พิมพ์หน้านี้ - I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Kanom ที่ 18-10-2016 15:01:08

หัวข้อ: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 18-10-2016 15:01:08
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


___________________________

หัวข้อ: Re: I a(M) a mess...เป็นคนง่ายๆทำไมยุ่งจังวะ... (ตอนที่ 1) P1 (18.10.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 18-10-2016 15:06:59
บทนำ



“พี่ครับ ผมขอโทษ”

“อย่าร้องไห้เชียวนะ...” เขากัดฟันพูด และนั่นคือสาเหตุที่ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“ฮึก...พี่ ผม…” พูดไม่ออก ไม่ใช่ท่ามกลางสายตาคนเป็นร้อยในสนามบิน “ขอผมกอดพี่อีกซักครั้งได้ไหม...”

“ไม่...เอ็ม ถอยไป อย่าเห็นแก่ตัว!” ถูกปฏิเสธ แต่ผมพยายามเข้าไปคว้ามือเขาไว้

“ฮือออ...พี่ ผมขอโทษ ทุกๆอย่างเลย ฮึก...พี่อยากให้ผมทำอะไร! ผมยอมพี่ทุกอย่าง...ผมขอโอกาศอีกสักครั้งได้ไหม” ผมไม่ได้มีความตั้งใจว่าจะเล่นใหญ่ ไม่ใช่คนทัศนะคติในแบบที่จะสามารถยืนเกาะแขนใครสักคน แล้วอ้อนวอนเหมือนใจจะขาดเพื่อขอความเมตตา แต่มันเกิดจากความที่สติแตก คือสติได้แตกสลายไป ส่งผลให้ร่างกายถูกตัดขาดจากการควมคุม ผู้คนรอบข้างไม่ต่างอะไรกับอากาศธาตุ มองไม่เห็น ไม่รู้สึกถึง

“เลิกต่อรองได้แล้ว” เขาไม่สบตาผมด้วยซ้ำ...

“ผมจะอยู่ต่อไปยังไง...”

“พี่สัญญาแล้วว่าจะดูแล”

“ผมไม่ได้หมายถึงเรืองเงิน!” คำพูดของเขามันแย่เสียยิ่งกว่าโดนทำร้ายร่างกายเสียอีก “ผมรักพี่....ผม”

“ก่อนทำทำไม่ไม่คิด?”

ชายหนุ่มตรงหน้าที่ยืนชิดกำแพงเบือนหน้าหนี ไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย เขาดูพร่ามัวจากน้ำตาจนผมกลัวว่าเขาจะเลือนหายไปเสียจากตรงนั้น พูดไม่ออก ไม่ใช่เพราะอายคน แต่เพราะผมคือคนผิด ผมคือคนที่ทำมันพัง และผมจะไม่มีวันลืม

   
“ขอผมโทรหาได้ไหม..”
   
“เอ็ม...เกทเปิดแล้ว พี่ต้องไปแล้ว” เขาคว้ากระเป๋าเดินทางข้างกาย
   
“ฮึก....ฮือออ...ผมรู้ว่าผมผิด ผม”

   
“ไม่หรอก พี่นั่นแหละที่ผิด” เขาแทรกขึ้นมา

   
ผมเงยหน้าขึ้นมอง

   
“ผิดที่ไปให้โอกาศคนแบบเอ็มตั้งแต่แรก”


   
______________________




1.

 “พี่ครับ... มันมีกล้อง...รึเปล่า...อื้ออออ...” ผมเตือนสติคนที่กระหน่ำซอยจากข้างหลัง แต่ก็ไม่ได้ออกอาการขัดขืนแต่อย่างใด

“ไม่มี ห้องเตี่ยจะมีกล้องได้ไงวะ...อา.... เถิบขึ้นไปอีกหน่อยดิ๊...พี่ไกล้แล้ว”

“อื้ออ....มีก็เสียวดีนะพี่...พาผมเล่นท่าโชว์หน่อยดิ...โอ้ยยย” ผมอยู่ในท่าด๊อกกี้ ที่ขาข้างหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงาน กับอีกคนที่เร่งจังหวะกระแทกเข้ามา จนข้าวของเริ่มหล่นกระจาย เอกสารกองเล็กๆปลิวลงไปที่พื้นทีละแผ่น นั่นเอกสารสำคัญหรือเปล่าวะ...แต่ผมไม่มีอารมจะใส่ใจ โอ้ยย ช่างแม่ง

“เอ็ม..อย่าพูดอย่างนั้นดิ....ซี๊ดดด...โอยย...” แรงกระแทกจากด้านหลังผ่อนลง เป็นจังหวะช้าๆเน้นๆ ก่อนจะค่อยๆดึงออกไป ผมหลับตาลงหลังจากหอบหายใจมานาน แล้วก็ถูกจับให้พลิกตัวกลับไปหา คนข้างบนโน้มตัวลงมาเราจูบแลกลิ้นกันอยู่พักใหญ่จนเกือบหมดลม


“ทำไมพี่อึดขึ้นวะ....”

“พี่อึดตลอดอ่ะครับที่รัก”

“ผมไมได้ว่าวมาหลายวันเหอะ...พี่นั่นแหละ แตกตอนผมบอกว่ามันมีกล้อง ...ทำไมอ่ะ...อยากโชว์เหรอ..สารภาพมาเลย” ผมแหย่เล่น


“แตกก่อนไม่มีสิทธ์พูดนะครับน้อง!” ตอบไปพลางเอามือตีต้นขาผมเบาๆแล้วบีบเค้นแรงๆ จนผมรู้สึกถึงความเหนียวบางอย่างระหว่างขาตัวเอง....


“เดี๋ยวดิ๊...พี่แตกในผมเหรอ...”


“เออ...โทษที คิดถึงอ่ะ”


“ไม่เกี่ยวกับคิดถึงเลยพี่!...” ผมส่ายหน้า เลอะเทอะชิบหาย


“เห้ย!...จะหมดพักเที่ยงแล้วนี่หว่า” ผมพูดไปพลางลุกออกจากโต๊ะ จัดการทำให้ตัวเองเข้าที่เข้าทาง ควานหาเสื้อผ้าบนพื้นแล้วเริ่มแต่งตัว ส่วนอีกคนแค่ดึงกางเกงขึ้นรูดซิบ จัดแจงผมเผ้าแล้วสวมเสื้อแจ็คเก็ททับเสื้อผ้ายับยู่ยี่



“กลับด้วยกันนะวันนี้”



“ได้ครับ” ผมตอบ


“เดี๋ยวพี่โทรหานะ”


“กี่โมงอ่ะพี่...” ผมเปิดมือถือดูนาฬิกา


“ทำไม..จะไปไหนเหรอ”


“ป่าววว อยากรู้เฉยๆ จะได้เตรียมตัวไง”


“แน่ะ....บอกมา นัดใครไว้ป่าวเนี่ย!” พูดไปแล้วก็ขยับตัวเขามาไกล้

“ไม่มี!...โห่พี่อ่ะ ผมไม่ถามแล้วก็ได้ โทรมาและกันพี่” ผมหันไปจูบริมฝีปากคู่นั้นเบาๆ ก่อนจะเดินเปิดประตูออกไปสู่ห้องโถงที่มีโต๊ะทำงานของเลขานุการประธานบริษัท พี่เจี๊ยบ มองจิกผมผ่านแว่นด้วยหางตา ตั้งแต่หน้าห้องประธานไปจนถึงประตู้ทางออกเพื่อไปที่ลิฟท์ ผมกดลิฟท์ลง แล้วยืนรอ มองไปทางไหนก็มีแต่ผนังหินอ่อน...และพี่เจี๊ยบ สิ่งมีชีวิตเดียวที่อยู่รอดได้ในความเย็นเยือกของชั้น 23 ผมคิดว่าที่ท่านประธานของเรานั้นสุขภาพไม่ค่อยดีอาจเป็นเพราะแกสบตากับพี่เจี๊ยบทุกวัน แล้วก็โดนป้าแกโดนดูดวิญญาณออกไป


“เอ็ม!...” ประตูห้องประธานเปิดออก


“คุณแทนไทคะ! ไหนบอกอาทิตย์นี้อยู่ฝรั่งเศส!” พี่เจี๊ยบหันไปมองสีหน้าตกใจเล็กๆ สักพักแกมองมาทางผม มองผมสลับกับพี่แทน แล้วค่อยๆนั่งลง จิกผมด้วยสายตาพิพากษาขั้นสูงสุด ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามทำหน้าตาให้ไร้เดียงสาเข้าไว้


“อ๋อ...เอ่อ...” พี่แทนยืนคิดสักพัก ตอนที่เราสองคนป้อล้อกันเข้ามาในห้อง พี่เจี๊ยบแกคงลงไปพักเที่ยง พอกันทั้งคู่ครับ ต่างคนต่างไม่มีใครเตือนใคร

“เอ่อ...พอดีมธุระด่วนมากอ่ะครับ ผมเลยกลับมาก่อน เตี่ยแกมีเรื่องให้ช่วยนะครับ เดี๋ยวผมสั่งงานน้องเค้าแป๊ปเดียวก็ไปแล้วครับ” พี่แทนบอกไปพร้อมกับรีบเดินหนีออกมาตรงที่ผมยืนอยู่

“นี่...” พี่แทนส่งป้ายชื่อให้ผม ในระยะประชิด พยายามบังไม่ให้พี่เจี๊ยบเห็น
“เออ! ลืม” ผมคว้าป้าย ‘นักศึกษาฝึกงาน’ ของตัวเองมาสวมที่คอ
“เกือบไปแล้วมั้ย! เตี่ยมาเห็นนี่งานงอกเลยนะ...” พี่แทนกัดฟันพูดกับผมเบาๆเป็นเชิงดุ
“พี่อ่ะถอดแล้วชอบเขวี้ยงทิ้ง... เออแล้วที่โต๊ะมันเลอะนะ พี่เช็ดด้วย” ผมเถียง ขณะที่พี่แทนอ้าปากพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง ผมเห็นด้วยหางตาถึงใครบางคนที่เดินเข้ามาหาเราสองคน


   !!!


“เดี๋ยวเจี๊ยบไปส่งน้องเองค่ะ...” พี่เจี๊ยบแทรกขึ้นมา เราสองคนสะดุ้งเบาๆแต่พยายามเก็บอาการไว้ ผมพยายามอย่างยิ่งจะไม่สบตาใคร ก่อนที่พี่เจี๊ยบจะอ่านป้ายชื่อ แล้วมองหน้าผมอีกรอบแล้วไม่พูดอะไรอีก

“เอ่อ... ก็ดีครับ เอ่อ... งั้นไปกันก่อนนะ เดี๋ยวผมตามไป” พี่แทนพูดขึ้นก่อนจะเดินเลิกลั่กเข้าห้องไป ผมพยักหน้าให้พี่แกรีบๆเดินเข้าห้องไป...เช็ดโต๊ะด้วยนะพี่!...ผมได้แต่กะโกนตามไปในใจ


ติ้ง...


เราสองคนเดินเข้าไปในลิฟท์ด้วยกัน ผมเล่นโทรศัพท์มือถือไปพร้อมกัดริมฝีปากตัวเองแบบไม่รู้ตัว พี่เจี๊ยบทำให้อากาศในลิฟท์เย็นขึ้นเป็นเท่าตัว ก่าจะถึงชั้นของผมก็ยืนจนขาแข็งพอดี ผมเดินออกมาจากลิฟท์ ยกมือไหว้พี่เขา จริงๆก็เป็นป้านั่นแหละครั้บ แต่ใครมันจะไปกล้าเรียก


   “ขะ....ขอบคุณครับ..”

   “หนู..วันหลังจะเข้าพบผู้บริหารคนไหน หนูต้องนัดผ่านเลขานะคะ แล้วต้องลงชื่อด้วย ถึงผู้บริหารแกอาจจะลืม แต่พนักงานลืมไม่ได้นะคะ เป็นนโยบายค่ะ” พี่เจี๊ยบท่องโพลิซีบริษัทใส่ผมด้วยความเร็วและแม่นยำแบบหุ่นยนต์

“อ่า...ครับ...ผมขอโทษนะครับ” ผมยกมือไว้ป้าแกอีกรอบ จนลิฟท์ปิด ผมกลับมายืนอยู่ที่ชั้นของตัวเอง
ครับ ผมเป็นเด็กฝึกงานของโรงแรมหรูขนาดใหญ่ใจกลางเมือง หน้าที่ของผมก็มีแค่เป็นพนักงานต้อนรับ แล้วก็พวกงานบริการ เสริฟ เก็บโต๊ะ ล้างจาน คืออะไรก็ตามที่เขาใช้นั่นแหละ นั่นคือที่ในใบสมัครของผมเขียนไว้นะครับ จริงๆแล้วไม่ได้ทำอะไรซักอย่างนอกจากเข้าๆออกๆโรงแรมกับพี่แทน...นั่นแหละครับ พี่แทนเป็นหนุ่มขาวตี๋ แบดบอย มาดผู้ดี ปากหวานแถมยังกระเป๋าหนัก แกเป็นลูกคนเล็กของบ้านแก คุณพ่อแกถือหุ้นใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายที่ รวมไปถึงธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมแห่งนี้ มีน้องสาวอีกคนเป็นคนเล็กสุด มีพี่ชายอีกสองคน หรือสามวะจำไม่ได้


ไม่ต้องคิดมากครับ เรารู้จักกันมาก่อนที่ผมจะเข้ามาเป็นเด็กฝึกงานที่นี่ ผมไม่หาญกล้าขนาดไปจับลูกท่านประธานหรอก เราเจอกันครั้งแรกหลายปีก่อนหน้านี้ ในวันที่ผมอยู่ในสภาพย่ำแย่ ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเงินนะครับ...โอเค มันก็มีบ้าง แต่หลักๆแล้วมันเป็นเรื่องอื่น... มันเป็นโอกาศให้เราสองคนได้คุยเล่นกันแบบ “พี่น้อง” มาได้พักใหญ่ๆ บวกกับความแซ่บชนิดที่ลืมไปเลยว่าเคยไปได้กับใครมาของพี่แทน จนกระทั่งมาถึงจุดนี้กันโดยที่ต่างคนต่างก็ไม่มีใครทักท้วงอะไร


โดยที่ไอ้สถานะที่ชื่อว่า “จุดนี้” เนี่ย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือะไร

หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากเมื่อครู่ ผมเดินหลบๆออกไปหาอะไรกินจากตอนเที่ยงที่ไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลย เดินผ่านภาพถ่ายของใครบางคนบนผนังของห้องโถงทางออกจากตึกด้านหลัง อ่านชื่อและตำแหน่งเขา พลางก็นึกไปว่าตัวเองเพิ่งจะขึ้นไปเย่อกับลูกชายเขามา จะว่ารู้สึกผิดไหม ก็ไม่ถึงกับรู้สึกว่ามันผิด แต่บอกใครไม่ได้ เรื่องที่ไม่ได้ผิดแต่ก็บอกใครไม่ได้นี่มันคือเรื่องอะไรวะ...

   
ขากลับจากอาหารเที่ยง ผมเดินเข้าทางประตูล็อบบี้ มีคนกลุ่มใหญ่ยืน นั่ง ออกันอยู่ประมาณหนึ่ง ส่วนมากแต่งตัวภูมิฐาน ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ผมเดินหลบเข้าไปหลังล็อบบี้อย่างไว

“ให้ผมช่วยอะไรมั้ยพี่” ผมเอ่ยปากถามพี่ปัน สาวหน้าดุขี้เหวี่ยง หัวหน้าแผนกที่ดูแลเด็กฝึกงานรุ่นผมเอง
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวพี่รับเอง เอ๊ะ... ตอนบ่ายหายไปไหนมา ตอนเค้าบรีฟงานกันพี่ไม่เจอน้องนะ”
“อ๋อออออ... ผม“ชิบหายแล้ว  กูไปไหนดีวะ “ผมลืม...เอ่อ....มือถือไว้ที่บ้านครับ...มะกี้เลยไปเอา” โคตรห่วยเลยไอ้เอ็มเอ้ย...ใครเชื่อก็ควายแล้ว



แล้วพี่ปันมองผมด้วยสายตาไม่เชื่ออย่างที่สุดเท่าที่จะไม่เชื่อได้



“ปัน..ปัน!” เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น ช่วยชีวิตผมไว้ ใครคนนั้นคือเจ้หยก เจ้หยกเป็นผู้ชายหวีผมเรียบกับชุดสูทเป๊ะทั้งวัน เป็นเจ้ที่ชอบลวนลามเด็กฝึกงาน แต่ผมไม่ค่อยถือสาหรอก เจ้แกตลกดี ขอแค่อย่าเมาก็พอ 



“อะไรคะพี่” พี่ปันรีบหันไป
“หล่อนเจอคุณธีนพรึยัง” พูดไปพลางเปิดรายชื่อแขกในมือไป เหมือนจะมีงานสัมมะนาอะไรสักอย่าง ที่เขาบรีฟกันแล้วผมไม่ได้มาแน่ๆเลย
“ยัง... ทำไมเหรอ หูยยยย สี่ดาวเลยเหรอพี่” เท่าที่ผมรู้ ไอ้ดาวพวกนี้น่าจะเป็นยศที่แสดงถึงความเรื่องมากของแขก ผมเดานะ บอกแล้วไงว่าผมไม่ค่อยได้ทำอะไร!


“นี่ยังตัวลูกนะแก ดีไม่มากันทั้งแฟมมิลี่ นี่ เมื่อกี้ฉันเข้าไปถามเค้าเว้ย ว่ามีใครแพ้อาหารอะไรหรือเปล่าครับ นี่กูแอ๊บแมนที่สุดแล้วนะมึง....คือนางกำลังจิ้มๆๆ ไอ้มือถือของนางอยู่ นางก็เงยหน้ามามองฉัน แล้วก็ถอนหายใจเว้ย! ไม่พอค่ะ ลุกหนีกูไปเลย!!” เจ้หยกเล่าเรื่องออกรสชาติ ผมยืนฟังไปพยายามเผือกรูปบนกระดาษที่เจ้แกถือไปด้วย คนเชี่ยไรวะคนถามดีๆแม่งจะลุกหนี เค้าอาจจะกลัวเจ้ก็ได้นะ เค้าอาจจะดูออกว่าเจ้เป็นตุ๊ด ในรูปก็หล่อดีนี่หว่า ดูมาดเข้ม ดุๆหน่อย สงสัยจะหงุดหงิดอะไรมา งานบริการก็แบบนี้แหละครับ ต้องไม่คิดมากอ่ะ ทำๆไปเหอะ



“หูยยยย เค้าจะรอดไหมเจ้...หล่อดีนะ แต่สันดานไม่ไหวอ่ะ...”
“เออเอาว่าชั้นไปทำอย่างอื่นดีกว่า ปัน แกหาคนไปประกบนางทีนะ เอาสาวๆสวยๆไปก็ได้เผื่อนางจะอารมดี ชั้นคงจะสวยไม่พอว่ะ”



“เออได้ๆ พอดีเลย น้อง...” พี่ปันหันมาหาผม เจ้หยกก็เช่นกัน...
“ว้ายย...สุดหล่อ พ่อลูกครึ่ง พ่อของนอก พ่อโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ของเจ้” เจ้หยกลูบแขนผมเบาๆพร้อมกับแซว แซวกูซะเป็นหมาเลยนะแหม แต่ก็อดขำไม่ได้นะ


“นี่....เจ้ก็รู้อ่ะนะว่าไม่ใช่เวลา...แต่ขอถามหน่อยเหอะ คือเราน่ะก็เหมือนคนไทยอยู่นะ แบบจีนก็ดี ญี่ปุ่นก็ได้ เกาหลีก็คล้าย แบบดูปนๆกันอ่ะ เราครึ่งอะไรกับอะไรอ่ะ ถามได้ป่ะ”
“คุณแม่เป็นคนจีนครับ คุณพ่อเป็นอเมริกัน” มั้ง... พ่อผมเป็นคนสัญชาติอเมริกันครับ แต่เชื้อชาติเนี่ยไม่รู้จริงๆ
“ต๊ายยย มนต์รักเพริลฮาเบอร์ น่ารักเนอะ” เจ้หยกแซวใหญ่ พี่ปันรีบห้าม “น่ารักห่าไรล่ะเจ้ คนตายเป็นเบือ”
“นั่นมันญี่ปุ่นพี่ ฮ่าๆ” ผมเคยดูหนัง เป็นครั้งแรกที่มีความรู้ รู้สึกภูมิใจ
“พอๆเจ้... นี่เด็กหนู...นี่น้อง เอาใบนี้ไปหาพี่ออยนะ รู้จักใช่ไหม ออยนางงาม ให้นางไปกล่อมแขกหน่อย คนนี้นะ ธีนพ” เจ้ปันเอานิ้วจิ้มที่หน้าในกระดาษ


“ได้ครับพี่ รู้จักครับ พี่ออยนางงาม”


“ดีมากๆ ท่องไปนะจะได้ไม่ลืม” พี่ปันไล่ผมออกจากบริเวณล็อบบี้ ผมกดโทรศัพท์หาเบอร์...ชิบหาย ไม่มี วันที่เขาแจกเบอร์กันผมลืมเม็ม ไลน์ไง กรุ๊ปไลน์ ผมกดเขาไปดูกรุ๊ปไลน์เด้งเป็นร้อยข้อความ ผมพิมพ์ข้อความเข้าไป

   M : พี่ออยคับ พี่ปันบอกให้พี่ประกบแขกชื่อธีนพให้หน่อย เดี๋ยวผมถ่ายรูปให้
   
ผมส่งรูปเข้าไปต่อจากข้อความแล้วเดินไปเรื่อยๆเผื่อจะเจอ เดินถามคนโน้นถามคนนี้ไปเรื่อยๆก็ไม่เจอครับพี่ออยโว้ย  พี่อู้ป่ะเนี่ย
แขกและข้าวของที่ล็อบบี้เริ่มบางตา ผมเดินกลับมา เออ...ไอ้คุณธีนพหายไปแล้วคงเรียบร้อยแล้วล่ะ ผมเดินวนไปมา ไม่รู้จะทำอะไร เลยเดินออกไปสูบบุหรี่ที่ลานจอดรถข้างหลัง



   เจอเลย...เจอเต็มๆเลยกู




   ไม่ใช่พี่ออยนะครับ





   คุณธีนพ...

รึเปล่าวะ...ใช่แหละ แกกำลัง...เอ่อ...หยิบอะไรซักอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วไหนวะพี่ออย ยังไงดี ผมควรทำอะไรสักอย่างใช่ไหม แน่นอนครับด้วยความที่ผมเป็นเด็กฝึกงานที่ผ่านการอมรมมานับร้อยชั่วโมง เวลาแขกทำท่าจะสูบบุรี่ เราต้องเดินไป...



   จุดไฟแช็ค....












ใส่ผ้าเช็ดหน้าเขา....


“เห้ย!”

เกือบครับ ใช้คำว่าเกือบ ดีนะผมเห็นตอนดึงออกมาแล้วว่าไม่ใช่ แต่ภาพที่ออกมาก็ทุเรศลูกตาใช้ได้ คนหนึ่งดึงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา คนหนึ่งจุดไฟแช็คยื่นไปใส่หน้าเขา

“ขอโทษครับพี่! โดนอะไรรึเปล่าครับ” ไอ้คำพูดที่อบรมมาหายหมด ไม่ได้กลัวไหม้ผ้าหรอกครับ กลัวไหม้แขนแม่งนี่แหละ ชิบหาย คุณธีนพ กูโดนแล้ววววว ข้อหาพยายามฆ่าแขก โคตรโหด 


“อะไรของคุณวะเนี่ย!”

“ผมนึกว่าคุณออกมาสูบบุหรี่ครับ ขอโทษที”

“...แต่ละอย่าง...” คุณธีนพเช็คความเรียบร้อยบนเสื้อผ้าตัวเองแล้วบ่น ผมขอโทษครับ ผมขอโท๊ดดดดดด

ผมทำได้แค่ยืนมึนงงอยู่ตรงนั้น จะวิ่งหนีไปก็ดูจะใจหมาเกิน จะว่าไปแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรเสียหาย เอาจริงๆก็คือผมยืนรอฟังเค้าด่านี่แหละ 

“......” หลังจากที่เขาปัดโน่นนี่ของเขาเสร็จ เขาหันมามองผมที่ยืนโง่ๆรออยู่ เรายืนสบตากันช่วงเวลาหนึ่ง เออ...เค้าหล่อนี่กว่า คิ้วเข้ม จมูกโด่ง หน้าตาเอาเรื่องดีชะมัด เสียงก็ดี หุ่นก็ดี ดีนะกูไม่ไปจุดไฟใส่เขา เดี๋ยวๆครับ เดี๋ยวมันชักจะแปลกๆ ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมไปดีกว่า

“เอ่อ...ผมขอตัวก่อนนะครับ...เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะครับ” ผมยกมือไหว้แล้วเดินถอยออกมา เขาแค่มองหน้าผมคิ้วขมวดเล็กๆ แม่งคงด่าพ่อล่อแม่ผมในใจอยู่ ผมถอยออกมาในระยะหนึ่งแล้วหันหลังเดินไป


“เดี๋ยวน้อง!”

“ครับ”

“มีบุหรี่มั้ย”

“เอ่อ...มีครับ มีของผมเองนะครับ”

“ไม่เป็นไร ขอตัวนึงสิ”



ผมล้วงไปหยิบบุหรี่ในกระเป๋า เดินกลับไปส่งให้ แล้วหยิบไฟแช็คขึ้นมา



”ไม่ต้องครับ ผมยังไม่สูบตอนนี้ ขอบคุณครับ” พี่แกเก็บบุหรี่เข้ากระเป๋าแล้วก้มลงกดมือถือต่อ


“เอ่อ...ครับ” ผมยิ้มแห้งๆงงๆแล้วเดินออกมา...

   
คนอะไรวะขอบุหรี่แล้วไม่ขอไฟแช็ค...

ถ้าไม่รีบทำไมมึงไม่ออกไปซื้อวะ ในโรงแรมก็มี....

มึงงกขนาดไถบุหรี่เด็กฝึกงานเลยเหรอวะ...

หรือเค้ากวนตีนกูวะ...




ไหนใครวะ บอกทำงานบริการไม่ต้องไปคิดมาก....

_______________________________________________

แฮร่ เพิ่งสมัครมาใหม่เลยค่า ยินดีที่ได้รู้จักกันน้าาา  :oo1:

ขอ edit แก้ชื่อเรื่องนะค้า แล้วขอใส่เรทไว้หน่อยนะคะ เดี๋ยวเด็กๆเข้ามาไม่ได้ตั้งตัวจะตกกะใจ  :3123:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess...เป็นคนง่ายๆทำไมยุ่งจังวะ... (ตอนที่ 1) P1 (18.10.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: PingPong_Hunlay ที่ 18-10-2016 19:00:16
:jul1: :jul1: นายเอกแซ่บมาก
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess...เป็นคนง่ายๆทำไมยุ่งจังวะ... (ตอนที่ 1) P1 (18.10.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-10-2016 19:33:51
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 2 : โกหก (19.10.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 19-10-2016 16:57:58
2.


“เอ็ม... เอ็ม... เหม่อไรอ่ะ” พี่แทนเขย่าแขนผมเบาๆ บนรถ
“เปล่าพี่..ผมง่วง เมื่อเช้าเข้าประชุมเด็กฝึกงาน เช้าชิบหายเลย” ผมพูดไปพลางหลับตาพิงเบาะหนังของรถยนต์ส่วนตัวราคาแพง
“โถๆ น่าสงสาร...งั้นวันหลังไม่ต้องเข้าแล้ว เดี๋ยวพี่จัดการให้” พี่แม่งขยี้หัวผมเล่น พี่ครับอย่าตามใจผมสิ เดี๋ยวผมเสียนิสัยหรอก
“ขอบคุณคร้าบบบบบ” เห็นไหมเนี่ย
“วันนี้ผมกลับคอนโดพี่นะ” ผมหันไปอ้อน เอาหน้าวางซบลงบนไหล่ที่มีกลิ่นน้ำหอมจากเสื้อชวนให้เคลื้ม
“พี่ก็ไม่ได้จะไปส่งที่หอซะหน่อย..”
“เออ..ผมก็พูดไปงั้นแหละ” ผมหัวเราะ ก่อนจะเลื่อนหน้าขึ้นไปแถวซอกคอ “หอมอ่ะ...ขอหอมได้ป่ะ”
“ไม่เอาตรงนั้นดิครับ เอาตรงนี้” พี่ดึงเน็กไทด์ให้ผมก้มลงไปต่ำ แล้วกดหัวผมลงไปที่เป้า..นั่นแหละครับ เป้าหมาย ผมไม่รอช้ายื่นมือไปค่อยๆปลดเข็มขัด แล้วรูดซิบลง ยังไม่ทันได้แตะต้องส่วนไหนก็เริ่มแข็งตัวซะแล้ว แล้วขณะที่ผมกำลังสอดนิ้วเข้าไปดึงกางเกงในนั่นเอง

เสียงโทรศัพก็ดังขึ้น

“ใครว้า...” ผมเงยหน้าขึ้นมา กลับเข้าที่นั่งเพื่อมองดูหมายเลขบนหน้าจอด้วนความประหลาดใจ ก่อนที่จะรับโทรศัพท์
“เออหวัดดี....”
“เอ็มป่าวอ่ะ..”
“เออกูเอง ก็นี่เบอกู”
“เออ...วันพรุ่งนี้มากินข้าวันเกิดพ่อกัน ตอนค่ำๆ เอ็มว่างป่าว”
“อ่า...ไม่แน่ใจว่ะ เดี๋ยวกูบอกได้ป่ะ”
“แม่อยากให้มานะ..ถ้าว่างก็มาเหอะ”
“เออๆ...เดี๋ยวกูบอก แค่นี้นะ” ผมวางสาย คิดหนักเลยกู

“ใครอ่ะ..” พี่แทนถามขึ้น
“น้องผมเอง...ชวนไปกินข้าววันเกิดอาพรุ่งนี้” ผมหอนหายใจแบบเบื่อๆแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋า
“อ๋อ...อุ่ย....เรื่องนี้ผมจะไม่ยุ่งนะฮะ” พี่แทนแซวเล่น
“ฮ่าๆ ไปดีมั้ยพี่ น้าอยากให้ไปอ่ะ”
“อยากไปมั้ยอ่ะ อยากไปก็ไป”
“เหอะ... ไม่อยากเลย แต่เกรงใจน้าอ่ะ... ผมไม่ได้กลับบ้านมาเป็นเดือนและ แกบ่นคิดถึง”
“ก็ไปหน่อยสิ เดี๋ยวไปส่งให้ ไม่ต้องค้างก็ได้นะ ก็กินแล้วดึกๆพี่ไปรับกลับหอ” พี่แทนพูดพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าคอนโด
“ไม่ต้องหรอกพี่ มันดึก ไปส่งก็พอครับ...”


เห้อ.. กูคิดถูกมั้ยว้า


“เห้อ....” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะถอนหายใจดังๆ เมื่อผมเปิดประตูห้องเข้ามา
“เจ้าเอ็มมาแล้ว! นี่ๆ เจ้านนท์เถิบให้พี่เค้านั่งหน่อย”
“หวัดดีครับน้า...หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้น้าพินญา แล้วไว้คุณอาส่งๆ
“ไงแว่น...” ผมนั่งลงข้างๆไอ้นนท์ น้องชายที่ไม่มีอะไรเหมือนกันซักนิดกับผม อะไรที่มันเป็นสวรรค์ ผมเป็นนรก อะไรที่มันเป็นนรก ผมเป็นสวรรค์ มันเป็นเด็กเรียนเก่งมาก พูดได้หลายภาษา ยกเว้นภาษาคน อ่านหนังสือปีนึงเป็นร้อยๆเล่ม วันๆอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นก็คือโดนผมแกล้งไปวันๆ ตอนเด็กๆก็ตบกบาลมันแล้วแย่งขนม เอาหนังสือเรียนมันไปวาดรูปเล่น รวมหัวกับเพื่อนเอากางเกงนักเรียนมันไปตัดเป็นขาต่ายๆ ตลกชิบหาย นึกแล้วยังขำอยู่เลย
ส่วนผมเองเป็นคนชอบเล่นกีฬา เล่นดนตรี รักงานปาร์ตี้เป็นที่สุด อ่านหนังสือได้ไม่เกิน 7 บรรทัดต่อปี ชอบเจอผู้คนหลายๆแบบ มีเพื่อนในปริมาณที่เอาไปถมทำทางข้ามคลองพระราม 8 ได้สองรอบ ไปเรียนพิเศษกับมันทีไรผมไม่เคยเข้าไปเรียนเลย แต่รู้จักเพื่อนมันหมด เอาเป็นว่าเป็นคนเฟรนลี่ครับ  แล้วก็....เอ่อ....นอกจากนั้นก็ไม่เก่งอะไรอีกเลย
แต่พอโตมาเราไม่ได้เรียนมัธยมปลายที่เดียวกันเพราะผมโง่กว่ามันมาก มหาวิทยาลัยก็เช่นกัน ก็ยังแกล้งมันอยู่ บาปจริงๆกู มาอาศัยบ้านเขาอยู่แล้วยังจะมาแกล้งลูกเขาอีก แต่ผมก็รักมันนะ รักและเอ็นดู
“อือ...” มันทักผม ..มันได้แค่นั้นแหละ
“นี่! ตั้งแต่ฝึกงานนี่หายไปเลยนะเรา” น้าพินแซว
“งานมันยุ่งครับน้า แต่พอพ้นช่วงนี้ไปก็เบาแล้วครับ” ผมหันไปตอบยิ้มๆ จะว่าไปก็คิดถึงแกเหมือนกัน
“งานอะไร...เสริฟอาหาร? ล้างจาน? เอ็งยุ่งอะไร” อาคชาแทรกขึ้นมา ...นั่นไง ไม่หาเรื่องกันซักวันได้ไหมวะ อาคชาเนี่ยแปลกนะครับ เขาชอบดูถูกแล้วก็ชอบเอาผมไปเรียบเทียบกับไอ้นนท์ หรือไม่ก็กับลูกคนโน้นคนนี้มาตลอด อยากให้ผมอายบ้าง เสียหน้าบ้าง แล้วชอบทำต่อหน้าคนเยอะๆ แต่อย่างหนึ่งที่เข้าไม่เคยเรียนรู้เลยคือ...

ผมไม่อายว่ะ...

ผมไม่อายหรอก ผมรักตัวผมเอง...

คุณนั่นแหละอายที่ผมเป็นแบบนี้...

คุณก็แบกรับไปคนเดียวแล้วกัน...


“ครับ...ก็ ล้างจานบ้าง บางทีก็ขัดห้องน้ำ วันไหนว่างๆผมก็ไปขุดท่อ ทำสวน สนุกดีครับ มีเพื่อนเป็นแรงงานต่างด้าว เขาสอนผมพูด..” ผมพูดกวนตีนไปเรื่อยๆ หันไปมองหน้าไอ้แว่นกำลังอึ้งทำเอาผมเกือบหลุดขำออกมา
“พอๆ!...กูไม่อยากฟัง!” อาคชาตบโต๊ะเสีนงดังลั่น ทำเอามือผมต้องรีบคว้าแก้วน้ำทรงสูงข้างๆตัวโดยอัตโนมติ
“ไม่เอาสิพ่อ เดี๋ยวแม่ก็หัวเสียให้บ้างหรอก” น้าพินหันไปเขม่น
“มองไรแว่น..” นี่ผมเอง หาเรื่องคนอื่น ผมไม่ได้หาเรื่องไอ้แว่นตรงหน้าหรอก ผมหาเรื่องไอ้ลุงที่หัวโต๊ะต่างหาก 
“ห๊ะ....” ไอ่แว่นที่นั่งตรงข้ามกับผมตอบแบบตามอารมณ์คนในโต๊ะไม่ทัน
“เอ็งลุกออกไปเลยไป อย่ามาทำถ่อยๆบนโต๊ะกินข้าว...” คุณอาลุกขึ้นชี้มาที่ผม แล้วโบกมือไล่
“พ่ออ...” คุณน้ายังคงพยายามต่อไป ผมลุกขึ้นทันทีที่แกเอ่ยปาก แล้วเดินออกไปแล้วพูดทิ้งท้าย ชี้ไปที่ไอ้แว่น “ควบคุมอารมณ์หน่อยดิแว่น โตแล้วอ่ะ” ให้มันงงเล่นๆ ..ให้พ่อมันโกรธเล่นๆ



“มึงออกไป ไอ้เด็กห่านี่!” 



ผมลุกออกจากโต๊ะอาหาร ท่ามกลางวันฉลองคล้ายวันเกิดล่วงหน้าของคุณอา เสียงโหวกเหวกของผู้ใหญ่ตีกัน
“คุณอา” หรือ “พ่อ”นั่นแหละ ส่วนแม่ ส่วน “แม่” ก็คือ “คุณน้า” ไงล่ะครับ ใช่ครับผมไม่ใช่ลูกบ้านนี้ไปทั้งหมดทั้งตัว แต่เราเกี่ยวดองกันประมาณเศษหนึ่งส่วนสี่ของพันธุกรรม แต่ก็มากพอที่กฎหมายจะส่งให้เรามาอยู่ด้วยกัน เด็กๆคนไหนก็ต้องการครอบครัว จริงไหมล่ะ

“เห้อ...เห้อเหี้ยไร!” ผมพูดกับตัวเองไปปัดหน้าเฟซบุ๊คไป ก่อนจะอมยิ้ม... แล้วหัวเราะกับตัวเองเบาๆ เหมือนคนเพี้ยน แล้วส่งข้อความหาพี่แทน


M : คิดถึงจังฮะ


ไม่อ่าน....ไหนบอกจะอยู่คุยเป็นเพื่อนไงวะพี่
ผมเลยตัดสินใจโทรไปหา...



....ไม่รับ....

...น่าเบื่อ!...

   

ผมนอนปัดรายชื่อในแชทไปเรื่อยๆ ใครจะว่างบ้างไหมว้า ข้อความผมค้างเป็นร้อยๆข้อความ กรุ๊ปเพื่อนคุยเล่นกันไปซะครึ่งหนึ่ง กรุ๊ปทำงาน แล้วก็หนุ่มๆทั้งหลายที่ผมไม่ได้ติดต่อกลับไป

   

อีก....

   
   
เอ...คนนี้ตอบไวดีนี่หว่า ผมจำได้


M : หวัดดีฮะ


“ออกจากบ้านดึกๆที่บ้านไม่ว่าเหรอ” พี่ปาร์คเอ่ยปากถามขณะที่เราเดินเล่นกันอยู่หน้าโรงหนัง หนังรอบดึกอากาศดีกับเฟรนช์ฟรายด์กล่องใหญ่ๆ ผมก็อารมดีแล้ว พี่ปาร์คเป็นหนุ่มวิศวะ รุ่นพี่ที่มหาลัย เราเจอกันเพราะกิจกรรมคณะ...อ๋อไม่ใช่นี่หว่า เราเจอกันในร้านเหล้า ผมเมาพอประมาณจนพี่แกอาสาไปส่งที่หอ ผมก็ตกลง เรานัวเนียกันในรถแค่พองาม ผมกลับถึงห้องโดยสวัสดิภาพ แล้วเราก็คุยกันแบบพี่น้องกันเรื่อยมา ผมไม่คิดว่าเขาจริงจังกับผม ซึ่งดีแล้วครับ ผมก็ไม่ได้จริงจังกับเขา...

“ไม่หรอก ที่บ้านผมมีแต่คนใจดี” อือ..มีแต่คนใจดี
“โชคดีเนอะ พี่กว่าจะออกมาอยู่หอได้แทบแย่แน่ะ”
“อาผมไล่ผมไปอยู่หออย่างไวเลย พอผมถาม แกก็บอกรำคานหน้าผม ฮ่าๆ” ทำให้มันเป็นเรื่องตลกเข้าไว้ครับ แล้วเราจะผ่านมันไปได้ คิดซะว่ามันไร้สาระ คิดซะว่า...

ถ้าเราทำเป็นไม่สนใจมัน เดี๋ยวซักวันมันก็ต้องหมดความอดทน ซักวันมันก็คงจะหายไปเอง....

“ฮ่าๆ สนิทกันดีเนอะ ที่บ้าน”
“ช่ายพี่...สนิทมาก” สนิทจนบางทีก็อยากเดินไปตบกบาล คิดๆอยู่โทรศัพท์ก็สั่นแจ้งเตือนเข้าความเข้า
“ไปเข้าห้องน้ำดีกว่าพี่ ไปตรงหน้าโรงอ่ะ” ผมเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วทิ้งให้พี่ปาร์ครอที่โซฟาหน้าโรงหนัง

M : คิดถึงจังฮะ
TAN : คิดถึงเหมือนกันคร้าบ

ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าใคร..

M : คิดถึงจังฮะ
TAN : คิดถึงเหมือนกันคร้าบ
M : ฝันดีฮะ วันนี้ง่วงมาก
TAN : นอนเยอะๆนะ อย่ามัวแต่เล่นมือถือ
M : คร้าบบบบ

เห้อ....รู้สึกผิด...ทำไมวะกู


   ______________________________________________________



พี่ปาร์คเลือกหนังผีมาเรื่องนึงตามธรรมเนียมนัดเดท ผมก็จะทำเป็นกลัวครับจะได้นัวเนียกันมันดี จริงๆแล้วผมเป็นคนชอบดูหนังผีมาก ยิ่งหลอนๆตกใจๆยิ่งชอบ มันเป็นความซาดิสม์ส่วนบุคคล

“เมื่อกี้ตกใจป่าว...” พี่ปาร์คเข้ามากระซิบที่ไกล้ๆหู
“อือ...นิดหน่อย” ผมแกล้งจับมือพี่เขาแน่นๆ เสร็จทุกราย...
“โอ๋ๆ... ไม่ต้องกลัวนะ โทษที ไม่รู้ว่ากลัวหนังผีด้วย พี่ก็ไม่ได้ถามก่อน” พี่ปาร์คดึงมือผมเข้าไปไกล้ๆ เอาตัวมาเบียดแล้วกระซิบเบาๆ ทำมาเป็นรุก โถ่...คุณพี่ครับ หน้าตาผมใสๆ ข้างในผมซนใช่เล่นนะครับ
“ไม่ต้องถามหรอกครับพี่ ผมเป็นคน..ง่ายๆ..” ผมหันกลับไปกระซิบกลับบ้าน ไกล้กว่า แนบกว่า ชิดกว่า
“พูดงี้ก็โดนสิครับ” พี่ปาร์คเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อผม แล้วบีบนวดเบาๆไปตามร่างกาย ผมแตะเบรคก่อนดีกว่า ใจจริงไม่ได้ฮีทเลยครับที่ออกมาเนี่ย แค่ความเหงามันครอบงำ รวมกันกับความอยากที่จะประชดชีวิตเล่นๆ

แต่ความเหงานี่แหละตัวดีเลย...

ความเหงา สำหรับผมแล้วมันเป็นอากาศเย็นชนิดหนึ่ง ความเหงาทำให้เราตัวเย็น พอเราตัวเย็น เราก็วิ่งหาของร้อน

แบบที่ผมกำลังทำอยู่นี่ไง...

..........
   ..........
..........
   ..........
..........
   ..........


“วันนี้กลับด้วยกันไหมครับ”
“ไม่ไหวหรอกครับ...พรุ่งนี้ตื่นเช้า...ขอโทษทีนะพี่” 
“เหรอ...พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่ไปส่งได้นะ” พี่ปาร์คยังคงงุ่นง่าน ไม่หยุดพยายาม  ไม่ได้แดกผมหรอกครับ ไม่ก็คือไม่ ไม่ได้อยู่ในมู๊ด โอเคนะพี่?
“อย่าเลยพี่ เดี๋ยวผมโดนไล่ไปดรอป ฮ่าๆ” ผมแกล้งพูดติดตลก
“ฮ่าๆ...ไว้คราวหน้าแล้วกันเนอะ...”
"ครับ...ไว้คราวหน้าแล้วกัน"


________________________________________________

ขอแยกตอน 2 เป็น  พาร์ทนะคะ เดี๋ยวจะยาวเป็นพรืดไป  :really2:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 2 : โกหก (19.10.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 19-10-2016 17:09:49
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 2 : โกหก (20.10.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 20-10-2016 18:14:36
วันนี้ผมมาเข้ารับบรีฟทันเวลาด้วยความภาคภูมิใจ เดินเข้าไปในกลุ่มเพื่อนๆที่ออกันอยู่ในห้องประชุม ที่อยู่หลังล็อบบี้หรูของโรงแรม มันเป็นพื้นที่เล็กๆของพนักงานและเด็กฝึกงาน ระหว่างทางมีคนหลายกลุ่มหันมามอง และผมได้ยินเสียงซุบซิบนินทาพอประมาณ แต่พยายามที่จะไม่คิดถึงมันซะดีกว่า แล้วก็เดินไปนั่งกับกลุ่มเพื่อนตัวเอง หยิบใบบรีฟของกลุ่มมาอ่าน เอ...กลุ่มประชุมย่อย กลุ่มแรก คุณเบญจามิน คุณวิชัย คุณทศพล คุณธีนพ ผมไล่ไปอ่านชื่อเด็กฝึกงานที่ต้องสแตนด์บายในห้อง...
 
“หื้ม?...หญิง...นี่ชื่อกูเหรอ” ผมหันไปงงใส่เพื่อน
“เออ...มึงเป็นอะไร” หญิงเป็นผู้หญิงปากจัด เป็นเพื่อนสนิทคนเดียวในนี้ที่มาจากคณะเดียวกัน หญิงรู้ทุกเรื่องในชีวิตผมรวมไปถึงเรื่องพี่แทน มันหาที่ฝึกงานไม่ทันเพราะมัวแต่อกหักทะเลาะกับผัวเก่า ผมเลยพามันมาอยู่ด้วย มันเป็นคนที่จะมาพร้อมลุคผมทองกับปากสีแดงสดตลอดเวลา ผมชอบโดนมันด่า ชอบนี่คือชอบจริงๆครับ สนุกดี 

“ทำไมเป็นกูวะ”

“อ้าวก็มึงพูดภาษาอังกฤษได้ป่าว มึงหล่อมั้ง” คนพูดภาษาอังกฤษได้เยอะแยะ แถมไม่เคยไปจุดไฟเผาแขนเขาด้วย
“เออกูแค่อยากให้มึงบอกว่ากูหล่อ...แค่นั้นแหละ” ผมหันไปกวนตีนเพื่อนเล่นๆ โดนให้หญิงส่ายหน้าแบบเอือมระอาใส่ ไม่รู้จะตอบว่าอะไร


....


“ว่างมากก็ไปหาอย่างอื่นทำดีกว่ามั้ง....” อีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา ไม่ใช่คนที่ผมสนิทด้วยแน่ๆ ผมหันไปมองต้นเสียง เป็นพนักงานรุ่นพี่ที่ผมไม่คุ้นหน้า
“มึง!... เบาๆ……เดี๋ยวมันก็เอาไปฟ้องป๋ามันหรอก...”
“ใคร กูไม่ได้ด่าใครซักหน่อย กูด่าเพื่อนกู!” สองสามคนนั้นหัวเราะกันคิกคัก ทั้งๆที่เห็นว่าผมมองอยู่ แล้วก็พากันเดินออกไป ผู้หญิงคนสุดท้ายสบตาผมแล้วหันไปหัวเราะกับเพื่อน


.....


“อะไรของเค้าวะ...”

“ไม่รู้ เค้าด่ากันเล่นๆมั้ง” ผมรีบตอบมันจบๆไป ผมมักจะเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจอยู่แล้ว การโดนนินทาน่ะมันเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกตินี่คือการกระแนะกระแหนกันซึ่งๆหน้าต่างหาก พี่แทนไปทำอะไรไว้หรือเปล่าวะ?

“มึงรีบไปเหอะ สี่ดาวแหนะของมึงอ่ะ เดี๋ยวก็โดนหรอก...โอ้โห แล้วแต่ละคนในกลุ่มมึงนะ มีแต่เสือ สิง กระทิง แรด โชคดีนะมึง” ไอ้หญิงอ่านรายชื่อแล้วบ่น “นี่ไงคุณพี่ธี..มึงเคยได้ยินเรื่องของเขาป่ะ?” มันถามต่อ

“ธีนพอ่ะนะ? ทำไมวะ....” ผมถามกลับ แล้วหวังว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไปเผาเค้า

“นางจะเข้ามาร่วมถือหุ้นในกรุ๊ปท่านประธานของเราแทนพ่อนาง...อารมเป็นทายาทจะขึ้นมานั่งแท่นอ่ะมึง”

“เออ...เหรอ...แล้วยังไงวะ….แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเด็กฝึกงานวะ?”

“คือพ่อนาง...คือคุณกษิณไง...ที่ไล่ผู้จัดการออกไปหลายๆคนอ่ะ มึงไม่เคยได้ยินเหรอ! แล้วนี่เป็นลูกคนสุดท้องเลยนะ เข้ามาเสียบตำแหน่งพ่อ! พี่ๆยังไม่มีโอกาศได้นั่งเก้าอี้บอร์ดบริหารเลย มึงคิดดู!”

“แม่ง...มึงไปได้ยินกันมาจากไหนวะ ผนัง กำแพง ประตู? กูเดินไปเดินมาไม่เห็นจะมีใครมาเล่าให้ฟังมั่งเลย”

“มึงอ่ะควาย...ตัวติดอยู่กับผัว ใครเค้าจะกล้า...มีแต่คนเค้าเรียกมึงเด็กป๋าๆ...อีดอก”

“ไอ้เหี้ย...บอกแล้วว่าไม่ใช่ผัว...ไม่ใช่ป๋าด้วย...บอกให้เรียกพี่!” จริงเหรอวะ ‘นี่ผมดูตัวคิดกับพี่แทนจริงเหรอวะ?’ ผมไม่ได้สนใจได้เรื่องการเมืองในบริษัทเลยครับ สนใจแค่เรื่องพี่แทนเนี่ยแหละ 

“เออ!...นั่นแหละ กูจะบอกเฉยๆว่า เค้าว่ากันว่าลูกแกก็พอๆกัน ไอ้คุณธีเนี่ย ร้ายมากนะมึง แล้วยิ่งหลุดๆงงๆอย่างมึงนะ อย่าให้เค้ารายงานความประพฤติมึงไม่ดี เข้าใจป่ะ!”

“กลัวไรวะ กูให้พี่แทนเขียนยังไงก็ได้...กูว่าไม่หรอก มึงไปฟังเค้ามาเยอะรึเปล่า...กูเคยเห็นเค้าก็ดูปกตินะ” เค้าร้ายเหรอวะ ผมนึกภาพชายคนที่ผมจุดไฟใส่ที่ลาดจอดรถยังไงก็นึกไม่ออกว่าจะร้ายได้ยังไง แต่เดี๋ยวไว้ค่อยเล่าให้ไอ้หญิงฟังแล้วกัน

“อีดอก เรื่องของมึงแล้วกัน...”

“โถ่มึง..เสือ สิง เชี้ยอะไร...มีแต่สัตว์.....กูก็สัตว์....ทำไรกูไม่ได้หรอก” ผมปากดี ใส่ แล้วโดนมันด่ากลับเป็นรางวัล


ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุมเวิ้งว้างที่อากาศเย็นเฉียบอีกแล้ว โรงแรมนี้มันเป็นอะไรวะ มึงแช่ศพไว้ที่ไหนหรือไง คุณธีนพนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ที่เหลืออีก 3 คนผมเคยเห็นหน้าแต่จำไม่ได้ กำลังหน้าดำคร่ำเครียดกับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 1 ตัว แล้วก็กระดาษที่กองเต็มโต๊ะ ผมเดินเข้าไปจะไปประจำโต๊ะชงกาแฟ เห็นสวิทช์ไฟมันยังไม่เปิดนี่หว่า

“เห้ยน้อง! เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูก่อน” ชายร่างใหญ่ผมบางในสุดสูท สีหน้าเคร่งเครียด โวยใส่ผม

...กูเคาะแล้ว... ผมคิดในใจ แล้วรีบลงไปเปิดปลั๊ก ไอ้เวรที่ไหนเสียบปลั๊กแล้วไม่เปิดไฟวะ 

“ขอโทษทีครับ” แล้วหันไปขอโทษ ก่อนจะเดินไปยืนหลบตรงมุมห้อง

“ออกไปก่อนดีกว่า ให้ผู้ใหญ่เขาคุยกัน แล้วนี่เลขายังไม่มาเหรอ! ใครจะจดเนี่ย!” ลุงแกเริ่มฮึดฮัด ผมพยายามสบตาคุณธีนพประมาณว่า พี่ครับ พี่ติดบุหรี่ผมอยู่ตัวนึงนะครับ พี่จะช่วยผมไหมครับ พี่ไม่มองผมเลยครับ พี่อ่านกระดาษอะไรซักอย่างอยู่ได้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่นี้ผมจำได้ ไม่ต้องใช้เลขาหรอกครับ” พี่แกตอบเสียงเรียบๆ ไม่ละออกจากกระดาษด้วยซ้ำ....เท่จังวะ

ลุงแกพอไม่ได้รับความสนใจก็เริ่มลุกมาตรงบูธกาแฟ ฉีกโน่นฉีกนี่ตามปกติของแกไป แล้วหันมามองผม
...มองกูทำไมวะ... แกคงรอน้ำร้อนครับ เลยไม่มีอะไรทำ บรรยกาศเงียบงัน มีเสียงกระดาษที่ถูกพลิกไปมา เสียงแอร์ดังมาก แล้วก็เสียงน้ำค่อยๆเดือด ผมเลยต้องทำอะไรสักอย่างเพราะรู้สึกกดดัน “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”

“นี่เราเป็นเด็กฝึกงานเหรอ?” ลุงแกถาม
“ครับ ใช่ครับ”
“อยู่ปีอะไร”
“ปีสามครับ”
“เหรอ...เรียนที่ไหนน่ะ?”
“เอ่อ...” ผมเริ่มตะหงิดใจ ชักไม่ค่อยอยากจะตอบ


“ลุงเบญครับ...ตรงนี้ผมว่ามันผิดนะ” คุณธีนพครับ ทำได้ดีมากครับ ...เค้าเรียกกันว่าลุงเหรอ เค้าเป็นญาติกันเหรอวะ
ลุงแกเลยต้องรีบเดินงุ่นง่านกลับไปหยิบกระดาษที่พี่แกขีดๆเขียนๆไว้ให่อ่าน

“.....เห้ย!  มันผิดไปขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย!” ลุงแกหันไปโวยใส่อีกคนที่นั่งตรงข้ามแก คนที่มีลักษณะคล้ายๆแกนั่นแหละ แค่หัวยังไม่ล้าน

“เดี๋ยวนะครับ คุณธีแน่ใจเหรอ ตรงนี้แผนกผมเคาะไปแล้วนะว่าทำได้”
“แน่ใจครับ ผม...” คุณธีนพเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษเป็นครั้งแรก แล้วเห็นผมยืนหนาวอยู่ตรงมุมห้อง เราสบตากันเป็นครั้งที่สอง เขานิ่งไปสักพักก่อนจะหลบตาผม แต่ผมนี่สิ...ค้าง



...เวลาทำงานเค้าเท่ดีว่ะ ดูดี มีสาระ พูดจาน่าเชื่อถือ แล้วไอ้หน้าตาจริงจังของเขาเนี่ย มีสเน่ห์ชะมัดเลย....



เดี๋ยวๆๆ....กลับมาก่อน



“เห็นไหม...คุณลองดูอีกรอบก่อนสิ” คุณลุงอีกคนแกเห็นพี่ธีเงียบไป เลยตอบกลับไป

“อ๋อ...เปล่าครับ” พี่แกรีบละสายตาจากผม แล้วอธิบาย“ผมคิดเรื่องอื่นอยู่ ตรงนี้รบกวนแผนกบัญชีทบทวนด้วยครับ ตัวเลขมันหลอกครับ มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้า....”

ผมไม่ได้ฟังแล้วครับว่าเขาพูดอะไรกัน.....ผมมองแต่ไอ้คุณธีบ่นตรงนั้น ตัดตรงนี้ ว่าคนโน้น ลุงคนนั้นปวดหัว ลุงคนนี้ถอดแว่นออกมาขยี้ตา แล้วโดนโยนกระดาษใส่แบบไมได้ตั้งใจ โคตรเพลิน...ตลกดีว่ะ.... คนแบบนี้เค้าจะชอบคนแบบไหนวะ...แฟนเค้าจะหน้าตายังไงหว่า...ผมนึกถึงนางแบบสูงร้อยเจ็ดสิบกรีดตาคมกริบท่าทางเย่อหยิ่ง...ไม่ก็เป็นคุณหมอหน้าใสไฮโซเรียบร้อยจบปริญญาเอกจากต่างประเทศ อะไรทำนองนั้น

หลังจากมองคนแก่คุยกันจนเสร็จ เหมือนเขาจะสรุปอะไรได้บ่างอย่าง ในขณะที่ผมพยายามยืนให้ไกล้กับเครื่องต้มน้ำที่สุดเพราะมันอุ่น ลุงคนหนึ่งก็พูดขึ้น
   

“เรานี่เหมือนพ่อเด๊ะๆเลยนะ ไอ้หนุ่ม” แล้วตบบ่าพี่ธีเบาๆ

“แตะเบรคไว้บ้างก็ดี เครียดไปเดี๋ยวแก่ไวนา... นี่ๆ เดี๋ยวให้อาๆไปไปเที่ยว คืนนี้ไปกันไหม” ลุงอีกคนเอ่ยปากชวน
“อ๋อ...ไว้วันหลังแล้วกันครับ วันนี้ผมมีธุระตอนดึกๆ”

“แน่ะ! เหมือนพ่อมันเปี๊ยบ! ฮ่าๆ งั้นไว้เจอกันรอบอื่นแล้วกันนะ”

ทุกคนค่อยๆทะยอยออกไปจนหมด ผมโล่งใจ ..ไหนวะ? ไหนใครบอกโหดร้าย ไม่เห็นจะมีอะไรเลย...
เหลือแค่พี่ธีที่กำลังยืนจิ้มโทรศัพท์มือถืออยู่คนเดียวในห้อง ลุงๆแกแล้วน่าจะไกล้ถึงลิฟท์ถ้าวัดจากเสียงหัวเราะดังสนั่น พี่แกยืนพิมพ์ข้อความสักอย่างอยู่แน่ๆ ผมมองเค้าไปเพลินๆจนแกเงยหน้าขึ้นมา เราสบตากันเป็นครั้งที่สาม ผมยิ้มให้เป็นมารยาทแล้วชวนเขาคุย


“ขอโทษอีกครั้งนะครับ” ผมยกมือไหว้เขาแบบสบายๆ ผมว่าเขาไม่ติดใจผมแล้วล่ะ...มั้งนะ

“เรา...เอ่อ...น้องเอ็มใช่ไหมครับ” เขาน่าจะอ่านป้ายชื่อผม
“ครับ...พี่จำผมได้ใช่ไหมครับ?” จริงๆตามมารยาทผมไม่ควรเรียกแขกว่า “พี่” เลย แต่ก็เผลอทุกที
“อืม...เกือบทำเสื้อผมไหม้” เขาพูดไปพร้อมหัวเราะในลำคอ ผมไม่รู้พี่แกมาอารมไหน
“เอ่อ...”


“คืนนี้ว่างไหมครับ?”
“เอ่อ....” หมายความว่ายังไงวะ เค้าจีบกูเหรอ ผมรู้สึกลุกลี้ลุกลนไปหมด แต่ยังเก็บอาการไว้อยู่
พี่ธีหัวเราะเบาๆ “มีงานแปลภาษาให้ช่วยหน่อยครับ...พอดีเป็นจ๊อบด่วน แต่เอกสารเอาออกไปจากห้องผมไม่ได้นะ เลยอยากได้เด็กผู้ชายมาช่วยหน่อย พอดีล่ามที่มาด้วยกันเป็นผู้หญิงน่ะครับ เดี๋ยวมันจะดูไม่ดี”

“อ๋ออออ” ไม่เอาสิไอ้เอ็ม...อย่าคิดมาก
“แปลภาษาอังกฤษได้ใช่ไหมครับ?”
“อ๋อ...ก็พอได้ครับ...ยากไปก็ไม่ได้นะครับ”
“ถ้างั้นช่วงเย็นเดี๋ยวผมโทรนัดอีกที ไม่เกิน 6 โมง ไหวไหมครับ?”
“อ่า...น่าจะได้ครับ” ผมตอบตกลง
“งั้นเดี๋ยวผมโทรไปครับ...” พี่แกยิ้มให้ผม ก่อนจะเดินออกจากห้องไป


.............
.................


????

...เค้ามีเบอร์กูเหรอวะ?...



ผมได้แต่ยืนมึนงง ฟุ้งซ่าน รอจนมั่นใจว่าจะไม่มีใครกลับมา จึงค่อยๆเดินไปปิดปลั๊ก ปิดไฟ เก็บของจากโต๊ะประชุม มีเศษกระดาษที่ถูกฉีกเขียนเป็นลายมือหวัดๆด้วยปากกาหมึกซึมสีดำเป็นตัวเลขกับภาษาไทย ที่รวมกันแล้วเหมือนภาษาต่างดาว จะใช่ลายมือเขาไหมหว่า...


และขณะที่ผมกำลังพิจารณากระดาษภาษาต่างดาวท่ามกลางแสงสลัวอยู่นั้นเอง




แล้วประตูด้านหลังผมก็ปิดลง! ผมรีบหันไปมองแต่ไม่เห็นว่าเป็นใครเพราะในห้องมันมืดไปหมด




“ทำอะไรอยู่ครับ...” ผมสะดุ้งเพราะเสียงจากด้านหลัง ไม่พอ! มีสองมือเข้ามาคว้าเอวผมไว้แน่น ผมรีบหันกลับไปแต่หันไปไม่ได้เพราะแขนทั้งสองข้างรัดไว้แน่น! “เห้ย!” ผมเริ่มดิ้นแรงขึ้นและเริ่มส่งเสียงดัง จนคนข้างหลังหลุดหัวเราะออกมาดังลั่น รู้เลยว่าใคร!



“พี่แทน! ตกใจหมด!” ผมหมุนตัวไปชกไหล่พี่แกเบาๆ “โจทย์ยิ่งเยอะๆอยู่ เล่นไม่รู้เรื่องเล้ยยย” ผมบ่นใส่พี่แกที่เดินไปเปิดสวิชไฟห้อง แล้วก็ล็อคประตู....



“ฮ่าๆ... นี่....หยุดเลย มาคุยกันก่อน เมื่อวานไปไหนมา......” พี่แทนถามเสียงเข้ม บรรยกาศจากเมื่อครู่กลายเป็นมาคุไปซะอย่างงั้น



“อยู่บ้านไงพี่...จะให้ผมไปไหนอ่ะ” ผมทำเป็นไม่รู้เรื่องไว้ก่อน ตามธรรมชาติ


“โกหก...” เสียงพี่แกเริ่มคาดคั้น


“จริงๆ...พี่...ผมจะโกหกทำไม”


“ไม่รู้อ่ะ...รู้แต่ว่าโกหก”



“พี่อ่า.....ทำไมว่าผมงี้อ่ะ....น่าน้อยใจว่ะ” ทำไงดีกู ทำเป็นงอนแล้วกัน ผมเกาะแขนเสื้อพี่แกไว้แบบหลวมๆ ทำหน้าจ๋อย การทำหน้าจ๋อยคือมองต่ำแล้วแฉลบออกข้างประมาณว่าเราเสียใจนะ... มันคือการตอแหลนั่นแหละครับ ผมรู้สึกผิดนะบอกไว้ก่อน แต่ก็แค่ไปดูหนังนี่หว่า จะบอกให้เป็นเรื่องทำไม


“โอ๋ๆๆๆ...ล้อเล่นคร้าบบบบ อย่าโกรธพี่น้า” พี่แทนสวมกอดเข้ามาแน่นๆลูบหัวลูบหลังปลอบใจยกใหญ่ รอดไปครับผม
“ง้อเลย.....” ผมแกล้งงอนต่อ
“ฮ่าๆ อยากทำอะไรบอกมาเลยครับ” พี่แทนก้มลองหอมแก้มผมเบาๆ
“อยากกิน...”
“กินอะไร สเต๊ก ปลาดิบ ปิ้งย่าง...ครัวข้างล่างมีวากิวมาใหม่ด้วยนะ พี่ยังไม่ได้ลองเลย ไปป่ะ”


“อยากกินพี่นั่นแหละ.....” ผมพูดไปแล้วเอามือลูบต้นขาพี่แกเบาๆ ให้พอสยิว กัดริมฝีปากตัวเองแล้วสบตาพี่แทน ผมได้รับคำตอบที่ผมต้องการเสมอ


“เด็กไม่ดี.....”

“อือ.....ทำยังไงดีล่ะเนี่ย” ผมไล่นิ้วไปที่ซิบกางเกงพี่แทน ที่มีของแข็งรออยู่ข้างใต้อยู่แล้ว
   
“ต้องโดนทำโทษซะแล้ว...”

พี่แทนกดหัวผมลงไปต่ำ ผมคุกเข่าลงอย่างรู้งาน ส่วนมือก็ทำงานที่ต้องทำไปอย่างเคย สำหรับร่างกายผมแล้ว กับพี่แทนนี่ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้จริงๆ ให้ตายเหอะ

“...อา...ดีๆ อย่างนั้นแหละ” พี่แทนกดหัวผมลงกับแก่นกายที่แข็งสู้ขึ้นมา พี่แกยืนอยู่ชิดผนังข้างประตูส่วนผมที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า ในจังหวะที่ผมเห็นว่ากำลังพอเหมาะพอดี ก็รูดซิบเอาของตัวเองออกมาจัดการด้วยมือข้างที่ว่างอยู่..


“โฟกัสหน่อยสิครับ อย่าลักไก่สิครับที่รัก” พี่แทนจิกผมดึงให้ผมหยุด เงยหน้าขึ้นมาฟังที่เขาพูด
“อย่าล้มแล้วกันพี่” ผมกัดตัวเองปากอย่างท้าทาย

“บอกตัวเองเหอะ...” พี่แทนยิ้มก่อนจะดันผมลงกับพื้นพรม ผมสัมผัสได้ถึงอารมที่รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ มันไม่ใช่ความรุนแรงของกามอารมณ์ตัญหา แต่มันเป็นความรุนแรงทางร่างกายจากการผลัก จับ สัมผัส ผมชักจะเริ่มเจ็บขึ้นบ้างนิดหน่อย จากเดิมเขาก็รุนแรงพอสมควรนะ แต่ปกติไม่ขนาดนี้นี่หว่า

จากการปลดกระดุมไม่ทันใจจนกลายเป็นการกระชากเบาๆให้หลุด ผมมองใบหน้ากระเหี้ยนกระหือรือนั้นด้วยความสงสัยลึกๆในใจ พี่แทนพุ่งเป้าลงไปที่ส่วนคอและไหล่ได้ไม่นานและไม่แม้แต่จะจูบผมด้วยซ้ำ เขาก็ผละออกจากร่างกายท่อนบนของผมแล้วกระชากกางเกงของผมออกพร้อมๆกับกางเกงใน

“เดี๋ยวพี่...จูบผมหน่อยดิ..” พอจับมือให้พี่แกหยุด แล้วยื่นหน้าเข้าไปไกล้ พี่แทนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับหน้าผมแล้วกดนิ้วโป้งเข้ามาในปาก “อื้ออออ!” ผมปัดมือพี่แกออกแล้วถาม “กวนตีนเหรอ?”

“อือ...อยากได้ก็ขอดีๆดิ” พี่แทนยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วจับคางผมเบาๆ

“จูบผมหน่อยสิครับที่รัก...” ย่อมได้ครับ ย่อมได้ ผมทำหน้าออดอ้อนในแบบที่แกชอบ

“โว๊ะ....ดีได้แค่เนี้ย!” พี่แกส่ายหน้ากวนประสาท ส่ายหน้าแต่น้องชายขึ้นมาชี้หน้าผมซะอย่างงั้น แหม...ไม่เนียนเลย

“...พี่....ผมอยากโดนพี่เอา...” แกล้งแม่งดีกว่า ผมพูดแล้วกัดริมฝีปากตัวเอง ผมรู้ว่าใครบ้างที่แพ้ใบหน้านี้

“เชี่ย!.....” พี่แทนกดจูบลงกับหน้าผมแรงๆ เราแลกลิ้นกันนัวเนีย ส่วนมือที่ว่างอยู่ลูบเค้นกันรุนแรง ไล่ตั้งแต่ต้นแขนไปจนถึงสะโพก กางเกงผมหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ กางเกงในก็เช่นกัน “หาเรื่องเจ็บตัวเองนะ...” พี่แทนพูดหลังจากเราผละออกจากกัน แล้วยกขาข้างหนึ่งของผมขึ้นพาดไหล่ กดส่วนหัวของมันเข้ามา แล้วโน้มตัวลง

“อ่าซ์.....”

“อื้อออ....ถ้าอยากให้เจ็บต้องแรงกว่านั้นนะ...อุ๊บบ!” ผมกวนตีนพี่แกกลับบ้าน แต่ยังพูดไม่ทันจบก็โดนดันสวนเข้ามารวดเดียวมิดด้าม เชี่ย...จุกดิ  มึนเลย

“ซี๊ดดด....อะไรนะครับ....ไม่ได้ยิน” แถมโดนมันกวนตีนกลับอีก การหยอกเย้ากันเล่นๆของผมชักจะเลยเถิดแล้วสิ
“โอย....เบาหน่อยพี่!” มันเจ็บจริงๆนะ ชักจะไม่สนุกแล้ว
“ขอดีๆสิ...เป็นเด็กดีหน่อยสิ...ไหน…อืมม....เจ็บเหรอครับ” พี่แทนจับมือของผมกดลงกับพื้น แล้วก้มมาพูดไกล้ๆผมด้วยสีหน้าเย้ยหยันเป็นที่สุด “อือออ...” ผมพยักหน้าตอบทั้งๆที่ยังหน่วงๆที่ท้องอยู่

“ไหนเจ็บเหรอ?” พี่แทนไม่พูดเปล่า เริ่มขยับตัวสวนเข้ามาเป็นจังหวะ
“อื้ออออ!...เจ็บครับ..อ๊ะ..ผมเจ็บก็ได้” ผมร้องออกไปเพราะเจ็บจริง
“ฮ่าๆ...เจ็บก็ได้เหรอ...อ่าาา.....ซ๊ดดดดด.....ไหนบอกซิว่าวันหลังจะเป็นเด็กดี...” ยังคงดันตัวเองเข้ามาเป็นจังหวะ ผมหน้าเหยเกด้วยความที่ร่างกายยังปรับตัวไม่ได้

“อื้ออออ...อ๊ะ...” กูขอหายใจแป๊ปนึงได้ไหม!
“บอกสิ...ผัวครับ...ผมจะเป็นเด็กดี”
“อือออ...ผัวครับ...อื้อ....ผมจะเป็นเด็กดี..” ผมกัดฟันพูดเท่าที่จะออกเสียงได้
“เก่งมาก...เห็นมั้ย แค่นี้เอง” พี่แทนก้มลงจูบที่หน้าผาก แล้วผ่อนจังหวะลง คลายมือที่กดผมลงกับพื้น แล้วดึงผมขึ้นไปกอด….
   
   ___________________________________________________

การได้นอนซุกอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่ หนาฟู นุ่มสบายสไตล์ขนห่าน ในยามเย็นนี่มันคือที่สวรรค์ของคนขี้เกียจแบบผมจริงๆ บนเตียงรูปวงกลมของพี่แทนที่ปูด้วยฝ้าใยเหี้ยอะไรซักอย่างที่ทำให้เตียงเย็นตลอดเวลา มีพี่แทนนอนกรนอยู่ข้างๆ หลังจากเซ็กซ์ในห้องประชุม เราพากันขึ้นมาพักบนห้องส่วนตัวของแกที่ชั้นบนสุด พี่แทนแกตักตวงร่างกายผมซะจนหมดเกลี้ยง หมดแรง สิ้นสภาพนักศึกษา



ไม่น่าปากดีเลยกู.......



ผมลุกขึ้นจากเตียงมาล้างหน้า กลับมาหยิบมือถือตัวเองออกมาดู



1 สายไม่ได้รับ เบอร์ไม่คุ้น....โทรมาเมื่อหนึ่งชัวโมงก่อน...ใครวะ



ไอ้เหี้ย! คุณธีนพ!
 ___________________________________________________


ตอน 2 จบแล้วนะค้า  :L2:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 2 : โกหก (20.10.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 21-10-2016 00:32:28
กรี้ดดดด สนุกกๆๆนายเอกน่ารักดูกวนตีนไม่ค่อยคิดอะไรดี55555  :hao7: ลืมนัดคุณธีนพแล้วทำไงนิ อิอิ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (1.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 01-11-2016 02:04:40
3.

“พี่ครับ! ขอโทษที เมื่อกี้ผมหลับ!” ผมรีบแก้ตัวกับโทรศัพท์เป็นการใหญ่ ระหว่างที่ลงลิฟท์มาจากชั้นเพนท์เฮ้าส์

“ไม่เป็นไรครับ....พอดีผมได้คนใหม่แล้วครับ….” เขาตอบเสียงเรียบ

“โหย...ผมขอโทษนะครับ...” จ๋อยเลย....ผมทำบุญมาด้วยอะไรกับคนนี้วะเนี่ย “...เอ่อ...มีอะไรให้ผมช่วยพี่บอกได้เลยนะครับ” รู้สึกผิดเชี่ยๆ ทำยังไงดีๆ
   
“ครับ...” เขาตอบกลับมาสั้นๆ

“เอ่อ....ท่านข้าวหรือยังครับ” ผมพูดไปตามอัตโนมัติ คือตั้งใจจะให้เขารู้สึกดี เหมือนคุยกับคนปกติทั่วไป....แล้วเพิ่งคิดได้ ชิบหาย! กูไปถามเค้าทำไม! มันใช่เหรอ!

“หืม?............เอ่อ...ทานแล้วครับ” พี่เขาไม่วางสายว่ะ...กูวางเองก็ได้!

“อ๋อ...เอ่อ...ครับ ดีแล้วครับพี่...เอ่อ...แค่นี้นะครับ” ผมรีบพูดปิดท้ายให้นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ววางสายพี่แกไป ในใจก็ได้แต่สาปแช่งความโง่เง่าของตัวเองไปตามทาง ยังไงดีล่ะทีนี้ เดินออกมาเคว้งคว้างอยู่หน้าลิฟท์ ...กลับไปนอนต่อก็ได้วะ...

______________________________________


ผมใช้คีย์กาดของพี่แทนในการขึ้นลิฟท์และเปิดประตูกลับเข้าไปในห้องส่วนตัวด้วยความนอยด์ นึกได้ว่าควรจะบอกพี่เขาไหมหว่าว่าเราไปไหนมา ....แต่อย่าเลย ขี้เกียจอธิบาย... นึกได้แล้วผมก็ถอดกางเกงกับเสื้อเชิ๊ตออก เหลือแต่เสื้อสีขาวบางเบาตัวในที่ใส่ไว้แก้หนาวแต่แม่งก็ไม่ได้ช่วยอะไร แล้วมุดกลับไปในผ้าผ่ม ที่มีแทนยังคงนอนแน่นิ่งอยู่แบบเดิม

“อือ...ไปไหนมา...” เขาขยับตัว คุยกับผมจากด้านหลัง
“ไปคุยโทรศัพท์ครับพี่ น้าโทรมา...” ผมสวมกอดเขาจากด้านหลัง
“วันนี้ไม่ค้างด้วยกันเหรอ...” พี่แทนพลิกตัวมาหา
“ค้างสิพี่ น้าแกโทรมาคุยด้วยเฉยๆ” ผมตอบแล้วซุกหน้าลงตรงหน้าอกพี่เขา
“สั่งอะไรขึ้นมากินกัน หิวแล้ว” พี่แทนตอบพร้อมเขี่ยผมบนผัวผมเล่นไปมา

พี่แทนลุกขึ้นจากเตียง ขณะที่ผมดึงผ้าห่มเข้ามาห่อตัว กลิ้งไปตรงกลางเตียง คิดถึงเรื่องโน้นนี้ไปเรื่อยเปื่อย...
ถ้าผมเกิดไปทันมันจะเป็นยังไงว้า... ผมพยายามจินตนาการภาพด้วยสมองอันไร้จินตนาการของตัวเอง เราจะคุยอะไรกับเขา  คือแบบว่า...มันก็น่าสนใจดีนะ...น่าเสียดายชะมัด...แล้วผมก็ถามว่ากินข้าวหรือยัง...โถ่กู....

“เอ็ม...เอ็ม..” พี่แทนเขย่าตัวผมเบาๆ
“หื้มมมมมมมม?” ผมบิดขี้เกียจ แล้วเปิดผ้าห่มออก
“ถอดเสื้อผ้าออกซิ...” เขาบอก ผมหรี่ตามอง ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออกโดยที่ไม่ได้ถามอะไร แล้วโยนเสื้อกับเกงตัวเองไว้ข้างๆตัว

“ไม่ต้องถอดกางเกงในนะ” พี่แทนเอามือมาห้ามไว้ แล้วดึงให้ผมลุกขึ้น “ลองนี่ซิ” แล้วส่งเสื้อแขนยาวมาให้ตัวนึง
“โหยพี่...ซื้อให้ผมเหรอ!” ผมลุกขึ้น สะบัดหัวไล่ความงัวเงียออกไป ก่อนจะคว้าเสื้อมาสวม
“อือ...มีอะไรในตัวเอ็มไม่เป็นของพี่บ้างอ่ะ?” พูดไปขยี้หัวผมเล่นไปด้วย ...เออว่ะ...แต่มันฟังดูทะแม่งๆนะพี่ ?
“เอ้านี่! นี่ด้วยกางเกง นาฬิกา ใส่ด้วยกันนะ” ผมหยิบทุกอย่างมาสวม นาฬิการาโด้สีดำสวยชิบหาย เสื้อแขนยาวเทารัดรูปเล็กๆกับกางเกงขาสามส่วนพอดีตัว
“ฟิตไม่เปลี่ยนเลยนะ” พี่แทนพูดไปพร้อมเอามือลูบระหว่างขอบกางเกงกับเอวผมเล่น “ทำไมตูดไม่ฟิตงี้บ้างวะ”
“กวนตีนและพี่!” ผมชกท้องเขาเบาๆ
“โอ้ย! ยอมแล้วครับๆ” พี่แทนถอยหนีไป พร้อมกับยกมือห้าม จริงอยู่พี่แทนสูงกว่าผม แต่ผมแข็งแรงกว่าเยอะ ผมว่าแกน่าจะเจ็บจริงๆแหละ สงสารก็สงสาร ตลกก็ตลก 
“มานี่เลย” ผมดึงพี่แกมากอดแล้วล้มลงบนเตียง “ผมจะนอนชุดนี้แหละ”
“ไอ้บ้า ไปซักก่อน!” พี่แกโวยวายแล้วพยายามถอดเสื้อผมออก คือคนเรา พอร่างกายสัมผัสกัน....เครื่องมันก็ติดใช่ไหมครับ
“งั้นก็ถอดให้หน่อยดิ...” ผมสบตายั่ว...
“ยังไม่หมดก๊อกอีกเหรอ...”
“อือ...พี่อ่ะหมดยัง?”
“อย่าท้านะครับ” พี่แทนรวบมือผมขึ้นเหนือหัว...

แล้วเสียงกริ่งหน้าห้องก็ดัง!

“เด็กเสริฟขึ้นมาเพนท์เฮ้าส์ได้ไงวะ!....” พี่แทนพูดแล้วปล่อยผม เพื่อจะเดินไปเปิดประตูห้อง ตามปกติกริ่งในห้องจะอยู่ที่ห้องชั้นตรงกลางซึ่งเป็นที่เอาไว้เก็บพวกรองเท้ากับวางของจุกจิก แต่พนักงานทั่วไปจะไม่สามารถเดินผ่านประตูนอกสุดเข้ามาได้ นอกเสียจากจะกดปุ่มอินเตอร์คอมพ์ให้คนด้านในเปิดให้ หรือใช้คีย์การ์ดของของเท่านั้น

“ไอ้เหี้ย!” ผมมองไปตามเสียงพี่แทน ไอ้เหี้ย! เนี่ย น่าจะแปลได้ว่าเป็นชื่อเพื่อนพี่แกซักคน
“ไอ้เหี้ยเปรม! มึงเข้ามาๆ” อ๋อ...พี่เปรม เพื่อนสนิทของพี่แทน แกบินไปต่างประเทศเมื่อปลายปีก่อน สงสัยจะเพื่งกลับมาเหมือนกัน
“อ้าว...ไหง สุดหล่อ” พี่เปรมทัก แกเป็นผู้ชายผิวเข้ม เสียงก็เข้ม ผมดกดำเสยเรียบ หน้าตากวนตีน ผมยกมือไหว้พี่เขาทั้งๆที่เสื้อยังคาอยู่ที่แขน แล้วครึ่งตัวอยู่ในผ้าห่ม พี่เปรมเห็นสภาพผมกับพี่แทนกันมานานนมจนไม่มีอะไรต้องอาย
“อ้าว! หวัดดีครับพี่...ผมตกใจหมดเลย”
“ฮ่าๆ นี่ๆ พี่มีของมาฝากด้วยนะ”
“ใครๆก็คิดถึงน้องเอ็ม...” ผมพูดพร้อมสวมเสื้อแล้วลุกขึ้นไปนั่ง พี่เปรมวางถุงกระดาษใหญ่ๆลงข้างๆที่ผมนั่ง ผมหยิบกล่องใหญ่ออกมาจากถุง เป็นโดรนตัวเล็กๆมีกล้องความละเอียดสูงติดอยู่ ของเล่นนี่หว่า “ขอบคุณคร้าบบบ” แหมวันนี้มันวันคริสมาสของน้องเอ็มชัดๆ ผมแกะกพลาสติกที่ห่อกล่องออก แล้วเปิดฝา โดยไม่ได้สนใจว่าพี่ๆเขาคุยอะไรกัน ข้างในกล่องเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่ดูคุ้นตาเหมือนที่เคยเห็นบ่อยๆในโฆษณา ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอามาทำอะไร แต่เอาไปบินแกล้งชาวบ้านเล่นน่าจะเป็นความคิดที่ดี

“เออเจอธีนพยัง?” ผมเงี่ยหูฟังเมื่อได้ยินชื่อนี้จากปากพี่เปรม
“น้องพี่ตาลอ่ะนะ...ยังเลยว่ะ...มึงเจอแล้วเหรอ”
“กูเจอตอนกลับมาไทยรอบก่อน ไปตีเทนนิสกับเฮีย...กวนส้นตีนชิบหาย”
“มาดิ...กวนตีนเนี่ยกูชอบ”

อ้าว....เค้าไม่ชอบกันเหรอวะ....ดีนะไม่ได้บอกพี่แทนว่าจะไปช่วยงานเขา...สงสารเค้าเหมือนกันนะ ผมเห็นแต่ว่าเค้าเป็นคนจริงจังกับการทำงานมากไปหน่อย ก็แค่นั้นเอง หรือจริงๆแล้วผมเป็นคนหน้าด้านวะ? ช่างมันเหอะ... ไหนมีอะไรให้แกะอีก
   
“นี่ๆ....ฝึกงานกะไอ้แทนเหนื่อยปะ?” พี่เปรมนั่งลงข้างๆผม ขณะที่พี่แทนออกไปไหนซักที่
“ไม่อ่ะพี่....ไม่ได้ทำไรเลย”
“ฮ่าๆๆ...รู้เลยว่าทำอะไร”
“พอพี่ไม่อยู่ พี่แทนแม่งเอาใหญ่เลย เหมือนพี่แกเหงาอ่ะ” ผมพูดติดตลก
“เป็นแฟนกันแล้วดิเนี่ย?”
“...เปล่าพี่...” ผมนิ่งไปกับคำถามนั้น  จะถามทำไมให้คิดมากวะพี่ “ทำไมถามอ่ะ?”
“อยากรู้เฉยๆ...ทำไมอ่ะ ยังไม่ชอบไอ้แทนอีกเหรอ?”
“มันไม่เกี่ยวกับชอบไม่ชอบหรอกพี่...” ผมตอบ “ผมไม่ชอบมีแฟนอ่ะ...พี่แทนก็ไม่ชอบมีแฟน...เลยอยู่ด้วยกันได้ไง”
“พวกมึงแม่ง...จะทำให้มันยากทำไมว้า”
“ไม่เห็นยากเลยพี่ เป็นแฟนกันแม่งยากกว่าอีก”
“เออๆ...ขี้เกียจเถียงกะพวกมึงจริงๆ”

ผมหัวเราะใส่พี่เปรมที่ลุกหนีไป

“พี่ๆ...คนที่ชื่อธีนพนี่เค้าเป็นยังไงเหรอ?” ผมถาม
“หืม....รู้จักด้วยเหรอ?”
“อือ...ผมชงกาแฟห้องเค้าเมื่อเช้า”
“เออ...ตอนประชุมแม่งคงอาละวาดน่าดู”
“ก็มีบ่นๆนิดหน่อยนะ... ไม่รู้ว่ะพี่ แบบไหนเรียกอาละวาดอ่ะ”
“ก็แบบที่แม่งชอบทำแหละ....มันก็เป็นคนเก่งนะ แต่เป็นเด็กใหม่ในกรุ๊ปแล้วแม่งไม่รู้จักกาละเทศะ”
   
พี่แทนเปิดประตูเข้ามา พร้อมกับรถเข็นถาดอาหารที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดของโรงแรม และหยุดการสนทนาของพวกผมลงแทบจะในทันที


_________________________________________________


“หญิง..มึงทำพรีเซ้นให้กูหน่อยดิ นะๆๆ” ผมกำลังออดอ้อนมันด้วยการซื้อข้าวและขนมมาให้มันถึงบนโต๊ะกลมหน้าคณะ โดยที่ข้างๆมีไอ้แบงค์นั่งกินมันทอดของมันอยู่
“ทำไมกูต้องทำให้มึงอ่ะ...” อิหญิงหันมาถาม
“เพราะกูเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตมึงนะตอนนี้....มึงเห็นไหมว่าตอนที่มึงไหมเหลือใครมึงยังมีกู!”
“อีดอกมึงเป็นตุ๊ด! แล้วมันก็ไม่เกี่ยวเหี้ยอะไรกันเลย!”
“ก็มึงมีแค่นี้อ่ะหญิงงง ทำให้กูหน่อย กูกราบบบ กูทำไม่เป็น กูมันโง่ กูมันเลวววว”
“อีดอก! อย่าเล่นใหญ่ กูอาย!  มึงเอามาดูก่อน” ผมยิ้มเลย ถ้าให้หญิงบอกเอามาดูก่อน แปลว่ามันจะทำให้แน่ๆ

“ถ้ามึงช่วยกูทั้งเทอมนะ...เดี๋ยวกูจะไปช่วยมึงทำโปรเจคต์ ที่เชียงใหม่” ผมเสนอ
“ผัวมึงจะให้มาเหรอวะ” หญิงถาม
“สัด! บอกแล้วว่าไม่ใช่ผัว” ผมรีบตอบ
“เยกันมากี่ปีแล้วบอกไม่ใช่ผัว กูเพลียอ่ะ”
“มึงอ่ะเว่อร์”
“เว่อร์เหี้ยไร มึงอ่ะบาปกรรม”

“บาปเกี่ยวเหี้ยไร เค้าเต็มใจ กูก็เต็มใจ.... มึงอย่าพูดดิ กูอุส่าทำเป็นมึนๆ” มันก็ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรนะ สำหรับผมแค่มันไม่ยอมไปถึงจุดนั้นเสียที

“มึงว่าเค้าจะชอบมึงป่าวอ่ะ...พี่แทนอ่ะ” มันถาม
“ชอบดิ...ไม่ชอบเค้าจะเอากูเหรอ” ผมตอบ
“ชอบแบบ...จริงจังดิ!” อีหญิงค้าน
“จริงจังยังไงวะ...คือจะให้ขอกูแต่งงาน...มีลูก ไรงี้เหรอ?”
“แบงค์มึงช่วยกูบ้างดิวะ” หญิงหันไปแขวะไอ้แบงค์
“กูไม่รู้!...ยังไงดีวะ กูว่าเอ็มมันก็ไม่บาปนะ ดีจะตายแบบ เอากันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องมีแฟน”
“มึงไม่กลัวเขาเสียใจเหรอวะ..” หญิงถามผม ยอมรับว่าคำถามมันตอบยากจริงๆ
“เค้าโตแล้วมั้ยอ่ะ...มึงมาห่วงกูนี่ กูอาจจะเสียใจก็ได้นะ!” ผมตอบ
“มึงไม่เสียใจหรอก มึงมันหน้าใสใจเสือ”  เอา....เอาเข้าไป
“ก็แบบ เค้าตกลงกันไว้ป่าววะ ผู้หญิงผู้ชายคิดไม่เหมือนกันมั้ง” ไอ้แบงค์เสริมเข้ามา
“แบงค์กูบอกให้มึงช่วยกู ไม่ใช่ไปช่วยมัน!”
   
โทรศัพท์ผมสั่นจากสายเรียกเข้า ผมเลยเลิกเถียงกับพวกมัน แล้วหยิบออกมาดู

PARK : หวัดดีคร้าบ

เชี่ย...ไม่ตอบดีกว่า

“มึง พรุ่งนี้พวกมึงเรียนเช้าป่ะ?” ผมรีบหาทางออกจากบริเวณคณะ
“พรุ่งนี้ฝึกงานค่ะ! มึงก็ไปเข้ากะกูเนี่ย จำเหี้ยอะไรได้บ้าง” ไอ้หญิงด่า
“ของกูมีเรียนว่ะ ทำไมอ่ะ?” ไอ้แบงค์ตอบ
“กูอยากแดกเบียร์”
“ไม่เอา...ขี้เกียจหิ้วมึงกลับอ่ะ” ไอ้หญิงตอบ พร้อมๆกับไอ้แบงค์ที่ตอบว่ะ “ป่ะ!”
“โอ้ยยย มึงหิ้วมันเองนะ แบงค์!”
“ไม่เกินสี่ทุ่มกลับ เคป่ะหญิง กูสัญญา” ผมยิ้มให้ไอ้หญิงที่กำลังกลอกตามองบน


_________________________________________________


เที่ยงคืนครึ่ง....


“ทำไมวะเอ็ม!...กูยังไม่สวยพอเหรอวะ! ฮืออออ....แบงค์มึงทำอะไรซักอย่างดิ๊....กูจะแก้แค้นมัน!...มันแอบคุยกันก่อนเลิกกับกูนะเว้ย! ฮือออออออ....”

“อะไรนะ! กูไม่ได้ยิน!” ผมที่กำลังนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ได้ยังไงก็ไม่รู้ ตะโกนกลับไปถาม ไอ้หญิงพูดอะไรวะ แล้วนั่นมันลงไปนั่งกับพื้นทำไมวะ เชี่ย!...หันหน้าเร็วๆแล้วเวียนหัวชิบหาย...ไปดูดบุหรี่ดีกว่า...เชี่ย! บุหรี่กูหายไปไหนวะ! ผมลุกขึ้นเงอะๆงะๆ ขณะที่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามพยายามพูดอะไรบางอย่างแบบใส่อารมณ์เป็นที่สุด มีคนดึงแขนผมไว้ทำให้ผมลุกออกไปไม่ได้...อ้าว...ไม่มีนี่หว่า...แม่งใส่อะไรลงไปในเตาบารากุวะเนี่ย



“นายๆ..มีบุหรี่ป่ะ?” ผมหันไปถามคนข้างๆ ที่จำชื่อไม่ได้ จำได้แต่ว่าเราพูดคุยกันมาซักพัก แล้วเขาเรียนคณะ...เอ่อ....คณะอะไรว้า...


“ฮ่าๆๆๆ นายมีเหรอ?” มันหันมาหัวเราะ...เชี่ยตลกดีว่ะ ผมหัวเราะไปกับมัน เราสองคนขำกันจนลงไปนั่งกองกับพื้น จนผมรู้สึกว่าโลกกำลังหมุนตีลังกาอีกครั้ง เลยต้องงัดตัวเองขึ้นมา ไอ้หญิงกับไอ้แบงค์หายไป ผมเดินช้าๆ พยายามให้เป็นเส้นตรง แล้วหักเลี้ยวเอาเวลาเดินชนคน เพราะถ้าเราเดินเป็นเส้นโค้ง เราจะเดินเป็นวงกลมครับ เชื่อผม


“เอ็ม!”    


ผมหันไปตามเสียงเรียก ใครวะ... การมองเห็นของผมเริ่มตัดไปเป็นระยะ ขอบดำเริ่มลามเข้ามาในภาพ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมเดินไปหาห้องน้ำ เปิดก๊อก วักน้ำขึ้นมาล้างหน้า แล้วยืนพิงขอบอ่างมองหลอดไฟที่กำลังแตกเป็นสายรุ้งเจ็ดสีเหมือนเป็นสิ่งมหัศจรรย์


“เอ็ม...โห....ไหวมั้ยเนี่ย”
เชี่ย! พี่ปาร์ค เจอจนได้ ไม่ได้อยากเจอตอนนี้เลย ให้ตายเหอะ ขี้เกียจคุย น่าเบื่อ!

“สบ๊าย...”

“เนี่ยอ่ะนะสบาย ฮ่ะๆๆ” พี่ปาร์คเดินเข้ามาปัดผมบนหน้าผม

“อือ...” ผมพยายามเดินหลบออกไป แต่โดนล็อคตัวไว้

“หลบหน้าพี่ป่าวเนี่ย?”

“อือ...” ผมตอบแล้วพยายามแกะมือเขาออก ปล่อยกู! กูเวียนหัว!
“โห...อย่าล้อเล่นดิ!” พี่ปากขับแขนผม ทั้งสองข้างไว้ “คุยกันดีๆ เดี๋ยวพี่พาไปส่งที่ห้อง”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเพื่อนพาผมกลับ” ผมพยายามเดินออกด้านข้าง เริ่มมีคนเข้ามาในห้องน้ำ แล้วก็ตกใจเมื่อเห็นผมกับพี่ปาร์ค ก็เลยพากันเดินออกไป

“พี่! อายเค้า” ผมสลัดมือเขาออก

“เมาแล้วเกเรชะมัดเลยว่ะ มานี่มา!” พี่ปาร์คขยี้หัวผมเล่น ใครๆก็ชอบเล่นหัว ทำไมวะ เห้ยแล้วทำไม ใครดึง พี่ปาร์ค...ลากตัวผมออกไปจากห้องน้ำ ผ่านคนเพียบเลย คนมองเพียบเลย มีคนหัวเราะด้วย ผมหันหน้าไปอีกทางหนึ่ง อยู่ดีๆหันกลับมาก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่ลาดจอดรถ ยืนพิงรถคนหนึ่งอยู่ พี่ปาร์คปล่อยมือผม ผมเอามือสองข้างจับหน้าผมไว้ ผมไม่ชอบเลยว่ะ เราคุยกันแค่เล่นๆนะ แล้วพี่แกก็แค่คันๆอยากได้ผม ผมก็ไม่ได้เล่นตัวนะ แต่ตอนนี้มันยังไม่มีจังหวะ อย่าตื้อได้ไหมวะ เด็กชิบหาย!


“พี่! ปล่อย ผมปวดหัว” ผมปัดมือเขาออก

“หลบหน้าพี่ทำไมอ่ะ...”

“ผมไม่ได้หลบ...ผมแค่ยุ่งๆ...พี่อย่าเยอะดิ” ผมจะเริ่มหลบก็ตอนพี่เซ้าซี้เนี่ยแหละ

“ไม่อยากคุยก็บอกดีๆไม่ได้เหรอวะ!” เขากดผมติดกับรถ

“พี่เป็นเหี้ยอะไรวะเนี่ย!!”

เราสองคนเริ่มมีปากเสียงกัน ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยมีแรง และภาพที่เห็นยังล่องลอยอยู่บ้างก็ตาม ผมรู้สึกว่าตัวโดนเขย่า โดนผลัก หัวผมกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง ผมไม่มีแรงจะตอบโต้ แล้วก็ไม่เจ็บด้วย เพราะหน้าชา มือชา ลอยวิ้งๆ ผมพูดอะไรออกไปบ้างไม่แน่ใจ แต่ส่วนมากเป็นคำหยาบ ผมเห็นหน้าไอ้หญิงอยู่ไกลๆ ไอ้หญิงกะโกนอะไรบางอย่าง ไอ้แบงค์อยู่ข้างหลังเป็นภาพช้า.......แล้วอยู่ดีๆได้หญิงก็มาอยู่ข้างๆผม ไอ้แบงค์ดึงพี่ปาร์คออกไป ทุกอย่างเกิดขึ้นช้ามาก...หน่วงมาก.... หน่วงมาก....หน่วงมาก มาก......


_____________________________________________

ตอนที่ 3 มาแล้วนะค้า  :L2:




หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (1.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: autopilot ที่ 01-11-2016 08:36:39
สนุกดีจังค่ะ ไม่มาอัพต่อแช้วเหรอออ อยากอ่านต่อน้า สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (1.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-11-2016 09:40:24
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (1.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 01-11-2016 11:44:11
หูยยยยย  :ling1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (1.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Bradly ที่ 01-11-2016 18:40:30
ลุ้นๆใครพระเอก ส่วนเรา#ทีมธีนพ  :hao6:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (1.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-11-2016 05:31:41
เอ็ม มีเสน่ห์นะ ที่แน่ๆ ก็มีพี่แทน คบอยู่
พี่ปาร์ก พยายามคุยอยู่
ธีนพ นี่ยังสงสัย ต้องการให้แปลงาน หรืออย่างอื่น :katai1: :katai1: :katai1:
ไอ้มะระกู่ นี่ต้องเติมอะไรลงไปแน่เลย
ถึงมีผลทำให้เอ็ม เมา ตาพร่า คุมสติไม่อยู่
รอตอนใหม่
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (1.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 02-11-2016 10:22:18
รอติดตามค่ะ ชอบๆ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (1.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: liza sarin ที่ 02-11-2016 12:12:57
 :haun4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (1.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 03-11-2016 12:52:35
___________________________________________________

“เอ็ม! เห้ย! มันตื่นแล้วๆ” เสียงไอ้แบงค์มาพร้อมกับการจับตัวผมเขย่าแรงๆ ผมรู้สึกหัวถูกกดทับด้วยอะไรบางอย่างที่หนักมาก ปวดหนึบไปทั้งตัว รู้สึกเจ็บแปลบๆที่มุมปาก ภาพทุกอย่างเป็นสโลว์โมชั่น  ผมนั่งอยู่บน...เบาะรถ เบะหนัง เอ... รถไอ้หญิงนี่หว่า

“แบงค์..” ผมจะถามอะไรมันสักอย่าง แต่เจ็บคอเหลือเกิน

“มึงแดกน้ำ” ไอ้แบงค์ส่งน้ำมาให้แล้วประคองตัวผมขึ้นเพื่อดื่มน้ำจากขวด “กี่โมงแล้ววะ” ผมถาม ไอ้แบงค์พยักหน้าไปทางหน้าต่าง ผมหันไปมองทางมัน...ผมเห็นแสงแดดสองผ่านกระจกรถเป็นดวงระยิบระยับ....เช้าแล้วเหรอวะ!


“เอ็มมึงฟังกูนะ...มันมีเรื่องนิดหน่อยวันนี้” แบงค์พยายามอธิบาย ขณะที่ไอ้หญิงบ่นด่าใครบางคนอยู่หน้าพวงมาลัยรถ

“พี่ปันโดนสั่งย้ายจากแผนกเด็กฝึกงาน...ทุกคนคิดว่าเป็นเพราะมึง...” แบงค์สรุปแบบรวบรัด

“ห๊ะ!...ทำไมวะ พี่ปันย้ายไปไหน แล้วกูเหรอ?” ผมแทบจะสำลักน้ำเมื่อครู่ออกมา

“กูไม่รู้...เอางี้ก่อน...เอ็มมึงเข้าเวรไหวไหม แบบเดิมเลย เดี๋ยวกูส่งมึงลงข้างหน้านะ แล้วมึงวิ่งไปเลย ห้องเดิม แบบเดิม”
“แบบไหนวะ” ผมถาม สมองทำงานไม่ทัน
“เข้าไปยืนๆอ่ะ...หญิงมึงบอกมันดิ๊ กูไม่รู้!”
“แบงค์....มึงไม่มีเรียนเช้าเหรอ?” ผมเพิ่งนึกได้ แล้วได้ยินเสียงไอ้หญิงตะโกนมา “แบบตอนประชุมกลุ่มไง อีโง่!”

“มีไง! แต่ไอ้หญิงมันแบกมึงไม่ไหวไง!”

“อ๋อออออ ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะ “กูขอโทด” แล้วยกมือไหว้มัน “มึงอาบน้ำแต่งตัวให้กูด้วยเหรอวะ!” ผมเพิ่งเห็นว่าตัวเองอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อย พร้อมป้ายชื่อตัวเอง โคตรเจ๋งงงงง ....ฮ่าๆๆ กูยังไม่หายเมานี่หว่า

“เออ! อย่าถามรายละเอียด!” ไอ้แบงค์ยกมือห้ามเมื่อผมอ้าปากจะถาม “คืองี้เอ็ม...ไม่มีใครเข้าแทนมึงเช้านี้ เพราะเค้าเกลียดมึงกัน...แต่มึงใจเย็นนะ!” ผมทำหน้าอึ้งจนไอ้แบงค์ต้องจับไหล่ผมไว้เบาๆ

“มึงอย่าสงสัย มึงอย่าคิดอ่ะ ทำๆไปก่อน ทำได้ป่ะ!” มันบอก
“อ่อๆ..เออ..เออได้ๆ” ถนัดเลย ถนัดมาก
“เออ! เดี๋ยวค่อยคุยกัน เอาแค่นี้ก่อน มึงทำได้นะ”

“เออๆๆ ได้ๆๆๆ” ผมพยักหน้า พยักหน้าโดยที่เห็นภาพเป็นแบบหน่วงและข้า และตามมาด้วยเส้นเลือดในสมองเต้นตุบๆ

“ลงค่ะ! ลงข้างหน้าเลย เดี๋ยวกูเอาไปหาที่จอดเอง” ไอ้หญิงตะโกนบอก แล้วส่งผมลงข้างๆกับจุดจอดรถของแขก แบงค์ผลักผมลงมา ผมยืนหมุนตัวไปมาโง่ๆ แล้วเดินเข้าไปทางหน้าประตูล็อบบี้ เหลือเวลาอีก 5 นาที ชิบหาย ถ้าขืนวิ่งไปกลัวจะไปอ้วกโชว์ในห้องประชุม เดินไปแล้วกันวะ การที่ผมเดินช้าๆไปที่ลิฟท์ราวกับมองข้ามสายตาคนรอบข้างเพราะกำลังเยิ้มอยู่ แม่งคงเหมือนซินเดอเรลล่าทอดกายไปในดงดอกไม้ นั้นทำให้เกิดเสียงซุบซิบนินทาไม่น้อยแน่ๆ อยากคุยกับพี่ปันจังเลย อยากเคลียร์ มันคาใจน่ะ มันต้องเป็นพี่แทนแน่ๆเลยตอนที่ผมบอกว่าขี้เกียจตื่นเช้า แล้วพี่แกจะจัดการให้ นี่วิธีจัดการของพี่เหรอ ผมลืมไปทุกทีว่าเขาเป็นคนแบบนี้ ไอ้คนแบบอยากได้อะไรก็ชี้นิ้วสั่ง ไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่น มองคนเป็นผักปลา แล้วนี่กูป็นผักหรือปลาสำหรับเขา ผักจับฉ่าย หรือปลาดิบดีวะ นึกแล้วหิวชิบหายเลย เพิ่งรู้ตัวว่าแสบท้องอยู่ พอรู้ตัวว่าหิวเลยรู้ว่าตัวเองกำลังจะหน้ามืด แต่พอกำลังจะหน้ามืด ก็พาตัวเองมาหยุดตรงหน้าประตูห้องพอดี


“อ้าว! ไอ้หนุ่ม ไม่เคาะประตูอีกแล้วนะ!” ลุงคนเดิมโวยวาย


“ลืมครับ...” ผมไหว้แกแล้วยิ้มแห้งๆ แกคงจะงงๆ ทุกคนในห้องนั้นก็เช่นกัน ผมเดินไปยืนมุมเดิมแบบเดิม ลุงแกเกาหัวแกรกๆแล้วหันไปพูดกับ อีกคนที่ผมไม่เคยเห็นหน้า เป็นเด็กหนุ่มหน้าหวาน น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับผม ที่ดูดีมีชาติตระกูลกว่ามาก ผิวขาวจั๊ว หน้าใสอย่างกับกระจก จนอยากเดินไปถามว่ากินอะไรเป็นอาหารวะ “เอ้าต่อๆ เออ! มีเลขาแล้วง่ายขึ้นเยอะเลย”

เลขา...อ๋อออ ที่วันก่อนเขาไม่มานั่นเอง

“น้องแบมเป็นเลขาผมครับลุงเบญ ตรงที่โหลดเดี๋ยวผมหาคนอื่นมารับเอง...” คุณธีนพพูดแบบเดิม แบบที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาจากการทำอะไรก็ตามของเขา ส่วนนี่ก็น่าจะเป็นเลขาเขาสินะ ผมเพิ่งสังเกตุเห็นองค์ประชุมหายไปคนหนึ่ง หายไปไหนหว่า ผมยืนปล่อยให้สมองล่องลอยไปพร้อมกับยืนไกล้ๆตู้กดน้ำร้อนแบบเดิม แล้วนึกขึ้นได้ว่า ไอ้โต๊ะที่เขาใช้อยู่นี่เองที่ผมกับพี่แทนขึ้นไปเล่นท่ายากกันมาเมื่อวันก่อน นึกแล้วก็ขำ ทั้งอายทั้งขำ แต่ที่แย่ก็คือยืนขำอยู่คนเดียว เลยต้องหันหลังให้กลุ่มคน แล้วยิ่งแอบ แม่งยิ่งขำ
การหมุนตัวไปมาแล้วกลั้นหัวเราะอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการพะอืดพะอมชั่วขณะ ผมเริ่มรู้สึกทรมาณก็ตอนที่หน้าเริ่มหายชา แขนขาเริ่มกลับมามีความรู้สึก บางส่วนของร่างกายปวดจนเจ็บ ที่มุมปากผมน่าจะมีรอยช้ำเล็กๆ เจ็บซี่โครง และปวดท้องเพราะหิวข้าวไปด้วยกันนี่ไม่ตลกเลย ต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจของร่างกาย ตามความเคยชินแล้ว พี่แทนมักจะเป็นสิ่งแรกที่ผมคิดออก
   
M : วันนี้เข้าป่ะคับ


ไม่ตอบ.....

ผมยืนปัดหน้าเฟสบุ๊คตัวเองเล่นไปพลางๆ เพื่อนๆด่ากัน  กินเหล้า อกหัก แชทแจ้งเตือนค้างไว้เกือบร้อยที่ผมไม่ได้อ่าน ผมกดเข้าไปดูว่าในนั้นมีอะไรบ้าง  แล้วสิ่งแรกที่ผมเจอก็คือ..

Chanakarn : เอ็มอ่านไลน์พี่หน่อยสิ
Chanakarn : เอ็มพี่ขอโทษนะ
Chanakarn : คุยได้ไหม

ชนะกานต์ ชนากาน ใครวะ ? ผมกดเข้าไปดูภาพ

ชิบหาย!.....พี่ปาร์ค.... ขึ้น read แล้วด้วย แสนรู้จริงๆเลยนะแอพมึง

ผมขี้เกียจตอบอ่ะ จะให้ตอบว่าอะไรวะ คิดไม่ออก เดี๋ยวค่อยคิดแล้วกัน

สุดท้ายผมเก็บโทรศัพท์ไปด้วยอาการประสาทแดกเล็กน้อยจากเมื่อคืน พยายามนึกไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมจำได้แค่ท่อนที่ผมเข้าไปในร้าน ทักทายเพื่อนฝูงนับสิบ ผมยืนคุยกับพี่ต้อม เจ้าของร้าน  ไอ้หญิงร้องไห้เพราะเมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ โต๊ะข้างๆน่าจะเป็นเด็กสถาปัตย์ ผมไปนั่งกับเขาเพราะ.... เพราะอะไรจำไมได้ เอาเป็นว่าเพราะเมาแล้วกัน และสุดท้ายคือเตาบารากุใส่กัญชา และเสียงเชียร์รอบโต๊ะว่าใครจะควันเยอะกว่ากัน ผมจำได้ว่าผมสูบบุหรี่สลับกับเบียร์ กัญชา โอ้ย แขนขายังอยู่ครบก็ดีแล้ว

การประชุมที่เริ่มดุเดือดดึงสติของผมกลับมาได้บางส่วน เมื่อมีใครคนหนึ่งลุกขึ้นมาเอามือถือตบโต๊ะดังปัง! ผมหันไปมองคนที่กำลังลุกขึ้นบ่นด่าไปทางพี่ธีนพ
“เห้ย! ให้มันน้อยๆหน่อยนะ ไอ้หนุ่ม!”
“ผมสุภาพแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะพูดตรงๆแล้วนะครับ” พี่ธีนพลุกขึ้นบ้าง
“เห้ยๆ! พวกลื้อ อายเด็กๆมัน นั่งๆก่อนน่าเฮีย” ลุงเบญลุกขึ้นปราม

ผมหันไปมอง แต่ก็พยายามที่จะไม่มองไปด้วย หันไปหันมามากก็ไมได้อีก จะเสือกก็เสือกได้ไม่สุดจริงๆ

“พอแค่นี้ก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวเรื่องนี้ผมนัดมาคุยทีหลัง รบกวนออกไปก่อนนะครับ ผมขอเคลียร์กับเลขาก่อน” ธีนพพูดตัดบทเสียดื้อๆ ลุงเบญพยายามประคับประคองสถานการณ์ ที่ตึงเครียดให้ผ่อนคลายลง และค่อยๆเกลี้ยกล่อมให้ทุกคนทะยอยออกไป แต่ไม่ยักกะมีใครสนใจผมที่เริ่มรู้สึกหน้ามืด พะอืดพะอม เด็กฝึกงานอะไรมานั่งฟังประชุมสำคัญ ไล่ผมออกไปทีเถอะ

   
“พี่ธี...บอกเขาไปเลยจะดีเหรอครับ” แบมถาม
“หื้ม?...ไม่เป็นไรหรอก พี่คุยกับทนายแล้ว”
“อ๋อครับ...”
“ไม่น่าจะมีอะไรแล้วแหละ...แบมทานข้าวกับพี่ไหมครับ?”



ผมครับ...ผมทานครับ ได้แต่คิดในใจ เร็วๆเหอะ ได้โปรด กูหิว หน้ามืดแล้ว



“ได้ครับพี่...”
“ลงไปจองโต๊ะไว้ให้หน่อยนะ เดี๋ยวคุยโทรศัพท์เสร็จพี่ตามไป” พี่ธียิ้มด้วยว่ะ น้องแบมนี่ใช่เลขาแน่เหรอพี่ ทีผมชวนนะไม่ไป หรือเค้าจะชอบสไตล์เด็กๆใสๆ บอกตรงๆนะทีแรกไม่คิดว่าจะชอบผู้ชายด้วยซ้ำ ผมก็ชวนคุยไปเรื่อยตามปกติของผมนั่นแหละไม่ได้หวังอะไรเลย เรียกว่าไม่กล้าหวังดีกว่า ลองเทียบตัวเองกับน้องเขาแล้วไม่รู้จะพูดอะไร... รู้แต่ว่าหิว คุณพี่จะนั่งอีกนานไหมครับ


เสือกคุยโทรศัพท์อีก!
      

พอไม่มีเหตุการณ์มาดึงความสนใจไว้ ผมเริ่มยืนไม่ค่อยอยู่ ต้องเอามือค้ำโต๊ะกาแฟไว้ สีดำคลืบคลานเข้ามาในทัศนวิศัย เหงื่อออกที่มือ แสบท้อง จุกที่ลิ้นปี่ ปากชา หูอื้อ ผมหลับตาแล้วนับถอยหลัง กูจะเป็นลมใส่โต๊ะกาแฟก็ไม่ได้ ทำไงดี ต้องออกไปจากห้องก่อน ต้องหาที่ทิ้งตัวแล้วล่ะ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เตรียมพร้อม ก่อนหันหน้าไปทางประตู


“ไหวไหมครับ” แต่ไม่เจอประตู...เจอคนแทน ธีนพยืนขวางทางระหว่างผมกับประตูอยู่ พี่แกวางโทรศัพท์ลงพอเห็นหน้าผมชัดๆ

“ไหวครับ...” ผมเกือบจะไม่มีแรงพยักหน้า

“ไม่ไหวหรอก ไปห้องพยาบาลเถอะครับ” พี่เขาเดินมาเพื่อมองหน้าผมไกล้ๆ ไกล้มากจนผมต้องถอยไปติดกับโต๊ะกาแฟด้วยความประหม่า ยังไม่พอ ยกมือขึ้นมาทาบหน้าผากผมอีก พี่ครับ...อย่า ผมขอร้อง ไม่รู้จะเป็นลมเพราะอะไรกันแน่แล้วตอนนี้ หัวใจผมเต้นโครมครามอย่างกับเด็กม.ปลาย ไอ้บ้าเอ้ย มือเขาเลื่อนลองจากหน้าผากมาที่แก้ม เขาสังเกตุเห็นรอยช้ำบนหน้าผมแน่ๆ มือเขาค่อยๆลงไปที่คอ แทบจะไม่ต้องจับชีพจรก็รู้ว่าหัวใจผมเต้นแรงแค่ไหน น่าอายชะมัดเลย

“ผมไปไม่ได้หรอกครับ” ฟังเรื่องจากไอ้หญิงไอ้แบงค์แล้วผมไม่คิดว่าควรจะไปเจอใครเลยในตอนนี้ บวกกับไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าโดนตรวจเลือดจะเจออะไรบ้าง



คุณธีนพจ้องหน้าผม ยังไม่วางมือจากชีพจร เขาพยายามสบตาผมไม่ลดละ ผมทำได้แค่มองไปที่ปกเสื้อเค้า ยินดีอย่างยิ่งที่ประสาทตายังไม่สามารถโฟกัสได้ดี



“งั้นนอนนี่แหละ” เขาสอดมือเข้ามาโอบเอว ผมขืนตัวไว้ด้วยความที่ตั้งตัวไม่ทัน ให้ตายเหอะ “อย่าเกร็งสิ....เดินไหวไหมครับ” โอย...ถ้าไม่ไหวจะอุ้มไหมครับ...
เขาประคองร่างผมลงไปวางบนโต๊ะประชุม แล้วดึงผ้าคลุมโต๊ะอีกผืนมาพับเป็นหมอน สอดเข้ามาให้หนุน...พี่ครับ...พี่ทำอาชีพอะไรกันแน่วะเนี่ย




พี่ครับ............หยุดเถอะ




พี่ครับ.............ผมหวั่นไหว




“เอ็มครับ.....”



ผมหลับตา แต่ได้ยินเสียง กลัวจะไปสบตาเข้า กลัวใจตัวเองชิบหาย....



“น้องเอ็มครับ....”



ผมยังหลับตาอยู่ แกล้งหลับแม่งเลย มือเขาแนบลงมาบนในหน้าผม ปัดผมบนหน้าออก นิ้วไล่ลงไปแก้มเบาๆ ไปถึงริมฝีปาก......

................

...............

...............


พลาดแล้วกูู...........

___________________________________________________

จบตอน3 ความพลาดที่แท้จริงของน้องมาแล้วค่ะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (3.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 03-11-2016 13:01:20
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 3 : พลาด (3.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 04-11-2016 18:00:05
4.

สุดท้ายผมต้องยอมตื่นขึ้นมาหลังจากได้กลิ่นอาหาร ผสมกับอาการปวดหลัง ปวดคอ พี่ธีนพนั่งกินข้าวกะเพราอะไรสักอย่างอยู่ แล้วเหมือนจะอ่านกระดาษอะไรไปด้วย เขาทักผมที่ลุกขึ้นมานั่ง “กินข้าวก่อนนะ แล้วค่อยไป” แล้วดันจานข้าวมาให้ เป็นกะเพราะไก่ไข่ดาวโง่ๆ กับน้ำเปล่าหนึ่งขวด ที่ผมจะจำไปชั่วชีวิต

“ขอบคุณครับพี่” ผมหันไปไหว้เขา แล้วถัดตัวเองลงจากโต๊ะ มานั่งเก้าอี้ แล้วตักข้าวใส่ปาก พอร่างกายได้สัมผัสกับอาหาร สติสัมปชัญญะก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง อาการวิงเวียนยังคงมีอยู่บ้าง ผสมกับภาพช้า แต่อย่างน้อยก็ไม่ปวดท้อง ไม่รู้สึกอยากทิ้งตัวแล้ว
“ทำไมไม่ไปห้องพยาบาลเหรอ” เขาถาม...เป็นคำถามที่ผมไม่อยากตอบที่สุดเลย
“เอ่อ...ผม....ผมกลัวเข็มครับ” ต้องมั่วแล้วล่ะ ปรากฎว่าเขาขำพรืดออกมา แล้วเงยหน้ามายิ้มให้ “ขอโทษที ไม่น่าถามเลย” ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ใจผมกระตุกข้ามบีทไปครับแล้วจังหวะจะโคนพังพินาศหมด รีบๆแดกดีกว่า ก่อนที่จะเพ้อเจ้อไปมากกว่านี้
“พี่ครับ ค่าข้าวเท่าไหร่เหรอครับ?” ผมถาม
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ มันอยู่ในงบงานสัมมะนา”
“แต่ผมเป็นเด็กฝึกงานนะครับ...เอ่อ...มันจะ” ผมยังไม่ทันได้พูดจบ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเลี้ยง” เขาตอบแทรกขึ้นมา
“เอ่อ....อ่า..” ผมนั่งอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น ได้แต่พูดแค่ว่า “ขอบคุณมากครับพี่” เนื่องจากผมยังไปไหนไม่ได้จนกว่าพี่แกจะออกจากห้อง เลยต้องหาอะไรทำแก้เขิน “พี่รับกาแฟไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรครับ” เราสองคนจัดการกับอาหารเที่ยงเรียบร้อย ผมได้โอกาศออกไปจากห้องนี้เสียที  “เดี๋ยวผมเก็บจานให้นะครับ” เขาพยักหน้าแล้วดันจานข้าวเปล่าๆมาให้ ให้ก่อนที่ผมเก็บจานเราสองคนซ้อนกัน “ขอบคุณนะครับพี่” ผมขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินออกมา โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเอาไปไว้ไหน ผมโบกมือลาเขาหน้าประตูห้องเพราะมือไม่ว่างจะสวัสดี เขามองผมงงๆก่อนจะเพิ่งเข้าใจว่าผมจะไปแล้วนะ เขาโบกมือเงอะๆงะๆเหมือนคนบ๋ายบายไม่เป็น ผมปิดประตูห้องออกมายืนยิ้มลอยๆ ก่อนจะเจอเข้ากับใครบางคนที่กำลังเดินสวนมาจะเข้าห้องพอดี
“เอ่อ...ขอโทษครับ ขอเปิดกระตูหน่อยครับ” น้องแบมตัวน้อยนั่นเอง ตัวเล็กอย่างกับเด็กผู้หญิง สูงไม่น่าจะถึงร้อยเจ็ดสิบด้วยซ้ำ แถมดูบอบบางกว่าอีหญิงเยอะ น้องเข้าส่งยิ้มให้ผมได้สติ ฉากหลบแทบไม่ทัน “อ๋อ...ครับ” นี่เลขาจริงเหรอวะ เลขาต้องมุ้งมิ้งขนาดนี้เลยเหรอวะ ห๊ะ... พี่ชอบแบบนี้ใช่ไหมพี่! แล้วกูจะไปยุ่งอะไรเรื่องของเขาวะเนี่ย อยากตบหน้าตัวเองให้ตื่นจริงๆ

   ___________________________________

ผมเดินฝากจานไปจับแม่บ้านที่เดินเจอระหว่างทาง ที่ทำหน้างงใส่ว่าทำไมมึงไปเอาไปเก็บเอง ผมตีเนียนจากมา และออกไปเดินเล่นแถวสระว่ายน้ำแล้วค่อยขึ้นไปเก็บของในห้องประชุม แต่ทีศัพท์ดังเสียก่อน

“ไงมึง...” ผมรับสายหญิง
“มึงอ่ะเป็นไง?” เสียงมันดังมากเหมือนยืนอยู่กลางถนน
“กูโอเคแล้ว...นี่มึงอยู่ไหนเนี่ย”
“กรุ๊ปทัวร์จ้า...กูออกมาหอศิลป์ พาพวกนางมาเดินซื้องาน ยุ่งชิบหาย”
“เออ อยากไปมั่งว่ะ เบื่อ กูมีแต่โต๊ะกาแฟกับ.....” พอพาอารมณ์ให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อกี้หน้าก็ร้อนขึ้นมา
“กับไร?”
“เดี๋ยวกูค่อยเล่าได้มะ เดี๋ยววันนี้กูไปหามึงที่ห้อง”
“เออมึง...ระวังพวกอีตูนไว้นะ...”
“ตูนไหนวะ....” ผมนึกถึงคนชื่อตูนทั้งหมดในชีวิต ซึ่งมีเกินครึ่งโหล
“พวกอีตูนนน อ่ะเด็กฝึกงานกลุ่มพี่ต้าร์อ่ะ”
“ใครคือพี่ต้าร์วะ!” งงหนักกว่าเดิมอีก
“เออมึง! อย่าไปยุ่งกับคนที่มึงไม่รู้จักอ่ะ มีแต่คนนินทามึงอ่ะตอนนี้”
ผมคิดทบทวนคำว่า ‘คนไม่รู้จัก’ อยู่ซักพัก ไอ้การนินทาเนี่ยทำอะไรมไม่ได้หรอก แต่ผมไม่ชินเลยกับสภาพไม่มีเพื่อน มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะ ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากผู้คนมาก่อน แบบนี้หรือเปล่าคือที่ไอ้นนท์รู้สึก นี่แม่งคือสิ่งที่เรียกว่ากรรมตามสนองใช่ไหม

“เออๆ ก็ได้วะ” ผมตอบ
“รอนั่นแหละ เสร็จแล้วกูไปหา”
   

หลังจากวางสายจากไอ้หญิง อารมณ์ผมเหมือนคนซึมเศร้าบอกไม่ถูก มันกระสับกระส่ายต้องการทำอะไรสักอย่าง มือผมกดโทรไปหาพี่ปันโดยอัตโนมัติ


......กรุณาฝากข้อความหลังสัญญาณต่อไปนี้ค่ะ....


“พี่ปันครับ...นี่เอ็มนะ...ถ้าพี่ว่างโทรหาผมหน่อยสิ ขอบคุณครับ”

   
เซ็งว่ะ....แม่ง พี่แทนก็ไม่ตอบไลน์ โทรไปก็คงไม่รับ



 ผมเดินล่องลอยไปทั่วจนถึงเวลาที่คิดว่าคงไม่มีใครอยู่ที่ห้องประชุมแล้วจึงกลับขึ้นไปเก็บของตามปกติ ถอดปลั๊ก ปิดไฟ เก็บโต๊ะเก้าอี้ให้เข้าที่อยู่คนเดียว ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้ลำบากเลย เพราะผมถนัดมากงานกรรมกรเนี่ย
“ว้า...กูมาไม่ทันช่วยมึงยกอ่ะ!” เสียงไอ้หญิง ร่าเริงมาเชียว
“ไม่ต้องเลยมึง...อารมดีไรวะ”
“เอ้า!...กูอารมณ์ดีไม่ได้เหรอไง”
“มึงดีผิดปกติ สารภาพมา”
“เดี๋ยวกูเล่าตอนถึงหอ...แลกกับเรื่องของมึง โอเค้?” มีชูนิ้วโอเคให้ด้วยนะ
“เออไปๆ เดี๋ยวกูโทรบอกแบงค์ให้ซื้อเบียร์มาด้วย”
“เออ ต้องเมา เมาแล้วค่อยเม้า! เร็วๆๆ ไปๆๆๆ” มันกอดแขนผมแล้วลากออกไปนอกห้องด้วยความรีบอยากกลับไปเม้ามอย พออยู่หน้าประตูผมแกล้งผลักมันออก “เกะกะว่ะเตี้ย...ถอยไปจะปิดประตู!” มันตบไหล่ผมแรงๆ แล้วบ่นงุ๊งงิ๊งๆอยู่คนเดียว ผมรู้สึกชื้นใจขึ้นเยอะเมื่อมีมันอยู่ เราเดินคุยกันไปหัวเราะกันไปตลอดทางจนลงลิฟท์ ไปยันลานจอดรถ ผมอยากกลับหอมันใจจะขาด เอาตัวออกไปตั้งสติกับเพื่อนนี่แหละดีที่สุด แต่เหมือนอะไรๆมันจะไม่ง่ายอย่างนั้น
   
“เอ....คนไหนเป็นเด็กของป๋ากันแน่เหรอ...” ผมกับมันหันหลังไปตามต้นเสียง ด้วยความที่ลานจอดรถมันสะท้อนน่ะ เลยตกใจกันหมด “น้องผู้หญิง...น้องหรือผู้ชายอ่ะ..” ซึ่งต้นเสียงที่ว่านั่นก็คือ...เจ้หยกนั่นเอง..เจ้หยกเนี่ยนะหาเรื่องผม ไม่อยากจะเชื่อ! แล้วอีกสองสามคนนั่นเด็กฝึกงานรุ่นราวคราวเดียวกันนี่เอง จำหน้าได้ แต่จำชื่อไม่ได้
“ใครอ่ะ....สะเหร่ออ่ะ!” ไอ้หญิงสวน ผมตะครุบมันไว้แทบไม่ทัน! ถ้าโดนอีหญิงตบเจ้แม่งเละแน่ๆ แล้วผมกับมันก็คงจะติดคุกไปด้วยกัน “ไม่เอาๆ..อีหญิง...กูไม่เอานะ” ผมบอกมัน ไอ้เจ้หยกที่ยืนพิงเสาอยู่ดับบุหรี่ เดินมาไกล้ผมกับหญิง เด็กๆเดินตามมาอย่างกับลูกสมุน ดูไม่ออกว่ามาจะห้ามหรือจะมาผสมโรงด้วย

“เจ้...ไม่เอาแบบนี้ดิ มีไรไว้ค่อยคุยกัน...” ผมเดินออกไปซ้อนด้านหน้า ดันไอ้หญิงไปข้างหลัง ผมสูงกว่าเจ้หยกนิดหน่อย เลยไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่

“เจ้ไม่มีอะไรจะคุยหรอกนะ น้องเอ็ม...คนเขารู้กันหมดแล้วว่าน้องทำอะไรไว้” เจ้พูดจาแดกดัน ผมก็โมโหนิดๆวะ กูเนี่ยนะจะไปทำอะไรใคร คิดสิ คิด! หูเบาชิบหาย “เจ้...นี่ผมเองนะ....ผมทำอะไร เจ้บอกผมหน่อยได้ไหม?” ผมพยายามพูดแล้วโบกไม้โบกมือแบบโง่ๆใส่หน้าเขา ให้เขาได้สติ “เสียดายเนอะ ข้างนอกใส เน่าข้างในนี่หว่า!” เจ้เน้นเสียงใส่ “อะไรของเจ้อ่ะ...พูดไม่รู้เรื่องว่ะ พอเหอะๆ เอาไว้วันหลังเหอะ....หญิง...กลับเหอะ” ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ เอาวะ แค่ด่าก็ด่าไปอย่าทำรุนแรงใส่กันก็พอ คิดยังไม่ทันจบ ไอ้หญิงก็วิ่งหลุดออกจากผมไปผลักอีเจ้! ชิบหาย! ผมกำลังวิ่งเอาตัวเข้าไปขวางระหว่างตุ๊ดกับผู้หญิงแรงควาย เอาวะ ตายเป็นตาย

“เจ้! ไม่เอา! หญิง! หยุด! โอ้ย! เบา...เบ๊า! เจ็บ!” ผมดันไอ้หญิงที่ทั้งตบทั้วข่วนออกไปจากอีเจ้ข้างหลังที่พยายามจะหมุนดันตัวผมออกไป ทำไมกูต้องมาช่วยมึงด้วยเนี่ยอีเจ้ แต่ขณะที่ผมกำลังอยู่ท่ามกลางดงตีนนั่นเอง มีใครสักคนจากฝั่งเจ้แกวิ่งมา ตบหน้าไอ้หญิงแรงๆดังเพี๊ย!!


ทั้งภาพและเสียงก้องอยู่ในโสตประสาทผม....ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี้มันเป็นแค่ความหงุดหงิดรำคาณ....ตอนนี้แหละที่เรียกว่าโมโห ดั่งคำว่าเลือดขึ้นหน้า ผมวิ่งเข้าไปล็อคตัวสาวคนนั้นไว้ตอนไหนก็ไม่รู้ พยามอย่างยิ่งที่จะไม่ทำอะไรรุนแรง แต่อารมณ์มันยากที่จะควบคุมจริงๆ

“เห้ย!! ทำบ้าอะไรวะ!! เพื่อนกูเกี่ยวอะไรวะ!!” ผมตะคอกใส่หน้าเขา อ๋อ....คนนี้เองสินะ น้องตูน....ผมจำได้แล้ว เสียงรอบข้างดังโหวกเหวกโวยวายตามมา แม้แต่ไอ้หญิงกับเจ้หยกยังยืนอึ้ง แต่ผมไม่สนใจ

“มึงเอาไง!! ไหนมึงพูดมาดิ!! กูอยู่นี่แล้วเนี่ย!!”

“กรี๊ดดดด! ปล่อย!! ฮือๆๆๆ ช่วยด้วยค่ะ พี่!” เธอเริ่มสะอึกสะอื้นร้องไห้ นั่นทำให้ผมได้สติกลับมา ตอนที่พี่ยามวิ่งเข้ามา ผมโดนกระชากตัวออกไป โดนกระบองยางฟาดที่แขน เจ็บชิบหาย ไอ้หญิงวิ่งมาดึงตัวผมออกไป เริ่มมีคนมองพวกเราจากหลายทิศทาง เจ้เข้าไปปลอบน้องๆของแกแล้วตะโกนด่าพวกผมอยู่นาน


ยังดีที่ผมสนิทกับพี่ๆรปภ.บางคน เพราะเราไถบุหรี่กันไปมาบ่อยๆ พี่แกเลยไม่ได้เอาความอะไร และเจ้หยกก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของคนพวกเขาซักเท่าไหร่ ผมเลยได้กลับบ้านพร้อมกับแผลข่วนของไอ้หญิงที่แขน และรอยช้ำตามตัวพอเป็นธรรมเนียม ผมไม่ใช่คนบอบบางร่างเล็กอะไร คิดซะว่าไปเตะบอลมาซักเกมนึงก็พอได้อยู่

“เอ็ม....กูขอโทษ...มึงเจ็บมากมั้ยอ่ะ” ไอ้หญิงพูดเสียงอ่อยขณะขับรถ หลังจากที่มันก่นด่าพวกเจ้หยกจนหมดแรง ....วันนี้มีคนขอโทษผมเยอะแฮะ
“ไม่เป็นไร...มึงอย่าคิดมาก....มึงอ่ะเจ็บมั้ย”
“ไม่เจ็บอ่ะ กูโมโหมากกว่า....มึงควรจะบอกพี่แทนไหมวะ...”
“บอกดิ! พี่แม่งเป็นคนสั่งย้ายพี่ปันนี่หว่า!”
“ปัญญาอ่อนชิบหาย ผัวมึงอ่ะ โตแล้วนะ.... หาเรื่องให้มึงชัดๆ”
“กูเองแหละที่ปัญญาอ่อนไปบอกเค้า...เค้าเป็นอย่างงี้แหละ กูลืมเอง....แล้วกูบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกว่าผัว!”
“มึงจะกลับไปฝึกงานได้เหรอวะ...แบบนี้แม่ง มึงยิ่งโดนแกล้งแน่ๆ” มันไม่สนใจที่ผมพูดเลย
“เดี๋ยวกูให้พี่แทนย้ายแผนกให้...มึงด้วย มึงอ่ะจะอยู่ยังไง มากับกูนี่แหละ”
“มึงแน่ใจนะว่าพี่แทนมึงไม่ติงต๊องย้ายเราไปทำอะไรโง่ๆ...”
“เออ...เดี๋ยวเราก็ช่วยกันคิดไง แล้วกูจะไปขอเค้าเอง”



ผมกับไอ้หญิงเปิดตารางกรุ๊ปของสัปดาห์หน้าดู ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ทั้งหมดนี้คืองานสัมมะนาของ ยูโอกรุ๊ปหรือกลุ่มผู้ร่วมทุนธุรกิจท่องเที่ยงการโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดที่ผมทำก็คือยืนหาไออุ่นจากเครื่องทำน้ำร้อนในห้องประชุม นอกจากนั้นผมเพิ่งได้รู้ว่ามันกินเวลาเกือบเดือน ทั้งกิจกรรมต่างๆรวมไปถึงการประชุมของบอร์ดบริหารที่มักจะล่าช้าและซ้ำซาก
“เราย้ายไปตรงไหนได้มั่งวะ..” ไอ้หญิงถาม ผม และแบงค์ กำลังเปิดฝาเบียร์กันคนละขวด เราเข้ามามุงกันที่จอโน๊ตบุ๊คของมัน
“มีแต่งานเลขา กูทำได้นะ แต่มึงอ่ะดิ” มันหันมามองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม “กูไม่ทำก็ได้วะ เดี๋ยวกูให้พี่แทนเขียนโม้ๆไป” ผมตอบ
“อีคนขี้โกง! กูไม่มีเพื่อนก็เพราะมึงและผัวมึงนะ จะไม่อยู่เป็นเพื่อนกูหน่อยเหรอ!” เออมันพูดถูก
“เออๆ มีงานพวก ยาม แบกหามไร ให้กูทำมะ...เห้ยๆ กูเลนดนตรีได้นะ!”
“แล้วมึงจะอยู่เป็นเพื่อนกูยังไง!”
“เออ มึงควรอยู่ด้วยกันนะ อย่าแยกกันอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นมึงจะได้ช่วยกันไง” ไอ้แบงค์แทรกเข้ามา แม่งพูดเข้าท่าด้วยสิ
“มีตลกมั้ยวะ ไปเล่นตลกกัน หญิง! กูกะมึงเล่นตลกได้นะ!” ผมชวนมัน
“ขอสาระได้มะ....”

หลังจากที่มันขอสาระ พวกผมก็ไม่ได้พูดอะไรอีก.... ผมกับแบงค์นั่งรูดเฟสบุ๊คดูรูปตลกๆตอนที่เราไปเที่ยวกัน รูปผมแก้ผ้าว่ายน้ำในทะเลตอนกลางคืน  รูปไอ้หญิงเมาหน้าทิ่มอยู่ที่ชายหาด ไอ้เต๋า ไอ้ปู ไอ้เนม และเพื่อนๆอีกเป็นสิบๆคนในสารรูปดูไม่ได้ มันเป็นฟูลมูนปาร์ตี้ที่สุดยอดมากๆ

“เออเอ็ม...มึงมีอะไรจะเล่าให้กูฟังเหรอ” ไอ้หญิงหันมาถามผมกับไอ้แบงค์ที่หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน
“เออ...ขอกูเมาอีกหน่อยนะ” ผมหันไปตอบมันแล้วเปิดเบียร์ขวดใหม่ ขณะที่เรากำลังดูรูปไอ้หญิงเต้นท่าชาวเกาะอยู่ ผมก็ได้รับข้อความใหม่เข้ามารัวๆ

Chanakarn : เอ็มพี่โทรไปได้ไหม
Chanakarn : คิดถึงมากนะ
Chanakarn : ขอโทษด้วยนะ
Chanakarn : พี่ขอโทรไปนะ อย่าโกรธพี่เลยนะคับ

ผมกับแบงค์มองหน้ากันเหมือนเห็นผี เหมือนโทรศัพท์เป็นลูกระเบิด


แล้วเสียงเรียกเข้าก็มา.....


ผมตัดสายทิ้งตามสัญชาติญาณ

“มึงไม่รับอ่ะ” แบงค์ถาม
“กูไม่อยากคุยกะคนนี้แล้วอ่ะ”
“ทำไมวะ...มึงเบื่อเหรอ?”
“เค้าชอบตื้ออ่ะมึง เค้ากดดันกูอ่ะ” ผมตอบมันไปพร้อมกดตัดสายโทรศัพท์อีกรอบ “คือเค้าก็หล่อดีนะ กูชอบนะ แต่พอคุยๆไปแล้วเฉยๆว่ะ”
“มึงไม่ต้องตัดสายก็ได้นะ แค่วางไว้แล้วปิดเสียง มึงตัดเค้าก็ยิ่งโทรดิวะ”
“เออถูกๆ” ผมเปลี่ยนโทรศัพท์เป็นโหมดเงียบแล้วโยนขึ้นไปบนเตียง
“ทำไมมึงไม่ปี้ๆให้มันจบไปวะ เค้าจะได้เลิกงองแง” แบงค์ถามคำถามจี้ใจ “แม่งหล่อกว่ากูอีก” มันพูดขณะที่กำลังส่องเฟสบุ๊คพี่ปาร์ค
“กูกลัวแม่งจริงจังอ่ะดิ กูชวนไปดูหนังแล้วรอบนึงแล้วไง แล้วแม่งดูแบบเด็กๆอ่ะ กูไม่อยากสานต่อ” ผมบอก แบงค์หัวเราะ “เออกูเข้าใจ”

“กูไม่เข้าใจ!!” ไอ้หญิงแว้ดขึ้นมากลางวง ผมกับแบงค์สะดุ้ง “ผู้ชายแม่งเป็นอะไรกันวะ!! ทำไมไม่ชอบคนจริงจัง กูถามหน่อยเหอะ!!”
“กูเป็นเกย์ กูไม่เกี่ยว” ผมรีบปัดไปทางไอ้แบงค์
“กู....ชอบนะคนจริงจัง แต่ก็ต้องเป็นคนที่กูจริงจังด้วยไง ไม่ใช่ทุกคนป่าววะ”
“ถูกกกกก”  ผมยกขวดเบียร์ชนกับมัน “ถูกต้องครับผมมม”

“แล้วคนที่มึงไม่ได้ชอบ มึงจะไปคุยกับเค้าทำไม...” ไอ้หญิงยังไม่จบ
“ก็ชอบบบบ...แต่ไม่ได้ชอบขนาดนั้นไง”  ผมชี้แจง “เก็ทป่ะ...ทีเพื่อน ยังมีเพื่อนธรรมดา กับเพื่อนสนิทเลย ก็แบบเดียวกันแหละ” ไอ้หญิงยังทำหน้าไม่เข้าใจ “สมมุติว่าเพื่อนที่มึงไม่สนิท อยู่ดีๆมานอนค้างที่ห้อง มาแดกของในตู้เย็นมึง มึงจะชอบมะ?” ผมอธิบายต่อ   
“แถสัด...” มันตอบกลับพร้อมทำหน้าเหม็นเบื่อ ผมจิ๊ปากแบบเบื่อหน่ายแล้วส่งเบียร์ให้มันแทนคำตอบของทุกๆอย่าง



   
“ฮือออ...เอ็มมมมม กอดกูหน่อย” ไอ้หญิงทิ้งตัวใส่ผม หัวมันกระแทกขวดเบียร์ในมือผมด้วยแต่ดูไม่ยักจะเจ็บ แสดงว่าเมาได้ที่ “โอ๋นะเตี้ยนะ” ผมกอดมันกลับ ไอ้แบงค์โดดเดี่ยว
“กูอยากโทรหาพี่กาย...ซิกๆ” พี่กายแฟนเก่ามันนั่นเอง
“ไม่เอา! คุยกับกูนี่มา ไหนมึงบอกมึงจะเล่าอะไรให้กูฟัง” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“อ๋ออ ...เอออออ....พี่สิงห์ขอเบอร์กู!” มันลุกขึ้นมาร่าเริงทันที “มึงงงง!! จำได้ไหมพี่สิงห์อ๊ะ!” มีเหรอผมจะจำหนุ่มหล่อในวันปฐมนิเทศไม่ได้ พี่สิงห์แห่งแผนกพีอาร์ จริงๆก็กะว่าจะแวะไปเต๊าะเล่นซะหน่อยอยู่เหมือนกัน แต่ดันไม่ค่อยได้เจอ
“เกย์.....” ผมตอบ
“อะไรนะ?”
“เกย์....เกย์ร้อยเปอร์เซ็นต์” ผมย้ำ
“เค้า...ขอ...เบอ...กู...” ไอ้หญิงทวนทีละคำ
“เกย์...แน่...นอน” ผมพูดช้าๆ ชัดๆ “เดี๋ยวกูพิสูจน์เอง”
“พิสูจน์อะไร! มึงจะทำอะไรพี่เค้า!” มันตบไหล่ผมดังผลั่ก “มึงห้ามเยพี่เค้านะ!”
“เออ! กูไม่เยเค้าแน่ๆ... แต่ถ้าเค้าจะเยกู กูช่วยไม่ได้นะ” ผมหันไปยักคิ้วกวนตีนใส่ มันดึงขวดเบียร์ไปจากมือผม
“เออ!...ก็ได้ กูจะให้มึงลอง“ แล้วดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะส่งกลับมา “แต่ถ้าเค้าไม่ใช่มึงต้องช่วยกู...”
แล้วเราก็ชนขวดกันต่อทั้งคืน ผมทำเนียนในเรื่องของตัวเองไป พามันไปคุยเรื่องโน้นบ้างเรื่องนี้บ้าง ผมเป็นคนเก่งในการพูดคุยและควบคุมบทสนทนา เราแซะพี่สิงห์เล่นเสียจนล่อนจ้อน ไปจนถึงขั้นผมพนันกับมันว่าพี่แกจะอยู่ที่ 6 หรือ 7 นิ้วกันแน่

   ____________________________________________________________________

   
โทรศัพท์ผมลั่นจนแบตหมดเพราไอ้พี่ปาร์คกระหน่ำโทรเข้ามา ผมกลับจากหอไอ้หญิงมาถึงหอตัวเองราวๆ ตี 1 และประตูห้องดูจะหนักขึ้นเป็นพิเศษเมื่ออากาศเย็น ผมพยายามเอาบัตรแตะตรงกลอนประตูเงอะๆงะๆอยู่สักพักจนอยู่ดีๆมีมือยื่นเข้ามาจับแขนผม!
“เห้ย!” ผมตกใจนึกว่าผี!
“เอ็ม....คุยกันก่อนได้ไหม” คล้ายๆกับผีนั่นแหละ แต่เป็นพี่ปาร์กตัวเป็นๆ เขาบีบข้อมือผมแน่น
“พี่! ปล่อย!” ทำไมเราต้องเจอกันตอนเมาทุกทีเลยวะ ผมสะบัดมือออก พี่ปาร์กดันผมติดประตู “มันมีกล้องนะพี่...แล้วพี่ขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย” ผมตอบ
“พี่ไม่สน...พี่แค่อยากจะมาคุย...” สีหน้าจริงจังของเขาทำให้ผมหวั่นเล็กๆอยู่ในใจเหมือนกัน แต่ถ้ามันจะมาถึงขนาดนี้เราผมก็ไม่รู้จะลีลาไปให้มันยากทำไม
“พี่จะเอาอย่างงี้ใช่ไหม?” ผมถาม พี่แกไม่ตอบ ผมหยิบบัตรในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาปลดล็อคประตู พี่ปาร์กทำหน้าสับสน เมื่อผมเปิดประตูห้องให้ “เข้ามาดิพี่”
   
ผมไม่ได้กลับห้องมาหลายวัน  แต่พี่แทนเป็นค่าจ่ายค่าดูแลและแม่บ้าน มันจึงใหม่เอี่ยมอยู่เสมอ เพราพี่แกทนไม่ได้ในสภาพห้องที่ผมอยู่เอง
“ผมอาบน้ำก่อนนะครับ” ผมหยิบผ้าเช็ดตัวจากตู้เสื้อผ้า แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ในห้องมีรูปผมกับพี่แทน ที่พี่แกเอามาบังคับวางไว้ที่หัวเตียง พี่เขาคงจะเห็นแหละ ช่างแม่งเหอะ อย่างกับจะมีใครแคร์
ผมกลับออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว จะใส่เยอะไปทำไมในเมื่อเดี๋ยวก็ต้องถอด พี่ปาร์กที่นั่งอยู่บนโซฟาถึงกับเหวอ แหม...ทำมาเป็นงง เบื่อจริงๆคนเงี่ยนแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องเนี่ย

“พี่จะคุยอะไรเหรอครับ” ผมตอบไปพร้อมกับเช็ดผมตัวเอง
“เอ่อ...อ๋อ....พี่แค่อยากจะ...” เหวอหวาอะไรครับแล้วนั่นอะไรแข็งโด่ขึ้นมาครับพี่ ดูเข้าสิ ดูสภาพคนแค่อยากจะมาคุย

“พี่อยากจะอะไรเหรอ..” พี่ปาร์กถึงอ้ำอึ้ง แหมนึกว่าจะพูดขอโทษซะอีก ผมเช็ดจนผมหมาดแล้วเดินไปนั่งลงข้างๆเขาที่วางมือลงบนต้นขาแบบโดยอัตโนมัติ “พี่พูดสิ...พี่ไม่พูดผมไม่เริ่มนะครับ” ผมนั่งรอ ยิ้มใสๆทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำไมต้องให้สอนว้า....
“พี่...พี่...คือ” ปากเขาไม่พูดนะ แต่มือนี่มาทั้งสองมือแล้ว “พี่ขอได้ไหม...เอ็ม”
“ขออะไรเหรอพี่?....อ้าวไหนบอกจะอยากคุยไง...ไม่คุยแล้วเหรอครับ?” ผมถาม ผมรู้ดีว่าเขาทรมาณและสับสนแค่ไหน ผมสงสารเขาเหมือนกัน แต่บุคลิกของเขามันกระตุ้นต่อมความเลวในตัวผมเข้าเต็มๆ และในที่สุดเส้นบางๆของความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาก็ขาดลง.....

   ........

“เอ็ม...อ่า...อื้ม..อื้ม” ขาผมพาดอยู่บนไหล่ของเขา และร่างกายของผมถูกดันขึ้นๆลงๆอยู่บนเตียง ผมยอมรับว่าพี่ปาร์กไม่เลวเลยตอนลงสนาม แม้ว่าเขาออกอาการตื่นเต้นมากไปหน่อย กดแล้วแช่ กดแล้วแช่.... มันเป็นอาการของคนหิวโหย หรือความผิดพลาดของพวกมือใหม่ แต่ก็เรียกน้ำจากร่างกายผมไอ้ไม่น้อยเลย
“อือออ...เสียวจังครับพี่...โอ้ย...ตรงนั้นแหละครับ” ผมแกล้งแหย่
“เอ็ม...อา....พี่ก็เสียว...” สติสตังของเขากระจัดกระจาย ผมกลายเป็นคนคุมเกมโดยสมบูรณ์....

__________________________________

ไรท์ตั้งใจจะอัพให้ได้อาทิตย์ละ 2 ตอนนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ทำสำเร็จ 5555

ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆจ้า ไรท์ขอไม่บอกนะว่าใครคือพระเอก  :-[
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 4 : พี่ปาร์ก (4.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-11-2016 19:38:11
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 4 : พี่ปาร์ก (4.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 04-11-2016 19:54:02
เลือกทีมพระเอกไม่ถูกเลย ชอบนายเอกแบบเอ็มมาก
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 4 : พี่ปาร์ก (4.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-11-2016 21:20:48
งง......กับเอ็ม เอ็มไปฝึกงาน
แล้วส่วนใหญ่อยู่กับพี่แทน เลยไม่ค่อยรู้อะไร
ดูเหมือนที่ว่าฝึกงาน ก็ไม่ค่อยรู้งานสินะ
งานที่ทำจริงๆ คือยืนเฝ้าตู้กดน้ำที่ชงกาแฟ
พี่แทน ทำไมเงียบไปเลย
แล้วทำไมย้ายงานพี่ปัน งงๆ
พี่ปาร์ก ตามติดเอ็มมาก ตอนนี้สมใจแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 4 : พี่ปาร์ก (4.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 05-11-2016 00:15:13
โง้ยยยใครพระเอก555 เดาว่าคุณธีนพ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 4 : พี่ปาร์ก (4.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 05-11-2016 10:13:12
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 5 : ปัญหาแรก (7.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 07-11-2016 16:59:55
5.

ผมเดินไปส่งพี่ปาร์กออกจากหอตอนตี 3 หลังจากนั้นการแดกเบียร์สองวันติดทำให้ผมกลับมานอนหลับเหมือนซ้อมตาย โชคดีที่เป็นวันอาทิตย์ ผมตื่นขึ้นมาตอนบ่ายแก่ๆ และหิวจนตาลาย ผมคว้าโทรศัพท์บนเตียงและเจอข้อความเข้า

TAN : เอ็ม
TAN : โทดทีนะ พี่ไม่ว่างโทรกลับ
TAN : เตี่ยอาการทรุดอีกแล้ว เมื่อคืนพี่อยู่ไอซียู
TAN : ยังไม่ได้นอนเลย
TAN : มีอะไรให้ช่วยบอกไอ้เปรมไปก่อนนะ
TAN : คิดถึงนะคับผม

คุณพ่อแกป่วยมาซักพักแล้ว เรื่องนี้ผมรู้ แต่ไม่ยักรู้ว่าป่วยหนักถึงขึ้นไอซียู

M : สู้ๆนะคับพี่ คิดถึงเหมือนกันนะ
   
ผมคิดทบทวนว่าจะถามเรื่องพี่ปันดีไหม พี่แกคงทั้งเพลียทั้งเครียด แต่ผมไม่ได้จะให้แกทำอะไรนี่หว่า ถามเถอะให้มันจบๆไป

M : พี่คับ ผมถามหน่อยสิ
M : พี่ย้ายแผนกพี่ปันทำไมอ่า

แล้วก็นั่งหิวข้าวรอคำตอบ

TAN : พี่ปันคือใคร?
TAN : พี่ยังไม่ได้ย้ายใครเลยนะ?
TAN : ย้ายไปไหนเหรอ?

ผมนั่งประมวลผลด้วยเซลล์สมองทั้งหมดที่มี ...........

M : อ้าวววววว ผมโดนด่าเละเลยเนี่ย เค้าบอกกันว่าพี่ย้ายพี่ปันออก เพราะผมบ่นพี่เค้า
TAN : เห้ยยยย อะไรวะ ไปคุยกับไอ้เปรมเลย
TAN : โทดทีนะพี่ไม่ว่างจริงๆ
M : ไม่เป็นไรคับๆ ไม่ได้ขนาดนั้นพี่ ผมโอเค
M : คิดถึงนะคร้าบบบ พักผ่อนนะ
TAN : จะรีบกลับไปหานะ
M : ครับผม

ผมนั่งมึนตึง... อะไรกันวะเนี่ย ทำไมเรื่องซับซ้อนมันไม่ไปเกิดกับคนฉลาดๆวะ ทำไมมันต้องมาเกิดกับคนแบบกู นี่มันแกล้งกันชัดๆ
 
____________________________

“หญิง...กูมีไรจะบอกอีกอย่าง”
“อะไรอีก!..”
ผมยิ้มกรุ้มกริ่มใส่มัน เราสองคนนั่งอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านโปรด ไอ้แบงค์ไม่อยู่เพราะเป็นวันฝึกงานของมัน หลังจากที่ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับพี่ธีนพให้มันฟัง มันดิ๊ด๊าร่าเริง แซวผมเล่นเสียจนผมหมั่นไส้ ต้องหาเรื่องเลวทรามเล่าให้มันฟังบ้าง
“พี่ปาร์ก.....แม่งใส่ถุงยางเบอร์เดียวกับกู”
“อีเหี้ย..แค่ก...แค่กๆ” ไอ้หญิงถึงกับสำลัก “อย่าบอกนะว่าเมื่อคืน?”
“อือ...ใช้ได้เลยอ่ะ ฮ่าๆๆ โอ๊ยๆ อีเหี้ย เลอะเทอะ!” มันคีบลูกชิ้นเนื้อขว้างใส่ผม
“เอาวะ อย่างน้อยมึงก็ใส่ถุง....แล้วงี้เค้าไม่ยิ่งตื้อมึงเหรอ? ไหนทีแรกบอกไม่อยากเอา ทำไมมึงเปลี่ยนใจอ่ะ”
“กูว่ากูเอาอยู่นะ คนนี้อ่ะ ตอนเอากันมันรู้สึกได้ มันเป็นฟิลลิ่ง”
“แถสัส!...มักง่ายก็บอก”
“เออ! กูเมา! เดี๋ยวค่อยไปแก้ปัญหาเอา!”
“โอ้ย สงสารตูดของมึง ที่ต้องมาอยู่ในร่างที่มีสมองแบบมึง!”
“ชิบหาย.....” ผมไม่ต่อไปถูกเลยก้มหน้าก้มตากินเส้นเล็กเนื้อเปื่อยของตัวเองไปเงียบๆ
   

เราสองคนใช้เวลาวันหยุดหมดไปกับการเดินห้องช๊อปปิ้งแก้เครียด ผมยอมรับว่าไม่แน่ใจว่าเครียดเรื่องอะไรมากกว่ากัน ระหว่างเรื่องวุ่นวายที่โรงแรม หรือ เรื่องวุ่นวายใจที่ผมมีกับคุณธีนพกันแน่ ไม่สิ เรื่องหลังไม่เครียดหรอก ออกแนวหลอกหลอนมากกว่า เกลียดความรู้สึกนี้ชะมัด ไม่ได้สัมผัสมันมาตั้งแต่......สมัยเด็กๆ สมัยเป็นเด็กน้อยหน้าโง่ ที่ยังไม่รู้ว่าความรักแม่งคืออะไร....สมัยที่คนๆเดียวเป็นโลกทั้งใบของเรา แล้วเมื่อความจริงเคลื่อนตัวเข้ามาปะทะ สวรรค์วิมานทั้งหลายเหล่านั้นแม่งก็พังครืนลงมา เหลือแต่ตัวเราเองที่แม่งแตกเป็นเสี่ยงๆแทบจะไม่มีชิ้นดี
_______________

เช้าวันจันทร์

“พี่เปรมครับ!” ผมเรียกพี่เขาก่อนจะพุ่งตัวเข้ามายืนข้างๆเขาในลิฟท์
“อ้าว! เออ...ไอ้แทนโทรหายัง?”
“ผมขอปรึกษาอะไรหน่อยดิพี่” ผมทำหน้าจริงจัง ที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อ๋อ...เอ่อ...ได้ๆ ขึ้นไปชึ้นบนเลยแล้วกัน” พี่เขาแตะบัตรขึ้นลิฟท์ บัตรพี่แทน...แม่ง....ผมยังไม่เคยได้เลยไอ้บัตรโซนวีไอพีเนี่ย แต่คิดอีกที อย่างผมไมได้ก็ดีแล้วล่ะ
“เรื่องซีเรียสเหรอเรา ดูทำหน้าเข้า” พี่เปรมแซว
“ก็...นิดหน่อยพี่...เรื่องมันยุ่งๆ” ผมตอบ พร้อมๆกับที่ลิฟท์เปิดขึ้นที่โซนวีไอพี มีใครบางคนรอลิฟท์อยู่ ผมก้มหน้าก้มตาตามระเบียบ ไม่ค่อยอยากให้ใครในโซนนี้จำได้สักเท่าไหร่ แต่พอจังหวะเดินสวนกัน ผมดันเอะใจแล้วเงยหน้าขึ้นมอง

“พี่ปัน!” ผมเรียก พี่ปันสะดุ้งก่อนจะรีบเดินเข้าไปกดลิฟท์ให้ปิด ผมรีบหันไปกดลิฟท์จากด้านนอก จนพี่เปรมหันมาร้องห้าม
“เห้ยๆ...เล่นอะไรกัน!” แกดุผมเสียงเข้ม ผมไม่สนใจ แล้วพุ่งตัวเข้าไปในลิฟ ยังไงผมก็ต้องคุยกันพี่ปันให้ได้!
“พี่! คุยกับผมก่อน!” ผมบอก พี่ปันถอยหลังไปติดกำแพงลิฟท์ ทำหน้าเหมือนผมเป็นตัวประหลาด
“เอ็ม!....ทำอะไรเนี่ย...หยุดเลย” พี่เปรมลากผมออกจากลิฟท์ เริ่มมีคนเดินผ่านมามองเห็นเหตุการณ์ประหลาดนี้ “เอ็ม!...ไม่ใช่ตรงนี้! จะมาอะไรตรงนี้”
“พี่! ปล่อยก่อน! พี่ปัน พี่อย่าหลบหน้าผมดิ!” ผมกดปุ่มลิฟท์จากด้านนอกค้างไว้ จนพี่เปรมต้องกระชากผมออกไปแรงๆแล้วล็อคตัวผมไว้ “แรงเยอะจังวะ!” พี่แกบ่นเพราะผมดิ้น ได้แต่มองประตูลิฟท์ที่ปิดลง พี่ปันไม่ยอมสบตาผมด้วยซ้ำ!
“โห่พี่! พี่ห้ามผมทำไมอ่ะ!” ผมหันไปบ่น เมื่อพี่ปันลงลิฟท์ไปแล้ว พี่เปรมปล่อยผมออกมา
“เห้ย! เอ็ม...สงบสติอารมณ์ก่อน มีอะไรกันนักหนาวะ! ไปเลย! ไปห้องไอ้แทน! เดี๋ยวนี้เลย!!” พี่เปรมโบกมือไล่ให้ผมเดินนำไป แล้วจึงเดินตามมา

_______________

“เอ้า...ยังไง มีอะไรกันนักกันหนา!” พี่เปรมถามเสียงหงุดหงิด วางกระเป๋าที่ถือมาลงบนโต๊ะพี่แทน ผมเพิ่งเริ่มรู้สึกผิดเล็กๆที่ไปโวยวายใส่เขา ผมนั่งเกาหัวแกรกๆอยู่บนโซฟา ก่อนจะถอนหายใจยาวๆแล้วเอนตัวลงนอน “ผมว่าผมต้องโดนใครแกล้งแน่ๆเลยพี่”
“ใคร?”
“เหมือนทุกคนจะรู้ว่าผมเป็นเด็กพี่แทน...แล้วอยู่ๆเขาก็คิดกันว่าผมใช้เส้นย้ายพี่ปันออกไปแผนกอื่น...พี่ปันคือคนเมื่อกี้อ่ะพี่....พี่เห็นป่ะ เค้าไม่ยอมคุยกับผมเลยอ่ะ ผมถามพี่แทนแล้ว...แกบอกว่าแกไม่รู้เรื่อง ผมเลยงงเลยเนี่ยว่าตกลงมันยังไงกันแน่เนี่ย”
“ไปมีเรื่องกับคนเมื่อกี้เหรอ?” พี่เขาตอบพร้อมนั่งลงข้างๆผม ซึ่งเพิ่งจะนึกอะไรออกบางอย่าง
“ไม่ได้มีเรื่องเลยพี่! อยู่ดีๆพี่เขาโดนสั่งย้าย คนเขาคิดกันว่าพี่แทนย้ายเขาเพราะผม ....ส่วนผมกำลังงงว่า....ใครไปย้ายเขาทำไม แล้วอีกอย่างคือพี่ปันโดนย้ายแล้วทำไมคนถึงได้โยงมาเกลียดผมอ่ะ ผมไม่เคยไม่ชอบพี่เค้าเลยนะ ออกจะสนิทกันด้วยซ้ำ แล้วคนก็ไม่รู้เรื่องผมกับพี่แทนซะหน่อย มันเหมือนกับ....เค้ารู้สองเรื่องนี้พร้อมกัน แล้วเอามาบวกกันอ่ะ....พี่นึกภาพออกมะ”
“เอ่อ....” พีเปรมทำหน้าครุ่นคิด ผมลุกขึ้นมานั่งอธิบาย
“แล้วผมกับเพื่อนโดนด่าว่าตอแหล แบบ...เพื่อนเค้าโกรธผมมากเลยอ่ะ...มันไมได้น่าโกรธขนาดนั้นมั้ยพี่ แค่ผมเป็นเด็กพี่แทนเค้าจะโกรธกันทำไมวะ แล้วไอ้เรื่องสั่งย้ายอีก สมมุติว่าเป็นผมเลยนะ ...คือ” ผมยังพูดไม่ทันจบ พี่เปรมก็ตัดบทขึ้นมา
“เอางี้ๆ...พี่เริ่มงงและ...เดี๋ยวพี่ปรึกษาไอ้แทนก่อน” พี่เปรมบอกปัดๆ ทำให้ผมเริ่มรำคาณบ้าง
“ผมถามพี่แทน!....พี่แทนบอกให้ผมมาถามพี่....แล้วพี่จะไปถามพี่แทนเนี่ยนะ?” ผมตอบด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“เออน่า...ปล่อยผู้ใหญ่เค้าคุยกัน! เราอยู่เงียบๆไปก็พอ” แกดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะช่วยเท่าไหร่ ทำไมวะ! ก็แค่เซ็นย้ายงานเด็กฝึกงานอ่ะ มันยากเหรอ! จะปล่อยพวกผมไว้ให้มันมาคุทำไมวะ? “ถ้างั้น...ผมขอย้ายแผนกได้ไหมพี่?” ผมถามตรงๆ “เพื่อนผมด้วยอีกคนนึงนะ...เพื่อนผู้หญิงอ่ะ โดนตบหน้าเลยนะพี่”
“เห้ย! ตบตีกันเลยเหรอ!” เขาลั่นออกมา “เฮ้อ......คืออย่างนี้นะเอ็ม....ช่วงนี้ท่านประธานของเราอาการไม่ค่อยดี ขอให้เรื่องบอร์ดบริหารสงบลงก่อนได้ไหม เดี๋ยวพี่จะตามเคลียร์เรื่องเอ็มให้..ไหวไหม?” พี่เปรมอธิบาย แหมถ้าพี่จะเอาบอร์ดบริหารมาพูดดักไว้แล้วผมจะพูดอะไรได้ละว้า....
“ครับ.....แต่พี่ช่วยดูให้เพื่อนผมก่อนนะพี่....ผมอ่ะไหว แต่ผมห่วงเพื่อนมากกว่า”
“เอาน่าๆ...ใจเย็นๆ...พี่สัญญาว่าจะรีบดูให้...แล้วอย่าไปจู่โจมพี่เขาแบบนั้นนะ เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง พี่ปันอะไรนั่นน่ะ ฮ่าๆ” แกตบไหล่ผม พยายามทำให้ผมผ่อนคลาย แต่มันทำให้ผมนึกอะไรออก
“เออ...แล้วพี่ปันขึ้นมาทำอะไรในโซนวีไอพีวะพี่?” ผมถาม “บนนี้อ่ะมีแต่หุ่นส่วน ญาติ เพื่อนพี่แทน ผมไม่เคยเจอคนนอกเลยนะ...ผมยังต้องเดินหลบๆเลย”
“อืม...เค้าโดนย้ายมาทำงานชั้นบริหารรึเปล่า?”
“เลขาชั้นนี้มีแค่พี่เจี๊ยบพี่....พี่จะบอกผมว่าพี่ปันโดนเสนอชื่อเข้าบอร์ดเหรอ?” ผมถาม
“พอๆๆ...งานบริหารพี่ไม่อยากจะยุ่งเลยจริงๆ....นี่ คิดซะว่าช่วยไอ้แทนมันหน่อย ยิ่งเราไปทำเรื่องขอย้ายตัวเองในช่วงนี้ เดี๋ยวจะยิ่งกลายเป็นตอกย้ำให้เรื่องมันแดงขึ้นไปอีก ทำงานไปเงียบๆ อดทนให้พี่หน่อยได้ไหม?” พี่เปรมพูดแบบใส่อารมณ์ และ ปกติพี่เปรมเป็นคนตลกโปกฮา แถมยังใจเย็น ไม่เคยเห็นเขาหงุดหงิดมาก่อน โดยเฉพาะกับเรื่องเล็กๆแค่นี้ สัญชาติญาณของผมบอกว่าเขาปิดบังอะไรบางอย่าง เรื่องนี้ชักจะไม่ชอบมาพากลเข้าจริงๆเสียแล้ว
_______________

คนชุ่ยๆมักจะถูกธรรมชาติลงโทษด้วยเรื่องยุ่งๆค่ะ

ปล. ผู้เขียนกำลังทะยอยแก้คำผิดของตอนก่อนๆไปบ้างแล้วนคะ เพิ่งอ่านเจอค่ะ แง้
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 5 : ปัญหาแรก (7.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-11-2016 17:25:33
 :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 5 : ปัญหาแรก (7.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 08-11-2016 09:55:08
:hao4: :hao4:

ุคุณ puiiz ไวม๊ากกก มาคนแรกตลอดดด ขอบคุณที่ติดตามนะค้า ^ ^
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 5 : ปัญหาแรก (7.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: autopilot ที่ 08-11-2016 10:42:53
มีความงงๆ แต่นายเอกนี่ก็น้าาาาาา 55
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 5 : ปัญหาแรก (7.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 08-11-2016 11:23:24
วุ่นวายไปหมดดดด  :ling3:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 5 : ปัญหาแรก (7.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-11-2016 20:13:51
ขอบคุณค่ะ
เราว่าหญิงพูดถูกนะ สงสารตูดน้อยๆที่มาอยู่กับคนสมองน้อยๆเนี่ย
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 5 : ปัญหาแรก (7.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 10-11-2016 13:28:27
6.


ผมยืนเบื่อหน่ายชีวิตอยู่ในชุดบริกรผูกหูกระต่าย ที่พี่แทนชื่นชมเสียเหลือเกินว่าน่ารักน่าขยี้ให้แดดิ้น หลังจากที่ไล่ไอ้หญิงให้กลับไปก่อนเพราะไม่อยากให้มันเตร็ดเตร่รออยู่แถวนี้ เพราะเดี๋ยวแม่งไปมีเรื่องอีก แล้วคราวนี้ผมไม่มั่นใจว่าตัวเองจะดึงสติได้ทันเหมือนคราวก่อนอีกด้วย

แน่นอนว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดกับเราที่ลานจอดรถ ผมประกบติดไอ้อ้วนเตี้ยของผมตลอดทั้งวัน การพูดคุยกับพี่เปรมถึงจะไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ก็ทำให้โล่งใจไปได้บางส่วน เพราะสำหรับผมแล้ว...ถึงจะไม่เคยแสดงออกว่าผมรักมันแค่ไหน แต่หญิงเป็นเพื่อนที่ผมรักที่สุด บวกกับการแบกความรู้สึกผิดที่มันต้องมาโดนทำร้ายเพราะเรื่องของผมเข้าไปอีก ตอนนี้ผมกับมันตัวติดกันชนิดที่หลายคนคงคิดว่าเราเป็นผัวเมียกันแน่ๆ

ที่ผมไม่สบายใจที่สุดก็คือหลังจากการพูดคุยกัน พี่เปรมดูจะหลบหน้าผมอย่างเห็นได้ชัด แต่ส่วนตัวผมก็ไม่อยากวุ่นวายกับพี่แทนอีกถ้าหากยังไม่มีเรื่องใดๆเพิ่มขึ้นมา นอกเสียจากได้รับฉายาใหม่ว่า ‘เด็กป๋า’ นอกจากนั้นก็เป็นแค่เรื่องเด็กๆ เช่น กลุ่มเพื่อนของตูนซุบซิบนินทากันทุกครั้งที่เห็นผม ส่วนตูนเองก็มองผมเหมือนจะสิงร่าง ผมสบเขาเธอกลับในแบบเดียวกันเพื่อให้รู้ว่าผมเองก็ไม่เกรงใจ ส่วนเจ้หยกหายหัวไปโดยสมบูรณ์ และที่ทำงานก็ได้กลายเป็นสงครามเย็น



...แล้วในที่สุดพี่แทนก็โทรมา...



“หวัดดีครับพี่!” ผมยอมรับเลยว่าคิดถึงมาก ขนาดแค่ไม่เจอกันไม่กี่วัน

“เอ็ม...ออกมาหาพี่หน่อยสิ ขึ้นมาชั้นบนนะ เดี๋ยวพี่ไปรับขึ้นห้อง”

“ครับพี่” ผมวางสายแล้วหลบฉากออกมาจากงาน แล้วตรงไปที่ลิฟทันที...


__________________________


หลังจากที่เรากลับเข้ามาที่ห้องส่วนตัว ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่วิ่งเข้าไปกอดเขาไว้แน่น คิดถึงกลิ่นน้ำหอมนี้ที่สุด คิดถึงความอบอุ่นที่คุ้นเคย เหมือนกับว่าประสาทรับความรู้สึกอันเชื่องช้าของผมเพิ่งจะทำงาน ในที่สุดก็ได้โยนความกังวลทิ้งไปชั่วคราว แล้วทิ้งตัวใส่ร่างกายที่เรารู้จักมักคุ้น

“ไอ้เปรมเล่าให้พี่ฟังแล้วนะ.....โอ๋ๆ...มานี่มา” พี่แทนกอดผมไว้แล้วลูบหัวเบาๆ ผมหัวเราะออกมาเล็กๆ ไอ้บ้า ทำอย่างกับเป็นเด็กงองแง “ไม่ขนาดนั้นพี่ ฮ่ะๆๆ” ผมพูดไปแต่ก็ดันพี่เขาไปที่เตียง

“อย่าทำเป็นเล่นสิ...เด็กบ้าเอ้ย!...มีก็บอกมีสิ....” พี่แทนนั่งลงบนเตียงแล้วดึงให้ผมนั่งลงตาม “โดนใครรังแกรึเปล่า? ห้ามโกหกพี่นะ” พี่แทนเริ่มซัก

“นิดหน่อยเองพี่...เพื่อนผมสิที่โดน....”

“นิดหน่อยบ้าอะไร! พี่ดูเทปจากกล้องที่ลานจอดรถแล้ว....” พี่แทนคาดคั้น

“แค่โดนพี่ยามตีไป 1 ที” ผมตอบขำๆ แล้วยกแขนตรงที่มีรอยช้ำจางๆให้ดู “แต่พี่เห็นไอ้หญิงโดนตบใช่ไหม?”

“อืม...พี่ดูเทปหมดแล้ว เฮ้อ...เรื่องเยอะเป็นบ้าเลยว่ะ....” พี่แกพูดพร้อมลูบแขนผมเบาๆ “กูจะไม่เอาแม่งไว้ซักคน คอยดูเหอะ...”

“ใจเย็นพี่!... พี่ก็เปรมพูดถูกนะ ผมเพิ่งรู้ว่าตอนนี้ตัวพี่เองก็ขยับตัวลำบากอยู่แล้ว พี่อย่ามาวอแวกับเด็กฝึกงานเลย แล้วยิ่งพี่ทำเหมือนพวกผมเป็นเด็กเส้น พวกผมยิ่งโดน ถึงผมจะเป็นจริงๆก็เหอะ ฮ่าๆๆ”

“เฮ้อออ....พอเตี่ยทรุดหนัก พวกแม่งก็วุ่นวายกันกับเรื่องประธานคนต่อไปนี่แหละ สงสัยคนที่ชื่อปันอะไรเนี่ยน่าจะมีอะไรผิดพลาดเข้าซักอย่าง ไอ้เปรมกำลังตามเรื่องให้อยู่นะ ว่าแต่เอ็มโอเคจริงๆใช่ไหม?...แล้วเพื่อนล่ะ?”

“พวกผมไหวอยู่พี่ เดี๋ยวคนเค้าก็ลืม แล้วอีกไม่กี่เดือนเองเดี๋ยวก็จบแล้ว...ว่าแต่พี่อ่ะ....โอเครึเปล่าครับ” ผมถามกลับ

“อือ.....ใจหายนิดหน่อยนะ แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เตี่ยเข้าไอซียูหรอก พี่ทำใจไว้ได้นานแล้ว...”

“พี่นั่นแหละมาให้ผมโอ๋เลย” ผมดันพี่แทนให้นอนลงบนเตียง ใจจริงผมอยากรู้เหมือนกันว่ามันมีเรื่องอะไรกับบอร์ดบริหารเหี้ยนี่ แต่คิดไปคิดมาแล้วก็ช่างมันเถอะ...

“อืม.....คุยกันก่อนสิเอ็ม” พี่แทนพยายามชวนคุย แต่ผมไม่อยากพูด ไม่อยากใช้สมอง ตอนนี้อยากใช้ร่างกาย ผมไซร้ซอกขอเขาเบาๆไล่ตั้งแต่ใบหูไปจนถึงหน้าอก ดันตัวเองขึ้นไปคร่อมร่างเขาไว้แล้วค่อยๆปลดกระดุมทีละเม็ดอย่างช้าๆ พี่แทนเอามือกุมมือผมไว้อีกที พยายามจะชะลอทุกอย่างลง

“ผมไม่อยากคุย...” ผมตอบโดยที่ไม่สบตา และไม่ได้หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่

“อย่างนี้อีกแล้วนะเรา....” พี่แทนตอบอย่างรู้ทัน “อือ....อูยยย....ค่อยๆนะ” พี่แทนมีคุณสมบัติคล้ายๆกับแอลกอฮอล์ ซึ่งก็เหมือนกับทุกครั้ง ที่ผมวิ่งเข้าหาเขาด้วยความทุกข์ร้อนรน แล้วปล่อยให้เคมีระหว่างร่างกายของเราเปลี่ยนความโศกเศร้าให้กลายเป็นตัญหา

เบียดเอวลงไปกับส่วนที่ค่อยๆแข็งสู้ขึ้นมา มือไล่ปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตกลิ่นหอมฟุ้งไปจนถึงเม็ดสุดท้าย เขาครางเสียงต่ำเมื่อผมหายใจรดยอดอก มือของเขาสอดเข้ามาใต้เสื้อของผมแล้วลูบคลำด้วยความไคร่อยาก เราอารัมภบทกันอยู่พักใหญ่จนต่างคนต่างอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจถอยหลังกลับ

“ขึ้นคร่อมนี่ จะรุกพี่หรือไงครับน้อง?”

“พี่ให้ผมก็เอานะ” ผมตอบกวนตีน

“ปากดีอย่างนี้ต้องโดนทำโทษ!” พี่แทนผลักผมลงกับเตียงแล้วเปลี่ยนขึ้นมาเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมแทน “จากนี้ไปเราสองคนต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะ....หลังจากนี้ไม่มีเซอร์ไพรส์แล้วนะครับ ถ้าอยากเจอต้องโทรหากันก่อนนะ...เข้าใจไหม?” จู่ๆพี่แทนก็พูดขึ้น แต่ผมไม่อยู่ในอารมณ์พูดคุย

“เสียหายจัง...ผมชอบเซอร์ไพรส์ด้วยสิ...” ผมตอบกลับไปพร้อมกับถอดเสื้อตัวเองออก แล้วขึ้นไปโน้มคอเขาลงมาจูบ หวังจะให้เขากลับเข้ามาในมู๊ด พี่แทนให้ความร่วมมือแต่โดยดีด้วยการผลักผมออก แล้วคว้าเน็กไทด์ตัวเองจากแถวนั้นมา อ้อมผูกปิดตาผมไว้

“ไอ้เด็กไม่ดี...” เขากระซิบที่ข้างหู แล้วปลดกระดุมกางเกงผมก่อนจะกระชากมันลง น้ำเสียงของเขาและการมองไม่เห็นของผม มันเพิ่มความเร้าใจขึ้นอีกหลายเท่า ผมขนลุกซู่ขึ้นมาราวกับโดนลมเย็นๆโหมผ่าน

“ผมรู้ว่าพี่ชอบเด็กไม่ดี....” คราวนี้ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีเสียงดัง เพี๊ยะ! หนักๆแทรกขึ้นมา ไอ้เชี่ย! เจ็บจริง ตูดกูต้องเป็นรอยแน่ๆ พักหลังๆพี่แกชักจะรุนแรงขึ้นทุกวัน สงสัยจะเครียดจัด

“อย่าไปยั่วใครเขาแบบนี้ล่ะ....” พี่แทนไม่พูดเปล่า กดนิ้วเข้ามาวอร์มเครื่องให้ แปลว่าอยากจิ้มเต็มทน ส่วนผมก็ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว อยากโดนไม่แพ้กัน

“พี่ห้ามผมไม่ได้หรอก” ผมตอบกวนประสาท ผมรู้ว่าลึกๆแล้วพี่แทนชอบที่ผมเป็นแบบนี้ ถึงปากจะบอกไม่ก็เถอะ แต่ร่างกายคนเรามันไม่โกหก เมื่อเขาดันตัวเองเข้ามาทีเดียวเกือบมิดด้าม จนผมต้องร้องโอดโอยให้ช้าลง ตัวผมเองก็ไม่ต่างจากเขาหรอก เราเสพติดรสนิยมทางเพศของกันและกัน แบบนี้หรือเปล่า ที่คนเขาเรียกกันว่า ศีลเสมอกัน?


“อื้อออ....อ๊า.....พี่! แรงกว่านี้!”


“โอย....เอ็ม....พี่ไกล้แล้ว!!”


ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองถูกทำอะไรไปบ้าง รับรู้ได้แค่ว่าตัวเองถูกจับพลิกไปมาเปลี่ยนท่าตามอารมณ์ของเขา ยิ่งถูกปิดตาไว้ยิ่งไวต่อสัมผัส จังหวะเร่งเร้าแบบเดิมที่ถึงจะคุ้นเคยกับมันดี แต่ก็ผลักดันสติสัมปชัญญะให้ไปสุดปลายขอบที่จะประคองไว้ได้ คำพูดยั่วยุหยาบคายที่หลุดออกมาตามกามวิสัย ส่งให้เราสองคนไปจนถึงจุดสุดยอดก่อนจะต่างฝ่ายต่างทิ้งตัวลงบนเตียง ผมดึงผ้าปิดตาออก นอนหอบหายใจ ถึงร่างกายเหนื่อยล้าแต่สมองปลอดโปร่ง แค่นี้ก็สบายใจ

สำหรับผมแล้วแค่ไอ้หญิงปลอดภัยผมก็พอใจ ผมไม่ชอบให้ตัวเองกลายเป็นภาระของใคร มันตอกย้ำความห่วยแตกของตัวผมเองมากเกินไป ถึงไอ้หญิงจะชอบพูดว่าผมใช่ร่างกายเปลือง แต่คนฉลาดแบบมันคงไม่เข้าใจ ว่าในท้ายที่สุดแล้วเมื่อเข้าตาจน มนุษย์เราจะใช้ในสิ่งที่เราคิดว่าเรามีดี

__________________________


“อ้าว! มึงรอกูทำไมเนี่ย!....อ้าวแบงค์!” ผมบ่นไอ้หญิงที่เอาโดรนของพี่เปรม ที่ผมลืมไว้บนรถมันออกมาบินเล่นเพราะไม่มีอะไรทำอยู่ตรงลานจอดรถกับไอ้แบงค์ “มึงมาแดกไรวะตั้งไกล?” ผมถามมัน

“วันนี้กูว่างอ่ะ กูเลยออกมารอมึงเป็นเพื่อนมัน” แบงค์ตอบ ...ผมสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงเป็นไย ....ใส่ใจเกินเหตุ ที่ล้นออกมาจากไอ้แบงค์จนผิดปกติ ...มันไม่ได้ห่วงผมเท่าไหร่หรอก มันกับผมก็คิดอะไรคล้ายๆกันนั่นแหละ....อ๋อ.....มันห่วงไอ้หญิง ฮ่าๆ โถ่เพื่อนแบงค์ ....แล้วดูท่าทางไอ้หญิงจะยังไม่รู้ตัวซะด้วย

“กูไปกินข้าวกับแบงค์มา กูเพิ่งมารอมึงเนี่ย” มันพูดแล้วบังคับหุ่นโดรนขึ้นไปสูงด้วยโทรศัพท์ของมัน ผมเดินเข้าไปดู

“เห้ยมันมีกล้องด้วยเหรอวะ!” ผมมองผ่านจอมันไปเห็นภาพระยะไกล้ของตึกชั้นสูงๆของโรงแรมแบบชัดเจน “มึงๆ ลองแอบเอาไปส่องห้องโน้นดิ๊” ผมบอกมันแล้วชี้ไปที่ห้องชั้นบน “มึงเอาไปเคาะหน้าต่างห้องแล้วบินหนีออกมาได้ป่ะ!”


“เออๆ!” เราสามคนหัวเราะคิกคักๆกับแผนชั่วร้าย ไอ้หญิงเอาโดรนไปชนกระจกห้องพักเบาๆ แล้วรีบบินลงมาชั้นล่างเราสองคนแอบมองซักพัก มีคนลุงในชุดอาบน้ำเปิดห้องออกมามอง หันซ้ายหันขวาแล้วก็กลับเข้าห้องไปด้วยความสงสัย ไอ้หุ่นหน้าตาติงต๊องนี่กลายเป็นความบันเทิงของเด็กเปรตกลุ่มนี้ไปเสียแล้ว

“มึงๆ กูอยากเล่น!” ผมขอมือถือมันมาเล่นบ้าง

“เออมึง รังรักของมึงอยู่ไหนเหรอ หากูไปดูหน่อยดิ!”

“เออๆ! นี่ๆ เริ่มจากนี่เลย ตั้งแต่ห้องนี้ขึ้นไป มึงต้องใช้คีย์การ์ดเข้า” ผมเอาโดรนบินขึ้นไปลอยหน้าห้องให้ดู แล้วค่อยๆพาพวกมันทัวร์โซนวีไอพีจากด้านนอกตึก

“แล้วนี่ๆ นี่ห้องนอนแขกวีไอพี นอนสบายสัสๆ เหล้าเบียร์เพียบ มีบาร์ส่วนตัว กระจกกันกระสุนด้วยนะมึง” ผมบังคับหุ่นเข้าไปเคาะกระจกให้มันดูชัดๆ


“พอแล้วอีเหี้ย เดี๋ยวร่วง” หญิงบอก




....แล้วขณะที่ผมถอยไอ้หุ่นเวรนี่ออกมา.....




....กระจกห้องก็เปิดออก...




...มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมา...





”พี่เปรม?” ผมพูดขึ้นโดยอัตโนมัติ แล้วก้มมองที่จอ ราวกับสบตากับพี่เขาอยู่




อยู่ดีๆเขาหันควับไปที่ห้อง ทำท่าเหมือนจะห้ามไม่ให้คนข้างในออกมา แต่ไม่ทันเสียแล้ว....



“พี่ปัน?”



ผมได้แต่ยืนอ้าปากค้าง พี่ปันในชุดคลุมอาบน้ำ กับพี่เปรมในชุดนอน พี่ปันมองมาทางกล้องแล้วก็ตกใจ รีบหลบเข้าไปในห้อง ขณะที่พี่เปรมเดินมาที่ระเบียง คว้าไอ้โดรนเปรตนั่นไว้ ....แล้วมองลงมา



“หญิง! แบงค์!” ผมดึงพวกมันสองคนเข้ามาใต้ตึกจอดรถ



......แต่เหมือนจะไม่ทัน.....

   _____________________________


ปัญหาที่สองของคนมักง่ายมาแล้วนะคะ อิอิ
ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะค้า
:กอด1:

ปล.มีกระทู้สอนทำสารบัญไหมคะ พอดีโลว์เทคมากๆ ใครมีขอขอบคุณล่วงหน้าน้า
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 6 : ปัญหาที่สอง (10.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-11-2016 15:12:07
อืม  ก้อเข้าเรื่องศีลเสมอกันนั่นแหละนะคนเรา
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 6 : ปัญหาที่สอง (10.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-11-2016 17:47:12
ว่าแล้วเชียวพี่เปรมกับพี่ปัน

หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 6 : ปัญหาที่สอง (10.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 10-11-2016 18:11:07
แหม่ปันก็เด็กเปรมนะนั่น
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 6 : ปัญหาที่สอง (10.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 10-11-2016 18:20:37
 :impress2: :haun4: :z1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 6 : ปัญหาที่สอง (10.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-11-2016 21:26:34
ก็แย่ละ....ถูกเห็นแน่เลย
ปัญหาตามมาชัดๆ   :katai1: :katai1: :katai1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 6 : ปัญหาที่สอง (10.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 11-11-2016 03:56:05
เอาแล้วไง
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 6 : ปัญหาที่สอง (10.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 11-11-2016 05:21:22
สนุกแปลกใหม่มากครับเรื่องนี้
ขอติดตาม
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 6 : ปัญหาที่สอง (10.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 14-11-2016 00:16:45
7.

ดูเหมือนพี่เปรมมีเรื่องจะต้องชี้แจงกับผม ความสัมพันธ์ของเขากับพี่ปันมันออกจะชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผมกับพี่แทนกำลังโดนใส่ร้าย ผมอาจจะยังเชื่อมโยงไม่ได้ว่าอะไรคือจุดมุ่งหมาย แต่มันคงจะเป็นความบังเอิญไปไม่ได้

“มึงน่าจะกดถ่ายรูปไว้!!” ไอ้หญิงบ่น เราสามคนนั่งอยู่ที่คาเฟ่ไกล้ๆโรงแรม

“กูคิดไม่ทันโว้ย!” ผมตอบ

“เดี๋ยวนะ...มึงบอกกูว่าคุณกษิณป่วยใช่ไหม?” ไอ้หญิงถาม

“เออ...ป่วยหนัก พี่แทนบอกกูว่าเค้ากำลังหาประธานคนใหม่” ผมพูดไปก็คิดออก “เดี๋ยวนะ.....ไอ้เหี้ย เค้าใช้กูทำลายชื่อเสียงพี่แทนเหรอวะ!”

“แหงล่ะ! ใครๆก็อยากขึ้นเป็นประธานทั้งนั้นแหละ!” ไอ้หญิงบอก

“พี่เปรมไม่มีโอกาศขึ้นเป็นประธานซะหน่อย…เค้าเป็นเพื่อนกันนะเว้ย ให้เพื่อนตัวเองขึ้นไปไม่ดีกว่าเหรอ!” ผมตอบ

“กูว่างานนี้มึงไม่ได้เจอแค่พี่เปรมแล้วล่ะ....มีคนตั้งใจปล่อยข่าวพวกมึง ย้ายพี่ปัน ให้มันเกิดเรื่องในหมู่พนักงาน ข่าวลือมันส่งผลเสียกับมึงไม่มากหรอก อย่างมากเค้าก็เม้ามอยกัน แต่คนที่มีอะไรจะเสียอ่ะคือพี่แทนต่างหาก” ไอ้หญิงสาธยาย

“กูสงสัยธีนพ” ไอ้หญิงฟันธง

“ห๊ะ?”

“ธีนพไง! เค้ามาชิงเก้าอี้ประธานกรุ๊ป! มึงไม่รู้เหรอ!”

“มึง! มันก็มีผลประโยชน์กันทุกคนแหละ กูไม่สนหรอกใครจะแย่งเก้าอี้ประธานกัน กูสนแค่ว่าเมื่อไหร่แม่งจะเลิกยุ่งกับกู” ผมบ่น

“ไม่มีทางอ่ะ จนกว่าพี่แทนมึงจะยอมประกาศว่าจะไม่ชิงตำแหน่งกับเขา”

“มึงว่ากูควรพูดกับพี่แทนตรงๆไหมวะ ทั้งหมดนี่เลยอ่ะ?”

“อย่า! อีควาย พูดไปก็ทะเลาะกัน เขาคงจะมาฟังมึงหรอก! มึงจะบอกเขาว่าอะไร?” มันพูด “พี่ครับ เพื่อนสนิทพี่กำลังแบล็คเมลล์ผมกับพี่ครับ แล้วก็สมรู้ร่วมคิดกันหลายคนด้วยครับ พี่เชื่อผมสิ!...เหรอแบบนี้อ่ะเหรอ?” ไอ้หญิงปิดท้ายอย่างสมเหตุสมผล และในท้ายที่สุดเพื่อนๆแนะนำให้ผมอยู่เฉยๆ หลีกเลี่ยงการต้องพบกับพี่เปรมและพี่ปัน เพราะไม่มีอะไรที่เราจะทำได้ ซึ่งผมเห็นด้วยบางส่วน...แต่ผมรู้จักพี่เปรม ผมรู้จักเพื่อนสนิทของเขา และผมก็มีวิธีการของตัวเองเหมือนกัน

_______________________


ถ้าลิฟท์เวรนั่นขัดขวางไม่ให้ผมขึ้นไปหาพี่เปรมที่ชั้นวีไอพีได้ก็ช่างมัน แต่ลานจอดรถมันไม่ได้เข้ารหัสไว้นี่หว่า...
ผมยืนสูบบบุหรี่อยู่ไกล้กับป้อมยามของโซนซุปเปอร์คาร์ หลังจากที่ฟังพี่ยามแกคุยโวเรื่องที่ถูกล๊อตเตอร์ลี่มาเป็นชั่วโมงๆ แหกปากนั่งร้องเพลงลูกทุ่งไปกับเขาก็แล้ว เพลงลูกกรุงก็ร้องมาแล้ว ในที่สุดก็มีคนเดินลงมาสักที

คุณธีนพ...

เขาเดินมากับเลขาแบม คุยเล่นกันอย่างกับเพื่อนคนสนิท ก่อนจะเปิดประตูให้เลขาตัวเองเข้าไปนั่ง....

‘กูว่าแล้วว่าไม่ใช่เลขา’ ผมคิดในใจเงียบๆ

ผมมองอยู่ได้ไม่นาน คนที่ผมกำลังรอจริงๆก็เดินลงมา “ชิบหาย.......” ผมพูดคนเดียว คุณธีนพยังไม่ขึ้นไปบนรถเลย แต่ยังไงผมจะไม่ยอมกลับบ้านมือเปล่าแน่ๆ ช่างแม่งเหอะ....ผมเดินออกจากป้อมยามตรงไปหาพี่เปรมพี่กำลังหันหลังให้ผมอยู่

“ไงพี่...” ผมทัก เขาสะดุ้งโหยงแล้วโวยวาย “เห้ย! มีอะไร!”

“อย่ามาทำเป็นโมโหดิพี่!” ผมโต้กลับ มองถัดไปเห็นคุณธีนพยืนมองเราอยู่

“พูดอะไรวะน้อง! ไม่รู้เรื่อง! พี่ๆ! เอาเด็กนี่ออกไปที!” พี่เปรมหันไปเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัย แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้จัก ผมแทบจะไม่เชื่อสายตากับลูกไม้ที่หยาบคายนี้ ผมคว้าแขนเขาไว้ ไม่ให้เขาหนี แต่เขาผลักผมออกแรงๆ “โห...ไอ้เหี้ยพี่!” ยังไม่ทันที่ผมจะได้จบประโยค ก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือของใครบางคนที่วางลงบนไหล่
“เอ้า...เด็กๆ มีอะไรค่อยๆคุยกันสิครับ” เสียงที่ผมไม่คุ้นดังขึ้น อุ้งมือใหญ่วางลงบนไหล่ผมทั้งสองข้างแล้วบีบนวดเบาๆ ผมหันควับไปมองด้วยความตกใจ ไอ้เหี้ย มึงทำอะไร ขนลุก!
   
“อ้าว...น้องเอ็มนี่เอง” เขาพูด ผมจำหน้าเขาได้แบบเลือนลาง แต่จำชื่อไม่ได้เลยได้แต่ทำหน้างงใส่ จนชายคนนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ เขามีรังสีบางอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกขนพอง “อ้าว...สงสัยพี่จะหล่อขึ้นจนจำไม่ได้....นี่พี่ท๊อปไงครับ” เขายิ้มให้ พี่ท๊อป! พี่ท๊อปคือพี่คนโตของพี่แทน ผมเคยเห็นแต่ในรูปถ่ายครอบครัว หน้าตาเขาเปลี่ยนไปมาก อาจเป็นเพราะการศัลยกรรมอย่างหนักหน่วง “พี่ชายพี่แทนไง พี่เคยได้ยินเรื่องของเรามาเยอะเชียวล่ะ....ตัวจริงหล่อเหมือนในรูปเลยแฮะ” เขาเอามือมาจับหน้าผมเชยคางขึ้น แล้วหันซ้ายหันขวาเชยชมอย่างกับเจอของเล่นใหม่  มาถึงตอนนี้ ผมถอยหนีแล้วหันกลับไปหาพี่เปรมแทน เหมือนสมองสั่งการว่า มึงหันหน้าหาพี่เปรมเถอะ


ซึ่งพี่เปรมนั้นก็อยู่ในสภาวะเดียวกับผม คือขนลุกขนพอง ผมเป็นเกย์ยังขนลุก พี่เปรมมีหรือจะเหลือ


“พี่ท๊อปครับ...เดี๋ยวผมจะ..” เขาพูดด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน ผมเกือบจะหัวเราะให้กับท่าทางสงบเสงี่ยมกะทันหันของเขา จังหวะนี้ต้องซ้ำเติมแม่งเข้าไป “จะอะไรเหรอพี่!...พี่จะทำไรผม ไหนพูดดิ๊?” ผมกวนตีน พี่เปรมชักสีหน้าโมโห

“ฮ่าๆๆ พี่ชอบเราจริงๆเลย” พี่ท๊อปหัวเราะ “...เปรมไปทำอย่างอื่นเถอะ....คนนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง...” พี่ท๊อปพูดขึ้นทำเอาผมเสียวสันหลังวาบ...

“ไว้พี่จะแวะมาหาใหม่นะน้องเอ็ม” พี่ท๊อปตบหลัง คล้อยไปทางเอว ของผมเบาๆ นี่พี่ตบหรือลูบ...

ผมได้แต่ยืนตัวแข็ง มองดูรอยยิ้มเลือดเย็นของเขาก้าวเข้าไปในรถที่มีไอ้พี่เปรมเป็นคนขับ จนเขาขับออกไปพ้นสายตา คำถามที่เตรียมมาในหัวบินว่อนกระเจิดกระเจิง เกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามายืนแถวนี้ทำไม


เดี๋ยวนะ....เขากลับบ้านด้วยกันเหรอวะ?


สองคนนี้รู้จักกันซะที่ไหน.....นอกเสียจากแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่างอยู่


จิ๊กซอว์ของไอ้หญิงมันลงตัวพอดิบพอดีเลยจริงๆ


“เอ็ม…” คุณธีนพเดินมาสะกิดผม

“ครับ!” ผมหันไปตอบ

“รู้จักพี่ท๊อปด้วยเหรอ?”

“เอ่อ.....เพิ่งจะรู้เมื่อกี้แหละครับ” ผมตอบตามตรง เขายืนกอดอกแล้วถอนหายใจยาวๆใส่ จนผมงง ผมมองไปทางรถเขา เลขาของเขาเปิดประตูแล้วลงจากรถ เดินมาสมทบกับเราสองคน แล้วเอ่ยปากถาม




...........



“พอจะมีเวลาไหมครับ?” แบมพูด พี่ธีนพหันไปมอง

“หืม?....อ่า....ว่างครับ” ผมตอบ

“ทานข้าวกัน”

“ครับ?”

_______________________

เราสามคนนั่งอยู่ในร้านอาหารหรูในเมือง ผมนั่งส่องเมนูอาหารในราคานักศึกษาแดกได้แค่ปีละครั้ง ผมเคยเข้าร้านอาหารหรูกับพี่แทนค่อนข้างบ่อย แต่สิ่งที่ทำให้ผมประหม่าคือสองคนตรงหน้าต่างหาก พวกเขาเหมือนมาที่นี่เป็นประจำ สั่งหาอารโดยที่ไม่ดูเมนูอย่างกับคู่เดทมาทานร้านประจำ โดยที่มีผมเป็นก้างกวางคอ ผมคิดขณะที่จิ้มอะไรแปลกๆมั่วๆไปอย่างหนึ่ง
“เอ็มครับนี่แบม...เลขาผมเอง แบมครับนี่น้องเอ็ม คนที่พี่เคยจะให้มาแปลงานให้ทีแรกน่ะ” แล้วก็จุดไฟใส่เสื้อพี่ด้วยครับ ผมคิดแล้วนั่งยิ้มเนียนไป
“สวัสดีครับเอ็ม...ถ้าเป็นนักศึกษาฝึกงานล่ะก็น่าจะรุ่นเดียวกัน ไม่ก็รุ่นน้องนะ ผมเรียนหลักสูตรเร่งรัดมาน่ะ เลยจบมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุสิบเก้า” เขาสาธยายสรรพคุณใส่ แล้วต่อด้วยรายละเอียดที่ผมไม่ได้ตั้งใจฟัง ได้แต่พยักหน้ายิ้มๆไป แล้วตอบกลับ“หวัดดีครับแบม” เออเอาเป็นว่ามึงรวยแล้วก็เก่งมาก ประมาณนี้แหละ

“เอ็มเรียนที่ไหนเหรอครับ? ทำไมมาเรียนเมืองไทยเหรอ?” แบมถามต่อ
“เอ่อ....ผมโตเมืองไทยครับ พอดีหลังจะเกิดได้ไม่นาน คุณแม่ก็ป่วย เลยบินกลับมารักษาที่บ้านครับ” ผมตอบ
“แล้วคุณพ่อล่ะครับ?” เขายังถามต่อ ผมลังเลที่จะตอบ ถ้าเป็นเพื่อนกันผมไม่ลังเลหรอก พูดไปแล้วคนแม่งชอบถามเซ้าซี้ แต่เอาเหอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
“แทบจะไม่เคยเจอคุณพ่อเลยครับ เลิกกันตั้งแต่ผมยังไม่เกิดเลย”

“โห...แย่จัง” เขาแสดงท่าทีห่วงใย ผ่านใบหน้าใสกิ้งกับรอยยิ้มใสซื่อแบบเด็กๆ ผมไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ สัมผัสได้ถึงความไม่จริงใจอย่างแรง “แล้วอย่างนี้คุณแม่..”

“สนิทกับแทนไทเหรอครับ?” ธีนพขัดขึ้นกลางลำ

“ห๊ะ?....เอ่อ......ครับ” ผมตอบ ข่าวลือแม่งไปไกลกว่าที่คิด ผมมองไปที่แบมที่สายตาอยากรู้อยากเห็นแต่ทำเป็นมองไปทางอื่น ทำไมวะ อยากรู้ทำไมต้องทำเป็นไม่อยากรู้ เรื่องแม่งน่ารู้จะตายชัก ผมเป็นคนอื่น ผมก็คงอยากรู้เรื่องราวของคนที่ชื่อไอ้’เอ็ม’เหมือนกันนั่นแหละ อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน่อยเลย ขนาดคุณธีนพยังมองผมไม่วางตา “อยากรู้ไหมครับว่าสนิทแบบไหน?” ผมเริ่มหมั่นไส้ มองไปทางน้องเลขาหน้าใสซื่อแล้วถาม

เขาสบตาผมด้วยความประหลาดใจ มีเสี้ยววินาทีหนึ่งภายใต้ดวงตากลมโตนั้น ที่ผมเห็นสายตาของการพิภากษา สายตาแบบที่ผมเกลียดที่สุด แต่เขาเปลี่ยนมันให้กลายเป็นความเห็นอกเห็นใจไปได้อย่างแนบเนียน

“เอ่อ...” แบมอึกอัก

“ไม่อยากครับ” พี่ธีแทรกขึ้นอีกครั้ง เลขาหันไปมองควับ…เซ็งเลยสิมึง

“อ้าว....” ผมก็ได้แต่อ้าวสิครับ จะให้พูดอะไรล่ะ

“แต่ไม่รู้จักพี่ท๊อปสินะ?” ธีนพพูด

“ครับ...รู้แต่ว่าเป็นพี่ชายพี่แทน” ผมตอบตามตรง ชายตรงหน้าได้แต่พยักหน้าช้าๆด้วยใบหน้าครุ่นคิด

“ทานข้าวเถอะ...” เขาพูดเมื่อมองไปทางอาหารที่กำลังมา...
   
ผมไม่ค่อยชอบให้บรรยกาศอึดอัด โดยเฉพาะระหว่างกินข้าว เลยพยายามชวนคุย
“พี่รู้จักพี่ท๊อปด้วยเหรอครับ?” ผมถาม
“อืมรู้จักสิ...” เขาตอบ
“เค้าเป็นคนยังไงเหรอพี่?” ผมเผลอเรียกเขาว่า ‘พี่’ คำถามนี้ทำให้แบมต้องเงยหน้าขึ้นมา พี่ธีครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบ
“พี่บอกในส่วนของเขาไม่ได้หรอก” ผมกับแบมสบตากันตอนที่เขาเรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ เป็นครั้งแรก “เดี๋ยวเสร็จแล้วค่อยคุยกัน”
‘ดูเหมือนจะคุยยากกว่าที่คิดแฮะ...ยังไงของเค้านะ....เอาเหอะ แดกดีกว่ากู’ นี่คือสิ่งเดียวที่ผมคิดออก การทานข้าวครั้งนี้จบลงโดยที่เราสามคนนั่งต่างคนต่างกินกันไปเงียบๆ แบมพยายามชวนผมคุยสองสามครั้ง ผมทำได้แค่พยายามตอบเลี่ยงๆ
เมื่ออาหารพิลึกๆนี้จบลงในที่สุด เราสามคนเดินออกมาพร้อมกันไปจนถึงที่จอดรถ มาถึงตรงนี้ผมถึงได้โอกาศขอตัวไปสูบบุหรี่
“ไม่ต้องไปส่งหรอกครับ เดี๋ยวผมกลับเอง” ผมบอกทั้งสองคน แบมพยักหน้าให้แล้วโบกมือลาผม แต่พี่ธีไม่ขยับตัวไปไหน จนเลขาต้องเดินกลับมา “ไปเถอะครับพี่”

“แบมกลับไปก่อนนะ....”

“ถึงบ้านแล้วค่อยส่งพรีเซ้นให้ผมอ่าน ส่งมาก่อนห้าทุ่มนะ”

เขาไล่เลขาที่ยืนหน้าบ๊องแบ๊วกลับไป ผมกับแบมสบตากัน คราวนี้ผมเห็นรังสีอมหิตของแบมแผ่ออกมาชัดเจนในที่สุด แต่ในท้ายที่สุด แบมทำได้เพียงแค่ “ครับพี่...” แล้วเดินจากไป ขอบคุณครับพี่..... กูมีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกคน

ทีนี้ก็เหลือผมที่คีบบุหรี่ไว้ในมือยืนโง่ๆ..... ไม่รู้จะเอายังไงต่อดี

“พี่จะไปร้านเบียร์ตรงซอยหัวมุมถนน...” จู่ๆเขาก็พูดขึ้น

“เอ่อ...ครับ” ผมตอบ
“ว่าจะไปเขียนรีวิวเบียร์ซักหน่อย”

“ครับ....?” ....กูไม่ได้จุดซักทีไฟแช็กเนี่ย

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขายืนล้วงประเป๋ามาดเท่ แต่ดูเก้ๆกังๆ แต่ไม่ยอมสบตา ไม่รู้หันไปมองอะไร

“ไปด้วยกันหน่อยสิ...”

“หื้ม?” ผมยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับไปไหน นี่ก็อะไรวะ….นึกจะชวนก็ชวน ไล่เลขากลับไปด้วยนะ....ผมยิ้มกริ่มแล้วแกล้งถามกลับไป

“จีบผมเหรอพี่?” ด้วยท่าทีหยอกเล่น เขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะแอบหันไปยิ้มเล็กๆอยู่คนเดียว

“....ไปก่อนสิ แล้วจะบอก”

__________________________


มีแค่ 3 ปัญหาก็พอแล้วเนอะ อิอิ ขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆเลยนะค้า ผู้แต่งจะพยายามอัพเดทให้ได้สัปดาห์ละ 2 วันน้า

:pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 7 : ปัญหาที่สาม (14.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-11-2016 00:37:43
เอ็มเจอแต่ปัญหานะเนี่ย แถมมีศัตรูเพิ่มขึ้นแทบทุกตอน


 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 7 : ปัญหาที่สาม (14.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-11-2016 06:58:16
พี่เปรม พี่ปัน พี่ท็อป คุณธีนพ  :katai1: :katai1: :katai1:
พี่เปรม นี่เปลี่ยนไปชัดๆ เลย
พี่ท็อป นี่รู้ตัวปะ ทำให้เอ็มกับพี่เปรม
รูสึกขยะแขยง และขยาดเลยนะ
คุณธีนพ จะคุยอะไรกับเอ็มนะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 7 : ปัญหาที่สาม (14.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 14-11-2016 14:08:57
อ่านไปงงไป อะไรมันจะซับซ้อนงี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 7 : ปัญหาที่สาม (14.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 15-11-2016 23:31:17
ติดตาม
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 7 : ปัญหาที่สาม (14.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 16-11-2016 02:47:49
แง อยากอ่านต่อแหล่ว :ling1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : ปัญหาที่สาม (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 17-11-2016 15:02:18
8.

มันเป็นร้านเบียร์เล็กๆ ตกแต่งสไตล์ยุโรปเหนือ อยู่ในซอยค่อนข้างลึกและมีบรรยกาศอบอุ่น ผมเลือกโต๊ะกลมเล็กๆในมุมเงียบสงบด้านนอก พี่แกเดินไปสั่งเบียร์ที่บาร์ขณะที่ผมนั่งรอ ต้นไม้ร่มรื่นช่วยให้เกิดอารมณ์ผ่อนคลายได้ดี แต่นึกไปถึงคำพูดของไอ้หญิงที่ว่า ‘เขามาเพื่อชิงตำแหน่งเก้าอี้ประธาน’ แล้วก็อดกังวลในใจลึกๆไม่ได้เหมือนกัน แต่ภาพที่ตัวเองเป็นลมในห้องประชุมนั้นก็ยังชัดเจน ยังจำได้ดีว่าตัวเองหวั่นไหวแค่ไหน ไอ้ที่ไปแซวเขาเล่นว่าเขาจีบเนี่ย มันก็เป็นแค่ความปากดีของผมไปอย่างนั้นแหละ ไม่ใช่สิ มันเป็นการป้องกันตัวต่างหาก

“ตกลงจีบผมป่ะ?” ผมถามแล้วยิ้มยั่ว เมื่อเขาเดินกลับมาพร้อมเบียร์ในมือสองแก้ว

“ดื่มก่อนสิ แล้วจะบอก...” เขาเลี่ยงที่จะตอบอีกครั้ง แต่วางแก้วเบียร์ลงตรงหน้า แล้วยิ้มในแบบของเขา “นี่ตัวใหม่ของร้านเลยนะ....บอดี้ดีมากเลย” เขาพูดภาษานักชิมเบียร์ใส่ ผมไม่สนใจหรอกตราบใดที่มันสามารถพาแอลกอฮอล์เข้าไปในกระแสเลือดได้ล่ะก็ อีกหลายแก้วที่ตามมาหลักจากนั้นเพิ่มบทสนทนาให้แก่เราสองคนได้เป็นอย่างดี ยิ่งคนไม่มีเบรคแบบผมเรียกได้เลยว่าเพลินเป็นบ้า

“พี่รู้เรื่องผมกับพี่แทนจากไหนเหรอ?” ผมถาม เริ่มออกอาการมึนตึงจากแอลกอฮอล์
“อืม...ก็เคยเห็นขึ้นมาโซนวีไอพี...ก็เลยเดาเอา”
“แล้วเขาลือกันเรื่องผมเยอะไหมพี่” ผมถามตามตรง
“อยากรู้ไปทำไมเหรอ?” เขาถามกลับ
“ผมถามพี่ก่อน....พี่อย่าถามผมกลับดิ...” ผมพูดแล้วส่ายหน้า
“ฮ่าๆๆ...” พี่ธีหัวเราะออกมาดังๆ “ก็ได้ๆ...แต่สัญญากับพี่อย่างนึงก่อน...” เขายื่นเงือนไข
“ได้พี่..” ผมตอบไปก่อน ถึงแม้อย่างนั้นก็ต้องคอยเตือนตัวเองว่าแท้จริงแล้วก็คู่แข่งทางธุรกิจคนหนึ่งของพี่แทน ผมพยายามระวังปากที่สุดเท่าที่จะทำได้



“อย่าคิดมากนะ?”



...หืม?....อย่าคิดมาก...ผมพยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงตกลง



   “อย่าคิดมากนี่...แปลว่าเยอะใช่ไหมพี่?”

   “บนนั้นไม่มีใครไม่รู้จักเอ็มหรอก” เขาตอบ

   “อื้อออหืออออ!! พอเลย! ไม่อยากรู้แล้ว!” ผมนี่ยกแก้วต่อไปเลย
อีกหลายชั่วโมงต่อมา เราคุยกันเป็นปี่เป็นขลุ่ยด้วยเรื่องไร้สาระได้อย่างประหลาดใจ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับต่างประเทศ อาหาร และเหล้าเบียร์เสียเป็นส่วนใหญ่ และแทรกด้วยตลกปัญญาอ่อนของผมเป็นระยะๆ จนวนเข้ามาเรื่องแถวๆโรงแรมจนได้ แต่ก็ไม่วายเข้าเรื่องปัญญาอ่อนของผมอยู่ดี

“ฮ่าๆๆ!! แบบพี่ท๊อปถ้าผมเจอตอนกลางคืนนี่ผมกระทืบก่อน คุยทีหลังนะพี่!” ผมพูด พี่ธีลั่นขำจนสำลักน้ำ
“แล้วจะไปกระทืบเขาทำไมเล่า!”
“ไม่รู้อ่ะ ผมกลัว ผมถือว่าผมป้องกันตัว!”
“ฮ่าๆๆๆ กลัวพี่ท๊อปเหรอ?” เขาถาม
“กลัวดิพี่ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าแม่งโรคจิต! คงมีแต่พี่นั่นแหละที่ไม่กลัว”
“ก็กลัวอยู่นะ” พี่ธีตอบ
“ฮ่าๆๆๆ อย่างพี่เนี่ยนะกลัว!”
“เออ...ทำไมเหรอ?”

“พี่เก่งจะตาย ไปกลัวแม่งทำไม!” ผมตอบแบบใส่อารมณ์ จนพี่ธีต้องจับมือผมไว้ไม่ให้ทุ่มแก้วลงกับโต๊ะ

“ช้าๆ....ช้าๆนะ พอแล้วๆ” พี่แกพยายามดึงแก้วเหล้าออกจากมือผม แต่ผมไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก

“พี่แย่งผมไมอ่ะ....อยากกินก็สั่งเองดิ!” ผมพูดแล้วปัดมือเขาออกไป

“ไม่ใช่! ไอ้บ้า!....จะให้กินน้ำเปล่าแล้ว เอามานี่!” พี่ธีดึงแก้วไปจากผมสำเร็จ อาจจะเป็นเพราะเขาทำให้ผมมือไม้อ่อนแอลงไปบ้าง ผมพยายามดึงแก้วกลับ พี่ธีหัวเราะเยาะท่าทีเงอะงะของผมที่ตะกายซ้ายทีขวาทีจนต้องยอมแพ้ไปเอง

“พี่....” ผมกลับมานั่งนิ่งๆเพราะเวียนหัว พลางนึงไปถึงคำถามที่เขาติดค้างไว้

“อะไรเหรอ?” เขาถาม ผมไม่เคยเห็นใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเนิ่นนานแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เราออกมาด้วยกันสองคน
“ตกลงจีบผมป่าวเนี่ย...” ผมแกล้งถาม เขาหุบยิ้มลง กลับมาเป็นท่าทีแบบเดิม ใบหน้าแบบธีนพ.... ครุ่นคิด พินิจพิเคราะห์อยู่สักพัก..... คิดนานไปแล้ว! จนผมเริ่มกังวลใจ .....ไม่เอาแล้ว! ถ้าเขาตอบไม่ล่ะวะ!

“อย่า!” จู่ๆผมก็ลั่นขึ้น

“หืม?”

“อย่าเพิ่งตอบนะพี่...” ผมกังวลกับท่าทีของเขา ไม่ใช่แค่กังวลสิ...ผมกลัวเลยล่ะ กลัวว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่คิด ผมต้องการเวลา ผมต้องการ.....แบบที่ตัวเองถนัด

“เอางี้ดีกว่า.....ว่าแต่พี่อ่ะ ไม่อยากรู้เหรอ?”

“อยากรู้ว่า?” เขาถาม

“อยากรู้ว่า....ผมจีบพี่อยู่รึเปล่า?” ผมตอบกลับไป เขานิ่งอึ้งไปสักพัก

“อืม....อยากสิ”

“....ไปส่งผมที่ห้องก่อนสิ แล้วจะบอก” ผมส่งสายตาเร่งเร้า.....เล่นกลับไปอย่างที่เขาล้อเล่นกับผม เขาก้มหน้า แล้วพยักหน้ากับตัวเอง ก่อนจะยิ้มในแบบของเขา

“ไปสิ.....เห้ย!”

ผมได้จังหวะ ระหว่างที่เขาเผลอวางแก้วของผมลงบนโต๊ะ....ยกทีเดียวเสียให้หมดแก้วจะได้ไม่ต้องเหลือทิ้ง...

_____________________
   
พี่ธีประคองร่างปวกเปียกของผมขึ้นไปจนถึงหน้าห้อง เขาต้องล้วงเข้าไปในกระเป๋าผมเพื่อจะสแกนบัตร ผมให้ความร่วมมือไปพร้อมกับการประคับประคองสติตัวเองให้อยู่ ไฟห้องเปิดอัตโนมัติตามปกติ ในที่สุดผมก็ลากเขาเข้ามาใน ‘สนาม’ ของผมสำเร็จ อันที่จริงแล้วแค่เขาตอบตกลงก็เป็นสัญญาณที่มากพอ ไฟเขียวซะขนาดนี้มีหรือเจอผมทอดสะพานแล้วจะรอดออกไปได้ ร่างกายเรายืนเบียดชิดกัน เขาประคองผมลงนั่งบนเตียงแผ่วเบา แล้วผละออกไป แต่ผมจะไม่ยอมเสียจังหวะนี้ไปเปล่าๆ

“ไม่ต้องอาบน้ำก็ได้พี่.....” ผมพูดพร้อมดึงแขนเขาไว้

“เอ่อ...เอ็ม....เดี๋ยว....พี่ว่า...” ผมไม่ปล่อยให้เขามีเวลาคิด มันเป็นเรื่องทางเทคนิค อย่าปล่อยให้คู่นอนของคุณคิดมากเป็นอันขาด ผมดึงตัวเองขึ้นด้วยแขนของเขา ขึ้นมายืนประชิด แล้วค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตของเขาออกทีละเม็ด

เม็ดแรกผ่านไป......

เม็ดที่สอง.....เขาไม่ได้ขัดขึน เห็นมั้ยล่ะ....

เม็ดที่สาม...... เพี๊ย!

“โอ๊ย!” เขาตีมือผม! ถึงจะเบาๆก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ตกใจนี่หว่า!

“....อย่าซน” เขาไม่พูดเปล่า รวบแขนผมสองข้างไว้ แล้วดันผมให้นั่งลงบนเตียง “นอนได้แล้ว...ไม่ง่วงเหรอไง”
“อย่าดุสิครับ...” ผมพูดด้วยเสียงออดอ้อน ยังไม่ยอมแพ้ ดึงแขนเขากลับแรงๆ หวังจะกระตุกลงมาบนเตียงด้วยกัน จะได้เลิกลีลาเสียที แต่เขาขืนตัวไว้ แล้วสะบัดมือออกจนผมผงะถอยหลัง จนอารมณ์ผมพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ มันหมายความว่ายังไงวะ!

“พี่ไม่ชอบแบบผมเหรอไง?” ผมถามขึ้นมาดื้อๆ เริ่มโกรธที่ตัวเองถูกปฏิเสธ และลีลาท่ามากของเขามันชวนให้เจ็บสมองเกินกว่าจะเก็บไว้

“เปล่า....พี่แค่....” เขาอึกอักอยู่ตรงอย่างนั้นจนผมทนไม่ไหว “พีต้องการอะไรกันแน่วะ!” ผมเริ่มเสียงดัง ลุกขึ้นเผชิญหน้า

“พี่เป็นคนเข้ามาหาผมก่อนนะ! แล้วพี่ก็มาชวนผมออกมาดื่มเองด้วย! มันหมายความว่าไงอ่ะ!!”

“เอ็ม!....เบาๆหน่อยสิ......พี่แค่เป็นห่วง!....” เขาตอบ

“เป็นห่วง! เหรอ! พี่จะมาห่วงอะไรคนไม่รู้จักวะ! จริงๆแล้วพี่จะเอาอะไรพี่พูดมาเหอะ!” ผมเริ่มตะโกนใส่

“พูดอะไรออกมานั่นน่ะ เมาแล้วรู้ตัวไหมเนี่ย!” พี่ธีจับแขนผมไว้ พยายามทำให้ผมสงบลง

“อย่าเปลี่ยนเรื่องดิวะ! ผมไม่ได้กินหญ้านะ!” ผมผลักเขาออกไปด้วยความโกรธ ธีนพผงะถอยไป เขายกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ แล้วไม่ยอมสบตาผมอีก แถมยังกลับไปทำท่าประจำของเขา ไอ้ท่ายืนเท้าสะเอวข้างหนึ่งแล้วเอามือลูบคางอย่างครุ่นคิด ......กวนประสาท...... ผมไม่เข้าใจภาษากายนั้น ไม่เข้าใจที่เขาพูด ไม่เข้าใจว่าเขามายืนอยู่ทำไมตรงนี้ ผมเกลียดความเงียบงันในตอนนี้ที่สุด ผมอยากอาละวาด อยากจะเขวี้ยงอะไรสักอย่างใส่คนตรงหน้าเพื่อให้เขายอมเปิดปากยอมรับออกมา

โกรธจนบริเวณรอบดวงตาร้อนผ่าว ผสมปนเปกันไปทั้งอารมณ์และแอลกอฮอล์ในเลือด ความสับสนของในใจของผมทวีความรุนแรงตามเท่าที่มันถูกสะสมมาทั้งอาทิตย์ “คนแบบพวกพี่แม่งเป็นอะไรกันไปหมดวะ!! ทำไมชอบโกหกกัน ทำไมต้องมีต่อหน้าลับหลัง!! พี่จะไปทำก็ไปทำกับพวกมีอำนาจด้วยกันสิ อย่ามาทำกับคนแบบผมได้มั้ย!!!” ผมมาจนถึงขั้นแหกปากใส่ “เก่งชิบหายเลย แต่ละคน! หลอกกูได้เนี่ย!! น่าภูมิใจเหรอวะ!!” ถึงจะเริ่มรู้สึกเจ็บคอ แต่ก็ได้ระบายสิ่งที่ค้างคาใจออกมาบ้างบางส่วน มันมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน แล้วผมก็เข้าใจตัวเองว่าได้เก็บงำอารมณ์ไว้ลึกสุดใจ ล้อเลียนให้มันเป็นเรื่องตลก แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ แล้วในที่สุดก็ใช้ร่างกายตัวเอง เสพย์สมความสุขฉาบฉวยเพื่อหลอกล่อตัวเองออกจากความเศร้า จนสุดท้ายเพิ่งจะรู้ตัวเองว่า แท้จริงแล้วผมไม่ได้โกรธ ผมไม่ได้รำคาณ ผมกำลังกลัว ต่างหาก

ใช่แล้ว...ผมกำลังกลัว...มีสิ่งที่ผมกลัวมากมายเหลือเกิน ผมกลัวว่าไอ้หญิงจะได้รับอันตราย ผมกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่แทน ผมกลัวพี่เปรมกับพี่ท๊อปว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ผมรู้ตัวว่ากำลังก้าวเข้าไปในเกมชี้ชะตาของเหล่าผู้มีอำนาจโดยที่ผมไม่มีทางเลือก เพียงแต่ผมไม่อยากจะยอมรับมันเท่านั้นเอง

“เอ็ม...บางเรื่องมันก็พูดให้เข้าใจยากนะ” ธีนพยังพยายามอธิบาย

“ถ้างั้น พี่!...ช่วยผมอย่างนึงได้ไหม” ผมแทรกขึ้นเพราะเบื่อความยืดเยื้อ ทำให้ยากมันก็ยากสิวะ ทำให้มันง่ายสิ!

“อะไรเหรอ?”

“พี่ต้องการอะไรจากผม...พี่ช่วยพูดออกมาเลยได้ไหม! พี่อยากรู้เรื่องพี่แทนใช่ไหม? เรื่องพี่เปรมเหรอ? หรือพี่ท๊อป? อย่ามาลีลา ผมเอียนกับพวกพี่แล้ว...ถะ”

ผมถูกปิดปากไว้.......ด้วยปากของเขา...... มือทั้งสองข้างถูกจับแน่นไว้ไม่ให้ขัดขืน พยายามดันตัวเองออกด้วยความตกใจ ถึงแม้จะโชกโชนประสพการณ์ แต่สถาณะการณ์นี้ผมเองก็ไม่เคยเจอ มันไม่ได้ร้อนรุ่มในร่างกายเหมือนกับที่เคยผ่านมาครั้งไหนๆ แต่มันเต็มไปด้วยความรู้สึก แบบอื่น



หัวโล่งเลย.....



“บอกแล้วไงว่ามันพูดยาก....”


__________________


พี่ธีไม่ได้แตะต้องผมมากไปกว่านั้น ผมเองก็สงบเสงี่ยมพอที่จะไม่สานต่อ สงบเสงี่ยมผิดปกติ เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ เรียบร้อยจนงง งงตัวเอง แทบจะจำตัวเองไม่ได้

   
7 โมงเช้า...

   
ผมตื่นขึ้นเพราะเสียงกุกกัก และเสียงคนพูดคุยกัน ลืมตาขึ้นมองเห็นพี่ธีนพในชุดสูทเต็มยศ กำลังพูดคุยกับใครสักคน อ้าว! เลขาแบมนี่หว่า เอ๊ะ...นี่ก็ห้องผม....นี่ฝันหรือยังไม่หายเมากันหว่า

   
“เอ็ม! ตื่นแล้วเหรอ...ขอโทษที พี่ต้องเปิดห้องให้แบมเอาชุดมาให้ พอดีพี่มีประชุมเช้า” พี่ธีบอก ขณะที่ผมลุกขึ้นมานั่ง ขยี้ผมยุ่งเหยิงของตัวเอง สะบัดหน้าไล่ความงัวเงียทิ้งไป แล้วเห็นภาพทั้งสองคนในชุดเต็มยศ กระเป๋าใบหนึ่งซึ่งไม่ใช่ของผมวางอยู่บนพื้น ในนั้นมีเน็กไทด์หลากหลายแบบ นาฬิกาข้อมือก็เช่นกัน และรองเท้าอีกสองคู่ เลขาของเขากำลังยืนเอาเน็กไทด์เทียบเข้ากับสาบเสื้อเชิ๊ต แถมยังพับเสื้อผ้าของผมเสียเรียบร้อย ยังไม่พอแค่นั้น ผมเห็นบนโต๊ะอาหารมีกาแฟจากร้านดังวางอยู่อีกด้วย

“ตามสบายเลยครับ” ผมพยักหน้าให้กับความเวอร์วังอลังการของพวกเขา ถึงจะยังมีความขัดเขินจากเรื่องเมื่อคืนอยู่บ้างก็ตามที “นี่พี่มีประชุมที่ไหนเหรอ” แล้วก็ถามไปตามใจปาก

“....ตารางงานของ” เลขาแบมกำลังตอบคำถาม

“แถวอารีย์น่ะ กับสมาคมสถาปนิก” พี่ธีตอบแทรกขณะที่ทาบนาฬิกาข้อมือเข้ากับชุดทีละเรือน ณ ตอนนี้เลขาหน้าใสกำลังใช้ลูกกลิ้งไปตามเสื้อแจ็คเก็ทของธีนพ เพื่อกำจัดฝุ่น แต่สายตามองมาที่ผมอย่างไม่ลดละ
“อ่อ...โชคดีพี่” ผมตอบแล้วลุกไปแถวๆตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มในยามเช้า ทำเป็นไม่สนใจสายตาอาฆาต


หลังจากที่พี่ธีถูกจับแต่งองทรงเครื่องจนหล่อเนี๊ยบเรียบร้อย แบมยกขวดน้ำหอมขึ้นฉีดตามลำดับ แล้วเก็บกวาดของแบบมืออาชีพ “แบมลงไปรอพี่ที่รถนะ เดี๋ยวพี่ขับเอง” เขาสั่งให้เลขาออกไปก่อน แบมทำท่าทางไม่พอใจ แต่แล้วก็เก็บกวาดของตัวเองออกไปตามระเบียบ ผมโบกมือลาตามไปแต่ไม่มีใครสนใจ


“เลขาพี่เกลียดผมอ่ะ...”


“ไม่หรอก...เขาจะโมโหเวลาพี่ไม่ทำอะไรตามแผนเขาน่ะ”


“เปล่าพี่....เขาชอบพี่” ผมพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วก็ยกแก้วน้ำเปล่าดื่ม


“จะบ้าเหรอ!”


“เขานึกว่าเราซั่มกันแน่เลยพี่...” ผมพูดต่อไป


“พอเลย!....นี่ ตั้งใจฟังนะ พี่จะบอกอะไรเอ็ม” เขาพูดแล้วหันมาทางผม ขยี้หัวผมเบาๆพอให้ตั้งสติ “หืม...ผมนุ่มจัง....”


“อย่าครับ...ยังไม่จ่ายตังห้ามโดนตัวครับ” ผมปัดมือเขาออก แล้วเล่นมุขเลวๆใส่


“ยังอีก!..” เขาดุ “ฟังนะ....ไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้น”


“ห๊ะ...?” ผมไม่เข้าใจ


“ไม่ต้องไปสนใจคนที่ชื่อเปรม...ไม่ต้องห่วงแทนไท...ไม่ต้องไปสนใจใครทั้งนั้นในบอร์ดบริหาร” เขาพูดเน้นๆ ชัดๆ ผมพยักหน้าตามเรื่องไป “คนเดียวที่เอ็มต้องระวังคือพี่ท๊อป...อย่ายุ่งกับพี่ท๊อป ไม่ว่าเขาจะใช้วีธีไหน อย่าไปตกลง อย่าไปต่อรองอะไรด้วยทั้งนั้น”


“แล้วถ้าผมไม่มีทางเลือกล่ะ?”


“...มาหาพี่เท่านั้น แล้วห้ามบอกคนอื่น” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และนั่นทำให้ผมเกิดคำถามสุดท้ายขึ้นมา



“แล้วผมจะเชื่อใจพี่ได้ยังไง?”


ผมถามกลับไปจนเขาต้องยืนคิดคำตอบสักพักแล้วตอบ โดยที่ไม่สบตา


“....ทำถูกแล้วล่ะ....อย่าเชื่อใจใครทั้งนั้น.....ค่อยยังชั่วหน่อย”



“หืม?......”


______________


ตอนนี้ไรท์มีไปไล่ edit บางตอนก่อนหน้า จำพวกคำผิดกับการใช้ภาษาบ้าง แต่ไม่มีผลกับเนื้อหานะจ๊ะ ขออภัยที่มีแก้ไปแก้มาบ่อยหน่อยน้า พอดีเป็นมือใหม่ม๊ากกกก

เจอกันอีกทีวันจันทร์นะทุกๆคน ขอขอบคุณทุกคอมเม้นนะค้า

:3123: :3123: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 17-11-2016 15:34:39
กรี้ดดดดดดดดดดดด  :ling1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 17-11-2016 15:45:58
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 17-11-2016 15:52:55
 :mew1:  มีเงื่อนงำๆๆ อิอิ ชอบคุณธีนพอะ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 17-11-2016 18:22:51
โห สรุปเปรมดีหรือไม่ดีเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-11-2016 18:30:51
รู้สึกมีแผนการณ์ ของแต่ละฝ่าย
ดูแล้วไม่น่าไว้วางใจ จนเอ็มนึกกลัว
แต่คุณธีนพ ก็ดีนะบอกให้ไม่ต้องเชื่อใจใคร
แม้แต่ตัวเอง เอ็ม ต้องคิดเองแล้วละ
แต่ที่เตือนเรื่องพี่ท๊อป นี่เต็มๆ เลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:     
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 18-11-2016 05:27:00
 :ling1:อ่านแล้วชอยตอนนี้จัง ชอบโมเม้นเอ็มกับพี่ธีนพ5555555 พี่แทนจะไม่โกรธเราใช่มั้ยคะะะะะ เบร้ยย  :hao3:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 18-11-2016 13:10:34
ใครไว้ใจได้บ้างเนี่ย
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 18-11-2016 17:30:23
อ้าว ยังไง งงไปอีก งงซ้ำงงซ้อนงงอินเซปชั่น โอ้ย!
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 18-11-2016 23:11:38
งงมาก
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: noozzz ที่ 18-11-2016 23:21:21
เขาแย่งตำแหน่งประธานกัน เอ็มก็แค่เด็กฝึกงานที่น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess : เล่นกับไฟ (18+) ตอนที่ 8 : จูบ (17.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 21-11-2016 01:59:19
ตอนพิเศษ ธีนพ (1)

ชายหนุ่มหมุนพวงมาลัยครั้งสุดท้ายให้รถยนต์คันงามเข้าที่ทาง จิตใจของเขากำลังถูกรบกวน รสจูบเมื่อคืนยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น รวมไปถึงลีลาการบันดาลโทสะที่ตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่เคยเจอ คำพูดหลายคำยังบาดคาอยู่ในใจ ท่ามกลางบรรยกาศเงียบงัน โดยผู้โดยสารที่นั่งมาข้างๆนั่น ที่เอาแต่นั่งเงียบมาตลอดทาง สบโอกาศเปิดปากออกมาในที่สุด

“พี่ครับ....พี่ว่ามันคุ้มกันเหรอ?”

“หมายถึงเรื่องไหนเหรอ?” ธีนพตอบ แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจตามปกติ
“คนที่ชื่อเอ็มไงพี่....ดูยังไงก็เป็นแค่ของเล่นของแทนไทชัดๆ แถมไม่เห็นจะรู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย” เลขาของเขาถามระคนระบายความอึดอัด

“พี่ไม่ได้ต้องการอะไรจากเด็กคนนี้ซะหน่อย” ธีนพหันไปตอบ
“แล้วพี่ทำอย่างนั้นทำไม ถ้าเกิดเอ็มเขาไปบอกพี่แทนขึ้นมาล่ะ! ถ้าเกิดเขาถ่ายรูปพี่ไว้ล่ะ! กำลังจะมีการเสนอรายชื่อแล้วนะครับ มันอาจจะเป็นเกมของเขาก็ได้!” แบมพูดเสียงดังอยู่ในรถ ออกอาการตกเกินเหตุ ให้เอาอะไรไปมองก็คิดไม่ออกว่าไอ้เด็กบ้าๆบอๆคนนั้นมันจะมีแผนการซับซ้อนกับเค้าได้

“ไม่ต้องห่วงพี่หรอกน่า” เขาเริ่มแสดงอาการไม่สบอารมณ์เล็กน้อยขณะที่เปิดกระเป๋าตรวจดูเอกสาร
“แล้วพี่ต้องการอะไรจากเขา พี่ต้องบอกผมนะ ไม่งั้นผมจะคอยเก็บกวาดให้พี่ได้ยังไง”
“พี่กำลังพยายามช่วยชีวิตคนอยู่...แค่นี้แบมเข้าใจใช่ไหม?”

“ช่วยชีวิตคน? พี่ครับ พี่ไม่ใช่พระเอกหนังนะ”

“แบมก็เห็นพี่ท๊อปแล้วนิ ไม่เกินอาทิตย์หน้าบอร์ดก็คงจะประกาศชื่อเขากลับเข้ามาอย่างเป็นทางการ”
“นั่นแหละ! ที่ผมตั้งใจจะบอกพี่ พี่อย่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นเลย!”

ธีนพเอนหลังพิงเบาะ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับความตั้งใจนั้น

“แบมไม่เคยรู้เรื่องก่อนหน้านี้สินะ...”

“เรื่องไหนเหรอครับ คดีความของพี่ท๊อปเหรอ ผมรู้สิ ทำไมจะไม่รู้ หรือว่ามีเรื่องอื่นอีก”

“มีสิ ก็เรื่องในอดีตระหว่างแทนกับพี่ท๊อปไง เออใช่สิ....แบมเพิ่งมานี่หว่า” ธีนพพูดตัดบทเลขาร่างเล็กของเขาที่กำลังจะแทรกขึ้นมา แล้วคว้ากระเป๋ามาจากมือของเลขาอย่าไม่มีพิธีรีตอง ทิ้งให้อีกคนหนึ่งหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความงุนงง
“อย่าลืมเอกสารที่พี่ให้หาล่ะ” เขาพูดทิ้งทางไว้โดยไม่หันหลังกลับมามองด้วยซ้ำ


___________________



หลังจากการประชุมที่สิ้นเปลืองเวลาโดยใช่เหตุ ธีนพาร่างและสติสัมปชัญญะที่พร้อมจะจู่โจมใครก็ตามที่พูดจาไม่ถูกหู ออกมาจนถึงออฟฟิสส่วนตัวของเขาจนได้ เป็นไปได้ว่าเขาอาจหงุดหงิดเพราะตัวเองไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เท่าไหร่นัก  เหมือนกับว่าเก็บชิ้นส่วนของตัวเอง ออกมาจากห้องของเจ้าเด็กที่ชื่อเอ็มได้ไม่ครบยังไงยังงั้น

“นี่ครับ” เลขาของเขาที่นั่งรออยู่แล้วส่งซองสีน้ำตาลในมือมาให้ด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“ชื่อ ธนภพ เหรอเนี่ย” ธีนพดึงกระดาษออกมาจากซอง แล้วอ่านไปพร้อมกับอมยิ้มให้อย่างเหนือความคาดหมาย “ธนภพ วงวิเชียร เออ...เป็นอย่างที่คิดไว้เลยแฮะ”

“แต่ลายเซ็นไม่ใช่ของคุณแทนไทนิครับ?” คนตัวเล็กชี้ไปที่ลายเซ็นบนกระดาษ
“โดนย้อนศรเข้าให้แล้วล่ะแทนไท” เขาตอบพร้อมกับเก็บเอกสารกลับไปที่เดิม

“พี่ท๊อปแกยังจะกล้าก่อเรื่องอีกเหรอครับ?”

“คนนี้น่ะ ยังไงก็ไม่มาดี” หนุ่มมาดนิ่งเก็บเอกสารลงในซองเรียบกริบ พร้อมคาดการณ์ไปถึงสิ่งที่อาจจะตามมา แน่ล่ะว่าเขามีแผนการรับมือกับเกมการเมือง แต่มีแผนการก็ไม่ใช่เครื่องรับประกันความสำเร็จซักหน่อย ส่วนความกังวลที่แท้จริงของเขาน่ะหรือ ก็คือไอ้ตัวปัญหายืนอยู่ตรงกลางปล่องภูเขาไฟแล้วยังนึกว่าตัวเองวิ่งเล่นอยู่ในสวนน้ำนี่แหละ

________________


9.


ผมแทบจะไม่ได้ยินสิ่งที่อาจารย์สอนในคลาส รู้สึกปวดหัวหนึบ เหมือนถูกหยิบเอาสมองออกมาปั่นจนเป็นสเลอปี้แล้วเทกลับเข้ามาในหัวใหม่ แถมยังหวิวลึกๆในท้องทุกครั้งที่นึกถึงจูบนั้น มันเป็นจูบที่งุงงน และผิดที่ผิดทางจนเข้ามาประทับอยู่ในใจ มือปัดหน้าแอพในโทรศัพท์ไปพลางก็คิดสงสัยว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ ผมยอมรับว่าเข็ดหลาบไปแล้วกับความรัก สิ่งที่พี่ธีนพทำกับผมเมื่อคืน ....ใช่อยู่ว่าผมรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย แต่กว่านั้นแล้วก็ทำให้ผมหวาดระแวง


ระแวงทั้งตัวเอง....ระแวงทั้งเขาด้วย


“เอ็ม...มึงดูข่าวนี้สิ” ไอ้หญิงส่งมือถือของมันมาให้ดู


“ไหนวะ” ผมหยิบมาอ่าน มันเป็นคอลั่มน์ข่าวธุรกิจเล็กๆ “ภาคินทร์ เดชะประเสริฐสุข กับการกลับมาอีกครั้งในฐานะลูกชายคนโตของประธานยูโอกรุ๊ป กับสถาณะภาพใหม่.....” กวาดตาผ่านข้อความบรรยายสรรพคุณเหล่านั้นไปจนสะดุดเข้ากับบางอย่าง “หลังจากพ้นจากข้อหาพรากผู้เยาว์ และล่วงละเมิดทางเพศ ที่เป็นคำกล่าวอ้างโดยผู้ไม่ประสงค์ดี เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาอย่าสมภาคภูมิของทายาท... เหี้ย!” ผมอุทานเสียงดังจนเพื่อนๆต้องหันมามอง จ้องไปที่รูปถ่าย ภาคินทร์ เดชะประเสริฐสุข หรือ พี่ท๊อป ในรูปถ่ายที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มปลอมๆของเขา ชวนให้นึกไปถึงคำพูดของพี่ธีเมื่อคืน


‘คนเดียวที่เอ็มต้องระวังคือพี่ท๊อป’


“แต่ในข่าวเขาเขียนว่าเป็นคำกล่าวอ้างนะมึง...แล้วเขาก็พ้นคดีไปแล้วด้วย” ไอ้หญิงพูด

“เชื่อก็เหี้ยแล้ว!...มึง มึงดูหน้ามัน! มันคือหน้าของคนพรากผู้เยาว์ชัดๆ!” ผมยื่นโทรศัพท์ใส่มัน อ้างด้วยเหตุผลแย่ๆของตัวเอง  แต่ผมเชื่อในสัญชาติญาณ อย่าว่าแต่สัญชาติญาณเลย คนบ้าที่ไหนเจอพี่ท๊อปเข้าไปก็รู้แล้วว่าไม่ปกติ ไม่ต้องไปหาเหตุผลให้แม่งหรอก


   
“กูรู้!....กูก็ไม่ชอบหน้ามัน แต่มึงอย่าไปพูดซี้ซั้วนะอีดอก โดนเขาฟ้องตูดบานแน่มึง”
   
“ฟ้องกูไม่กลัวหรอก....กลัวจะตูดบานเพราะอย่างอื่นมากกว่า”
   
“โอ๊ย! กูอุส่าห์ไม่คิด! อย่าพูดอีกนะ กูขนลุก!” มันด่าผม เราสองคนเสียงดังไปจนอาจารย์ต้องหันมากระแอมไอใส่ ผมกับมันรีบแยกออกจากกันอย่างไว

____________________

   

“ห๊ะ! พี่จะไปฝรั่งเศส ตอนนี้เนี่ยนะ!” ผมตกใจใส่พี่แทนที่เพิ่งบอกผมว่าจะบินด่วนพรุ่งนี้ เสียงลั่นขึ้นมากลางร้านอาหารญี่ปุ่นแถวมหาลัย จนพี่แทนต้องทำมือบอกให้เบาลง
“เอ็มก็รู้ว่าพี่ขัดใจแม่ไม่ได้ สองอาทิตย์เอง เดี๋ยวก็กลับแล้วน่า”
“พี่ไปทำอะไรที่นั่นบ่อยๆอ่ะ” ปกติผมไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของพี่แทนกับครอบครัวเขา แต่คราวนี้ผมควรจะได้รู้บ้าง
“คุณแม่จะซื้อบ้านน่ะ ช่วงนี้พาแกบินไปดูที่บ่อยหน่อย”

ผมนึกถึงไอ้คุณภาคินทร์ขึ้นมา ลังเลอยู่ในใจว่าควรจะถามถึงดีไหม แต่นี่ก็พี่แทนที่ผมรู้จักไม่ใช่หรือ ลองดูซักหน่อยจะเป็นไรไป
“วันนั้นผมเจอพี่ท๊อปด้วยนะ”
“ห๊ะ...พี่ท๊อปเหรอ เจอที่ไหน?”
“ครับ..เจอกันแถวลาดจอดรถ ผมออกไปสูบบุหรี่พอดีครับ”
“เค้าทักเอ็มรึเปล่า?” พี่แทนถามหน้านิ่ว
“ก็มี ทักกันนิดหน่อยนะ เค้าบอกว่าเค้าเคยได้ยินชื่อผม แต่ผมก็แค่สวัสดีแล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันหรอกพี่” ผมบอกไม่หมด
“เอ็ม ห้ามยุ่งกับพี่ท๊อปเด็ดขาด เข้าใจไหม” แทนไทออกคำสั่ง
“ขนาดนั้นเลยเหรอพี่” ผมถามต่อไป
“เอาอย่างนี้แล้วกัน” พี่แทนวางมือลงบนโต๊ะ “ในครอบครัวที่ทำธุรกิจมูลค่ามหาศาล เราต้องอาศัยอำนาจของนามสกุล การแต่งงานมันก็คือการลงทุนอย่างหนึ่ง” พี่แทนสบตาผม เหมือนแกจะดูออกว่าผมไม่เข้าใจ “ก็คือแต่งงานกันเป็นการเมืองน่ะ เพื่อเชื่อมครอบครัวเข้าหากัน แบบเตี่ย กับคุณแม่ นึกออกมะ?” ผมพยักหน้าตามช้าๆ “ซึ่งจริงๆแล้ว  เมื่อต่างฝ่ายต่างแต่งเข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แล้วทีนี้ ลูกหลานล่ะ? ใครจะอยู่ฝั่งใคร”

ผมตั้งใจฟังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“จริงๆบอร์ดน่าจะเป็นของเขาไปนานแล้วล่ะ เพราะเตี่ยแกเชื่อใจพี่ท๊อปมาก ถ้าไม่ติดว่าแกดันไปมีคดีความยาวเป็นหางว่าว เลยหลุดจากบอร์ดไปช่วงใหญ่ๆ”

“ฆ่ากันเหรอ?”

“จะบ้าเหรอ! เรื่องส่วนตัวโว้ย จะรู้ไปทำไม”

ผมหรี่ตาใส่คำพูดนั้นโดยไม่รู้ตัว

“พี่...ผมถามหน่อยสิ”

“อะไรเหรอ?”

“พี่คิดจะไปแย่งเก้าอี้ประธานบอร์ดกับเขาด้วยไหมครับ?” 

“โตขึ้นนะเรา” พี่แทนยิ้มแล้วพยักหน้าเชิงยอมรับ แต่ไม่ยักจะตอบ

“พี่ครับ....ถ้าพี่ได้เป็นประธานเมื่อไหร่  พี่ต้องพาผมไปเล่นเอ้าท์ดอร์บนระเบียงชั้นเพนท์เฮ้าส์ ห้ามลืมนะ” ผมตัดบทด้วยมุกเลวๆเพื่อให้บทสนทนาคลายเครียดลง

“อย่างงี้อีกและ! เดี๋ยวจะฝากไอ้เปรมเฝ้าไว้ กลับมาถ้าดื้อนะ โดนแน่” ผมแทบจะสำลักน้ำตอนที่ได้ยินชื่อพี่เปรม

“ครับ! กลัวแล้วครับ!” ฝากผมไว้กับพี่เปรม! เจริญพรเถอะ! “พี่แน่ใจเหรอว่า..”

“พอเหอะ...มันไม่ใช่เรื่องของเรา เข้าใจไหม?” พี่แทนโบกมือปัดคำพูดของผมทิ้งกลางอากาศ

“ทำไมอ่ะ!” ผมยังถามต่อ

“พี่ไม่อยากให้เอ็มเปลี่ยนไป อยากให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ” ผมเลิกคิ้วให้กับคำว่า ‘เป็นแบบนี้’ ของพี่แก

“แบบนี้คือแบบไหนอ่ะพี่?”

“แบบเนี้ยยยยย!” พี่แทนขยี้หัวผมแรงๆ ผมปัดมือเขาออก

“แบบนี้ดีกว่าครับ” ผมพูดไปพร้อมกับเชิญชวนด้วยการเอื้อมมือไปวางไว้ที่ต้นขาของเขา “กลับกันเถอะครับ คิดถึงจะแย่แล้ว” พี่แทนเปลี่ยนสีหน้ากะทันหัน ถอนหายใจอย่างผิดหวังใส่ แล้วดึงมือผมไปกุมไว้บนโต๊ะ “คืนนี้พี่ต้องกลับบ้านแม่น่ะ” ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“โฮ้ยยยยยยย” อยากจะฝังหน้าตัวเองลงไปกับโต๊ะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป นี่ผมไปโดนคำสาปอะไรมา หรือเวรกรรมที่ชอบไปรังแกไอ้นนท์ไว้มันกำลังตามสนองอย่างนั้นหรือ อะไรมันจะมานกติดต่อกันทีสองทีวะ จะจัดให้หายคิดถึงก่อนไปฝรั่งเศสซักหน่อย แค่พี่แกบินหนีไปไกลครึ่งซีกโลกก็ทำเอาผมหวิวไปแล้วครึ่งใจ อย่างงี้จะมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ยังไงวะเนี่ย

   __________________
   
สุดท้ายก็เป็นอีกวันที่นั่งซื่อบื้ออยู่ที่ห้อง ยิ่งเล่นโซเชี่ยลยิ่งพาให้เซ็ง เห็นคนเค้าถ่ายรูปกับแฟนแล้วยิ่งเหงา ว่าแล้วก็โยนตัวเองใส่เตียง นั่งนึกเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อย ไร้จุดหมาย ทำไมต้องเกิดมาเป็นคนแบบนี้วะ อยู่คนเดียวไม่เป็นเนี่ยแม่งไม่สนุกเลย เพราะอะไรนะเหรอ เพราะมันว้าวุ่น อยากหันไปแล้วมีคนให้กอด ให้ด่า จะคนหรือผีก็ได้นะนี่พูดจริงๆ ว่าแล้วมือก็เลื่อนไปเปิดไลน์ ปัดหาชื่อคนที่คุ้นหน้าบ้าง ไม่คุ้นหน้าบ้าง บางคนคุยกันได้คำสองคำก็เบื่อ บางคนก็ไม่ยอมตอบ ไปจนถึงบางคนมาถึงก็ถามเลยว่า ‘เท่าไหร่’ พอตอบไปว่า ‘ฟรี’ แม่งก็เสือกหายหัวไปซะอย่างนั้น

“เป็นเหี้ยอะไรวะ” ผมลั่นขึ้นมาคนเดียว เมื่อบัตรเครดิตซึ่งเปรียบเสมือนลมหายใจของผม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นลมหายใจที่อุปการะคุณโดยนายแทนไท อยู่ดีๆก็ขึ้นข้อความในระบบ ว่าโดนระงับรวดเดียวพร้อมกันหมด 6 ใบ หมดกันชีวิต ไหนจะค่าหอไหนจะค่ากิน ผมกดโทรหาพี่แทนซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะรับสายเพราะน่าจะอยู่บนเครื่องบิน ชิบหาย เงินสดมีอยู่ 20 บาทถ้วน จบกันชีวิต ดีนะยังไม่ได้ไปชวนใครออกไปไหนให้เดือดร้อน

สภาวะไม่มีจะแดกเป็นอะไรที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมานานมาก ก่อนหน้านี้ที่อยากได้อะไรก็รูดบัตรลื่นพริ้วไปหมด กี่ใบๆวงเงินก็ไม่เต็ม เสื้อผ้าหน้าผมไปยันของเล่นบ้าๆบอๆเต็มห้อง ตอนนีต้องตื่นเช้ามากินมาม่าประทังชีวิต ซึ่งเอาจริงๆก็ไม่เลวเลยนะ เพราะแม่งอร่อย

“พี่แทนไม่ตอบอะไรกูเลยว่ะ” ผมบ่นไปพลางคุ้ยถุงเซเว่นที่ไอ้หญิงซื้อมาฝากด้วยความเวทนา
“น่าจะอีกหลายชั่วโมงอ่ะมึง” แบงค์ตอบขณะที่มันมาเป็นคนขับรถให้พวกผมสองคนที่นั่งเป็นเจ้านายจิกใช้มัน
“กูไม่อยากไปทำงานอ่ะ....”
“อีเอ็ม! แค่ผัวไม่อยู่ หยุดงองแง” ไอ้หญิงหันมาด่า “กูไม่มีผัวกูยังอยู่ได้เลย!” แล้วประกาศความสตรองของมันขึ้นมา
“กูเหงา....”

“พี่ปิงของมึงอ่ะ” ไอ้แบงค์คนขับรถถาม
“ใครวะพี่ปิง?” ผมงง
“ที่เค้าตื้อมึงอ่ะ ที่มึงด่าเค้าที่ร้านเหล้าอ่ะ”

“นั่นพี่ปาร์ก ไอ่ห่า”
“พี่ปิงนั่นคนก่อนโน้น” หญิงแทรกขึ้นมา ผมทึ่งในความจำของมันมาก จนต้องหันไปทำหน้าเหวอแล้วตบมือให้ดังๆ “ไม่ต้องเลย! แทบจะได้กันตรงระเบียงห้องกู กูคงจะลืมลงหรอก!”
“คนไหนนะที่เคยหึงกูอ่ะ” แบงค์ถามต่อ “ที่นึกว่ากูเป็นเมียมึงอ่ะ เหี้ยสัสๆ”

“เอ่อ....” ผมนึก

“ไอ้เก้า เด็กเภสัช” ไอ้หญิงตอบอีกครั้ง ผมกับไอ้แบงค์สบตากันด้วยความประทับใจ

“มึงชักจะน่ากลัวแล้วนะอีหญิง” ผมพูดด้วยความสัตย์จริง พร้อมกับยัดขนมปังเข้าปาก ยังดีที่เราเข้าเวรรอบบ่ายโมง อันที่จริงพวกเราไม่ได้รับงานอะไรเพิ่มขึ้นอีกเลยหลังจากเหตุการณ์อุกอาจที่ลานจอดรถ การที่ได้ชื่อว่าเป็นกิ๊กป๋าแทนนั้นถึงแม้จะโดนจิกกัดเป็นระยะและเสี่ยงตีน แต่นั่นอาจจะทำให้ไม่อยมีใครอยากทำงานกับพวกผมซักเท่าไหร่ ซึ่งก็ถือว่ายื่นหมูยื่นแมวแล้วกันวะ

ผมกับไอ้หญิงเดินเข้าไปเพื่อที่จะให้ พี่ขวัญ หัวหน้าเด็กฝึกงานคนใหม่เห็นหน้าค่าตาพอเป็นธรรมเนียม แล้วก็กำลังจะเดินออกไปร้านกาแฟด้วยความที่ตารางงานว่างเปล่า แต่โดนเบรคไว้ซะก่อน

“คนนี้คือน้อง ธนภพ ใช่ไหมคะ?” เธอถามผมด้วยท่าทีสุภาพ
“ครับพี่”
“มีจดหมายมาถึงน้องน่ะค่ะ” แล้วก็ยื่นซองสีน้ำตาลที่ไม่ได้จ่าหน้ามาให้
ผมกับไอ้หญิงสบตาโดยพร้อมเพรียงเหมือนรู้แน่วแน่ด้วยกันว่าแม่งต้องไม่ใช่เรื่องดี

“เรียน นาย ธนภพ วงวิเชียร ถึงการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อพนักงานด้วยกัน คือ นางสาว ชุติมนต์ ปิยะอำนวย อันเป็นการนำพาให้เสียชื่อเสียงของโรงแรม เมื่อวันที่...” ไอ้หญิงอ่านออกเสียงให้ทุกคนฟังในรถ “ได้แก่การข่มขู่กรรโชก และทำร้ายร่างกาย ทำให้ทางบริษัท ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงโดย....อีเหี้ย! เอ็ม! มึงดูลายเซ็น!”

“กูอ่านไม่ออก...”
“อ่านข้างล่างสิอีควาย ภาคินทร์ เดชะประเสริฐสุข ต้องเป็นพี่เปรมกับเมียมันแน่ๆ! มันเล่นมึงแล้ว! โอ้ยยยย กูไม่น่าเล่นอีหุ่นเหี้ยนั่นเลย!”
“ชุติมนต์นี่ใครวะ?”
“อีตูนไง!”
“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเว้ย แถมมันตบมึงก่อนด้วย!!” ผมตอบเสียงดัง

“มึงต้องขึ้นไปชั้นสิบเอ็ดตอนบ่ายโมงครึ่ง เอ็ม บอกกูทีว่ามึงไม่ได้จะถามหาความถูกต้องกับพวกเหี้ยนี่ อย่าให้กูมองมึงโง่ไปกว่านี้”

“กูโทรหาพี่แทนก่อน” ผมจะลุกออกไปจากรถ แต่ไอ้หญิงดึงไว้ “พี่แทนช่วยอะไรมึงไม่ได้หรอก นี่อีกห้านาทีจะบ่ายโมงครึ่งแล้วนะมึง”

“งั้นก็ให้แม่งไล่กูออกดิ! ช่างแม่ง! พวกเหี้ย!”
   ___________________________

ขอขอบคุณทุกคอมเม้นมากๆนะค้าาา บางตอนอาจจะมาติดๆกันด้วยเรื่องชวนหัวไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณที่ติดตามกันน้า

แต่ไรท์ยังยืนยันว่าจะไม่บอกนะคะว่าใครคือพระเอก อิอิ
:z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 9 +ตอนพิเศษ (21.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 21-11-2016 02:36:42
เอ็มโดนอีกแหละ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 9 +ตอนพิเศษ (21.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 21-11-2016 03:57:41
 :ling1: :z3: :z10: กลัวท็อป :ling3:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 9 +ตอนพิเศษ (21.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-11-2016 06:33:23
ปัน เปรม ร่วมกันเล่นงานเอ็ม หรอ :katai1: :katai1: :katai1:
แทน ตั้งใจเลิกกับเอ็ม หรือมีใครอยู่เบื้องหลัง
บัตรเครดิต ถึงถูกยกเลิกทุกบัตร
ธีนพ ช่วยเอ็มได้หรือไม่นะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 9 +ตอนพิเศษ (21.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 21-11-2016 08:07:59
เอ่อล้น้อ. แค่ฝึกงานยังวุ่นวายขนาดนี้เนาะเอ็ม
ปีชงเหรอเรา รอพระเอกตัวจริงมาช่วยค่ะ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 9 +ตอนพิเศษ (21.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-11-2016 10:32:19
เกิดเป็นเอ็มนี่ปัญหาเยอะมากกกกกกกกก
ถ้าเป็นเรานะคงเป็นบ้าซะก่อนกว่าปัญหาจะจบ
แล้วก็แอบอยากรู้อะว่าใครเป็นพระเอก
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ อัพเดท บทนำ+ตอนพิเศษ2 (22.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 22-11-2016 19:56:36
ตอนพิเศษ (2) แทนไท

   
การเดินทางข้ามทวีปทำให้ชายหนุ่มพะอืดพะอมทุกได้ทุกครั้งไป แทนไทนอนนิ่งอยู่บนโซฟาในห้องพักเล็กๆที่อบอุ่นที่เขาคุ้นเคยกับมันดี แต่สิ่งที่ต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดคืออีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอมักจะยิ้มแย้มร่าเริงเมื่ออยู่ท่ามกลางอากาษเย็นสบายย่านชานเมือง คราวนี้แทนที่จะเป็นถ้วยชา หรือเกลือสปาที่เธอหยิบออกมาจากกระเป๋า กลับกลายเป็นเอกสารปึกเล็กๆหน้าตาไม่เป็นมิตรแทน
   
“แทนอ่านทั้งหมดนี่เหรือยังลูก” เธอดันกระดาษเหล่านั้นข้ามโต๊ะมาให้ แทนไทไม่ได้ก้มมองเพราะมัวแต่ง่วนอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ที่สัญญาณโรมมิ่งเพิ่งจะทำงาน ทำให้ข้อความส่วนตัวแย่งกันโผล่ขึ้นมาจนอ่านไม่หมด แต่เขาไม่ได้สนใจข้อความพวกนั้น เขาคนใจแค่ข้อความของคนๆเดียวต่างหาก

M : พี่ บัตรผมโดนตัดหมดเลยอ่ะ
M : แต่ผมโอเคพี่ไม่ต้องห่วงนะ
M : พีอ่ะเป็นไรป่าว ถึงแล้วตอบหน่อยนะคับ

......

M :  พี่ท๊อปของพี่อ่ะ ดูเอาเองนะ

แทนไทเปิดรูปภาพที่กิ๊กหนุ่มของเขาส่งมาให้ขึ้นดู หนังสือเรียกสอบสวนของ นาย ธนภพ ที่ลงลายเซ็นด้วย นาย ภาคินทร์ ทำเอาเขาแทบหยุดหายใจ นั่งไม่ติดเก้าอี้
“แทน เป็นอะไรลูก?” คุณหญิงจารุวรรณ เจ้าของสมญานามเจ้าหญิงน้ำแข็ง ช้อนตาขึ้นมองลูกชายคนสนิทที่ทำท่าลุกลี้ลุกลน
“พี่ท๊อปสิครับแม่ จะใครอีกล่ะ!”
“พอดีกันเลยนะ” เธอหยิบกระดาษใบหนึ่งในนั้นออกมา “เด็กคนนี้ใช่ไหม ที่เข้ามาเป็นตัวแปร?” พร้อมกับยื่นใบประวัติของคนๆนั้นมาให้ นานอนว่ามันคือ นาย ธนภพ ตัวปัญหา
“แม่ครับ...”
“แทน...ที่แทนจะไม่เอาตำแหน่ง เป็นเพราะพี่ท๊อป...หรือเพราะเด็กคนนี้กันแน่”
“แม่! ถ้าแม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวผมอีก ผมจะไม่เอาด้วยแล้วนะ!” แทนไทขึ้นเสียง
“แทนคิดว่าพี่ท๊อปจะปล่อยเราไปเหรอ? คิดว่าเรามีทางเลือกหรือยังไง”  คุณหญิงกล่าวเสียงเรียบกับลูกชายคนเล็กที่เธอ
“แม่! หยุดพูดเรื่องนี้เถอะครับ! ยังไงบอร์ดก็ไม่โหวตผมขึ้นไปอยู่แล้ว! เราจะดื้อดึงไปทำไม!” เขาอธิบาย
“บอร์ดจะไม่มีวันโหวตท๊อปขึ้นไปเหมือนกัน เพราะพวกเขาจะโหวตให้ลูกชายคุณจักรภพ แทนไท เธอจะประมาทคนๆนี้ไม่ได้ ฉันรู้จักคุณจักรภพดีกว่าใคร เขาไม่ส่งลูกคนเล็กเข้ามาหรอกถ้าเขาไม่มีของ”

“ธีนพสินะ....” ชายหนุ่มแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เขาทำได้แถอนหายใจยาวๆ แล้วเอามือก่ายหน้าผากให้กับข้อมูลใหม่
“ตัดสินใจได้แล้วนะ ว่าจะเอายังไงกับเจ้าเด็กนี่ พี่ท๊อปจะใช้เขาจี้จุดอ่อนของลูก”
“เด็กคนนี้ไม่ใช่จุดอ่อนของผม...”
“อืมม...งั้นก็ดีไป ฉันจะได้ไม่ต้องเกรงใจ....”

แทนไทรู้ดีว่าเอ็มไม่ใช่เด็กคนแรกและคงไม่ใช่คนสุดท้ายสำหรับเขา เข้าใจดีว่าความสัมพันธ์ของพวเขานั้นฉาบฉวยและไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อกันและกัน แต่เด็กคนนี้เป็นสมบัติของเขา ถูกทำให้เป็นของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เอ็มไม่ใช่คนที่จะยอมถูกบังคับได้โดยง่าย แม้มองภายนอกอาจดูไม่ยากเย็นและประณีประนอม แต่ข้างในนั้นเข้ารู้จักเด็กคนนี้ดีกว่าใคร ว่าเมื่อสถาณะการณ์บีบบังคับ ความกล้าบ้าบิ่นบางอย่างในตัวของเขา สามารถผลักเขาออกไปในจุดที่มนุษย์หน้าไหนก็ไม่กล้าเดินออกไปได้โดยไม่ลังเล

_____________________


ไรท์เพิ่มบทนำเข้าไปใน คห.ที่ 1 ด้วยนะคะ ลังเลอยู่นานเลยเพราะว่าบทนำจะส่งผลกับตอนจบ แต่ตอนนี้เขียนตอนจบไว้แล้วค่ะ เลยอัพเดทไว้ให้
ถ้าบอกว่าไม่จบเศร้าจะมีคนเชื่อไหม 5555

ขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามน้าา ชอบอ่านคอมเม้นมากๆ สนุกมากเลย

:L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ อัพเดท บทนำ+ตอนพิเศษ2 (22.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-11-2016 20:11:14
ใครเป็นพระเอกอะ พี่แทนรึเปล่า
อยากให้พี่แทนเป็นอะ
เรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มอ่านนี้เครียดมาตลอดเลย ตอนจบขอ happy เถอะนะ

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ อัพเดท บทนำ+ตอนพิเศษ2 (22.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-11-2016 20:13:57
สงสารเด็กมันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ อัพเดท บทนำ+ตอนพิเศษ2 (22.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-11-2016 20:21:02
นี่แทน รู้เรื่องการยกเลิกบัตรเครดิตของเอ็มมั้ยเนี่ย
คนที่ทำคงเป็นคุณหญิงแม่ของแทน
แทน  คงปล่อย ทิ้งเอ็ม แน่ๆ แต่ก็รู้ศักยภาพของเอ็ม
แล้วแทน อย่า หวนมาหาเอ็มอีกนะ
ท๊อป ตัวป่วน สอบสวนเอ็ม เพื่ออะไร  :katai1: :katai1: :katai1:
แทน ก็ไม่อยู่แข่งขันด้วยซะหน่อย
รอ ไร้ท มาลงต่อไวๆ :mew1: :mew1: :mew1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ อัพเดท บทนำ+ตอนพิเศษ2 (22.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: อีแก้วปิ้งไก่ ที่ 23-11-2016 02:39:18
 :hao7: :hao7:
น้องเอ็มมมมม ต้องรอดนะลูก

ติดตาม
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ อัพเดท บทนำ+ตอนพิเศษ2 (22.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 23-11-2016 20:52:25
10.


ผมผลักประตู้ห้องเข้าไปอย่างไม่แยแส ห้องฝั่งออฟฟิสที่เคยว่างอยู่และเคยถูกทำให้เป็นห้องประชุม  ปัจจุบันได้กลายเป็นห้องทำงานใหม่เอี่ยมของใครบางคน แน่นอนว่าภาคินทร์นั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหม่ของเขา และนั่นคือพี่เปรม ที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องอย่างกับหมารับใช้ ผมต้องควบคุมตัวเองอย่างมากไม่ให้เริ่มทำลายข้าวของ

“นั่งก่อนสิครับ” เขาผายมือไปทางเก้าอี้ตรงหน้า
“ใครเป็นกรรมการบ้างเหรอครับ?” ผมยอมรับว่าเขายังมีบรรยกาศเย็นยะเยือกที่ทำให้เสียวสันหลังได้อยู่ แต่อารมณ์ขุ่นมัวของผมบรรเทามันลง

“พี่ก็ออกจดหมายไปตามขั้นตอนอย่างนั้นแหละ แต่อย่าให้เรื่องมันไปจนถึงกรรมการเลย จริงไหม? คุยกับพี่ง่ายกว่าตั้งเยอะ” เขายิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่เห็นแล้วคันไม้คันมือที่สุด แถมยังเสือกพูดจากวนตีนอีก

“พี่จะเอาอะไรครับ?”

“ฮ่าๆ มันต้องอย่างนี้สิ แมนๆเนอะเรา ไม่ต้องเยิ่นเย้อ” เขาพูดแล้วหยิบเอกสารส่งมาให้ผม1 แผ่น “พี่เข้าใจนะ เรื่องความสัมพันธ์อะไรของเรากับเจ้าแทน แทนไทก็เป็นน้องของพี่ คนเป็นพี่ก็ต้องเป็นห่วงน้อง เป็นเรื่องธรรมดาจริงไหมครับ?”

“เด็กเกเรแบบน้องเอ็มเนี่ย ถ้าปล่อยให้กรรมการออกบทลงโทษมาเอง เดี๋ยวจะเสียชื่อกันไปหมด” ผมหรี่ตาลง ไม่รู้ตัวว่าอ้าปากค้างด้วยหรือเปล่า ต่อมาจึงก้มมองดูตัวหนังสือบนหน้ากระดาษในมือแต่โดยดี มันคือหนังสือคำร้องขอเข้าฝึกงานในบริษัท ที่ควรจะเป็นลายเซ็นของหัวหน้าแผนกที่รับผมเข้ามาทำงาน แล้วกำกับด้วยลายเซ็นของผมเอง แต่นี่มันไม่ใช่ใบเดิมนี่หว่า

“แทนไทต้องมีประวัติขาวสะอาด เพื่อที่จะเป็นประธานต่อจากคุณพ่อ ถูกไหมล่ะครับ?”

“ผมไม่รู้หรอก” ผมตอบไปชุ่ยๆ

“พี่สัญญาว่าจะดูแลเอ็มอย่างดี” เขาวางมือลงบนโต๊ะด้วยท่าทีจริงจังไปจนให้ความรู้สึกคุกคาม ผมขนลุกไปกับคำพูดนั้นพร้อมๆกับที่กวาดตาไปจนถึงบรรทัดสุดท้ายของหน้ากระดาษ ระบุไว้ชัดเจน ว่าผมทำงานโดยขึ้นตรงกับเขา และกำกับไว้ด้วยลายเซ็นของ ภาคินทร์ เดชะประเสริฐสุข เหลือที่ว่างก็แค่...ลายเซ็นของผมเอง แล้วเอกสารนี้จะมีผลบังคับใช้ทันที

คำพูดของธีนพลอยเข้ามา ‘อย่าไปต่อรองด้วย อย่าไปตกลงอะไรทั้งนั้น’

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมคุยกับพี่แทนเองดีกว่า” ผมส่งกระดาษนั้นกลับไป

“อืมมม...พี่ว่าเจ้าแทนไม่มีเวลาให้เรื่องนี้หรอกนะ พี่เนี่ย พยายามจะทำให้มันง่าย เอ็มเข้าใจใช่ไหม”

“ไม่เลยครับ ผมไม่เข้าใจเลย ผมไม่รู้พี่พูดอะไร”

   
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน” เขายื่นกระดาษมาอีกใบ ด้วยคำพูดห้วนและสั้นลงทำให้ผมเริ่มจับได้ว่าเขาหงุดหงิด คราวนี้คือใบที่ผมเคยเห็น ลงลายเซ็นหัวหน้าแผนก แล้วก็ลายเซ็นยินยอมเข้าฝึกงานของผมเอง เอกสารใบเดิม ที่เพิ่มเติมมาคือรอยปั๊มสีแดงตัวใหญ่ๆที่หัวมุมเขียนไว้ชัดเจนว่า ‘ยกเลิก’ เซ็นกำกับด้วยไอ้เปรตภาคินทร์คนเดิม ถ้าเป็นคนอื่นคงจะกระวนกระวายว้าวุ่น หรือถ้าเป็นไอ้หญิงคงร้องไห้ฟูมฟาย แต่ผมได้แต่ยิ้มค่อนแคะให้กับความพยายามของเขา

   
“เออ ผมเอางี้แหละ”

   
“หืม? จะเอาแบบนี้เลยเหรอ”

   
“ครับ ผมเอาแบบนี้แหละ” ผมเก็บเอกสารนั้นไว้กับตัว แล้วจะลุกออกไป

   
“แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ...” เขาหยิบกระดาษออกมาอีกชุดหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับซีดีอีกหนึงแผ่น ผมใจแป้วเล็กๆเมื่อเห็นแผ่นซีดี หวังว่าจะไม่ใช่อย่างที่คิดไว้ ผมหันกลับไปคว้าทั้งหมดนั่นขึ้นมาอ่าน คราวนี้ทำเอาใจหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม เพราะมันไม่ใช่ชื่อผม แต่เป็น ‘หทัยวรรณ นิรมล’

   
“น้องคนนี้เขาจะเอาแบบนี้ด้วยไหมครับ?” 

   
พี่ท๊อปกำลังข่มขู่ผมด้วยไอ้หญิง มันคือใบรายงานพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมที่สุดแนบมาด้วยซีดีจากกล้องวงจรปิดของเหตุการณ์ที่ลานจอดรถ และสำเนาคำร้องขอฝึกงานที่ถูกตีตราว่า ‘ยกเลิก’ ผมไม่สามารถเก็บความรู้สึกไว้ได้อีกต่อไป แล้วดูเหมือนความหนาวเย็นของเขาที่ถูกใช้ในการกดผมไว้จะไม่เย็นพอเสียแล้ว

   
“พี่ให้โอกาศน้องเอ็มไปคิดก็แล้วกัน ก็แค่ลายเซ็นเดียว หรือจะให้เพื่อนมาติดร่างแหไปด้วยอีกคนก็ตามใจนะ เนี่ย...ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าส่งกลับไปที่มหาลัยเค้าจะว่ายังไง”

   
ผมคว้าทุกอย่างที่ได้รับมา “พี่จะเอาอะไรจากผม?”

   
เขาจิ๊ปากและส่ายหัวให้ “บอกแล้วไงครับว่าแค่เซ็นตรงนี้”

   
“เอาดีๆครับอย่ากวนตีน...” ในหัวผมกำลังนึกภาพตัวเองกระโจนข้ามโต๊ะไปแล้วจับหัวแม่งโขกกับตู้หนังสือข้างหลังอยู่

   
“เห้ย! น้อยๆหน่อย” พี่เปรมลั่นขึ้นมา ผมหันกลับไปสวน “ผมไม่ได้คุยกับพี่ เสือกไร!”

   
“ฮ่าๆ อย่าโกรธกันสิ! ดูสิ ดูทำหน้าเข้า นี่ พี่จะบอกอะไรให้นะ อย่ามองพี่เป็นคนไม่ดีเลย” เขาลุกขึ้นมา ย่างสามขุมมเข้ามาไกล้ ผมบังคับตัวเองไม่ให้ถอยหลัง เมื่อเขาก้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหู “ไปถามผัวน้องดูเองสิครับ...ถ้าอยากรู้ว่าทำไมพี่ต้องทำแบบนี้”

   
ผมผงะถอยหลังออกมา พี่ท๊อปหัวเราะสะใจ

   
“เจ้าแทนมันให้น้องเท่าไหร่? ซื่อสัตย์กับมันนักหรือไงครับ? พี่ให้ได้มากกว่ามันหลายเท่านะ ทำตัวเป็นเด็กดีของพี่ แล้วทุกปัญหาก็จะหายไปเอง”

   
“แบบคนนี้ใช่ไหมครับ เป็นเด็กดีของพี่ท๊อป...” ผมเมือรู้ว่าฟาดปากกับแม่งไปก็ไม่ชนะ เลยหันไปกัดพี่เปรมแทน

   
“ฮ่าๆ นั่นไม่ใช่เด็กสิ เด็กมันต้องอย่างนี้!” พี่ท๊อปพูดพร้อมกับคว้าตัวผมจากด้านหลัง ผมสบโอกาศ พลิกตัวกลับไปเงื้อกำปั้นขึ้นจะโบกหน้าแม่งซักที เอาวะ นอนคุกซักวันสองวันจะเป็นไรไป แต่มือของเขาคว้าหมัดของผมไว้ได้ ทำให้ผมเข้าไปอยู่ในวงแขนของเขาอย่างกับเต้นลีลาศ
   
“หึหึ เข้าใจแล้วล่ะว่าแทนไทติดใจอะไรนักหนา...” เขาไม่พูดเปล่า มือข้างที่ว่างอยู่ปลดกระดุมกางเกงผมลงอย่างกับเล่นกล “เห้ย!” จนต้องรีบปล่อยของในมือลงพื้นเพื่อรูดซิบตัวเองให้กลับเข้าที่

   
“พี่ขอเอาพวกนี้กลับไปก่อนนะ” เขาพูดพร้อมกับชูให้ดูเอกสารของผมและไอ้หญิง ที่กลับไปอยู่ในมือเขาแล้ว “เอ็มเอาไปแค่ใบที่ต้องเซ็นให้พี่ก็พอแล้วเนอะ” เขายื่นเอกสารเวรนั่นมาให้ ตอนนี้แม้แค่ลายเซ็นชื่อเขาก็ทำให้ผมหงุดหงิด เกลียดที่ตัวเองอยู่ในสภาพนั่งคุกเข่าต่อหน้าเขาเพราะก้มลงมารูดซิบด้วยความตกใจ เงยหน้ามองเขาราวกับเขาถูกส่งมาลิขิตชีวิตผมนับจากนี้ไป แต่มันจะต้องไม่เป็นอย่างนั้น ผมยังนึกไม่ออกว่าจะช่วยตัวเองได้ยังไง แต่ผมนึกออกว่าตอนนี้ผมต้องการอะไร

“เห้ย!!” ผมหันกลับไปกระโจนใส่พี่เปรมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวแล้วชกเข้าที่ท้องน้อย จนเขาล้มลงกับพื้น แล้วตามลงไปนั่งคร่อม กระชากเสื้อขึ้นมาแล้วตะโกนใส่ “ไล่กูออกดิวะ! แน่จริงอ่ะ! เนี่ย กูต่อยมึงเองเลยเนี่ย! สัส!” พี่ท๊อปนิ่งอึ้งไปอย่างคาดไม่ถึง พี่เปรมสลัดตัวเองออกมาได้ในที่สุดด้วยความที่เขาตัวโตกว่า

“เปรม! หยุด!” พี่ท๊อปห้ามมวยระหว่างเราสองคนไว้ พี่เปรมหยุดนิ่งราวกับหมาตำรวจที่ถูกฝึกมาอย่างดี ผมรับไม่ได้กับภาพตรงหน้าจนต้องหันกลับไปเตะเจาะยางแม่งซ้ำอีกทีเป็นของแถม พี่ท๊อปต้องดึงตัวผมออกมา เขาแรงเยอะกว่าที่ผมคิดมาก ผมถูกเหวี่ยงออกไปกระแทกประตูห้องแบบไม่ได้ทันได้คิดออกด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น

“เกเรจริงๆเลย” ไอ้เวรภาคินทร์พูดทิ้งท้ายเมื่อผมเปิดประตูห้องออกไปโดยแทบจะเอาตีนถีบ แล้วไม่ปิดให้แม่งด้วย!


________________________


มันรู้สึกดีจริงๆที่ได้ระบายอารมณ์ใส่ไอ้พี่เปรม ผมเดินยิ้มเลยๆออกมาเพราะเวียนหัวอย่างกับคนบ้าเข้าไปในลิฟคนเดียว กดปุ่มที่ไม่ยอมรับคำสั่ง เนื่องจากเป็นชั้นวีไอพี ผมแค่นหัวเราะออกมาให้กับความฉลาดครั้งแรกของตัวเอง แล้วหยิบบัตรวีไอพีออกมาจากกระเป๋า ใช่แล้ว ผมแอบหยิบบัตรของไอ้พี่เปรมออกมาตอนี่เราลงไปตะลุมบอนกัน โดนกลับมาแค่หมัดสองหมัด โคตรคุ้มค่า...

“มึงเป็นไงมั่งวะ!” ไอ้หญิงถามเมื่อผมกลับมาเจอพวกมันที่ร้านกาแฟเดิม

ผมคิดอยู่นานว่าจะตอบยังไง มองเข้าไปในสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยของพวกมันทั้งสองคน แล้วนั่นก็ทำให้ผมก็ตัดสินใจได้ในที่สุด พอแล้วกับเรื่องบ้าๆแบบนี้ ผมจะไม่ยอมให้เพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีกแล้ว

“ไม่เห็นจะมีเหี้ยไรเลย พี่แทนจัดการให้หมดแล้ว แม่งขู่เราไปงั้นแหละ”

“เฮ้อออออ....” พวกมันโล่งใจ ผมก็โล่งใจ ตามมาด้วยการก่นด่านินทาไอ้พี่เปรมกับพี่ท๊อปกันสนุกปาก ผมหัวเราะไปกับเพื่อนจนเจ็บซี่โครงไปหมด


_______________________


การโกหกไอ้หญิงกับไอ้แบงค์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ยิ่งเมื่อพี่แทนบินไปฝรั่งเศสแล้ว จนผมต้องบอกว่ามีนัดหนุ่มไว้ที่โรงแรม พวกมันถึงยอมกลับไปด้วยกัน แน่ล่ะ ผมจะมีปัญญาไปนัดใคร เงินก็ไม่มี  นี่ลืมคิดไปด้วยซ้ำว่าจะกลับยังไง แต่ยังไงผมก็มีเรื่องต้องจัดการให้เรียบร้อยภายในคืนนี้ รอหลังจากนั้นไม่นาน ผมเห็นรถของพี่ท๊อปขับออกไป จึงค่อยเดินกลับเข้าไปที่โรงแรม เข้าผ่านทางที่พักคนงาน เพื่อเข้าทางประตูหลังเผื่อจะมีใครยังอยู่แถวฟร้อนท์  แล้วขึ้นลิฟท์ตรงไปบนชั้นวีไอพี
   
ลิฟท์เปิดออกเงียบๆ มีผมคนเดียวอยู่ในบริเวณ ไฟบนชั้นปิดไปแล้วเสียเป็นส่วนมาก ผมเดินกลับไปทางเดิมที่เพิ่งเดินมาเมื่อช่วงบ่าย ถึงประตูออฟฟิสเวรตะไลเมื่อเช้านั่น ด้วยความที่มันเพิ่งถูกทำขึ้นใหม่แล้วยังไม่ได้เปลี่ยนลูกบินประตูเป็นแบบที่ซับซ้อนยุ่งยาก มันก็ไม่ต่างจากประตูห้องนอนโง่ๆของไอ้นนท์ที่ผมเคยงัดเข้าไปขโมยของมันเล่นๆ บัตรเครดิตที่ไร้ประโยชน์ถูกสอดเข้าไปในร่องประตูเพื่อดันแท่งเหล็กที่งัดบานกำแพงไว้ให้หลุด อาจจะใช้เวลามากกว่ามืออาชีพพอสมควรแต่ผมก็ทำสำเร็จ

ผมเปิดสวิทช์ไฟห้อง ต้องการเอกสารปึกนั้น ของไอ้หญิง ถ้าผมหาพวกมันเจอ ยังไงพี่แทนก็ต้องเข้าใจ ที่เหลือก็แค่ให้พี่แทนทำเรื่องให้ใหม่ หรือก็แค่เซ็นประเมินให้ผ่านไปเลยจะได้หมดเรื่องหมดราวซะที ผมคิดไปพร้อมกับเริ่มเปิดลิ้นชักโต๊ะของไอ้พี่ท๊อป มันแทบจะไม่มีอะไรเลยนอกจากบิลเงินสด กระดาษเปล่า สัญญาบ้าๆบอๆ กระดาษทดโน่นนั่นนี่ ลิ้นชักตัวบนสุดแม่งมีแต่เศษกระดาษ ผมจึงย้ายตัวเองออกมาที่ตู้เก็บเอกสาร ในกล่องที่เต็มไปด้วยบิลค่าใช้จ่าย รายงานการเดินบัญชี แบบแปลนเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ ไปยันโบรชัวร์ประกันสุขภาพ

   
“ซนจริงๆเลย...” !!

   
ผมสะดุ้งจนหัวโขกกับชั้นวางของดังโครมใหญ่! หันไปหาต้นตอของเสียง! ชิบหาย!

   
“พี่ธี!” ผมเรียกชื่อเขา ลูบหัวตัวเองที่เพิ่งชนกับแผ่นเหล็กมาหมาดๆ เจ็บสัส!

   
ธีนพยืนกอดอกพิงวงกบประตู มองผมด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย แถมยังส่ายหน้าหน้าแล้วยังถอนหายใจใส่อีก!


“พี่เข้ามาตอนไหน!”


“เล่นซะพังหมดเลย แค่เอามือดันก็เปิดแล้ว” พี่แกเอามือแตะลูกบิดประตูที่ดูจะพังไปแล้วจริงๆ “แต่คิดว่าไม่น่าจะใช่โจรน่ะ เลยเดินมาดู ถ้าไม่โจรไม่น่าจะเสียงดังลั่นขนาดนี้” เขาพูดไปพร้อมๆกับยิ้มเยาะเย้ยเล็กๆ


“พี่อย่าไปบอกใครได้ไหมครับ ผมขอร้องนะ..” ผมพูดดีๆเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางเลือก
“นี่....ไม่เอะใจบ้างเลยเหรอ” เขาไม่ตอบ แต่โยกไปพูดเรื่องอื่น
“อะไรครับ?”
“ลิ้นชักไม่ได้ล็อค ตู้เอกสารก็ไม่ได้ล็อค ประตูก็ยังทำไม่เสร็จ ใครเขาจะเอาของสำคัญเก็บไว้ในนี้ คิดหน่อยสิ”


รู้สึก.....เหมือนโดนดุ.....ไม่สิ โดนด่าว่าโง่มากกว่า


“เอ่อ...” ผมยืน เคว้งคว้างอยู่ตรงหน้า อ้าปากค้างเหมือนคนปัญญาอ่อน หันซ้ายหันขวาไปอย่างนั้นเพราะไม่รู้จะทำอะไร
“ไปเถอะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น” เขาเริ่มไล่ให้ผมออกไป ผมจนมุมอยู่ตรงนั้น ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี สิ่งเดียวที่ผมเหลืออยู่ ก็คือคนตรงหน้านี้สินะ


“พี่ช่วยผมได้ไหม?”
“เรื่อง?”
“เรื่อง...พี่ท๊อป”
“ไปคุยกันที่อื่นเถอะ...”

_________________

เกิดเป็นน้องเอ็มต้องเอาความกวนตีนเข้าสู้ค่ะ เพราะไม่ค่อยมีอย่างอื่น  :sad4:



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามน้าาา หวังว่าจะสนุกไปด้วยกันนะค้า
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 10 (23.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 23-11-2016 21:07:55
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 10 (23.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-11-2016 21:41:38
ชีวิตยากเนอะ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 10 (23.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 24-11-2016 05:33:07
ปัญหาเยอะจริง555
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 10 (23.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 24-11-2016 11:41:11
อยากให้ลงอาทิตย์ละหลายๆตอน ติดเรื่องนี้ไปแล้ว  :hao7:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 10 (23.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 26-11-2016 15:44:44
 :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 10 (23.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 27-11-2016 00:23:27
11.


“พี่พูดจริงเหรอครับ!” ผมถือเอกสารในมือไว้แน่น เพราะมันคือเอกสารฝึกงานที่ถูกเซ็นให้ผ่านฉลุยทั้งหมด ทุกชั่วโมงบิน ทั้งของผมและไอ้หญิง โดยบริษัทในสังกัดของพี่เขาเอง ซาบซึ้งจนน้ำตาจะไหล

“คงไม่มีทางอื่นแล้วล่ะ เซ็นซะแล้วเอาไปส่งที่คณะ มันจะได้จบๆไป ส่วนเรื่องน้องหญิง เดี๋ยวพี่ออกใบรับรองพฤติกรรมให้ ยังไงลายเซ็นพี่น่าจะน่าเชื่อถือกว่าพี่ท๊อป” ธีนนพพูด ผมมองเค้าตาเป็นประกาย แทบจะไม่ได้ฟังข้อความที่เหลือ

“ขอบคุณมากนะครับพี่....”

“อืม เอามาส่งพี่ไม่เกินวันจันทร์นะ”

พี่ธีนั่งกลับลงไปหลังโต๊ะส่วนตัวของเขา ผมได้อภิสิทธ์ขึ้นมาถึงชั้นสำนักงานของบริษัทพี่แกกลางดึก ห้องทำงานของเขาเนี๊ยบเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็เต็มไปด้วยข้าวของมากหน้าหลายตา แผนงานขนาดใหญ่กางอยู่บนผนังมีหมุดวงและสีสันจากการถูกอภิปรายอย่างหนักหน่วง
   
“พี่ครับ...”
   
เหมือนหนังจบอารมณ์ไม่จบ ผมยืนเก้ๆกังๆ รู้สึกเหมือนอยากบอกอะไรบางอย่าง อยากจะทำมากกว่าขอบคุณ แต่ไม่รู้จะทำอะไร


“หืม..”

“ขอบคุณจริงๆนะครับ”



ขอบคุณจริงๆ! นี่กูพูดบ้าอะไรออกไป....



“ครับ...ไม่เป็นไร นิดหน่อยเอง”


เขิน... บรรยกาศสีน้ำเงินกลางดึกเริ่มที่จะกลายเป็นสีชมพูเล็กๆ อย่างน้อยก็ในใจผมคนนึงล่ะ เขายิ้มน้อยๆให้ผมที่ส่งยิ้มกลับไป ในหัวของผมว่างเปล่าจนลืมไปว่าตัวเองควรจะไปทำอะไรต่อ


...ไม่สิ...ยังไม่ลืม


“พี่ครับ...”
   
“ครับ?”

“ผมไม่มีตังกลับบ้านอ่ะ”


การนั่งรถกลับบ้านโดยที่มีบอร์ดบริหารคนหนึ่งขับรถให้เป็นอะไรที่สบายใจที่สุด แถมยังได้กินข้าวกล่องที่แอบขอมาจากตู้เย็นในออฟฟิส ผมอาจจะคิดเข้าข้างตัวเองไปก็ได้ แต่พี่ธีดูจะใจดีผิดหูผิดตา แถมยังเดินขึ้นไปส่งผมถึงห้องอีกต่างหาก

“แล้ว...นี่เอ็มจะเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะ” ธีนพถามเมื่อเราเข้ามาในคอนโดของผม

“เอ่อ.....” ผมเพิ่งจะเริ่มคิดเรื่องนี้ก็ตอนนี้แหละ สังเกตุเห็นเขาตัวเราะเยาะเบาๆ

“ต่อรองกับพี่สิครับ?”

“ยังไงนะครับ?”

“เอกสารฝึกงานก็อยู่ที่มือ ไหนต่อรองมาสิ”

“เอ่อ...นี่เหรอ?” ผมชูกปึกกระดาษนั่นขึ้นมา “ยังไงอ่ะพี่....งง”

“เฮ้อ....ลองเรียกเงินเดือนมาสิ เด็กฝึกงานเรียนเงินเดือนได้นะรู้ไหม?” เขาอธิบายแกมเหนื่อยใจ

“อ๋ออออ...เอ่อ ผมใช้เงินเดือนนึงเท่าไหร่ก็ไม่รู้อ่ะ....”

“พี่ให้หมื่นห้า เท่าเด็กปกติ บวกภาษาอังกฤษอีกเป็นหมื่นแปด โอเคไหม?”

“เอ่อ...โอเคครับ”

“ใช้บัตรเครดิตหกใบ แค่หมื่นแปดเนี่ยนะโอเค?”

“โอเคแหละพี่...โอเคเหอะนะ” ผมเริ่มรู้สึกปวดขมับเมื่อถูกจี้เข้ามาเรื่องตัวเลข ไม่พอ ถึงกับโดนธีนพยืนเท้าสะเอวใส่ ท่านั้นแปลว่า กูละเหนื่อยใจ สินะพี่

“พรุ่งนี้เข้าออฟฟิซที่โรงแรมกับพี่ ถ้าพี่ท๊อปเห็นว่าเอ็มทำงานกับพี่ เขาจะถอย แล้วไอ้เรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยว่ากัน”

“อ่า....ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับพี่”

เราสบตากันในชั่วขณะหนึ่งที่ผมกล่าวคำขอบคุณเป็นรอบที่ล้าน จนต่างฝ่ายต่างเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากำลังยืนอยู่ที่เดิม ตำแหน่งเดิม ตำแหน่งเดียวกับที่ผมเคยยืนตะโกนโวยวายใส่เขา เขาเองก็เช่นกัน ที่ตรงนั้นแหละที่เขายืนอธิบายบางสิ่งให้ผมฟัง ‘บางอย่างที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้’ ของเขา


ตามสันดานอย่างผม มีหรือจะไม่ลอง


“พี่มีอะไรอยากจะอธิบายต่ออีกไหมครับ?”


“หืม?”


“อะไรที่พี่เคยบอกว่าอธิบายยากๆน่ะ....” ผมเอียงคอแล้วยิ้มหวานให้เป็นเชิงชักชวน  ธีนพอ้าปาก อ๋อ เงียบๆแบบไม่มีเสียง เขาย่างสามขุมเข้ามาไกล้ แล้วแตะนิ้วลงบนริมฝีปากของผมเบาๆ


“ไว้โตกว่านี้แล้วจะพูดให้ฟัง”


“ผมโตเป็นควายแล้วพี่!”

“ยังหรอก ยังอีกเยอะเลยล่ะ พุ่งนี้เข้างานด้วยนะ เก้าโมงเช้าเดี๋ยวแบมจะโทรหา”

พี่ธีพูดบอกไปพลางขยี้หัวผมเล่นเหมือนหมาแมวหรือตัวอะไรสักอย่าง ดูท่าพี่แกจะสนุกไม่ใช่เล่น จากใบหน้ายิ้มเล็กยิ้มใหญ่ แกล้งแหย่เล่นซักหน่อยท่าจะดี

“อยากทำอะไรรีบทำนะ ชักช้าผมไม่รอไม่รู้ด้วยนะ....”

“เอ็มไม่รอไม่เป็นไร พี่รอได้”

“อุ่ย....”


   __________________________


ผมส่งข้อความให้พี่แทนในช่วงเช้า ว่าไม่มีอะไรต้องห่วง แถมยังถ่ายรูปหน้าปกเอกสารกับลายเซ็นพร้อมกับชูสองนิ้วแนบไปให้ว่าสบายมากจริงจัง ก่อนที่เลขาแบมจะเดินหน้ามุ่ยลงมารับ การสบตาของสองเราน่าจะก่อให้เกิดประกายไฟในอากาศดังเปรี๊ยะ อาจะเป็นเพราะผมอยู่ในชุดที่หล่อเหลากว่าปกติ ถึงได้โดนมองแรงพอเป็นพิธี หมั่นไส้มากๆเดี๋ยวก็จีบแม่งเลยนิ...

“นี่ บิลของเดือนนี้” ธีนพยื่นกล่องกระดาษมาให้แบม ซึ่งส่งต่อให้ผมทันใด

“ลงบิลเป็นใช่ไหมครับ” แบมหันมาถาม

“เอ่อ....”

“งั้นเดี๋ยวผมจะสอนงานรวมๆให้ก็แล้วกันนะ” เลขาหน้าหวานยิ้มกว้างๆให้เหมือนเจอของเล่นใหม่
   
มันเป็นภาพที่ตลกเป็นบ้า เมื่อคนอย่างแบมต้องมาสอนคนสมองหมาแบบผมทำงานให้เรียบร้อย แต่ที่ตลกกว่านั้นคือไอ้คุณธีนพดูจะบันเทิงเริงรมย์เหลือเกินกับทีมเวิร์คของเรา ที่ไม่เวิร์คเอาซะเลย ผมน่าจะมีทักษะการคิดคำนวณที่ดีพอๆกับหมู หรือหมา หรืออะไรประมาณนั้น ส่วนไอ้คุณเลขาที่ก็ว่องไวเหลือเกิน ผมแค่หายใจเข้าแม่งก็พูดไปจนจบแล้ว แถมยังไม่รวมไอ้ศัพท์เฉพาะที่ฟังดูอย่างกับมาจากองค์กรนาซ่านั่นอีก นอกจากนี้ยังรู้สึกเหมือนโดนหัวเราะเยาะตลอดเวลา แค่กดเครื่องคิดเลขในคอมพ์แม่งยังกดผิดๆถูกๆเลย ให้ตายเหอะ

“ลองเปลี่ยนสายงานไปเป็นแบบอื่นไหมครับ แบบพวกการตลาด ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์หรืออะไรแบบนั้น” โดนแขวะเข้าให้หนึ่งที
“งานแบบที่ไม่ต้องคิดมากน่ะ ผมจัดให้ได้นะครับ” เลขาพูดต่อพร้อมหันไปมองเจ้านายที่ดื่มกาแฟ นั่งดูพวกเราอย่างกับดูละครลิง

“ให้โอกาศเขาหน่อยสิ” ธีนพบอก ยิ้มเจ้าเล่ห์  “แบมน่ะใจร้อน เดี๋ยวพี่สอนเอง”
   
สีหน้าของไอ้คุณเลขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ผมโดนมองแรงรอบที่ล้าน กูขอโทษ กูทำได้แค่นี้...
   
“นี่...ไอ้สิ่งนี้ เค้าเรียกว่าบิล รู้จักใช่ไหม?” ธีนพเริ่มสอนผมเหมือนสอนศัพท์ให้เด็กอนุบาล
   
“รู้ดิพี่!”
   
“ตรงนี้คืออะไร” เขาชี้ไปที่ตัวเลขรวมสุธิ

“เงินที่ต้องจ่ายครับ”


“เก่งมาก!” เขาพูดพร้อมหยิบบิสกิตข้างแก้วกาแฟมาชิ้นนึงแล้วส่งให้

   
“พี่! ผมไม่ใช่หมา”

“ลองดูก่อน รสนี้อร่อยนะ ในเมืองไทยหาซื้อยากด้วย”

“ก็ได้...”


ผมหยิบขนมปังกรอบใส่ปาก เออว่ะ...อร่อย


“ใครยื่นอะไรให้ก็กินเนอะ” ไอ้คุณพี่ธีตบหลังผมอย่างภาคภูมิใจ หรือปลอบใจก็ไม่รู้เหมือนกัน "เดี๋ยวค่อยๆหัดไปก็ทำได้เองแหละ"


ไหนใครชอบเรียกเขาว่าตัวร้าย ตั้งแต่รู้จักกันมา ยังไม่เคยเห็นธีนพในบทบาทที่เขาว่ากันเลยสักครั้ง หรืออาจจะเป็นที่ผมเองความรู้สึกช้า หรือไม่ก็อาจจะเป็นเส้นศีลธรรมที่อยู่ต่ำแสนจะต่ำอยู่แล้วของผมเอง เลยทำให้ไม่ค่อยมองว่าใครเป็นคนไม่ดีซักเท่าไหร่ แต่พี่แกก็อดทนเสียจนผมอดหวั่นใจไม่ได้


“ถ้าผมทำไม่ได้เลยอ่ะครับ...”


“ไม่เป็นไร ถ้าสอนที่นี่ไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวจะพาไปสอนที่บ้าน”


“อุ่ย.....”


_______________________

อุ่ย..... ตอนใหม่มาแล้วน้า
:-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 11 (27.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 27-11-2016 01:20:29
อุ่ย แหม่ คนพี่ได้ทีก็หยอดใหญ่เลยน่ะ
ปลื้ม  :hao6:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 11 (27.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 27-11-2016 01:26:09
 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 11 (27.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 27-11-2016 01:42:08
อุ่ย5555
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 11 (27.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-11-2016 08:45:25
เอ้ยยยย :impress2:   รอน้องโตพออะค่ะ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 11 (27.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-11-2016 11:40:06
เอ็ม  มีคุณธีนพ เป็นแบ็คให้ :katai4:แล้ว
แล้วยังช่วยเพื่อนได้อีก
ดีกว่าพี่แทน ตรงที่สอนงานด้วย
ใจดีมาก เข้าใจเอ็ม ถ้าเอ็ม ทำไม่ได้
จะตามไปช่วยสอนเองที่บ้าน อะจ๊ากกกก
พี่ท็อป จะทำไรกับเอ็ม อีกมั้ยเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 11 (27.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 27-11-2016 17:38:32
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 11 (27.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 27-11-2016 21:54:22
งื้อออออออออออ พี่ธีคนดีของน้องงงงง :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 11 (27.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 28-11-2016 02:06:15
กรี้ดดดดดด พี่ธี :ling1: :z3: อ่อยมากกก :katai5: :hao7:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 11 (27.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 08-12-2016 22:29:41
อุ่ยตามน้องด้วยอีกคน คุณธีนพน่ารักก  :o8:



คิดถึงเรื่องนี้แล้วว มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 11 (27.11.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 09-12-2016 12:55:24
12.
   
เราสองสามคนอยู่ด้วยกันจนเย็น ทั้งหมดที่ผมทำได้ก็ถ่ายเอกสารกับชงกาแฟ หัดใช้โปรแกรมนิดๆหน่อยๆ แล้วก็เล่นมุขบ้าบอๆไปเรื่อยเปื่อย ถึงแม้จะงี่เง่าแต่ก็ภูมิใจ ช่วงเย็นที่ดูเหมือนผมจะไม่มีอะไรให้ทำ เลขาแบมก็เริ่มไล่ผมกลับบ้าน เราสองสามคนบอกลากัน ผมแอบส่งสายตาให้พี่ธีตามสันดาน เผื่อเขาจะเก็บเราไปฝัน


“กลับบ้านนะ อย่ามัวแต่ไปเทียว เงินแค่นี้เที่ยวไม่พอหรอก”

“ถ้าอยู่บ้านแล้วเหงาอ่ะครับ?” อ่อยแรง

“อยู่บ้านแล้วเหงา งั้นก็นอนออฟฟิสแล้วกัน” เจอพี่แกตอบซะไปต่อไม่ถูก กวนตีนนี่หว่า กวนตีนแบบนี้ผมชอบ

“ไหนบอกจะพาไปสอนที่บ้านไง?”

“บ้านพี่อยู่กันครบเลยนะ ลุง ป้า น้า อา แถมคุณน้าเคยเป็นครูด้วย จะไปไหมล่ะ” เขายิ้มกวนประสาท

“ไม่เป็นไร โห่.... ผมนอนออฟฟิสยังดีกว่าเลย...”


ผมยอมแพ้ความคิดที่จะเต๊าะเขากลับบ้าน เลยกลับออกมาพร้อมกับเงินที่เบิกล่วงหน้าเข้าบัญชีในปริมาณที่เอาชีวิตรอดได้ เท่ากับวันนี้สบายใจไปอีกหนึ่งวัน แถมไอ้หญิงยังไม่ตัดสินใจเซ็นเอกสารจนกว่าจะถึงวันจันทร์ ตัวคนเดียว เงินเดือนเข้า เราควรจะกลับบ้านจริงๆหรือ

ระหว่างทิ่คิด ก็นั่งปัดหน้าแอพนัดยิ้มเพลินๆหาแท๊กซี่ หาหนุ่มหน้าตาปานกลางถึงดีที่เคยไปหว่านสเน่ห์ใส่ไว้เมื่อนานนม บ้างก็คุยเล่น ก็มีบ้างที่เลยเถิด แต่เราไม่เคยถือสากัน


ส่วนคนนี้ชื่อต่อ เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผม


-สวัสสดีคร้าบ- ขอโทษนะครับพี่ธี ผมมีใจให้พี่ก็จริง แต่มันก็แค่ส่วนเดียว

-ดีครับ หายไปไหนมา-

-ไปมีแฟนมา อิอิ-

-มี  อิอิ  ด้วย 555-

-เป็นไงม่าง-

-สบายดีนะ ช่วงนี้เอ็มว่างป่าว-

   
“สนุกอยู่เหรอครับ?” เสียงคุ้นหู แต่สำเนียงแปลกไป
   
“หืม? ครับ?” ผมหันไปตอบเลขาแบม
   
“ผมถามว่า สนุกอยู่เหรอ?”
   
“เอ่อ.. ก็ดีครับ สนุกดี” ผมตอบไปทั้งๆที่ไม่ค่อยเข้าใจคำถาม
   
“คงไม่รู้สินะครับ ว่าตำแหน่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ มีคนไม่รู้กี่ร้อยพันคน ยอมแลกทุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้ามา”
   
“ห๊ะ?”

“การได้ทำงานไกล้ชิดกับพี่ธี ไม่ใช่เรื่องที่จะมาทำเล่นๆนะครับ ผมเตือนด้วยความหวังดี”

“ครับ....” บรรยกาศตึงเครียดขึ้น

“พี่ธีเขาไม่ชอบคนไม่ฉลาด”

“ครับ”

“ผมไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างคุณสองคนมีอะไรเป็นพิเศษกันหรือเปล่า”

“..........”

“แต่ผมก็ไม่คิดว่าเอ็มจริงจัง ใช่ไหมครับ?”

“นี่ไม่ใช่เรื่องงานนี่ครับ” ผมเริ่มเสียงแข็ง

“มันคงเป็น งาน สำหรับคนแบบเอ็มละมั้ง?” แบมจิกต้าร้ายใส่

“ใช้ได้นี่หว่า...” ผมไม่ถอยให้เหมือนกัน

“อย่างว่าแหละ เอ็มก็ดูไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น คงจะตลกดีนะครับ ถ้าว่าคนระดับธีนพจะจริงจังด้วย?” เข้าล้ำเส้นเข้ามาในที่สุด ยอม
รับว่าผมโกรธ แต่ไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วย เขาไม่เคยอยู่ในสายตาผมตั้งแต่แรกด้วยซ้ำไป

“ผมน่ะไม่จริงจังหรอก....พี่ธีนพผมไม่รู้ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนคนที่จริงจังมากที่สุดจะเป็นคุณนะ”
แบมอึ้งเงียบไป

“ห่วงตัวเองเถอะ... ไม่ต้องห่วงผมหรอก” ผมตามไปซ้ำ

   
“รู้จักธีนพน้อยไปนะคุณน่ะ...” แบมไม่ยอมถอยเช่นกัน

เราสองคน ในสองสถาณะภาพ เขามองผมเหยียดด้วยสายตาพิพากษาในมาดผู้ดี ขณะที่ผมมองเขาอย่างเหนื่อยหน่าย เหมือนมองคนปัญญาอ่อน

“เป็นเพราะคุณแทนไทใช่ไหมล่ะ?”

“คุณแทนไท?” ผมทวนชื่อพี่แทนจนเกือบจะเย้ยหยัน ตลกชะมัดเวลาเห็นคนทำงานเรียกชื่อเขาเต็มยศ

“เขาเบื่อคุณแล้วเหรอช่วงนี้” เลขาหนุ่มร่างเล็กยียวน “เงินถึงได้ขาดมือ?”

ถ้าหากเพียงแถวนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด หรือป้อมยาม หรือแม้แต่คน ผมจินตนากาหากรตัวเองชกหน้าเนียนใสนั่นสักครั้ง เขาจะร้องว่าอะไร เพราะว่าคำพูดเจ็บแสบที่ล่วงเกินไปกว่าเพื่อนร่วมงาน มันมีจุดกำเนิดมาจากความแค้นเคืองเล็กๆนั่น ผมมองเห็นมันเป็นเค้าลาง นับรวมเข้ากับที่เราสองคนต่างมีใจให้คนเดียวกัน แบมลึกซึ้งลงไปมากกว่า พี่ธีคงเป็นทุกสิ่งอย่างของเขา แต่พี่ธีไม่ใช่ทุกอย่างของผม อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ ในตอนนี้

“มันแปลกที่คนระดับคุณมาวุ่นวายอยู่กับผมนะ?” ผมหยิบบุหรี่ออกมาจุดสงบสติอารมณ์

“ไม่มั้ง? คุณต่างหากที่มาวุ่นวายกับพวกเรา แค่ก! แค่ก!” แบมพูดแล้วก็สำลักควัน ไอ้ซื่อบื้อนี่ก็ยืนไม่ขยับไปไหน

ผมเดินหลบออกมาจากกลุ่มควัน ปล่อยให้ไอ้เตี้ยนั่นปัดเสื้อผ้าตัวเองไป

วันต่อมากลายเป็นอีกความตึงเครียดระหว่างการทำงานที่ยากลำบากอยู่แล้วยากลำบากขึ้นไปอีก เมื่อไอ้คุณแบมหาทางจิกกัดผมอย่างแนบเนียนตลอดวัน พร้อมกับมอบหมายงานที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ ส่วนพี่ธีก็ยุ่งอยู่กับห้องประชุมเกินกว่าจะมาสนใจพวกผม ยอมรับว่าเดือดเนื้อร้อนใจกับตัวเองอยู่ แม้จะโดนดูถูกสติปัญญามาทั้งชีวิตก็เถอะ


“บวกเลขนิดๆหน่อยๆอย่าทำผิดสิครับ”

“ครับ”

“ถ้าไม่ไหว เอาตรงนี้ไปแปลแล้วกันนะ เขียนเป็นภาษาพูดนะครับ”

“ครับ”

“ชงกาแฟให้ผมด้วยนะ”

“ครับ”

   
“ถ่ายเอกสารตรงนี้มาทั้งชุดเลยนะ”

“ครับ”

ผมถูกใช้จนหัวปั่น ถึงจะรู้ว่าตัวเองโดนแกล้ง แต่ก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง นิสัยผมคือทำอะไรได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็คือทำไมได้ ก็ช่างหัวมันปะไร แต่แบมดูจะมีความสุขเป็นพิเศษกับการมองดูผมงกๆเงิ่นๆ แถมยังได้จิกกัดสนุกปาก แต่เอาเถอะ ถ้ามีอะไรผิดพลาด บริษัทเจ๊งขึ้นมาก็เรื่องของมึง ผมวางทุกอย่างลงเป็นเชิงยอมแพ้ แล้วฟุบลงกับโต๊ะทำงาน เพื่อแสดงออกว่า ‘กูยอม’

“กินข้าวกันไหม?” ธีนพเปิดกลับเข้ามาในห้องทำงาน ผมแทบจะกระโดดกอดด้วยความคิดถึง

“ไปครับ!” ผมตอบ แบมตอบพร้อมกัน เป็นคนละเสียง “ไม่ดีกว่าครับ งานแปลที่ต้องส่งคืนนี้รีบมาก เดี๋ยวเอ็มจะทำไม่ทันเอา”

“อืม....ถ้างั้นฝากดูแทนด้วยนะแบม เดี๋ยวผมซื้อขึ้นมาให้ ไปกันเอ็ม” พี่ธีกวักมือเรียกผมซะอย่างนั้น

   
   

โคตรตลก เป็นความตลกประจำวัน


“ผมเห็นบัตรประชาชนพี่ด้วยนะวันนี้” ผมชวนเขาคุยระหว่างทางไปร้านกาแฟ

“แล้วทำไมเหรอ?

“ผมเพิ่งรู้ว่าพี่แก่กว่าพี่แทนอีก.....” เขาดูประหลาดใจ ผมแกล้งต่อไป “ผมเรียกพี่ว่าลุงได้มะ?”

“ไม่เอา! ห้ามนะ ผมไม่ได้แก่ขนาดนั้นซะหน่อย” ธีนพหันมาเล่นด้วย

“สามสิบกลางๆนี่เขามีลูกกันแล้วนะพี่....”

“แทนไทก็ไม่ได้มีไม่ใช่เหรอ?”

“พี่แทนเขาเพิ่งจะขึ้นเลขสามเอง” ผมเห็นพี่ธีไปไม่ถูกกับคำพูดเหล่านั้น เป็นของหาดูยาก ต้องขยี้เข้าไป เพราะผมนิสัยไม่ดี




“เปล่าหรอก ผมแค่จะบอกพี่ว่า จริงๆแล้วผมชอบผู้ชายมีอายุนะ”




ต่อด้วยยิ้มโปรยสเน่ห์ตามไปติดๆ.....



“....ยิ้มอย่างนั้นบ่อยๆเดี๋ยวจะเดือดร้อนเอานะ....” เขาตอบกลับไม่กล้าสบตา



ธีนพเขิน..... ต่อให้ดึงหน้าแค่ไหนก็เถอะ ร้านกาแฟไม่ได้ช่วยให้บรรยกาศกลายเป็นสีอื่นนอกจากสีชมพูจางๆ ของผู้ชายสองคนที่มานั่งทานข้าวด้วยกัน จากแน่นตึงมากทั้งวัน จู่ๆก็กลายเป็นหวานปะแล่มขึ้นมากะทันหัน จนแทบจะสั่งปิงซูมานั่งกินกันสองคนให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

“อ้าว สนิทกันเหรอสองคนนี้?” เสียงหนึ่งแทรกเข้ามา ผมเสียวสันหลัง เพราะจำมันได้แม่น

“สวัสดีครับพี่ภาคินทร์” ธีนพ หันไปยกมือไหว้ ผมทำแบบเดียวกัน
   
“จะกินเด็กซะแล้วเหรอธีนพ...” เขาขยับตัวเข้ามาไกล้จนผมฉากหลบ “ไม่นึกเลยว่าเธอจะมีรสนิยมแบบนี้”

“สนใจรสนิยมของผมด้วยเหรอครับ”

“ฉันสนใจเธอต่างหาก”

“มีคนสนใจผมเยอะแยะไปหมด ถ้าเป็นการเป็นงานล่ะก็ ติดต่อผ่านเลขาผมได้ทุกเมื่อนะครับ” ธีนพไม่เล่นด้วย

“ผมไม่คุยเรื่องอื่นกับคุณหรอกธีนพ คุณน่ะมันไร้หัวใจ แต่สงสัยเรื่องนี้ต้องถามน้องเอ็ม จริงไหมครับ?”
ผมอ้าปากขึ้นจะตอบ แต่ถูกพี่ธียกมือห้ามไว้ พี่ท๊อปมองภาพนั้นด้วยสายตามีนัยยะ

“ดูเหมือนคุณจะเอาเขาอยู่กว่าแทนไทนะ” ผมเกลียดหน้าแม่งจริงๆ “เทคโอเว่อร์กันดื้อๆแบบนี้นี่ไม่รู้ว่าเจ้าแทนรับรู้หรือยังนะ เอ...หรือซื้อหุ้นแชร์กันเฉยๆ ว่ายังไงล่ะ ส่วนไหนเป็นของใครบ้างนะ”

“ความลับทางการค้าครับ..... ว่าแต่ส่วนไหนของบอร์ดกันแน่เหรอครับที่เป็นของพี่ เท่าที่ผมเห็นมีแต่โต๊ะทำงานกับเก้าอี้ตัวใหม่ นี่ยังไม่นับว่าเป็นหุ้นส่วนหรอกนะครับ”

ภาคินทร์เงียบกริบ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ยิ้ม และไม่สามารถหาประโยคพูดปิดการสนทนาได้ ผมสัมผัสได้ถึงรังสีอมหิตระหว่างสองหนุ่มรุ่นใหญ่ และนั่นมากพอที่จะทำให้ต่างคนต่างถอยจากกัน ภาคินทร์เดินหน้าชาจากไป ส่วนธีนพหันกลับมาสนใจกาแฟเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น แบบนี้เองใช่ไหมที่เขาเรียกว่า การเล่นอำนาจ

“ผมเครียดจัง...” ผมเปิดปากคุยต่อ

“เครียดตรงไหนเหรอ”

“พี่ว่าพี่ท๊อปจะทำอะไรต่อเหรอครับ”

“ไม่สำคัญหรอก …..ไม่น่ารอดเกินสิ้นปี...” พี่ธีพูดเหมือนพูดกับตัวเองซะมากกว่า ผมได้แต่นั่งงงกับคำตอบ พร้อมกับหยิบขนมปังปิ้งเข้าปากไปพลาง อะไรวะรอดไม่รอด

“พี่ครับ....ไม่รอด? หมายความว่าไง?”

“หืม? พูดอะไรน่ะ?” พี่ธีไม่ตอบเปล่า แต่ถามกลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แล้ว ณ นาทีนั้นเอง ที่ผมได้เห็นสิ่งที่เขาร่ำลือกัน หลุดออกมาจากสายตาสุดลึกหยั่งถึง


ความน่ากลัวของธีนพ....

________________________


ขอโทษน้าาาที่หายไปนาน ไรท์ติดไซด์งานต่างจังหวัดถึงปีหน้าเลยจ้า แต่ยังไงจะมาอัพให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้นะค้า
คิดถึงทุกคนมากๆจ้า

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-12-2016 13:35:37
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 09-12-2016 13:46:05
 :ling1:  มีแต่คนน่าตบกะโหลกว้อย เริ่มก่อนที่นังคุณแบมก่อนเลย 555
ชอบจัง พี่ธีนี่แหละพระเอกตัวจริง ชอบคนมีอายุด้วยคนนะ  o13
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-12-2016 14:04:44
ชอบบบบบ ไรท์ สุดยอด :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คุณธีนพ ร้ายกาจจริงๆ พี่ท็อป จนคำพูดเลย
เอ็ม รับรู้แล้วสินะ ว่าคุณธีนพ สมคำร่ำลือ :ling1: :ling1: :ling1:
แบม นี่หลงรักข้างเดียว
ยังไม่วายรังควานเอ็ม อีก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 10-12-2016 17:45:33
ลำใยอีแบมมาก บอกเลย อีท็อปก็อีกคน เอาพวกมันไปเก็บที
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: อีแก้วปิ้งไก่ ที่ 10-12-2016 21:34:58
 :katai1:  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 15-12-2016 22:54:06
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 16-12-2016 00:15:14
เดายากเลยว่าใครเป็นพระเอก แลดูทุกคนมีด้านมืด
แต่ชอบคุณธีนพสุดเพราะเวลาอยู่กับน้องดูอบอุ่น ดูตามใจ เราชอบ :man1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Caramella ที่ 17-12-2016 13:19:22
 :hao6: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 17-12-2016 13:57:01
เอ็มนี่อ่อยเก่งจริง 555
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 17-12-2016 14:14:14
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 12 (9.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 25-12-2016 17:25:14
13.



การตื่นเช้าติดต่อกันหลายวันทำร้ายจิตใจอันบอบบางของผม ความตึงเครียดผสมปนเปไปกับความขาดแคลน ขาดการสัมผัส ร่างกายไม่ได้กระทบกับร่างกายคนอื่นมานานแสนนาน เหมือนผ่านมาเป็นล้านปี งุ่นงานพอสมควร สมองที่เชื่องช้าอยู่แล้วตอนนี้ทำงานด้วยความเร็วประมาณเต่าบกพิการ มือจากนั่งจดนู่นจดนี่ไปเรื่อยตามคำสั่งคุณเลขา ตอนนี้เริ่มวาดรูปเล่น นี่ไงรูปก๊อตซิลล่า..

   
“เอ็มครับ ตั้งใจหน่อย” แบมสะกิดผมให้ไ  ด้สติ ผมหันไปโชว์รูปก๊อตซิลล่าให้ดู หลังจากนั้นก็ได้รับสายตาดูถูกสติปัญญากลับมา

   
“ทายสิครับว่ารูปอะไร...”

   
“เอ็มไหวไหม?” ธีนพถามเมื่อเห็นผมดูไม่มีสติสตัง ผมหยักหน้าโดยที่สายตาไม่สามารถโฟกัสหน้าเขาได้ พี่ธีลุกขึ้นมาหา เขานั่งลงแล้วยังยื่นหน้ามาไกล้ เลขาหนุ่มจิกผมด้วยหางตา ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ แล้วเปิดประตูออฟฟิสออกไปด้วยความหงุดหงิด

   
“นอนดึกล่ะสิท่า...” เขาพูด

   
“เปล่าครับ” ปฏิเสธหน้าด้านๆ

   
“โกหกอีกและ” ธีนพไม่ยอมปล่อยไป

   
“จับได้แล้ว....จะทำไมอ่ะครับ?” ผมแกล้งแหย่ต่อ เอาสิใครจะไปก่อนใคร อย่าเล่นกับคนเหงานะมันอันตราย

   
“..........” พี่ธีเงียบใส่ ใบหน้าของเราอยู่ไกล้กันแค่คืบ เขาจ้องตาผมไม่ลดละจนผมอดใจไม่ไหว

   
“พี่ไม่บอกผมจะคิดเองและนะ...”

   
“เอ็.....” ผมไม่รอให้เขาพูดจบ เลื่อนหน้าตัวเองเข้าไปประกบจูบเบาๆพอให้คิดถึง

   
“ผมเอาคืน...คราวก่อนพี่ไม่ให้ผมตั้งตัว”

   
ธีนพยืดตัวขึ้นขยับแจ็คเก็ทของสูทให้เข้าที่ ยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วกวักนิ้วชี้ให้ผมลุกขึ้นมาบ้าง “คราวก่อนไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย จำไม่ได้เหรอ?”
   

“ครา...” ยังไม่ทันได้จบประโยค พี่ธีดึงผมเข้าไปทั้งตัวในอ้อมแขน ประจบจูบรุกเร้าลงมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวจนเกือบเซ มันพาเสียววูบไปจนถึงท้องน้อย รวมเข้ากับฝามือใหญ่ที่บีบเค้นไปทั่วทั้งร่าง และเริ่มละลาบละล้วงเข้าไปใต้ชายเสื้อที่ถูกดึงออกมาแบบลวกๆ ผมตอบสนองเป็นอย่างดีตามเคย ไม่ยอมให้เขาต้องเปลืองแรงอยู่คนเดียวหรอก
   
อาจเป็นเพราะความเมา ผมจดจำรายละเอียดของครั้งก่อนไม่ค่อยได้ มาคราวนี้เพิ่งรู้สึกอย่างชัดเจน ธีนพแอบซ่อนบางอย่างไว้ภายใต้มาดสุขุม มันคือความดิบเถื่อนที่แม้แฉล้มออกมาเพียงน้อยนิด แต่มีประสพการณ์ย่อมสัมผัสได้ ผมว่าผมเห็นสัตว์ป่า...
   
   
เราสองคนผละออกจากกัน ไม่สิ มันเหมือนพี่ธีผลักผมออกมากกว่า....

   
“คราวก่อนเป็นแบบนี้ต่างหาก” เขายิ้มร้ายให้หนึ่งที แล้วหันไปทำธุระของตัวเอง ปล่อยให้ผมเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ
   
“เอางี้เลยเหรอพี่?”

   
“พี่ออกไปประชุมก่อนนะ” แล้วเขาก็เดินจากไป

   
ทิ้งผมไว้กับเสียงแอร์

   
ผมกลับไปง่วนอยู่กับบัญชี ค่าบัตรเครดิต และสลิปนับร้อยใบในกล่องส่วนตัวของพี่ธี แล้วตั้งสติอยู่หน้าคีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊ค ค่อยๆบันทึกมันลงไปในโปรแกรมแบบช้าๆ จะไดไม่ผิดพลาดแบบครั้งก่อนให้โดนเลขาด่าเล่นๆอีก สมาธิของผมนั้น ไม่ได้ก่อกำเนิดขึ้นมาง่ายๆ แถมยังอยู่ได้ไม่ได้นานอีก พิมพ์ได้ไม่ถึงครึ่งกล่องผมก็หมดแรง เดินลงไปหาอะไรกินดีกว่า คิดไปพลางยกมือถือขึ้นมาดูยอเงินคงเหลือ เห็นแล้วก็อนาถใจ แต่แซนด์วิชไก่เพสโต้ของโรงแรมก็อร่อยเสียเหลือเกิน


   
เสียงโทรศัพท์เรียกเข้าแทรก ผมก้มมองหมายเลขด้วความตื่นเต้นระคนประหลาดใจ..


   
“ฮัลโหลลล พี่แทน! กลับมาเร็วจังครับ” รับสายด้วยความคิดถึง ถึงจะแอบเสียวแว๊บๆก็เถอะ

   
“เอ็ม...ขึ้นไปรอพี่ที่ห้อง” น้ำเสียงเขาราบเรียบกว่าปกติ

   
“ห้อง? ห้องพี่เหรอครับ ผมขึ้นไปเองไม่ได้อ่ะ”

   
“ขอการ์ดจากธีนพสิ เจอกันตอนค่ำก็แล้วกัน” น้ำเสียงพี่แกเหมือนไม่อยากคุยเท่าไหร่ 

   
“ครับ...ได้ครับ เจอกันครับพี่ คิดถึงนะครับ”


ผมขอยืมคีย์การ์ดจากธีนพมาด้วยความลำบากยากเย็น จนสุดท้ายต้องขอร้องให้เลขาแบมเดินมาส่งผมถึงหน้าห้อง แล้วเอาการ์ดกลับลงลิฟท์ไป แถมยังต้องทำหูทวนลมกับคำพูดดูถูกเหน็บแนมเล็กๆระหว่างทาง ไม่นานหลังจากนั้นพี่แทนตามมาจนถึงบริเวณห้องโถงที่ผมนั่งรออยู่ เขาแตะบัตรเข้ากับประตูแล้วเดินเข้าไป ผมตามไปติดๆ

   
พี่แทนดูเย็นชากว่าปกติ เขาเดินไปตรงบาร์แล้วรินเหล้าลงใส่แก้วเปล่าๆ นานๆทีจะเห็นเขาดื่มหนัก ไม่แม้กระทั่งบอกว่าคิดถึงกันหรือทักทายสักนิด ผมเดินเข้าไปหา แล้วกอดเขาจากข้างหลัง พี่แทนหยุดเดิน

   
“คิดถึงจังครับ....”

   
“ปากหวานตลอดนะเรา....” เขากระดกเหล้าเข้าปากแบบไม่ใส่ใจ พูดขึ้นมาทำเอาผมชะงักไป “พี่เหนื่อยมากเลย ขอพี่พักก่อน” ก่อนจะเดินไปเอนหลังลงบนเตียง ผมตามไปอย่างคนรู้งาน เขาแทบจะไม่สบตาหรือตอบสนอง ผมทั้งพิงทั้งงสะกิด แทบจะเอาตัวขึ้นไปนอนทับเพื่อเรียกร้องความสนใจจนเหนื่อย

   
“พี่เบื่อผมแล้วเหรอ....” ผมออดอ้อนทุกวิถีทาง แหย่เขาเล่นขณะที่วางหน้าลงไปบนหน้าอกกว้าง

   
“อย่าอ้อล้อได้ไหม...”

   
“พี่ชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ...ผมรู้นะ” ผมแปลกใจนิดหน่อย ไม่ใช่กับคำพูด แต่เป็นอาการและน้ำเสียง แต่ก็ยังแถไปต่อ

   
“เติมหน่อยสิ” เขาเมินผม เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เคยสานสัมพันธ์กันมา แล้วยื่นแก้วเหล้าเปล่าให้ ผมลุกไปรินเหล้าตามปกติ เราสองคนเงียบงัน มีแต่เสียงแก้วของพี่แทนถูกวางลงกระทบกับโต๊ะเป็นครั้งคราว น่าอึดอัด...

   
“เยอะไปแล้วนะพี่” ผมเอ่ยปากเตือน พี่แทนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ผมเลยดึงมือเขาให้ยั้ง ไว้ “เอ็ม....ปล่อย” พี่แทนออกคำสั่ง เขามองผมไม่เหมือนเดิม

   
“พี่เป็นอะไรเหรอครับ?”

   
ชายหนุ่มตรงหน้ายังไม่หยุดมือ ผมเริ่มใจคอไม่ดี เหล้าในขวดพร่องลงไปรวดเร็วจนน่าใจหาย

   
“จะไม่พูดดีๆกับผมหน่อยเหรอ?”

   
พี่แทนวางแก้วลงกับโต๊ะเสียงดัง

   
“ทำไมต้องเป็นธีนพ?” ในที่สุดความในใจนั่นก็หลุดออกมา ว่าแล้วเชียว

   
“โถ่...เรื่องนี้เองเหรอครับ” ผมยิ้มออกเมื่อรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร โถ่ ถ้าแค่งอนล่ะก็ งานถนัดผมเลย

   
“ทำไมต้องไปทำงานกับมัน? แค่เซ็นผ่านแล้วก็น่าจะจบแล้วนี่?”

   
“ผมต้องใช้เงินนี่พี่ อีกไม่กี่สัปดาห์ก็จบแล้ว แค่เงินเดือนขำๆเอง” ผมกลับลงไปนอนซุกข้างๆ 

   
“ไม่มีก็กลับบ้านสิ....อยากไปเป็นเด็กของคนอื่นเหรอไง?” พี่แทนขึ้นเสียงใส่ ผมรู้ว่าเขาเริ่มเมา ต้องรีบทำอะไรสักอย่าง


“ผมกลับบ้านได้ที่ไหนล่ะ....พี่ก็รู้ แล้วอีกอย่างพี่จะกลัวอะไรแค่พี่ธีนพ”  ผมพลิกตัวขึ้นคร่อมคนตัวโตกว่า แล้วปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ด จับจ้องสายตาโกรธเคืองนั้นแล้วข่มมันด้วยรอยยิ้มยั่วเย้า มันได้ผลเสมอแหละ


“ยังไงผมก็เป็นของพี่....” ก้มลงแตะริมฝีปากเข้ากับซอกคอ หอยใจรดเบาๆให้บรรยกาศร้อนรุ่มขึ้น แล้วละลงไปที่แผงอกกว้าง โดยที่มือข้างหนึ่งเลื่อนลงไปตรวจสอบความถูกต้องของสิ่งที่ตัวเองทำผ่านส่วนที่ค่อยๆแข็งตัวอวบขึ้นมา พี่แทนหายใจแรงขึ้น เขาดูไม่ชอบใจนัก แต่ร่างกายไม่ได้พูดแบบเดียวกัน ผมไปต่อที่ท้องน้อยและเอว ค่อยๆปลดกระดุมออกช้าๆ คนตัวโตเอื้อมมือมาหยุดมันไว้ก่อน



“อย่าเพิ่ง...พี่ยังไม่อยาก....” โกหกกันชัดๆ ก็ไอ้ดุ้นแข็งๆนี่แทบจะทิ่มหน้าผมอยู่รอมร่อ

“แต่ผมอยาก....” ไม่ต้องรีรอให้เสียเวลาคิด ผมปลดกางเกงนั่นลง

“เอ็ม...พอ...” พี่แทนซี๊ดปากหนักๆ คว้ามือผมให้หยุด แล้วดันผมออกแรงๆ หยาบคายชะมัด

“พี่!” ผมหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะ “พี่ก็อยากเหมือนผมนั่นแหละ...”

“คิดว่าแค่แก้ผ้าให้เอาแล้วจะจบได้ทุกเรื่องเหรอวะ!” เขาเสียงดัง คราวนี้ผมตกใจจริงจัง “มึงนอกใจกูกี่ครั้งแล้วคิดว่ากูไม่รู้เหรอ!!” พี่แทนกระชากให้ผมลงมานอนที่เตียง แล้วเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมแทน ความโกรธเกรี้ยวผสมเข้ากับน้ำเมาออกมาเป็นบางอย่างที่ผมไม่เคยเห็นจากชายผู้นี้เป็นมาก่อน

   
“อย่าให้มันมากไปนะ...กูยอมให้เพราะกูเห็นว่ามึงยังเด็ก! แต่ถ้ามึงทำกูเสียหน้าเมื่อไหร่ล่ะก็ กูไม่เอามึงไว้แน่!!”

   
ผมกลัว กลัวความรุนแรง ผมเอาเขาไม่อยู่อีกต่อไป ผมไม่รู้มาก่อนว่าเขารู้เรื่องผมกับคนอื่นๆ พูดอะไรไม่ออกเพราะเป็นคนผิด แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ เหตุผลบางอย่างมันก็ใช้ได้แค่กับคนเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอวะ

   
“พี่แทนครับ...พี่เมาแล้ว”

   
“เออกูเมา แต่กูไม่ได้โง่ รู้ไว้ด้วย!” เขาหยาบคายใส่ไม่หยุด

   
“พี่พูดจากับผมดีๆไม่ได้เหรอ!”
   
   
“มึงยังกล้าขอให้กูพูดดีๆอีกเหรอ? มึงฟังไว้นะเอ็ม! เด็กอย่างมึงได้ผู้ชายแบบกูไปก็ดีแค่ไหนแล้ว กูจะหยาบคายกว่านี้อีกกี่เท่ามึงก็สมควรจะได้รับมัน!” พี่แทนล้วงไปหยิบมือถือในกระเป๋าผมออกมา ผมดิ้นขัดขืนแต่ไม่เป็นผล

   
“ไหน...มาดูกันดีกว่า ว่ามึงไปร่านกับใครไว้บ้าง…”

   
“พี่!! ของผมนะ!!” ผมเริ่มสู้กลับ ยังไงก็ให้ดูไม่ได้ ตายแน่ๆไอ้เอ็ม ตายอยู่ตรงนี้แหละ!

   
“ของมึงเหรอ!! ของกูทั้งนั้นแหละ มีอะไรบนตัวมึงเป็นของมึงบ้าง!” เขาเริ่มตะคอกใส่ ผมไม่สนใจ ผมเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตมากกว่า ผมคว้ามือถือตัวเองไว้แล้วดึงกลับ พี่แทนยื้อแย่งกลับไปได้ “เยอะล่ะสิท่า ถึงได้ลนขนาดนี้!”

   
พี่แทนรู้รหัสผ่านทุกอย่างในมือถือ เพราะผมใช้ตัวเลขเดียวกับบัตรเอทีเอ็มที่เขาเป็นคนออกให้ ผมนอนกำผ้าห่มไว้แน่น ไม่กล้าเงยหน้าไปมอง พี่แทนออกเสียงค่อนแคะให้ได้ยินปนกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ย ผมกลัวเขาจะเป็นบ้าไปซะก่อน

   
เพราะมันก็เยอะจริงๆนั่นแหละ...

   
“ผมแค่คุยเล่นๆเองนะครับพี่....” ผมหลุดคำแก้ตัวออกมาเบาๆ

   
“ห๊ะ? อะไรนะ?” เขาถาม “ไหนพูดใหม่ดิ๊?”

   
ผมไม่กล้าตอบ ไม่กล้าสบตาเขาด้วยซ้ำ กลัวจนเริ่มรู้สึกว่าปากสั่น มือสั่น ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นอยู่ในหู

   
“น่าเอาจังครับ... อยู่แถวไหนเหรอ?” เขาอ่านออกเสียงข้อความน่าอายออกมา ผมหลับตาก้มหน้า ไม่อยากฟัง

   
“ไม่มีอะไรจะพูดเหรอ?” พี่แทนถามผมที่ก้มหน้านิ่ง แล้วก็รูดซิบกางเกงตัวเองลง ควักเอาไอ้ท่อนเอ็นที่ยังแข็งตัวอยู่ขึ้นมา “ไหนๆก็จะไม่พูดแล้ว อย่าให้ปากว่างสิ” เขาใช้มือยื่นมันมาใส่หน้า ผมเบี่ยงหลบเพราะยังไม่พร้อม แต่พี่แทนไม่ยอม “ทีอย่างนี้จะมาเล่นตัวเหรอวะ อมเข้าไป เร็วๆ!” เสียงเขาดังขึ้นอีกรอบ จนผมต้องผมรับมันมาสอดเข้าไปในปาก พี่แทนกระแทกมันเข้ามาทันทีจนเกือบสำลัก มือกดหัวผมให้ชิดแนบกับหน้าท้องเขาเอง ผมพยายามเอามือยันไว้แต่ไม่เป็นผล พี่แทนยังอ่านข้อความเหล่านั้นต่อไป

   
“อยากโดนจังครับ....ใหญ่มากไหม....ผมอร่อยนะ....หึหึ ใช้ได้เลยนี่หว่า” เขาสาวเอวเข้าออกไปพร้อมกัน ขนาดของมันขยายใหญ่จนคับปาก ส่วนหัวของมันลงลึกไปทิ่มคอจนน้ำตาจะไหล “ดูหนังกันไหมครับ…อยากดูหนังสดมากกว่า...” คราวนี้น้ำตาจะไหลเข้าจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะเจ็บคอ “คราวก่อนยังเจ็บอยู่เลย...ใหญ่มากทำไมไม่บอก...มาสองคนผมก็ไหวนะ...” ผมไม่ไหว! อีกต่อไป  ผมดันตัวเองออกมา พยายามจะพูดแต่กลายเป็นอาการไอด้วยความเจ็บคอแทน “แค่ก! พี่! พอเถอะครับ...ผม...แค่ก....ขอโทษ..” พี่แทนยังเหยียดหยามกันไม่หยุด ด้วยสายตา คำพูด และรอยยิ้มเยาะนั่น ผมกลืนคำขอโทษของตัวเองกลับไป แล้วพูดตามที่ใจตัวเองคิด

   
“พี่ไม่ใช่แฟนผมซักหน่อย!”

   
เขาอึ้งไป

   
“พี่มาหึงผมได้ยังไง!”

   
พี่แทนขว้างโทรศัพท์ผมทิ้งไป...

   
“เออใช่ กูไม่ใช่แฟนมึง! ถ้าอย่างนั้น กูจะแคร์ความรู้สึกมึงไปทำไมวะ?” คนตัวโตจับผมพลิกหันหลัง มือข้างหลังกดหัวไว้กับเตียง ส่วนอีกข้างก็ใช้มันเพื่อกดของแข็งของตัวเองเข้ามามิดด้าม ผมร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด ยิ่งเกร็งยิ่งเจ็บ ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ พี่แทนไม่สนใจเสียงร้องขอความเห็นใจของผมแม้แต่นิด มันทั้งน่ากลัวและทรมาณ เจ็บจนน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว เสียงครางหนักๆของคนขาดสตินั่นคงกำลังจมอยู่กับความเมามัน ผมไม่มีอารมณ์ร่วม ไม่ได้สุขสมไปกับมันเลยสักนิด ได้แต่ภาวนาให้มันจบลงไวๆเสียที....


________________________


มาต่อแล้วนะค้าา หลังจากหายหน้าไปนานม๊ากกก ไรท์เอาความโหดของพี่แทนมาฝากให้หายคิดถึงไปก่อนนะคะ
555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามไรท์เฉื่อยๆคนนี้น้า

:mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 13 หน้า 4 (25.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-12-2016 17:54:25
พี่แทนมาแล้วววว   :mew1: :mew1:
ถึงจะโหดไปหน่อย
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 13 หน้า 4 (25.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 25-12-2016 20:15:42
ง่ะ รู้แล้วว่าจะเชียร์ใคร เชียร์คุณธีนพแล้วกัน
 แทนรุนแรงไป น่ากลัวด้วย o22 ขนาดเอ็มลื่นๆยังไปไม่เป็นเลย
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 13 หน้า 4 (25.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-12-2016 20:59:37
แล้วจะยังไงต่อล่ะ
ขาดกันเลยหรือเปล่า
ไม่ใช่แฟน แต่เป็นเด็กพี่แทน
แล้วไม่ให้ทำงานกับธีนพ
เงินตัวเองก็ไม่ได้ให้
บัตรก็ถูกอายัดหมด
แทนรู้เรื่องทางนี้จริงๆ หรือ
หรือรู้จากการบอกของพี่ท็อป
ซึ่งพี่ท็อปบอกหรือเปล่า
ว่าตัวเองรังแกเอ็มอย่างไร
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 13 หน้า 4 (25.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 26-12-2016 09:54:16
สงสารเอ็ม พี่แทนน่ากลัว :ling3:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 13 หน้า 4 (25.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 26-12-2016 18:35:42
โฮกกก พี่แทนสายดาร์ค   :katai1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 13 หน้า 4 (25.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-12-2016 18:44:38
โอ๊ยยยยยย. ลุ้นอะไรเบอร์นี้
อีพี่แทนทรามว่ะ สถุนด้วย
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 13 หน้า 4 (25.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 05-01-2017 21:26:24
คิดถึงแล้วค่ะะ  :z3: มาต่อไวไวนะคะ รออ อยากรู้ว่าเอ็มเป็นยังไงบ้าง
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 13 หน้า 4 (25.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-01-2017 15:56:39
เอ็มมีเรื่องเข้าหาไม่เว้นแต่ละวัน ส่วนนึงก็ทำตัวเองด้วยล่ะนะ อ่อยไปทั่ว จะสงสารก็ยังคิดว่าควรสมน้ำหน้าด้วยรึป่าว
แต่ใครดีไม่ดีนี่เดายากจังเลย
แอบเห็นใจแทนนะ รักไม่รักไม่รุ้แต่คงรุ้สึกเสียใจแน่ๆ
ควรจะยุ่ทีมใครดีล่ะนี่
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 13 หน้า 4 (25.12.2016)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 10-01-2017 13:18:12
14.

   

กว่าพี่แทนปลดเปลื้องอารมณ์ร้ายออกจนหมด ผมก็หมดเรี่ยวแยง ถูกทิ้งให้นอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น ปวดร้าวไปทั้งตัวทั้งใจ มันเป็นความรู้สึกผิดปะปนอยู่กับความโกรธและกลัว ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะนอนอยู่ตรงนี้เหรือเปล่า ช่วงเวลากระอักกระอ่วนดันให้ผมลุกขึ้นขณะที่พี่แทนเดินออกมาจากห้องน้ำ อย่างน้อยก็ขออาบน้ำก่อนแล้วกันวะ

   

“คืนนี้กลับไปนอนที่คอนโดนะ...”

   

ผมพยักหน้ารับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำตามที่เขาบอก แต่ก็เอาเถอะ มันจะมีอะไรน่าสมเพชไปกว่าตอนนี้ได้อีก ผมใช้เวลาในนั้นไม่นานสำรวจรอยช้ำจางๆตามร่างกาย ไม่นึกว่าเขาจะหนักมือได้ขนาดนี้ นี่ไงไอ้เอ็ม ชอบไม่ใช่เหรอผู้ชายแบดๆ สะใจมั้ยล่ะมึง...

   
“มีเบอร์แปลกหน้าโทรมาห้ามรับนะ”

   
“ครับ?”

   

พี่แทนส่งโทรศัพท์เครื่องเก่าของเขาให้ พร้อมกับเครื่องของผมที่หน้าจอแตกละเอียดจนมองไม่เห็นอะไร ผมเกือบจะชะงักกับของที่เขาส่งมา มันยิ่งตอกย้ำความคิดก่อนหน้าเข้าไปกันใหญ่ ว่าตกลงเราจะเป็นอะไรกัน เราอยู่ในสถาณะอะไรกันแน่วะ หรือที่เราต่างคนต่างไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อาจเป็นเพราะมันมีคำตอบอยู่แล้วในการกระทำก็ได้นะ
   
   
หลังจากความเงียบงันยาวนานบนรถ ในที่สุดผมก็กลับถึงคอนโดที่คุ้นเคยสักที ป่านนี้พี่แทนคงรู้หมดแล้วล่ะว่าใครเคยขึ้นมาตรงนี้บ้าง นึกแล้วก็พาเสียวสันหลัง พอหันไปมองเขาที่นั่งข้างๆ ตอนที่ทำไปก็คิดว่าตัวเองจะใจแข็งกว่านี้ ถ้าถูกจับได้ก็นึกว่าจะไหลๆผ่านไปได้เหมือนครั้งก่อน แต่ทว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่พี่แทนที่อ่อนไหวกว่าที่คิด ตัวผมเองก็อ่อนไหวกับเขากว่าที่คิดเหมือนกัน

   
“พี่ครับ....” ผมอยากขอโทษจากใจจริง ผมรู้สึกติดค้างเขา สำหรับทุกๆอย่างเลย แต่ก็อยากให้เขาขอโทษผมบ้างเหมือนกัน มันไม่แฟร์เลยที่ผมจะถูกจับตามองอยู่ฝ่ายเดียว ผมไม่สนใจหรอกว่าเราต้องเป็นอะไรกัน ผมกลัวเกินว่าที่จะตั้งชื่อให้กับความสัมพันธ์พังๆนี้ ผมเป็นคนทำอะไรตามสัญชาติญาณ ผมไม่สนใจเรื่องผิดถูกจากทัศนะคติของคนอื่น ความถูกต้องสำหับคนสองคน มันคือจุดที่เราพึงพอใจต่างหาก

   
“ผมถามอะไรหน่อยสิ”

   
“อืม...”

   
“นอกจากผมแล้ว........พี่มีคนอื่นอีกบ้างหรือเปล่า”

   
นั่นไม่ใช่คำถามที่ผมคิดไว้ทีแรกนี่หว่า....

   
พี่แทนนิ่งอึ้งไป คงไม่คิดว่าจะเจอคำถามนี้

   
“ลงไปได้แล้ว”


   
นั่นเป็นคำตอบที่เพียงพอสำหรับผม....



   
ลงจากรถ มองหน้าเขา พี่แทนเลี่ยงที่จะสบตา เขาออกรถไป


   

น้ำตาผมไหลออกมาดื้อๆ...
      

   
ไม่รู้จะเสียใจหาพระแสงอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียใจเรื่องอะไรกันแน่  แต่ที่รู้ๆคือระยะทางจากล็อบบี้ไปจนถึงห้องเราทำไมมันไกลจังวะ ไม่มีแรงจะเดินโว้ย

   
ห้องแม่งโคตรสะอาด ต่างจากคนอยู่ลิบลับ

   
ผมแทบจะคลานขึ้นไปบนเตียง หยิบโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องขึ้นมาเปลี่ยนซิม มองภาพสะท้อนของตัวเองจากจอกระจกแตกละเอียด ไม่กล้าส่องกระจกบานใหญ่ ไม่ได้เห็นตัวเองร้องไห้มานานจนลืมไปแล้วว่ามันเป็นยังไง ยิ่งมองผ่านรอยร้าวพวกนี้แล้วยิ่งเกลียดตัวเอง เบื่อที่หน้าตาเราคงดูมีความสุขไปกับทุกๆอย่าง ขนาดร้องไห้แม่งยังดูไม่แย่เท่าไหร่ ไม่รู้ว่ามันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย จิตใจพังๆของผม แม้ว่ามันจะอยู่ในสภาพใด ดวงตาคู่นี้กลับซ่อนมันไว้ได้อย่างมิดชิด .....ไอ้เอ็มแม่งไม่แคร์หรอก ไอ้เอ็มแม่งไม่คิดมาก ไม่มีใครทำอะไรมันได้หรอก..... ตัวเราเองฟังเสียงเหล่านั้นมานาน จนลืมไปว่าลึกๆแล้วเราป่วยแค่ไหน.....


ไม่มีคนเข้มแข็งที่ไหนวิ่งหาคนมารักตัวเองหรอก

   
มีแต่คนอ่อนแอเค้าทำกัน

   
อ่อนแออย่างเดียวไม่พอ ต้องโง่ด้วย

   
ในเคสของผมอาจจะต้องบ้าด้วย

   
นอนน้ำตาไหลอย่างกับคนอกหัก เสียใจที่ตัวเองทำลงไป เสียใจที่ทุกอย่างจะไม่เป็นเหมือนเดิม เสียใจที่ทำให้เขาเสียใจ  มันใช่ความรักหรือเปล่าผมเองก็ยังตอบไม่ได้ ไม่อยากคิดไปถึงตรงนั้นด้วยซ้ำไป เพราะปิดประตูความรักไปนานแล้วตั้งแต่อกหักครั้งแรก มันเจ็บเสียจนผมเข็ดหลาบ มันต้องเจ็บเจียนตายปานไหนถึงทำให้คนอย่างผมเข็ดได้ปานนี้ นึกย้อนกลับไปถึงแม้มันจะไม่เข้มข้นเท่าในความรู้สึก แต่ยังจดจำได้ทุกรายละเอียด รูปถ่ายของเขาแม้แต่ใบเดียวผมยังไม่กล้าเก็บไว้ คิดดูว่ามันสาหัสขนาดไหน ไอ้ที่เป็นอยู่ตอนนี้น่ะจิ๊บจ๊อย ร้องไห้แป๊ปเดียวเดี๋ยวก็หาย ถ้ามองไปนอกหน้าต่างแล้วยังอยากมีชีวิตอยู่ล่ะก็แปลว่ายังไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรายังไหว

   
“หญิง...นี่กูนะ....” มือกดโทรศัพท์หาเพื่อนตอนไหนไม่รู้ตัว

   
“อีเอ็ม! หายไปไหนมา โทรไม่รับ”

   
“............” ได้ยินเสี่ยงเพื่อนแล้วพูดไม่ออก แต่อย่างน้อยก็ยิ้มออกวะ

   
“มึงเป็นไร?....ทำไมเงียบ”


   
“กู...” เสียมแหบพร่า นึกคำพูดไม่ออก “กู......คือ”

   
“พอ! อยู่ห้องไหม เดี๋ยวกูไปหา” ไอ้หญิงเสียงร้อนรน

   
“เออ....อยู่....กูโอเค”

   
“ตอแหล กูกำลังไป”

   
ผมเด้งตัวขึ้นจากเตียง มีเวลาแค่ไม่กี่นาที เพื่อนกำลังจะมา ผมไม่ได้อยากให้มันมาเลย ให้ตายเถอะ แค่อยากปรับทุกข์ด้วยเฉยๆ เพื่อนจะเห็นผมในสภาพนี้ไม่ได้ ยับเยินอย่างกับคนโดนข่มขืน ไหนจะร้องไห้อีก ตั้งสติแล้วเรียกไอ้เอ็มคนเดิมกลับมาก่อน ถึงแขนขาจะไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ผมเปลี่ยนเสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปเป็นชุดใหม่ ล้างหน้าล้างตา สะบัดความอ่อนเพลียทิ้งไป แล้วนี่ผมหรือรังนก ไหนวะเจลใส่ผมอยู่ดีๆก็หายไป แล้วหูกางเกงขาดอีก คงขาดตอนพี่แทนกระชากมันแน่ๆ แล้วนั่นเสื้อ เสื้อที่เปื้อนคราบ.....อยู่กลางห้อง ผมคว้าหลักฐานความหายนะเมื่อเย็นทั้งหมดปาเข้าไปในตู้เสื้อผ้า แล้วกลับมาปรับอารมณ์ตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย ท่องไว้ว่าห้ามร้องไห้มึง ห้ามร้องไห้

   
“อย่าสติแตกนะมึง” อย่าสติแตก...พูดโดยคนที่กำลังพูดกับตัวเองในกระจก รอบตายังมีรอยแดงช้ำจางๆ ไม่น่าจะเห็นหรอก มั้ง ผมเข้าไปสำรวจมันไกล้ๆ ก่อนจะจับทรงผมตัวเองต่อ แล้วพูดหับตัวเองอีกรอบ

   
“มึงหล่อแล้ว....มึงหล่อแล้ว....”

   
“เออ....มึงหล่อ...”

   
ประโยคทที่สองไม่ใช่เสียงผมนี่หว่า

   
“หญิง!! มึงเข้ามาได้ไงวะ!”

   
“กูมีคีย์กาดห้องมึง......กูมีนานละ.....มึงเป็นเหี้ยอะไร”

   
“ไม่ได้เป็นอะไร กูบอกแล้วว่าไม่มีไร กูเบื่อๆเฉยๆ” ผมแก้ตัว

   
“เบื่อทำไมไม่โทรหากิ๊กล่ะ ทำไมอยู่ดีๆโทรหาเพื่อน.....เสียงมึงเหมือนจะร้องไห้นะ กูจำได้”

   
“มึงคิดไปเองอีกละ”

   
“ทำไม ธีนพทำอะไรมึง?” ไอ้หญิงตั้งคำถามได้ไกลสุดขอบโลกมาก ผมได้แต่ส่ายหน้าให้มัน “จะบ้าเหรอ มีแต่กูนี่แหละ จะไปทำอะไรเค้า”

   
“แล้วมึงทำอะไรเค้า?”

   
“เปล่าซะหน่อย....ก็นิดๆหน่อย ไม่มีอะไร ไม่ใช่เรื่องพี่ธีนพโว้ย....กูเซ็งเรื่องอื่น”

   
“ไม่ใช่พี่ธีแล้วใคร? พี่แทน?” มันยังไมยอมแพ้

   
“มึงก็เดาเก่งเนอะ....” ผมไม่น่าไปชี้นำมันเลย ให้ตายเถอะ

   
“ทะเลาะกันอ่ะดิ...” มันนั่งลงข้างข้างๆผมที่เตียง “ทะเลาะกันบ้างก็ดีนะ จะได้เหมือนแฟนกันไง” ความพยายามปลอบใจของมันได้ผลผิดที่จริงๆให้ตายเถอะ

   
“พวกกูดูเหมือนคนเป็นแฟนกันเหรอวะ” ผมถามกลับ

   
“ไม่เหมือนไง.....กูเลยพูด” มันตอบ เล่นเอาผมไปไม่ถูก “แล้วทะเลาะอะไรกันวะ.....ไม่ใช่แฟนกันก็ไม่น่ามีเรื่องให้ทะเลาะกันนะ?”

   
“ก็เพราะไม่ใช่แฟนกันนี่แหละ กูแม่งเหี้ยเอง.....เฮ้อออออ”

   
“อะไรของมึง สรุปทะเลาะอะไรกัน? พูดไม่รู้เรื่อง”

   
ผมลังเลอยู่สักพัก แต่ไม่มีทางเลือกมากนัก  เอาวะพูดก็พูด

   
“เค้าจับได้ว่ากูมีคนอื่น.....”

   
พูดไปก็ทุเรศตัวเอง ภาพเมื่อช่วงเย็นวิ่งเข้ามาเป็นฉากๆ ไอ้หญิงอ้าปากอ๋อแบบไม่มีเสียง มือยกมือขึ้นตบไหล่ผมเบาๆเป็นการปลอบใจ 

   
“เบรคบ้างก็ดีนะมึง......เลิกกันรึเปล่าวะ?”

   
“จะเลิกได้ไง บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”

   
ผมเอนตัวลงนอน มันนั่งถอนหายใจยาวๆใส่

   
“ไปนอนห้องกูมั้ย มึงจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน กูรู้มึงยังเล่าไม่หมด ไว้รอมึงดีขึ้นค่อยเล่าก็ได้”
   
   
“มึงว่าเค้ารักกูมั้ยวะ? พี่แทนอ่ะ?” ผมถามมัน

   
“มึงยังสอนกูปาวๆเรื่องรักๆใครๆอยู่เลย ไหงมาถามคนโสดแบบกูล่ะคะ?”

   
“โอ้ยยยยยยย ยุ่งชิบหายยยยยยยยยยยย” ผมบ่นยาว นอนดิ้นพลิกตัวไปมาเหมือนเด็กบ้า “แต่กูมั่นใจนะว่าเขาก็แอบมีคนอื่น กูยังไม่เลย พี่แทนแม่งทั้งหล่อทั้งรวย ทำไมจะไม่มีวะ”

   
“กูว่ามึงเลิกคิดเรื่องใครมีอะไรใครไม่มีอะไรเหอะ มันเลยจุดนั้นมาแล้วเปล่าวะ”

   
“แต่กูอยากรู้!”

   
“ไหนบอกมึงไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวเค้าไง”

   
“ตอนนี้อยากแล้ว!”

   
“กูว่ามึงหยุดทำอะไรก็ตามเลยเถอะ ทุกอย่างเลย มึงอยู่เฉยๆอ่ะดีกะตัวมึงที่สุดแล้วอีเอ็ม กูเห็นมึงพพยายามทำอะไรสักอย่างทีไรนะ แม่งเละกว่าเดิมทุกเรื่อง เพราะวิธีคิดแก้ปัญหามึงแม่งโคตรห่วย” ไอ้หญิงสวด มันหยุดซักพักเมื่อเหนบางอย่างเข้า “นี่มือถือใครวะ?”

   
“ของกูเอง อันก่อนพี่แทนปาพังไปและ” ผมนอนหันหลังให้มัน

   
“ใครโทรมาไม่รู้ว่ะ” มันบอกแล้วส่งโทรศัพท์ให้ ผมรับมาดูเบอร์ไม่คุ้น เบอร์ไหนก็ไม่คุ้นทั้งนั้นแหละเพราะผมจำเบอร์ใครไม่ได้ แต่ไม่น่าจะใช่พี่แทน ธีนพก็ไม่น่าใช่ หรือไอ้แบมโทรมาด่าที่ผมลืมนู่นนี่อีก

   
“หวัดดีครับ” ผมรับสาย รับสายพร้อมๆกับเพิ่งนึกถึงชั่วขณะที่พี่แทนพูดประโยคนั้นออกมา ‘ถ้ามีเบอร์แปลกโทรมาห้ามรับนะ’ เล่นเอาลุกขึ้นมานั่งหลังตรงเลยทีเดียว

   
“สวัสดีค่ะ” เสียผู้หญิง ดูมีอายุ ชิบหาย ผมเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู เอามือปิดช่องไมค์ไว้ หันไปมองไอ้หญิง ที่มองกลับมาแบบไม่เข้าใจว่าจู่ๆผมเป็นบ้าอะไร

   
“อะไร? อะไรของมึง?”

   
“ใครก็ไม่รู้!”

   
“คอนแทกพี่แทนรึเปล่า?”

   
“ไม่ นี่เบอร์กู” เอายังไงดีวะ ตัดสายแม่งเลยและกัน

   
“มึงลองคุยก่อน....เอ้า! เผื่อเป็นพวกไอ้น้ำ”

   
“เสียงป้าแก่ๆ ไม่ใช่เพือนเราคนไหนทั้งนั้นแหละมึง!”

   
“มึงแน่ใจ? ไหนเอาเบอมาดู.....” ไอ้หญิงที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์ไปจากมือผม กลับต้องหันไปรับสายของตัวเอง “แป๊ปนะมึง.....ใครวะ” มันมองหน้าจอตัวเอง ผมเอี้ยวตัวไปดูด้วย

   
“หญิง.....” แล้วก็ต้องเสียวสันหลังอีกรอบ “มันคือคนเดียวกัน” ผมหยิบเบอร์เมื่อครู่ขึ้นมาเทียบ เบอร์เดียวกันเด๊ะๆ “มันรู้ว่ามึงอยู่กับกู....อย่ารับนะมึง!”
   

ไม่ทัน....

   
______________________________________________________


กราบบบบ ขออภัยที่หายไปนานก่อนเลยนะค้าา ช่วงนี้ไรท์ยังยุ่งอยู่กับงานที่ไม่มีวันจบสิ้น T_T


แต่พยายามจะมาให้ได้บ่อยที่สุดเท่าที่จะมาได้ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่คิดตามเลยน้าาา

ปล.คนแต่งอันที่จริงสมน้ำหน้าน้องเอ็มมากๆแต่ไม่แสดงออก55555

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 14 หน้า 4 (10.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 10-01-2017 17:03:18
เครียดเลยยยยยยยยย   :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 14 หน้า 4 (10.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-01-2017 18:53:50
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 14 หน้า 4 (10.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-01-2017 21:53:52
แม่พี่แทนใช่ปะ
ยังไง ถึงพี่แทนมีคนอื่นหรือไม่มี
เอ็มก็เลิกไปเถอะ พี่แทนเปลี่ยนไปแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 14 หน้า 4 (10.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 11-01-2017 02:22:55
จุ๊ดจู๋
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 14 หน้า 4 (10.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 11-01-2017 20:28:42
เชียร์คุณธีนพพพพ  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 14 หน้า 4 (10.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanom ที่ 15-01-2017 01:48:48
15.




“เอ็ม....เขาขอสายมึง” ไอ้หญิงยื่นโทรศัพท์มาช้าๆ สีหน้าไม่สู้ดีนัก แหงล่ะ


“มึงเอ้ยยย!!.............ครับ” เอาวะ รับก็รับ


“นี่ น้องเอ็ม ใช่ไหมลูก” เธอกล่าวทางโทรศัพท์ ผมกลั้นใจตอบรับไปตามเรื่อง “นี่คุณแม่ของแทนไทนะจ๊ะ ไม่แน่ใจว่าเราเคยพบกันหรือเปล่า?”



ขนลุกเลยทีเดียว มองหันไปมองไอ้หญิง ส่งกระแสจิตไปหามัน แม่พี่แทนโทรมา..... แม่พี่แทนโทรมา!!



“ครับ ผมเองครับ”



“ช่วงนี้เจ้าแทนเป็นยังไงบ้างเหรอ ไหนลองเล่าให้แม่ฟังหน่อยสิ”



ผมกลัวเสียงที่ถูกดัดให้อ่อนหวาน เธอทำเหมือนพูดกับเด็กผู้หญิง หรืออย่างแย่ก็เสแสร้งให้ผมตายใจในความอ่อนโยนของเธอ



“เรื่องอะไรเหรอครับ? ก็ปกติดีนะครับ....แล้วคุณแม่รู้จักผมได้ยังไงครับ” ไม่มีทางเลือกนอกจากทำใจดีสู้เสือ กลัวหัวหดไปก็เท่านั้น


“แหม....แม่สนิทกับเจ้าแทนเขาน่ะ จะไม่รู้จักแฟนลูกชายได้ยังไง ใช่ไหมล่ะ? นี่แม่ก็รออยู่นะ ว่าเมื่อไหร่เขาจะพาน้องเอ็มมาเจอสักที”


“แหม....คุณแม่ก็ ให้เวลาผมหน่อยสิครับ ฮ่าๆ ไว้เป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ ผมจะรีบเข้าไปกราบคุณแม่เป็นคนแรกเลยนะครับ” เอาสิวะ คุณแม่เนียนมา ผมก็เนียนกลับ สวมเล่นบทแม่ยายกับลูกเขยแสนดี หรือจะเรียกว่าลูกสะไภ้ก็ไม่ผิด จนไอ้หญิงอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น ผมต้องเดินหลบออกมาคุยที่ระเบียงเพราะอายมัน


“แทนไทเนี่ย....ฉลาดเลือกคนจริงๆเลยนะ คนเก่าๆนี่สู้ไม่ได้เลยซักคน มิน่าล่ะถึงได้ซื้อนู่นซื้อนี่ให้ใหญ่เชียว ดูซิมีบัตรเครดิตตั้งกี่ใบ ไหนจะคอนโดอีก”



“ฮ่าๆๆ คุณแม่ก็พูดไป....ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”



“ขนาดนั้นนั่นแหละ นี่วันนี้เพิ่งโอนเงินเข้ามาอีกตั้งหลายหมื่นนี่นา ใช่ไหมล่ะ เอ...นาย ธนภพ นี่เอง” ผมไม่สบายใจเป็นที่สุดเมื่อมันเริ่มวกเข้ามาเรื่องส่วนตัว รู้แล้วล่ะว่าใครเป็นคนอาญัติบัตรเครดิตทั้งหมดนั่น


“หนู....ของฟรีมันไม่มีในโลกหรอกนะลูก อะไรๆมันก็มีราคาค่างวดของมันทั้งนั้นแหละ อย่าหาว่าแม่สอนเลยนะ”


“คุณแม่จะสอน ผมก็ไม่ว่าหรอกครับ ผมไม่ค่อยเก่งเรื่องเงิน ฮ่าๆ” หัวเราะบรรเทาอาการระคายใจ ทั้งๆที่เสียวสันหลังเต็มแก่ บ้านนี้แม่งมีแต่คนน่าขนลุก


“จ้า....แม่รู้ ถึงหนูจะโกรธ ยังไงแม่ก็คงต้องสอน.... แต่ถ้าไม่โกรธ แม่ก็คงสบายใจ”


ผมเกลียดการถูกเรียกว่า ‘หนู’ ชะมัด


“ผมอยากให้คุณแม่สบายใจนะครับ....”


“คืนของของแม่มาสิ ถ้าอยากให้แม่สบายใจ”


“ครับ? ของ....ของคุณแม่เหรอครับ?”


“ใช่สิ.....ของของใคร ใครก็รัก จริงไหมล่ะ.....เดี๋ยวแม่จะค่อยๆส่งคนไปรับของๆแม่คืน หวังว่าน้องเอ็มจะเข้าใจแม่นะลูก ทั้งหมดที่ทำไปก็เพื่อเจ้าแทนไททั้งนั้นแหละ เราเองก็คงจะหวังดีกับเจ้าแทนเหมือนกัน ใช่ไหมล่ะ?”


“ส่งคนมารับ? อะไรบ้างนะครับ?”


“เดี๋ยวก็รู้เองล่ะจ๊ะ หนุ่มน้อย.....คุยกับเธอสนุกดีนะ แม่เสียดายที่สถานะทางสังคมเราเข้ากันไม่ได้จริงๆ”


“อ่อ....ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผะ.....อ้าว”


เธอตัดสายไปเสียดื้อๆ สมองยังประมวลผลไม่ทัน ไอ้หญิงเคาะกระจกระเบียงเข้ารัวๆจนได้สติ


“ธีนพโทรมา!” มันยื่นโทรศัพท์ใส่หน้าผม มีสายไม่ได้รับของพี่ธีค้างอยู่เกือบสิบสาย ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง อะไรกันนักกันหนา บอกไปแล้วนี่หว่าว่าจะกลับก่อน แถมนี่ก็มืดค่ำแล้วเขาจะโทรมาทำไม ผมลังเลอยู่สักพักเพราะขี้เกียจโทรไปเจอเรื่องงาน แต่ก็ตัดสินใจกดโทรกลับไป


ความระทึกขวัญขั้นสุดก็คือระหว่างนั้นมีเสียงเคาะประตูดังสนั่น.....


ไอ้หญิงกระโดดขึ้นจากเตียง ผมวางโทรศัพท์ลง เราสองคนต่างไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ผมยิ่งหลอนกว่ามันตรงที่คำพูดของแม่พี่แทนเพิ่งจะผ่านหูมาสดๆร้อนๆ


‘เดี๋ยวแม่จะค่อยๆส่งคนไปรับของๆแม่คืน’


แม่พี่แทนคงใช้บริการแบบเร่งด่วนแน่ๆ


   
“หญิง.....มึงเข้าไปหลบในห้องน้ำ” ผมหันไปสั่งมันด้วยสัญชาติญาณ “เร็ว! กูจะเปิดประตู ถ้ากูร้องให้ช่วย มึงโทรแจ้งตำรวจเลย” ไอ้หญิงพยักหน้าแล้ววิ่งเข้าไปหลบ ผมหันไปเช็คความเรียบร้อยก่อนจะนับถอยหลังในใจ แต่ละก้าวเดินจะไปถึงประตูที่สั่นด้วยเสียงโครมคราม ยืนหน้าเข้าไปมองทีกระจกส่องทางเดิน



…….นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดคิดไว้แม้แต่นิดเดียว

   
   
ผมเปิดประตูออก เขามองมาที่ผม สายตาร้อนรน......


   
“พี่ธี?”

   
   
“เอ็ม! ทำไมไม่รับสาย!” เขาดุ


   
“ผมติดอีกสายนึงอยู่...เมื่อกี้..” ธีนพเดินต้อนเข้ามาในห้อง ถอนหายใจเอือมระอาในแบบของเขา ปิดประตู

   
   
เขาดึงผมเข้าไปกอด.....

   
   
เวลาหยุดเดิน สมองหยุดทำงาน....หัวใจเกือบหยุดเต้น


   
“ทำไมชอบทำให้เป็นห่วงนักนะ”


   
พูดไม่ออก ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากร่างกายของเขาปิดปากผมสนิท มันคงไม่ใช่อาการพูดไม่ออกเสียทีเดียว มันคือช่วงเวลาที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆต่างหาก


   
“คุณหญิงโทรมาใช่ไหม?” เขาถามต่อ ผมพยักหน้าที่ซุกอยู่บนแผ่นอกกว้าง “ไปเก็บของซะ....อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ”


   
“แต่อยู่อย่างนี้อีกแป๊ปนึงได้ไหมครับ?”


   
“มะ....เอ่อ....เอาสิ”

   

เกือบจะปฏิเสธ แต่ยินยอมในที่สุด ธีนพกระชับวงแขนแนบแน่น มือลูบผมแผ่วเบา กลิ่นน้ำหอมที่เดิมที่เขาใช้ทุกครั้งวันที่เข้าออฟฟิส ชวนให้เคลิ้มกว่าทุกครั้งไป อยากจะหลับตาลงตรงนี้ แล้วตื่นมาอีกที พบว่าปัญหาทุกอย่างคลี่คลาย แต่คงเป็นไปไม่ได้..

   

“เอ่อ.....”

   

หญิงทักขึ้นอย่างสุภาพที่สุด มันสะกิดไหล่ผมเบาๆ เราสองคนผละออกจากกัน พี่ธีออกอาการเขินอายชัดเจนพอๆกับไอ้หญิง ปล่อยให้ผมยืนหน้าด้านอยู่คนเดียว


เราช่วยกันเก็บของตามที่เขาบอก ถึงพี่ธีจะไม่มีเวลาอธิบายยืดยาว แต่ดูเหมือนไอ้หญิงจะตามสถาณะการณ์ทันด้วยตัวเอง เราเอาของสำคัญของผมยัดใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หลีกเลี่ยงที่จะให้เขาเห็นของเล่นพิศดารที่ซื้อมาแล้วได้ใช้บ้างไม่ได้ใช้บ้าง ไหนจะแพ็คเกจถุงยางยาวเป็นหางว่าวที่แลบออกมาจากใต้เตียงจนเตะเข้าไปแทบไม่ทันนั่นอีก หวังว่าจะไม่มีใครเห็น


“ผมไม่อยากกลับบ้านเลยพี่....” พูดพลางลากกระเป๋าใบใหญ่ลงมาจากลิฟท์ โดยมีไอ้หญิงช่วยถือของที่เหลือตามมาพร้อมกับบ่นไปตลอดทาง

   
“ใครบอกให้กลับบ้าน?” ธีนพถาม พร้อมกับช่วยเอาของขึ้นท้ายรถคันงาม “น้องหญิงอยู่หอไหนเหรอครับ?”

   
“อ๋อ...หญิงเอารถมาค่ะ พี่ไปกับเอ็มเลยก็ได้......ฝากมันด้วยนะพี่” เพื่อนรักผมมีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด พี่ธีพยักหน้าแล้วหันมาทางผม

   
“ปล่อยไว้คนเดียวไม่ได้เลยนะเนี่ย....” เขาบ่น

   
“ไม่ได้เลยนะพี่ ห้ามเด็ดขาด” ไอ้หญิงเสริมเข้าไป

   
“เข้าใจแล้ว ไว้มีอะไรพี่จะโทรหานะ” ธีนพกับไอ้หญิงเนี่ยนะคุยกันสนิทสนม ทั้งๆที่ก่อนหน้าระแวงจะเป็นจะตาย อะไรวะเนี่ย

   

“แล้วเราจะไปไหนกันนะพี่?”

   

“ขึ้นมาเถอะ เดี๋ยวก็รู้เอง” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ไอ้หญิงก็เช่นกัน “มึงยังไม่รู้อีกเหรอเอ็ม?”

   

สองคนนี้สื่อสารกันด้วยพลังจิตหรืออะไร......



_________________________________________________


น้องเอ็มเจอเรื่องเยอะค่ะ ชว่งนี้สมองกระทบกระเทือน ประมวลผลไม่ทันว่าจะถูกพาไปไหน  :-[ :-[

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นเลยน้าาาา


:L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-01-2017 02:20:03
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: อีแก้วปิ้งไก่ ที่ 16-01-2017 13:19:55
เอากลับบ้านด่วนเลยน่ะพี่ธี  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-01-2017 13:39:53
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-01-2017 14:01:21
คุณนายแม่พี่แทนอาละวาดละ
อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด
พี่แทนสั่งว่าอย่ารับโทรศัพท์แล้วแท้ๆ ไม่วายจริงๆ
คุณธีนพมาก็ดีแล้ว ช่วยเอ็ม ให้เอ็มมีที่พึ่ง
เอ็มอ้อนคุณธีนพได้ยอดมาก  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หวังพึ่งพี่แทน คงทำไรไม่ได้
ว่าแต่คุณธีนพ รู้ได้อย่างไร  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-01-2017 14:18:59
เห้อ รับสายหรือไม่รับสายก้อโดนบุกคอนโดอยู่ดีสินะเอ็ม
ยัยนายแม่นี่ร้ายจริงๆพอกันกับลูกชายแหละ พอกันทีเถอะ ซบอกพี่ธีซะเลย   :katai3: 
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 16-01-2017 23:36:08
เอาอีกๆๆๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 17-01-2017 17:03:35
หญิงกับพี่ธีนี่ดูเข้ากันได้ดีนะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: lightseeker ที่ 20-01-2017 22:54:13
พี่ธีจะพาน้องเอ็มไปไหนน พาไปเลยย 5555 :hao7: ต้องขอบคุณคุณแม่ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 20-01-2017 23:11:30
พี่ธีบทพระรองชัดๆ

ต้องหล่อเลวแบบพี่แทนดิ
พระเอกเลย
หุหุ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 23-01-2017 02:36:16
พระเอกขี่ม้าขาวชัดๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 25-01-2017 18:44:53
อยากอ่านแล้วง่ะ
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: ณ ที่เดิม™ ที่ 04-02-2017 08:31:27
งงแล้วงงอีกงงในงง  :katai5:
หัวข้อ: Re: I a(M) a mess #เล่นกับไฟ ตอนที่ 15 หน้า 4 (15.1.2017)
เริ่มหัวข้อโดย: padloms ที่ 19-02-2017 15:54:00
ทำไมธีนพดูอบอุ่นจัง :กอด1: