเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อรินน้ำดื่มก่อนจะเดินเข้าห้องนอนใหญ่ของตน
ฟ้ามองดูห้องที่ถูกทำความสะอาดและเปลี่ยนชุดที่นอนให้ใหม่อย่างเรียบร้อย น้ำทำให้อย่างนั้นเหรอ ฟ้ายกยิ้มที่มุมปากเมื่อคิดถึงภาพเพื่อนตัวโตที่ออกจะคุณหนูแต่มาเปลี่ยนชุดที่นอนให้เค้าแล้วก็อดขำไม่ได้ ปกติน้ำทำซะที่ไหนละ ขนาดอาหารใส่ท้องตัวเองยังนานๆทีถึงจะทำ
ฟ้าส่ายหัวไล่ความคิดที่เริ่มจะวนกลับไปหาคนที่ไม่ควรคิดถึงเมื่อคิดจะตัดใจแล้วเดินไปล้มตัวลงนอน มือเรียวควานหารีโมตแอร์แล้วจึงกดเปิด ความเย็นพัดผ่านทำให้ห้องดูน่าอยู่มากขึ้น ฟ้าลุกไปเปิดม่านแล้วจึงกลับมาล้มตัวลงนอนใหม่อีกรอบและรอบนี้ทำให้เค้าหลับลึกในที่สุด
ฟ้ามารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่สะดุ้งตื่นเพราะมีใครบางคนโถมตัวใส่เข้าเสียเต็มแรง เค้าพยายามเพ่งมองฝ่าความมืดภายในห้องจนได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยเค้าจึงแน่ชัดว่าเป็นใคร
“น้ำปล่อย ตัวโตอย่างกับควายยังกล้าโถมตัวลงมาได้ ไม่กลัวเรากระดูกหักรึไงห่ะ”
น้ำชะงักก่อนจะค่อยๆคลายกอดแล้วเลือนตัวออกจนสบตากับฟ้าในที่สุด ถึงแม้ภายในห้องจะมืดมิดเพราะเป็นช่วงเวลาค่ำแถมยังไม่ได้เปิดไฟแต่คนทั้งคู่กลับมองเห็นแววตาของกันและกันได้อย่างชัดเจน
“ขอโทษ”
เสียงน้ำที่สั่นไหวและแผ่วเบาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในที่สุด ฟ้ารู้สึกวูบในอกที่ได้ยินแต่ก็ต้องเก็บงำอาการเอาไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ
“เรื่อง?”
“ที่เราทำไปก่อนหน้านี้…ทั้งหมดเลย”
“รู้ว่าผิดก็อย่าทำอีก แต่ตอนนี้ช่วยลุกออกไปก่อนได้ไหม หนัก!”
น้ำยอมล่าถอยโดยการลุกไปยืนอยู่ข้างๆเตียง ฟ้ายันตัวลุกขึ้นนั่งมองไปยังบานกระจกระเบียงจนเห็นว่าภายนอกท้องฟ้ามืดซะแล้ว นี่เค้าหลับยาวมาตั้งแต่บ่ายสองเลยเหรอเนี้ย
“ตอนนี้กี่โมง?”
“ทุ่มครึ่ง”
ฟ้าพยักหน้าแล้วเดินไปเปิดไปจนภายในห้องสว่างจ้า และเมื่อหันไปมองใครอีกคนเค้าก็ต้องขมวดคิ้ว
“น้ำไปทำอะไรมาทำไมโทรมงี้ละ?”
ฟ้าพูดพร้อมกับเดินตรงมายังน้ำที่ยังคงตีหน้าสลดหูลู่หางตกอยู่ที่เดิม ถึงจะดีใจที่ฟ้ากลับมาถึงจะดีใจที่เห็นฟ้ายังคงห่วงแต่ทุกสิ่งอย่างนั้นยิ่งตกย้ำว่าเค้าได้ทำร้ายคนที่ดีกับตัวเองขนาดนี้ ทำร้ายคนที่คอยดูแลคอยห่วงใยเค้ามากมายไม่แพ้พ่อแม่ของเค้าเลย ฟ้าเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในครอบครัวแต่เค้ากลับทำให้ฟ้าเสียใจถึงขนาดต้องหนี
น้ำปวดหนึบในอกจนต้องโน้มตัวลงไปกอดร่างบางของฟ้า ใบหน้าเข้มที่เริ่มมีหนวดเคลาขึ้นเป็นตอซบลงที่ลาดไหล่ ฟ้านิ่งงั้น มือที่เคยจับหน้าเพื่อนตัวสูงยังคงยกค้าง
“ขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้เสียใจแต่อย่าทิ้งเราไปอีกได้ไหม ฟ้าอย่าทิ้งน้ำอีกได้ไหม…นะครับ”
เสียงออดอ้อนนั้นทำให้คนฟังน้ำตาเอ่อคลอ ฟ้าเม้มปากแน่น มือทั้งสองทิ้งตัวลงด้านข้างไม่ได้กอดปลอบ ไม่ได้สัมผัสใครอีกคนที่กำลังกอดเค้าแน่น
“น้ำ”
“ครับ”
“ปล่อยเถอะ เราอึดอัด”
“ไม่ เราไม่ปล่อยจนกว่าฟ้าจะรับปาก”
“เราก็ไม่ได้ทิ้งน้ำนี่ เราก็แค่หนีเที่ยวไปตามประสา”
“แล้วทำไม่ต้องตัดขาดการติดต่อจากทุกคน?”
“เราก็มีช่วงเวลาที่อยากอยู่คนเดียวบ้างนะน้ำ และตอนนี้เราเริ่มหิวแล้ว ถ้าไม่ปล่อยเราถีบจริงๆด้วยนะ”
น้ำเผลอยกยิ้มเมื่อสิ่งที่ฟ้าพูดมันค้านกับสภาพความเป็นจริงมากถึงขนาดไหน ตัวก็เล็กกว่าแถมยังอยู่ในอ้อมกอดของเค้าอีก แบบนี้จะถีบเค้าได้ยังไงกันละ
น้ำผละตัวคลายอ้อมกอดช้าๆพอดีกับที่เส้นผมยาวหลุดจากการทัดหูลงมาปิดกรอบหน้าเค้าเลยล้วงหยิบยางรัดผมสีดำออกมาจากกระเป๋า
“เดี๋ยวมัดผมให้”
ฟ้าจ้องหน้าสบตากับน้ำแป๊บๆแล้วพยักหน้าให้ น้ำยิ้มกว้าง เค้ารู้ว่าฟ้าไม่ชอบรัดผมแต่ถ้าเค้าบอกจะรัดให้ฟ้าก็ไม่เคยขัด ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วทำไมถึงพึ่งจะมาสังเกตเห็นเอาตอนนี้ละ
น้ำรวบเส้นผมสีดำลื่นมือไปยังด้านหลังโดยที่พวกตัวเค้ายังคงหันหน้าเข้าหากัน กลิ่นน้ำหอมจางๆจากตัวน้ำทำให้ฟ้าหน้าแดงก่ำแบะใจเต้นแรง เค้าภาวนาเหลือเกินว่าน้ำคงจะไม่ได้ยินมันเข้า ส่วนน้ำก็สติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นกัน ใจเค้าเต้นรัวอย่างกีบกลองทั้งๆที่แค่ได้กลิ่นหอมๆจากตัวของคนด้านหน้า น้ำลอบมองผิวเนื้อขาวๆที่เค้าเคยสัมผัส ที่เค้าเคยขบเม้ม ที่เค้าเคยลิ้มชิมรสแล้วอาการร้อนรุ่มที่จุดกลางกายก็เริ่มปวดหน่วง
ไม่เอาน่า นี่เค้ามีอารมณ์กับฟ้าอีกเหรอ
“เสร็จรึยัง?”
“อะ อ้อ เสร็จแล้ว”
ครืน ครืน
เสียงการสั่นของโทรศัพท์ดังแทรกให้คนทั้งคู่หันไปสนใจ เป็นโทรศัพท์ของฟ้าที่สั่นไหวแล้วชื่อผู้โทรเข้าก็ไม่ใช่ใคร ฟ้ายิ้มน้อยๆก่อนจะเดินไปกดรับ เสียงสดใสถามกลับมาทันทีโดยที่ไม่ทิ้งช่องว่างให้ฟ้าได้ทักทาย
/ไม่ทราบว่ามีโทรศัพท์ไว้ประดับบารมีอย่างเดียวเหรอครับคุณฟ้า โทรไปกี่รอบๆก็ไม่มีวี่แววจะรับสายกันเลยนะ ก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วไงว่าถึงห้องแล้วให้โทรหา แล้วนี่มันกี่โมงแล้วครับคุณ/
ฟ้าเผลอหัวเราะเสียงแผ่วกับน้ำเสียงที่เหมือนเด็กโข่งเอาแต่ใจ
“ที่ห้องไม่มีนาฬิกาเหรอครับคุณ ถึงได้โทรมาถาม”
/กวนละครับ อย่ามาเบี่ยงประเด็ดนะ ตอบเรามาเลย/
“ตอบอะไร กี่โมงนะเหรอ ทุ่มครึ่งครับ”
/ฟ้า/
“หึหึ พอดีมาถึงแล้วหลับยาวมาจนถึงเมื่อกี้นะเลยไม่ได้รับสาย แล้วโทรมามีไร อย่าบอกนะว่าแค่โทรมาเช็ค?”
/ไม่ได้รึไงเล่า?/
ฟ้าส่ายหัวเนืองๆก่อนจะทรุดตัวนั่งลงที่ขอบเตียงและสายตาก็มองไปเห็นน้ำที่ยังคงยืนตีหน้าบึ้งกอดอกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“ก็เปล่า”
/พึ่งตื่นอย่างนี้แสดงว่ายังไม่ได้กินมื้อเย็น งั้นออกไปกินด้วยกันดีไหมเราก็ยังไม่ได้กิน/
“ทำอะไรอยู่ทำไมถึงยังไม่ได้กิน?”
/เคลียร์งานที่ค้างนะ ทำเพลินไปหน่อยเลยลืมกิน/
“ขอให้ปวดท้องตาย”
/แช่งแฟนไม่ดีนะครับ/
“เห่อจริง”
/เราพอใจอะ ตกลงตามนี้นะ อีกสิบนาทีลงมารอที่หน้าคอนโดเลย เดี๋ยวไปรับ/
“ไม่คิดว่าเราจะปฎิเสธหน่อยเหรอ?”
/ฟ้าไม่ใจร้ายกับเราอย่างนั้นหรอก หึหึ/
“มั่นใจจริงนะ ได้ ให้เวลาแค่สิบนาทีนะ เกินนั้นเรากลับขึ้นห้องคืออด”
/อย่าใจร้ายกับผมนักสิคุณ/
“หึหึ หมดไปแล้วสิบวินาทีครับ”
/เห้ย! งั้นวางเลย ไปแล้วครับไปแล้ว/
พูดจบสายก็ถูกตัดไปโดยทันที ฟ้าได้แต่มองจ้องด้วยความขบขันและเมื่อน้ำเห็นว่าสายถูกตัดไปแล้วเค้าจึงเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับฟ้าอีกครั้ง
“ใครโทรมาเหรอ?”
“ทำไม?”
“ฟ้า อย่ากวนดิ บอกเรามาว่าใครโทรมาเมื่อกี้”
“เราไม่จำเป็นต้องรายงานน้ำทุกเรื่องนะ”
“ไอ้เหี้ยนั้นใช่ไหม?”
น้ำถามกลับเสียงเข้มขึ้นและนั้นก็ทำให้ฟ้าขมวดคิ้วมุ้ย ฟ้าดูจะไม่ชอบใจแต่ก็ไม่ตอบโต้เค้าลุกขึ้นยืนตั้งท่าจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ก็โดนน้ำดีงรั้นแขนไว้ซะก่อน
“เรายังคุยกันไม่จบเลยนะฟ้า”
“แต่เราไม่มีอะไรจะคุย”
“ฟ้าทำไมชอบหนีจังวะ”
“เราไม่ได้หนี แค่จะไปอาบน้ำ”
“โอเคๆ งั้นอาบเสร็จค่อยมาคุยกัน”
ฟ้าเม้มปากแน่นก่อนจะสะบัดแขนจนหลุดจากการจับกุมของเพื่อนตัวโต ฟ้าเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งทีโดยที่ไม่คิดจะเหลียวกับมามองน้ำที่เดินไปนั่งรอที่ปลายเตียง ฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเข้ามาภายในและปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย เค้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกอย่างมันจะดูปกติราบเรียบเหมือนเช่นทุกครั้งที่เค้าทั้งสองเป็นมาตลอดสิบปี หวังว่าทุกอย่างมันจะไม่พังทลายดัวยความหวั่นไหวของเค้า ไม่ว่าจะสถานะเพื่อนที่สนิทหรือแม้แต่ครอบครัวที่รักก็ตาม
ฟ้ายืนตากน้ำเล่นจนเริ่มหนาวเลยหันมาอาบน้ำอย่างจริงจังจนผ่านไปร่วมสิบนาทีก็เสร็จ ระหว่างที่เค้ากำลังเช็ดตัวอยู่นั้นเค้าก็ได้ยินเสียงน้ำกำลังพูดอะไรสักอย่างอยู่ ฟ้าพยายามฟังแต่ก็ไม่มีเสียงบุคคลที่สามแสดงว่าคงคุยโทรศัพท์ ฟ้าหันไปมองตัวเองในกระจกอีกครั้งก่อนจะใส่เสื้อคลุมที่ไม่ค่อยได้ใช้ออกไปยังด้านนอก จะไม่คลุมก็ไม่ได้เพราะร่องรอยสีแดงระเรื่อเป็นจุดๆยังคงชัดเจนบนผิวกายขาว ฟ้ามองไปที่น้ำซึ่งคุยโทรศัพท์อยู่จริงๆแต่โทรศัพม์เครื่องนั้นเป็นสีขาว โทรศัพท์ของน้ำต้องเป็นสีดำสิ ว่าแล้วเค้าก็มองหาเครื่องของตัวเองและก็ไม่เห็น
“น้ำ!”
ผู้ที่ถูกเรียกหันมามองฟ้าด้วยใบหน้าที่โกรธจัด ฟ้ารู้ได้ทันทีว่าเป็นใครที่ถือสายอยู่อีกฟาก
“เอาโทรศัพท์เราคืนมา”
แน่นอนว่าน้ำไม่ให้ น้ำกดวางสายแล้วโยนลงเตียงในที่สุด เค้าก้าวเดินมาหาฟ้าก่อนจะจับแขนแล้วกระชากแรงๆจนฟ้าเซไปชนเข้ากับคนที่ดึง
“ไปเที่ยวตามประสานี่หมายถึงการไปเที่ยวกับมันอย่างนั้นใช่ไหม?”
เสียงเข้มดุจนฟ้ายังต้องเสียวสันหลัง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉาดแววความกรุ่นโกรธจนฟ้าไม่กล้าสบตา
“นี่เหรอคนที่บอกว่า ‘อยากมีช่วงเวลาที่อยากอยู่คนเดียว’...ถ้าอยากอยู่คนเดียวแล้วไอ้เวรนั้นมันโผล่หัวไปด้วยทำไม!?!”
คราวนี้ไม่ใช่แค่กดเสียงเข้มแต่น้ำหลุดตะคอกออกไปซะดังลั่นห้อง ฟ้าสะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็ยังคงเก็บอาการไว้ได้เป็นอย่างดี
“แล้วทำไมจะไปไม่ได้?”
“ก็แล้วทำไมถึงต้องเป็นมัน คีย์ก็ไปด้วยได้ เคนเองก็ได้ หรือแม้แต่เรา!”
ฟ้าเม้มปากแน่นเมื่อแรงบีบที่แขนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆด้วยแรงโทสะของคนตรงหน้า
“เราเจ็บนะ”
น้ำพยายามข่มอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองแล้วจึงคลายมือสบกับที่ฟ้าสะบัดแขนตัวเองอย่างแรงจนผละออกจากกันในที่สุด น้ำเท้าแขนกับเอวตนก่อนจะหันมามองฟ้าอีกครั้งและคราวนี้เค้าต้องตาเบิกกว้างเมื่อลองไล่ตามสาบเสื้อที่เกือบจะหลุดจากลาดไหล่ขาวนั้นมีสีแดงระเรื่อเป็นจ่ำๆอยู่สองสามจุด
หัวใจที่เต้นรัวของเค้ายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นแถมยังปวดหนึบจนแทบจะร้องไห้ น้ำกัดปากเข้ามากระชากเสื้อคลุมอาบน้ำของฟ้าออกจนเผยให้เห็นร่องรอยทั้งหมด ฟ้าเบิกตากว้างพยายามจะจับเสื้อให้ขึ้นมาคลุมใหม่แต่น้ำก็ดึงยื้อไว้อยู่อย่างนั้น
ตอนนี้ฟ้ายอมรับว่าเค้ากลัวน้ำ
กลัวสายตาที่แทบจะมอดไหม้ทุกสิ่งอย่างภายในพริบตา
“ฝีมือมันเหรอ?”
เสียงเข้มถามขึ้นเหมือนจะเป็นคำถามปกติแต่กลับแอบแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกจนฟ้ามีอาการสั่นนิดๆ
“ตอบ!”
ฟ้าสะดุ้งเฮือกก่อนจะพยักหน้ารับช้าๆ
“แม่งเอ๊ย!!!”
น้ำสถบเสียงดังก่อนจะผลักฟ้าจนล้มลงบนเตียงส่วนตัวเองก็เดินไวๆออกจากห้องไป ฟ้ามองตามด้วยความงุนงง ตอนแรกคิดว่าน้ำจะทำอะไรรุนแรงกับตนซะอีกแต่พอได้ยินเสียงปิดประตูห้องดังมาอีกเค้าก็ชักตะหงิดในใจ
ฟ้ารีบลุกไปหยิบเอาโทรศัพท์ของตนมาเปิดดูประวัติการโทรแล้วก็เริ่มเข้าใจ ต้นต้องมาถึงคอนโดและรออยู่ข้างล่างแล้วและน้ำน่าจะรู้และกำลังลงไปหาเรื่อง
“ไม่ได้การ”
ฟ้ารีบลงจากเตียงแล้วรื้อเสื้อผ้ามาใส่ไวๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์และคีย์การ์ดออกจากห้องไปในที่สุด แต่เมื่อไปถึงลิฟท์ก็ต้องเสียเวลายืนรออีกหลายนาทีกว่าจะมาและพาลงสู่ชั้นล่าง
ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดเสียงเอะอะก็ดังมาให้ได้ยิน ฟ้ารีบมองไปตามต้นตอของเสียงแล้วก็เห็นน้ำกับต้นกำลังถูกผู้ชายแปลกหน้ากำลังจับแยกอยู่ที่สวนหย่อมติดถนนทางเข้าที่จอดรถของคอนโด ฟ้ารีบวิ่งเข้าไปแทรกตรงกลางและก็ได้เห็นผลของการใช้กำลังปรากฎอยู่ที่หน้าของคนทั้งสอง ต้นปากแตกจนเลือดไหลลงมาตามคางข้างแก้มมีรอยบวมช้ำส่วนน้ำคิ้วแตกและมีรอยถลอกที่แขนซ้าย ฟ้าปรายตามองคนทั้งคู่ด้วยสายตาตำหนิจนทั้งต้นและน้ำต่างก็หยุดการตั้งท่าที่จะกระโจนใส่กัน ผู้คนรอบข้างที่ช่วยมาห้ามเลยพลอยถอนหายใจอย่างโล่งอกไปด้วย ฟ้าหันไปขอโทษและขอบคุณพวกเค้าก่อนที่จะแยกย้ายกันในที่สุดจะเหลือก็เพียงแค่ตัวการทั้งสองและฟ้าที่ยังคงยืนคั่นกลางไว้อยู่อย่างนั้น
“ขึ้นไปทำแผลบนห้อง ทั้งคู่เลย”
น้ำตวัดสายตาไปมองฟ้าทันที
“ฟ้าจะให้มันเข้าห้องงั้นเหรอ?”
“แล้วทำไมจะไม่ได้ นั้นมันห้องของเรานะ”
“มันก็เป็นห้องของเราเหมือนกัน!”
“แล้วใครใช้ให้มีเรื่องกันจนได้แผล ไม่ไปทำแผลที่ห้องงั้นก็ไปโรงพยาบาล เอาอย่างนั้นไหมละ!?”
ต้นยืนกอดอกมองดูฟ้าและน้ำขึ้นเสียงใส่กันอยู่เงียบๆ ตอนแรกเค้าก็ตกใจที่จู่ๆน้ำก็พุ่งเข้ามาหาเรื่องแต่ด้วยความไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่แล้วเลยกลายเป็นซัดกันนัวเนียจนมีคนเข้ามาจับแยกและฟ้าก็โผล่มาในที่สุด ดูจากความโกรธของน้ำแล้วต้นก็พอจะเดาได้ถึงสาเหตุ แต่สิ่งที่เค้าไม่อยากจะยอมรับคือฟ้ายังคงใจอ่อนกับน้ำอยู่ดี ดูอย่างเมื่อกี้ที่น้ำไม่อยากให้เค้าขึ้นไปข้างบนและฟ้าก็หาข้อตกลงใหม่มาให้โดยที่หลีกเลี่ยงการยอมรับตรงๆว่าตามใจน้ำ
“ต้น”
“หืม?”
ต้นหันมาตอบรับฟ้าที่เดินเข้ามาเรียกโดยที่ปล่อยให้น้ำทำหน้าเป็นหมาบ้าอยู่ที่ด้านหลัง
“ไปโรงพยาบาลกัน”
“ครับ”
และเค้าก็ได้แต่ยิ้มให้ฟ้าต่อไปด้วยใจที่จำยอม
TBC......
-
หวงก้างสุดๆ
-
ไงล่ะน้ำ แกกำลังจะเสียฟ้าไปแล้ว
-
สงสารฟ้า ต้นแค่มาช้า ฟ้าแค่ใช้ต้นเป็นเครื่องมือ วินวิน ต้นได้ตัวฟ้า แต่ไม่ได้ใจ อยากให้ต้นได้ทั้งใจและตัวฟ้าไปเลยนะบางที แต่อย่างว่า คนเรามักมองไม่เห็นขนตาตัวเอง
น้ำก็แค่ผช ที่ยึดมั่น ถือดี เอาจริงถ้ารู้ใจตัวเอง ก็ให้อภัยได้นะ เพราะคู่นี้เขาไม่ได้มีสัญญาอะไร ฟ้าเองก็รู้แต่ต้น น้ำ แค่ยังไม่รู้สึกตัว ที่มั่วไปทั่ว เพราะหาคนมาแทน เติมเต็ม
สงสารน้ำ ที่จนตอนนี้ยังไม่ตาสว่าง เอาใจช่วย น้ำให้ได้รักกับฟ้า คือไม่เชียร์ต้นนะ ต้นอยากลอง ก็ได้ อีกอย่างต้นก็ได้น้ำแล้ว แลกกันกับความรู้สึก
-
น้ำแกอย่าใจร้อนดิ
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★เพื่อน ●รัก★
18
ต้นกับน้ำนั่งตีหน้าบึ้งตึงโดยที่มีฟ้านั่งคั่นกลางด้วยความเหนื่อยและหน่ายใจเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้พวกเค้าทั้งสามกำลังนั่งรอเคลียร์เงินค่ารักษาและรับยาก่อนจะกลับ ต้นมีอาการพกช้ำบริเวรใบหน้าด้านซ้ายและปากแตกส่วนน้ำพกช้ำที่ท้องแผลถลอกที่แขนและหางคิ้วแตก ตอนแรกฟ้าก็แปลกใจเพราะต้นน่าจะเจ็บหนักกว่าน้ำเพราะน้ำเป็นคนเริ่มทว่ามันกลับกันจนเค้าได้ฟังเรื่องพร้อมกับหมอนั้นแหละถึงได้รู้ว่าน้ำโดนต้นถีบเข้าที่ท้องจนเซไปชนกระถางต้นไม้แขนครูดจนได้แผลแถมยังเอาหัวไปโหม่งกับเหลี่ยมของเสาอีก
เวรของกรรม
“นายนที นีอ้อน อีเมอร์สัน กรุณามารับยาที่ช่อง4ด้วยค่ะ”
เสียงป่าวประกาศชื่อของน้ำดังขึ้นแต่เจ้าตัวไม่มีท่าทีที่จะลุกเลยแม้แต่น้อง ฟ้าเลยหันไปตบขาดังเพี๊ยะจนน้ำถึงกับสะดุ้ง
“เค้าเรียกแล้วนะ ลุกดิ”
“เหอะ ขืนลุกไปฟ้าก็ได้อยู่กับมันสองคนดิ”
ฟ้าถึงกับถอนหายใจ นี่เป็นครั้งที่สองที่น้ำใช้ข้ออ้างนี้กับเค้า ในตอนแรกก็เรื่องรถที่จะใช้ขับมาโรงพยาบาลนี่แหละ ต้นจะให้ใช้รถเค้าเพราะจอดอยู่ใกล้กว่าแต่น้ำไม่ยอม น้ำจะใช้รถตัวเอและจะให้ฟ้าไปกับเค้าด้วย ไปๆมาๆก็เกือบวางมวยอีกรอบ ฟ้าเลยยุติโดนการเอารถตัวเองพาไปและให้ทั้งคู่นั่งเบาะหลังจะได้ไม่แย่งกันนั่งหน้าคู่กับเค้าอีก
ทำไมมันน่าปวดหัวแบบนี้ยะ
“คุณนที นีอ้อน อีเมอร์สันคะ กรุณามารับยาที่ช่อง4ด้วยค่ะ”
เสียงประกาศดังขึ้นเป็นรอบที่สองและนั้นก็ทำให้ฟ้าต้องจิ๊ปากออกมา
“งั้นเดี๋ยวไปเอาให้”
ฟ้าพูดขึ้นในที่สุด น้ำยกยิ้มอย่างถูกอกถูกใจก่อนจะเสมองไปยังใครอีกคนที่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันอยู่ ฟ้าลุกขึ้นยืนกำลังจะก้าวเดินแต่ต้นก็ดึงมือไว้ซะก่อน น้ำขมวดคิ้วทันที
“เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน”
ควับ!
น้ำดึงมือต้นออกจากมือฟ้าอย่างแรงก่อนที่ทั้งคู่จะลุกขึ้นจ้องหน้าตั้งท่าจะวิ่งเข้าใส่กันอีกครั้ง
“หยุดเลย ทั้งคู่นั้นแหละ”
ต้นหันหน้าหนีส่วนน้ำก็ได้แต่สถบเสียงเบา
“นายนพรัตร แสงเนตร กรุณามารับยาที่ช่อง 2 ด้วยค่ะ”
ต้นยิ้มทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเอง
“ไปกันเถอะฟ้า เค้าเรียกชื่อเราแล้วเหมือนกัน”
“มึงก็ไปของมึงสิวะ จะมาเอาฟ้าไปด้วยทำไม!”
“เสือก”
“ไอ้!!”
“พอ!”
ฟ้าสุดจะทน เค้าตะเบ็งเสียงเข้มห้ามคนทั้งคู่ก่แนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เดิม
“ไปรับเองทั้งคู่นั้นแหละ เร็วด้วย เราหิวแล้ว”
ต้นเป็นฝ่ายที่หันหลังแล้วเดินตรงไปรับยาที่ช่องทางรับก่อนส่วนน้ำยังคงฟึดฟัดอยู่ครู่หนึ่ง
“น้ำ”
ฟ้าเรียกเค้าไว้และเมื่อน้ำหันไปหาฟ้าก็ยื่นกระเป๋าเงินของตนไปให้
“ไม่ได้เอาเงินมาด้วยไม่ใช่รึไง เอาไปจ่ายก่อนสิ”
น้ำพยักหน้ารับแล้วรับไปถือไว้ก่อนจะเดินไปยังช่องรับยา เมื่อฟังพยาบาลหน้าเหี้ยวๆบ่นเรื่องยาและเวลาจนชวนง่วงสักพักน้ำก็ต้องไปจ่ายเงินอีกช่องซึ่งต้องต่อคิวหลังต้นพอดี ต้นเหลียวมามองนิดหน่อยจนเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของน้ำ เค้าคงจะไม่สนใจเลยถ้ามันไม่ใช่ประเป๋าเงินของคนรักของเค้า
“กลับไปรอกับฟ้าเลยไป๊ เดี๋ยวกูจ่ายเผื่อส่วนของมึงให้”
“ไม่จำเป็น”
“หึ ไม่ต้องมาทำเป็นปากเก่ง ขนาดค่ารักษามึงยังเอาของฟ้ามาจ่ายนี่นะ”
“กูลืมเอากระเป๋ามาแล้วฟ้าให้ยืม กูกับฟ้าใช้เงินด้วยกันเป็นปกติ แค่นี้ชิลๆ”
น้ำยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกอดอกยืดอกแสดงความเหนือกว่าจนต้นคิ้วกระตุก
“แต่กูไม่อยากให้ฟ้าต้องมาเสียเงินให้กับมึง อย่าว่าแต่เงินเลย แม้แต่เวลาและอากาศที่ใช้หายใจกูยังไม่อยากให้ใช้ร่วมกันกับมึงสักอย่าง!”
“มันจะมากไปแล้วนะเว้ย!”
“ต้น! น้ำ!!”
สิ้นเสียงตะคอกห้ามดุๆของฟ้าคนทั้งคู่ก็หันหน้าหนีไปคนละทาง เมื่อจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยก็พากันตรงไปยังรถ
“หิวมากไหมฟ้า?”
ต้นถามเสียงอ่อน เค้าห่วงฟ้าจะหิวจนปวดท้องเพราะนี่ก็เสียเวลามามากพอควร ฟ้าไม่ตอบแต่พยักหน้าให้แทน ต้นเลยมองซ้ายมองขวาหาศูนย์อาหารหรือเซเว่นเผื่อได้ซื้อให้ฟ้าได้รองท้องไปก่อน
“รีบกลับห้องสิ ในตู้เย็นน่าจะมีอะไรกินอยู่นะ”
น้ำพูดเสียงแข็ง ถึงจะยังหงุดหงิดกับใครอีกคนแต่เค้าก็ห่วงฟ้าไม่น้อยเช่นกัน
“ทำไมไม่มีเซเว่นแถวนี้เลยวะ”
ต้นบ่นพึมพำจนฟ้าส่ายหัว
“ไว้แวะกินระหว่างทางก็ได้ เราไม่เป็นไร”
“ก็ได้/ได้ดิ”
ทั้งต้นทั้งน้ำตอบรับอย่างพร้อมเพียงก่อนจะหันไปจ้องแล้วแยกเขี้ยวใส่กันซะงั้น ฟ้าหลุดหัวเราะเสียงแผ่วแล้วจึงปลดล็อครถแล้วเข้าไปประจำที่คนขับ ต้นและน้ำก็เข้ากันคนละฝั่งแต่พอนั่งลงตัวกลับต่างคนต่างหันออกนอกหน้าต่างคนละทางพยายามไม่สนใจกันและกันซึ่งนั้ยฟ้าก็คิดว่าดีแล้ว รถเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาลไปเรื่อยๆจนเจอร้านก๋ยวเตี๋ยวเจ้าอร่อยเข้าฟ้าเลยจอดเทียบใกล้ๆ น้ำหันไปมองแล้วก็กดยิ้มชอบใจจนต้นขมวดคิ้วสงสัย ฟ้าไม่พูดพร่ำทำเพลง เค้าลงจากรถได้ก็เดินดุ่มๆนำคนทั้งคู่ไปหาโต๊ะนั่งทันที และปัญหาเดิมก็เกิดขึ้นอีกเมื่อทั้งต้นและน้ำต่างจ้องหน้าส่งสายตาปานขั่วไฟฟ้ากระทบกระทั้งกันเพื่อแย่งพื้นที่นั่งข้างๆฟ้า ฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วย้ายตัวเองไปนั่งที่หัวโต๊ะ
“ทีนี้ก็นั่งกันคนละฝั่ง จบนะ ใครไม่จบก็ไปนั่งโต๊ะอื่น”
เพียงเท่านั้นคนทั้งคู่จึงค่อยๆนั่งลงตามที่ฟ้าบอกอย่างเงียบเชียบจนพนักงานมารับออเดอร์
“ฟ้าอยากกินไร?”
ต้นหันไปถามความเห็นฟ้าตามความเคยชินแต่น้ำกลับตอกขึ้นมาทันควัน
“มาร้านก๋วยเตี๋ยวฟ้าคงอยากกินข้าวผัดกระเพรามั่ง”
“น้ำ”
ฟ้าปรามเสียงข่มแต่น้ำไม่สนใจ
“บะหมี่เกี้ยวน้ำหมูแดงพิเศษสองครับ อ้อ ไม่ใส่ผักโรยทั้งสองนะ”
น้ำหันไปสั่งกับพนักงานแบบรวดเดียวจบ ฟ้าเองก็พยักหน้าให้
“สั่งดิเฮ้ย โอ้เอ้ชิปหาย”
ต้นส่งสายตาจิกกัดไปให้คนตรงข้ามก่อนจะหันไปถามฟ้าอีกครั้ง
“ฟ้าจะกินไรเดี๋ยวเราสั่งให้?”
“อ้อ ไม่เป็นไรน้ำมันสั่งเผื่อแล้วนะ”
เป็นอีกครั้งที่บนใบหน้าเข้มมีรอยยิ้มแห่งชัยชนะประดับอยู่ ต้นจิ๊ปากอย่างขัดขุ่นในใจแต่ก็หันไปสั่งออเดอร์ในส่วนของตนและเครื่องดื่ม สักพักน้ำเปล่าสองขวดและแก้วสามใบมีน้ำแข็งใส่มาจนเต็มก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ต้นที่อยู่ใกล้จัดการเปิดขวดแล้วเทน้ำใส่แก้วสองใบซึ่งก็คือของเค้าและของฟ้า ส่วนอีกใบเค้าไม่แม้แต่จะแตะหรือชายตามอง น้ำขบกรามกรอดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เค้าคว้าแก้วอีกใบมาใกล้ตนแล้วเอาน้ำอีกขวดมาเปิดและรินใส่จนเต็ม
“ผิวแดงๆนะฟ้า โดนแดดเยอะละสิเนี้ย”
จู่ๆต้นก็พูดขึ้นพร้อมกับจับแขนฟ้ามาพลิกหน้าพลิกหลังดูจนน้ำหันควับไปดึงแขนอีกข้างจนฟ้าเซตามแรงดึง
“จะดึงทำเหี้ยอะไร?”
ต้นถามเสียงเข้มแต่มือก็ยังไม่ยอมปล่อย
“แล้วมึงจะจับทำเหี้ยอะไรวะ?”
น้ำเองก็ใช่ว่าจะยอม ฟ้ายังไม่ทันจะห้ามปรามอะไรก๋วยเตี๋ยวที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟทีเดียวสามชามอย่างพร้อมเพียง ต้นกับน้ำเลยต้องปล่อยมือในที่สุด มื้อเย็นมื้อนี้เป็นอะไรที่เงียบและชวนอึดอัดที่สุดเท่าที่ทั้งสามคนเกิดมาเลยก็ว่าได้ ฟ้าพยายามไม่สนใจใครและตั้งหน้าตั้งตากิน
“ซี๊ด”
ต้นเผลอซี๊ดปากเบาๆเมื่อซดน้ำซุบแล้วไปโดนแผลแตกที่มุมปาก ฟ้าเลยวางช้อนแล้วหยิบแก้วน้ำให้ต้นดื่มล้างบรรเทาอาการแสบ
“อย่ากินให้โดนแผลสิต้น”
“พูดง่ายเนอะ มันอยู่ตรงปากพอดีไหมฟ้า”
“กวน อยากมีอีกสักรอยไหม?”
“ถ้าเป็นรอยกัดนะยอมทั้งตัวเลยครับคุณ”
ตึก!
ฟ้าและต้นหันมองตามเสียงที่ดังลั่นโต๊ะทันที เป็นน้ำที่กระแทกแก้วลงกับโต๊ะ น้ำต้องมองต้นด้วยสายตาที่วาวโรจน์จนฟ้าเริ่มใจไม่ดี ถ้าน้ำโกรธจัดๆใครก็เอาไม่อยู่ซะด้วยสิ
“รีบกินเถอะ เดี๋ยวเย็นหมดแล้วจะไม่อร่อย”
ฟ้าตัดบทจนคนทั้งคู่ยอมก้มหน้าก้มตากินด้วยความเงียบที่ชวนอึดอัดนี้ต่อไป เมื่ออิ่มกันแล้วพวกเค้าก็พากันกลับโดยทันที แต่ยังไม่ทันที่จะถึงคอนโดโทรศัพท์ของฟ้าก็ดังขึ้น ฟ้าหยิบออกมาดูเมื่อเห็นเป็นชื่อคีย์จึงกดรับแล้วเปิดสปีคเกอร์โฟนคุยเลย
“ว่าไงคีย์”
/เปิดโทรศัพท์ได้แล้วเหรอ แล้วนี่อยู่ไหน?/
“กรุงเทพฯ”
/อ้าว มาถึงเมื่อไหร่วะ?/
“ช่วงบ่ายๆนะ นี่ก็…ออกมาหาอะไรกินกำลังจะกลับ”
/เหรอ แล้วเจอไอ้น้ำรึยัง?/
“อืม ตอนนี้ก็อยู่ด้วยกัน”
/เชี่ย ถ้าจะดีกันง่ายขนาดนั้นก็อย่ามาผิดกันให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนสิวะ/
“ขอ…”
“บ่นเชี่ยไรนักหนาวะคีย์”
ฟ้ายังพูดไม่ทันจะจบน้ำก็พูดแทรกขึ้นมาซะงั้น เค้าไม่ชอบใจนิดหน่อยที่คีย์กล่าวโทษฟ้าแบบนั้นถึงแม้จะเป็นการกล่าวโทษที่ไม่ได้จริงจังอะไรแต่เค้าก็ไม่ชอบอยู่ดี
/อย่าเสือกดิวะไอ้น้ำ กูจะคุยกับฟ้า/
“ไม่เสือกไม่ได้วะ พอดีกูก็ได้ยิน”
/ไอ้ห่านี่ พวกมึงหักพวงมาลัยมาให้กูโบกกบาลทีดิ๊ หมั่นไส้แม่ง/
ฟ้าหลุดหัวเราะออกมาเบาๆส่วนน้ำก็ส่ายหัวหน่ายใจกับเพื่อนตัวเล็กที่ห้าวผิดกับรูปลักษณ์
“มึงอยู่ไหนวะ?”
/ร้านพี่ขวัญ/
“ไปร้านเหล้าคนเดียวนี่นะ?”
/กูบอกตอนไหนว่ามาคนเดียว/
“เอ๊าไอ้นี่”
/หึ กูอยู่กับไอ้เคน จริงๆมันก็โทรหามึงแล้วนะน้ำแต่มึงไม่รับสาย กูแค่จะโทรมาถามไถ่ไอ้ฟ้าแต่ไงๆถ้าอยู่ด้วยกันงั้นก็มาแม่งด้วยกันนั้นแหละ โอเคไหมวะฟ้า?/
ฟ้ามองไปทางต้นที่ยังคงมองออกนอกหน้าต่างรถอยู่นิ่งๆผ่านทางกระจกมองหลัง
“กินเหล้าตลอด”
/โทษเชี่ยเคนดิ๊ มันเกิดอุตริทิ้งอีกคนแล้วจะมาหาอีกคน พวกมึงแม่งลาเรียนกันทั้งคู่กูเลยต้องมารับกรรมฟังมันบ่นแถมยังลากมาตั้งแต่หัวค่ำอะ/
“หึ”
/ไม่ต้องมาหัวเราะเลยฟ้า รีบมากันทั้งคู่นั้นแหละ กูให้เวลาสิบนาที/
“เหี้ยคีย์ จากสุขุมวิทไปพระราม8นี่มึงให้เวลาพวกกูสิบนาทีจะให้เหาะไปเหรอวะ”
น้ำพูดแทรกทันทีที่ได้ยิน
/เออๆ เพิ่มเป็นสิบห้า/
“สัส”
“พอเลยทั้งคู่นั้นแหละ กัดกันตลอดไม่เบื่อบ้างรึไง?”
/โทษไอ้น้ำดิ มันเริ่มก่อน/
“อ้าวไอ้คีย์”
“หยุดพูดเลยน้ำ”
“อะไรว๊า ฟ้าลำเอียงวะ”
/หึหึ/
“แค่นี้นะคีย์ เดี๋ยวเราโทรบอกอีกทีแล้วกัน”
/ไม่ต้องโทร เราจะถือว่าตกลงมาทั้งคู่/
พูดจบแล้วก็วางสายไปทันทีปิดโอกาสไม่ให้คนทางนี้ได้ปฎิเสธแต่อย่างใด ฟ้าหัวเราะหึในลำคอแล้วก็ขับรถต่อไปไม่นานก็กลับมาถึงคอนโด ฟ้าจอดรถต่อท้ายรถของต้นที่จอดอยู่ริมฟุตบาทด้านหน้าของมินิมาร์ทหน้าคอนโด ฟ้าเดินไปส่งต้นที่รถโดยที่น้ำยังคงยืนค่ำรถมินิของฟ้าอยู่คนเดียว
“ฟ้าจะไปต่อใช่ไหม?”
ต้นถามด้วยใบหน้าเรียบตึง ฟ้าพอจะดูออกว่าต้นไม่ชอบใจที่เค้าจะไปเมาแต่คีย์ก็ไม่ให้ปฎิเสธซะด้วยสิ
“ใช่ ไม่อยากให้ไปเหรอ?”
“ป่าวหรอก เราไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น เพียงแต่เราห่วงฟ้านะ”
“ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอกน่า เพื่อนกันทั้งนั้น”
“คีย์กับเคนนะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้นั้นนะสิ”
ต้นพูดพร้อมหันไปมองใครอีกคนที่เริ่มจะตีหน้าบึ้งเพราะเห็นว่าฟ้ากับต้นคุยกันนานเกินไปแล้ว
“ช่างเค้าสิ”
“ช่างไม่ได้ มันอยู่ห้องเดียวกับฟ้าใช่ไหมละ โคตรน่าเป็นห่วง”
“ห้องเรามีสองห้องนอนนะต้น เรากับน้ำอยู่กันคนละห้อง”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฟ้าเปลี่ยนไปอยู่กับเราดีไหม ยังไงเราก็แฟนฟ้านะ เราไม่สบายใจถ้าฟ้ายังคงอยู่ร่วมชายคากับมัน”
“คุยนานเกินไปแล้วนะฟ้า”
ฟ้าและต้นหันไปมองยังเสียงท้วงที่ดังแทรกเข้ามา ฟ้าถอนหายใจแล้วจึงหันกลับมาคุยกับต้นต่อ
“เอาเป็นว่า ถ้าเราเมาเราจะโทรให้ต้นมารับแล้วกัน โอเคนะ”
ต้นยิ้มจางก่อนจะก้มลงฉกหอมแก้มคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเค้าไปฟอดใหญ่ๆ แน่นอนว่ามีเสียงโวยวายมาจากใครอีกคนแต่ฟ้ารีบออกไปห้ามทัพซะก่อน ต้นหัวเราะชอบใจที่เห็นน้ำโวยวายอย่างหงุดหงิด เค้าโบกมือลาฟ้าแล้วจึงขึ้นรถแล้วขับออกจากคอนโดไปในที่สุด
“ฟ้าไปปล่อยให้มันหอมทำไมวะ!”
น้ำยังคงโวยวายไม่เลิกแต่ฟ้าไม่ตอบแล้วเดินกลับเข้าตึกโดยที่มีน้ำเดินตามทั้งที่ยังคงหงุดหงิดอยู่อย่างนั้น ฟ้าพยายามแล้ว พยายามที่จะหันไปให้ความสนใจแก่ต้นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนกันให้มากกว่าน้ำที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจ
“หนึ่งชัวโมงผ่านไป”
คีย์เอ่ยลอยๆเมื่อเหนเพื่อนทั้งสองเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ว่างทั้งสองตัว น้ำที่นั่งข้างเคนพยักหน้าให้เพื่อนก่อนจะรับแก้วมายกขึ้นดื่ม ส่วนฟ้าก็ยิ้มๆไม่ได้เอ่ยทักทายใคร
“บ่นจังวะคีย์”
“หุบปากไปเลยไอ้น้ำ”
ฟ้าส่ายหัวเนืองๆแล้วเอื้อมมือไปรับแก้วเหล้ามาจากเคน
“โอเคดีนะมึง”
เคนถามด้วยรอยยิ้มแต่ฟ้ากลับขมวดคิ้วฉงน
“งง ทำงง ก็ไอ้ที่หนีไปเที่ยวเนี้ย โอเคดีไหม?”
“อ้อ ก็ดี”
ฟ้าตอบเพียงแค่นั้นแล้วก็ยกแก้วขึ้นดื่ม สายตาเค้าเมียนมองไปรอบๆร้านอาหารกึ่งเหล้าที่พอตกดึกก็จะกลายเป็นคลับไปโดยปริยาย
“คนเยอะดีนะ”
“ใช่ เห็นว่ามีเลี้ยงอะไรสักงานด้วยนี่แหละ เห็นห้องวีไอพีด้านบนไหม นั้นนะถูกเหมาหมดทั้งสามห้องเลย”
ฟ้าพยักหน้ารับพลางมองไปยังด้านบนที่เป็นห้องกระจกติดกันทั้งสามห้อง ถึงแม้จะมองไปแต่คนด้านนอกก็ไม่สามารถมองเห็นคนด้านในอยู่ดีจะมีก็แต่คนด้านในที่สามารถมองเหนคนด้านนอกได้อย่างชัดเจน
ทั้งสี่คนดื่มไปคุยกันไปเหมือนเดิมโดยที่คีย์จะคุยกับฟ้าเป็ฯส่วนใหญ่และเคนจะคอยมองเหล่สาวไปกับน้ำ จะมีผิดปกติก็ตรงที่น้ำไม่ค่อยกระตือรือล้นที่จะม้อสาวไปกับเคนสักเท่าไหร่และคีย์ที่เริ่มติดแชตมากขึ้นจนฟ้าอดที่จะท้วงไม่ได้
“เดี๋ยวนี้แกมีคนคุยด้วยบ่อยขนาดนี้เลยเหรอคีย์ แฟน?”
“บ้าดิ เรายังคงโสด แต่ไอ้ที่คุยอยู่นี่ก็เรื่องแกทั้งนั้นเลยฟ้า”
ฟ้าตีหน้างงคีย์เลยยื่นโทรศัพท์ที่เปิดหน้าแชตค้างไว้มาให้ฟ้าดู มันเป็นข้อความแชตของต้นและคีย์ที่ส่วนใหญ่เป็นการคุยในเรื่องของฟ้าจริงๆ
“นี่สนิทกันถึงขนาดนี้เชียว”
ฟ้าอดที่จะแปลกใจไม่ได้เพราะสำนวนการพูดคุยค่อนข้างจะไม่มีกั๊กเหมือนคุยกับคนอื่นๆ
“ก็ไม่ขนาดนั้นนะ”
“สนิทกันก็ดีแล้ว อย่าให้เราปวดหัวไปมากกว่านี้เลย”
“ทำไมวะ?”
“ก่อนหน้าที่จะมานี่น้ำมันก็พึ่งมีเรื่องกับต้นมา”
“ห่ะ!?!”
คีย์อุทานซะดังลั่นจนเคนและน้ำถึงกับหันมามองอย่างพร้อมเพียง
“มีอะไร?”
น้ำถามโดยไม่เจาะจงคนตอบจนฟ้าส่ายหัวเป็นคำตอบไปให้เค้าเลยพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปคุยกับเคนต่อ ดีที่เสียงดนตรีค่อนข้างดังเพราะเป็ฯช่วงเวลาดึกดื่นจนกลายเป็นคลับ ทั้งสองคู่เลยได้คุยกันแบบกระซิบกระซาบและนั้นก็ทำให้อีกคู่ไม่สามารถได้ยินในสิ่งที่พวกเค้าคุยกันได้
“ไปมีเรื่องกันได้ยังไงวะฟ้า เล่ามาเลย เล่ามาให้หมด”
คีย์เค้นต่อเมื่อเห็นว่าน้ำและเคนหันกลับไปคุยกันต่อ
“ก็ต้นมันมารับเราที่คอนโดเพราะมีนัดกินข้าวกัน แต่น้ำมันไปรับโทรศัพท์เราที่ต้นโทรมาตอนถึงตึกพอดี”
“มันเลยลงไปซัดเค้า?”
“ใช่ เราก็พึ่งอาบน้ำเสร็จไงเลยต้องแต่งตัวอีก กว่าจะลงไปห้ามได้ก็น้วมกันทั้งคู่แล้ว”
“โอ้ย อย่างกับละครหลังข่าว นี่ศึกชิงชายรึไงเนี้ย”
“เวอร์ละ จะมาชิงอะไรเรา พวกนั้นแค่หมั่นไส้กันเองเราไม่เกี่ยวนี่”
“ไม่เกี่ยวบ้าอะไร ที่มันหมั่นไส้กันก็เพราะแกไม่ใช่เหรอวะ”
ฟ้าเงียบกริบอย่างเถียงไม่ออก
“ในกรณีต้นกพอจะเข้าใจว่าทำไมมันหมั่นไส้ไอ้น้ำ แต่ไอ้น้ำมันจะไปหมั่นไส้อะไรไอ้ต้นมากมายวะ”
“มึงก็หันไปถามมันดิ”
“น้ำ”
ฟ้าถึงกับสะดุ้งก็เค้าไม่คิดว่าคีย์จะกล้าหันไปเรียกน้ำเอาจริงๆ
“อะไร?”
“มึงไปหมั่นไส้อะไรไอ้ต้นนักหนาวะ?”
ฟ้าหันหน้าหนีเมื่อเห็นว่าน้ำหันมามองยังตนเอง
“ไม่ถามฟ้าดูละ”
“เอ๊า มันเรื่องของมึงเว้ย จะไปถามไอ้ฟ้าได้ไง”
“เรื่องของกูก็เหมือนเรื่องของฟ้าด้วยนั้นแหละ ฟ้ากับกูก็คนๆเดียวกัน”
ฟ้าถึงกับสำลักเหล้าไอโครกเครก คีย์เองก็อึ้งไปกับคำตอบที่ได้แต่เคนกลับหัวเราะชอบใจ
“เจ๋งเว้ยเพื่อนกู”
“มึงนี่มโนเก่งขึ้นนะไอ้น้ำ”
“มโนตรงไหน พวกมึงก็รู้กันดีแล้วนี่”
ฟ้ากำลังจะอ้าปากท้วงขึ้นบ้างแต่ก็มีใครบางคนมาสกิตจนต้องหันไปมองซะก่อน
“สวัสดีครับ”
ชายหนุ่มแปลกหน้าที่มาสกิตฟ้าเอ่ยทักขึ้นด้วยรอยยิ้ม ทุกคนในโต๊ะต่างงุนงงกับผู้มาใหม่เพราะไม่มีใครรู้จักแม้แต่ตัวฟ้าเองก็ตาม แต่ฟ้าก็ยังยิ้มรับแล้วเอ่ยทักอย่างสุภาพตามปกติ
“ตรงๆเลยนะ ผมชอบคุณนะ ขอเบอร์โทรไลน์ไอ้จีเหรอเฟสหน่อยจะได้ไหมครับ?”
ครบองค์มาก
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ฟ้าคงจะสานสัมพันธ์ต่อเพราะคนที่เข้าหาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรแถมดูจากการแต่งตัวแล้วก็ดูท่าจะภูมิฐานพอสมควร แต่ก็นะ...
“ขอโทษครับ ผมคงให้ไม่ได้”
ทั้งคีย์และเคนต่างก็อ้าปากเหวอแต่น้ำกลับยิ้มกริ่ม พวกเพื่อนของฟ้าจะรู้ดีว่าฟ้าเองก็เจ้าชู้ การที่ปฎิเสธคนที่เข้าหาทั้งที่ดูดีไปแทบจะทุกส่วนแบบนี้จึงเหนือความคาดหมายมากถึงมากที่สุด
“ทำไมละครับ หรือว่า...”
ชายหนุ่มลากเสียงยาวแล้วไล่มองผู้ร่วมโต๊ะจนไปสะดุดเข้ากับแววตาดุของน้ำ
“มีแฟนแล้วสินะ”
ฟ้ายิ้ม
“งั้นก็ขอโทษด้วยนะครับ”
พูดจบก็เดินจากไปด้วยใบหน้าสงดลงนิดหน่อย ฟ้าลอบถอนหายใจแล้วหันมายกแก้วขึ้นดื่มจนไปสะดุดเข้ากับรอยยิ้มของน้ำที่ดูจะปลื้มปริ่มยิ่งกว่าผลการเรียนได้เอเสียอีก
“ฟ้า ไม่สบายรึเปล่าเนี้ย?”
คีย์ถามพร้อมกับยกมือขึ้นอังหน้าผากนาบกับแก้มจนฟ้าหลุดหัวเราะขำ
“อะไรของคีย์เนี้ย?”
“ปกติเหยื่อชั้นเลิศแบบนั้นมาแกไม่มีทางพลาดอะ แต่นี่เลยไม่สนใจซะงั้น”
“ก็เมื่อก่อนกับตอนนี้มันไม่เหมือนกันนะสิ”
“ยังไงวะ?”
“มึงนี่ก็เข้าใจอะไรยากวะคีย์ ขนาดไอ้คนเมื่อกี้มันยังเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่ามึงเลย”
น้ำพูดแทรกเสียงขำขันแต่คีย์ตวัดสายตาไปมองค้อนดุๆ คีย์ไม่เชื่อว่าฟ้าจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริงๆเพราะเค้ายังมั่นใจว่าฟ้ายังตัดใจจากน้ำไม่ได้แน่ๆ
“มึงเงียบไปเลย แม่งยิ้มอยู่ได้บ้าป่าววะน้ำ”
น้ำไหวไหล่
“สรุปว่าไงฟ้า?”
ฟ้ายิ้ม
“ก็ตามนั้นแหละ”
“ตามไหนวะ?”
“เรามีแฟนแล้ว”
คีย์อ้าปากค้างเบิกตากว้างในขณะที่เคนสำลักเหล้าที่กำลังเอาเข้าปาก น้ำยังคงนั่งไขว่ห้างแล้วยิ้มออกมาเมื่อทั้งคีย์และเคนหันไปมองเค้าเป็นตาเดียว
“มองกูทำไม?”
“นี่พวกมึงไปลงเอ่ยกันตอนไหนวะเนี้ย?”
เป็นเคนที่ถามน้ำกลับ
“พูดบ้าอะไรวะเคน เรากับน้ำไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นสักหน่อย ก็รู้อยู่ว่าน้ำมันไม่ใช่เกย์”
คราวนี้เป็นน้ำที่ตวัดสายตาไปมองจ้องที่ฟ้า
“งั้นเป็นใครวะฟ้า?”
คีย์ถามขึ้นบ้างและฟ้าที่ยกแก้วขึ้นดื่มอยู่เลยชี้ไปที่โทรศัพท์ของคีย์ที่วางอยู่บนโต๊ะ คีย์ขมวดคิ้วมุ้ยแต่ไม่นานก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้ง
“อย่าบอกนะว่า...”
“อืม ต้นนั้นแหละที่เป็นแฟนเราในตอนนี้”
TBC....
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★เพื่อน ●รัก★
19
ดวงตาสีน้ำตาอ่อนบลือขึ้นอย่างยากลำบาก มือหนายกขึ้นมาลูบหน้าเบาๆก่อนที่จะผงกขึ้นเพราะเสียงการสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรู น้ำหันไปคว้ามาดูก่อนจะกดตัดสายแล้วล้มตัวลงนอนเช่นเดิมแต่ผู้ร่วมเตียงกลับงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยนี่สิ
“กี่โมงแล้วค่ะน้ำ”
เสียงหวานเอ่ยถามก่อนจะเลื่อนตัวเข้ามากอดแนบอิงแอบกับชายหนุ่ม น้ำตอบไปว่าแปดโมงทั้งที่ดวงตายังคงหลับนิ่ง
“ปอมีเรียนเก้าโมง น้ำไปส่งปอที่มหาลัยหน่อยนะ”
น้ำไม่ตอบแต่ปล่อยให้ตัวเองหลับลึกไปอีกครั้ง เค้าไม่อยากจะสนใจอะไรทั้งสิ้นแม้แต่ร่างกายที่เปลือยเปล่าของสาวสวยข้างกาย
หลังจากที่ฟ้าประกาศตัวถึงสถานะที่ไม่โสดนั้นน้ำก็แทบไม่ได้เจอหน้าฟ้ามาร่วมสัปดาห์แล้ว ไม่ใช่ไม่อยากเจอแต่มันเจอไม่ได้ ใจมันบีบคั้นจนแทบอยากจะร้องไห้เมื่อนึกถึงใบหน้าหวานที่พูดออกมาจากปากเรียวว่าใครคือแฟนที่แท้จริง วินาทีนั้นเหมือนมีคนเอามีดมากรีดลงกลางใจ เหมือนใครมากระชากมันออกมาจากอกแล้วก็กระทืบซ้ำ มันเจ็บจนจุก เจ็บจนต้องหนีหน้ามาถึงทุกวันนี้
“ไอ้เชี่ยน้ำ!”
ทันทีที่ร่างสูงใหญ่มาดแมนแฮนซัมของน้ำก้าวลงจากรถเสียงเรียกกึ่งด่าก็ดังลั่นมาในทันที คนที่กล้าด่าแมยังเสียงดังไม่อายใครแบบนี้มีเพียงหนึ่งเดียวนั้นคือเคน
“มีอะไร?”
น้ำถามกลับพลางกดรีโมตล็อครถแล้วเดินผ่านหน้าเพื่อนที่ยืนตีหน้าบึ้งอย่างไม่ค่อยสนใจ เคนจิ๊ปากแล้วเดินตามไปกอดคอเพื่อนที่แทบไม่โผล่หน้าโผล่ตามาเรียนตามวิสัย จริงๆน้ำก็ไม่ได้ขยันเข้าเรียนอยู่แล้วดีหน่อยที่สมองดีไม่งั้นคงไม่รอดแต่ช่วงนี้กลับยิ่งหนัก ทั้งสัปดาห์โผล่มาแค่สองวันยังมี
“กูโทรหาก็เสือกตัดสายนะไอ้ห่า”
“กูนอน”
“มึงคงลืมว่าวันนี้มึงมีแข่ง”
น้ำขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะตัวเองลืมไปแล้วจริงๆ
“แข่งไรวะ?”
“บาสไง งานกีฬามหาลัยเริ่มตั้งแต่เมื่อวานละไอ้ควาย”
“เหรอ”
“ยังจะมาเหรออีก มึงตัวจริงไม่ใช่รึไง ถึงจะไม่ค่อยโผล่มาซ้อมแต่พี่แซ๊คก็ไม่ได้เอาชื่อมึงออกนะเว้ย แถมยังมีการบอกให้กูลากมึงไปแข่งให้ได้อีก เสียเวลากูชิปหาย”
“งั้นมึงจะไปไหนก็ไปเลยไป”
“ไม่ได้วะ กูต้องลากมึงไปโรงยิมให้ทันเวลาแข่งซะก่อน ไม่งั้นไอ้พี่แซ๊คเอากูตาย”
น้ำทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับ พอดีกับที่เค้ามาถึงห้องเรียนในรายต่อไปเลยเข้าไปนั่งแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที เคนที่เดินตามมานั่งข้างๆก็ได้แต่มองพลางถอนหายใจไปเฮือกใหญ่
“มึงไม่ได้กลับไปนอนห้องเลยเหรอวะ?”
เคนถามเสียงอ่อน เค้ารู้ว่าน้ำไม่ได้กลับไปนอนที่คอนโดเพราะฟ้าโทรมาถามไถ่เรื่องน้ำกับเค้าทุกวันแต่พอบอกว่าให้โทรไปถามเองก็ไม่โทร
“แล้วไง?”
“ก็ไม่แล้วไง แต่ถ้ามึงจะไปค้างที่อื่นหรือไม่กลับห้องก็บอกไอ้ฟ้ามันบ้าง มันก็ห่วงมึงนะ”
“หึ”
น้ำได้แต่เค้นเสียงหัวเราะในลำคอ ห่วงอย่างนั้นเหรอ ถ้าห่วงจริงแล้วทำมไม่กล้าติดต่อมาเองละวะ
น้ำฟุบอยู่อย่างนั้นจนได้เวลาเรียนเค้าถึงได้เงยหน้าจึ้นมาตั้งใจเรียนจนจบคาบและเข้าสู่ช่วงเวลาพักกลางวัน น้ำกับเคนตัดสินใจกินข้าวที่โรงอาหารคณะเพราะมีเรียนต่อในตอนบ่ายก่อนที่จะเข้าไปรวมตัวกับคนอื่นที่โรงยิม น้ำแทบไม่ปริปากพูดอะไรทั้งยังมีบรรยากาศชวนอึดอัดแผ่ออกมาจนเคนแทบจะทำตัวไม่ถูก แต่ก่อนฟ้าจะยุ่งกับใครเพื่อนเค้าก็ยังคงยืดอย่างภาคภูมิใจว่ายังไงมันก็คือที่หนึ่งที่ฟ้าแคร์แต่พอฟ้าประกาศตัวว่ามีแฟนมันคงเหมือนล้มทั้งยืน
เสียหน้าไม่เท่าไหร่แต่ไอ้เสียใจมันคงจะเป็นหนักกว่าที่คิด
ทุกสิ่งอย่างที่เค้าเฝ้าสังเกตุกำลังตกตะกอนเป็นกลุ่มก้อนแต่ทว่าจู่ๆฟ้าก็มาทำให้มันขุ่นขึ้นมาอีกซะงั้น
จู่ๆมาพลิกล็อคแบบนี้ ไอ้เราก็เปไปเหมือนกันนะเว้ย
“ไอ้น้ำ”
เคนเรียกเพื่อนหลังจากที่กลืนข้าวคำสุดท้ายลงท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว น้ำเหลือบตาขึ้นมามองคนเรียกนิดหน่อยก่อนจะก้มลงไปสนใจกับโทรศัพท์ในมือดังเดิม
“มึง...ชอบฟ้าจริงๆเหรอวะ?”
น้ำชะงักค้าง นิ้วที่กำลังรัวพิมพ์ตอบสาวในแชตหยุดนิ่งเหมือนกับลมหายใจที่สะดุดไปชั่วครู่
“ถ้ามึงชอบมันแล้วทำไมมึงไม่บอกมัน...”
“กู...ไม่รู้”
“ไม่รู้เรื่องไหนวะ ไม่รู้ใจตัวเองหรือไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ชิงบอกมันไปก่อนที่มันจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน”
น้ำส่ายหัววางโทรศัพท์แล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบหน้าลูบตา
“ไม่รู้แม่งหมด”
“เวร”
“เออ โคตรเวรโคตรกรรมเลยด้วย”
“แล้วมึงไม่คิดจะคิดอะไรให้มันแจ่มแจ้งชัดเจนบ้างไงวะ กูพูดตรงๆนะ การที่อยู่กับมึงตอนนี้แม่งโคตรอึดอัดอะ มึงดูเหมือนอยู่แค่ตัวใจไม่รู้หายไปไหนแล้วถามคำตอบคำทำอะไรไม่ปรึกษาใครอยากจะไปไหนก็ไป กูเข้าใจว่ามึงอยากจะปลีกวิเวกไปอยู่คนเดียวแต่สภาพมึงที่เป็นแบบนี้กูเห็นแล้วไม่กล้าปล่อยวะ”
น้ำพยักหน้ารับรู้แล้วแย่งแก้วน้ำเคนมาดูดไปอึกใหญ่ๆ
“มึงคิดว่ามันง่ายรึไงกับการก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างคู่ปกติกับคู่เกย์ แถมฟ้ามันเพื่อนกูมาเป็นสิบปี เออ กูยอมรับว่ากูอาจจะรู้สึกตัวช้าไปหน่อยแต่...แม่งก็ยังยากอยู่ดีละวะ...”
“สรุปที่มึงหลบหน้าไอ้ฟ้าคือมึงคิดไม่ตกเรื่องนี้ไม่ใช่โกรธที่มันมีแฟน”
“ทั้งคู่”
“เรื่องโกรธไอ้ฟ้านะมึงเลิกโกรธมันไปเหอะวะ เท่าที่กูสังเกตุดูระว่างที่มึงหายไปนะไอ้ฟ้าแม่งห่วงมึงมากกว่าสนใจแฟนมันอีก ถ้ากูเป็นแฟนฟ้านะกูบอกเลิกแม่งละ มาห่วงผู้ชายอีกคนมากกว่าแฟนตัวเอง”
น้ำได้แต่นิ่งฟังอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินสักเท่าไหร่ หัวใจที่บีบรัดเหมือนจะค่อยๆพองตัวด้วยความหวังและความตื้นตันดีใจ
“เอาเถอะ ถ้าตัดสินใจได้ยังไงก็เกริ่นล่วงหน้าหน่อยแล้วกัน อย่ามาเซอร์ไพร์สอย่างไอ้ฟ้านะ กูหัวใจวายตายใครจะรับผิดชอบ”
น้ำหลุดยิ้มให้กับความกวนของเพื่อนซี้
“แก่แล้วก็งี้”
“ใครบอกว่ากูแก่ ออกจะฟิตปั๊งเว้ย”
“หึหึ”
เมื่ออิ่มกันแล้วทั้งน้ำและเคนเลยพากันย้ายสาระร่างไปยังห้องเรียน จริงๆทั้งคู่ก็ไม่ได้พิศวาทอยากจะเรียนอะไรมากมายแต่ข้างนอกมันร้อนเลยพากันเข้ามานั่งตากแอร์งีบไปพลางรอเวลาเข้าเรียน
4 โมงเย็น ณ โรงยิมที่ใช้สำหรับแข่งบาสระหว่างคณะเศรษฐศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ ฟ้าเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเคนที่เดินตามต้อยๆ เมื่อเห็นแล้วว่าฝั่งตัวเองอยู่ด้านไหนจึงเดินตรงเข้าไปโดยที่ไมได้เหลียวมองใครเลยสักคน
“โอ้ มาแล้วเว้ยได้บุคคลลึกลับ”
ทันทีที่ไปถึงและยกมือไหว้รุ่นพี่แต่ละคนจนครบกัปตันทีมซึ่งก็คือพี่แซ๊คถึงได้เอ่ยปากแซวรุ่นน้องคนเก่งของทีม น้ำไม่ตอบอะไรแต่ยิ้มอ่อนๆให้คนได้ยินเสียงกรี๊ดจากแสตนด์ทางด้านหลังนั้นแหละเค้าถึงได้เงยหน้าขึ้นไปมอง ทำไมคนมาดูมันเยอะงี้วะ
“กูอยู่ตั้งนานไม่ยักกะมีสาวกรี๊ดสักแอะ ไอ้นี้มาไม่ถึงสิบวิแวะกรี๊ดกันสนั่น สวรรค์แม่งไม่ยุติธรรม”
“ยังไม่ชินอีกเหรอวะพี่แซ๊ค ว่าแต่มึงเหอะน้ำ หายหัวไปร่วมสัปดาห์งี้เส้นจะไม่ยึดเอาไงวะ”
เพื่อนร่วมทีมที่ชื่อโจ้หันไปแซวกัปตันก่อนจะเดินมาตบไหล่น้ำปุๆ
“เอาชุดมาเปลี่ยนดิจะได้ลงไปวอร์มที่สนาม”
โจ้พยักหน้าให้น้ำแล้วจึงหันไปหยิบถุงที่ใส่ชุดสำหรับนักกีฬาบาสของคณะให้น้ำ น้ำเลยเอาเป้ของตนไปไว้กับเคนที่นั่งรออยู่ที่แสตนด์ด้านหลังจุดพักนักกีฬาฝั่งตนเองก่อนจะเดินหายไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเปลี่ยน บอกตามตรงว่าน้ำไม่ค่อยมีอารมณ์แข่งสักเท่าไหร่เค้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่านัดแรกนี้เค้าต้องแข่งกับคณะไหน แต่ด้วยหน้าที่แล้วเค้าก็ต้องมา
ไงๆก็รีบเล่นรีบจบเอาละกัน
เมื่อน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วออกมาเสียงกรี๊ดก็ยังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เค้าไม่ได้หันไปสนใจเหล่าบรรดากองเชียร์จนเสียงนั้นดังอีกละลอกเมื่อนักกีฬาจากอีกฝั่งเดินเข้ามาที่จุดพักของอีกฟาก ฝั่งของฟ้าใส่ชุดสีน้ำเงินตัดขาวส่วนอีกฝ่ายนั้นสีส้มตัดดำ เค้าคงไม่สนใจอะไรถ้าใครบางคนในกลุ่มนักกีฬาฝ่ายนั้นไม่ใช่คนที่ฟ้าพึ่งเปิดตัวไปว่าเป็นแฟน ต้นเองก็หันมามองที่น้ำเช่นกัน ดวงตาแข็งกร่าวนั้นดูดุดันและแสดงความเป็นศัตรูชัดเจนกว่าเก่ามาก น้ำเผลอยกยิ้มเหี้ยวก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ฝั่งของตน
“แข่งกับสถาปัตฯเหรอพี่?”
น้ำถามเสียงเรียบ มือก็รับเอาลูกบาสมาทุ่มลอดขาเล่นๆให้มือคุ้นกับสัมผัส
“ใช่ แต่ปีนี้มีไอ้คิดกับไอ้แมตเล่นด้วยนี่สิ งานหยาบชิปหาย ไหนจะน้องไหม่ฝีมือใช่ย่อยอย่างไอ้ต้นนั้นอีก”
“เดี๋ยวผมประกบไอ้นั้นเอง”
“หืม มึงรู้จักกันเหรอวะ?”
“นิดหน่อยพี่”
“แต่มึงเป็นเซ็นเตอร์นะ อย่างมันกูว่าน่าจะเป็นชู้ตติ้งการ์ด”
“งั้นผมจะเป็นตัวฟรี”
“เห้ย! ไม่ได้ซ้อมมาเป็นสัปดาห์จู่ๆจะมาเป็นตัวฟรีมันจะไม่หนักไปเหรอวะ”
“ผมไหว”
“เอาจริงเหรอวะ?”
น้ำพยักหน้ารับ
“เออๆ ก็ได้ งั้นกูขอวางเกมส์ใหม่แป๊บ มึงไปวอร์มกับพวกที่เหลือก่อนไป”
เมื่อได้ตามต้องการแล้วน้ำเลยลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปหาโจ้ที่กำลังเดาะบอลรอบตัวไปมาอยู่ในสนาม ฟ้าแย่งลูกจากเพื่อนโดยอาศัยจังหวะการดีดคืนตัวของลูกบาสก่อนจะวิ่งอ้อมหลังไปยังห่วงชูตที่อยู่ไกลออกไป
“เชี่ยน้ำ!”
โจ้ร้องลั่นเมื่อโดยแย่งลูกไปต่อหน้าต่อตา โจ้วิ่งตามไปแย่งคืนแต่ก็ไม่ทัน น้ำอาศัยความคล่องตัวและทักษะด้านกีฬาที่โดดเด่นของตัวเองกระโดดขึ้นไปดั้งค์ลูกกับแป้นในทันที เสียงลูกที่ถูกตบใส่แป้นด้านบนนั้นทำให้ทุกสายตาหันมามองเป็นตาเดียวก่อนที่เสียงกรี๊ดจะกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง น้ำหยักคิ้วหลิ่วตาพร้อมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้โจ้ที่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ถึงจะเคยซ้อมด้วยกันมามากแต่น้ำก็ไม่เคยดั้งค์อย่างนี้ให้เห็นเลยสักครั้ง
นักกีฬาทั้งสองฝ่ายวอร์มกันอยู่คนละฝั่งจนกระทั่งกรรมการมาและเป็นช่วงเวลาการวางแผนเป็นครั้งสุดท้าย แซ๊คแจกแจงรายละเอียดของแผนไม่นานเสียงเรียกลงสนามมาจากกรรมการก็ดังขึ้น
น้ำกับต้นได้เผชิญหน้ากันอีกรอบแต่ต่างฝ่ายต่างไม่พูดคุยทักทายใดๆเหมือนอย่างคนอื่น สำหรับเค้าทั้งสองคนนั้นมีเพียงสายตาที่ประดุจดาบคมที่คอยฟาดฟันใส่กันเท่านั้น
เสียงหวีดร้องของสัญญาณบอกการเริ่มเกมส์ดังขึ้น แซ๊คที่เป็นคนปัดลูกมาได้จึงเปิดเกมส์ให้แก่ฝั่งเศรฐศาสตร์ได้อย่างสวยงาม เสียงเอี๊ยดอ๊าดของรองเท้าเสียงสีกับพื้นดังลั่นแข่งกับเสียงเชียร์ที่ดังไม่แพ้กัน การเล่นยังคงเป็นไปตามแผนในขณะที่น้ำคอยที่จะขัดต้นและต้นก็แทบไม่ปล่อยน้ำให้เล่นได้อย่างถนัด ทั้งคู่ขับเขี้ยวกันจนเพื่อนร่วมทีมจับสังเกตุถึงความผิดปกติได้แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง
“หึ แพ้แล้วพาลเหรอมึง”
ต้นเป็นคนแรกที่เอ่ยระหว่างที่ทั้งคู่กำลังกันท่าจากการได้ครองลูกจากเพื่อนร่วมทีม น้ำคิ้วกระตุกแต่ก้ยังข่มอารมณ์ไว้ได้
“ผลยังไม่ตัดสินอย่างพึ่งร้อนตัวหน่อยเลยวะ”
“กูชนะ มึงก็น่าจะรู้แล้วนะ”
“มั่นใจเหรอ?”
คำถามนั้นทำให้รอยยิ้มที่มุมปากของต้นต้องหายไปในที่สุด ภาพที่ฟ้าคอยห่วงคอยพะวงกับไอ้ที่อยู่ตรงหน้าเค้ามันเด่นชัดมาเป็นฉากๆ ทั้งๆที่มีเค้าอยู่ด้วยแต่กลับเป็นเหมือนอากาศธาตุที่ไร้ตัวตน
“รู้แล้วสินะ คราวหลังก็อย่ามั่นให้มากเดี๋ยวล้มแล้วคนรอกระทืบซ้ำมันจะมีเพิ่ม”
เมื่อน้ำพูดจบโจ้ก็ส่งบอลมาให้พอดีเค้าจึงตั้งท่าเตรียมผละออกจากการคุมของต้น น้ำวิ่งฝ่าการกีดกันของฝ่ายจนไปถึงตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะชูตแต่ต้นก็เข้ามาขัดไว้ซะก่อน
“อย่าหวังเลยว่ากูจะปล่อยไปง่ายๆ”
น้ำเสียงที่ดุดันอย่างเกรี้ยวกราดทำให้น้ำยิ้มพอใจ
“โทษทีวะ แต่มันเป็นของกูมาตั้งแต่แรก”
ว่าจบน้ำก็หมุนตัวถอยหนีไปจากต้นก่อนจะวิ่งเข้ามาใหม่พร้อมกับดีดตัวกระโดดขึ้นสูงกะดั้งค์ให้สาแก่ใจ ต้นเองก็กระโดดเข้าไปขัดและในจังหวะที่น้ำยัดลูกลงห่วงได้ศอกเค้าไปกระแทกโดนต้นเต็มๆทำให้คนโดนทิ้งตัวลงสู่พื้นอย่างแรงไปอีกทอด น้ำเองก็ตกใจเพราะเค้าไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เกิดเหตุแบบนี้และนั้นก็ทำให้เค้าลงผิดท่าจะข้อเท้ารับแรงและเคล็ดจนเจ็บแปร๊บ น้ำกัดฟันพยายามพยุงร่างไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตุในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็เริ่มเข้าไปมุงดูต้น
“หึ”
น้ำหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินตรงไปยังที่พักฝั่งเค้าช้าๆ
“ไอ้น้ำ”
พี่แซ๊คเป็นคนแรกที่เห็นน้ำเดินออกมานั่งจึงเดินตามมา
“ผมขอออกวะพี่ ให้ไอ้ฟิล์มลงแทนผมแล้วกัน”
“เห้ย มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นเว้ย มึงไม่ต้องออกก็ได้”
“ผมไม่มีอารมณ์เล่นแล้ววะพี่ โทษที”
น้ำกับแว๊คมองหน้าสบตากันจนแซ๊คยอมพยักหน้าให้ในที่สุด น้ำลุกขึ้นเดินไปทางเคนแล้วชี้มือไปที่ประตูเป็นสัญญาณบอกว่าจะกลับเคนเลยเดินแทรกผู้คนไปยืนรอน้ำที่เดินตามออกมาอย่างช้าๆ เค้าพยายามไม่แสดงอาการอย่างสุดความสามารถแต่ยังไม่ทันจะพ้นโรงยิมใครบางคนก็โผล่เข้ามาพร้อมด้วยแววตาที่ฉุนเฉียว
“ฟ้า”
เค้าเอ่ยเรียกชื่ออย่างเผลอตัว
“เคน ประคองน้ำหน่อย”
“ห่ะ?”
เคนตีหน้างงแต่น้ำหันหน้าหนีไปพร้อมกับจิ๊ปากเบาๆ
“ไม่เห็นไงว่าน้ำมันเท้าแพลง”
“อ้าว ไมไม่บอกวะไอ้น้ำ มานี่เลยมึง”
จากที่ไม่มีใครรู้ก็กลายเป็นรู้กันหมดในช่วงเวลาไม่นาน น้ำที่ถูกเคนประคองและมีฟ้าที่ถือกระเป๋าตาม มาหยุดยืนอยู่ที่ข้างรถของตน
“กุญแจรถละวะเคน?”
“อยู่ในกระเป๋า ฟ้าหาดูดิ”
ฟ้าพยักหน้ารับแล้วค้นไม่นานก็เจอ เค้าหยิบขึ้นมากดปลดล็อคแล้วเปิดประตูด้านข้างคนขับให้เจ้าของรถที่ขาแพลงขึ้นไปนั่ง
“เดี๋ยวเราไปกับน้ำเอง เคนขับรถเรากลับไปเลยก็ได้นะ”
“ได้ๆ ฝากไอ้น้ำด้วยแล้วกัน”
ฟ้าพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปประจำที่คนขับ ไม่นานรถสปอร์ตหรูสีเทาควันบุหรี่ก็โลดแล่นสูงท้องถนน น้ำไปปริปากพูดอะไรกับฟ้าเลยสักคำจนกระทั่งฟ้าขับพาเค้ามายังโรงพยาบาลเอกชนละแวกนั้น
“ลงไปหาหมอหน่อยนะน้ำ”
“ไม่”
ฟ้าถอนหายใจ
“อย่าทำตัวเป็นเด็กดิวะ ไปหาหมอหน่อยเดี๋ยวมันจะอักเสบเอา”
“แค่นี้ไม่ถึงตายหรอกน่า”
“น้ำ”
“ก่อนที่จะห่วงเรา ไปห่วงแฟนตัวเองดีกว่าไหมฟ้า โดนศอกไปเต็มๆแบบนั้นคงเลือดอาบไปแล้วมั่ง”
ฟ้าถอนหายใจอีกครั้ง
“ต้นมีคนดูเยอะแล้ว”
“อ้อ นี่สงสารเราที่ไม่มีใครสนว่างั้น จริงๆแล้วฟ้าก็ไม่ต้องมาสนใจเราก็ได้นะ”
“น้ำ! มันไม่....”
ครืด ครืด
เสียงการสั่นของโทรศัพท์น้ำดังขึ้นแทรกบทสนทนาของทั้งคู่ น้ำหยิบขึ้นมาดูชื่อก่อนที่จะกดยิ้มที่มุมปาก
“ครับหยก”
ฟ้าเผลอกัดริมฝีปากตัวเองทันที
“ใช่ครับพี่เจ็บขา ไปได้ข่าวมาจากไหนห่ะเรา”
เสียงการพูดคุยที่ออดอ้อนทำให้ฟ้ากำมือกับพวงมาลัยรถแน่น น้ำเองถึงแม้จะคุยโทรศัพท์อยู่แต่หางตาก็คอยสอดส่องจ้องมองคนด้านข้างตลอดเวลา เรือนผมดำเงานั้นทิ้งตัวปิดรูปหน้าที่กำลังก้มอย่างข่มอารมณ์แต่มือเรียวกลับกำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดโผล่
“งั้นเดี๋ยวพี่จะไปให้นวดให้นะครับ แล้วเจอกันครับ”
“............”
“ช่วยขับรถไปส่งที่คอนโด###หน่อยได้ไหม?”
TBC.........
-
สนุกมากจ้า สู้ๆคุณคนเขียน
-
ถ้าน้ำจะกวนตีนขนาดนี้ก็ปล่อยๆฟ้าไปให้คนอื่นดูแลเหอะ คนที่เค้าไม่ทำให้น้ำเสียใจอ่ะ เหอะๆ
-
โอ้ยยยย อึดอัด อึมครึม อิน้ำก็ขยันประชดฟ้าเหลือเกิน ส่วนน้ำคงจะลืมไปแล้วมั่งว่ามีแฟนชื่อต้น
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
20
“เป็นไงบ้างวะต้น!?”
เสียงผู้คนอื้ออึงพร้อมกับเข้ามาล้อมรอบพากันช่วยพยุงและดูที่หัวของต้นทำให้เจ้าตัวอดที่ตะซาบซึ้งใจไม่ได้ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าเค้าไม่เหลียวไปเห็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนลุกขึ้นจากที่นั่งด้านบนสุดแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปดักหน้าใครบางคนที่พึ่งฉะกันกับเค้าเมื่อครู่
ฟ้ายังคงห่วงมัน ห่วงเสมอไม่ว่าจะอยู่หรือไม่ได้อยู่ด้วยกัน
“ดีนะที่หัวไม่กระแทก แล้วเอาก้นลงแทนเนี้ยน่าจะระบม พักก่อนเหอะวะ”
ต้นพยักหน้ารับคำบอกกล่าวของหัวหน้าทีมที่ชื่อพี่ตี๋ พี่คิดกับพี่แมตที่ตัวค่อนข้างใหญ่เลยเข้ามาช่วยพยุงผมไปยังจุดพักนักกีฬา ตอนนี้ฟ้ากับมันหายออกไปจากสนามแล้วและผมก็ตามไปไม่ได้ด้วย
ตอนนี้จะหัวแตกแขนหักก็คงไม่เจ็บเท่าใจดวงนี้ที่กำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง
“พวกพี่ไปแข่งต่อเหอะ ผมโอเค”
“อยู่นี่ไม่ต้องลงแล้วนะเว้ย เกิดเป็นอะไรขึ้นมากูทำคืนพ่อแม่มึงยังไม่ได้ด้วย”
ต้นฝืนยิ้มให้กับมุขฝืดของหนุ่มรุ่นพี่แล้วจึงตอบรับ ขณะที่เกมส์กำลังเริ่มต้นใหม่และเค้ากำลังเหม่อมองทั้งที่ใจไม่ได้จดจ่อไปกับมันเลยสักนิด จู่ๆก็มีผ้าเย็นๆมาทาบกับแก้มให้ได้สะดุ้งเล่นๆ ต้นหันไปมองจนพบกับคีย์ที่ยังคงยื่นผ้าเย็นมาให้อยู่อย่างนั้น
“เอาไปประคบตรงที่ถูกกระแทกซะ”
“อะ อืม ขอบคุณนะ”
พอต้นรับผ้ามาประคบคีย์ก็ถอนหายใจแล้วเข้ามานั่งลงข้างๆซึ่งว่างอยู่พอดี
“นานรึยัง?”
ต้นเลิกคิ้วพลางหันไปมองคนถามด้วยความงงงวย
“คบกับฟ้านานรึยัง? ทำไมเราดูไม่ออกแล้วก็ไม่เห็นบอกกันสักคำ”
ต้นเค้นยิ้ม
ทำไมเค้าจะไม่รู้ละว่าฟ้าเอ่ยปากขอเค้าเป็นแฟนทำไม แต่ทั้งที่รู้เค้าก็ยังเลือกที่จะปิดหูปิดตาตั้งท่าเป็นคนโง่ดักดานต่อไปเพียงแค่ขอให้ได้อยู่ใกล้ๆได้เข้าไปมีบทบาทกับชีวิตของฟ้า ของคนที่เค้ารักบ้าง
“ถ้าให้ไล่ก็คงสัปดาห์กว่าๆ”
คราวนี้เป็นคีย์ที่เลิกคิ้ว
“อย่าบอกนะว่าเป็นช่วงที่ไปทะเลกันนะ?”
ต้นยังคงยิ้มแต่สายตากลับมองลงต่ำ
“เชี่ยเหอะ ช่วงนั้นไอ้ฟ้ามันไม่มั่นคงอยู่นะเว้ย แล้วมึงไปรับปากกับมันทำไม?”
สมกับที่เป็นเพื่อนกันจริงๆ รู้ลึกรู้ซึ้งดีชะมัด
“เรารักฟ้า นั้นคือเหตุผลเดียว”
คีย์ถึงกับชะงักค้าง ปากเล็กที่กำลังจะเอ่ยอะไรสักอย่างหุบฉับแล้วหันกลับไปมองยังเกมส์กีฬาเบื้องหน้า
“ตั้งแต่โตมา กูยังไม่เคยเห็นใครมีความรักแล้วมีความสุขเลยสักคน”
ต้นเงยหน้ามองคนพูดที่เหมือนจะเอ่ยเป็นประโยคบอกเล่าลอยๆไม่น่าสนใจแต่กลับมีความหนักหน่วงในน้ำเสียง
“คีย์ไม่เคยมีแฟนเหรอ?”
คีย์ไม่ตอบแต่หน้าเริ่มเห่อแดงทั้งๆที่ยังคงตีหน้านิ่งได้อย่างแนบเนียน ต้นเผลอหัวเราะออกมาเสียงแผ่วจนคีย์หันมามองค้อนนั้นแหละเค้าถึงได้ชูมือสองข้างให้ในเชิงยอมแพ้
“คีย์ก็ออกจะน่ารัก ทำไมถึงไม่มีแฟนละ?”
“ใครสั่งใครสอนให้ชมผู้ชายว่าน่ารักวะ!”
“เอ๊า เราพูดความจริงเหอะ”
“จะจริงไม่จริงก็ช่าง แต่เราไม่อยากได้ยิน!”
“ครับๆ ไม่พูดแล้วครับ”
“ไอ้เชี่ย”
“ทำไมชอบสถบจังวะ ทีฟ้ายังพูดซะเพราะ”
“ก็นี่มันกู ไม่ใช่ไอ้ฟ้า!!!”
สิ้นเสียงตะคอกลั่นนั้นคีย์ก็ผุดลุกขึ้นเดินดุ่มๆตรงไปยังทางประตูทันที ต้นได้แต่อ้าปากเหวอตกใจที่อีกฝ่ายไม่พอใจมากถึงขนาดนั้นแต่จนแล้วจนรอดก็ฝุดลุกขึ้นเดินตามคีย์ออกไปบ้าง
และก็เจอตัวคนช่างวีนกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ไกลจากโรงยิมสักเท่าไหร่ ต้นยืนมองคนตัวเล็กที่ดูเหมือนกำลังบ่นอะไรสักอย่างคนเดียวทั้งที่จมูกและตาแดงก่ำ ต้นรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เค้าไม่รู้ว่าคีย์จะเกลียดการถูกเปรียบเทียบถึงขนาดนี้
“คีย์”
คนถูกเรียกสะดุ้งเฮือกก่อนจะเชิดหน้าหันหนีจนต้นเผลอยิ้มไปด้วยไม่ได้
“เราขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจจะเปรียบเทียบคีย์กับฟ้าจริงๆ”
คีย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแต่การหันหน้ากลับมามองสบตากันแค่นี้ต้นก็รู้แล้วว่าคีย์ได้ให้อภัยเค้าแล้ว ต้นยิ้มกว้างก่อนจะเอื้อมมือไปให้คนที่ยังคงนั่งจุมปุกอยู่ด้านล่าง คีย์มองหน้าต้นสลับกับมือไปมาจนต้นพยักหน้าอีกครั้งคีย์จึงเอื้อมมือมาจับและลุกขึ้นยืนในที้สุด
“พึ่งรู้จะเนี้ยว่าคีย์ตัวสูงถึงแค่อกเราเนี้ย”
“ไอ้ต้น!”
“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ยอมแล้วครับ คีย์ว่างไหมไปกินข้าวเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ”
“ชิ มาชวนคนอื่นกินข้าวงี้แฟนจะไม่ว่าเอาเหรอวะ”
“ไม่หรอก วันนี้คงไม่ได้เจอกันแล้วแหละ”
คีย์ถึงกับเงียบกริบ เค้าก็ลืมไปว่าฟ้ามันไปไหน และเมื่อกี้ยังพึ่งคุยเรื่องซีเรียสมาหยกๆ
“ขอโทษนะ”
“หือ?”
“ก็…ที่พูดเรื่องฟ้าอะ”
“หึ ไม่เป็นไร ตอกย้ำเรามากๆก็ดี เราชอบ”
“เป็นมาโซฯรึไงวะ?”
“ก็ไม่รู้สินะ”
“ไอ้ต้น”
“โอ้ย หิวชะมัด กินอะไรดีน๊า~”
“เชี่ยนี่”
ถึงจะด่าแต่ปากทำไมถึงได้ฉีกยิ้มกว้างอย่างนี้ละ มุงบ้าไปแล้วไอ้คีย์ บ้าไปแล้ว
ควันบุหรี่ลอยละล่องไปตามแรงลมของชั้นยี่สิบกว่าๆ น้ำได้แต่นั่งเหม่อมองท้องฟ้าปล่อยให้บุหรี่ในมือมอดไหม้ไปตามกาลเวลาโดยไม่นึดจะเหลียวแลทั้งๆที่กะจะสูบเพื่อระงับความฟุ้งซ่านในอก แต่มันก็ศูนย์เปล่า เสียงเลื่อนเปิดของบานกระจกหนาดังขึ้นแต่น้ำก็ยังคงนิ่งไม่ไหวติง
“น้ำ จะนั่งอยู่แบบนั้นไปถึงเมื่อไหร่”
น้ำไม่สนใจเจ้าของห้องตัวจริงที่เป็นสาวสวยคู่ควงชั่วครั้งชั่วคราว หยกเป็นหญิงสาวไฮโซที่ฉลาดเฉลี่ยวพอสมควร ทั้งที่เจ้าหล่อนก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วแต่ก็ยังคงหลงเสน่ห์ผู้ชายตรงหน้านี้ิอยู่ดี
“เหม่อลอยอย่างนี้ คิดถึงใครอยู่เปล่า?”
หญิงสาวถามกระเส้ากะจะหยอกเล่นแต่น้ำกลับเผลอทำบุหรี่หลุดมือซะงั้น เธอมองคนตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา ถึงตอนโทรหาจะพูดจาออดอ้อนกอร้อกอติกแต่พอมาถึงจริงๆกับไม่สนใจกันสักนิดเอาแต่นั่งมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า ไม่ได้เคร่งขลึมหรือตีหน้ามาดเท่ห์ส่งสายตาน่าหลุ่มหลงเช่นเดิม
“อกหักมาเหรอ?”
เป็นอีกครั้งที่น้ำแสดงอาการออกมาให้ได้เห็น
“อย่าพูดบ้าๆน่าหยก”
หญิงสาวยกยิ้มกับอาการรนของน้ำก่อนจะเดินมานั่งหมิ่นๆอยู่ตรงที่เท้าแขนของเก้าอี้ น้ำขยับตัวนิดหน่อยทิ้งบุหรี่ที่มอดไหม้ไปเกือบหมดลงกับที่เขี่ยพร้อมกับโอบเอวหญิงสาวเอาไว้หลวมๆ
“บอกหยกหน่อยสิว่าสาวคนไหนที่เป็นผู้กุมหัวใจหนุ่มเจ้าเสน่ห์ของมหาลัยไว้ได้”
น้ำพ่นลมหายใจพร้อมกับเหยียดยิ้ม
“บอกหยกไม่ได้เหรอ ยังไม่ได้เปิดตัวกันสินะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า”
“ในที่สุดก็ยอมรับออกมาสักทีว่ามีคนๆนั้นอยู่จริง”
น้ำตวัดสายตามามองนางจิ้งจอกสาวที่เอาแต่ยิ้มส่งสายตากรุ่มกริ่มอยู่ข้างๆ ความเจ้าเล่ห์นี้หล่อนได้มาจากใครกันนะ
“มีอะไรก็ปรึกษาหยกได้นะ หยกเจอมาหมดทุกรูปแบบของสิ่งที่เรียกว่ารักแล้วแหละ”
น้ำนิ่งไปนิดก่อนจะปล่อยมือจากเอวคอดแล้วยกมือขึ้นกุมขมับหลับตานิ่งแต่คิ้วขมวดกันจนเป็นปม
“เค้า…ไปเป็นแฟนคนอื่นแล้ว”
“หืม คนๆนั้นนะเหรอ?”
“ใช่”
“โห หลงรักคนมีเจ้าของซะด้วย”
“แต่เรามั่นใจว่าเค้าแคร์เรามากกว่าคนที่มันให้สถานะแฟนซะอีก”
“เอิ่ม น่างงพอตัวเลยนะเนี้ย”
“ใช่ไหมละ เราถึงได้เครียดอยู่เนี้ย”
“แล้วน้ำเคยถามเค้าไหมละ ว่าทำไมถึงแคร์น้ำมากกว่าแฟนเค้า?”
“ไม่อะ”
“แล้วเคยบอกรักเค้ารึเปล่า?”
น้ำร้อนวูบที่หน้าทันทีที่ได้ยินคำว่ารักโพล่งออกมา นี่เค้ารักฟ้าจริงๆใช่ไหม
“ไม่เคย”
“ซึนเจอซึนสินะ”
“หมายความว่าไง?”
“หมายความว่าพวกความรู้สึกช้ามาเจอกัน เราว่าบางทีคนๆนั้นอาจจะรู้สึกเหมือนน้ำแต่ไม่รู้ใจตัวเองก็ได้”
“ไม่มีทาง เค้าพึ่งเป็นแฟนกับไอ้นั้นก็ตอนที่เราเริ่ม…แสดงอาการแปลกๆออกไปเองนะ”
“แสดงอาการแปลกๆ?”
“เพื่อนเราบอกว่ามันเป็นอาการของคนที่หึงหวงกัน”
“อ่าห่ะ”
หญิงสาวเงียบไปในขณะที่ดวงตาโตจ้องมองไปยังน้ำที่ยังคงเมียนมองไปยังผืนฟ้าที่ค่อยๆดับแสงลงทุกวินาที
“เท่าที่ฟัง เหมือนคนนั้นของน้ำกำลังหนีน้ำอยู่เลยนะ”
“เค้าเคยหนีหายไปแล้วรอบหนึ่ง แต่พอกลับมาก็เหมือนปกติทุกอย่าง ยกเว้นไอ้แฟนที่จู่ๆมันก็โผล่เข้ามา”
“นั้นแหละที่เค้าเรียกว่าหนี หนีทั้งภายนอกภายในเลยด้วย”
น้ำหันมาสบตากับสาวเจ้าที่จ้องเค้าอยู่ก่อนแล้ว
“ลางสังหรณ์ของเราแม่นนะ และเราก็กำลังสังหรณ์ว่า…เค้าคนนั้นมีใจให้น้ำแน่ๆแต่อาจจะกลัวอะไรสักอย่างอยู่เลยต้องผลักดันตัวเองออก”
สิบกว่านาทีต่อมาน้ำก็กลับมายังคอนโดของตนและฟ้าหลังจากที่ไม่ได้กลับมาร่วมสัปดาห์ ระหว่างที่ขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นของตนในหัวเค้าก็คิดถึงคำพูดและคำแนะนำจากหญิงสาวที่พึ่งมาส่งและกลับไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
ติ๊ง!
เสียงลิฟท์เรียกสติของน้ำให้กลับมาก่อนที่จะก้าวเดินอย่างช้าๆเนื่องจากอาการปวดยังคงระบมอยู่ไม่น้อย
กริ๊ก!
เสียงปลดล็อคประตูดังขึ้นหลังจากที่น้ำเสียบคีย์การ์ดเข้าไป เค้าค่อยๆแง้มบานประตูจนกว้างพอแล้วจึงก้าวเดินเข้าไปภายใน ทุกอย่างเงียบเชียบอย่างที่เค้าคิด ถึงแม้ฟ้าจะอยู่แตฟ้าก็ไม่ใช่คนที่ชอบออกมานั่งเล่ยข้างนอกสักเท่าไหร่ ฟ้าชอบหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอน สังเกตุจากของส่วนตัวทุกอย่างทั้งกีต้าร์หนังสือคอมพิวเตอร์หรือแม้กระทั่งเกมส์เพลย์เองก็ล้วนอยู่ข้างในห้องนอนหมด ห้องนั่งเล่นเลยกลายเป็นพื้นที่ีร้างที่มีเพียงโซฟา โต๊ะเตี้ยและโทรทัศน์
น้ำเมียงมองไปยังบานประตูห้องนอนใหญ่ก่อนจะล้มตัวลงนั่งที่โซฟา เค้าแทบจะถล้าลงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อย สายตาเฉี่ยวพลันมองไปยังนาฬิกาดิจิตอลบนชั้นเหนือจอทีวีขนาดใหญ่
สองทุ่มกว่าแล้วเหรอเนี้ย
เพราะไฟที่เปิดสว่างโล่นั้นทำให้เค้าไม่ได้สังเกตุถึงช่วงเวลา น้ำลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อรินน้ำดื่มแต่ก็ต้องชะงักกับหม้อข้าวต้มทรงเครื่องที่เย็นชืดจนเป็นไข ปริมาณที่ทำมันสำหรับคนสองคน ในเมื่อฟ้าคิดว่าเค้าคงไม่กลับแน่ๆในคืนนี้แล้วทำไม…
…หรือว่าจะพาไอ้นั้นมา…
…แต่ก็ไม่น่าปล่อยไว้จนเย็นชืดขนาดนี้นี่…
ด้วยความสงสัยน้ำจึงเดินไปยังบานประตูห้องนอนใหญ่แล้วลงมือเคาะเสียงดังพอให้คนข้างในได้ยิน
แต่กลับไม่มีการตอบสนองจากคนที่อยู่ข้างในเลย
“ฟ้า”
น้ำตัดสินใจทั้งเคาะทั้งเรียกไปอีกรอบแต่ก็ยังเงียบเช่นเดิม
“ฟ้า!”
น้ำเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นด้วยใจที่เริ่มอยู่ไม่สุข เมื่อผลมันยังเป็นเช่นเดิมเค้าจึงลองบิดลูดบิดดูและมันก็ไม่ได้ล็อค น้ำเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปภายในจนเห็นได้ว่าภายในห้องนั้นกลับมืดมิดผิดกับด้านนอก เค้ากวาดตามองเตียงที่ถูกขึงจนเรียบตึง ผ้าห่มพับเป็นระเบียบแล้วก็โล่งใจ ฟ้าคงไม่อยู่ที่นี้สินะ
ในขณะที่กำลังจะหันหลังออกจากห้องแสงสว่างจากโต๊ะโคมไฟข้างหัวเตียงก็สว่างวาบขึ้น น้ำขมวดคิ้วแล้วเดินเข้าไปใกล้ มันโชว์ข้อความจากไอ้คนที่ฟ้าเรียกมันว่าแฟนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางจอ ดีที่ฟ้าไม่ได้ตั้งเป็นการส่วนตัวไม่งั้นเค้าคงไม่เห็นข้อความที่ถามว่า ‘ฟ้าอยู่ไหน ทำไมไม่รับสายเราเลย’ แบบนี้
ทิ้งโทรศัพท์ไว้งั้นเหรอ
น้ำเปิดโคมไฟใดล้มือแล้วกวาดตาไปยังโต๊ะเขียนหันสือ เค้าเห็นกระเป๋าเป้ที่ฟ้าชอบใช้วางอยู่ ข้างๆมีกระเป๋าตังค์ใบย่อมและคีย์การ์ด
ไม่ได้ออกไปไหนงั้นเหรอ
ถ้างั้นฟ้าอยู่ที่ไหนละ
“ฟ้า”
ยังคงเงียบกริบ
“ฟ้า!”
น้ำเริ่มใจไม่ดีจนต้องวิ่งออกไปเปิดที่ห้องนอนเล็กและก็ไม่เจอ เค้ากลับมายืนอยู่ที่กลางห้องมองไปยังระเบียงที่ว่างเปล่า
“ฟ้าอยู่ไหน!? เราไม่เล่นนะ!?!”
ยังคงไม่มีเสียงตอบรับจนมีบางอย่างมาสติต่อมความคิดของเค้าให้ก้าวเดินไปยังห้องนอนใหญ่อีกครั้ง
เค้ามั่นใจว่าฟ้าต้องอยู่ในห้อง เพียงแต่จะอยู่ตรงไหน
น้ำเดินตรงไปยังห้องน้ำที่มืดสนิทไม่แพ้กันแต่เมื่อจะหันกลับออกมาหางตาก็ไปสดุดเข้ากับแสงสะท้อนจากผิวน้ำที่อ่างด้านใน
“ฟ้า!”
น้ำเปิดไฟก่อนจะพุ่งตัวเข้าไไปยังอ่างที่มีร่างอันเปลือยเปล่าและขาวซีดนอนอยู่ด้านใน ฟ้ายังคงหลับไม่ได้สติอยู่เช่นเดิม น้ำรีบอุ้มฟ้าออกมาจากอ่างแล้วพาไปนอนลงที่เตียงก่อนที่จะจับหน้าฟ้ามาตบปลุกเบาๆ
“ฟ้า! ฟ้า!!”
ฟ้ายังคงนิ่งน้ำเลยต้องรีบโทรเรียกรถพยาบาลโดยด่วนที่สุด
อย่าเป็นอะไรนะฟ้า
เรากลับมาแล้ว กลับมาหาฟ้าแล้ว ฟ้าอย่าหนีเราไปไหนอีกนะ
Tbc.. …
หลังจากนี้จะค่อยๆหวาน ความเจ็บจะค่อยๆทุเลาลงค่ะ ^_^
เอาใจเอฟซีพี่น้ำหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไรท์ลำเอียงไม่ให้พระเอกออกโรงบ้างเลย 555+
-
อ่าว...ฟ้า เกิดไรขึ้น
-
◑MAKE FRIEND ◐
★เพื่อน ●รัก★
21
ฟ้ารู้สึกตัวขึ้นมาด้วยอาการมึนหัวพอสมควร เท่าที่จำความได้คือตัวเองกำลังแช่น้ำเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของร่างกายรวมทั้งหัวที่ปวดตุบๆมาตั้งแต่เมื่อวาน ความจริงเค้าก็พอรู้ตัวว่าตัวเองกำลังไม่สบายแต่ก็ไม่น่าจะหนักหนาอะไรเลยไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่นัก
ดวงตาสีนิลลืมขึ้นมองรอบข้างที่มืดสลัว มีเพียงแสงไฟสีส้มจากหัวเตียงที่ไม่คุ้นเคยและตราสัญลักษณ์ของโรงพยาบาลเอกชนละแวกคอนโด
ได้แอ๊ดมิทจนได้สิน่า
ระหว่างที่สายตาเริ่มคุ้นชินฟ้าก็ได้เหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนซึ่งกำลังนอนห่มผ้าหันหลังให้เค้าอยู่ตรงโซฟา
คนที่เข้ามาภายในห้องได้ก็มีเพียงตัวฟ้าเองและ…
“น้ำ”
เสียงแหบแห้งแทบไม่มีแรงนั้นเอ่ยเรียกอย่างแผ่วเบาแต่ทว่าคนที่นอนคุดคู้อยู่นั้นกลับขยับตัวและหันมาหา น้ำลุกขึ้นนั่งตาบลือๆแล้วจึงตรงมาจับหน้าจับหน้าผากคนบนเตียงเบาๆ ใบหน้าหล่อเข้มยังคงเดิมไม่มีอาการกระวนกระวายหรือโกรธเคือง หากแต่ภายในแววตาเฉี่ยวสีน้ำตาลอ่อนนั้นยังคงมีความอ่อนโยนและความห่วงใยให้เค้าเสมอ
“เป็นไงบ้าง มีอาการผิดปกติตรงไหนไหม? ถ้ามีเราจะกดเรียกหมอให้”
ฟ้าหลบสายตานั้นด้วยใจที่เต้นไม่เป็นล่ำเป็นสัน
“เรามึนหัวนิดหน่อยนะ”
น้ำพยักหน้ารับแล้วกดอินเตอร์โฟนเรียกพยาบาลด้านนอกเพื่อบอกว่าคนป่วยได้ฟื้นแล้ว ไม่นานหมอก็เข้ามาดูอาการฟ้าจนเรียบร้อยก็ออกไปแต่ยังเน้นย้ำในเรื่องอาการของฟ้าให้น้ำฟังอีกครั้ง หมอบอกว่าอาการของฟ้าคืออาการหมดสติระดับอ่อนเนื่องจากความดันที่เปลี่ยนแปลงเพราะความอ่อนเพลียและความเครียด ถึงตอนนี้อาการจะไม่รุนแรงมากแต่ถ้ายังคงไม่ดูแลก็อาจจะเพิ่มระดับความรุนแรงไปจนถึงขั้นสูญเสียการควบคุมความเคลื่อนไหวของร่างกายได้
“เวอร์ไปละ”
ฟ้าบ่นอุบเมื่อหมอและพยาบาลออกจากห้องไปหมดแล้ว
“ไอ้เรื่องไม่ดูแลตัวเองนี่เป็นยังงี้ตลอดเลยนะฟ้า”
“น้ำก็รู้ว่าเราแข็งแรงจะตาย หมอก็ชอบพูดให้ฟังดูเวอร์ๆตลอดแหละ”
“ถ้าแข็งแรงจริงแล้วจะมานอนหมดสภาพอยู่นี่รึไง”
ฟ้าจิ๊ปากตั้งท่าจะเถียงต่อแต่กลับมีบางอย่างมาสกิตในใจเลยต้องหันไปมองน้ำอย่างกระวนกระวาย
“เรื่องนี้น้ำได้บอกใครไปบ้างรึยัง?”
น้ำหมุนหัวคิ้ว
“เรื่องอะไร?”
“อย่ามาแกล้งซื่อตอนนี้จะได้ไหมน้ำ เราไม่เล่นนะ”
“เอ๊า ก็มันเรื่องอะไรกันแน่ละ”
ถึงคำพูดจะออกมาแบบนั้นแต่สีหน้าแววตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับยังคงเผยอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลา ฟ้าเกิดความหมั่นไส้เลยฟาดมือใส่ต้นแขนแรงๆไปทีจนน้ำสะดุ้งโหย่ง
“โห ชอบทำร้ายร่างกายเราประจำเลยวะฟ้า เดี๋ยวเราไปฟ้องแม่แล้วจะหนาว”
“ไม่ต้องมาขู่แล้วเปลี่ยนเรื่องเลยน้ำ สรุปเรื่องที่เรามานอนอยู่นี่ได้บอกใครไปบ้างรึยัง?”
“ก็มีแม่เราและก็ทางบ้านฟ้า”
ฟ้าถึงกับอ้าปากค้าง
“น้ำ!”
“อยู่ใกล้แค่นี้เรียกเบาๆก็ได้”
“ยังจะเล่นอีก!!”
“อ้าว เราทำอะไรผิดอีกเนี้ย?”
“ผิดหมดเลย! หยึ๊ย~”
แทบที่น้ำจะสลดกับคำกล่าวหาเค้ากลับยิ้มกว้างและหลุดเสียงหัวเราะจนโดนคนหัวร้อนบนเตียงตวัดสายตามามองจ้องเขม่ง
“หัวเราะอะไร!?”
นั้นไง ยังพาลได้อีก
“ขอโทษ”
“ไม่ยกโทษให้เว้ย! ตายแน่ๆ โดนจับกลับบ้านอีกแน่ๆอะ ไอ้น้ำบ้า!! ไปบอกบ้านเราทำไมเนี้ย เรื่องแค่นี้เอง!!!”
“ก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ”
“ก็บอกไปแล้วเหมือนกันว่าไม่ยกโทษให้!”
ให้มันได้อย่างนี้สิ
ทำไมเวลาหงุดหงิดแบบนี้แล้วยังน่ารักได้อีกนะ ปากแดงๆที่ยื่นจนจู๋ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันกับดวงตาที่รนไปมา น่าจับแก้มเนียนๆนั้นมาขยี้แกล้งกวนเสียจริง
“ขอโทษ…ที่โกหกว่าบอกทางบ้าน จริงๆแล้วยังไม่ได้บอกใครเลยต่างหาก”
เท่านั้นแหละ ฟ้าถึงกับชะงักค้างก่อนจะหันไปจ้องคนพูดชนิดที่แทบจะกระโจนมาถลกหนังหัว
“น้ำ!!!”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
“แกล้งกันได้ลงคอนะน้ำ จำไว้เลย จำไว้”
“หึหึ ก็ฟ้าน่าแกล้งเอง ช่วยไม่ได้”
“เออ! สรุปเราผิดใช่ไหมห่ะ!?!”
“โอ๋ๆ อย่าหัวร้อนสิครับ นี่มันเที่ยงคืนกว่าแล้วนะ นอนได้แล้ว”
“จิ๊”
น้ำหัวเราะขำให้กับคนป่วยแสนดื้อที่นอนหันหลังให้เค้าทันทีโดยที่ไม่มีท่าทีจะเจ็บกับรอยเจาะโยงสายน้ำเกลือที่แขนเลยสักนิด
“ทำดีๆดิฟ้า”
“อะไร เราก็จะนอนแล้วนี่ไง”
ถึงปากจะบอกว่าอย่างนั้นแต่น้ำเสียงนี่ตวัดใช่ได้ น้ำส่ายหัวแล้วเดินเข้ามาดึงผ้าห่มคลุมให้คนบนเตียงจนถึงไหล่ ฟ้าเผลอเกร็งตัวโดยทันที ลมหายใจชะงักไปนิดเมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่คุ้นเคย
“เอาเถอะ ถึงจะดื้อจะไม่ห่วงตัวเองขนาดไหนก็ตามใจ เดี๋ยวเราจะเป็นคนดูแลฟ้าเอง”
ฟ้าแทบลืมหายใจ เค้าค่อยๆหันมามองคนพูดที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าท่าทางปกติ
“อะไร? เราพูดอะไรผิด?”
“คิดยังไงถึงพูดแบบนั้น?”
“ก็พูดตามที่คิด ผิดรึไง?”
“ผิด”
“อ้าว”
“ผิดปกติมากอะน้ำ”
“ผิดตรงไหน พูดอย่างกับที่ผ่านมากว่าสิบปีนี้เราไม่ได้ดูแลกัน”
น้ำพูดด้วยรอยยิ้มในขณะที่ฟ้ากรอกตาไปมา
“มันก็จริงนะ แต่ไม่รู้สิ เราว่ามันแปลกๆ”
“ไม่แปลกหรอก เพียงแค่ไม่เคยพูดออกมาให้ได้ยินก็แค่นั้น”
“มันก็จริงแฮะ”
น้ำระบายยิ้มให้กับความเอ๋อๆของคนตรงหน้า ฟ้าจ้องมองไม่วางตาจนน้ำเลิกคิ้วสงสัย
“จ้องอะไร ไม่เคยเห็นคนหล่อเหรอ?”
ฟ้าเบ้ปากทันที
“แค่คิดว่าอะไรที่ทำให้หมาบ้ากลายมาเป็นคนได้...”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ฟ้าก็หลุบตาลงต่ำพร้อมกับใบหน้าที่สลดลงนิดหน่อย เมื่อตอนเย็นน้ำได้ไปหาผู้หญิงคนหนึ่ง งั้นคนที่เปลี่ยนน้ำได้ก็คือผู้หญิงคนนั้นสินะ คงเป็นคนสำคัญมากๆเลยสินะ
“คิดอะไรอยู่นะ หน้ายู่เชียว”
ไม่พูดเปล่า น้ำเอื้อมมือไปจับข้างแก้มของคนตรงหน้าก่อนจะนวดๆบดๆจนหน้ายู่มากกว่าเดิม
“อื้อออ เอ็บอ๊ะ”
“หึหึ นอนไปเลย คิดอะไรมากเดี๋ยวก็ได้นอนโรงพยาบาลยาวหรอก”
“ไม่เอาอะ”
“งั้นก็นอนพักได้แล้ว”
“คร้าบๆพ่อครับ ผมจะนอนแล้วครับ”
“กวนวะฟ้า”
ฟ้ายิ้มรับ
“ฝันดีครับ”
และฟ้าก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อน้ำเอ่ยพร้อมกับเอี้ยวตัวลงมากดจูบลงที่หน้าผากเค้า ในขณะที่ฟ้ากำลังนิ่งอึ้งอยู่นั้นน้ำก็จับผ้าห่มมาคลุมให้แล้วจึงผละออกไปนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาโดยที่ไม่สนใจต่อสีหน้าท่าทางและแววตาที่ยังคงจับจ้องเค้าไม่วางตา รอยยิ้มผุดขึ้นมาที่มุมปากทั้งที่ตายังคงจ้องมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ในมือ
/อะไรนะ! ฟ้าเข้าโรงพยาบาล!!/
เสียงวี๊ดว๊าดดังแทรกออกมาจากโทรศัพท์ในมือน้ำจนฟ้าที่เดินอยู่ข้างๆยังได้ยินไปด้วย ตอนนี้พวกเค้าทั้งคู่กำลังเดินทางกลับคอนโดหลังจากที่เคลียร์กับทางโรงพยาบาลเรียบร้อยไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
“จะโวยวายทำไมวะคีย์?”
/จะไม่ให้โวยวายได้ไงวะ ฟ้าเข้าโรงพยาบาลเชียวนะเว้ย/
“แต่ก็ออกมาแล้ว”
/อ้าว/
“หัดฟังให้จบก่อนแล้วค่อยโวยวายได้ม่ะ”
ฟ้าหัวเราะขำให้กับการกัดหันไปมาของเพื่อนทั้งสอง น้ำกับคีย์มักต่อล้อต่อเถียงกันแบบนี้เป็นประจำจนฟ้าต้องเป็นฝ่ายช่วยแยกไปซะทุกครั้ง และครั้งนี้เค้าก็แย่งเอาโทรศัพท์จากมือน้ำมาคุยเองปล่อยให้น้ำขับรถต่อไปเพราะถึงช่วงสัญญาณไฟเปลี่ยนจากแดงเป็นเขียวพอดี
“คีย์”
/ฟ้า! เป็นอะไรทำไมต้องถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลด้วยอะ!?/
“ใจเย็นๆ เราไม่เป็นอะไรมากหรอก”
/คนที่เค้าไม่เป็นไรเค้าไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลกันหรอกเว้ย/
“หึหึ”
/ไม่ต้องมาหัวเราะ สรุปเป็นอะไร?/
“แค่เหนื่อยเลยวูบไปนะ น้ำเองก็ตื่นตูมเกินเลยวิ่งโร่พาเข้าโรงพยาบาล โอ้ย!”
พูดยังไม่ทันจะจบน้ำก็หยิกแก้มคนปากเก่งเข้าให้คนฟ้าร้องลั่นรถก่อนจะตวัดสายตาไปจ้องดุๆ แต่น้ำยังคงยิ้มกวนอารมณ์สายตาก็มองถนนต่อไป
/เป็นอะไรฟ้า?/
“ไม่มีอะไรหรอก แค่หมากัด”
“ปากเก่งงี้เดี๋ยวจับกัดซะให้เข็ด”
!!!
ทั้งฟ้าและคีย์ต่างก็ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากคนข้างๆ ฟ้าอ้าปากค้างจะเถียงกลับก็คิดคำพูดไม่ออกจนคนปลายสายเป็นฝ่ายท้วงขึ้นมาก่อนนั้นแหละ
/เชี่ยน้ำมันพูดอะไรวะ ขนลุกเลยเนี้ย/
“น้ำมันล้อเล่นนะ”
“เราพูดตอนไหนว่าล้อเล่นนะ”
“น้ำ!”
“หึหึหึ”
/เห้ยๆ เราว่ามันแปลกๆนะฟ้า ตกลงใครป่วยกันแน่วะเนี้ย/
“เอาเหอะ ยังไงเราก็โอเคแล้วกำลังกลับคอนโดฝากแล็คเชอร์วิชาของวันนี้ด้วยแล้วกัน”
/ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเรียนเสร็จจะเข้าไปหาละกัน นอนพักเยอะๆละ/
“โอเค”
เมื่อวางสายไปต่างคนต่างก็เงียบไม่พูดไม่จาและตกอยบู่ในห้วงความคิดของตัวเองไปจนกระทั่งถึงคอนโดและขึ้นไปยังห้องของตน น้ำยังคงคอยเดินตีคู่เคียงข้างพลางเอื้อมมือไปโอบเอวฟ้าไว้หลวมๆโดยใช้ข้ออ้างว่าช่วยพยุงเผื่อวูบไปอีก ฟ้าเองก็ใช่ว่าจะยอมแต่ถึงฟ้าจะแย้งยังไงมือหนาของคนตัวใหญ่ก็ไม่ยอมปล่อยอยู่ดี ฟ้าเลยต้องปล่อยเลยตามเลยไปจนถึงห้องนั้นแหละ
“หวา กลิ่นอะไรเน่าๆเนี้ย?”
ทันทีที่เปิดประตูห้องได้ฟ้าก็บ่นอุบทันที น้ำเองก็ก็พยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะไล่สายตาไปเจอหม้อที่ยังคงค้างอยู่บนเตาแก๊ส
“จากหม้อนั้นมั่ง?”
“เห้ย! จริงด้วย ลืมไปเลยนะเนี้ย”
พูดจบเจ้าตัวก็รีบก้าวยาวๆพุ่งตรงไปยังโซนครัวทันที น้ำเลยต้องเดินเอาห่อยาไปวางไว้ที่เค้าเตอร์เงียบๆปล่อยให้ฟ้าจัดการกับเศษซากที่เหลือไป
“ฟ้า เราอาบน้ำก่อนนะ”
น้ำชะโงกหน้ามาบอกฟ้าที่ครัวพอฟ้าพยักหน้ารับเค้าเลยหายเข้าห้องนอนใหญ่ไปโดยไม่ต้องคิด น้ำกะจะย้ายข้าวของของตนที่ห้องนอนเล็กมาอยู่ที่ห้องนอนใหญ่อย่างถาวรโดยที่ไม่ต้องรอฟังคำท้วงติงใดๆจากเจ้าของห้องที่แท้จริง ไม่กี่นาทีน้ำก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพกึ่งเปลือยเพราะมีผ้าขนหนูพันอยู่ที่เอวเพียงผืนเดียว ผิวสีเข้มกว่าใครอีกคนยังคงมีความชื้นเพราะผมที่เปียกลู่ไปกับผิวยังไม่ได้รับการเช็ดให้แห้งสนิด
น้ำกำลังหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กของฟ้ามาใช้แต่ทว่าความคิดหนึ่งกลับแว๊บเข้ามาในหัวซะก่อน เค้าเปลี่ยนใจนำผ้าฝืนนั้นไปใส่น้ำจนเปียกชุ้มแล้วจึงบิดหมาดๆและถือออกไปหาฟ้าที่นอนแผ่ตากแอร์อยู่ตรงโซฟากลางห้อง
“ฟ้า”
เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นมองก่อนจะฝุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงหน้าตาตกอกตกใจก่อนที่จะเห่อแดงจนน้ำอดยิ้มขำไม่ได้
ปฎิกิริยารุนแรงมากกว่าที่คิดซะอีกแฮะ
“มะ มีอะไร ทำไมไม่ไปแต่งตัวดีๆละ?”
“ผ้าเปียก”
น้ำตอบพร้อมชูผ้าในมือให้คนถามดู
“แล้วไง เปียกก็ไปหาผืนใหม่สิ”
“ในห้องไม่มีแล้ว”
“แล้วห้องตัวเองละ?”
“ไม่รู้ยังไม่ได้ไปดู”
“.......”
“ฟ้าไปดูให้หน่อยสิ”
“เห็นเราเป็นคนใช้รึไง?”
“นะครับ”
ฟ้าเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงก่อนที่จะผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้าห้องนอนเล็กไปโดยไม่พูดไม่จา น้ำมองตามอย่างชอบใจแต่ไม่นานเค้าก็เดินตามเข้าไปจนทันได้เห็นฟ้ากำลังก้มๆเงยๆที่ตู้เสื้อผ้า น้ำค่อยๆเดินเข้าไปยืนนิ่งที่ด้านหลังจนฟ้าหาผ้าเจอและลุกขึ้นยืนหันหลังและเข้ามาปะทะเข้ากับเค้าพอดี
“เห้ย!”
หมับ!!
ฟ้าร้องด้วยความตกใจจนเกือบจะเซล้มหงายหลังดีที่น้ำยังไวกว่าเลยคว้าเอวเอาไว้ได้ก่อน ตอนนี้เลยกลายเป็นความแนบชิดที่ไม่มีแม้ช่องว่างระหว่างพวกเค้าทั้งสองคน ฟ้าเงยหน้าจ้องสบตาน้ำในขณะที่มือยังคงกำผ้าขนหนูแน่น เค้ายอมรับว่าใจเต้นโครมครามจนกลัวว่าน้ำจะได้ยินไปด้วย ลมหายใจอันแผ่วเบารินรดซึ่งกันและกันไร้ซึ่งสิ่งขว้างกั้นและคำพูดใดๆ
ฟ้าเป็นคนแรกที่เบนสายตาหนีแต่น้ำก็ยกมือขึ้นจับปลายคางคนตรงหน้าให้หันมาสบกันเช่นเดิม
“จะหนีทำไม?”
เสียงทุ้มถามอย่างแผ่วเบาจนใจคนฟังสั่นระรัว น้ำกดยิ้มเมื่อเห็นดวงตาสีนิลเลิ่กลั่กไปมาอย่างประหม่าและเก้อเขินในเวลาเดียวกัน
“ถามทำไมไม่ตอบละ?”
“ปล่อยเราก่อนได้ไหม?”
“ไม่ละ ขืนปล่อยฟ้าก็หนีเราไปอีกนะสิ”
“จะหนีไปไหนได้เล่า ห้องก็มีอยู่แค่นี้”
“งั้นตรงนี้ละ หนีอะไรอยู่?”
ฟ้ามองสบตากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงมือหนาที่จิ้มมาที่หน้าอกด้านซ้าย
“อะไรน้ำ?”
“ก็ตรงนี้ เหมือนกำลังหนีอะไรอยู่เลย”
“เพ้อเจ้อ ไปฟังอะไรจากใครเค้ามาละเนี้ย?”
“หยกบอกมานะ”
เท่านั้นแหละ ฟ้าถึงกับออกแรงผลักน้ำทันที แต่น้ำดูเหมือนจะรู้ตัวอยู่ก่อนแล้วเลยยังคงยึดตัวฟ้าไว้ได้ดั่งเดิม
“ปล่อย”
“อารมณ์เสียอะไรครับ?”
“อารมณ์เสียเพราะใครบางคนไม่ยอมปล่อยเราสักทีเนี้ยแหละ”
“อย่าดิ้นมากดิฟ้า”
“ทำไมไม่ทราบ?”
น้ำยิ้มกริ่มก่อนจะหลุบตาก้มลงมองต่ำ
“เดี๋ยวผ้าหลุดแล้วมันจะฉุดไม่อยู่ไงละ”
TBC.....
-
ฮึ่ยยย อย่ามาเต๊าะฟ้านะ
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
22
“หน้าบึ้งอะไรวะฟ้า?”
คีย์เอ่ยถามเพื่อนหลังจากที่เข้ามาหาฟ้าที่คอนโดเมื่อเรียนรายวิชาสุดท้ายของวันเสร็จ ฟ้ายังคงไม่ตอบคีย์แต่หันไปจิกตาใส่ใครอีกคนที่หัวเราะคิดคักอยู่ที่โซฟาข้างๆ ไม่รู้ว่าหัวเราะกับรายการในโทรทัศน์หรืออะไรแต่มันน่าหมั่นไส้จนฟ้าต้องหยิบหมอนอิงข้างๆฟาดเข้าให้
“อะไรฟ้า อย่ามาพาลดิ”
ฟ้าจิ๊ปากใส่แล้วจึงหันกลับมาหาคีย์ที่ยังคงมองด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนจะจับผิดแต่ก็ไหวระริกไปพร้อมๆกัน
“คีย์ซื้ออะไรมาเยอะแยะ?”
ฟ้าเอ่ยเพราะเห็นสารพัดถุงที่วางอยู่ตรงหน้า
“ของกินไง เราโคตรหิวเลยเนี้ย แกะมากินกันเลยเหอะ”
ฟ้าพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นถือถุงเดินไปยังเคาเตอร์ครัวโดยที่มีคีย์เดินตามไปช่วยอีกแรง ฟ้าดูของในถุงก่อนที่จะจัดแจงหยิบจานชามลงมาจากชั้นส่วนคีย์ก็คอยแกะถุงเตรียมเทใส่อยู่ข้างๆ
“ฟ้า”
“หืม?”
“มีเรื่องอะไรกับไอ้น้ำอีกรึเปล่า?”
ฟ้าชะงักมือไปแป๊บแต่ก็ตั้งสติกลับมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“ก็...ไม่นะ”
“อย่ามาตอแหล เราเป็นเพื่อนกันนะแค่นี้เราจะดูเพื่อนตัวเองไม่ออกเลยรึไง?”
“ก็ไม่ได้มีเรื่องจริงๆนี่”
“งั้นมีอะไร?”
“ก็....”
“ไอ้หื่นเอ๊ย!”
ฟ้าตะคอกลั่นทั้งที่หน้าแดงก่ำ น้ำหัวเราะชอบใจแต่ก็ยังไม่คลายอ้อมกอดแม้ฟ้าจะพยายามดิ้นหนีถึงเพียงใด ถึงแม้ฟ้าจะเป็นผู้ชายที่สูงโปร่งไม่ได้ร่างเล็กอ้อนแอ๊นแต่ฟ้าก็ไม่อาจสู้แรงเค้าได้อย่างแน่นอน
“บอกแล้วไงว่าอย่าดิ้น”
“งั้นก็ปล่อยสิ”
“ไม่ปล่อย ฟ้าอาบน้ำตั้งนานแล้วแต่ทำไมตัวยังหอมอยู่เลยละ”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เห้ย!”
พูดยังไม่ทันจะจบฟ้าก็ต้องอุทานลั่นเมื่อมือหนาของคนตรงหน้าเลื่อนลงไปประกบกับส่วนอ่อนไหว
“น้ำ!!”
“อ้าว นึกว่าแข็ง”
“ไอ้บ้านี่ ใครมันจะไปแข็งได้ตลอดเวลากันวะ!”
“เราไง”
“ไอ้หื่น”
“ยังพูดไม่จบเลย เราจะบอกว่าเราแปลกๆอะ”
ฟ้าหยุดนิ่งแล้วเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงๆ
“แปลกๆ?”
“ก็เวลาอยู่ใกล้ฟ้าแล้วเราของขึ้นทุกทีเลย เนี้ยก็กำลังแข็งอยู่ด้วย จับดูสิ”
“ไอ้สัส!”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“เชี่ยยยยยยยย!”
“เออ ก็นั้นแหละ เรานี่แทบจะล้มทั้งยืน ทำไมน้ำมันเปลี่ยนไปขนาดนี้อะคีย์”
คีย์เองก็ตอบไม่ได้ทั้งที่ภายในก็เริ่มจะแน่ชัดในสิ่งที่ตนจับสังเกตุอยู่ตลอด ฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่พอดีกับที่ทั้งสองจัดอาหารลงจานเรียบร้อยจึงได้เอ่ยเรียกน้ำให้มาทานพร้อมๆกัน
“ฟ้า มียาก่อนอาหารไม่ใช่เหรอ?”
“เหรอ ไม่รู้สิ”
“เด็กน้อยเอ๊ย”
น้ำบ่นทั้งที่ปากยิ้มแต่ก็ยังลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องเพื่อที่จะเอาถุงยาออกมาให้ฟ้า คีย์มองทุกการกระทำของน้ำตั้งแต่ต้นจนแกะออกมาป้อนใส่ปากและหยิบแก้วน้ำให้ดื่ม
“กินได้ละ”
คีย์พยักหน้ารับแล้วทั้งสามคนจึงลงมือกินข้าวเย็นไปพร้อมๆกับบรรยากาศที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่พูดไม่จา ฟ้าเองก็ลอบมองสบตากับคีย์โดยที่มีน้ำคอยตักนู้นตักนี่บริการให้เต็มที่จนตัวเองแทบไม่ได้กิน
“พอแล้วน้ำ เราจะอิ่มแล้ว”
ฟ้าอดที่จะท้วงไม่ได้
“กินไปนิดเดียวเองนะฟ้า กินอีกหน่อยสิ เดี๋ยวก็วูบไปอีก”
“อิ่มแล้ว”
“กิน”
“เอ๊ะน้ำ”
“จะกินเองรึจะให้เราป้อน?”
น้ำพูดเสียงเข้มในขณะที่ฟ้าได้แต่เม้มปากก้มหน้าก้มตากินต่อไป
“ทำไมกูรู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางจังวะ”
คีย์เอ่ยแซวออกมาโดยตั้งใจจะแขวะน้ำแต่ฟ้ากลับเป็นคนที่แสดงอาการออกมาซะงั้น
“คีย์!”
ฟ้าหน้าแดงแปร๊ดอย่างกับลูกตำลึงสุกแต่น้ำนั้นหัวเราะชอบใจเสียยกใหญ่
“รู้งั้นก็รีบกินรีบกลับดิวะ คนเค้าจะสวีตกัน”
“สวีตเหี้ยดิน้ำ เดี๋ยวนี้ชักลามปามใหญ่แล้วนะ”
“ฟ้าก็โหดขึ้นเป็นกองเชียวนะทั้งเหี้ยทั้งสัสนี่มาเต็ม แต่ก่อนไม่ยักกะพูดงี้กับเราเลย”
“ก็มันน่าไหมละ!”
“หึหึ”
“ไอ้น้ำ มึงจะไปยั่วโมโหฟ้ามันทำไมวะ รู้ๆอยู่ว่ามันขี้อาย”
“ก็มันอายแล้วน่ารักดี รึมึงจะเถียง?”
คีย์เลิกคิ้วแล้ววางช้อนในมือทันที เค้าจ้องหน้าน้ำก่อนที่รอยยิ้มร้ายจะปรากฎขึ้นที่มุมปาก
“แต่มันเป็นผู้ชายนะเว้ย คำว่าน่ารักมันไม่น่าใช้กับผู้ชายได้นี่หว่า?”
“สำหรับฟ้า คำว่าน่ารักนะถูกแล้ว”
ฟ้าอายจนอยากจะมุดโต๊ะหนีเสียให้ได้จะเถียงก็พูดไม่ออกจะด่าก็กลับถูกตอกกลับมาหนักกว่าเดิม
“หึหึ แล้วกูละ?”
“มึงนะ หน้าเหี้..โอ้ย!”
น้ำพูดยังไม่ทันจะจบก็โดนคีย์เตะหน้าแข้งเข้าให้ ฟ้าถึงกับหลุดหัวเราะจนน้ำขึงตาใส่
“มึงรู้ไหมน้ำ เกย์อย่างพวกกูนะมองผู้ชายด้วยกันว่าน่ารักว่าดูดีนะมันไม่แปลก แต่ไอ้ผู้ชายแท้อย่างมึงมองผู้ชายว่าน่ารักนะ มันโคตรจะส่อแวววะ”
“ส่อแวว?”
“ส่อแววว่าจะมาหลงผู้ชายด้วยกันเหมือนพวกกูไง”
“คีย์!”
แทนที่น้ำจะตกใจกลับเป็นฟ้าที่ร้องเรียกซะลั่นห้องส่วนตัวการก็ได้แต่ยักคิ้วไปให้อย่างกวนๆ น้ำหัวเราะเสียงแผ่วไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือกังวลอะไรแม้แต่น้อย
“แล้วไง?”
แถมยังถามกลับพลางตีหน้ากวนไม่แพ้กันอีกต่างหาก
“สองคนนี้พูดเรื่องเชี่ยไรวะ กินอิ่มแล้วก็ลุกไปเก็บจานล้างเลยไป”
“ฟ้าอย่าพึ่งขัดดิ”
“หุบปากไปเลยนะคีย์”
“แรงวะฟ้า เอางี้ เราขอถามไอ้น้ำเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจะเก็บข้าวเก็บของออกจากห้องไปทันทีที่ได้คำตอบเลยอะ”
“ไม่ต้อง”
“ถามมา”
“น้ำ!”
“เสียงดังวะฟ้า ฟ้าก็เก็บจานไปดิ เดี๋ยวเราเป็นคนล้างเอง”
“ไม่”
“งั้นก็นั่งอยู่นี่แหละ ว่ามาดิคีย์ จะได้รีบตอบรีบฟังแล้วก็รีบกลับไปเลยนะ”
“รีบไปสวีตกันเหรอออออ”
“เออดิ ถามมาๆ”
ฟ้าได้ตั่กดฟันทนนั่งฟังอย่างยอมจำนน สองมือเรียวยกขึ้นลูบหน้าปกปิดความแดงแปร๊ดพลางหงายหลังพิงพนักเก้าอี้ด้านหลังจนสัมผัสได้ถึงแขนแกร่งที่วางพาดมาจนดูเหมือนโอบเค้าอยู่กลายๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย?
คีย์ยิ้มกริ่มมองฟ้ากับน้ำที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วจึงเอนหลังไปพิงพนักพิงบ้าง
“มึงรู้ใจตัวเองแล้วเหรอไอ้น้ำ?”
น้ำเลิกคิ้วนิ่งมองคีย์ไปร่วมนาทีก่อนที่จะเผยยิ้มกว้างพร้อมเสียงหัวเราะชอบใจ
“อืม”
“ว่า?”
“ทำไมกูต้องบอกมึง?”
“ก็กูถาม”
“บางอย่างเจ้าตัวก็สมควรได้ยินเองเพียงคนเดียวป่าววะ?”
“ทำมาเป็นอุบอิบ ถ้าคนอื่นไม่ค่อยพูดให้คิดมึงจะมีวันนี้ไหมกูอยากจะรู้”
“อืมมมม...กูว่ามี แต่อาจจะนานหน่อย”
“นี่ขนาดไม่นานนะ ยังโดนแย่งไปแล้วอะ”
พูดมาถึงจุดนี้น้ำถึงกับชะงักและจากหน้ายิ้มๆก็แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที น้ำหันไปมองฟ้าที่ยังคงก้มหน้างุดเหมือนจะไม่อยากได้ยินหรือรับรู้อะไร
“ฟ้า”
ฟ้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองคนเรียก
“โทรไปบอกเลิกกันไอ้เหี้ยนั้นซะ”
“ห่ะ”
“ไม่ต้องมาห่ะ โทรไปบอกเลิกมันตอนนี้เลย”
“จะบ้าเหรอน้ำ จู่ๆจะไป...”
“แต่ฟ้าไม่ได้รักมันไม่ใช่รึไง?”
“อย่ามาทำเป็นพูดดี น้ำจะรู้ได้ไงว่าเรารักไม่รักใคร”
“อย่างน้อยๆเราก็รู้ว่าฟ้ารักใครแล้วกัน”
ฟ้าถึงกับพูดไม่ออก
“พะ พูดอะไรนะน้ำ? อย่ามาโม้น่า”
“โทษทีนะคีย์ ช่วยกลับไปก่อนจะได้ไหม?”
“ได้ งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะฟ้า เคลียร์กันดีๆอย่าให้กูได้ยินว่ามึงลงมือกันฟ้าอีกนะไอ้น้ำ”
“เออน่า”
ฟ้าได้แต่มองตามคีย์ตาปริบๆจะเข้าไปดึงเพื่อนให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้เพราะโดนน้ำลากไปที่ห้องนอนซะก่อน พอเข้าห้องได้น้ำก็ผลักฟ้าลงเตียงแล้วจึงตามไปค่อมทับไว้ทั้งตัว
“จะ จะทำอะไรวะน้ำ?”
“โทรไปบอกเลิกมันเดี๋ยวนี้”
“จะบ้า อุ๊ป! อืออออ”
ริมฝีปากหนากดลงมาทันทีที่ฟ้าโต้แย้ง ฟ้าเบิกตากว้างพยายามจะหันหนีแต่ก็โดนน้ำจับคางล็อคหน้าไว้ ริมฝีปากหนาบดขยี้เรียวปากของคนด้านล่างไม่นานก็ผละถอยออก ฟ้ามองน้ำด้วยความไม่เข้าใจทั้งที่หอบเอาอากาศเข้าปอดพร้อมใบหน้าแดงๆ มือทั้งสองข้างของฟ้าโดนน้ำจับล็อคไว้เหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียว
มือไวตลอด!
“ทำอย่างนี้ทำไม?”
“ก็บอกแล้วไงว่าโทรไปบอกเลิกมันซะ”
“ทำไมเราต้องเลิกกับต้น ต้นไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อย”
“แต่ฟ้าผิดต่อมัน ผิดต่อเรา และผิดต่อใจตัวเองด้วย!”
ฟ้าใจเต้นรัวจนตัวสั่นน้อยๆ
“พะ พูดอะไรวะน้ำ ปล่อยเรานะ”
“เราเคยบอกแล้วนี่ว่าจะไม่ปล่อยฟ้าอีกแล้ว”
“……”
“ฟ้าเป็นของเรา ไม่ว่าจะแต่ก่อนตอนนี้หรือตลอดไปฟ้าก็คือคนของเรา”
“อย่ามาพูดพล่อยๆนะน้ำ”
“เราพูดความจริงเหอะ เรามีอะไรกันก่อนไอ้เหี้ยนั้นซะด้วยซ้ำ”
“ไม่เห็นจะเกี่ยว มันก็แค่เซ็กส์”
“แน่ใจนะว่าเป็นแค่เซ็กส์”
ฟ้าเม้มปากแน่น
“อย่ากัดปาก”
เสียงที่อ่อนลงและความห่วงใยที่แสดงออกมันทำให้ฟ้าถึงกับอ่อนยวบ
“เราขอโทษที่ทำให้เจ็บ ขอโทษที่ไม่เคยรู้อะไรเลย”
“…”
“แต่เมื่อเรารู้ตัวแล้ว ฟ้าก็กลับมาหาเราได้ไหม?”
“…”
“นะครับ”
ฟ้าค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ อาการใจอ่อนต่อคำอ้อนของน้ำยังคงแผลงฤทธิ์ดั่งเดิม ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันอาจจะต้องเจ็บยิ่งกว่าเก่าในภายภาคหน้า
แต่ความรักที่มีให้มันกลับไม่ยอมลดน้อยถอยลงไปเลยจริงๆ
ฟ้ายังไม่ได้ลืมตาขึ้นมองหรือเอ่ยปากตอบอะไรก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆที่ริมฝีปาก คราวนี้เป็นการจูบที่อ่อนโยนและอ่อนหวานยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ทั้งที่เป็นเพียงแค่การประกบกันของริมฝีปาก ไม่มีการบดขยี้ ไม่มีการสอดแทรกเรียวลิ้น แต่มันกลับทำให้ใจฟ้าเต้นแรงพอๆกับเสียงหัวใจของคนด้านบน น้ำคลายมือที่จับรัดแขนทั้งสองข้างของฟ้าออกเลยทำให้ฟ้าสามารถเลื่อนมันมาโอบรอบคอน้ำได้ถนัดขึ้น น้ำแอบยิ้มแล้วจึงเริ่มแทรกเรียวลิ้นอุ่นชื้นเข้าไปกวาดต้อนหาความหวานจากภายใน มือหนาค่อยๆเลื่อนไปเค้นบีบเค้นกำขย้ำตามผิวเนื้อของคนด้านล่างอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
“อืออออ”
ฟ้าหลุดเสียงอือออในลำคอทันทีที่มือซนวนเข้ามาโดนตุ่มไตที่ชูชัน น้ำยังคงบีบเค้นคลึงนวดวนไปมาพร้อมกับขบเม้มริมฝีปากให้แรงขึ้น ฟ้าสะดุ้งเฮือกพลางเบิกตากว้างจนสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนด้านบน ดวงตาเฉี่ยวดุบัดนี้กลับดูอ่อนโยนและโหยหา ฟ้าไหวระริกทั้งแววตาและตัวตนจนน้ำผละริมฝีปากออกให้คนใต้ร่างได้มีโอกาสหายใจหายคอ
“อือออ น้ำ”
“ครับ?”
“อย่าเล่น”
“ไม่ได้เล่นซะหน่อย แจ่จะทำจริงๆเลยต่างหาก”
“ไม่ใช่ อ๊ะ!”
ฟ้าท้วงยังไม่ทันจะจบก็ต้องสะดุ้งโหยงหลุดเสียงร้องเพราะตุ่มไตสีชมพูใสนั้นได้ถูกเรียวปากของคนด้านบนนั้นครอบครองจนเสียวแปร๊บ ฟ้าแทบจะแอ่นกายตามกระแสไฟฟ้าภายในร่างพลางกดจิกเล็บลงบนที่นอน นี่มันมากกว่าปกติ มันมากจนเกินไป
“น้ำ ไม่เอา”
ฟ้ายกมือขึ้นดันไหล่น้ำเพราะนึกกลัวในสิ่งที่จะเกิด เค้าไม่คุ้นกับความรู้สึกแบบนี้ เค้าไม่ชินกับการทำตามความรู้สึกในเบื้องลึกของใจตัวเอง แต่น้ำกลับไม่หยุด ซ้ำยังรีบเร่งถอดกางเกงฟ้าออกจนฟ้าทำอะไรไม่ได้ มือหนาคว้าเอาแก่นกายอ่อนไหวของใครอีกคนไว้ในมือ ฟ้าสิ้นแรงที่จะต่อต้าน เค้าทำได้เพียงอ้าปากร้องครางเมื่อมือนั้นขยับขึ้นลงทั้งที่ปากก็คลอเคลียอยู่ที่ตุ่มไตด้านบน
“น้ำ…อืมมมม…น้ำ…”
ฟ้าทั้งครางทั้งเรียกอย่างโหยหา น้ำตาเริ่มเอ่อคลอจนไหลรินลงตามหางตา น้ำเห็นอย่างนั้นจึงถอนปากออกมากดจูบเข้าที่ดวงตาทั้งคู่อย่างปลอบโยน ฟ้าเลยได้ยกมือขึ้นคล้องคอน้ำอีกครั้งพร้อมกับประกบปากจูบเองด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี น้ำจูบตอบได้ดุเดือดพอๆกับมือที่เร่งจังหวะจนฟ้าตัวกระตุก เสียงครางแผ่วเล็ดรอดออกมาจากคอระหงส์ ฟ้าตัวสั่นเทิมและปลดปล่อยในเวลาต่อมา น้ำจึงถอนจูบและหันไปจุ๊บเข้าที่ขมับคนหอบที่ปล่อยมือจากคอเค้าและนอนตัวแดงหน้าแดงอยู่บนเตียง น้ำยิ้มกว้างเมื่อมองไล่ตั้งแต่บนลงล่าง ฟ้าดูยั่วมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
“ฟ้ามีเจลไหม?”
น้ำถามพลางก้มลงไปคลอเคลียกับแก้มเนียนหอมนุ่มของฟ้า ฟ้าไม่ตอบแต่ชี้มือไปที่ลิ้นชักโต๊ะตั้งโคมไฟข้างเตียง น้ำจึงผละตัวเดินไปเปิดดู มีทั้งเจลทั้งถุงยางเรียกว่าครบครันมากและจำนวนเยอะอีกต่างหาก
“ทำไมมีเยอะงี้ละ?”
“ก็ต้องใช้ทุกวัน”
อ้อ ลืมไปว่าเมื่อก่อนฟ้าก็เจ้าชู้น้อยซะเมื่อไหร่
“หลังจากนี้ไปใช้กับเราคนเดียวพอ”
ฟ้าหันไปมองยังคนพูด
“เราก็จะใช้มันกับฟ้าคนเดียวเหมือนกัน”
ฟ้าแทบลืมหายใจ ดวงตาสีนิลไหวระริกก่อนที่หยาดน้ำตาจะไหลรินหนักกว่าเดิม ฟ้ารีบยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาแต่มันก็ไม่ทันการเมื่อน้ำได้เห็นเต็มสองตา
“แล้วกัน ร้องไห้ทำไมละฟ้า ไม่เอาน่าเราใจไม่ดีนะ”
“ไปไกลๆเลย”
“เห้ย! ไม่เอางี้ดิ โอ๋นะครับโอ๋”
“บอกให้ไปไกลๆไง ขืนอยู่ใกล้ เดี๋ยวเราจะหัวใจวายตายเอา”
น้ำฉีกยิ้มกว้างใจพองโตจนแทบลอย เค้าค่อยๆเข้าไปหาฟ้าโดยการนอนข้างๆแล้วดึงเข้ามากอดจนแนบชิด
“ไม่เอาน่า ไม่ร้องดิ เราอยู่นี่แล้ว”
“ก็เพราะอยู่ตรงนี้ไงเลยร้อง ใครมันจะไปคิด…”
“คิดอะไรครับ?”
“ใครมันจะไปคิดว่าจะ…ได้ยินน้ำพูดแบบนั้น…”
“งั้นฟ้าคงต้องเตรียมใจอีกเยอะเลยละ”
ฟ้าเลื่อนมือลงจนดวงตาสีแดงก่ำนั้นจ้องมองมายังคนพูดโดยตรง
“หมายความว่าไง?”
“ก็หลังจากนี้ไปเราจะพูดทุกวันจนฟ้าเอียนเลยนะสิ”
“น้ำ”
“ครับ?”
“ทำไม…”
“เรารักฟ้า”
“……”
“ได้ยินไหม? น้ำรักฟ้านะครับ ไม่ใช่รักแบบพี่น้อง ไม่ใช่รักแบบเพื่อน มันมากกว่านั้น มันคือความรักที่อยากครอบครอง มันคือความรักที่มีความหึงหวง มันเป็น…”
“พอ”
“ทำไมละครับ?”
“พอแล้ว…เราใจเต้นแรงมาก แรงจนจะตายแล้วเนี้ย”
น้ำยิ้ม
“รักฟ้านะ”
“บอกว่าพอไง”
“ฟ้าเป็นของเรานะ เป็นของน้ำคนเดียว”
“พอเถอะ”
“แล้วฟ้าละ รู้สึกยังไงกับเรา?”
ฟ้านิ่ง เค้าหันกลับไปมองหน้าคนถามที่ยังคงยิ้มกวนเหมือนรู้ทันอยู่เช่นเดิม
“ยังจะถามอีก”
“ก็อยากได้ยินนี่”
ฟ้าเม้มปากแน่นทันที
“ฟ้าครับ”
“…ร…”
“หืม?”
“รัก”
“……”
“ฟ้าก็รักน้ำครับ”
น้ำยิ้มกว้างและเพิ่มแรงกอดจนฟ้าแทบจะมุดหายเข้าไปในตัวเลยก็ว่าได้ เค้าดีใจ เค้าใจเต้นแรงจนแทบจะกระเด้งกระดอนออกนอกอก เค้าไม่เคยรู้สึกดีใจกับอะไรมากถึงขนาดนี้มาก่อน
“ให้ตายสิ เข้าใจเลยว่าการดีใจจนแทบจะขาดใจตายมันเป็นยังไง”
ฟ้ายิ้มขำก่อนที่จะเอื้อมมือไปโอบกอดคนตัวใหญ่บ้าง ความรักของพวกเค้านะมันทั้งร้ายและอันตราย แต่ถึงแม้จะร้ายจะอันตรายถึงเพียงไหนแก่นแท้ของมันก็คือความสุขที่ดีจนแทบจะทำให้สิ้นสติ สิ้นแรง และสิ้นใจได้นั้นเอง
TBC…
ซะทีเนอะ
~เฮ้ย~
-
◑MAKE FRIEND ◐
★เพื่อน ●รัก★
23
วันต่อมาฟ้ามามหาลัยด้วยรถสปอร์ตสีควันบุหรี่สุดหรูที่แสนคุ้นเคย ช่วงนี้เค้าแทบไม่ได้แตะรถมินิสีแดงคู่ใจของตัวเองสักเท่าไหร่แถมยังมีสารถีส่วนตัวที่เป็นเจ้าของรถอีกด้วย
“เรียนเสร็จบ่ายสองใช่ไหม?”
ฟ้าหันไปมองคนถามหลังจากที่รถจอดสนิดอยู่ริมฟุตบาทหน้าตึกคณะสถาปัตฯที่ฟ้าเรียน
“ใช่ แต่น้ำเรียนถึงเย็นนี่”
“อืม”
“.....”
“.....”
“งั้นเราไปเรียนก่อนนะ”
“เดี๋ยว”
ฟ้าชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูรถแล้วหันมาหาคนเรียก น้ำใช้โอกาสนี้โน้มตัวมาหาแล้วกดจูบเข้าที่ริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบาแต่อ้อยอิ่ง ฟ้านิ่งค้างจนกระทั่งน้ำผละถอยออกไปพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แต่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
“นิ่งเลย”
ฟ้ากระพริบตาปริบๆในขณะที่น้ำยังคงยิ้มกว้าง เค้าเอื้อมมือไปรวมเส้นผมดำยาวของคนตรงหน้าแล้วจึงหยิบหนังยางรัดรวบไว้ให้จนเสร็จถึงได้สังเกตุเห็นใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อแถมยังก้มหน้าหลบตาเสียยกใหญ่
“เขินเหรอ?”
“ป่าวซะหน่อย เราไปเรียนละ”
“เดี๋ยวซิ๊”
“อะไรอีก?”
ฟ้าถามน้ำเสียงฟึดฟัดแต่น้ำก็รู้ดีว่ามันคืออาการเก้อเขินของคนตรงหน้า น่ารักชะมัด
“เรียนเสร็จโทรหา เดี๋ยวจะมารับไปส่งที่คอนโด”
“อ้าว น้ำมีเรียนไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ใช่ แต่จะไปส่งก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนไง”
“ไม่ต้องเลย เรียนไปเรากลับเองได้”
“แว๊บไปส่งแค่ไม่กี่นาทีไม่เป็นไรหรอกน่า”
“ไม่เอา”
“ฟ้า”
น้ำกดเสียงเอ่ยทั้งที่แขนเค้ายังคงพาดอยู่กับเบาะนั่งของฟ้าและการแสดงสีหน้าที่จริงจังนั้นทำให้ฟ้าถึงกับเม้มปากแน่น ฟ้าไม่อยากขัดแต่ก็ไม่อยากกวนเวลาเรียนของน้ำพอๆกัน
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ครับ คีย์ไม่ได้เอารถมาแน่นอน และไอ้เคนก็เรียนกับเรา ถ้าเราไม่ไปส่งแล้วฟ้าจะกลับยังไง?”
“รถเมย์ รถไฟฟ้า รถแท๊กซี่เยอะแยะ อย่าทำเหมือนเราเป็นเด็กอายุ 3 ขวบไปหน่อยเลยน่า”
“ฟ้าเมารถเมย์เพราะมันเหวี่ยง รถไฟฟ้าเดี๋ยวมีคนมาเกาะแกะ ส่วนแท๊กซี่นี่เลิกคิดไปได้เลย อันตราย”
“เวอร์ไปไหมน้ำ”
“ไม่เวอร์ไปหรอก สรุปคือเดี๋ยวเราไปส่ง จบครับ อย่าเถียงเดี๋ยวผัวจับฟาดก้นซะให้เข็ด”
“เห้ย! พูดบ้าอะไรวะ!!”
“หรือไม่จริง ได้กันมาตะ อุ๊บ!”
ฟ้าเขินจัดแทบจะระเบิดจนต้องยกมือขึ้นปิดปากคนหน้าตายที่พูดสบายๆอย่างไม่รู้สึกรู้สา ถึงมันจะเป็ฯความจริงแต่เค้าก็ไม่พร้อมที่จะฟังโต้งๆแบบนี้หรอกนะ
“หึหึ”
เมื่อพูดไม่ได้น้ำเลยได้แต่หัวเราะ เค้าแกะมือฟ้าออกมาจุ๊บเบาๆแล้วจึงเลื่อนไปลูบหัวคนตรงหน้าอย่างนึกเอ็นดู
“ไปเรียนได้ละ แล้วอย่าลืมโทรหาเราตอนเรียนเสร็จแล้วนะ”
ฟ้าไม่ตอบแล้วหันไปเปิดประตูรถลงไปทันที น้ำมองตามร่างโปร่งที่ปิดประตูรถค่อนข้างแรงแล้วเดินไวๆเข้าไปยังตัวตึกจนสุดสายตา ส่วนฟ้าเมื่อหันกลับมามองยังทางที่พึ่งเดินหนีมารถคันคุ้นก็ขับแล่นออกไปเสียแล้ว รอยยิ้มปลื้มปลิ่มค่อยๆคลี่ออกช้าๆอย่างอดไว้ไม่ไหว ความสุขมันมีมากไปจนไม่กล้าที่จะยอมรับ
“ยืนยิ้มอะไรอยู่คนเดียวนะ?”
เฮือก!
“โถ่ คีย์ ตกใจหมดเลย”
พอรู้ว่าเป็นใครฟ้าถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ คีย์ยังคงมองฟ้าหน้านิ่งๆมือกอดอกเหมือนกำลังจับผิดอะไรสักอย่าง
“มีอะไรรึเปล่า?”
“เราน่าจะเป็นคนถามมากกว่านะ เห็นรถจอดอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่ลงมาสักที ถามจริงๆนะฟ้า เมื่อวานตกลงกันได้ยัง?”
“ตกลงอะไร๊?”
“ไม่ต้องมาทำเสียงสูง เรารู้ว่าฟ้าเข้าใจที่เราพูด”
“ก็...ไม่ได้ตกลงอะไรจริงๆนี่”
“แล้ว?”
“โถ่คีย์ จะมาถามอะไรตรงนี้เล่า”
ฟ้าโอดครวญพร้อมกับสอดส่องมองไปยังรอบข้างที่มีแต่เหล่านักศึกษาอยู่กันเต็มไปหมด
“โอเค งั้นขึ้นไปคุยกันที่ห้องเรียน”
“คีย์”
“ไม่ต้องมาอ้อน เราอุสาเปิดช่องให้ขนาดนั้นแล้ว ถ้าไอ้น้ำมันยังไม่ชัดเจนเรานี่แหละที่จะไปเฉ่งกบาลมันเอง”
“โหดวะ”
“พึ่งรู้เหรอ?”
“รู้นานละครับ ผมขอโทษครับพี่คีย์”
“หึหึ กวนนะฟ้า”
ทั้งคู่คุยหยอกล้อกันไปเรื่อยๆพร้อมๆกับพากันเดินไปขึ้นลิฟท์โดยที่ไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครบางคนที่ยืนหลบมุมอยู่ไม่ไกลและสามารถได้ยินคำพูดของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน ต้นยืนนิ่งกำมือแน่น เค้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้ามาให้ได้ยินเรื่องราวพวกนั้นเลยสักนิด เค้าแค่เห็นฟ้าเดินเข้ามาในตึกและกำลังจะเดินเข้าไปทักแต่เมื่อเห็นคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนร่วมครึ่งเดือนหันกลับไปยิ้มกว้างในแบบที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อนเค้าก็ถึงกับชะงักเท้า เค้ามองตามสายตาจนทันได้เห็ฯว่าฟ้ากำลังมองรถของใคร และก็น่าจะมาเรียนด้วยรถคันนั้นด้วยเช่นกัน
“เฮ้ย~”
คีย์ถอนหายใจยาวๆหลังจากที่ได้ฟังเรื่องจากฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฟ้าเองก็เล่าไปเขินไปแต่ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้อยู่ดี คีย์มองเพื่อนสนิทสุดแสนจะรักของตนด้วยแววตาที่อ่อนโยนแต่ก็ไหวระริกในเวลาเดียวกัน ถึงแม้จะดีใจไปกับเพื่อนแต่ก็อดที่จะเศร้าให้กับใครอีกคนไม่ได้
“แล้วจะจัดการเรื่องของต้นยังไง?”
ฟ้าถึงกับหุบยิ้มฉับหลังจากที่คีย์ถามจบ น้ำได้บอกให้เค้าไปบอกเลิกกับต้นให้เร็วที่สุดก็จริง แต่สำหรับฟ้าที่เป็นคนดึงต้นเข้ามาพัวพันกับมือนั้น...ก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้...
เค้าหลอกใช้ความรักของต้นเพื่อพยุงตัวเองให้รอดพ้นในยามที่จมดิ่งสู่ก้นเหวของความเศร้า เวลาที่เค้าไม่มีใคร ไม่รู้จะพึ่งใคร ต้นก็ดีกับเค้าเสมอ ทำเพื่อเค้าทุกอย่าง ให้ความรักทั้งที่เค้าให้ได้แค่ความรักในรูปแบบเพื่อน ถึงแม้จะเคยมีเซ็กส์กันแต่มันก็แค่เซ็กส์เฟรนสำหรับฟ้า ฟ้าพยายามแล้ว พยายามที่จะรักตอบในรูปแบบเดียวกัน
...แต่มันก็ทำไม่ได้...
“เรากลัววะคีย์”
“กลัวอะไร? กลัวโดนโกรธ กลัวโดนเกลียด หรือกลัวมันเสียใจ?”
“ทั้งหมดเลย”
คีย์ถอนหายใจอีกครั้ง
“ถึงฟ้าจะกลัวแต่ฟ้าก็ควรรีบบอกให้ชัดเจนดีกว่าให้เรื่องมันยืดเยื้อแบบครึ่งๆกลางๆนะฟ้า”
“เรารู้ แต่ว่า...”
ฟ้ายังพูดไม่ทันจะจบ อาจารย์ประจำรายวิชาก็เดินเข้ามาภายในห้องซะก่อน คนทั้งคู่เลยต้องหยุดเรื่องทั้งหมดไว้แล้วเข้าสู่โหมดเรียน ตลอดทั้งช่วงเช้าฟ้าแทบจะเรียนไม่รู้เรื่อง ดีหน่อยที่ไม่ค่อยมีควิชแต่งานที่ได้มาก็เยอะพอตัว สาขาของฟ้าเน้นที่จะให้ปฎิบัติไปพร้อมๆกับทฤษฎีนั้นเอง
“กินข้าวกัน”
ฟ้าพยักหน้าเมื่อคีย์เอ่ยบอก เค้าเก็บชีสงานและสมุดแลคเชอร์ใส่เป้แล้วจึงถือเดินออกจากห้องเรียนไปพร้อมคีย์ พวกเค้าทั้งคู่ทิ้งช่วงให้เพื่อนคนอื่นๆออกจากห้องไปได้สักพักแล้วตอนนี้เลยเหลือคนรอลิฟท์อยู่ไม่มาก ถึงจะเสียเวลาพักไปร่วมสิบนาทีแต่ก็ยังดีกว่าแออัดกันจนหายใจไม่ออก
ฟ้ากับคีย์เลือกที่จะมานั่งทานมื้อเที่ยงกันที่โรงอาหารของคณะเพราะภาคบ่ายก็ต้องเรียนวิชาบังคับกันที่ตึกเดิม จะว่าไป ฟ้าก็ไม่ได้กินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารของคณะมานานเลยทีเดียวเพราะปกติน้ำจะโทรมาเรียกให้ไปกินร้านข้างนอกตลอด น้ำขี้ร้อนและขี้รำคาญเพราะงั้นการนั่งกินที่โรงอาหารซึ่งไม่มีแอร์และคนพลุ่งพล่านอย่างนี้คือสิ่งที่น้ำคอยหลีกเลี่ยง
ครืน ครืน
พึ่งคิดถึงก็โทรมาซะงั้น ตายยากจริงๆ
“ว่า?”
/พูดกับที่รักพูดให้มันดีๆหน่อยสิครับ?/
ฟ้าละอยากจะเอาหัวโหม่งโต๊ะจริงๆ เสียงหัวเราะของน้ำดังตามหลังมาพร้อมกับเสียงแซวจากใครสักคนที่ปลายสาย
/เงียบเลยแฮะ เขินละสิ หึหึ/
“ถ้าไม่มีอะไรเราวางแล้วนะ”
/โห ใจร้ายวะ เราแค่จะถามว่ากินข้าวไหนกัน?/
“โรงอาหารของคณะนะ”
/เหรอ แล้วนี่กินกันรึยัง?/
“ยัง พึ่งได้โต๊ะ”
/โอเค งั้นเดี๋ยวไปกินด้วย ฝากซื้อข้าวให้ด้วยนะครับ ของเราคนเดียวพอไอ้เคนให้มันไปซื้อเอาเอง...เห้ย ไหงงั้นวะ ฟ้าซื้อให้เราด้วยดิ...เงียบไปเลยมึง นี่เมียกู กูใช้ได้คนเดียว.../
“น้ำ!!!”
/หึหึ ว่าไงครับ?/
“พูดอะไรไม่อายปาก”
/อายทำไม เราพูดความจริง/
“พอเลย จะมากินนี่ใช่ไหม งั้นแค่นี้แหละ”
/ครับๆ ห้านาทีถึง/
พูดจบน้ำก็ตัดสายปั๊บปล่อยให้ฟ้าเอาโทรศัพท์มามองตาปริบๆ
“น้ำมันจะมากินข้าวด้วยเหรอ?”
คีย์ถามเมื่อฟังมาได้สักพักและพอจะเดาเรื่องราวออก
“อืม”
“อย่างมันเนี้ยนะจะมานั่งกินที่โรงอาหาร?”
ขนาดคีย์ยังอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“ก็คงงั้นแหละ ไปซื้อข้าวกันเหอะ คีย์ซื้อเผื่อเคนด้วยแล้วกันเดี๋ยวของน้ำเราซื้อเอง”
“ได้ๆ”
คีย์ตอบรับก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปซื้อจนผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีก็ถือกลับมากันคนละสองจาน ฟ้าเลือกที่จะกินข้าวมันไก่ส่วนของน้ำฟ้าซื้อข้าวหมูแดงหมูกรอบขนาดพิเศษให้ ทั้งคู่เดินมาจนถึงโต๊ะและก็ต้องแปลกใจที่น้ำและเคนได้มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“รู้ได้ไงว่าเราจองโต๊ะนี้ไว้?”
ฟ้าถามน้ำพร้อมกับวางจานข้าวลงตรงหน้า
“กระเป๋าไง แล้วไหนน้ำซุปอะ?”
น้ำตอบก่อนที่จะถามกลับเพราะแค่มองดูก็รู้แล้วว่าข้าวพวกนี้ต้องมีน้ำซุปร้อนๆเป็นคู่เคียง
“เรามีสองมือนะน้ำ จะให้ถือมารอบเดียวได้ไง”
“งั้นนั่งรออยู่นี่แหละ เดี๋ยวเราไปเอาเอง”
“รู้ร้านเหรอ?”
“ก็บอกมาดิ”
ฟ้ากรอกตามองบนก่อนที่จะบอกไป น้ำเลยเดินตรงไปยังร้านขายข้าวที่ฟ้าพึ่งเดินออกมา แต่แทนที่ได้แล้วจะกลับมายังโต๊ะ น้ำก็เดินไปยังร้านขายน้ำดื่มซะงั้น ฟ้านั่งรอน้ำอยู่ที่โต๊ะโดยที่ยังไม่ลงมือทานเหมือนเคนและคีย์จนน้ำกลับมาพร้อมกับน้ำซุปถ้วยใหญ่และน้ำเปล่าอีกสองขวด ถือมาได้ด้วย สามารถจริงๆ
“คนเยอะชะมัด แถมยังชอบมุงเราอีกต่างหาก”
ฟ้ายิ้มขำเมื่อได้ยินน้ำบ่น ก็ใช่ว่าฟ้าจะไม่เห็นแหละนะ
“ระดับเดือนเศรษฐศาสตร์มาให้เห็นทั้งทีนี่นะ จะไม่ให้คนแตกตื่นได้ยังไงละ แถมยังต่างคณะอีกต่างหาก”
“เพราะแบบนี้ไงเราถึงไม่ชอบกินที่โรงอาหาร ให้ตายสิ”
“แล้วมาทำไมละงั้น?”
“ก็อยากมากินกับฟ้าอะ”
“.......”
ฟ้าถึงกับเงียบกริบในขณะที่คนพูดมันก็ยิ้มกว้างทำหน้าด้านหน้าทนอยู่เหมือนเดิม เคนผิวปากหวือส่วนคีย์นั้นก็กินไปยิ้มไปอย่างน่าหมั่นไส้
“กินๆ มัวแต่เขินมันจะอิ่มไหมฮึ”
“ก็เพราะใครกันเล่า”
“ครับๆ ขอโทษครับ กินได้แล้วครับ หรือต้องให้ป้อน?”
“ไปไกลๆเลยน้ำ”
“หึหึ”
กว่าจะกินกันอิ่มฟ้าก็เทียวด่าเทียวเขินอยู่หลายตลบ ไม่ใช่จากน้ำคนเดียวซะด้วย หลังๆทั้งเคนทั้งคีย์ก็ผสมโรงจนฟ้าไม่รู้จะสู้ยังไงไหว เมื่ออิ่มกันหมดน้ำกับเคนเลยอาสาเอาถ้วยชามไปเก็บจนเรียบร้อยแล้วจึงพากันเดินออกจากโรงอาหารท่ามกลางสายตาของเหล่านักศึกษาคณะสถาปัตฯ
“ยังพอมีเวลาเหลือ เราไปหาที่นั่งพักกันเหอะ มีตรงไหนที่ไม่ค่อยมีคนไหมอะฟ้า?”
น้ำถาม ฟ้านิ่งคิดไม่นานก็ชี้ไปทางด้านหลังตึกเรียน
“ตรงริมน้ำจะมีส่วนหนึ่งที่เป็นพุ่มไม้เยอะๆ ตรงนั้นปลอดคนแถมยังนอนได้ด้วย”
“ที่ประจำฟ้ารึไง?”
น้ำถามขำๆระหว่างที่เดินตามฟ้าไปยังเป้าหมาย ฟ้าหันควับมาจิกตามองค้อนคนพูดมากแต่น้ำก็ไม่มีท่าทีสลดเลยแม้แต่น้อย พวกเค้าเดินไปไม่ไกลก็ถึงบ่อน้ำกลางสวนอันเป็นสถานที่พักผ่อนของเหล่านศใคณะสถาปัตฯ แต่ฟ้ากลับไปอ้อมไปยังอีกฝั่งที่มีต้นไม้ชุกชุม
“รกไปป่าวฟ้า มันจะไม่มีพวกงูพวกสัตย์อันตรายออกมาหรอกนะ?”
“ไม่มีหรอกน่า พ้นนี่ไปก็โล่งละ”
พอพูดจบฟ้าก็เดินฝ่ารอยแหวกของพุ่มไม้เข้าไปจนเห็นพื้นที่โล่งๆริมน้ำ เป็นสถานที่ที่น่านอนเล่นอย่างที่ฟ้าบอกจริงๆ
“เห้ย เจ๋งนี่หว่า”
เคนเอ่ยชม ฟ้ายิ้มรับก่อนจะนั่งลงกับพื้นหญ้าวางกระเป๋าลงข้างๆแล้วค้ำแขนเอนกายไปข้างหลังหน่อยๆ ทุกคนนั่งลงพักตามที่ตนถนัดแต่น้ำยังไม่แคล่วมาวอแวกับเจ้าถิ่นอย่างฟ้าโดยการล้มตัวลงนอนหนุนตักฟ้าทั้งที่ไม่ได้เอ่ยบอกเจ้าตัวก่อน
“เห้ย!”
“อย่าดิ้นดิฟ้า”
“มานอนหนุนเราทำไม? หนุนกระเป๋าไปดิ”
“ไม่เอา อยากหนุนตักฟ้า”
“แข็งจะตาย”
“ฟ้าก็กินเยอะๆเพิ่มเนื้อเพื่มหนังเข้าไปอีกดิ จะได้นิ่มๆ โอ้ย เจ็บนะฟ้า มาตบหน้าผากเราทำไม”
“ปากดี”
“หึหึ”
ฟ้ายกมือจะตบเข้าให้อีกทีแก้อาการหมั่นไส้แต่น้ำก็คว้าไว้ได้ก่อนแล้วกก็จับไม่ปล่อยซะด้วย ฟ้าไม่อยากโวยวายมากเพราะแค่นี้คีย์กับเคนก็ยิ้มล้ออยู่นานแล้ว ฟ้านั่งนิ่งๆปล่อยให้น้ำนอนหนุนอยู่อย่างนั้นจนใกล้เวลาเรียนพวกเค้าจึงพากันแยกย้าย ตลอดทั้งภาคบ่ายฟ้าเรียนด้วยรอยยิ้มที่หุบไม่ลง คีย์ที่ลอบมองก็อดที่จะยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ เมื่อจบคาบทั้งฟ้าและคีย์ต่างก็นั่งรอให้เพื่อนคนอื่นๆเดินออกจากห้องไปก่อนแล้วตนจึงตามออกไปทีหลังเช่นเคย
“จะไปไหนต่อไหมฟ้า?”
คีย์ถามเพื่อนเมื่อเข้าลิฟท์และกดลงชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว
“ไม่รู้สิ แต่น้ำมันว่าจะมารับกลับคอนโด”
“มันไม่มีเรียนเหรอ?”
“มี แต่จะไปส่งเราก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียน”
“โคตรทุ่มทุนสร้าง”
“เราบอกว่ากลับเองได้ก็ไม่ยอม”
“แล้วทำไมไม่ขับรถมาเองละ”
“น้ำไม่ให้ขับ”
“โอ๊ะ ทีงี้ละวุ่นนู้นยุ่งนี้ ทมีแต่ก่อนยังไปใครไปมันได้ อะไรมันจะเปลี่ยนไปขนาดนั้นวะ”
“ใช่ไหมละ...”
ฟ้ายังพูดไม่จบแต่เสียงลิฟท์เปิดทำให้ฟ้าต้องหยุดแล้วก้าวเดินออกจากลิฟท์นำหน้าคีย์จนไปเจอเข้ากับใครบางคนที่เดินโผล่มาขวางทางเค้าไว้ ฟ้าเงยหน้าขึ้นมองและก็ต้องเม้มปากแน่น
“เรียนเสร็จแล้วเหรอครับฟ้า?”
ต้นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเช่นเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง
“อ้าว”
คีย์เองก็ตกใจที่จู่ๆต้นก็โผล่เข้ามา
“หวัดดีคีย? กำลังจะไปไหนกันเหรอ?”
“เออ...กำลังจะแยกย้ายกันกลับนะ เรียนเสร็จแล้ว”
“อ้อ เราก็เรียนเสร็จแล้วเหมือนกัน งั้นเราไปเดินเล่นกันหน่อยไหมฟ้า?”
“เรา...”
“ฟ้าไม่ได้เอารถมาใช่ไหม? เราไม่เห็นรถฟ้าจอดอยู่ที่โรงจอดรถเลยอะ แต่เราเอารถมา งั้นไปรถเราแล้วกัน ไปกันเถอะฟ้า แล้วเจอกันใหม่นะคีย์”
ต้นพูดจบในคราวเดียวแล้วก็จับมือฟ้ากึ่งลากกึ่งจูงออกมายังรถของตัวเองทันที เค้ารู้ว่าเค้าออกแรงบีบมือฟ้าไปมากพอสมควรและมันอาจจะทำให้ฟ้าเจ็บ แต่ตอนนี้ต้นไม่รู้จะกักเก็บอารมณ์ความเศร้าเสียใจของตนอย่างไรแล้ว เค้าเก็บมันไม่ไหว เค้าไม่อยากที่จะเสียฟ้าไป
“ต้น”
ต้นกลั้นลมหายใจแล้วหันไปยิ้มให้ฟ้าอีกครั้งพร้อมกับเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้ฟ้าไปด้วย
“ขึ้นรถเถอะฟ้า”
TBC.........
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
24
“เป็นอะไรวะน้ำ? มองแต่โทรศัพท์อยู่ได้”
เคนทักเพื่อนหลังจากที่เห็นน้ำเทียวมองสไลด์ที่อาจารย์กำลังสอนอยู่ที่หน้าชั้นสลับกับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะไปมาด้วยใบหน้าเครียดๆ
“นี่มันบ่ายสองครึ่งแล้ว แต่ฟ้ายังไม่โทรมาเลย”
“ไอ้ห่า จะติดเวอร์ไปแล้วมึงอะ”
“ฟ้ามันเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จบ่ายสอง กูว่าจะออกไปรับกลับคอนโดไง แต่นี่ผ่านมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วด้วย”
“อ้าว แต่เรามีเรียนยันหกโมงเลยนะเว้ย”
“ก็เดี๋ยวกูกลับมาเรียนต่อ”
“หึ พอรู้ใจตัวเองแล้วทุ่มชิปหาย อยากจะรีเพลย์ช่วงชีวิตตอนก่อนหน้านี้ให้มึงดูชะมัด”
“เรื่องอดีตก็ปล่อยมันไปดิวะ ตอนนี้ทำปัจจุบันกับอนาคตให้ดีที่สุดก็พอ”
“พูดดีไอ้สัส”
น้ำยิ้มกว้างก่อนจะหันมามองโทรศัพท์ของตนตามเดิมจนกระทั่งอาจารย์ปล่อยให้พักเบรคสิบห้านาทีน้ำถึงกับรีบคว้าโทรศัพท์มากดโทรออกหาฟ้าทันที สายแรกไม่รับ สายที่สองก็ยังคงไม่รับ น้ำขมวดคิ้วแล้วกดโทรออกเป็นสายที่สาม
“เป็นอะไรวะ?”
เคนถามขึ้นแต่น้ำยังไม่ทันจะตอบเพื่อนทางปลายสายก็รับพอดิบพอดี
“ฟะ...”
/มีอะไรไม่ทราบครับ?/
ไม่ใช่ฟ้าที่รับสายและถามกลับมา
“นั้นใคร?”
/หืม นี่จำผมไม่ได้?/
น้ำเสียงกวนๆเหมือนคนจากปลายสายกำลังยกยิ้มนั้นทำให้น้ำเริ่มกัดฟันกรอด
“มึงเป็นใคร? แล้วฟ้าอยู่ไหน?”
/ฟ้าหลับอยู่นะ พอดีเหนื่อยกันมามากเลยหลับทันทีที่หัวถึงหมอน แต่ผมรำคาญเสียงโทรศัพท์เลยต้องตื่นมารับแทน ไม่ทราบมีธุระอะไรด่วนรึเปล่าครับ? ถ้าไม่มีผมจะได้วางสายแล้วกลับไปนอนต่อ อ่อ เดี๋ยวพอตื่นแล้วผมจะบอก‘แฟนผม’ให้โทรกลับนะครับ/
น้ำกำหมัดแน่นกัดฟันกรอดหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธจนเคนเองยังรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตนี้
แฟนงั้นเหรอ
“ไอ้เหี้ยต้น!”
/หึ ก็รู้นี่ว่าฟ้าเป็นของใคร/
“เป็นของกูไง”
/มั่นใจเหรอครับ/
“ยิ่งกว่ามั่นใจซะอีก”
/งั้น…ทำไมฟ้ายังมาหาผมอยู่อีกละ/
“คงจะไปบอกเลิกมึงตามที่กูบอกให้ไปไง”
/หืม…ไม่เห็นจะพูดเลย มีแต่ร้อง/
“ไอ้สัส! อย่ามาเล่นลิ้นกับกู ฟ้าอยู่ไหน? มึงทำอะไรฟ้า!?!”
/หึหึ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากนะ แค่พาขึ้นสวรรค์ก็แค่นั้น/
“กูพาไปเองได้ มึงไม่ต้องสะเออะ”
/ผมง่วงแล้วสิคุณ ขอวางสายเลยแล้วกันนะครับ/
“เดี๋ยว!”
ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด
“แม่งเอ๊ย!!”
“เห้ย เกิดอะไรขึ้นวะน้ำ ร้องลั่นจนคนมองกันทั้งห้องแล้วเนี้ย”
“ไอ้เหี้ยต้นมันพาฟ้าไป”
น้ำตอบเสียงเข้ม เค้าพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เดือดดาลจนเกินไปไม่งั้นคงได้ฆ่าคนตายแน่ๆ
“พาไปไหนวะ?”
“กูไม่รู้ มันก็ไม่บอก สัสเอ๊ย!”
เค้าทุบโต๊ะดังสนั่นจนเพื่อนๆต่างหันมามองกันให้ควัก
“ใจเย็นๆมึง มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้”
“กูก็หวังอย่างนั้น แต่แม่งบอกว่าฟ้าหลับอยู่กับมันไง กูขึ้นเลยสัส!”
“มันหลอกลองใจมึงรึเปล่า?”
“หลอกก็เหี้ยละ กูโทรหาฟ้าแล้วมันรับสายนี่นะ แถมยังคุยนานขนาดนั้นด้วย”
“มึงลองโทรหาคีย์ดิ”
“โทรทำไมวะ?”
“กูว่าคีย์น่าจะรู้ว่าฟ้าไปไหน เผลอๆมันอาจจะรู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นอะไร”
น้ำชะงักเมื่อเพื่อนชี้ทางให้ จริงอย่างที่เคนพูด ทำไมเค้าถึงคิดไม่ออกนะ น้ำรีบหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกหาคีย์ทันที รอสายไม่นานคนที่ปลายสายก็รับน้ำเสียงปกติจนน้ำชักไม่แน่ใจ
/ว่าไงวะ?/
“ฟ้าอยู่กับมึงป่าววะ?”
ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจก่อนที่ตะตอบปฎิเสธเสียงแผ่วเบา
“งั้นฟ้าไปไหน? มึงรู้ไหม?”
/ไปกับต้นอะ ได้ยินต้นชวนไปห้างนะ ทำไมเหรอ? มีเรื่องอะไรกัน?/
น้ำถึงกับกุมขมับแทบจะทุบโต๊ะอีกรอบซะด้วยซ้ำ
“ไปห้างเหี้ยอะไรละ กูพึ่งโทรหาฟ้าแล้วไอ้เวรนั้นรับสาย กูถามหาฟ้ามันก็บอกว่านอนอยู่ มึงรู้ที่อยู่ของมันไหมคีย์ ถ้ารู้ก็บอกมา กูจะไปฆ่ามัน”
/……/
“คีย์”
น้ำกดเสียงขู่จนปลายสายถอนหายใจเฮือกใหญ่
/รู้ แต่กูจะไปด้วย/
“ได้ อยู่ไหนเดี๋ยวไปรับ”
/มึงไม่เรียนเหรอ?/
“เจอเรื่องแบบนี้คิดว่ากูยังจะเรียนรู้เรื่องได้ไหมละ รีบๆบอกมาว่าอยู่ไหน?”
/ร้านพี่ครีม มึงน่าจะจำได้/
“เออ ห้านาทีถึง”
/นี่มึงจะเหาะมาเหรอสัส ไม่ต้องรีบเว้ย เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาไอ้ฟ้าได้เฉ่งเอาแน่/
“กูไม่ตายก่อนไอ้เหี้ยนั่นหรอกน่า”
/เออๆ แค่นี้แหละ/
น้ำเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วรวบแลคเชอร์บนโต๊ะทันที เคนเองก็อยากไปด้วยแต่น้ำกลับห้ามไว้บอกให้อยู่เรียนและแลคเชอร์เผื่อด้วยถึงไปก็คงไม่มีอะไรมาก แค่ต้นคนเดียวน้ำเอาอยู่ เคนพยักหน้ารับพลางตบไหล่เพื่อนไปทีสองทีให้น้ำใจเย็นๆน้ำเลยบอกว่าจะพยายามแล้วรีบออกจากห้องเรียนลงลิฟท์และตรงไปยังรถของตนทันที
น้ำใช้เวลาประมาณสิบห้านาถึงจึงมาจอดอยู่ที่หน้าร้านกาแฟเล็กๆของพี่สาวคีย์ที่ชื่อครีม บ่อยครั้งที่คีย์จะมาอยู่ช่วยพี่สาวที่ร้านจนแทบไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่พี่เค้าก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องมาช่วยหรืออะไรเป็นคีย์ซะมากกว่าที่อยากมาช่วย คีย์ที่อยู่ด้านในมองผ่านบานกระจกหนาของร้านเห็นรถน้ำจอดเทียบจึงหันไปบอกพี่ครีมก่อนที่จะเดินออกมาขึ้นรถที่ยังคงสตาร์ทเครื่องรอ บรรยากาศภายในโคตรอึกครึ่มด้วยรังสีอำมหิตของเจ้าของรถอย่างน้ำ
“มันอยู่ที่ไหน?”
“มึงมั่นใจนะว่ามันจะอยู่ที่ห้อง ไม่ใช่คอนโดฟ้าหรือที่อื่น?”
น้ำถึงกับพูดไม่ออก เค้าไม่มั่นใจหรอกเพียงแต่คิดว่ามันน่าจะพาไปในที่ๆมันคุ้นเคยซึ่งก็คือห้องของมัน
“ไม่หรอก ฟ้าไม่เคยพาคนนอกเข้าห้องยกเว้นคนกันเองอย่างพวกเรา”
“แต่ต้นมันเป็นแฟนฟ้า”
“แต่ฟ้าเป็นของกู!”
คีย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความเจ้าอารมณ์ของคนด้านข้าง
“กูว่าถ้าต้นจะพาฟ้าไปห้องตัวเองฟ้าไม่น่าจะไปด้วยหรอก มึงกับฟ้าก็เข้าใจกันแล้วนี้เพราะงั้นฟ้าไม่น่าจะเดินเข้าหาต้นอีก”
“แล้วถ้ามันบังคับละ”
คราวนี้เป็นคีย์ที่เงียบ ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เพราะเมื่อช่วงเลิกคลาสเค้าก็เห็นเต็มตาว่าต้นลากฟ้าไปทั้งที่ฟ้ายังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำ
“งั้นเดี๋ยวกูโทรหาต้นก่อน”
“มึงรีบเลย”
“ใจเย็นๆดิสัส ฟ้ามันก็ผู้ชาย มีแรงขัดขืนอยู่หรอกเว้ย”
“แต่ตอนกูทำไม่เห็นจะมีแรงขัดสักเท่าไหร่เลย”
“นั้นมันเพราะเป็นมึงไงไอ้ควาย!”
คีย์ด่าอย่างหมั่นไส้พร้อมกับกดโทรศัพท์ไปด้วย เค้ารอสายไปจนสายตัดแล้วจึงโทรใหม่และโทรซ้ำๆอยู่อย่างนั้นถึงสามสี่รอบ
“ไม่ต้องโทรละ ไปบุกแม่งเลย”
คีย์ไม่ตอบแต่ยังคงโทรต่อไปในขณะที่น้ำเปลี่ยนเกียร์เหยียบคันเร่งแล้วมุ่งหน้าสู่ถนนเบื้องหน้าทันที
“อพาทเมนต์### แถว####”
คีย์บอกอย่างจำยอมแต่ก็ยังกดโทรต่อไป เค้ากดสลับกันระหว่างต้นและฟ้าแต่ทว่ากลับไม่มีใครรับสายเค้าเลยสักคน
“น้ำ เบาๆหน่อยมึง”
คีย์ท้วงเมื่อเห็นระดับความเร็วแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ ถึงแม้น้ำมันจะแม่นในเรื่องการขับรถแต่เค้าก็ไม่อยากเสี่ยงสักเท่าไหร่นัก
“ไม่รับสายทั้งคู่เลยวะ”
คีย์บ่นพร้อมกับกดโทรศัพท์ยิกๆแต่ไม่ได้โทรออก
“ทำอะไรนะ?”
น้ำถาทเมื่อมองมาเห็น
“ส่งข้อความหาไง เผื่อมันจะเห็น”
“หึ ขนาดโทรเข้ายังไม่รับมึงคิดว่ามันจะอ่านข้อความจากมึงแล้วโทรกลับมาคุยรึไง คิดตื้นๆ”
“แล้วมึงมีไอเดียที่ดีกว่านี้ไหมละ?”
คีย์เองก็ชักฉุยกับคนอารมณ์ร้อน
“ก็บุกไปหานี่ไง”
“คงง่ายตายละ ถึงจะไม่ได้ใหญ่โตเท่าคอนโดแต่ที่นั้นระดับรักษาความปลอดภัยดีพอสมควรเลยนะเว้ย”
“ไม่ใช่ปัญหาหรอก”
“มึงจะทำไงวะ?”
“เงินซื้อได้ทุกอย่าง”
“ความคิดเลวๆ”
“แต่ส่วนมากมันใช้ได้ผลก็แล้วกัน”
คีย์เหยียดปากแล้วหันกลับมาดูข้อความไลน์ที่ตอนนี้ยังไม่ขึ้นถึงการเปิดอ่านของคนที่ทักหา ถึงแม้จะดูเหมือนทีเล่นทีจริงแต่คีย์ก็ใจตุ่มๆต่อมๆอยู่เหมือนกัน เพียงแต่เค้สบอกไม่ถูกว่าที่รู้สึกนั้นเป็นความห่วงใยที่มีให้เพื่อนคนไหนมากกว่ากัน
เค้าไม่อยากให้ทั้งฟ้าและต้นถล้ำลึกไปมากกว่านี้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ไม่ใช่เรื่องของเค้าที่จะไปห้าม เค้าทำได้แค่พูดเตือนสติเพียงแค่นั้น ทำได้เพียงน้อยนิดทั้งที่ใจพะว้าพะวงไม่แพ้ใคร
แล้วทำไมต้องพะว้าพะวงกับความสัมพันธ์ของคนทั้งสองนั้นด้วยละ?
อย่าบอกนะว่า…
“คีย์”
“ห่ะ หือ?”
“ถึงแล้ว ตึกนี้ใช่ไหม?”
คีย์มองดูตึกอพาทเมนต์ที่ตนเคยมาแล้วพยักหน้ารับ น้ำจึงขับเข้าไปหาที่จอดในส่วนของคนนอก แต่ทว่าพอลงจากรถแล้วจะเข้าตึกกลับไม่สามารถเข้าไปได้เพราะมันต้องใช้ลายนิ้วมือไม่ก็คีย์การ์ด
“นั้นไงละ จะเข้าไปยังไงไม่ทราบ?”
“รอคนในออกคนนอกเข้า”
“อื้อหือ ฉลาดเหมือนกันแฮะ”
“กูโง่แค่เรื่องหัวใจตัวเองเท่านั้นแหละคีย์”
คีย์ถึงกับเบ้ปาก
“แล้วห้องมันอยู่ชั้นไหน?”
“ชั้น5 ห้อง 504”
น้ำพยักหน้ารับพอดีกับที่มีเสียงลิฟท์ดังไม่นานบานประตูก็เปิดออกพร้อมกับผู้คนที่เดินออกมายังหน้าประตู เสียงตื๊ดดังขึ้นเบาๆเมื่อฝ่ายด้านในกดปลดล็อคและทยอยพากันออกมา น้ำและคีย์ใช้จังหวะนี้ในการลอบเข้าข้างในและตรงไปยังลิฟท์ก่อนที่จะทะยานขึ้นสู่ชั้น5
คีย์หยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาดูอีกครั้ง และครั้งนี้มีคำว่าReadปรากฎขึ้นมาใต้ข้อความที่เค้าส่งไปแล้วด้วย คีย์อดที่จะยิ้มไม่ได้แต่พอเค้ากำลังจะพิมพ์ต่อเสียงสัญญาณลิฟท์ก็ดังขึ้นขัดประตูค่อยๆเปิดออกและน้ำก็พุ่งตัวไปยังห้องที่ว่านั้นทันที
น้ำชะงักมือที่กำลังหง่างขึ้นกะจะทุบประตูไว้กลางอากาศ คีย์ที่เดินตามมาถึงกับหมุนหัวคิ้วแต่ยังไม่ทันจะถามน้ำก็หันควับมาจ้องตนซะก่อน
“มึงเรียกมันดิ๊”
“ห่ะ?”
“อย่าพึ่งมาเอ๋อตอนนี้จะได้ไหม? ถ้ากูปรากฎตัวมันอาตจะไม่เปิดประตูและกูไม่อยากเสียแรงพังประตูก่อนไปตั๊งหน้ามัน มึงมาเรียกให้มันยอมเปิดดีๆก่อนกูจะได้ใช้โอกาสนั้นจัดการมัน”
“ดูหนังเยอะก็มีผลดีเหมือนกันแฮะ”
“เพ้ออะไรของมึง”
“เออๆ ถอยออกไปอีก”
น้ำทำตามที่คีย์บอกอย่างว่าง่าย เมื่อเค้าถอยไปอีกสองก้าวพร้อมกับหันหลังแนบผนั้งฝั่งเดียวกับประตูเยี้ยงสายลับจนทำให้คัย์นึกขำน้ำเลยต้องแยกเขี้ยวใส่ในเชิงขู่ว่าให้เริ่มเรียกได้แล้วคีย์เลยต้องเคาะประตูห้องดังๆไปสองสามที
เงียบกริบ
ก๊อกๆๆ
และก็ยังคงเงียบ
“เรียกด้วยดิ”
น้ำกระซิบบอก
ก๊อกๆๆๆ
“ต้น นี่คีย์เองนะ”
ก๊อกๆๆๆ
“ต้นอยู่รึเปล่า?”
คีย์เงียบฟังเสียงจากอีกด้านของประตูครู่หนึ่งโดยการแนบหูเข้ากับบานประตูจนเหมือนจะได้ยินเสียงตึงตังอะไรสักอย่างอยู่ภายใน
“ต้น เปิดประตูให้เราหน่อย”
“……”
“ต้น”
แกร๊ก!
“คีย์มาทำไม?”
Tbc…
-
◑MAKE FRIEND ◐
★เพื่อน ●รัก★
25
“ขึ้นรถเถอะฟ้า”
ฟ้าเม้มปากแน่นเมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของต้น ต้นยังคงยืนนิ่งเปิดประตูรอด้วยใจที่ห่อเหี่ยว
“ฟ้าอยากคุยกับเราไม่ใช่เหรอ? ขึ้นรถเถอะ ไปหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่า”
ฟ้านิ่งคิดแต่ไม่นานก็ยอมเดินเข้าไปขึ้นรถของต้น ต้นปิดประตูตามหลังให้แล้วจึงเดินอ้อมไปยังอีกฝั่ง ฟ้าก้มหน้าก้มตามองมือตัวเองที่บีบกันแน่นกระทั่งต้นเอื้อมมือมากุมไว้อีกทบ ฟ้าเงยหน้าขึ้นไปมองคนข้างๆด้วยสายตาหวาดหวั่น ต้นยิ้มให้จางๆแล้วจึงคลายมือเพื่อที่จะขับรถมุ่งหน้าสู่ท้องถนนต่อไป
“ฟ้าหิวไหม?”
“นิดหน่อยนะ”
“ไปห้องเราได้ไหม? เราอยากทำพาสต้าสูตรพิเศษให้กิน เราได้สูตรนี้มาจากหัวหน้าพ่อครัวที่ร้านของพี่โอ๊ตเลยนะ อ้อ พี่โอ๊ตถามหาฟ้าด้วย บอกว่าฟ้าไม่ยอมตอบไลน์พี่โอ๊ตเลย พี่เค้าเป็นห่วงนะรู้ไหม”
ฟ้าได้แต่นิ่งฟังด้วยใจที่รู้สึกเจ็บแปร๊บ ภาพวันวานที่ทั้งต้นและโอ๊ตช่วยเหลือและดูแลเค้านั้นยังคงตราตรึงในใจ พี่โอ๊ตนั้นเปรียบเสมือนพี่ชายที่ดีคนหนึ่ง ส่วนต้นก็เพื่อนที่ดีมากๆอีกคน แต่ทว่าเค้ากลับทำให้ความสัมพันธ์อันดีต้องยุ่งเหยิงและจมดิ่ง เค้าเป็นคนเดียวที่ทำให้ทุกคนต้องมาเจ็บปวดไปกับสิ่งที่เป็นอยู่
“ฝากขอโทษด้วยแล้วกัน”
“หืม แล้วทำไมฟ้าไม่ตอบไลน์พี่โอ๊ตละ?”
เหมือนจะเป็นคำถามธรรมดาแต่ฟ้ากลับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เค้าไม่เห็ฯข้อความจากโอ๊ตเลยสักข้อความ อย่าว่าแต่ของโอ๊ตเลยแม้แต่ของต้นยังไม่มี นับตั้งแต่วันที่น้ำยุ่งกับโทรศัพท์และเห็นเข้านั้นแหละ แต่ฟ้าก็ไม่คิดว่าน้ำจะบล็อคเบอร์ใครจนกระทั่งมาได้ยินนี่แหละ
“เพราะมันเหรอ?”
“........”
“........”
ทั้งคู่ต่างเงียบกันจนกระทั่งถึงอพาทเมนต์ ต้นเดินนำฟ้าไปยังห้องของตัวเองและเมื่อไปถึงก็ปล่อยให้ฟ้านั่งพักส่วนตนก็ไปจัดการอุ่นพาสต้าที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อวาน จริงๆแล้วต้นกะจะชวนฟ้ามาทานตั้งแต่เย็นวานแต่ติดที่ใครบางคนรับสายและนั้นทำให้เค้ารู้ว่าตัวเองกำลังจะหมดสิทธิ์ในตัวของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนมาเกือบเดือน ดูเหมือนระยะเวลาจะไม่นานแต่สำหรับต้นมันเป็ฯช่วงเวลาที่ยาวนานมาก แต่เค้าก็ยังมีความสุขดีกับสถานะจอมปลอมนี้
“ฟ้าครับ”
“หืม?”
“เสร็จแล้ว”
“เร็วจัง”
ฟ้าลุกออกมายังโต๊ะทานข้าวในส่วนของครัวโดยที่ทิ้งเป้ไว้ที่โซฟาตามเดิม
“เราทำไว้แล้วนะ นี่แค่เอามาอุ่น ไม่รู้รสชาติจะเปลี่ยนรึเปล่าด้วย”
“แค่ไม่กี่ชั่วโมงมันไม่เปลี่ยนหรอกน่า”
ต้นยิ้มรับ ฟ้าเลยนั่งลงและหยิบช้อนส้อมขึ้นมาม้วนเส้นก่อนจะเอาเข้าปากเคี้ยวตุ้ยโดยที่มีต้นนั่งลุ่นอยู่ฝั่งตรงข้าม ฟ้ากลืนคำแรกลงคอแล้วพยักหน้ายิ้มๆให้คนทำจนต้นยิ้มแก้มปริ ไม่นานทั้งคู่ก็กินจนหมดโดยที่ฟ้าขออาสาเป็นฝ่ายล้างถ้วยชามเองแต่ต้นก็ไม่ยอม เค้าให้ฟ้าไปนั่งรอที่โซฟาพอตัวเองจัดการจนเรียบร้อยและเดินกลับมาหาฟ้าปรากฎว่าฟ้าเผลอหลับไปซะแล้ว
กินอิ่มแล้วก็นอนหลับอย่างกับเด็กน้อยไม่มีผิด
ต้นเดินไปปรับแอร์ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆอย่างแผ่วเบา เค้านั่งมองหน้าฟ้านิ่งๆอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งโทรศัพท์ฟ้าสั่นเคลือขึ้นมา ต้นเอื้อมมือไปหยิบออกมาจากเป้เพราะกลัวมันจะรบกวนการนอนของฟ้าและเมื่อเห็นว่าเป็นใครโทรมาเค้าเลยนึกฉุนในใจ ต้นวางโทรศัพท์ไว้อีกเบาะเสียงการสั่นจึงไม่ดังนักแต่พอหลายสายเข้าเค้าเลยหยิบมันขึ้นมาแล้วเข้าไปรับสายภายในห้องนอน เมื่อกวนประสาทคนได้เค้าเลยทิ้งเครื่องของฟ้าไว้ในห้องส่วนตัวเองก็ออกมาเจอกับฟ้าที่ตื่นงัวเงียอยู่ที่เดิม
“หลับสบายไหม?”
ฟ้าพยักหน้าเนืองๆ
“นี่เราหลับไปนานไหมอะ?”
“ไม่หรอก ประมาณสิบนาทีได้”
“เหรอ”
“ฟ้า”
ต้นเรียกเสียงอ่อนพร้อมกับนั่งลงข้างๆพลางเอื้อมมือไปจับมือฟ้าไว้เบาๆ ฟ้ามองตามทุกการกระทำแต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ต้นจับไว้ได้นาน เค้าพยายามเลื่อนมือออกอย่างช้าๆจนหลุดออกจากกันในที่สุด
“ฟ้าแน่ใจแล้วใช่ไหม?”
“..........”
ฟ้านิ่งเงียบแต่ก็ยอมพยักหน้าในที่สุด
“ทำไมละฟ้า? ทำไมถึงเป็นเราไม่ได้? เราไม่ดีตรงไหนเหรอ?”
ฟ้าส่ายหัวรัวแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมามองสบตา เรือนผมยาวขลำค่อยๆแผ่สยายเมื่อยางรัดผมหลุดร่วงลง ต้นยกมือขึ้นกะจะรวบผมให้คนรัก ไม่สิ ต้องเรียกว่าคนที่ตนรักแต่ด้วยความไม่ทันตั้งตัวฟ้าจึงปัดมือเค้าออกแรงๆก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปต้นนิ่งค้างในขณะที่ฟ้าเลิกลักทำสีหน้าไม่ถูก
“ขะ ขอโทษ”
ฟ้าเอ่ยเสียงสั่น เค้าไม่ได้ตั้งใจจะปัดมือต้นแรงๆแบบนั้นแต่ด้วยความไม่ทันได้ตั้งตัวและไม่คุ้นเลยทำให้มือมันไปตามสัญชาตญาณ แต่ถ้าเป็นน้ำ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่เวลาไหนฟ้ากลับคุ้นเคยและผ่อนคลาย ต้นหดมือกลับพลางกำหมัดแน่น ถึงจะรู้ซึ้งดีแก่ใจแต่เมื่อมาโดนจริงๆเข้าจังๆมันกลับเจ็บยิ่งกว่าที่คาดคิด เจ็บจนแทบจะทนไม่ไหว
“เราขอโทษนะต้น ขอโทษที่ลากนายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ต้นไม่ได้ไม่ดี แต่ต้นดีกับเรามาก ดีจนเราคิดว่าเราคงไม่เหมาะกับคนดีๆอย่างต้น”
“..........”
“เรารักต้นนะ แต่มันเป็นความรักแบบเพื่อน เราพยายามแล้ว พยายามที่จะเปลี่ยนมันแต่...มันไม่ได้จริงๆ...”
“.........”
“เราขอบคุณสำหรับความหวังดีและทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้นทุ่มเทเพื่อเรา”
“.........”
“ต้น ฟ้าขอโทษ แต่ฟ้าว่าเราเลิ..อุ๊บ!”
ต้นฉุดฟ้าเข้ามาประกบปากจูบทั้งที่ฟ้ายังพูดไม่จบ เค้าบดขยี้เรียวปากเล็กโดยใช้อารมณ์สิ้นหวังเสียใจเป็นตัวนำแบบไม่สนใจแรงต่อต้านจากคนในอ้อมแขนเลยสักนิด
“อึ๊ก!”
ต้นอุทานในลำคอเมื่อโดนคมเขี้ยวของฟ้ากัดเข้าที่ริมฝีปากจนเจ็บแปร๊บเลือกซิบ เค้าผละออกมามองหน้าฟ้าที่จ้องเค้าตอบด้วยสายตาที่ขุ่นมัว ฟ้าเม้มปากแน่นพลางผลักต้นออกอีกครั้งและครั้งนี้ต้นก็ยอมถอยห่างจนลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าอย่างว่าง่าย
“เรารักฟ้านะ”
“ต้น”
“ถึงแม้เราจะไม่อยากเลิก แต่ก็คงจะยื้อไว้ไม่ได้สินะ”
“เราขอโทษ”
“ฟ้าไม่ผิดหรอก เราผิดเองที่ดั๊นไปหลงรักคนที่มีพันธะทางใจอย่างฟ้า ทั้งที่รู้แต่ก็ยังรัก รักแบบถอยกลับไม่ได้ หักห้ามใจก็ไม่ไหวอีก”
“..........”
“ตอนเราขอคบ ฟ้าก็ไม่ยอมคบด้วยสักที แต่รู้ไหมว่าตอนที่เราได้ยินฟ้าบอกว่าคบกันนะ เรารู้สึกยังไง?”
“.........”
“มันเหมือนเราได้เกิดใหม่ เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้ามลายหายไปเหลือเพียงเราสองคน ใจเราเต้นแรงมาก แรงจนเรากลัวว่ามันจะทะลุออกมานอกอกเสียให้ได้”
ต้นพูดด้วยรอยยิ้มและแววตามที่เหม่อลอย ภาพวันวานที่เหมือนฝันหวานค่อยๆฝุดขึ้นมาให้เค้าได้ชื้นชมมันซ้ำๆ แต่ฟ้ากลับยิ่งรู้สึกผิดจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง เค้าได้แต่ก้มลงมองมือตัวเองที่กุมไว้บนตัก
“เรามีความสุขมาก...ที่เราเป็นของกันและกัน...”
“ขอโทษ”
ฟ้าแทบกัดลิ้นตัวเองซะให้ได้ สำหรับฟ้าการกระทำคราวนั้นคือเซ็กส์สำหรับเค้า แต่มันคือการเมคเลิฟสำหรับใครอีกคน การกระทำเดียวกันแต่ความรู้สึกที่แตกต่างนี้มันเปรียบดั่งดาบสองคมจริงๆ
ต้นก้มลงมองดูคนที่ตนรักด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เค้าอยากฉุดกระชากฟ้าเข้าไปในห้องแล้วทำให้ฟ้ากลายเป็นของเค้าตอกย้ำตัวตนของเค้าให้ฟ้าซ้ำไปซ้ำมาแต่เค้าทำไม่ได้ ถ้าทำไปอย่างนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่เรียกว่าการข่มขืน แถมยังเป็นการข่มขืนคนที่ตัวเองรักอีกด้วย เค้าทำไม่ลงจริงๆ
เพราะฉะนั้นถึงเค้าจะเจ็บแต่ถ้าฟ้ามีความสุข เค้าก็ยินดีที่จะทำ
“เราเลิกกันนะ”
ฟ้าเงยหน้ามองต้นด้วยความตกตะลึง ต้นถอนหายใจแล้วยิ้มจางให้ฟ้าก่อนจะเอื้อมมือไปลูบเลือดของตนที่ติดอยู่บนเรียวปากบาง
“ในเมื่อเรารักเองก็ขอเป็นฝ่ายถอยเองเถอะนะ”
หยาดน้ำตาค่อยๆไหลรินลงจากดวงตาสีนิล ฟ้าเอื้อมมือไปโอบกอดและซบลงที่ลำตัวของต้นในทันที ต้นเองก็กอดตอบพร้อมกับลูบหัวปลอบโยนคนตรงหน้าไปด้วย พวกเค้ากอดกันอยู่อย่างนั้นสักพักจึงถอยแยกออกจากกัน ต้นหันไปดึงทิชชู่มาซับคราบน้ำตาให้คนขี้แยจนน่าเอ็นดู
“ดูดิ ร้องไห้ขี้มูกโป่งอย่างกันเด็กแน๊ะ”
ต้นยิ้มขำจนโดนฟ้าตบแขนเข้าให้นั้นแหละถึงได้หลุดเสียงร้องโอดครวญแบบแอคติ้งโอเวอร์สุดๆ ฟ้าเห็นอย่างนั้นจึงหลุดยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะออกมา
“ยิ้มได้แล้วสิ”
ฟ้าชะงักแต่ก็กลับมายิ้มกว้างในเวลาต่อมา
ครืน ครืน
เสียงการสั่นของโทรศัพท์ทำให้ต้นชะงักและหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู เค้าขมวดคิ้วนิดหน่อยที่เห็นชื่อผู้โทรเข้าแต่ก็ไม่ได้รับเพราะคิดว่าเวลานี้เค้าควรใช้เวลาที่เหลืออยู่กับฟ้าให้นานที่สุด ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เค้าจะได้อยู่กับฟ้าแบบสองต่อสองอย่างนี้หรือบางทีอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็เป็นได้
“มีอะไรรึเปล่าต้น?”
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่วันนี้ฟ้าว่างไหมอะ?”
“เออ...ขอโทษนะ”
“เลิกขอโทษสักทีเถอะน่า เราไม่ได้โกรธฟ้าสักหน่อย”
“ขอบใจ”
“เปลี่ยนจากขอโทษเป็นขอบใจงั้นเหรอ...ก็ไม่เลวแฮะ”
“เพ้ออะไรอยู่คนเดียวนะ”
“เปล่าครับ”
ต้นยิ้มจางพอดีหันไปเห็นหน้าข้อความไลน์ขึ้นตัวเลขเลยลองกดเข้าไปดู
KeY: ไม่เป็นไรใช่ไหม?
ต้นถึงกับหลุดยิ้มกว้างในทันที ทำไมถึงได้รู้ทันคนอื่นไปซะหมดเลยน๊า
“ยิ้มแบบนี้ มีอะไรให้ดีใจละสิ?”
“หืม เราดูเหมือนดีใจเหรอ?”
“ใช่ ยิ้มกว้างจนตาหยีเลยด้วย”
ต้นกระพริบตาปริบๆแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่เสียงคีย์จะดังแทรกมาจากบานประตู
“คีย์มาทำไมนะ?”
“คงห่วงฟ้าจนต้องมาตามกลับละมั่ง”
“เราไม่ใช่เด็กสามขวบนะต้น”
“ครับๆ”
เสียงเคาะประตูยังคงดังต่อเนื่องจนต้นลุกขึ้นเดินไปยังประตู แต่เค้าก็เผลอสะดุดเข้ากับโต๊ะเตี้ยจนโทรศัพท์ตัวเองตกลงพื้นซะงั้น
“ไปเปิดเถอะ เดี๋ยวเราเก็บให้”
ต้นพยักหน้ารับแล้วเดินไปเปิดประตูในที่สุด
แกร๊ก
“คีย์มาทำไม?”
คีย์เผลอยิ้มเมื่อต้นเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางปกติมากถึงมากที่สุด แต่ยังไม่ทันที่เค้าจะได้ตอบอะไรน้ำก็กระโจนเข้าใส่ต้นจนทั้งคู่ล้มโครมลงกับพื้น น้ำสถบลั่นพร้อมกับต่อยเจ้าของห้องจนเลือดไหลซึมลงมาจากมุมปาก ต้นเองพอตั้งตัวได้ก็หลบหวืดในหมัดที่สองก่อนจะตีเข่าใส่ท้องน้ำเต็มแรงและถีบออกจนน้ำถล่าไปประทะกับชั้นวางรองเท้าด้านข้าง
“หยุดนะ!”
แล้วเสียงของคนที่ตามหาก็ดังขึ้นมาจากด้านใน น้ำหันไปมองเจ้าของเสียงในขณะที่ต้นหันหนีแล้วจิ๊ปากขัดใจไปด้วย
“จะตีกันให้ได้อะไรขึ้นมา ตัวโตอย่างกับควายยังจะทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้”
น้ำยันตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะตรงหรี่เข้าไปหาฟ้าแล้วจับหันหน้าหันหลังจนฟ้างง
“อะไรน้ำ?”
“มันทำอะไรฟ้า!?”
ฟ้าขมวดคิ้ว
“ทำอะไร? ไม่นี่”
คราวนี้ทั้งน้ำทั้งฟ้าเลยหันไปมองยังต้นที่พึ่งจะรับผ้าเช็ดหน้ามาจากคีย์แล้วซับเลือดที่มุมปากเบาๆ
“ต้น”
เป็นฟ้ามี่เอ่ยถาม ต้นเลยถอนหายใจแล้วหันกลับมาหา
“เราแค่...ล้อเล่นนิดหน่อยเอง”
“ล้อเล่นพ่องมึงสิ พูดแบบนั้นใครเค้าจะคิดว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่นวะ!!”
น้ำถึงกับอารมณ์ขึ้นแต่ต้นกลับกดยิ้มที่มุมปากพลางไหวไหล่เมื่อหันไปสบตากับฟ้า
“ก็แค่แก้แค้นเล็กๆน้อยๆ อย่าทำตัวเป็นหมาบ้าไปหน่อยเลย อีกอย่าง...มึงจำไว้เลยนะ ถ้ากูรู้ว่าฟ้าร้องไห้เพราะมึงเมื่อไหร่ มึงไม่ตายดีแน่”
น้ำยกยิ้มที่มุมปากทันทีที่เข้าใจในความหมาย
“แล้วคิดว่ากูกลัวมึงเหรอ?”
“งั้นจะลองดูไหมละ?”
“พอเลยนะ ทั้งคู่นั้นแหละ”
ฟ้าถึงกับส่ายหัวแต่ดูเหมือนบรรยากาศจะดีขึ้นมากมากพอตัว คีย์เองก็ยืนยิ้มอยู่ข้างๆต้น สายตาคอยจดจ้องสังเกตุคนข้างตัวจนต้นรู้สึกได้และหันไปสบตา
“มีอะไรเหรอคีย์?”
“ป่าว ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
ต้นยิ้มให้
“ใครบอกว่าเราไม่เป็นไร รู้ไหมว่าตอนนี้เราเจ็บเกือบตายแต่ก็ต้องยิ้มเพื่อให้ฟ้าสบายใจ”
“รู้ พยายามได้ดีมาก เก่งครับ”
ต้นหลุดหัวเราะเสียงแผ่ว
“ขอบใจ”
ทางด้านของน้ำนั้นก็เอาแต่จ้องฟ้าอย่างคาดโทษ ฟ้าเลยต้องยิ้มกลบเกลื่อนแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่
“เราบอกไว้ว่าไง?”
“ก็...”
“บอกให้โทรหาใช่ไหม?”
“ใช่”
“แล้วทำไมไม่โทรครับ?”
“...เออ....”
“ถ้าจะมาคุยกับมันเราก็ไม่ว่านะฟ้า แต่ขอให้บอกเราหน่อย ไม่ใช่หายไปโทรมาก็ไม่รับแถมมันยังมารับแทนพูดจากวนอารมณ์กันแบบนี้อีก”
“...อ่า...”
“ก็น่าจะรู้นะว่าเราห่วง แต่ฟ้าก็ยังจะทำ”
“ขอโทษ”
“ถ้าเราไม่ยกโทษให้ละ”
ฟ้าถึงกับกระพริบตาปริบๆ ปากเรียวพลิกคว่ำเหมือนเด็กโดนขัดใจพร้อมกับดวงตากลมนั้นกำลังไหวระริกและรื้อน้ำ
“ให้ตายสิ อย่ามาทำให้ใจอ่อนง่ายๆแบบนี้จะได้ไหม”
ฟ้าเหลือบตาขึ้นมองคนตรงหน้าที่ยกมือขึ้นปิดสีหน้าที่เริ่มเห่อแดงของตัวเอง น้ำเหมือนโดนซุปเปอร์ดาเมจของฟ้าเข้าใส่ไปเต็มๆจนแทบจะตั้งตัวไม่ทันเกือบคว้าร่างโปร่งนั้นเข้ามากอดแล้วคลอเคลียให้หนำใจไปแล้วด้วยซ้ำ
“”ขอโทษครับ”
“เรายกโทษให้ก็ได้...”
ฟ้าเริ่มแย้มยิ้ม
“แต่มีข้อแม้นะ”
คราวนี้เป็นน้ำที่เผยรอยยิ้มชั่วร้ายจนฟ้าเสียวสันหลังวูบ
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดละนะ
TBC....
‘บ้า เธออะคิดมาก’ 55555+
-
◑MAKE FRIEND ◐
★เพื่อน ●รัก★
26
เสียงหอบกระเส่าของใครบางคนดังกึกก้องแข่งกับเสียงผิวเนื้อกระทบกันในยามราตรีกาล ภายในห้องอากาศเย็นเฉียบและมืดมิดแต่ร่างสองร่างกลับมันเลื่อมไปด้วยหยาดเหงื่อจากไอร้อนภายในร่างกาย คนด้านบนยันตัวขึ้นสูงก่อนจะกดส่วนแข็งขืนเข้าไปในช่องทางรัดแน่นด้วยแรงที่มี คนด้านล่างสะดุ้งเฮือกอ้าปากครวญครางด้วยความเสียวแปร๊บที่โดนจี้จุดอ่อนไหว รอยยิ้มจางผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเข้มเมื่อส่วนด้านในที่ร้อนระอุได้ถูกกระตุ้นจนบีบรัดส่วนนั้นของเค้าจนแทบขยับไม่ได้ ร่างบางนอนสั่นระริกทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยแดงจากการขบกัดและกดจูบจากเค้า ใบหน้าหวานแดงเรื่อและเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา เค้าแช่ค้างไว้อย่างนั้นเพื่อให้คนด้านล่างได้พักหายใจ ดวงตารื้อน้ำและสั่นไหวเลยได้โอกาสจ้องมองมายังคนที่มองมาจากด้านบน
“ไหวไหม?”
เสียงทุ่มถามอย่างไม่จริงจังนัก ใบหน้าคมก้มลงไปคลอเคลียแถวซอกคอขาวจนได้กลิ่นกายอันหอมฟุ้ง กลิ่นที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใคร มันเป็นกลิ่นเฉพาะที่ทำให้เค้าอารมณ์พุ่งทุกครั้งที่ได้สูดดม ยิ่งนานวันเค้ายิ่งเหมือนสัตว์ป่าที่ความต้องการพลุ่งพล่านและรุนแรงทุกครั้งที่ได้กลิ่นอาหารอันโอชะ
“ถ้าบอกว่าไม่ละ?”
เสียงแหบพล่าตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา เรี่ยวแรงที่มีแทบหมดสิ้นหลังจากที่ปลดปล่อยเป็นครั้งที่สี่เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เค้าเสมองไปยังนาฬิกาดิจิตอลจนได้รู้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านคาบเส้นของวันมาสามชั่วโมงแล้ว แต่ไอ้คนแรงช้างสารกลับยังไม่มีแววจะเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิดตรงกันข้าม มันกลับดูกระตือรือล้นและต้องการมากขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะฝังร่างเข้าด้วยกันทั้งอย่างนั้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะหนักหน่วงถึงขนาดนี้
“ก็ไม่ไง เราก็ปล่อยให้ฟ้านอนนะสิ นอนนั้นเราจัดการเอง”
“พอสักทีเถอะน้ำ เราไม่ไหวจริงๆ”
จมูกโด่งเป็นสันเลื่อนขึ้นมากดย้ำและสูดดมกลิ่นกายอยู่ที่แก้มเนียน ฟ้ายังคงหอบหายใจแต่ภายในอกก็อุ่นซ่านไปด้วยความรู้สึกที่ได้รับความรักอย่างที่ตนปรารถนามาโดยตลอด ทุกวันนี้เค้าได้รับมันมากมายจนแทบไม่อยากจะเชื่อ บางครั้งแทบไม่อยากจะหลับเพราะกลัวการตื่อนขึ้นมาแล้วมันจะกลายเป็นความฝัน
“ฟ้า”
น้ำเอ่ยเรียกเสียงอ้อน ฟ้าที่หลับตาด้วยความเพลียจึงค่อยๆบลือตาขึ้นมามองตอบ น้ำยิ้มอ่อนแล้วก้มลงประทับจูบที่หน้าฝากมลก่อนจะไล่ลงมาที่ปลายจมูกโด่งเลื่อนไปยังแก้มซ้ายและขวาแล้วมาจบลงที่ริมฝีปากเรียวอย่างแผ่วเบาและลึกซึ้ง
“อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ”
ฟ้าแย้มยิ้มก่อนจะพยักหน้ารับ
“อืม”
“แต่ตอนนี้...ขออีกรอบก่อนนะครับ”
ไม่ต้องรอร่างบางได้เอ่ยปากน้ำก็กดจูบลงอีกครั้งและสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปกวาดต้อนลิ้นเล็กที่ด้านใน ฟ้าครางเบาๆใบลำคอพลางเอื้อมมือไปโอบรอบคอหนาเอียงหน้าเข้าองศาที่สามารถรับบทจูบที่ร้อนแรงนั้นได้อย่างถนัด ช่วงตัวด้านล่างขยับอีกครั้งและเนิ่นนานไปจนสุดปลายทางก็เกือบรุ่งสาง ฟ้าสลบคาอกไปเป็นที่เรียบร้อย น้ำได้แต่ยิ้มค้างเมื่อเห็นรอยเลือดจางๆไหลมาตามสิ่งที่เค้าปลดปล่อยไว้ด้านช่วงทางเล็ก น้ำลุกไปหาผ้าชุบน้ำมาเข็ดตัวทำความสะอาดและใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ให้จนเสร็จก่อนที่ตนเองจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนใส่ชุดนอนตัวใหม่แล้วกลับมาล้มตัวลงนอนข้างๆคนที่นอนสลบสไลไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง น้ำค่อยๆประคองหัวฟ้าขึ้นแล้วสอดแขนตนเข้าไปให้หนุนแทนหมอน เค้าดึงร่างบางให้หันมาหาแล้วโอบกอดไว้ในอ้อมอกกดจูบลงที่หน้าฝากมลจนพล็อดหลับไปด้วยกันในเวลาต่อมา
.
.
.
.
.
.
“วันนี้จะออกไปไหนรึเปล่า?”
ฟ้าถามขณะที่เค้าทั้งสองกำลังทานมื้อเช้าควบเที่ยงในเวลาบ่าย วันนี้เป็นวันหยุดและเหมือนน้ำจะคำนวนไว้แล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้เมื่อคืนเค้าเลยจัดหนักได้ดั่งใจอยากจนโดนฟ้ากระหน่ำสาดคำหยาบให้ทันทีที่ตื่น น้ำไหวไหล่เป็นคำตอบเพราะปากยังคงเคี้ยวข้าวแก้มตุ้ย อาหารของน้ำคือชุดข้าวผัดอเมริกันที่เพิ่มใข่ลวกเข้ามาอีกฟอง ไม่รู้จะโดปไปไหนแต่ฟ้าก็ไม่กล้าถามเดี๋ยวจะพาลเขินคำตอบนั้นไปซะเปล่าๆ ฟ้านั่งคนโจ๊กในชามของตนไปเรื่อยหลังจากที่กิดหมดไปแค่ครึ่ง น้ำมองแล้วขมวดคิ้ว
“อิ่มแล้วเหรอ?”
“ไม่ แต่เบื่อ”
“งั้นอยากกินอะไร? ฟ้ายังกินได้แต่ของอ่อนๆนะ”
“เพราะใครกันละ!”
ฟ้าพูดเหวี่ยงๆพลางทำสีหน้าบึ้งตึงใส่ตัวต้นเหตุอย่างน้ำแต่ทว่าน้ำกลับหัวเราะชอบใจซะงั้น
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย วันนี้พาไปห้างด้วย จะไปซื้อของ”
“เดินไหวเหรอ?”
ถามด้วยความเป็ฯห่วไม่ได้กะจะแซวอะไรเลยจริงๆ แต่ฟ้ากลับไม่คิดอย่างนั้น
“ไหว!”
นอกจากจะกระแทกเสียงใส่แล้วยังมีการขว้างหนังยางรักถุงที่วางอยู่แถวนั้นมาใส่เค้าอีก น้ำหัวเราะคิกคักจนกินเสร็จเค้าก็อาสาล้างให้ปล่อยให้ฟ้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจนเรียบร้อยก็พากันออกจากห้องไปยังรถ แน่นอนว่าน้ำต้องเอารถของตนไปและพักหลังมานี่ฟ้าก็แทบไม่ได้แตะมินิของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“ไปมินิไม่ได้เหรอน้ำ?”
ฟ้ามองรถของตัวเองที่จอดอยู่ข้างกันแล้วก็ถอนหายใจ จะบอกว่าคิดถึงก็คงใช่แต่จะให้ขับเองในวันนี้ก็คงไม่ไหว ไหนจะต้องไปเดินซื้อของอีก ไอ้ที่บอกว่าไหวนะตอแหลทั้งเพ โดนไปหนักขนาดนั้นแถมยังมาราธอนอีกต่างหาก แต่ก็ต้องออกไปอย่างจำใจเพราะของใช้เริ่มจะหมดลงไปหลายอย่างแล้ว โดยเฉพาะเจลและยาสำหรับส่วนนั้น อย่าถามถึงถุงยางนะ เพราะมีเหลืออยู่เพียบ น้ำมันไม่เคยจะใช้กับเค้าเลยสักครั้งแม้ว่าเค้าจะร้องขอเพราะขี้เกียจอาบน้ำนานก็เถอะ
“ก็รู้นี่ว่าเราขับไม่ถนัด”
“แต่ไม่ได้ขับนานแล้วนะ เดี๋ยวเครื่องจะพังเอา”
“งั้นเอากลับไปไว้บ้านให้แม่ใช้สิ”
“จะบ้าเหรอ ขืนเอากลับไปก็โดนพ่อด่าตายว่าออกมาทำไมไม่ขับ รายนั้นยิ่งเอาใจยากอยู่ด้วย”
ฟ้าบ่นอุบอิบในขณะที่น้ำกดรีโมตปลดล็อครถแล้วเปิดประตูรอฟ้าฟ้ามุ้ยหน้านิดหน่อยแต่ก็ยอมเดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย มินิท่าจะเป็นหมันถาวรซะแล้วสิ
“น้ำ”
“หืม”
น้ำหันมองคนเรียกแป๊บๆก่อนจะกลับไปจ้องมองถนนเบื้องหน้าตามเดิม ส่วนฟ้านั้นก็ยะงคงกดโทรศัพท์ยิกๆเหมือนกำลังคุยกับใครบาง
“เรียกทำไมครับ?”
“เคนมันชวนไปเที่ยวที่เขาใหญ่”
“วันไหน?”
“ปิดเทอม”
น้ำพยักหน้าเข้าใจ พึ่งผ่านพ้นช่วงกีฬามหาลัยไปหยกๆก็จะเข้าสู่ช่วงสอบและก็ปิดเทอมเล็กเป็นเวลาสองสัปดาห์
“ฟ้าว่าไงละ?”
“ก็ไม่ไง ไปก็ได้ไม่ไปก็ได้ แต่มันบอกว่าคนอาจเยอะหน่อยเพราะมันจะชวนพวกเพื่อนในเซ็คไปด้วย”
“หมายถึงพวกไอ้เชนนะเหรอ?”
“คงใช่แหละ”
พวกเพื่อนในเซ็คของเคนก็พวกเดียวกันกับน้ำนั้นแหละ พวกมันมีทั้งหมดสามคนรวมเคนและน้ำเป็นห้า ถือว่าเป็นกลุ่มหนุ่มหล่อประจำคณะเศตรฐศาสตร์ปี2เลยก็ว่าได้
“บอกมันไปว่าเดี๋ยวบอกทีหลัง”
ฟ้าหันมามองน้ำด้วยความแปลกใจ ปกติน้ำมักไม่ปฎิเสธถ้าเป็นเรื่องเที่ยว ยิ่งเข้าไนท์คลับยิ่งเนื้อเต้น แต่จะว่าไป...ตั้งแต่เข้าใจกันมาน้ำก็แทบไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลย ยกเว้นถ้าฟ้าไปด้วยน้ำจึงจะไป คิดไปคิดมาฟ้าก็อดที่จะเขินขึ้นมาอีกไม่ได้
“หึ”
น้ำหัวเราะเสียงแผ่ว ชอบใจที่ใครบางคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนน่าขำ เมื่อกี้ยังขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ไปๆมาๆก็เรียบตึง ไม่นานก็แดงแปร๊ดแถมก้มมองต่ำเหมือนจะซ้อนใบหน้านั้นไปให้พ้นสายตาของเค้า แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว
“หัวเราะอะไรไม่ทราบ?”
“หัวเราะคนเขิน”
“ใครเขิน?”
“เรามั่ง หึหึ”
“ชิ แล้วทำไมไม่ไปกับเคนอะ ปกติชอบนักไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ไม่รู้ ต้องดูฟ้าก่อน”
“มาดูเราทำไม?”
ก็ไม่ได้ป่วยหนักหรือติดอะไรที่ต้องให้มาดูแลสักหน่อย
“ต้องดูว่าฟ้าว่างไหมไง? ถ้าฟ้าไม่ว่างไปเราก็ไม่ไปอะ”
“นี่ ก็น่าจะรู้นะว่าเรากลับไปอยู่บ้านช่วงปิดเทอม แล้วบางทีอาจจะได้ไปหาพี่ดินที่ชลบุรีด้วยซ้ำ”
“ก็นั้นไง ถ้าฟ้าไม่ไปเราก็ไม่ไป”
“มันไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ไหมน้ำ? อย่ามาเวอร์”
“เวอร์ตรงไหน ก็เราจะไปอยู่กับฟ้าไง”
“เป็นแฝดสยามรึไง?”
“เป็นได้ก็ดีนะ”
“จะบ้า”
ฟ้าส่ายหัวระอากับความเอาแต่ใจของใครบางคนแล้วจึงหันไปคุยโต้ตอบกับเคนต่อ ไม่นานพวกเค้าทั้งคู่ก็มาถึงห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ฟ้าเข้าใจว่าน้ำจะพาไปที่ห้างใกล้คอนโดแต่ไหงมาโผล่ห้างใหญ่ใจกลางกรุงแบบนี้ซะได้
“มองทำไม? ลงได้แล้ว”
“ทำไมพามาที่นี้ละ?”
“ไม่ดีเหรอ?”
“ก็เปล่า”
“มาเดทกันทั้งทีจะให้น้อยกว่านี้ได้ไง”
“เวอร์ตลอด มาซื้อของเหอะไม่ได้มาเดท”
น้ำไหวไหล่ไม่สนใจแล้วเปิดประตูลงรถไปก่อนฟ้าจึงลงตามหลังและพากันเข้าไปยังทางด้านใน ทันทีที่สองหนุ่มเดินเคียงคู่ดูช็อปต่างๆไปนั้นสายตาของเหล่าบรรดาผู้คนที่เดินผ่านหรือมองมาเห็นต่างก็จดๆจ้องๆมองแทบจะเหลียวหลัง ก็เล่นมีหนุ่มหน้าตาดีมาเดินเคียงคู่ให้ได้เป็นอาหารตาอย่างนี้ จะไม่มองก็คงไม่ใช่ ฟ้าถึงจะหน้าหวานแต่ก็เป็นที่โปรดปรานของสาวๆไม่แพ้คนข้างๆ น้ำเมียนมองดูผู้คนรอบข้างสลับกับคนตัวบางตรงหน้าแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ยิ่งเวลาเรือนผมสีดำขลำนั้นสยายไปตามแรงปัดและพัดจากแรงลมแอร์แล้วยิ่งทำให้ใบหน้าหวานนั้นจุดประกายความสดใส
“เป็นอะไร คิ้วขมวดเชียว?”
ฟ้าหันมาถามเพราะไปเจอเสื้อที่คาดว่าเข้ากัยน้ำเข้าทว่าเมื่อมองไปหาเจ้าตัวกลับเจอกำลังตีหน้านิ่งคิ้วขมวดซะงั้น
“เปล่า”
ฟ้ายังคงไม่คลายใจจนน้ำส่ายหัวพร้อมกับแตะศอกสกิตให้เดินต่อ
“ไปดูเสื้อร้านนั้นก่อนได้ไหม?”
“ไปสิ”
ฟ้ายิ้มกริ่มก่อนที่จะเดินนำน้ำไปยังร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดัง แทบทุกตัวที่ฟ้ามองและหยิบขึ้นมานั้นฟ้านำมาเทียบกับน้ำหมดทุกตัวจนน้ำอดที่จะถามไม่ได้ว่าจะซื้อให้หรือไง ฟ้ายักคิ้วไม่ตอบแต่เลือกได้เสื้อสีเข้มสองตัวราคาเกือบจะครึ่งหมื่นเข้าไปแล้ว เมื่อออกมาจากร้านนี้ฟ้าก็พาตรงไปอีกร้านและก็ไล่ไปเรื่อยๆตามประสาคนไม่ค่อยได้ซื้อของตามใจตัวเองสักเท่าไหร่ ถึงแม้จะเจ็บแปร๊บที่ด้านล่างแต่ด้วยความเพลินจึงทำให้ฟ้ายังคงเดินต่อไม่ได้ กลับเป็ฯน้ำที่สังเกตุเห็นท่าเดินแปลกๆของฟ้าเลยบอกแกมบังคับให้ไปหาที่นั่งพักก่อนแล้วค่อยไปซื้อใหม่
“ไปร้านกาแฟกัน”
ฟ้าอยากกินคาราเมลกาแฟของร้านกาแฟชื่อดังร้านหนึ่งและน้ำก็ตามใจ เค้าเดินหอบหิ้วถุงข้าวของตามที่ฟ้าช็อปตามคนร่างบางที่ร่าเริงขึ้นมาก เค้าเห็ฯฟ้ายิ้มออกเค้าก็มีความสุขและยิ้มได้ไปด้วย เมื่อมาถึงร้านฟ้าเลยหันไปสั่งออเดอร์กับพนักงานชนิดที่ไม่ต้องถามความเห็นของน้ำเลยสักนิด น้ำมักจะกินอเมริกาโน่ถ้าเป็นแบบร้อนจะไม่เอาหวานมากแต่ถ้าเป็นแบบเย็นจะเอาแบบเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม น้ำยื่นบัตรไปให้พนักงานนำไปคิดเงินในขณะที่ฟ้ากำลังจะหยิบเงินสด
“ไปนั่งรอไป๊ เดี๋ยวถือไปให้”
ฟ้าก้มลงมองดูสิ่งของๆตนในมือของคนพูดแล้วก็เหยียดปาก
“สุภาพบุรุษเกิ๊น ของเต็มมือขนาดนี้จะถือไปให้ยังไงครับ?”
“ฟ้าก็เอาของไปด้วยดิ”
“ยุ่งยากวะน้ำ เราอยู่รอก็ได้ น้ำนั้นแหละที่ไปนั่งรอ”
“เอางั้นเหรอ?”
“เอางั้นแหละ”
น้ำพยักหน้ารับแล้วมองหาโต๊ะนั่งแบบที่นุ่มๆหน่อยจนเจอโต๊ะโซฟาสำหรับสองคนที่ตั้งอยู่ชิดริมกระจก น้ำจึงเดินไปนั่งและวางของไว้ข้างล่าง รอไม่นานฟ้าก็เดินมาพร้อมกับกาแฟเย็นสองแก้วด้านหลังมีพนักงานถือจานเค้กมะพร้าวมาด้วยอีกชิ้น น้ำปล่อยให้ฟ้านั่งกินไปส่วนตัวเองก็ยกกาแฟเย็นขึ้นดูดพร้อมกับมองผู้คนผ่านทางกระจกของร้านไปเรื่อยๆ เมื่อมองกลับมาอีกครั้งคนตรงหน้าดั๊นกินเลอะจนเค้าเผลอยิ้มขำ
“ยิ้มอะไร?”
ฟ้ายังคงไม่รู้ตัว น้ำส่ายหัวนิดหน่อยก่อนจะยื่นมื่อไปปาดเค้กที่ติดริมฝีปากบางจนสะอาด ส่วนที่ติดมือเค้ามาเค้าก็เอาเข้าปากชิมความหวานโดนไม่สนใจสายตาหลายๆคู่ที่จับจ้องอย่างตกตะลึง แม้แต่ฟ้าเองยังอดที่จะตกใจไปด้วยไม่ได้ หน้าหวานชะงักค้างเบิกตากว้างก่อนจะค่อยๆขึ้นสีแดงระเรื่อที่พวงแก้ม น้ำลอบมองด้วยความขบขันจนฟ้าปาก้อนทิชชู่ใส่นั้นแหละเค้าถึงได้หลุดเสียงหัวเราะออกมา
“นี่แกล้งกันเหรอ แกล้งกันใช่ไหม”
“ป่าวซะหน่อย แต่หน้าฟ้าแดงแปร๊ดเลยอะ”
“น้ำ!”
“หึหึหึ”
“ไม่คุยด้วยแล้ว”
“โอ๋ๆ อย่างอลสิครับ”
“ไม่ได้งอล”
“ไอ้ที่เป็นอยู่นี่ บ้านเราเค้าเรียกว่างอล”
“ก็บอกว่าเปล่าไง แค่หมั่นไส้”
“เหรอ แล้วหมั่นไส้มากป่ะ?”
“มากถึงมากที่สุด”
“แล้วรักไหม?”
“มา..ก..น้ำ!!”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
น้ำหัวเราะลั่นในขณะที่คนโดนแกล้งหงุดหงิดหน้าดำหน้าแดง ฟ้าเลิกสนใจน้ำแล้วหันหน้านีมองออกไปนอกร้านจนน้ำหยุดหัวเราะแต่หันมาตักเค้กตรงหน้าป้อนคนงอลตุ๊บป่องเป็นเด็กห้าขวบ
“อ้ำ”
ฟ้าปรายตามองแต่ก็ยังคงเชิดและหันหนี
“ฟ้าครับ หายงอลนะ”
“.......”
“เราป้อนเลยนะ”
“......”
“ไม่กินจริงอะ?”
“......”
“งั้นเป็นแฟนกัน”
“เห้ย!”
ฟ้าถึงกับสะดุ้งและหลุดเสียงอุทานออกมาทันที ถึงแม้เค้ากับน้ำจะใจตรงกัน จะเข้าใจกัน แต่นี่เป็ฯครั้งแรกที่น้ำเอ่ยปากขอคบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ตกใจอะไร? เรารักกันไม่ใช่เหรอ?”
ฟ้าไม่ตอบแต่พยักหน้ารับช้าๆ
“หรือฟ้าไม่รักเราแล้ว?”
น้ำพูดพลางแอคติ้งโอเวอร์ทำทีตีหน้าเศร้าจนฟ้ารีบพูดตอบเสียงดังฟังชัด
“จะบ้าเหรอน้ำ”
“งั้น...เป็นแฟนกันนะ...”
น้ำพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง ใบหน้าเข้มนั้นดูมีประกายขึ้นมาทันทีที่ฟ้าพยักหน้ารับ
“พูดให้ได้ยินหน่อยสิ”
“ก็ได้”
“อะไรก็ได้ครับ?”
ฟ้าจิ๊ปาก
“เป็นก็ได้”
“เป็นอะไรเหรอ?”
“น้ำ”
“หืม?”
“เป็นแฟนกันไง”
“แต่จริงๆแล้วเราเป็นมากกว่าแฟนอีกนะ ต้องเรียกว่าผะ...อุ๊บ!”
ยังไม่ทันจะพูดจบฟ้าก็ตักเค้กยัดใส่ปากน้ำจนต้องเงียบแล้วเคี้ยวด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม ฟ้าเองก็ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันด้วยใบหน้าแดงก่ำ เค้ายกแก้วกาแฟของตนขึ้นมาดูดแก้อาการเก้อเขินทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ค่อยจะช่วยอะไรสักเท่าไหร่ น้ำเองก็เหยียดกายพิงพนักพิงพร้อมหยิบแก้วกาแฟของตนขึ้นมาดูดด้วยเช่นกัน ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ได้เอ่ยปากพูดคุยอะไรต่อแต่รอยยิ้มและบรรยากาศที่หวานฉ่ำนั้นบ่องบอกได้เป็นอย่างดีว่าพวกเค้าต่างก็มีความสุขกับสิ่งที่เป็น
ยกเว้นผู้ที่บังเอิญเห็นและได้ยินบทสนทนานั้นแทบทุกคำด้วยใจที่กระตุกวูบ จากที่ตกใจกลายเป็นความโกรธเคืองจนแทบจะคุมสติตนเองไม่ไหวแต่ก็ต้องอดทนเมื่อเขายังอยู่ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ที่นัดมาคุยงานกันในวันนี้
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณมหรรณพ?”
เค้าถอนหายใจก่อนที่จะปั้นหน้ายิ้มจาง
“เปล่าครับ เรามาคุยกันต่อเถอะ”
TBC....
ใคร!?!
-
ฮิ้วววววว เค้าตกลงกันได้แล้ว
บอกรักกัน ต่อด้วยทำรัก
ดีใจด้วยนะ น้ำ+ฟ้า
ต้นเป็นได้แค่พระรอง
แต่ก็ยังมีคีย์รออยู่นะ รู้ตัวหรือเปล่า
อิอิ
เอ้า..ตามลุ้น จะมีอุปสรรคอะไรอีก
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
27
ฟ้าและน้ำหอบข้าวหอบของเข้าห้องด้วยความทุลักทุเลเล็กน้อย ก็เล่นซื้อมาจนเต็มสองไม่สองมือกันทั้งสองคนซะขนาดนั้น อันที่จริงฟ้าไม่ใช่คนที่ชอบช๊อปปิ้งสักเท่าไหร่แต่เมื่อได้จ่ายก็จะเพลินจนมองอะไรมันก็ต้องซื้อไปซะหมด น้ำเลยต้องคอยท้วงว่าอะไรจำเป็นอะไรไม่จะเป็นไปบ้าง นี่ขนาดโดนท้วงแล้วนะ ถ้าไม่โดนท้วงโดนห้ามนี่คงต้องเหมารถอีกคันให้มาช่วยขนซะแล้วละมั่ง
“เหนื่อยโคตร”
ฟ้าบ่นอุบเมื่อวางของและทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้อง แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อเผลอลงแรงไปจนข้างล่างที่บอบช้ำเจ็บแปร๊บขึ้นมาอีก
“เบาๆสิ เจ็บไหมละนั้น”
น้ำเดินมาสมทบโดยการนั่งลงข้างๆฟ้าเลยได้ล้มตัวลงนอนหนุนหมอนอิงแล้วยกขาขึ้นพาดตักแฟนหมาดๆของตนอย่างสบายอุรา น้ำส่ายหัวยิ้มๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เค้านั่งเฉยพลางเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดดูจนเห็นข้อความที่ไม่ได้เปิดอ่านหลายสิบข้อความไหนจะสายที่ไม่ได้รับอีก น้ำติดนิสัยไม่เปิดเสียงแจ้งเตือนใดๆจนฟ้าเองก็ติดไปกับเค้าด้วย มาคิดเอาตอนนี้ก็อดทึ้งไม่ได้ ฟ้าต้องอดทนมากขนาดไหนถึงได้เก็บงำความรู้สึกของตัวเองมาได้ถึงทุกวันนี้ ไม่อยากจะพูดว่าตอนที่รู้ครั้งแรกเค้าอึ้งจะแทบลืมหายใจ ถึงจะดีใจแต่ก็อดสงสารคนรักที่เอาแต่เก็บงำความรู้สึกตนเพื่อรักษาความสัมพันธ์ฉันเพื่อนนี้ไว้ เค้ารับรู้ว่าฟ้ากลัว กลัวว่าถ้าเรื่องมันแดงแม้แต่สถานะเพื่อนก็อาจจะไม่คงเหลืออยู่อีกต่อไป
น้ำหันไปมองฟ้าที่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ช่วงอกขยับขึ้นลงตามแรงหายใจพร้อมๆกับขนตาหนายาวเป็นแพที่ปิดสนิท น้ำค่อยๆยกขาฟ้าขึ้นแล้วเลื่อนตัวออกให้ฟ้าได้นอนท่าสบายกว่านี้ เค้าก้มลงไปจุ๊บหน้าผากมลก่อนจะเดินออกไปกดโทรศัพท์หามารดาที่โทรหาเกือบสิบสายที่ระเบียงห้อง
ปกติแม่เค้าจะไม่กระหน่ำโทรขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ว่ามีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจจริงๆ และครั้งสุดท้ายที่แม่กระหน่ำโทรแบบนี้คือช่วงที่ได้ข่าวว่าเค้ามีเรื่องทะเลาะวิวาทตอนอายุ 15 ตอนนั้นที่มีเรื่องก็เพราะไอ้พวกเวรนั้นมันพูดเกี่ยวกับฟ้าแบบเสียๆหายๆเค้าเลยทนไม่ได้พุ่งกระโจนเข้าใส่ทั้งๆที่มันมีกันตั้งสามคนส่วนเค้าแค่คนเดียว เมื่อคิดย้อนไปถึงอดีตน้ำก็นึกขำ บางทีความรักนี้อาจจะเกิดขึ้นมานานพอๆกับฟ้าแต่เค้ามันเป็นพวกซึนสินะ
ปิ๊งป๊อง!
ยังไม่ทันที่เค้าจะกดโทรกลับหาแม่ก็มีเสียงออนดังขึ้นขัดซะก่อน น้ำขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะไม่คิดว่าจะมีใครมาหาในช่วงเวลาพลบค่ำแบบนี้ ถ้าเป็นพวกเพื่อนมันต้องโทรมาบอกก่อนเพราะพวกมันจะผ่านประตูหน้ามายังลิฟท์ไม่ได้ถ้าไม่มีคนในไปเปิดให้ ส่วนคนที่มีคีย์การ์ดห้องนี้อีกใบก็คือคนที่บ้านของฟ้า น้ำเดินเข้าห้องจะไปเปิดพอดีกับที่ฟ้างัวเงียตื่นขึ้นมา
“ใครมาอะ?”
“ไม่รู้”
ปิ๊งป่อง!
น้ำและฟ้าหันไปมองยังทิศทางของประตูพร้อมๆกันในทันที
“เดี๋ยวเราไปเปิดเอง”
น้ำบอกเมื่อเห็นว่าฟ้าตั้งท่าจะลุก ฟ้าพยักหน้าให้แล้วยันตัวลุกขึ้นนั่งจนได้ยินเสียงปลดล็อคบานประตูหลังจากนั้นก็มีเสียง ตึ๊ง! ดังลั่นจนเค้าเผลอสะดุ้งเฮือก พอหันไปมองก็เห็นพ่อตีหน้าบึ้งเดินดุ่มๆเข้ามาหาเค้าจนมาถึงตัวก็หง้างมือฟาดเข้าที่แก้มขาวจนฟ้าเซลงไปนอนกับพื้นโซฟา
เพี๊ยะ!
“ไอ้ลูกไม่รักดี! มึงต้องกลับบ้านไปกับกูเดี๋ยวนี้!!”
เสียงเข้มของผู้เป็นพ่อประกาศกร่าวจนฟ้าใจกระตุก เค้าหันมามองบิดาด้วยดวงตาที่สั่นไหวและไม่เข้าใจ น้ำรีบเข้ามาหาฟ้าก่อนจะมองหน้าพ่อของฟ้าที่ตนสนิทสนมดี เค้ารู้ว่าลุงณพเป็นคนแข็งกร่าวแต่ก็ไม่คิดว่าจะรุนแรงกับลูกได้ถึงขนาดนี้ เมื่อครู่ตอนไปเปิดประตูตนก็ถูกผลักจนเซล้มส่วนเจ้าตัวก็ก้าวไวๆมาตบหน้าลูกซะงั้น
“นี่มันเรื่องอะไรกันนะพ่อ?”
ฟ้าถามเสียงสั่น ความเจ็บที่แก้มซ้ายยิ่งทวีความรุนแรงในยามที่เค้าขยับ รสเค็มฟาดคละคลุ้งอยู่ในปาก คงไม่ต้องเดาแล้วแหละว่ามันคือรสชาติของอะไร
“นั้นสิครับคุณลุง ใจเย็นๆแล้วค่อยคุยกันไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“มึงไม่ต้องมาสอนกู ส่วนมึงกลับไปกับกูเดี๋ยวนี้!”
ประโยคแรกมหรรณพหันไปตะคอกพร้อมชี้หน้าใส่น้ำแต่ประโยคหลังเค้าหันไปสั่งฟ้าพร้อมกับเข้าไปกระชากแขนจนฟ้าถล่าขึ้นมาจากโซฟาทั้งอย่างนั้น
“พ่อ! ฟ้าเจ็บนะ!!”
“ไม่ต้องมาสำออย วันนี้กูต้องเอาเลือดชั่วมึงออกให้ได้ กูไม่เคยเสี้ยมสอนให้มึงวิปริตผิดเพศแบบนี้!!!”
ทั้งน้ำและฟ้าต่างก็อึ้งไปตามๆกัน ฟ้าพอจะเดาออกว่าพ่อตนคงรับไม่ได้กับเรื่องๆนี้แต่เค้าไม่คิดว่าพ่อจะรู้เรื่องเร็วกว่าที่คาด เร็วมาก เร็วจนเกินไปชนิดที่เค้ายังไม่ทันได้ตั้งรับหรือตั้งตัวอะไรเลยด้วยซ้ำ
ณพไม่รีรอให้ฟ้ามีสติกลับมาซะก่อน เค้ากึ่งลากกึ่งจูงลูกชายคนเล็กไปทางประตูด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เนื่องจากทั้งชีวิตณพเติบโตมากับโรงเรียนนายร้อยและรับราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาโดยตลอดจึงทำให้เค้าต้องฟิตร่างกายและรักษาความเข้มความแข็งแกร่งของร่างกายและจิตใจมาตลอด ถ้าพูดถึงเรื่องเรี่ยวแรง แม้อายุจะมากแต่เค้าก็แข็งแรงไม่แพ้ใครแน่นอน
“พ่อ! ปล่อยฟ้าก่อน”
ฟ้าพยายามร้องขอแต่ก็ทนแรงพ่อตัวเองไม่ไหว น้ำเองพอได้สติจึงเดินเข้ามาขวางที่หน้าประตูแต่ก็อดใจแป๊วไม่ได้เมื่อได้สบเข้ากับดวงตาโฉดผิดกับภาพลักษณ์นายตำรวจของผู้ใหญ่ตรงหน้านี้จริงๆ
“หลีก”
ณพกดเสียงต่ำจนฟังดูเย็นยะเยือกและเสียวสันหลังวูบ น้ำลอบกลืนน้ำลายดังเอือก
“ใจเย็นๆก่อนนะครับคุณลุง ช่วยปล่อยฟ้าก่อนได้ไหมแล้วเราจะอธิบาย…”
“กูไม่ต้องการคำอธิบาย ถ้ามึงไม่หลีก กูก็จะยันมึงให้พ้นทางของกูเอง!”
“พ่ออย่านะ!!”
“หลีก!!!”
ฟ้าลอบมองสบตากับน้ำในเชิงร้องขอ ในเวลานี้เค้ารู้ดีว่าพ่อตนคงไม่ฟังใครและยิ่งมีคนขวางก็คงยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ในส่วนของเค้าเองนั้นไม่เท่าไหร่แต่ถ้าปล่อยให้พ่อพลอยโกรธพลอยเกลียดน้ำไปด้วยเค้าไม่ยอม
น้ำอึกอักไม่อยากจะยอมอยู่สักพักแต่ก็ยอมหลีกทางออกมาในที่สุด ณพจึงลากลูกชายออกจากห้องได้อย่างสะดวง ฟ้ายังคงมองสบตากับน้ำจนลับตา เค้าขอเพียงแค่จะไม่มีอะไรเลวร้ายมากนัก เค้าขอเพียงแค่นั้นจริงๆ
เมื่อประตูลิฟท์ปิดน้ำแทบทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น หมัดขวากำแน่นก่อนจะฟาดลงพื้นไม่ยั้งจนเลือดไหลซึม ความเจ็บเพียงแค่นี้ไม่เท่าสิ่งที่ตนกำลังรู้สึกอยู่ในอกข้างซ้าย หัวใจเค้าแทบแหลกสลายเมื่อเห็นแววตาสุดท้ายก่อนที่ฟ้าจะจากไป มันดูเจ็บปวด เจ็บปวดจนเค้าอยากจะเข้าไปกอดปลอบแต่ก็ทำไม่ได้
ครืน ครืน
เสียงการสั่นของโทรศัพท์ทำให้เค้าเหลียวหันไปหา ไอโฟนสีดำรุ่นล่าสุดนอนแฝดเสียงการสั่นอยู่บนพื้นไม่ไกลจากประตูห้อง คงตกจากกระเป๋ากางเกงเค้าในตอนล้มลงนั้นแหละ พอหยิบมาดูชื่อเค้าจึงสไลด์รับสาย
“ครับมัม”
/ตาน้ำ! ทำไมไม่รับโทรศัพท์แม่/
“ผมไม่ได้ยิน มัมมีอะไรรึเปล่าครับ?”
/แกไปทำอะไรหนูฟ้าเค้าห่ะ รู้ไหมพ่อเค้าโทรมาโวยวายกับแม่ใหญ่เลย เค้าบอกว่ายังไงเรื่องนี้เค้าจะไม่ให้อภัยเด็ดขาด มันร้ายแรงมากเลยเหรอลูก?/
น้ำกำหมัดแน่นยิ่งกว่าเดิม ท่าทางอุปสรรคครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายซะแล้วสิ
“ผม…รักฟ้า”
/แม่รู้แล้ว ลูกทั้งคู่ก็ดูรักใคร่กลมเกลียวกันดีมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยแล้ว แม่ถึงได้แปลกใจไงว่าอะไรที่ทำให้คุณณพเค้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงขนาดนั้น/
“ผมรักฟ้าแบบคนรักครับ ไม่ใช่รักแบบเพื่อนหรือพี่น้อง”
/……/
ปลายสายถึงกับเงียบกริบ มันเงียบจนเกินไปจนน้ำอดที่จะใจเสียไม่ได้ แค่นี้เค้ายังเสียไม่มากพออีกเหรอ อย่าให้เค้าต้องมาเสียใจกับอุปสรรคจากแม่ของตัวเองอีกเลย
“ผมขอโทษครับ แต่ผมรักฟ้า รักมาก รักถึงขนาดไม่อาจจะศูนย์เสียฟ้าไปได้”
เกิดเสียงผ่อนลมหายใจดังแว่วมาให้ได้ยิน
/ลูกมั่นใจแล้วเหรอน้ำ?/
“ครับ”
/ลูกรู้รึเปล่าว่ามันจะส่งผลยังไงกับตัวเอง กับคนรอบข้าง?/
“รู้ครับ ก็เพราะรู้ผมถึงได้ขอโทษอยู่นี่ไง”
/งั้นก็ช่วยไม่ได้แหละนะ/
น้ำใจชื้นขึ้นนิดหน่อยที่แม่ของเค้ารับความรักในแบบของเค้าสองคนได้
/แล้วสรุปเรื่องมันเป็นไปเป็นมายังไงกันเนี้ย?/
“ผมก็ยังงงๆอยู่เลยครับ แต่ดูเหมือนลุงจะรู้เรื่องของผมกับฟ้าแล้ว”
/อ่าห่ะ พอจะเดาคร่าวๆได้บ้างแล้วละ แล้วหนูฟ้าละ? เป็นยังไงบ้าง?/
“โดนลุงมาลากตัวกลับไปเมื่อกี้ครับ”
/ขนาดนั้นเชียว งั้นน้ำกลับมาบ้านดีกว่านะ จะได้คุยกันเผื่อเราจะหาโอกาสเข้าไปคุยกับบ้านนั้นได้/
“ครับ”
/เข้มแข็งไว้นะน้ำ/
“ครับมัม ขอบคุณครับ”
.
.
.
.
.
“โอ้ย!!!”
ฟ้าร้องลั่นเมื่อผู้เป็นพ่อเหวี่ยงเค้าลงพื้นห้องทันทีที่มาถึงบ้าน แม่ที่นั่งดูทีวีบนโซฟาถึงกับถล่ามาประคองตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแทบไม่ทัน
“นี่มันเรื่องอะไรกันนะพ่อ ทำไมถึงทำรุนแรงกับลูกแบบนี้ละ!?!”
ฟ้านิ่วหน้าด้วยความเจ็บจนผู้เป็นแม่แทบใจเสีย ไหนจะรอยช้ำเป็นรูบมือที่ข้างแก้มนั้นอีก
“ก็ถามลูกชายสุดที่รักดูสิว่ามันไปสร้างวีรกรรมเลวๆอะไรไว้!”
เมย์หันไปมองลูกชายสลับกับณพด้วยความไม่เข้าใจ เธอตกใจที่เห็นท่าทีโกรธจัดของสามีทั้งที่ตั้งแต่อยู่กินกันมา สามีเธอไม่ค่อยจะลงไม้ลงมือสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่มีแต่ใช้น้ำเสียงและคำพูดข่มจนเสียขวัญเพียงแค่นั้น
ฟ้านิ่งเงียบแต่ดวงตาสั่นไหวและน้ำตาคลอหน่วย เมย์โอบกอดปลอบโยนลูกชายเธอด้วยความห่วงใยในขณะที่ผู้เป็นพ่อยังคงยืนจ้องมองเขม่ง แววตาดุดันนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเป็นสองเท่า
“ต่อจากนี้ไปมึงต้องกลับมาอยู่บ้านและไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับคนบ้านนั้นอีก!”
ผู้มีอำนาจสูงสุดในบ้านประกาศกร่าว ฟ้าเงยหน้ามองพ่อน้ำตาคลอหน่วยได้ไหลรินลงอาบแก้มทันที
“พ่อครับ”
“ไม่ต้องพูด กูไม่อยากฟังข้อแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น”
“พ่อครับ ผมขอร้อง”
“กลับเข้าห้องมึงไปแล้วสำนึกซะว่ามึงเป็นผู้ชาย มันก็เป็นผู้ชายแล้วอนาคตพวกมึงจะเป็นยังไงถ้ายังอยู่ด้วยกันแบบนั้น”
“แต่เรารักกัน”
“รักผิดๆของพวกวิปริตผิดเพศนะสิวะ กลับเข้าห้องของมึงไปซะ ก่อนที่กูจะทนไม่ไหวแล้วเอาเลือดชั่วๆของมึงออกมาล้างเท้ากู!”
ฟ้าได้แต่เม้มปากแน่นและปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลรินลงอาบแก้มอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ เค้าอยากจะขอร้อง อยากจะอธิบายให้พ่อได้เข้าใจ แต่ดูเหมือนพ่อจะไม่รับฟังอะไรจากเค้าเลย
“มันผิดด้วยเหรอที่พวกเรารักกัน…”
ฟ้าเอ่ยทั้งเสียงสะอื้น
“มันผิดด้วยเหรอที่พวกเราอยากอยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน ใช้ชีวิตเคียงบ่าเคียงไหล่กันเหมือนคู่รักคนอื่นๆนะครับ”
“มันผิดตั้งแต่ที่พวกมึงคิดจะรักแล้ว พวกมึงเป็นผู้ชาย! ได้ยินไหมว่าพวกมึงเป็นผู้ชาย!!”
ฟ้าเม้มปากแน่นจนเจ็บแปร๊บแต่เค้าก็ไม่สนใจ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะทำให้เค้าเจ็บไปมากกว่าตรงใจที่แทบจะสิ้นเรี่ยวแรง มันเจ็บจนปวดหนึบ เหมือนใครเอาของหนักสักร้อยตันมาทับจนหายใจไม่ออก
…พ่อใจร้าย…
“ฟ้า”
เสียงหวานของผู้เป็นแม่เรียกความสนใจของเค้าให้หันไปมอง ทันทีที่ได้สบตากับคนข้างๆน้ำตาของฟ้าก็รินไหลหนักยิ่งกว่าเดิม แม่เค้ามีสีหน้าตะลึงค้างเมื่อจับใจความในสิ่งที่ได้ยินได้ ดวงตาสีน้ำตาลประกายอ่อนโยนนั้นสั่นไหวเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
แม่คงผิดหวังอย่างที่พ่อผิดหวังในตัวเค้า
ตลอดชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตถึงแม้พ่อจะเข้มงวดกับเค้าเพียงใด เค้าก็ยังมีแม่ที่เข้าใจ ที่คอยอยู่เคียงข้าง
แต่วันนี้มันกลับไม่เป็นอย่างที่เคยเป็น
“แม่ครับ ฟ้าขอโทษ”
แม่ยังคงเงียบแต่ไม่นานก็ลุกขึ้นยืนและเอ่ยบอกเค้าน้ำเสียงราบเรียบ
“เข้าห้องก่อนเถอะฟ้า ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ”
ฟ้ากลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก การไม่เหลือใครมันทำให้เค้ารู้สึกสิ้นหวังได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ มันเหมือนการที่โดนทิ้งลงเหวที่ไม่มีก้นบึ้ง ทุกอย่างรอบตัวเลือนลางและมืดสนิท มันเคว้งคว้างจนฟ้าเผลอยกแขนโอบกอดตัวเองเหมือนอากาศหนาวจับใจ ฟ้าลุกขึ้นยืนทั้งที่ก้มหน้าก้มตาไม่เหลียวมองใคร หยาดน้ำตายังไหลรินเป็นทาง ฟ้าย่างก้าวเข้าห้องด้วยแรงเฮือกสุดท้าย ทันทีที่ปิดประตูห้องได้ฟ้าก็ทรุดฮวบลงกับพื้นปล่อยเสียงโฮร้องไห้อย่างหนัก ปลดปล่อยความเศร้าความเสียใจออกมาจนสายใจแทบขาด
“อึ๊ก…ฮือ...น้ำ…ฮือ…ช่วยด้วย…น้ำช่วยฟ้าด้วย…ฮือ…”
Tbc….
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
28
ฟ้ารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตู เค้าพึ่งรู้ว่าตัวเองได้ฟุบลงกับพื้นหน้าประตูห้องนอนภายในบ้านหลังใหญ่ของครอบครัวตัวเอง เค้ารู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวและออกร้อนที่หน้าไหนจะความตึงที่แก้มและอาการตาบวมจากการร้องไห้อย่างหนัก สภาพแย่เสียยิ่งกว่าแย่จริงๆ
ก๊อกๆๆ
“ฟ้า”
เสียงที่เอ่ยเรียกไม่ใช่เสียงพ่อและแม่ แต่เป็นเสียงขอองพี่ชายเพียงคนเดียวของฟ้า
...พี่ดิน...
...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?...
“ครับ?”
ฟ้าขานรับแต่ยังไม่เปิดบานประตูให้ เค้าควานหาโทรศัพท์ของตนจนทั่วทั้งกระเป๋าหน้ากระเป๋าหลังแต่ก็ไม่เจอ อย่าบอกนะว่าลืมไว้ที่คอนโด
“แม่ให้มาเรียกไปกินข้าว”
ฟ้ามองออกไปทางหน้าต่างและก็พึ่งรู้ตัวด้วยว่าภายในห้องนี้มันมืดถึงขนาดไหน มีเพียงแสงไฟจากข้างนอกสาดส่องเข้ามาพอให้ได้เห็นเป็นเงาลางๆได้เพียงแค่นั้น
“ผมไม่หิว พี่ไปกินเถอะ”
“โอเค”
ฟ้าคิดว่าพี่ชายของเค้าอาจจะยังไม่รู้เรื่องเพราะน้ำเสียงและลักษณะการพูดจายังคงไม่เปลี่ยน แต่ก็คงไม่นานหรอก พอรู้เรื่องแล้วคงจะถอยห่างออกจากเค้าเหมือนอย่างคนอื่นๆ เพราะงี้ไงเค้าถึงอยู่แต่คอนโด ถ้าไม่โดนเอ่ยปากขอคงไม่กลับมาที่บ้านให้ได้เหนื่อยใจแบบนี้
เป็นเมื่อก่อนถ้าฟ้ากลับมาบ้านเค้าจะสวมบทบาทลูกชายมาดแมนเต็มที่ ถึงแม้จะโดนบ่นเรื่องผมที่ไว้ยาวแต่ก็มัดรวบไว้ตลอดเมื่ออยู่ที่บ้าน ถึงจะโดนเหน็บเรื่องหน้าตาแต่มันก็เป็นกรรมพันธ์ที่แก้ไขไม่ได้ ถึงจะโดนบ่นเรื่องเรี่ยวแรงพละกำลังทางกายแต่มันก็มีเหตุอันเนื่องมาจากสมัยเด็กนั้นป่วยบ่อยจนเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ทุกอย่างล้วนมีความสมเหตุสมผลของมัน ยกเว้นรสนิยมการชอบเพศเดียวกันที่ยังหาเหตุและผลมาแย้งกับผู้เป็นบิดาไม่ได้จริงๆ
มันคือสิทธิส่วนบุคคลเหรอ…คงจะยอมฟังหรอกนะ
มันคือรสนิยมส่วนตัวงั้นเหรอ…ยิ่งแล้วใหญ่
ฟ้าเดินไปนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงท่ามกลางความมืด เค้าไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้นแม้แต่การเปิดไฟก็ตาม
ก๊อกๆๆ
มานั่งได้ไม่นานก็เกิดเสียงเคาะประตูขึ้นอีกครั้ง ฟ้าทำเพียงแค่เมียนมองไปยังบานประตูไม่คิดที่จะไปเปิดแต่อย่างใด
“ฟ้า”
คราวนี้เป็นเสียงของผู้เป็นแม่ที่เอ่ยเรียกอยู่หลังบานประตู
“ลงมากินข้าวเถอะลูก เดี๋ยวจะเจ็บท้องเอานะ”
“ผมไม่หิว”
ฟ้าตอบทั้งน้ำตา ถึงจะรับรู้ได้ว่าแม่ยังคงห่วงใยเค้าแต่สีหน้าและแววตาที่เค้าเห็นนั้นมันยังชัดเจนอยู่ในใจ มันตอกย้ำให้เค้าได้รู้ว่าเค้าได้ทำให้คนที่รักต้องผิดหวังถึงเพียงใด
แกร๊ก!
เสียงกลอนที่ถูกปลดล็อคดังขึ้นก่อนที่บานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มจะเปิดอ้าออก ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาก่อนจะกดเปิดไฟจากสวิสต์ที่อยู่ใกล้ประตู ฟ้ายังคงก้มหน้ามองพื้นและนั่งกดอเข้าอยู่ที่ของเตียงใหญ่ของตนจนแม่เดินเข้ามานั่งข้างๆแล้วดึงตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเข้าสู่อ้อมกอด มือเรียวลูบเรือนผมยาวสีดำขลำนั้นอย่างอ่อนโยน ฟ้าเลยได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินอีกครั้งพร้อมกับพล่ำบอกขอโทษด้วยเสียงที่สั่นไหวและแผ่วเบา
“แม่รักฟ้านะ ไม่ว่าลูกแม่จะเป็นยังไงจะรักจะชอบใครแต่ฟ้าก็คือลูกที่แม่รัก”
“ผมขอโทษ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เลิกงอแงได้แล้วตัวเล็ก ลงไปทานข้าวพร้อมกันดีกว่านะ พี่เค้ากลับมาทั้งทีจะไม่ไปเจอหน้ากันหน่อยเหรอจ้ะ?”
ฟ้าผละออกจากอ้อมอกแม่ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
“ผม...ไม่อยากเจอพ่อ”
“พ่อเค้าไม่กินจ้ะ แล้วก็เข้าห้องทำงานไปแล้วด้วย”
“......”
“พี่ดินเค้ากลับมาแค่สามวันเองนะ”
ฟ้าเม้มปากแล้วพยักหน้ารับ ผู้เป็นแม่ยิ้มจาง
“งั้นก็ไปล้างหน้าเถอะจ้ะ เดี๋ยวแม่จะลงไปรอข้างล่างนะ”
“ครับ”
เมื่อแม่เดินออกจากห้องของเค้าไปฟ้าจึงลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา เมื่อฟ้าส่องกระจกก็ต้องพบกับสภาพหน้าที่บวมฉึ่ง แก้มบวมแดงจากแรงตบของผู้เป็นพ่อ ตาก็บวมจากการร้องไห้อย่างหนัก ไหนจะความโทรมที่มาจากความเครียดทางใจ ฟ้าละสายตาจากเงาตนเองหันไปคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดหน้าแล้วเดินออกจากห้องลงไปยังชั้นล่างที่มีห้องอาหารแยกจากส่วนโถงนั่งเล่น ฟ้าลงจากบันไดขั้นบนสุดแต่ยังไม่ทันจะถึงประตูทางเข้าห้องครัวเค้าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินบทสนทนาของพี่ชายและแม่ดังแว่วมาให้ได้ยิน ถึงจะเป็นเสี่ยงที่แผ่วเบามากกว่าปกติแต่ฟ้าก็ยังได้ยินมันอย่างชัดเจน
“พ่อไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าฟ้ามันเป็นแบบนั้น”
“พ่อบอกว่าไปเห็นน้องกำลังคุยกับแบบถึงเนื้อถึงตัวกับ...”
“กับใครครับ? แฟนฟ้าเหรอ?”
“ใช่จ้ะ แต่แม่ว่าเราอย่าพึ่งคุยกันตอนนี้เลย เดี๋ยวน้องก็ลงมาทานข้าวแล้ว”
เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วครู่ก่อนที่เสียงครูดเก้าอี้กับพื้นหินอ่อนและเสียงวางจานชามจะดังตามมา ฟ้าถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนที่จะเดินเข้าไปยังด้านใน แม่เป็นคนแรกที่เห็นเค้าและยิ้มรับ
“มานั่งสิฟ้า มีแต่ของชอบลูกทั้งนั้นเลยนะ”
ฟ้าพยักหน้ารับแล้วเหลือบมองไปยังพี่ชายของเค้า
“มองไรวะ มานั่งดิ รอจนไส้กิ่วแล้วเนี้ย”
ฟ้ายิ้มจางแล้วเข้าไปนั่งข้างๆพี่ชาย พี่ดินมักจะชอบแกล้งฟ้าเพราะอายุที่ห่างกันถึง12ปีและรูปร่างหน้าตาที่ไปกันคนละทาง แต่พี่เค้ามักจะเป็นห่วงเป็นใยในยามที่ฟ้ามีเรื่องไม่สบายใจเสมอ
“อะไรอะแม่ นานๆทีผมจะได้กลับมาแม่เล่นทำแต่ของโปรดฟ้าไม่มีของโปรดผมบ้างเลย ถึงจะโตแล้วแต่ก็งอลเป็นนะครับ”
ฟ้าเมียนมองดูอาหารกลางโต๊ะเมื่อได้ยินคำบ่นของพี่ชาย ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ไก่ทอดกระเทียม คะน้าผัดน้ำมันหอย แล้วไหนจะแกงจืดสาหร่ายวุ้นเส้นอีก
“ก็ของโปรดเรามันมีแต่ของที่น้องกินไม่ได้ไง”
“งี้ผมคงไม่ได้กินไปตลอดชาติ”
“อย่าเวอร์สิดิน ตัวโตอย่างกับควายมาทำใจปลาซิวแบบนี้ไม่อายน้องบ้างรึไง”
“พูดซะขนาดนี้ด่าผมมาตรงๆเลยก็ได้ครับ”
ฟ้ามองดูคนทั้งคู่ปะทะคารมกันก่อนจะจบลงที่เสียงหัวเราะอย่างนิ่งเงียบ ก็พอรู้ว่าทั้งพี่ทั้งแม่อยากจะสร้างบรรยากาศเพื่อให้เค้าได้ผ่อนคลายและหายเครียดแต่เค้าก็ยังคงทำใจไม่ได้อยู่ดี พ่อมีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจของเค้ามาตั้งแต่เด็ก แต่น้ำก็คือหัวใจของเค้าเหมือนกัน
“กินกันเถอะจ้ะ”
เสียงของแม่เรียกสติที่เหม่อลอยของฟ้าให้กลับมาอีกครั้ง ฟ้าหยิบช้อนส้อมขึ้นยังไม่ทันเลือกว่าจะกินอะไรก่อนพี่ชายก็ตักไข่ตุ๋นมาวางใส่จานให้ ไข่ตุ๋นคือของโปรดที่เค้าชอบมากที่สุด คนสนิทและคนในครอบครัวเค้ารู้ดี
“ขอบคุณ”
“ถ้าจะขอบคุณกันจริงๆ ก็ยิ้มกว้างๆให้พี่เห็นสักทีสิ”
“.........”
ฟ้าเงียบไปนิดก่อนจะแย้มยิ้มตอบกลับแต่ดินกลับส่ายหัว
“ปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้มพี่ไม่ถือว่าเป็นรอยยิ้มหรอกนะ”
“........”
“กินเถอะ”
“ครับ”
.
.
.
.
.
.
“มัม”
น้ำเอ่ยเรียกมารดาที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นทันทีที่เข้ามาถึงในตัวบ้านหลังใหญ่ อรหันมามองแล้วชูแขนทั้งสองข้างเตรียมรับแรงกอดจากลูกชายสุดที่รักเพียงหนึ่งเดียว น้ำเข้าไปกอดมารดาครู่ใหญ่ๆแล้วจึงผละมานั่งข้างๆ ยังไม่ทันที่จะเอ่ยปากอะไรก็มีบุคคลที่สามก้าวเข้ามาพร้อมกับเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม
“เบาๆหน่อย นั้นเมียฉัน”
น้ำแทบหลุดเสียงหัวเราะ
“แด๊ดกลับมานานแล้วเหรอครับ?”
“นานพอที่จะได้ยินวีรกรรมแสบๆของแกหลายเรื่องเชียวละ”
“ผมไม่ได้ไปสร้างเรื่องที่ไหนนี่”
“แล้วไอ้ที่เค้าโทรมาโวยวายนี่คืออะไร?”
ผู้เป็นพ่อพูดลองเชิงพร้อมกับก้าวเดินมานั่งที่โซฟาเล็กด้านข้าง น้ำแทบหุบปากฉับ ภาพที่ฟ้าโดนลุงเหวี่ยงยังไม่จางหายไปจากสมองจนอารมณ์เค้าคุกรุ่นขึ้นมาอีกจนได้ ถึงแม้จะเป็ฯผู้ให้กำเนินแต่ก็ไม่ควรทำรุนแรงถึงขนาดนั้น ยิ่งกับลูกในไส้ด้วยแล้ว
“อย่ามาทำหน้าเหมือนหมาบ้าแบบนี้สิ”
“แด๊ดไม่เข้าใจ”
“ก็เพราะไม่เข้าใจนะสิ ถึงได้เรียกให้แกมาอธิบายอยู่เนี้ย”
สเวนเอ่ยด้วยรอยยิ้มแล้วจึงเอนหลังพิงพนักพิงโซฟาอย่างสบายอกสบายใจ น้ำหันไปมองพ่อทีมองแม่ทีจนแม่พยักหน้าให้เค้าจึงเริ่มเล่าเรื่องราวระหว่างเค้ากับฟ้าตั้งแต่ต้นจนถึงล่าสุดที่ฟ้าโดยพ่อของเค้าลากตัวกลับบ้าน พ่อและแม่ของน้ำฟังอย่างตั้งใจด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย จนเมื่อน้ำเล่าจบความเงียบก็ยังคงปกคลุมอยู่ครู่ใหญ่ๆ น้ำลอบกลืนน้ำลาย ยอมรับว่าอดที่จะหวั่นใจไม่ได้เพราะเค้าเองก็ได้เสียกับฟ้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้แม่จะรับรู้ในเรื่องที่เค้ารักฟ้าแต่เมื่อมาเจอเรื่องราวอย่างละเอียดก็อดที่จะไม่มั่นใจอยู่ดีว่าทั้งสองจะยอมรับมันได้
“แด๊ด...มัม...”
“ลูกยังคงยืนยันใช่ไหวว่ายังไงก็ต้องเป็นฟ้า?”
อรเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามลูกชาย
“โถ่มัม กว่าผมจะก้าวข้าวเส้นแบ่งระหว่างพวกปกติกับพวกรักชอบเพศเดียวกันได้มันไม่ใช่ง่ายๆนะ ถ้าไม่มั่นใจผมจะทำไปทำไมเล่า”
“งั้นก็ดี”
คราวนี้เป็นพ่อที่เอ่ยเสียงเข้ม สีหน้าดูจริงจังผิดกับเมื่อช่วงแรกที่เข้ามาในห้องอย่างลิบลับ
“แล้วเราคิดว่าจะทำยังไงต่อไปละ?”
“ผมยังไม่รู้ครับ”
“หึ ดูท่าทางนั้นจะไม่ยอมยกหนูฟ้าให้เราง่ายๆซะด้วย”
น้ำถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ทางบ้านนู้นเค้าเข้มเรื่องพวกกฏระเบียบตามแบบฉบับนายตำรวจใหญ่มาตั้งแต่ไหนแต่ไร การที่ปล่อยหนูฟ้าให้ทำตามอำเภอใจแบบนี้ถือว่ามากจนไม่รู้จะมากยังไงแล้ว แต่ก็นะ มีพี่ชายอย่างดินรับช่วงต่อคุณณพเค้าแล้วก็เลยผ่อนผันกับหนูฟ้ามาโดยตลอด...”
อรพูดไล่ตามสิ่งที่ตนคิดเพราะตนกับเมย์ที่เป็นแม่ของฟ้าก็พูดคุยเมามอยด์กันมากกว่าสาระทุกข์สุกดิบธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว
“งั้นทำไม...”
“แต่เรื่องนี้มันละเอียดอ่อนมากกว่าที่จะปล่อยผ่านไปได้ไงลูก”
“แค่เรารักกัน”
“แต่มันเป็นรักที่คนทั่วไปเค้าไม่เป็นกัน หรือพูดง่ายๆคือเป็นส่วนน้อยนั้นแหละ ยิ่งพวกหัวโบราณอย่างคุณณพด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
“อืม ไอพอจะเข้าใจแล้ว”
น้ำหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อทันทีที่ได้ยิน
“การที่มีลูกชายมันก็ต้องหวังให้เป็นผู้สืบสกุลไม่ก็ผู้นำ แต่อย่างฟ้าต้องมาเป็นผู้ตามหรือตกเป็นเบี้ยล่างของแกคนหัวแข็งอย่างคุณมหรรณพเลยอารมณ์ขึ้นเป็นธรรมดา นั้นลูกชายเค้าเชียวนะ”
“ผมไม่ได้มองว่าใครเป็นผู้นำหรือใครเป็นเบี้ยล่างเลยนะแด๊ด”
“แต่แกกดฟ้าใช้ไหมละ?”
พูดตรงสมกับที่เป็นชาวต่างชาติจริงๆ
“มันก็ใช่”
“เท่ากับฟ้าเป็นเมียแก และนั้นคือสิ่งที่พ่อเค้ารับไม่ได้”
น้ำเงียบกริบพลางตีหน้าคิดหนักจนสเวนพ้นลมหายใจแล้วขยับเข้าไปนั่งข้างลูกชายของเค้า ตอนแรกที่ได้ยินจากอรเค้าก็ตกใจไม่น้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนเดินทางบ่อยและเจอสังคมมาทุกรูปแบบทำให้เค้าทำใจได้ง่าย ถึงน้ำจะเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแถมยังต้องสืบต่อธุรกิจของเค้า เค้าก็ยังพร้อมที่จะยอมรับในสิ่งที่ลูกชายรัก สิ่งที่ลูกชายเป็น
“ตอนนี้ทางบ้านนู้นคงกำลังร้อนกันอยู่ ปล่อยให้เค้าเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยเข้าไปคุยกับพวกเขาอย่างเป็นทางการแล้วกัน ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไอจะสู่ขอฟ้าให้เราเลย”
“อย่าพูดเล่นนะแด๊ด”
“เห็นไอเป็นคนยังไงกันห่ะ”
“กะล่อนไง”
“แล้วแกก็ได้เชื้อไอไปเต็มๆเลยด้วย เจ้าลูกชาย”
สองพ่อลูกหัวเราะขำให้กับความสัมพันธ์อันดีและบรรยากาศที่ผ่อนคลายลง น้ำกล่าวขอบคุณผู้ให้กำเนิดทั้งคู่พร้อมพนมมือไหว้จากใจจริงแล้วจึงเดินขึ้นห้องของตนที่อยู่ชั้นบน ทันทีที่เข้าห้องได้บรรยากาศเก่าๆก็ผุดขึ้นมาราวภาพหนังในม้วนฟิล์ม ภาพวันที่ยังคงอยู่ที่นี้และมีฟ้ามาหาด้วยรอยยิ้ม ความรักและความเอาใจใส่ในทุกเรื่องแสดงออกมาโดยที่เค้าไม่ทันได้รู้ตัว แต่เมื่อรู้ทุกอย่างกลับไม่ราบลื่นจนน่าสิ้นหวัง
คิดถึงจัง
อยากกอดมาก
ฟ้าจะเป็นยังไงบ้างนะ
.
.
.
.
.
“ฟ้า”
ฟ้าหันไปมองตามเสียงเรียกจนเห็นแม่เดินเข้ามาหาจากทางหน้าประตูห้อง ตอนนี้ตกดึกไปพอสมควรแต่ฟ้ายังคงนั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้หวายริมระเบียง ภายในห้องมืดสลัวมีเพียงแสงไฟสีส้มนวลจากโคมไฟเท่านั้นที่ส่องสว่าง ผู้เป็นเมย์เอาแก้วนมอุ่นวางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปหาลูกชายที่ระเบียงห้อง ลมเย็นๆพัดผ่านให้ร่างกายไม่ร้อนอบอ้าว ฟ้าอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้วแต่หน้าที่โดนตบเค้ากลับไม่สนใจจะทายา ปล่อยไว้แบบนี้ก็ดี จะได้เป็นรอยไว้ให้จดจำ
“ทายารึยังลูก?”
แม่เอ่ยถามพร้อมกับจับปลายคางลูกชายให้หันมาหา ถึงแม้แสงสว่างจะไม่มากพอแต่รอยแดงช้ำนั้นยีงคงเด่นชัดจนสามารถมองเห็นได้ ฟ้าส่ายหัวเบาๆแล้วหันไปมองยังท้องฟ้าเบื้องบนราวกับดาวนับล้านที่ส่องประกายนั้นจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนึกคิดของตน
“เดี๋ยวแม่ไปเอายามาทาให้นะจ้ะ”
ฟ้าไม่ตอบ เค้ากึ่งนั่งกึ่งนอนเอนกายไปตามเก้าอี้หวายเงยหน้ามองท้องนภาจนแม่ลุกกลับเข้าไปในห้องไม่นานก็กลับออกมาแต่เปลี่ยนจุดเป็นฝั่งที่ฟ้าโดนตบจนแก้มช้ำแทน แม่มองลูกชายที่ยังคงเหม่อลอยด้วยความเศร้าหมองไม่แพ้กัน เธอคุกเข้าลงข้างๆแล้วค่อยๆทายาให้อย่างเบามือ ฟ้าไม่มีท่าทีเจ็บปวดอะไร เค้านิ่งราวกับไม่รับรู้แต่ความเจ็บปวดใดๆทั้งสิ้น
“ฟ้า”
ฟ้าละสายตามามองคนเรียกแล้วก็ต้องขมวดคิ้ว
“แม่ลงไปนั่งอย่างนั้นทำไม? เดี๋ยวก็ปวดขาหรอก”
เธอยิ้มจางกับความห่วงใยของลูกชาย แต่ก็ยังไม่ลุกขึ้น เธอเอื้อมมือไปลูบหัวคนด้านบนด้วยความรักและเอ็นดู
“ไม่ว่ายังไง ฟ้าก็ยังเป็นฟ้า เป็นลูกของแม่”
“ครับ”
“ฟ้ารักน้ำมากไหม?”
ฟ้าหลบตาแม่มาครู่ก่อนจะพยักหน้ารับ ตอนที่เธอรู้จากสามีว่าคนๆนั้นคือน้ำตนก็ตกใจไม่น้อย เรียกว่าแทบช็อคเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปก็เห็นถึงความรักใคร่กันของเด็กทั้งสองคน พวกเขาอยู่เคียงข้างกันมาตลอด พวกเขาช่วยเหลือกันมาตลอด แล้วจะเป็นอะไรถ้าหากพวกเขาจะมีความรักให้กันในรูปแบบนั้น
“งั้นฟ้าก็ต้องเข้มแข็ง อย่ายอมแพ้ง่ายๆ พ่อเค้าอารมณ์รุนแรงแค่ช่วงแรกๆนั้นแหละ ไว้ให้ใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยหาโอกาสพูดคุยกัน โอเคไหม?”
ฟ้าพยักหน้ารับอีกครั้งพร้อมกับยันตัวขึ้นมาพนมมือไหว้ซบแทบไหล่ของหญิงผู้ให้กำเนิด ฟ้าซบอยู่ไม่นานแรงสะอื้นก็ทำให้แม่ยกแขนขึ้นโอบกอดลูกชาย เสื้อตรงไหล่เปียกชื้นด้วยหยาดน้ำตา
“ขอบคุณครับแม่ ขอบคุณที่เข้าใจฟ้า ขอบคุณที่ยอมรับความรักของฟ้า”
Tbc…
เอาจริงๆนะ ไรท์ไม่เคยเขียนการขัดแย้งทางครอบครัวที่รุนแรงแบบนี้มาก่อนเลยอะ แต่ก็นะ พ่อเค้ามีทิฐิสูง ถึงแม้ฟ้าจะไม่ได้มาดแมนร้อยเปอร์เซ็นตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่การได้เห็นกับตาได้ยินกับหูมันก็ทำให้เลือดขึ้นหน้าลมออกหูทู่ซี้จะโมโหไม่ฟังคำใครได้เหมือนกัน
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
29
เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นเช้าวันจันทร์ที่ฟ้ามีเรียน ถึงฟ้าไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนแต่ก็ต้องไปและที่นั้นเป็นสถานที่เดียวที่ฟ้าจะพบกับน้ำได้ ฟ้ารีบอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวด้วยชุดลำลองธรรมดาเพื่อที่จะวกกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาที่คอนโดอีกที ฟ้าออกจากห้องก้าวลงบันไดด้วยใจที่เบิกบานขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่เมื่อเข้าห้องครัวมาเจอผู้เป็นพ่อนั่งจิบกาแฟพร้อมอ่านหนังสือพิมพ์ในมือไปพลางแล้วก็ต้องชะงัก พี่ดินเองก็นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยแต่ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในชุดราชการตำรวจเหมือนอย่างเคยแต่เป็นชุดลำลองที่ดูเป็นทางการนิดๆอย่างพี่ดินที่ใส่เสื้อเชิตแขนสั้นและพ่อที่ใส่เสื้อโปโลสีอ่อน
“มาพอดีเลยฟ้า แม่กำลังจะขึ้นไปปลุกอยู่แล้วเชียว”
แม่ทันเมื่อหันมาเจอฟ้า คนอื่นๆเมื่อได้ยินอย่างนั้นจึงหันมามองเค้าเป็นตาเดียว
“มานั่งนี่สิ”
ดินเอ่ยเรียกน้องพลางหยิบขนมปังเข้าปาก วันนี้แม่ทำอเมริกันแบรคฟัสง่ายๆอย่างไส้กรอกไข่ดาวเบคอนขนมปังปิ้งและสลัดผัด ฟ้าเดินเข้าไปนั่งข้างพี่ชายซึ่งฝั่งตรงข้ามมีพ่อนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เหมือนเดิม
“ไม่มีเรียนเหรอเรา ทำไมไม่แต่งตัว?”
“มีสิ ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วด้วย แต่ที่นี่ไม่มีชุด ผมต้องกลับไปเปลี่ยนที่คอนโดก่อนนะ”
ดินยกแขนขึ้นมามองดูนาฬิกา
“โอเค เดี๋ยวพี่พาไปเปลี่ยน”
“ห่ะ?”
“ก็พี่ต้องไปส่งเราไปเรียนอยู่แล้วนี่”
“ผมไปเองก็ได้”
“ไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอ?”
“งั้นก็ยืมรถพี่หน่อยสิ”
“ให้ดินไปรับไปส่งดีแล้ว และพอเรียนเสร็จก็ไปเก็บเสื้อผ้าที่คอนโดกลับมาด้วย”
ผู้เป็นพ่อที่นิ่งเงียบมานานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มดุที่ตีความหมายได้อย่างเดียวคือนี่เป็นคำสั่ง ทุกคนเงียบกริบโดยฟ้าก็ทำได้เพียงเม้มริมฝีปากจนแม่เอาจานอาหารมื้อเช้ามาวางตรงหน้าเค้าจึงลงมือทานด้วยความไวแสง หมดไปไม่ถึงครึ่งก็กระดกนมแก้วใหญ่จนหมดก่อนจะลุกพรวดแล้วเดินออกจากห้องอาหารไปทั้งอย่างนั้น ไม่มีการพูดจาไม่มีการเอื้อนเอ่ยหรือตอบรับใดๆทั้งสิ้น
ดินรีบดื่มน้ำแล้วคว้ากุญแจรถเดินตามน้องชายออกไปยังรถพอได้เห็นคนเป็นน้องยืนตีหน้ามุ้ยพิงข้างรถบีเอ็มสีบรอนเงินแล้วก็นึกขำ นานเท่าไหร่แล้วที่เค้าไม่ได้อยู่บ้านและนานเท่าไหร่แล้วที่เค้าไม่ได้เจอท่าทางน่าเอ็นดูของน้องชายเพียงคนเดียวคนนี้ ถึงแม้การกลับมาในครานี้จะมีเหตุสุดวิสัยที่ค่อนข้างรุนแรงต่อใจไปสักหน่อย แต่เค้ารู้ว่ายังไงมันก็ต้องจบลงด้วยดี ดูจากท่าทีของพ่อที่มีความโกรธหย่อนลงกว่าเมื่อวานไปมากโข
“หน้ามุ้ยเป็นตูดลิงเลยตัวเล็ก”
ดินแซวพร้อมกับยกมือขึ้นยีหัวน้องเบาๆ การเรียกคนตรงหน้าว่าตัวเล็กจะมีแค่เค้ากับแม่เท่านั้นที่เรียก ก็ตอนเด็ก ฟ้าตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก มาสูงเอาๆก็ในช่วงมัธยมนั้นแหละ ถึงจะสูงขึ้นมากแต่ก็เพียงแค่ระดับสายตาของพี่อย่างดินอยู่ดี ฟ้าไม่เอ่ยปากพูดอะไรแต่เปิดประตูรถเข้าไปนั่งทันทีที่ดินกดปลดล็อครถ ไม่ถึงสิบนาทีเค้าทั้งคู่ก็มาถึงคอนโด ฟ้าไม่รู้ว่าน้ำจะยังอยู่ที่ห้องไหมเพราะพี่ชายจอดรถที่ชั้นแรกสำหรับแขกแล้วเดินเข้าตึกขึ้นลิฟท์มาเลย ใจฟ้าตุบๆต่อมๆมาก คงตื่นเต้นที่จะได้พบกันหลังจากที่ใจเสียไปกับเรื่องเมื่อวานไปมาก ทว่าพอเปิดประตูทุกสิ่งอย่างกลับเงียบงัน ฟ้าเดินตรงไปยังห้องนอนใหญ่ก็ไม่พบ ห้องนอนเล็กก็ไม่มี ดินที่ได้แต่ยืนกอดอกมองน้องเลยถอยหายใจไปเฮือกหนึ่ง
“รีบแต่งตัวเถอะฟ้า เดี๋ยวก็สายหรอก”
ฟ้าพยักหน้ารับด้วยใบหน้าสลด เค้ารู้ว่าวันนี้น้ำมีเรียนสายกว่าตนไปชั่วโมงหนึ่งและน้ำต้องอยู่ห้อง แต่กลับไม่เห็น ฟ้าเดินกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนใส่ชุดนักศึกษาในขณะที่ดินตามเข้ามาฟ้าแทบสะดุ้ง
“เข้ามาทำไม?”
ถึงจะเป็นพี่น้องแต่ไอ้รอยแดงเป็นจ่ำตามตัวยังไม่จางหายฟ้าเลยต้องรีบกลัดกระดุมซ่อนมันให้พ้นจากสายตาพี่ชาย แต่ก็ใช่ว่าดินจะมองไม่ทัน เค้าเห็นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ใส่เสื้อด้วยซ้ำแต่เลือกที่จะเดินเข้ามาตอนหลังจากนั้นเพื่อช่วยน้องเก็บเสื้อผ้า
“กระเป๋าเดินทางอยู่ไหน?”
“พี่จะเอาไปทำอะไร?”
“เอามาใส่เสื้อผ้าฟ้าไง พ่อบอกให้เก็บกลับบ้านไม่ใช่เหรอ เอาชุดนักศึกษาไปเยอะๆหน่อยนะจะได้ไม่ต้องเทียวแวะมาเปลี่ยนอีก”
“เรียนเสร็จค่อยมาเก็บก็ได้”
ฟ้าอยากจะยื้อเวลาที่ได้เข้ามาที่นี้ให้มากที่สุด เพราะมันเป็นเพียงสถานที่เดียวที่เค้าจะได้พบกับน้ำอย่างไม่มีอะไรขวางกั้น เราปลดเปลืองตัวตนได้อย่างไม่มีใครมาวุ่นวาย
“ในเมื่อเข้ามาแล้วก็เก็บไปเลยแหละ จะวนไปวนมาทำไมหลายรอบ”
“นะพี่ดิน ไว้ค่อยมาเก็บที่หลังนะ”
ฟ้าเข้าไปคล้องแขนช้อนตาอ้อนตามที่เคยทำ ดินเลยได้แต่ส่ายหัวระอาพลางยกยิ้มก่อนจะเลื่อนมือไปรวบผมให้น้องดีๆ
“ก็ได้ๆ ว่าแต่…ผมยาวถึงขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย ไม่คิดจะตัดบ้างเลยรึไง?”
“ผมก็เล็มเรื่อยๆอยู่นะ แต่ไม่ชอบสั้นอะ ไว้งี้รวบง่ายดีด้วย”
“งั้นเอายางมาเดี๋ยวพี่รวบผมให้”
“ไม่มี”
“หืม?”
“ปกติคนที่มีจะเป็นน้ำ”
พูดไปก็อดสลดตามไปด้วยไม่ได้ ดินเห็นอย่างนั้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการดุนหลังให้ออกจากห้องเพื่อรีบเข้ามหาลัยได้แล้ว ฟ้าเลยได้แต่ทำตามโดนไม่มีปากมีเสียงโดยไม่ลืมที่จะหยิบเป้ที่ใส่อุปกรณ์การเรียนกระเป๋าตังค์และโทรศัพท์มาด้วย
ดินเคยมาส่งฟ้าในช่วงเข้ามาเรียนใหม่ๆอยู่ครั้งสองครั้งเค้าจึงพอจะจำทางและตึกเรียนของฟ้าได้ เมื่อรถมาจอดเทียบที่หน้าตึกคณะสถาปัตฯฟ้าจึงไม่แปลกใจที่ไม่ได้เอ่ยปากบอกทางพี่ชายเค้าก็มาส่งได้ถูกเป๊ะแถมยังมีเวลาเหลือเกือบครึ่งชั่วโมง
“เรียนเสร็จก็โทรหาพี่ เดี๋ยวพี่มารับ”
“ครับ แล้วพี่จะไปไหนต่อ?”
“ไปทำธุระให้กรมฯนะ คงเสร็จบ่ายๆระหว่างนั้นอาจจะเที่ยวเล่นแถมนี้รอแหละนะ”
“เอาคีย์การ์ดคอนโดไว้ไหม? เผื่อจะได้เข้าไปนอนพักรอผม”
“ก็ดีนะ”
ฟ้าพยักหน้าก่อนจะควานหาคีย์การ์ดและยื่นให้พี่ชาย ฟ้าเอ่ยลาพี่ชายอีกครั้งก่อนเปิดประตูรถก้าวเดินออกมาแต่ยังไม่ทันจะถึงตึกก็โดนดินร้องเรียกไว้ซะก่อน เค้าหันไปมองแล้วก็เห็นดินเดินตามหลังมาจนถึงตัว เหล่านักศึกษาละแวกนั้นต่างมองตามดินกันให้ควัก ในเมื่อน้องหน้าตาดีขนาดนี้พี่ชายก็ไม่น้อยหน้ากันหรอกนะ จะแตกต่างก็เพียงแค่ดินจะผิวออกแทนกว่าฟ้าที่ขาวจนดูวอก ใบหน้าไม่ได้หวานเหมือนน้องแต่ก็มีเคล้าโครงเดียวกันอยู่ ตาสีดำสนิท คิ้วดกหนาและเรือนผมสั้นที่ถูกเซ็ตเข้ากับรูปหน้าเป็นอย่างดี
“มีอะไรครับ?”
“พี่เจอยางในรถ มานี่เดี๋ยวรวบผมให้”
ฟ้าหันไปหาพี่ชายดีๆจนดินสางผมจากทางด้านหน้าไปด้านหลังอย่างแผ่วเบา กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวน้องชายลอยติดจมูกในขณะที่เค้าเข้าไปใกล้ ทว่ายังไม่ทันไรร่างของเค้าก็โดนกระชากจากด้านหลังจนเกือบหงายหมัดหนักๆของใครบางคนกระแทกเข้าที่ข้างแก้มจะล้มโครมลงกับพื้น เมื่อหันมามองบุคคลปริศนาแล้วเห็นว่ามันกำลังเดินเข้ามาหง่างหมัดจะเสยต่อดินเลยยกขาถีบไปตรงกลางอกมันแรงๆจนมันเองก็ล้มโครมลงกันพื้น คราวนี้ดินตั้งตัวได้และลุกขึ้นย่างก้าวเข้าไปดึงคอเสื้อมันขึ้นมาชกตอบอย่างไม่สนต่อใครที่หวีดร้องอยู่รอบด้าน รวมทั้งฟ้าที่ร้องห้ามอยู่ไม่ไกล
“หยุดนะ ฟ้าบอกให้หยุดไง!”
มันจ้องหน้าดินด้วยความโกรธเคืองปานเค้าไปฆ่าใครในครอบครัวของมันตาย แต่จะให้คนอย่างดินยอมโดนอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่ใช่เค้าแล้ว แต่เมื่อดินกลังจะจะสวนกลับอีกรอบก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงฟ้าเอ่ยเรียกมันชัดๆ
“น้ำ! พี่ดิน!! ฟ้าบอกว่าหยุดไง!!!”
น้ำเหรอ?
นี่เหรอแฟนของน้องชายเค้า
ดินปล่อยคอเสื้อแฟนน้องก่อนจะยืนกอดอกมองจ้องคนตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา ฟ้ารีบเข้าไปช่วยพยุงมันขึ้นยืนหน้าตาตื่น ดูจากรูปการณ์ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าดินนั้นแรงเยอะกว่าน้ำไปมากทีเดียว
ก็แน่ละ ดินโดนฝึกสมรรถถาพทางกายมาครึ่งค่อนชีวิตด้วยหน้าที่การงานนี่นะ
“พี่ดินเหรอ?”
น้ำเอ่ยถามฟ้าพลางชี้มาทางดินด้วยใบหน้าฉงน ฟ้าพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยมือจากน้ำแล้วเดินเข้ามาฟาพี่ชาย
“เป็นไงบ้างอะ?”
ดินส่ายหัว
“ไม่เท่าไหร่ มันมือเบาที่พี่ล้มเพราะตั้งตัวไม่ทันมากกว่า”
ดินพูดพลางลอบมองปฎิกิริยาของน้ำและทันได้เห็นว่าคนๆนั้นกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินในสิ่งที่เค้าพูด
“พี่อย่าเอาเรื่องน้ำเลยนะ ถือว่าผมขอ”
ดินก้มลงมองน้องชายที่ส่งสายตาอ้อนวอนเค้าสลับกันใครอีกคนที่หันหน้าหนีเหมือนกำลังหงุดหงิดอยู่ด้วย ถึงแม้เค้าจะรู้จักกับน้ำเหมือนฟ้า แต่เค้าไม่ได้สนิทกันมากเผลอๆเจอหน้ากันนับครั้งได้อย่าได้พูดถึงการพูดคุยเลย แถมดินยังไม่ค่อยได้อยู่บ้านอีกต่างหาก ก็ไม่แปลกที่ต่างคนจะต่างจำกันไม่ได้ในยามโตแบบนี้
“ทำไมฟ้าต้องขอ ในเมื่อมันเป็นคนทำแถมยังเป็นฝ่ายเริ่มอีกต่างหาก”
น้ำหันควับไปมองยังคนพูดและดูเหมือนฝ่ายนั้นจะจ้องมองเค้าอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มเย้ยที่ดูกวนอารมณ์นั้นทำให้เค้ายิ่งขุ่นมัวขึ้นไปอีกทว่าเมื่อมองไปที่ฟ้าซึ่งกำลังขอร้องให้พี่ชายตัวเองแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ น้ำพนมมือลวกๆพลางเอ่ยปากขอโทษที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนที่เข้ามายุ่มย่ามกับฟ้าเลยเผลอลงมือไป ดินได้ยินอย่างนั้นเลยหัวเราะชอบใจ
“ขี้หวงนะมึง”
“ก็ปกติป่าววะ..ครับ…ก็นั้นแฟนผมอะ”
“หึ น้องกูเป็นแฟนมึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ฟ้าอึกอักทันทีแต่น้ำตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า…
“เมื่อวานครับ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”
“พี่ดิน~”
“โทษๆ ก็พี่ขำอะ ดูโคตรหึงโคตรหวงขนาดนี้ไหงพึ่งได้เป็นแฟนกันวะฟ้า หรือมันกากไม่กล้าขอน้องพี่เป็นแฟนสักที?”
“ผมเปล่าสักหน่อย น้องพี่แหละหนีผมอยู่ได้”
“จริงเหรอฟ้า?”
“คุยอะไรกันก็ไม่รู้ ฟ้าไปเรียนดีกว่า”
“ท่าจะหนีจริงแฮะ ถามแค่นี้ยังหนีเลย”
“พี่ดิน!”
“หึหึ ไปเรียนเถอะ เรียนเสร็จแล้วอย่าลืมโทรหาพี่ โอเคนะ?”
“ครับ”
พอรู้เรื่องกันแล้วดินเลยเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกจากจุดนั้นไป ฟ้าที่มองตามพี่ชายจู่อยู่ๆก็โดนน้ำฉุดแขนให้เดินตามไปยังตัวตึกแบบไม่สนสายตาใคร ฟ้าเดินตามน้ำไปเรื่อยๆจนถึงสวนหลังตึกที่ฟ้าเคยพามาน้ำจึงหยุดเดินแล้วดึงฟ้าเข้ามากอดแทน ฟ้านิ่งไปนิดแล้วจึงยกมือขึ้นโอบกอดตอบ ทั้งคู่กอดกันอยู่อย่างนั้นร่วมสิบนาทีน้ำจึงผละถอยแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มข้างที่ฟ้าโดนไปเมื่อวาน ร่องรอยสีแดงจางๆยังคงอยู่แต่ดีที่ทายาไว้เลยไม่ได้เด่นชัดมากไปกว่านี้
“เจ็บมากไหม?”
“ไม่เท่าไหร่หรอก แล้วน้ำละ?”
ฟ้าแตะรอยช้ำที่น้ำพึ่งโดนหมัดของพี่ดินไปเบาๆแต่น้ำกลับสะดุ้งโหย่งพร้อมนิ้วหน้าเหมือนเจ็บปางตายซะงั้น
“อย่าสำออยน้ำ เมื่อก่อนมีเรื่องออกจะบ่อย”
“ก็อยากสำออยกับแฟนอะ”
“เวอร์ตลอด”
ฟ้าเหน็บทั้งรอยยิ้ม น้ำเองก็ยิ้มตาม ทั้งคู่จ้องมองกันไม่วางตาเหมือนกำลังสื่อสารกันทางใจแทนคำพูดมากมายที่อยากจะเกินจะเอื้อนเอ่ย
“รออีกนิดนะฟ้า อดทนอีกนิด เดี๋ยวเราจะไปหา”
“ไปหาที่บ้านนะเหรอ? แต่ว่าพ่อ…”
“ยังไงเราก็ต้องไป เราไม่อยากเอาแต่หนีหรือหลบอยู่แบบนี้ เรื่องมันแดงขึ้นมาแบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้เคลียร์ให้เสร็จคุยให้เข้าใจแล้วเราจะได้คบกันอย่างสบายใจด้วยไง”
“คิดง่ายเกินไปแล้วน้ำ ก็รู้ๆอยู่ว่าพ่อเราเป็นคนยังไง”
“แต่อย่างน้อยพี่ดินก็เข้าใจใช่ไหมละ เราทายว่าน้าเมย์ก็คงเข้าใจฟ้าเหมือนกัน ทีนี้ก็เหลือแค่ลุงณพ”
“……”
“เพื่อฟ้า เราต้องทำให้ลุงยอมรับเราให้ได้ เข้าใจไหมครับ?”
ฟ้าพยักหน้ารับ เค้าพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ร้องออกมาในเวลานี้ น้ำอมยิ้มแล้วดึงตัวคนรักเข้ามากอดอีกครั้ง
“รู้ไหมว่าเราคิดถึงฟ้าขนาดไหน นี่ขนาดห่างกันแค่คืนเดียวนะเนี้ย”
ฟ้าหลุดเสียงหัวเราะคิก
“เวอร์…แต่เราก็คิดถึงน้ำเหมือนกันนะ แสดงว่าเราเองก็เวอร์เหมือนกันนะสิ”
“คงใช่ งี้แหละนะคนรักกันมันจะมีอะไรคล้ายๆกัน”
“เหรออออ ทีงี้ละพูดได้เต็มปากเต็มคำ”
“ก็อยากจะทดแทนที่ทำให้ฟ้ารอมานานไง”
ฟ้านิ่งเงียบแต่แย้มยิ้มกว้างมากกว่าเดิม น้ำก้มลงหอมหัวฟ้าเบาๆก่อนจะไล่ลงมากดจูบที่หน้าผาก เลื่อนไปที่ขมับ ก่อนจะประทับลงที่เปลือกตาทั้งสองข้าง ฟ้าเองก็เงยหน้าขึ้นประองศารอรับจูบจากคนตรงหน้า แต่พอกำลังจะประทับที่ริมฝีปากโทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นครืนขึ้นมาซะก่อน ทั้งคู่ชะงักพลางถอนหายใจ แต่ไม่มีใครสนใจ พวกเค้าประทับริมฝีปากเข้าหากันก่อนจะบดจูบและสอดแทรกเรียวลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวันตามความโหยหาและคิดถึง โทรศัพท์หยุดสั่นไปแล้วก็สั่นขึ้นมาใหม่แต่พวกเค้ายังคงไม่หยุด ฟ้าบลือตาขึ้นมองสบกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้า น้ำถอนจูบเมื่อฟ้าเริ่มจะหายใจไม่ทัน
“ไปเรียนได้แล้วครับ”
ฟ้าขมวดคิ้ว เค้ายังไม่อยากแยกจากน้ำเลย
“เดี๋ยวตอนเที่ยงจะมากินข้าวด้วย เรียนเสร็จกลับพร้อมกันนะ”
“คือ…พี่ดินจะมารับกลับบ้านนะ”
น้ำนิ่งไปนิด
“ตอนไหน?”
“เรียนเสร็จ”
“พี่ดินรู้ไหมว่าฟ้าเรียนเสร็จกี่โมง?”
ฟ้าส่ายหัว
“ไม่ ทำไมเหรอ?”
“งั้นเราไปเดทกันก่อนแล้วค่อยให้พี่ดินมารับก็แล้วกัน”
ฟ้ายิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายแช่มชื้นขึ้นมาทันที
“อืม”
Tbc…
ไรท์ชอบพี่ดินนะ สารภาพว่าถึงจะโผล่น้อยแต่ชอบกว่าพระเอกอีก 5555+
-
◑MAKE FRIEND ◐
★เพื่อน ●รัก★
30
ตลอดทั้งคาบเช้าฟ้าเรียนด้วยใจที่ร่าเริง ถึงแม้ใบหน้าที่อิดโรยเพราะการพักผ่อนน้อยไหนจะรอยช้ำจางๆที่แก้มและความบวมแดงที่ตาก็เถอะ ในช่วงแรกที่ฟ้าย่างก้าวเข้ามาในคลาสเพื่อนๆหลายคนต่างก็ให้ความสนใจและหันไปซุบซิบต่างๆนานา อย่าว่าแต่คนในคลาสเลยเรียกว่าแทบทุกคนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อเช้าเลยก็ว่าได้ จากที่ฟ้าดังอยู่แล้วเลยกลางเป็นจุดสนใจเข้าไปอีก คีย์ที่เข้าเรียนสายและยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยได้แต่ขมวดคิ้วจนเสียงออดบอกเวลาเลิกคลาสในช่วงพักเที่ยงดังขึ้นเค้าจึงจับฟ้าที่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บของใส่กระเป๋าให้หันมาหาตนเอง
“มีอะไรคีย์?”
ฟ้าถามแต่คีย์ยังไม่ตอบ เค้ามองสำรวจเพื่อนหน้าหวานจนแน่แก่ใจแล้วค่อยเอ่ยปาก
“เกิดอะไรขึ้น? ไอ้น้ำมันทำอะไรฟ้าอีก?”
คีย์กดเสียงดุทั้งๆที่ไม่เข้ากับหน้าจนฟ้ายกยิ้ม
“ป่าว”
“หลักฐานทนโท้ฟ้า อย่ามาปฏิเสธ”
“ไปกินข้าวเหอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
คีย์หลี่ตาลงเหมือนจ้องจะจับผิดแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ ฟ้าเลยได้หันยไปเก็บของต่อไม่นานเพื่อนในคลาสก็ออกไปหมดเค้าทั้งสองเลยได้ตามออกไป พอลงลิฟท์มาจนถึงชั้นล่างยังไม่ทันจะก้าวออกจากตึกฟ้าก็เห็นน้ำยืนพิงรถรออยู่ก่อนแล้ว ฟ้ายิ้มกว้างในขณะที่คีย์เหยียดปากอย่างนึกหมั่นไส้
“ฟ้า คีย์”
ยังไม่ทันที่ฟ้าและคีย์จะเดินออกไปหาคนที่รอก็มีเสียงเรียกดังขึ้นให้ทั้งคู่หยุดชะงักและหันไปหา
“อ้าว หวัดดีต้น”
ฟ้าทักส่วนคีย์ก็ทำเพียงยิ้มให้ ต้นเองก็ยิ้มตอบคนทั้งคู่
“กำลังจะไปกินข้าวเหรอ?”
ต้นถามแบบไม่เจาะจงคนตอบและเป็ฯฟ้าที่ตอบโดยไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรทั้งสิ้น ในเมื่อเคลียร์กันไปเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีอะไรให้หนักใจ ถึงแม้เค้าจะทำร้ายต้นไปมากแต่ในเมื่อเจ้าตัวเป็นฝ่ายเอ่บปากว่าอย่างน้อยก็ขอเป็นเพื่อนกันต่อไปตนก็ไม่เกี่ยง
“ใช่”
“เราไปกินด้วยดิ”
ฟ้ากำลังจะตอบรับแต่คีย์กลับสกิตแขนฟ้าไว้ซะก่อน ยังไม่ทันที่ฟ้าจะถามอะไรต่อเสียงเข้มของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมด้วยแรงฉุดจนฟ้าถล่าไปซบเข้ากับอกแกร่ง
“คุยอะไรกัน?”
ต้นพ้นลมหายใจคีย์กรอกตาขึ้นฟ้าในขณะที่ฟ้าแหงนมองดูคนช่างหวงที่ตีหน้าดุโอบเอวเค้าแน่นอยู่ด้านหลัง
“ปล่อยก่อนน้ำ คนเยอะ”
น้ำไม่ตอบและยังไม่คลายมือสายตาก็จ้องมองไปยังต้นเขม่งจนต้นส่ายหัว
“มึงนี่ชอบหาเรื่องคนอื่นแบบนี้เป็นปกติป่าววะ? เมื่อเช้ายังไม่พอใช่ไหม?”
“เสือก”
“กูก็ไม่อยากเสือกหรอกนะ แต่ช่วยเห็นใจฟ้าหน่อย อยากให้ฟ้ามีข่าวเสียๆหายๆมากนักรึไง?”
น้ำถึงกับสะอึก เค้าเริ่มที่จะเมียนมองๆไปรอบๆและก็เห็นผู้คนมองมาตรงเค้าเป็นจุดเดียวไหนจะบางกลุ่มบางคนที่ซุบซิบกันนั้นอีก น้ำหันกลับมามองฟ้าที่หน้าแดงอยู่ในอ้อมแขนแล้วก็นึกสงสาร เค้าไม่รู้เลยว่าฟ้าจะขี้อายถึงขนาดนี้
“จะหึงจะหวงอะไรก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยเว้ย”
“เรื่องของกู แล้วนี่มึงมาเสือกอะไรกับแฟนกูไม่ทราบ?”
“อื้อหือ เดี๋ยวนี้พูดได้เต็มปากเต็มคำ”
ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่ในใจก็อดที่จะเจ็บตามไปด้วยไม่ได้ คีย์ที่มองต้นอยู่ก่อนแล้วเลยพอจะเห็นแววตาที่เศร้าสลดลงเพียงชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็ปกติในเวลาต่อมา
“ก็ความจริงนี่หว่า หรือจะให้บอกว่าคนที่รักกัน...”
“ไอ้น้ำ พอเหอะน่า กูหิว”
เป็นคีย์ที่ทนไม่ไหวแล้วเอ่ยปากห้าม ฟ้าเองก็พยักหน้ารับไปด้วย
“จริงด้วย ไปกินข้าวกันเถอะ”
เมื่อฟ้าพูดอย่างนั้นน้ำจึงจำยอมเลิกลา เค้าหันไปกอดคอฟ้าแล้วพาเดินนำออกจากตึกไป คีย์เลยหันไปถาม
“โอเคนะ?”
“หึ ทำไมชอบถามอย่างนั้นจัง เราดูเป็นคนอ่อนแองั้นเหรอ?”
“เปล่า ก็แค่ห่ว..ง...”
พูดไปก็นึกเขินขึ้นมาซะดื้อๆ ต้นหัวเราะหึก่อนจะเอื้อมมือไปดันหลังคีย์ให้เริ่มเดิน
“ไปกินข้าวกัน”
“กินกับฟ้ากับน้ำนะเหรอ?”
“ใช่สิ เราไม่เป็นไรหรอกน่า”
คีย์พยักหน้ารับแล้วจึงเดินตีคู่ตามฟ้าและน้ำไปที่โรงอาหารของคณะ ทันทีที่คนทั้งสี่ย่างก้าวเข้าไปแน่นอนว่าทุกสายตาต้องจับจ้อง เหตุการณ์เมื่อเช้ายังคงเป็นประเด็นร้อนที่ทำให้เหล่านักศึกษาต่างให้ความสนใจ
“ไหงต้องมากินข้าวร่วมโต๊ะกับมันด้วยวะ”
น้ำบ่นอุบจนโดนฟ้าตบแขนเข้าให้แรงๆ
“โอ๊ย เจ็บนะฟ้า”
“ทำไมต้นจะร่วมโต๊ะกับเราไม่ได้”
“ไม่ชอบหน้า”
“เรื่องของน้ำดิ แต่ต้นก็เพื่อนเรา”
“อะไรวะ นี่เห็นมันดีกว่าผะ..แฟนอีกเหรอ?”
เกือบหลุดปากซะงั้น ดีนะที่ยังยั้งปากไว้ได้ทัน
“หุบปากแล้วไปซื้อข้าวเลยครับ”
เจอเมียสั่งแบบนี้คิดว่าคนอย่างน้ำกลัวเหรอ แน่นนอนว่าไม่ แต่แค่เกรงใจเลยลุกขึ้นเดินไปซื้อข้าวตามที่ใครบางคนสั่งอย่างว่าง่าย คีย์ถึงกับหลุดหัวเราะดีที่น้ำเดินไปไกลพอสมควรแล้วเลยไม่ได้ยินไม่งั้นคงมีปะทะคารมกันอีกฉากแน่ๆ คิดแล้วฟ้าก็กุมขมับ ทำไมน้ำมันถึงได้ดุอย่างกับร็อตไวเลอร์งี้วะ
“งั้นคีย์รออยู่นี่เป็นเพื่อนฟ้าแล้วกัน จะกินไรเดี๋ยวเราไปซื้อมาให้”
“เอาเหมือนกันไปเลยก็ได้ จะได้ซื้อทีเดียว”
“แต่เรากินเผ็ดนะ”
“เรากินเผ็ดได้ ไม่ใช่คุณหนูอย่างฟ้ามันนะ”
“อ้าว อย่ามาพาลใส่กันงี้ดิ”
“ใครพาล เราเปล่าพาลนะแค่เปรียบเปรย”
“เหรอออออ”
ต้นส่ายหัวเนืองๆก่อนจะเดินไปซื้อข้าวของตนและของคีย์ เมื่อเหลือกันอยู่สองคนฟ้าเลยหลี่ตามองจ้องคีย์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามจนคีย์เองก็สงสัย
“มีไร?”
“หึหึ เรารู้นะว่าคีย์กำลังคิดอะไรอยู่”
“โห นี่เจน ญาณทิพย์มาเองเลยเหรอครับ”
“ก็ประมาณนั้นแหละครับ”
“แล้วกระผมกำลังคิดอะไรอยู่เหรอครับคุณเจน”
“คิดกวนตีนเราไง ฮ่าๆๆๆ”
คีย์แทบจะปาเป้ของตัวเองไปใส่เพื่อนเมื่อเจอมุขกวนที่โคตรเกรียน แต่ก็นะ เห็นฟ้าหัวเราะได้อย่างเต็มที่ก็ดีแล้ว ช่วงหลังมานี้ใช่ว่าคีย์จะไม่สังเกตุ เพื่อนของเค้ามีเรื่องประเคนเข้ามาตลอดจนแทบจะไม่มีเวลาหายใจหายคอ
“จะว่าไปไอ้เคนมันไปไหนวะ ปกติต้องมากับไอ้น้ำนิ?”
“น้ำบอกว่ามันติดสาว กำลังตามจีบเลยต้องพาไปกินข้าวหนุงหนิงกันสองคน”
“ไอ้หน้าม้อ”
“หึหึ”
“แล้วตกลงจะบอกเราได้ยัง ว่าไอ้รอยที่แก้มนี่ไปได้มาจากไหน?”
ฟ้าแทบหัวเราะค้าง ใบหน้าหวานกลับมาเรียบนิ่งทันทีที่คีย์ถามจบแต่ไม่นานฟ้าก็ปั้นหน้ายิ้มแห้ง
“แค่อุบัติเหตุนะ”
“อุบัติเหตุบ้าอะไร คิดว่าเราโง่เหรอที่ดูไม่ออกว่ามันเป็นรอยมือ”
ความจริงก็ดูไม่ออกจริงๆนั้นแหละเพราะมันเป็นรอยแดงจางๆแต่ก็ตัดกับผิวขาวของฟ้าอยู่ดี การที่หลอกพูดเหมือนรู้อย่างเนียนๆทำให้ฟ้ามีปฎิกิริยาคือชะงักและนั้นก็หมายถึงสิ่งที่เค้าเดาสุ่มนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
“ฟ้ายังเห็นเราเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า?”
“เห็นสิ คีย์นะเพื่อนรักเลยนะ”
“แล้วทำไมถึงไม่อยากจะบอกกันละ?”
“..........”
ฟ้าพูดไม่ออก เค้าไม่อยากให้คีย์ต้องมาเป็นห่วงมากจนเกินไปจึงพยายามหลีกเลี่ยง แต่ดูท่าเค้าจะประเมินเซ้นต์ของคีย์ต่ำไปหน่อย
“มีอะไร ทำไมเครียดๆ?”
จนกระทั่งน้ำเดินเข้ามานั่งพร้อมกับวางจากข้าวสองจานและน้ำเปล่าอีกสองขวด เยอะขนาดนี้ยังหอบมาได้นี่สามารถจริงๆ คีย์เปลี่ยนเป้าหมายไปเค้นคนมาใหม่แทนในทันที
“น้ำ”
“อะไร?”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมฟ้าถึงมีรอบโดนตบ อย่าบอกนะว่าแกทำ”
“ไม่ใช่โว้ย”
“งั้นใคร? มึงดูแลฟ้ายังไงวะให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ ไอ้ห่า กูก็อุสาวางใจ โคตรไม่แมนเลยวะ หลังจากนี้...”
“เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆไอ้คีย์”
“ก็เย็นอยู่เนี้ย”
“เย็นบ้านแกสิด่ามาฉอดๆ หายใจทันไหมนั้น”
“เรื่องของกู”
“เออ!”
“แล้วสรุปว่ามีเรื่องอะไรกัน?”
น้ำหันไปหาฟ้าจนฟ้าพยักหน้าให้น้ำเลยหันกลับมาเล่าแบบเรื่องราวทั้งหมดฉบับรวบรัดจบภายในเวลาอันรวดเร็วแต่คนที่ไม่จบนั้นก็คือคีย์ คีย์โกรธพ่อของฟ้าเสียยกใหญ่จนฟ้าต้องยื่นน้ำไปให้กินดับไฟร้อนที่สุมอก
“มีอะไรกันเหรอ?”
ต้นถามขึ้นเมื่อมาถึง ฟ้าได้แต่ส่ายหัวในขณะที่คีย์และน้ำได้แต่นิ่งเงียบ มื้อกลางวันจบลงในเวลาต่อมา ต้นต้องไปเรียนอีกตึกจึงทำให้เค้าต้องแยกตัวไปก่อน ส่วนน้ำก็เดินไปส่งฟ้าจนถึงตึกแล้วจึงแยกไปขึ้นรถและขับกลับคณะของตัวเองในที่สุด ฟ้ากับคีย์ก็ขึ้นห้องไปเรียนในภาคบ่ายต่อ สองชั่วโมงต่อมาฟ้าก็เรียนเสร็จเลยลงมานั่งรอน้ำที่ไม้หินอ่อนหน้าตึกมีคีย์นั่งเป็นเพื่อนคอยกวนประสาทไม่ให้ฟ้าเหงาจนกระทั่งน้ำขับรถมาจอดเทียบที่ริมฟุตบาทแต่ที่ตามหลังมาติดๆนั้นก็คือรถญี่ปุ่นคันคุ้นของต้น น้ำกับต้นลงมาจากรถพร้อมๆกันจนฟ้ากระพริบตามองปริบๆ
“ไหงได้มาพร้อมกันละเนี้ย?”
“บังเอิญมั้ง ไปกันเถอะฟ้า”
“อืม งั้นเราไปนะคีย์ ต้น”
ต้นกับคีย์พยักหน้ารับ ฟ้าเลยเดินตามแรงดึงของน้ำไปขึ้นรถ แต่ระหว่างที่รถกำลังออกตัวฟ้าก็หันกลับไปมองที่เพื่อนทั้งสองจนได้รู้ว่าที่แท้ต้นมารับคีย์นั้นเอง
“ดูอะไรฟ้า?”
“ดูคีย์กับต้น เรารู้สึกแปลกๆอะ เหมือนสองคนนั้นมีซัมติงอะไรสักอย่าง”
“หึงมันเหรอ?”
“จะบ้ารึไง เราแค่รู้สึกแปลกๆแต่ก็ช่างมันเถอะ”
“ดี ปล่อยเรื่องของคนอื่นไปแล้วหันมาสนใจเรื่องของเราดีกว่า”
ฟ้าเบ้ปากจนโดนน้ำเอื้อมมือมาจับปากให้ยืดจนเหมือนเป็ด
“อื้อออ เอ็บอะ”
น้ำหัวเราะขำแต่ก็ยอมปล่อยเมื่อโดนมือเรียวฟาดแขนไปสามสีที เล่นเอาแสบกันเลยทีเดียว
“เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง ขับรถอยู่แท้ๆ”
“ก็ไม่ได้ขับเร็วนี่”
“แต่มันก็อันตรายอยู่ดีป่ะ”
“ครับๆ ยอมแล้วครับเมีย”
เพี๊ยะ!
“โอ้ยฟ้า! มันเจ็บนะ”
“หมั่นไส้”
“หึหึ”
“แล้วตกลงเราจะไปไหนกัน?”
“ซื้อของที่ซุปเปรอ์แล้วก็กลับคอนโด”
“ห่ะ ไหนบอกว่าไปเดทกันไง”
“ก็เดท แต่เดทที่ห้อง”
“ประสาท”
“ก็เราอยากกอดฟ้านี่ คิดถึงชิปหาย”
“เวอร์”
ฟ้าได้แต่ยิ้มกว้าง ถึงจะไมได้ไปไหนแต่แค่ได้อยู่ด้วยกันมันก็ดีมากพอแล้ว น้ำพาฟ้าเข้าซุปเปอร์ใกล้คอนโดเพื่อซื้อวัตถุดิบทำอาหาร ไม่นานก็เสร็จจึงมุ่งหน้าสู่คอนโดในทันที แต่เมื่อมาถึงคอนโดฟ้ากลับพึ่งนึกขึ้นได้ว่าได้ให้คีย์การ์ดและบอกพี่ชายว่าให้มาพักที่คอนโดระหว่างที่รอเค้าเรียน
“ทำไงดีอะน้ำ ถ้าพี่ดินอยู่บนห้องเราก็ต้องกลับบ้าน...”
“ใจเย็นๆฟ้า ลองโทรถามพี่ดินดูก่อน ไม่แน่พี่ดินอาจจะไม่ได้อยู่บนห้องก็ได้”
ฟ้าพยักหน้ารับแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาพี่ชาย
/ว่าไงฟ้า เรียนเสร็จแล้วเหรอ?/
“เออ ยังครับ พี่ดินอยู่ไหนเหรอตอนนี้?”
/พี่ยังทำธุระไม่เสร็จเลย ไม่แน่อาจจะถึงห้าโมงเย็น ฟ้าเรียนเสร็จกี่โมง?/
“ประมาณนั้นแหละครับ งั้นเดี๋ยวผมโทรหาพี่ใหม่นะ พี่จะเดินเล่นแถวนั้นรอก็ได้ รู้สึกว่าตรงถนน###มีร้านเค้กอร่อยๆด้วย ผมฝากพี่ซื้อเค้กสตอเบอรี่ให้ด้วยหน่อยสิ”
/ได้ๆ เดี๋ยวพี่ซื้อไปให้ เอาสักกี่ปอนด์ดีละตัวเล็ก/
น้ำขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ตัวเล็ก’ ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนก็คงเข้าใจผิดว่าสองคนนี้เป็นแฟนกันไปแล้ว ดูการพูดการจาสิ แฟนอย่างเค้ายังหวานไม่สู้เลย
“สองก็ได้พี่ เอาไว้กินวันอื่นด้วย”
/พี่ว่าสี่ดีกว่า เผื่อเอาไว้รับแขก/
“เอ๋? จะมีแขกที่ไหนมาบ้านเราเหรอ?”
/มีสิ พี่ว่าต้องมีแน่ๆ/
“ครับๆ เอาตามที่พี่ว่าก็ได้ งั้นแค่นี้นะ”
/โอเค ตั้งใจเรียนละ/
“ครับ”
ฟ้าเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิมทันทีที่พี่ชายวางสายไป น้ำเลยดับเครื่องแล้วเปิดประตูลงไปขนของที่ท้ายรถ ฟ้าลงจากรถตามมาแต่น้ำไม่ได้ให้ถืออะไรนอกจากเป้ของตัวเอง
“ฟ้าคอยเปิดประตูแล้วกัน คีย์การ์ดของเราอยู่ในกระเป๋ากางเกง มาหยิบเอาดิ”
ฟ้าพยักหน้ารับแล้วเดินเข้ามาหยิบ
“ล้วงดีๆนะครับ ระวังโดนงูฉก”
โคตรน่าหมั่นไส้
กว่าจะขึ้นมาถึงห้องน้ำก็โดนฟ้าฟาดแขนจนแสบไปทั้งร่าง นิสัยช่างแกล้งอย่างโคตรน่าหมั่นไส้นี่แก้ยังไงก็ไม่หาย แม้แต่ตอนที่เข้าห้องมาเตรียมทำอาหารกินกันก็ยังไม่วายที่จะเข้ามาวอแวจนฟ้าแทบปาตะหลิวใส่หัว
“รุนแรงวะฟ้า”
“ไม่ช่วยก็ไปอยู่ไกลๆเลย เกะกะ”
“ใจร้าย คนเค้าตั้งใจจะช่วยแท้ๆ”
“ช่วยป่วนนะสิไม่ว่า”
ฟอดดดดด
ว่าแล้วก็โดนฉกหอมแก้มไปฟอดใหญ่ๆ
“น้ำ!”
“เขินก็บอก ไม่ต้องมารุนแรงกลบเกลื่อน หึหึ”
“ไอ้บ้า ไปนั่งหายใจทิ้งอยู่โซฟาเลยไป”
“เมื่อไหร่จะเสร็จอะ หิวแล้ว”
“กวนอยู่นี่จะเสร็วไวให้ไหมละ”
“ไม่ได้หิวอาหารสักหน่อย หิวฟ้าเนี้ย เห้ย! หยุดๆๆ ไม่พูดแล้วครับ ไม่พูดแล้ว”
ดีที่ฟ้ายั้งมือทันไม่งั้นหัวน้ำคงแตกเลือดไหลนองเนื่องจากโดนฟ้าฆาตกรรมด้วยกระทะร้อนๆที่กำลังผัดพาสต้าหอมฉุย น้ำรีบวิ่งหนีไปนั่งสงบเสงี่ยมเจียมตัวที่โซฟาโดยทันทีแต่ก็ไม่วายจ้องมองคนรักที่หยิบจับนั้นนี่ด้วยความคล่องแคล่ว
อยากจะกินอาหารฝีมือฟ้าอย่างนี้ไปทุกๆวัน
อยากจะอยู่ด้วยกัน หยอกล้อกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ไม่อยากให้มีอะไรมาพลากจาก
ไม่อยากให้ราต้องแยกทาง
“เอาวะ ตายเป็นตาย”
“ใครตาย?”
อ้าวเห้ย ได้ยินซะด้วย
“ป่าวจ้า ฟ้าทำเสร็จแล้วเหรอ?”
“อืม มากินสิ”
“ครับผม!”
Tbc....
-
สู้ๆนะน้ำ o13 อุปสรรคเยอะจังเนอะ :serius2:
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★เพื่อน●รัก★
31
ครืนครืน
ฟ้างัยเงียตื่นขึ้นมาด้วยแรงสั่นของโทรศัพท์เค้ามองไปรอบๆจนรู้ว่าตนได้เผลอหลับซบน้ำอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์โดยที่น้ำก็หลับไปด้วยและจอทีวีก็ยังฉายหนังเรื่องที่เปิดค้างไว้อยู่อย่างนั้นฟ้าค่อยๆพยุงตัวเองออกจากน้ำพยายามไม่ให้คนหลับรู้สึกตัวแต่ก็ช้าไปแล้ว
“จะไปไหน?”
น้ำเอ่ยพร้อมดึงฟ้าให้เข้ามาสู่อ้อมกอดอีกครั้ง
“ปล่อยก่อนน้ำเราจะไปรับโทรศัพท์”
น้ำยอมปล่อยแต่โดยดีฟ้าเลยรีบลุกไปควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าเป้ของตนใจหนึ่งก็หวังให้เป็นพี่ดินที่โทรมาแต่อีกใจก็อดกลัวไม่ได้ว่าคนที่โทรเข้ามาจะเป็นพ่อของเค้าเองและเมื่อเห็นชื่อผู้โทรฟ้าก็แย้มยิ้ม
“ครับพี่ดิน”
/พี่โทรหาตั้งหลายสายทำไมไม่รับรู้ไหมว่าพี่เป็นห่วง/
“ขอโทษครับพอดีผมเผลอหลับ”
/หลับ? หลับอยู่ไหน?/
“เออ…”
/อยู่คอนโดแล้วใช่ไหม?/
“ครับ”
ถึงจะนึกหวันแต่พี่ดินก็เป็นอีกคนที่เข้าใจ
/กลับยังไง? น้ำไปส่งเหรอ?/
“ป่าวครับน้ำไม่ได้มาส่งแต่มาอยู่ด้วยเลย”
/อ้อโอเคงั้นเดี๋ยวพี่ตีรถเข้าไปรับเลยแล้วกันพี่ก็นึกว่าเรายังอยู่มหาลัยเลยขับเข้ามารับอยุ่มหาลัย/
“ขอโทษครับ”
/ไม่เอาน่าเรื่องแค่นี้เอง/
“จริงๆพี่ไม่ต้องมารับก็ได้นะเดี๋ยวฟ้าขับรถฟ้ากลับ”
/ไม่ต้องเอาไปหรอกถึงเอาไปก็ไม่ได้ใช้/
ฟ้าขมวดคิ้ว
“ทำไมละครับ?”
/พ่อบอกให้พี่ไปรับส่งเราทุกวันระหว่างที่พี่อยู่แล้วเมื่อพี่กลับคนไปรับส่งเราจะเป็นลุงแดง/
“จะบ้าเหรอพี่ผมอายุ20ไม่ใช่2ขวบที่จะต้องมีคนคอยรับคอยส่ง”
/มันเป็นคำสั่งฟ้าก็น่าจะรู้นี่/
“ผมเป็นลูกไม่ใช่ลูกน้องนะพี่ที่จะสั่งได้ดั่งใจตัวเอง!”
/ใจเย็นๆฟ้า/
“ทำไมละพี่ทำไมพ่อต้องทำแบบนี้ด้วย?”
/พ่อคงห่ว…/
“อย่ามาพูดว่าห่วงเลยครับผมยังไม่เห็นเลยว่ามีอะไรให้น่าเป็นห่วงถึงผมจะไม่ได้เดินตามทางที่พ่อขีดไว้ตั้งแต่แรกแต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีไม่ได้เสเพลเสพยาติดเหล้าหรือไปยกพวกตีกับใครเค้าผมก็อยู่ปกติสุขของผมแล้วพ่อจะห่วงอะไร!?!”
/ฟ้าอย่าพูดแบบนั้นเอางี้ไปสงบสติอารมณ์ซะอีกสิบนาทีเดี๋ยวพี่ไปหาโอเค?/
ฟ้าพ้นลมหายใจระงับอารมณ์แล้วจึงตอบรับพี่ชายพอดินวางสายจึงทิ้งตัวลงพิงเบาะเหมือนหมดเรี่ยวแรงทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรน้ำเองก็ได้ยินทุกอย่างเค้าเข้ามาโอบกอดฟ้าเพื่อปลอยโยนจนฟ้านิ่งเงียบไปอีกครั้งน้ำรู้ว่าฟ้าไม่ได้หลับฟ้าแค่พักสมองหยุดทุกสิ่งแล้วปล่อยวางทุกอย่าง
“กี่โมงแล้วอะ?”
เมื่อปรับสภาพอารมณ์ตัวเองคงที่แล้วฟ้าจึงเอ่ยถามขึ้น
“ใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว”
ฟ้าลึกขึ้นมานั่งตักโอบรอบคอแล้วซบหน้าลงกับไหล่กว้างของน้ำพลางเหม่อมองออกไปที่ระเบียงห้องท้องฟ้าด้านน้องเริ่มมืดเช่นเดียวกับภายในห้องที่มีแสงจากจอทีวีเพียงอย่างเดียว
“น้ำรู้ไหมว่าเรารักน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่?”
คนถูกถามหัวเราะในลำคอนิดหน่อยก่อนจะตอบว่าไม่รู้
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ซะงั้น”
“เราไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่แต่พอรู้ตัวเราก็รักน้ำไปแล้วไง”
“เล่นลิ้นเหรอห่ะ”
น้ำกอดรัดฟ้าแน่นด้วยความหมั่นเขี้ยวฟ้าหัวเราะขำอย่างชอบใจก่อนจะผละถอยออกมาจ้องหน้าสบตากัน
“แล้วน้ำละเริ่มรักเราตอนไหน?”
น้ำกดยิ้มเจ้าเล่ห์แต่มือก็ยกขึ้นมาเกลี่ยเส้นผมยาวไปทัดหูจนเห็นใบหน้าหวานอย่างชัดเจน
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“อย่ามาใช้มุขเดียวกับเรานะ”
“โถ่อย่าขัดกันสิ”
“หึหึ”
“เราอาจจะรักฟ้านานแล้วก็ได้แต่เราไม่รู้ใจตัวเองสักทีไงพอมาลองคิดย้อนกลับไปแล้วก็มีหลายเหตการณ์เหมือนกันนะที่เราแสดงอาการออกไปทั้งที่ไม่รู้สึกตัว”
“หืมตอนไหนเหรอ?”
“ที่เห็นชัดก็ตอนที่ฟ้าเริ่มสนิทกับไอ้ต้นเราเลยเริ่มอาการหนักถึงขั้นห้ามไม่ให้ฟ้ามีใครไง”
“อ้อ”
“จะว่าไปเรายังสงสัยอยู่อีกอย่างหนึ่ง”
“อะไร?”
“ฟ้ารักเรามานานขนาดนั้นฟ้าไม่เคยคิดจะบอกเราเลยรึไง?”
“ไม่อะไม่บอกแหละดีแล้ว”
“ทำไม?”
“เรากลัว”
“กลัวอะไรครับ?”
ฟ้าจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังส่อแววซุกซนแล้วก็นึกอยากจิ้มเล่นสักทีสองทีเค้าคิดว่าน้ำน่าจะรู้สาเหตุต่างๆแล้วแหละแต่อาจจะอยากได้ยินจากปากเค้าเลยเอ่ยถามออกมาในที่สุดไหนๆก็เปิดใจให้กันแล้วก็บอกไปเลยแล้วกัน
“กลัวหมดแหละกลัวน้ำรังเกียจกลัวเสียเพื่อนกลัวไม่ได้อยู่ใกล้กลัวน้ำหายหน้าไปกลัวสารพัด”
“หึเด็กน้อย”
น้ำพูดพลางก้มหัวลงมาให้หน้าผากชนกับฟ้าอย่างพอดิบพอดี
“อีกอย่าง…น้ำเคยบอกว่าความรักแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้เราเลย…”
“เลยคิดจะปิดบังอยู่ในใจแอบรักอยู่ห่างๆอย่างนั้นนะเหรอ?”
“อืม”
“หึนางเองช่องไหนครับเนี้ย?”
“ขำละ”
“เห็นหัวเราะป่าวละ”
“หมั่นไส้วะน้ำไปไกลๆดิ”
“ไม่ไปครับรักขนาดนี้แล้วไล่ให้ตายก็ไม่ไปอะ”
“เหรอออออ”
“มาจูบทีดิ”
“ไม่ให้”
“แต่เราจะเอา”
ว่าแล้วก็รั้งคนตัวบางให้เข้ามาชิดแล้วจึงฉกริมฝีปากนั้นมากัดเบาๆก่อนจะไล่วนขบเม้มบดคลึงด้วยความเสน่หาฟ้าเองก็โอบรอบคอน้ำไว้พลางเอียงหน้าปรับองศาให้รับกับการรุกของอีกคนเรียวลิ้นร้อนทั้งสองเกี่ยวกระหวันกันอย่างไม่ลดละเสียงจ๊วบจ๊าบดังแข่งกับเสียงใจที่กระหน่ำรัวฟ้ารับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แข็งขืนและดุนดันอยู่เบื้องล่างตนแต่ก็ใช่ว่าของตัวเองจะไม่รู้สึกความร้อนภายในกายทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อน้ำสอดมือเข้าไปลูบไล่ผิวเนียนภายใต้สาบเสื้อฟ้าครางเคลือในลำคอเมื่อมือหนานั้นลูบมายังยอดอกสีชมพูแดง
“อือ…น้ำหยุดก่อนเดี๋ยวพี่ดินจะมาแล้ว”
น้ำชะงักมือก่อนจะผละถอนแล้วยกมือขึ้นลูบหน้าแรงๆฟ้าเห็นคนหัวเสียเมื่อไม่ได้ดั่งใจแล้วก็นึกขำภาพวันวานที่น้ำมักหงุดหงิดเมื่อไม่ได้ดั่งใจฝุดขึ้นมาเป็นฉากๆแต่ทว่าตั้งแต่เริ่มต้นความสัมพันธ์นี้มาน้ำก็ไม่ได้แสดงมันออกมาอีกเลยน้ำคุมตัวเองเก่งขึ้นเริ่มมีความคิดนึกถึงคนอื่นมากขึ้นและนั้นก็เป็นสิ่งที่ดี
“ฟ้า”
“หืม?”
“ไม่กลับไปไม่ได้เหรอ?”
“……”
ฟ้านิ่งเงียบให้กับน้ำเสียงและสีหน้าแววตาออดอ้อนของคนตรงหน้าเค้าเองก็ไม่อยากกลับไม่อยากจะแยกจากคนตรงหน้านี้แม้แต่น้อย
“น้ำ”
“ครับ?”
“เราหนีกันไหม?”
“……”
“หนีไปที่ไหนสักที่ด้วยกันแค่สองคนดีไหม?”
น้ำยิ้มแล้วดึงฟ้าเข้ามากอด
“ไม่ได้หรอกฟ้าเราหนีปัญหาไปแบบนั้นไม่ได้”
“ทำไมละน้ำไม่อยากอยู่กับเราเหรอ?”
“อยากอยู่สิครับแต่เราไม่อยากหนีปัญหาที่สำคัญถ้าเรายังอยากให้ลุงณพยอมรับเราต้องเดินหน้าสู้ไม่ใช่ถอยหนีแบบนั้น”
“……”
“เราจะต้องผ่านมันไปได้”
“อืม”
“ฟ้าอดทนหน่อยนะสัญญาว่าไม่นานเราจะเดินเข้าไปรับฟ้าที่บ้านเองเลย”
“ไม่นานแน่นะ?”
“แน่สิครับ”
“ก็ได้”
“ดีมากมาจุ๊บทีสิครับ”
“อย่ามาเนียนเมื่อกี้ก็ทำไปแล้วเหอะ”
“เมื่อกี้ก็ส่วนของเมื่อกี้สิ”
ฟ้าถอนหายใจระอากับความกะล่อนของน้ำแต่ปากกลับยิ้มกว้างน้ำเลื่อนตัวเข้าหาฟ้าในขณะที่มือก็จับท้ายทอยคนตรงหน้าให้โน้มเข้ามาหากัน
ปิ๊งป๊อง!
ทุกอย่างหยุดชะงักในทันทีฟ้ายิ้มกริ่มส่วนน้ำได้แต่ขมวดคิ้วมุ้ย
“พี่ดินมารับแล้วอุ๊ป!”
น้ำไม่ปล่อยให้หลุดรอดไปแน่ไม่ว่าใครจะมาก็ขอฉกเอากำไรเพิ่มกำลังใจให้ตัวเองก่อนละนะ
“สอบวันไหน?”
ฟ้าเงยหน้ามองบิดาที่จู่ๆก็พูดขึ้นในระหว่างมื้ออาหารฟ้านั้นยังคงอิ่มจากที่กินกับน้ำมาเลยได้แต่เขี่ยข้าวไปมาจนแม่และดินเข้าใจว่าฟ้าเครียดจนกินไม่ลง
“อีกสองสัปดาห์ครับ”
ฟ้าตอบก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“แล้วสอบนานไหม? ปิดเทอมวันไหน?”
ฟ้าวางแก้วพลางหมุนหัวคิ้วอย่างฉงนพ่อจะถามเอาอะไรในเมื่อลากเค้ามาอยู่บ้านก่อนถึงช่วงปิดเทอมแล้วไง
“สอบถึงวันพุธที่××หลังจากนั้นก็ปิดเทอมเลย”
“ดี”
“พ่อถามทำไมครับ?”
เป็นดินที่ถามคลายความเครือบแครงของทุกคนฟ้าเองก็ได้แต่นิ่งเงียบแต่ยังฟังในทุกๆสิ่ง
“แกจะได้ไปดูงานที่ฟลอเรนซ์ใช่ไหม?”
“ยังไม่มีคำสั่งนะครับ”
“เดี๋ยวก็มี พอดีเลยเอาน้องไปเที่ยวด้วยแล้วกันดูงานแค่สามวันแต่พ่อจะให้ลาพักร้อนควบไปด้วย เที่ยวเล่นอยู่นั้นให้หัวสมองมันโล่งๆก่อนแล้วค่อยพากันกลับมาจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน”
ฟ้ากำแก้วในมือแน่นในขณะที่ดินได้แต่อึกอักถึงแม้ทางศูนย์เค้าจะมีข่าวเรื่องส่งตัวแทนไปดูงานกับทางส่วนกลางอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่มีคำสั่งเจาะจงว่าเป็นใครแถมถ้าพ่อเค้าเอ่ยปากอย่างนี้แล้วก็คงจะเป็นจริงอย่างที่ท่านพูด
“ฟ้าไม่ไป”
ฟ้าพูดลอดไรฟันพยายามข่มอารมณ์เต็มที่แค่กลับมาอยู่บ้านก็มากพอแล้วทำไมต้องส่งไปให้ห่างกันมากถึงขนาดนั้นด้วย
“นี่เป็นคำสั่งไม่ได้ขอความคิดเห็น”
“พ่อสมควรถามความคิดเห็นของผมนะในเมื่อคนที่เดินทางเป็นผมไม่ใช่พ่อ”
“อย่ามาต่อปากต่อคำกับกู”
“ผมแค่พูดตามที่ตัวเองคิดครับและที่สำคัญ…ผมเป็นลูกไม่ใช่ลูกน้องถ้าพ่อจะยังจำได้ ผมอิ่มแล้วครับขอตัว”
พูดจบฟ้าก็ลุกขึ้นเดินก้าวไวๆออกจากห้องอาหารขึ้นไปยังห้องนอนของตนที่อยู่บนชั้นสอง ทันทีที่ปิดประตูห้องได้ฟ้าก็แทบหมดแรง แรงกายนะไม่เท่าไหร่แต่แรงใจนี่สิ
ฟ้าเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียงของตนนิ่งๆท่ามกลางความมืดภายในห้องเสียงแอร์ที่เปิดทิ้งไว้ดังแผ่วแข่งกับเสียงลมหายใจของผู้เป็นเจ้าของ ฟ้านอนนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาทีก่อนที่จะลุกไปอาบน้ำอาบท่าถึงแม้เค้าจะกลับมาบ้านพร้อมพี่ชายได้สักพักแล้วแต่ก็เอาแต่นั่งเหม่ออยู่ตลอดจนแม่มาเรียกลงไปทานข้าวนั้นแหละ จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะแม่ไม่ยอม ตนเลยต้องจำทนนั่งเล่นหรือตักอาหารบางอย่างใส่ปากพอเป็นพิธี
เค้าคงจะกินได้มากกว่านี้ถ้าคนที่นั่งตรงข้ามไม่ใช่พ่อของเค้าที่ยังคงปั้นหน้านิ่งอย่างกับยักษ์แถมตอนจบยังมีการสั่งให้ไปเมืองนอกโดยไร้ซึ่งการถามความสมัครใจจากเค้า
เผด็จการเกินไปแล้ว
ก๊อกๆๆ
“ฟ้าขอพี่เข้าไปหน่อยสิ”
ฟ้าที่ออกจากห้องน้ำมาพอดีกับเสียงเคาะและเสียงเรียกของพี่ชายเลยได้เดินไปปลดล็อคกลอนก่อนจะเดินน้ำเข้ามาภายในห้องทั้งสภาพเสื้อคลุมอาบน้ำชื้นๆและผ้าขนหนูผืนเล็กพาดไหล่
“พึ่งอาบน้ำเสร็จเหรอ?”
“ครับ”
ฟ้าตอบพลางทิ้งตัวนั่งลงที่ข้างเตียงส่วนดินก็ยืนกอดอกพิงโต๊ะหนังสือของน้องที่อยู่ตรงข้ามกับฟ้าพอดี
“พี่ดินมีอะไรเหรอครับ?”
ดินถอนหายใจแล้วเดินเข้ามายืนตรงหน้าน้องก่อนจะดึงเอาผ้ามาซับผมที่ยังคงเปียกชื้นอย่างเบามือ
“พี่นึกว่าฟ้าจะใจเย็นลงแล้วซะอีก”
“ผมก็เย็นอยู่นะ”
ดินกดยิ้มขำนิดกับความหัวรั้นของน้องชายนิสัยดื้อเงียบและหัวรั้นนี่ยังคงเหมือนตอนเด็กไม่เปลี่ยนเลยจริงๆแต่ก็นะยังไงฟ้าก็ยังเป็นน้องชายสุดที่รักของเค้าอยู่ดี
“ที่เถียงพ่อแบบนั้นเค้าเรียกว่าเย็นแล้วเหรอ?”
“ผมป่าวเถียงเหอะ”
“เชื่อก็โง่แล้ว”
“ถ้าจะมาพูดแบบนี้ก็กลับห้องตัวเองไปเลยนะ”
“โอ๋ๆอย่าพึ่งงอลกันสิพี่จะมาบอกว่าพรุ่งนี้พี่ก็ติดธุระยันเย็นเหมือนเดิมนะ”
ฟ้าเงยหน้ามองพี่ชายช้าๆก่อนที่เผยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหวาน พรุ่งนี้ฟ้ามีเรียนแค่ช่วงเช้าแสดงว่าตลอดทั้งภาคบ่ายฟ้าจะว่างและสามารถไปไหนมาไหนหรือทำอะไรก็ได้
“ขอบคุณครับ”
“วันนี้ดูระริกระรี้ผิดปกตินะฟ้า”
คีย์อดที่จะเอ่ยท้วงไม่ได้เพราะตั้งแต่เช้ายันเที่ยงฟ้าก็ทำท่าทีอะเลิร์ทจนคีย์ผิดสังเกตุ
“ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“เชื่อก็ไม่ใช่เราละ”
“โถ่คีย์ จะมาจ้องจับผิดอะไรเรานักหนา แค่พ่อก็จะบ้าตายอยู่แล้วเนี้ย”
“อย่าบอกนะว่าพ่อฟ้าส่งคนมาเฝ้ามองเลยอะ!?!”
ฟ้าส่ายหัวพลางหัวเราะขำไปด้วย
“ตอนนี้ยัง แต่อนาคตอาจไม่แน่”
“อะไรจะขนาดนั้นวะ นี่ลูกชายนะเว้ยไม่ใช่นักโทษ”
“อ้อ เที่ยงนี้เราไม่ได้ไปกินข้าวด้วยนะ”
“ทำไมละ?”
“จะออกไปข้างนอก”
“ไปเดทกับไอ้น้ำละสิ”
ฟ้าไม่ตอบแต่ไหวไหล่จนคีย์เบ้ปากน้อยๆ พอใจตรงกันละสวีตไม่อายใครเลยจริงๆ ถึงเมื่อก่อนจะอยู่ด้วยกันบ่อยจนเป็นปกติแต่ก็ไม่ได้สวิตหวานโชว์สื่อให้ชาวโซเชี่ยวนามว่าสมาชิกเพจคิ้วท์บอยของมหาลัยได้แชะรูปไปลงเล่นๆกันจนมันส์มือ ฟ้ากับน้ำที่ว่าดังอยู่แล้วก็ยิ่งทวีความดังเข้าไปอีก
“งี้เราก็กินข้าวคนเดียวนะสิ”
คีย์แกล้งพูดน้ำเสียงน้อยใจพลางยู่ปากจนเหมือนเด็กน้อยโดนแย่งของเล่น ฟ้ายิ้มขำแล้วยกมือทั้งสองข้างมาบี้ๆนวดๆวนแก้มคนข้างๆเล่นจนโดนโวยเข้าให้นั้นแหละถึงได้หยุด
“เล่นอะไรเป็นเด็ก แก้มเราช้ำหมด”
“หึหึ ไม่ช้ำหรอก คีย์ด้านจะตาย”
“ไอ้ฟ้า!”
“ฮ่าๆๆ รักหรอกจึงหยอกเล่น”
“ไม่ต้องมารัก ไปรักไอ้น้ำคนเดียวเลยไป”
“หึงพี่เหรอจ้ะน้องคีย์”
“เดี๋ยวจะโดนถีบครับ”
“โถ่คีย์ อย่าโหดกับเรานักสิ ถ้าคีย์เหงาก็โทรชวนต้นให้มากินเป็นเพื่อนสิ”
คีย์ถึงกับกรอกตาแต่ก็ยอมพยักหน้ารับ พอดีกับที่โทรศัพท์ฟ้าสั่นเครือขึ้นมาเป็นสัญญาณบอกว่าคนโทรได้มารออยู่ที่หน้าตึกแล้ว
“งั้นเราไปแล้วนะ”
“เออ จะไปไหนก็รีบไปเลย”
ฟ้าหันไปยิ้มให้เพิ่อนอีกทีก่อนจะก้าวยาวๆออกจากห้องเรียนตรงไปยังลิฟท์ ทว่าในเวลานี้ลิฟท์ยังคงแน่นและเต็มไปด้วยผู้คนฟ้าจึงเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเดินลงบันไดแทน กว่าจะลงถึงชั้นล่างสุดก็เรียกเหงื่อไปมากโข จากที่คิดว่าคงไม่เหนื่อยเท่าไหร่เพราะเป็นขาลงแต่ฟ้าก็ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ หรือเพราะช่วงนี้ฟ้าพักผ่อนไม่เพียงพอกันแน่นะถึงได้อ่อนเพลียเปรี้ยแรงแบบนี้
“ทำไมเหงื่อซกมางี้ละฟ้า?”
น้ำท้วงทันทีที่เห็นเสื้อนักศึกษาของฟ้าชุ้มไปด้วยเหงื่อ ฟ้าเองก็หอบนิดๆเหมือนพึ่งวิ่งสี่คูณร้อยเมตรมาก็ไม่ปาน
“ลิฟท์มันเต็ม เราเลยรีบวิ่งลงบันไดมานะ กลัวน้ำรอนาน”
“อันตรายนะฟ้า ขืนตกบันไดมาทำยังไง เรารอนานแค่ไหนก็รอได้”
“เอาน่า รีบออกรถเหอะ เราหิวแล้ว”
น้ำส่ายหัวเนืองๆแต่ก็ยอมออกรถในที่สุด วันนี้น้ำมีเรียนแค่ช่วงเช้าเหมือนกับฟ้าเพราะอาจารย์ที่สอนในช่วงบ่ายไปสัมนาที่ต่างประเทศพอดี
“หิวมาไหมฟ้า? ถ้ามากเดี๋ยวเราจะพากินแถวนี้ก่อนแล้วค่อยไปดูหนังกัน”
“เราทนไหว ไปกินที่ห้างเลยก็ได้”
“โอเคครับ”
วันนี้น้ำมีแพลนว่าจะพาฟ้าไปกินข้าวดูหนังผ่อนคลายความเครียดก่อนที่จะพาไปหาแม่ตัวเองที่บ่นว่าอยากเจอฟ้ามาตั้งแต่เมื่อวันก่อน
“แล้วป้าอรจะอยู่สาขานี้เหรอน้ำ?”
ฟ้าถามเมื่อน้ำพาเลี้ยวเข้าไปที่ห้างใหญ่แห่งหนึ่ง
“อยู่สิ ก็เราพึ่งโทรไปบอกว่าจะเข้ามาที่นี้ก่อนไปรับฟ้า”
“เจ้าแผนการณ์จริงๆ”
“พึ่งรู้เหรอ?”
“รู้นานแล้วแหละแต่ไม่คิดว่าจะมารักคนเจ้าแผนการณ์แบบนี้ได้ด้วย”
“หึ ถอนตัวไม่ทันแล้วนะ เสียใจด้วย”
“ถอนไม่ได้ต่างหากละ ก็รักมากขนาดนี้แล้ว”
“วันนี้พูดจาน่ารักนะเรา อยากได้อะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ?”
“ขอเพชรที่ร้านสักสิบกะรัตแล้วกัน”
“หึหึ เราให้ได้ทั้งร้านเลย ยกให้เป็นเจ้าของแล้วมาบริหารเองเลยดีไหม?”
“บ้าเหรอน้ำ ถามคุณนายอรพินรึยังครับที่พูดเนี้ย”
“กิจการของแม่ก็เหมือนกิจการของลูกนั้นแหละ เดี๋ยวแม่ก็ยกให้เรา”
“ลุงสเวนบอกให้น้ำไปทำธุรกิจการบินไม่ใช่เหรอ? แล้วไหนจะธุรกิจเครื่องเพชรของป้าอรอีก จะไหมไหมเนี้ย?”
“ไม่ไหวอะ”
“อ้าว”
“เพราะงั้นฟ้าต้องมาช่วยเรา”
“เห้ย”
“ไม่หงไม่เห้ยละ ถึงแล้วครับ ลงได้แล้ว”
ฟ้าลงจากรถพร้อมๆกับน้ำจนเดินเคียงคู่กันเข้าไปภายใน ช่วงเวลาเที่ยงของวันธรรมดาถึงแม้คนจะไม่เยอะเท่าวันหยุดเสาร์อาทิตย์แต่ก็ยังมีอยู่ประปราย ร้านอาหารดังๆจึงเต็มแทบหมดทุกร้านจะมีเหลือบ้างบางร้านที่ผู้คนไม่ค่อยรู้จักหรือไม่ค่อยเป็นที่นิยม ดีที่น้ำโทรจองโต๊ะไว้ที่ร้านอาหารอิตาลี่ของเพื่อนพ่อเค้าไว้ พอมาถึงเค้าจึงได้โต๊ะในทันที
“วันนี้กินหรูจังแฮะ”
ฟ้าพูดใส่เบาๆแต่น้ำทำเพียงไหวไหล่แล้วรับเล่มเมนูจากพนักงานมาดู ฟ้าเองก็เช่นกัน คนทั้งคู่กินไปคุยกันไปไม่นานก็หมด เมื่ออิ่มของคาวก็ตามด้วยของหวาน เอาซะฟ้าอดที่จะบ่นไม่ได้ว่าถ้าขืนกินดีอย่างนี้บ่อยๆคงได้ลงพุงในสักวัน น้ำเลยหัวเราะร่วนก่อนจะรับปากว่าถ้าได้กลับมาอยู่ด้วยกันจะพาออกกำลังกายทุกวันเลย ฟ้าเลยพยักหน้ายอมรับแล้วกินต่อโดยที่ไม่เอะใจสักนิดว่าไอ้การออกกำลังกายนั้นจะเป็นการออกกำลังกายในรูปแบบไหน
เมื่ออิ่มหนำสำราญจนแทบจุกน้ำเลยพาฟ้าไปเลือกหนังที่จะดู ฟ้ากับน้ำมีรสนิยมการดูหนังที่แตกต่างกันเพราะน้ำจะชอบแนวบู้กระหน่ำเลือดสาดไส้ทะลักแต่ฟ้ากลับกลัว ฟ้าจะชอบแนวไซไฟซะมากกว่า ฟ้ากับน้ำเถียงกันเรื่องหนังอยู่สักพักกว่าจะตัดสินใจดูอนิเมะกวนๆเป็นการจบปัญหา เมื่อหนังเริ่มฉายน้ำที่หน้ามุ้ยมาตั้งแต่ต้นกลับตั้งใจดูจนทั้งยิ้มทั้งหัวเราะตามไปตลอดเรื่อง ฟ้าที่เอาแต่มองดูน้ำเลยพลอยสนุกและยิ้มกว้างไปด้วย
“พึ่งรู้นะเนี้ยว่าหนังแบบนี้มันก็สนุกดีเหมือนกัน”
น้ำพูดชมทันทีที่พากันออกมาจากโรงหนัง ฟ้าเองก็พยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มกว้าง ฟ้าหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาจนได้เห็นว่าเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว น้ำที่มองการกระทำของฟ้าอยู่เลยดึงมืออีกข้างที่ว่างของฟ้าไปกุมแล้วพาออกเดินไปยังชั้นล่างที่เป็นโซนช็อบต่างๆ หนึ่งในนั้นคือช็อบแบรนด์เครื่องเพชรหรูนามว่า OorJel Jewelry ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาทั้งสิบของอรพินหรือแม่ของน้ำ
“ออเจลสวัสดีคะ อ้าว คุณน้ำ มาหาคุณอรเหรอค่ะ?”
สาวหน้าเคาเตอร์ที่คุ้นหน้าน้ำดีเอ่ยทักเมื่อเห็นชายหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านเดินตรงเข้ามาพร้อมกับจูงมือหนุ่มหน้าหวานที่ไม่เคยเห็นมาด้วย
“ครับ มัมอยู่ไหมครับพี่แอน?”
“อยู่คะ อยู่ที่ห้องด้านในค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
พูดจบน้ำก็พาฟ้าเข้าไปยังห้องทำงานด้านในสุด อรพินเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดแล้วก็ยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เข้ามาหา ดวงตาคมภายใต้การแต่งแต้มที่ยิ่งเพิ่มความดุเฉี่ยวจ้องมองไปยังมือของลูกชายที่จับกุมมือของใครอีกคนไว้แน่นตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ได้รับรู้จากเจ้าตัวมาเป็นอย่างดี
“สวัสดีครับป้าอร”
เจ้าลูกชายทำได้เพียงแค่พงกหัวทักแต่คนที่ตามหลังมากลับยกมือไหว้พลางเอ่ยทักทายอย่างมีมารยาท แล้วอย่างนี้จะไม่ให้หล่อนนึกเอ็นดูได้ยังไง
“สวัสดีจ้ะ ไม่เจอหนูฟ้านานพอตัวเลยนะเนี้ยไหนมาให้ป้ากอดหน่อยสิ”
พูดจบก็ลุกขึ้นจากโต๊ะไปชูมืออ้าแขนเดินเข้าไปกอดฟ้าไว้แน่น ฟ้าเองก็กอดตอบเหมือนเช่นเคย
“ป้าอรสบายดีไหมครับ?”
“ปกติดีทุกอย่างจะ แต่จะสบายกว่านี้ถ้ามีหนูฟ้ามาดูแลนะ”
“มากไปไหมมัม?”
“เอ๊ะ เจ้าลูกคนนี้นิ ฟ้าอย่าไปสนใจไอ้คนขี้หวงเลยนะลูก มานั่งกับแม่ตรงนี้ดีกว่า”
ว่าแล้วก็จูงมือลูกชายคนใหม่ไปนั่งด้วยกันที่โซฟารับแขกตัวยาวเพียงหนึ่งเดียว แน่นอนว่าน้ำไม่ชอบใจแต่ก็ทำได้เพียงจิ๊ปากแล้วไปนั่งลงที่เบาะเล็กข้างๆฟ้า
“ป้าอรอยากเจอผมเหรอครับ?”
ฟ้าเริ่มต้นถามตามที่ตนสงสัย อรพินยิ้มหวานแล้วยกมือขึ้นไปเกลี่ยปอยผมด้านหน้าไปทัดกับหูอย่างเอ็นดู น้ำเห็นอย่างนั้นจึงลุกขึ้นมารวบผมให้ฟ้าต่อหน้าต่อตาผู้เป็นแม่จนฟ้าอดที่จะเขินไม่ได้
“แม่รู้แล้วละ เรื่องที่เราสองคนคบกันนะ”
ฟ้าเบิกตากว้างอ้าปากค้างทั้งที
“แม่ดีใจนะที่ทำให้ลูกชายแม่กลับมาเป็นคนได้คือฟ้า”
“มัมพูดอย่างกับเมื่อก่อนผมไม่ใช่คนงั้นแหละ”
“ก็ไม่ใช่นะสิยะ ฉันจะพูดกับฟ้าอย่ามาขัดสิตาน้ำ”
“ใช่ซิ๊ ได้ลูกชายคนใหม่แล้วนี่ คนเก่าก็หมาหัวเน่าดีๆนี่เอง”
“นอกจากจะขี้หวงแล้วยังขี้น้อยใจอีกแฮะ”
ฟ้าได้แต่หัวเราะขำท่ามกลางการปะทะฝีปากของแม่และลูกคู่นี้ ฟ้าพูดคุยกับแม่ลูกแห่งบ้านเศรษฐาสกุลอยู่นานจนได้รู้ว่าพ่อและแม่ของน้ำยอมรับเค้ามาตั้งแต่ต้นแล้ว ไหนๆก็มองฟ้าเป็นเหมือนลูกชายคนที่สองมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยเพราะความสนิทสนมที่มีให้กัน ถึงจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคนรักฟ้าก็ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกแยกเหมือนอย่างที่ฟ้าเคยนึกกลัว ฟ้าแทบกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่ด้วยความกวนของน้ำจึงทำให้ฟ้าหัวเราะกลบเกลื่อนได้ในที่สุด
“ยังไงก็อดทนไว้ก่อนนะหนูฟ้า อีกไม่นานเดี๋ยวแม่จะเอาตัวเจ้าน้ำไปมอบตัวกับคุณณพเอง”
“อ้าวมัม”
“หึหึ ได้ครับป้าอร”
“เลิกเรียกป้าได้แล้วมั่งจ้ะ”
“...เออ...”
“ไหนลองเรียกแม่สิ”
“ครับ แม่อร”
“อย่างนั้นแหละจ้ะ”
คุยกันอีกไม่นานอรพินก็ต้องลาเพราะต้องไปดูรายงานในอีกสาขาหนึ่ง น้ำเลยพาฟ้าไปยังชั้นที่จอดรถไว้กะจะพากลับคอนโดก่อนแล้วค่อยให้พี่ดินมารับเหมือนเมื่อวาน
“น้ำบอกพ่อกับแม่เมื่อไหร่เหรอ?”
“เรื่องอะไร?”
“ก็เรื่องของเราไง”
“อ้อ ก็วันที่ฟ้าโดนพ่อลากกลับบ้านนั้นแหละ นอกจากจะได้บอกแล้วยังได้ปรึกษากันเรื่องนี้พอดีด้วย”
“ถึงขนาดนั้นเลย”
“ใช่สิ ทุกคนเขาเข้าใจฟ้านะ เข้าใจเราแล้วก็เข้าใจความรักของเราด้วย”
“ยกเว้นพ่อเรานะสิ”
พูดไปก็อดที่จะตีหน้าเศร้าไปด้วยไม่ได้ แต่เมื่อเดินโผล่พ้นประตูอัตโนมัติของห้างเพื่อไปยังที่จอดรถ ฟ้าที่ก้มหน้าก้มตาอยู่เลยไปชนเข้ากับใครบางคนเข้า จริงๆเค้าก็เดินเข้ามาเป็นกลุ่มใหญ่นั้นแหละแต่ฟ้าดั๊นไปชนเข้ากับหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นและเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองกำลังจะเอ่ยขอโทษก็ต้องตะลึงค้างอีกครั้ง
“พ่อ!”
มหรรณพเองก็ตกใจเหมือนกันที่ได้เห็นลูกชายคนเล็กมาอยู่ที่นี้แถมยังมากับคนที่เค้าไม่อยากจะเห็นหน้า ดวงตาดุฉายแววโรจพลางจ้องมองเขม่งไปยังลูกก่อนจะหันไปมองน้ำและเลื่อนไปมองมือที่ยังคงกุมกันอยู่นั้น ฟ้าปล่อยมือจากน้ำทันทีที่เห็นสายตาของพ่อ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรแล้ว
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณณพ?”
ผู้ใหญ่อีกคนที่มากับด้วยกันกับณพเดินกลับมาหาก่อนที่จะเอ่ยถาม
“พอดีเจอลูกชายนะครับ”
“อ้าว เหรอครับ ใช่คนที่พูดถึงรึเปล่า?”
“ครับ คนนี้แหละ ที่ผมจะให้หมั้นกับลูกสาวของคุณ”
TBC.....
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★เพื่อน●รัก★
32
“พ่อ!!”
ฟ้าเอ่ยเรียกผู้เป็นบิดาดังลั่นแต่ณพกลับไม่สนใจเสียงของลูกชายเลยแม้แต่น้อย เค้ายังคงหันไปบอกกับผู้ใหญ่อีกคนให้เข้าไปด้านในก่อนส่วนตนเองจะไปส่งลูกชายที่บ้านแล้วจึงจะกลับมาร่วมด้วยอีกที
“ฟ้าไม่กลับ!”
“อย่าดื้อ”
“พ่อโคตรไม่มีเหตุผลเลยวะ ผมเป็นแบบนี้แล้วมันทำให้ชีวิตพ่อชีวิตทุกคนพังทลายลงมาเลยรึไง!?!”
“ฟ้า”
น้ำเอ่ยปรามฟ้าเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์และสติตัวเองไม่อยู่ มือหนาเลื่อนเข้ามาจับแขนฟ้าแล้วบีบเบาๆแต่ก็แอบหวั่นกับสายตาของณพที่ตวัดมามองค้อนปนตำหนิ
“กลับไปคุยกันที่บ้าน”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่กลับ!”
“แต่แกต้องกลับไปกับฉัน!!”
ฟ้ากัดฟันกรอดจ้องหน้าพ่อที่จ้องตอบด้วยความโมโห ไม่นานทั้งตัวฟ้าก็เซไปตามแรงดึงของบิดา
“พ่อปล่อย”
ณพไม่ตอบโต้แต่ยังคงเดินนำพลางกึ่งลากกึ่งจูงลูกชายไปยังโซนที่ตนได้จอดรถไว้ วันนี้ณพมีนัดกับสมาคมฯอย่างไม่ได้เป็นทางการเค้าจึงเลือกที่จะขับมาเองไม่ใช้คนขับให้อย่างทุกวัน
“ลุงณพครับ ผมว่าปล่อยฟ้าก่อนจะดีกว่านะครับ”
น้ำลองทำใจดีสู้เสือด้วยการเดินเข้าไปขวางหน้าแล้วพูดเสียงเรียบนิ่งแต่แววตาดุดันพอๆกัน ถึงแม้คนนี้จะเป็นพ่อของฟ้าแต่เค้าก็ไม่เห็นด้วยกับการบงการชีวิตใครแบบนี้
“หลีกไป”
“ปล่อยฟ้าเถอะครับ แค่นี้ฟ้าก็เจ็บมากแล้ว”
น้ำพูดอย่างกำกวม เค้าอยากจะสื่อถึงแรงบีบที่ลากฟ้ามาก็จริงแต่ก็อยากรวมไปถึงเรื่องของปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย
“ที่ฟ้าต้องเจ็บก็เพราะมันดื้อด้านเอง ถ้าทำตามง่ายๆมันก็ไม่ต้องมาเจ็บ”
“แต่ผมว่ามันเป็นเพราะคุณนะ”
“อย่ามาลามปามกู!”
“ผมขอโทษที่ลามปามครับ แต่ผมทนดูอยู่เฉยๆไม่ได้จริงๆ ลุงก็น่าจะรู้ว่าฟ้ารักผมและผมก็รักฟ้า เรารักกันแล้วมันผิดตรงไหน?”
“ผิดตั้งแต่ต้นนั้นแหละ ความรักปกติแบบคนทั่วไปทำไมไม่คิดจะรัก ผู้หญิงมีมาให้เลือกก็มากแล้วทำไมไม่ไปเอา พวกมึงคิดว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่มันจะรู้สึกยังไงที่ลูกชายมาได้กันเอง ไหนจะออกหน้าออกตาในสังคมก็ไม่ได้ มีลูกมีหลานให้ก็ไม่ได้ ธุรกิจมึงก็ใช่ว่าจะน้อยซะเมื่อไหร่ หรือมึงคิดจะให้ทุกอย่างสิ้งสุดลงแค่ยุคของมึง!”
น้ำถึงกับสะอึกฮัก ใช่ว่าเค้าจะไม่เคยคิดในแง่นี้แต่พอมาได้ยินจากปากคนที่เป็นพ่อคนเข้าจังๆแล้วก็อดวูบในใจไม่ได้ ฟ้าเห็นอาการท่าไม่ดีของน้ำเลยสะบัดมือแรงๆให้หลุดจากการจับกุมของผู้เป็นพ่อแต่ณพกลับรู้ทัน เค้ายังคงกำข้อมือลูกชายแน่นจนฟ้าเผลอหลุดเสียงร้องและนั้นก็ทำให้น้ำได้สติเช่นกัน
“ลุงณพ ฟ้าเจ็บนะครับ ช่วยปล่อยฟ้าก่อน”
“อย่ามายุ่ง!”
“พ่อ! ปล่อยนะ โอ้ย!!”
“หุบปาก”
ฟ้าทั้งดิ้นทั้งแกะทั้งพยายามหนีจากเงื้อมมือของณพจนณพต้องหันไปใช้สองมือในการรวบตัวลูกชาย ฟ้าใช้เสี้ยววินาทีที่ณพปล่อยมือข้างที่จับเพื่อเปลี่ยนจุดในการจับสะบัดแรงๆแล้วผลักผู้เป็นพ่อคนเซถอยหลัง ฟ้าเองก็ใช่ว่าจะมีแรงมากมายพอได้ใช้แรงในการผลักตัวเค้าเองจึงเซถอยหลังจนล้มไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่พื้นโดยในเวลานั้นกำลังมีรถเร่งเครื่องขึ้นมายังชั้นจอดรถชั้นนี้พอดี
ปรี๊ด!!!!!!
เสียงแตรรถดังลั่นชั้นพร้อมกับแสงไฟที่สาดส่องเข้าตาฟ้าที่หันไปจ้องมองด้วยความตกตะลึ
“ฟ้า!!”
เสียงเรียกชื่อฟ้าดังขึ้นจากบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งสองแต่มันกลับดึงสติของฟ้าที่หลุดหายไปให้กลับมาไม่ได้ ฟ้าเห็นทุกอย่างเป็นเหมือนภาพสโลโมชั่นทั้งที่มันเป็นช่วงเวลาเสี้ยววินาทีที่รวดเร็วยิ่งกว่าการหายใจทิ้งไปเฉยๆ ฟ้ารับรู้ได้ถึงแรงดันที่รุนแรงจนตัวปลิวไปอีกด้าน เสียงเบรคดังลากยาวและแสบแก้วหูจนชวนปวดหัว
เอี๊ยดดดดด!!!!
ฟ้าค่อยๆผ่อนลมหายใจและลืมตาขึ้นมองสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าฟ้าก็ต้องเผลอกลั้นลมหายใจอีกครั้ง น้ำที่ยืนหอบหายใจดวงตาไหวระริกและจ้องมองไปยังรถที่หักหลบและจอดนิ่งสนิทได้อย่างทันท้วงที
น้ำค่อยๆหันมามองฟ้าแล้วค่อยๆก้าวเดินมาคุกเข่าลงตรงหน้า ฟ้าสังเกตุเห็นว่าน้ำกำลังสั่น สั่นไปทั้งตัวแล้วดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกำลังสั่นไหวเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาไหลลงมา น้ำดึงฟ้าเข้าไปกอดแน่นและฟ้าเองก็กอดตอบด้วยเช่นกัน ฟ้ามองไปยังพ่อที่กำลังคุยอะไรสักอย่างกับเจ้าของรถที่ลงมาเจรจาหรือด่าทอ ฟ้าไม่สนใจที่จะฟังใครนอกจากคนตรงหน้าที่กล้าเสี่ยงเอาชีวิตตัวเองเข้าแลกเพื่อช่วยเค้า
“โอเคไหมน้ำ?”
น้ำส่ายหัวทั้งที่ยังคงซบอยู่ที่ไหล่ของฟ้า
“น้ำ”
“เรารักฟ้านะ”
ฟ้าถึงกับพูดไม่ออก
“แค่คิดว่าจะเสียฟ้าไปใจเราก็เหมือนจะหยุดเต้นไปด้วยเลยวะ”
ฟ้ายิ้มจาง
“เรารักฟ้ามากจริงๆนะ”
“เราก็รักน้ำ”
“ปล่อย!!!”
เสียงกัมปนาทดังขัดขึ้นจนฟ้าและน้ำผละถอนออกจากกัน เป็นณพที่เอ่ยเรียกด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ดวงตาสีดำนั้นฉายแววโรจเหมือนครุ่นโกรธมาจากผู้ที่ขับรถด้วยความเร็วทั้งที่สถานที่ไม่เหมาะสมและการไม่ระวังของลูกชายตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เท่าการกอดรัดกันกลมทั้งที่อยู่ในที่โล่งแจ้ง ผู้คนมากมายที่เห็นเหตุการณ์และพากันเอ่ยซุบซิบไปต่างๆนานา
“โอ้ย!”
ฟ้าร้องลั่นเมื่อโดนพ่อเข้ามาอุ้มขึ้นพาดบ่า
“ลุงครับ!”
ถึงแม้น้ำจะร้องเรียกแต่ณพก็ไม่สนใจ เค้าพาฟ้าไปยังรถของตนที่จอดอยู่ไม่ไกลก่อนจะปลดล็อคแล้วเปิดประตูเอาร่างที่ดิ้นคลุกคลักของลูกชายยัดเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับปิดประตูแล้วกดล็อคขังไว้ไม่ให้หนีออกมา
“ลุงครับ ผมขอละ อย่าทำอะไรฟ้าเลยนะ”
น้ำที่วิ่งตามหลังได้แต่ขอร้องอ้อนวอน ถ้าคนๆนี้ไม่ใช่พ่อของฟ้ารับรองๆได้เลยว่าคงไม่มีโอกาสได้มายืนจ้องหายตาดุใส่เค้าแบบนี้แน่
“อย่าเสือก”
พูดจบก็เดินอ้อมไปขึ้นรถโดยที่ปลดกลอนเพียงฝั่งเดียว น้ำได้แต่มองตามรถยุโรปคันหรูที่มุ่งหน้าลงจากห้างไปด้วยแววตาห่วงใย ดูท่าทางแล้วเค้าคงจะใช้เวลาในการดำเนินการบางอย่างมากไป เห้นทีต้องรีบร้นระยะเวลาเข้ามาซะแล้ว ไม่งั้นอาจมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นแน่ๆ
“เข้าบ้านไป!”
เสียงอันดังลั่นของผู้นำครอบครัวทำให้เมย์สะดุ้งน้อยๆ หล่อนกำลังง่วนอยู่กับการทำขนมไทยไว้ให้ลูกๆทานเป็นของว่างแต่ยังไม่ทันจะแล้วเสร็จก็ได้ยินเสียงรถและไม่นานก็ได้ยินเสียงผู้เป็นสามีดังตามมาอีก เมย์ละมือจากสิ่งที่ทำโดยมีแม่บ้านมารับช่วงต่อแล้วเดินไปล้างมือก่อนจะออกจากห้องอาหารไปยังโถงกว้างอันเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่น ภาพตรงหน้าทำให้เธอถึงกับขมวดคิ้ว ทำไมเวลาบ่ายแก่ๆอย่างนี้สามีที่น่าจะมีนัดกลับกลายเป็นมายืนจ้องหน้าอยู่กับลูกชายคนเล็กเขม่ง ฟ้าเองก็ดูก้าวร้าวเหมือนความอดทนสิ้นสุดไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปกูจะให้แดงไปรับไปส่งแทนเจ้าดิน เอาตารางเรียนมาให้กูดูด้วย”
“พ่อจะทำอย่างนี้กับผมไม่ได้นะ ผมไม่ใช่นักโทษ ผมต้องการใช้ชีวิตตามที่ผมต้องการ”
“ชีวิตที่เหลวแหลกของมึงนะเหรอ ภูมิใจนักรึไงกับการทำตัวแบบนั้นต่อหน้าประชาชี”
“ผมทำอะไร!?!”
“ก็ไอ้กอดกันกลมท่ามกลางสายตาคนเป็นสิบนั้นไง”
“น้ำช่วยผม!”
“แค่ช่วยไม่จำเป็นต้องไปกอดกันแบบนั้น!!”
“มันเรื่องของพวกผม!!!”
เพี้ยะ!
“คุณณพ!”
เมย์อุทานก่อนจะรีบเข้าไปรั้งมือข้างที่ตบลูกชายคนเล็กไป ฟ้ายังคงนิ่งค้างหน้าหันไปอีกทางและณพก็กัดฟันกรอดด้วยความโมโหโกธา
“ใจเย็นๆก่อนนะคะ เดี๋ยวเมย์จะคุยกับลูกเอง คุณมีนัดกับสมาคมฯไม่ใช่เหรอค่ะ?”
ณพยอมเอามือลงและพ้นลมหายใจเหมือนกำลังสงบสติอารมณ์ ฟ้าเองก็หันหนามามองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาที่ตัดพ้อและเสียใจยิ่งกว่าที่เคยเป็น เมย์ที่เห็นอย่างนั้นจึงอดที่จะใจหายไปด้วยไม่ได้
“คุยกับมันให้รู้เรื่องก็แล้วกัน ส่วนมึงไม่มีสิทธิปฏิเสธ หลังจากนี้จะไปไหนมาไหนมึงต้องขออนุญาตจากกูก่อนทุกครั้ง”
“ผมก็เป็นคน ผมมีอิสรภาพเท่าเทียมกับพ่อทุกอย่าง”
“ในเมื่อกูปล่อยให้มึงมีอิสระแล้วมึงกลับมาทำงามหน้ากันแบบนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้อิสระนั้นอีกเลย เพราะกูจะจับมึงเข้ากรงอย่างที่ควรจะทำมาตั้งนานแล้ว!”
ฟ้าเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง เมย์ได้แต่อึกอักสงสารลูกก็สงสารแต่ถ้าจะขัดกับมหรรณพเวลาโมโหก็ไม่ได้เป็นทางเลือกที่ดีเท่าไหร่ เมย์จึงได้แต่มองคนทั้งคู่อยู่นิ่งๆจนณพหันหลังเดินออกจากห้องไปในที่สุด ระหว่างนั้นไม่มีใครขยับหรือเอ่ยปากพูดอะไรจนเสียงรถยนต์ดังแว่วและลับหายไปในเวลาไม่นาน
ฟ้าทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพรมอย่างหมดเรี่ยวแรงพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน เมย์ค่อยๆเดินเข้ามาหาลูกชายก่อนที่จะสวมกอดในเชิงปลอบ ฟ้ากอดผู้เป็นแม่ตอบทั้งน้ำตา ความเจ็บที่หน้ามันยังไม่ถึงครึ่งของความเจ็บที่เกิดขึ้นจากภายในใจเลยด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไรนะลูก พ่อเค้าแค่โมโหมากเลยพลั้งปากไปนะ”
เมย์ปลอบลูกทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่เป็นอย่างที่ตนเอ่ย คนอย่างมหรรณพเมื่อได้ลั่นวาจามาแล้วมีหรือที่จะไม่ทำตามที่ตนพูด
“ฟ้าไม่อยากอยู่ที่นี้แล้ว ฟ้าไม่อยากเห็นหน้าพ่อแล้ว”
“ใจเย็นๆลูก เดี๋ยวพ่อเค้าใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยไปตกลงกันใหม่ก็ได้”
“พ่อไม่มีทางเปลี่ยนความคิดแน่แม่ พ่อเค้าไม่มีทางให้ผมได้รักกับน้ำ พ่อเค้าจะให้ผมไปหมั้นกับใครก็ไม่รู้แล้วยังจะส่งผมไปเมืองนอกอีก”
เมขลาถึงกับพูดไม่ออก ตนเองก็ไม่เคยเห็นสามีในแง่แบบนี้เหมือนกันเพราะตลอดระยะเวลากว่าสามสิบปีที่อยู่ด้วยกันณพไม่ค่อยจะจงเกลียดจงชังอะไรมากถึงขนาดนี้ ถึงจะเป็นคนเจ้าระเบียบและหุนหันแต่ก็ไม่เคยแสดงอาการโมโหรุนแรงได้ถึงขนาดนี้
“แม่ครับ ผมขอหนีไปไกลๆได้ไหม? ไปที่ไหนก็ได้ที่พ่อจะหาผมไม่เจอ ผมขอไปได้ไหมแม่?”
“โถ่ฟ้า อย่าไปเลยนะลูก ถ้าลูกไปแม่ก็จะเป็นห่วงไหนจะพี่ดินไหนจะเพื่อนๆเราแล้วยังน้ำอีก ถ้าร้ายแรงกว่านั้นคือพ่อไปเจอเราก็จะโดนหนักกว่านี้นะลูก ช่วงนี้ฟ้าอยู่นิ่งๆทำตามที่พ่อสั่งไปก่อน แล้วพอลมสงบฟ้าค่อยคุยกับพ่อเค้าอีกที เดี๋ยวแม่จะช่วยพูดอยู่เรื่อยๆด้วย ดีไหมจ้ะ?”
ฟ้าได้แต่หลุบตามองต่ำแล้วกระชับอ้อมแขนกอดรัดผู้เป็นแม่ให้แน่นกว่าเดิม เค้ากอดแม่อยู่อย่างนั้นจนมีเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นแม่จึงผละออกจากลูกชายไปรับสาย ฟ้าลุกขึ้นยืนพลางจ้องมองหญิงสาวที่สวยไม่สร่างไปตามวัยด้วยใบหน้านิ่งเรียบจนพอใจแล้วจึงหันหลังเดินออกจากห้องนั่งเล่นตรงไปยังชั้นสองและเข้าห้องของตัวเองไปในที่สุด
“มือเป็นอะไรเหรอครับคุณณพ?”
เพื่อนร่วมสมาคมฯอย่างวิเศษเอ่ยถามเมื่อเห็นว่ามหรรณพนั่งนิ่งพลางจ้องมองมือตนเองเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่บังเอิญเจอลูกชายและไปส่งจนกลับมาบรรยากาศรอบตัวผู้ชายร่างใหญ่ที่ปกติก็ดูน่าเกรงขามเป็นทุนเดิมยิ่งทวีความทมึฬจนแทบไม่มีใครกล้าเข้ามาทักหรือขัดอารมณ์ ยกเว้นวิเศษที่สนิทสนมเป็นที่สุดที่จะไม่ทนเห็นเพื่อนร่วมสมาคมนั่งจมอยู่กับตัวเองเงียบๆอยู่แบบนี้ต่อไป
“ป่าว”
“มีปัญหากับลูกชายรึเปล่าครับ?”
ณพส่ายหัวเบาๆก่อนจะหยิบแก้วแอลกอฮอร์ขึ้นมาดื่ม ตอนแรกว่าจะไม่ดื่มเพราะขับรถมาเองแต่เมื่อเจอเรื่องแบบนี้เข้าเค้าก็อดที่จะดื่มมันไม่ได้ ไว้ค่อยโทรให้แดงหรือเจ้าดินมารับก็แล้วกัน
“แต่ลูกคุณดูดีมากเลยนะครับ ถึงผมจะเห็นแค่แป๊บเดียวแต่ก็ต้องชูหกเลยว่าเกือบหลงเสน่ห์เลยทีเดียว”
ณพเผลอกดยิ้มและหัวเราะหึในลำคอ ในสมองก็คิดเพียงว่าเจ้าฟ้ามันมีแรงดึงดูดกับเพศตรงข้ามเสียจริง
“ลูกสาวคุณก็น่าตาน่ารักเหมือนกัน”
“น้องออนนะเหรอครับ ก็น่ารักเหมือนแม่เค้าแหละ ผมไม่ได้อยากจะยอเมียนะเพียงแค่พูดความจริงก็เท่านั้นเอง”
ณพฟังไปยกแก้วขึ้นดื่มไปพอหมดก็ยื่นไปให้เด็กเสิร์ฟนำไปชงใหม่ ผู้ร่วมสมาคมฯคนอื่นๆก็กระจายกันไปคุยธุระของตนตามแต่ใจตนต้องการ จริงๆณพก็จะมาพูดเรื่องงานการกุศลฯที่สมาชิคสมาคมเสนอและวางแพลนว่าจะทำกับสมาชิคคนอื่นๆแต่ดูเหมือนเวลานี้จะไม่มีอารมณ์ถามตอบใครสักเท่าไหร่
“แต่ลูกชายคุณไม่เหมือนคุณเลยนะครับ”
“เขาเหมือนแม่เค้านะ”
“อ้อๆ ใช่ๆ คุณเมขลาสวยมากจริงๆสมแล้วที่ลูกชายหน้าตาดีจนออกหวานอย่างกับผู้หญิง แถมไว้ผมยาวด้วยนี่นา ยิ่งดูเหมือนไปอีก”
ณพหน้าตึงไปเล็กน้อย ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงแต่พอมาได้ยินคนอื่นพูดวิจารณ์เข้าตนก็อดที่จะนึกฉุนไม่ได้ แค่มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกันก็ตอกเค้าให้หน้าม่านมามากพอแล้ว ยังจะเอาความเป็นผู้หญิงมาใส่ตัวอยู่เรื่อยๆอีกทำไม ดูท่ากลับไปต้องสั่งให้ตัดผมเสียแล้วสิ
“ผมไม่มีลูกชาย ผมเลยออกจะมองอะไรน่ารักไปเสียหมด ขอโทษด้วยนะครับถ้าผมพูดอะไรผิดไป”
วิเศษที่อ่านสถานการณ์ออกเอ่ยขึ้นจนณพส่ายหัวเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ ถึงฟ้ามันจะเป็นผู้ชายแต่มันก็ทำตัวเหมือนผู้หญิงยิ่งกว่าหน้าตา”
พูดไปแล้วก็อยากตบปากตัวเอง ไม่รู้ผีสางตนใดที่ดนใจให้ตนพูดไปแบบนั้นทั้งที่รู้ว่าไม่ควร
“ผมได้ยินมาว่าผู้ชายที่มีนิสัยเหมือนผู้หญิงจะดูแลพ่อแม่ดีนะครับ”
“หึ ดูแลอะไร มันออกจะชอบปลีกวิเวกจนแทบจะตัดขาดกับครอบครัวไปซะอย่างนั้น”
“นี่คุณกำลังน้อยใจลูกอยู่รึเปล่าครับเนี้ย?”
ณพเงียบไปครู่
“ป่าว”
“แน่เหรอครับ?”
ณพไม่ตอบ
“ผมว่าใช่แน่ๆ นี่คงหวงลูกชายมากด้วยสิ ก็แน่ละนะ ลูกคุณออกจะดูดีขนาดนั้น แต่ระวังไว้นะครับ เด็กมันอยากรักมันก็จะทำทุกอย่างเพื่อรัก วัยนี้อยู่ในช่วงบูชารักซะด้วยสิ คุณไปหวงไปห้ามอะไรมากๆเดี๋ยวจะยิ่งเตลิด”
“ผม....”
“หรือที่เครียดอยู่นี่คือเรื่องนี้?”
“.......”
เมื่ออีกฝ่ายเงียบวิเศษจึงยกยิ้มที่ตนนั้นเดาถูก
“เขามีแฟนแล้วใช่ไหมครับ?”
ณพพยักหน้ารับก่อนจะยกแก้วขึ้นกรอกปากรวดเดียวหมด
“แล้วคุณกลุ้มเรื่องอะไรเหรอครับ? คงไม่ไปทำใครเค้าท้องหรอกนะ?”
จะท้องให้เค้านะสิไม่ว่า
“ไม่ใช่ แค่...”
“ไม่ชอบแฟนลูก?”
“ก็ไม่เชิง”
พูดไปพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุที่พึ่งเกิดขึ้นไป ณพยอมรับว่าตนตกใจมากและก็ห่วงลูกมากแต่ใครอีกคนกลับพุ่งเข้าไปผลักฟ้าออกจากวิถี่ของรถอย่างไม่สนใจว่าตนเองจะเป็นคนเคราะห์ร้ายแทนเลยด้วยซ้ำ ยอมใจมันก็ตรงนี้แต่เมื่อไปเจอตอนที่กำลังกอดกันกลมก็อดที่จะเดือดขึ้นมาอีกไม่ได้ บวกกับได้เห็นแววตาและเสียงซุบซิบนินทานั้นแล้วก็ยิ่งอยากจะพาลูกชายออกจากตรงนั้นให้ไวที่สุด
“คุณคงรักลูกคนนี้มากเลยนะครับ”
ณพหันไปมองคนพูดด้วยความสงสัย
“ก็ลูกผมนี่ ไม่รักก็แปลกแล้ว”
“ผมหมายถึงรักมากจนเกินไปนะครับ”
“ยังไง?”
“ก็รักจนหวงและห่วงเวลาลูกมีคนรัก กลัวมันจะไม่ดี กลัวจะมีผลกระทบต่อลูกหรือกลัวลูกจะเสียใจกับสิ่งที่ตามมา”
“...........”
“ผมว่า บางทีคุณณพควรจะปล่อยให้เด็กได้ศึกษามันด้วยตัวเองจะดีกว่านะครับ”
“ปล่อยไปก็มีแต่เสีย”
“ถ้ามันจะเสียใจหรือไม่ดีเค้าก็ต้องรับมันให้ได้เพราะตัวเค้าเป็นคนเลือกเอง คนเป็นพ่อแม่มีหน้าที่แค่สนับสนุนและตักเตือนครับ เราไปบงการชีวิตเค้าไม่ได้”
“...........”
“เอาเข้าจริงผมก็เคยปวดหัวกับลูกสาวในช่วงที่เธอมีแฟนเป็นครั้งแรกเหมือนกันนะ ห่วงสารพัด กลัวและกังวนไปหมด ดีที่ภรรยาคอยเตือนสติผมเลยโอเคขึ้นแล้วเฝ้ามองการเติบโตของเค้าแทน”
“............”
“เรื่องลูกกับความรักมันละเอียดอ่อนพอๆกันครับ ผมว่านะ”
“วันนี้คุณพูดดีกว่าปกตินะ”
“เหอะๆ ผมก็พูดไปงั้นแหละครับ เป็นไง ดูหล่อขึ้นไหมครับ?”
“ก็พอตัว”
“ฮ่าๆ ขอบคุณครับ”
“ผมเองก็ต้องขอบคุณ”
“แหม ขอบคงขอบคุณอะไร เรามันคนกันเอง”
“หึ”
“สรุปเรื่องหมั้นนี่พูดเล่นใช่ไหมครับ?”
“คุณคิดว่าไงละ?”
“ล้อเล่นสิครับ ก็เล่นมีแฟนกันทั้งคู่แล้วจะจับมาหมั้นกันทำไมให้เสียใจทั้งสองฝ่ายละ”
“ผมไม่คิดงั้นนะ”
“โถ่คุณณพ พอโอเคขึ้นแล้วก็กวนผมเลยนะ”
ณพกดยิ้มแล้วยกแก้วในมือขึ้นดื่มเช่นเคย เมื่อคุยกันไปได้สักพักบรรยากาศรอบตัวเริ่มดีขึ้นจึงมีคนอื่นๆเข้ามาทักทายและพูดคุยกันจนดึกดื่น หลังจากที่ออกมาจากห้างบางคนเลือกที่จะไปต่อกันแต่ณพขอตัวกลับบ้านจะดีกว่า เค้าเลือกที่จะโทรเรียกลูกชายคนโตให้ขึ้นแท๊กซี่จากบ้านมาขับรถให้ที่นี้ รอประมาณสิบกว่านาทีดินก็มาถึง
“พ่อเมาไหมครับ?”
ดินเอ่ยถามเมื่อเห็นคนเป็นพ่อยืนพิงรถสายตาเหม่อลอยเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“ป่าว”
ณพตอบแล้วยื่นกุญแจรถให้ลูกไป หลังจากนั้นก็มีเพียงความเงียบไปตลอดทางจนถึงบ้าน ณพลอบมองไปยังบานกระจกที่เป็นตำแหน่งห้องของลูกชายคนเล็กและก็เห็นเพียงความมืดสนิท คงหลับไปแล้วสินะ ณพเดินเข้าบ้านโดยที่มีดินเดินตามหลัง ตอนนี้เวลาล่วงเลยไปจนเกือบจะเที่ยงคืนแล้วคนที่ยังไม่นอนก็คงมีเพียงเค้าและดิน ณพเดินขึ้นบันไดหวังจะเข้าห้องตัวเองแต่ก็ต้องชะงักเมื่อกำลังจะเดินผ่านห้องของลูกชายคนเล็ก
“มีอะไรเหรอพ่อ?”
ดินที่เดินตามหลังมาเอ่ยถามพร้อมมองตามสายตาพ่อที่จ้องบานประตูห้องของฟ้านิ่งๆ
“น้องนอนแล้วใช่ไหม?”
“คงงั้นแหละครับ ผมไม่เห็นน้องตั้งแต่หลังมื้อเย็นแล้ว พ่อทะเลาะกับน้องอีกเหรอน้องถึงได้ซึมเหมือนคนไม่มีจิตวิญญาณแบบนั้น”
“อืม พ่อไปเจอมันอยู่กับน้ำที่ห้าง”
ดินลอบกลืนน้ำลายทันที่ แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยอะไรณพก็เดินเข้าไปเคาะบานประตูนั้นทันที
ก๊อกๆๆ
ทุกสิ่งยังคงเงียบสนิทเช่นเดิม
ก๊อกๆๆ
ณพเงียบรอฟังเสียงคนข้างในอยู่สักพักก่อนจะหันมาบอกให้ดินไปหยิบกุญแจสำรองมา
“น้องอาจจะหลับอยู่ก็ได้พ่อ”
“ไปเอามา”
สิ้นคำขาดดินเลยต้องลงไปหยิบพวงกุญแจสำรองและกลับขึ้นมาในเวลาไม่นาน ณพรับมาไขด้วยความใจเย็นแต่กลับมาอาการหวิวแปลกๆให้ได้สงสัย ทันทีที่เสียงกลอนลั่นณพก็จับลูกบิดแล้วเปิดประตูเข้าไปช้าๆ ภายในห้องมืดสนิทและเย็นยะเยือก ณพก้าวเข้าไปในห้องอย่างแผ่วเบาเหมือนยังคงเกรงใจเจ้าของห้องที่น่าจะหลับอยู่บนเตียงจนกระทั่งเค้าและดินเดินเข้ามายืนอยู่ที่ปลายเตียงนั้นแหละ ณพถึงได้ขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นปม
“ดิน ไปเปิดไฟ”
ดินถอยหลังไปเปิดไฟตามที่พ่อสั่งเมื่อไฟสว่างจ้าและเห็นทุกสิ่งอย่างอย่างชัดเจนเค้าก็ต้องแปลกใจ
“น้องหายไปไหนนะพ่อ!?!”
“มาด้วยกันแล้วจะไปรู้ได้ยังไงวะ”
TBC......
-
◑ MAKE FRIEND ◐
★ เพื่อน ● รัก★
33
ครืน ครืน
เสียงการสั่นของโทรศัพท์กลางดึกทำให้น้ำที่ยังคงนั่งอยู่หน้าคอมฯต้องเหลียวไปมองด้วยความฉงน แต่พอเห็นเป็นชื่อฟ้ารอยยิ้มกว้างก็ฝุดขึ้นเต็มหน้าก่อนจะสไลด์รับสายด้วยหัวใจที่พองโต
“ฟ้า!”
/โทษทีแต่นี่ไม่ใช่ฟ้า/
น้ำขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงทุ่มต่ำที่ไม่ค่อยจะคุ้นหู ในเมื่อฟ้าอยู่บ้านแล้วใครละที่จะใช้โทรศัพท์ฟ้าได้
“พี่ดิน?”
/เออ/
“มีอะไรเหรอครับ?”
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะมีเสียงพ้นลมหายใจที่แผ่วเบาแทรกมาจากปลายสาย
/ฟ้าได้ไปหารึเปล่า?/
น้ำเริ่มใจกระตุก
“เปล่าครับ ตั้งแต่ลุงณพพากลับก็ไม่ได้เจอฟ้าอีกเลย แม้แต่โทรศัพท์ก็ไม่มี”
/งั้นเหรอ/
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
ปลายสายเงียบไปอีกครั้ง แต่ไม่นานก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ถึงความกลุ้มใจที่มี
/ฟ้าหายตัวไป/
“ห่ะ!?! ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ!?”
/คาดว่าเป็นช่วงสองทุ่มจนถึงไม่กี่นาทีที่แล้ว/
น้ำเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา ตอนนี้ก็เที่ยงคืนกว่าๆแล้ว หายไปในช่วงสี่ชั่วโมงนี้สินะ
/โทรศัพท์กระเป๋าตังค์หรือแม้แต่รถก็อยู่ครบ แต่เจ้าตัวไม่อยู่ คิดว่าน่าจะหนีไปไม่ไกลหรือไม่ก็ไปอยู่กับเพื่อนสักคน ถ้าพอจะรู้จักใครที่คิดว่าฟ้าจะไปหาก็บอกพี่มา/
“เดี๋ยวผมไปตามให้ ได้เรื่องยังไงแล้วจะโทรหาอีกทีนะครับ”
/ได้ โทรมาเบอร์xxxxxxxxxxแล้วกันนะ/
“ได้ครับ”
ฟ้าวางสายจากพี่ดินแล้วเปลี่ยนมาเมมเบอร์ไว้จนเรียบร้อยก่อนจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่ออกจากห้องแล้วลงบันไดไปยังชั้นล่างเค้าก็ได้สวนกันกับผู้เป็นพ่อและแม่ที่พึ่งกลับมาจากงานเลี้ยงของบริษัท
“ดึกขนาดนี้แล้วจะไปไหนนะน้ำ?”
อรพินเอ่ยถามลูกชายเพราะเห็นท่าทีร้อนรนจนผิดสังเกตุ
“ไปหาฟ้าครับ”
“หืม ทางบ้านนั้นยอมให้แกเข้าบ้านได้แล้วเหรอ?”
สเวนถามอยากแปลกใจและอรพินก็คิดเช่นเดียวกับเค้า
“ไม่ใช่ไปหาแบบนั้นแต่ไปหาแบบไปหาคนหายนะแด๊ด”
“ห่ะ!?! นี่หนูฟ้าหายไปงั้นเหรอ?”
“ใช่ครับ”
“แล้วแกจะไปหาที่ไหน?”
“บ้านเพื่อนทุกคน”
“ทางบ้านนั้นคงวุ่นน่าดู งั้นรีบไปเถอะจ้ะ เจอไม่เจอยังไงโทรส่งข่าวกับแม่ด้วยแล้วกัน”
“ครับมัม”
ว่าจบเจ้าตัวก็รีบก้าวลงบันไดจนลงไปถึงชั้นล่างและรีบวิ่งไปขึ้นรถคันเก่งของตัวเองทันที เป้าหมายแรกที่น้ำจะไปคือบ้านของคีย์ แต่พอลองสูดลมหายใจทำตัวเองให้สงบเลยพึ่งนึกขึ้นได้ว่าควรโทรไปถามซะก่อน
น้ำจอดรถแอบอยู่ข้างทางแล้วต่อสายหาคีย์ทันที รอสายไม่นานเจ้าตัวก็รับแต่คำตอบที่ได้คือคีย์ไม่ได้อยู่ที่บ้านและตนเองก็ไม่รู้ว่าฟ้าจะไปหาตัวเองที่บ้านไหม
/เอางี้ไอ้น้ำ เดี๋ยวกูจะกลับไปดูที่บ้านให้ มึงลองโทรหาไอ้เคนดูว่าฟ้าได้ไปหามันไหมนะ/
“กูว่าไม่น่าจะไปหาเคน แต่ถ้าเป็นไอ้ต้นอาจไม่แน่”
/กูก็อยู่ห้องต้นเนี้ย มันไม่ได้มากูคอนเฟิร์ม/
“งั้นฟ้าจะไปไหนได้วะ โทรศัพท์ก็ไม่ได้เอาไป รถก็ยังจอดอยู่ที่บ้าน”
/คอนโดมันละ/
จริงสิ
พี่ดินไม่ได้บอกว่าคีย์การ์ดยังอยู่หรือไม่อยู่ด้วยสิ
“งั้นเดี๋ยวกูไปดูที่คอนโด มึงไปดูที่บ้าน เห็นไม่เห็นก็โทรมาบอกกูด้วย”
/ได้ มึงก็โทรบอกกูด้วยละกัน/
“เออๆ แค่นี้แหละ”
“เป็นยังไงบ้างลูก?”
ดินหันหน้ามาหามารดาก่อนจะส่ายหัวน้อยๆแล้วทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาด้านข้างพลางยกมือกุมขมับซบหน้าลงกับฝ่ามือตัวเองไปด้วย
“แล้วน้ำว่ายังไงบ้างละลูก?”
“มันบอกว่าจะไปถามหากับพวกเพื่อนๆให้อีกแรง ผมว่ามันน่าจะเดาความคิดฟ้าได้มากกว่าเรานะครับ”
“งั้นคงต้องหวังพึ่งน้ำแล้วสินะ”
ดินพยักหน้าตอบแม่แต่ณพกลับลุกพรวดขึ้นจากโซฟาแล้วเดินดุ่มๆตรงไปหยิบกุญแจรถท่ามกลางสายตาที่งุนงงของภรรยาและลูกชายคนโต
“พ่อจะไปไหนครับ?”
ณพไม่ตอบแล้วเดินออกจากบ้านตรงไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที คำพูดที่บ่งบอกถึงความสำคัญของคนนอกอย่างน้ำนั้นทำให้ณพนึกหงุดหงิด ถึงจะรู้ว่าเด็กมันโตมาด้วยกันแถมยังรักใคร่กันอีกต่างหาก แต่เค้าที่เป็นพ่อบังเกิดเกล้าจะไม่รู้จักลูกของตัวเองเลยรึไงวะ!
ฟ้าจะใจร้อนแต่ก็เพียงชั่ววูบไม่นานก็จะกลับมานิ่งจนเหมือนเก็บงำทุกสิ่งอย่างไว้เพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นถ้าหุนหันออกจากบ้านโดยไม่เอาอะไรไปเลยก็คงจะไปได้ไม่ไกล แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าฟ้าจะไปทางไหนนี่สิ
ณพขับรถตามเส้นทางหลักไปเรื่อยๆพลางสอดส่องสายตาดูโดยรอบจนคาดว่าคงไกลเกินจึงกลับรถวนไปดูอีกทาง นี่เป็นครั้งแรกที่ณพทำอะไรโดนไม่ได้วางแผนการไว้ก่อน ยอมรับว่าณพเองก็รนแต่ด้วยความที่มีวุฒิความเป็นผู้ใหญ่อยู่จึงทำให้เก็บอาการได้ดีพอสมควร
ระหว่างที่ขับรถหาไปภาพและเสียงในช่วงเวลาที่ทะเลาะกับฟ้าได้ผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับแต่ก็อดสะเทือนใจเมื่อนึกถึงแววตาที่สั่นไหวของฟ้าไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโตเค้าแทบไม่เคยลงโทษลูกอย่างจริงๆจังๆ ถึงจะถูกลูกพูดเหน็บว่าพ่อดุพ่อใจร้ายแต่เค้าก็ทำได้แต่แข็งนอก ดินนั้นดีหน่อยที่ชอบไปในทิศทางที่เหมือนกับเค้า แต่ฟ้านั้นแตกต่าง เป็นความแตกต่างที่มีมาตั้งแต่เด็กและเป็นสิ่งที่เค้าห่วงมากกว่าดินหลายเท่า
พอคิดถึงความแปลกแยกภาพคนสองคนที่กอดกันอยู่ลานจอดรถภายในห้างก็ผุดขึ้นมาแทรก เวลานั้นตนอยู่ใกล้ลูกมากกว่าไอ้เด็กนั้นซะอีก แต่เค้าได้แต่ยืนอึ้งนึกหวั่นโดยที่ไม่ได้เข้าไปช่วยลูกอย่างที่ควรจะทำ
“โถ่เว้ย!”
ณพสถบพลางทุบมือกับพวงมาลัยด้วยความเจ็บใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มวัยรุ่นที่น่าจะเป็นพวกตัวป่วนกำลังเดินออกมาจากซอยเล็กๆของชุมชนทาวโฮมส์เก่าๆ ช่วงเวลามืดมิดแบบนี้ยิ่งทำให้สถานที่มันดูอันตรายจนณพหวั่นใจ วัยรุ่นกลุ่มนั้นดูเหมือนจะพึ่งมีเรื่องมาเพราะบางคนยังเห็นเหมือนมีรอยเลือดอยู่ด้วย ณพรับจอดรถโดยทันทีแต่ยังไม่ทันที่จะลงจากรถวัยรุ่นกลุ่มนั้นก็พากับขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซต์แล้วพากันขับผ่านรถของณพไป ณพเหลียวไปยังกล้องหน้ารถที่ยังทำงานได้อย่างดีแล้วก็โล่งใจ ทว่าโล่งได้ไม่นานตนก็ต้องรีบลงแล้ววิ่งตรงไปยังทิศทางที่เห็นพวกนั้นออกมาด้วยใจตุ๊บๆต่อมๆ
ฟ้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นแต่ก็ไม่อาจจะสู่คนสี่ห้าคนได้ด้วยตัวคนเดียวแน่ๆ
และเมื่อไปถึงจนกวาดสายตามองแล้วก็ต้องถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ๆ มันไม่มีแม้เงาของลูกชายที่หายไปของเค้า เด็กวัยรุ่นพวกนั้นก็คงตีกันทะเลาะกันธรรมดานั้นแหละนะ
ณพเดินกลับไปขึ้นรถแล้วก็นั่งนิ่งไปพักใหญ่ๆ ถ้าฟ้ามาเจอเรื่องแบบนี้จริงๆ เค้าคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
ลายลมฟัดเอื่อยท่ามกลางแสงไฟจากเสาไฟรอบทิศทาง เสียงรถวิ่งผ่านและเสียงผู้คนที่คุยกันจอแจตามข้างทางดังอยู่ไม่ขาดสาย แต่ฟ้ากลับไม่สนใจ ตอนนี้เค้ากำลังยืนค้ำขอบสะพานข้ามแม่น้ำและทอดสายตาเหม่อมองออกไปจนท้องนภาและผืนน้ำเบื้องล่าง แสงสีของเมืองหลวงระยิบระยับน่าดูชมแต่ฟ้าไม่ได้รื่นเริงไปกับมันเลยสักนิด
ตั้งแต่ออกมาจากบ้านฟ้าตั้งใจจะมาที่นี่เพื่อหยุดทุกสิ่งอย่างที่มันกำลังร้อนลุ่มอยู่ในอก ฟ้าไม่รู้ว่าคนที่บ้านจะรู้รึยังว่าเค้าหายตัวออกมาเพราะตนนั้นแอบออกมาโดยการปีนระเบียงลงไปตามต้นไม้ใหญ่ด้านข้างและแอบออกจากบ้านไปขึ้นแท๊กซี่อย่างรวดเร็ว ฟ้าพกเงินติดตัวมานิดหน่อยกะว่าพอค่ารถไปกลับเพียงแค่นั้นและคาดว่าถ้าใจสงบแล้วค่อยกลับไป
“พี่ๆ”
ฟ้าหันไปมองตามเสียงที่ได้ยินจนได้เห็นเด็กผู้ชายอายุน่าจะสิบสามสิบสี่ใส่ชุดค่อนข้างจะเก่ายืนมองเค้าตาแป๊ว
“พี่จะโดดน้ำเหรอ?”
ฟ้านิ่งมองคนถามไปนิดก่อนจะส่ายหัวแทนคำตอบ
“ว๊า แย่จัง ไอ้เราก็นึกว่าจะมีเพื่อนโดดซะอีก”
ฟ้ากระพริบตาปริบๆ ยอมรับว่ารู้สึกไม่ดีที่ได้ยินเด็กอายุเพียงแค่นี้คิดที่จะกระโดดลงจากสะพานข้ามแม่น้ำแบบนี้ ขืนโดดลงไปถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต และเปอร์เซ็นที่จะเป็นอย่างแรกมีสักเก้าสิบเปอร์เซ็นไปแล้วด้วย
“พี่แค่อยากคิดอะไรคนเดียวนิดหน่อยนะ ว่าแต่เราเถอะ อายุแค่นี้จะคิดโดดไปทำไม? ไม่คิดถึงพ่อแม่บ้างเหรอ?”
เด็กหนุ่มเดินมายืนข้างๆพร้อมมองไปยังวิวที่ฟ้าละสายตามาเมื่อครู่ก่อนจะตอบน้ำเสียงทีเล่นทีจริง
“ผมไม่มีพ่อแม่หรอก”
“หืม ท่านเสียทั้งสองเลยเหรอ?”
“ไม่รู้สิ ผมจำความได้ก็อยู่กับพวกครูที่บ้านเด็กกำพร้า”
“แล้วทำไมถึงมาอยู่นี้ละ เวลานี้ทางบ้านไม่น่าจะให้ออกมาเดินเล่นแน่ๆ”
“ผมหนีออกมานะสิ ผมเบื่อ ผมไม่รู้ว่าผมจะอยู่ไปทำไม”
“คิดบ้าๆ คนเราเกิดมาก็ต้องมีเหตุผลในการใช้ชีวิตอยู่แล้ว”
“อย่างพี่ก็พูดได้ดิ พี่มีหมดไม่เหมือนผมที่ไม่มีอะไรเลย”
ฟ้าถึงกับพูดไม่ออก
“ถ้าพี่ไม่โดดงั้นผมไปละ”
“เดี๋ยว! จะไปไหนนะ?”
“เดินไปเรื่อยๆ เจอพี่แล้วหมดอารมณ์โดด”
“พี่ว่าเรากลับไปที่บ้านจะดีกว่านะ กลางคืนสำหรับเด็กมันอันตราย”
“ผมไม่อยากกลับ”
“แต่ว่า…”
“ผมจะเป็นจะตายยังไงก็ไม่เห็นเกี่ยวกับพี่ พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า”
มันก็จริงอย่างที่เจ้าเด็กคนนี้พูด แต่ทว่าฟ้าก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ฟ้าจ้องมองดูเด็กนั้นเดินห่างไปเรื่อยๆก่อนที่ตนเองจะเดินตามไปห่างๆโดยไม่รู้ตัว ห่วงแต่ก็ห้ามไม่ได้ พูดอะไรไปก็เหมือนมันจะสะท้อนมาหาตัวเองด้วย ขนาดเป็นคนที่ไม่รู้จักกันยังห่วงใยแบบนี้แล้วถ้าคนที่เป็นพ่อแม่ละ จะนึกห่วงลูกขนาดไหนเมื่อลูกหายไปหรือมีอันตราย
คงได้เวลากลับแล้วละมั่ง
ฟ้าคิดได้อย่างนั้นจึงเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปห้ามเด็กน้อยจะพาไปส่งบ้านเด็กกำพร้าก่อนที่ตนจะกลับบ้านของตัวเองบ้าง แต่ยังไม่ทันจะถึงตัวก็ดูเหมือนเจ้าเด็กนั่นจะสร้างเรื่องซะแล้ว
“เด็กเหี้ยนี่ เด็กไม่ดูคนรึไงวะ ชนมาได้”
เอาแล้วไง
ฟ้าเห็นเด็กชายเดินชนผู้ชายวัยรุ่นที่เดินคุยกันมาสี่ห้าคนแล้วก็พลันใจกระตุก ผู้ที่ถูกชนหันมาหาเรื่องแล้วแทนที่เด็กนั่นจะเอ่ยขอโทษดีๆกลับหันไปจ้องหาเหมือนท้าทายกลับไปอีก
“ก็พวกพี่เดินกับแทบจะไม่มีทางให้ผมเดินสวนเลยอะ มันก็ต้องมีชนกันบ้างสิ”
“หาเรื่องเหรอห่ะ ไอ้เด็กเวร!?!”
“หยุดนะ!”
ฟ้าเผลอร้องห้ามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังหง่างมือจะต่อยเด็กคนนั้น ทันทีที่สิ้นเสียงทุกคนจึงหันมามองเค้าเป็นตาเดียวและดูเหมือนคนที่กำลังหาเรื่องเด็กน้อยอยู่จะสนใจฟ้าจนหันมาเสะยิ้มร้าย
“มึงเสือกอะไรด้วยวะ?”
“ก็ไม่อยากเสือกเท่าไหร่หรอกนะ แต่นั้นมันเด็ก”
“เด็กแล้วไง เด็กเกรียนๆไม่รู้จักกาลเทศะแบบนี้มันต้องสั่งสอนสิถึงจะถูก”
“ถูกเหี้ย”
“ปากเก่งจริงนะคนสวย”
ฟ้าสะดุ้งก่อนจะก้าวถอยหลังทันทีที่ไอ้คนไม่น่าไว้ใจนั้นเดินเข้ามาใกล้และยกมือขึ้นจะจับปลายคางฟ้า
“หยิ่งซะด้วย”
“เรื่องของกู”
ฟ้าตอบเสียงแข็งพลางส่งสายตาดุๆไปจ้องเด็กน้อยในเชิงบอกให้หนีแต่ดูเหมือนเด็กมันจะไม่เข้าใจซะงั้น
“ปล่อยเด็กไปซะ”
“หืม มึงมีสิทธิ์มาสั่งกูตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?”
ฟ้ากัดฟันด้วยความจำทน สายตาเรียวกวาดมองดูคนข้างหลังมันอีกสี่คนที่ยืนมองยิ้มๆแล้วก็พึ่งเข้าใจว่าตัวเองแกว่งเท้าหาเสี้ยนขนาดใหญ่เข้าซะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเค้าก็ทนเห็นไอ้พวกนี้รุมรังแกเด็กไม่ประสีประสาไม่ได้อยู่ดี
“ว่าไงละครับ มึงมีสิทธิ์สั่งกูด้วยเหรอ?”
มันถามย้ำแล้วเอื้อมมือมาดึงฟ้าเข้าไปหามืออีกข้างก็บีบแก้มเค้าจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“หึ ยิ่งมองใกล้ๆยิ่งสวยแฮะ ชักจะถูกใจซะแล้วสิ”
ฟ้าสะบัดมือจนหลุดจากการจับกุมแล้วผลักมันออกแรงๆจนมันเซไปชนเข้ากับเพื่อนที่ด้านหลัง ในช่วงจังหวะที่ทุกคนตกใจฟ้าเลยรีบวิ่งไปดึงแขนเด็กแล้วพาวิ่งหนีท่ามกลางเสียงสถบด่าและการไล่ล่าจากพวกระยำนั้น
“วิ่งให้เร็วกว่านี้สิ พวกมันจะตามทันแล้วนะ”
ฟ้าพูดกับเด็กน้อยเสียงหอบๆแต่ดูเหมือนน้องจะเหนื่อยเกินไป พวกเค้าวิ่งลงมาจนลงจากสะพานแล้วจึงพอมีบ้านเรือนรอบข้างให้ฟ้าสบโอกาสมองหาที่หลบ
“สัส! อย่าหนีนะเว้ย”
“เวรชิป!”
ฟ้าสถบเมื่อมันวิ่งตามใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พอดีกับที่มองไปเห็นซอยเล็กที่น่าจะวกวนพอสมควรฟ้าจึงจะพาไปหาที่ซ่อน แต่พอจะหักเลี้ยวคนที่ฟ้าดึงมือมาด้วยกลับสะดุดซะงั้นไป
“Shit!”
ฟ้าอุทานพลางหันมาหากะจะอุ้มขึ้นแล้ววิ่งต่อแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว พวกมันวิ่งมาทันและล้อมฟ้าไว้ทุกทิศทาง ฟ้าวางน้องลงแล้วดันให้มาหลบอยู่ด้านหลังพลางหอบหายใจเหนื่อยโคตรแต่ก็ต้องอดทน
“วิ่งเร็วเหมือนกันนี่คนสวย”
“เรื่องของกู!”
“ปากเก่งงี้เดี๋ยวจะศพไม่สวยจะน้อง เห้ย จับตัวมันไว้แล้วถอดกางเกงมันออกด้วย กูจะเสียบแม่งตรงนี้แหละ”
“เห้ย! หยุดนะเว้ย!! กูลูกตำรวจนะมึง!!!”
สิ้นเสียงฟ้าตะโกนก้องเหล่าคนที่จะพุ่งเข้าหาก็หยุดชะงัก
“ไม่ต้องไปกลัว มันแค่ขู่เท่านั้นแหละหวะ”
“กูพูดความจริง!”
“จับมัน!”
“เชี่ยเอ๊ย!!”
ปัง!!!
ทุกสรรพสิ่งหยุดชะงักทันทีที่มีเสียงปืนแผดเสียงดังลั่น แสงไฟหน้ารถหลายคันที่สาดส่องตรงเข้ามาต่างก็ทำให้พวกนี้เหงื่อซึมหน้าซีดกันเป็นแถว
“ยกมือขึ้นให้หมดทุกคน”
เสียงสั่งการที่เข้มจนติดดุนั้นฟ้าคุ้นมาก แต่ตอนนี้เค้ามองอะไรไม่เห็นเพราะแสงไฟหน้ารถที่สาดเข้ามายังเค้าจนแสบตา
“ฟ้า ออกมานี่”
สิ้นเสียงเรียกฟ้าถึงกับใจตก มันเป็นเสียงของพ่อเค้าอย่างแน่นอน แล้วพ่อมาทำอะไรแถวนี้ แถมยังมาเจอเค้าในสภาพนี้อีก ดูท่าดวงเค้าจะซวยขั้นสุดแล้วจริงๆ
ฟ้าเดินไปยังด้านนอกวงล้อมของตำรวจที่เข้าจับกุมพวกมันทั้งห้าคนพร้อมกับดึงเด็กน้อยที่ยังคงสั่นและมองผู้คนมากมายอย่างหวาดกลัว
“หึ นึกกลัวแล้วละสิ ก็บอกแล้วไงว่าข้างนอกมันอันตรายเกินไป”
คราวนี้เด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายจนฟ้ายกยิ้ม ฟ้าหยุดเดินหันหน้าไปหาเด็กแล้วนั่งลงให้หน้าอยู่ระดับเดียวกันก่อนจะยกมือขึ้นลูบเด็กเพื่อปลอบโยน
“ทีนี้ก็กลับบ้านซะนะ ถึงแม้จะไม่มีพ่อแม่ให้ห่วงให้รัก แต่คนที่เลี้ยงดูเรามาจนถึงทุกวันนี้ละ เค้าจะไม่ห่วงจะไม่รักเราเลยรึไง? คิดดูดีๆ”
“แล้วพี่ละ?”
“พี่ทำไม?”
“พี่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่ตรงนั้นนานมาก ทำหน้าเหมือนอยากจะโดดลงไปจนผมเข้าไปทัก พี่ไม่รู้ตัวเลยเหรอ?”
ฟ้าส่ายหัว
“พี่ก็อย่าทำหน้าแบบนั้นอีกนะ พี่เป็นฮีโร่ของผมเลย ผมอยากให้ฮีโร่ของผมยิ้มเยอะๆ ยิ้มเหมือนเมื่อกี้นะ”
ฟ้ากระพริบตาปริบๆก่อนจะยิ้มกว้าง
“พี่ก็ไม่รู้สิ แต่พี่จะพยายาม”
เด็กน้อยยิ้มรับจนแก้มปริ ฟ้ารู้สึกว่ามีใครบางคนมายืนซ้อนด้านหลังเค้าจึงหันไปมองจนเห็นผู้เป็นพ่อยืนทำหน้าทมึฬแต่แววตากลับเรียบนิ่ง ฟ้าลุกขึ้นยืนแล้วพนมมือไหว้พลางกล่าวขอโทษอย่างแผ่วเบา ณพไม่ได้ตอบโต้ใดๆออกไปนอกจากพยักหน้าไปทางรถของตน
“ผมอยากไปส่งน้อง…จะได้ไหมครับ?”
ณพเหลียวไปมองเด็กชายที่ยืนจับชายเสื้อลูกชายเค้าแน่น ดูเหมือนเด็กชายจะกลัวแววตาเค้าพอสมควรไม่งั้นคงไม่หลบไปด้านหลังฟ้าทันทีที่โดนตนมองจ้อง
“ไปสิ แล้วบ้านอยู่ที่ไหน?”
ฟ้าหันไปถามเด็กน้อยจนได้ชื่อสถานที่มาและพอดีที่ณพรู้จัก คนทั้งสามจึงไปขึ้นรถหลังจากที่ณพสั่งการไปอีกนิดหน่อยก่อนที่จะขับรถออกจากจุดนี้ไป
“พวกนั้นจะโดนอะไรบ้างครับ?”
ฟ้าหันไปถามเมื่อเห็นว่าบรรยากาศภายในรถมันชวนอึดอัดมากเกินไปแล้ว
“ปรับ จำคุก”
“แต่พวกมันยังไม่ได้ลงมืออะไรรุนแรงเลยนะ”
ณพหันมามองลูกชายที่นั่งข้างๆแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปมองยังท้องถนนเบื้องหน้าต่อ
“ห่วงพวกมันรึไง?”
“ป่าวครับ แค่พูดตามความเป็นจริง”
“ยังไม่ได้สืบประวัติ ต้องรอดูอีกที”
ฟ้าพยักหน้ารับแล้วภายในรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งจนกระทั่งมาถึงบ้านเดี่ยวหลังเล็กที่มีอาณาบริเวณพอให้ได้วิ่งเล่นล้อมรอบเหมือนโรงเรียนอนุบาล ภายในตัวบ้านยังคงมีแสงไฟสว่างจ้าทั้งที่เวลามันก็ล่วงเข้าสู่วันใหม่มาร่วมชั่วโมงกว่าๆแล้ว ฟ้าหันไปมองเด็กที่เบาะหลังและก็ต้องหลุดขำเมื่อเห็นเจ้าเด็กแสบนั้นหลับอุตุเป็นที่เรียบร้อย ฟ้าจึงตัดสินใจลงไปกดกริ่งไม่นานก็มีผู้หญิงวัยกลางคนโผล่ออกมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ?”
เธอถามเสียงแผ่ว ฟ้าพนมมือไหว้ก่อนจะยิ้มให้แล้วบอกว่าพาเด็กมาส่ง เมื่อได้ยินอย่างนั้นหล่อนจึงยิ้มกว้างหน้าตาดูดีใจอย่างไม่ปิดบัง เธอรีบเปิดประตูให้ฟ้าโดยทันทีจนฟ้าจะหันกลับและก็เห็นณพอุ้มน้องมายืนรออยู่ด้านหลังเค้าซะแล้ว
“เชิญด้านในก่อนเถอะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราขอตัวกลับดีกว่า”
ณพเอ่ยเมื่อส่งมอบเด็กน้อยให้ผู้ชายอีกคนที่ออกมารับ หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้างแล้วมากอบกุมมือณพด้วยใจที่ตื้นตัน
“ขอบคุณมากเลบนะคะขอบคุณมากจริงๆ”
“อันที่จริงคนที่ควรได้คำขอบคุณคือลูกชายของผมมากกว่านะครับ เค้าเป็นคนช่วยเด็กจนกระทั่งผมไปพบเข้านั้นแหละ”
ฟ้าเงยหน้าขึ้นมองพ่ออย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน พ่อพูดเหมือนภูมิใจในตัวเค้ามาก พูดในสิ่งที่ฟ้าไม่เคยได้ยินและไม่แม้แต่จะคาดคิด
“ป้าขอบคุณหนูมากนะจ้ะ ขอบคุณจริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ถึงแม้น้องจะดื้อไปหน่อยแต่ก็เป็นเด็กดี”
“จ้ะ ป้าก็คิดอย่างนั้น แต่น้องค่อนข้างจะโหยหาความรักแต่ผิดวิธีไปหน่อย ยังไงป้าก็จะพยายามดูแลเค้าให้มากกว่านี้ ป้าขอบคุณหนูจริงๆที่ช่วยพาน้องกลับมา ถ้ามีโอกาสป้าจะพาน้องไปขอบคุณด้วยตัวเองนะ รบกวนของชื่อที่อยู่หนูไว้ได้ไหมจ้ะ?”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอก เอางี้ เดี๋ยวผมจะมาเยี้ยมที่นี่บ่อยๆแล้วกัน”
“เอางั้นก็ได้จ้ะ”
“งั้นผมลากลับแล้วนะครับ”
“จ้ะ ขอให้พระคุ้มครองนะลูก”
“ขอบคุณครับ”
เมื่อร่ำลากันเรียบร้อยฟ้าและณพจึงขึ้นรถและขับตรงกับบ้านท่ามกลางความเงียบเฉียดเช่นเดิม ตลอดทางฟ้าหันหน้าออกนอกหน้าต่าง สมองก็ครุ่นคิดถึงเรื่องราวของตัวเองที่ผ่านๆมาแล้วนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตเด็กน้อยที่น่าเห็นใจ ฟ้าไม่อยากจะใช้คำว่าสงสารเพราะดูเหมือนเด็กน้อยจะไม่ต้องการ เห็นอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าโตขึ้นมาคงจะแข็งแกร่งพอตัวทีเดียว
ต่อด้านล่างจร้า
-
ฟ้าก้าวลงจากรถทันทีที่ณพจอดให้ลงที่หน้าประตูบ้าน เมื่อเค้าคงณพจึงขับไปจอดที่โรงจอดรถต่อ ฟ้าปรายตามองดูรถที่ไม่ใช่ของที่บ้านหนึ่งคันและรถของน้ำที่จอดอยู่ไม่ไกลแล้วก็เกิดอาการอยากจะร้องไห้ขึ้นมาซะงั้น ฟ้ายืนมองอยู่อย่างนั้นด้วยน้ำตาคลอเบ้าจนณพเดินมาถึงตัว
“เข้าบ้าน”
ถึงจะพูดหวนๆและแข็งกระด่างแต่ณพก็เอื้อมมือไปดุนหลังฟ้าเบาๆเพื่อเรียกสติ ฟ้าเม้มปากแน่นสะกดอารมณ์อ่อนแอไว้ที่เบื้องลึกแล้วจึงก้าวเดินนำพ่อเข้าไปยังภายในตัวบ้าน ไฟทุกดวงยังคงส่องสว่างจนฟ้าต้องปรับสายตาเล็กน้อย เค้าเดินไปเรื่อยๆจนถึงห้องนั่งเล่นและก็ได้เจอกับทุกคน ทั้งแม่ที่นั่งตีหน้าเครียด พี่ดินที่นั่งโอบกอดปลอบโยนอยู่ข้างๆแม่ ลุงสเวนที่นั่งอยู่ข้างป้าเมย์ แล้วก็น้ำ
“ฟ้า!!!”
ทุกคนแทบจะประสานเสียงเมื่อเห็นว่าเค้าเดินเข้ามา แม่เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นแล้วโถมตัวเข้ามากอด ฟ้าได้แต่อ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูกจนกระทั่งหันไปเห็นสีหน้าที่ผ่อนคลายพลางระบายยิ้มส่งมายังเค้า
“แม่บอกแล้วไงว่าทำแบบนี้แม่จะเป็นห่วง แล้วทำไมเราถึงทำ ฟ้าอยากเห็นแม่ขาดใจตายใช่ไหม”
“แม่…”
“ทุกคนเป็นห่วงฟ้ากันทั้งนั้น ฟ้าไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย ฟ้ายังมีคนที่รักและห่วงเราตั้งเยอะ”
“ผมขอโทษครับ”
“อย่าทำอย่างนี้อีกนะลูก อย่าทำอย่างนี้อีกนะ”
“ไม่ทำแล้วครับ แม่อย่าร้องไห้สิ”
“ก็แม่โล่งใจนี่แล้วมันก็หยุดไม่ได้ด้วย”
ฟ้าหลุดยิ้มแล้วถอยออกมายกมือกะจะเช็ดน้ำตาให้แม่แต่ด็ต้องชะงัก ตอนนี้มือเค้าเปื้อนดินเปื้อนฝุนไปหมด แม่อาจจะเปื้อนไปด้วย เมื่อผู้เป็นแม่เห็นอย่างนั้นจึงยิ้มกว้างแล้วเอามือลูกมาจับเบาๆ
“มานั่งพักก่อนเถอะจ้ะ”
“ครับ”
ฟ้าตอบรับ แม่จึงดึงมือไปทางน้ำและน้ำที่นั่งโซฟาเดี่ยวอยู่จึงลุกขึ้นยืนให้ฟ้าได้นั่งแล้วตนก็ไปนั่งเบียดกับพ่อแม่ของตัวเอง แม่กลับไปนั่งที่เดิมจนดินเปลี่ยนไปนั่งที่เบาะเล็กสำหรับรองขาเพื่อให้พ่อได้เข้าไปนั่งกับแม่
ฟ้ายกแก้มน้ำที่พี่ชายส่งมาให้ดื่มก่อนที่จะเหลียวมองไปยังทุกๆคน เป็นการรวมตัวที่ไม่คาดฝันจริงๆ
“คุณคะ”
อรพิณสะกิดสามีเมื่อเห็นว่าทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า มีเพียงณพที่ยังคงมีสีหน้าบึ้งตึงทั้งที่ทุกคนนั้นดูจะผ่อนคลายและยิ้มแย้ม
“โอเค งั้นเราจะคุยต่อหรือเริ่มใหม่ดีละ คุณณพกับฟ้าก็พึ่งมาถึงคงยังไม่รู้เรื่อง”
“รวบยอดเลยก็ได้คะ”
เป็นเมขลาที่ให้คำตอบ สเวนพยักหน้ารับแล้วเริ่มเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“โอเค งั้นผมจะสรุปเลยแล้วกัน ที่พวกผมมากับในวันนี้คือจะมาขอร้องให้ทางคุณเข้าใจในความรักของลูกๆพวกเรา พวกเค้าไม่ได้ไปทำเรื่องเดือดร้อนให้ใคร ไม่ได้ไปทำเรื่องผิดกฏหมายอะไร ถึงแม้พวกเค้าจะเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ในยุคสมัยนี้มันถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้วนะครับ ในบางประเทศยังออกกฏหมายให้คู่รักร่วมเพศสามารถแต่งงานและจดทะเบียนกันได้แล้วด้วยซ้ำ แล้วถ้าทางคุณยังไม่เชื่อมั่นในตัวลูกชายผม ผมเองก็ขอใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานและหุ้นส่วนต่างๆเปิดเดิมพันเลยว่าลูกชายผมไม่มีวันทำให้ฟ้าเสียใจแน่นอน”
น้ำหันไปมองพ่อทึ้งๆ สเวนได้แต่ยิ้มกว้างและพูดด้วยความมาดมั่น น้ำกับพ่อไม่ได้ตกลงกันอย่างนี้เค้าแต่ยากให้พ่อช่วยยืนยันแต่ไม่ใช่ให้มาเดิมพันอะไรแบบนี้เลยสักนิด ฟ้าเองก็ตกใจที่ได้ยินแบบนั้น
“ลุงสเวน…”
“ลุงเชื่อมั่นและเชื่อใจลูกชายของลุง รวมทั้งเราด้วยนะฟ้า”
“คุณคะ?”
คราวนี้เป็นเมย์ที่หันไปสะกิดณพ แต่ณพยังคงนิ่งและจ้องมองไปยังฟ้าด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ ฟ้าแทบไม่กล้าเงยหน้าไปสบตากับผู้เป็นพ่อ เค้าได้แต่ก้มหน้ามองมือตัวเองที่กอบกุมกันไว้แน่น ลมหายใจเริ่มผิดปดติไปพร้อมๆกับบรรยากาศที่ชวนอึดอัด
“แล้วยังไง?”
เพียงประโยคเดียวของณพนั้นก็แทบทำให้ฟ้าล้มทั้งยืน ฟ้ารู้สึกหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินหนักๆหล่นลงมาทับจนแทบทรุด น้ำตาฟ้าเริ่มคลอหน่วยแต่เค้าก็ยังกัดฟันทนทั้งที่สั่นไปทั้งร่าง
“ลุงครับ ถ้าลุงยังไม่อยากยอมรับผม ยอมรับความรักของผมก็ขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์ได้ไหมครับ ผมอาจจะยังเรียนไม่จบแต่ผมก็เริ่มที่จะเข้าไปช่วยงานที่บริษัทแล้ว ผมสัญญาว่าจะไม่ให้ฟ้าต้องเสียใจ จะไม่ให้ลำบากอะไรเลยแม้แต่น้อย”
“พวกคุณไม่คิดอยากจะอุ้มหลานบ้างเหรอ?”
ณพหันไปถามสเวนและอรเมื่อน้ำพูดจบ น้ำแทบกัดปากตัวเองเมื่อได้ยินปัญหาที่ไม่มีทางแก้ เค้าไม่มีทางมีลูกให้พ่อแม่ได้แน่ในเมื่อเค้ารักฟ้า
“ก็อยากสิค่ะ”
และคำตอบของอรก็เหมือนหอกแหลมที่ทิ่มแทงเข้ามาในอก
“แต่คงอีกนานแหละคะ กว่าลูกเราจะโตและสามารถแต่งงานมีหลานให้เราได้”
ทุกสายตาหันไปมองอรพินที่พูดด้วยรอยยิ้มอย่างนึกฉงน
“มัมพูดเรื่องอะไร?”
“หึหึ แม่ตั้งท้องจ้ะ น้ำกำลังจะได้น้องสาวแล้วนะ”
“ห่ะ!!!”
“ตกใจเวอร์ไปไหมเจ้าลูกชาย ที่ไอกลับมาก็เพราะเรื่องนี้แหละ แต่ก็ดั๊นมาเจอเรื่องแกซะก่อนก็เลยยังไม่ได้บอก”
“จริงป่ะแด๊ด”
“โกหกไปได้อะไร”
“แด๊ดโคตรเจ๋งวะ”
“หึหึ”
ณพมองภาพนั้นด้วยสายตานิ่งๆ ผิดกับคนอื่นที่ยิ้มให้กับเรื่องน่ายินดีนี้ ดินที่ลอบสังเกตุพ่อจึงขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะเอ่ยเรียกด้วยสีหน้าจริงจัง
“พ่อครับ”
ณพหันมามองยังลูกชายคนโต
“พ่อไม่ต้องห่วงเรื่องคนสืบทอดตระกูลเราหรอก พ่อลืมไปแล้วเหรอว่ายังมีผม ผมยังคงมีเมียมีลูกให้พ่อได้นะ”
ณพไม่ตอบโต้อะไรอีกเช่นเคย
“พ่อห่วงแต่ฟ้าจนผมอดน้อยใจไม่ได้เลยนะเนี้ย ผมละอุสาเดินตามรอยพ่อทุกอย่างแต่พ่อกลับมองไม่เห็นผมซะงั้น”
“แกเป็นเด็กรึไงดิน”
“ไม่เด็กก็น้อยใจได้ครับ ถึงฟ้ามันจะน่าเป็นห่วงเพราะแหวกกฏพ่อแทบทุกอย่างแต่น้องมันก็โตแล้วนะพ่อ ปล่อยให้น้องเดินตามทางที่เลือกและรักได้แล้ว ถึงพ่อจะห่วงขนาดไหนแต่พ่อก็ซับพอตน้องไม่ได้ตลอดหรอกนะ”
“แกกล้าสอนพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ผมไม่ได้สอนครับ แค่พูดช่วยน้อง”
“ทำเป็นพูดดี สุดท้ายแกก็ห่วงน้องไม่น้อยไปกว่าพ่ออยู่ดี”
“ยอมพูดว่าห่วงน้องแล้วสิ”
ณพชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ ฟ้าได้แต่ฟังและมองผู้เป็นพ่อตาปริบๆ
“แล้วมีพ่อแม่คนไหนไม่ห่วงลูกตัวเองบ้างวะ”
ทุกคนยิ้มกริ่มเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องน้องแกกับเจ้าน้ำ?”
“เอ๊าพ่อ ก็แค่ให้พ่อลดความห่วงความหวงลูกชายคนเล็กลงสักนิด เพราะตอนนี้น้องมันมีคนมารับหน้าที่นั้นต่อจากพ่อแล้วไง”
“ฉันบอกตอนไหนว่าให้มารับช่วงต่อ?”
“อ่า...”
“ฉันไม่เคยบอกให้มารับช่วงต่อหรือมาห่วงมาดูแลลูกชายของฉัน…แต่มันเข้ามาทำเองต่างหาก”
“พ่อ”
“ในเมื่อสมัครใจที่จะทำก็ทำให้ดีที่สุดแล้วอย่าให้ฉันได้ยินแล้วกันว่าลูกของฉันต้องเสียใจเพราะคนอย่างแก”
ประโยคสุดท้ายณพหันไปพูดกับน้ำที่แทบจะยิ้มรับไม่ทันเมื่อได้ยินชัดๆเต็มสองรูหู
“ผมสัญญาด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชายที่ผมมีเลยครับ!”
ณพไม่ตอบโต้อะไรเช่นเคยจนเค้าหันไปสบตาเข้ากับลูกชายคนเล็ก ฟ้ามองพ่อนิ่งๆสักพักน้ำตาก็ไหล่อาบแก้ม ฟ้าลุกขึ้นไปทรุดตัวลงตรงหน้าบิดาก่อนจะโอบกอดพร้อมกับปล่อยน้ำตาและเสียงเอื้อนเอ่ยบอกขอบคุณซ้ำไปซ้ำมา
“ลูกใครวะ ขี้แยชิปหาย”
ณพบ่นอุบแต่มือหนาก็ยกขึ้นมาลูบหัวลูกชายเบาๆ เหิดเสียงหัวเราะแผ่วๆขึ้นตามหลังแต่ไม่นานทุกคนก็นิ่งเงียบ น้ำลงมาคุกเข้าต่อหน้าณพและยื่นมือไปแตะไหล่ฟ้า ฟ้าหันมามองคนข้างๆแล้วจึงกลับมานั่งคุกเข่าเช่นเดียวกับน้ำ คนทั้งคู่พนมมือไหว้ขอบคุณทั้งณพและเมย์ก่อนที่จะเลื่อนไปที่สเวนและอรพิน
“ทำซะขนาดนี้งั้นเรามาตกลงค่าสินสอดกันเลยดีไหมคะ?”
อรพินเอ่ยเมื่อรับไหว้ลูกชายทั้งสอง ฟ้าแทบจะปิดใบหน้าที่แดงขึ้นมาซะดื้อๆไม่อยู่แต่เสียงปฏิเสธอันแข็งขื่นของณพนั้นก็ทำใฟ้เกิดเสียงหัวเราะตามมา
“ไม่!”
“ทำไมละคะ ดูสิ หนูฟ้าออกจะเป็นเด็กดีมารยาทก็งามฉลาดอีกต่างหาก อย่างนี้น่าจะรีบแต่งเข้าบ้านเดี๋ยวถ้าอนาคตตาน้ำโดนทิ้งฉันก็อดได้หนูฟ้าเป็นลูกกันพอดี”
“ไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่ได้ ไม่ให้แต่ง!”
“ทำเป็นหวงนะพ่อ”
ดินอดไม่ได้ที่จะแซวบิดาแต่ผลที่ตามมาคือฝาเท้าที่แทบจะลอยมาโดนหน้า
“งั้นหมั้นไว้ก่อนได้ไหมครับ?”
สเวนพูดเสริม
“ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!”
“โอเค งั้นหมั้นเช้าแล้วแต่งบ่าย เป็นอันจบ”
“ไอ้ดิน!!”
“เรียกทำไมอะพ่อ?”
“นั้นน้องมึงนะเว้ย นั้นน้อง”
“ก็น้องสิพ่อ แล้วนั้นก็ว่าที่สามีน้องด้วย”
“ไอ้นี่ มาให้กระทืบทีสองทีดิ!”
“เห้ยพ่อ ผมก็ลูกพ่อนะ”
“ลูกเวรนะสิวะ มึงอย่าหนี”
“อยู่ก็โง่แล้วครับ”
“ดิน!!!”
“จะว่าไป พ่อรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นั้น?”
ฟ้าที่กลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับน้ำที่นั่งลงหมิ่นๆตรงที่เท้าแขนแล้วพาดแขนตัวเองไปตามพนักพิงจนดูเหมือนโอบอยู่กลายๆแต่ไม่นานก็ต้องหดแขนกลับมาเพราะสายตาดุๆของว่าที่พ่อตานั้นจ้องเค้าแทบจะฉีกเนื้อซะให้ได้
ดุชิปหาย
“เรื่องนั้นต้องยกความดีความชอบให้พี่ชายเรานั้นแหละจ้ะ”
เป็นเมย์ที่ตอบลูกชายแทนสามี
“พี่ดินทำไมครับ?”
“ก็เพื่อนเจ้าดินมันเห็นแกแล้วจำแกได้ก็เลยโทรมาบอก แต่ตอนที่เห็นนั้นมันบอกว่าเหมือนแกจะโดดสะพาน”
สเวน อรพินและน้ำหันควับมามองฟ้าเป็นตาเดียวในทันที พวกเค้าทั้งสามไม่รู้ในเรื่องนี้ แต่ที่มาคือจะมาเคลียร์กับณพช่วยลูกชาย ส่วนน้ำก็มาเพราะดินโทรตามบอกว่าเจอฟ้าแล้วแต่ไม่ได้บอกรายละเอียดอย่างอื่น
“มิน่า พ่อถึงพาคนไปด้วยเยอะแยะเลย”
“ไอ้พวกนั้นเพื่อนเจ้าดินมันโทรเรียกนะสิ แล้วพอไปถึงกลับกลายเป็นมีเรื่องกันซะงั้น ดีนะที่พ่อไปทันไม่งั้นแกคงไม่ได้มานั่งคุยดีๆแบบนี้แล้วมั่ง จะทำอะไรทำไมไม่รู้จักคิดซะบ้าง”
“คุณคะใจเย็นๆ ลูกปลอดภัยก็ดีแล้วนี่คะ”
“ก็เพราะมันดื้อแบบนี้ไงถึงได้อด…”
ผู้เป็นแม่ยิ้มกริ่มเมื่อสามีเกือบจะหลุดพูดออกมาจนหมด
“เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยนะฟ้า”
ฟ้าหันไปมองคนด้านข้างที่กดเสียงเข้มจนน่าหวั่นใจอยู่ไม่น้อย
“ถ้าทุกอย่างโอเคแล้ว งั้นเราก็ขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย”
“จริงสินะ อรต้องพักผ่อนเยอะๆด้วยสิ คนกำลังท้องกำลังไส้”
“ทำอย่างกับเป็นท้องแรกไปได้นะเมย์ แค่นี้สบายมาก”
“ไม่ได้นะอร ต้องดูแลดีๆสิ ยิ่งลูกผู้หญิงด้วยแล้ว”
“จร้าจ้ะ ขอบใจที่ตักเตือน ขนาดสามีฉันยังไม่กล้าขนาดนี้เลยนะเนี้ย”
“งั้นแด๊ดกับมัมกลับไปก่อนเลยนะครับ ผมขอคุยกับฟ้าอีกหน่อย เอ๊ะ หรือจะกลับไปคุยกันที่คอนโดดี”
“ไม่ได้!”
คงไม่ต้องบอกเนอะว่าเป็นเสียงของใคร
“งั้นนอนนี่ก็ได้น้ำ พรุ่งนี้มีเรียนกันรึเปล่าจ้ะ?”
ณพหันไปมองภรรยาทันทีแต่เมย์แสร้งทำเป็นไม่เห็นและไม่สนใจจนเค้าได้แต่ฟึดฟัดและหันหน้าหนี
“มีบ่ายทั้งคู่ครับ”
“พอดีเลย งั้นขึ้นห้องไปพักผ่อนเถอะจ้ะ”
“ขอบคุณครับน้าเมย์”
“เจ้าน้ำนี่ ขนาดนี้ต้องเรียกแม่สิถึงจะถูก”
อรหันไปเอ็ดลูกชายเสียงดังพอที่จะทำให้คนฟึดฟัดลุกพรวดแล้วก้าวยาวๆออกจากห้องไปในที่สุด
“ทำอย่างกับพ่อตาหวงลูกสาวไปได้”
เมย์ได้แต่บ่นตามท่ามกลางความขบขันของคนอื่นๆ
“ถ้างั้นพวกผมขอตัวนะครับ”
“จ้ะลูก”
ฟ้าไหว้ลาสเวนและอรพินก่อนที่จะเดินนำน้ำไปยังห้องนอนของตนที่อยู่ชั้นบน จนกระทั่งมาถึงห้องและปิดประตูเรียบร้อยฟ้าเลยโดนกดเข้ากับบานประตูก่อนที่จะโดนน้ำขโมยจูบในทันที การบดขยี้อย่างรุนแรงและจังหวะการสอดเรียวลิ้นนั้นทำให้ฟ้ามึนเบลอ น้ำจูบจนแทบจะกระชากวิญญาณคนตรงหน้าเสียให้ได้ มันมีทั้นความโหยหาความคิดถึงความรักและความห่วงผสมปนเปกันจนแทบจะระเบิด ฟ้ายกมือทั้งสองข้างขึ้นโอบรอบคอและแทรกนิ้วไปลูบไล่เรือนผมสีน้ำตาลอ่อนพร้อมๆกับเสียงจ๊วบจ๊าบจากริมฝีปากของทั้งคู่ น้ำกลั้นใจผละถอยเมื่อรับรู้ได้ถึงลมหายใจที่ผิดปกติของคนตรงหน้า เค้าจ้องมองดวงตาที่บลือขึ้นมองตอบพร้อมกับหน้าแดงๆและบางส่วนที่แข็งขื่นขึ้นมา
“ขอโทษ”
ฟ้าเอ่ยเสียงแผ่ว เค้ารู้ตัวว่าทำให้ทุกคนเดือดร้อนเพราะตนไปเสียหมด น้ำกดยิ้มเมื่อเห็นคนตรงหน้าทำทีสลดก้มหน้าก้มตาทั้งเสียงที่สั่นระริก น้ำดึงฟ้าเข้ามากอดแน่นๆอีกครั้งก่อนจะลูบหัวปลอบจนได้ยินเสียงสะอื้นน้อยๆจากคนในอ้อมกอดและแรงกอดที่รอบตัว น้ำถอนหายใจแล้วกดจูบลงที่ขมับคนรัก ก่อนที่กระซิบเสียงแผ่วแต่เด่นชัดในความทรงจำความรู้สึกและใจของทั้งสองคน
“น้ำรักฟ้านะครับ”
ฟ้าสะอื้นฮักก่อนจะซบหน้าลงกับอกน้ำและเพื่อแรงกอดเข้าไปอีก
“เด็กขี้แย”
“……”
“หยุดร้องเถอะน่า เราต้องยิ้มสิ เรื่องทุกอย่างก็เคลียร์ไปหมดแล้ว หลังจากนี้เราก็ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้วนะ”
“……”
“ฟ้าครับ”
“อือ”
น้ำดึงฟ้าออกก่อนจะจับปลายคางฟ้าให้เงยขึ้นมาสบตากัน เค้ายิ้มเล็กน้อยแล้วใช้นิ้วเกลี่ยหยาดน้ำตาให้คนตรงหน้า
“ขอบคุณที่รักกัน ขอบคุณที่ทำให้เรารู้จักคำว่ารัก สัญญาว่าต่อจากนี้ไปจะดูแลกัน จะรักษามันไว้อย่างดี”
ฟ้าเบ้ปากก่อนจะปล่อยโฮออกมาอีกรอบ
“ซะงั้นไป ไม่เอาไม่ร้องดิ”
“ก็…ฮึก…ก็มัน..”
“หึ ฟ้าของเรากลายเป็นเด็กขี้แยไปซะแล้ว”
“รัก”
“ครับ”
“รักน้ำนะ”
“ครับ”
“รักมาตลอด รักมากด้วย”
“ครับ”
“ถ้านอกใจเราจะฟ้องพ่อ”
“ครับ เห้ย! ไม่เอางั้นดิ”
“แสดงว่าคิดจะทำใช่ไหม?”
“บ้าเหรอ ใครจะไปกล้า”
“หืม?”
“จริงๆครับ ไม่กล้าแน่นอน”
“ไอ้คนกะล่อน”
“กะล่อนแล้วแฟนใคร?”
“ชิ”
“ฟ้าครับ”
“แฟนฟ้าไง”
“หึ”
ฟ้ายิ้มกว้างจนโดน ‘แฟน’ ถือโอกาสเข้ามาจู่โจมเข้าอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้จะไม่จบลงง่ายๆเพราะ ‘แฟน’ เค้านั้นได้อุ้มและพาไปยังเตียงนุ่มในเวลาต่อมา
ปึงๆๆๆ!!!
“เห้ย! คุยกันเสร็จรึยัง? ถ้าเสร็จแล้วก็ลงไปนอนที่ห้องนอนแขกซะด้วย!!”
ให้มันได้อย่างนี้สิน่า
~ THE END ~
ขอบคุณสำหรับการติดตามและคอมเม้นต์ในทุกๆข้อความด้วยนะคะ
ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยด้วย ซึ่งไรท์ว่าผิดไปเยอะเลย ฮ่าๆๆ
-
ขอบคุณนะคะ
จบสวยอะ อย่างน้อยก็ได้รักกันเนอะ
-
:pig4: :pig4: :pig4: :3123:
-
สนุกมากค่ะ
ฉากเกี่ยวกับพ่อแม่นี่ทำเราน้ำตาซึมตลอด
กว่าจะรักกันได้ รักกันแล้วยังมีอุปสรรค
คุณพ่อขี้หวงอีก แต่พ่อคะ หวงแบบน่ารัก ๆ ก็ได้ค่ะ
นี่คุณพ่อเล่นตบ ตบ คนอ่านหัวใจบ่ดีเด้อ
อยากเห็นอาการหวงลูกชายของคุณพ่ออีกจังเลยค่ะ
ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุก ๆ มานะคะ
อินี่ลุ้นมากว่าเรื่องจะยังไงต่อ
สุดท้ายก็แฮปปี้แบบแอบน้ำตาคลอ ซึ้งง่ะ
:mew2: :pig4:
-
น่ารักกกก :-[
:L2: :pig4: :pig4: :L2:
-
อยากจะบอกว่าพิมพ์ผิดเยอะมากกก
แต่สนุก ฟ้าน่ารักมาก
เลยมองผ่านไป
อยากอ่านตอนพิเศษจังงง
พ่อตาก็หวงเกิ๊นนน
-
อยากจะบอกว่าพิมพ์ผิดเยอะมากกก
แต่สนุก ฟ้าน่ารักมาก
เลยมองผ่านไป
อยากอ่านตอนพิเศษจังงง
พ่อตาก็หวงเกิ๊นนน
พอจะรู้ตัวคะ แต่ยังไม่ได้แก้ ไว้จะหาเวลาแก้ไขไล่ทีละตอนเลยเนอะ 5555+
ขอบคุณที่เตือนและขอบคุณที่ชอบคะ
-
:L2: :pig4:
-
:3123: :3123: ชอบบบบ ชอบมาก พลอตดี เนื้อเรื่องดี ชอบๆๆ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะครับ :)
-
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ
-
“แต่ป้าอรมีประชุมตอนบ่าย แล้วกว่าเราจะเรียนเสร็จก็บ่ายสอง ช่วงหนึ่งชั่วโมงนั้นน้ำไม่มีใครดูแลเลยนะคีย์”
ชั่วโมงเดียวยังไม่เป็นไรหรอก แล้วกลางคืนพ่อแม่เข้าไปเฝ้า? ไม่น่าใช่ ทำไมอยู่ได้